พิมพ์หน้านี้ - :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: คุณเจ้ ที่ 14-06-2015 19:30:19

หัวข้อ: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 14-06-2015 19:30:19
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




Love is not about the physical..
Love is not about the gender..
Love is not about appearance..
 
No matter who you are… what gender you are...
whenever you fall in love with someone, it doesn't matter who they are…
and what gender they are,.

if you fall in love—you fall in love.
If you love—you just love
Because love is about feeling of heart—and love has no boundaries…
 
ความรักไม่เกี่ยวกับกับร่างกาย
ความรักไม่เกี่ยวกับเพศ
ความรักไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร
ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร
แต่เมื่อคุณตกหลุมรักใครสักคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใครหรือเพศอะไร ถ้าคุณตกหลุมรัก ก็คือรัก
แค่คุณรัก ก็คือรัก
เพราะรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของหัวใจ และรักเป็นสิ่งที่ไม่มีพรมแดนใดๆ...


ทำความเข้าใจกันก่อน นิยายเรื่องนี้มีทั้งหมดสามพาร์ทหลักค่ะ และเสริมด้วยพาร์ทพิเศษหนึ่งพาร์ท

PART I :: YOU AND I.
PART II :: ONLY YOU.
PART III :: YOURS AND MIND.
SPECIAL PART :: TOGETHER.


WARNING

นิยายรัก นิยายเล่าความสัมพันธ์อันแสนจะหลายอารมณ์ของมนุษย์ทั่วไป ความรักของผู้ชายสองคนในเรื่องนี้เหมือนต้นไม้ที่ค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้น จนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ แม้จะโดนฝนฟ้าพายุซัดกระหน่ำ แต่ต้นไม้ต้นนี้ก็ยืนหยัดต่อสู้จนรากยึดดินไว้อย่างมั่นคง แล้วแผ่กิ่งก้าน แผ่ใบจนกลายเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายระทึกตื่นเต้น เป็นนิยายรักที่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดลุ้น จุดพีคใดๆ มากนัก ไม่ได้มีความแซ่บใดๆ มาให้ถึงใจ ถ้าความแซ่บคงเป็นเรื่องบนเตียงของเขาทั้งคู่ที่ต้องจิตแข็งพอมากพอสมควรกับการอ่าน เพราะมันไม่ได้อ่อนหวาน สวยงาม ใดๆ จะอ่านนิยายเรื่องนี้ โปรดใช้วิจารณญาณมากๆ ค่ะ ขุ่นเจ้ ก็มีสไตล์การเขียนเป็นของตัวเอง และหวังว่าคนอ่านจะชื่นชอบในสิ่งที่คนเขียนคนนี้เป็น

- นิยายเรื่องนี้เหมาะกับคนอ่านอายุ 21 ปีขึ้นไป และจิตใจควรเข้มแข็งพอสมควรในการอ่านฉาก NC ที่ไม่ได้หวานแหววจนพาฟิน
- นิยายเรื่องนี้คืองานเขียน ซึ่งเกิดจากจินตนาการของคนเขียน
- นิยายเรื่องนี้นายเอกค่อนข้างสาว แต่ไม่ถึงกับสาวแตก (แตกบ้างเป็นบางเวลา)
- นิยายเรื่องนี้มีภาษาอังกฤษเจือปนอยู่ด้วย ซึ่งอาจจะไม่ถูกหลักแกรมม่านัก แต่เขียนเพื่อให้ได้บรรยากาศมากกว่า



ไม่อนุญาตให้คัดลอกหรือดัดแปลงนิยายเรื่องนี้ หากใครฝ่าฝืน จะขอดำเนินเรื่องตามกฏหมาย ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.๒๕๓๗ ให้ถึงที่สุด


สามารถติดตามการอัพเดตข่าวสาร การสปอยล์ เม้าท์มอยหอยกาบ ได้ที่เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ค่ะ
 Boy's Love Story BY ขุ่นเจ้ (https://www.facebook.com/StoryYByKhunjae) & @_datomh (https://twitter.com/_datomh)

ติดแฮชแท็ก #LoveNoBoundaries หรือ #VictorCrazyInMatt ได้ในทวิตเตอร์ค่ะ


สารบัญพาร์ท You and I

EP.1-4 :: เลื่อนอ่านได้ที่หน้าแรกทั้งหมด, EP.5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3096714#msg3096714),EP.6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3097816#msg3097816),EP.7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3098559#msg3098559),EP.8 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3098571#msg3098571),EP.9 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3098583#msg3098583),EP.10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3098599#msg3098599),EP.10.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3099840#msg3099840),EP.11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3099846#msg3099846),EP.12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3099874#msg3099874),EP.13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3099885#msg3099885),EP.14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3099894#msg3099894),EP.15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3099908#msg3099908),EP.16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101179#msg3101179),EP.17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101197#msg3101197),EP.18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101214#msg3101214),EP.19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101704#msg3101704),EP.20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101718#msg3101718),EP.21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101741#msg3101741),EP.22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101752#msg3101752),EP.23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101762#msg3101762),EP.24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101771#msg3101771),EP.25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101784#msg3101784),EP.26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101790#msg3101790),ตอนพิเศษ 1 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3101816#msg3101816),ตอนพิเศษ 1 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3103461#msg3103461),ตอนพิเศษ 2 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3106012#msg3106012),ตอนพิเศษ 2 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3108804#msg3108804),ตอนพิเศษ 3 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3110357#msg3110357)

สารบัญพาร์ท Only You
EP.1 35% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3114810#msg3114810), 65% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3118129#msg3118129), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3119895#msg3119895), EP.2 70% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3126667#msg3126667), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3128146#msg3128146), EP.3 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3131852#msg3131852), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3132964#msg3132964)
, EP.4 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3135323#msg3135323), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3137669#msg3137669), EP.5 35% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3140395#msg3140395),75% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3141965#msg3141965), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3144349#msg3144349), EP.6 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3148304#msg3148304), 75% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3149921#msg3149921),100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3151918#msg3151918), EP.7 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3155072#msg3155072), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3158892#msg3158892),EP.8 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3162086#msg3162086), 75% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3164578#msg3164578), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3167469#msg3167469), EP.9 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3169302#msg3169302), EP.10 35% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3176891#msg3176891), 70% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3178683#msg3178683), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3181430#msg3181430),EP.11 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3183937#msg3183937), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3186361#msg3186361), EP.12 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3189630#msg3189630), EP.13 45% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3192429#msg3192429), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3195771#msg3195771),EP.14 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3199598#msg3199598), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3202324#msg3202324), EP.15 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3206169#msg3206169), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3209813#msg3209813), EP.16 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3213791#msg3213791), ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3215271#msg3215271), EP.16 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3217176#msg3217176), EP.17 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3221766#msg3221766), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3224211#msg3224211), EP.18 35% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3228636#msg3228636), 70% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3233630#msg3233630), 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3236300#msg3236300), ตอนพิเศษสั้นๆ วันลอยกระทง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3239555#msg3239555), EP.19 30% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47347.msg3240778#msg3240778)
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 14-06-2015 19:33:31

CHAPTER 1 :: Hello, New York




กระเป๋าเดินทางใบใหญ่มหึมาสีดำหนึ่งใบ ใบเล็กสีเทาและสีขาวมุกอย่างล่ะใบ และกระเป๋าเป้สะพายหลัง กองล้อมรอบอยู่รอบตัวของผม ราวกับมีวงเวียนกระเป๋าขนาดย่อมโอบล้อมตัวของผมเอาไว้ แต่ล่ะใบมีสัมภาระเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบที่สุดเท่าที่ตัวผมจะทำได้ รอบๆ กระเป๋ายังมีสัมภาระอีกมากที่ยังไม่ได้ถูกจัดลงไป ผมทำตัวเหมือนกับว่าจะเดินทางอีกสามวันข้างหน้า ทั้งๆ ที่ผมจะต้องเดินทางคืนพรุ่งนี้แล้ว แต่พอเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนติดไว้กับผนังห้องนอนสีขาวก็รู้ว่าไม่ต้องรีบมากก็ได้ เพราะเพิ่งจะหกโมงเย็นเท่านั้นเอง


เสียงเพลงของวง Maroon 5 ดังขับกล่อมระหว่างที่ผมจัดระเบียบกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง ผมขยับปากส่งเสียงแผ่วเบาออกมาจากปากของตัวเอง พร้อมกับโยกตามจังหวะเพลงมันส์ๆ ยิ่งคิดถึงการเดินทางที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ยิ่งส่งผลให้อารมณ์นั้นเร้าใจไปตามจังหวะเพลง ผมพับผ้าไป โยกไหล่คลอไปกับจังหวะเพลง Animals ที่พี่ Adam Levine ส่งเสียงขับร้องออกมาอย่างไพเราะ น่าเสียดายจริงๆ ที่ Music Video เพลงนี้พี่แกดันเอาเมียตัวเองมาเล่น


เชอะ! ผมทำปากยื่นเหมือนเป็ดเล็กน้อยแล้วร้องเพลงคลอไปกับพี่อดัมอีกครั้ง


ผมเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ตัว กำลังคิดคำนวณว่าจะต้องเอาเสื้อตัวไหน กางเกงตัวใดใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทางบ้าง และจะเอาอะไรที่จำเป็นต้องใช้ใส่เข้าไปบ้าง แน่ล่ะว่ามาม่าสามแพ็คจับจองพื้นที่ในกระเป๋าใบที่ใหญ่ที่สุดไปแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่จะยัดเข้าไปต้องไม่เบียดเสียดอาหารผู้มีพระคุณทุกสิ้นเดือนเด็ดขาด ผมหยิบๆ เสื้อและกางเกงบางตัวที่คิดว่าไม่น่าจะต้องใส่ขึ้นไปไว้บนเตียงที่เต็มไปด้วยไอ้ตัวตะเข็บสีฟ้าจาก Walt Disney ที่นั่งแยกเขี้ยวใส่ผมราวกับจะบอกว่าที่ผมโยนใส่เสื้อผ้าโดนมันนั้น มันไม่พอใจ แต่ยังดีที่เพื่อนซี้ของมันเจ้าโทนี่ ช้อปเปอร์ กวางน้อยจากเรื่องวันพีชส่งยิ้มมาให้ผมจากบนเตียง


ประตูห้องนอนของผมเปิดออก ผมหันไปมองแว้บหนึ่งก็เห็นว่าเป็นแม่ที่เปิดเข้ามาดูผมจัดกระเป๋า ผมหันกลับไปสนใจสิ่งที่ทำอยู่ในมือต่อไป ไม่ได้พูดได้จาเอ่ยทักอะไรกับแม่


“ขนอะไรไปนักหนา เดี๋ยวน้ำหนักกระเป๋าเกินก็ต้องลำบากเอาของออกอีก” แม่บอกด้วยเสียงเอื่อยเฉื่อย แล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียง ผมยังคงก้มหน้าก้มตาจัดเสื้อผ้าต่อไปโดยไม่พูดจาอะไร


“ตัวเล็กแค่นี้ หอบกระเป๋าสามสี่ใบเดี๋ยวก็โดนกระเป๋าทับตัวหรอก”


“แมทสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบน่าแม่ คงไม่มีสภาพน่าเวทนาอย่างที่แม่ว่าหรอก” ผมเหลือบมองแม่แว้บหนึ่ง ก็เห็นว่าแม่นั่งหน้านิ่งมองผมอยู่ เมื่อเห็นว่าแม่ไม่พูดอะไรต่อ ผมเลยเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าต่อไป


“ไปทำไมก็ไม่รู้ เมืองไทยก็มีที่ให้ฝึกงานเยอะแยะ” แม่เอ่ยประเด็นเดิมออกมาอีกครั้ง ผมถอนใจเบาๆ แล้วพับกางเกงใส่กระเป๋า แล้วเงยหน้ามองแม่


“จะเดินทางพรุ่งนี้อยู่แล้ว ยังไม่เลิกพูดเรื่องนี้อีกหรอ”


“ก็แม่เป็นห่วง ไม่อยากให้ไป ไปคนเดียวอีกต่างหาก ทำไมไม่ไปฟลอริด้า (Florida) กับเก้า” ผมส่ายหัวพร้อมใบหน้าที่นิ่งตามเคย ก่อนจะตอบคำถามแม่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยกับคำตอบเดิมๆ แม้ศัพท์หรือคำพูดจะไม่เหมือนกัน แต่ความหมายประโยคเหมือนเดิมเสมอทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้กับแม่ และนี่ก็เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้


“เก้ามันไปทำสวนสนุก แมทไม่อยากไป แมทอยากไปทำที่ที่แมทเลือก แล้วกว่าแมทจะผ่านการพิจารณาจากที่ทำงานก็ไม่ใช่ง่ายๆ นะแม่ นานๆ ทีเขาจะเปิดรับเด็กฝึกงาน โอกาสดีๆ แบบนี้ ประสบการณ์ดีๆ แบบนี้มันไม่ได้มาบ่อยๆ มาแล้วก็ต้องคว้าไว้สิ” ผมกระพริบตามองแม่ แล้วเอียงคอมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงจัดของต่อไม่ทันได้สังเกตสีหน้าหรือสายตาใดๆ ของแม่เลย


“ไม่คิดถึงแม่หรอ” ผมหน้านิ่ง แต่ก็ไม่หยุดเคลื่อนไหวในการจัดของ


“แม่ อย่าดราม่า” ผมบอกเสียงสาก ทื่อๆ ไร้อารมณ์อ่อนใจใดๆ


“ไม่ได้ดราม่า แต่แม่คิดถึง ไปตั้งเกือบสี่เดือนเลยนะ”


“เดี๋ยวก็กลับมาไง ไม่ได้ไปตลอดสักหน่อย…” ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าแม่ที่ดูเหงาหงอย ก่อนจะใจสั่นด้วยความใจอ่อนเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในใจ


“…สี่เดือนแปบเดียวเองแม่ แม่ก็อยู่กับพ่อไง” ผมบอกเสียงอ่อนลงเล็กน้อย ไม่กระด้างแบบตอนแรกๆ แม่ถอนใจเหมือนยอมแพ้กับนิสัยดื้อเงียบของผม


“แล้วแมทจะอยู่กับใคร” สีหน้าแสดงอาการเบื่อของผมแสดงออกไปอย่างไม่ทันห้ามตัวเอง


“อยู่คนเดียว” ผมบอกหน้าตาย เสียงไร้อารมณ์


“บ้านที่ไปเช่าอยู่ก็ไม่รู้ว่าไว้ใจได้แค่ไหน” แม่ยังคงพูดแต่เรื่องเดิมๆ จนผมเอือมไม่รู้จะเอือมยังไง


“ถ้าไว้ใจไม่ได้แมทจะไปเช่าทำไม แมทไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงหรอกแม่ โอเคมั้ย” ผมบอกด้วยความอดกลั้น คุยกับแม่ทีไรไม่เคยคุยดีๆ กันยืดยาวได้เลยจริงๆ เพราะแม่จะพูดซ้ำไปวนมา และประเด็นก็อยู่เดิมๆ


“แม่เป็นห่วงนะแมท” แม่บอกด้วยสายตาตัดพ้อและน้ำเสียงที่ผมรู้ดีว่านั่นคืออาการน้อยใจ ผมเกาต้นคอตัวเองเร็วๆ หนึ่งที ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ


“แมทรู้ แต่แม่ไม่ต้องห่วงจนเสียสติหรอกน่า บ้านกับที่ทำงานอยู่ไม่ไกลกันเลยแม่ จะเดินหรือรถไฟใต้ดินก็แปบเดียวเอง” ผมพยายามบอกเสียงสบายๆ ไม่เครียดขึงขัง เพราะไม่อยากสร้างบรรยากาศอึดอัดตอนนี้ แม่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ไม่รู้ว่าเหนื่อยใจหรือเพราะอะไร แต่ผมคิดว่าคงเหนื่อยใจกับความมึนของผมมากกว่า


“เก้าโทรมา บอกว่าเจอที่ร้านกาแฟร้านเดิม” ผมเงยหน้ามองแม่ตาแป๋วแล้วพยักหน้า แล้วก้มลงจัดกระเป๋าต่อ แม่ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาโอบหัวผมไว้ ก่อนจะก้มลงหอมหัวผมแบบที่ชอบทำ ผมไม่ตอบโต้อะไรได้แต่นั่งเฉยและยื่นมือไปเลื่อนกล่องมาม่าให้ชิดกับขอบกระเป๋ามากขึ้น แม่ยืดตัวขึ้นแล้วหมุนตัวเดินไปที่ประตูก่อนจะปิดลง ผมเงยหน้ามองที่ประตูด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ในใจอดใจหวิวๆ ไม่ได้เหมือนกัน ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วจัดการกับเสื้อผ้าและสัมภาระต่อ ท่ามกลางเสียงร้องเพลงของพี่ Adam ที่เปลี่ยนเพลงไปแล้ว แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อนึกได้ว่าเก้ามันโทรเข้าเบอร์บ้านทำไม ทั้งๆ ที่มือถือผมก็มี ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบมาดู ปรากฏว่ามันโทรมาแล้วแหละ แต่สงสัยเสียงพี่ Adam จะดังไปหน่อยเลยทำให้กลบเสียงร้องของพี่แกที่ผมตั้งเป็นริงโทนสายเรียกเข้าเอาไว้


ผมเปิดไลน์ที่เก้าส่งมา ก็เลยรู้ว่ามันถึงร้านกาแฟเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้แล้ว ผมเลยหยุดการจัดกระเป๋าไว้เท่านั้นก่อน และลุกขึ้นยืนเช็คสภาพตัวเองในกระจกบานใหญ่ลวดลายดูฟุ้งฟิ้งกระดิ่งแมว ผมซื้อมาจากจตุจักร ให้พ่อไปแบกใส่กระบะกลับมาบ้าน เห็นครั้งแรกก็อดใจที่จะเข้าไปดูไม่ได้และสุดท้ายก็ซื้อมันมาไว้ในครอบครอง ลวดลายสีเงินราวกับกระจกของเจ้าหญิง มันดึงดูดให้ผมซื้อมาจริงๆ


ในกระจกภาพที่สะท้อนออกมา ทำให้ผมอดตกใจไม่ได้ สภาพผมสีดำมันขลับยุ่งเหยิงของตัวเอง บอกให้รู้ว่าตั้งแต่ตื่นมายังไม่ได้อาบน้ำ ใบหน้าขาวผ่องที่เพิ่งจะถูกลอกหน้ามาสามเดือนก่อนหน้านี้เพื่อให้หน้าใสไร้สิวและดูนวลแจ่มเท่าที่จะทำได้ แต่แม้จะดูขาวผ่องแต่ก็ยังมีความเหลืองนวลเป็นส่วนผสมอยู่ดี แต่ดูเหมือนการลอกหน้าจะได้ผลพอสมควร เพราะหน้าผมขาวขึ้น เนียนขึ้น สิวและรอยแผลเป็นหายเป็นปลิดทิ้ง ผมยิ้มให้กับความลำบากของตัวเองที่ก่อนหน้านี้ต้องทนปวดแสบปวดร้อนและหน้าลอกเป็นแผ่นๆ ราวกับเป็นโรคผิวหนัง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีกับหน้าตัวเองชะมัด ใสกิ๊งกิงก่องแก้วมาก


ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำแม้หน้าจะขาวใสอย่างที่ใจต้องการก่อนจะไปฝึกงานแล้วก็ตาม แต่ยามนี้มันดูมันแผลบไม่น้อย ผมจัดการล้างหน้าแปรงฟัน เอาน้ำลูบๆ ผมให้มันเข้าที่เข้าทาง แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์และมือถือติดตัวออกไปด้วย


[มีต่อด้านล่างค่ะ]







หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 14-06-2015 19:40:33
ผมดันประตูร้านกาแฟร้านประจำที่ชอบมากับเพื่อน บรรยากาศในร้านเย็นสบายๆ ด้วยเครื่องปรับอากาศ แต่สภาพอากาศข้างนอกร้านแบบที่อย่าให้พูดถึง ร้อนจนม้ามจะพังแต่ก็ยังดีกว่าช่วงตอนกลางวัน ผมสอดส่องสายตาก็เห็นเพื่อนสาวสนิทสองคนโบกมือเรียก ผมเหลือบไปมองคนข้างๆ นังเก้าก็เห็นว่าเป็นเพื่อนในเอกเดียวกันแต่อยู่คนล่ะแทรคกับผมซึ่งก็คือแทรคเดียวกับเก้า


“เอาโทรศัพท์ไปทิ้งไว้ในส้วมมารึไง” เก้าเอ่ยถามเสียงแซวตามปกติ ผมทิ้งตัวนั่งลงพร้อมกับรอยยิ้ม


“อยู่บนเตียงแหละ แต่เปิดเพลงพี่อดัมดังไปหน่อย”


“เขาแต่งงานมีเมียไปแล้ว เพลาๆ ลงบ้างก็ได้ค้า” แบมเพื่อนสนิทของผมอีกคนเอ่ยพลางยัดเค้กเข้าปากตามนิสัยชะนีกินเก่ง ผมหันไปทักทายนาวเพื่อนในเอกอีกคนที่แม้จะรู้จักกันแต่ไม่ได้สนิทกันสักเท่าไหร่


“แกเตรียมของพร้อมรึยังอ่ะ” ผมถามเพื่อนทั้งสองคน แม่สองสาวส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กพลางหัวเราะสบายๆ ราวกับวันเดินทางไม่ใช่วันพรุ่งนี้ เห็นแบบนั้นผมเลยอดที่จะหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้ เป็นอันรู้กันว่าไม่มีนางใดพร้อมสำหรับการเดินทางเลยสักคน


“เฮ้ย… ทำไมใจเย็นกันจัง เดินทางพรุ่งนี้แล้วนะ” นาวเอ่ยถามสีหน้างงๆ แต่ก็มีรอยยิ้มขำๆ ด้วย


“เป็นเรื่องปกติ อยากไปจนง่ามขาสั่น แต่ก็ทำตัวเอ้อระเหยมาก” เก้าเอ่ยปากบอกหลังจากดูดโกโก้ในแก้วไปอึกหนึ่ง ผมตักเค้กช็อคโกแล็ตของโปรดขึ้นมาใส่ปากแล้วเคี้ยวสัมผัสกับเนื้อนุ่มๆ ของเค้ก


“สรุปเราจะอยู่ถึงวันชาติมั้ยวะ” ผมเอ่ยถามถึงประเด็นที่ยังสรุปไม่ได้สักที


“ดูเงินก่อนได้ปะวะ ไม่อยากรับปากเลยค่ะ กลัวได้เงินมาแล้วเอาไปถลุงกับวอล์มาร์ทหมด” แบมบอกพลางทำตาเป็นประกาย แหม… ยัยแบมตัวจะปริ เรื่องกินเรื่องช้อปปิ้งขอให้บอกนางเถอะ


“เออ อยู่ไม่อยู่ไม่รู้ แต่พวกแกต้องตามมาสมทบกับฉันที่นิวยอร์คนะ”


“โอ๊ย! อันนั้นไม่ต้องบอกก็จะไปจ้ะ พลาดได้ไง” พวกผมหัวเราะคิกคักด้วยความตื่นเต้น พอนึกว่าจะได้ไปอยู่หนึ่งในเมืองที่ใฝ่ฝันอยากไปตั้งสามเดือนเกือบสี่เดือนผมก็อดตื่นเต้นขึ้นมาอีกรอบไม่ได้


“พวกเราแม่งก็กระแดะเนาะ ฝึกงานที่ไทยไม่ได้ ดัดจริตทำเรื่องขอให้ยุ่งยากวุ่นวายไปฝึกงานเมืองนอก” แบมเอ่ยขึ้นพลางทำสีหน้าไม่เข้าใจ แต่ไม่ใช่ไม่เข้าใจใครนะ ผมว่าไม่เข้าใจตัวพวกผมเองเนี่ยแหละ


พวกเราสามคนอยู่ในช่วงฝึกงาน แต่เกิดความคิดที่ไม่อยากไปฝึกตามแบบรุ่นพี่ๆ ที่ไปฝึกตามสนามบิน โรงแรม หรืออะไรก็ตามแต่ที่มันมีมายาวนานจนเหมือนเป็นธรรมเนียม พวกเราเลยช่วยกันหาข้อมูลการไปฝึกงานที่อเมริกา ตอนแรกเราจะไปสวนสนุกกันทั้งสามคน แต่ผมดันสอบไม่ผ่านการสัมภาษณ์รอบที่สอง ส่วนนังเก้ากับนังแบมผ่านฉลุย ไม่ใช่ว่าผมตอบไม่ได้ ฟังภาษาอังกฤษไม่ออกนะ แต่ดันตอบไม่ตรงคำถามน่ะสิเลยตกรอบไป แหม… ก็ตอนนั้นพยายามที่จะตอบยาวๆ ให้ดูโปรนี่นา แต่ดันกลายเป็นว่าแป้ก พอใครถามผมก็จะบอกว่าคนเต็มพอดี แล้วก็ไม่อยากไปด้วยเหมือนที่ผมบอกแม่ไปนั่นแหละ ก็ไม่อยากตอบตามตรงอ่ะ เบี่ยงประเด็นให้ตัวเองดูดีไว้ก่อน ฮ่าๆ


“เอาน่า อย่าไปพูดถึงอดีต มันผ่านมาละ ตอนนี้เราได้ไปแล้ว แม้ว่ากว่าจะทำเรื่องผ่านทำเอาอีเก้งสาวเกือบตบกับหัวหน้าภาค” ผมอ้าปากด่านังเก้าด้วยคำหยาบสุดคลาสสิคว่า ดีออก แบบกลับคำแบบไม่มีเสียง แล้วก็พากันหัวเราะเมื่อนึกถึงวันที่เราสามคนเข้าไปไฟท์กับหัวหน้าภาคเรื่องจะไปฝึกงานที่ต่างประเทศจนเกิดมีปากเสียงกันมันส์หยด มันเป็นเรื่องยุ่งยากที่ไม่ว่าอาจารย์คนไหนก็ขี้เกียจทำเรื่องให้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของพวกเราที่พยายามช่วยกันอธิบาย ช่วยกันเถียง ช่วยกันชักแม่น้ำยิ่งกว้าห้าสายมารวมกัน ในที่สุดก็ได้ไปตามที่ต้องการ


“แกไหวกับค่าครองชีพแน่นะแมท” เก้าเอ่ยถามผมพลางหมุนสปาร์เก็ตตี้แล้วยัดเข้าปาก


“คิดว่าไหวนะ แม่ให้เงินฉันมาก้อนนึง พ่ออีกก้อน แล้วก็มีของป้าอีกก้อน เงินเก็บฉันก็ประมาณหนึ่ง น่าจะอยู่รอดยันกลับมาไทยได้นะ” ผมยักคิ้วเร็วๆ เมื่อลองคำนวณเงินที่จะพกติดตัวไปด้วย


“แล้วที่แมทไปฝึกงาน เขาให้ตังค์ปะ” นาวเอ่ยถามด้วยความสนใจ ผมทำหน้าแหยแล้วส่ายหัวเบาๆ นาวตาโตตกใจ


“เฮ้ย… แล้วไปอยู่นิวยอร์คเนี่ยนะ ทำงานไม่ได้เงิน มีแต่เงินที่ติดตัวไป จะรอดหรอ”


“ก็ต้องรอดล่ะงานนี้ คือที่เขาไปฝึกงาน มันเป็นงานที่ค่อนข้างแหวกแนวกว่าคนอื่น เขาเสนอตัวไปเองอ่ะ ปกติเขาไม่รับเด็กฝึกงานหรอก แต่เขาตื๊ออยู่เป็นอาทิตย์ เจ๊คนที่คุยอีเมล์กับเขาแกเห็นว่าอีนี่มันหน้าหนาจริงเลยรับ” คนอื่นหัวเราะขำๆ กับความหน้าด้านของผม ผมเองก็อดขำตัวเองไม่ได้เหมือนกัน


ผมเลือกฝึกงานที่นี่เพราะชอบงานเบื้องหลัง แม้มันจะไม่เกี่ยวกับวรรณกรรมที่เรียนเลยก็ตาม แต่ผมว่าการพบปะผู้คนเยอะๆ มันได้ฝึกภาษาของเราอย่างจริงจัง ดีกว่าการนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้พูดกับใครเลย แต่ใช่ว่าผมไม่ลองเลือกที่อื่นนะ ผมส่งไปแล้ว ตื๊อไปแล้วเหมือนกัน แต่มีแค่ที่นี่ที่ทนกับความหน้าด้านของผมไม่ไหวจนต้องตอบรับคำขอฝึกงานจากผม


“แล้วเขาให้ไปทำไรมั่งหรอ” นาวถามต่อด้วยความอยากรู้


“ทุกอย่าง เอวี่ติงที่เขาออร์เดอร์มา ห้ามปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น ไม่งั้นไม่ผ่านฝึกงาน!” ผมแกล้งทำแยกเขี้ยวหน้าโหด


“โห นี่กรรมกรปะ” นาวพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง พาเอาที่เหลือหัวเราะไปด้วย พวกเรานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องราวของอเมริกาที่เรากำลังจะเดินทางไปพรุ่งนี้แล้ว ผม เก้า แบม พูดกันด้วยความตื่นเต้น ส่วนนาวก็มีแจมบ้างเพราะไม่ได้ไปฝึกเมืองนอกแบบพวกผม นาวเลือกฝึกที่สนามบินเป็นแอร์กราวด์ที่สุวรรณภูมิ 


เรานั่งคุยเม้าท์มอยหอยกาบกันไปเรื่อยเปื่อยจนรู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดสนิท ไฟสีส้มสวยๆ ในร้านก็สว่างไสวชวนอบอุ่นใจเช่นเคย เราสั่งอาหารมากินกันต่อโดยไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดเม้าท์ได้ แต่แล้วเสียงพูดคุยของเราก็สะดุดลงเมื่อสายตาผมหันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผมรีบหันหน้าหนี เก้ากับแบมทำหน้าสงสัยก่อนจะชะโงกหน้าไปดู พอเห็นว่าเป็นใครชะนีสองตนก็ทำหน้าเข้าใจ


“ไม่ทักหรอวะ” เก้าถามเสียงเบาตอนที่ผู้ตกเป็นเป้าสายตาของกลุ่มเรากำลังเดินผ่านโต๊ะที่เรานั่ง ผมภาวนาเงียบๆ ว่าอย่าเห็นพวกเราเลย แต่คำภาวนาคงเงียบเกินไป


“อ้าว เก้า แบม…” เสียงของผู้ชายคนนั้นหยุดชั่วขณะหนึ่ง แล้วผมก็รู้สึกว่าสายตาเขาจับจ้องมาที่ผม


“…แมท” สิ้นเสียงของอีกฝ่าย ผมค่อยๆ หันไปมองด้วยสีหน้าที่วางไม่ถูก ร่างสูงแต่ไม่โย่ง ผิวขาวสะอาดตา ก้มลงมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก  ใบหน้ามีไรหนวดและเคราจางๆ ขึ้นอยู่ นั่นคือเอกลักษณ์บนใบหน้าอันหล่อเข้มที่ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังดูดึงดูดใจเหลือเกิน ผมฉีกยิ้มที่เด็กอนุบาลดูก็รู้ว่าโคตรปลอม


“พี่เอก…” ผมยิ้มแหะๆ และยกมือไหว้สวัสดีอีกฝ่าย พี่เอกรับไหว้ด้วยรอยยิ้มนิดๆ ผมพยายามสกัดกั้นความดราม่าที่กำลังจะก่อตัวขึ้นในใจ เพราะนึกถึงเหตุการณ์ระหว่างตัวเองกับรุ่นพี่คนนี้เมื่อช่วงหลายเดือนก่อน


“มากันนานรึยังเนี่ย” พี่เอกเอ่ยถามพลางส่งสายตามองทุกคน ผมเหลือบไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างพี่เอก เธอสูง สวย แต่ไม่หมวย หน้าตาจิ้มลิ้ม เอวบางร่างน้อย ใจผมกระตุกเบาๆ วูบหนึ่งในอก และส่งยิ้มไปให้ผู้หญิงคนนั้นนิดๆ เธอยิ้มตอบกลับมาอย่างมีมารยาท


“ก็นานจนฟ้ามืดจนตะวันจะขึ้นอีกรอบแล้วพี่” เก้าบอกเสียงทะเล้น สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อๆ ของพี่เอก ผมแกล้งทำเป็นตักข้าวที่สั่งขึ้นมากินไปหนึ่งคำ และก็พบว่ามันยังร้อนอยู่มาก พอเคี้ยวเข้าไปผมแทบจะพ่นข้าวออกมา แต่ก็พยายามห้ามปรามตัวเองเอาไว้เพราะไม่อยากทำขายขี้หน้าต่อหน้าพี่เอก น้ำตาผมคลอเบ้าเพราะความร้อนของข้าวที่ระอุอยู่ในปาก
ร้อนฉิบหายเลยโว้ยยย!


“แมท ร้องไห้หรอ” พี่เอกเอ่ยถามหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมตกใจหันไปมองหน้าเขาก็เป็นจังหวะที่น้ำตาไหลออกมาพอดี ผมรีบส่ายหัวปฏิเสธและพยายามกลืนข้าวลงคอให้ได้ แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะกลืนข้าวร้อนๆ แบบนี้เข้าไป


“ก็เห็นอยู่ว่าน้ำตาไหล ยังจะมาส่ายหน้าอีก…” อีกฝ่ายมีสีหน้าเครียดๆ ผมรู้ว่าทำไมเขาถึงมีสีหน้าแบบนั้น ผมพยายามที่จะส่งสัญญาณมือบอกว่าไม่ใช่อย่างที่เขาคิด


“…พี่ขอโทษนะ” พี่เอกบอกเสียงเศร้า หน้าเศร้า ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับจูงมือผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในโซนด้านใน พอพี่เอกจากไปแล้ว ผมก็รีบคายข้าวในปากออกมาใส่จานทันที สร้างเสียงอี๋เสียงยี้จากชะนีบนโต๊ะกันเป็นแถบ


“ทำตัวน่าเกลียดเหมือนหน้ามาก” เก้าบอกพลางส่งทิชชูให้ ผมรีบใช้เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาทันที ก่อนจะรู้สึกดีใจที่ข้าวร้อนๆ หลุดออกจากปากไปแล้ว


“แกไม่ได้ร้องไห้เพราะพี่เอกใช่แมะ” แบมถามพลางมองไปที่ก้อนข้าวที่ผมเพิ่งคายออกมาด้วยความรังเกียจ ผมทำหน้ามุ่ยแล้วส่ายหัวแรงๆ


“ร้องอาทิตย์เดียวฉันก็เหนื่อยจะตายแล้ว แกจะให้ฉันร้องอะไรนักหนา” ผมว่าพลางตักเค้กช็อคโกแล็ตเข้าปาก แก้อาการลิ้นฝาดที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ แม้จะช่วยได้น้อยนิดแต่ก็พอจะช่วยได้ล่ะนะ


“แล้วตอนนี้แกรู้สึกยังไง” ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบ


“ก็เหมือนเดิมนะ เศร้ามั้ย ก็เศร้านะเวลาเห็นพี่แก แต่ฉันก็ไม่ร้องไห้แล้วนะ เหมือนมันรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ถึงจะเสียใจแต่ก็เหมือนได้ปลดแอกให้ใจตัวเองด้วย” ผมบิดปากเป็นรอยยิ้มเหมือนเป็ด


“ดีแล้ว ไปหาผู้ชายใหม่ที่นิวยอร์กดีกว่าค่ะ!” นังเก้าบอกพลางยกแก้วโกโก้ตัวเองขึ้น ผมยกขึ้นชนกับมันบ้างก่อนจะส่งเสียงกู่ร้องด้วยความคึกที่ว่าพรุ่งนี้จะเดินทางไปใช้ชีวิตแบบใหม่แล้ว แม้จะแค่ชั่วคราวแต่นี่ก็ถือว่าเป็นชีวิตใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิตจำเจของผมเลยล่ะ!






หลังจากเช็กอินและโหลดกระเป๋าเสร็จแล้ว ผม เก้า แบม ก็มายืนรอประกาศเรียกให้เข้าไปในเกท ผมสะพายกระเป๋าเป้ไว้ด้านหน้าอก ในนั้นใส่ กระเป๋าตังค์ แม็คบุ๊ค ไอพอดนาโนสุดที่รัก หูฟัง โทรศัพท์มือถือ ที่ชาร์ตแบต กล้องถ่ายรูป ทั้งแบบกล้องโปรและกล้องโพราลอยด์ และหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมควรนำมาติดตัวไว้


เราสามคนยืนคุยกันเรื่องที่ว่าแทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะตื่นเต้นเกี่ยวกับเดินทาง พ่อแม่พวกเราสามคน ยืนคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง ไม่มีใครมาส่งพวกเรา เพราะพวกเราคิดว่าไปแค่สามเดือนไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่อลังการมากก็ได้ แต่เอาความจริงมั้ยครับ ไม่มีใครคิดจะมาส่งพวกผมหรอก ฮ่าๆ


“ถึงนิวยอร์คปุ๊บ ฉันจะรีบหาวิฟิ ถ่ายรูป อัพรูปทันที!” ผมบอกด้วยความตื่นเต้น เมื่อนึกถึงเทพีเสรีภาพ เรื่อเฟอร์รี่ ทามสแควร์และหลายๆ อย่างของนิวยอร์ค


“เออ อัพเลยนะ บอกให้โลกรู้เลยว่า แกอยู่แมนฮัทตันย่านที่ไฮโซโก้เก๋สุดของนิวยอร์ค” เก้าบอกพลางก้มลงกดโทรศัพท์และยิ้มขำขันไปด้วย นังนี่สมองมันแบ่งปฏิกิริยาได้ดีจริงๆ


“แต่อย่าลืมบอกโลกด้วยล่ะว่าอยู่แฟลชเก่าๆ เท่าบ้านหมา” แบมปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ ผมกับนังเก้าเลยหัวเราะตามไปด้วย


“อีบ้า! เขาเรียกบ้านแบ่งให้เช่ามั่งเหอะ” ผมแก้คำพูดของนังแบม ผมเช่าบ้าน ไม่ได้เช่าแฟลชซะหน่อย แม้รูปร่างมันจะดูเหมือนแฟลชก็เถอะ และอันที่จริงผมไม่ได้อยู่ในย่านแมนฮัทตันเลยนะ เรียกว่าอยู่ระแวกใกล้ๆ ดีกว่า ผมไม่มีปัญญาขนาดนั้นหรอกครับ ที่พักแถวนั้นโคตรแพง ผมเลยออกมาเช่าบ้านที่อยู่นอกๆ แมนฮัทตันมาไกลพอสมควร
เรายืนเม้าท์โดยลืมเมื่อยไปซะสนิท ผมหยิบมือถือออกมาดูเวลาก็เห็นว่าเป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว ผมมองไปรอบๆ สนามบินราวกับจะหาเสียงเรียกประกาศให้เดินไปเข้าเกทเตรียมขึ้นเครื่อง แต่จริงๆ แล้วไม่มีเสียงอะไรทั้งนั้นล่ะ เราต้องรู้เวลาของตัวเอง นังแบมหันไปถามแอร์กราวด์ที่เค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขากดแป้นพิมพ์ฉุบฉับๆ อยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะบอกให้เราสามคนเดินไปเข้าเกทได้ เราสามคนเลยเริ่มขยับตัว พ่อกับแม่ของแต่ล่ะคนเดินเข้ามาหา อีกสองครอบครัวล่ำลากันด้วยความเป็นมิตร คงมีแต่ผมที่ได้ยืนส่งยิ้มให้พ่อกับแม่


“ไปแล้วนะ อีกสามเดือนจะกลับมาหา” ผมบอกน้ำเสียงเรียบๆ พ่อผมยืนมองนิ่งๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ ส่งเสียง อื้อ ออกมาจากในลำคอ ส่วนแม่มองผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ผมยิ้มให้ทั้งสองคน แล้วยกมือไหว้ ก่อนจะหมุนตัวเดินไป ผมเดินไปอย่างช้าๆ รับรู้ได้ถึงสายตาที่พ่อกับแม่มองมา พ่อคงยืนมองด้วยใบหน้านิ่ง ส่วนแม่ตอนนี้คงมีน้ำตาปริ่มที่ขอบตาแล้ว ผมหยุดชะงัก ก่อนจะหมุนตัวแล้ววิ่งเข้าไปหาพ่อกับแม่เร็วๆ แล้วสวมกอดทั้งสองคนไว้แน่น  พ่อกับแม่ยืนนิ่งรับอ้อมกอด ผมพยายามไม่ร้องไห้ ไม่แสดงอาการอ่อนแออะไรให้แม่เป็นกังวล ผมเงยหน้าหอมแก้มพ่อกับแม่คนล่ะทีอย่างเร็วๆ ก่อนจะหมุนตัววิ่งตามเก้ากับแบมไปที่เกท โดยไม่หันกลับไปมองพ่อกับแม่อีก


พอเข้ามานั่งในเกทแล้วน้ำตาที่กลั้นไว้เมื่อกี้ก็เอ่อมาที่ขอบตา แต่ผมไม่อยากร้องไห้ให้เพื่อนเห็น หรือให้ตัวเองรู้สึกอ่อนแอ ผมเลยรีบหลับตาแล้วพยายามห้ามมันเอาไว้ไม่ให้ไหลอาบแก้ม ก่อนจะหยิบไอพอดขึ้นมาฟังเพลง รอเวลาขึ้นเครื่อง ผมกดเลือกเพลงอย่างใจลอยแล้วก็มาหยุดที่เพลงของพี่ Adam ตามเคย ก่อนจะหยิบหนังสือนิยายสุดฮ็อตเรื่อง Harry Potter เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา แม้ว่าในใจตอนนี้จะหวิวไหวแค่ไหนก็ตาม แต่ผมก็เลือกแสดงออกมาด้วยความเฉยและนิ่งตามเคย






หลังจากนั่งหลังขดตูดแข็งอยู่บนเครื่องจากเมืองไทยมาหกชั่วโมงกว่าๆ ตอนนี้พวกเราต้องมาเปลี่ยนเครื่องที่นาริตะ เราเช็คอินอีกรอบและเดินไปนั่งรอ ส่วนกระเป๋าพวกผมทำเรื่องส่งสัมภาระไปที่จุดหมายปลายทางเลย ผมจะไปจ๊ะเอ๋กระเป๋าตัวเองที่สนามบิน JFK ณ นิวยอร์ค ส่วนยัยสองตัวนี้จะไปเจอกระเป๋าตัวเองที่ฟลอริด้า


เรารอเปลี่ยนเครื่องประมาณสองชั่วโมง ถือว่าเร็วมากและโชคดีมากที่เครื่องไม่ดีเลย์ พวกเราต้องนั่งตูดแข็งจนชาไปลงที่สนามบิน LAX ของแอลเอ เพื่อเปลี่ยนเครื่องไปเมืองใครเมืองมัน พอคิดแบบนั้นผมก็อดใจหวิวอีกรอบไม่ได้หลังจากห่างอกพ่อกับแม่ ยัยสองคนนี้มันยังไปด้วยกัน แต่ผมสิ ไปผจญภัยคนเดียวล้วนๆ


“ฉันเชื่อว่าแกเอาตัวรอดได้ มาขนาดนี้แล้วแกอย่าไปกลัวสิวะ คิดถึงตอนก่อนที่แกจะได้ทำงานนี้ดิ” เก้าพยายามปลอบใจผมหลังจากที่เราขึ้นมานั่งรอบนเครื่องเพื่อรอเครื่องออก


“ก็แค่คิดแล้วมันก็อดใจหายไม่ได้ ฉันอโลนมาก พวกแกยังมีกันสองนางนะเว้ย”


“ใครว่าล่ะ แกลืมแล้วหรอ อีแบมนางอายุมากกว่าฉัน มันได้อยู่หมู่บ้านเด็กโตที่กินเหล้าได้แล้ว ส่วนฉันต้องไปอยู่บ้านเด็กๆ”  ผมพยักหน้านึกได้ว่าสองคนนี้ไม่ได้พักที่เดียวกัน เพราะอายุนังแบมเยอะกว่านังเก้า  เลยได้ไปอยู่หมู่บ้านที่เป็นของเด็กโตๆ แล้ว ซึ่งที่ผมรู้มา หมู่บ้านนังแบมอยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้านนังเก้ามากพอสมควร


ผมกับแบมเป็นเด็กซิ่วด้วยกันทั้งคู่แต่ผมอายุเยอะสุดในบรรดาสามคนเรา เพราะผมซิ่วสองครั้ง ครั้งแรกเรียนแถวๆ ชานเมืองของกรุงเทพฯ แล้วไม่ถูกใจ เพราะเบื่อการเรียนพื้นฐานของปีหนึ่งในคณะที่ตัวเองเรียน ผมเลยสอบใหม่แล้วย้ายไปเรียนที่เมืองเหนือในคณะที่ใช่และเอกที่ชอบ แต่ก็มีเหตุให้ต้องซิ่วกลับมาอยู่แถวบ้าน เพราะอยากเลือกเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุดจริงๆ มาตั้งแต่มอต้น นั่นคือ เอกภาษาอังกฤษ สาขาวรรณกรรม แน่นอนว่าผมทะเลาะกับแม่ใหญ่โตที่ซิ่วเป็นว่าเล่น ส่วนพ่อไม่ว่าอะไร ตามใจผม แต่ลึกๆ ผมรู้ว่าเขาก็ไม่พอใจนั่นแหละ แต่ว่าตอนนี้ผมใกล้จะจบแล้ว หลังจากฝึกงานเสร็จ ผมก็กลับมาเรียนต่ออีกประมาณสามเดือนแล้วก็ทำเรื่องจบ ปีหน้าของปีหน้าก็รับปริญญาแล้ว


ผมนั่งเปิดเพลงนอนหลับมาตลอดหกชั่วโมงจนถึงสนามบินในแอลเอ พอตื่นขึ้นมาก็งัวเงียๆ เดินลงจากเครื่อง สะเปะสะปะไปเรื่อย ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยจากการนั่งเครื่อง หูอื้อเพราะความกดอากาศต่ำหรือจริงๆ มันอื้อเพราะเพลงที่เปิดดังลั่นแก้วหูผมก็ไม่รู้ พอลงมาถึงตัวสนามบินคราวนี้เราสามคนต้องล่ำลากันเองแล้ว เพราะเราต้องนั่งเครื่องต่อไปคนล่ะที่


“แล้วเจอกันเดือนมิถุนานะแก” ผมบอกพลางกอดทั้งสองคนหลวมๆ ก่อนจะผละออก


“ดูแลตัวเองดีๆ อ่ะ มีอะไรก็สไกป์หรือโทรหากันได้นะ” แบมบอกด้วยรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบเพื่อนก่อนจะเอ่ยลาอีกรอบ แล้วโบกมือให้กัน รีบเดินไปเข้าเกทตามที่พนักงานบอกหลังจากผ่าน ตม. มาได้แล้ว


“You look like a little puppy—a cry-baby puppy. Anyway, Good luck. (คุณเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ เลย ลูกหมาที่ขี้อ้อนๆ น่ะค่ะ ยังไงก็โชคดีนะคะ)” พนักงานที่รับตั๋วผมไปกล่าวด้วยรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบเก้อๆ เพราะไม่รู้ว่านั่นคือคำชมหรือว่าคำด่าหรือว่าเป็นประโยคทั่วๆ ไปไม่ได้มีอะไรแอบแผง ผมเอียงคอเล็กน้อยแล้วกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงงแล้วยิ้มเจื่อนๆ อีกที ก่อนจะตอบกลับไปด้วยคำง่ายๆ


“Thanks. (ขอบคุณครับ)” ผมรับตั๋วส่วนที่เหลือคืนพร้อมพาสปอร์ตก่อนจะเดินเข้าไปในเกท แล้วนั่งรอให้เขาเรียกขึ้นไปนั่งบนเครื่อง ระหว่างนั้นผมก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกรอบ



   



เจ็ดชั่วโมงเต็มผ่านไปอย่างไร้ความรู้สึก หมายถึงก้นผมเนี่ยที่ไร้ความรู้สึก มันด้านมันชาไปหมด บวกลบกันแล้วผมใช้เวลาเดินทางจากไทยมาถึงนิวยอร์คก็เกือบวันนึงเต็มๆ หรือจริงๆ แล้วมันวันนึงเต็มๆ เลยรึเปล่านะ  สีหน้าผมคงดูเบลอมากๆ จนผู้ชายฝรั่งหัวทองคนหนึ่งหันมามองแล้วยิ้มขำๆ ผมกระตุกยิ้มตอบกลับไปก่อนจะเริ่มมองหากระเป๋าตัวเอง แล้วหยิบขึ้นมาเมื่อมันเคลื่อนมาถึงมือ ผมหยิบทั้งสามใบแล้วพยายามจัดระเบียบชีวิต เพื่อเดินออกไปเรียกแท็กซี่


พอออกมาปะทะกับอากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิผมก็ยิ้มกว้างแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ยอดตึกสูงในมหานครนิวยอร์คอันโด่งดัง ตั้งเรียงรายสูงใหญ่ให้สไปเดอร์แมนพ่นไยไปมาได้สะดวก อากาศที่นี่กำลังเย็นสบาย ผมหลับตารับรู้ได้ถึงดอกไม้ใบหญ้าที่กำลังผลิบาน ได้เห็นบรรยากาศนิวยอร์คเต็มตามด้วยตัวเองแบบนี้แล้ว ก็อดตื่นเต้นจนลืมเมืองไทยไม่ได้ ผมเก็บอาการตื่นเต้นดีใจทั้งหลายไว้ก่อนจะโบกเรียกแท็กซี่สีเหลืองที่เห็นในภาพยนตร์จนชินตาแล้วบอกจุดหมายกับแท็กซี่ว่าจะไปไหน
.
.
.
.
.
   ผมจ่ายเงินให้กับแท็กซี่และให้ทิปเขาไปด้วย ค่าที่เขาช่วยขนกระเป๋ามาวางไว้หน้าบ้านพัก ผมเดินไปกดออดที่รั้วบ้าน รอสักพักป้าเจ้าของบ้านที่ผมติดต่อไว้ก็เดินออกมาด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและใจดี ผมนี่รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที่อย่างน้อยหน้าป้าแกก็ดูใจดีล่ะนะ


“Hi, you are Matt, right? (หวัดดีจ้ะ แมทใช่มั้ย)” เธอยิ้มแล้วมองผมทั้งตัว ผมฉีกยิ้มยิงฟันก่อนจะตอบ


“Yes, I am. (ใช่ครับ ผมเอง)”


“I’m waiting for you, come on. (กำลังรออยู่เลย เข้ามาสิจ๊ะ)” ผมหันไปคว้ากระเป๋าลากใบใหญ่มาไว้ในมือ และพยายามลากใบเล็กไปด้วย ป้าแกเห็นแบบนั้นคงเวทนาเลยเดินเข้ามาช่วยลากใบเล็กไปทั้งสองใบ ผมยิ้มขอบคุณเธอแล้วเดินตามเข้าไปในรั้วบ้านพร้อมกับปิดประตูให้ป้าแกด้วย


พอเข้ามาในบ้านผมก็ไม่อยากบอกอย่างนี้หรอกนะ แต่ผมตกหลุมรักบ้านหลังนี้มาก เป็นบ้านสามชั้นทรงสูง แบ่งห้องให้เช่า โทนบ้านเป็นสีน้ำตาลของไม้ ตกแต่งประดับด้วยเครื่องใช้วินเทจทั้งนั้น โหย! นี่มันสไตล์ผมเลย


“I’m Marry. Your room is on the second floor—the corner room—the balcony room—as you asked.  (ฉันชื่อแมร์รี่นะ ห้องของเธออยู่ชั้นสอง ห้องมุมมีระเบียง ตามที่เธอขอ)” ป้าแมร์รี่ แฟนของสไปเดอร์แมนบอกผมด้วยรอยยิ้มแซวๆ ผมยิ้มแหะๆ ไปให้ เพราะรู้ดีว่าตื๊อและอ้อนป้าแกผ่านสไกป์มากแค่ไหนว่าอยากได้ห้องนั้น ตื๊อขนาดไหนไม่รู้ แต่ผมลืมถามชื่อป้าแกเลยก็แล้วกัน สุดท้ายป้าแกก็จัดให้ตามคำขอ


“But I don’t have the private restroom as you know. (แต่ป้าไม่มีห้องน้ำส่วนตัวให้อย่างที่เรารู้นั่นแหละ)”


“That’s fine. I’ve never mind about that. (ไม่เป็นไรเลยครับ ผมไม่ค่อยคิดมากเรื่องนั้นอยู่แล้ว)”


“Okay. Good. Now, I will give your time to clear your stuff. (โอเค เยี่ยม งั้นตอนนี้ฉันจะปล่อยให้เธอจัดการสัมภาระเธอก็แล้วกันนะ)” ป้าแมร์รี่บอกแล้วเดินออกไป ผมมองไปรอบๆ บ้านอีกครั้ง มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่อยู่มุมหนึ่ง โซฟาตั้งเป็นเป็นสามมุม ไว้สำหรับนั่งสังสรรค์และดูทีวีจอใหญ่ ห้องครัวอยู่ตรงข้ามกับห้องนั่งเล่นเลย เห็นครัวแล้วอยากใช้ชะมัดถึงผมจะทำกับข้าวไม่เป็นแต่เห็นครัวน่าใช้แบบนี้ก็อยากจะลองทำดูมั่ง


ผมยกกระเป๋าขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเล ไอ้ใบใหญ่นี่ทั้งหนักทั้งทำให้เหนื่อย ขนาดอากาศเย็นๆ ในบรรยากาศยามเย็นนะ เหงื่อผมยังซึมเต็มหน้าผาก ผมกำลังจะยกถึงขั้นสุดท้ายก็ต้องใจหายวาบเมื่อกระเป๋าเกือบร่วงหล่นลงไปตามขั้นบันได แต่โชคดีมีมือของใครคนหนึ่งยื่นมาช่วยไว้ ผมหันไปมองก็เห็นอาตี๋แต่ตาไม่ตี่ใส่แว่นมาช่วยผมไว้ ผมยิ้มให้นิดหน่อยแล้วช่วยเขาลากกระเป๋าขึ้นมาจนอยู่บนพื้นไม้ของชั้นสองจนได้ ผมยืนเหนื่อยหอบอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปเพื่อขอบคุณ


“Thank you. (ขอบคุณครับ)”


“พูดไทยก็ได้ครับ” เขาบอกพร้อมรอยยิ้มที่เสริมให้หน้าที่ออกไปทางอาตี๋ดูหล่อมากยิ่งขึ้น ผมอ้าปากหวอเล็กน้อย เอียงคอกระพริบตามองอีกฝ่าย


“อ้าว! คนไทยด้วยกันหรอเนี่ย” ผมเอ่ยเสียงแจ้วๆ พร้อมรอยยิ้มดีใจ ที่ได้เจอคนไทยด้วยกัน อาตี๋น้อยหน้าใสใส่แว่นยิ้มตอบกลับมา แล้วพยักหน้าเบาๆ


“ผมชื่อบาสนะ” โอ้ย… อยากเดาะบาสจังเลย


ผมขมวดคิ้วกับความคิดตัวเองและพยายามไม่มองกล้ามแขนแน่นๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อยืดสีน้ำเงินคอกลมแขนสั้นที่อีกฝ่ายกำลังใส่อยู่


“มาเวิร์คฯ หรอ” ผมถามต่อด้วยความสนใจ อีกฝ่ายดูท่าทางจะเป็นคนพูดน้อยเพราะเอาแต่พยักหน้า แต่ก็มีรอยยิ้มด้วยเสมอ


“ที่ The top of rock เผื่ออยากจะถามต่อ” อ้อ… ผมทำหน้าเข้าใจ และคิดว่าบาสน่าจะมาเวิร์คแบบ  Independent work ที่แบบหางานเอง ไอตึกไว้ชมวิวนิวยอร์คนั่นน่าสนใจมากเลยนะ ผมเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะมีคนมาเวิร์คฯ ที่นั่น


“บาสอยู่ปีไรแล้ว” ผมถามต่อยิ้มๆ เอียงคอมองคนตรงหน้าเล็กน้อย


“ปีสี่ครับ” ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมทำตาโตด้วยความดีใจ


“ปีเดียวกันเลย!” เนียนซะเลยว่าปีเดียวกัน แหม… ก็ปีเดียวกันจริงๆ นี่นา บาสยิ้มหล่อๆ แต่ออกแนวเป็นยิ้มขำๆ กับสีหน้าและน้ำเสียงกระตือรือร้นของผมซะมากกว่า


“มีกระเป๋าอีกมั้ย เดี๋ยวผมช่วยขน” เขาเสนอตัวช่วย ช่างมีน้ำใจซะจริงพ่อหนุ่มแว่นโต


“มีๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราจัดการเอง อีกสองใบไม่หนักเท่าอันนี้” บาสยิ้มแล้วโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเดินลงบันไดไป ผมมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับตาก่อนจะได้ยินเสียงกุกกักๆ ข้างล่าง แล้วสักพักเขาก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกระเป๋าสองใบ โอ้… แม่เจ้า ยามเขายกกระเป๋ากล้ามแขนมันช่างชัดเจนน่าซบจริงๆ


“ห้องอยู่ฝั่งไหนหรอ” บาสถามทั้งที่ยังถือกระเป๋าอยู่ในมือ ผมพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้มองกล้ามแน่นๆ นั่น
อ้ากกก! พวกอาตี๋แต่ตาไม่ตี่ เวลาเล่นกล้ามแล้วเนื้อแน่นๆ ผิวขาวๆ นี่มันช่างชวนใจเต้นจริงๆ


“ริมสุดฝั่งนี้เลย” ผมชี้ไปทางซ้ายมือที่ตัวเองยืนอยู่แต่มันคือขวามือของบาส เขายิ้มแล้วเดินตรงไปที่ห้องของผม ผมลากกระเป๋าใบใหญ่ตามเขาไป แล้วรีบเปิดประตูห้องให้อีกฝ่ายเอาประเป๋าไปวางไว้บนเตียง


“ขอบใจมากนะ แล้วห้องบาสอยู่ชั้นไหนอ่ะ” อันนี้ผมถามเฉยๆ นะ ไม่ได้คิดอกุศลอะไรเลย


“ชั้นเดียวกันเนี่ยแหละ ห้องตรงข้ามนี่ไง” เขายิ้ม ผมยิ้มหน้าเหลอหลา มีความดีใจแล่นไปแล่นมาในอก ผมมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อเก็บรายละเอียด จมูกโตแต่โด่ง ดวงตาเรียวแต่ไม่ตี่ไม่โตจนเกินไป โครงหน้าเกือบแหลมรับกับทรงผมซอยสั้นที่ระต้นคอเป็นอย่างดี ดูท่าบาสจะมีเชื้อสายจีน แต่หน้าไม่จีนจ๋าขนาดนั้น


“หรอ ดีๆ ไว้มีอะไรจะไปเคาะนะ” ผมยิ้มกว้าง แล้วพลางนึกสงสัยว่าทำไมถึงไม่รู้สึกเศร้าหรือเหงาอะไรเลย ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ ควรคิดถึงพ่อกับแม่บ้างนะผมว่า


“แต่อย่าเคาะยี่สิบสี่ชั่วโมงนะ ไม่ใช่เซเว่น” เขาบอกติดตลก ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง


“แล้วมาเวิร์คเหมือนกันหรอครับ” ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก


“มาฝึกงานน่ะ” บาสทำหน้าเข้าใจก่อนจะขอตัวกลับไปที่ห้อง เขาเดินผ่านผมไปที่หน้าประตูห้องแล้วหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามอง ผมจ้องเขาตาแป๋วเป็นคำถาม


“นายชื่ออะไร ยังไม่ได้บอกผมเลย”


“อ๋อๆ เราชื่อแมทนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเพื่อนห้องตรงข้าม” บาสยิ้มที่มุมปากอย่างเท่ ก่อนจะบอกเสียงทุ้ม


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ แมท” ผมยิ้มตอบกลับไป บาสค่อยๆ ปิดประตูลงช้าๆ ทิ้งให้ผมยืนมึนๆ กับรอยยิ้มและสีหน้าอันดูสุขุมแต่มีเสน่ห์นั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติได้และเริ่มจัดของให้เข้าที่เข้าทาง


[ยังไม่จบค่ะ มีต่ออีก T_T]









หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 14-06-2015 19:44:31
กรี๊ดดดดดด พี่วิค น้องแมท มาเล้าาา. ดีใจมากค่าาาาา :mc4:
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: littletwinstar. ที่ 14-06-2015 19:57:04
เย้ๆ พี่วิคกับแมทมาเเล้ว เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 14-06-2015 20:05:15
พี่วิคคคคคค  :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 14-06-2015 20:14:37
รักยักษ์กับเอเลี่ยนน้อยๆที่สุดด  ❤️❤️❤️❤️
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: TYKKK_HY ที่ 14-06-2015 21:15:34
เย้ๆๆ พี่วิคน้องแมทมาถึงเล้าแล้วว
เป็นกำลังใจให้พี่ตอมกับพี่วิคของเรานะคะ

 :mew3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 14-06-2015 22:07:01
มาเชียร์น้องแมท  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 14-06-2015 22:21:35
 :3123: :L2: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 14-06-2015 23:04:27

เนื้อหาต่อจากด้านบนอยู่นี่จ้า ^^

เมื่อวานหลังจากจัดของเสร็จเรียบร้อย ผมกะว่าจะออกไปเดินเล่นรอบๆ สักหน่อย แต่ดันเหนื่อยจนหลับยาว ตื่นมาอีกทีก็ตีสองแล้ว ผมเลยโทรบอกพ่อกับแม่ว่าถึงที่พักปลอดภัยดี ก่อนจะถ่ายรูปสวนหลังบ้านที่สวยมากกก อัพลงไอจีกับเฟซบุ๊ค พอตื่นขึ้นมาคราวนี้ผมก็นอนไม่หลับอีก เลยนั่งเล่นเน็ตดูซีรีส์ยันเช้า ก่อนจะรีบไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงานวันแรก


ผมจัดการเรียกแท็กซี่ไปก่อนในวันแรก เพราะกะว่าขากลับค่อยหาทางขึ้นรถไฟใต้ดินหรือไม่ก็จะลองเดิน หลังจากประเมินระยะทางจากการนั่งแท็กซี่ไปทำงานในเช้านี้ว่าอันไหนสะดวกกว่ากัน แต่แน่ล่ะรถไฟใต้ดินย่อมสะดวกกว่าอยู่แล้ว เพียงแต่ผมคิดว่าถ้ามันสามารถเดินได้โดยตื่นเช้าหน่อยๆ ก็น่าจะประหยัดเงินดีนะ
แต่พอมาถึงที่ทำงานผมก็รู้ว่ารถไฟใต้ดินน่าจะดีกว่า แม้ดูแล้วมันจะเดินมาได้ แต่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เลย เอาไว้วันไหนเปลี่ยวๆ ค่อยเดินก็แล้วกันนะ ช่วงแรกๆ คงต้องขอใช้บริการ subway ไปก่อน


พูดถึง subway ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไร ผมเลยเดินไปหาร้านอาหารฟาสฟู้ดที่อยู่ตรงมุมถนนแห่งหนึ่ง แล้วต่อคิวเพื่อสั่งแฮมเบอร์เกอร์มากิน ก่อนจะขอฟุ้งฟิ้งด้วยการดื่มสตาร์บัค ณ นิวยอร์คสักแก้ว แล้วเดินกลับไปที่ตึกที่ทำงาน
งานที่ผมเลือกมาฝึกมาทำ คือบริษัทเอเจนซี่ดูแลนายแบบนางแบบ เป็นเอเจนซี่ที่ดังเป็นอันดับต้นๆ ของวงการนายแบบนางแบบของที่นี่พอสมควร ตึกที่ทำงานอยู่ใกล้ๆกับ Madison Avenue ย่านตึกระฟ้า ที่มีเหล่ากองบรรณาธิการดังๆ มากมายสถิตอยู่ แต่ตัวตึกของเอเจนซี่ที่ผมมาทำงานไม่ได้อยู่ในย่านนั้นหรอกนะ อยู่เขยิบออกมาหน่อย ผมเงยหน้าขึ้นมองตึกสีแดงของอิฐที่สูงห้าชั้น แล้วสะดุดกับป้ายชื่อเอเจนซี่สีขาวที่เรียงเป็นตัวอักษรนูนๆ ทีล่ะตัว


‘MARS & VENUS Management’


ถ้าให้เดาเทพเจ้าแห่งดาวอังคารคงสื่อถึงตัวผู้ชาย ส่วนเทพเจ้าแห่งความงามคงสื่อถึงตัวผู้หญิงสินะ ผมเม้มปากยักคิ้วกับความคิดตัวเองแล้วกระดกสตาร์บัคเข้าปากก่อนจะเดินไปที่ประตูกระจกเพื่อจะเดินเข้าไปข้างใน ผมกะว่าใช้มือผลักแล้วดันเปิดตามปกติ แต่เทพเจ้า Mars และ Venus คงอยากจดจำผมไว้สินะ เลยให้ผมเดินชนประตูกระจกเต็มหน้า ผมหลับตายืนนิ่งพยายามข่มใจกับความเจ็บตุบๆ ที่หน้าผากและจมูก บางทีจมูกโด่งก็สร้างความเจ็บได้เหมือนกันแต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกดั้งโด่งดีกว่าดั้งดับล่ะนะ


“Hey, are you alright? (เฮ้ เธอโอเคมั้ย)” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมสะบัดๆ หน้าสองสามทีแล้วหันไปมอง ก็เจอกับหญิงสาวรูปร่างอวบๆ แต่ไม่อ้วน ผมว่าเธอมีหุ่นกำลังดีเลยนะในสายตาผม ผมสีน้ำตาลยาวสลวยถึงบ่า ดวงตาสีฟ้าจ้องมองผมด้วยความกังวลใจ ผมยิ้มให้เธอก่อนจะตอบ


“I’m fine. (ปกติดีครับ)” ผมมึนจนคิดคำศัพท์อะไรไม่ออก และพยายามมองหน้าเธออย่างมีสติ


“And, errr. Can I help you? (และ เอ่อ… มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ)”


“Oh, I’m a trainee from Thailand. I send an email to your agency, and today is my starting day. (อ้อ ผมเป็นนักศึกษาฝึกงานจากเมืองไทย ผมส่งอีเมล์มาที่เอเจนซี่ของคุณครับ แล้ววันนี้ก็เป็นวันแรกของผม)”


“Oh, I got it. Follow me. (อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ ตามฉันมาสิ)” เธอเปิดประตูกระจกให้กว้างขึ้น ผมเดินเข้าไปข้างในตัวอาคาร แล้วรอเธอปิดประตู ก่อนจะเดินตามเธอเข้าด้านใน สาวตาฟ้าพาผมมาที่ห้องๆ หนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นห้องทำงานของใครสักคนที่มีตำแหน่งสำคัญพอสมควร เธอเปิดประตูให้ผมเข้าไป อย่างแรกที่ผมได้ยินคือสำเนียงอเมริกันที่กำลังพูดคุยโทรศัพท์เสียงโวยวาย


“หมอนั่นยังไปไม่ถึงสตูดิโออีกหรอ?...อะไรกัน ฉันโทรเตือนมันเป็นสิบๆ รอบแล้ว…ให้ตายสิ! หมอนี่มีหูไว้แคะอย่างเดียวรึไง…ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดการให้ หมอนั่นจะไปถึงสตูดิโออีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง…เท่านี้นะ!” เธอกดวางสายแล้วหันใบหน้าสวยๆ แต่ดูยุ่งเหยิงด้วยความหงุดหงิดมาทางผมที่กำลังยืนหน้าเอ๋ออยู่ เธอมองผมแล้วขมวดคิ้ว


“นายเป็นใครกัน” สำเนียงต้นฉบับแบบอเมริกันพูดเร็วปรื๋อ ผมตั้งสติแล้วตอบออกไป


“เป็นเด็กฝึกงานคนใหม่ครับ คนที่ส่งอีเมล์มาตื๊อคุณ…” ผมเบรกตัวเองไว้แค่นั้นเมื่อเธอยกมือขึ้นห้ามไม่ให้ผมพูด แต่สีหน้าเธอดูเข้าใจ แล้วพยักหน้าเร็วๆ เธอก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ ก่อนจะเงยหน้ามองผมที่กระพริบตาปริบๆ แล้วเคลื่อนลูกตาไปซ้ายทีขวาทีด้วยความงง เธอมองหน้าผมอีกรอบก่อนจะทำหน้าเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่าง


“งั้นเริ่มงานแรกเลยละกัน ถือเป็นการทดลองงาน ถ้าผ่านงานนี้ได้ ก็ฝึกต่อไปจนจบและฉันจะเซ็นใบฝึกงานให้ ตกลงมั้ย?” ผมอ้าปากหวอนิดๆ แทบตั้งตัวไม่ติดกับงานด่วนที่เพิ่งได้รับ ผมทั้งอ้าปาก หุบปากและกัดปาก ก่อนจะพยักหน้าตอบเร็วๆ


“ตกลงครับ ตกลง” เธอยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะดีดนิ้ว


“ดี! ให้มันสมกับที่ฉันยอมรับเธอมาหน่อย งั้นไปเลย!” ผมเบิกตากว้างมองสาวสวยผมสั้นสีทอง ดวงตาสีฟ้าสุกสว่างด้วยความงงและตกใจ


“ไป? ไปไหนครับ?!” เธอเอามือตบหน้าผากดัง แปะ! ก่อนจะก้มลงจดอะไรใส่กระดาษขยุกขยิก ก่อนจะยื่นส่งมาให้ผม ผมรับกระดาษเอสี่ใบนั้นมาไว้งงๆ


“ไปที่ Upper East Side ตามที่อยู่ที่ฉันให้ไป แล้วตามไอ้ตัวการที่กำลังทำให้ฉันอารมณ์เสียไปถ่ายแบบนิตยสารให้ได้ เพราะตอนนี้ทีมงานรอมันมาเป็นชั่วโมงแล้ว!” เธอรัวใส่ผมเป็นชุดๆ ด้วยท่าที่โกรธจัด แต่คิดว่าคงไม่ได้โกรธผมน่าจะโกรธ ไอ้ตัวการ ที่เธอเอ่ยถึงมากกว่า


“โอเคครับ แค่ตามให้เขาไปถ่ายแบบให้ได้ใช่มั้ยครับ”


“แล้วนายก็เฝ้าหมอนั่นไว้จนกว่าจะทำงานเสร็จและพามาหาฉันที่นี่ เพราะฉันมีเรื่องจะคุยกับหมอนั่น เข้าใจมั้ย?” ผมพยักหน้ากึกๆ สีหน้าตื่นๆ


“ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปจัดการซะ ทำให้ได้นะ อย่า ขวัญเสีย หนีออกมาก่อนล่ะ ไม่งั้นฉันไม่ให้นายผ่านฝึกงานแน่ๆ” ทำไมต้องเน้นคำว่า ขวัญเสีย ด้วย เกิดความรู้สึกว่า ไอ้ตัวการ ที่ว่านั่นต้องมีซัมติงแน่ๆ


“Go! (ไปสิ)” ผมสะดุ้งเล็กน้อย แล้วรีบโค้งให้เธอนิดๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงานของผู้หญิงที่ยังไม่ทันได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ แต่ผมก็รู้ชื่อเธอแล้วจากการคุยอีเมล์กัน ผมเดินมาที่ประตู ระหว่างที่กำลังจะกดสวิชต์สำหรับเปิดประตู สาวตาฟ้าที่เปิดประตูให้ผมก็วิ่งเอาป้ายพนักงานมาให้พร้อมกับบอกว่ามันใช้สำหรับเปิดประตูเข้ามา ผมกล่าวขอบคุณแล้วเปิดประตูออกไป ผมยืนมองซ้ายขวาอยู่พักหนึ่งเพื่อหาทางไป ก่อนจะก้มลงมองกระดาษในมือแล้วอ่านที่อยู่อย่างเร็วปรื๋อ คงต้องแท็กซี่อีกสินะ ผมกำลังจะละสายตาตัวเองไปเพื่อโบกแท็กซี่ แต่ก็ต้องสะดุดกับชื่อๆ หนึ่งที่ผู้หญิงที่รับผมเข้ามาฝึกงานเขียนไว้หวัดๆ


Victor Raymond (วิคเตอร์ เรย์มอนด์)

คงเป็นชื่อของ ไอ้ตัวการ ที่ผมกำลังต้องไปจัดการสินะ









รถแท็กซี่มาจอดเทียบท่าตรงฟุตบาทตรงหน้าบ้านทรงสูงหรูหราสีน้ำตาลเข้มหลังหนึ่ง ผมปิดประตูแล้วก้าวขึ้นบันไดไป ก่อนจะก้มลงมองบ้านเลขที่ที่อยู่ในกระดาษกับที่ติดอยู่ตรงประตูก็พบว่ามันคือที่เดียวกันอย่างไม่ผิดแน่ๆ ผมพับกระดาษยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์แล้วกดออด แต่ออดเจ้ากรรมดันบุบลงไปทันทีที่ผมกด เฮ้ย! ผมเปล่าทำพังนะ ผมรีบชักมือกลับ แล้วเคาะประตูแทน แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ ผมลองเอาหูแนบกับประตู ได้ยินเสียงเพลงดังแว่วๆ  ผมผละตัวเองออกแล้วลองเคาะอีกที แต่ปรากฏว่าก็ยังไม่มีอะไรตอบรับ ผมเลยลองจับที่เปิดประตูก่อนจะกดแล้วบิดเข้าไป


อ้าว! ไอ้หมอนี่มันเปิดประตูบ้านทิ้งไว้แฮะ ไม่กลัวโจรขึ้นบ้านเลยรึไง ผมค่อยๆ แง้มประตูเปิดเข้าไป เสียงเพลงที่ตอนแรกดังแว่ว กลายเป็นดังกระหึ่มทันทีที่ผมเข้ามายืนในพื้นที่ในบ้าน ผมปิดประตูตามหลัง แล้วมองไปรอบๆ ช่างดูหรูหราเสียจริง แต่ก็ไม่ได้โอ่อ่าระดับพระราชวังหรอกนะ สไตล์การตกแต่งเป็นแนวสมัยใหม่ซะมากกว่า ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาเช็คเวลาก็เลยรู้ว่าตัวเองเสียเวลาไปยี่สิบนาทีแล้วในการตามตัวหมอนี่ไปถ่ายแบบ 


“Hello? (หวัดดีครับ)” มีแต่เพียงเสียงเพลงร็อคอันเร้าใจเท่านั้นที่ตอบผมกลับมา ผมค่อยๆ เดินเข้าไป ผ่านโซนครัวที่เป็นสไตล์โมเดิร์น เสียงเพลงดังมาจากห้องกว้างๆ ห้องหนึ่งที่อยู่เยื้องๆ กับห้องครัว เป็นห้องที่ไม่มีประตูปิด มีเพียงรูปทรงโค้งใหญ่ๆ และกว้างขวาง คล้ายๆ กับประตูชัยที่ฝรั่งเศสอะไรทำนองนั้น ผมรีบเดินไปที่ห้องนั้นทันทีเพราะคิดว่าอาจจะเจอใครอยู่ก็ได้ และผมก็เจอจริงๆ ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนโซฟาสีขาวตัวยาว กำลังนอนอ้าแข้งอาขา มือถูกเชือกมัดอยู่เหนือหัว สีหน้าบ่งบอกถึงความทรมานใจ ผมเบิกตากว้างมองภาพนั้นด้วยความตกตะลึง


ผู้หญิงคนนั้นผมยาว ผิวสีแทนดูเซ็กซี่ หล่อนกำลังเงยหน้าไปด้านหลัง ริมฝีปากเผยออ้า และเหมือนพยายามจะยกมือที่ถูกมัดไว้มาต่อสู้กับผู้ที่กำลังทำร้ายเธอด้วยลิ้น!


เต็มๆ ตาครับ นมสองเต้าเต็มตาผมเลย มันอวบอิ่ม และเต่งตึง เธอเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ แต่ผมไม่เห็นส่วนล่างเธอหรอกนะ เพราะมีใครบางคนใช้ศีรษะปิดบังไว้ ผมตัวแข็งทื่อ พยายามบอกตัวเองให้เดินหลบ หรือเดินหนี หรือมุดหนีก็ได้ แต่ร่างกายมันไม่ไปไหน มันไม่ขยับ แล้วสักพักแม่สาวผมลอนสีดำเข้มที่กำลังส่งเสียงระทวยราวกับจะขาดใจก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเพราะความตกใจ


“Oh! Shit! Who’s that?! (อ๊าย! เวรแล้ว นั่นใครน่ะ)” ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้เลยว่าสีหน้าตัวเองตอนนี้หดแค่ไหน ผมยิ้มแห้งๆ ไปให้หล่อน แต่หล่อนกำลังตื่นกลัว


ผู้ชายที่อยู่ตรงหว่างขาของเธอ ซึ่งผมเดาว่ากำลังใช้ลิ้นตวัดส่วนวาบหวิวของเจ๊ชะนีผิวแทนอย่างถึงพริกถึงขิงเงยหน้าขึ้นมอง เจ๊แกส่งสายตามาทางผมที่ตอนนี้พยายามไม่หดคอเหมือนเต่า และกระพริบตาปริบๆ  มองกลับไปอย่างหวาดๆ ผู้ชายคนนั้นหันมามองที่ผมด้วยสายตาอันคมกริบ ใบหน้าแสดงอาการเรียบเฉย พร้อมกับสันกรามที่ขบกันแน่นด้วยความไม่พอใจ
ผมยืนตัวแข็งทื่อกับสายตาที่เขาส่งมาทางผม พ่อหนุ่มนักรักลุกขึ้นยืนในสภาพที่เสื้อและกางเกงยังอยู่ครบ แต่พอเขาหันร่างมาเท่านั้นแหละ เลือดกำเดาผมแทบพุ่ง เพราะกระดุมเสื้อเชิ้ตขาวถูกปลดออกจนเห็นแผงอกสีขาวที่ผสมสีน้ำตาลอันอวบแน่นและหัวนมสีน้ำตาลเหมือนเม็ดอัลมอนด์ ช่วงลำตัวของเขายาวเลยทำให้ซิกซ์แพ็คเรียงตัวสวยงาม เขาไม่ได้มีกล้ามท้องแบบแข็งปักน่ากลัว แต่ดูเป็นเนื้อนุ่มเนียน น่าสัมผัส สะโพกรูปสามเหลี่ยมทรงคว่ำก็ดูเซ็กซี่ยั่วใจเหลือเกิน 


พ่อคุณเอ๊ย…


ยิ่งเวลาที่มันเคลื่อนไหวยามเขาเดินมันยิ่งยั่วตาและยั่วใจผมจริงๆ แถมกางเกงยีนส์ที่เขาใส่ก็แบะออกจนเห็นไรขนอ่อนๆ ที่ขึ้นไปถึงสะดือ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้ที่มันซ่อนตัวอยู่ในกางเกงยีนส์จะบิ๊กไซส์ขนาดไหน เพราะตอนนี้มันดูเหมือนจะระเบิดออกมาทักทายโลกแล้ว ผมพยายามไม่มองต่ำและเงยหน้าไปมองใบหน้านั่นแทน แต่ผมคิดผิดกับผู้ชายคนนี้ เพราะมันน่ามองไปหมดไม่ว่าจะเป็นใบหน้า จมูก ตา กลีบปากหนาสีแดงนิดๆ


โอ้ย… ไม่เพอร์เฟ็กต์หรอกแต่โคตรมีเสน่ห์ ช่างยั่วเย้า


“Who are you? (นายเป็นใคร)” เขาถามผมเสียงห้วน ด้วยสำเนียง British ผมเอียงคอเล็กน้อยแล้วกระพริบตาปริบๆ ริมฝีปากเผยอขึ้นด้วยความเอ๋อที่กินสมองไปแล้ว


“เอ่ออ… ผม… ผมเป็น…” เขาขมวดคิ้วมองหน้าผมเมื่อผมเกิดอาการติดอ่าง ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ได้แต่หวังว่าหน้าจะไม่แดงล่ะนะ


“You are not American or England? An Alien? (ไม่ใช่คนอเมริกาหรืออังกฤษนี่ ต่างด้าวหรอ?)” จากที่ก้มหน้าไว้เพราะกลัวตัวเองจะหน้าแดง ประโยคนั้นทำให้ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง เขาถามหน้าตายและน้ำเสียงห้วนๆ ดวงตาสีน้ำตาลที่เห็นชัดว่ามันคือสีน้ำตาลจ้องมองผมด้วยความเรียบเฉยแต่แฝงความหงุดหงิดเอาไว้


“Victor. Hurry up! I wanted you now! (วิคเตอร์ เร็วๆ หน่อย ฉันต้องการคุณเดี๋ยวนี้นะ)” เจ๊อ้าขาส่งเสียงดังลั่นมาจากทางด้านหลัง


“Wait, or use the vibrator! (รอก่อน ไม่งั้นก็ใช้เครื่องสั่นไปละกัน)” เขาตะโกนตอบกลับไปทั้งที่ยังก้มหน้าจ้องหน้าผม เล่นเอาผมสะดุ้งกับเสียงห้าวๆ แต่ทะว่ากลับน่าฟังนั่น


“ตกลงนายเป็นใคร” เขาถามผมอีกครั้ง ผมมองใบหน้าที่มีหนวดเคราสีดำขึ้นเป็นตอสั้นๆ มันดูสากแต่ก็น่าสัมผัสในเวลาเดียวกัน กระแอมคอเล็กน้อยเพื่อให้ลำคอโล่ง ก่อนจะตั้งสติตอบให้รู้เรื่องและใช้สำเนียงที่ดีที่สุด


“ผมเป็นเด็กฝึกงานที่เอเจนซี่ส่งให้มาดูแลคุณครับ” ผมกระพริบตาปริบๆ จนเห็นแพขนตาของตัวเอง ผมช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่าย ก็ยังเห็นว่าเขามองผมด้วยสายตานิ่งๆ แบบเดิม


โอ้ย… จะนิ่งไปไหนพ่อคุณ  ซ้อมยืนเป็นโมเดลปั้นหุ่นขี้ผึ้งอยู่หรอ ผมเอียงคอมองเขา ตอนนั้นเองที่เขาขมวดคิ้วเข้าหากันราวกับไม่เข้าใจเรื่องอะไรสักอย่าง


“ฉันไล่นายออก ไม่ต้องมาดูแลฉัน” เขาบอกเสียงห้วน สั้นๆ ง่ายๆ และหน้าตาย


อะ… อะไรนะ ไล่ออก? ผมอ้าปากหวอ จ้องมองตาสีน้ำตาลคู่สวยที่สุกใสของเขา


“Fired? Kidding me? (ไล่ออก? ล้อเล่นใช่มั้ย?)” คราวนี้ผมขมวดคิ้วมองเขากลับบ้าง อีกฝ่ายยกคิ้วขึ้นสูงแล้วยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยันๆ แต่ก็ดูจะขำด้วยเช่นกัน


“คนอย่างฉันไม่เคยล้อเล่น บอกว่าไล่ออกก็คือไล่ออก นายไปได้แล้ว” เขาทำท่าจะหมุนตัวเดินไป แต่ผมรีบคว้าข้อมือเขาไว้ ไม่ได้จับเพราะพิศวาสอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องก่อน เขาหันมามองหน้าผมก่อนจะก้มลงมองมือผมที่จับมือเขาไว้ ผมปล่อยมือเขาออกก่อนจะบอกสีหน้าจริงจัง


“คุณไล่ผมออกไม่ได้ เพราะคุณไม่ได้เป็นคนตอบรับอีเมล์ให้ผมมาฝึกงานที่นี่” เขาขมวดคิ้วสีดำเข้มของตัวเองแล้วไล่สายตามองผมตั้งแต่หัวจดเท้า


เฮ้ย! ถึงตัวจะเตี้ยกว่าหลายเซ็นต์แต่ผมก็เตะก้านคอถึงนะเว้ย!


“นายกล้าเถียงฉันหรอ”


“ผมไม่ได้เถียง ถ้าผมเถียง คุณจะไม่มีโอกาสได้พูดหรอก…” เขามองหน้าผมนิ่ง นี่เขาไม่คิดจะเปลี่ยนสีหน้าเลยใช่มั้ยเนี่ย มีหน้าเดียวหรอชีวิตนี้


“…และตอนนี้ผมก็มาตามคุณให้ไปทำงาน ทีมงานรอคุณมาเป็นชั่วโมงแล้วที่สตูดิโอถ่ายแบบ ทางเอเจนซี่ส่งผมให้มาตามคุณไปทำงานเดี๋ยวนี้ และผมหวังว่าคุณจะกระตือรือร้นไปทำงานมากกว่าจะทำอย่างอื่น” ผมพยายามบอกเสียงและสีหน้าที่มั่นใจไม่สั่นไหว ทั้งที่ในใจกลัวมากกก กลัวว่าหมอนี่จะชกหน้าเข้าให้ เพราะเขาทำหน้านิ่ง ทำเป็นเข้มตลอดเวลา โอ๊ย พี่เอ้ย แค่หน้าพี่บวกกับหนวดเคราพี่แค่นี้ก็เข้มแล้ว ไม่ต้องเก๊กหน้าหรอก


“แล้วถ้าฉันอยากทำ อย่างอื่น ให้เสร็จก่อนล่ะ” เขายักคิ้วทั้งสองข้างเร็วๆ ให้ผม ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊กปฏิเสธทันที


“ผมว่าทำงานให้เสร็จก่อนแล้วหลังจากนั้นคุณจะทำอย่างอื่น อีกหลายอื่นก็ทำไปเถอะครับ แต่ตอนนี้ช่วยไปทำงานก่อนได้มั้ย ไม่ได้ให้เห็นใจผม แต่ช่วยเห็นใจทีมงานที่ต้องรอคุณด้วย เขาต้องทำมาหากินนะ” ผมบอกพลางส่งสายตาเคืองๆ ไปให้เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะคนๆ เดียว ผมโคตรจะไม่ชอบเลย ตอนผมละครเวทีวิชา Drama ตอนปีสาม แล้วต้องมานั่งรอคนๆ เดียวเพราะติดธุระไร้สาระแบบนี้


“Victor! Come here, baby! (วิคเตอร์ มานี่เถอะ ที่รัก)” อ้าว ลืมไปเลยว่าเจ๊แกยังอยู่ และอยู่ในสภาพที่ถูกมัดมือ พร้อมกับสภาพเปลือย คนถูกเรียกไม่ได้หันกลับไป แต่ขบกรามแน่นจนรูปหน้าชัดและตะเบ็งเสียงกลับไป


“I’m not your baby! (ฉันไม่ใช่ที่รักของเธอ!)” ผมเดาเอว่าเจ๊นั่นก็คงสะดุ้ง เพราะผมเองก็ยังแอบสะดุ้งเหมือนกัน โชคดีที่ที่กระตุกแค่ช่วงไหล่และหลับตาปี๋ก่อนจะรีบลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เพราะตื่นตะลึงกับเสียงอันหงุดหงิดนั่น


“What?! (อะไรนะ)” เจ๊แกส่งเสียงแหลมๆ ถามกลับมา แต่ดูเหมือนพ่อตาสีน้ำตาลหน้าหล่อจะไม่สนใจเจ๊แกเลย เอาแต่จ้องมองหน้าผมด้วยสายตาและใบหน้าเครียด เฮ้ย เครียดยัยเจ๊ก็ไปมองทางนั้นดิ มามองไรทางนี้เนี่ย
ผมทำปากเป็ดยื่นแล้วเอียงคอมองหน้าอีกฝ่าย จนเขาขมวดคิ้วอีกครั้งราวกับไม่เข้าใจอะไรบางอย่างอีกเรื่อง และผมก็พยายามที่จะไม่มองหุ่นหรือช่วงล่างของเขาเด็ดขาด เพราะมันทำให้หน้าร้อนผ่าวได้ดีจริงๆ


“Well, what are you doing, now, Victor? (ว่ายังไงล่ะครับคุณวิคเตอร์)” ผมถามเพื่อให้เขาตัดสินใจสักที ไม่ใช่เอาแต่ยืนโชว์หุ่นสวยๆ และแนบแน่นแบบนี้  เขาขยับเข้ามาใกล้ผมอีกนิด แล้วก้มหน้าลงมองผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ผมแอบเห็นสายตาของอีกฝ่ายเหมือนกำลังดูงงๆ อะไรสักอย่าง


“Alright. I will go to studio, but bear in your mind. Don’t call me Victor, because YOU and I are not friend or anything. (ก็ได้ ฉันจะไปสตูดิโอ แต่จำใส่ใจไว้นะว่าอย่าเรียกฉัน วิคเตอร์ อีก เพราะ นาย กับ ฉัน  ไม่ใช่เพื่อนกันหรืออะไรทั้งสิ้น)” เขาบอกเสียงเรียบนิ่งโทนเดียวตั้งแต่จนจบ พร้อมกับใบหน้าที่เรียบเฉย ผมขมวดคิ้วงงว่าเขาเป็นบ้าอะไร ไอ้หล่อน่ะไม่ปฏิเสธหรอก แต่ทำไมต้องทำหน้าตาท่าทางเก๊กเคร่งขรึมแบบนี้ด้วย แต่ผมไม่อยากมีเรื่องหรือต่อความยาวสาวความยืดเลยตอบรับเพื่อตัดปัญหา


“Okay! No problem. Mr.Raymond, happy?! (ก็ได้ ไม่มีปัญหาครับ คุณเรย์มอนด์ พอใจมั้ย)” ผมฉีกยิ้มกว้างให้เขา พร้อมกับกระพริบตาไปให้ อีกฝ่ายขมวดคิ้ว (อีกแล้ว) ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไป


“See you later. (เจอกันวันหลังนะ)” เขาบอกเจ๊ผิวแทนพลางเอื้อมมือไปปลดเชือกที่มัดข้อมือของเจ๊แกออก เจ๊แกโวยวายยกใหญ่ว่าทิ้งให้แกอารมณ์ค้างอย่างนี้ได้ยังไง วิคเตอร์ไม่สนใจแต่กลับสั่งให้เจ๊แกจัดการตัวเองเร็วๆ เจ๊แกบ่นไปใส่เสื้อผ้า อันที่จริงอย่าเรียกว่าบ่น เรียกว่าด่าดีกว่า


“Son of bitch! Mother fucker! (ไอ้ชาติหมา! ไอ้แม่เช็ดดด!)” พอแกสวมเสื้อสูทที่เป็นชิ้นสุดท้ายเสร็จ แกก็กระแทกเท้าออกไปจากบ้านทันที ผมได้ยินเสียงประตูกระแทกปิดอย่างแรงจนผมเบิกตากว้างแล้วสะดุ้ง ก่อนจะหันมามองอีกคนที่เหลืออยู่ในห้องที่ตอนนี้ติดกระดุมเสื้อครบทุกเม็ดแล้ว และกำลังรูปซิบกางเกงยีนส์ขึ้น เขาชำเลืองมองมาทางผมด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะเอือมๆ หน่อยๆ


มาเอือมอะไรผมเนี่ย ยังไม่ทันทำอะไรให้เลย


“เสร็จงานนี้ฉันก็ยังจะไล่นายออกอยู่ดี” เขาบอกพลางเดินตรงมาที่ผม ผมทำหน้ายู่เล็กน้อย แล้วเอียงคอมองอีกฝ่าย


“เสร็จงานนี้แล้วค่อยว่ากันนะครับคุณเรย์มอนด์” ผมส่งยิ้มให้เขาแล้วผายมือให้เขาออกไปทางประตูบ้าน เขาชำเลืองมองผมเล็กน้อยตอนเดินผ่านไป ผมถอนหายใจโล่งอกก่อนจะเดินตามเขาไปที่ประตู พอออกมาข้างนอก ยังไม่ทันจะได้ล็อคบ้านให้ หมอนั่น
ก็ขับรถแลมเบอร์กินี (Lamborghini) สีเทาเข้มเงาวับออกไปอย่างรวดเร็ว


“อ้าวเฮ้ย!” ผมวิ่งลงบันไดมา ได้แต่มองตามรถวัวกระทิงดุวิ่งฉิวออกไป ผมยืนเกาหัวแกรกๆ มองซ้ายมองขวา แล้วนี่สตูดิโอมันอยู่ไหนล่ะวะเนี่ย ผมหยิบกระดาษที่เอเจนซี่ให้มา มาเปิดดูอีกครั้งเผื่อจะมีบอกไว้ แต่เขาคงไม่คิดว่าผมจะถูกทิ้งแบบนี้สินะเลยไม่ด้เขียนบอกไว้ให้ ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์เอเจนซี่ที่จดมาในกระดาษแล้วโทรไปถามทางไปสตูดิโอ ผมไม่มีปากกาให้จดเลยพยายามทวนหลายๆ ครั้งและจำใส่สมองไว้ทันที ผมวางสายแล้วมองไปที่บ้านสุดหรูของพ่อพระเอก ก่อนจะหันไปมองท้องถนนที่รถสุดหรูนั่นวิ่งจากไปแล้ว นึกสงสัยว่านายแบบอะไรทำไมรวยจังวะ


แต่ก็คงได้แต่สงสัยแบบไม่มีคำตอบต่อไป ผมส่ายหัวกับตัวเองเบาๆ แล้วมองหารถของตัวเองบ้างนั่นก็คือพี่แท็กซี่สีเหลืองๆ นั่นแหละ คาดว่ากลับไทยอาจได้สามีเป็นคนขับแท็กซี่ไปฝากพ่อกับแม่แน่ๆ


วันแรกของการฝึกงานของผมก็จะโดนไล่ออกซะแล้ว โถ! ชีวิต

   

-------------------------------TBC.------------------------------

ยาวมาก T__T โหดสุด ยังไงฝากเนื้อฝากตัวนัก (ชอบ) เขียน คนนี้ไว้ที่เล้าเป็ดด้วยนะคะ หวังว่าจะถูกใจเหล่าชาวเล้าเป็ดบ้างไม่มากก็น้อย กดไลค์เฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์เพื่ออัพเดตข่าวสาร และเม้าท์มอยหอยกาบกับนักเขียนได้ที่นั่น นักเขียนชอบเม้าท์ และเพ้อนิยายนอกรอบที่นั่นบ่อยๆ ^__^

FICTION Y BY ขุ่นเจ้ (https://www.facebook.com/FictionYByKhunjae) & TWITTER (https://twitter.com/datomh)

หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 15-06-2015 11:31:12
ดีใจที่ขุ่นเจ้เอามาลงในเล้าเป็ดนะคะ ปกติอ่านในเด็กดี  :hao5:
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 15-06-2015 11:59:26
เข้ามากรี๊ดอีกคน รักเรื่องนี้ค่า
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: BoolinMini ที่ 15-06-2015 13:28:37
อื้อหือออ พ่อพระเอกกกกกก อะไรจะมาดแมนแฮนซั่มขนาดดด

แมทดูทันคน สู้คนดี เราขอบ ติดตามนะคะ มาต่อไวไวอย่าให้ค้างเหมือนเจ้ผิวแทนละ เฮือกกก
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Invisible girl ที่ 15-06-2015 13:52:24
ดีใจที่เอามาลงเล้า
มาเชียร์น้องแมทค่าา
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-06-2015 17:37:13
CHAPTER 2 :: Victor Jean Raymond

ผมจ่ายเงินให้กับแท็กซี่โดยที่ในหัวสมองกำลังคิดเรื่องที่เพิ่งผ่านมา ทั้งๆ ที่คิดว่าภาพหน่มน๊มของยัยเจ๊นั่นจะไม่ติดตาละนะ แต่ดันแล่นแว้บเข้ามาในหัวสมองตลอดทางเลย แต่ภาพนั้นยังไม่ชัดเท่ากับภาพซิกส์แพ็คอันหนัดแน่นแต่ดูเนียนนุ่มน่าสัมผัสต่างหาก ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผมเข้าไปช้ากว่านั้นอีกหน่อย คงได้เห็นช็อตเด็ดยิ่งกว่าการออรอลเซ็กส์ (Oral sex) ของตาวิคเตอร์แน่ๆ หมอนั่นคงชำนิชำนาญศาสตร์ด้านนี้มากแน่ๆ เพราะสังเกตได้จากสีหน้าอันระทวยและร่างกายที่บิดเร่าๆ ของยัยเจ๊นั่น ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาออกว่าถ้าพ่อหน้าหล่อได้ออกลีลากระบวนท่าทางต่างๆ คงจะทำให้ยัยเจ๊นั่นถึงสวรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเพลียร่างไปเลยมั้ง


ผมมองหารถคันโก้ของวิคเตอร์แล้วก็เห็นว่าจอดเกยตื้นเนินคอนกรีตอยู่ข้างๆ สตูดิโอ มันทำให้ผมโล่งใจว่าตัวเองไม่ได้โผล่มาผิดที่ผิดทางแต่อย่างใด ผมรีบเดินเข้าไปด้านในสตูดิโอ สวนทางกับผู้หญิงและผู้ชายคู่หนึ่งที่มองผมราวกับเป็นตัวประหลาด ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไปให้ พอสองคนนั้นเดินผ่านพ้นไปผมก็เบ้ปากไล่หลัง โด่! คนนะเว้ย ไม่ใช่เอเลี่ยน แล้วผมก็เริ่มเอ๋อกินอีกละเมื่อไม่รู้ว่าพ่อคนเข้มขรึมนั่นถ่ายแบบสตูดิโอย่อยอันไหน ผมมองไปรอบๆ และพยายามเดินตามหาด้วยตัวเองก่อน แต่สตูดิโอดันมีประตูที่ต้องเปิดเข้าไปและไม่มีบานไหนแง้มเลย ถ้าให้ต้องเปิดทุกบานหน้าผมคงด้านจนชาแน่ๆ เพราะไม่รู้ว่าถ้าเปิดไปแล้วจะโผล่ไปเจอใครบ้าง ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมากะจะโทรหาคุณ Emily หรือผู้หญิงที่รับผมเข้ามาฝึกงานนั่นแหละ


“Oh—sorry! (โอ๊ะ ขอโทษครับ!)” ผมกล่าวขอโทษใครคนหนึ่งที่ผมเดินชนตอนที่กำลังก้มลงไล่หาเบอร์เอเจนซี่ เนื่องด้วยผมตัวเล็กกว่าคนนั้นมากเลยทำให้ผมกระเด็นถอยหลังไปหนึ่งก้าวแต่เป็นหนึ่งก้าวที่ใหญ่มาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ผมชนต้องเป็นผู้ชายตัวโตขนาดไหน


“Never mind. (ไม่เป็นไร)” สำเนียงเสียงอเมริกันและเสียงหล่อบาดใจแล่นเข้าสู่แก้วหูผมจนต้องตั้งสติมองคนตรงหน้าดีๆ
 โอ้โห…  ตราตรึงมาก หน้าเป๊ะ สันกรามแน่นเปรี๊ยะแต่ไม่เหลี่ยมแบบพี่หม่ำ จ๊กม๊กบ้านเรานะครับ อย่าเข้าใจผิดไปทางนั้น ตา จมูก ปาก อื้อหือ เข้ารูปเข้าทรงทุกจุด ผมสั้นตัดเปิดข้างสีทองผสมน้ำตาลอ่อนๆ ขับดวงตาสีเทาอ่อนให้ดูกระจ่าง จับใจ! จับใจไปเต็มๆ


สเป็คคคหนูเลยยย


ผมอ้าปากหวอกระพริบตาปริบๆ มองผู้ชายตรงหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาส่งยิ้มมุมปากเท่ๆ มาให้ผมเมื่อรู้ว่าผมจ้องหน้าเขาอยู่ อยากจะกรี๊ดจนตุ๊ดแตก เห็นแค่หน้าสติยังแทบเสีย ไม่ต้องบอกเลยว่าถ้าได้เห็นเนื้อกายอันอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อที่เต่งตึงอยู่ใต้เสื้อสีขาวคอกลมนั่นผมคงจะเป็นลมลมพับ เสื้อแทบจะปริแล้วพี่เอ้ยยย! ไหนเลยจะรอยสักนกอินทรีย์ที่แขนซ้ายนั่นอีก โอ้ยยย ช่างเพิ่มความเร่าร้อนให้ใบหน้าและร่างกายของผมจริงๆ


“You… errr… Okay? (นาย… เอ่อ… โอเคมั้ย)” เขาส่งเสียงทุ้มน่าฟังมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมยืนหน้าเอ๋อเหรออีกรอบ ผมปิดปากลงแล้วกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งแล้ง แล้วกระพริบตาปริบ ก่อนจะยิ้มเหมือนสติไม่ดี โอยยย เสียลุคส์ เสียหน้าหมด หมดกัน!


“Yeah…yeah…ermmm…I’m good.(ครับ… ครับ… เอิ่ม… ผมปกติดี)” ผมตอบเสียงแห้ง ปากก็แห้งไปด้วย เฮ้ยยย เขายังไม่ทันทำไรให้เลยนะ ทำไมรู้สึกเสียน้ำไปจากร่างกายเยอะจัง เอ่อ น้ำแบบว่าน้ำที่หล่อเลี้ยงร่างกายนะครับ


“But you look nervous. (แต่นายดูกระวนกระวายนะ)” ก็เพราะผู้ชายอย่างพี่ไง… ผมยิ้มยิงฟันแล้วทำตาโต พร้อมกับเกาหัวแกรกๆ แล้วตั้งสติดีๆ ตอนนี้ใจเต้นตุบตับ สมองก็มึนๆ งงๆ ไปหมดแล้ว


“No… I’m okay. Really. (เปล่าครับ ผมโอเค จริงๆ นะ)” ผมยกมือขึ้นมาทำท่าว่าโอเคแล้วยิ้มโชว์ฟันกระต่ายตัวเอง อีกฝ่ายก้มลงมองผมแล้วยิ้มขำๆ แต่ให้ตายเถอะขนาดแค่ยิ้มขำๆ ยังเท่เลย


“Can I help you? (ให้ช่วยอะไรมั้ย)” เขาเลิกคิ้วสีน้ำตาลทองขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆ ผมตาโตมองใบหน้านั้น ทำไมทำอะไรก็ทำให้ใจสั่นไปหมด และผมคงแสดงออกชัดเจนว่าประหม่ากับเขา เพราะอีกฝ่ายหลุดหัวเราะน้อยๆ ออกมา


“I’m Adam—and you are? (ฉันชื่ออดัมนะ แล้วนายคือ…)” กรี๊ดดด!!! ขอแตกสาวสักทีจะได้มั้ย หน้าหล่อ แววตาชวนให้มึนเมา หุ่นแซ่บๆ แถมยังชื่อเดียวกับพี่ Adam Levine สุดที่รักของผมอีก อ้ากกกก!!!


“Maybe you will feel more relax than you are now—if we know each other name. (บางทีนายอาจจะผ่อนคลายมากกว่านี้ ถ้าเรารู้จักชื่อของกันและกัน)” เขายิ้มเท่มาให้อีกแล้ว และผมพยายามที่จะคุมสติเสียๆ ของตัวเองเอาไว้แล้วตอบกลับไปด้วยเสียงที่มั่นคง


“Yeah, maybe. I’m Matt. Nice to meet you, Adam. (ครับ น่าจะเป็นงั้น ผมแมท ยืนดีที่ได้รู้จักครับ อดัม)” แล้วผมก็เผลอยกมือไหว้สวัสดีเขาด้วยความเคยชินนิสัยคนไทย เขายิ้มนิดๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้นสูงมองมา พลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเกางเกงยีนส์


“Are you Thai? (เป็นคนไทยหรอ)” คราวนี้เป็นผมที่มีสีหน้าประหลาดใจ ผมยิ้มกว้างราวกับเด็กยามดีใจเมื่อได้อมยิ้มอันใหม่


“Do you know my country? (รู้จักประเทศไทยด้วยหรอครับ)” ผมถามอย่างกระตือรือร้น แล้วเอียงคอกระพริบตาปริบๆ มองหน้าเขา อีกฝ่ายยกมุมปากทั้งสองข้างขึ้นด้วยความขบขัน


“Yes, I used to go to travel—Full moon party. (ใช่ ฉันเคยไปเที่ยว งานฟูลมูนปาร์ตี้น่ะ)” โอ้โห… งานนี้นี่มันดังในหมู่ฝรั่งมังค่าเสียจริง ขนาดตัวผมอยู่เมืองไทยแท้ๆ ยังไม่เคยไปสัมผัสบรรยากาศงานปาร์ตี้สุดแซ่บนี่เลยสักครั้ง


“Ah, I see. (อ้อ เข้าใจละ)” ผมยิ้มแป้น ตอนนี้แก้มผมคงแดงเป็นมะเขือเทศแบบที่ชอบกินละมั้ง เพราะอีกฝ่ายอมยิ้มน้อยๆ จนผมทำสีหน้าไม่ถูกอีกรอบ จะว่าไปพอเจออดัมก็ทำให้ผมลืมเรื่องหงุดหงิดใจที่เจอตาวิคเตอร์ก่อนหน้านี้ได้เหมือนกันนะ


อ้าว! เฮ้ย! พ่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์ ลืมพี่แกไปแล้ว!


หน้าผมคงเหวอมากจนทำให้อีกฝ่ายถึงกับขมวดคิ้วงงว่าทำไมถึงเปลี่ยนสีหน้าท่าทางได้รวดเร็วขนาดนี้ ผมหลับตาปี๋เอามือขึ้นมาขยุ้มหัวตัวเองแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา เลยรู้ว่านี่ผมยืนหลงเสน่ห์ของพ่ออดัมมาเกือบสิบนาทีแล้ว ผมเงยหน้าจากมือถือแล้วรีบบอกสิ่งที่ต้องการให้เขาช่วย


“ตอนนี้ผมตามหานายแบบคนนึงอยู่ครับ… เอ่อ คือผมต้องมาดูแลเขาตามคำสั่งของเอเจนซี่…” ผมขมวดคิ้วไม่รู้จะอธิบายให้อีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าผมกำลังตามหาคนอยู่ ถ้าบอกชื่อไปเขาจะรู้จักมั้ยนะ


“วิคเตอร์รึเปล่า?” ผมเบิกตากว้างพร้อมรอยยิ้ม ราวกับเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ผมพยักหน้ารัวๆ จนอีกฝ่ายต้องยิ้มมุมปากอีกรอบ


“ตามฉันมา ฉันกำลังจะไปที่สตูดิโอนั้นพอดี” เขาเดินนำผมไปอีกทาง ผมรีบเดินตามไปทันที สองข้างทางเป็นผนังสีขาวที่มีรูปนายแบบนางแบบแปะติดเต็มไปหมด อดัมพาผมมาที่สตูดิโอห้องหนึ่งที่ดูท่าจะใหญ่กว่าห้องอื่นๆ เมื่อเปิดประตูสีขาวเข้าไป ก็พบกับทีมงานกำลังวุ่นวายเตรียมงานกันเต็มไปหมด ฝ่ายเสื้อผ้ากับช่างแต่งหน้าทำผมดูจะวุ่นวายที่สุดเพราะผมเห็นวิ่งเข้าวิ่งออกหน้าเซ็ทที่มีวิคเตอร์ยืนใส่สูทสีดำ และเชิ้ตในก็สีดำ รอบๆ ตัวเขามีแอคเซสซารี่เป็นกระเป๋า รองเท้า เข็มขัด และบรรดาของมากมายที่เหมาะสมสำหรับผู้ชาย ของพวกนั้นผมจำได้ว่าเป็นของแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่ง


วิคเตอร์เหลือบตามองแช่มาทางผมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แต่คมเข้มจนผมต้องเอียงคอแล้วเลิกคิ้วมองเขากลับไป เขาหลบตาไปทางอื่นเพราะช่างแต่งหน้าเรียกให้เขาหันไปอีกด้าน ผมทำคอตรงตามปกติแล้วส่ายหัวเบาๆ กับตัวเอง


“ไม่ชอบวิคเตอร์หรอ” อดัมถาม ตอนที่เรายืนอยู่ใกล้เซ็ทมากขึ้น ผมละสายตาจากความวุ่นวายตรงหน้ามามองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ กันด้วยสีหน้าเหวอนิดๆ


“เปล่าครับ ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขามีหน้าเดียว” อดัมยิ้มขำ


“ไม่ได้มีหน้าเดียวหรอก แต่คงไปหงุดหงิดอะไรมา ถึงได้เป็นแบบนั้น” ผมทำหน้าประหลาดใจมองอีกฝ่าย


“คุณรู้จักเขาด้วยหรอ” อดัมยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะตอบ


“ไม่ได้สนิทหรอก ก็แค่ร่วมงานกันบ่อยๆ เลยพอจะรู้จักกันอยู่บ้าง…” ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปมองวิคเตอร์ที่ตอนนี้ถูกจัดระเบียบเสื้อผ้าอยู่


“…นี่นายไม่รู้จักวิคเตอร์หรอ” ผมหันมาขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเช่นกัน รู้จัก? ผมจะไปรู้จักพ่อดวงตามหาเสน่ห์นั่นได้ยังไง


“จะรู้จักได้ยังไงล่ะครับ ผมเพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก” ผมบอกพลางยิ้มงงๆ อดัมกำลังจะอ้าปากพูดต่อแต่ถูกทีมงานเรียกไป คราวนี้ผมงงเข้าไปอีกเมื่ออดัมเดินเข้าไปหยิบกล้องขึ้นมาไว้ในมือ อ้าว นี่เขาเป็นตากล้องเหรอ ก่อนที่ผมจะงงจนโง่ อดัมก็เริ่มกดถ่ายภาพวิคเตอร์ที่ยืนโพสให้ถ่ายอย่างมืออาชีพ


ต้องยอมรับนะว่าผู้ชายแบบวิคเตอร์นี่ดูท่าทางจะเป็นไม้แขวนเสื้อที่ดี เพราะขนาดใส่สูทธรรมดาๆ ยังโคตรดูดี หรือแม้แต่ตอนที่ผมพบเขาครั้งแรกเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ตอนนั้นเขาก็ยังดูดีมากเหมือนกัน แถมเสื้อที่แหวกจนโชว์แผงอกและกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยงามยิ่งทำให้เขาดูฮ็อตมากขึ้นไปอีก


ผมสะบัดหัวรัวๆ แล้วขมวดคิ้วกับตัวเองเพื่อไม่ให้ย้อนกลับไปคิดภาพที่ทำให้ใจจะวายตายตรงนี้ได้ ผมมองไปที่อดัมที่กำลังตะโกนบอกให้วิคเตอร์ขยับด้านนั้นด้านนี้พร้อมกับชักภาพรัว วิคเตอร์คงจะถ่ายแบบมามากพอสมควรเพราะดูจากการโพสแล้วไหลลื่นเป็นธรรมชาติมาก ตอนนี้วิคเตอร์เอามือยกขึ้นเสยผมแล้วก้มลงต่ำมองกล้องเท่ๆ พอถ่ายเสร็จเขาก็เอามือลงแล้วหันมามองทางผมที่ยืนมองเขาด้วยสายตาไม่กระพริบ


“ขอน้ำหน่อย” วิคเตอร์บอกเสียงห้วนๆ แต่ไม่ได้ดุอะไร ทุกคนหันมามองที่ผม คงสัยสัยว่าผมเป็นใคร แต่น่าจะยกเว้นอดัมคนเดียวที่ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ผมมองหน้าคนเรียกหาน้ำแล้วพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหมุนตัวเพื่อไปหาน้ำมาให้เขา แต่พอจะเดินไปผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่รู้เลยว่าผมต้องเอาน้ำประเภทไหนมาให้เขา


“เอาน้ำอะไรครับ” ผมหมุนตัวไปถามวิคเตอร์ที่ถอดเสื้อสูทสีดำให้กับทีมงาน เขามองหน้าผมด้วยสีหน้าสงบนิ่ง สายตาเฉื่อยชา จนผมต้องทำหน้ายู่ทำปากขมุบขมิบไปมา กะอีแค่ถามว่าเอาน้ำอะไร ทำไมต้องเก๊กหน้าหล่อด้วย แกหล่ออยู่แล้ว แกจะเก๊กทำไม


“เอาคำถามไปตั้งเป็นข้อสอบปลายภาคเถอะ” เขาบอกหน้าตาย แล้วเริ่มแกะกระดุมเสื้อที่ข้อมือ ผมอ้าปากหวอ ขมวดคิ้วแน่น เอ๊ะ บักหมอนี่!


“ถ้างั้นนี่ก็คือปลายภาคของคุณ…” ผมบอกด้วยความหมั่นไส้เล็กๆ วิคเตอร์มองหน้าผมอย่างไร้อารมณ์เช่นเคย ทีมงานคนอื่นแอบหัวเราะคิกคัก ผมขี้เกียจจะเถียงต่อเลยถอนหายใจและบอกด้วยน้ำเสียงยอมแพ้


“…ช่วยตอบผมหน่อยเถอะครับ คุณเรย์มอนด์ ว่าคุณอยากจะดื่มน้ำอะไร ผมจะได้หามาให้ถูก” ผมเอียงคอมองหน้าเขาแล้วยิ้ม อีกฝ่ายทำท่าจะขมวดคิ้วแต่ก็เบรกตัวเองไว้ทันจนดูเหมือนคิ้วเขากระตุกวูบหนึ่ง และผมยังไม่ทันได้คำตอบอะไร เขาก็หมุนตัวเดินออกจากหน้าเซ็ทไปกับทีมเสื้อผ้า ผมอ้าปากหวอมองตามแผ่นหลังของเขา ไอ้เนี่ยยย!!!


“หมอนั่นเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย เอาอะไรมาให้เขาก็ได้” เสียงหล่อๆ ของอดัมทำให้ผมหันไปมองทั้งที่ยังแยกเขี้ยวตามหลังไอ้ผมดกดำหน้าหล่อนั่น


“แล้วคุณจะเอาอะไรมั้ยครับ ผมจะได้หามาให้” ผมถามอีกฝ่ายยิ้มๆ


“ลองเดาใจฉันดูสิ ว่าฉันชอบอะไร” บ๊ะ!! นี่ก็อีกคน มาเล่นเกมทายใจอะไรกัน ไม่มีเงินรางวัลให้นะว้อย ผมยิ้มแห้งๆ และพยักหน้าเบาๆ สองสามที ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจาสตูดิโอถ่ายแบบ


เมื่อกี้ตอนที่นั่งแท็กซี่เข้ามา ผมเห็นมีร้านสะดวกซื้ออยู่ตรงเกือบมุมถนน ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ร้านนั้น พอเข้าไปในร้านได้ ผมก็ตรงไปที่โซนเครื่องดื่ม นี่ผมจะเลือกน้ำอะไรไปให้หมอนั่นดีนะ ผมกวาดตาไปมองรอบๆ ร้านแล้วก็เห็นถังสีเงินที่ไว้สำรับใส่ไวน์วางขายอยู่ ผมยิ้มเจ้าเล่ห์กับตัวเองแล้วหันไปมองเครื่องดื่มในตู้เย็น






“นี่น้ำอะไร?!” วิคเตอร์ถามทันทีหลังจากที่ผมวางถังไวน์ไว้ตรงหน้าเขาในห้องแต่งตัวส่วนตัว ผมฉีกยิ้มมองใบหน้าเขาที่สะท้อนมาจากในกระจก


“ลองชิมดูก่อนสิ แล้วจะรู้” เขาขมวดคิ้วมองหน้าผมผ่านกระจกแล้วก้มลงมองน้ำในถังไวน์ที่เป็นสีเหมือนน้ำคลองเน่าๆ ไม่มีผิด เขาจับหลอดแล้วดูดน้ำขึ้นมา ก่อนจะผงะดึงหลอดออกจากปากแทบไม่ทัน เขาบ้วนน้ำที่ดูดเข้าไปลงถังตามเดิม ผมหน้าเหวอมองอาการของเขา


“เฮ้! ทำไมทำอย่างนั้น ถังนี้แพงนะจะบอกให้” ผมบอกเสียงฉุนๆ อุตส่าห์นั่งผสมตั้งนานนะ แถมยังมีน้ำตั้งหลายชนิดด้วย


“What the fuck! (น้ำห่าอะไรวะเนี่ย)” เขาสบถออกมาหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดปาก ผมทำปากจู๋ตาโตมองเขา แล้วสักพักเขาก็หันมามองผมด้วยสายตาพิฆาต จนผมผงะไม่รู้จะทำสีหน้าท่าทางยังไงดี ได้แต่ยิ้มแหะๆ ก่อนจะหยิบโค้กกระป๋องขึ้นมาวางตรงหน้าสองกระป๋อง แล้วกระแอมคอเบาๆ


“ล้อเล่นน่า ก็คุณไม่ตอบผมเองว่าอยากกินน้ำอะไรกันแน่ ผมก็เลยหยิบโค้ก น้ำส้มคั้น กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง นมสด ใส่รวมกันเข้าไป” ผมยิ้มยิงฟันแบบไม่เต็มปาก แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงวืดเมื่ออีกฝ่ายยังคงทำหน้าเข้มขรึม เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาทางผม ผมกระพริบตาปริบๆ ทำคอหดแล้วช้อนสายตาขึ้นมองเขา วิคเตอร์ขบกรามแน่น


“อย่ามาล้อเล่นกับฉัน” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วทำหน้าเซ็ง


“ถามจริงเถอะ คุณไม่คิดจะยิ้ม ไม่สนุกกับชีวิตหน่อยหรอ หน้าตาก็ออกจะหล่อ แต่พอทำหน้าเครียด หมดหล่อเลย” ผมทำปากยื่นแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ อีกฝ่ายผงะไปนิดหน่อย สายตาดูงุนงงไปเล็กน้อย


“นายชมฉันว่าหล่อหรอ? นายชมผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ” เขามองหน้าผมพลางเบะปากเบาๆ ผมยักไหล่สบายๆ ก่อนจะตอบ


“ใช่ ผมชมคุณว่าหล่อ หล่อมากด้วย และผมก็ยังเป็นผู้ชาย แต่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน ชัดมั้ยครับคุณเรย์มอนด์” ผมทำหน้าว่า โอเค๊? แล้วยิ้มเป็นเชิงถาม อีกฝ่ายหรี่ตามองผมด้วยความไม่ไว้วางใจ จนผมรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ผมยกมือขวาขึ้นเบรคความคิดเขาอย่างเร็ว พร้อมทำหน้าเอือม


“ผมไม่คิดจะทำอะไรคุณหรอก แค่ชมว่าหล่อ ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องชอบคุณหรือคิดจะปล้ำคุณ” ผมลดมือลงแล้วกอดอกมองหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้เลิกคิ้วขึ้นสูง มุมปากยกขึ้นเหมือนจะยิ้มออกมา


“ไม่คิดจะปล้ำฉันจริงๆ หรอ” เขายกมุมปากขวาขึ้นทำให้ใบหน้าดูหล่อร้ายเหลือเกิน ผมขมวดคิ้วงง แล้วโยกตัวไปด้านหลังเล็กน้อย วิคเตอร์ทำหน้าเหมือนพวกแบดบอยที่กำลังคิดอะไรไม่ดีสักอย่าง เขายักคิ้วขวาให้ผมทีนึงในขณะที่มือทั้งสองข้างปลดกกระดุมเสื้อเชิ้ตดำออกอย่างรวดเร็ว เขาแหวกเสื้อออกจนเห็นแผงอดและกล้ามท้อง ผมเผยอปากขึ้นนิดๆ แล้วหุบลง ก่อนจะเผยอบอีกรอบ วิคเตอร์ถอดเสื้อเชิ้ตออกแล้วปล่อยให้มันกองลงที่พื้น ผมไล่สายตาที่เบิกกว้างมองสำรวจหุ่นของเขา ช่วงลำตัวเขายาวเลยทำให้กล้ามท้องเรียงตัวสวยอย่างที่บอกก่อนหน้านี้ เอวคอดแบบผู้ชาย สะโพกสามเหลี่ยมคว่ำสุดเซ็กซี่ ผิวสีขาวที่เหมือนผสมผงโกโก้ช่างน่าชิมลิ้มรส ไหล่กว้าง กล้ามแขนอันพอดิบพอดีไม่ใหญ่ยักษ์แบบพวกนักมวยปล้ำหรือพวกเล่นกล้ามประกวด แต่เป็นกล้ามแขนที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกว่าถ้าเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนนั้น… คงอบอุ่นน่าดู


ผมหลับตาแล้วสะบัดๆ หัวตัวเอง เพื่อไม่ให้คิดเตลิดไปไกล แล้วลืมตาขึ้นมองเขาอีกทีก็เห็นว่าเขายืนอยู่ใกล้ผมมากกว่าเดิม ตอนนี้ผมกำลังจ้องที่หัวนมสีอัลมอนด์ของเขาอยู่ อ้ากกก ลมหายใจอุ่นๆ ของหมอนี่ดังฟืดฟาดๆ อยู่บนหัวผมเนี่ย


“ไม่ปล้ำฉันแน่หรอ?” ผมรับรู้ได้ถึงรอยยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายกาจ น้ำเสียงแบบนี้จงใจยั่วกันชัดๆ ผมกัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา ที่ตอนนี้อยู่ห่างกันประมาณหนึ่ง เนื่องด้วยผมเตี้ยกว่าเขามาก เลยต้องเงยหน้าขึ้นแบบนี้ แม้ว่าตอนนี้หน้าผมจะร้อนผ่าว แต่ผมก็ต้องเก๊กว่าไม่รู้สึกอะไร


“ถ้าผมปล้ำคุณขึ้นมาจริงๆ อย่าหนีนะ” ผมยักคิ้วสองที แล้วทำท่ากัดริมฝีปาก วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแบบว่าโคตรเท่อีกแล้ว ผมมองดวงตาเรียวสวยสีน้ำตาลที่มองผมกลับมาด้วยแววตาซุกซน เออ ทำหน้าแบบนี้บ่อยๆ แววตาแบบนี้บ่อยๆ ยังดูน่ารักกว่าทำหน้าเคร่ง หน้าขรึมอีก ผมเอามือออกจากอก แล้วยิ้มขำกับความคิดตัวเอง อยากเล่นมุขนี้ใช่มั้ย เดี๋ยวจะเอาให้กลัวเก้งไทยไปเลย ไอ้ฝรั่งรูปหล่อ


ผมเลื่อนมือขวาไปบนกล้ามแขนเนื้อแน่นๆ แล้วลูบขึ้นลงเบาๆ วิคเตอร์หันไปมองมือผมแล้วเบิกตากว้าง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมด้วยความตกใจนิดๆ แต่ผมไม่ยอมหยุดแค่นั้น เมื่อผมยื่นมือซ้ายขึ้นไปวางบนอกขวาอันอวบอิ่มของอีกฝ่าย แล้วลูบเคล้าคลึงไปมาอย่างแผ่วเบา เขารีบคว้าข้อมือผมข้างที่อยู่บนหน้าอกของเขาไว้ทันที พร้อมสายตาอันดุดันที่จ้องมองมา


“อ้าว ท้าให้ผมปล้ำไม่ใช่หรอ พอจะเริ่มขึ้นมาจริงๆ ทำไมไม่ให้ทำล่ะ” ผมยิ้มแซวๆ อีกฝ่ายทั้งที่ยังถูกจับมือซ้ายไว้แบบนั้น เขากุมมือผมไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ได้เจ็บมา ผมดึงมือขวาที่จับต้นแขนเขาอยู่ออก
ผมเอียงคอแล้วกระพริบตาปริบๆ มองเขา อีกฝ่ายยังจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ผมไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร แต่มันเล่นจ้องแทบไม่กระพริบตาแบบนี้มันอึดอัดนะเว้ย


“ปล่อยมือผมได้ยังอ่ะ แล้วก็เลิกจ้องเถอะ จ้องนานๆ ผมหวั่นไหวขึ้นมา ผมอาจจะเปลี่ยนใจปล้ำคุณจริงๆ ก็ได้นะ” ผมกัดริมฝีปากแล้วยิ้มเย้าๆ พร้อมขยิบตาซ้ายให้เบาๆ อีกฝ่ายทำเสียง หึ ในลำคอ พร้อมรอยยิ้มหยันๆ ก่อนจะปล่อยข้อมือผม


“ตัวเล็กแค่นี้จะเอาแรงที่ไหนมาปล้ำฉัน โดนฉันชกทีเดียวก็สลบแล้วมั้ง” โอ้โห! ถึงขั้นจะชกกันเลยเรอะ!


“ครับๆ พ่อยักษ์ใหญ่ ผมไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก” ผมเหลือบตามองเขาแล้วทำหน้าเอือม วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแล้วโน้มตัวมาข้างหน้า ผมเบิกตากว้างแล้วถอยหลังจนไปติดกับราวเสื้อผ้า เขาใช้สองมือยืนค้ำตัวเองเอาไว้ เท่ากับว่าตอนนี้ผมอยู่ในอาณาเขตอ้อมแขนของเขา ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยวายตาใสซื่อที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น จนปากผมจะดูดนมเขาได้อยู่แล้ว ผมเลยยกมือขึ้นมายันตัวเองกับหน้าอกเขาเอาไว้


“จะทับผมตายแล้วเนี่ย ออกไปๆ” ผมพยายามผลักอกอันแข็งแกร่งของเขา แต่ก็เท่านั้นแหละ ผมตัวนิดนึงเมื่ออยู่กับเขา วิคเตอร์ทั้งร่างสูงและใหญ่ แต่ไม่ยักษ์แบบที่ผมเรียกเขาหรอกนะ แต่ดูเหมือนเขาจะทำหูทวนลมนะเมื่อเขายังโน้มตัวอยู่แบบนั้น จนสุดท้ายแก้มผมก็แนบกับอกของเขา ผมได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นตุบๆ เป็นจังหวะปกติ แต่ของผมนี่สิคงเต้นผิดปกติไปแล้ว ผมยืนนิ่งไม่กล้าขยับ ตอนนี้มือผมสัมผัสน่าอกอันแข็งแกร่งทั้งสองข้างของเขาเต็มมือ พร้อมกับกับแก้มขวาที่แนบแน่นติดอยู่กับแผ่นอกของอีกฝ่าย และเหมือนเขาจะพอใจแล้วกับการได้แกล้งผมแล้ว เขาก็ผละตัวเองออก พร้อมกับดึงเสื้อออกจากราวแขวนเสื้อไปหนึ่งตัว  ผมมึนและเบลอไปหมดกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ วิคเตอร์ยิ้มมุมปากขบขัน ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตขาวแล้วค่อยๆ ติดกระดุม ผมยืนงงอยู่สักพักแล้วก็เรียกสติกลับมาได้ ผมมองไปทางวิคเตอร์ที่ติดกระดุมเสื้อเสร็จแล้ว และหยิบโค้กกระป๋องติดมาขึ้นมาหนึ่งกระป๋องก่อนจะหันมาทางผม


“เสร็จงานเมื่อไหร่ฉันคงได้ไล่นายออกสักทีนะ…” เขาบอกพลางชำเลืองสายตามาทางผม ผมขมวดคิ้วทันทีที่เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา


“…Alien (ต่างด้าว)” ผมอ้าปากหวอ คิ้วขมวดยุ่งเหยิงมองตามเขาออกจากห้องแต่งตัวไป นี่ยังไม่ล้มเลิกความคิดนั้นอีกหรอ แต่เอาเถอะ อยากไล่ผมออกก็ตามใจ ผมยังไงก็ได้ แล้วแต่เจ๊ Emily เลย เพราะผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เจ๊แกคงไม่ไล่ผมออกหรอก หรือถ้าจะไล่นะ ผมจะไฟท์ให้ถึงที่สุด ผมมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ยอมแพ้ง่ายหรอกนะว้อยยย!


[มีต่อด้านล่างค่ะ]








หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-06-2015 17:41:47
หลังจากถ่ายแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ววิคเตอร์ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับ ทีมงานทุกคนกำลังเก็บของที่หน้าเซ็ท ผมยืนรอวิคเตอร์อยู่ที่มุมหนึ่งของสตูดิโอ อดัมกำลังยืนถือกระป๋องโค้กที่ผมซื้อมาฝากไว้ในมือพลางพูดคุยกับผู้ชายอีกคนหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ดูท่าทางคงจะเป็นเรื่องกีฬาหรือเปล่าไม่ใจเพราะผมเห็นเขาออกลีลาท่าทางเหมือนหวดไม้เบสบอล แต่ที่ผมปลื้มคือเขาถือกระป๋องโค้กที่ผมซื้อให้ไว้ในมือตลอดเวลานี่ล่ะ แม้ผมจะเดาผิดที่ว่าเขาชอบดื่มโค้กก็เถอะเพราะจริงๆ แล้วเขาชอบดื่มน้ำเปล่าธรรมดาๆ ต่างหาก ผมยืนยิ้มจมูกบานด้วยความเคอะเขินอยู่คนเดียวที่เห็นอดัมไม่ยอมวางกระป๋องโค้กลงเลย ถึงแม้จริงๆ แล้วเขาถือไว้เพราะว่ามันติดมือมาต่างหากก็ตามเถอะ


“โค้ก อร่อยดีนะ ฉันไม่ได้กินนานแล้ว เพราะมันทำให้อ้วนง่าย ยังไงก็ขอบใจนายมากนะ” ผมตื่นจากอาการมโนของตัวเองทันที เมื่ออดัมโผล่มายืนตรงหน้าพร้อมกับชูกระป๋องโค้กและส่งรอยยิ้มมาให้ ผมยิ้มเอ๋อๆ ตอบกลับไป


“ไม่เป็นไรครับ”


“แล้วนายจะไปไหนต่อล่ะ” เขาถามพลางยกกระป๋องโค้กขึ้นดื่ม ผมเหลือบสายตาไปเห็นวิคเตอร์ที่เดินออกมาในชุดเดิม เขาหยุดมองผมด้วยสายตาเฉยชาตามเดิม ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแนบหู ผมละสายตามามองอดัมก่อนจะตอบคำถามเขา


“คงกลับไปที่เอเจนซี่ของวิคเตอร์น่ะครับ มีธุระต้องไปจัดการต่อ” อดัมเลิกคิ้วขึ้นทีหนึ่งแล้วลดกระป๋องโค้กลงจากปาก


“งั้นหรอ แล้วนายไปยังไง” วิคเตอร์ดึงโทรศัพท์ออกจากหูแล้วเดินตรงมาที่ผมกับอดัม ผมรีบหันกลับไปมองอดัมทันที


“คงแท็กซี่แหละครับ ผมยังไม่ค่อยคุ้นกับการขึ้นรถเมล์ กลัวจะหลง” วิคเตอร์เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังอดัม เขาตัวสูงพอๆ กัน เพียงแต่วิคเตอร์สูงกว่านิดหน่อย แต่อดัมนั้นล่ำกว่ามาก


“ไปกับฉันก็ได้นะ ฉันก็ต้องกลับไปที่นั่นเหมือนกัน” กลับไป? ผมขมวดคิ้วงงๆ อดัมยิ้ม ผมเหลือบตาไปมองวิคเตอร์ที่ยืนหน้าเข้มอยู่เหมือนเดิม อดัมเห็นสายตาผมเลยหันไปมองบ้าง


“อ้าว… มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ” วิคเตอร์เหลือบตามองอดัมเล็กน้อย ผมเดาความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่ออกว่าเป็นเพื่อนกันปกติ เพื่อนสนิท หรือไม่ใช่เพื่อนกัน


“เมื่อกี้นี้…” เขาบอกหน้าตายเสียงห้วนแล้วหันมามองผมที่ยืนหน้ามึนอยู่ “…เอมิลี่ให้นายกลับไปพร้อมฉัน แต่ถ้านายอยากไปกับอดัมก็เจอกันที่นั่น” เขายืนมองผมด้วยใบหน้านิ่ง โอ้ย นิ่งเหลือเกิน ถ้าเอาปืนมาจ่อหน้าพร้อมจะยิงอยากจะรู้นักว่ายังจะนิ่งอีกมั้ย ผมหันไปมองอดัมที่ยักคิ้วซ้ายมาให้ อื้อหือ มีบ้านให้บ้าน มีรถให้รถ มีโรงนายกให้ทั้งโรงเลยนะทำหน้าแบบนี้!


“นี่ไม่ใช่การเลือกคู่เดตของนาย รีบตัดสินใจหน่อย ฉันไม่ได้มีเวลามายืนให้นายเลือกทั้งวันหรอกนะ” อารมณ์กำลังปิ๊งๆ ต้องดับสนิทเมื่อเจอเสียงทุ้มๆ พูดสอดเสียด ผมทำปากเป็ดแว้บหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ ปกติ


“ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่เอาผมไปทิ้งไว้กลางทาง”


“ฉันจะพานายไปไล่ออก ฉันคงไม่ทิ้งนายไว้กลางทางหรอก ฉันต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ” เขายักคิ้วดกหนาสีดำให้ผมทั้งสองข้างหนึ่งที นี่ก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกคนแต่ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ เพราะชอบทำหน้าเก๊กขรึม ไม่เหมือนอดัมแจกยิ้มหล่อๆ ล่อใจเป็นว่าเล่น แถมตาวิคเตอร์ยังมาตอกย้ำเรื่องไล่ออกอีกแล้ว ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะที่ปาก วิคเตอร์เบิกตากว้างมองผมดุๆ ที่บังอาจไปทำกิริยาแบบนั้นใส่เขา แต่ผมไม่สนใจแล้วหันไปหาอดัมทันที


“ขอบคุณมากนะครับที่มีน้ำใจจะไปส่ง แต่เดี๋ยวผมไปกับคุณเรย์มอนด์น่าจะสะดวกกว่า เพราะไปถึงจะได้เริ่มเคลียร์ธุระ…” ผมยังพูดไม่ทันจบตาวิคเตอร์ก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ผมอ้าปากค้างขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังกว้างๆ นั้นไป ผมได้ยินเสียงหัวเราะของอดัมเลยหันกลับไปมองก่อนจะหุบปากแล้วยิ้มแหยๆ


“รีบไปเถอะ เดี๋ยววิคเตอร์จะรอนาน แล้วจะพาลหงุดหงิดใส่นายอีก” ผมยิ้มให้อดัมแล้วก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัววิ่งตามวิคเตอร์ออกไป ผมผลักประตูออกแล้วไม่วายหันไปโบกมือบ๊ายบายให้อดัมพร้อมรอยยิ้ม เขาส่งโบกมือตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก ผมลดมือลงแล้วเปิดประตูออกไป รีบวิ่งออกไปที่ลานจอดรถ ก็เห็นว่าวิคเตอร์ยืนกอดอกพิงรถรอยอู่แล้ว ผมวิ่งไปฝั่งที่เขายืนอยู่ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วที่เขาไม่ยอมขยับให้


“ตาถึงดีนี่ที่เข้าหาอดัม” เขาบอกพลางยกยิ้มมุมปากให้นิดหนึ่ง ผมเอียงคอมองหน้าเขาด้วยความงง


“คุณหมายความว่าไง” เขายักไหล่น้อยๆ ก่อนจะตอบเสียงสบายๆ


“อดัมก็ดูท่าทางสนใจนายนะ ไม่น่าจะยากถ้าจะลองจีบดู” ผมกอดอกพลางเงยหน้าขึ้นมองเขา


“ไว้ผมจะลองจีบเขาดูก็แล้วกัน” ผมยักคิ้วยึกๆ ให้เขา


“แต่ระวังตัวไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าชอบจนหน้ามืดตามัว” เขาทำปากเบ้เล็กน้อยเหมือนพยายามกลั้นยิ้ม ผมทำปรือแล้วถอนใจเบาๆ


“คุณไม่มีเวลาว่างทั้งวันไม่ใช่เหรอครับ” ผมบอกแล้วยกมือขวาปัดๆ เหมือนไล่แมงหวี่ให้เขาหลบไป เขาขมวดคิ้วมองหน้าผม


“ทำอะไรของนาย”


“ก็ให้คุณหลบไง ผมจะได้ขึ้นรถ” เขาทำหน้านิ่งแล้วถอนใจหนักๆ ก่อนจะเปิดประตู ผมเตรียมจะพุ่งตัวเข้าไปนั่งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพวงมาลัยของคนขับ


“ถ้าอยากขับก็เชิญ” ผมหน้าเอ๋อก่อนจะรีบก้มหน้างุดเดินเร็วๆ ไปอีกฝั่ง ลืมไปเลยว่านี่ไม่ใช่เมืองไทยที่ฝั่งคนนั่งอยู่ขวามือไม่ใช่ซ้ายมือ ผมเงยหน้ามองวิคเตอร์ที่ยิ้มเบ้ปากเหมือนพยายามกลั้นขำ ผมเบิกตากว้างดุๆ ใส่เขา อีกฝ่ายถลึงตามามองผมจนผมผงะก่อนจะรีบเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งก่อนจะปิดประตูตามดัง ปัง! และสิ่งที่ตามมาก็คือความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่ติ่งหู


“โอ๊ย! ดีดหูผมทำไมเนี่ย?!” ผมเอามือจับติ่งหูซ้ายไว้ แล้วหันไปมองหน้าวิคเตอร์ด้วยใบหน้ามู่ทู่


“ปิดเบาๆ ก็ได้ เดี๋ยวรถฉันพัง!” เขาบอกเสียงห้าว ถลึงตามองผมเหมือนพ่อดุลูกชายที่ทำผิด ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจแล้วผมก็โดนดีดหูอีกรอบ


“โอ๊ยยย!” ผมเอามือจับหูทั้งสองข้างเอาไว้แล้วหันไปมองเขาด้วยสีหน้างอนๆ


“อย่ามาทำเสียงแบบนั้นใส่ฉัน” ผมทำปากอูมดันลมเข้าแก้มทั้งสองข้างแล้วกระพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่าย วิคเตอร์ขมวดคิ้ว


“แล้วก็อย่าทำหน้าแบบนั้น!” เขาบอกเสียงห้าวแต่ก็ยังคงน่าฟัง ผมขมวดคิ้วงง


“หน้าแบบไหนล่ะที่ห้ามทำ?!” ผมถามกลับ เชิดหน้าขึ้นแล้วกัดปากสู้ พลางจ้องเขา แต่วิคเตอร์จ้องผมด้วยสายตาดุดันจนผมเริ่มอ่อนลง จากจ้องตาสู้ตอนนี้ผมกระพริบตาปริบๆ มองเขา เขาดูเหมือนหงุดหงิดใจกับอะไรสักอย่าง ก่อนจะหันหน้าหนีแล้วสตาร์ทรถ ผมทำหน้างงๆ ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้า วิคเตอร์ทะยานรถออกไปอย่างรวดเร็วจนผมร้องเสียงหลง
ตอนที่ขับรถออกมาได้สักพัก เขาไม่พูดอะไรสักอย่างได้แต่ทำหน้านิ่งเคร่งขรึมตามแบบฉบับ ผมก็ไม่รู้จะชวนพูดอะไร แต่นั่งนิ่งๆ ไปนานๆ แบบนี้ผมอึดอัดตาย เปิดปากพูดก่อนก็ได้วะ


“คุณอายุเท่าไหร่หรอ” ผมหันไปถามเขาพลางสำรวจใบหน้าด้านข้างที่เห็นไรหนวดขึ้นอยู่ เขาเหลือบตามามองผมนิดหนึ่ง


“ถามเรื่องอายุ เสียมารยาท” เขาบอกหน้าตายแล้วขับรถต่อไป ผมกลอกตาแว้บหนึ่ง


“ก็แค่อยากรู้เฉยๆ แต่ท่าทางคุณก็ต้องอายุมากกว่าผมอยู่แล้วล่ะ ที่เมืองไทย เอ่อ หมายถึงประเทศของผมน่ะ ถ้าเจอผู้ชายที่อายุ
มากกว่าตัวเองจะเรียกว่า Brother (พี่ชาย) แต่ถ้าเจอผู้ชายที่อายุน้อยกว่าตัวเองก็จะเรียกว่า younger brother (น้องชาย) ฉะนั้นถ้าตามธรรมเนียมไทยนะผมต้องเรียกคุณว่า Brother Victor (พี่วิคเตอร์) แหละ” ผมฉีกยิ้มให้เขา อีกฝ่ายหันกลับมามองด้วยสายตาดุๆ ผมหุบยิ้มทันที ก่อนจะทำคอหดลงเล็กน้อยแล้วกระพริบตาปริ๊บๆ


“แหม… แค่พูดให้ฟังเฉยๆ ครับ คุณเรย์มอนด์ ทำหน้าโหดไปได้” เขากระพริบตามองผมสองสามที และเหมือนแววตาที่แข็งๆ นั่นจะอ่อนโยนลงชั่ววูบ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม ผมล่ะไม่เข้าใจจริงจริง ทำไมผมเรียกวิคเตอร์ไม่ได้


“ทำไมผมเรียกคุณว่าวิคเตอร์ไม่ได้ล่ะ” ผมถามออกไปโดยไม่ทันยั้งคิด ถามออกไปเพราะความสงสัยล้วนๆ เขาหันกลับมามองหน้าผมด้วยสายตาว่างเปล่า


“ชื่อนี้ไว้ให้คนที่ฉันสนิทและไว้ใจเรียกได้เท่านั้น” เขาบอกง่ายๆ ผมพยักหน้าเข้าใจ


“โอเค เข้าใจแล้ว ผมก็แค่คนที่เพิ่งเจอกันวันนี้”


“Yes, an alien. (ใช่ นายต่างด้าว)” ผมแยกเขี้ยวใส่เขา แล้วขบกรามแน่น ก่อนจะยกมือขึ้นมากอดอกเอาไว้แล้วหันไปมองข้างหน้าแทน ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วย เหนื่อยเส้นประสาทจริงๆ


[มีต่อด้านล่างนะคะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [14.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-06-2015 17:46:13

หลังจากโดนเรียกว่าต่างด้าวครั้งที่สองผมก็นั่งเงียบมาตลอดทาง แต่ยังดีที่สิบนาทีต่อมารถวิคเตอร์ก็มาโผล่ที่ตึกสำนักงาน เขาวนรถไปด้านหลังตึกที่เป็นลานจอดรถก่อนจะดับเครื่องเมื่อได้ที่จอดที่หนึ่ง เขาเปิดประตูลงรถไปทันที ผมรีบเปิดประตูตามไปและปิดประตูอย่างเบามือ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังเขาเข้าไปในสำนักงาน เขายืนรอผมอยู่หน้าประตู แต่ที่รอไม่ใช่ว่ามีน้ำใจหรือเป็นห่วง เพียงแต่รอให้ผมใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเท่านั้นเอง
เขาเดินนำผมไปที่ห้องทำงานของคุณเอมิลี่ พอผลักประตูเข้าไปก็พบเธอกำลังนั่งอยู่หน้าแม็คบุ๊คตัวใหญ่ เธอเบนสายตามามองที่ผมกับวิคเตอร์แล้วยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะหันมาพูดกับผมโดยตรง


“ทำดีมาก” ผมยิ้มรับกับคำชมนั้น สายตาของเธอหันไปมองวิคเตอร์ที่ทำหน้าเซ็งๆ


“นายลืมตารางตัวเองหรือว่ายังไง ถึงไม่ยอมไปถ่ายแบบ” เอมิลี่ถามเสียงขุ่น คนถูกถามเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง


“เปล่า ก็แค่คิดว่าทำธุระให้เสร็จก่อนก็ยังไปทัน แต่ดันนานไปหน่อย” ผมทำหน้ายี้ทันที


“A sex business? (ไอ้ธุระเซ็กส์นั่นน่ะหรอ)” ผมพูดขึ้นด้วยความดึกดึ๋ยชอบกล แหม ทำมาบอกว่ามีธุระ
วิคเตอร์กับเอมิลี่หันมามองผมด้วยสายตาที่ต่างกัน ฝ่ายแรกมองผมด้วยความไม่พอใจส่วนอีกฝ่ายมองผมด้วยความงง ส่วนผมทั้งเอ๋อทั้งกลัวสายตาวิคเตอร์


“หมายความว่ายังไง” เอมิลี่ถามทั้งผมและวิคเตอร์ พ่อนายแบบหันใบหน้าที่เคร่งขรึมกลับไปมองเอมิลี่ก่อนจะตอบปกติ


“ไม่มีอะไร นี่ เอมิลี่ เธอส่งเจ้าต่างด้าวนี่มาดูแลฉันหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบมีคนดูแล ยังไงเธอจัดการไล่หมอนี่ออกให้ฉันด้วย” เอมิลี่ทำสีหน้านิ่งแล้วหันมาทางผมที่เริ่มออกอาการเซ็ง


“ฉันจะไล่เขาออกได้ยังไง เขาเพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก และดูท่าทางจะทำได้ดีซะด้วย” ผมที่เซ็งแอบยิ้มด้วยความภูมิใจเล็กๆ เอมิลี่ส่งยิ้มชมเชยมาให้ วิคเตอร์หันมามองหน้าผมด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ผมทำหน้าไม่สนใจและยักไหล่กลับไปเบาๆ


“ฉันไม่เอาคนดูแล คนอื่นๆ ยังไม่เห็นต้องมีคนดูแลเลย”


“ก็เพราะว่านั่นเป็นคนอื่น แต่นี่คือนาย นายต้องการผู้ดูแล และฉันก็ไม่มีเวลาไปดูแลนายคนเดียวหรอกนะ” เอมิลี่บอกเสียงเฉียบขาด


“แต่ฉันดูแลตัวเองได้” วิคเตอร์ยังคงเถียงไม่ลดละ


“นายพูดแบบนี้มาเกือบสิบครั้งแล้ว และทุกครั้งมันก็ลงเอยด้วยการที่นายไปทำงานสายตลอด ช่วงนี้นายพลาดบ่อยจนน่าเป็นห่วง และฉันกลัวว่ามันจะส่งผลเสียกับนายนะวิคเตอร์” เอมิลี่จ้องหน้าวิคเตอร์ด้วยสายตาเฉียบคม วิคเตอร์ดูท่าทางหงุดหงิดเพราะเขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันมามองหน้าผม


“แต่ฉันไม่เอาหมอนี่ ฉันไล่เขาออก หาคนใหม่มาให้ฉัน” ผมกัดปากล่างแน่น มองหน้าวิคเตอร์ด้วยความหมั่นไส้


“ไหนบอกผมหน่อยซิ ว่าผมมีอะไรผิดพลาด คุณถึงอยากจะหาคนใหม่มาแทนที่ผม”


“คนที่เข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของบ้าน แบบนี้ฉันจะไว้ใจได้หรอ” วิคเตอร์หมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับผมแบบเต็มตัว ผมขบกรามแน่นแล้วหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้นมา แล้วดึงเก้าอี้อีกตัวมานั่งเผชิญหน้ากับเขา เอมิลี่มองดูเหตุการณ์ด้วยรอยยิ้มนิดๆ


“ขอโทษนะ ถ้าผมจะบอกว่า ผมเคาะประตูบ้านคุณแล้ว ตะโกนเรียกก็แล้ว และออดบ้านคุณดันเสีย และเผอิญคุณไม่ได้ล็อคประตูบ้าน เพียงเพราะคุณรีบที่จะพาแม่สาวอกโตคนนั้นไปสวรรค์ด้วยกัน คุณคงเพลิดเพลินกับการลิ้มรสช่องคลอดของเธอจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง…” วิคเตอร์ถลึงตามองผม แก้มสีขาวขุ่นด้วยผงโกโก้ของเขาแดงเถือกด้วยความอับอาย เอมิลี่อมยิ้มน้อยๆ แต่ผมไม่ได้สนใจ ตอนนี้ได้โอกาสพูดแล้ว


“นาย…” ผมยกมือชี้หน้าวิคเตอร์ แล้วถลึงตามองเขา ก่อนจะลดมือลงแล้วรีบพูดต่อ


“ฉะนั้นคุณจะมาบอกว่าผมเสียมารยาทไม่ได้ อ้อ! ถ้าผมจะผิดก็คือไม่มีเบอร์มือถือของคุณ แล้วไม่ได้โทรเข้าไปเช็คก่อนว่าคุณอยู่หรือไม่ แต่ผมคิดว่าถึงโทรไปคุณก็ไม่ได้ยินหรอก เพราะเล่นเปิดเพลงเสียงดังลั่นบ้านกลบเสียงร้องราวกับจะขาดใจของยัยเจ๊นมโตเท่าภูเขาไฟฟูจินั่น!” ผมแยกเขี้ยวใส่วิคเตอร์ อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนพร้อมระเบิดอารมณ์ใส่ผมเต็มที่ เขากำหมัดที่วางอยู่บนเข่าแน่น ผมได้ยินสียงเอมลี่หัวเราะ วิคเตอร์ยกหมัดขึ้นมาทำท่าจะพุ่งหมัดเข้าใส่หน้าผม แต่ผมรีบเอามือตัวเองไปจับหมัดเขาไว้ มือเราต้านกัน แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดที่ทำแบบนั้น เพราะยังไงหมัดวิคเตอร์ก็พุ่งเข้าใส่หน้าผมอยู่ดีแม้จะมีมือซ้ายคอยรองรับไว้ก็เถอะ แต่ก็มึนๆ เหมือนกันนะ จากเสียงหัวเราะของเอมิลี่กลายเป็นเสียงร้องด้วยความตกใจ


“วิคเตอร์! ชกเขาทำไม?!” ผมหันกลับไปมองหน้าวิคเตอร์ด้วยสายตาขุ่นเคือง อีกฝ่ายสีหน้าโมโหน่ากลัวมากจนผมแอบผงะไปเล็กน้อย


“ไม่เป็นไรครับคุณเอมิลี่…” ผมเลื่อนสายตาไปมองวิคเตอร์ด้วยสายตาที่พยายามไม่หวั่นไหว


“…เขาชกผม คงเพราะโมโหที่ผมไปขัดจังหวะการเมคเลิฟ (make love) ของเขา คงหงุดหงิดก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว พอได้โอกาสก็เลยเอาคืนผมซะเลย” วิคเตอร์สีหน้าถมึงทึงน่ากลัว ผมจ้องหน้าเขากลับ บ้าเอ๊ย! น้ำตาจะมาคลออะไรตอนนี้ ผมรีบกระพริบตาไล่น้ำตาไม่ให้ไหลออกมา วิคเตอร์หายใจหนักหน่วง สายตาแข็งกร้าวจ้องมองผมด้วยความไม่พอใจ ผมก็จ้องกลับไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน


“ถ้าอยากให้ฉันมีคนดูแล ก็ได้! แต่ต้องไม่ใช่ไอ้ต่างด้าวนี่!” วิคเตอร์หันไปบอกเอมิลี่ที่ยืนหน้าเครียดอยู่ ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ


“ถึงผมจะเป็นต่างด้าว แต่ผมก็ไม่เคยชกใคร เพียงเพราะเขาพูดความจริงกระแทกใส่หน้า!” ผมถลึงตามองอีกฝ่าย อาการปวดตุบๆ ที่มือซ้ายทำให้ผมแอบกำมือเบาๆ วิคเตอร์ขบกรามแน่น เขากำหมัดและทำท่าจะยกขึ้นมาชกผมอีกรอบ แต่คราวนี้ผมไวกว่า ผมเกร็งข้อมือและแขน ตั้งมือเป็นฉากแล้วใช้ช่วงกระดูกโปนตรงข้อแขนฟาดลงไปที่ข้อมือขวาของเขาอย่างเร็วและแรงจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว


“Ouch!! (โอ้ย!!)” วิคเตอร์สะบัดมือด้วยความเจ็บ สีหน้าเหยเก แม้จะไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่โดนเข้าไปปวดไม่ใช่น้อยนะ ผมยักคิ้วให้แล้วยิ้มด้วยความสะใจเล็กๆ เขากัดฟันแน่น จ้องมองผมด้วยสายตาอาฆาต เขาทำท่าจะพุ่งหมัดใส่ผมอีกรอบ คราวนี้ผมดันเก้าอี้ตัวเองถอยหลังห่างจากเขาไปประมาณหนึ่งเท้าก้าวแล้วยกขาเหยียดตรงขึ้นตรงอกเขา วิคเตอร์ชะงักแล้วก้มลงมองเท้าผมที่กระดกขึ้นลง ก่อนจะเงยหน้าสบตากับผมที่ยิ้มมุมปากอย่างมีชัย เอมิลี่กลับมาขำอีกรอบ


“ผมเคยเรียนเทควันโด้นะ ถึงจะหยุดอยู่แค่สายเหลืองก็เหอะ แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่าควรจะเตะคุณตรงไหนจนทำให้คุณพูดไม่ออกอีกเลย” ผมเอียงคอมองเขา แล้วจ้องตาไม่กระพริบสีหน้าไม่ยิ้มไม่พูดเล่น แต่ในใจผมหรอ…
โอ้ยยย เต้นแรงอย่างกับได้ยินเสียงเพลงในผับ ผมนี่โคตรลุ้นเลยนะ คือถ้าจังหวะที่ผมยกเท้าขึ้นจ่อไว้ที่หน้าอกเขา แล้วหมอนั่นเกิดมือไวจับขาผมบิดขึ้นมา ผมเสียเปรียบแน่ๆ โชคดีที่เขามัวแต่อึ้งที่เห็นผมยกของต่ำสุดในร่างกายขึ้นจนเกือบจ่อหน้า วิคเตอร์จ้องตาตอบกลับมา ผมรีบลดขาตัวเองลงแล้วนั่งไขว้ห่างเก๋ๆ อีกฝ่ายลดหมัดลง ขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน ผมหมุนเก้าอี้ไปทางเอมิลี่แล้วส่งยิ้มให้เธอ เอมิลี่ยิ้มตอบกลับสายตาดูครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


“ระวังตัวไว้เหอะ” วิคเตอร์ขู่ผมเสียงนิ่ง ผมหันไปสบตากับเขาที่มองมาด้วยความหงุดหงิด และใบหน้าที่ตอกย้ำว่าเขาโคตรหงุดหงิด ผมยิ้มมุมปากอย่างถากถาง


“หาคนอื่นมาให้ฉัน ไม่งั้นก็ไม่ต้องให้ใครมาดูแลฉันทั้งนั้นแหละ” เขาบอกเสียงขุ่นกับเอมิลี่ที่ยืนส่งยิ้มบางๆ ให้วิคเตอร์สลับกับมองมาที่ผม


“ฉันว่าไม่ต้องหาใหม่หรอก ให้…” เธอหรี่ตามองผมราวกับกำลังนึกชื่อของผมอยู่ ผมกระตุกยิ้มนิดๆ แล้วบอกเธอ


“I’m Matt. (แมทครับ)” เอมิลี่ยิ้มด้วยความพอใจและพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยิ้มด้วยความขบขันเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วนิดๆ


“The gift of God? That’s lovely name. (ของขวัญจากพระเจ้าเหรอ น่ารักดีนะ)” ผมยิ้มกว้างให้เธอ


“Thank you. My mom gave me this name. (ขอบคุณครับ แม่ผมเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้)” ผมยิ้มตาเป็นประกายวิ้งๆ ให้เอมี่ที่ยิ้มสวยกลับมา ก่อนจะหันไปหาวิคเตอร์ที่มองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว คราวนี้หมอนั่นดูอ่อนลง เขากำลังขมวดคิ้ว สีหน้าราวกับกำลังนึกอะไรบางอย่างอยู่


“ให้แมทดูแลนายเนี่ยแหละ ฉันว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว” สิ้นเสียงเอมิลี่ วิคเตอร์ก็หันขวับไปมองทันที เขาเบิกตากว้างมองเธอที่ยิ้มพิมพ์ใจกลับมาให้ ผมแอบยิ้มเบ้ปากกับตัวเอง สะใจที่ได้เห็นหน้าหมอนั่นตอนนี้จริงๆ


“อะไรนะ?! ฉันก็เพิ่งบอกไม่ใช่หรอว่าไม่เอาหมอนี่!” เอมิลี่ยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะตอบ


“ฉันก็เพิ่งบอกไปเหมือนกันว่าฉันจะให้แมทดูแลนาย อย่าดื้อน่าวิคเตอร์ แมทเขาทำงานที่นี่แค่สามเดือนเท่านั้นแหละ หลังจากนั้นฉันจะเปลี่ยนให้”


“3 months?! Do I have to live with this shorty man 3 months? That’s fucking shit! (สามเดือน?! นี่ฉันต้องทนอยู่กับไอ้เตี้ยนี่สามเดือนงั้นหรอ เป็นอะไรที่โคตรเหี้-ย!)” เขาสบถออกมาด้วยความโมโห สีหน้าเขาไม่พอใจอย่างแรงกล้า ผมกัดปากแล้วเท้าเอวมองเขา ไอคำหลังผมไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่ด่าว่า ไอ้เตี้ย นี่โคตรจี๊ดเลยนะ เตี้ยแต่ทำให้เพลียได้นะเว้ย!


“ถ้าสุดท้ายจะต้องเปลี่ยน ก็เปลี่ยนมันตอนนี้เลยเถอะ จะไปรอสามเดือนทำไม” วิคเตอร์ยืนขึ้นแล้วเอามือค้ำโต๊ะจ้องหน้าเอมิลี่ที่นั่งลงแล้วยิ้มพึงพอใจ


“ก็ฉันต้องหางานให้แมททำ”


“งั้นเธอก็ส่งให้หมอนี่ไปทำงานอื่นสิ มีงานตั้งเยอะแยะ!”


“แต่ฉันไม่เห็นว่างานไหนจะเหมาะกับแมทเท่างานนี้เลยนะ…” เอมิลี่ยิ้มบางๆ แล้วกอดอกมองหน้าวิคเตอร์


“…ฉันเชื่อว่าแมทจะดูแลนายได้ และดูแลได้ดีมากด้วย แถมฉันยังเชื่อว่าแมทจะทำให้นายมีระเบียบกับชีวิตมากกว่าที่เป็นอยู่ นายต้องการคนดูแล ยิ่งตอนนี้ยิ่งควรมี นายกำลังไปได้ดี วิคเตอร์ ฉันไม่อยากให้นายพลาด นายเคยพลาดมาแล้ว และเกือบเสียโอกาสไป ฉันจะไม่ยอมให้นายพลาดอีก” เอมิลี่บอกน้ำเสียงจริงจัง ผมได้แต่นั่งมองด้วยความไม่เข้าใจ เขาคงกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่รู้กันอยู่สองคนนั่นแหละ วิคเตอร์ถอนหายใจ แล้วนั่งลงกับเก้าอี้ตามเดิม เขาหลับตาไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองหน้าผม ผมกลอกตาไปมาและกระพริบตาปริบๆ ด้วยความประหม่า เขาทำเหมือนอย่างกับผมเป็นของประหลาดงั้นแหละ
อ๋อ แน่ล่ะผมเป็นเอเลี่ยนสำหรับเขานี่


“ก็ได้ ฉันจะยอมให้หมอนี่มาดูแลฉัน…” เอมิลี่ถอนหายใจโล่งอก ผมเม้มปากพยายามไม่ยิ้มอย่างมีชัยจนเกินไป


“…แต่ทนให้ได้ก็แล้วกัน” ปากที่กำลังพยายามยิ้ม หุบลงวืบบบ ผมเงยหน้าสบตากับเขาก็เห็นแววตาซุกซนแบบตอนในห้องแต่งตัวที่สตูดิโอ และมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นอย่างร้ายกาจ มันต้องไม่ใช่เรื่องราวดีๆ แน่ๆ


“เยี่ยม งั้นแมทก็ทำหน้าที่นี้ต่อไป ครบสามเดือนเมื่อไหร่ฉันจะเซ็นใบฝึกงานให้ อ้อ…” เธอหันไปทางวิคเตอร์ที่มองผมเหมือนเหยี่ยวเจอเหยื่ออยู่ จนผมต้องหดคอลงแล้วช้อนตาขึ้นมองเขา ไม่กล้าสู้เต็มๆ ง่ะ กลัว…


“…นายก็ต้องเซ็นให้แมทด้วยนะ เพราะถือว่านายเองก็เป็นเจ้านายเขาเหมือนกัน” วิคเตอร์ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ทำให้ผมขนลุกชอบกล มันไม่ใช่รอยยิ้มที่ดีเลยแฮะ ผมอ้าปากหวอมองหน้าเขา


“Anytime! (ได้เสมอ)” เฮ้ย! มันอารมณ์ดีเกินไปละ ผมหรี่ตามองตานั่นด้วยความไม่ไว้ใจ เขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยักคิ้วขวาให้ผมสองที


“งั้นพรุ่งนี้นายก็เอาเอกสารมาให้ฉันก็แล้วกันนะแมท เอามาเผื่อวิคเตอร์เขาด้วยล่ะ” ผมหันไปหาเอมิลี่แล้วยิ้มพร้อมกับพยักหน้าขึงขังว่ารับรู้แล้ว เธอยิ้มด้วยความสบายใจ แล้วหยิบกระดาษเอสี่ปึกหนึ่งขึ้นมา แต่ไม่ได้หนาอะไรมาก เธอส่งให้ผม ผมยื่นมือไปรับไว้พร้อมสีหน้างงๆ


“นั่นคือตารางงานของวิคเตอร์ เอาไปศึกษาซะ จะได้เตรียมตัวถูก” ผมตาโตด้วยความตะลึง นายแบอะไร ทำไมงานเยอะจัง ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ตอนนี้เอามือขวานั่งลูบไล้คางตัวเองพลางมองหน้าผมด้วยท่าทีสบายๆ ผมก้มลงมองกระดาษในมือแล้วก็ต้องคิ้วขมวดหนักขึ้นเมื่อเห็นลิสต์งาน


ถ่ายแบบ อันนี้พอเข้าใจ


ถ่ายโฆษณา ยังพอเข้าใจอยู่


ถ่ายซีรีย์  หืมมม? ละคิวเยอะด้วยนะ ไม่ใช่คิวสองคิว


แคสติ้งบทหนัง โอ้ววว บทเด่นซะด้วย ไม่เด่นธรรมดา แต่ว่าเป็นบทพระเอก!


ผมอ้าปากหวอเงยหน้าขึ้นมองวิคเตอร์ที่ทำหน้าหล่ออยู่ เอ้ย! เออ! ก็มันหล่อจริงๆ นั่นแหละ ก่อนจะหันไปมองเอมิลี่ที่ยิ้มน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มแห่งความสงสัย


“มีอะไรรึเปล่า ถามได้นะถ้าข้องใจอะไร”


“คือผม…” ผมก้มลงมองตารางงานอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองเอมิลี่อีกรอบ “…เขาถ่ายซีรียส์ ถ่ายหนังด้วยเหรอครับ” ผมถามด้วยความประหลาดใจ แต่สีหน้าของเอมิลี่ประหลาดใจยิ่งกว่า เมื่อหันไปมองวิคเตอร์ หมอนั่นขมวดคิ้วมองผมด้วยความไม่เข้าใจหรือไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง


“ก็ต้องถ่ายสิ ก็เขาเป็นพระเอกของซีรีย์…” พระเอก!!! ผมตาโตด้วยความอึ้ง หันไปมองวิคเตอร์ที่ยังคงจ้องมองผมด้วยความงุนงง


“…นายไม่รู้จักวิคเตอร์หรอ” เอมิลี่ถามผมด้วยน้ำเสียงประหลาดใจพอๆ กับใบหน้าของเธอ ผมหน้าเอ๋อไปพักหนึ่งก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมา


“เอ่อ… ก็อาจจะเคยเห็นผ่านตาบ้าง แต่…” ผมขมวดคิ้วบ้างคราวนี้ นี่ผมพลาดไปได้ยังไง ปกติผมก็ดูซีรีย์ฝั่งอเมริกาไม่น้อยนะ ออกจะคลั่งเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมผมถึงไม่รู้จักหมอนี่ล่ะ


“นายอาจจะเคยเห็น แต่อาจจำไม่ได้ เพราะซีรีย์ที่เขาเล่นเพิ่งออกมาซีซั่นเดียว ตอนนี้กำลังถ่ายทำซีซั่นที่สองอยู่” ผมกลืนน้ำลายลงคอ แทบไม่กล้าสบตาสีน้ำตาลมหาเสน่ห์นั่นเลย ฮึ่ยยย! ผมพลาดไปสินะ มัวแต่ตามดู The Vampire diaries, The walking dead, Once upon a time, Game of throne, Pretty little liars และ Spartacus หรือแม้กระทั่งย้อนไปดู Gossip girl  อยู่ล่ะมั้งเลยไม่ได้สนใจเรื่องของหมอนี่


“คือผมชอบดูซีรีย์นะครับ แต่ก็จะมาตามดูทีหลังมากกว่า และกว่าจะจบเรื่องนึงก็ใช้เวลานาน กว่าจะรู้ว่ามีเรื่องใหม่ๆ มา ผมก็ยังจมอยู่กับเรื่องเก่าอยู่เลย” ผมยิ้มแห้งๆ ให้เอมิลี่ที่ยิ้มตอบกลับมาอย่างใจดี ส่วนวิคเตอร์ดูท่าทางจะหงุดหงิดเล็กๆ ที่ผมดันไม่รู้จักเขา


“กลับบ้านไปก็ไปเสิร์จกูเกิ้ลซะ จะได้รู้จักวิคเตอร์มากขึ้น ฉันเดาว่าเธอคงพยายามถามข้อมูลเขาบ้างแล้ว แต่เขาไม่ยอมตอบ” ผมพยักหน้าตอบรับทันที เอมิลี่ส่งเสียงขำน้อยๆ ออกมา แค่อายุยังไม่ยอมตอบเล้ย!


“ว่าแต่นายพักอยู่ที่ไหนล่ะ”


“ผมอยู่แถวๆ Brooklyn (บรู๊คลิน) ครับ แต่ที่ผมอยู่ก็ไม่ไกลจาก Manhattan (แมนฮัทตัน) มาก ข้ามสะพานมาก็ถึงแล้วครับ” เอมิลี่พยักหน้ารับรู้


“เอาเบอร์นายมา” ผมหันไปมองหน้าวิคเตอร์ด้วยความแปลกใจที่เขาเอ่ยขอเบอร์ผม แต่ผมก็ไม่ได้มโนเข้าข้างตัวเองว่าเขาขอไปด้วยความพิศวาสอะไรหรอก เพราะผมรู้ดีว่านี่คือการขอเบอร์แบบทาสและเจ้านาย ที่จะได้โทรจิกเรียกใช้ได้ตลอดเวลา


“เยี่ยม แลกเบอร์กันไว้ มีอะไรจะได้โทรหากันเองโดยไม่ต้องผ่านฉัน” เอมิลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ผมแบมือขอมือถือของวิคเตอร์ เขาส่งไอโฟนหกสีทองรุ่นล่าสุดมาให้ ผมกดปล็อดล็อคแต่มันต้องใส่รหัส


“รหัส?” ผมเงยหน้าถามเขา วิคเตอร์เอื้อมมาหยิบมือถือไปจากผมแล้วกดให้ ก่อนจะสงคืนให้ผมอีกที ผมกดหมายเลขของตัวเองที่นิวยอร์คให้เขา ก่อนจะกดโทรออก เสียงริงโทน Move like Jagger ของพี่อดัมดังขึ้นแว้บหนึ่ง ก่อนที่ผมจะตัดสายเมื่อได้เบอร์เขามาแล้ว ผมยื่นมือถือคืนให้เขา ก่อนจะหยิบของตัวเองมาเมมเบอร์เขาไว้


“เอาล่ะ ถ้าเรียบร้อยแล้วก็กลับกันได้ เวลาเริ่มงานและเวลาเลิกงานของนาย คือตามตารางวิคเตอร์นะ ถ้าวันไหนเขาไม่มีงานก็สบายไป” เอมิลี่บอกพลางผายมือมาทางกระดาษที่เป็นตารางงานของวิคเตอร์ เจ้าของตารางงานลุกขึ้นยืน ผมก็ดันบ้าจี้ลุกขึ้นยืนตามอัตโนมัติ วิคเตอร์ก้มลงมองหน้าผมแล้วเบะปากใส่น้อยๆ หน็อยยย! ผมเลยเบะปากกลับไปมั่ง วิคเตอร์ถลึงตามองผมทันที สร้างเสียงหัวเราะให้เอมิลี่อีกครั้ง


“ตามไปส่งเจ้านายเธอที่รถได้เลยนะแมท” ผมหันไปยิ้มและก้มหัวให้เอมิลี่เล็กน้อย ก่อนจะเดินตามวิคเตอร์ออกจากห้องไป ผมเดินไปจนถึงประตูหลังของตึก ก่อนจะกดเปิดประตูให้วิคเตอร์แล้วแสร้งทำท่าผายมือให้เขาเดินออกไป เขาเหลือบตามองผมนิดหน่อยก่อนจะเดินตรงไปที่รถ ผมก้มลงมองตารางงานของเขาในมือเพื่อเช็คว่าพรุ่งนี้เขาต้องทำอะไรบ้าง


“พรุ่งนี้คุณมีแคสติ้งหนังที่สตูดิโอของค่ายหนัง หลังจากนั้นก็มีงานถ่ายแบบพร้อมให้สัมภาษณ์ลงหนังสือ The Entertainment เริ่มงานตอนสิบโมงเช้า แล้วเจอกันนะครับคุณเรย์มอนด์” ผมยิ้มแฉ่งไปให้เขา เขาทำหน้าเอือมแล้วผงกหัวขึ้นรับรู้ เออ ว่านอนสอนง่ายก็เป็นนี่


“See you tomorrow. The shorty. (เจอกันพรุ่งนี้ ไอ้เตี้ย)” เขายิ้มมุมปากขำ แล้วเปิดประตูรถก่อนจะรีบเข้าไปทันที โอ้โห! แม่งใช้ The (เดอะ) เน้นย้ำเลยเว้ย! ผมถลึงตามองแล้วทำปากขมุบขมิบราวกับสาปแช่งเขา เสียงรถดังกระหึ่มขึ้นก่อนที่รถสุดหรูสีเทาเข้มจะเคลื่อนตัวออกช้าๆ วิคเตอร์เลื่อนกระจกลงมาแล้วชูนิ้วกลางให้ผม แล้วคิดว่าผมจะยอมหรอ ผมหันก้นให้เขาแล้วตบตูดตัวเองสองทีเน้นๆ แล้วยักไหล่เชิด วิคเตอร์ผงะไปก่อนจะปิดกระจกพร้อมทิ้งสีหน้าถมึงทึงไว้ให้ ผมหัวเราะชอบใจตามหลัง เอาซี้! ใครประสาทเสียก่อน แพ้!



[มีต่อด้านล่างค่ะ ยังมิจบตอนสอง T_T]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-06-2015 17:53:42

ผมกลับมาถึงบ้านพักด้วยความเหนื่อย ขนาดวันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรมากเลยนะ ยังล้าขนาดนี้ แหม… แค่สู้รบปรบมือกับพ่อพระเอกที่ผมไม่เคยติดตามข่าวก็ใช้พลังไปเยอะแล้ว ผมยิ้มและเอ่ยทักทายกับป้าแมร์รี่เล็กน้อย ก่อนจะเดินไปที่ครัวเพื่อหาอะไรกิน ผมหยิบขนมเค้กช็อคโกแล็ตของใครก็ไม่รู้ที่เอามาแช่ไว้ในตู้เย็นแต่ป้าแมร์รี่บอกกินได้ ผมก็กินล่ะนะ ก่อนจะดื่มน้ำส้มคั้นสดที่ทำไว้ตอนตื่นมากลางดึกตามลงไป อากาศเย็นๆ ในบรรยากาศเย็นๆ แบบนี้อยากกินมาม่าจัง ไม่รู้นึกไปถึงมาม่าได้ยังไง พอคิดได้แบบนั้นผมก็เลยต้มไข่เพื่อเอาไปใส่มาม่า


ผมถือถ้วยที่มีไข่ต้มอยู่หกใบขึ้นมาบนห้อง และถือน้ำร้อนที่ใส่แก้วใบใหญ่ขึ้นมาด้วย ก่อนจะเข้าห้องผมแอบหันไปมองห้องของบาสด้วย ดูท่าทางจะยังไม่เลิกงานนะ ผมเปิดประตูเข้าห้องนอนตัวเอง แล้วจัดการแกะมาม่าใส่ถ้วยที่ซ้อนมากับถ้วยไข่ต้ม ระหว่างรอให้เส้นนุ่ม ผมก็เดินไปเปิดแม็คบุ๊ครอ พอหน้าจอติดปุ๊บ ผมรีบต่อวายฟาย (Wifi) ของบ้านทันที ก่อนจะคลิกเข้ากูเกิ้ล แล้วพิมพ์ชื่อ Victor Raymond ลงไปในช่องค้นหา ผมหันไปคว้าถ้วยมาม่ามาไว้ในมือ แล้วบิไข่ต้มจนเละใส่ลงไปในถ้วย ผมนั่งลงบนเก้าอี้พลางหมุนเส้นมาม่าในช้อนส้อมเข้าปาก พอกินได้คำนึงผมก็ใช้มือขวาเลื่อนเม้าส์ คลิกเข้าไปดูข้อมูลของวิคเตอร์ โอ้โห ผมพลาดจริงๆ แหละ ที่ไม่ได้ติดตามข่าว ไม่ใช่ว่าไม่สนใจเขานะ แต่เคยเป็นกันมั้ย แบบว่าไม่ได้ติดตามจริงๆ เลยไม่รู้จักจริงๆ อ่ะ ไม่ใช่ว่าแอ๊บทำให้ตัวเองแปลกแยกนะที่ทำตัวไม่รู้จักดารา แต่ว่าผมไม่เคยติดตามข่าวคราวของวิคเตอร์จริงๆ
ผมเห็นรูปๆ หนึ่งที่เขาไปถ่ายแบบริมทะเลในชุดเสื้อลายดอก กางเกงขาสั้น โห ชุดนี้ไม่หล่อจริง ตายเลยนะเนี่ย แล้วผมก็ต้องร้อง อ๋อ กับตัวเองเมื่อเห็นรูปที่เขานั่งอยู่ในกระท่อมริมทะเลแล้วยิ้มที่มุมปากเท่ๆ ให้กล้อง


ผมเคยเห็นเขา แต่ผมจำไม่ได้ ผมเคยเห็นเขาในนิตยสารหัวนอกเล่มหนึ่ง ตอนนั้นจำได้ว่ายังชมเขาอยู่เลยว่าหน้าตาดีนะเนี่ย นายแบบคนเนี้ย นังเก้ากับนังแบมยังกรี๊ดไปกับผมเลยพอผมเอารูปวิคเตอร์ให้ดู แต่ไม่คิดว่าวันนึงเขาจะกลายมาเป็นพระเอกละครได้ พอนึกได้ว่าเขาเป็นพระเอกผมก็เลยหาข้อมูลซีรีส์ที่เขาเล่นทันที เลยได้รู้ว่าซีรีส์ที่เขาเล่นชื่อเรื่องว่า The Secret of darkness เป็นแนวสืบสวน สอบสวน เกี่ยวกับคดีฆาตกรรม มีการตามล่า ไล่ล่า ฆ่ากัน มีการเมืองเข้ามีเกี่ยวข้องด้วย ผมชอบซีรีส์อเมริกาอย่างหนึ่ง หากเขาจะทำเรื่องด่านักการเมืองหรือด่าองค์กรอะไรสักอย่าง เขาก็ทำได้อย่างอิสระ ไม่เหมือนประเทศไทย ผมอ่านข้อมูลเกี่ยวกับคาแรคเตอร์ของวิคเตอร์ เขาเล่นเป็นพระเอก ตัวเด่นของเรื่องที่เป็นนักสืบที่เก่งมาก คอยสืบเรื่องราวการตาย การหายตัวต่างๆ หรือมีคดีพิศวงอะไรตัวละครตัวนี้ก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ มีปมหลังเกี่ยวกับฆาตกรที่ฆ่าแม่และแฟนสาวของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน จึงกลายเป็นคนเก็บกดอยู่ลึกๆ


อื้มมม ผมพยักหน้ากับตัวเอง คาแรคเตอร์คงเข้มๆ ขรึมๆ เหมือนตัวจริงสินะ ผมดูข้อมูลต่อก็เลยรู้ว่าตอนนี้ซีซั่นที่หนึ่งกำลังฉายอยู่ทางช่อง BBC ช่องดังของอเมริกา อ่าฮ้า! ท่าทางเรทติ้งกับกระแสจะดีซะด้วยสิ เพราะแฟนเพจในเฟซบุ๊คกดไลค์สองล้านเลยแฮะ แถมยังถูกจัดอันดับให้เป็นท้อปไฟว์ (TOP FIVE) ซีรีส์ที่ดีที่สุดในรอบปี้นี้เคียงคู่กับเรื่องดังๆ อย่างพวก The walking dead เลยแหละ ผมขยี้หัวตัวเองเบาๆ ไอ้แมทเอ๊ย พลาดซีรีส์ดังๆ อย่างเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะ


ผมเลยเข้าไปดูแฟนเพจของวิคเตอร์ ทั้งในเฟซบุ๊ค ทวิคเตอร์ และอินสตาแกรม แถมยังมี Tumblr ที่แฟนคลับทำให้อีก แฟนเพจเฟซบุ๊คเขาคนกดไลค์เป็นล้านๆ โอ้ววว! แม่เจ้า มีเพื่อนๆ ผมในเฟซบุ๊คกดไลค์กันด้วย ผมเลื่อนแทบบาร์ดูความเคลื่อนไหวในเฟซ ก็เห็นว่าเขาเป็นคนอัพรูปเอง สลับกับเอเจนซี่เป็นคนอัพบ้าง รูปล่าสุดคือเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่แล้ว เป็นรูปในกองถ่ายซีรีส์เขานั่นแหละ พอเข้าไปดูในทวิตเตอร์ก็เห็นว่าอันนี้วิคเตอร์เล่นเองล้วนๆ ส่วนอินสตาแกรม ก็เป็นเขาเองเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างหมอนั่นจะเป็นพวกโซเชียลด้วย หน้าตาไม่ให้เลย ส่วนทัมเบลอร์ที่เป็นของแฟนๆ ก็คอยอัพรูปต่างๆ ทุกอิริยาบถของเขา ผมย้อนๆ ลงไปดูก็เจอภาพแรกๆ ตั้งแต่สมัยเป็นนายแบบ เริ่มเข้าวงการ ผมกดเซฟไว้ ตั้งโฟลเดอร์เป็นชื่อของเขาเลย


ผมคลิกเข้าไปดูประวัติส่วนตัวของเขาเพื่อทำการศึกษาชีวประวัติพ่อพระเอกนี่ ก็เลยได้รู้ว่าเขาเป็นนายแบบมานาน แต่สำหรับบทบาทพระเอกเต็มตัวในซีรีส์เพิ่งเริ่มจากเรื่องนี้เรื่องแรก นอกนั้นก็เคยเป็นตัวประกอบมาบ้าง ก่อนจะไปเข้าตาผู้กำกับและคนเขียนบทของซีรีส์เลยเรียกให้มาแคส ปรากฏว่าแคสผ่านเลยได้รับบทเด่น พอออกอากาศก็ดังเป็นพลุแตก แถมยังถูกจัดให้เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ส่วนประวัติส่วนตัว หมอนี่เกิดวันที่ 30 มกราคม ปี 19xx ปัจจุบันอายุ 28 สถานะตอนนี้คือโสด การศึกษา จบจากคณะ Filming ของ Calarts หรือ California Institute of the Arts  ส่วนประวัติภูมิลำเนา  วิคเตอร์เป็นคนอังกฤษ เกิดที่เมือง Sheffield  อันนี้ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะด้วยสำเนียงบริทิชของเขานั่นแหละ ผมคลิกตรงส่วนของรูปภาพแล้วไล่ดูภาพต่างๆ ของเขา มีตั้งแต่วัยเอ๊าะๆ จนมาปัจจุบัน มีรูปถ่ายกับผู้หญิงสองสามคน มีคนหนึ่งผมทองยาวสลวยหน้าสวยมาก น่าจะเป็นภาพส่วนตัวจากไอจีไม่ก็ทวิตเตอร์นะ เพราะดูเป็นภาพถ่ายสบายๆ ริมทะเล ผมดูเวลาวันที่ นี่มันรูปเมื่อหลายปีก่อน น่าจะสักหกเจ็ดปีได้มั้ง ย้อนไปนานมาก ผมยักไหล่แล้วกดปิดรูปนั้นไป


ผมหยิบสมุดโน้ตสีน้ำตาลไร้เส้นบรรทัดเล่มหนึ่งที่เอาติดตัวมาด้วย วางตารางงานของวิคเตอร์ไว้ข้างๆ ผมเริ่มจากการจดประวัติส่วนตัวที่ผมรู้มาลงไปทั้งหมดก่อน แล้วก็ใส่รายละเอียดที่อยู่เขาที่ได้มาจากเอมิลี่วันนี้ จดเบอร์โทรของเอเจนซี่ลงไป และจดเบอร์โทรของตัวเองลงไปเผื่อว่าทำหายจะได้มีคนติดต่อกลับมาได้ แต่ผมจะพยายามไม่ทำหายดีกว่าเพราะในนี้มีข้อมูลตารางงานของวิคเตอร์ทั้งนั้น เกิดหลุดไป แฟนคลับคงแห่กันไปตามแน่ๆ ผมนั่งจดขยุกขยิกไปเรื่อยจนลอกตารางงานทั้งหมดของวิคเตอร์ลงสมุดเรียบร้อย ผมปิดสมุดลงก็เป็นจังหวะที่โทรศัพท์มือถือส่งเสียงร้องขึ้นมาพอดี ยกขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นพ่อพระเอกคนดังที่ผมเพิ่งทำความรู้จักผ่านกู้เกิ้ลนั่นแหละโทรมา ผมขมวดคิ้วก่อนจะรับสาย


“ว่าไงครับคุณเรย์มอนด์” ผมส่งเสียงเอื่อยเฉื่อยไปตามสาย อีกฝ่ายตอบกลับมาทันที


“ช่วยมาที่บ้านฉันหน่อย” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แล้วรีบเปิดดูสมุดคิวงานเล่มใหม่ก็เห็นว่าวันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วนี่


“ไปทำไมครับ วันนี้คุณไม่มีงานอะไรแล้วนะ”


“งานในตารางหมด ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเรียกใช้งานนายไม่ได้นี่ ฉันเป็นเจ้านายนายนะ” ผมยกโทรศัพท์ออกมาดูเวลา นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะ!


“ดึกป่านนี้คุณมีอะไรจะใช้ผม?”


“มีก็แล้วกัน อย่าถามมากได้มั้ย หรือไม่อยากได้ลายเซ็นฉันในใบฝึกงาน” ผมกัดปากแน่นก่อนจะปล่อยออกด้วยความหมั่นไส้อีกฝ่าย ได้ทีละขู่เลยนะ!


“ก็ได้ เดี๋ยวผมไป” ผมบอกอย่างยอมจำนน รับรู้ได้ถึงรอยยิ้มพึงพอใจของอีกฝ่าย


“Now! (เดี๋ยวนี้!)” แล้วเขาก็วางสายไปทันที ผมรีบลุกขึ้นแล้วคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมา ยัดสมุดคิวลงไปพร้อมโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะหยิบกุญแจห้องวิ่งออกไป ผมบังเอิญเจอกับบาสที่ด้านล่างกับผู้ชายหน้าตาดี ที่หล่อแบบไทยแท้คนหนึ่งโดยไม่ต้องเสียเวลาสปีคอิงลิชด้วย


“อ้าว จะไปไหนหรอแมท” ผมยิ้มแหยๆ ให้บาส โดยไม่ได้สนใจสายตาของพ่อหน้าไทยที่กำลังมองผมด้วยความงุนงง


“มีงานด่วนน่ะ ไปก่อนนะ” ผมยิ้มให้แล้วเดินเลี่ยงออกไป เสียงบาสตามหลังมา


“ว่าจะชวนมากินข้าวด้วยกันซะหน่อย ไม่กินก่อนหรอ” ผมหันไปมองถุงที่บาสชูขึ้นมาแล้วต้องยิ้มด้วยความเสียดาย


“ขอโทษนะ งานนี้ด่วนและรีบจริง ไว้วันหน้าจะเลี้ยงคืนบ้างนะ ไปละ” ผมหมุนตัวแล้ววิ่งปรู๊ดออกจากบ้านไปทันที ผมวิ่งไปใส่รองเท้าไป พลางมองหาแท็กซี่ ไปขึ้นรถไฟใต้ดินตอนนี้คงไม่ทันใจ ไว้ขากลับก็แล้วกันนะ ผมโบกแท็กซี่ได้ก็บอกจุดหมายตัวเองทันที







ผมวิ่งขึ้นบันไดหน้าทาวน์เฮ้าส์ของวิคเตอร์แล้วกดออด แต่ลืมไปว่าออดเขาเสีย ผมเลยเคาะประตูรัวๆ รอสักพักหนึ่งเขาก็เดินมาเปิดประตูในสภาพถือแก้วไวน์แดงและใส่เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว


“นายใช้เวลาเดินทางยี่สิบนาทีเชียวหรอ” เขาเอ่ยถามพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยท่าทีสบายใจแล้วหลุบตาต่ำมองผมที่ยืนหอบ
เบาๆ ผมทำหน้าบึ้งเล็กน้อย


“คุณจะไม่ให้เวลาผมเลยรึไง ผมไม่ใช่แฮร์รี่ พอตเตอร์นะถึงจะแว้บหายตัวได้” เขายักไหล่แล้วทำปากเบ้เล็กๆ แล้วเปิดประตูกว้างให้ผมเข้าไป ผมเข้าไปยืนด้านในบ้าน วิคเตอร์ปิดประตูแล้วหันมามองที่ผม


“คุณมีอะไรให้ผมทำ”


“ผสมน้ำให้ฉันอาบหน่อย” ผมขมวดคิ้ว อ้าปากกว้างด้วยความเหวอ อีกฝ่ายยิ้มอิ่มใจแล้วยกแก้วไวน์ใส่ปากอีกรอบ


“เรียกมาเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ คุณผสมเองไม่เป็นรึไง แล้วปกติใครทำให้คุณ”


“ปกติฉันก็ทำเอง แต่ถ้ามีผู้หญิงมานอนด้วยเขาก็จะทำให้ฉัน” ผมถอนใจแล้วเอียงคอ เท้าเอวมองหน้าเขา


“ก็ถ้าในเมื่อคุณเคยทำเอง แล้วทำไมไม่ทำ”


“ก็ตอนนี้ฉันมีเบ๊อย่างนายคอยดูแลแล้วนี่ ก็ต้องใช้ให้คุ้มหน่อยสิ” ผมถลึงตามองเขา


“แต่ผมดูแลคุณแค่เรื่องงานนะ”


“ใครว่า นายต้องดูแลฉันทุกๆ เรื่อง ดูแลแค่เรื่องงานมันสบายเกินไป” ผมเม้มปากไปมา แล้วหันซ้ายหันขวาราวกับจะหาทางออก วิคเตอร์ยิ้มชอบใจ


“แต่คุณเอมิลี่บอก…”


“เอมิลี่บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าฉันคือเจ้านายของนาย ฉะนั้นเจ้านายสั่งอะไรก็ทำสิ ไม่งั้นไม่เซ็นใบฝึกงานให้นะ” เอาเรื่องนี้มาขู่อีกแล้ว! ผมกอดอกแล้วทำหน้ามุ่ยใส่เขา เชิดหน้าขึ้นสู้เล็กๆ ก่อนจะบอกเสียงสะบัด


“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณชอบอาบน้ำแบบไหน”


“นายต้องหัดที่จะเรียนรู้ความชอบไม่ชอบของฉันด้วยตัวเองนะ” เขาบอกน้ำเสียงสบายๆ ผมขยี้หัวตัวเองเบาๆ


“นำไปที่ห้องน้ำสิ” เขากระตุกยิ้มแล้วเดินนำผมไปที่บันได แล้วพาขึ้นไปยังชั้นสองของทาวน์เฮ้าส์ ความหรูหราสไตล์โมเดิร์นตกแต่งอย่าลงตัวกับแนววินเทจเล็กๆ ทำให้ผมอดมองไปรอบๆ ไม่ได้ อืมมม รสนิยมดีใช้ได้ รูปภาพที่ติดตามผนังส่วนใหญ่เป็นรูปภาพที่เกี่ยวกับฟิล์มทั้งนั้น ผมเดินตามเขาไปจนถึงประตูห้องห้องหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องนอนของเขา


“อ้อ แต่จำไว้นะ อย่าเข้าห้องนอนฉันโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาต ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายความเป็นส่วนตัวของฉัน” เขาบอกสีหน้าและน้ำเสียงเคร่งขรึม ผมพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ด้วยสีหน้าเซ็งๆ วิคเตอร์เปิดประตูเข้าไป ห้องนอนเขากว้างขวาง สีขาวสะอาดตา เตียงขนาดใหญ่สีขาวสลับทองสไตล์ยุคเก่าๆ หน่อยตั้งวางไว้ใกล้กับริมหน้าต่างบานใหญ่ที่ด้านนอกเป็นวิวถนนและต้นไม้ของโซนทาวน์เฮ้าส์ที่เขาอาศัยอยู่ เตียงมีเสาสี่เสา ที่ผมคิดว่ามีเอาไว้งั้นแหละ เพราะดูไม่มีมุ้งห้อยฟุ้งฟิ๊งอะไรเลย พรมที่ปูบนพื้นห้องก็นุ่มเท้าซะเหลือเกิน แต่ผมต้องสะดุดอารมณ์เมื่อเจอกับกองเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้ที่มุมหนึ่ง


“สำรวจพอใจรึยัง เข้าไปผสมน้ำให้ฉันอาบได้แล้ว” เขาบอกเสียงห้วนตามเคย ผมเบะปากนิดหน่อย แล้วเดินตามเขาเข้าไปในห้องน้ำขนาดยักษ์ที่แบบว่าเอาคนเข้ามานอนสิบคนก็ยังไม่เต็ม อ่างอาบน้ำทรงกลมขนาดใหญ่ที่อยู่บนแท่นสีขาวมีก๊อกน้ำสีทองโค้งเข้าหาอยู่ ผมมองสำรวจหาครีมอาบน้ำแล้วไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร เดินเข้าไปที่อ่างทันทีโดยไม่ลืมถอดกระเป๋าวางไว้บนเค้าน์เตอร์ล้างหน้าด้วย ผมเปิดน้ำใส่อ่างแล้วหยิบครีมอาบน้ำกลิ่นมะลิ กลิ่นกุหลาบ กลิ่นวานิลลา และยังมีกลิ่นอีกหลายกลิ่น จนผมต้องหันไปมองหน้าเจ้าของห้อน้ำอันหรูหรานี่


“แล้วผมจะผสมยังไงเนี่ย มีเป็นสิบกลิ่นขนาดนี้ แถมยังหลายยี่ห้ออีก” เขายักไหล่ กางแขนออกกว้าง ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร


“มีไหวพริบหน่อยซี้ ขนาดเมื่อตอนเย็นยังจะเตะฉันได้ ฉะนั้นก็คิดให้ไวหน่อยว่าควรผสมน้ำให้ฉันอาบยังไงดี” ผมกัดปากแน่น สีหน้าโมโหโกรธามาก ก่อนจะมองน้ำในอ่างที่เริ่มเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยเริ่มจากหยิบกลิ่นมะลิเทใส่ลงไปก่อนก็แล้วกัน แล้วจากนั้นก็หยิบกลิ่นกุหลาบตามลงไป ก่อนจะหยิบครีมอาบน้ำของ Polo sport ที่มีกลิ่นหอมๆ สดชื่นๆ แบบผู้ชายมาผสมลงไปอีกเล็กน้อย จากนั้นผมก็ใช้มือวนๆ จนเกิดฟองเต็มอ่าง แล้วปิดน้ำให้เขา ก่อนจะก้มหน้าลงไปสูดมกลิ่นจากอ่างน้ำ อ้า… หอมใช้ได้นะ ถึงจะผสมมั่วซั่วไปหมดก็เถอะ ผมหันไปยิ้มแล้วเอามือตบอกตัวเองเบาๆ แล้วผายมือเชื้อเชิญให้เขามาอาบน้ำ วิคเตอร์บิดปากเหมือนจะยิ้มเล็กน้อยแล้ววางแก้วไวน์ไว้บนเค้าน์เตอร์อ่างล่างหน้า ก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมออก ผมเบิกตากว้าง


“เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิ ให้ผมออกไปก่อน” ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งลงจากบันไดสองขั้นที่เป็นแท่นวางอ่าง แต่เหมือนเขาคงอยากแกล้งผม เลยถอดเสื้อคลุมออกอย่างเร็วจนเห็นไปทั้งตัว แต่ผมเห็นแว้บเดียวเท่านั้นแหละเพราะรีบก้มลงแล้วคลานเข่าหนีไปแม้มันจะล่อตาล่อใจให้ชวนมองมากแต่ผมก็ไม่อยากจ้องมันนานๆ หรอกนะ เดี๋ยวจะส่งผลต่อระบบการเต้นของหัวใจอีก ผมรีบคลานมาที่เค้าน์เตอร์อ่างล่างหน้าแล้วยืดตัวเตรียมหยิบกระเป๋า แต่วิคเตอร์เดินตามมายืนที่ด้านหลัง ผมรีบหลับตาทันที


“งานนายยังไม่เสร็จนะ อย่าเพิ่งกลับ”


“มีอะไรให้ทำอีกล่ะ”


“เอาเสื้อผ้าที่กองอยู่ไปซักที่ห้องซักล้างให้หน่อย แล้วตากให้ด้วย ซักให้เสร็จนะ” ผมหลับตาปี๋พยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะค่อยๆ คลำหาทางดันตัวเองลุกขึ้นยืน แล้วก็ต้องเปิดตาพร้อมกับสะดุ้งโหยง เมื่อวิคเตอร์เข้ามายืนประชิดด้านหลังผม จนผมสัมผัสได้ถึงอกอันแข็งแกร่งแต่นุ่มนวลของเขา ผมพยายามหลบก้นตัวเองหนีไม่ให้โดนกับความเป็นชายของเขา วิคเตอร์ก้มหน้าลงมาประชิดที่ข้างหูผมแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมยืนมองหน้าเขาผ่านกระจก ใจเต้นตึก กระพริบตาปริบๆ


“อดทนให้ได้นะ ต่างด้าว” เขายืดตัวขึ้นแล้วส่งยิ้มร้ายกาจมาให้ ก่อนจะเดินไปที่อ่างอาบน้ำ ว่าจะไม่ให้ตัวเองเห็นแล้วเชียว แต่ตอนเดินไปที่อ่าง เขาต้องเดินผ่านกระจก โอ้ย ห้อยโตงเตงจนผมใจไม่ดี นี่ขนาดยังไม่ตื่นตัวเต็มที่นะ


“อ้าว! ยืนทื่ออยู่ทำไม ไปซักผ้าสิ Shorty (นายเตี้ย)” หมดอารมณ์! ผมหันไปมองร่างที่อยู่ในอ่างอาบน้ำ โชว์กล้ามแขนและช่วงไหล่ เขายกมือเสยผมดกดำหนาที่ปรกหน้าพร้อมยักคิ้วแล้วยิ้มกวนๆ ผมส่งตาขวางๆ ไปให้ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำไปแล้วมาโผล่ที่ห้องนอน ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ทั้งอายทั้งโกรธที่โดนเรียกเตี้ย เอะอะก็เตี้ยนะไอ้โย่ง! ผมเดินดุ่มๆ ไปที่กองเสื้อผ้าแล้วหอบขึ้นมาอย่างทุลักทุเล


อดทนหรอ?! ไม่ว่าแกจะเล่นไม้ไหน ฉันก็ไม่ถอยง่ายๆ หรอก!!!



---------------------------TBC.---------------------------------


โฮก ยาวมาก TOT โหดสุดอะไรสุด ลงกันจนกระทู้หน้ายู่ไปหมด
คงลงวันล่ะตอนเลยค่ะ เพราะว่าอีกบอร์ดนั้น จะจบพาร์ทแรกแล้ว 55555 เลยจะรีบลงที่เล้าเป็ดให้ทัน
แต่ขอเป็นวันล่ะตอนเน้อออ เพราะว่านิยายยาวมากกก กว่าจะลงได้ตอนนึง เหนื่อยหอบบบ

ติดตามการอัพเดตข่าวสาร การสปอยล์ เมา้ท์มอยหอยกาบ เพ้อเจ้อนอกรอบได้ที่เฟซบุ๊คนะคะ หรือจะฟอโล่วทวิตเตอร์ก็ได้ ^^

FICTION Y BY ขุ่นเจ้ (https://www.facebook.com/FictionYByKhunjae) & @datomh (https://twitter.com/datomh)
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 15-06-2015 18:06:23
น้องแมทน่ารักก
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 15-06-2015 18:30:03
ยาวมากค่ะ อ่านตาแฉะ 5555555555 :mc4: :hao3:
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 15-06-2015 19:08:29
ยาวสะใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-06-2015 17:26:52


CHAPTER 3 :: As you wish, sir!


~Take me by the tongue, and I’ll know you. Kiss me ‘till you’re drunk and l’ll show you... ~

…All the moves like Jagger. I’ve got the moves like Jagger. I’ve got the moves like Jagger…๛


เสียงร้องของพี่อดัมดังลั่นอยู่ที่หัวเตียง ผมยื่นมือคลำไปทั่วในความมืด มือปัดป่ายไปทั่วหัวเตียงจนมือผมไปกระแทกเข้ากับขอบไม้ที่เป็นส่วนของเตียง ผมหน้านิ่วแต่ตายังปิดอยู่  มือปวดตุบๆ แต่ความง่วงมันชนะทุกสิ่งจริงๆ ผมอ้าปากรับอากาศเข้าไปในปาก พยายามลืมตาปรือๆ ขึ้นมา เห็นแสงจากจอไอโฟนสว่างจ้า


I don’t need to try to control you. Look into my eyes and I’ll own you…


“ฮาโหลลล~” ผมกรอกเสียงลงไปทั้งที่ตายังปิดอยู่


“ขอกาแฟสตาร์บัค ใส่ฟองนม ขอร้อนๆ และฉันหมายความว่ามันต้องร้อน และแวะซื้อสเต็กที่ร้าน Club house steak ขอเป็นเนื้อสันนอก ขอแบบอุ่นๆ อ้อ! แล้วขอเขาราดไวน์แดงที่ร้านมาให้ด้วย” เสียงของวิคเตอร์รัวมาตามสาย แต่เป็นน้ำเสียงสบายๆ ผมนึกออกเลยว่าท่าทีตอนที่เขาสั่งนั้นผ่อนคลายสบายใจขนาดไหน ผมเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ
ไอ้บ้า นี่มันเพิ่งหกโมงเช้านะ


“Listening? (ยังฟังอยู่รึเปล่า?)” เขาส่งเสียงมาอีกครั้ง ผมเอาโทรศัพท์มาแนบหูพลางถลกผ้าห่มออกจากตัวแล้วลงไปยืนบนพื้น ตอนนี้ตาเริ่มสว่างละ


“ฟัง! แต่นี่มันเพิ่งหกโมงเช้านะ คุณเริ่มงานสิบโมงไม่ใช่รึไง”


“ใช่ แต่ฉันจะให้นายเริ่มก่อนตาราง ฉันทำไม่ได้รึไง?” ผมได้ยินน้ำเสียงเป็นต่อจากเขา ผมถอนหายใจยอมแพ้ แล้วแอบแลบลิ้นใส่โทรศัพท์ทั้งที่เขาไม่รู้หรอก 


“Okay! Fine! (ครับ! ได้อยู่แล้ว)” ผมอดกระแทกเสียงประชดประชันไม่ได้


“Good! I give you only 30 minutes. You can’t be late, and don’t be late—at all. (ดี! ฉันให้นายครึ่งชั่วโมง นายห้ามสาย และอย่าสาย แม้แต่นิดเดียว)”


“Wait! (เดี๋ยวก่อน!)” แต่ไม่ทัน เขาวางสายไปแล้ว ผมกำลังจะโทรศัพท์กลับไปขอเวลาเขาเพิ่มอีกสักสิบนาที แต่คิดไปคิดมา หมอนั่นไม่ให้แน่ๆ ผมเลยรีบหยิบผ้าขนหนู เสื้อคลุมอาบน้ำ แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำนอกห้องทันที ผมไม่เคยอาบน้ำเร็วขนาดนี้มาก่อน ใช้เวลาเท่าไหร่กันนะ ห้านาที ได้มั้ย แต่ไม่รู้ล่ะ ผมแค่ล้างหน้า แปรงฟัน ถูตัวแล้วล้างน้ำเปล่า จากนั้นก็วิ่งกลับห้องทันที โชคดีนะที่เมื่อคืนสระผม เช้านี้เลยไม่ต้องสระอีกรอบก็ได้  ผมรีบหยิบเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีส้ม และกางเกงยีนส์ขาเดฟขึ้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว ขยี้ๆ ผมที่ฟูๆ ให้มันเข้ารูปเข้าทรงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมคว้ากระเป๋าเป้ได้ก็รีบออกจากห้องทันที แต่ด้วยความรีบจัดและพื้นไม้มันลื่นบวกกับผมใส่ถุงเท้า ผมเลยเบรกไม่ทันเมื่อเห็นว่าเพื่อนบาสคนเมื่อวานนี้เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพกางเกงบ็อกเซอร์ ไม่ใส่เสื้อโชว์หุ่นแน่นแต่ร่างไม่หนา ก่อนที่เสียงผมจะร้องโวยวายได้เต็มเสียง ผมก็พุ่งเอาหัวกระแทกคางเขาเข้าอย่างจัง เพื่อนบาสกระเด็นไปติดกับกำแพง ส่วนผมนี่ไถลลงล่าง แต่ประเด็นสำคัญคือ


แว้กกกก! บ็อกเซอร์เขาเลื่อนติดมือผมมาด้วย ผมเบิกตากว้างแล้วกำลังจะเงยหน้าไปมองเขา แต่แม่เจ้า พ่อเจ้า ปู่เจ้า ย่าเจ้าเอ๊ย! ไอ้ที่มันถูกบ็อกเซอร์ปกปิดไว้เมื่อกี้ มันดีดตัวออกมาทักทายสายตาผมน่ะสิ


“เฮ้ยยย!!” เพื่อนบาสร้องเสียงหลง นั่นแหละ เลยทำให้ผละสายตาจากน้องน้อย เอ่อ ไม่น้อยนะจะว่าไป อ้าว ไอ้แมท! ผมหลับตาแน่นก่อนจะลืมตา เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าหล่อๆ เข้มๆ แบบพระเอกละครไทยสมัยก่อน แต่ว่าหน้าเขาไม่ได้ดูโบราณนะ แค่แบบว่า ถ้าเห็นนี่รู้เลยว่าชายไทย


พอได้สติผมก็รีบดึงบ็อกเซอร์ที่กองอยู่ที่ข้อเท้าเขาและมือผมขึ้นไปคืนที่เดิม เขาเองก็รีบเอามือมาดึงบ็อกเซอร์ ผมปล่อยมือและพยายามยันตัวเองลุกขึ้น ผมเตี้ยกว่าเขา (อันที่จริงผมว่าผมเตี้ยกว่าทุกคน) เลยต้องเงยหน้าเล็กน้อยแต่คนนี้สูงไม่เท่าวิคเตอร์หรอก เฮอะ! ไม่สิ ไอ้พระเอกนั่น มันเป็นเปรตตต!


“โซซอร์รี่มาก! พอดีเรารีบ เลยไม่เห็นว่านายเดินออกมาจากห้องน้ำ…” ผมรีบพูดจนลิ้นแทบพันกัน  อีกฝ่ายเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากหนาปิดสนิทไม่ยอมพูดจา แววตาหลุบต่ำมองหน้าผม ผมทำคอหดแล้วกระพริบตาปริบๆ มองเขา พยายามยิ้มให้ แต่อีกฝ่ายทำหน้าขรึม โอ้ยยย เป็นญาตินายวิคเตอร์หรือไง ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น


อ้ากกก! วิคเตอร์!!


“เฮ้ยๆ เราสายแล้วอ่ะ ขอตัวก่อนได้มั้ย แล้วเดี๋ยวเรากลับมาจะชดใช้ให้…” ผมพยายามเจรจา แต่ว่าพ่อหน้าหล่อคมเข้มแบบมาตรฐานชายไทยแท้ยังคงทำหน้านิ่ง 


“เราไม่หนีไปไหน นายอยากกินอะไร อยากได้อะไร เอาโน้ตไปแปะไว้หน้าห้องเราได้เลยนะ  ห้องเราอยู่ตรงข้ามกับบาส ไปก่อนนะ รีบจริงๆ ขอโทษๆๆ ขอโทษนะ!” ผมยกมือไหว้รัวๆ สีหน้าตื่นตระหนก พลางค่อยๆ ถอยหลังลงบันได เขามองตามผมด้วยใบหน้าเก๊กซิม แล้วเท้าเจ้ากรรมดันสะดุดกันเอง ผมเลยหงายหลังไปกระแทกกับผนังตรงบนได


อ้ากกก เจ็บโว้ยยย!


“Shit! (เอี้ยยย!)” ดีนะมีเป้รองรับไว้ เลยไม่เจ็บมาก ผมรีบเด้งตัวกลับมายืนในท่าปกติ เสียงหัวเราะที่ออกแนวสมเพช ดังขึ้นตรงตีนบันไดชั้นสอง ผมเงยหน้ามองแล้วต้องเอียงคอ ขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย


“หายกัน แต่ยังหายไม่ทั้งหมด” เขายิ้มเยาะๆ แล้วเดินจากไป ผมได้แต่ถลึงตามองตามหลัง ไม่มีเวลามาเปิดศึกด้วยหรอกนะ แค่มีศึกกับอีพ่อพระเอกนั่น ฉันก็จะประสาทเสียละว้อยยย!  อ้ากกก! แล้วตอนนี้ก็เสียเวลาไปเจ็ดนาทีแล้วด้วย ผมรีบวิ่งลงบันได หยิบรองเท้าใส่ได้ ก็ออกตัววิ่งทันที เช้าๆ แบบนี้ ถ้าจะนั่งแท็กซี่ไป จะเสี่ยงกับการจราจรเหมือนในกรุงเทพฯ รึเปล่านะ


ว่าแต่อีร้านเสต็กผีบ้าผีบอนั่นมันอยู่ไหนเนี่ย ละอยู่ห่างจากสตาร์บัคมากมั้ย แล้วอยู่ไกลจากบ้านตานั่นขนาดไหน แล้วทำไมอีตาวิคเตอร์มันถึงตื่นเช้า เมื่อคืนกว่าผมจะได้กลับจากบ้านของเขาก็ห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผู้ชายบ้าอะไรใส่เสื้อผ้าเยอะแยะขนาดนั้น  แล้วก่อนหน้านั้นมันไม่คิดจะซักบ้างเหรอ กองพะเนินจนจะท่วมห้องนอน 


ผมกำลังยืนรอซื้อสตาร์บัคหลังจากไปซื้อเสต็กมาให้เขาได้แล้ว ไม่ต้องถามนะว่าอยู่ใกล้กันมั้ย มันไม่ใกล้กันเลยน่ะสิ!! โชคยังดีนะที่พี่แท็กซี่รู้จักร้าน แม่งเอ้ย! ค่าแท็กซี่นี่โคตรเปลือง กะจะขึ้นรถไฟชิวๆ แบบเมื่อคืนตอนขากลับซะหน่อย 


พอผมได้สตาร์บัคปุ๊บ ผมก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โซนหมู่บ้านทาวน์เอาส์ของวิคเตอร์ทันที ตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าเวลาเท่าไหร่แล้ว เพราะไอโฟน มันอยู่ในกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ หยิบออกมาดูเวลาลำบากเหลือเกิน  ผมเดินเลี้ยวเข้าถนนของหมู่บ้าน แล้วเดินผ่านบ้านหลังแรกๆ เริ่มรู้สึกเกลียดที่บ้านหมอนั่นดันอยู่เกือบท้ายๆ พอเห็นบันไดบ้านเขาแล้วผมก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา ตอนนี้เหงื่อเต็มหน้า เต็มตัวผมไปหมด นี่เพิ่งอาบน้ำมารึเปล่าวะเนี่ย ขนาดอากาศเย็นสบายๆ นะ แต่เหงื่อทะลักไม่เกรงใจอากาศเลย ผมถือสตาร์บัคไว้มือเดียวกับที่ถือถุงสเต็ก แล้วเคาะประตูบ้าน เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น ผมเหวี่ยงแขนไปด้านหลังกางเกงยีนส์แล้วหยิบขึ้นมารับสาย


“เปิดเข้ามา ฉันขี้เกียจเดินไปเปิดให้”


“แล้วคุณอยู่ไหน”


“ห้องนอน” เขาวางสาย ผมถอยหลังไปสองเก้า แล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างที่ยื่นออกมา แล้วม่านเปิดอยู่ วิคเตอร์มองผมแว้บเดียวแล้วเดินละจากตรงนั้นไป ผมเปิดประตูบ้านเข้าไป และแวะเข้าที่โซนครัว มองสำรวจหาจานจนเจออยู่ในตู้ชั้นล่างผมหยิบจานออกมาแล้วเอาสเต็กจากร้านใส่ให้เขา โรยเกร็ดตะไคร้ให้เล็กน้อย ส่วนที่เหลือผมเอาใส่ถาดแล้วยกไปให้เขาเติมเอง 
ผมถือถาดขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง แถมยังต้องคอยดูไม่ให้สตาร์บัคหกเรี่ยราดอีก ผมเดินไปตามทางเดินที่เป็นพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบจนมาถึงหน้าห้องนอน ผมเคาะประตูห้องสามที


“Get in. (เข้ามา)” เขาตะโกนบอก ผมเบ้ปากทีนึงแล้วเปิดประตูเข้าไป ขี้เกียจจริงนะ แค่นี้ก็เดินมาเปิดให้ไม่ได้ พอผมเปิดเข้าไปก็เห็นเขานอนเปลือยท่อนบนโชว์หุ่นอันเย้ายวนชวนมอง ผมดำดกหนายุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่น เขากำลังนั่งกดโทรศัพท์มือถือ ส่วนผมก็พยายามห้ามใจไม่ให้จับจ้องหุ่นลีนๆ เนื้อดูเนียนๆ นั่น


“เอาไว้ตรงไหนครับ” ผมถามเพื่อทำลายความเหม่อของตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นมามองราวกับเพิ่งรับรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ แล้วเอาแขนขึ้นไปหนุนศีรษะตัวเอง อื้อหือ! ผู้ชายอะไรทำไมน่าเอาจมูกซุกไซร้ไปหมดแม้กระทั่งจั๊กแร้ ช่างดูเซ็กซี่…
ผมเก๊กทำหน้านิ่ง นี่ต้องเป็นแผนยั่วยวนของอีตานั่นแน่ๆ ผมจะต้องอดทน ไม่สนใจต่อกิเลสที่ชื่อว่าวิคเตอร์!


“วางไว้ที่โต๊ะนั่น” เขาบุ้ยปากไปทางริมหน้าต่างที่มีโต๊ะทรงกรมตัวหนึ่งวางอยู่ใกล้ๆ ผมเดินเอาถาดอาหารและสตาร์บัคไปวางไว้ ผมได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากเตียงเลยหันไปมอง วิคเตอร์เดินลงจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าต่าง แสงแดดอ่อนๆ ปะทะกับร่างของเขา


โอ้โห… หล่อทะลุแสดงแดดมาก แค่ไม่มีแสงส่องพี่แกก็ดูเจิดจ้าเป็นปกติอยู่แล้ว โดนแสงแดดอาบกายแบบนี้ยิ่งน่ามองจริงๆ กางเกงนอนสีเทาเนื้อนุ่มเกาะต่ำๆ อยู่ตรงสะโพกสุดยั่วเย้า ทำท่าเหมือนจะหลุดได้ทุกเมื่อเพราะมันดูหลวมเหลือเกิน ไรขนอ่อนๆ ไล่ไปจนถึงสะดือ ผมคิดว่าเขาแวกซ์ขนที่หน้าอกนะ เพราะมันเริ่มดูมีร่องรอยของการเกิดขนใหม่บ้างแล้ว แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่คนขนดกอะไร


บอกตรงๆ ว่าเพลินมาก หน้าหล่อเข้ม แต่ไม่ดูหยาบกระด้างเพราะดวงตาสีน้ำตาลมหาเสน่ห์สองชั้นของเขาทำให้หน้าดูซอฟท์ลง หนวดเคราขึ้นพอเหมาะไม่ครึ้มเหมือนโจรป่าหรือถ้าเป็นโจรก็คงเป็นโจรที่ผมจะยอมให้ปล้น โอ้ววว! โจรปล้นใจ ปล้นไปเลย! ร่างกายอันสมสัดเหมือนสัตว์ทุกสัดส่วน อ้าว ไม่สินะ… ผิด


“มองขนาดนั้นเข้ามาเลียฉันเลยมั้ย” วิคเตอร์เอ่ยเสียงห้วนจนภาพมโนของผมพังทลายเหมือนกระจกแตก ผมแอบสะดุ้งตรงช่วงไหล่เล็กน้อย แล้วกระพริบตาถี่ๆ มองหน้าเขาที่มองกลับมาด้วยสายตาเฉื่อยๆ ผมมองซ้ายมองขวาเพราะคิดอะไรไม่ออก ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าวิคเตอร์แล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย


“เลีย? เลียอะไร ผมไม่ได้อยากเลียอะไรซะหน่อย” พ่อพระเอกยิ้มมุมปากขำๆ ก่อนจะเอามือลูบไล้หน้าท้องเนื้อเนียนของตัวเอง แล้วส่งยิ้มพร้อมสีหน้าแบดบอยที่คิดอะไรไม่ดีอยู่มาให้ จนผมเบิกตากว้าง ตัวแข็งทื่อ


“Where do you want to lick—abs, happy trails, or nipples. (นายอยากเลียตรงไหนล่ะ หน้าท้อง ไรขน หรือว่าหัวนม)” เขาเลื่อนมือไปตามคำพูดตัวเอง หน้าท้อง ไรขน และเอามือลูบๆ ตรงหัวนมสีน้ำตาลอัลมอนด์ของเขา แล้วช้อนสายตามัวเมาอันหยาดเยิ้มของเขามาให้


ไม่! ถึงผมจะชอบกินช็อคโกแล็ตสอดไส้อัลมอนด์ แต่ผมจะไม่หลงกลกินอัลมอนด์เม็ดโตสองเม็ดนั้นเด็ดขาด อ้ากกก!
วิคเตอร์ยังคงส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ แถมมีการยักคิ้วยั่วผมอีก ผมกัดปากล่างทำหน้าตาถมึงทึง ทั้งที่จริงทำไปเพื่อกลบเกลื่อนหน้าอันร้อนผ่าวๆ ของตัวเอง หวังว่ามันจะไม่แดงนะ แต่คงยาก มันต้องแดงแล้วแน่ๆ ห้ามยอม! เราจะแพ้ไม่ได้!


“But if I want to lick in another spot of your body, can I? Would you give it to me? (แล้วถ้าผมอยากเลียจุดอื่นในร่างกายคุณล่ะ ได้รึเปล่า คุณจะให้ผมมะ)” ผมแกล้งกัดปากแล้วขยิบตาซ้ายวิ้งๆ ให้ ก่อนจะปล่อยปากล่างที่กัดไว้แล้วทำปากเป็นดอกบัวตูม พร้อมสายตาบ้องแบ๊ว ที่จริงๆ แล้วถ้าเป็นผู้หญิงทำมันคงจะดูน่ารักน่าชังมาก แต่ผมว่าพอเป็นผู้ชายทำแล้วมันคงดูน่าถีบมากกว่า เพราะสีหน้าของวิคเตอร์ที่ผงะไป พร้อมกับเบิกตากว้างและทำปาก หยี ใส่ผม บ่งบอกได้ดีเลยว่าท่าทางแบบนี้เก็บไว้ให้ชะนีทำเถอะ


ผมหัวเราะอย่างมีชัยที่ทำให้อีกฝ่ายเงิบและหยุดอาการยั่วผมได้ แล้วผมก็หยุดหัวเราะฉับราวกับมีคนกดปุ่มปิดสวิชต์หัวเราะ ก่อนจะชี้ไปที่สเต็กของเขาด้วยสายตาเหมือนครูฝ่ายปกครอง วิคเตอร์เบ้ปากแล้วยักไหล่สองข้างหนึ่งที ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้แต่โดยดี ผมยิ้มด้วยความพึงพอใจ


“เยี่ยม ขอให้สนุกกับอาหารเช้าที่โทรไปสั่งมานะครับ คุณเรย์มอนด์” ผมยิ้มแป้น ก่อนจะหุบยิ้มวืดจนวิคเตอร์ถลึงตามอง ผมขี้เกียจสนใจ เลยหมุนตัวจะเดินออกจากห้องนอนเขาไป


“นายมาสายไปสิบเจ็ดนาที” ผมหยุดเดิน แล้วเม้มปากก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายที่เริ่มลงมือหั่นสเต็กใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ


“คุณก็ต้องให้เวลาผมอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า บ้างสิครับ ไหนจะเวลารอคิวซื้อเสต็กอีก ร้านที่คุณอยากกินไม่ได้มีคุณอยากกินคนเดียวนะ สตาร์บัคก็ไม่ได้มีคุณคนเดียวเหมือนกันที่อยากกิน ชาวนิวยอร์คเขาก็อยากกินกันทั้งนั้นแหละ” วิคเตอร์ส่ายหัวไปมาช้าๆ พลางเคี้ยวเนื้อที่อยู่ในปาก


“ฉันไม่สนใจ นายต้องรู้จักจัดสรรเวลาเอง ฉันให้เวลานายไปเท่าไหร่ นายก็ต้องบริหารให้เป็น” เขาบอกโดยไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ แต่ยกสตาร์บัคขึ้นมาดื่มอึกๆ ขอให้มันลวกคอตายไปเลย!


“โอเค ครั้งต่อไปผมจะบริหารเวลาให้ดี ขอโทษนะครับที่มาสาย!” ผมประชด ส่วนคนโดนประชดแค่เบ้ปากเล็กน้อย แล้วนั่งกินสเต็กต่อ ผมเลยยืนกอดอกมองเขาอยู่อย่างนั้น จนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย


“จะยืนอยู่ทำไมล่ะ ออกไปสิ บอกแล้วไงฉันชอบความเป็นส่วนตัว ฉันไม่ใช่หมา ไม่ต้องมายืนเฝ้าฉัน” เขาบอกหน้าตาย ผมสูดลมหายใจเข้าปอดดังเฮือก แล้วปล่อยออกมาเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปและปิดประตูตามหลัง ก่อนจะเดินลงบันไดมาข้างล่าง ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาดูตอนนี้เจ็ดโมงกว่าแล้ว อีกสักพักผมต้องหิวแน่ๆ ผมเลยเดินไปที่เค้าน์เตอร์ครัว กำลังจะหยิบเป้ขึ้นมาสะพายก็เห็นแมวสีเทามีลายจุดดำบางๆ บางตำแหน่งของร่างอ้วนๆ หูตั้ง ตาสีฟ้า นั่งอยู่บนแท่นทำกับข้าวกลางห้องครัว ผมยิ้มให้มันเมื่อมันส่งเสียงร้องและโบกหางยาวๆ มาให้


“ฮาย! เจ้าเหมียว แกมาจากไหนเนี่ย” ผมลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู มันส่งสายตากลมโตมาให้ ตาสีฟ้าของมันจ้องมองผมด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คงงงว่าผมเป็นใคร  จากการสันนิษฐานแล้ว ผมว่าแมวตัวนี้น่าจะเป็นพันธ์ American short hair นะ เพราะผมชอบแมวพันธ์นี้ มันทั้งดื้อแต่ก็ขี้อ้อน ผมเกาหัวมันจนมันหลับตาพริ้ม ผมอุ้มมันขึ้นมาด้วยสองแขน มันยินยอมแต่โดยดี แถมดูท่าทางจะชอบด้วย เสียงกระดิ่งที่คอส่งเสียงยามมันเอาหัวมาดันหน้าอกผมเล่น ผมหัวเราะน้อยๆ กับความขี้อ้อนของมัน


“Shorty! (เตี้ย!)” หมดกัน! ผมหรี่ตาปรือ แล้วเบะปาก พร้อมทำรูจมูกบาน กำลังมุ้งมิ้งกับน้องแมว เสียงสิงโตดันคำรามขึ้นมาลั่นบ้าน ผมกำลังจะอ้าปากตอบ แต่เสียงวิคเตอร์ก็ดังอีกรอบ


“Shorty alien! (ต่างด้าวตัวเตี้ย!)” โอ้โหย! มันเล่นประสมคำเลยเว้ย! ผมจำใจต้องวางเจ้าเหมียวลงบนพื้น ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่บันได เจ้าเหมียวตาฟ้าเดินตามผมมาด้วยความเร็ว


“แกกำลังจะไปเจอสิงโตยักษ์นะ ระวังมันขยุ้มเอาหรอก” ผมบอกเจ้าแมวน้อย แต่ดูเหมือนมันจะไม่เข้าใจ แน่ล่ะ ถ้ามันเข้าใจ มันจะมาเป็นแมวทำไม ผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าวิคเตอร์กลับไปนอนบนเตียงแล้ว


“ฉันอิ่มแล้ว เอาจานไปล้าง แล้วกลับขึ้นมาเตรียมเสื้อผ้าให้ฉัน…” เขากำลังจะพูดต่อ แต่พอเหลือบไปเห็นแมวที่ยืนอยู่ข้างเท้าผมก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ


“Fox! You came back! Come here, silly cat. (ฟอกซ์ แกกลับมาแล้ว! มานี่มา เจ้าแมวโง่)” เจ้าเหมียววิ่งไปทันที ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงขึ้นไปหาวิคเตอร์ เขาอุ้มมันไว้แล้วหอมหัวมันด้วยความรัก บอกได้จากดวงตาที่เปล่งประกายของเขา โหย… ไม่น่าเชื่อว่าจะมีมุมแบ๊วแบบนี้ด้วย พ่อแมวน้อย


“แมวคุณหรอครับ” ผมถามด้วยสีหน้างงๆ วิคเตอร์เหลือบตามามองผมก่อนจะหันกลับไปเล่นกับเจ้าฟอกซ์


“มันหลงมา ฉันเจอมันอยู่นอกหน้าต่างเมื่อเดือนก่อน เลยเลี้ยงไว้” เขาบอกพลางเอนตัวให้แมวเหมียวนอนบนกล้ามท้องของเขา แล้วเอามือขวาลูบหัวมันเบาๆ ผมทำปากยื่นแล้วผงกหัวช้าๆ


“แล้วคุณรู้ได้ไงว่ามันชื่อฟอกซ์” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงเร็วๆ ก่อนตอบ


“ฉันตั้งชื่อให้มันใหม่”


“แล้วทำไมต้องเป็นชื่อฟอกซ์ด้วยล่ะ” ผมถามต่อด้วยความสงสัย อีกฝ่ายหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเย็นเฉียบ จนผมต้องหุบปากด้วยตัวเอง เป็นอันรู้ว่าอย่าถามต่อ


“ฉันให้นายเข้าห้องนอนได้ ไม่ได้หมายความว่า นาย กับ ฉัน จะสนิทกันถึงขั้นมาเซ้าซี้ฉันได้นะ” มาดเข้มขรึมกลับมาอีกแล้ว ตอนเจอแมวเมื่อกี้หลุดคาแรคเตอร์สินะ


“Okay, I got it. I’m sorry Mr.Raymond. (ครับ เข้าใจแล้ว ขอโทษด้วยครับ คุณเรย์มอนด์)” ผมบอกเสียงเอือมๆ พอๆ กับหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปยกถาดที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมแก้วสตาร์บัคออกจากห้องไป


พอผมล้างจานและเก็บเข้าที่เข้าทางแล้ว ผมก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของเขาอีกรอบ เพื่อเตรียมเสื้อผ้าให้เขาใส่ เจ้าฟอกซ์นอนอยู่บนริมหน้าต่าง กำลังหลับตาพริ้ม ผมเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ ห้องน้ำ แล้วเริ่มทำการสำรวจพื้นที่ มีตู้เสื้อผ้าสองฝั่งเป็นแบบบิวด์อิน (build-in) ยาวจนจรดผนังห้องทั้งสองด้าน ตรงกลางก็เป็นตู้ใส่เข็มขัด นาฬิกา เนคไทและมีแหวนบ้างประปราย ชั้นวางรองเท้ามีประมาณห้าแถว ผมเดินไปจนสุดทางของตู้เสื้อผ้าฝั่งขวามือแล้วก็พบว่าเว้นช่องว่างไว้ช่องหนึ่งแบ่งไว้สำหรับเป็นโต๊ะกระจก มีน้ำหอม มีครีม และโลชั่นวางอยู่ แต่สมกับเป็นผู้ชายจริงๆ เพราะบนโต๊ะของน้อยมาก นับชิ้นได้เลย
ผมเริ่มเปิดตู้เสื้อผ้าและพิจารณาว่าเขาควรใส่อะไรดี วันนี้มีแคสติ้งหนังกับถ่ายแบบและสัมภาษณ์นิตยสาร คงไม่ต้องใช้ชุดยิ่งใหญ่อลังการมากหรอกมั้ง ชุดสบายๆ ก็พอ และดูท่าทางเขาจะเป็นคนไม่เยอะสิ่งด้วย ผมเลยเลือกเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเนื้อผ้าหยาบนอกแต่นุ่มข้างใน หยิบกางเกงยีนส์สีดำเนื้อดีของแบรนด์ดังและราคาแพงออกมา ก่อนจะก้มมองลงเข็มขัดแล้วเลือกเส้นสีน้ำตาลให้เขา ส่วนนาฬิกา ผมหยิบสายสีน้ำตาลเข้มหน้าปัดเป็นสีน้ำตาลอ่อนผสมทอง ของแบรนด์ เอิ่ม เพ่งเล็งแปบ อ้อ แบรนด์ Diesel นั่นเอง


ผมแขวนเสื้อไว้หน้าตู้ วางกางเกงไว้บนตู้ใส่นาฬิกากับเนคไท พร้อมวางเข็มขัดกับนาฬิกา ไว้ข้างๆ กางเกง คิดว่าไม่น่าจะต้องเพิ่มเติมอะไรแล้ว ส่วนรองเท้าผมคิดว่าเขาคงเลือกที่เข้ากะชุดเองได้นะ ผมเตรียมตัวจะเดินออกจากห้องแต่งตัวไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อวิคเตอร์เดินเข้ามาด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวที่เกาะเกี่ยวสะโพกต่ำจนน่าใจหาย ผมอ้าปากค้างเลยคราวนี้ ห้ามใจอะไรไม่ทันแล้ว


ช่วงลำตัวของเขายาวแล้วเอวคอดกิ่วแบบผู้ชายหุ่นสวย หุ่นดี ที่มีเนินสะโพกสองข้างน่าสัมผัส พอผ้าขนหนูมันเกาะต่ำขนาดนั้น มันเลยทำให้เห็นชัดๆ ว่า เขาเป็นคนมีหุ่นและกล้ามท้องสุดเซ็กซี่ขยี้ใจจริงๆ ผมเงยหน้ามองไปที่ลำตัว ตรงกล้ามท้อง หน้าอกอันอวบแน่น ที่ยังมีน้ำหยดน้ำเกาะอยู่ เขากำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมสีดำที่เปียกให้แห้ง วิคเตอร์ก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วเอียงคอมมองหน้าผมที่เอ๋อกินไปแล้ว


“เสร็จแล้วก็ออกไปสิ ยืนหน้าโง่เหมือนสมองอยู่ได้” เพล้ง! วืดดด!


ไอ้หมอนี่มันเก่งเรื่องขัดอารมณ์จริงๆ ผมพยักหน้าหงึกหงักแบบเอ๋อๆ ไปให้ แล้วเดินหลังตรงแหน่วไปที่ประตูห้องแต่งตัว ก่อนจะหยุดเมื่อนึกอะไรขึ้นได้


“ผมขอออกไปกินข้าวก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา” วิคเตอร์หยุดเช็ดผมแล้วเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา


“สิบห้านาที”


“ฮะ?! สิบห้านาที?! แค่เลือกเมนูก็หมดเวลาแล้วมั้ง”


“เหลือสิบสี่นาที” เขาบอกหน้ามึน ผมจิ๊จ๊ะที่ปากแล้วรีบเดินออกไป คงต้องกินพวกแฮมเบอร์เกอร์แทนสินะ!







หลังจากออกไปได้ประมาณสิบนาทีผมก็รีบถือแฮมเบอร์เกอร์และช็อคโกแล็ตปั่นจากสตาร์บัคกลับมาที่บ้านวิคเตอร์ เพื่อมานั่งกินในครัว เจ้าฟอกซ์ลงมานั่งที่โต๊ะกลางห้องครัวอีกรอบ มันมองแฮมเบอร์เกอร์ในมือผมด้วยสายตาออดอ้อน


“ฉันเชื่อว่าเจ้านายแกคงมีอาหารแมวให้ เดี๋ยวฉันลองหาก่อน” ผมกัดเบอร์เกอร์ไปหนึ่งคำ แล้วพยายามก้มๆ เงยๆ หาอาหารแมว แม้กระทั่งเปิดตู้เย็นดู แต่ก็ไม่เจออาหารแมวเลย ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงวิคเตอร์ดังมาจากด้านหลัง


“ทำอะไร?!” เสียงของเขาห้วน ผมรีบปิดตู้เย็นแล้วหันไปมองเขาที่แต่งตัวในชุดที่ผมเตรียมไว้ให้ ผมกลืนเบอร์เกอร์ลงคอก่อนจะตอบ


“หาอาหารให้แมวกิน” เขาขมวดคิ้วนิดๆ สีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เขาเดินไปที่ตู้ที่อยู่ข้างบน ที่ถ้าเป็นผมคงต้องเขย่งสุดเท้าถึงจะเปิดได้ แต่เขาแค่เอื้อมแขนนิดเดียวก็เปิดตู้ออกแล้วหยิบอาหารแมวออกมา ก่อนจะเทใส่ถาดอาหารแล้วยื่นให้เจ้าฟอกซ์กิน มันรีบก้มจัดการอาหารทันที วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาหมิ่นๆ เล็กน้อย


“นายจะทำตัววุ่นวายเกินไปแล้วนะ” เขาบอกเสียงขุ่นๆ ผมขมวดคิ้วมองเขางงๆ


“วุ่นวาย? อะไรคือความวุ่นวายที่คุณว่า ผมแค่เปิดตู้เย็นหาอาหารแมวเท่านั้นเอง”


“ก็เรียกฉันสิ อย่าทำอะไรโดยที่ฉันไม่ได้บอกหรืออนุญาต นี่มันบ้านฉัน เกิดนายทำอะไรเสียหายหรือขโมยของขึ้นมา ฉันจะทำยังไง” ผมค้างเติ่ง เกิดอาการวูบในใจ ไม่คิดว่าเขาจะคิดแบบนี้กับผม ผมลดเบอร์เกอร์ลงจากปาก แล้วหลบตาลงต่ำหลบสายตาแข็งกร้าวของเขา ความรู้สึกใจเต้นๆ หายๆเกิดขึ้นในอก


“ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยหรอครับ” ผมถามเสียงเรียบ เงยหน้าสบตาเย็นชาและสีหน้าเรียบเฉยของเขา วิคเตอร์ยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะตอบ


“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ว่านายเป็นคนยังไง ฉันเพิ่งเจอนายแค่สองวัน” ผมพยายามห้ามความเศร้าที่กำลังก่อตัวขึ้นเงียบๆ ความอึดอัดเกาะกินใจผม ผมแค่นยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว


“ขอโทษด้วยครับที่ทำให้คุณระแวง ผมจะระวังตัวมากกว่านี้” ผมยิ้มบางๆ ให้เขา ส่งสายตาว่าผมรู้สึกผิดจริงๆ ไปให้ วิคเตอร์ยังคงทำหน้าเฉยชา และแววตาไร้ความรู้สึกตามเคย


“ดี นั่นคือสิ่งที่นายควรทำ” เขาบอกแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องครัวไป ทิ้งความรู้สึกแย่ๆ ไว้ให้ผมหนักหัวและหนักอก ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปหยิบเป้ขึ้นมา เจ้าฟอกซ์ยังคงก้มหน้าก้มตากินอาหารของมันต่อไป ผมหยิบไอโฟนออกมาดูเวลา ตอนนี้เก้าโมงแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะไปตอนไหน ผมเลยฉีกกระดาษออกจากสมุดคิวและเขียนทิ้งข้อความไว้ให้เขา


“I will wait you at the studio. Don’t be late. The casting begins at 10 am. See you there. (ผมจะรอคุณที่สตูดิโอ อย่าสายนะครับ แคสติ้งเริ่มตอนสิบโมง เจอกันที่นั่น)”


ผมหยิบพลาสเตอร์แปะแผลที่ชอบพกติดตัวเอาไว้ออกมาอันหนึ่งแล้วใช้มันแปะกระดาษไว้กับประตู ผมเปิดประตูออกไปด้วยความเศร้า ความน้อยใจ ปิดประตูตามหลังเบาๆ แล้วเดินลงบันไดช้าๆ น้ำตาบ้า! จะมาคลออะไรตอนนี้ ที่เขาพูดนั่นก็ถูกแล้ว นี่มันบ้านเขา เขามีสิทธิจะทำอะไรก็ได้ อีกอย่างเขาเป็นเจ้านายเรา ผมหลับตาลงและพยายามกลอกตาไปมาไล่น้ำตาที่เอ่อจนจะล้นออกมาอยู่แล้ว ก่อนจะเดินไปตามทาง แล้วยกเบอร์เกอร์ขึ้นมาเคี้ยวอย่างเชื่องช้า


[มีต่อด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-06-2015 17:32:11


ผมมาถึงสตูดิโอของค่ายหนังตอนเก้าโมงสี่สิบห้า มันเป็นสตูดิโอเล็กๆ ในตึกสำนักงานที่เป็นเหมือนสาขาของค่ายหนังมากกว่า เพราะตัวค่ายหนังจริงๆ อยู่แอลเอ ผมนั่งรอวิคเตอร์ที่ม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าสำนักงาน ผมเฝ้ามองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ความรู้สึกนึกถึงบ้านแว้บเข้ามาในใจอย่างห้ามไม่ได้ รู้สึกเคว้งเหมือนตัวคนเดียว ผมคิดอะไรล่อยลอยไปเรื่อย สายตาเหม่อมองไปยังยอดตึก Empire state ที่เห็นไกลลิบๆ จากตรงที่นั่งอยู่


“ออกมาก่อนทำไม” เสียงห้วนสะบัดอันคุ้นหูดังขึ้น ผมละสายตาจากตึกเอ็มไพร์ฯ หันไปมอง ก็เห็นวิคเตอร์ยืนใส่หมวกแก็ปสีดำที่มีตัวอักษร ‘V’ สีเงินเด่นอยู่ตรงกลาง ผมกระพริบตาปริบๆ มองเขา รู้สึกเกร็งขึ้นมาซะอย่างงั้น


“ผม… ผมแค่อยากลองขึ้นรถเมล์” ผมบอกเสียงเหมือนจะสั่นๆ วิคเตอร์ก้มมองผมด้วยสายตาดุๆ และใบหน้าที่เรียบนิ่งจนน่ากลัว ผมทำสีหน้าไม่ถูก สายตาเลยล่อกแล่กไปมา


“จะไปไหนมาไหนก็ช่วยบอกหน่อย ไม่ใช่ทิ้งแต่ลายมือห่วยๆ เอาไว้ให้ฉันอ่าน” ผมก้มหน้าลงเล็กน้อย


“ครับ” ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ผมพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้กลายเป็นว่าผมเกร็งเมื่ออยู่ใกล้เขา ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่เป็นและไม่เคยรู้สึกเกร็ง


“เป็นอะไร ปากเก่งๆ ของนายหายไปไหน” หายไปตั้งแต่ที่บ้านคุณนั่นแหละ… ผมแอบต่อท้ายเป็นภาษาไทยในใจ ผมเงยหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าเรียบเฉยของเขา วิคเตอร์ขมวดคิ้วแน่น ผมเม้มปากแล้วกระพริบตามองอีกฝ่าย


“อย่ามาทำหน้าแบบนั้นใส่ฉัน” เขาบอกเสียงขุ่น ท่าทีไม่พอใจอย่างมาก ผมขมวดคิ้วงงๆ


“หน้าแบบไหนล่ะ ก็นี่มันหน้าผม” เขาขมวดคิ้ว ขบกรามแน่น สีหน้าและแววตาดูหงุดหงิด ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น


“เข้าไปได้แล้ว” เขาตัดบทและจะเดินไปเปิดประตู


“ผมรอข้างนอกได้รึเปล่า” เขาหันมามองผมตาขวางด้วยความไม่พอใจที่เพิ่มระดับมากขึ้น จนผมแทบจะร้องไห้กับสายตานั้น ผมปิดเปลือกตาขึ้นลงช้าๆ ไม่กล้าพระพริบตาเร็วๆ แบบที่เป็นนิสัย วิคเตอร์ขบกรามแน่นแล้วเอื้อมมือมาจับต้นแขนผมแล้วบีบแน่นจนผมนิ่วหน้า มือเขาแทบจะกำต้นแขนผมมิด เขาไม่สนใจสีหน้าประท้วงความเจ็บของผมแล้วดึงร่างเข้าไปด้านในสำนักงาน ก่อนจะปล่อยมือ ผมยกมือขวาขึ้นมาลูบที่ต้นแขนซ้ายเบาๆ ไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขา แอบกัดปากเบาๆ ด้วยความเจ็บที่ต้นแขน


“จะเอามั้ย ลายเซ็นฉันในใบฝึกงานน่ะ?! ถ้าอยากได้ ก็ช่วยทำงานให้เต็มที่หน่อย”  ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วกระพริบตาช้าๆ มองหน้าเขาด้วยสายตาหวาดหวั่น เพราะตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่า อะไรบ้างที่ผมทำไปแล้วจะโดนดุหรือไม่โดนดุ


“หรือนายมีปัญหาอะไร ถ้าไม่อยากทำ ก็ไปบอกเอมิลี่ เพราะฉันก็ไม่ได้อยากได้นายมาดูแลฉันอยู่แล้ว” ผมสบตาเขาด้วยความเชื่องช้า ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีกเมื่อเขาพูดแบบนั้น ผมไม่อยากเถียงกับเขาตอนนี้ เพราะดูท่าทางเขาจะโมโหจัดมากและดูพร้อมจะพาลได้ทุกเมื่อ ผมฝืนยิ้มให้เขาน้อยๆ


“ผมไม่มีปัญหาอะไรครับ แล้วผมก็พร้อมจะทำ ผมดิ้นรนมาเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมต้องรับผิดชอบตัวเอง…” ผมยิ้มน้อยๆ วิคเตอร์ขบกรามแน่นจ้องมองผมนิ่ง


“…ตอนนี้ผมอยากให้คุณใจเย็นๆ ยิ้มมากกว่านี้ ไม่ว่าคุณกำลังโกรธหรือเครียดเรื่องอะไรอยู่ ผมอยากให้คุณทิ้งมันไป แล้วใส่ใจกับสิ่งที่กำลังจะทำดีกว่านะครับ” ผมยิ้มพร้อมสายตาอ้อนวอนเท่าที่ผมจะทำได้ เพราะใจผมตอนนี้กำลังรู้สึกไม่ดี ใบหน้าวิคเตอร์ดูผ่อนคลายกว่าเดิมเล็กน้อย แต่สายตายังคงมองผมเฉียบคมเช่นเดิม


“งั้นเริ่มจากทำหน้าให้ดีก่อน ทำหน้าตาให้เหมือนคนที่พร้อมทำงาน ไม่ใช่ทำหน้าเหมือนป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย” เขายืดคอแล้วเอียงคอไปด้านขวาเล็กน้อย จ้องมองผมด้วยสายตาแน่วแน่ จนผมรู้สึกอึดอัด เลยจำใจต้องยิ้มออกมา แม้ว่าแม่งจะโคตรยากที่ต้องฝืนยิ้มทั้งที่ใจกำลังแย่


“ผมคงกินอาหารเช้าไปน้อย เลยไม่ค่อยมีพลัง อีกสักพักคงดีขึ้น” ผมตอบปัดๆ ไป วิคเตอร์เบือนสายตาหนีหน้าผม ก่อนจะผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วเขาก็เดินไปขึ้นบันได ผมไม่รอให้เขาเรียก รีบเดินตามไปทันที


ด้านหน้าห้องแคสติ้งมีผู้คนยืนอยู่ประปราย ผมเห็นพระเอกดังๆ ของฮอลลีวูดด้วย แต่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ๆ มากกว่า ผมจำได้ไม่หมดว่ามีใครบ้าง แต่ที่ผมจำได้แม่นๆ ก็มีอยู่สามสี่คน


โอ้ยยย ตายแล้นนน! ตัวจริงออร่าแต่ล่ะคนกระจาย แม่ยายน้ำหมากกระเด็นมั่กๆ จากที่จิตใจห่อเหี่ยวๆ เมื่อกี้นี้ ตอนนี้สภาพจิตใจได้รับการฟื้นฟูอย่างฉับพลัน


“หึ! สีหน้าท่าทางดีขึ้นแล้วนี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเพราะผู้ชายสินะ” เสียงจิกกัดดังขึ้นจากคนข้างๆ  ผมหน้านิ่วหันไปมองก็เห็นว่าเขายิ้มที่มุมปากขวาเล็กน้อย ผมเบ้ปากใส่เขาแล้วสะบัดหน้าหนี ตอนนี้อารมณ์ดีละ


“โอ๊ย!” ผมเอามือจับติ่งหูขวาแล้วหันขวับไปจ้องอีพ่อพระเอกดัง ที่บิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเยาะน้อยๆ อยู่


“ฉันเป็นเจ้านาย ทาสไม่มีสิทธิเบะปากใส่เจ้านาย เข้าใจ๋?” ผมแสร้งยิ้มหวานแล้วกระพริบตาปริบๆ แล้วสักพักก็เหมือนมีจานบิน บินเฉี่ยวหัวผมไปจนผมเกือบหัวทิ่ม


“อุ้ย! โทษที พอดีจะกวักมือเรียกเพื่อน” ผมถลึงตา แล้วทำหน้าเข่นเคี้ยวใส่เขา แต่วิคเตอร์ไม่สนใจ เดินเข้าไปหาเพื่อนนักแสดงผู้ชายคนหนึ่ง ผมได้แต่ยืนลูบหัวป้อยๆ และทำสีหน้าแค้นเคือง


“ชิ! ไอ้ชาติแมว!” ผมสบถเป็นภาษาไทยเบาๆ คนเดียว ก่อนจะเดินเข้าไปสมทบกับวิคเตอร์







ผมกำลังนั่งอ่านบทหนังที่วิคเตอร์มาแคสเพื่อฆ่าเวลารอเขาเลิกแคสติ้ง ซึ่งบทหนังเรื่องนี้น่าสนใจมาก! สร้างจากนิยายขายดีสุดๆ ที่ผมเองเพิ่งซื้อคอลเลคชั่นบ็อกเซ็ทมาเก็บไว้ที่บ้าน แต่ผมยืมห้องสมุดอ่านจบไปแล้วนะ แต่ซื้อบ็อกเซ็ทมาสะสมไว้เป็นของตัวเอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกในอนาคตหรือที่เรียกว่าโลก ดิสโธเปีย (Dystopia) เป็นหนังออกแนวแฟนตาซีหน่อย เพราะมีเรื่องราวเวทมนตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่เป็นโลกที่ล่มสลายจากสงครามแล้วเหมือนเกิดโลกใหม่ในรูปแบบที่เกิดจากเวทมนตร์ประมาณนั้น ถ้าหากวิคเตอร์แคสบทเรื่องนี้ผ่าน เขาต้องเล่นหนังเรื่องนี้ถึงห้าภาค!! โอ๊ว มายก็อด! นี่มันหนังน้องแฮร์รี่ พอตเตอร์รึเปล่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภาคห้าของหนังเรื่องนี้แบ่งเป็นสองพาร์ทชัวร์ๆ เพราะกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูดเนื่องจากมันทำเงินได้มากกว่า ยิ่งสร้างมาจากนิยายที่มีฐานคนอ่านเยอะๆ อยู่แล้ว ยิ่งการันตีได้ดีเลยว่ารายได้หนังจะพุ่งทะยานมาก


ประตูห้องแคสติ้งเปิดออกพร้อมใบหน้าหล่อเหลาที่มึนตึงตามเคย วิคเตอร์เดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงร่างท้วมคนหนึ่ง ผมลุกขึ้นยืน สายตาทันเห็นว่าในห้องมีคนอีกสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวยาว ผู้ชายสองและผู้หญิงหนึ่ง หลังจากนั้นประตูก็ปิดลง ผมตาโตเมื่อจำได้แว้บๆ ว่าหนึ่งในผู้ชายสองคนมีคนหนึ่งที่เป็นนักเขียนนวนิยายเรื่องนี้  อ๊า! เสียดายอ้ะ ที่ไม่ได้เอาหนังสือเขามา ไม่งั้นจะเอามาให้เซ็นทั้งห้าเล่มเลย แต่ใครจะไปรู้ล่ะเนาะว่าผมจะได้มาทำงานแบบนี้


“I can guarantee that he loves you—your appearance, and your acting. You are very fit for the character in the story. We will call you again. Thanks for coming. (บอกได้เลยนะว่าเขาชอบเธอมาก ทั้งรูปร่างหน้าตาและการแสดงของเธอ เธอเหมาะกับคาแรคเตอร์สุดๆ เราจะโทรหาอีกครั้ง ขอบคุณมากที่มา)” วิคเตอร์ส่งยิ้มเพียงเล็กน้อยให้กับเธอคนนั้น  ไอ้นี่มันเพี้ยน! นายต้องรู้จักนอบน้อมไว้สิ


“Thank you! Hope we will hear a good news from you. I love this series so much! (ขอบคุณนะคร้าบ! หวังว่าเราจะได้ยินข่าวดีจากพวกคุณนะ ผมรักหนังสือเรื่องนี้มากเลย!)” เธอยิ้มและหัวเราะอย่างเอ็นดูให้กับผม ผมเหลือบไปมองวิคเตอร์ที่ทำหน้าราวกับระอาใจ ผมเบ้ปากไม่สนใจแล้วสักพักติ่งหูขวาผมก็โดนดีดอีกรอบ


“เอ้า!” คราวนี้ผมสบถออกมาเป็นภาษาไทย คนดีดหูทำหน้าตามึน ส่วนผู้หญิงคนนั้นหัวเราะชอบใจ  แล้วจู่ๆ ประตูก็เปิดออก ทุกคนหันไปมองผู้ที่เปิดประตูออกมา ผมนี่ตาค้างเลย ก่อนจะอ้าปากหวอแล้วร้องดีใจเสียงหลง จนวิคเตอร์หน้าเหวอและแอบตกใจไม่เบา


“Oh! My Gosh! It’s you! You are one of my favorite novelists! I love your book—all of them—one till five—I love it! Mr.Tom. (โอ้ ตายแล้ว! คุณนั่นเอง หนึ่งในนักเขียนสุดโปรดของผม ผมชอบหนังสือคุณมากกก ชอบทั้งหมดเลย ตั้งแต่หนึ่งถึงห้า รักมากครับ! มิสเตอร์ทอม)” ผมบอกเสียงกระตือรือร้น แววตาเป็นประกาย สีหน้าเหมือนเด็กเจอตัวการ์ตูนมิกกี้เม้าส์ในวอลท์ดิสนีย์  คุณทอมเจ้าของนิยายถึงกับเก็บอาการขำไว้ไม่อยู่ ผมไม่สนใจวิคเตอร์ที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วรีบเปิดกระเป๋าเป้หยิบสมุดคิวออกมา แล้วพลิกหน้าสุดท้าย ยื่นให้เขาพร้อมปากกา


“Could you sign your name for me please? I did not bring the book today; but I will cut your signature from this paper, and I will glue it with the book later. (คุณช่วยเซ็นให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ วันนี้ผมไม่ได้เอาหนังสือมาด้วย แต่เดี๋ยวผมจะตัดออกจากกระดาษแล้วเอาไปแปะที่หนังสือทีหลัง)”


“Hey, would you just be relax, and do not act like a silly man? (นี่ ช่วยใจเย็นๆ แล้วก็อย่าแสดงอาการเหมือนคนโง่ได้มั้ย)” ผมหันไปจิกตาใส่วิคเตอร์เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าให้อยู่เฉยๆ จนอีกฝ่ายผงะเงิบไป เสียงหัวเราะของคุณทอมและหญิงร่างท้วมดังขึ้น ก่อนที่เขาจะรับสมุดของผมไปเซ็น


“What’s your name? (เธอชื่ออะไรล่ะ)” คุณทอมถามผม ผมยิ้มกว้างก่อนตอบ


“I’m Matt. (แมทครับ)” คุณทอมยิ้มแล้วเลิกคิ้วขึ้น


“Ah! The gift of God. Splendid! (อ้า! ของขวัญจากพระเจ้า วิเศษมาก!)” เขาส่งยิ้มให้ผมแล้วเซ็นขยุกขยิก ผมยิ้มปลื้มปริ่มแล้วหันไปมองวิคเตอร์เหมือนเด็กๆ อีกฝ่ายกำลังมองด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจ ผมยิ้มแฉ่งไม่สนใจเขา ก่อนจะรับสมุดคืนมาจากคุณทอมแล้วก็ต้องทำหน้าเหมือนคนเสียสติเมื่อเห็นลายเซ็นของเขา


“Whooo! Yeah! (วู้ววว! เย้!)” ผมส่งเสียงร้อง แล้วชูสมุดขึ้นเหนือหัวราวกับมันคือถ้วยรางวัล แล้วสะบัดไปมาเบาๆ


“I’m sorry. He just came back from the institute of mental. (ผมขอโทษด้วยนะครับ พอดีเขาเพิ่งกลับมาจากสถาบันทางจิต)” ผมหยุดสั่นสมุดแล้วส่งสายตาพิฆาตไปให้อีตาพระเอกนั่น


“It’s okay. He’s so cute. Is he your brother? (ไม่เป็นไรครับ เขาน่ารักดีนะ น้องชายคุณหรอ)” คุณทอมหันไปถามวิคเตอร์ที่ยิ้มไม่ถูกที่ถูกทาง


“Errr—a servant. (เอ่อ คนรับใช้น่ะครับ)” ฟึบ! ผมดึงสมุดลงด้วยความหมดอารมณ์กระตือรือร้น หมดมู้ด หมดความรื่นเริงในทันใด


หลังจากนั้นคุณทอมก็ชวนวิคเตอร์คุยต่ออีกนิดเกี่ยวกับเรื่องบท ผมก็ยืนฟังไปด้วย ดูท่าทางคุณทอมจะชื่นชมวิคเตอร์พอสมควรแต่เขาก็ด่วนสรุปคนเดียวไม่ได้ เพราะยังมีอีกสามคนให้ร่วมตัดสิน ผมทิ้งท้ายไว้ว่าวิคเตอร์เคยอ่านเรื่องนี้ด้วยนะ แม้จะโดนสายตาดุดันของเขากระแทกใส่หน้า แต่ผมก็หน้ามึนพูดต่อว่าวิคเตอร์เคยอ่านเรื่องนี้จริงๆ ให้วิคเตอร์เล่าเป็นฉากๆ ยังได้ คุณทอมยิ้มด้วยด้วยความพึงพอใจ ผู้หญิงร่างท้วมก็เช่นกัน ก่อนที่ผมจะพล่ามยาว วิคเตอร์ก็ขอตัวกลับและดึงคอเสื้อผมติดมือออกมาด้วย


“นั่นปากใช่มั้ยที่พูด เกิดพวกนั้นให้ฉันเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวเป็นยังไง ฉันจะเอาอะไรไปเล่า ปีที่พิมพ์หนังสือเหรอ?!” เขาบ่นทันทีหลังจากที่เดินออกจากสำนักงานมาได้ เรากำลังเดินไปที่รถที่เขาจอดไว้ริมฟุตบาทแต่ไกลออกไปจากสำนักงานอีก


“เอาน่า! เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังก็ได้ ผมอ่านจบไปสามรอบแล้ว จำได้ทุกฉาก ทุกตัวละคร ทุกคำพูดเลยแหละ” ผมยักคิ้วพร้อมส่งรอยยิ้มให้เขา แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเซ็งโลก


“ฉันจะได้บทนี้รึเปล่าก็ยังไม่รู้”


“ผมว่าได้อยู่แล้ว!” เขาขมวดคิ้ว มองผมมาจากฝั่งประตูคนขับ


“ผมเป็นของขวัญจากพระเจ้านะ ฉะนั้นพระเจ้าก็ต้องมีพรวิเศษให้ผมติดตัวด้วย อย่างน้อยๆ ก็สามข้อแหละ” เขายิ้มมุมปากแล้วมองผมด้วยความเวทนา หน็อย!


“เพ้อเจ้อ!” ผมเชิดหน้าขึ้น แล้วมองค้อนเขา


“งั้นเดี๋ยวคอยดู คุณเอาไปเลยพรข้อแรก ผมขอให้คุณได้งานนี้ และคุณจะต้องได้ตามที่ผมให้พรไป!”วิคเตอร์ส่ายหัว สีหน้าเบื่อหน่าย เอ๊ะ!


“Unbalance? (สติไม่ดีสินะ)” เขาบ่นออกมาเสียงดังด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ แล้วเปิดประตูขึ้นรถ ผมทำปากว่า เจี้ย! เบาๆ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งตามเขา แต่ก็ต้องเบรกตัวเอง เอี๊ยด!


“ใครให้นายขึ้นรถ?” ผมเบิกตากว้าง มองหน้าเขาด้วยความทึ่งผสมความงง


“อ้าว… เอ่อ… ไม่มี แต่ในทางเทคนิคผมก็ควรจะไปกับคุณรึเปล่า” ผมบอกเสียงสูง สำเนียงแปร่งเป็นเสียงอีสานไปแล้วตอนนี้ หมอนั่นยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะบอกหน้าตายเสียงห้วน


“ทางเทคนิคของฉันก็คือ นายต้องหาทางไปเอง บอกแล้วไงถ้าฉันไม่ได้บอกให้ทำหรือไม่ได้อนุญาตก็อย่าทำ” ผมขบกรามแน่น อารมณ์ที่เพิ่งจะหายหดหู่ไปก่อนหน้านี้แทบจะหายวับไปกับสายลมยามบ่ายของนิวยอร์ค ผมกระเถิบถอยหลังห่างออกจากรถแล้วทำหน้าว่าไม่แคร์


“Okay, see you there, then. (ก็ได้ครับ งั้นเจอกันที่โน่นละกัน)” วิคเตอร์ไม่ได้หันมามองหน้าผมเลยสักนิด เขาสตาร์ทรถแล้วขยับหมวกให้เข้าที่เข้าทาง ผมปิดประตูรถ แล้ววิคเตอร์ก็หักพวงมาลัยออกขวา พุ่งตัวไปบนถนนทันที ผมส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ เฮอะ! เออ รู้จักคำว่าหน้าด้านมั้ย ก็หน้าฉันนี่แหละ






ผมวิ่งขึ้นบันไดของตึกสำนักงานนิตยสาร The Entertainment ไปชั้นสี่ที่เขาใช้เป็นที่ถ่ายภาพและให้สัมภาษณ์ของวิคเตอร์ ขาผมล้าไปหมด เพราะพอลงรถบัสได้ ก็วิ่งจากป้ายเข้ามาที่ตึกอย่างเร็ว แถมบันไดที่นี่ก็โคตรชัน ผมยืนหอบอยู่ที่ตีนบันไดชั้นสี่ แล้วเอาแขนเสื้อเช็ดเหงื่อ ก่อนจะสอดส่องสายตาหาห้องที่วิคเตอร์อยู่จากการสอบถามคนด้านล่างมา ผมเดินอย่างหอบๆ ไปที่ห้องนั้น เคาะประตูสองสามครั้ง แล้วก็มีผู้หญิงหุ่นเพรียวบางผมน้ำตาลสลวยสวยเก๋คนหนึ่งมาเปิดประตูให้ ผมยิ้มขอบคุณเธอและเดินเข้าไปด้านใน วิคเตอร์กำลังนั่งให้สัมภาษณ์อยู่กับผู้ให้สัมภาษณ์ที่เป็นสาวผมบ๊อบสีน้ำตาลแดง ผมเธอไม่เท่าไหร่ แต่หน้าอกหน้าใจนี่คงโกยมาตั้งแต่ปลายนิ้วโป้งเท้าสินะมั นถึงได้บีบแน่นขนาดนั้น นี่ถ้าเอาไปหนีบหน้าใครคงตาย และดูเธอจะส่งสายตายั่วยวนให้วิคเตอร์เหลือเกิน ผมเดินไปหลบอยู่มุมหนึ่ง แล้วนั่งรอให้เขาเสร็จงาน ผมนั่งมองวิคเตอร์ที่กำลังให้สัมภาษณ์ยิ้มแย้มอารมณ์ดี


แหม… ถ้าทางสะพานที่เจ๊ผมบ๊อบทอดมาให้จะแข็งแรงน่าดู


วิคเตอร์หันมามองผมตอนที่กำลังหัวเราะกับมุขตลกของสาวผมบ๊อบนมแน่นนั่น ผมส่งยิ้มให้แว้บหนึ่งแล้วเมินหน้าหนี ก่อนจะหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มแล้วไม่มองเขาอีก ผมยกแขนเสื้อเช็ดหน้าอีกครั้งเพราะยังรู้สึกว่าหน้าผากชุ่มๆ อยู่
หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ ก็เป็นช่วงเวลาเก็บภาพอีกเล็กน้อย เขาไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แค่ทำทรงผมให้ตั้งขึ้นเท่ๆ เท่านั้น รู้สึกดีที่จัดเตรียมหาเสื้อผ้าให้เขาออกมาดูดีไม่น้อย


“You look good—I mean your clothes, too. (คุณดูดีมากค่ะ ฉันหมายถึงเสื้อผ้าคุณด้วย)” เขาเหลือบตามองมาทางผมเล็กน้อยตอนที่เจ๊ผมบ๊อบคนนั้นเอ่ยปากชม ก่อนจะหันกลับไปสนทนาต่อตามปกติ


“It’s a normal of me. I pick them from the closet. (เป็นปกติของผมแหละครับ ผมก็หยิบมาจากตู้เสื้อผ้านั่นแหละ)” ผมยิ้มเยาะ เชอะ! โปรดให้เครดิตฉันด้วยนะ ไอ้คนนิสัยไม่ดี ผมนั่งหน้าซึนรอเขาคุยกับยัยเจ๊นั่นอีกสักพัก วิคเตอร์ก็แยกตัวออกมา ผมลุกขึ้นยืนรอเขาเดินมาหา


“วันนี้เสร็จงานแล้ว นายกลับไปได้” ผมยิ้มออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วหยิบบิลค่าอาหารออกมายื่นให้เขา อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าผม


“ใบเสร็จค่าอาหารเมื่อเช้า ผมขอเบิกเงินด้วย” สีหน้าเขาไม่ยินดียินร้ายอะไร ก่อนจะดึงบิลในมือผมไปแล้วคลี่ออกดูแว้บหนึ่ง


“เดี๋ยวฉันจัดการให้พรุ่งนี้” ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊กๆ ทันที


“ไม่ได้ ผมขอวันนี้ เดี๋ยวผมสับสน ผมยิ่งไม่เก่งเรื่องคณิตศาสตร์อยู่” วิคเตอร์สีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงฟึดฟัด


“ก็ถ้าจะเอาวันนี้ให้ได้ งั้นก็ไปที่บ้านฉันตอนสามทุ่มก็แล้วกัน” ผมขมวดคิ้วมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมให้ไปดึกขนาดนั้น


“ทำไมต้องไปตอนนั้น ไปตอนนี้ไม่ได้รึไง” เขาไม่ตอบแต่หันไปส่งยิ้มเท่ๆ ให้กับเจ๊บ๊อบคนนั้นที่ส่งยิ้มทอดสะพานกลับมาให้ แล้วผมก็เข้าใจ


“อ๋อ… เข้าใจละ ถ้างั้นก็ได้ สามทุ่มเดี๋ยวผมไปหาที่บ้าน” ผมยิ้มกริ่ม แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องนั้นไป แต่วิคเตอร์ดึงไหล่ผมไว้จนผมนิ่วหน้า


“What?! (อะไรอีกล่ะ)” ผมถามเสียงสะบัด วิคเตอร์ถลึงตามองผมเหมือนเป็นการเตือน แต่ไม่มองเปล่า คราวนี้เขาส่งมะเหงกใส่หัวผมไปหนึ่งที


“Arggg!” ผมร้องเสียงดัง จนคนในห้องหันมามองด้วยความตกใจ แต่ผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้ความปวดตุบๆ ที่กลางกระบาลมันยิ่งใหญ่มาก ผมยกมือลูบหัวตัวเองป้อยๆ หน็อย! ไม่ติดว่าเตี้ยกว่า (มาก) จะส่งมะเหงกกลับคืนให้มั่ง


“เสียงดังทำไมเนี่ย” วิคเตอร์ถามเสียงเบาแต่เน้นทุกคำ ก่อนจะลากผมออกไปจากห้องเพื่อคุยกันแค่สองคน


“แล้วคุณมาเขกหัวผมทำไม” ผมถามเสียงสะบัดเมื่อออกมาอยู่กันแค่สองคน


“เขกให้รู้ว่าอะไรควรไม่ควรทำกับเจ้านาย” เขายืดตัวแล้วยักคิ้วให้ผมสองข้าง ผมทำหน้าเบื่อๆ ใส่เขา


“มีอะไรอีกล่ะครับ หมดเวลางานแล้วไม่ใช่รึไง” ผมถามตัดบทเพราะขี้เกียจเถียงด้วย ตอนนี้อยากจะกลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆ และหาอะไรอร่อยๆ กิน  วิคเตอร์ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีดำ ก่อนจะดึงกุญแจออกมาหนึ่งดอก


“กุญแจบ้าน จะได้ไม่ต้องเรียกให้ฉันไปเปิดให้อีก” ผมช้อนสายตาสบตานิ่งเฉยของเขา ก่อนจะรับกุญแจมา แล้วพยักหน้ารับรู้


“แต่ให้ไปไม่ใช่ว่าจะมาเปิดบ้านฉันได้ตามอำเภอใจนะ ต้อง…”


“ให้คุณอนุญาตหรือบอกก่อนเท่านั้น” ผมต่อท้ายประโยคให้เขาด้วยความรำคาญเล็กน้อย อีกฝ่ายยิ้มที่มุมปากนิดๆ ด้วยความพอใจ


“ดี ถ้างั้นก็ไปได้แล้ว” ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินลงบันไดไปทันที โดยมีสายตาวิคเตอร์มองตามอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะผละเดินกลับเข้าไปในห้องที่ออกมาเมื่อกี้นี้ คราวนี้ไม่ต้องรีบไม่ต้องวิ่ง นี่ผมมาถึงที่นี่ครบสิบนาทีรึยัง อุตส่าห์วิ่งมาแทบลมจับ มาถึงก็แค่เนี้ย! งานเบ๊นี่มันต้องทำทุกอย่างจริงๆ เนอะ ไม่ว่างานนั้นจะเล็กจะใหญ่ จะสั้นหรือยาว คิดถึงความสบายที่บ้านจังโว้ย!






ผมแวะไปที่ตึกของเอเจนซี่เพื่อเอาเอกสารการฝึกงานไปให้คุณเอมิลี่เก็บเอาไว้ แม้ว่าจะต้องเซ็นตอนฝึกงานเสร็จ แต่ยื่นให้เธอไปเก็บไว้เลยจะดีกว่า เพราะในนั้นมันต้องเซ็นพฤติกรรมการทำงานของผมเป็นรายสัปดาห์ด้วย เผื่อเธออยากจะเขียนคอมเม้นต์อะไรจะได้เขียนได้เลย เธอถามสารทุกข์สุขดิบของผมกับการทำงานวันที่สอง ผมยิ้มตามปกติแล้วตอบตามความเป็นจริงว่ายังโอเคอยู่ มันก็โอเคจริงๆ ล่ะนะ ไอ้สิ่งที่โดนๆ อยู่ตอนนี้ ผมว่ามันยังไม่ดราม่าน้ำเน่าเท่าไหร่ เอมิลี่ดูจะพอใจและฝากให้ผมถ่ายรูปการทำงานของวิคเตอร์ในทุกๆ ครั้งแล้วทำรายงานส่งเธอด้วย เพื่อที่จะได้เป็นหลักฐานประกอบการตัดสินใจในการให้ผ่านการฝึกงานหรือไม่ ผมนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ไม่ได้ถ่ายอะไรไว้เลย แต่คุณเอมลี่อนุโลมให้หนึ่งวัน เพราะถือว่าเธอเองก็ลืมบอก


หลังจากพูดคุยกับเอมิลี่สักพักผมก็ตรงกลับบ้านทันทีเพราะอยากจะนอนพักผ่อน เมื่อคืนก็ซักผ้า ตากผ้าจนดึกดื่น กว่าจะได้กลับบ้าน นอนได้ไม่กี่ชั่วโมงอีพ่อพระเอกก็ดันโทรมาเรียกไปใช้งานแต่เช้าอีก  ผมแวะหยุดยืนมองแม่น้ำ East river ที่ไหลผ่านหน้าบ้าน มีถนนและตลิ่งกั้นไว้เลยทำให้มองเห็นไกลๆ จากตรงนี้ แต่ก็เห็นว่าแม่น้ำนั้นสีฟ้าระยิบระยับกับแสงแดดแค่ไหน ผมระบายยิ้มน้อยๆ แล้วเปิดประตูบ้านเดินเข้าไปด้วยความล้า เดินผ่านสวนสวยที่ป้าแมร์รี่จัดไว้อย่างดี ถอดรองเท้าวางไว้บนชั้นรวมของบ้าน ก่อนจะไขประตูบ้านเข้าไป ผมเดินมาถึงตรงโซนห้องนั่งเล่นของบ้าน ก็เจอกับเพื่อนบาสคนเมื่อเช้า ใส่เสื้อยืดขาว กางเกงขาสั้น กำลังนั่งเหยียดขากินขนมดูทีวีอยู่


ทำไงดีๆ วิ่งหนีขึ้นข้างบนเลยดีมั้ย แต่ไม่ทันละ เพราะเขาหันมาเห็นผมแล้ว ก็เล่นยืนจังก้าอยู่กลางบ้านแบบนี้คนเดียวนี่หว่า ผมยิ้มแหะๆ ให้เขาแล้วรีบพูดเสียงเร็วปรื๋อ


“อยู่บ้านคนเดียวหรอ?!” เขาหันมามองด้วยสายตานิ่งๆ โห เพิ่งเห็นว่าเป็นผู้ชายตาหวานเหมือนกันนะ หน้าไทยแต่ตาหวานนี่มันมีเสน่ห์นะจิบอกให้


“อือ คนอื่นๆ ไปทำงานกันหมด” เฮ้อ! โล่งอก ที่เขายังพูดจาปกติได้ ผมเลยเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวเล็กที่อยู่ฝั่งขวามือของเขา อีกฝ่ายมองผมด้วยตาหวานๆ นั่น แล้วยิ้มน้อยๆ จนผมต้องยิ้มตอบกลับไป แฮะๆ ดูท่าทางจะไม่ใจร้ายแบบเมื่อเช้าแฮะ


“เราชื่อแมท นายอ่ะ ชื่ออะไร”


“เอิร์ท (Earth)” เขาบอกด้วยเสียงทุ้มๆ ใหญ่ที่ฟังแล้วอบอุ่นใจมาก


“ชื่อโลกหรอเนี่ย...” ผมยิ้มแซวๆ เอิร์ทยิ้มที่มุมปากซ้าย แล้วพยักหน้าเบาๆ


“แล้วเอิร์ทไม่ไปทำงานเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย เขาน่าจะมาเวิร์คแบบบาสนะ


“วันนี้วันหยุด เรามาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ตอนนี้เลยได้วันหยุดแล้วน่ะ” ผมอ้าปาก อ๋อออ แล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ


“อ้าว ละเอิร์ททำงานที่ไหน ที่เดียวกับบาสปะ” เอิร์ทส่ายหัว ก่อนจะตอบ


“เราทำที่เทพีเสรีภาพ” ผมทำตาโตเหมือนนกฮูก!


“เฮ้ย! จริงหรอ เราเคยสมัครไปนะ แต่ว่ามันเต็มเร็วมาก แล้วเขาก็คัดคนละเอียดมากด้วย เห็นว่ารับคนไทยไม่เกินสามคนเอง”


“ปีนี้มีแค่สองคน มีเรากับเด็กผู้หญิงอีกคนนึง อยู่บ้านนี้แหละ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก


“เออ บ้านนี้นี่มีแต่คนไทยปะ เรายังไม่เจอคนอื่นๆ เลย”


“ส่วนใหญ่ก็มีแต่เด็กไทยนะ มีฟิลิปปินส์อยู่สองคน แต่จริงๆ บ้านนี้มีเด็กอยู่ไม่ถึงสิบคนหรอก”


“เออ ก็จริงเนอะ ไม่งั้นได้เบียดกันตาย” ผมบอกแล้วเริ่มอ้าปากหาว ก่อนจะพูดด้วยเสียงงัวเงียๆ


“นี่ๆ เรื่องเมื่อเช้า เราขอโทษอีกรอบนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”


“ก็… เห็นไปแล้วนี่  จะทำอะไรได้ล่ะ” เอิร์ทหัวเราะ หึๆ แล้วมองผมด้วยสายตามีเลศนัย จนผมรู้สึกขนลุกที่ต้นคอ


“สิ่งที่เอิร์ทควรทำคือ ใส่กางเกงในนอนก็ดีนะ” ผมบอกแซวๆ อีกฝ่ายยิ้มเท่ๆ แล้วพยักหน้าน้อยๆ ส่วนผมเริ่มตาปรือๆ


“ว่าแต่ เอิร์ทเรียนที่ไหนหรอ”


“มอเดียวกับแมทแหละ” คราวนี้ผมตาสว่างขึ้นเล็กน้อย พยายามเบิกตากว้างมองเอิร์ทด้วยความตกใจผสมประหลาดใจ โอย… ตาจะปิด


“เฮ้ย จริงดิ ทำไมเราไม่เคยเห็นเอิร์ทเลยอ่ะ เอิร์ทเรียนคณะอะไร”


“เรียนสถาปัตย์ฯ มอเราก็ไม่ใช่เล็กๆ นะ ไม่เคยเห็นก็ไม่แปลกหรอก อีกอย่างคณะเราสองคนก็ไม่ค่อยเจอกันอยู่แล้ว” ผมขมวด
คิ้วงง ในขณะที่หนังตาเริ่มหนักมากขึ้น


“รู้ด้วยหรอว่าเราเรียนคณะอะไร แล้วเอิร์ทเคยเจอเราหรอ งงอ่ะ” ผมบอกด้วยรอยยิ้มงงๆ แล้วอ้าปากหาวจนน้ำตาเอ่อที่ขอบตา อีกฝ่ายยิ้มเหมือนรู้อะไรอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้ตาผมเริ่มปรือหนักขึ้นจนหัวผงกขึ้นๆ ลงๆ


“ก็เคยเจอบ้าง เคยเห็นบ้าง และ…” ผมไม่ได้ยินประโยคหลังจากนั้น เพราะว่าผมฟุบหลับใหลไปกับความอ่อนเพลียแล้ว



[มีต่อด้านล่างจ้า]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 16-06-2015 17:33:25
ยินดีต้อนรับอิพี่วิคและแมทสู่เล้าจ้าาาาาาา
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I|| :: Chapter 2 :: [15.06.58] :: PG.1
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-06-2015 17:40:43


ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟสีส้มที่เปิดขึ้นตรงห้องนั่งเล่น ผมยังคงนอนอยู่ที่เดิม ในท่าเดิม ไม่ผิดเพี้ยน ผมค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงียมองไปรอบๆ บ้านด้วยความเบลอ เอิร์ทไม่ได้นั่งอยู่ตรงโซฟาตัวยาวแล้ว แน่ล่ะ ใครมันจะมานั่งอยู่ได้ทั้งวัน ผมหยิบไอโฟนออกมาจากเกงเกงยีนส์ กดดูเวลาก็เห็นว่าตอนนี้สองทุ่มยี่สิบ โห หลับไปนานเหมือนกันนะเนี่ย ปวดคอแฮะ ผมเอียงคอซ้ายทีขวาที ให้อาการปวดหน่วงๆ บรรเทาลง ก่อนจะลุกขึ้นยืน เพื่อหาอะไรกินสักหน่อย แล้วค่อยไปบ้านวิคเตอร์ก็แล้วกัน


อันที่จริงผมยังไม่ได้ซื้อกับข้าวที่เป็นของตัวเองมาแช่ไว้เป็นจริงเป็นจังเลย ก็แหม เอาเวลาไหนไปซื้อเนาะ มาถึงก็โดนตะบี้ตะบันใช้งานจนแทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว ผมเลยต้องอาศัยอาหารของป้าแมร์รี่แกไปก่อน แล้วค่อยไปจ่ายเงินให้แกก็แล้วกัน ผมหยิบอาหารกล่องออกมาหนึ่งกล่องที่อยู่ในโซนวางของของป้าแมร์รี่ พอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นข้าวผัดฮอทดอกที่สีหน้ากินมาก น่าจะเป็นรสบาร์บีคิวนะ เห็นพริกป่นแดงๆ ส้มๆ ติดอยู่ ผมเทข้าวใส่ถ้วยสำหรับเข้าไมโครเวฟ แล้วยัดถ้วยเข้าไป รอเวลาอุ่นประมาณสองนาที


ผมนั่งกินข้าวที่เค้าน์เตอร์คนเดียวเงียบๆ ดูท่าป้าแมร์รี่แกจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอนของแกนะ ส่วนคนอื่นๆ ผมไม่รู้ว่าอยู่ไหนกัน อาจจะอยู่บนห้อง หรืออาจออกไปเที่ยว ข้าวอันนี้อร่อยแฮะ ไว้ซื้อมาตุนไว้กินเองบ้างและคงต้องรีบหาซื้อกับข้าวของตัวเองมาเก็บไว้ละ


หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็ล้างถ้วยแล้วเก็บมันไว้ที่เดิม ก่อนจะดื่มน้ำตามไปสองแก้ว พอดูเวลาที่ไอโฟนผมก็คิดว่าควรออกไปได้แล้ว กว่าจะไปถึงบ้านวิคเตอร์ก็คงสามทุ่มนิดๆ ผมเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากบ้านไป รอบนี้ขอขึ้นรถไฟใต้ดินชิวๆ ละกันนะ ไม่ต้องเร่งรีบตัวเอง ผมเดินห่างออกจากตัวบ้านมาสักพักก็เจอกับพวกบาส เอิร์ท และผู้หญิงอีกคนหนึ่ง


“ดึกแล้ว จะไปไหนหรอ” บาสถามด้วยความสงสัย ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ


“ออกไปเรื่องงานนี่แหละ แล้วไปไหนกันมาหรอ”


“ไปทามสแควร์มา ว่าจะชวนแมทไปด้วยกันนะ แต่เห็นหลับอยู่เลยไม่กล้ากวน”


“ดีแล้วล่ะ ให้เราหลับเถอะ เหนื่อยมาก” ผมฉีกยิ้มกริ่มแล้วหันไปมองผู้หญิงผมยาวคนเดียวในกลุ่ม ส่งยิ้มให้ เธอยิ้มตอบกลับมาเล็กน้อย ผมเบนสายตาไปมองเอิร์ทที่ยืนหน้าเฉย แล้วอะไรดลใจไม่รู้ให้ผมจับต้นคอขวาของตัวเอง ลูบขึ้นลงเบาๆ ด้วยความงงกับตัวเอง


“ดึกขนาดนี้ยังจะออกไปเรื่องงานอีกหรอคะ” ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยถาม ผมทำหน้าแหยๆ แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ


“แล้วนี่ ที่ทำงานแมทอยู่ตรงไหน” เรียกว่าที่ทำงานได้รึเปล่านะ บ้านอีพ่อพระเอกนั่นน่ะ


“อยู่ในแมนฮัทตันแหละ แถวๆ Upper east side”


“ไปไกลเหมือนกันนะ นี่งานอะไรทำไมดึกดื่นยังต้องทำ” บาสพูดสีหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมแค่นยิ้มน้อยๆ จริงๆ ก็เลิกงานแล้วล่ะนะ แต่จะไปเอาตังค์น่ะสิ เลยต้องยอมถ่อไป ผมขี้เกียจตอบคำถามเลยคิดเลี่ยงตัดประเด็นแทน


“เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ กู๊ดไนท์ล่วงหน้าเลยละกันนะทุกคน” ผมยิ้มให้ทั้งสามคนแล้วเดินเลี่ยงออกไป แต่ต้องหันกลับไปมองที่เอิร์ทเล็กน้อยเพราะเห็นว่าเขามองผมด้วยสายตาจับจ้องจนรู้สึกได้ ผมยิ้มเก้อๆ ให้เขาก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไป รู้สึกงงๆ นิดหน่อยที่เห็นเขาดูเฉยมาก ผิดกับตอนที่คุยกันในห้องนั่งเล่น คงเป็นอารมณ์ของเด็กหัวศิลป์มั้งที่นึกอยากพูดก็พูด ถ้าไม่อยากพูดก็เงียบ


   



ตอนผมมาถึงหน้าบันไดทาวน์เฮ้าส์ของวิคเตอร์ก็สามทุ่มสี่สิบหกแล้ว ไฟชั้นหนึ่งกับชั้นสองเปิดอยู่ส่วนชั้นสามมืดสนิท ยังไม่เคยขึ้นไปสำรวจเลยแฮะว่าชั้นั้นเป็นยังไงบ้าง แต่อย่าหวังเลยว่าจะได้ขึ้นไป ทุกวันนี้ชั้นหนึ่งผมก็อยู่ได้แค่ห้องครัวกับห้องซักล้างเท่านั้น ผมหยิบไอพอดมาเลื่อนเปลี่ยนเพลงแล้วยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต ก่อนจะหยิบกุญแจออกมาแล้วไขประตูบ้านเข้าไป ผมวางกระเป๋าเป้ไว้ที่เค้าน์เตอร์ครัว เจ้าฟอกซ์โบกหางทักทายผมตอนที่ผมเอามือลูบหัวมัน ผมเดินไปกลางๆ บ้าน กะจะหยิบมือถือโทรหาเขา


แต่ผมว่าไม่ต้องละ เมื่อผมเจอเขาอยู่ในห้องรับรองแขก นั่งอยู่บนโซฟาสีขาว แต่ประเด็นคือเขาไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว อีเจ๊ผมบ๊อบเมื่อตอนบ่ายนั่งทับอยู่บนตัวเขาแล้วกำลังโยกอย่างเมามันส์ โดยมือของเจ๊แกโดนไพ่หลังเอาไว้ด้วยกุญแจมือ ผมนี่ตัวแข็งทื่อเลยครับ!!


Shit!!!!! อีกแล้วครับท่าน ช็อตเด็ดรอบที่สอง ผมอ้าปากค้าง เสียงเพลง Work bitch ของเจ๊ Britney ท่อนท้ายดังสนั่นลั่นหูผมราวกับรับจังหวะการโยกของแม่ผมบ๊อบนมห้อยนั่น


“Oh! Ah! Ah!” อื้อหือ เสียงร้องบอกได้อย่างดีว่าเจ๊แกฟินขนาดไหน ผมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วก้าวเท้าจะหนี แต่วิคเตอร์หันมาเห็นผมซะก่อน


“Hey! ( เดี๋ยวก่อน!)” เขาตะโกนบอกทั้งที่เจ๊นั่นยังโยกอยู่บนตักเขา ผมหยุดเดินพร้อมๆ กับเสียงร้องของผู้หญิงที่ค่อยๆ หายไป ผมหันไปมองวิคเตอร์กำลังกระซิบอะไรบางอย่างกับเธอคนนั้น แล้วเธอก็ทำสีหน้าหงุดหงิด


“ผะ…ผม… ผมรอที่ห้องครัวก็แล้วกันนะครับ” ผมรีบเดินก้มหน้างุดๆ ไปทันที รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวด้วยความอายทั้งๆ ที่คนควรอายคือสองคนนั้น แต่ทั้งสองคนกลับดูชิลมาก ผมหลับตา ถอนหายใจ แล้วตั้งสติยืนรอวิคเตอร์ที่เค้าน์เตอร์ครัว พลางลูบหัวเจ้าฟอกซ์ไปด้วย รออยู่ครู่ใหญ่ เจ๊บ๊อบก็เดินออกมาในสภาพใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอหันมาจิกตาใส่ผมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจุ๊บริมฝีปากวิคเตอร์ที่เดินตามออกมาในสภาพใส่แค่กางเกงยีนส์โชว์หุ่น แหม… หุ่นดีหน่อย อ่อยบ่อยเชียวนะ


“Good bye, and shall we meet again? (ไปก่อนนะ แล้วเราจะพบกันอีกมั้ย)” วิคเตอร์ยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบเสียงทุ้มน่าฟัง


“Maybe. (ก็อาจจะนะ)” แหม… ทีกับผมละห้วนสั้น เสียงทื่อ สะบัด ทีกับชะนีนี่เสียงหล่อเชียว เจ๊บ๊อบทำหน้าเสียดายเล็กๆ แล้วยืดตัวหอมแก้มเขาก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
ความเงียบอบอวลอยู่รอบๆ ตัวผมจนทำสีหน้าไม่ถูก ผมค่อยๆ ดึงหูฟังที่ไม่มีเพลงดังแล้วออกจากหูช้าๆ ก่อนจะม้วนใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นวิคเตอร์ก้มหน้าจ้องมองผมอยู่ด้วยสายตาเหมือนเหยี่ยว ผมยิ้มแห้งๆ ให้เขา แต่พอเห็นอีกฝ่ายไม่ยิ้ม ผมก็เลยหุบยิ้มวืด แล้วยืนทื่อๆ


“ช่างมาขัดจังหวะได้เก่งจริงๆ นะ”


“I did not meant to—who will know that you are…ermmm… Ohh La la! (ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณกำลัง อู้ว ลา ล่า! อยู่)” ผมบอกด้วยสีหน้าหมั่นไส้นิดๆ อีกฝ่ายขมวดคิ้วงง


“What does ‘Ohh La la’ means? (อู้ว ลาล่า หมายความว่าไง)” เขาทำเสียงล้อผม ผมห่อไหล่สองข้างก่อนจะตอบ


“Fuck, make love, or something—like  you and she did together on the couch. You can call whatever you want. (มีอะไรกัน เมคเลิฟ หรืออะไรสักอย่างที่คุณกับเธอกำลังทำกันบนโซฟา คุณจะเรียกอะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการ)” ผมเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าเขาที่เหมือนจะขำ แต่ร่องรอยการขำนั้นหายไปอย่างเร็ว แทนที่ด้วยสีหน้ามึนตึง คงหงุดหงิดสินะที่ผมมาขัดจังหวะ


“ผมไม่รู้นี่ครับว่าคุณกับเธอยังไม่เสร็จกิจ ก็คุณนัดผมเองว่าสามทุ่มให้มารับเงิน นี่ก็จะสี่ทุ่มแล้วด้วยซ้ำ” ผมบอกด้วยความมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด วิคเตอร์ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย


“เงินแค่ไม่กี่ร้อยนี่ทวงจังนะ”


“ขอโทษทีที่ผมไม่ได้เกิดมาเป็นนายแบบหรือดารา แต่ว่าผมเป็นเด็กฝึกงานที่ไม่ได้ค่าจ้างอะไรเลย ฉะนั้นทุกบาททุกสตางค์ของผมมีค่ามาก แค่ค่าแท็กซี่ที่ผมเสียไปสองวันแรกที่มาที่นี่ก็ซื้อบ้านหมาได้ตั้งหลังนึงแล้ว” ผมบอกเสียงแว้ดๆ จนวิคเตอร์ขมวดคิ้วมุ่น


“ผู้ชายอะไรทำไมขี้บ่นจัง”


“ผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน เคปะ?” ผมบอกหน้ามึน น้ำเสียงเอือม วิคเตอร์ยิ้มเยาะๆ เล็กน้อย แล้วล้วงหยิบเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ ก่อนจะยื่นมาให้ ผมยื่นมือไปรับไว้ แล้วตรวจดู เขาให้เกินมาห้าแบงค์ ผมเลยส่งคืนให้


“เก็บไว้เถอะ ถือว่าฉันทำบุญให้การกุศลกับคนต่างด้าว” เขายิ้มเย้าๆ เล็กน้อย ผมกัดปากแล้วจ้องตามองเขาอย่างนึกโมโห ก่อนจะดึงมือเขาขึ้นมาแล้วยัดเงินคืนไป


“ไม่จำเป็น!” ผมปล่อยมือเขาแล้วยัดเงินใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเอง พอเงยหน้ามองเขาอีกรอบ ผมก็เห็นวิคเตอร์หรี่ตามองผมอยู่ จนผมต้องเอามือขึ้นมาจับหน้าและคอตัวเองว่ามีอะไรติดอยู่รึเปล่า แถมไม่จ้องเปล่ายังเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีก ผมเดินถอยหลังแต่ดันติดกับเค้าน์เตอร์ครัว วิคเตอร์จับข้อมือขวาให้ผมหยุดลูบไล้ใบหน้า แล้วเอียงคอมองอะไรบางอย่างที่ซอกคอผม ก่อนจะยิ้มมุมปากมาดเท่ตามเคย


“Kiss mark? (จูบตีตราหรอ)” ผมสีหน้างง แล้วใช้มือซ้ายขึ้นมาจับตรงต้นคอไว้


“What? (อะไรนะ)” ผมดึงแขนตัวเองออกจากมือเขา แล้วหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดกล้องหน้าดู ชิบหาไม่เจอแล้ว! รอยแดงๆ ที่ซอกคอนั่นมาจากไหน แต่ตาวิคเตอร์บอกว่าเป็นรอยจูบ ผมว่ามันเหมือนรอยโดนยุงกัดมากกว่านะ


“ทำไมคุณไม่มองว่ามันเป็นรอยยุงกัดหรือแพ้หนอนอะไรทำนองนั้นล่ะ ทำไมต้องมองว่าเป็นรอยจูบ หรือคิดแต่เรื่องแบบนั้น” ผมจิกตาใส่เขา ก่อนจะยัดไอโฟนกลับเข้าไปในกางเกง แล้วผมก็นึกภาพที่เห็นเมื่อวานกับเมื่อกี้นี้


“ดูท่าทางคุณจะเป็นแนวโซ่ แส้ กุญแจมือสินะ เห็นมัดมือผู้หญิงไว้ตั้งสองคนแน่ะ” ผมยิ้มแซวๆ แล้วกระพริบตามองวิคเตอร์ เขาหรี่ตามองผมพลางขมวดคิ้ว แววตาเหมือนหงุดหงิดอะไรสักอย่าง แล้วเขาก็หยิบกุญแจมือที่ว่านั่นขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ ชูให้ผมเห็นด้วยสีหน้าและสายตาเมาๆ จนผมหยุดยิ้มแล้วมองเขาตาค้าง แสงสีเงินของกุญแจมือสะท้อนกับไฟสีขาววาววับ


“อยากโดนมัดบ้างมั้ยล่ะ” เขายักคิ้วเร็วๆ หนึ่งที ผมสั่นหัวแรงๆ ทันที แต่เขากลับคว้ามือซ้ายผมไป แล้วรวดเร็วยิ่งกว่าแสง เขาก็ล็อคกุญแจมือเข้ากับข้อมือผม


“เฮ้ย! คุณทำอะไรเนี่ย!” ผมร้องเสียงหลง แล้วเขย่าข้อมือที่โดนกุญแจล็อคอยู่อันหนึ่ง ส่วนอีกอันห้อยต่องแต่งอยู่ข้างล่าง วิคเตอร์ส่งยิ้มกวนๆ มาให้


“ร้องโวยวายไปได้ ผู้หญิงเขายังไม่ร้องอย่างนายเลย”


“เน่! ผมไม่ใช่นักโทษหรือทาสสวาทของคุณนะ?!” ผมบอกเสียงขุ่น หน้าตาเอาเรื่อง แต่ดูเหมือนวิคเตอร์จะสนุกที่ได้เห็นผมเป็นแบบนี้ เขาก้าวชิดเข้ามาใกล้ผมจนได้กลิ่นตัวหอมๆ แบบผู้ชายของเขา ผมเอนหลังไปจนแทบติดกับเค้าน์เตอร์ครัว


“แล้วอยากเป็นมั้ย” เขาถามสีหน้ากรุ้มกริ่ม ลมหายใจรดอยู่ที่คิ้วผม ผมมองเขาด้วยความไม่ไว้ใจ หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ยั่ว! มันยั่วอีกแล้ว!


“ไม่! ผมเป็นผู้ชายนะ” ผมบอกเสียงสะบัด แล้วกระพริบตาปริบๆ มองหน้าเขาที่จ้องกลับมาด้วยสายตาที่มึนเมา เขาไม่มีกลิ่นเหล้านะ แต่ทำไมทำตาเยิ้มแบบนั้น


“อ้าว ไหนว่าเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันไง” ผมอ้าปากหวอ หน้าเหวอ แล้วเบิกตากว้าง


“คุณจะบ้าหรอ คุณ…คุณชอบผู้หญิงน้า… ผู้หญิงมีนมด้วย แต่ผมไม่มี...แฮะๆ” ผมยิ้มแบบกัดปากล่างไว้ แล้วพยายามทำสายตาเว้าวอนให้เขาปล่อยผมจากอาณาเขตหอมๆ ของเขาเสียที เพราะสติผมเริ่มจะหลุดแล้ว วิคเตอร์เลื่อนมือขวามาจับหน้าอกซ้ายผมแล้วลูบไล้ไปมา


“นี่ไงนม” เขาบอกสีหน้าหื่นๆ ผมเอามือซ้ายที่กุญแจมือคล้องอยู่มาจับมือเขาไว้ แล้วจ้องเขาตาเขียวปั๊ด


“มันไม่เหมือนกัน นี่มันนมผู้ชาย!” ผมปัดมือเขาออก แล้วเอามือมาปิดหน้าอกตัวเองไว้ทั้งสองข้าง พลางจ้องมองเขาด้วยสายตาระแวดระวัง


“แต่ของนายก็ดูท่าทางใช้ได้นะ” เขายังคงล้อผมต่อไป ผมรู้เลยว่าหน้าผมต้องแดงมากแน่ๆ เพราะดูได้จากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชอบใจของอีกฝ่าย ผมยกมือดันๆ ไหล่ของเขาเพื่อให้เขาถอยห่างออกไป เขาถอยไปก้าวหนึ่ง แต่ก็คว้าแขนผมไว้ แล้วดึงกุญแจมือที่ห้อยอยู่ไปคล้องข้อมือขวา ผมร้องเสียงหลง ตอนนี้กลายเป็นว่าผมถูกกุญแจมือคล้องไว้ทั้งสองข้าง ผมลองขยับแหวกแขนสองข้างแรงๆ เผื่อว่ามันจะเป็นแค่กุญแจมือของเล่นแล้วจะขาดหากผมเกร็งแขนแล้วดึงแรงๆ ช่างเป็นความคิดที่อับจนสิ้นดี วิคเตอร์เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ ขยับเข้ามายืนใกล้ผม แล้วใช้สายตาเย้ายวนอันมึนเมาของเขาไล่สำรวจร่างกายผมช้าๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมรู้สึกเสียววูบ เบิกตากว้าง ตาขยับซ้ายขวาไปมาเหมือนหาทางหนีทีไล่


“Hmmm… Interesting, eh? (ฮืมมม… น่าสนใจ  ฮึ?)” เขาโน้มหน้าลงมาบอกเสียงเบาหวิวที่ข้างหูซ้าย จนผมแทบสะท้าน นี่ขนาดเขายังไม่โดนตัวผมเลยนะ ผมขมวดคิ้วแล้วพยายามรวบรวมสติที่เหลืออยู่
ไม่ได้นะ! ขอ… อย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอ แม้จะเสียววาบ!


ผมกัดฟันแล้วจ้องตาสู้เขา หึ! คิดจะข่มกันหรอ ผมยิ้มกริ่ม ก่อนจะยกมือที่โดนกุญแจมือคล้องติดกันไว้ครอบเข้าที่คอเขาโดยไม่ต้องเขย่งเพราะหมอนี่เล่นโน้มตัวมาข้างหน้าเอง วิคเตอร์ดูจะตกใจเล็กน้อย เขาเอนตัวกลับไปยืนตัวตรง นั่นทำให้ผมโดนรั้งไปแนบติดกับตัวเขา หัวผมสูงแค่ไหล่เขาเอง ช่างเหมือนคนแคระกับทหารองครักษ์ยืนคุยกัน ผมเงยหน้าสบตาสู้กับเขาที่ตอนนี้มองผมด้วยความงุนงง ความสับสน ความลังเล เขาดูประหม่ากับการกระทำของผม โฮะ! แน่ล่ะ ไม่เคยแนบชิดกับผู้ชายขนาดนี้ล่ะสิ ช่องว่างระหว่างหน้าเราสองคนห่างกันประมาณหนึ่งไม้บรรทัดสั้น ผมยิ้มกริ่มแล้วทำหน้าตาใสซื่อ


“นายทำอะไร” เขาเอนหน้าไปด้านหลังเล็กน้อย แล้วมองผมด้วยความไม่ไว้ใจ


“อ้าว… ก็คุณบอกว่าน่าสนใจไม่ใช่หรอ อยากลองมั้ยล่ะ” ผมบอกเสียงใสแล้วแกล้งกัดริมฝีปากยั่วเขา วิคเตอร์ขมวดคิ้วจ้องผมด้วยสายตาเหมือนจะขำ


“เอาล่ะ! ไขกุญแจให้ผมเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นล่ะก็…” ผมยักคิ้วยึกๆ ให้อีกฝ่าย วิคเตอร์ยิ้มที่มุมปาก แววตาซุกซนแบบคนคิดอะไรสนุกๆ


“ลองก็ได้นะ ฉันไม่มายด์อยู่แล้ว อาจจะรู้สึกแปลกๆ ไปหน่อย แต่ถ้านายทำให้ฉันถึงได้ ฉันก็โอเค” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ เลื่อนมือขึ้นมาจับที่เอวผมไว้แล้วดึงร่างผมเข้าไปชิดกับร่างเขามากขึ้น จากที่ตอนแรกผมทำให้เขาอึ้งไปได้ ตอนนี้กลายเป็นว่าผมกลับมาอึ้งเองอีกรอบ ทะ…ทำไมกลายเป็นงี้อ่ะ


“คุณ… คุณไม่กล้าหรอก คุณเป็นผู้ชาย ผู้ชายเขาไม่ทำแบบนี้” ผมพยายามบอกเสียงขาดๆ เกินๆ และพยายามดึงแขนตัวเองที่โอบคอเขาไว้ออก แต่เพราะผมเตี้ยกว่าเขามันเลยเอาออกลำบาก ยิ่งเขายืนเต็มตัวแบบนี้ยิ่งยากเข้าไปอีก วิคเตอร์ยิ้มร้ายกาจแล้วเริ่มลูบขึ้นลูบลงตรงช่วงเอวของผม


“นายก็พูดถูกนะ ฉันเป็นผู้ชาย แต่ผู้ชายที่โดนขัดจังหวะตอนที่กำลังจะถึงเนี่ย ค่อนข้างจะหงุดหงิดพอสมควร แล้วถ้ามันมีตัวช่วยระบายอารมณ์นั้นได้ ฉันก็ไม่สนแล้วล่ะว่าจะเป็นใคร” ผมสูดลมหายใจดังเฮือก สีหน้าตื่นตระหนก แล้วพยายามเอนตัวหนีเขา แต่ดูเหมือนหอเอนที่อิตาลีจะเอนได้มากกว่าผมซะอีกนะตอนนี้


“ฉันเคยมีอะไรกับผู้หญิงทางประตูหลังบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย ถ้ายังไงนายลองเป็นคนแรกของฉันมั้ย ฉันไม่ถือหรอก คืนเดียวก็จบกันไป คิดซะว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิตฉัน” เขายิ้มมุมปากยั่ว แล้วเริ่มเลื่อนมือลงไปที่บั้นท้ายของผม เคล้าคลึงเบาๆ ผมอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ และก็เริ่มดิ้นรนพยายามดึงมือตัวเองออก แต่วิคเตอร์ยืดตัวตรงไว้จนทำให้แขนผมตึงทำอะไรไม่ได้


“วิคเตอร์! ผมล้อเล่น!” เขายิ้มแสยะยิ้มร้าย มือยังไม่หยุดหยอกล้อที่ก้นผม จนตอนนี้ผมเริ่มเสียวสะท้าน สติเริ่มหลุดทีล่ะน้อยๆ ลมหายใจเริ่มขาดห้วง ใบหน้าร้อนผ่าว ไอ้ส่วนอ่อนไหวของร่างกายเริ่มตื่นตัวพอเจอยั่วหนักๆ เข้า


“ไม่สู้แล้วหรอ…” เขาบอกเสียงเบาหวิว ผมเงยหน้ามองเขาตาปรือ แล้วส่ายหัวน้อยๆ เขายิ้ม หึ ที่มุมปาก แล้วปล่อยมือออกจากก้นผม ก่อนจะหยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกางเกงยีนส์ ยกมือสองข้างไปคลำๆ มือผมที่อยู่ตรงหลังคอเขา สักพักผมก็รู้สึกถึงอิสระของข้อมือตัวเอง ผมรีบชักแขนกลับ ก่อนจะถอดกุญแจแล้วยื่นคืนให้เขาทันที ผมก้มหน้างุดๆ ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา สายตาเจ้ากรรมดันไปมองที่เป้ากางเกงยีนส์ที่มันนูนเปล่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผมกระพริบตาปริบ แล้วเปลี่ยนใจรีบเงยหน้ามองหน้าเขาแทนดีกว่า


“ถ้าคิดจะสู้ ก็ทำใจให้เข้มแข็งกว่านี้นะต่างด้าว” ผมหน้าบึ้ง ทำจมูกบานใส่เขา ในหัวสมองยังคงรู้สึกเบลอๆ


“ถ้าเกิดใจเสาะ ยอมแพ้ขึ้นมา จะลาออกฉันก็ไม่ว่านะ” เขาบอกสีหน้าและสายตาท้าทาย ผมเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ปรับสีหน้าให้ดูไม่หวั่นไหว


“If you think that I will quit because of your sex-seduction. You’re wrong! I am very shameless person than you though! (ถ้าคุณคิดว่าผมจะยอมลาออกเพราะโดนคุณยั่วสวาทล่ะก็ คุณคิดผิดแล้ว ผมหน้าด้านกว่าที่คุณคิด!)” เขาเอามือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์อีกรอบ ริมฝีปากบิดเป็นยิ้มหล่อร้ายกาจ ผมเลื่อนสายตาหนีหุ่นอันแน่นหนัด


ไม่! มันใส่มายั่วเรา มันเป็นแผน!


“Okay! Remember what you said! (ก็ดี! จำคำพูดตัวเองไว้นะ!)” เขาบอกเสียงห้วนและเบ้ปากใส่ผมเล็กน้อย ผมกอดอกแล้วยิ้มแบบไม่รู้ไม่ชี้ วิคเตอร์มองผมด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะบอกเสียงห้าวแต่น่าฟังตามเคย


“งั้นตอนนี้ไปรีดผ้า!” ผมสะบัดแขนออก สีหน้าเหวอไปกับคำสั่งเขาทันที


“อะไรนะ?! รีดผ้า?! บ้ารึเปล่า นี่มันจะห้าทุ่มแล้วนะ”


“ลายเซ็น?” เขาบอกสีหน้าเหนือกว่า ผมกำหมัดแน่น เม้มปากแน่น แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาเบาๆ แล้วเดินตึงตังไปที่ห้องซักล้าง


“ไม่เสร็จห้ามกลับบ้านนะ!”


“I got it! (รู้แล้วน่า!)” ผมกระแทกเสียงกลับไป ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่หัว เมื่อวิคเตอร์เอามือหนึ่งทาบบนหัวผม แล้ว
เอามืออีกมือตบลงมาอย่างแรง แม้ไม่เจ็บแต่ว่ามึนเต็มๆ ผมหันไปจะด่าอีกรอบแต่เขาวิ่งขึ้นบันไดไปแล้ว แต่ยังไม่วายหยุดวิ่งแล้วหันมาชี้หน้าผม เขาทำหน้าเป็นการเตือนว่าอย่าขึ้นเสียงกับเขาอีก ผมทำปากจิ๊จ๊ะด้วยความหมั่นไส้ แล้วรีบเดินหนีไป


โอ๊ยยย! จะได้กลับบ้านกี่โมงวะเนี่ย แล้วไม่ต้องคิดให้เสียเวลา พรุ่งนี้อีตานั่นมันโทรจิกแต่เช้าแน่ๆ!


----------------------------TBC.-------------------------------


ยาวอีกเช่นเคย T_T ใครไม่ชอบอะไรเวิ่นเว้นๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ ลงแต่ล่ะตอนเหนื่อยมากกก ยาวไปถึงตะเข็บชายแดน
แรกๆ อาจจะยังไม่อะไรมากนะคะ บอกแล้นว่าเรื่องนี้ธรรมดาๆ แต่จะอัพวันล่ะตอนค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
กดไลค์เพจเฟซบุ๊ค เพื่ออัพเดตข่าวสารก่อนที่ใด เม้าท์มอยหอยกาบนอกรอบได้ที่นั่นค่ะ หรือจะฟอโล่วทวิตเตอร์ก็ได้นะคะ ^^
FICTION Y BY ขุ่นเจ้ (https://www.facebook.com/FictionYByKhunjae?ref=bookmarks) & @datomh (https://twitter.com/datomh)

หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::Chapter 3::16.06.58::PG.1หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 16-06-2015 19:16:13
เรื่องนี้สนุกมากกกกค่ะ นายเอกสาวก็จริงเเต่พอดีอยู่นะ ยังไม่ถึงกะเเต๋วเเตกหรอกกกก น่ารักดี
ส่วนเรื่องเนื้อหายาววววววเนี่ย ไม่เป็นปัญหาเพราะคนอ่านชอบมากเลยค่ะ 5555
อัพยาวๆสิดี ชอบมากค่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries.Part: You and I||::Chapter4::17.06.58::PG.1หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-06-2015 17:29:04

CHAPTER 4 :: The imported servant from Thailand.


ผมหาววอดๆ มาตามฟุตบาทที่เป็นทางเดินกลับบ้าน เรือส่งสินค้าส่งเสียงหึ่งๆ อยู่ในแม่น้ำ East river แสงไฟสีส้มจากริมถนนส่องกระทบกับพื้นน้ำเป็นประกายสีส้มระยิบระยับ นี่โชคดีนะที่รถไฟใต้ดินของที่นี่เขาวิ่งยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมหันตาปรือๆ ที่มีน้ำตาเอ่อเพราะหาวมากไปมองสะพานบรู๊คลิน (Brooklyn bridge) ที่พาดผ่านแม่น้ำ ยามกลางคืนมันดูเท่ๆ ดีนะ ผมเลยหยุดเดินแล้วหยิบไอโฟนขึ้นมาถ่ายรูปสะพาน แถมมีวิวไฟระยิบระยับบนตึกจากฝั่งแมนฮัทตันเป็นแบ็คกราวด์ด้วย ผมกดถ่ายไปสี่ห้าภาพ เดี๋ยวแต่งภาพนิดหน่อยละอัพลงไอจีดีกว่า ผมเลื่อนดูรูประหว่างที่เสียงร้องของพี่อดัมดังออกมาตามหูฟัง ก่อนจะกดเลือกรูปแล้วเดินไปด้วยแต่งไปด้วย พอได้ภาพที่ถูกใจผมก็อัพลงไอจีพลางเปิดประตูรั้วไม้ของบ้านเข้าไป เดินเชื่องช้าผ่านชิงช้าในสวนหน้าบ้านของป้าแมร์รี่แล้วก็ต้องสะดุดกับใครคนหนึ่งในชุดนอนเสื้อกล้ามขาว กางเกงขาสั้น ที่กำลังนั่งมองท้องฟ้าเงียบๆ คนเดียว


“ยังไม่นอนอีกเหรอ” ผมถามด้วยความประหลาดใจที่เห็นเขายังนั่งอยู่ตรงนี้  ผมดึงหูฟังออกแล้วยัดเข้าไปในกางเกงยีนส์ลวกๆ คนถูกถามหันมามองด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะยักคิ้วให้ผมหนึ่งที


“นอนไม่หลับ” ผมยกไอโฟนขึ้นมาดูเวลา นี่มันจะตีสองแล้วนะ


“พรุ่งนี้ไม่ทำงานหรอ หรือว่าได้วันหยุดอีกวัน” เอิร์ทส่ายหัวน้อยๆ แล้วหันมามองผมด้วยสายตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่


“ทำงานอะไร ทำไมกลับดึกจัง” เขาถามเสียงทุ้มใหญ่ๆ น้ำเสียงสงสัย ผมยิ้มหน้ามู่ทู่ ก่อนจะตอบ


“งานเบ๊ก็เงี้ย เจ้านายเรียกตอนไหนก็ไป” ผมไม่อยากตอบว่าทำงานอะไร ไม่รู้ถ้าตอบไปจะดูเป็นการโอ้อวดไปรึเปล่าที่จะบอกว่าตัวเองต้องไปดูแลพ่อพระเอกที่กำลังเป็นดาวรุ่งนั่น


“ท่าทางเจ้านายจะจู้จี้นะ ถึงขั้นกักตัวไว้เอาจนป่านนี้ แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นไปแต่เช้าอีกน่ะเหรอ” เขาขมวดคิ้วน้อยๆ ผมยิ้มเหมือนจำนนในโชคชะตาของตัวเองแล้วพยักหน้าขึ้นลงเอื่อยๆ


“นั่งมั้ย?” เอิร์ทถามพลางบุ้ยปากไปที่ชิงช้าอีกตัวที่อยู่ข้างๆ เขา ผมยักไหล่เล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปนั่งตามคำชวน เอิร์ทยังคงมองผมด้วยสายตาที่กำลังครุ่นคิด


“ดูเหมือนมีเรื่องให้คิดมากนะ” เอิร์ทยิ้มที่มุมปาก แล้วพยักหน้าน้อยๆ


“คิดเรื่องตัวเองอยู่” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเขาด้วยความงง เอิร์ทยืดตัวขึ้นพลางผ่อนลมหายใจออกช้าๆ


“เออ เรื่องที่เราอยู่มอเดียวกัน ยังคุยไม่จบเลยอ่ะ สรุปเอิร์ทเคยเจอเราด้วยหรอ ทำไมเราไม่เห็นรู้สึกว่าเคยเจอเอิร์ทเลยล่ะ” เอิร์ทหันมายิ้มน้อยๆ เป็นยิ้มขำๆ


“เราอาจจะเคยเจอกัน แต่นายนึกไม่ออกเองเปล่า คือที่เราบอกว่ามอเราใหญ่ไม่เคยเจอกันก็ไม่แปลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เคยเจอกันนี่” ผมยิ้มงงๆ ขมวดคิ้วงงๆ และลองพยายามนึกว่าคณะผมเคยไปวุ่นวายกับคณะสถาปัตย์ฯ มั่งมั้ย เอ… เคยรึเปล่านะ สถาปัตย์ฯ… ออกแบบ พวกศิลปะ วาดภาพ วาดภาพ! อ๋อ!


“พวกเอิร์ทเคยมาออกแบบฉากละครเวทีให้เราปะ?!” ผมถามด้วยความดีใจที่เหมือนจะนึกออก แต่จริงๆ มันก็ยังเลือนรางและลางเลือนมากเลยนะ คือผมเคยไปจ้างคณะพวกเอิร์ทมาวาดรูป มาออกแบบฉากละครเวทีให้ แล้วต้องร่วมงานกันอยู่ประมาณสองสัปดาห์ แต่ว่าผมเคยเห็นเอิร์ทมั้ยนะ เขาอาจจะมาแต่ผมอาจจะจำเขาไม่ได้ ฮึ้ย! อะไรจะความจำสั้นขนาดนั้น เอิร์ทมองหน้าผมแล้วยิ้มหล่อๆ แน่ะ! เดี๋ยวเถอะๆ บรรยากาศยิ่งเงียบเชียบอยู่นะ


“จำได้แล้วหรอ แล้วจำเราได้มั้ยเนี่ย” ผมทำปากขมุบขมิบ สีหน้ามู่ทู่ เอ… ตอนนั้นพวกเอิร์ทดันมาเยอะด้วยสิ ทั้งฝ่ายวาดภาพ ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายจัดทำ ฝ่ายก่อสร้าง มันปนๆ กันก็หลายคนอยู่นะ แถมปนกับเอกผมอีกต่างหาก


“เราไม่ค่อยได้ไปยุ่งฝ่ายฉากด้วยสิ อยู่แต่กับนักแสดง นานๆ ทีจะไปดูฝ่ายฉาก ฝ่ายศิลป์ แต่เอิร์ทต้องอยู่ในกลุ่มนั้นแน่ๆ เรามั่นใจ” ผมหัวเราะน้อยๆ เพราะนึกหน้าเอิร์ทเดี่ยวๆ ไม่ออกจริงๆ ภาพในหัวผมตอนนี้คือกลุ่มเด็กสถาปัตย์ฯ และพวกเพื่อนๆ เอกผมที่อยู่ฝ่ายฉากกำลังนั่งรุมฉาก รุมอุปกรณ์ประกอบฉากกันอยู่


“อยู่ในนั้นแหละ จำไม่ได้ก็ไม่แปลก เห็นเอาแต่ดุนักแสดงกับเอ็กซ์ตร้า (Extra)” เอิร์ทยิ้มแซวๆ ผมยิ้มเขินเล็กน้อย


“พอดีมันเป็นงานที่เราชอบ เราก็เลยทุ่มเทเป็นพิเศษ”


“แล้วทำไมไม่ไปเรียนพวกนิเทศฯ ล่ะ มาเรียนภาษาอังกฤษทำไม”


“เคยเรียนแล้วไม่ชอบอ่ะดิ รู้สึกว่าเบื่อตำรา พื้นฐานต่างๆ มาก ที่เราอยาก คือลงมือทำจริงๆ อ่ะ”


“อ้าว ทุกอย่างมันก็ต้องมีพื้นฐานทั้งนั้นแหละ ไม่มีพื้นฐานแล้วจะเอาที่ไหนไปลงมือทำ” ผมยิ้มนิดๆ พูดคล้ายๆ พ่อผมตอนผมจะซิ่วรอบแรกไม่มีผิด


“ก็รู้นะ แต่พอลองเรียนจริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างที่คิดอ่ะ”


 “แล้วจบไปไม่อยากทำงานด้านเบื้องหลังหรอ” ผมยิ้มด้วยความกระตือรือร้นก่อนจะพยักหน้าเร็วๆ


“อยากสิ ยิ่งพอเราทำละครเวที ยิ่งรู้ตัวเลยนะว่าอยากทำงานเบื้องหลัง” เอิร์ททำหน้างง เบ้ปากด้วยความไม่เข้าใจ


“แล้วจะไปทำได้ไง ก็ในเมื่อเรียนมาคนล่ะสายเลย”


“จริงๆ เราได้เข้าไปทำมาสักพักแล้วล่ะ พอดีเรารู้จักพี่ๆ ในกองถ่ายหนัง เลยขอเขาไปลองทำมา ก็กะว่าจบไปคงไปทำงานที่นั่นแหละ” เอิร์ทพยักหน้าเชื่องช้าด้วยความเข้าใจ


“แปลก… อยากทำงานเบื้องหลัง แต่ไม่ชอบเรียนพื้นฐาน”


“จริงๆ ตอนเข้าไปในกองถ่ายหนัง เราก็ต้องเรียนรู้พื้นฐานนะ แต่เราชอบแบบนั้นมากกว่าไง ชอบเรียนรู้จากของจริง ไม่ใช่ตำรา เราชอบลงมือมากกว่าอ่ะ” ผมบอกยิ้มๆ เอิร์ทหันข้างมาหาผมแล้วมองด้วยสายตามีซัมติง (Something)  พร้อมรอยยิ้มมุมปากอันน่าสงสัย


“แล้วชอบลงมือจริงๆ ทุกเรื่องเลยรึเปล่า” ผมยิ้มหน้าตื่นๆ เหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่เก็ทกับสิ่งที่เขาสื่อออกมา บ๊ะ! นี่อ่อยเหยื่อกันรึเปล่าเนี่ย


“พูดจากรุ้มกริ่มแบบนี้เดี๋ยวเราก็คิดมิดีมิร้ายด้วยหรอก” ผมยิ้มแซวแล้วแกล้งชี้หน้าเขา ก่อนจะทำเสียง แอ้ๆ ล้อเขา จนเอิร์ทยิ้มขำขันออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนจนร่างบังแสงจันทร์มิด ผมเงยหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้ม


“เข้านอนมั้ย เดี๋ยวต้องตื่นเช้าไม่ใช่รึไง” ผมหน้าเหลอหลาพอนึกขึ้นได้ หยิบไอโฟนออกมาดูเวลา ตีสองกว่าแล้ว ชิททท! พรุ่งนี้อีพ่อพระเอกนัดเจ็ดโมงเช้าด้วย ผมลุกขึ้นยืนพรวด


“เออ ก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้เราเช้าจริง” ผมทำหน้าเซ็งเล็กน้อย นอนน้อยจริงจริ้งตั้งแต่มาถึงที่นี่  ถึงจะนอนกลางวันมันก็ไม่เหมือนกับการพักผ่อนตอนกลางคืนหรอก เอิร์ทก้มหน้ามองผมเล็กน้อย แล้วสักพักเขาก็ยกมือซ้ายมาจับที่ต้นคอขวาของผม ไอ้ตรงที่มีรอยยุงกัดแดงๆ แต่ตาวิคเตอร์หาว่าเป็นรอยจูบนั่นแหละ ผมสะดุ้งหนีเล็กน้อย แล้วกระพริบตามองเอิร์ทงงๆ แต่มือเอิร์ทก็ตามมาลูบบริเวณรอยแดงตรงซอกคอผมเบาๆ


“จำไม่ได้จริงหรอแมท” ผมขมวดคิ้วมองหน้าเขา เอิร์ทจ้องตาผมด้วยสายตาจริงจัง ผมก็เลยรีบคิดว่าภาพเอิร์ท ในกลุ่มคนทำฉากนั้นมีอยู่บ้างมั้ย


“เราไม่ได้แอ๊บ หรือว่าแกล้งลืมนะ แต่ตอนนั้นเราทำงาน เวลาทำงานเราจะหมกมุ่นมากอ่ะ จนบางทีลืมสิ่งรอบข้าง นึกไม่ออกจริงเอิร์ท” ผมเงยหน้าสบตากับเขา และพยายามเบี่ยงคอตัวเองออก เพราะมันหวิวเกินไปหน่อย ถึงผมจะชอบผู้ชาย แต่เอิร์ทดูมาดแมนเกินไปที่ผมจะกล้าคิดว่าเขาจะพิศวาสผม แต่ว่า… ลูบคอขนาดนี้ มันก็แอบคิดติ่งๆ เหมือนกันนะ แล้วไม่ทันตั้งตัวเพราะมัวแต่มโนเพ้อพกอยู่ ผมก็โดนเขาดึงเข้าไปใกล้ ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เอิร์ทเอาสองมือโอบร่างผมไว้ ส่วนผมเอาแขนสองแขนงอดันอกแน่นๆ ของเขาไว้ จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจงอกันเขาไว้หรอกนะ แต่มันเป็นจังหวะที่ถูกดึงเข้าไปพอดี มันเลยงอพับไปตามสเต็ป ผมเงยหน้าขึ้นมองเอิร์ทด้วยความงุนงง อีกฝ่ายจ้องตอบกลับมาด้วยสายตากรึ่มๆ


โอ้โห! แมทมันสวยเว้ยยย! วันนี้มีผู้ชายดึงไปแนบอกตั้งสองคน แหม่… เดี๋ยวๆ ใช่เวลาหรอไอ้แมท!


“เอ่อ… เอิร์ทๆ เราว่า ไอ้แบบนี้เอิร์ทน่าจะไปทำกับผู้หญิงนะ มันจะดูวี้ดวิ้วกว่านะ แฮะๆ” ผมแบมือขวาออกแล้วตบอกซ้ายๆ อันนูนแน่นที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกล้ามไว้ เอิร์ทไม่ใช่คนมีกล้ามแขนเป็นลูกๆ ขนาดนั้น แต่แขนก็อวบมีกล้ามแขนแบบคนออกกำลังกาย ซิกซ์แพคไม่มี แต่หน้าท้องแบนราบมีกล้ามท้องแต่ไม่ใช่เป็นลูกๆ แบบพวกซิกส์แพ็ค ไร้ไขมันดันพุงป่อง อกเป็นอก แบ่งส่วนสัดชัดเจน อันนี้จากที่เห็นแว้บๆ เมื่อเช้านั่นแหละ และที่สำคัญไอ้ส่วนนั้นที่ทักทายผมแทนเจ้าตัวก็… อืมมม… 
ผมยิ้มยิงฟันแหะๆ ริมฝีปากอิ่มหนาของเอิร์ทเผยอขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสำรวจใบหน้าผมไปมา ราวกับกำลังจดจำรายละเอียดใบหน้าผม


“แมทนั่นแหละที่ทำให้เราทำแบบนี้ แทนที่จะทำกับผู้หญิง แมทกำลังทำให้เราสับสน อีกรอบ นะ” ผมงงกับว่า อีกรอบ ของเขาจัง แสดงว่าเขาเคยสับสนมาก่อนหน้านี้หรอ สับสนเพราะใคร เพราะผมหรอ? แล้วสับสนด้วยเรื่องอะไร


“อ่า… เรางง คือ แสดงว่าก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ระหว่างเราสองคนงั้นหรอ” ผมถามด้วยความประหลาดใจ เริ่มสนใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งถามเขาไป ผมจะจำไม่ได้ขนาดนั้นเลยรึไงกันว่าผมกับเขาเคยรู้จักกัน หรือเคยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เอิร์ทยิ้มที่มุมปาก สายตาวาววับด้วยความคิดที่ไม่ค่อยดีบางอย่าง


“ลองทวนความทรงจำมั้ย เผื่อจะนึกออก” ผมพยักหน้าเร็วๆ ก็ดีนะ บางทีผมอาจจะนึกอะไรออก แล้วเขาจะทบทวนความจำผมยังไง เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นหรอ? เอิร์ทยิ้มด้วยความพึงพอใจ


“ไหนลองเล่าหน่อยสิว่าระหว่างเราสองนี่มันยังไง ทำไมเราจำอะไรไม่ได้ขนาดนั้น”


“เรื่องมันยาว เดี๋ยวค่อยเล่า ตอนนี้ทวนความจำให้ก่อน” ผมเอียงคอ ขมวดคิ้วมองด้วยความงง แว้บแรกผมคิดเลยว่า เขาต้องจูบแน่ๆ แต่เปล่า เอิร์ทไม่ได้ก้มลงมาจูบปากผมอย่างที่ตัวเองกำลังมโน


เอิร์ทก้มลงมาที่ซอกคอขวาผม แล้วจูบตรงบริเวณที่ผมโดนยุงกัด เกิดความรู้สึกขนลุกซู่ด้วยความเสียวเมื่อริมฝีปากอิ่มหนาของเขาบดลงบนผิวหนัง ผมยืนหน้าเอ๋อให้เอิร์ทซุกไซร้ซอกคอไปเรื่อย ผมยืนงงๆ เกิดความรู้สึกแว้บไปแว้บมาในหัวแปลกๆ ผมไม่ใช่ชายแท้ๆ ที่พอทำแบบนี้จะดัดจริตผลักเขาออก โดนผู้บ่าวจู่โจมแบบนี้ มันทั้งมึน ทั้งตื่นเต้น และแอบเคลิ้มด้วยซ้ำ… ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ตาเริ่มปรือ แต่สักพักผมก็เลื่อนมือขึ้นไปจับไหล่กว้างของเอิร์ทไว้ แล้วออกแรงดันเขาออกช้าๆ เอิร์ทยอมหยุดแต่โดยดี เขายืนตัวตรงแล้วก้มมองผมด้วยสายตามึนเมา ส่วนผมมึนหนัก วันนี้มันวันอะไรทำไมโดนแทะเล็มเยอะจัง แหม… มาอยู่นิวยอร์คละฮ็อตเว้ย อยู่ไทยแม่งดับสนิท!


“จำได้มั่งยัง” เอิร์ทถามเสียงแผ่ว ลมหายใจหนักหน่วง ผมปล่อยมือออกจากไหล่ของเขา แล้วมองเอิร์ทด้วยความคิดพิจารณา เมื่อกี้มันก็เกิดอาการแว้บๆ ไปมาอยู่เหมือนกันนะ แต่ภาพไม่ชัดเลย ไม่ใช่ว่าเบลอนะ แต่มันแว้บๆ วับๆ


“จำไม่ได้จริงๆ มันวูบไปวูบมา แต่เรา…” ผมเม้มปากไว้ ไม่แน่ใจว่าพูดดีมั้ย ว่าผมคุ้นกับความรู้สึกสัมผัสของเอิร์ทอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนเอิร์ทจะรู้รึเปล่าไม่แน่ใจ เพราะเขาอมยิ้มน้อยๆ


“ลองซุกเราบ้างมั้ย” ผมตาโต เลิกคิ้วขึ้นมองอีกฝ่ายที่ยิ้มชอบใจ ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เอิร์ทก็ดึงผมเข้าไปกอด จนคางผมเกยอยู่ที่ไหล่ซ้ายเขา


“ไม่ลองไซร้ดูล่ะ” เขากระซิบที่ข้างหู ผมตะลึงเล็กน้อยที่เขาออกปากชวนขนาดนี้ ผมยืนนิ่งอยู่สักพัก ฟังเสียงเรือส่งสินค้าส่งเสียงหึ่งๆ อยู่ที่ริมแม่น้ำ แล้วก็เพราะอารมณ์พาไป หรือบรรยากาศเป็นใจ หรือใจผมยากทำก็ไม่รู้ ผมซุกจมูกลงไปที่ซอกคอของเอิร์ท แต่ไม่ได้ทำแบบสยิวกิ้วแบบที่เอิร์ททำเมื่อกี้หรอกนะ ผมแค่ลองซุกๆ ดมกลิ่นเขาดูเฉยๆ อ่ะ กลิ่นตัวเขาหอมด้วยกลิ่นครีมอาบน้ำของผู้ชาย ไม่เหมือนวิคเตอร์ที่จะมีกลิ่นหอมๆ ของตัวเองเขาเอง เป็นกลิ่นแบบเนื้อหนังของผู้ชายน่ะ


ผมสูดกลิ่นหอมๆ ที่ซอกคอเอิร์ทเบาๆ แล้วก็ต้องหลับตาเมื่อภาพคนสองคนแว้บไปแว้บมาอยู่ในหัวผม เหมือนผมเห็นภาพใครอีกคนพุ่งเข้ากอดอีกคน แล้วภาพก็ตัดไป และก่อนที่ผมจะรู้เรื่องอะไร ทุกอย่างก็เบลอๆ ลายๆ เหมือนทีวีสัญญาณหาย สมองค่อยๆ ปิดการรับรู้ รู้อย่างเดียวว่าผมไม่ควรหลับตาเลย เพราะพอหลับแล้ว มันก็ยาว…








ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้อง Moves like Jagger ของพี่อดัมที่ดังลั่นห้อง ผมตาปรือๆ งัวเงียๆ แล้วหยิบไอโฟนขึ้นมาดูหน้าจอก็เห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือ VICTOR
จากที่งัวเงียๆ พอเห็นชื่อเขาเท่านั้นแหละ ผมก็ตื่นเต็มตา สีหน้าลนลาน เด้งตัวออกจากเตียงกะทันหัน จนกลิ้งตกเตียงดังขลุกขลัก โอ๊ยยย! หัวโขกกับตู้เสื้อผ้า แต่ช่างมันก่อน หัวโขกกับตู้ไม่เท่าไหร่ แต่จะโดนเขกหัวเนี่ยไม่ดีแน่


“Hello!!” ผมกรอกเสียงลงไปด้วยความลนลาน แล้วแทบจะทันทีที่เสียงห้าวๆ ห้วนๆ ก็ดังตอกกลับมา


[Where the fuck are you now?! Where is my breakfast?! Where is my coffee?! Where is my newspaper?!  Where-are-you-shorty-alien?! (นายมุดหัวอยู่ที่ไหน?! ไหนอาหารเช้าของฉัน?! ไหนกาแฟฉัน?! แล้วไหนหนังสือพิมพ์?! นาย-อยู่-ที่-ไหน-ไอ้-เอเลี่ยน-ตัวเตี้ย?!)] ผมทำหน้าเหมือนกลืนยามขมลงไปในคอ พ่อหล่อดั้งโด่งโพล่งเสียงออกมาจากโทรศัพท์แทบไม่หายใจ นี่แอบหายใจทางรูทวารรึเปล่า


“I’m coming! (ผมกำลังไป!)” แน่นอนว่าผมโกหก ไปไหนล่ะ นั่งเจ็บหัวอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าเนี่ย


[And come faster than you do, now! (มาให้เร็วกว่านี้!)]” แล้วเขาก็วางสายไป ผมไม่รอเรียกสติตัวเองอะไรทั้งนั้น แต่รีบเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อเชิ้ตขาวได้ ผมก็โยนไปที่เตียงทันที กางเกงก็ใส่ตัวเดิมเนี่ยแหละ ผมรีบถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ออก คงไม่ต้องบอกนะว่าชุดเดิม เมื่อคืนหลับคาไหล่เอิร์ทไปเต็มๆ กลับมาที่ห้องได้โดยไม่เดินตกบันไดก็บุญแล้ว


ผมรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ นี่มันไม่ต่างอะไรกับเมื่อวานเลยจริงๆ วันนี้กะว่าจะอาบน้ำสบายๆ ซะหน่อย ดันลืมตั้งปลุกเอาไว้ ทำไมอีตาวิคเตอร์ถึงเป็นคนตื่นเช้าจัง เมื่อคืนนอนก่อนผมออกจากบ้านเขาแค่แปบเดียวเอง ผมส่ายหัวแล้วรีบล้างแชมพูออกจากผมลวกๆ รีบถูหน้า ถูตัว ปิดท้ายด้วยการกลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก แปรงฟันไม่ทันละ บ้วนปากเฉยๆ ก็แล้วกัน ผมจัดการตัวเองเสร็จก็ใส่ผ้าคลุมอาบน้ำแล้วรีบวิ่งกลับไปที่ห้อง จัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว ผมหยิบกระเป๋าเป้ได้ก็สะพายออกจากห้องไปทันที แล้วรีบเดินลงบันไดไปข้างล่าง ผมออกมานอกบ้านเจอเอิร์ทกำลังใส่รองเท้าอยู่ เขาใส่ชุดยูนิฟอร์มของที่ทำงาน เป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียวสีเดียวกับเทพีเสรีภาพและกางเกงสแลคสีดำ มีป้ายชื่อติดที่หน้าอกขวา ผมชะงักเล็กน้อยตอนเอิร์ทหันมามองหน้าด้วยสีหน้าอมยิ้มเล็กๆ หน้าผมร้อนผ่าวก่อนจะก้มหน้าหยิบรองเท้าแล้วจับยัดใส่เท้าทีล่ะข้าง ผมใส่เสร็จก็รีบเดินลงบันไดจะออกจากบ้าน แต่เอิร์ทคว้าไหล่ผมเอาไว้ให้หันไปเจอหน้ากัน ผมก้มหน้าไว้ไม่กล้าเงยหน้า


“เจ้านายเร่งแล้วหรอ” ผมพยักหน้าเร็วๆ ทั้งที่ก้มหน้าเอาไว้ ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ เลยเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อคมแบบคนไทย ก่อนจะคุมสติตัวเองให้ปกติ


“เมื่อคืนขอบใจมากนะที่เดิน เอ่อ… จูงมือไปส่งที่ห้อง” ผมอมลมไว้ในแก้มเล็กน้อย แล้วกระพริบตามองเขา เอิร์ทยิ้มน้อยๆ แล้วผงกหัวขึ้นเหมือนบอกว่าไม่เป็นไร


“รีบไปเถอะ เดี๋ยวเจ้านายจะด่าเอา” ผมนึกขึ้นได้ก็แอบสะดุ้งเบาๆ


“งั้นไปก่อนนะ…” ผมกำลังจะหมุนตัวเดินไป แต่ก็ชะงักหันกลับมาหาเขาอีกรอบ “…เรื่องเมื่อคืน เราก็ยังนึกอะไรไม่ออกอยู่ดี ถ้ามีเวลาก็เล่าให้เราฟังละกันนะ” เอิร์ทกระตุกยิ้มนิดหนึ่งแล้วพยักหน้าเบาๆ ผมยิ้มตอบกลับไปก่อนจะหมุนตัวเดินไปทันที







ตายๆ ตอนนี้แปดโมงสิบนาทีแล้ว เลยเวลานัดมาหนึ่งชั่วโมงกว่า ผมกำลังวิ่งเหยาะๆ ออกจากร้านสตาร์บัค หลังจากได้อาหารเช้าเป็นข้าวผัดกับไก่อบ น้ำแร่อย่างดี หนังสือพิมพ์รอบเช้าวันใหม่และกาแฟหนึ่งถ้วย ผมก็รีบมุ่งตรงสู่บ้านวิคเตอร์ทันที โทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้นับตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งเป็นต้นมา แต่รอบนี้ผมไม่รับ เพราะรู้ดีว่าใครโทรมาและผ่านบ้านอีกสามหลังผมก็จะถึงบ้านเขาแล้ว


พอเท้าก้าวถึงตีนบันไดหน้าบ้านที่ตอนนี้ดอกกุหลาบเริ่มโน้มลงมาทั้งสองฝั่ง ผมก็ก้าวขึ้นไปแล้วหยิบกุญแจออกมาไข เดินตรงไปที่ครัวอย่างเร็ว ก่อนจะจัดการเอาอาหารใส่จาน และเทน้ำแร่ใส่แก้ว วางทุกอย่างในถาดก่อนจะยกขึ้นไปให้คุณชายหน้าบูดที่ตอนนี้ผมเดาออกเลยว่าคงหน้าตาถมึงทึง ขึงขังเป็นสังคัง เอ่อ ไม่ใช่


ผมเคาะประตูห้องนอนเขาสามครั้ง ก่อนจะมีเสียงห้าวโหดของเขาตะโกนกลับมาว่าให้เข้าไปข้างใน ผมแอบเบะปากคนเดียวก่อนจะเปิดประตูเข้าไป วิคเตอร์นั่งอยู่ที่โซฟาสีแดงตัวยาวตรงปลายเตียง ในชุดกางเกงสีดำเนื้อนุ่ม และเสื้อฮู๊ทสีเทา มีผ้าสีขาวคล้องคออยู่ ท่าทางจะเพิ่งออกกำลังกายมาสินะเขายกผ้าขึ้นมาซับหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อด้วยท่าทีและสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เหมือนเด็กวัยรุ่นเอาแต่ใจที่โดนขัดใจอะไรสักอย่าง ผมไม่กล้ามองหน้าเขา รีบยกถาดอาหารไปวางไว้ที่โต๊ะกลมใกล้ริมหน้าต่างตัวเดิม ก่อนจะหมุนตัวเตรียมตัวออกจากห้องเขาไป แต่แน่ล่ะ ผมมาสายแถมหลายนาทีมากด้วย ไม่โดนด่าก็โคตรแปลก


“นายควรรู้ตัวนะว่ามีหน้าที่ทำอะไร ฉันนัดเวลาไหน ก็ควรมาให้ตรงตามนั้นด้วย” โอเค รอบนี้ผมผิด ผมจะไม่เถียงอะไรเขาทั้งนั้นแหละ  อีกอย่างยิ่งเถียง ยิ่งมีปากมีเสียงกันไม่รู้จักจบจักสิ้น


“ขอโทษครับ ผมไม่มีข้อแก้ตัว นอกจากลืมตั้งนาฬิกาปลุก เลยตื่นสาย” ผมคอหดแล้วช้อนสายตามองเขา กระพริบตาด้วยความหวาดหวั่นใจ เขาลุกขึ้นยืนสีหน้าเคร่งขรึม


“Don’t do that face! (อย่ามาทำหน้าแบบนั้น!)” เขาบอกเหมือนคนเหลืออดเหลือทน  ผมกระพริบตาแล้วมองซ้ายมองขวาเหมือนหาตัวช่วย เจ้าฟอกซ์ไปไหนเนี่ย ทำไมไม่มาอยู่ดูนายมันอาละวาดด้วยกันล่ะ


“Hey! (นี่!)” ผมหยุดวอกแวกแล้วยืนตัวตรง หน้านิ่งมองหน้าอีกฝ่ายที่ทำตาดุใส่ โอ๊ยยย! หมามันยังไม่ดุเท่านี้เลย ไม่รู้จะฟาดงวงฟาดงาทำไม แกเป็นช้างเหรอ


“ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ ผมผิดไปแล้ว อย่าโกรธก่อนกินอาหารสิ เดี๋ยวไม่อร่อยนะ” ผมยิ้มแห้งๆ  อีกฝ่ายเชิดคางขึ้นเล็กน้อยแล้วหลุบตาต่ำมองผมจนผมทั้งอึดอัดและกลัว ให้ตายเหอะพ่อ! ไม่ชอบบรรยากาศอย่างนี้เลยนะ ผมเลยรีบมองไปที่หน้าต่างบานยาวอีกบานในห้องนอนที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของผม


“เดี๋ยวผมเปิดรับลมตอนเช้าๆ ให้คุณดีกว่า เนอะ จะได้อารมณ์ดี ไม่ไปมีพิษภัยกับใคร” ผมพูดแล้วเดินละล่องไปที่หน้าต่าง จับผ้าม่านขาวอันบางเบาแล้วเลื่อนเปิดออก แสงแดดสาดส่องเข้ามาตอนที่ผ้าม่านถูกเลื่อนไปติดของทั้งสองฝั่ง


“หลอกด่าฉันหรอ” เขาถามหน้าตาย ผมหันไปมองเขาสีหน้าตื่นๆ ก่อนจะส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก


“เปล่านะ! ใครจะกล้าด่าคุณล่ะ ทาสไม่กล้ากับนายหรอกครับ” ผมยิ้มหวานตาใสให้เขาที่หรี่ตามองกลับมาด้วยความเคลือบแคลง ผมรู้ว่าเขารู้ว่าผมหลอกด่า ผมแอบยิ้มคนเดียวตอนที่ก้มดึงสลักหน้าต่างด้านล่างออก ผมเงยหน้าขึ้นมองด้านบนและพยายามเขย่งดึงสลักอีกสองอันลงมา ฮือ… ผมคงเตี้ยไปสินะ ผมทำหน้ายู่ใส่หน้าต่างไม้สีขาวสลับกับมีกระจกเป็นช่องข้าวหลามตัด แล้วเอามือตีมันเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเก้าอี้ที่เป็นวิคเตอร์ใช้กินข้าว ผมหันไปมองหน้าเขาที่มองกลับมาด้วยใบหน้าที่เหมือนเขาเพิ่งยิ้มไป แต่รอยยิ้มเหมือนละลายหายไปแล้วเหลือแต่หน้าขรึมตามเดิม


“May I? (ผมขอยืมได้มั้ย)” ผมถามแล้วชี้ไปที่เก้าอี้ไม้สีน้ำตาลแก่ เขาไม่ตอบแต่กลับเดินตรงมาที่ผมแทน ผมเลยเขยิบทางให้เขาเพื่อให้เขาได้เปิดหน้าต่างด้วยตัวเอง เขาแค่ยื่นมือขึ้นไปนิดเดียวก็ดึงสลักทั้งสองออกมาได้แล้ว พอเขาดึงเสร็จก็ดันหน้าต่างทั้งสองข้างเปิดออก ลมจากด้านนอกพัดลิวเข้ามาทำให้ผ้าม่านขาวสะอาดตาพลิ้วไหวโต้กับลม วิคเตอร์หันมามองผมด้วยสายตาเอื่อยเฉื่อย


“เตี้ยแล้วยังใฝ่สูงอีกนะ” เขาบอกหน้ามึน เสียงกวนโทสะ ผมเผลอตัวถลึงตามองเขาด้วยความหมั่นไส้ อีกฝ่ายยกมือขึ้นมาขู่ว่าจะดีดหูทันที ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองอย่างว่องไว ก่อนจะเขยิบถอยห่างออกจากเขาหนึ่งก้าว วิคเตอร์ลดมือลงแล้วมองผมด้วยรอยยิ้มเยาะๆ


“ไปเตรียมน้ำให้ฉันอาบ” ผมลดมือลง ก่อนจะยกมือขึ้นเบรกเขาทันที


“คุณจะมามัวนั่งแช่น้ำไม่ได้ คุณมีนัดกองถ่ายตอนเก้าโมงครึ่ง แล้วตอนนี้เราก็เสียเวลาไปมากแล้ว”


“แล้วนั่นมันความผิดฉันรึไง” เขาถามเสียงสะบัด


“ผมมาสาย ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องไปทำงานช้า กองถ่ายเขามีเวลาในการทำงาน ผมว่าตอนนี้ที่คุณควรทำ คือรีบกินอาหารให้เสร็จ แล้วไปอาบน้ำแต่งตัว ผมจะเตรียมชุดไว้ให้ วันนี้คุณมีแต่คิวถ่ายซีรีส์ทั้งวัน คงไม่ต้องใส่ชุดยุ่งยากมาก เพราะยังไงก็ต้องไปเปลี่ยนชุดอยู่ดี…” วิคเตอร์อ้าปากจะพูด แต่ผมเบิกตากว้างมองเขา แล้วชี้ให้เขาหยุดพูด แต่นั่นล่ะคนอย่างเขา ผมสั่งไม่ได้หรอก


“นายอย่า…”


“ผมว่าตอนนี้คุณควรรีบกินอาหาร ดื่มกาแฟ ดื่มน้ำแร่ มากกว่าที่จะมาเถียงผมนะ เพราะมันยิ่งทำให้คุณเสียเวลา แล้วถ้าเกิดไปสาย เดี๋ยวคุณก็จะไปทะเลาะกับโปรดิวเซอร์กองอีก ใช่ ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยลงลอยกับเขา และคนที่บอกผมเรื่องนี้ก็คือคุณเอมิลี่” ถึงจะสั่งเขาไม่ได้ แต่ผมปากไวกว่าเขา ฉะนั้นการไม่เปิดโอกาสให้เขาพูด นั่นคือวิธีที่จะทำให้เขาเงียบ วิคเตอร์ขบกรามแน่น สีหน้าเหมือนอยากจะระเบิด แต่ผมไม่สนใจ แล้วผายมือเชื้อเชิญให้เขามานั่งทานอาหาร


“คุณเรย์มอนด์ ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบผม แต่คุณจะยิ่งไม่ชอบผมแน่ ถ้าคุณไม่กินข้าวสักที” ผมถลึงตามองเขาแล้วทำหน้าดุ เอาเสะ! แกหน้าดุได้ ฉันก็ดุได้แม้ฉันต้องพยายามเก๊กเพราะความกลัวแกที่แอบอยู่ในใจก็ตาม! วิคเตอร์ขมวดคิ้ว สายตาดูสับสนปนงงกับท่าทีของผม


“นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นผู้ชาย ฉันคิดว่านายมีประจำเดือนนะ” ผมยักไหล่สบายๆ แล้วยิ้มตาแป๋ว จนอีกฝ่ายทำท่าฟึดฟัดๆ แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้แต่โดยดี


“เยี่ยมครับ งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ คุณมีเวลาอาบน้ำและแต่งตัวรวมกันไม่เกินยี่สิบนาที อย่าเถียงผมเลยนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาจะสั่ง หรือบังคับคุณ แต่เพราะผมอยากให้คุณไปกองถ่ายให้ทันเวลาเท่านั้นเอง ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลยนะ ผมทำเพื่อคุณนะเนี่ย!” สิ่งที่เขากำลังจะโพล่งออกมา ถูกกลืนหายไป วิคเตอร์หยิบช้อนส้อมขึ้นมาแล้วเริ่มตักข้าว ผมยิ้มด้วยความโล่งใจที่เขาไม่ออกฤทธิ์อะไร


“Good boy. (เด็กดี)” ผมเอ่ยเสียงแผ่ว เขาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาแปลกๆ ผมยิ้มเก้อๆ ก่อนจะพยักหน้างงๆ ให้เขาทานอาหารต่อ แล้วก็หมุนตัวเดินไปที่ห้องแต่งตัวของเขา



[มีต่อด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries.Part: You and I||::Chapter4::17.06.58::PG.1หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-06-2015 17:34:54

วันนี้เขามีถ่ายซีรีส์ตั้งแต่เช้ายันดึกในย่านควีนส์ (Queens)  ต้องขับรถไปอีกฝั่งที่ไปไกลจากนี่มาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปโผล่ที่โน่นเอง ผมยังไม่รู้จักสถานที่หรอก ไว้ถามเขาก็แล้วกัน แต่ถ้าไม่ยอมบอกคงต้องพึ่งคุณเอมิลี่ ผมรับรู้ว่าวิคเตอร์ไม่ค่อยลงลอยกับโปรดิวเซอร์กองถ่ายซีรีส์เรื่องนี้เท่าไหร่ เนื่องด้วยเป็นเพราะที่วิคเตอร์มักไปสาย แล้วไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีเท่าใดนักกับคนในกอง แต่อีกฝ่ายทำอะไรมากไม่ได้เพราะผู้กำกับชอบวิคเตอร์ แล้วตัวโปรดิวเซอร์ดันพลาดเลือกเขามาแล้ว จะเปลี่ยนตัวตอนนี้ก็คิดว่าแฟนๆ คงเกิดความไม่พอใจอย่างมาก เลยต้องทนทำงานร่วมกันไปจนกว่าจะจบซีซั่นทั้งหมด
พอผมเลือกชุดให้เขาเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว ก็เลยได้ยินเขาคุยโทรศัพท์เสียงดัง และเห็นสีหน้าอันไม่สบอารมณ์อย่างแรงของเขาตอนคุย


“ผมไม่เอา!...ไม่ต้องส่งใครมาทั้งนั้นแหละ…เป็นห่วงหรือส่งมาสอดแนม!...ไม่ต้องมาห่วงผม ผมดูแลตัวเองได้ คุณไม่ใช่แม่ผมซักหน่อย…อย่าพูดเรื่องนั้นอีกนะ ผมเบื่อคุณพล่ามเรื่องนี้ละ…ไม่งั้นผมจะบอกพ่อว่าคุณยังไม่เลิกวุ่นวายกับผม!... อย่าโง่ไปหน่อยเลย ไม่ใช่! มันจบแล้ว!…เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว อย่าให้ผมหมดความอดทนนะ!” เขากดวางสายอย่างแรง


ผมสะดุ้งกับอารมณ์กราดเกรี้ยวของเขา วิคเตอร์สีหน้าเกร็งเครียด แล้วขว้างโทรศัพท์ลงพื้น อะ…ไอบ้า ไอโฟนหกมันยิ่งมีข่าวว่างอง่ายอยู่นะ ผมเอื้อมไปหยิบมือถือของเขาขึ้นมา เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปนอกระเบียงเล็กๆ ที่หน้าต่างบานยาวสีขาวที่เพิ่งถูกเปิดออก ผมไม่รู้ว่าเขาเพิ่งคุยกับใคร แต่ท่าทางคนทางโน้นคงจะจุดอารมณ์ของเขาได้ดีทีเดียว และตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง ควรปล่อยเขาไว้แบบนี้ ใช่มั้ย แน่ล่ะสิ มีสิทธิอะไรเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขาล่ะ เดี๋ยวก็ได้โดนตอกหน้าแหกกลับมาหรอก
ผมกดที่หน้าจอโทรศัพท์ของวิคเตอร์ ตอนนี้แปดโมงสี่สิบห้าแล้ว ผมกลัวเขาจะไปทำงานสายและรู้สึกเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการเกร็งเครียดขนาดหนัก เลยอยากจะออกปากบอกเขาเรื่องไปทำงานและถามว่าเขาโอเคมั้ย แต่ความกล้าในใจมันก็หดตัวหนีตั้งแต่เห็นเขากระฟัดกระเฟียดเมื่อกี้นี้แล้ว ผมหันไปมองอาหารในจาน ข้าวลดไปนิดเดียวเท่านั้นเอง ผมเลื่อนสายตาไปมองแผ่นหลังของเขาที่อยู่ตรงระเบียง แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปตรงหน้าต่าง ยืนเงอะๆ งะๆ ทำตัวไม่ถูก


“Mr.Raymond—are you okay? (คุณเรย์มอนด์ คุณโอเคมั้ยครับ)” เขายังคงยืนหันหลังไม่หันหน้ามามอง


“Leave me alone. (ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน)” เขาไม่ได้ตวาดหรือตะคอกอะไรกลับมา แต่บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เป็นน้ำเสียงบอกปัดธรรมดาๆ


“Well, I know this is not my business—but I hope you will be okay. I don’t know what is it about—but I care about you. (ก็... ผมรู้นะว่ามันไม่ใช่กงการอะไรของผม แต่ผมก็หวังว่าคุณจะโอเค ผมไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร แต่ผมเป็นห่วงคุณนะครับ)” เขายืนนิ่งสักพัก ก่อนจะหันกลับมามองผมที่มองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง ผมยิ้มแห้งๆ รู้ดีว่าตัวเองกำลังแส่ไม่เข้าเรื่อง


“Why do you care about me? (นายห่วงฉันทำไม)” เขาถามเรียบๆ ท่าทีนิ่งสงบ ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงปกติ


“Even you always scowl at me—or always snap me, but I like you in that way than you are now. You look freaking tense and serious. You look uncomfortable—and I feel the same way you are. I just—just want you to feel relax, and then—you will go to take a shower, get dresses, and we will go to work. (ถึงคุณจะชอบทำหนาบึ้งใส่ผม หรือชอบเสียงดังใส่ แต่ผมก็ชอบคุณแบบนั้นมากกว่าตอนนี้ คุณดูโคตรเกร็งและโคตรเครียด คุณดูอึดอัดนะ แล้วผมก็รู้สึกอึดอัดไปกับคุณด้วย ผมก็แค่… แค่อยากให้คุณผ่อนคลาย แล้วหลังจากนั้น คุณจะได้ไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วเราจะได้ไปทำงานกัน)” ผมยิ้มนิดๆ หวังว่าตัวเองจะไม่ทำอะไรมากมายเกินไป หรือดูเกินหน้าเกินตา วิคเตอร์ยังคงมองผมด้วยสายตาเฉยเมย และใบหน้าเรียบนิ่ง


“So—you afraid I will be late? (นายกลัวฉันสายงั้นสิ)” ผมพยักหน้าเร็วๆ


“I don’t want you to get any trouble. (ผมไม่อยากให้คุณมีปัญหาอะไรนี่ครับ)” ผมบอกหน้าซื่อๆ จ้องมองเขาด้วยสายตาไร้สิ่งใดแอบแฝง วิคเตอร์เดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งสงบ ผมหลีกทางให้ เขาหยุดยืนตรงหน้าผม แล้วก้มลงมองด้วยสายตาเหมือนกำลังประเมิน


“Don’t be afraid, because you are my trouble maker. (ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะนายคือตัวสร้างปัญหาให้ฉันอยู่แล้ว)” ผมยิ้มเพลียๆ ให้เขา วิคเตอร์เดินไปทางห้องน้ำ พลางถอดเสื้อออกแล้วโยนมาใส่หัวผมราวกับจับวางเอาไว้ ผมสูดกลิ่นเหงื่อที่ติดอยู่บนเสื้อเขาเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะรีบดึงเสื้ออกจากหัวด้วยสีหน้ามุ่ยๆ ผมเอาเสื้อวางไว้บนโซฟาปลายเตียง แล้วหันไปจัดการกับอาหารที่เขาทานทิ้งไว้ ผมยกถาดขึ้นและกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่สายตาไปสะดุดกับรูปผู้หญิงสองคนที่อยู่คนล่ะกรอบ ตั้งอยู่บนตู้ทรงสูงข้างเตียงฝั่งซ้ายมือเวลานอน ผมหันไปมองที่ประตูห้องน้ำ ได้ยินเสียงน้ำไหลก็วางใจ แล้วเดินเข้าไปดูรูปใกล้ๆ
ตอนแรกผมคิดว่าคงจะเป็นรูปแฟนเขารึเปล่า แต่ไม่ใช่ รูปแรกเป็นผู้หญิงผมยาวดกดำ หน้าตาสะสวย ผิวขาวแต่ไม่ได้ขาวโอโม่ ดวงตาสีน้ำตาลยิ้มเป็นประกายฉายชัดออกมาจากรูป รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์มาก ยิ้มแล้วดึงดูดใจจริงๆ ส่วนอีกรูปเป็นผู้หญิงที่มีอายุมากแล้ว ดูได้จากผมหยิกสีขาวโพลน แต่รอยยิ้มของเธอก็ดูใจดีมีเมตตา ผมขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย คนนี้น่าจะเป็นย่าหรือยายของเขาล่ะมั้ง ส่วนอีกคนน่าจะเป็นแม่เขานะ ดวงตาคล้ายๆ กันเลย ผมลองมองไปรอบๆ ก็เห็นรูปอีกใบที่อยู่บนตู้สีขาวสี่เหลี่ยมทรงกว้างยาวแต่สูงที่อยู่ติดผนังห้องนอน บนนั้นมีกรอบรูปวางอยู่สองสามรูป และมีของเอกลักษณ์แต่ล่ะประเทศวางประดับอยู่ มีทั้งหอไอเฟล (Eiffel tower) ที่ปารีส หอเอนปิซ่า (Pisa tower) ที่อิตาลี บิ๊กเบน (Big ben) ที่ลอนดอน โอเปร่าเฮ้าส์ (Opera house) ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ตึกเอ็มไพร์สเตท (Empire State) ของนิวยอร์ค อ๊ะ! มีวัดอรุณของไทยด้วย แล้วก็มีของประดับน่ารักๆ อย่างม้าหมุนขนาดเล็ก  ชิงช้าสวรรค์ขนาดกลาง มีปราสาทซินเดอเรลล่า (Cinderella castle) ที่ดิสนีย์เวิร์ด (Disney world) ด้วย แล้วก็มีถ้วยรางวัลคริสตัลที่เป็นรูปมือชูสองนิ้ว ฐานเป็นสีดำ  ผมเดินเข้าไปหนึ่งก้าวแล้วแหงนหน้ามอง ที่ฐานเขียนเป็นตัวอักษรสีทองไล่บรรทัดลงไปสี่แถว


‘For my big boy’

‘I will always be with you, remember what I said. Someday…’

‘With love’

30 January 20xx



ผมเอียงคอมองถ้วยรางวัลนั้นด้วยความสนใจ อืม… สวยดีนะ เก๋ดี คงเป็นของขวัญวันเกิดเขาแน่ๆ ว่าแต่ใครให้ล่ะ สำหรับพ่อหนุ่มของฉัน ฉันจะอยู่กับเธอเสมอ จำที่ฉันบอกไว้ว่าสักวันหนึ่ง… คงเป็นโค้ดลับของคนให้กับวิคเตอร์ล่ะมั้ง ผมละสายตาขึ้นไปมองกรอบรูปขนาดยาวเป็นแนวนอนที่ใส่กรอบทองอย่างสวยงาม ติดอยู่บนผนังเหนือตู้ที่วางถ้วยรางวัลคริสตัลกับพวกของประดับทั้งหลาย เป็นภาพวาดสีน้ำ ที่วาดรูปทุ่งหญ้ากว้างสีเขียว ทะเลสาบสีฟ้า ภูเขาสีเขียว มีพระอาทิตย์ขึ้น สาดแสงสีส้มทองผ่องอำไพอย่างสวยงาม เป็นรูปภาพธรรมดาๆ แต่ว่าดูแล้วสบายตามาก


เอ้อ ว่าจะมาดูรูป มัวแต่ดูอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ผมเลยรีบหันกลับไปดูรูปที่เป็นเป้าหมายในตอนแรก เป็นรูปวิคเตอร์ตอนวัยรุ่นกับผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักมาก ผิวขาวแต่ก็แอบเห็นกระหน่อยๆ บนแขน เธอกำลังขี่หลังวิคเตอร์อยู่ ทั้งสองคนฉีกยิ้มกว้าง ไม่อยากจะบอกว่ารอยยิ้มแบบในรูปนี้หาได้ยากมากจากตัวจริง ทั้งๆ ที่เวลาเขายิ้มโคตรจะน่ารัก แถมยังมีเสน่ห์ดึงดูดมากกกก! ไม่ยากจะเติมก็ไก่หลายๆ ตัวหรอกนะ แต่หน้าเฉยๆ คือหล่อ แต่พอยิ้มแล้วน่ารักอ่ะ ในรูปเขายังไม่มีหนวด หน้าเขาเลยเผยความใสในตอนวัยรุ่นให้ได้เห็น แต่ผมชอบเขาตอนนี้มากกว่าแฮะ ดูเป็นหนุ่มวัยรุ่นตอนปลายที่มีเสน่ห์ แถมยังเท่กว่าตอนวัยรุ่นอีกต่างหาก


“ทำอะไรน่ะ” เสียงทุ้มห้าวๆ ดังขึ้น ผมหันไปมองทั้งที่ยังยิ้มค้างอยู่ วิคเตอร์ที่อยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวเกาะเกี่ยวเอวต่ำจนน่าใจหาย กำลังมองผมด้วยสายตาระแวง ผมบุ้ยปากไปในรูปที่เขาถ่ายคู่กับผู้หญิงคนนั้น ท่าจะเป็นแฟนเก่าเขาแน่ๆ


“คุณยิ้มแบบนี้น่ารักดีออก แถมยังเพิ่มความหล่อให้คุณด้วย ทำไมไม่ยิ้มแบบในรูปนี้เยอะๆ มั่ง” เขาเอาผ้าขนหนูผืนเล็กคล้องคลอ แล้วเสยผมเปียกของเขาขึ้นจนทรงผมเขากลายเป็นเวทลุคส์หรือหวีเปียก เออ หมอนี่นี่ทำอะไรก็หล่อไปหมดเนอะ หนังหน้าดีก็งี้ ผมทรงไหนก็เข้ากับหน้าหล่อเป็นสันเข้มๆ นั่นหมด เขากำลังจ้องมองผมด้วยสายตาเหมือนจะบอกว่า แกมายุ่งอะไรกับฉัน


“ฉันจะยิ้ม แบบนั้น ให้กับคนที่ฉันอยากยิ้มเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องกังวลว่าฉันจะยิ้มแบบนั้นให้นายหรอกนะ” ผมเบะปากน้อยๆ แล้วกลอกตา เออ! ฉันก็ไม่ได้หวังให้แกมายิ้มให้ฉันหรอก แค่บอกไว้ว่ายิ้มแบบนี้มันดูดีกว่า หน้าบึ้งๆ เว้ย!


“ผมก็แค่แนะนำครับ ไม่อยากยิ้ม ก็ไม่ต้องยิ้ม เชิญทำหน้าเหมือนกินขี้ต่อไปเถอะ” แล้วผมก็เร่งฝีเท้าเร็วจี๋ไปที่ประตู ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรผม แล้วผมก็ต้องก้มหลบหมอนข้างที่เขาขว้างมาหมายให้โดนหัวผม ผมอ้าปากค้างแล้วหันไปมองเขาด้วยความตะลึง วิคเตอร์ทำหน้าเข่นเขี้ยวมาให้ แล้วชี้หน้าผม


“Be careful. The alien! (ระวังตัวไว้เหอะ ไอ้เอเลี่ยน!)” ผมถลึงตาใส่เขาทีนึง แล้วรีบเดินหนีไปทันที โถ่เอ๊ย! ฉันก็ระวังตลอดอยู่แล้วแหละอยู่กับแกน่ะ ไอ้พระเอก!


เฮอะ! อยู่บ้านผมแทบไม่ต้องทำอะไร แต่มานี่ผมได้ทำอะไรหลายอย่างมาก กลับเมืองไทยไปแม่กับพ่อคงดีใจ ที่ลูกชายใจแอบสาวได้ทำตัวมีประโยชน์บ้าง นอกจากนั่งเล่นเน็ตไปวันๆ แล้วรอกินข้าว การเป็นเบ๊ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากจะเป็น!





Day 4 (วันที่สี่ของเบ๊)


ผมกำลังวิ่งผ่านหน้าโรงแรมเซ้นท์รีจิส ในสภาพเหงื่อแตกทั้งๆ ที่อากาศนั้นเย็น และดอกไม้ก็บานเบ่ง แต่หน้าผมไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับช่วง Spring ของนิวยอร์คเลยจริงๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนที่ผมกำลังเลี้ยวตรงหัวมุมของตึกโรงแรม


๛Take me by the tongue, and I’ll know you…


“Where are you?! (อยู่ไหน?!)”  เสียงห้วน และสีหน้าคงมึนตึงตามเคยดังออกมาจากโทรศัพท์ ผมหยุดวิ่งแล้วยืนหอบๆ อยู่ตรง Coffee shop ร้านสีส้มสดใส ที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่หน้าร้าน


“I’m almost there! (ผมใกล้ถึงแล้ว!)”


“Hurry up! (เร็วๆ)” แล้วเขาก็ตัดสายไปทั้งที่ผมกำลังจะอ้าปากพูดต่อ ผมแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์ แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ ก่อนจะกระชับเซิร์ฟบอร์ดและถุงตาข่ายลูกบาสที่บรรจุเป็นสิบลูก แถมถุงใส่ไม้กอล์ฟให้อีกอันเบ้อเริ่ม! โอ๊ยยย! พ่อนักกีฬา! ผมออกวิ่งอีกครั้งในสภาพแบกของหนักๆ และใหญ่ๆ เกินตัวผม เดี๋ยวเอาของไปเก็บไว้บ้านเขาเสร็จ ก็ต้องถ่อไปหาที่กองถ่ายเพื่อรับเขากลับอีก ทั้งที่หมอนั่นเอารถไปเองแท้ๆ แต่เขาก็ยืนยันว่าผมต้องกลับไปรับเขา แม้ขากลับจะต้องแยกกันกลับก็ตาม


ชีวิตตต!


Day 5 (วันที่ห้าของเบ๊)


ผมกำลังหอบของออกจากห้าง MACY ห้างอันเก่าแก่ของนิวยอร์ค ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของคนเมืองนี้  แต่การออกจากห้างนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะคนเบียดเสียดจนจะได้เสียเป็นผัวเมียกันกลางห้างอยู่แล้ว! อ้ากกก! อีตาบ้าวิคเตอร์เอ๊ย! แกจะมาอยากได้เสื้อผ้าอะไรในห้างนี้ คนอย่างกับหนอนในไหปลาร้า อีกนิดเดียวผมจะถึงประตูห้างแล้ว โอ้ววว! สวรรค์ จะได้ออกจากดงเมี่ยงปลากดุกนี่สักที (มันคืออะไร?) ผมยกถุงช้อปปิ้ง ขึ้นเพื่อเป็นการบอกคนที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมาว่า ขอทางออกหน่อย โชคดีที่ช่วงตรงทางออกคนไม่ได้แน่นเท่ากับในตัวห้าง ผมเลยหลุดออกมาได้ไม่ยาก พอถึงประตูผมก็รีบพุ่งตัวออกไป แต่สงสัยจะรีบมากเกิน ผมเลยหน้าคว่ำล้มคะมำลงไปกองกับพื้น ถุงช้อปปิ้งเสื้อผ้าตามออร์เดอร์ที่อีพ่อพระเอกนั่นสั่งกระจัดกระจายไปรอบตัวผม ท่ามกลางผู้คนที่กำลังเดินเข้าออกห้างและกำลังเดินผ่านไปผ่านมา


กรีดร้องงงง!


ผมอยากจะนอนคว่ำหน้าไปแบบนี้ทั้งชีวิต ไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นไปพบปะผู้คนที่เหมือนจะหยุดยืนมอง แต่ผมทำไม่ได้ เพราะหมอนั่นรอผมอยู่ที่บ้าน และให้เวลาผมมาจัดการซื้อของที่มากมายมหาศาลเหล่านี้แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ผมเลยรีบเงยหน้ามองไปรอบๆ ก็เห็นคนกำลังยืนมองทั้งด้วยสายตาสงสาร สมเพช เวทนา และฮา!!


“Are you alright? (เป็นอะไรมั้ยครับ)” ผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางใจดี ในชุดสูททำงานอันดูดี ก้มลงถามผม พร้อมผู้หญิงอีกคนที่ดูท่าทางจะเป็นแฟนเขา ผมรู้สึกปวดแสบปวดร้อนแถวๆ ข้อศอกซ้าย มีเวลาก้มดูนิดเดียว ก็เห็นว่า อื้อหือ! ถลอกปอกเปิกเลือดออก!


“I’m fine! Thanks! (ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก!)” ผมบอกเสียงเร็วหวือ และหน้าตาที่ยิ้มกว้างกว่าปกติเพราะความรวน ผมเริ่มเก็บถุงเล็ก ถุงกลาง ถุงใหญ่ ทั้งหลาย ที่กระจัดกระจายไปทั่วขึ้นมา สองหนุ่มสาวผู้มีน้ำใจช่วยผมก้มเก็บและส่งถุงมาให้ ผมก้มหัวให้แทบติดพื้นและยิ้มขอบคุณเขา ตอนนี้แขนสองข้างของผมเหมือนราวแขวนถุง เพราะมันเต็มตั้งแต่ข้อมือยันข้อแขน! ผมขอบคุณสองคนนั้นอีกครั้ง แล้วเตรียมจะก้าวเดินออกไปขึ้นรถไฟใต้ดิน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกรอบ ผมกดรับ


“I’m… (ผม…)”


“Are you finished? (เสร็จรึยัง)”


“Yes, and I’m com…(ครับ และผมกำลังจะ…)” ผมกำลังจะบอกว่ากำลังกลับไป แต่เขาพูดแทรกขึ้นมาน้ำเสียงสบายๆ


“I need more Calvin Klein. (ฉันต้องการคาววินไคลน์เพิ่ม)” ผมคิ้วย่น ตาโต อ้าปากหวอ


“That you ordered me, is it not enough?! (ยังไม่พออีกหรอ ที่คุณสั่งผมมาเนี่ย!)” ผมถามด้วยความตกใจ


“Stop asking. Do what I said. (อย่าถามมาก ทำตามที่ฉันบอก)” แล้วเขาก็วางสายไป ผมกำโทรศัพท์แน่น แทบอยากจะกรี๊ดแม่งหน้าห้างเนี่ยแหละ ถ้าไม่เกรงใจดอกไม้จะหุบเพราะเสียงกรี๊ดผมที่ทางห้างเอามาประดับหน้าห้างช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้วล่ะก็ แม่จะกรี๊ดให้ตึกเอ็มไพร์สเตทที่อยู่ใกล้ๆ ถล่มลงมาซะเลย (เว่อร์)


ผมเตรียมตัวจะเดินกลับเข้าไปในห้าง เสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกรอบ ไม่ต้องเสียเวลาเดาหรือเวลาคิด มีคนเดียว!


“Yes! (ครับ!)”


“20 minutes. (ให้อีกยี่สิบนาทีนะ)” แล้วเขาก็วางสายไป หลังจากบอกเวลาเพิ่มจากกำหนดเดิมที่เป็นอันเข้าใจระหว่างผมกับเขา


ผมได้แต่ถอนหายใจเซ็งๆ แล้วหันไปมองประตูห้างกระจกใสแจ๋วที่ผมเพิ่งจะพุ่งตัวออกมาเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกแสบๆ คันๆ ที่แผลตรงแขนซ้ายเต้นตุบๆ มันจะเอากางเกงในไปใส่แล้วมาขายต่อให้แฟนคลับรึไง ถึงได้สั่งมาเกือบสิบโหลขนาดนี้! ผมได้แต่จำนนต่อโชคชะตาแล้วเดินกลับเข้าไปในห้าง ไปผจญกับฝูงหนอนในไหห้างอันเป็นตำนานนี่อีกรอบ


ฮือออ! น้ำตาจะไหล ขอแชร์นะคะ!



Day 6 (วันที่หกของเบ๊)


ผมกำลังนั่งดมยาดมที่พกติดตัวมาด้วยอยู่ในตึกเอเจนซี่หลังจากวิ่งมาจากซับเวย์ เพื่อมารับฟิล์มรูปของวิคเตอร์ที่มาถ่ายพอร์ทเทรต (Portrait) เอาไว้เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่ผมจะมา คุณเอมิลี่สั่งให้วิคเตอร์เข้ามารับรูปเพื่อไปดูว่าถูกใจมั้ย แต่แน่ล่ะ พี่แกไม่ยอมมาเองหรอก ส่งผมมานี่ไง!


“เอาไปให้เขาเลือก ว่าจะให้โชว์รูปไหนบ้างในอินสตราแกรม ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ค ของเพจเอเจนซี่ เพราะเดือนหน้าเขาคือ Model of the month เราต้องโปรโมตเขาทั้งเดือน” คุณเอมิลี่พูดพลางยื่นซองฟิล์มถ่ายรูปมาให้ผม ผมยิ้มเหนื่อยๆ แล้วรับมาไว้ แต่ก็แอบงงเล็กน้อย


“นี่ยังต้องโปรโมตเขาอยู่อีกหรอครับ” เธอยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาตัวตรงข้ามกับผม


“ถึงวิคเตอร์จะเริ่มดัง มีชื่อเสียงแล้ว แต่เราต้องยิ่งเสริมเขาให้ดังมากขึ้นไปอีก แล้วนี่ก็คืออีกหนึ่งหน้าที่เธอ คือถ่ายรูปเขาแล้วอัพลง ไอจี เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เขาให้บ่อยขึ้น เพื่อให้แฟนๆ ที่ตามเขาได้อัพเดตชีวิตเขาใกล้ชิดมากกว่าเดิม”


“แล้วปกติเขาไม่เล่นเองหรอครับ ผมก็เห็นเขาก็อัพรูป สถานะ ต่างๆ ตามปกติ ไม่ใช่เหรอ” พูดถึงตรงนี้คุณเอมิลี่ก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ


“ก็ถ้าฉันไม่คอยบอกหรือบังคับให้เขาทำ เขาก็ไม่สนใจจะทำหรอก รูปล่าสุดที่ลงนั่นก็ไม่ใช่เขาลงเอง ฉันลงให้” คงจะหมายถึงรูปในเฟซบุ๊คสินะ ผมยิ้มอย่างเข้าใจในความเหนื่อยใจของคุณเอมิลี่


“เขาคงไม่ได้เป็นพวกโซเชียลมั้งครับ” เธอยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนตอบ


“อันนั้นมันก็ใช่ แต่ประเด็นหลักคือเขา…” คุณเอมิลี่ดูจะลำบากใจในการพูดต่อ ผมมองเธองงๆ “…จริงๆ เขาไม่ได้อยากเป็นหรอกอาชีพดารานักแสดง” ผมย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


“ไม่อยากเป็นแล้วเขามาเป็นทำไม”


“ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเขานักหรอก แต่คิดว่าคงเป็นเพราะโอกาสที่เข้ามา เขาเลยลองดูล่ะมั้ง ถึงฉันจะดูแลเขา แต่ก็ไม่ได้สนิทกับเขามาก วิคเตอร์เป็นคนเก็บตัว มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงพอสมควร การที่เขามาทำงานแบบนี้บางทีมันก็อาจทำให้เขาอึดอัดบ้าง”


“ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ที่ได้ยินว่าเขามีนิสัยแปลกๆ” ผมแอบเบะปากเล็กน้อยจนอีกฝ่ายขำออกมา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อีกรอบ


“แต่ถ้าเธอรู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ เธออาจจะเข้าใจเขามากขึ้นก็ได้นะ” ผมกระพริบตามองเอมิลี่ด้วยความงง จ้องเธอตาแป๋ว เธอยิ้มเศร้าๆ  ก่อนจะบอกสิ่งทำให้ผมรู้สึกค้างค้าใจ


“วิคเตอร์สูญเสียจนเขาเกือบเสียคน…”




Day 7 (วันที่เจ็ดของเบ๊)


ผมกำลังหอบสตอร์รี่บอร์ดเอ็มวีเพลงใหม่ของนักร้องสาวคนหนึ่งซึ่งติดต่อให้วิคเตอร์มาเป็นพระเอกเอ็มวีให้ แต่เนื่องจากพ่อพระเอกของผม เอ้ย! ไม่ใช่ๆ ของใครหลายๆ คน ติดถ่ายซีรีส์ทั้งอาทิตย์ และเทคิวให้ซีรีส์แทบหมดตักไปถึงอาทิตย์หน้า เลยไม่สามารถปลีกตัวมาประชุมได้ แล้วใครล่ะที่ต้องมาประชุมแทนและบรีฟงานแทน ก็ไอ้แมทตัวเตี้ยๆ คนนี้นี่ไง


เนื่องด้วยทางผู้กำกับเอ็มวี โปรดิวเซอร์ และแม่นักร้องสาวผมแดงสว่างคนนั้นรีเควสมาเลยว่าอยากได้พ่อวิคเตอร์เป็นพระเอกจริงๆ เลยยินยอมที่จะให้ผมมาบรีฟงานแทนได้ ผมก็เพิ่งได้รับรู้ว่า จริงๆ มันก็ไม่ได้ต่างจากเมืองไทยบ้านเรานักหรอก ที่บางทีถ้าทีมงานอยากได้คนนี้ร่วมงานจริงๆ เขาก็ยินดีรอ ผมว่าเขาคงมองการณ์ไกลมาแล้วว่าคงคุ้มค่าที่จะรอและเลือกเขาคนนี้มาทำงานให้ แต่ส่วนมากวงการทีนี่ต้องผ่านการออดิชั่นและแคสติ้งทั้งนั้น นอกซะจากทีมงานอยากได้คุณจนตัวสั่นมารวมงานจริงๆ ก็ไม่จำเป็นเลย เฉกเช่นกรณีนี้


ผมกำลังยืนรอสัญญาณไฟเขียวอยู่ตรงถนนเส้น 42 แถวๆ Bryan park ในมือขวาหอบสตอร์รี่บอร์ดขนาดใหญ่สี่แผ่น และสมุดโน้ตจดงานสีน้ำตาลเล่มเดิม ส่วนมือขวาถือถุงชุดสูทสี่ตัวที่เพิ่งไปรับมาจากที่ร้านซักรีด เนื่องด้วยผมกลัวเสี่ยงจะทำสูทวาเลนติโนของเขาพัง ผมเลยเถียงกับเขานานมากว่าผมจะไม่ยอมซักและรีดให้เขาด้วยมือผมเอง ผมยืนกรานอยู่นาน สุดท้ายเขายอมแต่ก็ยังมิวายยอมแพ้ราบคาบ


“ไปเรียนรู้วิธีซักรีดชุดสูทมาจากที่ร้าน และมาหัดทำเอง!” ผมได้แต่ทำหน้าเข่นเขี้ยวและทำหน้าเหมือนเหม็นเปรี้ยวกลิ่นตัวใครสักคน และผมก็ลงเอยด้วยการโดนดีดหูไปทีหนึ่ง จนหูแดง


พอไฟเขียวแล้ว ผมก็เดินข้ามถนนไปจนไปอยู่ฝั่งสวนสาธารณะ ผู้คนที่กำลังนั่งทานอาหารทานเล่นในยามบ่ายใกล้เย็น กำลังคุยเล่น ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ผมเห็นหญ้าเขียวๆ ของสวนแล้วอยากจะไปนอนแผ่หลาจริงๆ แต่ก็ทำไม่ได้ แล้วสักพักเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมเลยหยุดอยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้ร้านอาหารเขียวๆ ที่เปิดเป็นร้านเล็กๆ ติดๆ กัน ช่วงนี้พี่อดัมออกอาละวาด เอ้ย! ส่งเสียงดังใส่ผมบ่อยเหลือเกิน ผมเอาสตอร์รี่บอร์ดมาถือไว้ที่แขนขวา อื้อหือ แขนสั่น แต่ก็ดีกว่าใช้แขนซ้ายล่ะนะ เพราะแผลที่ล้มหน้าห้างเมื่อวานนั่นแหละ แขนซ้ายผมเลยใช้การได้ไม่เต็มที่ ผมใช้มือซ้ายรับโทรศัพท์ด้วยความทุลักทุเล


“Hello? (ว่าไงครับ)”


“Go get Michael. (ไปรับไมเคิ้ลหน่อย)” ผมขมวดคิ้วงง ใครวะน่ะ?


“Who’s that? (ใครครับ)” แล้วผมก็รู้ว่าอีพ่อสุดหล่อหน้านิ่งยิ้มยาก หาภาระความลำบากมาให้ผมก่อนถึงบ้านอีกแล้ว!!





Day 7 at 18.00


“Good boy! Good boy! Keep calm Keep calm! (เด็กดี! เด็กดี! ใจเย็น! ใจเย็น!)”
แต่ดูจะไร้ประโยชน์เสียจริง เมื่อ มัน ยังคงวิ่งด้วยความเร็วบวกกับความกระตือรือร้น และบวกกับความตื่นเต้นที่พอรู้ว่าจะได้เจอนายมันก็ออกอาการดีใจยกใหญ่


ไมเคิลที่ว่ามันคือหมาครับ! โอ้โห! ตัวใหญ่สีทองขนนิ่มมาเชียว ไมเคิลเป็นหมาพันธ์โกลเด้น รีทรีฟเว่อร์ (Golden retriever) ที่มีแรงมหาศาลและตัวใหญ่มาก ผมที่หอบของด้วยความลำบากอยู่แล้ว ยิ่งลำบากเข้าไปอีก เมื่อต้องคอยดึงเชือกไม่ให้มันวิ่งเร็วจนเกินไป


ผมต้องย้อนกลับไปทางถนนเส้นเดิมที่เพิ่งเดินมา เหมือนอีตานั่นมันกะเวลาถูกว่าผมออกจากร้านซักรีดแล้ว เลยโทรมาให้ผมย้อนกลับไปรับหมาตัวเองที่เอาไปฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านหลังหนึ่งที่รับดูแลหมาเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน และตอนนี้ผมก็พาเจ้าไมเคิลมาถึงซอยทาวน์เฮ้าส์ของวิคเตอร์แล้ว โดยที่ผมต้องพามันเดินมา ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง! เพราะผมไม่กล้าเสี่ยงพาขึ้นรถไฟใต้ดิน แน่ล่ะ ใครเขาจะให้ ถึงให้เดี๋ยวก็จะมีคนรำคาญ เอากำปั้นมาทุบหัวผม ผมจะทำยังไงล่ะ ขนาดแค่บนถนนมันยังเห่าซะเสียงดังและวิ่งเร็วยิ่งกว่านักกีฬาโอลิมปิก ผมทั้งเหนื่อยทั้งหนักกับของที่หอบมา อากาศช่วงสปริงทำอะไรผมไม่ได้เลยจริงๆ สินะ


เจ้าไมเคิลกระโดดเหยงๆ ขึ้นบันไดหน้าบ้านนายมัน มีการแวะดมดอกกุหลาบสองฝั่งบันไดที่โน้มลงมา นี่ถ้าสูงกว่านี้คงเป็นซุ้มหน้าประตูบ้านได้สบายๆ


“Wait! You will see your master in a minute! (รอก่อนน่า! เดี๋ยวแกก็ได้เจอนายแกแล้ว!)” ผมบอก มันหันมามองหน้าผมแล้วหอบแฮ่กๆ ลิ้นห้อย ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะไขกุญแจเข้าไป พอเปิดประตูบ้านได้ เจ้าไมเคิลก็วิ่งตัวปลิวเข้าไปในบ้าน แล้วส่งเสียงเห่าอย่างดังลั่นบ้าน ผมเดินตามมันเข้าไปด้วยความทุลักทุเล


“โฮ่ง!! โฮ่ง!! โฮ่ง!!” มันส่งเสียงเห่าลั่นบ้าน และวิ่งตามหานายมันให้วุ่นวาย มันวิ่งเข้าไปในห้องรับรองแขก ผมวางสตรอรี่บอร์ดไว้บนโต๊ะวางแจกันดอกไม้ที่อยู่ใกล้ประตูเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน เป็นจังหวะที่วิคเตอร์เดินลงมาจากบันไดบ้านพอดี เขามองผมด้วยสายตาไร้อารมณ์เช่นเคย ก่อนจะหันกลับไปมองทางซุ้มประตูของห้องรับรองแขก


“Hey! Michael! (ไง! ไมเคิล!)” เขาบอกน้ำเสียงเริงร่าลั่นบ้านพร้อมรอยยิ้มเสริมความหล่อที่ผมจะไม่มีวันได้รับจากเขาเหมือนหมา เจ้าไมเคิลวิ่งกุกกักออกมาจากห้อง แล้วกระโดดเข้าหาวิคเตอร์ เขาส่งเสียงหัวเราะดีใจและอุ้มหมาที่ตัวใหญ่บัก ค.ว.า.ย. อย่างสบายๆ เจ้าไมเคิลส่งเสียงร้องหงิงๆ และส่ายหางรัวๆ พลางเลียหน้าเจ้านายมันด้วยความคิดถึง


“แมวก็เลี้ยง หมาก็เลี้ยง คุณไม่กลัวมันกัดกันตายรึไง” ผมถามด้วยความสงสัยใสซื่อ อีกฝ่ายหยุดหัวเราะ แล้ววางเจ้าไมเคิลลงกับพื้นราวกับมันเป็นมหาตัวเล็กๆ


“มันเป็นพี่น้องกัน มันไม่ทะเลาะกันหรอก” ผมขมวดคิ้วด้วยความเอ๋อ หมากับแมวมันจะเป็นพี่น้องกันได้ไง ไอ้เพี้ยน! นี่ถ้าเจ้าฟอกซ์กลับมา มันคงหนีไปหลบอยู่บนหลังคา


“เก็บสูทไว้ในห้องซักรีด แล้วนายก็กลับไปได้แล้ว” ผมที่กำลังงงๆ กับความสัมพันธ์ของหมาและแมว ต้องตาโตด้วยความประหลาดใจ โอ๊ะ!


“คุณให้ผมเลิกงานได้แล้วหรอ?!” ผมถาม ทั้งดีใจและมึนงง อีกฝ่ายยักคิ้วหนึ่งที แล้วก้มตัวลูบหัวเจ้าไมเคิลที่นั่งหอบแฮ่กๆ อยู่ข้างเขา ผมยิ้ม น้ำตาแทบจะไหล โอ้ววว  ผมรีบเดินไปที่ห้องซักรีดที่อยู่สุดทางเดินของชั้นหนึ่ง เอาสูทแขวนไว้กับราวในห้องนั้น ก่อนจะออกจากห้องด้วยความลิงโลด หน้าตาระรื่นชื่นมื่นสุดๆ


“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ คุณเรย์มอนด์!” เขานั่งลงที่ตีนบันไดขั้นแรก แล้วกำลังลูบหัวเจ้าโกลเด้นสีทองที่นอนเกยตักเขาอยู่ วิคเตอร์เหลือบตามองที่แขนซ้ายผม เขามองนิ่งอยู่นานจนผมสงสัยว่าผ้าก็อตที่ติดแผลไว้มันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าจนต้องก้มลงไปดู พอเงยหน้ามาอีกทีวิคเตอร์ก็เลื่อนสายตามามองหน้าผมตามปกติแล้ว


“ยืนโชว์ความเตี้ยอยู่ได้ นี่ขนาดฉันนั่งแล้วนะ ยังจะสูงเท่านายเลย” เขาบอกหน้าตาย เสียงห้วน ผมได้แต่ทำปากยื่นเหมือนเป็ด


“Good night. (ราตรีสวัสดิ์ครับ)” ผมขี้เกียจเถียง ตอนนี้กำลังอารมณ์ดี ได้กลับบ้านไว ผมหมุนตัวเดินออกจากบ้านเขาไปโดยไม่หันกลับไปมองอีก


[ท่อนสุดท้ายต่อที่หน้าสองจ้า]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries.Part: You and I||::Chapter4::17.06.58::PG.1หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: trafu ที่ 17-06-2015 17:41:04
ตามมาจากเด็กดี  ชอบนิยายเรื่องนี้มาก  ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่   

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries.Part: You and I||::Chapter4::17.06.58::PG.1หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-06-2015 17:43:39


ผมเดินชิวๆ พร้อมฟังเพลงจากไอพอด อยู่บนสะพานบรู๊คลินมองบรรยากาศยามหัวค่ำของนิวยอร์ค รถแล่นไปมาอยู่ข้างล่างสะพานสำหรับรถยนต์ เฮ้อ… ได้เดินกลับบ้านแบบคนปกติเขามั่งนะ วันนี้จะรีบนอนแต่หัวค่ำเลย เอาให้เต็มอิ่ม หลังจากนอนตะขัดตะเขียนมาหลายวัน ผมยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายบรรยากาศสะพานยามค่ำที่เริ่มเปิดไฟแล้ว นานๆ ทีจะได้มีโอกาสใช้กล้องถ่ายรูปอย่างอื่นบ้างนอกจากรูปตาวิคเตอร์ ที่ตอนนี้กินพื้นที่ในกล้องไปเยอะแล้วมั้ง


ผมถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับบ้าน อากาศช่วงสปริงของที่นี่เพิ่งเริ่มทำให้ผมรู้สึกว่ามันเย็น ผมรีบออกแรงเดิน เพราะไม่ได้ใส่เสื้อกันอากาศเย็นๆ มา มีเพียงเสื้อยืดลายป๊อปอายตัวเดียว


ตอนผมเปิดประตูไม้หน้าบ้านก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว ผมเลื่อนดูหน้าฟีดไอจีของตัวเองไปเพลินๆพลางถอดรองเท้า เพื่อเตรียมตัวเข้าบ้าน แต่แล้วพี่อดัมก็ส่งเสียงร้องอีกรอบ ผมชะงักกึกเมื่อหน้าจอปรากฏชื่อเขา


VICTOR


“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงลงไปด้วยความงงงวย


“ฉันมีปัญหา มาที่บ้านฉันหน่อย”


“อะไรนะ?!” ผมเหมือนโดนค้อนทุบหัว รู้สึกวิ้งๆ ที่ขมับ


“จะเสียงดังทำไม รีบมาได้แล้ว อย่าช้านะ!” เขาบอกแค่นั้นและตัดสายทิ้งไป ผมยืนงงๆ สักพัก พลางถอนหายใจด้วยความอัดอั้น แล้วรีบใส่รองเท้าที่เพิ่งถอดไปเมื่อกี้นี้





ผมยืนหอบอยู่หน้าประตูบ้านของวิคเตอร์ โคมไฟสองข้างตรงประตูส่องแสงสว่างสีเหลืองนวลราวกับยกแสงจันทร์มาประดับไว้หน้าประตูบ้าน แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมโคมไฟ ผมรีบปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ก่อนจะไขกุญแจบ้านเข้าไป แล้วปิดประตูตามหลัง ผมหันไปมองรอบๆ ทางเดิน ห้องครัว ก็ไม่เห็นตัวการที่โทรเรียกผมมา ผมเลยเดินไปที่ห้องรับรองแขก และได้แต่หวังว่าจะไม่เจอหนังสดอีกนะ


และผมก็ต้องโล่งอกเมื่อไม่เจอหนังสด ผมเห็นวิคเตอร์นั่งอยู่บนโซฟา กำลังเปิดทีวีดูรายการ TODAY SHOW  ช่อง NBC อยู่ มีเจ้าไมเคิลนอนอยู่ข้างเตาผิงของห้อง และที่ไม่ธรรมดาไปกว่านั้นคือเจ้าฟอกซ์นอนอยู่ข้างๆ เจ้าไมเคิลด้วย ผมตาโตมองด้วยความประหลาดใจ


“มันไม่ทะเลาะกันจริงๆ หรอเนี่ย” เหมือนผมไม่ได้ถามวิคเตอร์ เหมือนผมพูดลอยๆ ขึ้นมา


“ก็บอกแล้วว่ามันเป็นพี่น้องกัน” ผมละสายตาจากหมาและแมวคู่นั้นมามองเจ้าของของสองตัวนั้นก่อนจะตั้งสติถามเขา


“คุณมีอะไรครับ”


“ทำกับข้าวให้ที ฉันหิว” ผมตาโต เอียงคอมองเขาด้วยความทึ่ง


“อ้าว! ในตู้เย็นอาหารตั้งเยอะไม่ใช่หรอ?!”


“ฉันอยากกินอาหารสดๆ ไม่อยากกินอาหารแช่แข็ง” ผมยืนเกาหัวแกรกๆ สีหน้ายุ่งเหยิง ผมจะทำอะไรให้เขากินวะเนี่ย ขนาดตัวผมยังทำอะไรกินเองไม่เป็นเลย


“คือผมทำอาหารไม่เก่ง ผมทำเป็นแต่ง่ายๆ”


“ก็ง่ายๆ ของนายนั่นแหละ ทำมา มันก็คงดีกว่าอาหารแช่แข็งต้องเข้าไมโครเวฟ” เขาบอกง่ายๆ แบมือท่าทางสบายๆ แต่ผมนี่จะ
ตาย โอ้ยยย! ฉันทำเก่งสุดก็มาม่าผัดล่ะแกเอ๋ย!


“ผมออกไปซื้อให้ดีกว่า คุณอย่า…” เขาตวัดสายตาเรียวโตสองชั้นมามองผม จนผมต้องยิ้มแหยๆ เพราะรู้ว่าเขายืนยันในคำพูดนั้น


“ก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันว่ามันจะกินได้รึเปล่านะ” เขายักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ เออ! ถ้าท้องเสียขึ้นมายังจะไม่ใส่ใจอีกมั้ย ไอ้หล่อใจยักษ์!


ผมเดินออกมาจากห้องนั้น แล้วเดินกลับไปที่ห้องครัว เดินตรงไปที่ตู้เย็น แล้วเปิดดูว่ามีอะไรจะหยิบมาทำอาหารได้บ้าง ผมเริ่มรู้สึกอยากเอามีดปลายแหลมเสียบหูตัวเอง ตอนแม่บอกให้ช่วยทำกับข้าว ทำไมผมถึงไม่สนใจจะทำนะ แต่ผมเคยลองแล้ว เคยช่วยแม่ทำแล้ว สุดท้ายแม่ก็บอกว่า


‘รอกินเฉยๆ เถอะ เดี๋ยวแม่ทำเอง แมททำวันนี้ก็ไม่ได้กินพอดี’


แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมทำอะไรไม่เป็น หยิบจับอะไรก็ช้าไปหมด แถมยังเติมส่วนผสมผิดๆ ถูกๆ หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยเข้าครัวไปช่วยแม่ทำกับข้าวที่มันมีส่วนผสมยากๆ อีกเลย นอกจากทำอะไรง่ายๆ กินเองตอนพ่อกับแม่ไปทำงานแล้วหิวกะทันหันขึ้นมา ผมถอนหายใจ แล้วเลือกหยิบไข่ หยิบพริก แล้วมองๆ ดูว่ามีอะไรอีกมั้ย ผมเห็นกุ้งแช่อยู่ในช่องใต้ช่องฟรีช เลยหยิบออกมา คือในตู้เย็นหมอนี่มีแต่อาหารสำเร็จรูป เตรียมอุ่นกินทั้งนั้น ไอ้อาหารสดๆ ทั้งหลาย หาได้ยากเต็มทน ที่ผมหยิบมาก็ใช่ว่าจะรู้ว่าจะทำอะไร แต่เห็นอะไรที่มันเป็นเนื้อเป็นหนัง เป็นชิ้นและตัวเองรู้จักมากที่สุดออกมากองไว้บนโต๊ะก่อนก็แล้วกัน


ผมสำรวจหาอุปกรณ์ทำครัว พวกกระทะ ตะหลิว น้ำมันงา น้ำมันพืชทั้งหลาย ผมเปิดตูชั้นบนที่ต้องเอื้อมเขย่งเปิดตามความเตี้ย แล้วหยิบออกมา ส่วนพวกกระทะ ตะหลิว แขวนไว้ด้านนอก ไม่ต้องเขย่งหยิบ พอเอาของมากองๆ รวมกัน ผมก็ยืนมองด้วยความสลด นี่ผมจะทำอะไรวะเนี่ย!


ผมหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋า ตอนนี้ทุ่มสี่สิบแปด ที่เมืองไทยก็ราวๆ แปดโมงแล้ว ถ้าโทรถามแม่ตอนนี้จะได้มั้ยนะ แต่แม่คงไปทำงานแล้วแน่ๆ คงไม่สะดวกรับสาย ผมเลยเก็บไอโฟนยัดลงไปในกระเป๋า ก่อนจะมองของที่อยู่บนโต๊ะอีกรอบ


“เสร็จรึยัง ทำไมฉันไม่เห็นได้กลิ่นอาหารเลย!” เสียงตะโกนแข่งกับทีวีดังมาจากห้องรับรองแขกและห้องนั่งเล่นของบ้าน ถ้าปามีดแม่นๆ จะปาให้มันโค้งเข้าไปปักหัวแกในห้องนั้น!


“ผมยังไม่ได้เริ่มทำเลย ใจเย็นก่อน!” ผมตะโกนตอบกลับไป


“งั้นก็เริ่มสักทีสิ!” เขาตะโกนตอบกลับมา แต่ไม่ได้ตวาด เป็นน้ำเสียงเสียงดังธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป ผมถอนใจ แล้วเริ่มหยิบจับของทั้งหลาย แบบนี้ก็ทำไข่เจียวกุ้งใส่พริกหน่อยๆ ก็แล้วกันนะ ผมเริ่มตอกไข่ก่อนเป็นอย่างแรก แล้วนี่ก็คือการทำอาหารให้คนอื่นกินเป็นครั้งแรกของผม ขนาดพ่อกับแม่ยังไม่เคยกินฝีมือผมเลยด้วยซ้ำ
 






ผมยกถาดใส่อาหารเข้ามาให้วิคเตอร์ที่นอนเอกเขนกดูทีวีสบายใจเฉิบพร้อมกระดกกระป๋องเบียร์อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาหันมามองผมก่อนจะหดขาลงจากโต๊ะวางของ ให้ผมได้วางถาดอาหาร เขามองด้วยความสนใจและดูแปลกใจนิดๆ


“ผมทำได้แค่เนี้ยแหละ ไข่เจียวกุ้งกับข้าวสวย และซอสพริก” ผมบอกอย่างหวั่นๆ แต่ก็คิดว่าน่าจะพอกินได้ล่ะนะ เพราะมันไม่ใช่อาหารยากอะไร ผมเองก็เคยพอทำมาบ้าง แต่ไม่เคยลองใส่พริกไปด้วย แต่ผมไม่ได้ใส่ปริมาณมากหรอก เอาแค่ให้มีรสชาติแซ่บๆ หน่อยๆ


“ฉันกินแล้วจะไม่ตายใช่มั้ย” ผมกลอกตาด้วยความหมั่นไส้


“ถ้าตายเดี๋ยวผมเก็บศพคุณไปฝังให้เอง” ผมอดประชดไม่ได้ วิคเตอร์เบ้ปากก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาแล้วเริ่มตักไข่กินกับข้าว เขาเคี้ยวช้าๆ ราวกับกำลังพิจารณารสชาติของมันอยู่ ก่อนจะผงกหัวน้อยๆ


“ก็ใช้ได้นี่ แล้วบอกว่าทำไม่เป็น” ผมสีหน้าโล่งอก โล่งใจทันทีที่เขากินได้ ไม่ได้พ่นมันออกมาอย่างที่คิด


“ผมทำไม่เป็นจริงๆ ก็นี่มันอาหารง่ายๆ สุดแล้ว” เขาตักข้าวกับไข่และตักซอสพริกทาเล็กน้อยก่อนจะยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้


“งั้นไปเรียนทำอาหารยากๆ มา แล้วมาทำให้ฉันกิน ทั้งอาหารเช้า กลางวัน เย็น” ผมย่นไหล่ตาโตมองเขา อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยท่าทางที่สื่อว่า มีอะไรผิดปกติรึไง?


“คุณเอาจริงหรอ”


“จริง พรุ่งนี้เริ่มซื้อของมาเก็บไว้ในตู้เย็นได้เลย” เขาว่าแล้วตักข้าวเข้าปากอีกคำ มันหาภาระให้ชีวิตผมอีกแล้ววว    แต่ผมก็ต้องจำนนต่อโชคชะตาอีกครั้งกับการเป็นพ่อครัวจำเป็น กลับไทยไป แม่ดีใจแน่ๆ


“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะ” เขาหันมามองผมทั้งที่ยังมีข้าวเต็มปากแล้วพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาต ผมยิ้มขอบคุณเขาก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป








ผมเดินเปิดประตูบ้านเข้าไปก็เห็นเอิร์ท บาส เด็กผู้ชายตี๋ขาวที่ตาตี่ชั้นเดียวเลยแหละ ผู้หญิงอีกสามคน กำลังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ที่โต๊ะอาหารของบ้าน มีป้าแมร์รี่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทุกคนกำลังหัวเราะและตักอาหารกันสนุกสนานท่ามกลางฮีทเตอร์ที่ส่งอากาศอุ่นๆ ไปทั่วบ้าน


“แมท กินข้าวมารึยัง” บาสเอ่ยถามเมื่อเห็นผมเดินเข้าไป คนอื่นๆ ส่งยิ้มมาให้ ผมเหลือบมองไปทางเอิร์ทที่กำลังมองผมยิ้มๆ อยู่


“Soup? (ซุปมั้ย)” ป้าแมร์รี่ถามด้วยรอยยิ้ม ผมพยักหน้าตอบ เพราะกำลังรู้สึกหิวพอดี ป้าแกยิ้มก่อนจะหยิบถ้วยขึ้นมาตักซุปหอมๆ อะไรสักอย่างให้ ผมเดินไปนั่งตามคำชวนของบาส เขารีบยกเก้าอี้ให้ไปนั่งข้างเขาทันทีโดยมีสายตาเอิร์ทมองนิ่งๆ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วรับถ้วยซุปมาจากป้าแมร์รี่ อ่า… กลิ่นหอม ซุปเห็ดนี่เอง ผมตักซุปเข้าปาก และเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านที่บาสแนะนำให้รู้จัก


“ส่วนนี่ ไอ้เอิร์ท เคยเจอกัน แต่ยังไม่เคยรู้และคุยกันใช่ปะ” ใครว่าล่ะ มันไปมากกว่านั้นแล้วบาสเอ๋ย… ผมชะงักเล็กน้อย แล้วส่งยิ้มให้เอิร์ทที่ยิ้มหล่อตอบกลับมา เขาก็เนียน ผมก็เนียนว่าเพิ่งเคยรู้จักกัน ผมนั่งคุยกับทุกคนไปเรื่อย ก็สอบถามกันไปว่าใครมาจากที่ไหนบ้าง มาทำงานอะไร บาสดูเทคแคร์ทุกคนดีมาก แต่ชอบตักนั่นตักนี่ให้ผมกินเป็นพิเศษ อืม… ไม่หรอก ไม่คิดแบบนั้น บาสเขาไม่ได้มีอะไร เสน่ห์แกมันคงไม่แรงถึงขนาดผู้ชายสองคนมาแย่งกันมั้งนังแมท!



“ทำไมพี่เอิร์ทนั่งเงียบจัง ไม่พูดอะไรหน่อยหรอ” น้องนีนางหนึ่งที่มาจากมอดังในกรุงเทพฯ เอ่ยถามเอิร์ทที่นั่งฟังพวกเราคุยกัน เอิร์ทหันไปยิ้มเก้อๆ ให้หล่อน อีกฝ่ายยิ้มแบ๊วกลับไปให้ โถ… ฉันเห็นนะว่าหล่อนแอบเหล่มองเอิร์ทตลอดเวลา


“ไม่รู้จะพูดอะไรดี เห็นพูดกันเยอะแล้ว นั่งฟังก็สนุกดีออก” เขาบอกยิ้มๆ ชะนีนางนั้นแอ๊บยิ้มใส ที่บอกว่าแอ๊บเพราะมันดูออกเลยว่านางเมคยิ้มให้ตัวเองดูสวยขึ้นมา


“โห่… แต่บิวอยากได้ยินเสียงพี่พูดด้วยนี่หน่า” เพื่อนนีของนางอีกสองคนส่งเสียวแซวๆ จนเอิร์ทหัวเราะเขินๆ บาสกับอาตี๋ที่ตี๋กว่าบาสหัวเราะร่วมวงด้วย ผมก็ยิ้มๆ ไปตามกระแส


“แล้วน้องบิวจะให้พี่พูดอะไรอ่ะ” เอิร์ทถามเสียงหล่อ ผมจิ้มน่องไก่ขึ้นมากิน พลางหันไปมองหาป้าแมร์รี่ที่หายตัวไปจากครัวแล้ว


“พี่เอิร์ทมีแฟนยังคะ” น้องนีนามว่าบิวเอ่ยถาม เอิร์ทยิ้มกว้างเขินๆ แต่คนที่ตอบคือบาส


“ยังไม่มี เนี่ย ผู้ชายบนโต๊ะนี้ ยังไม่มีใครมีแฟนสักคน แต่ เฮ้ย… แมทมีแฟนยัง” แล้วสายตาทุกคู่ก็หันมามองผมที่กำลังเขมือบน่องไก่อยู่ จนผมอ้าปากค้างคาน่องไก่ เอ่อ… หันมาตอนที่มันไม่ทุเรศกว่านี้ไม่ได้หรอ ผมลดน่องไก่ลงแล้วยิ้มเอ๋อ


“อ้าว ปากเลอะหมดแล้ว” บาสหันไปหยิบทิชชู แล้วไม่ทันตั้งตัวเขาก็ซับปากให้ผม จนผมแอบตะลึง กลอกตามองไปรอบโต๊ะที่จ้องมองมา ผมนี่เกร็งมาก โดยเฉพาะกับสายตาของเอิร์ทที่มองตาแข็ง แต่บาสดูท่าทีสบายๆ


“เฮ้ย… กิ๊กกันปะเนี่ย” หนึ่งในสามสาวเอ่ยถามพร้อมหัวเราะน้อยๆ บาสหันไปมองแล้วยิ้มกว้าง


“ตาถึงนะเนี่ย รู้ได้ไงว่าแอบกิ๊กกัน บาสอุตส่าห์ไม่บอกใครละนะ” แล้วบาสก็หัวเราะพร้อมชะนีสามนางนั้น ผมได้แต่ยิ้มเหลอหลาไปเรื่อย ตอนแรกที่เจอบาสผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนพูดเยอะแบบนี้นะ ดูเป็นคนพูดน้อย แต่สงสัยเริ่มปรับตัวได้และมีเพื่อนคุยเลยฟุ้งใหญ่ ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะและผมกำลังทำตัวไม่ถูกกับสายตาของเอิร์ทที่มองมาเหมือนไม่พอใจ เสียงมือถือของผมก็ดังขึ้น


๛Take me by the tongue, and I’ll know you…


“Hello?” ผมกรอกเสียงลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนบนโต๊ะลดเสียงลงแต่ก็ยังไม่หยุดคุยกัน


“มาที่บ้านหน่อย” วิคเตอร์บอกเสียงมึนๆ ผมอดย่นคิ้วงงไม่ได้ ทุกคนหันมามองเมื่อเห็นสีหน้าผม


“คุณมีอะไรอีกครับ” ผมถามกลับ พยายามซ่อนความหงุดหงิดใจเอาไว้


“ทำไมต้องถามมาก บอกให้มาก็มาเหอะน่า” เขาว่าอย่างรำคาญแล้วกดตัดสายไปโดยไม่แคร์ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ นี่ถ้าผมขี้อยู่ก็ต้องรีบขี้ให้เสร็จใช่ม้ายยย! ผมทำหน้าเซ็ง แล้วลุกขึ้นยืน พลางหยิบกระเป๋าขึ้นมาคล้องแขนขวา


“อ้าว ไปไหนหรอ” บาสเอ่ยถามด้วยความงง ทุกคนกำลังมองมาที่ผม


“เจ้านายเรียกอ่ะ” ผมบอกเสียงอ่อยๆ ทุกคนทำหน้าตกใจ


“สามทุ่มครึ่งแล้วเนี่ยนะ ยังจะเรียกไปอีกหรอ” เอิร์ทถามเสียงขุ่น หน้าตาบึ้งๆ ผมยิ้มแหย ก่อนจะพยักหน้า


“ให้เราไปเป็นเพื่อนเปล่า มันดึกแล้วนะ” บาสเสนอตัวออกมา ผมยิ้มๆ แล้วส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ


“ไม่ต้องๆ สบายมาก เดี๋ยวเราไปก่อนดีกว่า” ผมส่งยิ้มให้ทุกคน แต่แทบชะงักยิ้มเมื่อเอิร์ทมองด้วยสายตาไม่ชอบใจ ผมรีบหมุนตัวเดินออกไปจากโต๊ะก่อนที่จะมีใครถามอะไรไปมากกว่านี้








ผมเปิดประตูบ้านเข้าไป พลางมองหาวิคเตอร์ทั่วชั้นหนึ่ง ผมเดินเข้าไปในห้องที่เขานั่งดูทีวีก่อนหน้านี้ก็ไม่มี เลยเดินไปอีกห้องที่เชื่อมกัน คือห้องโฮมเทียเตอร์ ที่เป็นห้องดูหนังขนาดย่อม มีจอภาพยนตร์ยักษ์ไว้สำหรับดูหนัง ดูทีวี เล่นเกมส์ ร้องคาราโอเกะยังได้ เป็นห้องที่ช่างแสนรื่นรมย์เสียจริง และห้องนี้ก็เป็นอีกห้องที่ผมได้รับอนุญาตให้เข้ามาสำรวจ เพราะผมถูกใช้ให้มาจัดแผ่นบลูเรย์หนังและดีวีดีให้เข้าที่เข้าทาง ผมเดินออกมาเมื่อไม่เห็นเขาอยู่ในห้องนั้น  พอเดินออกมาก็เจอกับเขาที่ยืนเหมือนยิ้มขำๆ อยู่ที่ตีนบันได


“คุณมีอะไรก็ว่ามาครับ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเอือมๆ และสีหน้าเหนื่อยๆ


“เอาอาหารให้ไมเคิลกับฟอกซ์หน่อย”


“What?!! (หา?!!)” ผมร้องเสียงหลง หน้าตาตื่นตูม แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่และทำสีหน้าสบายๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร


“คุณเรียกผมมาเพื่อมาให้อาหารหมากับแมวเนี่ยนะ คุณให้เองไม่เป็นรึไง?!” ผมถามสีหน้าบูดเบี้ยว เบี้ยวบูด อีกฝ่ายถลึงตามองเมื่อผมชักแสดงอาการไม่พอใจมากเกินไป


“เป็น! แต่ตอนที่ฉันโทรไป ฉันล้างจานอยู่เลยไม่ว่าง นายผิดเองนะที่ไม่รอล้างจานให้ฉันก่อน”


“ก็ตอนนี้คุณว่างแล้ว ทำไมคุณไม่ให้เองล่ะครับ” ผมถามด้วยความอดทนอดกลั้น


“ไหนๆ ก็เรียกนายมาแล้ว ก็ให้นายทำดีกว่า จะได้ไม่เสียเที่ยวที่มา” ผมขบกรามแน่น เดินเข้าไปหาแล้วแหงนหน้ามองอีกฝ่ายที่สูงอยู่แล้ว ยิ่งสูงขึ้นไปอีกเมื่อยืนอยู่บนบันได


“คุณรู้มั้ย ว่าจากบรู๊คลินมานี่ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ?!”


“ฉันก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ ฉันพูดแบบนั้นรึยังล่ะ” เขาบอกหน้าตากวนอารมณ์ ใจผมนี่เต้นตุบๆ ด้วยความโมโห เขาจงใจแกล้งผม ผมรู้ แต่แบบนี้ มันเกินไป ผมเหนื่อยนะ!


“คุณไม่ได้พูด แต่การกระทำคุณทำเหมือนมันเป็นเรื่องเล่นๆ คุณบอกให้ผมเลิกงานได้ แต่ก็ยังตามกลับมาทำนั่นทำนี่ ทั้งที่ผมอยู่ที่พักของผมแล้ว ผมไม่ได้รวยแบบคุณนะคุณเรย์มอนด์ที่จะได้มีเงินจ่ายค่ารถเล่นๆ ไปวันๆ…”


“ลาออกสิ” เขาขัดขึ้นมาหน้าตาเฉย ผมชะงัก ผมจ้องมองเขาด้วยความโกรธ ที่ดูอีกฝ่ายจะเห็นว่ามันเป็นแค่อารมณ์ๆ หนึ่งที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ผมเม้มปาก แล้วถอนหายใจ


“อาหารของเจ้าสองตัวนั้นอยู่ตรงไหนครับ” ผมถามเสียงเรียบ หน้าตาเฉยชา เพราะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากมีเรื่อง ในเมื่อเขาถือไพ่เหนือกว่าผมและถือใบฝึกงานผมอยู่


“ในครัว ตู้ใต้อ่างล้างจานของเจ้าไมเคิล ตู้ชั้นบนเหนือที่วางจานของเจ้าฟอกซ์” เขาบอกเฉยๆ เรียบๆ ไม่ได้สนใจสีหน้าอันไม่พึงพอใจของผม ผมเดินไปที่ครัวทันที เปิดตู้บนตู้ล่างตามที่เขาบอก ของเจ้าฟอกซ์เป็นอาหารกระป๋อง ส่วนของเจ้าไมเคิลเป็นอาหารเม็ด ผมมองหาที่ใส่อาหารของมันสองตัวอยู่สักพัก ก่อนที่จะได้ยินเสียงอะไรกระทบกับโต๊ะกลางห้องครัว ผมหันไปมองก็เห็นวิคเตอร์เอาถ้วยใส่อาหารของสองตัวนั้นมาวาง


“สีเหลืองของไมเคิล สีเงินของฟอกซ์” เขาบอกท่าทีปกติ ผมเหลือบมองเขาแว้บเดียว เพราะยังไม่พอใจอยู่ ไม่อยากพูดคุยอะไรด้วยตอนนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาก็ดูไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว ผมก็ไม่แคร์เหมือนกัน ผมปิดปากเงียบ นิ่งสนิทแล้วจัดการเทอาหารใส่ให้แต่ล่ะตัว


“Michael! Fox!” เขาตะโกนเรียกสมุนทั้งสองตัวเสียงดังลั่นบ้าน ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงวิ่งลงบันไดกุกกักๆ แล้วสักพักก็ปรากฏให้เห็นสองศรีพี่น้องต่างสายพันธ์เดินตามกันมา ผมที่หน้านิ่งๆ บึ้งๆ ก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นเจ้าสองตัวนี้อยู่ด้วยกันเหมือนเป็นพันธ์เดียวกัน


“อาหารมื้อดึกพวกแกพร้อมแล้ว จัดการเลย!” สิ้นเสียงของวิคเตอร์ สองตัวนั้นก็มารุมที่ผม ผมหยิบจานใส่อาหารของมันทั้งสองตัววางลงที่พื้น ทั้งสองก้มหน้าก้มตากิน ผมยืดตัวขึ้น มองสองตัวนั้นยิ้มๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของสองตัวนี้ที่เก๊กหน้าเฉยอยู่


“ผมกลับได้รึยัง” ผมถามเสียงห้วน มองเขาหน้านิ่งสงบ อีกฝ่ายผายมือไปทางประตู


“เชิญ” ผมเดินไปหยิบเป้ขึ้นมา แล้วเดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะเปิดออกจากบ้านเขาไป ผมเดินลงบันไดแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปตามฟุตบาท ก่อนจะเลี้ยวตรงหัวมุมของทาวน์เฮ้าส์หลังสุดท้ายของหมู่บ้าน







ผมยกกาแฟร้อนของร้านกาแฟยามดึกที่แวะซื้อก่อนเดินลงมารอรถไฟใต้ดิน อากาศเย็นๆ ตอนดึกๆ ของอุ่นคงพอช่วยได้บ้าง ผมไม่มีเสื้อกันหนาว เลยยืนลูบแขนตัวเองไปมาเพื่อลดอาการเย็น จริงๆ มันก็ไม่ได้หนาวเท่าเดือนพฤศจิกา ธันวา หรอก แต่มันก็เย็นพอสมควร


๛Take me by the tongue, and I’ll know you. Kiss me ‘till you’re drunk and l’ll show you...


ผมขมวดคิ้วตอนที่เอื้อมมือไปหยิบไอโฟนมาจากกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ว่าใครโทรมาหวังว่าคงไม่วิคเตอร์นะ แต่คำอธิษฐานผมที่เกี่ยวกับเขามักไม่เป็นจริงหรอก เพราะว่าเขาโทรมานั่นแหละ


“จะให้ผมไปให้อาหาร หมา ที่ไหนอีกหรอครับ” ผมเน้นเสียงตรงคำว่าหมาเป็นพิเศษด้วยความโมโห


“มาที่บ้านฉันหน่อย” ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ด้วยความเซ็ง แล้วกดตัดสายไป ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับขึ้นบันไดรถไฟฟ้าใต้ดินที่เพิ่งจะเดินลงมาได้ไม่นาน ผมไม่อยากถามว่าจะให้ไปทำอะไร เพราะถึงผมถามไปยังไงเขาก็ให้ผมไปอยู่ดี


   ผมเดินกลับมาถึงบ้านวิคเตอร์อีกครั้งด้วยความหน่ายใจ จู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยล้าไปหมด ขอบตาผมร้อนผ่าว แล้วนึกสมเพชตัวเองที่ดิ้นรนอยากมาฝึกงานที่นี่ ผมเลือกเอง ไม่ได้มีใครบังคับให้เลือก ผมเปิดประตูบ้านวิคเตอร์เข้าไปอีกรอบ เขายืนดื่มไวน์ด้วยท่าทีสบายใจ นี่ถ้าผมยังไม่ประสาทเสียหรือขอลาออกไปก่อน เขาจะไม่หยุดสินะ


“จะให้ผมทำอะไรอีกครับ” ผมถามหน้าตึง ใบหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงเรียบๆ


“ขัดห้องน้ำชั้นล่างให้หน่อย เมื่อกี้เข้าไปดูแล้วรู้สึกมันสกปรก” ผมพยักหน้าอย่างเฉยชา แล้วเดินไปที่ห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องซักรีด พอผมเปิดเข้าไป ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะสกปรกซกมกตรงไหน แต่ผมไม่เหลือแรงต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว ผมจัดการฉีดน้ำ และเริ่มทำความสะอาดห้องน้ำที่มันสะอาดอยู่แล้วด้วยใจอันร้อนรุ่มเพราะความหงุดหงิด



“ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ” ผมบอกหลังจากจัดการห้องน้ำให้เขาเสร็จ วิคเตอร์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว พยักหน้าน้อยๆ ด้วยหน้าตากวนๆ ผมเดินออกจากบ้านไปด้วยความเหนื่อย เหนื่อยทั้งกายและใจ


ผมเดินอย่างเชื่องช้า ก้าวเท้าน้อยๆ ยิ่งดึกอากาศยิ่งเย็น จนแอบสั่นเหมือนกัน ผมกำลังจะเลี้ยวตรงหัวมุมที่เดิมเพื่อเดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกรอบ ผมกลอกตาแล้วหยิบขึ้นมารับสาย


“กลับมาก่อน” ผมถอนหายใจแล้วหมุนตัวเดินกลับไป ณ บ้านหลังเดิมที่เพิ่งเดินจากมา ผมขบกรามแน่นและบอกกับตัวเองว่าให้อดทนไว้ พอผมเดินขึ้นบันไดไปหน้าประตู ยังไม่ทันไขกุญแจ ประตูก็เปิดออกก่อน วิคเตอร์ยืนถือถุงขยะสีดำใบหนึ่งเอาไว้แล้วยื่นมาให้ผม


“ฝากทิ้งที” ผมหน้านิ่วคิ้วขมวด วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นสูง ผมต้องปลอบตัวเองอย่างเงียบๆ ว่าอย่าระเบิดออกมา ผมคว้าถุงนั้นมาจากมือเขา วิคเตอร์ปล่อยมือท่าทีสบายๆ


“Thank you. Good night. (ขอบใจ ราตรีสวัสดิ์นะ)”  เขาส่งยิ้มกวนๆ แล้วปิดประตู ทิ้งให้ผมยืนขอบตาแดงก่ำ น้ำตาตั้งท่าจะไหลออกมา ผมพยายามห้ามแล้ว แต่ด้วยความโกรธ ความเหนื่อย ความน้อยเนื้อต่ำใจ มันก็ทำให้ผมห้ามไม่ได้ ผมรีบปาดน้ำตาทิ้ง แล้วหมุนตัวจะเดินลงบนได แต่เรี่ยวแรงมันก็หมดขึ้นมาซะเฉยๆ ผมทรุดตัวนั่งลงร้องไห้อยู่ที่บันไดหน้าบ้านของวิคเตอร์ มีถุงขยะวางอยู่ข้างกาย ผมนั่งร้องไห้เงียบๆ ความรู้สึกจุกแน่นอยู่ในอก ผมไม่รู้เขาจะโทรเรียกผมมาแกล้งอะไรอีก ผมเลยตัดสินใจนั่งมันอยู่ตรงนี้แหละ มีอะไรก็จะได้เดินเข้าไปบ้านไปง่ายๆ ไม่ต้องเดินกลับไปกลับมาอีกแล้ว ผมปาดน้ำตาทิ้งแล้วทิ้งอีก แต่มันก็ไหลออกมาไม่ยอมหยุด


ผมนั่งเอาหัวพิงกับซี่กรงเหล็กบันไดทางขึ้น หลับตาไปพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ แห้งหายไป ผมคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงความสบายที่เคยตัวตอนอยู่เมืองไทย ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ไม่เคยต้องมาทน มาทำอะไรให้ใครขนาดนี้ แล้วนี่ผมจะเอายังไงต่อ ขอลาออก แล้วขอคุณเอมิลี่ไปทำอย่างอื่นดีมั้ย ถ้าเขาไม่ชอบผม จะได้สมใจเขาสักที
ความคิดตีกันวุ่นวายในหัว จนผมปวดหัว บวกกับร่างกายเพลียๆ เลยทำให้ผมหลับไปในสภาพนั้น ท่ามกลางอากาศเย็นจัด แม้ไม่หนาว แต่ก็ทำเอาผมสั่นได้เหมือนกัน…




---------------------------TBC.--------------------------------

รีบลง อีกบอร์ดจะจบพาร์ทแรกละ 55555 ติดตามการอัพเดตข่าวสารใดๆ ก่อนใครที่เพจเฟซหรือทวิตเตอร์จ้า

 FICTION Y BY ขุ่นเจ้ (https://www.facebook.com/FictionYByKhunjae) & TWITTER (https://twitter.com/datomh)

หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries.Part: You and I||::Chapter4::17.06.58::PG.1หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-06-2015 20:23:52
อ่านตอนแรกไปพุ่งไปอ่านอีกเวปเลย

เราชอบ ชอบ ชอบ ชอบ มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ตรงมันมีรายละเอียด มีมิติของตัวละคร นิสัยของแต่ละตัว เล่าผ่านเนื้อเรื่องได้แจ่มมาก
หมั่นไส้อิยักษ์มาก #โดดถีบแม่ม

หยอดกระปุกสะสมทรัพย์เพื่อเอเลี่ยนน้อย เอาเท้าเขี่ยอิยักษ์
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries.Part: You and I||::Chapter4::17.06.58::PG.1หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 17-06-2015 20:32:26
ดีใจที่เอาเรื่องนี้มาลงในเล้านะคะ
ตามอ่านที่เด็กดี ชอบมากกกกก
รอรวมเล่มค่ะ เป็นเรื่องหนึ่งที่คิดซื้อเก็บ  o13
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::Chapter 5::18.06.58:: PG.2
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 18-06-2015 18:08:24


CHAPTER 5 :: Reconcilement? Day dreaming.



“Whoah! (เฮ้ย!)”


ผมสะดุ้งตื่นด้วยความสะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงห้าวๆ ดังขึ้น พร้อมกับความรู้สึกโดนถุงขยะสีดำที่วางทิ้งไว้ข้างตัวเมื่อคืนกระแทกเข้าใส่เบาๆ ผมกระพริบตามองไปรอบๆ ก็เห็นท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มเคลือบสลับกับสีฟ้าใส ผมกระพริบตาด้วยความหนักๆ มึนๆ ก่อนจะแหงนหน้าหันไปมองวิคเตอร์ที่ยืนอยู่ในชุดเสื้อฮู๊ทสีเทา กางเกงขายาวเนื้อนุ่มสีดำที่มีตัวเลขเขียนตรงช่วงต้นขากางเกงว่า 89 ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งสนิทด้วยความฝืดและรู้สึกระคายคอ


“นายนอนตรงนี้หรอ?!” เขาเอยถามเสียงสูงสะบัด ผมเงยหน้ามองอันตื่นตะลึงของเขาก่อนจะถอนใจเบาๆ แล้วค่อยๆ ตอบเสียงแหบพร่า


“เผื่อคุณอยากเรียกใช้อะไรผมอีก ผมขี้เกียจข้ามสะพานบรู๊คลินบ่อยๆ แล้ว” ผมบอกเสียงเนือยๆ เดาว่าหน้าตาผมคงดูเหนื่อยๆ ด้วยเช่นกัน


“นายเพี้ยนไปแล้วรึไงถึงมานอนตรงนี้ เกิดบ้าอะไรขึ้นมา คิดจะประท้วงฉันรึไง?!” เขาถามเสียงห้วน เดาว่าผสมความโกรธด้วย ผมขบกรามแน่นแล้วลุกขึ้นยืนอย่างโงนเงน รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวเพราะนอนในท่าประหลาด ก่อนจะหันไปมองใบหน้าถมึงทึงของอีกฝ่าย


“ผมไม่กล้าประท้วงคุณหรอกครับ เจ้านาย แต่ผมแค่เป็นกังวลว่าจะมารับใช้ไม่ทันใจคุณก็เท่านั้นเอง เพราะเผอิญผมอยู่ไกลเจ้านายตัวเองเหลือเกิน” ผมบอกเสียงที่พยายามไม่ให้มันสั่น หน้านิ่ง แม้จะมึนหัวและรู้สึกไม่สบายตัวแค่ไหนก็ตาม วิคเตอร์ขบกรามแน่น ใบหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที


“อย่ามาแดกดันฉัน!” เขาบอกด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำด้วยความเคือง ผมพยายามควบคุมสติตัวเองไม่ให้น้ำตาคลอแล้วไหลออกมาอีก


“ผมไม่กล้าหรอก ผมแค่พูดตามความจริง ผมอยู่ตรงนี้ เผื่อคุณเกิดอยากโทรเรียกผมมาทำงานอะไรให้อีก ผมจะได้เดินเข้าไปหาคุณได้เลย”


“แล้วทำไม…?!” เขาชะงักคำพูดตัวเองไว้ ก่อนจะมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า คราวนี้ใบหน้าเขายิ่งเกร็งกว่าเดิม


“โง่แล้วยังทำตัวอวดเก่งอีกนะ!” เขาบอกด้วยความโมโห ผมไม่เข้าใจเขาจะโมโหอะไร


“คุณจะโมโหไปทำไมครับ ผมเป็นคนตัดสินใจทำแบบนี้เอง ขอโทษทีที่ผมโง่ ขอโทษด้วยถ้าผมทำเหมือนไม่มีสมอง แต่ผมคิดได้แค่นี้จริงๆ ผมไม่อยากวิ่งไปวิ่งมาอีกแล้ว นั่งตรงนี้สะดวกเรียกใช้ดี” ผมบอกแล้วกลืนน้ำลายที่แห้งจนฝืดคอ ผมรู้สึกว่าริมฝีปากตัวเองแห้งจนต้องเม้มเอาน้ำลายออกมาหล่อลื่นบ้าง วิคเตอร์จ้องมองผมด้วยสายตาแข็งกร้าว


“เข้าไปในบ้าน!” เขาบอกเน้นสียง หน้าจริงจัง แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกกลัวเขาเลย แต่ผมรู้สึกแห้งไปทั้งตัว รู้สึกปวดเนื้อปวดตัว


“ให้ผมทำอะไรอีกครับ ทำอาหารเช้า ขัดห้องน้ำห้องไหน หรือให้อาหารหมา แมว นก เป็ด ไก่ ที่ไหนอีก” ผมคลี่ยิ้มประชดน้อยๆ ด้วยความยากลำบาก อีกฝ่ายสีหน้าเข่นเขี้ยวและแทบจะแยกเขี้ยวใส่ผมอยู่แล้ว เขาไม่ตอบอะไรแต่หันกลับไปเปิดประตูบ้าน แล้วดึงแขนขวาผมเข้าไป ผมแทบตัวปลิว เพราะตัวเล็กกว่าเขาอยู่แล้ว และอาการก็โงนเงนไม่ค่อยมั่นคง เลยถูกเขาลากไปอย่างง่ายดาย วิคเตอร์กระแทกประตูปิดตามหลังด้วยอารมณ์ จนผมแอบสะดุ้ง กลัวประตูจะพังหรือเปล่า เขาลากผมไปที่ห้องรับรองแขกหรือห้องนั่งเล่นของเขานั่นแหละ แล้วบังคับให้ผมนั่งลงบนโซฟาสีขาว ตัวที่ผมเห็นเขาเคยพาสาวมาเผด็จศึกแต่ไม่สำเร็จ ผมลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีที่พยายามมั่นคง เขาทำตาดุใส่ผม


“คุณจะให้ผมทำอะไร ก็สั่งมาเถอะ อาหารเช้ามั้ย? จะได้รีบไปกองถ่าย วันนี้คุณเริ่มถ่ายตอนบ่าย…” ผมหยุดกลืนน้ำลายลงคอที่มันแห้งมาก และเหมือนมีอะไรเสียดสีคอตลอดเวลา ผมเม้มปากเพื่อให้น้ำลายเปียกที่ปากบ้าง ผมรู้สึกหนักที่หนังตา และรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก


“ยืนนิ่งๆ ให้ได้ก่อนเถอะ!” เขาบอกเสียงห้วนแล้วจับไหล่ผมให้นั่งลงตามเดิม ผมทำท่าดื้อจะลุกขึ้น เขาก็ถลึงตามองแล้วยกนิ้วชี้หน้าเป็นการห้าม จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินออกไป ผ่านไปสักพักเขาก็กลับเข้ามาพร้อมถืออะไรสักอย่างไว้ในมือ ผมมองเขาด้วยสายตาเหนื่อยล้า วิคเตอร์เดินเข้ามาแล้วนั่งลงใกล้ๆ ผม


“อ้าปาก” เขาสั่งเสียงห้วนๆ ตามเคย ผมย่นคิ้วกระพริบตามองเขางงๆ เขาทำหน้าตาโดนขัดใจ ก่อนจะเลื่อนมือซ้ายมาบีบแก้มผมจนผมต้องอ้าปาก ก่อนจะยัดเครื่องวัดไข้เข้ามาในปากผม แล้วหุบให้เสร็จสรรพ และทำหน้าดุๆ เป็นการเตือนว่าอย่าอ้าปากหรือดึงออกเด็ดขาด เขาดึงแขนเสื้อขึ้นดูนาฬิกาข้อมือสีดำที่ใส่อยู่ พอผ่านไปประมาณหนึ่งนาทีได้ เขาก็ดึงที่วัดไข้ออกจากปากผมแล้วก้มลงมอง


“อวดเก่งจนไม่สบาย สมใจอยากรึยัง” เขาว่าด้วยเสียงประชดประชัน หน้าตาออกแนวหมั่นไส้


“ผมไม่ได้อยากป่วยสักหน่อย”


“ไม่อยากป่วยแล้วไปนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้น”


“ก็บอกแล้วไงว่าผมกลัวคุณโทรตามแล้วผมจะมารับใช้ไม่ทันใจคุณ” ผมบอกเสียงแหวเล็กๆ ด้วยความโมโห เขาขบกรามแน่นก่อนจะผ่อนลมหายใจหนักหน่วง หน้าตาเครียดเล็กน้อย


“นายลาออกไปเถอะ” ผมไม่มีแรงจะทำตาโต ทำท่าหงุดหงิดหรือโมโหอะไรแล้ว ได้แต่ยิ้มเยาะน้อยๆ


“คุณอยากให้ผมออกรึเปล่า” ผมถามเขากลับด้วยใบหน้าอิดโรย วิคเตอร์นิ่งไป ใบหน้าเขาเฉยชาก็จริง แต่สายเขาครุ่นคิด


“แล้วนายอยากออกรึเปล่า” แน่ะ! ยังจะย้อนถามอีก


“ผมยังไงก็ได้ ถ้าคุณเอมิลี่บอกให้ออก ผมก็ออก แต่ถ้าคุณเอมิลี่บอกให้อยู่ต่อ ผมก็จะอยู่” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแล้วทำเสียง หึๆ ในลำคอ


“นี่หมายความว่า คำสั่งฉันไม่มีความหมายเลยงั้นสินะ”


“ถ้าไม่มีความหมายผมจะทำที่คุณสั่งทุกอย่างงั้นหรอ” ผมบอกเสียงสะบัดด้วยความขุ่นเคืองในใจ


“แต่นายก็ไม่ยอมลาออกอย่างที่ฉันบอก”


“เว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะคนๆ เดียวที่สั่งให้ผมออกได้คือคุณเอมิลี่ เพราะเธอเป็นคนรับผมเข้ามาทำงาน และในเมื่อเธอมอบหมายงานนี้มาแล้ว ผมก็จะทำให้ดีที่สุด” ผมบอกด้วยสายตาและน้ำเสียงที่ยืนยันในความตั้งใจในการทำงานของผม ถึงตอนอยู่บ้านผมจะไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แต่ถ้าผมได้รับผิดชอบอะไรสักอย่าง ผมก็จะทำให้สำเร็จเหมือนละครเวทีที่ผมรับหน้าที่เขียนบทและกำกับ ผมก็ทำมันจะสำเร็จแม้อุปสรรคจะเยอะแค่ไหนก็ตาม เขามองหน้าผมด้วยสายตาหยั่งเชิง ก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย


“ก็ได้…” เขาบอกแค่นั้น แล้วจ้องหน้าผม ใบหน้าเขาว่างเปล่าแต่แววตาเขาดูอ่อนลง ไม่ดุ ไม่กร้าว ใส่อีก ผมมองตอบกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไร เป็นแค่อาการมองหน้าอีกฝ่ายค้างๆ แบบที่ลืมละสายตา เพราะว่ามึนจนไม่รู้จะต้องทำอะไรแบบไหนก่อน วิคเตอร์ย่นคิ้ว หน้าตาขมุกขมัวเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วกลืนน้ำลายลงคอที่ฝืดจนรู้สึกฝาด


เขาหายไปสักพักแล้วกลับเข้ามาอีกรอบพร้อมถือถาดสีเงินๆ เข้ามาด้วย ผมขยับตัวเล็กน้อย เขารีบเดินเข้ามาแล้วดันไหล่ให้ผมอยู่กับที่


“ผมแค่จะขยับตัวเฉยๆ” ผมบอกเขาเสียงอ่อน อีกฝ่ายเหมือนจะวางใจว่าผมจะไม่ลุกขึ้นยืนเลยปล่อยไหล่ผม เขาเดินมานั่งลงข้างผมที่ด้านซ้ายมือ ก่อนจะวางถาดสีเงินที่ในนั้นใส่พวกสำลี แอลกอฮอล์ เบตาดีน ผ้าก็อตทำแผลและเทปกาวสำหรับติดผ้าก็อต
ผมหันไปมองหน้าเขาด้วยอาการตื่นตระหนกเล็กๆ พ่อพระเอกทำหน้าตาและท่าทีเงอะๆ งะๆ ก่อนจะตัดสินใจดึงแขนซ้ายผมไป แล้วดันแขนผมยกขึ้นจนเห็นข้อศอกที่เป็นแผลได้ถนัด เขาค่อยๆ ดึงผ้าก็อตสีขาวอันเก่าออก ผมเกิดอาการกระตุกดึงแขนกลับ แต่เขาก็ตามมาคว้าแขนผมไว้อย่างไว แล้วถลึงตามองเป็นการเตือนให้อยู่นิ่งๆ ผมเองก็ตาจะปิด รู้สึกเพลีย ไม่มีแรงไปยื้อยุดกับเขา เลยปล่อยให้เขาจัดการดึงผ้าออกจนหมด เขามองที่แผลผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมไปหยิบสำลีและแอลกอฮอล์ขึ้นมา เขาปล่อยมือออกจากแขน ผมค้างท่าพับข้อแขนไว้แบบนั้น วิคเตอร์เทแอลกอฮอล์ลงบนสำลี แล้วเอื้อมมือมาจับแขนผมไว้อีกครั้ง เขาทำท่าจะเช็ดสำลีที่แผลผม


“ผมทำเองก็ได้ ผมแค่ป่วย ไม่ได้พิการ” เขาตวัดสายตาขึ้นมามองด้วยความไม่พอใจ


“ปากเก่งได้ทุกเวลาเลยนะ” ผมทำหน้าเอือมแบบเพลียๆ


“ผมไม่ได้ปากเก่ง ผมแค่กำลังบอกว่าผมทำเองได้จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรนี่ครับ” ผมตัดบทที่เขาจะเถียงด้วยการดึงสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดแผลด้วยตัวเอง โดยไม่สนใจสายตาขวางๆ ของอีกฝ่าย พอผมเช็ดเสร็จก็หย่อนลงไปในถาดสีเงิน ก่อนจะหยิบเบตาดีนเหยาะลงสำลีแล้วเอามาชุบแผลสดที่ยังไม่แห้งสนิทของตัวเอง พอเสร็จขั้นตอนที่สองผมก็หยิบผ้าก็อตมาทำแปะแผลเอง แอบเหลือบมองหน้าวิคเตอร์ที่มองตามทุกอิริยาบถของผมกับใบหน้านิ่วคิ้วย่น แต่แววตามองด้วยความสนใจเหมือนคนเพิ่งเคยเห็นอะไรเป็นครั้งแรก


“น่าเวทนาจริงๆ…” เขาบอกเสียงทื่อ แล้วแย่งผ้าก็อตกับเทปกาวใสไป ก่อนจะค่อยๆ แปะลงบนแผลให้ผมจนปิดแผลทั้งหมด


“Thank you. (ขอบคุณครับ)” ผมเอ่ยขอบคุณใบหน้าเรียบเฉยแล้วลดแขนลง วิคเตอร์เองก็ทำหน้านิ่ง เกิดบรรยากาศเงียบๆ ชวนทำตัวไม่ถูกขึ้นรอบตัวเราสองคน จนผมต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนีไปทางอื่น แล้วสักพักเจ้าไมเคิลก็วิ่งลงบันไดมาทำลายความเงียบอันแสนไม่คุ้นเคยระหว่างเราสองคน มันวิ่งหน้าระรื่นเข้ามาก่อนจะกระโดดขึ้นบนโซฟา ทีแรกผมคิดว่ามันจะเดินข้ามตัวผมไปหาเจ้าของมัน แต่มันกลับนั่งชันขาหน้าแล้วจ้องหน้าผม จนผมอดยิ้มขำมันไม่ได้


“What’s up, Michael? (ว่าไงไมเคิ้ล)” มันไม่ตอบแต่ส่งเสียงเห่าดังๆ สองที แล้วกระพริบตาอย่างน่าเอ็นดูใส่ผม สักพักมันก็ยกขาซ้ายขึ้นมาสะกิดไหล่ผมเบาๆ


“He looks hungry. (สงสัยมันจะหิว)” ผมหันไปมองเจ้านายของไมเคิลที่บอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันกลับมามองที่ไมเคิลที่ส่งเสียงเห่าราวกับรับคำพูดของเจ้านายมัน


“Tells him. (บอกนายแกสิ)” ผมยื่นคางไปทางพ่อหล่อยิ้มยากที่นั่งอยู่ข้างๆ


“มันคงจำได้ว่านายเป็นคนให้อาหารมันเมื่อวาน พอเห็นหน้านายอีกรอบมันเลยคิดว่านายจะมาให้อาหารมันอีก” ผมหันกลับไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเหลอหลาอีกรอบ อีกฝ่ายยักคิ้วให้หนึ่งที แล้วเอาศอกชันกับพนักโซฟาและใช้มือขวายันหน้าตัวเองไว้
เออ… คนหล่อ มันก็หล่อทุกท่วงท่า ทุกลีลาจริงๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอีกครั้งแล้วรีบละสายตาจากใบหน้าหล่อคมคายละลายใจจนแทบจะกลายเป็นน้ำแล้วไหลมาตามขา เอ่อ…น้ำเดินหรอแก? ผมย่นคิ้วนิดๆ สะบัดหัวหน่อยๆ  แล้วส่งยิ้มให้ไมเคิล ก่อนจะลุกขึ้นยืนเงียบๆ


“จะไปไหน” เขาเอ่ยถามเสียงห้วน ผมหันไปมองเขาเล็กน้อยก่อนจะสะบัดหน้าเบาๆ ไปทางไมเคิลให้เขารับรู้ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องนั้นไปทันที โดยมีไมเคิลวิ่งตามออกมา ผมมาที่ห้องครัวแล้วจัดการหาอาหารให้เจ้าโกลเด้นสีทองตัวโตนี่กิน พลางนึกสงสัยว่าเจ้าฟอกซ์น้องมันหายไปไหน ผมยืนมองเจ้าตูบก้มหน้าก้มตากินอาหารกระป๋องของสุนัขอย่างมูมมามแล้วยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ


“นายก็ต้องกินเหมือนกัน จะได้กินยา” ผมเงยหน้ามองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบในห้องครัว ผมเม้มปากเบาๆ เพื่อให้ปากไม่แห้ง ก่อนจะเดินออกไป แต่ก็ถูกเขาคว้าแขนเอาไว้


“จะไปไหนอีก” ผมหันไปมองหน้าเขาพลางบิดแขนตัวเองออก ก่อนบอกเสียงเบื่อๆ


“ผมจะไปหาอะไรกิน แล้วเดี๋ยวจะกลับมาทำอาหารเช้าให้ละกันนะครับ” ผมว่าเสร็จก็เตรียมตัวจะเดินออกไป แต่วิคเตอร์ใช้ลำแขนขวามาดันอกผมไว้จนผมถอยหลังไปชิดติดกับโต๊ะทำกับข้าวในครัว ผมขบกรามเบาๆ สีหน้ามึนตึง


“จะให้ผมทำอะไรก็รีบบอกมา ผมจะได้ทำให้” อีกฝ่ายมองผมอย่างหงุดหงิดทั้งสีหน้าและสายตา แต่ผมเลือกไม่สนใจหันสายตาไปมองทางอื่น


“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย” เขาบอกเสียงต่ำมีแววเสียงฟึดฟัด ผมยังคงไม่มองหน้าเขา


“คนป่วยก็ทำหน้าได้ดีเท่านี้แหละครับ” วิคเตอร์คงเหลืออด เขาใช้แขนขวาที่รั้งตัวผมไว้ บิดตัวผมให้หันไปหาเขา แต่ผมก็เลือกที่จะหันหน้าหนีไปมองทางอื่นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการโกรธอย่างชัดเจนใดๆ


“ฉันไม่ชอบง้อใครนานๆ นะ ฉันรำคาญ!” เขาบอกเสียงต่ำหึ่งๆ และบีบไหล่ทั้งสองข้างผมแน่น ผมยิ้มเยาะๆ แล้วหันไปมองหน้าเขา


“จริงหรอเนี่ย ไม่บอกผมไม่รู้จริงๆ นะ ว่าไอ้ที่คุณทำอยู่มันคือการง้อ ช่างน่าประทับใจ” ผมยักคิ้วข้างหนึ่ง บิดปากคว่ำเล็กน้อยแล้วจ้องตาเขากลับ แล้วพยายามบิดไหล่ออกจากการเกาะกุม แต่เหมือนวิคเตอร์จะมีอารมณ์ (โกรธ) มากขึ้นเพราะเขาบีบไหล่ผมแน่นกว่าเดิมจนผมนิ่วหน้า


“โฮ่ง!” แล้วก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไรต่อเสียงของเจ้าไมเคิลก็ดังขึ้น เขาผลักผมออกเบาๆ ผมไม่สนใจเขาแล้วหันไปมองเจ้าตูบที่ทำหน้ายิ้มแล้วส่ายหางเหมือนจะขออาหารอีก ผมเลยเดินอ้อมโต๊ะไปหยิบอาหารมาให้มันอีกกระป๋อง


“เดินไปนั่งรอฉันในห้องนั่งเล่น” ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วก้าวเดินออกจากห้องครัวไปโดยไม่หันไปสนใจท่าทีอะไรของเขาทั้งนั้น






วิคเตอร์กลับเข้ามาพร้อมกับถือถ้วยที่ใส่อะไรสักอย่างไว้ในมือขวา และถือถ้วยยาเล็กๆ พร้อมขวดน้ำหนึ่งขวดมาด้วย ผมขยับตัวนั่งตรงๆ เขานั่งลงแล้ววางถ้วยยาลงบนโต๊ะไม้พร้อมขวดน้ำ ก่อนจะหันมายื่นถ้วยที่ใส่เกี๊ยวกุ้งให้ผม


“กินซะ แล้วจะได้กินยา” เขาว่าเสียงห้วน หน้าตาไม่สบอารมณ์ ผมไม่อยากเถียง ไม่อยากวุ่นวายอะไรกับเขาในสภาพร่างกายอ่อนเพลียแบบนี้ เลยรับถ้วยมาแล้วคนเบาๆ เขาคงเอาออกมาจากตู้เย็นแล้วเข้าไมโครเวฟ ผมหันหน้าหนีเขา แล้วนั่งกินเงียบๆ ท่ามกลางสายตาของวิคเตอร์ที่จ้องมองมานิ่งๆ จนผมอึดอัดแทบเคี้ยวเกี้ยวไม่ได้


“คุณไม่ไปออกกำลังกายรึไงครับ ไม่ต้องมานั่งเฝ้าผมหรอก ผมไม่ใช่หมา” ผมแอบใช้ประโยคที่เขาเคยพูดไว้ย้อนเข้าให้ จนอีกฝ่ายขึงตามองผมทันที


“แต่หน้านายเหมือนหมา” ช้อนที่ตักเกี๊ยวเข้าปากค้างคาอยู่ในปาก ผมเหลือบตามองเขาด้วยความหน่าย คำด่าใหม่ๆ มีมาได้แทบทุกวัน แล้วถ้าคำไหนถูกอกถูกใจพี่แก ก็จะเรียกย้ำอยู่นั่นวันล่ะหลายรอบ ผมเลือกที่จะมองข้ามไปเพราะถ้าผมเถียง ผมคงไม่ได้กินเกี๊ยวกุ้งจนหมดแน่ๆ ผมเลยนั่งจัดการเกี๊ยวกุ้งจนหมด ก่อนจะวางถ้วยลงบนโต๊ะไม้สีขาว ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบยามากินแต่อีกฝ่ายไวกว่า หยิบถ้วยยาและขวดน้ำขึ้นมา


“รอซักห้านาทีก่อน ค่อยกินยาตาม ให้อาหารมันถึงท้องดีๆ ก่อน” ผมกระพริบตามองเขา แล้วนึกไปถึงคำพูดที่พ่อชอบบอกเวลาผมป่วยแล้วต้องกินยาหลังอาหาร พ่อมักจะบอกแบบนี้แหละว่าให้รอสักพัก ไม่ต้องรีบ อาหารเพิ่งลงท้องไปอย่าเพิ่งส่งยาตามไปในกระเพาะ ผมเลยได้แต่นั่งรอ อีกฝ่ายดูนาฬิกาที่ข้อมือ พอเขาเห็นว่าครบตามที่เขาต้องการก็ยื่นยามาให้ ผมรับแล้วเอาใส่เข้าปาก แล้วยื่นมือไปขอน้ำแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าดุ


“กินแบบนั้นเดี๋ยวยาก็ติดคอตายหรอก!” ผมทำหน้าเซ็งและเอือม ผ่อนลมหายใจเบาๆ ก่อนจะแบมือเลิกคิ้วเป็นเชิงบอกว่าขอน้ำในมือ เขายื่นให้ สีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ ผมกรอกน้ำแล้วกลืนยาลงไป


“คุณไปเตรียมตัวมั้ยครับ เดี๋ยวผมทำข้าวเช้ารอ” ผมบอกเสียงสงบ หน้าตาไม่เร่งรัดหรือรบเร้าเขา


“รออีกสักพักก่อน” ผมขมวดคิ้วเขาหากันทันที


“คุณจะรออะไร” เขาไม่ตอบแต่ก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกรอบ แล้วคำตอบที่ผมถามก็ได้รับคำตอบเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเดินท่าทางรีบๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ผมกับวิคเตอร์นั่งอยู่


“คุณเอมิลี่!” ผมร้องเสียงหลง สีหน้างง


“เกิดอะไรขึ้น นายเรียกฉันมาด่วนขนาดนี้ มีอะไรรึเปล่า” คุณเอมิลี่ที่อยู่ในชุดลำลองเหมือนเป็นชุดที่เปลี่ยนมาลวกๆ ทรงผมสั้นสีทองของเธอดูยุ่งๆ ดวงตาสีฟ้ามองผมกับวิคเตอร์สลับไปมาอย่างไม่เข้าใจ เออ… ผมก็ไม่เข้าใจ
แต่ก็มาเข้าใจตอนพ่อพระเอกพูดประโยคต่อไปเนี่ยแหละ


“ช่วยหางานใหม่ให้เขาทำที ไม่ต้องมาดูแลฉันแล้ว” ผมตวัดสายตาไปมองวิคเตอร์ที่มองหน้าผมด้วยใบหน้าเฉย แววตาเอื่อยเฉื่อย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเอมิลี่ที่กำลังถอนหายใจด้วยความเซ็ง


“ฉันว่าฉันคุยเรื่องนี้จบไปแล้วนะ”
ผมสูดลมหายแล้วผ่อนออกด้วยความเหนื่อยกายเหนื่อยใจ และเหนื่อยกับคนอย่างอีผู้ชายหน้าหล่อ หุ่นล่ำ แต่น่าขย้ำเขี้ยวใส่เพราะยิ้มยาก


“ถ้าเขาอยากให้ผมออก ออกก็ได้ครับ ผมเชื่อว่าคุณเอมิลี่คงมีงานใหม่ให้ผมทำ” ผมบอกหน้าตาย น้ำเสียงไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร เอมิลี่ย่นคิ้วมองผมอย่างไม่ค่อยพอใจ ส่วนวิคเตอร์ขบกรามแน่นแล้วตวัดตาขวางมามองที่ผม ผมยักไหล่น้อยๆ


“ก็อยากให้ผมออกไม่ใช่รึไง” ผมถามหน้าตาเฉย จ้องเขาอย่างไม่ยอมแพ้แม้วิคเตอร์จะมองอย่างดุดัน แต่เอาสิถ้าในเมื่อจะไม่ใช่เจ้านายผมอีกแล้ว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องก้มหน้าก้มตาหนีสายตานั่น


“แต่ฉันต้องการจะคุยใหม่ เอาหมอนี่ไปทำงานอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่มาดูแลฉัน” วิคเตอร์บอกอย่างมีน้ำโห จ้องหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าเป็นช่วงแรกๆ ผมคงคอหดไม่กล้าสู้ แต่จากเหตุการณ์เมื่อคืน แถมต่อเนื่องมาถึงตอนนี้ มันทำให้ผมมองเขากลับอย่างไม่หวั่นเกรง เพราะใช่ว่าผมเองก็จะไม่มีอารมณ์หงุดหงิดเหมือนกัน คุณเอมิลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วไปยืนตรงจอทีวี ตรงกลางระหว่างเราสองคนพอดี


“เล่าให้ฉันฟังหน่อยซิ ว่าทำไมเรื่องนี้ถูกขุดขึ้นมาอีกแล้ว” ผมสองคนนั่งจ้องหน้ากันอย่างไม่ยอมแพ้ ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ฉะนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัว


“ไม่มีไรมาก ฉันแค่ไม่อยากได้คนๆ นี้มาดูแล” ผมเบ้ปากน้อยๆ แล้วหันไปมองคุณเอมิลี่ที่ยืนเท้าเอวมองวิคเตอร์อย่างเอาเรื่อง


“หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา บอกฉันหน่อยว่าแมททำงานขาดตกบกพร่องตรงไหน” วิคเตอร์นิ่งไป แล้วราวกับเขากำลังหาคำตอบให้กับคำถามนั้น คุณเอมิลี่เปลี่ยนมายืนกอดอกมองอีกฝ่ายอย่างใจเย็นราวกับให้เวลาวิคเตอร์คิดคำตอบเหมือนกัน


“He’s so stubborn. (ดื้อเกินไป)” เขาบอกเสียงนิ่งหน้าเฉยหลังจากเงียบไปสักพัก ผมตวัดสายตาไปมองเขา ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเช่นกัน ไอ้นี่… ตอบไม่ตรงคำถามสักนิด!


“And please tell her that you’re so control freak, and freaking stubborn than I am. Oh—one more—you’re fucking self-willed. (ช่วยบอกคุณเอมิลี่ด้วยนะว่าตัวคุณเองก็เป็นไอบ้าบงการแล้วก็โคตรดื้อยิ่งกว่าผมอีก อ้อ อีกอย่าง คุณแม่งโคตรเอาแต่ใจตัวเอง)” ท่อนท้ายผมกระแทกเสียงพร้อมสีหน้าที่ยืนยันในคำพูดตัวเอง ผมขบกรามแล้วช้อนตามองเขาด้วยสายตาจิกกัดเต็มที่ อีกฝ่ายถลึงตามองกลับมา เขายกมือขึ้นมาทำท่าจะดีดหูผม ผมถลึงตามองกลับเป็นการเตือนว่าไม่มีสิทธิมาทำอะไรแบบนั้น เสียงหัวเราะน้อยๆ ของคุณเอมิลี่ดังขึ้น


“You are truly belong together. (เธอสองคนนี่เหมาะจะอยู่ด้วยกันจริงๆ)”
ขวับ


ผมกับวิคเตอร์หันไปมองเอมิลี่ที่ยิ้มจนหน้าที่สวยอยู่แล้ว สวยเข้าไปอีก ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายวิบวับยามมองที่ผมสองคน


“ฉันหมายความว่า คนดื้อสองคนอยู่ด้วยกันนี่แหละเหมาะแล้ว”


“นี่หมายความว่าเธอจะไม่เปลี่ยนคนดูแลให้ฉันงั้นเหรอ” วิคเตอร์ถามเสียงเซ็ง


“จะเปลี่ยนทำไม ในเมื่อคนนี้ก็ดีอยู่แล้ว อีกสองเดือนกว่าๆ แมทเขาก็ไม่อยู่กวนใจนายแล้วล่ะ”


“แต่ตอนนี้หมอนี่กวนใจและกวนประสาทฉันอยู่!”  ช่วยบอกด้วยว่าตัวเองก็กวนตีน เอ้ย! กวนประสาทพอๆ กัน
เขากระแทกเสียงเข้ม แล้วชี้มาที่ผม ผมนึกหมั่นไส้เลยปัดมือเขาที่ชี้หน้าผมอยู่ พ่อพระเอกทำท่าจะเข้ามาทำร้ายร่างกายผม ผมเบิกตากว้างแล้วยกนิ้วชี้ขู่เขา


“ตอนนี้สถานะของเราสองคนยังไม่ชัดเจน ว่าใช่เจ้านายกับลูกน้องรึเปล่า ฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิข่มขู่ผมนะ คุณวิคเตอร์!” ผมบอกเสียงสะบัด แต่ฟังชัด แยกเขี้ยว ถลึงตาใส่เขา จนอีกฝ่ายชะงักไป แต่สีหน้าเขาผมบอกได้เลยว่าหงุดหงิดมาก วิคเตอร์ชักมือที่ไม่รู้ว่าจะยื่นมาดีดหูหรือตีหัวผมกลับไปพร้อมใบหน้าไม่สบอารมณ์และน้ำเสียงฟึดฟัด ผมผ่อนอารมณ์ลงแล้วหันไปหาคุณเอมิลี่


“หางานใหม่ให้ผมทำเถอะครับคุณเอมิลี่ อยู่ไปก็ฝืนใจเขาเปล่าๆ”


“แล้วเธอล่ะ ฝืนใจที่จะทำงานนี้รึเปล่า”


“ผมแยกแยะได้ว่างานคืองาน ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปน ตราบใดที่ผมยังไม่ถึงขั้นเกลียดวิคเตอร์ ผมยังคงทำงานกับเขาได้เสมอ แต่ถ้าผมได้เกลียดใคร ผมก็ทำใจร่วมงานด้วยไม่ได้” ผมบอกเสียงนิ่ง หน้านิ่ง แต่แววตาไม่ไหวติง จนคุณเอมิลี่ยิ้มเหมือนถูกใจในคำพูดของผม


“แสดงว่าเธอยินดีที่จะทำงานนี้ต่อใช่มั้ย” เธอถามผมพร้อมรอยยิ้ม


“เหมือนที่ผมส่งอีเมล์มาบอกคุณนั่นแหละว่า ผมยินดีทำทุกงาน ขอแค่ให้คุณรับผมเข้าทำงาน ผมเลือกฝึกงานที่นี่ และคุณก็ใจดีเลือกผมเข้ามาร่วมงานด้วย  ฉะนั้นงานอะไรผมก็ทำทั้งนั้น” ผมจ้องตาเธอกลับอย่างแน่วแน่ เอมิลี่ยิ้มมุมปากแล้วพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปหาวิคเตอร์ที่นั่งเอาศอกสองแขนเท้ากับพนักโซฟาและยกขามาไขว่ห้างแบบผู้ชาย นี่ถ้าหน้าไม่หล่อจริง ทำท่านี้นี่โคตรกวนฝ่าเท้าชัดๆ


“นายจะไล่คนที่มีความตั้งใจทำงานแบบนี้ออกงั้นหรอ วิคเตอร์”


“ก็แค่คำพูด ใครก็พูดได้”


“งั้นบอกฉันมาสิ ว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แมททำงานไม่เต็มที่รึเปล่า มีตรงไหนทำให้นายไม่พอใจมั้ย” ผมหันไปมองหน้าคนถูกถามที่มองผมกลับมาราวกับกำลังหาจุดผิดพลาดของผมอีกครั้ง ผมเองระหว่างนั้นก็นึกว่า ตัวเองทำงานอะไรพลาดไปหรือเปล่า


“ว่าไง”


“ก็ยัง” เขายอมรับอย่าง่ายๆ จนผมแอบงง จนต้องย่นคิ้วน้อยๆ อะไรของพี่แก


“ก็ยัง? แล้วทำไมถึงอยากจะไล่เขาออก” วิคเตอร์ทำหน้าเอือม แล้วดึงแขนลงจากพนักโซฟาทั้งสองข้าง


“เออ! ไม่ออกก็ไม่ออก” เขาบอกเสียงห้วน หน้าตาไม่สบอารมณ์ หันหน้าหนีผมกับเอมิลี่ไปทางอื่น คุณเอมิลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะขมวดคิ้วนิดๆ


“นายเองก็ไม่อยากให้เขาออกล่ะสิ” ผมเหล่ตาไปมองทางวิคเตอร์ อีกฝ่ายค่อยๆ หันมามองคุณเอมิลี่แล้วยิ้มอย่างขมขื่น


“ถึงฉันอยากให้หมอนี่ออกแทบตาย เธอก็ไม่ยอมหรอก” เขาบอกหน้าบูดหน้าบึ้ง เสียงอดทนอดกลั้น เอมิลี่ยิ้มเบ้ปากแล้วยักไหล่หนึ่งที


“แน่ล่ะ นานๆ ทีฉันจะเจอคนที่ดื้อพอๆ กับนาย ปล่อยไปก็น่าเสียดายแย่” วิคเตอร์เหลือบตามองเอมิลี่ สีหน้าเขาเหมือนคนกลืนไม่เข้าจะคายก็ไม่ออก ได้แต่ขบฟันจนสันกรามขึ้นรูปหน้าชัด


“ฉันไม่เข้าใจ ยังไงหมอนี่ก็ต้องกลับประเทศไทยอยู่ดี ออกไปตอนนี้หรือออกอีกสองเดือนข้างหน้า มันก็เหมือนกัน”


“ไม่เหมือนหรอก…” เอมิลี่บอก ก่อนจะเดินไปนั่งตรงโซฟาตัวเล็ก “…เพราะตอนนี้ไม่มีใครพร้อมมาดูแลนายหรอกนะ ถ้านายยังอยู่แต่ในโลกส่วนตัวมืดๆ ของตัวเอง” ผมเริ่มมึนๆ งงๆ ละ ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องราวอะไรที่มันมีนัยยะแฝงไปมากกว่าการบอกนิสัยวิคเตอร์หรือเปล่า


“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว!” วิคเตอร์บอกหน้าตาขึงขัง แววตากระด้าง จนผมยังแอบสะดุ้ง แต่คุณเอมิลี่ดูเหมือนจะชินกับอาการแบบนี้เลยได้แต่ถอนใจเบาๆ แล้วยกมือสองข้างขึ้นเหมือนยอมแพ้


“โอเค ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก นายรู้ตัวดีว่านายเป็นอะไร” คุณเอมิลี่มองวิคเตอร์ด้วยสายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วง อีกฝ่ายก้มหน้าลงไม่สบตา คุณเอมิลี่ลุกขึ้นยืน


“ฉันกลับก่อนก็แล้วกัน” เธอหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไป ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ยังก้มหน้าก้มตาเหมือนสติหลุดไปแล้ว ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามคุณเอมิลี่ไปประตูบ้าน


[ต่อด้านล่างจ้า]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::Chapter 5::18.06.58:: PG.2
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 18-06-2015 18:13:05


“Emily. (คุณเอมิลี่ครับ)” ผมเรียกเธอที่กำลังเปิดประตู คนถูกเรียกหันมามองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นมองผมด้วยความสงสัย


“ว่าไง มีอะไรยังไม่เคลียร์หรอ” ผมเม้มปากพลางเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น


“ไม่มีคนอื่นดูแลเขาแล้วจริงๆ หรอครับ” อีกฝ่ายย่นคิ้วมองผมด้วยสายตาประเมิน ก่อนจะดึงมือผมออกไปนอกประตูบ้าน แล้วปิดประตูตามหลัง


“ทำไมถึงถามแบบนี้ เมื่อกี้เธอยังยืนยันว่าจะดูแลเขาอยู่เลย” ผมกลืนน้ำลายลงคอที่ยังรู้สึกแห้งอยู่นิดๆ ก่อนจะตอบ


“เปล่าหรอกครับ ผมแค่… แค่ไม่อยากให้เขาอึดอัดใจ ถ้าเขาไม่ชอบผมแต่ยังต้องมาทนเจอหน้าผมทุกวันไปอีกสองเดือน เขาอาจไม่มีความสุขกับการทำงานก็ได้นะครับ” ผมยิ้มเหมือนจะคลี่ยิ้ม แล้วก็เม้มปากด้วยความประหม่า เอมิลี่มองผมนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มริมฝีปากบางเฉียบจนแก้มอิ่ม


“แบบนี้ความคิดฉันยิ่งถูกต้องแล้วล่ะ ที่ให้เธอมาดูแลเขา” ผมเลิกคิ้วขึ้น เบิกตากว้างมองผู้หญิงผมทองตรงหน้างงๆ ก่อนจะยิ้มด้วยความไม่เข้าใจ


“เขาก็ไม่ชอบคนที่ฉันส่งมาดูแลเขาทั้งนั้นแหละ”


“มีคนก่อนหน้าผมอีกหรอครับ” ผมถามด้วยความประหลาดใจ คุณเอมิลี่ส่ายหัวพร้อมกลั้วหัวเราะ


“เปล่า แค่ฉันเอ่ยปากว่าฉันจะหาคนมาดูแลแทนฉัน เขาก็โวยวายเสียงดังแล้ว”


“อ้าว แล้วทำไมคุณไม่ดูแลเขาต่อล่ะครับ”


“ฉันต้องดูแลนายแบบ นางแบบกี่ชีวิต เธอคิดดูสิ ฉันไม่ใช่ผู้จัดการส่วนตัวเขานะ จะให้ฉันมาดูแลเขาคนเดียวไม่ได้หรอก”


“เอ่อ… แต่เขาดู เอิ่ม… ชอบคุณ” ผมยิ้มแห้ง เพราะไม่รู้ว่าที่พูดออกไปเหมาะสมหรือเปล่า คุณเอมิลี่เบ้ปาก ส่ายหัวรัวๆ


“ถ้าชอบเพราะฉันตามใจเขา ล่ะก็ใช่ แต่ถ้าชอบในรูปแบบอื่น ไม่ใช่แน่นอน และฉันก็ไม่ชอบเขาหรอกนะ เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ฉันไม่เอาหรอก ผู้ชายอารมณ์แปรปรวนแบบนั้น ฉันคิดว่าเธอเข้าใจคำๆ นี้ดี” ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว จนเอมิลี่หลุดหัวเราะออกมา แล้วทำให้ผมยิ้มกว้างตามไปด้วย


“หรือไม่บางทีเขาอาจจะอยากได้คนดูแลผู้หญิงก็ได้นะครับ เขาอาจไม่ชอบคนดูแลผู้ชาย”


“เธอก็ผู้หญิงไม่ใช่หรอ” เอมิลี่บอกน้ำเสียงและรอยยิ้มแซวๆ จนผมยิ้มหน้าเหลอหลา


“เอ่อ… ก็ หมายถึง ผู้หญิงจริงๆ น่ะครับ” ผมลูบที่ใบหูด้วยความเก้อเขิน


“อย่าดีกว่า เธอเนี่ยแหละ เหมาะสมที่สุด มีทั้งความเป็นหญิงและความเป็นชายในตัวเอง” เอมิลี่ยิ้มชอบใจในคำพูดของตัวเอง ทำเอาผมยิ้มเขินจนหน้าร้อนผ่าว ก็รู้นะว่าตัวเองไม่ได้มีความมาดแมนจนคนนอกมองไม่ออก แต่พอถูกแซวแบบนี้ก็อดเขินไม่ได้


“เสียดายนะ” ผมหยุดยิ้มแล้วทำหน้างงๆ


“เสียดายอะไรหรอครับ”


“ก็เธอไง ถ้าสูงกว่านี้ ฉันจะจับเซ็นสัญญาเป็นนายแบบในสังกัดซะเลย หน้าตาเธอก็หล่อไม่แพ้วิคเตอร์เลยนะ” ผมหัวเราะน้อยๆ ยกมือขึ้นมาเกาแกมตัวเองเบาๆ แล้วอมยิ้มด้วยความ พยายาม เขิน หึๆ ชมว่าหล่อนี่เหมือนตบหน้าสิบที
ชมว่าสวยแทนได้มั้ย


เดี๋ยวนะ


“ฉันไปก่อนดีกว่า ยังไงก็ทำให้เต็มที่นะ ฉันเชื่อใจเธอ” ผมยิ้มกว้างแล้วผงกหัวสองสามที เอมิลี่ยิ้มเรียบๆ ก่อนจะเดินลงบันไดไป ผมมองเธอเดินไปขึ้นรถออดี้สีดำสี่ประตูที่ผมไม่รู้รุ่น ก่อนจะเปิดประตูบ้านแล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน ผมเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นห้องเดิม วิคเตอร์ยังคงนั่งที่เดิมแต่มีเจ้าฟอกซ์นอนอยู่บนตัก และมีเจ้าไมเคิลนอนอยู่ข้างๆ พอตาสีฟ้าของเจ้าฟอกซ์หันมาเห็นผมก็ส่งเสียงร้องเบาๆ จนเจ้านายมันหันมามองที่ผมด้วยเช่นกัน


“ฟ้องเอมิลี่อยู่ล่ะสิว่าฉันรังแกอะไรไปบ้าง” ผมถอนหายใจแล้วยืนกอดอกมองเขา


“ผมไม่ใช่คนขี้ฟ้อง” ผมบอกแค่นั้น วิคเตอร์อุ้มเจ้าฟอกซ์วางไว้ข้างเจ้าไมเคิล เจ้าน้องตัวเล็กเอาหัวดุนๆ ที่หน้าพี่ชายมัน จนเจ้าโกล้เด้นที่ดมๆ ตอนแรก อดใจไม่ไหวเลยแลบลิ้นมาเลียหัวน้องชาย


ผมละสายตาจากสองตัวนั้นมามองเจ้าของตัวสูงที่ก้มหน้าลงมามองผมอยู่ เขาย่นคิ้ว ก่อนที่มือไม้เขาจะยกขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกำลังงงอะไรสักอย่าง จนผมเองก็งงตามไปด้วยว่าเขาเป็นอะไร


“ผมจะไปทำอาหารเช้าให้คุณก็แล้วกัน” ผมตัดบท ไม่อยากยืนมองหน้าเขา เพราะยังรู้สึกไม่ดีอยู่ ทั้งรู้สึกจากอาการป่วยและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


“เอาให้ฟอกซ์ด้วยนะ” เขาบอกตามหลังมา ผมพยักหน้าตอบส่งๆ ไม่ได้หันกลับไปมอง แล้วเดินไปในห้องครัว ก่อนจะจัดการอาหารให้เจ้าแมวสีเทาลายจุดดำบางๆ ตัวอวบก่อน ผมวางถาดอาหารของมันไว้ที่พื้น รอให้มันออกมากินเอง แล้วก็หันไปจัดการเตรียมอาหารให้พ่อรูปหล่อใจยักษ์ ผมเปิดตู้เย็น ดูว่ามีอะไรจะสามารถทำได้อีกบ้าง ผมหยิบๆ ของที่มันเป็นของสดออกมาก่อน แต่ก็หาได้น้อยเต็มทน ผมล้วงไอโฟนจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมา แล้วกดโทรหาแม่ที่เมืองไทย รอสัญญาณอยู่สี่ครั้งแม่ก็รับสาย


“ว่าไง” แม่ผมเอ่ยเสียงนุ่ม ผมเม้มปากเบาๆ แล้วกระแอมคอก่อนจะพูด


“ยังไม่นอนใช่มั้ย”


“ยัง ดูละครอยู่ มีอะไรรึเปล่า” ผมเกาหัวแกรกๆ สีหน้ายุ่งยากใจ


“คือแมทจะทำอาหาร แต่แมทไม่รู้จะทำยังไง” แม่เงียบไปสักพักหนึ่ง ผมสัมผัสได้ว่าแม่กำลังพักไปทำหน้างงๆ กับพ่ออยู่หรือเปล่า


“นึกยังไงจะทำกับข้าว” ไม่ได้นึกเลยต่างหาก…


“ก็… อยากลองทำดู จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อยๆ” ผมบอกอย่างง่ายๆ ไม่ยืดเยื้อ


“แล้วแมทมีอะไรให้ทำบ้างล่ะ” ผมไม่รอช้าเริ่มไล่รายการอาหารที่วางกองอยู่บนโต๊ะให้แม่ฟัง แม่เงียบไปสักพักก่อนจะตอบ


“ทำข้าวผัดกุ้งกินสิ”


“ยากมั้ย” ผมถามกลับด้วยความไม่มั่นใจ


“ไม่ยากหรอก เดี๋ยวแม่บอก”


“อาจถึงดึกนะ”


“เออน่ะ” ผมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะปัดความคิดถึงพ่อกับแม่ที่แว้บเข้ามาออกไป ไม่อยากมาหวานซึ้งตรึงใจอะไรตอนนี้ อีกอย่างไม่ใช่สไตล์ผมด้วย


ผมหยิบหูฟังออกมาแล้วเสียบเข้ากับโทรศัพท์ ก่อนจะยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตามเดิม แล้วเริ่มทำตามที่แม่บอกมาตามสาย เริ่มจากหั่นแครอทเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ หั่นผักชีเตรียมไว้ ทุบกระเทียมที่หาได้น้อยนิดจากในครัว ผมทุบแล้วมันก็ชอบกระเด็นหนีอยู่เรื่อยจนผมแอบสบถคำหยาบให้แม่ได้ยินหลายครั้งจนแม่แอบดุว่าให้พูดดีๆ พอเตรียมทุกอย่างเสร็จ ผมก็เทข้าวลงไปในกระทะตามที่แม่บอกและใส่ส่วนผสมต่างๆ ตามที่แม่บอกมา


“ผัดนานมั้ยแม่”


“ให้ข้าวมันดูสุกๆ ไม่ขาวมากก็ใช้ได้แล้ว”


“แล้วข้าวสุกไม่ขาวมากมันเป็นไง”


“ก็ข้าวไม่แข็งแล้วไง เดี๋ยวมันสุกก็จะรู้เองแหละ ดูจากสีเนื้อกุ้งก็ได้” ผมผัดไปตามที่แม่บอกแล้วใส่พริกตามไปอีกที ก่อนจะเหยาะเครื่องปรุงที่ในครัวมีอยู่อย่างเดียวคือน้ำตาล นี่ผมต้องจดแล้วสินะว่าต้องซื้ออะไรมาใส่ครัวเขาไว้บ้าง จังหวะที่ผมกำลังผัดๆ ควันลอยฟุ้งอยู่ ผมก็เหลือบไปเห็นเจ้าฟอกซ์กำลังก้มกินอาหารของมันอยู่ เสียงกระดิ่งดังกุ๊งกิ๊งเวลาที่มันขยับปาก


“แม่ ข้าวมันกลิ่นหอมๆ แล้ว เอาขึ้นได้ยัง”


“กุ้งเปลี่ยนสียัง”


“ก็เปลี่ยนแล้วนะ สีส้มอ่อนๆ”


“งั้นเอาขึ้น” ผมจัดการตักข้าวผัดใส่จาน พอเสร็จเรียบร้อยผมก็หันไปหั่นมะนาวแบ่งสองซีกใหญ่ ซีกนึงเก็บไว้ในตู้เย็น อีกซีกนึงวางไว้บนจาน ก่อนจะโปรยผักชีลงบนข้าว จังหวะนั้นวิคเตอร์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ก้าวเข้ามา เขามองอาหารด้วยความสนใจ ผมเลื่อนจานข้าวให้เขาแล้วกลับไปคุยกับแม่อีกนิดหนึ่ง


“แค่นี้นะแม่” ผมกำลังจะกดตัดสาย แต่เสียงแม่ก็ทำให้ผมชะงักไป


“เป็นไงบ้าง ไม่คุยกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว” ผมถอนหายใจเบาๆ เหลือบตามองวิคเตอร์ที่มองกลับด้วยสายตางงๆ ที่ได้ยินผมพูดภาษาไทย


“ก็ดี”


“ไม่โทรหาแม่บ้างล่ะ”


“ไม่รู้จะคุยอะไรด้วย ถ้าจะทำกับข้าวอีกเดี๋ยวโทรไปหาละกัน”


“คิดถึงแม่กับพ่อมั้ย” ผมหลับตาลงด้วยความหน่ายใจ ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึง แต่ทำไมต้องถามคำถามที่ผมคิดว่าไม่น่าถาม


“อยู่ไกลกัน มันก็ต้องมีบ้าง แค่นี้นะแม่ เจ้านายมาแล้ว” แม่เงียบไป แล้วผมก็ตัดสายไปทันทีก่อนจะถอดหูฟัง แล้วยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แต่ในตอนนั้นเองที่ผมก็รู้สึกใจหายไม่น้อย ยิ่งตอนนี้สภาพร่างกายผมกำลังอ่อนแอ ยิ่งคิดถึงแม่ เพราะปกติเวลาผมป่วย จะมีแม่หรือไม่ก็พ่อคอยดูแลตลอด


“Your parents? (ผู้ปกครองนายหรอ)” ผมที่กำลังก้มหน้าเหม่อลอยนิดๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แทนการตอบคำถามเขาแทน


“Are you crying? (นายร้องไห้หรอ)” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว หน้าเครียด จ้องหน้าผม ผมสบตาเขานิดหนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วหันไปหยิบช้อนส้อมมาวางในจาน แล้วเดินอ้อมโต๊ะไปอีกฝั่งเพื่อจะเดินออกจากห้องครัวไป ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองเขาที่กำลังมองผมหน้าอย่างไม่ละสายตา ผมกระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาที่มันคลออยู่


“If you don’t mind, I will go back to my place—to take a shower, and change the cloth; and I will follow you to the production. (ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมจะกลับไปที่พัก อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วผมจะตามไปที่กองถ่าย)” ผมยืนมองหน้าเขาสักพัก พอเห็นเขาไม่พูดอะไร ผมก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อหยิบกระเป๋าเป้ ก่อนเดินออกมาผมขยี้หัวเจ้าไมเคิลเบาๆ


“ไม่สบายก็พักผ่อนสิ จะฝืนไปทำไม” เสียงห้วน แต่ทุ้มน่าฟังดังขึ้นตอนผมเดินผ่านห้องครัวจะออกไปที่ประตู ผมหยุดแล้วหันไปมองเขาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูง


“ผมยังไม่ตายง่ายๆ หรอก ผมยังมีชีวิตอยู่รับใช้คุณอีกนาน” ผมบอกเสร็จก็เดินออกไปทันที ไม่รอให้เขาพูดว่าอะไรอีก ผมปิดประตูบ้านตามหลัง แล้วหยิบถุงขยะสีดำติดมือไปด้วยเพื่อเอาไปทิ้งให้เขา


“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ รีบกลับมา แล้วไปพร้อมฉัน” ผมที่กำลังเดินๆ อยู่ ชะงักกึกแล้วหันกลับไปมองพ่อหน้าหล่อที่เปิดประตูออกมายืนมองผมที่กำลังถือถุงขยะอยู่


“You don’t need to do that. I get used to with the train. (ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมชินกับรถไฟแล้ว)” ผมกำลังจะหมุนตัวไป แต่เพราะเขาเดินหน้าตึงมาทางผม เลยหยุดอยู่กับที่


“Stop irony me, and do what I said! (หยุดกระแทกแดกดันฉัน แล้วก็ทำตามที่ฉันบอก!)” ผมกลอกตาแว้บหนึ่ง ก่อนตอบเสียงทื่อ


“Yes. (ครับ)” ผมหมุนตัวเดินไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อเสียงวิคเตอร์ดังขึ้น


“ฉันเปลี่ยนใจละ ฉันไปส่งนายแล้วรอรับกลับเลยดีกว่า” ผมรีบหมุนตัวกลับไปมองเขาทันที ไม่ใช่ว่าอึ้งที่เขาจะมีน้ำใจไปส่ง แต่งงว่าอะไรเข้าสิงคนๆ นี้อยู่


“ไม่ต้องครับ คุณกลับไปกินข้าว แล้วนั่งรอผมเฉยๆ ดีกว่า” เขาทำท่าจะเถียง แต่ผมยกมือเบรกเขาไว้ทันที


“ผมอุตส่าห์โทรถามแม่ว่าจะทำข้าวจานนั้นยังไง คุณจะทิ้งมันไปเฉยๆ ไม่ได้ ต้องกินให้หมด” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าสับสนนิดๆ


“กลับมาค่อยกินก็ได้”


“ไม่ คุณต้องกิน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ นี่มัน…” ผมชะงักแล้วรีบล้วงไอโฟนออกมาจากกระเป๋าเพื่อดูเวลา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกรอบ


“…มันเลยเวลากินอาหารเช้าของคุณมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว คุณกลับไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวผมกลับเอง” เขายังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดมองหน้าผมอยู่ ผมเอียงคอไปด้านขวาเล็กน้อย แล้วผายมือขวาไปทางประตูบ้าน วิคเตอร์เหมือนถูกแช่แข็ง เขายืนนิ่งงันอยู่กับที่สักพัก ก่อนจะเลิกคิ้วเร็วๆ หนึ่งที แล้วก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ


“หนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที แล้วรีบกลับมา” เขาเงยหน้าขึ้นบอกหลังจากวิเคราะห์เวลาสักพัก ผมผงกหัวขึ้นสองสามทีเป็นอันรับรู้ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินไป พลางสายตาก็ไปสะดุดกับผู้หญิงสามคนยืนอยู่ตรงทาวน์เฮ้าส์ฝั่งตรงข้ามที่กำลังยืนซุบซิบๆ แล้วชี้ไปทางวิคเตอร์ ผมหันกลับไปมองก็เห็นเขายังคงยืนมองผมอยู่ ผมย่นคิ้วนิดหนึ่งแล้วหันหน้ากลับไปมองฟุตบาททางเดิน ก็เป็นจังหวะที่สามสาวนั้นเดินเข้าไปหาวิคเตอร์แล้วขอเขาถ่ายรูป ตอนผมกำลังเลี้ยวซ้ายตรงมุมตึก ผมหันกลับไปมองเล็กน้อย วิคเตอร์กำลังฉีกยิ้มให้กับกล้องของแต่ล่ะคน ผมละสายตาจากตรงนั้นแล้วรีบเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินทันที


ผมเพิ่งเคยเห็นแฟนคลับเข้ามาขอถ่ายรูปเขาก็วันนี้นี่แหละ แล้วระหว่างที่ผมเดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน ผมก็ได้แต่สงสัยว่า ถ้าเขาเป็นคนมีโลกส่วนตัว ไม่ได้อยากจะมาเป็นอาชีพดารานักแสดง แล้วเขาจะทนอยู่ได้เหรอ? แล้วเขามาทำอาชีพนี้ทำไม แล้วไหนจะยังความร่ำรวยของวิคเตอร์ที่ผมยังไม่เข้าใจว่า เป็นดารานักแสดงนี่รวยขนาดมีเงินซื้อทาวน์เฮ้าส์สุดหรูและรถแบรนด์ดังขนาดนั้นได้เลยหรอแต่เขาอาจจะดังมากจนค่าตัวเยอะอย่างไม่คาดคิดเลยก็ได้มั้ง เพราะเรื่องรับงานกับรับเงินผมไม่ได้ดูแลตรงนั้นหรอก







หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ผมก็ออกจากบ้านป้าแมร์รี่แล้วกลับมาที่บ้านวิคเตอร์ทันที ผมกลับมาถึงก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว วิคเตอร์กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา มีเจ้าสองตัวนอนอยู่ด้านล่าง หลับทั้งนาย ทั้งหมา ทั้งแมว ผมเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วกะสะกิดไหล่เขา แต่พอเห็นสีหน้านิ่วคิ้วขมวดของเขา ผมก็เริ่มนิ่วหน้าตาม เพราะกำลังสงสัยว่าเขาต้องฝันอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ วิคเตอร์สีหน้าดูเหมือนกำลังเจ็บปวด มือและแขนกระตุกเบาๆ ผมกระพริบตามองเขางงๆ ก่อนจะยื่นมือไปที่ไหล่ซ้ายเพื่อสะกิดให้เขาตื่น


จึ้กๆ


จริงๆ เรียกว่าจิ้มจะดีกว่าสะกิด ผมออกแรงจิ้มไหล่เขาสองสามที แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะกำลังฝันว่าต่อยมวยหรือยังไงก็ไม่รู้ เพราะพอพี่แกสะดุ้ง ก็เล่นสะดุ้งซะนึกว่านักมวยมาเอง ชกหมัดเข้ามาที่แก้มขวาผม ดีที่ผมหลบทันเลยโดนเฉี่ยวๆ แต่ก็เสียววาบ แต่หมัดก็ยังแอบสะกิดแก้มผมไปเล็กน้อย เกิดความเจ็บแปลบๆ ที่แก้ม


ขวัญเอ๊ยขวัญมา ดีนะมีสกิลหลบหลีกที่ดีพอตัว


“เฮ้ย! ทำไมมาเงียบๆ แบบนี้” วิคเตอร์เด้งตัวตื่นขึ้นมาสีหน้าแตกตื่น และมีอาการหอบเล็กน้อย ผมยืนขึ้นแล้วลูบแก้มตัวเองเบาๆ นี่ถ้าหลบไม่ทันผมคงโดนชกเข้าที่แก้มเต็มๆ


“ก็เห็นคุณหลับอยู่ ผมไม่กล้าทำเสียงดัง” ผมว่า และเลือกที่จะไม่พูดว่าเห็นสีหน้าของเขา วิคเตอร์หลับตาลงช้าๆ แล้วผ่อนลมหายใจเบาๆ ผมมองอาการเขาด้วยความฉงนเล็กๆ ในหัวกำลังเกิดความสงสัยว่าเขาฝันอะไรอยู่ ผมสั่นหัวไล่ความคิดข้างในออกไปเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเจ้าไมเคิลที่ตื่นขึ้นมามองเหตุการณ์งงๆ แล้วผมก็ต้องขำสีหน้าของมันที่งงได้น่าหมั่นเขี้ยวสุดๆ


“ยิ้มทำไม เกิดฉันต่อยหน้านายแหกขึ้นมา ก็หาว่าฉันรังแกอีก” ผมหยุดยิ้มแล้วหันหน้าบูดๆ ไปมองคนที่กำลังโวยวาย


“ผมยิ้มให้หมา ไม่ได้ยิ้มเพราะโดนคุณต่อย” เขาทำหน้าย่นแล้วหันไปมองเจ้าไมเคิลที่ฟุบหลับไปอีกรอบ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืน


“ประสาท ยิ้มให้หมา” ผมได้แต่เหลือบตามองเขาแล้วทำหน้าบึ้ง


“ไปทำงานกันได้รึยังครับ”


“เดี๋ยวค่อยไป อีกตั้งสองชั่วโมง” ผมมองหน้าเขาอย่างจริงจังขึ้นมาทันที


“ไม่ได้ ไปก่อนเวลา ดีกว่าไปช้า”


“แล้วนายก็ให้ฉันไปนั่งรอเนี่ยนะ”


“จากนี่ไปที่กองถ่าย ก็ชั่วโมงกว่าแล้ว คุณต้องรู้จักเผื่อเวลาด้วยสิ อย่าคิด…” เขายกมือขึ้นปัดๆ ทำหน้าเซ็งๆ


“รู้ละๆ ไม่ต้องบ่นยาวเหยียด ฉันนึกว่ามีแม่อีกคนเถอะ”


“ผมเชื่อว่าแม่คุณคงดีใจที่ลูกชายไปทำงานตรงต่อเวลา และตั้งใจทำงานให้คุ้มค่าจ้าง” ผมยิ้มกริ่ม วิคเตอร์เบ้ปากนิดๆ แล้วมองสำรวจหน้าผม จนผมต้องเอามือขึ้นมาจับๆ หน้าว่ามีอะไรติดหน้าอยู่รึเปล่า


“เอ้า!” เขาโยนกระปุกยาสีขาวมาให้ ผมรีบตะครุบคว้าเอาไว้ พอก้มดูก็เห็นว่าเป็นยาแอสไพริน


“กินตามที่ฉลากยาบอก หวังว่าคงอ่านออกนะ” เขาบอกแล้วเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ ผมจิกตาใส่เขาเล็กน้อยก่อนพยักหน้าหงึกๆ แล้วถือกระปุกยานั้นไว้ วิคเตอร์เดินนำออกไป ผมเดินตามเขาออกไปจากห้องนั่งเล่น
พอมาถึงรถเขาผมก็รู้สึกไม่ชิน ที่ต้องขึ้นไปนั่งเลยยืนงงๆ อยู่ฝั่งขวามือของรถแบรนด์กระทิงดุสีเทา วิคเตอร์หันสายตาที่มีแว่นเรย์แบนด์ตั้งบังดวงตาอยู่บนสันดั้งโด่งมาที่ผม


โอ้โห… นี่แค่ใส่เสื้อยืดคอวีสีเทาเข้มรัดหุ่นแน่นหนัดกับกางเกงยีนส์เท่านั้นนะ อย่างกับเดินออกมาจากนิตยสารแอลเมน (ELLE MEN)


“ยืนหน้าเอ๋ออยู่ทำไม ขึ้นรถสิ” เขาบอกมาจากอีกฝั่งของรถ พลางเสยผมสีดำดกหนาที่ปรกหน้าเพราะลมพัดมา ผมเองก็เอามือจับผมที่ปรกหน้าไว้ไม่ให้มันปลิวเข้าตา


“ผมไปรถไฟได้จริงๆ นะ คุณไปเถอะ เดี๋ยวเจอกันที่โน่น” ผมว่าพลางปิดประตูแล้วเขยิบถอยห่างออกจากรถหนึ่งก้าว วิคเตอร์ถอดแว่นออกแล้วจ้องตาดุ


“หยุดอวดเก่ง แล้วขึ้นรถ”เขาบอกเสียงต่ำออกมาจากลำคอ


“ผมไม่ได้อวดเก่ง ผมแค่จะไปเอง ผมชินแล้ว ตูดผมมันไม่คุ้นกับเบาะรถคุณหรอก” ผมบอกเสียงขึ้นจมูก เพราะตอนนี้เป็นหวัด


“หายป่วยเมื่อไหร่ ฉันจะให้นายขึ้นรถไฟไปทั่วนิวยอร์ค ขึ้นรถ!!” เขาตะเบ็งเสียงดังอีกรอบ จนผมสะดุ้งเฮือก รีบเอื้อมมืออันลนลานไปเปิดประตูรถ ก่อนจะเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูตาม


พอเขาทำดุขึ้นมาจริงๆ แม่งก็น่ากลัวนะ


วิคเตอร์เข้ามานั่งตามแล้วปิดประตูเสียงดังปังจนผมสะดุ้งอีกครั้ง ไม่กล้าหันไปมองหน้าเขา ได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองถนนข้างหน้าไปมา นั่งเฉยๆ ดีกว่า สถานการณ์นี้อย่าเพิ่งขึ้นเสียงกับพี่แกเลย


ฟึ่บ!


ผมหันไปมองด้วยความสะดุ้งนิดๆ เมื่อเขายื่นอะไรบางอย่างมาให้ ผมย่นคิ้วสลับกับมองหน้าเขาที่นิ่งเฉย แล้วเขย่าของตรงหน้าผมเป็นเชิงบอกให้รับไป ผมก้มลงมองแล้วหยิบมาจากมือเขา


“ช็อคโกแล็ต?” ผมถามงงๆ เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่หันกลับไปมองถนน พลางสตาร์ทรถแล้ว


“กิน! จะได้ไม่หน้าบูดหน้าเบี้ยว เหมือนคนเยี่ยวไม่ออกมาเจ็ดวัน” เขาบอกหน้ามึน แล้วหักพวงมาลัยออกไปตามถนน ผมก็ได้แต่ทำหน้างง แต่พอเห็นเป็นช็อคโกแล็ตก็ตาวาววับ และแอบกลั้นยิ้มจนรูจมูกบาน อ่าหุๆ ช็อคโกแล็ต ของโปรด กินแล้วอารมณ์ดีจริงๆ นั่นแหละ ผมไม่สนใจว่าวิคเตอร์จะมองยังไงแต่แกะห่อฟรอยด์ที่ห่อหุ้มช็อคโกแล็ตอยู่ออกแล้วกัดช็อคโกแล็ตแท่งแบนเข้าไปในปากทันที


อื้มมม… หวานชุ่มนุ่มลิ้น


แล้วผมก็นั่งแทะเล็มช็อคโกแล็ตไปตลอดทาง พลางฟังเพลงจากไอพอดไปด้วย ผมเผลอหันไปมองวิคเตอร์ที่กำลังยิ้มน้อยๆ อยู่ ตอนแรกผมก็งงว่าเขายิ้มอะไรแต่พอมองไปที่โทรศัพท์ที่เขาเสียบไว้ตรงแท่นสำหรับวางโทรศัพท์ในรถ ก็เห็นว่าเขากำลังอ่านว้อทแอพ (Whats app) ของใครสักคนอยู่


คงเป็นสาวรายใหม่สินะ


แต่ว่า… เล่นโทรศัพท์แล้วขับรถเนี่ยนะ!


“นี่คุณ ขับรถก่อนมั้ยครับ โทรศัพท์มันเล่นเมื่อไหร่ก็ได้” เขาหุบยิ้มแล้วหันมามองหน้าผม ราวกับเพิ่งนึกได้ว่าผมมาด้วย โอ๊ย… อินเลิฟจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง


“ฉันไม่พานายไปตายหรอก”


“แต่คุณกำลังจะพาผมไปตาย ที่อเมริกาเคร่งเรื่องนี้มากไม่ใช่รึไง เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวก็โดนใบสั่งหรอก” ผมเบิ่งตาดุๆ แล้วแยกเขี้ยวใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ อีกฝ่ายพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดแล้วเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางก้มๆ เงยมองจอกับถนนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์


“See you there. (เจอกันที่นั่น)” แล้วเขาก็กดส่งไปในว้อทแอพ ก่อนจะยัดโทรศัพท์เข้าไปที่แป้นตามเดิม พลางหันมามองผมเอือมๆ เป็นเชิงถามว่า พอใจรึยัง? ผมยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ แล้วยักไหล่นิดๆ



[มีต่อด้านล่างค่า]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::Chapter 5::18.06.58:: PG.2
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 18-06-2015 18:21:10


เที่ยงกว่าๆ ผมกับวิคเตอร์ก็มาถึงกองถ่ายที่รถตู้สีขาวคันใหญ่ (แต่มีลักษณะคล้ายรถบรรทุกกลายๆ)จอดอยู่สามคัน เนื่องด้วยวันนี้ขนมาเยอะไม่ได้ เพราะรถต้องจอดบนถนน แถมเป็นหน้าตึกอีก จริงๆ ส่วนมากเขาจะเซ็ทฉากถ่ายทำในสตูดิโอแล้วใช้ Green Screen มาวาดรูปออกแบบฉากตอนตัดต่ออีกที แต่งานแบบนี้ก็อยู่ที่ผู้กำกับแต่ล่ะคนด้วยว่าอยากได้ฟีลลิ่งแบบไหน ถ้าอยากได้ภาพจริงๆ ก็ยกโลเกชั่นไปถ่ายทำถึงสถานที่จริง แต่ถ้าคิดว่ามันตัดต่อได้ก็ใช้สตูดิโอโลด แต่ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็รู้สึกทึ่งอย่างหนึ่งที่ซีรีส์ของเมืองนอกเขาทุ่มเททั้งแรงงานแรงเงินในการถ่ายทำจริงๆ เรียกว่าคุ้มคนดูสุดๆ


หน้าเซ็ทวันนี้เป็นตึกอิฐสีแดงประตูชั้นล่างสุดเป็นไม้สีขาว ใช้เป็นฉากสำนักงานของพระเอกในเรื่อง ทีมงานกำลังเดินเข้าออกกันขวักไขว่ วิคเตอร์ถอดแว่นเสียบไว้กับคอเสื้อ เดินดุ่มๆ ไปทางเต้นท์แต่งตัวที่อยู่ข้างๆ ซอกตึกที่ใช้เป็นโลเกชั่น เวลาเขามากองถ่ายไม่ค่อยพกอะไรมาเยอะแยะนักหรอก ถึงพกมาก็มากองอยู่ที่ผมหมด บทซีรีส์ผมก็คอยถือไว้ให้ โทรศัพท์กับที่ชาร์ตแบตโทรศัพท์เขาก็ฝากผมไว้ แว่นตาก็ฝากผมเวลาเข้าฉาก ถ้ามีหมวกมาด้วยก็จะฝากผมไว้แต่ไม่อนุญาตให้ใส่ เสื้อผ้า ก็ฝากผมไว้เวลาเข้าฉาก กระเป๋าตังค์ กุญแจรถ กุญแจบ้าน ก็ฝากผมเอาไว้ พอเสร็จงานก็ค่อยคืน


“Hey. (ไง)” เสียงใสๆ เอ่ยทักวิคเตอร์ทันทีที่เข้าไปในเต้นท์แต่งตัวสีขาว ผมกระพริบตามองสาวผมหยักโศกน้ำตาลแดง หน้าตาสวยๆ แต่สวยไม่คม คือสวยแต่รู้สึกว่ามีคนสวยมากกว่าหล่อนอีก อะไรแบบนี้ เธอคนนี้มาเล่นรับเชิญเป็นสาวข้างกายของพระเอกในซีรีส์ที่เขาเล่น ซึ่งจะออกอยู่ประมาณหกตอน วิคเตอร์ยิ้มแล้วเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ ก่อนจะพูดคุยกันอยู่สองคน


อ้อ… คงเป็นคนนี้สินะที่คุยกันในว้อทแอพ  และผมกำลังสงสัยว่า สรุปแล้วสเปคของอีพ่อพระเอกคนนี้นี่เป็นยังไงกันแน่ ผมเห็นมาสามคน ลักษณะไม่ซ้ำกันสักคน หรือเขาเป็นพวกไม่มีสเปค แค่ใครฟรีเซ็กส์กับเขาได้เขาก็เอางั้นหรอ


ผมเดินไปนั่งหลบมุมในเต้นท์ เพื่อรอรับของฝากจากเขา เสร็จแล้วกะว่าจะไปเดินเล่นแถวๆ นี้หน่อย (จะได้ไปมั้ยยังไม่รู้ อยากไว้ก่อน) ย่านนี้เรียกว่า Soho เป็นย่านที่มีแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมมากมาย หากใครอยากถลุงเงินเล่นๆ กับของแบรนด์เก๋ๆ รับรองว่าที่นี่ตอบโจทย์ แถมที่นี่ยังมีตึกสถาปัตยกรรมสวยๆ น่าเก็บรักษาเอาไว้ อย่างตึกที่ใช้ถ่ายทำเป็นสำนักงานก็มาใช้ตึกแห่งหนึ่งของละแวกนี้ในถ่ายทำ ระหว่างนั้นไลน์ผมก็เด้งขึ้นมา นังเก้าทักทายไถ่ถามความเป็นไปตามปกติ แล้วผมก็นั่งพิมพ์ไลน์คุยกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นอาทิตย์ เม้าท์เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนึ่งอาทิตย์ของแต่ล่ะคน นังเก้าเล่าว่าไปถึงที่พักวันแรกก็โดนพาไปมอมเหล้าทันที เพราะเพื่อนสาวฝรั่งเอ่ยชวนไปปาร์ตี้ส่งเพื่อนอีกคนกลับประเทศ นางบอกนางแอบเข้าไปในหมู่บ้านนั้น เพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ (หมู่บ้านนั้นเป็นที่พักสำหรับเด็กอายุถึงเกณฑ์ดื่มเหล้าได้แล้วเท่านั้น) พอเมาได้ที่ก็สนุกสุดเหวี่ยง คราวนี้เกิดเรื่องเมื่อตอนนางเกือบโดนโจรปลดทรัพย์สินตอนไปเมาต่อข้างนอก ดีที่นังแบมมันไปด้วยแต่ไม่ได้เมา เลยรอดปลอดภัย ผมก็เล่าบ้างนิดหน่อย พูดถึงพ่อพระเอกนิดๆ แต่ก็สะกิดให้นังเก้าสนใจได้ และไถ่ถามอย่างอยากรู้ ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวมีเวลาว่างๆ ค่อยเปิดสไกป์คุยกันดีว่า อยากเม้าท์แบบมีเสียงมากกว่านั่งพิมพ์มือหงิก


ฟึ่บ!


แล้วอยู่ๆ โลกก็มืด เปล่าหรอก… มีอะไรมาคลุมหัวผมอยู่ ผมรีบดึงออกก็เลยเห็นว่าเป็นเสื้อยืดของวิคเตอร์ ที่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังสวมเสื้อเชิ้ตขาวเพื่อเข้าฉาก เขาโยนแว่นมาให้ผม เล่นเอาใจหายใจคว่ำเกิดรับไม่ได้ขึ้นมาแล้วตกแตกฉันไม่มีปัญญาซื้อใช้แกหรอกนะ ผมวางเสื้อกับแว่นเขาไว้บนตัก แล้วยกมือรับกางเกงยีนส์ที่เขาโยนมา


“กระเป๋าตังค์อยู่ในนั้น เก็บไว้ดีๆ” เขาบอกพลางใส่กางเกงสแลคสีดำของกองถ่ายเข้าไป


แหม… หน้าด้านจริงๆ แก้ผ้ากลางเต้นท์ไม่สนใจสายตาใคร ทั้งที่แกใส่แค่กางเกงในคาลวินไคลน์สีขาวตัวเดียว รู้แล้วย่ะว่ามีของเด็ด ไม่ต้องเน้นย้ำด้วยการถอดโชว์บ่อยๆ หรอก แต่ดูท่าพวกฝ่ายเสื้อผ้าจะเฉยๆ มาก ทุกคนดูนิ่ง แต่ผมนี่สิยังไม่ชินตาเลย ทั้งที่เห็นไอ้ของที่มันอยู่ในกางเกงในเนื้อนิ่มนั่นมาแล้ว แม้จะแว้บๆ ก็เหอะ แต่ก็รู้ว่า


ปืนใหญ่อาเซนอล เจอน้องชายเข้าให้แล้วล่ะ


วิคเตอร์ติดกระดุมกางเกงแล้วยัดเสื้อเข้าไป ก่อนจะเดินกลับไปนั่งคุยกับแม่ดารารับเชิญนั้นด้วยสายตาฟุ้งฟิ๊งกิงก่องแก้ว เหอะ! หวังว่าคนนี้ผมคงไม่ไปขัดจังหวะเขาอีกหรอกนะ


หลังจากแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม เสร็จแล้ว ผู้กำกับก็เรียกนักแสดงไปหน้าเซ็ทเพื่อซักซ้อมคิวภายในตึกที่ใช้เป็นโลเกชั่นสำหรับวันนี้ ผมยืนแอบๆ ที่มุมห้องในตึกที่เซ็ทเป็นห้องทำงานของวิคเตอร์ในเรื่อง ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อทำเดลี่รีพอร์ต (Daily report) ส่งคุณเอมิลี่ วิคเตอร์กำลังยืนอ่านบท พลางพยักหน้ารับคำสั่งของผู้กำกับ โดยมีสาวรายใหม่ของวิคเตอร์ และนักแสดงคนอื่นๆ รวมถึงตัวประกอบ ยืนฟังอย่างตั้งใจอยู่ด้วย


พอซักซ้อมคิวเสร็จผู้กำกับก็สั่งให้เล่นเสมือนจริง เพื่อดูมุมกล้อง แอคติ้ง และองค์ประกอบของนักแสดง การถ่ายทำซีรีส์ (หรือที่เราติดปากเรียกกันว่าละคร) ของที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้ฟิล์มใช้กล้องถ่ายทำตัวเดียวกัน เหมือนที่ใช้ถ่ายภาพยนตร์ ภาพเลยออกมาสวยและให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดูหนังใหญ่อยู่  บางทีภาพแค่ยี่สิบสามสิบวิ แต่พวกพี่แกลงทุนยกเครนนะจ๊ะ แต่ภาพออกมาสวยฟุ้งฟิ๊งกิงกองแก้วแบบที่ต้องบอกต่อใครๆ


“Okay—Tape record! (เอาล่ะ บันทึกภาพละนะ!)” พอได้มุมตามที่ต้องการ ผู้กำกับก็ตะโกนบอกโดยไม่ต้องใช้วอร์เพราะอยู่ใกล้ๆ กัน ทุกคนเข้าประจำที่ วิคเตอร์กับแม่นางเอกรับเชิญนั่นยืนหัวร่อต่อกระซิก มุ้งมิ้งๆ กันสองคน จนผมห้ามความคิดตัวเองไม่ได้ว่า สองคนนี้ไปมุ้งมิ้งกันต่อบนเตียงแน่นอน


Coming soon…


“Tape…5…4…3…2…Action!” สิ้นเสียงผู้กำกับและเสียงเสลทตัดฉับ พร้อมดึงออกจากหน้ากล้อง นักแสดงทุกคนก็เริ่มขยับเขยื้อน และพูดตามบททันที


ไม่อยากชมแต่ก็อดชมไม่ได้ วิคเตอร์เป็นคนที่มีเสน่ห์มากเมื่อทำการแสดง คือวิคเตอร์ไม่ใช่คนหน้าหล่อที่เห็นแล้วจะสตั๊นท์ไปสิบวิหรือหนึ่งนาที เขาไม่ใช่แนวนั้น แต่เขาเป็นคนที่มีหนังหน้าดี โครงหน้าดี มีเสน่ห์ คือเป็นคนหล่อแต่ไม่ใช่ว่าหล่อลากกระชากใจตั้งแต่ครั้งแรกที่สบสายตา แต่เนื่องจากพื้นฐานหนังหน้าเขาดี เมื่อมองๆ ไปจะรู้สึกว่ามันหล่อเนอะ หน้าดีและยังหล่อ อะไรแบบนี้ แล้วยิ่งมาทำการแสดง ผมว่ามันยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเขา คือผมก็ไม่รู้ว่า เพราะหน้าพี่แก หุ่นอันเป็นไม้แขวนเสื้อที่ดีที่ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด หรือเพราะการแสดงของพี่แก ถึงหมอนั่นจะดูมึนๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใคร แต่สั่งอะไรไป ผมยังไม่เคยเห็นแกขัดข้อง แถมใส่แอคติ้งให้ได้หมด ก็ไม่แปลกใจล่ะนะที่ผู้กำกับจะไม่ยอมเปลี่ยนตัวเขาเป็นคนอื่น ผมเหลือบไปมองโปรดิวเซอร์ตัวอ้วนๆ หัวขาวโพลนที่ไม่ค่อยลงลอยกับวิคเตอร์ นั่งนิ่งมองภาพที่หน้าจอมอนิเตอร์ ตั้งแต่ผมมาที่กองถ่าย ผมยังไม่เห็นเขาพูดกับวิคเตอร์นอกรอบเลยสักคำ นอกจากคุยกันเรื่องงาน


‘You okay?’, ‘Understand?’, ‘Do you want to ask something about this scene?’, ‘Good’.
‘นายโอเคนะ’, ‘เข้าใจนะ’, ‘มีอะไรจะถามเกี่ยวกับฉากนี้อีกมั้ย’, ‘ดี’




ประโยควนซ้ำๆ เดิมๆ แล้วอีตาวิคเตอร์ก็ตอบไม่พ้นพวก เยส โน โอเค บางทีก็แค่พยักหน้า ละก็หันไปเตรียมตัวกับการแสดงต่อ หมอนี่มันมึนจริง หรือมันไม่สนใจก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ในกองถ่ายหมอนี่แทบไม่คุย ไม่ยุ่งกับใคร คุยกับผู้กำกับและผมมากสุด
แต่อย่าคิดว่าชวนคุยชมนก ชมไม้ ชมสวน ชมก้อนอิฐ แบบนั้นนะ เรียกว่าชวนใช้ดีกว่า เอะอะหาเรื่องใช้ได้ทั้งวัน บางทีอยู่ที่กอง จู่ๆ ก็มาบอกให้ไปรับของที่แมนฮัทตัน ไอ้ปลวก! อาทิตย์นึงที่ผ่านมา ร่างจะแหลกเป็นสี่แยกไฟแดงเพราะวิ่งไปรับนั่นรับนี่ให้อีพระเอกใจยักษ์นี่มา


แต่ผมว่าตอนนี้หมอนั่นมีคนให้คุยมากกว่าสองคนแล้วล่ะ เพราะดูแล้วจะยิ้มระรื่นชื่นมื่นเหลือเกิน


“Great! Next! (เยี่ยม! ฉากต่อไปเลย!)” เมื่อสิ้นเสียงผู้กำกับ ทุกคนก็ย้ายมุม วิคเตอร์เดินคุยมากับสาวคนใหม่ ผมกะจะเดินไปที่เต้นท์อาหาร เพื่อหาอะไรกิน จะได้กินยาอีกเม็ด ตอนนี้อาการยังรุมๆ อยู่ ส่งเสียงไอน้อยๆ ไม่ขาดสาย กินยาเข้าไปซ้ำๆ จะได้ไข้ลด


เอี๊ยด!


ผมแทบเบรกเท้าไม่ทัน เมื่อนักแสดงคนสำคัญอีกคนของเรื่องที่เล่นเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนอีกคนในเรื่อง เดินตัดหน้าผมออกมาจากประตูหน้าของตึก ตอนผมเดินออกมาใช้ประตูข้างแล้วเดินอ้อมมาข้างหน้า เพราะไม่อยากไปเบียดเสียดกับฝูงทีมงานที่กำลังยืนออกันอยู่ ผมหยุดชะงักกะทันหัน จนทำให้เขาที่กำลังจะเดินเลี้ยวไปทางเต้นท์สวัสดิการ หยุดเดินแล้วหันมามอง ด้วยสายตาที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จนผมประหม่า และส่งยิ้มไม่เต็มปากไปให้


ใบหน้าขาวหล่อกำลังขบแน่น ยิ่งหน้าเขามีหนวดเคราสีน้ำแดงอ่อนที่อ่อนสีกว่าเส้นผมประดับอยู่ด้วยแล้ว มันทำให้เขาดูเหี้ยมมากจริงๆ กลีบจมูกโด่งแทบพุ่งมาแทงหน้าขยับเบาๆ ราวกับกำลังข่มอารมณ์ ดวงตาสีน้ำตาลอมเขียว กำลังมองผมอย่างไม่เป็นมิตร มันรู้สึกได้ ว่านั่นไม่ใช่สีหน้าและสายตาที่ดีที่นัก และไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมถูกมองด้วยสายตาแบบนี้ นี่คือครั้งที่สอง วันแรกๆ เขายังดูปกติกับผม แต่ช่วงสามวันหลังมานี้ เขาดูเหมือนเหยียดผมยังไงไม่รู้


อาจเป็นเพราะผมเป็นคนเอเชีย ผิวขาวเหลืองนวลๆ ด้วยมั้ง เลยทำให้ดูแตกต่าง แถมหน้าตาผมก็ผิดแปลกแหวกแนวคนในกองถ่ายทุกคนที่เป็นฝรั่งมังค่าหมด  ผมก็ได้แต่หวังว่าหมอนี่จะไม่ด่าผมออกมาว่าลิงเหลือง (Yellow monkey)


“Sean. (ฌอณ)” เขาละสายตาราวกับจะบีบผมให้ตายคามือจากผม เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาสะกิดเขาให้เดินตามไป ผมใจเต้นตุบๆ รู้สึกใจไม่ดีที่เห็นอาการนั้น ผมไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้เขาไม่ถูกใจหรือเปล่า เพราะผมยังไม่เคยคุยกับเขาเลย แต่ผมเคยส่งยิ้มให้เขานะ แล้วเขาก็ยิ้มตอบกลับมาด้วย แต่เมื่อวานซืน วันก่อน และวันนี้ เขาเป็นอะไร ทำไมทำสีหน้าที่แสดงชัดเจนนักหนาว่าไม่ชอบผม


เกิดอะไรขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวรึเปล่า


ผมกระพริบตางงๆ ถอนหายใจแล้วส่ายหัวเบาๆ กับความไม่เข้าใจท่าทีของอีกฝ่าย จะบอกว่าคงไม่มีอะไรมั้งก็ไม่ได้ แต่ผมก็ไม่คิดจะถามคนที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนแบบนี้หรอก เพิ่งเจอกันไม่กี่วันแล้วมาทำหน้าทำตาแบบนั้น น่าเอาคอนเวิร์สเขวี้ยงใส่หัวจริงๆ


ป้าบ!


“โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงเป็นภาษาไทย แล้วเอามือขึ้นกุมหัวที่รู้สึกหนักๆ มึนๆ อ้ากกก! ใครขว้างคอนเวิร์สมาใส่ผมหรือเปล่า?!


“ตีหัวผมทำไมเนี่ย?!” ผมหันไปถามสียงแหว แม้เสียงจะขึ้นจมูกเพราะเป็นหวัด แต่เสียงผมก็สะบัดใช้ได้ และเพราะส่งเสียงมากไปทำให้ผมไอโครกๆ อีกสองสามรอบ


“กินยารึยัง?” วิคเตอร์ถามกลับหน้ามึน น้ำเสียงยียวน ผมดึงมือลงจากหัว แล้วถลึงตามองเขาด้วยความหงุดหงิดที่โดนเขาเอามือตีหัว แต่เขาไม่ได้ตีเต็มมือหรอก เขาชอบเอามือนึงวางรองไว้ก่อน แล้วค่อยเอาอีกมือฟาดลงมา


“กำลังจะไปกินนี่ไง!” ผมเสียงขู่ฟ่อ เหมือนเสียงแมวเหวี่ยง


“ฉันเห็นนายยืนทำหน้าเหมือนหมาหลงทางอยู่นานละ เลยเข้ามาช่วยชี้ทางว่าควรไปทางไหน” ผมอ้าปากจะด่า แต่ก็ต้องหุบลงเพราะเกิดอาการไอขึ้นมาอีกรอบ เลยได้แต่ส่งสายตามีดบินไปให้เขา


ชิ้งๆ


“ไปสิ!” เขาบอกเสียงย้ำ ผมสูดลมหายใจ ฟืด! ก่อนจะสะบัดหน้างอนๆ เดินหนีไป ก็เป็นเวลาเดียวกับที่แม่นางเอกรับเชิญเดินมาสมทบกับเขาพอดี


“Your servant is so—short. (คนใช้คุณนี่เตี้ยจริงๆ นะคะ)” แล้วนางก็หัวเราะคิกคักกับวิคเตอร์ที่ร่วมหัวเราะด้วยน้อยๆ


อ้าว! อีนี่!!


“I told you. (ก็ผมบอกแล้ว)”


อ้าว ไอ้นี่!! หน็อย… เอาฉันไปนินทาว่าเป็นคนใช้กับนังกิ๊กใหม่นี่งั้นหรอ?!


ไหนบอกว่าง้อไงวะ ไอ้ที่ทำๆ อยู่นี่ กดขี่ข่มเหงเหมือนเดิม เกี๊ยวกุ้ง ยาแก้ปวด และช็อคโกแล็ตที่ให้มา บอกเลยว่ามันไร้ค่ามาก!


 :hao3:

--------------------------------TBC.-----------------------------

ยาวเช่นเคย 55555 พอเอามาลงในบอร์ดนี้ รู้สึกเหนื่อยมากกับการอัพแต่ล่ะครั้ง เหนื่อยเพราะนิยายตัวเองยาวนี่แหละ แล้วกว่าจะอัพครบ ล่อไปสามสี่กระทู้ -..- รีบๆ ลงไว้ก่อน เพราะอีกบอร์ดเหลือบทส่งท้ายก้อจิจบพาร์ทแรกแล้นนน แต่ที่เล้าตอมคงลงทุกวันจ้า วันล่ะตอนเลย ไม่แน่อาจวันล่ะสองตอนเลยแหละ เผื่อใครที่สิงอยู่แต่เล้าจะได้อ่านทุกๆ วันเลยเนอะ ^^

กดไลค์เฟซบุ๊คหรือฟอโล่วทวิตเตอร์เพื่ออัพเดตข่าวสาร การเม้าท์มอยนอกรอบ หรือร่วมเพ้อเจ้อไปกับคนเขียน
คลิกตรงสีน้ำเงินด้านล่าง ตรงลายเซ็นเลยจ้า กดปุ๊บ ลิงก์เด้งปั๊บเลยยย


หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::Chapter 6::19.06.58:: PG.2 หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-06-2015 18:20:01


CHAPTER 6 :: A man who has a dark side


รถของวิคเตอร์จอดเทียบตรงริมฟุตบาทหน้าทาวน์เฮ้าส์ของเขาในเวลาหัวค่ำ ผมเปิดประตูลงจากรถ แล้วไออีกสองสามทีให้กับอากาศยามค่ำที่โชยมาปะทะร่าง โอ้ยยย… น้ำมูกไหลทั้งวันเลย น่ารำคาญอะไรอย่างนี้ ผมสั่งน้ำมูกใส่ทิชชูเสียงดังฟืดๆ พลางเดินตามหลังวิคเตอร์ขึ้นบันไดบ้านไปช้าๆ พอเปิดประตูบ้านเข้าไปได้ เจ้าไมเคิลก็วิ่งออกมาล้อมหน้าล้อมหลังวิคเตอร์ พร้อมส่งเสียงเห่าด้วยความดีใจทันที พ่อพระเอกก้มลองกอดกับหมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ที่ผมคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีทางได้จากเขาหรอก ผมหันสายตาไปมองเจ้าฟอกซ์ที่นอนอยู่บนเค้าน์เตอร์เครื่องดื่มในครัว


“ของในครัวคุณจะหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปซูเปอร์ฯ ซื้อของสดมาให้ละกันนะครับ” ผมบอกเสียงอู้อี้ขึ้นจมูก พลางสั่งน้ำมูกเสียงดังฟืด ตาก็ปรือจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ วิคเตอร์ขยี้หัวเจ้าไมเคิลอีกทีก่อนจะยืนขึ้นแล้วมองมาที่ผมที่กำลังขยี้ตางัวเงียๆ


“แล้วเมื่อกี้ตอนอยู่ที่กองถ่ายทำไมไม่พูด แถวนั้นมีไชน่าทาวน์ ฉันจะได้ให้นายไปซื้อ” เขาบอกน้ำเสียงและสีหน้าหงุดหงิดนิดๆ ผมชะงักกึก เออว่ะ… ก่อนหน้านี้ทำไมไม่ไปหาซื้ออะไรที่ไชน่าทาวน์


แต่เหนือไชน่าทาวน์ ผมกำลังคิดถึงท่าทีหงุดหงิดๆ และดุๆ แบบนี้ เขาทำให้ผมนึกถึงพ่อดุผมเวลาที่ผมทำอะไรแล้วคิดไม่รอบคอบ ผมยิ้มแหย ยกมือลูบแก้มเบาๆ ก่อนจะตอบ


“ลืมอ่ะ” ผมยิ้มตาหวาน ไม่ได้หวานเพราะผมเป็นคนตาหวานนะ แต่เพราะมันเยิ้มจากอาการเป็นหวัด อีกฝ่ายทำปากยื่นนิดๆ สีหน้าเซ็งหน่อยๆ


“Damn retard. (ไอ้ติงต๊องเอ๊ย)” เขาบอกหน้ามึน แต่โคตรกวนบาทล่างสองบาทของผมที่ขยับยุกยิกไปมา ผมเม้มปากแน่น รูจมูกหุบๆ บานๆ เพราะพยายามไม่ให้อารมณ์เสียแล้วด่าเขากลับ สภาพนี้เถียงไปไอไปไม่เจิดแน่ๆ


“หยุดด่าผมสักแปบ แล้วเอาเงินให้ผมไปซื้อของดีกว่ามั้ยครับ” ผมบอกพลางยกทิชชูขึ้นมาซับน้ำมูกที่กำลังไหลออกมาอีกรอบ


“เดี๋ยวฉันไปด้วย” ผมปล่อยมือออกจากจมูกแล้วทำท่าเหมือนปัดแมลงหวี่แมลงวันที่กำลังบินตอมหน้า


“ไม่ต้องหรอก คุณอยู่นี่แหละ ผมจัดการเองได้ เอาแค่เงินมาก็พอ” ผมยืดมือขวาสุดแขนแล้วแบมือเป็นสัญลักษณ์ของการขอเงิน สีหน้าเขาเอือมเล็กน้อย


“สภาพอย่างกับจะไต่กลับลงหลุม ยังจะอวดดี” เขามองผมเหมือนหมดคำจะพูดแล้ว แต่จริงๆ ไม่มีทางหรอก คำพูด คำจิกกัด ของหมอนี่มีอีกสารพัด


“ก็ได้ ถ้าคุณอยากไป งั้นก็ไปกันครับ แต่เดินไปนะ ซูเปอร์ฯ อยู่ใกล้ๆ นี่เอง” เขาเหลือบตามองผมนิดหน่อย ก่อนจะหมุนตัวเดินนำออกจากบ้านไป ผมหันไปลูบหัวเจ้าแมวตาฟ้าตัวอวบเบาๆ ก่อนจะเดินตามเจ้านายของมันออกจากบ้านไป


ช่วงนี้มันยังเป็นช่วงเวลาหัวค่ำสายๆ อยู่ ประมาณทุ่มสองทุ่มนั่นล่ะ เลยยังมีคนออกมาเดินเตร็ดเตร่กันอยู่ แถวบ้านวิคเตอร์ เรียกได้ว่าเป็นย่านที่ถ้าไม่รวยจริงนั้นอยู่ยาก เพราะค่าครองชีพนั้นแสนจะสูง ทาวน์เฮ้าส์ที่วิคเตอร์อยู่ ผมลองไปค้นหาราคามา แม้จะไม่ได้บอกตัวเลขตรงๆ แต่จากการที่ได้ข้อมูลมาพบว่าราคามันแพงมาก อยู่ในย่าน Upper East side ใกล้เซ็นทรัลปาร์ค สวนสาธารณะใจกลางเมืองนิวยอร์คแบบนี้ด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้ราคาสูงจนน่าใจหายวาบ ผมก็ไม่แปลกใจหรอกถ้าวิคเตอร์จะอยู่แถวนี้ มันเป็นสิทธิ์ของเขา เพียงแต่ผมแค่สงสัยในใจกับตัวเองว่า ค่าตัวการทำงานของเขามันเยอะขนาดนั้นเชียวหรอ เพราะเขาเองก็เพิ่งเริ่มจะดังได้ไม่เท่าไหร่ คือดัง แต่ผมว่าเขายังเหมือนเป็นดาวรุ่งอยู่ ประมาณนั้น


แต่ผมก็ได้แต่สงสัยแหละ ลองค้นข้อมูลในกูเกิ้ลเพิ่มเติม ผมก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติมไปมากกว่าครั้งแรกที่เคยหาข้อมูลเขา ส่วนใหญ่ที่ลงไว้ก็เป็นข้อมูลทั่วๆ ไป และถึงผมคิดจะถามเขาก็ยิ่งเป็นไปได้ยาก และเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หากจะไปถามคุณเอมิลี่ ผมก็คิดว่ามันคงเกินหน้าที่ตัวเองที่จะไปถามซอกแซกประวัติของพ่อพระเอก ผมแค่ดูแลเขาในเรื่องทั่วๆ ไปตามที่เขาสั่ง คิดว่าข้อมูลเชิงลึกขนาดนั้นมันคงจะไม่จำเป็น


แต่ผม… ก็ยังสงสัย แม้จะไม่หมกมุ่น แต่ก็ยังสงสัยเป็นบางครั้งเวลาเจออะไรแปลกๆ มาสะกิดใจ จะว่าไปวิคเตอร์ก็ไม่ได้มีนิสัยประหลาดอะไร แต่บางครั้ง คนเราก็อดสงสัยในตัวคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่ได้เหมือนกันนะ แบบว่ามีบางจุดที่เราอยากรู้ แต่เราไม่กล้าถาม และไม่คิดจะถามเพราะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าคือ ไม่ตอบ


“จะซื้ออะไรบ้าง” เขาหันมาถามตอนเราเดินมาถึงหน้าซูเปอร์ฯ ที่ขายของสด ผลไม้ และของใช้ ให้อารมณ์เหมือน Top supermarket บ้านเรา


“คงเดินเข้าไปดูก่อน เจออะไรน่าทานผมก็คงซื้อไปเก็บไว้ให้คุณ” ผมบอกแล้วไอโครกๆ อีกสองสามที วิคเตอร์มองผมนิ่ง ก่อนจะผงกหัวขึ้น แล้วเดินนำเข้าไป เนื่องจากผมตัวเตี้ยและขาสั้นกว่าเขา พอเขาก้าวยาวๆ ทีนึง เหมือนผมต้องก้าวไปสามก้าว ผมเลยต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วเพื่อนเดินให้ทันเขา


“เดินห่างๆ ฉันบ้างก็ได้ จะมาเดินใกล้อะไรนักหนา เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดหมด” เขาหันมาบอกหลังจากเราเดินเข้ามาในซูเปอร์ฯ ที่กำลังมีคนจับจ่ายซื้อของกันมากมาย ผมเบ้ปาก แล้วหยุดเดินตามเขากะทันหัน ให้เขานำหน้าไปก่อน ผมเข้าใจความหมายเขาดี เขาคงกลัวคนอื่นมองว่าเขาเดินควงผู้ชาย ยิ่งเขาไม่ได้อำพรางตัวเองแบบนี้ คนจะจำเขาง่ายขึ้น แม้เขาจะยังไม่ได้ดังสะพรั่ง แต่เขาก็เริ่มมีชื่อเสียงมีคนรู้จักแล้ว


ผมหันไปมองรอบๆ บางคนมองตามวิคเตอร์แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังคิดว่านั่นใช่เขารึเปล่า แต่คนที่นี่ส่วนใหญ่เขาจะไม่ค่อยแสดงอาการเห่อดารานักแสดงออกอย่างชัดเจนมากนัก ผมทิ้งระยะห่าง จากเขาไว้ไกลมาก ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้เขาอีกทั้งเกรงใจเขาที่ต้องมาเดินกับผม และทั้งกลัวว่าเขาจะหันมาว่าอะไรผมไปมากกว่านั้นให้ผมรู้สึกแย่เปล่าๆ ผมเลยเดินช้าๆ มองของไปเรื่อยๆ ผมแวะหยิบตะกร้าแล้วเริ่มเดินสำรวจหาอาหารให้เขา ที่นี่มีอาหารไทย มีเครื่องปรุงอาหารไทยขายด้วย แต่แพงกว่าที่เมืองไทยประมาณสองสามเท่า แม้ผมจะทำกับข้าวไม่เก่งแต่ก็พอจะมีความรู้อยู่บ้างนิดหน่อยจากการที่มองแม่ทำอาหารบ่อยๆ


ผมอ้อยอิ่งอยู่ตรงโซนเครื่องปรุง หยิบพริกสด พริกไทย น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอส น้ำมันพืช น้ำมันงา หยิบทุกอย่างที่คิดว่ามันคือเครื่องปรุงอาหารนั่นล่ะ แล้วก็เลือกหยิบทั้งของไทยของเทศ เอาไว้ทำให้เขากินหลายๆ อย่าง จะได้ไม่มาบ่นว่าทำอาหารซ้ำซากจำเจ
พอผมได้เครื่องปรุงที่ต้องการและคิดว่ามันแทบจะล้นตะกร้าแล้ว ผมก็เดินไปโซนอาหาร ผมหมุนตัวไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นวิคเตอร์แล้ว ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วปล่อยผ่าน เลือกหยิบของสด ผัก ผลไม้ ใส่ตะกร้า จนตอนนี้น้ำหนักของตะกร้าเริ่มหนักขึ้น แต่ผมก็ยังอุ้มตะกร้าเอาไว้ และเดินสำรวจอาหารต่อไป คนเตี้ยๆ แต่ตัวไม่ได้เล็กมาก ถือตะกร้าในสภาพโอบอุ้มแบบนี้ ช่างเหมือนคนแคระของสโนว์ไวท์เวลาแบกของใหญ่เกินตัวซะจริงๆ


“Oh—sorry! (โอ๊ะ ขอโทษครับ)” สติผมถูกดึงกลับมาวืบ หลังจากเพลินกับการมองหาอาหารใส่เพิ่มเข้าไปในตะกร้า เมื่อเดินชนกับคนที่เขามาจับจ่ายซื้ออาหารในซูเปอร์ฯ เหมือนกัน


“หน้าคุ้นๆ นะ…” ผมยืดคอพ้นจากขอบตะกร้าเพื่อมองหน้ามองคนที่ผมเดินชนชัดๆ อีกที แล้วก็ต้องตาเป็นประกายวิบวับ พร้อมส่งรอยยิ้มไปให้


“อดัม!” ผมบอกเสียงดีใจ อีกฝ่ายยิ้มงงเล็กน้อย สีหน้าของเขาเหมือนกำลังนึกว่าผมเป็นใคร


“เราเคยเจอกันที่สตูดิโอที่วิคเตอร์ถ่ายแบบไงครับ ที่ผมเดินชนคุณ แล้วคุณก็พาผม…”


“เฮ้… ใจเย็น ไม่ต้องรีบพูดขนาดนั้น” เขาบอกพร้อมส่งรอยยิ้มหล่อเหลาน่าเอา เอ้ย! เอาการมาให้ ทำเอาผมยิ้มกว้างตาม


“คุณจำผมได้มั้ย” ผมถามเขาอีกทีพลางกระชับตะกร้าที่อัดอาหารไว้แน่น อดัมกำลังใช้ความคิดขณะที่มองหน้าผมด้วยความสงสัย นี่เขาจำผมไม่ได้หรอ ไหนว่าหน้าผมคุ้นไง


เอ๊ะ! หรือว่าหน้าผมจะไปเหมือนตัวอะไรที่เขาไปเห็นที่สวนสัตว์มาหรือเปล่า (ว่าไปโน่น)


“หน้าคุ้น แต่ฉันนึกชื่อนายไม่ออกแฮะ”


“แมทครับ ผมชื่อแมท” อดัมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง และส่งรอยยิ้มเท่ๆ มาให้


“ขอโทษที ฉันมันเป็นพวกจำชื่อคนไม่เก่งแต่จำหน้าได้นะ” ผมฉีกยิ้มกว้างให้ แล้วพยักหน้าหงึกๆ


“ไม่เป็นไรครับ จำหน้าได้ก็ยังดี” ผมหัวเราะน้อยๆ และผลที่ตามมาก็คือเสียงไออันน่ารำคาญ ผมกระชับตะกร้าที่เริ่มทำให้ผมปวดแขน


“นายซื้ออะไรเยอะแยะเนี่ย ตัวนิดเดียวกินขนาดนี้เลยหรอ” ผมพยายามหยุดไอ แล้วหันไปตอบคำถามเขา


“ไม่ใช่ของผมหรอกครับ ของวิคเตอร์” อดัมมีสีหน้าเข้าใจ ผมเหลือบมองลายสักนกอินทรีย์ที่เป็นลายยาวตรงแขนซ้ายของเขา งืมมม… เท่ง่ะ หุ่นล่ำๆ กับรอยสักเท่ๆ


“นายมาคนเดียวหรอ” เขาถามด้วยความแปลกใจ


“มากับวิคเตอร์ครับ แต่เขาไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อันที่จริงก็เหมือนผมมาคนเดียวนั่นแหละครับ” ผมยิ้มเรื่อยๆ แล้วกระชับตะกร้าที่เริ่มหนักอีกรอบ อดัมมองตะกร้านั้นก่อนจะคว้าไปถือไว้


“ตัวเล็กแค่นี้ เดี๋ยวก็โดนอาหารทับตายหรอก ทำไมไม่เอารถเข็นมาล่ะ” ผมอ้าปากหวอหน่อยๆ แล้วกระพริบตาปริบๆ มองเขา
เออว่ะ ทำไมไม่เอารถเข็นมาวะ


“ฮะๆ นี่นายลืมรึไงว่าที่นี่เขามีรถเข็นให้” ผมหุบปากฉับ เลื่อนสายตาไปมองอดัมที่กำลังยิ้มขำๆ ผมยิ้มกลบเกลื่อนความงั่งของตัวเอง


“รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปเอารถเข็นมาให้” ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่าเดี๋ยวผมไปเอาเอง แต่อดัมเดินผ่านผมไปพร้อมกับถือตะกร้าไปด้วย ผมมองตามแผ่นหลังเขาไปแล้วต้องใจสั่นหวิว


โอ้โหย! มัดกล้ามแน่นลื๊มมมม!


“ไอแมทใจ่บ่อดี๊…” ผมพูดสำเนียงเหนือเบาๆ กับตัวเอง มองตามคนตัวสูงที่ถือตะกร้าด้วยแขนอันแข็งแกร่ง แล้วภวังค์ผมก็หลุดด้วยเสียงจาม ฮัดเช่ย! ของตัวเอง ผมปิดจมูกเอาไว้แล้วกลอกตามองซ้ายมองขวาว่ามีคนเห็นอาการใจไม่ดีเมื่อเห็นมัดกล้ามของอดัมหรือเปล่า แต่ทุกคนก็ยังคงเดินจับจ่ายซื้อของไม่สนใจใคร ผมรอแค่แปบเดียวอดัมก็เข็นรถกลับมา ผมรีบสูดน้ำมูกแล้วตั้งสติที่เบลอเพราะอาการหวัดและอาการเมากล้ามของผู้ชายชื่อเดียวกับนักร้องคนโปรดของผม


“ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณเขาอย่างลืมตัว อดัมมองแล้วยิ้มกว้าง


“จำได้ว่าเจอกันครั้งแรก นายก็ยกมือไหว้ฉัน ครั้งนี้นายก็ยกมือไหว้ฉันอีกแล้ว” ผมลดมือลงแล้วหัวเราะเบาๆ


“อันนั้นไหว้สวัสดี อันนี้ไหว้ขอบคุณครับ” อดัมยิ้มพร้อมใบหน้าสงสัยและดูสนใจกับคำที่ผมบอก ผมเลยยกมือไหว้อีกรอบแล้วแนะนำวิถีไทยให้เขาฟัง


“In Thailand, if you met someone who are older than you—you will do this—and say ‘Sa-wad-dee-krub’. And when someone helps you—you will say ‘Kob-khun-krub’. (ที่ไทยเนี่ยนะครับ ถ้าคุณเจอคนที่อายุมากกว่าคุณ คุณจะยกมือไหว้แบบนี้ แล้วพูดว่า สวัสดีครับ แล้วถ้าใครช่วยคุณ คุณจะพูดว่าขอบคุณครับ)” ผมสั่นมือที่พนมแต้อยู่เบาๆ แล้วยิ้มแฉ่งให้อดัมที่ทำหน้ายิ้มด้วยความสนใจอยู่ เขายกมือขึ้นมาแล้วทำท่าไหว้ พร้อมโค้งหัวเบาๆ ผมเห็นแบบนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะ เพราะเขาทำได้น่ารักมาก หน้าตาหล่อแบดบอยๆ แต่มาทำอะไรแบบนี้ มันเลยดูน่าเอ็นดูสุดๆ


“ฉันไปเมืองไทยมาสองครั้ง แต่ว่ายังไม่เคยมีคนสอนฉันไหว้แบบนี้เลย” เขาบอกพลางลดมือลงไปจับที่รถเข็น


“ก็คุณไปแต่ฟูลมูนปาร์ตี้ไม่ใช่หรอครับ ใครเขาจะมาสอนคุณล่ะ” ผมว่ายิ้มๆ พลางทำมือว่าขอรถเข็น แต่เขาส่ายหัวแล้วทำท่าผายมือให้ผมเดินต่อไปเลย ผมกระพริบตามองเขางงๆ


“เดี๋ยวฉันเข็นให้ นายอยากได้อะไรก็หยิบใส่เถอะ”


“แล้วคุณไม่รีบไปไหนหรอ”


“จริงๆ วันนี้ก็มีปาร์ตี้ที่ห้องเพื่อนฉัน แฟลตแถวนี้แหละ พวกนั้นสั่งให้ฉันซื้อของก่อนเข้าไปน่ะ” ผมหน้าเหวอ แล้วรีบจับรถเข็นที่อดัมกำลังเข็นเคลื่อนที่ไปช้าๆ


“งั้นคุณไปซื้อของเถอะครับ เดี๋ยวเพื่อนคุณจะรอนาน ผมดูแลตัวเองได้ครับ” อดัมส่ายหัวเบาๆ ผมก็ส่ายหัวหงึกๆ กลับไปเป็นการยืนยันว่าให้เขารีบไป อดัมยิ้มขำที่มุมปาก


“เอาน่า ฉันไม่รีบ เพื่อนฉันมันไม่อดตายหรอก” เขายักคิ้วชิวๆ แล้วเริ่มออกแรงเข็น


“แต่ว่า เพื่อนคุณก็จะรอนานอยู่ดีนะครับ” อดัมยิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหัวหน่อยๆ และเข็นรถต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีก นั่นเป็นการบอกว่าเขาจะยังไม่ไปตอนนี้


เอาจริง ผมก็รู้สึกดีนะที่มีอดัมมาเดินเข็นรถให้ แอบเหมือนฝันไม่ใช่น้อยเลยแหละที่คนที่ตัวเองแอบปลื้มปริ่มมายืนอยู่ตรงนี้ ยอมรับเลยว่า ผมใจสั่นกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขามาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหน้ามืดตามัวไม่สนใจนิสัยเขาซะทีเดียว มันเป็นอารมณ์แบบว่าเห็นหน้าคือชอบ แต่จะเพิ่มเลเวลชอบมั้ยอันนี้อยู่ที่นิสัยของคนที่เป็นเป้าหมายเราเลย


แต่จากการที่เจอมาสองครั้ง อดัมเขาก็ค่อนข้างน่ารักกับผมนะ ไม่รู้เป็นเพราะเขาเป็นฝรั่งด้วยหรือเปล่า เพราะฝรั่งส่วนมากเขาจะไม่ค่อยแบ่งแยกหรือคิดเล็กคิดน้อย คิดมากอะไร คืออย่างน้อยเขาก็แสดงออกด้านดีๆ ให้ผมเห็นน่ะ ก็เลยรู้สึกว่าเขาก็น่ารักกับเรานะ เพราะเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจหรือแสดงท่าทีอะไรไม่ดีใส่ผม ก็… อย่างน้อยครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาแสดงด้านชวนกรี๊ดและแอบปริ่มอยู่ในใจออกมา ก็เขากล้าเดินกับผมสองคนล่ะนะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดอะไรก็ตามแต่ผมก็ปริ่มเปรมไม่น้อย แอบกระโดดโลดเต้นคนเดียวอยู่ในใจที่คนที่เราแอบกรี๊ดมาเดินด้วย และอย่างน้อยก็ดีกว่าวิคเตอร์ที่เอ่ยปากไล่ผมให้ไปเดินไกลๆ ทั้งๆ ที่ก็เจอกันบ่อยกว่าอดัมอีก แต่ผมก็ไม่น้อยใจอะไรพ่อพระเอกนั่นหรอก เพราะมองๆ จากนิสัยเพี้ยนๆ แล้วก็ได้แต่บอกว่าปล่อยผ่านไปเถอะแล้วจะสบายใจเอง


“เอาอันนี้มั้ยครับ ท่าทางอร่อยนะ…” ผมยื่นตัวอย่างอาหารแม็กซิกันที่วางไว้บนถาดให้เขา แล้วหัวเราะเบาๆ เมื่ออดัมทำท่าย่นจมูกเพราะฉุนกลิ่นพริกรสปาปิก้า ผมวางไว้ที่เดิมแล้วเดินคุยกับอดัมต่อ


“คุณชอบกินอาหารไทยมั้ย”


“ชอบสิ ฉันไปเมืองไทยมาสองครั้ง ฉันชอบส้มตำมากนะ”


“ว้าว… จริงหรอครับ ผมก็ชอบนะ ยิ่งส้มตำ ผสมกับ ปู ปลาร้า ยิ่งชอบ รู้จักมั้ยครับ” อดัมส่ายหัวแล้วยิ้มนิดๆ


“ถ้ามีโอกาสผมจะทำให้กิน แต่จริงๆ ผมก็ทำไม่เป็นหรอก แม่ผมทำเป็น เดี๋ยวผมจะลองโทรถามแม่ให้ว่าต้องทำยังไงบ้าง…” ผมชะงักไป แล้วทำท่าคิด


 “…แต่ว่า ปลาร้าที่นี่สู้เวอร์ชั่นออริจินอลไม่ได้หรอกครับ ส้มตำปูปลาร้านี่ต้องกินที่ไทยจริงๆ นะ” ผมทำหน้ายู่เมื่อนึกได้ว่าจะไม่สามารถทำส้มตำแบบไทยออริจินอลให้เขาได้กิน อดัมหัวเราะเบาๆ


“ไว้ฉันไปไทยอีก นายก็ทำให้ฉันกินสิ” ผมหันไปยิ้มเอ๋อๆ นิดหน่อย


“คุณจะไปไทยอีกหรอครับ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น อดัมยิ้มนิดๆ แล้วพยักหน้า


“ไปสิ แต่รอบนี้ฉันอยากไปเที่ยวทะเลที่อื่นบ้าง ที่ไม่ใช่ฟูลมูนปาร์ตี้น่ะ” ผมยิ้มด้วยความตื่นเต้นที่ได้ยินว่าเขาจะไปไทย


“แจ๋ว! ถ้าคุณไปรอบหน้า เดี๋ยวผมเป็นไกด์ให้คุณเอง เดี๋ยวผมพาไปเที่ยวทะเลที่อื่นเองครับ” ผมยิ้มกริ่ม ยังไม่ทันได้ไป ภาพทะเลในเมืองไทยก็ผุดขึ้นมาในหัวผมเต็มไปหมด อดัมยิ้มหล่อ


“จริงอ้ะ?” ผมพยักหน้ารัวๆ พร้อมยกสามนิ้วมือขวาขึ้นมาเป็นการยืนยัน


“จริงครับ ขอสัญญาเลย ว่าถ้าคุณอดัมไปเที่ยวไทย ผมจะเป็นไกด์ให้คุณฟรีๆ!” ผมเอาสามนิ้วมาจูบเบาๆ แล้วยื่นส่งให้เขาเหมือนแคตนิส เอเวอร์ดีน ในเดอะ ฮังเกอร์ เกม* อดัมหัวเราะน้อยๆ ผมรีบบอกความหมายของสามนิ้วนี้ก่อนที่เขาจะเข้าใจผิด


(*ในหนังสือถึงสัญลักษณ์ที่แสดงถึง การขอบคุณ การชื่นชม และการบอกลาคนรัก)


“ในหนังมีความหมายค่อนข้างเศร้า แต่สามนิ้วของผมหมายถึง ความยินดี ความเต็มใจ และ การให้  นะครับ” ผมยิ้มแป้น แล้วยักคิ้วให้เขาสองสามครั้ง อดัมยิ้มเบ้ปากแล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะชูสามนิ้วขึ้นมาบ้าง


“โอเค ตามนี้นะ” เขาเอาสามนิ้วไปจูบแล้วยื่นส่งกลับมาให้ เล่นเอาผมยิ้มเขินจนแทบเมื่อยแก้ม ผมยกมือเกาแก้มเบาๆ แก้อาการเก้อเขินที่เกิดขึ้น อดัมมองหน้าผมแล้วยิ้มๆ เหมือนเขาจะรู้ว่าผมเป็นอะไรและคิดอะไรอยู่


อ้ากกก! ถ้าเขารู้ว่าผมแอบกรี๊ดเขาอยู่ เขาจะด่าผมมั้ยนะ แต่ดูจากอาการแล้วคงไม่ด่าหรอก แต่ผมกลัวเขาตีตัวออกห่างไปเลยน่ะสิ แบบนั้นเจ็บและน่าใจหายกว่าอีก



[มีต่อด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::Chapter 6::19.06.58:: PG.2 หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-06-2015 18:24:23


“Shorty. (เตี้ย)” เสียงเรียกทุ้มนุ่มของวิคเตอร์ดังขึ้นด้านหลัง ผมลดมือที่ชูสามนิ้วลงแล้วหันไปมอง เขาถือถุงใส่ของเต็มสองมือ ผมเห็นขวดไวน์ กระป๋องเบียร์ ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างพวก Smirnoff ที่ผมเคยดื่มตอนไปเที่ยวผับแถวมหาวิทยาลัย เขาไม่มีอาหารอยู่ในมือเลย มีแต่เครื่องดื่มมึนเมาทั้งนั้น คงกะรอให้ผมซื้อของให้นั่นแหละ


“คุณจะกลับก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมตามไป” เขามองหน้าผมนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองอดัม แล้วผงกหัวขึ้นให้เบาๆ หนึ่งที ผมหันไปมองอดัมที่ส่งยิ้มนิดๆ มาให้แล้วพยักหน้ารับคำทักทายนั้น
ท่าทางสองคนนี้คงจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ซับซ้อนอะไร แต่คงไม่สนิทกัน


“ได้ของครบรึยัง” เขาเอ่ยถามผมเรียบๆ พลางมองไปที่รถเข็น แล้วเขาก็ขมวดคิ้วนิดๆ


“ซื้ออะไรไปเยอะแยะ”


“ก็ซื้อให้คุณนั่นแหละ” ผมตอบง่ายๆ ก็ซื้อให้เขาจริงๆ นี่ ไม่ได้ซื้อไปให้ใครอื่นสักหน่อย เขาทำหน้า ปล่อยผ่าน ไม่เซาซี้ถามต่อ


“แล้วได้ของครบรึยัง ถ้าครบแล้วก็ไปจ่ายเงิน” เขาบอกเสียงหึ่งๆ ในลำคอ ผมหันไปมองของในรถเข็น ก็รู้สึกว่าที่จับยัดๆ ใส่มานี่ก็มากพอแล้ว เลยหันไปมองหน้าเขาแล้วพยักหน้าหงึกๆ เป็นสัญญาณบอกว่าไปจ่ายเงินก็ได้


“ขอบคุณมากนะครับอดัม ที่มาช่วยเข็นรถให้ แต่ผมคงต้องกลับก่อน” ผมหันไปบอกชายหนุ่มในมิติฝันของตัวเอง อีกฝ่ายยิ้มน้อยๆ แต่หล่อเป็นการรับรู้


“จะไปได้รึยัง ฉันหิวข้าว” เสียงหน่ายๆ และมึนๆ ดังมาจากพ่อรูปหล่ออีกคน ที่ผมหันไปเห็นว่าสีหน้าเขาเริ่มออกอาการเบื่อๆ ผมเห็นแบบนั้นก็รีบหันไปจับรถเข็น


“เดี๋ยวผมเข็นรถไปเองก็ได้ครับ”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยว…” เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นทำให้ต้องหยุดพูดไป อดัมหยิบขึ้นมารับสาย


“อยู่ที่โซนอาหารสด…อ้อ…มาสิ…ใช่…เดี๋ยวไปพร้อมกันก็ได้…”


“อดัม!” อดัมยังไม่ทันพูดจบ เสียงใสๆ เสียงหนึ่งก็ดึงขึ้นมาพร้อมร่างของหญิงสาวผมยาวสีดำ ตัวสูงอย่างกับนางแบบ หน้าตาก็สวยคม เธอฉีกยิ้มพลางยัดโทรศัพท์ไว้ในเสื้อแจ๊คแก็ตสีดำตัวสั้นเท่าเอว อดัมยิ้มแล้วหันไปมอง


“มาเร็วดีจัง”


“พอดีฉันอยู่แถวนี้ โทรไปหาพวกนั้นก็บอกว่าเธออยู่ที่นี่ ฉันเลยกะมาช่วยเธอซื้อของแล้วเข้าไปพร้อมกัน” ผมกำลังมองสายตาที่ทั้งคู่มองกัน แล้วความรู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่างก็พุ่งวาบเข้ามาในใจ แล้วไอ้ความรู้สึกนั้นก็ชัดเจนขึ้นเมื่อฝ่ายผู้หญิงยื่นปากไปจูบริมฝีปากอดัมเบาๆ อดัมจูบตอบ พอผละออกก็ยิ้มให้กัน เล่นเอาผมเงิบ


แอร้ยยย!!! กรี๊ดตุ๊ดแตกอีกที ทำไมทำกับแมทแบบนี้ล่ะอดัม มีแฟนแล้วยังมาโปรยเสน่ห์ใส่กันอีกนะ!!! น้ำตาจะไหล!


“หึๆ” เสียงหัวเราะต่ำๆ ดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปมองก็เห็นวิคเตอร์ยิ้มกลั้นขำอยู่ ก่อนจะทำหน้ากวนตีนกวนใจ แถมยังยักไหล่เป็นเชิงล้อเลียน ผมถลึงตามองเขา แล้วทำหน้าเข่นเขี้ยวใส่


“โอ๊ะ! พระเจ้า! นั่นวิคเตอร์ใช่มั้ยคะ?!” แล้วก่อนที่ผมจะเขย่งกัดหูอีกฝ่าย เสียงของแม่นางที่เพิ่งทำร้ายจิตใจผมด้วยการแย่งอดัมไป (?) ก็ดังขึ้นทำให้ผมต้องหยุดหันไปมอง


“ครับ” วิคเตอร์ตอบเสียงทุ้มๆ หล่อๆ แต่ตอนนี้ผมมองหน้าอดัมที่กำลังยิ้มมองหญิงสาวข้างกายด้วยสายตารักใคร่ เอ็นดู โฮฮฮ!!! เห็นแบบนี้แล้วปวดใจตุบๆ เลยเว้ยยยย!!! ที่มโนมาก่อนหน้านี้ พังทลายครืนนน!!!


“ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ ฉันเป็นแฟนซีรีย์ของคุณค่ะ” วิคเตอร์ยิ้มนิดๆ แล้วพยักหน้าตอบรับ แม่สาวสวยคมผมดำควักโทรศัพท์ออกมายื่นให้อดัมแล้วบอกให้ช่วยถ่ายรูปให้เธอหน่อย เธอเดินเข้าไปยืนข้างวิคเตอร์ที่ถือของเต็มสองมือ แน่ล่ะไม่ต้องเดาให้เยอะ หมอนั่นยื่นถุงพวกนั้นมาให้ผมจนแทบรับไว้ไม่ทัน ก่อนจะหันไปโอบไหล่แฟนคลับของตัวเองเบาๆ แล้วยิ้มให้กับกล้อง อดัมกดถ่ายไปสองสามรูปเห็นจะได้ แต่ตอนนี้สติผมมันหลุดๆ ลอยๆ ใจเต้นตุบตับ ยอมรับว่าใจแป้วมาก นี่ดีนะยังไม่ลงลึกกับความรู้สึกตัวเอง แค่แอบกรี๊ด แต่แค่นี้ยังหน่วงๆ ในอกพิกล เฮอะ! แน่ล่ะไอ้แมทเอ๊ย แกเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่ผู้หญิง ยังไงผู้ชายก็ต้องเลือกผู้หญิงก่อนอยู่แล้ว…


ใช่… มันมักจะเป็นแบบนั้นเสมอ เมื่อไหร่จะหยุดเพ้อได้สักทีนะ คิดแล้วผมก็ยิ่งหน่วงแต่คราวนี้หน่วงเพราะนึกถึงเรื่องในอดีตต่างหาก เฮ้อ…


“ขอบคุณมากนะคะ ฉันรอซีซั่นสองอยู่นะคะ ถึงซีซั่นแรกจะยังไม่จบก็ตาม” หลังจากก้มดูรูปที่อดัมถ่ายให้แล้ว เธอก็ยิ้มขอบคุณวิคเตอร์


“ขอบคุณมากครับ” วิคเตอร์เอ่ยเสียงหล่อ ที่ผมไม่มีวันได้รับ ชิ!


“งั้นเราไปซื้อของกันเลยมั้ยอดัม” เธอหันไปถามอดัมผู้หล่อล่ำ คนถูกถามยิ้มเอาใจแล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันมามองที่ผมที่ยืนฝืนยิ้มให้เขาอยู่


“ไว้เจอกันใหม่นะ…” เขายิ้ม แล้วชูสามนิ้วขึ้นมาก่อนจะจูบหนึ่งทีแล้วยื่นแขนตั้งฉากอีกรอบ ผมยิ้มอ่อนๆ ให้เขา


“…แมท” เขาเรียกชื่อผมแล้วยิ้มเท่ๆ มาให้ ก่อนจะลดมือลงแล้วคว้ามือแฟนเขามาจูง ก่อนจะพากันเดินผ่านผมและวิคเตอร์ไปท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของนางชะนีที่เอ่ยชมว่าเขาทำท่าชูสามนิ้วน่ารักจัง ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วภาพเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วก็แว้บเข้ามาในหัวผม


‘มันจะเป็นไปได้ยังไง…พี่เป็นผู้ชาย…แมทก็เป็นผู้ชาย…แมทคือน้องที่ดีที่สุด…’ ประโยคยาวกว่านั้น แต่ท่อนเหล่านี้นี้จำขึ้นใจผมที่สุด


แม้ความเศร้าในวันนั้นจะจางหายไปแล้ว แต่พอมาเจอภาพในวันนี้ สิ่งที่เป็นเหมือนปมในใจผมก็ผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ยังไงผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงอยู่ดี


“เลิกทำหน้าอกหักแล้วไปจ่ายเงินสักที จะได้กลับบ้าน” เสียงห้วนๆ ที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดดังขึ้นจนผมแอบสะดุ้งเบาๆ แล้วหันไปเงยหน้ามองวิคเตอร์ที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พอใจอยู่ ผมทำหน้าเอือมนิดๆ แล้วยกถุงใส่รถเข็น ก่อนจะเข็นรถผ่านเขาไปเพื่อไปคิดเงิน


พอคิดเงินเสร็จ ในมือผมก็มีถุงหนักๆ ข้างละสี่ถุงพลาสติก ที่แบกทีแทบแขนหัก ผมกำลังออกแรงเดินตามวิคเตอร์ที่เดินตัวปลิวแม้ว่าจะมีถุงเครื่องดื่มที่เขาซื้อมาก็ตาม แต่มันก็ไม่หนักหนาสำหรับเขาหรอก ผมหน้าแหย เพราะของหนัก


“เดินช้าจัง” เขาหันมาบ่นเมื่อเห็นว่าผมเดินห่างจากเขาหนึ่งช่วงตึก ผมมองค้อนเล็กๆ แล้วทำไม่สนใจต่อไปกับความไม่มีน้ำใจของเขา ผมก็ไม่อยากเรียกร้องให้เขามาช่วยหรอก ตอนนี้ไม่อยากพูดไม่อยากจาอะไร จิตใจกำลังแย่ เพราะภาพอดัมกับผู้หญิงคนนั้นมันดันตอกย้ำให้ผมคิดถึงอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นไม่นานมานี้ มันทำให้ผมใจหวิวๆ เริ่มคิดอะไรมากมายอีกแล้ว
หมับ


“ถือไม่ไหวทำไมไม่ขอให้ช่วย” เขาเดินมาจับถุงพลาสติกที่มือซ้ายไปจากผม ผมตวัดสายตาเงยหน้าไปมองเขา แล้วความหงุดหงิดก็กัดกินใจผม ทำให้กระชากถุงพลาสติกกลับมา ก่อนจะเดินนำผ่านเขาไปทั้งที่ปวดแขนจะตายห่าอยู่แล้ว ผมรีบเร่งฝีเท้าเดินหนีเขา ไม่อยากอยู่ใกล้เขาตามที่เขาบอก จากตอนแรกที่ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอเหตุการณ์จากอดัม ทำให้นึกถึงอดีต พาลคิดถึงที่เขาทำท่าไม่อยากให้ผมอยู่ใกล้เพราะอาย มันก็เลยทำให้จิตใจผมยิ่งแย่ ยิ่งเกิดอาการสั่นหวิว ตัวเบาแต่หน่วงๆ เป็นช่วงๆ พอมันประดังเข้ามา ปมที่อยู่ในใจผมเสมอมามันก็เริ่มทำร้ายผมอีกรอบ ทั้งที่มันจางหายไปพร้อมกับความเสียใจที่เคยเกิดขึ้นแล้ว


“เฮ้! รีบเดินแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้มหรอก” เสียงของวิคเตอร์ดังตามหลังมา นั่นยิ่งทำให้ผมเร่งเท้าขึ้นอีก ผมเริ่มหายใจแรง และขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ในใจกำลังรู้สึกอ่อนแอ


แน่สิ ยังไงผู้ชายก็ต้องเลือกผู้หญิงก่อนเสมอ ต่อให้เราทำดีแค่ไหน เป็นคนดี ให้ตายหรือต่อให้ตายยังไง เขาก็ไม่เลือกเรา เพราะเขาไม่ชอบผู้ชาย ไอ้ที่เขาทำดีด้วยจนทำเราคิดไปไกล นั่นเพราะพวกเขาไม่ได้คิดอะไร ทำไปเพราะมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีก็เท่านั้นเอง


หมับ


 ขวับ


ผมโดนจับที่ไหล่แล้วโดนดึงให้หันไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เคยทำร้ายจิตใจ น้ำตาผมไหลเงียบๆ ผมรีบก้มหน้าหนีวิคเตอร์ ไม่สนใจเขาจะมองผมด้วยความโกรธหรือหงุดหงิดขนาดไหน


“อยากถือมากก็เอาไปเลยครับ จะได้ถึงบ้านคุณสักที ผมจะได้รีบทำอาหารและรีบไป” ผมพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น พยายามทำให้ปกติที่สุด แล้วยื่นถุงซ้ายมือให้เขา แต่พอมองที่มือเขา ผมก็ยังเห็นเขายืนนิ่ง ผมเลยหมุนตัวจะเดินต่อไป ตอนนี้หนักที่แขนยังไม่เท่าหนักที่ใจเลย


“เดี๋ยว!” เขาจับที่ต้นแขนผมไว้ ผมย่นคิ้วด้วยความรำคาญ แล้วเงยหน้าหันไปมองด้วยความหงุดหงิด ไม่สนใจว่าเขาจะเห็นน้ำตาละ


“อะไรอีกล่ะครับ?!” ผมถามเสียงขุ่น วิคเตอร์ก้มมองผมแล้วก็ได้แต่ทำหน้านิ่วด้วยความสงสัย คงงงที่เห็นผมร้องไห้


“แค่อดัมมีแฟนแล้ว นายถึงกับร้องไห้ขนาดนี้เลยหรอ นายชอบหมอนั่นมากรึไง” เขาหรี่ตาคมๆ สีน้ำตาลมองผม หน้าผมเซ็งเล็กน้อย แล้วส่ายหัวเบาๆ เป็นการตอบคำถามเขา เพราะตอนนี้จิตใจไม่ค่อยปกติเท่าไหร่


“แล้วนายร้องไห้ทำไม” ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบเสียงเบื่อๆ


“ผมจะยิ้มจะร้องไห้ จะเป็น จะตาย คุณไม่ต้องสนใจหรอก สนใจว่ามื้อค่ำนี้ผมจะทำอะไรให้คุณกินดีกว่า แล้วก็ถ้าคุณจะกรุณาก็ช่วยปล่อยผมให้ไปสักที ผมหนัก!” ผมขมวดคิ้ว ส่งสายตารำคาญให้เขา แล้วสะบัดแขนออก วิคเตอร์ทำหน้านิ่ง ใบหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะดึงถุงในมือซ้ายผมไปทั้งหมด พอเขาเอาของไปแล้วผมก็ไม่พูดอะไรต่อ รีบหมุนตัวเดินกลับบ้านเขาทันที


ผมไม่ได้หันไปมองข้างหลังอีกว่าวิคเตอร์เดินตามมาถึงขนาดไหนแล้ว แต่พอไปถึงหน้าบันไดบ้านผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกางเกงยีนส์รัดรูปสีดำ ใส่เสือแจ๊คแก็ตหนังสีดำ ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน พอเธอเห็นผมก็หรี่ตาลงมองนิดหน่อย ผมเองก็กำลังมองหน้าเธอเพราะรู้สึกคุ้นหน้าอยู่เหมือนกัน


“นายนั่นเอง!” เธอส่งเสียงแว้ด แล้วชี้หน้าผม ถลึงตามองด้วยความโกรธ ผมก็หน้าเหวอสิครับ จากที่กำลังหน่วงๆ เศร้าๆ ตอนนี้กลายเป็นมึนงง ว่าผมไปรู้จักเธอคนนี้หรอ แม้ว่าหน้าจะคุ้นแต่แสงไฟมันสลัวจนมองแว้บเดียวไม่ออกหรอก แต่พอเธอเดินลงบันไดมาขั้นสุดท้าย ผมก็ทำหน้าอ๋อทันที


ยัยเจ๊ผิวแทนสุดเซ็กซี่คนที่วิคเตอร์กำลังใช้ลิ้นทรมานวันที่ผมมาบ้านเขาครั้งแรกยังไงล่ะ


“มาหาวิคเตอร์หรอครับ เขากำลังมา…”


“Nicky! (นิคกี้!)” เสียงวิคเตอร์ดังขึ้นมาพอดีตอนที่ผมกำลังบอก นังเจ๊ที่กำลังถลึงตามองผมอยู่ก็ปรับสีหน้าเป็นยิ้มกว้าง แล้วรีบถลาไปหาวิคเตอร์ทันที


“วิคเตอร์! ฉันมาหาเธอ ฉันคิดถึงเธอ! เธอไม่ติดต่อฉันเลย!” ฮะ? ทั้งๆ ที่วันนั้น เจ๊แกด่าไอ้พระเอกนี่เน้นคำมากขนาดนั้นอ่ะนะ นึกว่าจะโกรธจนจะไม่เผาผี เผาร่างกันละ


“คุณมาทำไม” วิคเตอร์เอ่ยถามเสียงเรียบ ก้มมองยัยนิคกี้หน้านิ่วน้อยๆ


“ฉันอยากเจอเธอ ฉันคิดถึงเธอ และฉันคิดว่าเราสองคน ยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจร่วมกัน ฉันเลยมาหาเธอ กลับมาทำสิ่งที่เราสองคนยังค้างคาเพราะ ไอ้บ้านี่!!” แรกๆ หล่อนก็เสียงอ่อนเสียงหวานหรอก อีท่อนท้ายนี่หันมากระแทกเสียงใส่ผมด้วยความโมโห


โห… ที่กลับมานี่เพราะอารมณ์ค้างสินะ หายไปเป็นอาทิตย์นึกว่าจบไปละ วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมองผมที่ตอนนี้ขึ้นมายืนอยู่หน้าประตูแล้ว ผมอ่านสายตาเขาไม่ออกหรอก ได้แต่ยักไหล่แล้วหมุนตัวไปไขประตูบ้านแล้วเดินเข้าไป หูยังแว่ว ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นอยู่


“ทำไมมันมีกุญแจบ้านเธอด้วยล่ะ?!” เจ้าหล่อนถามเสียงแหว ผมไม่สนใจ เดินไปที่ครัว เอาของวางไว้บนโต๊ะกลางห้องครัว


“คนดูแลผมเอง” วิคเตอร์ตอบ (ตอบได้ตรงคำถามมาก) และเหมือนผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันไดมา สักพักวิคเตอร์และแม่ชะนีอารมณ์ค้างก็เดินตามเข้ามา


“คุณต้องการอะไรนิคกี้” วิคเตอร์วางของลงบนเค้าน์เตอร์ ผมเดินเข้าไปหยิบมาวางไว้บนโต๊ะ กะจะเอาของออกมาเก็บใส่ตู้เย็นไว้ให้เขา


“ฉันคิดถึงคุณ โดยเฉพาะ…” ผมเหลือบตาไปมองนิดหน่อย ก็เห็นแม่คนนั้นเดินเข้าไปใกล้วิคเตอร์แล้ววางมือลงบันไหล่เขา แล้วส่งสายตาเป็นประกายให้


“ลิ้นของคุณ” แหม่… เป็นคนตรงดีเนอะ ไม่สนใจเล้ยว่ามีผมอยู่ด้วย ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ เอาของออกมากองไว้ที่โต๊ะ กำลังคิดว่าถ้าวิคเตอร์จะให้ผมไปผมก็จะไปทันที ไม่อยากอยู่ขวางทางรักของเขา


“อย่าเลย วันนี้ผมเหนื่อย ไม่มีอารมณ์” พ่อพระเอกรูปหล่อ บอกเสียงเรียบๆ พลางดึงมือของอีกฝ่ายออก จนผมแอบนิ่วหน้านิดๆ ไม่ได้ ว่าทำไมเขาดูหวงเนื้อหวงตัวจัง ทั้งที่หน้าไม่ให้เลย


“เดี๋ยวฉันอาบน้ำให้เธอก็ได้ ฉันจะนวดให้ด้วย รู้สึกดีเมื่อไหร่ เราค่อยสะสางสิ่งที่เราค้างคากันอยู่” ผมขยำถุงพลาสติกจนสองคนหันมามอง วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาเอื่อยๆ ของเขานั่นแหละ ส่วนนังเจ๊นั่นลูกตาแทบจะทะลุเบ้าตาอยู่แล้ว


“ไม่ล่ะนิคกี้ ผมไม่มีอะไรค้างคาแล้ว” วิคเตอร์ว่าง่ายๆ ทำเอาอีกฝ่ายหน้ามุ่ยด้วยความขัดใจ เสียงกุกกักดังมาจากบันได แล้วสักพักก็ปรากฏเจ้าของฝีเท้าที่เป็นเจ้าโกลเด้นขนฟูที่มาพร้อมน้องชายมัน ผมยิ้มแล้วก้มลงกอดไมเคิล มันเลียหูผมใหญ่ ส่วนเจ้าฟอกซ์เอาหัวดุนๆ มือซ้ายผมที่ยื่นไปหามัน


“เธอเลี้ยงหมากับแมวด้วยหรอ” นิคกี้ถามเสียงประหลาดใจ พลางมองเจ้าสองตัวด้วยสีหน้าแหยงๆ วิคเตอร์มองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งแต่ผมว่าก็ดูดุอยู่ไม่น้อย


“ใช่” เขาตอบสั้นๆ ห้วนๆ เจ๊ผิวแทนละสายตาจากผมและเจ้าสองตัวไปหาวิคเตอร์ ผมเลยลุกขึ้นจัดการหาอาหารให้มันสองตัว


“ได้โปรดเถอะวิคเตอร์ หลายวันมานี้ ฉันหยุดคิดถึงเธอไม่ได้ ได้โปรดทำให้ฉันหายค้างคาได้มั้ย…” เสียงออดอ้อนดังขึ้นอีกรอบ ผมไม่สนใจมองละ จัดการเทอาหารให้สองตัวนี้ จะได้รีบจัดการทำอาหารให้ไอ้ตัวใหญ่สุดของบ้านนี้สักที


“I do not want to fuck you any-more. (ผมไม่อยากเอาคุณอีกแล้ว)” วิคเตอร์เอ่ยช้าๆ เรียบๆ แต่เน้นชัดทุกคำ จนผมแอบเหลือบมองเหตุการณ์ไม่ได้ตอนที่กำลังเทอาหารกระป๋องให้เจ้าฟอกซ์ นิคกี้ทำหน้าขัดใจ ผมว่าคงมาจากทั้งกำลังมีอารมณ์ทางเพศที่กำลังพุ่งพล่านกับอารมณ์หงุดหงิดที่วิคเตอร์ไม่ยอมมีอะไรกับเธอ


“วิคเตอร์! เธอทำฉันค้าง แล้วจะปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ แบบเนี้ยหรอ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ!” เธอแผดเสียงบอก วิคเตอร์ถอนหายใจเหนื่อยๆ เขากำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่เสียงๆ หนึ่ง เสียงที่นิ่งแต่ทรงพลังดังขึ้นมาจากประตูบ้านที่เปิดแง้มๆ ไว้


“แต่การที่เธอมาหาเขาถึงบ้านแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับโสเภณีเดลิเวอร์รี่หรอกนะ”


เฮือก!




[มีต่อด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::Chapter 6::19.06.58:: PG.2 หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-06-2015 18:28:57


นังเจ๊นิคกี้หันไปมองด้วยความตะลึงปนโกรธ ผมก็เงยหน้าแล้วผุดลึกขึ้นยืน มองไปที่ประตู ผู้หญิงผมทองยาวสลวยเป็นลอนใหญ่ ดวงตาสีฟ้าเข้มกำลังจ้องมองนิคกี้ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ผมมองเธอด้วยความตะลึง เพราะว่าเธอสวยมาก ผิวขาว หน้าคม คมคาย ริมฝีปากหนาแต่สวย และสวยยิ่งขึ้นเมื่อแต่งแต้มลิปสติกสีชมพูเอาไว้ ท่วงท่าก็ดูสง่างาม เธอใส่เสื้อเชิ้ตขาวทับกับกางเกงรัดรูปหนังสีดำ มีกระเป๋าแอร์เมสสีดำคล้องแขนอยู่ รองเท้าส้นสูงเสริมให้เธอดูสง่าผ่าเผยเข้าไปอีก แถมหน้าอกหน้าก็ยังเต่งตึงดูเซ็กซี่ แม้ว่าจะดูอายุมากแล้วก็ตาม แต่ก็สวยในแบบผู้หญิงมีอายุ แต่ที่สำคัญเธอยังดูแซ่บ ทรงเสน่ห์และเซ็กซี่อีกต่างหาก พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า แก่แต่ยังแซ่บ


“หล่อนเป็นใคร?!” นิคกี้ถามเสียงแหว จ้องมองผู้มาใหม่ไม่วางตา แล้วยังใช้สายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความไม่ถูกใจ อีกฝ่ายยิ้มนิดๆ เชิดหน้านิดเดียวก็ดูสง่ากว่านิคกี้ไปหลายกิโล เธอก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับปิดประตูตามหลัง


“ฉันหรอ?! ฉันก็เป็นแม่ของผู้ชายที่เธอกำลังขอร้องให้เขาพาเธอไปบนเตียงอยู่ไง” ผมอ้าปากหวอ มองหน้าคนที่บอกว่าเป็นแม่ของวิคเตอร์ แต่ยัยนิคกี้ดูเหมือนช็อคไปนิดๆ


“แม่?” ผู้หญิงที่เพิ่งมาใหม่ยกยิ้มมุมปากนิดเดียว


“คุณไม่ใช่แม่ผม อย่าพูดแบบนั้นอีก!!” เสียงห้วน แทบจะเป็นเสียงตะโกนของวิคเตอร์ ทำเอาผมและนิคกี้สะดุ้ง ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่กำลังยืนขบกรามแน่น สายตาจ้องมองคนที่เขาบอกว่าไม่ใช่แม่อย่างน่ากลัว เขาดูโกรธเกรี้ยว ราวกับน้ำเชี่ยวกราด และเหมือนพยายามข่มอารมณ์เดือดไว้ภายใน ผมกระพริบตามองงงๆ แล้วหันไปมองสาวผมทองที่ยังคงยืนนิ่ง แต่รอยยิ้มกลับจางหายไป แล้วดูท่าเธอจะข่มอารมณ์อยู่เช่นกันกับการที่วิคเตอร์ตะเบ็งเสียงออกมาแบบนั้น


“สรุปคุณเป็นแม่วิคเตอร์รึเปล่า?!” นิคกี้เอ่ยถามสีหน้างง ผมเองก็อยากรู้ สรุปนี่มันอะไรกัน?


ผู้มาเยือนใหม่ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองวิคเตอร์ด้วยสายตานิ่งสงบ ส่วนวิคเตอร์ยืนหน้าตาถมึงทึงบ่งบอกถึงความไม่พอใจอยู่ ผมเห็นว่าแววตาเขาแข็งกร้าวจนน่ากลัว ส่วนยัยนิคกี้ยืนมองสลับทั้งสองคนไปมาด้วยความไม่เข้าใจ ส่วนผมยืนมองเอ๋อๆ มือนึงก็ลูบหัวเจ้าไมเคิลที่ก้มหน้าก้มตากินอาหารของมันโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลย


“เธอออกไปได้แล้ว” สาวสูงวัยผมทองหน้าตาสะสวยเอ่ยขึ้นเสียงเย็น แล้วกดตาลงต่ำมองนิคกี้ด้วยสายตาออกแนวปรามๆ และแอบข่มนิดๆ


“ไม่! เธอมีสิทธิอะไรมาสั่งฉัน” นิคกี้ส่งเสียงแหวขึ้นมา และทำหน้าว่าไม่ยอมออกไปง่ายๆ แน่ ส่วนคนที่สั่งว่าให้ออกไปได้แต่ยิ้มเรียบๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาแต่ทะว่าแฝงความไม่ชอบใจเอาไว้อยู่


“ฉันกำลังให้ทางเลือกเธออยู่ และถ้าเธอเลือกผิดทางฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของเธอ” นิคกี้ผงะไปเล็กน้อย เมื่อเจอสีหน้าสงบแต่พร้อมตบเมื่อจำเป็น ผมเองยังอ้าปากค้างเมื่อเจออาการนี้


ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แม่วิคเตอร์แน่หรอ ทำไมไม่เห็นเหมือนในรูปที่ผมเคยเห็น (แล้วผมแน่ใจได้ไงวะว่ารูปที่ผมเห็นคือแม่วิคเตอร์จริงๆ)  หรือเธอกัดสีผมใหม่ ก็แม่วิคเตอร์ผมดำนี่นา แถมแววตาก็ดูไม่ใจดีหรือมีเสน่ห์แบบที่ถ่ายถอดมาให้ลูกชายเลย ผู้หญิงคนนี้ดูทรงพลัง ดูเป็นเจ้าแม่เก็บค่าแชร์ประมาณนั้น


เดี๋ยวนะ เก็บค่าแชร์หรอ? เปรียบอย่างอื่นมั้ย?


“ขู่ฉันหรอ เธอคิดว่าเธอขู่ฉันได้หรอ” นิคกี้ยังคงไม่ยอมแพ้ สีหน้าเธอกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง นั่นทำให้สาวผมทองจ้องมองเธอเหมือนกำลังเหลืออด


“เขาไม่ลากขึ้นเตียง แล้วเธอยังจะดึงดันอยู่ต่อไปทำไม หน้าไม่อาย!” แม่วิคเตอร์บอกเสียงสั่นแต่ผมคิดว่าที่เธอเสียงสั่นเพราะกำลังโกรธมากกว่า ผมหันไปมองวิคเตอร์ เขาขบกรามแน่น สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังเบื่อหน่ายเหตุการณ์ตรงนี้เต็มทน เขาเหมือนอยากจะอัดใครสักคน และผมคิดว่ายัยนิคกี้อาจโดนเขาอัดก่อนใครก็ได้เพราะยืนอยู่ใกล้เขาสุด


“คุณนิคกี้ครับ! ผมว่าคุณไปรอวิคเตอร์ในห้องโฮมเทียเตอร์ก่อนมั้ยครับ นั่งดูหนังหรือฟังเพลงรอเขาก่อน พอเขาคุยธุระกับแม่เขาเสร็จ คุณกับเขาจะได้คุยกันอย่างสะดวกๆ” ผมโพล่งออกไปท่ามกลางบรรยากาศร้อนระอุที่กำลังตึงเครียด ทุกคนหันมามองผมด้วยสายตาต่างกัน วิคเตอร์กำลังมองผมด้วยสายตางุนงง หน้านิ่วคิ้วขมวด คงกำลังสงสัยว่าผมทำอะไร ยัยนิคกี้กำลังมองผมประมาณว่า แกเป็นใครถึงมาสั่งฉัน ส่วนแม่ของวิคเตอร์กำลังมองผมราวกับว่าเพิ่งเห็นว่าผมอยู่ในห้องนี้ด้วย


“Who are you? (นายเป็นใคร)” คุณผมทองถามผมพร้อมสายตาที่กำลังสำรวจผมขึ้นลง ผมยิ้มอ่อนๆ ให้ก่อนจะเอ่ยปากบอกเขา


“I am his artist moderator. (ผมเป็นผู้ดูแลเขาครับ)” เธอย่นคิ้วมองผมราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน เออแน่ล่ะ ก็เพิ่งจะเคยเจอกันวันแรกนี่หว่า จะไปเคยเห็นเคยเจอกันได้ยังไง


“แล้วนายมีสิทธิอะไรมาสั่งฉัน นายเตี้ย” ผมสะบัดตาไปมองยัยนิคกี้ หน็อย! กำลังพยายามหาทางออกให้อยู่นะนังชะนีคันค้าง เดี๋ยวปั๊ดเอาอาหารเม็ดของไมเคิลปาใส่หน้าซะหรอก


แต่ที่ผมทำได้จริงๆ คือยิ้มนิดๆ แล้วตอบอย่างใจเย็นเท่าที่จะทำได้


“ผมไม่มีสิทธิอะไรไปสั่งคุณหรอกครับ ผมแค่คิดว่าถ้าคุณยังยืนอยู่ตรงนี้ ไอ้ที่คุณหวังไว้ว่าจะได้ขึ้นเตียงกับวิคเตอร์ คุณอาจจะไม่ได้แม้แต่จะเหยียบเท้าลงปลายผ้านวมเขาด้วยซ้ำ…” ยัยนิคกี้อ้าปากจะพูดแทรกผมเลยรีบยกมือเบรกเจ้าหล่อนเอาไว้ และพูดต่อทันที


“แต่ถ้าคุณไปนั่งรออย่างสงบเสงี่ยม แล้วปล่อยให้แม่ลูกเขาคุยกัน เอ่อ… จะแม่จริงแม่ปลอมผมไม่รู้หรอก แต่คุณคนนี้เขาก็พูดอยู่ว่าวิคเตอร์เป็นลูกเขา ฉะนั้นคุณควรให้เวลาเขาสองคนนะครับ รึถ้าคุณไม่ไปรอในห้องตามที่ผมบอก คุณก็ออกไปรอนอกบ้านและอาจไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลยก็ได้นะ” ผมยิ้มเป็นเชิงว่าผมหมายความตามนั้นจริงๆ นิคกี้ดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งท่ามกลางสายตาของวิคเตอร์และคนที่บอกว่าเป็นแม่วิคเตอร์ สักพักเหมือนเธอจะตัดสินใจได้เมื่อเธอปรายตามองสาวผมทองเล็กน้อย ก่อนจะหันมาหาผม


“แล้วห้องโฮมเทียเตอร์อยู่ตรงไหน” ผมแอบย่นคิ้วเล็กน้อย นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าห้องอยู่ไหน เธอไม่น่าจะมาบ้านวิคเตอร์เป็นครั้งแรกหรือครั้งที่สองหรอกนะ


“เดินผ่านห้องรับแขกไป ห้องที่ติดกัน” คนที่ตอบไม่ใช่ผมแต่เป็นวิคเตอร์ที่ตอนนี้ดูผ่อนคลายมากกว่าเดิม นิคกี้ยิ้มก่อนจะเขย่งหอมแก้มวิคเตอร์เบาๆ ส่วนอีกฝ่ายยืนนิ่งหน้าตาเฉย นิคกี้เดินสะบัดก้นไปตามทางที่วิคเตอร์บอก พอยัยนั่นเปิดประตูเข้าไปแล้ว คุณเจ๊ผมทองก็หันมามองผมด้วยสายตาประเมิน ผมเม้มปากเบาๆ แล้วยิ้มทั้งที่เม้มปาก


“เดี๋ยวผมไปรอในห้อง เอ่อ… ซักรีดละกันนะ” ผมวางกล่องอาหารของเจ้าไมเคิลไว้บนโต๊ะ แล้วเดินตัวลีบออกไปจากบริเวณนั้น มีเจ้าไมเคิลกับเจ้าฟอกซ์เดินตามผมไปด้วย ผมรีบเร่งฝีเท้าเดินมาที่ห้องซักรีด พอเข้าไปได้ผมก็เปิดไฟแล้วไปนั่งบนพื้น มีเจ้าไมเคิลกับเจ้าฟอกซ์มานอนเป็นเพื่อน สองพี่น้องนอนคลอเคลียกันจนผมอดยิ้มไม่ได้


“กลับไป!” เสียงของวิคเตอร์ดังแว่วเข้ามาในห้องจนผมแอบชะงักไป


“ฉันเป็นห่วงเธอนะวิคเตอร์ เธอจะไม่ให้ฉันมาดูเธอเลยรึไง?!” อีกคนตะเบ็งเสียงถามกลับ ท่าทางมีอารมณ์เช่นกัน


“มาดูทำไม?! ผมไม่ได้ขอร้อง!”


“ถ้าฉันไม่มา ป่านนี้เธอคงพานังนั่นขึ้นเตียงไปแล้วสินะ!”


“มันก็เรื่องของผม! คุณไม่เกี่ยว คุณไม่ใช่แม่ผม เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น!”


“แต่อย่างน้อย…”


“Lisa!!! (ลิซ่า!!!)” ผมแอบสะดุ้งกับเสียงของวิคเตอร์ที่ท่าทางโกรธเกี้ยวอย่างมาก ไม่ว่าสิ่งที่คุณลิซ่ากำลังจะพูดออกมาจะคือเรื่องอะไรก็ตาม แต่มันจุดอารมณ์ของวิคเตอร์ได้อย่างดีเชียวล่ะ


“หยุดพูด เรื่องนั้น สักทีเถอะ! มันคือความเลวร้ายที่สุดในชีวิตผม!!”


“เลวร้ายหรอ? เธอกล้าพูดอย่างนั้นได้ยังไง!”


“แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่กล้าพูดล่ะ!” การเถียงกันอย่างดุเดือดของสองแม่ลูก ซึ่งผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าสรุปคุณลิซ่านี่ใช่แม่ของวิคเตอร์จริงๆ มั้ย แต่ดูจากรูปการคร่าวๆ นี้แล้ว ต้องไม่ใช่แม่ตัวจริงเสียงจริงแน่เลย
ถ้าให้ผมเดาแบบคนดูละครไทยบ่อยๆ คุณลิซ่านี่เป็นแม่เลี้ยงที่ลูกเลี้ยงไม่ชอบมากชัวร์ๆ


ว่าแต่… แม่แท้ๆ ของวิคเตอร์ไปไหนล่ะ ทำไมถึงให้แม่เลี้ยงมาดูแล?


“ขอโทษที่ฉันพูดถึงเรื่องนั้น…” เสียงคุณลิซ่าอ่อนลง ก่อนจะพูดต่อ


“พ่อเธอจะอยู่ที่นี่ถึงพรุ่งนี้ ถ้าว่างก็ไปหาเขาหน่อย”


“ไปทำไม? ผมไม่มีเรื่องให้ไปหาเขา”


“วิคเตอร์…”


“ผมไม่ไป เขาจะมาทำอะไรก็เรื่องของเขา แล้วอย่ามาพูดนะว่าเขาอยากเจอผม เอาบาทหลวงมาบอกผมยังไม่เชื่อเลย!”


“แต่เธอกับพ่อไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ”


“ทำอย่างกับผมและเขาอยากเจอกันนักนี่…” เสียงวิคเตอร์เงียบหายไป ในขณะที่ผมกำลังนั่งอุ้มเจ้าฟอกซ์แล้วลูบหัวมันเบาๆ ด้วยความใจลอย หูลอยอยู่


“…แล้วนี่คุณมาหาผม ไม่กลัวรึไง เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก ผมยังแปลกใจอยู่เลยนะว่าทำไมพ่อถึงเก็บคุณไว้นานกว่าคนอื่นๆ แต่… พอคิดอีกที ผมคิดว่าผมรู้นะว่าเพราะอะไร” แล้วเหมือนผมจะได้ยินเสียงหัวเราะ หึๆ มาจากวิคเตอร์เลยด้วยซ้ำ เพราะน้ำเสียงที่เขาพูดเหมือนเป็นการดูถูกเบาๆ แล้วก็เกิดเสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกพื้นนิดหน่อย ก่อนที่อีกเสียงจะตามมาอย่างโวยวายดังลั่น จนผมเบิกตากว้าง


“ทุเรศ!!! อย่าทำอย่างนี้อีก!!! ไม่งั้นผมเล่นงานคุณหนักแน่!!!”


“มากกว่านี้ฉันก็เคยทำมาแล้ว!!!” เสียงคุณลิซ่าตะเบ็งสู้กลับ ผมนึกหน้าวิคเตอร์ตอนนี้ออกเลยว่าเขาต้องน่ากลัวมากแน่ๆ ยามที่กำลังโกรธจัดแบบนี้


ว่าแต่… เขาทำอะไรหรือพูดอะไรใส่กัน?! ผลพลาดอะไรไปรึเปล่า?! สติยิ่งหลุดๆ ลอยๆ อยู่ด้วย!


“แล้วอยากให้พ่อผมทำมากกว่าที่เคยทำมั้ยล่ะ!!” เสียงขู่ของวิคเตอร์ดังลั่น ต้องขอขอบคุณห้องโฮมเทียเตอร์นะที่เก็บเสียงอย่างดี ไม่งั้นชะนีค้างคืนอย่างยัยนิคกี้ได้วิ่งแจ้นออกมาป่วนยกกำลังแน่ๆ


ผมมัวแต่นึกอะไรเพลินๆ จนเสียงของคนสองคนที่ทะเลาะกันอยู่ด้านนอก เหมือนเป็นเสียงแว่วๆ อยู่พักหนึ่ง พอได้สติอีกทีก็เหมือนสองคนนั้นจะเปลี่ยนเรื่องพูดไปแล้ว (ซึ่งเรื่องก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาพูดถึงอะไรกันบ้าง)


“ผมไม่ต้องการ!”


“แต่ฉันต้องการให้เธอมีคนดูแล!”


“ไม่ต้อง ผมมีแล้ว คุณไม่เห็นรึไง?!”


“เด็กนั่นน่ะหรอ?! ตัวเล็กแค่นั้น จะไปทำอะไรได้”


“หมอนั่นไม่ใช่เด็กแล้ว เขาอายุยี่สิบสามแล้ว และเขาก็ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด!” พูดถึงผมรึเปล่า? ผมอายุยี่สิบสามนะ ผมย่นคิ้ว กำลังงงว่าวิคเตอร์หมายถึงผมใช่มั้ย แต่งงยิ่งกว่าคือเขารู้ได้ยังไงว่าผมอายุเท่านั้น ผมยังไม่เคยบอกเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่มีโอกาสบอกและเขาไม่เคยถาม


คำตอบเดียวที่ผมได้คือ เขาคงถามคุณเอมิลี่


“แล้วเธอไว้ใจได้ยังไงว่าเด็กคนนั้นจะไม่อันตราย”


“อันตรายน้อยกว่าคนของคุณก็แล้วกัน!” วิคเตอร์ตอกกลับนิ่งๆ แต่เน้นน้ำเสียงอย่างชัดเจน เดี๋ยวนะ… เหมือนจะชมแหละ แต่มันก็ยังตะหงิดๆ อันตรายน้อยกว่าคนของคุณลิซ่า แต่หมายความว่าผมก็ยังอันตรายอยู่ดีใช่มะ


ชิ! ไอ้พระเอกลิเก! (แกๆ อเมริกาไม่ลิเกนะ)


“กลับไปได้แล้ว ผมรำคาญหน้าคุณเต็มทนละ!”


“งั้นเรียกเด็กคนนั้นออกมาพบฉันหน่อย” พบแอบสะดุ้งเบาๆ เตรียมตัวลุกขึ้นออกไปพบเขาทันที แต่อีกเสียงที่ตามมาก็ทำเอาผมนั่งลงแทบไม่ทัน


“ไม่ต้อง! เสียเวลาเปล่า หมอนั่นไม่ทำตามคำสั่งคุณหรอก เขาเป็นคนดูแลผม ไม่ใช่นักสืบของคุณ!” เสียงคุณลิซ่าเงียบไป เดาว่าคงกำลังเดือดจัดกับคำจิกกัดของวิคเตอร์อยู่ไม่น้อย


“ถ้าว่างก็ไปพบเขาด้วยที่แมนชั่น!” สิ้นเสียงพูด เสียงส้นสูงก็กระแทกไปตามพื้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงประตูปิดกระแทกตาม ผมนั่งนิ่งๆ รอฟังความเคลื่อนไหวพร้อมเจ้าสองพี่น้องต่างสายพันธ์ที่เจ้าตัวเล็กหลับบนตักผมไปแล้ว ส่วนอีกตัวนอนหงายท้องอย่างน่าขำอยู่ข้างผม


ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยอยู่ประมาณเกือบสิบนาที ตอนที่เอาไอโฟนขึ้นมาดูเวลา สงสัยวิคเตอร์เข้าไปเคลียร์กับยัยนิคกี้อยู่มั้ง ดีไม่ดีเคลียร์เลยเถิดถึงขั้นกำจัดอาการค้างให้แม่นางด้วยก็ได้ ผมพิมพ์ไลน์ไปหานังเก้ากับนังแบมในกรุ๊ปไลน์กลุ่มเพื่อนมหาวิทยาลัยว่า


ทำไมตัวอิจฉาต้องชื่อตอแหลๆ ด้วยวะ


สักพักเพื่อนๆ ในกรุ๊ปพิมพ์ตอบกันกลับมายกใหญ่ว่าผมพูดถึงอะไร มาถึงไม่เกริ่นนำใดๆ ก่อน แต่ผมแค่อยากระบายให้เพื่อนฟัง นังเก้า นังแบม ระดมถามใหญ่ ส่วนอีกสี่คนที่เหลือก็ถามด้วยความอยากรู้สุดพลัง แต่ผมก็ส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะไปแค่นั้น แอบยิ้มขำที่ทิ้งให้เพื่อนๆ ค้างไว้ได้ แล้วผมก็โดนทุกคนรุมด่าว่ามาหลอกให้อยากแล้วจากไป


“ทำไมคุณทำแบบนี้กับฉันล่ะ!” ผมเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ หันหัวมองไปรอบๆ เมื่อเสียงยัยนิคกี้ดังแว่วเข้ามา สงสัยลากกันออกมาคุยนอกห้องได้ละมั้ง


“เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะนิคกี้”


“ฉันรู้! แต่อย่างน้อย ฉันก็มาหาคุณถึงนี่แล้ว คุณก็น่าจะตอบสนองฉันหน่อย!” วิคเตอร์เงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบเสียงเรียบ


“คุณต้องการแค่ไอ้จ้อนผมงั้นหรอ” โอ้ววว ก็รู้นะว่าแกเป็นคนมึน เป็นคนซึนๆ แต่พูดอ้อมๆ บ้างก็ได้


“ไม่นะคะ! ฉันต้องการคุณทั้งตัวนั่นแหละ” นิคกี้รีบตอบเสียงอ่อนเสียงหวาน


“นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการงั้นหรอ?” วิคเตอร์ถามเสียงขื่นๆ ชอบกลแฮะ


“ฉันต้องการคุณนะวิคเตอร์ ฉันต้องการทั้งตัวคุณ ใจคุณ และคบกับคุณ” วิคเตอร์เงียบไป ผมกำลังแอบนึกภาพว่าตอนนี้ ยัยนิคกี้คงกำลังคลอเคลียและยั่วยวนพ่อพระเอกให้อารมณ์ลุกเป็นไฟอยู่


“ไม่นะ! วิคเตอร์… อย่าทำกับฉันอย่างนี้… อย่านะ!” ผมได้ยินเสียงโวยวายและเสียงกุกกักๆ ด้านนอก ก่อนจะได้ยินเสียงประตูบ้านกระแทกปิดอีกครั้ง จนนึกสงสัยว่าน่าจะได้เปลี่ยนบานประตูบ้านเร็วๆ นี้


“วิคเตอร์!!! เปิดประตูนะ!! ไอ้เฮงซวย!! ไอ้ลูกหมา!!” ผมได้ยินเสียงตะโกนอู้อี้ๆ ที่คาดว่าน่าจะดังมาจากหน้าประตูบ้าน กำลังนึกสงสัยว่ายัยนั่นไม่อายคนอื่นรึไง แล้วอีพ่อพระเอกนี่ไม่อายคนอื่นงั้นหรอ เดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวหรอก


แอ๊ด!


เสียงประตูห้องซักรีดเปิด ผมเงยหน้าขึ้นมองขณะที่มือขวาเกาคางเจ้าฟอกซ์ อีกมือกำลังลูบพุงเจ้าไมเคิลที่นอนหงายท้องตึงหลังจากกินอิ่มอยู่ ผมสบตากับวิคเตอร์ที่กำลังยืนมองผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผมยิ้มเก้อๆ เล็กน้อย มือก็ยังลูบยังเกาไม่หยุด


“ออกมาได้แล้ว” เขาว่าเสียงเหนื่อยๆ หน้าตาก็ดูเหนื่อยๆ ผมมองเขาด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกอะไรมาก ผมค่อยๆ อุ้มเจ้าฟอกซ์ที่หน้าตางัวเงียๆ ลงจากตัก แล้วลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตู แต่ก็ต้องกระพริบตาปริบๆ มองวิคเตอร์ที่ยืนขวางทางประตูอยู่ ผมเห็นสีหน้าอันเหนื่อยล้า แววตาอันหมองหม่นแล้วก็ไม่กล้าจะเซ้าซี้อะไรมาก เลยก้มลงกะจะลอดใต้แขนของเขาที่ยืนค้ำประตูอยู่ แต่สักพักผมก็ต้องสะดุ้งเบาๆ เมื่อเขาเอามือมาจับไหล่ผมไว้ ผมหันไปมองหน้าเขางงๆ วิคเตอร์กำลังยืนหน้าตาอ่อนล้า แววตาว้าวุ่น


“เอ่อ… คุณไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมทำกับข้าวไว้รอ” ผมส่งยิ้มนิดๆ ให้เขา อีกฝ่ายยืนมองหน้าผมเหมือนกำลังนึกอะไรอยู่ ผมควรจะพูดอะไรสักอย่างมั้ยนะ แบบว่าพูดให้กำลังใจเขาก็ยังดีอะไรแบบนี้ เพราะดูท่าทีของเขาตอนนี้เหมือนคนกำลังหมดแรงยังไงก็ไม่รู้


“ผมเคยดูละคร เอ่อ ละครไทยน่ะ ที่แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงไม่ถูกกัน ผมพอจะเข้าใจอยู่แหละว่ามันทำใจยากที่ผู้หญิงอีกคนมาแย่งพ่อไปจากแม่เรา แต่คุณต้องเข้มแข็งเพื่อแม่คุณนะ อะ…เอ่อ…” ผมเกิดอาการใบ้กินกะทันหัน เมื่อวิคเตอร์ขมวดคิ้วฉับ แล้วจ้องผมด้วยสายตาเคร่งเครียด ผมขบริมฝีปากตัวเองเบาๆ


“ขอโทษครับ ผมแค่เดาจากบทสนทนาของคุณกับผู้หญิงคนนั้น แล้วบังเอิญ คุณสองคนก็พูดกันเสียงดังมาก ผม… ผมเลยได้ยิน” ผมยิ้มอย่างรู้สึกผิดที่เหมือนไปแอบฟังเขาพูดวิคเตอร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือออกจากไหล่ผม


“เดาเก่งเหมือนกันนี่…” ผมยิ้มแหยๆ วิคเตอร์หน้านิ่งก่อนจะว่าต่อ


“…แต่ก็ยังเดาไม่ถูกทั้งหมดหรอก” เขาบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากประตูห้องซักรีด ผมย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจและเกาหัวแกรกๆ ผมจะไปเดาถูกหมดได้ยังไงล่ะ ก็ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลยนอกจากข้อมูลในกูเกิ้ล
ผมเลิกงง แล้วเดินผละไปจากประตู กลับมาที่ห้องครัวที่ยังเคลียร์ของค้างไว้ วิคเตอร์กำลังเอาของออกจากถุงและจับยัดๆ ใส่ตู้เย็นและตู้เก็บของ ผมเดินไปจัดการของที่ตัวเองทำค้างไว้อยู่


ฟึ่บ!


อะไรบางอย่างผ่านหน้าผมไป แล้วไถลไปจอดอยู่เกือบขอบโต๊ะ ผมมองไปก็เห็นเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีทองนวลๆ ผมหยิบขึ้นมาแล้วเอามากองรวมกับของที่ผมวางไว้ เขาคงโยนมาให้ผมเก็บแหละ


“อันนั้นไม่ต้องเก็บ แต่ให้นายเอาไปชงแล้วดื่ม” ผมหันไปมองเหลอหลาว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร วิคเตอร์เงยหน้ามองผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นเหมือนเป็นคำถามว่าผมมองเขาทำไม


“มันคืออะไรครับ”


“ชาชงรสเปปเปอร์มิ้นต์”


“แล้วทำไมผมต้องชงดื่มด้วย” วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาเหมือนรำคาญเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงห้วนๆ


“ก็นายเป็นหวัด” เป็นหวัด? แล้วกินชาทำไม มันมีความสัมพันธ์กันตรงไหนเหรอ ผมขมวดคิ้วแล้วหยิบกล่องชาขึ้นมาดู แล้วพยายามหาว่ามันมีสรรพคุณแก้หวัดเขียนไว้ตรงไหน


“ดื่มเข้าไปเถอะ อย่าทำหน้าเหมือนหมาสงสัยนักเลย” เขาว่าง่ายๆ เมื่อเห็นผมกำลังทำหน้าตาสงสัย


“คุณช่วยพูดอะไรมากกว่านี้ได้มั้ยครับ ว่าทำไมผมต้องดื่มชารสเปปเปอร์มิ้นต์ของ Twining ด้วย” วิคเตอร์ละจากสิ่งที่กำลังแล้วยืนมองผมด้วยสายตาเอือมๆ และสีหน้าเบื่อหน่าย


“มันช่วยลดเสมหะ อาการคัดจมูก น้ำมูกไหลของนายได้” เขาเลิกคิ้วเร็วๆ ขึ้นอีกครั้งเป็นเชิงถามว่า เข้าใจ๋? ผมทำตาโตหน่อยๆ แล้วพยักหน้ารับรู้เบาๆ นี่เขาซื้อมาให้ผมหรอเนี่ย โอ้ มีน้ำใจเหมือนกันแฮะ ผมอมยิ้มน้อยๆ


“ขอบคุณนะครับ”


“ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นของแถม” ผมยิ้มเพลียๆ เออ! ไม่อยากได้คำขอบคุณก็ไม่ต้องเอา


“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่ามันช่วยอาการที่คุณว่ามาได้” เขานิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบ


“แม่ฉันเคยให้กินตอนฉันเป็นหวัด” ผมทำหน้าเข้าใจแล้วพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะทำเสียงอ้อมแอ้ม ไม่แน่ใจว่าควรถามหรือพูดดีมั้ย


“หมายถึง… เอ่อ… แม่ที่ไม่ใช่คุณลิซ่านั่นใช่มั้ย” วิคเตอร์ตวัดสายตาดุๆ มาให้ ผมรีบก้มหลบสายตาเขาแล้วจัดของที่ค้างไว้อยู่ให้เรียบร้อย เป็นอันได้คำตอบว่าผมไม่ควรยุ่งหรือถามเรื่องส่วนตัวเขาอีก ผมก้มหน้าก้มตาจัดของต่อไป แอบได้ยินเสียงถอนหายใจของเขา


“อืม… แม่จริงๆ ของฉัน  ไม่ใช่ลิซ่า” ผมเหมือนโดนเขาเอามือตบหัวจนมึน เพราะจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ผมเงยหน้าขึ้น แล้วเอียงคอมองเขา พลางกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงง เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรต่อ


“แล้วแม่คุณไปไหนล่ะครับ ทำไมคุณลิซ่าถึงมาที่นี่ แล้ว… แล้วก็มาบอกว่าเขาเป็นแม่คุณ” ผมนึกว่าผมจะโดนจ้องตาดุ หรือเขาอาจส่งสายตาไม่พอใจมาให้ แต่แววตาเขากลับหม่นลง ใบหน้านิ่งงันไป ท่าทางดูเหงาหงอย เขาเป็นฝรั่งตัวใหญ่ แต่ตอนนี้ เขาดูตัวเล็กและบอบบางเหลือเกิน จนผมอดห่วงไม่ได้


“She’s gone. (เธอตายแล้ว)” ผมแทบหยุดหายใจ เมื่อเขาตอบกลับมา จ้องมองคนพูดที่มีสีหน้าเซื่องซึมอย่างเห็นได้ชัด ใจผมกระตุกตุบๆ ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นที่เขายอมตอบ หรือกำลังเสียใจแทนเขากันแน่


“ผม… ผมเสียใจด้วยครับ แล้วก็… ขอโทษที่ถามครับ” ผมเอ่ยเสียงเบา รู้สึกเศร้าใจไปกับเขา วิคเตอร์สบตาหม่นๆ ของเขากับผม ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ


“ทำงานต่อเถอะ” เขาบอกแค่นั้นแล้วหันไปจัดของในตู้เย็นต่อไป ผมมองด้านหลังของเขาด้วยสายตาเศร้าสร้อย ดูเขาจะรักแม่มากแน่ๆ แน่ล่ะ ส่วนใหญ่ก็รักแม่กันทั้งนั้นแหละ ผมเองถึงจะดื้อยังไงแต่ใจก็รักแม่นะ ก็แม่เราทั้งคนนี่เนอะ


ผมไม่กล้าถามอะไรเขาอีก จัดการเตรียมของทำกับข้าวให้เขาต่อไป คิดว่าแค่นี้ก็เหนือความคาดหมายแล้วที่เขายอมตอบผมและยอมบอกในเรื่องที่เป็นส่วนตัวมากๆ ส่วนตัวถึงขึ้นที่ว่าหาในกูเกิ้ลก็ยังไม่เจอ วิกิพิเดียก็ยังไม่มีข้อมูลนี้เลย และตอนนั้นเองผมก็รู้สึกได้ว่า


วิคเตอร์มีกำแพงที่ขวางกั้นตัวเองไว้ และกำแพงนั้นดูท่าจะดำทะมึนใหญ่โตเลยทีเดียวล่ะ


[มีต่อด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::Chapter 6::19.06.58:: PG.2 หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-06-2015 18:35:51

หลังจากทำอาหารให้เขา ผมก็ขึ้นไปเตรียมน้ำไว้ให้เขาอาบที่ห้องนอนเขา รอบนี้ผมผสมแค่ครีมอาบน้ำของโปโลสำหรับผู้ชายเท่านั้น พอเตรียมน้ำ บีบยาสีฟันใส่แปรง ผ้าขนหนู และชุดนอนไว้ให้เขาเรียบร้อย ผมก็เดินลงมาข้างล่าง เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน


“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับก่อนนะครับ” ผมบอกวิคเตอร์ที่กำลังนั่งกินข้าวไข่เจียวกุ้งที่เขารีเควสว่าอยากกิน ตอนแรกผมจะทำข้าวผัดกระเพราให้แต่เขาไม่เอา เขาบอกอยากกินอันนี้


“วัดไข้ซิ” เขาบุ้ยปากไปทางเค้าน์เตอร์ครัว ผมหันไปมองก็เห็นว่ามีปรอทวัดไข้วางอยู่ ผมหันไปมองเขาก่อนจะตอบ


“อาการดีขึ้นแล้วครับ แค่ยังมีน้ำมูก เสมหะ แล้วก็อาการไอ”


“ฉันบอกให้วัดก็วัดสิ!” เขาถลึงตามองดุๆ แล้วชี้ไปที่เครื่องวัดไข้เพื่อเป็นการย้ำ ผมทำปากขมุบขมิบเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหยิบปรอทวัดไข้แล้วยัดใส่ปาก ผมยกไอโฟนขึ้นมาดูเวลา พอเห็นว่าผ่านไปหนึ่งนาทีผมก็เอาออกมาดู ปรากฏว่าอุณหภูมิร่างกายผมอยู่อยู่ที่สามสิบแปด อึ๋ยยย… ไข้ยังเท่าเดิมอยู่เลย ผมทำหน้านิ่งๆ แล้วหันไปมองวิคเตอร์


“ก็ปกติครับ ไข้ลดลงแล้ว” เขาหรี่ตามองผม ส่วนผมก็ทำหน้าตาบ้องแบ๊ว วิคเตอร์ลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาที่ผมก่อนจะดึงที่วัดไข้ไปดู ผมทำจมูกบาน และเริ่มขยับออกห่างจากร่างสูงที่ผมยืนใกล้แล้วสูงแค่ไหล่เขา และยังไม่ทันได้พูดอะไร เร็วกว่าแสงคือมือวิคเตอร์ที่ยื่นมาดีดติ่งหูผมอย่างเร็ว


“โอ้ยยย!” ผมร้องเป็นภาษาไทย เอามือกุมหูไว้แล้วทำหน้ายู่ใส่เขา วิคเตอร์ถลึงตามอง


“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดโกหก!”


“ผมไม่เด็กแล้ว ผมยี่สิบสามแล้วนะ ที่อเมริกาอายุสิบหกก็ถือว่าโตแล้วไม่ใช่รึไง?!”


“ยังจะเถียงอีก!” เขาทำหน้าดุ ผมกัดปากล่างแน่น แล้วเบิกตามองเขา นึกหมั่นไส้ที่ทำท่าทำทางเหมือนพ่อผมไม่มีผิด
เออ… ก็จริงนั่นแหละ อีตานี่เวลาดุหรือบ่น เขาชอบทำให้ผมนึกถึงพ่ออยู่บ่อยๆ ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง แถมหน้าตายังไปโซนเข้มๆ คล้ายกันอีกด้วย เพียงแต่วิคเตอร์จะหล่อคมคายกว่าพ่อผม แหม… ก็แน่ล่ะ พ่อผมเป็นแค่พ่อค้าขายของชำ ส่วนตานี่เป็นพระเอกนี่นะ 


“ไปกินข้าว แล้วจะได้กินยา” เขาบอกเสียงห้วน พร้อมวางที่วัดไข้ลงบนเค้าน์เตอร์ครัว


“ก็นี่ไง เดี๋ยวผมกลับไปทำอะไรกินที่บ้าน แล้วก็กินยานอน” วิคเตอร์กลอกตาก่อนจะบอกเสียงเซ็ง


“ฉันยังดูชั่วไม่พอรึไง?!”


“ชั่วอะไร ทำไมคุณถึงชั่ว” ผมถามสีหน้างงๆ  อีกฝ่ายทำปากจิ๊จ๊ะ แต่ไม่ตอบอะไรนอกจากเดินกลับไปที่โต๊ะกินข้าว ผมมองเขาตาปรือ และหันไปหยิบเป้ขึ้นมาสะพายเตรียมตัวกลับบ้าน


“ผมกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน ราตรีสวัสดิ์ครับ”


“มานั่งนี่!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินออกไป เขาก็ตะเบ็งเสียงจนใจผมแทบร่วงหล่น ผมงงๆ แต่ก็เดินไปนั่งที่เก้าอีกตัวที่อยู่เยื้องๆ กับเขา


“ตักข้าว แล้วนั่งกินให้หมด จะได้กินยา” เขาบอกเสียงมะนาวไม่มีน้ำ โอ๊ย! แห้งแท้น้อพ่อคุณเอ๊ย! ผมทำตามที่เขาบอกแบบมึนๆ ให้ตักข้าวผมก็ตัก


“กินแค่นั้นน่ะหรอ?!” เขาย่นคิ้วเมื่อชะโงกหน้ามาดูข้าวในจานผมที่ตักมาแค่สองทัพพี


“มันดึกแล้ว ผมไม่อยากกินเยอะ เดี๋ยวอ้วน” เขาหันมาสำรวจร่างกายผมทันที ดูตั้งแต่หัวถึงเท้าเลยทีเดียว


“ถ้ากลัวอ้วน กินแล้วก็รู้จักออกกำลังกายซะบ้าง!” ผมชะงักกึก เหลือบมองเขาเล็กน้อย ประโยคนี้สะกิดใจผมเบาๆ เพราะพ่อผมชอบพูดแบบนี้เปี๊ยบ!


จริงๆ นะ ตาวิคเตอร์นี่เหมือนพ่อผมอีกคนจริงๆ โคลนนิ่งกันมารึเปล่า


“ค่า!” ผมรับคำเป็นภาษาไทย แสร้งดัดเสียงหวาน หน้าตาแอบดัดจริตเล็กน้อย


“มันแปลว่าอะไร” เขาถามด้วยความสงสัย มองด้วยความไม่ไว้ใจ เขาต้องกำลังคิดว่ามันคือคำด่าอยู่แน่ๆ ผมตักไข่มาใส่จานแล้วตักเข้าปากหนึ่งคำก่อนจะตอบเขา


“Like a—yesss! (คล้ายกับ เยสสสน่ะ)” ผมตักข้าวเข้าปากอีกคำแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อื้ม! จะว่าไปฝีมือการทำไข่เจียวกุ้งสูตรผสมนมสดข้นใส่พริกนิดหน่อยของผมนี่ก็อร่อยใช้ได้นะเนี่ย ผมเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ลืมเวลาอ้วนไปเลย ผมช้อนตามองวิคเตอร์ก็เห็นว่าเขานั่งมองผมอยู่ราวกับเห็นของแปลก ผมอมยิ้มแก้มอูมเพราะเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก ก่อนจะเคี้ยว หงับๆ ต่อไป มันอร่อยจริงๆ นะ ไว้ทำกินเองมั่งดีกว่า


“แก้มนายจะระเบิดรึเปล่า?” วิคเตอร์ย่นคิ้ว มองผมที่กำลังเคี้ยวข้าวแก้มยุ้ยด้วยสายตาระแวงนิดๆ ราวกับกลัวว่าแก้มผมจะระเบิด ผมส่ายหัวรัวๆ แล้วกลืนข้าวลงไป


“คุณจะบ้าหรอ นี่แก้มคนนะ ไม่ใช่ระเบิด!” ผมแอบมองค้อนเล็กๆ ใส่เขา ก่อนจะตักคำสุดท้ายเข้าปาก แล้วข้าวก็แทบพุ่ง เมื่อหัวผมสะเทือนไปหมดตอนที่โดนเขาเอามือหนึ่งทับหัวและอีกมือฟาดลงมา


“เตือนสติให้รู้ว่านายห้ามส่งสายตาแบบนั้นให้ฉัน อย่าเหลิง! ฉันให้มานั่งกินข้าวด้วย ไม่ได้หมายความว่าจะมาชักสีหน้าใส่ฉันได้นะ” เขาบอกน้ำเสียงปราม พร้อมใบหน้านิ่งเฉื่อยแบบที่ผมเห็นประจำ


ผมล่ะเซ็ง! เลยได้แต่ยิ้มประชดหน่อยๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกรอกน้ำใส่แก้วแล้วยกดื่ม หยิบไอโฟนขึ้นมาเพื่อรอเวลาห้า
นาทีแล้วค่อยกินยาตาม


“เออนี่ เดี๋ยวผมส่งรูปให้คุณในว้อทแอพ แล้วคุณเลือกรูปอัพเดตลงเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์และไอจีบ้างนะ” เขาที่กำลังยกแก้วไวน์แดงขึ้นดื่ม ปรายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะบอก


“เดี๋ยวฉันเอารหัสให้ แล้วนายก็จัดการเองเถอะ ฉันขี้เกียจเลือก ขี้เกียจลง” ผมทำหน้าประหลาดใจทันที


“คุณไม่กลัวผมประจานคุณรึไง” เขายกยิ้มมุมปาก แล้วส่งเสียงหัวเราะออกทางจมูกเบาๆ เป็นเสียง หึ


“ถ้าอยากโดนดีดหู จนหูขาด ก็ลองดูสิ” เขายักคิ้วท้าทายมาให้ผม ผมได้แต่ทำปากขมุบขมิบราวกับกำลังท่องคำสาปแช่งเขาอยู่ พอผมเห็นว่าห้านาทีผ่านไปแล้ว ผมก็หยิบกระปุกยาที่เขาให้ไว้ตอนกลางวันออกมาแล้วกินยาเข้าไปหนึ่งเม็ด


“ผมเตรียมน้ำไว้ให้อาบแล้ว ผ้าขนหนูแขวนอยู่ที่ราว เสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ที่ประตูห้องน้ำ ชุดนอนอยู่บนเตียง อ้อ! ยาสีฟันบีบไว้ให้แล้ว ฉะนั้นวันนี้ ราตรีสวัสดิ์นะครับ” ผมยิ้มกว้างให้เขาและทำท่าตะเบ๊ะ ก่อนจะเดินหมุนตัวเดินออกจากบ้านเขาไป โดยไม่ได้หันกลับไปมองเขาอีก เพราะตอนนี้กำลังรู้สึกดีที่ได้กลับบ้านก่อนเที่ยงคืน
อีกห้านาทีจะเที่ยงคืน…   







ผมเปิดประตูรั้วบ้านป้าแมร์รี่เข้าไปแล้วปิดตามหลัง แอบเผลอสั่งน้ำมูกลงบนพื้นหญ้าตามนิสัยที่ชอบทำเวลาอยู่บ้าน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่น้ำมูกพุ่งลงพื้นแล้ว ขอโทษครับป้าแมร์รี่ผมไม่ได้ตั้งใจนะ


“แมท” เสียงเรียกชื่อผมนุ่มทุ้ม ฟังแล้วอบอุ่นหัวใจ (พิษไข้กำเริบ เลยเพ้อหนัก) ผมหันไปมองตอนที่ถอดรองเท้าเสร็จแล้วก็พบกับเอิร์ทที่อยู่ในชุดนอน เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น กำลังยืนกอดอกมองผมอยู่ตรงขอบประตู


“อ้าว ยังไม่นอนหรอเอิร์ท” ผมเอ่ยทักพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้ เอิร์ทยิ้มนิดๆ แล้วส่ายหัวหน่อยๆ ก่อนจะเดินตรงมาทางผม ก็พอดีกับที่ผมเดินขึ้นบันไดขึ้นไปตรงระเบียงบ้านพอดี


“เหมือนไม่เจอหน้ากันนานเลยนะ” เอิร์ทบอกแล้วยิ้มมุมปาก เสียงเขานี่นุ่มทุ้ม อบอุ่นใจจริงๆ ผมยิ้มกริ่ม แล้วมองหน้าเขา นึกถึงเรื่องที่คุยกันค้างไว้ว่า ทำไมผมจำเขาไม่ได้ ผมกำลังสงสัยตัวเองว่า เอ๋อ เสียสติ ถึงขั้นจำเขาไม่ได้เชียวหรอ แต่ถ้าใครเห็นผมตอนทำงานละครเวทีจะรู้ว่าผมหัวหมุน วุ่นวาย จริงๆ นะ ผมแทบไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากหน้าที่กำกับของตัวเอง แหม… แค่เวลาดูแลการแสดงของนักแสดงและเอ็กซ์ตร้า ก็แทบจะไม่มีเวลามองอย่างอื่นแล้ว แต่ผมเล่นดูแลทั้งเสื้อผ้า หน้าผม ผสมด้วย โอ้โห.. คราวนี้ยิ่งยุ่งไปกันใหญ่


“มีอะไรรึเปล่า จ้องหน้าเราซะขนาดนั้น” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามยิ้มๆ ผมยิ้มเก้อก่อนจะทำปากยื่นเหมือนเป็ด แล้วยกมือเกาคอเบาๆ บรรยากาศเงียบดีจัง ได้ยินเสียงลมหวือๆ ผ่านหูด้วย


“เรากำลังสงสัยตัวเองว่า จำเอิร์ทไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอ” เอิร์ทยิ้มขำนิดๆ


“จำไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น”


“แต่เราข้องใจตัวเองอ่ะ คนอะไร ทำไมจะจำคนที่เคยร่วมงานด้วยไม่ได้”


“ก็คนร่วมงานอีกคน ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย ก็ไม่แปลกที่จะจำไม่ได้” เอิร์ทว่ายิ้มๆ รอยยิ้มเขาดูอบอุ่นพอๆ กับน้ำเสียงเลย หน้าตาหล่อเกลี้ยงเกลาขนาดนี้ ผมพลาดการจดจำเขาได้ยังไงนะ 


“เราสองคนเคยคุยกันปะ ตอนทำงาน” ผมถามด้วยความอยากรู้ต่อ ไอ้แมทเอ๊ย! ความจำแกเสียขนาดนั้นเลยรึเนี่ย


“ก็เคยคุยนะ แต่ก็ไม่ได้เป็นทางการมาก จริงๆ ไม่รู้ว่านั่นเรียกว่าคุยกันมั้ย เพราะแมทคุยกับเราไปด้วย แถมยังคุยโทรศัพท์ไปด้วย เราเลยไม่รู้ว่าแมทคุยกับใครกันแน่”


“โอ้โห เหตุการณ์นึกยากจัง แต่สรุปได้ว่าเราสองคนเคยคุยกันเนอะ”


“ก็คุย… ไม่ต้องซีเรียสหรอก เราเองก็ไม่ค่อยได้ยุ่งกับพวกแมทเท่าไหร่ ตอนทำงานด้วยกันก็ใช่ว่าเราจะไปทุกวัน ไปแค่ตอนพวกแมทมาเรียกให้ไปทำฉาก แก้ฉากนั่นแหละ”  ผมรู้สึกมึนๆ ไม่รู้มึนเพราะฤทธิ์ยาหรือว่ามึนเพราะคิดมากเกินไป ก็คงจริงอย่างที่เอิร์ทว่า ถึงจะร่วมงานกัน แต่ใช่ว่าพวกเอิร์ทจะมาบ่อย แต่เอาจริง ผมไม่ค่อยไปยุ่งกับฝ่ายฉากหรอก ส่วนใหญ่ฝ่ายฉากที่มาหาผมก็เป็นคนในเอกนั่นแหละ เอาแบบแปลนของฉากมาให้ดูว่าถูกใจผมมั้ย ใช่ที่ผมจินตนาการไว้รึเปล่า ต้องการแก้ตรงไหนอีก ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็ทำได้ดีกันอยู่แล้ว ฉะนั้นยุ่งกับฝ่ายฉากอีกทีก็ตอนที่ฉากเสร็จ ยกขึ้นเวทีแล้ว


“เอ้อ! แล้ว… เอ่อ…” ผมใช้ฟันขบปากล่างตัวเอง แจ๊บๆ กำลังคิดว่าไอ้ที่เขาช่วยผมเรียกความทรงจำครั้งก่อนนั่น มันช่วยให้ผมนึกออกยังไง


“ครั้งก่อนที่เราสองคน เอิ่ม… แบบว่า ทวนความจำแบบที่เอิร์ทบอกอ่ะนะ… คือเราอยากรู้ว่า มันทวนความจำยังไงหรอ มันเกี่ยวข้องยังไงกัน… คือเรางง” ผมยิ้มยิงฟันแห้งๆ แก้มร้อนนิดๆ เพราะเขิน นึกถึงตอนเอิร์ทซุกไซร้แล้วก็รู้สึกวาบหวามที่ซอกคอตัวเองไม่น้อย เอิร์ทยิ้มที่มุมปาก


“อันนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตอนทำงานหรอก”


“แล้วมันเกี่ยวกับอะไรอ่ะ แน่ะ! หรือหลอกแต๊ะอั๋งเรารึเปล่า” ผมทำเสียงล้อยานๆ แล้วยิ้มแซวเขา เอิร์ทยิ้มกว้างขำๆ


“แค่นั้นยังไม่เท่าที่แมททำกับเราเลย” ผมชะงัก สูดลมหายใจดัง ฮึบ! ตาโตมองเอิร์ท อ้ากกก! นั่นหมายความว่าไงกัน


“เราเคยทำอะไรเอิร์ทด้วยหรอ เฮ้ย! จริงอ้ะ?! ไม่นะ… ถ้ามันมีอะไรขนาดนั้น เราต้องรู้สึกและจำได้ดิ” โอเค ตอนนี้ผมเริ่มสติแตกละ รู้สึกว่ามันน่าพิศวงงงงวยสุดๆ อ่ะ จากตอนแรกแค่รู้สึกว่าเรื่องที่เขาพูดมันไม่ได้เป็นเรื่องลึกลับอะไร แต่พอได้ยินแบบนี้ ผมเริ่มรู้สึกระแวงตัวเองและระแวงเอิร์ท


“ใจเย็นๆ ไม่ได้มีอะไรกันถึงขั้นที่แมทกำลังคิดหรอกน่า” เอิร์ทบอกอย่างสงบ ผิดกับผมที่รู้สึกลุกลี้ลุกลน  ไม่ใช่ผมกลัวว่าเขาจะทำอะไรนะ ผมกลัวว่าตัวเองจะไปทำมิดีมิร้ายใส่เขาไว้แล้วผมไม่รู้ตัวรึเปล่า


“แล้วมีถึงขั้นไหนอ้ะ” ผมถาม สีหน้าไม่ดีแน่ๆ ตอนนี้ ผมสูดน้ำมูกฟุดฟิด เอิร์ทย่นคิ้วมองหน้าผมเล็กน้อย


“ไม่สบายหรอ” ผมพยักหน้ากึกๆ แล้วยกแขนเสื้อเช็ดจมูก


“นี่ๆ ตอบก่อนสิ ว่าเราทำอะไรเอิร์ท” เอิร์ทถอนใจเบาๆ ราวกับกำลังอ่อนใจกับความอยากรู้อยากเห็นของผม


“เข้าบ้านดีกว่า อากาศมันเย็น เดี๋ยวจะเป็นไข้หนักกว่าเดิม” เขาว่าแล้วเปิดประตูบ้านให้ ผมเดินเข้าไป เอิร์ทปิดประตูและล็อค สงสัยคงมีแค่ผมคนเดียวเนี่ยแหละที่กลับบ้านมืดค่ำดึกดื่นขนาดนี้


“เอิร์ท…” ผมยังไม่หายสงสัย พออยู่ตรงโซนครัว ผมก็หันไปถามเขาอีก


“จำเหตุการณ์เก่าๆ ไม่ได้ ก็ช่างมันเถอะแมท ไม่ต้องไปเหนื่อยรื้อหรอก…” เขาบอกพลางเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น จนตอนนี้เรายืนอยู่ใกล้กัน ใบหน้าห่างกันนิดนึง ผมล่ะกลัวขี้มูกกระเด็นไปโดนหน้าเขาจริงๆ


“จำไม่ได้ ก็สร้างใหม่ไปเลยมั้ย” เขาบอกเสียงทุ้ม เล่นเอาผมใจกระตุกวูบ เพราะแววตาที่เขามองมามันดูวิบวับกระชับใจชอบกล ผมกระตุกยิ้มงงๆ


“รู้มั้ย ตอนที่เจอแมทครั้งแรกที่นี่ เราทั้งงง ประหลาดใจ แล้วก็สับสน…” เขาเว้นช่วงแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ทรงสูงสี่เหลี่ยมที่เค้าน์เตอร์ครัว ก่อนจะดึงผมให้เข้าไปใกล้ๆ แล้วจับมือผมไว้แบบนั้น ตอนนี้เราตัวเท่ากัน ผมเลยไม่ต้องแหงนหน้าคุยกับเขา


“แล้วหายสับสนยัง” ผมยิ้มแห้ง เริ่มทำตัวไม่ถูกละตอนนี้ สายตาเขาที่มองผม มันละลายใจเกินไป ฮึ่ย! แล้วทำไมผมถึงต้องใจง่ายแบบนี้ด้วย แค่นี้นิดหน่อยก็ใจเต้นแล้ว เอิร์ทส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะตอบ


“ยัง… แต่ตอนนี้เราอยากรู้ว่าแมทยังอยากจะนึกเหตุการณ์เก่าๆ อยู่มั้ย” ผมพยักหน้ารัวๆ เอิร์ทยิ้มแล้วดึงผมไปใกล้เขามากขึ้น เขาอ้าขาแล้วใช้มือดันเอวผมเข้าไปอยู่ในล็อคหว่างขาเขาพอดี ผมนี่หายใจเฮือกเลย!


“อะ… เอิร์ท…” ผมถามเสียงสั่น ตอนนี้ใจเต้นตูมๆ เลยแหละ หน้าร้อนจัด จนคิดว่าไข้จะขึ้นอีกรอบ


“แมทเคยจูบใครมาก่อนมั้ย” ผมตาโตมองเขา จังหวะหัวใจกระหน่ำเต้นรัวกว่าเดิม


“ถามแบบนี้นี่…”


“ถามเฉยๆ แค่อยากรู้ว่าแมทเคยจูบใครรึเปล่า” ผมต้องหน้าแดงแปร๊ดไปแล้วแน่ๆ ผมกระพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่าย ก่อนจะส่ายหัว เอิร์ทยิ้มออกมาด้วยความพอใจ


“งั้นจำไว้นะ ว่าเราเป็นจูบแรกของแมท” ผมอ้าปากหวอน้อยๆ สีหน้าแตกตื่น กำลังรู้สึกตึบๆ ที่ขมับกับสิ่งที่เขาพูด และตอนตึบๆ มึนๆ นั่นแหละที่เอิร์ทดึงผมเข้าไปใกล้ก่อนจะกดริมฝีปากของเขาเข้าหาผม ผมเบิกตากว้างเมื่อความรู้สึกอุ่นๆ และนุ่มๆ ที่มาจากริมฝีปากของอีกฝ่ายแนบลงบนริมฝีปากของผม มือผมกระตุกไปคว้าไหล่ทั้งสองข้างของเอิร์ทโดยอัตโนมัติ


อ้ากกก! จะ…จูบบบ!


 :hao7:


--------------------------------TBC.------------------------------

ใครอยากอ่านเร็วๆ ตามไปที่อีกบอร์ดได้นะคะ แต่ที่เล้าเป็ดคงลงวันล่ะตอน แต่บางวันอาจสองตอนเลย เพื่อให้ตามอีกบอร์ดทัน จะได้ลงตอนของคู่พิเศษควบคู่กันสองบอร์ด และพอลงพาร์ทใหม่จะได้ทันกันเนอะ
กดไลค์เพจเฟซบุ๊คไว้ได้นะคะ เพื่ออัพเดตข่าวสารต่างๆ เม้าท์มอยหอยกาบนอกรอบ และร่วมเพ้อเจ้อไปกับคนเขียนได้ที่นั่น
ดูตรงลายเซ็นด้านล่างเลยจ้า ^__^
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:04:41

CHAPTER 7 :: Timpani Rhythm


ผมจับไหล่เอิร์ทไว้แน่นด้วยความตกใจ ตัวสั่นเล็กน้อย จะดันตัวหนีก็โดนเอิร์ทใช้มือดันเอวไว้ ผมเลยจะดึงหน้าออก แต่เอิร์ทก็เอาริมฝีปากตามมาขยี้ริมฝีปากผม ความรู้สึกนุ่มๆ อุ่นๆ แล่นไปทั่วริมฝีปาก และตอนนี้ความรู้สึกเสียววูบกำลังตามมา เมื่อเอิร์ทพยายามใช้ลิ้นแทรกเข้ามาตรงช่องริมฝีปากของผมที่เผยออ้าอยู่เล็กน้อย ผมเบิกตากว้างกว่าเดิมและรีบยกมือขึ้นมาจับหน้าเอิร์ทไว้แล้วดึงออกทัน ในจังหวะที่ลิ้นของเอิร์ทแตะริมฝีปากล่างของผมพอดี


พอหลุดจากพันธนาการจูบของเอิร์ทได้ ผมก็รีบสูดลมหายใจเข้าเร็วๆ โอยยย… ฟืดฟาด ฟืดฟาด~ เหมือนขาดอากาศหายใจ  รู้สึกเหมือนตัวลอยละล่องอย่างบอกไม่ถูก มันวิ้งๆ พอปรับลมหายใจได้ผมก็เลื่อนสายตาไปมองเอิร์ทตรงๆ ก็เห็นเขากำลังยิ้มขำๆ อยู่ แต่แววตาเขาดู… เร่าร้อน ดูพร้อมจะรุกต่อ


“เอิร์ทขโมยจูบแรกของเราไปอ่ะ” ผมว่าทั้งที่ยังหอบนิดๆ หน้าตาเหวอเหวิ่งมาก หัวหมุนติ้วๆ ผมยังเอามือจับหน้าเอิร์ทไว้ รับรู้ได้ถึงผิวเนียนๆ ของเขา เอิร์ทยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าผมทำหน้าตาเหมือนพวกอ่อนหัด ก็แน่สิ ผมเคยจูบใครที่ไหน


“เปล่า นี่เป็นจูบสอง หรืออาจจะสาม หรือสี่ไปแล้วก็ไม่รู้ จูบแรกแมทเป็นคนจูบเราเอง” ผมตาโตจนลูกกะตาแทบจะหลุดจากเบ้า เอามือลดลงไปจับช่วงต้นหัวไหล่ของเอิร์ทไว้ และยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เอิร์ทก็ยื่นหน้ามาจูบผมอีกรอบ แต่เป็นเพียงเอาริมฝีปากมาแตะ แต่ก็แตะอย่างแนบแน่น เหมือนเป็นจูบปิดปาก หรือจูบปลอบขวัญที่เห็นผมกำลังทำหน้าเหมือนหมาหลงทาง เอิร์ทถอนจูบออกแล้วยิ้มน้อยๆ แต่แววตาที่เขามองผมมานั้นดู… ไม่รู้สิ ดูเหมือนคนไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง


“แล้วนี่ก็จูบที่ห้าแล้ว”


“โอยยย! นี่มันอะไรกัน” ผมครวญครางออกมาเสียงหลง สีหน้าสับสนงุนงง ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ผมยกมือขวามาพัดลมเข้าหน้าเบาๆ และพยายามตั้งสติพูดต่อไป


“นี่เอิร์ทไม่ได้กุเรื่องมาเพื่อหลอกจูบเราใช่มั้ยเนี่ย โอ๊ยตาย! เป็นคำพูดที่โคตรหลงตัวเอง คือ เราหมายถึง ระหว่างเรามีซัมติงกันจริงใช่มั้ย เราเคยจูบเอิร์ทด้วยหรอ” ผมแทบจะพ่นไฟออกจากปาก ยกมือเกาหัวตัวเองจนผมยุ่ง เอิร์ทหัวเราะเสียงทุ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะเอามือลูบๆ เส้นผมตรงที่ผมเกาจนยุ่งเหยิงเมื่อกี้ พอนึกได้อีกที


ก็รู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนขวาของเขา และเอิร์ทเอาเข่าหนีบไว้ไม่ให้ผมไปไหน หน้าผมร้อนวูบวาบเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในลักษณะท่าทางที่ไม่น่าไว้ใจ (ตัวเอง) เท่าไหร่


แบบนี้มันสยิวนะ~


“เคยสิ แต่แมทจำไม่ได้หรอก”


“เพราะอะไร?  ทำไมเราถึงจำไม่ได้ล่ะ จูบเลยนะเอิร์ท เราจะลืมได้ไง!” ผมว่าเสียงงุ้งงิ้งๆ เบะปากเหมือนเด็กๆ เอิร์ทยังคงยิ้มหล่อๆ ไม่เปลี่ยน ตาหวานๆ ของเขาเวลายิ้มกำลังมองผมเหมือนกำลังสนุก


“ก็จูบตอนเมาจะไปจำได้ไงล่ะ น็อคไปถึงตอนบ่ายเลยไม่ใช่หรอ” ผมอ้าปากค้าง


“เราเคยไปกินเหล้าด้วยกันด้วยหรอเอิร์ท?!”


“เคย หลังจบละครเวทีไง” ผมรีบประมวลภาพเหตุการณ์ มันอาจต้องย้อนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งก็ยังไม่นานมาก เพราะยังไม่ครบปีเลย ประมาณหกเจ็ดเดือนได้ ภาพในวันนั้นวิ่งเข้าหัวผมอย่างรวดเร็ว ภาพแล่นไปมา ตัดไปตัดมา แต่ผมก็นึกไม่ออกอยู่ดี


“โห วันนั้นคนแน่นมาก แค่เอกเรา เรายังไม่รู้เลยว่าใครไปบ้าง พวกเอิร์ทไปด้วยนี่ ไม่ต้องสืบ จำไม่ได้หรอก”


“ก็ไม่แปลกใจหรอก มาถึงแมทก็ยกดื่มๆ ไม่รู้ไปอดอยากจากที่ไหนมา” เอิร์ทแซวขำๆ แต่มันทำให้ผมค่อยๆ หน้าหงอยลง


“ไม่ได้อดอยากหรอก วันนั้นเราเพิ่ง…” ผมถอนหายใจ สีหน้าเศร้าๆ จนเอิร์ทค่อยๆ หุบยิ้ม


“ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ ถ้ามันทำให้รู้สึกไม่ดี” ผมยิ้มเศร้านิดๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ สลัดภาพในหัวออกไป ภาพที่มันตัดอารมณ์ดีใจของผมหลังจากละครเวทีปิดม่านไป


“แล้วก็ ถ้าจำไม่ได้ ก็ไม่ต้องพยายามนึกแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ” ผมเลิกเศร้าแล้วทำหน้ามุ่ยทันที


“เราก็รู้ตัวนะว่าเป็นคนคออ่อน กินมากๆ แล้วภาพจะตัดไปเลย แต่ไม่นึกว่าตัวเองจะลวนลามเอิร์ทไว้ด้วย เฮ้ย… ขอโทษนะ” ผมเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด ถ้านี่คือสิ่งที่ผมทำจริงๆ มันก็โคตรน่าอาย


“ไม่เป็นไร” เอิร์ทบอกด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นเช่นเคย


“แต่เราก็อยากรู้นะ เอิร์ทจำเหตุการณ์ได้ใช่มั้ย เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ผมเขย่าไล่เอิร์ทเบาๆ ทำสีหน้าอ้อนๆ อีกฝ่ายแกล้งหาวปากกว้าง ทำหน้าตาง่วงๆ


“ง่วงแล้วอ่ะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน ไว้เล่าให้ฟังวันหน้านะ” เอิร์ทจับแขนผมไว้ก่อนจะดันตัวผมออกเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน ตอนนี้ผมเลยต้องเงยหน้ามองเขา


“เล่าตอนนี้ไม่ได้หรอ” เอิร์ทเม้มปากนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเรียบๆ


“แมทไม่สบายนะ ไปพักผ่อนเถอะ เราทำแมทเสียเวลาพักผ่อนไปเยอะแล้ว”


“โห่ เราไหวน่า” พูดไปก็สูดน้ำมูกไป จนเอิร์ทยิ้มขำอีกที


“ไปเถอะ ไปนอนกัน” เอิร์ทบอกแล้วจูงมือผมให้เดินไปพร้อมเขา ผมนี่ก็ใจง่ายให้เขาจับ ให้เขาจูบ ให้เขาจูง เนอะ เอ๊ะ! หรือลึกๆ แล้วผมจะชอบเอิร์ท นี่ผมชอบเอิร์ทรึเปล่านะ?


ไม่น่า… แม้จะใจเต้น แต่การโดนจู่โจมแบบนี้ มันก็ตื่นเต้นนะ มันเหมือนมีเหตุการณ์ระทึกใจพุ่งเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว ใจก็เลยเต้นตุบๆ แล้วผมไม่เคย จะ… จูบ กับใครด้วย แต่ถ้าจับใจความกับสิ่งที่เอิร์ทเล่ามา ก็แสดงว่าผมเคยจูบกับเขาแล้ว ฮือออ~ จูบตอนเมา มันจะทุเรศขนาดไหนกัน นี่ผมอ้วกใส่เขาด้วยรึเปล่าเนี่ย ผมรู้ตัวว่าเป็นคนคออ่อน อ่อนมากๆ ด้วย กินเหล้าไม่เก่ง แต่ผมถนัดเต้น ไปผับทีผมก็ถือแก้วเหล้าแก้วเดียวยันจบงานยังได้ นานน้าน ผมจะกินเหล้าจัดๆ แค่เบียร์สองขวดผมก็มึนแล้ว จำได้เหมือนกันว่าวันนั้น ซัดทั้งเบียร์ ทั้งเหล้า เข้าไปเยอะมาก  แล้วตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนชัดเจนมากกว่ากัน ระหว่างดีใจ กับเสียใจ เลยยกดื่ม ยกดื่ม ใครส่งมาให้ ก็ดื่มหมด ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง วันนั้นโต๊ะกลุ่มผมใหญ่มากกก ใหญ่จนขี้เกียจมานั่งทักทายกันว่าใครเป็นใคร อีกอย่างแสงไฟก็ใช่ว่าจะสว่างไสว ตามประสาผับล่ะเนอะ ที่เปิดไฟแว้บๆ วับๆ อยากบอกว่าพอเมาแล้ว มันยิ่งสร้างอารมณ์มึนเมาได้อีกหลายเท่าเลยแหละ วันนั้นผมก็เลยภาพตัดฉับ ไม่รู้ด้วยซ้ำกลับไปหอได้ไง


ละผมเป็นห่าอะไรทำไมต้องไปจูบเอิร์ทตอนเมาด้วยวะ ฮึกๆ กระซิกๆ เอิร์ทบีบมือผม ผ่อนหนักผ่อนเบา จนมาหยุดอยู่หน้าห้องผม


“เอ่อ… เอิร์ท ถามอะไรหน่อยสิ” ผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ กำลังคิดอยู่ว่าควรถามคำถามที่อยากถามดีมั้ย เอิร์ทหยุดอยู่กับที่ เลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มนิดๆ เป็นเชิงถามกลับ ผมกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก่อนจะถาม ปกติผมไม่กล้าถามอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่เขาจู่โจมขนาดนี้ มันก็เลยอดสงสัยไม่ได้


“เอิร์ทจูบเราอ่ะ เอิร์ทเป็น เอ่อ…” แต่ผมก็ไม่กล้าถามอยู่ดี… ผมทำหน้าหน้าลำบากใจ ก็ไม่รู้นี่นาว่าถามไปแบบนั้นจะทำให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า เอิร์ทนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ


“เราก็ยังเป็นผู้ชายนะ…” เอิร์ทตอบคำถามเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อแบบชายไทยนิ่งปกติ ผมทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ยกยิ้มขึ้นยิ้มลงไปมา เป็นผู้ชายก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่มาจูบเขา มันยังไงล่ะตัวเอง


“ไม่รู้ดิ… คือเรา… เราก็ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่ไม่รู้ว่ะ เห็นหน้าแมทกับบรรยากาศพาไปมั้ง เลยอยากจูบ อยากลองจูบ แต่ให้ไปทำกับผู้ชายคนอื่น เราก็ไม่เอานะ” เอิร์ทหน้าตาหนักใจ แววตาสับสน คิ้วย่นจนขึ้นร่องระหว่างคิ้วชัดเจน มือที่เขาจับมือผมไว้อยู่ก็ยังไม่ยอมปล่อย 


“เราถึงได้บอกไง ว่าตอนที่เจอแมทที่นี่ เราสับสัน แปลกใจ ประหลาดใจ ปนไปหมด ก่อนหน้านี้เรา…” เอิร์ทเม้มริมฝีปากหนาสีแดงปนคล้ำเล็กน้อยเข้าหากัน ก่อนจะแค่นยิ้มเล็กๆ


แกร๊ก~


เสียงเปิดประตูดังขึ้น เราสองคนหันไปมอง บาสที่หน้าตางัวเงียๆ โผล่หน้าออกมาพร้อมผมสีดำยุ่งๆ เอิร์ทค่อยๆ ปล่อยมือผมออก ผมเลยดึงมือมาไว้ข้างตัว


“มึงยังไม่นอนอีกหรอวะไอ้เอิร์ท” บาสถามพลางหาวฟอดๆ ก่อนจะหันมามองผมที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่


“อ้าว… นี่อย่าบอกนะว่าเพิ่งเลิกงานอ่ะแมท” ผมพยักหน้าสองสามทีแล้วส่งยิ้มให้บาส อีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องนอน โอ่… ยั่วสุดอะไรสุด ใส่แค่กางเกงขายาวนอนหรอพ่อหนุ่ม โอ้ยตาย ท้าอากาศเย็นๆ โนะ เนื้อแน่นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด กล้ามท้องนี่เป็นลอนเชียว!


“ฝึกงานไรเนี่ย ทำไมกลับดึกจัง” บาสถามพลางยกมือกอดอกแล้วเอาไหล่ขวาพิงกับกรอบประตูห้อง


“ก็ทำทุกอย่างอ่ะ เจ้านายบอกให้ทำไร ก็ทำอันนั้นแหละ” บาสขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกมือลูบคางเบาๆ ผมส่งเสียงไอโครกๆ เล็กน้อย บาสจ้องผมตาโต


“หวัดแดกอ่ะดิเนี่ย” โอ้โห… แดกเต็มหน้าเลยจ้ะ ผมพยักหน้าทั้งที่ยังไอ แล้วพยายามส่งยิ้มให้เขา บาสยิ้มทะเล้นก่อนจะหันไปมองเอิร์ท


“มึงนอนดึกทุกคืนเลยนะไอ้เอิร์ท แม่งไม่ง่วงหรอวะตอนไปทำงานอ่ะ” บาสพูดแล้วหาวอีกรอบ ผมหันไปมองหน้าเอิร์ทที่ยักคิ้วกวนๆ ไปให้บาสก่อนจะตอบ


“เออ เดี๋ยวกูเข้าไปนอนละเนี่ย ละมึงตื่นมาทำไม”


“กูได้ยินเสียงมึงสองคนคุยกันเลยลุกขึ้นมาดู” บาสตอบหน้าสะลึมสะลือ


“เออ มึงดูแล้วก็เข้าไปดิ เดี๋ยวกูตามเข้าไป” บาสหรี่ตามองเพื่อนตัวเองเล็กน้อย สลับกับมองมาที่ผม


“มึงจะอยู่คุยกับแมทหรอ เฮ้ย… แมทของกูนะเว้ย” จ้ะ… เราก็อยากเป็นของบาสจ้ะ อ่าหุๆ พูดเล่นพูดจริงไม่รู้ รู้แต่ว่าฟิน ผมนี่ยิ้มกว้างด้วยความขำ เอิร์ทเบะปากเล็กน้อย


“มึงหยุดหว่านเสน่ห์แล้วเข้าไปนอนเถอะไป ทำงานเช้ากว่ากูอีก” บาสยิ้มขำๆ ก่อนจะหันมาขยิบตาให้ผม แล้วเดินกลับเข้าห้องไป เอิร์ทหันมาหาผมที่ยืนยิ้มๆ อยู่


“ไม่ต้องยิ้มหรอก ไอ้บาสมันปากหวานอย่างนี้กับทุกคนแหละ สาวมันเยอะจะตาย”


“ถ้าให้ทาย ผู้ชายก็คงเยอะด้วย นี่บาสมีแฟนยัง” ผมถามเพราะแค่อยากถาม แต่เอิร์ทกลับจ้องผมตาวาววับ


“ถามทำไม”


“เอ้า แค่อยากรู้เฉยๆ”


“ยัง มันโปรยเสน่ห์ไปเรื่อยแบบนี้แหละ สาวในคอลเลคชั่นมันเป็นกระบุง ระวังตกหลุมมันอีกคนล่ะ” ผมทำจมูกบาน… ไม่ทันละ นี่อยู่ปากหลุมเสน่ห์ของบาสละมั้ง


“บาสอยู่มอเดียวกับเราปะ”


“เปล่า อยู่คนละมอ แต่มันเป็นเพื่อนเราตั้งแต่มอปลายอ่ะ มันนี่แหละชวนเรามาเวิร์ค แต่ดันทำงานคนล่ะที่” ผมพยักหน้ารับรู้เบาๆ เอิร์ทมองผมที่กำลังสูดน้ำมูกฟุดฟิด


“แมท… วันไหนว่างๆ ไปเที่ยวกันมั้ย” ผมหันไปมองเอิร์ทแล้วทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง


“ตอบไม่ได้เลยอ่ะเอิร์ท แต่เราอยากไปนะ ตั้งแต่มายังไม่ได้หยุดไปเที่ยวไหนเลย…” ไม่รู้จะมีวันหยุดรึเปล่าด้วย เฮ้อ อีตาวิคเตอร์จะยอมให้ผมหยุดบ้างมั้ยนะ


“…อืม แต่ถ้าเราได้วันหยุด เราจะบอกเอิร์ทนะ” เอิร์ทยิ้มน้อยๆ ด้วยความพอใจ


“อย่าลืมล่ะ” ผมยิ้มกริ่ม แล้วพยักหน้ารับปากเขา เอิร์ทมองไปทางประตูห้องผมก่อนจะยิ้มเหมือนขำอะไรสักอย่าง


“ให้เราไปนอนเป็นเพื่อนมั้ย” ผมทำปากยื่นพร้อมกลั้นขำ


“ไอบ้า ไม่ต้อง นอนเองได้น่า”


“ก็เคยอ่านเจอว่าถ้าคนเป็นหวัดต้องทำให้เหงื่ออกเยอะๆ จะได้หายไวๆ เราไปนอนเบียดให้ได้นะ จะได้หายไวๆ” แหมะ! เจ้าเล่ห์ใช่เล่นนะพ่อคนนี้ พอเริ่มคุยกันมากขึ้น มาดขรึมๆ ของเขาเหมือนจะลดลงจากที่เคยเห็นตอนแรกๆ หรือจริงๆ เขาอาจไม่ใช่คนเข้มคนขรึมอะไรก็ได้มั้ง


“แค่ผ้าห่มก็อุ่นพอแล้ว” ผมบอกพลางหาวปากกว้าง ส่งเสียงอื้ออึงเล็กน้อย เออ ก็ดีเนอะ ทำตัวปกติมากมาย ทั้งๆ ที่เพิ่งโดนอีกฝ่ายจูบปากมา ไม่แรดจริงทำไม่ได้นะไอ้แมท


“เราไปนอนแล้วนะ ไว้คุยกันใหม่” เอิร์ทส่งยิ้มให้ เขาดูผ่อนคลายขึ้นเยอะนะผมว่า ผมเดินไปไขกุญแจห้อง แต่ตอนที่กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน ผมก็ถูกเอิร์ทจับแขนไว้ให้หันไปมองด้วยความงง


“ฝันดีนะ” เอิร์ทบอกแล้วส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ ผมยิ้มตอบกลับไป


“เหมือนกัน… ไปละ ง่วง” เอิร์ทปล่อยแขน ผมยิ้มนิดๆ ให้เขาแล้วเดินเข้าห้องนอนก่อนจะปิดประตูตามหลัง หาววอดๆ อีกสองสามยก ผมเหวี่ยงเป้ไว้ปลายเตียงแล้วล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย เอามือขึ้นมาอังหน้าก็ยังรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาอยู่ หวังว่ามันจะไม่กลายเป็นไข้นะ แบบนั้นโคตรทรมานกว่าหวัดอีก ผมคิดอย่างอ่อนล้าแล้วก็หลับตาไปพร้อมกับความง่วง








# Morning


ผมเดินไปจามไปตั้งแต่สถานีรถไฟใต้ดินละ เอะอะน้ำมูกก็จะไหล ทิชชูชุ่มไปหมดแล้ว ในมือซ้ายผมถือแก้วกาแฟสตาร์บัคร้อนๆ ของวิคเตอร์ หัวสมองกำลังเต้นตุบๆ รู้สึกว่าอาการปวดหัวตัวร้อนจะเพิ่มขึ้นยังไงก็ไม่รู้ ไม่เอาเป็นไข้นะ มันทรมาน ที่ข้อมือขวาผมคล้องถุงเบอร์เกอร์ยัดไส้เบคอนกับผักมาด้วย กะจะเอามากินเป็นอาหารเช้าเพื่อจะได้กินยา เมื่อเช้าผมตื่นได้เพราะเอิร์ทกับบาสมาเคาะห้อง ถ้าสองคนนั้นไม่มาเคาะ ป่านนี้ผมคงตื่นสายแน่ๆ พอผมเดินออกจากบ้านป้าแมร์รี่ไม่ทันรั้วปิดสนิท วิคเตอร์ก็โทรมาพอดี ผมล่ะแทบวิ่งไปคุยไป แต่วันนี้เขาไม่วีน ไม่เหวี่ยง ถามน้ำเสียงปกติว่าผมจะมาหรือเปล่าก็เท่านั้น สงสัยยังมีความเมตตาให้คนที่กำลังเป็นหวัดอยู่บ้าง


ผมเดินเตาะแตะมาตามฟุตบาทแถวทาวน์เฮ้าส์ของวิคเตอร์พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังมาจากหูฟัง ผมว่าสักวันผมคงจะหูหนวกแน่ๆ เปิดฟังบ่อยๆ แบบนี้ ผมหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋า วันนี้ผมใส่กางเกงสีครีมขาสั้นเหนือเขา แร้ดแรด! (อายขนขาตัวเองจริงๆ) เสื้อยืดสีดำลายสกรีนหน้าอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เจาะหู เจาะจมูก ช่างแสนเก๋ แสนเท่ แล้วก็เปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะบ้าง เพราะเริ่มรู้สึกอับชื้นที่เท้า กลัวจะเป็นโรคเท้าเหม็นน่ะ แต่ผมพลาดอะไรไปอย่าง ด้วยความรีบจนลืมหยิบเสื้อกันหนาวลายทหารตัวโปรดมาด้วย มานึกได้อีกทีก็ตอนอยู่บนรถไฟใต้ดินแล้ว จะย้อนไปเอาก็ ว้า… สายละ เดี๋ยวโดนดีดหู


ผมไขกุญแจบ้านเข้าไปพลางกวาดตามองไปรอบๆ บ้าน สงบเสงี่ยมเรียบร้อย สงสัยเขาจะออกไปวิ่ง ไปออกกำลังกายล่ะมั้ง แล้วพอกลับมาสตาร์บัคก็จะเย็น และผมก็จะโดนด่า ช่างน่าประทับใจ ผมวางสตาร์บัคไว้ที่เค้าน์เตอร์ครัว แล้วหยิบเบอร์เกอร์ออกมากิน พลางเตรียมกระทะ น้ำมัน และเครื่องปรุงทำผัดกระเพราะหมูให้เขากิน นึกอะไรไม่ออกบอกผัดกระเพราล่ะวะงานนี้ เมื่อวานว่าจะทำให้กิน เขาดันอยากกินไข่เจียว ถือซะว่ามาเป็นเมนูเช้านี้แทนละกัน ลองสุดยอดอาหารสิ้นคิดของไทยหน่อยเป็นไง
   


ตอนที่ผมตักผัดกระเพราใส่จาน ก็เป็นตอนที่วิคเตอร์เปิดประตูบ้านเข้ามาในชุดกางเกงขาสั้นสีดำ และเสื้อฮู้ตสีเทา มีเจ้าไมเคิลเดินส่ายหางดุ๊กดิ๊กเข้ามาในบ้านด้วย วิคเตอร์หยุดมองผมครู่หนึ่งแล้วเขาก็ย่นคิ้ว ไล่สายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้น่าว่าขนขามีไม่น้อย แต่อย่ามองจับจ้องขนาดนั้นสิ เดี๋ยวไปแวกซ์ก็ได้


“ขาสั้น? กับคนเป็นหวัดเนี่ยนะ” เขาถามน้ำเสียงประชดประชัน ผมเกลี่ยผัดกระเพราลงจานจนหมดแล้วค่อยตอบเขา


“ไข้มันคงไม่ขึ้นเพราะผมใส่ขาสั้นหรอกครับ” ผมฉีกยิ้มแหยๆ ให้เขาแล้วหันหลังเอากระทะใส่ลงไปในซิงค์อ่างล้างจาน พอหันกลับไปก็เห็นเขาหยิบสตาร์บัคขึ้นไปดื่ม


“เอาอาหารให้ไมเคิลด้วย ของฟอกซ์ก็เตรียมไว้ก่อน เดี๋ยวมันคงมากินเอง” ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วก้มลงไปหยิบอาหารของไมเคิลขึ้นมา ผมแกล้งเขย่าถุงอาหารใส่หน้าไมเคิล ที่มองตาเป็นประกาย หางสีน้ำตาลทองโบกสะบัดไปมาด้วยความตื่นเต้น


“เห่าก่อน เหาซิ โฮ่ง!!” ผมทำเสียงเห่าให้ไมเคิลฟัง มันเอียงคอมองด้วยความฉงน ผมหัวเราะชอบใจ แล้วเขย่าถุงอาหารมันอีกรอบ


“เห่า! โฮ่ง! เห่าแล้วจะได้กินนะไมเคิล โฮ่ง!!” ผมบอกหน้าตาทะเล้น ยิ้มแฉ่งให้เจ้าหมาตัวโตที่อ้าปากลิ้นห้อย แล้วสักพักเหมือนจะมันจะเข้าใจเลยส่งเสียงดังลั่น


โฮ่ง!!!


ผมแอบสะดุ้งตกใจเล็กน้อยแต่ก็ส่งเสียงหัวเราะถูกอกถูกใจ ผมก้มลงไปกอดมันหนึ่งที สัมผัสได้ถึงขนนุ่มๆ ของมัน ก่อนจะหยิบถ้วยใส่อาหารของมันมาวางไว้ตรงหน้า


“Well done! Well done! Good boy, Michael! (เก่งมาก เก่งมากเลย เจ้าหนูไมเคิล)” ผมบอกพลางเทอาหารให้มันแล้วขยี้หัวมันเบาๆ 


“ปัญญาอ่อน” เสียงทื่อๆ ดังขึ้น ช่างขัดอารมณ์เก่งเสียจริง ผมเบ้ปาก ปรายตาไปมองเจ้าของหมาที่ยืนยักคิ้วสองข้างกวนๆ พร้อมรอยยิ้มกวนตีนกวนใจมาให้ ผมแยกเขี้ยวใส่เขา อีกฝ่ายเบิกตากว้างมองกลับมา แล้วยกมือขึ้นทำท่าจะดีดหูผม ผมรีบเอามือตะครุบติ่งหูสองข้างเอาไว้ตามสัญชาติญาณ แล้วจ้องหน้าเขา ทำปากขมุบขมิบราวกับกำลังสาปแช่ง


“ด่าอะไรฉัน” เขาอ้าปากถามแล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มซ้ายหนึ่งที ก่อนจะยกสตาร์บัคขึ้นดื่มอีกรอบ


แหม… ลีลายกลิ้นดันกระพุงแก้มนี่มันเท่จับใจจริงๆ ยิ่งผสมกับหน้าตานิ่งๆ แต่กวนๆ แล้ว พี่แกดูน่าหมั่นเขี้ยว น่าขย้ำอ่ะ ไม่ต้องปกปิดความรู้สึกให้เสียเวลา ก็ที่เห็นมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่หว่า


“เปล่า! แค่ขยับปากเฉยๆ” ผมบอกหน้าบูดๆ อีกฝ่ายมองอย่างจับผิด เขายกนิ้วชี้หน้าผม ก่อนจะเดินออกจากครัวไป ผมแลบลิ้นตามหลัง แต่เหมือนหมอนั่นจะมีเรดาร์ตรวจจับการกระทำผมมั้ง เพราะเขาดันหันมาเห็นตอนผมแลบลิ้นพอดี วิคเตอร์หยุดเดินแล้วยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ผมรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องราวดีๆ เขาเดินกลับมา ผมรีบเอามือปิดหูทั้งสองข้างไว้แล้วทำคอย่น วิคเตอร์มองผมด้วยความเข่นเขี้ยว เขายกมือซ้ายขึ้นมาแล้วยื่นมาจับที่แก้มขวาผมเร็วๆ ก่อนจะบีบและดึงอย่างมันส์มือ


“โอ๊ยยย” ผมร้องเสียงอู้อี้ วิคเตอร์ดึงแก้มผมราวกับมันเป็นเยลลี่เด้งดึ๋ง แถมยังสลับกับบีบหนักๆ อีก


“แลบลิ้นใส่ฉันงั้นเหรอ” เขาว่าแล้วก็ดึงแก้มผม กระตุกๆ เป็นจังหวะ ผมปล่อยมือจากหู แล้วเอามือมาจับข้อมือเขาไว้


“เจ็บบบ” ผมโอดครวญ วิคเตอร์ยิ้มกว้างเหมือนกำลังชอบใจที่ได้ดึงแก้มผม และเห็นผมร้องโอดโอย ผมพยายามดึงมือเขาออกเพราะเริ่มรู้สึกปวดแก้ม อีกฝ่ายก็ทั้งบีบทั้งดึง แต่แรงบีบแรงดึงเริ่มผ่อนลง จนตอนนี้มันเป็นความรู้สึกสัมผัสนุ่มๆ ที่แก้มมากกว่า รอยยิ้มวิคเตอร์ค่อยๆ หุบลง เขาก้มมองผมสายตานิ่งไปพร้อมใบหน้า แต่มือเขายังคงบีบเบาๆ แล้วสักพักมันก็กลายเป็นแรงบีบที่อ่อนนุ่ม เป็นสัมผัสอุ่นๆ จากมือเขา วิคเตอร์เปลี่ยนจากบีบมาเป็นลูบแก้มผมเบาๆ จนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่มาจากมือเขา ผมช้อนตาขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่าย วิคเตอร์มองผมเหมือนกำลังพิจารณา


“นายตัวร้อนนะ” เขาเอ่ยออกมาหลังจากเอามือแช่ที่แก้มผมไว้ครู่หนึ่ง ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่พยักหน้าน้อยๆ ขนาดผมยังรับรู้ได้เลยว่าลมหายใจตัวเองร้อนมาก วิคเตอร์ดึงมือออก ผมรีบเอามือขึ้นมาลูบแก้มที่รู้สึกระบมทันที


“ถ้าไปไม่ไหว ก็ไม่ต้องไป ฉันไปคนเดียวก็ได้” ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก


“ไม่เป็นไร ผมไหว ผมไปได้ คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไปกองถ่ายสายนะ” เขามองผมนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ


“ไข้ขึ้นอย่ามาโทษฉันละกัน” เขาส่งสายตาดุๆ มาให้ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ทิ้งความอบอุ่นกับความเจ็บบนแก้มผมไว้ ไม่ใช่แค่ที่แก้มอุ่น แต่ผมรู้สึกอุ่นที่ใจด้วย ผมรับรู้ได้ว่าใจยังเต้นปกติ แม้จังหวะอาจจะหนักหน่วงขึ้นมาหน่อยแต่ก็ไม่ได้รัวเหมือนตีกลองชุด แต่ความรู้สึกอุ่นๆ เหมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยงใจนี่มันช่างรู้สึกดีจัง รู้สึกเหมือนเวลาพ่อแตะตัวตอนไม่สบายเลยแฮะ ผมเลิกเหม่อเมื่อตอนที่เจ้าไมเคิลเห่าเรียกผม ให้เทอาหารให้มันอีก ก็เป็นจังหวะที่สายตาผมหันไปเห็นเจ้าฟอกซ์เดินมาพอดี ผมเลยไปหยิบอาหารกระป๋องของมันมาเทให้มันกิน ก่อนจะเดินไปล้างมือแล้วหยิบยาออกจากมาจากกระเป๋าเป้



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:09:01

ผมนั่งรอวิคเตอร์ประมาณครึ่งชั่วโมงเขาก็เดินลงมาในชุดเสื้อเชิ้ตขาวตัวใหญ่ที่แบะตรงช่วงคอเป็นรูปตัววีจนเห็นช่วงกลางของแผงอกที่เป็นร่องแบ่งอกซ้ายอกขวาอับอวบอัดของเขา งืม… นมแน่นดีจัง นี่ถ้าใส่เสื้อในลายลูกไม้ ผมว่ามันก็กลายเป็นสองเต้าแบบที่ชะนีบางคนอายเลยล่ะมั้ง คริๆ ผมแอบกลั้นยิ้มขำกับตัวเอง วิคเตอร์เบนสายตาเคลือบแคลงใจมามอง ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ นั่งกดดูฟีดเฟซบุ๊คต่อไป เสื้อที่เขาใส่นี่มันพอดีเมื่ออยู่บนร่างเขาอ่ะนะ ถ้ามาอยู่บนร่างผมคงเป็นกระโปรง ไม่ก็ชุดแสคไปเลยแหละ ผมนั่งรอเขาอยู่ตรงเก้าอี้ใกล้ประตูบ้าน เขาเดินเข้าไปดูอาหาร มองๆ เหมือนกำลังสงสัยว่ามันคืออะไร


“ผัดกระเพราะหมูครับ อาหารยอดฮิตของคนไทย” เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ถอดหูฟังออกข้างหนึ่ง เขาผงกหัวขึ้นเล็กน้อยแล้วนั่งลง ก่อนจะเริ่มตักอาหารใส่ปาก


“นายดื่มชาที่ฉันให้ไปรึยัง”


“ยังครับ ผมกะจะไปขอน้ำร้อนที่กองถ่ายชงดื่ม” วิคเตอร์เคี้ยวข้าวช้าๆ หรี่ตามองหน้าผม


“แล้วทำไมไม่ชงดื่มที่นี่ไปเลย” ผมกระพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่แน่ใจ ใครจะไปกล้าวะ เกิดไม่พอใจด่าขึ้นมา ก็ซวยอีก


“ก็… ก็ผมไม่อยากรบกวนคุณ เดี๋ยวคุณก็มาด่าผมว่าวุ่นวายอีก” ผมบอกแล้วมองหน้าเขา หางตาตกเล็กน้อย อีกฝ่ายดูชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกาต้มน้ำร้อนมาวางบนโต๊ะ


“จัดการต้มน้ำซะ แค่น้ำ ฉันไม่หวงหรอก” เขาว่าเสียงเรียบ ก่อนจะนั่งลงทานอาหารต่อ ผมมองเขาด้วยความไม่แน่ใจ ยังไม่กล้าลุกเดินไปหยิบกาต้มน้ำ เขาเงยหน้าขึ้นมองผม แล้วก็ทำหน้าดุ


“เร็วๆ” เขาบอกเสียงห้าวห้วน ผมค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะ หยิบกาต้มน้ำขึ้นมา จัดการหาน้ำมาเทใส่ ก่อนจะวางลงบนแท่นทำความร้อนแล้วเสียบปลั๊ก ผมเดินไปหยิบชาออกจากกระเป๋าเป้ หาแก้วมาหนึ่งใบแล้วเทผงชาใส่ลงไป ส่วนถุงชาผมวางแยกไว้รอ ไว้ใส่ตอนเทน้ำร้อนลงไปแล้ว สัญญาณบอกว่าน้ำเดือดดังขึ้น ผมถอดปลั๊กออก แล้วเทน้ำใส่แก้ว หย่อนถุงช้าลงไป ผมยิ้มกริ่มเมื่อการชงชาครั้งแรกของผมดูท่าทางจะออกมาดี


“แค่นี้ก็ต้องยิ้ม มีอะไรให้น่ายิ้มนักหนา” ผมยิ้มกว้างค้างหันไปมองหน้าผู้ชายอีกคนในห้องครัว ที่กำลังมองผมด้วยความฉงน


“ก็ผมเพิ่งเคยชงชาครั้งแรกนี่นา มันน่าตื่นเต้นออก” ผมบอกแล้วสูดดมกลิ่นชา อืมมม… รสเปปเปอร์มิ้นต์นี่หอมดีจริงๆ กลิ่นสดชื่น ดมครั้งแรกยังรู้สึกดีกับจมูกเลย  ผมเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม นั่งให้ห่างจากเขาไว้นั่นแหละดี จะได้มีมีคำพูดอะไรมาทำร้ายจิตใจกันอีก ผมนั่งจิบชาอุ่นๆ ไปเงียบๆ มีเสียงร้องของวงเดอะบีทเทิ้ลดังอยู่ในหู วิคเตอร์นั่งทานข้าวเงียบๆ เช่นกัน สองสามครั้งที่เราสบตากัน แล้วผมก็รีบหันหนีทุกครั้ง ไม่อยากจ้องหน้าเขานานๆ ให้เขาหาเรื่องด่าได้อีก จนผมดื่มชาหมดก็เอาแก้วไปล้าง ก็พอดีกับที่วิคเตอร์กินเสร็จ ผมเลยหยิบจานเขาไปล้างด้วย พอล้างเสร็จก็วางไว้บนซี่เหล็กสำหรับวางจานที่ล้างเสร็จแล้ว


“กินข้าวรึยัง” เขาถามน้ำเสียงและสีหน้าเรื่อยๆ เหมือนถามเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติในชีวิตจริงๆ นั่นแหละ ผมพยักหน้าหงึกๆ ก่อนตอบ


“กินแฮมเบอร์เกอร์ไปหนึ่งอัน แล้วก็กินยาตามไปแล้วครับ”


“ทำไมกินน้อยขนาดนั้น”


“ก็ผมรีบอ่ะ ก็ซื้อได้แค่เบอร์เกอร์แหละ”  วิคเตอร์ขบกรามเบาๆ ใบหน้ามีแววเอือมนิดหน่อย ก่อนจะว่าเสียงสะบัดแต่ไม่ใช่ไม่พอใจ มันเป็นเสียงตามปกติของเสียงเขาน่ะ


“วันหน้าถ้าทำอาหาร ก็รู้จักทำเผื่อตัวเองบ้าง” ผมส่ายหัวไปมา


“ไม่เอาหรอก ผมไม่อยากแย่งคุณกิน”


“เข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์รึไง ถึงได้มีคุณธรรมซะขนาดนี้” ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊กอีกรอบ จ้องมองเขาตาแป๋ว


“ผมนับถือพุทธ เข้าโบสถ์เฉพาะมีงานบุญเท่านั้นแหละ” ผมยิ้มแป้น วิคเตอร์ทำหน้าเหมือนคนต้องอดทนกับอะไรสักอย่าง จนผมต้องเอียงคอ กระพริบตามองเขางงๆ คราวนี้วิคเตอร์ขมวดคิ้วฉับ ขบกรามแน่นเปรี๊ยะ!


“ไปได้แล้ว” เขาบอกเสียงห้วนๆ เหมือนหงุดหงิดอะไรสักอย่าง ก่อนจะเดินนำผมออกจากบ้านไป ผมทำหน้าย่น เกาหัวป้อยๆ ด้วยความเข้าใจ แล้วหยิบกระเป๋าเป้เดินตามเขาออกจากบ้านไป


ตอนถึงที่รถ ผมยืนลังเลว่าจะเอาไงดี รู้สึกเกร็งที่ต้องนั่งรถไปกับเขา ก็เมื่อวานเขาบอกให้อยู่ห่างๆ เขาไว้ อีกอย่างเมื่อวานที่เขาให้ผมขึ้นรถ คงเพราะความสมเพชเวทนาผมแค่วันเดียว วันนี้เขาคงกลับมาเหมือนเดิมแล้วแหละ


“เจอกันที่โลเกชั่นนะครับ” ผมบอกแล้วยิ้มริมฝีปากสั่นๆ ให้เขา วิคเตอร์หันกลับมามองด้วยสายตางงๆ


“ทำไมต้องเจอ? ก็ไปถึงพร้อมกันนี่” ผมกลืนน้ำลายลงคอที่รู้สึกโล่งขึ้นกว่าเก่าจากการได้จิบชา


“คุณไปเถอะ ผมขึ้นรถไฟใต้ดินไปดีกว่า” ผมบอกสีหน้าหวาดหวั่น อีกฝ่ายหน้าเอือมเซ็งๆ อย่างเห็นได้ชัด เขาก้าวเดินเข้ามาใกล้ผม ผมรีบถอยหลังหนีเขาไปสองก้าวใหญ่ อีกฝ่ายขมวดคิ้วเอียงหน้ามองผมด้วยความไม่เข้าใจ


“นายจะถอยหลังหนีฉันทำไม ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ” เขาบอกเสียงขุ่น หรี่ตามองผมอย่างจับผิด ผมห่อไหล่ คอย่นเล็กน้อย แล้วมองเขาตาโต ยิ้มไม่เต็มปากให้เขา


“อะไร? เป็นอะไรของนาย” เขาถามโดยที่ยังยืนอยู่จุดเดิมไม่ได้ขยับมาใกล้ผมอีก ผมกระแอมคอเล็กน้อย ก่อนจะยืดคอขึ้นแล้วยืนไหล่ผายตามปกติ


“เมื่อวานคุณบอกให้ผมอยู่ห่างๆ จากคุณ อันนั้นแค่เดิน แล้ววันนี้ต้องนั่งรถไปด้วยกัน…” ผมเหมือนหมาหูลู่ ตาตก มองเขาอย่างหวั่นใจ เขาขบกรามจนสันกรามขึ้นเป็นแนว ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เราสองคนยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ผมมองเขาอย่างเลิ่กลั่ก  เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร ผมเลยค่อยๆ ขยับเท้าเดินทีล่ะนิด


“รีบไปนะครับ อย่าไปสายล่ะ แล้วก็อย่าเล่นมือถือตอนขับรถด้วย” ผมยกยิ้มนิดหน่อยให้เขา วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยสายนิ่งสงบ ผมค่อยๆ หมุนตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไป ในใจรู้สึกตึบๆ มันยังไงดีล่ะ มันเต้นตุบๆ ด้วยความเศร้าใจนิดๆ มันกลายเป็นความเกร็งไปแล้ว ไอ้ตอนอยู่ในบ้าน มันต่างจากตอนอยู่นอกบ้านด้วยกันนะ ในบ้านอยู่ใกล้แค่ไหนก็ไม่มีสายตาใครมองนอกจากเจ้าไมเคิล กับเจ้าฟอกซ์ แต่อยู่นอกบ้านมีสายตากี่คู่ก็ไม่รู้ที่มองมา


ฮะ… เฮือก!


ผมหันไปมองคนที่เดินข้างๆ แล้วก็ต้องตาโต ตกใจเมื่อเจอวิคเตอร์เดินสูงตระหง่านอยู่ข้างๆ เขาใส่หมวกแกปสีดำใบเดิมที่มีตัว V สีเงิน ที่เขาเคยใส่ไปแคสติ้งบทหนัง และไม่ได้ใส่แว่นตากันแดด ผมดึงหูฟังออกจากหูแล้วหยุดมองเขา


“คุณมาเดินอะไรตรงนี้ รถคุณอยู่นู่นนะ” เขาหยุดเดินเช่นกัน แล้วหันมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาเขากำลังเปล่งประกายวิบวับด้วยความซุกซน


“ฉันไม่ได้ขึ้นรถไฟใต้ดินนานละ เลยว่าจะกลับไปขึ้นสักวัน” ผมขมวดคิ้วมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ หมอนี่มาไม้ไหนอีก


“รถคุณก็มี จะมาอยากสมถะอะไรวันนี้”


“นายเป็นเจ้าของรถไฟหรอ ถึงถามเซ้าซี้จัง” เขาเอามือยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์สีน้ำเงินซีด แล้วก้มหน้ามองผม พร้อมยักคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ผมยกมือเกาแก้มเบาๆ ไม่รู้จะทำสีหน้ายังไง


“ขอโทษครับ” ผมว่าแล้วเดินถอยหลังห่างจากเขาไปสามเก้าใหญ่ๆ อีกฝ่ายเอียงคอมองกลับมาด้วยสายตาวาววับ


“เชิญคุณเดินก่อนเลย เดี๋ยวผมจะค่อยๆ เดินตามไป” เขาถอนหายใจเซ็งๆ แล้วทำท่าจะเดินเข้ามาดีดหูผมหรืออะไรสักอย่างไม่รู้แหละ แต่ผมรีบกระเถิบเท้าหนีรัวๆ วิคเตอร์หยุดอยู่กับที่ แล้วหรี่ตามอง ผมเม้มปากแน่น กระพริบตาโตมองเขา จับสายเป้ตัวเองไว้แน่น แล้วไม่ทันได้เตรียมตัว วิคเตอร์ก็พุ่งตัวเข้ามาหาผม พอผมจะเขยิบหนี เขาก็เอาวงแขนอันแข็งแกร่งโอบรอบตัวผมไว้แน่น โหย… ผมตัวเล็กเกินไป หรือเขาตัวใหญ่ไปนะ เพราะโอบทีเดียววงแขนเขาก็โอบรัดรอบตัวผมอยู่หมัด ผมเริ่มดิ้นแต่ไม่ได้ดิ้นแรงหรอก กลัวโดนดีดหูอ่ะ


“เฮ้! คุณเรย์มอนด์ มาโอบผมไว้ทำไม” ผมบอกเงยหน้าขึ้นไปบอกเขาเสียงเบาๆ แต่หนักแน่นทุกคำ วิคเตอร์ยกมุมปากขวาขึ้นเหมือนกำลังขำ


“หมั่นไส้ ทำท่าทำทางอยากหนีฉันดีนัก”


“อ้าว! ก็คุณบอกให้ผมอยู่ห่างๆ คุณ เดินห่างๆ จากคุณ ผมก็ทำแล้วไงครับ” ผมบอกด้วยความไม่เข้าใจ ขมวดคิ้วมุ่น แหงนหน้ามองอีกฝ่ายที่สายตาดูคึกคักเชียว


“เชื่อฟังทุกคำสั่งยิ่งกว่าเจ้าไมเคิลอีกนะ” ผมแอบค้อนควับให้ไปหนึ่งที หน็อย… เอาฉันไปเปรียบกับหมาเรอะ!


“ก็เดี๋ยวคุณไม่เซ็นใบฝึกงานให้ผมขึ้นมา ผมก็แย่สิ…” ผมบอก แล้วหันไปมองรอบๆ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา หันมามองบ้าง แต่ก็ไม่ได้จ้องอะไร ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีที่ยืนเบียดกันแบบนี้ กลัวคนอื่นจะมองเขาไม่ดีอย่างที่เขาว่าจริงๆ  เลยพยายาม ดันตัวเองออก แต่วิคเตอร์ยิ่งกระชับวงแขนที่ล้อมตัวผมไว้แน่น


“คุณเรย์มอนด์ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดอย่างที่คุณว่าหรอก”


“ไม่เป็นไร ฉันว่าเขาคงมองว่าฉันมีลูกมากกว่า ตัวนายแค่นี้ เขาไม่คิดว่านายเป็นแฟนฉันหรอก”


“งั้นเดี๋ยวเขาก็เขียนข่าวว่าคุณแอบซุกเมียเอาไว้หรอก!” ผมว่าต่ออย่างไม่ยอมแพ้ วิคเตอร์ยิ้มขำๆ ก่อนจะก้าวท้าวเดิน ทำเอาผมต้องก้าวเดินไปพร้อมเขาด้วย ในสภาพที่หัวชิดกับอกนูนแน่นของเขา เดินตัวเอียงๆ เพราะโดนดันให้เขาไปชิดกับสีข้างของอีกฝ่าย


“คุณเรย์มอนด์…” ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่าให้ผมเดินดีๆ เถอะ แต่เขาก้มลงมามองหน้าผมด้วยสายดุดัน ทำเอาผมเงียบไป แล้วหันกลับไปมองฟุตบาท เพื่อก้าวท้าวเดินตามเขาให้ทัน


แบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่ดีต่อหัวใจผมแน่ๆ ฮือออ… ก็มันเต้นแปลกๆ แล้วอ่ะ ผมแอบเบะปากเล็กๆ พร้อมก้าวเท้าเดินไปพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้น ตึก ตัก ตึก ตัก อยู่ในอก จริงๆ เสียงหัวใจมันเหมือนเสียงกลองทิมปานี* เวลาโดนไม้กลองตีเป็นจังหวะ ตึ่ง ตึง ตึ่ง ตึง ตึ่ง ตึง มันรู้สึกทุ้มน้อยๆ อยู่ในอก มันเด้งๆ อ่ะ แต่มันเด้ง นุ่มนวลๆ


แล้วตอนนี้ โอะ… โอ๊ย ขาขวิดไปหมดแล้ว ก้าวเท้าไม่ทัน ฮือออ…


(*ทิมปานี (Timpani) เครื่องดนตรีในวงออร์เครสตา มีลักษณะเป็นกลองทรงกลมขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายกระทะ หนังทำจากหนังลูกวัว เวลาตีจะเด้งดึ๋งๆ เทียบได้กับเสียงเบส แต่ทุ้มนุ่มกว่าเสียงเบส)


“นี่! ผมไม่ได้ขายาวเหมือนคุณนะ เดินช้าๆ หน่อยสิ”


“ใครใช้ให้เกิดมาเตี้ยล่ะ นายสูงเท่าไหร่เนี่ย” ผมย่นจมูกแล้วเงยหน้าไปมองเขา เสียมารยาทจริงๆ ถามเรื่องส่วนสูงเนี่ย


“ร้อยเจ็ดสิบ!” แต่ผมก็ตอบอยู่ดี… แล้วก็ตอบเสียงมาดมั่นมากๆ ด้วย วิคเตอร์ย่นคิ้ว หรี่ตามอง พร้อมรอยยิ้มขำขันเล็กน้อยที่เห็นท่าทีอันภูมิใจกับส่วนสูงของผม


“โกหกอีกแล้วนะ ในพาสปอร์ตนาย นายสูงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดเอง” ผมอ้าปากหวอ ตาบ้านี่ไปเอาพาสปอร์ตผมมาจากไหนน่ะ แล้วเหมือนเขาจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเลยตอบคำถามเอง


“เอมิลี่…” แต่เป็นคำตอบที่แสนสั้น แต่เป็นอันว่าเข้าใจกันได้


“ที่วัดส่วนสูงในพาสปอร์ตมันเสีย มันไม่ได้มาตรฐาน” ผมว่าเสียงงุ้งงิ้งๆ แถครับ… ผมแถ ตอแหลความสูงตัวเองมาตั้งสามเซ็นติเมตร แต่เวลาผมวัดข้างนอกมันได้เกือบร้อยเจ็ดสิบจริงๆ นะ ละผมก็จะติ๊ต่างว่ามันถึงร้อยเจ็ดสิบทุกครั้ง (ช่างหน้าไม่อาย)


“หึๆ ไอ้เด็กเลี้ยงแกะ” ผมเงยหน้าไปมองเขาด้วยใบหน้าบูดๆ แยกรูจมูกบานๆ ใส่เขา อีกฝ่ายยกมุมปากทั้งสองข้างขึ้นเป็นรอยยิ้มเรียบๆ แต่เท๊เท่


อ๊ะ! ใจเต้นไม่หยุดแฮะ มันเต้นเหมือนกลองทิมปานีจริงๆ เด้งนุ่มนวล ไม่ได้เร่งรุนแรงแบบกลองชุด คนเป็นหวัดมีอาการใจเต้นแบบนี้ด้วยมั้ยอ่ะ








ตอนที่เดินลงบันไดมาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน วิคเตอร์ก็ยอมปล่อยวงแขนออกจากไหล่ผม ให้ผมได้เดินด้วยลำแข้งตัวเอง แต่ผมก็ยังเดินรั้งท้ายๆ เขาอยู่ดี เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองสามารถเดินใกล้เขาได้ขนาดไหน  ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งรับกับอาการใจเต้นเด้งๆ แต่นุ่มนวลที่ยังคั่งค้างอยู่เล็กน้อย ผมเดินไปรอวิคเตอร์ซื้อบัตรตั๋วรถไฟ เขาซื้อแบบสามวันไปกลับกี่รอบก็ได้ในราคายี่สิบเหรียญ


“ทำไมคุณไม่ซื้อแบบรอบเดียว ไปวันเดียวกลับล่ะครับ” เขาหันมามองตอนรับตั๋วจากช่องจำหน่ายตั๋ว


“ก็อยากซื้อแบบนี้” เขาว่าง่ายๆ หน้าตาสบายๆ ผมก็ได้แต่เลิกคิ้วหนึ่งทีแล้ว ยิ้มฝืดๆ แว้บหนึ่ง ก่อนจะปล่อยไปตามความต้องการของคุณชายเขา ส่วนของผมนั้นซื้อมาเป็นแบบอันลิมิเต็ด (Unlimited) เจ็ดวันไปกลับกี่รอบก็ได้ ผมซื้อไว้เท่านี้ก่อน ค่อยดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะต้องเขยิบซื้อเป็นบัตรตั๋วรายเดือนเลยมั้ย เพราะผมคาดเดาเอาอะไรจากเจ้านายคนนี้ได้ยากเหลือเกิน
ตอนที่เราเข้ามาในตัวสถานีรถไฟก็เจอกับกลุ่มนักดนตรีเปิดหมวกที่กำลังร้องเพลง Lost stars พอได้ยินเพลงนั้นผมก็เลยวิ่งเอาแบงค์ดอลล่าห์ราคาหนึ่งดอลล่าห์สามใบไปวางใส่ถุงกีต้าร์ให้เขา หนุ่มที่เล่นกีต้าร์โปร่งส่งยิ้มมาให้ ส่วนคนอื่นก็โค้งหัวให้เล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม ฮิๆ เล่นเพลงที่พี่อดัมร้องและร่วมแสดงหนัง (เรื่อง Begin Again หนังน่ารักมากกก) ด้วยแบบนี้ ต้องติ๊บให้หน่อย แม้จะไม่ใช่เงินเยอะอะไรก็เถอะ แค่เกือบร้อยบาท ผมส่งยิ้มกว้างแล้วโบกไม้โบกมือไปให้ ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินตามวิคเตอร์ไป แต่เดินไปได้สองก้าวผมก็ชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของใครคนหนึ่ง


อ้าว วิคเตอร์เองนั่นแหละ ผมกระเถิบถอยหลังเล็กน้อย ถอนหายใจเบาๆ นึกว่าไปชนใครคนอื่นซะอีก


“ทำอะไร” เขาถามแล้วเลื่อนสายตาไปมองกลุ่มนักดนตรีที่ยังคงร้องเพลงต่อไป ก่อนจะละสายตากลับมามองผม


“ก็แค่เอาเงินไปให้พวกเขาเท่านั้นเอง” เขาขมวดคิ้วนิดๆ


“แล้วทำไมต้องให้”


“ก็เขาร้องเพลงที่พี่อดัม วงมารูนไฟว์ (Maroon 5) ร้องอ่ะ ผมก็เลยเอาเงินไปให้” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากเหมือนเป็นรอยยิ้มเหยียดๆ เล็กน้อย แต่พอเขาทำมันดูเท่ ดูเหมือนคนกำลังขำน้อยๆ แบบคนเท่ๆ มากกว่า


“ท่าทางจะชอบจังเลยนะคนชื่ออดัมเนี่ย” ผมมองค้อนเขาเล็กๆ ก่อนจะตอบน้ำเสียงเริงร่าเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอันอิ่มเอิบ


“ก็ชอบอ่ะ เขาเท่นี่นา”


“แล้วอดัมไหนเท่กว่ากันล่ะ” เขาถาม  หน้านิ่ง เชิดคางขึ้นนิดหน่อย ผมทำหน้าคิด ก่อนจะยิ้มกว้าง


“ก็เท่สองคนเลยนะ แต่ให้คะแนนพี่อดัมตากล้องมากกว่าหน่อย เพราะเขาใจดี แล้วก็อยู่ใกล้ผมกว่าพี่อดัมที่เป็นนักร้อง”


“แต่อดัมสองคนนั้นมีแฟนแล้วทั้งคู่นะ” เขาว่าแล้วยิ้มเบ้ปากหน่อยๆ ผมกัดปากล่าง แล้วมองค้อนเขางอนๆ
จะย้ำทำไมเนี่ย?!


“รู้แล้วน่า!” วิคเตอร์ยกมุมปากแบบขำๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินเดินนำผมไปรอรถไฟขบวนถัดไป ผมเดินเข้าไปใกล้เขาเล็กน้อย แต่ทิ้งระยะห่างเอาไว้ประมาณสองช่วงแขนของตัวเอง วิคเตอร์เอียงหน้ามามอง ผมเอามือจับสายเป้ไว้ แล้วเหลือบตาไปมองเขาอย่างประหม่า  ก่อนจะเขยิบออกจากเขาอีกนิด นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าผมยืนใกล้เขามากไปก็ได้ ผมแอบมองเขาก็เห็นว่าเขายังจ้องผมอยู่ ผมเลยเลื่อนสายตามามองระยะห่างของตัวเองกับเขา อันนี้มันก็ไกลแล้วนะ ผมต้องเขยิบอีกมั้ยเนี่ย รู้สึกกดดัน


หมับ


ฟืดดด!


ผมโดนคว้าเข้าที่แขนขวาแล้วถูกดึงเข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างสูงหนาของอีกฝ่าย ผมอ้าปากหวอแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา อีกฝ่ายกำลังทำหน้าเหมือนกำลังหมั่นไส้ผมอยู่


“ฉันไม่ใช่หนอนบุ้ง อยู่ใกล้ก็ไม่คันหรอก” เขาบอกเสียงขุ่น แววตาหงุดหงิด ผมหันไปมองรอบๆ คนยังเยอะอยู่เลย จริงๆ ซับเวย์ที่นี่คนหลั่งไหลทั้งวันแหละ ผมหันกลับไปมองหน้าวิคเตอร์ ที่หันกลับไปมองข้างหน้าแทนแล้ว เขายังจับแขนผมไว้อยู่ เอาจริง เหมือนพ่อจูงลูกจริงๆ นั่นแหละ เพราะเขาตัวสูงแล้วหน้าก็มีอายุกว่าผม แต่ไม่ใช่ว่าเขาหน้าแก่นะ วิคเตอร์หน้าตาสมวัยเขานั่นแหละ เพียงแต่พออยู่ใกล้ผม เขาจะดูเป็นคนที่โตขึ้นมาอีกเยอะเลย เนื่องด้วยผมตัวเล็กและหน้าเด็กกว่าเขา แหงล่ะ คนเอเชีย กับคนตะวันตก มักมีประเด็นเรื่องหนังหน้ากับอายุให้พูดถึงกันอยู่บ่อยๆ เพราะคนเอเชียหน้ามักเด็ก ส่วนคนตะวันตกหน้ามักจะไปเร็วกว่าอายุจริง แต่สำหรับวิคเตอร์หน้าตาเขาสมวัย สมส่วนนะ เขาหล่อแบบคนโตอายุยี่สิบปลายๆ อ่ะ ดูหล่อแบบผู้ใหญ่แต่ไม่ใช่คนแก่น่ะนะ


ผมค่อยๆ กระตุกแขนตัวเองให้เขารู้ วิคเตอร์ก้มลงมามองก่อนจะปล่อยมือผมออก ก็เป็นจังหวะที่รถไฟมาพอดี ท่ามกลางฝูงคนที่เตรียมตัวแห่เข้าไปเบียดกันในรถไฟ ใจผมก็เป็นจังหวะตีกลองทิมปานีช้าๆ อีกแล้ว


โอยยย… ฮือออ ใจเย็นๆ ได้มั้ยล่ะ ทั้งใจ ทั้งคนเนี่ย


ผมเดินเข้ามาแล้วรีบจองที่ตรงพนักเหล็กที่อยู่ใกล้ประตู มันเป็นซี่เหล็กแนวนอนกั้นแบ่งระหว่างประตูอ่ะ คล้ายๆ กระจกกั้นแบ่งประตูแบบบีทีเอสกับเอ็มอาร์ทีรถไฟใต้ดินบ้านเราที่ไทยนั่นแหละ เพียงแต่มันเป็นเหล็กสีเงินๆ ไม่มีกระจก  แต่ประเด็นหลักจริงๆ คือวิคเตอร์ตามมายืนใกล้ๆ ด้วย เขาใช้มือซ้ายจับราวเหล็กเอาไว้ หน้าผมอยู่ระดับอกเขาเท่านั้นเอง กลิ่นตัวที่เป็นกลิ่นเนื้ออุ่นๆ ของเขาลอยมาแตะจมูก นี่ขนาดเป็นหวัดยังได้กลิ่นเนื้อเขาเลยนะ คิดดูสิว่ามันใกล้ขนาดไหน ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา มองแผงอกและไรขนเล็กๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมา คือเขาไม่ได้มีขนดกหรือขนอุยนะ มันเป็นเหมือนไรขนเล็กๆ น่ะ


“มองอะไร” ฮึบ! ลมหายใจผมสะดุด เมื่อเสียงทุ้มถามเสียงเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน ผมเงยหน้าตามสัญชาตญาณ ก็เห็นเขาก้มหน้าลงมามองอยู่ อ่ะ… ฮือออ… หน้าใกล้กันไปแล้วนะ ผมเลยย่นคอลงแล้วส่ายหัวรัวๆ เป็นเชิงตอบว่าไม่ได้มองอะไร เขามองผมเหมือนกำลังจับผิด


“ไข้ขึ้นรึเปล่า ทำไมหน้าแดงๆ”


“เอ่อ… ปะ…เปล่าครับ” มันแดงเพราะว่าอยู่ใกล้ผู้ชายต่างหากล่ะ อันนี้ไม่ต้องอ้อมค้อมหรือคิดให้เสียเวลา เขินนะเจอแบบนี้  ใกล้กันอย่างนี้เนี่ย


“แน่ใจนะ” ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วลดสายตาลงต่ำ แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังก้มมองผมอยู่ 
ผมต้องยืนอยู่อย่างนี้อีกเกือบสิบสถานีกว่าจะถึงสถานีเป้าหมาย ทำไมเริ่มรู้สึกว่าวันนี้โลเกชั่นมันตั้งไกลจัง ตอนที่รถไฟจอดที่สถานีหนึ่งแถวๆ Woodside ฝั่งย่าน Queens คนก็พากันเดินออกไป วิคเตอร์เขยิบให้คนเดินออก จนหน้าอกเขาแนบกับหน้าผม เนื้อหน้าแนบเนื้ออกเลยทีนี้


อุ่นจัง…


คราวนี้กลิ่นเนื้ออุ่นๆ และกลิ่นครีมอาบน้ำของโปโลที่ผมผสมให้เขาอาบเมื่อคืน (และเมื่อเช้าเขาคงใช้กลิ่นนี้อาบอีก) ก็ฟุ้งอยู่ตรงจมูกผม ฮึก… อยากจะเบะปากร้องไห้ ไม่ยุติธรรมจริงๆ ที่หัวใจอีกฝ่ายยังเต้นจังหวะปกติ ส่วนผมนี่กลองทิมปานียังคงทำหน้าที่นุ่มนวลต่อไปได้ดีจริงๆ มันยังคงเต้น ตึ่ง ตึง ตึ่ง ตึง ตึ่ง ตึง อยู่เลย


แปะ~


มืออุ่นๆ แปะลงที่หน้าผาก ห้วงลมหายใจผมสะดุด เฮือก~ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดน้อยๆ


“ตัวอุ่นๆ ไม่ร้อนมาก แต่ทำไมหน้าแดงจัง” มันไม่ได้แดงเพราะไข้ มันแดงเพราะแก๊!


“ระ…ร้อนมั้งครับ” เป็นคำตอบที่โคตรเห่ย เช้ยเชย และโหลยโท่ย ไม่สุโค่ยเลย ร้อนผีบ้าผีบอ หมอผีที่ไหนล่ะ อากาศเย็นจนแม่คะนิ้งจะทิ้งตัวลงพื้นโลกอยู่แล้ว (เว่อร์)


“ร้อนเหรอ?” วิคเตอร์ถาม สีหน้าดูเหลือเชื่อ


“คือ… คือ… มันร้อน แบบว่า… มันร้อนมาจากข้างในตัวน่ะครับ” คำตอบอันนี้พอจะชิงมงกุฎมิสยูนิเวิร์สได้มั้ยนะ


“งั้นเหรอ” สีหน้าเขายังคงติดสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ผมอีก เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาเตรียมตัวเดินออก คือที่นี่จะไม่มีเสียงประกาศ เราต้องคอยสังเกตป้ายเองน่ะ แต่เดี๋ยวก่อน… วิคเตอร์ คุณจะเอาให้ผมตัวแบนเลยมั้ย แผงอกคุณนี่ดันหน้าผมจนเหมือนผมซบอกคุณแล้วนะ


“คะ… คุณเรย์มอนด์…” ผมส่งเสียงกระซิบ พลางยกนิ้วจิ้มๆ ที่เนื้อตรงอกของเขาเบาๆ อีกฝ่ายถอยห่างไปนิดเดียว (นิดเดียวจริงๆ) แล้วก้มหน้าลงมอง


“มีอะไรรึเปล่า” เขาถามแล้วเหลียวหลังไปมองคนที่กำลังเดินออก เพื่อดูว่าตัวเองเบียดใครอยู่รึเปล่า



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:14:07

“คุณเบียดผมจนจะแบนอยู่แล้ว คุณไม่เขยิบไปยืนตรงที่มันโล่งๆ นู่นล่ะ” ผมบุ้ยปากไปทางเสากระโดน (เสากระโดนหรอ?) ที่มีคนยืนหลอมแหลมอยู่ วิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเดินไปยืนไปตรงนั้น ผมผ่อนลมหายใจออก ฟู่…
ผมเหลือบตาไปมองเขา วิคเตอร์กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนรู้สึกไม่สบายตัว เขามองไปรอบตัวเองเหมือนไม่คุ้นเคย แน่ล่ะ เขาคงห่างหายจากการขึ้นรถไฟมานาน ปกติก็ไปไหนมาไหนโดยรถตัวเองตลอด ไม่ต้องไปเบียดหรือยืนแออัดกับใคร ผมยกมือลูบอกซ้ายเบาๆ อาการใจเต้นทุ้มๆ เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติเล็กน้อย


ผมเหลือบเห็นป้ายว่าถึงสถานีที่เราจะต้องลงแล้ว ผมเลยหันไปมองวิคเตอร์แล้วพยักหน้าเรียกเขาให้มายืนรอประตูเปิด พอรถไฟจอดสนิท ประตูเปิดออก ผมกับเขาก็เดินออกมาพร้อมผู้คนอีกจำนวนหยิบมือหนึ่ง ผมเดินนำเขาขึ้นบันไดไปสู่ตัวสถานีที่กำลังมีคนเดินเข้าเดินออกผ่านที่กั้นที่ต้องใช้บัตรผ่าน ผมแตตะบัตรตั๋วลงบนแท่นแตะ แล้วที่กั้นก็เปิดกว้างออก ผมเดินออกมารอครู่หนึ่ง ก่อนที่เราสองคนจะพากันเดินออกไปสู่บรรยากาศสายๆ นอกสถานี ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออก หลับตาลงวูบนึ่ง เพื่อเรียกสติสตังที่หลุดกระจัดกระจายตอนยู่บนรถไฟ


ความรู้สึกมันไม่ตื่นเต้นเท่าตอนโดนเอิร์ทจูบเมื่อคืน แต่มัน… อุ่นหัวใจ มันทุ้มอยู่ในใจ จังหวะหัวใจเต้นทุ้มๆ นุ่มนวล มันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบอะดรีนาลีนแล่นไปทั่วร่าง แต่มันตื่นเต้นแบบนุ่มนวล มันเหมือนความรู้สึกเนิบๆ แต่ไม่อืดอาดยืดยาด มันนุ่มนวล มันละมุน…


“เฮ้! ยืนเหม่ออะไรอยู่ เดินได้แล้ว” ผมสะดุ้ง หันไปมองวิคเตอร์ที่หมุนตัวกลับมามองแล้วเรียกผม ผมพยักหน้าเอ๋อๆ แล้วเดินตามเขาไป ยังคงไม่แน่ใจว่าเดินใกล้ๆ เขาได้มั้ย ผมเลยเว้นระยะห่างที่คิดว่ามันน่าจะพอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป วิคเตอร์หันมามอง ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าฝีเท้าผมควรต้องอยู่ระดับไหน ตอนนี้ผมงง ผมสับสนกับเขาไปหมดแล้วเนี่ย กลัวว่าจะใกล้ไป เดี๋ยวไกลไปก็ดึงผมไปใกล้อีก แต่วิคเตอร์แค่ทิ้งรอยยิ้มสนุกๆ ไว้ก่อนจะหันกลับไปมองถนนแล้วเดินต่อไป ผมเพิ่งสังเกตว่าการเดินของวิคเตอร์นี่ดูดีมากนะ ผมว่ามันน่าจะมาจากการที่เขาเดินแบบบ่อยๆ เมื่อช่วงสมัยก่อนรึเปล่า แบบว่ามันอาจช่วยให้ท่วงท่าการเดินดูสง่าผ่าเผยน่ะ


วันนี้โลเกชั่นที่ใช้เป็นโกดังร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ย่านชานเมืองของฝั่งควีนส์ ผมรู้แค่ว่ามันเป็นเหมือนดงโกดังเก็บของร้างที่ไม่มีคนใช้มานานแล้ว แต่ไม่ใช่โกดังร้างผีสิงอะไรหรอกนะ มันแค่ห่างไกลไปหน่อย เจ้าของเขาเลยไม่ค่อยได้มาใช้ เอาไว้เก็บของที่ไม่ได้ใช้แล้วมากกว่า แน่นอนว่าข้อมูลนี้ พี่กูเกิ้ลสุดที่รักช่วยผมไว้ ส่วนพ่อพระเอกหรอ ผมไม่กล้าถามอะไรหรอก ถามไปไม่รู้จะตอบรึเปล่า


เรามาถึงโลเกชั่นตอนสิบโมงครึ่งนิดๆ รถสีขาวคันใหญ่ๆ คล้ายรถตู้เจ้าประจำจอดเรียงรายกันทั่วไปหมด เต้นท์สีขาวถูกกางไว้เยอะกว่าปกติ  ถ้าเป็นโลเกชั่นที่ห่างไกลแบบนี้ มักจะต้องขนอะไรมาเยอะกว่าปกติ เห็นว่าจะถ่ายฉากนี้ให้เสร็จภายในวันนี้ไปเลย จะได้ไม่ต้องกลับมาอีก แล้วจะได้ถ่ายฉากอื่นๆ ไปเรื่อยๆ ตามคิว ฉากโกดังมีไม่เยอะมาก เขาเลยยกมาถ่ายวันนี้ให้เสร็จก่อน
วิคเตอร์เดินเข้าไปในเต้นท์แต่งตัว ผมเห็นแม่สาวรายใหม่ของเขาที่มาร่วมแสดงแค่หกตอนกำลังฉีกยิ้มรับพ่อพระเอกในจอและอาจจะเป็นพระเอกนอกจอเร็วๆ นี้ ผมเดินไปนั่งหลบมุมอยู่มุมหนึ่งเพื่อไม่ให้เกะกะขวางทางทีมงาน วิคเตอร์นั่งให้ช่างทำผมเริ่มละเลงผมเขาไปด้วย คุยกับแม่สาวผมหยักศกน้ำตาลแดงไปด้วย  ท่าทางฟุ้งฟิ้งกิงก่องแก้วสุดๆ ใบหน้านี่ยิ้มแย้มเหลือเกิน ผมยกมือจับหน้าอกตัวเอง โอเค ตอนนี้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว กลองทิมปานีเงียบหายไปแล้วเรียบร้อย แต่มันแอบหน่วงตุ้มๆ ต่อมๆ แปลกๆ ชอบกล แบบมันกระตุกวูบหนึ่งที แล้วรู้สึกโหวงในอกเล็กน้อย ยิ่งตอนมองรอยยิ้มของวิคเตอร์ที่ยิ้มสดชื่นตอนคุยกับแม่สาวคนนั้น ผมขมวดคิ้วนิดๆ แล้วส่ายหัวกับตัวเองเบาๆ อย่าเพ้ออะไรอีกล่ะไอแมท ไอ้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันไม่ได้มีอะไรเลย ละที่เกิดอาการนั้นผมว่ามันคืออาการเขินธรรมดาๆ นี่แหละ แหม… ผมชอบผู้ชายนะ แล้วมีผู้ชายมาคลอเคลียใกล้ๆ มันก็ตื่นเต้นสิ แบบว่าผมไม่ใช่คนที่อยู่ในมือชายบ่อยๆ ดูอย่างเอิร์ทเมื่อคืนสิ ใจผมก็เต้นตูมๆ


ผมสลัดความคิดนั้นทิ้ง ปล่อยให้เสียงคุยของวิคเตอร์กับสาวคนนั้นดังแว่วผ่านหูไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าเป้ เพื่อเตรียมตัวเก็บภาพเดลี่รีพอร์ทส่งคุณเอมิลี่ ผมลุกขึ้นยืนกะว่าจะไปเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ โลเกชั่นสักหน่อย ผมเดินออกไปนอกเต้นท์ เอากล้องคล้องคอ แล้วเดินหามุมเหมาะๆ ถ่ายรูป รอบๆ เป็นป่าที่ขึ้นรกรุงรัง มีโกดังเรียงเป็นตับ ผมหยุดยืนแล้วยกกล้องขึ้นมากดถ่ายภาพสองสามภาพ แล้วเดินไปยังจุดต่อไปเพื่อเก็บภาพรอบๆ


ผมกดไล่ดูภาพในกล้อง พอได้ทุกมุมที่ต้องการผมก็เดินกลับไปทางเต้นท์ ตอนที่ผมกำลังจะเลี้ยวตรงท้ายรถตู้ยักษ์สีขาว มีใครอีกคนเดินเลี้ยวมาพอดี เลยเดินชนกัน โชคดีที่ไม่ได้ชนแบบกระแทกกันรุนแรง ผมผงะด้วยความตกใจ เลื่อนสายตาไปมองก็เห็นว่าเป็นนักแสดงหนุ่มตาเขียวน้ำตาลคนนั้น ที่จ้องผมจนผมกลัวเมื่อวานนี้ ผมรู้สึกตัวลีบ ความกลัวเล็กๆ ก่อขึ้นในใจ อีกฝ่ายขบกรามแน่นแล้วจ้องผมตาแข็งกร้าว จนผมหน้าเสีย


“เดินยังไงของ แก วะ?!” เขาถามเสียงตวาดน่ากลัว ผมสะดุ้งตกใจ รีบยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษเขาทันที


“ขอโทษครับ ผมไม่ทันเห็นว่าคุณเดินมา”


“มีตาไว้ทำห่าอะไร ทำไมไม่ใช้ดูทาง?!” เขาตวาดอย่างหัวเสีย ผมสะดุ้งอีกรอบ เริ่มทำตัวไม่ถูก มือที่ยกขึ้นมาไหว้ค้างไว้อยู่อย่างนั้น แล้วสักพักอีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาบีบต้นแขนผมไว้แน่น แน่นจนผมรู้สึกเจ็บ แววตาอีกฝ่ายวาววับอย่างน่ากลัว


“รู้มั้ย?! คน ประเภท อย่างแก แม่งโคตรน่ารังเกียจ!” เขาบอกเสียงเข้ม ก่อนที่แรงบีบตรงต้นแขนผมจะเพิ่มขึ้น จนผมหน้าเหยเกด้วยความปวด รู้สึกน้ำตาคลอตรงขอบตา อีกฝ่ายแสยะยิ้ม ก่อนจะผลักร่างผมกระแทกกับรถตู้ยักษ์ดัง โครม!


“โอ๊ย!” ผมร้องเสียงสั่น เขาแสยะยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเดินก้าวฉับๆ ออกไปจากบริเวณนั้น ผมมองตามด้วยความไม่เข้าใจ ผสมกับความเจ็บที่ต้นแขน แรงบีบเขามหาศาลมากสำหรับคนตัวเล็กกว่าเขาอย่างผม น้ำตาผมคลอ ผมย่นหน้าด้วยความเจ็บแล้วเอามือลูบต้นแขนตัวเองเบาๆ ถลกแขนเสื้อขึ้นดูก็เห็นรอยแดงเป็นรอยนิ้วมือ ผมจิ๊ปากด้วยความเจ็บ ร่างกายยิ่งอ่อนแออยู่ เจอแบบนี้เข้าไปแทบทรุด


นี่มันอะไรกันวะ ผมโคตรงง ผมไปทำอะไรให้เขา แล้วประเภทผมนี่คืออะไร ไม่ใช่คนหรอ เขาเป็นอะไรของเขาวะ ผมมั่นใจนะว่าผมยังไม่ทันทำอะไรให้เขาแน่ๆ ไม่แน่นอน แล้วผมก็พยายามไม่ไปยุ่งกับเขาด้วย ผมสับสน ทั้งเจ็บ ทั้งสับสน น้ำตาก็ตั้งท่าจะไหลเพราะความรู้สึกปวดหนึบๆ ที่ต้นแขน แล้วความโกรธก็พุ่งเข้ามา ไอ้ห่านั่น มันเป็นเชี่ยอะไร (ขอใช้คำหยาบหน่อย เหลืออดจริงๆ) คราวหน้าผมจะตั้งสติดีๆ ถ้ามันมาหาเรื่องอีกเดี๋ยวจะเอากรรไกรเสียบหูแม่ง


“เป็นอะไรน่ะ” วิคเตอร์ถามตอนที่ผมเดินแขนสั่นๆ กลับมาที่เต้นท์ ผมหน้าเสียเล็กน้อย แล้วแค่นยิ้มให้เขา ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ตอนที่เผลอใช้แขนยันตัวเอาไว้ความปวดก็พุ่งแปล๊บมาที่โดนบีบ ผมหน้าเหยเก ก่อนจะค่อยๆ นั่งลง


“นายเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น” วิคเตอร์ถาม แล้วมองอย่างสงสัย ผมไขว้แขนแล้วใช้มือลูบที่ต้นแขนทั้งสองข้างเบาๆ


“หนาวเหรอ?” เขาซักต่อ หน้านิ่วเล็กน้อย


“เปล่าครับ ผม… ผมเดินชนท้ายรถตู้มา” วิคเตอร์ทำหน้าเหวอไปนิดหน่อย คงกำลังเงิบกับคำตอบผมมั้ง


“ฉันก็รู้นะว่านายไม่ใช่คนสติดีเท่าไหร่ แต่นายเซ่อถึงขั้นเดินชนท้ายรถตู้เลยหรอ” เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว ผมหันไปมองหน้าเขาตาปรือด้วยความเอือมที่โดนเขาจิกกัดอีกแล้ว


“ขอโทษทีที่ผมมันเซ่อ” วิคเตอร์ย่นหน้า มองผมเหมือนเห็นของประหลาด เออ ผมก็ประหลาดในสายตาเขาตลอดนั่นแหละ
แต่ก็ยังดีกว่าสายตาของผู้ชายคนเมื่อกี้ ถ้าหูไม่แว่ว ผมเคยได้ยินคนเรียกชื่อเขาว่า ฌอณ ใช่มั้ยนะ เขามีอะไรกับผมรึเปล่า ผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจกันนะ


“แน่ใจนะว่าสติยังดีอยู่” ผมแยกเขี้ยวด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะพยักหน้ารับคำเขา อีกฝ่ายมองผมนิ่งๆ ราวกับจะมองให้แน่ใจว่าผมปกติจริงๆ ผมทำหน้าปกติสุขอย่างที่สุด จนวิคเตอร์เลิกสงสัยแล้วเดินออกจากเต้นท์ไปเพื่อเตรียมตัวถ่ายทำ
ผมถลกแขนเสื้อดูอีกรอบ รอยแดงๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำๆ แรงกดที่เขากดมามันต้องเยอะมากแน่ๆ เพราะมันทิ้งความรู้สึกปวดตุบๆ เอาไว้ ในหัวก็ได้แต่นึกสงสัยว่าที่ผมโดนแบบนี้ มันเพราะอะไร







เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น ใกล้ถึงเวลาถ่ายฉากสุดท้าย ตอนนี้เป็นช่วงพักเบรกทานอาหารเย็นกันก่อน ผมกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวงว่าไอ้ชอนไชไส้หมา นั่นจะมาทำร้ายอะไรผมอีก ผมเห็นมันนั่งอยู่ในเต้นท์ทานข้าวของนักแสดง ผมมานั่งกินข้าวเงียบๆ คนเดียวในเต้นท์แต่งตัว อาหารของที่กองทำให้ผมนึกถึงอาหารที่ถองถ่ายหนังที่ผมเคยเข้าไปฝึกงานช่วงสั้นๆ เลยอ่ะ ก็ที่นี่เขาสั่งพิซซ่าเกือบสิบหน้ามาแจกคนในกอง ผมได้อานิสงส์มาหนึ่งถาดเต็มๆ ไม่มีรสต้มยำกุ้งรสโปรดด้วย ผมเลยเลือกหยิบหน้าฮาวาเอี้ยนมากิน สิ้นคิดพอๆ กับผัดกระเพราไม่มีผิด


“ทำไมมานั่งกินคนเดียวล่ะแมท”   คุณลุงผู้กำกับซีรีย์ที่กำลังจะเดินผ่านไปหยุดทักทายผมพร้อมรอยยิ้มสุดจะใจดีราวกับลุงซานตาครอส คุณลุงแกรูปร่างท้วมๆ หน่อย ใส่แว่นหน้าตาใจดีๆ ยิ้มแย้มตลอดเวลา วันแรกที่ผมมากองแกชวนคุยแทบไม่หยุด ผมก็สนุกมากเพราะชอบฟังเรื่องการถ่ายทำและงานเบื้องหลังอยู่แล้ว ผมยิ้มกว้างก่อนจะตอบ


“ตรงนี้ก็สะดวกดีครับ ไม่เบียดใครดี” ผมพูดทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวพิซซ่าไม่หมดปาก  ผมละสายตาไปมองถังดับเพลิงสีแดงขนาดกลางที่แกหนีบเอาไว้ใต้รักแร้หนึ่งอัน และถือไว้ในมือสองอันด้วยความฉงน


“เอาใช้เข้าฉากหรอครับคุณเดวิด” ชื่อคุณลุงซานต้านั่นแหละครับ ลุงเดวิดยักคิ้วหนึ่งทีก่อนจะพยักหน้าพร้อมตอบ


“ใช่แล้ว เตรียมพร้อมไว้ก่อน เดี๋ยวจะถ่ายฉากไฟไหม้น่ะ” ผมอ้าปากเป็นรูปตัวโอเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าด้วยความเข้าใจ


“หวังว่าเราจะใช้มันดับไฟแค่ตอนถ่ายเสร็จนะครับ” ลุงเดวิดหัวเราะชอบใจ ผมยิ้มกว้างไปให้


“พูดได้ดีนี่ ฉันก็ไม่คาดหวังจะใช้มันระหว่างถ่ายทำหรอกนะ” แกยิ้มใจดีให้อีกทีก่อนจะเดินไปที่หน้ามอนิเตอร์ ผมยัดพิซซ่าที่เหลืออีกครึ่งเข้าไปในปาก พลางมองอีกสี่ชิ้นที่ยังเหลืออยู่ในถาด แค่คิดแบบนั้นเสียงเรอเบาๆ ก็ดังออกจากปาก ผมถลกแขนเสื้อขึ้นดูรอยที่โดนบีบ ตอนนี้มันกลายเป็นแดงคล้ำจนจะออกเขียวแล้ว


หืมมม! ไม่น่ายืนงั่งเลยให้ตายสิจอร์จ คิดแล้วก็แค้น มัวแต่ตกใจจนเอ๋อแดก แต่ถึงผมคิดจะสู้ ผมว่าทักษะเทควันโด้พื้นฐานของ



ผมอาจทำอะไรหมอนั่นไม่ได้หรอก ตัวใหญ่กว่าผมอีก ถึงจะตัวเล็กกว่าวิคเตอร์ แต่ถ้าเทียบกับผม ก็กระต่ายน้อยกับหมีขาวอยู่ดี (แหม… พ่อกระต่ายน้อย)


ฮึ่ม!! แต่ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกเข่นเขี้ยว ผมหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง ตอนนี้ไอบ้านั่นกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่แถวๆ ท้ายเต้นท์ทานข้าวของนักแสดง มันกำลังยืนคุยกับนักแสดงร่วมซีรีย์อีกสองคน ภาพในหัวของผมตอนนี้คือ ผมจับมันมัดเปลือยกายกับต้นไม้ แล้วหยิบบุรี่มาจี้ไข่มัน ฮ่าๆๆๆ สะใจเป็นบ้า!


แต่ก็นะ… มันคือแค่ภาพมโน ผมมองหน้ามันแล้วครุ่นคิดว่าจะเอาคืนยังไงดี ช่วงเวลานี้ไอ้ที่สงสัยว่ามันเกลียดอะไรผมนักหนา พักไว้ก่อน เอาคืนก่อน ยิ่งเห็นรอยจ้ำช้ำแดงบนแขนตัวเองแบบนี้ ยิ่งรู้สึกขัดใจที่ตอนนั้นวิญญาณนางเอกอ่อนแอประทับทรง
เดี๋ยวเถอะไอ้ชอน ฉันจะจุดธูปอัญเชิญวิญญาณนางร้ายตัวแม่ของวงการละครไทยทุกองค์มารวมกันที่ฉัน แล้วฉันจะจัดการแก หน็อยแน่!  แต่ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก รอวิญญาณนางร้ายนั่งเครื่องมานิวยอร์คก่อน เดี๋ยวก่อนๆ แกเจอแน่ คิดๆ แล้วแค้นสุดขีดจริงๆ ไม่น่าอ่อนแอเลยให้ตายสิ!


ป้าบ!!


ผมรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนตั้งแต่บนหัวยันลำคอ หัวแทบกระเด็นหลุดออกจากบ่า (เว่อร์) เมื่อเจออะไรสักอย่างฟาดเข้าที่หัว รู้สึกวิ้งเล็กน้อย และพยายามหาสติให้เจอก่อนจะหันไปมองวิคเตอร์ที่ถือกระดาษบทปึกหนาๆ ที่เพิ่งใช้ฟาดหัวผมไปเมื่อครู่


“เจ็บนะ!” ผมบอกเสียงแหว ก่อนจะเอื้อมมือไปตีแขนขวาเขาหนักๆ ด้วยความหงุดหงิด แต่ที่ผมตีไปบอกได้เลยมันคงไม่ระคายเนื้อเขาหรอก เนื้อแน่นหนาขนาดนั้น คงจี๊ดๆ เหมือนโดนยุงกัดเท่านั้นล่ะ วิคเตอร์ทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นผมตอบโต้แบบนี้


“ใกล้หายแล้วสินะ ถึงได้มีแรงฟาดกลับแบบนี้…” เขาเบ้ปากเล็กน้อย ผมทำหน้าบูดๆ อีกฝ่ายมองอย่างไม่เข้าใจก่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเล็กน้อย


“เป็นอะไรของนาย ไปหงุดหงิดอะไรมา” หงุดหงิดสิ! คิดแผนเอาคืนไอ้บ้านั่นไม่ได้เนี่ย ยิ่งคิด อาการปวดหนึบๆ ที่โดนบีบตรงต้นแขนก็เหมือนจะเป็นการตอกย้ำว่าผมพลาดอย่างมหันต์ที่ไม่ตอบกลับทันควัน แบบนี้มันต้องได้ใจว่าผมกลัวมันแน่ๆ ซึ่งจริงๆ ถามว่ากลัวมั้ย ก็กลัว


แต่ผมก็ต้องเอาคืนบ้างสิ!


“ไม่มีอะไรครับ” ผมบอกแล้วเอามือลูบหน้าเบาๆ ทำปากยู่น้อยๆ คิดแค้นไปตอนนี้ก็คิดอะไรไม่ออก ช่างมันไปก่อนก็แล้วกัน วิคเตอร์ยักไหล่น้อยๆ แล้วทำหน้าเหมือนจะบอกว่า ก็เรื่องของนายแล้วกัน


“นายกินยารึยัง” โอ๊ะ… ผมแอบเหลือมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะตอบ


“ยังครับ ยังกินพิซซ่าไม่หมดเลย”


“แล้วนายอิ่มหรือยัง” ผมส่ายหัวทันที


“ยัง รู้สึกแน่นนิดหน่อย แต่มันอร่อย ผมอยากกินให้หมด”ผมยิ้มแล้วหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้น จิ้มลงไปในซอสมะเขือเทศก่อนจะกัดไปคำโต วิคเตอร์มองผมแล้วย่นคิ้ว แต่ก็มีรอยยิ้มขบขันเล็กน้อยตามมาด้วย


“รีบกินให้หมด จะได้รีบกินยา” ผมเคี้ยวพิซซ่าก้มอูมแล้วพยักหน้าให้เขา วิคเตอร์มองผมเหมือนยังติดสงสัยกับอาการผมเล็กน้อย ผมฉีกยิ้มไม่เห็นฟันแต่แก้มแทบแตกไปให้เพราะพิซซ่าอัดอยู่ในปากไปให้เขา เพื่อเป็นการยืนยันว่าผมยังปกติอยู่จริงๆ


“วิคเตอร์” ผมกับวิคเตอร์หันไปมองทางต้นเสียง เจ๊ผมหยักศกแดงว่าที่แฟนหรืออาจจะแค่คู่นอนในอนาคตของวิคเตอร์เดินมาพร้อมรอยยิ้มอันสวยเช้ง แม้หน้าเจ๊แกจะไม่ได้สวยที่สุด แต่สำหรับวงการแสดงหรือนางแบบ หน้าแบบนี้ถือว่ามีเอกลักษณ์ล่ะนะ โครงหน้าเหลี่ยมหน่อยๆ ดวงตาเรียวแต่ไม่ยกหางตาชี้ ทำให้ดูแววตาเธอดูน่ารักใสๆ


“What’s up? Natasha (ว่าไง นาตาชา)” โอ้โห… นาตาชา โรมานอฟ ผู้ช่วยของกัปตันอเมริกามาเองเลยวุ้ย แต่เจ๊นาตาชาคนนี้สวยสู้เจ๊สกาเล็ต โจฮัทสันไม่ได้หรอกนะ


ว่าที่กิ๊กใหม่ของวิคเตอร์หันมามองผมที่กำลังนั่งตัวเล็กเคี้ยวพิซซ่าหมับๆ อยู่ ก่อนจะส่งยิ้มมาให้เล็กน้อย เชอะ! หล่อนด่าฉันว่าเตี้ยไปเมื่อวาน งั้นฉันจะยิ้มให้นิดเดียวเท่านั้นแหละ


“เดวิดเรียกเราสองคนไปซ้อมคิวน่ะ ฉันเลยมาตาม” วิคเตอร์ส่งยิ้มหล่อๆ อันอบอุ่นให้อีกฝ่าย ผมเห็นแบบนั้นก็เลื่อนสายตาหลุบต่ำทำเป็นมองพิซซ่าที่เหลือในถาด ไม่อยากจะมองภาพจู๋จี๋อี๋อ๋อของพระนาง พิซซ่าก็เลี่ยนอยู่แล้ว เดี๋ยวเห็นภาพหวานแหววอันนี้เข้าไปอีก เกรงว่าจะสำรอกพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนออกมาหมดซะก่อน


“พอดีผมมาดูว่าคนแคระกินยารึยังน่ะ” ผมย่นจมูกก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งสายจิกกัดไปให้คนพูด ทว่าเขาไม่ได้มองมาทางผมเลยด้วยซ้ำ สายตาเขากำลังมองแม่นางเอกหกตอน (จำนอนตอนที่นางเล่น) ที่กำลังยิ้มขำอย่างสดใส เอ้อ… ก็ไม่แปลกใจหรอกนะถ้าวิคเตอร์จะชอบคนนี้ เวลาเธอยิ้มหรือหัวเราะมันทำให้เธอดูดีขึ้นเยอะเลย


“เขาไม่สบายเหรอคะ” เธอถามวิคเตอร์แล้วหันมายิ้มกว้างให้ ผมเคี้ยวพิซซ่าช้าๆ แล้วยิ้มตอบนิดๆ วิคเตอร์หันมามองผมก่อนจะตอบเสียงนุ่มน่าฟัง


“ใช่ ไม่สบายเพราะความดื้อของตัวเอง บวกกับนิสัยขี้ประชดประชัน เลยได้รับไข้หวัดเป็นรางวัลจากพระเจ้า” แหม… ทีพูดกับผมล่ะก็ น้ำเสียง กวนๆ มึนๆ จังนะ ผมขี้เกียจจะต่อความให้ยืดยาวเลยแอบเบะปากใส่เขาเล็กน้อย เสียงหัวเราะใสๆ ของสาวผมแดงหยักศกดังขึ้น


“เขาเหมือนเด็กเลยนะคะ มีการเบะปากเพราะงอนด้วย” เธอยิ้มชอบใจ ผมส่งยิ้มแก้มอูมๆ ไปให้ ไม่อยากจะพูดอะไร เลยยัดพิซซ่าเข้าไปในปากอีก เอาให้ปากมันไม่ว่าง จะได้ไม่ต้องเถียงกับใคร สองคนนี้อยากว่าอะไรก็เอาเล้ย!


“เด็กบางคนสมองยังดีกว่านี้เลย” หน็อย! ผมแทบจะเอาพิซซ่าชิ้นสุดท้ายในถาดปาหน้าเขา แต่ที่ทำได้จริงๆ ก็คือมองอย่างขุ่นเคือง แต่มันคงจะเป็นเหมือนการดูตลกของยัยเจ๊คนนี้มั้ง เอะอะก็เอาแต่ขำ ขำหาพระบิดาหล่อนรึไงกัน?!


“ฉันว่าเหมือนคุณพาลูกมากองถ่ายเลยนะคะวิคเตอร์ ไม่เหมือนคนดูแลคุณเลยสักนิด” วิคเตอร์มองผมด้วยดวงตาที่สุกใสเป็นประกายวิบวับพร้อมกับรอยยิ้มขำขันที่มุมปาก นี่ผมเป็นคนนะ ไม่ใช่สิ่งของที่ให้มานั่งมองแล้วยืนพินิจพิเคราะห์ แล้วส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ผมได้แต่ยิ้มเกร็งๆ เพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไง


“ลูกผมไม่หน้าตาแย่แบบนี้หรอก ถ้าผมมีลูก ต้องออกมาหน้าตาเหมือนคนกว่านี้” กร๊าซซซ!! ถ้าพ่นไฟได้ ผมจะพ่นใส่หน้าอีตาวิคเตอร์คนแรก แล้วก็ตามด้วยพ่นใส่หน้ายัยนาตาชามหาภัยนี่ซะ ผมถลึงตามองอีกฝ่าย กัดปากล่างไว้ด้วยความเข่นเขี้ยว ยัยนางเอกหันมามองแล้วหัวเราะอีกรอบ


“ฮะๆ ท่าทางสติเขาจะไม่ดีจริงๆ ด้วยนะคะ”


“ก็ผมบอกแล้วว่าหมอนี่สติไม่สมประกอบ” ทั้งคู่ยิ้มแล้วหัวเราะกันสองคน ผมขบกรามแน่น ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกช้าๆ


เอาล่ะ! ความอดทนผมสิ้นลงละ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความหงุดหงิดก่อนหน้านี้กับเรื่องไอ้ชอนไชไส้หมาเริ่มผสมกับการที่ถูกนังเจ๊นี่มองผมเหมือนเป็นตัวประหลาดแล้วยืนวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกสนาน แล้วยังหัวเราะราวกับผมเป็นตัวตลก ที่สำคัญวิคเตอร์ยังเข้ากับแม่นี่เป็นปี่เป็นขลุ่ย


แหมะ!!


ผมฟาดพิซซ่าที่อยู่ในมือลงถาดด้วยความมีน้ำโหเล็กน้อย คนหงุดหงิดอยู่แล้ว มาเจอคนตอกย้ำความหงุดหงิดนี่มันไม่ใช่เรื่องราวดีๆ นะ สองคนนั้นหันมามองทั้งที่ยังคงยิ้มและหัวเราะ แต่เหมือนวิคเตอร์จะได้สติก่อนเพราะเขาหยุดนิ่งไป ส่วนยัยนาตาชายังยิ้มค้างๆ ด้วยความสนุกสนานอยู่ ผมส่งสายตาเรียบเฉยไปให้ทั้งสองคนก่อนจะเผยมือไปทางโกดัง



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:15:07

“ผู้กำกับรอคุณสองคนอยู่ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมไม่ไปสักทีล่ะ เอาเวลาที่กำลังยืนหัวเราะและจีบกันอยู่ไปทำงานมั้ยครับ ผมว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตคุณสองคนมากกว่าที่กำลังทำกันอยู่ตอนนี้แน่ๆ” ผมยิ้มอย่างสงบแต่พร้อมลุกตบเมื่อจำเป็น วิคเตอร์ส่งสายตาและสีหน้าเรียบๆ แต่แอบมีรอยยิ้มบางๆ ที่กลีบปากสีแดงนิดๆ ของเขา ส่วนนังชะนีหยักศกได้แต่ยืนหน้าเหวอไปแล้ว


“อะ…เอ่อ… จริงด้วยสินะ” เพิ่งรู้หรอยะว่ามันจริง!


“ครับ จริง และผมได้ยินว่า ผู้กำกับให้คุณมาตามวิคเตอร์เพื่อไปซักซ้อมการถ่ายทำ แต่ผมไม่รู้ว่าอะไรรั้งขาคุณไว้รึเปล่า ถึงไม่ยอมพากันเดินไปหาผู้กำกับเสียที ตอนที่คุณสองคนยืนหัวเราะผม ผมว่าพวกคุณคงซ้อมจนสามารถเล่นจริงได้ดีเยี่ยม แล้วมีชื่อเข้าชิงออสการ์ปีหน้าไปแล้วล่ะครับ” ผมยิ้มปากบางเฉียบ ส่งแววตาเป็นประกายไปให้ทั้งสองคนที่มีสีหน้าต่างกัน วิคเตอร์เชิดคางขึ้นนิดหน่อยแล้วมองหลุบตาต่ำมาที่ผม มุมปากยกขึ้น ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขา ส่วนแม่นาตาชายืนหน้าเสียไปเล็กน้อย


“เชิญครับ…” ผมยืดสุดแขนไปทางโกดังเป็นการย้ำว่าให้ทั้งสองคนรีบไปไหนก็ไป วิคเตอร์เลิกคิ้วพร้อมเบ้ปากเล็กๆ ก่อนจะหันไปมองนางเอกของเขา


“We better go, Nat (ไปกันดีกว่า แนท)” คงเป็นชื่อย่อของแม่นั่นสินะ ยัยแนทพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ยังคงรู้สึกเอ๋อๆ กับคำพูดของผม ก่อนจะหมุนตัวเดินนำออกไป ส่วนวิคเตอร์หันมามองผมด้วยสายตาวาววับ และยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้างขึ้นเป็นรอยยิ้มหน่อยๆ ผมเอียงคอแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะบุ้ยปากไปทางโกดัง วิคเตอร์หันหน้าไปก่อนจะเดินออกไปทางโกดัง ผมถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ


กลองทิมปานีหายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่กลองสะบัดชัยแทน ตีดัง ปุงปังปุงปัง~ ในใจอัดแน่นไปด้วยความหงุดหงิดแทน นี่ถ้าสองคนนี้คบกัน ผมไม่ต้องเจอหน้ายัยเจ๊นั่นทุกวันเลยหรือไง แต่ที่ทำไปเมื่อกี้ก็น่าจะเตือนๆ นางได้บ้างแล้วนะว่าอย่ามามองผมเหมือนเป็นตัวประหลาดหรือสิ่งของแปลกๆ อยากขำก็ไปดูคณะละครตลกสินังปลวก คิดแล้วอารมณ์เสีย พอ! หยิบกล้องไปถ่ายรูปแล้วเตรียมตัวทำงานดีกว่า


ผมหยิบทิชชูมาเช็ดมือ เตรียมจะหยิบกล้อง แต่เผอิญได้ยินเสียงเตือนว้อทแอพพร้อมกับความสั่นระดับหกริกเตอร์ สั่นจนได้ยินเสียงครืด เสียงครืด~ ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้ หยิบออกมาเปิดดู ก็เห็นว่าเป็นข้อความจากคุณเอมิลี่ที่แจ้งเรื่องงานถ่ายแบบของแบรนด์ดังอย่าง Calvin Klein ผมตาโต อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ที่เขาจะได้เป็นไม้แขวนเสื้อให้กับแบรนด์ที่ถือว่าดังเป็นอันดับต้นๆ ของเหล่าคุณผู้ชายทั้งหลาย คุณเอมิลี่บอกว่าเรื่องรายละเอียดเดี๋ยวจะแจ้งให้รู้อีกที แต่เธอบอกทิ้งท้ายไว้นิดหน่อยว่าเป็นเหมือนการกลับถิ่นเก่าของวิคเตอร์ ผมก็แอบพอเข้าใจบ้างนะ เพราะตอนที่ค้นข้อมูลเขาในกูเกิ้ล ผมเคยเห็นเขาใส่กางเกงชั้นในของแบรนด์นี้อยู่เหมือนกัน และถ้าให้เดาผมคิดว่าวิคเตอร์คงไม่ได้ถูกติดต่อไปให้ถ่ายเสื้อผ้าชุดสูทอะไรทำนองนั้นหรอก


“Come on! (เร็วเข้า!)” ผมสะดุ้งกับเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย ก่อนจะเงยหน้าจากโทรศัพท์มองทีมงานที่กำลังวิ่งวุ่นไปมา ผมขมวดคิ้วด้วยความงง แล้ววางโทรศัพท์ไว้บนกระเป๋าเป้ แต่พอหันไปมองทางโกดังผมก็ใจกระตุกวูบราวกับมีคนมากระชากออกจากอก


ควันไฟพวยพุ่งเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ออกมาจากปากทางเข้าโกดัง และยังพุ่งออกทางช่องวางบนหลังคา ผมมองควันพวกนั้นพุ่งออกมาด้วยความงุนงง สับสนและตกใจ เสียงทีมงานในกองถ่ายตะโกนโวยวายดังลั่น ผมไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมทุกคนถึงดูสติแตก เพราะควันมันฟุ้งน่ากลัวมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากองเพลิงจะลุกลามหนักแค่ไหน ผมรีบหันสายตาไปมองที่หน้าโกดัง มีคนยืนออเต็มไปหมด ผมพยายามเพ่งเล็งมองหาวิคเตอร์ในหมู่ฝูงคน แต่กลับไม่พบเขา ใจผมกระตุกอีกรอบ เท้าค่อยๆ ก้าวเดินไปยังเต้นท์ตั้งหน้าจอมอนิเตอร์ สายตาก็ยังไม่หยุดเสาะหาร่างสูงใหญ่ของพ่อพระเอก แล้วผมก็ต้องหายใจ ฮึก!


ทีมงานสองคนหิ้วปีกของนาตาชาที่หน้าดำด้วยเขม่าไฟออกมา เธอส่งเสียงไอเพราะสำลักควันไฟ เมื่อกี้สองคนนั้นเข้าฉากด้วยกันนี่ ผมเริ่มเขย่งเท้าชะเง้อหาวิคเตอร์ในหมู่ทีมงาน แต่จริงๆ ไม่ต้องเขย่งมากก็ได้ เพราะเขาสูงเด่นอยู่แล้ว แต่พอไม่เห็นความสูงเด่นนั้นอยู่ท่ามกลางผู้คนแบบนี้ ผมก็เริ่มใจไม่ดี


“วิคเตอร์ล่ะครับ เขาอยู่ไหน?!” ผมหันไปถามผู้ช่วยผู้กำกับคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ผมที่สุด เขาหันกลับมามองด้วยสายตาเป็นกังวล ซึ่งทำเอาผมรู้สึกเหมือนใจจะร่วงหล่น


“เขาติดอยู่ข้างใน กำลังส่งคนไปช่วย” ใจที่กำลังจะร่วงหล่น หล่นตุบ! ไปอยู่ที่เท้า ผมเหมือนตกจากที่สูง มันเสียววาบไปหมด ลำคอแห้งผาก ผมหันสายตาตื่นๆ ของตัวเองไปมองที่ประตูโกดัง เห็นเปลวไฟสีแดงพวยพุ่งออกมา ควันไฟยังคงพวยพุ่งเป็นกลุ่มหนา วินาทีนั้นเหมือนผมชัดดาวน์ตัวเอง ไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง เสียงทุกอย่างกลายเป็นเสียงอื้ออึงในหู ความกลัวพุ่งขึ้นมาเกาะที่ใจ


ผมรีบสะบัดหัวแรงๆ ไม่… อย่าเพิ่งมาหัวตันตอนนี้ ผมมองไปรอบๆ เต้นท์แล้วพยายามคิด พอเห็นขวดน้ำดื่มวางไว้ ผมก็เดินเข้าไปหยิบขึ้นมาสองขวด พยายามมองหาผ้าขนหนูเล็กๆ หรืออะไรก็ตามที่จะใช้ชุบน้ำได้ แต่มันหาไม่เจอ ยิ่งได้ยินเสียงกรีดร้องของทีมงานสติที่ไม่ค่อยจะอยู่ครบก็ยิ่งรวนมากขึ้น ผมเลิกหาผาขนหนู แล้วรีบแทรกตัวเข้าไปใกล้ประตูโกดัง พอเห็นควันไฟและเปลวไฟ ผมก็เริ่มใจสั่น ผมหันไปมองนาตาชาแล้วเดินเข้าไปใกล้


“วิคเตอร์ล่ะ?! เขาอยู่ตรงไหนของโกดัง?!” ผมถามเสียงหนักแน่น แต่ก็แอบสั่นไม่น้อย นาตาชาที่กำลังเอาน้ำเกลือล้างจมูกหันมาตอบ


“ฉันไม่แน่ใจเลย พอไฟลุกลาม เขาก็รีบดันตัวฉันให้ห่างจากเปลวไฟ ฉันพยายามมองหาเขา แต่ควันไฟหนาเกินไป” เธอพูดไปน้ำตาก็คลอขอบตาด้วยความกลัว นั่นยิ่งทำให้ผมกลัวกว่าเธออีก ผมละสายตาจากนาตาชาแล้วหันไปมองที่เดวิด เขากำลังยืนด้วยสีหน้าวิตกกังวล ข้างๆ จอมอนิเตอร์มีถังดับเพลิงวางอยู่หนึ่งอัน ผมเห็นถังดับเพลิงที่เขาเคยถือไว้ก่อนหน้านี้ ก็พุ่งตัวไปหยิบขึ้นมาทันที


“แมท! จะไปไหน?! กลับมานี่!” ผมไม่สนใจเสียงเรียกของเดวิดและทีมงาน ตอนนี้ในหัวผมมีแต่ว่าวิคเตอร์อยู่ตรงไหนของโกดัง เสียงโวยวายและกรีดร้องดังอยู่ด้านหลัง ผมวิ่งฝ่าควันไฟและหลบเปลวไฟที่พวยพุ่ง ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของโกดัง ผมหรี่ตามองไปรอบๆ ใจก็สั่นแรงด้วยความกลัว


“วิคเตอร์!! วิคเตอร์!! คุณอยู่ไหน?!” ผมตะโกนถาม สลับกับส่งเสียงไอ ขาก็ยังคงก้าวต่อไป ผมฉีดควันดับไฟออกจากถังดับเพลิงเมื่อเจอเปลวไฟขวางทางอยู่


“วิคเตอร์!!” ผมตะโกนอีกรอบ ใจสั่นไม่เป็นจังหวะ มือผมเริ่มสั่น เพราะรู้สึกถึงการเสียกำลังใจอย่างหดหู่ ขาก็เริ่มก้าวได้ทีล่ะนิด น้ำตาผมเริ่มไหล มันไหลเพราะทั้งควันไฟ และความกลัว ผมกวาดตามองไปรอบๆ และพยายามก้าวเท้าต่อไปพร้อมกับฉีดควันดับไฟไปด้วย แขนขวาก็หนีบน้ำสองขวดเอาไว้แน่น


“วิคเตอร์ คุณอยู่ไหน ตอบผมสิ!!” ผมพยายามกลั้นใจและตั้งสติควบคุมไม่ให้ตัวเองสั่น ทั้งที่มันยากเหลือเกินกลัวเขาจะเป็นอะไร และกลัวว่าตัวเองจะโดนไฟครอกตายหรือสำลักควันไฟตายรึเปล่า


-----------------------------TBC.-----------------------------

อ่านตอนต่อไปที่อยู่ด้านล่างได้เรื่อยๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:19:28

CHAPTER 8 :: I though I heard you call my name.


ฟู่!!


ผมฉีดถังดับเพลิงใส่เปลวไฟที่สะบัดมาใกล้จนทำให้รู้สึกร้อนระอุที่เนื้อหนัง นอกจากน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตาเพราะว่าอาการแสบจากควันไฟที่ลอยฟุ้งหนาแน่นไปรอบโกดัง ตอนนี้ยังมีเหงื่อที่เกาะเต็มหน้าเต็มตัวผมไปหมดเพราะความร้อนจากเปลวเพลิง ที่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันเริ่มร้อนแรงขึ้น


“แค่ก…แอะ… วิค…ฮึก…วิคเตอร์!” ผมยังคงพยายามตะโกนเรียกชื่อของเขาต่อไป แม้จะไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรกลับมา นอกจากเสียงไฟที่เผาไหม้ไม้ในโกดังชวนให้หวาดเสียว ผมไอจนรู้สึกทรมานลำคอ ทั้งเพราะควันไฟและเพราะอาการไอจากไข้หวัดของตัวเอง ตอนนี้รู้สึกแสบจี๊ดที่จมูกและลำคอ ผมเริ่มหายใจไม่สะดวก รู้สึกฝืดสากในลำคออย่างมาก


ผมปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ เพราะควันไฟ สีหน้าผมตอนนี้ก็ใช่ว่าจะดีนัก มันตระหนกไปหมด สติก็คอยจะหลุดๆ หายๆ  มองไปทางไหนก็เห็นแต่ควันไฟสีขาวผสมสีเทาขุ่น และเปลวไฟสีส้มสุดร้อนแรงที่ทำเอาผมรู้สึกเหมือนจะโดนย่างสด ฮือออ… ผมจะไม่กินหมูกระทะอีกแล้ว พวกเนื้อหมูมันคงทรมานแบบนี้สินะ


แกร่ก…แกร่ก…


เสียงไฟไหม้เศษไม้รอบๆ ตัว ทำให้ผมกวาดตามองไปทั่วด้วยความหวาดหวั่น แต่เท้าผมก็ยังคงก้าวต่อไปแม้ใจจะกลัวแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมต้องหาวิคเตอร์ให้เจอก่อน ผมเดินสะเปะสะปะไปเรื่อย เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันสุมเข้ามาที่ผมหมด ทั้งน้ำตาไหล อาการไอ อาการร้อนเนื้อหนัง และตอนนี้ควันไฟก็เริ่มหนากว่าเดิม


“วิคเตอร์…” ผมไม่ได้เรียกชื่อเขาเพราะอยากให้เขามาช่วย แต่ผมเรียกชื่อเขาเพราะอยากรู้ว่าเขาอยู่ไหน แต่เสียงเรียกที่เอ่ยออกไปตอนนี้มันช่างแผ่วเบาและแหบแห้ง ผมทิ้งตัวลงกับพื้นปูนที่ร้อนจัด จนสะดุ้งนิดๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงไปต่อแล้ว ขวดน้ำกลิ้งออกจากใต้รักแร้ ถังดับเพลิงหล่นอยู่ข้างๆ ผมเอามือยันพื้นที่ร้อนจัดไว้แล้วนั่งไอน้ำตาไหลอาบแก้ม สติอันน้อยนิดที่พกพามาด้วยตอนแรกเริ่มเลือนรางจางหาย ผมคิดอะไรไม่ออกมันตื้อไปหมด


แสบจมูก…ฝาดลำคอ…น้ำตาไหลเพราะความแสบ…เนื้อร้อนราวกับกำลังจะถูกมอดไหม้ไปพร้อมกับกองไฟ


นี่ผมกำลังพาตัวเองมาตายใช่มั้ย


วินาทีที่เปลวไฟพุ่งเข้ามาใกล้ผมจนต้องยกมือบัง หน้าพ่อกับแม่ลอยเข้ามาในหัว ความกลัวเกาะกุมหัวใจแทนความกล้าที่พามาตอนแรก ผมร้องออกมาเพราะรู้สึกว่าแขนโดนไฟลวกเต็มๆ ก่อนจะขยับหนีตามสัญชาตญาณแม้จะแทบไม่มีแรง
ด้วยสติอันแทบจะหายไปจากสมอง ผมรีบถอดเสื้อยืดตัวเองออก แล้วยื่นมืออันสั่นเทาไปหยิบขวดน้ำ มาเทน้ำใส่เสื้อจนเปียกชุ่ม ก่อนจะเอามาปิดจมูกกันควันไฟไว้ อย่างน้อยมันก็ช่วยได้


พอได้ที่กำบังควันไฟ อาการไอก็เริ่มลดลง ผมกวาดตามองไปรอบๆ ตอนนี้มองไม่เห็นอะไรแล้ว ผมพยายามเงี่ยหูฟังถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนี้ และพอลองฟังดีๆ


ไม่มีใครหรอก นอกจากผม วิคเตอร์อาจจะออกไปแล้วก็ได้ แต่…


ผมจะแน่ใจได้ยังไง ถ้าเกิดเขานอนสลบอยู่ที่ไหนสักแห่งในโกดังล่ะ ผมหน้านิ่วคิ้วขมวด ทั้งร้อน ทั้งหงุดหงิดที่ตามหาเขาไม่เจอเสียที และตอนนี้ผมก็เริ่มจะไม่มีแรงฝืนเดินต่อไปแล้ว จากจุดที่ผมล้มลงเมื่อครู่ ผมขยับห่างออกมาได้อีกนิดเดียวเท่านั้น


โคร่ม!


เสียงกองไม้ใกล้ๆ ตัวที่ถูกเปลวไฟไหม้จนหล่นลงมากองกับพื้นกระจัดกระจายระเนระนาด ทำเอาผมหายใจสะดุดทันที ความหวาดกลัวเริ่มทวีคูน เมื่อผมมองไม่เห็นอะไรแล้วจริงๆ


นี่ผมกำลังเอาชีวิตมาทิ้งเปล่าประโยชน์ใช่รึเปล่า…


“Alien!!! (ต่างด้าว!!!)” เสียงร้องดังลั่นดังมาจากมุมใดมุมหนึ่งของโกดัง ผมตัวกระตุก ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ที่ได้ยินเสียงมีชีวิตอย่างอื่นนอกจากผมบ้าง


“นายอยู่ไหน??!!” เสียงห้าวๆ อันคุ้นหูตะโกนถามอีกครั้ง มีแค่คนเดียวที่จะเรียกผมว่า ต่างด้าว ผมใจชื้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงเขา นั่นแสดงว่าเขาปลอดภัย ผมดึงเสื้อยืดที่ชุ่มน้ำออกจากจมูก และพยายามลุกขึ้นยืน ก่อนจะรวบรวมกำลังเปล่งเสียงตอบออกไป


“ผม…ผมอยู่นี่!” แม้จะตอบออกไป แต่เท้าผมก็พยายามก้าวไปข้างหน้า แม้จะมองไม่เห็นทาง เพราะมีทั้งม่านควันไฟ ทั้งม่านน้ำตา บังสายตาไว้อยู่ ผมใช้เสื้อปิดจมูกไว้ และพยายามก้มตัวลงต่ำ ความปวดแสบปวดร้อนบนผิวเนื้อทำให้รู้สึกขาสั่น แขนสั่น
มันปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน…


ฟู่!!! ฟู่!!!


เสียงฉีดถังดับเพลิงดังขึ้นติดๆ กัน พร้อมกันนั้นควันสีขาวกลุ่มใหญ่ๆ จากถังดับเพลิงก็กลบควันไฟรอบๆ ตัวผมจนค่อยๆ จางหายไป ความร้อนของเปลวไฟค่อยๆ ลดลง แต่ผมก็ยังพยายามเดินต่อไป ยิ่งรู้ว่ามีคนเข้ามาช่วยแล้ว ความกลัวที่มีในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันว่าอย่าเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เด็ดขาด


ผมก้าวต่อไป แม้ขาจะสั่นจนแทบหมดแรง น้ำตาไหลออกมา ทั้งจากควันไฟ ความกลัว และความดีใจที่ตัวเองจะไม่ถูกไฟครอกตายแล้ว วินาทีที่ผมกำลังจะล้มลง ก็มีอ้อมแขนของใครสักคนมารับร่างผมไว้


“อยู่นี่เอง!!” เสียงห้าวๆ ปนหอบดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนนั้น พลันน้ำตาก็ไหลออกมาอีกระลอก ทั้งโล่งใจที่เขายังอยู่ ทั้งดีใจที่เขามาช่วยชีวิตผมไว้ได้ทัน ผมโผเข้าหาเขาพร้อมน้ำตาและแรงสะอื้น



“ฮืออออ…ฮึก…ฮือออ…” ผมร้องไห้ออกมา ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนกันแน่ มันปั่นป่วนในหัวใจไปหมด ความกลัวยังเกาะกุมจนทำเอาผมใจสั่นพอๆ กับแขนและขา ผมซุกหน้าลงกับอกของวิคเตอร์ สะอึกสะอื้นตัวโยน อ้อมแขนแกร่งหนาของเขาโอบรัดร่างผมไว้แน่น เพราะตัวผมเองแทบจะยืนอยู่กับพื้นไม่อยู่


พอรู้ตัวอีกทีผมก็รู้สึกลอยได้เพราะวิคเตอร์อุ้มผมไว้แล้วพาเดินออกมาจากบริเวณที่ยืนอยู่ ผมเหลือบเห็นความวุ่นวายผ่านม่านน้ำตาที่ทีมงานห้าหกคนกำลังพ่นถังดับเพลิงใส่เปลวไฟจนมันเริ่มสงบลง ผมยังคงส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น กำเสื้อยืดที่เปียกน้ำไว้ในมือแน่น อาการปวดแสบปวดร้อนแล่นไปทั่วร่าง แม้กระทั่งดวงตาและจมูก ที่แสบตุบๆ


ความรู้สึกเบลอๆ มึนๆ ยังคั่งค้างอยู่ในหัว ความกลัวยังเกาะกุมหัวใจเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ยิ่งคิดถึงเปลวไฟ ควันโขมง ผมก็รู้สึกว่าร่างตัวเองสั่นหงึกๆ จนคนที่อุ้มผมอยู่รับรู้แล้วก้มลงมามองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของผม น้ำตาผมไหลออกมาทั้งเพราะยังแสบตาจากควันไฟและความกลัว วิคเตอร์กระชับอ้อมแขนเขาแน่นขึ้นอีกนิด นั่นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา


ความอบอุ่นที่แล่นปราดไปทั่วร่างยามเขากระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ทำให้ผมลดอาการประหวั่นพรั่นพรึงในใจลงได้เยอะ แม้ไม่มีคำพูดปลอบประโลม แต่อ้อมกอดที่เขาอุ้มร่างเตี้ยๆ ของผมอยู่ตอนนี้มันทำให้ผมรับรู้ถึงความปลอดภัย ผมมองคางและกรอบหน้าของวิคเตอร์ที่มีไรหนวดประดับอยู่ด้วยความโล่งใจ ค่อยๆ ปลดปล่อยอาการหวาดๆ ออกไปจากใจ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังห้ามอาการสะอื้นเล็กๆ ไม่ได้


“โอยยย! พระเจ้า! เขาปลอดภัยแล้ว!” เสียงของคุณลุงเดวิดดังขึ้นด้วยความโล่งใจ พร้อมๆ กับเสียงปรบมือของทีมงานที่รอลุ้นอยู่ด้านนอก ผมหันตาแดงก่ำของตัวเองไปมอง ทั้งที่ยังส่งเสียงร้องไห้ฮึกๆ เงียบๆ บนอ้อมแขนของวิคเตอร์ที่กำลังช้อนตัวผมอยู่


“พาเขาไปนั่งก่อน” เดวิดเอ่ยปากบอกแล้วเดินนำวิคเตอร์เข้าไปในเต้นท์ที่อยู่บริเวณด้านหน้าโกดัง  เขาค่อยๆ วางร่างที่ยังสั่นระริกลงบนเก้าอี้ของคุณเดวิดที่เจ้าตัวยกมาวางไว้ให้นั่ง ก่อนจะเดินหลบฉากออกไป ทิ้งให้ผมอยู่กับวิคเตอร์ที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงข้าม ผมมองสภาพเขาที่มีรอยด่างๆ ดำๆ บนเสื้อ ส่วนใบหน้ามีรอยเปื้อนจางๆ เท่านั้น อีกฝ่ายกำลังจ้องมองผมด้วยสายตาเรียวคมมีเสน่ห์คู่นั้น


“เสียสติรึเปล่า ถึงได้วิ่งเข้าไป” เขาบอกพลางเอนหลังพิงพนักพร้อมยกมือกอดอก ผมกระพริบตาไล่น้ำตาก่อนจะตอบ


“ก็คุณอยู่ในนั้นนี่” ผมบอกเสียงอู้อี้ พลางสูดจมูกฟืดๆ ยกเสื้อยืดที่เปียกน้ำชุ่มขึ้นมาเช็ดจมูก วิคเตอร์ขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแขนซ้ายผมไปพลิกดู


“ไปโดนอะไรมา” เขาถามเมื่อเห็นแขนผมแดงเถือก พอถูกเขาทักอาการปวดแสบปวดร้อนที่แขนก็บังเกิดอีกรอบ และยังไม่ทันได้ตอบสายตาวิคเตอร์ก็เลื่อนไปดูที่ขาผมอีก


“แล้วที่ขานั่นอีก…” เขาทำหน้ามุ่ย ก่อนจะดึงมือทั้งสองข้างผมไปแบดู ทำให้ผมต้องปล่อยเสื้อยืดในมือไว้บนตัก ผมมือสั่นน้อยๆ ตอนที่เขาจับมือดูรอยแดงจากการที่เอามือทาบกับพื้นปูนซีเมนต์ร้อนๆ


“นายนี่มันดื้อจริงๆ วิ่งเข้าไปให้ตัวเองเจ็บตัวแท้ๆ” เขาบ่นเสียงหึ่ง เสียงห้วนตามนิสัย เหมือนพ่อบ่นลูก เขาปล่อยมือผม ก่อนจะเอื้อมมือมาจับๆ ที่ช่วงต้นแขน ลูบๆ รอยนิ้วมือสีช้ำ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะละสายตามามองหน้าผม


“แล้วนี่รอยอะไร ไม่ใช่รอยพองจากไฟนี่” ผมกลืนน้ำลายลงที่ฝาดเฝื่อน ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองรอบๆ กองถ่าย เพื่อหาคนทำรอยนี้ แต่ก็ไม่พบแม้แต่ยอดเส้นผมของไอ้ชอนไชไส้หมานั่น วิคเตอร์มองตามสายตาผมงงๆ ก่อนจะวกกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง


“ใครทำอะไร…” เขาเอ่ยถาม ผมเม้มปากเบาๆ ไม่แน่ใจว่าพูดไปแล้วเขาจะเชื่อมั้ย แต่พอเห็นแววตาที่มองมาอย่างต้องการคำตอบผมก็เลยเอ่ยปากบอกเสียงพร่า


“Sean… (ฌอณ…)” ผมบอกไปแค่นั้น คิดว่าเขาน่าจะเข้าใจ หมายถึงว่าเข้าใจว่าใครทำรอยนี้กับผม วิคเตอร์ชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ


“อย่าว่าแต่คุณงงเลย ผมเองก็งง ว่าผมไปทำอะไรให้เขา อยู่ๆ เขาก็เข้ามาหาเรื่อง” ผมบอกเสียงอ่อย และไออีกสามสี่ทีส่งท้าย วิคเตอร์ดึงมือออกจากต้นแขนผมแล้วกลับไปนั่งเอนหลังกับพนักเก้าอี้ มองผมอย่างพิจารณา ผมยกมือขึ้นกอดอกไว้ เริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองเปลือยท่อนบนอยู่ วิคเตอร์เหมือนจะจับอาการเคอะเขินของผมได้ก็ยิ้มมุมปากขำๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วหมุนตัวเดินออกไปทางเต้นท์แต่งตัว ผมรีบยกเสื้อยืดขึ้นมาแล้วสวมเสื้อกลับลงไป เป็นจังหวะที่คุณเดวิดเดินกลับมาพร้อมของเต็มมือ


“นี่ น้ำเกลือ ล้างหน้า ล้างจมูกซะ ส่วนนี่เจลเย็น ใช้ทาตรงที่มันพองๆ แดงๆ ตามแขนขาของนาย” ผมยิ้มขอบคุณลุงซานต้าประจำกองถ่าย แล้ววางของเหล่านั้นไว้บนโต๊ะหน้าจอมอนิเตอร์ อย่างแรกคือล้างหน้ากับล้างจมูก แล้วต่อมาผมก็เปิดฝาเจลเย็นที่ไว้ใช้สำหรับทาเวลาเกิดอาการพุพองจากไฟ ผมเริ่มทาที่บริเวณน่องและต้นขาก่อน ตอนทางลงไปผมรู้สึกเย็นจัด แต่มันให้ความรู้สึกสบายตรงที่พองๆ และแดงๆ มาก


 “ถอดเสื้อออก” เสียงของวิคเตอร์ดังขึ้น จนผมต้องเงยหน้าจากน่องขึ้นไปมองเจ้าของเสียง ที่กำลังถือเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาที่ใส่มาเมื่อเช้าอยู่


“ถอดทำไมอ่ะ” ผมถามงงๆ


“เปลี่ยนเสื้อซะ ตัวนั้นเปียกแล้วไม่ใช่รึไง”


“ผมใส่ได้น่า” ผมบอกเสียงอู้อี้ วิคเตอร์ไม่พูดไม่จาอะไรอีก แต่เดินเข้ามาประชิดร่างผม แล้วจัดการดึงเสื้อออกจากตัวผมไปอย่างรวดเร็ว จนผมหน้าเหวอไม่ทันตั้งตัว เขาดึงเจลในมือผมออก แล้วหันไปฝากให้เดวิดถือไว้ ก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังแล้วโน้มตัวลงมาใกล้จนแก้มผมสัมผัสกับหนวดสากๆ ของเขา ห้วงลมหายใจผมสะดุดเล็กน้อย ก่อนที่จะปล่อยให้เขาจับแขนผมยัดเข้าไปในแขนเสื้อทั้งสองข้าง แถมยังอยู่ในท่านั้นตอนติดกระดุมเสื้อให้ด้วย ผมนั่งตัวเกร็ง พร้อมกับอาการวูบวาบในอก


ผมนั่งนิ่งก้มหน้าเงียบๆ ไม่พูดอะไร ปล่อยให้วิคเตอร์ค่อยๆ ติดกระดุมในท่าทางประหลาดๆ ที่เหมือนกำลังโอบกอดผมจากด้านหลังอยู่ ใบหน้าเขายังจ้องอยู่ที่มือตัวเองที่กำลังติดกระดุมเสื้อให้ผม เขาจะรู้ตัวมั้ยว่าการติดกระดุมมันต้องติดข้างหน้านะ ท่าแบบนี้มันไม่ดี…


ไม่ดีต่อการเต้นของหัวใจผม


“เหมือนพ่อแต่งตัวให้ลูกเลยนะ” เดวิดเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขาแล้วยิ้มเจื่อนๆ ก็เป็นจังหวะที่วิคเตอร์ดันใบหน้าเขาออกแล้วเดินอ้อมมานั่งตรงเก้าอี้ตัวเดิม


“เฮ้อ… โชคดีนะที่วิคเตอร์เข้าไปช่วยเธอไว้ได้ทัน ฉันร้องห้ามเธอ แต่เธอนี่วิ่งไวจริงๆ” ผมเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเฝื่อนๆ ไปให้คนพูดที่กำลังยิ้มใจดีมาให้ เดวิดส่ายหัวน้อยๆ เหมือนยอมแพ้กับความไวของผม


“คิดว่าตัวเองเป็นสไปเดอร์แมนรึไง ถึงได้ใจกล้าเข้าไปเล่นกับไฟ” วิคเตอร์เอ่ยอย่างประชดประชัน ผมหันไปมองค้อนเล็กๆ ก่อนจะตอบเสียงประชดเช่นกัน


“เปล่า… เป็นสไปเดอร์เกิร์ล” เดวิดหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ผิดกับวิคเตอร์ที่กำลังทำหน้าขรึม ผมเบะปากเล็กๆ ด้วยความงอน คนอุตส่าห์เป็นห่วง กลัวว่าจะตายในกองไฟ ยังมาทำเสียงและสีหน้าบูดๆ เบี้ยวๆ อีก


“แต่สุดท้ายแมงมุมสาวก็ต้องให้กัปตันอเมริกาไปช่วยไม่ใช่หรอ” เสียงเอ่ยแซวพร้อมรอยยิ้มของเดวิด ทำให้ผมหันไปมองแล้วยิ้มเจื่อนๆ หางตาเหลือบไปเห็นรอยยิ้มเยาะๆ มุมปากของพ่อพระเอก ผมเลยหันไปมองตาขวางแบบงอนๆ


“แถมแม่แมงมุมสาวคนเก่งยังร้องไห้ขี้มูกโป่ง กลายสภาพจากแมงมุมเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟซะงั้น” วิคเตอร์ทับทมอีกระลอก ผมทำหน้าบูด แล้วกอดอกก่อนจะไอค่อกแค่กอีกหนึ่งยก


“แต่แมงเม่าตัวนี้ก็บินเข้ากองไฟทันทีที่รู้ว่านายอยู่ข้างในนะวิคเตอร์” ผมแบะปากมองหน้าคนที่ตัวเองพะว้าพะวงกลัวว่าจะโดนไฟครอกตาย อีกฝ่ายทำเพียงยักไหล่น้อยๆ พร้อมส่งรอยยิ้มกวนๆ มาให้


“แบบนี้ยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้ว่าตัวเขาสติไม่ดีจริงๆ…” ประโยคนั้นทำเอาผมเคืองขึ้นมาทันที ชิ! นี่ผมโง่เองสินะ


“อ้าว… ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ” เดวิดหันไปมองวิคเตอร์อย่างไม่เข้าใจ ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มมาดกวน หน้าตามึนๆ จนผมนึกหมั่นไส้


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมสติไม่ดี เขาเองก็นิสัยไม่ดีแถมยังปากไม่ดีอีก” ผมหันยิ้มน้อยๆ ให้เดวิดที่ยิ้มเหวอๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะหันไปสบตากับคนปากไม่ดีที่กำลังยิ้มเบ้ปากราวกับไม่สะทกสะท้านกับคำพูดนั้น ผมเบะปากใส่อย่างนึกหมั่น เฮอะ!
คิดแล้วก็ทั้งเซ็ง ทั้งนอยด์ ผมเลยลุกขึ้นยืนจนชายเสื้อเชิ้ตคลุมกางเกงขาสั้นมิด ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเหมือนผมใส่กระโปรงสีขาวอยู่ เดวิดส่งเสียงหัวเราะ


“เสื้อตัวใหญ่ หรือเธอตัวเล็กกันแน่เนี่ยแมท”  ผมยิ้มแหะๆ ก่อนจะพยายามดึงชายเสื้อขึ้นมาให้เห็นว่าตัวเองยังใส่กางเกงอยู่ เดวิดเห็นแบบนั้นก็ยิ่งขำ ผมได้แต่ยิ้มยิงฟันแหะๆ ไปกับเขา ก่อนจะหันไปหาวิคเตอร์ที่ทำหน้าเหมือนกลั้นยิ้มอยู่


“ผมขออนุญาตกลับบ้านก่อนได้มั้ย ผมขอกลับไปพักผ่อนหน่อยเถอะ” ผมส่งสายตาขอร้องเล็กๆ ไปให้วิคเตอร์ จะไม่ให้ไปก็ใจร้ายไปละมั้ง


“ไม่อนุญาต”


เออ… มันใจร้ายจริงๆ นั่นแหละ


“กลับพร้อมวิคเตอร์นั่นแหละแมท นี่ก็เลิกกองแล้ว” ผมทำหน้างงๆ


“ไม่ถ่ายต่อหรอครับ”


“โอ๊ย… สภาพนี้ ฝืนไปก็ไม่ได้อะไร เอาไว้กลับมาถ่ายใหม่ดีกว่า” ผมพยักหน้ารับรู้เบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปรับเจลเย็นที่เดวิดยื่นกลับมาให้ แล้วยืนทาเจลที่แขนต่อ เดวิดขอตัวออกไปตรวจดูสภาพของโกดัง เลยเหลือผมกับวิคเตอร์สองคน ผมเหลือบไปมองเขาก็เห็นว่าเขากำลังนั่งมองผมยืนทาเจลอยู่ ผมมองเขาอย่างประหม่า กลอกตามองเขาแว้บไปแว้บมา


 “ไป…”


“วิคเตอร์!” เสียงวิคเตอร์ที่กำลังจะเปล่งออกมาหายไป หลังจากมองผมที่แอบสบตาเขาเป็นระยะ เมื่อถูกเสียงของยัยนาตาชาแทรกเข้ามา พร้อมกับที่เธอวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน


“เธอเป็นยังไงบ้าง” ไม่ว่าเปล่า ยังจับๆ ลูบๆ แขนของวิคเตอร์ด้วย อีกฝ่ายยิ้มกริ่มด้วยความดีใจล่ะมั้งที่อีกฝ่ายเป็นห่วง


“ผมไม่เป็นไร”เขาตอบสีหน้าสบายๆ


“ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่!” เธอบอกเสียงตื่นๆ หน้าตาดูเป็นห่วงจริงๆ คนถูกห่วงยิ้มกว้างก่อนจะจับมืออีกฝ่ายมากุมไว้


“ขอบคุณมาก ที่เป็นห่วง” ผมมองสองคนนั้นที่แสดงวามรักผ่านทางสายตา นั่นไม่ใช่ประเด็น…


แค่แม่นี่บอกว่าเป็นห่วงแทบแย่ ก็ได้รับขอบคุณแล้วสินะ ผมยิ้มขื่นๆ กับความโง่เง่าของตัวเอง ที่นึกห่วงเขาจนต้องวิ่งเข้าไปตามหาอีกฝ่ายในโกดัง ผมเป็นห่วงเขา เพราะผมดูแลเขา กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป กลัวว่าตัวเองจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ มันเป็นความห่วงของคนที่รู้จักกัน แล้วรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแย่ แต่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ เราก็อยากจะทำ เหมือนช่วยเหลือกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


แต่มันคงเป็นน้ำใจอันไร้ค่าที่ผมมอบให้เขา


ทั้งที่คิดว่าไม่เป็นไร แต่พอเห็นแบบนี้ ก็นะ… อดรู้สึกแย่ไม่ได้เหมือนกัน


[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:23:28

ผมผ่อนลมหายใจออกทางจมูก กำลังนึกว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ ผมอยากให้เขาซาบซึ้งรึเปล่า ผมอยากให้เขาประทับใจรึเปล่า บอกตรงๆ ว่าตอนที่วิ่งเข้าไปผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยแม้แต่นิด


ผมทำไปเพราะห่วงเขาจริงๆ ตอนนั้นคิดแค่ว่าถ้าเขาเป็นอะไรไป มันไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมคงรู้สึกแย่ ผมดูแลเขา และผมก็คิดว่าการดูแลเขานั่นหมายถึงทุกๆ เรื่อง นั่นคือหน้าที่ที่ผมต้องทำ


คำว่า ‘ดูแล’ สำหรับผม มันคือการดูแลจริงๆ


ไม่ขอบคุณไม่ว่า แม้แค่นั้นแหละที่ต้องการ แต่ถ้าจะไม่ให้ก็ไม่บังคับ แต่แค่อย่าทำให้รู้สึกแย่กับสิ่งที่เราทำให้เลย
แต่จริงๆ วิคเตอร์ก็ไม่ผิดที่จะเอ่ยขอบคุณผู้หญิงคนนั้น แต่พอคิดว่าทีกับผมกลับด่าว่าสติไม่ดีที่วิ่งเข้าไปในโกดัง มันก็อดรู้สึกเฟลไม่ได้ เหมือนพ่อชมลูกคนโตว่าเรียนเก่ง ทั้งๆ ที่ลูกคนเล็กก็พยายามทำเต็มที่แล้ว แต่กลับไม่ได้รับคำชม


ผมเดินผ่านคู่รักชูชื่นที่กำลังนั่งคุยกันด้วยรอยยิ้ม และน้ำเสียงห่วงใย ปล่อยให้เขาซาบซึ้งกันต่อไป ที่ทำอยู่ตอนนี้ ผมบอกเลยว่าไม่ได้ประชด แต่ก็บอกตรงๆ ว่า… ผมน้อยใจ ตอนแรกไม่คิดอะไรจริงๆ แต่พอได้ยินเขาขอบคุณผู้หญิงคนนั้น มันก็อดน้อยใจไม่ได้


เฮ้อ… ผมก็แค่คนรับใช้ จะไปสู้อะไรกับว่าที่แฟนใหม่เขาได้ล่ะ รายนั้นน่ะแค่ยืนยิ้มสวยๆ เป็นกำลังใจให้ ก็แทบจะได้รับจูบตอบแล้ว นี่ล่ะน้า สถานะอันแตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งสถานะทางเพศ และสถานะที่เป็นสำหรับวิคเตอร์


ผมเดินไอค่อกแค่กมาที่เต้นท์แต่งตัว แล้วจัดการเก็บของตัวเองให้เรียบร้อย พร้อมทั้งยัดเจลเย็นใส่ไปด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอเลยละกันนะ ผมหันไปมองที่เต้นท์หน้าโกดัง สองคนนั้นยังคงนั่งคุยกันด้วยรอยยิ้ม


อาการใจเต้นที่เกิดขึ้นไปเมื่อสายๆ มันมะลายหายไปหมดแล้วล่ะ ที่มันเป็นแบบนั้น มันก็เป็นเพียงเพราะความใกล้ชิดกับผู้ชาย นานๆ ทีผมจะได้ใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนั้น ถึงผมจะชอบผู้ชาย แต่ผมไม่ค่อยได้คลุกคลีกับผู้ชายในลักษณะชวนหวั่นไหวแบบนั้นบ่อยนักหรอก พอเกิดขึ้นทีมันก็เลยเกิดอาการใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานเล่นๆ จะได้ไม่โดนหินปูนเกาะ
ผมยิ้มเยาะกับตัวเองน้อยๆ และละสายตาจากว่าที่คู่รักหวานชื่นนั้น แล้วตัดสินใจจะกลับบ้าน ถ้านั่งรอ ผมคิดว่าผมคงมีสภาพไม่ต่างจากศพคาเต้นท์ ผมหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาและเดินออกจากเต้นท์ ทิ้งคู่รักคู่นั้นไว้เบื้องหลัง อยากสวีทก็เอาให้เต็มที่ แต่ให้ผมมานั่งรอในสภาพร่างกายแบบนี้ ผมไม่เอาด้วยหรอก ตอนนี้รู้สึกเหมือนไข้จะขึ้นด้วย รู้สึกเนืองๆ ชอบกล


ตอนที่จะเดินพ้นจากบริเวณกองถ่ายผมเจอกับไอ้ชอนไชไส้หมากำลังยืนคุยกับทีมงาน มันส่งสายตาเยาะๆ มาที่ผม ผมเลยมองตาขวางกลับ นั่นจึงทำให้มันทำหน้าเหี้ยมและพุ่งตรงมาที่ผม ในระหว่างนั้นผมรีบหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป่าเป้ออกมาไว้เพื่อป้องกันตัว


“แกมองหน้าฉันแบบนั้นหมายความว่าไงวะ” มันถามเสียงกดต่ำ แต่คุกคาม ผมจ้องตากลับ เอาสิ มารอบนี้สติผมดีกว่ารอบที่แล้วนะ


“แล้ว แก ล่ะ มองหน้าฉันแบบนั้นหมายความว่ายังไง” ผมถามเสียงห้วนด้วยความไม่พอใจกลับ และเน้นกระแทกคำว่า YOU ให้มันรู้ว่าผมไม่ได้สื่อจะเรียกมันว่า คุณ


พอผมพูดแบบนั้นมันก็ทำท่าจะเข้ามาเอาเรื่อง แต่ผมยกปากกาหัวแหลมที่เอาออกมาถือไว้ขึ้นมาขู่มันทันที นั่นทำให้อีกฝ่ายชะงักและมองปลายปากกาหัวแหลมที่จ่ออยู่ที่คอหอย


“รอบที่แล้วฉันตั้งตัวไม่ทัน แต่รอบนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ ฉันไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรให้แก แต่ถ้าไม่ชอบฉัน ก็อย่ามายุ่ง อย่ามาใกล้กัน ต่างคนต่างอยู่…” ผมมองตาวาววับอย่างเอาเรื่องกลับไป อีกฝ่ายยิ้มเยาะมุมปาก ผมเลยรีบพูดต่อ


“แกอาจจะคิดว่าฉันไม่มีปัญญาทำอะไรแก แต่อย่าลืมว่าฉันกับแก ต่างก็มีสมอง แกคิดทำร้ายฉันได้ ฉันก็ทำร้ายแกได้เหมือนกัน!” ผมจ่อปลายปากกาเข้าไปใกล้เนื้อที่คอมันมากขึ้น ไอ้ฌอณผงะออกไปเล็กน้อย แต่แววตามันยังเอาเรื่องอยู่ มันเดินถอยห่างออกจากผมไปแต่ไม่วายทิ้งสีหน้าเอาเรื่องไว้


ผมมองตามแผ่นหลังของมันที่เดินกลับเข้าไปด้านในของกองถ่าย ผมรู้ว่ามันไม่จบลงแค่นี้แน่ แต่ผมก็ต้องขู่ไว้ก่อน เรื่องอะไรจะให้มันมาขู่เอาๆ ฝ่ายเดียว ผมไม่ใช่เบี้ยล่างหรือขี้ข้ามันซะหน่อย เป็นขี้ข้าไอ้บ้าวิคเตอร์คนเดียวก็เหนื่อยจะลงหลุมแล้ว ผมพ่นลมหายใจแล้วหมุนตัวเดินออกจากกองถ่ายไปด้วยใจอันหนักอึ้ง


วันนี้เจ็บมาเยอะ โดนมาเยอะเหลือเกิน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ขอกลับไปหลับข้ามวันหน่อยเถอะนะ



   




“แมท…”


เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นใกล้ๆ หู พร้อมกับแรงสะกิดเบาๆ ที่หัวไหล่ ผมลืมตาอย่างงัวเงีย รู้สึกเปลือกตาหนักๆ แต่ก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาจนได้ ค่อยๆ ปรับรับกับภาพในห้องนอนของตัวเอง แสงไฟจากด้านนอกลอดเข้ามาทางบานกระจกระเบียงที่ไม่ได้ปิดผ้าม่านไว้ ผมหันไปมองคนเรียกก็พบว่าเป็นบาสที่นั่งอยู่ขอบเตียง ผมงงๆ ที่เห็นเขา


“มีอะไรเหรอ” ผมถามมึนๆ ทั้งเพราะง่วงและฤทธิ์ยาแก้แพ้กับแก้ไข้ที่กินเข้าไปตอนกลับมาถึงบ้าน ดวงตาหรี่ปรือเหมือนคนอยากจะหลับต่อ


“มีคนมาหาแมทอ่ะ” บาสว่าแล้วส่งรอยยิ้มมาให้ ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงง มองคนมาตามตาปรือ


“ใครหรอ” ผมถามพลางหาวปากกว้างพร้อมส่งเสียง ฮ้าว! ดังๆ จนน้ำตาซึมที่ขอบตา บาสยักไหล่ก่อนตอบ


“เขาบอกเขาเป็นเจ้านายแมท” ผมชะงัก หาวที่สองที่กำลังจะอ้าปาก เกิดอาการค้างปากหวอ ก่อนจะค่อยๆ เบิกตาโตๆ แล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที


“เจ้านายหรอ?!” ผมถามเสียงหลงด้วยความตกใจ เจ้านาย รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าเจ้านายที่ว่านั่นคือใคร แต่ที่ตกใจคือ เขาตามมาที่นี่เนี่ยนะ มาได้ไง?


“เออดิ เนี่ย… เขารออยู่ข้างล่าง กำลังนั่งคุยกับป้าเมอยู่” ผมพยักหัวหงึกๆ เอามือเกาหัวแกรกๆ ด้วยความงงนิดๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่ในหัว ผมเขยิบตัวทำท่าจะลงจากเตียง บาสเลยลุกขึ้นยืนหลบให้


“บาสกลับมานานแล้วหรอ” ผมถามในจังหวะที่เหวี่ยงขาทั้งสองข้างลงจากเตียง ก่อนจะยืนขึ้นทั้งสภาพเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งนั่น


“ก็นานแล้วเหมือนกัน” บาสตอบ ก่อนจะก้มลงมองที่ชายเสื้อเชิ้ตที่มันคลุมร่างผมเป็นกระโปรงอยู่ ผมมองตามสายตาอีกฝ่าย คงกำลังคิดอยู่สินะว่าผมเตี้ยหรือเสื้อตัวใหญ่


“แมท…” บาสละสายตาจากตรงนั้นขึ้นมามองหน้าผมที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นกลับไปมองหน้าเขาด้วยแววตาและหน้าตาเหลอหลา อีกฝ่ายกำลังมองด้วยสายตามีแววล้อๆ ก่อนจะยิ้มพรายแล้วตอบ


“แม่งโคตรยั่งเลยว่ะ” แล้วบาสก็หัวเราะชอบอกชอบใจ ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าเหวอเป็นอีเหวิ่ง ก่อนจะหัวเราะตามเขาเบาๆ อย่างเอ๋อๆ แต่พอตั้งสติได้ก็เลยรับมุขเขาซะเลย


“ยั่วแล้วอยากมั้ยคะพี่บาส” ผมแกล้งส่งสายตาปิ๊งๆ ไปให้ อีกฝ่ายยิ้มชอบใจ ก่อนจะเอามือมาจับแก้มผมแล้วดึงเบาๆ


“อยากสิจ๊ะ ถ้าน้องแมทให้ พี่บาสก็เอา” ผมแสร้งทำตาโต ปากจู๋ แล้วเอาไหล่กระแซะๆ อีกฝ่าย ก่อนจะผละตัวออกแล้วหัวเราะ แล้วเอ่ยชวนเขาลงไปข้างล่าง ก่อนที่จะได้เอากันขึ้นมาจริงๆ อ๊ะ! ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ผมไม่ได้อยากเอาบาสนะ


เอ่อ… ยิ่งพูดยิ่งส่อความต้องการ


ตอนนี้บาสขี้เล่น พูดเก่ง ขึ้นเยอะมาก ผมว่าจริงๆ นี่คือนิสัยเขาแหละ เพียงแต่วันแรกที่เราเจอกัน มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมานั่งเปิดเผยนิสัยใส่กันอ่ะนะ เทียบกันระหว่างบาสกับเอิร์ท ผมว่าบาสมีเสน่ห์ก็ตรงนิสัยขี้เล่น ขี้หยอกเขานี่ล่ะ ส่วนเอิร์ท รายนั้นออกจะนิ่งไปหน่อย จริงๆ ไม่นิ่งมากหรอก แต่เวลาผมเจอ ชอบเห็นใบหน้าเขาคิดเยอะๆ ตลอดเลย แต่ล่าสุดที่จูบ… เอ่อ นั่นแหละ ผมว่าเอิร์ทก็เริ่มดูผ่อนคลายมากขึ้น


“อ้าว คุณเอมิลี่” ผมเอ่ยออกไปอย่างแปลกใจเมื่อเดินลงมาถึงข้างล่างแล้วพบกับคนที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเจอ คุณเอมิลี่หันมายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรเช่นเคย เธอกำลังนั่งพูดคุยกับป้าแมร์รี่ที่โซนนั่งเล่นของบ้าน


“ฉันมารับเธอ” หลังจากมองหน้าผมที่ทำสีหน้างงๆ เธอก็พูดขึ้น แต่นั่นทำให้ผมงงและสงสัยเข้าไปอีก


“รับไปไหนครับ”


“อย่าเพิ่งถามเลยนะ ไปกับฉันก่อนเถอะ” เธอยิ้มเรียบๆ มาให้ ผมยกมือเกาหัวยุ่งๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ


“แต่นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะครับ เขายังต้องไปทำงานอีกหรอ” บาสถามด้วยความสงสัย เอมิลี่มองบาสแล้วยิ้ม


“ไม่ได้พาไปทำงานหรอก” ทั้งบาสและผมเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าคุณเอมิลี่ เธอก็ยังเอาแต่ยิ้มอย่างใจดีก่อนจะลุกขึ้นยืนเป็นสัญญาณว่าจะออกไปแล้ว


“เอ่อ… ขอผมไปเอากระเป๋าก่อนนะครับ” คุณเอมิลี่พยักหน้า ผมหมุนตัวแล้วรีบเดินขึ้นไปเอากระเป๋าเป้ที่อยู่บนห้อง

   





ผมนั่งอยู่บนรถกับคุณเอมิลี่ ตอนนี้รถของเธออยู่บนสะพานบรู๊คลินกำลังจะแล่นข้ามไปฝั่งแมนฮัทตัน หลังจากหยิบกระเป๋าเป้แล้วลงมาเราสองคนก็ออกมาจากบ้านเลย ผมได้ทันหันไปส่งยิ้มให้บาสและป้าแมร์รี่นิดหน่อย ก่อนจะเผอิญเจอกับเอิร์ทและเหล่าชะนีน้อยที่อยู่ร่วมบ้านด้วยกัน กลุ่มที่เคยกะลิ้มกะเหลี่ยเอิร์ทนั่นแหละ พวกนั้นเพิ่งกลับมากำลังเดินเข้ามาในบ้าน ผมมองหน้าเขาอย่างอิหลักอิเหลื่อ ส่วนอีกฝ่ายทำหน้ายิ้มๆ แต่ก่อนที่จะได้อ้าปากพูดอะไรกัน คุณเอมิลี่ก็รีบหันมาเร่งให้ผมได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้เอิร์ทเท่านั้น


จากบ้านป้าแมร์รี่ ตอนนี้เราสองคนก็นั่งมาได้สักพัก คุณเอมิลี่ก็ยังไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติม


“เรากำลังจะไปไหนกันครับ” ผมตัดสินใจเอ่ยถามทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นมาครู่ใหญ่ๆ


“ไปบ้านวิคเตอร์” คราวนี้ผมมองหน้าคนพูดงงๆ เอมิลี่ยิ้มก่อนจะตอบ


“เขาโทรไปเล่าให้ฉันฟังเรื่องวันนี้แล้วล่ะ” เธอบอกแล้วยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน “ขอบใจเธอมากนะ ที่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเขา
ทั้งๆ ที่ก็เกือบเอาตัวเองไม่รอด”


“ผมทำไปเพราะผมมีหน้าที่ดูแลเขานี่ครับ” ผมตอบไปตามความจริง


“ฉันถึงรู้สึกดีใจที่ฉันคิดไม่ผิดที่ให้เธอมาทำงานนี้... “ เธอเว้นช่วงแล้วถอนหายใจเบาๆ “…ถ้าเป็นฉัน ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจะกล้าเข้าไปในกองไฟรึเปล่า แต่เธอ… เข้าไปทั้งที่อาจจะตายก็ได้” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ


“ขอบใจเธอมากนะแมท” เอ่ยพร้อมรอยยิ้มอันจริงใจ สีหน้าของอีกฝ่ายที่แสดงออกมา ผมรับรู้ได้ว่าเธอขอบคุณตามที่บอกจริงๆ  ผมยิ้มตอบกลับไปพร้อมผงกหัวรับเบาๆ


“ผมรับคำสั่งมาแล้วนี่ครับ”


“และเธอก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก” เราสองคนยิ้มให้กัน ผมยกมือเกาแก้มแก้เขินกับคำชมที่ได้รับ


“แล้วทำไมผมจะต้องไปบ้านเขาอีกล่ะครับ เขามีอะไรอีกรึเปล่า” คราวนี้คุณเอมิลี่ถอนหายใจอย่างหนักเหมือนออกอาการเอือมๆ ไม่น้อย


“ไปถึงแล้วเธอสองคนก็เคลียร์กันเองเถอะนะ” ผมย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


“แล้วทำไมเขาไม่มารับผมเองล่ะครับ” คุณเอมิลี่ส่ายหัวน้อยๆ แต่ก็มีรอยยิ้ม เหมือนจะเป็นรอยยิ้มขำๆ


“รายนั้นก็โกรธที่เธอหนีกลับมาก่อนน่ะสิ” ผมทำหน้ามุ่ยทันที ก็ตัวเองมัวแต่นั่งจู๋จี๋อี๋อ๋อกับว่าที่แฟนไม่ใช่รึไงล่ะ ให้ผมนั่งรอจนกลายเป็นศพอืดหรอ คนที่ควรโกรธน่ะคือผมมากกว่า


“อย่าถือสาวิคเตอร์เลยนะ บางทีเขาอาจจะอารมณ์แปลกๆ ไปบ้าง” เอมิลี่เหมือนจะจับสีหน้าไม่พอใจของผมได้เลยพูดขึ้นมา


“ไม่ใช่แค่บางทีหรอกครับ ผมว่าเขาเป็นทุกที ทุกที่ด้วย” คนฟังหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะว่าต่อ


“เธอต้องเข้าใจเขานะ สภาวะอารมณ์ของเขามันยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา มันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและอารมณ์ของเขามาก” ประโยคนั้นทำให้ผมนิ่ง มึนงง กับสิ่งที่ได้ยิน และก็รู้สึกสนใจ หรืออีกนัยผมว่าผมกำลังอยากเผือก


“หมายความว่ายังไงหรอครับ” คุณเอมิลี่ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย ก่อนจะตอบ


“วิคเตอร์เสียคนที่เขารักไปสามคนในเวลาไล่เลี่ยกัน…” ผมรู้สึกตึ้บๆ ที่ขมับแปลกๆ เกิดคำถามในใจว่าอะไร ยังไง? สามคนเลยหรอ? สูญเสียอะไรถึงสามคน อ้อ… ผมนึกขึ้นได้ หนึ่งในนั้นคือแม่เขา


“หนึ่งในสามคือแม่เขาใช่มั้ยครับ” เอมิลี่ยิ้มนิดๆ อย่างแปลกใจ


“เขาคงเล่าให้เธอฟังสินะ”


“เปล่าหรอกครับ ผมหลอกถามเขามากกว่า” คนขับรถหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะว่าต่อ


“แต่ก็ถือว่าเขายังเล่าล่ะนะ ซึ่งจริงๆ วิคเตอร์ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย แม้กระทั่งเวลาให้สัมภาษณ์ เขาเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจตลอดเวลา แต่จริงๆ ฉันไม่อยากให้เขาทำแบบนั้นหรอก เพราะฉันว่า ยิ่งเก็บ ยิ่งเจ็บ แล้วมันก็ทำร้ายจิตใจเขา…”


“แต่เขาก็ดูปกติดีนี่ครับ ผมหมายถึงว่าดูไม่รู้เลยว่าเขา เอ่อ… เสียใจ”


“เราอาจจะเห็นว่าคนๆ นึง ภายนอกดูปกติ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าภายในเขาเป็นยังไง…” เธอหันมายิ้มน้อยๆ ให้กับผม แล้วเลิกคิ้วขึ้น


“…จริงมั้ย?” ผมเม้มปากเบาๆ แล้วละสายตาไปมองถนนที่กำลังพาเข้าสู่ตัวเมืองแมนฮัทตัน ที่ตอนนี้ไฟจากตึกต่างๆ ส่องแสงระยิบระยับเหมือนดวงดาว เกิดความเงียบขึ้นอีกชั่วขณะหนึ่งในระหว่างที่ผมกำลังนึกถึงใบหน้าเคร่งขรึม ดูทะมึน และดูโหดด้วยซ้ำในบางที


“ผมว่าเขาดูเหมือนคนเจ้าอารมณ์ แข็งกระด้าง ขี้รำคาญ ปิดกั้นตัวเอง แล้วก็… ชอบทำหน้าตาโหดๆ”  ผมบอกอย่างปั้นปึ่งเล็กๆ คุณเอมิลี่ยิ้ม ทำสีหน้าเหมือนกำลังนึกอะไรอยู่ ก่อนจะว่าต่อ


“ถ้าถามฉันนะ… ฉันว่านั่นอาจจะเป็นเกราะที่เขาสร้างขึ้นมาก็ได้ล่ะมั้ง…” ผมหันไปยิ้มอย่างงๆ ให้กับคนพูดประโยคนั้น


“…วิคเตอร์เป็นคนอ่อนโยนมากนะ ถ้าเธอได้รู้จัก นี่! อย่าเพิ่งทำหน้าแขยงแบบนั้นสิ” คุณเอมิลี่หัวเราะเสียงดัง เมื่อเห็นผมทำหน้าเหมือนเห็นของน่าเกลียดน่ากลัวตอนที่เธอพูดว่าวิคเตอร์เป็น คนอ่อนโยน


“ฉันพูดจริงๆ นะ ตอนที่ฉันรู้จักเขาแรกๆ วิคเตอร์ไม่ใช่แบบนี้หรอก คนล่ะคนเลยล่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะต่างกันมาก เพียงแต่ไม่ได้หยาบกระด้าง หรือดูก้าวร้าวแบบที่เธอเจอทุกวันหรอก” คุณเอมิลี่เว้นช่วงเปิดไฟเลี้ยวเพื่อเลี้ยวไปตามเส้นทางที่จะมุ่งหน้าสู่เซ็นทรัลปาร์ค


“ผมว่าเหมือนเขาจะเป็นกับผมคนเดียวมากกว่า ผมเห็นกับคนอื่นเขาก็ดูปกติ แล้วก็ดูปกติสุดๆ กับนาตาชา” ผมกอดอกแล้วแบะปากอย่างนึกงอน คนฟังขำพรืด ก่อนจะว่า


“ฉันก็หวังว่านาตาชาจะได้รับรอยยิ้มจากเขาไปนานๆ นะ…” ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด


โอ๊ย! พอเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนนี้ทีไร ทำไมมันถึงเข้าใจยากนัก


“เขาเป็นคนซับซ้อนหรอครับ” คุณเอมิลี่ไหวไหล่น้อยๆ ส่ายหัวเบาๆ เหมือนไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ผมเลยได้นั่งเงียบๆ สายตาหันไปมองตึกสูงในเมืองแมนฮัทตัน


“คนที่สูญเสียคนที่ตัวเองรักมากที่สุดในชีวิตไปในเวลาใกล้ๆ กัน เธอคิดว่าจะมีสภาพเป็นยังไง” จู่ๆ หลังจากเงียบกันไป คุณเอมิลี่ก็เอ่ยถามคำถามนั้นขึ้นมา ผมนิ่งคิดสักพักก่อนจะตอบ


“คง… คงเคว้งคว้าง เหมือนอยู่คนเดียว…”


“วิคเตอร์ไม่ได้เสียแค่คนที่เขารัก แต่เขาเสียสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเขาไปด้วย เมื่อมันหายไปติดๆ กัน เขาก็เป็นอย่างที่เธอบอก เคว้งคว้าง สับสน เหมือนคนหลงทาง…” แล้วคำพูดประโยคหนึ่งที่คุณเอมิลี่เคยพูดกับผมไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ก็ดังก้องขึ้นมาในหัว
วิคเตอร์สูญเสียจนเกือบเสียคน


แบบนี้ใช่รึเปล่านะ?


 “ทุกวันนี้ เขาก็ยังปรับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หมายถึงว่า ปรับได้ แต่อาจไม่ดีนัก แต่ก็ถือว่าดีกว่าเมื่อสองสามปีก่อน ตอนนั้นถ้าเธอมาเจอเขาล่ะก็ เธอจะรู้สึกเหมือนอยู่กับซอมบี้ มีร่างกาย แต่วิญญาณหลุดลอยไปไหนก็ไม่รู้”


“แต่เขาก็ยังมีพ่อ และก็ เอ่อ… แม่เลี้ยงไม่ใช่หรอครับ” คุณเอมิลี่หันมาเลิกคิ้วเหมือนจะประหลาดใจ แต่ก็ไม่ถามว่าผมรู้ได้ยังไง


“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้หรอก สิ่งที่ฉันบอกเธอ ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ จะพูดมากกว่า พูดเพื่อให้ทุกคนหยุดถาม ฉันไม่รู้อะไรไปมากกว่านี้ แม้กระทั่งว่าเขาสูญเสียใครไปยังไง ฉันรู้แต่ว่าเขาสูญเสีย…” คุณเอมิลี่ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อ


“…สภาพเขาในตอนนั้น มันแย่มากๆ เลยล่ะ” ผมรู้สึกใจกระตุกวูบ นึกสภาพย่ำแย่ของผู้ชายคนนั้นไม่ออก แต่สีหน้าและแววตาของคุณเอมิลี่ก็น่าจะบอกได้ดีว่ามันคงแย่มากจริงๆ


 “แล้วเพื่อนฝูงเขาล่ะครับ เขาต้องมีเพื่อนฝูงที่คอยอยู่เป็นกำลังใจบ้างสิ”


“มีสิ เธอเห็นเขาแบบนั้น แต่เขาก็มีเพื่อนนะ เพียงแต่… เธอนึกออกมั้ย กำลังใจจากเพื่อน ไม่เหมือนกำลังใจจากคนที่เรารักหรอก แล้วเมื่อคนที่คอยอยู่ให้กำลังใจเรามาตลอด มาจากเราไป เธอจะเอาจากที่ไหนอีกล่ะ” ผมนั่งนิ่ง ข้อมูลที่ได้รู้มาแล่นไปแล่นมาในหัว นึกถึงตัวเองที่ยังมีพ่อกับแม่อยู่ครบ แล้วก็ใจแป้ว ผมไม่ค่อยจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเท่าไหร่กับพ่อกับแม่ แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีพวกเขาคอยเป็นกำลังใจสำคัญในชีวิตอยู่


“ที่ฉันเล่าให้เธอฟัง ไม่ได้ต้องการให้เธอไปสงสารเขา แค่อยากจะให้เธอเข้าใจว่าบางทีที่เขาดูเหมือนคนขึ้นๆ ลงๆ เพราะสภาวะจิตใจเขาค่อนข้างแปรปรวนง่าย เหมือนหินผาที่เคยมั่นคง แต่วันนึงโดนระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันเริ่มกร่อน และแตกเป็นชิ้นเล็กๆ แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้เข้มแข็งไว้เสมอ มันเลยทำให้บางทีเขาดูเข้าถึงยาก…” รถของคุณเอมิลี่จอดตรงหน้าบ้านวิคเตอร์ในบรรยากาศกลางคืนที่เงียบสงัด แสงไฟจากทาวน์เฮ้าส์สีขาวแต่ล่ะหลังส่องแสงวิบวับ


“มันเหมือนคนสองขั้วในคนๆ เดียวกัน ฉันว่าบางทีเขาเองก็ยังรับมือกับตัวเองไม่ไหว” คุณเอมิลี่หันมาเอ่ยต่อตอนที่ดับเครื่องยนต์


“ผมว่าเขาเหมือนคนมีกำแพงกั้นตัวเองจากคนภายนอกเลย” ผมพูดตามที่ตัวเองรู้สึกบ้าง คุณเอมิลี่ทำหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“พูดแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอก คงเพราะเกราะที่เขาพยายามสร้างขึ้นมาเพื่อดูแลตัวเองในยามที่ไม่มีใครล่ะมั้ง เลยทำให้ดูมีกำแพงกั้นตัวเขากับคนภายนอกไว้”ผมทำหน้านิ่วน้อยๆ ก่อนจะว่าเสียงขุ่นๆ


“ช่างเป็นคนที่แปลกประหลาด…” คุณเอมิลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ


“แมท… บางทีเราไม่ได้เป็นเขา เราก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาเจอมันหนักหนาสำหรับเขาแค่ไหน…” ผมกระพริบตามองอีกฝ่าย คำพูดนั้นทำให้ผมสะกิดใจตัวเอง


จริงสิ… คนเราชอบตัดสินปัญหาคนอื่นด้วยความคิดตัวเราเอง บางทีเรามองว่ามันเล็กน้อย แต่สำหรับคนที่เขาเจอปัญหานั้นๆ มันอาจจะหนักหนาสาหัสสำหรับเขาก็ได้ สำหรับผมอาจจะมองว่าสิ่งที่วิคเตอร์เจอมันดูเบา ไม่หนักเท่าไหร่ คนอื่นมีปัญหาหนักกว่าเขาตั้งเยอะ


แต่ใครจะไปรู้… การสูญเสียคนที่เขารักไปถึงสามคน ในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกมันไล่เลี่ยกันขนาดไหน มันอาจจะกระทบกระเทือนจิตใจเขาอย่างมหันต์ เพราะเมื่อคนที่เรารักที่สุดจากไป ใครบ้างล่ะจะไม่ทุกข์ใจ แค่คนเดียวยังว่าแย่แล้ว ทำใจตั้งนาน แต่นี่จากไปตั้งสามคน คงไม่แปลกถ้าเขาจะเสียใจนานจนปรับอารมณ์ตัวเองได้ยาก


ผมว่าตอนนี้เหมือนวิคเตอร์กำลังจมอยู่กับอดีต กับความเสียใจ เขายังไม่ปล่อยวาง มันเลยทำให้เขาเหมือนอยู่ในด้านมืดของชีวิต


“คุยกันดีๆ ล่ะ นี่ฉันยังแปลกใจ ว่าไปรับลูกน้องมาเคลียร์กับเจ้านาย หรือไปรับแฟนสาวมาเคลียร์กับแฟนหนุ่มกันแน่” คุณเอมิลี่ว่าติดตลกพร้อมเสียงหัวเราะ ผมอ้าปากพะงาบๆ และกระพริบตาปริบๆ กับประโยคนั้น


“ฉันล้อเล่น เข้าไปหาเขาเถอะ” ผมยิ้มเจื่อนๆ แล้วพยักหน้านิดหน่อย ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ ตอนปิดประตูผมก้มลงไปโบกมือลาคุณเอมิลี่ที่โบกมือตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะสตาร์ทรถแล้วขับรถออกไป ผมหันไปมองประตูไม้สีน้ำตาลแก่ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินขึ้นบันไดไป หยิบกุญแจออกมาไขแล้วเปิดเข้าไปในบ้านก่อนจะปิดประตูตามหลัง ผมกวาดตามองไปรอบๆ ในห้องครัวเปิดไฟจากโคมไฟรูปร่างเหมือนฝาชีที่ห้อยอยู่กลางห้อง


ที่ห้องนั่งเล่นมืดสนิท แต่มีไฟจากบันไดที่นำขึ้นไปชั้นสองส่องสว่างนำทางอยู่บ้าง ผมเดินไปอย่างเก้ๆ กังๆ พยายามมองหาเจ้าของบ้าน แต่ดูท่าจะไม่อยู่


ผมเลยตัดสินใจเดินไปเปิดประตูบ้านอีกครั้ง แล้วออกมานั่งรอเขาที่บันไดหน้าบ้าน ที่ๆ ผมเคยนั่งหลับนั่นแหละ ไม่กล้าเสี่ยงนั่งรอในบ้าน เดี๋ยวลงมาจะมาด่าผมอีกว่าวุ่นวาย กับผู้ชายคนนี้ เดานิสัย เดาอารมณ์ยากจนทำให้นึกระแวงไปหมด
ผมนั่งจับๆ ดมๆ ดอกกุหลาบที่แทบจะเกี่ยวพันราวเหล็กบันไดทั้งสองฝั่งของบันไดหน้าบ้าน แล้วก็เกิดไอเดียว่า ทิ้งไว้ก็เสียเปล่า เลยคิดจะตัดไปใส่แจกัญให้เขาแล้วตั้งโชว์ไว้ในบ้านเขา


ผมนั่งมองๆ ดอกกุหลาบสีแดงสดทั้งสองฝั่ง ดูๆ ว่าดอกไหนน่าเอาไปปักแจกันบ้าง แล้วก็พบว่ามันสวยแทบทุกดอก แบบนี้ก็ตัดไปใส่ให้เกือบหมดเลยแล้วกัน แต่เอ๊ะ! ผมว่ามันจะกลายเป็นว่าผมจุ้นจ้านน่ะสิ ไม่เอาดีกว่า หยุดความคิดนั้นไว้ เดี๋ยวจะโดนด่าฟรีๆ อีก


กริ๊ก~


เสียงเปิดประตูที่ด้านหลังทำให้ผมเอี้ยวตัวไปมอง ประตูเปิดกว้างขึ้น แล้วเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดเสื้อยืดเนื้อนิ่มสีขาวและกางเกงขายาวสีเทาเนื้อนุ่ม พร้อมนอน กำลังยืนมองหน้าผมอยู่ ผมขยับตัวไม่แน่ใจว่าต้องลุกขึ้นยืนรับเสด็จเขามั้ย แต่สักพักเขาก็เดินออกมาข้างนอกแล้วปิดประตูตามหลัง ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆ ผม


[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:27:03

ผมมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบหลบสายตาเมื่อเขาหันมามอง ผมทำเป็นมองถนน ต้นไม้ริมถนน และแสงไฟจากเสาไฟไปเรื่อย มองรถหรูๆ มากมายที่จอดอยู่หน้าทาวน์เฮ้าส์แต่ล่ะหลัง แสงไฟสีเหลืองอมส้มจากสองข้างบานประตูบ้านสาดส่องมาที่ร่างของเราสองคน เสียงรถราวิ่งแว่วได้ยินมาจากที่ไกลๆ คงจะเป็นแถวๆ เซ็นทรัลปาร์คล่ะมั้ง


“นายหนีกลับก่อนทำไม” เขาเอ่ยถามเสียงห้วน แฝงความไม่พอใจเอาไว้ ผมเม้มปากเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเขาที่กำลังมองผมอยู่ด้วยใบหน้าขึงตึง


“แล้วคุณกลับกี่โมงล่ะครับ” ผมเอ่ยถามกลับบ้าง อีกฝ่ายชะงักไปนิดหนึ่ง นั่นทำให้ผมรู้ว่ากว่าเขาจะกลับนั่นคืออีกนาน  ผมยิ้มเอือมๆ ก่อนจะว่าต่อ


“ถ้าผมรอคุณ จากที่ผมได้นอนพักผ่อนสบายๆ บนเตียง ผมคงต้องนอนหลังขดหลังแข็งบนเก้าอี้ที่เต้นท์กองถ่าย คุณคิดว่าผมจะเลือกอะไรล่ะครับ” ผมบอกแล้วยิ้มบางเฉียบ แต่แววตาแฝงความประชดไว้เต็มที่


“แต่ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่อนุญาตให้นายกลับก่อน” แหนะ… ยังจะมีหน้ามาทวงคำสั่งของตัวเอง ผมทำเสียงจิ๊ที่ปาก มองพ่อหน้าหล่อเข้มแต่แววตาละมุนที่กำลังมองกลับมาเหมือนไม่พอใจ


“คุณจะให้ผมอยู่ทำอะไรครับ รอคุณนั่งคุยกับแฟนคุณงั้นหรอ ทั้งๆ ที่คุณก็เห็นสภาพผมแล้ว” ผมอดใจสั่นไม่ได้ เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น คนอะไรจะใจร้ายได้ขนาดนี้ สภาพอืดพองไปทั้งแขนทั้งขายังจะให้มานั่งรออีก


“เขายังไม่ใช่แฟนฉัน” อีกฝ่ายตอบกลับมาเรียบๆ ผมก็ตอบกลับไปเรียบๆ เหมือนกัน


“แต่เดี๋ยวก็เป็น” ผมเบือนหน้าหนีเขา มองไปยังทาวน์เฮ้าส์ฝั่งตรงข้ามที่กำลังมีผู้หญิงและผู้ชายเดินจับมือและส่งยิ้มให้กันผ่านไป อีกไม่นานคนข้างๆ ผมก็คงอยู่ในโมเม้นต์นั้นกับยัยนาตาชาหน้าเหลี่ยมนั่น


“ผมก็รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าคุณเป็นคนใจดำ แต่การที่จะให้ผมมานั่งรอคุณสวีตหวานกับแฟน ทั้งที่ผมกำลังแย่… แบบนั้น… มันก็เกินไปหน่อยมั้ยครับ” ผมว่าทั้งๆ ที่ยังมองข้างหน้าต่อไป ไม่ได้หันไปมองเขา ลมเย็นๆ พัดผ่านผิวจนต้องเอามือลูบแขนที่โดนไฟลวกเบาๆ


“ปากนายนี่มันประชดประชันเก่งจริงๆ นะ” เสียงฮึ่มๆ จากลำคอเหมือนจะขุ่นเคืองกับคำจิกกัดของผมดังขึ้น ผมเหลือบตาไปมองแวบเดียวเท่านั้น แล้วก็หันกลับไปมองด้านหน้าต่อ


“คุณเรียกผมมา มีอะไรครับ ผมบอกตรงๆ ว่าผมอยากพักผ่อน ถ้าเรียกมาเพื่อทะเลาะ ผมขอเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ย” ผมบอกเสียงเอื่อย หน้าตาเบื่อนิดๆ นี่เรียกมาทำอะไร เรียกมาโดนด่า โดนว่าอีกตามเคย


“ถ้าผมขัดคำสั่งคุณ ผมขอโทษก็แล้วกัน…” รู้ตัวอีกทีว่าขอบตาร้อนผ่าวก็ตอนที่หันไปมองหน้าคนข้างๆ ที่กำลังมองมานิ่งๆ


“…ถ้ามันร้ายแรงมาก คุณไล่ผมออกก็ได้นะ ผมยอมแพ้คุณแล้วก็ได้ ถ้าเรื่องที่ผมหนีกลับก่อนมันทำให้คุณโกรธ ไม่พอใจมาก ผมยอมก็ได้” ภาพตรงหน้าพร่าเบลอเมื่อน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา ผมกลอกตามองขึ้นข้างบน พยายามประคับประครองไม่ให้มันหยดแหมะออกมา อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ผมตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วบอกเสียงสั่นๆ โดยไม่หันไปมองหน้าเขา


“ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอกลับบ้านไปพักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมจะรีบมาแต่เช้า” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ผมเลยถือว่าเขาอนุญาตแล้ว เลยก้าวเดินลงบันไดบ้านเขาไป


แต่พอเดินไปได้แค่ก้าวสองก้าวแขนขวาผมก็ถูกดึงไว้ พร้อมแรงบีบที่ข้อมือเบาๆ ผมหันไปมองทั้งที่ยังรู้สึกว่าตาแดง จากการกลั้นน้ำตา คนจับมือผมไว้มองเหมือนไม่รู้สึกรู้สา แต่แววตาที่มองมาก็ดูอ่อนลง


“เข้าไปในบ้าน” ผมไม่ตอบอะไร ไม่มีแรงจะโต้ตอบ เลยเดินตามแรงที่คนตัวโตจูงผมเดินขึ้นบันไดแล้วเดินผ่านประตูบ้านที่เขาเปิดเมื่อกี้นี้ ผมกลับเข้ามายืนในบ้านเขาอีกครั้ง เจ้าของบ้านปิดประตูตามหลัง ก่อนจะจูงผมเดินไปที่บันได แล้วพาผมเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ผมมองคนที่เดินนำผมอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะงงเข้าไปอีกเมื่อเขากำลังเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง


“คะ…คุณเรย์มอนด์” ผมเอ่ยตะกุกตะกัก สมองไม่ได้คิดอะไรไม่ดีหรอก แต่กำลังแปลกใจว่าคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว และหวงห้องนอนอย่างเขา ทำไมถึงพาผมมาที่นี่


“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ” เขาบอกหลังจากปิดประตูตามหลัง ผมเดินเข้ามาอยู่ในห้องนอนเขาที่ตอนแรกผมมองว่ามันคือสไตล์วินเทจ แต่จริงๆ สไตล์นี้เขาเรียกว่าสไตล์อเมริกันคันทรี่จะเหมาะกว่า แต่ห้องก็ผสมความโมเดิร์นอย่าลงตัว แสงไฟสีส้มนวลๆ ชวนให้ห้องดูอบอุ่นน่านอนอย่างมาก ผมมองเจ้าของห้องอย่างไม่มั่นใจ


“ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน”


“เข้าไปอาบเถอะน่า” เขาบอกออกจะติดรำคาญเล็กน้อย ผมย่นคิ้วน้อยๆ


“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นะ ผมกลับไปอาบ…”


“ขอร้องล่ะ จะไม่เถียง ไม่ต่อปากต่อคำ กับฉันสักครั้งได้มั้ย” เขาบอกอย่างจนใจ หน้าตาดูอ่อนอกอ่อนใจเหลือเกิน ผมกระพริบตาปริบๆ มองเขา ก่อนจะพยักหน้า แล้วถอดกระเป๋าเป้ออก ก่อนจะมองหาที่วาง แต่เจ้าของห้องนอนคว้าไปถือไว้


“ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำ มีแปรงสีฟันอันใหม่อยู่ที่ลิ้นชักอ่างล้างหน้า จัดการตัวเองให้เรียบร้อย” ผมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพยักหน้ารับคำสั่งเขา ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางห้องน้ำ และแน่ล่ะ เขาก็ยังไม่ทิ้งลายคนชอบบงการอยู่ดี


“สิบนาทีนะ!” ผมอดกลอกตาไม่ได้ ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินเร็วๆ เข้าไปในห้องน้ำ


ผมถอดเสื้อผ้าออก พลางสำรวจห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำทรงกลมอยู่บนแท่นยกสูงที่มีบันไดสองขั้นสำหรับเดินขึ้นไป ห้องสำหรับอาบน้ำขนาดใหญ่ มีกระจกใสๆ แต่ดูแข็งแรงกั้นแยกส่วนเอาไว้ อ่างล่างหน้าก็กว้างใหญ่มาก แบบว่าเอาคนสี่คนมายืนแปรงฟันด้วยกันได้ โซนชักโครกอยู่ใกล้ๆ กับห้องอาบน้ำ แต่ก็แบ่งกั้นฉากด้วยกำแพงอิฐสูงมิดหัวผม แต่ถ้าเป็นวิคเตอร์คงอยู่ระดับอกเขา
จริงๆ ผมก็เข้ามาบ่อยนะ แต่มักจะเข้ามาเตรียมของต่างๆ ไว้ให้คุณชายแกมากกว่า วันนี้มีบุญได้ใช้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมตรงเข้าห้องอาบน้ำ แล้วจัดการล้างหน้า สระผม ก่อนจะเลือกครีมอาบน้ำกลิ่นน้ำนมที่ใกล้เคียงกับกลิ่นที่ผมใช้ที่สุดมาชโลมทั่วตัวแล้วถูจนเกิดฟอง


ยามที่ฟองน้ำถูตัวแล่นผ่านบริเวณผิวพองแดง ผมสะดุ้งตัวโยน เพราะรู้สึกแสบและเจ็บ แต่ไม่มีเวลามายืนอ้อยอิ่งนานมากนัก เดี๋ยวเกินสิบนาทีแล้วอาจมีระเบิดลงได้ ผมรีบล้างครีมอาบน้ำที่เป็นฟองทั่วตัวออก ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาซับๆ หน้า เช็ดผม และเช็ดตัว ผมยังไม่ได้แปรงฟันเลยเดินไปที่อ่างล้างหน้าแล้วหยิบแปรงสีฟันอันใหม่จากลิ้นชักใต้อ่างล่างหน้ามาหนึ่งอัน ก่อนจะใช้มันทำหน้าที่ขจัดสิ่งสกปรกในช่องปาก เมื่อใช้เสร็จ ผมก็เสียบแปรงสีฟันไว้ในแก้วข้างๆ แปรงสีฟันอีกอันของวิคเตอร์


ปังๆ!!!


“นี่มันสิบสองนาทีแล้วนะ เสร็จรึยัง!” เสียงทุบประตูตามมาด้วยเสียงตะโกนถามจนผมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบหันรีหันขวาง คว้าผ้าคลุมอาบน้ำขึ้นมาใส่ แล้วเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่คล้องคอไว้ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู ก็พบกับคนหน้ามุ่ย


“เอ้านี่ เสื้อผ้า เปลี่ยนซะ” เขายื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่และตัวใหม่มาให้ พร้อมกับส่งกางเกงบ็อกเซอร์สีเทามาให้ด้วย ผมรับไว้โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะถูกจับที่ต้นไหล่ เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะบีบแรงแต่มันดันสะเทือนรอยที่โดนไอ้ฌอณบีบ


“โอ๊ย!” ผมร้องออกมาเป็นภาษาไทย วิคเตอร์ชะงัก แม้จะฟังไม่ออก แต่คงเดาจากสีหน้าผมได้ว่าเจ็บ เขาคลายแรงบีบลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับเบาๆ แล้วพาเดินไปที่โซฟาสีแดงตัวยาวและกว้างขวางที่อยู่ปลายเตียง


“ใส่เสื้อผ้าซะ” ผมหน้าเหวอ


“หา!” ผมร้องเสียงหลง เมื่อเขายืนจ้อง แล้วยักคิ้วเป็นเชิงย้ำคำสั่งเมื่อกี้


“เปลี่ยนตรงนี้เลยหรอ?!”


“ตรงนี้และตอนนี้!” เขาบอกเสียงหนักแน่น ผมเบิกตากว้าง คิ้วขมวดเข้าหากัน เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เลยถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะหมุนตัวหนีไปอีกทาง


“นี่นายเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชาย หรือเป็นผู้หญิงกันแน่เนี่ย” เขาว่าน้ำเสียงหงุดหงิด หน้าตาก็คงหงุดหงิดไม่ต่างจากเสียงล่ะมั้งนั่น


“จริงๆ อยากเป็นอย่างหลังมากกว่า” ผมว่าอย่างติดตลกแล้วยิ้มกริ่ม


“ยังจะเล่นอีก เร็วๆ!” ผมสะดุ้ง หุบยิ้มทันที ก่อนจะรีบถอดเสื้อคลุมแล้วจัดการใส่เสื้อกับกางเกงที่เขาให้มา เห็นแล้วก็ต้องตาปรือกับตัวเอง แบบนี้ไม่ต้องใส่บ็อกเซอร์ก็ได้มั้ง คลุมขนาดนี้


“เสร็จแล้วครับ” ผมบอกเมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อย อีกฝ่ายหันมาแล้วชะงักไปนิดหนึ่ง แต่อย่าได้คิดว่าเขาชะงักเพราะมันดูยั่วหรือดูน่ารักอะไรทำนองนั้นนะ เพราะคำพูดที่ตามมานั่น…


“ฉันว่าฉันหาเสื้อให้นายใส่นะ ทำไมกลายเป็นกระโปรง”


มันช่างน่าเอาผ้าขนหนูฟาดหัวจริงๆ


ผมหน้างอนิดๆ อีกฝ่ายยิ้มมุมปาก ก่อนจะชี้ไปที่โซฟาปลายเตียงเป็นการบอกให้ผมนั่งลง ผมก็เดินไปนั่งแต่โดยดี วิคเตอร์เดินไปหยิบอะไรบางอย่างจากโต๊ะที่เขาชอบนั่งทานข้าว ก่อนจะกลับมานั่งข้างๆ เขาหยิบผ้าขนหนูกับผ้าคลุมกองไว้ที่พื้น


“เฮ้ย… กองไว้ที่พื้นทำไม มันสกปรก”


“ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวนายก็ต้องซักอยู่แล้ว” โอ๊ะ… โอ่…


ผมทำหน้ายู่ วิคเตอร์ไม่พูดอะไรต่อ แต่จับให้ผมหันไปนั่งตรงๆ ต่อหน้าเขา ก่อนที่เขาจะจับแขนซ้ายผมไป พับแขนเสื้อไปกองไว้ที่ข้อศอก เขามองแผลแดงๆ ที่โดนไฟลวกก่อนจะหยิบหลอดยาอะไรสักอย่างขึ้นมา บิดเปิดฝาก่อนจะบีบลงบนแขนผม
ผมมองการกระทำนั้นอย่างเอ๋อๆ เขาใช้มือทาครีมเย็นๆ ที่บีบทิ้งไว้บนแขนผมอย่างเบามือ ทาวนๆ สลับกับออกแรงนวดเบาๆ หน้าผมร้อนวูบวาบเมื่อเริ่มรู้สึกได้ว่าห้องมันเงียบขนาดไหน มีเพียงลมหายใจของเราสองคน และเราสองคนก็นั่งใกล้กันเหลือเกิน


“ไหนพลิกขาที่มันพองมาซิ” เขาบอกเสียงทุ้ม ผมสะดุดจากภวังค์เล็กๆ ของตัวเอง ก่อนจะกระเถิบห่างออกจากเขานิดหน่อย เอามือสองข้างยันพื้นโซฟาเนื้อนุ่มไว้ ขาซ้ายนั่งขัดสมาธิ ยื่นขาขวาออกไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ปลายเท้าโดนอีกฝ่ายในท่างอขานิดๆ ก่อนจะพลิกขาด้านนอกให้เขาเห็นรอยแดง ที่น่องด้านนอก


“มีที่ต้นขาอีกรึเปล่า” ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะดึงชายเสื้อเชิ้ตขึ้น พร้อมกับเลิกบ็อกเซอร์ขึ้นไปอีกนิด วิคเตอร์ส่งสายตามองรอยแดงๆ พองๆ ผมเม้มปาก ใบหน้าร้อนวาบ ก็ท่าที่นั่งอยู่ตอนนี้มันก็ใช่ย่อยนะ


ยืดขาแต่งอเข่าไว้นิดหน่อย แล้วเอียงเล็กน้อย มือยันพื้นโซฟา อกแอ่นนิดๆ นี่ถ้าเป็นผู้หญิง วิคเตอร์คงกระโจนเข้าใส่ไปแล้ว
วิคเตอร์ส่งฝ่ามือใหญ่ของเขามาลูบๆ ที่รอยแดงตรงต้นขาของผม เล่นเอาผมแทบหายใจไม่เป็นจังหวะ มือเขาลูบเบาๆ แต่ส่งผลต่อขนที่ต้นคอผมมาก มันลุกชันด้วยความหวิว ใบหน้าก็ร้อนจัดจนคิดว่ายาแก้ไข้ที่กินไปมันไม่ได้ผลรึเปล่า ผมเลยได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย เขาถอนมือที่ลูบๆ อยู่ออกไป นั่นทำให้ผมถึงกับผ่อนลมหายใจออกช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นตามปกติ แล้วก็ได้เห็นว่าอีกฝ่ายที่กำลังจะเอาครีมในมือมาทาให้ผม ชะงักไป



ผมได้แต่กระพริบตามองคนตัวใหญ่กว่าตัวเองที่กำลังจ้องมองผมเหมือนกำลังงงอะไรในตัวผมสักอย่าง มือที่กำลังจะเอาครีมมาทาค้างกลางอากาศ คิ้วเข้มแต่ไม่หนาจนเกินไปย่นเข้าหากันเล็กน้อย ใบหน้าเรียวสวยที่ช่วงคางไม่แหลมจนเกินไป  กำลังขบแน่นจนเห็นลายเส้นสันกรามด้านข้าง เขาเม้มปาก ใบหน้าอันมีเนื้อหนังหน้าที่ดีนั่นกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง ผมตาโตขึ้นนิดๆ แล้วกลอกตาไปซ้ายขวา เหมือนมองหาอะไรก็ได้ที่จะมาทำลายบรรยากาศเงียบๆ แสงไฟสีส้มนวลๆ แบบนี้


ไม่ดี แบบนี้ไม่ดีเลยจริงๆ ใจเต้นจนปวดผนังอกไปหมดแล้ว


และเหมือนอีกฝ่ายจะได้สติ เขาสั่นหัวนิดหน่อย ก่อนจะยื่นมือมาป้ายครีมตรงต้นขา แต่คราวนี้มันดูรีบๆ ลวกๆ ก่อนจะผละไปที่น่องที่มีรอยแดงอีกที่


“นายคิดว่าฉันจะเอาตัวไม่รอดขนาดนั้นเลยหรอ ถึงได้คิดสั้นวิ่งเข้าไปในโกดัง” ผมงงนิดหน่อยเมื่อจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา เพราะมัวแต่กำลังอึนกับบรรยากาศรอบตัว พอคลำสติเจอก็เลยตอบกลับไป


“เปล่าครับ ตอนนั้น… ผมกลัวแค่ว่าคุณจะเป็นอันตราย ผมเลยวิ่งเข้าไป” คนฟังถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะบีบครีมเพิ่มแล้วทาลงไปที่รอยแดงๆ รอบๆ น่อง


“นายเห็นฉันเป็นคนไม่มีสมองรึไง นายคิดจริงๆ หรอว่าฉันจะอยู่ให้ไฟไหม้ตัวเองตาย”


“ก็… ก็… เผื่อคุณพลาด” วิคเตอร์ลูบน่องผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน


ฮือออ… อย่าสิ ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว


“ฉันถึงว่านายสติไม่ดีไง คนอะไรวิ่งเข้าไปหาไฟ”


“ก็คนที่เป็นห่วงคุณไง…” ผมบอกอย่างซื่อๆ อีกฝ่ายชะงักไป ก่อนจะละมือออกจากน่องขาผม แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาแป๋วของผมที่กำลังมองเขาแบบไม่ปิดบัง


“ผมเป็นห่วงคุณ ตอนนั้นผมคิดแค่นี้จริงๆ ไม่ได้จะทำตัวเป็นฮีโร่หรืออะไร แต่ผมเห็นคุณยังไม่ออกมา ผมก็ใจไม่ดี ผมกลัวคุณสลบอยู่ที่ไหนสักแห่งของโกดังแล้วไม่มีใครรู้ ไม่มีใครไปช่วย” ผมชักขาตัวเองกลับแล้วเหวี่ยงเท้าลงไปที่พื้นทั้งสองข้าง กลับมานั่งห้อยขาจากโซฟาในท่าปกติ


“แต่สิ่งที่นายไม่รู้ ก็คือ โกดังมันมีทางออกข้างหลัง พอไฟมาข้างหน้า นายคิดว่าฉันจะวิ่งฝ่าเปลวไฟกลับออกไปรึไง” ผมอ้าปากหวอ หันไปมองคนพูดที่กำลังทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย


สรุป… ตูโง่สินะ


“ก็… ใครจะไปรู้…” ผมบอกเสียงอู้อี้ขึ้นจมูก แล้วทำปากยื่นเหมือนเป็ด อีกฝ่ายถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะเอื้อมมือเขามาดึงมือของผมทั้งสองข้างไป แล้วบีบครีมเย็นๆ นั่นลงฝ่ามือทั้งสองข้าง ก่อนจะนวดอย่างเบามือ ความอุ่นแล่นจากฝ่ามือขึ้นมาตามแขนและส่งผลให้ใบหน้าร้อนวูบวาบ


ขนแขนแสตนด์อัพ แสตนด์อัพ~ สแตนด์อัพ~  สตนด์อัพ~  ใกล้เธอทีไรล่ะขนแขนแสตนนนนด์อัพพพ~~


เมื่อกี้ตอนลูบที่ต้นขากับน่อง เล่นเอาขนที่ต้นคอลุกชันจนกลายเป็นหนังเป็ด ตอนนี้ลูบมือด้วยความละมุนละไม มันทำให้ใจเต้นทุ้มๆ เหมือนเมื่อเช้า แถมยังทำเอาขนแขนลุกพรึบ ผมนั่งก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา ไม่กล้าเงยหน้าคนที่กำลังจับมือผมบีบเบาๆ


“Matt… (แมท…)” ผมชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่เบิกกว้างแล้วมองเขาอย่างงงๆ


เขาเรียกชื่อผม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อผม ไม่ใช่ชื่อประหลาดๆ ที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อด่าผมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา


“Y…yes… (คะ… ครับ…)” ผมตอบตะกุกตะกัก ลมหายใจเริ่มสูดเข้าสูดออกไม่เป็นปกติ รับรู้ถึงอาการใจเต้นที่มันกระแทกผนังอกซ้ายจนรู้สึกตึบๆ


วิคเตอร์จับมือผมไว้ทั้งที่ยังนวดและบีบเบาๆ สายตาที่เขามองมาดูไม่แข็งกระด้าง ใบหน้านั้นดูอ่อนโยน ไม่เคร่งครัด เคร่งขรึมหรือทำหน้าโหดแบบที่ชอบทำ


“Thank you. (ขอบคุณนะ)” สำเนียงบริทิชที่ผมชอบ ครั้งนี้ดูจะเพราะขึ้นเป็นล้านเท่า เสียงทุ้มนุ่มนั้นเอ่ยออกมาอย่างน่าฟัง แม้จะไม่มีรอยยิ้มใดๆ ส่งมา แต่แค่แววตาและใบหน้าอันอ่อนโยนแบบที่ผมไม่เคยได้รับนั้น…


ก็เพียงพอแล้ว… แค่นี้ก็ดีใจแล้ว…


ผมยิ้มกว้างตอบกลับไปด้วยความดีใจ แววตาต้องเป็นประกายไปแล้วแน่ๆ นี่มันครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆ ที่เขาเรียกชื่อผม ครั้งแรกที่เขาเอ่ยชื่อผมออกมาจากกลีบปากสีแดงหม่นๆ ของเขา


“Not at all. (ไม่เป็นไรครับ)” ผมตอบกลับไป ลืมความน้อยใจ ความเสียใจใดๆ ก่อนหน้านี้ที่มีทั้งหมด แค่นี้มันก็ทำให้ผมอุ่นหัวใจมากแล้วจริงๆ


วิคเตอร์ปล่อยมือผมลงช้าๆ พร้อมกับยักคิ้วขวามาให้หนึ่งที ก่อนจะส่งรอยยิ้มที่มุมปากมาให้เล็กน้อย ผมเอามือมาวางไว้บนตักโดยหงายหลังมือวางไว้เพราะหน้ามือเพิ่งทาครีมเย็นแก้อาการพุพองของเขามา


“เดี๋ยวจะหาว่าฉันใจดำอีก” ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วแอบชำเลืองมองเขา อีกฝ่ายส่งยาในฝ่ามือมาให้สองเม็ด


“อ้าปาก…” ผมอ้าปากตามที่เขาสั่งอย่างว่าง่าย ตอนนี้ถ้าเอายาพิษให้ผมกินผมก็คงตายแบบโง่ๆ นี่ล่ะ แต่คิดว่ายาที่เขาให้กินน่าจะเป็นยาแก้ไข้ แก้หวัด และลดน้ำมูกมากกว่า ผมอมยาเข้าไป ก่อนจะรับน้ำในแก้วที่วิคเตอร์ส่งมาให้เนื่องด้วยมือผมยังไม่สะดวกหยิบจับอะไรเอง วิคเตอร์ดึงแก้วน้ำออกจากปากแล้ววางไว้บนพนักโซฟา


“ขอบคุณครับ…” ผมเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยิ้มตอบกลับมาหรอก แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำหน้าดุ หน้าโหดล่ะนะ


“…เอ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอกลับก่อน…”


“นอนที่นี่แหละ” ผมมองเขาตาโตทันที แค่ที่ทำให้นี่ก็ใจดีละนะ นี่ยังจะให้นอนที่นี่อีกเหรอ ชั่วโมงนี้มาแปลกวุ้ย


“มันดึกแล้ว ฉันขี้เกียจขับรถไปส่ง แล้วนายก็อยู่ในชุดนอน คงไม่คิดจะขึ้นรถไฟกลับสภาพนี้หรอกนะ” เขาบอกเมื่อเห็นผมทำหน้าตา อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ให้อึ้งได้ไงล่ะ นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ อิมพอสสิเบิ้ลมากๆ


“ทำไม? แปลกขนาดนั้นเลยรึไง เรียก เวิร์ด เรคคอร์ด มาบันทึกไว้เลยมั้ยล่ะ” เขายิ้มมุมปากอย่างขบขัน ก่อนจะลุกขึ้นยืน หยิบของออกจากโซฟาไปวางที่โต๊ะใกล้หน้าต่างกับระเบียง ผมมองตามร่างสูงโปร่งหน้าของอีกฝ่าย แล้วถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ


“คุณแน่ใจหรอครับ ว่าผมนอนได้” อีกฝ่ายหันมาหลังจากวางของเสร็จ ใบหน้านิ่งไปหน่อยก่อนจะตอบ


“ฉันพูดแบบไหนก็แบบนั้นล่ะ…” แล้วใบหน้าเขาก็กลับมาเครียดตามเดิมอีกแล้ว “…แต่นายนอนโซฟาข้างล่างได้มั้ย” เขาบอกอย่างอึดอัดใจ ผมมองเขาตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ


“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ผมบอกอย่างจริงใจ อีกฝ่ายดูจะเครียดอยู่ไม่น้อย ทำให้ผมนึกถึงคำพูดคุณเอมิลี่
เขาคงไม่ชินล่ะมั้ง กำแพงที่เขามีในใจ มันคงกำลังทำหน้าที่กั้นคนอื่นออกจากตัวเองอยู่


“โทษที ฉันชินกับความเป็นส่วนตัวมากกว่า…” เขาบอกสีหน้าขรึม น้ำเสียงอ่อนลงแบบคนเศร้า แต่ผมก็งงๆ นะ ทำเหมือนไม่เคยมีใครมานอนด้วยงั้นแหละ ชะนีพวกนั้นไง โหนเสาเตียงสี่เสาจนหักไปหลายรอบแล้วมั้ง แต่ก็นะ นั่นชะนี นี่เก้ง
แต่ผมก็ไม่กล้าถามหรอก บรรยากาศกำลังดี เรื่องอะไรจะทำลายล่ะ


“หรือนายจะไปนอนที่ห้องของไมเคิลกับฟอกซ์มั้ยล่ะ อยู่ห้องถัดไปนี่เอง”


โอเค… ถึงผมไม่ทำลาย ไอ้บ้านี่ก็ทำลายอยู่ดี


หมดมู้ด หมดฟีลดีๆ หมด ผมทำหน้าเบ้ อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ ผมลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะออกจากห้องนอน แต่ก็เดินไปเอาเสื้อผ้าในห้องน้ำออกมา ก่อนจะจะกลับมาหยิบกระเป๋าเป้


“หมอน ผ้าห่ม นายหยิบจากห้องซักรีดได้เลย” ผมยิ้มนิดๆ แล้วพยักหน้าหลายที ก่อนจะพาร่างตัวเองออกจากห้องนอนอันกว้างขวางของเจ้าของบ้าน เพื่อลงไปยังที่นอนของตัวเอง


คิดอีกที… ผมคงไม่ได้หูเพี้ยนใช่มั้ย? ไม่ใช่ว่าผมฟังเพลงมากไปจนแก้วหูอักเสบหรอกนะ…


อืมมม… แต่ดูท่าทางจะไม่เพี้ยน เพราะรอยยิ้มที่ปากผมมันตอบคำถามนั้นได้ดีเชียวล่ะ


[อ่านตอนต่อไปที่ด้านล่างได้เลยค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:34:35
CHAPTER 9 :: Would you like to eat banana for breakfast?




ผมรู้สึกว่าแสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่ในห้องนั่งเล่นของบ้านที่เมื่อคืนไม่ได้ปิดม่านบังเอาไว้ แต่ด้วยความเหนื่อยเมื่อยล้าที่ดูท่าจะสะสมทำให้ผมยังคงนอนงัวเงียอยู่บนโซฟาสีขาวตัวใหญ่ยักษ์ ที่แทบจะเป็นเตียงได้ เครื่องปรับอากาศยังคงส่งลมเย็นสบายในอุณหภูมิที่พอเหมาะไปรอบห้อง นั่นยิ่งทำให้น่านอนต่อเหลือเกิน


แผลบๆ


เสียงอะไรสักอย่างและความรู้สึกแฉะชื้นที่ข้อเท้า ทำให้ผมย่นคิ้วหน่อยๆ ก่อนจะชักเท้าหนีด้วยความรำคาญ ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ย่นไปเมื่อกี้ เสียงและความชื้นเงียบหายไปสักพัก ก่อนที่เสียงอื่นจะตามมา


โฮ่ง!!!


ผมแอบสะดุ้งเล็กๆ แต่ก็ยังไม่ได้เปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเองขึ้นมามอง เสียงเหมือนหมาเห่า แล้วสติที่เลือนรางก็รับรู้ว่าหมาที่จะเห่าในบ้านหลังนี้ได้ก็แค่ตัวเดียวเท่านั้น


โฮ่ง!! โฮ่ง!!


เหมียว~  เหมียว ~


คราวนี้ไม่ได้มาแค่เสียงหมาแต่มาพร้อมเสียงแมว และมันก็ผสมปนเปกันไปหมด ผมเลยถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองเพดานของห้องที่มีไฟชานนาเรียขนาดกลางห้อยต่องแต่งอยู่ แต่ตั้งแต่ผมเข้าออกบ้านนี้ ยังไม่เคยเห็นมันถูกเปิดใช้เลยสักครั้ง มีแต่ใช้ไฟที่ติดรอบๆ ผนังห้องมากกว่า


โฮ่ง!! เหมียว~ โฮ่ง!! เหมียว~ เฮี้ยววว~


เสียงเจ้าสองพี่น้องตีกันมั่ว  จนผมได้ยินว่ามันผสมปนเปกันไปหมด ผมยกหลังมือมาขยี้ตาทั้งสองข้างแล้วอ้าปากหาวกว้างอีกรอบ ก่อนจะหันหน้าไปมองเจ้าสองตัวทั้งที่ยังนอนอยู่


“What’s up, bro!? (ว่าไงไอ้น้อง)” ไมเคิลหูลู่ลง หน้าตาดูดีใจที่ผมตื่นแล้ว หางพวงๆ ของมันก็สะบัดไปมาด้วยความตื่นเต้น จนผมอดยกยิ้มขำไม่ได้ ผมดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง เจ้าฟอกซ์เลยกระโดดขึ้นมานั่งบนตักผมแล้วเอาหัวมาดุนๆ ที่มือ ผมยิ้มแล้วยกมือลูบหัวมันเบาๆ


โฮ่ง!!


เจ้าไมเคิลส่งเสียงอีกครั้งทำให้ผมหันไปมอง มันโบกหากสะบัดไปมาจนตูดสั่น ผมยิ้ม ก่อนจะมองไปทางบันไดที่พาไปสู่ชั้นสอง มองสำรวจไปรอบๆ บ้านเพื่อหาวี่แววของเจ้าของเจ้าสองตัวนี้


“เจ้านายแกยังไม่ตื่นหรือว่าไง” ผมถามแล้วมองหน้าไมเคิลที่เอียงคอมองหน้าผมเหมือนงงๆ มันส่งเสียงหงิงๆ ในลำคอ ผมอุ้มเจ้าฟอกซ์ตัวอ้วนลงไปวางบนพื้นห้องก่อนจะเลื่อนตัวเองออกจากผ้านวมสีขาว เดินออกจากห้องนั่งเล่นของบ้านไปทางห้องครัวโดยมีเจ้าสองตัวนั้นเดินตามมา


ผมหยิบอาหารของเจ้าสองตัวนี้ออกมาแล้วจัดการเทใส่ถ้วยอาหารของทั้งสองตัว เจาฟอกซ์จัดการอาหารของมันทันทีที่ผมเลื่อนถาดอาหารให้ แต่เจ้าไมเคิลกลับแหงนหน้ามองหน้าผม ไม่ก้มกินอาหาร


“มีอะไรรึเปล่าไมเคิล” ผมถามด้วยสีหน้างงๆ ปกติมันก็ต้องพุ่งตัวเข้ากินแล้วสิ แต่นี่มันยังนั่งมองหน้าผมราวกับจะบอกอะไร


“ทำไมไม่กินล่ะ” ผมเลื่อนถ้วยใส่อาหารของมันไปใกล้ขึ้น แต่มันกลับเดินถอยหลังแบบอุ้ยอ้าย จนผมย่นคิ้วด้วยความแปลกใจ เจ้าโกลเด้นตัวใหญ่หมุนตัวเดินเตาะแตะออกไปจากห้องครัว ผมมองตามอย่างงงๆ แล้วสักพักมันก็วกกลับมา แล้วเอียงคอมองหน้าผม ก่อนจะส่งเสียง


โฮ่ง!!


ผมเลิกคิ้วมองเจ้าหมาขนสีทองน้ำตาลที่มองกลับมาราวกับจะบอกอะไรสักอย่าง มันหมุนตัวเดินออกไปอีกรอบ ผมยกมือเกาหัวตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ


อะไรของมันวะ แล้วนี่ผมกำลังพยายามสื่อสารกับหมาอยู่เนี่ยนะ จะเข้าใจกันได้มั้ย


ขณะที่ผมกำลังใช้ความคิด เจ้าไมเคิลก็ย้อนกลับมาอีกรอบ มามองหน้าผมพร้อมโบกหางไปมา ตอนนั้นผมเริ่มรับรู้ว่าเหมือนมันต้องการให้เดินตามมันไป ผมเลยวางกล่องอาหารของไมเคิลไว้บนโต๊ะหินอ่อนตัวใหญ่ในห้องครัว แล้วเดินตามเจ้าหมาอารมณ์ดีที่ออกแรงวิ่งอย่างกระตือรือร้นราวกับดีใจที่ผมเข้าใจมันเสียที  ผมเดินตาไมเคิลที่วิ่งขึ้นบันไดบ้านไป


พอขึ้นมาชั้นสอง ผมก็เห็นเจ้าไมเคิลนั่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของเจ้านายมัน ผมเดินตามไปหยุดอยู่ข้างๆ มันที่กำลังนั่งลิ้นห้อย แล้วแหงนหน้าเอียงคอมามองผม


“เจ้านายแกหลับอยู่ อย่าไปรบกวนเขาเลย” ผมบอกเมื่อเห็นหน้าตา ท่าทางและสายตาของมันที่เหมือนพยายามจะบอกให้ผมทำอะไร มันส่งเสียงเห่าใส่ประตูห้องนอน ผมเลยหันไปมองรอบๆ ชั้นสองที่เป็นชั้นห้องนอนของวิคเตอร์ และมีห้องอีกสามสี่ห้องที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้สำรวจ ก่อนที่สายตาจะไปป๊ะกับนาฬิกาติดผนังทรงกลมสีขาวขนากใหญ่ที่หน้าปัดบอกเวลาเป็นแบบดิจิตอล


7.40


ผมขมวดคิ้ว สำหรับวิคเตอร์เวลานี้น่าจะสายแล้ว เพราะดูท่าทางเขาจะเป็นคนตื่นเช้า ก็ดูได้จากที่ชอบโทรมาจิกผมตั้งแต่หกโมงเช้าบ้าง เจ็ดโมงเช้าบ้าง ผมหันกลับไปมองเจ้าไมเคิลที่นั่งอยู่ที่เดิมและยังคงมองหน้าผมราวกับจะบอกว่าเปิดประตูให้มันไปปลุกเจ้านายของมันหน่อย


“แกเข้าไปคนเดียวนะ ฉันไม่ได้รับอนุญาต” ผมบอกเจ้าหมาขนนิ่มเสียงเบา มันโบกหางเหมือนรับรู้ ผมเลยจับลูกบิดของประตูก่อนจะผลักเปิดกว้างเพื่อเปิดทางให้ไมเคิลเข้าไป


ทันทีที่ผมเปิดประตู เจ้าไมเคิลก็เดินพรวดเข้าไปในห้องทันที ผมค่อยๆ ดึงประตูปิด แต่ยังไม่ทันที่ประตูจะปิดสนิท เจ้าไมเคิลก็วิ่งกลับมาหน้าตาดูตื่นๆ ก่อนจะเห่าใส่ผมรัวๆ


โฮ่ง!! โฮ่ง!! โฮ่ง!!


ผมทำปากจู๋แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปาก เป็นสัญลักษณ์บอกให้มันหยุด เพื่อไม่ให้มันส่งเสียงดังรบกวนคนขี้หงุดหงิดที่กำลังนอนอยู่ เดี๋ยวตื่นมาเห็นผมมายุ่มย่ามที่ห้องนอนตัวเอง พาลจะอาละวาดใส่ผมเข้าให้


“เงียบๆ สิ ไมเคิล เดี๋ยวเจ้านายแกก็ตื่นมาด่าฉันหรอก” ผมบอกเสียงเบาแต่ก็ลงเสียงหนัก เพื่อย้ำให้เจ้าหมายักษ์นี่รู้ว่ามันกำลังจะทำให้ผมซวย ไมเคิลยอมหยุดเห่า นั่นทำให้ผมโล่งใจ แต่แค่แปบเดียวเท่านั้นล่ะ เพราะไมเคิลงับเข้าที่ข้อมือผมเบาๆ แล้วพยายามลากผมเข้าไปในห้องนอนของเจ้านายมัน เล่นเอาผมหน้าตื่น เสียววาบที่อก


“ไม่ๆ ไมเคิล ฉันไม่เข้าไป!” ผมบอกเสียงเบาอย่างตื่นตระหนก พยายามดึงมือตัวเองออก แต่เจ้าไมเคิลไม่ยอม ยังคงงับข้อมือผมไว้แล้วก็พยายามเดินถอยหลังอย่างต้วมเตี้ยม ผมสั่นหัว หน้าตาหวาดๆ ว่าไม่เอา ถึงเมื่อคืนเขาจะใจดีกับผม แต่ใครจะรับประกันว่าเช้านี้เขาจะเหมือนเดิม อารมณ์ของเขาในแต่ล่ะวันเหมือนกันที่ไหน ขึ้นๆ ลงๆ จนผมงงและตามไม่ทัน


ผมถูกดึงเข้ามาในห้องนอนของวิคเตอร์จนได้ เนื่องด้วยเพราะไม่กล้ากระชากมือตัวเองออจากปากไมเคิล กลัวว่าจะเลือดไหลเพราะโดนเขี้ยวคมๆ ของเจ้าหมา


“ไมเคิล!” ผมกระซิบเสียงเข้ม จ้องตาดุใส่มัน จนเจ้าหมายักษ์ยอมคลายปากที่งับข้อมือผมไว้ออก ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะละสายตาไปมองที่เตียงว่าเจ้าของห้องยังคงหลับอยู่แน่ๆ หรือเปล่า แต่ภาพที่ผมเห็นทำเอาผมขมวดคิ้วฉับ
สีหน้าของเขากำลังดูเจ็บปวด ทุรนทุราย ใบหน้านิ่วคิ้วขมวด เขากำมือแน่น ยกแหวกว่ายไปมากลางอากาศเหมือนกับกำลังต่อสู้หรือป้องกันตัวจากอะไรสักอย่าง  ลมหายใจเขาฟึดฟัด ใบหน้าสะบัดไปมา จนผมใจกระตุกวูบ


ผมเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนขนาดใหญ่ของเขา มองเขาด้วยความไม่เข้าใจและความเป็นห่วง สีหน้าเขาดูทรมาน ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อแม้ลมเย็นๆ ของเครื่องปรับอากาซจะสาดไปทั่วห้องก็ตาม


“คุณเรย์มอนด์” ผมเรียกเขา น้ำเสียงไม่ดังไม่เบาจนเกินไป แต่อีกฝ่ายหลับตาแน่น ยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเอง เหมือนคนกำลังจะโดนทำร้าย ผมเห็นแบบนั้นก็ตกใจ


“วิคเตอร์!!” ผมเริ่มตะโกนเรียกชื่อเขา เพื่อให้เขาตื่นจากฝันร้ายที่ผมไม่รู้ว่าเขากำลังฝันถึงเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนเขาจะจมลึกกับมัน ผมเอื้อมมือไปจับมือเขา พยายามจับข้อมือของเขาไว้ เพื่อให้เขาหยุดดิ้น แต่คนตัวใหญ่ที่แรงยิ่งกว่าหมีควายสะบัดมือผมออกอย่างแรง ดีที่ผมไม่โดนลูกหลงหมัดของอีกฝ่าย ผมใจหายวาบ แต่เห็นสีหน้าเขาแล้วก็อดห่วงไม่ได้ เลยเสี่ยงอีกรอบโดยการออกแรงคว้าข้อมือทั้งสองข้างของเขาไว้ ผมเกือบตัวปลิวตอนที่เขาทำท่าจะสะบัดแขนทั้งสองข้างอีกรอบ แต่คราวนี้ผมออกแรงยื้อไว้เต็มที่ ยังไงคนนอนหลับกับคนที่ตื่นแล้วพร้อมสติเต็มร้อย แรงมันต้องต่างกันบ้างล่ะน่า ถึงแม้ในเวลาปกติ เขาจะแรงเยอะกว่าผม แต่ตอนนี้สติเขาเลือนรางคงไม่มีแรงมากเท่าไหร่


มือเขายังคงพยายามสะบัดไปมา แต่ผมนั่งข้างๆ เตียงแล้วจับแขนเขาไว้แน่น ผมก้มลงไปใกล้เขา เหงื่อผุดเต็มหน้า ใบหน้าเกร็งแน่น คิ้วขมวดอย่างแน่นหนา ผมตัดสินใจเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างนุ่มทุ้ม


“Victor… Victor… It’s okay… Wake up… there’s nothing. (วิคเตอร์… วิคเตอร์… ไม่เป็นอะไรแล้ว… คุณตื่นสิ… มันไม่มีอะไรหรอก)” ผมบอกเขาอย่างใจเย็น เสียงทุ้มสม่ำเสมอ ราวกับปลอบประโลมเด็กคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ แต่เด็กคนนี้ตัวใหญ่จังแฮะ ผมแอบยิ้มน้อยๆ กับความคิดของตัวเอง


แล้วเหมือนเสียงนั้นจะทำให้เขาดูหายใจเบาลงและช้าลง ใบหน้าค่อยๆ ผ่อนคลาย คิ้วที่ขมวดเป็นปมแน่น ค่อยๆ ขยับห่างออกจากกัน ใบหน้าที่ตอนแรกเกร็งจนดูน่าปวดแทนค่อยๆ คลายความเครียดลง มือที่ผมจับอยู่ค่อยๆ อ่อนลงเช่นกัน จากตอนแรกที่เกร็งจนข้อขาว


ผมรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย ตอนแรกที่เขาเกร็งไปทุกส่วนแบบนั้น ผมเองก็ยังรู้สึกเกร็งตาม ลมหายใจของวิคเตอร์ค่อยๆ ปรับจนเข้าสู่สภาวะปกติ ใบหน้ากลับมาดูดีเหมือนเดิม ไม่บิดเบี้ยวอีกแล้ว แต่ใบหน้าเรียวคมมีเหงื่อเกาะเต็มไปหมด


ผมเห็นว่าเขาดูสงบลงแล้ว เลยค่อยๆ คลายมือที่กำข้อมือเขาไว้แน่นออก ก่อนจะวางมือเขาไว้บนแผ่นอกกว้าง แน่นและหนาของเขาอย่างเบามือเพื่อจะได้ไม่รบกวนให้เขาตื่น ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเท้าเบาๆ ไปยังห้องน้ำ ผ่านเจ้าไมเคิลที่นั่งเอาเท้าหน้าชันพื้นอยู่ ผมยิ้มแล้วยกมือขยี้หัวมันเบาๆ มันคงเห็นว่าเจ้าของตัวเองนอนดิ้นอยู่สินะ เลยเรียกผมเข้ามาดู


“You cool. (เจ๋งมาก)” ผมยกนิ้วโป้งให้มัน แล้วยิ้มกริ่มส่งไปให้ เจ้าไมเคิลหายใจ ฮักๆ ลิ้นห้อย แต่มันก็ตอบรับคำชมด้วยการโบกหางไปมาเบาๆ ผมยิ้มแล้วเดินต่อไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะมองหาผ้าขนหนูผืนเล็ก แล้วหยิบติดมือออกมาหนึ่งผืน


ผมยืนมองร่างเขาที่นอนอย่างสงบลงแล้วด้วยความสงสัยใคร่รู้ เป็นห่วงและบวกความโล่งใจ สงสัยที่ว่าฝันของเขาคือฝันอะไร ทำไมถึงทำให้เขาอยู่ในสภาพที่ดูบอบบางและหวาดกลัวขนาดนั้น เป็นห่วงที่เขามีสีหน้าบิดเบี้ยวราวกับกำลังเจ็บปวดอย่างยิ่ง และโล่งใจที่ตอนนี้ร่างใหญ่หนาของเขาสงบลงแล้ว


ผมค่อยๆ หย่อนก้นนั่งลงที่ขอบเตียงที่เดิม แล้วโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ยกผ้าขนหนูขึ้นมาแตะลงบนใบหน้าของอีกฝ่าย แล้วค่อยๆ ซับอย่างเบามือ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กดแรงเพื่อรบกวนอีกฝ่าย กะว่าซับหน้าเสร็จแล้ว จะรีบออกจากห้องนอนเขาไปก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นมาเจอผม


หมับ!


เฮือก!


ฟึ่บ!


ใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่มทันทีที่อีกฝ่ายคว้าข้อมือผมไว้แน่น ก่อนที่เขาจะเด้งตัวขึ้นมา ทำให้ผมนั่งในองศาแปลกๆ เพราะก้นอยู่ที่ขอบเตียงส่วนตัวเหมือนราบอยู่บนตักเขา และใบหน้าของเราสองคนที่อยู่ใกล้กันชนิดที่ลมหายใจเป่ารดใส่กันอย่างสัมผัสได้
วิคเตอร์จ้องหน้าผมด้วยดวงตาวาววับ ใบหน้าเคร่งตามแบบฉบับ ผมหน้าเสีย ค่อยๆ กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ พร้อมๆ กับจังหวะของหัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความตื่นเต้นเพราะความกลัวโดนดุ


“ผะ… ผม…”


“เข้ามาในห้องฉันทำไม” เขาถามเสียงราบเรียบ ใบหน้านิ่งจนน่ากลัว ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะโดนเขาบีบข้อมือทั้งสองข้างไว้แน่น


“ขะ… ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ…”


“ไม่ได้ตั้งใจ แต่นั่งอยู่บนเตียงฉันเนี่ยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามา ถ้าฉันไม่อนุญาต” เขาบอกอย่างไม่พอใจ ผมหน้าบึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรีบพูดขึ้นมาก่อนจะโดนแย่งพูดอีก


“ถ้าคุณจะฟังผมพูดก่อน คุณจะไม่อารมณ์เสียแบบนี้หรอก…” ผมมองค้อนอีกฝ่ายอย่างนึกหมั่นไส้ รู้น่าว่าชอบความเป็นส่วนตัว แต่อย่าเพิ่งหงุดหงิดก่อนฟังสิโว้ย วิคเตอร์มองผมกลับอย่างสงบ ราวกับจะเปิดโอกาสให้ผมพูดต่อ


“ไมเคิลพาผมเข้ามา…” ผมบุ้ยปากไปทางเจ้าหมาแสนรู้ที่เอียงคอมองกลับมา วิคเตอร์หันไปมองไมเคิล ก่อนจะเลื่อนสายตามามองผมต่อ


“…ไมเคิลเห็นว่าคุณ เอ่อ… นอน แบบว่า… นอนไม่ปกติ มันคงเป็นห่วงคุณ เลยตามผมเข้ามาดู”
ผมบอกเขาโดยพยายามใช้คำศัพท์ให้ดูไม่น่าเกลียดหรือดูซ้ำเติมอีกฝ่าย วิคเตอร์หน้านิ่วนิดหน่อยเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง ก่อนจะกลับมามีสีหน้าปกติ  เขาผ่อนลมหายใจช้าๆ แล้วสักพักก็ยกยิ้มที่มุมปากขวา


“นี่กะเข้ามาทำมิดีมิร้ายฉัน ตอนฉันหลับล่ะสิ” เขาบอกเสียงกวนๆ ใบหน้าก็กวนพอกัน ผมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แล้วดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมที่เริ่มผ่อนแรงกำออกแล้ว


“ก็เกือบสำเร็จแล้วล่ะครับ ถ้าคุณไม่ตื่นขึ้นมาก่อน ไม่อย่างนั้นล่ะก็…” ผมกัดปากล่างแล้วหรี่ตามองอีกฝ่ายที่มองเหมือนกำลังประเมินท่าทีผม


“…ผมได้กินกล้วยของคุณเป็นอาหารเช้าแน่ๆ” ผมยิ้มทั้งที่ยังกัดปากล่างไว้ แล้วยักคิ้วส่งให้วิคเตอร์อย่างท้าทาย อีกฝ่ายอ้าปากน้อยๆ แล้วส่งลิ้นมาดุนฟันล่าง สีหน้าดูกำลังขบขัน แววตาวิบวับจ้องมองผมนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วสักพักแววตานั้นก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก ผมพยายามไม่จับจ้องปลายลิ้นเขาที่ขยับไปมาตามขอบฟันล่าง


มันช่าง… เย้ายวนชวนใจสั่นจริงๆ


“ถ้ากินค้างไว้ ทำไมไม่กินให้เสร็จซะเลยล่ะ” เขาบอกเสียงแหบอย่างเซ็กซี่ ผมเบิกตากว้างแล้วมองหน้าคนพูดอย่างหวาดระแวง ยิ่งเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมสายตาแพรวพราวนั่น ยิ่งชวนให้ใจไม่ดี


“ผม… ผมอิ่มแล้ว” ผมพูดด้วยความระแวดระวัง ผมรู้หรอกว่าเขาคิดจะทำอะไร เห็นแค่แววตาก็รู้แล้ว แต่ไม่เอาหรอก ถ้าเขาทำ ผมก็แย่อยู่ฝ่ายเดียว ส่วนอีกคนคงหน้าระรื่นที่ได้แกล้ง


วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าทำตาเหมือนฉงนสงสัยอะไรหนักหนา เขาเอามือขวามาลูบคางไปมาราวกับกำลังใช้ความคิด จังหวะนั้นผมค่อยๆ ขยับตัวออกห่างจากเขา กระโตกระตากไม่ได้ ยิ่งทำแบบนั้น มันเหมือนเป็นการเร่งสารอดรีนาลีนให้พุ่งพล่าน และถ้ามันพุ่งพล่าน เขาต้องทำอะไรที่ไม่คาดคิดแน่ๆ


“ฉันว่านายตัวเล็กไป กินกล้วยจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อนะ รู้รึเปล่า” เขาบอกเสียงเย้าๆ หลังจากมองสำรวจร่างผมอยู่พักหนึ่ง
นั่นมันทฤษฏีผีบ้าผีบอที่ไหน มันคือทฤษฏีอะไร ทำไมไม่เคยได้ยิน เพิ่มกล้ามเนื้อนี่มันต้องพวกอกไก่อะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอ กล้วยเนี่ยนะเพิ่มกล้ามเนื้อ


“มะ… ไม่รู้ และคิดว่ามันไม่น่าช่วยให้เพิ่มกล้ามเนื้ออะไรได้ทั้งนั้นแหละ…” ผมกลับมานั่งตัวตรงๆ ในท่าทางปกติได้แล้ว และเริ่มคิดว่าจะลุกออกจากเตียงเขาเสียที


“ไม่รู้งั้นเหรอ…” เขาเอียงคอด้วยท่าทีที่น่ามอง แล้วเลิกคิ้วมองกลับมา ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ผมลมหายใจสะดุด


“งั้นลองกินสิจะได้รู้ กล้วยฉันมีสารเร่งกล้ามเนื้อนะ” ผมอ้าปากหวอ กับคำพูดนั้น กระพริบตาปริบๆ มองเจ้าของกล้วย เอ้ย! มองเจ้าของห้องนอนที่ยิ้มแบบแบดบอยมาให้ ซึ่งมันเป็นยิ้มไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย


ผมพยายามยามตั้งสติ ไม่ได้! อยู่กับผู้ชายคนนี้ ห้ามสติหลุด ถ้าหลุดคือลอยละล่อง! แล้วถ้าลอยละล่อง ก็ม่องเท่งมันตรงนี้แหละ!


“มะ… ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ เก็บกล้วยคุณไว้ให้คนอื่นเถอะ ผมไปซื้อซูเปอร์มาเก็ตเองดีกว่า” ผมบอกแล้วเด้งตัวขึ้นจากเตียง แต่แล้วก็ต้อง


เฮือก!!


ผมสะดุ้ง เมื่อจังหวะที่เด้งตัวลุกขึ้นยืน โดนวิคเตอร์คว้าข้อมือเอาไว้อย่างรวดเร็ว แถมอีกฝ่ายังจับเอาไว้แน่น ผมตาโตมองอีกฝ่ายที่กำลังกัดปากล่างไว้อย่างเซ็กซี่ แล้วมองผมด้วยสายตามัวเมา


มะ… ไม่น่าไว้ใจ กะ… กดดัน


“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียงเงินซื้อหรอก กินของฉันเนี่ยแหละ ไหนๆ เมื่อคืนฉันก็แสดงน้ำใจให้นายเห็นแล้ว วันนี้ฉันจะแสดงน้ำใจอีกครั้งจะเป็นไรไป…” ผมยิ้มเกร็งแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก็รู้นะว่าเขาล้อเล่น ไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่ใจผมมันหวิวนะคร้าบ ใจผมมันอ่อนแอต่อลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้นะคร้าบบบ


“น้ำใจ… น้ำใจอะไรครับ แค่คุณให้ผมนอนนี่ ผมก็ถือว่าเป็นน้ำใจที่ดีที่สุดแล้วล่ะ” ผมยิ้มแห้ง แล้วพยายามแกะมือเขาออก แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายส่งอีกมือมาจับอีกมือของผมไว้ ทำให้ตอนนี้ผมไร้ซึ่งทางสู้


“น้ำใจที่จะให้กล้วยฉันเป็นอาหารเช้าไง  กล้วยลูกนี้ ใหญ่ ยาว เนื้อนุ่มนะ ไม่อยากลองหรอ” เขายิ้มอย่างสนุกสนานวงการฮอลลีวูดที่เห็นผมหน้าตาเลิ่กลั่ก


“ไม่ครับ ไม่เป็นไร ผมว่าเดี๋ยวผมไปทำอาหารเช้ารอคุณดีกว่านะ” ผมพยายามหาทางออกให้กับตัวเอง เลยหาเรื่องแถออกไป แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าช้าๆ พร้อมรอยยิ้มอันชวนสยิว


“นายมาเป็นอาหารเช้าให้ฉันก็ได้นี่”


โอยยย… จะเป็นลม


ผมยิ้มแหะๆ แล้วหันหลังไปมองตัวช่วยอย่างไมเคิล แต่พอหันไปผมก็แทบจะร้องไห้ เมื่อเจ้าหมายักษ์แสนรู้หายออกจากห้องนอนแล้ว ถ้าให้เดามันคงกลับไปกินอาหารแน่ๆ แล้วทำไมแกต้องไปตอนนี้ล่ะไมเคิล


ฟึ่บ!


อ้าก!


ในจังหวะที่ผมเผลอหันไปมองหาไมเคิลผู้นำทางมาที่ห้องแห่งนี้ ผมก็โดนพ่อพระเอกดึงกลับขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะจับผมหงายหลังลงบนเตียงให้ผมใจเสียจนร้องกรี๊ดอยู่ในอกเงียบๆ


ตอนนี้ผมโดนกดข้อมือทั้งสองข้างไว้บนเตียงนอนตามแนวขวาง มีร่างฝรั่งตัวใหญ่ไหล่กว้างคร่อมทับอยู่บนตัวเล็กๆ ของตัวเอง ผมอ้าปากพะงาบๆ มองคนคร่อมที่ทำหน้าตากรุ้มกริ่มขมิบใจ (มันเป็นยังไง ?)


“คะ… คุณเรย์มอนด์ ผมเป็นผู้ชายนะ ผู้ชาย!!” ผมร้องบอกเขาหลังจากได้สติแล้ว อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่า แล้วไง?


“ฉันรู้แล้วว่านายเป็นผู้ชาย ก็เห็นกันอยู่ทุกวัน” ว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอีก


“นี่! คุณเลิกเล่นได้แล้ว เดี๋ยวสายนะครับ!”


“วันนี้ไม่มีคิวถ่าย จะสายได้ยังไง แล้วฉันก็ไม่มีงานที่ไหนด้วย” เขาบอกหน้าตาสบายอกสบายใจ แต่ไอ้คนโดนคร่อมอย่างผมนี่เสียวอกเสียวใจเหลือเกิน


“มี! งานตอนกลางคืนไง! ที่หอสมุดตรงถนน 42!” ผมรีบบอกลิ้นแทบพันกัน อีกฝ่ายย่นคิ้วนิดหน่อยก่อนจะทำหน้าตาชิวๆ


“ก็นั่นตอนกลางคืน นี่มันยังเช้าอยู่เลย”


“แต่คุณก็ต้องเตรียมตัวนะ!”


“นายจะรีบให้ฉันเตรียมตัวไปทำไม อีกตั้งหลายชั่วโมง”


ฮือออ… ผมแบะปากอย่างหมดหนทาง แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มชอบใจ


“คุณเรย์มอนด์ ปล่อยผมสักทีเถอะ ผมตัวเล็กกว่าคุณนะ นั่งทับจนผมจะแบนแล้ว”


“แล้วถ้าฉันให้นาย นั่งทับ ฉันบ้าง เอามั้ย?” น้ำเสียงเน้นย้ำคำว่า นั่งทับ อย่างมีเลศนัยและแววตาล้อๆ ของอีกฝ่ายทำให้ผมย่นคอ หน้ายู่ กลอกตาซ้ายทีขวาที


“คุณเลิกเล่นแบบนี้เถอะครับ เอาไว้ไปทำแบบนี้กับคุณนาตาชาเถอะ”


“ไม่ต้องบอก ฉันทำแน่ แต่ยังไม่ถึงเวลาของเขา”


แง่ะ… แล้วมันใช่เวลาของกูเรอะ


วิคเตอร์ยังคงยิ้มทะเล้น นั่นทำให้ผมห้ามใจลำบากที่จะไม่ให้มองรอยยิ้มนั้น นานๆ ทีผมจะได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มที่ดูสบายใจ ไม่มีความเคร่งขรึมเคร่งเครียด


แต่ประเด็นคือมันมักจะมาจากการแกล้งผมเนี่ยแหละ!


“วิค… เอ่อ… คุณเรย์มอนด์ คุณเป็นผู้ชายนะ คุณจะมาเอาผู้ชายได้ยังไง” ผมบอกเสียงขุ่น หน้าตาและแววตาขมุกขมัว นี่ผมโดนจับกดแบบนี้มานานแล้วนะ


“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ก็แค่มีอะไรกัน ไม่ได้จะรักกันซะหน่อย เคยบอกแล้วไงถ้านายทำให้ฉันปลดปล่อยได้ ฉันก็โอเค”
โอ้โหยยย! ดูเถอะ ดูความหน้าด้าน ความหงี่ของผู้ชายคนนี้ จะเอาได้แม้กระทั่งผู้ชายด้วยกัน ถึงฉันจะชอบผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องอ้าขาให้ผู้ชายทุกคนนะโว้ยยย


“คุณคิดว่าผมจะอ้าขาให้ผู้ชายทุกคนรึไง งั้นผมก็คงมีสามีเป็นร้อยคนแล้วมั้ง ผมไม่ได้ใจง่ายนะ!” ผมบอกอย่างเข่นเขี้ยว นึกโมโหไม่น้อยที่อีกฝ่ายมองว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ผู้ชายกับผู้ชายจะมีอะไรกันแล้วก็จบ


“ไม่ง่ายงั้นหรอ…” วิคเตอร์เลิกคิ้ว แล้วทำหน้าคิด ก่อนจะก้มลงมองผมด้วยแววตาวาบวับ


“ถ้าไม่ง่าย งั้นก็ปล้ำเลยแล้วกัน”


แว้กกกก!!! นี่ฉันไม่ใช่นางเอกจำเลยรักนะเว้ยยย ที่จะมาจับปล้ำกันเนี่ยยย


ผมตาโต หุบปาก อ้าปาก สลับไปมา นึกคำด่าไม่ออก ยิ่งเห็นรอยยิ้มกวนๆ พร้อมหน้าตาเจ้าเล่ห์นั่นก็ทำให้ยิ่งหงุดหงิด เขาส่งสายตากรุ้มกริ่มกระหยิ่มใจมาให้ ผมเริ่มดิ้น ถีบขาในอากาศไปเรื่อย รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยกถีบไปมา เพื่อหวังให้คนข้างบนสะเทือน แต่ดูจะเปล่าประโยชน์เพราะอีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้านใดๆ แถมยังดูชอบอกชอบใจที่เห็นผมดิ้น


แง~ เล่นแบบนี้มันไม่ปลอดภัยต่อสิ่งที่อยู่ในบอกเซอร์นะเว้ย ฮือออ~ ไม่ได้ใส่ กกน. ข้างในไว้ด้วย ถ้ามันตื่นตัวขึ้นมาไอ้บ้าหน้าหล่อที่นั่งทับผมอยู่มันก็ต้องรับรู้ และเดี๋ยวก็จะล้อผมไม่เลิก กระซิกๆ แต่โชคยังดีที่ตอนนี้สติไม่ได้คิดไปในทางลามก มันเลยยังคงสงบนิ่งอยู่


“นี่! วิคเตอร์! เลิกเล่นได้แล้ว ผมหนักนะ” เรียกชื่อจริงแม่งซะเลย หวงชื่อดีนัก แต่เจ้าของชื่อกลับทำหน้าตามึนเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร 


“วิคเตอร์! วิคเตอร์! วิคเตอร์! วิคเตอออร์!!!” ผมแหกปากร้องเรียกชื่อเขาพร้อมดิ้นสะบัดหน้าไปมา และพยายามออกแรงที่ข้อแขนที่โดนเขากดเอาไว้


ฮึก~ ช่างไร้ประโยชน์


“ว่าไง? เรียกฉัน มีอะไรรึเปล่า” แน่ะ! ยังทำหน้ามึนถามกลับ ผมแบะปาก แล้วพยายามคิดทางเอาตัวรอด


“มี! ออกไปจากตัวผมสักที ผมอึดอัดแล้วนะ!” ผมบอกอย่างขุ่นเคือง และพยายามทำหน้าให้รู้ว่าผมเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ แต่ทำไมไอ้หนวดหน้าหล่อมันยังยิ้มกริ่มเหมือนขบขันอยู่นั่นล่ะ นี่หน้าโหดนะ หน้าโหด!


“อะไรกัน ฉันจะออกจากตัวนายได้ไง ยังไม่ทันได้เข้าไปเลย…” วูบค่ะ! วูบบบ! พูดจาแง่ๆ ง่ามๆ แบบนี้ เล่นเอาใจกระตุก
ผมเม้มปาก คิ้วย่น กรอกตาสลับไปมาซ้ายขวา พยายามคิด พยายามหาทางหนีทีไล่ แต่ทำไมมันช่างดูตีบตัน พอกลับมามองด้านบนตัวเองตอนนี้ ใบหน้าหล่อและแววตาอันทรงพลังแต่มีเสน่ห์ของอีกฝ่ายก็โน้มเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น เล่นเอาผมใจกระตุกอีกหน ลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายรดอยู่ตรงหน้า ผมรู้สึกว่าหน้าเหวอนิดๆ มองแววตาที่เหมือนมึนเมาของอีกฝ่าย แล้วเสียงอันแผ่วเบาแต่ทำเอาขนคอผมลุกซู่ ก็ดังขึ้นใกล้ๆ หู


“แต่ถ้าฉันเข้าไปเมื่อไหร่ ฉันจะอัดและนายต้องรู้จักอึดนะ รู้รึเปล่า”


หมุน ติ้ว ติ้ว ติ้ว!



ผมรู้สึกหัวหมุน มึน เบลอ  มันวิ้งๆ ยังไงชอบกล อย่าไปนะ อย่าไป สติจ๋า~  อย่าไปไหน อยู่ด้วยกันก่อน


ลมหายใจของอีกฝ่ายรินรดอยู่ตรงซอกคอซ้ายผม มันทั้งอุ่น ทั้งเสียว ทั้งสยิว ผมสะบัดหน้าหนี แต่เหมือนจะยิ่งเป็นการเปิดช่องทางการซุกไซร้บนลำคอให้แก่อีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น วินาทีที่จมูกของวิคเตอร์แตะลงบนซอกคอ ขนผมลุกไปทั้งตัว ความรู้สึกอ่อนยวบยาบแล่นไปทั่วร่าง ลมหายใจผมสะดุด แทบลืมการหายใจไปเลยด้วยซ้ำ และผมคิดว่าผมกำลังจะขาดใจตายเมื่อผู้ชายตัวโต กำลังลากจมูกเกลี่ยไล้ไปมาตรงซอกคอ


ไม่นะ! ต้องรีบหยุดอีกฝ่าย ไม่งั้นน้องชายผมตื่นแน่ เพราะแค่นี้ผมก็รู้สึกว่ามันเริ่มบิดขี้เกียจขยับตัวในบ็อกเซอร์แล้ว แอร๊ยยย!


“ทำไปก็เท่านั้นแหละ ผมไม่รู้สึกอะไรหรอก ธรรมดามากกก!” ผมรีบรัวออกมาแล้วเน้นเสียงเพื่อเน้นย้ำให้เขารู้ตัว แล้วเหมือนจะได้ผล เมื่ออีกฝ่ายที่กำลังลากจมูกไปมาที่ซอกคอผมหยุดการกระทำนั้น แล้วดันตัวขึ้นมาในท่าเดิม ผมรู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยก็ดึงเขาออกจากซอกคอตัวเองได้


วิคเตอร์หรี่ตามองผมที่ยักคิ้วกวนๆ ไปให้ หุๆ เคยอ่านบทความเจอว่าถ้ากำลังจะโดนปล้ำหรือข่มขืน ต้องพูดให้ไอ้พวกที่คิดจะข่มขืนเราเสียเซลฟ์อย่างที่สุด เพราะมันจะอารมณ์สะดุด อ่าโฮะๆ รู้สึกขอบคุณคนเขียนบทความนั้นจัง ผมยิ้มกริ่มแล้วพระพริบตามองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกมีชัย วิคเตอร์ย่นคิ้วเล็กน้อย มองผมด้วยสายตาช่างใจกับคำพูดที่ผมพูดออกไป


“ธรรมดาหรอ ฉันธรรมดางั้นหรอ” เขาถามแล้วมองด้วยสายตาเป็นคำถามเช่นเดียวกัน เอาล่ะ อย่างน้อยตอนนี้ก็หยุดเขาได้ ประโยคเมื่อกี้คงทำลายความมั่นของเขาได้พอสมควร งั้นแบบนี้ต้องยิ่งกระทุ้ง!




[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:38:02

“ช่ายยย… ธรรมดามาก แบบว่าเบสิคสุดๆ ไร้ซึ่งความดึงดูด ไร้ซึ่งความปรารถนามาก บอกได้เลยว่าคุณเหมือนแฟชั่นที่เชยไปแล้ว!” ผมบอกด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมส่งรอยยิ้มกว้างขวางไปให้อีกฝ่าย เพื่อบอกเขาว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นมันเป็นเรื่องจริง วิคเตอร์นิ่งไป ดวงตาเรียวคมสองชั้นกำลังมองผมอย่างประเมิน ท่าทีเขาดูเหมือนคนโดนสตั๊นท์ไปสักสิบวินาที ผมพยายามหาจังหวะในการหลุดจากการโดนกดนี้


“ฉันทำให้นายเกิดอารมณ์ไม่ได้เลยเหรอ” ผมยิ้มแป้นแล้วส่ายหัวอย่างแข็งขันเป็นการยืนยันในความคิดของตัวเอง วิคเตอร์ยกยิ้มที่มุมปากซ้าย แววตากลับมาวิบวับอีกครั้ง


“เข้าใจละ แบบนี้ธรรมดาไป แต่ถ้าแบบนี้ล่ะ…” เขาปล่อยมือที่กดข้อมือผมไว้ ผมยิ้มโล่งอก แล้วพยายามออกแรงขยับที่ข้อมือ แต่อนิจจาสงสัยว่าโดนกดนานไป มันเลยรู้สึกหมดเรี่ยวแรง แต่แล้วภาพตรงหน้าก็ทำเอาผมแทบหมดแรงจริงๆ


วิคเตอร์ถอดเสื้อยืดที่เขาใส่นอนออกจากตัว ก่อนจะโยนไปที่โซฟาอย่างไม่ใส่ใจ ผมอ้าปากหวอกับภาพที่เห็นตรงหน้า ทั้งที่ก็เคยเห็นมาแล้ว แต่ไหล่กว้าง กล้ามหนาแต่ไม่บึ้กแบบพวกประกวดกล้าม หน้าอกอันอวบแน่น หัวนมสีน้ำตาลอัลมอนด์ ซิกส์แพคที่เรียงตัวสวยงามและไม่ได้แข็งปักจนน่ากลัว เอวคอดแบบคนหุ่นสวยในแบบฉบับผู้ชาย กล้ามสามเหลี่ยมทรงคว่ำสุดเซ็กซี่ และสะโพกโค้งนูนอย่างน่ามอง ที่มองทีไรชอบทำให้คิดถึงเวลาที่มันขยับเข้าๆ ออกๆ นั้น มันทำให้ผมรู้สึกเบลอและพร่ามัวไปชั่วขณะ


ว้ากกก! เอาอีกแล้ว มันยั่วอีกแล้ววว!


คนเขียนบทความนั้นคงลืมเขียนวิธีที่จะสู้กับการยั่วของผู้ชายสินะ กระซิกๆ


“แบบนี้เรียกว่าพิเศษได้รึยัง” เจ้าของร่างกายสุดเซ็กซี่เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มกวนๆ เขาส่งสายตากรุ้มกริ่มชวนลิ้มลองมาให้ ผมที่ยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม มองหน้า มองหุ่นอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกวูบวาบ ตอนนี้สติจะสั่งให้ตัวเองลุกขึ้นหนียังแทบไม่มีเลย


“มะ… ไม่… ไม่เลย…” ผมเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว แถมยังตะกุกตะกัก สีหน้าคงดูเหมือนคนเงอะงะโง่เง่าเต็มทน ใช่! น้องแมทจะไม่ทน! เพราะมันทนยากนะแบบนี้ แต่น้องแมทก็ต้องข่มใจให้ทนกับกิเลศวิคเตอร์ให้ได้ ไม่งั้นโดนกิเลศครอบงำแน่ๆ เพราะตอนนี้กิเลศมันคร่อมร่างผมอยู่ ผมไม่อยากโดนเขาเอาอะไรมาครอบปากตัวเองหรอกนะ


อ๊ายยย! แล้วนี่ผมกำลังคิดอะไร ไม่นะ ภาพที่กล้วยเข้าปากนี่มันคืออะไร ไม่ๆ อย่าคิดๆ เดี๋ยวแมทน้อยตื่น อย่า!!!


“หืมมม… ยังไม่พิเศษอีกหรอ ต้องถอดข้างล่างอีกรึเปล่าเนี่ย” พ่อพระเอกยิ้มแย้ม แววตาสนุกสุกใส แล้วไม่ยิ้มเปล่า กลับเอามือลูบๆ คลำๆ ไปทั่วเรือนร่างตัวเองอีก ผมแทบจะหยุดหายใจแล้วจริงๆ ลีลาการลูบไล้ร่างกายของเขามันช่างชวนให้ร่วมลูบด้วยเหลือเกิน ผมมองมือหนาใหญ่ทั้งสองข้างของอีกฝ่ายลูบไปที่ไหล่ กล้าม หน้าอก ลูบวนหัวนม แล้วค่อยๆ รูดลงมาตามช่วงลำตัวยาวของตัวเอง ก่อนจะเอามือมาลูบๆ วนๆ ตรงกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยงาม


ผมกัดปากตัวเองไว้แน่น บอกตัวเองให้ข่มใจ ระงับฮอร์โมนพุ่งพล่านของตัวเอง ไม่ว่าตอนนี้ฮอร์โมนตัวไหนกำลังทำงานอยู่ ผมกำลังต่อสู้กับมัน ให้มันสงบลงให้ได้ สติหนอ สติ นี่เป็นเพียงสิ่งยั่วยุที่ไม่จีรังยั่งยืน วันหนึ่งก็ต้องเหี่ยวต้องแก่ไปตามกาลเวลา

โอมมม… ไม่มีอะไรยั่งยืนนะแมทนะ


แต่พอเจอลีลาที่อีกฝ่ายเอามือขวาล้วงเข้าไปในขอบกางเกงนอนแล้วลูบไปลูบมาตามแนวยาวของขอบกางเกง ก็ทำเอาผมแทบ
จะพุ่งพล่านไปพร้อมฮอร์โมนในร่าง แถมไอ้ที่พยายามข่มสติบอกตัวเองเมื่อกี้ ก็กระเจิงหายไปจากหัวหมด
โอมมม… แต่ตอนนี้เขายังไม่แก่ ยังไม่เหี่ยว แถมยังดูฟิตปึ๋งปั๋ง เรือนร่างเขาทรงพลังต่อจิตใจลูกเหลือเกิน เขายังคงลูบไล้หน้าท้องเบื้องล่างตรงช่วงกล้ามท้องสามเหลี่ยมทรงคว่ำนั่นไปมาอย่างยั่วเย้า ชวนสยิวใจเมื่อยามมอง ช่วยลูกด้วยพระพุทธองค์ ฮือออ~


โอ๊ยยย… หน้าไม่ได้หล่อขั้นเทพ ขั้นพรม ขั้นสวรรค์ที่ไหน แต่เสน่ห์ทางเพศนี่รุนแรงจริงๆ พ่อคุณเอ๊ย!


ฟึ่บ!


ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เพราะตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาอันตรายแล้วจริงๆ ไม่ใช่เล่นๆ แล้วตอนนี้ ถ้าเกิดยังยั่วกันอยู่แบบนี้ ไอ้นั่นของผมลุกแน่ๆ เพราะตอนนี้บอกได้เลยว่ามันเริ่มค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาแล้ว


“พอแล้วๆ หยุดเลย พิเศษแล้ว คุณดี ดีมาก เซ็กส์แอพเพียลยอดเยี่ยม ไร้ที่ติ ที่นี้ก็ปล่อยผมไปได้แล้ว” ผมว่ารัวๆ ลิ้นแทบบิดเป็นเกลียว ผมนั่งใกล้ร่างเขา ศีรษะอยู่ใต้คางอีกฝ่าย แต่ผมพยายามไม่สนใจท่าที่เรากำลังอยู่ในขณะนี้ ผมเอามือดันๆ ไหล่เขา เพื่อให้อีกฝ่ายล้มออกจากร่างตัวเอง แต่เหมือนผมกำลังเอามือทุบกำแพงเมืองจีนไม่มีผิด เพราะมันทั้งแน่น ทั้งแกร่ง แถมเจ้าตัวยังนิ่งไม่ไหวติง แทบไม่กระดิก แค่สั่นไปตามแรงผลักผมเฉยๆ


“วิคเตอร์! เราไร้สาระกันมานานแล้วนะ เมื่อไหร่คุณจะไปอาบน้ำ ไปกินข้าวสักที” ผมหยุดทุบ หยุดผลักไหล่เขา แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายที่กำลังมองผมอย่างขบขันอยู่ ผมแยกเขี้ยวใส่เขาด้วยความโมโหนิดๆ ที่อีกฝ่ายยังคงดูสนุกสนานวงการบันเทิงอยู่


“นี่!” ผมส่งเสียงด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงทำตัวมึนตึงกับคำพูดของผม นี่พูดไปแล้วมันเข้าทางรูหูแต่ทะลุออกทางรูจมูกรึไงเนี่ย


หมับ


ฟึ่บ!


อ้าก!


อีกแล้ววว!


ผมโดนจับที่ข้อมือทั้งสองข้างอีกครั้ง ก่อนจะโดนดันตัวกลับลงไปบนเตียง ผมโดนจับกดอีกรอบ โดยผู้ชายคนเดิมที่นั่งยิ้มชอบอกชอบใจอยู่เหนือร่างผม


“อะไรอีกล่ะเนี่ย?!” ผมร้องออกมาอย่างโมโห โอ๊ยยย! เหนื่อยแล้วนะโว้ย เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ มันล้าไปหมดแล้ว โดยเฉพาะที่ใจมันแทบทรุด ไม่เหลือพลังจะต้านทานแล้วนะว้อยยย!


“นายบอกว่าฉันเซ็กส์แอพเพียลยอดเยี่ยม งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าเซ็กส์ระหว่างเราจะยอดเยี่ยมมั้ย” สิ้นเสียงของพ่อฝรั่งตัวใหญ่ ผมก็ตาโต อ้าปากหวออีกรอบ ทุกคำพูดที่อยากจะพูดออกมาขัดตาทัพถูกกลืนหายไป หัวใจเริ่มกระแทกกับผนังอก แล้วก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ หรือต่อล้อต่อเถียงกันอย่างเคย ใบหน้าวิคเตอร์ก็ซุกเข้าที่ซอกคอผมทันที


“วะ…วิคเตอร์!” ผมร้องเสียงหลง นี่เขายังคงแค่ล้อเล่นอยู่ใช่มั้ย เขายังคงแค่อยากแกล้งและอยากยั่วผมอยู่ใช่รึเปล่า ไม่เอานะ อย่าเอาจริงนะ แบบนี้มันไม่ใช่ละ


“วิค…” เสียงผมสั่น ก่อนจะพยายามสะบัดหน้าหนี แต่พอผมสะบัดมาทางที่เข้าซุกไซร้อยู่ เขาก็เปลี่ยนไปซุกไซ้ซอกคออีกฝั่ง คราวนี้มันไม่ได้มาแค่จมูกลากถูไถไปมา แต่ริมฝากนุ่มๆ แต่แข็งแรงด้วยการกดริมฝีปากลงที่ซอกคอ ทำเอาผมตัวสั่น และขนลุกไปหมด สติผมแทบไม่เหลือแล้ว


“Don’t… (อย่า…)” ผมร้องห้ามเขา แต่ร่างกายผมกลับทรยศ เพราะมันรู้สึกเสียววาบไปทั้งร่าง ให้ความรู้สึกตื่นตัว ซู่ซ่าพิกล ผมสะบัดหน้าเพื่อไล่เขาออกไปจากซอกคอ และย่นคอเพื่อเก็บซอกคอของตัวเองเอาไว้ วิคเตอร์มองหน้าผม ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่า ทำไปก็ไร้ประโยชน์ แล้วเขาก็โน้มตัวลงมาเอาฟันขบเบาๆ ที่ปลายคาง เล่นเอาผมแหงนหน้ารับด้วยความเสียวซ่าน พอซอกคอผมเปิดช่องว่างอีกครั้ง เขาก็ซุกไซ้อีกรอบ อย่างไม่ปราณีในอารมณ์ของผมสักนิด


ตอนนี้อย่าได้ถามความรู้สึก เพราะมันมึนยิ่งกว่ากินเหล้าเข้าไปซะอีก มึนแค่ไหน เมาแค่ไหน ผมว่าผมรู้สึกได้จากการที่ช่วงล่างของตัวเองตื่นตัวเต็มที่


ฮึก~ น่าอายจริงๆ


“Mr.Raymond, please—stop… (คุณเรย์มอนด์ ได้โปรด หยุดเถอะครับ…)” ผมบอกอย่างสิ้นหวัง ร่างกายผมอ่อนยวบยาบไปหมด คงมีแต่เจ้าแมทน้อยที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย


“Hmmm? (หืมมม)” เสียงของเจ้านายผมดังแว่วๆ อยู่ที่ซอกคอซ้าย เขาเหมือนไม่รับรู้ ไม่สนใจอะไร ผมเองก็แทบจะไม่รับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วตอนนี้ มันเบลอ มันมัวไปหมด ผมตาปรือให้กับความเสียวที่เขาสร้างให้


ไม่นะ… มันกำลังจะมากเกินไป มันกำลังจะเกินขอบเขตแล้ว…


“หยุด… คุณกำลังจะนอกใจคุณนาตาชานะ” ผมงัดไม้ตายออกมา เอ่ยถึงผู้หญิงที่เขากำลังจะคบนี่ล่ะ เผื่อจะเตือนสติเขาได้บ้าง แล้วไม่รู้ว่าได้ผลมั้ยแต่วิคเตอร์ก็นิ่งไป แต่แค่แปบเดียว แถมประโยคที่ตามมาก็ทำเอาผมใจหล่นวูบ


“ไม่ได้นอกใจซะหน่อย แค่นอกกาย แค่มีเซ็กส์เอง…”


หล่นวูบ… ไม่ใช่เพราะเสียวซ่าน แต่มันเป็นคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่เท่านั้น แค่เกิดมาไม่ใช่ชายแท้ ก็ทำให้ผมรู้สึกแย่ทุกครั้งอยู่แล้วเวลาที่จะชอบใคร เพราะนั่นหมายถึงว่าโอกาสผมแทบจะไม่มี เนื่องด้วยไม่ใช่ผู้หญิง


แล้วเหตุการณ์ที่ทำให้ผมสูญเสียความมั่นใจ สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง และสูญเสียความเชื่อมั่นในความรักของเพศอย่างผมในอดีต ก็ทำให้ผมนิ่งไป คิดถึงแล้วก็เศร้า รู้สึกเหงาในหัวใจ แต่ไม่ร้องไห้หรอก เพราะมันผ่านมาแล้ว


‘พี่ก็ผู้ชาย แมทก็ผู้ชาย จะรักกันได้ยังไง…’


ใช่ จะรักกันได้ยังไง… รักกันไม่ได้หรอก… แต่ถ้าแค่เซ็กส์ก็ได้สินะ…


“ผมจะมีเซ็กส์กับคนที่ผมรักเท่านั้น…” ผมเอ่ยออกไปเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเฉย วิคเตอร์ที่กำลังลากริมฝีปากไปมาที่ซอกคอผมหยุดการกระทำของตัวเอง ก่อนจะดันตัวขึ้นมาแล้วมองหน้าผมด้วยแววตาเหมือนจะงงๆ ไปนิด


“ผมไม่ได้รักคุณ คุณไม่ได้รักผม เราสองคนไม่ได้รักกัน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังเล่นสนุกหรือเอาจริงกันแน่ แต่ว่าผมไม่โอเค ถ้าคุณคิดแค่ว่าจะมีเซ็กส์กับผมแล้วจบไป ปลดปล่อยความใคร่ตัวเองเสร็จแล้วก็ไป แบบนั้นคุณไปช่วยตัวเองกับรูปคุณนาตาชาเถอะ…” ผมไม่ได้ตะโกนด่าเขารุนแรง หรือเอ่ยออกมาอย่างประชดประชัน แต่ผมแค่บอก บอกธรรมดา ปกติ บอกตามความคิด ความรู้สึกของตัวเอง


“แล้วถ้าฉันจ่ายเงินให้เยอะๆ นายจะยอมมั้ย” ผมกลอกตาด้วยความเซ็ง นี่เขาถามจริง หรือถามเล่นเนี่ย


“ไม่เอา… ถ้าจะจ่ายคุณต้องจ่ายด้วยความรัก ซึ่งคุณไม่มีวันให้ผมได้อยู่แล้ว เพราะคุณเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง ถึงคุณจะบอกว่ามีเซ็กส์กับผมได้โดยไม่คิดอะไร แต่ผมคิด ผมไม่ใช่ผู้ชายขายตัวนะครับ เก็บเงินคุณไว้ซื้อถุงยางหรือไม่ก็กุญแจข้อมืออันใหม่ หรือไม่ก็อุปกรณ์พิสดารต่างๆ ไว้สำหรับคุณนาตาชาหรือผู้หญิงคนอื่นจะดีกว่า ส่วนผมขอเงินค่าสตาร์บัคที่ซื้อให้คุณก็พอ” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเขาอย่างแน่วแน่ วิคเตอร์กระพริบตาปริบๆ มองผมเหมือนงุนงง ก่อนจะขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิดไปกับคำพูดผม แล้วสักพักเขาก็มีสีหน้าว่างเปล่า แววตาที่มองมาที่ผมดูว่างเปล่าเช่นกัน ผมมองเขาด้วยความไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร


วิคเตอร์ปล่อยมือที่กดข้อมือผมไว้ออก แล้วนั่งนิ่งมองผมที่นอนแผ่หลาอยู่ใต้ร่างเขา เขามองผมนิ่งๆ สักพัก ก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วพ่นคำพูดออกมาจากปาก คำพูดที่ทำให้ผมแทบอยากจะกระชากหัวเขาไปโขกกับเสาเตียง


“จ่ายด้วยน้ำสเปิร์มของฉันแทนได้มั้ย มีให้เยอะกว่ารักอีกนะ” เขายิ้มยั่ว ส่งสายตาเชิญชวนมาให้ ผมมองตาขวางเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปตีที่กล้ามทองของเขาด้วยความหมั่นไส้ อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจ แล้วกระเถิบตัวเล็กน้อย แต่สักพักเขาก็นิ่งไป ก่อนจะย่นคิ้ว หรี่ตามองหน้าผม ที่มองกลับด้วยความไม่เข้าใจ


หมับ


เฮือก!


ผมสะดุ้งกับการกระทำของอีกฝ่ายทันที


วิคเตอร์ใช้มือขวาคว้าหมับเข้าที่ส่วนล่างของผมที่ยังคงแข็งตัวอยู่ ผมเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายที่กำลังยิ้มอย่างสนุกสนาน แววตานี่พราวระยับเชียวล่ะ แงะ~ อย่าจับแบบน้านนน!


“ปากบอกไม่อยากมีเซ็กส์กับฉัน แต่ไอ้จ้อนนายกลับสวนกระแสกับปากนายนะ”


ฉ่า~


ผมรู้สึกร้อนที่หน้า แก้มต้องแดงเปล่งปลั่งราวกับคนสุขภาพดีอยู่แน่ๆ แต่ผมไม่ได้แดงเพราะสุขภาพดี  มันแดงเพราะโดนของดีต่างหาก ฮือออ


“ปล่อย…ปล่อยนะ…” ผมพูดได้แค่นี้แหละ หมดคำจะพูดกับผู้ชายคนนี้แล้วจริงๆ คนอะไรกวนตีนกวนใจได้ขนาดนี้!


“ฉันช่วยให้มันสงบได้นะ” แน่ะ! ไม่ว่าเปล่ายังบีบเบาๆ อีก ผมนี่ตัวเกร็ง และก่อนที่เขาจะทำอะไรไปมากกว่านี้ ผมก็รีบลุกขึ้น แล้วออกแรงผลักเขาออกไปให้พ้นตัว แต่ก็ไร้ผล เพราะเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม แค่ตัวโยกนิดหน่อย เขามองหน้าผมแล้วก็หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือตัวเองออกจากส่วนล่างของผม


“ออกไปๆ” ผมว่าแล้วดันตัวเขาออก ซึ่งรอบนี้เขากลิ้งตัวเองออกไปแล้วนอนลงข้างๆ  แต่มิวายส่งสายตาล้อเลียนและรอยยิ้มล้อๆ มาให้ ผมย่นจมูกและเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้


หน็อย! ผมกำลังจะอ้าปากแว้ดๆ ใส่ แต่สายก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง เลยเปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่มบ้าง และไม่รอช้าเพราะเดี๋ยวอีกฝ่ายจะรู้ตัว ผมรีบยื่นไปมือออกไปคว้าทันที


หมับ!


“เฮ้ย!” วิคเตอร์ร้องเสียงดังลั่นตอนที่ผมเอามือตะปบเข้าที่เป้ากางเกงนูนๆ ของเขา ชะ! ว่าแต่เขา อีหนวดเป็นเอง


“แหม… คุณเองก็ใช่ย่อยนะ แอบมีอารมณ์กับผมล่ะซี้!” ผมว่าแล้วบีบลำกล้วยที่แข็งขันของเขา พร้อมส่งรอยยิ้มใสซื่อและแววตาใสปิ๊งไปให้อีกฝ่าย ที่กำลังหน้าตาตื่น


อืมมม… ลำแน่น ใหญ่ และคับมือ ดีจัง


“Alien! (ต่างด้าว!)” เขาว่าเสียงดุ แววตาปรามๆ ผมทำปากยื่น ก่อนจะปล่อยมือออกจากเจ้าวิคเตอร์ยักษ์
ป้าบ!


“โอ๊ย!” ผมร้องเสียงลั่น เมื่อโดนเขาเอามือซ้ายวางบนหัวก่อนจะเอามือขวาตามมาตบลงอย่างที่ชอบทำ ผมยกมือกุมหัวทันทีที่เขาถอนมือออกไปก่อนจะหน้ามุ่ยหันไปจิกตาใส่อีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าดุ


“อะไรเล่า! ทีคุณยังจับของผมได้เลย ทำไมผมจะจับของคุณบ้างไม่ได้!”


“ยังจะเถียงอีก!” เขาบอกเสียงเข้ม แล้วทำท่าจะเข้ามาดีดหู ผมรีบตะกุยตะกายออกจากเตียงแล้วไปยืนอยู่ขอบเตียงทันที ก่อนที่จะโดนทำร้ายร่างกายไปมากกว่านี้


“อย่าเอาเปรียบกันสิครับ คุณจับ ผมก็จับ ก็ยุติธรรมดี เรื่องอะไรจะให้คุณจับฝ่ายเดียว” วิคเตอร์ถลึงตาใส่ผม ก่อนจะกระเถิบตัวทำท่าจะลงจากเตียง ผมรีบเดินถอยหลังหนีทันที


“พูดมาก สงสัยต้องเอากล้วยกระแทกปากจริงๆ ซะแล้วมั้ง” เขาทำหน้าตาเหี้ยมเกรียม ราวกับโมโหที่ผมพูดมาก พูดไม่หยุด ส่วนผมก็หน้าตื่น และค่อยๆ เดินถอยหลังทีล่ะนิด ส่วนอีกฝ่ายก็ค่อยๆ กระเถิบลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า


“วิคเตอร์…”


“อย่าเรียกชื่อฉัน!” ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็แทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ตะโกนหรือตะคอก แค่บอกเสียงเข้มพร้อมหน้าตาที่เคร่งขรึม แต่แววตาเขานี่วิบวับเหลือเกิน ผมเหลือบตาไปมองทางประตูก็เห็นว่ามันแง้มเปิดอยู่ จากที่ผมยืนอยู่ตรงนี้วิ่งไปสี่ห้าก้าวก็น่าจะพุ่งตัวออกไปได้


“ผมขอออกไปก่อนแล้วกัน” ผมบอกแค่นั้นแล้วหมุนตัววิ่งทันที แต่ผมก็ต้องใจหายวาบเมื่อรู้สึกว่าวิคเตอร์วิ่งตามมาด้วย


“จะไปไหน?!” แว้กกก! เสียงก็มาด้วย ผมวิ่งหน้าตั้งไปทางบันไดแล้วตะโกนตอบกลับไปเสียงดัง


“ไปทำอาหารให้คุณไง!” ผมวิ่งไปตามทางที่นำไปสู่บันได เหลือบหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายวิ่งเหยาะๆ ตามมา นึกหงุดหงิดไม่น้อยที่อีกฝ่ายหน้าตาชิว ส่วนผมนี่หน้าตาลนลานไปหมด ผมเลี้ยวลงบันได แล้วสปีดเท้าวิ่งลงเสียงดังตึงตังๆ  เสียงตึงตามหลังผมมา ในขณะที่ผมกำลังจะวิ่งถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว


“อ้ากกก!” ผมเผลอตะโกนเสียงดังออกมาเพราะรู้สึกตื่นเต้นที่โดนวิ่งไล่ล่า การได้เปล่งเสียงออกมาจากข้างในมันเป็นการช่วยบรรเทาอดรีนาลีนที่กำลังแล่นไปมาได้บ้าง โชคดีที่ผมออกตัวมาก่อน ไม่งั้นเขาคว้าตัวผมได้สบายๆ เลย ก็อีกฝ่ายแขนขายาวซะขนาดนั้น


“มานี่!”


ฮือออ~ แง~


ตอนที่ผมก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย ผมก็โดนเขาคว้าเข้าไปประชิดแผงอกของเขา ความรู้สึกอุ่นจากเนื้ออกของเขาแนบอยู่ที่แก้ม จนรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจเต้นตุบๆ ของอีกฝ่าย ผมรู้สึกหอบหน่อยๆ หัวใจเต้นถี่ แต่ไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่เป็นเพราะเหนื่อยยย ทำไมอีกฝ่ายดูสบายๆ จัง เป็นเพราะเขาออกกำลังกายรึเปล่านะ


แอ่กกก! รู้สึกเหมือนจะตาย อ้อมแขนเขากอดรัดผมไว้แน่นอย่างกับงูรัดเหยื่อ แต่มันก็คงคล้ายๆ กันแหละ เพราะผมเป็นเหยื่อเขา


“เงยหน้าขึ้นมา” เขาสั่งเสียงเข้ม ผมรีบสะบัดหน้าขึ้นไปมองเขาตามคำสั่งทันที ก็ได้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าตาไม่น่าไว้วางใจ ไอ้รอยยิ้มแบดบอยๆ และแววตาแพรวพราวนั่น ผมไม่ชอบเลยจริงๆ มันทำให้นึกเสียววาบและหวาดระแวง ว่าเขาจะมีแผนประหลาดๆ อะไรอีกหรือเปล่า


“คุณเรย์มอนด์ เล่นเป็นเด็กอยู่นั่นแหละ” ผมว่าหน้ามุ่ย และขยับไปมาในอ้อมกอดเขา แต่ขยับได้มากสุดก็แค่นิ้วมือเท่านั้นล่ะมั้ง นอกนั้นโดนรัดแน่นไปหมด



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:41:43

“แล้วใครว่าฉันแก่” เขาบอกหน้าตาย น้ำเสียงสบายๆ


“แต่อย่างน้อยคุณก็แก่กว่าผม อายุมากกว่าผม ฉะนั้นเทียบกันแล้ว ผมเด็ก คุณแก่” ผมยิ้มกริ่ม กับความภูมิใจเล็กๆ ที่ตัวเองเด็กกว่าคนตัวโตตรงหน้า คนโดนว่าแก่หรี่ตามองกลับมา


“ปากเก่งจริงนะ ไหนมาดูซิว่าปากเก่งแบบนี้ จะทำอย่างอื่นเก่งด้วยรึเปล่า” เขาบอกแล้วพุ่งตัวจะเข้ามาจูบ ไม่ได้บอกว่าเขาจะจูบผมหรอกนะ แต่ไอ้ท่าทางที่พุ่งเข้ามาใกล้ปากแบบนี้ ก็คงไม่ใช่อย่างอื่น ผมเลยรีบยกมือที่ยังพอขยับได้ขึ้นมาปิดปากตัวเอาไว้นั่นเลยทำให้อีกฝ่ายชะงัก


“เอามือออกไป” เขาสั่งหน้านิ่ง เสียงสงบ แต่ผมว่าไอ้ความสงบนี่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ ผมส่ายหัวรัวๆ


“ต้องให้ฉันบังคับใช่มั้ย” เขาเอียงคอถาม ยิ้มมุมปากอย่างเท่ ผมตาโตแล้วส่ายหัวอีกรอบ วิคเตอร์ทำท่าจะพุ่งเข้ามา ผมเลยรีบเอามือออกจากปากแล้วยกมือขึ้นมาพนมเป็นรูปดอกบัวตูม


“ยอมแล้วๆ ยอมแล้ว ผมขอโทษ ขอโทษๆๆ ขอโทษครับ” ผมหลับตาปี๋แล้วบอกเสียงรัว บอกอย่างรวดเร็ว สั่นมือที่พนมไว้ไปมา สิ่งที่รับรู้ตอนนี้คือลมหายใจอุ่นๆ ที่รดอยู่ตรงหน้าผาก


“หึ!” เสียงหัวเราะออกมาจากลำคอของอีกฝ่าย ผมลืมตาขึ้นมองหน้าเจ้านายตัวเองที่มองกลับมาด้วยแววตาพึงพอใจเหมือนผู้มีชัยคงรู้สึกดีสินะที่เห็นผมยอมให้ เลยอดเบ้ปากใส่ไม่ได้ จนอีกฝ่ายถลึงตามอง ผมเลยต้องสงบ


โฮ่ง!!


เสียงเห่าของเจ้าไมเคิลทำให้เราสองคนหันไปมอง เจ้าหมาขนฟูตัวใหญ่กำลังยืนเอียงคอมองเราสองคนด้วยความสงสัย แต่หางก็ส่ายไปมาช้าๆ มันคงกำลังงงว่าเราสองคนทำอะไรอยู่


“เดี๋ยวฉันจะพาไมเคิลออกไปข้างนอก ส่วนนาย ทำอาหาร ซักผ้า เตรียมชุดให้ฉันสำหรับคืนนี้ ฉันกลับมา ทุกอย่างต้องเสร็จเรียบร้อย” เขาสั่งเสียงเข้ม เรียบแต่เฉียบขาด ผมพยักหน้าหงึกหงักตอบรับอย่างรวดเร็ว


แล้วก็เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง เราสองคนมองตากันไปมา ผมเอียงคอมองเขาแล้วกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอามือจิ้มอกเขาเบาๆ


“ปล่อยสิ ผมจะได้ไปทำตามคำสั่งของคุณ” เขามองผมอยู่อีกอึดใจหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก ผมดันตัวเองห่างจากเขาเล็กน้อย ผมยกแขน ยกมือ ที่โดนไฟกับความร้อนเมื่อวานทำร้ายขึ้นมาดู ก็เห็นว่ามันดูดีกว่าเมื่อวานนี้เยอะมาก ผมเลยพลิกขาแล้วเลิกชายเสื้อขึ้นดู ก็เห็นว่าอาการแดงลดลงเช่นกัน ที่มีตอนนี้ก็นาจะเป็นอาการแสบๆ คันๆ บ้างนิดหน่อย


“อาบน้ำเสร็จก็เอายามาทาเพิ่ม” ผมเงียบหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังมองผมสำรวจร่างกายตัวเอง ผมพยักหน้ารับคำสั่งเขา


“แล้วอาการไข้หวัดดีขึ้นรึยัง”


“ดีกว่าเดิมครับ ไข้ลดลงแล้ว น้ำมูกก็ลดลง”


“กินยาเข้าไปอีกก็แล้วกัน”  ผมยิ้มนิดๆ แล้วพยักหน้ารับอีกรอบ วิคเตอร์มองผมอย่างเฉยๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไป ผมถอนหายใจโล่งอก แล้วมองตามเจ้าไมเคิลที่เดินเตาะแตะๆ ตามเจ้านายมันขึ้นบันไดไป ผมส่งเสียงหัวเราะเล็กๆ คิกคักๆ ยิ้มขำกับท่าทางของเจ้าหมาตัวใหญ่ที่เดินบิดตูดช้าๆ ขึ้นบันไดไป


ฟึ่บ


หงับ!


“อ้ากกก!”


ผมร้องเสียงดังลั่นเมื่อโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวและไม่รู้ตัว ก็ไว้ใจว่าอีกฝ่ายเดินขึ้นบันไดไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ เขากลับพุ่งตัวกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วดึงตัวผมเข้าไปใกล้ ก่อนจะก้มลงมาที่ซอกคอผม แล้วใช้ฟันงับเข้าที่ซอกคอซ้ายแรงๆ หนึ่งที
ผมยืนนิ่งตาเบิกกว้างกับการกระทำของอีกฝ่าย ความรู้สึกเจ็บ แต่ไม่ได้เจ็บปวดมาก เพราะเขางับเบาๆ แต่ก็รับรู้ถึงถึงแรงขบลงมาของฟันที่เรียงตัวสวยของเขา ผมรู้สึกมึนหัวไปชั่วขณะ เช้านี้มึนหัวไปกี่รอบแล้วเนี่ยยย!


“เป็นรอยเตือนใจว่าอย่าปากเก่งอีก หัดสงบปากสงบคำซะบ้าง ไม่ใช่เถียงไปซะหมด” เขาเอ่ยออกมาหลังจากถอนคมฟันออกไปแล้ว ผมอ้าปาหวอยกมือตะปบเข้าที่ซอกคอที่โดนเขาขบกัด รู้สึกมีน้ำลายติดนิดๆ ผมเลื่อนสายตาตื่นๆ ของตัวเองไปมองเจ้าของรอยฟันบนซอกคอที่กำลังยิ้มอย่างพอใจ


“คุณเตือนก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องกัดเลย!” อีกฝ่ายเลิกคิ้วกวนๆ แล้วยักไหล่แบบสบายๆ เขายิ้มเบ้ปากอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะว่า


“คนดื้ออย่างนาย พูดไปก็เท่านั้นแหละ ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่จับนายตีก้น” เขาว่าอย่างเข่นเขี้ยวแล้วยกนิ้วชี้ชี้หน้าผม เหมือนพ่อดุลูก ผมกัดฟันกรอดๆ แล้วถลึงตามองอีกฝ่าย


“อยากโดนอีกใช่มั้ย แต่ครั้งนี้ฉันจะกัดปากนาย เอาให้เลือดไหลจนพูดไม่ได้ไปเป็นอาทิตย์เลย” เหมือนเขาจะพูดเล่น แต่แววตาและน้ำเสียงดูไม่เล่น ผมเลยสงบเสงี่ยม ทำหน้าตาปกติ แต่ก็แอบหน้างอเล็กๆ


“ไปอาบน้ำสิ จะได้ไปทำอย่างอื่น” เขาสั่งอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมเบะปากเล็กๆ


“ผมขอกลับไปอาบน้ำที่พักของตัวเองก่อนได้มั้ยครับ จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ด้วย”


“ไม่ต้อง เสียเวลา อาบที่นี่นั่นแหละ เสื้อผ้าก็ใส่ของฉันไปก่อน”


“นี่! เราตัวต่างกันอย่างกับหมาปอมเมอเรเนียนกับกอลิล่า ผมใส่เสื้อคุณทีไรอย่างกับใส่กระโปรง” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแบบขบขัน


“แหม… เปรียบตัวเองซะน่ารัก ส่วนฉันเอาไปเปรียบกับกอลิล่าเนี่ยนะ”


“เอ้า! ก็เหมือนจริงๆ นี่” ผมบอกอย่างหมั่นไส้ แต่จริงๆ มันไม่เป็นความจริงนะ วิคเตอร์ค่อนข้างห่างไกลจากไอ้ลิงยักษ์นั่นเยอะ


“สงสัยอยากโดนกัดปาก” อีกฝ่ายหรี่ตาแล้วบอกด้วยน้ำเสียงคุกคาม ผมรีบเอามือปิดปากทันที แล้วมองเขาอย่างเลิ่กลั่ก เขามองผมอีกครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา


“งั้นรีบไปรีบกลับ ฉันให้เวลาไม่เกินเที่ยง ถ้าเกินเมื่อไหร่ นายโดนดีแน่!” เขาขู่หน้าโหด ผมแอบเบ้ปากในมือที่ยกมาปิดปากไว้


“อย่าแอบเบ้ปาก!” เฮือก! ดันรู้อีกนะ ผมเลยปล่อยมือออกจากปาก แล้วยิ้มแห้งให้เขา


“โอเคครับ ผมจะรีบไป รีบกลับ” ผมยิ้มดีใจที่จะได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ไม่ใช่เหมือนใส่กระโปรงแบบนี้


ผมหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นหยิบกางเกงขาสั้นของตัวเองมาใส่ทับบ็อกเซอร์เข้าไป หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องนั่งเล่น ก็ยังเห็นว่าเขายืนอยู่ที่เดิม ผมเผลอยกมือไหว้สวัสดีเขา อีกฝ่ายทำหน้างงๆ นิดหน่อยที่เห็นผมยกมือไหว้


“ธรรมเนียมไทยน่ะ เจอคนที่ แก่ กว่า ต้องไปลามาไหว้” ผมเน้นเสียงตรงคำว่าแก่แล้วยิ้มกว้างส่งไปให้


ฟิ้ววว!


ผมรีบวิ่งหนีไปทางประตูทันที เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามาประชิดตัวผม ยิ่งเห็นหน้าตาที่เหมือนจะหมั่นไส้ผมไม่น้อยแบบนั้น ต้องรีบวิ่งหนี พอผมวิ่งเจ้าไมเคิลก็ส่งเสียงเห่าอย่างตื่นเต้น มันคงนึกว่าผมชวนมันวิ่งเล่นสินะ แต่เปล่าเลยฉันวิ่งหนีเจ้านายแกต่างหากเจ้าหมายักษ์ 










ช่วงเวลาที่กลับไปจัดการตัวเองที่บ้านป้าแมร์รี่ ผมนี่แทบเสียสติ ลนลานไปหมด เพราะกลัวตัวเองสาย จนป้าแมร์รี่ต้องเข้ามาบอกให้ผมใจเย็นๆ ผมถึงตั้งสติได้และค่อยๆ จัดการตัวเองอย่างไม่เร่งรีบ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เร่งฝีเท้าออกจากที่พัก ก่อนออกจากบ้านผมเจอบาสที่กำลังจะไปทำงาน (เข้ากะสาย) เราสองคนเลยได้มีเวลาเดินคุยกัน จนกระทั่งขึ้นรถไฟมาพร้อมๆ กัน ผมกับเขาคุยกันราวกับไม่ได้คุยกันมานานมาก คุยเรื่องทั่วๆ ไป ไม่มีประเด็นหลักที่แน่นอน คุยกันจนคอหอยแทบพัง (เว่อร์) แน่ล่ะ ผมแทบไม่เจอใครที่บ้านเลย ตั้งแต่มาถึงที่นี่ผมได้คุยกับคนอื่นน้อยมาก นอกนั้นพูดกับอีพ่อพระเอกเป็นส่วนใหญ่ 


“เออ แมท รอยที่คอนั่นมันอะไรอ่ะ”


เฮือก!


นั่งคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่ดีๆ ทำไมวกมาเรื่องนี้ละพ่อหนุ่มแว่นกล้ามแน่น นี่ยกปกคอเสื้อบังมิดสุดๆ แล้วนะ ผมรู้สึกหน้าแห้ง ปากแห้ง ไปในบันดล แงๆ ไอ้รอยฟัน รอยแดง รอยดูดนี่ ลบยากเสียจริง (มันจะลบออกได้ไง) ตอนผมอาบน้ำ ก็เห็นแล้วล่ะว่ามันแดงชัด ส่วนไอ้รอยฟันนั่น ก็ทิ้งรอยไว้จางๆ


ฮ่วยยย! อยากจะจับไอ้เจ้าของรอยนี่เลาะฟันออกจากปากซะจริง!


“ยุง ยุงกัด ยุงนิวยอร์คแม่งปากจัดกัดเจ็บยิ่งกว่ายุงไทยมาก” นึกแล้วอยากจะฟาดยุงตัวนั้นให้ตายคามือ
บาสหรี่ตามองผ่านกรอบแว่นอย่างไม่เชื่อในคำตอบ ผมยิ้มเม้มปากอย่างประหม่า แล้วก็ค่อยๆ จับคอเสื้อเชิ้ตสีดำของตัวเองขึ้นมาปิดร่องรอยนั้นไว้


“ยุงกัดจริงอ่อวะแมท แม่งเหมือนรอยดูด รอยกัด” ผมอ้าปากหวอ เมื่อโดนเขาพูดกระแทกใส่หน้าอย่างง่ายๆ หน้าตาสบายๆ แต่
เล่นเอาผมหัวใจจะวาย


 โอ๊ยยย! พ่อคุณ พูดตรงจริ๊งงง!


“ยะ…ยุง ยุง จริงจริงนะ” ผมพยายามบอกเสียงปกติ แต่เสียงก็ทั้งแผ่ว ทั้งแป้ว เหลือเกิน  บาสคลี่ยิ้มเหมือนรู้ทันก่อนจะว่า


“มานิวยอร์คไม่ถึงเดือน นี่แมทมีเจ้าของแล้วหรอเนี่ย”


“เฮ้ย! เจ้าของไม่มี มีแต่เจ้านาย” ผมรีบโพล่งออกไปทันที แต่นั่นยิ่งทำให้บาสมองผมแทบตาไม่กระพริบ


“เจ้านายแมทผู้ชายผู้หญิง?”


“ผู้หญิง คนเมื่อวานไง ที่มารับเราที่บ้านป้าแมร์รี่อ่ะ” ผมบอกทันทีที่นึกได้ว่าบาสเคยเจอคุณเอมิลี่แล้ว และผมก็ไม่ได้โกหกสักหน่อย เจ้านายผมจริงๆ ก็คือคุณเอมิลี่นี่แหละ ส่วนอีกคน ละไว้ละกันนะในสถานการณ์แบบนี้


“แต่แม่งเหมือนรอยดูดจริงๆ นะ” บาสยังคงมองไปที่ซอกคอผมอย่างตั้งอกตั้งใจ คนโดนมองอย่างผมก็ได้แต่เอามือขยุ้มคอเสื้อไว้


“ถ้าเป็นแค่รอยยุงกัดจริง ทำไมต้องพยายามปิดด้วยอ่ะ” บ๊ะ! เดี๋ยวปัดจับแก้ผ้าเอาไฟแช็คลนไข่ซะหรอก


“ก็มันเหมือนรอยดูดแบบที่บาสว่าไง”


“แต่ถ้าแมทมั่นใจว่าเป็นแค่รอยยุงกัด ไม่เห็นต้องพยายามปิดเลย” บาสบอกง่ายๆ ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อ แล้วส่งยิ้มทำเหมือนว่าเห็นด้วยกับคำพูดนั้น บาสยิ้มมุมปากอย่างขำๆ


“แมท… เราเคยทำให้คนอื่น และคนอื่นก็เคยทำให้เรานะ ทำไมเราจะไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่รอยยุงกัด” อึ้งครับ! ผมนี่นิ่งอย่างกับรูปปั้น เลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วทำตาโตมองอีกฝ่ายที่มองกลับมาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม


“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แค่สงสัยว่าใครเป็นคนทำ แต่ไม่ใช่ผู้หญิงคนเมื่อวานแน่ๆ” ผมยิ้มอย่างจนมุม แล้วก็แบะปากราวกับจะร้องไห้


“แค่เล่นกันเฉยๆ อ่ะ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น”


“ไอ้คนเล่นแม่งเล่นซะเหมือนจริง เล่นซะเกือบรอบคอ” บาสหัวเราะน้อยๆ ส่วนผมก็รู้สึกร้อนๆ ที่หน้า ไม่ยุติธรรมอีกละ ไอ้คนทำป่านนี้นอนอาบน้ำอยู่ในอ่างสบายใจเฉิบแล้วมั้ง


“น่าเกลียดมากมั้ย” ผมถามด้วยความกังวล พลางเอามือจับๆ ลูบๆ ตรงซอกคอทั้งสองฝั่งของตัวเอง


“มันก็ไม่ได้เรียกว่าน่าเกลียดอ่ะ แต่มันมีหลายรอยจนน่าตกใจมากกว่า ดีนะแมทไม่ได้ขาวมาก ไม่งั้นเห็นตั้งแต่ร้อยเมตร” ผมหน้าเสีย ดึงปกคอเสื้อมาปิดๆ อีกครั้ง


“ว่าแต่ใครทำเนี่ย มีแฟนแล้วจริงดิ” ผมหน้าตื่น ส่ายหัวรัวๆ


“แฟนที่ไหน ไม่มีเลยสักคน คนมาจีบยังไม่มี ชีวิตนี้ไม่เคยโดนจีบด้วยซ้ำ” ผมบอกอย่างจริงใจ มันเป็นเรื่องจริงที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเบาๆ เมื่อย้อนคิดได้ว่า ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีคนมาจีบ ไม่เคยมีคนมาชอบ มีแต่ไปชอบเขา แล้วก็อกหัก แถมยังอกหัก จนทำให้ไม่กล้าชอบใครเพราะกลัวผิดหวัง


“จริงอ้ะ? หน้าตาแมทก็ไม่ได้ขี้เหร่สักหน่อย อาจไม่โดดเด่น แต่แมทก็หน้าตาน่ารักนะเว้ย” บาสบอกอย่างจริงใจ พร้อมรอยยิ้มกวนๆ แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันกวนเท้าอะไรแบบนั้น มันเป็นรอยยิ้มกวนๆ แบบน่ามอง จนผมต้องยิ้มตาม
อ่าหุๆ อย่างน้อยพ่อตี๋แต่ตาไม่ตี่หน้าตาดีคนนี้ก็มองว่าฉันหน้าตาดีล่ะนะ นานน้านทีจะมีคนชม


“พูดขนาดนี้คิดอะไรกับเราปะเนี่ย” ผมบอกพร้อมหัวเราะน้อยๆ อีกฝ่ายยิ้มกว้างอย่างขบขัน


“คิด แต่ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก เรามีน้องชาย เห็นแมทละนึกถึงน้องชายตัวเอง ตัวเล็กๆ งี้แหละ แต่น้องเราผอมกว่านี้นะ” บาสบอกแล้วหัวเราะเบาๆ ผมหน้าเหวอด้วยความตกใจ


“เราดูอ้วนมากเลยหรอ”


“เปล่าๆ ไม่ได้อ้วน แต่แมทดูมีเนื้อมีหนังมากกว่าน้องเราเฉยๆ อย่างแมทนี่เขาเรียกว่าจับเต็มไม้เต็มมือ” บาสบอกยิ้มๆ ผมทำหน้าเข้าใจว่า อ้อ แล้วพยักหน้าเบาๆ


“เอ้อ… พรุ่งนี้เรากับไอ้เอิร์ทหยุด เลยว่าจะไปนั่งชิวที่บาร์แถวไทม์สแควร์ สักทุ่มสองทุ่มอ่ะ แมทไปด้วยกันปะ” ผมทำหน้าคิดนิดหนึ่ง กำลังคิดว่าตัวเองมีภารกิจอะไรเกี่ยวกับวิคเตอร์อีกหรือเปล่า


“เดี๋ยวเราขอให้คำตอบอีกที แต่วันนี้เจ้านายเราก็มีงานแถวๆ นั้น เราอาจจะแว้บไปได้ตอนที่เจ้านายทำงานอยู่”


“เออ ถ้าไปได้ก็บอกนะ ไอ้เอิร์ทมันก็ฝากมาชวน มันอยากให้แมทไปด้วย” ผมแอบชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มรับ


“ได้ๆ เดี่ยวขอถามเจ้านายก่อน ละเดี๋ยวเราโทรบอก งั้นขอเบอร์บาสไว้เลยละกัน” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเกางเกงสกินนี่ (Skinny) สียีนส์ซีดๆ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้หนุ่มแว่น เขารับไปแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ที่สหรัฐฯ ให้ ก่อนจะโทรเข้าเบอร์ตัวเองแล้วยื่นโทรศัพท์กลับมาให้ผม


“ไปให้ได้นะ ไอ้เอิร์ทแม่งโคตรอยากให้แมทไปด้วย” ยอมรับเลยว่าแอบรู้สึกดีใจ เพราะผมไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้หรอก ไอ้ความรู้สึกที่ว่ามีผู้ชายอยากให้ไปนั่นไปนี่ด้วยกัน


รู้สึกสวย ฮ่าๆๆๆ


“จะพยายาม แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา” หวังว่านะ ได้แต่ปลอบใจตัวเองไปงั้นล่ะ กะอีตาวิคเตอร์อย่าได้คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะมันมีเสมอ บาสยิ้มกริ่มก่อนจะบอกประโยคต่อมาที่ทำให้ผมแอบใจเต้นไม่น้อย


“ไม่เคยโดนจีบ จะโดนจีบก็คราวนี้แหละแมท” ผมหน้าเหลอหลา แต่ก็เผลอยิ้มออกมาอย่างเขินๆ ทั้งที่พยายามกลั้นยิ้ม แต่ยิ่งกลั้นก็ยิ่งยิ้มจนรู้สึกเมื่อยหน้า บาสคลี่ยิ้มเป็นรอยยิ้มขำๆ


“ขอถามได้มั้ย ว่ามันหมายความว่าไง” บาสเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ราวกับกำลังคิดว่าพูดได้มั้ย แต่สักพักเหมือนเขาจะคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไร เลยไหวไหล่เบาๆ แล้วก็ว่าต่อ


“เอิร์ทมันชอบแมท มันก็เพิ่งบอกเราเมื่อวานตอนที่แมทออกไป มันไปนั่งรอแมทกลับยันดึก เราออกมาตาม ก็เลยนั่งเปิดใจคุยกัน มันก็เลยสารภาพออกมา จริงๆ แม่งก็อย่าเรียกว่าสารภาพเลยว่ะ เรียกว่ามันตอบข้อสงสัยเรามากกว่า เพราะเราคิดมาสักพักละว่ามันชอบแมทรึเปล่า” บาสบอกน้ำเสียงสบายๆ แต่คนที่ได้ฟังอย่างผม ถึงกับกระพริบตาปริบๆ หน้าตาเอ๋อแดกไปแล้ว


ชอบ… มีคนชอบผมเนี่ยนะ แล้วเป็นเอิร์ท ผู้ชายที่หน้าตาถือว่าหล่อมากคนหนึ่งเลยนะ คือ ก็พอจะรู้สึกนิดๆ ตอนเขาจูบว่าเขาคิดอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า แต่ไม่คิดว่าเขาจะชอบ


“จริงอ่อ” ผมแอบงงๆ ปนสงสัยอะไรนิดหน่อย แต่ถึงจะสงสัยอะไร ผมก็พูดออกไปได้แค่นั้น เพราะรู้สึกว่าสติมันมวนๆ แปลกๆ มันเหมือนมีเสียงหึ่งๆ อยู่ในหัวตัวเอง ความรู้สึกมันตีกันในอกไปหมด มันปั่นป่วน ความดีใจก็มี ความรู้สึกงงก็มี ความอึ้งก็มี


“รอฟังจากปากมันอีกทีละกัน จะได้รู้ว่าชัวร์รึเปล่า” บาสบอกยิ้มๆ ผมย่นหน้าด้วยความเขินนิดๆ ก่อนจะถามอย่างนึกสงสัย


“เอิร์ทเป็น เอ่อ… “ ไม่รู้ทำไม ผมไม่กล้าเรียกคนอื่นว่า เกย์ ผมมีความรู้สึกว่าไม่อยากตัดสินใครอย่างเร็ว หรือถ้ายังไม่รู้จักกันดีผมก็ไม่อยากไปบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็นเกย์ บางทีท่าทางภายนอกอาจเหมือน แต่เขาอาจไม่ได้เป็นก็ได้ อย่างเอิร์ท ผมก็ไม่รู้สึกว่าเขาเป็นเลยแฮะ ฉะนั้นไม่รู้ว่าเรียกเกย์ได้หรือเปล่า


“ถ้าถามว่าก่อนหน้านี้มันเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมั้ย ก็ไม่มีนะ แต่มันก็ไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนจริงจัง คุยๆ เอาๆ ไปเรื่อย…” ผมตาโตมองบาสอีกรอบ อีกฝ่ายหัวเราะที่เห็นหน้าตาผมเหลอหลา


“มันก็ผู้ชาย ใครให้มัน มันก็เอา ใครไม่ยอมให้ มันก็ไม่เอา”


“แล้วเอิร์ทไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยหรอ”


“ไอ้เป็นตัวเป็นตนเนี่ย ก็มีแหละ แต่คบยาวๆ จริงจังนี่เรายังไม่เคยเห็นว่ะ เราไม่เคยเห็นมันคบกับใครได้เกินปี แต่มันไม่ใช่คนเจ้าชู้นะ คุยทีล่ะคนแล้วก็เอาทีล่ะคน”


“แล้วถ้าเอิร์ทเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาแล้ว จู่ๆ มาเปลี่ยนแนวมาชอบเราได้ไง บ้า ตลกแล้วอ่ะ” ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ชอบผู้หญิง มีแฟนเป็นผู้หญิง เคยมีอะไรกับผู้หญิง แล้วจู่ๆ จะมาชอบผู้ชายอย่างผมเนี่ยนะ


“เราว่าไอ้เอิร์ทแม่งเป็นไบ (Bisexual) มันเคยโดนผู้ชายจีบ มันก็คุยนะ ไม่เห็นมันปฏิเสธ” ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี เลยได้แต่ทำหน้าเก้อๆ ไปเรื่อย ก่อนจะนึกขมวดคิ้วเพราะนึกถึงคำพูดของเอิร์ทได้ ที่บอกว่าถ้าให้ไปจูบผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผมก็ไม่เอา ผมกำลังจะเอ่ยปากถามบาส แต่พอนึกได้ว่าถ้าถามก็ต้องเล่าเรื่องจูบให้ฟัง เลยพอสตัวเองไว้แล้วเปลี่ยนคำถามทันที


“แล้วบาสไม่ เอ่อ… ไม่ แบบว่า ไม่ชอบหรือเปล่า ที่เอิร์ทเป็นแบบนี้” บาสเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วยิ้มเหมือนกำลังขำ


“ทำไมเราต้องรู้สึกงั้นด้วยอ่ะ ไอ้เอิร์ทมันเพื่อนเรานะ เพื่อนสนิทด้วย มันจะเป็นไงก็ช่างมันดิ ขอแค่มันไม่มายุ่งกับตูดเราก็พอละ” แล้วบาสก็หัวเราะชอบอกชอบใจ นี่ถ้าเป็นเมืองไทยคงโดนหันมามองด้วยสายตาแปลกๆ แต่ที่นี่คนไม่ค่อยสนใจกันหรอก อยากทำไรก็ทำ ผมเลยหัวเราะไปด้วย รู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้เหลือเกินที่เขาไม่นึกรังเกียจเพื่อนตัวเองที่เปิดเผยว่าชอบผู้ชาย
ที่สำคัญคือชอบผู้ชายอย่างผม คนอย่างผมเนี่ยนะ…


แม้ผมจะไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกแบบไหนกันแน่ แต่ความรู้สึกหนึ่งที่มีต่อเอิร์ทคือ ความรู้สึกขอบคุณ… ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ว่าการมีคนมาชอบมันก็เป็นเรื่องราวดีๆ แบบนี้นี่เอง


[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:43:55

ผมมาถึงบ้านวิคเตอร์ตอนสิบโมงนิดๆ แอบรู้สึกผิดเหมือนกันที่วันนี้ทำอาหารให้เขาทานช้า ปกติเขาจะทานมื้อเช้าไม่เกินแปดโมงเช้า สายสุดๆ ก็แปดโมงครึ่ง แต่นี่เลยเวลาอาหารเขามาเยอะแล้ว ผมเลยรีบจัดการตระเตรียมอาหารให้เขาโดยไม่ได้สนใจจะเสาะหาว่าเขากลับมาจากข้างนอกหรือยัง หรือว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน ผมตัดสินใจทำข้าวไข่เจียวง่ายๆ ที่ใช้เวลาไม่มากไปเสิร์ฟให้เขาในห้องนอน เพราะกลัวว่าถ้าทำอย่างอื่นมันจะใช้เวลานาน


ผมยกถาดอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะทรงกลมใกล้ริมหน้าต่างและระเบียงห้อง จัดการราดซอสพริกลงบนไข่ วางสตาร์บัคไว้ข้างๆ จานข้าวพร้อมน้ำเปล่าอีกหนึ่งแก้วใหญ่ ก่อนจะหยิบถาดอาหารเตรียมตัวจะหมุนเดินออกจากห้อง แต่ก็ต้องสะดุ้งเพราะหมุนตัวเดินไปชนเจ้าของห้องที่เปลือยกายท่อนบนใส่แค่ผ้าขนหนูหมิ่นเหม่ไว้เบื้องล่าง


“ตกใจหมดเลย!” ผมเอามือจับอกแล้วถอนหายใจเบาๆ ยกมือปาดน้ำออกจากคิ้วที่ติดมาจากแผงอกของเขา อีกฝ่ายชะโงกหน้าไปดูอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะเลื่อนสายตามามองผม


“ฉันกลับมา แล้วนายก็เพิ่งทำงานเสร็จอย่างเดียวเนี่ยนะ” เขาเลิกคิ้วถามพลางเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวที่เปียกไปด้วย ผมพยายามข่มใจไม่ให้มองตรงกล้ามท้องสามเหลี่ยมทรงคว่ำนั่น ไอ้ช่วงนั้นนี่มองทีไรคิดไปไกลทุกที


“ขอโทษทีครับที่ไปนาน…”


“ก็บอกแล้วว่าให้อาบน้ำที่นี่ซะก็หมดเรื่อง” ทำไมจะต้องพูดแทรก ทำไมถึงไม่เป็นคนที่ฟังอะไรให้จบก่อนนะ โวะ! ผมกลอกตาแว้บหนึ่งแล้วตอบเขาเสียงเซ็งๆ


“ขอโทษอีกทีครับ ผมก็พยายามเร่งสุดๆ แล้ว ผมทำอาหารง่ายๆ มาให้ เพราะมันเลยเวลาทานอาหารเช้าของคุณมาสองชั่วโมงแล้ว ผมกลัวคุณหิว”


“ใช่ ฉันหิว เป็นเพราะนายนั่นแหละ” ผมทำปากยื่นแบบเซ็งๆ ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำ


“คุณเสียเวลาทานข้าวไปอีกสามนาทีเพราะยืนหาเรื่องผม ผมว่าเอาเวลานั้นไปทานข้าวเถอะครับ คุณเรย์มอนด์” ผมเบี่ยงตัวแล้วผายมือให้เขาไปที่โต๊ะทานข้าว เขาหรี่ตามองผมเล็กน้อย ก่อนจะยอมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ผมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วก้าวเดินออกจากห้อง เพื่อไปซักผ้าให้เขา และจะได้กลับมาเตรียมชุดสำหรับงานคืนนี้


“เดี๋ยวผูกหูกระต่ายให้ฉันด้วยนะ แล้วฉันขอเปลี่ยนจากสูทวาเลนติโน (Valentino) มาเป็นสูทอมานี่ (Armani)” เขาตะโกนไล่หลังตามมา ผมหันไปมองเขาแล้วยิ้มรับคำสั่ง


“Yes, as you wish—my boss. (ครับ ตามที่คุณปรารถนาเลยครับ เจ้านาย)” แล้วผมก็โดนผ้าขนหนูผืนเล็กของเขาอัดเข้าที่หน้า โทษฐานที่ใช้น้ำเสียงประชดประชัน พร้อมรอยยิ้มกระแทกแดกดันอีกฝ่าย


ตอบผมที นี่คือคนที่พยายามจะยัดกล้วยเข้าปากผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วหรือเปล่า








รถของวิคเตอร์เข้ามาจอดเทียบหน้าหอสมุด หรือที่ชาวนิวยอร์คเรียกว่า New York Public Library ตรงถนน 42 หรือถ้าให้แปลแบบไทยๆ ก็อารมณ์หอสมุดแห่งชาติ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าหอสมุดชาวบ้าน แต่ผมคิดว่ามันคงไม่เหมือนหอสมุดประชาชนที่เหล่าผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันสร้างไว้ให้ชาวบ้านมาอ่านหนังสือหรอกมั้ง ผมว่าน่าจะต่างกันอยู่นะ (ต่างสิ)


หอสมุดแห่งนี้ใช้เป็นฉากในหนังดังๆ หลายเรื่องๆ แต่ที่ทำให้ผมจดจำหอสมุดแห่งนี้ได้มากที่สุดคงจะเป็นเรื่อง Sex  And The City ที่ใช้หอสมุดเป็นฉากแต่งงานของพระนาง แต่สุดท้ายงานแต่งก็ล่มเพราะอีฝ่ายชายโลเล ชะนีก็ต้องหอบกระโปรงบานๆ กลับไปพร้อมความบอบช้ำ แน่นอนว่านอกจากเป็นหอสมุดแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง งานแต่ง งานสังสรรค์ได้ด้วย แต่ต้องจองคิวนะ เพราะว่าคิวยาวมากและขอจัดงานยากมาก ถ้าไม่เด่นไม่ดังจริงก็ไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะได้จัดงานที่นี่และทางหอสมุดเองก็ใช่ว่าจะเปิดให้ใช้ที่นี่มาจัดงานเลี้ยงปาร์ตี้อะไรได้บ่อยๆ ก็อย่างว่ามันคือหอสมุดนี่นะ



งานที่วิคเตอร์มาเป็นงานเลี้ยงครบรอบของนิตยสารชื่อดังเล่มหนึ่งของวงการแฟชั่น ของวงการสื่อพิมพ์นิวยอร์ค ซึ่งแน่นอนว่าวิคเตอร์ที่เริ่มจากการเป็นนายแบบมาก่อนก็ต้องรู้จักมักจีกับพวกนิตยสารอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เขาจึงถูกเชิญมาเพราะร่วมงานกับนิตยสารเล่มนี้หลายครั้ง เลยรู้จักกับบรรณาธิการของหนังสือเป็นอย่างดี


ผมลงมายืนมองบรรยากาศอันอลังการงานสร้างที่หน้าหอสมุด แสงแฟลชวูบวาบสว่างไสวไปมา เหล่าเซเลบริตี้คนดัง และเหล่าดารานักแสดง นักร้องที่มีชื่อเสียงมากมาย เดินเข้างานเรียกแสงแฟลชจากช่างภาพไม่หยุด เสียงตะโกนเรียกให้หันไปมองกล้องนั้นกล้องนี้ดังแว่วมา


“จะเข้าไปหรือจะรออยู่ข้างนอก” เจ้าชาย เอ๊ย! เจ้านายผมเอ่ยถามเมื่อยื่นกุญแจให้กับคนขับรถไปจัดการรถเขาเรียบร้อยแล้ว
วิคเตอร์อยู่ในชุดสูทสีดำมันขลับ ที่ผ่านการตัดเย็บมาอย่างดีไม่มีหลุดลุ่ย ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตขาว เพิ่มความเก๋ด้วยหูกระต่ายสีดำที่ผมเพียรพยายามในการเรียนรู้จากคลิปในยูทูป กว่าจะพับให้มันเป็นหูกระต่ายได้ ผมนี่แทบอยากจะไปเฉือนหูกระต่ายจริงๆ มาเย็บให้เขาซะ กางเกงสแลคสีดำมันเลื่อมสะท้อนแสงดูน่ามอง รองเท้าขัดมันที่แน่นอนว่าผมนั่งขัดให้กับมือ เขาไม่ได้ใช้หรอก แต่ผมเห็นว่ามันดูไม่เนี้ยบพอเลยนั่งขัดให้เอง


“พอดีเพื่อนผมชวนไปบาร์แถวนี้ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอไปรอคุณที่บาร์ก็แล้วกัน ถ้าคุณเลิกแล้วก็โทรมาบอกนะครับ” เขาทำหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“ฉันคงอยู่ไม่นาน น่ารำคาญจะตาย นี่ถ้าไม่ติดว่าฉันเคยนอนกับยัยบรรณาธิการมาก่อน ฉันไม่มาหรอก” อะ…อะไรนะ ผมอ้าปากหวอเมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่อีกฝ่ายกลับพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย แถมยังมีสีหน้าติดรำคาญเล็กๆ ด้วยซ้ำ


“คะ…ครับ” ผมรู้สึกตกตะลึงจนไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่มองหน้าพ่อหน้าหล่อ ที่วันนี้หล่อเนี้ยบด้วยทรงผมเวทลุคส์ (Wet looks) หรือหวีเปียก ที่ผมทำให้กับมือ เขาดูดีมาก ดูหล่อแบบคุณชาย เจ้าชายยุคคลาสสิคๆ หน่อยเนื่องด้วยผมเขาจะมีความหยักยุ่งอยู่เล็กน้อย แต่ไม่ได้หยิกหยอยเป็นฝอยขัดหม้อหรอกนะ ไม่ได้หยิกถี่ๆ ขนาดนั้นอ่ะ ผมว่าวิคเตอร์เขามีทรงผมที่เหมือนจะยุ่งเหยิงตลอดเวลา แต่ไม่ได้ดูรกรุงรัง นั่นทำให้เขาดูเซ็กซี่มาก พอทำผมทรงหวีเปียกแบบนี้มันออกมาเข้ากับเขามาก แต่ก็ไม่ดูเรียบแปล้จนเรียบติดหัว โครงหน้าเขาดีอยู่แล้ว ไม่ว่าทำผมทรงอะไรมันก็เข้าไปหมด และที่สำคัญวิคเตอร์เป็นไม้แขวนเสื้อที่ดีมาก ใส่ชุดอะไรแม่งก็ดูดีจริงๆ นะ ผมว่าถ้าเขาใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ มางานยังเข้าไปในงานได้สบายๆ ถึงแม้หน้าเขาจะไม่ได้หล่อเปะเว่อร์วังอลังการ แบบว่าเห็นแล้วสะดุด แต่บอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ ดูเป็นผู้ชายมีอะไรในตัวเอง เป็นคนที่ยิ่งมองแล้วยิ่งติดตาติดใจ  ยิ่งเสน่ห์ทางเพศขอการันตีว่าพุ่งทะยานจริงๆ บอกได้จากเหตุการณ์บนเตียงที่เขาทำกับผมนั่นแหละ ซึ่งผมว่าผู้ชายที่หล่อแบบไม่เป๊ะ แต่หล่อแบบมีลูกเล่นแพรวพราว มีเสน่ห์น่าค้นหา มันน่าสยบให้ยิ่งกว่าพวกหน้าเป๊ะจนหาที่ติไม่ได้อีกนะ บางเป๊ะเกิรไปก็รู้สึกว่ามันหล่อเกิ๊น หล่อจนรู้สึกว่ามันแค่หล่ออ่ะ แต่แบบวิคเตอร์นี่หล่อแล้วยังมีเสน่ห์ไง


“คุณรีบเข้าไปเถอะครับ” ผมบอกเมื่อเห็นว่าเขายังคงทำหน้าเซ็งๆ เหมือนไม่อยากเข้าไปในงาน เขายืนมองหน้าหอสมุดที่มีเหล่าช่างภาพ เหล่านักข่าว ยืนเต็มไปหมด


“นี่… หน้าก็หล่อ แต่งตัวก็ดูดี อย่าทำหน้าบูดอย่างนั้นสิครับ ผมอุตส่าห์รีดสูท ทำหูกระต่าย ขัดรองเท้า และทำผมให้นะ” เขาหันมามองทั้งที่สีหน้าและสายตายังคงเหมือนหงุดหงิดๆ ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับไปเหมือนจะปลอบใจว่ายังไงเขาก็ต้องเข้าไปในงาน อีกฝ่ายถอนหายใจเบาๆ แล้วสีหน้าก็ดีขึ้นนิดหน่อย


“นายไปเถอะ” ผมยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกๆ อีกฝ่ายมีสีหน้าดีขึ้น ก่อนจะเดินไปทางบริเวณด้านหน้าหอสมุด ผมมองตามแผ่นหลังของเขา ท่วงท่าการเดินช่างดูสง่าราวกับเดินแคทวอล์คอยู่ตลอดเวลา พอไปถึงบริเวณพรมแดงที่ปูขึ้นไปตามขั้นบันได้ นักข่าว ช่างภาพทั้งหลายแหล่ก็กรูเข้ามาหาเขาแล้วระดมแสงแฟลชใส่ไม่ยั้ง มีไมค์อีกสี่ห้าอันจ่ออยู่ตรงหน้า นี่ขนาดเขายังไม่ได้ดังเป็นพลุแตกนะ ยังได้รับความสนใจขนาดนี้


ผมตัดสินใจหมุนตัวเดินออกมาจากบริเวณหน้าหอสมุดเพื่อเดินไปที่ไทม์สแควร์ จากตรงนี้ไปถึงที่นั่น มันก็ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป เรียกว่าระยะทางพอดี ให้ผมบอกเป็นตัวเลขกิโลเมตร ผมก็ไม่เก่งเลข ไม่ได้เรียนด้านวัดถนนด้วยสิ แต่เอาเป็นว่ามันอยู่บนถนนสาย 42 เหมือนกัน ซึ่งการที่สถานที่ที่อยู่บนเส้นทางเดียวกันของที่นี่ ก็แค่เดินๆ ไปสักพักมันก็จะถึง 


แสงสีแถวหอสมุดที่โดดเด่นสุดๆ ก็คงมาจากงานเลี้ยงฉลองครบรอบนิตยสารนั่นแหละ ส่วนบริเวณอื่นๆ ก็มีแสงสียามค่ำคืนประปรายไมได้คึกคักอะไร แต่พอผมเริ่มเข้าใกล้ย่านไทม์สแควร์ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงแสงสีของจอดิจิตอลมีอยู่เต็มไปทั่วราวกับเป็นกระจกประดับก็ไม่ปาน จอดิจิตอลที่ติดในย่านนี้นั้นให้ความสว่างไสวโดยแทบไม่ต้องเปิดไฟอย่างอื่นเลยด้วยซ้ำ


ผมเดินมาถึงตรงแยกถนนที่รอสัญญาณไฟที่จะข้ามไปถึงใจกลางไทม์สแควร์ระหว่างรอสัญญาณไฟผมก็โทรหาบาสเพื่อให้คำตอบที่ค้างเอาไว้ บาสบอกว่าเขาเองก็กำลังนั่งรถไฟมากับเอิร์ท ตอนที่ได้ยินชื่อคนหลังผมแอบใจเต้นเบาๆ รู้สึกตื่นๆ ชอบกลที่จะเจอเขาหลังจากที่ได้รู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย


ผมวางสายก็เป็นช่วงที่สัญญาณไฟให้คนเดินพอดี ผมเดินข้ามถนนไปตรงริมฟุตบาท มองเห็นแสงไฟสีแดง สีฟ้า สีเหลืองสลับไปมาจากหน้าจอดิจิตอลไกลๆ แล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้เข้าไปอยู่ใจกลางไทม์แสควร์สักที จะได้รู้สึกว่าตัวเองมาถึงนิวยอร์คจริงๆ สักทีสินะ


ในระหว่างทางที่ผมเดินไปก็เป็นย่านตึกเก่า ตึกโทรม แต่ก็ไม่ได้ดูสกปรกมาก แต่ตรงช่วงหนึ่งมีถังขยะใบใหญ่วางอยู่และมีขยะกองพะเนินล้นออกมา ตรงนั้นกำลังมีผู้ชายคนหนึ่งยืนก้มหน้าก้มตาหาอะไรบางอย่างจากกองขยะ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุดเดิน แต่พอเห็นว่าสภาพรกรุงรังของผู้ชายคนนั้นแล้วก็ทำเอาผมหวั่นไม่ได้ เพราะดูจากท่าทางแล้วเขาเป็นพวก Homeless หรือคนไร้บ้านที่มีอยู่เยอะแยะในรัฐนิวยอร์คแห่งนี้


และนั่น… เขาคงรับรู้ถึงการมาของผม เขาหยุดคุ้ยกองขยะ แล้วหันใบหน้าที่มีหนวดครึ้มและแววตาสีชาซีดจางหันมามอง ผมยืนนิ่งไม่กล้าขยับ บริเวณตรงนี้ไฟก็สลัวๆ มัวๆ ผมมองเลยร่างเขาไปไกลๆ เห็นแสงไฟอันคึกคักสาดไปมาบนพื้นถนน นึกในใจว่าถ้าออกวิ่งพุ่งตัวไปที่ไทม์สแควร์ตอนนี้ ผมจะโดนวิ่งไล่ตามหรือเปล่า


“You…” ผมแทบกลั้นหายใจเมื่อเขาเอ่ยเสียงแหบพร่าออกมา แล้วจ้องเขม็งมาทางที่ผมยืนอยู่ ผมกำสายกระเป๋าเป้แน่น คิดในใจว่าถ้าวิ่งไปข้างหน้าไม่ได้ ก็หมุนตัวหนีกลับแล้วกันวะ


“Hey!” เขาตะเบ็งเสียง แล้วจ้องหน้าผมเขม็ง ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ ผมเขยิบเท้าถอยหลังช้าๆ เตรียมพร้อมสำหรับวิ่ง แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเบิกตากว้างเมื่อผู้ชายไร้บ้านคนนั้นคว้าขวดเบียร์ขึ้นมา แล้วทำท่าจะขว้างขวดนั้นเข้าใส่ผม


แว้กกก! ผมกำลังจะโดนปล้นนน อย่างที่เคยได้ยินมา!


[อ่านตอนต่อไปได้ที่ด้านล่างเลยค่ะ]



หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:51:38

CHAPTER 10 :: Love, no boundaries.


วิ่งสิวะวิ่ง! เฮ้ย! ทำไมไม่วิ่งเนี่ย?!


เสียงในหัวผมสั่งว่าให้วิ่ง แต่อีขาเจ้ากรรมดันวิ่งไม่ออก มันสั่นนิดๆ ร่างทั้งร่างเหมือนจะไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ ในขณะที่ใจเต้นรัวราวกับมีคนตีกลองรบในใจ ผมตัวแข็งทื่อมองมือของผู้ชายไร้บ้านคนนั้นที่พร้อมพุ่งขวดเบียร์มาทางที่ผมยืนอยู่ ใบหน้าก็จ้องเขม็งกลับมาอย่างน่ากลัว


บรรยากาศนี้ไม่ใช่เรื่องราวดีๆ เลยจริงๆ


“Stay calm… (ใจเย็น…)” ผมยังทันพูดไม่จบเขาก็ทำหน้าเหี้ยมแล้วตะโกนเสียงดังลั่น


“Get down! (หมอบลง!)” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจและผสมความงง แต่เหมือนต่อมการรับรู้จะไปโดยอัตโนมัติ พอเขาบอกให้ผมหมอบ ผมก็ทิ้งร่างตัวเองลงกับพื้นอย่างว่องไว


เพล้ง!


“Shit! (เหี้ย!)” หืมมม… เสียงใครวะ เสียงห้าวอย่างกับจะกินหัวใคร


เสียงขวดเบียร์กระทบกับกำแพงจนแตก ผมตกใจจนตัวกระตุก ก้มหมอบอย่างหวาดหวั่น แต่ก็พยายามเงยหน้าขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้าต่อ โฮมเลสคนนั้นเดินหน้าเหี้ยมเข้ามาทางผม


เชี่ยแล้ววว!


หมับ!


ผมโดนจับเข้าที่แขน ความรู้สึกแรกว่าชายตาซีด ผมสั้นเกือบเกรียนสีดำ หนวดเคราเฟิ้มต้องเป็นคนจับแน่ๆ แต่พอหันไปตามแรงดึง ก็เห็นผู้ชายอีกคนตัวใหญ่ทะมึน แถมยังดำทะมึนอีกต่างหาก ผมเบิกตากว้างมองอีกฝ่าย


 “Give me 100 dollars, and you can go. (ให้ฉันร้อยดอลล่าร์ แล้วแกก็ไปได้)” เสียงไอ้ที่มันสบถเมื่อกี้นี้หว่าผมย่นคิ้วมองหน้าไอ้หัวโล้นผิวสีตัวใหญ่ตรงหน้า


จะบ้าเรอะ! เงินต้องสามพันกว่า แกจะให้ฉันยื่นให้แกง่ายๆ แล้วบอกว่า เอาไปสิครับ ผมให้ เงี้ยหรอ? 


ทุ้ยยย!


“Let him go. (ปล่อยเขาไป)” เสียงอีกเสียงดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปมองทั้งงง ทั้งตกใจ และทั้งกลัว ตอนนี้ในหัวรวนไปหมด สรุปว่าระหว่างสองคนนี้


ผมควรกลัวคนไหน?


“What is it about you!? (แกมายุ่งอะไรด้วยวะ!?)” ไอ้โล้นผิวสีตะคอกถามอีกฝ่าย ผมเริ่มนิ่วหน้าเมื่อมันบีบแขนผมแรงขึ้น
โฮมเลสคนนั้นไม่ตอบอะไร ได้แต่จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างขวางๆ ผมเริ่มเจ็บแขน โอ๊ย! ไอ้บ้านี่ดันมาบีบตรงจุดเดียวกับที่ไอ้ฌอณบีบไว้อีก มันเพิ่งผ่านมาวันเดียวเองนะเว้ย นี่โดนซ้ำอีกละ แค่นั้นก็ม่วงช้ำไปหมดแล้ว


อั่ก!


“Arg! (อ้าก!)” ผมสะบัดสันมือซ้ายเข้าที่คอหอยของมันอย่างแรงเพราะเริ่มทนที่มันบีบแขนไว้ไม่ได้ มันร้องเสียงหลงแล้วปล่อยมือออกจากแขนผม กระเถิบถอยหนีด้วยความตกใจ แล้วส่งเสียงไอแค่กๆ อยู่หลายที ผมเองก็กระเถิบถอยหนีมันไปยืนอยู่ข้างๆ โฮมเลสคนนั้น แต่พอนึกได้ว่าอีกฝ่ายก็ไม่น่าไว้ใจ ผมก็เลยกระเถิบออกห่างจากเขา อีกฝ่ายมองด้วยสายตาเฉยๆ ราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร


“YOU! (แก!)” ไอ้โล้นคนนั้นทำท่าจะพุ่งตัวเข้ามาทำร้ายร่างกายผม แต่สักพักผมก็ได้ยินเสียงหมาขู่ ไอ้โล้นนั่นชะงักแล้วหันไปมองด้านหลัง ก็เห็นว่ามีหมาตัวใหญ่พันธ์ The German Shepherd หรือสุนัขตำรวจที่เป็นพันธ์ยอดฮิตสำหรับให้เจ้าหน้าที่จูงไปปฏิบัติงานด้วย มันกำลังยืนแยกเขี้ยวจ้องมองไอ้โล้นคนนั้นอย่างอาฆาต


“Go away! (ไปให้พ้น!)” มันเอ่ยปากไล่เจ้าหมาตัวนั้น แต่ดูท่าจะไม่ได้ผล เพราะเจ้าตูบหูตั้งยิ่งแยกเขี้ยวอย่างน่ากลัว ไอ้โล้นผิวสีเริ่มก้าวเท้าถอยหลัง แต่พอมันขยับก้าวใหญ่ เจ้าหมาขนสีน้ำตาลปนสีดำก็พุ่งตัวเข้าหาไอ้โล้นนั่นทันที


“Fuck! (เวรเอ๊ย!)” มันสบถแล้วรีบวิ่งไปทันที โดยมีเจ้าหมาตัวใหญ่วิ่งตามอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับเสียงเห่าข่มขวัญ ผมอ้าปากหวอมองตามอย่างงงๆ ปนตกใจ


วี้ดดดด!


ผมหันไปมองตามเสียง ชายไร้บ้านเอามือขึ้นมาเป่าปากทำเสียงคล้ายนกหวีดที่ปาก สักพักผมก็ต้องรู้สึกทึ่งเมื่อเจ้าตูบตัวที่วิ่งตามไอ้คนที่จะเอาเงินผม วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งเอาขาหน้าชันพื้นไว้แล้วมองชายไร้บ้านคนนั้นอย่างไม่มีพิษภัย ผิดกับเมื่อกี้ที่ขู่ไอ้โล้นนั่นอย่างน่ากลัว


“Good. (ดีมาก)” ผู้ชายคนนั้นยกนิ้วโป้งให้กับเจ้าหมาที่นั่งลิ้นห้อยแล้วส่ายหางไปมา ผมมองด้วยความงงนิดหน่อย ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจเลย แต่แค่กำลังพยายามทำความเข้าใจให้มากขึ้นอยู่


“นายโอเคนะ” ผมหลุดจากกระแสความคิดที่ตีอยู่ในหัวแล้วหันไปมองอีกฝ่าย เขามองกลับมาด้วยสายตาเรียบๆ ใบหน้าก็เรียบเฉย ผมรู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่หน้ากระตุกแปลกๆ


“เอ่อ… โอเคครับ”ผมตอบกลับไปอย่างมึนๆ อีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆ


“ดี เดินไปไหนมาไหนรู้จักระวังตัวหน่อย นิวยอร์คที่เธอกำลังเดินอยู่ ไม่มีสไปเดอร์แมนหรอกนะ”  เขาบอกแบบนั้นแล้วเดินกลับ
ไปที่กองขยะก่อนจะเริ่มคุ้ยเขี่ยอีกครั้ง ผมมองเจ้าหมาเดินตามเขาไปแล้วใช้จมูกดมดอมไปทั่ว


“คุณช่วยผมไว้…” ผมกระเถิบเข้าไปใกล้เขาอีกหน่อย รู้สึกไว้ใจอีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง เขายังคงคุ้ยเขี่ยขยะต่อไปโดยไม่ได้หันมาตอบอะไรผม


“ขอบคุณนะครับ” เขาหันมามองหน้าผม สีหน้าไม่แสดงอาการอะไร แล้วพยักหน้าตอบรับกับคำขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจกองขยะต่อ โดยมีเจ้าหมาตัวใหญ่เดินวนเวียนใช้จมูกดมไปเรื่อย


“ผมไม่คิดว่าจะมีคนเดินตามมา ผมมัวแต่มองคุณ…”


“คิดว่าฉันจะทำร้ายเธอสินะ” เขาพูดโดยที่ไม่ได้หันมามอง มือยังคงคุ้ยกองขยะต่อไป ผมหน้าเสียไปเล็กน้อย


“ขอโทษครับที่คิดแบบนั้น” ผมเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว รู้สึกผิดตงิดในใจที่ไปคิดว่าเขาจะทำร้าย


แต่ถ้าพูดกันตามความจริง เห็นสภาพรุงรังขนาดนี้ ใครจะไม่กลัวไว้ก่อนล่ะ


“ไม่เป็นไร ใครเห็นสภาพฉันก็ต้องกลัวทั้งนั้นแหละ” เขาพูดน้ำเสียงไม่เดือดเนื้อร้อนใจหรือเสียใจใดๆ โดยที่สมาธิของเขายังไม่ได้หลุดจากกองขยะเลยสักนิด แล้วก็เห็นเขาหยิบกล่องพิซซ่าหนึ่งกล่องขึ้นมาเปิดออก ผมเห็นแว้บๆ ในนั้นว่ามีพิซซ่าอยู่สามชิ้น


“เอ่อ… คุณหาอะไรกินหรอครับ” ผมถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ผมกลัวว่าพูดไปจะเป็นการไปดูถูกเขาหรือเปล่า เลยพยายามใช้น้ำเสียงแบบสุภาพที่สุด


“ใช่ แต่ไม่ได้ให้ตัวเองหรอกนะ ให้เจ้ายักษ์นี่” เขายกนิ้วโป้งชี้ไปทางเจ้าหมาตัวโตที่เงยหน้ามองเขาอยู่ ชายหนุ่มคนนั้นหันไปหาแล้วพูดเสียงใจดี


“วันนี้แกได้กินของดีเป็นพิซซ่าเลยนะ นานๆ ทีจะมีหลุดมานะเนี่ย” เจ้าหมาเหมือนรับรู้เพราะมันทำท่ากระตือรือร้นยกใหญ่ หางพวงๆ ของมันโบกสะบัดไปมา ทำให้ผมนึกถึงเจ้าไมเคิล


“ทำยังไงถึงจะได้กิน?” เขาบอกแล้วยกกล่องพิซซ่าหนีเจ้าหมาตัวนั้น แววตามันเป็นประกายก่อนที่มันจะยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้น โฮมเลสคนนั้นหัวเราะชอบใจก่อนจะวางถาดพิซซ่าลง ผมมองการกระทำนั้นแล้วก็ยิ้มขึ้นมาอย่างอุ่นใจ


แม้เขาจะไม่มีอะไร แต่เขาดูมีความสุข


“แล้วคุณทานอะไรรึยังครับ” ผมถาม เขาหันมามองเฉยๆ ก่อนจะยักไหล่เล็กน้อย


“เงินที่ทางการให้มาหมดไปแล้ว ฉันคงต้องรอเงินครั้งต่อไป” เขาบอกสีหน้าสบายๆ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติของเขา แต่ผมนี่รู้สึกกระตุกในอก พูดแบบนี้แสดงว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วนานแค่ไหนแล้วเนี่ย


“คุณไม่ได้กินอาหารมานานแค่ไหนแล้วครับ” เขากำลังเริ่มคุ้ยเขี่ยขยะต่อไป แต่พอผมถามเขาก็หยุดแล้วหันมามองก่อนทำหน้าครุ่นคิดแล้วตอบ


“สามวันแล้วมั้ง แต่ฉันก็กินกับเจ้าหนูเนี่ยแหละ” เขาคงหมายถึงหมาสินะ ผมอดทำหน้าเหยไม่ได้ นี่เขากินอาหารจากกองขยะงั้นหรอ


“คุณกินอาหารจากขยะเนี่ยนะ?” ผมถามเสียงสูง อันที่จริงผมก็เคยเห็นข่าวตามทีวีมาบ้าง หรือเคยเห็นในละคร หรือแม้กระทั่งเคยได้ยินจากที่ไทยนั่นแหละว่าคนจรจัดถ้าไม่มีอะไรกิน ก็ต้องหาจากกองขยะ แต่วันนี้ผมกำลังมาสัมผัสและเห็นด้วยตาตัวเอง


“มันก็ไม่ได้เลวร้ายซักหน่อย อาหารบางอย่างยังดีๆ อยู่เลย ไม่เข้าใจคนสมัยนี้ อาหารดีๆ ทำไมไม่เก็บไว้กินวันหน้า” เขาบอกด้วยสีหน้าแบบว่าไม่เข้าใจอย่างที่ตัวเองพูดจริงๆ ผมขมวดคิ้วหันไปมองสภาพกองขยะที่ล้นออกมาจากถังแล้วก็ต้องรู้สึกพะอืดพะอมในอก


ใครว่านิวยอร์คเจริญแล้วผมไม่เถียง แต่ถ้าบอกว่านิวยอร์คสะอาด ระบบสาธารณสุขดี ผมขอเถียงนะ


“แต่ก็ดีนะ ทิ้งมาเยอะๆ ฉันก็จะได้กินอาหารดีๆ ที่ฉันไม่มีปัญญาซื้อ ถึงฉันจะไม่เข้าใจพวกเขาที่ทิ้งอาหาร แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณพวกเขาในเวลาเดียวกันที่ทิ้งอาหารเหล่านั้น” พอได้ฟังแล้วผมอดรู้สึกโหวงเหวงในอกไม่ได้


ยังมีคนบนโลกนี้ที่ลำบากอีกมาก ซึ่งคนตรงหน้านี้ก็คือหนึ่งในนั้น เขาแทบไม่มีกิน แต่เขาก็ยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ และที่ผมรู้สึกทึ่งก็คือ เขาดูชิวกับไลฟ์สไตล์นี้มาก แถมยังทำให้ผมรู้สึกแย่ที่เขามองเรื่องที่ผมคิดว่าเขาจะทำร้ายผมเป็นเรื่องธรรมดา


“อยากกินอะไรมั้ยครับ” ผมถามออกไปหลังจากมองเขานิ่งอยู่สักพัก อีกฝ่ายหันมามองด้วยสีหน้างงๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางใช้ความคิด


“เธอจะซื้อให้ฉันกินรึไง” เขาถามแล้วยกยิ้มแบบขำๆ ผมเม้มปากเบาๆ โดยไม่ตอบอะไร เขากลอกตาไปมาอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา


“อยากกินแมคโดนัล เคเอฟซี แล้วก็โดนัท” ผมมองหน้าเขานิ่งแล้วพยักหน้า


“คุณรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา”


“เฮ้! ไม่ต้องใจดีหรอกน่า” ผมไม่ฟังเสียงเขา แต่วิ่งออกจากบริเวณนั้นไป เปิดแผนที่ขึ้นมาแล้วค้นหาร้านแมคโดนัลเป็นอย่างแรก


ผมรู้ว่ามันโคตรงี่เง่าและอาจโดนหาว่าสร้างภาพ แต่ผมรู้สึกว่าผมอยากทำให้ อยากหาให้เขากิน ผมวิ่งไปยิ้มไป และต้องหัวเราะกับตัวเองเมื่อน้ำตาคลอที่เบ้าตา


นานๆ ทีจะทำความดีขนาดนี้ล่ะมั้งเลยซึ้งใจกับตัวเองใหญ่








ผมวิ่งกลับมาพร้อมของพะรุงพะรังในมือ ผมสั่งแฮมเบอร์เกอร์มาให้เขาสามเซ็ท เคเอฟซีเซ็ทใหญ่สองเซ็ท แว้บไปซื้อดังกิ้นโดนัทมาให้เขาสองกล่อง หยิบเอาทุกหน้า ทุกรสมาให้ และซื้อน้ำดื่มมาให้เขาด้วย ผมกลับมาที่กองขยะที่เดิมในซอกระหว่างตึกสองตึก เขานั่งพิงกำแพงอิฐของตึกเอาไว้ มีเจ้าหมาตัวโตนอนหมอบอยู่ข้างๆ เขาหันมามองผมแล้วทำหน้าทึ่งๆ


“นี่เธอเอาจริงหรอเนี่ย” เขาถามอย่างไม่อยากเชื่อ ผมส่งยิ้มกว้างให้เขาแล้วเดินเอาของไปวางไว้ตรงหน้า เขากวาดสายตามองถุงใหญ่ๆ ที่วางกองไว้ตรงหน้าเขาเป็นแนวยาว


“ซื้อมาให้ขนาดนี้แล้วจะว่าโกหกได้ยังไงล่ะครับ” ผมบอกแล้วนั่งลงเยื้องๆ เขา โดยเว้นระยะนิดหนึ่งเพื่อให้เขามีพื้นที่ในการหยิบจับของกิน เขาแหวกถุงเหล่านั้นไปมาอย่างตื่นเต้นราวกับไม่เคยได้แตะต้องมันมาก่อน


ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ เขาคงไม่เคยกินมาก่อน หรืออาจจะเคยกินแต่คงนานมาแล้ว


“ถือว่าเป็นการขอบคุณที่คุณช่วยผมไว้ และเป็นการขอโทษที่ผมเข้าใจคุณผิด”


“โอย! พ่อหนุ่ม ฉันไม่ถือสาอะไรหรอก ฉันชินแล้วที่คนจะมองแบบนั้น…” เขาบอกด้วยสีหน้าตื่นเต้นกับกล่องไก่เคเอฟซี เขาหยิบขึ้นมาก่อนจะส่งให้เจ้าหมาหนึ่งชิ้น และหยิบขึ้นมากินเองหนึ่งชิ้น ผมยิ้มที่เห็นภาพนั้น มันทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


“แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ” ผมยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าตอบรับ เขายิ้มดีใจ ดวงตาสีซีดเป็นประกาย เขากินไปหัวเราะกับเจ้าหมาไป ผมยิ้มอย่างอุ่นใจ รู้สึกดีในหัวใจที่ได้ทำให้เขากินของอร่อยๆ นึกถึงตัวเองที่บางทีก็กินทิ้งกินขว้างอย่างไม่นึกเสียดาย เพราะคิดแค่ว่าเดี๋ยวมาอีกก็ได้


แต่สำหรับบางคน ทุกเศษชิ้น ทุกเศษเนื้อ มันมีค่ากับเขามาก เพราะนั่นหมายถึงความอิ่มท้องของเขาในแต่ล่ะวัน


“เธอดูไม่ใช่คนอเมริกันหรือยุโรป มาจากไหนล่ะ” เขาถามตอนที่ส่งอกไก่ไปให้เจ้าหมาฮีโร่ผู้พิชิตโจรไถตังค์


“ผมเป็นคนเอเชียครับ มาจากประเทศไทย” เขาย่นคิ้ว ทำหน้างง คงไม่รู้จักประเทศไทยสินะ แต่ผมก็ไม่ได้ประหลาดใจหรอก เพราะยังมีคนอีกมากบนโลกนี้ที่ไม่รู้จักเมืองไทย


“ใต้หวันรึเปล่า” นั่นไง! พอบอกว่ามาจากไทย คนไหนที่ไม่รู้จักก็จะตีความว่าคือใต้หวันทันที ผมยิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหัว


“ไม่ใช่ใต้หวันครับ คนล่ะประเทศเลย ช่างมันเถอะครับ คุณกินดีกว่า” เขาพยักหน้าทั้งที่น่องไก่ยังคาปาก ผมสำรวจสภาพเขาที่ใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา กางเกงยีนส์ทรงกระบอกที่เปรอะเปื้อนจนสียีนส์ผิดเพี้ยน รองเท้าแตะคู่เก่าที่ทำท่าจะขาดแหล่มิขาดแหล่


“ทำไมคุณถึงมาเป็นโฮมเลสได้ล่ะครับ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย คนถูกถามยกกระป๋องโค้กขึ้นมาดูดก่อนจะตอบคำถามผม


“ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นหรอก ใครอยากจะเป็นแบบนี้กันล่ะ” เขายิ้มเศร้าๆ แต่ก็ไหวไหล่น้อยๆ บ่งบอกว่าถึงไม่อยากแต่ในเมื่อมันกลายมาเป็นแบบนี้ ก็ต้องยอมรับ


“แล้วเจ้าหมานั่น…” ผมบุ้ยปากไปทางเจ้าหมาตัวโตที่กำลังดมๆ โดนัททรงกลมอยู่ เขาหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะหันมาตอบยิ้มๆ


“มันเป็น เพื่อน คนเดียวของฉันเลยล่ะ” เขายกมือซ้ายลูบหัวมันเบาๆ แววตาเต็มไปด้วยความรัก ความสุขใจ ยามที่เขาเอ่ยปากออกมาว่ามันคือ เพื่อน ของเขา


“คุณเลี้ยงมันมาเหรอครับ” ผมถาม ยิ้มน้อยๆ ตอนที่เจ้าหมานั่นเลียมือเจ้านายของมัน เขาหันมามองผมแล้วส่ายหัวเบาๆ


“เปล่า ฉันเจอมันที่กองขยะ ฉันให้อาหารมัน จากนั้นมันก็ตามฉันไปทุกที่” ผมเลื่อนสายตาไปมองเจ้าตัวโต แม้จะอดมือกินมื้อ แต่ผมคิดว่าเขาก็เลี้ยงดูมันดีไม่น้อย เพราะตัวของมันไม่ได้ผอมจนเกินไป


นี่สินะ ความรักของหมา ซื่อสัตย์และมั่นคงต่อเจ้านาย แม้ไม่ใช่เจ้านายจริงๆ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ทิ้งมัน มันก็เลยไม่ทิ้งเขาเช่นกัน


“เอ่อ… คุณไม่มีญาติที่ไหนเลยหรอครับ” ผมถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่แน่ใจว่ามันจะไปทำร้ายความรู้สึกเขาหรือว่าตอกย้ำอะไรเขาหรือเปล่า แต่คนถูกถามกลับยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มติดเศร้าเล็กๆ


“ตายหมดแล้ว…” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดดัง ฟึด! เบิกตาขึ้นมองคนพูด จู่ๆ ผมก็นึกไปถึงวิคเตอร์ อาการผมเป็นอย่างเดียวกันวันที่เขาบอกว่าแม่เขาตายแล้ว


แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคืออาการคนบอก วิคเตอร์ดูเศร้าสร้อย แต่ผู้ชายโฮมเลสคนนี้แม้จะเศร้าแต่เขายังยิ้มได้


“แล้วคุณ… คุณเศร้ามั้ยครับ แบบว่า… รู้สึกโดดเดี่ยวมัย” เขายิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าหงึกๆ


“แน่นอนอยู่แล้ว ตัวคนเดียวนี่นะ แต่จะให้ฉันมัวมานั่งซึมเศร้าเหงาหงอยกับชีวิต พวกนั้นก็ไม่ฟื้นกลับมาหรอก ฉันยังมีชีวิต ฉันต้องใช้ชีวิตต่อไป พวกเขาตาย ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องตายไปด้วย…” ผมมองเขาด้วยความทึ่งเล็กๆ ผสมความประทับใจกับความคิดของเขา


“คุณเก่งจัง ทำใจได้ด้วย” ผมบอกยิ้มๆ อีกฝ่ายยักไหล่ขวาน้อยๆ แล้วยกน่องไก่ขึ้นกัดอีกครั้ง ก่อนจะเคี้ยวจนหมดปาก แล้วก็พูดต่อ


“ก็แค่ต้องยอมรับความจริง ว่าพวกเขาจากไปแล้ว จากไปทีล่ะคนสองคน จนสุดท้ายก็ไม่เหลือใคร ฉันร้องไห้ ฉันเกลียดน้ำตานะ แต่มันก็ทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่…” เขาบอกสีหน้าปกติ ไม่มีอาการเสียใจ ไม่มีอาการโศกเศร้าใดๆ เขายื่นน่องไก่อีกชิ้นให้เจ้าหมาข้างกายเขา มันทิ้งโดนัทแล้วหันมางับง่องไก่เข้าปากทันที ผมหัวเราะน้อยๆ


“คุณรักมันมากมั้ยครับ” ผมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ แบบว่าแค่ออยากรู้เฉยๆ น่ะ เขาหันมามองหน้าผมแล้วมองด้วยสายตาสงสัย คงงงว่าผมถามไปทำไม


“รักสิ ก็มันเป็นเพื่อนฉัน เป็นตัว ไม่สิ เป็น คน เดียวที่อยู่กับฉันทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนมันก็ไม่เคยทิ้งฉัน ผิดกับคนที่ฉันเคยรัก พอฉันลำบาก เขาก็ทิ้งฉันไป…” ผมเบิกตากว้างเล็กน้อย มองเขาด้วยความแปลกใจ เขาหัวเราะเบาๆ เหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่


“ฉันเคยมีคนรัก แต่เขาก็ทิ้งฉัน พอฉันเริ่มไม่เหลืออะไร เขาก็ไป แต่ฉันไม่โกรธเขาหรอก เขาก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตเขาสิ” ผมล่ะนับถือเขาจริงๆ เลยนะ ความคิดของเขาไม่เคยทำร้ายตัวเองเลยจริงๆ


“แล้วเธอล่ะ มีความรักมั้ย…” ผมชะงักไปที่จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนมาถามผมแทน ผมกระพริบตามองเขา รู้สึกมึนๆ นิดหน่อยที่โดนถามกะทันหัน


“ก็มี… มั้งครับ” ผมตอบแบบไม่เต็มเสียง ไม่แน่ใจว่าควรตอบยังไง ชีวิตนี้ผมเคยมีความรักแบบคู่รักที่ไหนล่ะ


“อ้าว… พูดอย่างกับไม่เคยรักใคร” ผมใจกระตุกวูบ หันไปมองหน้าเขา คำพูดของเขาทำเอาผมนึกใจสั่นอยู่ไม่น้อย
เคยสิ… เคย… แล้วก็ผิดหวังไง ถึงชีวิตนี้ไม่เคยคบกับใคร แต่ใจผม ใช่ว่าไม่เคยรัก แม้มันจะคือการแอบรักก็ตามเถอะ


“ผมรักคนๆ นึง ไม่สิ เคย รักมากกว่า แบบว่า…แอบชอบ รักเขาข้างเดียวน่ะ” ผมแค่นยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงหน้าคนที่ตัวเองเคยแอบรัก ฮะๆ อันที่จริงแม่งก็ไม่ค่อยแอบหรอก ช่วงปีหลังๆ เขาก็คงรู้ตัวขึ้นบ้างแล้วล่ะ


“แล้วสมหวังมั้ย” เขาถามพลางยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม สลับกับน้ำโค้ก ผมบิดริมฝีปากเล็กน้อย แล้วส่ายหัวเบาๆ


“หกปีที่ผมรักเขา มันไร้ค่าภายในแค่วันเดียว” ผมเอ่ยเศร้าๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น เหตุการณ์ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่สำหรับใครอื่น แต่การที่ผมคนนี้จะกล้าไปสารภาพรักกับคนๆ นั้น มันต้องรวบรวมความกล้าอย่างมากมายเหลือเกิน


“ฉันว่ามันมีค่าออก” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปมองหน้าเขา


“ถูกปฏิเสธ มันจะไปมีค่าอะไรล่ะครับ”


“ก็มีค่าที่ความรักของเธอไง หกปีที่เธอรักคนๆ เดียว มั่นคงกับแค่คนๆ เดียว ทั้งที่เขาไม่รักเลย แต่เธอก็ยังรักแค่คนเดียว ฉันว่ามันมีค่ามากนะ” ผมนิ่งไป เม้มปากเบาๆ แล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาออกจะเอ๋อๆ นิดหน่อย


“เขาอาจไม่เห็นค่า แต่เธอจงรู้ไว้นะ ว่าความรักที่เธอมีให้เขา มันมีค่ามาก” ผมค่อยๆ คลี่ยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มเพียงนิดเดียวก่อนจะรู้สึกเศร้าในใจอยู่ดี


“แต่ต่อให้ผมรักเขาอีกสิบปี หรือไปแอบรักใครอีกหกปี ผมก็ไม่มีวันสมหวังหรอกครับ เพราะผมเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง…” ผมบอกแล้วเงยหน้ามองเขา อีกคนทำตาโตมองกลับมาจนผมอดหัวเราะไม่ได้


“I like a man—I am gay. Maybe you can call me a faggot. (ผมชอบผู้ชาย ผมเป็นเกย์ หรือคุณจะเรียกผมว่าไอ้กะเทยก็ได้นะ)” ผมยิ้มอย่างขบขัน อีกฝ่ายกลืนแฮมเบอร์เกอร์ที่เพิ่งหยิบขึ้นมากินลงคอ ยังคงจ้องมองผมนิ่ง ก่อนจะส่งเบอร์เกอร์อีกครึ่งให้เจ้าหมาข้างกายเขา มันงับแล้วแหงนหน้าเคี้ยวเบอร์เกอร์อย่างรวดเร็ว


“จะเป็นเพศอะไร หรือเป็นใครก็มีความรักได้ทั้งนั้นแหละ…” เขาบอกแล้วหันกลับมามองหน้าผมที่กำลังมองเขาตาแป๋ว เขายิ้มนิดๆ ก่อนจะว่าต่อ


“Have you ever seen the love? Has someone ever touched it? Has someone ever catch it in the hand? No one, but we all can feel the love—love is all around you—and love could happens with everyone on earth. (เธอเคยเห็นความรักรึเปล่าว่าหน้าตามันเป็นยังไง มีใครเคยแตะต้องมันได้มั้ย มีใครเคยคว้ามันเอาไว้ในมือได้รึเปล่า… ไม่มีหรอก แต่เราทุกคนสัมผัสมันได้ ความรักมันลอยอยู่รอบตัวเราไปหมด มันเกิดขึ้นกับใครก็ได้ทั้งนั้นบนโลกนี้)” ผมนิ่งไป มองหน้าโฮมเลสที่ยกยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วน้อยๆ มาให้ ผมยิ้มบางๆ ตอบกลับไป


“Love is… no boundaries…(รัก… คือสิ่งที่ไม่มีพรมแดน…)” เขายิ้มกว้าง แล้ววางไก่ลงในกล่องแล้วอ้าแขนรับเจ้าหมาตัวโตที่เดินเข้าไปนอนขดตัวบนตักเขา ชายคนนั้นยิ้มแล้วใช้มือซ้ายลูบหัวมันเบาๆ มันค่อยๆ หลับตาลงก่อนจะหายใจอย่างสม่ำเสมอ โฮมเลสคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วยิ้มบางๆ มาให้ แต่เป็นยิ้มที่แสนจะอบอุ่นเหลือเกิน


ผมมองภาพนั้น แล้วยิ้มด้วยความเข้าใจ…





[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2015 11:56:21

“เฮ้ย! ยิ้มไม่หุบเลย อะไรจะหน้าบานขนาดน้าน!”


เสียงบาสเอ่ยแซว ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ของตัวเอง แล้วหันไปยิ้มกว่างออกแนวเขินเล็กๆ ให้กับเขา บาสหัวเราะกลับมา ส่วนอีกคนที่มาด้วยกันกำลังมองผมแล้วยิ้มน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป มันเหมือนรอยยิ้มที่ชื่นชมอยู่ไม่น้อย


ผมนั่งคุยกับโฮมเลสคนนั้นอีกสักพัก ส่วนใหญ่ก็คุยเรื่องทั่วไป เขาแค่ถามผมเพิ่มเติมว่ามาทำอะไรที่ไหนอย่างไร ผมก็ถามเขาแค่ว่าไม่คิดจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้เหรอ เขาตอบกลับมาเพียงว่า


‘ถามว่าอยากมีมั้ย ฉันก็อยากมีนะ แต่ที่มีอยู่ฉันก็โอเคกับมันแล้ว อาจจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ฉันก็ไม่รังเกียจชีวิตแบบนี้นักหรอก’


ผมยิ้มเป็นกำลังใจให้เขา เพราะรับรู้ได้ว่าเขาคงพอใจกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่แล้ว ผมไม่ได้สืบเสาะประวัติเขาต่อ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ต้องมานั่งถามไถ่กันขนาดนั้น เขานั่งกอดเจ้าหมายักษ์ตัวนั้นไว้ในอ้อมกอด ไม่มีท่าทีรำคาญหรืออยากผลักไสมันออกจากตัก  ผมเห็นแบบนั้นก็เลยจัดการซื้ออาหารหมาไว้ให้เขาด้วย มันจะได้มีอาหารส่วนตัวไว้กิน ผมซื้อมาให้เยอะเชียวล่ะน่าจะอยู่ได้เป็นอาทิตย์


“อย่าลืมทวงเงินค่าอาหารหมาที่ฝากซื้อมาให้นะ” ผมหันไปบอกเอิร์ทที่เดินอยู่ข้างๆ  เขาส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน ทำให้หน้าหล่อคมเข้มที่มีสันกรามแข็งแกร่งแบบชายไทยแท้ดูไม่แข็งกระด้าง รู้สึกละมุน รู้สึกว่าหล่อละเมียด
รอยยิ้มช่วยให้หน้าเขาดูอ่อนลงได้จริงๆ และแววตาเวลาเขายิ้ม ทำให้ดูเป็นผู้ชายตาหวาน แต่เขาไม่ใช่คนหน้าหวานนะ เอิร์ทห่างไกลคำนั้นมาก


“ไม่เป็นไร ถือว่าเราทำบุญร่วมชาติกับแมทละกัน” ผมยิ้มเม้มปากแบบเขินๆ กระพริบตามองอีกฝ่ายพร้อมใบหน้ารุมๆ บาสส่งเสียหัวเราะชอบใจ


“นั่น มันหยอดแล้วหนึ่งดอก คืนนี้รอนับดีกว่าว่าไอ้เอิร์ทจะหยอดทั้งหมดกี่ดอก” บาสส่งเสียงร่าเริงแล้วเอามือคล้องคอเอิร์ทพลางเขย่าเบาๆ เอิร์ทยิ้มกว้าง ส่วนผมยิ้มเขินจนกล้ามเนื้อที่หน้าปวดหนึบไปหมด


เอิร์ทคงรู้แล้วว่าบาสบอกอะไรผมไปก่อนหน้านี้ เขาดูไม่โกรธบาสหรือเขินผมเลยสักนิด กลับทำตัวชิว แถมยังดูผ่อนคลายกว่าช่วงแรกๆ ที่เราเจอกันที่นิวยอร์คซะอีก ผมว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มันไม่เกร็ง ไม่ต้องคอยมองหน้าเขาที่นิ่งสนิทเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ได้เห็นสีหน้าเขาในแบบอื่นบ้างมันก็ดีเหมือนกัน


“โหย หน้าแดง หูแดงหมดแล้ว…” บาสยิ้มแซวๆ เมื่อเห็นหน้าผมแดง แก้มแดง ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยหลบสายตาของคนที่ทำให้ผมเขินที่มองมาเหมือนมีแววล้อๆ อยู่


“ไอ้เอิร์ท มึงก็หยอดแมทเบาๆ หน่อย แมทแม่งไม่เคยโดนใครจีบนะเว้ย เดี๋ยวเขาจะทำตัวไม่ถูก”  ที่บาสพูดมานั่นถูกต้องอย่างที่สุด ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้า หรือวางมือแบบไหน หรือต้องวางตัวยังไง มันเลยดูประหม่า ดูเก้ๆ กังๆ ไปหมด


“จริงเหรอแมท” เสียงทุ้มของเอิร์ทถามขึ้นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างเงอะงะ ผมหน้าเอ๋อๆ มองอีกฝ่ายที่ยิ้มกริ่ม


“ก็… ไม่เคย ไม่มีหรอก ดูหน้าเราดิ ใครจะมาชอบ มองมาก็มองผ่านเลยไป” ผมบอกเสียงแผ่ว แต่ไม่ใช่เพราะน้อยใจในหนังหน้าตัวเอง แต่กำลังรู้สึกประหม่ากับสายตาหวานๆ ของเอิร์ทที่ส่งมาให้


“มันก็จริงนะ…” เอิร์ทบอกยิ้มๆ ผมทำหน้างอ มองค้อนเขากลับไป


“เหี้ย! มึงชอบเขาแล้วพูดงี้เนี่ยนะ” บาสโวยวายออกมา หน้านิ่วคิ้วขมวดมองเอิร์ท คนโดนมองยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี


อืม… เวลาเขายิ้มนี่ ยิ้มหวานมากเลย


“ก็มองผ่าน แต่พอได้มองนานๆ ก็ไม่อยากมองผ่านแล้ว” เอิร์ทบอกด้วยท่าทีปกติ พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ แต่ชวนมอง ผมก้มหน้างุด ไม่รู้จะทำตัวยังไง ไม่เคยโดนใครชมแบบกะลิ้มกะเหลี่ย ไม่เคยโดนใครทำแบบนี้ใส่


“อ้าว ก้มหน้าอีกแล้ว เงยหน้าดิ อยากมองหน้า” เอิร์ทบอกพลางยื่นมือมาสะกิดที่ข้อศอกเบาๆ ผมเลยรีบเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณเวลาได้ยินคำสั่งอะไรแบบนี้  ช่วงนี้สมองจะไวต่อคำพูดแนวนี้เป็นพิเศษเพราะต้องคอยรับคำสั่งจากอีพ่อพระเอกอยู่บ่อยๆ


“โอ้ย! นี่กูส่วนเกินใช่มั้ยเนี่ย” บาสแกล้งโวย เอิร์ทหันไปด่าคำหยาบใส่อย่างขำๆ แล้วสองคนนั้นก็ทะเลาะกัน แต่ไมได้ทะเลาะกันจริงจัง แค่เถียงกันไปมาเรื่องผมเนี่ยแหละ ส่วนผมก็ได้แต่เดินตามต้อยๆ พลางมองแสงสีในย่านไทม์แสควร์ไปด้วย จอดิจิตอล จอแอลซีดีทั้งหลาย มีตัวอักษรวิ่งไปมา วิ่งโชว์โฆษณาเต็มไปหมด


จริงๆ เห็นบาสบอกว่าบาร์ที่เรากำลังจะต้องเดินเลยย่านไทม์สแควร์ไปอีก แต่ที่พาเดินเข้ามาเพราะเห็นว่าผมยังไม่เคยได้มาเหยียบที่นี่ ผมก็เลยถือโอกาสถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ที่นี่จะคึกคักเป็นอย่างมากในช่วงตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันก็จะปกติ ไม่เร่าร้อนอะไรเท่าไหร่ แต่กลางคืนพอมีไฟเปิดสว่างก็ดูน่าตื่นตาตื่นใจทันที แสงไฟมาจากบนหน้าจอ จากตามตัวตึกและยอดตึก จากร้านค้าแบรนด์เนม รานอาหารผับบาร์ และบอร์ดเวย์ มันเลยทำให้ดูตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ


ผมไม่อยากรบกวนเวลาของอีกสองคนนั้นเลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาเยอะ ถ่ายแค่ภาพกว้างๆ ให้รู้ว่ามาเหยียบแล้วนะ ก่อนจะอัพลงอินสตราแกรมกับเฟซบุ๊คตามวิถีของชาวโซเชียล แล้วเราทั้งสามคนก็พากันเดินไปบาร์ ที่บาสสืบเสาะหาแหล่งมาจนเจอ
บาร์ที่บาสพามานั่งชิว เป็นร้านเหล้าด้านล่างมุมตึกและอยู่ตรงมุมถนนเส้นหนึ่ง ภายในร้านมีบาร์ไม้ทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ไว้สำหรับสั่งเครื่องดื่มแล้วมีเก้าอี้ทรงสูงให้นั่งอยู่ตรงนั้นได้ แต่ในร้านก็มีโต๊ะเป็นชุด และโซฟาเป็นชุดจัดไว้ให้นั่ง มีบาร์ทรงยาวจัดไว้อยู่มุมด้านในของร้าน  บรรยากาศภายในร้านให้ความรู้สึกถึงไม้สีน้ำตาล เพราะเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากไม้สีน้ำตาลเกือบทั้งหมด ให้อารมณ์คันทรี่ผสมคาวบอยหน่อยๆ แสงไฟสีเหลืองสลัวๆ เปิดไปทั่วบาร์ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อมันปะทะเข้ากับไม้แล้วสะท้อนแสงไปทั่วร้าน


“กินไรแมท” บาสเอ่ยถามหลังจากเราเลือกนั่งที่โซฟาเก่าๆ ชุดหนึ่งที่อยู่ใกล้กับประตูทางออก ผมมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องทำหน้าเหมือนคนโง่ เพราะไม่รู้จะกินอะไรดี


“บาสกับเอิร์ทกินอะไร เราก็กินอันนั้นแหละ เราไม่สันทัดเรื่องเหล้าหรอก”


“แน่ใจนะว่ากินแล้วจะไม่เมา” เอิร์ทถามยิ้มๆ ผมยิ้มตอบกลับไป


“ก็กินน้อยๆ ไง กินแค่แก้วสองแก้วก็พอ”


“แก้วสองแก้วจะไปสนุกตรงไหน แมทชอบกินไรเวลาไปร้านเหล้าอ่ะ” บาสถามพลางพลิกเมนูในมือดูไปมา ผมฟังเสียงเพลงของวงเดอะบีทเทิลไหลไปไหลมาในหัวครู่หนึ่งก่อนจะตอบ


“เราชอบกินพวกบาร์คาดี้ (Barcadi)  สเมอร์นอฟ (Smirnoff) อะไรแบบเนี้ย” บาสเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองไปทางบาร์ใหญ่ ก่อนจะละสายตาไปมองบาร์เล็ก


“ท่าทางร้านแบบนี้จะไม่มีว่ะ คงมีแต่พวกเหล้า งั้นแมทกินกับเรากับไอ้เอิร์ทแหละ กินให้มากกว่าแก้วสองแก้วไปเลย เมาเต็มที่ เดี๋ยวพากลับบ้านเอง” ผมยิ้มอ้าปากหวอแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ บาสเดินไปสั่งเหล้าที่บาร์ใหญ่ที่อยู่กลางร้าน ผมมองไปรอบๆ ร้าน ดูผู้คนมากมายที่กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส พอเหล้าเข้าปากทุกคนคงเริ่มคึกคัก ผมยิ้มนิดๆ แล้วสายตาก็กลับมามองที่เอิร์ทที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว ผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มเขินๆ ไปให้เขา แล้วยืดไหล่ขึ้นเล็กน้อยแก้เขิน เอิร์ทเห็นแบบนั้นก็หัวเราะน้อยๆ


“เป็นอะไร เขินเหรอ” เอิร์ทถามสีหน้ายิ้มๆ เขาดูปกติ ดูชิวมาก ทำไมเขาดูไม่รู้สึกเคอะเขินเลยอ่ะ


“โอย… รู้คำตอบอยู่แล้ว ถามทำไมอีกล่ะ” ผมแกล้งมองค้อนเขา อีกฝ่ายยิ้มกว้าง


“อยากถามให้เขินอีก”


“โวะ… นิสัยเสีย” ผมย่นจมูกใส่เขา เอิร์ทมองกลับมาด้วยสายตาวิบวับ


“เสียก็ช่วยซ่อมหน่อยดิ” เขายิ้มเหมือนพวกเพลย์บอย ยิ้มแบบชวนเชิญ ผมยิ้มเบ้ปากแล้วยกมือเกาต้นคอแก้เขิน เอิร์ทยิ้มอารมณ์ดี แต่สักพักรอยยิ้มเขาก็เริ่มหายไป เปลี่ยนมาเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดแทน ผมเบิกตากว้างมองอีกฝ่าย


“มีอะไรเหรอ…” ยังถามไม่ทันจบเขาก็แทรกเสียงขึ้นมาแต่ไม่ได้ตวาดหรือตะคอกอะไร


“ใครทำรอยที่คอ” เขาถามเสียงโทนเดียว หน้านิ่ง แต่แววตาจ้องเขม็ง ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่าเป็นรอยยุงกัด อีกฝ่ายก็แทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


“อย่ามาบอกว่ารอยยุงกัดนะ เราเคยทำให้แมท ทำไมเราจะไม่รู้” เขาบอกเสียงกดต่ำอยู่ในลำคอ ผมอ้าปากหวอ ไม่ได้อึ้งที่เขารู้ว่าไม่ใช่รอยยุงกัด แต่อึ้งที่เขาบอกว่าเคยทำให้


“เดี๋ยว! เอิร์ทเคยมาทำให้ตอนไหน” ผมย่นคิ้วมองหน้าเขา อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรเลยที่โดนถาม แต่กลับตอบด้วยน้ำเสียงง่ายๆ


“เมื่ออาทิตย์แรกที่เรานั่งคุยกัน แล้วแมทเผลอหลับไป” แล้วผมก็นึกไปถึงวันที่วิคเตอร์แซวเรื่องรอยจูบที่ต้นคอแต่ผมเถียงว่ามันคือรอยยุงกัด ไม่ก็โดนบุ้งโดนหนอนแทน


“อ้าว แล้วเอิร์ทมาทำให้เราทำไมอ่ะ” ผมถามเสียงหลง แบะปากเหมือนจะร้องไห้ แต่ไม่ได้จะร้องหรอก แค่ทำหน้าหน้าเหมือนหมากำลังสงสัย


“เนื้อที่คอแมทแน่นดี ตัวก็หอมเหมือนกลิ่นนม ว่าจะเดินผ่านไปแล้วเหมือนกัน แต่นอนเอียงคอขนาดนั้น เลยไม่ทันห้ามตัวเอง” เขายักคิ้วหน้าตายมาให้ ผมขมวดคิ้วแน่น อ้าปากกว้างกว่าเดิมแล้วเอียงคอมองเขาด้วยความทึ่งปนความงง
คนอะไรทำไมตอบคำถามได้หน้าตาเฉย นี่มันเรื่องที่ควรเฉยได้ใช่มั้ย หรือยังไง?


“แค่เนี้ย?” ผมไม่รู้จะพูดอะไรละจริงๆ อีกฝ่ายยักไหล่แล้วเอนตัวพิงโซฟา


“อือ… แค่นั้น” ผมยกมือเกาหัวตัวเอง แล้วทำสีหน้ายุ่งเหยิง เอิร์ทยิ้มขำกับท่าทางของผม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองบาสที่เดินถือขวดเหล้าใสๆ ทรงสูงที่เห็นน้ำข้างในที่เป็นสีใสเหมือนกันพร้อมแก้วช็อตขนาดเต็มฝ่ามือสามใบ พร้อมกับถ้วยเล็กที่ในนั้น
เหมือนจะเป็นเมล็ดกาแฟมาวางไว้บนโต๊ะไม้ตรงกลาง


“Sambuca เหล้าจากอิตาลี ดีกรีหนักแน่น…นี่แมทกินข้าวมายัง” บาสหันมาถาม ผมพยักหน้าตอบกลับไป บาสยิ้มแล้วดีดนิ้วด้วยความถูกใจ


“เยี่ยมเลย กินข้าวแล้วกินขวดนี้เข้าไปนะ โคตรสบายท้อง!” บาสบอกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะจัดการเทเหล้าสีใสเหมือนน้ำเชื่อมใส่แก้วของทุกคน หยิบเมล็ดกาแฟใส่แต่ล่ะแก้ว แก้วล่ะสามสีเม็ด


“ไอ้เอิร์ทกูยืมไฟแช็คหน่อย กูลืมหยิบของตัวเองมา” เอิร์ทล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นไฟแช็คสีเงินส่งให้ บาสจุดไฟแช็คใส่แต่ล่ะแก้ว ลูกไฟเล็กๆ สีส้มลอยวนๆ อยู่ขอบปากแก้ว แล้วยื่นส่งให้แต่ล่ะคน ก่อนจะยื่นแก้วออกมาทำท่าว่าจะชวนให้ชนแก้ว


“สำหรับเดตแรกของไอ้เอิร์ทกับแมทน้อย!” บาสบอกเสียงสดชื่น ผมหน้ายู่แต่ก็มีรอยยิ้มเขินๆ ส่วนเอิร์ทยิ้มกริ่มชอบใจ เอิร์ทเตือนให้ผมดับไฟก่อนค่อยยกดื่ม ผมกระดกแก้วนั้นเข้าไปหมดรวดเดียว รสชาติมันออกหวานนิดๆ แต่ก็มีกลิ่นแอลกอฮอลมากกว่า วินาทีที่มันผ่านช่วงลำคอ ผมรู้สึกเหมือนโดนแผดเผา แต่พอมันลงท้องไป กลับรู้สึกเย็นสบาย


“ตกลงว่าใครทำรอยที่คอ” ผมที่กำลังเทเหล้าขาว เอ้ย! เหล้าสีใสจากอิตาลีลงแก้วชะงักไป หันไปมองเอิร์ทอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าจะยังไม่ลืมคำถามนี้อีก


“เพื่อนที่ทำงาน เล่นปล้ำกันเฉยๆ”


“เล่นเหรอ? เล่นปล้ำกันเนี่ยนะ ไม่มีอย่างอื่นเล่นแล้วรึไง” เอิร์ทถามน้ำเสียงน่ากลัว หน้าตาที่ยิ้มๆ เมื่อกี้นี้หายไป เสียงบาสหัวเราะชอบใจดังอยู่ข้างๆ


“ไอ้เอิร์ท อย่าหึงดิวะ มึงยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลยนะ เขายังมีสิทธิโดนคนอื่นแตะเนื้อต้องตัวนะเว้ย” โอ้ยยย! สองคนนี้จะทำให้ผมสติหลุดนะ การที่เขาพูดจาแบบนี้ มันทำให้ผมประหม่า ทำให้รู้สึกเกร็ง เพราะผมไม่เคยโดนจีบ ไม่เคยโดนพูดจาเหมือนมีเจ้าของแล้วมาก่อน ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง แสดงสีหน้าท่าทางแบบไหนถึงจะเหมาะสม


เอิร์ทสีหน้าเซ็ง  ดูก็รู้ว่ากำลังหงุดหงิด บาสหัวเราะหึๆ ในลำคอ ผมจัดการกระดกเหล้าเข้าปากเป็นแก้วที่สอง ความรู้สึกยังโอเคอยู่ ยังรู้สึกตัว ผมไม่อยากเมามาก เพราะรู้ลิมิตตัวเองดี พอคิดถึงเรื่องเมาแล้วก็ต้องหันไปมองเอิร์ท เขาบอกผมเคยจูบเขาตอนเมา และนี่ถ้าผมเมาครั้งนี้ ผมไม่ปล้ำเขาเลยเหรอเนี่ย






เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ รู้แต่ว่าโต๊ะผมเริ่มเสียงดังแข่งกับเสียงเพลง โต๊ะอื่นๆ พอเริ่มเมามากขึ้นและยิ่งดึกมากขึ้นก็เริ่มเสียงดังตามเลเวลความเมา ผมนั่งหัวเราะกับเรื่องเล่าตลกทั้งหลายของบาส ยกแก้วดื่มไปแล้วไม่รู้กี่แก้ว แต่ที่รู้ที่เห็นตอนนี้คือ ขวดเหล้าเป็นขวดที่สามแล้ว สติผมเริ่มเบลอๆ มึนๆ แต่ก็ยังรู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่


“ไอ้เอิร์ท รุ่นพี่ผู้ชายที่คณะมึงคนนั้นเขายังตามจีบมึงอยู่ปะวะ” บาสถามเสียงกังวาน ใบหน้าแดงก่ำ แต่เขาก็ยังดูไม่เมา ยังดูปกติดี ส่วนเอิร์ทสายตาดูกรึ่มๆ แต่ผิวขาวเหลืองของเขายังคงไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา


“เออ! จีบอยู่ แม่งจีบน่ากลัวขึ้นทุกวัน  ขนาดรู้ว่ากูมาอเมริกา มีการบอกว่าจะบินมาเยี่ยม แต่ขอให้กูไปนอนที่โฮสเทลเป็นเพื่อนหน่อย” เอิร์ทบอกหน้านิ่วน้อยๆ ผมยิ้มหัวเราะกับใบหน้าของเขา


“แล้วเขาจะมาจริงเหรอวะ?”


“ไม่รู้ แต่กูบอกไปแล้วไม่ต้องมา กูไม่มีเวลาให้หรอก”


“เขาก็หน้าตาดี นิสัยก็เจ้าบุญทุ่มดีนะมึง ไม่เอาจริงดิวะ” ผมมองสองคนนั้นคุยกันไปมา เอิร์ทสั่นหัวหน้าตาเหมือนกลัวๆ พี่คนที่ว่านี่ต้องรุกเอิร์ทหนักมากแน่ๆ ผมหัวเราะคิกคัก เอิร์ทมองผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะคว้าเอวผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ


“เมายัง” เขาถามเสียงนุ่มลมหายใจร้อนผสมกลิ่นแอลกอฮอลรสชะเอมรดอยู่ที่หน้าผาก ผมยิ้มตาเยิ้มแล้วส่ายหัวไปมาบนไหล่กว้างของเขา


“ยังงง… ยังโอเคอยู่” ผมบอกเสียงอ้อแอ้ แล้วยิ้มกว้าง มันยังไม่เมานะ แต่มันมึน เอิร์ทยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้ามายื่นให้ผมอีก


“นี่มึงจะเผด็จศึกแมทคืนนี้รึไง” บาสถามเสียงกลั้วหัวเราะ ผมยกยิ้มเมาๆ แล้วรับแก้วเหล้ามาจากเอิร์ทก่อนจะกระดกรวดเดียวหมด พอคอมันคุ้นชินกับความแสบร้อน ผมก็ยกดื่มได้สบายมาก


“ไม่รู้ ดูก่อน ถ้ายั่วแบบครั้งที่แล้ว กูไม่ปล่อยไปหรอก” เอิร์ทว่าอย่างขำๆ ผมเอามือดันอกแน่นนุ่นของเขาไว้ แล้วมองหน้าเขา ด้วยสายตาเยิ้มๆ ของตัวเอง


“แน่ะ! นิสัยไม่ดี จะปล้ำเราตอนเมาหรอ…” ผมสะอึกเลยหยุดพูดไป บาสหัวเราะเสียงดัง เอิร์ทยิ้มกว้างอย่างชอบใจในคำพูดนั้น


“แหม! ไอ้นี่ ทีพี่คนนั้นไม่เอา จะเอาแมทนะ ถามจริง สรุปมึงชอบได้ทั้งหญิงทั้งชายใช่มั้ย” บาสเปิดปากถาม ผมนั่งโงนเงนอยู่ข้างเอิร์ท อีกฝ่ายเห็นว่าผมดูไม่มั่นคงเลยดึงไปซบไหล่ไว้


“มึงคบกูมาก็เห็นไม่ใช่หรอว่ากูคบกับใครบ้าง”


“แต่มึงไม่เคยคบผู้ชายเป็นตัวเป็นตนนะ มีแต่พวกที่มาจีบมึง”


“ก็เขาจีบกู กูไม่ได้จีบเขา”


“อ้าว แมทก็ผู้ชาย อาจจะนิสัยเหมือนผู้หญิงหน่อย แต่ต่างกันตรงไหนวะ” แม้จะมึน แต่ก็อยากได้ยินคำตอบนั้น ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาที่ก้มมองลงมาจนจมูกแทบจะชนกัน


“ก็นี่แมท…” เขาตอบออกมาแค่นั้น เหมือนเขาเองก็หาคำตอบของคำถามบาสไม่เจอเหมือนกัน ผมเลิกคิ้วมองหน้าเขางงๆ อย่างมึนๆ ก่อนจะก้มหน้าหนีสายตาเขา


“โวะ! ไอ้ห่า คำตอบเหี้ยไรของมึงเนี่ย” เอิร์ทไม่ตอบอะไรนอกจากหัวเราะในลำคอ แล้วประครองร่างผมเอาไว้แบบนั้น
ผมรู้สึกถึงความสั่นที่กระเป๋าเกาเกง เลยดันตัวออกจากอกเอิร์ทแล้วคลำๆ หาโทรศัพท์ก่อนจะดึงออกมาดู เป็นการสั่นเตือนจากว้อทแอพ กดเปิดดูก็เห็นข้อความนั้นมาจากวิคเตอร์


‘ฉันกำลังกลับบ้าน ส่วนนายก็กลับได้เลย’


พอเห็นข้อความนั้นผมก็ยิ้มกว้างอย่างคนเสียสติ ส่งอีโมชั่น โอเค ยิ้มตาหวาน ยิ้มตาเป็นรูปหัวใจ อีโมชั่นส่งจูบ ไปให้เขาเต็มจนเห็นลางๆ ว่ามันยาวพรืด ก่อนจะส่งเสียงดีใจอย่างดังจนเอิร์ทกับบาสมองด้วยความตกใจ


“วู้ววว! ไม่ต้องกลับไปละเว้ยยย!” ผมตะโกนออกมา รับรู้ได้ว่าโต๊ะรอบๆ หันมามองด้วยความฉงนกันนิดหน่อยก่อนที่จะหันกลับไปสนใจธุระตัวเองต่อ ผมยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยกเหล้าเทใส่แก้ว และยื่นออกไปข้างหน้าเชิญชวนให้อีกสองคนชนแก้วด้วยกัน


“เจ้านายปล่อยเรากลับบ้านแล้ววว! ต้องฉลองงง!” ผมบอกเสียงดีใจ วันนี้ได้เลิกงานเร็วกว่าปกติ มันต้องฉลองสิ


“งั้นเหรอ เอ้าๆ งั้นฉลองๆ ฉลองให้แมทน้อย!” บาสว่าอย่างอารมณ์ดีแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม เอิร์ทก็ชนแก้วแล้วยกขึ้นดื่มตาม
เราสามคนนั่งเมากันจนเกือบจะสั่งขวดที่สี่มาแล้ว แต่เอิร์ทหันมามองสภาพผมที่ตอนนี้หน้าแดงแปร๊ด ไอ้ตรงลำคอที่มีรอยแดงๆ คราวนี้ดูเนียนไปเลยพอกินเหล้าเข้าไปเพราะตัวผมแดงเถือก แต่ไม่ได้รู้สึกคันหรอกนะ มันเป็นอาการแดงแบบคนที่ไม่ค่อยกินเหล้าอย่างผมน่ะ พอกินทีและถ้ากินหนักๆ จะมีสภาพตัวแดงๆ แบบนี้แหละ พอเอิร์ทเห็นแบบนั้นก็ชวนกลับเพราะเวลาตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว แถมผมยังดูไม่มีสติ นั่งโงนเงนไปมา จะล้มแหล่มิล้มแหล่ แต่มีเอิร์ทคอยประครองไว้


“โดนไอ้เอิร์ทจับปล้ำคืนนี้ซะแล้วมั้งแมทน้อย” ผมได้ยินเสียงบาสแว่วๆ มา ผมหันไปยิ้มตาฉ่ำใส่บาส ยกนิ้วชี้ส่ายไปมา


“ไม่อาววว ไม่โดนนน ไม่ห้ายยย อยากได้ต้องจีบเสะ ไหนว่าชอบ ไหนว่าจะจีบงายยย” บาสหัวเราะอย่างถูกใจ ผมได้ยินเสียงหัวเราะมาจากคนที่ประครองผมไม่ให้ล้มอยู่


“ข้ามขั้นไปก่อนได้มั้ย แล้วเดี๋ยวค่อยจีบอีกที” เอิร์ทว่าอย่างตลก ผมทำหน้ายุ่งแล้วแหงนหน้าไปมองเอิร์ท แบะปากใส่ก่อนว่าเขาเสียงอ้อแอ้


“เอิร์ทหื่น เอิร์ทบ้า…” แล้วผมก็เรอเสียงดัง จนอีกสองคนหัวเราะดังลั่น ผมยิ้มแป้นตามด้วยความเมา เท้าเดินไปตามแรงประครองของเอิร์ท


แหมมม… ช่วงแรกๆ อะไรก็ดี๊ดีเนอะ นี่ใช่มั้ยที่เขาเรียกกันว่าช่วงโปรโมชั่น ผมเคยเห็นแต่เพื่อนๆ ในกลุ่มโดนจีบ โดนประคบประหงมอย่างดีในตอนแรกๆ แทบจะเป็นนางฟ้ากันทู้กกกคนนน แต่ตัวผมเองไม่เคยเจออะไรแบบนี้หรอก


“เอิร์ท…เอิ๊ก…” ผมเรียกเอิร์ทและส่งเสียงเรอไปด้วย เอิร์ทมองกลับมาอย่างขำๆ


“ขอบใจนะ…” ผมบอกเสียงอ่อนเสียงหวาน  ดวงตาก็หวานเยิ้ม รู้สึกได้ว่ามันฉ่ำไปด้วยน้ำ รู้สึกเหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงกระบอกตาเยอะกว่าปกติ


“ขอบใจอะไร” ผมมองเขาตาปรือ กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะพูดออกมาเสียงเหมือนคนง้องแง้ง


“ขอบจายยย ที่ชอบบบเรา เราไม่เคยมีใครมาชอบเลยยย มีแต่ไปชอบเขาแล้วก็อกหักกก…ฮือออ…” ผมเบะปากร้องไห้


“อ้าวเฮ้ย ปีแตกซะงั้น!” เสียงบาสดังมาจากอีกข้าง ผมหันไปมองหน้าบาสทั้งน้ำตา


“เราซึ้งใจจจ ที่เอิร์ทมาชอบ เราขอบคูนนน” ผมบอกเสียงกระซิก บาสหัวเราะอีกรอบ ที่เห็นผมพูดจาไปเรื่อยเปื่อยเหมือนคนสติไม่เต็ม ผมหันกลับไปมองเอิร์ทที่มองมาด้วยรอยยิ้มเท่ๆ


“ถ้าเราไม่ชอบเอิร์ทตอบ เอิร์ทโกรธมั้ยยย…” ผมถามหน้าตางัวเงีย และสติก็เริ่มงัวเงียเต็มทน


“ไม่อยากให้โกรธ แมทก็ชอบเราตอบสิ” ผมส่ายหัว เบ้ปากเล็กๆ เหมือนจะร้องไห้อีกรอบ


“ม่ายยยรู้ววว… เราไม่รู้ว่าชอบเอิร์ทมั้ย แต่เราขอบคุณ  ขอบคุณที่ชอบคนที่ไม่มีอะไรอย่างเรา…” เอิร์ทยิ้มก่อนจะเช็ดน้ำตาที่แก้มให้จนหมด แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีคราบเย็นๆ ติดอยู่ที่หนังใต้ตาเล็กน้อย


“ยังไม่ต้องชอบมันตอนนี้ก็ได้แมท แต่แมทจะให้มันจีบมั้ย” ผมพยักหน้าหงึกๆ จนบาสยิ้มขำ


“จีบสิ… จีบเลยยย… เราไม่เคยโดนจีบบบ จีบมาจีบมาจีบช้านนนที~…” ผมร้องเพลงเสียงยานออกไป สร้างเสียงหัวเราะให้บาสกับเอิร์ทอีกรอบ ผมเองก็ยิ้มขบขันพร้อมหน้าตาเมาๆ


“แต่ว่า…” ผมมองหน้าเอิร์ทแล้วยิ้มเผล่ให้เขา อีกฝ่ายยิ้มกว้างอย่างขำๆ กลับมา


“ถ้าจีบแล้วเราไม่ชอบบบ… เอิร์ทอย่าร้องไห้แบบเรานะ… อย่าร้อง… ร้องไห้มันทรมานนน… ปวดตา… ปวดหัว… ปวดใจไปหมดดด… อย่าร้องไห้ให้คนอย่างเรา… เอิร์ทหน้าตาดี มีคนให้เลือกอีกเยอะ… เราสิไม่มีคายให้เลือกหรอกกก…” ผมบอกเสียงอ้อแอ้ ส่งเสียงแจ๊บๆ เปลือกตาก็ทำท่าจะปิดลงแล้ว


“สัญญาสิ…สัญญาว่าจะไม่ร้องไห้เพราะเรา…” เปลือกตาผมค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับสติที่ใกล้หลุดเต็มทน แต่ก็ยังทันได้ยินเสียงทุ้มๆ ของเอิร์ท


“เราสัญญา…”


----------------------------TBC.----------------------

 :hao3:




หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:03:44

CHAPTER 10.1 :: Special Earth zone




“เราสัญญา…”


คำพูดแผ่วเบาที่พูดไปงั้น เมื่อเห็นคนถามดูท่าทางอยากได้คำยืนยันเหลือเกิน แต่จริงๆ ในใจผมไม่อยากให้ไอ้คำสัญญานี้เกิดขึ้นจริงๆ หรือเป็นเรื่องจริงในทางใดทางหนึ่ง ทั้งเรื่องที่ผมจะไม่เสียใจ และทั้งเรื่องที่แมทจะไม่ชอบผม มันรู้สึกวูบวาบในอกเหมือนกันพอได้ยินแบบนี้


ผมมองหน้าใสๆ ที่แต่ก่อนมันไม่ได้ใสเด้งขนาดนี้ นึกสงสัยว่าไปทำอะไรมาถึงได้ดูหน้าตาน่ารักขึ้นกว่าช่วงที่ผมเคยเห็นเขา ยามนี้หน้าใสๆ นั้นมีสีแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล แมทซุกหน้าลงที่อกผม คงกำลังอาจคิดว่านั่นคือหมอนก็เป็นได้ ผมยกยิ้มมุมปากมองใบหน้าที่ผมชอบเผลอแอบมองอยู่บ่อยๆ


ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็มองผ่านเลยไปอย่างที่บอกกับเจ้าตัวนั่นแหละ แต่พอได้เจอหน้ากันบ่อยๆ เจอกันแทบทุกวัน ก็เผลอมองแบบรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง รู้ตัวชัดๆ อีกทีก็ชอบแอบมองเจ้าของใบหน้าเรียวแต่ไม่เล็ก แถมมีแก้มป่องนิดๆ เพราะเป็นคนกินจุกจิก ผมยังจำได้ว่าวันที่ผมนั่งมองเขากินช็อคโกแล็ตที่ผมรู้มาว่าเป็นของโปรดเขา แมทนั่งกินด้วยดวงตาเป็นประกาย แก้มอูมๆ ขยับไปตามแรงเคี้ยว หมับๆ ทำให้ผมย่นคิ้วมองเขา


ช่างเป็นคนที่ทำหน้าตาทำตาได้ตลก พอเพื่อนเอาขนมอย่างอื่นที่ตัวเองฝากซื้อมาให้ ก็ปรบมือดีใจ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเด็กน้อยที่ได้ของเล่นถูกใจ ก่อนจะนั่งกินนั่นกินนี่จนอิ่ม แล้วกลับไปทำงานด้วยความจริงจังต่อ
นั่นยิ่งทำให้ผมขมวดคิ้วกับบุคลิกของคนๆ นี้ ที่เดี๋ยวเด็ก เดี๋ยวโต


“เอาไงวะ เดินไปสถานีรถไฟแบบนี้ กว่าจะถึง เช้าแล้วมั้ง” ไอ้บาสบอกพลางเริ่มแกะบุหรี่ออกมาเตรียมดูด ผมเห็นแบบนั้นก็ดุมันทันที


“ไอ้เหี้ย อย่าดูด แมทไม่ชอบกลิ่นบุหรี่” ผมจำได้เพราะผมเคยดูดตอนกำลังทำงานให้กับละครเวทีของเขา แล้วแม่ตัวดีคนนี้เขาก็เดินมาดูงาน พอได้กลิ่นบุหรี่ก็โวยวาย แล้วเดินหนีกลับไปทันที


“โอ้โห ทะนุถนอมซะจริ้ง” มันบ่น แต่ก็ยอมเก็บบุหรี่กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ


“เดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับแล้วกัน” ผมตัดสินใจบอกมัน ไอ้บาสพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเดินนำไปที่ถนนเพื่อจะเรียกแท็กซี่ ผมอุ้มแมทไว้ในอ้อมแขน แล้วเดินตามไอ้บาสไป มันหันกลับมามองแล้วยิ้มล้อๆ


“เจ้าบ่าวจะพาเจ้าสาวไปเปิดซิงคืนนี้ใช่มั้ยครับ”


“ไอ้อกุศล” ผมสบถด่ามัน แต่ก็มีรอยยิ้มขำๆ ไปให้ นี่ถ้ายกขาเตะมันได้ผมจะยกอยู่หรอก แต่กลัวไปโดนคนที่กำลังหลับ ดูท่าทางหลับสบายเชียว นี่ดีนะที่ตัวไม่ได้หนักมาก ไม่งั้นผมคงอุ้มไม่ไหว


“ที่แมทพูดเมื่อกี้ เหมือนจะบอกเป็นลางเลยว่าเขาอาจไม่ชอบมึง”  ไอ้บาสพูดออกมาตรงๆ แม้ผมจะทำนิ่งแต่คำพูดของมันก็ทำเอาผมจะกระตุกไม่น้อย ผมเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่มองหน้าคนตัวเล็กที่ยามนี้หลับคอพับคออ่อนอยู่ที่อก


“แต่กูว่าเขาก็ไม่ได้ปิดโอกาสมึง” ไอ้บาสพูดต่อเมื่อเห็นผมนิ่งไป มันคงกำลังคิดว่าพูดให้ผมเสียกำลังใจอยู่มั้งเลยรีบพูดประโยคนี้ออกมา


“ให้โอกาส แต่ก็อย่างที่มึงพูด เขาอาจไม่ชอบ ไม่ตอบรับอะไรกูเลยก็ได้” ผมบอกด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือรู้สึกกลัวอะไร


“มึงก็ลองก่อน ใช่ว่ามึงเพิ่งเคยจีบแมทคนแรกซะเมื่อไหร่ อ้าว…เออ ไอ้ห่า นั่นมันผู้หญิงนี่หว่า” ไอบาสเกาหัวแกรกๆ ผมหัวเราะในลำคอนึกขำกับท่าทีของมัน


“กูอยากรู้ชัดๆ ว่ะ ว่าทำไมมึงถึงมาชอบแมทได้วะ เออ ถ้ามึงแสดงอาการว่าจะชอบผู้ชายแบบ ชัดเจน ให้กูรู้สักหน่อย กูจะไม่สงสัย” ผมนิ่งคิดไปกับคำถามของมัน อย่างที่มันพูด ผมไม่เคยแสดงอาการ หรือแสดงตัวว่าผมชอบผู้ชายหรือสนใจผู้ชายมาก่อน มีผู้ชายเข้ามาจีบ เข้ามาชอบ ผมก็คุยกับทุกคน ถามว่าชอบมั้ย บางคนผมก็รู้สึกดีด้วยนะ รู้สึกดีที่เขาให้ความรู้สึกดีๆ กับเราก่อนนั่นแหละ แต่คุยไปสักพักทุกคนก็เริ่มจะออกอาการกับผมมากเกินไปจนผมกลัว ผมไม่เหมารวมว่าเกย์ทุกคนต้องน่ากลัวหรือรุกหนักอย่างที่ผมเจอหรอก แต่ที่ผมเจอมามันก็สร้างความผวาให้ผมได้ไม่น้อย ผมไม่เคยคิดมากกับคำว่า เสียตูด ขุดทอง หรือฟันดาบ อะไรแนวๆ นั้นที่คนชอบเอามาล้อพวกที่คบผู้ชายด้วยกัน แต่พวกที่เข้ามาจีบผมแต่ล่ะคน มันทำให้ผมขนลุกกับคำพวกนั้นไปเลยจริงๆ ก็แม่งคิดแต่จะให้ผมเสียบอย่างเดียว นี่ยังดีที่พวกนั้นไม่คิดจะเสียบผม หรือคิดผมก็ไม่รู้นะ


“ไอ้เหี้ย คิดนานจังวะ คำถามกูยากเกินไปรึไง”ไอ้บาสหันมาถามอีกทีตอนที่เราเดินมาถึงริมถนนใกล้ๆ กับซอกตึกที่ผมมาเจอแมทนั่งคุยกับโฮมเลสคนหนึ่ง ตอนที่ผมเห็นภาพนั้นผมย่นคิ้วมองด้วยความประหลาดใจว่าเขาไปนั่งทำอะไรตรงพื้น พอได้รู้ว่าอีกฝ่ายซื้อของมาให้โฮมเลสกิน แถมยังฝากไอ้บาสซื้ออาหารหมามาให้หมาของโฮมเลสคนนั้น ผมก็เข้าใจ แล้วก็มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม


ความใจดี ความเอาใจใส่ของเขา ก็น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมชอบเขา


“ก็อย่างที่กูเคยเล่าให้มึงฟังนั่นแหละ” ผมบอกมัน ในเรื่องที่เรารู้กัน ตอนแรกมันทำหน้างง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเข้าใจ


“อ่อ… เรื่องไอ้รุ่นพี่ที่แมทชอบอ่ะหรอ กูว่าถ้าแมทเป็นผู้หญิงป่านนี้แม่งคบกับไอ้เหี้ยนั่นไปละ คนอะไรดีชิบหาย มั่นคง อดทน ไม่วอกแวก ขนาดรู้ว่าเขาไม่รักก็ยังรักอยู่ได้ตั้งหกปี” และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมสนใจคนในอ้อมกอด


ผมรับรู้ว่าแมทแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่งมาตั้งแต่มอปลาย เห็นว่าเป็นผู้ชายคนเดียวที่แมทชอบ ไม่สิ เรียกว่ารักเลยดีกว่า ที่ผมรู้มาคือแมทจมปลักอยู่กับคนๆ นี้คนเดียว ไม่มีคนอื่น ไม่ชอบใคร ไม่จีบใคร ถ้าจะเรียกว่าไม่เคยนอกใจยังว่าได้ ส่วนไอ้เรื่องไม่มีใครจีบ ผมว่าแมทไม่สนใจใครมากกว่า เลยไม่รู้ว่าตัวเองก็มีคนแอบมองตัวเองอยู่ไม่น้อย


ตอนที่ผมรู้ ผมทึ่งมาก เพื่อนผมที่มาช่วยแมททำฉากละครเวที มันรู้ มันยังทึ่ง แทบไม่มีใครอยากเชื่อว่าคนๆ นึงจะรอใครแค่คนเดียวได้หลายปีขนาดนี้ มันอาจจะมีคนที่รอมากกว่านี้ แต่นี่คือคนแรกที่ผมเคยเจอ ผมรู้สึกสนใจแมทตั้งแต่ตอนนั้นว่าคนอะไรทำไมจิตใจมันมั่นคงจังวะ เพราะเกย์ที่ผมเคยเจอมากับตัวเอง รักเร็ว เปลี่ยนคู่เร็วมาก อย่างคนที่ผมเจอๆ มา บอกรักผม ชอบผม แต่พอผมไม่เล่นด้วย ก็เห็นคร่ำครวญเสียใจอยู่สามสี่วัน หลังจากนั้นผมก็เห็นว่ามีคนใหม่ไปแล้ว แต่กับแมทไม่ใช่…


“เออ ตอนแรกกูก็ไม่เชื่อ กูคิดว่าพูดให้ดูดีไปงั้น แต่วันที่ไปร้านเหล้าหลังละครเวทีจบ กูเลยได้รู้ว่าแม่งเรื่องจริง”


“แต่กูว่ารักแบบแมทก็น่ากลัว รักคนอื่นจนบางทีลืมรักตัวเอง” ไอ้บาสมองหน้าแมทที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ ผมเริ่มรู้สึกเมื่อยๆ แขน แต่ก็พอดีกับที่แท็กซี่สีเหลืองคันหนึ่งขับผ่านมาพอดี ไอ้บาสโบกให้จอดก่อนจะชะโงกหน้าคุยกับคนขับ ก่อนที่มันจะเปิดประตูให้ผมพาแมทเข้าไปนั่งที่ด้านหลัง ส่วนมันก็อ้อมไปนั่งอีกฝั่ง


“แล้วนี่มึงยังชอบผู้หญิงอยู่มั้ยวะ” ไอ้บาสถามหลังจากรถแท็กซี่ออกตัวไปได้สักพัก ผมโอบไหล่แมทไว้ให้เขาหลับพิงที่ไหล่ซ้าย


“ชอบดิวะ กูก็ยังผู้ชายนะ แต่ตอนนี้คือกูชอบแมท” ผมบอกออกไปตรงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอ้อมค้อมอีกทำไม เคยสารภาพกับมันไปแล้ว และมันก็รับได้ ไม่ว่ากัน ผมรู้สึกโล่งใจที่มันไม่นึกรังเกียจหรือมองเป็นเรื่องวิปริตอะไรแต่กลับสนับสนุน เพราะมันบอกว่า…


“แต่มึงชอบแมทก็เหมือนได้แฟนเป็นผู้หญิงอ่ะ จากที่มึงเล่ามา กูว่าดีกว่าผู้หญิงบางคนอีก…” ผมหันไปมองหน้ามันแล้วยิ้มมุมปากหน่อยๆ มันเหลือบมองเสี้ยวหน้าแมทเล็กน้อยก่อนจะว่าต่อ


“หน้าตาแมทก็ไม่ได้แย่นะมึง กูยังเคยบอกเลยว่าเขาเป็นคนน่ารัก แต่ต้องมองนานๆ ว่ะ”


“แบบนี้ดีแล้ว ไอ้พวกหน้าสวย หน้าหวานแบบผู้หญิงที่เคยมาจีบกู แบบนั้นมันล่อตาเกินไป แบบแมทนี่ล่ะ ไม่ล่อตาล่อใจใครดี” ผมยิ้ม ลูบมือขึ้นลงตรงไหล่แมทเบาๆ ไอ้บาสย่นหน้าเหมือนเลี่ยนกับคำพูดผม


“โอ๊ย! ไอ้ห่า คบกับมึงมา ยังไม่เคยเห็นมึงทำท่าหวงใครขนาดนี้ ขนาดขวัญมึงยังไม่หวงขนาดนี้” สีหน้าขำๆ ของผมสะดุดไปเมื่อมันเอ่ยชื่อผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา


“เหี้ย! มึงจะพูดถึงเขาทำไม เขาไม่ใช่แฟนกูแล้ว”


“เออ! ไม่ใช่แฟนแล้ว แต่พอมึงเซี้ยนมึงก็ไปหาเขา ถามจริง มึงจะเก็บเขาไว้แค่เอางั้นเหรอ?” ผมถอนหายใจเบาๆ


“มึงก็รู้ระหว่างกูกับขวัญ มันเป็นความสัมพันธ์ซับซ้อนแบบเหี้ยๆ ไม่ได้เก็บเขาไว้เพื่อเอา เออ ก็เอานั่นแหละ แต่กูไม่เคยบังคับเขา กูให้โอกาสเขาไปแล้ว แต่เขาไม่ไป คนมาจีบเขาตั้งเยอะ เขาก็ไม่เอา”


“นี่ก็อีกคน มั่นคงซะเหลือเกิน เลิกกะมึงไปแล้ว ยังไม่ไปไหนอีก ยอมให้มึงเอาเปรียบอยู่ได้”


“กูก็ไม่อยากเอาเปรียบเขานะ แต่เขาเสนอมาเอง เขาเป็นคนพูดเองว่าเขาอยู่แบบนี้ได้”


“แต่มึงก็สนองให้เขา ถ้ามึงไม่สนอง มันจะยาวมาถึงทุกวันนี้หรอวะ”


“ไอ้บาส กูรู้ว่าแบบนี้มันเหี้ย กูยอมรับว่ากูเองก็เหี้ย แต่มาเสนอให้กูแบบนี้ คนเหี้ยๆ อย่างกูก็เอาดิ”


“นี่กูควรสงสารเขามั้ยวะ มีโอกาสไปแล้วแต่ไม่ไป ทั้งๆ ที่ตัวเองก็สวยเลือกได้…” ผมส่ายหัวอย่างไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่ทิ้งผมไป ทั้งๆ ที่ผมไม่มีใจให้เขาแล้วมีแต่ร่างกายให้เขา แล้วก็ให้ได้แค่บนเตียงเท่านั้น


“มึงอยู่กับเขาแบบนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ” ผมเลิกคิ้วพลางทำหน้านึก ก่อนจะตอบแบบผ่านๆ เพราะผมจำไม่ได้และไม่ได้นับจริงๆ


“เกือบปีได้แล้วมั้ง”


“ครั้งล่าสุดที่มีอะไรกัน เมื่อไหร่วะ” ไอ้ห่าเอ๊ย! ก็รู้นะว่ามันถามเฉยๆ แต่ทำเอาผมสะอึกไปเหมือนกัน รู้สึกว่าความชั่วตัวเองมันชัดขึ้นในใจ


“วันที่กูโดนแมทจู่โจมนั่นแหละ” ไอ้บาสมองหน้าผมแล้วทำหน้านึกขึ้นได้ ก่อนที่จะหัวเราะออกมา ผมเองก็ยิ้มขำไปด้วย นึกถึงเหตุการณ์นั้นทีไร ต้องรู้สึกว่าตัวเองแม่งบ้าทุกที


“แมทน้อยนี่เก่งจริงๆ เมาก็ยังปลุกอารมณ์เพื่อนกูได้”


“แหม ไอ้สัส มึงลองมาโดนกอด โดนจูบ โดนลูบ โดนคลำแบบกูสิ แม่งขนาดเมายังยั่วเก่งขนาดนั้น กูไม่อยากคิดว่าเวลาสติดีๆ จะเก่งขนาดไหน”


“เฮ้ยๆ ใจเย็น แมทบริสุทธิ ส่วนมึงมันสกปรก ให้เกียรติเขาหน่อย คิดอะไรก็นึกถึงประตูหลังเขาบ้าง คนไม่เคยโดนไปนี่ไข้แดกไปเป็นอาทิตย์ก็มี” ผมหัวเราะกับความรู้ดีของมัน พูดอย่างกับเคย แต่มันไม่เคยหรอก ไอ้บาสมันมีเพื่อนเป็นเกย์เลยรู้ดี ผมก็มีแต่ไม่ค่อยได้สนใจสอบถามอะไรแบบนี้หรอก แต่ไอ้ห่านี่มันอยากรู้อยากเห็นไปหมดนั่นแหละ


“งั่มๆ แจ๊บๆ…” เสียงดังงึมงำๆ ดังมาจากคนข้างตัวผม ทำให้ต้องหันไปมอง ก็เห็นคนหน้าเด็กกำลังเอาหัวคลอเคลียที่ไหล่ผมก่อนจะนิ่งไปเมื่อได้มุมที่พอใจ ผมยิ้มกว้างด้วยความขำ


“ละนี่มึงชอบเขามากมั้ย” ผมหันกลับไปมองไอ้บาสทั้งที่มีรอยยิ้มขำคนนอนหลับอยู่บนใบหน้า


“กูได้คำตอบจากรอยยิ้มมึงละ” ไอ้บาสว่ายิ้มๆ ผมยิ้มตอบกลับไป


“แต่มึงต้องเผื่อใจไว้ด้วยนะ กูไม่อยากเตือนงี้หรอก เพราะมึงก็ผ่านประสบการณ์มาเยอะ แต่ที่กูเตือนเพราะใจแมท” ผมมองหน้ามัน พอจะเข้าใจคำพูดของมันอยู่เหมือนกัน


“เขามั่นคงเกินไป กูยังสงสัยว่ารักไอ้รุ่นพี่นั่นมากขนาดนั้น จะตัดใจได้รึยัง อีกอย่างมึงก็ได้ยิน เขาบอกว่าตัวเขาเป็นคนไม่มีอะไร กูกลัวเขาจะอกหักจนไม่กล้ารักใครอีก” ผมนิ่ง แล้วคิดตามที่ไอ้บาสพูด


มันก็จริง จากเรื่องราวที่ผมรู้มา แมทเสียศูนย์ไปเหมือนกัน ผมไม่รู้รายละเอียด รู้แต่ว่าเขาเสียใจมาก ถึงไม่รู้อะไรไปมากกว่าความเสียใจของเขา แต่การที่เขากินเหล้าไม่หยุดจนเมาไม่ได้สติ แล้วพูดจาคร่ำครวญนั้น มันก็บอกได้แล้วว่าเขาบอบช้ำทางความรู้สึกขนาดไหน


‘ฮึก… แมทรักพี่… แค่นั้นมันไม่พอสินะ…ฮ่าๆ… รู้มั้ยยย… ว่าแมทรักพี่แค่ไหนนน… แมทเสียจายยย… เสียใจที่ไม่ใช่ผู้หญิงงง…ถ้าแมทเป็นผู้หญิงพี่ก็จะรักแมทใช่ม้ายยย…ฮือออ…’


“เออ แต่กูสงสัยอยู่อย่าง ไหนมึงว่า ลืมๆ เรื่องแมทไปแล้วไงวะ ทำไมมันวกกลับมาอีกรอบ” ผมนิ่งอยู่กับเรื่องราวตอนที่แมทเมาคราวนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองมันที่กำลังมองกลับมาด้วยความสงสัยอย่างที่มันพูดจริงๆ
เพราะอะไรงั้นเหรอ… เพราะอะไรถึงวกกลับมา…


“กูลืมไปแล้วจริงๆ เลิกคิดไปแล้วด้วย แต่เพราะ…” ผมหยุดพูด แล้วก็หาคำตอบให้ตัวเอง ทั้งที่จริงๆ มีคำตอบอยู่แล้วล่ะ ผมยิ้ม ยิ้มกับคำตอบนั้นที่ผมนั่งเฝ้าครุ่นคิดกับตัวเองมาหลายวันก่อนหน้านี้ แม้มันจะดูน้ำเน่า…แต่มันก็ทำให้ผมรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับแมทขึ้นมาได้อีกรอบ


[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:06:42

ผมอุ้มร่างแมทที่นอนอยู่ในอ้อมกอดขึ้นบันไดไปที่ห้อง ไอ้บาสหยิบกุญแจห้องแมทที่ควานหากันจนเจอในกระเป๋าเป้ของเจ้าตัวมาไขเปิดห้อง ผมเดินไปที่เตียงแล้วค่อยๆ วางร่างเขาลงอย่างเบามือ แต่แขนยังคงอยู่ใต้ร่างเขา


“มึงจะนอนกับแมทรึเปล่า”


“ให้เขานอนคนเดียวเหอะ เตียงเล็กแค่นี้”


“มึงก็นอนเบียดไปดิ เบียดๆ กันอบอุ่นดีออก”


“กูกลัวเบียดมากไป มันจะมากกว่านอนเบียดน่ะสิ” ผมตอบอย่างข่มอารมณ์ รู้ตัวว่ากำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่ ไอ้บาสหัวเราะเอิ๊กอ๊าก


“เอาน่า ครั้งที่แล้วมึงยังรอดมาได้” ไอ้บาสว่าอย่างอารมณ์ดี  ผมด่ามันแบบไม่มีเสียงว่า ไอ้-เหี้ย เน้นๆ ชัดๆ ทีล่ะคำ ส่วนมันก็ได้แต่ยิ้มขำไปเรื่อย ผมค่อยๆ ดึงแขนออกจากช่วงหลังและช่วงเอวของแมท


หมับ!


“พี่เอกกก…” แมทคว้าแขนผมไว้ทันทีที่ผมดึงออกจนพ้นร่างเขา ผมถึงกับสะดุ้งตกใจแต่ที่เงิบยิ่งกว่าคือชื่อไอ้คนที่เจ้าตัวเผลอเรียกออกมานั่นแหละ


“ใครวะ?” ไอ้บาสถามหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมทำหน้าเซ็งหันไปบอกมัน


“ชื่อไอ้รุ่นพี่เหี้ยนั่น…” ผมบอกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทั้งที่โดนแมทคว้าข้อมือไว้ ไอ้บาสส่งเสียหัวเราะอีกรอบ


“โอ้โหแม่งรักจริงว่ะ กูไม่อยากคิดถ้าแมทคบกับไอ้เหี้ยนั่นแล้วเลิกกัน แมทไม่ยอมอยู่เป็นหม้ายเลยหรอวะ” ไอ้บาสเอ่ยอย่างขำๆ แต่ผมนี่ไม่ขำด้วย


แม่ง! อารมณ์เสียโว้ยยย!


“เหี้ยเอ๊ย! เพ้อถึงมันซะกูแทบเงิบ” ผมสบถออกมาแต่ก็ไม่ได้ดังมาก กลัวจะรบกวนคนที่จับข้อมือผมอยู่


“คืนนี้มึงเป็นไอ้พี่เอกให้แมทไปก่อนละกัน จับมือแน่นขนาดนั้นคงไม่ยอมให้มึงไปแล้วล่ะ” ผมขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ไอ้อยากนอนด้วยก็อยากอยู่หรอก แต่ไม่อยากนอนเพราะแมทคิดว่าเป็นคนอื่นดิวะ


“เอาน่า ไอ้เหี้ยเอิร์ท แมทไม่ได้ตั้งใจ มึงให้เวลาเขาหน่อย” ผมหน้าเซ็ง แต่ก็พยักหน้ารับๆ ไป ไอ้บาสตบบ่าเบาๆ ราวกับจะให้กำลังใจ


“คืนนี้ถ้าโดนน้องแมทเบียด พี่เอิร์ทก็อย่าบุ่มบ่ามนะคะ” ไอ้บาสบอกอย่างอารมณ์ดีก่อนจะวางกุญแจห้องแมทไว้ที่หัวเตียง แล้วเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูให้ ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวขายาวๆ ขึ้นไปบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอนอยู่ด้านหลังแมท ก่อนจะใช้มือซ้ายที่คนเมาจับไว้แน่น ลากเขาเข้ามาแนบชิดแผ่นอกของตัวเอง แม้จะมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งออกมาจากลมหายใจ แต่ซอกคอของเขาก็ยังส่งกลิ่นหอมๆ ของครีมอาบน้ำกลิ่นน้ำนมมายั่วจมูกผม จนอดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงไปสูดกลิ่นเข้าปอดลึกๆ
แมทขยับตัวดิ้นเล็กน้อยแล้วดึงแขนผมเข้าไปกอดไว้แน่นราวกับเป็นตุ๊กตา นั่นทำให้ผมยิ่งดึงเขาเข้ามาแนบชิดติดอกตัวเองมากขึ้น ก่อนจะใช้แขนขวาสอดเข้าไปใต้ศีรษะเป็นหมอนรองให้เขา แมทครางในลำคอ ไม่รู้ว่าขัดใจหรือพอใจ แต่เจ้าตัวก็เกลี่ยหัวไปมาบนแขนผมสักพักจนอดขนลุกไม่ได้


แล้วนั่นไง! ไม่ใช่แค่ขนที่ลุก ไอ้ส่วนอื่นมันดันลุกตามไปด้วย ยิ่งคนตัวเล็กขยับก้นไปมา มันก็ยิ่งเสียดสี ผมที่คิดอกุศลอยู่แล้วมันก็ยิ่งลุกจนสุดท้ายก็คับเต็มกางเกงชั้นใน รู้สึกปวดหนึบไปหมด


“ฮึ่ม…” ผมครางในลำคออย่างใช้ความอดทนอดกลั้น ที่จะทำอยู่แค่กอด แม้เจ้าเอิร์ทน้อยที่ไม่น้อยจะปวดตุบๆ และพยายามดันตัวเองออกมาสู่โลกภายนอกก็ตาม


“อืมมม…” เหมือนคนในอ้อมกอดจะพอใจที่ผมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น นั่นทำให้ผมยิ้ม มองเสี้ยวหน้าของผู้ชายคนแรกที่ผมรู้สึกชอบ ซึ่งผมไม่เคยคิดว่าจะชอบ หลังจากที่สับสนกับตัวเองอยู่บ่อยๆ จนตอนนี้ผมก็ยอมรับกับตัวเองว่าผมชอบเขา แม้ช่วงหนึ่งผมจะลืมเรื่องเขาไปเลยก็ตาม แต่เพราะสิ่งที่ผมบอกไอ้บาสไป มันเลยทำให้ผมต้องกลับมาคิดเรื่องเขาอีกครั้ง






“เพราะอะไรวะ?” ไอ้บาสเลิกคิ้วขึ้นงงๆ แล้วถามอย่างสงสัย วันนี้ไอ้บาสแม่งสงสัยไปกี่รอบและกี่อย่างแล้วก็ไม่รู้ ผมมองหน้ามันอย่างเคอะเขิน เริ่มรู้สึกเสี่ยวๆ กับคำตอบของตัวเอง


“มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย” มันเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของผม ผมพ่นลมหายใจพรืดก่อนจะตอบมัน


“กูว่าเพราะพรหมลิขิต…” ผมตอบทื่อๆ แล้วรอรับเสียงหัวเราะก๊ากหรือน้ำเสียงล้อเลียนจากมัน แต่ไอ้บาสกลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด


“พรหมลิขิต? มึงเอาเหี้ยไรคิดวะ แล้วทำไมถึงต้องเป็นพรหมลิขิต เป็นเทพองค์อื่นลิขิตไม่ได้รึไง” ผมไม่รู้ว่ามันเอาฮาหรือว่ามันพูดจริง แต่สีหน้ามันก็ดูติดตลกตามนิสัยมัน ไอ้ห่านี่ แรกๆ จะดูเป็นคนเงียบๆ ดูเป็นคนอ่อนโยน แต่อย่าได้รู้จักมันลึกซึ้งเชียว ที่เห็นๆ ตอนแรกหาไม่เจอหรอก


“เดี๋ยวกูส่งมึงไปถามเองว่าเป็นเทพองค์อื่นได้มั้ย มาๆ เข้ามาใกล้ๆ ตีนกูนี่ เดี๋ยวจะกระทืบไปเฝ้าเทพเอง” ผมยักคิ้วเรียกมันมา พร้อมยกเท้ารอ ไอ้บาสทำหน้าตากวนตีนก่อนจะยิ้มกวนโมโห แต่ผมกำลังอารมณ์ดีเลยได้แต่หัวเราะ


“แอ้…” เสียงเหมือนเด็กงอแงเพราะโดนขัดใจดังขึ้นใกล้ๆ ผม ทำให้ต้องหยุดเคลื่อนไหวร่างกายตัวเอง พอผมหยุดแกล้งยกเท้าถีบไอ้บาสคนที่อาศัยไหล่ผมพิงก็ครางพอใจในลำคอ


“ครับๆ คุณนาย ขอโทษครับที่รบกวน” ผมบอกเสียงเบาแล้วลูบไหล่แมทเบาๆ เป็นการปลอบ


“แหม่ะ! เอาอกเอาใจกันดีจริงๆ ตอนเอาก็เอากันให้ดีนะ…” ไอ้บาสเอ่ยแซวอีกรอบ นี่ถ้าแมทตื่นมาได้ยิน คงนั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา ผมยกนิ้วกลางให้มันแทนคำด่า ไม่กล้าขยับตัวมากกลัวจะไปขัดใจคุณนายเขาอีก


“ไม่ต้องบอก เอาดีไม่ดีให้แมทตัดสิน” ผมบอกติดตลก ไอ้บาสทำหน้าเหมือนเอือมระอา ประมาณว่า มึงนี่มันเหี้ยจริงๆ


“แมทดันเจอไอ้เหี้ยเอิร์ทซะด้วย…”  ผมยิ้มกว้าง เข้าใจว่าไอ้บาสหมายถึงอะไร ผมไม่ใช่พวกนักบุญ หรือผู้ถือศีลที่จะมีความอดทนอดกลั้นในเรื่องนั้น อย่างที่ผมยอมรับกับไอ้บาสนั่นแหละว่าผมมันคนเหี้ย ไม่ใช่คนดีอะไร


“เออ เข้าเรื่องๆ ไหนบอกกูดิ๊ว่าทำไมมึงคิดว่าเป็นพรหมลิขิต แม่ง ความคิดนี้ไม่เข้ากะหน้ามึงเลย” ผมไม่เถียง ขนาดผมคิดเอง ผมยังมีความคิดแบบมันเลยว่าหน้าตาผมไม่เหมาะกับเรื่องพรรค์นี้หรอก ไอ้เรื่องหวานๆ เรื่องรักแบบเพ้อฝันเนี่ย
แต่พอมาเจอแมท มันก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้เหมือนกัน


“ก็การที่กูมาเจอแมทที่นี่ไง…” ผมบอกยิ้มๆ “…วันที่กูกลับบ้านพร้อมมึง แล้วกูเห็นแมท กูตกใจนะ กูไม่คิดว่าจะมาเจอเขาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววอะไรให้กูกับเขาได้คุยกันต่อเลย หลังจากคืนนั้นกูกับเขาก็ห่างหายกันไป จนมาเจอกันที่นี่เนี่ยแหละ” ไอ้บาสพยักหน้าเบาๆ มันเอามือซ้ายลูบคางไปมาอย่างใช้ความคิด


“ก็น่าคิด… มาไกลขนาดนี้ยังมาเจอกัน เออ… เหมือนจะน้ำเน่า แต่ก็น่าคิดว่ะ” ผมยิ้มที่มันก็คิดเหมือนผม รู้สึกดีใจที่ไม่ได้คิดไปแค่คนเดียว ไม่รู้ว่าเพราะมันกรึ่มๆ ด้วยฤทธิ์เหล้าเลยคิดแบบนั้น หรือมันคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ยังไงมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีล่ะนะ


“แต่ไม่แน่ก็อาจเป็นกรรมลิขิตก็ได้นะมึง” อ้าว ไอ้สัส เมื่อกี้มึงยังไปทางเดียวกับกู ทำไมทีนี้ตีโค้งหนีวะ


“พ่องงง!” ผมไม่รู้จะหาคำไหนมาด่ามันจริงๆ ที่ทำโมเม้นต์ดีๆ ของผมหายหมด


“มึงเห็นรอยที่คอแมทมั้ย กูว่าไอ้คนที่เล่นปล้ำแมทนี่ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานธรรมดาๆ” ผมชะงักไป แล้วหันไปมองคนตัวเล็กข้างกาย ผมเองก็ติดอยู่ในใจเหมือนกันว่าเล่นปล้ำห่าอะไร ทำไมรอยมันเยอะขนาดนี้ แล้วเพื่อนที่ไหนเขามาเล่นกันแบบนี้วะ


“เพื่อนเหี้ยไรคิสมาร์คไปทั่วคอแบบนั้น” ผมหันกลับไปมองไอ้บาส ความรู้สึกหนักอึ้งวนๆ อยู่ในหัว


“มึงคิดว่ามันเป็นใครวะ” ผมถามเสียงเบา


“กูจะไปรู้เรอะ แมทแทบไม่บอกอะไรพวกเราเลย กลับบ้านทีก็กลับดึก ตอนเช้าก็ออกไปแต่เช้าตรู่ กูตื่นมาก็ไม่ค่อยเจอหรอก ถ้าได้เจอวันไหน วันนั้นถือว่าบุญบารมีคงมากจริงๆ” การจะเจอแมทที่บ้านป้าแมร์รี่ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างกับพวกเราไม่ได้เช่าบ้านอยู่ด้วยกันงั้นล่ะ นานๆ ทีถึงจะได้เจอกัน แล้วเจอกันแต่ล่ะครั้งก็แค่แว้บๆ แปบๆ เท่านั้น


“จะจีบก็รีบจีบให้ติด ตอนนี้เขายังโสดเขาก็มีสิทธิเลือก แมทอาจคิดว่าไม่ไม่มีใครสนใจเขา แต่ไอ้เหี้ยที่มันจูบแมทเต็มคอขนาดนั้นอาจกำลังสนใจแมทอยู่ก็ได้ และนั่นหมายความว่ามึงมีคู่แข่ง” ไอ้บาสพูดเรียบๆ แต่ทำให้ผมนิ่งเงียบไป หันไปมองแก้มป่องๆ ของคนที่นอนหลับอยู่


ใครวะ…







ผมมองเสี้ยวหน้าด้านซ้ายของแมท แม่คุณนายนอนหลับอย่างสบายใจบนแขนผมที่อีกสักพักมันคงจะเริ่มชาจนไร้ความรู้สึก ผมเรียกแมทว่าคุณนายเพราะผมและเพื่อนๆ ชอบแซวเขาอย่างลับๆ ยามที่เขาทำงานว่าโคตรดุเหมือนพวกคุณหญิง คุณนายไม่มีผิด ดุ เจ้าระเบียบ และเป๊ะมาก  ถ้าอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะบ่นจนทุกคนแทบจะหลับหรือเบือนหน้าหนี แต่ยิ่งหนีคุณนายแกก็จะจิกไม่เลิก ต้องยืนรอฟังให้เขาบ่นจบซะก่อน


ช่วงเวลาที่ทำละครเวทีร่วมกัน ผมเห็นแมทหลากหลายอารมณ์มาก นอกเวลางานเขาจะสนุกสนาน เหมือนเด็กตัวเล็ก วิ่งซนไปมา แกล้งคนอื่นไปทั่ว และไม่มีใครกล้าแกล้งกลับเพราะกลัวอิทธิฤทธิ์ของเจ้าเตี้ยคนนี้ เห็นตัวเล็กๆ เจ้าเนื้อแบบนี้แต่กลับข่มคนตัวโตๆ ในทีมงานไว้ได้หมด แต่ผมคิดว่าที่ทุกคนกลัวไม่ใช่เพราะแมทน่ากลัวหรอก แต่คุณนายแกเป็นผู้กำกับ ตำแหน่งใหญ่สุด อาจารย์หนุนหลังเต็มที่ แต่แมทไม่เคยบ้าอำนาจกับตำแหน่งที่ได้ จะใช้อำนาจในทางที่ถูกที่ควรในเรื่องงานเท่านั้น


ผมชอบมองแมทตอนทำงานนะ เขาดูมีเสน่ห์ มีความเป็นผู้นำสูง ความตั้งใจของเขามันน่ามองมาก เขาเตรียมตัวมาดีมากในการทำงาน พอถึงเวลาสั่งงานเขาก็จะสั่งเป๊ะๆ ตามนั้น แต่ก็ไม่เคยยึดความคิดของตัวเองเป็นหลัก ถ้ามีใครเสนออะไร แล้วมันใช้ได้ แมทจะบอกว่าได้ ถ้าไม่ได้ก็จะบอกว่าเพราะอะไร แต่ส่วนใหญ่ผมเห็นแมทพลาดน้อยมาก และทุกคนค่อนข้างยอมรับกับการทำงานของแมทจริงๆ


และที่สำคัญที่ผมชอบอีกอย่างในตัวคนๆ นี้คือ ความไม่ยอมแพ้ ไม่หนีปัญหา เกิดปัญหาอะไรขึ้น แมทจะสู้กับมัน ค่อยๆ หาทางแก้ บางคนคิดว่าอับจนหนทางแต่แมทจะไม่ยอม ถ้าเขาอยากทำอะไรให้สำเร็จ เขาจะทำมันจนกว่าจะสำเร็จ แต่ถ้าถึงที่สุดแล้วมันไปไม่รอดจริงๆ เขาก็ยอมถอย คล้ายกับว่าอย่างน้อย ให้เขาได้ลองสู้ก่อน


แต่เหตุการณ์แรกที่ผมประทับใจแมทจริงๆ นั้น มันไม่ใช่อะไรพวกนี้หรอก มันเป็นเหตุการณ์ที่ผมทั้งขำ ทั้งงง ทั้งสงสัย และกลายเป็นว่าครุ่นคิดเรื่องเขาไม่หยุด  ผมหวังว่าสักวันจะได้เล่าให้เขาฟัง ว่าอะไรที่ทำให้ผมเริ่มสนใจและประทับใจในตัวเขา แล้วกลายมาเป็นชอบอย่างที่ผมเป็นตอนนี้ ซึ่งไม่เคยเป็นกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ทั้งๆ ที่ผมมีผู้ชายมาจีบก็มากพอสมควร


ผมมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้ม นึกหมั่นเขี้ยวแก้มป่องน้อยๆ นั่น มันน่าหยิก น่าฟัด เขาชอบทำตัวเหมือนเด็ก แต่ไม่ใช่แอ๊บแบ๊ว เขาเหมือนเด็กเอาแต่ใจแต่ไม่ใช่คนร้ายกาจ แต่พอได้ของอะไรถูกใจผมจะเห็นแววตาเขาเป็นประกายอย่างน่ามอง ผมชอบมองเวลาที่เขาดีใจนะ มันน่ารักดี ดูน่ามอง เขาไม่ใช่คนเพอร์เฟ็กต์ หรือว่าหน้าตาดีจนต้องสะดุดอะไร แต่แมทน่ารักด้วยนิสัยของเขา ท่าทาง กิริยา มันดูมีเสน่ห์ไปหมด ที่ผมพูดได้ขนาดนี้ รู้สึกได้ขนาดนี้ เพราะผม ยอมรับ กับตัวเองแล้วว่า ผมชอบเขา  ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมานั่งคิด พิจารณาหรือพรรณนาอะไรเกี่ยวกับตัวแมทได้ขนาดนี้หรอก


“แมท…” ผมลองเรียกชื่อเขาดู คนถูกเรียกขยับศีรษะเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงเล็กออกมาจากลำคอ


“หือออ…” แล้วเขาก็กอดแขนซ้ายผมแน่น ผมยกยิ้มด้วยความขำ


“เราชอบแมทนะ” บอกไปไม่รู้ว่าเข้าไปถึงโสตประสาทการรับรู้มั้ย อันที่จริงเจ้าตัวก็รู้แล้วล่ะว่าผมชอบเขา เพราะไอ้บาสไปบอกให้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งผมไม่ได้โกรธไอ้บาสเลย กลับรู้สึกขอบคุณมันนิดๆ ที่ผมไม่ต้องมาบอกเขาต่อหน้า แบบว่าบอกว่า ชอบนะ อะไรแบบนี้ ซึ่งตอนที่จูบเขานั่นไม่นับนะ อันนั้นมันเป็นความรู้สึกอยากจริงๆ ถ้าบอกว่าชอบเขาแบบซึ่งๆ หน้า ผมก็คงเขินไม่แพ้กัน พอเขารู้ความรู้สึกผมแล้วโดยที่ไม่ต้องบอกย้ำอีก  ผมว่ามันก็ง่ายต่อการหยอด ต่อการเกี้ยว


ผมรู้สึกดีนะที่เขาไม่เคยมีแฟน หรือไม่เคยมีคนมาจีบเขา เพราะมันให้ความรู้สึกดีตรงที่ว่าเราคือคนแรกของเขาอะไรแบบนี้ และอยากเป็นคนแรกในเรื่องอื่นด้วย (คงไม่ต้องบอกว่าเรื่องอะไร ก็ไอ้ที่ข่มๆ ใจไม่ให้ทำนี่ล่ะ)


แต่หลังจากเห็นรอยที่คอเขาบวกกับคำพูดไอ้บาสเรื่องคู่แข่ง ผมก็อดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นใคร มันชอบแมทจริงหรือเปล่า มันคิดจะจีบแมทจริงๆ มั้ย หรือแค่เล่นๆ อย่างที่แมทบอก ผมอุตส่าห์สบายใจไปละว่าชอบคนที่ไม่ได้ฮ็อต ไม่ได้โดดเด่นอะไร มันจะเป็นเรื่องดีต่อผม เพราะไม่ต้องไปแข่ง ไปแย่งกับใคร ให้ผมได้มีโอกาสทำคะแนนเต็มที่ในการพิชิตใจแมท เพราะดูแล้วคนๆ นี้พิชิตใจยากพอสมควร


แต่… ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร แต่ในเมื่อผมยังมีโอกาสและแมทก็ไม่ได้ปิดโอกาส ผมก็จะลองดู แม้แมทจะบอกแล้วก็ตามว่าอาจไม่ได้ชอบผม แต่นี่มันเพิ่งเริ่มต้น ผมก็ยังพอมีโอกาสใช่มั้ย? ผมไม่เคยต้องมาจีบใครแข่งกับคนอื่นเลยนะ เพราะส่วนมาก สาวๆ สปาร์คกับผมง่าย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอก ใช่ว่าทุกคนจะชอบผมจริงมั้ยล่ะ ใครคนไหนไม่เล่นด้วย ไม่ชอบตอบ ผมก็ไม่เคยฝืน แต่ใครคนไหนที่คุยกันถูกคอก็ไปต่อ แต่จะสานต่อยาวๆ หรือแค่จบลงบนเตียงอันนั้นค่อยว่ากันอีกที


แต่กลับคนนี้ ผมสนใจมาสักพักแล้ว แต่ไม่เคยได้ลองสปาร์คใส่กันสักครั้ง (และแมทคงเป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมอยากสปาร์คด้วย) ผมเลยอยากลอง แมทเองก็ให้โอกาสแล้วด้วย ถึงจะมีคู่แข่งแต่ผมก็อยากลองดู ผมคิด… คิดว่าถ้าผมได้คนๆ นี้เป็นแฟน ผมคงไม่ต้องคอยระแวงเหมือนแฟนเก่าบางคนที่ว่าจะไปแอบมีใครคนอื่นรึเปล่า เพราะผมเชื่อว่าคนอย่างแมท ถ้ารักใครแล้ว ก็รักหมดใจ ให้หมดเท่าที่ตัวเองมี


เรื่องที่แมทเป็นผู้ชาย ตอนแรกผมคิดมาก คิดหลายๆ อย่าง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมกับความรู้สึกตัวเอง ยิ่งได้มาเจอเขาที่นิวยอร์คยิ่งใจเต้น ยิ่งรู้สึกถึงความเร้าใจแปลกๆ แบบว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจอกัน แต่ก็ดันมาเจอ


ผมเลยอยากลอง… ลองปล่อยไปตามใจ… ถ้าวันนึงผมจะรักแมท ผมก็คงให้มันเป็นไปตามความรู้สึกที่เป็น… เพราะผมไม่อยากบังคับความรัก ก็ถ้ามันจะรัก ก็ให้มันรัก แม้เขาจะเป็นผู้ชาย แต่ความรักมันไม่ใช่เรื่องของเพศหรือร่างกาย หรือสิ่งใดมากำหนด แต่มันคือความรู้สึก… ถ้าผมจะรัก ก็เพราะผมรู้สึกรัก…


อย่างที่รู้ตัวและบอกกับไอ้บาส หน้าตาผมไม่เหมาะกับไอ้เรื่องความเชื่อในรักหรืออะไรหวานๆ โรแมนติคแบบนี้หรอก… แต่ผมว่าเรื่องแบบนี้อยู่ในตัวทุกคนแหละ อยู่ที่ว่ามันจะเกิดขึ้นกับใคร ไอ้ความรู้สึกอ่อนโยน ความรู้สึกที่ละทิ้งทุกอย่างแล้วเอาใจเป็นที่ตั้ง


“วันนี้แค่ชอบ… แต่ถ้าวันนึงเรารักแมทขึ้นมา…แมทคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย” ผมกระซิบถามแผ่วเบา รู้ว่าคนเมาคงไม่รู้เรื่อง แต่แมทก็ยังส่งเสียงตอบกลับมา


“อื้อออ…” ผมหัวเราะน้อยๆ ยกมือขวาเกลี่ยเส้นผมเขาอย่างเบามือ เขาส่งเสียงมาไม่ใช่เพราะตอบรับอะไรผมหรอก แต่คงรำคาญที่มีลมแผ่วๆ เป่าอยู่ที่หูมากกว่า


“ฝันดีนะ…” ผมบอกแล้วจูบที่ขมับเขาเบาๆ


[อ่านตอนต่อไปที่ดา้นล่างได้เลยค่ะ]



หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:11:36

CHAPTER 11 :: You made me think of...


Special: Victor Jean Raymond



พั่บ!! พั่บ!! พั่บ!!


เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังอย่างรุนแรงจนเตียงนอนในห้องโยกไหวและส่งเสียงดังกึกๆ อย่างต่อเนื่อง ผสมผสานกับเสียงครางอันหวานหูดังขึ้นเป็นระยะ อุณหภูมิในห้องร้อนแรงด้วยความฮ็อตของชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังบรรเลงเพลงรักให้กับหญิงสาวอย่างถึงใจ


“Ah! Ah! Oh! Oh—my gosh!”(อ้า! อ้า! โอ๊ว! โอ้ว พระเจ้า!)” หญิงสาวกรีดร้องและกวาดแขนไปทั่วเตียงราวกับจะที่ยึด พอหล่อนจะเอามือมาจับที่ตัวของชายหนุ่ม เขาก็รีบจับข้อมือทั้งสองข้างของหล่อนไว้และขึงติดกับเตียง ก่อนจะเร่งสะโพกรัวใส่บริเวณกลางง่ามขาของอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้ง จนหน้าตาสวยๆ นั้นเริ่มเหยเกด้วยความเสียว เส้นผมสีดำมันขลับสะบัดไปมาด้วยความรู้สึกเสียดเสียวที่บริเวณ ตรงนั้น…


“V…Victor. (ว…วิคเตอร์)” เจ้าหล่อนเรียกชื่อของนักแสดงหนุ่มด้วยเสียงหอบเหนื่อย พยายามบิดมือไปมาอย่างพยายามจะหลุดออกจากการถูกกดข้อมือไว้ ชายหนุ่มก้มลงไปดูดดึงยอดอกสีชมพูของหล่อนเพื่อเป็นการปลอบประโลม


วิคเตอร์ลดแรงถี่ในการขยับสะโพกแต่ยังคงจังหวะที่ชวนให้หญิงสาวรู้สึกเสียวตรงช่วงกึ่งกลางของง่ามขา เมื่อดูดดื่มยอดอกจนพอใจ ชายหนุ่มก็ปล่อยข้อมือและเอามือทั้งสองข้างยันกายไว้ ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกอย่างเร็วๆ อีกครั้ง จนหญิงสาวถึงกับผวาเฮือก ยกมือคว้าเข้าที่ต้นแขนแน่นๆ เอาไว้ราวกับจะหาที่ยึด วิคเตอร์ขยับสะโพกเข้าออกอย่างเร็วและจังหวะสม่ำเสมอ ก่อนที่เขาจะเริ่มรับรู้ถึงอาการเกร็งตัวของอีกฝ่าย


“Oh! Fuckkk! (โอ้ว!  เช็ดดด!)” เสียงกรีดร้องของแม่สาวผมดำมันขลับ หน้าตาสวยคมดังออกมาเมื่อเจ้าหล่อนถึงจุดสุดยอดจนตัวเกร็งและสั่นเทิ้ม หล่อนเลื่อนมืออันสั่นเทามาดันหน้าอกชายหนุ่มไว้ราวกับกำลังห้ามปรามว่าอย่าเพิ่งทำอะไรกับตัวเองต่อ
ชายหนุ่มเองก็หน้าเหยเกด้วยความเสียวเมื่อช่องทางของหญิงสาวบีบรัดแท่งชายของเขาแน่น ในขณะที่หล่อนไปถึงยอดสุดของอารมณ์วาบหวาม


“Please… please stop—I—give me a moment… (เดี๋ยว ได้โปรด หยุดก่อนเถอะค่ะ ฉัน… ขอเวลานอกสักแปบ…)” เสียงเล็กๆ พูดขึ้นด้วยอาการติดสั่น ใบหน้าของหล่อนแดงแจ๋ ราวกับไปออกกำลังกายหนักๆ มา แต่เป็นการออกกำลังกายที่มีชายหนุ่มร่างสูงเนื้อแน่นเป็นเครื่องออกกำลังกายให้กับหล่อน


“Victor—Give her a break. Come here. (วิคเตอร์ ให้เธอพักก่อนเถอะ มานี่สิคะ)” เสียงอันเย้ายวนอีกเสียงดังขึ้นข้างๆ คนถูกเรียกหันไปมองสาวผมน้ำตาลแดงที่หน้าตาคล้ายตุ๊กตาบาร์บี้ หล่อนกำลังนั่งลูบวนไปมาตรงส่วนนั้นของตัวเองอย่างเชิญชวน เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะถอนเจ้าน้องชายที่กำลังอยู่ในอาการค้างจากอีกคน ก่อนจะกระเถิบเข้าไปหาหญิงสาวผิวขาวอมชมพูที่เป็น เป้าหมายจริงๆ ของคืนนี้


เขาก้มลงไปใช้ลิ้นละเลงตรงกลีบเนื้อสีสดอย่างช่ำชอง เพียงแค่เริ่มไปไม่กี่นาที แม่สาวหน้าตาบาร์บี้ก็ยกมือขึ้นมาขยุ้มเรือนผมสีดำของเขา ผ่อนเบาผ่อนหนักตามอารมณ์เสียวที่พุ่งขึ้นเป็นระยะตามจังหวะที่ลิ้นสะบัดไปมา


“Ah!” เสียงครางออกมาจากลำคอของเจ้าหล่อน ยิ่งทำให้วิคเตอร์เร่งปลายลิ้นเกลี่ยไล้ไปมาบนกลีบปากทางรัก สาวผมดำมันขลับลุกขึ้นนั่งหลังจากหายจากอาการหอบเหนื่อย หล่อนจับให้วิคเตอร์นอนหงาย แล้วดึงถุงยางอนามัยออกก่อนจะโยนทิ้งไปข้างเตียง ชายหนุ่มพลิกตัวให้อย่างไม่อิดออด แต่ลิ้นก็ยังคงทำหน้าที่สร้างอารมณ์ให้กับสาวผมน้ำตาลแดงต่อไปโดยที่เจ้าของกลีบเนื้อสีสดใช้มือดันตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าของวิคเตอร์อยู่ข้างล่างหล่อนอย่างสบาย และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้ลิ้นตวัดได้อย่างถูกจุดเสียว


สาวสวยผมดำจัดการครอบริมฝีปากลงไปบนความเป็นชายของวิคเตอร์ที่ตั้งตระหง่านอย่างน่าชื่นชม เจ้าหล่อนใช้ทั้งมือและปากรูดรั้งและดูดดึงขึ้นลงไปมา จนเจ้าของแก่นกายต้องเกร็งกล้ามท้องเล็กน้อยด้วยความเสียว


“Come on! I love it! Faster! (เอาเลย! ฉันชอบ! เร็วขึ้นอีกสิคะ!)” เสียงแม่สาวบาร์บี้ดังขึ้นพร้อมหน้าตาอันเสียวซ่านในอารมณ์  วิคเตอร์เองก็เร่งตวัดปลายลิ้นอย่างรัวและเร็ว จนคนโดนเริ่มขาสั่น แขนสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อใกล้ถึงจุดแตกซ่านของร่างกาย ส่วนวิคเตอร์เองก็เริ่มเกร็งหน้าท้องจนเนื้อที่กล้ามท้องขึ้นชัดเจน ลมหายใจหอบกระเส่าที่ออกมาทางจมูกดังฟึดฟัดอย่างรุนแรง บ่งบอกว่าชายหนุ่มนั้นใกล้จะปลดปล่อยเต็มที แต่ลิ้นก็ยังไม่หยุดสร้างอารมณ์ให้หญิงสาวที่อยู่ด้านบนต่อ แถมยังเร่งความเร็วจนหญิงเริ่มสมองพล่าเบลอ


บ๊วบ…บ๊วบ…


เสียงดูดกลืนแก่นกายของชายหนุ่มดังอย่างแผ่วเบา แต่ก็รับรู้ถึงการใช้ปากอย่างคล่องแคล่วของคนที่ยุ่งอยู่กับช่วงกลางของร่างกายเขา วิคเตอร์ขมวดคิ้วแน่นด้วยความเสียวท้องน้อย ก่อนที่หญิงสาวผมดำจะรูดขึ้นรูดลงอีกไม่กี่ที น้ำสีขาวข้นก็พุ่งออกมาราวกับน้ำพุขนาดย่อม ทั้งข้น ทั้งเข้ม ทั้งพุ่งรุนแรง…


“Fuck!” วิคเตอร์ส่งเสียงคำรามออกมาก่อนจะตวัดลิ้นบนกลีบนุ่มของหญิงสาวอีกสักพักแล้วร่างขาวนวลด้านบนก็กรีดร้องออกมาดังลั่นห้อง ก่อนทรุดฮวบลงจนเผลอนั่งทับใบหน้าหล่อเหลาอันมีเสน่ห์ที่เจ้าหล่อนมองไม่วางตาตอนเจอกัน คนถูกนั่งทับหน้าด้วยแก้มก้นจับร่างอวบอัดออกไปจากใบหน้าตัวเอง แล้วนอนหายใจหอบหนักๆ


เขานอนหอบอยู่ครู่หนึ่งก็รับรู้ถึงความอุ่นของลิ้นที่กวาดไล่ไปทั่วความเป็นชายที่ยังตั้งโด่ไม่ยอมล้ม เขาผงกหัวขึ้นมอง ก็เห็นสองสาวกำลังใช้ลิ้นกวาดเลียน้ำข้นขุ่นสีขาวที่ไหลอาบแท่งชายของเขาและที่เลอะกระจัดกระจายอยู่บนกล้ามท้อง


“Ummm… so good. (อืมมม… รสชาติดีจัง)” แม่สาวบาร์บี้บอกเสียงปลื้มปริ่ม พร้อมส่งสายตาวาบหวามมาให้ วิคเตอร์ยิ้มนิดๆ ก่อนจะนอนแผ่หลาปล่อยให้สองสาวจัดการทำความสะอาดให้แก่นกายและกล้ามท้องของตัวเอง


“It still be hard. Do you want to let it down, sir? (มันยังตั้งอยู่เลย  ทำให้มันสงบดีมั้ยคะ)” สาวสวยผมดำสลวยเอ่ยถามเสียงยั่วยวน วิคเตอร์ดันข้อศอกขึ้นมาแล้วมองสองสาวที่ยังคงผลัดกันหยอกล้อที่ปลายยอดสีชมพูอ่อนของแก่นกายสีน้ำตาลอ่อนของตัวเอง สองสาวมองกลับมาอย่างเชิญชวนราวกับจะบอกว่าพร้อมเริ่มอีกครั้งแล้ว


แม้จะเสียววูบวาบตรงช่วงท้องน้อยเพราะโดนดูดเลียตรงแก่นกายอยู่ก็ตาม แต่วิคเตอร์ก็กำลังมองร่างกายอันเปลือยเปล่าของทั้งคู่ด้วยใบหน้าสงบ แววตากำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง สองสาวผลัดกันใช้มือรูดรั้งและออกแรงบีบท่อนชายของเขาอย่างเบามือ


“เป็นอะไรรึเปล่าคะ” สาวผมดำมันขลับดวงตาเฉี่ยวคมถามด้วยเสียงแผ่วแต่เซ็กซี่ วิคเตอร์เอียงหน้าเล็กน้อยสายตาที่ครุ่นคิดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นกำลังมองใบหน้าทั้งสองคน ก่อนจะขมวดคิ้วนิดๆ


“ครั้งนี้ผมเสร็จน่ะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วบอกเสียงพึมพำ กำลังนึกถึงอะไรบางอย่างอยู่ หญิงสาวสองคนมองหน้าชายหนุ่มด้วยความขบขัน


“พูดอย่างกับคุณเสื่อมสมรรถภาพทางเพศงั้นแหละ” สาวผมยาวสีดำผู้มีดวงตาเฉี่ยวที่เขาจำชื่อไม่ได้เอ่ยถามขึ้นอย่างแซวๆ วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปากอย่างชวนมองด้วยความขำเล็กๆ


“แต่ไว้ใจตัวเองเถอะค่ะ ว่าคุณไม่เสื่อมหรอก…” สาวผมแดงน้ำตาลส่งสายตายั่วเย้ามาให้ พร้อมน้ำเสียงกระเส่าที่มีความหมาย วิคเตอร์เบ้ปากแล้วยักคิ้วนิดๆ ราวกับจะบอกว่า รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ใช่คนเซ็กส์เสื่อม แต่ที่บอกว่าตัวเองเสร็จเพราะครั้งนี้ไม่โดนขัดต่างหาก


หึ… สองครั้งก่อน โดนขัดจังหวะจนหมดอารมณ์โดยคนๆ เดียว โดนขัดให้ค้างจนต้องแอบช่วยตัวเองเพื่อให้รู้สึกปลดปล่อย ไม่ค้างคา


ไอ้มารผจญ… เขาคิดอย่างนึกหมั่นไส้แกมมันเขี้ยวเล็กๆ เมื่อนึกถึงหน้าคนที่ขัดเขาระหว่างมีเซ็กส์มาแล้วสองครั้ง แถมเข้ามาถูกจังหวะในขณะที่กำลังได้อารมณ์ซะด้วยนะ


“Shall we fuck again? (เอากันอีกรอบมั้ยคะ)” แม่สาวบาร์บี้เอ่ยถามอย่างเชิญชวนพลางโยกตัวมาเลียหัวนมสีอัลมอนด์ด้วยลิ้นร้อน เล่นเอาหัวนมชายหนุ่มตั้งชูชันทันที แต่กระนั้นเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย


“Fuck?...(เอากัน?)” เขาพูดทวนคำนั้นเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง


“Yeah, just fuck.” (หึ แค่เอากันสินะ)” ชายหนุ่มแค่นยิ้มเล็กๆ แล้วนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง


“Are you okay, baby? (คุณโอเคมั้ยคะที่รัก)” จากใบหน้านิ่งๆ ธรรมดา คราวนี้วิคเตอร์เปลี่ยนเป็นถมึงทึง หันไปจ้องแม่สาวบาร์บี้จนอีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อยด้วยความตกใจ วิคเตอร์ขยับตัวจนท่อนชายหลุดออกจากปากของแม่สาวตาคมผมดำที่กำลังใช้ปากเพลินๆ จนเจ้าตัวถึงกับเหวอ อ้าปากหวอ เพราะกำลังสนุกกับการลิ้มรสแก่นกายของชายหนุ่ม


“I’m not your baby. (ผมไม่ใช่ที่รักของคุณ)” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ แต่ข้นไปด้วยอารมณ์ที่กำลังข่มเอาไว้ ใบหน้านิ่งจนสองสาวนึกหวั่นใจ ก่อนจะค่อยๆ ผละตัวออกห่างจากหนุ่มหล่อเล็กน้อย


“ผมง่วงนอนแล้ว ถ้าคุณสองคนยังมีอารมณ์ ก็ทำต่อกันเองนะ” เขาบอกอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่ในห้องนอนที่ไม่ใช่ห้องนอนหลักของตัวเอง สองสาวมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่แม่สาวบาร์บี้จะปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เป็นปกติ หล่อนยิ้มนิดๆ แล้วคลานไปนอนกอดเกยบนหน้าอกแกร่งของชายหนุ่ม ซึ่งวิคเตอร์ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็ไม่ได้ชายตามองหล่อนด้วยซ้ำ เขาเอามือหนุนหัวตัวเอง ดวงตากำลังมองเพดานสีขาวของห้องอยู่


“ฉันก็ง่วงแล้วเหมือนกันค่ะ…” หล่อนบอกอย่างเอาใจ วิคเตอร์เหลือบตามองหน้าสวยเหมือนตุ๊กตาของหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาอย่างไม่ใส่ใจ สาวผมดำเห็นว่าเขาไม่ได้ว่าอะไรเพื่อนตนเองก็เลยคลานไปนอนกอดเขาไว้อีกฝั่ง ก่อนที่ทั้งสามคนจะหลับไปในสภาพเปลือยเปล่า








VICTOR



ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ รู้สึกเสียวซ่านที่หัวนม และช่วงกลางของลำตัว พอตื่นขึ้นมาก็เห็นแม่สองสาวที่ผมหิ้วมาด้วยเมื่อคืนกำลังปลุกระดมเล้าโลมอารมณ์ในตัวผมให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ผมถอนหายใจเซ็งๆ ในใจไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่ไอ้น้องชายผมดันทรยศตื่นตัวไปกับลิ้นของยัยผมดำที่ผมไม่ได้ตั้งใจหิ้วมาด้วยตอนแรก    จริงๆ ผมเล็งแค่แม่สาวผมน้ำตาลแดงหน้าตาสวยเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้แค่คนเดียว แต่เจ้าหล่อนทั้งสองคนบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน และไม่มายด์ ไม่ถือสากับสภาวะหนึ่งชายสองหญิงบนเตียง ผมเห็นว่าได้หล่อนแถมมาฟรีๆ เลยยอมให้ติดสอยห้อยตามมาด้วย


และในเมื่อมาถึงเตียงผมแล้ว ผมก็เลยจัดให้ทั้งสองคนอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก


“พอเถอะ ผมอยากนอนต่อ” ผมบอกเสียงเรียบ และถอนหายใจเบาๆ อย่างนึกรำคาญ เมื่อคืนก็จัดให้ไปแล้วทั้งสองคน ยังไม่พออีกรึไงกัน


“คุณอยากนอน แต่เจ้านี่ไม่อยากนอนนี่คะ” ยัยผมน้ำตาลแดงผู้เป็นเป้าหมายหลักของผมเมื่อคืนบอกเสียงอ่อนเสียงหวาน และจับแก่นกลางตัวผมขึ้นลงไปมา ส่วนยัยตัวแถมก็กำลังไล้เลียหัวนมผมจนเปียกชื้น


“ตอนเช้าๆ มันก็ตั้งตามปกตินั่นแหละ ปล่อยมันไว้เดี๋ยวมันก็หลับไปเอง” ผมบอกสีหน้าเริ่มออกอาการรำคาญนิดๆ แต่สองคนนั้นไม่สนใจ กลับรุกผมต่อ ผมยังคงนอนนิ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของร่างกาย ทั้งความตื่นตัว ความเสียว แต่ใจผมตอนนี้กลับเฉยๆ นิ่งสนิท


ผมหมดสนุกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว หมดสนุกไปเพราะยัยบาร์บี้เรียกผมว่า ที่รัก น่ะสิ


“พวกคุณไม่กลับบ้านหรอครับ” ผมถามออกไปอย่าง (พยายาม) สุภาพ จะเอ่ยปากไล่โต้งๆ ก็ดูจะรุนแรงไป ยังไงผมก็เป็นคนพาเขามาเสพสุขด้วยตัวเอง


“ยังไม่อยากกลับค่ะ เราอยากสนุกกับคุณต่อ”เธอบอกง่ายๆ หน้าตาสบายอกสบายใจไม่เดือดร้อนอะไร ผมมองหน้าเธอ พยายามนึกว่าสาวผมน้ำตาลแดงคนนี้ชื่อว่าอะไร เธอเข้ามาคุยกับผมเมื่อคืน บอกว่าชื่นชอบซีรีย์ที่ผมเล่น และเป็นแฟนคลับผมมานาน คุยไปคุยมาเธอก็เริ่มอ่อยเหยื่อให้ ผมเองก็สนใจเธออยู่เหมือนกัน เลยตกลงปลงใจทางสายตาว่าจะพากลับมาต่อที่เตียง แต่ผมดันได้ตัวแถมมาอีกคน และดันไม่ปฏิเสธด้วย


หึ เรื่องอะไรจะปฏิเสธ ได้ตั้งสองคนเชียวนะ แต่ตอนนี้มาอีกสิบคนผมก็ไม่อยากแล้ว แม้ไอ้จ้อนผมจะตื่นตัวจนปวดหนึบก็ตามเถอะ


“พอเถอะครับ กลับบ้านดีกว่า…” บอกไปก็ไร้ค่า เพราะสาวผมน้ำตาลแดง เริ่มแกะห่อถุงยางออก แล้วจัดการใส่ให้ ส่วนตัวแถมอีกคนก็จับมือผมไปลูบคลำหน้าอกเธอ ก็ยอมรับนะว่ามันก็มีอารมณ์ แต่ตอนนี้อารมณ์เบื่อ อารมณ์ไม่อยากมีมากกว่า ผมถอนหายใจ นึกหาวิธีไล่ให้สองคนนี้กลับไปโดยไม่เสียมารยาทมาก


“Yeah… (ใช่…)” เสียงครางดังขึ้นเมื่อเจ้าหล่อนขึ้นคร่อมทับผมหลังจากใส่ถุงยางให้ผมเรียบร้อย ผมควานหาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงที่พาดอยู่บนหัวเตียงเมื่อนึกอะไรขึ้นได้


เมื่อไล่ด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ต้องหาคนมาไล่ให้


“ฮัลโหล…” ผมกรอกเสียงลงไป ไม่ได้สนใจสองสาวที่กำลังใช้ร่างกายผมเป็นเครื่องออกกำลังกายอีกครั้ง คนหนึ่งโยกเอวแทบหลุด อีกคนก็ใช้มือผมนวดหน้าอกให้ ผมเองก็เผลอขยำไปเหมือนกัน ก็แบบว่า อย่างน้อยมันก็นิ่มล่ะนะ ถึงจะซิลิโคนก็เหอะ


[ครับ] เสียงทุ้มแปลกหูดังมาจากปลายสาย ผมขมวดคิ้วนิดๆ แล้วดึงโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์ ก็เห็นว่าเป็นเบอร์ที่ผมเมมไว้ถูกต้องแล้ว


Shorty Alien (เอเลี่ยนตัวเตี้ย)



“แมท?” ผมกรอกเสียงถามลงไป ท่ามกลางเสียงครางที่วาบหวามของยัยบาร์บี้ ผมส่งตาดุๆ และยกมือให้หล่อนเบาเสียง เจ้าหล่อนก็ทำตามแต่โดยดี แต่ก็ไม่ยอมหยุดการเคลื่อนไหวของสะโพก


[แมทหลับอยู่ครับ คุณมีอะไรรึเปล่า] ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยว่าผู้ชายที่รับโทรศัพท์ของเจ้าตัวกะเปี๊ยกนั้นเป็นใคร


“บอกเขาหน่อยว่าเจ้านายเขาโทรมา” ผมบอกเสียงเรียบ อีกฝ่ายนิ่งไปสักพักก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเรียกชื่อเจ้าเอเลี่ยน แล้วก็เกิดเสียงกุกกักตามมาอยู่ครู่หนึ่ง ตามมาด้วยเสียงตกใจ และบทสนทนา แต่ผมไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไร เพราะอีกฝ่ายพูดเป็นภาษาไทย


[เฮ้ย… เอิร์ทมาได้ไงเนี่ย…]


[มาแท็กซี่ ถึงบ้านก็อุ้มแมทมานอนที่เตียง พอจะออกไป แมทก็จับมือไว้ไม่ให้ไป…] ผมได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากผู้ชายที่รับโทรศัพท์ อดขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้


“เฮ้!” ผมส่งเสียงไปตามสายเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมรอสายอยู่ เดาว่าตอนนี้เจ้าเตี้ยคงกำลังตกใจและลนลานกับเสียงผม ผมอดยิ้มขำไม่ได้เมื่อนึกสีหน้าของอีกฝ่ายออกว่าจะทำหน้ายังไง


[ฮัลโหล] เสียงแหบๆ ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะส่งเสียงกระแอมในลำคอเพื่อให้พูดเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น


[คุณเรย์มอนด์ เอ่อ… ผมขอโทษครับที่ตื่นสาย] เขาบอกกลับน้ำเสียงอ่อยๆ และเดาว่าหน้าตาเขาคงกำลังหงอเหมือนลูกหมาหูลู่อยู่


“แล้วจะพูดมากอยู่ทำไม รีบมาหาฉันที่บ้านด่วน ฉันมีเรื่องให้ช่วย” ผมบอกเสียงเรียบ พลางเอื้อมมือซ้ายไปลูบคลำหน้าอกของแม่สาวตัวแถม บีบเบาๆ สลับกับบีบหนักๆ จนอีกฝ่ายส่งเสียงครางพอใจ


[ครับๆ ผมจะรีบไป] เจ้าตัวเตี้ยตัดสายไป ผมวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ หมอน


“ยิ้มแบบนี้ อารมณ์ดีแล้วใช่มั้ยคะ” แม่สาวผมดำที่ผมจับหน้าอกไปมาอย่างเลื่อนลอยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม


ผมยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาวที่กำลังโยกเอวอย่างมีจังหวะบนตัวผม เธอส่งยิ้มยั่วมาให้ ผมก็ส่งยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน


และจะเป็นยิ้มส่งท้ายให้เธอทั้งสองคนก่อนที่พวกเธอจะต้องกลับบ้านไปด้วยฝีมือเจ้าเอเลี่ยนแคระ


คิดได้แบบนั้นผมก็รู้สึกสนุกขึ้นมา อยากจะรู้ว่าเจ้านั่นจะจัดการยังไง พออารมณ์ผมเริ่มเบิกบาน ผมก็เป็นฝ่ายบุกเข้าหาสองสาว จนทั้งสองส่งเสียงครางออกมาด้วยความพอใจกับบทรักที่ผมสนองให้



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:15:28


“Someday he will send…”
สักวันเขาจะส่งมา…



“Rubbish! (เหลวไหลน่า!)” ผมสบถเสียงเบาพลางขมวดคิ้วมุ่นกับความคิดของตัวเอง เมื่อนึกย้อนไปถึงคำพูดของใครสักสองสามคนเห็นจะได้ ผมรีบเบรคมันไว้ก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้


ผมส่ายหัวน้อยๆ แล้วใช้มือยันราวระเบียงนอกห้องนอนที่ผมพายัยสองสาวเพื่อนสนิทนั้นมาเปิดเพลงรักกันบนเตียง ผมทอดสายตามองไปตามยอดต้นไม้สีเขียวต้นเตี้ยๆ ที่อยู่ในสวนหลังบ้าน มันไม่ใช่สวนใหญ่โตอะไร เพราะที่นี่เป็นทาวน์เฮ้าส์ ด้านหลังของแต่ล่ะบ้านจะมีพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พอที่จะจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวหรือกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ให้คนประมาณยี่สิบคนยืนและนั่งอยู่ด้วยกันได้แบบไม่แออัด


พอได้มองสีเขียวของธรรมชาติและสีสันของดอกไม้ในสวน ผมก็ค่อยๆ คลายคิ้วที่ขมวดไว้แล้วผ่อนลมหายใจเบาๆ กับตัวเอง และปล่อยให้ความคิดที่แทรกขึ้นมาระหว่างรอให้เจ้าเอเลี่ยนมาจัดการยัยสองสาวออกไปจากบ้านผม ให้มันลอยไปกับสายลมอ่อนๆ


มันไม่มีอะไรมากหรอก… ผมไม่เชื่อหรอกว่าใครจะส่งอะไรมาให้…มีแต่มาพรากจากผมไปทั้งนั้น


หึ!


ผมแค่นยิ้มกับตัวเอง ไม่ได้นึกอยากเศร้า แต่ความคิดถึงที่อยู่ในอก อยู่ในใจตลอดมา ก็ทำให้ผมอดที่จะอ่อนไหวไม่ได้ ที่ผมทำได้คือบอกกับตัวเองว่าพวกเขาไม่อยู่แล้ว… จากไปแล้ว… ทั้งจากเป็นและจากตาย…


ผมหลับตาลงด้วยความคิดถึงปนความเจ็บปวด ผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ลืมตาขึ้นมองที่สวนหลังบ้านตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนอน มองร่างอันอวบอิ่มและเพรียวบางของผู้หญิงสองคนที่ยังนอนหลับอย่างสบายใจอยู่


หลังจากจบบทบรรเลงเพลงรักยกที่สองเมื่อตอนเช้า ผมก็เอ่ยปากเชิญให้กลับบ้าน แต่พวกเธอก็ยังอิดออดไม่ยอมกลับ แถมทำท่าจะขอต่อยกที่สาม ผมรีบเบรคพวกหล่อนทันทีก่อนที่จะหงุดหงิดไปมากกว่านั้น และอนุญาตให้นอนหลับพักผ่อนก่อนได้ ตื่นแล้วค่อยออกไป


แต่ผมก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าหลังจากตื่น พวกเธอก็จะไม่ยอมกลับง่ายๆ และจะเกลี้ยกล่อมให้ผมสมยอมมีเซ็กส์กับเธอต่อ ซึ่งผมพอแล้ว อิ่มแล้วกับสองคนนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเบื่อ ก็แค่รู้แล้วว่าเป็นยังไง ได้ลอง ได้ลิ้มชิมรสแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมาสะกิดใจอย่างที่ผมหวังว่าจะมีกับใครสักคน


หวังว่าจะเจอ แต่ก็ยังไม่เจอ… เจอในสิ่งที่ผมตามหา…


ในความรู้สึกของผม มันเหมือนกับการกินอาหาร อาหารชนิดไหนที่เราไม่เคยกิน เราก็อยากลองกิน พอได้กิน ก็มีทั้งถูกใจจนอยากกินต่อ และที่ไม่ถูกใจจนขอบายไม่เอาอีก


ใช่… ผมมีที่ถูกใจเหมือนกัน แต่ก็แค่ถูกใจ… ยังไม่มี ไม่เจอ ที่ว่า ใช่


แต่ถึงจะชอบหรือจะใช่แค่ไหน ผมก็รู้ว่าคนเรากินอาหารซ้ำๆ ไม่ได้หรอก ยังไงวันนึงก็ต้องเบื่อ แต่ผมก็แค่เปลี่ยนอาหารไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาอาหารที่เป็นของโปรด แล้วเก็บไว้ในใจว่ามันคือของโปรด ให้รู้อยู่คนเดียวในใจว่าเราเจออาหารจานโปรดแล้ว และก็
ไม่ต้องกินบ่อย แค่ให้รู้ว่ามันเป็นของโปรดผมก็พอ


แต่ก็อีก… ใช่ว่าจะไม่มีที่ใช่เลย มีสิ ผมมี แต่มันเป็นอาหารต้องห้าม แม้จะอร่อย น่ากิน จนไม่รู้จักอิ่ม แต่อาหารจานนั้นมันดันไม่ปลอดภัยที่จะกินบ่อยๆ และเยอะๆ ผมเลยต้องหยุดกิน 


เพราะถ้าฝืนกินต่อ ผมอาจตายได้ เพราะผมเคยเกือบตายเพราะอาหารจานนั้นมาแล้ว ตายทั้งทางร่างกายและจิตใจ


ผมมองสองคนนั้น ก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วออกจากห้องเดินลงไปข้างล่าง ตอนนี้จะสิบโมงแล้ว พอเห็นเวลานั้นผมก็ฉุดนึกถึงคำพูดของเจ้าเอเลี่ยน


“คุณกินข้าวเถอะ มันเลยเวลาทานข้าวของคุณแล้ว…”


นานแล้วที่ผมไม่ได้ยินใครพูดแบบนี้  มันเป็นความรู้สึกห่วงใยที่ผมไม่เคยได้มานานแล้ว และมันทำให้ผมนึกถึงใครบางคน


“วิคเตอร์ กินข้าวรึยัง สายแล้วนะ เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก…”


คนที่คอยห่วงใยผมที่สุดในชีวิต


แต่วันนี้เจ้าคนจำแม่นกลับมาสาย แถมโทรไปยังอยู่กับผู้ชายอีก อืม… ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ หึๆ ผมยิ้มมุมปาก แล้วเดินไปที่ห้องครัว เปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรกินรองท้องก่อนที่เจ้านั่นจะมา อันที่จริงผมก็พอทำอาหารเป็นนะ แต่ไม่ได้เก่งมากนักหรอก ทำพอประทังชีวิตไปในแต่ล่ะมื้อ


แต่ตั้งแต่มีเจ้าเอเลี่ยนปากเก่งผมก็ชินกับฝีมือหมอนั่นไปแล้ว ไม่ได้อร่อยมากหรอก แต่กินแล้วก็เพลินปากดี อีกอย่างผมไม่ต้องเหนื่อยทำเองด้วย  ถือว่าได้คนทำอาหารส่วนตัวโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท


ผมเอาไก่ไปอบในไมโครเวฟ รอสักพักก็หยิบออกมานั่งกินตรงโต๊ะกลางห้องครัว ไก่ในถ้วยนี้เจ้านั่นก็ทำไว้ให้ หมักด้วยซอสสูตรพิเศษที่เจ้าตัวบอกว่าโทรไปถามแม่ที่เมืองไทยมาให้ ถ้าหิวก็แค่หยิบมาเวฟแล้วก็กินได้เลย


อืม… ต้องยอมรับว่าซอสสูตรนี้อร่อยใช้ได้ ผมนั่งกินไปสักพักก็หันไปเห็นเจ้าไมเคิลที่เดินส่ายหางเข้ามาพร้อมเจ้าฟอกซ์ที่เดินต้วมเตี้ยมตัวกลมจนแทบจะกลิ้งได้อยู่แล้ว


“Hey! (ไง!)” ผมส่งยิ้มให้เจ้าเพื่อนยากแล้วโยนน่องไก่ให้น่องหนึ่ง มันกระโดดงับได้อย่างแม่นยำ ผมหัวเราะแล้วมองมันกินอย่างสุขใจ ส่วนเจ้าฟอกซ์มันไม่ชอบกินอะไรแบบนี้ผมเลยก้มหยิบอาหารกระป๋องแล้วเปิดให้มันกิน ผมนั่งมองเจ้าสองพี่น้องด้วยรอยยิ้มพลางเคี้ยวเนื้อไก่ไปด้วย


ผมเจอฟอกซ์ยืนอยู่นอกหน้าต่าง เลยอุ้มมันเข้ามาในบ้าน และพยายามตามหาเจ้าของแต่ก็ไร้วี่แวว ผมเลยเลี้ยงไว้ ตอนแรกกลัวเจ้าไมเคิลจะขย้ำตาย แต่สุดท้าย มันกลับนอนกอดกันทุกคืน ผมเลยสบายใจว่ามันไม่กัดกันตายแล้วแน่ๆ


ก่อนหน้านี้ผมมีแค่เจ้าไมเคิลที่เป็นเพื่อนในยามที่ ชีวิตแทบไม่เป็นชีวิต ในตอนที่ผมจมดิ่งกับความเศร้า ก็มีไมเคิลนี่แหละที่อยู่กับผมตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆ ที่เป็นมนุษย์ปกติทิ้งผม แต่ทุกคนก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง ต้องใช้ชีวิตของตัวเอง ผมเลยไม่อยากให้พวกนั้นมารู้สึกทุกข์ไปกับผม


“เอาอีกมั้ย” ผมถามเจ้าไมเคิล มันกระดิกห่างไปมา แล้วมองหน้าผมอย่างอ้อนวอนจนผมอดยิ้มขำไม่ได้ ผมกำลังจะโยนน่องไก่อีกน่องให้ แต่ก็ชะงักไว้เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้


“เห่าแล้วจะได้กินนะไมเคิล โฮ่ง!!”


เสียงหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจของเจ้าเอเลี่ยนดังขึ้นมาในโสตประสาท ผมนึกตามแล้วหรี่ตามองไมเคิลที่เอียงคอมองกลับมาด้วยความสงสัย หางมันโบกสะบัดไปมา ผมยิ้มกริ่มก่อนจะชูไก่ขึ้นสูง


“เห่าซิ…” เจ้าหมาตัวโตเอียงหน้าสลับไปมาซ้ายขวา คิ้วย่นจนหน้าตาดูตลก ผมขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะเก๊กเสียงใส่มันอีกรอบ


“เห่าก่อน เร็วสิ ไม่เห่าฉันไม่ให้แกกินนะ โฮ่ง!!” เจ้าไมเคิลไม่เห่าแต่กลับกระโดดยืดตัวมาเกาะขอบโต๊ะหินอ่อนที่ไว้สำหรับทำอาหารไว้ แล้วส่ายหางไปมา มองไก่ในมือผมด้วยดวงตาละห้อย


“เห่าสิ! เร็ว ไม่เห่า อดนะ” ผมทำหน้าดุใส่มัน แต่ไอ้หมาไม่รักดีกลับทำหน้าตาตาเอ๋อๆ ใส่


“ไอ้เอเลี่ยนสั่ง ทำไมแกถึงเห่าซะดังลั่นบ้าน ทีกับฉันนิ่งเงียบเลยนะ ใครเป็นเจ้านายแกกันแน่ฮะ” ผมแกล้งทำเสียงดุ เจ้าไมเคิลครางหงิงๆ ในลำคอด้วยความไม่เข้าใจ ผมทำหน้าเซ็งก่อนจะยื่นน่องไก่ใส่ปากให้มันด้วยอารมณ์งอนนิดๆ


“ไอ้หมาทรยศ” ผมแกล้งด่ามัน แต่พอได้น่องไก่ไปกิน มันก็ไม่สนใจผมเลยแม้แต่นิด


กริ๊ก~


ผมได้ยินเสียงลูกบิดเปิดประตู เลยเงยหน้าขึ้นไปมอง ประตูเปิดแล้วเจ้าเอเลี่ยนตัวเตี้ยๆ ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหมือนคนพะอืดพะอมอะไรไว้สักอย่าง หน้าตาหมอนั่นดูเหมือนคนที่นอนไม่เต็มอิ่ม หัวกระเซอะกระเซิง


“อะ…อ้าว คุณเรย์มอนด์” เจ้าเตี้ยที่ตอนแรกตาปรือๆ เปลี่ยนเป็นตาโตทันทีเมื่อหันมาเห็นผมที่กำลังนั่งอยู่  ผมมองหน้าเขาแล้วยักคิ้วไปให้ เจ้าเอเลี่ยนเหมือนดูจะเบลอไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมองที่ประตู ผมมองตามไปก็เห็นเขาเดินกลับไปที่ประตูก่อนจะเอ่ยพูดกับใครสักคน


“ขอบใจนะเอิร์ทที่มาส่ง แต่ไม่ต้องรอหรอก อีกนานเลย…” ผมย่นคิ้วเมื่อภาษาที่พูดไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่น่าจะเป็นภาษาไทย ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูบ้านที่เจ้าเตี้ยแง้มไว้เล็กน้อยเพื่อคุยกับใครสักคน ผมมองเห็นคนที่เจ้านี่คุยด้วยแค่เสี้ยวไหล่ขวาเพราะโดนประตูบังไว้


“ไม่เป็นไร เรากลับเองได้ ชินแล้ว…” ผมไม่รู้ว่าหมอนี่พูดว่าอะไร แต่ผมรู้สึกไม่ชอบใจที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่ากำลังนินทาผมอยู่รึเปล่า ผมเลยเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังคนตัวเตี้ยไว้ แล้วดึงประตูเปิดให้กว้างออก เจ้าตัวเตี้ยแหงนหน้าเงยขึ้นมามองด้วยความตกใจที่เห็นผมอยู่ด้านหลัง ผมก้มลงมองเขาด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เขาคุยด้วยก็เห็นว่าเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อๆ คนหนึ่ง ที่กำลังยืนมองผมกลับมาด้วยสายตาสงสัยและเคลือบแคลง ก่อนจะย่นคิ้วหรี่ตามองผมนิดๆ ผมมองตอบกลับไปอย่างนึกสงสัยว่าผู้ชายคนนี้ใช่คนที่รับโทรศัพท์ของเจ้าเตี้ยนี่รึเปล่า


“เอ่อ… คุณเรย์มอนด์ คนนี้เป็นเพื่อนผมเอง” หลังจากมองกันไปมาด้วยความสงสัยกันสักพัก เจ้าตัวเล็กและเตี้ยสุดในบรรดาเราสามคนก็แหงนหน้ามามองหน้าผมแล้วเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ ผมก้มลงไปมองใบหน้าใสเหมือนแก้มเด็ก และมีแก้มนิดๆ ของเจ้านั่น ดวงตาเรียวแต่โตกำลังมองผมด้วยแววตาใสปิ๊งแต่ก็ดูปรือๆ เหมือนพร้อมจะฟุบหลับตลอดเวลา


“คุณคงเป็นเจ้านายของแมท” เสียงทุ้มหนักๆ ดังขึ้นทำให้ผมละสายตาไปจากเจ้าหน้าเด็กที่ทำตัวเหมือนเด็กง่วงนอน


ผมมองหน้าคนทักก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังมองผมอย่างประเมิน ไม่รู้ว่าประเมินหน้าหรือหุ่นผมกันแน่ เพราะตอนนี้ผมถอดเสื้อใส่แต่กางเกงนอนสีเทาเนื้อนิ่มอยู่


“ใช่” ผมตอบกลับไปสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขามองหน้าผมสลับกับมองหน้าเจ้าเอเลี่ยนที่ยืนหัวติดอยู่กับแผ่นอกผมด้วยสายตาครุ่นคิด ทำให้ผมนึกเอะใจอะไรขึ้นมา


“เอ่อ… ผมว่าผมควรไปเตรียมอาหารให้คุณก่อนดีกว่า” คนตรงกลางที่ยืนเหมือนกำลังงงเอ่ยขึ้น ผมยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะนึกสนุกอะไรนิดหน่อย


ฟึบ~


ผมใช้แขนขวาที่ดันขอบประตูอยู่มาโอบร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า ผมดึงเขาเข้ามาชิดกับแผ่นอกอย่างแนบแน่น คนถูกดึงแหงนหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าตื่นๆ ผมก้มลงมองแล้วยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะเงยขึ้นไปมองหน้าคนที่เจ้านี่บอกว่าเป็นเพื่อน อีกฝ่ายกำลังมองกลับมาด้วยสายตานิ่งๆ แต่นิ่งจนเย็นชา ใบหน้าสงบแต่ขบกรามแน่น มองแขนผมที่โอบรอบร่างที่เนื้อแน่นพอดีมือด้วยความไม่พอใจที่พยายามซ่อนไว้ แต่ก็ซ่อนไม่มิด


“คุณเรย์มอนด์ เดินตกบันไดแล้วหัวฟาดพื้นมารึไง ถึงได้เพี้ยนมากอดผมเนี่ย” คนในอ้อมแขนผมร้องเสียงแหวขึ้นมาแล้วพยายามดึงแขนผมออก ผมก้มลงไปมองด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ยิ่งเห็นเจ้าเอเลี่ยนที่ตอนแรกทำท่าง่วงนอน ตื่นตัวและแผลงฤทธิ์ความดื้อผมก็ยิ่งยิ้มด้วยความชอบใจ หึๆ


“อากาศเย็น ฉันเลยอยากได้ผ้าห่ม” ผมบอกหน้าตามึนๆ แต่ใบหน้ากำลังยิ้มด้วยความขำที่เห็นเจ้าเตี้ยกำลังทำหน้าเข่นเขี้ยวใส่ผม


“แล้วผีตัวไหนดลใจให้คุณถอดเสื้อเดินร่อนไปรอบบ้านล่ะ” หมอนี่นี่มันปากดี ปากเก่งจริงๆ เถียงเก่ง จิกกัดล่ะเป็นที่หนึ่ง เผลอใจดีเล่นด้วยหน่อยไม่ได้ ก็พ่นคำพูดเจ็บๆ แสบๆ ใส่ผม


“ผีผ้าห่มมั้ง” ผมเบ้ปากแล้วเลิกคิ้วขึ้น เหมือนกำลังนึกอะไรอยู่ ก่อนจะหันไปมองหน้าผู้ชายที่มาส่งเจ้าเตี้ยนี่ ที่กำลังยืนเหมือนข่มอารมณ์ไว้อยู่ แล้วไหนจะหน้าเจ้าตัวกะเปี๊ยกนี่ที่กำลังแก้มพองลมเหมือนหมูกำลังเคี้ยวอาหารนี่อีก ผมเลยแกล้งเอาคางเกยหัวหมอนี่ไว้ แล้วมองหน้าผู้ชายร่างสูงอีกคนที่อยู่นอกประตูบ้าน ก่อนจะส่งยิ้มให้เล็กน้อย


“คุณเรย์มอนด์!” เจ้าเตี้ยส่งเสียงฮึ่มๆ และพยายามดันคางผมออก ผมดันแขนเขาออกแล้วเอาแขนอีกข้างมาโอบรัดร่างเตี้ยๆ นี่ไว้จนแขนอีกฝ่ายขยับไม่ได้ ได้แต่บิดตัวยุกยิกไปมา


“อะไร? มากกว่านี้ฉันก็เคยทำมาแล้ว” ผมก้มหน้าไปยักคิ้วให้เจ้าแคระ อีกฝ่ายกัดริมฝีปากล่างแน่นพร้อมถลึงตามามองด้วยความโมโห ผมยิ้มขำเมื่อเห็นอาการโกรธที่เหมือนแมวขู่ (ผมเคยเห็นฟอกซ์ขู่เจ้าไมเคิลตอนที่ไมเคิลเล่นแรงไป)


“เอิร์ท กลับไปก่อนนะ” เมื่อเถียงอะไรไม่ได้ เจ้านี่ก็หันไปพูดเป็นภาษาไทยกับเพื่อนของตัวเองที่กำลังยืนสีหน้าไม่พอใจแต่ก็พยายามเก็บอาการ


“Hey, what are you saying? Speak English. (นี่ พูดว่าอะไรน่ะ พูดภาษาอังกฤษสิ)” ผมบอก พลางกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเมื่อเจ้าเอเลี่ยนพยายามดิ้นออก


ยิ่งทำก็ยิ่งสนุกแฮะ เห็นเจ้านี่ดิ้นรนไปมา พร้อมทำท่าเหมือนจะแพ้นี่มันถูกใจผมจริงๆ


“No! (ไม่!)” เสียงเล็กๆ แต่ไม่เล็กเหมือนผู้หญิงแหวกลับมา ก่อนจะหันไปมาเพื่อนเขาอีกคน


“เจอกันที่บ้านนะเอิร์ท”


“คนนี้รึเปล่าที่ทำรอยไว้บนคอแมทน่ะ” ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร แต่คนตัวเตี้ยชะงักไปก่อนจะส่ายหัวดุ๊กดิ๊กไปมา ผมขมวดคิ้วมองทั้งสองคนอย่างหงุดหงิด เพราะฟังไม่ออก


“คนนี้เจ้านายจริงๆ เขาชอบหยอกแบบนี้แหละ สติเขาไม่ค่อยดี…”


“If you don’t stop speaking Thai. I will bite your lips. (ถ้านายยังพูดภาษาไทยอยู่ ฉันจะกัดปากนายเดี๋ยวนี้แหละ)” ผมก้มลงไปกระซิบเสียงเข้ม เจ้าเอเลี่ยนหายใจ ฮึบ! ก่อนจะหันกลับมามองผมที่กำลังมองกลับอย่างไม่พอใจด้วยสายตาโตๆ ครู่หนึ่งก่อนจะรีบหันกลับไปหาเพื่อนตัวเองอีกครั้ง


“เอิร์ทๆ เจ้านายเราจะให้เริ่มงานแล้วอ่ะ เดี๋ยวเราขอไปทำงานก่อนนะ” หมอนั่นบอกอะไรไม่รู้ และก็ยังคงพยายามดึงแขนผมออก ทั้งๆ ที่ทำไปแขนผมก็ไม่หลุดจากร่างเขาอยู่ดี


“งานแบบไหนเนี่ยแมท ทำไมต้องกอดด้วยวะ นี่มันงานประเภทไหนกัน เจ้านายลูกน้องอะไรวะ ทำไมต้องกอดกันขนาดนี้” ผมไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่จากน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูไม่พอใจมาก ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธอยู่ เจ้าคนในอ้อมกอดผมหน้าตาแตกตื่น พยายามดิ้นออกไปหาเพื่อน แต่ผมไม่ยอมให้ไป รั้งร่างเล็กชิดกับแผ่นอกและหน้าท้องตัวเองมากยิ่งขึ้น


“เฮ้ยๆ ไม่ใช่งานอย่างที่เอิร์ทคิดนะ…” เจ้าเตี้ยนี่มีความพยายามจริง แขนโดนรัดไว้แต่ก็พยายามยื่นมือออกไป


“…เอาเป็นว่าเย็นนี้เลิกงานแล้ว เจอกันที่บ้าน เดี๋ยวเราอธิบายให้ฟัง นะเอิร์ทนะ” ไอ้หนุ่มที่เหมือนจะเตี้ยกว่าผมเล็กน้อย ขบกรามแน่นก่อนจะผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้านิดหน่อย ก่อนจะบอกเสียงเข้ม


“เลิกงานแล้วว้อทแอพไปบอก เดี๋ยวเรามารับ” เจ้าเอเลี่ยนพยักหน้าอย่างแข็งขัน อีกฝ่ายเหวี่ยงสายตามามองผมครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินลงบันไดบ้านผมไป ผมมัวแต่มองแผ่นหลังของคนที่มาส่งเจ้าตัวเตี้ย เลยต้องหน้าเหวอเมื่อโดนดันให้เดินถอยหลังกลับเข้ามาในบ้านด้วยแรงดันของคนในอ้อมกอด ก่อนที่ประตูบ้านจะปิดดังปัง แล้วร่างเล็กก็อาศัยจังหวะที่ผมกำลังงง ดึงอ้อมแขนผมออก สะบัดตัวหันมามองผมด้วยหน้าตาถมึงทึง


“ไม่แกล้งผมสักวัน คุณจะเกิดอาการคันไข่รึไง?!” หมอนั่นแหวกลับมา ผมมองหน้าเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มเบ้ปาก


“ก็เพราะคันฉันถึงให้นายช่วยเกานี่ไง” ผมบอกกวนๆ อีกฝ่ายมองค้อนกลับมา



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:22:28


“คันหรอ งั้นเดี๋ยวผมช่วยเกาให้!” ไอ้คนปากเก่งพุ่งตัวเข้ามาใกล้ผม แล้วพุ่งมือมาที่เป้าทำท่าจะบีบเข้าที่ช่วงกลางลำตัว ผมตกใจแล้วรีบคว้าหมับเข้าที่ข้อมือขวาเข้าไว้ แต่เจ้าดื้อนี่ไม่ยอมแพ้ พุ่งมือซ้ายมาอีกมือ ผมก็รีบคว้าไว้อีกมือก่อนจะจับไว้แน่น


“ไหนว่าคันไง ผมจะช่วยเกาให้!” เขาบอกหน้าตาบูดเบี้ยว แล้วออกแรงพยายามดึงแขนตัวเอง ผมก็จับไว้แน่น ก่อนจะนึกหมั่นไส้กับท่าทางเก่งๆ ปากเก่งๆ ของเขา แล้วกระชากแขนเขาเข้ามาก่อนจะเอาแขนสองข้างโอบรัดร่างเล็กเนื้อแน่นติดไว้กับตัว


“ถ้าอยากช่วยเกา ก็ไปช่วยฉันเกาบนเตียง” ผมบอกเสียงกวนพอๆ กับหน้า อีกฝ่ายเงยหน้ามองผมอย่างเข่นเขี้ยวที่ทำอะไรผมไม่ได้


“โอ๊ย! ขู่อยู่นั่นแหละ ผมไม่ได้เหมือนแดรคคิวล่าที่จะต้องกลัวไม้กางเขนนะ ที่พอคุณขู่เรื่องเตียงแล้วจะต้องกลัวจนตัวสั่นน่ะ!” อีกอย่างที่ผมล่ะหมั่นไส้เขานักก็คือไอ้การเปรียบเปรยอย่างประชดประชันเนี่ยแหละ ช่างสรรหาคำมาพูด


“งั้นไปที่เตียง ดูซิว่านายจะกลัวเหมือนที่แดรคคิวล่ากลัวไม้กางเขนมั้ย” ผมบอกหน้าตาจริงจัง น้ำเสียงไม่มีติดเล่น จนทำให้เจ้าเตี้ยนิ่งไปพร้อมกับเบิกตากว้างมองผม แต่ก็พยายามเก๊กหน้านิ่งสู้กลับมา ผมเห็นแบบนั้นก็ยิ่งหมั่นไส้ เลยอุ้มเขาพาดบ่าแล้วหมุนตัวจะพาเดินไปที่ห้องนั่งเล่น


“เฮ้ยยย!” เจ้าเตี้ยร้องโวยวายตอนที่ถูกยกขึ้นไปไว้บนบ่า แต่ผมไม่สนใจและทำท่าจะเดินต่อ


“โฮ่ง!!”  เสียงไมเคิลดังขึ้น ผมหันไปมองก็เห็นมันกำลังส่ายหางไปมาและดูท่าทางตื่นเต้น คงกำลังคิดว่าผมสองคนกำลังเล่นอะไรกันอยู่ ผมเดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดประตูออก


“ไมเคิล พาน้องแกออกไปข้างนอกก่อน” ผมบอกเสียงเรียบ เจ้าไมเคิลเหมือนจะรับรู้ เลยรีบวิ่งออกไปพร้อมเจ้าฟอกซ์ ผมปิดประตูทันที


เอาวะ สั่งมันเห่าไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็รู้งานว่าตอนไหนควรอยู่ ตอนไหนควรไป


“เฮ้ย! ไมเคิล อย่าไป แกโดนเจ้านายแกหลอกอยู่นะ!” เสียงแว้ดๆ ดังขึ้น ผมเลยฟาดก้นไปเจ้าเตี้ยไปหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว


“Ouch! Bastard! (โอ๊ย! ไอ้บ้า!)”


ป้าบ! ผมออกแรงตีอีกครั้งที่เขาพูดจาแบบนั้น พลางก้าวยาวๆ ไปที่ห้องนั่งเล่น


“Ouch! Mr. Bastard! (โอ๊ย! ไอ้ คุณ บ้า!)” แน่ะ! ถึงจะพูดมิสเตอร์นำหน้า หมอนี่ยังแอบด่าผมอีก มันน่านัก ผมเดินมาถึงห้องนั่งเล่นก็ทุ่มร่างเล็กๆ เตี้ยๆ ลงบนโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ที่เหมือนเตียงนอนทันที เจ้าเอเลี่ยนรีบพลิกตัวจะคลานหนี ผมคว้าข้อเท้าเข้าไว้แล้วลากกลับมาก่อนจะขึ้นคร่อม เจ้าเอเลี่ยนตาโตมองผมแล้วรีบเอามือยันอกเปลือยเปล่าของผมไว้ พร้อมกับส่ายหน้าอย่างแข็งๆ ไปมา ผมยกยิ้มมุมปาก แล้วจับแขนทั้งสองข้างที่ดันอกผมไว้ ดึงแยกออกจากกัน ก่อนจะจับขึงไว้บนโซฟา


“เตียงไม่ทันใจ ฉันขอใช้โซฟาแทนละกันนะ” ผมบอกเสียงยั่ว เจ้าเตี้ยกระพริบตาปริบๆ มองกลับมาพลางกลืนน้ำลายลงคอ


“I’m—I’m sorry, Mr. Raymond. (ผะ…ผมขอโทษครับ คุณเรย์มอนด์)” เขาเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ส่งยิ้มแหยๆ มาให้ ผมยิ้มตอบกลับไป


“ยังไม่ยกโทษให้ ฉันขอลงโทษนายก่อน” เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าผมจะลงโทษยังไง เลยรีบหดคอเหมือนเต่าหดเข้ากระดอง


“หึๆ” ผมหัวเราะในลำคอ มองอีกฝ่ายที่พยายามหนีบคอไว้กับไหล่


“ลืมไปแล้วรึไงว่านายเป็นคน ไม่ใช่เต่า” ผมบอกแล้วยิ้มชอบใจที่เห็นเจ้าเตี้ยปากเก่ง เงียบเสียงลงได้และทำท่าเหมือนคนอับจนหนทาง


เจ้านี่น่ะ พูดไป เถียงไป เถียงกลับได้แทบทุกคำ แถมบางทียังเถียงเร็วจนผมเถียงไม่ทัน เรื่องความไวของปาก ผมต้องยอมรับเลยว่าเถียงสู้เจ้าตัวจ้อยนี่ไม่ได้ และผมก็ค้นพบว่าสิ่งที่จะทำให้หมอนี่เงียบปาก สงบคำหรือศิโรราบให้กับผมได้ก็คือการจับกดบนเตียงหรือใช้ร่างกายผมข่มขู่แบบนี้นี่ล่ะ ผมมองร่องรอยที่ผมแกล้งฝากไว้เมื่อวาน มันยังคงแดงอยู่แม้จะจางลงบ้างแล้ว


“ค…คุณเรย์มอนด์… ผม…”


“ร่องรอยของเมื่อวานใกล้หายแล้ว แต่เดี๋ยวฉันจะย้ำให้อีกที…” เจ้าตัวดีเบิกตากว้างมองผมอย่างตื่นๆ ผมยิ้มกริ่มก่อนจะก้มลงไปซุกที่ซอกคอขาวๆ ของเขา ร่างเล็กเริ่มออกแรงดิ้นทันที


“Victor?! (วิคเตอร์คะ?!)” เสียงที่ดังมาจากชั้นสองทำให้ผมชะงัก คนข้างใต้ผมก็หยุดดิ้นไปเหมือนกัน ผมหน้าเซ็ง อารมณ์ที่กำลังคึกคักสนุกสนานแทบจะหายวับไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกนั่น ผมดันตัวเองขึ้นห่างจากซอกคอที่มีกลิ่นหอมของกลิ่นน้ำนมอ่อนๆ เจ้าคนโดนกดเม้มปากกระพริบตาปริบๆ มองกลับมา


“Shit! (แม่งเอ๊ย!)” ผมสบถเบาๆ แต่เน้นๆ เจ้าเอเลี่ยนแอบสะดุ้งนิดๆ ที่เห็นผมหน้าตาไม่สบอารมณ์ ผมมองหน้าเขา แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าการที่ได้แกล้งปล้ำเจ้าตัวเล็กเนื้อแน่นนี่ สนุกกว่าการที่ผมมีอะไรกับยัยสองคนนั้นซะอีก พอถูกขัดจังหวะแบบนี้ผมก็นึกหงุดหงิดในอก


“Who’s that? Natasha? (ใครน่ะ คุณนาตาชาเหรอ)” คนใต้ร่างผมถามตาแป๋ว ผมทำหน้าเอือมแล้วพ่นลมหายใจหนักๆ ก่อนจะดันตัวเองออก กระเถิบไปนั่งเกือบๆ ปลายโซฟา พอโดนปล่อยเป็นอิสระ ไอ้ตัวเตี้ยก็ดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วกระเถิบถอยห่างจากผมทันที


หวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่ายัยสองคนข้างบนนั่นอีกนะ ผมมองเขาอย่างครุ่นคิดด้วยสายเอื่อยเฉื่อย


“ใช่คุณนาตาชารึเปล่าครับ ถ้าใช่คุณก็ขึ้นไปหาเขาสิ”


“ถ้าใช่นาตาชา ฉันจะเรียกนายมาขัดจังหวะความสุขของฉันทำไม” อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้น แล้วมองกลับมาด้วยสายตาเคลือบแคลง


“นี่คุณพาผู้หญิงคนอื่นมาที่บ้านงั้นเหรอ” ผมยักคิ้วขึ้นเร็วๆ เป็นการยอมรับ รู้สึกดีที่ไม่ต้องมานั่งอธิบายอะไรเพิ่มเติม ถือว่าเจ้าเตี้ยนี่มีสมองที่กลั่นนกรองข้อมูลได้ดีโดยที่ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้องถามกลับมาว่า หมายความว่ายังไง ให้นึกเสียอารมณ์เพราะคำพูดผมก็น่าจะบอกอะไรได้ชัดเจนพอสมควร


เจ้าเอเลี่ยนเบิกตากว้างมองกลับมา ผมไม่รู้ว่ามันคือความทึ่ง ความตกใจหรือความรู้สึกไหน แต่สักพักเจ้าตัวจ้อยก็ย่นจมูกแล้วทำหน้าตาเหมือนเหม็นขยะ


“เฮ้! ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง” ผมถามเสียงเข้มแล้วถลึงตามองเขา อีกฝ่ายเบ้ปากนิดๆ ก่อนจะว่า


“ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะ คุณมีคุณนาตาชาอยู่แล้วนะ” เขาถามออกมาเหมือนจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ผมเลิกคิ้วขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจ ก่อนจะยักไหล่


“แล้วไง? ฉันยังไม่ได้คบกับเขา ฉะนั้นฉันก็ยังมีสิทธิที่จะมีอะไรกับคนอื่น” เจ้าต่างด้าวมองผมด้วยความทึ่ง


“แต่คุณก็คุยกับเธออยู่ คุณควรจะให้เกียรติเธอนะครับ” ผมขมวดคิ้ว หงุดหงิดที่โดนอีกฝ่ายสั่งสอน


“นายไม่ต้องมาบอกฉันหรอกว่าฉันต้องทำอะไร ฉันรู้ว่าตอนไหนฉันควรทำหรือไม่ควรทำอะไร” ผมบอกเสียงเข้ม พยายามข่มความหงุดหงิดเอาไว้ อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตาราวกับจะทิ่มแทงผมให้ตาย จนผมเกิดอาการนึกขำปนกับความหงุดหงิดที่มีอยู่


“ผมล่ะสงสารคุณตาชาจริงๆ ที่ต้องมาเจอผู้ชาย อย่างคุณ เธออาจจะเข้าโบสถ์น้อยไป พระเจ้าเลยไม่ช่วยให้เธอพ้นภัยอันตราย” ผมชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะประมวลคำพูดของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พอรู้ว่าเขาหลอกด่า ผมก็มองเขาด้วยสายตาดุๆ


ฮึ่ม! ปากเก่ง ปากดีจริงๆ มันน่านัก!


“ว้ากกก!” เจ้าตัวดีร้องเสียงหลง พลางเขยิบหนีผมจ้าละหวั่นด้วยความตกใจเพราะผมกระโจนเข้าใส่หมายจะจับตัวเขามาสั่งสอนให้สงบปากสงบคำ หมอนั่นลุกวิ่งอ้อมไปยืนหลังโซฟาอีกตัว ผมทำท่าจะวิ่งไล่เข้าใส่ แต่ก็เปลี่ยนใจนั่งลงตามเดิม ก่อนจะสั่งเสียงเข้ม


“หยุด! แล้วเดินมาหาฉันเดี๋ยวนี้!” เจ้าเอเลี่ยนส่ายหัวรัวๆ ผมถลึงตามองดุๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามาตรงที่นั่งบนโซฟาข้างๆ ผม เป็นสัญญาณบอกให้เขากลับมานั่ง แต่อีกฝ่ายทำตาโตปฏิเสธด้วยการส่ายหัวอีกรอบ


“มานี่!” ผมสั่งเสียงดุ


“ผมว่าหมาที่ถูกฝึกมาจนฉลาด มันก็ไม่เดินกลับไปหรอก ผมเป็นคน มีสมองมากกว่าหมา คุณคิดว่าผมจะเดินกลับไปให้คุณรังแกรึไง?!” เจ้านั่นพูดไปพร้อมกับย่นหน้าใส่ผมเล็กน้อย แล้วมองผมเหมือนด่าผมว่ากำลังสั่งอะไรโง่ๆ ผมต้องข่มอารมณ์ครุกรุ่นไว้ข้างใน ขบกรามแน่นด้วยความหมั่นไส้ในน้ำเสียงเล็กๆ แต่ไม่หวานนั่น ไหนจะทำหน้าทำตาได้น่ามันเขี้ยวนั่นอีก


“ใบฝึกงาน…” ผมบอกแค่นั่น เจ้าเตี้ยที่ทำหน้าตาว่าไม่เดินกลับมาแน่ๆ ถึงกับทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินไม้ตายที่ผมเอาออกมาขู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้ามุ่ยด้วยความขัดใจ เขาค่อยๆ ยอมเดินกลับมาที่เดิมอย่างช้าๆ


“เร็วๆ!” เจ้านั่นสะดุ้งกับเสียงผม ก่อนจะยอมเดินกลับมานั่งบนโซฟาตัวเดิมแต่โดยดี ผมยิ้มมุมปากอย่างมีชัยที่อยู่เหนือกว่าเจ้านี่ได้


“อ๊ะๆ คุณไม่รีบขึ้นไปหาชู้คุณรึไง ตะโกนเรียกขนาดนั้น คงกำลังอยากเกาไข่ให้คุณอยู่แน่ๆ” เขายกมือปัดมือผมไปมาเมื่อผมทำท่าจะดึงเขาเข้ามาใกล้ๆ ตัวเอง


“ปากนายนี่มัน…” ผมนึกหาคำพูดที่จะด่าออกมาไม่ถูก ได้แต่จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน เจ้าตัวเล็กสลดลงไปนิดหนึ่ง ผมเห็นแบบนั้นก็รีบกระทุ้งต่อ


“สงสัยช่วงนี้ฉันจะใจดีกับนายบ่อยไป นายเลยลืมว่าระหว่างฉันกับนายอยู่ในสถานะไหน…” ผมเว้นจังหวะมองหน้าที่หงอลงนิดๆ ของอีกฝ่ายอย่างเรียบเฉย


“…นายไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาเถียงหรือสอนฉันได้” ผมบอกเสียงนิ่ง ใบหน้าก็นิ่งเช่นเดียวกัน จนไอ้คนปากเก่งหงออย่างเห็นได้ชัด เขายิ้มเจื่อนๆ แววตาที่ดื้อดึงตอนแรกเปลี่ยนเป็นหงอยแทบจะทันที ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีลูก แล้วกำลังนั่งสั่งสอนลูกตัวเองที่หัวดื้ออยู่


“ขอโทษครับ…” จากน้ำเสียงที่เถียงฉอดๆ และมีแววแข็งกระด้าง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงอ่อนๆ เขาก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ผมยังคงมองเขาด้วยสายตานิ่งๆ


ได้ทีต้องรีบข่มไว้ก่อน ถ้าเถียงกันผมอาจเถียงไม่ทัน แต่ถ้าข่มล่ะก็ผมว่าผมชนะ


“Victor? (วิคเตอร์คะ)” เสียงหวานๆ ดังขึ้น เจ้าเอเลี่ยนเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมด้วยสายตางงๆ ก่อนจะเอียงคอไปมองทางด้านหลังผม ดวงตาเรียวๆ กลมๆ ค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น ก่อนที่เขาจะเสมองไปทางอื่น ผมถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังตัวเอง ก็เห็นยัยสองสาวยืนเปลือยกายอยู่บนบันได ส่งยิ้มมาให้อย่างยั่วยวน ผมแค่นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะว่า


“พวกคุณจะกลับรึยังครับ”


“พวกเราขออยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ” ยัยสาวบาร์บี้พูดขึ้นอย่างมีจริต ผมรู้สึกเซ็งกับการตื๊อของพวกเธอจริงๆ


“แล้วนั่นใครเหรอคะ” ยัยผมดำตาเฉี่ยวถามขึ้น พลางมองเจ้าเอเลี่ยนด้วยความสงสัย ผมหันหน้าไปมองเจ้านั่นผ่านไหล่ เขามองผมกลับด้วยสายตาตื่นๆ ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อยแล้วกระพริบตาปริบๆ มองหน้าผม ผมขมวดคิ้วแล้วขบกรามแน่น หันกลับไปหายัยสองสาวนั่นก่อนที่อารมณ์ที่อยู่ในอกตอนนี้จะพุ่งพล่านไปมากกว่านี้


“พวกคุณขึ้นไปรอบนห้องก่อน เดี๋ยวผมตามไปนะครับ” ผมบอกเสียงนุ่ม โดยไม่ตอบคำถามของยัยผมดำ สองสาวยิ้มกว้าง ก่อนที่ยัยบาร์บี้จะขยิบตามาให้ ผมส่งยิ้มไปให้นิดๆ สองสาวพากันเดินกลับขึ้นบันไดไป สะโพกบิดไปมาอย่างน่าชม น่าฟัด ตอนหันไปเมื่อกี้ผมก็แอบใจกระตุกนะ ทรวดทรงองค์เอวซะขนาดนั้น


พอร่างเอวคอดของสองคนนั้นพ้นสายตาผมไป ผมก็พ่นลมหายใจแล้วหันกลับมามองร่างเล็กๆ ของเจ้าเตี้ยที่นั่งสงบ แววตาใสปิ๊งกำลังมองผมอย่างนอบน้อม ไม่มีแววตาของคนหัวดื้อตามนิสัยของเขาเลยสักนิด


“ทำยังไงก็ได้ ให้ยัยสองคนนั้นออกไปจากบ้านฉัน” คนฟังเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะขมวดคิ้วงง


“ผมนึกว่าคุณจะตามพวกเธอกลับไปบนเตียงซะอีก” หมอนั่นพูดออกมาด้วยใบหน้าและแววตาซื่อๆ ราวกับหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ


“ไม่ ตอนนี้ฉันอยากให้สองคนนั้นออกจากบ้านฉันไปสักที ฉันรำคาญ” ผมบอกเสียงเบื่อๆ หน้าตาบ่งบอกว่ารำคาญอย่างที่ผมพูดจริงๆ เจ้าเอเลี่ยนขมวดคิ้วมองกลับมาด้วยสายตาไม่พอใจ ผมเลิกคิ้วมองกลับไปด้วยความสงสัย


“ผมขอพูดอะไรหน่อย และขอพูดเลยละกัน ถ้ารอคุณอนุญาตผมอาจไม่ได้พูด…” ท่าทางของเขาดูจริงจังขึ้นมา  ผมนิ่งรอฟังในสิ่งที่เขาจะพูด


“ผมรู้ว่าคุณกะมีแค่ความสัมพันธ์แบบวันไนท์แสตนด์ (One night stand) แต่คุณจะมาทำท่าเซ็งหรือรำคาญแบบนี้ไม่ได้ คุณเป็นคนพาเขามาที่บ้านของคุณด้วยตัวคุณเอง สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้นเหตุคือมันมาจากที่คุณพาพวกเขาเข้ามาในบ้านเอง” เขามองหน้าผมราวกับจะถามผมว่าเข้าใจที่เขาพูดหรือเปล่า


“ก็ใช่ ฉันเป็นคนพาสองคนนั้นมาที่บ้านเอง และตอนนี้ฉันก็อยากให้สองคนนั้นออกไปจากบ้านฉัน เพราะไอ้ความสัมพันธ์แค่คืนเดียวระหว่างฉันกับสองคนนั้นมันจบลงแล้วยังไงล่ะ” ผมเถียงกลับไป อีกฝ่ายทำหน้าตาปลงๆ ราวกับถอดใจที่จะพูดกับผมต่อ ทำให้ผมแอบยกยิ้มที่มุมปากขำๆ เล็กน้อยที่เห็นอาการนั้น


“ที่ผมจะบอกคือ คุณจะไปว่าพวกเธอไม่ได้หรอกที่พวกเธอไม่ยอมกลับไป”


“ถ้าไม่ให้ว่าสองคนนั้นแล้วจะให้ฉันไปว่าใคร” เขาทำหน้าเหมือนเหลือเชื่อกับอะไรสักอย่าง ราวกับจะบอกผมว่า นั่นคิดแล้วใช่มั้ยที่พูดออกมา?


ผมพูดอะไรผิดวะ?


“ว่าตัวคุณเองไง ครั้งต่อไป ผมขอแนะนำว่าถ้าเกิดอารมณ์ให้คุณทำกับคุณนาตาชาแค่คนเดียวจะดีกว่า รึไม่ก็เปิดหนังโป๊แล้วช่วยตัวเองซะ จะได้ไม่มานั่งอารมณ์เสียหรือนั่งหน้าบูดเพราะผู้หญิงที่หิ้วมาด้วยไม่ยอมกลับหลังจากซั่มเขาแล้ว” อื้อหือ! ใครมียาสลายอาการปากดีผมขอสักขวดเถอะ


ผมหน้านิ่งแต่ในใจผมนี่เต้นตุบๆ ไปแล้ว ไม่ใช่ด้วยความโกรธ มันเต้นตุบๆ เพราะรู้สึกเหมือนถูกหยิกที่หัวใจ หยิกด้วยคำพูดเรียบๆ เหล่านั้น ว่าง่ายๆ คือหมอนั่นด่าจี้จุดซะผมสะอึก ผมไม่ได้โดนดุ หรือโดนว่าแบบนี้มานานมาก นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่หมอนี่ทำให้ผมนึกถึงคนที่ห่วงใยผมที่สุดในชีวิต


คนที่ห่วงผมในทุกเวลา และคนที่ดุผมในตอนที่ผมทำผิด แต่มันต่างกันตรงที่คนๆ นั้นอายุมากกว่าผม ส่วนเจ้านี่อายุน้อยกว่าผม และตอนนี้ผมกำลังโดนคนอายุน้อยกว่าตัวเองสั่งสอนอยู่ ผมหรี่ตามองเจ้าเอเลี่ยน อีกฝ่ายทำตาโต เลิกคิ้วมองกลับมาที่สื่อได้ว่า ผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ?


“ฉันต้องให้นายด่าอีกนานเท่าไหร่ นายถึงจะยอมหยุดแล้วไปจัดการสองคนนั้นสักที” เจ้าเตี้ยทำหน้าเอือมนิดๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ


“แล้วทำไมคุณไม่บอกพวกเธอไปตรงๆ ว่าคุณเบื่อพวกเธอแล้ว”


“จะให้พูดแบบนั้นได้ยังไงล่ะ”


“ทีตอนคุณชวนเธอมา คุณยังพูดตรงๆ ได้ พอทีนี้คุณกลับพูดตรงๆ ไม่ได้” ผมเบ้ปากนิดๆ ก่อนจะไหวไหล่แบบไม่ใส่ใจ


“มันไม่เหมือนกัน แล้วอีกอย่างพวกนั้นก็อยากมาเอง”


“คุณเรย์มอนด์ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ คุณอย่ามาโยนความผิดให้ฝ่ายหญิงฝ่ายเดียวสิ ถ้าคุณไม่เสนอ เขาก็ไม่สนองคุณหรอก”


“แล้วไม่คิดว่าพวกนั้นเสนอให้ฉันบ้างรึไง”


“ยังไงคุณก็สนองพวกเขาอยู่ดี” โอเค ผมคิดผิดที่คิดจะเถียงกับไอ้เอเลี่ยนปากเก่งนี่ ผมทำหน้าหงุดหงิดเล็กๆ ก่อนยกมือขึ้นสองข้างราวกับยอมสงบศึก (แค่แปบเดียว) ก่อนจะบอกเสียงเอื่อยๆ อีกฝ่ายพ่นลมหายใจหนักๆ


“คุณก็บอกพวกเธอไปสิครับว่าให้กลับบ้านไปซะ”


“นายคิดว่าฉันไม่บอกรึไง ฉันบอกแล้ว แต่พวกเธอไม่ยอมกลับ”


“ไม่อยากจะเชื่อว่าคนเก่งอย่างคุณจะยอมถอยให้ผู้หญิงสองคนง่ายๆ อ้อ… ผมลืมไป เมื่อคืนสองคนนั้นคงเล่นจนคุณหมดแรงไปเลยสินะ เลยหมดแรงสู้…” เขามองหน้าผมก่อนจะส่ายหัวด้วยความหน่ายเบาๆ ผมถึงกับรู้สึกอึ้งที่หมอนั่นทำท่าทีแบบนั้นกับผม


“อย่างนี้แหละ พวกคิดน้อย” เขาเชิดหน้าขึ้นนิดๆ ผมกัดฟันแน่นด้วยความหมั่นไส้ นึกอยากจะจับร่างเล็กๆ เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา


“ฉันกำลังสงสัยว่าวันนี้เราจะนั่งเถียงกันอีกนานมั้ย ยัยสองคนนั้นก็ยังอยู่ ข้าวฉันก็ยังไม่ได้กิน และฉันก็กำลังคิดว่าฉันจะเขียนในใบฝึกงานของนายว่ายังไงดี” เมื่อเถียงสู้ไม่ได้ ผมก็งัดไม้เด็ดที่ขู่หมอนี่ได้อยู่หมัดมาใช้อีกรอบ อีกฝ่ายมองค้อนกลับมาอย่างรู้ทัน


“แล้วทำไมต้องให้ผมมาไล่ด้วย ถ้าคุณคิดจะไล่จริงๆ คุณคนเดียวก็ไล่ได้แล้ว”


“ช่วยหยุดสงสัยสักสิบนาทีแล้วไปทำตามที่ฉันบอกหน่อยเถอะ” ผมอยากจะกุมขมับแล้วทึ้งหัวตัวเองแรงๆ ให้กับความช่างสงสัย ช่างปากเก่ง ปากดีของไอ้เอเลี่ยนตัวจ้อยนี่จริงๆ


แต่จริงๆ ที่ผมเรียกหมอนี่มา เพราะผมนึกถึงตอนที่นิกกี้กับแม่เลี้ยงผมปะทะกันจนบ้านแทบแตก ผมยอมรับเลยว่าตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะพูด จะจัดการยังไงให้เหตุการณ์มันสงบ แต่สุดท้ายเจ้าแก้มป่องยามเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ก็เข้ามาไกล่เกลี่ยจนผมรู้สึกโล่งอก


“เอาเป็นว่า ฉันอยากให้ยัยสองคนนั้นออกจากบ้านฉัน แล้วก็ออกห่างจากฉันสักที โอเคนะ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงอดทนอดกลั้น เจ้าเตี้ยยังไม่วายย่นจมูกใส่ผมนิดๆ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นมองหน้าผมเหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรอยู่ ผมมองเขากลับด้วยความสงสัย สักพักเจ้านั่นก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาจับมือผมให้ลุกขึ้นยืนตาม ก่อนจะพาผมเดินออกไปนอกห้องนั่งเล่น เดินตรงไปที่ครัว


“จะทำอะไร” ผมถามอย่างสงสัย มองด้วยสายตาสงสัยเช่นเดียวกัน เจ้าเตี้ยปล่อยมือผมที่ลากมา เดินตรงไปที่ตู้เย็นแล้วเปิดออก ควานหาอะไรสักอย่างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมายิ้มกริ่มให้กับหัวหอมใหญ่ที่ถืออยู่ในมือ


“เอามาทำไม” เจ้าตัวเล็กไม่ตอบ แต่กลับทำหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาเป็นประกายวาววับกับสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด


“คิกๆ” เสียงหัวเราะเล็กๆ ดังขึ้นระหว่างที่เจ้านั่นกำลังยืนหั่นหัวหอมออกเป็นสองชิ้น ผมย่นคิ้วมองแต่ก็แอบยิ้มนิดๆ กับเสียงหัวเราะที่ดูจะสนุกเหลือเกิน บวกกับหน้าตาที่ดูเหมือนเด็กเล็กๆ กำลังทำสิ่งที่ซุกซนอยู่


“เรียบร้อย” เขาบอกเสียงสดชื่น พลางเงยหน้าขึ้นมองผม ผมรีบหุบยิ้มแล้วทำหน้าตานิ่งๆ มองเขา แต่อีกฝ่ายดูจะไม่สนใจกับสีหน้าผม เพราะดูเขากำลังสนุกกับสิ่งที่เขาคิดกำลังจะทำอยู่ เจ้าเตี้ยหยิบหัวหอมใหญ่ที่แบ่งเป็นสองชิ้นเดินตรงมาที่ผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่ไว้ใจ


“อยู่นิ่งๆ นะครับ” เขาบอกแล้วยิ้มกว้างจนแก้มยุ้ย แล้วกว่าที่ผมจะได้รู้สึกนึกคิดอะไร เจ้าเอเลี่ยนก็จัดการละเลงถูหัวหอมใหญ่ลงบนแผ่นอกผมอย่างรวดเร็ว ผมหน้าเหวอไปเล็กน้อย แต่สักพักก็ได้สติเพราะกลิ่นฉุนอันรุนแรงของหัวหอมใหญ่


“เฮ้ย! นายเอามาถูตัวฉันทำไมเนี่ย?!” ผมกระเถิบตัวหนี แล้วร้องเสียงหลง มองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาดุๆ แต่เจ้านั่นกลับทำหน้าตาสุขใจตอบกลับมา


“อ้าว! ก็คุณอยากให้ผมไล่ยัยสองคนนั้นออกห่างจากตัวคุณไม่ใช่รึไง” เขาเอียงคอ กระพริบตามองกลับมาอย่างแสร้งทำ


“ก็ใช่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เอาหัวหอมมาถูตัวฉัน?!” ผมถามด้วยความหงุดหงิด พลางยกนิ้วปาดน้ำใสๆ จากหัวหอมออกจากอกและหน้าท้อง


“ก็นี่ไง วิธีไล่ยัยสองคนนั้น ผมเคยอ่านเจอมา ว่าแมลงสาบไม่ชอบกลิ่นฉุนของหัวหอม ผมเลยเอามาปรับใช้ คิดว่าน่าจะช่วยได้นะครับ” ผมที่กำลังก้มปาดน้ำใสๆ ของหัวหอมออกจากตัวถึงกับต้องเงยหน้ามองเขาด้วยความทึ่ง


“แต่ยัยสองคนนั้นไม่ใช่แมลงสาบ” ผมบอกกลับเสียงหลง รู้สึกงงและทึ่งเล็กๆ กับการเปรียบเทียบของเจ้าตัวดี


“อ้าว ก็คุณทำท่าทำทางรังเกียจเขาซะอย่างกับเขาเป็นแมลงสาปที่โผล่ออกมาจากท่อระบายน้ำ ผมก็เลยใช้วิธีเดียวกัน” เขามองผมตาแป๋ว ใบหน้าใสซื่อกับคำพูดของตัวเอง ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีแล้วตอนนี้


“ฉันไม่ได้รังเกียจ ฉันแค่รำคาญ”


“คุณแสดงออกคล้ายกันเกินไป ผมเลยตีความว่าเป็นความหมายเดียวกันไปแล้ว มาครับ อย่าเสียเวลา เหลือตรงรักแร้อีก” เขาทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ผม ผมรีบถอยหลังหนี แล้วชี้หน้าเขาทันที เจ้าเอเลี่ยนชะงักแล้วทำหน้าตาเหมือนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา คงกำลังนึกขำที่ผมทำท่ากลัวคนตัวเตี้ยๆ อย่างเขา


“ไม่ต้องเลยนะ แค่นี้ก็เหม็นจะตายอยู่แล้ว!” ผมบอกเสียงขุ่น ส่งสายตาดุดันไปให้ แต่ผมว่าตอนนี้ไอ้ตัวแสบกำลังสนุกจนไม่สนอารมณ์ดุของผมแล้วล่ะ


“นี่ คุณเรย์มอนด์ มันอาจจะเหม็น แต่ยังเหม็นไม่สุดหรอกนะครับ รู้รึเปล่าว่าทาตรงรักแร้ กลิ่นจะยิ่งแรง ทีนี้พอคุณเข้าไปใกล้สองคนนั้น เขาก็จะตีตัวออกห่างจากคุณทันทีแบบที่คุณต้องการเลยล่ะ”


“ไม่…” ยังไม่ทันพูดอะไร เจ้าเอเลี่ยนตัวแสบก็เดินเข้ามาหาผม จัดการยกแขนขวาผมขึ้นแล้วรีบถูหัวหอมที่รักแร้ผมเร็วๆ


“Alien! (เอเลี่ยน!)” ผมตะเบ็งเสียงดัง เมื่อเขาทำท่าจะเปลี่ยนไปถูหัวหอมที่รักแร้ข้างซ้าย เขาสะดุ้งกับเสียงผมนิดๆ ก่อนจะยอมถอยห่างจากตัวผม ผมมองเขาอย่างข่มใจไม่ให้ปล่อยหมัดลงบนหน้าเขา อีกฝ่ายหน้าตารื่นเริง ยิ้มแก้มปริ แววตาเป็นประกายวิบวับ ดวงหน้าดูสุขใจอย่างมากมาย


“คิกๆ ฮ่าๆ” แล้วหมอนั่นก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ ผมที่กำลังยืนหายใจหอบด้วยอารมณ์โกรธถึงกับชะงักไป เมื่อเห็นเขาหัวเราะเหมือนเด็กๆ เขาดูเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจ ดูมีความสุข…
ความสุขที่ผมไม่มีมาพักใหญ่ๆ แล้ว


“หัวเราะอะไร?!” ผมแกล้งตวาดเสียงดัง เจ้านั่นสะดุ้งอีกรอบแล้วรีบหยุดหัวเราะ แต่ก็ยังมีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินนิดๆ ผมจ้องเขาด้วยสายตาดุๆ อีกฝ่ายตาโตแล้วกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอียงคอมองหน้าผม จมูกเขาหุบๆ บานๆ เพราะกลั้นขำอยู่
ผมขบกรามแน่น ความรู้สึกงุ่นง่านพุ่งวาบขึ้นมาในใจ



“Don’t do that face! I have told you before! (เคยบอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าแบบนั้น!)” เจ้าเอเลี่ยนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


“หน้าไหนล่ะ ก็นี่มันหน้าผม คุณนี่ก็พิลึกคน” เขาบอกกลับมาด้วยสีหน้ามุ่ยๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินเอาหัวหอมไปทิ้งที่ถังขยะ ผมย่นจมูก หน้าตายับยู่ยี่ด้วยความเหม็นของกลิ่นหัวหอมที่อยู่บนตัวผม


“เอาล่ะ คุณขึ้นไปหาสองคนนั้นนะ ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่เดินเข้าไปใกล้ๆ พวกเขาก็พอ” เขายิ้มอย่างมั่นใจให้ผม ส่วนไอ้คนที่โดนหัวหอมถูไปทั่วตัวจนตัวเหม็นอย่างผม ก็ได้แต่ฮึดฮัดในลำคอ ก่อนจะบ้าจี้หมุนตัวเดินออกจากห้องครัวแล้วตรงไปที่บันได


ผมย่นจมูกด้วยความเหม็นหืนจนขึ้นสมองระหว่างที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนที่ยัยสองคนนั้นอยู่


ผมเดินมาถึงหน้าประตูห้อง หยุดยืนดมตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหน้าเหยเกด้วยความเหม็นจนแทบจะอ้วก นึกในใจว่าถ้ามันไม่ได้ผล ผมจะจับหัวหอมใหญ่ยัดใส่ปากไอ้เอเลี่ยนปากดีนั่นซะ


แกร๊ก~




[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:24:32


ผมเปิดประตูห้องเข้าไป ยัยสองสาวเพื่อนซี้ นอนอ่อยรอผมอยู่บนเตียง ผมตั้งท่าจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกแรงใจให้ตัวเอง แต่ก็ต้องพ่นลมหายใจออกแทบไม่ทันเมื่อกลิ่นเหม็นฉุนพุ่งเข้ามาที่จมูก ผมรีบเดินเข้าไปใกล้ยัยสองคนนั้นที่เริ่มทำจมูกฟุดฟิดๆ


“กลิ่นอะไรน่ะ” ยัยบาร์บี้เอ่ยถามพลางทำหน้าเหม็น ส่วนเพื่อนซี้ของเธอยกมือขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้ ผมเห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ ยัยสองสาวที่ตอนแรกอยากจะกลืนกินตัวผมนักหนา กระเถิบตัวหนีไปอีกฝั่งของเตียงทันที ผมที่ตอนแรกโกรธเจ้าตัวแสบก็แอบยิ้มนิดๆ อารมณ์ในอกเริ่มดีขึ้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของสองสาว


“วะ…วิคเตอร์ คุณไปทำอะไรมาคะ ทำไม…” ยัยผมดำเอ่ยด้วยสีหน้าที่เหมือนจะรังเกียจ


“ทำไมเหม็นขนาดนั้น” ยัยบาร์บี้ต่อประโยคให้เพื่อนจนจบ ผมแสร้งทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง แล้วยักไหล่น้อยๆ


“ผมว่าเรามาสนุกกันต่อดีกว่านะ” ผมแกล้งขยับเข้าไปใกล้อีก ยัยสองคนหนีลงจากเตียงทันที พลางส่ายหัวไปมา ไม่รู้ว่าปฏิเสธหรือไล่ความเหม็นกันแน่


“เอ่อ… ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่าค่ะ ไว้เราเจอกันใหม่นะ” แม่สาวบาร์บี้เอ่ยเสียงรัว ก่อนจะรีบหยิบเสื้อผ้าตัวเองขึ้นมาสวมใส่ ยัยผมดำพอเห็นเพื่อนสวมเสื้อผ้าก็รีบเร่งหยิบเสื้อผ้ามาสวมตามบ้าง ผมยิ้มกริ่มที่เห็นยัยสองคนนั้นทำท่าอยากจะไปจากผมเร็วๆ พอแต่งตัวเสร็จสองคนนั้นก็เดินอ้อมเตียงโดยตีวงห่างจากผมไปที่ประตู ผมลุกขึ้นยืน ยัยสองคนนั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นปิดจมูกเอาไว้


“เดี๋ยวผมลงไปส่งนะครับ” ผมว่า ทำท่าจะเดินเข้าไปหา ยัยสองสาวถอยครูดทันที


“เอ่อ… ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพวกเราออกไปเอง” ยัยผมดำว่าพลางหมุนตัวไปเปิดประตู


“จูบลากันหน่อยมั้ย” ผมแกล้งว่าด้วยรอยยิ้ม สองสาวไม่ตอบแต่ส่ายหัวจนเส้นผมสะบัด ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไปทันที ผมยิ้มกว้าง ชูกำปั้นขึ้นอย่างผู้มีชัย


ผมค่อยๆ เดินตามยัยสองคนนั้นที่รีบวิ่งหนีผมลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ผมยิ้มกว่างอย่างอารมณ์ดี กลิ่นฉุนที่ก่อนหน้านี้เหม็นจนปวดหัว ตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกลิ่นน้ำหอมแท้จากฝรั่งเศสเหลือเกิน


“ว้ายยย!!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากชั้นล่าง ผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตามลงมาที่ชั้นล่าง พอโผล่พ้นบันไดมาผมก็เห็นยัยสองคนนั้นยืนกอดกันแน่น เจ้าไมเคิลนั่งตระหง่านอยู่ตรงทางเดินที่ตรงไปที่ประตูบ้าน มันนั่งเอียงคอ ย่นคิ้วมองสองสาวอย่างไม่คุ้นเคย


“เห่าซิไมเคิล โฮ่ง!” เสียงเจ้าเอเลี่ยนสั่งมาจากในครัว ผมมองหน้าไมเคิลที่นั่งมองสองสาวที่กอดกันแน่น คิดในใจว่ามันจะเห่ามั้ย


“โฮ่ง!!!” แล้วเจ้าไมเคิลก็เห่าเสียงดังลั่น จนสองสาวสะดุ้งตัวโยน เสียงหัวเราะคิกคักเหมือนเด็กๆ ดังมาจากครัว ยัยสองสาวเดินตีวงออกห่างจากไมเคิล ส่วนเจ้าหมาขนฟูก็มองตามอย่างสงสัย


“ไมเคิล เห่าเร็ว โฮ่ง!!!”


“โฮ่ง!!!”


“กรี๊ดดด!!!”


“โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!” พอยัยสองคนนั้นส่งเสียงกรี๊ด เจ้าไมเคิลที่ท่าทางจะตกใจก็ลุกขึ้นเต็มสี่เท้าแล้วเห่าใส่ยัยสองคนนั้นเสียงดังสนั่นลั่นบ้าน สองสาวรีบวิ่งไปที่ประตู ก่อนจะรีบเปิดแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเสียงเจ้าไมเคิลเห่าตาม และพอผมฟังดีๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของเจ้าเอเลี่ยนผสมด้วย ผมเดินเข้าไปในครัว เจ้าเอเลี่ยนกำลังหัวเราะตัวโยน ใบหน้าดูมีความสุข จนผมต้องยิ้มตาม


“เก่งมาก มารับรางวัลของแกเร็ว คิกๆ” เจ้าเอเลี่ยนเทอาหารเม็ดใส่ถ้วยของไมเคิล เจ้าโกลเด้นท์รีทรีฟเว่อร์ขนสีส่มปนทองส่ายหางไปมาอย่างรับรู้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองที่เป็นรางวัลมาจากการเห่าไล่ยัยสองสาวเพื่อนซี้ตามคำสั่งเจ้าเอเลี่ยน


“เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่ามันได้ผล” เจ้าตัวดียิ้มกว้างแล้วยักคิ้วมาให้ผมสองสามครั้ง ผมแกล้งเบ้ปากทั้งที่ตอนแรกก็ยิ้มตามนั่นแหละ เจ้าเอเลี่ยนยักไหล่ ก่อนจะหันไปสนใจกับการเตรียมอาหารให้ผมพร้อมรอยยิ้มที่สนุกสนานของเขา


หมอนี่ดูมีความสุขง่ายมาก เหมือนเด็กที่ยิ้มง่าย หัวเราะง่ายไปกับทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างตอนสั่งเจ้าไมเคิลให้เห่าก่อนจะกินอาหาร หรือตอนชงชาครั้งแรกด้วยตัวเองที่ผมซื้อมาให้ตอนเขาเป็นหวัด (ผมหลอกเขาว่ามันเป็นของแถม) รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหมือนจะเกิดขึ้นกับเขาตลอดเวลา ราวกับว่าเขาไม่มีเรื่องให้เครียดหรือคิดมากอะไร


แต่อีกด้าน เขาก็เข้มแข็ง จิตใจเด็ดเดี่ยว อย่างตอนที่ประชดผมด้วยการนอนที่หน้าบ้านหลังจากผมแกล้งเรียกเขาให้ไปๆ กลับๆ บ้านผมกับที่พักเขาอยู่หลายรอบ ผมก็รับรู้ได้ว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดา และยิ่งแน่ชัดว่าเจ้าเอเลี่ยนไม่ธรรมดาก็ตอนที่เขาพุ่งตัวเข้าไปในกองไฟหมายจะเข้าไปช่วยผม ทั้งที่แบบนั้นมันคือการเอาชีวิตไปเสี่ยงตายชัดๆ แต่เขาก็ยังเข้าไป ผมรับรู้ได้เลยว่า
คนๆ นี้จิตใจเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ขนาดไหน แม้จะดูเหมือนเด็ก ทั้งหน้าเด็กและนิสัยเหมือนเด็กๆ แต่จิตใจเขาเข้มแข็งมาก เข้มแข็งกว่าผมด้วยซ้ำไป


นิสัยแบบนี้ การกระทำแบบนี้ ห่างหายจากผมไปนาน ตั้งแต่เธอจากผมไป เจ้าเอเลี่ยนทำให้ผมนึกถึงเธอ


แม่ของผม…


“เดี๋ยวค่อยกลับมาทำอาหาร ตอนนี้ไปทำอย่างอื่นก่อน” เจ้าเอเลี่ยนที่กำลังวุ่นวายหาของทำอาหารจากตู้เย็น หันกลับมามองผมด้วยความสงสัย


“ทำอะไรครับ” เขาถามพลางวางแพ็คเนื้อสัตว์ลงบนโต๊ะหินอ่อน ผมยิ้มกริ่มก่อนจะเดินเข้าไปยืนตรงข้ามกับเขา อีกฝ่ายมองกลับมาตาแป๋ว ผมโน้มตัวไปข้างหน้า จนเจ้าเตี้ยย่นจมูกเพราะได้กลิ่นหัวหอม


เป็นคนทำเองยังจะมาทำหน้าเหม็นอีก


“ไปอาบน้ำให้ฉัน” พอผมบอกไปแบบนั้น เจ้าตัวแสบก็ตาโตมองกลับมา แล้วทำท่าจะหนี ผมรีบคว้าข้อมือเล็กข้างซ้ายของเขาไว้ทันที


“นายเป็นคนทำให้ฉันตัวเหม็น ก็ต้องทำให้ฉันกลับมาตัวหอมเหมือนเดิม” อีกฝ่ายเม้มปากแน่น แล้วส่ายหัวรัวๆ อย่างแข็งขัน แถมยังพยายามบิดข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือผมอีก


“อย่ามาส่ายหัว…” ผมไม่สนใจอาการขัดขืนของอีกฝ่าย ก่อนจะออกแรงดึงให้เจ้าตัวเล็กเดินอ้อมโต๊ะมาหาผม เจ้านั่นพยายามขืนตัวเองไว้ ผมก็ไม่ยอมแพ้ ออกแรงลากจนเจ้านั่นอออกจากโต๊ะอีกฝั่ง มาอยู่ปลายโต๊ะ ผมรีบคว้าข้อมืออีกข้างของเขาไว้ทันทีที่เจ้าตัวเล็กมาอยู่ใกล้ๆ


“คุณพิการรึไง ถึงจะให้ผมอาบน้ำให้ อาบเองสิ!” เจ้าตัวว่าเสียงแหว ผมยิ้มเบ้ปาก ส่ายหัวไปมาช้าๆ ราวกับจะบอกว่าไม่สนใจกับสิ่งที่เขาพูด


“อยากพูดอะไรก็ไปพูดต่อในห้องน้ำ ไป!” ผมบอกแล้วออกแรงลากเจ้าตัวดีให้ตามผมไป แม้จะทุลักทุเลแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมลำบากแต่อย่างใด เพราะยังไงผมก็ตัวใหญ่กว่า แรงเยอะกว่าเจ้าตัวเตี้ย ออกแรงดึงนิดเดียว ร่างอีกฝ่ายก็ปลิวตามแรงของผมแล้ว


“ไม่นะ! ผมไม่ไป ปล่อยผมมม!”


“มานี่!”


“ไม่!”


“ใบฝึกงาน?!”


“แง… คุณเรย์มอนด์” เจ้าเอเลี่ยนเบะปากเหมือนเด็กจะร้องไห้เมื่อโดนผมขู่ ถึงมันจะมุกเก่าเอามาเล่าใหม่จนซ้ำซาก แต่ผมว่ามันก็ได้ผลนะ แถมครั้งนี้ยังทำให้ผมได้คนอาบน้ำส่วนตัวด้วย


หึๆ


 :hao7:


[อ่านตอนต่อไปที่ด้านล่างได้เลยค่า]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:32:32

CHAPTER 12 :: You stab, I chop!


โอยยย ยามนี้  ไอ้แมทใจ่บ่อดี๊เลยปี้ๆ น้องๆ เอ๊ยยย!


ผมใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ มือไม้อ่อนคล้ายคนป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เผลอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างไม่รู้ตัว แววตาคล้ายจะเลื่อนลอยแต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง รู้สึกเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันวิ้งๆ อยู่ในกะโหลกหนาๆ ของตัวเอง ผมกระพริบตาไล่ความเลื่อนลอยออกไป ก่อนจะสะบัดหัวที่ผมรู้สึกว่ามันจะโล่งๆ โปร่งๆ เกินไป
สมองผมหายไปไหน มันยังอยู่ในหัวมั้ย ทำไมหัวเบาจัง


“เอ้า! ยืนหน้าเหมือนคนสติไม่สมประกอบอยู่ได้ ผสมน้ำให้ฉันอาบเร็วๆ สิ!” ผมสะดุ้งตกใจกับเสียงอันห้าวหาญของไอ้ฝรั่งตัวใหญ่ที่ถลึงตามองผมราวกับกำลังไม่พอใจที่ปล่อยให้เขายืนรอนาน


แล้วนั่นอะไร ทำไมต้องใส่แค่ผ้าขนหนูหมิ่นเหม่ โชว์วีเชฟและเนินสะโพกแบบนั้น แล้วไอ้ท่ายืนเอาแขนเท้ากับขอบอ่างล่างหน้า อกผายไหล่ผึ่ง กล้ามท้องตึงเปรี๊ยะ! เผยให้เห็นมัดกล้ามและสัดส่วนอันชัดเจนของหุ่นตัวเอง
ทำแบบนี้ต้องการอะไรจากสังคม ช่วยตอบทีซิไอ้ฝรั่งหน้าหนวด


“ผมแค่ผสมน้ำให้เท่านั้นนะ!” ผมบอกเสียงแว้ดๆ หน้ามุ่ยใส่เขาเล็กๆ พลางหยิบครีมอาบน้ำขึ้นมาเมื่อเห็นว่าน้ำในอ่างใกล้จะเต็มแล้ว


“ฉันว่าฉันสั่งรู้เรื่องแล้วนะว่าฉันต้องการอะไร” ผมช้อนสายตามองค้อนเขาไปอย่างข่มใจไม่ให้เขวี้ยงขวดครีมอาบน้ำของโปโลไปที่หัวของเขา


“คำสั่งเพี้ยนๆ ผมไม่ทำหรอก ถ้าอาบน้ำเองไม่เป็นก็ไม่ต้องอาบ” ผมบอกแล้วพยายามคุมมือตัวเองไม่ให้สั่น


เพี๊ย!


ผมใช้มือขวาตีที่หลังมือซ้ายเบาๆ เมื่อมันออกอาการสั่นเล็กๆ กับสายตาไอ้พระเอกที่จ้องกลับมาด้วยดวงตาวาววับอย่างไม่พอใจ ผมกำลังงงว่าจริงๆ แล้วที่มือมันสั่น มันสั่นเพราะกลัวสายตาดุๆ ของอีกฝ่าย หรือกลัวใจตัวเองที่จะต้องอาบน้ำให้เขากันแน่


“นายเป็นคนทำให้ฉันตัวเหม็น นายก็ต้องรับผิดชอบ” เขาบอกเสียงเข้ม หน้าตาจริงจังกับสิ่งที่พูด


โอ๊ยยย! มันใช่เรื่องที่ควรจริงจังมั้ยเนี่ย เอาเวลาไปจริงจังกับการท่องบทซีรีย์ที่แกเล่นมั้ย


“ถ้าคุณไม่เอายัยสองคนนั้นมานอนด้วย คุณจะไม่ตัวเหม็นแบบนี้หรอก”


“หยุดแถ แล้วทำตามคำสั่งฉันซะ ไม่งั้นใบฝึกงานนายได้ถูกเขียนว่าไม่ผ่านแน่ๆ” ผมตวัดสายตาขุ่นเคืองไปมองเขาที่ยักคิ้วกวนๆ มาให้ ผมต้องกัดปากล่างตัวเองไว้แน่นเพื่อระงับอารมณ์


หน็อยยย! ขู่ได้ล่ะขู่จัง แถมไอ้เรื่องที่ขู่ก็สำเร็จด้วยนะ


ฮึกๆ ฮือออ~


ผมเงียบ ไม่ใช่ว่าขี้เกียจเถียงนะ ยังเถียงต่อได้อีก แต่หลังจากตรึกตรองภายในวิสองวิเมื่อกี้นี้ ก็ได้คำตอบให้ตัวเองว่า ผมเถียงไป ไอ้หนวดมันก็ชนะอยู่ดี เพราะมันถือสิ่งที่เหนือกว่าไพ่ไว้ในมือ


“เรื่องเกิดขึ้นเพราะความเจ้าชู้ มักมากในกามของตัวเองแท้ๆ ยังจะมาโทษคนอื่น” ไวกว่าความคิดก็น่าจะเป็นปากผมนี่ล่ะมั้ง


“แหม่… นึกว่าจะเงียบ ฉันประเมินปากนายต่ำไปสินะ” เขาเปลี่ยนจากเอาแขนเท้าอ่างล้างหน้ามากอดอกแล้วหรี่ตามองมาครู่หนึ่ง ก่อนจะทิ้งแขนลงข้างตัวแล้วเดินตรงมาที่อ่างอาบน้ำ ผมเหลือบตาไปมองก่อนจะเบิกตากว้างนิดๆ เมื่อเห็นเนินสะโพกและวีเชฟช่วงล่างของบอดี้เขาขยับเคลื่อนไหวไปมา


โอยยย… ไม่ว่าจะยังไง ไอ้สามเหลี่ยมทรงคว่ำของเขาก็ล่อตาเล่นใจผมเหลือเกิน


“เสร็จรึยัง ฉันเหม็นตัวจะแย่แล้ว” เขาว่าเสียงติดเหวี่ยงเล็กน้อย ก่อนจะย่นจมูกฟุดฟิดๆ เมื่อกลิ่นหัวหอมลอยฉุนยามที่เขาเดินเมื่อกี้นี้ ผมแอบกลั้นขำเอาไว้ ก่อนจะหันไปวางขวดอาบน้ำไว้ที่ชั้นวางครีมอาบน้ำ


ผมลุกนั่งชันเข่าก่อนจะใช้มือซ้ายจับขอบอ่างล่างหน้าไว้แล้วก้มหน้าลงไปเหนือน้ำในอ่างเล็กน้อย ยื่นมือขวาไปตีน้ำในอ่างเพื่อให้เกิดฟองขึ้นมา ผมออกแรงตีอยู่สักพักพอมันเกิดฟอง ผมก็ยิ้มกว้างพร้อมส่งเสียงหัวเราะถูกใจเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนเด็กๆ ที่ชอบเอาน้ำยาล้างจานมาผสมน้ำแล้วใช้หลอดเป่าเป็นฟอง พอคิดได้แบบนั้นผมก็ใช้มือขวาช้อนฟองจำนวนหนึ่งขึ้นมาก่อนจะพ่นลมเป่าจนฟองฟุ้งไปทั่วเหนืออ่างอาบน้ำ


ฟู่! ฟิ้ววว! ฟู่! ฟิ้ววว!


“ฮะๆ ฮี่ๆ คิกๆ” ผมส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ก่อนจะช้อนฟองขึ้นมาอีก แล้วเป่าจนฟองกระจายฟุ้ง ยิ่งเล่นยิ่งสนุก สนุกจนลืมไปแล้วว่าพ่อฝรั่งร่างยักษ์รออาบน้ำอยู่


ฟู่~~~


หือ…


ผมอ้าปากหวอนิดๆ ปากที่กำลังจะพ่นลมใส่ฟองในมือชะงักไปเพราะรู้สึกถึงลมอุ่นๆ ที่หลังหูซ้ายตัวเอง ผมกระพริบตาปริบๆ ด้วยความเอ๋อนิดๆ ก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าลมนั้นมาจากไหน ดวงตาที่กำลังกระพริบปริบๆ ถึงกับหยุดทันควันแล้วก็เบิกกว้างจนเต็มกรอบตาเมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่ทาบทับลงมาเต็มแผ่นหลังตัวเอง ถ้าไม่ติดว่ากำลังเกร็งไปทั้งร่าง ผมคงย่นจมูกไปแล้วกับกลิ่นหัวหอมที่ฉุนใกล้ประสาทรับรู้กลิ่นขนาดนี้


“เลิกเล่นได้รึยัง… ถ้ายัง ฉันจะเปลี่ยนจากอาบน้ำเป็นทำอย่างอื่นแล้วนะ…” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นชิดหูซ้าย จนผมแทบหยุดหายใจ ความสากของหนวดถูไถไปมาเบาๆ ที่ท้ายทอย เล่นเอาขนอ่อนที่หลังคอลุกชัน แถมยังมีลมหายใจอุ่นๆ รดอยู่ที่หลังใบหูพาให้ใจกระตุกวูบๆ


เฮือก!


“มานั่งโก่งโค้ง โก่งก้นให้ฉันแบบนี้ นายอยากมีอาการเคล็ดขัดยอกใช่มั้ย หึๆ…” เขากระซิบถามเสียงแผ่ว ส่งเสียงหัวเราะทุ้มต่ำมาจากลำคอ ผมจับขอบอ่างแน่น ก่อนจะลดแขนขวาลงมาจับขอบอ่างเพื่อช่วยแขนซ้ายพยุงร่างผมไว้ เพราะตอนนี้ผมเหมือนจะทรุดลงไปให้ได้ ทั้งเพราะรู้สึกเหมือนโดนสูบแรงไปจากร่าง และทั้งเพราะรู้สึกหนักกับร่างของคนตัวโตที่คร่อมทับร่างผมไว้จนแผ่นหลังผมแนบไปกับแผงอกอันหนัดแน่นและกล้ามท้องอันแข็งแกร่งของเขา


เปลือกตาผมกระตุกเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อตระหนักได้อย่างจริงจังว่าก้นตัวเองกำลังอยู่ใกล้กับส่วนไหนในร่างกายของวิคเตอร์ ผมหายใจเข้าปอดเบาๆ แต่หนักหน่วง ก่อนจะหันหน้าไปทางด้านซ้ายของตัวเอง


กึก


ใบหน้าผมสะดุดไปเมื่อจมูกผมหันไปชนกับจมูกโด่งของวิคเตอร์ สายตาเราสบกัน ตาสีดำจ้องตาสีน้ำตาลเหมือนน้ำผึ้งข้น ลมหายใจอันแผ่วเบาของเราสองคนปะทะกัน ผมเม้มปากเบาๆ มองเขาอย่างประหม่า ส่วนเขากำลังมองกลับมาด้วยสายตาซุกซน ชวนจิตใจปั่นป่วน และชวนเสียวสันหลังวาบๆ


แต่ถึงไม่มีสายตาเขา มันก็รู้สึกเสียวสันหลังจริงๆ นั่นแหละ ก็พี่แกเล่นคร่อมผมจนด้านหลังผมแนบไปกับด้านหน้าพี่แกจนแนบชิดไปหมด


“เอ่อ…” ผมขยับแขนขวาจากขอบอ่างอาบน้ำมาข้างลำตัวด้านขวา ใช้มือดันพื้นไว้แล้วเบี่ยงสะโพกซ้ายหนีจากการโดนคร่อมก่อนจะค่อยๆ หย่อนแก้มก้นด้านขวาลงนั่งกับพื้นรอบอ่างอาบน้ำ ผมดึงใบหน้าถอยหลังจากใบหน้าอีกฝ่ายได้เล็กน้อย เพราะถ้าผมถอยมากกว่านี้ผมจะหัวทิ่มลงไปในอ่างทันที ตอนนี้วิคเตอร์อยู่ในท่าใช้มือสองข้างดันตัวสุดแขน คุกเข่าคร่อมตัวผมไว้ ส่วนผมก็นั่งเหมือนท่าพับเพียบ ขาซ้ายทับขาขวา เบี่ยงขาสองข้างไปด้านขวาเล็กน้อย แล้วใช้มือซ้ายกับมือขวายันร่างตัวเองไว้ รู้สึกว่าริมฝีปากเกิดอาการแห้งผากไปซะดื้อๆ เลยแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยเพื่อเลียริมฝีปากล่างก่อนจะใช้ฟันบนขบริมฝีปากล่างไว้เบาๆ จ้องมองดวงตาสีน้ำตาลที่มองกลับมาอย่างมึนเมา วิคเตอร์อ้าปากเล็กน้อยแล้วส่งปลายลิ้นมากวาดเกลี่ยปลายฟันด้านบนช้าๆ อย่างเซ็กซี่


เฮ้ย!


ผมหน้าตื่น รีบดึงมือที่ใช้ค้ำร่างตัวเองไว้กับพื้นขึ้นมาดันอกแน่นๆ ทั้งสองเต้าของเขาทันที เมื่อวิคเตอร์ทำท่าจะพุ่งตัวลงมาใกล้ปากผม ตอนนี้ผมเอาหัวนอนเกยขอบอ่างอาบน้ำไว้ ลำตัวนอนราบไปกับพื้นหินอ่อนรอบอ่างอาบน้ำ แต่ขาทั้งสองข้างยังเบี่ยงเหมือนนั่งพับเพียบตามเดิม โดยมีวิคเตอร์คร่อมอยู่ด้านบน ส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้
เอาอีกละ อยู่ในโพสิชั่นและทวงท่าที่ไม่น่าไว้ใจอีกละนะ


“คุณเรย์มอนด์น้ำพร้อมอาบแล้ว ก็ลงไปอาบสิ ไหนว่าเหม็นตัวเองไง” ผมออกแรงดันหน้าอกเขาไว้ เมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักอีกฝ่ายที่กดลงมา


โอยยย…. หัวนมเต็มสองมือเลยเนี่ยยย


“เอาก้นหลบทำไมล่ะ เมื่อกี้องศาก้นนายกำลังได้ที่เลยนะ ง่ายต่อการ เสียบ มาก” เขาบอกเสียงพร่า เน้นคำว่า เสียบ อย่างเน้นย้ำ ทำเอาขนผมลุกเกรียวกราว ผมกัดฟันอย่างหมั่นไส้กับสายตากรุ้มกริ่มและรอยยิ้มพริ้มๆ นั่นเหลือเกิน ผมรับรู้ว่าก้อนเนื้อที่อกซ้ายมันออกอาการเต้นตุบๆ หนักหน่วงอยู่เหมือนกันนะ มันอาจจะเต้นแรงกว่านี้ถ้าไม่มีกลิ่นหัวหอมลอยฟุ้งให้จมูกแสบจี๊ด จนทำให้บรรยากาศมันสะดุดไปเล็กน้อย


“ถ้าคุณเสียบ ผม สับ ของคุณเละแน่” ผมทำตาดุๆ ใส่เขา อีกฝ่ายทำหน้าตาสบายๆ ไม่ได้ว่ากลัวอะไรเลย


“งั้นก่อนสับฉันขอเสียบก่อนก็แล้วกัน เผลอๆ พอฉันเสียบ นายอาจไม่อยากสับของฉันก็ได้” แน่ะ! ยังมายิ้มด้วยความมั่นใจใส่อีกนะ รู้แล้วล่ะน่าว่าของแกใหญ่


“ผมไม่ปฏิเสธหรอก…”


“ไม่ปฏิเสธหรอ?” เขาถามด้วยรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่อง ผมตาโตตกใจเพราะยังไม่ทันพูดจบเขาก็แทรกขึ้นมา จะบอกว่าไม่ปฏิเสธความจริงหรอกว่าของแกน่ะใหญ่จริงเว้ยยย!


“ไม่ได้…”


“So, put it in you, now. (งั้นตอนนี้ก็เสียบเข้าไปในตัวนายเลยละกัน)” ช่างเป็นคนที่ฟังคนอื่นจนจบเหลือเกิน
เขายิ้มหล่อ แต่เป็นหล่ออย่างร้ายกาจ ก่อนจะใช้มือซ้ายค้ำร่างตัวเองไว้ข้างเดียว ส่วนข้างขวาเอื้อมไปปลดผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มส่วนล่างของเขาอยู่ออกจนผ้าขนหนูที่ผูกปมไว้ด้านหน้าหลุดออก แล้วผ้าก็ห้อยต่องแต่ง ไอ้ผ้าห้อยต่องแต่งไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้แท่งสีน้ำตาลโกโก้ที่ห้อยแต่งแต่งนั่นต่างหากที่ทำให้ผมตาโต จนต้องรีบเงยหน้าหนีจากส่วนนั้นขึ้นมามองใบหน้าเขาแทน


“Ready? (พร้อมมั้ย?)” เขาดึงแขนขวากลับมาค้ำร่างตัวเองอีกครั้ง และถามเสียงยั่ว พร้อมรอยยิ้มอันเย้ายวนชวนให้เสียตัว เอ้ย!


“ไม่! ไม่พร้อมอะไรทั้งนั้นแหละ เลิกเล่นแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว!” ผมบอกแล้วถลึงตามองจนลูกตาแทบจะเด้งออกจากเบ้าตา พร้อมกับบีบมือที่จับหน้าอกทั้งสองข้างของเขาไว้เพื่อเป็นการขู่ แต่เหมือนผมจะทำพลาด เพราะนั่นกลับทำให้วิคเตอร์หน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน


“ฮ่าห์…” เขาอ้าปากน้อยๆ ส่งเสียงแหบพร่าออกมาจากลำคอ ผมหน้าเกร็งจนรู้สึกตึง เบิกตากว้างมองใบหน้าหล่อคมเข้มด้วยหนวดที่กำลังเหยเก พร้อมกับสูดปากเบาๆ ด้วยความตกใจเลยเผลอบีบหน้าอกสองเต้าของเขาแน่นขึ้นไปอีก


“Fuck… (โอ้ว…)” แย่ละ ตอนนี้สีหน้าวิคเตอร์เต็มไปด้วยอารมณ์ ผมสั่นหัวน้อยๆ ก่อนจะรีบคลายแรงบีบที่มือของตัวเอง วิคเตอร์หายใจหอบกระเส่าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้มหน้าลงมามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ และสิ่งที่ยิ่งตอกย้ำว่าเขากำลังอารมณ์ (กาม) กำลังขึ้นก็คือไอ้แท่งกลางตัวเขาที่ตอนนี้ตั้งตรงแหน่วอย่างชวนผวา


เฮือก!


ทำไมมันบิ๊กบึ้มขนาดนั้น ผมรีบเงยหน้าหนี ตอนนี้มองหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการของเขาดีกว่ามองวิคเตอร์ยักษ์นั่นแน่ๆ เพราะไม่งั้นผมอาจจะมีความต้องการตามไปด้วย


โอยยย… อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ในลักษณะนี้บ่อยๆ ผมว่าผมได้เดินขาเป๋แน่ๆ


“เก่งเหมือนกันนี่…” เขาบอกเสียงกระเส่า ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก แววตาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น หัวใจเต้นตุบๆ จนกระทบผนังอกอย่างรับรู้ได้ชัดเจน


“นะ…นี่!” ผมพยายามทำเสียงเข้มและใช้มือดันอกเขาไว้ตามเดิม เมื่อเขาทำท่าจะพุ่งตัวลงมาซุกคอผม ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารดอยู่ที่บริเวณหน้าผาก เราสองคนสบตากันด้วยแววตาที่ต่างกัน วิคเตอร์มองกลับมาด้วยความมัวเมาในอารมณ์กามที่ดูท่าจะพุ่งพล่านไปทั่วร่างของเขา ส่วนผมมองอย่างหวั่นๆ


ไม่ใช่ผมว่าจะเล่นตัวให้ดูยากอะไร แต่ผมกับเขา เราไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมไม่ชอบความสัมพันธ์ที่มีแค่เซ็กส์แบบนี้


ไม่…ไม่เด็ดขาด… ถ้าจะมีผมขอมีแค่กับคนที่ตัวเองรัก


“วิคเตอร์!” ผมรวบรวมสติให้กลับมามั่นคงอีกครั้ง ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม พร้อมกับเก๊กหน้าตาถมึงทึง แต่ดูอีกฝ่ายจะไม่สนใจ แถมยังมีการลดน้องชายของเขาที่กำลังพุ่งตรงแหน่วมาสีที่ขาอ่อนผมอีก ผมตัวแข็งทื่อกับความอุ่นร้อนจากความเป็นชายของเขาที่เนื้อขาอ่อนตรงบริเวณที่กางเกงขาสั้นคลุมไปไม่ถึง  ขนทุกส่วนบนร่างกายผมลุกซู่ยิ่งกว่าการเจออากาศหนาวๆ  ผมหลับตาข่มอารมณ์ตัวเองแว้บหนึ่ง ก่อนจะลืมตาแล้วเชิดหน้ามองเขาอย่างพยายามข่มใจ


“คุณจะเล่นไอ้มุขหลอกปล้ำผมอีกนานมั้ย ผมว่ามันน่าเบื่อมาก!” ผมแกล้งว่าเสียงขุ่น ทั้งที่มันแทบจะเป็นเสียงสั่นๆ มือที่ยันอกเขาไว้ก็เริ่มอ่อนแรง ไม่รู้ว่าอ่อนแรงเพราะเมื่อยหรือเพราะร่างผมกำลังจะละลายไปกับความร้อนแรงของผู้ชายคนนี้กันแน่
วิคเตอร์หยุดเอาแท่งร้อนของเขาถูไถไปมากับต้นขาอ่อนผม แล้วจ้องตาผมตรงๆ อีกครั้งก่อนจะทำปากยื่น เลิกคิ้วขึ้น เลื่อนสายตาไปมองด้านหน้าอย่างมีลีลา สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะก้มลงมามองผมอีกครั้ง แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะว่า


“น่าเบื่อหรอ งั้นไม่ต้องปล้ำหลอกๆ แล้วมั้ย ปล้ำจริงเลยละกัน ไหนๆ บรรยากาศและท่าทางก็ชวนให้นายเสียตัวขนาดนี้แล้ว” ผมแสร้งทำหน้าเซ็ง ก่อนจะนิ่งไปนิด เมื่อคิดอะไรออก หรี่ตามองไอ้หนวดตัวโต ก่อนจะส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้จนอีกฝ่ายที่กำลังครึ้มอกครึ้มใจถึงกับเปลี่ยนเป็นมองกลับมาด้วยความไม่ไว้ใจ


ฟึ่บ!


ปึ่ก!


“Shit!!! (เหี้ยยย!!!)” วิคเตอร์สบถดังลั่นพร้อมหน้าตาเหยเกเพราะความเจ็บจี๊ดที่โดนผมดึงขนรักแร้ทั้งสองข้างออกมากระจุกหนึ่ง ผมฉีกยิ้มกว้างแล้วส่งเสียงหัวเราะสะใจ


“ฮ่าๆ วะฮะ วะฮะ ฮ่าๆ” วิคเตอร์สีหน้าเจ็บปวด แอบเห็นน้ำตาซึมนิดๆ พ่อพระเอกรีบดันตัวออกห่างจากผมทันที เขาหน้ามุ่ยด้วยความเจ็บ และคงปนด้วยความโกรธ ยกมือสองข้างไขว้สลับไปถูรักแร้ทั้งสองข้างเพื่อบรรเทาความเจ็บ


“ไอ้ตัวเตี้ย!!” สีหน้าเขาโมโหโกรธาอย่างมาก ผมหัวเราะอ้าปากกว้าง ในมือสองข้างขยุ้มเส้นขนรักแร้ของเขาเอาไว้ ผมใช้ศอกดันตัวขึ้นมานั่งในท่าทางปกติ วิคเตอร์จ้องมองผมอย่างกับจะเอาเลือดหัวผมออกให้ได้ สภาพเขาตอนนี้โป๊เปลือยอย่างเต็มที่ วิคเตอร์ยักษ์ค่อยๆ อ่อนตัวลง


หน้าด้านจริงๆ นั่งโชว์แท่งสีน้ำตาลโกโก้อยู่ได้


“ถึงกับหดเลยหรอเนี่ย” ผมถามเสียงแซว ทำหน้าทำตาใสซื่อ อีกฝ่ายถลึงตามองอย่างโมโหกลับมา ผมเอาแต่มองหน้าเขาแทน เพราะไม่อยากมองไอ้ตรงส่วนที่มาถูไถกับขาอ่อนตัวเองเมื่อกี้นี้


ฟืดดด~


ผมแกล้งยกขนรักแร้ของเขาที่อยู่ในมือซ้ายตัวเองขึ้นมาจ่อที่จมูกแล้วสูดลมเข้าไปแรงๆ ก่อนจะแสร้งทำหน้าฟินกับกลิ่นขนรักแร้เขา ทั้งที่จริง แม่งโคตรฉุนกลิ่นหัวหอม


“ไอ้โรคจิต!” วิคเตอร์ตะคอกเสียงหนัก ผมยักไหล่ซ้ายนิดๆ ทำหน้าตาว่าไม่แคร์ ก่อนจะว่าเสียงใส


“I’m a sicko—you are a pervert. What a fantastic couple it is! (ผมโรคจิต คุณบ้ากาม ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมอะไรเช่นนี้นะ!)” ผมฉีกยิ้มริมฝีปากบางเฉียบแบบไม่เห็นฟัน พร้อมกับส่งสายตาปิ๊งๆ ไปให้อย่างกวนอารมณ์ อีกฝ่ายที่เลิกถูรักแร้ตัวเองแล้วเอื้อมมือไปจับผ้าขนหนูมาปิดไอ้จ้อนตัวเองไว้


เหอะ! เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องอายรึไง


“Someday, you will be silence by my cock*! (สักวันฉันจะยัด*** เข้าปากนาย ให้นายรู้จักหุบปาก!)” เขาว่าเสียงเข้ม หน้าตาถมึงทึงตึงเครียด แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ไม่วายที่ยังจ้องหน้าผมด้วยความข่ม ผมเบ้ปาก แล้วเอียงคอกระพริบตามองเขา ก่อนจะตอบกลับเสียงแผ่วอย่างพยายามเซ็กซี่

(*Cock = อวัยวะเพศชาย ในที่นี้ไม่สามารถพูดออกอากาศได้จริงๆ ค่ะ ใช้เป็นดอกจันทร์สามดอกเซ็นเซอร์ก็แล้วกันนะคะ)


“Well, Can’t wait to suck your Dildo**! (แหม แทบรอไม่ไหวที่จะดูดดีลโด้ของคุณเลยล่ะ!)”

(**Dildo = เซ็กส์ทอยที่มีรูปร่างเหมือนอวัยวะเพศชาย ในที่นี้แมทต้องการเล่นคำแบบเปรียบเทียบค่ะ)


เขายกมือขวาชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ ส่วนมือซ้ายขยุ้มผ้าขนหนูไว้ ผมแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินลงบันไดสองขั้นไปที่ชักโครกเพื่อเอาขนรักแร้ของเขาไปทิ้ง ผมกดชักโครกเพื่อบอกลาขนรักแร้ของวิคเตอร์ นี่ถ้าเอาไปลงขายในเว็บอีเบย์ พวกแฟนคลับคงสนใจกันไม่น้อยเลยแหละ


พอหันไปที่อ่างอาบน้ำอีกที เขาก็นั่งหน้าบูดรออยู่ในนั้นแล้ว ผมแอบยิ้มขำก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้เมื่อเขาส่งเสียงห้าวหาญมาให้


“ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันจะอาบเอง” ผมแสร้งทำหน้าตาแบ๊ว ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักอย่างใสซื่อ อีกฝ่ายมองหน้าผมด้วยความเข่นเขี้ยว


“ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าผมอาบให้ ไม่รู้ว่าผมจะเผลอไปดึงขนส่วนไหนในร่างกายคุณอีกรึเปล่า ผม…แว้กกก!” กำลังจ้อเจื้อยแจ้วอยู่ดีๆ ก็ต้องตาโตแล้วร้องเสียงหลง พร้อมกับก้มหลบขวดครีมอาบน้ำที่พุ่งมาหมายจะใช้หัวผมเป็นเป้า


“พูดมาก! ปากมาก! น่ารำคาญ! ออกไปได้แล้ว ไอ้เอเลี่ยนตัวสั้น!!” เขาตะโกนดังลั่นห้องน้ำ เขาขบกรามแน่นจนสันกรามข้างใบหน้าขึ้นชัด บวกกับสายตาคมๆ ที่จ้องมาอย่างดุดัน ก็ทำให้ผมเกิดอาการปอดมีรูซะงั้น


“ปะ…ไป…”


“Bite your tongue! And go fry an egg! (หุบปาก! แล้วไปไหนก็ไป อย่ามากวนใจฉัน!)” ผมอ้าปากหวอกับอารมณ์เกี้ยวกราดของเขา มันแปรปรวนอย่างกับพายุทอร์นาโด


อะไรวะ?! เมื่อกี้ยังหื่นอยู่เลย ทำไมตอนนี้มันโหดงี้อ่ะ เห็นแบบนี้ก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เขาคงใจดีกับผมมากไปจริงๆ อย่างที่เขาว่านั่นแหละ ผมเลยออกอาการเหลิงไม่กลัวเขาแบบช่วงอาทิตย์แรก


อึ๋ย~ ถ้าเขากลับไปนิ่ง ไปทำหน้าโหดแบบนั้นอีก มันต้องไม่ใช่เรื่องราวดีๆ แน่


“Fuck off! Now! (ไปสิโว้ย!!)” เฮือกกก! ผมสะดุ้งตกใจ ถึงกับหน้าสั่น ราวกับเสียงของเขามีคลื่นพลังกระแทกใส่หน้าผมอย่างไรอย่างนั้น


“โอ๊ย! รู้แล้ว จะตะคอกทำไมเนี่ย คำรามอย่างกับลิงกอริลล่า!!”


“ไอ้เอเลี่ยน!!!” ผมรีบหมุนตัววิ่งหนีออกจากห้องน้ำทันทีหลังจากพูดจบ ไม่รอเห็นสีหน้าอาการใดๆ ของอีกฝ่าย แต่เสียงที่ตามหลังมาก็บอกได้เลยว่า


ผมกำลังปลุกวิญญาณมัจจุราชของไอ้หนวดหน้าหล่อที่หลับใหลไปพักใหญ่ให้ตื่นขึ้นมาแล้วล่ะ


ผมเดินออกมาจากห้องนอนวิคเตอร์ด้วยอาการใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ คราวนี้ไม่ใช่เพราะว่าอาการเขินหรือสยิวอะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะอารมณ์โกรธของวิคเตอร์ที่เพิ่งพัดใส่ผมเมื่อกี้นี้  ผมหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอน แล้วหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าออกอย่างพยายามปลอบอาการหัวใจตัวเองที่กำลังสั่นด้วยความกลัว นี่ขนาดเขายังไม่ได้อาละวาดอะไรรุนแรงเท่าไหร่ ยังทำเอาผมขาสั่น มือสั่นไม่หาย


สงสัยจะเล่นมากเกินไป ดีนะที่เขาไม่เหวี่ยงระเนระนาดไปมากกว่านี้ ไม่งั้นผมคงช็อค
พอสติเริ่มเข้าที่เข้าทาง มือไม้แข้งขาเริ่มคืนสภาวะปกติ ผมก็ก้าวเท้าเดินออกจากประตูห้อง เพื่อลงไปที่ครัว ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาก็เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว ความรู้สึกผิดจู่โจมเข้าหาผมทันที


นี่ผมทำให้เขาพลาดมื้อเช้าหรอเนี่ย


รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ ผมเก็บมือถือลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเร่งเท้าเดินเข้าไปในครัว สำรวจดูอาหารบนโต๊ะที่หยิบเอาออกมาวางไว้ก่อนหน้านี้ พลางนึกถึงเมนูที่คิดจะทำให้เขา โดยพยายามทวนความทรงจำจากการโทรถามสูตรอาหารจากแม่มา


ผมจัดการหุงข้าว ตอนแรกวิคเตอร์ไม่ค่อยกินข้าวหรอก  คือเขากิน แต่ก็กินไม่บ่อยเท่าพวกอาหารฝรั่งอย่างแซนวิช เนื้อไก่ราดน้ำซอสต่างๆ หรือเนื้อสัตว์ทั่วๆ ไป กินแบบโดยที่ไม่กินพร้อมข้าว  ส่วนใหญ่ฝรั่งที่มาจากเกาะอังกฤษจะชอบกินอาหารแนวๆ นี้  ข้าวเป็นอะไรที่เขาแทบไม่แตะ หรือบางคนอาจไม่แตะเลยก็มี แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นทุกคน แต่ไอ้ฝรั่งตัวโตหน้าหนวดรูปหล่อที่ผมดูแลอยู่ทุกวันนี้แต่ก่อนเขาจะชอบกินอาหารแบบนี้แหละ บางทีก็ติดนิสัยคนอเมริกันมาคือกินอาหารฟาสฟู้ด (Fast food) บ้าง หรือไก่ทอดร้านเวนดี้ (Wendy) บ้าง เพราะมันสะดวกและง่ายดี


แต่พอผมเริ่มเข้ามาดูแลเขาเรื่องอาหารด้วย ผมก็พยายามที่จะทำให้เขาทานหลากหลายมากขึ้น ไม่อยากให้เขากินซ้ำๆ โดยเฉพาะอาหารฟาสฟู้ดหรือไก่ กินมากๆ เดี๋ยวก็เก๊าแดก อุ้ย! เก๊ากินเข่าไม่รู้ตัว อีกอย่างอาหารพวกนั้นกินมากๆ ก็ใช่ว่าจะดีต่อร่างกายซะเมื่อไหร่


จากตอนแรกที่ผมทำอาหารไม่เป็นเลย เด็ดสุดคือผัดมาม่ากับต้มมาม่าใส่ไข่ และทอดไข่เจียว ก็ต้องหัดทำอาหารเอาไว้ให้พ่อโหดขาหื่นกินทุกมื้อ แต่ก็ยังไม่ได้เก่งมากหรอก เวลาผมนึกไม่ออกบอกไม่ถูก ไปไม่เป็น ผมก็ยกมือถือกดโทรหาแม่แบบที่ว่าบางทีไม่ได้สนใจเลยว่าเวลาที่ไทยกับนิวยอร์คนั้นมันไม่เหมือนกัน พระจันทร์ขึ้นที่นี่ ที่ไทยก็พระอาทิตย์โผล่ หรือกลับกันพระจันทร์ที่ไทยโผล่ พระอาทิตย์ทีนี่ก็โบกมือลาท้องฟ้าไปแล้ว


แต่สูตรอาหารวันนี้ผมโทรถามแม่มาแล้ว เพราะตั้งใจจะทำให้เขากินวันนี้เนี่ยแหละ ฟังดูเหมือนพิเศษ จริงๆ ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย แค่ต้มจืดกระดูกหมูเท่านั้นเอง แต่สำหรับคนที่เพิ่งทำเป็นครั้งแรกอย่างผมมันก็สมควรตื่นเต้นล่ะนะ ไม่รู้ว่าสภาพอาหารจะออกมาเป็นยังไง แต่ผมว่าผมก็จดที่แม่บอกมาหมดแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ว่าผมจะทำอร่อยมั้ยแค่นั้นแหละ


ผมจัดเตรียมส่วนผสมต่างๆ วางแยกกันไว้ กางสมุดโน้ตเล่มเดียวกันกับที่จดคิวงานวิคเตอร์เพื่อเปิดอ่านเศษกระดาษที่แทรกไว้ในเล่ม ผมจดวิธีทำอาหารพร้อมสูตรตามที่แม่บอกลงเศษกระดาษก่อนแล้วค่อยลอกลงสมุดอีกทีถ้าเขาเอ่ยปากว่า ชอบ และ ทำให้กินอีก กับอาหารชนิดนั้นๆ แต่ถ้าอันไหนกินแล้วเฉยๆ ไม่พูดอะไร ผมก็จะไม่จดไว้ ในนี้มีสูตรอาหารพร้อมวิธีทำที่ลอกมาจากกระเศษกระดาษอีกที ซึ่งตอนนี้มันก็มีอยู่สามอย่าง สามอันดับเท่านั้น


ไล่จากอันดับที่สามเป็นอาหารยอดฮิตของฝรั่งที่เวลาไปไทยต้องสั่ง หรือรู้จักเมืองไทยต้องเอ่ยขึ้น นั่นคือต้มนำกุ้งน้ำข้น วิคเตอร์ชอบแบบเผ็ดๆ และต้องใส่เนื้อหมูลงไปด้วย เขาชอบกินแบบผม ที่เป็นต้มยำใส่กุ้งกับเนื้อหมู รสชาติเผ็ดๆ ข้นๆ ซดน้ำลื่นคอ ส่วนอันดับที่สองเป็นอาหารที่ผมคิดจะทำเพื่อเอาคืนเขา โทษฐานที่สั่งให้ผมไปโกยอึไอ้ไมเคิลด้วยมือเปล่า (เขายืนดูพร้อมยืนยิ้มขำอย่างอิ่มใจที่เห็นผมกอบกุมขี้ไมเคิลด้วยสีหน้าจะอ้วก) แต่กลายเป็นว่าเขาดันชอบข้าวคลุกน้ำพริกกะปิกินกับปลาทูและชะอมทอดซะงั้น ผมล่ะเซ็งที่เอาคืนเขาไม่สำเร็จ    ติดอกติดใจกลิ่นกะปิจนบังคับให้ผมทำให้อีกมื้อในตอนเย็น  ชิชะ! มาถึงอันดับหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะชอบกินอันนี้ที่สุด นั่นคือไข่เจียวกุ้งสับราดซอกพริกธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ตอนตีไข่ต้องใส่นมข้นให้เขาด้วยนะ ไม่งั้นเขาไม่กิน



จะบอกว่าเขาเป็นคนกินยากก็ว่าได้ คือกินได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าชอบทุกอย่าง ผมจดสามจานโปรดของเขาเอาไว้ในสมุด ผมใช้เล่มเดียวกันกับที่จดคิวงานและคำสั่งของเขาเนี่ยแหละ เพราะถือว่าเป็นเรื่องของเขา ผมยกสมุดโน้ตสีน้ำตาลไร้เส้นบรรทัดเล่มนี้ให้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเขาไปแล้ว ในนี้มีแทบทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อ Victor Jean Raymond ตั้งแต่ประวัติส่วนตัวที่รู้กันทั่วไป และที่ใครหลายๆ คนไม่เคยรู้ ผมจดเอาไว้หมดนั่นแหละ ตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เยอะพอสมควร อาจไม่มากกว่าเจ้าตัว แต่ผมบอกได้เลยว่าเรื่องบางเรื่องวิกิพีเดียหรืออาเฮียกูเกิ้ลไม่มีทางหาได้แน่นอน อะไรที่เขาชอบ ไม่ชอบ ผมจดไว้หมด นิสัยไหนประหลาดๆ นิสัยไหนดีๆ ผมก็จดไว้ เพื่อที่จะได้ปรับตัวให้เข้ากับเขาได้ถูก แม้กระทั่งคำสั่งทั้งหลายของเขา มีทั้งคำสั่งประจำ คำสั่งใหม่ๆ มีทั้งคำสั่งปกติ และคำสั่งที่ดูคล้ายคนเสียสติ แต่นั่นเป็นคำสั่งที่เอาไว้แกล้งผมทั้งนั้นแหละ



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:37:34


พอคิดถึงคำว่า แกล้ง ก็ใจแป้ว เมื่อกี้นี้ผมแกล้งเขาแรงไปรึเปล่านะ จริงๆ ผมว่าผมรู้คำตอบแล้วล่ะ ก็ดูได้จากสีหน้าอันหงุดหงิด แววตาที่เกรี้ยวกราด และการขว้างขวดครีมอาบน้ำในองศาที่หมายให้โดนหัวผมแบบนั้น ผมว่าเขาคงโมโห แต่ยังดีนะที่เขาไม่ โคตรโมโห ใส่ผม ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเขาระเบิดขึ้นมาจริงๆ สภาพผมจะเป็นยังไง คิดแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอตัวเองหนักๆ พร้อมกับถอนหายใจเน้นๆ แล้วคนน้ำซุปที่กำลังเดือดปุดๆ คล้ายกับอารมณ์วิคเตอร์ในหม้อสเตนเลสสีเงินต่อไป


ตอนที่ผมตักน้ำซุปขึ้นมาเพื่อจะชิมรสชาติ ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นคนที่เพิ่งหมายจะทำร้ายผมด้วยครีมอาบน้ำเดินเข้ามาหน้าตาเรียบนิ่งจนไหล่ผมแอบกระตุกด้วยความหวาดหวั่น ช้อนที่ตักน้ำซุปไว้ในมือแทบหก แต่พอเขาเห็นเจ้าฟอกซ์ที่นอนอยู่บนเค้าน์เตอร์ครัวเขาก็ยิ้มอ่อนๆ แล้วอุ้มมันขึ้นมาจุ๊บที่หน้าผากเบาๆ แล้วปล่อยมันลงกับพื้นไปยืนคลอเคลียกับไมเคิล ก่อนที่รอยยิ้มเขาจะหายวับไปทันทีที่เห็นหน้าผม รอยยิ้มรู้สึกผิดที่ผมกะจะส่งไปให้เขาในตอนแรกค่อยๆ สลายตัวไปจากใบหน้า จนรู้สึกว่าได้ยินเสียงเพล้งเบาๆ ที่ใบหน้า ผมกระแอมในลำคอเล็กน้อย รู้สึกเก้อเลยทีเดียวที่ยิ้มไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับหน้านิ่งสนิท ผมเลยค่อยๆ ยกช้อนน้ำซุปขึ้นชิมก่อนจะแอบเหลือบตามองเขาที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ทรงสูงตรงหัวโต๊ะ วันนี้เขาใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำที่แนบหุ่นแน่นๆ กับกางเกงขาสั้นสามส่วนทรงกระบอกสีน้ำตาลเข้ม เส้นผมยังคงเปียกชื้นนิดๆ เขากำลังก้มลงเล่นโทรศัพท์เลื่อนดูอะไรบางอย่าง แล้วเขาคงรู้ตัวว่าถูกแอบมองอยู่ เลยเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาแข็งๆ จนผมเกิดอาการลนลาน ปากที่กำลังชิมน้ำซุปร้อนๆ  อย่างช้าๆ ก็เปลี่ยนเป็นสูดเข้าปากอย่างเร็วโดยไม่สนความร้อนว่ามันจะลวกปากขนาดไหน


“ซู๊ดดด~ แค่ะ…”


“มองอะไร?! มองหน้าฉันแล้วอาหารมันจะเสร็จรึไง?!” ผมที่กำลังจะสำลักเพราะรีบซดน้ำซุปมากเกินไปถึงขั้นต้องเม้มปากกลั้นเสียงไอตัวเองเอาไว้เมื่อเขาแทรกเสียงดังลั่นขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่ถมึงทึง ผมตาโต ส่ายหน้าระรัว เอามือปิดปากกลั้นเสียงไอและพยายามกลืนเสียงไอเข้าไปในลำคอจนรู้สึกว่าทรมานอยู่ในอกและช่วงคอหอย พอจะปล่อยมือออกเพื่อไอค่อกแค่กก็ต้องฝืนตัวเองเอาไว้จนน้ำตาปริ่มที่ขอบตาเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องด้วยแววตากร้าว


“ยืนนิ่งหน้าโง่อีกแล้ว รีบๆ ทำสิโว้ย! ฉันหิวข้าวแล้วนะ!” ผมเบิกตากว้างกว่าเดิมแล้วพยักหน้ารัวๆ หันหลังกลับไปที่หม้อซุปทันที ก่อนจะปล่อยมือออก แล้วค่อยๆ แอบไอเสียงเบาๆ โอ๊ย… โคตรทรมาน เวลาไอเพราะสำลักน้ำ ไม่ว่าจะน้ำอะไรก็ตาม แล้วพยายามห้ามไม่ให้ไอ มันจะทรมานเป็นสองเท่าเชียวล่ะ ผมเอาหลังมือเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว และแอบไอไปด้วยจนไหล่ไหวเบาๆ มือก็คนน้ำซุปไป รสชาติที่ชิมไปเมื่อกี้เตลิดเปิดเปิงหายไปหมดละ รู้สึกว่าด้านหลังตัวเองจะเกร็งเป็นพิเศษเพราะมีสายตาของพ่อพระเอกจ้องมองอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนตอนเด็กๆ ที่ผมไม่ยอมทำการบ้านแล้วพ่อจับตีจนร้องไห้ ก่อนจะบังคับให้ผมทำการบ้านให้เสร็จโดยนั่งเฝ้า นั่งจ้องตลอดเวลา


พ่อผมมีแฝดรึเปล่า ทำไมถึงได้เหมือนกันแบบนี้ ทั้งหน้าตาที่ไปทางคมเข้ม ผิวสองสี  ตาคมสองชั้นเรียวคมแต่เวลายิ้มจะดูขี้เล่นและมีเสน่ห์เพราะดวงตาเป็นสีน้ำตาลน้ำผึ้งข้น จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักหนา ตัวสูงใหญ่ นิสัยดุแต่ใจดี เอ่อ… ผมกล้าพูดได้ว่า พ่อผมดุ แต่จริงๆ ใจดีและอบอุ่น แต่ผมยังสัมผัสความใจดีและอบอุ่นนั้นจากวิคเตอร์ไม่ได้ อันที่จริงก็ใช่ว่าจะหาไม่เจอล่ะนะ อย่างตอนที่ผมนอนตากลมหน้าบ้านเขาทั้งคืนจนไม่สบาย เขาก็อุ่นเกี๊ยวกุ้งให้กิน หายาให้กิน และทำแผลที่แขนให้ด้วย และตอนที่ผมวิ่งเข้าไปในกองไฟเพราะคิดว่าเขายังติดอยู่ในนั้น เขาก็อุ้มผมออกมาและทายาให้ด้วยนะ


อืม… เอาเป็นว่าเขาก็ใจดีและอบอุ่นแหละ แม้จะไม่เท่าพ่อผม แต่ก็ทำให้ผมนึกถึงพ่อได้เสมอเลย ยิ่งเวลาดุๆ แบบเนี้ย ส่วนเรื่องความหล่อขอไม่เข้าข้างพ่อนะ ยกให้ไอ้หนวดนี่ไปละกัน มันหล่อกว่าเยอะ


“จะคนจนพระจันทร์เวียนขึ้นมาบนฟ้าอีกรอบเลยรึไง?!” เสียงเข้มๆ แม้ไม่ตะคอกแต่ก็ทำเอาผมสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองเขาพร้อมยิ้มยิงฟันแห้งๆ


“เกือบเสร็จละครับ ขออีกห้านาที” เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่รู้หงุดหงิดเพราะโมหิวหรือโมโหผมกันแน่ ผมหุบยิ้มฉับเมื่อเขายังคงหน้านิ่งไม่เปลี่ยนแล้วรีบหมุนตัวกลับไปคนน้ำซุปเร็วๆ ก่อนจะใช้ช้อนตักน้ำซุปขึ้นมาเป่าสองสามทีแล้วชิม พอรู้สึกว่ารสชาติมันน่าจะโอเคที่สุดแล้วก็รีบตักใส่ถ้วยแล้วเอาไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปตักข้าวในหม้อใส่จานแล้วเสิร์ฟให้เขากิน วิคเตอร์ขมวดคิ้วนิดๆ มองอาหารบนโต๊ะ เหลือบตามามองผมนิดหน่อยก่อนจะหยิบช้อนแล้วลงมือกิน ผมเม้มปากมองเขาอย่างลุ้นๆ แต่ก็ไม่แสดงออกมากว่ามองเขาอยู่ เดี๋ยวจะหันมาด่าผมอีก แต่พอเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรและตักกินต่อเงียบๆ ผมก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปจัดการล้างช้อน ล้างทัพพีที่ใช้คนซุป และเก็บของที่เหลือใส่ตู้เย็นเก็บเอาไว้ทำอาหารมื้อต่อไป


“กินข้าวมารึยัง” ผมเอี้ยวคอไปมองเขา ส่งยิ้มแหยๆ ให้เขาแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปยัดเนื้อหมูติดกระดูกไว้ในตู้เย็น


“แล้วไม่กินรึไง” เขาถามเสียงห้วนตอนที่ผมปิดตู้เย็น 


“เอ่อ… คุณกินเถอะ เดี๋ยวผม…”


“กิน!!” เขาแทรกขึ้นมาเสียงเข้ม ผมชะงักไปก่อนจะรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะไปหยิบไปจับอะไรตรงไหนก่อนดี


“เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาก็มาโทษฉัน หาว่าฉันใจดำอำมหิตอีก” เขาบอกเสียงห้วน หน้าตาไม่พอใจ แต่บอกได้เลยว่านั่นไม่ใช่ความพอใจที่ผมจะไม่กินข้าว มันไม่ใช่ไม่พอใจเพราะเป็นห่วงแล้วผมเล่นตัวอะไรทำนองนั้น แต่มันเป็นการไม่พอใจที่ว่าถ้าผมเป็นอะไรขึ้นมา ก็จะเหมือนว่าเขากลายเป็นต้นเหตุนั่นแหละ


ผมยิ้มแห้งๆ อย่างน้อยก็ยังดีล่ะนะที่เขานึกถึงผมว่าผมยังไม่ได้ทานข้าว


“เอ่อ… คุณเรย์มอนด์…” ผมเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก หลังจากตักข้าวและต้มจืดมาวางบนโต๊ะแล้ว คนถูกเรียกตวัดสายตามามองจนไหล่ผมกระตุกนิดๆ


“What? (อะไร?)” เขาถามเสียงห้วนสั้น และหันไปสนใจอาหารต่อทันทีหลังจากมองผมแค่แว้บเดียว ผมเม้มปากแล้วบดริมฝีปากไปมาเบาๆ


“คือ… คุณโกรธรึเปล่า” ผมถามเสียงอ้อมแอ้ม ยิ้มแหยๆ กับแววตาดุที่จ้องมองกลับมาอย่างกับว่าคำถามที่ผมถามมันเป็นคำถามก่อการร้ายงั้นแหละ


“แล้วหน้าฉันดูเป็นไง” เขาถามกลับมานิ่งๆ ขณะที่ตักเนื้อหมูเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ แล้วมองผมกลับมาด้วยสายตาไม่สั่นไหวใดๆ


“ก็… ก็ดูนิ่ง นิ่งเกินไป เหมือนกำลังไม่พอใจเลย” ผมว่าเสียงอ่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เขยิบตัวเองขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่เยื้องๆ กับเขา


“แล้วคิดว่าฉันไม่พอใจเรื่องอะไร” นี่เขากำลังเล่นเกมส์โชว์ตอบคำถามชิงเงินล้านรึเปล่าเนี่ย ผมเริ่มหน้าเสีย คิ้วย่นด้วยความหวั่นใจ


“ก็เรื่องที่ผมไปดึงขนรักแร้คุณไง”


“แล้วคิดว่าฉันควรทำหน้าดีใจเหมือนถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่หนึ่งมั้ย” เขาถามเสียงประชดอย่างชัดเจน ผมหน้าหงอลงอย่างรู้สึกผิด


“ก็ไม่…” ผมตอบเสียงอ่อย แววตาหงอยลงอย่างรู้สึกตัวเองได้


“เออ! รู้แล้วยังจะมาถามอีก เครื่องกรองน้ำยังทำหน้าที่ของมันได้ดีกว่าสมองนายซะอีก!” อึก! สะอึกเต็มอกเลยครับ ผมอ้าปากหวอ กระพริบตาปริบๆ มองไอ้หนวดที่แววตาดุดันอีกครั้งราวกับกำลังตอกย้ำให้ผมรู้ว่า กูไม่พอใจโว้ย!


“แหม… ทีคุณยังดีดหู ตีหัวผมจนสมองแทบไหล ผมยังไม่โกรธเลยนะ” ผมว่าเสียงงุ้งงิ้ง ทำปากยื่นน้อยๆ แล้วกระพริบตามองอีกฝ่ายเหมือนน้อยใจ แต่จริงๆ ผมไม่ได้น้อยใจอะไรหรอก ทำไปงั้นแหละ เผื่อจะทำให้เขาใจอ่อนได้บ้าง
แต่ผมคิดผิด…


“ยังจะมีหน้ามาพูด มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ! มันเจ็บเท่าที่ฉันโดนมั้ย พูดแบบนี้เดี๋ยวก็สาดน้ำซุปในหม้อใส่หน้าซะหรอก!” จากที่จะทำหน้าอ้อนๆ ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นเหวออย่างฉับพลัน เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนั้น และผมจะไม่บอกว่าเขาไม่คิดจะทำงั้นหรอก เพราะผมรู้ว่าถ้าเขาจะทำ เขาทำแน่ อย่าได้เอ่ยปากท้าทายไปเด็ดขาด ผมตาโต อ้าปากกว้างกว่าเดิม มองเขาด้วยความอึ้ง แต่ก่อนที่ผมจะโดนเขาสาดน้ำซุปร้อนๆ ในหม้อใส่หน้าหรือว่าโดนด่าไปมากกว่านี้ เสียงกริ่งที่หน้าบ้านก็ดังขึ้นมาเบรคสถานการณ์ที่ชวนเหวอและหวาดหวั่นนี้


“นั่งอ้าปากกว้างเป็นชักโครกอยู่ได้ ไปเปิดประตูสิ ต้องเอาช้อนเคาะหัวก่อนมั้ยถึงจะรู้สึกตัว” โอ๊ยยย! ด่าได้ด่าดี ด่าไม่มีวันเบื่อ ผมหุบปากลงอย่างไว ใช้ฟันกันริมฝีปากล่างไว้ แล้วมองค้อนเขาอย่างเอาเรื่อง อีกฝ่ายยกช้อนขึ้นมาขู่ด้วยหน้าตาที่บอกว่าจะทำจริงๆ ผมเลยเบะปากใส่เขาเล็กน้อย แล้วเดินตรงไปที่ประตู


ปึก!


“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงแล้วหันหลังกลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ก่อนที่สายตาจะหันไปมองผลส้มที่กลิ้งหลุนๆ ไปทางเจ้าไมเคิลที่ตอนนี้เอาเท้าหน้าด้านขวาขึ้นมาแตะส้มเพื่อเบรกให้มันหยุดกลิ้ง


“นี่แค่เตือน ถ้ายังกล้าทำหน้าท้าทายใส่ฉัน ต่อไปฉันจะขว้างหม้อน้ำซุปใส่หัวนายแทน” เขาบอกเสียงเบา แต่เน้นๆ ทั้งประโยค และยืนยันว่าเอาจริงด้วยสายตาวาววับพร้อมใบหน้าโหดๆ นั่น  ผมกัดฟันแน่น ถลึงตามองไอ้ฝรั่งยักษ์ที่นั่งกินข้าวสบายใจต่อไป ต้องพยายามข่มใจไม่ให้วิ่งไปหยิบมีดมาเสียบหูเขา


ผมสะบัดหัวและตัวหนีเขาก่อนจะเดินเร็วๆ ไปที่ประตูบ้าน ยืนหลับตาสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มนิดๆ ให้กับตัวเองเพื่อสร้างภาพ เอ้ย! เพื่อให้อารมณ์อยู่ในภาวะที่ปกติก่อนจะเปิดประตูรับใครก็ไม่รู้ที่มากดออด นี่จะเป็นหนึ่งในกิ๊กของอีหน้าหนวดนั่นรึเปล่านะ


แกร๊ก~


ผมดึงประตูเปิดออกแล้วก็พบกับผู้หญิงดูท่าทางมีอายุ แต่ก็ไม่ได้ดูแก่มาก เธอมีผมบลอนด์เข้มหยิกหยอย รูปร่างท้วมๆ อยู่ในชุดกางเกงเลคกิ้งสีดำ ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวใหญ่ หน้าตาไม่ยิ้มแย้ม ดูแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่


“นี่บ้าน วิคเตอร์ เรย์มอนด์ รึเปล่า” เธอเอ่ยถามเสียงห้วนๆ จนผมที่ฉีกยิ้มให้ต้องค่อยๆ หุบยิ้มลง แล้วมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ไม่ได้มองด้วยสายตาดูถูก ผมแค่มองแล้วลองเดาว่าเธอน่าจะเป็นใครได้บ้าง ซึ่งจากการเดาของตัวเอง เธอไม่น่าใช่กิ๊กหรือแฟนสาวคนไหนของวิคเตอร์แน่นอน


แน่สิ ตานั่นมันมีแต่สาวเอ๊าะๆ อกอึ๋มๆ ในคอลเลคชั่นทั้งนั้น


“ใช่ครับ คุณมีธุระอะไรกับเขารึเปล่า” ผมเอ่ยถามเสียงสุภาพ ถึงเธอจะดูไม่ค่อยเป็นมิตร แต่ตามมารยาทของคนไทย ถึงจะไม่ค่อยชอบผู้ใหญ่คนไหนเท่าไหร่ก็ต้องแสดงกิริยาสุภาพไว้ก่อน นอกจากจะเป็นกำนันหรือนายก อบต. อันนี้แสดงกิริยาไม่ดีได้เลย


เอ่อ… เดี๋ยวนะ ผมว่ามันผิดละ


“แน่ล่ะว่าฉันมี ถ้าไม่มีฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้ทำไม” เธอพูดเหมือนกำลังหงุดหงิดกับคำถามของผม ผมยิ้มแหยๆ ให้เธอเพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับใบหน้าบึ้งตึงที่มากับน้ำเสียงหงุดหงิดนั่น


“แล้วคุณมีธุระอะไรกับเขาครับ ผมจะได้ไปบอกเขาให้” คราวนี้คุณป้าหน้าตาหงุดหงิดเป็นฝ่ายมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าบ้าง นี่ป้าแกคิดจะเอาคืนผมรึไง


“แล้วเธอเป็นใคร” เธอถามเสียงห้วนอีกครั้ง ผมพยายามทำใจเย็นแล้วค่อยตอบคำถามเธอ


“ผมเป็นคนดูแลเขาครับ” ผมตอบนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนักว่าไม่พอใจอยู่


“ฉันขอพบเขาหน่อย” เธอเอ่ยเสียงที่อ่อนลง แต่ฟังแล้วก็ยังไม่เป็นมิตรอยู่ดี


“เดี๋ยวผมขอถามเขาก่อนนะครับ ที่นี่ไม่ใช่บ้านผม ผมคงให้ใครเข้ามาเลยไม่ได้” ผมดันประตูเพื่อจะปิดเอาไว้ระหว่างที่เดินกลับไปถามวิคเตอร์ แต่คุณป้าแกเอามือมาดันไว้


“ไม่ต้องปิด ฉันไม่เข้าไปขโมยของอะไรหรอกย่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และส่งแววตาไม่พอใจมาให้ ผมขมวดคิ้วมองป้าแกอย่างงุนงง จะให้ผมไว้ใจคนแปลกหน้าได้ไง


“ใครมา?!” ในขณะที่ผมกำลังงัดประตูกับป้าแกอยู่ เสียงทุ้มและห้าวก็ดังขึ้นข้างหลัง ผมหันไปมองก็เห็นวิคเตอร์ยืนมองมาหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัยและอาจปนความหงุดหงิดเล็กๆ


“ไม่รู้ครับ เธอบอกว่ามาหาคุณ ผมกำลังจะไปถามคุณว่าให้เธอเข้ามามั้ย แต่คุณดันเดินมาซะก่อน”


“เธอเหรอ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นทั้งที่คิ้วยังย่นอยู่ ผมพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะดึงประตูให้เปิดกว้าง เผยให้เห็นคุณป้าหน้าตาบึ้งตึงคนเดิม เธอกำลังมองวิคเตอร์ด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะเดินเข้ามาด้านในอย่างที่ไม่มีใครอนุญาต


“คุณคงเป็นวิคเตอร์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่กำลังมองป้าแกกลับมาด้วยสายตาและใบหน้างงๆ


“คุณเป็นใครครับ” เขาถามเสียงเรียบ แต่ผมรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจที่จู่ๆ ยัยป้าก็เดินเข้ามาในบ้านโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อน


“ฉันเป็นแม่บ้านที่คุณนายลิซ่าส่งมาดูแลคุณค่ะ” สิ้นประโยคของยัยป้าผมหยิกสีบลอนด์เข้ม ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดในตอนแรกของวิคเตอร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นโมโหแทน เขาขบกรามแน่น จ้องมองยัยป้านั่นด้วยสายตาเกรี้ยวกราด แต่ยัยป้ายังคงยืนมึนเหมือนไม่รู้สึกอะไร ส่วนผมนี่สิรู้สึกหนาวเย็นกับสายตานั้นเหลือเกิน


“Get-out! (ออก-ไป!)” วิคเตอร์บอกเสียงเย็นแต่เน้นคำอย่างพยายามสะกดอารมณ์ตัวเอง



“แต่คุณนายลิซ่าสั่งให้ฉันมาดูแลคุณนะคะ คุณวิคเตอร์” โธ่ป้า! ป้าจะใจกล้า หน้าหนาที่ไหนมาก่อนผมไม่รู้หรอกนะ แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่


ผมอ้าปากหวอนิดๆ มองวิคเตอร์ที่หายใจเข้าอย่างหนักหน่วงและปล่อยออกมาอย่างหนักหน่วงเช่นกัน บอกได้เลยว่าอารมณ์ของวิคเตอร์ตอนนี้พร้อมระเบิดลง


“ไม่ต้องมาดูแลผม ผมมีคนดูแลแล้ว ซึ่งก็คือ ไอ้เตี้ย ที่ยืนข้างๆ คุณ ส่วนคุณ! ออก-ไป-จาก-บ้าน-ผม! เดี๋ยวนี้!!” เขาส่งเสียงดังลั่นบ้านจนไมเคิลที่นอนอยู่กับฟอกซ์ถึงขั้นผงกหัวขึ้นมาดูด้วยความตกใจ ยัยป้าที่ตอนแรกว่านิ่งๆ พอเจอวิคเตอร์จ้องอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้และส่งเสียงดังสนั่นนิวยอร์ค (เว่อร์) ยังแอบหน้าเสีย


แต่เหนือสิ่งอื่นใด… ไอ้เตี้ย ที่ว่านั่น เขาด่าจริงจังไปมั้ย   


“ฉันไปก็ได้ แต่คุณช่วยบอกคุณนายลิซ่าด้วยก็แล้วกันว่าคุณไม่ตอบรับกับการมาเยือนของดิฉัน” ยัยป้าที่ดูท่าจะตั้งสติสู้ได้แล้วก็กลับมาทำหน้านิ่งตามเดิม แถมรอบนี้แอบมีเชิดสู้ขึ้นเล็กน้อย


“เออ!! ผมพูดแน่ ไม่ต้องห่วง ยุ่งไม่เข้าเรื่อง วุ่นวายไม่จบไม่สิ้น!!!” วิคเตอร์สีหน้าหงุดหงิดสุดขีด เขายกมือเสยผมด้วยความโมโห หน้าตาดูพร้อมอาละวาดแล้ว ส่วนยัยป้าผมหยิกหันมามองหน้าผมด้วยสายตาขวางๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากบ้านไป ทิ้งให้ผมงงว่ามามองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม


ผมย่นจมูกไล่หลังป้าแกไปแล้วปิดประตู ก่อนจะหมุนตัวเดินตามหลังวิคเตอร์ที่เดินกลับเข้าไปในครัว เขาหยิบมือถือขึ้นมาด้วยใบหน้าตึงเครียด เลื่อนลงอยู่พักหนึ่งก่อนจะกดโทรออก รอสัญญาณอยู่สักพักแล้วทอร์นาโดก็เริ่มพัดไปทั่วบ้าน


“เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับชีวิตฉันสักที!!! ฉันรำคาญโว้ยยย!!!!... ยังจะมีหน้ามาถาม ก็เธอแส่ส่งใครมาบ้านฉันอีกล่ะ ฉันบอกหลายครั้งแล้วนะว่า ฉัน-ไม่-ต้อง-การ!!!... ไม่ต้องมายุ่ง!! ฉันขี้เกียจพูดเรื่องนี้หลายๆ รอบแล้วนะ… แม่ง!!! ไม่จบไม่สิ้น! อยากลองดีใช่มั้ยวะ?!... ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ!... หึ! อย่ามาพูดคำนั้น ฉันได้ยินแล้วจะอ้วก!!… เธอก็รู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง อยากลองมั้ย คุณแม่เลี้ยง!... เออ! บอกเลย ฉันเชื่อว่าครั้งนี้พ่อต้องเข้าข้างฉัน!!”  เขากดวางสายอย่างแรง หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน แววตาคมคู่นั้นแข็งกร้าวแทบไม่กระพริบเปลือกตา  เขากำโทรศัพท์แน่นจนมือสั่นก่อนจะปาไอโฟนสีทองไปกระแทกกับผนังครัวฝั่งตรงข้ามกับเขาจนมันแตกกระจาย


เฮือก!


ผมสะดุ้งอย่างแรงเลยรอบนี้ แม้แต่ไมเคิลกับฟอกซ์ยังลุกขึ้นยืนตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่กระจัดกระจายไปทั่วครัว  เท่านั้นยังไม่พอ วิคเตอร์ปัดจานข้าวและถ้วยซุปตกลงพื้นแตกกระจายเสียงดังเคร้งคร้างเป็นการระบายอารมณ์โกรธของเขา ผมมองเขาด้วยความหวาดหวั่น ใจสั่นอยู่ในอก รู้สึกตัวชาไม่กล้าขยับไปไหน


เขาสะบัดสายตาเกรี้ยวกราดคู่นั้นมามองที่ผมจนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ ในอกวูบเหมือนใจหล่นหายเมื่อเจอสายตานั้น แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่ได้อาละวาดเพราะผมก็ตาม แต่บอกได้เลยว่าอารมณ์ที่พุ่งของเขาในตอนนี้มันมีต้นเหตุมาจากผมด้วยแน่ๆ


“เอ่อ… วะ…วิค…คุณเรย์มอนด์…” ผมขยับปากที่แห้งปากเรียกเขา เกือบเผลอเรียกชื่อจริง ดีที่พลิกลิ้นได้ทันไม่งั้นอาจทำให้เขาระเบิดมากกว่านี้ก็ได้


“…” เขาไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าผมจนผมรู้สึกกลัว ผ่านไปครู่หนึ่งแววตาเขาอ่อนลง แต่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี เขาพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วเดินเร็วๆ ออกจากห้องครัวไป ทิ้งให้ผมยืนคว้างทำอะไรไม่ถูก


ผมยืนเอ๋ออยู่กลางห้องครัวที่สงบลงแล้วจากเหตุการณ์ทอร์นาโดถล่มเมือง ผมก้มลงไปมองเจ้าไมเคิลกับเจ้าฟอกซ์ สองพี่น้องมองกลับมาอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น


“พ่อพวกแกกริ้วจนฉันเป็นตะคริวไปทั้งตัวแล้วเนี่ย” ผมพูดเป็นภาษาไทยใส่เจ้าสองตัว เจ้าฟอกซ์หันไปเลียอุ้งเท้าซ้ายตัวเอง ส่วนเจ้าไมเคิลเอียงคอมองผมด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าไม่เข้าใจภาษาไทยหรือไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกันแน่


ผมเรียกสติที่วิ่งหนีหายไปตอนวิคเตอร์อาละวาดกลับมา แล้วจัดการเก็บซากโทรศัพท์ที่แสนแพงในเมืองไทย แต่ราคาธรรมดาในอเมริกา ผมวางซากไอโฟนไว้บนโต๊ะ แล้วหันไปจัดการกับเศษซากอาหาร เศษจานและถ้วยที่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ผมมองอาหารด้วยความเสียดาย ทำตั้งนานกว่าจะได้ ถึงมันจะไม่อร่อยที่สุดแต่ก็ดีที่สุดเท่าที่คนทำอาหารไม่เป็นคนหนึ่งจะทำได้ล่ะนะ
ผมปัดความเสียดายออกไปแล้วเริ่มจัดการความเลอะเทอะบนพื้นหลังจากเก็บเศษผัก เศษหมู เศษจานและเศษถ้วยออกไปหมดแล้ว ไอ้ของพวกนี้น่ะเก็บง่าย ทำความสะอาดง่ายไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรือเรื่องยากหรอก


แต่อารมณ์วิคเตอร์ตอนนี้สิเรื่องยาก ผมไม่รู้ว่าจะต้องเข้าหาเขายังไงเลยทีนี้ ผมรู้ว่าอารมณ์เขาในตอนนี้ต้องมีเรื่องที่โกรธผมผสมอยู่ด้วย นั่นแหละปัญหาหลัก ถ้าต้นเหตุเป็นเพราะแม่เลี้ยงเขาคนเดียว มันคงไม่หนักหนาเท่าไหร่ แต่นี่ดันมีเรื่องผมก่อนหน้านี้ แถมตอนกำลังจะง้อและขอโทษ ดันมีนังป้าผมหยิกหยอยมาขัดจังหวะซะได้


ผมถอนหายใจด้วยสีหน้าหงอยๆ เพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อกับวิคเตอร์ที่กำลังอารมณ์ไม่ดี จริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่รู้นะ แต่ผมไม่กล้ามากกว่า ยอมรับเลยว่ากลัวเขาอาละวาดใส่ เพราะตอนนี้ผมเป็นคนเดียวที่อยู่กับเขาแถมยังมีประเด็นทำให้เขาโกรธมาก่อนแล้วด้วยอีก


แต่อย่างที่ผมเคยบอกเขาไปก่อนหน้านี้ ว่าผมไม่ชอบเขาตอนโกรธหรือมีเรื่องไม่สบายใจ เพราะหน้าตาเขาจะดูอมทุกข์ หงุดหงิด ดูขี้โมโหเพิ่มเป็นสองเท่าจากปกติที่เป็นอยู่ ถึงเขาจะชอบด่า ชอบว่า ขี้บ่นใส่ผมเยอะแยะ แต่แบบนั้นมันทำให้ผมสบายใจและไม่กลัวที่จะอยู่ใกล้เขา ถ้าให้เลือกผมไม่เอาอารมณ์เขาตอนนี้หรอก


แล้วผมจะทำไงให้อารมณ์เขากลับมาปกติวะเนี่ย ถึงจะนิ่ง จะขรึม เข้ม โหดและดุ แต่เอาวิคเตอร์คนนั้นกลับมาเถอะ ไม่เอาวิคเตอร์ ทอร์นาโดคนนี้อ่ะ



ผมจัดการเก็บกวาดเช็ดถูพื้นจนสะอาดเหมือนเดิม และเริ่มคิดหาวิธีเข้าหาวิคเตอร์ ซึ่งจริงๆ ผมไม่ต้องเข้าหาก็ได้ แค่รอให้เขาอารมณ์เย็นลงก็คงกลับสู่ภาวะปกติเอง แต่ก็นะ ผมเองก็มีส่วนทำให้เขาอารมณ์พุ่งปรี๊ดขนาดนี้นิดหน่อย (นิดหน่อย?) ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผมด้วยละกัน


ผมยืนเกาหัวงงๆ พร้อมสีหน้ายุ่งเหยิงเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี ก่อนจะตัดสินใจเปิดตู้เย็นอีกรอบแบบมึนๆ มองหาขนมหวานช็อคโกแล็ตแล้วเลือกที่มีเม็ดอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วยออกมาสองกล่อง ผมปิดประตูตู้เย็นแล้วเดินออกจากห้องครัว ขึ้นไปตามหาเขาบนห้องนอนซึ่งผมคิดว่าเขาน่าจะขึ้นไปอยู่บนนั้น ผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้เนื้อแข็งสีขาวที่มีลวดลายเส้นสีทองขดคล้ายเป็นรูปซุ้มประตู ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องสามครั้งแล้วยืนรอสักพักแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยลองเคาะอีกสามครั้ง


“คุณเรย์มอนด์…” ผมเอ่ยเรียกเขา เผื่อเขาจะนั่งเหม่อจนไม่รู้เรื่อง หรืออาจนั่งนิ่งๆ เป็นหิ่งห้อย ไม่ยอมตอบรับการร้องเรียกจากผม หลังจากยืนรอการตอบรับอยู่เป็นนาที เสียงก็ยังคงเงียบอยู่ ผมเลยถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้อง แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าฝรั่งยักษ์วิคเตอร์


ผมย่นคิ้วด้วยความงงและสงสัยว่าเขาหายไปไหน ปิดประตูเบาๆ หมุนซ้ายหมุนขวาไปมาอยู่หน้าห้องเขาอย่างไม่รู้จะไปทางไหน หรือเขาจะขึ้นไปบนชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นที่ผมไม่เคยขึ้นไปและไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปเด็ดขาด ได้ขึ้นมาห้องนอนเขานี่ก็ถือเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ชีวิตแล้ว


ผมเดินกลับลงมาข้างล่าง ก็เจอกับเจ้าไมเคิลที่นั่งรออยู่ที่ตีนบันได มันมองหน้าผมเหมือนกำลังจะสื่อสารอะไรบางอย่าง


“ฉันตามหาเจ้านายแกไม่เจอ รู้มั้ยว่าเขาอยู่ที่ไหน” ไมเคิลเอียงคอมองหน้าผมกลับมาแล้วทำหน้าตาสงสัย ผมถอนหายใจกับความไม่สมประกอบทางสติของตัวเองที่ไปถามหมา ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงซุ้มประตูกว้างที่เป็นทางเข้าไปห้องนั่งเล่นของบ้าน แล้วมองซ้ายขวา กำลังจะตัดสินใจว่าจะนั่งรอเขาอยู่ตรงห้องครัวเนี่ยแหละ


“โฮ่ง!!!” เสียงเจ้าไมเคิลมาดึงสติที่กำลังลอยละล่องไปมาให้หันกลับไปมอง มันลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำผมไปทางห้องซักรีด ผมขมวดคิ้วงงๆ แต่ก็เดินตามมันไป เพราะครั้งที่แล้วมันยังพาผมไปปลุกเจ้านายมันบนห้อง ครั้งนี้มันก็อาจจะพาผมไปหาเจ้านายมันก็ได้ เจ้าไมเคิลพาผมเดินไปทางห้องซักรีด เดินเลยตรงไปยังประตูสีน้ำตาลที่อยู่หลังฉากไม้ที่กั้นเอาไว้ไม่ให้เห็นประตูหลังบ้านเมื่อเปิดประตูหน้าบ้านเข้ามา ตรงโซนที่กั้นหลังฉากไม้ฝั่งขวามือที่ผมยืนอยู่มีห้องซักรีดห้องใหญ่ ห้องน้ำและอีกห้องอยู่ริมสุดที่ผมเคยแอบเปิดไปดูคือห้องสมุดขนาดย่อมที่มีหนังสือมากมายพอสมควร ส่วนด้านซ้ายมือมีห้องนอนของแขกที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น


“เขาอยู่นี่เหรอ?” ผมถามเจ้าไมเคิลเมื่อมันมาหยุดยืนอยู่หน้าประตู เอี้ยวคอหันมามองผมเหมือนเป็นคำตอบ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เตรียมตัวเตรียมใจรับอารมณ์เขาไม่ว่าจะอยู่ในโหมดใดก็ตาม ผมเปิดประตูหลังบ้านที่ผมไม่เคยมายุ่งย่ามออกไป ภาพที่ผมเห็นตอนเปิดประตูทำเอาชะงักไปเล็กน้อยกับภาพสวนหลังบ้านของเขาที่ผมไม่เคยเห็น และไม่เคยรู้ว่ามีด้วย ผมไม่รู้ว่ามันกี่ตารางวา กว้างเท่าไหร่ ยาวเท่าไหร่ แต่คิดว่าถ้ามีคนมาอัดเป็นสิบคน ก็ยังไม่อึดอัด สามารถจัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้ที่นี่เลยล่ะ


ผมกวาดตามองไปรอบสวนที่ชวนมอง รั้วไม้สีน้ำตาลขนาดสูง (แบบที่บดบังสายตาของคนที่อยู่ชั้นสองของบ้านข้างๆ ได้) ล้อมรอบบริเวณหลังบ้านเอาไว้ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ที่สูงเกินรั้วไปเล็กน้อย สนามเป็นพื้นหญ้า แต่ตรงบริเวณฝั่งซ้ายมือที่อยู่ใกล้ๆ ห้องนอนของแขก เป็นพื้นหินขรุขระและมีเตาพร้อมตะแกรงวางอยู่ด้านบนไว้สำหรับทำอาหารปิ้งย่างตั้งอยู่บนพื้นหิน คาดว่าตรงนั้นน่าจะเอาไว้สำหรับยืนปิ้งย่าง แถมยังมีบาร์ไม้เล็กๆ สำหรับทำเครื่องดื่มอีก



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:40:43

“มีอะไร” เสียงทุ้มนิ่งๆ ดังขึ้น จนผมตัวกระตุกเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้วก็ไม่รู้ ผมชะโงกตัวออกไปมองซ้ายขวา ก่อนจะเจอร่างสูงนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ชิงช้าไม้ตัวยาวสีน้ำตาลเข้มทางด้านขวามือผมที่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ หน้าต่างกระจกของห้องสมุด มีดอกไม้หลากสีในกระถางสีน้ำตาลวางเรียงรายอยู่สองข้างเสาชิงช้าที่เป็นไม้รูปสามเหลี่ยม บนกำแพงด้านหลังมีไม้เลื้อยสีน้ำตาลแก่เป็นฉากหลัง เป็นมุมน่ารักๆ ในสวนไม่ใหญ่แห่งนี้ ผมขมวดคิ้วนิดๆ ที่เห็นเขาสูบบุหรี่ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะสูบ


“คุณสูบบุหรี่ด้วยเหรอเนี่ย” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ ความรู้สึกคือยังไม่อยากเชื่อ มันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ผมแค่ไม่คิดว่าวิคเตอร์จะสูบด้วยก็เขาดูเป็นนักรักสุขภาพ เห็นออกกำลังกายทุกเช้า


“แล้วในมือฉันมีใครเรียกอมยิ้มรึไง” เขาบอกแล้วสูดควันเข้าปากก่อนจะพ่นควันฟุ้งออกมา ผมเดินลงบันไดไปยืนบนพื้นหญ้า มีเจ้าไมเคิลเดินตามลงมาไปนอนหมอบลงข้างๆ เสาชิงช้า ใกล้ๆ กับขาวิคเตอร์ ผมยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู ไม่ยอมเดินเข้าไปหาเขา ส่วนเขาก็ไม่ได้ว่า หรือถามอะไร ยังนั่งสูบบุหรี่นิ่งๆ ต่อไป


จนผ่านไปอึดใจหนึ่งผมก็เริ่มรู้สึกว่ากลิ่นบุหรี่มันพัดผ่านมาทางที่ผมยืนอยู่ ผมย่นจมูกยกมือปัดควันจางๆ ที่ลอยมา ไอ้คนที่ปล่อยควันหันมามองนิ่งๆ แต่ก็ยังสูบต่อไป ยิ่งเห็นผมทำท่าปัดแรงๆ เบ้ปากและย่นจมูกจนหน้าย่น เขาก็ยิ่งพ่นควันมาทางผม


ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!


“แอะๆ” ผมโบกมือไล่ควันไปมา และส่งเสียงเหมือนจะไอ  ทำหน้าเบ้เพราะเหม็นกลิ่นบุหรี่ ไอ้ฝรั่งหน้าหนวดหน้าเครายังคงพ่นควันมาทางผมอย่างจงใจ


“นี่! มันเหม็นนะ!” ผมแหวออกมา และพยายามถลึงตาใส่เขา แต่ควันบุหรี่ก็พวยพุ่งไปมาจนไม่กล้าแหกตากว้างนัก


“หึๆ” เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้น ผมปัดควันจนมันเริ่มจางลง พอมองไปที่พ่อฝรั่งก็เห็นเขากำลังยิ้มกริ่ม แววตาดูซุกซน ใบหน้าเริ่มคลายความตึงออกไปบ้างแล้ว ผมที่กำลังจะอ้าปากด่าเลยต้องหยุดเอาไว้ ความรู้สึกโล่งใจเกิดขึ้นในอก


“ถ้าแกล้งผมแล้วคุณอารมณ์ดี คุณแกล้งผมอีกก็ได้นะ” ผมมองมองเขาตาแป๋ว ยิ้มที่มุมปากทั้งสองข้างนิดๆ วิคเตอร์ที่กำลังยิ้มขำ ค่อยๆ หุบยิ้มลง ใบหน้ากลับมาเรียบเฉย ก่อนจะหรี่ตามองกลับมา ผมตาโต รีบส่ายหัวและโบกมือที่ไม่ได้ถือช็อคโกแล็ตเมื่อรับรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


“ผมเปล่าประชดนะ ผมพูดจริงๆ ถ้าแกล้งผมแล้วมันทำให้คุณยิ้มได้ คุณก็ทำเถอะ แต่… อย่าแกล้งแรงนะ” ท้ายประโยคผมบอกเสียงอ่อย แล้วส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้เขา อีกฝ่ายมองกลับมานิ่งๆ แต่แววตาเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิด


แกล้งได้ แต่อย่าให้ทำอะไรแปลกๆ นะ เช่น ให้แก้ผ้าแล้วไปวิ่งรอบเซ็นทรัลปาร์คห้ารอบอะไรแบบนี้ ถ้าแบบนั้นผมยอมกินขี้ไมเคิลดีกว่า (เอ่อ…เอาจริงเหรอ)


“ไหนลองเล่าเรื่องตลกให้ฉันฟังซิ” เขาเอ่ยออกมานิ่งๆ หลังจากสูบบุหรี่ที่อยู่ในมือจนหมดมวนแล้ว ผมรู้สึกอึนและหน้าตาคงมึนๆ ด้วย เอาอีกละ คำสั่งลูกผีลูกคนอีกละ แล้วฉันจะเอาเรื่องตลกที่ไหนมาเล่าให้แกฟังเนี่ย


“ให้เล่าอะไรล่ะ ผมไม่รู้ว่าจะเล่าอะไร” เขายักคิ้ว ยักไหล่ ท่าทางสบายๆ ก่อนจะว่า


“เล่าอะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันขำ”


“มันไม่ตลกแน่ๆ”


“แต่หน้านายออกจะตลก ฉันว่านายน่าจะทำได้” ผมทำตาปรือมองเขา ถามเสียงติดจะเหวี่ยงๆ เล็กน้อย


“นั่นเป็นคำชมหรือเปล่า”


“ถ้าไม่ได้มีนิสัยหลงตัวเองก็อย่าคิดว่ามันเป็นคำชมเลย” ผมแอบจิกตาใส่เขาอย่างขุ่นเคืองที่กัดผมได้ทุกเม็ด ทุกช่องไฟไม่ว่างเว้น


“แล้วถ้าคุณไม่ขำล่ะ”


“ก็ไม่ตลกไง”


“ก็นั่นไง ผมทำไม่ได้หรอก สั่งให้หมายิ้มยังง่ายกว่าเลย” พอพูดไปแล้ว ผมก็ต้องไหล่กระตุกแล้วรีบเอามือมาปิดปากตัวเองเอาไว้ จ้องเขาตาแทบไม่กระพริบ


ปากหนอปาก โพล่งไม่รู้เวลา เขากำลังจะอารมณ์ดีอยู่แล้วเชียว วิคเตอร์จ้องหน้าผมนิ่ง แต่ไม่ได้มีแววความโกรธหรือพร้อมอาละวาดใส่ ผมค่อยๆ ดึงมือออกแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว


“ขะ… ขอโทษครับ”


“Let cricket—twenty rounds. (ปั่นจิ้งหรีด ยี่สอบรอบซิ)”ผมตาโตฉับพลัน ลูกตาแทบเด้งออกมาจากเบ้าตาเมื่อได้ยินคำสั่งของเขา


“ยี่สิบรอบ! คุณกะให้ผมหมุนจนน้ำในหนูแห้งเลยรึไง” ผมร้องออกมาเสียงหลง เขาเบ้ปาก ยักไหล่น้อยๆ ทำหน้าตาว่าไม่สนใจคำพูดของผม


“ไหนว่ายอมให้แกล้งไง”


“กะ… ก็…”


“ไม่ทำก็ไม่ต้องทำ ไม่ได้บังคับ ไม่ทำ ฉันก็แค่อยู่แบบนี้ทั้งวัน” เขาบอกเสียงเรียบ แล้วหยิบบุหรี่ออกมาจากซองอีกตัว


“แต่วันนี้คุณมีถ่ายซีรีย์ที่สตูดิโอนะ”


“ก็แค่สามฉาก…” เขาบอกง่ายๆ แล้วเริ่มจุดไฟแช็ค ผมเห็นแบบนั้นก็รีบโพล่งทันที


“ก็ได้! ผมจะทำ แต่คุณต้องหยุดสูบบุหรี่นะ” เขาชะงักมือที่กำลังจะจุดบุหรี่ตัวใหม่ แล้วหันมามองผมนิ่งๆ ผมเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วยื่นช็อคโกแล็ตให้เขาหนึ่งกล่อง


“ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็กินนี่ไปดูผมปั่นจิ้งหรีดไปก็ได้ หยุดสูบเถอะ มันช่วยทำให้ปอดคุณเย็นและรู้สึกหายเครียดได้ มันก็ทำให้ปอดคุณเป็นมะเร็งได้เหมือนกัน” ผมบอกเขาอย่างจริงจังด้วยความเป็นห่วง เขามองหน้าผมอยู่สักพัก ก่อนจะลดไฟแช็คและบุหรี่ในมือลง ผมฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เขายอม


“ทำสิ” เขาบอกหลังจากคว้ากล่องช็อคโกแล็ตไป ผมยิ้มดีใจที่เขายอมถึงแม้จะยอมเพราะอยากเห็นผมโดนแกล้งก็เถอะ ผมวางอีกกล่องไว้บนชิงช้าไม้ แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา วิคเตอร์แกะช็อคโกแล็ตพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะกัดเข้าปากหนึ่งคำ เขาเอนหลังกับพนักพิงของชิงช้า พาดแขนซ้ายไปตามความยาวของพนักพิงด้านหลัง ท่าทางดูผ่อนคลายราวกับจะดูโชว์อะไรสักอย่างในโรงละคร


“Do it! (เอาสิ!)” ผมพ่นลมหายใจแล้วเอาแขนขวาไพ่แขนซ้าย ใช้มือขวาจับหูซ้ายไว้ ส่วนแขนซ้ายเหยียดตรงแล้วก้มหน้าลง ก่อนจะเริ่มหมุนช้าๆ


“One… two… three… four… five…” ผมหมุนช้าๆ แบบไม่เร่งรีบ และนับช้าๆ พยายามรักษาระดับการหมุนเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองมึนจนเกินไป แต่เหมือนผมจะโลกสวยไปหน่อย เพราะรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ต่างจากการหมุนเร็วเลยสักนิด ยังไงมันก็มึน ก็โลกเหวี่ยงเหมือนกัน


“ห้ามล้ม! ถ้าล้มเริ่มใหม่หมด!” เสียงดุๆ ของวิคเตอร์ดังขึ้นเมื่อผมทำท่าจะล้มในตอนที่นับถึงรอบที่สิบสาม ผมเลยต้องพยามแข็งใจหมุนต่อไปโดยที่ต้องประครองตัวเองไม่ให้ล้ม รู้สึกว่าพอยิ่งใกล้หมุนครบรอบ ทำไมมันดูยาวนานจัง


“Seventeen… eighteen… nineteen… twenty!!” พอครบยี่สิบรอบผมก็ตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ ปล่อยแขนอันอ่อนแรงสองข้างที่ไพ่กันไว้ แล้วใช้มือยันหัวเข่าไว้สักพัก ก่อนจะค่อยๆ ดันตัวและหัวขึ้นมาด้วยอาการมึน


“ยืนนิ่งๆ ให้ครบสองนาที ถ้าโงนเงนหรือล้มลง ฉันจะให้นายเริ่มใหม่!” สมองผมรับรู้คำสั่งของเขานะ แต่ตอนนี้ภาพตรงหน้ามันเบลอและเหวี่ยงหวือๆ ไปหมด ผมสะบัดหัวเพื่อเรียกสติแต่ยิ่งสะบัดกลายเป็นว่ายิ่งมึน ภาพวิคเตอร์ที่ยิ้มกริ่มด้วยความขำมันดูไหลไปซ้ายทีขวาที


“บอกให้ยืนนิ่งๆ ไง อยากเริ่มใหม่ใช่มั้ย?!” น้ำเสียงเหมือนตะคอกแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวดังขึ้นเมื่อตัวผมเริ่มเอียง เท้าที่พยายามยืนให้มั่นมันก็เริ่มขยับเป๋ไปเป๋มา


“โอ๊ยยย ไม่ไหวล้าววว…” ผมร้องเสียงอ้อแอ้เป็นภาษาไทย อาการมึนจากการปั่นจิ้งหรีดผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนที่มันยังมีคั่งค้างอยู่เล็กน้อย พอเจอแบบนี้มันเลยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวยิ่งกว่าโซดากับแสงโสม


ตุบ!


“เฮ้ย!” ภาพเหมือนดับวูบไปชั่วขณะ รับรู้ได้ถึงความมืด แต่ก็พอมีแสงแดดยามบ่ายแทรกเข้ามาในลูกตา กลิ่นอุ่นๆ ของเนื้อหนังชิดอยู่ที่จมูก ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมสูดกลิ่นหญ้าเข้าไปเต็มปอดหรือยัง


“บอกให้ยืนครบสองนาทีก่อนไง นี่ยังไม่ถึงนาทีเลยนะ!”


“โอยยย… ผมไม่อ้วกก็วิเศษสุดๆ แล้วนะ” ผมบอกเสียงยาน รู้สึกพะอืดพะอมอยู่เหมือนกันแต่ยังไม่ถึงกับจะพ่นอ้วกออกมา รู้สึกดีจังที่ได้นอนสูดกลิ่นหญ้า แม้ว่ากลิ่นหญ้ามันจะมีกลิ่นเหมือนเนื้ออุ่นๆ ของคนก็เถอะ มันมีมั้ย? หญ้ากลิ่นนี้ หรือผมเบลอจนคิดไปเอง ตอนนี้ไม่อยากลืมตาเลย เพราะรู้สึกว่าโลกภายนอกมันยังหมุนคว้างอยู่


“นายจงใจล้มมาที่ฉันรึเปล่า” เขาถามเสียงนุ่มทุ้ม ผมย่นคิ้ว และพยายามยกเปลือกตาขึ้น พอปรับโฟกัสม่านสายตาให้เข้าที่ ภาพเริ่มไม่หมุนรุนแรง ผมก็นั่งเอ๋ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นว่าวิวแรกที่เห็นคือหนวดเคราครึ้มของพ่อฝรั่ง ผมไม่ได้ทำท่าตกใจอะไรหรอก เพราะมันเบลอและมึนอยู่หน่อยๆ เลยได้แต่ย่นคิ้วหรี่ตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว เขากำลังก้มมองผมด้วยสายตาแพรวพราวพร้อมรอยยิ้มขำขัน จมูกผมอยู่ตรงริมฝีปากสีแดงหม่นของเขา ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงเพื่อไล่ความมึนที่ยังมีอยู่นิดหน่อย


“คุณยิ้มแล้ว…” ผมพูดออกมาได้แค่นั้น เพราะโลกภายนอกของผมตอนนี้มันยังหมุนอยู่นิดๆ แต่คิดว่าอีกสักพักน่าจะหายดี


“ใช่…” เขาบอกเสียงนุ่ม ผมเงยหน้ามองเขา ตอนนี้ภาพต่างๆ รอบๆ ตัวเริ่มไม่โคลงไปมา และผมก็เริ่มรับรู้ได้อย่างเต็มสติว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของอีกฝ่าย ผมเบิกตากว้าง กระพริบตาปริบๆ ก็เป็นจังหวะที่วิคเตอร์ยิ้มกริ่มราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่


“แต่ถ้านายใช้วิธีที่ทำให้ฉันผ่อนคลายแบบที่ฉันชอบ ฉันอาจจะยิ้มกว่านี้ และอารมณ์ดีกว่านี้ก็ได้นะ” เขาบอกเสียงแผ่วอย่างเซ็กซี่ แววตาอันพร่ามัวของเขาจ้องกลับมาอย่างร้ายกาจ ผมขมวดคิ้วมุ่นไม่ทันครุ่นคิดในสิ่งที่เขาบอก


“วิธีไหน?” เขายิ้มอ้าปากน้อยๆ แล้วดันปลายลิ้นออกมาแล้วเลียริมฝีปากล่าง ก่อนจะบอกเสียงทุ้ม


“บนเตียง…” ผมแบะปากเมื่อรับรู้ความหมายที่เขาสื่อมา ทำตาปรือแบบเซ็งๆ แล้วดันหัวตัวเองออกห่างจากใบหน้าเขา


“ได้สิ เดี๋ยวผมไปตามยัยสองแมลงสาบเพื่อนซี้กลับมาให้นะ”


“เสียเวลาตามน่า นายก็ทำได้” เขาบอกแล้วกระชับอ้อมแขนซ้ายที่โอบไหล่ผมไว้แน่นขึ้น ผมยกมือขวาไปตีมือซ้ายเขาดัง เพี๊ย! แต่คนหน้าด้านที่ไม่รู้ว่าด้านเพราะหนังหน้าหรือเพราะหนวดที่เริ่มดกครึ้มกว่าอาทิตย์แรกที่เจอกันกลับยิ้มไม่รู้สึกรู้สา


“ถึงคุณจะหล่อ มีเซ็กส์แอพเพียลจนอาจจะทำให้ผมเกิดอารมณ์ แต่ผมก็ไม่ทำหรอก” เขายกยิ้มมุมปากอย่างขำๆ ไม่รู้ว่าขำประโยคที่ผมพูด หรือขำที่ผมเบะปาก ทำหน้ายู่ใส่เขากันแน่


“นายไม่กลัวรูตันรึไง” โอ๊ย! ประสาทจะเสีย ผมกลอกตาแว้บหนึ่งกับความลามกของเขา นึกจะพูดถึงรูก็พูดออกมาหน้าตาเฉย


“ไม่กลัว ผมอึทุกวัน รูมันไม่ตันหรอก”


“อันนั้นมันเอาออก นายไม่อยากลองเอาอะไรเข้าไปบ้างหรอ” เขาถามน้ำเสียงและสีหน้าทะเล้น จนผมต้องกลั้นยิ้มที่จะยิ้มตามเขา


ชอบจริงๆ เวลาเห็นเขามีรอยยิ้มซุกซนและแววตาขี้เล่นแบบนี้


“ผมรู้นะว่าคุณก็พูดเล่นไปงั้น แต่ผมเป็นผู้ชาย ซึ่งคุณชอบผู้หญิง แล้วอย่ามองว่ามันก็แค่เซ็กส์ ผมเคยบอกแล้วไง ว่าผมจะทำกับคนที่ผมรักเท่านั้น ถ้าไม่ได้รักผมก็ไม่ทำ” วิคเตอร์ขมวดคิ้วคล้ายกับงงและไม่เข้าใจในประโยคที่ผมพูดไป


“พอมีอะไรกัน นายอาจรักฉันก็ได้ ใครจะไปรู้” ผมทำหน้าเอือม แล้วเอานิ้วจิ้มจมูกเขาเบาๆ วิคเตอร์ทำหน้ายู่ แล้วเอามือขวามาวางพาดบนตักผมไว้


“วิคเตอร์ เอ่อ… คุณเรย์มอนด์ คุณอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่วัยรุ่นที่ฮอร์โมนเพิ่งพุ่งพล่านนะ คุณจะมาใช้เซ็กส์ตามหารักได้ยังไง คุณต้องใช้ใจตามหาสิ…” ผมจิ้มนิ้วชี้ลงไปที่อกซ้ายอันอวบอิ่มของเขาเน้นๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา คราวนี้วิคเตอร์นิ่งไป นิ่งไปเหมืนว่าเขาสะดุดหรือฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง แววตาที่เขามองผมกลับมานั้นดูสับสน และดูเหมือนสนใจในสิ่งที่ผมพูด


“ทำไมนายพูดแบบนั้น” เขาถามสีหน้างงๆ เหมือนไม่เข้าใจ ผมเลยขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจตามไปด้วย
เริ่มงงตามเขาไปด้วยละ


“ก็คุณพูดแบบนั้นจะให้ผมเข้าใจคุณว่ายังไงล่ะ คุณบอกว่าเราอาจรักกันหลังจากมีอะไรกัน งั้นคุณไม่รักผู้หญิงทุกคนที่คุณมีอะไรมาด้วยหมดเลยเหรอ” วิคเตอร์กระพริบตามองกลับมา ผมย่นคิ้วมองเขา ผมว่าเขาเหมือนคนงงๆ เหมือนคนหลงทางที่หาไปทางไปไม่เจอจริงๆ นะ แล้วขาก็ย่นคิ้วบ้าง เหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าให้เดาอาจกำลังนึกหน้าผู้หญิงที่เขาเคยมีอะไรมาด้วยล่ะมั้ง
จะนึกหมดมั้ยน่ะ อย่างวันนี้ก็ล่อเข้าไปตั้งสองคน


“ก็อาจมีมั้ง…” เขาบอกออกมาหลังจากทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แววตามองไปข้างหน้าเหมือนกำลังมองภาพเหตุการณ์อะไรบางอย่างอยู่


“นี่อย่าบอกนะ ที่คุณเงียบไป คุณกำลังนึกถึงบรรดาสาวๆ ที่คุณเคยมีเซ็กส์มาด้วย” เขาเลื่อนสายตากลับมามองผมนิ่งๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง


“Not quit. (ก็ไม่เชิง)” สีหน้าเขาดูสลดลงไปเล็กน้อย แววตาเขาดูหมองลงไป นี่ผมปั่นจิ้งหรีดจนเพี้ยนหรือเปล่า ถึงได้มองเห็นว่าแววตาเขาเป็นแบบนั้น


“ฉันไม่ได้รักผู้หญิงทุกคนที่ฉันเคยนอนมาด้วยหรอก” เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา ผมเม้มปากขยับตัวเล็กน้อย วิคเตอร์กระชับแขนซ้ายที่โอบไหล่ผมอยู่ ก่อนจะเลื่อนมือขวามาจับที่เอวซ้ายผมไว้ เหมือนกับกันไม่ให้ผมตกลงไปจากตักเขา ผมนิ่งไป เงยหน้าขึ้นมองคางเขา เขาไม่ได้มองผมอยู่แต่กำลังมองไปข้างหน้า เหมือนกับว่าที่เขากระชับอ้อมแขนทั้งสองข้าง เขาจะทำไปโดยไม่รู้ตัว


“ไม่ทุกคน แสดงว่าก็ต้องมีหนึ่งในนั้นที่คุณรู้สึกรัก” เขาก้มลงมามองผมอีกครั้งด้วยสายตาเรียบนิ่ง ผมมองตอบกลับไป ตอนแรกไม่ค่อยอยากรู้อยากเผือกเท่าไหร่ แต่พอพูดมาแบบนี้ ก็เริ่มอยากรู้ภูมิหลังเขาเหมือนกัน


“ไม่รู้เหมือนกันว่านั่นเรียกว่ารักมั้ย”


“แล้วกับคนนั้น เซ็กส์กับความรู้สึกรัก อันไหนเกิดขึ้นก่อนกันล่ะ” ยอมรับเลยว่าผมกำลังหลอกถามเขา และถ้าเขาตอบไปมากกว่านี้ ก็ถือว่าการเผือกของผมเป็นไปได้ด้วยดี


“เซ็กส์…” เขาตอบเสียงเรียบ แล้วยักไหล่น้อยๆ


ผมมองหน้าเขาแล้วทำปากยื่นเหมือนเป็ดก่อนจะพยักหน้าเข้าใจเบาๆ เขามองกลับมานิ่งๆ และนั่นก็ทำเอาผมนิ่งตามไปด้วย เกิดความนิ่งสงบขึ้นรอบตัวเราสองคน มีเพียงดวงตาสองดวงของคนสองคนที่จ้องมองกันอย่างเงียบๆ ในท่าที่ผมนั่งอยู่บนตักเขา แล้วเขาก็โอบไหล่ผมไว้ด้วยแขนซ้าย กอดเอวซ้ายผมไว้แน่นด้วยแขนขวา ท่าทางแบบนี้ที่จริงๆ แล้ว มันควรเป็นท่านั่งของคนที่เป็นคู่รักกันหรือเปล่า พอคิดแบบนั้นผมก็รู้สึกรุมๆ ที่หน้า ค่อยๆ หดคอลง แต่ไม่กล้าหลบสายตาของวิคเตอร์ เหมือนดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นตรึงผมไว้


แล้วมันก็เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน


 :hao7:



[อ่านตอนต่อไปที่ด้านล่างได้เลยค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:45:08

CHAPTER 13 :: He is...


ผมไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่าที่คิดว่ามีแรงดึงดูดนั่นเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน มันอาจจะไม่ได้ดึงดูดให้พุ่งเข้าหากัน แต่ก็ไม่สามารถละสายตาหนีไปจากกันได้ จนกลายเป็นนั่งมองหน้ากันนิ่งๆ เหมือนกับกำลังเล่นเกมส์จ้องตา ข้างนอกนิ่งแต่ใจผมมันกำลังกระแทกผนังอกอีกครั้ง มันไม่ใช่อาการที่ว่าโดนเนื้อต้องตัวกันแล้วเหมือนมีไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่าง แต่มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วหัวใจและอาจจะอุ่นเกินไปที่ใบหน้าจนจะกลายเป็นร้อน


ผมเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดยังไงชอบกล เหมือนหายใจไม่คล่อง หายใจเข้าออกติดๆ ขัดๆ  รู้สึกอยากหลบสายตาของอีกฝ่าย แต่มันเหมือนมีแรงดึงผมเอาไว้ไม่ให้หันหนีไปไหน และมีแรงดูดที่ตอนนี้มันเริ่มทำให้ใบหน้าของเราสองคนเข้าใกล้กันมากขึ้นจนปลายจมูกเราแทบจะทนกัน ผมรู้สึกเหมือนว่าสามารถขยับได้แค่เปลือกตา กระพริบขึ้นลงช้าๆ ดวงตาก็กวาดมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เร่งรีบ ลมหายใจของเราสองคนแทบจะกลายเป็นลมหายใจเดียวกันเพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าลมหายใจไหนเป็นของใครเมื่อตอนนี้ลมหายใจเราสองคนมันใกล้กันและปนกันไปหมด


วิคเตอร์ยังคงใช้ดวงตาสีน้ำตาลของเขาก้มลงมองผมด้วยความรู้สึกที่ผมก็บอกตัวเองยากว่ามันเป็นแบบไหน ถ้าผมไม่มองโลกในแง่ดีจนเกินไป ผมรู้สึกว่าเขากำลังมองราวกับว่า ผมเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่เขาจะมองด้วยสายตาแบบนี้ มองอย่างจดจ้อง ราวกับเขากลัวว่าถ้าละสายตาไปเขาอาจจะไม่ได้มองอีก


นี่ผมเข้าข้างตัวเองมากไปหรือเปล่า หรือจริงๆ เขาอาจจะกำลังมองด้วยสายตาและความคิดที่ว่า ผมแปลกประหลาด ผมดูประสาท หรือพอมองๆ แล้ว หน้าตาเหมือนกับเอเลี่ยนที่เขาชอบเรียก


โฮ่ง!!!


เสียงไมเคิลดังขึ้นจนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ มือซ้ายเผลอขยุ้มชายเสื้อเขาไว้ ไหล่ผมกระตุก (อีกแล้ว) ใบหน้าเด้งไปด้านหน้าเลยทำให้หน้าผากผมชนกับริมฝีปากอุ่นๆ ของวิคเตอร์ ความรู้สึกแว้บแรกคืออยากจะดันตัวหนีเพราะกลัวเขาด่าที่เอาหน้าผากไปกระแทกปากเขา ถึงจะเบาๆ ก็เถอะ


แต่พอเขากดจมูกมาสูดดมตรงช่วงไรเส้นผมเบาๆ ผมก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนจากเขา และมันทำให้ผมรู้สึกอยากโอนอ่อนไปกับเขาเช่นกัน ผมเลยนั่งเหมือนเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดผู้ใหญ่ที่กำลังหอมหน้าผากเรา ราวกับกำลังปลอบประโลมอาการสะดุ้งตกใจเมื่อครู่นี้


ผมนึกถึงวันที่ตัวเองป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสเมื่อตอนมอปลาย แล้วรู้สึกเหมือนจะตาย ร่างกายอ่อนแออย่างที่แม้กระทั่งจะนั่งตัวตรงๆ ก็ยังทำยาก พ่อก็อุ้มผมขึ้นไปนั่งตักแล้วกอดไว้ในท่าทางแบบนี้ หอมหน้าผากเบาๆ แต่กดแช่อยู่นาน ราวกับจะปลอบให้ผมเงียบจากอาการร้องไห้สะอื้นเพราะความรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย


ผมนั่งยิ้มอยู่ใต้คางวิคเตอร์ วงแขนทั้งสองข้างกระชับร่างผมแน่นอีกครั้ง และคราวนี้ผมเองก็แอบขยับตัวชิดเข้าหาไออุ่นจากเขา ยอมรับเลยว่า… ผมรู้สึกดีที่ได้นั่งอยู่แบบนี้กับเขา


“มันเห่าผีเสื้อน่ะ…” เสียงทุ้มนุ่มๆ ดังขึ้นเบาๆ ที่หน้าผาก เป็นเหมือนเสียงปลอบประโลมให้คลายอาการตกใจ ริมฝีปากและจมูกของเขายังคงคลอเคลียอยู่ที่บริเวณหน้าผากและไรผม เขากดจมูกลงบนหน้าผากสลับหนักสลับเบา ผมพยักหน้ารับรู้น้อยๆ ด้วยรอยยิ้มที่เขาไม่เห็น ตอนนี้ผมรู้สึกเคลิ้มจริงๆ นะ ผมไม่มีความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว นานจนคิดว่าตัวเองจะรู้สึกดีแบบนี้กับใครได้อีกหรือปล่า นับตั้งแต่วันที่ตัวเองเสียใจจนใจแทบพังกับรักข้างเดียวที่มีมาหกปีแต่กลับสลายไปในพริบตาเดียว จนทำให้ผมไม่กล้าที่จะรู้สึกอะไรกับใคร เพราะกลัวตัวเองจะเสียใจ


แต่ตอนนี้… ผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรกับหัวใจที่เคยบอบช้ำที่ตอนนี้น่าจะทิ้งไว้เพียงรอยช้ำจางๆ เท่านั้น ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่รู้สึกดีจริงๆ


“อยากทำมากกว่านี้มั้ย” เขาถามเสียงแหบพร่า ริมฝีปากยังคงไล่เลาะไปตามไรผมเบาๆ จมูกก็สูดดมเนื้อหน้าผากไปมา ผมที่กำลังรู้สึกอบอุ่นหัวใจถึงกับอารมณ์สะดุด รอยยิ้มบนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเบ้ปากแทบจะทันที ผมดึงใบหน้าตัวเองออกจากริมฝีปากและปลายจมูกของเขา แล้วเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่งเพื่อมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมหรี่ตามองกลับไปอย่างจิกกัด


ทำลายบรรยากาศดีๆ ด้วยเรื่องโสมมอีกแล้วไอ้ฝรั่งยักษ์


“ผมนึกสงสัยนะ ว่าสมองของคุณมันคิดเรื่องดีๆ อย่างอื่นเป็นบ้างมั้ย นอกจากเรื่องแบบนี้ แล้วก็ยังนึกสงสัยในอารมณ์ใคร่ของคุณมากด้วย ว่ามันมีมากนักหรือไง ถึงได้อยากปลดปล่อยนักแม้กระทั่งกับผู้ชายด้วยกัน ไมเคิลมันยังไม่มีอารมณ์กามเท่าคุณเลย” ผมบอกด้วยความหมั่นไส้ คนอะไรทำไมมันหมกมุ่นได้ขนาดนี้


วิคเตอร์เหมือนจะอึนไปชั่วขณะที่ได้ยินประโยคยาวๆ ที่ผมพ่นใส่หน้า อ้อมแขนที่กระชับไหล่ผมไว้เมื่อกี้คลายออกอย่างที่เขาไม่รู้ตัว สักพักเขาก็กลับมามีสีหน้าขรึมตามเดิมแต่ก็ยกยิ้มที่มุมปากขวา


“เป็นหมาเหมือนกันสินะถึงได้รู้ว่าไมเคิลมันรู้สึกยังไง”


เอี๊ยดดด!


ความรู้สึกเหมือนขับรถที่นำเขาไปแล้วแต่ต้องเบรกกะทันหันจนแทบชนเสาไฟฟ้าข้างทางเมื่อเจอเขาว่ากลับคำเดียวกับที่ตัวเองว่าเขาไป ผมแบะปากใส่เขาเล็กน้อย


“ด่าฉัน แต่ก็ไม่ยอมลุกออกจากตักฉันเลยนะ” เขายกยิ้มมุมปากอย่างหล่อร้ายกาจพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างเท่จนผมชะงักไป ก็รู้ตัวแต่แรกแล้วล่ะว่านั่งอยู่บนตักของเขา แต่ไอ้ความรู้สึกที่ว่านั่งแล้วรู้สึกอบอุ่น รู้สึกปลอดภัยที่เกิดขึ้นในใจมันทำให้ผมเคลิ้มนั่งเพลินๆ แบบที่ลืมตัวไปเลย


 “เอิ่ม… เออ… ก็…” ง่ะ… พูดไม่ออกอ่ะ


วิคเตอร์ยิ้มุมปากอย่างกรุ้มกริ่ม ดวงตาเขามีแววล้อเลียน ผมทำแก้มพองลมใส่เขา ย่นคิ้วใส่เขาน้อยๆ กระพริบตาปริบๆ มองอย่างหมดทางสู้ พอสู้ไม่ได้และเหมือนรู้ว่าถ้าคิดสู้ต่อไปผมต้องแย่แน่นอน ผมเลยขยับตัวเพื่อลงจากตักเขา เรื่องการใช้ฝีปากผมอาจจะชนะเขา แต่ถ้าเรื่องใช้ร่างกายข่มกันแบบนี้ ผมยอม


ฟึบ!


“มานั่งตักฉันฟรีๆ แล้วก็คิดจะลุกหนีไปเฉยๆ งั้นเหรอ” เขาถามเสียงนุ่ม ริมฝีปากเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซน แววตาเขาดูพราวไปด้วยความสุขขณะที่ใช้แขนทั้งสองข้างรัดร่างผมไว้ในท่าเดิมแต่ออกแรงรัดแน่นขึ้น


“ต้องจ่ายเงินชดเชยรึเปล่าล่ะครับ” ผมทำหน้าเอือมนิดๆ ใส่เขา แล้วยกมือขึ้นมาเหมือนทำท่ากันไว้ ไม่รู้ล่ะว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่ยกมือมากันไว้ก่อน เขายิ้มขำทันทีที่เห็นผมทำท่าแบบนั้น


“ไม่ต้องใช้เงินหรอก ฉันสงสาร ค่านั่งตักฉันแพง นายอาจหมดตัวได้ถ้าต้องจ่าย อืม…” เขามองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างใช้ความคิด ก่อนจะตอบเสียงยั่ว


“เอาตัวนายมาจ่ายแทนเงินก็แล้วกัน” ผมหรี่ตาปรือมองเขาด้วยความเอือมที่เพิ่มระดับ ไอ้ยักษ์ลากมก!


“แบบนั้นผมว่า ผมน่าสงสารกว่าเดิมอีก”


“น่าสงสารตรงไหน ได้ลองแล้วนายติดฉันงอมแงมแน่” ผมแยกเขี้ยวและถลึงตาใส่เขา ส่วนเขาก็นั่งยิ้มหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้


“คุณเป็นอะไรนักหนาถึงอยากได้ผมจัง ผมมันน่าเอาขนาดนั้นเลยรึไงครับ” ผมไม่ได้ถามด้วยความสงสัยหรือคาใจอะไรทั้งนั้น แต่ผมด้วยความเหนื่อยใจ และประชด


“เห็นนายเล่นตัว ฉันเลยอยากลอง หนีรอดมาหลายครั้งแล้ว โดนจริงๆ สักทีเถอะน่า”


“ลอง? ผมล่ะเกลียดคำนี้จริงๆ ผมไม่ใช่วิทยาศาสตร์นะ ถึงจะต้องมาทดลองผมเนี่ย” คิ้วผมขมวดแน่นด้วยความไม่ชอบใจ แต่ไม่ได้นึกโกรธอะไรเป็นจริงเป็นจัง


“ฉันเรียนวิทยาศาสตร์ไม่เก่งหรอกนะ แต่ตอนนี้ฉันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์จัง” เขาบอกด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ถึงผมจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ไอ้คำเสี่ยวๆ ของเขานั้นมันทำให้ใจผมกระตุกวูบเหลือเกิน เล่นเอาใจสั่นหวิวๆ


แต่อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ ห้ามแสดงว่าหวั่นไหวหรือใจสั่นเด็ดขาด ไม่งั้นล้ม แล้วถ้าได้ล้มปุ๊บ ไอ้ฝรั่งยักษ์นี่คร่อมทับผมแน่นอน ต้องยืนหยัดสู้ให้ถึงที่สุด!


“แล้วถ้าเกิดคุณลอง แล้วติดใจผมขึ้นมา คุณจะมาว่าผมไม่ได้นะ” ผมยิ้มมุมปากอย่างท้าทายและยักคิ้วสู้สองที วิคเตอร์ไม่ชะงักหรือผงะใดๆ แต่กลับบิดริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างร้ายกาจแต่ก็ชวนมอง


“ถ้านายทำฉันติดใจนายได้จริงๆ ฉันจะไม่ว่าอะไรนายเลย” เขาบอกด้วยรอยยิ้มยั่ว มือขวาที่กอดเอวผมอยู่เลื่อนลงต่ำไปบีบเค้นสะโพกหนักเบาสลับกัน เล่นเอาผมเสียววาบตรงง่ามขาซ้าย


แสร้งทำน้ำเสียงว่ากำลังเบื่อหน่ายเขาเต็มทน พร้อมกับมองเขาอย่างพยายามทำให้ดูหงุดหงิดเข้าไว้ แต่อีกฝ่ายดูจะมึนและหน้าด้าน หรืออาจจะอยากเอาผมจัดก็ไม่ทราบได้ ถึงได้มีท่าทีไม่สะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น


“นั่งไปเถอะ ไม่เป็นไร ฉันไม่ว่า แต่ถ้าจะให้ดี…” เขาส่งสายตาวิบวับน่าจับปล้ำมาให้ ก้มลงมาใกล้ๆ หูขวาของผมก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว ลมที่เป่ารดที่รูหูผมนั้น…


“…ลองนั่งอย่างอื่นนอกจากตักฉันมั้ย” เล่นเอาผมขนคอลุกชัน ผมรู้สึกสั่นเทิ้มน้อยๆ ไปทั้งตัว วิคเตอร์เหมือนจะรู้สึกถึงอาการสั่น เขาเลยกระชับวงแขนซ้ายที่โอบไหล่ทั้งสองข้างของผมอยู่ในแน่นขึ้น แล้วลูบมือขึ้นลงตรงช่วงต้นแขนซ้ายผมราวกับปลอบให้ผมหยุดสั่น มือขวาเขาบีบคลึงสะโพกผมหนักๆ ไม่รู้จะปลอบหรือจะปลุกอารมณ์ผมกันแน่


“วิคเตอร์ พอเถอะ ผม… ผมหิวข้าว ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย” เสียงที่เปล่งออกมาเริ่มอ่อนลงเมื่อวิคเตอร์เอาจมูกของเขามาซุกที่หลังหูขวา ก่อนจะเกลี่ยและกดไล่ลงมาถึงต้นคอ เขาสูดดมและกดจมูกหนักๆ ในบางจุด เหมือนรู้ว่าจุดไหนจะทำให้ผมยอมนิ่งและสยบต่อเขาได้ ผมรู้สึกว่าขนมันลุกไปทั้งตัว มันทั้งเสียว และสุขสมในอารมณ์ไปพรอมกัน


“วะ…วิค…”


“กินฉันแทนสิ อิ่มกว่าข้าวเยอะ…” เขาบอกในขณะที่ริมฝีปากและจมูกไล่ลงมาตรงเนื้อคอใต้คาง สมองผมสั่งให้ฝืนแต่ร่างกายและใจกลับตอบรับเขาด้วยการแหงนหน้าขึ้นเพื่อเปิดทางให้เขาสะดวก


“เพราะฉันก็กำลังอยากกินนายเหมือนกัน” เขาบอกเสียงพร่า กดจมูกลงบนซอกคอผมแล้วลากมาที่ต้นคอด้านซ้าย ช่วงเวลาที่เขาลากผ่าน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะละลาย ร่างกายมันอ่อนปวกเปียกแต่ก็ร้อนรุ่ม
แม้สติจะเริ่มพร่าเบลอ แต่ผมรู้เลยว่าตัวเองกำลังจะปล่อยใจไปกับการเร้าอารมณ์ของเขา


“ผมว่า…” ผมยกมือซ้ายอันสั่นเทาขึ้นไปดันหน้าเขาที่กำลังไซ้คอผมอย่างเมามันส์จนผมสะท้านไปทั้งร่าง วิคเตอร์ส่งเสียงคำรามฮึ่มๆ ในลำคอราวกับกำลังไม่พอใจที่ผมไปขัดเขา ไอ้ฝรั่งยักษ์ละมือขวาที่บีบสะโพกผมไว้แน่นขึ้นมาจับมือผมที่ดันหน้าเขาไว้อยู่ออก ก่อนจะดึงหน้าตัวเองออกจากซอกคอผม ผมกดหน้าลงในองศาปกติ มองใบหน้าหล่อเข้มด้วยหนวดที่กำลังดูร้อนรุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความต้องการ


“อย่าขัดใจฉันสิ ไหนว่าชอบเห็นฉันอารมณ์ดีไง” เขาบอกเสียงเหมือนไม่พอใจ ผมรู้สึกว่าในหัวมันกลวงๆ ไปชั่วขณะ ลมหายใจหอบกระเส่า


ฟึ่บ!


เขาไม่พูดอะไรต่อแต่ดันตัวผมให้ออกจากตัวอย่างแรงจนผมแทบตัวปลิว พอเห็นว่าเขาดันตัวผมให้ออกห่างจากตัวเอง ผมก็รู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าเขาน่าจะไม่ทำอะไรต่อแล้ว แต่เปล่าเลย…


เขาจับผมหมุนตัวให้ยืนตรงๆ ตรงหน้าเขาแล้วดึงร่างผมเข้าไปใกล้เขาจนเข่าเราสองคนชนกัน ผมมองหน้าเขาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความหยาบกร้าน แข็งขืน แต่มันคือการแสดงออกว่าเขากำลังหื่นเต็มที่ ดวงตาเขาดูแข็งกระด้างแต่กลับดูเร่าร้อนชวนให้ร้อนตาม


“นั่งคร่อมตักฉัน” เขาบอกเสียงกดต่ำ แววตาเริ่มลุกโชน ผมอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็แทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


“เร็วสิ ไม่งั้นฉันจะไม่ยิ้ม ไม่พูดอะไรทั้งวัน แล้วฉันก็จะทำงานไม่ได้” เขาบอกเสียงขู่ แต่แววตาและรอยยิ้มพร้อมคุกคามร่างกายผมเต็มที่ ใจผมสั่น ไม่รู้ด้วยความกลัวหรือความตื่นเต้น


หลังจากที่หนีรอดมาได้หลายครั้ง ครั้งนี้ผมกับเขาเราต้อง… เอ่อ กันจริงๆ หรอ


“วิคเตอร์… ไม่…” ผมบอกเสียงสั่นแล้วเริ่มทำท่าจะดึงแขนตัวเองออกจากการจับของเขา วิคเตอร์ที่กำลังยิ้มแบบตาแก่หื่นกาม แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้านิ่งอย่างน่ากลัว


“อยากโดนข่มขืนรึไง” เขาถามเสียงกดต่ำและทำหน้าตานิ่งจนน่ากลัว ผมส่ายหัวรัวๆ และเขยิบเท้าจะหนี เขารีบกระชากตัวผมเข้าไปใกล้จนผมล้มลงไปเกยไหล่ขวาเขา แล้ววิคเตอร์ก็จัดการจับขาผมแยกด้วยตัวเขาเอง และดึงตัวผมให้นั่งคร่อมตักแบบหันหน้าเข้าหาเขา ผมรีบดันหน้าตัวเองออกจากไหล่เขา ยกมือสองข้างขึ้นมาดันอกเขาไว้ วิคเตอร์ยิ้มมุมปากทั้งสองคนอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรวบมือทั้งสองข้างของผมไปไว้ด้านหลังตรงข่วงบั้นท้าย เขาล็อคมือผมสองข้างไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างของเขา ใบหน้าเราสองคนอยู่ใกล้กันจนปลายจมูกเกลี่ยกันไปมา สายตาที่เขามองมามีทั้งความซุกซน สนใจใคร่รู้ และดูมีความสุข


ผมชอบเวลาที่เขามีความสุข แต่ไม่เอาสุขแบบนี้ได้มั้ย แบบที่ผมโดนกระทำชำเราเนี่ย ฮือออ~


“ครั้งนี้ฉันไม่ปล่อยนายไปง่ายๆ แน่” ผมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วเริ่มสอดส่องสายตาไปมองรอบๆ สวน เขาจะทำที่หลังสวนเนี่ยนะ อีกฝ่ายยิ้มอย่างขำขันก่อนจะบอกเสียงไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ


“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า ถ้าบังเอิญเขาไม่ได้อยู่ชั้นสามของบ้านหรือดาดฟ้าน่ะนะ” ผมตาโตมองเขาด้วยความหวั่นใจ แต่อีกฝ่ายดูจะชอบอกชอบใจเหลือเกิน


“ไม่… ไม่เอา…” ผมบอกเสียงสั่น พลางส่ายหัวรัวๆ


“น่าตื่นเต้นจะตายไป ทำไปลุ้นไปว่าจะมีใครเห็นมั้ย ฉันยังไม่เคยแบบนั้นเลยนะ” เขากัดริมฝีปากล่างไว้แล้วยิ้มอย่างเย้ายวน ผมตั้งสติและเรียกขวัญกำลังใจให้สู้กับไอ้ยักษ์จอมหื่นนี่ ผมอ้าปากเตรียมด่า แต่วิคเตอร์รีบโน้มหน้าเข้ามางับริมฝีปากล่างผมไว้ด้วยฟันและขบกัดเบาๆ จนรู้สึกเสียววูบ ก่อนที่จะค่อยๆ ปล่อยริมฝีปากผมออกช้าๆ อย่างเร้าอารมณ์จนผมเริ่มปล่อยสติหลุดไปอีกครั้ง


“เว้นช่วงไม่ได้เลยสินะ…” เขาบอกเสียงทุ้มพร้อมริมฝีปากบิดโค้งเป็นรอยยิ้มอย่างร้ายกาจ


วิคเตอร์ไม่รอให้ผมพูดอะไรอีก เขาพุ่งเข้ามาซุกซอกคอขวาของผม เขาไม่ได้ซุกไซ้ไปมาเบาๆ แต่มันเป็นการซุกไซ้ที่แรงกดของปลายจมูกนั้นแนบแน่นไปกับเนื้ออย่างรุนแรง เขากดจมูกและริมฝีปากลงบนเนื้อคอผมอย่างแรง ราวกับจะฝังเข้าไปในนั้น ผมหมดแรงจะต่อต้าน เลยเชิดคางขึ้นอย่างจำยอม พอเห็นว่าผมเปิดทางให้ วิคเตอร์ก็ส่งเสียงครางอย่างพอใจออกมา แล้วกวาดดมเนื้อรอบคออย่างลำพองใจที่เห็นผมไม่ตอบโต้อะไร


“อ๊ะ…” ผมร้องเสียงแผ่วเมื่อเขาไล่จมูกขึ้นไปที่ใบหูซ้ายก่อนจะใช้ฟันขบเบาๆ ที่ปลายหู กัดและดึงหยอกล้ออยู่นานสองนานก่อนจะปล่อยแล้วกลับมาสูดดมซอกคอผมอีกครั้ง


“ฮื่อ… อา…” ผมร้องออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างเกินที่จะห้ามแล้วจริงๆ อารมณ์ตอนนี้กระเจิดกระเจิง มันเกินจะควบคุม หลังจากที่หนีรอดจากการโดนเขากดมาหลายรอบของวันนี้ ผมว่ารอบนี้ผมคงไม่รอดแน่ๆ


“อืม… เหมือนกำลังจิบนมอยู่เลย” วิคเตอร์พูดเสียงแตกพร่า เขากำลังสนุกกับการใช้ลิ้นเลียชิมเนื้อที่คอ ตวัดลิ้นย้ำๆ ตรงร่องกึ่งกลางของไหปลาร้าทั้งสองอัน ผมหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน หลับตาแน่นอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความร้อนในกายได้ ลมหายใจกระเส่าพ่นแผ่วออกมาจากริมฝีปากที่อ้าออกเล็กน้อย


ออดดด!!! ออดดด!!!



เสียงออดของบ้านดังขึ้น วิคเตอร์ที่กำลังใช้ลิ้นเลียเนื้อที่คอผมไปมาจนรู้สึกถึงความเปียกชุ่มหยุดกะทันหัน สงสัยจะด้วยความตกใจ เพราะเขากำลังเพลิน ผมถึงขั้นเกือบหมดแรง แม้กระทั่งจะตั้งคอตัวให้ตรงยังรู้สึกว่าทำยาก เลยซบหน้าผากลงไปที่ไหล่ขวาของเขา โดยที่วิคเตอร์ยังคงจับข้อมือผมล็อคไว้ด้านหลังไม่ยอมปล่อย


“ใครอีกวะ?!” เขาสบถเสียงเข้มด้วยความไม่พอใจ ไม่ต้องมองหน้าก็รู้ว่าเขาหงุดหงิดแค่ไหนที่โดนขัด พอผมเริ่มปรับลมหายใจที่หอบหนักๆ ของตัวเองได้แล้ว ก็ค่อยๆ ยกหน้าตัวเองออกจากไหล่เขาแล้วเลื่อนสายตาไปสบแววตาหงุดหงิดของพ่อพระเอกที่กำลังจ้องมองผมเหมือนกำลังโกรธ


อ้าว… ตูผิดอะไรเนี่ย


“มะ… มีคนมาหา คุณไปเปิดประตูสิ” ผมบอกเสียงสั่นด้วยความกลัวกับสายตาของเขา เลยก้มหน้าหลบสายตาดุๆ นั่น ผมได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยมือที่ล็อคผมไว้


ออดดด!! ออดดด!!


“เออ!!! รู้แล้วโว้ย!!!” ผมสะดุ้งตกใจกับเสียงตะโกนคำรามของเขา รีบดันตัวเองออกจากตักเขาทันทีแล้วพยายามรวบรวมแรงให้ยืนอยู่บนพื้นให้มั่นคงแม้ขาจะสั่นเล็กน้อยก็ตาม ผมกระเถิบถอยห่างจากร่างเขา วิคเตอร์ที่หน้าบูดบึ้งลุกขึ้นยืนอย่างเร็วด้วยความหัวเสีย ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก


“ฉันไม่ปล่อยให้นายหายใจคล่องได้นานหรอก” เขาบอกเสียงข่มขู่ แววตาวาววับราวกับจะบอกว่าเขาพูดจริง ผมทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ก่อนจะย่นจมูกใส่เขา


“คุณนี่มันหาคำมาด่ายากจริงๆ” ผมบอกอย่างจิกกัด ส่งสายตาจิกๆ ไปให้ อีกฝ่ายทำหน้าว่าไม่แคร์ ผมแบะปากก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินออกไปก่อน แต่ก็ต้องแทบหงายหลังเมื่อถูกไอ้ฝรั่งคว้าที่มือซ้ายไว้แน่น ผมหันไปมองด้วยความตกใจเล็กน้อย


“ฉันยังไม่จบกับนายนะ และฉันก็ไม่ยอมให้ไอ้นี่ค้างคาอยู่แบบนี้แน่…” เขาดึงมือผมไปจับเข้าที่เป้ากางเกงของเขา ผมเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงเมื่อมือสัมผัสความเป็นชายของเขาที่ตื่นตัวเต็มที่ แถมเขายังจับมือผมให้รูดขึ้นลงตามความยาวของวิคเตอร์ยักษ์ขนาดย่ออีก ผมเผลอกำมือตามสัญชาตญาณเลยคว้าหมับเข้ากับแก่นกายขนาดใหญ่และยาวของเขา ผมเงยหน้าที่กำลังตื่นตกใจขึ้นมองเขาก็เห็นอีกฝ่ายกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยความพึงพอใจ ผมรีบปล่อยมือและจะชักมือกลับ แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย


“คุณก็ช่วยตัวเองสิ!” ผมบอกเสียงแหว ทำหน้ายู่ใส่เขา วิคเตอร์ยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธว่าไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ


“เดี๋ยวเรากลับมาต่อกัน ถ้าไม่ใช่คนสำคัญอะไร ฉันจะไล่ให้มันกลับไป” เขาพูดแค่นั้นด้วยรอยยิ้มและแววตาหื่นกระหาย ก่อนจะออกแรงดึงมือผมให้เดินตามเขาไป ไมเคิลที่กำลังกระโดดโลดเต้นไล่ผีเสื้อที่ริมกำแพงไม้หมุนตัววิ่งตามเราสองคนที่กำลังจะเดินผ่านพ้นประตูหลังบ้าน ผมปล่อยให้เขาเดินดึงมือไปเรื่อยๆ ท่าทางของวิคเตอร์ดูรีบร้อน เขาเร่งฝีเท้าเดินไปที่ประตูหน้าอย่างรวดเร็วจนผมที่ขาสั้นกว่าเขาแทบจะเดินขาพันกัน ผมรู้สึกว่าที่เขาเดินมาที่ประตูเหมือนจะมาไล่คนที่มากดออดมากกว่าที่จะต้อนรับเข้ามาในบ้าน


ออดดด!!   


“Fuck!! (โว้ยยย!!)” เขาสบถด้วยความหัวเสียเมื่อเสียงออดดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่เราสองคนกำลังจะถึงประตูแล้ว วิคเตอร์บีบมือขวาที่ข้อมือซ้ายผมไว้แน่นเมื่อผมบิดข้อมือเพื่อจะให้เขาปล่อย เขาหันกลับมามองด้วยสายตาดุๆ ก่อนจะหันกลับไปที่ประตูแล้วกระชากประตูเปิดกว้างออก


“What the…?! (มีห่าอะ…)” วิคเตอร์กำลังจะส่งเสียงด่าคนที่มากดออด แต่พอเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเขาก็หยุดคำพูดกะทันหัน


“วิคเตอร์!!” เธอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่สดใสพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้างอย่างน่ามอง วิคเตอร์ดูมึนไปชั่วขณะ ก่อนจะเปล่งเสียงเหมือนคนสติลอยๆ ออกมา


“Natasha? (นาตาชา?)” ตอนแรกเขาขมวดคิ้วเหมือนจะงงๆ แต่สักพักเขาก็คลายปมที่คิ้วออกแล้วคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะปล่อยมือผมที่เขากำไว้ทันที



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:49:06


ตอนที่เขาปล่อยมือผมแล้วเอื้อมมือไปจับมือนาตาชาที่ยื่นมาหาเขา วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกระตุกแปลกๆ เหมือนมีช่องโหว่ในอกที่กระตุกลมเข้าไปจนทำให้รู้สึกเย็นๆ ไปทั่วร่าง ผมยืนคว้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเฟดตัวเองออกห่างจากสองคนนั้นเดินเข้าไปในครัวด้วยความรู้สึกหวิวๆ ที่ใจ


“ฉันโทรหาคุณ แต่โทรไม่ติดน่ะค่ะ ฉันเลยมาหาที่บ้าน หวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไรนะคะ” ผมรีบเดินกลับเข้าไปให้ถึงในครัว รู้สึกใจเต้นระรัวแปลกๆ


“ไม่ว่าหรอกครับ พอดีโทรศัพท์ผมเสียเลยติดต่อไม่ได้” วิคเตอร์บอกเสียงนุ่มปกติ เดาว่าหน้าตาคงจะยิ้มมีความสุขแน่ๆ พอนึกแบบนั้นผมก็ต้องย่นคิ้วกับตัวเองกับความหวิวในอกและความมวลท้องแปลกๆ


“อ้าว พังได้ยังไงกันคะ”


“ช่างเถอะครับ ว่าแต่คุณมาหาผมถึงบ้านมีอะไรรึเปล่า”


“มีสิคะ นี่ใกล้ถึงเวลาไปสตูดิโอแล้ว พอฉันโทรหาคุณไม่ติดก็คิดว่าคุณเป็นอะไรรึเปล่าเลยมาตามที่บ้าน” ผมเม้มปาก พยายามข่มใจไม่ให้สั่นแปลกๆ แบบนี้ มันสั่น… คล้ายว่ากำลังอ่อนแอ


“ผมไม่เป็นไร กำลังจะออกไปที่สตูดิโอเหมือนกัน” ผมพยายามทำตัวให้วุ่นวายด้วยการตักข้าว ตักอาหาร พยายามไม่สนใจฟังในสิ่งที่สองคนนั้นพูด


“เอเลี่ยน!” เขาส่งเสียงเรียก ผมหันไปมองและพยายามทำสีหน้าท่าทางให้ปกติที่สุด นาตาชายืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆ เขา ผมยกยิ้มมุมปากเพียงนิดเดียวกลับไปให้


“เขาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ” นาตาชาถามด้วยความสงสัย วิคเตอร์หันไปมองหน้าเธอแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะหันกลับมามองผมแล้วตอบเสียงทุ้ม


“เปล่าหรอก คนรับใช้ไม่ได้รับอนุญาตให้นอนที่นี่” ผมทำหน้าเอือม นึกอยากเอากระบวยตักซุปที่ถืออยู่ฟาดหัวเขาสักทีสองทีให้กับความปากไม่ดีของเขา


“มีอะไรครับ” ผมตัดบทเสียงเรียบ ก่อนที่ยัยนาตาชาหน้าเหลี่ยมผู้ขี้สงสัยจะซักถามนั่นนี่จนน่ารำคาญอีก


ตอนนี้ผมกำลังงงตัวเอง ว่ารู้สึกว่ายัยนาตาชาคนนี้มันน่ารำคาญอยู่แล้วหรือมันเพิ่งน่ารำคาญกันแน่


“ฉันจะออกไปสตูดิโอแล้ว”


“ผมกำลังจะทานข้าว” ผมบอกเสียงราบเรียบ ชูจานข้าวในมือให้เขาเห็น ก่อนจะทำเป็นไม่มองเขาแล้วเขยิบก้นขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้


“แต่ฉันจะไป ถ้าเจ้านายไป คนใช้ก็ต้องไปด้วย” เขาบอกเสียงกดต่ำราวกับกำลังจะบอกให้รู้ว่าผมต้องไป ผมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความเซ็ง วิคเตอร์ถลึงตามองกลับมาเมื่อเห็นผมทำหน้าตาแบบนั้นใส่ ผมขี้เกียจจะเถียงเขาโดยมียัยนาตาชานี่ยืนมองอย่างสงสัยใคร่รู้ ผมเลยต้องเอาจานอีกใบมาปิดจานข้าว และถ้วยอีกใบมาปิดถ้วยต้มจืด ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ตัวเอง


“ไปสิครับ” ผมบอกเสียงนิ่ง ตอนมายืนอยู่ตรงหน้าเขากับนาตาชา เขาขมวดคิ้วมองผมกลับมาเหมือนกำลังงงอะไรสักอย่าง อาจจะงงที่เห็นผมทำหน้าทำตาเฉยชาใส่ล่ะมั้ง


เออ… ละทำไมผมต้องทำหน้าตาเหมือนไม่พอใจด้วยวะ หรือผมหงุดหงิดที่เขาทำท่าจะไม่กลับไปต่อให้จบตามที่เขาบอก อ๊ะ! จริงหรือเปล่าไอ้แมท อ้ากกก! เป็นงั้นจริงเหรอวะ?!


“ไปกันเถอะ” เขาหันไปบอกว่าที่แฟนสาวของเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ แล้วหันกลับมามองผมอย่างไม่พอใจ พอเห็นเขามองแบบนั้นผมก็มองกลับตาขวางอย่างไม่ชอบใจเหมือนกัน ที่เขาบอกว่าถ้าไม่ใช่คนสำคัญอะไรจะไล่กลับไป ตอนนี้ผมว่าเขาคงรู้แล้วมั้งว่าควรจะไล่คนๆ นี้ไปรึเปล่า


ผมเดินเลี่ยงออกไปจากเขาทั้งสองคน ตรงไปที่ประตูบ้านก่อนจะเปิดออกแล้วเดินลงบันไดบ้านมายืนอ้อยอิ่งรอสองคนนั้นที่ตีนบันได สักพักทั้งสองคนก็เดินตามออกมา ผมไม่ได้หันไปมองว่าใครมีสีหน้ายังไง


“แนท คุณมาที่นี่ยังไงครับ” ผมก้มหน้าก้มตาเลื่อนโทรศัพท์เร็วๆ เห็นไม่ชัดหรอกว่าฟีดเฟซบุ๊คใครอัพเดตอะไรบ้าง เพราะจริงๆ ผมแค่หาอะไรทำไม่ให้สนใจสองคนนั้น


“ฉันมาแท็กซี่น่ะค่ะ กะว่าจะไปพร้อมคุณ” ผมรู้สึกว่าวิคเตอร์หันมามอง ผมเลยเงยหน้าขึ้นมาจากจอมือถือ แล้วมองเขากลับนิ่งๆ เขามองกลับมานิ่งๆ เช่นกัน ผมเห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นแว้บหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินหนีเขาสองคนไปทันที ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะต้องมารั้งตัวผมไว้หรืออะไรทั้งนั้น


แต่ใจผมมันกระตุกอีกละ รู้สึกเหมือนตัวเบาๆ ผมเม้มปากแน่นแล้วถอนหายใจหนักๆ ระหว่างก้าวเดินเร็วๆ ทบทวนความรู้สึกตัวเองไปพลางๆ ว่าคิดอะไรอยู่ กำลังเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นในใจ เพื่อที่จะได้บอกตัวเองได้ว่าควรรู้สึกยังไง และควรจัดการกับอาการใจสั่นแปลกๆ นี้ยังไง เพราะไม่งั้นหน้าผมก็จะนอยด์อย่างนี้ทั้งวัน ซึ่งผมไม่อยากเป็น ไม่เอาหรอก อารมณ์เสียทั้งวันแบบนั้น เสียเวลาชีวิตจะตายไป


ผมหยุดเดินเมื่อเดินออกมาไกลจากบ้านวิคเตอร์มากพอแล้ว หลับตาลงแล้วพยายามจัดระบบความคิดที่ไหลวนไปมาในหัวไม่รู้จบ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ และพยายามปลอบใจตัวเองว่า เดี๋ยวมันจะต้องสงบลง จะไม่ใจสั่นหรือรู้สึกหวิวๆ ในอกแบบนี้


เสียงรถดังกระหึ่มมาจากด้านหลัง ผมหันไปมองก็เห็นแลมโบกินีสีเทาเงางามของวิคเตอร์วิ่งฉิวผ่านไป ผมเม้มปากเบาๆ ยกมือขึ้นมาจับอกซ้ายที่ตอนนี้ก้อนเนื้อในอกกำลังเต้นตุบๆ แต่แม้จะเต้นตุบๆ จนรู้สึกได้ ผมก็รู้สึกหวิวๆ เหมือนว่ามันมีช่องกลวงๆ ในอก แต่ก็ออกแรงก้าวเท้าเดินต่อไปจนถึงสถานี เดินขึ้นรถไฟไปอย่างลอยๆ นั่งลงแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเกือบเลยสถานีที่ตัวเองจะต้องลง


ผมส่ายหัวแล้วเดินออกจากรถไฟเมื่อถึงสถานีปลายทางของตัวเอง เรี่ยวแรงที่หายไป รู้สึกจะกลับมาอย่างปกติ สติที่หลุดไปก็เหมือนจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ผมจะไม่ยอมให้ไอ้ยักษ์นั่นทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้อีกแน่ พอคิดมากๆ ผมก็รู้สึกกลัวใจสั่น ยากที่จะห้ามความคิดที่ว่าถ้าเกิดนาตาชาไม่กดออดตอนนั้น ผมกับเขาเราคงมีอะไรกันไปแล้ว และก็แค่คงมีอะไรด้วยเท่านั้นแหละ ก็แค่เรื่องทางเพศล้วนๆ ไม่มีความรู้สึกทางใจใดๆ มาปน


หึ แล้วผมก็จะไร้ค่าทันทีเมื่อเวลาปกติ แต่ผมจะมีค่ามากขึ้นมาทันทีเมื่อเวลาอยู่บนเตียง หรืออาจจะไร้ค่าไปตลอดเลยก็ได้ และผมไม่นิยมให้ราคาตัวเองในรูปแบบนั้นด้วย


“แมท!” เสียงคุณเดวิดทักขึ้นพร้อมกับแรงสะกิดที่หัวไหล่ที่ทำให้ผมตกใจเล็กน้อย ผมหันไปมองเขาแล้วคลี่ยิ้มให้คุณลุงซานต้าผู้กำกับใจดีของซีรีส์ที่วิคเตอร์แสดงนำอยู่


“หวัดดีครับคุณเดวิด”


“นี่เธอไม่ได้มาพร้อมวิคเตอร์หรอกเหรอ” ผมยิ้มนิดๆ แล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะตอบเสียงโทนปกติ


“รถเขานั่งได้แค่สองคนครับ ผมเลยต้องมาเอง” คุณเดวิดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะทำท่าว่านึกขึ้นได้ว่าผมสื่อถึงอะไร


“เธอเลยต้องลำบากมาเองเลยสินะ” ผมยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะตอบเขากลับด้วยน้ำเสียงปกติ


“ไม่หรอกครับ ผมชินแล้ว ชอบซะอีกที่เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว” คุณเดวิดมองผมด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ


“นี่เขาคิดจะคบกับนาตาชาจริงๆ ใช่มั้ย” ผมยิ้มแหยๆ แล้วส่ายหัวเบาๆ


“ไม่รู้สิครับ แต่ดูท่าทางแล้วก็น่าจะตกลงคบกันเร็วๆ นี้ หรือบางทีเขาอาจจะคบกันไปแล้วก็ได้” คุณเดวิดพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ แต่ผมมีความรู้สึกว่าเขาดูเหมือนกำลังกังวลอะไรอยู่


“มีอะไรรึเปล่าครับ”


“เปล่าหรอก ฉันก็แค่ แบบว่า ฉันก็รู้จักทั้งวิคเตอร์และนาตาชาน่ะนะ” ผมขมวดคิ้วงงด้วยความไม่เข้าใจ รู้จักกัน? มันแปลกตรงไหน รู้จักกันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ทั้งสองคนจะคบกัน คุณเดวิดที่เห็นผมทำคิ้วย่น แววตาเอ๋อๆ ก็ยิ้มขำ


“ไม่มีอะไรมากหรอก ยังไงมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน” ผมรู้สึกกระตุกอีกครั้งตรงช่วงอกซ้าย ก่อนจะพยายามปั้นยิ้มขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปในสตูดิโอ


พอเข้าไปในสตูดิโอ ผมก็เห็นซีจีสกรีนสีเขียวขนาดใหญ่ที่ขึงเป็นฉากหลัง และมีอุปกรณ์เข้าฉากวางไว้ตามจุดต่างๆ เดี๋ยวคงถ่ายทำและเอาไปตัดต่ออีกที เห็นโล่งๆ ดูไม่มีอะไรแบบนี้แต่พอเข้าห้องตัดต่อ ใส่เทคนิคภาพเข้าไป ไอ้ฉากเขียวกว้างๆ ใหญ่ๆ ที่ขึงไว้เป็นพื้นหลังนี้จะกลายเป็นอะไรก็ได้ตามใจเรา แม้แต่ฉากถนนคนเดินเต็มไปหมดก็ยังทำได้


ผมเดินแยกไปนั่งตรงมุมห้องที่มีโต๊ะยาวสีขาววางอยู่ มีเก้าอี้วางระเกะระกะรอบๆ อยู่สามสี่ตัว ผมเลือกลากมาตัวหนึ่งแล้วนั่งลงตรงนั้นกะจะจับจองพื้นที่ตรงนี้เพื่อนั่งรอวิคเตอร์ทำงาน ผมถอนหายใจเมื่อนึกได้ถึงตรงนี้ จริงๆ เวลาเขามาถ่ายทำส่วนใหญ่ที่ผมทำคือนั่งรอ ไม่ก็เดินดูรอบๆ กองถ่ายไปเรื่อย มันก็เป็นเรื่องที่น่าเบื่อนะจะว่าไปแล้ว แต่ที่ผมยังอยู่ได้เพราะผมชอบงานด้านนี้ด้วยแหละ ผมชอบดูเวลาเขาถ่ายทำ ชอบเห็นนักแสดงผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกเบื่อ รู้สึกหน่าย ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นการถ่ายถ่ายทำในสตูดิโอที่ใช่ว่าจะมีโอกาสเข้ามาเห็นกันได้ง่ายๆ


แล้วผมก็เห็นสาเหตุการเบื่อของตัวเองกำลังยืนยิ้มหน้าบานอยู่กับว่าที่แฟนสาวของเขา วิคเตอร์กำลังปล่อยให้ช่างผมกับช่างหน้าเก็บรายละเอียดตัวเอง ผมหน้าตึงแล้วถอนหายใจ นั่งกอดอกแล้วเบนสายตามองไปรอบห้องสตูดิโอแทนที่จะมองหน้าไอ้หนวด แต่พอเลื่อนสายตากลับไปที่วิคเตอร์อีกครั้งก็เห็นเขากำลังมองมาด้วยสายตาและท่าทางนิ่งสงบ ผมมองนิ่งๆ ตอบกลับไป ก่อนจะหันหน้าหนีแล้วแกล้งมองไปทางอื่นแทน


กับผมล่ะชอบทำหน้านิ่ง หน้าโหดใส่ ชิ! ไอ้ฝรั่งยักษ์ ผมตัดสินใจลุกขึ้นกะจะเดินออกไปหาอะไรกินนอกสตูดิโอ เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาก็คิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อยเลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่ แต่คิดว่าเดินไปอีกสามสี่บล็อกจากสตูดิโอ น่าจะมีร้านอาหารให้หาอะไรกินอยู่บ้าง ต้องมาเสียเงินอีกรอบแท้ๆ เพราะไอ้ยักษ์หน้าหนวดเอาแต่ใจ ผมไม่เข้าใจ จะให้ผมรีบมาทำไม ในเมื่อผมก็ต้องมานั่งรออยู่ดี


ผมเดินตรงไปที่ประตูสตูดิโอ กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดแต่ประตูถูกเปิดเข้ามาก่อน ผมชะงักทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือฌอณ เราสบตากัน แต่แววตาต่างกัน อีกฝ่ายมองผมด้วยสายตารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ผมขมวดคิ้วมองกลับไปด้วยความไม่เข้าใจและเริ่มจะไม่พอใจที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น


“คุณมีอะไรกับผมก็พูดมา มองด้วยสายตาแบบนั้นผมไม่รู้หรอกว่าคุณคิดอะไรอยู่” ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงห้วนอย่างไม่ชอบใจกับสายตาของเขา อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากอย่างหยันๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผมด้วยท่าทางน่ากลัว


“ฉันเพิ่งเห็นข่าวว่า คนอย่างพวกแก ถูกฆ่าตาย แกสนใจอยากเป็นศพตามพวกมันไปมั้ย” เขาถามเสียงเย็นจนผมขนลุก แววตาเขาน่ากลัว รอยยิ้มเหมือนคนโรคจิต แต่ผมก็ทำใจแข็งสู้ต่อ


“เคยบอกแล้วไง ถ้าไม่ชอบผม ก็อยู่ห่างๆ กันไว้”


“ฉันก็ไม่ได้อยากเข้าใกล้แกนักหรอก ไอ้พวกน่าขยะแขยง” ผมรู้สึกหน้าชาที่ถูกด่าแบบนั้น คนอย่างพวกผม น่าขยะแขยง แต่ล่ะคำที่พูดออกมา ราวกับเขาคิดว่าผมไม่ใช่คน


“ฌอณ ทีมเสื้อผ้ารอนายอยู่” เสียงของใครบางคนดึงสติของผมกลับมา ผมหันไปมองแล้วก็เห็นว่าวิคเตอร์กำลังยืนมองอยู่ด้วยท่าทีนิ่งๆ คนถูกถามยิ้มนิดหน่อยก่อนจะเบี่ยงตัวเดินออกไป ผมหันไปมองตามอย่างไม่เข้าใจในท่าทีที่เขามีต่อผม กำลังงงว่าตัวเองไปทำให้อะไรเขาไว้รึเปล่า


“แล้วนั่นนายจะไปไหน” วิคเตอร์ถามเมื่อเห็นผมทำท่าจะเปิดประตูสตูดิโอแล้วเดินออกไป ผมหันกลับไปมองด้วยท่าทางเงอะๆ งะๆ เพราะยังรู้สึกสับสนกับอาการชองไอ้ชอนไชอยู่


“จะออกไปหาอะไรกิน ผมหิว” ผมตอบกลับไปเสียงเรียบ มองเขาอย่างเอื่อยเฉื่อย


“ไม่ต้องไป” เขาบอกเสียงเข้ม ผมแสดงอาการหงุดหงิดใส่เขาทันที


“มันจะเกินไปหน่อยมั้ย แม้กระทั่งข้าวก็จะไม่ให้ผมกิน”


“แล้วฉันบอกรึยังว่าจะไม่ให้นายกิน” เขาถามกลับมาเสียงนิ่งแต่สีหน้าเขาดูก็รู้ว่ากำลังไม่พอใจที่ผมพูดเสียงสะบัดใส่


“แล้วที่บอกว่าไม่ต้องไปนี่คืออะไร ผมเป็นคนดูแลคุณนะคุณเรย์มอนด์ ไม่ใช่คนใช้อย่างที่คุณบอกคุณนาตาชา” ผมเริ่มเสียงดังเพราะความโมโห ไหนจะโมโหหิว โมโหไอ้ฌอณ แล้วยิ่งเห็นหน้าไอ้ยักษ์นี่ ผมยิ่งรู้สึกโมโหกับท่าทีของเขา


“อย่ามาเสียงดังแถวนี้นะ” เขาบอกเสียงต่ำ แววตาข่มผมเต็มที่ ผมมองเขากลับไปอย่างน้อยใจ แต่ก็ทำท่าว่ายังนิ่ง ผมหมุนตัวแล้วกระชากประตูสตูดิโอเปิดออก เตรียมตัวพุ่งตัวออกไปแต่ก็ยังไม่ไวเท่าวิคเตอร์ที่คว้าแขนขวาผมแล้วลากไปทางห้องแต่งตัว
เขาก้าวขายาวๆ จนผมต้องรีบก้าวขาสั้นๆ ของตัวเองให้ทัน


“นั่งลง!” เขาสั่งทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้อง ผมเดินไปนั่งลงบนโซฟาตามที่เขาบอกแล้วนั่งนิ่งแต่ไม่ยอมมองหน้าเขา วิคเตอร์เดินไปที่มุมห้องที่มีโต๊ะวางอยู่และมีของวางไว้เต็มไปหมด ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกล่องพลาสติกใบหนึ่ง


“อยากกินก็รีบกิน แล้วกินให้หมดด้วยนะ!” เขากระแทกกล่องพลาสติกลงตรงหน้าผมด้วยความหงุดหงิด ผมเหลือบมองเขานิดหน่อยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องพลาสติกมาเปิดก็เห็นสปาร์เก็ตตี้หมูราดซอสสีส้มๆ


“คุณเอามาจากไหน” ผมหันไปถามเขาที่มองหน้าผมด้วยความขุ่นมัว


“ของกองถ่าย แต่ฉันกินอาหารที่นายทำมาบ้างแล้วเลยไม่หิว” ผมมองเขาอย่างช่างใจเล็กน้อย รู้สึกว่าข้างในอ่อนลงจากที่แข็งขืนใส่เขา ก่อนจะตัดสินใจหยิบช้อนส้อมพลาสติกขึ้นมาแล้ววางกล่องพลาสติกลงบนตัก แล้วเริ่มตักกินด้วยความหิว


“เมื่อกี้ฌอณทำอะไร” เขาถามตอนที่ผมกำลังเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มอูม ผมกลืนเส้นสปาร์เก็ตตี้ที่กำลังเคี้ยวลงคอก่อนจะตอบ


“เขาถามผมว่าอยากตายตามคนที่เป็นแบบผมมั้ย”



“อะไรนะ?!” จากสีหน้าที่ยังดูไม่พอใจกับผมเมื่อครู่ แต่พอได้ยินสิ่งที่ผมบอกสีหน้าของวิคเตอร์ก็เปลี่ยนตื่นตะลึงนิดๆ 


“เขาบอกเขาเพิ่งเห็นข่าวว่าคนแบบผมถูกฆ่าตาย” ผมบอกเสียงสลดเมื่อนึกถึงคนที่ถูกฆ่า ไม่ว่าจะถูกฆ่าเพราะอะไรก็ตาม แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า


“เขาหัวรุนแรงกว่าที่ฉันคิดไว้นะ” วิคเตอร์เหมือนพูดกับตัวเอง แต่ก็ดังพอที่ทำให้ผมได้ยิน ผมหันไปมองเขางงๆ ทั้งที่กำลังอ้าปากรับสปาร์เก็ตตี้คำใหม่จากส้อม ผมดูดเส้นเข้าปากก่อนจะหันไปมองวิคเตอร์ด้วยความไม่เข้าใจ


“ถ้าเป็นไปได้ก็อยู่ให้ห่างจากหมอนั่นไว้” ผมกลืนอาหารลงไปก่อนจะตอบประโยคนั้นของเขา


“ผมก็ไม่เคยคิดยากจะอยู่ใกล้คนที่ไม่ชอบผมหรอก แต่ที่ผมกำลังสงสัยคือทำไมเขาถึงไม่ชอบผม ผมไปทำอะไรให้นักหนา” ผมบอกเสียงเครียด หน้าตาก็เครียดเพราะไม่รู้จริงๆ ว่านี่มันเรื่องห่าอะไรกัน


“ไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่เป็นแบบที่นายเป็น ฌอณมันก็ไม่ชอบแล้ว” ผมย่นคิ้ว หันกลับไปมองใบหน้านิ่งของวิคเตอร์อีกครั้งด้วยความมึน


“แบบที่ผมเป็น?” วิคเตอร์มีสีหน้าลำบากใจ มองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เหมือนจะสงสารแต่ก็ไม่ถึงขั้นนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ยอมพูดออกมา


“He is a Homophobia. (เขาเป็นพวกรังเกียจเพศที่สาม)” ผมอ้าปากค้าง รู้สึกเหมือนหูดับไปชั่วขณะ เหมือนหูตื้อขึ้นมาดื้อๆ


“What? He is—he hates me. (อะไรนะ เขาเป็น เขาเกลียดผม)” ผมถามด้วยความอึ้งผสมความตกใจนิดๆ ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ไม่เคยคิดว่าจะเจอคนพวกนี้แบบจังๆ ขนาดที่ว่าใกล้ตัวอย่างนี้ อาจจะไม่ใกล้มากแต่ก็ถือว่าใกล้ คำถามที่ผมเคยสงสัยก่อนหน้านี้มีคำตอบแล้ว ผมไม่คาดคิด ไม่ฉุกคิดจริงๆ ว่าสาเหตุที่เขามองผมด้วยสายตาแบบนั้นมันจะคือเหตุผลนี้ ใครมันจะไปคิดว่าจะเจอ เคยอ่านแต่ข่าวและเคยได้ยินมาเท่านั้น


“No, he hates everyone who is the same to you. (เปล่า หมอนั่นมันเกลียดทุกคนที่เหมือนนาย)” ความรู้สึกใดๆ ก่อนหน้านี้ที่มีเหมือนถูกล้างไปจนหมด ตอนนี้ตัวเบาหวิวกับเรื่องใหม่ที่ได้รับรู้ แทบจะลืมเลยว่าก่อนหน้านี้เคยหงุดหงิดใจอะไรกับใครไว้
นี่มันวันอะไร ทำไมจิตใจผมถึงรับเรื่องเยอะขนาดนี้


“อยู่ไกลๆ มันไว้ก็แล้วกัน” วิคเตอร์พูดขึ้นมาเมื่อเห็นผมนิ่งเงียบไป ผมหันไปมองเขาอย่างอึนๆ รู้สึกไม่ถูกเลยที่ถูกเกลียดด้วยสาเหตุนี้ ไม่คิดจริงๆ และคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองจะถูกเกลียดด้วยสาเหตุนี้


“แล้วคุณล่ะ ไม่รังเกียจผมเหรอ” ผมถามเสียงเบาหวิว ตอนนี้ความรู้สึกคือน้อยใจยังไงไม่รู้ กำลังคิดว่าแค่เกิดมาเป็นแบบนี้มันผิดนักรึไง ถึงได้เกลียดกันขนาดนี้


“ถามคำถามนี้ทั้งๆ ที่ฉันบอกว่าฉันอยากเอานายเนี่ยนะ” วืดดด! เหมือนจะเป็นคำตอบที่ดีที่ให้กำลังใจกันแต่มันก็ไม่ทิ้งลายความลามกของเขาอยู่ดี ผมตาปรือ หันหน้าขวับไปมองหน้าเขา จะบอกว่ารู้สึกดีก็กระดากปาก แต่มันก็ทำให้ผมใจชื้นที่ได้ยินแบบนั้นนะ


“คุณจะมาเอาผมทำไม ไปทำกับคุณนาตาชาสิ แถมเธอยังมีตั้งสองรูให้คุณเลือก ไอ้รูหลังมันก็เหมือนของผมนั่นแหละ”


“นั่นมันแน่อยู่แล้ว อีกไม่นานหรอก”


“ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเอากับเธอ ก็ช่วยโฟกัสไปที่เธอคนเดียว ไม่ต้องเอาผมเข้าไปเกี่ยวด้วย เก็บความอยากรู้ อยากลองไปใช้กับเธอ ไม่ก็ผู้ชายคนอื่น” ผมมองเขาด้วยสายตาจิกกัด ก่อนจะจับส้อมม้วนเส้นสปาร์เก็ตตี้แล้วยัดเข้าปาก


“กินเข้าไปเยอะๆ จะได้มีแรง เพราะไม่แน่คืนนี้นายอาจต้องใช้แรงกายกับฉันทั้งคืน”


พรวด! แค่กๆ!


[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:53:39


ผมถึงกับสำลักเส้นสปาร์เก็ตตี้เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา วิคเตอร์หัวเราะชอบอกชอบใจเมื่อเห็นสภาพผมทุเรศ ถูกใจเขาเสมอแหละกับความทุเรศของผมน่ะ ไม่อยากจะเชื่อแต่ผมเชื่อไปแล้วว่าผู้ชายคนนี้หน้าด้านจริงๆ นี่ขนาดผมพูดไปขนาดนั้นเขาก็ยังคงมีปณิธานที่มั่นคงไม่เสื่อมคลายกับการทะลายประตูหลังของผม


“นี่! คุณเรย์มอนด์ เราต้องคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจังนะ” ผมแหวใส่เขาพลางซับทิชชูไปรอบๆ ปาก วิคเตอร์ยิ้มกริ่มก่อนจะว่าเสียงทะเล้น


“จริงจังแล้วเหรอ? ได้สิ คุยอะไรล่ะ อยากคุยว่าคืนนี้จะใช้ท่าไหน หรือใช้อุปกรณ์เสริมอะไรบ้างใช่รึเปล่า เรื่องท่าทางและลีลา นายไม่ต้องห่วง ฉันมีให้เลือกเพียบ แต่อุปกรณ์นี่ ฉันมีแค่ไวเบรเตอร์ กุญแจมือซึ่งเคยใช้กับนายไปแล้วครั้งนึง แต่ก็ใช้อีกได้นะ แล้วก็มีที่หนีบหัวนม บาร์แยกขา…”


“โอยยย! จะอ้วก พอเถอะพ่อคุณ!” วิคเตอร์หัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นผมทำท่าพะอืดพะอมกับสิ่งที่เขาพูดออกมา ไม่ใช่ว่าทำตัวไร้เดียงสานะ แต่ตอนที่เขาพูดว่ามีที่หนีบหัวนม ผมนี่เสียววาบตรงนมตัวเอง รู้สึกจั๊กจี้ชอบกล


“ฉันมีไม้เรียวด้วยนะ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากใช้ฟาดก้นนายแรงๆ ให้สมกับที่นายชอบเถียงฉัน” เขาพูดแล้วส่งรอยยิ้มร้ายกาจพร้อมแววตาวิบวับที่น่าหวั่นใจมาให้


“เก็บไว้ฟาดหัวคุณเองเถอะ คนอะไรทำไมในหัวมีแต่ความคิดเรื่องพวกนี้”


“งั้นปฏิเสธฉันหน่อยสิว่าตอนที่อยู่บนม้านั่งหลังสวน นายไม่รู้สึกดี” ผมกำลังจะอ้าปากเถียงทันควันแต่ก็เงียบ รู้สึกว่าคำว่า ไม่ มันพูดออกจากปากยากเหลือเกินในเวลานี้ วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปากอย่างหล่อแต่ก็ร้ายกาจ จนผมยิ่งรู้สึกอึกอักหนักขึ้นไปอีก


“คุณบังคับผม” นี่แหละ ผมพูดได้แค่นี้แหละ เห็นสายตาและรอยยิ้มชวนปั่นป่วนใจของอีกฝ่ายแล้ว ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ไอ้รอยยิ้มที่กัดปากล่างอย่างเซ็กซี่และแววตากรุ้มกริ่มนั่นมันทำให้ผมสมองตัน


“หึๆ ถ้าออดไม่ดัง เราคงรู้คำตอบว่าฉันบังคับนายจริงๆ มั้ย” ผมเบ้ปากใส่เขา รู้สึกหวั่นใจกับตัวเอง กลัวว่าถ้าออดไม่ดังขึ้นขัดจังหวะ มันจะกลายเป็นว่าเขาไม่ได้บังคับผมอย่างที่เขาว่าเนี่ยแหละ คนไม่เคยอย่างผมเจอแบบนั้นเข้าไป ใจก็สั่นเทิ้มเหมือนกันนะ


“วิคเตอร์ เข้าฉาก” เสียงทีมงานดังขึ้นที่หน้าประตู วิคเตอร์พยักหน้าแล้วยิ้มรับ


“ถ้ายังกลัวอยู่ ก็อยู่ในนี้ไปก่อน จะได้ไม่ต้องเจอหมอนั่น” ผมพยักหน้ารับคำของเขา รู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องฌอณ แม้จะหลบได้แค่วันนี้ แต่ก็ขอเลี่ยงก่อน วันต่อๆ ไปที่ยังต้องเจอกันก็จะพยายามอยู่ให้ห่างไว้ แต่วันนี้สภาพจิตใจผมรับเรื่องต่อๆ กันจนรู้สึกแย่แปลกๆ เลยขอเลี่ยงการเจอดีกว่า


วิคเตอร์เดินออกไป ผมมองตามแผ่นหลังเขา แล้วก็ถอนหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรที่มันเป็นการปลอบโยนแต่เขากลับทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นกับการที่เราปั้นปึ่งใส่กันในตอนแรกทั้งก่อนมาถึงสตูดิโอและตอนที่มาถึงสตูดิโอ และทำให้ผมรู้สึกหวั่นใจกับเรื่องฌอณน้อยลง แต่ผมจะรู้สึกดีกว่านี้มากถ้าเขาจะเลิกมองผมเหมือนเป็นตัวทดลองในด้านกามอารมณ์ของเขา ต้องคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังละว่าจะใช้ท่าไหน เอ้ย!


ผมสะบัดหัวรัวๆ กับความคิดตัวเองที่ดันไปนึกถึงคำพูดของเขา รีบจัดการสปาร์เก็ตตี้อิตาเลี่ยนซอสแสนเลี่ยนในกล่องพลาสติกให้หมด แล้วก็ต้องมานั่งๆ นอนๆ เล่นโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยด้วยความเซ็ง อยู่แต่ในห้องก็แสนจะน่าเบื่อ ผมเลยตัดสินใจเดินออกไปดูเขาถ่ายทำ ตอนนี้ไอชอนไชไส้หมามันคงไม่กล้าแสดงออกอะไรมากนักหรอก


ผมเดินออกมาดูการถ่ายทำ แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเดาไว้ว่านี่คือฉากถนน เพราะมีรถจอดอยู่ (ช่างขนกันมานะ) สัญญาณไฟจราจรติดตั้งไว้ น่าจะเป็นฉากไล่ล่ากันบนท้องถนนล่ะมั้ง ผมหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปเพื่อทำเดลี่รีพอร์ทส่งคุณเอมิลี่ และเลือกรูปที่วิคเตอร์กำลังออกลีลาบู๊เตะต่อยในโมเม้นต์สวยๆ เพื่อลงไอจี เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ของเขา ก่อนจะนั่งมองเขาออกแอคติ้งผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ไปเรื่อย และผมยังคงยืนยันคำเดิมว่าวิคเตอร์ไม่ได้เป็นผู้ชายที่หล่อเป๊ะ หล่อเว่อร์วังอลังการ แต่เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์และมีเซ็กส์แอพเพียลในตัวเองสูงมหาศาล และสิ่งเหล่านี้มันทำให้การแสดงเขานั้นน่ามองมาก ซึ่งผู้ชายแบบนี้เป็นผู้ชายที่น่าสยบให้ยิ่งกว่าพวกหล่ออย่างเดียวแต่ไร้เสน่ห์ซะอีก


“Thanks for today! See you guys! (ขอบคุณสำหรับวันนี้ แล้วเจอกันนะทุกคน!)” เสียงของคุณเดวิดดังขึ้นเมื่อซีนสุดท้ายของวันนี้จบลงพร้อมกับเสียงปรบมือ ผมเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วหยิบกระเป๋าออกมารอวิคเตอร์ที่ประตูทางออกสตูดิโอ ตอนนี้เวลาสองทุ่มกว่า ไม่ต้องบอกว่าฟ้าข้างนอกมืดขนาดไหน ผมยืนรอเขา แต่สายตาก็มองอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวไอ้ชอนไชไส้หมาจะมารังควานผมอีก พอเห็นว่ามันกำลังเดินมาทางนี้ผมก็ขยับหนีห่างจากประตู ไอ้ชอนไชมองผมด้วยสายตานิ่ง แต่ก็ส่งสัญญาณไม่ชอบมาให้ ผมที่ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากหาเรื่องก็เลยทำเป็นมองไม่เห็น มันเลยเดินออกไปจากสตูดิโอเงียบๆ ผมถอนหายใจแล้วมองหาวิคเตอร์ก็เห็นว่าเขากำลังเดินมาทางประตูกับนาตาชา


“คุณกลับยังไงครับแนท” เสียงเขาเอ่ยถามนาตาชา ผมได้ยินแบบนั้นก็รู้ตัวทันทีว่าคงต้องไปขึ้นรถไฟกลับเอง ผมเลยหมุนตัวไปเปิดประตูสตูดิโอ แล้วเดินออกไปด้านนอกปะทะเข้ากับลมเย็นๆ ในยามค่ำคืนและแสงไฟจากท้องถนน ผมหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ว้อทแอพไปหาวิคเตอร์ว่าให้เจอกันที่บ้าน พอกดส่งไปได้สักพักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับนาตาชา


“แล้วเจอกันนะคะ” เธอบอกเสียงหวานก่อนจะเขย่งปลายเท้าแล้วจูบปากวิคเตอร์ คนโดนจูบก็ตอบรับด้วยการโน้มตัวลงไปจูบอย่างดูดดื่ม ผมเห็นภาพนั้นแล้วก็รู้สึกจุกที่อกแปลบๆ เลยตัดสินใจรีบเดินออกไปจากตรงนั้น ก้าวเท้าเร็วๆ เพื่อไปให้ถึงสถานีรถไฟไวๆ แต่จากสตูดิโอที่ผมอยู่มันก็ค่อนข้างไกลจากสถานีรถไฟพอสมควร ผมชะงักฝีเท้าตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะรีบเดินไปทำไม ค่อยๆ เดินไปก็ได้ ผมถอนหายใจกับความเสียสติของตัวเองที่นึกอยากจะเดินหนีจากตรงนั้นมาเร็วๆ ก่อนจะค่อยๆ ปรับฝีเท้าให้ช้าลง


“เอเลี่ยน!” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้น ผมหลับตาแว้บหนึ่งก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงผู้ชอบออกคำสั่งที่กำลังก้มหน้ามองลอดผ่านกระจกฝั่งผู้โดยสารมาที่ผม ผมเลยต้องก้มลงคุยกับเขา


“คุณอ่านว้อทแอพแล้วใช่มั้ย ก็ตามนั้นละกันนะครับ” ผมตั้งท่าจะยืดตัวกลับไปยืนตรงแต่ก็ต้องค้างเอาไว้เมื่อเขาแทรกเสียงขึ้นมาทันควัน


“ขึ้นรถ!” เขาบอกเสียงเข้ม ผมนิ่งไป เพิ่งได้สติสังเกตเห็นว่านาตาชาไม่ได้นั่งมาด้วย ผมเม้มปากเบาๆ ก่อนจะยืดตัวตรงแล้วก้าวเดินไปเปิดประตูรถ หย่อนก้นลงไปนั่งบนเบาะหนังแท้สีดำตัดสลับแดงแล้วปิดประตูตามเบาๆ


“คุณนาตาชาไม่ได้กลับด้วยรึไงครับ” วิคเตอร์หันมามองผมหน้าขรึมก่อนจะตอบ


“ถ้ามาด้วย นายจะนั่งอยู่ตรงนี้รึไง” ผมแค่นยิ้มแล้วหันไปมองเขา พยักหน้ารับเบาๆ รู้สึกอึดอัดในอกจนไม่รู้จะพูดอะไร แต่ข้างในมันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของสำรองที่จะถูกใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ผมสลัดความคิดนั้นทิ้งแล้วหยิบมือถือขึ้นมาในระหว่างที่วิคเตอร์ขับรถออกไปสู่ท้องถนน


“คุณจะเลือกรูปไหนลงโซเชียลครับ” ผมยื่นมือถือไปให้เขาเลือกรูป เขาหันหน้ามามองผมในขณะที่หัวคิ้วทั้งสองข้างของเขาแทบจะชนเข้ากัน


“นายจะถามทำไม ครั้งก่อนๆ นายก็เป็นคนเลือกลง”


“เผื่อคุณอยากลงรูปคู่กับคุณนาตาชาไง” ผมบอกเสียงแผ่ว วิคเตอร์หันมามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ผมเองก็พยายามทำหน้าปั้นยิ้มกลับไป เขามองผมเหมือนกำลังช่างใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองถนน


“ไม่ต้อง” เขาตอบกลับมาสั้นๆ ผมพยักหน้ารับรู้แล้วทำนิ่งนั่งเลือกรูป แล้วสุดท้ายผมก็เลือกรูปที่เขาใส่แว่นตาเรย์แบนด์สีดำกำลังยิ้มมุมปากเท่ๆ ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงสองข้างอยู่ข้างรถที่ใช้เข้าฉาก ผมเลือกใช้แอพในไอจีปรับแสงสีเล็กน้อย ใส่แคปชั่นเก๋ๆ ใส่แฮชแท็กซีรีส์และแฮชแท็กชื่อเขาเพื่อให้แฟนคลับเข้าไปตามดูได้ ก่อนจะอัพลงแบบลิงค์เชื่อมไปยังเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์


หมับ!


เฮือก!


เพี๊ย!


“นี่!” ผมสะดุ้งตกใจเผลอตีมือขวาของเขาที่เอื้อมมาจับแล้วบีบเบาๆ ตรงต้นขาอ่อนผม คนโดนตียิ้มมุมปากอย่างขำๆ เมื่อเห็นผมทำหน้าตาถมึงทึงใส่ แต่เขาก็หน้ามึนจับต้นขาผมไม่ยอมปล่อย แถมยังลูบไปลูบมาจนผมขนลุก


“คุณเรย์มอนด์ อีกแล้วนะ!” ผมแหวใส่และพยามยกมือเขาออก แต่เขาก็เกร็งมือไว้แบบนั้นไม่ยอมปล่อย


ไอ้ฝรั่งยักษ์หื่น ปล่อยนะเว้ย ไม่ได้หน่อมแน้มอะไรนะ แต่รู้สึกอายขนขาตัวเองอ่ะ แง~


“หึๆ ปากเหมือนเดิมแล้วสินะ” เขาว่าแค่นั้นแล้วก็ปล่อยมือออกไปจับพวงมาลัยตามเดิม ทิ้งให้ผมนั่งย่นคิ้วมองกลับไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก่อนจะได้เข้าใจอะไรเขาก็ยื่นมือมาจับที่แก้มก้นซ้ายของผมแล้วบีบเบาๆ ทำเอาผมหน้าเหวอ


“คุณเรย์มอนด์!” ผมดึงมือเขาออกจากก้นตัวเองแล้วใช้สองมือตัวเองกุมมือเขาไว้ไม่ให้มันซุกซนอีก ผมกัดริมฝีปากล่างไว้แล้วแยกเขี้ยวด้านบนใส่ ไอ้ฝรั่งหื่นยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วส่งเสียงหัวเราะในลำคอด้วยความถูกใจ


“ขับไปมือเดียวนั่นแหละ” ผมบอกเสียงเคือง ใช้สองมือกุมมือหนาใหญ่แต่อบอุ่นของเขาไว้ ทำแก้มพองลมและทำตาดุๆ ใส่เขา วิคเตอร์หันมามองแล้วยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง ทำเอาผมใจกระตุกวูบจนต้องรีบหันหน้าหนีไปมองถนนแทน


“จับไว้ให้ตลอดนะ ปล่อยเมื่อไหร่ฉันจับที่สงวนของนายแน่” ผมทำเสียง จิ๊ ที่ปากแล้วมองค้อนเขาแว้บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม วิคเตอร์ใช้มือซ้ายบังคับพวงมาลัยอย่างไหลลื่นไม่มีทีท่าว่าจะลำบากอะไรกับการที่ผมจับมือเขาไว้แบบนี้ แถมไอ้มือขวาของเขายังสามารถขยับนิ้วเขี่ยมือซ้ายผมเล่นเพื่อกวนอารมณ์ผมอีก ผมเลยยกมือขวาตีที่หลังมือเขาเบาๆ เป็นการเตือน แต่อีกฝ่ายดูจะชอบอกชอบใจที่เห็นผมต้องมาคอยระแวงว่าเขาจะหยิบจะจับเนื้อหนังมังสาผมตรงไหนและเมื่อไหร่บ้าง


“คอยดูนะผมจะฟ้องกรมแรงงานว่าคุณทำอนาจารผม!” ผมส่งเสียงแว้ดๆ ใส่เขาเมื่อมือเขาหลุดจากการเกาะกุมของผมแล้วสอดเข้าไปในกางกางขาสั้นที่ผมใส่อยู่อย่างรวดเร็วจนเกือบโดนแมทน้อย แต่ผมรีบตะครุบข้อมือเขาไว้ทันก่อนที่จะโดนจุดสำคัญตรงนั้น ไอ้ยักษ์หน้าหนวดนี่มันมือไวจริงๆ


“ขอฉันทำอนาจารนายจริงๆ ก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยไปบอก” แน่ะ! พูดหน้าตาย หน้ามึน แถมยังยกมือมาเกาคางผมเบาๆ อีก ผมเลยต้องจับตะครุบไว้อีกรอบ ไอบ้านี่มือมันไหลื่นยิ่งกว่าหนวดปลาหมึกอีกนะ



“อยู่เฉยๆ ได้มั้ยเนี่ย!” ผมพูดเสียงเข้มเมื่อเขาเริ่มเอามือตัวเองหลบหนีการจับกุมของผม ปัดป่ายไปทั่วหน้า ทั่วร่างกายผม พอจะจับเขาก็ชักมือหนีแล้วยื่นกลับมาปัดป่ายไปทั่วตัวผมอีก ดูจะสนุกเหลือเกินนะ ไอ้ยักษ์!


“Giant beard face! (ไอ้ยักษ์หน้าหนวด!)” ผมร้องด่าลั่นเป็นคำศัพท์ใหม่ที่คิดค้นขึ้นเองเมื่อเขาเอามือมาบีบที่หน้าอกซ้ายผมเบาๆ สามที วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นสูง ทำหน้าตางงๆ ด้วยความสงสัยกับสิ่งที่ผมพูดไป


“What’s that? (อะไรของนาย)” แล้วผมก็คว้ามือเขาได้สำเร็จ และคราวนี้ออกแรงจับไว้แน่น แต่ดูเหมือนเขาจะยอมให้จับไว้มากกว่า ถ้าเขาคิดจะดื้อดึงจริงๆ ยังไงเขาก็ดึงออกได้ง่ายๆ


“ก็คุณไง ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ แถมยังหนวดเคราเฟิ้มไปหมด!” ผมอธิบายให้เขาเข้าใจ อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจแล้วหันมามองผม


“ฉันน่ะปกติ นายต่างหากที่ผิดปกติ เตี้ยแทบติดดินเองยังมาหาว่าคนอื่นตัวใหญ่”เขาบอกสีหน้ามั่นอกมั่นใจจนน่าหมั่นไส้พร้อมน้ำเสียงกวนๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ากลัวนะ ผมจะหยิกเนื้อหลังมือให้เขียวเลยคอยดู


“อืม… ส่วนหนวด ฉันก็กะจะโกนอยู่เหมือนกัน…” เขาทำท่าคิดแล้วหันมามองผมก่อนจะว่าพร้อมรอยยิ้มมุมปากอย่างมีแผน “…งั้นพอถึงบ้าน นายก็มาโกนให้ฉันก็แล้วกัน” ผมตกใจตาโตพรึบ! หันไปมองเขาแล้วส่ายหัวเกร็งๆ


“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเกิดผมทำคุณเลือดออกขึ้นมา ผมก็ซวยสิ”


“จะออกได้ไง ใช้เครื่องโกนหนวดสิ นี่ก็เป็นอีกอย่างที่นายต้องเรียนรู้ว่าควรต้องโกนหนวดให้ฉันแบบไหน โกนยังไงถึงจะถูกใจฉัน”


“ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพูดเยอะจัง ไปกินอะไรมาเนี่ย” วิคเตอร์ที่กำลังยิ้มๆ ถึงกับชะงักไป สายตาเขาหันไปมองท้องถนนยามค่ำคืนที่รถกำลังแล่นไป เขานิ่งไปครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ สักพักเขาก็หันกลับมามองผมด้วยท่าทีที่ปกติจนผมงงว่าอะไรของเขาวะ


“ตกลงนายจะโกนหนวดให้ฉันมั้ย”


“ไม่ หนวดของใคร คนนั้นก็โกนเองสิ” ผมยืนยันคำเดิมเสียงแข็ง วิคเตอร์ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะบอกเสียงทุ้ม ฟังดูนุ่มนวลแต่ก็ชวนหวั่นใจ


“ฉันให้โอกาสตอบอีกครั้ง จะทำมั้ย” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง ส่งรอยยิ้มกริ่มอิ่มใจมาให้ จนผมอ้าปากหวอ รู้ดีว่านั่นไม่ใช่การให้โอกาสแต่มันคืออาการบังคับแบบนุ่มนวลชัดๆ


“กะ… ก็ได้” แพ้อีกแล้ว (TOT)


วิคเตอร์ยิ้มมุมปากอย่างมีชัยแล้วส่งเสียงหัวเราะต่ำๆ ในลำคอ ก่อนจะดึงมือขวาที่ผมกุมอยู่ไปจับพวงมาลัย แล้วขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน ทิ้งให้ผมนั่งหวั่นใจอยู่คนเดียว


ไม่ให้หวั่นใจได้ไง อยู่กับเขาสองคนแบบหน้าชิด ตัวชิด ชิดใกล้กันทีไร มีอันต้องรู้สึกเสียววูบทุกที








ผมเปิดประตูบ้านเข้าไป ยังคงเห็นอาหารที่ผมตักไว้เมื่อเช้าอยู่ที่เดิมในห้องครัวตอนเดินผ่าน ไมเคิลวิ่งไปรับวิคเตอร์ด้วยวามดีใจ ส่วนเจ้าฟอกซ์ก็เดินมาคลอเคลียที่ขาผมจนต้องก้มลงไปลูบหัวมันเบาๆ ผมยืดตัวตรงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว


“นี่ ถ้าคุณจะโกนหนวด โกนหัว ก็รีบเถอะ มันดึกแล้ว”


“ทำไม? จะรีบกลับไปหาแฟนนายที่มาส่งเมื่อเช้างั้นเหรอ” เขาหรี่ตามองมาอย่างจับผิด ผมแบะปากเล็กน้อยพลางยัดมือถือลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะตอบคำถามเขา


“เปล่า! แต่ผมต้องกลับเองนะไม่ได้มีแลมโบกินีเหมือนคุณ”


“แท็กซี่ก็มีนี่” เขาบอกอย่างง่ายๆ ขณะที่กำลังขยี้หัวเจ้าไมเคิลเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน เดินตรงมาที่ผมที่ยืนอยู่แถวๆ ตีนบันไดที่ขึ้นไปชั้นสองของบ้าน


“ผมรู้ครับ แต่ผมอยากกลับที่พักไวๆ พรุ่งนี้ผมก็ต้องตื่นแต่เช้ามาหาคุณอีก” ผมบอกหน้าบูดบึ้ง แต่อีกฝ่ายกลับทำสีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ


“นายก็นอนที่นี่สิ” ผมส่ายหัวหน้าตาเหนื่อยๆ


“ไม่เป็นไรครับ… ผมว่าเราไปโกนหนวดคุณกันเถอะ” ผมเขยิบทางให้เขาเดินขึ้นบันได วิคเตอร์เหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นบันไดบ้านไปยังชั้นสอง ผมเดินตามขึ้นไป นึกในใจอย่างเดียวว่าอยากกลับที่พักเร็วๆ อยากกลับไปนอนไม่เกินเที่ยงคืนบ้าง ผมเดินตามวิคเตอร์เข้าไปในห้องน้ำของห้องนอนเขา


“ที่โกนหนวดอยู่ในลิ้นชักอ่างล้างหน้า” เขาบอกพลางถอดเสื้อยืดที่เขาใส่อยู่ออกจนเผยหุ่นอันมีมัดกล้ามน่ากัด เอวคอดสุดเซ็กซี่ กล้ามท้องสามเหลี่ยมทรงคว่ำที่ลึกลงไปในขอบกางเกง ก่อนจะถอดกางเกงลงไปกองกับพื้น ผมตาโตรีบหันหนีสภาพเขาที่ใส่กางเกงใน Calvin Klein สีขาวเพียงตัวเดียว ก้าวเท้าเดินไปที่ลิ้นชัก ดึงออกแล้วมองหาเครื่องโกนหนวดของเขาก่อนจะหยิบออกมาเมื่อหาเจอ เอื้อมมือไปหยิบโฟมโกนหนวดที่วางอยู่หน้ากระจกของอ่างล้างหน้า


“ฮ่ะ!!” ผมสะดุ้งตกใจ เปล่งเสียงลมแผ่วออกมาจากปากเมื่อหันกลับมาแล้วเจอวิคเตอร์ยืนอยู่ใกล้ผมในสภาพกางเกงในตัวเดียวแบบเมื่อกี้นี้ นี่ผมคิดว่าเขาจะไปเอาผ้าขนหนูมาพันตัวซะอีก โอ๊ย! นูนจนเห็นเป็นรูปเป็นแท่ง ก็ยังยืนโชว์หน้าตาเฉย หมอนี่นี่หน้าด้านหน้าทนจริงๆ


“ตกใจอะไร มากกว่านี้นายก็เคยเห็นมาแล้ว ทั้งเคยเห็น ทั้งเคยจับ และทั้งเคยโดนมันสัมผัสที่ขาอ่อนไม่ใช่เหรอ” เขาบอกด้วยรอยยิ้มกริ่ม แววตาซุกซน ผมนิ่งไม่พูดอะไร แต่คอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายหนักๆ พยักหน้ารับส่งๆ ไป แล้ววางเครื่องโกนหนวดสีเทาด้ามจับสีดำไว้บนขอบอ่างล่างหน้า จัดการบีบโฟมโกนหนวดสีขาวลงบนฝ่ายมือซ้ายของตัวเอง เขยิบเดินเข้าไปใกล้เขา แล้วเอามือป้ายโฟมไปตามกรอบหน้าที่มีเคราของเขา ก่อนจะใช้มือขวาแตะๆ โฟมอีกเล็กน้อยไปป้ายตรงหนวดใต้จมูก ใต้คาง และรอบขอบปากของเขา ผมต้องใช้ทักษะการแหงนหน้าและเขย่งเท้าเล็กน้อยถึงจะป้ายโฟมได้ถนัด พอทาโฟมเสร็จผมก็หันไปล้างมือ เหลือบมองเขาผ่านกระจกแล้วก็กระพริบตาปริบๆ เอียงคอมองเขาเล็กน้อยแล้วก็แอบยิ้มขำเพราะเขาดูเหมือนซานตาครอสไม่มีผิด แต่รอยยิ้มก็ต้องหายวับไปเมื่อเขาเดินเอาแผ่นอก แผ่นท้องเข้ามาประชิดติดแผ่นหลังผม ส่วนที่ก้นผมโดนเป้านูนๆ ของเขาบดเบียดจนสัมผัสถึงแท่งร้อนของเขาได้


“ถ้านายไม่อยากโดนข่มขืนในนี้ ก็รีบๆ ทำให้เสร็จ” เขาบอกเสียงแหบ แล้วเอาหน้าที่มีโฟมสีขาวเต็มกรอบหน้ามาแนบกับแก้มผมจนโฟมสีขาวเลอะไปทั้งแก้มขวาและใบหู แววตาที่วิคเตอร์จ้องมองกลับมา มันดูดิบเถื่อน จนผมรู้สึกร้อนในอกรุมๆ จนต้องรีบดึงแก้มตัวเองออกห่างจากหน้าเขา หมุนตัวไปใช้มือดันเขาออกห่างจากผมเบาๆ


“ยืนดีๆ สิครับ” ผมบอกเสียงแห้ง ดันอกเขาให้ออกห่างจากผมเบาๆ เขายอมขยับออกไปหนึ่งก้าว เว้นช่องว่างไว้ระหว่างร่างเราสองคนเล็กน้อย ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเบาๆ แล้วหันไปหยิบเครื่องโกนหนวดขึ้นมา มองหาปุ่มเปิดแล้วกดเปิดให้เครื่องทำงาน ผมเงยหน้าขึ้นไปเผชิญสายตานิ่งที่มองกลับมาอย่างตั้งใจ


“เอ่อ… คุณช่วยก้มหน้าลงมาหาผมหน่อยได้มั้ย ผมเตี้ย ผมไม่ถนัด” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากด้วยความขำ ก่อนจะก้มหน้าลงมาหาผม ผมกำลังจะยกเครื่องโกนหนวดที่ส่งเสียงหึ่งๆ ขึ้นไปจัดการหนวดเคราที่หน้าเขาก็ต้องหน้าเหวอและรีบเอื้อมมือไปจับกล้ามแน่นๆ ที่ต้นแขนเขาไว้เมื่อเขาช้อนตัวผมขึ้นไปนั่งบนขอบอ่างล้างหน้าหินอ่อนสีดำ


“ทีนี้เราก็เท่าเทียมกัน” เขาบอกเสียงนุ่ม แววตาชวนร้อนรุ่ม ใบหน้าเราสองคนอยู่ใกล้กัน วันนี้มันเป็นอะไรทำไมเราสองคนถึงได้ใกล้ชิด แนบชิดกันบ่อยเหลือเกิน มันบ่อยเกินไปจนใจผมเริ่มไม่ดีแล้วนะ


“คุณเอาหน้าออกห่างหน่อยก็ได้” ผมบอกเสียงแผ่ว พยายามทำหน้าให้นิ่งเข้าไว้แม้มันจะยาก และหุบขาไว้อย่างแนบแน่นเพื่อไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ แผ่นท้องอันแข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกระด้างของเขาชนหัวเข่าผมอยู่ ก่อนที่เขาจะใช้สองมือจับเข่าผมแยกแล้วแทรกตัวเข้ามายืนหว่างขาผม


โอยยย~ วันนี้ผู้ชายคนนี้ทำหัวใจผมทำงานหนัก หนักมากจริงๆ ให้ตายสิ


“ห่างไปเดี๋ยวนายก็ไม่ถนัดอีก แบบนี้แหละ” เขาบอกเสียงสบายๆ หน้าตาชิวๆ ผมเม้มปากเบาๆ แล้วก็ต้องจำนนต่อสถานการณ์นี้ ผมยกเครื่องโกนหนวดขึ้นมาแต่ก็ชะงักค้างไว้เมื่อวิคเตอร์เท้าแขนสองข้างวางไว้ตรงขอบอ่างล่างหน้า กลายเป็นว่าผมอยู่ในอาณาเขตอ้อมแขนของเขา และเขาอยู่ในอาณาเขตหว่างขาของผม โพสิชั่นอันตรายอีกครั้งของวัน


สงสัยจริงๆ นะว่าวันนี้มันเป็นวันอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้บ่อยจริง


“เอาออกเยอะมั้ยครับ” ผมถาม โดยพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น พยายามไม่จ้องตาของเขาที่มองมาอย่างจับจ้องแต่ไม่จ้องเขม็ง


“ไม่ต้อง อย่าเอาออกหมดนะ ฉันไม่ชอบ” เขาบอกเสียงขุ่น หน้ามุ่ยเหมือนเด็กขี้งอแงเอาแต่ใจ แต่ไม่ต้องเป็นเด็ก อีตานี่เขาก็เอาแต่ใจได้ และบางทีเอาแต่ใจกว่าเด็กด้วยซ้ำ


“ยิ้มอะไรนักหนา ทำไมนายยิ้มง่าย หัวเราะง่ายจัง” เขาถามเมื่อเห็นผมยิ้มและส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ตอนที่เห็นหน้ามุ่ยๆ ของเขา ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง พลางค่อยๆ จ่อที่โกนหนวดไปที่เคราด้านซ้ายของเขาแล้วถูเครื่องไปมาบนเคราเขาอย่างเบามือ


“มันก็ไม่ใช่เรื่องยากไม่ใช่เหรอครับ แค่ยิ้ม แค่หัวเราะเอง” วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาและสีหน้าราวกับกำลังซึมซับกับสิ่งที่ผมพูดไป เขาดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เก็ทเลย


“ผมว่า เดี๋ยวนี้คุณเองก็ยิ้ม ก็หัวเราะบ่อยขึ้นนะ ผิดจากอาทิตย์ก่อนเยอะเลย” ผมบอกยิ้มๆ พลางถูไถเครื่องโกนหนวดไปรอบๆ กรอบหน้าเขาตามไรเคราที่ทาโฟมไว้ เขากระพริบตามองผมนิ่งๆ ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำเอาเอาผมใจหล่นวูบออกมา


“อาจเพราะนาตาชามั้ง เขาชอบพูดอะไรตลกๆ ให้ฉันฟัง” เขาบอกแล้วยิ้มน้อยๆ ราวกับกำลังนึกถึงช่วงเวลาที่เขาและเธออยู่ด้วยกัน มือผมที่กำลังจับเครื่องโกนหนวดไปตามคางและใต้จมูกเขาเกือบหยุดชะงัก แต่ผมก็สลัดความรู้สึกใดๆ ที่แทรกเข้ามาในอกออกไปและตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองที่กำลังทำอยู่ตอนนี้


“พูดถึงเรื่องนี้… ผมอาจจะพูดซ้ำซาก พูดมาหลายครั้ง แต่… คุณล้มเลิกความคิดที่อยากลองมีเซ็กส์กับผมเถอะ ถึงจะแค่เล่นๆ ผมว่ามันก็ไม่ควร คุณมีคุณนาตาชาอยู่แล้ว ถึงจะยังไม่คบแต่คุณก็ควรนึกถึงเธอไว้ ยังไงวันนึงคุณก็ต้องคบกับเธอ อาจจะเป็นพรุ่งนี้เลยก็ได้ ถ้าอยากมีเซ็กส์ คุณก็มีกับเธอ ความอยากรู้อยากลองกับผู้ชาย คุณทิ้งมันไปเถอะ ผมไม่มีอะไรให้ลองหรอก และอย่าคิดไปลองกับผู้ชายคนไหน มันไม่ใช่เรื่องที่ควรต้องมาทดลองหรือทดสอบ และอย่าไปมีอะไรกับผู้หญิงคนไหนง่ายๆ เลยนะครับ…” ผมบอกเสียงเรียบ วิคเตอร์เองก็นิ่งฟัง แต่ไม่รู้จะซึมซับไปได้มากน้อยขนาดไหน


“คุณจะทำให้ผมใช้ชีวิตยากเวลาอยู่ใกล้คุณ ถ้าคุณยังทำแบบนี้อยู่ ผมอยากทำหน้าที่ของผมให้ครบสามเดือนตามปกติ เราสองคนเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง และเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ ถึงผมจะชอบผู้ชาย ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องอยากให้คุณทำอะไรกับผมแบบนี้  มันไม่เหมาะสม คุณอาจจะบอกว่า เล่นๆ สนุกๆ แต่อย่าเลยครับ คุณอาจใช้เซ็กส์ตามหาอะไรให้ชีวิตคุณจนเคยชิน แต่สำหรับผม ผมไม่ชิน เราเพศเดียวกัน แต่ไลฟ์สไตล์เราสวนทางกัน ฉะนั้นอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะครับ คุณเรย์มอนด์” ผมดึงเครื่องโกนหนวดออกจากหน้าเขาเมื่อโกนเสร็จแล้ว เราสองคนสบตากัน ผมมองเขาด้วยความอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ส่วนเขามองกลับมาราวกับกำลังตะลึงกับคำพูดของผมอยู่ ผมหันไปวางเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าลงบนขอบอ่างล้างหน้า แล้วเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับวางไว้หน้ากระจก หันกลับไปหาเขาเอาผ้าขนหนูสีขาวที่คลี่ออกแล้วเช็ดโฟมที่ยังติดค้างอยู่บนหน้าเขาออกให้จนหมดเกลี้ยง ระหว่างนั้นวิคเตอร์ก็ยังคงมองผมด้วยสายตามีแววทึ่งเล็กน้อย ผมคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าใบหน้าเขาดูรกรุงรังน้อยลง แต่หนวดเคราก็ยังคงอยู่ไม่ได้ถูกโกนออกไปจนหมด


“It’s done. You should take a shower, now. And then—if there’s nothing to do, I want to excuse myself. (เรียบร้อยแล้ว คุณอาบน้ำเถอะ แล้วก็… ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับเลยนะครับ)” ผมกระเถิบก้นลงจากขอบอ่างล้างหน้าหินอ่อนสีดำ ลงไปยืนที่พื้น วิคเตอร์เขยิบถอยหลังให้ผมเล็กน้อยเพื่อให้ผมยืนได้ถนัด ผมยิ้มอ่อนๆ เป็นการขอบคุณ เขาจ้องมองกลับมาเหมือนคนกำลังว้าวุ่นใจ คิ้วเขาย่นนิดๆ แววตาเหมือนกำลังสับสน


“Good night Mr.Raymond, and see you tomorrow. (ฝันดีนะครับ คุณเรย์มอนด์ แล้วเจอกันพรุ่งนี้)” ผมบอกแค่นั้น แล้วเดินตรงไปยังประตูห้องน้ำด้วยอาการหนักอึ้งในหัวที่พร่าเบลอและในอกที่สั่นไหว



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 13:55:09


ผมเดินถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ รู้แต่ว่าถอนมาตั้งแต่เดินออกมาจากบ้านวิคเตอร์ยันมาถึงหน้าบ้านป้าแมร์รี่ แต่ก็ไม่ได้ถอนถี่ๆ หรอกนะ เว้นช่วงสักพักแล้วค่อยถอนใหม่ ราวกับมันมีจังหวะของมัน


“นี่ไง สุดที่รักมึงกลับมาแล้ว” เสียงแว่วๆ ดังขึ้นเมื่อผมเดินผ่านบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านของป้าแมร์รี่ ผมหันไปมองด้วยความเลื่อนลอยก็เห็นเอิร์ทกำลังเดินตรงมาทางผมหน้าตานิ่ง แต่แววตาดูร้อนรน


“ไอ้ฝรั่งนั่นมันเป็นใครกันแน่แมท” เอิร์ทถามเสียงเหมือนจะดังแต่ก็ไม่ได้ดังลั่น ผมที่กำลังล่อยลอย ถึงกับทำหน้ามึนแล้วนิ่งเงียบใส่เอิร์ท บาสเห็นแบบนั้นก็เข้ามาดึงไหล่เอิร์ทให้ออกห่างจากผมเล็กน้อย


“ใจเย็นไอ้ห่าเอิร์ท มึงยังไม่ใช่ผัวเขานะ” บาสนิ่วหน้าใส่เพื่อน เอิร์ทถอนหายใจหนักๆ แล้วก็ค่อยๆ มีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น


“นี่ยังไม่นอนกันอีกเหรอเนี่ย” ผมถามด้วยความงงปนความเอ๋อ มองหน้าสองหนุ่มหล่อต่างสายพันธ์ เอ้ย! ต่างเชื้อชาติ คนหนึ่งไทยแท้ อีกคนก็อาตี๋แต่ตาสองชั้น


“จะนอนได้ไงล่ะ ไอ้เอิร์ทมันง้องแง้งอยากเจอแมททั้งวัน” ผมตาโต หันไปมองเอิร์ทที่ไม่โต้เถียงอะไรกับคำพูดของเพื่อน


“อยากเจอเรา? มีอะไรรึเปล่าเอิร์ท”


“มีดิ ที่ถามไง ไอ้ฝรั่งคนนั้นมันเป็นใครกันแน่ มันไม่ได้เป็นแค่เจ้านายใช่มั้ย” แล้วผมก็ทำหน้าว่า อ๋อ ด้วยความเข้าใจว่าเอิร์ทต้องการเจอผมเพราะอะไร ผมส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะตอบ


“แค่เจ้านายจริงๆ เอิร์ท ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น และก็… ไม่มีวันมีอะไรด้วย” ประโยคท้ายผมพูดเสียงแผ่ว รู้สึกหน่วงๆ ในใจเมื่อพูดไปแบบนั้น


“แต่มันกอดแมท” เอิร์ทบอกเสียงขุ่น หน้าตาก็ขุ่นเคือง


“ก็แค่กอดแกล้งๆ เท่านั้นแหละ เจ้านายเราเขาชอบเล่น ชอบแกล้งแบบนั้นประจำ” ผมบอกแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างอ่อนแรงให้เอิร์ท ใบหน้าวิคเตอร์แว้บเข้ามา ผมรีบสกัดความคิดตัวเองที่เกี่ยวกับเขาออกไปจากหัว


นึกอยากไปเรียนการสกัดใจกับศาสตราจารย์สเนปแห่งแฮร์รี่ พ็อตเตอร์จริงๆ


“เล่นเหี้ยไรแบบนั้นวะ แล้วแมทก็ยอมให้มันเล่นเนี่ยนะ นี่ถ้าเกิดมันอยากเอาแท่งฉี่มันกระแทกก้นแมทเล่นๆ แมทจะทำไง” ผมเบิกตากว้างกับคำพูดของเอิร์ท ที่เบิกตากว้างไม่ได้ตกใจที่เขาพูดแบบนั้นนะ แต่แอบสะดุ้งเบาๆ เพราะที่เอิร์ทว่ามามันก็เกือบเกิดขึ้นแล้ววันนี้ในห้องน้ำและในสวนหลังบ้าน


ป้าบ!


“โอ๊ย! ไอ้เหี้ยบาส มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย” เอิร์ทโวยทันทีเมื่อเจอบาสเสยหลังหัวเข้าไปเต็มๆ บาสมองเอิร์ทด้วยความหมั่นไส้


“พูดเหี้ยไร ให้เกียรติแมทหน่อย เขาไม่ได้ถ่อยเหมือนมึงนะ กูรู้ว่ามึงหวง แต่มึงยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะไอ้สัส”


“เออ กูหวงแมท กูหึงด้วย และกูก็อยากเป็นอะไรกับแมทมากกว่าเพื่อนแล้วด้วย!” เอิร์ทพูดด้วยอารมณ์ที่มาเต็ม หน้าตาเขาดูซีเรียส ท่าทางก็ดูเอาจริงเอาจัง ผมรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนฉ่าเมื่อได้ยินเอิร์ทพูดแบบนั้น บาสเองยังดูอึ้งไปเหมือนกัน


“มันไม่ได้ชอบแมทใช่มั้ย” เอิร์ทถามอีกทีหลังจากที่ดูเหมือนว่าเขาจะสงบสติอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงได้บ้าง ผมแค่นยิ้ม เป็นเหมือนรอยยิ้มเยาะหยันตัวเอง ผมมองหน้าเอิร์ทแล้วพูดเสียงแผ่วเบา


“เอิร์ท เจ้านายเราเขาเป็นผู้ชาย เขามีผู้หญิงตั้งมากมายให้เลือก เขาไม่มาเลือกผู้ชายตุ๊ดแตกอย่างเราหรอก”


“ไอ้เอิร์ทมันก็ผู้ชาย และมันก็มีผู้หญิงเป็นฮาเร็มยิ่งกว่าเจ้าเมืองโกสัมพี แต่มันยังชอบแมทเลยนะ” ผมหัวเราะน้อยๆ พร้อมรอยยิ้มกว้าง เอิร์ทหันขวับไปมองบาสด้วยหน้าตายุ่งๆ


“ประโยคมึงจะดีกว่านี้มาก ถ้ามึงไม่พูดว่ากูมีผู้หญิงเป็นฮาเร็ม ไอ้เหี้ยบาส” เอิร์ทยกมือเสยหลังหัวบาสเสียงดัง ผั่บ! ไปหนึ่งที


“อ้าว ไอ้เชี่ยโลกวินาศ กูช่วยมึงอยู่นะเนี่ย” เอิร์ทหันหน้าหนีบาสมาสนใจผมแทน ปล่อยให้บาสยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ


“แล้วแมทล่ะชอบมันรึเปล่า” ผมอ้าปากจะตอบ สมองและปากผมพร้อมตอบว่า ‘เปล่า! เราไม่ได้ชอบ’ แต่ใจผมกลับกำลังเต้นระรัวกับคำถามของเอิร์ท และนั่นมันก็ทำให้ผมอ้อมแอ้มอยู่ครู่หนึ่ง


“เปล่า… เราไม่ได้ชอบเขา” ผมตอบเสียงเบาหวิว แล้วเงยหน้าสบตาเอิร์ทที่มองมาหน้านิ่วคิ้วขมวด สายตาเหมือนกำลังจับจ้องหาสิ่งผิดปกติกับท่าทีและคำพูดของผม ผมพยายามยิ้มตอบกลับไปเพื่อให้เอิร์ทเลิกทำหน้าขรึมแบบนั้น


“แมท…”


“ว่า…” ผมยิ้มแล้วเลิกคิ้วขึ้นมองเขาด้วยความสงสัย บาสหันมามองเอิร์ทด้วยท่าทีที่เหมือนรู้ว่าเอิร์ทกำลังจะทำอะไร แล้วเอิร์ทก็พูดออกมาเสียงทุ้มพร้อมกับแววตาแสนอ่อนโยน ทำให้ใบหน้าหล่อเข้มของเขาดูอ่อนลงและแลดูอบอุ่นหัวใจยามที่ได้มอง


“คบกับเอิร์ทได้มั้ย…”


 :hao4:

[อ่านตอนต่อไปได้ที่ด้านล่งเลยค่ะ]



หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 14:00:46

CHAPTER 14 :: The first wish from the gift of God.


# 4 สัปดาห์ผ่านไป


“I love you. (ฉันรักคุณค่ะ)” เสียงหัวเราะคิกคักพร้อมเสียงจุ๊บปากดังคลอมาจากทางประตูบ้าน ไม่ต้องบอกว่าตอนนี้กำลังคลอเคลียและนัวเนียแค่ไหน สงสัยเมื่อคืนคงยังไม่หนำใจ เลยกะจะมาต่อกันเช้านี้อีก ผมได้แต่ยืนนิ่ง ขบกรามเบาๆ แล้วเอาจานที่ล้างเสร็จแล้ววางบนตะแกรงเหล็กที่พักจาน


“ฉันไม่อยากไปเลย” เสียงออดอ้อนของนาตาชาดังแว่วมา เสียงหัวเราะทุ้มๆ ของวิคเตอร์ดังขึ้น ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงจุ๊บปากอีกรอบ


“เดี๋ยวตอนเย็นก็เจอกันแล้ว เสร็จงานแล้วโทรบอกผมละกัน เดี๋ยวผมไปรับ” เขาบอกเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังที่กับผมแล้วแทบจะนับครั้งได้ที่จะได้ยินแบบนั้น ได้ยินบ่อยคงเป็นช่วงที่เขาคิดอยากจะลองมีเซ็กส์กับผมนั่นแหละ ใช้เสียงนี้ทีไรคือการตะล่อมให้ผมสมยอมนั่นเอง


“งั้นฉันไปนะคะ” ผมหยิบผ้าเช็ดมือสีขาวผืนเล็กขึ้นมาซับน้ำที่มือ แล้วหันกลับไปเก็บอาหารสดที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนกลางห้องครัวเข้าตู้เย็น


“นี่ เดี๋ยวนายช่วยซักชุดของนาตาชาให้ด้วยนะ ฉันเอาไปไว้ให้ในห้องซักรีดแล้ว” ผมหน้านิ่งพยักหน้ารับไปเรื่อยเปื่อย มือก็วุ่นวายกับการเก็บของ เพราะขี้เกียจจะพูดต่อปากต่อคำ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่ซักเสื้อผ้า


เขายิ้มแล้วยักคิ้วให้ผม ก่อนจะเดินหายไปทางบันไดขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วคลี่ยิ้มอย่างเอื่อยๆ ให้ตัวเอง ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนใช้บ้านนี้เต็มตัว คือแค่ต้องดูแลวิคเตอร์คนเดียวก็เหนื่อยพออยู่แล้ว นี่ยังต้องมาคอยดูแลเมียใหม่มาดๆ ของเขาอีกด้วย นี่ดีนะที่ผมไม่ต้องคอยรองรับอารมณ์ของเขาคนเดียวแล้ว เพราะมีนาตาชามาร่วมแชร์ด้วย ไม่งั้นผมคงเหนื่อยไม่เสื่อมคลาย และที่สำคัญเขาไม่แสดงอาการความหื่นหรือความอยากลิ้มลองในตัวผมอีก เพราะเอาเวลาไปลิ้มลองกับนาตาชาหมด รู้สึกเสียดาย เอ้ย! รู้สึกขอบคุณยัยนาตาชาหน้าเหลี่ยมมา ณ ที่นี้มาก


หลังจากที่ผมเคลียร์กับเขาในห้องน้ำไปตอนโกนหนวดได้ไม่กี่วัน วิคเตอร์กับนาตาชาก็ตกลงปลงใจคบกัน ไม่อยากจะบอกว่าตอนนี้ความรักกำลังเบ่งบานและดูท่าไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียวที่บาน อย่างอื่นของนาตาชาคงบานด้วย เพราะมานอนค้างที่นี่แทบทุกคืน แน่นอนว่าคนเป็นแฟนกัน พอนอนค้างด้วยกันมันก็ต้องมีซัมติงออนเดอะเบดแน่ๆ (Something on the bed)  วิคเตอร์กับนาตาชาก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว คิดหรอว่าจะแค่นอนเกี่ยวก้อยกันเฉยๆ การันตีได้จากเสียงร้องอย่างถึงอกถึงใจของทั้งสองคนตอนที่ผมบังเอิญเดินขึ้นไปเอาผ้านวมจากห้องนอนของแขกชั้นสอง (ที่เขาเคยพายัยสองแมลงสาบเพื่อนซี้มากินตับนั่นแหละ) มาซักแล้วสองคนนั้นคงอารมณ์พุ่งพล่านมากจนลืมปิดประตู และคงลืมคิดด้วยว่าผมก็ยังอยู่ในบ้านด้วย


ผมปิดประตูตู้เย็นหลังจากยัดของสดที่เหลืออยู่ไปหมดแล้ว เรื่องอาหารผมก็ต้องทำให้มากขึ้นในบางวัน เพราะมีนาตาชามาร่วมทานด้วย ช่วงแรกๆ ผมก็ยังพอหน้าด้านหน้าทนนั่งทานข้าวกับพวกเขาได้นะ แต่สักพักเริ่มรู้สึกเอียนและอึดอัดกับการแสดงความรักที่ล้นอกล้นใจของทั้งสองคนเหลือเกิน จนต้องคอยทานหลังจากพวกเขาทานเสร็จแล้ว ผมล่ะเข้าใจคำว่าข้าวใหม่ปลามันก็จากสองคนนี้นี่แหละ


ส่วนระหว่างผมกับวิคเตอร์ก็มีสถานะและระยะห่างเหมือนเดิม คือทุกอย่างก็ยังคงปกติและเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม มีลดลงก็คืออาการคุกคามทางเพศผมนั่นแหละ เพราะหลังจากที่ผมบอกไปอย่างจริงจังและจริงใจในห้องน้ำ เขาก็เหมือนจะรู้แล้วว่าผมจริงจังกับคำพูดนั้นแค่ไหน หลังจากวันนั้น ในช่วงแรกๆ ผมก็รู้สึกห่อเหี่ยวอยู่เหมือนกันนะ ก็… แบบว่าเขาชอบบริหารกล้ามเนื้อหัวใจผมให้ได้ออกแร้งเต้นตึกตักอยู่บ่อยๆ หัวใจผมที่มันเคยแห้งแล้งมาก่อน ที่เคยห่อเหี่ยวมาสักพัก มันก็ได้ขยับเพราะเขาเนี่ยแหละ พอเขานิ่งไป หยุดทำจริงๆ ก็ดันรู้สึกแปลกๆ ซะงั้น (อ้าว?!)


คือถามว่าผมชอบมั้ยที่เขาทำแบบนั้น ยอมรับว่ามันก็มีชอบบ้าง หวั่นไหวบ้าง ก็แหม เล่นกอด เล่นซุกไซร้ ใกล้ชิดกันขนาดนั้น ก็ทำเอาผมอดตื่นเต้นไม่ได้ แล้วผมเองซึ่งไม่เคยได้ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนเท่าเขามาก่อน ก็มีอ่อนยวบยาบบ้างล่ะ  แต่พอคิดถึงเหตุผลหลักที่เขาทำแบบนั้นเพียงเพราะต้องการลอง ต้องการแกล้ง เห็นเป็นแค่เรื่องเซ็กส์ ผมก็เลิกหน่วงในใจ กลับคืนสภาวะปกติ


แต่… ก็ใช่ว่าจะทำได้ทั้งหมดหรอก เหมือนจะดี เหมือนจะทำได้ดี แต่ก็ยังไม่ดี ยิ่งเวลาเห็นวิคเตอร์อยู่กับนาตาชาแล้วแสดงความรักกัน ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดี ใช่ว่าผมจะโง่ไม่รู้ตัว แต่ผมไม่อยากเจ็บ ไม่อยากถลำลึกอะไรไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้ก็เจ็บจี๊ดๆ ไม่น้อย ไหนจะยังแผลเก่าที่ทิ้งรอยช้ำไว้ในใจ ให้เก็บมาตอกย้ำเสมอๆ ว่า ผมเป็นผู้ชาย ยังไงก็ต้องเจ็บเต็มๆ คนเดียว ถ้าคิดจะชอบจะรักผู้ชายแท้ๆ ด้วยกัน มันไม่มีวันของผมหรอก ยังไงเขาก็ต้องเลือกผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกสร้างมากับผู้ชาย


ฉะนั้นที่ผมทำได้คือเบรกตัวเองซะตั้งแต่ตอนนี้ ผมบอกใจตัวเองว่า มันดีแค่ไหนแล้ว ที่รู้สึกไปแค่นี้ ที่รู้สึกแค่แรกเริ่ม ดีกว่ามากไปกว่านี้แล้วความเจ็บก็ถาโถมเข้าหาผมคนเดียว เพราะยังไงคำตอบของโจทย์นี้คือ ผมก็ต้องเจ็บแบบเดิมอีก ผมไม่อยากได้ยินแบบที่เคยได้ยินจากปากพี่เอกอีกแล้วที่บอกว่า เป็นผู้ชายกับผู้ชายจะรักกันได้ไง แค่ครั้งเดียวก็ทำเอาผมใจสั่นวูบจนกลายเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ


สู้ทำใจให้เข้มแข็งไว้ดีกว่า อีกสองเดือนนิดๆ ผมก็กลับไทยแล้ว ผมถือว่าตัวเองเก่งมากแล้วนะที่อยู่รอดปลอดภัยมาได้เดือนครึ่งแล้วเนี่ย


“ฮัลโหล… อุ้ย!” ผมกำลังจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูเพื่อคุยกับคนในสาย แต่ด้วยความที่สองมือกำลังวุ่นวายคัดผ้าลงเครื่องซัก มันเลยตกลงไปบนกองผ้าน่วม ผมรีบวางเสื้อผ้าในมือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับใหม่อีกรอบ


“ฮัลโหลเอิร์ท…เออ โทษที พอดีเมื่อกี้ซักผ้าอยู่…โหย ไม่กล้ารับปากเลยอ่ะ เดี๋ยวขอถามเจ้านายก่อนได้มั้ยว่าถ้าเขาไปรับแฟนเขาแล้ว เราต้องทำอะไรอีกรึเปล่า…โอเค ได้ๆ เดี๋ยวเราโทรบอกนะ…”


[คิดถึงเอิร์ทมั้ย] ผมย่นคิ้วนิดๆ แล้วยิ้มขำๆ ก่อนจะใช้มือขวาที่ว่างหยิบเสื้อเชิ้ตขาวลงไปในเครื่องซัก


“เพิ่งห่างกันเมื่อเช้านี้เองนะ อะไรจะขนาดนั้น” ผมเอ่ยด้วยรอยยิ้มแซวๆ นึกขำกับความมุ้งมิ้งของเอิร์ท ไม่อยากเชื่อว่าคนหน้าเข้มๆ ท่าทางห่ามๆ อย่างเขาจะชอบพูดอะไรแบบนี้ เดี๋ยวนี้เขาชอบแทนตัวเองว่า เอิร์ท กับผม มันก็ดูน่ารักดีนะ แค่จั๊กจี้เล็กน้อยเวลามองหน้าเข้มๆ ของเขา ฮ่าๆๆ


ถ้าจะชอบจะรักผู้ชายด้วยกัน ก็คงต้องมองผู้ชายแบบเอิร์ทนี่แหละ เพราะมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า อีกอย่างเอิร์ทก็เผยตรงๆ แล้วว่าชอบผม ผมว่ามันก็คงจะดีล่ะมั้ง ถ้ามองคนที่เขาชอบเราไว้ก่อน ถ้าเจ็บก็เจ็บน้อยกว่าคนที่เขาไม่ชอบและไม่คิดจะชอบเราเลยด้วยซ้ำ


[เมื่อคืนแมทไม่ให้เอิร์ทนอนกอดอ่ะ ถ้าให้กอดจะไม่บ่นงี้หรอก] ป๊าดดด! ผมหัวเราะเบาๆ พร้อมกับโยนผ้าสีไปไว้อีกตะกร้า


“ทำอย่างกับคืนอื่นๆ ได้นอนกอดงั้นแหละ”


[แล้วเมื่อไหร่จะให้กอดล่ะ]


“ให้เมื่อไหร่เดี๋ยวบอก” ผมกับเอิร์ทหัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่ามีใครมาอยู่ตรงหน้าประตูห้องซักรีด หันไปมองก็เห็นวิคเตอร์ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดขาว กางเกงนอนสีเทาเนื้อนุ่มขายาวกำลังยืนกอดอกพิงกรอบประตูหรี่ตามองผมจนรู้สึกประหม่า


“แปบนึงนะ…” ผมบอกเอิร์ทแล้วดึงมือถือออกจากหู


“มีอะไรให้ผมทำรึเปล่าครับ” ผมหันไปถามด้วยความหวั่นในอกเล็กๆ เพราะเห็นสายตานิ่งๆ ที่มองมาแล้วรู้สึกว่านั่นไม่โอเค หรือพูดง่ายๆ คือกลัวเขาจะด่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะด่าอะไร แต่ทำหน้าตานิ่งจนเกือบดุแบบนั้น ผมคิดว่าจะด่าไว้ก่อน


“มี…” เขาตอบกลับนิ่งๆ แล้วเดินตรงมาที่ผม แต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามาใกล้อะไรมาก มีกองผ้าน่วมกั้นกลางระหว่างเราสองคนอยู่


“ รีบจัดการให้เสร็จ อย่ามัวแต่คุยเพลิน นี่มันเวลางาน” ไม่ถึงกับด่า แต่ก็เหมือนกำลังเตือนกลายๆ ว่าที่ผมทำอยู่นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ ผมเลยดึงโทรศัพท์กลับมาที่เดิม


“เอิร์ท เดี๋ยวตอนเย็นเราโทรหานะ”


[โดนไอ้พระเอกด่าอีกแล้วดิ] เอิร์ทสื่อถึงวิคเตอร์ ตอนแรกเขาไม่รู้จักวิคเตอร์เลย เพราะเขาเป็นคนไม่ดูละคร ไม่ดูซีรีส์ ชอบดูแต่หนัง แต่เขามารู้จักเพราะเอาชื่อวิคเตอร์ไปเสิร์จในกูเกิ้ล แต่ก็รู้จักแค่ผิวเผิน เอิร์ทบอกไม่ได้อยากรู้จัก ไม่ได้รักไม่ได้บ้าดารา และยิ่งเป็นวิคเตอร์เขายิ่งไม่ชอบ ไม่บ้าเลยแหละ


“ตอนนี้ยัง แต่ถ้ายังไม่วาง โดนแน่ แค่นี้ก่อนนะ” เอิร์ทรับคำสั้นๆ ผมกดวางสายแล้วยัดมือถือลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์เอวสูงที่ใส่อยู่ ก่อนจะหันไปมองวิคเตอร์พร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ


“ขอโทษครับ” ผมเอ่ยเสียงอ่อยแล้วหันไปยกตะกร้าผ้าสีเทลงไปในถังซักผ้าอีกถังที่อยู่ข้างๆ ถังซักผ้าขาวที่กำลังปั่นอยู่ตอนนี้ จัดการเทผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม เปิดน้ำใส่ถัง แล้วก็ปิดฝา พอหันกลับไปจะเอากองผ้าน่วมไปซักเครื่องใหญ่ ก็ยังคงเห็นว่าเขายืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน


“คุณไปรอข้างนอกก่อนมั้ย เดี๋ยวผมเสร็จตรงนี้แล้วจะตามไป”

“ทำไม? นี่บ้านฉัน ฉันจะยืน จะอยู่ตรงไหน ต้องให้นายสั่งด้วยเหรอ” อ้าว?! ผมทำหน้าเอ๋อแดก เมื่อได้ยินเขาพูดเสียงขุ่น หน้าตาเคืองๆ


นี่มันอะไรวะเนี่ย พูดอะไรผิดอีกล่ะ เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีๆ กับเมียรักอยู่เลยปะวะ ไปโดนอไรทุบหัวมาเนี่ยถึงได้หน้าบูดแบบนั้น เริ่มรู้สึกอยากให้นาตาชากลับมาร่วมแบ่งเบาภาวะอารมณ์ของสามีเธอเหลือเกิน


“ปะ… เปล่าครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณมายืนอึดอัดอยู่ในห้องนี้” ผมบอกเสียงอ่อยแล้วก้มหน้าหลบตาเขา ก้มตัวลงไปหยิบผ้านวมผืนแรกออกมาจากกอง


“นายมากกว่ามั้งที่อึดอัด ท่าทางไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวเลยนี่เวลาฉันอยู่ใกล้ๆ ทำไม? คิดว่าฉันจะทำอะไรนายอีกงั้นเหรอ” ผม
ย่นคิ้วมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร ได้แต่หอบผ้าน่วมผืนแรกไปที่ถังซัก


“หรือว่าอยากให้ฉันทำอะไร ที่พูดๆ ไปตอนนั้นก็แค่เล่นตัวให้ดูยากไปงั้น” ผมหน้าตึงทันที ก่อนจะกระแทกผ้าน่วมลงไปในถังซักแล้วหันกลับไปเผชิญหน้าเขาด้วยหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์


“ไม่ทราบว่าผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจอีกล่ะครับถึงได้มายืนพูดจากระแนะกระแหนอยู่เนี่ย” ผมตวัดสายตามองค้อนเขา แล้วเดินกลับไปอุ้มผ้านวมอีกสองผืนด้วยความโมโห พยายามจะเอามาทั้งหมดที่เหลืออยู่อีกสองผืน แต่คิดว่าถ้าไม่อยากให้ถังพังก็ไม่ควรซักทีเดียวพร้อมๆ กัน 


วิคเตอร์เงียบไป ผมก็ไม่ได้หันไปสนใจ แต่รีบจัดการผ้าน่วมที่เพิ่งยกไปให้เรียบร้อย พอจัดการเสร็จผมก็หันไปหาเขาที่ยืนทำคิ้วย่นเหมือนคนกำลังสับสนอับจนหนทางไป


“อ้อ ถ้าหลังจากที่คุณไปรับคุณนาตาชาแล้ว ผมขออนุญาตกลับเลยได้มั้ย” ผมเอ่ยขอเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและยืนรอคำตอบอย่างสงบ วิคเตอร์คลายอาการย่นคิ้วออกแล้วมองผมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ


“ฉันยังตอบตอนนี้ไม่ได้” เลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วยักไหล่ทั้งสองข้างน้อยๆ แล้วพยักหน้ารับคำเขา ก่อนจะหันสายตาไปมองทางอื่นเพื่อหลบสายตาของเขาที่มองมา แต่ผมก็หันหนีได้แปบเดียวก็ต้องหันกลับไปมองเขาใหม่เพราะเขาเล่นมองผมตาแทบไม่กระพริบ
ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วเอียงคอมองเขาด้วยความข้องใจว่าเขามองอะไร กระพริบตาปริบๆ มองกลับไปอย่างฉงนว่าจ้องอะไรขนาดนั้น แววตาวิคเตอร์เปลี่ยนจากเฉยเมยเป็นวาววับเหมือนเสือที่เจอเหยื่อแล้วพร้อมพุ่งตะครุบเข้าใส่


“ทำไม…” เสียงแหบพร่าของเขาดังขึ้น เขาทำท่าเหมือนอยากจะพูด อยากจะถามอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็รอฟังด้วยความอยากรู้ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นในกระเป๋ากางเกงนอน เขายืนมองผมด้วยแววตาดิบเถื่อนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยอมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนอนของเขาแล้วยกขึ้นมาดู เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือถือมาให้ผมที่ทำหน้าเหวอ


“เบอร์แปลก ใครก็ไม่รู้ รับให้หน่อยซิ” เขาดูไม่พอใจที่เห็นว่าเป็นเบอร์ใครก็ไม่รู้โทรเข้ามา ซึ่งผมก็พอเข้าใจกับนิสัยชอบความเป็นส่วนตัวของเขานะ ผมยื่นมือออกไปรับมือถือเขามาแล้วกดรับให้เขา


“Hello? (สวัสดีครับ)” ผมกรอกเสียงใสลงไป เสียงจากปลายสายซึ่งเป็นผู้หญิงตอบกลับมา


“Is that Victor Raymond? (นั่นคุณวิคเตอร์ เรย์มอนด์รึเปล่าคะ)” ผมสบตากับเจ้าของโทรศัพท์ที่ผมกำลังถืออยู่ เขาเลิกคิ้วมองกลับมาราวกับจะบอกให้ผมพูดต่อไป


“He’s not available, now. Could you leave a message to me? I am his artist moderator. (ตอนนี้เขาไม่สะดวกรับสายครับ แต่ผมเป็นผู้ดูแลเขา ฝากข้อความไว้กับผมก็ได้นะครับ)”


“Oh? You are? That’s okay. So, could you tell him that…? (โอ้ งั้นเหรอคะ งั้นก็ได้ค่ะ ช่วยบอกเขาทีค่ะว่า…)” สิ้นเสียงของผู้หญิงปลายสาย ผมก็ตาโต อ้าปากหวอ จนวิคเตอร์ที่ยืนมองอยู่มองกลับมาด้วยความตกใจ ผมรู้สึกว่าเหมือนลมหายใจจะขาดห้วงหายไป ให้ตายสิ!


“Really??!! Oh!! Fuck Yeahhh!!! (จริงหรอครับ??!! โหย!! แม่งเจ๋งสัส!!!)” วิคเตอร์ถึงกับสะดุ้งตาโตด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมแหกปากอย่างดัง ก่อนจะหัวเราะอ้าปากกว้างด้วยความสุขใจ แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามตั้งสติคุยกับคนในสายต่อ ผมรู้สึกว่าขอบตาตัวเองฉ่ำไปด้วยน้ำตาแห่งความดีใจ


“Yes! Yes! I will tell him. Thank you! Thank you so much! See you soon! (ครับ! ได้ครับ! ผมจะบอกเขาให้ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ แล้วเจอกันเร็วๆ นี้ครับ!)” ผมวางสาย แล้วเงยหน้ามองวิคเตอร์ที่ทำหน้าตางุนงงอยู่ ผมฉีกยิ้มกว้างแล้วพุ่งตัวเข้าไปกอดเขาไว้แน่นอย่างเร็วจนอีกฝ่ายผงะถอยหลังไปเบาๆ แต่เขาก็โอบอ้อมแขนกอดตอบโดยสัญชาตญาณของร่างกาย


“Victor!!! Congratulations! (วิคเตอออร์!!! ยินดีด้วยนะ!)” ผมดันตัวเองออกจากแผ่นอกของเขาที่ผมซบอยู่ เงยหน้ามองหน้าเขาที่ยังคงมีสีหน้าไม่เข้าใจเรื่องราวอยู่ ผมหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นสีหน้านั้น ในอกตื่นเต้นอยากจะพูดในสิ่งที่ตัวเองได้ยินมาจนรู้สึกลนลานไปหมด ผมฉีกยิ้มด้วยความตื่นเต้นและความดีใจ แทบจะเห็นความเป็นประกายในดวงตาตัวเองจากเงาสะท้อนในดวงตาเขา ยิ่งมองหน้าเขาก็ยิ่งรู้สึกดี วิคเตอร์ย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ผมยิ้มแล้วก็กระชับอ้อมแขนตัวเองที่กอดเขาไว้อยู่ ซบหน้าลงไปกับอกเขาอีกรอบ วิคเตอร์เองก็กระชับอ้อมแขนเขาที่โอบรอบตัวผมอยู่


“นี่ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้มั้ยว่ามากอดฉันทำไม หรือนายแค่อยากกอดเฉยๆ” เขาว่าเสียงทุ้มน่าฟังที่ข้างหูซ้าย อ้อมแขนเขากระชับแนบแน่นขึ้น ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วตัวผมจนผมยิ้มแก้มแทบปริ ทั้งดีใจกับเรื่องที่รู้มา ทั้งรู้สึกดีกับอ้อมกอดนี้ โอยยย มันปนกันไปหมด ผมรีบดันหัวตัวเองออกเพื่อจะบอกข่าวดีกับเขา แต่ด้วยความรีบและความอเลิร์ทของผมที่มีมากเกินไปในเวลานี้ ทำให้ผมเสียการทรงตัวตอนดีดหัวออกจากอกเขา รู้สึกว่าจะหงายหลัง วิคเตอร์ที่ใช้อ้อมแขนประครองร่างผมอยู่ถึงกับหน้าเหวอไปด้วยเมื่อเกิดแรงโน้มถ่วงพาร่างเราสองคนล้มลงไปที่พื้น


“เฮ้ย!!” เสียงวิคเตอร์ตะโกนลั่นเมื่อร่างผมโน้มตัวไปด้านหลังแล้วเขาก็โน้มตัวมาด้านหน้าตามมาติดๆ ผมก็หน้าเหวอไปนิด ยกมือคว้าที่ไหล่กว้างของเขา ก่อนที่จะรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มที่หลัง


“เพี้ยนอะไรอีกเนี่ย ดีนะมีผ้านวมวางอยู่ ไม่งั้นนายหลังหักแน่!” เขาว่าเสียงดุ หน้าตาก็ดุตามไปด้วย แต่ผมอารมณ์ดีเกินกว่าที่จะมาหวาดกลัวหรือคอหดใส่เขา


“ฮ่าๆๆๆ เย้! วู้ววว!” ผมอ้าปากกว้างส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง จนวิคเตอร์ที่คร่อมร่างผมอยู่ด้านบนถึงกับขมวดคิ้วมอง


“บอกได้รึยังว่านายดีใจเรื่องอะไร แล้วฉันมีเรื่องอะไรให้น่ายินดี” เขาถามเสียงทุ้ม ค่อยๆ ดึงลำแขนออกจากหลังผมช้าๆ ก่อนจะใช้ข้อศอกกับช่วงแขนทั้งสองข้างยันตัวเขาไว้เหนือร่างผม โดยที่ผมนอนทับผ้าน่วมอยู่ด้านล่างเขา และใช้ขาเกี่ยวรอบเอวคอดสุดเซ็กซี่ของเขาไว้แน่น ราวกับจะจับเขาล็อคไว้ในท่านี้เพื่อที่จะได้บอกข่าวดีเขาได้ถนัดๆ ผมเลื่อนมือไปจับที่ช่วงต้นลำคอของเขาไว้ ใบหน้าเราสองคนชิดใกล้กันในรอบหนึ่งเดือน


วิคเตอร์กระตุกยิ้มที่มุมปาก ผมก็ยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้างตาม ก่อนจะบอกข่าวดีเขาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น


“เมื่อกี้ค่ายหนังโทรมา เขาบอกว่าคุณได้เล่นหนังชุดเรื่อง The Learner! (เดอะ เลินเนอร์) แล้วนะ!” ผมบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างขวาง วิคเตอร์หน้านิ่งไป แต่แววตาเขากำลังงุนงง กระพริบตาปริบๆ จ้องมองผมกลับมาราวกับเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด จนผมอดยิ้มกว้างไม่ได้กับความน่าเอ็นดูของเขา ผมเลื่อนมือขึ้นไปจับที่กรอบหน้าของเขาทั้งสองข้าง รับรู้ถึงความสากและความหยาบของเคราเขาที่ได้โกนอีกครั้งเดียวหลังจากที่ผมโกนให้รอบนั้น ผมจับกรอบหน้าเขาไว้เบาๆ เราสองคนสบตากัน ปลายจมูกเกลี่ยไล้กันไปมา


“เซ็ทหนังสือที่ผมบอกว่าผมชอบอ่านไง ที่คุณไปแคสติ้งเดือนที่แล้วไงครับ ตอนที่ผมมาถึงนี่ใหม่ๆ ไง! บทพระเอกเลยนะที่คุณได้เล่น บทพระเอก!” ผมบอกจนลิ้นแทบพันกัน เพราะกลัวว่าจะบอกเขาขาดตกบกพร่อง ผมจับใบหน้าเขาโยกซ้ายขวาไปมาเบาๆ วิคเตอร์อ้าปากหวอ ก่อนที่ความดีใจของเขาจะเริ่มแผ่ไปรอบใบหน้าและดวงตา


“จริงเหรอ?!” เขาถามด้วยความตื่นเต้น แววตามีทั้งแววความดีใจและความอึ้ง ผมยิ้มกว้างอีกที แล้วจับหน้าเขาไว้ให้มั่น มองตาเขาอย่างตั้งใจแล้วบอกเสียงดังฟังชัด


“จริงครับ! คุณผ่านการแคสติ้งแล้ว คุณกำลังจะได้เล่นเป็นพระเอกหนังใหญ่แล้วนะวิคเตอร์!” ตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าเรียกเขาว่าวิคเตอร์แทนว่าเรย์มอนด์ ตอนนี้อารมณ์ดีใจพาไปหมดจนลืมเรื่องชื่อเรียกเขาไปละ


วิคเตอร์ค่อยๆ ฉีกยิ้มเป็นรอยยิ้มกว้างเมื่อเขาตั้งสติรับรู้จากการยืนยันของผมอีกรอบ รอยยิ้มที่นานๆ ที่ผมจะเห็น รอยยิ้มที่เห็นฟันเรียงตัวสวยของเขา เวลายิ้มทีก็จะมีร่องแก้มเหมือนลักยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้หน้าเขาดูอ่อนโยน มีเสน่ห์ ทั้งหล่อและน่ารักในเวลาเดียวกัน แถมยังเป็นรอยยิ้มที่เซ็กซี่ขยี้ใจเอามากๆ ด้วย ดวงตาเขาทอเป็นประกายด้วยความดีใจแสนเจิดจ้า ผมยิ้มกว้างตามเมื่อเห็นรอยยิ้มและแววตาเขา รู้สึกอบอุ่นและสุขใจอยู่ในอก



“ไม่อยากจะเชื่อ…” เขายังมีแววอึ้งอยู่เล็กน้อย น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูเลื่อนลอย ผมลูบโครงหน้าเขาเบาๆ ความสากของหนวดเคราถูไถไปตามฝ่ามือ


“เชื่อเถอะครับ! นี่เรื่องจริง อาทิตย์หน้าเขาจะให้คุณไปคุยเรื่องสัญญา” วิคเตอร์กระพริบตามองหน้าผม พร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนๆ มาให้ ผมว่าเขาดีใจนะ แต่เขาแค่ไม่ใช่คนที่แสดงออกมากมายอย่างผม ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้


“เห็นมั้ย? ผมบอกแล้วไงว่าคุณต้องได้เล่นบทนี้ เชื่อรึยังล่ะว่าพระเจ้าส่งผมมาพร้อมพรวิเศษ!” วิคเตอร์นิ่งไป เหมือนกำลังนึกถึงโมเม้นต์นั้นอยู่ ผมเองก็กำลังนึกๆ ถึงตอนนั้นอยู่เหมือนกัน





“ฉันจะได้บทนี้รึเปล่าก็ยังไม่รู้”

“ผมว่าได้อยู่แล้ว!”

“ผมเป็นของขวัญจากพระเจ้านะ ฉะนั้นพระเจ้าก็ต้องมีพรวิเศษให้ผมติดตัวด้วย อย่างน้อยๆ ก็สามข้อแหละ” เขายิ้มมุมปากแล้วมองผมด้วยความเวทนา หน็อย!

“เพ้อเจ้อ!” ผมเชิดหน้าขึ้น แล้วมองค้อนเขา

“งั้นเดี๋ยวคอยดู คุณเอาไปเลยพรข้อแรก ผมขอให้คุณได้งานนี้ และคุณจะต้องได้ตามที่ผมให้พรไป!”วิคเตอร์ส่ายหัว สีหน้าเบื่อหน่าย เอ๊ะ!






แล้วเราสองคนก็กลับมาสบตากันอีกรอบ ก่อนที่จะหัวเราะพร้อมกัน เป็นเสียงหัวเราะแห่งความดีใจ ผมดีใจกับเขาจริงๆ นะ ดีใจมากด้วย นี่มันหมายถึงว่าเขากำลังจะมีก้าวที่ยิ่งใหญ่ในสายอาชีพของเขา


“ผมดีใจกับคุณด้วยนะครับ ดีใจจากใจจริงๆ ผมชอบหนังสือเซ็ทนี้มาก รักพระเอกเรื่องนี้มากๆ ด้วย” ผมพูดเจื้อยแจ้วพร้อมยิ้มอิ่มเอิบ วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ดวงตาเขามองไปทั่วใบหน้าผมอย่างละเมียดละไม รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าเขา


“And—can I make a second wish from the gift of God, now? (งั้นตอนนี้ฉันขอพรข้อที่สองจากของขวัญของพระเจ้าเลยได้มั้ย)” ผมทำสีหน้าประหลาดใจ กระพริบตาปริบๆ มองเขาด้วยความงง วิคเตอร์ส่งรอยยิ้มชวนฝันมาให้ เขาไม่ได้ตอบผมเป็นคำพูด แต่เขาตอบผมด้วยการแนบเป้ากลางลำตัวที่โป่งพองของเขามาที่เป้ากางเกงของผมจนรับรู้ได้ถึงการแข็งตัวของอีกฝ่าย ลมหายใจผมสะดุดทันที และสติผมก็เริ่มตื่นตัวมากขึ้นเมื่อระลึกได้ว่าผมกับเขาเรากำลังนอนทับกันอยู่บนกองผ้านวม ไอ้ที่ว่าทับ คือเขาทับผมนะ


ฝ่ามือผมที่กอบกุมกรอบหน้าเขาอยู่ ค่อยๆ ขยับเลื่อนลงไปที่บริเวณไหล่ ส่วนวิคเตอร์ก็ขยับเหมือนกัน แต่ขยับความเป็นชายของเขาที่แข็งตัวไปมาที่เป้าผมอย่างช้าๆ จนผมเริ่มรู้สึกร้อนๆ ตามไปด้วย ผมรีบบีบไหล่เขาไว้แน่นเพื่อเป็นการเตือน พร้อมส่งสายตาปรามๆ ไปให้ ได้ข่าวว่าเพิ่งส่งเมียแกออกไปทำงานนะไอ้ยักษ์!


“ไม่! พระเจ้าไม่อนุญาตสำหรับพรนี้ พรข้อที่สองไม่สำเร็จนะครับ เสียใจด้วย ฉะนั้นลุกออกไปได้แล้ว” ผมบอกเสียงเข้ม พยายามคุมโทนเสียงให้หนักแน่นเข้าไว้ ผมปล่อยขาที่เกี่ยวรอบเอวเขาไว้ และผมก็รู้สึกร้อนที่หน้าเมื่อไอ้ท่าอ้าขากว้างๆ แล้วมีเขานอนแทรกตัวอยู่แบบนี้มันช่างชวนสยิวกิ้วที่ใจเหลือเกิน


“คุณเรย์มอนด์! เราคุยกันแล้วนะ!” ผมบอกเสียงดุที่เพิ่มเลเวลขึ้น แล้วออกแรงดันที่ไหล่เขาไว้ เมื่อเขาเริ่มสีเป้าเขาที่แข็งจนแน่นไปมาที่เป้าผม เล่นเอาผมจะแข็งตามไปด้วยแล้วเนี่ย !


“ฉันไม่เห็นว่าพระเจ้าจะมาบอกอะไรนายตอนไหน” เขายังคงตีหน้ามึนเนียนๆ พร้อมยิ้มกริ่ม ผมเริ่มรู้สึกว่าประเด็นตอนนี้มันเพี้ยนไปละ นี่มันเป็นการคุยกันเรื่องข่าวดีที่เขาได้เล่นหนังอยู่หรือเปล่าวะ?


“ท่านกระซิบบอกผมเมื่อกี้นี้ ลุกออกไปได้แล้ววว!” ผมออกแรงดันที่ไหล่เขา ตัวเขากระตุกเล็กน้อย แต่ก็ช่างเล็กน้อยจริงๆ


“งั้นฝากบอกท่านด้วยสิ ว่าฉันขอพรพิเศษเพิ่มข้อนึง ว่าขอให้ได้กินนาย” โอ้ยยย! กูพลาดเองสินะ!!


“ท่านไม่ให้ ท่านบอกว่าถ้าหิวก็ไปกินเนื้อหมู เนื้อวัว หรือเนื้อหมาก็ได้ แต่ไม่ใช่ผม!” ผมโวยวาย เริ่มใช้มือผลักหน้าเขาออกห่างจากหน้าตัวเอง วิคเตอร์ขืนหน้าตัวเองไว้ แล้วอ้าปากงับนิ้วโป้งผมไว้เบาๆ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียที่ปลายนิ้วจนผมขนลุกวาบ ต้องรีบชักมือหนี ไอ้อาการขนลุกขนพองแบบนี้สงบไปเป็นเดือนๆ บัดนี้มันกลับมาลุกใหม่เพราะคนทำคนเดิม!


“พอแล้ว! คุณได้บทหนังเรื่องนี้เพราะตัวคุณเอง เพราะความสามารถของคุณเอง ไม่ใช่พรจากผมหรือใครทั้งนั้นแหละ!” ผมบอกเสียงเร็วปรื๋อ และทำตาดุใส่เขา อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากขวาแล้วส่งเสียงหัวเราะต่ำๆ ในลำคอ เสียงหัวเราะชวนหวั่นใจมาพร้อมกับรอยยิ้มและแววตาชวนเสียตัวเหลือเกิน


“ลุกออกไปสิครับ ผมว่าผมคุยเรื่องนี้ชัดเจนแล้วนะ” ผมบอกเสียงจริงจังแบบวันนั้นอีกครั้ง วิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งๆ พักหนึ่งก่อนจะหลับตาลง ถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยๆ ดันตัวเองออกจากร่างผม ผมถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งตาม วิคเตอร์นั่งคุกเข่ากับพื้น ส่วนผมนี่ยังนั่งอยู่ในสภาพอ้าขา เอามือยันพื้นไว้ อยากจะหุบก็ติดที่วิคเตอร์นั่งขวางอยู่ ผมเลยค่อยๆ ขยับถอยหลังจนสามารถค่อยๆ หุบขาที่อ้าอยู่ได้




[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 14:07:37

“ฉันว่าจะจัดปาร์ตี้ฉลอง” อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาหลังจากนิ่งไปสักพัก ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ


“จัดปาร์ตี้เหรอ?”


“ฉลองไง ไหนๆ ก็ได้บทนี้มาแล้ว ก็ดีใจกับมันให้เต็มที่หน่อย” เขาบอกยิ้มๆ แววตาดูสนุกสนานกับสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ ผมพยักหน้าหงึกหงักกับความคิดเขา


“จัดที่สวนหลังบ้านก็แล้วกัน คืนนี้ฉันจะชวนเพื่อนมาที่บ้าน” เขาบอกอย่างกระตือรือร้น ผมไม่เคยเห็นท่าทีนี้ของเขาเลยนะ เห็นแบบนี้ก็ต้องรีบเก็บไว้ในความทรงจำ ผู้ชายคนนี้น่าจะยังมีอีกหลายมุมที่ผมไม่เคยเห็น วันนี้เห็นสองมุมละ ตอนยิ้มกว้างสุดๆ ที่ได้ยินว่าเขาได้เล่นหนังบทนี้ และกับมุมกระตือรือร้นของเขาตอนนี้นี่แหละ


ว่าแต่จะชวนเพื่อนมางั้นหรอ จะว่าไปผมยังไม่เคยเจอเพื่อนเขาเลยนะ นอกจากคุณเอมิลี่


“นายทำอาหารสำหรับปาร์ตี้คืนนี้ได้รึเปล่า” ผมตาโตขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น


“ให้ผมทำเนี่ยนะ? เดี๋ยวเพื่อนคุณก็อ้วกแตกกันหรอก”


“ทุกวันนี้ฉันยังไม่ตาย ฉะนั้นคนอื่นก็ต้องกินได้เหมือนกัน เอาล่ะ ไปเตรียมเมนูอาหารเร็ว ทำไว้เยอะๆ นะ” เขาบอกด้วยรอยยิ้มเหมือนเด็กๆ ที่กำลังตื่นเต้นกับปาร์ตี้ในสวนหลังบ้าน ก่อนจะเอื้อมไปหยิบมือถือที่ตกอยู่บนพื้น แล้วลุกขึ้นยืนหมุนตัวเดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์ไปด้วย


“เฮ้ย! ชาร์ลี วันนี้มาปาร์ตี้ที่บ้านฉันด้วยนะ ชวนไอ้พวกนั้นมาด้วย… เออน่ะ มาเหอะ จัดเพราะอะไรเดี๋ยวจะบอก…” แล้วเสียงเขาก็ค่อยๆ ไกลออกไป ทิ้งให้ผมนั่งเอ๋ออยู่บนพื้นพร้อมกับความคิดที่ว่า


มันหาเรื่องให้ผมเหนื่อยอีกแล้ววว!


ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยอาการมึนๆ เล็กน้อย ความรู้สึกแข็งตัวของเขายังติดค้างอยู่ที่เป้าผมอยู่เลย ไอ้ฝรั่งยักษ์นี่ก็มีอารมณ์ง่ายเหลือเกิน แม้แต่กับผู้ชายด้วยกันยังขึ้นขึงขัง แล้วผมว่าผมก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่มันเป็นการไปปลุกเร้าอารมณ์เขาเลยนะ ก็เอ่อ… อาจจะแนบชิดกันไปบ้าง แต่แค่เอาขาเกี่ยวเอวไว้แค่นี้ถึงกับมีอารมณ์ปึ๋งปั๋งเลยรึ ฮึ! ไม่อยากจะนึกว่าเวลาอยู่กับยัยนาตาชาหน้าเหลี่ยมแล้วเขาจะตั้งบ่อยขนาดไหน นี่คงจัดกันบ่อยยิ่งกว่าอาหารมื้อหลักของแต่ล่ะวันอีกมั้ง


ผมปัดไล่ความคิดที่เวลาสองคนนั้นอยู่บนเตียงด้วยกันออกไปจากหัว ไม่อยากคิดให้เสียอารมณ์ อยากจะจัดอยากจะทำอะไรท่าไหนก็เรื่องของเขา ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่เนอะ เฮ้อ! ผมถอนหายใจ พยายามไล่อาการจิตตกเล็กๆ นี่ออกไปแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเอิร์ท


“คงไปไม่ได้แล้วล่ะเอิร์ท…งานด่วนน่ะ…จะมารับหรอ อาจจะดึกหน่อยนะ…ได้ๆ เสร็จแล้วเดี๋ยวโทรหา” ผมวางสายจากเอิร์ทหลังจากโทรบอกเขาว่านัดที่เขาชวนเย็นนี้คงไปไม่ได้แล้วซึ่งพอเอิร์ทเห็นว่าผมน่าจะเลิกดึกเขาก็เลยจะมารับกลับบ้านแทน และท่าทางอาจจะดึกมากด้วย เพราะดูแล้วคงปาร์ตี้กันยาวแน่ๆ


ผมกวาดสายตามองของสดที่ถูกนำเอาออกมาวางไว้บนโต๊ะอีกครั้ง เริ่มคิดคำนวณว่าผมควรทำอะไรเป็นอาหารสำหรับปาร์ตี้เย็นนี้ดี ช่วงนี้ผมไม่ต้องโทรรบกวนแม่บ่อยๆ แล้ว เพราะหลังจากต้องคอยทำอาหารให้วิคเตอร์ทานมาเป็นเดือนๆ ผมก็เริ่มทำคล่องมากขึ้น แต่ถ้าอาหารชนิดไหนที่มันเกินความสามารถผมจริงๆ ก็ต้องโทรหาแม่อยู่ดี


ผมถอนหายใจแล้วยกมือถือขึ้นมาดูเวลา เหลือเวลาอีกไม่มากไม่น้อยในการเตรียมอาหารสำหรับปาร์ตี้เย็นนี้ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว แต่พอนึกถึงความดีใจของวิคเตอร์ก็ทำให้ผมอยากทำอะไรให้เขาบ้างเพื่อเป็นการแสดงความยินดี และนี่คงเป็นสิ่งที่ผมทำได้ ผมยิ้มแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมากับการที่จะต้องทำอาหารอันมากมายมหาศาลที่เขาสั่ง แต่จะว่าไปเขาต้องการเยอะแค่ไหน แล้วเพื่อนเขามาเท่าไหร่กันนะ


“คุณเรย์มอนด์!!” ผมตะโกนเรียกเขาเพื่อที่จะถามที่กำลังคิดเมื่อครู่นี้ ผ่านไปสักพักผมก็เห็นผู้ชายเรือนผมสีดำยุ่งๆ หน้าตามึนๆ เหมือนคนเพิ่งตื่น ทั้งๆ ที่ตื่นนานแล้วเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับอุ้มเจ้าแมวตัวอ้วนสีเทาตาฟ้าเข้ามาด้วย


“มีอะไรรึเปล่า” เขาถามพลางลูบหัวเจ้าฟอกซ์ที่กำลังขดตัวอยู่ในอ้อมแขนเขา ผมแอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยกับภาพที่เห็น ผู้ชายหน้าตาเข้มเพราะมีหนวดเครา ตัวใหญ่ ไหล่กว้าง หุ่นแน่น กำลังอุ้มแมวแล้วลูบหัวมันเพลินๆ ดูไม่เข้ากันแต่มันก็ดูน่ารักดี


“ผมจะถามว่าเพื่อนคุณมากี่คน แล้วคุณต้องการให้ผมทำอาหารเยอะขนาดไหน” เขาขยุ้มหัวเจ้าฟอกซ์เบาๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกำลังใช้ความคิด


“มากันห้าคน รวมเอมิลี่ด้วยก็หก นาตาชาก็เป็นเจ็ด ฉันไม่แน่ใจว่าไอ้พวกนั้นจะเอาแฟนมันมากันมั้ย แต่จะว่าไปมันก็ไม่ได้มีแฟนทุกคนหรอกนะ อืม… แต่ฉันคิดว่าไอ้ชาร์ลีน่าจะเอาแฟนมันมานะ เพราะฉันก็รู้จัก ทั้งหมดก็น่าจะแปดคนเนี่ยแหละที่มาชัวร์ๆ” เขาพยักหน้าหงึกหงักเบาๆ กับตัวเอง ราวกับเคลียร์กับตัวเองรู้เรื่องแล้วว่าจำนวนคนที่จะมาวันนี้มีเท่าไหร่และมีกี่คน ผมทำตาโตแว้บหนึ่ง แปดคนก็ไม่ใช่น้อยๆ นะ


“แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรบ้าง” เขาเลิกคิ้วอีกทีแล้วส่ายหัวไปมาเบาๆ


“ไม่รู้สิ นายช่วยคิดหน่อยก็แล้วกัน ก็ลองทำอาหารไทยที่นายทำให้ฉันกินก็ได้ ทำๆ มาเถอะ”


“ทำไปแล้วเพื่อนคุณไม่กินขึ้นมาก็เสียดายของน่ะสิ”


“พวกนั้นกินอยู่แล้วน่า” เขาบอกอย่างคนเอาแต่ใจ ผมยกมือสองข้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่เถียงแล้ว ดูท่าว่าเถียงไปยังไงก็ลงเอยด้วยการที่เขาจะออกคำสั่งกับผมตามที่เขาต้องการทุกครั้ง ดีไม่ดีจะกลายเป็นว่าผมกับเขาเราจะทะเลาะกันอีก


“แต่ผมไม่แน่ใจว่าของที่มีอยู่จะพอทำรึเปล่านะครับ” ผมบอกพลางโบกมือเบาๆ ให้เขาดูของบนโต๊ะ เขาทำหน้าตาสบายๆ ก่อนจะตอบ


“ทำเท่าที่มีก็แล้วกัน ยังไงพวกนั้นมันก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาบ้างแหละ” ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจธรรมเนียมปาร์ตี้ของคนอเมริกัน คนที่นี่เวลาจัดปาร์ตี้เจ้าภาพก็จะมีอาหาร เครื่องดื่มรอไว้อยู่แล้ว แต่คนที่มาร่วมปาร์ตี้ส่วนใหญ่ก็มักจะมีอะไรติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ มันเหมือนเป็นมารยาทด้วยกลายๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์บังคับตายตัว แต่ก็เป็นอารมณ์ว่าเป็นธรรมเนียมที่ทำๆ กันมานานแล้ว และก็เหมือนว่าส่งผลมายังปัจจุบันด้วย


“แล้วเครื่องดื่ม คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ซื้ออะไรเพิ่ม”


“เดี๋ยวฉันค่อยออกไปซื้อมาเพิ่มตอนไปรับนาตาชา” ผมยิ้มฝืดๆ ให้เขา แล้วเริ่มจัดการทำอาหาร ในหัวก็ผุดเมนูอาหารขึ้นมาเพียบ แต่ก็คงไม่เลือกทำอะไรยากนักหรอก เดี๋ยวจะวุ่นวายเสียเวลา


“ฉันต้องช่วยมั้ย” เขาถามเมื่อเห็นว่าผมวุ่นวายกับการเลือกผักไปล้างในซิงค์อ่างล้างจาน ผมหันกลับไปมองเขาที่ยืนมองตาใสอยู่


“ก็ถ้าคุณเกิดมาจากครอบครัวที่สอนเรื่องมารยาทที่ดีมาบ้าง คุณก็ไม่ควรปล่อยให้ผมทำคนเดียวนะ” ผมยิ้มใสซื่อให้เขา แล้วดึงพลาสติกที่ห่อเนื้อหมูไว้ออก ผมเหลือบตาขึ้นมองเขา วิคเตอร์เลิกคิ้วแล้วแบะปากเล็กน้อยก่อนจะว่า


“เขาก็สอนฉันนะ แต่ฉันก็ดันเลือกใช้กับแค่บางคนด้วยสิ…” เขาเบ้ปากเล็กน้อย ทำหน้าตาเหมือนเสียดายมาก ผมแอบเบะปากนิดๆ


“…งั้นฉันนั่งดูนายทำก็แล้วกัน” เขาบอกก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ทรงสูงสีขาวมีพนักเล็กๆ ไปตรงที่เขายืนอยู่แล้วเขยิบขึ้นไปนั่งโดยที่ยังกอดเจ้าฟอกซ์ไว้ ผมแอบส่งสายตาอาฆาตไปให้ซึ่งเขาก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใดๆ ใส่ เห็นแล้วอยากจะขว้างมีดไปปักกลางหน้าผากจริงๆ


“ที่บ้านคุณสอนหรือคุณสอนตัวคุณเองกันแน่” ผมอดจะแขวะเขาไม่ได้เมื่อเห็นเขานั่งอมยิ้มดูผมสาละวนกับกองอาหารสดตรงหน้า เขาไม่ตอบแต่กลับยักไหล่สองข้างเบาๆ แล้วยื่นมือขวามาเป็นเชิงบอกว่าให้ผมดำเนินการทำอาหารต่อไป


ผมจัดการเตรียมของทุกอย่างเสร็จก็เริ่มลงมือทำอาหารตามที่นึกไว้ในหัว ทำให้ฝรั่งกินก็คงต้องไม่เผ็ดมาก ไม่งั้นเดี๋ยวกินยากอีก แต่ผมก็ทำต้มยำกุ้งเผื่อไว้ด้วย กินอาหารไทยทั้งทีก็คงต้องกินอาหารที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศเนี่ยแหละ ตอนแรกกะจะทำแกงเขียวหวานด้วย แต่พอนึกถึงขั้นตอนที่ต้องทำก็รู้สึกว่าแค่ต้มยำกุ้งก็วุ่นวายพอแล้ว งั้นขอวุ่นวายแค่อย่างเดียวก็แล้วกัน นอกนั้นก็ทำที่มันง่ายๆ


“ทำไข่เจียวด้วยนะ” ผมเลิกคิ้วมองเขาด้วยความแปลกใจในขณะที่กำลังหมักเนื้อหมูสำหรับที่จะทำสเต็ก


“มันไม่ธรรมดาไปหน่อยหรอครับ ผมว่าเพื่อนคุณคงอยากกินอะไรที่มันพิเศษๆ รึเปล่า” วิคเตอร์มองกลับมานิ่งๆ แต่เขาเล่นมองแบบจับจ้องจนผมต้องเป็นฝ่ายก้มหน้าหลบสายตาที่มองมาจนแทบทะลุตัวผม


“ธรรมดา… แต่ฉันชอบ” เขาตอบเสียงทุ้มนุ่มลึกพร้อมกับที่ผมรู้สึกว่าเขายังคงมองอยู่ไม่ได้ละสายตาไปไหน มือผมที่กำลังจับเนื้อหมูคลุกเคล้ากับซอสหมักถึงกับหยุดชะงักไป ผมเกือบจะเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่ก็เบรกหน้าตัวเองไว้ไม่ให้มองเขาแล้วจับจ้องเนื้อหมูต่อไปก่อนจะพลิกมันไปมาอีกครั้ง แล้วตอบกลับเสียงเรียบ


“Okay. (โอเคครับ)” ผมตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารต่อไปโดยมีสายตาของวิคเตอร์คอยมองตลอดเวลา มันก็ไม่ถึงขั้นประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก ก็ยังคงหยิบจับมีดมาใช้ได้อย่างที่ไม่บาดมือล่ะนะ แต่ถูกมองแบบนี้มันก็แอบอึดอัดเหมือนกัน มันชวนให้จิตใจกระอักกระอ่วนในอกน่ะ เออ… ก็ได้ ผมกำลังรู้สึกเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย เริ่มวางไม้วางมือไม่ถูกที่ถูกทางแล้ว


“คุณไม่เบื่อหรอ มานั่งอยู่แบบเนี้ย” ผมเอ่ยปากและมองเขาแค่แว้บเดียว ไม่อยากมองหน้าเขานานๆ รู้สึกเหมือนสติจะหายวับไปได้ทุกเมื่อถ้าไปจ้องตาตอบกับเขา


“ไม่ ก็เพลินดี” เขาตอบง่ายๆ น้ำเสียงสบายๆ หน้าตาดูชิวกับการมองผมทำอาหาร ผมยิ้มเฝื่อนๆ ให้แล้วพยายามเพ่งสมาธิกับ
การทำอาหารต่อไป ตอนที่ผมเผลอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาชั่วขณะหนึ่งที่กำลังเจียวไข่ ผมก็เห็นว่าเขากำลังนั่งยิ้มขำอยู่คนเดียวจนผมย่นคิ้วเพราะนึกงงว่ามันมีอะไรให้น่าขำ นี่กำลังทำอาหารนะ ไม่ได้เล่นตลก


“ทำต่อไปสิ มายืนมองฉันอยู่ได้” เขาบอกเสียงดุแต่ไม่จริงจัง เมื่อเห็นว่าผมยืนมองเขาด้วยอาการงุนงง ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วจัดการหั่นเนื้อกุ้งเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อใส่ลงไปในไข่ ตอนนั้นเองที่เจ้าไมเคิลเดินลิ้นห้อย โบกสะบัดหางเข้ามาในครัวแล้วนั่งยองๆ ข้างเก้าอี้วิคเตอร์ ผมส่งยิ้มให้มัน ส่วนมันก็โบกหางพวงๆ ของมันราวกับตอบรับรอยยิ้มของผม


“ไง ไมเคิล ทักทายเพื่อนแกอยู่ล่ะสิ” ผมตวัดสายตาจิกกัดไปให้ไอ้ยักษ์ปากเสียทันที เขากำลังยื่นมือไปขยี้หัวไมเคิลแล้วยิ้มกว้างอย่างสนุกสนานที่ได้จิกกัดผม เขามองผมแล้วยิ้มเบ้ปาก ผมถลึงตามองเขาด้วยความหมั่นไส้ แกล้งออกแรงสับกุ้งบนเขียงเพื่อส่งสัญญาณขู่เขา แต่อีกฝ่ายดูจะไม่ใส่ใจ เขาทำหน้าตายแล้วปล่อยให้เจ้าฟอกซ์ลงไปคลอเคลียกับไมเคิลพี่ชายของมันบนพื้นครัว


“นี่ เอาอาหารให้ไมเคิลกินหน่อยสิ” ผมเงยหน้าจากไข่เจียวกุ้งของตัวเองที่กำลังเติมนมข้นลงไป แล้วก็ต้องนึกประหลาดใจจนต้องเช็ดมือกับผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา


“ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นของมันไม่ใช่หรอครับ นี่เพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง”


“ก็ฉันอยากให้มันกินตอนนี้” เขาว่าง่ายๆ สีหน้ามีแววดื้อเล็กน้อย จนผมต้องพยักหน้ารับคำสั่งของเขาอย่างไม่เข้าใจ แล้วหมุนตัวก้มลงไปที่ตู้ใต้อ่างล้างจาน เปิดออกแล้วก็หยิบอาหารเม็ดของไมเคิลออกมาเทลงใส่ถาดอาหารของมัน เจ้าหมาขนฟูสีทองน้ำตาลเห็นผมถือถุงอาหารก็ลุกขึ้นแล้วมองมาทางผมอย่างตื่นเต้น หางพวงๆ ของมันโบกสะบัดพลิ้วไหวอย่างเร็วราวกับดีใจที่จะได้กินอาหาร


“อ่ะ วันนี้พ่อแกใจดีให้กินก่อนเวลา รีบกินเร้ว!” ผมฉีกยิ้มกว้างแล้วกำลังจะยื่นถาดอาหารไปให้มัน แต่เสียงวิคเตอร์ก็มาเบรกเอาไว้ก่อน


“ให้มันเห่าก่อนสิ” ผมองหน้ามุ่ยๆ ของเขาด้วยความเหวอก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมชอบสั่งให้ไมเคิลเห่าก่อนจะกินอาหาร ผมยิ้มเก้อๆ แล้วก้มลงมองไมเคิลที่ยืนมองดวงตาเป็นประกายรออาหารอยู่


“เห่าก่อนไมเคิล เห่าแล้วจะได้กินนะ โฮ่ง!!” ผมส่งเสียงเห่านำร่อง ไมเคิลยืนมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมมองมันแล้วยิ้มเชิญชวน เจ้าหมาโกลเด้นท์เหมือนจะเข้าใจเลยส่งเสียงเห่าดังลั่นครัว


โฮ่ง!! โฮ่ง!! โฮ่ง!!


ผมส่งเสียงหัวเราะคิกคักด้วยความถูกใจเอื้อมมือไปขยี้หัวมันแรงๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะวางถาดอาหารลงตรงหน้ามัน เจ้าไมเคิลรีบก้มหัวจัดการอาหารของมันทันที ผมมองมันแล้วฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองวิคเตอร์ที่กำลังยืนยิ้มกว้างด้วยความขำ แต่พอเห็นว่าผมมองอยู่เขาก็ค่อยๆ ลดรอยยิ้มลงจนแทบจะหายไปจากใบหน้า


“มองอะไร” เขาถามกลับแล้วตีหน้ายักษ์ใส่ ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ ก่อนจะกลับไปประจำที่เดิม ล้างมือก่อนจะเริ่มทำอาหารอีกครั้งโดยที่ยังมีวิคเตอร์ส่งสายตามามองอยู่เป็นระยะๆ แต่รอบนี้เขาไม่ได้จับจ้องแล้ว เขากำลังมองเจ้าไมเคิลสลับกับมองเจ้าฟอกซ์ที่นั่งแหงนหน้ามองเขาด้วยสายตาสีฟ้ากลมโต แล้วเขาก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินมาหยิบอาหารแมวที่อยู่ในตู้เหนือที่เก็บจาน เขาแกะเปิดฝากระป๋องอาหารออกแล้วยื่นให้เจ้าฟอกซ์ที่กำลังรออาหารอยู่


“เดี๋ยวฉันจะออกไปรับนาตาชา” ผมยิ้มอ่อนๆ ให้เขา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำอาหารต่อเพื่อให้เสร็จทันเวลา วิคเตอร์เดินออกจากห้องครัวไปทิ้งให้ผมอยู่กับความเงียบและความกลวงในอกจนรู้สึกหวิวๆ ในหัวใจ







“คืนนี้ต้องสนุกแน่ๆ เลยค่ะ” เสียงอ่อนเสียงหวานของนาตาชาดังขึ้นมาจากทางประตูบ้าน ผมที่กำลังหั่นผักเตรียมไว้สำหรับอาหารล็อตใหม่เผื่อไม่พอเงยหน้าขึ้นไปมองทั้งสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน วิคเตอร์เดินโอบเอวนาตาชาเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะก้มลงจุ๊บปากเธอเบาๆ หนึ่งที นาตาชาส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ผมรีบก้มหน้าลงจัดการกับงานตัวเองต่อเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นภาพอะไรแบบนั้นอีก


“ชุดที่ฉันฝากซักเมื่อเช้าอยู่ไหนหรอคะ พอดีฉันต้องใช้สำหรับวันพรุ่งนี้น่ะค่ะ”


“อยู่ในห้องซักรีดครับ จัดการให้เรียบร้อยแล้ว” วิคเตอร์ตอบเสียงทุ้มหล่อ แล้วผมก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นไปทางห้องซักรีด


“เพื่อนฉันใกล้มาถึงแล้ว อาหารพร้อมแล้วใช่มั้ย” เขาหันมาถามผมหลังจากนาตาชาเงียบไปหายไปในห้องซักรีด ผมเงยหน้าขึ้นมองเขานิ่งๆ แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ


“ดี ฉันอยากให้นายพร้อมที่ห้องครัวตลอด เผื่อใครอยากกินอะไรเพิ่ม” ผมยิ้มเหนื่อยๆ แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบเสียงเฉื่อย


“ครับ”


“วิคเตอร์!” เสียงนาตาชาดังมาจากห้องซักรีด พร้อมกับเสียงส้นสูงกระทบพื้นไม้เนื้อหนาของบ้านรัวๆ ผมเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเธอถือชุดแสคสั้นสีดำเนื้อผ้าเหมือนไหมพรมของเธอออกมาพร้อมด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก


“ว่าไงครับ”


“มีคนเอาชุดนี้เข้าตู้อบรึเปล่าคะ” ผมมองทั้งสองคนสลับไปมา วิคเตอร์หันมามองผมแว้บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองเธอ


“มีอะไรรึเปล่า”


“ชุดนี้เวลาซักแล้วต้องปล่อยให้แห้งเองค่ะ ห้ามเอาเข้าตู้อบเพราะจะทำให้เนื้อผ้าเสีย แล้วตอนนี้มันก็เสียหายไปแล้ว” ผมรู้สึกหน้าเสียพอๆ กับเนื้อผ้าของหล่อน ยิ่งวิคเตอร์หันมามองด้วยสายตาดุๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี


“ทำไมนายไม่ดูให้ดีก่อน” ผมรู้สึกตัวชาเมื่อทั้งสองคนหันสายตามามองที่ผมเป็นตาเดียว มือที่กำมีดไว้เผลอกำแน่นขึ้นด้วยความไม่พอใจที่ถูกมองเหมือนว่าผมทำผิดอย่างมหันต์ ผมขบกรามแน่นอย่างพยายามสะกดกั้นอารมณ์


“นี่ความผิดผมงั้นเหรอ?” ผมถามกลับเสียงนิ่ง หน้าตาก็ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ผมเลื่อนสายตาไปมองนาตาชาที่มองกลับมาด้วยสีหน้าไม่ดี ดูแล้วเธอน่าจะกังวลเพราะชุดเธอพังมากกว่าที่จะมัวแต่โทษผม


“คุณก็น่าจะบอกผมสักนิดว่าชุดนี้มันต้องซักยังไง ไม่ใช่จู่ๆ คิดจะโยนมาให้ซักอย่างเดียว แล้วพอชุดเสียหาย มันก็กลายเป็นความผิดของผมไปซะอย่างนั้นน่ะหรอ” ผมเอ่ยเสียงเย็น มองทั้งสองคนอย่างเย็นชา หน้าตาไร้อารมณ์ อารมณ์ใดๆ ที่มีก่อนที่นาตาชาจะมานั้นหายไปหมด ทั้งความยินดี ความดีใจที่มีให้วิคเตอร์ หายไปหมดนับตั้งแต่เขามองผมด้วยสายตาเหมือนว่าผมทำผิดมาก


หึ ปกป้องเมียจนหน้ามืดตามัว


 วิคเตอร์เหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังพูดในสิ่งที่ไม่เข้าท่า เขาหลับตาลงแล้วขบกรามเบาๆ ก่อนจะลืมตาแล้วหันไปหานาตาชาแล้วว่าเสียงเบา


“ผมขอโทษครับ ผมลืมบอกเขา” ผมไม่สนใจสีหน้าของทั้งสองคนอีก ก้มหน้าก้มตาหั่นผัก หั่นเนื้อของผมไปเรื่อย


“ช่างมันเถอะค่ะ มันพังไปแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้” ผมพอจะเดาได้ว่าเธอเองก็อารมณ์เสียอยู่ไม่น้อยที่ชุดไม่รู้ว่าสุดโปรดของเธอรึเปล่ามาพังไปเพราะความไม่รู้ของผม


“ขอโทษจริงๆ นะครับแนท ไว้ผมจะซื้อใช้ให้ใหม่ก็แล้วกันนะ” ผมทำหน้าตานิ่ง พยายามตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไป


“ขอบคุณค่ะ คุณน่ารักจังเลย” โอ๊ย! เบื่อจริ๊ง! ก็รู้นะว่าฝรั่งมันอยากจะจูบ จะลูบจะคลำกันที่ไหน ตอนไหน มันก็ทำหมดถ้าอยากทำ แต่ช่วยเกรงใจคนที่อยู่ด้วยหน่อยเถอะ ไม่เกรงใจผมก็เกรงใจหมากับแมวที่มันนั่งมองอยู่บ้างก็ได้ 


ออดดด!!


“สงสัยพวกนั้นจะมากันแล้ว” วิคเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แล้วเดินจูงมือนาตาชาไปที่ประตูบ้าน ผมมองตามไปอย่างเอื่อยเฉื่อย ความตื่นเต้นที่อยากเจอเพื่อนเขาหายไปหมดแล้ว


“Hey!!! What’s up, man?! (เฮ้ย! ว่าไงไอ้เพื่อนยาก!)” เสียงโหวกเหวกโวยโวยดงขึ้นที่หน้าประตู ผมโกยผักที่หั่นไว้ใส่จานแล้ววางแยกไว้ตามชนิด ก่อนจะเริ่มลงมือทำน้ำซอสหมักเนื้อหมูสเต๊ก เสียงโวยวายของเหล่าบรรดาผู้ชายฝรั่งยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แล้วผมก็รู้สึกว่าเสียงของทุกคนมากองอยู่ที่แถวๆ หน้าเค้าน์เตอร์ของครัว


“แหม! หายหัวไปตั้งนานที่แท้มาอยู่กับสาวนี่เองนะไอ้วิคเตอร์!” เสียงเพื่อนของเขาคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมเสียงโห่เป็นแบ็คอัพของคนอื่นตามมา


“อะไร? พวกแกกับฉันเพิ่งเจอกันเมื่อเดือนก่อน ไม่ได้หายไปไหนนานซะหน่อย” วิคเตอร์เถียงกลับพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆ เดาว่าคงยิ้มแป้นหน้าบ้านอยู่ข้างนาตาชา


“แต่ฉันนัดทีไร แกก็บ่ายเบี่ยงตลอด เพราะสาวสวยคนนี้สินะ!” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง ผมยังคงยืนหันหลังให้พวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้หันไปมอง เพราะผมไม่รู้จะทำหน้าตายังไง แล้วไม่รู้จะทักอะไร อีกอย่างถ้าเขาถามว่าผมเป็นใคร คงไม่พ้นต้องตอบว่าเป็นคนใช้แน่นอน


“เออ นี่นาตาชา ฉันว่าพวกแกก็อาจจะรู้จักบ้าง แนทครับ นี่ ไอ้ชาร์ลี…” เสียงวิคเตอร์แนะนำเพื่อนเขาให้นาตาชารู้จักดังลอดผ่านโสตประสาทผมไปอย่างที่ผมก็ไม่คิดจะจำ ไม่ใช่ว่าผมไร้มารยาทนะ แต่ผมกำลังเซ็ง วิคเตอร์ยิ้มได้ ส่งเสียงหัวเราะได้แล้ว หลังจากที่ว่าผมในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ยัยนาตาชาก็คงยิ้มแป้นจนหน้าบานทั้งที่ชุดหล่อนเพิ่งพังไป ส่วนผมที่ไม่ได้ทำอะไรผิด กลับต้องมายืนนอยด์ ผมไม่อยากนอยด์หรอก แต่ว่า มันก็อดไม่ได้ แม่งเจอแบบนี้แม่งโคตรเซ็ง



“แมท!” เสียงคุ้นหูเสียงหนึ่งดังขึ้น ผมหันไปมองก็เห็นคุณเอมิลี่เดินฉีกยิ้มออกมาจากกลุ่มเพื่อนวิคเตอร์ที่กำลังมองผมด้วยความสงสัยอยู่ ผมยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ได้เจอคุณเอมลี่


“คุณเอมิลี่!” ผมสวมกอดกับเธอทันที ใจที่ห่อเหี่ยวรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนกับผมได้มีเพื่อน ได้มีคนรู้จักได้อยู่ใกล้ๆ ในหมู่คนพวกนั้นบ้าง


“เป็นไง ไม่ได้เจอกันตั้งสองอาทิตย์!” เธอบอกด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็น่าจะเป็นช่วงที่วิคเตอร์กับนาตาชาคบกันแรกๆ ผมยิ้มให้เธอแล้วก็สังเกตว่าผมสั้นสีทองของเธอนั้นเริ่มยาวขึ้นแล้ว


“ก็เหนื่อยครับ” เอมิลี่ย่นคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปมองวิคเตอร์ที่ยืนคุยเบาๆ อยู่กับเพื่อนของเขา แล้วหันกลับมามองผมอีกรอบ


“เขายังใช้งานเธอหนักไม่เลิกอีกเหรอ”


“หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำครับ” ผมบอกยิ้มๆ แล้วก็หันไปมองทางกลุ่มวิคเตอร์แล้วก็แทบจะเบรกอาการเบิ่งตาตัวเองไม่ได้เมื่อได้เห็นหนังหน้าและรูปร่างของแต่ล่ะคน


อื้อหือ!  นึกว่าขนนายแบบในนิตยสารมากองไว้ที่บ้านหลังนี้ แต่ล่ะคนหนังหน้าไม่ต้องพาไปหาหมอศัลยกรรมที่ไหน เพราะพระเจ้าปั้นมาดีแล้ว หุ่นแต่ล่ะคนนี่บ่งบอกได้เลยว่าพวกเขาดูแลตัวเองกันดีมาก มีสองคนที่ตัวล่ำหนากว่าใครปกติ ส่วนนอกนั้นจะเป็นหุ่นนายแบบซะส่วนใหญ่ คือสูงโปร่ง ดูเพรียว แต่ก็มีกล้ามท้อง กล้ามแขนให้ดูแข็งแรง ไม่ดูอ้อนแอ้น ไหล่กว้างเหมาะสำหรับการใส่เสื้อผ้าให้ออกมาดูดี อกเป็นอกและขนาดทั้งห้าคนใส่เสื้อปกปิดอยู่ ก็บอกได้เลยว่าซิคแพ็คต้องแน่นลืมมม! โดยเฉพาะผู้ชายสองคนที่ตัวล่ำหนากว่าใครอื่นในกลุ่ม กล้ามท้องคงเป็นลูกๆ


“หนุ่มน้อยคนนี้เป็นใครกันเนี่ย” ผู้ชายผมสีทองเหมือนรวงข้าว คิ้วเคราก็สีทองที่ขึ้นบนใบหน้าเรียวขาวยาวผ่องเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มนิดๆ หุ่นเขาสูงโปร่ง  ใบหน้าเรียวแบบการ์ตูนญี่ปุ่นนั้นหล่อแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเยอะ แต่พอเขายิ้มเขากลายเป็นว่าดูน่ารักไปเลย โอ๊ย ดูดีเนอะ


“คนใช้ฉันเอง” เสียงกวนๆ ของวิคเตอร์ดังขึ้น ผมเบ้ปากใส่เขาจนเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน ยกเว้นคุณเอมิลี่ที่กำลังทำหน้าตึงใส่วิคเตอร์ ยกเว้นนาตาชาที่ทำหน้าเฉยๆ และเว้นยัยสาวหุ่นสลาตันผมดำมันขลับหน้าตาท่าทางมาดมั่นที่ทำหน้าเชิดเฉย
เออ นาตาชาหล่อนพาใครมาให้ฉันเกลียดแข่งกับหล่อนอีกเนี่ย



“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าแมทไม่ใช่คนใช้…” คุณเอมิลี่มองค้อนวิคเตอร์ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนอื่นๆ แล้วแนะนำผมให้ทุกคนได้รู้จัก


“นี่แมท เด็กฝึกงานของโมเดลลิ่ง ฉันเลยส่งมาดูแลวิคเตอร์” ผมฉีกยิ้มกว้างให้ทุกคน กวาดสายตามองแล้วเก็บรายะเอียดคร่าวๆ ของแต่ล่ะคนไว้ในเมมโมรี่ ก่อนจะเผลอตัวยกมือไหว้ ทุกคนถึงกับทำหน้างง แต่มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งรูปร่างสูงไม่ด้อยไปกว่าคนอื่นๆ ผิวสีแทน รูปหน้าเป็นเหลี่ยมสันคม มีหนวดเคราจางๆ ยิ่งทำให้กรอบหน้าเขาดูหล่อคมชัดแทบจะระดับเอชดี ดวงตาคู่คมสีน้ำตาลจ้องมองมาทางผมอย่างตื่นเต้น


“มาจากประเทศไทยเหรอเนี่ย?!” ผมยกไหว้ค้างไว้ที่อกแล้วยิ้มกริ่มมองหน้าเขาที่ยิ้มตอบกลับมา


“ครับ ผมมาจากประเทศไทย” คราวนี้สีหน้าเขาดูสนอกสนใจในตัวผมมากยิ่งขึ้น แทบจะแหวกวงเดินตรงมาหาผม ดีที่ได้เพื่อนเขาคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนคนญี่ปุ่น แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่นฉุดรั้งไว้


“Keep calm, Andrea! (ใจเย็นไอ้อันเดร)” หนุ่มลูกครึ่งบอกพร้อมรอยยิ้มขบขัน คนที่ชื่ออันเดรเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังกระตือรือร้นมากไปเลยหยุดแหวกกลางวงแล้วส่งเสียงหัวเราะ ก่อนจะหันมามองที่ผม


“นายทำอาหารไทยเป็นรึเปล่า ฉันเคยไปเที่ยวมา ฉันชอบมาก!” เขาบอกด้วยความตื่นเต้น มองผมอย่างลุ้นๆ ผมยิ้มขำ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปยกถ้วยต้มยำกุ้งขึ้นมาก่อนจะเลื่อนไปข้างหน้า


“ต้มยำกุ้งครับ” อันเดรตาโต รีบเดินเข้ามาดูต้มยำกุ้งในถ้วย ก่อนจะหันกลับไปหาเพื่อนๆ ที่มองเขาด้วยความขำ


“เฮ้ย! นี่ไง ที่ฉันบอกว่าตอนฉันไปไทยแล้วได้กินมา โคตรอร่อยเลยนะเว้ย พวกแกต้องลองกินให้ได้สักครั้งในชีวิต!” อันเดรบอกอย่างตื่นเต้นจนทุกคนหัวเราะ


“ฉันกินแทบทุกวัน ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน” เสียงห้วนๆ ของวิคเตอร์ดังแทรกขึ้นมา ผมหันไปมองเขาด้วยสายตาเบื่อหน่าย ส่วนเขากำลังทำสีหน้าเหมือนเบื่อโลกอยู่ข้างเมียรักที่กำลังปั้นยิ้มสวยมองอันเดร


หึ ไม่ตื่นเต้น แต่อยู่ในลิสต์ทอปทรี (Top three) อาหารที่แกชอบแดก เอ้ย! กินเชียวนะไอ้ยักษ์


“โห! แกนี่โชคดีว่ะไอ้วิคเตอร์!” อันเดรบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและเหมือนจะปนอิจฉาเล็กๆ แต่ผมว่าเขาแกล้งทำมากกว่า ผมมองเขายิ้มๆ แต่พอหันไปเห็นสีหน้าเฉยเมยและแววตานิ่งสงบของวิคเตอร์มองมาที่ผม ผมก็หุบยิ้มแล้วหันกลับมามองอันเดรที่กำลังตักน้ำต้มยำขึ้นมาซด พอซดเสร็จเขาก็ทำหน้าว่าฟินมาก


“สุดยอด อร่อยมาก!” เขาบอกด้วยความปิติยินดีจนผมอดยิ้มกว้างไม่ได้ และก่อนที่อันเดรจะตื่นเต้นไปมากกว่านี้ เพื่อนเขาคนหนึ่งที่หน้าตาดูเป็นผู้ชายเรียบร้อยและสำอางก็เดินเข้ามาดึงๆ แขนเขาไว้


“เฮ้ย ใจเย็น เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว” ผู้ชายท่าทางนุ่มนิ่มคนนั้นดึงอันเดรที่กำลังซดน้ำต้มยำอยู่ออกไปจากโต๊ะหินอ่อน


“ไปหลังบ้านเหอะ เดี๋ยวให้เอเลี่ยนยกอาหารไปให้”


“ฮะ?!เอเลี่ยน? เอเลี่ยนอะไรวะ?!” ผู้ชายผมทอง ผิวขาว ถึงกับขมวดคิ้วอย่างเร็ว มองวิคเตอร์สลับกับผมด้วยความไม่เข้าใจ


“เอเลี่ยนไง ก็ต่างด้าวอ่ะ จริงๆ ต้องเรียกว่าเอเลี่ยนตัวเตี้ย” วิคเตอร์ยังคงกระหน่ำใส่ผมไม่หยุด คนอื่นๆ หัวเราะ ผมรู้สึกเซ็งแล้วก็เซ็ง อยากจะเอาเขียงทุบหัวไอ้หนวด


“ฉันว่าเราอย่าเสียเวลาเลยค่ะ เริ่มปาร์ตี้กันเถอะ” ยัยผู้หญิงหน้าเชิดเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งราวกับนางพญา แต่ขอโทษ ยิ่งหล่อนทำท่าทางแบบนั้นหล่อนก็เหมือนนะ เหมือนนางพญานี่แหละ แต่เป็นนางพญาปลวก






[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 14:11:07


วิคเตอร์เหลือบหางตามามองผม ส่วนผมก็มองเขากลับไปอย่างเฉยชา แล้วเขาก็เดินจูงมือนาตาชานำไปประตูหลังบ้านที่ออกไปที่สวน คนอื่นๆ เดินตามๆ กันไป ผมขบกรามเบาๆ แล้วหันมาปั้นยิ้มให้กับคุณเอมิลี่ที่ยังยืนอยู่ข้างๆ ผม


“เชิญเถอะครับคุณเอมิลี่ เดี๋ยวผมจะยกอาหารไปให้” คุณเอมิลี่หันไปมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนแล้วก็หันกลับมามองที่ผมด้วยความทึ่งเล็กๆ


“เธอทำคนเดียวหมดเลยหรอ” ผมยิ้มอ่อนๆ แล้วพยักหน้ารับคำของเธอ


“แล้วเขาก็ยังจะให้เธอยกไปให้อีกเนี่ยนะ…” เธอมองด้วยความเหลือเชื่อ ผมยิ้มย่นจมูกแล้วยักไหล่น้อยๆ


“แมท… ฉันส่งเธอมาดูแลเขาก็จริง แต่ไอ้สิ่งพวกนี้เธอไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ฉันว่ามันมากเกินไปแล้ว” ผมฉีกยิ้มบางๆ ให้เอมิลี่ที่กำลังดูหัวเสียกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป


“ผมทำได้จริงๆ ครับ มันไม่ได้หนักหนาอะไรเลย อีกไม่เกินสองเดือนผมก็กลับแล้ว ผมไม่อยากมีปัญหาในการฝึกงาน” คุณเอมิลี่มองหน้าผมด้วยความอ่อนใจหรือจริงๆ อาจจะถึงขั้นสงสารเลยด้วยซ้ำ


“วิคเตอร์ต้องคิดถึงเธอมากแน่ๆ ถ้าถึงวันที่เธอกลับไป” ผมยิ้มขำขื่นๆ


“คิดถึงเพราะว่าไม่มีคนใช้ฟรีให้เขาใช้น่ะสิครับ” คุณเอมิลี่ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ก่อนจะบอกเสียงอบอุ่น


“แมท… ถ้าไม่ไหว บอกฉันนะ ฉันจะเป็นคนเซ็นจบการฝึกงานของเธอเอง” ผมรู้สึกใจหายวาบเมื่อได้ยินแบบนั้น ผมมองหน้าคุณเอมิลี่แล้วความคิดมากมายก็ตีกันวุ่นวายในหัว โอกาสที่ผมจะจบการฝึกงานโดยเร็วมันมารออยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าเพียงผมเอ่ยปาก ผมก็จะไปจากวิคเตอร์ได้ทันที จะได้ไม่ต้องมาทำงานหนักงกๆ แบบนี้ จะได้ไม่ต้องมาคอยรับรองอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ และเอาแต่ใจของเขา


“ผม…” ผมเม้มปากเบาๆ มองหน้าเอมิลี่ที่ยิ้มกลับมาเหมือนยืนยันในสิ่งที่เธอพูด ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงแผ่ว


“ผมยังไหวอยู่ครับ…” ความรู้สึกบางอย่างกระตุกขึ้นที่อกซ้ายเบาๆ ก่อนที่ผมจะไล่มันทิ้งไป “…สมัยนี้เวลาผ่านไปเร็ว อีกแปบเดียวก็หมดเวลาฝึกงานของผมแล้ว” เอมิลี่มองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้ารับกับคำตอบของผมเบาๆ


“เอ่อ… ขอโทษทีนะเอ็ม แต่ฉันสองคนมาขัดจังหวะอะไรมั้ย” เสียงทุ้มๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้เราสองคนหันไปมอง ก็เห็นอันเดรและพ่อหนุ่มผมสีทองเหมือนรวงข้าว รูปร่างดีและมีดีที่หน้าตากำลังยืนมองเราสองคนด้วยความไม่แน่ใจ


“ไม่หรอก พวกนายมีอะไรรึเปล่า”


“คือฉันสองคนเพิ่งคิดกันได้ว่าเราควรมาช่วยยกอาหาร โทษทีนะ ความสุภาพบุรุษเพิ่งแล่นขึ้นมาในสมอง” พ่อหนุ่มผมทองร่างโปร่งบอกด้วยรอยยิ้มติดตลก ผมเห็นแบบนั้นก็ยิ้มขำ


“แล้วมากันแค่สองคนเนี่ยนะ อาหารไม่ใช่น้อยๆ นะพ่อหนุ่ม” คุณเอมิลี่ถามพลางวางกระเป๋าถือสีดำของเธอไว้บนเก้าอี้ทรงสูง


“ฉันสองคนไม่ให้มาเองแหละ เดี๋ยวจะกลายเป็นความวุ่นวาย” อันเดรบอกแล้วยกยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาด้านในครัว


“อ้อ! ยังไงก็ตาม ฉันอันเดร (Andrea) ส่วนหมอนั่น เบนเนดิคท์ (Benedict) เรียกมันว่าเบนเฉยๆ ก็ได้” อันเดรแนะนำตัวแล้วก็เพื่อนผมทองของเขา ผมส่งยิ้มให้ทั้งสองคนด้วยความเป็นมิตรไมตรี ก่อนที่ผม เอมิลี่และอันเดรจะช่วยกันยกอาหารไปที่สวนหลังบ้านที่คนอื่นๆ กำลังนั่งรออยู่บริเวณบาร์น้ำเล็กๆ หลังสวน ส่วนเบนเนดิคท์นั้นหอบเครื่องดื่มมาเต็มอ้อมแขน เพื่อนคนอื่นๆ ของวิคเตอร์กรูกันเข้ามาช่วยพวกเราถือของ ยกเว้นก็แต่วิคเตอร์ที่นั่งคลอเคลียกับนาตาชาอยู่ตรงชิงช้าม้านั่ง และนังนางพญาปลวกก็นั่งเชิดอยู่บนเก้าอี้ไม้ทรงสูงที่อยู่บริเวณหน้าบาร์ ผมเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อยกอาหารที่เหลือออกมาโดยไม่หันไปมองวิคเตอร์เลยแม้แต่นิด








“เฮ้แมท! ขออันนี้เพิ่มได้รึเปล่า”


“แมท! ฉันอยากกินหมูที่นายหมักอีก ขอเพิ่มได้มั้ย?!”


“ฉันขออันนั้นด้วย!”


“ฉันขอแบบนั้นที่นึง!”


เสียงคำสั่งของเพื่อนๆ วิคเตอร์ดังขึ้นแทบจะต่อเนื่อง ผมแทบไม่ได้ออกไปจากครัว ได้ออกไปเข้าห้องน้ำบ้างนี่ก็ถือว่าเป็นบุญสุดๆ มันก็ไม่ถึงขั้นว่าวุ่นวายจนหัวหมุน มือเป็นระวิงจนทำอะไรไม่ทัน แต่นึกออกมั้ยว่าการทำอาหารมันไม่ใช่ง่ายๆ ที่ว่าสั่งมาแล้วจะทำให้เสร็จในทันที มันต้องมีขั้นมีตอนในการทำ พออย่างแรกสั่งมายังไม่ทันทำเสร็จ อันที่สองสามสี่ก็ตามมา เลยกลายเป็นว่ามันสุมๆ กัน


ตอนนี้สภาพห้องครัวเละพอๆ กับหน้าผมเลยมั้ง พอยิ่งดึกเหมือนทุกคนยิ่งคึก ฤทธิ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เสียงเพลงที่เปิดคลอๆ และเสียงคุยที่สนุกสนานมันยิ่งทำให้ทุกคนมีพลังงานคึกกันยกใหญ่ ช่วงแรกๆ ผมยังมีคุณเอมิลี่ช่วยมันก็ยังไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ แต่พอสี่ทุ่มนิดๆ เธอต้องรีบออกไปทำธุระด่วนเลยกลายเป็นว่าเหลือผมอยู่คนเดียว และแน่นอนว่าไม่มีใครมาช่วยหรอก เพราะทุกคนกำลังกรึ่มและสนุกได้ที่จะมีใครอยากมาช่วยงานในครัวล่ะ


โดยเฉพาะวิคเตอร์ เขาไม่โผล่หน้ามาเลยสักครั้ง ตั้งแต่ออกไปอยู่ในสวน ผมถึงกับก่นด่าตัวเองว่า จะไปหวังอะไร หวังให้เขาเข้ามาถามว่าเป็นไงบ้างอย่างนั้นน่ะหรอ นั่นใคร นั่นวิคเตอร์ ผู้ชายที่นายอยู่ด้วยมาเป็นเดือนๆ เขาจะมาสนใจ มาถามไถ่ผมทำไม โน่นสิ คนที่เขาสนใจ ก็ยัยนาตาชาเมียรักเขานั่นไง


“โอ้ว!” ผมร้องเสียงเบา แล้วชักมือขวากลับเมื่อเผลอไปจับหม้อร้อนๆ ที่ต้มยำกุ้งกำลังเดือด ผมสะบัดๆ มือแรงๆ ราวกับจะไล่ความร้อนบนนิ้วมือและอาการปวดหนึบๆ ออกไป


“แมท ที่ฉันขอได้ยังหรอ” ผมหันไปมองพร้อมกับสะบัดมือไปมาเบาๆ เบนเนดิคท์ยืนยิ้มตาเยิ้ม หน้าแดงก่ำ ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะมองหาไข่เจียวที่เขาสั่งไว้ หยิบจานขึ้นมาแล้วยื่นให้เขา


“ขอโทษทีครับ ตอนแรกผมกะจะเอาไปให้ด้านนอก แต่ยังไม่ว่างออกไปเลย” เบนนาดิคท์โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร


“ไม่เป็นไรหรอก แล้วนายมีอะไรจะให้ฉันยกออกไปข้างนอกมั้ย”


“เอ่อ… มีแค่อันนี้อีกอันครับ ขอบคุณมากนะครับคุณเบน” เขารับจานเฟรนซ์ฟรายทอดจานใหญ่ไป ผมเอานิ้วโป้งถูไล่นิ้วทั้งสี่ที่เหลือไปมาเพื่อบรรเทาอาการแสบร้อน


“นายทำอาหารอร่อยดีนะ ฉันชอบฝีมือนายจัง” เบนเนดิคท์บอกด้วยรอยยิ้มพริ้มเพรา ผมแอบยิ้มขำนิดๆ เพราะเขาตาเยิ้มมาก แต่ยังไงใบหน้าเรียวหล่อๆ ของเขาก็น่ามองอยู่ดี ยิ่งตอนนี้เขาหน้าแดงยิ่งน่ามองถึงจะเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็เถอะ


“ก็วันนี้มีผมเป็นพ่อครัวคนเดียวนี่ครับ ยังไงคุณก็ต้องชอบอยู่แล้ว ถึงไม่ชอบก็ต้องกิน” ผมบอกพร้อมหัวเราะน้อยๆ เบนนาดิคท์ยิ้มกว้างตามอย่างขำๆ ผมพยายามขยับนิ้วมือที่จับหม้อต้มยำเดือดๆ เมื่อกี้เพื่อให้นิ้วมันมีลมพัดผ่านจะได้ไม่รู้สึกแสบร้อนมาก ไม่กล้ายกขึ้นมาโบกแรงๆ ต่อหน้าคนอื่น


“เอ่อ… โทษทีนะ” เสียงคุ้นหูของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ยิ่งช่วงนี้ผมยิ่งคุ้น เพราะนั่นคือนาตาชา เธอเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ผมกับเบนนาดิคท์มองไปที่เธอ


“แมท ฉันอยากกินไก่ทอดน่ะ ช่วยทำให้หน่อยได้มั้ย” เธอบอกยิ้มๆ ผมยิ้มนิดๆ ตอบกลับไปก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ นาตายิ้มรับก่อนจะหันไปหาเบนเนดิคท์แล้วบอกว่าเพื่อนๆ รออยู่ ทั้งสองคนเลยเดินออกไปพร้อมกัน ผมหันกลับไปสนใจหม้อต้มยำของตัวเองต่อแล้วก็ต้องตาโตเมื่อเห็นว่ามันเดือดอย่างรุนแรง ผมรีบปิดแก๊ส ยื่นมือไปจับหูหิ้วทั้งสองข้าง ยกลงไปวางไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะตั้งสติแล้วเริ่มคิดว่าควรทำอะไรต่อ ผมหมักหมูค้างไว้เลยหันกลับไปทำให้เสร็จ เสร็จแล้วก็เอาใส่กระทะ ทอดให้สุกอ่อนๆ
ระหว่างนั้นผมก็หยิบกระทะก้นลึกอีกใบขึ้นมาเพื่อจะทอดไก่นาตาชากิน ผมจัดการตั้งรอไว้บนเตาแก๊สอีกฝั่ง แล้วหันไปจัดการหมูอีกกระทะ สายตาก็หันไปมองหม้อต้มยำเป็นระยะ เพราะตอนนี้ในหัวกำลังตีกันวุ่นว่าทั้งให้ตักต้มยำใส่ถ้วยและทอดหมูให้เสร็จก่อน ผมต้องดุตัวเองเบาๆ แล้วทอดหมูสเต๊กต่อจนเสร็จ ตักใส่จานได้ก็จัดการราดซอสที่เตรียมไว้ แล้วหยิบถ้วยออกมาตักต้มยำใส่


ผมจัดการตักต้มยำเสร็จก็ยกใส่ถาดพร้อมกับจานเสต๊กแล้วยกถาดที่ใส่อาหารไว้เดินออกไปทางประตูหลังบ้านที่พาไปสู่สวนที่กำลังมีปาร์ตี้กันอยู่ ผมเปิดประตูด้วยความทุลักทุเล เสียงเพลงเบาๆ ดังคลอไปทั่วงาน เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังกระหึ่มแทบจะกลบเพลง ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าข้างบ้านขว้างมีดหรือยิงปืนใส่เนื่องจากส่งเสียงดังกันขนาดนี้


“ว้าว! อาหารมาแล้ว!” ชาร์ลีหนึ่งในเพื่อนที่วิคเตอร์เอ่ยชื่อให้ผมได้ยินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรื่นเริง เขาเป็นคนดูดีแต่ไม่ถึงขั้นหล่อจัดอะไร โครงหน้าเป็นสันกรามเด่นชัด ดวงตาสีอำพันหนังตาสองชั้น ริมฝีปากหนาสีคล้ำตามสีผิวแต่ไม่ถึงกับดำ และที่สำคัญเขาตัวสูงล่ำใหญ่กว่าใครในกลุ่ม และประเด็นหลักของชาร์ลีคือเขาเป็นแฟนของนังนางพญาปลวกจอมเชิดนั่น


“นี่แมท ถ้าฉันจ้างไปทำอาหารให้ฉันบ้าง นายจะไปมั้ย” เอริค หนุ่มลูกครึ่งอมเริกัน-ญี่ปุ่น เอ่ยถามพลางหยิบจานหมูสเต๊กในถาดไปวางไว้บนตัก เอริคเป็นหนึ่งในสองคนที่ตัวล่ำหนามาก ผมรู้สึกสงสารเสื้อเชิ้ตที่เขาใส่อยู่เหลือเกินเพราะดูเหมือนมันอยากจะระเบิดออกมานอกเสื้อ วิคเตอร์ที่ว่าน่าหาเสื้อในมาใส่ให้อาจต้องยกเสื้อในตัวนั้นให้เอริคไม่ก็ชาร์ลีแทน


“ผมทำอาหารญี่ปุ่นไม่เป็นนะครับ” ผมตอบยิ้มๆ แล้วยื่นถ้วยต้มยำกุ้งให้อันเดร เอริคส่งเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจ


“นี่ๆ มาบ้านฉันดีกว่า ไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ เอาที่นายทำอยู่ฉันก็กินได้แล้ว” โจนาทาน หนุ่มหล่อละมุน ดูเจ้าสำอาง ดูเป็นผู้ชายสะอาดที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น เขาค่อนข้างเป็นคนสุภาพ ผมว่าสุภาพที่สุดในกลุ่มแล้วล่ะ ไม่ตะโกน โหวกเหวกโวยวายและคอยห้ามเพื่อนไว้ด้วยซ้ำ


“ว่าไงวิคเตอร์ คนแย่งตัวจ้างกุ๊กส่วนตัวแกกันขนาดนี้ ยอมให้ไปมั้ยวะ” ชาร์ลีพูดพร้อมยิ้มกว้าง ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่นั่งหน้าแดงก่ำอยู่ข้างนาตาชา เขามองผมกลับมานิ่งๆ แต่ก็มีรอยยิ้มที่มุมปาก


“จ้างทำไม เอาไปฟรีๆ เลย” เขาบอกกับเพื่อนๆ ทุกคนส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ


“เออ ถ้าเอาไปแล้วอย่ามาขอคืนนะเว้ย!” เบนเนดิคท์บอกพร้อมรอยยิ้มสดใส คนอื่นๆ หัวเราะกันเกรียวกราว ผมมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้มน้อยๆ นึกในใจอย่างขำๆ ว่า ถ้ายูเอาไอไปจริงๆ ไอไปกับยูจริงๆ นะเบน บอกเลย ฮ่าๆ หนังหน้าดีขนาดนี้ไม่ไปได้ไง ฟรีก้อไป


“หึ…” ผมหันไปมองเจ้าของเสียงหัวเราะกดต่ำที่ทำหน้านิ่งแต่แววตาเหมือนกำลังหมั่นไส้ใครสักคน ซึ่งจริงๆ ผมไม่ต้องหาใครสักคนหรอก ผมว่ามันหมั่นไส้ผมเนี่ยแหละ


“ถ้าไม่อยากไปกับไอ้เบน มากับฉันก็ได้นะแมท ฉันชอบกินอาหารไทย” อันเดรส่งเสียงออกมาบ้าง ท่าทีเขากระตือรือร้นจนอดยิ้มขำไม่ได้


“พวกแกชอบสะสมของแปลกกันหรอวะ” วิคเตอร์พูดเสียดสีขึ้นมา ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าไอ้คำว่าแปลกของเขานั้นจะสื่อถึงอะไร เพราะอะไรที่ออกมาจากปากเขาแล้วเกี่ยวกับตัวผมมันไม่เคยจะเป็นเรื่องดีหรอก วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปากเหมือนพอใจที่ได้กัดผม ผมเบะปากใส่เขาแล้วเหลือบมองนาตาชาที่กำลังก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ นึกขึ้นได้ว่าต้องทอดไก่ให้หล่อน ผมเลยหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อจะไปทอดไก่ให้เมียรักของไอ้พระเอกกิน


ผมล่ะไม่อยากทอดเลยจริงๆ ทอดไก่ต้องใช้น้ำมันเยอะ แล้วน้ำมันก็ชอบกระเด็นไปทั่ว ผมเอามือซ้ายถูมือขวาที่โดนหม้อต้มยำร้อนๆ เบาๆ อาการแสบๆ ยังไม่หายไป แต่อาการร้อนดีขึ้น ผมจัดการเทน้ำมันใส่กระทะ เปิดไฟให้น้ำมันเดือด แล้วหยิบไก่ที่วางไว้บนโต๊ะอยู่แล้วมาถือไว้ด้วยอาการทำใจ รอบแรกที่ทอดไปผมโดนน้ำมันกระเด็นใส่นิดหน่อย แต่ไม่มากเป็นแค่ฝอยเล็กๆ เท่านั้น แต่ก็จี๊ดๆ ที่ผิวเหมือนกันนะ ผมรอน้ำมันเดือดก่อนจะหย่อนไก่ลงไป ชิ้นแรกดูปกติดี แต่พอชิ้นที่สองดันพาซวย เมื่อผมตกใจกับเสียงน้ำมันกระเด็นเพราะไก่ชิ้นแรก ผมเลยเผลอโยนไก่ชิ้นที่สองลงกระทะ จนน้ำมันกระเพื่อมพุ่งขึ้นมาโดนที่บริเวณข้อมือซ้าย


“โอ๊ยยยๆ โอ้วววๆ” ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนแล่นพล่านไปทั่วข้อมือและฝ่ามือ ผมกระโดดเหยงๆ สะบัดมือแรงๆ ราวกับจะไล่เอาความเจ็บ ความปวดและความร้อนที่โดนออกไป ผมกัดฟันแน่น หน้าเหยเกด้วยความแสบผิว ก่อนจะรีบปิดแก๊สเพราะเดี๋ยวไก่จะไหม้


ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าเลยทีเดียว ผมสูดปากด้วยความปวดหนึบๆ และแสบคันๆ มือขวาก็ยังไม่หายเป็นปกติเพราะจับหม้อร้อนๆ ของต้มยำ มือซ้ายดันมาโดนแบบนี้อีก ผมยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดู มันแดงเถือกตั้งแต่อุ้งมือยันถึงข้อมือ แดงเถือกเป็นแนวยาวเกือบถึงกลางแขน ผมรับรู้ได้ถึงอาการสั่นน้อยๆ ของมือซ้าย ผมกัดฟันแล้วหยิบเกลือขึ้นมาเทตรงบริเวณที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่ เคยมีตำราบอกว่าเกลือจะช่วยไม่ให้เป็นแผลพลุพองหรือเป็นตุ่มน้ำใสๆ มันจะช่วยสมานแผลและทำให้แผลที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่เย็นลง ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ นั่นแหละ ผมหลับตาลงเลยทำให้น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาไหลออกมา ผมยกหลังมือขวาปาดมันออกอย่างรวดเร็ว แล้วพยายามตั้งสติ


เสียงโหวกเหวกโวยวายของทุกคนดังมาจากทางประตูหลังบ้าน ผมรีบปาดน้ำตาให้แห้ง พยายามข่มความปวดหนึบๆ ที่ข้อมือกับมือเอาไว้ แม้อาการแสบร้อนจะเบาลงเพราะได้เกลือช่วย แต่มันก็ไม่ได้หายไป


“แล้วเราจะไปคลับไหนกัน” เสียงของอันเดรดังขึ้น ที่ผมรู้ว่าเป็นเขาไม่ใช่เพราะเสียงนะแต่เป็นอาการกระตือรือร้นในน้ำเสียงนั้นต่างหากที่ทำให้ผมรู้ว่าเป็นเขา


“ไปคลับ X กันดีมั้ยคะ” เสียงของยัยนางพญาปลวกถามขึ้นมา ทุกคนส่งเสียงตอบรับกลับไป


“มันก็ดีนะ แต่ฉันขี้เกียจไปต่อคิวว่ะ เวลานี้คนเยอะแน่ๆ”


“ไอ้เบน แกอย่าลืมสิว่าวิคเตอร์มันไปด้วย แค่เอาหน้ามันไปให้การ์ดเห็น พวกนั้นก็ปล่อยเราเข้าไปแล้ว” เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้น ผมเปิดน้ำในอ่างล้างจานล้างเอาเกลือออกจากข้อมือ เสียงพูดคุยยังคงดังแต่ผมแสบแขนจนไม่สนใจจะฟังว่าเขาพูดอะไรกันต่อบ้าง


“แมท! ไปด้วยกันมั้ย” เสียงของใครสักคนเอ่ยถามขึ้น ผมหลับตาลงวูบหนึ่งก่อนจะหันไปปั้นยิ้มให้กับทุกคนที่กำลังมองมาโดยเอามือซ้ายไพ่หลังเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นรอยแดงที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่ 


“ไปกันเถอะครับ ผมต้องเก็บของ”


“ไม่เอาน่า ค่อยมาเก็บพรุ่งนี้ก็ได้ ไปสนุกด้วยกันดีกว่า” อันเดรตื๊อให้ผมไปกับเขา ผมไม่ได้หันไปมองวิคเตอร์ว่าเขาทำสีหน้าและสายตาแบบไหน แต่ผมก็ส่ายหัวปฏิเสธไป ไม่ใช่เพราะเขาจะด่าว่าหรือมองด้วยสายตายังไง แต่เป็นเพราะตัวผมเองที่ไม่อยากไป สภาพเยินแบบนี้ใครจะอยากไปไหนต่อ


อันเดรและเบนเนดิคท์บ่นเสียดายที่ผมไม่ยอมไป ผมได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ไปให้แล้วยืนมองพวกเขาเดินออกไปทางประตูบ้าน วิคเตอร์รั้งท้ายขบวน เขาหันมามองผม เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอนนั้นเองที่ผมก็รู้สึกว่าหัวใจผมอ่อนแอจังเลย ผมรู้สึกเจ็บที่แผล รู้สึกแสบร้อน แล้วขอบตาผมก็ร้อนผ่าว น้ำตาทำท่าจะไหล ผมเลยรีบหันหนีวิคเตอร์ที่มองกลับมาด้วยสายตาที่จับจ้องใบหน้าผมราวกับจะสื่ออะไรบางอย่าง แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะสื่ออะไร เพราะตอนนี้ใจผมมันอ่อนแรงเหลือเกิน อ่อนจนทำให้ผมไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะทำอะไรให้หัวสมองและใจวุ่นวายไปมากกว่านี้


ผมเอื้อมมือขวามาลูบที่รอยแดงจากน้ำมันกระเด็นเบาๆ เพื่อปลอบใจตัวเองให้สงบ เมื่อไม่มีใครก็มีแต่ตัวเราเนี่ยแหละ พอคิดแบบนั้น น้ำตาผมก็ไหลออกมา ถ้าอยู่บ้านพ่อกับแม่คงดูแลผมอย่างดี ไม่ปล่อยให้ผมยืนเจ็บอยู่แบบนี้


“วิคเตอร์ มาสิคะ ทุกคนรออยู่นะ” เสียงนาตาชาดังขึ้น เดาว่าวิคเตอร์คงยังไม่ได้เดินออกจากประตูบ้านไป เธอเลยเดินมาตาม


เสียงประตูบ้านปิดลงพร้อมกับเสียงพูดคุยของทุกคนจางหายไป ทุกคนออกไปจากบ้านแล้ว เหลือเพียงผมกับข้าวของมากมายที่ต้องเก็บกวาดทั้งในครัวและในสวน และเหลือเพียงผมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม น้ำตา… ที่ผมไม่รู้ว่ามันไหลเพราะอะไรกันแน่ เพราะมันหลายความรู้สึกเหลือเกินที่อยู่ในอกผมตอนนี้ มันเกิดอะไรกับหัวใจผม…



[อ่านตอนต่อไปด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 14:15:00


CHAPTER 15 :: I did my best.



ผมเก็บเศษขยะที่อยู่ในสวนหลังบ้านใส่ถุงดำใบโต ก้มๆ เงยๆ อยู่คนเดียวมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เศษขยะก็เริ่มลดลงไปตามกาลเวลาที่ผมเก็บ อาการแสบร้อนที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่ยังตุ่ยๆ อยู่ที่อุ้งมือและข้อแขน ตอนนี้มันแดงแจ๋ แล้วเหมือนเนื้อจะย่นๆ เล็กน้อยด้วย แต่ผมคิดว่าเกลือช่วยไว้ได้เยอะอย่างที่ตำราบอกไว้นะ น่าจะดีกว่ายาสีฟันที่ผมเคยใช้ตอนเด็กๆ ด้วยซ้ำ หลังจากตั้งสติได้และปาดน้ำตาทิ้งไปพร้อมกับความรู้สึกอ่อนแอในหัวใจ ผมก็เริ่มจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดสวนหลังบ้าน อาหารมีเหลือทิ้งไว้บานเบอะ จนผมแอบรู้สึกเสียดายแรงที่ทำไป แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารล็อตหลังสุดก่อนที่ทุกคนจะออกไปปาร์ตี้ต่อกันมากกว่า


ผมลากถุงขยะสีดำใบใหญ่สองใบไปไว้ที่มุมบาร์ไม้ที่มีขวดเครื่องดื่มวางระเกะระกะเต็มไปหมด ผมจัดการเก็บขวดพวกนั้นลงถุง ขวดกระทบกันเสียงดังเคร้งคร้าง พอจัดการพวกขวดเสร็จ ผมก็จัดการเก็บแก้ว เก็บจานที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ๆ ชิงช้าม้านั่ง แล้วเอาเข้าไปเก็บไว้ในครัวทีล่ะครึ่งจนหมด ผมกลับออกมาในสวนอีกครั้งหลังจากเก็บแก้ว เก็บจานอาหารหมดแล้ว เพื่อจัดการกับถุงสีดำใบใหญ่ด้วยความทุลักทุเล สุดท้ายผมก็ยกออกไปไม่ไหว เพราะพอออกแรงมากๆ ผมรู้สึกว่าแขนมันสั่นๆ ทั้งสองข้าง ข้างขวาก็ยังบวมๆ พองๆ เพราะโดนหม้อต้มยำ ส่วนข้างซ้ายก็โดนน้ำมันกระเด็นใส่ซะแดงเถือก ผมเลยทิ้งเอาไว้กะว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาจัดการอีกที



ผมเดินกลับเข้ามาในบ้าน เพื่อจัดการล้างจาน ล้างแก้วให้สะอาด ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ปาไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว อันที่จริงอีกไม่กี่นาทีก็จะตีหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ ผมหยิบมือถือมาพิมพ์ว้อทแอพแล้วส่งไปหาเอิร์ทบอกว่าไม่ต้องมารับแล้ว ก่อนจะวางมือถือไว้บนเค้าน์เตอร์ในครัว ผมถอนหายใจแล้วเดินไปจัดการจานชามหม้อไหกะละมังทั้งหลายแหล่ เพื่อที่จะได้รีบกลับบ้านไปนอน ตอนนี้สภาพร่างกายผมเยินอย่างที่ไม่ต้องส่องกระจกก็ตอบตัวเองได้


ระหว่างที่ล้างจานล้างแก้ว ความคิดมากมายก็ไหลผ่านหัวผมไปด้วย ตอนนี้ผมกลัวใจตัวเอง ผมกลัวว่ามันจะถลำลึกไปมากกว่าที่เคยบอกให้ตัวเองหยุดอยู่ในจุดที่ควรอยู่ ผมรู้ว่าถ้าใจผมมันไปมากกว่านี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีกับผมแน่นอน กับการที่ผมน้ำตาไหลออกมาตอนที่มองหน้าวิคเตอร์ ตอนนั้นผมหวั่นใจมากนะว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะมีอิทธิพลกับผมรึเปล่า ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น เพราะคนที่แย่ก็คือผมเต็มๆ ผมถอนหายใจพร้อมกับสะดุ้งเมื่อเปิดน้ำแรงเกินไปจนแสบแผลที่โดนน้ำมันกระเด็น ความคิดที่กำลังไหลไปมาเพลินๆ ในหัวกระจัดกระจายไปหมด ผมดึงกระดาษทิชชูออกมาซับน้ำที่แผลให้แห้ง ก่อนจะระมัดระวังในการล้างจานกับแก้วมากขึ้น ผมหน้าเหยเกสูดปากไปตลอดการล้างจานล้างแก้ว เพราะเจ็บทั้งมือขวา อุ้งมือซ้ายยาวไปข้อแขน


จนเวลาผ่านไปได้ชั่วโมงกว่ากับการล้างจานแบบน่าเวทนาเพราะสภาพมือสองข้างไม่เอื้ออำนวย ผมก็คว่ำจานใบสุดท้ายลงบนตะแกรงพักจานที่อัดแน่นไปด้วยจานชาม ส่วนถ้วยผมคว่ำแยกไว้บนผ้าขนหนู มองสำรวจไปรอบๆ ห้องครัว ทบทวนว่าลืมทำอะไรอีกรึเปล่า แต่จากที่ดูๆ ผมคิดว่ามันก็น่าจะหมดแล้วนะ ผมบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวออกไป ถอนหายใจแรงๆ ที่งานเสร็จหมดแล้ว ก่อนจะเดินไปหยิบมือถือ หยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนเค้าน์เตอร์ครัว ปิดไฟดวงใหญ่เหลือแต่ดวงเล็กในครัวเอาไว้ ผมเดินไปที่ประตู จังหวะที่กำลังจะบิดลูกบิดเปิดประตูเสียงออดก็ดังขึ้นพอดี ทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อย


“อ้าว คุณเบน?!” ผมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเหลอหลาเมื่อเห็นเบนเนดิคท์ยืนประครองร่างวิคเตอร์ที่ดูท่าทางจะเมาหนัก ผมเหลือบสายตาไปมองนาตาชาที่หน้าตาบูดบึ้งอยู่ข้างซ้ายของวิคเตอร์ เธอจับแขนซ้ายเขาไว้เบาๆ และพยายามผลักใบหน้าเขาที่เอนเอียงไปซบกับคอเธอออก


“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยนะ ขอฉันพาไอ้ขี้เมานี่เข้าไปข้างในบ้านก่อน” ผมได้สติ รีบเปิดประตูบ้านให้กว้าง หลีกทางให้เบนเนดิคท์กับนาตาชาพาร่างวิคเตอร์เข้ามาในบ้าน ผมมองออกไปนอกประตูเพื่อดูว่ามีใครตามมาอีกมั้ย แต่ดูท่าจะมาแค่เบนเนดิคท์คนเดียว


“วิคเตอร์! ขอร้องล่ะ!” เสียงนาตาชาดังขึ้นเหมือนรำคาญเมื่อวิคเตอร์พยายามซุกไซร้ซอกคอของเธอและเอนน้ำหนักไปหาเธอเต็มๆ เบนเนดิคท์เองก็พยายามช่วยดึงร่างวิคเตอร์เอาไว้ไม่ให้เอนไปหานาตาชาที่มีท่าทีไม่พอใจ


สุดท้ายทั้งสองก็พาร่างวิคเตอร์ไปนอนล้มตึงบนโซฟาสีขาวตัวใหญ่ที่ผมเคยมานอนจนได้ นาตาชาแกะแขนวิคเตอร์ที่โอบรอบร่างหล่อนออกแทบจะทันทีเมื่อร่างเขาแผ่หลาอยู่บนเตียง ส่วนเบนเนดิคท์หายใจหอบเหนื่อยๆ อยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับนาตาชา


“แนทครับ ผมว่าเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้มันดีกว่านะ” นาตาชาย่นคิ้ว กอดอกมองร่างวิคเตอร์เล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเหมือนจำใจ แล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ผมหันไปมองเบนเนดิคท์ด้วยสายตางงๆ อีกฝ่ายเหมือนจะเข้าใจว่าผมต้องการจะพูดจะถามอะไร เขายักไหล่ ยิ้มยิงฟันแหยๆ ก่อนจะตอบ


“ฉลองกันหนักไปหน่อย ทุกคนรุมส่งเครื่องดื่มแสดงความยินดีให้มันทั้ง วอดก้า ค็อกเทลล์ ไวน์ เบียร์ แล้วก็จอนห์นี่วอล์คเกอร์” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หันไปมองร่างสลบไสลของวิคเตอร์ที่นอนหมดสภาพความเป็นพระเอก หมดภาพลักษณ์ทั้งหมดของเขาเลยทีเดียว ใบหน้าเขามันแผลบและแดงเถือก ตัวแดงนิดๆ กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวเขา ขนาดผมยืนอยู่ห่างร่างเขายังได้กลิ่นจางๆ จนต้องแอบย่นจมูกนิดๆ


“เขาคออ่อนขนาดนี้เลยเหรอครับ” ผมหันไปเลิกคิ้วถามกับเบนเนดิคท์ที่ยิ้มขำๆ ที่มุมปาก


“โถ่ แมท ใครเจอแบบมันก็ทรุดทั้งนั้นแหละ ไหนจะบวกกับที่กินตอนอยู่บ้านอีกล่ะ”


“แล้วปกติเขาดื่มเหล้าเก่งมั้ยครับ”


“ก็ไม่ถึงขั้นคอแข็งอะไรมาก มึนๆ เมาๆ แต่อยู่ได้ทั้งคืนยันเช้า มีไม่กี่ครั้งหรอกที่เป็นแบบนี้” ผมทำเสียงว่า อ้อ เบาๆ แล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะถามต่อเมื่อนึกขึ้นได้


“แล้วคนอื่นๆ ไปไหนล่ะครับ”


“ฉันให้กลับไปแล้วล่ะ แบ่งกันไปดูแล ไอ้โจดูไอ้อันเดร ส่วนเอริคดูไอ้ชาร์ลี แฟนมันคนเดียวแบกไม่ไหวหรอก ตัวอย่างกับนักมวยปล้ำขนาดนั้น” ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ก่อนจะหันไปมองนาตาชาหน้าตาหงิกงอที่ถืออ่างน้ำเข้ามา มีผ้าขนหนูสีขาวพาดไหล่ เธอวางอ่างน้ำใสๆ ไว้บนโต๊ะแล้วนั่งลงข้างๆ ร่างวิคเตอร์ก่อนที่เธอจะย่นจมูกด้วยความเหม็นกลิ่นเหล้า คงไม่ต้องบอกว่าพอเข้าไปใกล้ขนาดนั้นกลิ่นเหล้าบวกกับกลิ่นเหงื่อของเขาจะแรงแค่ไหน


“อี๋! ฉันอยากจะอ้วกกลับกลิ่นตัวเขาตอนนี้ซะจริง” เธอบอกเสียงแหลม ผิดกับเวลาปกติที่จะเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมเผลอหันไปมองหน้ากับเบนเนดิคท์ที่มองกลับมาอย่างเก้อๆ เช่นกัน


“เอ่อ เดี๋ยวผมช่วยครับแนท” เบนเนดิคท์ละดวงตาสีเทาเข้มของเขาไปจากผมแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ อีกฝั่งของร่างวิคเตอร์ ออกแรงช่วยยกให้ร่างเขานั่งตรงๆ นาตาชาถอนหายใจหนักๆ หยิบผ้าขนหนูไปชุบน้ำ บิดหมาดๆ แล้วเตรียมจะเช็ดหน้าให้วิคเตอร์ แต่พอเธอเห็นเขาทำท่าพะอืดพะอม เธอก็ตาโตแล้วกระเถิบลุกขึ้นหนีทันที ผมรีบวิ่งเข้าไปแทนที่เธอทันทีเช่นกันแล้วเอามือซ้ายปิดปากเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาพุ่งอ้วกออกมาจากปาก แต่ก็ยังมีเล็ดลอดออกมาเลอะมือผมเล็กน้อยอยู่ดี


“Oh! Fuck! I can’t—please take care of him. (โอ้! ให้ตายสิ! ฉันไม่ล่ะ ฝากดูแลเขาทีนะ)” เธอบอกอย่างยอมแพ้ ยกมือขึ้นสองข้างว่าไม่เอาแล้ว ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น เดินตรงขึ้นไปบนบันไดบ้าน ทิ้งความเงียบและความเอ๋อไว้ให้ผมกับเบนเนดิคท์ที่กำลังมองหน้ากันอย่างเหลอหลา ก่อนที่เบนเนดิคท์จะพูดเสียงแผ่วพร้อมหน้าตาเหลือเชื่อ


“She is really fucking loves her boyfriend. (เธอแม่งโคตรรักแฟนตัวเองเลยว่ะ)” ผมยิ้มแหยๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อวิคเตอร์ปล่อยอ้วกออกมาล้นมือซ้ายผมที่ปิดปากเขาไว้ สุดท้ายผมเลยปล่อยให้เขาอ้วกลงพื้นห้องนั่งเล่น เขาโก่งตัวไปข้างหน้าเพื่ออ้วก ลำตัวพาดผ่านหน้าตักผม ผมใช้มือขวาลูบหลังเขาขึ้นเบาๆ เพื่อให้เขาอ้วกออกมาให้หมด เอื้อมมือซ้ายไปหยิบผ้าขนหนูที่ชุบน้ำไว้มาเช็ดรอบๆ ปากเขาที่เลอะอ้วก


“แมท มือนายเลอะอ้วกหมดแล้วนะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเบนเนดิคท์ที่มองกลับมาด้วยแววตาทึ่งน้อยๆ แต่ก็มีแววยิ้มของนัยน์ตาอยู่ด้วย ผมยิ้มแหยๆ ให้เขา มือขวาก็ลูบหลังวิคเตอร์เบาๆ ต่อไป จนเขาเริ่มนิ่ง แขนซ้ายผมเปื้อนและเปียกอ้วกเขาจนเยิ้มไปหมด และยังเลอะเป็นดวงๆ ตรงขาซ้ายทั้งตรงต้นขาและตรงน่อง ดีที่วันนี้ผมสวมกางเกงยีนส์ ไม่งั้นผมคงได้อาบน้ำอ้วกของเขาเต็มขาแน่นอน


“เอิ่กกก...” วิคเตอร์ส่งเสียงเรอเป็นลมออกมาหลังจากปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในท้องออกมาจนหมด ผมมองพื้นห้องนั่งเล่นก็เห็นกองอ้วกที่ไม่ควรบรรยายอย่างยิ่งว่ามันเป็นสภาพไหน เพราะมันจะทำให้ผมอ้วกตาม เกิดอาการพะอืดพะอมในอกผมเล็กน้อย แต่ผมก็พยายามกลั้นไว้แล้วแข็งใจเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดรอบๆ ปากเขาให้สะอาด ก่อนจะเอามาซับมือซ้ายตัวเองเบาๆ


“เฮ้! แขนนายเป็นอะไร ทำไมแดงแบบนั้น” เบนเนดิคท์ร้องถามเสียงดัง ผมหันไปมองเขาที่ขมวดคิ้วอยู่ด้วยความตกใจกับเสียงของเขา ผมอ้าปากน้อยๆ เพื่อจะตอบคำถามเขา แต่พอจะตอบจริงๆ ก็ดันไม่รู้จะพูดอะไร เลยมองสลับหน้าเขากับแขนตัวเองก่อนจะตอบแบบมึนๆ


“ผมทอดไก่ แล้วน้ำมันกระเด็นใส่น่ะครับ ไม่มีอะไรมากหรอก” เบนเนดิคท์ย่นคิ้วอย่างหนัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมหลังโซฟามาใกล้ๆ ผม เขาจับแขนผมไปดูแล้วก็ต้องทำตาโต


“ไม่มีอะไรได้ไง เดี๋ยวพอมันเป็นแผล นายได้สยองแน่” ผมยิ้มน้อยๆ แล้วค่อยๆ ดึงแขนตัวเองออกจากมือเขาเบาๆ ก่อนจะก้มลงมองวิคเตอร์ที่นอนเอาแก้มซ้ายแนบไปกับตักผม แล้วเงยหน้ามองเบนเนดิคท์ที่มองกลับมาด้วยสายตาจริงจัง


“เดี๋ยวฝากเขาไว้แปบนึงนะครับ ผมจะไปเอาผ้าขนหนูผืนใหม่มาเช็ดตัวให้เขา เสร็จแล้วจะได้พาเขาขึ้นไปส่งที่ห้องนอน” เบนเนดิคท์มองหน้าผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อ เขาทำปากยื่นน้อยๆ ก่อนจะทำสีหน้าปลดปลง


“ให้มันนอนตรงนี้แหละ ขึ้นไปนอนข้างบนคงไม่พ้นนาตาชาคงถีบลงมานอนพื้น นายไม่เห็นที่เธอแสดงความรักต่อมันเมื่อกี้นี้รึไง” ผมอดจะหัวเราะกับคำพูดคำจาประชดประชันแต่หน้าตานิ่งๆ หล่อๆ ของเขาไม่ได้ ผมจัดการยกหัวของไอ้ยักษ์หน้าหนวดออกจากตักเพื่อจะได้ลุกออกไปเอาผ้าขนหนูมาให้เขา เบนเนดิคท์ขึ้นไปยืนบนโซฟาแล้วเดินอ้อมหลังผมไปข้างวิคเตอร์อีกฝั่ง ก่อนจะช่วยพยุงร่างวิคเตอร์เอาไว้ ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินก้าวข้ามกองอ้วกออกไปจากห้องนั่งเล่น ตรงไปที่ห้องซักรีด หยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็ก มองหาเสื้อยืดใส่นอนพร้อมกับกางเกงนอนให้เขา ก่อนจะหอบเอาผ้าน่วมพร้อมหมอนที่เก็บไว้ในห้องออกไปด้วย
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น เอาผ้านวมกับหมอนวางไว้ที่โซฟาตัวยาวอีกตัวโดยมีชุดนอนเขาวางทับอยู่บนนั้น เบนเนดิคท์กำลังนั่งอยู่ข้างๆ วิคเตอร์ที่นอนเอาหัวพิงพนักโซฟาตัวกว้างเหมือนเตียงขนาดเล็กไว้ พ่อหนุ่มผมทองเหมือนรวงข้าวสุกตาสีเทาเข้มมองผมแล้วยิ้มน้อยๆ ผมยิ้มตอบกลับไป เอาผ้าชุบน้ำในอ่างใส บิดผ้าให้หมาดๆ แล้วยื่นผ้าให้เบนเนดิคท์ที่ทำหน้าเหลอหลา


“เช็ดตัวให้เขาหน่อยได้มั้ยครับ เดี๋ยวผมจะเช็ดอ้วกที่พื้น”


“เหวอ! ไม่เอาล่ะ ถึงฉันจะเป็นเกย์ แต่ฉันไม่พิศวาสไอ้วิคเตอร์หรอกนะ” คราวนี้เป็นผมที่หน้าเหวอ อ้าปากหวอ จ้องมองเบนเนดิคท์จนลูกตาแทบเด้งออกจากเบ้า อีกฝ่ายเห็นแบบนั้นก็หัวเราะด้วยความขำออกมา


“คุณ… โอ้ว… เอ่อ คือไม่อยากจะเชื่อ คุณดูเป็นผู้ชายมากครับ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี คือเขาดูเป็นผู้ชายปกติมาก ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ และไม่คิดด้วยว่าเขาจะเป็น คือเขาหล่อ เขาน่ารัก จนไม่ควรเป็นเกย์ เขาดูเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า


“ก็ยังเป็นผู้ชายทางกายภาพนะ แค่ฉันชอบผู้ชายด้วยกันเท่านั้นเอง” เขาตอบแล้วยิ้มกริ่ม ผมยิ้มเอ๋อๆ ตอบกลับไปก่อนจะตั้งสติเพื่อพูดในสิ่งที่ค้างไว้อยู่ต่อ


“เอ่อ… ถ้าคุณไม่เช็ดตัวให้เขา งั้นผมวานคุณทำความสะอาดพื้นได้รึเปล่าครับ” เบนเนดิคท์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง พลางทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะลุกขึ้นยืน


“ฉันยอมเช็ดอ้วกดีกว่าเช็ดตัวมัน” ผมยิ้มขำๆ แล้วเดินไปนั่งแทนที่เขา ส่วนเขาเดินออกไปนอกห้องนั่งเล่นเพื่อไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดพื้น


ผมนั่งชันเข่าแล้วโน้มตัวไปเช็ดหน้าให้วิคเตอร์ เขาส่งเสียงครางในลำคอเมื่อโดนผ้าชุบน้ำเย็นๆ สัมผัสที่หน้า ผมต้องคอยจับหน้าเขาที่พยายามเบี่ยงหนีไว้ แล้วเช็ดผ้าไปตามสันกรอบหน้าและคางเรียวแต่ไม่แหลมของเขา กดผ้าแช่ไว้เบาๆ ตรงดวงตาทั้งสองข้างเพื่อให้เขาหลับสบายมากขึ้น ผมช่างใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงชายเสื้อยืดสีขาวคอวีของเขาออกจากตัวด้วยความทุลักทุเล เพราะเขาพยายามปัดมือผมออก กว่าผมจะดึงเสื้อยืดเขาให้หลุดออกจากแขนและหัวเขาได้ก็เป็นจังหวะที่เบนเนดิคท์เดินกลับเข้ามาพร้อมกับถังน้ำและไม้ถูพื้นพอดี


“ตอนเมา มันก็ยังแผลงฤทธิ์ใส่นายอีกนะ” เขาบอกยิ้มๆ พร้อมวางถังน้ำไว้แถวๆ โต๊ะกระจก ผมยิ้มตอบกลับไป เอาผ้าขนหนูชุบน้ำอีกรอบ บิดให้หมาดๆ ก่อนจะเริ่มเช็ดตรงช่วงลำคอของเขา ไล่มาจากปีกไหล่ขวา เช็ดตรงกล้ามแขนลากยาวมาถึงมือ ก่อนจะโน้มตัวไปทำแบบเดียวกันกับแขนซ้ายของเขา พอเสร็จก็เปลี่ยนมาเช็ดช่วงหน้าอกกับลำตัวเขาแทน ชั่วโมงนี้ผมไม่มีคำว่าเขินละ เพราะกลิ่นเหล้ากลิ่นตัวเขาฟุ้งมาก ผมพยายามจะช่วยเช็ดให้กลิ่นมันจางลง


“Fuck…(โว้ย…)” เขาส่งเสียงครางเบาๆ มือไม้ปัดป่ายไปมาราวกับรำคาญที่ผมกำลังเช็ดตัวเขาอยู่ ผมแอบตีมือเขาด้วยความหมั่นไส้จนเบนเนดิคท์หัวเราะเบาๆ ผมออกแรงดันร่างหนักๆ และหนาของเขาให้นั่งตรงๆ ก่อนจะรีบเช็ดช่วงหลังของเขาก่อนจะปล่อยให้เขานอนพิงพนักตามเดิม ผมยกแขนขวาเขาขึ้นแล้วเช็ดใต้รักแร้อันเป็นแหล่งสะสมกลิ่นชั้นดี


“อืมมม…” เขาส่งเสียงครางเบาๆ เมื่อผมลากผ้าขนหนูไปมาสองสามทีใต้รักแร้ขวาของเขา ก่อนจะเปลี่ยนไปเอื้อมยกแขนซ้ายเขาขึ้นแล้วเช็ดแบบเดียวกัน วิคเตอร์ส่งเสียงครางกระเส่าออกมาจากปาก จนเบนเนดิคท์ที่กำลังเช็ดพื้นให้สะอาดอยู่ถึงกับหัวเราะก๊าก


“ไอ้บ้านี่เมาก็ยังจะมีอารมณ์นะ” ผมหันไปยิ้มขำๆ กับเบนเนดิคท์ ก่อนจะปล่อยแขนซ้ายของวิคเตอร์ทิ้งลงข้างตัวตามเดิม พอหันกลับไปมองหน้าเขา ก็เห็นว่าเขาปรือตามองผมอยู่


“Are you okay, mr.raymond? (คุณเรย์มอนด์ คุณโอเคนะครับ)” ผมถามพลางดันตัวกลับไปนั่งคุกเข่าตามเดิม วิคเตอร์เอียงหน้าและสายตาปรือๆ มามองผม ผมเอียงคอมองเขาแล้วยิ้มน้อยๆ วิคเตอร์ไม่ได้ตอบอะไร แต่สักพักเขาก็พุ่งตัวเข้ามาหาผมจนผมล้มลงตัวเอียงขวาติดกับโซฟาเพราะว่านั่งอยู่ในท่าคุกเข่า ผมหน้าเหวอ แล้วรีบเอามือดันไหล่เขาไว้


“เฮ้ยๆๆ ไอ้วิคเตอร์! แกเพี้ยนไปแล้วรึไงวะ นั่นมันแมทนะเว้ย ไม่ใช่นาตาชา” เบนเนดิคท์เอาไม้ถูพื้นทิ่มไว้ในถังน้ำแล้วเข้ามาช่วยดึงวิคเตอร์ที่คร่อมร่างผมอยู่ออกไป ตอนแรกวิคเตอร์ฝืนร่างเอาไว้ไม่ยอมไปตามแรงของเบนเนดิคท์ แต่ผมผมช่วยดันอีกแรง ร่างเขาก็เลยลอยไปตามแรงดันและแรงดึง ผมดันตัวเองลุกขึ้น แล้วเหวี่ยงขาลงไปยืนบนพื้นอย่างเร็ว เปลือกตาเขาปิดสนิทอีกครั้ง


“เมาแล้วจะปล้ำไปเรื่อย” เบนเนดิคท์บ่นพลางขยับร่างวิคเตอร์ให้อยู่ในท่านอนสบายๆ ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า ตอนมันไม่เมา มันก็จะปล้ำผม


“ขอหมอนกับผ้าห่มหน่อยสิแมท” ผมหันหลังไปหยิบชุดนอนวิคเตอร์ออกไปวางบนโต๊ะ แล้วอุ้มผ้านวมผืนใหญ่สีขาวกับหมอนใบโตสีเดียวกันไปให้เบนเนดิคท์จัดแจงให้กับวิคเตอร์ เบนเนดิคท์ยกหัววิคเตอร์ให้นอนบนหมอนสบายๆ ส่วนผมคลี่ผ้าน่วมออกแล้วห่มร่างเปลือยท่อนบนของเขา ส่วนท่อนล่างเขาใส่กางเกงยีนส์อยู่ ชุดนอนคงลำบากที่จะเปลี่ยนแล้วล่ะ


“พื้นเรียบร้อยดีมั้ยครับคุณเบน” เบนเนดิคท์พยักหน้า ผมเขยิบไปมองก็เห็นว่าพื้นที่เปื้อนอ้วกก่อนหน้านี้ ตอนนี้สะอาดเป็นปกติแล้ว ผมเงยหน้ายิ้มให้เบนเนดิคท์ก่อนจะเดินไปตรงซุ้มประตูโค้งของห้องนั่งเล่น เปิดเครื่องปรับอากาศและปรับอุณหภูมิให้เย็นพอเหมาะ


“นายเลอะอ้วกอยู่นะแมท” เบนเนดิคท์บอกพลางถือถังน้ำด้วยมือซ้ายและถือไม้ถูพื้นด้วยมือขวา ผมก้มลงมองตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าตอบเขา


“นิดเดียวเองครับ ไม่ได้มากมายอะไร” เบนเนดิคท์มองผมแล้วยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะเดินมาทางผม


“แล้วนายกลับยังไง”


“รถไฟใต้ดินครับ”


“กลับพร้อมฉันก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปส่ง” ผมมองเขาอย่างเงอะงะ ยิ้มออกมาอย่างงงๆ


“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้” เบนเนดิคท์ทำหน้าเอือมเล็กๆ แล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะว่าเสียงดุๆ


“ไม่ไว้ใจฉันรึไง” ผมตาโต รีบยกมือโบกปฏิเสธเขาทันควัน


“เปล่า เปล่าครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณลำบาก ผมอยู่ตั้งบรู๊คลินเลยนะ”


“แล้วบรู๊คลินมันอยู่ในนิวยอร์คมั้ย ถ้าตราบใดที่มันยังไม่ย้ายไปแคนาดา ฉันก็ยังไปส่งนายได้” เขายักคิ้วแล้วเดินถือของออกไปเก็บ ผมมองตามแผ่นหลังของร่างโปร่งไปก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ พอหันกลับไปมองร่างของไอ้ยักษ์ขี้เมาที่หลับสนิทไปแล้วก็ได้แค่ถอนใจว่าทำไมเขาไม่ใจดีกับผมแบบคนอื่นๆ บ้าง แล้วผมก็ได้ตอบกลับมาว่า เพราะผมไม่ใช่เมียเขาไง ผมไม่ใช่นาตาชา ผมเป็นลูกน้อง เป็นขี้ข้าของเขา


“ไปกันเถอะ” เสียงเบนเนดิคท์ดังขึ้น ผมหันไปมองแล้วยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะหันกลับไปมองวิคเตอร์อีกครั้งด้วยความเป็นห่วง


“มันหลับปุ๋ยไปแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” ผมหันกลับไปมองเบนเนดิคท์ด้วยรอยยิ้มเหลอหลา


“เอ่อ… ครับ กลับกันเถอะ” เบนเนดิคท์หมุนตัวเดินออกไป ผมก้าวเท้าเดินตามเขาไป แต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองวิคเตอร์อีกครั้ง มองดูภาพที่เขาหลับสนิทและส่งเสียงกรนเบาๆ ด้วยความห่วง ผมสลัดความห่วงใยใดๆ ที่มีให้เขาทิ้งไป ก่อนจะรีบก้าวเท้าตามเบนเนดิคท์ออกจากห้องนั่งเล่นไป พอเดินผ่านมาที่ครัวผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้


“เอ่อ… คุณเบนเนดิคท์ครับ” คนถูกเรียกหันกลับมามองด้วยความสงสัย ผมอ้อมแอ้มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะว่าต่อ


“ผมขอเวลาสักครู่ได้มั้ยครับ” เขามองหน้าผมด้วยสายตาไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบ


“ได้สิ”



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 14:19:03


“นั่งนิ่งมานานแล้วนะ เป็นอะไรรึเปล่า” ผมเหมือนหลุดจาภวังค์ หันไปมองหน้าเบนเนดิคท์ที่มองกลับมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ผมกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย มือขวายังคงลูบที่แผลโดนน้ำมันกระเด็นใส่ไปมาเบาๆ


“ห่วงไอ้วิคเตอร์หรอ” ผมเกือบสะดุ้งแต่ก็เบรกตัวเองไว้ทัน ก่อนจะปั้นยิ้มให้ดูเป็นปกติที่สุด


“ก็… เขาดูเมามากน่ะครับ”


“ไม่ต้องห่วงมันหรอก ตื่นเช้ามาเดี๋ยวมันก็หายแล้ว วันนี้มันโดนจัดหนักไปหน่อยเลยหมดสภาพ แต่ปกติมันอึดจะตาย”  ผมยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้ารับรู้เบาๆ พลางนึกถึงภาพสุดท้ายของวิคเตอร์ที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา


“แมท… ห่วงตัวเองก่อนมั้ย สภาพนายตอนนี้แย่มากนะ เลอะอ้วก ไหนจะแผลที่แขน มือที่พองนั่นอีก” เบนเนดิคท์บอกเหมือนกำลังอ่อนอกอ่อนใจในตอนที่เขาตีไฟเลี้ยวซ้ายแถวๆ ถนนใกล้เซ็นทรัลปาร์คในยามค่ำคืนที่มีไฟประดับไปตามต้นไม้อย่างน่ามอง


“ผมแค่… เป็นห่วง เพราะผมดูแลเขา”


“ที่ฉันเห็น นายก็ดูแลอย่างดีที่สุดแล้วนะ ดีกว่าแฟนมันเองอีก”


“นาตาชาเขาคงไม่ชอบกลิ่นเหล้ามั้งครับ” เบนเนดิคท์ยิ้มเยาะที่มุมปาก


“นั่นเป็นเหตุผลที่โคตรปัญญาอ่อน คนกินเหล้าจะให้มีกลิ่นน้ำหอมของปราด้าติดตัวรึไง ฉันว่ายัยนั่นรับสภาพไอ้วิคเตอร์ตอนไม่ปกติไม่ได้มากกว่า” ผมขมวดคิ้วมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ อีกฝ่ายยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะว่าต่อ


“วิคเตอร์มันคบกับผู้หญิงคนนี้ไปได้ยังไง มาคบกับนายฉันว่าจะยังดีซะกว่า” ผมเลิกคิ้วฉับ ตาโตด้วยความตกใจกับประโยคนั้นของเขา


“เอ่อ… เพราะคุณนาตาชา เขาเป็นผู้หญิงไงครับ แล้ววิคเตอร์ก็เป็นผู้ชาย ฉะนั้นเขาคบกันก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ” เบนเนดิคท์หัวเราะ ผมยิ้มตามเมื่อเห็นรอยยิ้มอันสดใสของเขา


“ก็ถูกต้องตามกฎธรรมชาติและกฎทางสังคมของคนบางพวกเท่านั้นแหละ ที่ฉันสงสัยคือ มันมองผู้หญิงคนนั้นในมุมไหนถึงได้ตกลงคบกัน”


“เขาก็คงมีมุมดีๆ ที่รู้กันอยู่สองคนมั้งครับ ไม่งั้นเขาจะคบกันทำไม”


“มุมดีๆ ที่ว่าก็คงเป็นเรื่องเซ็กส์นั่นแหละ คงตอบสนองต่อกันดีล่ะมั้ง เลยคบกัน” ผมคิดตามแล้วก็เห็นความเป็นไปได้ คนที่ใช้เซ็กส์นำหน้าก่อนความรู้สึกอื่นๆ อย่างเขา ก็คงไม่ยากที่จะคบกับนาตาชา


“แต่ว่า ก่อนที่จะคบกัน วิคเตอร์กับนาตาชาเขาคุยกันมาสักพักแล้วนะครับ ถ้าเขาคบกันเพราะเซ็กส์จริงๆ ผมว่าวิคเตอร์คงคบกับผู้หญิงไปเป็นร้อยแล้ว” เบนเนดิคท์หัวเราะเสียงดังกังวานห้องโดยสารรถบีเอ็มดับเบิลยูตาเหยี่ยวสีดำของเขา


“นี่นายปกป้องใครอยู่เนี่ย วิคเตอร์หรือนาตาชา…” เบนเนดิคท์มองผมแล้วยิ้มขำที่มุมปากทั้งสองข้าง ก่อนจะว่าต่อ “…ก็อาจจะมีล่ะเนอะ ฉันก็พูดในมุมมองที่ฉันมองเขาสองคน ก็จริงอย่างที่นายว่า มันคงมีอะไรดีๆ ที่รู้กันอยู่สองคน” ผมระบายยิ้มอ่อนๆ ตอบกลับไป


“แล้วนายล่ะ มีมุมดีๆ กับวิคเตอร์บ้างมั้ย ฉันเห็นนายกับเขาดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่” ผมขำพรืด นึกขำที่เบนฯ พูดประเด็นนี้ขึ้นมา


“มุมดีๆ ก็มีครับ แต่มุมไม่ดีน่าจะเยอะกว่า” ผมหัวเราะน้อยๆ อยากจะบอกเหลือเกินว่ายิ่งมุมหื่นๆ นี่ยิ่งเด่นชัด นึกแล้วก็ได้แต่ปลดปลงในใจว่า จบฝึกงานไปผมคงแกร่งเพราะผู้ชายที่ชื่อวิคเตอร์ขึ้นเยอะ เบนเนดิคท์ยิ้มขำๆ ก่อนจะบอกเสียงล้อๆ


“จากที่เห็นวันนี้ก็น่ายืนยันคำตอบของนายได้…” เขายิ้มให้ผม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองที่แขนซ้ายผมที่ตอนนี้อาการดีขึ้น แต่ทิ้งร่องรอยแดงคล้ำเป็นแนวยาวตั้งแต่อุ้งมือพาดยาวเฉียงขวาตรงข้อแขนเกือบถึงกลางแขน


“ดูแลตัวเองด้วยนะแมท นายอาจจะเต็มใจทำในสิ่งที่นายกำลังทำอยู่ แต่ดูแลตัวเองด้วย และไม่ใช่แค่ตัว ดูแลหัวใจตัวเองให้ดีๆ เจอแบบนี้มากๆ ฉันกลัวว่าใจนายจะช้ำซะก่อน อ้อ แล้วขอโทษด้วยนะ ถ้าวันนี้ฉันมีส่วนให้นายเป็นแบบนี้” ผมตาโต ยกมือโบกพัลวันพร้อมส่ายหัวรัวๆ


“ไม่เลยครับ นี่มันเป็นเพราะความเซ่อของผมเองต่างหาก พวกคุณไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่ผมทำตัวเองทั้งนั้น” เบนเนดิคท์ยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีเทาเข้มของเขามองผมด้วยแววตาแห่งความใจดี


“เพราะนายเป็นแบบนี้สินะ ถึงอยู่กับวิคเตอร์ได้” ผมมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ ยิ้มงงๆ กับคำพูดของเขา


“แบบไหนเหรอครับ”


“ก็แบบที่นายเป็นนายนั่นแหละ ไม่รู้จะอธิบายยังไงหมด แต่ที่นายทนนิสัยไอ้วิคเตอร์ได้ขนาดนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน” ผมหัวเราะร่า เป็นการหัวเราะที่เหมือนได้ปลดปล่อยความอึดอัด ความเหนื่อยล้าออกจากร่างกายและจิตใจ เราเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเป็นเรื่องทั่วไป ไม่เอาประเด็นวิคเตอร์มากวนใจผมอีก แล้วผมก็ได้รู้ว่าเบนเนดิคท์เองก็เป็นนายแบบเหมือนกัน แต่รับแค่งานถ่ายแบบเดินแบบทั่วไป ไม่มีงานแสดง เพราะรูปร่างหน้าตาเขามาแค่ทางนี้จริงๆ และเขาก็เป็นหนุ่มอเมริกันตัวจริงเสียงจริงที่เกิดและโตที่นี่แต่บ้านอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ผมตื่นเต้นใหญ่เพราะเป็นอีกเมืองที่ผมอยากไปหลังจากจบฝึกงาน ซึ่งเขาก็ออกปากชวนให้ไปพักบ้านเขาหากผมแวะไปจริงๆ


“เดี๋ยวฉันเป็นไกด์พานายเที่ยวเอง ฉันจะพาไปทุกซอกทุกมุมของซานฟรานฯ” เบนเนดิคท์บอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง แล้วชะลอรถที่หน้าบ้านป้าแมร์รี่ตามที่ผมบอก ผมยิ้มพลางปลดสายเข็มขัดออกจากตัว


“ขอบคุณล่วงหน้าเลยแล้วกันนะครับ เพราะคิดว่าผมคงต้องไปแน่ๆ” ผมหัวเราะอารมณ์ดี เบนเนดิคท์คลี่ริมฝีปากสีชมพูเป็นรอยยิ้มอันอบอุ่นมาให้ ก่อนที่เขาจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมเล็กน้อย แต่ไม่ได้ใกล้ประชิดจนชวนประหม่า ดวงตาสีเทาเขามองผมเหมือนจะมีแววชื่นชมอยู่


“รู้อะไรมั้ย ถ้าฉันเป็นไอ้วิคเตอร์ ฉันจะขอนายเป็นแฟน” ผมทำหน้ามึน ยิ้มออกมาอย่างมึนๆ จนเบนเนดิคท์ยิ้มมุมปากด้วยความขำ


“ขอได้ไงล่ะครับ เขาเป็นผู้ชายปกติ เขาไม่ใช่เกย์” เบนเนดิคท์เลิกคิ้วสีทองอ่อน (ที่เมื่อมองใกล้ๆ จะเห็นว่ามีสีน้ำตาลผสมอยู่ด้วย) ขึ้นสูงเหมือนกำลังใช้ความคิด


“บางทีไม่ต้องเป็นเกย์หรอกถึงจะคบผู้ชายด้วยกัน ผู้ชายปกติก็คบกันเองได้ ถ้าใจเขารักกัน มันอยู่ที่ใจมากกว่า เพียงแต่ ถ้าเป็นเกย์ด้วยกันมันก็ไม่ค่อยยากแบบที่นายคิดเท่านั้นเอง เรื่องแบบนี้มันคือเรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องของกายภาพและสรีระร่างกาย” ผมพยักหน้าช้าๆ กับคำพูดของเขา


“แต่คงไม่ใช่กับวิคเตอร์หรอกครับ และก็คงไม่ใช่กับผู้ชายหลายๆ คนด้วย” เบนเนดิคท์แบะปากเล็กน้อย


“แต่ฉันว่าถ้าผู้ชายอย่างวิคเตอร์เจอผู้ชายดีๆ แบบนาย ก็ไม่แน่นะ” ผมยิ้มขื่นๆ ก่อนจะบอกเสียงแผ่ว


“คนดีกับคนที่รัก มันคนล่ะคนกันครับ มันทดแทนหรือว่าแทนที่กันไม่ได้ ผมพิสูจน์มาแล้ว ความดีกับความรักมันคนล่ะอย่างกัน” ผมพูดแล้วก็นึกย้อนไปถึงไอ้ความรักหกปีที่ผมมี ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตด้านความรักของผมแม่งเป็นไปได้ยากจัง


“ฉันเจอข้อเสียของนายอย่างนึงละ นายชอบดูถูกตัวเอง นายชอบทำลายความหวังในเรื่องความรักของตัวเอง” ผมนิ่งไปนิด ยิ้มมุมปากหน่อยๆ แล้ส่ายหัวเบาๆ


“เพราะผมเคยเจอมาแล้วนี่ครับ”


“มันก็ไม่ได้หมายความว่านายจะยึดความผิดหวังครั้งนั้นมาทำลายความหวังครั้งอื่นๆ นะ” ผมยิ้มอ่อนๆ รู้สึกดีกับคำพูดเขาอยู่เหมือนกัน


“ขอบคุณนะครับคุณเบน” เขายิ้มหล่อ ผมยิ้มตอบกลับไป หันไปเตรียมตัวเปิดประตูรถ แต่เสียงของเบนเนดิคท์ก็ทำเอาผมชะงัก


“ที่ฉันบอกว่าถ้าฉันเป็นวิคเตอร์ฉันจะขอนายเป็นแฟน ฉันไม่ได้พูดแทนมันนะ แต่ฉันพูดถึงตัวฉันเอง ถ้าฉันมีนายอยู่ใกล้ๆ แบบมัน ฉันคงทำใจให้ชอบคนดีๆ แบบนายไม่ได้” ใจผมเต้นตุบๆ หันหน้าไปมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ว้าว! มีหนุ่มอเมริกันมาชอบ กรี๊ด! เอ้ย! นี่คืออะไร ดีใจหรืออะไร แต่งงมากกว่า โอ้ย! มาอยู่อเมริกาแล้วขายออกกับผู้ชายตั้งสองคน ทั้งอเมกัน ทั้งไทยด้วยกันเอง


โอนสัญชาติแปบบบ!


“โอ้ว… ดีใจจังที่มีคนพูดแบบนี้ คือ นานๆ ทีจะมีคนพูดแบบนี้กับผม คือหมายถึงเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีคนพูดแบบนี้กับผม แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะมีคนพูดอีกครั้ง ผมว่า… ผมไม่มีอะไรเลย ผมเหมือนแฟชั่นที่เชยตกยุคไปแล้ว” ผมพูดด้วยความสับสน หน้าเอิร์ทก็ลอยเข้ามาในหัวตอนพูด เบนเนดิคท์ยิ้มกว้างด้วยความตลก คงตลกหน้าผมที่เดี๋ยวย่น เดี่ยวคลาย


“แฟชั่นเก่าๆ ก็ถูกเอามาทำใหม่จนน่าสนใจกว่าพวกแฟชั่นใหม่ๆ ตั้งเยอะ…” เขาบอกแล้วบิดริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน่ามอง


“ฉันเป็นเกย์ ฉันไม่กระดากปากที่จะพูดแบบนี้กับนายอยู่แล้ว เอาเป็นว่าถ้าไอ้วิคเตอร์ไม่สนใจนายจริงๆ ทิ้งมันแล้วมาหาฉันนะ” เขาบอกอย่างขำขัน รอยยิ้มและแววตาเขาดูอิ่มเอิบใจ ผมยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะตอบ


“เขาไม่มีวันสนใจผมหรอกครับ ไม่ว่าจะในฐานะอะไร แค่ขนาดในฐานะคนดูแลเขา เขายังไม่สนใจเลย” พูดแล้วก็กระตุกในอกซ้ายแปลกๆ เบนเนดิคท์กวาดสายตามองใบหน้าผมไปทั่ว


“แต่นายสนใจมันใช่มั้ยล่ะ” ผมที่กำลังนอยด์ๆ ถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกใจฉับพลัน อีกฝ่ายเห็นแบบนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ


“ผมสนใจเพราะเขาเป็นคนที่ผมต้องดูแล แค่นั้นแหละครับ” เบนเนดิคท์ยิ้มที่มุมปากนิดๆ ก่อนดึงตัวกลับไปนั่งพิงเบาะตัวเองเต็มๆ


“ดึกแล้ว นายไปพักผ่อนเถอะ เจอศึกหนักมาทั้งวัน ฝันดีนะแมท” ผมยิ้มบางๆ ตอบกลับไป พลางเปิดประตูรถเตรียมตัวลง


“Good night, Benedict. (ฝันดีครับเบนเนดิคท์)” เราส่งยิ้มให้กันพร้อมกับโบกมือบ๊ายบายก่อนที่ผมจะเปิดประตู ก้าวลงจากรถไปยืนบนพื้นถนนแล้วปิดประตูตามหลัง เบนเนดิคท์ขับรถออกไปทันที ส่วนผมก็เดินไปเปิดรั้วเข้าบ้านด้วยความเมื่อยล้า แต่พอเดินไปถึงหน้าบ้านก็ต้องตกใจที่เห็นเอิร์ทนั่งชันเข่าอยู่บนบันได ข้างๆ มีบาสที่หลับพิงเสาไฟหน้าบ้านอยู่ เอิร์ทมองหน้าผมนิ่งๆ ส่วนผมกำลังรู้สึกผิดที่เห็นเขามานั่งรอแบบนี้


“เอิร์ท ทำไมยังไม่นอน” ผมถามด้วยความร้อนใจ เดินเข้าไปใกล้ๆ เขาที่มองกลับมาด้วยรอยยิ้ม


“เป็นห่วง จะไปรับก็ไม่กล้าไป กลัวว่าจะไปกวนเวลาทำงานของแมทกับไอ้พระเอก” ผมมองหน้าเขาที่กำลังยิ้มน้อยๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ เลื่อนสายตาไปมองบาสที่นั่งพิงเสาหลับอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเมื่อยจนผมหลุดขำออกมา


“แล้วเอาบาสออกมาลำบากด้วยทำไมเนี่ย”


“ตอนแรกมันก็มานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ หันมาอีกทีตอนห้าทุ่ม มันก็หลับสนิทไปแล้ว ไอ้นี่มันหลับง่าย” ผมพยักหน้าด้วยความขำมองหน้าพ่อหนุ่มตี๋ตาสองชั้นที่หลับราวกับนอนบนเตียง


“แมท แขนไปโดนอะไรมา” ผมถึงกับหยุดขำ แล้วหันไปมองเอิร์ทที่จ้องแขนผมหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาไม่รอให้ผมตอบแต่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาดึงแขนผมไปสำรวจดู


“โดนน้ำมันกระเด็นใส่มาหรอ”


“ก็… อือ น้ำมันกระเด็น ทอดไก่แล้วมันกระเด็นใส่”ผมบอกพลางดึงแขนตัวเองออกจากมือเอิร์ทช้าๆ เอิร์ทส่ายหัวไปมาราวกับอ่อนใจ ก่อนจะหันไปปลุกบาสด้วยการใช้เท้าเขี่ยแรงๆ จนบาสตื่นขึ้นมาอย่างสลึมสลือ เขากวาดสายตามองไปทั่วราวกับกำลังงงๆ ก่อนจะมาหยุดที่ผม


“อ้าว…ฮ้าววว… กลับมาแล้วสินะ” เขาบอกพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับบิดขี้เกียจไปด้วย


“เข้าไปในบ้าน กูจะทายาให้แมท” บาสหันตาปรือๆ ที่เพิ่งลืมขึ้นเมื่อกี้หันมามองผมอย่างงงๆ


“อ้าว แมทเป็นไรวะ”


“น้ำมันกระเด็นใส่ ยาวเป็นแถบ อย่าเพิ่งพูดมาก มึงขึ้นไปเอายาในกระเป๋ามึงมาให้หน่อยดิ” บาสเหมือนจะได้สติเต็มตัว เขาพยักหน้าหงึกๆ แล้วหมุนตัวเดินขึ้นบันไดบ้านไป เอิร์ทเดินตามบาสเข้าไปโดยมีผมเดินตามหลังเข้าไปในบ้าน
ผมเดินตามเอิร์ทมานั่งที่โต๊ะทานข้าวในครัว ในบ้านเปิดไฟแสงสีเหลืองนวลๆ เอาไว้ ผมวางกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะ เอิร์ทที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเอื้อมมือมาจับแขนผมไปดูอีกรอบ


“ถูกมันใช้งานหนักอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย” ผมยิ้มน้อยๆ ด้วยความขำ เอิร์ทมองกลับมาด้วยความไม่ชอบใจ แต่ไม่ใช่ไม่ชอบใจผมหรอก น่าจะเป็นอีกคนมากกว่า


“เขาใช้งานปกตินั่นแหละ แต่เราดันโง่ทำตัวเอง”


“แล้วมันรู้รึยังว่าแมทเป็นแบบนี้” ผมยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วส่ายหัวเป็นคำตอบ เอิร์ทขบกรามแน่นแล้วถอนหายใจหนักๆ แววตามีความไม่พอใจแฝงอยู่


“แม่งหน้าเอาน้ำมันในกระทะสาดใส่หน้ามันบ้าง” ผมยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเสียงเพี้ยนทั้งขำและตกใจในเวลาเดียวกัน เอิร์ทลูบแขนซ้ายตรงที่มันแดงคล้ำไปมาเบาๆ สักพักบาสก็เดินกลับเข้ามาพร้อมหลอดยาในมือ


“แม่งต้องมาหาซื้อใหม่ เพราะเอาขึ้นเครื่องไม่ได้ คิดว่ากูจะเอาเจลว่านหางจระเข้มาก่อการร้ายที่นี่รึไงวะ” บาสบ่นงึมงำๆ พลางส่งหลอดยาให้เอิร์ทแล้วไปนั่งลงตรงข้ามกับผม


“มึงยังไม่เลิกบ่นเรื่องนี้อีกหรอไอ้เหี้ยบาส มึงบ่นตั้งแต่ตอนนั้นยันตอนนี้ มึงจะบ่นยันกลับเลยมั้ย” เอิร์ทบอกพลางบีบเจลใสๆ ใส่นิ้วมือแล้วป้ายตามรอยแดงคล้ำบนข้อแขนกับอุ้งมือ ความรู้สึกเย็นๆ แล่นไปทั่วบริเวณที่ถูกทา


“โห แมท ไอ้เอิร์ทดูแลดีขนาดนี้ตอบตกลงเป็นแฟนมันไปเฮอะ! นี่มันมานั่งรอตั้งแต่แมทส่งว้อทแอพมาบอกมันเลยนะ แล้วพรุ่งนี้มันก็เข้างานเช้าด้วย ไม่รักจริงไม่ทำงี้นะเนี่ย” บาสบอกเจื้อยแจ้ว แต่ทำเอาผมกับเอิร์ทชะงัก เงยหน้าขึ้นสบตากัน ความทรงจำในวันที่เขาขอคบผมแล่นวาบเข้ามา


ผมกับเอิร์ท เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน



“คบกับเอิร์ทได้มั้ย…”


ผมนิ่งไป ไม่ได้รู้สึกอึ้งหรือว่าตกใจอะไร มีเพียงอาการใจเต้นตึกตักหนักๆ แต่ไม่รุนแรง ผมมองหน้าเขาที่มองกลับมาอย่างจริงจังในคำพูดของตัวเองจนผมต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเขาไปมองทางอื่น


“คือ…” ผมเม้มปากเบาๆ กำลังงงตัวเองว่ารู้สึกอะไรอยู่กันแน่ ผมรู้สึกว่าใจผมมันเริ่มควบคุมยากขึ้นเมื่อได้ใกล้ชิดกับวิคเตอร์ (อย่างแนบชิดเกินไป) ในระยะเวลาสองสามวันที่ผ่านมานี้ เริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มระส่ำอย่างที่ยากจะควบคุม


“หรือแมทชอบไอ้ฝรั่งนั่น” ผมหันกลับไปมองเอิร์ทด้วยสายตาตื่นๆ เล็กน้อย พยายามควบคุมสติตัวเองให้อยู่กับเนื้อกับตัวก่อนจะตอบคำถามเอิร์ทไม่เต็มเสียง


“เปล่า… ไม่ได้ชอบจริงๆ”   


“แล้วทำไมแมทไม่ตอบตกลงเอิร์ท” ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองเอิร์ทอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะรวบรวมสติแล้วพูดออกไป


“คือมันเร็วไปนะเอิร์ท เอาจริงๆ คือเราสองคนเพิ่งรู้จักกันที่นี่ด้วยซ้ำ โอเค เอิร์ท เอ่อ คือ เอิร์ทอาจจะ…”


“ชอบแมทอยู่แล้ว” บาสต่อประโยคของผมให้จบ ผมไม่กล้าที่จะพูดจริงๆ เพราะพูดแล้วมันรู้สึกเหมือนกำลังหลงตัวเองอยู่


“เอิ่ม… ก็ใช้คำนั้นก็ได้ คือเอิร์ทอาจจะเป็นแบบที่บาสบอก แต่เราสองคนรู้จักกันน้อยมาก เราว่าให้มันค่อยเป็นค่อยไปดีกว่ามั้ย แมทว่ามันกำลังก้าวกระโดดอ่ะ” ผมยิ้มนิดๆ เอิร์ทมองหน้าผมด้วยความตึงเครียด สายตาเขาจับจ้องมองมาราวกับว่ากำลังไม่ไว้ใจในคำตอบของผม ผมก็มองหน้าเขากลับไปอย่างที่พยายามไม่แสดงอาการสั่นไหวเพื่อจะยืนยันในคำตอบอันไม่หนักแน่นของตัวเอง


“ก็ได้ ถ้าแมทว่าแบบนั้น แต่มันคงจะเป็นเพราะเวลาที่เรารู้จักกันใช่มั้ย ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น” ผมเม้มปากเบาๆ แล้วคลี่ยิ้มนิดๆ ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับตอบยืนยันอีกครั้ง


“ไม่ใช่…” ผมตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่ในใจผมนั้นกำลังเต้นตุบๆ กับคำถามของเอิร์ทและคำตอบของตัวเอง คำตอบที่จริงๆ แล้วผมอาจจะรู้ว่าเพราะอะไรกันแน่








เราสองคนสบตากันค้างไว้แบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เอิร์ทจะหันไปมองหน้าบาสด้วยสายตาดุๆ ส่วนบาสก็ยักไหล่สองข้างตอบกลับมาอย่างไม่ยี่หระ


ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเป็นอะไรกับเขา ไม่ใช่ว่าผมเล่นตัวหรือสวยเลือกได้อะไรทั้งนั้น แต่ความรู้สึกผมตอนนั้น ผมไม่พร้อมตอบว่าตกลงปลงใจใดๆ เพราะตอนนั้นใจผมกำลังสับสนปนเปไปเรื่อย


“อ้าว เออ แมทยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่หว่า แต่ทายาไปแล้ว” เอิร์ทบอกพลางดึงมือที่กำลังทาเจลใสๆ เย็นๆ ให้ผมออกจากแขน ผมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะบอกเขา


“ช่างมันเถอะ วันนี้เราว่าจะนอนเลยอ่ะ เมื่อยมาก เดี๋ยวพออาบน้ำก็ตาตื่นไม่ได้นอนพอดี” อ้วกเอิ้กช่างมันก่อน เปลี่ยนชุดเอาอย่างเดียว ตอนนี้ผมอยากจะทิ้งตัวลงสลบบนเตียงเหลือเกิน เอิร์ทพยักหน้าเบาๆ แล้วเอาฝาหมุนปิดหลอดเจล


“งั้นขึ้นไปนอนกัน ให้เอิร์ทนอนเป็นเพื่อนมั้ย”


“แน่ะ! ไอ้ห่านี่หาจังหวะแทะเล็มตลอด” บาสเอ่ยแซว เอิร์ทหันไปด่าบาสแบบไม่มีเสียงว่า ไอ้เหี้ย แต่ก็มีรอยยิ้มขำๆ อยู่บนหน้า ผมเห็นแบบนั้นก็อดจะยิ้มขำตามไม่ได้


“ไม่ต้องหรอก วันนี้เราทำงานหนัก เหงื่อออกเยอะ กลิ่นน้ำมันอีก ตัวเหม็นมาก”


“โอ๊ย! ต่อให้แมทไปเกลือกกลิ้งคลุกกองขี้หมามา ไอ้เอิร์ทมันก็กล้านอนด้วย” ผมหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะรีบเอามือมาปิดปากไว้เพราะกลัวไปรบกวนคนอื่น เอิร์ทกับบาสก็หัวเราะตามไปด้วย


“เกินไปๆ ให้โอกาสจมูกกูหายใจสะดวกๆ บ้าง” เอิร์ทบอกพร้อมรอยยิ้ม บาสเบ้ปากใส่เล็กน้อย


“ป่ะ ขึ้นนอนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมพยักหน้าแล้วยิ้มด้วยความเหนื่อยอย่างที่เขาว่า ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามเอิร์ทกับบาส พ่อตี๋ตาสองชั้นเดินนำไปก่อน ส่วนพ่อหน้าไทยใจห้าวหาญเดินจูงมือขวาผมไป เอิร์ทลูบมือขวาผมไปมา แล้วก็หันกลับมามองสีหน้านิ่วคิ้วขมวด


“แล้วที่มือนี่เป็นอะไรอีกเนี่ย” ผมทำปากยื่นเป็นเป็ดก่อนจะตอบ ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยสาระร่างเหลือเกิน


“เอามือไปโดนหม้อต้มย้ำร้อนๆ มา” เอิร์ทมองหน้าผมด้วยความอ่อนใจก่อนจะถอนหายใจหนักๆ แล้วพูดประโยคที่ทำเอาผมหน้าเหวออ้าปากหวอ


“เชื่อละว่าโง่จริงๆ” ผมอ้าปากหวอด้วยความอึ้งที่โดนเอิร์ทด่า เอิร์ทยิ้มขำจนตาเขาหวานน่ามอง


“โอ๋ๆ ล้อเล่นๆ ไปๆ ไปนอนกัน” ผมยอมเดินตามแรงลากเขาไป แล้วก็หัวเราะเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว นึกในใจว่าอย่างน้อยวันนี้ก็ยังมีคนดีๆ ที่ให้กำลังใจเราอยู่นะ ทั้งเบนเนดิคท์และเอิร์ท ไหนจะยังมีเพื่อนดีๆ แบบบาสอีก


แต่ก็นะ… ใจมนุษย์เรานี่ก็แปลก ชอบอยากให้คนที่ไม่สนใจเรา หันมาสนใจเราอยู่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่หันมาหรอก แต่ก็ยังจะคิดจะหวัง ทั้งๆ ที่คนที่สนใจเรามีตั้งมากมายแต่กลับมองข้าม ไม่สิ ไม่ได้มองข้าม เพียงแค่ไม่ได้จ้องมองแบบที่เรามองคนที่ไม่สนใจเราเท่านั้นเอง ใจหนอใจ จะเอาเท่าไหร่ถึงจะเชื่อฟังที่สมองมันบอกบ้างว่าอย่าทำร้ายตัวเอง



[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 14:22:04


#Morning


ผมกำลังเดินขึ้นบนไดเพื่อออกจากสถานีรถไฟใต้ดินใกล้ๆ กับบ้านของวิคเตอร์ ในมือก็ถือถุงพลาดสติกที่มีกล้วยอยู่ข้างในที่ขอมาจากป้าแมร์รี่เมื่อตอนเช้าตรู่มาด้วย ระหว่างทางที่เดินเท้ามุ่งตรงไปยังบ้านของไอ้พระเอกขี้เมา ในหัวผมก็คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืนที่ทำเอานอนแทบไม่หลับไปด้วย กว่าจะถึงบ้านก็ตีสี่จะตีห้าละ แล้วยังจะต้องมานอนคิดมากมายกับเรื่องไอ้ฝรั่งยักษ์นั่นอีก ทำเอานอนน้อยไปตามระเบียบ จริงๆ ผมบอกตัวเองว่าอยากตื่นสายๆ แต่พอนึกสภาพวิคเตอร์ที่ติดตาเมื่อคืนก็เป็นอันว่าตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า เท่ากับว่าผมนอนไปไม่ถึงชั่วโมง เอางี้ดีกว่าผมนอนไปกี่นาทีเถอะ ได้แต่นั่งถอนหายใจบนเตียงหนักๆ ให้ตัวเองว่าจะห่วงไอ้ยักษ์หน้าหนวดนั่นทำไมนักหนา เพราะเดี๋ยวเมียเขาตื่นมาก็คงปรนนิบัติกันเอง แต่พอผมนึกถึงภาพที่นาตาชาสะบัดก้นงอนๆ ของหล่อนหนีเขาไป ก็ทำเอาใจผมกระวนกระวาย รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง


ผมเบะปากให้ตัวเอง นึกสมเพชตัวเองจริงๆ ที่ต้องมาทำตัวเป็นนางเอกผู้แสนดี ทั้งๆ ที่ผมไม่อยากจะเป็นหรอกไอ้คนดีแบบนี้ เพราะถ้าเป็น คนที่รับบทนี้ส่วนใหญ่จะต้องเจอชะตากรรมที่น่าสงสาร ซึ่งผมไม่อยากเจอ แต่ผมว่าผมเจอไปแล้วนะ ยิ่งเมื่อคืนนี่ยิ่งต้องย้ำเลยว่าผมกำลังรับบทนางเอกแสนรันทดอยู่ โอ้โหเว้ย! ไม่เอาได้มั้ยเนี่ย


ผมนึกด้วยความหงุดหงิด หน้านิ่วคิ้วย่น จริงๆ ไม่มีใครบังคับผมเลยนะ วิคเตอร์เคยให้โอกาสผมไปแล้ว แต่ผมก็เลือกที่จะอยู่ต่อเพราะตอนนั้นศักดิ์ศรีในการทำงานมันค้ำคอ เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้ผมว่าตัวเองเลือกอยู่ต่อเพราะอย่างอื่นละ แล้วไอ้เพราะอย่างอื่นเนี่ยแหละมันถึงทำให้ผมอยู่ในสภาพแบบนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขในการทำงานกับเขาน้อยลง เริ่มรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารกว่าปกติ ยิ่งมองแผลที่แขนที่ตอนนี้มันเป็นสีคล้ำเตรียมลอก ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองดูต่ำต้อยเหลือเกิน แต่ไอ้เรื่องแผลนี่จะไปโทษวิคเตอร์ก็ไม่ได้ เขาไม่ได้มาจับมือผมไปจุ่มลงในกระทะสักหน่อย ถ้าเป็นงั้นค่อยด่ามัน แต่อันนี้ผมว่าผมยังด่าได้ไม่เต็มปาก แต่ผมแค่รู้สึกเหนื่อย แบบว่าเหนื่อยมากๆ กับไอ้ยักษ์หน้าหนวด


ผมถอนหายใจหนักๆ ตอนที่เดินมาถึงหน้าบ้านเขาแล้วเดินขึ้นบันไดไปไขประตูเปิดเข้าไป ภายในบ้านเงียบสงบ แต่สักพักเสียงกุกกักๆ บนพื้นก็ดังขึ้นเมื่อผมเดินเข้ามาในบ้าน เจ้าไมเคิลเดินส่ายหางพร้อมทำหน้าหมายิ้มมาหาผม ผมขยี้หัวมันเบาๆ เป็นการทักทาย ก่อนที่มันจะเดินเบี่ยงตัวออกไปนอกประตู สงสัยคงออกไปวิ่งเล่นและขับถ่ายตามที่มันชิน เมื่อกี้มันเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น แสดงว่าคงไปดูเจ้านายมันมา แต่เขาคงยังไม่ตื่น


ผมถอดกระเป๋าเป้วางไว้ที่เค้าน์เตอร์ครัว แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดูน้ำส้มคั้นที่ผมทำทิ้งไว้ให้เขาเมื่อคืนก่อนออกจากบ้านไปพร้อมเบนเนดิคท์ มันยังคงอยู่ในเหยือกตามเดิม ผมปิดตู้เย็นแล้ววางกล้วยไว้บนโต๊ะหินอ่อนกลางห้องครัว ก่อนจะเดินออกไป เดินไปที่ห้องนั่งเล่นที่กลายเป็นที่นอนของวิคเตอร์ไปเมื่อคืนนี้ เขายังคงนอนอยู่ที่เดิม แต่ผ้านวมล่นลงไปอยู่ที่เอวจนเผยให้เห็นหุ่นช่วงบนอันอัดแน่นด้วยกล้ามท้อง กล้ามอก กล้ามแขน มีเจ้าฟอกซ์นอนขดตัวอยู่บนอกเขา มันหลับตาพริ้มราวกับกำลังสบายอกสบายใจที่ได้นอนอยู่บนอกอันแน่นหนาของวิคเตอร์ ผมยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นภาพนั้น แล้วก็ต้องรีบหุบยิ้ม นึกอยากด่าตัวเอง เห็นแค่นี้ก็ยิ้มละ ผมส่ายหัวไปมาไล่อาการใจง่ายของตัวเองทิ้งไป เดินเข้าไปใกล้วิคเตอร์ ค่อยๆ เอื้อมมือไปอุ้มเจ้าฟอกซ์ขึ้นมาจากอกเขาอย่างเบามือ เพราะไม่อยากให้มันรบกวนการนอนของเขา


“อืมมม…” เสียงวิคเตอร์ครางออกมาเบาๆ ตอนที่ผมอุ้มเจ้าฟอกซ์ไว้ในอ้อมแขนแล้ว สักพักเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับยกมือขยี้เรือนผมสีดำของตัวเองไปมาจนมันยุ่งเหยิง แต่ด้วยความที่เขาหนังหน้าดีแล้วมีชัยไปเกินครึ่ง ไอ้ท่าทีแบบนั้นมันเลยยิ่งทำให้ให้เขาดูเซ็กซี่ บวกกับการเปลือยท่อนบนแบบนี้ยิ่งทำให้เขาดูน่าขย้ำจริงๆ


โว้ยยย! เข้มแข็งหน่อยเถอะไอ้แมท ไหนบอกกับตัวเองว่าจะไม่ถลำลึกอะไรไปมากกว่านี้ไง


“อือออ…” วิคเตอร์ย่นคิ้วเอามือขวาจับหน้าผากไว้ ดูท่าทางเขาจะปวดหัวแฮะ ผมหันรีหันขวางก่อนจะวางเจ้าฟอกซ์ไว้บนพื้น ยืดตัวขึ้นมามองเขาอีกทีก็เห็นเขาหรี่ตามองผมอยู่


“ตัวไรวะ…” ผมเบะปากยื่น กลอกตากับคำทักทายของเขาในยามเช้า น่าหยิบเอาฟืนในเตาผิงมาฟาดหน้าให้ดั้งโด่งๆ นั่นหักซะจริง


“ผมเอง” ผมตอบเขาพลางทำหน้ามุ่ยใส่ อีกฝ่ายหยีตามองมา ก่อนจะยิ้มขำที่มุมปากนิดๆ แล้วค่อยๆ พยุงร่างใหญ่ๆ ของเขาให้ลุกขึ้นนั่ง เขายกเข่าขวาขึ้นมาชันไว้กับศอกขวา เอามือลูบหัวไปมาเบาๆ ก่อนจะหันมามองที่ผมด้วยสีหน้าเบลอๆ


“ขอยาแก้ปวดหน่อยได้มั้ย” ผมหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ไปหยิบยาตรงตู้ยาของบ้านที่อยู่บนผนังด้านนอกของห้องน้ำชั้นหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องครัว หยิบน้ำส้มในตู้เย็นออกมา มองหาแก้วหนึ่งใบและไม่ลืมหยิบกล้วยที่เอาติดมือมาด้วย ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขานั่งอยู่ในท่าปกติเวลานั่งโซฟา ห้อยขาเอาศอกยันเข่าแล้วใช้สองมือกุมหัวตัวเองไว้


“กินกล้วยก่อนนะครับ มันช่วยได้ อีกอย่างรองท้องก่อนกินยาสักหน่อย” ผมบอกแล้วยื่นกล้วยสุกขนาดใหญ่ให้หนึ่งลูก เขามองหน้าผมเรียบเฉยครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบกล้วยไปปลอกกิน ระหว่างนั้นผมก็จัดการเทน้ำส้มใส่แก้วและถือยารอเขาไว้ พอเขากินหมด เขาก็วางเปลือกกล้วยไว้บนโต๊ะ แล้วแหวกถุงพลาสติกหยิบกล้วยออกมาอีกหนึ่งลูก ปลอกเปลือกนั่งเคี้ยวตุ้ยๆ ผมก็ปล่อยให้เขาเคี้ยวไป สงสัยจะหิวถึงได้กินเอากินเอา พอลูกที่สองหมด เขาก็นั่งนิ่งๆ สักพัก ผมยื่นแก้วน้ำส้มให้เขา เขารับไปดื่มจนเหลือครึ่งแก้ว ก่อนที่เขาจะแบมือมาขอยา ผมส่งให้เขา วิคเตอร์ดื่มน้ำส้มแล้วกรอกยาตามลงไป ก่อนจะจัดการเทน้ำส้มดื่มอีกแก้ว


“คุณจะทานอาหารเช้ามั้ย” ผมเอ่ยถามเขาในขณะที่เขากระดกน้ำส้มอึกสุดท้ายลงคอ เขาวางแก้วไว้บนโต๊ะ ยกมือเช็ดปาก มองหน้าผมด้วยสายตาปรือ แล้วส่ายหัวน้อยๆ ท่าทางเหมือนหนักหัวตัวเอง


“ฉันอยากนอน” เขาล้มตัวลงนอน แต่สักพักเสียงมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของเขาก็ดังขึ้น เขาเอนตัวไปพิงพนักโซฟา ดันตัวให้ตรงเพื่อจะได้หยิบมือถือในกางเกงยีนส์ได้ถนัด


ฮึ่ม! กล้ามท้อง กล้ามอก โอ้ย! ล่อใจตูแท้ ยิ่งใส่กางเกงยีนส์แล้วเปลือยท่อนบนนี่มันยิ่งยั่วใจกันซะจริงๆ เข้มแข็งหน่อยได้มั้ยไอ้แมท!


“ฮัลโหล… เออ… แต่ฉันว่ากำลังจะนอนต่อ… แวะมาทำไม… เออ เรื่องของแกเหอะ” เขาว่าแล้วโยนโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะกระจกเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน ในขณะที่เขากำลังจะหลับตา เสียงของนาตาชาก็ดังขึ้น


“เฮ้… คุณตื่นแล้วหรอ” ผมหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ในชุดแสคสั้นสีดำรัดรูป ผมหยักศกที่ย้อมเป็นสีแดงเข้มของเธอปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง เธอเดินฉีกยิ้มเข้ามาหาวิคเตอร์ที่ดันตัวลุกขึ้นแล้วฉีกยิ้มตอบกลับไป ผมได้แต่ขบกรามเบาๆ แล้วตีสีหน้าเฉยเมื่อทั้งคู่จูบปากทักทายกันยามเช้า ก่อนที่นาตาชาจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขา


“ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้พาคุณขึ้นไปนอน แต่ฉันแบกคุณขึ้นไปไม่ไหว แบกมานอนตรงนี้ได้ ฉันว่าฉันก็เก่งแล้วล่ะค่ะ” เธอหัวเราะน้อยๆ พลางใช้มือลูบใบหน้าของวิคเตอร์ที่ยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน ผมกำลังงงกับตัวเองว่าจะยืนดูอยู่ทำไม แต่ใจผมสั่งให้ยืนดู ผมอยากรู้ว่านาตาชาจะพูดว่ายังไงบ้างเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืน


“นี่คุณแบกผมมานอนตรงนี้หรอเนี่ย” วิคเตอร์ถามด้วยสีหน้าหน้าเหมือนจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย นาตาชายิ้มกริ่มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“ก็ช่วยเบนเนดิคท์แบกมาน่ะค่ะ คุณเมามาก แถมยังจะอ้วกใส่ฉันอีก” วิคเตอร์เบิกตากว้างเล็กน้อยเหมือนจะตกใจกับคำพูดของนาตาชา


“แล้วผมได้อ้วกใส่คุณรึเปล่า” ผมนั่งนิ่ง ตอนนี้เหมือนกลายเป็นธาตุอากาศไปแล้ว


“ยังหรอกค่ะ ฉันหลบทัน” เธอหัวเราะคิกคัก จนวิคเตอร์ยิ้มกว้างตามก่อนจะดึงต้นคอเธอลงไปหาเขาเพื่อจูบที่ริมฝีปากเบาๆ แล้วปล่อย


“ขอบคุณนะครับที่ช่วยแบกผมมานอนที่นี่ ไม่ปล่อยให้ผมนอนข้างถนน” พอได้ยินคำพูดนั้น จากที่นิ่งๆ ผมเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันที ขบกรามแน่นมองทั้งสองคนด้วยสายตาไม่พอใจ ไม่พอใจทั้งผัวทั้งเมียเนี่ยแหละ อีเมียก็ไม่มีขยายความบอกต่อ เอาแต่พูดถึงส่วนดีที่ตัวเองทำ นี่ยังดีที่หล่อนไม่พูดว่าตัวเองเป็นคนปรนนิบัติผัวตัวเอง ส่วนอีผัวก็ไม่ถามอะไรเพิ่มเติมแต่รีบตัดสินจากคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของเมียตัวเองทันทีว่าทำดีแล้ว


ผมไม่ได้อยากได้ความดีความชอบ แต่พอได้ยินแบบนั้น ผมแม่งไม่โอเคจริงๆ


“ฉันไปทำงานก่อนนะคะ วันนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะกลับมานอนที่นี่รึเปล่า ยังไงเดี๋ยวฉันโทรบอกนะ” เธอบอกด้วยรอยยิ้ม วิคเตอร์พยักหน้าแล้วยิ้มกว้างรับกับคำพูดเธอ ก่อนที่นาตาชาจะโน้มหน้าลงไปจูบปากเขา แช่ไว้อยู่พักใหญ่ก่อนจะผละออก แล้วลุกขึ้นเดิน หันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าตึงตอบกลับไป แต่เหมือนเธอจะไม่ใส่ใจ เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปอย่างสบายใจเฉิบ พอผมได้ยินเสียงปิดประตูบ้าน ผมหันไปมองวิคเตอร์ด้วยสายตาว่างเปล่า เขากำลังจะหลับตาลง ผมรีบโพล่งขึ้นเสียงเรียบ


“คุณไม่คิดจะถามเธอต่อหรอว่าหลังจากแบกคุณมาไว้ตรงนี้แล้ว เธอทำอะไรต่อ” วิคเตอร์ลืมตาขึ้นมามองผมด้วยสายตางงๆ ก่อนจะย่นคิ้วนิดๆ


“อะไรของนาย ถามอะไร” ผมยิ้มเยาะๆ ที่มุมปาก รู้สึกอัดอั้นอยู่ในใจ ผมลุกขึ้นยืน มองไปรอบๆ ห้องเพื่อหาจุดยืนให้กับสติตัวเอง แล้วเลื่อนสายตากลับไปปะทะกับเขาที่ตอนนี้ค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทีงงๆ


“You know what? Taking care of you is the extremely-completely-fucking hard job! (รู้อะไรมั้ย การดูแลคุณแม่งเป็นงานที่โคตรยากเหี้ยๆ!)” คราวนี้วิคเตอร์เด้งตัวขึ้นมานั่งเต็มตัว เขากำลังมองผมด้วยความตื่นตะลึง พอผมได้พูดออกมาประโยคหนึ่ง มันเหมือนเป็นกุญแจไขความอึดอัดที่อยู่ในอกผม ทำให้ผมอยากจะพูดต่อ


“นายเป็นอะไรของนาย” เขาถามหน้านิ่ว ดูไม่เข้าใจในอาการที่ผมกำลังเป็นตอนนี้ ผมยิ้มกว้างด้วยความประชดก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัดแต่ไม่ใช่ตะโกนและบอกด้วยน้ำเสียงประชดตามรอยยิ้มของตัวเอง


“What am I? I am your servant! (ผมเป็นอะไรงั้นเหรอ คนใช้ไงครับ!)” ผมต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธกรุ่นๆ ที่อยู่ในอก ไม่ให้ตะโกนใส่หน้าเขา วิคเตอร์อ้าปากน้อยๆ มองกลับมาอย่างไม่เข้าใจ ผมพูดต่อทันทีไม่รอให้เขาพูดอะไรกลับมา


“ผู้หญิงคนเมื่อกี้เขาแบกคุณมาก็จริง แต่เขาก็ทิ้งคุณไว้ที่นี่กับผมและคุณเบนเนดิคท์ คุณอาจไม่เชื่อเพราะเมื่อกี้นี้เธอเพิ่งแสดงให้คุณเห็นถึงความอ่อนหวาน ความเป็นผู้หญิงแสนดี” วิคเตอร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้าตาดูสงสัยกับสิ่งที่ผมพูด


“นี่นายต้องการจะพูดอะไร”


“ไม่ต้องกังวลว่าผมจะพูดเอาดีเข้าตัวแล้วเอาชั่วให้คนอื่นหรอก ผมไม่ทำ เพราะบังเอิญโชคดีที่นาตาชาเธอไม่ได้ทำแบบนั้น เพียงแต่สิ่งที่เธอบอกคุณ มันเป็นแค่สิ่งดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่เธอทำให้…” ผมต้องพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ใช้อารมณ์อย่างมาก เพราะแค่นี้อกผมก็กระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ แล้ว


“การที่คุณจะชื่นชมเธอ ผมไม่แปลกใจหรอก แต่คุณชื่นชมเธอจากการฟังแค่ไม่กี่คำศัพท์ตามที่เธอบอก…” ผมมองหน้าเขาที่มองกลับมาด้วยสายตามีแววเครียด


“…คุณตัดสินใจไวดีเนอะ” ผมเม้มปากแล้วมองหน้าเขากลับพร้อมคลี่รอยยิ้มขื่น ยอมรับอย่างหมดหนทางแถว่าผมกำลังน้อยใจเขา


“แล้วถ้าฉันจะขอบคุณนาตาชา กับสิ่งที่เขาทำ มันผิดตรงไหน” เขาว่าเสียงเรียบ สีหน้าตึงเครียดตามแววตาของเขาเมื่อครู่


“ไม่ผิดหรอกครับ คุณจะชื่นชมเธอมากกว่านี้ก็ได้ เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ถูกใจคุณไปหมด ผิดกับผมที่ทำอะไรนิดหน่อยก็โดนกัด โดนด่า โดนว่า โดนประณาม…” ผมยิ้มด้วยความเวทนาตัวเอง พอพูดออกมาแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองน่าเวทนาซะจริง


“เมื่อวานนี้ กับคำพูดทั้งหลายแหล่ที่คุณพูดถึงผมต่อหน้าเพื่อนคุณ และการกระทำทั้งหลายของคุณ ถ้ามันคือการบีบบังคับให้ผมลาออกจากการดูแลคุณ ผมขอบอกว่าคุณโคตรทำได้ดีเลย เพราะมันทำให้ผมเริ่มหมดหวัง…” ผมยิ้มอย่างอ่อนล้า พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตามันเอ่อล้นที่ขอบตา แค่เอ่อล้นผมก็จะไม่ให้มันทำได้


“ที่ผ่านมา ผมหวังว่าจะเปลี่ยนใจคุณให้ยอมรับผมได้ แล้วร่วมงานกันอย่างปกติไปตลอดจนครบสามเดือน แต่ผมคงคิดผิดและหวังมากไป สุดท้ายผมคงทำให้คุณยอมรับในตัวผมไม่ได้สินะ…” ผมยังคงพูด เมื่อได้พูดมันก็ยิ่งได้เหมือนระบายออกมา ยิ่งพอเห็นใบหน้าตึงเครียดผสมกับแววตาสับสนของวิคเตอร์ที่มองมา ผมยิ่งอยากพูดต่อ


“คุณเอมิลี่บอกผมว่า เธอพร้อมจะเซ็นใบจบฝึกงานให้กับผม ถ้าคุณยังยืนยันคำเดิมว่าไม่อยากให้ผมเป็นผู้ดูแลคุณ ผมขอให้คุณบอก แล้วผมจะไป…” วิคเตอร์นิ่งไป แววตาเขาเหมือนถูกให้ตรึงมองมาที่ผม เขาเหมือนมีแววตกใจในสีหน้า


“I did my best. (ผมทำดีที่สุดแล้วจริงๆ)” ผมพูดออกมาแค่นั้น รู้สึกถึงความร้อนของน้ำตาที่ขอบตา แต่ก็กลั้นมันไว้ไม่ให้ไหล วิคเตอร์มองกลับมาเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาคงกำลังทั้งงงและตกใจที่เห็นผมพูดอย่างนี้ เราสบตากันนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สายตาวิคเตอร์จะเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า


“Then go. (งั้นก็ไปเถอะ)” ผมใจกระตุกวูบ แต่ก็ค่อยๆ ฝืนยิ้มออกมาด้วยความลำบากผสมกับความเศร้าที่เกิดขึ้นในใจแล้วพยักหน้าน้อยๆ น้ำตาปริ่มที่ขอบตาตั้งท่าจะร่วงแหมะทันที


“I got it. (ผมเข้าใจแล้วครับ)” วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาที่อ่อนลง ผมส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขาตั้งท่าจะหมุนตัวเดินออกไป


“And then you go to the hell if you let him go, dude! (แล้วแกก็ไปลงนรกซะไอ้เพื่อนยาก ถ้าแกปล่อยให้แมทไป)” เสียงๆ หนึ่งทำให้ผมที่กำลังจะหมุนตัวเดินออกไปชะงักอยู่ตรงหน้าวิคเตอร์ที่กำลังย่นคิ้วด้วยความงงว่านั่นเสียงใคร ผมหมุนตัวไปมองทางเข้าของห้องนั่งเล่นก็เห็นเบนเนดิคท์เดินยิ้มหล่อเข้ามาพร้อมเจ้าไมเคิล รู้สึกงงๆ เล็กน้อยที่เห็นเขาที่นี่


[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 10.1-15:: 21.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2015 14:23:49


“ประตูไม่ได้ล็อค ฉันเลยเปิดเข้ามา ไม่อยากจะกดออด และฉันคิดว่าดีแล้วที่ตัวเองไม่กดออด เพราะไม่งั้นฉันคงด่าแกแบบเมื่อกี้ไม่ได้แน่ๆ ไอ้วิคเตอร์” เบนเนดิคท์เดินเข้ามากอดคอผมที่ยังคงทำหน้าเอ๋อ จับตัวผมให้หมุนกลับมายืนหันหน้าเข้าหาวิคเตอร์อีกครั้ง เขาส่งรอยยิ้มบางๆ ไปให้วิคเตอร์ที่นั่งทำหน้าเหมือนเซ็งๆ


“มารยาทแกนี่ยังทรามกับฉันเหมือนเดิมเลยนะ” วิคเตอร์ว่าแล้วมองค้อนเบนเนดิคท์ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าตาย


“คนอย่างแกจะมารยาทดีไปด้วยทำไม ทีแกยังชอบทำนิสัยทรามๆ ใส่แมทเลย” วิคเตอร์ขมวดคิ้วมองเบนเนดิคท์เหมือนกำลังไตร่ตรองกับคำพูดของเขาอยู่ ผมรู้สึกอึ้งและแอบถูกใจกับคำพูดเขาอยู่ไม่น้อยที่พูดต่อหน้าวิคเตอร์แบบนั้น เบนเนดิคท์ปล่อยแขนจากลำคอผม แล้วพูดต่อน้ำเสียงสบายๆ


“แกมาทำไมเนี่ย” วิคเตอร์ถามแล้วเอามาลูบหน้าตัวเองด้วยท่าทีเนือยๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามามองผมที่ยืนงงๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณให้ผมออกไปตามที่เขาบอก ผมเลยทำท่าจะหมุนตัวเดินออกไป แต่เบนเนดิคท์รีบคว้าต้นแขนผมไว้


“เดี๋ยวๆ นายจะไปไหนแมท” ผมอ้าปากค้างน้อยๆ รู้สึกเลือกคำพูดที่จะตอบเขาไม่ถูก ผมชี้ไม้ชี้มือไปตรงทางเข้าของห้องนั่งเล่น ก่อนจะบอกเสียงเงอะงะ


“คือ… ผม…” เบนเนดิคท์ยิ้มที่มุมปากทั้งสองข้าง


“อย่าเพิ่งไป ใจเย็นก่อน”


“เขาอยากไป แกจะไปรั้งเขาไว้ทำไม” วิคเตอร์บอกเสียงทื่อ ผมไม่ได้หันไปมองเขา แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วก้มหน้าหลบสายตาที่มองมา


“รั้งไว้ให้คนขี้เมาอย่างแกไง” เบนเนดิคท์ตอบกลับเสียงใส ผมได้ยินวิคเตอร์พ่นลมหายใจสั้นๆ คล้ายกับเซ็งที่โนว่าเรื่องนี้


“ต้องบอกก่อนว่าฉันมาที่นี่ ฉันไม่ได้มาทำตัวเป็นพระรองที่แสนดี แต่ฉันมาในฐานะพระเอก” เบนเนดิคท์ยิ้มกวนๆ ไปให้วิคเตอร์แล้วหันมาขยิบตาให้ผมที่ตอนนี้พยายามกระพริบตาไล่น้ำตาที่เอ่อออกมาเมื่อกี้นี้ ก่อนจะหันกลับไปมองวิคเตอร์ที่นั่งทำหน้าอึนอยู่แต่แววตาเขาเหมือนติดรำคาญเล็กน้อย ผมว่าเขาคงกำลังทั้งง่วงและปวดหัว แต่มาเจอผมระเบิดย่อมๆ ใส่ซะก่อน แล้วดันต่อด้วยเบนเนดิคท์อีก


“เออ แกมีอะไรก็ว่ามาไอ้พระเอก” วิคเตอร์บอกพลางเอนหลังพิงกับพนักโซฟา สีหน้าปลงรับกับเหตุการณ์ตรงหน้า ประมาณว่าจะนอนก็ไม่ได้นอนแม่งแล้ว


“ฉันจะไม่บังคับแกนะว่าแกจะให้แมทไปรึเปล่า แต่แกช่วยฟังในสิ่งที่ฉันจะเล่าก่อน เพราะฉันคิดว่าแมทยังไม่ได้พูด และคงไม่พูดแน่ๆ” วิคเตอร์เหลือบสายตามามองผมอย่างว่างเปล่า ก่อนจะยิ้มเยาะที่มุมปาก


“ขนาดไม่พูด เมื่อกี้ยังกระหน่ำใส่ฉันไม่หยุด” เบนเนดิคท์หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะว่าต่อ


“ฉันมาไม่ทันฉากนั้นหรอกนะ แต่ฉันว่านั่นยังไม่ใช่ฉากสำคัญ…” เบนเนดิคท์หันมามองที่ผม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองที่เหยือกน้ำส้มคั้น แล้วเขาก็ทำหน้าคล้ายว่านึกอะไรขึ้นได้ เขาชี้ไปที่เหยือกน้ำส้มแล้วพูดวิคเตอร์


“เริ่มจากตรงนี้ก็แล้วกัน นี่ แกเห็นนี่มั้ย น้ำส้มที่แกดื่มไป แมทเป็นคนทำให้แก เพราะเขากลัวว่าแกตื่นมาแล้วจะมึนหัว เขาบอกฉันว่าวิตามินซีจะช่วยให้แกหายเมาค้างได้ เลยขอเวลาฉันในการทำน้ำส้มคั้นให้แก ทั้งที่ตอนนั้นตีสามแล้ว และสภาพแมทก็แย่ยิ่งกว่าแกเมาซะอีก อ้อ! แล้วถ้าไม่ต้องเดาเยอะ ฉันคิดว่ากล้วยที่อยู่บนโต๊ะ แมทก็คงเอามาให้แก เพราะมันช่วยอาการแก้เมาค้างได้” เบนเนดิคท์ร่ายออกมายาวเหยียดด้วยสีหน้าท่าทางสบายใจ ผมยืนค้างอยู่แบบนั้น ไม่รูจะขยับไปไหน เลื่อนสายตาไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขามองกลับมาอย่างกำลังพิจารณา


“ถ้าแกยังสงสัย แกดูนี่…” เบนเนดิคท์ดึงแขนซ้ายผมที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่ไปข้างหน้า ผมอ้าปากหวอนิดๆ ด้วยความตกใจ


“แมทโดนน้ำมันกระเด็นใส่ตอนทอดไก่เมื่อวานนี้ แขนเขาเป็นแผลเปื้อนน้ำมันไม่พอ แต่ยังต้องมาเปื้อนอ้วกแกที่อ้วกใส่เขาจน
เละไปหมด…” วิคเตอร์ละสายตาตะลึงของตัวเองที่มองแผลผมอยู่มามองหน้าผมสลับกับเบนเนดิคท์ด้วยความตกใจ


“แนทบอกว่าฉันเกือบอ้วกใส่เขา” เบนเนดิคท์หัวเราะอารมณ์ดี แต่ผมว่ามันเป็นเสียงหัวเราะที่แฝงความประชดเอาไว้นิดๆ ด้วย


“ใช่ แกเกือบอ้วกใส่ยัยนั่น แต่เธอลุกหนี แล้วแมทก็วิ่งเอามือไปอุดปากแกไว้ไม่ให้แกอ้วกเรี่ยราด ส่วนแฟนแกก็เดินหนีแกขึ้นไปนอน ทิ้งแกไว้ให้ฉันกับแมทดูแล ฉันเช็ดอ้วกแกที่พื้น ส่วนแมทนั่งลูบหลังแก เช็ดตัวให้แก แล้วก็ปล่อยให้อ้วกแกเลอะแขน เลอะกางเกงเขาไปหมดโดยที่เขาไม่ว่า ไม่ด่าอะไรแกสักคำ แถมยังพยายามกลั้นอ้วกตัวเองตอนที่เห็นอ้วกแกด้วย” ผมตาโต หน้าเกร็ง รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมาฟังความเป็นแม่พระของตัวเอง แต่เบนเนดิคท์ดูจะสนุกมากที่ได้พูดออกมา ผมเลื่อนลูกตา (แค่ลูกตาจริงๆ) มองไปทางวิคเตอร์ที่มองกลับมาด้วยสายตาทึ่ง ใบหน้าเขาดูตึงเครียดกว่าตอนแรกที่เป็นซะอีก


“เอ่อ… คุณเบนฯ ครับ ผมว่า…”


“อีกอย่างนะ ตอนที่ฉันไปส่งแมท ตอนนั้นเกือบจะตีห้าแล้ว แต่ตอนนี้แปดโมงเช้า ซึ่งเขาคงมาก่อนแปดโมงแน่ๆ ฉันไม่รู้ว่าเขามาถึงนี่กี่โมง แต่เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าแกแต่เช้า นั่นแสดงว่าเขาแทบไม่ได้นอนหรือบางทีอาจไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ฉันแค่อยากรู้ว่าตอนที่แกลืมตาขึ้นมา แกเห็นใครคนแรก” วิคเตอร์นั่งนิ่งไป เขาทำน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะตอบเสียงมึนๆ


“ฟอกซ์” เบนเนดิคท์ทำหน้าเอือมกลอกตาด้วยความเซ็งทันที


“A human not a creature. (คนเว้ยคน ไม่ใช่สัตว์)” วิคเตอร์เหลือบตามองผมด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ ก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้ม


“เจอเอเลี่ยน” ผมแอบทำหน้าเอือมนิดๆ ตามเบนเนดิคท์ หนุ่มผมทองสีรวงข้าวสุกและตาสีเทาเข้มส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


“เออ ก็นั่นแหละ ทีนี้แกรู้รึยังว่าทำไมถึงไม่ควรให้แมทไป แกมีคนดูแลที่โคตรดีขนาดนี้ แกยังจะให้เขาไปอีกหรอวะ เขาห่วงแกมากกว่าตัวเองซะอีก ขนาดฉันเมา เขายังไม่สนใจฉันเลย” ผมสะดุ้งหน้าสั่นตาโต หันไปมองเบนเนดิคท์ที่หัวเราะด้วยความขำ


“เอ่อ… เมื่อคืนคุณดูเมาน้อยกว่าเขา ผมเลย… ผมขอโทษด้วยครับถ้าลืมใส่ใจคุณไป” เบนเนดิคท์ตบไหล่ผมเบาๆ พร้อมหัวเราะไม่หยุด


“โอ๊ย! ฉันพูดเล่น ฉันปกติดี นายจะมาดูแลฉันทำไมล่ะ ถ้าฉันสภาพเหมือนไอ้วิคเตอร์เมื่อคืนแล้วนายไม่ดูแลนี่สิ มันน่าน้อยใจยิ่งกว่า” ผมยิ้มแห้งๆ รู้สึกผิดที่ลืมถามไถ่อาการเขาบ้าง เบนเนดิคท์ยิ้มกริ่ม หันกลับไปมองวิคเตอร์ที่นั่งสีหน้าว้าวุ่นอยู่คนเดียว


“ฉันไม่ได้มาพูดให้แกกับแมทรักกันถึงขั้นแต่งงานกันหรอกนะ แต่ฉันแค่มาพูดเพื่อให้แกใจดีกับเขาบ้าง ใจดีให้ได้สักครึ่งนึงที่แกทำกับนาตาชาก็ยังดี หรือจริงๆ ควรให้มากกว่าด้วยซ้ำ เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันอาจจะขอแมทแต่งงานไปเลยแหละ…” เบนเนดิคท์หัวเราะร่าอยู่คนเดียว ผมได้แต่ยิ้มกว้างอย่างเอ๋อๆ กับคำพูดเขา ส่วนวิคเตอร์มองเบนเนดิคท์ด้วยสายตาคล้ายกับชินชาอาการแบบนี้แล้ว


“อยากแต่งก็คุกเข่าตรงนี้เลยสิ เดี๋ยวฉันเป็นพยานให้” วิคเตอร์บอกเสียงหน่ายใจ ยกมือกอดอกตัวเองไว้แล้วจ้องมองผมกลับมาจนผมต้องหลบสายตาไปมองเสี้ยวหน้าเบนเนดิคท์แทน


“วันนี้ไม่ได้พกแหวนมาซะด้วยสิ ไม่งั้นฉันทำไปละ” เบนเนดิคท์บอกน้ำเสียงกวนๆ กลับ ก่อนจะมีท่าทีที่สงบมากกว่าเดิม แล้วพูดเสียงทุ้ม


“สำหรับฉันนะ คนที่ไม่ทิ้งฉัน ไม่ว่าฉันอยู่ในสภาพไหน ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก…” วิคเตอร์ช้อนสายตาขึ้นมองเบนเนดิคท์ด้วยท่าทีนิ่งๆ และสายตานิ่งสงบ เบนเนดิคท์ยักคิ้วขวาเท่ๆ ให้สองที แล้วเดาะลิ้นเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะหันมามองผม เอื้อมมือมาจับแขนผมไว้


“แผลเป็นไงบ้าง”


“เอ่อ… ก็ไม่แสบแล้วครับ กลับบ้านไปผมก็ทายาไปแล้ว อีกวันสองวันคงเริ่มลอก” ผมบอกยิ้มๆ เบนเนคดิคท์บีบมือผมเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้กำลังใจมาให้


“You’re as tough as old boots—little alien. (อึดมากเอเลี่ยนตัวน้อย)” เขายกมือขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ แล้วหันไปมองวิคเตอร์ที่กำลังนั่งหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่คนเดียว


“ว่าแต่ ตั้งแต่มาฉันยังไม่เห็นสุดที่รักผู้ห่วงใยแกเลย ไปไหนล่ะ” เบนเนดิคท์ไม่ได้ใช้น้ำเสียงประชด หรือทำหน้าตาประชดใดๆ แต่ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเขากำลังเสียดสีอยู่ดีนั่นแหละ


“ไปทำงาน” วิคเตอร์ตอบสั้นๆ ด้วยอาการหน้าตึง


“อ้อ งั้นเหรอ เดาว่าก่อนออกไปคงมามอร์นิ่งคิสกับแกแล้วสินะ” วิคเตอร์พยักหน้าขึ้นรับหนึ่งที เบนเนดิคท์ยิ้มขำๆ


“ฉันกลับก่อนดีกว่า ฉันมาเพื่อพูดแบบนี้แหละ เพราะฉันนึกแล้วว่าคนโลกมืดอย่างแกต้องตาบอดมองไม่เห็นความดีของเอเลี่ยนตัวน้อยคนนี้” วิคเตอร์ส่งสายตาขวางๆ ไปให้เบนเนดิคท์ แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่อย่างไม่แคร์


“ได้ทีแล้วทับทมฉันไม่เลิกนะไอ้เบน” เบนเนดิคท์ยิ้มกริ่มแล้วหันหน้ามาหาผม


“ฉันกลับก่อนนะแมท แล้วไว้เจอกัน” พอเขาบอกจะกลับผมก็ดันรู้สึกประหม่าที่จะต้องอยู่กับวิคเตอร์สองคน


“อยู่ทานข้าวก่อนมั้ยครับคุณเบน เดี๋ยวผมกำลังจะทำอาหาร” เบนเนดิคท์โบกมือเป็นการปฏิเสธ


“ไม่ล่ะ แล้วนายก็ไม่ควรทำงานหนักนะ เดี๋ยวก็ได้แผลอีกหรอก ซื้ออาหารแช่แข็งมาให้มันกินไปพลางๆ ก่อนก็ได้ ฉันไปล่ะ” เขาว่าแล้วก็หันไปยักคิ้วให้วิคเตอร์ที่ยักคิ้วตอบกลับมา ก่อนจะส่งยิ้มให้ผมแล้วหมุนตัวเดินออกไป ผมมองตามแผ่นหลังเขาไปด้วยอาการใจเต้นตุบๆ เพราะตอนนี้เหลือผมกับวิคเตอร์สองคน ถึงจะมีหมามีแมวอยู่ด้วย แต่มันจะช่วยให้บรรยากาศอันอึดอัดนี้บรรเทาลงรึไงล่ะ


“เอิ่ม… ไมเคิล ไปกินข้าวกันเถอะ” ผมหาเรื่องแถไปเรื่อย คือตอนนี้ก็ยังไม่เคลียร์เลยว่าสรุปเขาจะให้ผมไปไม่ไป แต่ตอนนี้หาทางแถออกจากห้องนั่งเล่นนี้ก่อนก็แล้วกัน


“เดี๋ยวก่อน” เสียงทุ้มผสมห้าวอันคุ้นหูดังขึ้น ทำให้ผมหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องนั่งเล่นไปแล้วหันกลับไปมองเขาด้วยท่าทีนิ่งเฉย


“มานั่งนี่ซิ” ผมกลอกตา ยังไงเขาก็คือเขาผู้ชอบออกคำสั่ง และเอาแต่ใจ ผมไม่อยากมีปากเสียงหรือมีเรื่องอะไรกับเขาเพิ่มเติม เลยเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ เขาทางด้านขวาของเขา แต่ก็เว้นระยะห่างไว้ประมาณหนึ่ง วิคเตอร์นิ่วหน้ามองหน้าผม ส่วนผมก็นั่งหน้าเนือยๆ และหันหน้าไปมองทางอื่น ไม่มองหน้าเขา


“เขยิบมาใกล้ๆ ฉันหน่อย” เขาออกคำสั่งเสียงแข็งอีกครั้ง ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเพื่อจะเขยิบไปนั่งใกล้เขา แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ เขา วิคเตอร์ก็คว้าเอวผมไว้แล้วลากให้ผมขึ้นไปนั่งบนตักเขาจนผมหน้าเหวอ รีบหันข้างเข้าหาเขาแล้วเอาสองมือดันปีกไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้ วิคเตอร์ใช้วงแขนขวารัดรอบเอวผมไว้แน่น ใช้แขนซ้ายจับขาผมไว้ไม่ให้ผมเหวี่ยงขาหนี


“ผมนั่งบนโซฟาก็ได้” ผมบอกเสียงเร็วหวือ ดันใบหน้าตัวเองให้ออกห่างจากใบหน้าคมเข้มด้วยหนวดของเขา วิคเตอร์ใช้สายตาที่อ่อนลงสำรวจใบหน้าผมไปทั่วจนผมรู้สึกเก้อเขิน พยายามไม่สบตากับเขา แต่สักพักผมก็ถูกสายตาคู่คมสีน้ำผึ้งเข้มทรงเสน่ห์ของเขาดึงดูดให้ผมเลื่อนสายตากลับมามองจนได้
อัตราการเต้นจังหวะของหัวใจของผมตอนนี้ บอกเลยว่าเต้นหนักจนน่าเป็นห่วง


ตุบๆ ตุบๆ ตุบๆ


 :hao5:

หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:03:13


CHAPTER 16 :: A man who has a wound in his mind.


ใจผมเต้นตึกๆ จนรับรู้ว่าก้อนเนื้อในอกซ้ายกำลังกระทบกับผนังอกอย่างช้าๆ แต่หนักหน่วงและเน้นจังหวะอย่างชัดเจน ผมกับวิคเตอร์ยังคงสบตากัน แววตาของเขาที่มองกลับมาทำเอาผมใจอ่อนยวบ เพราะมันเป็นเหมือนแววตาที่กำลังรู้สึกผิด ผมคิดไปเองหรือว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ นะ


“ไหน… ฉันขอดูแขนหน่อย” เขาบอกเสียงแผ่วอย่างอบอุ่น สายตาก็ไม่ละไปจากดวงตาผม ผมค่อยๆ ยื่นแขนซ้ายให้เขาดูอย่างว่าง่าย วิคเตอร์ยอมละสายตาไปจากหน้าผม ก้มลงมองมือพร้อมกับดึงมือซ้ายที่รั้งขาขวาผมไว้มาจับแขนผมแล้วลูบไปมา จนผมสะดุ้งนิดๆ วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมองผมนิ่งๆ ครู่หนึ่ง แล้วเขาคงรู้ตัวว่าทำให้ผมเจ็บ เขาเลยค่อยๆ ลูบที่แผลเบาๆสักพักเขาก็ขมวดคิ้ว แววตาเหมือนกำลังคิดหรือนึกถึงอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลายคิ้วของเขา แล้วส่งเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา


“เหนื่อยมั้ย…” เขาเอ่ยถามเสียงเบา แววตาอบอุ่นจ้องมองมาที่ผม เพียงแค่คำถามสั้นๆ แต่มันกลับทำให้ผมจุกที่คอหอยคล้ายว่าก้อนสะอื้นตีตื้นขึ้นมา ผมรู้สึกว่าขอบตากลับมาร้อนอีกครั้ง ผมกัดปากล่างแน่นเพื่อระงับอาการสะอื้นที่อาจเกิดขึ้นได้ สบตาเขาด้วยแววตาไหวระริก เขาจ้องมองกลับมาอย่างอ่อนโยน ผมหลุบตาต่ำทำหน้านิ่งอย่างที่พยายามไม่แสดงอาการอ่อนแอให้เขาเห็นชัดเจนนักแต่ผมว่าเขาก็น่าจะมองออกอยู่บ้าง ผมก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่ยอมสบตากับเขาและไม่ได้ตอบคำถามที่เขาถามมาด้วย เพราะผมไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี อยากตอบว่าเหนื่อยก็รู้สึกเหนื่อยที่จะขยับปากพูดเหลือเกิน มันเหนื่อยไปทั้งกายและใจ จะตอบว่าไม่เป็นไรก็คงจะแสนดีเกินไปหน่อย สรุปคือเงียบแทนก็แล้วกัน


“อยากไปอย่างที่เอมิลี่บอกรึเปล่า” เขาเอ่ยถาม ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาเขานิดๆ ก็เห็นสายตาเขาดูอ่อนไหวกับคำถามนั้น ผมคลายริมฝีปากจากฟันบน จ้องมองตาเขากลับ ในหัวก็กำลังคิดพิจารณาไปต่างๆ นาๆ


“ถ้าคุณบอกให้ไป ผมจะไป เราจะได้ไม่ต้องมีความทรงจำที่ไม่ดีร่วมกัน ถึงยังไงผมก็อยากจะมีความทรงจำที่ดีกับคุณและทุกคนที่นี่ ผมมาแค่สามเดือน ผมอยากได้ประสบการณ์ดีๆ กลับไป เพื่อที่เวลานึกถึงแล้วจะได้ยิ้มได้” ผมบอกเสียงเบา ก่อนจะก้มหลบสายตาของเขาอีกครั้ง แล้วเอามือขวาไปลูบแผลที่แขนซ้ายเบาๆ นั่งมองมือตัวเองที่ลูบไล้ไปมาอย่างเหม่อๆ


จุ๊บ~


สัมผัสนิ่มๆ ของริมฝีปากแตะลงตรงไร้เส้นผม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นลมหายใจอุ่นๆ ที่กระทบกับผิวเนื้อตรงหน้าผากแล้วเขาก็…


ฟอด~


เขากดจมูกลงบนหน้าผากผมแล้วสูดลมหายใจเหมือนเป็นการหอมเบาๆ ผมนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ผนังอกกำลังรับแรงกระแทกของหัวใจที่เพิ่มจังหวะเต้นรัวขึ้น จนรู้สึกกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า แม้ใจจะเต้นแรง หน้าจะอุ่นแค่ไหน แต่ผมก็ยังคงก้มหน้านิ่ง ยิ่งเขาทำแบบนี้ผมยิ่งไม่กล้าเงยหน้ามองเขา และกำลังคิดอยู่ในหัวว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ยิ่งเขาทำแบบนี้ เขาจะรู้มั้ยว่ามันไม่ดีต่อใจผม เพราะมันอาจจะทรยศสมองที่สั่งนักสั่งหนาว่าอย่ารู้สึกอะไรเยอะแยะไปมากกว่านี้ อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่ยิ่งเขาทำแบบนี้ผมว่ามันยิ่งจะเขยิบไปเรื่อยๆ ทั้งที่ผมพยายามเบรกตัวเองเอาไว้


“ถ้าอยากกลับไปแล้วยิ้มได้เวลานึกถึงที่นี่ นายก็ต้อง อยู่กับฉัน ต่อนะ รู้รึเปล่า” ผมขยับริมฝีปากเป็นเส้นบางๆ แล้วขบเม้มนิดๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาที่มองกลับมาด้วยแววตาใจดีผสมกับอบอุ่น ที่มองแล้วรู้สึกละมุนหัวใจ ผมนิ่งค้างไป ราวกับถูกเขาสะกดเอาไว้ให้มองแค่ที่เขาคนเดียว ผมมองเขาอย่างไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินนั้นถูกต้องหรือเปล่า


“ทำไม? มองหน้าฉันแบบนั้น ผิดหวังเหรอที่จะไม่จบฝึกงานเร็วๆ ขี้เกียจดูแลฉันแล้วงั้นเหรอ อยากได้ลายเซ็นเอมิลี่แล้วใช่มั้ย” เขาถามหน้านิ่ง เลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามย้ำกับประโยคของเขา ผมก้มหลุบตาลงต่ำ เม้มปากปากเบาๆ แล้วส่ายหัวไปมา วงแขนขวาที่โอบรอบเอวผมอยู่เพิ่มระดับความรัดแน่นขึ้นเมื่อผมทำท่าจะลงจากตักเขาไปนั่งบนโซฟา ผมย่นคิ้วเล็กน้อยแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาประหม่า สายตั้ทำหัวใจละลายในตอรแรกกลายเป็นสายตานิ่งดุ จ้องมองกลับมาเหมือนไม่พอใจ


“ไหนว่าถ้าฉันบอกไม่ให้ไป ก็จะไม่ไปไง แล้วนี่จะไปไหน” เขาถามเสียงห้วนแขนขวารั้งเอวผมเข้าไปหาเขาจนปลายจมูกชนกันเบาๆ แขนซ้ายก็เอื้อมมาจับขาขวาผมไว้แล้วดึงให้ขาสองข้างนั่งพาดตักเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ผมใช้มือดันหัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาเอาไว้เพื่อให้มีพื้นที่ว่างระหว่างเราสองคนบ้างแม้จะแค่นิดเดียวก็ตาม


“คือผมจะลงไปนั่งบนโซฟา…”


“เกลียดฉันมากเลยรึไง” เขาถามแทรกเสียงเข้ม หน้าตาเคร่งขรึม ผมขมวดคิ้วแล้วรีบตอบกลับทันที


“เปล่า! คุณจะได้นั่งสบายๆ ผมไม่อยากให้คุณลำบาก” ผมมองตาเขากลับติดมีแววอ้อนวอนให้เขาเข้าใจ แต่อีกฝ่ายยังคงทำหน้าตาดุดันไม่เปลี่ยน เขาเหลือบตาไปมองแผลที่อุ้งมือกับข้อมือซ้ายของผมก่อนจะเลื่อนสายตากลับมามองที่ผมตามเดิมด้วยสายตาเหมือนเดิม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั้นๆ ทื่อๆ


“ทีนายยังลำบากเพราะฉันเลย แค่นี้ฉันไม่เป็นแผลกดทับที่ ’ดอหรอก” เขาบอกหน้าตามึนเฉย แต่ผมนี่สิอ้าปากค้าง คือพอแปลเป็นไทยจากคำพูดเขาแล้ว มันก็จั๊กจี้ในใจไง (อันนี้แปลน่ารักสุดๆ แล้วนะ แต่รู้ใช่มั้ยจริงๆ มันคืออะไร)


“เอ่อ… คือ… ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นขนาดนั้นเหมือนกัน” ผมพูดเสียงงึมงำในลำคอ ก้มหน้าลงด้วยความเขิน รู้สึกว่าหน้าตัวเองต้องเริ่มแดงเปล่งแล้วแน่ๆ


“ถ้านั่งนิ่งๆ นั่งเฉยๆ มันก็จะยังนอนหลับอยู่เหมือนเดิม แต่ถ้านายขยับตัวไปมามันอาจจะตื่นมาทักทายนาย และถ้ามันตื่นขึ้นมา มันจะไม่ยอมหลับง่ายๆ ทางเดียวที่มันจะหลับก็คือ…” ผมไม่รอให้เขาพูดจบ แต่ค่อยๆ ขยับให้ตัวเองนั่งสบายๆ บนตักเขาแล้วนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยุกขยิกไปมา วิคเตอร์มองงงๆ อยู่ครู่หนึ่งแต่พอเห็นว่าผมจัดท่าจัดท่าจัดทางให้ตัวเองนั่งสบายๆ เขาก็ยิ้มกว้าง มองผมด้วยสายตาขบขัน


“นั่งให้นิ่งไปตลอดนะ อย่าเผลอไปปลุกมันตื่นขึ้นมาล่ะ” เขาบอกสีหน้าล้อๆ น้ำเสียงสนุกสนาน ผมย่นจมูก ย่นคิ้วใส่เขา แล้วว่าเสียงขุ่นๆ


“แล้วถ้ามันตื่นขึ้นมาเพราะคุณเองล่ะ คุณยิ่งแข็งง่ายๆ อยู่ด้วย” ผมบอกแล้วแบะปากใส่เขา วิคเตอร์เอียงคอไปด้านซ้ายแล้วมองหน้าผมด้วยสายตากรึ่มๆ


“พูดกันตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม…” เขาพูดเสียงพร่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกนิดจนผมต้องผงะหน้าตัวเองถอยห่างออกไป วิคเตอร์แช่สายตาหื่นๆ ของเขาไว้ที่หน้าผมสักพักก่อนจะพูดต่อ


“ฉันอยากรู้ว่านายใช้น้ำหอม กลิ่นยาปลุกเซ็กส์ รึเปล่า” ผมเริ่มตัวเกร็ง มือที่จับหัวไหล่เขาไว้ บีบแน่นด้วยความตื่นเต้น แต่พอทวนคำพูดเขาดีๆ ผมก็ขมวดคิ้วงงๆ กระพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่ายที่ยิ้มอ้าปากน้อยๆ ให้เห็นลิ้นของเขาที่เกลี่ยไล้ไปมาตามแนวฟันล่างอย่างเซ็กซี่


“บ้าหรือเปล่า?! น้ำหอมกลิ่นนั้นมันมีที่ไหนกัน” ผมขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีกเมื่อหัวกำลังคิดว่าน้ำหอมกลิ่นนี้มันมีแบรนด์ไหนผลิตขึ้นมารึเปล่า แต่พอคิด ไปแล้วว่ามันไม่น่าจะมีใครทำนะ ที่ได้ยินว่าฮ็อตสุดๆ ก็คงเป็นน้ำหอมฟีโลโมนที่ใช้ต่อมเสน่ห์ทางเพศของมนุษย์มาทำนั่นแหละ แล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะ หึๆ ในลำคอของวิคเตอร์ ผมหันไปมองเขาอย่างเอ๋อๆ ก่อนจะค้างกับสายตาแผดเผาที่เขาจ้องมามองมา ผมหลบสายตาเขาหันไปมองทางเจ้าไมเคิลที่หนอนหงายกางแขนกางขาสบายใจเฉิบโดยมีเจ้าฟอกซ์นอนเลียหน้าให้อยู่ สักพักผมก็หันไปหาเขาแล้วยกกำปั้นทุบไหล่ขวาเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้


“แล้วนี่เราจะคุยเรื่องนี้ทำไมกันเนี่ย” ผมบอกหน้ามุ่ย วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ แล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือซ้ายของเขามาดึงมือซ้ายผมที่จับหัวไหล่เขาไว้อยู่ไป เขามองมันครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมอีกรอบ


“เช้านี้ทายาไปรึยัง”


“เมื่อเช้าผมรีบมาก็เลยยังไม่ได้ทา” เขามองผมนิ่งๆ แต่แววตายังคงส่งความอบอุ่นมาให้


“งั้นเดี๋ยวฉันทาให้” ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ด้วยความประหลาดใจ นึกถึงวันที่เขาทายาให้ตอนที่ผมเป็นแผลแดงๆ จากการที่วิ่งเข้าไปช่วยเขาในกองไฟ


กำลังคิดอะไรเพลินๆ ผมก็ต้องตาค้าง เมื่อวิคเตอร์กดจมูกลงบนหลังมือผมหนักๆ แช่ไว้สักพัก ก่อนที่เขาจะพรมจูบไปตามความยาวของแผลสีคล้ำเบาๆ ผมตกใจจะกระตุกมือหนีแต่เขาบีบมือผมไว้ไม่ให้ดึงออก พลิกแขนผมให้หงายขึ้นแล้วพรมจูบไปตามแนวเฉียงของแผลจนถึงจุดสิ้นสุดของแผลบนแขน ผมรู้สึกเบลอไปหมด มันเหมือนกับการตัดสัญญาณรับรู้ในสมอง คล้ายกับภาพทีวีที่ฉายอยู่ดีๆ จอก็ดับวูบลง หัวใจก็เต้นจังหวะผิดเพี้ยนไปหมด เขาพรมจูบกลับมาตามทางเดิมจนถึงหลังมือแล้วก็กดจมูกแช่ไว้แบบนั้นอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมที่สีหน้าอึนไปแล้ว วิคเตอร์ยิ้มมุมปากทั้งสองข้างนิดๆ


“ดีขึ้นมั้ย” ไม่ดี ไม่ดีเลยสักนิด มันไม่ช่วยทำให้แผลหายไป แถมยังทำให้ใจผมเต้นจนอกจะร้าวแล้ว แต่ถึงแม้จะไม่ทำให้แผลหายไป แต่ความอบอุ่นในอกและบริเวณที่เขาพรมจูบนั้น มันกำลังทำให้ผมรู้สึกดี
ดีอย่างที่ผมคิดว่าเบรกที่ผมเบรกใจตัวเองไว้อาจกำลังจะแตก


“ดี ดีก็ได้” ผมตอบเหมือนคนคุมสติตัวเองไม่อยู่ หน้าตาเหลอหลาจนวิคเตอร์ยิ้มกว้างด้วยความขำ มือไม้ผมเริ่มอ่อนแรง มือขวาที่จับหัวไหล่เขาไว้เริ่มคลายอาการบีบลงอย่างไม่รู้ตัว


“ทำไมนายถึงไม่ลุกหนีไปตอนที่ฉันอ้วก ปล่อยให้ตัวเองเลอะอ้วกทำไม” เขาถามเสียงทุ้ม ริมฝีปากอยู่ห่างจากริมฝีปากผมเพียงปลายจมูกกั้น ผมปิดปากแล้วกลืนน้ำลายลงคอก่อนตั้งสติตอบคำถามเขา


“ก็คุณอ้วก เวลาที่คนอ้วก ต้องลูบหลัง จะได้อ้วกไม่ลำบาก”


“ให้ไอ้เบนมันทำก็ได้ ไม่ก็ปล่อยให้แนททำไป” ผมแอบเบ้ปากนิดๆ ก่อนที่จะพูดต่อ


“สำหรับคนแรก คือผมวิ่งถึงตัวคุณก่อนคุณเบน แล้วคุณเบนก็แบกคุณมาเหนื่อยแล้ว ส่วนคนที่สอง ผมไม่มีความคิดเห็น เพราะนั่นคือนางฟ้าของคุณ ต่อให้เธอมีเขางอกออกมาจากหัว คุณก็จะมองแต่ปีกของเธอ” ผมอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมนังนาตาชาหน้าเหลี่ยมจอมแอคติ้ง หล่อนคิดว่าหล่อนเข้าครอสแอคติ้งอยู่มั้งเมื่อเช้า ถึงได้ผิดเพี้ยนไปกับคนล่ะคนเมื่อคืน
วิคเตอร์ยิ้มกริ่มตอนที่เห็นผมทำหน้าบูด ผมหันไปมองค้อนเขาเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าจิกอะไรมาก อีตาคนนี้ยิ่งเดาอารมณ์ยากๆ อยู่


“อืมมม ก็อาจจะจริง” ผมทำหนานิ่ง ขบกรามเบาๆ แล้วก้มหน้าเบี่ยงหน้าหนีเขา ไม่อยากมองหน้าไอ้คนหลงเมียจนโง่งมงาย


“ที่คุณเบนพูดไปก็อย่าไปเชื่อเลยครับ จริงๆ คุณก็คงไม่เชื่ออยู่แล้ว คุณคงเชื่อคุณนาตาชามากกว่า” ผมค่อยๆ ดึงมือซ้ายที่เขากุมเอาไว้ออกช้าๆ เอามาวางไว้บนตักตัวเอง นั่งเอานิ้วเขี่ยตักตัวเองไปเรื่อย ผมยกแขนขวาไปแกะมือเขาที่โอบเอวผมอยู่ออก แต่เขาก็ไม่ยอม เขาปัดมือผมทิ้งเบาๆ แล้วกระชับวงแขนแน่นขึ้น ผมนั่งก้มหน้านิ่ง รั้นหรือเถียงเขาไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก


“ไอ้เบนมันเป็นเพื่อนฉันมาตั้งแต่ไฮสคูล ฉันรู้นิสัยมันว่าคนอย่างมันไม่พูดอะไรลอยๆ หรอก…” ผมยังคงก้มหน้านิ่งไม่ยอมเงยหน้ามองเขา แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขามองผมอยู่ตลอด


“ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะว่าฉันเชื่อนาตาชา นายคิดว่าฉันรักเธอจนหัวปักหัวปำเลยรึไงกัน” ผมกัดริมฝีปากล่างเบาๆ แล้วปล่อยออก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขาที่มีแววเกร็งๆ เล็กน้อย เขาขมวดคิ้วหน่อยๆ หน้าตาดูซีเรียสกับสิ่งที่ถาม


“เมื่อเช้าคุณขอบคุณใคร จูบใครล่ะครับ” วิคเตอร์สบตานิ่งๆ ของผม ก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ


“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันขอบคุณแนท กับสิ่งที่เธอทำ ฉันขอบคุณที่เธอบอกฉันว่าเธอแบกฉันมานอนตรงนี้”


“คุณเบนแบกคุณเยอะกว่าเธออีก” ผมบอกเสียงเรียบ วิคเตอร์มองกลับสายตานิ่งจนผมนิ่งตามไปอย่างเอ๋อๆ


“นายพูดปกป้องไอ้เบนหรือพูดเพราะอยากให้ฉันรู้เฉยๆ” ผมย่นคิ้วน้อยๆ ก่อนจะตอบ


“ผมแค่พูดอ่ะ แค่พูดตามที่ผมเห็น ก็คุณเบนแบกคุณมา ส่วนคุณนาตาชายืนจับไหล่คุณไว้เฉยๆ แถมยังผลักหัวคุณออกอีกตอนที่คุณเอนไปหาเธอ” พอได้พูด กูก็ขอพูดละกันนะ! ผมไม่ได้อยากพูดอย่างนี้หรอก แม่งโคตรดูขี้ฟ้อง พูดเหมือนผมอยากได้หน้า ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากได้ แค่อยากให้เขาขอบคุณผมบ้าง


วิคเตอร์มองหน้าผมนิ่ง คิ้วยังเป็นปมแน่น สายตาที่มองมาก็ดูดุ ผมเม้มปาก หันหน้าไปมองทางเข้าของห้องนั่งเล่น ก่อนจะหันกลับมามองเขาด้วยความรู้สึกผิด


“ผมขอโทษที่พูดถึงคุณนาตาชาไม่ดี คุณคงไม่พอใจเท่าไหร่” เขามองผมอยู่แบบนั้นอีกสักพัก ก่อนจะค่อยๆ คลายสีหน้าจนดูผ่อนคลายมากกว่าเดิม


“ฉันขอบคุณแนท ก็แค่ในส่วนนั้น แล้วที่ฉันจูบเขา ฉันก็ทำไป เพราะคำว่าแฟน” ผมใช้ฟันขบริมฝีปากเบาๆ แล้วพยักหน้าหงึกหงักไปส่งๆ ไม่อยากจะเถียงกับเขาประเด็นนี้อีก


“ช่างมันเถอะครับ ผมว่าเราจบเรื่องนี้เถอะ” ผมบอกด้วยความอ่อนล้า


“ไม่ได้ ยังจบไม่ได้” ผมย่นคิ้ว เอียงคอมองหน้าเขา แล้วกระพริบตาปริบๆ มองอย่างงงๆ ว่าเขาจะพูดอะไรอีก แต่สักพักผมก็รับรู้ถึงแรงบีบแน่นที่สะโพก แล้วร่างผมก็ขยับเข้าไปใกล้ตัวเขามากขึ้นจนแทบจะเป็นร่างเดียวกันอยู่แล้ว เนื้อแนบเนื้อจนจะเป็นเนื้อเดียวกัน วิคเตอร์ขบกรามแน่นจนกรอบหน้าขึ้นเป็นสันชัดเจน ผมเอามือขวาดันเนื้ออกซ้ายเขาไว้ ตอนนี้จมูกเราชนกัน ริมฝีปากก็แทบจะปิดสนิทเข้าหากันอยู่แล้ว ผมเริ่มประหม่า ท่าทางเริ่มเงอะงะ ยิ่งเห็นสายตาดิบๆ ของวิคเตอร์ที่จ้องมองผมกลับมามันยิ่งทำให้รู้สึกผวา แต่ในความผวานั้น มันก็แฝงความร้อนแรงเอาไว้จนใจผมสั่นไม่หยุด


“ไอ้เบนบอกนายเช็ดตัวให้ฉัน” ผมรีบพยักหน้าเร็วๆ ยกมือขวาขึ้นมาดันคางเขาไว้ไม่ให้มันใกล้หน้าผมเกินไป วิคเตอร์ใช้มือซ้ายของเขาดึงออกอย่างแรงจนแทบจะเป็นการกระชาก แล้วก็จับมือผมไว้แน่นแบบนั้นไม่ยอมปล่อย ส่วนแขนซ้ายผมมันแนบติดไปกับตัวเขาจนขยับไม่ได้ ผมกับเขาจ้องตากันแต่แววตาต่างกัน ผมมองอย่างประหม่าออกจะติดกลัวๆ ด้วยซ้ำ ส่วนอีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตาทั้งดิบและเถื่อนจนผมรู้สึกว่าลมหายใจผมเริ่มติดขัด วิคเตอร์เองพอเห็นว่าผมลมหายใจติดขัดเขาก็เริ่มหายใจหอบหนักๆ แล้วเขาก็ยื่นหน้ามาที่แก้มขวาผม กดจมูกลงไปเน้นๆ สูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง ผมอ้าปากพ่นลมออกมาด้วยความสยิว เขากดแช่และยิ่งกดหนักขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บที่แก้ม แต่ก็ไม่ร้องให้เขาปล่อยเพราะว่า
มันรู้สึกดี ดีจนผมแทบละลาย


วิคเตอร์กดจมูกอยู่อย่างนั้น สักพักก็ใช้ปากกดจูบลงไปบนแก้มแรงๆ  แล้วเขาก็เลื่อนขึ้นไปกดตรงจุดอื่นบนเนื้อที่แก้มขวา กดจมูกลงย้ำๆ ไล่ขึ้นไปถึงขมับ ไล่กลับลงมาถึงกรอบคาง แต่เขากดย้ำตรงเนื้อแก้มบ่อยกว่าตรงอื่นจนผมรู้สึกว่ามันจะช้ำรึเปล่า ผมรู้สึกระคายผิวเล็กน้อยเพราะหนวดของเขาโดนแก้ม ผมปล่อยให้เขากดจมูก กดจูบ และหอมแก้มผมโดยไม่ขัดขืนอยู่ครู่ใหญ่ จนผมรู้สึกว่าเขาระดมกด ระดมหอม ระดมจูบไปทั่วแก้มแล้ว เขาถึงดึงใบหน้าออก ลมหายใจผมหอบกระเส่า แทบจะหายใจไม่ทันเลยด้วยซ้ำ วิคเตอร์หายใจหนักหน่วง แววตาที่จ้องมองกลับมานั้นแทบจะแผดเผาผมให้ไหม้ตรงนี้ เขาอ้าปากน้อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกเสียงแผ่วแต่ชัดเจน ผมรู้สึกแห้งไปทั้งลำคอจนต้องกลืนน้ำลายหนักๆ


“นอนเถอะ ฉันง่วงแล้ว” ผมจ้องหน้าเขาแทบไม่กระพริบ ปิดริมฝีปากลง  แล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอย่างช้าๆ วิคเตอร์คลายมือซ้ายที่จับมือขวาผมไว้ออก ค่อยๆ คลายมือขวาที่บีบสะโพกผมไว้แน่น ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แต่วิคเตอร์ที่ยังมองผมด้วยสายตาแผดเผา กลับจับผมกลับไปนั่งตักตามเดิมแล้วถามเสียงห้วน


“จะไปไหน?!” ผมกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งก่อนจะตอบเสียงแหบ


“ให้คุณนอนไง คุณจะนอนไม่ใช่เหรอ”


“นายก็ต้องนอนด้วย…” เขาบอกเสียงพร่า แววตาดุดัน ผมตะลึงไปนิดที่ได้ยินแบบนั้น “…นายเองก็ยังไม่ได้นอน”


“ผมไปนอนที่โซฟาอีกตัวก็ได้”


“ไม่ต้อง นอนกับฉัน ขอร้องเถอะ อย่าขัดใจฉันตอนนี้ เวลานี้” เขาบอกพร้อมลมหายใจที่หนักหน่วง อ้าปากพ่นลมหายใจออกแรงๆ พอเห็นสายตาดิบเถื่อนพร้อมขย้ำของเขาแล้ว ผมก็รีบพยักหน้าตอบรับทันที ผมว่าตอนนี้เขาดูเหมือนคนฝืนตัวเองมาก
วิคเตอร์ค่อยๆ ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ก่อนจะดึงให้ผมลุกขึ้นแต่มือขวาเขาไม่ยอมปล่อยมือซ้ายผมไว้ในขณะที่หัดไปถลกผ้านวมออก เขาล้มตัวลงทำท่าจะทิ้งหัวลงหมอนแล้วดึงผมเข้าไปหา ผมชันเข่าไว้กับโซฟาตัวใหญ่ วิคเตอร์ยื่นวงแขนขวามารัดเอวผมอีกรอบแล้วจับผมพลิกหันหลัง เขายื่นแขนซ้ายออกมาวางบนหมอน ใช้มือขวากดหัวผมลงนอนบนต้นแขนซ้ายล่ำๆ ของเขา ก่อนจะงอแขนยกมือมาจับหัวผมไว้ มือขวาก็ดึงร่างผมให้ด้านหลังแนบชิดไปกับแผ่นอกและแผงกล้ามท้องของเขา  ผมรู้สึกสมองหยุดสั่งการไปชั่วขณะ วิคเตอร์คลายวงแขนขวาที่โอบรัดหน้าท้องผมไว้ เอื้อมไปดึงผ้านวมผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่างเราสองคนแล้วก็กลับมากอดผมไว้ตามเดิม มือซ้ายเขาลูบหัวผมไปมาเบาๆ


พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง วิคเตอร์ก็นอนนิ่ง ลมหายใจเขารดอยู่เหนือหัวผม ใจผมเต้นตึกตักเป็นจังหวะเบาๆ ไม่รุนแรงมาก เหมือนกับว่ามันเริ่มอยู่ตัว สักพักเขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามากดจมูกลงบนแก้มขวาอีกครั้ง เขาแช่อยู่แบบนั้นสูดลมหายใจดังฟอด สูดดมจนผมนึกว่าเขาจะสูบวิญญาณผมออกไปจากร่าง พอสูดดมหนำใจเขาก็กดริมฝีปากจูบลงมาหนักๆ ก่อนจะปล่อยออก


“แมท… ขอบใจนะ แล้วก็ขอโทษ…” ผมหันหน้าไปมองสบตากับเขาที่จ้องมองมาด้วยสายตาดิบๆ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ รู้สึกดีในใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น ผมยิ้มออกมาน้อยๆ ตั้งแต่รู้จักกันมานี่คือครั้งที่สองที่เขาเรียกชื่อผม


“ตอนนายเช็ดตัวให้ฉัน ฉันรับรู้นะว่าเป็นนาย…” เขาบอกเสียงนุ่มแต่ก็ยังติดแหบเล็กๆ ผมยิ้มกริ่มที่ได้ยินแบบนั้น ใจเต้นรัวด้วยความดีใจ


“นอนเถอะ…” เขาบอก แล้วก้มลงมากดจมูกลงบนหน้าผากผมหนึ่งที ก่อนจะทิ้งตัวและศีรษะไปนอนตามเดิม วงแขนขวาก็กระชับเอวและหน้าท้องผมไว้แน่น แผ่นหลังผมแนบชิดกับด้านหน้าเขาอย่างชิดใกล้จนแทบจะรวมร่างกัน มือซ้ายเขาก็ลูบหัวผมไปมาเบาๆ ราวกับจะกล่อมให้ผมหลับ ผมยิ้ม ยิ้มด้วยความรู้สึกดีอย่างมหาศาล รู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ในอ้อมกอดเขาแบบนี้ อ้อมกอดที่เวลาโดนกอดกี่ครั้งก็มักจะอบอุ่นเสมอ


แต่ว่า…


“คุณเรย์มอนด์…” ผมลองเรียกเขา


“หืมมม…” เขาส่งเสียงกลับมือซ้ายยังลูบหัวผมเบาๆ ช้าๆ


“คือ… คุณไม่หิวหรอ


“ไม่…” เขาตอบกลับทันที


“แต่…ไมเคิลกับฟอกซ์ยังไม่ได้ทานอาหารเลยนะครับ”


“ไม่เป็นไร ตื่นมาค่อยให้มันกิน มันรอกันได้ นายนอนเถอะ” เขาบอกแล้วกอดผมแน่นขึ้นจนรู้สึกจะหายใจลำบาก แต่ผมกลับชอบที่ได้อยู่แบบนี้


“เรานอนแบบนี้ ถ้าคุณนาตาชากลับมา เธอจะเข้าใจผิดนะครับ” ผมบอกอย่างเป็นกังวล วิคเตอร์ถอนหายใจหนักๆ เหมือนกำลังเซ็ง เขาดันตัวลุกขึ้นเล็กน้อย ผมจะลุกตามแต่เขาก็ใช้มือซ้ายกดหัวผมไว้ เขาเอื้อมมือขวาไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะกระจก กดหาเบอร์ด้วยใบหน้าตาบึ้งตึง ก่อนจะกดโทรออก รอสัญญาณสักพักอีกฝ่ายก็รับสาย


“ไอ้เบน ตอนแกออกไปเมื่อกี้นี้ แกได้ล็อคบ้านให้ฉันมั้ย… เออ ขอบใจมาก แค่นี้แหละ…” เขากดวางสายแล้วยื่นมือขวาออกไป เอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เดิม ก่อนจะดึงตัวกลับมานอนในท่าเดิม แขนขวาเขาโอบรัดผมไว้ ก่อนจะบอกเสียงแผ่ว


“ไอ้เบนล็อคบ้านไว้แล้ว แนทกลับมาก็เปิดไม่ได้หรอก เขาไม่มีกุญแจ…” ผมชะงักไป แอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขาไม่ได้ให้กุญแจบ้านเธอไว้ ผมแอบยิ้มนิดๆ ด้วยความสุขใจที่เขาไม่ได้ให้กุญแจเธอไว้ แต่เขาให้ไว้กับผม ถึงจะเพราะผมเป็นคนดูแลก็เถอะ แต่แค่นี้ก็มำให้ดีใจแล้ว


แต่เดี๋ยวก่อน…


“คุณเรย์มอนด์…”


“ฮืมมม…” วิคเตอร์ตอบรับแต่เสียงเริ่มกดต่ำน่าอันตราย ขาขวาเขาเริ่มยกมาทับสะโพกผมราวกับจะเตือนว่าถ้ายังถามอะไรอีกเขาจะไม่ทนแล้ว


“คุณทำแบบนี้ทำไมเหรอ…” ผมถามเสียงเบา รู้สึกเพลินที่เขาลูบหัวผมไปมาอย่างเบามือ วิคเตอร์กระชับอ้อมแขนขวาที่กอดเอวผมไว้ ขาขวาขยับขึ้นมาเกยทับสะโพกผมไว้เยอะกว่าเดิม


“If you do not stop asking me right now. (ถ้ายังไม่หยุดถามตอนนี้)”


“…”


“I will eat you on this sofa. (ฉันจะ กิน นายบนโซฟาแล้วนะ)” ผมยิ้มขำน้อยๆ กับตัวเอง ก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาในอ้อมกอดของเขา นี่ผมอยู่ในอ้อมกอดของพระเอกเลยนะ ผมยิ้มแล้วก็ยิ้ม ปล่อยให้วิคเตอร์ใช้แขนขวากอดเอวไว้ มือขวาเขาก็ลูบเบาๆ ไปมาที่พุงน้อยๆ ของผม ส่วนมือซ้ายก็ขยุ้มเส้นผมไปมาเบาๆ จนผมเริ่มเคลิ้ม
ถ้าตอนนี้ผมจะปล่อยเบรกที่เบรกใจตัวเองไว้สักพัก มันจะถลำไปไกลขนาดไหนกันนะ


V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:07:56


ภาพเบลอๆ ตัดไปตัดมาอยู่ในหัวเหมือนเรียกสติให้ตื่น ผมรู้สึกตัวแล้ว แต่ยังนอนหลับตาหนุนแขนวิคเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือทางเข้าห้องนั่งเล่นที่เป็นซุ้มใหญ่โตและบันไดที่เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน มือวิคเตอร์ที่ขยุ้มเส้นผมบนหัวเบาๆ คลายออกแล้วตกลงนาบไปกับหมอน ไม่รู้ว่าป่านนี้แขนเขาจะชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้วรึยัง ส่วนมือขวาและวงแขนขวาของเขายังคงอยู่ที่เอวและพุงผมเหมือนเดิม แต่คลายความแน่นในตอนแรกลงบ้างแล้ว ผมยิ่งตัวแน่นๆ อยู่ ตอนโดนเขากอดแน่นๆ ไอ้ชอบมันก็ชอบนะ รู้สึกดีก็รู้สึกดี แต่ โห บางจังหวะโคตรอึดอัดอย่างกับโดนงูรัด แต่ก็ดัดจริตไม่ยอมบอกเขาว่ารัดแน่นไป เพราะใจกำลังแรดหลั่นล้ามากที่โดนผู้ชายกอด ก็นะ ผมไม่เคยมีประสบการณ์การใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเท่าเขามาก่อน (พ่อไม่นับ)


ผมนอนนิ่งอยู่อีกสักพัก ก่อนจะหันหน้าไปมองเสี้ยวหน้าของวิคเตอร์ที่กำลังหลับสบาย ผมสีดำสนิทของเขายุ่งเหยิงปรกหน้าผาก ลมหายใจของเขาแผ่วเบาเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เวลาที่เขาสงบๆ ไม่ชวนผมรบ ชวนออกศึก ก่อกวน กวนประสาท เขาช่างดูเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลายๆ คน แต่จะมีกี่คนกันที่จะรู้ว่าอีพ่อพระเอกคนนี้ ปากอเวจี เอ้ย ปากปีจอที่แปลว่าหมาแค่ไหน


ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ขยับบิดตัวให้นอนตรงๆ ไม่กล้าขยับตัวแรงมากเพราะกลัวเขาจะตื่น ผมนอนมองหน้าเขา ใบหน้าอันหล่อละมุน ผมว่าหน้าเขามองแล้วไม่น่าเบื่อ โดยส่วนตัวแล้ว กับพวกที่หล่อเป๊ะไปหมดทุกอย่าง ผมจะมองค้างอยู่พักหนึ่ง แต่สักพักก็จะเบื่อที่จะมองไปเอง (แหม สวยเชียว)


ผมยิ้มน้อยๆ อยู่คนเดียวตอนเขาขยับศีรษะน้อยๆ เหมือนหามุมนอนให้สบายหัว เขาน่ารักจัง หลับปุ๋ยเลยแฮะ ผมละสายตาจากหน้าเขาแล้วมองแขนเขาที่พาดอยู่บนลำตัวผม ก่อนจะค่อยๆ ยกมือซ้ายขึ้นมาจับมือขวาเขาเพื่อยกออก แต่พอแขนเขาลอยห่างจากตัวผมนิดเดียว เขาก็กดแขนลงมาทับไว้บนตัวผมใหม่ เขาพ่นลมหายใจรดแก้มผมแรงๆ เหมือนรำคาญที่ไปกวนการนอนของเขา ผมเม้มปาก กลอกตาแว้บไปแว้บมาอย่างหาทางออก ก่อนจะลองยกแขนขวาเขาอีกครั้ง รอบนี้เขาไม่ต่อต้านอะไร ผมเลยค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วเอาแขนขวาเขาไปวางไว้บนสะโพกเขา แต่สักพักก็ต้องชะงักเพราะที่ขาผมโดนเขาก่ายเอาไว้
โอ้โห กอดกูเป็นหมอนข้างเลย


ผมค่อยๆ ดันขาเขาออกอย่างช้าๆ จนผมสามารถยกขาหนีเขาได้ ผมเบี่ยงขาลงโซฟา หันไปมองเขาที่หลับสบาย สงสัยจะเพลียจากเมื่อคืนและบวกกับฤทธิ์ยาเลยหลับนาน ผมดึงแขนซ้ายเขาที่วางราบไปกับหมอน ให้มาอยู่ตรงๆ เพราะกลัวเขาจะเมื่อยแขน ผมว่าตะคริวกินแขนเขาไปแล้วล่ะ ให้ผมนอนทับตั้งนานขนาดนั้น ผมล้วงหยิบมือถืออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นสีขาวของตัวเอง กดหน้าปุ่มโฮมเพื่อดูเวลา ตอนนี้บ่ายสองแล้ว นี่เราหลับกันไปนานเหมือนกันนะเนี่ย


ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเพื่อที่จะทำอาหารให้เขาทาน ออกมาที่ห้องครัวผมก็เห็นเจ้าสองศรีพี่น้องกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ในครัว พอเจ้าสองตัวนั้นเห็นผมก็แทบจะพุ่งตัวเข้ามาหา ผมก้มลงขยี้หัวทั้งสองตัวเบาๆ แล้วรีบเดินไปเอาอาหารมาให้มันกิน ไม่ได้สั่งให้ไมเคิลเห่าอย่างที่ชอบทำ แต่เหมือนมันจะชินที่ว่าเวลาผมให้อาหารจะต้องเห่าก่อนมันเลยเห่าซะดังลั่นบ้าน จนผมทั้งตกใจและขำก่อนจะรีบยกมือจุ๊ปากให้มันเงียบ


“ชู่ววว… เงียบหน่อย พ่อแกหลับอยู่” มันย่นคิ้วแล้วเอียงคอมองด้วยความงง แต่พอผมยื่นถาดอาหารให้มันก็ก้มหน้าก้มตากินไม่สนโลกอีกต่อไป ส่วนเจ้าฟอกซ์ยืนกินเงียบๆ ของมันไป ผมเปิดตู้เย็นและเตรียมทำอาหารมื้อไหนสักมือเนี่ยแหละให้เขา ตื่นขึ้นมาจะได้ไม่โวยวาย


ระหว่างทำอาหารผมก็คิดเรื่องเขาไปด้วย ผมรู้สึกเหมือนเป็นภรรยากำลังทำอาหารให้สามีหลังจากหลับนอน เอ่อ หลังจากนอนกอดกัน เอ่อ ไม่สิ นั่นแหละ นอนด้วยกัน ใช้คำนี้ก็แล้วกัน แต่ก็ได้แค่รู้สึกไปเองเท่านั้นแหละ เพราะยังไงซะ ผมก็ไม่ได้มีสถานะเป็นอะไรกับเขาทั้งนั้น นอกจากเจ้านายกับลูกน้อง ถ้าได้มากที่สุดก็คงเป็นพี่ชายกับน้องชาย


ที่เขาทำอาจเป็นเพราะคุณเบนบอกให้ใจดีกับผมบ้าง เขาถึงได้ทำแบบนี้ แต่ผมว่าไอ้ความใจดีที่เขาทำกับผมนี่มันจะไม่ดีต่อใจผมอย่างที่ผมกลัวๆ อยู่ แบบนี้ใจดีไป๊! ดีจนใจจะพังเพราะเต้นรัวๆ แล้วก็อีกอย่างที่เขาทำก็คงเพราะเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับผม


แต่ก็อีก… รู้สึกผิด แค่ขอโทษก็พอแล้วมั้งพ่อพระเอกเอ๊ย เล่นกอด เล่นหอม แบบนี้ ไอ้แมทใจ่บ่อดี๊เน่อ~


ผมถอนหายใจในตอนหั่นเนื้อหมูติดกระดูก แล้วก็คิดไปถึงนาตาชา ยังไงซะตอนนี้เธอก็เป็นแฟนกับวิคเตอร์ ผมไม่รู้ว่าเขาคบกันเพราะอะไร ทำไมวิคเตอร์ถึงคบกับเธอ ทั้งที่เขามีผู้หญิงตั้งมากมาย แต่ทำไมถึงเลือกคบคนนี้ ผมไม่ได้จะบอกว่านาตาเลวร้ายหรือร้ายกาจ แค่เพียงเพราะเธอไม่ยอมดูแลวิคเตอร์ตอนเมา เธออาจมีมุมดีๆ ต่อกันแต่ผมไม่เห็นอย่างที่บอกกับคุณเบนเนดิคท์ไป แต่ที่คุณเบนเนดิคท์พูดก็ถูก นาตาชาทิ้งวิคเตอร์เพราะสภาพเขาย่ำแย่ ทั้งๆ ที่เธอไม่ควรทิ้งเขาไปไม่ว่าเขาจะเป็นไงก็ตาม แค่นี้ยังทิ้งกัน ไม่อยากจะคิดว่าถ้าวิคเตอร์ชีวิตตกต่ำ เธอคงไม่เสียเวลากับเขา


แต่ผมว่ายากที่เธอจะทิ้ง ตอนนี้วิคเตอร์ได้บทพระเอกหนังใหญ่ ชื่อเสียงเขาก็ต้องเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ผมคิดว่าวันนี้ข่าวที่เขาได้เล่นเป็นพระเอกหนังระดับฮอลลีวูดคงเริ่มแพร่กระจายไปสู่โลกโซเชียลแล้วล่ะ และเพียงแปบเดียวเขาก็จะกลายเป็นที่รู้จักวงกว้างกว่าเดิม และยัยนาตาชาหน้าเหลี่ยมผู้มีผมสีแดงตอนนี้ก็คงไม่ยอมสลัดเขาทิ้งชัวร์


ผมถอนหายใจเมื่อคิดๆ แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนโซฟา มันก็คงเป็นแค่คำขอโทษ คำปลอบโยนจากวิคเตอร์เท่านั้น มันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ดีใจ และใจผมก็รู้สึกดีมากๆ ด้วย ถ้านี่เป็นคำขอโทษ คำปลอบโยน ผมขอบอกว่าผมยกโทษให้ มันดูใจง่าย ซึ่งก็ง่ายจริงๆ แต่ถามว่าผมจะต้องโกรธเขาไปเพื่ออะไร เสียเวลาคิดแค้นเคืองเขาไป มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะยังไงมันก็จะอยู่เท่านี้ อยู่แค่นี้ ไม่เขยิบไปไหน สู้เอาเวลามาทำทุกวันให้ดี เพื่อที่จะได้สิ่งดีๆ กลับไปอย่างที่บอกเขา นั่นน่าจะดีกว่า ที่สำคัญอย่างอนมากเล้ย ผมไม่ใช่แฟนเขา ไม่ได้เป็นอะไรกับเขา แค่เท่านี้ที่เขาให้มาก็ดีมากแล้ว


นึกถึงตรงนี้ก็แปลบๆ ที่อกซ้าย ไม่ได้เป็นอะไรกัน นั่นคือเรื่องจริงแบบที่ไม่ต้องหารีเฟอร์เรนซ์ (reference) ใดๆ มาการันตี แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องยอมรับ มีอีกหลายอย่างที่ผมต้องยอมรับ หนึ่งในนั้นคือ ผมกับเขา เป็นไปไม่ได้หรอก ด้วยหลายๆปัจจัยน่ะนะ ได้แต่หวังว่าพอผมกลับไทยไป เขาจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีของผมก็แล้วกัน


“เอเลี่ยน!” เสียงตะโกนดังมาจากห้องนั่งเล่น ผมหันไปมองก็เห็นผู้ชายถอดเสื้อโชว์หุ่นอันเย้ายวนชวนเสียตัวเดินออกมาด้วยท่าทางตื่นๆ และหน้ามุ่ยๆ เขามองซ้ายมองขวาก่อนจะหันมาสบตากับผมที่ยืนยิ้มเก้อๆ มองเขาอยู่ เขาทำหน้าโล่งใจก่อนจะเดินมาที่ครัว ผมหันกลับมาสนใจต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมูที่กำลังทำอยู่ต่อ


“ตื่นนานรึยัง” เขาเอ่ยถามเสียงทุ้ม ผมหันไปมองเขาที่กำลังยกก้นขึ้นนั่งบนเก้าอี้ทรงสูงในห้องครัว ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบ


“ไม่นานครับ ก่อนคุณสักครึ่งชั่วโมงได้” เขายกมือสองข้างขึ้นมาเท้าคางไว้มองผมทำกับข้าว แล้วมองผมด้วยสายตาพราวระยับ ยกยิ้มมุมปากหน่อยๆ


อ่อย! อ่อยอีกละ ถอดเสื้อทีไร มันอ่อยทุกที


“ฉันนึกว่านายอพยพหนีกลับประเทศไปแล้วซะอีก” ดู! ดูมันใช้คำ ใช้คำว่า อพยพ ผู้ชายคนนี้ไม่ควรตื่นนะ ตื่นแล้วความน่ารักหายไปหมด ผมกลอกตาแว้บหนึ่งก่อนจะตอบเขาหน้าหงิกนิดๆ


“ด่านตรวจคนเข้าเมืองยังไม่มีหมายเรียก ผมยังไม่หนีกลับง่ายๆ หรอกครับ นอกจากซะว่าเขาจะมาตรวจค้นบ้านคุณแล้วเจอผม” ผมบอกอย่างประชดแต่ริมฝีปากก็บิดเป็นรอยยิ้มนิดๆ แบบที่พยายามฝืนยิ้ม ยิ่งเห็นว่าเขายิ้มน่ารักๆ มาให้ พร้อมส่งสายตาขำๆ มาพร้อมกัน มันยิ่งทำให้ผมกลั้นยิ้มยาก จนต้องหันหน้าหนีมามองหม้อต้มแซ่บแทน


“อืมมม… ถ้ามาตรวจค้นแล้วเจอก็คงถูกจับส่งกลับประเทศสินะ…” เขาพูดเสียงนุ่มลึก ฟังแล้วเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างมาก ผมแอบยิ้มเบ้ปากในขณะที่คนทัพพีในหม้ออย่างช้าๆ


“แต่ก็มีวิธีรอดอยู่นี่” ผมยิ้มขำๆ แล้วหันไปมองเขาที่นั่งเอามือกุมกันไว้แล้วใช้ดันคางให้แหงนขึ้นนิดๆ เขาสิ่งยิ้มกริ่มพร้อมสายตาละมุนมาให้


“วิธีไหนล่ะครับ” ผมถามแล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ พร้อมกับยิ้มมุมปากทั้งสองข้างหน่อยๆ  วิคเตอร์เอามือลงวางบนโต๊ะใช้แขนยันตัวเองเอาไว้ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มน่ารัก


“แต่งงานไง” ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงกว่าเดิม จ้องตาแป๋วกลับไปที่เขา ก่อนจะยกมุมปากขึ้นอีกหน่อย วิคเตอร์ยักคิ้วให้ผมหนึ่งที
แน่ะ! มันพูดให้ชวนคิดอีกละ เดี๋ยวก็ได้เป็นชู้จริงๆ ละมั้งตู


“แล้วแต่งกับใครล่ะครับ” ผมแกล้งถามหน้าตาย วิคเตอร์ทำปากยื่น เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะตอบเสียงเฉื่อย


“ไม่รู้สิ แล้วนายอยากแต่งกับใครล่ะ”


“แล้วคุณจะให้ผมแต่งกับใครล่ะ”


“ก็นายอยากแต่งกับใครล่ะ” เอ๊ะ! ไอ้นี่!


แล้วเราก็มองตากันด้วยสายตาขำๆ สักพัก ก่อนที่เราจะคลี่ยิ้มกว้างด้วยความขำพร้อมกัน ผมพยายามไม่หลบสายตากรุ้มกริ่มของเขาที่มองมา เดี๋ยวจะหาว่าไม่แน่จริง วิคเตอร์เหมือนรู้ว่าผมสู้สายตาเขา อีกฝ่ายเลยมองกลับมาด้วยสายตากรุ้มกริ่มที่เพิ่มระดับ เรื่องแอคติ้งอย่าได้ห่วงผู้ชายคนนี้ เพราะเขามีดีกรีเป็นถึงพระเอก ส่งสายตามาทีเก้งกวางบ่างชะนีพร้อมพลีกายให้ ผมรีบหุบยิ้มแล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงมั่น


“Maybe with Benedict? (แต่งกับคุณเบนเนดิคท์มั้ง)” วิคเตอร์หยุดยิ้มและหยุดส่งสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะหรี่ตามองผมด้วยความสงสัย


“นายเป็นอะไรกับผู้ชายที่มีรอยสักรึเปล่า ตั้งแต่อดัม มารูนไฟว์ ไอ้อดัมช่างภาพ แล้วยังจะมาไอ้เบนอีก ทำไม? ผู้ชายมีรอยสักนี่มันกระชากใจนายมากเลยรึไง เห็นแล้วมันโดนใจ เห็นแล้วอยากพลีกายให้เลยว่างั้น” ผมทำตาโตด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะแสร้งทำสีหน้าตื่นเต้น


“Ooh! Wow! Does he have a tattoo, too? (อู้ววว! ว้าววว! เขามีรอยสักด้วยเหรอเนี่ย)” วิคเตอร์ยิ้มุมปากหน้าเหี้ยม ก่อนจะตอบเสียงแข็ง


“มี มันสักที่ต้นขา” ผมแสร้งทำตาโตด้วยความมีจริตนิดๆ ยกมือซ้ายขวาที่ถือทัพพีไว้มาทาบอกเบาๆ


“That’s so hot! (เป็นอะไรที่ร้อนแรงมาก!)” ผมบอกแล้วกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วปล่อยออกช้าๆ ขยิบตาให้วิคเตอร์หนึ่งที อีกฝ่ายยิ้มมุมปากพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ สักพักเขาก็ขยิบตากลับมาให้พร้อมกัดริมฝีปากอย่างเซ็กซี่ แบบที่เซ็กซี่จริงๆ จนผมที่กำลังล้อเขาเล่นถึงกับอ้าปากหวอน้อยๆ ตาค้างกับสิ่งที่เขาทำ


โอยยย เขาช่างเป็นผู้ชายที่ร้อนแรงตัวพ่อ!


Jeez! He’s really completely fucking hot man that I have ever met before! 


ผมหุบปากฉับ แต่หน้าตายังคงเหลอหลาอยู่ วิคเตอร์เห็นแบบนั้นก็หัวเราะชอบใจเบาๆ ไอ้ห่า! ไอ้บ้า! ขนาดหัวเราะยังเสียงเซ็กซี่เลย ผมรีบหันกลับไปดูหม้อต้มแซ่บที่เดือดปุดๆ แล้วใช้ทัพพีคนๆ เหมือนคนสติหลุด ผมหลับตาแน่นพักหนึ่ง ลืมตาขึ้นมาพร้อมสติที่เรียกกลับมาได้น้อยนิด ก่อนจะตั้งใจคนต่อไปจนเสร็จแล้วก็ปิดแก๊ส หมุนตัวหันไปจะตักข้าวให้เขา


ตุบ!


“ห่ะ!” ผมเปล่งเสียงลมหายใจออกจากปากเมื่อหันไปแล้วหน้าซุกเข้ากับร่องอกของวิคเตอร์ที่มายืนตอนไหนก็ไม่รู้ ผมก้มหน้าไว้แบบนั้น ปล่อยให้เขายืนหายใจรดหัวผมเบาๆ ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาตอนนี้ เลยได้แต่มองผิวอกสีน้ำตาลเหมือนผงโกโก้ของเขาแทน


เอาอีกละ หน้าร้อนอีกแล้ววว! ใจเริ่มออกสเต็ปการเต้นอีกละ ผู้ชายคนนี้นี่มันยังไง จะให้ผมยอมเป็นชู้ให้ได้เลยใช่มั้ย


“มายืนอะไรตรงนี้ ไปนั่งรอสิครับ เดี๋ยวผมตักข้าวให้ก็ได้กินแล้ว” ผมบอกเสียงงึมงำ แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ไอ้ที่ทำบนโซฟานั่นยังทำให้ผมคอแห้งไม่พอใช่ปะ


“กินกับฉันนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาทันทีด้วยความประหลาดใจ เขากำลังก้มหน้ามองผมด้วยสายตายิ้มๆ ยิ้มพราวพอๆ กับรอยยิ้มที่ปาก ผมเม้มปากนิดๆ ให้น้ำลายโดนปากเพื่อความชุ่มฉ่ำ วิคเตอร์ย่นคิ้วหรี่ตามอง พร้อมกับเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นรอยยิ้มล้อๆ


“เป็นอะไร ทำไมดูแห้งๆ ขาดน้ำหรอ ฉันฉีดน้ำให้เอามั้ย…” ผมขยับริมฝีปากไปมา มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความอึน พูดอะไรไม่ออก วิคเตอร์โน้มหน้าลงมาใกล้ผมแล้วพูดเสียงกระซิบอย่างยั่วยวน


“…รับรองนายจะชุ่มฉ่ำไปทั้งคืน” พูดไม่เท่าไหร่ ไอ้การที่เอาริมฝีปากมางับหูซ้ายผมเบาๆ นี่เขาต้องการอะไร ต้องการอะไรจากสังคมนิวยอร์ครึเปล่าไอ้พระเอกกก!


“อื้อ… อย่าทำแบบนี้สิ…” ผมเบี่ยงหน้าหนีเขา อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ แล้วดึงหน้ากลับขึ้นไปเต็มความสูง แต่ก็ยังก้มหน้ามองผมอยู่ ผมแอบหน้ามุ่ยเล็กน้อย ก่อนจะว่า


“คุณมี…”


“…นาตาชาอยู่แล้ว นายจะพูดแบบนี้ใช่มั้ย” ผมพยักหน้านิ่งสงบ วิคเตอร์ยกมือเสยผมเบาๆ แล้วผ่อนลมหายใจหนักๆ


“ตักข้าวเถอะ” เขาบอก แล้วเดินกลับไปนั่งรอที่เก้าอี้ตามเดิม แต่สายตาก็ยังมองผมอยู่ แต่ครั้งนี้เขามองด้วยสายตาครุ่นคิดนิ่งๆ


ผมจัดการตักต้มแซ่บใส่ถ้วยใหญ่ และตักข้าวที่หุงไว้ระหว่างรอต้มเดือดใส่จานสีขาวสองใบ ผมยกถ้วยต้มแซ่บไปวางไว้บนโต๊ะ ตามด้วยจานข้าวให้เขาและผม วิคเตอร์ดึงจานข้าวเข้าหาตัวก่อนจะเริ่มตักอาหารกิน เขาพยักหน้าด้วยความพอใจเมื่อกินเข้าไปคำแรก ผมแอบยิ้มที่อาหารถูกปากเขา


“ห้ามเปิดร้านอาหารนะ” ผมขมวดคิ้วงงกับประโยคของเขา ปกติคนเราถ้าชื่นชมคนทำอาหารดี ต้องบอกว่า น่าจะเปิดร้านอาหารนะ อะไรแบบนี้


“คือ… ผมก็ไม่คิดจะเปิดอยู่แล้วครับ คงไม่มีใครชอบอาหารฝีมือผมไปซะทุกคน…”


“…ฉันชอบคนเดียวพอ ไม่ต้องทำให้ใครกินนอกจากฉัน” เขาบอกสีหน้าดื้อดึง แววตาเอาแต่ใจเหมือนเคยเวลาที่เขาอยากได้อะไร ผมกระตุกยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย


“แต่เมื่อวานผมก็ทำให้พวกเพื่อนๆ คุณกินนะ” วิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ


“ต่อไปก็ไม่ต้องทำให้ใครกินแล้ว ถ้าฉันไม่ได้สั่ง” ผมพยักหน้าน้อยๆ รู้สึกดีใจอยู่ในอกเบาๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วถามเขาเสียงแผ่ว


“แล้ว… รวมถึงคุณนาตาชาด้วยรึเปล่าครับ” วิคเตอร์ที่ก้มหน้า กำลังจะตักข้าวทานคำต่อไปเงยหน้าขึ้นมอง ผมหลบสายตาเรียบเฉยของเขาไปมองทางอื่น ก่อนจะแสร้งใช้ช้อนตักต้มแซ่บมาใส่จาน เริ่มรู้สึกตัวว่าถามอะไรไม่ดีออกไป


“ผมแค่ถาม ไม่ได้คิดจะไม่ทำให้หรอก” ผมก้มหน้าบอกอย่างรู้สึกผิด


“แค่ฉันคนเดียว…” เขาตอบเสียงเบาแต่ก็ฟังหนักแน่น ผมแอบช้อนสายตามองเขาก็เห็นเขามองมาด้วยสายตาอ่อนโยนเบาๆ


“…นายเป็นคนของฉัน ฉะนั้นทำให้ฉันคนเดียวพอ” โอเค ถ้าเขาจะจู่โจมหัวใจผมด้วยประโยคชวนคิดไกลแบบนี้อยู่เรื่อยล่ะก็ ผมว่าผมอาจใจอ่อนยอมเป็นชู้เขาแน่ๆ


ผมทำนิ่งแต่จริงๆ ในใจแม่งนิ่งไม่ไหวแล้ว มันเต้นตุบๆ สั่นไหวไปตามคำพูดเขา นึกโมโหตัวเองที่แม้กระทั่งคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของเขาแบบนี้ยังทำผมสติแทบหาย


“ครับ ผมเข้าใจแล้วว่าผมเป็นคนใช้ของคุณคนเดียว” ผมแกล้งพูดแก้คำพูดเขาใหม่ เพื่อให้เขารู้ตัวว่าตัวเองอาจกำลังพูดอะไรผิดไป และเป็นการย้ำตัวเองว่าที่เขาพูดนั้นหมายถึงอะไร


วิคเตอร์ยิ้มน้อยๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนที่เราสองคนจะนั่งทานอาหารกันต่อไปเงียบๆ ผมพยายามไม่มองเขาแล้วนะ แต่เคยเป็นกันมั้ยสายตามันไปเอง มีสตินะแต่คุมไม่ค่อยอยู่ ชอบเหลือบมองเขาอยู่เรื่อย มองจนบางครั้งสายตาเราปะทะกัน แล้วก็เป็นผมทุกครั้งที่หลบสายตาเขา


“มองหาของหวานหลังอาหารคาวหรอ…” ผมตาโตเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองเขาในขณะที่กำลังเคี้ยวข้าวคำใหม่อยู่ วิคเตอร์ยิ้มเซ็กซี่ก่อนจะว่าต่อ


“I’m not sure that my sperm is sweet or not. It might be fishy than food you eating. (ฉันไม่แน่ใจว่าน้ำฉันมันจะหวานรึเปล่านะ อาจจะคาวกว่าอาหารที่นายกินอยู่ด้วยซ้ำ)” ผมถึงกับสำลักข้าว แต่ไม่ได้สำลักอะไรรุนแรงหรอก แค่ไอเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ถึงขั้นตาเหลือกติดคออะไร วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ คนเดียว ก่อนจะพูดต่อหน้าตาเฉย


“แต่ถ้านายอยากกินจริงๆ เดี๋ยวฉันขอกินผลไม้ให้มันเข้าไปเปลี่ยนรสชาติก่อน รอสักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะได้ของหวานแล้วล่ะ” ผมกลืนข้าวที่เคี้ยวอยู่ลงคอด้วยความยากลำบาก ตั้งสติหันกลับไปพูดกับไอ้ยักษ์หน้าหนวดที่ยิ้มกว้างด้วยความซุกซน


“ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักอย่างเลยนะ!” ผมแหว แล้วเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นที่ใส่เหยือกเอาไว้มาเทใส่แก้วน้ำแล้วยกดื่ม


“อ้าว ใครจะไปรู้ ก็เห็นนายแอบมองฉันบ่อยๆ ฉันก็นึกว่าอยากจะกินฉัน” ผมเบ้ปากย่นจมูกใส่เขา ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ตามเดิม อีกฝ่ายเอาสองมือขึ้นมากุมไว้แล้วเท้าคางอีกครั้ง เชิดหน้าขึ้น เหลือบมองผมทางหางตาแล้วยิ้ม


“ผมเดินไปซื้อขนมที่ซูเปอร์มาร์เก็ตได้ ไม่ต้องกินส่วนไหนของร่างกายคุณหรอก” เขาหรี่ตาแต่ปากยังยิ้มมีลูกเล่น ก่อนจะบอกเสียงระรื่น


“กินแล้วจะติดใจนะจะบอกให้” ผมขบฟันนิ่ง แสร้งตีหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เขา ก่อนจะแกล้งว่าเสียงฟึดฟัด


“ไม่กินหรอก!” วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยสายตาเศร้าๆ ที่เขาแกล้งทำขึ้นมา ก่อนจะแอคติ้งถอนหายใจหนักๆ แล้วว่าเสียงอ่อยเหมือนคนน้อยใจ


“ใช่สิ ฉันไม่มีรอยสักแบบไอ้เบนใช่มั้ยล่ะ นายเลยไม่อยากกิน นายคงชอบแบบมีลวดลาย ไม่ชอบของสะอาดๆ สินะ”
หูยยย เล่นดีกว่าตอนถ่ายซีรีส์ที่มันเล่นอีก หน้าตาเศร้าสร้อยน้อยใจ กรรมการออสการ์มาเห็นนี่คงรีบเขียนชื่อเขาเข้าชิงนำชายยอดเยี่ยมแน่ๆ


“แค่คุณเบนบอกให้ใจดีกับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” ผมบอกอย่างสุดจะทน ไม่ได้รำคาญเขานะ แต่เจอไอ้ท่าทีมุ้งมิ้งกิงก่องแก้ว คำพูดกระแซะแทะเล็ม เต็มไปด้วยลูกเล่นแพรวพราวของเขาแบบนี้แล้วมันทำให้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
วิคเตอร์ยิ้มกว้างด้วยความขำ ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาผมที่รวบช้อนเตรียมเก็บจาน ผมมองเขาด้วยความไม่ไว้ใจ วิคเตอร์เดินเข้ามาใกล้จนผมต้องรีบยื่นสองมือออกไปดันอกอันเปลือยเปล่าของเขาไว้ อีกฝ่ายจับมือผมไว้แล้วดึงออก จ้องหน้าผมแล้วย้อมน้อยยิ้มใหญ่


“เราก็รู้จักกันแล้วนะ ทำไมนายยังไม่มีอารมณ์อยากกินฉันสักทีล่ะ” ใครว่าล่ะ?! มันมีมานานแล้วโว้ยยย!


“ก็เพราะผมรู้จักคุณดียังไงล่ะครับ ผมถึงไม่อยากกินคุณ กินเข้าไปก็ท้องเสียเปล่าๆ”



V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:12:13


“แน่ใจได้ยังไงว่ารู้จักฉันดีจริงๆ” เขาเลิกคิ้วแล้วถามสีหน้ากวนๆ ผมพยายามดึงมือตัวเองออกแต่เขาก็จับไว้ไม่ยอมปล่อย
นี่มันจะอ่อยผมไปถึงไหน แค่นี้ใจผมยังไม่ยวบยาบพอใช่มั้ย


“เจ้าชู้ มักมากในกาม เอาแต่ใจ ขี้หงุดหงิด ปากไม่ดี โดยเฉพาะกับผม” ผมแบะปากใส่เขาที่ยิ้มขำกลับมา เห็นแล้วก็หมั่นไส้ พอจะยกมือตี เขาก็จับเอาไว้ ผมเลยใช้หน้าผากพุ่งกระแทกไปที่กลางอกเขาดัง ปึ่ก!


“โอ้ย!” อีกฝ่ายร้องเสียงดัง ผมรู้ว่าเขาแกล้งร้อง มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นสักหน่อย ผมดึงหัวกลับเตรียมตัวพุ่งกระแทกอกเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้วิคเตอร์ปล่อยข้อมือผมทั้งสองข้างแล้วเอาแขนสองข้างโอบหัวผมไว้ ก่อนจะกดหน้าผมให้จมไปกับเนื้อหน้าอกเขา


“อ้ากกก!” ผมร้องเสียงดัง พยายามใช้มือดันหัวตัวเองออก แต่วิคเตอร์รัดหัวผมไว้แน่น จนจมูกผมสูดกลิ่นเนื้ออุ่นๆ ของเขาเข้าไปเต็มปอด


“ชนฉันหรอ ชนฉันใช่มั้ย ฮึ่มๆๆๆ” เขาว่าเสียงห้าวแล้วกดปลายคางลงมาบนกลางกระหม่อมผม แล้วขยี้หัวผมแรงๆ จนผมเจ็บจี๊ดๆ ที่หนังหัว


“อ๊า! แงงง!” ผมร้องโวยวายเสียงหลง พยายามยื่นมือไปดันคางเขาออกแต่เขาหลบและรัดหัวผมไว้แน่น ก่อนจะใช้เข่าแยกขาผมออกแล้วแทรกตัวเข้ามากลางหว่างขาผม ทีนี้เลยกลายเป็นว่าผมเลยแนบชิดอกเขากว่าเดิม จะยกแขนปัดป้องก็ลำบาก เขาก็ยิ่งได้ใจ คราวนี้กดจมูกลงกลางกระหม่อมผมกดสูดจมูกหนักๆ แล้วก็ย้ายไปกดทั่วๆ บนหัว


ฟืด! ฟืด! ฟอด! ฟอด!


โอ๊ยยย! หนังหัวฉันมันจะน่าสูดดมอะไรขนาดน้าน! ดมอย่างกับจะสูบสมองไปกิน หนังหัวจะหลุดแล้ววว


“Victorrr!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดังเมื่อรู้สึกมึนหัวเพราะทั้งโดนรัด โดนขยี้ โดนกดจมูกแรงๆ วิคเตอร์หยุดการกระทำแล้วหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะค่อยๆ ดึงหัวผมออกจากอกเขา ผมรู้สึกมึนหัวไปหมด โลกหมุนติ้วๆ ผมอ้าปากหวอ หน้าตาเบี้ยวๆ เพราะโดนกดทับกับหน้าอกเขามา ผมเงยหน้าขึ้นมองวิคเตอร์ด้วยสีหน้าเอ๋อๆ ที่ยิ้มกว้างและหัวเราะชอบอกชอบใจอยู่คนเดียว


“ฮ่าๆๆๆ” อารมณ์ดี ฮึ! อารมณ์ดี ได้ทำให้ผมอยู่ในสภาพทุเรศๆ นี่ชอบนัก เขายกมือซ้ายขึ้นมาขยี้เส้นผมที่มันคงยุ่งอยู่แล้วให้ดูยุ่งไปอีก หน้าผมเองก็คงยุ่งไม่แพ้เส้นผมเช่นกัน


“ไอ้วิคเตอร์! ไอ้ห่า!” ผมเผลอด่าเขาเป็นภาษาไทยด้วยคำศัพท์ที่ค่อนข้างแรงจนตัวเองยังแอบตกใจ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนไปวิ่งมาเป็นกิโล แค่พยายามหายใจให้สะดวกๆ ก็ยากละ เรื่องคำด่าเมื่อกี้เดี๋ยวเอาไว้ค่อยเคลียร์ อีกอย่างมันเป็นภาษาไทยเขาคงไม่เข้าใจหรอก สู้รบปรบมือกับผู้ชายคนนี้นี่เหนื่อยยิ่งกว่าสู้กับสิ่งใดในโลกนี้


“What? What did you say? (อะไร นายพูดว่าอะไร)” เขาถามอย่างจับผิด คงกำลังคิดว่าที่ผมพูดออกไปมันต้องไม่ใช่คำดีๆ แน่นอน


“I said ไอ้ห่า!” (ผมพูดว่าไอ้บ้า!)” ผมบอกเสียงขู่ฟ่อ เขาขมวดคิ้วงงๆ ผมปรับลมหายใจให้เป็นปกติ เอามือลูบหัวให้เส้นผมมันดูเข้าที่เข้าทาง


“What does it means? (แปลว่าอะไร)” ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มขำหน่อยๆ แล้วตอบเขาเสียงกลั้วหัวเราะ


“It’s means LOVELY! (แปลว่าน่ารัก!)” วิคเตอร์หรี่ตามองกลับมา เขากัดปากอย่างใช้ความคิด


“Lovely? Are you sure? (แปลว่าน่ารักเหรอ แน่ใจนะ?)” ผมพยักหน้า ตีสีหน้านิ่งๆ ไม่ให้เขาจับพิรุธได้ วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นหน่อยๆ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ


“How do you say—I หา? (พูดว่าไงนะ ไอหาเหรอ)” ผมกัดปากล่างไว้ พยายามกลั้นขำไม่ให้หัวเราะก๊ากออกมา เขาดูจริงจังมากที่จะเรียนรู้คำนี้


“ไอ้…”


“ไอ้…” เขาออกเสียงตามที่ผมบอกช้าๆ สีหน้าเหมือนเด็กที่กำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ


“Yes, and then…ห่า (อย่างนั้นแหละ แล้วก็ ห่า)”


“ห่า” ผมยิ้มแก้มอิ่มแล้วพยักหน้าเร็วๆ เมื่อเห็นเขาพูดได้


“ทีนี้ก็พูดรวมกันว่า ไอ้ห่า!” ผมบอกให้เขาทวนอีกที โดยเน้นย้ำเสียงหนักๆ วิคเตอร์สีหน้าอยากรู้อยากเห็นสุดพลัง ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ แล้วออกเสียงดัง


“ไอ้ห่า!”


“Great! Way to go! (เยี่ยม! อย่างนั้นแหละ!)” ผมหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นเขาพูดเสียงดังฟังชัด หน้าตามีแววดีใจที่พูดได้ เห็นแล้วก็ขำ ขำทั้งเขาและตัวเองที่มาสอนคำศัพท์ทุเรศๆ แบบนี้ให้ นี่ถ้าเกิดเขาเอาไปพูดกับคนไทยโดยเข้าใจว่าความหมายเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมว่าเขาโดนตบกลับมาแน่


“Matt, ไอ้ห่า! (แมท ไอ้ห่า!)” ผมที่กำลังหัวเราะชะงักกึกแทบหงายหลังตกจากเก้าอี้ วิคเตอร์ยิ้มหน้าซื่อตาใส ผมมองเขาตาค้างเมื่อประสาทหูรับรู้เสียงที่เขาเรียกชื่อผมแล้วตามด้วยคำที่ผมสอนชัดๆ


คือจะเขิน จะดีใจก็รู้สึกได้ไม่เต็มที่ ไม่รู้ว่าเขาอยากชมแบบนั้นจริงๆ หรือว่าเขาหลอกด่าผมกันแน่ ผมอ้าปากหวอกระพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่ายที่ยิ้มกว้างถูกอกถูกใจกลับมาให้ แววตานี่เป็นประกายเชียว เดี๋ยวก่อนนะ ที่มันเป็นประกายเพราะมันได้ใช้คำที่ผมสอนมาด่าผมใช่มั้ย


“W—wait. (ดะ เดี๋ยวก่อน)” วิคเตอร์ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก ก่อนจะเปล่งเสียงดังอีกครั้ง


“Matt, ไอ้ห่า! ไอ้ห่า, Matt! You’re so ไอ้ห่า! (แมท ไอ้ห่า! ไอ้ห่าแมท! นายมันไอ้ห่ามาก!)” ผมอ้าปากหวอเมื่อโดนเขารัวออกมาเป็นชุด เขายิ้มหน้าตาระรื่น เมื่อตัวเองพูดได้ชัดขึ้น ยกมือขึ้นมาบีบแก้มผมเบาๆ แล้วหัวเราะสนุกสนานอยู่คนเดียว เขาปล่อยมือก่อนจะหันไปมองเจ้าไมเคิลที่นั่งลิ้นห้อย โบกหางเป็นพวงของมันไปมา


“Michael! From now on when you want to applaud him, you have to say ไอ้ห่า! You know? (ไมคิล จากนี้ไปถ้าแกคิดจะชมหมอนั่น นายต้องพูดว่า ไอ้ห่า! รู้มั้ย)” ไมเคิลโบกหางมันแรงขึ้น ก่อนจะตอบรับนายมันด้วยการเห่าเสียงดัง


โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!


มันเห่าเสียงดังพร้อมกับสีหน้าระรื่นไม่แพ้พ่อมัน ผมรู้สึกเหมือนโดนทุบหน้ายุบไปแล้ว ไม่คิดว่าที่สอนเขาขำๆ จะโดนเขาเอามาใช้กับตัว ไม่ต้องไปห่วงคนไทยคนไหนละ ห่วงกูเนี่ยแหละ


“ภาษาไทยสนุกจัง สอนฉันอีกนะ” ผมยิ้มรับแห้งๆ ยกมือเกาต้นคอ แล้วพยักหน้ารับเอื่อยๆ วิคเตอร์ยิ้มกว้างก่อนจะ…


“ไอ้ห่า ไอ้ห่า ไอ้ห่า…” พอพูดได้ ทีนี้เขาก็พึมพำไปมา นี่เขาไม่รู้จริงๆ ใช่มั้ย เขาเชื่อจริงๆ ใช่รึเปล่าว่านั่นมันแปลว่าแบบนั้น แล้วไอ้การที่เขาชมผมว่า น่ารัก ด้วยการบอกว่า ไอ้ห่า นี่ผมควรดีใจมั้ยหรือว่ายังไง


“วิคเตอร์คือว่า…” ผมกำลังจะอ้าปากแก้ความหมายจริงๆ ของคำนั้น แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงออดที่หน้าประตูบ้านดังขึ้น


“ใครมา” เขาหันไปมองทางประตูบ้าน เขยิบออกห่างจากผมเล็กน้อย ผมนี่ใจแป้วเลย เพราะคิดว่าเป็นนาตาชากลับมาแล้วแน่ๆ และนั่นหมายถึงช่วงเวลาแบบนี้ของผมก็จะหมดลง


“คุณนาตาชามั้งครับ” ผมบอกเสียงหงอยๆ วิคเตอร์หันมามองนิ่งๆ สักพัก ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ผมอีกหน่อยแล้วก้มหน้าลงมาเอาจมูกกดลงบนหน้าผากผมหนักๆ


“ฉันวานไปเปิดประตูที ขอไปใส่เสื้อก่อน” เขาบอกแค่นั้นแล้วผละจากผมไป ผมกำลังสับสนกับการกระทำของเขา แต่ผมก็ไม่กล้าคิดอะไรไปเอง เพราะกลัวว่านั่นจะเป็นแค่ลูกเล่น ลูกง้อ ขอโทษจากเขาสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา แล้วถ้ามันเป็นแค่นั้น มันก็จะเป็นอยู่ไม่นาน


ผมถอนหายใจหนักๆ เลื่อนก้นลงจากเก้าอี้ที่นั่งทีเท้าผมก็ลอยจากพื้น เดินไปที่ประตูบ้าน ผมส่องตรงตาแมวก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่ไม่ใช่นาตาชา เป็นสาวผมทองสลวยสวยเก๋ หน้าตาสะสวยดูมีอายุ และก็ดูคุ้นตา ผมย่นคิ้วนิดๆ แต่ก็ดึงประตูบ้านเปิดออกกว้าง พอเห็นเธอเต็มๆ ตา ผมก็จำได้ว่านี่คือแม่เลี้ยงของวิคเตอร์ ผมกำลังจะอ้าปากทักทาย ก็เหลือบสายตาไปเห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มเหมือนคนมีเชื้ออเมริกาใต้ เส้นผมสีขาวคละเคล้าเส้นผมสีดำบ่งบอกได้ว่าเขามีอายุแล้ว หน้าตามีริ้วรอยตามวัย แต่ไม่ได้ทำให้เขาดูแก่น่าเกลียดเลย ตรงกันข้าม เขากลับดูดี ดูเป็นผู้ชายสูงวัยที่ดูก็รู้ว่าสมัยหนุ่มๆ ต้องหล่อมากแน่ๆ แม้ตอนนี้จะอายุเยอะ แต่เขาก็ดูดีมีภูมิฐาน ยิ่งใส่ชุดสูทสีเทาเข้มกับเชิ้ตขาวด้านใน ยิ่งทำให้เขาดูดีมากๆ


“นายนั่นเอง” คุณลิซ่าเอ่ยทักเสียงเรียบ และส่งรอยยิ้มน้อยๆ มาให้จนผมต้องยิ้มตอบกลับไป แต่ก็ยิ้มด้วยความเกร็ง เพราะสายตาของผู้ชายอีกคนที่มองมานั้นทำเอาผมประหม่า ดวงตาเขาคมและวาววับราวกับพญาราชสีห์


“สวัสดีครับคุณลิซ่า” สาวผมทองสูงวัยแต่ยังดูเซ็กซี่และคล่องแคล่วยิ้มตอบกลับมาให้ผมอย่างมีมาดผู้ดีอังกฤษ


“จำชื่อฉันได้ด้วย… วิคเตอร์อยู่รึเปล่า”


“เอ่อ… อยู่ครับ เดี๋ยวเชิญเข้ามาข้างในก่อน”


“เด็กคนนี้ใคร” เสียงนุ่ม สุขุมแต่ฟังแล้วมีอำนาจถามขึ้น ผมหันไปสบตาเรียวคมๆ ของผู้ชายสูงวัยร่างสูงใหญ่ด้วยอาการรู้สึกกลัวนิดๆ


“คนดูแลของวิคเตอร์น่ะค่ะ” ชายคนนั้นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ไม่ได้มองด้วยสายตาเหยียดหยามดูถูกแต่อย่างใด เหมือนเขามองสำรวจธรรมดาๆ มากกว่า ผมยิ้มเกร็งๆ ก่อนจะหลบให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตูตามหลังพวกเขา


“รอสักครู่นะครับ วิคเตอร์ไปหาเสื้อใส่อยู่” ทั้งสองคนหันมามองผมเป็นตาเดียว จนผมตาโตด้วยความงง


“หาเสื้อใส่? นี่นายกับมันทำอะไรกัน” ผมเบิกตากว้างกว่าเดิม แล้วรีบโบกไม้โบกมือไปทางคุณผู้ชายผู้แสนจะภูมิฐาน


“เปล่าครับ คือ เขาแค่ไม่ได้ใส่เสื้อเท่านั้นเอง” ผมบอกเสียงร้อนรน ทั้งสองคนมองผมนิ่งๆ อีกพักหนึ่งก่อนจะหันไปเพราะเสียงของวิคเตอร์


“Dad! (พ่อ!)” วิคเตอร์ที่ใส่เสื้อยืดสีขาวแล้ว เดินออกมาจากห้องซักรีดด้วยสีหน้าตาตื่นตะลึง ผมเองก็ตะลึงไม่น้อยเมื่อรับรู้ว่าผู้ชายหล่อๆ มีอายุคนนี้คือพ่อของเขา ทั้งสองคนตัวสูงพอๆ กัน แต่พ่อของวิคเตอร์แอบเตี้ยกว่าลูกชายเขานิดหน่อย จริงๆ พอได้มองหน้าทั้งสองคนแบบเทียบเคียงกันก็พอจะเห็นเค้าโครงว่าเขาเป็นพ่อลูกกันอยู่นะ ความหล่อนี่ถ่ายทอดถึงกันและกันมาพอสมควร แต่บุคลิกต่างกันเยอะ!


“What are you doing here? (มาทำไม?!)” เขาถามเสียงฉุนๆ ผมหน้ากระตุก เปลือกตาเบิกกว้างแล้วหันไปมองวิคเตอร์ที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังไม่พอใจมองมาทางพ่อของเขาที่มองเขากลับไปอย่างนิ่งสงบ


อ้าว เขาควรจะดีใจแล้ววิ่งเข้ามากอดพ่อปะวะ ทำไมเป็นงี้อ่ะ


ก็ตั้งแต่ผมมาอยู่กับเขาเป็นเดือนๆ นี่คือครั้งแรกที่ผมเห็นพ่อเขา คือผมรู้สึกว่าถ้าการที่ไม่ได้เจอกันนานเป็นเดือนๆ นี่มันต้องมีความคิดถึงกันบ้าง แต่สิ่งที่วิคเตอร์แสดงออกดันตรงกันข้ามจนผมงงแดก แต่จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องครอบครัวเขาหรอก รู้แค่ว่าแม่เขาเสียแล้ว และก็มีคุณลิซ่าเป็นแม่เลี้ยง ซึ่งผมก็เคยเจอมาแล้ว และแค่นั้นแหละที่ผมรู้ ทุกวันนี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่า ทำไมเขาดูรวยจัง ทั้งๆ ที่หน้าตาไม่น่ารวย


อ้าว ไอ้นี่


“ฉันจะมาหาลูกชายตัวเองไม่ได้รึไง” พ่อของเขาตอบกลับเสียงนิ่ง แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มหน่อยๆ วิคเตอร์ยิ้มเยาะ ท่าทางฉุนกึก เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ทั้งสองคน ส่งสายตาวาววับไปให้ลิซ่าเป็นคนแรกและตามด้วยพ่อของเขา โห นี่ถ้าเป็นผมมองพ่อแบบนี้นะ ผมโดนพ่อจับตีก้นลายแน่ๆ


“คำตอบฟังดูดีขัดกับตัวพ่อจังนะ” วิคเตอร์บอกเสียงห้วน เสียงทื่อ หน้าตาไม่สบอารมณ์ ผมอ้าปากหวอ กระพริบตาปริบๆ มองสองพ่อลูกกลับไปกลับมาด้วยความงง พ่อของวิคเตอร์ไม่ได้แสดงอาการโกรธใดๆ ออกมา ผิดกัน เขาทำท่าทีเฉย และยิ้มมุมปากนิดๆ ราวกับชินกับการแสดงออกของลูกชายในรูปแบบนี้แล้ว


“ฉันได้ยินว่าแกได้รับบทพระเอกหนังเรื่องใหม่…” พ่อเขายังคงมีท่าทีสุขุมนุ่มลึก แถมยังเดินเข้าไปใกล้ลูกชายแล้วยกมือขวาวางไว้บนบ่าซ้ายแล้วบีบเบาๆ วิคเตอร์ยังคงทำหน้านิ่ง แววตาที่มองพ่อเขานั้นสงบจนคล้ายเยือกเย็น


“…ฉันเลยจะมาแสดงความยินดีกับแก”


“พ่อรีบๆ พูดจุดประสงค์จริงๆ ของพ่อมาเร็วๆ ดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่ในบ้านผมนานเลย” เขาบอกเสียงเรียบ แล้วยกมือพ่อตัวเองออกจากบ่า


“นี่แกกำลังไล่ฉันออกจากบ้านแม่ตัวเองนะ” พ่อของวิคเตอร์ว่ายิ้มๆ ส่วนคนเป็นลูกชายขบกรามแน่น ก่อนจะบอกเสียงสะบัด แววตาดื้อดึงตามนิสัยของเขา


“แต่ตอนนี้มันเป็นของผม!”


“ไม่ต้องโมโหขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่มาขอคืนหรือแย่งแกหรอก ใครจะกล้ากับหลานรักของแม่ฉันกันล่ะ”  วิคเตอร์ยิ้มมุมปากอย่างถากถาง ก่อนจะว่าเสียงเรียบๆ แต่แฝงความจิกกัดไว้


“เพราะผมเกิดจากเมียพ่อที่เป็นภรรยาตัวจริงไง” ผมแอบเห็นกล้ามเนื้อบนใบหน้าของคุณลิซ่ากระตุก เธอเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยแล้วขบกรามแน่น ส่วนคนพูดสีหน้าไม่สะทกสะท้านใดๆ


“ไอ้วิคเตอร์…” พ่อของวิคเตอร์ส่งเสียงกดต่ำมาพร้อมกับสายตาวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจ แต่คนเป็นลูกชายกลับยักคิ้วกวนๆ อย่างไม่ใส่ใจในท่าทีของพ่อตัวเอง


“ถ้าพ่อไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้ ก็อย่ามาที่นี่สิ”


“Luke, you promised me. (ลุค คุณสัญญาแล้วนะคะ)” คุณลิซ่ายกมือจับต้นไหล่ซ้ายของสามีไวเบาๆ พ่อของวิคเตอร์ที่ผมเพิ่งรู้ชื่อว่าชื่อ ลุค ถอนหายใจหนักๆ สีหน้าเหมือนกำลังข่มอารมณ์เต็มที่ เขาดึงมือภรรยาออกเร็วๆ และแรงจนผมมองด้วยความตกใจ เธอหน้าเสียไปนิดแต่ก็ไม่แสดงอาการใดๆ ต่อ สักพักเธอก็เลื่อนสายตามามองที่ผมเมื่อสองพ่อลูกยังเอาแต่จ้องตากันไปมา


“เธอ มาคุยกับฉันหน่อยได้มั้ย” ผมหันไปมองงงๆ แล้วพยักหน้ารับแบบเอ๋อๆ รู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้จนอยากออกห่างอยู่เหมือนกัน คุณลิซ่าเดินนำผมไป ผมเหลือบสายตาไปมองวิคเตอร์ที่มองกลับมานิ่งๆ แต่ก็พยักหน้าขึ้นราวกับให้เดินตามแม่เลี้ยงของเขาไป ผมเดินตามคุณลิซ่าไปทางห้องสมุดของบ้าน เธอเปิดประตูเข้าไปด้านในแล้วเดินไปนั่งรอตรงโซฟาตัวยาวที่เห็นแล้วชวนนึกถึงยุคพระนางวิคตอร์เรียที่ทุกอย่างดูดีมีสกุลรุนชาติไปหมด ยิ่งคุณลิซ่าที่หน้าตาท่าทางผู้ดีนั่งไขว่ห้างรออยู่บนนั้นมันยิ่งทำให้โซฟาขอบเหล็กทรงโค้งสีทองบุนวมสีครีมไว้นั่งนั้นน่ามองเข้าไปอีก ผมปิดประตูตามหลังแล้วเดินไปนั่งตรงโซฟาตัวเล็กสองตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโดยเลือกนั่งที่อยู่ฝั่งขวามือของเธอ ผมยิ้มเก้อๆ ให้เธอ ส่วนเธอยิ้มอ่อนๆ กลับมาให้ผม


“ดูแลวิคเตอร์เป็นยังไงบ้าง”


“เอ่อ… ก็ดีครับ ช่วงแรกๆ ก็จะเหนื่อยหน่อยเพราะผมยังไม่ค่อยรู้จักเขา แต่พอผ่านมาสักพักผมก็เริ่มรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง” ผมตอบพร้อมรอยยิ้มนิดๆ คุณลิซ่าพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะหรี่ตาลงนิด เส้นผมสีทองสลวยของเธอนั้นทอแประกายกับแสดงแดด


“เขาเอาแต่ใจกับเธอบ่อยมั้ย” ผมยิ้มกว้างขำๆ ก่อนจะตอบคุณลิซ่าที่ยิ้มกว้างอย่างเข้าใจในรอยยิ้มของผม


“บ่อยเหมือนกันครับ” คุณลิซ่าผ่อนลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ ก่อนจะว่าเสียงเป็นการเป็นงานขึ้นมานิด


“ช่วยพยายามทำความเข้าใจเขาหน่อยนะ อย่างที่เธอได้ยิน วิคเตอร์เป็นหลานรักของแม่ลุคซึ่งก็คือย่าของเขา คุณย่าท่านรักและตามใจหลายชายคนนี้มาก ไหนจะแม่ของเขาอีกคน”


“ผมว่าย่ากับแม่เขาคงตามใจเขามากแน่ๆ” คุณลิซ่ายิ้มสวยๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งก่อนตอบ


“การันตีได้จากบ้านหลังนี้และรถที่เขาขับ และอีกหลายอย่างที่เธอยังไม่รู้ที่ย่ากับแม่เขาทุ่มให้หลานชายและลูกชายคนนี้” ผมอ้าปากค้างนิดๆ กระพริบตาปริบมองคุณลิซ่าด้วยความทึ่ง คำตอบที่ผมเคยสงสัยว่าทำไมเขาดูรวยจังน่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว


“โอ้… แบบนี้นี่เอง” คุณลิซ่ายิ้มบางๆ กลับมาให้ แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผมมาแค่เดือนกว่าๆ ยังเจอนิสัยเอาแต่ใจเขาขนาดนี้ แล้วคุณลิซ่าล่ะ จะโดนไปขนาดไหน ไม่ต้องบอกก็พอจะนึกออกอยู่บ้างจากการที่เขาคุยโทรศัพท์ เอ่อ จริงๆ เรียกว่าคุยก็ไม่ได้ เพราะวิคเตอร์เล่นตะคอกและตะคอกกลับตลอดๆ แถมวันที่เธอมาหาวิคเตอร์ที่บ้านแล้วเจอเข้ากับกิ๊กเก่าที่วิคเตอร์ยังกินไม่เสร็จ (เพราะผมเข้ามาขัดจังหวะแบบไม่ได้ตั้งใจ) เธอก็ยังโดนเขาตอกหน้ากลับไปตั้งมากมาย


“ขอโทษที่พูดนะครับ แต่… คุณคงโดนเยอะกว่าผม” ผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ อีกฝ่ายถอนหายใจ แต่ก็ระบายยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า แววตาที่เธอมองมานั้นดูไม่มีแววโกรธวิคเตอร์เลย ดูอ่อนโยนด้วยซ้ำ เหมือนสายตาของคนเป็นแม่


“นี่คือเหตุผลที่ฉันอยากคุยกับเธอ…” ผมมองหนาเธอด้วยความประหลาดใจ เธอยกขาขวาที่นั่งไขว้ทับขาซ้ายออก ก่อนจะนั่งยืดตัวแล้วพูดต่อ


“ช่วยคอยบอกฉันหน่อยว่าวิคเตอร์เป็นยังไงบ้าง เขาไม่เคยติดต่อกลับไปที่บ้านที่อังกฤษเลย นับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่…” เธอทำสีหน้าเศร้านิดๆ ก่อนจะว่าต่อ


“ฉันส่งคนมาดูแลเขา แต่เขาก็ไล่ตะเพิดไปหมด จนมามีเธอที่อยู่กับเขาได้นานกว่าใคร ฉันไม่ได้หวังว่าจะต้องรู้ทุกความเคลื่อนไหวของเขา แค่ให้รู้บ้างว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไง ไม่ใช่ขาดการติดต่อไปเลย”


“ขอโทษอีกครั้งที่ต้องพูดตรงๆ นะครับ แต่จากที่ผมเห็นๆ มา เอิ่ม… เขาดูเหมือนไม่อยากให้ทางบ้านมายุ่งกับเขาสักเท่าไหร่” ผมบอกเสียงอ่อย กลัวว่าเธอจะโกรธ แต่คุณลิซ่ากลับมีท่าทางนิ่งๆ ปกติ


“ยังไงเขาก็เป็นคนในครอบครัวฉัน ถึงฉันจะมาทีหลังและเขาอาจจะมองว่าฉันเป็นคนนอก แต่สำหรับฉันเขาคือคนในครอบครัวเสมอ” ผมมองเธอด้วยความเห็นใจ ดูแล้วเธอจะเป็นห่วงลูกเลี้ยงคนนี้ไม่น้อย แม้ว่าอีกฝ่ายจะคอยกีดกันตัวเองออกจากทางบ้าน ถ้าให้ผมเดาตั้งแต่แม่เขาเสียเขาคงไม่อยากกลับบ้านอีก แต่เอ๊ะ…


“เขาไม่กลับบ้าน แล้วเขาไม่เป็นห่วงย่าเขาเหรอครับ สำหรับแม่เขาผมเข้าใจว่าเธอเสียไปแล้ว แต่เขาไม่กลับบ้านไปหาย่าเขาบ้างเหรอครับ"


“เธอคิดว่าถ้าคุณย่าเขายังอยู่ เขาจะทิ้งที่นั่นมารึไง” ผมเบิกตากว้างขึ้น แล้วภาพผู้หญิงผมหงอกสีขาวหน้าตาใจดีที่อยู่ในห้องนอนเขาก็ผุดเข้ามาในหัว ภาพของย่าเขาตั้งอยู่ข้างๆ แม่ นั่นแสดงว่า…


“คุณย่าเขาเสียแล้วเหรอครับ”


“เธอจากไปหลังจากแม่วิคเตอร์ตายไปได้หนึ่งปี” ผมใจกระตุกวาบในอก แล้วก็เหมือนมันหล่นหายไปจากอกซ้าย นี่เขาสูญเสียทั้งแม่และย่าในเวลาไล่เลี่ยกันเลยหรอเนี่ย หูผมได้ยินเสียงแว่วๆ อะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้สติผมเหมือนดับลงชั่วขณะหนึ่ง มันเบลอๆ วิ้งๆ อยู่ในหัว


“เขาไม่เคยกลับไปบ้านที่อังกฤษอีกเลยหรอครับ” คุณลิซ่าขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองทางประตู ผมหันไปมองตามเธองงๆ เสียงแว่วๆ ที่ได้ยินเมื่อครู่เริ่มดังมากขึ้น


“ก็ใช่ว่าเขาไม่เคยกลับหรอก แต่นับครั้งได้ และที่เขากลับไป เพราะเขากลับไปหา…” ผมหันกลับมาเพื่อจะฟังคุณลิซ่าพูดต่อ แต่เธอหยุดพูดไป และผมเองก็หันหน้ากลับไปทางประตูเมื่อเสียงข้างนอกเริ่มดังชัดขึ้น

V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:14:18


“พ่อนั่นแหละที่ฆ่าแม่! พ่อฆ่าแม่ทั้งเป็น! ตั้งแต่ก่อนผมเกิดด้วยซ้ำ!”


“ถ้าไม่มีฉัน แกก็ไม่ได้เกิดมาหรอก ไอ้วิคเตอร์!!” ผมรีบลุกขึ้นพรวด แล้วเดินเร็วไปเปิดประตูห้องสมุดก่อนจะก้าวเดินออกไปยังห้องโถงของบ้าน วิคเตอร์กับพ่อกำลังยืนหน้าตึงใส่กัน


“ผมก็ไม่ได้เต็มใจเกิดมาในสภาพแบบนั้นหรอก!” วิคเตอร์พูดด้วยความกราดเกี้ยว เขาหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ขบกรามแน่นจนใบหน้าเป็นสันชัดเจน


“แต่เสียใจด้วยนะที่แกดันเกิดมาจนโตมาจนมายืนด่าฉันได้แบบนี้!” ผมกับคุณลิซ่าเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคนที่กำลังอารมณ์ดุเดือด ราวกับผมได้ดูฉากในละครไทยที่พ่อลูกทะเลาะกัน แต่ผมอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้ว ไม่ว่าคนชาติไหนแม่งก็มีมุมขมขื่น มุมดราม่าแบบนี้กันได้ทั้งนั้น เคยได้ยินมั้ยว่าชีวิตจริงๆ ของคนเรามันยิ่งกว่าละคร


ว่าแต่ว่า สองพ่อลูกคู่นี้เขาดราม่าอะไรกันอยู่


“ที่ผมทำได้ก็มีแค่นี้แหละ ใครจะไปเหมือนพ่อล่ะ ที่ทำอะไรได้ตั้งมากมาย รวมถึงเอาผู้หญิงคนนั้นมาแทนที่แม่ผม!” ผมพอจะเดาได้ว่าเขาคงหมายถึงคุณลิซ่า ผมหันไปมองเธอก็เห็นว่าเธอกำลังยืนมองทั้งสองคนนิ่งๆ ด้วยสายตาไม่แสดงอาการตกใจอะไร ผมหันกลับมามองที่สองพ่อลูกอีกครั้ง พ่อของวิคเตอร์แสยะยิ้มน่ากลัว และพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น


“ทำอย่างกับแกไม่เห็นด้วยกับฉันงั้นแหละ” วิคเตอร์ขบกรามมองพ่อเขานิ่ง แววตาเขาเปลี่ยนเป็นคมกริบด้วยความโกรธ


“ว่าแต่ฉันฆ่าแม่แกตายทั้งเป็น แกเองก็ด้วยไม่ใช่รึไง ไอ้ลูกชาย”


“Luke!” คุณลิซ่าแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่พอใจ  ผมเริ่มใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัวว่าจะเกิดการปะทะกันรุนแรง รับรู้ถึงบรรยากาศความกดดันที่มีมากขึ้นในชั้นบรรยากาศรอบๆ ห้องโถงของบ้าน ใจผมเต้นตึกๆ ยิ่งเห็นสายตาที่เย็นชาแต่ว่าน่ากลัวของคุณลุค ผมยิ่งรู้สึกกดดัน


“Why? As always, right? (ทำไม เหมือนเดิมทุกครั้งล่ะสิ ใช่มั้ย)” คุณลิซ่าขบกรามแน่น คราวนี้ดวงตาเธอวาววับด้วยความโกรธ มือเธอกำแน่นจนสั่นไปหมด


“You deserve it, Daddy. (ก็สมควรแล้วนี่ครับ คุณพ่อ)” วิคเตอร์พูดกลับเสียงเยือกเย็นไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ จนคุณลุคที่กำลังยิ้มถากถางถึงกับหุบยิ้ม เปลี่ยนเป็นใบหน้าตึงเครียดเหมือนเดิม


“ไอ้วิคเตอร์!” เขาตะเบ็งเสียงและเงื้อมมือขึ้นทำท่าจะตบวิคเตอร์ ผมตาโต ลมหายใจสะดุด เท้าขวาผมเตรียมก้าวเข้าไปห้ามคุณลุคไม่ให้ตบลูกชายตัวเอง แต่วิคเตอร์พูดดักไว้ด้วยเสียงนิ่งราบเรียบจนน่ากลัว


“ผมไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วนะ” เขาพูดแค่นั้น แต่จ้องตาพ่อเขาไม่กระพริบ คุณลุคหายใจถี่แรงๆ ด้วยความโกรธ แล้วลดมือลงด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะหลับตาลง ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับจะระงับความโกรธที่กำลังปะทุอยู่ข้างใน แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นแต่แววตายังคงมีแววกราดเกรี้ยวอยู่นิดๆ


“She told that she miss you (เธอบอกว่าเธอคิดถึงแก)” คุณลุคพูดเสียงห้วน หน้าตาไร้อารมณ์ วิคเตอร์ดูจะอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังมีความโกรธกรุ่นๆ ให้เห็นอยู่ ผมแอบขมวดคิ้วนิดๆ กับสิ่งที่ได้ยิน


She ไหนอีกล่ะ ชีวัดไหนอีกกก~


“I will fly to see her soon. (ผมจะบินไปหาเธอเร็วๆ นี้แหละ)” คุณลุคไม่ตอบอะไรแต่มองลูกชายตัวเองนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่ประตูบ้าน คุณลิซ่ายืนถอนหายใจวูบหนึ่ง เธอหันไปมองวิคเตอร์ที่มองกลับมาสีหน้าเฉยก่อนจะเดินตามสามีเธอออกจากบ้านไปและปิดประตูตามหลังให้


บรรยากาศภายในบ้านคลายความอึดอัดลงไปได้เยอะหลังจากที่ทั้งคู่ออกไป ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมา อาการใจเต้นด้วยความตื่นเต้นและกดดันเมื่อกี้นี้สงบลง ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ยังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว แล้วก็เกิดความลังเลในใจว่าจะเอายังไงกับเขาดี


“คุณเรย์มอนด์…”


“Leave me alone! (อย่ามายุ่งกับฉัน!)” เขาตะเบ็งเสียงดังจนผมตกใจ หน้าแทบสั่นตามคลื่นเสียงที่เขาส่งมา (นี่ก็เว่อร์ตลอด) ผมอ้าปากหวอนิดๆ รู้สึกมึนๆ ที่โดนเขาตะคอกใส่เสียงดังทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำห่าอะไรเลย


“Ummm… okay. I’m sorry. (เอิ่ม… โอเค ผมขอโทษครับ)” ผมหมุนตัวจะเดินหนีไปหามุมหลบๆ เพื่อที่เขาจะได้ไม่เห็นหน้าผม แต่พอผมหมุนตัวและก้าวเท้าออกได้ก้าวเดียว เสียงเขาก็ดังขึ้นลั่นบ้านอีกครั้ง


“Where the hell are you going?! (แล้วนั่นนายจะไปไหน?!)” ผมสะดุ้งตกใจ รีบหันกลับไปหาเขาที่ขมวดคิ้วมองหน้าผมกลับมา แววตาดุดันที่จ้องมาทำเอาผมกลัวไม่กล้าสบตาเขา เลยต้องมองไปที่คางเขาแทน


“เอ่อ… ผมจะออกไปข้างนอก ไม่ก็ไปที่ไหนสักที่ คุณจะได้อยู่คนเดียว สงบสติอารมณ์…” ผมพูดวกไปวนมาด้วยความลนลานเพราะกลัวกับอารมณ์ของเขาตอนนี้


“ไม่ต้องไป!” ผมเบิกตากว้างด้วยความงงปนตกใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่กำลังเดินเข้ามาใกล้ผม ด้วยความกลัวสีหน้าเขาตอนนี้ ผมเลยเผลอเดินถอยหลัง วิคเตอร์รีบยื่นมือซ้ายมาคว้าข้อมือขวาผมไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน


“Stay with me. Don’t leave me. (อยู่กับฉัน อย่าไปไหน)” เขาบอกเสียงเครียด หน้าตาก็เครียดไม่แพ้เสียง ผมถึงกับกระตาปริบๆ ด้วยความงงกับอารมณ์เขา


“อะไรของคุณเนี่ย เมื่อกี้บอกว่าอย่ายุ่งกับคุณ มาตอนนี้บอกว่าอย่าไปไหน ผมงงนะ” ผมบอกเสียงเคืองหน้าตามุ่ยๆ อีกฝ่ายคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ออกช้าๆ แววตาก็อ่อนลงจนแทบจะกลายเป็นความเศร้า เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้


“I’m sorry. I just— forget it. (ฉันขอโทษ ฉันแค่ ช่างมันเถอะ)” เขาบอกด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า แววตาอ้างว้าง เห็นแบบนั้นผมก็ใจอ่อนยวบ ไม่กล้าฉุนเฉียวใส่เขา


“It’s okay. It’s gonna be fine. (ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น)” เขามองหน้าผมด้วยสายตาและท่าทางที่อ่อนแอ และเขาคงรู้สึกอ่อนแรงกายด้วย ผมเลื่อนมือซ้ายมาแตะหลังมือซ้ายของเขาที่จับข้อมือผมอยู่ แล้วตบหลังมือเขาเบาๆ พร้อมกับยิ้มบางๆ เป็นการส่งกำลังใจให้ แววตาของเขาเปลี่ยนจากความอ่อนล้าเป็นแววตาที่อ่อนโยน


“Could I hug you? (ขอกอดหน่อยได้มั้ย)” เขาว่าด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง ผมอึ้งไปนิด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ยังงงๆ อยู่ที่อยู่ดีๆ เขาก็มาขอกอด เขายิ้มอ่อนๆ แล้วปล่อยข้อมือผมก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วรวบร่างผมเข้าไปกอดไว้ ด้วยความที่ผมเตี้ยกว่าเขาเลยทำให้หน้าผมซุกอยู่กับหน้าอกเขา ผมขยับหน้าหันข้างเอาแก้มซ้ายแนบไปกับอกซ้ายของเขาจนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายกำลังเต้นตุบๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ 


เขากอดผมแน่นขึ้นตอนที่ผมโอบวงแขนของตัวเองรอบเอวสอบของเขา แล้วสัมผัสอุ่นๆ ก็แตะลงบนกลางกระหม่อนผมหนักๆ ก่อนจะที่เขาจะยกริมฝีปากออก


“I missing my mother. (ฉันคิดถึงแม่)” เขาบอกเสียงทุ้ม ผมลูบหลังเขาเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงเบาๆ ตอบกลับไป


“ผมรู้ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำคือยอมรับว่าเธอจากคุณไปแล้ว…”


“…I don’t want to do that. (ฉันไม่อยากทำแบบนั้น)” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดและเพิ่มแรงรัดของวงแขนที่กอดผมไว้จนผมรู้สึกเจ็บนิดๆ แต่ก็ไม่คิดจะโวยวายอะไร


“งั้นเดี๋ยวค่อยทำก็ได้” วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ แล้วกดจูบลงบนขมับขวาผมหนึ่งที ผมยิ้มน้อยๆ รู้ดีว่าพูดขัดใจอะไรไปตอนนี้มันไม่น่าจะดีเท่าไหร่ นิสัยเอาแต่ใจอย่างเขาต้องคล้อยตามไปสักพักก่อน


“อาบน้ำมั้ยครับ เผื่อคุณจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้น เดี๋ยวผมนวดให้”


“นวดเป็นด้วยเหรอ” เขาถามทั้งที่ยังกอดผมไว้และเอาคางเกยบนหัวผมไว้เบาๆ


“ก็เป็นนิดหน่อย เคยนวดให้พ่อกับแม่บ้าง” ผมตอบยิ้มๆ แล้วนึกถึงกระบวนท่าทางการนวดที่เคยนวดให้พ่อกับแม่เวลาสองคนนั้นบ่นเมื่อย ซึ่งจริงๆ ผมก็ใช่ว่าจะทำจนได้รางวัลลูกดีเด่นอะไรหรอก พ่อกับแม่ต้องตะล่อมอยู่นานมากกว่าผมจะยอมทำ (โห ทีกับผู้ชายเสนอตัวนวดเองเลยอ่ะ)


“งั้นไปอาบน้ำกัน” เขาบอกแล้วดันตัวผมออกเบาๆ ผมพยักหน้ายิ้มๆ ตอนนี้อยากตามใจเขา ให้เขาสบายใจจะได้ไม่ต้องไปจมปลักเคร่งเครียดกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้


“ถ้านวดดีฉันมีรางวัลให้” เขาบอกแล้วยิ้มลามกกลับมาให้ ผมทำหน้าเอือมๆ แล้วถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะโคลงหัวเบาๆ ด้วยความอ่อนใจกับนิสัยหื่นชื่นมื่นของเขา อีกฝ่ายยิ้มกว้างแล้วหัวเราะน้อยๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่ได้เห็นเขาเป็นแบบนี้มากกว่าตอนที่เขาอยู่กับพ่อล่ะนะ


แต่จากที่ผมแทบไม่รู้จักเขา เจอเหตุการณ์ที่เขาอยู่กับพ่อเขาเข้าไป ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้จักเขากว่าเดิมอีก ซึ่งอันที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักขนาดนั้น อยู่ด้วยกันมาเดือนนึงไม่รู้จักกันเลยก็อยู่กับผีแล้วล่ะ ต้องเปลี่ยนเป็นบอกว่า จากที่ไม่ค่อยอยากเผือกเรื่องครอบครัวเขา ตอนนี้ต่อมเผือกทำงานยิกๆ แต่ก็แน่นอนอีกว่าผมไม่มีวันรู้หรอก ก็ได้แต่คันต่อมเผือกไปเรื่อย


[อ่านตอนต่อไปได้ที่ด้านล่าง]

หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:20:00


CHAPTER 17 :: When she comes that is the time I should go.


ผมก็รู้นะว่าเขาเป็นคนเอาแต่ใจ แต่บางทีเขาก็ดูงี่เง่าไม่เข้าท่ากับเรื่องบางเรื่อง


“ไหนว่านายจะนวดให้ฉันไง คิดจะผิดสัญญางั้นเหรอ?!”


“ผิดสัญญาอะไร ผมยังไม่ได้สัญญาอะไรสักอย่าง ผมแค่พูดว่าจะนวดให้ ไม่ได้บอกว่าสัญญาจะนวดให้!”


“อย่างน้อยนายก็น่าจะรักษาคำพูดตัวเองสิ!”


“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่นวดให้ แต่ผมจะไม่เข้าไปนวดให้คุณในห้องน้ำ ผมจะนั่งรออยู่ตรงนี้ คุณอาบเสร็จแล้วก็ค่อยเดินออกมาให้ผมนวดไง!”


“แต่ฉันอยากนวดไปด้วยอาบน้ำไปด้วย”


“คุณเพี้ยนรึเปล่า นวดไปด้วยอาบน้ำไปด้วย เอาสมองที่ไหนมาแยกแยะความรู้สึก ฟินทีล่ะอย่างสิ อาบน้ำก่อน แล้วค่อยนวด”


“ไม่! ฉันจะนั่งในอ่างอาบน้ำ แล้วนายก็นวดไปสิ”


“โอ๊ยยย! ไม่เอาหรอก มันลำบาก ผมรอนวดอยู่ข้างนอกเนี่ยแหละ”


วิคเตอร์จ้องเขม็งกลับมาด้วยความไม่พอใจที่ผมขัดใจเขา เรายืนเถียงกันประเด็นเรื่องนวดไม่นวดในห้องน้ำนี่มาห้านาทีได้แล้วมั้ง ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนสักที ผมกอดอกแน่น จ้องเขากลับหน้ามุ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ หลังจากที่ยืนปลอบ ยืนกอดให้เขาสงบจากอารมณ์พายุที่เพิ่งพบพ่อกับแม่เลี้ยงไป เขาก็พาผมขึ้นมาที่ห้องนอนเพื่อที่จะอาบน้ำ และหวังจะให้ผมเข้าไปนวดในระหว่างที่เขานั่งแช่น้ำไปด้วย แต่ผมไม่เอาด้วยหรอก ช่วงจังหวะเวลานี้มันอันตรายต่อใจผม เดี๋ยวเกิดโมเม้นต์ให้ตัวเองฟิน เบรกที่เบรกใจตัวเองไว้ก็แตกพอดี นี่ก็พยายามหักห้ามใจอยู่นะเว้ยยย! ยังจะมาชวนให้ใจเต้นอยู่เรื่อย


“เข้าไปในห้องน้ำกับฉัน” เขาสั่งเสียงเฉียบด้วยหน้าตาดุดัน ผมสะบัดแขนที่กอดอกตัวเองไว้ออกเบาๆ แล้วมองหน้าเขาด้วยอาการเอือมระอาเล็กน้อย


“คุณเรย์มอนด์ จะนวดตรงไหนก็คือนวดเหมือนกันครับ”


“แต่ฉันอยากให้นายเข้าไปนวดข้างใน” เขาบอกอย่างไม่ยอม ผมถอนหายใจพรืด หน้านิ่วน้อยๆ ก่อนจะถามเขาเสียงติดรำคาญ


“ในนั้นมันมีอะไรดีนักหนา ทำไมถึงจะนวดข้างนอกไม่ได้”


“ในนั้นมีอ่างอาบน้ำ” เขาตอบหน้าตาย หน้ามึน ตอบแบบกำปั้นทุบดิน จนผมต้องปรือตาและกลอกตากับความแถ ความดื้อด้านของเขา


“แต่ข้างนอกมีเตียง นอนสบายกว่าตั้งเยอะ” วิคเตอร์ขบกรามแน่น แววตาเขามีแววหงุดหงิดอย่างปิดไม่มิด ผมว่าตอนนี้เขากำลังอยากเอาชนะผมอยู่


“ก็ได้! บนเตียง แต่ไม่นวดนะ ฉันจะทำอย่างอื่น อย่างอื่นที่จะทำให้นายปากเก่งกับฉันไม่ได้อีก!”
แล้วเขาก็ชนะตามที่เขาต้องการ จนได้สินะ!


“Okay! Fine! I will go to inside with you. Mr.Control freak! (โอเค! ก็ได้! ผมจะเข้าไปข้างในกับคุณ คุณผู้ชายจอมบงการ!)” ผมบอกอย่างเหลืออดเหลือทนกับนิสัยของเขา ภาพที่เขาโดนประคบประหงม เอาอกเอาใจตั้งแต่เด็กๆ โดยแม่และย่าของเขาแทบจะชัดเจนในหัว นี่คงจะอาละวาดแทบบ้านแตกเลยมั้งถ้าโดนขัดใจเนี่ย อยากจะรู้นักว่าพ่อเขาทนลูกคนนี้มาได้ยังไง อ้อ ถึงไม่อยากทนแต่ก็ต้องทนล่ะมั้ง ก็มีแม่และย่าเป็นแบ็คชั้นดี ผนึกกำลังทีพ่อเขาคงสู้ไม่ไหว


วิคเตอร์ที่กำลังทำหน้าหงุดหงิด ค่อยๆ คลายอาการนั้นออกจากใบหน้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อยที่กำลังดีใจเมื่อได้ของตามเล่นตามที่ใจต้องการ ผมมองค้อนขวักแล้วเดินนำเขาเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมน้ำให้เขาอาบด้วยอาการหงุดหงิดใจเล็กๆ ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเขาก็ยิ่งหงุดหงิด


ยิ้มแป้นเชียวนะไอ้ยักษ์หน้านวด!


ผมจัดการเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำทรงกลมสีขาวขนาดกลาง เทครีมอาบน้ำกลิ่นดอกไม้หอมๆ ของวิคตอเรียนซีเครท อ๊ะๆ อย่าคิดว่าผู้ชายแมนๆ จะใช้ไม่ได้นะ ครีมอาบน้ำเขาไม่ได้จำกัดเพศสักหน่อย แล้วกลิ่นนี้ผมก็เลือกมาให้เขาเพราะเวลาเขาอาบกับกลิ่นนี้จะได้รู้สึกผ่อนคลาย ผมเทเจลใส่อ่างและตีน้ำจนเกิดฟองพร้อมให้เขาลงไปอาบ ผมหันไปมองวิเตอร์เพื่อที่จะเรียกเขามาอาบ แต่ก็แทบล้มหน้าทิ่มขอบอ่างอาบน้ำเมื่อเห็นเขายืนกอดอกเปลือยกายโชว์ความเป็นชายอย่างไร้ยางอาย ก็รู้นะว่ามันหน้าด้าน แต่ไม่ต้องด้านทุกครั้งหรอก


“เสร็จแล้ว มานั่งในอ่างสิครับ” ผมบอก แล้วทำเป็นมองน้ำในอ่างไปเรื่อย ไม่กล้าหันไปมองเขาตอนนี้ เสียงฝีเท้าเดินดังขึ้นตอนเขาก้าวเท้าตรงมาที่อ่างน้ำ ผมรีบก้มหน้ากดลงต่ำเพื่อไม่ให้เห็นอะไรที่มันกำลังห้อยโตงเตง ผมได้ยินเสียงคล้ายว่าเขานั่งลงในอ่างน้ำแล้วเลยเงยหน้าขึ้นเพื่อจะพูดกับเขา


“เดี๋ยวนั่ง… คุณเรย์มอนด์!!!” ผมส่งเสียงดังลั่นแล้วรีบก้มหน้าลงตามเดิม เมื่อเขายังยืนอยู่เหมือนเดิมแถมยังยิ้มขำรอผมอยู่ก่อนแล้ว พอผมโวยวายเขาก็หัวเราะเสียงดังลั่นห้องน้ำด้วยความชอบใจที่เห็นผมหน้าเหวอและออกอาการเงอะงะๆ


“โวยวายซะอย่างกับเจอผี นี่ของดีนะเนี่ย ฉันไม่ได้เปิดของดีของฉันให้ใครเห็นง่ายๆ แบบนายหรอกนะ” เขาว่าเสียงกลั้วหัวเราะพลางนั่งลงช้าๆ โดยหันแผ่นหลังมาให้ผม


“โอ้โห เป็นเรื่องที่ผมควรภูมิใจงั้นสินะ” ผมว่าพลางนั่งขัดสมาธิ กระเถิบก้นเข้าไปนั่งใกล้ๆ แผ่นหลังเขาแล้วเริ่มจากจับๆ เนื้อหนังตรงช่วงไหล่ก่อน


อืมมม… แน๊นแน่น


“เก็บไว้เป็นหนึ่งความภาคภูมิใจในชีวิตนายได้เลยล่ะ”


“เดี๋ยวผมจะใส่เอาไว้ในโปรไฟล์เวลาที่ไปสมัครงานก็แล้วกันนะครับ”


วิคเตอร์ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ผมยิ้มเบ้ปากกับลูกเล่นลามกของเขา ก่อนจะค่อยๆ ใช้มือนวดไล่ไปที่ต้นคอ เมื่อตอนที่เขาเถียงกับพ่อ เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมล่ะกลัวไมเกรนขึ้นหัวเขาจริงๆ ผมบีบๆ จับหาจุดเส้นแข็งๆ ตรงต้นขอเขาแล้วใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างกดหนักๆ ย้ำๆ ตรงต้นคอกับท้ายทอย วิคเตอร์ผ่อนลมหายใจหนักๆ อย่างเชื่องช้าราวกับปลดปล่อยความเหน็ดเหนื่อยที่เขามีออกไป


ผมใช้มือขยุ้มจากหลังศีรษะของเขาไปด้านหน้า แล้วขยุ้มกลับมาด้านหลังโดยใช้นิ้วกดไปตามหนังหัวของเขาตามจุดที่ผมจำๆ มาจากตำราการนวดของแม่ที่ซื้อมาติดบ้านไว้ แต่เอาจริงๆ จากใจ ผมไม่รู้หรอกว่าจุดไหนเป็นจุดไหน ที่ทำอยู่ตอนนี้คือทำตามใจตัวเองทั้งนั้น เหลือบมองดูเสี้ยวหน้าเขา เห็นเขาทำหน้าฟินๆ ก็ติ๊ต่างได้ว่าที่เราทำอยู่นั้นมันดีแล้ว


“คุณเอนหัวมาด้านหลังหน่อยสิ” ผมบอกเขาหลังจากกดขยุ้มหนังหัวเขาไปมาอยู่พักหนึ่ง วิคเตอร์หันหน้ามามองงงๆ คิดว่าเขากำลังรู้สึกสบายหัวน่าดู เขาพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันหน้ากลับไปก่อนจะหงายศีรษะมาด้านหลัง ผมนั่งชันเข่าขึ้นเพื่อจะนวดให้เขาได้ถนัดๆ แต่ก็ยังรู้สึกไม่ถนัดอยู่ดี ผมนั่งนวดเก้ๆ กังๆ ท่าทางดูไม่สมประกอบ ขยับมือไม่ถนัดเลยสักนิด


“มานั่งตรงขอบอ่างสิ จะได้ถนัด” ผมชะงักมือที่กำลังลูบวนตรงขมับทั้งสองข้างของเขา ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ กดหน้าลงมองหน้าเขางงๆ วิคเตอร์ยกหัวกลับไปตั้งตรงแล้วหมุนตัวหันมาทางผม เขาลุกขึ้นยืน ผมใจหายวาบคิดว่าเขาจะยืนขึ้นเต็มตัว แต่เขายืนแค่ครึ่งตัวแล้วเอาเข่าชันกับที่นั่งในอ่างน้ำไว้ ทำให้ท่อนล่างเขาซ่อนอยู่ในฟองของครีมอาบน้ำที่ลอยวนอยู่ในอ่าง ท่อนบนที่เปลือยเปล่าตอนนี้กำลังมีฟองสีขาวติดตามตัวเป็นหย่อมๆ ภาพตรงหน้าทำเอาผมสติจะพังแต่ก็ยังพอจะต้านทานไหว เขาเอื้อมมือมาจับแขนผมแล้วดึงให้เข้าไปใกล้อ่างน้ำมากขึ้น


“นั่งบนขอบอ่างแล้ววางเท้าไว้ตรงที่นั่ง” ผมพยักหน้ามึนๆ เพราะกำลังอึนกับภาพร่างกายท่อนบนอันหนาและแน่นของเขาที่ฟองสีขาวและน้ำกำลังไหลไปตามผิวลื่นๆ มันๆ ของพ่อพระเอก


ผมคลานเข่าเข้าไปใกล้ขอบอ่างโดยมีวิคเตอร์จับมือพยุงเอาไว้ ผมนั่งพับเพียบวูบหนึ่งจากนั้นก็เหวี่ยงขาลงไปในอ่างอาบน้ำ เอาเท้าที่เปลือยเปล่าวางลงบนที่นั่งในอ่าง วิคเตอร์ปล่อยมือผมแล้วก็ทรุดตัวลงจมลงไปในน้ำอีกครั้งจนเห็นแค่ช่วงอกขึ้นไปที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา เขาขยับเข้ามาใกล้ผมแล้วแหวกขาผมที่นั่งติดกันอยู่ออกพร้อมรอยยิ้มซุกซนที่เหมือนกำลังคิดเรื่องสนุกอยู่คนเดียว ผมมองเขาอย่างค้างๆ เขาจับเข่าทั้งสองข้างผมไว้เพื่อไม่ให้ผมหุบขาหนี เขาแทรกตัวเข้ามากลางหว่างขาแล้วหันหน้ากลับไปก่อนจะเอนหัวลงตรงเป้ากางเกงของผม เท่ากับว่าตอนนี้เขาแหงนหน้ามองหน้าผมอยู่ ผมตีหน้านิ่ง เม้มปากเบาๆ แล้วพยายามข่มใจให้สู้กับดวงตาสีน้ำผึ้งข้นที่จ้องมองมาราวกับอยู่ในอาการสนอกสนใจ


ผมพยายามไม่สบตาเขาที่มองมาราวกับเด็กซื่อๆ คนหนึ่งที่ไม่รู้เลยว่าการจ้องมองทั้งที่หน้าอยู่ห่างกันนิดเดียวแบบนี้ มันสามารถทำลายภูมิคุ้มกันทางใจของอีกฝ่ายได้ ผมกระแอมในลำคอนิดๆ แล้วใช้สองมือกดที่ขมับทั้งสองข้างของเขา นวดเบาๆ แล้วลากนิ้วไปหลังหู ก่อนจะกลับมานวดวนๆ ตรงขมับอีกครั้ง ทำแบบนี้ซ้ำๆ ไปเรื่อยจนเขาเริ่มปิดเปลือกตาลง นั่นทำให้อาการเกร็งกับสายตาของเขาที่ผมมีลดลงตามไปด้วย ผมเลื่อนไปนวดตรงกระบอกตาโดยงอข้อนิ้วชี้ แล้วกดลากตั้งแต่หัวคิ้วแล้วลากไปทิ้งตรงขมับเบาๆ


“อืมมม…” วิคเตอร์ส่งเสียงครางพึงพอใจในลำคอเบาๆ ตอนที่ผมเอาสองมือขยุ้มตรงกลางศีรษะเขาโดยผ่อนเบาผ่อนหนักเป็น
จังหวะ ผมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าผ่อนคลายสบายอารมณ์ของเขา ค่อยๆ เลื่อนมือไปนวดที่ขมับ ลงไปที่แก้มสากทั้งสองข้างที่มีเคราขึ้นครึ้ม ตำราจีนบอกว่านวดตรงนี้จะทำให้มีเลือดฝาด เลือดจะไหลเวียนตรงนี้ทำให้แก้มแดงนิดๆ เหมือนคนสุขภาพดี


แต่อย่าเชื่อผม ผมมั่ว…


ผมเผลอหัวเราะพรืดออกมาเมื่อนึกขำตัวเองที่เอาตำราจีนมาโยงมั่วกับการนวดแก้มของเขา ไม่รู้ว่าที่นวดๆ อยู่เนี่ย อยากนวดให้เขาจริงๆ หรืออยากจับแก้มเขากันแน่


วิคเตอร์ที่กำลังหลับตาพริ้ม และมีสีหน้าสุขสมอารมณ์หมาย ลืมตาขึ้นมามองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ เขาจ้องมองด้วยสายตาละมุนที่เห็นแล้วรู้สึกอุ่นหัวใจ มันไม่ใช่แววตาแข็งกระด้างหรือแววตาที่อ่อนโยนจนหวานแหวว แต่มันเป็นสายตาที่สุกใสเห็นแล้วใจยุบหนอพองหนอโดยไม่ต้องกำหนดลมหายใจแต่อย่างใด


คราวนี้ผมไม่ได้รู้สึกเกร็ง แต่รู้สึกว่ากล้ามเนื้อในร่างกายคล้ายจะหยุดทำงานไปเลย เหมือนเหลือแต่หัวใจที่ยังเต้นตุบๆ แต่ไม่ได้เต้นรุนแรงอะไร แค่เต้นให้รู้ว่า ผมยังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความละมุนละไมที่อบอวลไปรอบตัว  รอบๆ ตัวผมดูจะนิ่งสงบ มือผมที่กำลังนวดแก้มเขาอยู่เริ่มวนช้าลงๆ และแรงกดก็เริ่มเบาลงๆ เช่นกัน สายตาเราสองคนประสานกัน ดวงตาเขาขยับไปมานิดๆ เหมือนกำลังสำรวจใบหน้าของผมอยู่ ผมกลืนน้ำลายลงคอที่เริ่มจะแห้งๆ แล้วค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมา ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางดันเปลือกตาของเขาให้ปิดลงตามเดิมเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเกิดอาการเงอะงะ


แต่พอผมยกปลายนิ้วออกจากเปลือกตา เขาก็ลืมตาขึ้นมามองหน้าผมอีกครั้ง จนผมยิ้มขำน้อยๆ พอเขาเห็นผมยิ้มเขาก็ยิ้มตาม นี่การยิ้มเป็นโรคติดต่อไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


“หลับตาก็ได้ครับ จะได้รู้สึกผ่อนคลาย”


“…” เขาไม่ตอบอะไร แต่เอาแต่มองหน้าผมด้วยสายตาละมุนเหมือนเดิม ผมก็เลยทำเป็นมองคางที่มีหนวดของเขาแทน เลื่อนมือ
ขึ้นมานวดที่ขมับทั้งสองข้างช้าๆ ตามเดิม และเขาก็ยังคงเอาแต่นอนมองหน้าผมโดยที่เปลือกตาแทบไม่ขยับ


“นี่… ไม่ปวดตารึไงครับ มองจนตาแห้งแล้วมั้ง” ผมว่า เมื่อเริ่มจะเขินกับสายตาที่มองมาไม่หยุดพักของเขา


“ทำไมหน้านายไม่เห็นเหมือนเอเลี่ยนเลย” ผมยู่หน้าใส่เขาแทนคำตอบ วิคเตอร์คลี่ยิ้มเมื่อเห็นผมทำหน้ามู่ทู่ใส่


“ก็ผมเป็นมนุษย์ ผมไม่ได้เป็นเอเลี่ยน” ผมว่าเสียงเบาในขณะที่ออกแรงกดเบาๆ ไปตามใบหูของเขา วิคเตอร์ก็ยังคงมองหน้าผม
ไม่ขยับเยื้อนสายตาไปไหน ผมก็แก้เขินด้วยการมองแต่คางเขาอย่างเดียว


“ไม่ นายคือเอเลี่ยน เอเลี่ยนของฉันคนเดียว มีแค่ตัวเดียวในโลก” ผมเกือบจะชะงักด้วยความรู้สึกดีละ แต่การระบุว่ามีแค่ตัวเดียวในโลกนี่มันก็ยังดูแปลกประลาดอยู่ดี


“ผมต้องเปิดแชมเปญฉลองกับตำแหน่งนี้มั้ยครับ” ผมถามยิ้มๆ พลางจับหน้าเขาเอียงไปทางซ้าย แล้วใช้นิ้วโป้งวนที่ขมับเขาเบาๆ ลากยาวมาทิ้งแรงกดของนิ้วที่กกหู ก่อนจะกลับไปกดบนขมับเขาอีกรอบ ทำซ้ำๆ อยู่ห้าหกรอบ ก่อนจะจับหน้าเขาเอียงมาทางด้านขวาแล้วทำแบบเดียวกันกับอีกข้าง วิคเตอร์ยิ้มเพลิดเพลิน สีหน้าเขาดูผ่อนคลายจนผมรู้สึกดีที่ทำให้เขารู้สึกปล่อยวางความเครียดได้


“คุณควรให้คุณนาตาชาทำให้บ่อยๆ นะ มันจะช่วยทำให้คุณผ่อนคลายเวลาเหนื่อยๆ” ผมพูดปกติ ธรรมดาๆ ไม่ได้พูดด้วยความเศร้าอกเศร้าใจหรือคิดน้อยใจอะไร แค่อยากบอกเขาเฉยๆ เท่านั้นจริงๆ วิคเตอร์เอียงหน้ากลับมามองหน้าผมตรงๆ ด้วยสายตาใสซื่อเหมือนเด็กน้อย


“ทำไมต้องเป็นนาตาชาทำล่ะ เป็นนายไม่ได้เหรอ”


“ไอ้ได้น่ะมันได้ครับ แต่เป็นผมบ่อยๆ มันก็ไม่ดี มันดูไม่ดีน่ะ ไอ้แบบนี้ควรให้คนที่เป็นแฟนทำให้” แค่นี้ก็จะหัวใจวายแล้ว จะให้มาทำให้บ่อยๆ ได้ไงล่ะ


“แล้ว… ไม่เป็นแฟนกัน ทำให้กันไม่ได้หรอ” ผมยิ้มอ่อนๆ ใช้นิ้วชี้สอดไปตรงไรผมด้านหลังคอ แล้วกดๆ นวดๆ เบาๆ


“ก็บอกแล้วไงครับว่าทำให้ได้ แต่…” ใกล้ชิดแนบชิดกันซะขนาดนี้ จะไม่ให้คิดอะไรเลย มันก็ยากนะ… ผมอยากจะบอกเขาแบบนี้ แต่ก็เลือกที่จะหยุดเอาไว้ไม่กล้าพูดออกมา บางทีบางประโยคก็ไม่ควรพูด เพราะผมกลัวว่าถ้าพูดออกไป อะไรๆ มันอาจจะพลิกไปเป็นอีกแบบ แล้วไอ้การที่เราสองคนแนบชิดกันขนาดนี้ มันก็เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้วันแรก มันไม่สามารถการันตีอะไรใดๆ ได้หรอก


“แต่? แต่อะไร” เขาถามเมื่อเห็นผมเงียบไป


“แต่มันจะเป็นการเพิ่มภาระหน้าที่ให้ผมน่ะสิครับ” ผมแสร้งพูดติดตลกเพื่อเบี่ยงความสนใจของเขาแล้วยิ้มกริ่ม  วิคเตอร์ระบายยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะว่าเสียงทุ้มเบาๆ


“เอเลี่ยนขี้เกียจ” ผมยิ้มขำหน่อยๆ นิ้วก็กดวนๆ ตรงเส้นหลังคออยู่พักหนึ่งก่อนจะยกมือมาลูบคิ้วเขา ออกแรงไม่หนักมากไป ลากข้อนิ้วตามแนวยาวของคิ้วเข้มๆ บนหน้าหล่อๆ หมุนๆ วนตรงขมับอีกสองสามทีก็ปล่อย


"รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ยครับ” วิคเตอร์เหมือนหลุดออกจากภวังค์แห่งความเพลิดเพลิน เขาเลื่อนดวงตามามองหน้าผมด้วยสายตาเหมือนจะเหม่อๆ เล็กน้อย


“ก็โล่งดี…”


“โอเค งั้นเดี๋ยวคุณล้างตัวนะ ผมจะออกไปรอข้างนอก” ผมทำท่าจะดันหัวเขาออกจากหว่างขา แต่เขายกมือขวามาจับแขนขวาผมไว้ พร้อมส่งสายตาคล้ายจะอ้อนนิดๆ มาให้


“ไม่เอา… ฉันอยากนอนอยู่แบบนี้ เป็นหมอนให้ฉันก่อน”


“คุณไม่คิดว่าผมจะเมื่อยบ้างเหรอ”


“ทีฉันยังให้นายหนุนแขนจนแขนชาไปหมดเลยนะ” เบาบอกแล้วทำปากยื่นน้อยๆ ดูแล้วช่างน่ารักน่าชัง น่าบี้ให้ตายคามือ(ฮะ?) เขาเอื้อมมือซ้ายมาจับแขนผมอีกข้างไว้เบาๆ ราวกับจะไม่ยอมให้ผมลุกออกไป ผมยิ้มน้อยๆ แล้วเอามือขวาเกาคางเขาเบาๆ เขายิ้มกริ่มเหมือนเวลาแมวโดนเกาคาง


“คุณบังคับให้ผมนอนด้วยเองนะ” เปลือกตาวิคเตอร์ขยับขึ้นลงช้าๆ คล้ายจะหลับไม่หลับแหล่ สงสัยเพราะเพลินที่โดนเกาคาง ผมเกาเบาๆ อยู่พักหนึ่ง แล้ววิคเตอร์ก็เปิดเปลือกตาขึ้นเต็มกรอบตา จ้องมองมานิ่งๆ ก่อนจะบอกเสียงทุ้มนุ่มลึก


“บรรยากาศแบบนี้เราควรจูบปากกันนะ รู้รึเปล่า” ผมขำพรืดแล้วยิ้มกว้าง นึกขำกับสีหน้าซื่อๆ ตาใสๆ ที่มองกลับมาราวับจะบอกว่าที่พูดนั่นเราควรทำจริงๆ นะ


“คิดไปเองรึเปล่าครับ”


“ถ้าเป็นบทซีรีส์ นายกับฉันต้องอยู่บนเตียงแล้ว”


“งั้นขอโทษที พอดีว่านี่ไม่ใช่ซีรีส์ แต่เป็นชีวิตจริง โอเคมั้ยครับ”


เขาอาจจะพูดเล่น พูดแซวๆ ไปงั้น แต่มันก็ทำให้ผมแอบรู้สึกดีไปเองคนเดียวซะงั้น เห็นสายตาที่เชิญชวนมองมา ยอมรับเลยว่าอยากจะก้มลงไปประกบปากกับริมฝีปากสีแดงหม่นนั่นจริงๆ แต่ความผิดชอบชั่วดีที่ผมยังมีอยู่บ้างในจิตใจ กำลังส่งสัญญาณเตือนว่ามันอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการลักลอบเป็นชู้อย่างแท้จริง ซึ่งผมไม่ต้องการแบบนั้น และคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ แม้กระทั่งชู้ผมอาจจะยังไม่มีสิทธิเป็นเลยด้วยซ้ำ ก็ผมกับเขาเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเขาคิดจะมีชู้จริงๆ เขาไปมีชู้เป็นผู้หญิงย่อมดีกว่าอยู่แล้ว


เฮ้อ… บอกใจให้เข้มแข็งไว้นะแมท อีกไม่นานเราก็กลับบ้านแล้ว พอไกลกัน มันก็จะค่อยๆ จางหายไปจากใจนั่นแหละ


“คุณเรย์มอนด์ ลุกเถอะครับ ผมจะได้ออกไปเตรียมเสื้อผ้าให้” ผมบอกเขาอีกครั้งหลังจากเขานั่งจับแขนผมไว้ทั้งสองข้าง แล้วเอาแต่มองหน้าผมแทบไม่กระพริบตา


“คุณเรย์มอนด์ ถ้าจะนอนก็ออกไปนอนข้างนอก” ผมบอกเสียงอ่อนด้วยความอ่อนใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังเอาแต่ใจ หรือกำลังอ้อนอย่างเงียบๆ กันแน่


“นายจะเป็นหมอนให้ฉันรึเปล่า” เหมือนเด็กจังแฮะ เหมือนเวลาที่เด็กถามพ่อกับแม่ว่าจะซื้อตุ๊กตาหรือว่าของเล่นให้ผมมั้ยครับ แนวๆ นั้นเลย น่ารักดีนะ เหมือนเด็กโข่งมีหนวดอ้อนเลย ฮิๆ  ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบ


“ไม่ครับ บนเตียงคุณก็มีหมอนเยอะแยะ”


“ฉันจะเผาหมอนทิ้ง” เขาพูดหน้าตาย พูดหน้าตาเฉยแบบมึนๆ ประหนึ่งว่าเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ นะ ผมยิ้มขำกับการพูดมึนๆ พูดง่ายๆ ของเขา


“อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ” ผมบอกเขาเสียงเบาพร้อมกับยิ้มที่มุมปากนิดๆ ออกจะเป็นการกระตุกยิ้มด้วยซ้ำ


“เผาหมอนอ่ะหรอ?” เขาถามด้วยอาการงงๆ มองหน้าผมกลับมาด้วยความไม่เข้าใจ


“ไม่ใช่ แต่ทำแบบที่คุณทำอยู่ ผมว่าบางทีที่คุณทำอยู่มันอาจจะเกินคำว่าใจดีอย่างที่คุณเบนบอกไปแล้ว”


“ทำไมล่ะ ก็ฉันอยากทำ ก็แค่อยากทำ ฉันอยากทำอะไรฉันก็จะทำ ทำตามใจที่อยากทำ” เขาพูดด้วยแววตาของคนดื้อนิดๆ


“ทำได้ครับ แต่การทำอะไรที่มันไม่ถูกที่ถูกเวลา มันก็ไม่ควรทำ” ผมบอกแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจังกับคำพูดของตัวเองและพยายามสื่อให้เขารู้ว่าที่เขาทำอยู่มันเยอะไป เกินคำว่าใจดีไปมากโขแล้ว นี่มันกำลังจะเป็นใจบ่อดีแล้วเน่อ~


“ทำไมนายต้องทำอะไรให้มันยากด้วย”


“เพราะผมไม่ง่ายแบบคุณน่ะสิ” ผมว่าแล้วอาศัยช่วงจังหวะที่เขากำลังเผลอๆ ผลักหัวเขาออกจากกลางตักตัวเอง แล้วรีบยกขาออกจากอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว วิคเตอร์กัดริมฝีปากล่างแล้วมองมาด้วยสายตาวิบวับ


“ผมจะเตรียมชุดไว้ให้บนเตียงนะ” ผมยิ้มหวานบางเฉียบไปให้ แล้วรีบหมุนตัวเดินลงขั้นบันไดไปทางประตูห้องน้ำทันที ก้าวเท้าฉับๆ ออกไปนอกห้องน้ำ ตรงไปที่ห้องเสื้อผ้าของเขา เลือกหยิบชุดลำลองเสื้อยืดสีเขียวทหารตัวบางใส่สบายๆ มาให้เขา พร้อมกับกางเกงขาสั้นของผู้ชาย วันนี้เขาไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหนก็แต่งเท่านี้ไปนั่นแหละ ผมหยิบชุดออกมาจากตู้พร้อมกับหยิบชุดชั้นในชายสีขาวของแบรนด์ดัง แล้วเดินออกมานอกห้อง เอาชุดไปวางไว้ที่ปลายเตียง เตรียมตัวเดินออกจากห้องไป แต่วิคเตอร์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันท่อนล่างไว้ผืนเดียวก็เดินมายืนขวางทางผมไว้ ผมขมวดคิ้วฉับใส่เขา ทั้งงงว่าเขาล้างตัวอะไรจะไวขนาดนั้นและทั้งไม่เข้าใจว่าจะมายืนขวางทางไว้ทำไม


“เดี๋ยวผมจะลงไปเตรียมอาหารเย็นไว้ให้คุณทาน คุณเสร็จแล้วก็ตามลงไปนะครับ”


“เดี๋ยวลงไปพร้อมกัน รอฉันใส่เสื้อผ้าก่อน”


“ให้ผมรอทำไมเนี่ย คุณก็แต่งตัวไปสิ ผมก็จะได้ไปทำงานของผม” วิคเตอร์ไม่ฟังเสียงอะไรผมอีก แต่เขาดึงมือผมกลับไปที่เตียง ฉุดร่างผมให้นั่งลงบนโซฟาสีแดงตัวยาวปลายเตียง ผมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วเลือกที่จะนั่งรออย่างสงบๆ ดีกว่า วิคเตอร์หยิบเสื้อมาใส่ ก่อนจะดึงผ้าขนหนูออกจนผมเกือบจะหันหนีไม่ทัน เริ่มจะรู้สึกชินๆ กับการที่เห็นเขาแก้ผ้าต่อหน้าขึ้นมานิดหน่อย คงเป็นนิสัยผู้ชายที่นึกอยากทำก็ทำ ไม่ได้กะจะยั่วเย้าอะไรผมหรอก


“เสร็จแล้ว ไปกัน” ผมหันไปมองเขาที่อยู่ในชุดที่ผมเตรียมให้ ผมลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นของเขาอยู่


“ทำไมคุณไม่เช็ดผมให้แห้งก่อนล่ะ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอามือจับๆ เส้นผมของตัวเอง ก่อนจะดึงมือออกแล้วไหวไหล่น้อยๆ


“ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก” เขาบอกแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ผมรีบฉุดมือเขาไว้แล้วส่งสายตาดุๆ ไปให้


“นั่งลงครับ” ผมบอก เขาทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมนั่งลงที่ขอบเตียง ผมหยิบผ้าขนหนูที่เขาถอดทิ้งไว้บนเตียงขึ้นมา จับๆ ดูก็เห็นว่าไม่ได้เปียกอะไรมาก ยังพอใช้ได้ ผมเดินเข้าไปใกล้เขาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะยกผ้าขนหนูปิดหัวเขา แล้วใช้เช็ดผมเปียกๆ ใของเขา วิคเตอร์นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ผมใช้ผ้าขนหนูขยุ้มเส้นผมเขาให้แห้ง แต่สักพักเขาก็เอื้อมมือมาจับมือผมไว้ทั้งสองข้าง แล้วใช้มือผมที่จับผ้าอยู่ดึงขึ้นให้ชายผ้าพ้นหน้าเขา


“เช็ดต่อสิ” ผมงงๆ แต่ก็เช็ดต่อ ใบหน้าที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าขนหนูกำลังมองผมไม่วางตา แววตามีแววดีใจให้เห็น เขายิ้มน้อยๆ ส่วนผมย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจว่าเขาจะยิ้มอะไร ผมพยายามไม่ใส่ใจแล้วเช็ดผมให้เขาต่อไป


“ฉันคิดถึงความรู้สึกนี้จัง…” เขาเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองหน้าเขา


“ไม่มีใครทำแบบนี้ให้ฉันนานแล้วตั้งแต่แม่จากไป” เขายิ้มเศร้าๆ จนผมใจไม่ดี มือที่ออกแรงเช็ดผมเขาค่อยๆ ช้าลง แต่ก็ยังไม่หยุดเช็ด ผมนิ่งไปไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี แต่ก็พยายามคิดสรรหาคำพูดมาปลอบใจเขา


“ก็นี่ไง ผมทำให้แล้ว” ผมยิ้มบางๆ เป็นการให้กำลังใจเขา อีกฝ่ายยิ้มบางๆ ตอบกลับมา


“อืมมม… ก็จริง” เราสบตากันด้วยสายตาโอนอ่อน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่กัน จนวิคเตอร์ยิ้มกว้างด้วยความขำ ผมก็เลยขำตาม นี่เราสองคนเป็นอะไรกัน มองหน้ามองตากันแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็ขำ ประเด็นคือเป็นบ่อยด้วยนะ ผมรู้สึกว่าหลังจากนั่งคุยกันบนโซฟา วิคเตอร์ดูอ่อนลงไม่แข็งกระด้างเท่าไหร่ คือก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง อย่างตอนที่ร้องจะให้ผมเข้าไปในห้องน้ำด้วยนั่งไงล่ะ หรือจะตอนที่เขากำลังโมโหแล้วผมถาม เขาก็ตะคอกกลับมาว่าอย่ายุ่งกับเขา สักพักก็บอกว่าห้ามไปไหน


ยังไงผู้ชายคนนี้ก็ยังอารมณ์ไม่คงที่อยู่ดีนะผมว่า


แล้วหลังจากนอนใกล้ชิดกัน พอตื่นขึ้นมา ผมรู้สึกว่าเขาดูสัมผัสได้ ดูจับต้องได้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องที่เขากอด เขาลวนลามผมนะ แต่เขาดูลดกำแพงที่เขามีลง ผมไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนั้นรึเปล่า นั่นอาจจะเป็นอาการของคนที่เพิ่งจะทำผิดมาแล้วพยายามทำตัวดีๆ พยายามเอาใจใส่กับคนที่เขาทำผิดด้วย ถ้าแบบนั้น มันก็คงเป็นแค่สัญชาตญาณของมนุษย์ปกติทั่วล่ะมั้ง ที่พอถูกโกรธใส่ก็เลยพยายามเอาใจใส่คนโกรธ เพื่อให้เขาหายโกรธตัวเอง ไม่แน่พอพ้นวันนี้ไป ระหว่างผมกับเขาเราก็คงกลับมาเป็นปกติอย่างเดิม
ก็คงแค่วันนี้แหละที่เป็นวันดีๆ ของผม


“คิดอะไรอยู่” เขาถาม คงเพราะเห็นผมดูเหม่อๆ มั้ง ผมยิ้มเก้อๆ ก่อนจะตอบเขา


“คิดว่าที่คุณดีกับผมแบบนี้ เป็นเพราะคุณเบนพูดหรือเพราะนิสัยคุณกันเอง” เขามองตอบกลับมาด้วยแววตาสุกใส ดวงตาสีน้ำตาลสีน้ำผึ้งข้นมองสำรวจหน้าผมนิดหนึ่ง ก่อนที่เขาจะว่า


“ฉันคงทำนิสัยแย่ๆ ใส่นาย จนนายคิดว่าฉันไม่มีดีเลยสินะ”


“ก็เปล่า คุณก็มีดี แต่ที่ไม่ดีดันเยอะกว่า” ผมบอกแล้วยิ้มกว้างอย่างนึกขำ วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปาก


“ฉันมีสมองและฉันก็มีจิตใจ พอบวกกันมันก็ทำให้ฉันพอจะมีความคิดอยู่บ้างนะ” ผมยิ้มเบ้ปากแล้วดึงผ้าขนหนูออกจากหัวเขา เอื้อมมือไปจับเส้นผมที่ไม่ค่อยเปียกแล้ว ก่อนจะถอนหายใจนิดๆ


“ถ้าคุณเบนไม่มาพูด คุณคงให้ผมไปอย่างที่คุณบอกสินะ” ผมเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผากเขาออก วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยแววตาที่ไม่สามารถอ่านออก เขาเอื้อมมือมาจับแขนซ้ายผมแล้วพลิกดูแผลที่โดนน้ำมันกระเด็น


“ถึงเบนมันไม่พูด ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ จะไม่รู้สึก…” เขามองหน้าผม แล้วยิ้มมุมปากน้อยๆ


“ฉันไม่พูด ไม่ได้หมายความว่า ฉันไม่รับรู้กับสิ่งที่นายทำ นายทำอะไรให้ให้ฉันตั้งเยอะ แต่ที่ฉันบอกให้นายไป เพราะฉันคิดว่านายไม่เหมาะที่จะอยู่กับคนอย่างฉัน” มีแววรู้สึกผิดซ่อนอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น  เขายกมืออีกข้างมาลูบที่แผลผมเบาๆ


V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:25:18


“ผมว่าเราลงไปข้างล่างกันเถอะครับ” ผมตัดบท เพราะไม่อยากให้เกิดบรรยากาศอันน่าอึดอัด วิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งๆ สักพักก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ แล้วลุกขึ้นยืน แต่มือที่จับมือผมไว้ก็ยังไม่ยอมปล่อย เขาเดินนำหน้าและจูงมือผมไป แต่ในขณะที่กำลังจะถึงประตูห้อง เสียงโทรศัพท์มือถือของวิคเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะทรงสูงหัวเตียงที่มีรูปแม่กับย่าเขาตั้งอยู่ก็ดังขึ้น เขาเดินลากผมไปรับโทรศัพท์ด้วย


ป๊าดดด สวยแท้ว่ะ ผู้ชายไม่อยากอยู่ห่าง ก๊ากกก


“ว่าไงครับแนท…” ผมมองเสี้ยวหน้าเขาอย่างปกติ ไม่ได้รู้สึกว่าใจกระตุกวูบวาบอย่างที่เคยเป็นเวลาที่เขาคุยกับนาตาชาหรือพูดถึงเธอต่อหน้าผม


“เย็นนี้หรอ… อืมมม… ผมยังไม่แน่ใจ… เปล่าครับ แต่เดี๋ยวผมบอกอีกทีก็แล้วกันนะ… ครับ” เขาวางสายไป เอามือถือใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหันมาหาผม


“คุณนาตาชาชวนคุณไปไหนรึเปล่า”


“…” เขานิ่งไม่ยอมตอบ เอาแต่มองหน้าผมจนคนถูกมองเริ่มจะทำสีหน้าไม่ถูก ผมเลยพยายามเบี่ยงประเด็นให้ตัวเองกับเขาไม่ยืนมองหน้ากันนิ่งๆ แบบนี้


“เอิ่ม… คุณไม่แน่ใจอะไรเหรอ วันนี้คุณไม่มีคิวไปทำงานที่ไหนสักหน่อย เธออยากไปไหน คุณก็พาเธอไปสิครับ”


“ไปด้วยกันมั้ย” ผมรีบส่ายหัวปฏิเสธรัวๆ


“ไม่เอาหรอก นั่นมันเวลาของคุณกับเธอนะ จะให้ผมไปทำไม เอ่อ… ถ้ายังไงคุณก็พาเธอไปหาอะไรกินข้างนอกเลยก็ได้นะ ผมจะได้ไม่ต้องทำอาหารเย็นนี้” ผมบอกแล้วยิ้มแหะๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะปัดหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง


“แต่ฉัน…”


“คุณเรย์มอนด์ คุณเป็นแฟนกับคุณนาตาชานะ ผมเป็นแค่ลูกน้องคุณ ไม่ต้องให้เกียรติผมด้วยการไปเดทกับคุณสองคนก็ได้ครับ ผมทำตัวไม่ถูก อย่าให้ผมต้องไปเป็นก้างขวางคอเลยนะ” ผมบอกยิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกหน่วงหรือรู้สึกใจผิดปกติอะไร
จริงๆ นะ


เฮ้อ… โอเค ก็มีนิดหน่อย ใจมันหวิวเล็กๆ น้อยๆ น่ะ


“แล้วถ้าคุณไม่ว่าอะไร ตอนคุณออกไปหาเธอแล้ว ผมขอกลับบ้านเลยได้มั้ยครับ” ผมยิ้มหวานๆ ออกจะเป็นรอยยิ้มอ้อนๆ ด้วยซ้ำ วิคเตอร์ยิ้มบางๆ ตอบกลับมา ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ ผมนี่ยิ้มแป้นเลยทีเดียว


“You’re ไอ้ห่า very much. (คุณไอ้ห่ามากๆ เลย)” แล้วผมก็หัวเราะคิกคัก ยิ่งนึกถึงความหมายที่แท้จริง ผมยิ่งหัวเราะ นี่ก็ยังไม่ได้แก้ความหมายที่แท้จริงให้เขารู้เลย


“นายชมฉันว่าน่ารักหรอเนี่ย” เขายิ้มแปร่งๆ มองผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อ คงไม่ใช่ไม่เชื่อในเรื่องคำศัพท์ที่ผมสอนเขาหรอก แต่เพราะผมไม่เคยชมเขาในลักษณะนี้เลยต่างหาก ผมหัวเราะพรืด ก่อนจะพยักหน้ารัวๆ


“อือฮึ…” ผมส่งเสียงตอบกลับไป วิคเตอร์ยิ้มเบ้ปาก แล้วพยักหน้าหงึกๆ ราวกับรับคำชมนั้น ยิ่งเห็นแบบนั้นผมยิ่งขำ


“ชมแล้วทำไมต้องขำด้วย หรือว่าไอ้ห่าไม่ได้แปลว่าน่ารัก” ผมพยายามกลั้นขำ แต่ก็ยังคงส่งเสียงหัวเราะออกมา


“เปล่า… คึ… แปลว่าน่ารักจริงๆ” เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด แต่ผมก็แอ๊บยิ้มหน้าซื่อตาใสตอบกลับไป


“อย่าให้ฉันจับได้นะว่านายหลอกสอนอะไรเพี้ยนๆ ให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะฟาดก้นนายให้ลายเลย” เขามองกลับมาด้วยสายตาครุกรุ่น ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างไว้ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรที่มันเร่าร้อนอยู่ ผมหน้าตึง ตาโต รู้สึกไม่ไว้ใจกับสายตานั้นเลยจริงๆ


“ลงไปข้างล่างเถอะครับ คุณจะได้ออกไปรับคุณนาตาชาสักที” ผมกระตุกแขนซ้ายที่เขาจับเอาไว้ วิคเตอร์ปล่อยริมฝีปากล่างออกจากฟันแล้วเลียลิ้นไปตามแนวริมฝีปากล่างเร็วๆ ผมว่าเขาคงทำเพราะอาจจะรู้สึกปากแห้ง แต่ไอ้ท่าทางแบบนั้นมันโคตรเซ็กซี่เลยให้ตายเหอะ


เขาเดินนำผมแล้วจูงมือผมไปด้วย เอาจริง มันไม่ได้ดูเป็นความสวีทเลยนะ ผมเตี้ยกว่าเขา ยืนเทียบกันจริงๆ ผมสูงเหนืออกเขาขึ้นมาหน่อยนึงเท่านั้นเอง มันเลยดูเหมือนผู้ใหญ่จูงเด็กๆ เดินเลยอ่ะ


“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวกลับเลยนะครับ” ผมบอก ทันทีที่เราลงมาถึงด้านล่าง วิคเตอร์หันมามองด้วยสายตาหงอยๆ


“จะกลับเลยเหรอ”


“กลับเลยสิครับ คุณเองก็ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณนาตาชาจะรอนาน” ผมบอกแล้วบิดแขนออกจากมือเขาเบาๆ เดินไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางไว้ตรงเค้าน์เตอร์ห้องครัว หันกลับไปส่งยิ้มให้เขาอีกที


“ให้ฉันไปส่งมั้ย”


“ไม่ต้องหรอกครับ วันนี้คุณใจดีกับผมเยอะแล้ว ผมกลับเองได้สบายมาก ผมไปแล้วนะครับ” ผมพูดรัวๆ ต่อกันแบบที่รวบรัดหลายประเด็นมาเป็นประโยคเดียวแล้วส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะเดินผ่านเขาไปที่ประตูบ้าน จับที่จับแล้วดึงให้ประตูเปิดออก


“แมท” เสียงเรียกดังขึ้นทางด้านหลัง ผมหันกลับไปมองก็เห็นว่าวิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาว้าวุ่น เรายืนมองกันเงียบๆ อยู่พักใหญ่ สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไร ผมเลยยิ้มอ่อนๆ ให้เขาแล้วบอกเสียงเบา


“Good bye. Mr.Raymond. (ลาก่อนนะครับ คุณเรย์มอนด์)” ผมหมุนตัวเตรียมตัวก้าวเท้าออกจากประตูบ้าน แต่สักพักก็รับรู้ถึงแรงกระชากด้านหลังพร้อมกับประตูที่ปิดเสียงดังปัง แล้วผมก็รับรู้ถึงแรงรัดจากอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของวิคเตอร์ เขากอดผมจากทางด้านหลัง ย่อตัวลงมาเอาแก้มขวาแนบแก้มซ้ายผมไว้


“Don’t say ‘good bye’ again. I do not allow you to say that word. (ห้ามพูดว่า ‘ลาก่อน’ อีกนะ ฉันไม่อนุญาตให้พูดคำนั้นอีก)” เขาบอกเสียงแหบกดต่ำราวกับมีอารมณ์โกรธนิดๆ ผมกระพริบตางงๆ จะหันไปมองเขาก็จะกลายเป็นว่าจมูกจะไปชนแก้มเขาอีก


“ทำไมล่ะครับมันก็เป็นคำพูดปกติเวลาจะล่ำลากันไม่ใช่เหรอ…”


“…ไม่เอา ไม่พูดคำนี้” เขาแทรกขึ้นมาทันควันจนผมรู้สึกเอ๋อแดก


“ครับๆ ไม่พูดคำนี้ก็ได้” ผมบอกอย่างเอาใจ ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบแก้มซ้ายเขาเบาๆ วิคเตอร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น และหลับตาพริ้ม


โอยยย อย่างกับโดนงูเหลือมรัด แน่นไปหมด ไม่รู้ว่าแน่นเพราะผมแน่นเนื้อตัวเองหรือแน่นเพราะเขากอดแน่นกันแน่


“แล้วผมควรพูดคำไหนกับคุณดีเวลาจะเลิกงาน”


“…” เขายังคงหลับตาแล้วนิ่งอยู่แบบนั้น สักพักเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยเสียงแหบเบาๆ


“Good boy. (เด็กดี)” ผมยิ้มด้วยความประหลาดใจกับคำศัพท์ที่เขาพูดขึ้นมา


“แหม… แต่คำนี้ไม่เหมาะกับคุณเลยนะ” ผมว่าติดตลก ยิ้มขำกับคำที่เขาอยากให้พูดซึ่งเอาจริงๆ มันก็ขัดกับคนอย่างเขามาก


“ฮึมมม…” เขาส่งเสียงคำรามต่ำๆ ราวกับส่งสัญญาณไม่พอใจมาให้จนผมต้องส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ กับความเอาแต่ใจของเขา


“Okay. So, now I have to say good boy. Mr.Raymond. (ก็ได้ครับ งั้นผมคงต้องบอกว่าเด็กดีนะครับ คุณเรย์มอนด์)” ผมรับรู้ได้ว่าเขากำลังยิ้ม และคงเป็นรอยยิ้มที่พึงพอใจ


“ทีนี้เด็กดีคนนี้จะปล่อยผมได้ยัง กอดผมไว้แบบนี้ ผมไม่ใช่ชู้คุณนะ” เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจทิ้งแรงๆ แล้วซบหน้าผากลงกับไหล่ซ้ายผม อ้อมแขนเขาค่อยๆ คลายออก จนผมสามารถขยับได้ ผมเลยยกมือขวามาดันหัวเขาไว้ แล้วขยับถอยห่างจากเขา วิคเตอร์ยังคงก้มหน้ากับมือผมและออกแรงดันเหมือนอยากจะเล่นด้วย ผมเลยดันกลับ เขาก็ออกแรงดันที่หัวกลับมา ผมหัวเราะแล้วดันกลับไปจนเขาแทบหงายหลังล้มตึง วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจแต่ก็ยังติดมีรอยยิ้มนิดๆ


“คิกๆ”


“เอเลี่ยน!” เขาตะเบ็งเสียงดัง แต่ไม่ได้จงใจตะคอก เหมือนจะข่มผมด้วยเสียงมากกว่า ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหมุนตัวไปเปิดประตู ก่อนจะวิ่งหนีลงบันไดหน้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งหนีให้ห่างจากบ้านเขา


“พรุ่งนี้นายห้ามมาสายนะ!” เสียงตะโกนไล่หลังตามมา ผมหยุดวิ่งแล้วหันไปมองก็เห็นเขายืนมองกลับมาหน้าตาดุแบบไม่จริงจัง ผมยิ้มแป้น แล้วยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์ว่าโอ ก่อนจะหมุนตัวเดินต่อไป


ผมยิ้มอ่อนๆ แล้วถอนหายใจเบาๆ กับตัวเอง เท่านี้ก็ดีแล้ว มันคงไม่ได้ผิดร้ายแรงมากใช่มั้ยถ้าผมจะรู้สึกดีกับสิ่งที่เขาทำในวันนี้ ผมคงไม่ต้องถึงขั้นทำใจแข็งต่อต้านกับสิ่งที่ได้รับมาใช่มั้ย จะต้านทำไม จะแข็งใส่เขาทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่มีหรอกไอ้อารมณ์ใจแข็งใส่กัน หรือใจอ่อนให้กัน มันมีแต่ความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นระหว่างกันเท่านั้นเอง


ก็อย่างที่ผมบอกเขาว่าผมอยากกลับไปพร้อมกับความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่ และสิ่งที่เขาทำในวันนี้ก็คือเรื่องดีๆ ที่ผมจะจดจำไว้เมื่อกลับไทยไป








ผมเดินลงไปในสถานีรถไฟใต้ดิน ใช้บัตรแตะลงบนแท่นแตะบัตรเพื่อเดินผ่านที่กั้น แล้วเดินช้าๆ ไปยังชานชาลาเพื่อไปรอรถไฟขบวนต่อไป ระหว่างทางเดินไปยังชานชาลาก็ได้ยินเสียงดนตรีของวงดนตรีเปิดหมวกดังแว่วให้ได้ยินในทำน้องเพลง What’s my name? ของ Rihanna ประสานเสียงไปกับเสียงร้องทุ้มๆ มีเสน่ห์ของนักร้องชายที่ร้องโคเว่อร์ (Cover) ได้แสนนุ่มหูน่าฟัง จังหวะดนตรีกับเทคนิคการร้องแบบเป็นเอกลักษณ์ของเขา ทำให้เพลงนี้ดูแปลกในแบบฉบับใหม่ ได้ยินแล้วก็น่าสนใจ จนต้องหยุดฟัง กระทั่งมาถึงท่อนที่ทำเอาผมยิ้มเขินกับตัวเอง


~Baby, you got me, aint’ nowhere that I’d be.

(ที่รัก เธอได้ใจฉันไปละ แล้วก็ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะอยู่…)

Than with your arms around me~

(…มากไปกว่าอ้อมแขนของเธอที่โอบรอบฉัน~)

Back and forth you rock me…

(แล้วโยกฉันไปมา…)

So I surrender to every word you whisper~

(ฉันยอมกับทุกคำกระซิบที่เธอพร่ำบอก~)

Every door you enter, I will let you in. ♥

(ทุกประตูที่เธอเปิดเข้ามา ฉันยินดีต้อนรับเธอ)





แล้วจากนั้นก็เป็นทำนองดนตรีที่เขาทำขึ้นมาใหม่ เป็นจังหวะสนุกๆ ผมคลี่ยิ้ม ค่อยๆ ยิ้ม จากยิ้มน้อยๆ ก็กลายเป็นรอยยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงหน้าวิคเตอร์ อ้ากกก! แค่นี้หน้าเขาก็ลอยเข้ามาในมโนละ จะเพี้ยนไปใหญ่แล้วมั้งไอ้แมท


แต่มันก็อดไม่ได้อ่ะ เนื้อเพลงมันดันตรงกับสถานการณ์พอดี ทั้งอ้อมกอด อ้อมแขน เสียงกระซิบ ฮู่ววว! เพิ่งเจอมากับตัวทั้งนั้น ไม่ให้ยิ้มเขินได้ไง


ผมย่นคิ้วพร้อมรอยยิ้มขำๆ กับตัวเอง ก่อนจะโคลงศีรษะเบาๆ กับความเพ้อของตัวเอง ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปอย่างเชื่องช้า มุ่งตรงสู่ชานชาลา ระหว่างนั้นเสียงนักร้องชายคนนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงอันไพเราะนุ่มทุ้มเสียงเดิม และออกจะติดมีน้ำเสียงล้อๆ แซวๆ กลุ่มเด็กหนุ่มผู้ชายที่กำลังยืนมองวงดนตรีด้วยความสนใจพร้อมรอยยิ้มกว้างขวาง


~Hey, boy, I really wanna see…

(นี่ พ่อหนุ่ม ฉันอยากจะรู้ว่า…)

If you can go downtown with a girl like me~

(เธอกล้าไปเดินเที่ยวในเมืองกับผู้หญิงอย่างฉันมั้ย~)

Hey, boy, I really wanna be with you…

(พ่อหนุ่มจ๋า ฉันอยากจะอยู่กับเธอ…)

‘Cause you just my type, oh, na, na, na, na

(เพราะว่าเธอคือสเป๊กของฉัน อู้ววว นั่นยังไงล่ะ)





เขาเว้นช่วงแปบหนึ่ง กลุ่มเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นส่งเสียงหัวเราะชอบใจกับการร้องแซวเล่นๆ ของนักร้องมาดเซอร์ เคราครึ้มดก เสียงกีต้าร์ทำนองเก๋ๆ ส่งเสียงแหลมแต่ไม่แสบแก้วหูดังขึ้นแว้บหนึ่ง ก่อนที่พ่อนักร้องจะร้องต่อจนจบด้วยน้ำเสียงดัดคล้ายผู้หญิงแต่ก็ยังคงแพราะอยู่ดี



I need a boy to take it over~

(ฉันต้องการผู้ชายที่จะร่วมใช้ชีวิตด้วย~)

Looking for a guy to put in work…

(กำลังมองๆ หาผู้ชายที่จะทำให้มันน่าจดจำ…)

Oh, whoah, oh, oh~





ผมยิ้มขำ ตอนที่เดินเอื่อยๆ จนเริ่มไกลจากเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของกลุ่มเด็กหนุ่มที่ถูกนักร้องหนุ่มร้องแซวด้วยเนื้อเพลง ผมค่อยๆ คลายยิ้มออกจากใบหน้า นึกๆ ตามเนื้อเพลงท่อนหลังก็รู้สึกมีคำถามในใจเหมือนกันแฮะ


นั่นสิ เขาจะกล้าไปเดินในเมืองกับเรารึเปล่านะ ไม่ต้องในเมืองหรอก แค่เดินตามปกติเนี่ยเขาจะเดินมั้ย ไม่ใช่เพราะผมเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่เพราะผมเป็นผู้ชายต่างหากล่ะ


ผมผ่อนลมหายใจออกจมูกยาวๆ ราวกับปลดปล่อยความว้าวุ่นออกไปทางรูจมูกบ้างระหว่างที่กำลังรอรถไฟขบวนต่อไปที่ส่งเสียงล้อเสียดสีกับรางมาแต่ไกล











ตอนที่ผมเดินใกล้ถึงบ้านป้าแมร์รี่ก็เป็นบรรยากาศยามเย็นแบบที่พระอาทิตย์เริ่มสาดสีส้มไปเต็มท้องฟ้า ผืนน้ำส่องแสงระยิบระยับล้อกับแสงอาทิตย์ในตอนเย็น บรรยากาศยามเย็นแก่ๆ แบบนี้ พร้อมสายลมเอื่อยเฉื่อย เป็นอะไรที่ทำให้หายเหนื่อยกายเหนื่อยใจได้ดีทีเดียว น่าพาตัวเองไปเดินเล่น เอาความคิดมากมายที่วิ่งวนในหัวไปทิ้ง ทิ้งไปกับสายลม ให้มันพัดไปไกลๆ
ผมเดินทอดน่องไปถึงประตูรั้วหน้าบ้านแล้วดันประตูรั้วไม้เข้าไป ผมเงยหน้ามองไปที่หน้าบ้านก็เห็นว่าเอิร์ทกำลังถอดรองเท้าเตรียมตัวเดินเข้าบ้าน ผมยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นเขา ก่อนจะเดินช้าๆ เข้าไปหาอีกฝ่าย เอิร์ทคงจะรู้สึกได้ว่ามีคนเดินมา เขาเลยหันหลังกลับมามอง รอยยิ้มอ่อนๆ ปรากฏบนใบหน้าเขาเมื่อสบตากับผม


“เลิกงานนานแล้วเหรอ” ผมเอ่ยถามพลางมองชุดลำลองเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงินที่เขาใส่อยู่ เอิร์ทเดินลงขั้นบันไดมาหนึ่งขั้น มายืนใกล้ๆ ตรงหน้าผมก่อนจะตอบเสียงทุ้มหนักๆ


“ก็สักพักแล้วล่ะ แมทอ่ะ วันนี้กลับบ้านเร็วกว่าปกติมากนะ” เอิร์ทเอ่ยยิ้มๆ ผมยิ้มตอบกลับไปน้อยๆ ก่อนจะตอบ


“ซึ่งเป็นอะไรที่รู้สึกดีมาก ได้เลิกงานไว” ผมหัวเราะคิกคักเบาๆ แล้วเราสองคนก็ยิ้มขำๆ ให้กัน ผมหันหน้าไปมองวิวสะพานบรู๊คลินที่อยู่เฉียงไปจากบ้านในมุมที่กำลังสวยงาม มีแสงพระอาทิตย์พาดผ่าน และมีตึกสูงๆ ฝั่งแมนฮัทตันเป็นฉากหลังที่น่ามอง


“ไปเดินเล่นกันมั้ย” ผมหันกลับมาถามเอิร์ทด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากับการที่จะได้เดินเล่มริมแม่น้ำฮัทสันในบรรยากาศยามเย็นแบบนี้


“เอาดิ เอิร์ทถือว่าแมทชวนออกเดตนะ” เอิร์ทยกยิ้มมุมปากแล้วหันไปหยิบรองเท้าผ้าใบมาใส่ ผมยิ้มกว้างตอบกลับไปอย่างขำขัน พอเอิร์ทใส่รองเท้าเสร็จก็เดินมาโอบไหล่ขวาผมไว้


“ไปกันเถอะที่รัก” ผมยิ้มขำแบบหน้าเอือมๆ ใส่เอิร์ท อีกฝ่ายยิ้มกว้างจนตาหวานกลับมาให้


“อยู่กับเอิร์ททีไรรู้สึกตัวเองหน้าตาดีทุกที”


“ก็ดีแล้วไง หน้าตาดีกับเอิร์ทคนเดียว เอิร์ทจะได้ชอบคนเดียว ไม่มีคนอื่นมาเกี่ยว”


บ๊ะ! ฮ็อตจริงยิ่งกว่าชะนีหลายๆ นาง ผู้ชายบอกว่าไอ้แมทคนนี้เป็นแค่ของเขาคนเดียวมาสองคนเลยนะเว้ยวันนี้อ่ะ


“ฮะๆ คึๆ” ผมอดจะหัวเราะไม่ได้ เมื่อนึกถึงที่ว่าวิคเตอร์ก็บอกกับผมแบบนี้เหมือนกันว่าผมเป็นเอเลี่ยนของเขาคนเดียว คือความหมายคล้ายๆ กัน แต่การพูดจาพาฟินนี่ต่างกันมาก ฝั่งอังกฤษพูดแบบมะนาวไม่มีน้ำ ส่วนฝั่งไทยเอาซะขนมหวานจืดไปเลย


“เฮ้ย… ตลกเหรอ ที่พูดนั่นตลกรึไง เพื่อนเล่นหรอแมท” เอิร์ทว่าแล้วเลื่อนมือขวาที่โอบไหล่ขวาผมไว้มาบีบที่ต้นคอ ผมหดคอหนีเหมือนเต่าเพราะรู้สึกจั๊กจี๋พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ


“เอิร์ททท!”


“แมททท!” แล้วเราสองคนก็หัวเราะฮาๆ พร้อมกัน ผมพยายามปัดมือเอิร์ทออก เอิร์ทก็พยายามจะเอามือมาจับคอผมไว้ สุดท้ายผมก็ยอมให้เขาจับๆ บีบๆ ต้นคอผมไว้ แล้วปล่อยให้เขาพาผมเดินไปในท่าที่เขาบีบคอผมไว้แบบนี้


“ทำไมคอตันจัง” เอิร์ทว่าน้ำเสียงกลั้วหัวเราะตอนที่จับๆ บีบๆ เนื้อตรงคอ ผมหันไปมองค้อนแบบไม่จริงจัง


“ไม่ตันมะ” ผมว่าแล้วย่นจมูกใส่เขา เอิร์ทหัวเราะเสียงหนัก และก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือที่บีบหลังคอผมไว้ จนเดินมาได้สักพักเอิร์ทก็ส่งเสียงหัวเราะอีกครั้งเมื่อผมหันมาทำท่าจะกัดมือเขา เอิร์ทหยอกล้อกับคอผมอีกครู่หนึ่งแล้วค่อยปล่อยมือออก ก่อนจะเลื่อนมือมาโอบไหล่ผมไว้อีกรอบแล้วเราก็พากันเดินไปตามฟุตบาท จุดมุ่งหมายคือใต้สะพานบรู๊คลิน


เราเดินคุยเรื่องสัพเพเหระมาระหว่างทาง แอบนินทาฝรั่งคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย แต่ไม่ได้นินทาร้ายแรงหรือวิจารณ์ยับอะไร แค่นินทาช่วงจังหวะขำๆ ของฝรั่งบางคนเท่านั้นเอง ผมปลดปล่อยความรู้สึกที่มันหลากหลายไปกับสายลมและหวังว่าเสียงหัวเราะผมจะบำบัดให้ใจผมกลับมาสดชื่นได้อีกหลังจากที่ต้องห่อเหี่ยวเดียวดายในท้องเลมาสักพัก เอ่อ อันที่จริงมันก็ไม่ได้เหี่ยวขนาดนั้น คือมันสลับสับเปลี่ยนเวียนหมุนกันไปตามแต่อารมณ์ในแต่ล่ะวัน แต่สาเหตุอารมณ์เหล่านั้นน่าจะมาจากพ่อหนุ่มอังกฤษเสี้ยวละติน


“เอิร์ทเคยแอบชอบใครมั้ย” ผมถามในระหว่างที่เดินลงบันไดที่พาลงไปบริเวณลานสนามหญ้าสาธารณะใต้สะพานบรู๊คลิน พระอาทิตย์เริ่มสาดสีส้มหนักๆ บนท้องฟ้า


“ก็แมทไง แล้วก็ไม่ได้เคยนะ แต่ชอบอยู่” ผมรู้สึกพลาดมากที่ถามคำถามนี้กับเขา กลัวว่าจะพาเข้าโหมดดราม่าหรือเปล่า ผมเลยยิ้มยิงฟันแห้งๆ แล้วพยายามนึกหาเรื่องอื่นมาคุยแทน


“เออเนอะ ลืมไป เอ้ย ไม่ใช่ คือจะบอกว่า คือแมทไม่ได้จะให้เอิร์ทพูดอย่างนั้น…” ยิ่งพูดยิ่งงง ยิ่งเหมือนคนหลงตัวเองเข้าไปใหญ่ ผมยกมือเกาหัวแกรกๆ ทำหน้าตาไปไม่ถูกจนเอิร์ทยิ้มขำ ดึงมือขวาที่โอบไหล่ผมไว้ออก เลื่อนมือมาจับมือซ้ายผมไว้แทนในระหว่างที่เรากำลังเดินตัดสนามหญ้าเพื่อตรงไปที่สนามปูนที่มีม้านั่งให้นั่งติดริมแม่น้ำ


“อยู่กับเอิร์ท จะหลงตัวเองบ้างก็ได้ เพราะเอิร์ทก็หลงแมทอยู่”


“โอ้ยตาย… รู้สึกร้อนจัง” ผมว่าแล้วหัวเราะเสียงเพี้ยนขึ้นๆ ลงๆ ยกมือมาเกาแก้มด้วยความเงอะงะ เอิร์ทเห็นแล้วก็ยิ้มขำแล้วออกแรงดึงมือผมเดินไปที่ม้านั่งบนพื้นปูนที่อยู่ติดกับริมแม่น้ำ มองจากมุมนี้จะเห็นสะพานบรู๊คลินพาดเฉียงยาวๆ อยู่ฝั่งซ้ายมือ เห็นตั้งแต่ตีนสะพานฝั่งที่ผมอยู่ พาดไปถึงฝั่งแมนฮัทตันที่มีตึกสูงๆ และสำคัญๆ มากมาย หนึ่งในนั้นก็มีตึกเวิล์ดเทรดที่เพิ่งสร้างเสร็จมาแทนที่ตึกเกาที่โดนเครื่องบินชนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน


“มีอะไรรึเปล่าถึงถามเอิร์ทแบบนั้น” เอิร์ทว่าแล้วนั่งลงบนม้านั่งตัวยาว เสียงแม่น้ำกระทบฝั่งเบาๆ บวกกับบรรยากาศยามเย็นใกล้มืด และสายลมอ่อนที่พัดผ่าน ฟีลแบบนี้มันทำให้รู้สึกดีจริงๆ ผมหลับตาลงช้าๆ แล้วยิ้มรับกับสายลมในเวลายามใกล้ค่ำ ถอนหายใจช้าๆ หนึ่งทีแล้วลืมตาขึ้นมองภาพวิวตึกสูงไล่ระดับจากฝั่งแมนฮัทตันที่ตอนนี้เริ่มเปิดไฟกันแล้ว


“ไม่มีอะไรหรอก คือแมทอยากรู้ว่านอกจาก เอิ่ม… นอกจาก เนี่ย…” ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ไม่กล้าเอ่ยปากออกมาเป็นชื่อตัวเอง รู้สึกเกรงใจเอิร์ทที่จะต้องพูดชื่อตัวเองออกไป


V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:27:24

“นอกจากแมทเอิร์ทเคยแอบชอบใครมั้ยอ่ะหรอ” ผมอ้าปากหวอแว้บหนึ่งก่อนจะหุบปากลง แล้วทำแก้มป่องนิดๆ ด้วยความเขิน กระพริบตาปริบๆ มองเอิร์ท พยักหน้ารับก็ยังไม่กล้าทำเลย ผมกลัวว่ามันจะดูเป็นการมั่นหน้ามั่นใจจนน่าหมั่นไส้ แต่เอิร์ทกลับยิ้มหล่อๆ ก่อนจะว่าต่อ


“ถ้าผู้หญิงก็มีเรื่อยๆ แหละ แต่แอบชอบไม่นานหรอก” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ หันไปมองเขาด้วยสีหน้าสอดรู้สอดเห็นสุดฤทธิ์


“ทำไมอ่ะ เอิร์ทขี้เบื่อหรอ” เอิร์ทยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพูดต่อ


“เปล่า ก็แอบชอบไม่นานก็เข้าไปจีบไง พอจีบแล้วทีนี้ก็ไม่ต้องแอบแล้วใช่มั้ยล่ะ” ผมอ้าปากนิดๆ แล้วพยักหน้ารับเชื่องช้าและทำความเข้าใจในประโยคของเขาไปด้วย


“แบบว่าออกจากที่ซ่อนไรงี้ใช่ปะ” เอิร์ทหัวเราะด้วยรอยยิ้มกว้างเหมือนว่าเขาขำจริงๆ ผมยิ้มแฉ่งตามเขา เอิร์ทเอื้อมมือมาหยิกแก้มขวาผมเบาๆ ราวกับเขามันเขี้ยว เขาบีบไว้แล้วดึงเล่นสลับหนักสลับเบา


“ประมาณนั้นแหละ” เขาว่าเสียงเข้ม ใช้น้ำเสียงเหมือนกำลังข่มใจไม่ให้หยิกแก้มผมแรงไปมากกว่านี้ เขาดึงมือออกแล้วเอาแขนซ้ายพาดไปกับพนักพิงของเก้าอี้


“แล้วเอิร์ทเคยชอบผู้ชายมั้ยอ่ะ” เขาส่ายหัวทันที ผมย่นคิ้วหน่อยๆ


“เคยคุยด้วยหลายคน แต่ยังไม่เคยชอบใครนะ…” ผมยิ้มแบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ กำลังงงๆ ว่า ละเอิร์ทมาชอบผมได้ไง


“คืองี้แมท เอิร์ทไม่ได้ปิดกั้นตัวเองจากผู้ชายที่เข้ามาคุยนะ ก็คุยได้ แต่ถามว่าชอบมั้ย ก็ไม่ชอบ คุยได้ แต่เอิร์ทไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับผู้ชายคนไหนเลย” เขาบอกราวกับรู้ว่าผมกำลังไม่เข้าใจเขาอยู่


“แต่กับแมทเป็นอะไรที่พิเศษ เอิร์ทก็ยังชอบผู้หญิงนะ แต่ก็ไม่ได้มองผู้ชายคนไหนพร่ำเพรื่ออ่ะ มองแค่แมทคนเดียวนั่นแหละ” ความร้อนค่อยๆ แผ่กระจายไปบนใบหน้า ผมได้แต่นั่งหน้านิ่ง กระพริบตาวิบๆ มองหน้าเอิร์ทด้วยความเขิน เอิร์ทยกยิ้มมุมปากกลับมาให้


“คือ… เอ่อ… เอิร์ทอาจจะเป็นไบเซ็กส์ชวล (bisexual) งี้ปะ” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้นแว้บหนึ่งก่อนจะตอบ


“ก็คงงั้นมั้ง ไอ้บาสก็เคยบอกเอิร์ทไว้ว่างั้น…” เขาว่าง่ายๆ ไม่มีแก้ตัวหรือเถียงอะไร ผมทำแก้มป่องแล้วพยักหน้าหงึกๆ เอิร์ทหันหน้ามามองผม มองด้วยสายตาคล้ายจะเป็นแววตาที่แน่วแน่ ก่อนจะบอกเสียงเรียบแต่ก็หนักแน่น


“แต่ถ้าเอิร์ทได้แมท ใครจะมองว่าเอิร์ทเป็นไร เอิร์ทก็ไม่สนใจหรอก” ผมนิ่งไป มองเอิร์ทด้วยความอึ้งบวกกับตื้นตันเล็กๆ ผสมความประทับใจหน่อยๆ ใจผมเต้นกระตุกวูบหนึ่งแล้วก็หายไป ไม่ได้เต้นตึกตักจนรู้สึกกลัวว่ามันจะเด้งออกมา เหมือนตอนอยู่กับวิคเตอร์


เฮ้อ…. คิดถึงเขาอีกแล้ว ป่านนี้เขาคงนั่งดินเนอร์กับแฟนเขาสองคนบนยอดตึกเวิล์ดเทรดแล้วล่ะ


ผมยิ้มอ่อนๆ ให้เอิร์ท ก่อนจะกระเถิบไปนั่งใกล้ๆ เขาแล้วเอนหัวซบไหล่ซ้ายเขาไว้ เอิร์ทโอบแขนซ้ายรอบไหล่ผมไว้ ถูมือซ้ายขึ้นลงที่หัวไหล่ผมเบาๆ ผมจ้องมองไปยังแม่น้ำฮัทสันผืนกว้างที่ตอนนี้เป็นสีส้มอมแดงของแสงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว


“การแอบชอบใครสักคนนี่มันเหนื่อยเหมือนกันเนอะ” ผมเอ่ยเสียงแผ่วเบา ดวงตาเหม่อลอยมองไปที่คลื่นบนผิวแม่น้ำ


“ดีนะที่เอิร์ทออกมาชอบแมทแล้ว ไม่ได้แอบอีกต่อไป เลยไม่ค่อยเหนื่อย” ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยลอยๆ


“ไม่เหนื่อยจริงเหรอเอิร์ท แมทเหมือนกั๊กเอิร์ทไว้กับตัวเองเลย” เอิร์ทเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วว่าเสียงทุ้ม


“มันเหนื่อยเพราะไม่รู้ว่าหนทางที่เราแอบชอบเขาจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ มันไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าปลายทางของเราอยู่ตรงไหน” ผมพยักศีรษะที่เกยไหล่เขาไว้ขึ้นลงเบาๆ อย่างเห็นด้วยกับประโยคนั้น


“แถมระหว่างทางยังมีเรื่องให้เจ็บอีก”


“แต่ถ้าถึงปลายทางแล้วมันสมหวังมันก็คุ้มที่จะเดินไปนะ”


“ประเด็นคือเราไม่รู้ไงว่าเราจะสมหวังมั้ย ข้อสอบไฟนอลมันยากก็จริง แต่ถ้าเราอ่านหนังสือมันก็เจอคำตอบ แต่ไอ้แอบชอบแอบรักใครนี่มันไม่มีคำตอบจากหนังสือเล่มไหน กูเกิ้ลก็ยังตอบไม่ได้เลย” ผมได้ยินเสียงเอิร์ทหัวเราะเบาๆ ผมคลี่ยิ้มตามเสียงหัวเราะของเขา


“เหมือนจะคมนะ แต่ฟังดีๆ เอิร์ทว่าแม่งมั่วว่ะ” เอิร์ทหัวเราะ ผมขำพรืดแบบไร้เสียง มีแต่ลมพ่นออกจากรูจมูก


“หัวเราะไปเถอะ เดี๋ยวทฤษฏีนี้จะถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์ของโลกแน่นอน”


“เอิร์ทก็แปลกว่าโลก งั้นบันทึกลงกลางใจเอิร์ทเลยก็ได้มา แต่ขอบันทึกตอนที่เอิร์ทกับแมทรักกันเท่านั้นนะ” โอยยย! หยอดเก่งแท้ๆ พ่อคุณ หยอดแบบนี้อยากจะขอพรพระเดชพระคุณให้คุ้มครองใจกันเลยทีเดียว


“ปากหวานขนาดนี้ บ่งบอกดีกรีความเจ้าชู้ได้เลยนะเนี่ย” ผมแกล้งแซวเขา เอิร์ทหัวเราะในลำคอหึๆ


“อยากขึ้นชื่อว่าปราบคนเจ้าชู้อยู่หมัดเปล่า คบกับเอิร์ทดิ แมทเป็นที่กล่าวขวัญแน่นอน” ผมยิ้มกว้าง ทั้งขำ ทั้งเขิน หัวเราะจนอกกระเพื่อมเบาๆ ตอนนี้บรรยากาศมืดแล้ว ริมแม่น้ำเปิดไฟสีขาวไปทั่วบริเวณ เพื่อให้ความสว่างในยามค่ำคืน ผมยกหัวขึ้นจากไหล่เขา แล้วหันไปมองเอิร์ทที่กำลังยิ้มน้อยๆ แต่เท่กินใจสาวๆ อยู่ข้างๆ


“หลอกให้เขาคบด้วยนี่หว่า กิ๊วๆ” ผมแกล้งเอานิ้วชี้จิ้มไหล่เขาสองสามทีเบาๆ เอิร์ทมองกลับมา แล้วรอยยิ้มเขาก็ค่อยๆ จางลง แววตาก็ดูจริงจังมากขึ้น


“จะตอบตกลงได้รึยังล่ะแมท” ผมหยุดจิ้มไหล่หนาๆ ของเขา แล้วค่อยๆ ดึงมือออก มองหน้าเขานิดหนึ่งก่อนจะยิ้มน้อยๆ แล้วตอบคำถามเขา


“แมทไม่อยากให้เราสองคนเป็นแฟนกันเลย แมทชอบที่ได้อยู่กับเอิร์ทแบบนี้”


“เอิร์ทก็ชอบ แต่เอิร์ทอยากเป็นมากกว่านี้” เขาตอบกลับมา ท่าทีจริงจังแต่ไม่ขึงขังจนน่ากลัว


“แมทขอโทษนะที่เห็นแก่ตัว คือ… ชอบที่อยู่กับเอิร์ทแบบนี้ แต่ไม่ตกลงคบกับเอิร์ท แมทไม่ได้จะทำตัว แบบว่า… สวยเลือกได้อะไรทำนองนั้นนะ แต่แมทแค่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันยาวไปแบบนี้เรื่อยๆ ถ้าคบกัน มันอาจจะไม่เวิร์คก็ได้” เอิร์ทมองกลับมานิ่งๆ คิ้วเขาย่นคิ้วน้อยๆ ผมยิ้มนิดๆ รู้สึกเศร้าใจลึกๆ ผมเศร้าเพราะผมเข้าใจเขาดีว่าการที่ถูกคนที่เราชอบพูดแบบนี้ มันไม่ได้รู้สึกดีนักหรอก


“พูดแบบนี้นี่ เอิร์ทกำลังจะอกหักปะวะแมท”


“โอยยย ไม่อกหักหรอกเอิร์ท ตอนนี้ระหว่างเราสองคนมันยังไม่ได้ไปไหนไกล มันยังไม่ถึงขั้นอกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรอกนะ” ผมยิ้ม เอิร์ทยิ้มมุมปากตอบกลับมา เอิร์ทหันไปมองที่ผืนน้ำสีดำที่มีแสงไฟระยิบระยับเป็นเงาสะท้อน ก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยสายตาเป็นคำถาม


“แมทกำลังแอบชอบใครอยู่ใช่มั้ย” ผมนิ่งไปนิด เกือบจะกลายเป็นชะงักค้างไป แต่ก็รีบคว้าสติไว้กับตัวไม่ให้เบลอเผลอตอบอะไรไปเรื่อยเปื่อย


“เปล่า แมทแค่นึกถึงอดีตตัวเอง แบบว่า… ตอนนั้นที่แมทแอบชอบใครคนนึง แล้วมันเหนื่อยมาก และสุดท้ายปลายทางที่แมทเดินไปถึงกลายเป็นว่ามันไม่คุ้มที่เสียเวลาเดินมาเลย” ผมอ้าง อ้างไปเรื่อย ทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่า ไอ้อดีตที่ผ่านมานั้น มันไม่ได้ส่งผลในด้านเสียใจให้ผมอีกต่อไป ที่เหลือไว้ก็คงเป็นรอยช้ำๆ ในใจ กับปมด้านความรู้สึกทางใจเวลาที่จะรักจะชอบใคร มันทำให้ผมรู้สึกกลัวว่าความรักของผมนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะผมเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีวันที่จะได้ครองรักกับผู้ชายคนไหนหรอก


“ถ้าเป็นแค่อดีตก็แล้วไป แต่ถ้าปัจจุบันแมทมีใคร รีบบอกเอิร์ทนะ เอิร์ทจะได้โทรจองคิวเข้าเฝือกที่อกกับทางโรงพยาบาล” เอิร์ทว่าอย่างติดตลกจนผมหัวเราะเบาๆ


“เอิร์ทอย่าปิดกั้นโอกาสแบบที่แมทเคยทำเลยนะ มันไม่ดีหรอก เอิร์ทเลือกได้ เลือกได้เยอะด้วย ใช้โอกาสนั้นให้คุ้มเถอะ” เอิร์ทขบกรามแน่น ก่อนจะว่าเสียงห้วน


“แต่ตอนนี้เอิร์ทเลือกแมท คือตอนนี้เอิร์ทแม่งไม่อยากเลือกใครละไง อีกอย่างแมทไม่ใช่ตัวเลือกเว่ย” เอิร์ทเหมือนจะมีอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าเขาเครียดขึง แววตาวาววับตอนที่พูดประโยคนั้น ผมมองเอิร์ทแล้วใจเต้นตึกๆ กับอารมณ์ของเขาในตอนนี้ เอิร์ทจ้องหน้าผมกลับอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาจูบปากผมอย่างรวดเร็ว


ผมสะดุ้งตกใจนิดหน่อยเลยจะผงะหน้าถอยหนี แต่เอิร์ทใช้มือขวามาดันด้านหลังหัวผมไว้ แล้วกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากผมหนักๆ แต่ไม่ได้รุนแรงอะไร และเขาก็ไม่ได้ล่วงล้ำไปมากกว่านั้น เพียงแค่กดริมฝีปากแนบแน่นไว้อย่างนั้น ผมปล่อยให้จูบที่สองของเราเกิดขึ้นอย่างนิ่งๆ อยู่สักพัก แล้วเอิร์ทก็ผละริมฝีปากเขาออก


ผมสบตาเขานิ่งๆ เอิร์ทมองกลับมาอย่างจริงใจราวกับจะบอกว่าเขาจริงจังกับจูบเมื่อกี้ แต่จากลักษณะการจูบที่กดมาแน่นขนาดนั้นผมก็พอจะรับรู้ว่าเขาจริงจังกับจูบนั้นแค่ไหน และผมก็รู้ว่า ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจผมนอกเหนือจากอาการใจเต้นตึกตักเบาๆ ความรู้สึกที่…


“เอิร์ทขอโทษ แต่อดใจไม่ไหวว่ะ…” ผมยิ้มมุมปากนิดๆ เอิร์ทถอนหายใจหนักๆ แล้วดึงมือออกจากหัวผม


“แมทน่ารักจนอดใจไม่ไหวขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมแกล้งแซวเขายิ้มๆ เอิร์ทขบกรามเบาๆ ยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนจะตอบ


“จับกดตรงนี้ได้แม่งจับกดไปแล้ว”


“หืมมม? ตรงนี้พื้นแข็งนะ บนเตียงดีกว่ามั้ย”


“พูดงี้กลับบ้านเลยดีกว่าป่ะ” เขาเอื้อมมือซ้ายมาจับมือขวาผมแล้วยืดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผมยิ้มกว้างด้วยความขำแล้วลุกขึ้นยืนตาม


“กว่าจะถึงบ้านจะอดใจไหวหรอพี่เอิร์ททท” ผมแกล้งยิ้มหวาน กระพริบตาถี่ๆ ใส่เขา เอิร์ทยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวใสเรียงตัวสวย มือที่จับมือผมอยู่กระชับรอบข้อมือแน่นขึ้น


“เดี๋ยวก่อนๆ เดี๋ยวจะใส่ไม่ยั้งเลย” ผมหัวเราะเสียงดัง แล้วเดินตามแรงลากของเอิร์ทไป


ความรู้สึกในใจที่เกิดขึ้นตอนเขาจูบ… มันช่างแตกต่าง… ผมไม่แน่ใจว่าใช่มั้ย แต่คิดว่าน่าจะใช่… ความรู้สึกนั้น…
ผมรีบสลัดความรู้สึกเปรียบเทียบที่เกิดขึ้นในหัวออกไป แล้วพยายามข่มใจไม่ให้เต้นรุนแรงแบบนี้…


 :hao3:

[ตอนต่อไปที่ด้านล่างค่ะ]


หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:34:51

CHAPTER 18 :: Tiny hurt


ผมเดินมาตามฟุตบาทที่คุ้นเคย ผ่านทาวน์เฮ้าส์สีขาวสลับสีน้ำตาลหรือสีใดๆ ที่เจ้าของบ้านพึงพอใจจะทำ จะทา อันคุ้นตาในบรรยากาศยามเช้าตรู่ของมหานครนิวยอร์คที่แสงอาทิตย์สีส้มสว่างไสวสาดไปทั่วท้องฟ้าสีฟ้าในช่วงสปริง ในมือขวาถือแก้วกาแฟสตาร์บัคของวิคเตอร์ที่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยดื่ม เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ติดกาแฟหรอก แต่ที่สั่งๆ มาครั้งก่อนๆ คือเขาแค่อยากแกล้งหาอะไรให้ผมทำเท่านั้นแหละ แต่พอดีเมื่อคืนนี้เขาว้อทแอพมาบอกว่าอยากดื่มกาแฟร้อนๆ ยามเช้า ผมก็เลยแวะซื้อมาให้ตามที่เขาสั่ง


ผมเดินมาหยุดตรงตีนบันไดหน้าบ้านเขาแล้วก็ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งที นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า วันนี้คือวันนี้ไม่ใช่เมื่อวาน ฉะนั้นมันผ่านมาแล้ว ความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็เก็บไว้ในใจ เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำดีๆ แล้ววันนี้ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ในการทำงานระหว่างผมกับวิคเตอร์ก็แล้วกัน คิดว่าเขาคงไม่ใจจืดใจดำทำกับผมแบบที่ผ่านๆ มาอีกแล้วมั้ง นี่ผมกำลังหวังอะไรมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย


ผมส่ายหัวไปมากับตัวเองแล้วเดินขึ้นบันไดไป หยิบกุญแจออกมาไขประตูบ้านด้วยความคุ้นเคย แต่พอไขเข้าไปผมก็ต้องชะงักและรู้สึกใจกระตุกวูบกับภาพตรงหน้าที่เห็น


นาตาชาโอบรอบคอวิคเตอร์แล้วรั้งคอเขาให้ลงมาจูบกับเธอ วิคเตอร์เองก็โอบรอบเอวเธอไว้ แล้วตอบรับจูบของแฟนสาวเป็นอย่างดี ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นธาตุอากาศ เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในบ้านหลังนี้ ผมเม้มปากเบาๆ เพราะรู้สึกว่าปากกำลังแห้ง หัวใจผมเต้นตุบๆ เต้นแบบเน้นจังหวะหนักหน่วง ใช่ มันหน่วง และรู้สึกกลวงโบ๋


ในจังหวะที่ผมกำลังหันรีหันขวางว่าจะเอายังไงดี นาตาชาก็เหลือบสายตามามองผมแล้วก็ดันวิคเตอร์ออกด้วยอาการตกใจเล็กๆ


“Oh—sorry. (อุ๊ย ขอโทษทีนะ)” เธอส่งยิ้มแหยๆ มาให้ผม ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ กลับไป พอหันไปมองวิคเตอร์ เขากำลังมองกลับมาด้วยสายตานิ่งปกติ ผมยิ้มให้เขาแบบฝืดๆ มองซ้ายมองขวาแล้วเอาแก้วกาแฟไปวางไว้ที่โต๊ะทรงกลมข้างๆ ประตูที่วางแจกันดอกไม้เอาไว้ ก่อนจะหันกลับไปมองทั้งสองคน


“ขอโทษทีนะครับที่เข้ามาขัดจังหวะ ผมไม่คิดว่าคุณจะอยู่ตรงนี้กัน ขอโทษด้วยที่เสียมารยาทเข้ามาโดยไม่กดออด…” พูดไปเสียงก็เริ่มสั่นๆ ปลายประโยคจนผมต้องหยุดพูด รู้สึกว่าใจโดนบีบรัดจนรู้สึกอึดอัด ยิ่งเห็นสายตาที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตาของวิคเตอร์ ผมก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด


“บางทีผมควรจะให้คุณสองคนได้คุยกันก่อน ผมขอตัวออกไปรอด้านนอกนะครับ ถ้าจะเรียกใช้อะไรผม คุณโทรตามก็แล้วกันนะครับคุณเรย์มอนด์” ผมหันไปบอกวิคเตอร์ที่ปล่อยมือออกจากเอวนาตาชาแล้ว ผมเตรียมจะหมุนตัวเดินออกไปทางประตู แต่นาตาชาก็เอ่ยเรียกไว้ก่อน


“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันก็จะออกไปข้างนอกแล้วล่ะ” เธอบอกพร้อมรอยยิ้มกริ่ม ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมความรู้สึกอึดอัด กระอักกระอ่วนในใจจนคล้ายว่าอยากจะร้องไห้ออกมา ผมกระพริบตาถี่ๆ เพราะรู้สึกว่าที่ขอบตาเริ่มมีน้ำตาคลอๆ ผมเบี่ยงหน้าหนีภาพที่เขาสองคนคลอเคลียกัน รู้สึกแย่จนอยากจะออกไปจากทีนี่


ภาพเมื่อวานนี้แทบมะลายหายสิ้นไปจากความทรงจำผม


“แล้วเจอกันนะคะ” นาตาชาบอกแล้วเดินผ่านผมออกประตูบ้านไป เหลือเพียงผมกับวิคเตอร์ เจ้าไมเคิลคงออกไปวิ่งเล่นตามปกติของมัน ผมตั้งสติที่เบลอๆ แล้วดันประตูบ้านให้ปิดสนิท ก่อนจะเดินก้มหน้าก้มตาผ่านวิคเตอร์ไปที่ห้องครัว เปิดตู้เย็นแล้วพยายามมองหาอะไรก็ได้ที่จะทำอาหารเช้าให้เขาทาน


ผมใช้มือควานๆ หาของในตู้เย็นไปเรื่อย พยายามคุมให้มันนิ่ง มันสั่นตั้งแต่เห็นภาพที่เขาจูบกันตอนที่ผมเปิดประตูเข้ามาแล้ว แต่ผมก็พยายามทำตัวนิ่งแม้จะนิ่งได้ยากก็ตาม ผมหลับตาลงวูบหนึ่งเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสงบลงบ้าง ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วมองหาอาหารไปเรื่อย แต่สุดท้ายผมก็พ่ายให้กับอาการใจสั่นของตัวเอง ผมหันกลับไปเพื่อจะถามเขาว่าอยากกินอะไร เพราะตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว


“วันนี้คุณอยากทานอะไรครับ” ผมถามเขาที่ยังยืนอยู่ที่เดิม และมองมาที่ผมด้วยสายตานิ่งๆ เหมือนเดิม
สายตาที่ออดอ้อนและอ่อนโยนของเขาเมื่อวานนี้ ไม่มีให้ผมอีกแล้วล่ะ ก็อย่างที่ผมคิด ก็แค่วันเดียว ก็แค่ความรู้สึกผิดเท่านั้น เขาทำไปเพราะแค่ต้องการทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นกับเขาเท่านั้นล่ะ


“อย่างที่ฉันชอบก็แล้วกัน” ผมพยักหน้ารับเร็วๆ แล้วหันหน้าหนีกลับ เอื้อมมือไปหยิบไข่ออกมาสองฟอง และควานหากุ้งออกมาล้างเพื่อที่จะทำข้าวไข่เจียวกุ้งให้เขาทานอย่างที่เขาชอบ


ผมหยิบกุ้งออกมาแกะเปลือกแล้วล้างให้สะอาดด้วยสติอันไปๆ มาๆ ในหัว ผมขมวดคิ้วใส่ตัวเองกับความงี่เง่าบ้าบอที่กำลังเป็นอยู่ ไม่รู้มันจะเป็นห่าอะไรนัก ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นใคร ไอ้ที่เขาทำไปก็เพราะความรู้สึกผิดตามปกติของมนุษย์ทั่วไป พอขอโทษแล้ว ง้อแล้ว มันก็ต้องกลับมาเป็นแบบเดิมไง ผมจะเอาอะไรไปมากกว่านั้นอีก


“คุณไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะครับ” ผมหันไปบอกเขาหลังจากเหลือบไปมองเห็นว่าเขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน


“เรียบร้อยแล้ว” เขาบอกเสียงหนัก ผมพยักหน้ารับรู้ทั้งที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่


แล้วผมก็เงียบตลอดการทำอาหารเช้าให้เขาทาน บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเงียบ ผมไม่พูด เขาก็ไม่พูด ความอึดอัดที่ผมมีก็ยังคงบีบใจผมไปเรื่อย ผมรู้สึกแน่นในใจไปหมด แน่นจนรู้สึกว่าอยากหาทางระบายมันออกมา และน้ำตาก็คงเป็นทางออกที่ดี เพราะมันคอยแต่จะมาคลอๆ ที่ขอบตาอยู่เรื่อย ผมก็กระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่มันออกไป ผมยืนหันหลังให้เขาอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่หันไปมอง จนกระทั่งผมทำเสร็จผมก็หันไปมองเขาที่ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน


“เสร็จแล้วครับ” ผมวางจานข้าวและจานอาหารพร้อมซอสพริกไว้บนโต๊ะ วิคเตอร์เดินเข้ามาสีหน้าเรียบเฉยแล้วนั่งลงบนเก้ากี้ทรงสูง ผมส่งยิ้มให้เขานิดๆ แล้วก้าวเท้าเดินห่างจากโต๊ะ


“เดี๋ยว จะไปไหน” ผมหันไปมองเขาหน้าเหลอหลาก่อนจะตอบ


“จะออกไปหาอะไรทานครับ เดี๋ยวผมรีบกลับมานะ”


“แล้วทำไมไม่กินกับฉัน” เขาถามหน้าตึง เสียงแข็ง ผมเม้มปากก่อนจะตอบสีหน้าเนือยๆ


“ไม่เป็นไรครับ ผมไปหา…” ผมหยุดพูดไว้แค่นั้น เมื่อเขาเดินหน้าตาดุดันเข้ามาหาผม ก่อนจะดึงข้อมือผมไว้อย่างแรงจนตัวผมจะปลิว เขาพาผมเดินกลับไปที่โต๊ะ เลื่อนเก้าอี้อีกตัวให้ไปอยู่ใกล้ๆ กับเก้าอี้ที่เขานั่ง


“กิน แล้วอย่ามาดื้อกับฉันนะ” เขาขู่ทันทีที่เห็นผมมีท่าทีไม่เต็มใจอยากจะนั่งทานข้าวกับเขา วิคเตอร์เลื่อนจานอาหารและจานข้าวมาใกล้ๆ เราสองคน เขาเดินไปหยิบช้อนมาเพิ่มอีกอันแล้วกลับมานั่งข้างๆ ผม นี่ขนาดนั่งอยู่ ผมก็ยังเตี้ยกว่าเขาเลย


“ผมไม่อยากกินกับคุณ” ผมบอกเสียงเรียบตามที่ผมรู้สึกตอนนี้ วิคเตอร์หันมามองผมด้วยแววตาขวางๆ ผมมองเขากลับไปอย่างสงบ


“Why? (ทำไม)” เขาถามเสียงกระด้าง ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบเสียงเฉื่อย


“ไม่อยากก็คือเหตุผลแล้วครับ”


“งั้นฉันก็ไม่กิน” ผมย่นคิ้วนิดๆ มองหน้าเขาอย่างนึกหงุดหงิดเล็กๆ


“คุณต้องกินนะ วันนี้คุณมีคุยงาน”


“ไม่กิน” เขาตอบหน้านิ่ง แววตาฉายชัดความรั้น และตอบด้วยความเอาแต่ใจเช่นเคย เห็นแบบนั้นผมก็ต้องปรับท่าทีให้อ่อนลงและบอกเขาเสียงตะล่อมยอมให้เขากินข้าว


“กินเถอะครับ คุณต้องทานอาหารเช้านะ”


“นายก็เหมือนกัน” ผมขยุ้มริมฝีปากตัวเองเบาๆ ถอนหายใจแผ่วๆ แล้วยอมหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าว ตักไข่เจียวเข้าปากไปหนึ่งคำจากนั้นก็วางช้อนลงที่เดิม เคี้ยวข้าวในปากจนหมดแล้วหันไปบอกวิคเตอร์ที่กระพริบตามองผมงงๆ


“ผมทานแล้ว” แววตาเขานิ่งสนิท แต่ก็มีแววของความหงุดหงิดให้เห็น วิคเตอร์ตักไข่ ตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำแล้ววางช้อนลง ก่อนจะเคี้ยวในปากจนหมด แล้วก็นั่งมองหน้าผมนิ่งๆ ต่อ ผมขมวดคิ้วมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ เขายักคิ้วกวนๆ ก่อนจะตอบ


“ฉันก็กินแล้วไง”


“ก็กินอีกสิครับ กินแค่นั้นมันจะไปอิ่มอะไร”


“ใช่ กินแค่นั้นมันจะไปอิ่มอะไร” ผมค้อนสายตาใส่เขา รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังประชด วิคเตอร์ยิ้มมุมปากทั้งสองข้างกวนๆ ผมทำหน้าเอือมระอา ก่อนจะตักข้าวเข้าปากอีกหนึ่งคำ พอเห็นผมตักเข้าปากอีกคำ เขาก็ทำตามตักกินอีกคำ แล้วพอผมทำท่าจะไม่กินต่อ เขาก็จะทำท่าไม่กินต่อเช่นกัน สุดท้ายผมก็ต้องกินข้าวกับเขาจนหมดเพราะผมกลัวเขากินไม่อิ่ม ปกติผมจะตักข้าวให้เขาเยอะอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นฝรั่งที่ตัวใหญ่และใช้พลังงานเยอะ จะกินหมดหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะกินหมดนะ น้อยครั้งที่จะกินเหลือทิ้งเหลือขว้าง แต่วันนี้ข้าวสักเม็ด เนื้อไข่สักชิ้นก็ไม่มีเหลือเพราะผมมาแชร์อาหารมื้อนี้ร่วมกับเขา


“Happy? (พอใจมั้ยครับ)” ผมถามเขาด้วยความประชด วิคเตอร์ยิ้มแฉ่งจนร่องแก้มคล้ายลักยิ้มขึ้นชัดเจน ก่อนจะตอบเสียงระรื่นชื่นมื่น


“Very. (ที่สุดละ)” ผมไม่ตอบอะไร ลุกขึ้นยืนแล้วเก็บจานสีขาวทั้งสองใบไปล้าง ระหว่างล้างจานผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทิ้งกาแฟเขาไว้ที่โต๊ะข้างประตู


“กาแฟคุณคงเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปซื้อให้ใหม่ก็แล้วกันนะครับ” ผมว่าในขณะที่กำลังคว่ำจานใบแรกลงบนตะแกรงเหล็ก และหยิบใบที่สองขึ้นมาล้าง


ความรู้สึกรัดแน่นของวงแขนอันคุ้นเคยที่รอบเอวทำให้ผมชะงักมือที่กำลังล้างจานอยู่ ผมนี่แทบหุบพุงไม่ทัน เพิ่งกินข้าวอิ่มๆ มาแบบนี้พุงกำลังป่องได้ที่เลย


“คุณเรย์มอนด์ ปล่อยก่อน…” ผมบอกเขาเสียงแผ่ว แต่นี่คือใคร นี่คือวิคเตอร์ ยิ่งห้ามก็กลายเป็นว่ายิ่งยุ เขากระชับวงแขนรอบเอวผมแน่นขึ้นราวกับจะเป็นการเตือนว่าอย่าห้ามเขา ผมนึกโมโหอยู่ในใจที่เขาทำแบบนี้กับผมลับหลังที่นาตาชาออกไปแล้ว ผมเลยรีบล้างจานใบสุดท้าย แล้วคว่ำลงบนตะแกรงเหล็ก ก่อนจะจับแขนเขาทั้งสองข้างแล้วดึงออกจากเอวตัวเอง หันไปมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ อีกฝ่ายทำหน้าเครียดเขม็ง


“ขอโทษทีครับ เผื่อคุณจะลืมไปว่าผมไม่ได้ชื่อนาตาชาคนที่คุณเพิ่งจูบด้วยเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา” ผมว่านิ่งๆ แล้วดันร่างหนาๆ ของเขาออกห่างจากตัวเอง ผมเดินเบี่ยงตัวหนีเขาไปหยิบขวดซอสพริกที่โต๊ะมาเก็บไว้ที่ชั้นวางเครื่องปรุง ภายนอกผมทำนิ่ง แต่ในใจเต้นระรัวด้วยความร้อนรุ่มในอก


“อย่าเป็นแบบนี้สิ…” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว แต่แอบมีแววเครียดในน้ำเสียงนั้น ผมหันกลับไปมองเขาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยแววตาและสีหน้าเหนื่อยๆ


“คุณบอกตัวเองเถอะว่าอย่าเป็นแบบนี้ และอย่าทำแบบนี้ ไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น อย่าทำ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ” ผมบอกเสียงหนัก พยายามพูดเสียงปกติไม่ให้มันสั่นไหวเหมือนกับดวงตาผมที่ตอนนี้คงแสดงความอ่อนไหวออกไปแล้ว วิคเตอร์มองมาที่ผมไม่ละสายตาไปไหน ผมมองกลับไปนิ่งๆ ไม่ได้ฟึดฟัดอะไรใส่เขา หรือใช้ดวงตาเกรี้ยวกราดมองเขาแต่อย่างใด


“เมื่อวานนายยัง…”


“…ผมขอโทษด้วยครับที่ทำแบบนั้น ผมว่าแต่คุณ แต่ผมเองก็ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำเหมือนกัน ฉะนั้นเราอย่าทำอะไรแบบที่เราทำเมื่อวานเลยนะครับ”


“ทำไมล่ะ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน มันไม่เป็นไรหรอก” ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจวูบหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มอ่อนๆ แล้วตอบเสียงเบาหวิว


“มันไม่เกี่ยวกับว่าเป็นเพศอะไรหรอกครับ มันเป็นเรื่องทีว่า คุณมีแฟนแล้ว แล้วสิ่งที่คุณทำกับผมมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายดีๆ ที่มีแฟนแล้วเขาทำกัน”


“ทำไมนายชอบคิดอะไรมากมายให้มันปวดหัวด้วยเนี่ย” เขาบอกอย่างเซ็งๆ เซ็งทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่เปล่งออกมา ผมแค่นยิ้มก่อนจะว่า


“ผมดันเป็นคนคิดมาก แถมยังเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันซะด้วยสิ” หวังว่าเขาจะพอเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดออกไปบ้างนะผมหัวเราะน้อยๆ และไม่ได้เสแสร้งหัวเราะด้วย พอพูดออกไปแล้วมันดันหัวเราะเสียงแปร่งออกมาซะงั้น แต่มันเป็นการหัวเราะคล้ายจะสมเพชตัวเองที่แอบหลงระเริงไปกับความรู้สึกเมื่อวานนี้ คิดเข้าข้างตัวเองในแง่ดีเกินไป แม้จะบอกใจว่าไม่มีอะไร แต่เอาจริงๆ ใจผมมันมีอะไรไปกับการกระทำทั้งหลายของเขา แต่พอเมื่อกี้นี้ คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นทำให้ใจผมที่เบิกบานกับเรื่องเมื่อวานถึงกับหุบเหี่ยวลงแทบจะทันที เหี่ยวยิ่งกว่าตอนเจอภาพที่เขาจูบกับนาตาชาซะอีก


ฮะๆๆ นั่นสิผมจะคิดอะไรมาก ขนาดเขายังไม่คิดอะไรมากเลย


เขาเดินมาใกล้ผมแล้วทำท่าจะเอื้อมมือมาจับตัวผม ผมยิ้มนิดๆ แล้วดันมือเขาออกเบาๆ วิคเตอร์นิ่งไป ก่อนจะขบกรามแน่น เขายกมือเสยผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด


“ไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวจะสาย” ผมตัดบทแค่นั้น แล้วเดินผ่านเขาไปที่หน้าประตู เปิดประตูบ้านออกก็เป็นจังหวะที่เจ้าไมเคิลกับเจ้าฟอกซ์กลับมาพอดี


“Hi, are you guys hungry? (ว่าไง พวกแกหิวมั้ย)” ผมลูบหัวเจ้าไมเคิลที่ส่ายหางเป็นพวงของมันไปมา เจ้าฟอกซ์เดินมาคลอเคลียที่ข้อเท้าผม จนผมต้องยิ้มไปกับอาการอ้อนของมัน


“เดี๋ยวฉันเอาอาหารให้กินนะ” ผมเดินนำพวกมันมา สบตากับวิคเตอร์ที่มองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ผมหลบสายตาของเขาแล้วเดินไปหยิบอาหารของเจ้าสองพี่น้องมาเทให้พวกมันกิน เจ้าสองตัวไม่อิดออดรีรออะไร พุ่งตัวเข้าใส่ถาดอาหารของตัวเองกันทันที


“ทีกับหมากับแมวนายยิ้มหน้าบานเชียวนะ” ผมขยุ้มปากตัวเองเบาๆ แล้วเงยหน้ามองเขาด้วยความงงนิดๆ


“ก็มันไม่ได้ทำอะไรให้ผมต้องหน้าบึ้งใส่มันนี่ครับ” ผมตอบแบบซื่อๆ แล้วลูบหัวเจ้าฟอกซ์ที่นั่งกินอาหารบนโต๊ะหินอ่อนเบาๆ


“แล้วฉันทำอะไร ทำไมถึงต้องมาหน้าบึ้งตึงใส่ฉัน” ผมหันไปย่นคิ้วใส่เขา แล้วถามด้วยความเอ๋อแดก


“ผมบึ้งตึงใส่คุณตอนไหน ผมก็ทำหน้าตาปกติ”


“ไม่ปกติ นายยังไม่ยิ้มให้ฉันเลยนะ” เขาบอกเสียงฟึดฟัด ท่าทีฮึดฮัดแสดงออกชัดว่าไม่พอใจ


“ผมก็ยิ้มให้คุณตอนที่ผมเปิดประตูเข้ามาแล้วนั่นไง”


“ไม่เอา ยิ้มแค่นั้นฉันไม่นับว่าเป็นยิ้ม” เขาบอกอย่างดื้อดึง ส่วนผมก็ได้แต่กลอกตาด้วยความเอือมกับนิสัยของเขา ไอ้บ้านี่มันจะเอายิ้มผมไปทำอะไร เห็นแล้วจะขี้คล่องรึไง


“อยากได้ยิ้ม ก็ไปขอคุณนาตาชาสิ อ้อ! เมื่อเช้านี้เธอก็ให้คุณยิ่งกว่ายิ้มอีก” ผมบอกด้วยความหงุดหงิด งุ่นง่านใจ พยายามไม่นึกหงุดหงิดแล้วนะ ไอ้ยักษ์มันยังจะชวนย้อนกลับไปคิดภาพนั้นอีก


“มันไม่เหมือนกัน!” เขาบอกเสียงดัง หน้าตาดุดัน ผมขมวดคิ้วหนักขึ้น มองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ แล้วเสียงดังกลับไปไม่แพ้กัน


“คุณจะมาวุ่นวายอะไรกับผมนักเนี่ย ผมจะยิ้มหรือไม่ยิ้ม เทพีเสรีภาพก็ไม่ได้ชูแขนสูงไปกว่าที่เป็นอยู่หรอก!” วิคเตอร์จ้องตาดุกลับมาแล้วขบกรามแน่น ก่อนจะตะเบ็งเสียงดัง


“เออ! งั้นวันนี้นายอย่ายิ้มนะ ห้ามยิ้ม ห้ามขำ ห้ามหัวเราะ และนี่เป็นคำสั่ง ต้องทำตามด้วย!” เขาบอกอย่างคนที่มีอำนาจเหนือกว่าผม ผมอ้าปากหวอ รู้สึกทึ่งกับคำสั่งลูกผีลูกคนของเขาอีกแล้ว


“นี่คุณไปล้มหัวฟาดพื้นที่ไหนมาเนี่ยถึงได้สั่งคำสั่งเพี้ยนๆ พวกนี้ออกมา”


“เออ! ฉันหัวฟาดพื้นมา แล้วถ้านายขัดคำสั่งฉัน ฉันจะเอาไอ้จ้อนฉันฟาดปากนาย! เอาให้ยิ้มไม่ได้ซักเจ็ดวัน!” เขาบอกอย่างฉุนเฉียว อารมณ์เกรี้ยวกราด ผมกอดอกแล้วถลึงตาใส่เขา อีกฝ่ายตีหน้าเข้มกลับมา แววตาไม่ยอมอ่อนข้อให้ ผมเม้มปากแน่น หันซ้ายหันขวาอย่างหาทางออก แต่สุดท้ายก็เจอแต่หน้าดุๆ ของไอ้พระเอกร่างยักษ์


“Done? And if you’re happy with your command, now—please let’s go to work, Mr.Retarded. (หมดรึยังครับ แล้วถ้าคุณพอใจกับคำสั่งตัวเองแล้ว ก็ได้โปรดไปทำงานสักทีมิสเตอร์ปัญญาอ่อน)” วิคเตอร์เบิกตากว้างมองผมอย่างดุๆ ผมก็มองเขากลับไปด้วยสีหน้าเคืองๆ


เออ! บอกไม่ให้ยิ้มก็ไม่ยิ้มแล้วนี่ไง


“สักวันฉันจะทำให้นายจุกจนปากเก่งแบบนี้ไม่ได้!” เขาพูดข่มขู่ สีหน้าเอาเรื่อง ส่วนผมก็ทำสีหน้าเย็นชาใส่ แล้วผายมือไปทางประตูบ้าน


“แต่วันนี้คุณยังทำไม่ได้ และคาดว่าคงไม่มีสิทธิทำ แต่สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือไปทำงานครับ” วิคเตอร์ขบกรามแน่น ผมเอียงหน้าแล้วเลิกคิ้วขึ้นมองเขากลับอย่างกวนๆ พร้อมกับยืดแขนขวาไปทางประตูเพื่อบอกให้เขารู้ว่าควรเดินออกไปได้แล้ว วิคเตอร์แทบจะเดินกระแทกเท้าผ่านผมไป ผมส่ายหัวกับความเอาแต่ใจของเขาแล้วเดินตามหลังเขาออกไปที่ประตูบ้าน


“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงลั่นเมื่อวิคเตอร์หมุนตัวแล้วพุ่งเข้ามาจากทางหน้าประตูอย่างเร็ว เขาโน้มหน้าลงมาที่ปากผมอย่างว่องไว เขาไม่ได้จูบ แต่ใช้ฟันขบริมฝีปากล่างของผมเน้นๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบๆ แถมยังลากดึงเน้นๆ ก่อนที่เขาจะผละออกไป ผมหน้าเหวอ คิ้วย่นมองเขาด้วยความงุนงงแบบที่ไม่ทันตั้งตัว วิคเตอร์แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะบอกเสียงทุ้ม


“สักวันฉันจะมีสิทธิทำมากกว่านี้แน่” เขาบอกแล้วดึงมือผมออกไปจากกรอบประตูบ้าน ก่อนจะปิดประตูตามหลังเสียงดัง ผมได้ยินเสียงประตูล็อคอัตโนมัติดัง กริ๊ก~ แล้วก้าวเท้าเดินตามเขาไปที่รถอย่างเอ๋อๆ จนมาถึงประตูรถและร่างผมถูกดันให้เข้าไปนั่งอย่างมึนๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่วิคเตอร์เข้ามานั่งฝั่งคนขับที่อยู่ซ้ายมือแล้วปิดประตูเสียงดังปังจนผมสะดุ้งตกใจหันไปมองเขา


“จำคำสั่งฉันไว้ให้ดีนะ ถ้าขัดแต่แม้แต่นิดเดียว วันนี้นายเจอดีแน่” เขายักคิ้วกวนๆ แล้วสตาร์ทรถ ผมเอามือขึ้นมาแตะๆ ริมฝีปากล่างที่โดนเขาขบกัด รู้สึกเจ็บตุ่ยๆ แต่ดีที่ไม่ได้กลิ่นคาวของเลือด ผมสะบัดสายตาจิกกัดไปใส่เขา อีกฝ่ายยิ้มเบ้ปาก ยักไหล่ ก่อนจะหักพวงมาลัยแล้วขับรถออกไปตามท้องถนน ผมถอนหายใจหนักๆ แล้วนั่งนิ่งมองถนนไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูด ไม่อยากคุยอะไรกับเขาอีก


หมับ~


เขายื่นมือขวามาจับมือซ้ายผมไว้แล้วดึงไปวางไว้บนตักของเขา พอผมจะดึงหนีเขาก็เปลี่ยนเป็นเอานิ้วของเขาสอดเข้าไปช่องว่างระหว่างนิ้วทั้งของผม เลยกลายเป็นว่าเขาขับรถไป กุมมือผมไปด้วย  ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ


“คุณช่วยนึกถึงหน้าแฟนคุณไว้หน่อยได้มั้ย เธอจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าคุณมาทำอะไรไม่ดีลับหลังเธอแบบนี้”


“ไม่ดีตรงไหน อะไรคือไม่ดี” เขาตอบหน้าตาย ผมขบกรามแน่น รู้สึกปรี๊ดในใจเลยออกแรงกระชากมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของเขา ก่อนจะง้างมือซ้ายขึ้นแล้วฟาดไปที่แก้มขวาเขาแรงๆ หนึ่งที


ป้าบ!


“Whoah?! What the hell are you?! (เฮ้ย?! นายเป็นห่าอะไรเนี่ย?!)” ผมมองเขาด้วยความเคืองสุดขีด รู้สึกหงุดหงิดกับความมึน กับความหน้าด้านของเขาจนอดใจไม่ไหวที่จะตบแก้มสากเพราะหนวดเครานั่นไปหนึ่งที วิคเตอร์ท่าทางตกใจและงุนงง แต่ดวงตามีแววโกรธจัด


“ตบฉันทำไมวะ?! นายอยากโดนดีรึไง?!” เขาตะคอกเสียงดังขณะกำลังพยายามบังคับพวงมาลัยเพื่อไม่ให้รถไหลออกนอกถนนเส้นหลักในตัวเมือง เพราะเมื่อกี้ตอนที่ผมตบเขา รถแฉลบออกนอกเลนส์ที่กำลังวิ่งอยู่ไปนิดหนึ่ง


“ไม่รู้ ตบไว้ก่อน รู้แต่ว่าอยากตบ!” ผมบอกเสียงแข็ง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยวามโกรธ จ้องหน้าวิคเตอร์ด้วยสายตาสั่นๆ เพราะโกรธจัด ยิ่งพอได้ตบเขาไปเมื่อกี้ เหมือนอารมณ์มันก็ยิ่งปะทุออกมา ไอ้ยักษ์หน้าหนวดขบกรามแน่น หน้าเขาดูเข้มด้วยความโกรธเช่นกัน แววตาคมจ้องมองมาราวกับจะใช้บาดตัวผมแทนมีด


เพี๊ย!


วิคเตอร์ไม่พูดอะไร แต่เขายื่นมือขวามาตบหน้าผมกลับอย่างเร็ว แรงตบเขาไม่ได้รุนแรงเท่าที่ผมทำ แต่ก็ทำเอาแก้มซีกซ้ายชาวาบไปเหมือนกัน เกิดอาการคันยิบๆ ที่แก้มหลังจากความมึนชาหายไป ผมหันไปมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เพราะคิดว่าเขาต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ


“นายอยากได้แบบนี้ใช่มั้ย ไม่ชอบใช่มั้ยที่ฉันใจดีด้วยน่ะ!” เขาตะคอกถามเสียงดังลั่นรถพร้อมๆ กับที่ระดับความเร็วของรถเพิ่มขึ้น รถวัวกระทิงดุส่งเสียงกระหึ่มยามที่รถพุ่งฉิวแหวกอากาศและหลบหลีกรถคันอื่นๆ บนท้องถนน ชวนให้ใจหายใจคว่ำ ยิ่งคนขับอยู่ในอารมณ์ฉุนขนาดนี้มันยิ่งทำให้ดูน่ากลัว


“คุณนี่มันโคตรโง่! โง่ โง่ โง่! ทำไมไม่เข้าใจสักทีว่าไอที่ทำอยู่เขาไม่ได้เรียกใจดี แต่เขาเรียกว่ากำลังนอกใจแฟนตัวเอง!” ผมตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด พอได้ระเบิด ผมก็เบรกตัวเองไม่อยู่


“นอกใจอะไรวะ?! ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนายเลย คิดว่าฉันจะนอกใจแนทแล้วมาหานายเนี่ยนะ?!” เขาพูดด้วยความโมโห น้ำเสียงหอบจัด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเช่นกัน เขาใช้สายตาที่ผมแปลความหมายไม่ออกมองกลับมา มันเป็นสายตาที่คล้ายจะมีความเจ็บปวด แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเขาเจ็บอะไร น้ำตาผมคลอเต็มเบ้าตาเมื่อได้ยินประโยคนั้น มันกระแทกใจจนผมเจ็บจี๊ด


 “งั้นผมจะอธิบายให้คนที่ฉลาดน้อยกว่าปลาโลมาที่ถูกฝึกมาก็แล้วกันนะว่า ไอ้การที่คุณมาหอมแก้ม นอนกอด หรือเอาตัวมาใกล้ชิดกับผมเนี่ย มันเป็นสิ่งที่คนมีแฟนแล้วเขาไม่ทำกับคนอื่นหรอก เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมต้องให้ผมพูดซ้ำๆ ด้วย คุณคิดเองไม่ได้เลยรึไง?! อย่ามาบอกว่า…” ผมยังไม่ทันพูดจบเขาก็แทรกขึ้นเสียงดังลั่นรถ


“…เออ แล้วจะพูดซ้ำๆ ทำไม รำคาญโว้ย! ไม่ต้อง…” ผมตะเบ็งเสียงดังกลับไปทันทีด้วยความหงุดหงิด


“…ไม่!!! คุณ! หยุด! แล้วฟังผมให้จบ…” แน่นอนว่าคนอย่างวิคเตอร์ไม่มีทางยอมง่ายๆ เขาแทรกเสียงดังขึ้นมาอีกรอบ


“…นายเองก็ชอบที่ฉันทำไม่ใช่รึไง…”


“…ใช่ ผมชอบ แต่ผมก็โคตรรู้สึกผิด คุณเองก็ไม่รู้สึกผิดบ้างรึไง ที่คุณบอกว่าเป็นผู้ชายด้วยกันจะคิดมากทำไม ผมจะบอกอีกที ว่า ผมเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน จะไม่ให้คิดมากได้ไง ผมมีความคิด มีสมอง ผมห้ามไม่ได้ ผมไม่เหมือนคุณหรอก มีสมองแต่ไม่ได้เอาไว้คิด แต่เอาไว้คั่นกะโหลกหนาๆ ของตัวเอง!” ท้ายประโยค เสียงผมแทบจะกลืนหายไปในลำคอ เพราะมันสั่นจนแทบฟังไม่ชัด แต่ผมก็ฝืนด่าเขาจนจบ วิคเตอร์ขมวดคิ้วจ้องกลับมาด้วยสายตาคมวาว ผมมองกลับไปด้วยสายตาที่พร่าเลื่อนเพราะม่านน้ำตาที่ทะลักล้นขอบตา


“ตอนคุณเกิดมาจากท้องแม่ คุณลืมเอาสมองออกมาด้วยรึไงถึงคิดไม่ได้…” ผมบอกด้วยน้ำเสียงท้อแท้ น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ไม่ได้สะอึกสะอื้น วิคเตอร์คลายคิ้วที่ขมวดไว้ออกเล็กน้อย แววตาที่แข็งกระด้างก็ดูอ่อนลงกว่าเดิม แต่ใบหน้าเขายังคงตึงเครียดไม่ยิ้มแย้ม


ผมหันหน้าหนีเขาไปอีกทางจ้องมองวิวตึกสูงแซมด้วยต้นไม้สีเขียวเป็นช่วงๆ ภาพทั้งหมดผ่านตาแบบไวๆ เนื่องด้วยวิคเตอร์ยังคงขับรถในระดับความเร็วเดิม ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงเกิดอาการกลัวจนตัวสั่น แต่ตอนนี้ใจผมสั่นกับเรื่องอื่นจนเรื่องรถไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ผมยกมือปาดน้ำตาจนแห้ง สูดจมูกเป็นพักๆ แล้วนั่งนิ่งๆ ไปตลอดทางจนถึงสำนักงานของแบรนด์เสื้อผ้าที่วิคเตอร์รับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ในช่วงซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึงนี้


ผมไม่ได้หันไปมองเขา แต่เปิดประตูรถแล้วออกไปทันทีที่รถจอดสนิท ผมเดินเรื่อยๆ มุ่งตรงไปยังอาคารทรงสูงสีขาวสะอาดตา ชั้นแรกของอาคารติดกระจกใสแต่คงหนามากโดยรอบ ผมผลักประตูเข้าไปด้านใน เดินไปยืนรอเขาแถวๆ เค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของอาคาร เหลือบสายตาไปมองทางประตูก็เห็นว่าวิคเตอร์เดินเข้ามาด้วยหน้าตาตึงเครียด ผมทำนิ่ง ไม่ได้เสแสร้งแต่ความรู้สึกมันนิ่งไปหลังจากได้ระเบิดอารมณ์และน้ำตาออกมาบ้าง เหมือนมันได้ปลดปล่อยพลังงานความอึดอัดที่อยู่ใน
อกเมื่อตอนที่อยู่บ้านเขาออกไป


วิคเตอร์ปรายตามามองผมเล็กน้อยก่อนจะเดินนำผมเข้าไปด้านใน ผมเดินตามเขาไปอย่างเชื่องช้า พอเข้ามาในลิฟต์ เราก็เงียบใส่กัน มีเพียงเสียงสปอตโฆษณาของแบรนด์เสื้อผ้าจากจอทีวีเล็กๆ ในลิฟต์เท่านั้นที่ดังกลบความเงียบระหว่างเราสองคน จนลิฟต์ส่งสัญญาณว่าถึงชั้นสิบที่เป็นเป้าหมายของเราในวันนี้ บรรยากาศความเงียบก็ถูกทำลายลง วิคเตอร์เดินนำผมออกไปจากลิฟต์ตรงไปยังห้องประชุม หญิงสาวผมสั้นสีดำประบ่าหน้าตาธรรมดาๆ แต่ว่าผิวขาวคนหนึ่งในชุดสูทแต่ใส่กระโปรงรัดรูปทรงเอเดินตรงมาหาเราสองคนพร้อมรอยยิ้มอันเป็นมิตร


“เชิญทางนี้เลยค่ะ” ผมยิ้มอ่อนๆ ตอบกลับไป แล้วเดินตามเธอเข้าไปในห้องประชุมที่อยู่ริมสุดฝั่งขวามือของโถงทางเดินชั้นสิบ ผนังห้องประชุมฝั่งติดกับทางเดินเป็นกระจก แต่ด้านอื่นๆ ก็เป็นผนังปูนสีขาวตามปกติ ด้านในมีโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวยาววางอยู่ตรงกลาง และมีเก้าอี้สีดำวางเรียงรายล้อมรอบ ผนังในห้องมีรูปนายแบบ นางแบบติดเต็มโดยรอบ มีสตอร์รี่บอร์ดวางเกยทับๆ กันบนชั้นวางของที่อยู่มุมซ้ายด้านหน้าของห้อง มีกระดานไวท์บอร์ดสีขาวที่มีรูปถ่ายติดไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งเป็นลายมือคนเขียนด้วยปากกาเมจิกตั้งอยู่กึ่งกลางของด้านหน้าห้องประชุม

V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:40:27


ผมเดินเบลอๆ โดยไม่ได้สนใจมองว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง หยุดยืนมองหามุมให้ตัวเองสักพัก ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้มุมห้องที่อยู่ตรงข้ามกับประตูห้องประชุม ใกล้กันนั้นมีตู้ชั้นหนังสือนิตยสารที่วางอัดกันอยู่มากมายจนล้นชั้นวาง ส่วนวิคเตอร์เดินไปนั่งที่หัวโต๊ะอีกฝั่งที่อยู่ใกล้กับมุมที่ผมนั่ง โดยมีทีมงานบางส่วนนั่งรออยู่แล้ว เขาเหลียวหลังมามองผมแว้บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปทักทายทีมงาม ผมหยิบสมุดโน้ตจดงานของเขาขึ้นมาเตรียมไว้ เผื่อต้องมีอะไรที่ควรจดไว้เพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง


“Hey. (ไง)” ผมที่กำลังนั่งตาลอย สีหน้าเหม่อๆ ถึงกับสะดุ้งเบาๆ เมื่อเสียงทุ้มเข้มๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ ผมหันไปมองด้วยความมึน ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออก


“Adam! (อดัม!)” ผมร้องออกมาเบาๆ แต่วิคเตอร์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กลับได้ยินและหันมามอง แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก หางตามันเหลือบเห็นเอง อดัมยิ้มกว้างแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้สีดำข้างๆ ผมอีกตัว ผมระบายยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้า มองเขาด้วยความตื่นเต้นเล็กๆ เพราะไม่ได้เจอกันนาน


“ไม่ได้เจอกันนาน…” เราสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่จะยิ้มค้างไปพักหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมาพร้อมกันเบาๆ


“ใช่ครับ เราไม่ได้เจอกันนานมาก คุณสบายดีมั้ยครับ” ผมเป็นฝ่ายหยุดหัวเราะแล้วถามเขาก่อน อดัมยิ้มหล่อกลับมา ก่อนจะตอบ


“ก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม” เขาว่าแล้วยกแขนซ้ายที่มีรอยสักนกอินทรีย์ขึ้นมาเบ่งกล้ามให้ดู จนกล้ามแขนแน่นๆ นั้นแทบปริตอนเขางอข้อศอก


โอยยย… เชื่อแล้วว่าแข็งแรง แข็งแรงจริงๆ หน้าอกของพี่ยังคงแน่นจนน่าซบเช่นเคย พี่อดัมมม~ แม้นไม่ใช่อดัมมารูนไฟว์ แต่มีรอยสักเหมือนกัน ไอ้แมทก็จะเป็นลมแล้ววว อ้ากกก ขอซบทีได้มั้ยจ๊ะพี่จ๋า ยิ่งช่วงเวลาที่โดนข่มเหงจากไอ้ยักษ์หน้าหนวดแบบนี้ ยิ่งอยากได้ที่พึ่งทางใจและทางกายเหลือเกิน


อยากจะซบอกเธอที่บนเตียงงง~


ผมแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนอาการหื่นของตัวเอง อดัมลดแขนลงแล้วยิ้มกว้าง หูยยย ดวงตาสีเทาอ่อนของเขายังคงเซ็กซี่มีเสน่ห์ดึงดูดชวนดูดปาก (?) ด้วยจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ชายในสเป็ค ไม่ว่าจะกี่ครั้งยังคงตรงสเป็คน้องแมทเหมือนเดิม


“แล้วนายล่ะ เป็นยังไงบ้าง หลงจากเจอกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตวันนั้น เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”


“ชีวิตปกติดีครับ สุขบ้างทุกข์บ้างสลับกันไป…” แต่เมื่อกี้นี้ทุกข์ใจเต็มๆ แต่ตอนนี้พอเจอพี่อดัม น้องแมทก็หายแล้วล่ะครับพี่


“…อีกประมาณสองเดือนผมก็จะฝึกงานเสร็จแล้วล่ะครับ” ผมฉีกยิ้มกว้าง อดัมยิ้มกว้างตอบกลับมา ช่วงเวลานี้ผมแทบจะลืมความดราม่าที่เพิ่งเจอมา แทบจะสะบัดมันหลุดออกจากหัวไปเลยล่ะ


“งั้นเหรอ นายกับฉันยังไม่ได้ไปแฮงก์เอ้าท์ด้วยกันเลยนะ” อ้ากกก เขาชวนผมเดทแน่เลย -.,- (เดี๋ยวนะ!)


“คุณนัดมาได้เลยครับ ผมพร้อมเสมอ”


“นัดแล้ว ไปได้จริงนะ” ผมยิ้มแป้นแล้วพยักหน้ารัวๆ เป็นการตอบรับ อดัมยิ้มมุมปากหล่อๆ กลับมา ก่อนจะขยิบตาซ้ายมาให้อย่างน่ารัก


หูยยย ทำงี้เขามีอารมณ์นะพี่อดัม


“ถ้างั้นเย็นนี้เลยเป็นไง” ผมกำลังจะอ้าปากตอบตกลง แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นไอ้ยักษ์หน้าหนวดที่ตอนนี้หมุนเก้าอี้หันมามองผมตรงๆ แล้วตีหน้ายักษ์มองกลับมา ปากที่กำลังจะอ้าตอบตกลงเป็นอันหุบลงฉับ แล้วประมวลคำตอบที่กำลังจะบอกผู้ชายในสเป็คของตัวเองอีกรอบ


“คือ… วันนี้อาจจะยังไม่ว่าง ไม่สะดวกเท่าไหร่ เอาไว้คุณลองนัดล่วงหน้ามั้ยครับ” ผมยิ้มกว้างแหยๆ ให้เขา แล้วเมินสายตาของวิคเตอร์ที่จ้องเขม็งอยู่


“แล้วฉันจะนัดนายได้ยังไงล่ะ” อดัมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ผมกระพริบตาปริบๆ ทำท่าคิด ก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองออกมาแล้วยื่นให้เขา


“คุณเอาเบอร์มือถือคุณมาก็ได้ครับ ผมจะเมมไว้ แล้วเดี๋ยวมันก็จะเด้งชื่อคุณมาอยู่ในลิสต์ว้อทแอพของผม แล้วผมก็จะทักคุณไป” ผมยิ้มกริ่ม อดัมยิ้มนิดๆ ด้วยความเข้าใจ ก่อนจะรับมือถือผมไป ในขณะที่เขากำลังกดเบอร์มือถืออยู่นั้น เสียงในห้องประชุมก็เริ่มจอแจมากขึ้น และเสียงห้วนๆ ของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา


“อดัม ทุกคนพร้อมแล้ว นายไม่ไปนั่งที่รึไง” ผมหันไปมองวิคเตอร์ด้วยสายตาเคืองๆ อีกฝ่ายถลึงตาดุๆ กลับมา จ้องจนดวงตาแทบไม่ขยับ อดัมพยักหน้ารับงงๆ ก่อนจะหันกลับมารีบจิ้มเบอร์ของตัวเองแล้วยื่นมือถือคืนผม


“ไว้เดี๋ยวคุยกันนะแมท”


“ครับ คุณอดัม” ผมส่งยิ้มให้เขา อดัมลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปนั่งที่ตัวเองแถวๆ หัวโต๊ะบริเวณหน้าห้อง ผมก้มลงมองหน้าจอมือถือแล้วยิ้มกับหมายเลขโทรศัพท์ของพี่อดัมล่ำสันผู้แข็งแรง! แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องหุบยิ้มลงด้วยความเซ็ง เมื่อเห็นว่าวิคเตอร์กำลังมองมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง แววตามีแววไม่พอใจฉายชัด ผมเอียงคอแล้วเลิกคิ้วขึ้นมองเขาด้วยความสงสัยที่แสร้งทำ ประมาณว่าเขามีปัญหาอะไรรึเปล่า


“ฉันบอกว่าห้ามยิ้มไง” เขาว่าเสียงกดต่ำ ท่ามกลางเสียงคุยหึ่งๆ ในห้องประชุม เขาจ้องหน้าผมดุๆ ผมเบ้ปากนิดๆ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าให้ใกล้เขามากขึ้น ก่อนจะตอบเสียงกระซิบแต่เน้นคำเน้นๆ


“ปัญญาอ่อน ผมไม่ทำตามหรอก” อีกฝ่ายกัดฟันกรอด ก่อนจะว่าเสียงกระซิบกดต่ำกลับมาด้วยความไม่พอใจที่เพิ่มระดับไปตามอารมณ์ของตัวเขาเอง


“ใบฝึกงาน…”


“…ตอนนี้คุณไม่มีอำนาจในใบนั้นแล้ว ผมบอกแล้วไงว่าคุณเอมิลี่พร้อมเซ็นต์ให้ผมทันทีถ้าผมอยากจะไป” ผมว่ากลับนิ่งๆ วิคเตอร์เองก็นิ่งเหมือนชะงักไป แต่ก็แค่แว้บเดียว เขาขบกรามแน่นเหมือนพยายามสะกดกั้นอารมณ์ มือทั้งสองข้างของเขาบีบที่เท้าแขนของเก้าอี้แน่น ผมทำหน้าว่าไม่แคร์ เขาชี้หน้าผมอย่างคาดโทษก่อนจะว่าเสียงกดต่ำอย่างข่มขู่


“เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาบอกด้วยสีหน้าหงุดหงิดแล้วหมุนเก้าอี้กลับไปคุยงานกับพวกทีมงาน ผมถอนหายใจด้วยสีหน้าเอือมระอา เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยเต็มทีกับสถานการณ์และสถานะแบบนี้


หรือบางทีผมควรจะบอกคุณเอมิลี่ว่าให้เซ็นต์ใบฝึกงานเลยดีนะ จะได้จบๆ ไป กลับไทยไปเป็นคุณหนูที่บ้าน ไม่ต้องทำงานหนักแบบนี้ และไม่ต้องมารองรับอารมณ์ของไอ้บ้านี่ด้วย


ผมทำหน้าคิดหนักกับประเด็นนี้ สมองบอกอยากกลับ แต่อีใจทรยศดันบอกว่ายังไม่พร้อมกลับ โอ๊ย พวกมึงก็ทะเลาะกันได้เนอะ ทั้งๆ ที่อยู่คนล่ะส่วนของร่างกายเนี่ย


เออ อย่าว่าแต่ใจมันเลย ตัวผมก็ยอมรับเลยว่า พอคิดว่าจะกลับดันเกิดอาการใจหวิวและสั่นๆ ขึ้นมาซะงั้น ผมยกมือซ้ายขึ้นมาลูบแก้มที่โดนเขาตบไปเบาๆ พลางนึกว่าที่เขาทำก็เพราะผมไปตบเขาก่อน แต่ผมตบเขาเพราะมันเหลืออดกับความเจ้าชู้ของเขาแล้วจริงๆ


ยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมกำลังสับสนกับตัวเอง คิดไม่ตกว่าจะกลับหรือไม่กลับดี แต่ถ้าเลือกจะอยู่ต่อผมว่าผมต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ไม่งั้นผมคงอยู่ยาก ผมถอนหายใจแล้วนั่งฟังประชุมงานไป พลางจดส่วนสำคัญๆ เอาไว้ในสมุดด้วยอาการเหม่อลอยนิดๆ









“See you next 2 weeks. (อีกสองอาทิตย์เจอกันนะครับ)” ทีมงานผู้ชายหัวล้านคนหนึ่งที่คล้ายจะเป็นหัวหน้าของการถ่ายแฟชั่นเซ็ทนี้เอ่ยขึ้นหลังจากการประชุมราวๆ หนึ่งชั่วโมงจบลง ผมชอบการทำงานต่างประเทศอย่างหนึ่งที่เขาจะให้ทุกคนออกความเห็นได้อย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก ทุกคนมีสิทธิออกไอเดียได้เต็มที่ และทุกไอเดียจะถูกเก็บนำมาพิจารณา แล้วร่วมกันดิสคัสในตอนท้ายว่าไอเดียไหนดีไม่ดีอย่างไร อันไหนใช้ได้ ใช้ไม่ได้เพราะอะไร ใครที่ไม่ออกความเห็นก็ไม่มีใครว่าหรอก แต่ลึกๆ เขาจะมองว่าพวกเราไม่หัวคิด แม้นจะมีคนที่เหมือนจะเป็นหัวเรือใหญ่ของงาน แต่จริงๆ แล้วทุกคนเท่าเทียมกันหมด ส่วนหัวเรือใหญ่มีไว้เหมือนเป็นคนดูภาพรวมและเป็นผู้ตัดสินใจในส่วนสำคัญๆ ซะมากกว่า 


จริงๆ วันนี้วิคเตอร์ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ แต่เนื่องจากทางแบรนด์ให้เกียรติเขา เลยอยากเชิญมาร่วมออกความคิดเห็น แต่ตั้งเริ่มประชุมยันจบประชุม ไอ้ยักษ์หน้าหนวดไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจเลยสักนิด ได้แต่พยักหน้าไปเรื่อยเปื่อย และตอบรับคำสั้นๆ ส่วนประโยคยาวๆ แทบนับได้ว่าพี่แกพูดอะไรออกไปบ้าง ผมนี่รู้สึกใจหายใจคว่ำไปกับอาการผีเข้าของมัน บางครั้งผมอยากจะแหกปากตอบแทน แต่ก็กลัวทีมงานจะด่าทางสายตาว่าเสือก ครั้นเขาจะด่าวิคเตอร์ก็ไม่ได้เพราะหมอนี่เป็นพรีเซ็นเตอร์ที่เขาเลือกมาแล้ว และสิ่งที่วิคเตอร์แสดงออกมาก็ไม่ใช่การสำแดงฤทธิ์ร้ายแรงอะไร ทางทีมงานเลยจะว่าไม่ได้ เพราะมันก็แค่เฉยชากับคนอื่นจนเกินไปเท่านั้นเอง อีกอย่างตอนนี้ชื่อเสียงเขามีมากขึ้นเพราะเพิ่งคว้าบทหนังใหญ่มาได้ ทางทีมงานก็เลยออกอาการเกรงใจในระดับหนึ่ง


“Thank you for coming today. (ขอบคุณที่มาวันนี้นะครับ)” ชายหัวล้านที่เป็นหัวหน้าทีมกล่าวกับวิคเตอร์ด้วยรอยยิ้ม ส่วนไอ้พระเอกยังคงพอมีจิตสำนึกอยู่บ้างที่จะยิ้มตอบและพูดโต้ตอบกลับ ผมเดินออกไปรอนอกห้อง ปล่อยให้วิคเตอร์ยืนคุยนอกรอบกับทีมงานไป ระหว่างที่กำลังก้มลงยัดสมุดลงในกระเป๋าเป้ อดัมก็เดินออกมาจากห้องประชุมพอดี


“ฉันเห็นนายเอาแต่นั่งเฉยๆ ไม่เบื่อบ้างเหรอที่ต้องคอยตามวิคเตอร์แบบนี้” เบื่อครับ เบื่อมาก อยากจะพูดแบบนี้ แต่ผมก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วตอบให้ซอฟท์กว่าความเป็นจริงที่ตัวเองรู้สึก


“ก็นิดหน่อยครับ แต่มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำนี่ครับ” อดัมยิ้มกลับมา ผมก็ยิ้มกลับไป แล้วในจังหวะนั้นเอง วิคเตอร์ก็เปิดประตูห้องออกมา เขาเหลือบมองอดัมด้วยสายนิ่งสงบจนดูเยือกเย็น ก่อนจะเบนสายตาเย็นๆ นั้นมาที่ผม


“เสร็จงานแล้วก็กลับสิ” เขาว่าเสียงเรียบแต่ก็เน้นเสียงหนัก และยังคงจ้องหน้าผมด้วยสายตาคมวับ ผมบิดริมฝีปากด้วยความเบื่อนิดๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้อดัมที่กำลังเลิกคิ้วแล้วยิ้มขำๆ อยู่


“ผมกลับก่อนนะครับ แล้วไว้เจอกัน”


“ทักว้อทแอพฉันมานะ แล้วฉันจะนัดไป” ผมยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะทำมือขึ้นว่าโอเค วิคเตอร์ส่งเสียงฟึดฟัดขึ้นจมูก ก่อนจะเดินย่ำเท้าหนักๆ ไปที่ลิฟต์ อดัมเลิกคิ้วขึ้นมองตามแผ่นหลังวิคเตอร์ไป แล้วหันมามองผมอย่างงงๆ


“อย่าไปถือสาเขาเลยครับ” ผมบอกอย่างปลงๆ แล้วหมุนตัวเดินตามวิคเตอร์ไปที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่ พอลิฟต์มาเขาก็ก้าวเข้าไปด้านใน ผมก้าวตามเข้าไป สบตากับอดัมที่อยู่นอกลิฟต์แล้วเราก็ยิ้มให้กัน ในจังหวะที่ลิฟต์กำลังจะปิด เขาก็เรียกชื่อผม


“แมท…” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ และทันเห็นว่าเขายกสามนิ้วขึ้นมาจูบที่ปาก ก่อนจะชูขึ้นแบบที่ผมเคยสอนเขา ผมรีบทำมือสามนิ้วแบบลูกเสือแล้วยกขึ้นมาจรดที่ริมฝีปาก แต่ในจังหวะที่กำลังจะชูตอบกลับไป วิคเตอร์ก็เอื้อมมือซ้ายมาดึงมือผมไว้ และเป็นจังหวะที่ลิฟต์ปิดพอดี ผมหันไปมองเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด


“ดึงมือผมไว้ทำไมเนี่ย” ผมว่าเสียงห้วนไม่พอใจแล้วชักข้อมือกลับ วิคเตอร์จ้องมองผมกลับมาด้วยสายตาน่ากลัว ผมหันหน้าหนีหลบสายตาเขา แล้วเขยิบออกห่างจากร่างสูง ยังคงรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมา แต่ผมไม่สนใจ ยืนหน้านิ่งต่อไปจนลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง เราสองคนทำท่าจะก้าวออกจากลิฟต์พร้อมกัน ผมหยุดเท้าไว้ หันไปมองเขาแล้วผายมือซ้ายให้เขาเดินออกไปก่อน วิคเตอร์เหลือบมองผม ก่อนจะยกมือซ้ายมาดันหัวผมจนหัวผมแทบทิ่ม แล้วก้าวยาวๆ เดินออกไป ทิ้งความเหวอและความเอ๋อไว้กับผม พอเด้งตัวกลับมายืนตรงได้ ผมก็ทำหน้าเข่นเขี้ยวไล่หลังไอ้ยักษ์ ก่อนจะรีบเดินตามแผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้กำลังเดินออกจากประตูอาคารไป ผมยกมือขวาขึ้นมาลูบเส้นผมที่ยุ่งเหยิงจากการโดนผลักเมื่อกี้ให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเร่งเท้าไปให้ทันวิคเตอร์ที่ตอนนี้เดินถึงรถแล้ว ผมเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้เขาแล้วยกมือตีที่ไหล่ขวาหนาๆ ของเขาแรงๆ


ป้าบ!!


“โว้ย!! วันนี้นายตบฉันสองรอบแล้วนะ!” เขาหันมาโวยสีหน้าเอาเรื่อง ผมถลึงตาสู้กลับแล้วชี้ที่หัวตรงจุดที่โดนเขาผลักเมื่อกี้นี้


“หายกัน! เมื่อกี้คุณผลักหัวผมเกือบหน้าทิ่ม ตอนนี้ผมก็ตีคุณคืนไง” ผมว่าเสียงแว้ด เท้าเอวแล้วจ้องหน้าเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้


“ก็นายขัดคำสั่งฉัน นี่ยังแค่อ่อนๆ นะ กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ฉันจะลงโทษที่นายยิ้ม” วิคเตอร์ส่งสายตาวิบวับราวกับมีแผนการสนุกๆ อยู่ในหัว ผมมองเขากลับไปด้วยความไม่ไว้วางใจ ก่อนจะก้าวเท้าถอยหลังออกห่างจากเขาช้าๆ


“เสร็จงานแล้ว ผมขอตัวกลับบ้าน” เขารีบเอื้อมมือขวามากระชากไหล่ให้ตัวผมกลับเข้าไปใกล้เขาทันทีเมื่อเขาเห็นว่าตัวผมอยู่ห่างจากเขา


“ถ้าฉันไม่อนุญาตนายก็ห้ามกลับ ขึ้นรถ!” เขาว่าเสียงเข้ม แล้วกระชากให้ผมเดินตามเขาไปที่รถ ผมพยายามบิดข้อมือหนีแต่มือหนาของเขาบีบข้อมือเล็กๆ ของผมไว้แน่นจนเจ็บไปหมด วิคเตอร์เปิดประตูรถแล้วจับผมยัดเข้าไปราวกับจับตุ๊กตาวาง


“Don’t even think to run away. Otherwise, your punishment wills be extremely hard. (แล้วอย่าลุกหนีออกไปไหน ไม่งั้นบทลงโทษนายจะหนักขึ้น…)” ผมมองเขาด้วยความหวั่นวิตก วิคเตอร์ยิ้มมาดรายแล้วก้มลงมากระซิบเสียงเข้มตรงหน้าผม


“…And harder. (…และรุนแรงขึ้นด้วย)” ผมใจหายวาบ เริ่มรู้สึกกลัวกับคำพูดของเขา พยายามไม่คิดภาพอันไม่พึงประสงค์ และพยายามตั้งสติเพื่อตั้งรับกับผู้ชายคนนี้ ผมหันหน้าหนีหลบหน้าเขาที่ยื่นใกล้เข้ามา กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก นั่งนิ่งมองตรงไปข้างหน้า วิคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะต่ำๆ มาจากลำคอแล้วผละออกไปจากประตู ก่อนจะปิดประตูฝั่งผมแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งเขา หย่อนตัวเข้ามานั่งแล้วปิดประตูเสียง


วิคเตอร์ขับรถเร็วพอๆ กับตอนขามา แต่ตอนนั้นผมมัวแต่อึนกับเรื่องที่ทะเลาะกับเขาเลยไม่ได้รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้พอสติกลับมาผมก็เกิดอาการกลัว รถแลมเบอร์กินีเป็นรถที่เร็วอยู่แล้ว ยิ่งวิคเตอร์ที่ยังอยู่ในอารมณ์มาคุเป็นคนขับ มันยิ่งทำให้ความเร็วนั้นพุ่งฉิวจนวิวสองข้างทางผ่านไปแบบแว้บๆ ราวกับภาพที่ตัดเร็วๆ


“คุณเรย์มอนด์ อย่าขับเร็ว…”


“…เงียบ!” เขาตะเบ็งเสียงกลับมาโดยที่สายตายังมองถนนอยู่ ผมสะดุ้งตกใจแล้วนั่งนิ่งต่อไป มือบีบเบาะหนังแน่น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าขับเร็วขนาดนี้มีหวังโดนใบสั่งแน่ๆ แต่พูดอะไรไปตอนนี้ไอ้ยักษ์มันก็ไม่ฟังหรอก


ผมนั่งตัวเกร็งมาตลอดทาง พอรถเลี้ยวจอดที่หน้าบ้านเสียงดัง เอี๊ยด! ผมถึงกับโล่งอกที่ตัวเองยังอยู่ครบสามสิบสองประการ รู้สึกขอบคุณพุทโธ ธัมโม สังโฆ ที่ลูกได้ภาวนากับท่านมาตลอดทางว่าให้ลูกปลอดภัยจากการนั่งรถมหาภัยคันนี้


“ลงรถเร็วๆ” เขาสั่งเสียงห้วน ผมเปิดประตูรถแล้วลงไปยืนบนฟุตบาทหน้าบ้าน วิคเตอร์เดินอ้อมมาหาผม ปิดประตูรถฝั่งผมเสียงดัง ก่อนจะกระชากมือผมให้เดินขึ้นบันไดบ้านไป เขาไขกุญแจอย่างรวดเร็วแล้วเปิดประตูบ้านเข้าไป ก่อนจะดึงผมให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของบ้านแล้วปิดประตูตามหลังอย่างแรง ไมเคิลวิ่งมาต้อนรับเจ้านายมันกลับบ้านตามปกติ วิคเตอร์ไม่มีรอยยิ้มให้กับมันแต่ยังคงก้มลงไปลูบหัวมันเช่นเคย


“เดี๋ยวฉันลงมาเล่นด้วยนะไมเคิล” เขาว่าแล้วยืดตัวเต็มความสูง หันมามองผมด้วยสายตาดุจเหยี่ยวทำเอาผมจะเยี่ยวราด ผมมองเขาอย่างประเมิน พยายามทำนิ่งสู้เข้าไว้ วิคเตอร์ไม่พูดอะไรแต่พุ่งเข้ามาดึงกระเป๋าเป้ผมออกจากไหล่เร็วๆ และค่อนข้างจะแรงจนผมหน้าเหยเกตอนที่โดนสายเป้รูดผ่านผิวหนังช่วงแขน พอเอาออกได้ เขาก็โยนไว้บนเค้าน์เตอร์ครัวอย่างไม่สนใจ ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาช้อนตัวผมแล้วจับร่างพาดบ่าด้านขวาเขาไว้


“เหวอออ! คุณเรย์มอนด์!” ผมร้องเสียงหลง เมื่อหัวห้อยต่องแต่งอยู่ด้านหลังเขา วิคเตอร์ก้าวเท้าเร็วๆ ไปที่บันได แล้วอุ้มร่างผมพาขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างเร็ว ผมพยายามเงยหน้าสบตากับไมเคิลที่เอียงคอมองกลับมาตาแป๋ว


“Michael! Help! (ไมเคิลช่วยด้วย!)” ผมรู้ว่ามันเสียสติสิ้นดีที่ร้องบอกให้หมาช่วย แต่ตอนนั้นแมงสาบบินผ่านผมก็จะบอกให้มันช่วย อย่างน้อยช่วยบินเข้าไปในจมูกไอ้ยักษ์นี่หน่อยเถอะ


ป้าบ!!


“โอ๊ย!”


“Silence! (เงียบๆ!)” เขาตะคอกหลังจากตีก้นผมอย่างแรงจนรู้สึกปวดไปทั่วแก้มก้น ผมหน้ายู่ด้วยความปวดตุบๆ ทันที


“Tell me! What is your idea now?! (บอกผมซิ ตอนนี้ความคิดของคุณคืออะไร?!)” ผมถามเสียงดังตอนที่เขาหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอน


“You can’t count it! (เพียบ!)” เขาตอบเสียงดังฟังชัดแล้วเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ผมหน้าเหวอตกใจ แล้วรวบรวมแรงเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูไว้ วิคเตอร์เลยเซมาทางด้านหลัง


“ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไร ผมไม่ยอมให้คุณทำแน่!” ผมว่าเสียงดังลั่น มือก็จับลูกบิดไว้มั่นไม่ยอมปล่อย


“เด็กดื้อก็ต้องโดนลงโทษ ฉันสั่งต้องเป็นสั่ง ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!” เขาบอกพร้อมกับออกแรงกระชากตัวผมที่พาดอยู่บนบ่าเขาขนประตูเหวี่ยงไปตามแรงดึงของผม


“ไม่!!”


“ปล่อย!!”


“ไม่! คุณบอกว่าปล่อย ผมบอกว่าไม่ ฉะนั้นรวมกันเป็น ไม่ปล่อย!” ผมบอกแล้วขืนตัวเองไว้สุดพลัง


“ยอกย้อนงั้นเหรอ?!” วิคเตอร์ว่าเสียงฮึ่มๆ ก่อนจะฟาดมือมาที่ก้นผมแรงๆ อีกหนึ่งที


“Arggg! A bad boss! I will tell Emily about this! (อ้ากกก! ไอ้เจ้านายนิสัยไม่ดี ผมจะฟ้องคุณเอมิลี่!)”


“That’s fine! Say what you want to say, but after I punish you. (เอาเลย! อยากฟ้องอะไรฟ้องไปเลย แต่หลังจากฉันทำโทษนายก่อนก็แล้วกัน)”


ผมเบะปากแล้วยอมปล่อยมือจากลูกบิด วิคเตอร์รีบใช้เท้าถีบให้ประตูปิดทันที ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปที่เตียง เหวี่ยงร่างผมลงบนเตียง ผมรีบใช้มือยันตัวเองขึ้นมาแล้วกระเถิบหนีไปชิดหัวเตียง วิคเตอร์มองด้วยสายตามีชัย ก่อนจะเดินไปที่ตู้ทรงสูงที่อยู่หัวเตียง ดึงลิ้นชักชั้นบนออก แล้วหยิบอะไรบางอย่างที่ผมมองไม่เห็นออกมาเนื่องด้วยเขาเบี่ยงตัวบังไว้อยู่ เขาปิดลิ้นชักอันแรก แล้วเลื่อนลิ้นชักอันที่สอง หยิบกระดาษและสมุดปึกหนึ่งออกมา แล้วหันมาหาผมพร้อมชูกระดาษปึกนั้นขึ้นด้วยมือซ้าย ส่วนอีกมือเขาเอาอะไรบางอย่างยัดลงไปที่กระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์


“You said that I have no power on these paperwork, right? (นายบอกว่าฉันไม่มีอำนาจกับกระดาษพวกนี้แล้วใช่มั้ย)” ผมย่นคิ้วนิดๆ มองเขาอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะพยักหน้ารับนิดๆ วิคเตอร์ยิ้มมุมปากก่อนชันเข่าขึ้นที่ชอบเตียง โน้มตัวมาหาผมเล็กน้อยแล้วใช้มือซ้ายดึงข้อเท้าขวาผมไว้ ลากให้ผมเข้าไปหาเขา


“Wait, wait, wait! (เดี๋ยวก่อนๆ)” ผมบอกพลางปัดมือไล่เขาเป็นพัลวัน วิคเตอร์โยนปึกกระดาษเอกสารการฝึกงานของผมลงบนหมอนที่วางอยู่หัวเตียง ก่อนจะใช้สองมือเขาจับข้อมือผมตรึงไว้กับเตียง แล้วก็ตามขึ้นมานั่งคร่อมร่างผมไว้ ทำเอาผมที่กำลังดิ้นๆ ต้องหยุดดิ้นเพราะเขาใช้ต้นขาทั้งสองข้างล็อคเอวผมไว้แน่น


“เคลียร์กันทีล่ะเรื่องก็แล้วกัน” เขาว่าแล้วโน้มหน้าลงมาชิดกับหน้าผม จนผมเห็นดวงตาสีน้ำตาลน้ำผึ้งข้นชัดเจน เขาจ้องมองดวงตาผมกลับมาอย่างตั้งอกตั้งใจ มองจนผมรู้สึกเขินเลยต้องหลบตาหนี


“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามยิ้ม แต่ทำไมนายยังกล้ายิ้มให้ไอ้อดัม” ผมเลื่อนสายตากลับมามองเขา วิคเตอร์มองด้วยสายตาลุกวาว ดวงตาคมๆ คู่นั้นจ้องกลับมาอย่างต้องการคำตอบ


“วันไหนที่ไม่มีงาน ผมจะพาคุณไปเช็คสมองนะครับว่ามันยังปกติดีหรือเปล่าถึงได้มาสั่งคนอื่นห้ามยิ้มเนี่ย!” ผมว่าหน้ามุ่ย ขยับข้อมือที่โดนเขากดไว้แน่นแต่ก็ขยับได้แค่นิ้วเท่านั้นแหละ


“If you want to smile—you have to smile for me first in each day. I’m not allowing you to smile to anyone before me even with a dog and a cat! Get it? (ถ้าจะยิ้ม นายต้องยิ้มให้ฉันก่อนเป็นคนแรกของแต่ล่ะวัน ห้ามยิ้มให้คนอื่นก่อนฉัน แม้กระทั่งหมาหรือแมว! เข้าใจมั้ย?”) ผมย่นคิ้ว อ้าปากหวอด้วยความทึ่ง ในหัวนึกประมวลคำพูดหรือคำด่าไม่ถูกเลยจริงๆ เจอประโยคนี้เข้าไปผมถึงกับมึน ผมเลื่อนสายตาเอ๋อๆ ของตัวเองไปสบตาสีน้ำตาลน้ำผึ้งข้นของเขาที่กำลังมองมาอย่างเร่าร้อน และก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อเขาก็ก้มลงมาจูบปากผมอย่างรุนแรง


ริมฝีปากเขากดแน่นลงบนริมฝีปากผม ทั้งดูดทั้งดึงด้วยความรุนแรง พอผมจะหันหน้าหนีเขาก็ตามมาจูบหนักๆ ดูดแรงๆ และดึงเน้นๆ จนผมเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว


“วะ…วิค…” ผมผละหนีออกจากริมฝีปากเขาได้แว้บหนึ่ง แต่เขาก็ตามมาประกบปากผม กดจูบลงมาอย่างหนักหน่วง ผมพยายามปิดริมฝีปากหนีเขา วิคเตอร์ผละออกจากริมฝีปากผม ทำให้ผมมีโอกาสสูดอากาศเข้าปอด มือผมยังคงถูกตรึงไว้แน่น แต่สักพักวิ
คเตอร์ก็รวบแขนผมขึ้นไปไว้บนเหนือหัวด้วยมือซ้ายมือเดียว ผมกำลังหายใจเหนื่อยหอบเพราะจูบอันทรงพลังของเขา นี่ขนาดแค่ดูดดึงริมฝีปากกันเท่านั้นนะ ผมยังจะตาย


“เดี๋ยว…” ผมเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความเหนื่อยอ่อนๆ วิคเตอร์เอื้อมมือขวาไปหยิบของบางอย่างมาจากกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ด้วยท่าทีรีบร้อน มือเขาวนกลับมาตรงหน้าผมแล้วผมก็ได้เห็นกุญแจข้อมือสีเงินวาววับห้อยผ่านหน้าไป ผมแทบจะมีแรงขึ้นมาทันทีเมื่อวิคเตอร์เอื้อมมือขวาไปที่มือผมแล้วพยายามใช้กุญแจข้อมือคล้องมือทั้งสองข้างผมไว้


“ไม่! คุณเรย์มอนด์ คุณไม่มีสิทธิทำแบบนี้นะ!” วิคเตอร์ไม่สนใจคำเรียกร้องของผม แต่เขาจับกุญแจข้อมือคล้องมือผมทั้งสองข้างจนสำเร็จ ผมยกมือที่ถูกกุญแจข้อมือเย็นเฉียบคล้องไว้ขึ้นมาหมายจะทุบหัวเขา แต่วิคเตอร์แค่ดันแขนผมกลับไปที่เดิมด้วยแรงเบาๆ เท่านั้น ผมมองเขาด้วยอาการหวาดๆ


“คุณเรย์มอนด์ นี่มันบ้าอะไรกัน ทำแบบนี้ทำไม?!”


“ลงโทษที่นายยิ้มไง หึ พอเป็นไอ้อดัมนี่ยิ้มกว้างกว่าปกติเชียวนะ”


“ผมจะยิ้มกว้างแค่ไหนก็เรื่องของผม ไม่ต้องมายุ่งกับความกว้างความยาวของปากผมหรอก!” ผมบอกเสียงแหวลั่นห้อง วิคเตอร์ยิ้มที่มุมปากแล้วเอามือซ้ายมาบีบแก้มผมไว้ไม่แรงมากแต่ก็เจ็บนิดๆ อยู่ดี


เขาก้มลงมาประกบปากผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เข้าใช้ลิ้นเข้ามาสัมผัสลิ้นผมด้วย ความรู้สึกเสียววาบแล่นไปทั่วร่างส่งผลให้ขนทุกเส้นบนร่างผมลุกซู่ ผมพยายามสู้แล้ว แต่มือขวาเขาดันแขนผมไว้ ส่วนมือซ้ายก็บีบคางบังคับให้ผมอ้าปากไว้แน่น แถมลิ้นเขายังคุมเกมอยู่ในปากผมอีก ครั้นจะให้ผมถดลิ้นหนีก็เป็นไปไม่ได้อีก ผมเลยถูกลิ้นเขาหยอกล้อไม่ยอมปล่อย วิคเตอร์ใช้ลิ้นของเขาเกี่ยวกระหวัดลิ้นของผมไปมาอย่างรุนแรงและเร่าร้อนจนผมเริ่มโอนอ่อนตามเขา


เมื่อผมอ่อนลง วิคเตอร์ก็ปล่อยมือที่บีบคางผมไว้ แล้วเอาไปแตะที่สะโพก ล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืดก่อนจะเลื่อนขึ้นไปที่เอวหนาของผมแล้วบีบเคล้นคลึงหนักๆ เขากดริมฝีปากปิดปากผม แล้วคราวนี้เขาทั้งจูบ ทั้งดูด นัวเนียกับลิ้นและริมฝีปากผมจนน้ำลายเลอะริมฝีปากไปหมด ผมที่ไม่มีประสบการณ์การจูบที่ลิ้นแลกลิ้นแบบนี้เลยได้แต่ไหลไปตามลิ้นร้อนๆ ของเขาที่ไล้เลียไปรอบเรียวลิ้นและโพรงปาก มือซ้ายเขาก็ลูบขึ้นลูบลงที่สีข้างผมไปมาจนผมรู้สึกเสียวและจั๊กจี๋ในเวลาเดียวกัน


“อือออ….” วิคเตอร์ครางเสียงแหบพร่า ผมเริ่มหายใจไม่ทัน เพราะโดนปิดปากและโดนเขาใช้ลิ้นเลียไปรอบโพรงปากอย่างตะกละ แถมเขายังสลับกับการจูบริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย เขาทั้งดูดและดึงอย่างร้อนแรงจนผมแทบจะโต้ตอบไม่ทัน สุดท้ายผมเลยหันหน้าหนี


“แฮ่ก…แฮ่ก… ฮื่อ… แฮ่ก…อุ๊บ…” วิคเตอร์ตามมาประกบปิดปากผมทั้งที่ผมยังไม่ทันได้สูดอากาศเต็มปอด เขาขยี้จูบอย่างรุนแรงจนผมรู้สึกเหมือนปากจะเปื่อย ผมหันหน้าหนีอีกรอบและรีบพูดทั้งที่ยังหอบหายใจหนักๆ


“วะ…วิคเตอร์…แฮ่ก…แฮ่ก… ใจเย็นๆ ก่อน” ผมบอกเสียงสั่น มือที่ถูกกุญแจข้อมือตรึงไว้สั่นน้อยๆ วิคเตอร์เองก็หายใจหอบหนักๆ แต่ไม่เท่าผม เขาจ้องมองกลับมาด้วยสายตาร้อนรุ่ม ผมหรี่ตาปรือมองเขาและพยายามเอาอากาศเข้าปอดเยอะๆ วิคเตอร์ก้มลงมากดจูบหนักๆ อีกหนึ่งทีแต่แช่ไว้นาน เล่นเอาผมจะขาดใจตาย ก่อนจะปล่อยออกแรงๆ จนเกิดเสียง จุ๊บ เน้นๆ


“จะขัดคำสั่งฉันอีกมั้ย” เขาถามเสียงแหบพร่าและกดต่ำ ผมหายใจหอบ พยายามเปิดเปลือกตามองเขา มือซ้ายเขายังคงบีบๆ ไปทั่วเอวหนาและสีข้างของผม ออกแรงหนักและเบาสลับกันไป เขาจ้องมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ


“ไม่… คุณไม่มีสิทธิ…” เขาก้มลงมากดจูบหนักๆ อีกครั้ง เอียงหน้าไปซ้ายขวาแล้วขยี้จูบไปมาอย่างรวดเร็วและเร่าร้อนดังเดิม


“อืมมม…” เขาครางเสียงกระเส่าในขณะที่ริมฝีปากยังบดขยี้ผมไม่หยุด จนผมต้องเบี่ยงหน้าหนีอีกครั้งเลยทำให้ริมฝีปากเขาจุ่มอยู่ตรงแก้มขวาผมแทน เขาเลยกดจูบหนักๆ ลงไปบนแก้มอยู่พักหนึ่งก่อนจะผละออก


“อย่าปากเก่งกับฉันอีก เข้าใจรึเปล่า” ผมส่ายหัวแรงๆ แล้วหันหน้าไปเผชิญกับเขา ก่อนจะพยายามพูดเสียงหนักๆ ทั้งที่ยังหายใจหอบๆ


V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:45:00


“คุณไม่มีสิทธิข่มขู่ หรือสั่งอะไรผมอีก ไอ้ใบฝึกงานที่คุณมี ผมไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว…” ผมบอกเสียงหอบด้วยความเหนื่อย วิคเตอร์ขบกรามแน่นแล้วเอื้อมมือขวาไปหยิบกองกระดาษขึ้นมา ผมไม่มีแรงจะยกแขนทุบตีเขากลับ เพราะผมเหมือนโดนเขาสูบพลังไปจากร่างกาย ผมเลยยกแขนไว้เหนือหัวแบบนั้น แล้วแอ่นตัวขึ้นมา


“แล้วนายคิดว่าฉันจำเป็นต้องใช้มันรึไง ถ้ามันไร้ค่าแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้!”


แควก!


เขาฉีกกระดาษและสมุดสำเนาการฝึกงานของผมทิ้งอย่างแรงจนมันขาดเป็นชิ้นๆ กระจุยกระจายไปรอบๆ ตัวผม วิคเตอร์กระชากกระดาษจนขาดด้วยอารมณ์ที่รุนแรง แล้วขว้างทิ้งไปที่อีกฝั่งของเตียง ก่อนจะก้มลงมองผมด้วยสายตาตาดุเดือด


“ถ้างั้นเป็นอันว่าผมฝึกงานเสร็จแล้วนะ” วิคเตอร์ยิ้มเยาะๆ ก่อนจะบีบมือซ้ายที่จับเอวผมอยู่ไปมาหนักๆ


“ถ้าเอมิลี่มีอำนาจกับกระดาษพวกนั้น งั้นฉันจะมีอำนาจกับตัวนายแทนก็แล้วกัน ฉันว่ามันเจ๋งกว่ากันเยอะ” ผมตาโตขึ้นนิดๆ ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความหมายในประโยคนั้น


“Whatever she wants to sign—let she sign; but if I am your proprietor, and you are mine. I will have more power than all the paperwork and Emily. (เอมิลี่อยากเซ็นต์อะไรก็เซ็นต์ไป แต่ถ้าฉันเป็นเจ้าของนายและนายเป็นของฉัน ฉันก็มีสิทธิยิ่งกว่าไอ้กระดาษพวกนั้นและเอมิลี่อีก)”


“I’m not the things! (ผมไม่ใช่สิ่งของนะ!)” ผมบอกกลับอย่างเดือดดาล รู้สึกไม่ชอบใจที่เขาเห็นผมเป็นเหมือนสิ่งของหรือของเล่นที่เขาจะมาทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ


“Don’t worry, if you are the things—you will be the very precious thing for me. (ไม่ต้องกังวลใจไป ถ้านายเป็นสิ่งของ นายจะเป็นของที่มีค่าที่สุดสำหรับฉันแน่)” เขาบอกด้วยรอยยิ้มกริ่ม ก่อนจะก้มลงมาสูดดมที่ซอกคอด้านซ้ายผมแรงๆ ก่อนซุกไซร้ไปมาอย่างแรงเช่นกัน มือซ้ายที่ลูบเอวผมอยู่เลื่อนขึ้นไปบดขยี้ยอดอกจนผมเสียววาบ


“ฮ่า…” ผมร้องเสียงแผ่ว วิคเตอร์รู้จักจับจุดถูกต้องว่าจะทำยังไงให้ผมอ่อนระทวย เหมือนเขารู้ว่าเขาสามารถสยบผมได้ด้วยการจู่โจมทางร่างกาย


เขาใช้จมูกดันให้ผมหงายหน้าขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ไซร้ใต้คางถนัดๆ ผมแอ่นตัวเมื่อเขาบีบยอดอกอย่างแรง ผมกำมือแน่นและเผลอขยับดึงมือออกห่างจากกัน จนกุญแจข้อมือตึง ขอบกุญแจข้อมือด้านในคล้ายจะบาดผิวผมนิดๆ


“You are going to be mine… (วันนี้นายต้องเป็นของฉัน…)” เขาว่าเสียงแหบระหว่างที่ไซร้ซอกคออีกด้านของผมอย่างมัวเมา มือก็ลูบหน้าอกไปมาอย่างปลุกอารมณ์ ผมเริ่มรู้สึกปวดหนึบที่ส่วนอ่อนไหวของร่างกายเพราะมันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาและตอนนี้มันกำลังดันต้านกับกางเกงชั้นในอยู่


“อย่าบังคับผม…” ผมบอกเสียงพร่า วิคเตอร์ใช้ลิ้นเลียขึ้นเลียลงไปทั่วลำคอผมช้าๆ จนผมเสียวสะท้านไปทั้งตัว ความกลัวก่อตัวขึ้นในใจ ผมไม่อยากได้แบบนี้ ผมไม่อยากเป็นของเขาเพราะโดนบังคับแบบนี้ ผมอยากให้เขาด้วยความเต็มใจ


“วิคเตอร์ ไม่เอา อย่า ปล่อยผม…” ผมเริ่มงอแง และสะบัดหน้าหนีไปมา วิคเตอร์ก็ไม่หยุดการซุกไซร้ ผมสะบัดไปทางไหนเขาก็ตามไปไซร้อีกข้างของซอกคอ


“เถอะน่า มาขนาดนี้แล้ว…” เขาว่าเสียงหึ่งๆ ที่ซอกคอผม จมูกก็ยังคงซุกไซร้ซอกคอผมไม่หยุด


“ไม่ ไม่เอา ไม่!” ผมสะบัดหน้าหนีเขาเร็วๆ และพยายามดิ้นสู้อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ความรู้สึกผมจะดับวูบไป รับรู้ได้เพียงความเลือนรางรอบๆ กาย


“เอเลี่ยน” เสียงวิคเตอร์ดังอยู่ใกล้ๆ เหมือนเขาจะชะงักไปและหยุดการกระทำแล้ว


“เฮ้ย! เอเลี่ยน! แมท!” เขาว่าแล้วตบแก้มผมเบาๆ แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันเลือนรางๆ อยู่ในหัว รับรู้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่
เมื่อเห็นผมนิ่งไปจริงๆ วิคเตอร์ก็รีบลุกออกจากตัวผมไป ผมรู้สึกว่าตัวเองเบาขึ้นเมื่อไม่มีเขานั่งคร่อมอยู่ด้านบนตัวเอง และในจังหวะนั้นเอง


ปิ๊ง!


ผมเปิดเปลือกตาขวาขึ้นมา แล้วหรี่ตามองสถานการณ์ตรงหน้า ก็เห็นว่าวิคเตอร์กำลังนั่งหันหลังให้ผมอยู่ ผมกัดปากล่างแล้วยิ้มกริ่มก่อนจะใช้เวลาอันรวดเร็วในการยืดขาขวาให้เหยียดตรงแล้วพลิกตัวไปข้างๆ ใช้หน้าแข้งเตะเข้าที่ซอกคอฝั่งขวาของเขา


พลั่ก!


“โว้ยยย!!!” เสียงเขาโวยวายดังลั่นเมื่อตอนที่ล้มลงบนเตียง ผมรีบใช้ศอกยันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วกระโจนขึ้นไปนั่งคร่อมร่างเขาที่นอนเอียงๆ อยู่ ผมจับแขนขวาเขาล็อคไว้แล้วบิดเบาๆ


“โอ๊ยยย! ไอ้เอเลี่ยน!!” เขาร้องโวยวายเมื่อผมจับแขนเขาให้ตึงแล้วบิดน้อยๆ ด้วยสีหน้าโรคจิต


“กุญแจอยู่ไหน?!!”


“ไม่บอก!” หน็อยแน่ะ! อยู่ในท่าเพลี่ยงพล้ำขนาดนี้ยังจะมาปากดีอีก ผมเลยงับเข้าให้ที่เนื้อตรงข้อมือ


“อ้ากกก!” เขาร้องลั่นและพยายามสะบัดแขนออกจากฟันผม แต่ผมกัดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จนรู้สึกพอใจว่าเขี้ยวตัวเองน่าจะฝังจนเป็นรอยลึกแล้วจึงยอมปล่อยแขนเขาออกจากฟันตัวเอง


“บอกมา ว่ากุญแจไขกุญแจข้อมืออยู่ไหน?!”


“ในกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์!” ต้องอย่างงี้สิพ่อหนุ่ม ให้มันรู้ซะบ้างว่าสถานการณ์ไหนควรแข็งควรอ่อน


ผมยิ้มแป้น แล้วตวัดขาซ้ายมาล็อคแขนขวาเขาไว้แน่น โน้มตัวไปที่กระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ของเขา แล้วพยายามใช้สองมือที่ถูกคล้องเข้าไว้ด้วยกันควานหากุญแจ ควานอยู่สักพักก็เจอกุญแจดอกเล็กๆ ผมรีบหยิบออกมาไขให้ตัวเองทันที แม้จะทุลักทุเลไปหน่อย แต่สุดท้ายก็สำเร็จ กุญแจมือหลุดออกจากข้อมือผม ผมรีบดึงออก ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วดึงแขนขวาวิคเตอร์ให้ไปใกล้กับเสาเตียงมุมขวาด้านบน จากนั้นก็ล็อคข้อมือขวาเขาไว้ด้วยกุญแจข้อมือติดกับเสาหัวเตียง


“เอเลี่ยน!” วิคเตอร์ตะคอกดังลั่นด้วยสีหน้าและแววตาอันเกรี้ยวกราด ผมเบ้ปากแล้วกระโดดลงไปยืนข้างล่างเตียง วิคเตอร์จ้องมองผมด้วยสายตาอาฆาต


“ถือว่าแอคติ้งแกล้งเป็นลมของผมก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าที่กองถ่ายขาดเอ็กซ์ตร้าเรียกใช้ผมได้นะ” ผมบอกแล้วยิ้มแป้นพลางชูแม่กุญแจที่อยู่ในมือขวาขึ้นมา


“ไอ้เด็กเลี้ยงแกะ!” เขาด่าผมเสียงดังและพยายามดึงข้อมือที่ติดอยู่กับเสาเตียง


“แหม… ไอ้ผู้ใหญ่หื่นกาม!” ผมเสียงดังข่มกลับไป วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาราวกับจะเข้ามาฉีกผมให้เป็นชิ้นๆ ผมยิ้มเบ้ปากอย่างมีชัย เพราะยังไงเขาก็เข้ามาหาผมไม่ได้อยู่แล้ว เขาพยายามบิดตัวออกจากแขนขวาแต่ก็ทำไม่ได้ เลยได้แต่ทำสีหน้าหงุดหงิดให้ผมหัวเราะคิกคักคนเดียว


“อย่าให้ฉันหลุดไปได้นะ นายเจอของแข็งกระแทกแน่!” ผมทำหน้ายู่ แล้วเบะปากใส่เขา


“ผมไม่อยู่ให้คุณกระแทกผมหรอก เพราะผมจะลาออก ผมจะบอกบอกให้คุณเอมิลี่เซ็นต์ใบฝึกงานให้ผม!” วิคเตอร์นิ่งไปเบิกตากว้างมองกลับมาตาดุ แต่กระนั้นในแววตาเขาก็มีแววคล้ายความตื่นกลัวอยู่


“นายคิดว่าจะไปได้ง่ายๆ รึไง?!” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วยักไหล่ ก่อนจะตอบน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว


“ตอนแรกผมลังเลนะว่าจะเอายังไงดี แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้วว่าผมกลับไทยดีกว่า อ้อ ไม่สิ ผมจะไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ก่อนแล้วค่อยกลับ”


“You can’t go! (ฉันไม่ให้ไป!)” เขาว่าเสียงดัง ลุกขึ้นยืนแล้วพยายามเบี่ยงตัวมาทางซ้ายเพื่อเดินมาหาผม แต่ก็โดนกุญแจข้อมือรั้งเอาไว้กับเสาเตียง


“Shit! (แม่งเอ้ย!)” เขาสบถดังลั่นก่อนจะกลับไปนั่งที่ขอบเตียงในท่าทางที่ดูขัดๆ ตามเดิม แขนขวาเขาถูกยึดกับเสาเตียง ส่วนก้นฝั่งซ้ายนั้นนั่งหมิ่นๆ อยู่ที่ขอบเตียง นั่นไม่ใช่ท่านั่งที่สบายเท่าไหร่หรอก


“ผมไม่อยู่ในคุณปล้ำหรอกนะ…” และไม่อยากอยู่ให้คุณทำให้ผมรู้สึกหน่วงใจไปมากกว่านี้แล้ว ผมต่อท้ายในใจเงียบๆ คนเดียว ผมพูดกับเขาด้วยหน้าตาที่จริงจัง แต่สักพักก็นึกอะไรสนุกๆ ขึ้นได้ แล้วคลี่ยิ้มกริ่มบนใบหน้า


“…But—if  you fucking want to fuck me you have to be a single man, and be kind to me. (แต่ถ้าคุณอยากได้ผมมาก คุณต้องไม่มีใคร และต้องใจดีกับผม)” ผมพูดไปงั้นแหละ เพราะไหนๆ จะกลับไทยแล้ว อยากพูดอะไรก็พูดเลยแล้วกัน ไม่ต้องเก็บงึมงำไว้ในใจคนเดียว


 “I think you can’t do that. So, good bye—oh, good boy—Mr. Victor Jean Raymond. (ผมว่าคุณคงทำไม่ได้ ถ้างั้นก็ลาก่อน โอ๊ะ ไม่สิ เด็กดี นะครับ คุณวิคเตอร์ จีน เรย์มอนด์)” ผมส่งยิ้มให้เขา แม้ใจจะกระตุกด้วยความใจหาย แต่ผมก็เอ่ยลาเขาตรงนี้ดีกว่า พอตรงนี้ดีกว่า


วิคเตอร์เบิกตากว้าง คราวนี้แววตาเขามีความเจ็บปวดและความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดจนผมอึ้งไป สีหน้าเขาดูทรมาน ก่อนที่เขาจะส่งเสียงโหยหวนดังลั่นห้อง


“No! No! Don’t go. Don’t leave me! (ไม่! ไม่นะ! อย่าไป อย่าทิ้งผม!)” เขาหลับตาแน่น แล้วซุกหน้าลงไปกับหมอน ผมผงะด้วยความตกใจที่เห็นความร้าวรานบนใบหน้าเขาเมื่อครู่นี้ ก่อนจะตั้งสติแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปหาเขา รีบใช้แม่กุญแจไขกุญแจข้อมือออกให้เขาอย่างรวดเร็วด้วยอาการตกใจจนมือสั่นแทบคุมไม่อยู่ ผมดึงกุญแจข้อออกจากข้อมือเขา แล้วปล่อยให้มันค้างอยู่กับที่เสาเตียง จับแขนขวาเขาไว้และพยายามดึงให้เขาลุกขึ้นมานั่งตัวตรงๆ


“วิคเตอร์!” ผมเรียกชื่อเขา วิคเตอร์ตัวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ใบหน้าซุกอยู่กับหมอน ผมเริ่มใจไม่ดี เลยเลื่อนมือทั้งสองข้างไปประครองศีรษะเขาขึ้นมาช้าๆ วิคเตอร์ลุกขึ้นมาตามแรงประครอง ผมจับให้เขานั่งตรงๆ วิคเตอร์ปิดตาแน่น เขาขบกรามแน่นอย่างเจ็บปวด ใบหน้าเขาเกร็งเครียดไปทั้งวงหน้า ผมใจหายวาบยิ่งกว่าตอนบอกเขาว่าจะไป ผมนั่งลงคุกเข่ากับพื้น แล้วใช้สองมือประครองใบหน้าเขาไว้อย่างอ่อนโยน


“คุณเรย์มอนด์ ใจเย็นๆ นะครับ ผม… คือผม…” ผมไม่กล้าพูดออกไปด้วยกลัวว่าจะเป็นการหลงตัวเอง แต่เมื่อเห็นสีหน้าเขาที่ยังคงดูเจ็บปวด ผมก็เลยพูดออกมา


“I’m here. I’m still here… (ผมอยู่นี่ครับ ผมอยู่นี่…)” วิคเตอร์ค่อยๆ ปรับลมหายใจให้ช้าลงและเบาลง ทำให้อาการสั่นเทิ้มของเขานั้นลดลงไปด้วย เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองด้วยสายตาที่เจ็บปวดพอๆ กับสีหน้าของเขา ผมมองเขากลับไปอย่างไม่กระพริบตาเพื่อให้เขารู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ เขายังมีใครอีกคนอยู่ตรงนี้ ผมลูบมือที่ประครองกรอบหน้าเขาอยู่เบาๆ วิคเตอร์จ้องมองผมไม่วางตา ไล่สายตาจากหน้าผากลงมาที่จมูกและริมฝีปาก


“อย่าไปนะ…” เขาเอ่ยเสียงเบาโหวง แววตาเศร้าสร้อย ผมพยักหน้าตอบรับเขา วิคเตอร์คลายอาการเกร็งเครียดบนใบหน้าและสายตาลง เขายกมือขึ้นมาจับข้อมือผมทั้งสองข้างเบาๆ แล้วใช้นิ้วโป้งลูบไปมา ก่อนจะค่อยๆ ดึงแขนผมให้โน้มตัวไปข้างหน้าจนกลายเป็นกอดเขา ผมเอาคางเกยไว้กับไหล่ซ้ายของเขา วิคเตอร์โน้มตัวลงมากอดผมไว้แน่น ผมโอบรอบไหล่เขาไว้ แล้วลูบหลังเขาเบาๆ เป็นการปลอบโยน


“It’s fine. No one leaves you. I won’t leave you. (ไม่เป็นไรนะครับ ไม่มีใครจากคุณไปไหน ผมจะไม่ไปไหน)” วิคเตอร์ส่งเสียงครางด้วยความพึงพอใจ แล้วผลักผมออกเบาๆ ก่อนจะดึงให้ผมลุกขึ้นยืน เขามองตามทุกอิริยาบถของผมไม่วางตา เขาขยับขึ้นไปนั่งบนเตียง กระเถิบให้มีพื้นที่ว่างพอ โดยไม่ต้องบอกแค่มองมาด้วยสายตาแบบไม่ยอมละไปไหน ผมก็นั่งลงบนเตียงแล้วหันหลังให้เขา ก่อนที่วิคเตอร์จะกระเถิบเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง จากนั้นก็พาผมล้มตัวลงนอน เขาดึงผมไปกอดไว้แนบแน่น ชิดกับแผ่นอกและกล้ามท้องของเขา แขนขวาเขารัดเอวผมไว้แน่น ส่วนแขนซ้ายโอบรอบเหนือศีรษะผมไว้


ผมหันหน้าไปมองเขา วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาที่ผมไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า แต่ที่ผมเห็นและรู้สึกได้คือมันเป็นสายตาแห่งความห่วงหาอาวรณ์


ผมไม่ได้โลกสวยจนเกินไปใช่มั้ย


“Kiss my forehead, please. (จูบหน้าผากฉันหน่อยสิ)” ผมยิ้มนิดๆ กับน้ำเสียงออดอ้อนของเขา ก่อนจะยื่นหน้าไปจุ๊บที่หน้าผากเขาเบาๆ วิคเตอร์ยิ้มอ่อนๆ ด้วยความพอใจ ผมผละออกจากหน้าผากเขาแล้วดึงหน้ากลับมาที่หมอน วิคเตอร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ลมหายใจอุ่นๆ รดตรงแก้มขวาผม ก่อนที่เขาจะนอนนิ่งๆ และกอดผมไว้อยู่อย่างนั้น


คงต้องให้เขาไปก่อน สีหน้าที่เจ็บปวดและแววตาอันเจ็บปวดยังติดตาผมอยู่เลย ตอนนี้ผมไม่กล้าทำร้ายอะไรเขาเพิ่มเติม เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเจ็บปวดด้วยนั้น มันคืออะไร









หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็บังแอบโทรไปเช็คกับคุณเอมิลี่นะว่าจะสามารถเซ็นต์ใบฝึกงานได้เลยรึเปล่า เธอบอกได้ ไม่มีปัญหา แต่ติดอยู่นิเดียวที่เธอดันบินไปทำธุระที่ไมอามี่ (Miami) เป็นอาทิตย์ แล้วยังไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอนด้วยเพราะหลังจากเสร็จงานเธอว่าจะอยู่เที่ยวต่ออีก เนื่องด้วยมันเริ่มเข้าใกล้ช่วงซัมเมอร์แล้วซึ่งการไปอาบแดดชายหาดที่ไมอามี่เป็นอะไรที่เก๋และชิคมาก ผมยังโคตรอยากไปที่นั่นเลย มันให้ความรู้สึกตื่นเต้นมากเลยนะสำหรับชายหาดที่นั่น แหม คิดดูซิถ้าเป็นผู้ชายก็คงฟินกับสาวๆ นุ่งบิกีนี่ ส่วนเก้งกวางบ่างชะนีคงมีเสียเลือดกันบ้างเพราะชายหนุ่มรูปหล่อหุ่นล่ำน่าขย้ำทั้งหลายเดินถอดเสื้อใส่แต่กางกงว่ายน้ำไปมาทั่วหาด นี่ถ้าไม่ติดว่ามีโควตาไปได้แค่ดิสนีย์แลนด์นะ ผมจะนั่งเครื่องต่อไปไมอามี่เลยแหละ (ประเด็นหลักคือเงินไม่พอ - -)


และหลังจากตื่นขึ้นมาในวันนั้น วิคเตอร์ก็ไม่ได้ลวนลามผมอีก แค่นอนกอดไว้เฉยๆ อีกสักพัก แต่ก็มีจุ๊บมีจิ๊บตามแก้ม ตามขมับไปเรื่อย จนผมต้องยกมือเบรกเขาไว้ ก่อนจะพาเขาไปทานอาหารเย็นนอกบ้านเนื่องด้วยเขาอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ผมก็ตามใจพาเขาไป แต่พอกลับมาบ้านก็ต้องส่งเขาคืนให้กับนาตาชาตามเดิม และในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่า เห็นแค่นี้ก็ยังดีกว่าที่ต้องเห็นว่าเขาไปกับผู้หญิงคนอื่นอีกมากมาย เพราะอย่างน้อยผมก็เจ็บน้อยกว่าที่จะเห็นเขาไปเรื่อยเปื่อยกับใครต่อใคร อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีนาตาชาคนเดียว เพราะผมเริ่มจะคุ้นชินกับภาพที่เขาอยู่ด้วยกันขึ้นมาบ้าง เหมือนกับว่า เออ มันก็มีแค่คนนี้ให้เห็นและเจ็บช้ำนี่ล่ะนะ


ผ่านมาจนครบอาทิตย์ผมก็ยังคงดูแลวิคเตอร์เหมือนเดิม ช่องว่างระหว่างเราเริ่มห่างกันมากขึ้น เขาหันไปเอาใจใส่นาตาชาตามปกติภาษาคนเป็นแฟนกัน ถามว่าเจ็บมั้ย มันก็นิดๆ ไม่ให้เจ็บ ไม่ให้รู้สึกอะไรก็ไม่ได้ แต่บอกตรงๆ ว่าผมรู้สึกดีกว่าที่เขาจะมาแอบทำอะไรกับผมลับหลังนาตาชาอีก


ส่วนกับผม เขาก็ยังคงมีมาแทะเล็มเล็กๆ น้อยๆ มาจับๆ ลูบๆ คลำๆ บ้าง แต่ก็ไม่ได้จาบจ้วงน่าเกลียด ผมก็ได้แต่ปัดๆ มือปลาหมึกของเขาออกจากร่างกาย และคราวนี้วิคเตอร์ดูจะมีขอบเขตให้ตัวเองในการลวนลามผมดีขึ้น (ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับคนอย่างเขา) เหมือนเขาจะเข้าใจแล้วว่าที่ผมบอกไปว่าไม่ควรทำคือไม่ควรทำจริงๆ


แต่หลังจากโดนเขาลงโทษจูบอย่างหนักหน่วงจนชีวิตแทบวายป่วงวันนั้น ผมก็ชอบเผลอเม้มปากต่อหน้าเขาบ่อยๆ จนเขาขำไปหลายที


วิคเตอร์พูดจาดีๆ กับผมบ่อยขึ้น  ตะคอกน้อยลง อาการขี้หงุดหงิดก็ลดลง แน่นอนว่ามันไม่ได้หายไป ทุกอย่างยังคงเป็นอยู่ตามนิสัยของเขา แต่ช่วงนี้ผมเจอกับอาการเหล่านั้นไม่บ่อย แต่สำหรับนิสัยอย่างวิคเตอร์ ผมว่านั่นก็โอเคแล้ว และที่สำคัญเหมือนเขาพยายามเลี่ยงไม่คลอเคลียกับนาตาชาต่อหน้าผมสักเท่าไหร่ มีบ้างบางครั้งที่ผมเผลอไปเห็นเอง แล้วก็ต้องรีบหันรีหันขวางหนีไปเองพร้อมกับความรู้สึกตึบๆ ในใจ เฮ้อ… เขาเป็นแฟนกันนี่นะ


แต่เมื่อสองวันที่ผ่านมาผมเห็นเขาทะเลาะกันเสียงดังหลังจากที่แฟนของชาร์ลีหรือนังพญาปลวกที่ผมไม่ค่อยชอบหน้านั่นกลับไป เจ้าหล่อนแวะมาหาพร้อมชาร์ลีตอนที่นาตาชาไม่อยู่ เธอพูดอะไรกับวิคเตอร์ก็ไม่รู้ แล้วพอตอนค่ำเขาก็ทะเลาะกับนาตาชา ซึ่งวิคเตอร์ดูสบายๆ ทั้งๆ ที่นาตาชานั้นเดือดดาลส่งเสียงดังลั่นบ้าน สุดท้ายนาตาชาก็เดินสะบัดผมดำออกจากบ้านไป (เธอเปลี่ยนสีผมบ่อยเพราะต้องใช้เข้าฉากซีรีส์ที่เล่นกับวิคเตอร์) ผมที่กำลังทำกับข้าวอยู่ถึงกับหน้าเหวอ ส่วนวิคเตอร์นั่งหน้าเครียดอยู่พักหนึ่ง แต่พอรู้ว่าผมทำน้ำพริกกะปิจิ้มปลาทูให้กินก็ระริกระรี้ใหญ่ (ครกตำพริกที่อเมริกาแพงมาก)


“Do you interest to stay with me tonight?. (สนใจค้างกับฉันคืนนี้มั้ย)” ผมมองค้อนวงใหญ่ใส่เขาทันที วิคเตอร์ยิ้มแป้นตอนตักพริกกะปิราดปลาทูเข้าปาก


“No. Thank you. (ไม่ล่ะ ขอบคุณครับ)” ผมทำหน้าคาดโทษแล้วจิกตาใส่เขา วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ แล้วนั่งทานข้าวต่อไป
สุดท้ายผมก็ไม่ได้ค้างคืนกับเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้รั้งหรืออ้อนวอนร้องขอผมไว้หรอก (แน่ล่ะ เขาจะทำงั้นทำไม) เขาทำท่าว่าจะไปส่ง แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ให้เขาไปเพราะไม่อยากให้เขาวุ่นวายกลับรถไปมาซึ่งวิคเตอร์ก็มีหงุดหงิดใส่ผมเล็กๆ ที่ผมดื้อไม่ยอมให้เขาไปส่งแต่ก็ไม่ได้อาละวาดอะไรมาก ก็แค่ก้มลงมากัดหูซ้ายผมแรงๆ เท่านั้นเอง


“อ้ากกก!” ผมร้องด้วยความเจ็บเมื่อเขากดซี่ฟันลงไปบนใบหู แล้วดึงแรงๆ อยู่สองสามที ก่อนจะปล่อยออกแล้วเดินหน้ามุ่ยกับขึ้นไปบนบ้าน ผมนี่หน้ายู่ด้วยความเจ็บ ยกมือขึ้นมาจับที่ใบหูที่ออกอาการแสบทรวงเบาๆ


ไอ้นี่มันซาดิสต์จริงๆ!


พอวันถัดมาผมก็มาทำงานที่บ้านเขาปกติ และนาตาชาเองก็กลับมาด้วย แต่การกลับมาครั้งนี้ (ยิ่งใหญ่เชียว) เหมือนจะเป็นภาคต่อจากการทะเลาะกันเมื่อวานกับเมื่อวันก่อน เพราะทั้งคู่มีปากเสียงกัน แต่ผมไม่รู้หรอกว่าต้นเรื่องคืออะไร ได้ยินชัดๆ ถนัดอีกทีก็ตอนที่วิคเตอร์เดินนำนาตาชามาที่ครัว


“We can get through of this shit, baby. (เราจะผ่านเรื่องแย่ๆ พวกนี้ไปได้น่า ที่รัก)” ตอนนั้นเองที่วิคเตอร์ขบกรามแน่น แววตาเขาเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างก่อนจะตะเบ็งเสียงใส่หน้านาตาชา


“I’m not your baby! (ผมไม่ใช่ที่รักของคุณ!)” นาตาชาสีหน้าผงะไป ก่อนจะชักสีหน้าด้วยความไม่เข้าใจและคงไม่พอใจ เธอจ้องวิคเตอร์ที่ทำหน้าตาน่ากลัวอยู่กลับอย่างไม่ยี่หระ


“Why?! Why you don’t like me to call you baby? WHY?! (ทำไม ทำไมคุณถึงไม่ชอบให้ฉันเรียกคุณว่าที่รัก ทำไมคะ?!)” นาตาชาถามด้วยสีหน้าเหลืออดเหลือทน วิคเตอร์ขบกรามจนกรอบหน้าขึ้นสันนูน


“Because—you’re not my baby. (เพราะว่าคุณไม่ใช่ที่รักของผม)” นาตาชาเหมือนช็อคไปแล้ว อย่าว่าแต่เธอเลย ผมยังอ้าปากหวอมองสลับทั้งสองคนด้วยความตกตะลึง ไอ้คนพูดยังคงทำหน้าตายแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร


เพี๊ย!!!


ผมสะดุ้งตกใจเมื่อนาตาชาสะบัดฝ่ามือใส่แก้มซ้ายเขาอย่างแรง ถึงหน้าไม่สั่นแต่บอกเลยว่าตบนั้นเน้นอย่างหนักหน่วง เธอมองวิคเตอร์ด้วยสายตาโกรธจัด


“You are a bastard! (ไอ้สารเลว!)” แล้วเธอก็เดินกระแทกไหล่วิคเตอร์ไปด้วยความโมโห ผมที่กำลังเช็ดจานอยู่ถึงกับต้องยกจานมาปิดปากตัวเองที่กำลังอ้าหวอด้วยความเหวออยู่ วิคเตอร์สีหน้าเครียดก่อนจะถอนหายใจหนักๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่อยู่เยื้องกับครัว ผมหันหน้าเอ๋อๆ ไปมองเจ้าไมเคิลที่มองกลับมาตาแป๋ว เอียงคอด้วยความสงสัยอย่างน่ารัก ผมพูดกับมันเสียงแห้ง พร้อมส่งยิ้มแห้งๆ ให้มัน


“Believe me, that’s better than she yells at him a monitor-lizard in Thai language meaning. (เชื่อฉันสิว่าดีกว่าเธอด่าเขาว่าเหี้ยในความหมายของภาษาไทย)”


วิคเตอร์เงียบไปตลอดทั้งวัน ผมก็ไม่กล้าไปกวนเขา วันนี้เขาไม่มีงานมีการทำ ดารานักแสดงต่างประเทศมักจะเป็นแบบนี้นะ ถ้าว่างคืออยากอยู่บ้านเฉยๆ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือหรือนอนหลับเอาแรง เล่นกับหมา หาเห็บในตัวหมากินอะไรแบบนี้ (เดี๋ยวนะ ใครเขากินเห็บ - -?) เพราะกว่าเขาจะว่างก็ไม่ได้มีบ่อยๆ ทำงานมาหนักๆ ก็ต้องอยากพักผ่อน แต่จริงๆ ผมว่าก็เป็นทุกอาชีพแหละ ทำงานหนักติดกันมาหลายวันพอมีเวลาพักก็ขอพักเอาแรงดีกว่า


“I wanna say sorry… Yeah, I know…Could you come back to my house? (ผมอยากจะขอโทษ… ครับ ผมรู้…กลับมาที่บ้านผมได้มั้ย)” เสียงวิคเตอร์คุยโทรศัพท์ในช่วงเย็น ตอนแรกๆ ผมก็สงสัยว่าจะเป็นนาตาชาหรือเปล่า แล้วการปรากฏตัวของนาตาชาในเย็นวันนั้นก็ทำให้ข้อสงสัยผมได้รับคำตอบ เธอมีสีหน้าพร้อมอาละวาดตั้งแต่เดินเข้าประตูบ้านมา ส่วนวิคเตอร์ยังคงสงบนิ่งตามเคย


“วันนี้นายกลับได้เลยนะ” วิคเตอร์บอกผมเสียงเรียบๆ แต่แอบเครียด ผมพยักหน้าหงึกหงัก แล้วหยิบกระเป๋าเป้ออกจากบ้านไป รู้สึกใจหวิวๆ ยังไงชอบกลที่วันนี้กลับเร็ว แต่ก็นะ เขาคงอยากใช้เวลาเคลียร์กับแฟนเขา แล้วผมจะอยู่เป็นส่วนเกินทำไม คิดแบบนี้ก็หน่วงใจอีกละ ผมสะบัดหัวเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินกลับบ้าน


หลังจากกลับมาจากบ้านวิคเตอร์ ผมก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องเงียบๆ ครุ่นคิดถึงเขาจนดึกดื่น ผมไม่เคยเลิกงานกับเขาเร็วขนาดนี้ พอเลิกเร็วขึ้นมาจริงๆ ดันเกิดอาการกระวนกระวายซะงั้น มันเป็นอาการคล้ายกับว่าไม่ชิน คล้ายกับว่าปกติผมจะใช้เวลาอยู่กับเขานานกว่านี้ ถึงแม้ว่าจะในฐานะแค่ลูกน้องกับเจ้านายก็เถอะ พอวันนี้ถูกตัดเวลาเร็วกว่าปกติมันก็เลยรู้สึกแปลกๆ ผมนอนฟังเพลงไปเรื่อย ตอนแรกกะว่าคงเพ้อเจ้อถึงเขาจนนอนไม่หลับ แต่เปล่าเลย พอถึงเพลงที่สี่ในไอพอดนาโนเครื่องเก่า ผมก็หลับไปทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำ


ตอนเช้าเอิร์ทมาเคาะประตูห้อง เมื่อคืนผมคงนอนดิ้นหูฟังเลยหลุดออกจากหูเลยทำให้ได้ยินเสียงเคาะประตู ผมเดินงัวเงียๆ ไปเปิดประตูห้อง ก็เห็นเอิร์ทที่อยู่ในชุดพนักงานสีเขียวสีเดียวกับเทพีเสรีภาพยืนมองอยู่

V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 16-18:: 22.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-06-2015 17:47:06


“เมื่อวานกลับมาตอนไหน” ผมอ้าปากหาววอด แล้วยกมือขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะตอบเสียงอู้อี้


“กลับมาตั้งแต่เย็นๆ แล้ว แต่แมทมาถึงก็นอนยาวเลย” เอิร์ทยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกมือมาขยี้หัวผมเบาๆ


“อย่าไปทำงานสายล่ะ เอิร์ทไปก่อนนะ” ผมยิ้มง่วงๆ ให้เขาแล้วโบกมือบ๊ายบาย เอิร์ทเดินไป ผมก็หันตัวเข้าห้องเตรียมเสื้อผ้าและไปอาบน้ำ


วันนี้วิคเตอร์มีถ่ายซีรีส์ที่สตูดิโอแต่เช้าตรู่ แต่เมื่อผมมองนาฬิกาก็เห็นว่าผมนอนเลยเวลาเช้าตรู่มานานมากแล้ว เพราะตอนนี้คือเวลาเก้าโมง ผมที่กำลังเช็ดหัวให้แห้งอย่างเบามือ เปลี่ยนเป็นขย้ำหัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนชุดพลางหยิบมือถือขึ้นมากดดู ก็เห็นว้อทแอพของวิคเตอร์เด้งขึ้นมาบอกว่าให้ไปเจอกันที่สตูดิโอได้เลย ผมไม่รู้จะโล่งใจหรือยังไงดีที่เขาไม่ได้โทรมาด่าหรือว้อทแอพมาจิกกัด ผมเลยได้แต่ตอบว่าโอเคกลับไปและเร่งจัดการตัวเองให้เสร็จก่อนจะรีบออกจากบ้าน








ผมมาถึงสตูดิโอก็ปาไปเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว ทีมงานกำลังยกอุปกรณ์เข้าฉากและที่ยกเครนสำหรับให้ตากล้องขึ้นไปนั่งคุมกล้องบนมุมสูง ฉากสกรีนสีเขียวขนาดใหญ่ถูกขึงไว้เป็นแนวยาวของพื้นที่ในสตูดิโอ ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าวันนี้จะถ่ายฉากทะเลมั้ง เห็นแค่ฉากเขียวๆ เอาต้นมะพร้าวมาวางๆ แบบนี้ แต่พอเข้าคอมพิวเตอร์แปบเดียว เราจะนึกว่ายกกองไปถ่ายทำที่ฮาวายจริงๆ เลยล่ะ
ผมสอดส่องมองหาวิคเตอร์ก็เห็นเขายืนคุยกับคุณเดวิดผู้กำกับอยู่ แถวๆ บริเวณนั้นก็มีนาตาชายืนอยู่ด้วยซึ่งเธอกำลังถูกช่างแต่งหน้ายืนปัดยืนซับหน้าให้อยู่ เธอยืนนิ่งๆ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมามากนัก


สงสัยเมื่อวานนี้จะง้อกันเรียบร้อยแล้วมั้ง วันนี้เลยมาทำงานด้วยกันอย่างปกติสุข ผมเลิกคิ้วขึ้นแว้บหนึ่งอย่างปลงๆ แอบก่นด่าตัวเองในใจที่รู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ ว่าเขาสองคนยังคงดำเนินความสัมพันธ์ต่อไป


ถึงเขาเลิกกัน ยังไงวิคเตอร์ก็หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่ใช่หาผู้ชายคนใหม่ซะหน่อย


“ทำไมวันนี้มาสาย” ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมามองด้วยความสะดุ้งเล็กน้อย วิคเตอร์มองกลับมาอย่างสงสัยแต่ไม่ได้มีท่าทีดุอะไร ผมยิ้มแห้งๆ ก่อนจะตอบ


“ขอโทษครับ ผมตื่นสาย” วิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งๆ นิ่งจนแทบจะสนิท ถ้าไม่กระพริบตาผมจะคิดว่าเขากำลังหลับในอยู่รึเปล่า และมองจนผมเริ่มรู้สึกว่าหน้าผมมีอะไรติดอยู่บนหน้างั้นเหรอ ถึงได้มองขนาดนั้น ผมเลยยกมือจับแก้มซายแก้มขวาไปมาอย่างประหม่า


“มะ… มีอะไรรึเปล่าครับ” วิคเตอร์เหมือนหลุดจากภวังค์ แววตาเขากระตุกเล็กน้อยราวกับได้สติกลับคืน เขามองหน้าผมนิ่งๆ อีกสักพักก่อนจะหันหลังไปมองบริเวณมุมขวามือของฉากกรีนสกรีนที่มีทีมงานยืนอยู่กระจุกหนึ่งและท่ามกลางทีมงานเหล่านั้นก็มีไอ้ชอนไชไส้หมากำลังยืนคุยอย่างออกรสชาติอยู่ด้วย เขาหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าขรึมนิดๆ


“เข้าไปรอในห้องแต่งตัวเถอะ วันนี้ฌอณเข้าฉากถึงดึก” ผมหน้าเอ๋อไปนิด ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจความหมายกับประโยคของเขา  ผมแอบเหลือบสายตาไปมองที่ฌอณก็เป็นจังหวะที่มันกำลังมองมาพอดี โดยใช้สายตากระด้างมองมา ผมเชิดหน้าขึ้นก่อนจะทำสีหน้าไม่ใส่ใจจนวิคเตอร์หัวเราะเบาๆ พร้อมรอยยิ้มกว้างจนเห็นร่องแก้มสองข้าง ผมไม่ชอบเขายิ้มแบบนี้เลย มันน่ามองเกินไป
ผมแอบตกใจที่วิคเตอร์เห็นสีหน้านั้นของผมเลยได้ส่งยิ้มแห้งๆ ให้เขากลับไป ก่อนจะเดินไปที่ห้องแต่งตัวอย่างเขินๆ ช่วงนี้เราสองคนมีสถานภาพเป็นแบบนี้แหละ ดูปกติเหมือนเจ้านายลูกน้องทั่วไป ปกติจนบางทีผมก็แอบคิดถึงอ้อมกอดและอ้อมแขนแกร่งของเขา


ฮึ่ยๆๆๆ ผมหลับตาปี๋ แล้วสั่นหัวรัวๆ กับตัวเอง ใจนี่นะ ไม่รักดีน่าจับตีให้ตาย ว่าแต่เขาชอบทำอะไรเกินเลยกับตัวเอง ตัวผมเองนี่ก็ใช่ย่อย ไม่ได้น้อยไปกว่ากันหรอก


ผมถอนหายใจกับความแรดของตัวเอง แล้วเปิดประตูสีน้ำเงินของห้องแต่งตัวในสตูดิโอเข้าไป ด้านในเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง ใช้สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้านักแสดง แต่งหน้าทำผมในนี้ มีกระจกบานใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่แถบหนึ่งของกำแพง มีหลอดไฟกลมๆ สีส้มอ่อนๆ ติดตามกรอบไม้ ไฟแบบนี้จะดีต่อการแต่งหน้ามาก เพราะมันจะช่วยทำให้มองเห็นระดับความเข้มความอ่อนของใบหน้าได้ชัดเจน ราวเสื้อผ้าวางอย่างเป็นระเบียบ แยกเป็นชื่อนักแสดงของใครของมันเพื่อไม่ให้ปนกัน และในแต่ล่ะราวก็แบ่งแยกไว้ตามฉากเพื่อง่ายต่อการหยิบจับ ผมนั่งเล่นเกมส์ในมือถือพร้อมกับเสียบแบตสำรองไปด้วย วันนี้ทั้งวันคงอยู่แต่ในห้องนี้ เพราะข้างนอกมีไอ้ชอนไชไหปลาร้าอยู่ ผมไม่อยากมีเรื่องกับพวกโฮโมหรอก พวกนี้มันได้เกลียดเพศอย่างผม คือมันเกลียด หาเหตุผลกับมันไม่ได้หรอก ไม่เข้าใจว่าคนเพศอย่างผมไปทำอะไรให้พวกมันเจ็บช้ำน้ำใจนักหนา อากาศก็หายใจบนโลกเดียวกัน เกิดมาก็มีอวัยวะครบสามสิบสองเหมือนกัน เออ ถ้ามันมีปีกเทวดามาประดับหลังเมื่อไหร่ ผมจะไม่ว่าเลย นี่ทำอย่างกับผมไม่ใช่คน ทั้งๆ ที่ไม่ว่าเป็นเพศอะไรแม่งก็คือคนเหมือนกันนั่นแหละ แค่ไลฟ์สไตล์และจิตใจต่างกันเท่านั้นเอง


ผมเล่นเกมส์ในมือถือรอเวลาไปเรื่อยเปื่อย ท้องร้องเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรมากมาย เงยหน้าจากหน้าจอมองไปรอบๆ ห้องเป็นพักๆ ด้วยความเบื่อนิดๆ แล้วสุดท้ายก็กลับมาจิ้มเกมส์ต่อไป


ผมเงยหน้ามาอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างสูง ไหล่กว้าง กล้ามใหญ่ของวิคเตอร์เดินหน้าเฉยเข้ามานั่งลงข้างๆ ผม


“What are you doing? (ทำอะไรอยู่)” ผมนึกแปลกใจกับคำถามของเขา คือมันก็เป็นคำถามปกตินั่นแหละ แต่ปกติคือวิคเตอร์ไม่ค่อยถามอะไรผมแบบนี้ไง ผมยิ้มแห้งๆ แล้วยกไอโฟนสีทองของตัวเองให้เขาดูหน้าจอว่ากำลังเล่นเกมส์คุ้กกี้รันอันแสนเก่ากึก แต่ผมก็ยังเก็บไว้ในเครื่องเอาไว้เล่นยามเหงาเปล่าเปลี่ยว


“มีอะไรให้ผมทำรึเปล่าครับ” ผมถามพลางกดปิดเกสม์ไป วิคเตอร์กลอกตาทำท่านึกแว้บหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มนิดๆ


“มี…” เขาว่าแล้วนั่งเอาแขนวางนาบกับพนักโซฟาสีดำกำมะหยี่ในห้องแต่งตัว


“…มานั่งตักฉันหน่อย” ตอนแรกผมพยักหน้าด้วยความเบลอ ก่อนจะได้สตินึกขึ้นได้ก็รีบเปลี่ยนเป็นส่ายหัวอย่างเร็วจนสมองแทบกระเด็นออกมาทางหู


“Come on. (มาเถอะน่า)” ผมหยุดส่ายหัว แล้วขมวดคิ้วใส่เขา หันไปมองเขาด้วยส่ายตาแปลกๆ วิคเตอร์แสดงอาการหงุดหงิดให้เห็นเล็กน้อยตามนิสัย ก่อนที่เขาจะโน้มตัวมารวบตัวผมแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งบนตักเขาอย่างง่ายดาย


"คุณเรย์มอนด์ เดี๋ยวก็มีใครเข้ามาเห็นหรอก” พูดไปสองไพเบี้ย แถมลิ้นยังเลียไปทั่วอย่างลำพอง


เขาไม่ตอบอะไรแต่หยอกล้อผมด้วยการส่งลิ้นมาเลียติ่งหูผมเล่นให้ผมเอียงคอถอยหนี แต่เขาไวกว่ารีบรวบแขนสองข้างรัดตัวผมไว้ทำให้แขนผมขยับไม่ได้ และไม่สามารถขยับหนีลงจากตักเขาได้เช่นกัน เขาสูดดมซอกขวาฝั่งซ้ายไปเรื่อย สลับกับถูจมูกขึ้นลงตรงช่วงคอและหลังใบหู ปลุกเร้าด้วยการขบเม้มริมใบหูเน้นๆ สร้างความเสียวซ่านไปทั้งตัวให้กับผม


“คะ… คุณเรย์มอนด์…” ผมเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก พยายามหดคอเพื่อไม่ให้เขาไซร้ได้ แต่เขาก็ซุกแทรกจมูกเข้ามาจนผมต้อง
เอียงคอให้เขาสูดดมกลิ่นตัวผมต่อ


“Ummm… I miss it. (อืมมม… ฉันคิดถึงมันจัง)” เขาว่าแล้วกดจูบ ดัง จุ๊บ ไปตามต้นคอ และลามขึ้นมาบนแก้มซ้าย เขาทั้งจูบทั้งหอมแก้มผมอย่างต่อเนื่อง ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวๆ รู้สึกตัวอ่อนยวบยาบ


“นี่มันสตูดิโอนะครับ…” ผมว่าพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากในจังหวะที่เขาเลื่อนจมูกไปซุกไซร้ที่หลังคอผม พอผมจะเงยหน้าเพื่อปิดกั้น เขาก็งับฟันลงบนหลังคอเบาๆ ราวกับเป็นการเตือน


“ไม่ได้ทำกลางสตูดิโอสักหน่อย นี่มันห้องแต่งตัว” เขาบอกอย่างง่ายดาย แล้วกดจมูกแช่อยู่หลังคอผม ส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคออย่างกระหาย


“No. Don’t do this. I’m not your mistress. (ไม่เอา ไม่ทำ ผมไม่ใช่ชู้คุณนะ)” ผมเริ่มเรียกสติกลับคืนและว่าอย่างไม่พอใจเล็กๆ ทั้งที่จริงๆ ใจนี่เต้นตึกตักๆ ราวกับการรัวกลองทิมปานีขึ้นลงเร็วๆ


“Of course not. (แน่นอนว่าไม่ใช่)” เขาว่าแล้วผละออกจากหลังคอผมแล้วเขาก็ดันให้ผมล้มลงนอนไปบนโซฟา ผมที่เบลอๆ เพราะการซุกไซร้ของเขาอยู่แล้ว ก็ตกใจด้วยอาการเบลอๆ นั่นแหละ รีบยกมือขึ้นมาดันที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้ วิคเตอร์ยิ้มตาเป็นประกายราวกับมีความสุขเหลือเกิน ส่วนผมนี่สิหน้ามุ่ยเป็นกุ้ยช่ายค้างคืน (?) แล้ว


“ผมบอกแล้วไงว่า…” เสียงผมขาดหายไปเมื่อวิคเตอร์กดจูบลงบนริมฝีปากผมหนักๆ แถมยังขบเม้มไปมาอย่างหนักหน่วงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อย ทิ้งให้ผมอ้าปากหวองงๆ วิคเตอร์ยิ้มกริ่มก่อนจะโน้มหน้าลงมาประกบปากกับผมอีกครั้ง คราวนี้ลิ้นหนาของเขาพุ่งตรงมาแตะลิ้นผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไล้วนไปทั่วโพรงปาก


ผมรู้สึกเหมือนสมองตื้อไปแล้ว ปล่อยให้เขาจูบนำทางไปเรื่อย ลิ้นอันไม่ประสีประสาของผมก็ตอบรับการหยอกล้อของเขาอย่างงุ่นง่านจนวิคเตอร์ที่กำลังใช้ลิ้นเขานัวเนียลิ้นผมอยู่คลี่ยิ้มออกมาแต่ทว่าก็ไม่ยอมผละออกไปจากปากผม จนผมเริ่มจะขาดอากาศหายใจเลยทุบเขาที่ไหล่แรงๆ เป็นการบอก


“แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก…” ผมหายใจหอบ พยายามหอบเอาอากาศเข้าไปเยอะๆ วิคเตอร์ยิ้มหื่น แล้วเลียริมฝีปากล่างไปมาอย่างเซ็กซี่


“กลับบ้านไป ฉันจะทำให้นายหายใจแรงๆ กว่านี้แน่” เขาบอกเสียงแตกพร่า เอื้อมมือซ้ายไปจับที่เป้ากางเกงผมแล้วบีบตรงกลางกายที่กำลังแข็งปักเพราะโดนจูบเมื่อกี้ ผมหน้าแดงด้วยความอับอายทันที วิคเตอร์ยิ้มอย่างผู้คว้าชัยชนะ ก่อนจะปล่อยมือออกจากเป้ากางเกงผม แล้วรีบคว้ามือขวาผมให้ไปจับที่เป้ากางเกงเขาบ้าง


ผมถึงกับอ้าปากหวอตาโตด้วยความตกใจที่เขาทำแบบนั้น เขาจับมือผมไว้แน่นไม่ให้ดึงมือกลับ และเนื่องจากเขาใส่กางเกงแสลคสีดำเข้าฉากซีรีส์ พอจับโดนทีคือมันรู้สึกได้ว่าความเป็นชายของเขานั้นตื่นตัวเต็มที่แล้ว


“เรารู้สึกเหมือนกันแล้วนะตอนนี้…” เขาบอกเสียงเน้น ก่อนจะคลายมือที่จับมือผมให้สัมผัสเป้าเขาอยู่ออก ผมรีบชักมือกลับทันที แล้วเอียงหน้าหนีเขาด้วยความอายแบบว่าอายมาก วิคเตอร์หัวเราะเสียงต่ำๆ แล้วทำท่าจะก้มลงมาหอมแก้มซ้ายผม


“What the fuck?! (นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?!)” เสียงหวานแต่คราวนี้รู้สึกบาดหูดังขึ้น ผมชาไปทั้งเรื่อง รู้สึกถึงอุณหภูมิในร่างกายลดระดับความร้อนลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นความเย็นเฉียบ เราสองคนชะงักไปนิดก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังยืนมองด้วยสีหน้าตื่นตะลึง


“Natasha! (คุณนาตาชา!”) ผมร้องเสียงหลง ใจตกไปอยู่นิ้วแม่โป้งเท้า นาตาชามองกลับมาด้วยสายตาอันอึ้งทึ่ง สีหน้าเธอดูช็อคไป ผมรีบหันกลับมามองวิคเตอร์ สีหน้าเขาดูจะตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้แสดงออกมากมายอะไร ผมรีบออกแรงดันไหล่เขาแรงๆ วิคเตอร์หันมามองผมคล้ายจะงงๆ เล็กน้อย ผมทำหน้าเครียดใส่เขาแล้วออกแรงดันไหล่ให้เขาออกไป วิคเตอร์เหมือนจะเข้าใจแล้วค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ผมรีบลุกขึ้นตามแล้วกระเถิบถอยห่างจากวิคเตอร์


“นี่มันหมายความว่าไงวิคเตอร์ คุณกับแมททำอะไรกัน?!” เธอถามสีหน้าเครียดขึง ผมรู้สึกใจคอไม่ดี รีบนึกคำตอบที่จะตอบเธอกลับไปทันที


“เราเล่นกันครับ วิคเตอร์เขาแค่แกล้งผมเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเลย” นาตาชาตะวัดสายตามามองผมด้วยสายตาไม่เชื่อเต็มที่ ผมนิ่งไปแล้วกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังอึก


“เล่นกันแนบชิดดีนะ…” เธอว่าอย่างประชด แล้วหันไปมองวิคเตอร์ที่นั่งหน้าขรึมอยู่ “…นี่คุณเป็นเกย์งั้นเหรอวิคเตอร์” คำถามธรรมดาๆ แต่ทำเอาผมใจหล่นไปที่หัวแม่โป้งเท้าอีกรอบ ผมไม่อยากให้วิคเตอร์โดนถามแบบนี้เลย ผมหันไปมองเจ้าตัวด้วยสีหน้าเครียด แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าปกติแล้วตอบคำถามนาตาชาเสียงเรียบ


“เปล่า ไม่ได้เป็น” นาตาชาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ


“ไม่ได้เป็น แล้วคุณมาทำอะไรแบบนี้กับผู้ชายได้ยังไง” วิคเตอร์ถอนหายใจเบื่อๆ ก่อนจะว่าต่อด้วยสีหน้าเบื่อๆ เช่นกัน


“ผมจะทำอะไร กับใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณนะแนท” ผมอ้าปากกว้างกว่าเดิมด้วยความตะลึงเพราะคำพูดของวิคเตอร์
ไอ้บ้า ไม่เกี่ยวได้ไง แกกับเขาเป็นแฟนกันนะ ผมหันไปมองนาตาชาที่ทำหน้านิ่ง แต่แววตาสั่นไหวนิดๆ เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ผมนี่รู้สึกใจแป้วแทนเธอเลย


“คุณลืมไปแล้วรึไง…” วิคเตอร์ว่าต่อเสียงเรียบ นาตาชาขบกรามแน่นจนหน้าขึ้นเหลี่ยมชัดเจน


“…ว่าเราสองคนเลิกกันไปแล้ว” สิ้นประโยคที่วิคเตอร์พูด ผมก็ต้องอึ้ง ทึ่ง สะพรึง เบิกตากว้างหันไปมองวิคเตอร์ที่พูดหน้านิ่ง สลับกับหันไปมองนาตาชาที่เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้


เลิกกัน? อะไรวะเนี่ย



 :hao7: TBC.


หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:10:17

CHAPTER 19 :: A first night of us.


บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งมึนตึง เฉยชา เงียบขรึม และชิวๆ จากผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างกายผม สำหรับผมคงเป็นอาการงงๆ เพราะยังคงไม่เข้าใจว่าเขาสองไปเลิกกันตอนไหน ส่วนนาตาชาก็ยังคงยืนตีหน้าเชิดอยู่ แต่ผมแอบเห็นนะว่าแววตาเธอมีแววเสียใจอยู่ไม่น้อย


“คุณให้โอกาสฉันอีกครั้งไม่ได้รึไงวิคเตอร์” นาตาชาคล้ายกับต้องกลั้นใจถาม เธอเดินเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ไม้มีพนักพิงสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ใกล้ๆ กับวิคเตอร์ คนถูกถามทำหน้าเฉยชา แววตาที่ไม่แสดงออกอะไรชัดเจนหันไปมองนาตาชาราวกับอีกฝ่ายเป็นคนอื่นคนไกล


“ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว ผมพยายามเอาใจใส่คุณ ดูแลคุณ แต่ดูเหมือนคุณยังไม่พอใจกับสิ่งที่ผมให้ไป” วิคเตอร์พูดเสียงเรียบเรื่อย หน้าตาสงบ แต่คนฟังอย่างนาตาชาถึงกับสะอึกไป


“ไม่ใช่นะ…” วิคเตอร์ชักสีหน้ารำคาญนิดๆ ทันที


“ไม่ใช่?” เขาทวนคำของนาตาชาด้วยน้ำเสียงติดประชด เลิกคิ้วขึ้นมองอย่างหาคำตอบ แววตาที่มองไปหาเธอมีแววเยาะพอๆ กับรอยยิ้มจนนาตาชาหน้าเสียไปอย่างได้ชัด


ผู้ชายคนนี้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ทำให้ผู้หญิงเสียหน้าแค่ด้วยการทวนคำและทำหน้าเยาะๆ เท่านั้นเอง เป็นผมคงน้ำตาคลอไปแล้ว ถือว่านาตาชาก็ด้าน เอ่อ อดทนได้ดีเหมือนกันนะ


“เอ่อ… คุณสองคนคงอยากคุยกัน…” ยังพูดไม่ทันจบประโยค วิคเตอร์ก็หันหน้ามามองผมด้วยสายตาปรามๆ ทันที พร้อมกับพูดเสียงเข้มพอๆ กับสีหน้า


“ไม่ต้อง อยู่นี่” ออกคำสั่งน่ะออกได้ แต่ไม่ต้องมาจับมือถือแขนได้มั้ยเนี่ย


ผมอ้าปากค้างนิดๆ เมื่อวิคเตอร์เอื้อมมือมาจับข้อมือซ้ายผมไว้แน่นเป็นการบังคับทางอ้อมว่าผมห้ามลุกออกไปจากห้องนี้ ผมเลื่อนสายตาไปมองนาตาชาตื่นๆ เธอกำลังมองหน้าด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด


“คุณกับแมทไม่มีอะไรกันแน่เหรอ…” วิคเตอร์หันไปมองคนพูด นาตาชามองมาที่มือวิคเตอร์ที่จับมือผมอยู่


“…Victor, if you are gay... (วิคเตอร์ ถ้าคุณเป็นเกย์…)”


“I said NOT! (…ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เป็น!)” วิคเตอร์เอ่ยเสียงเข้มดุ หน้าตาถมึงทึง แววตากร้าวอย่างน่ากลัว ผมตัวเย็นวาบเมื่อเห็นสีหน้าและสายตาแบบนั้น นาตาชาผงะไป ถ้าให้เดาเธอคงชินภาพที่เขาเอาใจใส่เธออย่างดี พอเจอมุมนี้เข้าไปถึงกับหน้าซีด


“ถ้าคุณไม่มีคิวถ่ายแล้ว คุณควรมีความรู้สึกอยากกลับบ้านนะ” คล้ายจะไม่ได้เอ่ยไล่ เหมือนให้ไปคิดเอาเองอีกทีว่านี่คือการถูกไล่รึเปล่า นาตาชาขบกรามเบาๆ แล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาที่มองวิคเตอร์ตอบกลับไปเป็นแววตาที่ทั้งน้อยใจและเสียใจ แถมยังแอบมีแววโกรธผสมอยู่ด้วย แต่ผมว่าเธอไม่กล้าแสดงออกมาก ไม่รู้เพราะว่ากลัวอารมณ์วิคเตอร์ในตอนนี้หรือเป็นเพราะว่าเธอมีความผิดอะไรหรือเปล่า เธอลุกขึ้นยืนแล้วมองหน้าวิคเตอร์สลับกับมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเยาะที่มุมปาก


“คุณเองก็ไวดีนะคะ เลิกกับฉันไม่ทันไรก็มีคนใหม่ซะแล้ว แต่…” เธอยิ้มบางเฉียบอย่างมีเลศนัย ปรายตามองมาทางผมที่ทำหน้าอึกอักอยู่


“…ดันไม่ใช่ผู้หญิง” ผมใจกระตุก คำๆ นั้น ได้ยินทีไรยังคงทำให้ใจผมเต้นตึบตับกระทบอก พร้อมกับอาการเสียศูนย์ เสียความมั่นใจในตัวเอง


“นาตาชา!” เสียงดุแทบจะเป็นเสียงตะโกนใส่หน้าเจ้าของชื่อ วิคเตอร์บีบมือผมไว้แน่นจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เขามองนาตา
ชาที่เลิกคิ้วขึ้นกวนๆ แว้บหนึ่ง


“ไม่ใช่ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับวิคเตอร์นะครับ หมายถึงว่า เราไม่ได้มีความสัมพันธ์เกินเลยไปมากกว่าเจ้านายและลูกน้อง” นาตาชายิ้มมุมปากมาให้ผม และพยายามไม่สบตาขวางๆ ของวิคเตอร์


“ถึงฉันไม่ได้ฉลาดมาก แต่ฉันก็ไม่ได้โง่ถึงกับดูไม่ออกกับสิ่งที่ฉันเห็นตอนที่เดินเข้ามาหรอกนะ” ผมหน้าตื่น รีบยกมือขวาโบกปฏิเสธพร้อมกับส่ายหัวรัวๆ


“เราเล่นกันครับ เล่นกันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย….” ผมบอกเสียงแห้ง จนขาดห้วงไป มือที่โดนวิคเตอร์บีบไว้ก็ปวดตุบๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับจะแตกร้าวอะไร นาตาชายักไหล่น้อยๆ แบบไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่


“เล่นกันถึงเนื้อถึงตัวดี…” เธอหันไปมองหน้าวิคเตอร์ที่ทำหน้านิ่งจนน่ากลัว


“…ฉันไม่ได้รังเกียจเกย์หรอกนะคะ แต่ฉันตกใจมากกว่าที่เสือผู้หญิงอย่างคุณจะเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชาย มันดูไม่เข้ากับคุณเลยสักนิด”


“…” วิคเตอร์ยังนิ่งไม่ตอบ ผมว่าตอนนี้เขากำลังโกรธจนพูดไม่ออกมากกว่า เพราะถ้าพูดอะไรออกมาตอนนี้ ได้กลายเป็นตะคอกใส่นาตาชาแน่ๆ


“แต่จะว่าไป ฉันก็รู้สึกเสียเซลฟ์อยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ต้องเห็นแฟนเก่าตัวเองไปคบกับผู้ชาย”


“เราไม้ได้คบกันนะครับ!” ผมรีบโพล่งออกไปทันที นาตาชาทำหน้าว่างเปล่าราวกับว่าไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด


“คุณแน่ใจแล้วนะคะวิคเตอร์ว่าจะเปลี่ยนจากแบบมนุษย์ปกติทั่วไป ไปเป็นเพศ เอิ่ม แบบที่สามของสังคม” เธอคงพยายามเลี่ยงคำว่า เพศที่สาม ต่อหน้าวิคเตอร์ ผมโคตรรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของเธอเลย ถึงมันจะเป็นคำพูดที่ไม่ได้จิกกัดหรือด่าว่าอะไร แต่เป็นแค่ประโยคธรรมดาๆ ที่มันทำให้ใจผมรู้สึกแย่จริงๆ ที่สำคัญผมเป็นห่วงความรู้สึกของวิคเตอร์ เพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย ที่ทำไปก็คงเพราะอารมณ์ทางเพศแบบที่ผ่านมานั่นแหละ


“Out. (ออกไป)” เสียงสงบแต่ทรงพลังเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาสีแดงหม่นของวิคเตอร์ เขานั่งนิ่งมองนาตาชาอย่างไม่วางตา แต่เป็นแววตาที่มีแต่ความไม่พอใจ ไม่ชอบใจ นาตาชาชะงักไปเมื่อเห็นแววตานั้น เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเบาๆ ก่อนจะกระแอมคอให้โล่ง แล้วพยายามบอกเสียงสบายๆ


“ฉันยังไม่หมดคิว และถ้าคุณพร้อมแล้วก็ออกไปเข้าฉากด้วยก็แล้วกัน” วิคเตอร์ไม่ตอบอะไร จนนาตาชาต้องเป็นฝ่ายเงอะงะไปเอง เธอหมุนตัวเดินไปทางประตู สะโพกยังคงบิดไปมาอย่างน่ามองเช่นเคย ผมมองตามหลังเธอไปด้วยความกังวลใจ นึกในใจว่าไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคนที่เคยคบกันมาก่อน


เขาเลิกกันเพราะอะไรนะ ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่นั่งหน้าเครียดอยู่ ที่เขาเป็นแบบนี้ไม่น่าจะใช่เพราะการเลิกกับนาตาชาหรอก แต่เขาน่าจะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่แน่ๆ


เรื่องอะไรกันนะ ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นหน้าตาเขาหม่นขนาดนั้น


“คุณเรย์มอนด์…” ยังไม่ทันพูดจบ เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาหันมามองหน้าผมแว้บเดียว ก่อนที่เขาจะเลื่อนสองมือขึ้นมาจับกรอบหน้าผมไว้แน่น แล้วพุ่งเข้ามาประกบปากผมอย่างรวดเร็ว


รสจูบของเขาเร่าร้อนเหมือนเคย เล่นเอาผมสมองสั่งการรวนไปหมด เขาดูดดึง ขบเม้มริมฝีปากบนผมอย่างหื่นกระหาย ใบหน้าเขาไม่ได้เอียงให้ได้มุมใดๆ แต่จูบตรงๆ อย่างคุกคาม ไล้ลิ้นเลียริมฝีปากล่างริมฝีปากบนไปมา ผมพยายามโต้กลับด้วยการขบเม้มริมฝีปากล่างเขาบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยทันเขาหรอก นี่ถ้าเขากินปากผมได้เขาคงกินไปแล้ว


“ฮื่อออ…” ผมร้องประท้วงออกมาเบาๆ เมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน ลิ้นเราเกี่ยวพันกันจนผมใจจะขาดแล้ว มันก็เร้าอารมณ์ดีอยู่หรอก แต่ผมตะวัดสู้เขาไม่ได้เลย


วิคเตอร์ค่อยๆ ผ่อนแรงลิ้นของเขาลง ก่อนจะค่อยๆ ผละออกจากริมฝีปากผมช้าๆ ผมหายใจหอบ หรี่ตามองใบหน้าหนวดหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่มีแววเครียดขึงขึ้นมา แววตาครุ่นคิดกวาดมองใบหน้าผมไปทั่วราวกับกำลังสำรวจมองหาอะไรสักอย่างหรือเขาคงกำลังรู้สึกอะไรสักอย่างอยู่


“คุณโอเครึเปล่า…” ผมถามเสียงเหนื่อย รู้สึกเป็นห่วงเขาเมื่อเห็นว่าใบหน้าเขาฉาบไปด้วยอาการตึงๆ เขามองหน้าผมนิ่งๆ อีกสักพัก ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วปล่อยมือออกจากกรอบหน้าผม


“จูบหน้าผากฉันหน่อยได้มั้ย…” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ผมกระพริบตาด้วยความงงนิดๆ แต่ก็ขยับตัวเข้าไปใกล้เขาแล้วโน้มหน้าไปจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเขาหนักๆ หนึ่งที ผมได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจอย่างพึงพอใจจากวิคเตอร์แล้วผละออกจากหน้าเขาช้าๆ


ผมมองหน้าเขาก็เห็นว่าเขามีอาการผ่อนคลายมากขึ้น แววตาดูคลายอาการใดๆ ที่เขามีก่อนหน้านี้ ใบหน้าไม่เกร็งจนกลัวว่าจะเมื่อยกล้ามเนื้ออีก ผมยิ้มนิดๆ เขาเองก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ ราวกับเขารู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว


“ไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวทุกคนจะรอ”  เขาทำท่าอึกอักและอึดอัดเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ผมเองก็มองหน้าเขาอย่างงงๆ เพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็นิ่งไปพร้อมถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเท้าเดินไปที่ประตู ผมมองตามไหล่กว้างร่างสูงของเขาไปหยุดที่ประตู


วิคเตอร์หันมามองผมอย่างที่ผมก็ไม่สามารถตรัสรู้ได้ว่าไอ้สายตาหลุกหลิก ไหวระริกไปมานั่นคือจะสื่ออะไร ผมจะยิ้มให้ก็กลายเป็นเหมือนยิ้มกระตุกๆ


“ถ้าเบื่อก็ออกไปข้างนอกก็ได้นะ ไปนั่งกับเดวิด…” แล้วเขาก็เอ่ยออกมา ไม่แน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะพูดออกมาจริงๆ หรือเปล่า ผมพยักหน้ารับงงๆ แล้วลุกขึ้นยืน เดินตามหลังเขาที่ออกจากห้องไปอย่างเอ๋อๆ


ก็ดีเหมือนกัน ผมไม่ใช่คนติดเกมส์เท่าไหร่ เล่นไปสักพักเดี๋ยวก็เบื่อ ออกไปดูการทำงานของกองถ่ายยังรู้สึกว่ามีอะไรทำมากกว่านี้อีก ผมกวาดสายตามองหาไอ้ชอนไชไส้หมาไว้ก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่ามันอยู่มุมไหน จะได้ไม่เฉียดเข้าไปใกล้ วิคเตอร์เดินไปรวมกลุ่มกับพวกเดวิดที่คุยกันอยู่หน้าเซ็ทกับนักแสดงคนอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีนาตาชาและไอ้ฌอณอยู่ด้วย


ผมเดินมานั่งเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างหลังเก้าอี้ผู้กำกับที่อยู่หน้าจอมอนิเตอร์อีกที สายตาก็มองไปทางกลุ่มนักแสดงและทีมงาน ผมสังเกตเห็นว่านาตาชาลอบมองวิคเตอร์อยู่บ่อยครั้ง เธอไม่ได้แสดงท่าทีหรืออาการใดๆ ที่บ่งบอกว่ากำลังเหยียดวิคเตอร์อยู่ ผมไม่อยากให้วิคเตอร์โดนมองไม่ดี และได้แต่หวังว่านาตาชาจะไม่ทำร้ายเขาด้วยการพูดถึงเขาเสียๆ หายๆ หลังจากเลิกกันไปแล้วหรอกนะ


หลังจากนัดแนะคิวและบทต่างๆ แล้ว คุณเดวิดก็เดินกลับมานั่งประจำที่ เขาเอ่ยทักทายผมตามภาษาคนรู้จักกัน ผมนั่งคุยกับเขาเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งทีมงานยกสเลทมาไว้ที่หน้าจอเป็นสัญญาณบอกว่าพร้อมแล้ว คุณเดวิดจึงละจากผมแล้วหันไปสนใจงานตัวเอง


“Tape! 5…” คุณเดวิดส่งสัญญาณ ผู้ช่วยผู้กำกับรับช่วงต่อแล้วจากนั้นตัวเลขบนหน้าจอมอนิเตอร์ก็เริ่มวิ่ง แล้วแอคติ้งของนักแสดงก็เริ่มออกลีลาลวดลาย


ถือว่าวิคเตอร์แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ดี เพราะเขายังคงแสดงฉากใกล้ชิดกับนาตาชาได้อย่างปกติ แสดงว่าเขาคงเอาตัวตนของตัวเองออกไป แล้วใช้ตัวตนของคาแรคเตอร์ที่สวมบทบาทอยู่เข้ามาแทน ฉากนี้เป็นฉากบู๊ พระเอกมาช่วยกิ๊กคนใหม่ (ซึ่งในชีวิตจริงเก่าแล้ว) ที่ถูกพวกคนร้ายจับมาเป็นตัวล่อพระเอกให้มาที่ฮาวาย


ก็บู๊กันไปตามคิว วิคเตอร์ออกแอคติ้งได้เป็นธรรมชาติเช่นเคย ผมชอบจริงๆ ไอ้ความหล่อที่พอดีของเขาเนี่ย ไม่เว่อร์จนเกินไปหรือไม่น้อยไปจนหาไม่เจอ เออ แล้วผมก็มานั่งเพ้อละเมอถึงเขาอีกละ ทำอย่างกับเป็นติ่งดารา ก็เอ่อ เขาก็เป็นดารานั่นแหละ แต่ผมไม่ใช่ติ่งเขาหรอกนะ เพราะผมว่าตอนนี้ผมมองข้ามการที่เขาเป็นดารานักแสดงไปแล้ว
ผมส่ายหัวแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ไลน์ไปหานังเก้าที่ไม่ได้คุยกันเลยตลอดเดือนที่ผ่านมา เพราะต่างคนต่างทำงาน เวลาว่างไม่ตรงกัน แต่ประเด็นหลักๆ คือผมทำงานจนลืมคุยมากกว่า ซึ่งคิดว่าพวกนั้นก็เป็นเหมือนกัน ผมพิมพ์เรื่องที่อยากจะคุยกับมันทิ้งไว้คร่าวๆ เดี๋ยวถ้ามันอ่านแล้วก็คงจะตอบกลับมา


“เฮ้ย! ระวัง!”


โครม!


เสียงอะไรบางอย่างดังสนั่นไปทั่วสตูดิโอดังลั่นกระแทกเข้าไปในรูหูผมจนต้องรีบเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมามอง พอมองผ่านที่หน้าจอมอนิเตอร์อีกที ภาพตรงหน้าเซ็ทก็ตัดไปแล้ว ผมเลยลุกขึ้นยืนแล้วชะเง้อมองไปที่เหตุการณ์ชุลมุนตรงหน้า


“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ” ผมหันไปถามคุณเดวิดที่กำลังชะเง้อมองด้วยความตื่นตระหนกเช่นกัน


“เหมือนว่าฉากไม้ริมชายหาดจะล้มทับวิคเตอร์นะ” ผมเกือบพยักหน้ารับรู้เต็มๆ ละ แต่ก็ผงะเมื่อได้ยินชื่อวิคเตอร์ แล้วผงกหัวขึ้นมองคุณเดวิดด้วยอาการตื่นตะลึง ก่อนสติจะมา ขาผมก็ก้าวยาวๆ ไปที่หน้าเซ็ทก่อนแล้ว ตอนนี้ทีมงานกำลังเร่งรีบช่วยกันยกฉากไม้ขนาดใหญ่อยู่ พอฉากไม้ถูกยกให้กลับมาตั้งบนพื้นเหมือนเดิม ผมก็ตาค้างกับภาพที่เห็น


วิคเตอร์นอนโอบนาตาชาเอาไว้ แล้วใช้แขนขวาเป็นกำบังฉากไม้เพื่อไม่ให้มันหล่นลงมาทับตัวเขาทั้งสองคน ส่วนนักแสดงและตัวประกอบคนอื่นๆ เหมือนจะอยู่ห่างจากรัศมีฉากไม้นั้นพอสมควรเลยกระโดดหลบพ้นกันหมด


วิคเตอร์หน้าเหยเกด้วยความเจ็บ แขนขวาเขาค้างอยู่แบบนั้น แขนซ้ายก็โอบไหล่นาตาชาให้เธอซุกไว้กับอก ผมตั้งสติรีบวิ่งเข้าไปดู ก็เห็นเลือดไหลเป็นทางเล็กๆ ตามแขนเขา


“วิคเตอร์!” เสียงนาตาชาร้อนลน เธอรีบลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นมือมาจับแขนขวาของวิคเตอร์ แต่ทำเอาเขาร้องลั่น


“โอ๊ย!” สีหน้าเขาเจ็บปวดจนนาตาชารีบปล่อยมือ ผมเม้มปากก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปจับแขนเขาไว้เบาๆ วิคเตอร์ย่นหน้าด้วยความเจ็บนิดๆ


“คุณเจ็บหรือคุณแสบแผล” ผมเอ่ยถามเขาซึ่งเป็นคำถามงี่เง่าที่ไม่ควรถามมากเมื่อเห็นจากสภาพเขา แต่ผมรวนไปหมดเมื่อเห็นเขาเจ็บและมีเลือดไหลแบบนี้ ผมหันไปยื่นมือขอทิชชูจากช่างแต่งหน้าแล้วเอามาซับเลือดที่แขนเขาเบาๆ จังหวะที่ผมกดลงบนแขนเขาก็จะสะดุ้งนิดๆ พร้อมกับซี๊ดปากด้วยความเจ็บเบาๆ


“เจ็บ…”


“ฉันว่าแขนเจาอาจจะหัก พาเขาไปหาหมอดีกว่า” นาตาชาบอกหน้าซีด ดูเธอยังช็อคกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้อยู่ ผมรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าแขนเขาอาจจะหัก


“วันนี้เลิกกองก่อน ทุกคนแยกย้ายได้ เดี๋ยวฉันจะพาวิคเตอร์ไปหาหมอ!” คุณเดวิดประกาศเสียงดังลั่น ไม่มีใครปรบมือหรือโห่ร้องดีใจที่ได้เลิกงาน ทุกคนมองวิคเตอร์ด้วยความเป็นห่วง เว้นก็แต่ไอ้ห่าฌอณที่ทำหน้าตาเฉยเมย แต่เอาเข้าจริงก็ว่ามันไม่ได้ เพราะมันคงไม่รู้จะต้องทำหน้ายังไงมั้ง จะให้มาคร่ำครวญเป็นสาว มันก็ไม่ทำหรอก


ผมพยายามจะยกร่างวิคเตอร์ให้ลุกขึ้นโดยโอบแขนซ้ายไว้ใต้วงแขนซ้ายของเขา แล้วใช้มือขวาพยุงแขนขวาเขาไว้ไม่ให้มันเขยื้อนรุนแรง แต่ดูเหมือนผมจะตัวเล็กเกินไปที่จะแบกผู้ชายฝรั่งร่างใหญ่อย่างเขา


“ไม่เป็นไรแมท เดี๋ยวฉันจัดการเอง” คุณเดวิดที่คงทนกับความทุลักทุเลของคนที่สูงแค่อกวิคเตอร์อย่างผมไม่ไหว เลยออกปากด้วยสีหน้ายิ้มแซวๆ ผมยิ้มแห้งๆ กลับไป แล้วปล่อยแขนตัวเองออกจากร่างหนาของวิคเตอร์ เขาหันมามองผมด้วยสีหน้าเจ็บๆ แต่ก็ยังพยายามกระตุกยิ้มมาให้ ผมเกือบจะกระตุกยิ้มตอบแต่พอดีเหลือบไปเห็นสายตาของนาตาชาที่มองมาอย่างเคลือบแคลงก็เลยหุบยิ้มฉับพลัน แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง ส่วนคุณเดวิดเข้าไปประครองร่างวิคเตอร์ให้ลุกขึ้นยืน ทีมงานคนอื่นๆ พยายามจะเข้ามาช่วย แต่คุณเดวิดยกมือห้ามไว้ และบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการเอง


“เดี๋ยวเอารถฉันไป รถวิคเตอร์ทิ้งไว้ที่นี่ก่อน” คุณเดวิดหันมาบอกผมที่กำลังเดินตามมา มีนาตาชาและทีมงานบางส่วนเดินตามมาติดๆ พวกเราเดินออกมาด้านหลังของสตูดิโอที่เป็นลานจอดรถกว้างๆ


“ฉันไปด้วยนะคะ” นาตาชาบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวลใจ และดูแล้วเธอเองก็ห่วงวิคเตอร์ไม่น้อย


“ฉันไม่ได้จะกีดกันคนเป็นแฟนกันหรอกนะ แต่เธอไม่ต้องไปหรอก หาหมอเสร็จแล้วเธอค่อยตามมาก็ได้” นาตาชาหน้าเจื่อนลงไป ไม่รู้เพราะถูกห้ามไม่ให้ไปหรือเพราะสะเทือนใจกับว่าคนเป็นแฟนกันกันแน่ เพราะคุณเดวิดคงยังไม่รู้ล่ะมั้งว่าสองคนนี้เพิ่งเลิกกันสดๆ ร้อนๆ


“แต่… วิคเตอร์ช่วยฉันไว้”


“ผมช่วยเหลือเหมือนเพื่อนมนุษย์ทั่วๆ ไป ไม่ได้จะทำตัวเป็นฮีโร่หรอกแนท” วิคเตอร์ที่สีหน้าดีขึ้น บอกกับนาตาชาหน้าเรียบ คุณเดวิดเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ สงสัยจะงงว่าทำไมวิคเตอร์ใช้สรรพนามแบบนั้น


“งั้นฉันจะเป็นห่วงคุณแบบเพื่อนไม่ได้รึไง” เธอบอกด้วยอาการฉุนนิดๆ ที่วิคเตอร์มีท่าทีเฉยชากับเธอแบบนั้น


“ผมขอบคุณมาก แต่คุณอยู่นี่เถอะ มีเดวิดกับแมทไปด้วยแล้ว” เขาตัดบทอย่างรักษาน้ำใจ ซึ่งดูจะทำให้นาตาชาอ่อนลงเช่นกัน เธอพยักหน้ารับเบาๆ


พวกเราสามคนขึ้นมานั่งอยู่บนรถโดยที่ผมนั่งอยู่เบาะหลัง คอยสอดมือจากหลังเบาะที่วิคเตอร์นั่งไปซับเลือดให้เขาเป็นระยะๆ


“เลิกกันตั้งแต่เมื่อไหร่” คุณเดวิดถามในขณะที่กำลังขับรถไปบนท้องถนนเส้นหลักเรื่อยๆ หลังจากออกมาจากสตูดิโอแล้ว


“เมื่อวานนี้ แล้วก็ ผมบอกเลิกเอง” คุณเดวิดหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงแซว


“หล่ออีกตามเคยสินะ” ผมไม่เห็นว่าวิคเตอร์ทำสีหน้ายังไง เพราะผมนั่งซ้อมอยู่หลังเบาะที่เขานั่งเพื่อจะได้เอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่แขนเขาได้อย่างถนัดๆ


“เขาเองก็สวยเลือกได้” วิคเตอร์ว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ และเดาว่าสีหน้าเขาคงไม่ได้รู้สึกอะไรมาก


“บอกตรงๆ ฉันว่าดีแล้วล่ะที่พวกนายเลิกกัน ฉันยังมองไม่เห็นเลยว่านายกับเธอจะไปรอด”


“แล้วก็จริง” สองหนุ่มหัวเราะพร้อมกัน ส่วนผมก็นั่งนิ่งๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แต่เห็นเงียบๆ ผมฟาดเรียบ เอ้ย! เก็บข้อมูลเพียบนะครับ


“แล้วเลิกกันเพราะอะไรล่ะ” วิคเตอร์ยักไหล่หน่อยๆ ก่อนจะตอบน้ำเสียงที่โคตรชิว


“เธอแอบไปนอนกับแฟนเก่า” โอ้วชิททท!


ผมนี่แทบทำทิชชูที่เปื้อนเลือดวิคเตอร์หล่นด้วยอาการสะดุ้งของตัวเอง ประเด็นคือวิคเตอร์ตอบได้สบายมาก ตอบแบบไม่ได้ทุกข์ไม่ร้อน ไม่เจ็บปวดอะไร


“นี่นายไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยรึไง” คุณเดวิดถามได้ดี เพราะผมเองก็อยากรู้ ผมรู้นะว่าไอ้ยักษ์หนวดมันมึน มันอึน หน้าด้าน หน้าทน แต่กับเรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าจะทนได้หรือทำท่าชิวสบายใจได้ขนาดนี้ปะวะ


“ก็ไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่” ผมขมวดคิ้วงง นึกในใจว่าอะไรของเขาวะ ไม่ได้ลึกซึ้ง แต่เอากันจนลึกไปหมดแล้วมั้งน่ะ


อ้ากกก ผมพูดอะไรไปเนี่ย ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้  ถ้าแม่รู้ แม่ต้องเอากรรไกรเลาะปากผมแน่ๆ


“ฉันงงนะ แต่ฉันไม่ถามต่อหรอก เพราะฉันเชื่อว่าฉันจะงงยิ่งกว่าเดิม” แล้วคุณเดวิดก็หัวเราะร่าในตอนที่ตีไฟเลี้ยวตรงช่วงถนนเมดิสันที่เป็นแหล่งตึกอาคารสูงของสำนักงานหลายบริษัท โดยมีเสียงวิคเตอร์หัวเราะต่ำๆ ร่วมด้วย


โธ่ คุณเดวิด ถึงจะงง ก็ถามต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้ ต่อมเผือกกำลังออกอาการเลยเนี่ย


โชคดีที่วิคเตอร์ไม่ได้แขนหัก แค่แขนซ้นกระดูกเคลื่อนเฉยๆ แต่หมอจัดการจัดแจงให้มันเข้าที่เข้าทางตามเดิมแล้ว มิน่าล่ะ เวลาเขาขยับแขนถึงได้บอกว่าเจ็บเสียดๆ เหมือนกระดูกทิ่มเนื้อ ผมนี่คิดภาพตามว่ากระดูกทิ่มเนื้อเขาออกมาข้างนอก ก็ได้แต่สยองอยู่คนเดียว ไม่ชอบอะไรที่มันน่าหวาดเสียวแบบนี้เลย


แต่ถึงแม้จะไม่ได้แขนหักจนเดี้ยง หมอก็ให้วิคเตอร์ใส่เฝือกอ่อนไว้ก่อน เพราะช่วงนี้แขนเขาถือว่าไม่ค่อยแข็งแรง หากได้รับการกระทบกระเทือนอีกก็คงไม่ดีนัก ซึ่งจะต้องใส่ประมาณสองสัปดาห์แล้วค่อยถอดออก แล้วกลับมาหาหมอเพื่อดูอาการอีกที แต่หลังจากพบหมอ วิคเตอร์ก็ลองขยับแขนเขาให้ดู ก็เลยเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก มีอาการเคล็ดขัดยอกและเสียดๆ เล็กน้อย ใส่ตาข่ายรองเฝือกคล้องคอไว้ตามธรรมเนียมของคนแขนเดาะ แขนหัก


ผมเปิดประตูบ้านให้เขาเข้าไป วิคเตอร์หยุดชะงักแล้วหันไปกดล็อครถที่ไปเอามาหลังจากหาหมอเสร็จ ตอนแรกคุณเดวิดท้วงเพราะกลัวเขาขับไม่ถนัดแล้วเกิดอุบัติเหตุอีก แต่พ่อพระเอกเขาก็เทพสามารถขับมามือเดียวได้จนมาถึงบ้านโดยที่ไม่เกิดอุบัติเหตุเลย ผมนี่นั่งมาตัวเกร็ง แต่ดีที่ว่าเขาขับช้าๆ ไม่ได้ขับเร็วมาก วิคเตอร์ถึงกับยิ้มขำมาตลอดทางที่เห็นผมนั่งตัวแข็งทื่อ แถมยังมีการแกล้งขับรถเป๋ๆ ให้ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มอีก


“ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้างครับ” ผมถามหลังจากปิดประตูบ้านตามหลังเขาเข้ามายืนใกล้ๆ กับครัว วิคเตอร์หันมามองผมงงๆนิดหนึ่ง ผมบุ้ยปากไปที่แขน เขาเลยทำหน้าเข้าใจก่อนจะตอบ


“ก็ปวดหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ปวดมากมายอะไร” ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะเงยหน้าพูดกับเขา


“งั้นเดี๋ยวทานข้าวกลางวัน  จะได้ทานยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบนะครับ” วิคเตอร์พยักหน้าหงึกๆ


“คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย”


“เอาเหมือนเดิม” ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจว่าเหมือนเดิมของเขาคือข้าวไข่เจียงกุ้ง ท่าทางจะชอบกินจริงจัง ครั้งที่แล้วผมลืมใส่นมให้ แต่เพราะมึนตึงใส่กันอยู่ ลิ้นเขาเลยลืมรสชาติมั้งว่ามันไม่มีนมผสมอยู่


ผมหันกลับมาเตรียมของเพื่อทำไข่เจียวให้เขา แล้วห้วงความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวว่า นี่คือคนสองคนที่เพิ่งจูบกันอย่างหนัก
หน่วงไป แล้วมายืนคุยกันอย่างปกติในห้องครัวของบ้านใช่มั้ย คือผมหมายถึงว่า ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วจูบกัน มันต้องทำตัวต่อกันยังไงหลังจากนั้น ซึ่งเอาจริงๆ ก็คงไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพราะวิคเตอร์เองก็ดูจะปกติดี แต่ผมนี่สิ เริ่มจะกลัวจูบเขา กลัวว่าตัวเองจะเคลิ้มแล้วมันจะกลายเป็นมากกว่าจูบ


ฟึบ~ ฟอด~


ผมถูกเขาสวมกอดด้วยแขนซ้ายแขนเดียวจากด้านหลังและถูกเขาหอมแก้มซ้ายหนักๆ ในขณะที่กำลังตีไข่เจียวอยู่ ผมชะงักมือที่กำลังตีวนไข่อย่างเมามันส์ ย่นคอหนีจมูกเขาที่เข้ามาคลอเคลียแก้มผมไปมา


“คุณเรย์มอนด์...”


“…ทำต่อไปสิ ฉันไม่ได้ห้ามอะไรสักหน่อย” เขาบอกเสียงกรึ่ม มือซ้ายที่กอดเอวผมไว้กระชับแน่นขึ้นมาอีกนิดแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด จมูกโด่งคลอเคลียอยู่แก้มกับขมับผมเบาๆ


“ผมทำไม่ถนัดนะ คุณไปนั่งรอเถอะ” พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทองอีกละผู้ชายคนนี้ แก้วหูเขาเสื่อมรึเปล่าถึงได้ทำตรงข้ามกับที่ผมบอก


“นายจะมาอ้างว่าฉันมีแฟนไม่ได้แล้วนะ เพราะฉันไม่มีแล้ว” เขาว่าแล้วพยายามขยับเข้ามาชิดตัวผมแต่ก็โดนแขนขวาที่เข้าเฝือกไว้อยู่เป็นตัวกั้น วิคเตอร์ส่งเสียงฮึ่มฮั่มอย่างหงุดหงิดเบาๆ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือที่เอวผมและก็ยืนอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน


ผมไม่พูดปฏิเสธอะไร เพราะเอาตรงๆ จากใจ ผมก็ชอบความรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมแขนของเขา ถึงตอนนี้จะโอบผมได้แค่แขนเดียวก็เถอะ แต่มันก็ยังอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเฉกเช่นทุกครั้งที่โดนเขาโอบกอด เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขามีนาตาชาเป็นหลักเป็นแหล่ง พอจะทำอะไรแบบนี้ ผมก็จะรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ ถึงชอบ แต่มันก็ยังตะขิดตะขวงใจแปลกๆ แต่มาตอนนี้พอรู้ว่าเขาไม่มีใครแล้วจริงๆ มันก็เป็นความชอบที่ปรอดโปร่ง ไม่รู้สึกอึดอัดใจ อยากทำอะไรก็ปล่อยไปตามใจได้เต็มที่


ถึงจะยังมีความไม่เข้าใจอยู่ในใจก็เถอะว่าเขาทำแบบนี้เพราะอะไร อยากรู้ แต่บอกตรงๆ ผมไม่อยากถาม ไม่กล้าถาม แม้กระทั่งจะคิดให้ตัวเองชื้นใจขึ้นมาหน่อย ผมยังแอบกลัวเลย เพราะดูจากนิสัยและการกระทำเขาแล้ว เขาอาจทำไปเพราะแค่เขาอยากทำก็เป็นได้


“นี่ ผมไม่ถนัดจริงๆ นะ คุณไปนั่งรอเถอะ”


“ไม่…” ผมถอนหายใจเบาๆ เมื่อเขายังคงทะเล็มแก้ม แทะเล็มซอกคอผมไปเรื่อย ผมแทบจะเทไข่เขวออกนอกกระทะตอนที่เขาใช้ริมฝีปากงับใบหูขวาผมเบาๆ


“คุณเรย์มอนด์! ถ้าจะอยู่ตรงนี้ ช่วยอยู่นิ่งๆ ได้มั้ย” ผมว่าเสียงดุๆ พลางหยิบตะหลิวสีดำขึ้นมาเพื่อเตรียมพลิกไข่ในกระทะ


“กินนายแทนไข่ได้มั้ย เมื่อไหร่จะให้ฉันกินนายสักที ฉันโสดแล้วยังใจดีกับนายไม่พออีกหรอ” เป็นผู้ชายที่ฟังคนอื่นจริงๆ
เขาแล้วเลื่อนมือซ้ายไปจับที่ก้นซ้ายผม ก่อนจะบีบคลึงสลับเบาสลับหนัก บีบค้างไว้สักพักก่อนจะค่อยๆ คลายแรง แล้วออกแรงบีบอีกรอบ เล่นเอาผมผวานิดๆ แต่ก็ยังพยายามตั้งสติสู้กับเขา


“อ๋อออ… ที่ทำใจดีกับผมมาทั้งอาทิตย์นี่เพราะหวังแค่นี้อ่ะหรอ” ผมพลิกไข่ แล้วเอื้อมมือซ้ายไปปัดมือเขาออก วิคเตอร์หัวเราะทุ้มๆ ก่อนจะว่า


“ก็มีส่วน”


“คุณนี่มันทุเรศจริงๆ” ผมบอกเสียงสะบัดด้วยความเคืองนิดๆ ไอ้บ้านี่คิดแต่เรื่องนี้ใช่มั้ย นี่ที่ทำไปคือพยายามตะล่อมผมอยู่ล่ะสิ
วิคเตอร์ไม่ตอบโต้อะไร แต่ผมรับรู้ถึงรอยยิ้มกว้างอย่างชอบใจตรงแก้ม เขาจูบไปตามพวงแก้วผมเบาๆ มีเสียงจุ๊บดังตลอดเวลา
ผมนี่พยายามหนี แต่ก็หนีได้ไม่มากหรอก เพราะติดทอดไข่อยู่


“หึหึ…” เสียงหัวเราะอันไม่น่าไว้ใจดังขึ้นที่ข้างหูเมื่อผมพยายามย่นคอไม่ให้เขาไซ้หลังคอได้ วิคเตอร์เลื่อนมือซ้ายมาจับคางผมไว้แล้วบิดหน้าผมให้ไปรับจูบที่กดลงมาอย่างหนักของเขาอยู่อึดใจหนึ่งก่อนเขาจะผละออกไป


“ไปนั่งรอก็ได้” เขาบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ทิ้งให้ผมยืนเบลอ ยืนเอ๋อ จนเกือบจะทำไข่ไหม้


V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:14:40

“คืนนี้นายนอนนี่มั้ย” เขาเอ่ยถามตอนที่ผมยื่นเบียร์กระป๋องที่เปิดแล้วไปให้คุณชายหน้าหนวดที่นอนแผ่หลาดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์


“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับไปนอนที่บ้านตัวเองดีกว่า” ผมบอกยิ้มๆ วิคเตอร์กระดกเบียร์เข้าปากแต่สายตายังมองหน้าผมอย่างตั้งใจ


“นอนเถอะนะ” แน่ะ! มองด้วยสายตาอ้อนๆ อีกละ ผมย่นคิ้วพร้อมกับสีหน้าลำบากใจ


“ถ้าคุณมีอะไรให้ผมทำก็สั่งมาทีเดียวเลยก็ได้ครับ เดี๋ยวผมทำให้” ผมยิ้มแห้งๆ ให้เขา วิคเตอร์สีหน้าหงอยลงไปถนัดตา ก่อนจะว่าเสียงอ่อย


“นายจะทิ้งให้ฉันนอนเจ็บอยู่คนเดียวแบบนี้หรอ” แหม ใช้น้ำเสียงและสีหน้าซะจนผมรู้สึกผิด ผมอึกอักไม่กล้าตอบรับ


“นะ…” โอเค แอคติ้งเขาดีมากจริง ใช้โทนเสียงได้น่าเห็นใจ พร้อมหน้าตาที่อ้อนวอนจนไม่เว่อร์จนเกินไป ผมที่พยายามทำใจแข็งก็ต้องยอมแพ้ใจอ่อนยวบ


“ก็ได้ครับ” วิ๊ง! แทบจะมีเสียงประกอบฉากตอนเขาสลัดหน้าหงอยๆ นั่นทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวเรียงตัวสวย ยิ้มแบบที่ผมชอบ ยิ้มจนเห็นร่องแก้มคล้ายลักยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา


“นอนจนกว่าฉันจะหายเลยนะ” ผมหน้ากระตุก ย่นคิ้วมองหน้าเขาด้วยความตกใจ เขายิ้มอย่างกระตือรือร้น ผมไม่อยากขัดใจเดี๋ยวจะทำหน้าเหงาใส่อีก


“คุณนี่เอาแต่ใจจริงๆ” ผมว่าเสียงขุ่นแต่ไม่ได้นึกโกรธเขาจริงจัง วิคเตอร์กัดปากล่างแล้วยิ้ม แต่ยิ้มนี้ผมไม่ชอบเลย ไม่ใช่มันไม่ดีนะ แต่มันเซ็กซี่เกินไป มันทำให้ใจผมใจเต้นจังหวะรวนๆ


“มาหอมแก้มทีซิ” ผมทำหน้าประหลาดใจกับคำขอของเขา ยืนมึนๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถูกเขาเอื้อมมือซ้ายที่วางเบียร์ลงบนโต๊ะแล้วมาดึงให้นั่งลงบนโซฟาข้างๆ เขา ไม่ต้องรอคำสั่งหรือคำขอครั้งที่สอง เขาโน้มหน้ามาหอมแก้มผมทั้งซ้ายและขวา หน้าตาผมคงเหลอหลาอยู่แน่เลย


สมัยนี้เจ้านายกับลูกน้องเขามีวิธีปรองดองกันแบบนี้หรอ โลกมันหมุนเร็วจนผมตามไม่ทันเลยหรอเนี่ย


“คุณหอมทำไมเนี่ย” ผมถามสีหน้าและน้ำเสียงลอยๆ วิคเตอร์ยิ้มทะเล้น ดวงตาเป็นประกายก่อนจะตอบ


“อยากรู้ว่าแก้มนายนุ่มรึเปล่า” เขาตอบยิ้มเบ้ปากแล้วเลิกคิ้วเข้มๆ ขึ้นทั้งสองข้าง ผมแกล้งแบะปากใส่เขา ก่อนจะถามกลับ


“แล้วนุ่มมั้ยล่ะครับ” วิคเตอร์ยังคงทำสีหน้าเดิม ก่อนจะทำปากยู่นิดๆ แล้วตอบเสียงกวน


“ไม่อ่ะ สากมาก” เขาย่นจมูกใส่ผม ผมกัดริมฝีปากล่างไว้แล้วมองค้อนกลับไป ก่อนจะบอกเสียงแสร้งขู่


“งั้นอย่ามาหอมอีกนะ”


ฟอด~


เขาไม่ตอบกลับอะไรแต่พุ่งเข้ามาหอมแก้มขวาผมแรงๆ หนึ่งที ก่อนจะรีบผละออก ผมยกมือขวาขึ้นมาโปะแก้มตัวเอง แล้วมองเขาอย่างปะหลับปะเหลือก ไอยักษ์หัวเราะชอบใจก่อนจะเอื้อมมือซ้ายมาดึงแก้มซ้ายผมแรงๆ


“ไหนว่าแก้มผมสากไง มาหอม มาดึง ทำไมล่ะ” ผมว่าเสียงงอน สีหน้างอๆ และพยายามปัดมือเขาที่มายั้วเยี้ยแถวหน้าผม


“ของแปลกๆ แบบนี้ ไม่ได้หากันง่ายๆ สักหน่อย” ผมขมวดคิ้วมองเขา และจับมือเขาออกจากแก้มตัวเอง มีมือเดียวก็ยังคดเคี้ยวไปมาได้เนาะ


“นั่นเป็นคำชมใช่มั้ย”


“ทำไมมองโลกในแง่ดีจัง” ผมอ้าปากค้างกับคำพูดคำจาของเขา จะว่าด่า มันก็ยังบอกได้ไม่เต็มปาก แต่จะว่าเขาไม่ด่าเลยก็ไม่ใช่อีก เรียกได้ว่าเขาจิกกัดได้อย่างล้ำลึกอีกตามเคย วิคเตอร์หัวเราะเริงร่า ส่วนผมนั่งหน้ามู่ทู่


“ผมไม่นอนกับคุณวันนี้ละ” เขาหยุดหัวเราะทันที แล้วหรี่ตามองหน้าผม ก่อนจะบอกเสียงเข้มขึ้นมาเล็กน้อย


“เดี๋ยวนี้รู้จักเล่นตัวนะ ระวังจะโดนเล่นทั้งตัว” ผมแอบลดสีหน้าที่แสดงออกอยู่ลงบ้าง เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาราวกับเสือจ้องมองเหยื่อของอีกฝ่าย นี่ขนาดร่างกายไม่สมประกอบ ผู้ชายคนนี้ก็ยังดูดีอ่ะ
เดี๋ยว ไม่ใช่ประเด็นนี้มั้งสำหรับช่วงเวลานี้


“งั้นเดี๋ยวผมขอกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะครับ” ถ้าอยู่ใกล้เสือ ต้องรีบออกห่างจากเสือก่อน เดี๋ยวโดนมันตะปบ ถึงตอนนี้เสือตรงหน้าผมจะสามารถตะปบได้แค่มือเดียว แต่เชื่อสิ มันตะปบผมอยู่


“เดี๋ยวฉันพาไป”


“ไม่ต้องหรอกครับ คุณพักผ่อนอยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมก็กลับมา”


“ไม่เอา ฉันจะพาไป เดี๋ยวนายเบี้ยวไม่ยอมมานอนกับฉัน” เขาบอกสีหน้าจริงจัง แววตาดื้อรั้นปรากฏขึ้นทันทีที่ผมปฏิเสธไม่ให้เขาพาไป


“ผมไม่เบี้ยวหรอก เดี๋ยวผมกลับมา ผมไม่อยากให้คุณลำบากขับรถไป สภาพคุณก็ใช่ว่าจะดี”


“อย่าดูถูก” ยอมไม่ได้เลยจริงๆ ผู้ชายคนนี้


“ผมไม่ได้ดูถูกครับ แต่ผมเป็นห่วง” ต้องใช้มุขนางเอกแบบนี้นี่แหละ เขาจะได้วางใจ วิคเตอร์นิ่งไป มองหน้าผมราวกับกำลังพิจารณาคำขอร้องของผมอยู่


“ก็ได้ แต่นายต้องเอามือถือ กระเป๋าตังค์ทิ้งไว้ที่นี่ เอาแต่บัตรรถไฟใต้ดินไป” ผมเบิกตากว้างมองเขาอย่างตะลึง รู้สึกทึ่งกับความคิดเขา คือก็รู้แหละว่าเขามีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็ก แต่ไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีแบบนี้ด้วย เล่นเอาของสำคัญเป็นตัวประกันแบบนี้ ผมก็ต้องกลับมาน่ะสิ


“แล้วถ้าเกิดคุณมีเรื่องด่วนจะโทรบอกผมล่ะ”


“ไม่มีหรอก ถึงมี ฉันก็จะรอนายให้มาหาฉันที่บ้าน มารับคำสั่งฉันที่นี่” ผมกลอกตาแว้บหนึ่ง ทึ่งกับผู้ชายคนนี้จริงๆ


“ก็ได้ครับ” ผมตอบรับอย่างจำนน วิคเตอร์ยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ


“ห้ามช้านะ ตอนนี้ห้าโมงเย็น นายต้องมาถึงที่นี่หนึ่งทุ่ม” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


“โอ๊ย ไปกลับก็หมดเวลาแล้ว คุณจะไม่ให้ผมมีเวลาเก็บของหน่อยเหรอ” วิคเตอร์ขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะว่าเสียงไม่ยอม


“นายจะเก็บของอะไรนานนักหนา” ผมถอนหายใจกับความเพี้ยนของเขา นี่เขากะว่าพอผมไปถึง จะจับของยัดๆ ใส่กระเป๋าได้เลยรึไง


“สองทุ่ม” ผมต่อรองเวลากับเขา วิคเตอร์ตีหน้ามึนใส่ก่อนจะว่าเสียงเรียบ


“หนึ่งทุ่ม” ผมกัดฟันแน่น แล้วพยายามอดทน


“งั้นทุ่มครึ่ง” วิคเตอร์เบิกตามองอย่างดุๆ ที่ผมต่อร้องกับเขาไม่เลิก


“ยังจะมาต่อรองอีก นี่ก็เสียเวลาไปหลายนาทีแล้ว”


“ผมขอทุ่มครึ่งนะครับ ผมกลัวไม่ทัน นะครับ” ผมทำเสียงอ้อนๆ พยายามทำสีหน้าให้ดูน่ารักเข้าไว้แม้หนังหน้าผมจะยากต่อการทำก็ตาม วิคเตอร์ช่างใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอก


“ก็ได้ แต่ต้องมีรางวัลตอบแทนกับความใจดีของฉันนะ” นี่คือใจดีแล้วหรอไอ้ยักษ์ ถ้าฉันไม่ประท้วงแกก็ไม่ให้หรอก


“รางวัลอะไรอีกล่ะครับ” ผมหน้ายู่ มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ วิคเตอร์ยิ้มพรายก่อนจะตอบเสียงสดชื่น


“จูบฉัน ห้ามหยุดเป็นเวลาหนึ่งนาที” คำสั่งผีบ้าผีบออีกละ


ผมย่นคิ้ว เหลือบมองเขาอย่างหวาดระแวง จูบไม่หยุดหนึ่งนาทีนี่ผมจะตายรึเปล่า เขาจูบผมแต่ล่ะทีอย่างกับจะงับหัวผมเข้าไปในปาก จูบอย่างกับคนคนหิวโซ ทำเอาผมจะขาดใจตาย


“งั้นก็หนึ่งทุ่ม” เขายักคิ้วสบายๆ เมื่อเห็นผมยังคงทำท่าทางลังเล ผมถอนหายใจนิดๆ


“งั้นเอามือถือขึ้นมาจับเวลาด้วย” วิคเตอร์ยิ้มนิดๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดแอพนาฬิกาจับเวลา ก่อนจะหันมามองผมแล้วอ้าแขนซ้ายออกกว้างเป็นเชิงให้ผมเข้าไปหา ผมกระเถิบเข้าไปใกล้เขา วิคเตอร์ใช้แขนซ้ายมารวบเอวผมแล้วดึงให้เข้าไปหาอย่างแนบชิด ผมใช้มือจับไหล่เขาไว้เพื่อพยุงร่างตัวเอง


“นั่งสิ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว มองหน้าผมจนผมต้องก้มหลบสายตา ผมแหวกขาออกแล้วนั่งลงบนตักเขา ทำให้ระดับใบหน้าของเราที่อยู่เท่ากันนั้นเปลี่ยนไป วิคเตอร์ก้มลงมามองผมด้วยสายตามัวเมา ผมเม้มปาก หน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย


“จับเวลาสิ”


“จูบก่อนสิ” ผมย่นคิ้วนิดๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปจูบเขาอย่างเร็วๆ หลับตาลงจะได้ไม่ต้องมองดวงตามหาเสน่ห์ของเขา ผมไม่รู้ว่าเขากดจับเวลารึยัง แต่ตอนนี้เขากดจูบลงมาหนักหน่วงมากขึ้น ลิ้นอุ่นๆ ของเขาเริ่มแทรกเข้ามาตรงรอยแยกของกลีบปากผม พอผมจะถอยหน้าหนี เขาก็ใช้มือขวาที่โผล่พ้นออกมาจากเฝือกดันหลังผมไว้เป็นการบอกไร้เสียงว่าห้ามหนี ผมโดนดูดดึงริมฝีปากอย่างจะกละตะกลาม ลิ้นเขาเกลี่ยไปทั่วริมฝีปากก่อนจะบุกเข้าไปกระหวัดกับลิ้นผมอย่างหนักหน่วง


ผมเริ่มหายใจไม่ทัน เลยลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าวิคเตอร์มองผมอยู่ด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับ ผมเบนสายตาไปมองทางโทรศัพท์ในมือซ้ายของเขา ก็ยังเห็นว่าเขาไม่ได้กดจับเวลาเลยสักนิด


“อื้อออ… อื้อออ…” ผมพยายามร้องบอก เอื้อมมือจะไปจับมือซ้ายเขาที่ถือมือถืออยู่ แต่เขาเบี่ยงมือหนี ก่อนจะโยนมือถือไว้บนโต๊ะ แล้วใช้มือซ้ายมาจับกดศีรษะผมไว้ไม่ให้หนีเขา


จูบเขายังดำเนินต่อไป และเพิ่มระดับความหนักหน่วงมากขึ้น คราวนี้เขาทั้งกดแช่ไว้ แล้วดูดริมฝีปากจนผมรู้สึกเหมือนมันจะเห่อช้ำ ลิ้นเขาก็ยังกวาดไปทั่วโพรงปากและตามไรฟัน ผมยกมือขึ้นมาทุบไหล่เขาเป็นการบอกว่าใจจะขาดแล้ว วิคเตอร์ยอมผละออกจากปากผม น้ำลายใสยืดติดริมฝีปากเราสองคน แต่ผมไม่มีเวลาเช็ด ณ เวลานี้ผมเหมือนคนที่จมน้ำแล้วโผล่ขึ้นมาเอาอากาศหายใจ


“ฮื่อออ…. ฮ่ะ… ฮ่ะ… ฮ่ะ…” แต่ยังไม่ทันได้อากาศหายใจเต็มที่ ผมก็โดนเขาพุ่งเข้ามาฉกจูบอีกรอบ ราวกับเขาจับผมกดน้ำอีกครั้ง มือซ้ายเขาจับหลังคอผมไว้แน่น ริมฝีปากหนาของเขาบดคลึงริมฝีปากผมไปทั่ว จนตอนนี้มันคงบวมตุ่ยแล้ว


ตุบ ตุบ ตุบ


ผมทุบไหล่เขาเบาๆ เป็นการบอกให้หยุด วิคเตอร์ค่อยๆ ลดระดับการจูบลงช้าๆ จนสุดท้ายเขาก็หยุดนิ่ง เราต่างคนต่างหายใจหอบ แต่ผมดูท่าทางจะหอบหนักกว่า ส่วนเขาผู้ช่ำชองศาสตร์ทางด้านนี้ ก็แค่ส่งเสียงหายใจหนักๆ เท่านั้น ผมมองเขาด้วยตาฉ่ำปรือ วิคเตอร์มองมาอย่างเคลิ้มๆ ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างผมเบาๆ แล้วดึงช้าๆ อย่างยั่วเย้า เขาคลี่ยิ้มล้อๆ ก่อนจะบอกเสียงพร่า


“ไปได้แล้ว”


“คุณขี้โกง” ผมว่าเสียงแหบ พยายามตั้งตัวตรงๆ ไม่ให้โงนเงน นี่แค่โดนเขาจูบ ผมก็เหมือนโดนสูบพลังงานไปทั้งร่าง


“แอพจับเวลามันเสีย” ยังจะมีหน้ามาพูดมึนๆ อีก


ผมหน้ามุ่ยนิดๆ แต่ไม่ได้โกรธเขาจริงจังหรอก แค่รู้สึกเหนื่อยใจจะขาดตายกับการจูบของเขา นี่ถ้าไม่รู้จักกันในระดับหนึ่ง ผมว่าเขาอาจจะอยากฆ่าผมด้วยการจูบให้ตายก็ได้


“ไปได้แล้ว เสียเวลามาเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะ” เขาบอกเสียงทุ้ม มือซ้ายเลื่อนลงไปบีบบั่นท้ายขวาผมเบาๆ


“แล้วเพราะใครล่ะครับ” ผมบอกหน้างอ วิคเตอร์ไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มอิ่มใจ ผมทำหน้าปลงๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากตักเขา ก่อนจะเหวี่ยงขาซ้ายอันสั่นๆ ของตัวเองไปยืนที่พื้นโดยมีวิคเตอร์ช่วยประครอง แต่ช่วยจับตรงอื่นนอกจากก้นผมบ้างได้มั้ย


“อย่าช้านะ ถ้ามาช้า นายโดนไม้เรียวฟาดก้นแน่ๆ”


“นี่สรุปคุณมีไอ้อุปกรณ์พวกนั้นจริงๆ หรอ” ผมถามอย่างตกใจ คิดว่าเขาเอามาพูดขู่ผมเฉยๆ แต่อย่างกุญแจข้อมือนั่นมันไม่เท่าไหร่ไง แต่มีไม้เรียวนี่เริ่มไม่ธรรมดาละนะ ถ้ามีพู่ มีแส้ ด้วยนี่ใช่เลย เจ้าพ่อ BDSM ชัดๆ


“ไว้ฉันจะโชว์ให้นายดู จะได้รู้ว่าฉันมีอะไรบ้าง” เขายิ้มกริ่ม ดวงตาวิบวับ ไม่รู้ว่าเขาอำเล่นหรือว่ามีจริงๆ กันแน่


“แค่กุญแจมือก็พอแล้วครับ”


“หึหึ…” เขาไม่ตอบอะไร แต่ยิ้มเหี้ยมๆ กลับมาให้ เล่นเอาไอ้แมทใจ่บ่อดี๊! และคือเขาหัวเราะเสียงทุ้มต่ำในลำคอสองรอบแล้วนะวันนี้ มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ชวนไว้วางใจเลยจริงๆ


“ยังไม่ไปอีก ยืนอยู่นี่อยากต่ออีกรอบใช่มั้ย” ผมทำปากยื่น กระพริบตาปริบๆ แววตาวิคเตอร์เปลี่ยนเป็นลุกโชนด้วยความดิบเถื่อนทันที


“ไปได้แล้ว เร็วๆ” เขาว่าเสียงเข้ม ผมรีบพยักหน้า แล้วหยิบมือถือออกมายื่นให้เขาพร้อมกระเป๋าตังค์ วิคเตอร์รับไปหน้านิ่งๆ จนดูเยือกเย็น ผมรีบหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นด้วยอาการใจเต้นตุบๆ









ตอนผมกลับถึงบ้านป้าแมร์รี่ก็หกโมงเย็นกว่าๆ แล้ว เลยรีบวิ่งขึ้นไปจัดการเก็บเสื้อผ้าและของใช้ใส่กระเป๋าเป้ และเอากระเป๋าผ้าที่พกมาจากไทยด้วยมาแชร์เสื้อผ้าและสิ่งของที่กระเป๋าเป้ยัดไปไม่หมด ผมรีบคำนวณอย่างเร็วๆ ว่าตัวเองต้องใช้อะไรบ้าง ผมกะเอาไปแค่อาทิตย์เดียวก่อน แล้วค่อยกลับมาเอาเพิ่มเติม แต่จริงๆ ที่ยัดใส่ไปในกระเป๋านี่ ก็เอาไปซักแล้วเวียนๆ ใส่ซ้ำได้อยู่นะ ผมไม่มีเวลาพิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้าหรือข้าวของอะไรมากนัก เพาะเวลามันเดินหน้าไปเรื่อยๆ และผมเองก็ไม่อยากจะมีปัญหากับไอ้ยักษ์ผู้เอาแต่ใจด้วย


แต่ถึงจะรีบเร่งเหมือนไปตามควายที่ไหน ผมก็ยังต้องรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บนที่นั่งบนรถไฟอยู่ดี ยิ่งพอแอบเหลือบมองดูเวลาบนหน้าจอมือถือของคุณลุงฝรั่งคนหนึ่งที่นั่งข้างๆ กัน ผมก็พอจะรู้ชะตาชีวิตตัวเองแล้วว่าคงโดนเขาด่าแน่ๆ ผมนั่งสีหน้าแย่ด้วยความหวาดหวั่นใจราวกับลูกหนีพ่อเที่ยว แล้วกลัวโดนพ่อจับได้


ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามฟุตบาทในซอยทาวน์เฮ้าส์ของวิคเตอร์ แสงไฟสีขาวตามทางเดินเท้าเปิดสว่างไปทั่ว เผยให้เห็นท้องถนนและทาวน์เฮ้าส์แต่ล่ะหลังมีทั้งมืดสนิท และเปิดไฟสีเหลือง สีขาวสว่างโร่ ลมเย็นๆ พัดโชยมาเบาๆ แต่ทำเอาผมรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อเท้าก้าวมาหยุดตรงหน้าประตูบ้านวิคเตอร์ ก่อนจะใช้กุญแจไขเข้าไปด้านใน ผมกวาดสายตามองหาในโซนห้องครัวเป็นอันดับแรก ทุกอย่างดูปกติดี จนกระทั่งผมเดินไปทางห้องรับแขก ก็ต้องสะดุ้งตกใจจนกระเป๋าผ้าแทบร่วงลงจากไหล่


“ทำไมถึงมาสาย!?” เสียงอันทรงพลังพร้อมกับหน้าตาที่คล้ายยักษ์เข้าไปทุกทีทำเอาผมใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ วิคเตอร์เดินตรงเข้ามาหาผมด้วยสายตาคมดุ ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก แล้วพยายามเอายิ้มสยบคนตัวโตขี้หงุดหงิด


“ขอโทษครับ ผมมัวแต่นึกอยู่ว่าจะเอาเสื้อผ้าตัวไหนมาบ้าง” วิคเตอร์ยังคงตีหน้าดุ แววตาคมกริบของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดที่ฉายชัดอย่างปิดไม่มิด เขาเหลือบสายตามองที่กระเป๋าผ้าผมก่อนจะว่าเสียงขุ่น


“เอามาทำไมเยอะแยะ ยังไงฉันก็กระชากมันออกจากตัวนายอยู่ดี ไม่ได้ใส่บ่อยๆ หรอก” ผมเบิกตากว้างอย่างตะลึงงึงงันกับประโยคห้วนๆ แต่ดูท่าทางจะพูดจริงของเขา


“อะ… อะไรนะ…”


“แล้วตอนนี้ฉันก็อยากจะถอดกางเกงนายออก แล้วฟาดก้นนายแรงๆ ด้วย!” เขาว่าแล้วก็เอามือซ้ายที่ไพ่หลังไว้ออกมา ไอ้มือซ้ายไม่ได้มีอะไรที่ประหลาดจนทำให้ผมอ้าปากกว้างหรอก แต่ไอ้ไม้เรียวที่ไว้ใช้สำหรับฟาดก้นม้าในการแข่งขันม้าวิ่งแข่งนั่นต่างหากที่ทำให้ผมถึงกับเกือบหยุดหายใจ


โอ๊ยยย! นี่เขามีไม้เรียวจริงๆ หรอเนี่ย


“คะ… คุณเรย์มอนด์ ผมไม่เล่นนะ!” ผมบอกอย่างหวาดผวา และค่อยๆ ก้าวถอยหลังห่างจากเขาอย่างเนียนๆ แต่อีกฝ่ายก็ก้าวตามมาช้าๆ อย่างรู้ทัน


“ฉันไม่ได้เล่น! บอกแล้วไง ว่าถ้านายมาสายฉันจะจับนายฟาดก้นด้วยไม้เรียว” หน้าตาและน้ำเสียงที่จริงจัง ทำเอาผมถึงกับทั้งมึนทั้งหวาดหวั่นในอก


วิคเตอร์เดินเข้ามาประชิดตัวผม แต่ผมรีบเบี่ยงตัวหลบ อีกฝ่ายเบิกตากว้างมองอย่างดุๆ มือซ้ายกำไม้เรียวแน่น ผมรีบถอยหลังเอากระเป๋าไปวางไว้ที่เค้าน์เตอร์ครัว และยังคงมองเขาไม่วางตาด้วยความหวาดระแวง แล้วเขาก็พุ่งตัวเข้ามาจนผมสะดุ้งเบี่ยงตัวหนีด้วยความตกใจ


“อย่าดื้อนะเอเลี่ยน ไม่งั้นนายโดนฟาดหนักกว่าเดิมแน่!” เขาบอกเสียงสะบัด มือซ้ายที่จับไม้เรียวหุ้มหนังสีดำไว้เอื้อมมาบีบแขนซ้ายผมแรงๆ แต่ด้วยความที่มือขวาเขาเข้าเฝือกและมือซ้ายก็มีของอยู่ในมือ เลยทำให้เขาไม่สะดวกในการจับผมไว้สักเท่าไหร่ ผมเลยดิ้นหลุดจากมือเขาได้ พ่อพระเอกขบกรามแน่นอย่างข่มอารมณ์ แววตาโกรธจัดจ้องมองมาที่ผมที่กำลังทำสีหน้าตื่นกลัวอยู่


“มานี่!”


“ไม่! ใครจะเสียสติเดินเข้าไปให้คุณฟาดก้นกันล่ะ?!” เขาถลึงตามอง แล้วเดินยกไม้เรียวเข้ามาทำท่าจะตีผม ผมเบี่ยงตัวหลบไม้เรียวอย่างหวุดหวิดพร้อมส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ


ไอ้บ้า!!!


“The fucking giant! (ไอ้ยักษ์!)” ผมตะโกนด่าเมื่อเขายังคงเดินต้อนผมให้เข้าไปในครัว ผมถอยหลังเดินด้วยอาการใจเต้นระรัวราวกับมีใครมาตีกลองชุดอยู่ในอก ผมรีบวิ่งไปหลบอีกฝั่งของโต๊ะหินอ่อนในครัว วิคเตอร์ยืนอยู่อีกฝั่ง จ้องหน้าผมราวกับผมเป็นเหยื่ออันโอชะของเขา


“And the alien will be pounded by the giant! (เดี๋ยวเอเลี่ยนจะโดนยักษ์ตี!)” เขาว่าแล้วฟาดไม้เรียวลงกับโต๊ะหินอ่อนแรงๆ


แป๊ะ!!!


เสียงหนังหุ้มไม้เรียวกระทบกับพื้นหินอ่อนดังแปลกๆ แต่ก็ทำเอารู้สึกหน้าท้องกระตุกไปกับเสียงนั้น ไม่อยากจะคิดว่าถ้ามันฟาดลงบนก้นผมจะระบมแค่ไหน


“ไปให้พ้นเลยนะ! ผมจะกลับไปนอนบ้าน ไม่นอนกับคุณแล้ว!” ผมขู่ฟ่อ วิคเตอร์มองกลับมาตาลุกวาวด้วยความไม่พอใจก่อนจะว่าเสียงเข้ม


“นายคิดว่าจะออกไปจากทีนี่ได้ง่ายๆ งั้นเหรอ?!”


“ผมออกไปได้ก็แล้วกัน!” ผมว่าเร็วปรื๋อ แล้วอาศัยความตัวเล็กของตัวเองวิ่งไปทางประตู แต่ผมคงลืมไปว่าก้าวหรือสองก้าวของ
ไอ้ยักษ์นั้นเท่ากับสามสี่ก้าวของผม เพราะแค่แปบเดียว ร่างผมก็ถูกล็อคคอไว้ด้วยแขนซ้ายของเขา


ละ… ล็อคคอ!!!


“คุณเรย์มอนด์! ปล่อยผมนะ!”


“ไม่!” เขาตวาดเสียงห้วน ผมเลยออกแรงดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดออกจากวงแขนเขา เพราะตอนนี้ผมกลัวจะโดนเขาจับตีก้นด้วยไม้เรียวจริงๆ นะ


“โอ๊ย!” เสียงร้องของวิคเตอร์ดังขึ้น ทำให้ผมที่กำลังออกแรงดิ้นสุดตัวถึงกับหยุดกะทันหัน อ้อมแขนซ้ายที่ล็อคคอผมไว้รีบคลายออกอย่างรวดเร็ว เสียงไม้เรียวกระทบตกลงพื้นไม้ของบ้าน ผมรีบหันกลับไปมองด้วยความตกใจ ก็เห็นว่าวิคเตอร์กำลังเอามือซ้ายจับแขนที่เข้าเฝือกอยู่ สีหน้าเขาเหยเกด้วยความเจ็บ


“คุณเรย์มอนด์! ผมขอโทษครับ เป็นอะไรมากรึเปล่า” ผมเอื้อมมือไปจับแขนขวาเขาที่เข้าเฝือกไว้เบาๆ วิคเตอร์เบี่ยงตัวหนี ผมย่นคิ้วเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นว่าเขาทำหน้างอ แววตาหงุดหงิดเพราะโดนขัดใจ


“คุณเรย์มอนด์ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมบอกเสียงอ่อนด้วยวามเป็นกังวลใจ วิคเตอร์ยังคงยืนจับแขนขวานิ่ง แววตามีแววโกรธเคืองอยู่ เขามองผมด้วยหางตาก่อนจะเดินออกไปจากโซนห้องครัว ผมรีบวิ่งตามไปเกาะแขนซ้ายเขาไว้ ก่อนจะรีบพูดเสียงอ่อนเสียงอ้อน


“ขอโทษครับ ขอโทษ เดี๋ยวผมไปเตรียมน้ำให้คุณอาบนะ คุณจะได้รู้สึกสบายตัว” คนฟังยังคงเมิน เขามองเมินผมไปทางห้องนั่งเล่นที่เจ้าไมเคิลกับฟอกซ์กำลังนอนเล่นกันอยู่ที่พื้นข้างเตาผิง ผมเริ่มหน้าเสีย เอามือลูบแขนซ้ายเขาไปมาอย่างแผ่วเบา


“คุณเรย์มอนด์… อย่าเงียบแบบนี้สิ ผมรู้ตัวแล้วว่าผิด ผมยอม…” กำลังจะอ้าปากว่ายอมทุกอย่างแล้ว แต่ก็ต้องชะงักตัวเองไว้เท่านั้น


ไม่ได้ กับผู้ชายคนนี้ห้ามบอกว่ายอมทุกอย่าง ไม่งั้นชีวิตหาไม่แน่ๆ


“ยอม? ยอมอะไร?” แน่ะ! เห็นมั้ยล่ะ พูดแค่นี้ก็หันกลับมามองด้วยสายตาระยิบระยับแล้ว แม้ใบหน้าจะยังคงนิ่งเหมือนเดิมก็เถอะ


“ยอมให้คุณตีก็ได้ ตะ… แต่ อย่าตีแรงนะ ผมกลัวเจ็บ” ผมบอกเสียงแผ่ว หลุบตาลงมองพื้น นึกภาพไม้เรียวฟาดลงบนก้นก็ได้แต่หวาดเสียวด้วยความหวาดหวั่น


“ไม่ล่ะ ฉันหมดอารมณ์อยากฟาดนายแล้ว” ผมเงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจ วิคเตอร์ยังคงมีสีหน้ามึนตึงเหมือนเดิม ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มห้วน


“แต่นายต้องอาบน้ำให้ฉัน…” ผมกระพริบตาปริบๆ มองเขา ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ


“…แล้วนายก็ต้องอาบกับฉันด้วย” คราวนี้ผมเบิกตากว้าง มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา วิคเตอร์มองมาด้วยสายตาชวนเสียตัว ผมอึกอัก รู้สึกกระอักกระอ่วนชวนคลื่นเหียนเวียนหัวแปลกๆ


V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:21:09


“ไม่.. ไม่ดีมั้งครับ ผมว่าแค่อาบให้เฉยๆ ก็พอ เดี๋ยวคุณนั่งในอ่างแล้วผมจะอาบให้…”


“…ไม่ นายต้องอาบกับฉัน”  เขาตอบเสียงเฉียบขาด ใบหน้าราบเรียบ แต่แววตาระยับพร้อมกับมีรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ผมกลืนน้ำลายเงียบๆ รับรู้ได้ถึงรังสีอะไรสักอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
แมทสัมผัสได้ แมทบอกเลย


“ไป ฉันอยากอาบน้ำแล้ว” เขาไม่เสียเวลาให้ผมพูดอะไรต่อหรือเอ่ยปฏิเสธใดๆ อีก แต่ใช้มือซ้ายคว้ามือขวาของผมแล้วลากตัวผมขึ้นบันไดไปชั้นสอง เดินตรงไปยังห้องนอนเขา พอเข้ามาอยู่ในห้อง จิตใจผมก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ผมรู้ว่ามันอาจไม่ใช่แค่อาบน้ำหรอก ยังไงเขาต้องคิดทำการใหญ่พอๆ กับไซส์แท่งกลางตัวของเขาแน่ๆ


วิคเตอร์พยายามใช้มือซ้ายแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมอยู่ออก เห็นความทุลักทุเลแล้วก็อดจะเข้าไปช่วยไม่ได้ ผมดึงมือเขาออกแล้วช่วยปลดกระดุมเสื้อให้เขาโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหน้าหนวดๆ ของเขาแต่อย่างใด ผมเอาแต่จ้องมองแผงอกสีขาวผสมผงโกโก้สีน้ำตาลของเขา มันยังคงแน่นและน่าซบเหมือนเดิม ผมพยายามข่มใจไม่ให้สติกระเจิงกับแผงอกและกล้ามท้องที่เรียงตัวเป็นระเบียบของเขา


“ขอโทษนะครับ” ผมบอกเสียงแผ่ว แล้วดึงสายตาข่ายรองแขนที่คล้องคอเขาอยู่ออกช้าๆ แล้วค่อยๆ ดึงตาข่ายสีน้ำเงินเข้มออกขากแขนขวาที่เข้าเฝือกอยู่เบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงแขนเสื้อเชิ้ตฝั่งขวาออกช้าๆ เช่นกัน


“กางเกงด้วยสิ” เขาบอกเสียงทุ้มเมื่อผมเอาเสื้อเชิ้ตวางไว้บนโซฟาปลายเตียง ผมหันไปสบตากรุ้มกริ่มของเขาแล้วก็ต้องรีบหลบสายตานั้นเพราะกลัวใจตัวเองจะสั่นจนเส้นเลือดขาด


ผมก้มหน้าก้มตาปลดตะขอกางเกงและรูดซิบลง แต่เพียงผมเห็นกางเกงในเนื้อนุ่มสีดำของ Calvin Klein ที่เขาใส่อยู่ มือที่กำลังจะดึงกางเกงลงก็ต้องชะงักเอาไว้ แล้วยืนเม้มปาก ข่มใจตัวเองไว้สักครู่


“If you cannot stand. I am allowing you to rape me as much as you want. (ฉันอนุญาตให้นายปล้ำฉันได้เต็มที่ ถ้าเกิดนายทนไม่ไหว)” เขาว่าด้วยรอยยิ้มยั่วยวน แววตามีแววเชิญชวนเต็มที่ ผมรู้สึกร้อนฉ่าที่หน้าเลยก้มหน้าหนีสายตากรึ่มๆ ของเขา ก่อนจะตัดใจแล้วดึงกางเกงเขาลง ผมนั่งลงกับพื้น แล้วช่วยจับขาเขาไว้เพื่อดึงกางเกงออกจากขาทั้งสองข้างของเขา


“นายก็ถอดด้วยสิ” เขาว่าหลังจากผมลุกขึ้นยืนแล้วเอากางเกงสแลคสีดำไปวางไว้บนโซฟากับเสื้อ ผมย่นคิ้วนิดๆ ด้วยความตื่นกลัวและกังวลใจ


“เอเลี่ยน…” เสียงกดต่ำดังมาจากเจ้าของร่างกำยำเนื้อแน่นอันเปลือยเปล่าเหลือแต่กางเกงในสีดำตัวเดียว ผมหลับตาปี๋ แล้วลืมตาขึ้นมองหน้าเขาพร้อมอาการใจเต้นตึกๆ


“เดี่ยวผมไปถอดข้างในก็ได้ครับ” วิคเตอร์มองหน้าผมอย่างไตร่ตรอง ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ เขาเอื้อมมือซ้ายไปดึงขอบกางเกงในลง ผมแทบเบือนหน้าหนีไม่ทัน วิคเตอร์โยนกางเกงในที่ถอดแล้วไปกองรวมกับเสื้อและกางเกง ก่อนจะเอื้อมมือซ้ายมาจับมือขวาผมไว้เหมือนเดิม แล้วจูงมือผมเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร็ว ผมพยายามเชิดคางไว้ไม่ให้มองบั้นท้ายโด่งงอนที่รับกับเอวคอดแบบผู้ชายได้อย่างน่าชื่นชมของเขา


“วันนี้อาบฝักบัวก็แล้วกัน เมื่อไหร่นายจะถอดเสื้อผ้า” เขาถามใบหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อมาถึงตรงห้องกระจกสำหรับอาบน้ำฝักบัว


“เอาน่า เดี๋ยวผมก็ถอดเองแหละ ตอนนี้ผมขออาบให้คุณก่อน” ผมไม่รอให้เขาโต้แย้ง แต่ดันร่างเปลือยเปล่าอันโคตรจะน่าเลีย เอ้ย โคตรจะเซ็กซี่ของเขาเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ผมเขย่งดึงฝักบัวลงมาแล้วเปิดน้ำอุ่นในอุณหภูมิพอเหมาะ


“คุณยกแขนไว้นะครับ เฝือกจะได้ไม่เปียกน้ำ” เขาถอนหายใจอย่างเซ็งพอๆ กับสีหน้า ก่อนจะยกมือขวาขึ้นประมาณสี่สิบห้าองศา ผมรดน้ำจากฝักบัวไปทั่วๆ ตัวเขาจนเปียกชุ่ม โดยระวังไม่ให้โดนเฝือกข้างขวาของเขา และระวังสายตาตัวเองไม่ให้ก้มลงมองต่ำไปมากกว่าสามเหลี่ยมทรงคว่ำตรงสะโพกเขาเด็ดขาด


“เอเลี่ยน ถอด…”


“…วันนี้ใช้ครีมอาบน้ำกลิ่นมะลิก็แล้วกันนะครับ จะได้ตัวหอม สดชื่นๆ” ผมรีบแทรกอย่างรวดเร็ว แล้วเอื้อมมือไปหยิบครีมอาบน้ำกลิ่นมะลิที่วางอยู่บนชั้นวางของติดกำแพงด้านในที่ไม่ใช่กระจก


“อย่ามาเนียนนะ” ผมไม่สนใจเสียงกดต่ำคล้ายจะคำรามของเขา รีบเทครีมอาบน้ำลงบนเส้นใยขัดผิวหรือที่ขัดตัวนั่นแหละ ผมรีบเอาที่ขัดตัวที่มีฟองสีขาวอยู่ถูไปตามแผงอก กล้ามท้อง ลำตัว แผ่นหลัง กล้ามแขนอย่างเร็วๆ ก่อนจะรีบลดตัวลงแล้วถูไปตามต้นขา และบั้นท้ายของเขา ครั้นจะทำเป็นไม่เห็นไอ้ที่มันห้อยต่องแต่งอยู่กลางลำตัวของเขา ผมก็ทำไม่ได้ เพราะมันอยู่ในระดับสายตาพอดี เลยเห็นแบบแว้บไปแว้บมา ผมเลยได้แต่ข่มใจตัวเองว่าอย่าหวั่นไหวไปกับเจ้าลูกชายของเขา วิคเตอร์ยืนนิ่งให้ผมทำความสะอาดร่างกายเขา ซึ่งผมอยากขอบคุณเขามากที่ไม่ดื้อไม่ซน ไม่ยุกยิก ผมรีบถูรีบขัดหน้าแข้งกับน่องและเท้าของเขาอย่างเร็วๆ แล้วรีบลุกขึ้นยืน เอื้อมมือไปจะหยิบฝักบัวสีเงินมาชำระล้างครีมอาบน้ำออกจากร่างกายเขา


“อะไร นายยังไม่ได้ทำความสะอาดส่วนสำคัญของฉันเลยนะ” ผมชะงักมือที่กำลังจะบิดที่เปิดน้ำฝักบัวแล้วหันไปมองหน้าเขาที่มองมาด้วยสายตาราวระยับที่จับใจความได้ว่าไอ้ส่วนสำคัญที่เขาว่านั้นมันคือตรงไหน สายตาผมลอกแลกมองซ้ายขวาไปมา ก่อนจะยื่นที่ขัดตัวให้เขา


“ตรงนั้นคุณทำเองเถอะ ผมไม่อยากรบกวนมัน” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากด้วยความขำ ก่อนจะว่าเสียงอารมณ์ดี


“ฉันยินดีให้รบกวน” ผมย่นคิ้ว เม้มปากสนิทแน่น รู้สึกหงุดหงิดกับไอ้ยักษ์นี่จริงๆ


“ไม่เป็นไร…” สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ก่อนจะเอื้อมมือซ้ายมากระชากฝักบัวในมือผมไปถือไว้ในมือตัวเอง


“แล้วนายก็ถอดเสื้อผ้าสักที!” เขาเอื้อมมือขวาไปบิดเปิดน้ำฝักบัวแล้วฉีดน้ำมาใส่ตัวผมอย่างไม่ทันตั้งตัว


“เฮ้ยยย! คุณทำอะไรเนี่ย อ้ากกก!” ผมพยายามใช้มือปัดป่ายไล่น้ำที่พุ่งมาจากฝักบัว แต่ทำไปก็ไร้ค่า สุดท้ายผมก็เปียกหมดไปตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่ใส่มา ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ วิคเตอร์ลดฝักบัวลงเมื่อเห็นว่าผมเปียกไปทั้งตัวแล้ว ผมยืนหน้าอึน มองเขาตาปรือด้วยความละเหี่ยใจในความเอาแต่ใจของเขา อีกฝ่ายกัดริมฝีปากล่างแล้วยิ้มกว้างด้วยความชอบใจ ผมยกมือปาดน้ำออกจากหน้าอย่างระอา


“เปียกไปทั้งตัวแบบนี้ ถอดเสื้อผ้าเร็วเข้า เดี๋ยวไม่สบายหรอก!” ผมสะบัดสายตาจิกกัดส่งไปให้เขาทันที


“แหม! ผมล่ะซาบซึ้งกับความเป็นห่วงของคุณจริงๆ!” เขาทำหน้าตาประมาณว่า อะไรเหรอ ไม่เห็นเข้าใจ และด้วยความหมั่นไส้ ผมเลยโปะที่ขัดตัวเข้ากับลูกกลมๆ สองลูกที่กลางตัวของเขา แล้วบีบแรงๆ จนวิคเตอร์อ้าปากหวอด้วยความเจ็บและอาจจะเพราะตกใจด้วย


“Fuckkkk! (โอยยยย!)” เขาร้องเสียงยาน ตัวงอและพยายามเดินถอยหลังหลังหนี แต่ผมทิ้งที่ขัดตัวแล้วเลื่อนมือมาคว้าหมับเข้าที่แก่นกายที่ยังไม่ขยายเต็มที่ของเขา แล้วดึงให้เขาเข้ามาใกล้ๆ วิคเตอร์อ้าปากหวอ หน้าเหวอ ส่วนผมกำลังแยกเขี้ยวใส่เขา ตอนนี้ไม่มีอารมณ์วาบหวิวอะไรทั้งนั้น มีแต่ความหมั่นไส้ล้วนๆ


“อยากให้ผมขัดตรงนี้มากใช่มั้ยครับ”


“โอ๊ยยย!” วิคเตอร์อ้าปากกว้าง หลับตาแน่น คงเพราะความปวดและความเจ็บกับแรงบีบที่ผมส่งไป ผมถลึงตามองเขาและมองด้วยสายตาสะใจที่เอาคืนเขาได้ ผมบีบแท่งโกโก้ไว้แน่น ก่อนจะปล่อยออก แล้วอาศัยจังหวะที่เขาตัวงอด้วยความเจ็บวิ่งหนีออกไปจากห้องอาบน้ำ


“อาบเองก็แล้วกันนะครับ คุณเรย์มอนด์!”


“เอเลี่ยน!” ผมรีบจ้ำออกจากห้องน้ำทันที มีเสียงโวยวายของยักษ์หน้าหนวดดังตามหลังมา แต่ผมก็ไม่สนใจ ขืนอยู่ต่อ มีหวังได้ทำมากกว่าอาบน้ำแน่ๆ


หลังจากทะเลาะตบตีกันในห้องน้ำ ผมก็วิ่งหนีไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่างของบ้าน ทิ้งให้ไอ้ยักษ์หนวดจัดการตัวเองอยู่คนเดียว พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินกลับขึ้นมาบนห้อง ก็เลยได้เห็นเด็กชายโข่งนั่งหน้างออยู่บนเตียง สวมเพียงกางเกงนอนเนื้อนุ่มสีเทา ข้างบนเปลือยเปล่า โชว์เรือนร่างอันน่าขย้ำ


พอเห็นผมเดินเข้ามา เขาก็มองตาขวาง ส่วนผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินเข้าไปใกล้เขาพร้อมนมอุ่นๆ ในแก้ว ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงขอบเตียงแล้วส่งนมในแก้วให้เขา


“ไม่กิน!” ตอบกลับมาเสียงห้วนอย่างทันควัน ท่าทางจะงอนจัด ผมเลยถอนหายใจแล้วเอาแก้วนมไปวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะหันกลับมาหาเขา


“ไม่กิน งั้นก็นอนพักผ่อนนะครับ” ผมบอก เพราะตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว ซึ่งสำหรับคนกำลังป่วยก็ไม่ควรนอนดึกไปมากกว่านี้


“มานอนกับฉันเลยนะ!” ผมตาโตมองหน้าเขา อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้ากระฟัดกระเฟียดไม่หาย


“ไม่ครับ เดี๋ยวผมจะนอนข้างล่าง” ผมปฏิเสธเสียงสุภาพ แววตาวิคเตอร์มีแววหงุดหงิดขึ้นมาทันที แล้วเขาก็ตะเบ็งเสียงดังเพราะความหงุดหงิดนั่นแหละ


“อะไรวะ! นายขัดใจฉันมากไปแล้วนะ”


“และผมก็คงจะไม่ตามใจคุณไปมากกว่านี้แล้วด้วย นอนนะครับคุณเรย์มอนด์” ผมตัดบทแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาเตรียมจะคลุมตัวให้เขา แต่อีกฝ่ายกลับดันออก


“ไม่เอา ไม่นอน นายต้องขึ้นมานอนกับฉัน” ผมแยกเขี้ยวใส่เขาอย่างหมดความอดทน


“อายุจะสามสิบอยู่แล้วนะครับ ไม่ใช่สามขวบ ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ย!”


“ไม่ต้องเอาอายุมาอ้างเลย ขึ้นมานอนกับฉันซะดีๆ” เขายังคงเอาแต่ใจและส่งสายตาดื้อรั้นมาให้ เป็นการบอกว่าไม่ยอมแน่ๆ ผมเลยปล่อยมือจากผ้าห่ม


“ถ้าคุณมีอะไรก็เรียกผมก็แล้วกัน แต่ผมไม่นอนกับคุณ!” ผมว่าแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป เขาไม่ได้รั้งหรือตะโกนเรียกเอาไว้ ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว เพราะผมจะได้พักผ่อนอย่างสบายใจ


ผมเดินลงมาข้างล่าง ตรงไปยังโซฟาคล้ายเตียงในห้องนั่งเล่นที่ผมเคยนอน แต่วันนี้มีเจ้าไมเคิลกับเจ้าฟอกซ์มานอนเป็นเพื่อนด้วย ผมเอาหมอนกับผ้านวมจากห้องซักรีดมากองรอไว้แล้ว เลยสอดตัวเข้าไปในผ้านวมผืนใหญ่สีขาว กำลังจะล้มหัวลงนอน แต่เสียงตะโกนอันดังก้องก็ทำเอาผมสะดุ้ง


“เอเลี่ยนนน!!!!” ผมเด้งตัวผึงขึ้นมานั่งตัวตรง รีบสลัดผ้านวมออกจากตัว แล้ววิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอนของวิคเตอร์ พอเปิดเข้าไปก็เห็นเขายังนั่งอยู่บนเตียงท่าเดิม เอาหลังพิงกับหัวเตียงไว้ ผมมองหาความผิดปกติของเขา แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกไป


“เกิดอะไรขึ้นครับ” ผมถามระหว่างเดินเข้าไปหาเขาที่เตียง วิคเตอร์ทำหน้านิ่งเฉย ก่อนจะบอกเสียงเรียบ


“ห่มผ้าให้หน่อย เอื้อมไม่ถึง” ผมอ้าปากค้าง มองเขาอย่างค้างๆ เช่นกัน อีกฝ่ายทำหน้าซื่อตาใสกลับมาให้ ผมหุบปากลงแล้วเม้มปากเบาๆ ก่อนจะทำใจดีสยบเสือ เดินเข้าไปดึงผ้าห่มให้ห่มร่างเขา ค่อยๆ พยุงพาเขานอนราบลงบนเตียง พอจัดการให้หัวเขาถึงหมอนและห่มผ้านวมให้เรียบร้อย ผมก็หันไปยิบแก้วนมเพื่อเอาไปแช่ตู้เย็น


“ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยครับ” เขาส่ายหัวเป็นคำตอบ ผมย่นคิ้วนิดๆ


แปลก… ท่าทางสงบเหมือนสิ้นฤทธิ์เดช


ผมมองหน้าเขาที่ตอนนี้เปลือกตาปิดไปแล้ว สลัดความคิดมากของตัวเองออกจากหัวไป หมุนตัวเดินออกจากห้องเขาแล้วปิดประตูอย่างแผ่วเบา เดินกลับมาชั้นหนึ่งก็เอานมไปแช่ตู้เย็น ก่อนจะเดินกลับไปที่นอนของตัวเอง พอสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มและหัวล้มถึงหมอนได้แค่ครู่เดียว เสียงตะโกนก็ดังขึ้นอีกรอบ


“เอเลี่ยนนน!!!” ผมรีบเด้งตัวขึ้นมา เจ้าไมเคิลเองก็เด้งตัวหน้าตาตื่นขึ้นมาเช่นกัน ผมขมวดคิ้วงงๆ แต่ก็สะบัดผ้านวมออกจากร่าง รีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอนของวิคเตอร์ พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าเขานอนลืมตาแป๋วมองกลับมา


“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง


“ปิดประตูตรงระเบียงให้หน่อย ฉันลืมปิด” ผมเบนสายตาไปทางประตูระเบียงก็เพิ่งเห็นว่าผ้าม่านสีขาวยังคงโบกสะบัดด้วยแรงลมที่มาจากข้างนอก ผมเดินไปปิดประตูทรงสูงที่ริมระเบียงให้เขา พอมองไปบนเตียงก็เห็นว่าเขาหลับไปแล้ว ผมเลยเดินออกจากห้องเขาไปและปิดประตูตามหลังเบาๆ


ผมเดินกลับมาถึงที่นอนตัวเอง นั่งถอนหายใจหนักๆ สักพัก รอฟังว่าเขาจะส่งเสียงเรียกมาอีกหรือเปล่า แต่รออยู่พักหนึ่งก็ไม่มีเสียงอะไรดังกลับมา ผมเลยโล่งใจ ล้มตัวนอนเอาหัวลงนอนบนหมอน เปลือกตาปิดลงพร้อมที่จะปล่อยตัวปล่อยใจไปพร้อมกับความง่วง


“เอเลี่ยนนน!!!!” เฮือก!!!


ผมเด้งตัวสะดุ้งจากอาการงัวเงียๆ หันไปมองรอบๆ อย่างงงๆ ก่อนจะนึกได้ว่าเสียงนั้นเป็นของวิคเตอร์ ผมรีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองโดยมีสายตางงๆ ของไมเคิลมองตาม


พอผมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของเขา ก็เห็นวิคเตอร์นอนมองตาแป๋วกลับมาเหมือนเดิม ผมยืนหอบหน้าประตูอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างๆ เตียงเขา


“ว่าไงครับ มีอะไรรึเปล่า”


“ปรับแอร์ให้หน่อย หนาว” ผมย่นคิ้ว เพราะไม่เห็นว่าแอร์มันจะหนาวตรงไหน แต่ผมก็เดินไปหยิบรีโมตแอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาปรับอุณหภูมิให้เขา


“เอาอะไรอีกมั้ยครับ” วิคเตอร์ส่ายหัว ก่อนจะปิดเปลือกตาลง ผมหมุนตัวเดินไปที่ประตูห้อง หันไปมองเขาที่หลับตาอยู่บนเตียงด้วยความเคลือบแคลงใจ ก่อนจะสลัดความรู้สึกนั้นไปแล้วปิดประตูห้องตามหลังเบาๆ
ผมกลับมานั่งอยู่บนที่นอนตัวเองตามเดิม ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว จะหลับก็ไม่ได้หลับสักที หวังว่าคราวนี้ผมจะได้หลับจริงๆ สักทีนะ ผมล้มตัวลองนอน แต่คราวนี้เส้นผมยังไม่ทันโดนหมอน เสียงก็ดังมาจากด้านบนอีกครั้ง


“แมททท!!!” บ๊ะ!!! บักห่านี่!


ผมสะบัดผ้านวมสีหน้าเซ็งๆ แล้วเดินย่างเยื้องขึ้นบันไดไปชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอนของไอ้ยักษ์ เปิดประตูเข้าไปก็เห็นคนเสียงดังนั่งเอาหัวเกยหัวเตียงไว้


“What do you want to order now, sir? (คราวนี้ต้องการจะสั่งอะไรอีกครับคุณท่าน)” ผมว่าด้วยเสียงหน่ายใจ วิคเตอร์บุ้ยปากไปทางประตูห้องน้ำที่เสื้อคลุมอาบน้ำแขวนอยู่


“เอาชุดคลุมอาบน้ำออกไปให้หน่อย ฉันไม่ชอบ รู้สึกเหมือนมีคนยืนมองตลอดเวลา” ผมขมวดคิ้ว มองเขาด้วยความเหลือเชื่อ แต่เขากลับพยักหน้ากลับมาจริงจัง ผมเลยได้แต่เดินไปทางประตูห้องน้ำแล้วหยิบชุดคลุมอาบน้ำออกไปจากประตูอย่างจำใจ


“เดี๋ยวผมเอาลงไปไว้ที่ห้องซักรีดเลยก็แล้วกันนะครับ” วิคเตอร์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะบอกเสียงเบา


“อืม… ขอบใจนะ” ผมย่นคิ้วมองเขา มองด้วยสายตาไม่ไว้ใจว่าทำไมเขาถึงดูสงบและสมยอมง่ายผิดปกติ


แต่ก็ช่างเถอะ ผมเลิกสนใจเขา ปล่อยให้เขาเลื่อนตัวกลับเข้าไปในผ้านวม แล้วเดินออกจากห้องเขาไป ปิดประตูตามหลังช้าๆ
ผมเอาชุดคลุมอาบน้ำไปใส่ไว้ในตะกร้าในห้องซักรีด กำลังจะเดินกลับไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เสียงของวิคเตอร์ก็ดังกังวานขึ้นมาอีก


“แมททท!!!” ผมถอนหายใจแรงๆ ด้วยความละเหี่ยเพลียกาย ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอนของวิคเตอร์ ผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเข้านอนลืมตาแป๋วมองมาที่ผมอยู่
แป๋วมากๆ เดี๋ยวจะจะเตะให้ขาเป๋เลยไอ้ยักษ์


“มีอะไรอีกครับคุณเรย์มอนด์” ผมถาม พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่เริ่มจะหงุดหงิดกับเขาบ้างแล้วเหมือนกัน


“อ้าว นายยังไม่นอนหรอ” แน่ะ! ยังมีหน้ามาถามหน้าซื่อๆ อีก


“ผมคงนอนหลับหรอก ถ้าคุณยังตะโกนเรียกผมอยู่อย่างนี้” ผมว่าเสียงโมโหนิดๆ วิคเตอร์หน้าหงอยลงทันที


“ขอโทษ” เขาบอกเสียงอ่อย ผมถึงกับใจอ่อน ยอมแพ้กับสายตาสำนึกผิดและน้ำเสียงรู้สึกผิดนั้น


“ช่างมันเถอะครับ ว่าแต่คุณมีอะไรหรือเปล่า”


“เปล่า แค่ลองเรียกดู” ผมถลึงตามองเขา อีกฝ่ายยิ้มทะเล้นกลับมา ก่อนจะรีบหลับตาหนีความผิดของตัวเอง ผมถอนหายใจแล้วถอยหลังเดินออกจากห้องนอนเขา ปิดประตูตามหลังเบาๆ เช่นเคย กำลังจะก้าวเดินไปลงบันได เสียงจากในห้องก็ทำให้ผมต้องหยุดชะงักไว้


“แมททท!!!” โอ๋ยยย!!! ผู้ชายคนนี้นี่นะ!


ผมหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องของเขา เปิดประตูเดินเข้าไปแล้วปิดประตูตามหลังแรงๆ เล่นเอาวิคเตอร์เด้งตัวขึ้นมามองด้วยความตกใจ ผมเดินหน้าถมึงทึงไปยืนข้างเตียงเขา


“เดี๋ยวผมนอนด้วยก็ได้!” แล้วใบหน้าตื่นตะลึงก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงตัวแทบจะครบสามสิบสองซี่ วิคเตอร์รีบเขยิบตัวไปทางขวาของเขาเพื่อแบ่งเตียงให้ผมนอนด้านซ้าย ผมปีนขึ้นไปนั่งข้างๆ เขาโดยมีวิคเตอร์มองตามด้วยดวงตาเป็นประกายแห่งความดีใจ ผมสอดขาเข้าไปในผ้านวมแล้วล้มตัวลงนอนบนหมอน


“ฉันนอนด้วย” เขาว่าแล้วเขยิบเข้ามาชิดกับผม


“ก็นอนอยู่นี่ไง คุณจะเอาอะไรอีกเนี่ย?!”


“ฉันจะนอนหมอนเดียวกับนายไง”


“คุณเรย์มอนด์! หมอนมีตั้งสองใบ คุณจะมาเบียดเบียนผมทำไมเนี่ย?!” ผมขมวดคิ้วมองเขาด้วยความเคือง อีกฝ่ายทำท่าแบะปากเหมือนกำลังน้อยใจ


“ฉันจะให้นายหนุนแขนฉันนี่นา” เขาว่าเสียงหงอยๆ เหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆ ทั้งที่ตัวโตยิ่งกว่าลูกช้างอีก ผมถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง


ผมลุกขึ้นนั่ง วิคเตอร์เหมือนจะรู้ว่าผมจะสื่ออะไร เขาเลยเปลี่ยนจากหน้าหงอยเหงาเป็นยิ้มแฉ่ง ค่อยๆ ล้มตัวลงนอน ก่อนจะกางแขนซ้ายออก ผมล้มตัวลงนอนหนุนต้นแขนล่ำๆ ของเขา ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของเราสองคน


“เขยิบมาใกล้ๆ สิ จะได้นอนถนัดๆ” เขาบอกเสียงกระซิบเมื่อเห็นว่าผมยังคงทิ้งระยะห่างจากตัวเขาอยู่ ผมช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมขยับเข้าไปชิดลำตัวของเขา และถือวิสาสะยกแขนซ้ายพาดไปบนกล้ามท้องเขาเบาๆ แล้วซุกศีรษะกับต้นแขนเขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น


จุ๊บ~



ความรู้สึกอุ่นๆ จากริมฝีปากของวิคเตอร์เกิดขึ้นที่หน้าผากตอนที่เขาก้มลงมาจูบ สักพักเขาก็เปลี่ยนเป็นกดจมูกลงบนกระหม่อม สูดดมเส้นผมอยู่สักพักก่อนจะละออกไป


ผมแกล้งนอนหลับ เพราะไม่อยากขยับอะไรไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ใจผมเต้นระรัวจนน่ากลัว กลัวว่ามันจะทะลุออกมาจากอกรึเปล่า อานุภาพทำลายล้างของผู้ชายคนนี้นี่รุนแรงจริงๆ
เราสองคนเงียบไป มีเพียงเสียงแอร์ที่ดังแผ่วเบา อากาศเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศทำให้สามารถเคลิ้มหลับได้ง่ายๆ แต่ผมกลับหลับไม่ลง


“แมท…” เสียงเรียกราวกับเสียงกระซิบดังขึ้น


“อะไรอีกล่ะครับคุณเรย์มอนด์” ผมถามเสียงหึ่งๆ ใบหน้ายังคงซุกอยู่บนอกซ้ายอันเปลือยเปล่าของเขา


“มัน…” เขาหยุดพูดไป ราวกับไม่แน่ใจว่าจะพูดดีมั้ย


“มันอะไรครับ”


“My dick is hard, now. (ไอ้จ้อนฉันมันแข็งอ่ะ)”


พรึบ!


ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา วิคเตอร์กำลังทำสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มทะเล้นเจือจางอยู่บนริมฝีปากด้วย


“นี่! คุณเดี้ยงอยู่นะ ยังจะคิดเรื่องแบบนี้อีกรึไงครับ”


“ก็ฉันพยายามห้ามแล้ว แต่มันห้ามไม่ได้” เขาบอกสีหน้ามู่ทู่ ทำปากยื่นแบบงอนๆ ที่ผมไปว่าเขา


“ถามจริงๆ เถอะครับ ผมมีส่วนไหนดึงดูดใจคุณนักเหรอ ถึงได้ทำให้คุณมีอารมณ์แข็งได้ขนาดนี้” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ เออ ถ้าผมมีนม แล้วเอานมมาเบียดก็ว่าไปอย่าง ผมมองหน้าเขาอย่างต้องการคำตอบ คนถูกถามย่นคิ้วนิดๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทีที่ครุ่นคิด


“I don’t know, but I really want to fuck you. (ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันอยากฟัดนายจริงๆ นะ)” เขาตอบหน้าซื่อ มือซ้ายลูบไล้ไปตามต้นแขนผมเบาๆ


“ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่ผู้หญิงเนี่ยนะ ผมเป็นผู้ชายนะคุณเรย์มอนด์” ผมบอกอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีอารมณ์กับผมจริงๆ


“งั้นนายก็เป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันมีอารมณ์ด้วย อย่าถามอะไรเยอะเลยน่า อยากเอาก็คืออยากเอาสิ” เขาบอกแล้วก้มลงมาจะจูบผม แต่ผมรีบยกมือซ้ายดันหน้าเขาไว้


“แขนเดี้ยงแบบนี้ พักความหื่นไว้ก่อนเถอะครับ” วิคเตอร์ทำเสียงจิ๊จ๊ะเมื่อถูกขัดใจ เขาเบี่ยงหน้าหนีมือผมที่ดันหน้าเขาไว้อยู่ ก่อนจะบอกเสียงห้วนๆ และพูดอย่างง่ายๆ


“I do not use my arm to fuck you. I use my cock! (ฉันไม่ได้ใช้แขนเอานายสักหน่อย ฉันใช้คxx!)” โอ๊ยตาย! คำพูดคำจาของผู้ชายคนนี้นี่นะ ไอ้ตอนพูดเป็นอิ๊งน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พอแปลเป็นไทยในใจแล้วเนี่ยสิ มันช่างสยิวกิ้วเหลือเกิน


“เดี๋ยวเถอะๆ แขนยังไม่ทันถอดเฝือก อยากใส่เฝือกที่เจี๊ยวอีกที่ใช่มั้ย เดี๋ยวจะขย่มให้หักตามแขนเลย” ผมขู่ฟ่อ แต่แทนที่เขาจะสลดหรือกลัว แต่เขากลับมีความตื่นเต้นเป็นประกายอยู่ในแววตา ริมฝีปากคลี่เป็นรอยยิ้มตื่นเต้นตามดวงตาคู่คมสวยของเขา


“ไหน ทำได้จริงรึเปล่า ฉันยอมให้นายขย่มแรงๆ เลย ถ้าไม่หักอย่าหยุดนะ” อ้ากกก! ไอ้ยักษ์หื่น!


ผมอ้าปากหวอด้วยความทึ่งกับความต้องการทางเพศของเขา นี่เป็นอีกนิสัยที่ผมรับรู้ว่าวิคเตอร์เป็นผู้ชายฝรั่งอีกหนึ่งคนที่มีความต้องการในเรื่องนี้สูงและดูท่าทางจะบ่อยมากด้วย ผมมองเขาด้วยสายตาอึ้งนิดๆ อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตามีความหมายอันล้ำลึก และไม่ต้องเสียเวลานึก เพราะเขาคิดอะไรลึกๆ อยู่แน่นอน


“ไม่ทำล่ะ ฉันรออยู่นะ” เขายิ้มมีเลศนัยพร้อมกับแววตาที่ลุกโชน ผมหลับตาแว้บหนึ่งแล้วลืมตาขึ้น ตั้งสติและสมาธิเพื่อสู้กับการเชิญชวนของเขา 


“นอนเถอะครับ เอาไว้ให้แขนคุณหายค่อยว่ากัน” วิคเตอร์มองเบิกตากว้างมองกลับมาอย่างตื่นๆ แต่ผมว่าเป็นความตื่นเต้นบวกความหื่นมากกว่า


“จริงอ้ะ?! ถ้าแขนฉันหาย นายจะขย่มฉันใช่มั้ย” ผมหรี่ตาปรือมองเขาด้วยความเอือม ก่อนจะพยักหน้าส่งๆ ไปเรื่อย ที่พูดไปก็เพื่อหลอกผู้ใหญ่นิสัยเด็กให้เลิกคิดเรื่องอย่างว่าในตอนนี้ก็เท่านั้นแหละ


ฟอด~


เขาก้มลงมาหอมแก้ซ้ายผมแรงๆ ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปหอมหน้าผาก และกดจูบทิ้งท้าย แต่ก็ไม่ท้ายที่สุด เพราะเขากดจมูกลงบนกระหม่อมผมแรงๆ


“แต่คืนนี้นายช่วยนอนจับมันไว้หน่อยได้มั้ย”


“ฮะ?!” ผมแหงนหน้ามองเขาตาโต อีกฝ่ายทำสีหน้าและแววตาออดอ้อน


“นะ… นะแมท นะ…” เขาบอกเสียงอ่อน เสียงอ้อน เสียงนุ่มน่าฟัง ทั้งยังระดมจูบไปทั่วหน้าผากผม


“มะ… ไม่ต้องก็ได้มั้ง ผมว่าปล่อยมันไว้ เดี๋ยวมันคงสงบเอง” เขาผละริมฝีปากจากหน้าผากผมไป ก่อนจะบอกเสียงออดอ้อนต่อ


“แต่ถ้านายกุมมันไว้ มันจะได้รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นไง”


“คุณใส่กางเกง แถมยังมีผ้าห่มคลุมตัวขนาดนี้ มันอุ่นจนอับแล้วล่ะครับ”


“No. I want you to hold my dick in your hand. Please… please… (ไม่เอา ฉันอยากให้นายเอามือกุมมันเอาไว้ นะ… นะ…)” เขาเบ้ปากคล้ายจะร้องไห้ แววตาที่มองมาก็มองมาอย่างเว้าวอน ผมทำสีหน้าลำบากใจ เขาก้มลงมาประกบปากผมเบาๆ หนึ่งทีแล้วผละออกก่อนจะอ้อนอีกรอบ


“Please—my little alien. (เถอะนะ เอเลี่ยนน้อยของฉัน)” โอเคยอมก็ได้


เขาจูบหน้าผากผมอีกรอบ ผมผ่อนลมหายใจช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือซ้ายเข้าไปในผ้าห่ม ล้วงเข้าไปในขอบกางเกง แล้วก็หยุดมือไว้เท่านั้นเพราะกำลังอยู่ในขั้นทำใจ แถมตอนนี้ใจผมยังเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว


“Go on, he is waiting for you. (เร็วสิ มันรอนายอยู่นะ)” เขาบอกเสียงกระเส่าที่ข้างหู ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตาปี๋ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปคว้าหมับเข้ากับความเป็นชายของวิคเตอร์ที่ทั้งยาวและใหญ่เต็มมือ


“อ้า…” เขาส่งเสียงพึงพอใจเบาๆ ตอนที่ผมกอบกุมท่อนกลางลำตัวของเขาไว้เต็มมือ จมูกเขาคลอเคลียที่หน้าผากผมไม่หยุด


“คืนนี้มันนอนหลับฝันดีแน่ๆ” เขาบอกเสียงกระซิบที่หน้าผาก ลมหายใจเขาดังสม่ำเสมอ ผมนอนตัวเกร็ง แต่ก็มีมือวิคเตอร์และริมฝีปากเขาที่ช่วยให้ร่างกายผมค่อยๆ คลายอาการเกร็ง


ผมว่าจากที่จะนอนหลับสบายๆ แล้วฝันดี แบบนี้มันจะยิ่งไม่ปลอดภัยกว่าเดิมรึเปล่า เพราะมันยังคงแข็งเต็มมือผม ไม่ยอมลดลงเลย แถมทำเอาของผมแข็งตามไปด้วยแล้วเนี่ย


แล้วไอ้ยักษ์นี่ก็หยุดครางสักทีเถอะ ได้ยินแล้วเสียวตามนะเฮ้ย!


“ฮืมมม… อืมมม… โอ่ยยย…”


[ตอนต่อไปด้านล่างค่ะ]


หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:26:16

CHAPTER 20 :: I really like you


ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พอเจอแสงที่ส่งผ่านผ้าม่านเข้ามา เลยต้องหรี่ตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วมองไปรอบๆ ห้องนอนของวิคเตอร์


กลิ่นเนื้ออุ่นๆ ตรงช่วงอกแน่นๆ อยู่ชิดติดจมูก เสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะตุบๆ อย่างเนิบนาบ ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขา ก็เห็นว่าเขายังคงหลับสนิทอยู่ สูดลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นปกติ วงแขนซ้ายยังคงโอบไหล่ผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ผมเหลือบสายตาลงไปมองที่ด้านล่างที่มือตัวเองยังคงซุกอยู่ในนั้นซึ่งตอนนี้น้องชายเขาสงบลงแล้ว แต่ว่า…


ผมรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปียกแฉะและเหนอะหนะ หน้าผมเหวอไปตอนที่คิดได้ว่าไอ้สิ่งที่เลอะมือผมอยู่นั้นมันคงไม่พ้นน้ำรักของเขาแน่ๆ และเมื่อผมค่อยๆ ดึงมือซ้ายออกจากกางเกงนอนของเขา และดึงพ้นผ้านวมสีเทาออกมา ข้อสันนิษฐานของผมก็ได้รับการยืนยันว่าไอ้ที่มันเหนอะๆ นั้นคือน้ำข้นขุ่นสีขาวที่ล้นเลอะมือผมเต็มไปหมด


ผมอ้าปากหวอ หน้าตาตื่นตะลึงรับแสงแดดยามเช้า จะโวยวายเสียงดังก็คงไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นคนยอมจับตามคำขอของอีกฝ่ายเอง ผมย่นหน้าเบะปาก แต่ไม่ได้นึกรังเกียจ เพราะมันก็คล้ายกับของผม เพียงแต่ของวิคเตอร์นั้นเยอะมาก ทั้งยังเหนียวข้นและข้นขุ่น ซึ่งน้ำอสุจิแบบนี้ บ่งบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นพ่อพันธุ์ที่ดี ไม่ต้องกลัวเป็นหมัน ถ้าคิดจะมีลูก ลูกดกแน่นอน


อะ… เอ่อ ผมว่านี่อาจจะไม่ใช่เวลาให้ความรู้เรื่องนี้ก็ได้มั้ง กูเกิ้ลก็มีเนอะ


ผมค่อยๆ ลุกขึ้นโดยระวังไม่ให้มือซ้ายตัวเองหล่นไปโดนตัวเขาหรือผ้านวม แต่ติดตรงที่มือซ้ายเขาจับไหล่ซ้ายผมไว้แน่นเลยทำให้ลุกขึ้นทุลักทุเลไปหน่อย จะใช้มือซ้ายมาแกะมือเขาออกก็ไม่ได้อีก เพราะกำลังพยายามประครองน้ำรักของเขาไว้ในมือ สุดท้ายผมเลยตัดสินใจเด้งตัวลุกขึ้นเร็วๆ จนมือเขาหลุดออกจากไหล่ และแน่นอนว่านั่นมันทำให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมา


“จะไปไหน” เขาถามสีหน้าง่วงๆ พลางใช้แขนซ้ายดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งข้างๆ ผม


“ผมจะไปเข้าห้องน้ำครับ” ผมตอบตามปกติ แต่ก็พยายามแอบๆ มือซ้ายตัวเองไว้ไม่ให้เขาเห็น วิคเตอร์เอามือขยี้ตา ก่อนจะชะโงกหน้ามองที่มือซ้ายที่ผมพยายามเลี่ยงไม่ให้เขาเห็น


“มือนายเป็นอะไร” ผมรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที วิคเตอร์หรี่ตามองกลับราวกับไม่เชื่อ สักพักเขาก็ชะงักไปเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะถลกผ้านวมออกจากท่อนล่าง เอามือดึงขอบกางเกงขึ้น จนผมแทบเบนสายตาหนีไม่ทัน ถึงจะนอนจับของเขามาทั้งคืนแต่ก็ใช่ว่าจะมานั่งมองมันได้โต้งๆ นะ


วิคเตอร์ปล่อยขอบกางเกงลง แล้วเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มที่ผมไม่ชอบมาให้ นั่นคือใช้ฟันบนกัดริมฝีปากล่างไว้แล้วยิ้มแบบมีเลศนัยพร้อมดวงตากรุ้มกริ่ม ความร้อนขยายไปทั่วใบหน้าไปถึงใบหูทันทีที่ผมเห็นเขายิ้มแบบนั้นมาให้


“ที่มันอยู่ในมือนายนั่นน่ะ มีโปรตีนสูงนะ กินแทนข้าวเช้ามั้ย” เขาบอกเสียงทะเล้น สีหน้ามีแววล้อเลียนเต็มที่ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้าแดงๆ ของตัวเองหนีสายตาแพรวพราวของเขา ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำแบบถูกใจดังมาจากอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะโอบมือซ้ายไว้รอบหลังคอผมแล้วดึงให้เข้าไปรับจูบยามเช้าจากเขา แต่เขาแค่กดริมฝีปากเอาไว้แน่นๆ สักพักแล้วปล่อยออก


“I cannot underestimate you. You make me cum even only touching it by your hand. (นายนี่ไม่ธรรมดานะ แค่จับของฉันไว้เฉยๆ ก็ทำมันถึงจุดสุดยอดได้)” เขาบอกเสียงชื่นชมปนอารมณ์ดี ผมยิ่งร้อนผ่าวที่หน้าเข้าไปใหญ่ ผมสบตากับเขาแล้วกระพริบตาปริบๆ อย่างเอ๋อๆ เพราะไม่รู้ว่าควรดีใจกับคำชื่นชมที่เขาบอกมั้ย


“ฮืมมม…” เสียงเขาครางเบาๆ ตอนที่โน้มหน้ามาจูบปิดปากผมอีกรอบ รอบนี้เขาใช้ลิ้นเลียไปตามริมฝีปาก แล้วสุดท้ายก็ทำให้ผมเปิดปากรับลิ้นร้อนๆ ของเขาเข้ามาพัวพันกับลิ้นตัวเองอย่างจาบจ้วง เขาใช้ลิ้นล้วงไปทั่วปากอย่างหื่นกระหาย ทำเอาผมสมองเบลอหยุดสั่งการไปชั่วขณะ


“อา…” เขาส่งเสียงพึงพอใจตอนที่ผมส่งลิ้นไปหยอกล้อโต้ตอบกับเขา แต่ผมก็เหมือนเด็กอนุบาลที่ยังจูบไม่เป็น (หรือเด็กอนุบาลบางคนอาจจูบเก่งกว่าผมอีก) เพราะพอเขาเริ่มประกบปากแน่นและลิ้นก็ยังคงไล้เลียอย่างหนักหน่วง ผมก็เริ่มหายใจผิดจังหวะ จนต้องผลักไหล่เขาให้ออกห่าง


“ฮื่อ…  ฮื่อ… ฮื่อ…” ผมไม่ได้ร้องไห้นะ แต่ผมกำลังส่งเสียงหายใจหอบหนักๆ พอหันหน้าไปมองคนที่ทำให้ผมจะขาดใจตายก็เห็นรอยยิ้มซุกซนปรากฏอยู่บนใบหน้า เขาเอื้อมมือมาจับท้ายทอยผมไว้อีกรอบ แว้บแรกผมคิดว่าเขาจะจูบอีก แต่คราวนี้เขาแค่ก็กดจูบลงบนหน้าผากแรงๆ แล้วผละออกไป


“ฉันชักอยากให้นายทำมากกว่านอนจับมันไว้ทั้งคืนแล้วสิ” เขาบอกเสียงแหบพร่า พร้อมกับส่งยิ้มหื่นมาให้ ผมเม้มปากแล้วทำแก้มป่อง ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ


“คุณอาจจะแค่ฝันเปียกก็ได้” แล้วนี่ผมกำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นอย่างน่ามอง สีหน้าเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะว่า


“งั้นในฝันฉันคงมีนายอยู่ด้วยล่ะมั้ง เพราะในหัวฉันตอนนี้คือภาพที่นายนั่งโยกอยู่บนตัวฉันไม่ยอมหยุด” ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่เขาบอก อีกฝ่ายยิ้มสดใสกลับมาให้ ผมหุบปากลง ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่เขา


“ตอนเด็กๆ คุณดูหนังโป๊เพื่อพัฒนาสมองแทนการดูการ์ตูนใช่มั้ย ถึงได้คิดแต่เรื่องแบบนี้อยู่ตลอดเวลา” เขายิ้มยั่ว แล้วเอาลิ้นไล่เลียไปตามริมฝีปากล่างของตัวเอง เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ผม แล้วว่าเสียงกระซิบ


“เชื่อฉันสิ ว่าฉันสามารถทำให้นายคิดถึงแต่เรื่องบนเตียงของเราสองคน อย่างที่ฉันชอบคิดได้” ผมสบดวงตาสีน้ำผึ้งข้นของเขา เราสองคนนั่งสบตากัน แต่ความรู้สึกในแววตานั้นต่างกัน วิคเตอร์นั้นเร่าร้อน และเชิญชวน ส่วนผมมองเขาด้วยอาการประหม่าและผสมความตื่นเต้น รู้สึกได้จากใจที่เต้นตุบๆ หนักๆ อยู่ในอก


ยังไงผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมผู้ชายที่เดินทางสายปกติมาตลอดอย่างเขา จะมามีอารมณ์ทางเพศกับผมได้ขนาดนี้ บางทีนี่อาจจะเป็นแค่เรื่องความรู้สึกทางเพศเฉยๆ ก็ได้มั้ง เพราะผู้ชายเป็นเพศที่เกิดอารมณ์ง่าย ถูกนิด โดนหน่อย เร้าเล็ก เร้าน้อย ก็สามารถเตลิดแล้ว แต่ถึงจะสงสัยยังไง ลึกๆ ผมอดดีใจไม่ได้ที่ผมส่งผลกระทบต่อเขาได้ขนาดนี้ อย่างน้อยผมก็เป็นที่ต้องการของเขา ถึงจะแค่เรื่องทางเพศก็เถอะ


“ผมจะลงไปอาบน้ำ แล้วก็ทำอาหารเช้าให้นะครับ” ผมดึงสติกลับมา แล้วหลบสายตาของเขาที่ยังจ้องอย่างใกล้ชิดและไม่คิดเบนหนีไปไหน


“อาบด้วยกันสิ” เขาบอกเสียงสดชื่น ผมเบะปากใส่เขานิดๆ แล้วหันตัวหนีเขา ค่อยๆ ขยับจะลงไปยืนข้างเตียง แต่เท้ายังไม่ทันถึงพื้น ผมก็โดนล็อคคอเบาๆ จากด้านหลัง ถูกดึงไปซบอบแน่นๆ ของอีกฝ่าย แล้ววิคเตอร์ก็ก้มลงมาฟัดแก้มผมทั้งสองข้าง ไม่ได้หอมฟอดๆ นะ แต่เขาฟัดขยี้ด้วยจมูกแรงมาก


“ฮึ่มมมๆๆ” เขาส่งเสียงคำรามตอนใช้จมูกและริมฝีปากฟัดแก้มผม จนผมได้แต่พยายามเบนหน้าหนี แต่ก็หนีไม่พ้น


“อ๊า! พอแล้ว ฮะๆ อ๊า!” ผมพยายามประครองมือซ้ายไว้แล้วนะ แต่สุดท้ายไอ้สิ่งที่อยู่ในมือมันก็เลอะกางเกงนอนผมอยู่ดี ผมเลยปล่อยเลยตามเลย และพยายามมาสู้รบปรบมือกับผู้ชายที่ยังระดมหอมแก้มผมไม่หยุดแทน


“คุณเรย์มอนด์ พอแล้ว คิกๆ” ถึงจะบอกให้เขาพอ แต่ผมก็อดหัวเราะอารมณ์ดีไปด้วยไม่ได้ เขาระดมจูบไปทั่ววงหน้าผมไม่ยอมหยุด โดยเฉาะตรงแก้ม หอมแล้วหอมอีก จนผมเริ่มจะปวดตุ่ยๆ ที่แก้ม


“ฮือออ คุณเรย์มอนด์ พอแล้ววว” ผมเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้างชอบใจ ก้มจูบริมฝีปากผมหนึ่งที ก่อนจะละไปที่แก้มอีกครั้ง


“ไม่พอ (ฟอด) ไม่พอ (ฟอด) ไม่พอ (ฟอด)!” นี่แก้มคนนะ ไม่ใช่แก้มตุ๊กตาหมี แล้วกดมาทีนี่จะให้แก้มทะลุเลยใช่มั้ย ฮึกๆ ไอ้ยักษ์แรงควายธนู



กว่าจะหลุดบ่วงฟัดแก้มจากวิคเตอร์มาได้ก็หัวเราะเสียงแทบแหบ กว่าเขาจะยอมปล่อย ผมก็งอแงอยู่หลายรอบ แถมเรายังยืนยื้อยุดกันอยู่พักใหญ่ๆ เพราะเขาพยายามลากผมเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำด้วย แต่ผมดิ้นจนหลุดแล้ววิ่งหนีลงมาอาบน้ำข้างล่างแทน ดีที่วิคเตอร์ไม่ได้วิ่งตามลงมา ผมเลยอาบน้ำอย่างสบายใจ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ออกมาทำอาหารเช้าให้เขา


ตอนนี้กองถ่ายซีรีส์ต้องหยุดพักกองไปชั่วคราว แต่คุณเดวิดบอกว่าจะพยายามถ่ายเก็บฉากที่ไม่มีวิคเตอร์ไปก่อน ซึ่งฉากที่ไม่มีวิคเตอร์ก็ไม่ได้มีมากจนสามารถถ่ายออกมาเป็นเรื่องเป็นราวได้ เพราะยังไงซีรีส์เรื่องนี้วิคเตอร์คือตัวเอก ตัวเด่นของเรื่อง ขาดเขาไป ก็ถ่ายทำยาก โชคยังดีที่ทางกองถ่าย ถ่ายสต็อกเทปไว้ได้มากพอสำหรับการออกอากาศครั้งต่อๆ ไป


ผมตักข้าวต้มกุ้งใส่ถ้วยไว้ให้เขาหนึ่งถ้วย แล้วก็ของตัวเองหนึ่งถ้วย โรยผักชีและใส่พริกไทยอีกเล็กน้อย ผมเอาวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน แล้วหันไปจัดการเอาอาหารให้เจ้าไมเคิลกับฟอกซ์ที่ออกไปฉี่ ไปอึยามเช้ากันมาแล้ว ผมเทอาหารให้เจ้าฟอกซ์ พอของไมเคิลผมเทใส่ถาดมันไว้ แต่ยังไม่ยื่นให้มันกิน


“เห่าก่อนไมเคิล เห่าเร็ว โฮ่ง!” ไมเคิลตอบรับคำสั่งผมด้วยเสียงเห่าดัง โฮ่ง!! จนผมยังแอบสะดุ้ง แต่ก็ส่งเสียงหัวเราะให้กับความแสนรู้ของมัน ผมยื่นถาดอาหารให้มันกิน พอยืดตัวขึ้นมาก็เห็นวิคเตอร์ที่ใส่แต่กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เปลือยท่อนบน เดินถือเสื้อเชิ้ตดำ และตาข่ายรองแขนพร้อมสีหน้าขมุกขมัวเข้ามาในครัว


“ฉันรอให้นายไปใส่เสื้อให้ตั้งนาน ทำไมไม่กลับขึ้นไปหาฉัน” เขาบอกเสียงกระแทก แต่ไม่ได้รุนแรงมาก ผมกระพริบตาปริบๆ อ้าปากหวอมองเขาด้วยความมึนๆ เล็กน้อย


“ผมก็มาทำอาหารเช้าให้คุณอยู่ไงครับ” ผมบอกงงๆ วิคเตอร์หน้ามุ่ยเหมือนเด็กโดนขัดใจ พอเขาเห็นมีถ้วยอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะก็เหมือนจะเข้าใจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ยอมทำหน้าดีๆ ผมเลยต้องเดินเข้าไปหาเขา หยิบเสื้อเชิ้ตดำออกมาถือไว้เตรียมใส่ให้เขา และเอาตาข่ายรองแขนมาคล้องแขนขวาไว้


“อะไรกันครับ ตื่นมายังยิ้มอยู่เลย ทำไมตอนนี้หน้าบึ้งจัง” ผมบอกพลางเดินอ้อมไปยืนข้างซ้ายของเขา แล้วจับแขนซ้ายเขายัดเข้าไปในแขนเสื้อ


“นายลืมขึ้นไปหาฉัน” เขาว่าเสียงขุ่น ผมแอบยิ้มนิดๆ กับนิสัยมุมนี้ของเขา ยิ่งรู้จักกัน ผมว่ามาดนิ่ง มาดขรึม ของเขายิ่งเริ่มจะหายไป


“ผมมีร่างเดียวนะ อาหารเช้าผมก็ต้องทำนะครับ” ผมอธิบาย แล้วค่อยๆ ช่วยให้เขาเอาแขนขวาสอดเข้าไปในแขนเสื้อ


“ลงมาทำพร้อมฉันก็ได้นี่” เขายังคงพูดด้วยอาการแถไถ ผมยิ้มเหนื่อยใจนิดๆ  ขณะที่เดินมาอยู่ตรงหน้าเขา เพื่อที่จะติดกระดุมเสื้อ


“ให้ตายเหอะ คุณนี่เอาแต่ใจจริงๆ”   


“ก็ฉันอยากให้นายเอาใจฉัน” เขาบอกสีหน้านิ่งๆ แล้วมองผมแบบที่เปลือกตาแทบไม่ขยับขึ้นลง ผมยิ้มเพลียๆ แต่ไม่ได้เพลียจริงหรอก แค่เพลียกับความเอาแต่ใจของเขา ถ้าผมไม่รู้จากคุณลิซ่ามาก่อนว่าเขาถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กๆ ผมคงรู้สึกอยากแขวนคอตายหนีเขา แต่เพราะผมเข้าใจดีว่าการถูกเลี้ยงดูแบบสปอยล์มาตั้งแต่เด็กๆ แบบนั้นมันส่งผลต่อนิสัยเขายังไง ต่อให้โตมาแค่ไหน ยังไงนิสัยนั้นก็ยังอยู่ เพราะเขาซึมซับมาตั้งแต่เด็กแล้ว


“ทุกวันนี้คุณก็ควรมอบโล่ลูกน้องดีเด่นให้กับผมพร้อมมงกุฎและสายสะพายด้วยซ้ำ” ผมบอกขำๆ แล้วเอื้อมมือไปจัดปกคอเสื้อให้เขาหลังจากติดกระดุมให้เขาจนครบทุกเม็ด


“เอาไปทำไมของพวกนั้น เอาฉันดีกว่า” ผมที่กำลังทำสีหน้าเพลินๆ ถึงกับชะงักสีหน้า แล้วปรือตามองเขาด้วยความระอาใจ ส่วนวิคเตอร์ พอเห็นผมทำหน้าเหม็นเบื่อเขาก็หัวเราะชอบใจยกใหญ่ที่สามารถขัดบรรยากาศเพลิดเพลินกับการติดกระดุมและจัดปกคอเสื้อให้เขาได้


“ไปทานข้าวเถอะครับ” ผมตัดบท ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ความฮาของเขาต่อ หมุนตัวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ฝั่งหัวโต๊ะที่ผมเว้นไว้ให้เขานั่ง


“หลังจากกลับไปคุยกับค่ายหนัง คุณอยากไปไหนรึเปล่า หรืออยากจะกลับมาพักผ่อนที่บ้านเลย” ผมถามเขาแล้วตักข้าวต้มใส่ปากไปหนึ่งคำ วิคเตอร์ตักข้าวต้มใส่ปากแล้วเคี้ยวสักพักก่อนจะตอบ


“กลับบ้านเลยก็ได้ ฉันขี้เกียจจะไปต่อ” เขาบอกง่ายๆ สีหน้าเรื่อยๆ แล้วตักข้าวต้มเข้าปากอีกคำ


“อยู่แต่ในบ้าน คุณไม่เบื่อบ้างหรอ” เขาเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก เลยส่ายหัวเป็นคำตอบ แต่พอกลืนข้าวเสร็จเขาก็ตอบอีกรอบ


“ไม่อ่ะ ไม่เบื่อ แต่ต้องมีนายอยู่ด้วยนะ” คือถ้าเขาบอกสีหน้ากรุ้มกริ่ม พร้อมรอยยิ้มกระหยิ่มใจ มันคงทำให้ผมรู้สึกจะละลายหายไปกับอากาศ แต่นี่เขาบอกราวกับกำลังบอกเรื่องธรรมดาสามัญชนทั่วไป พูดหน้าตาเฉย แล้วตักข้าวต้มเข้าปากเคี้ยวต่อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ยกมือเกาจมูกอยู่คนเดียว และนั่งกินข้าวเงียบๆ ไปพร้อมกับอาการแก้มร้อนทั้งสองข้าง


ผมกับเขานั่งทานข้าวกันไปเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด เหมือนต่างคนต่างจดจ่ออยู่ที่เรื่องกิน จนกระทั่งกินเสร็จ ผมก็เอาถ้วยไปล้าง พอเขาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เขาก็บอกให้ออกไปได้แล้ว แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้เขาขับรถไป เรายืนเถียงกันยกใหญ่ เขาทำท่าว่าจะไม่ยอม และดื้อบอกว่าขับได้สบายมาก สุดท้ายผมเลยต้องใช้ไม้ตาย


“ผมเป็นห่วงคุณนะ ผมไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะตาย” เขานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ


“ก็ได้” นั่นแหละ เขาถึงยอม แล้วไปหยิบหมวกกับแว่นตาดำมาใส่


เราสองคนโบกเรียกแท็กซี่สีเหลืองงามอร่ามตาจากหน้าบ้าน นั่งไปที่สำนักงานค่ายหนัง วิคเตอร์ดูอึดอัดเล็กน้อยกับการนั่งแท็กซี่ เขาดูเหมือนคนที่วางตัวไม่ถูก ดูเงอะงะ มือเขายกไปมา ยกไปเกาคิ้วก็แล้ว วางบนตักก็แล้ว แต่ก็ยังอยู่ไม่สุข ผมย่นคิ้วนิดๆ แล้วนึกถึงวันที่เขานั่งรถไฟใต้ดินไปกองถ่ายกับผม


“คุณไม่ชอบนั่งรถสาธารณะสินะครับ” ผมถาม เมื่อเห็นสีหน้าเขาอึดอัด แม้จะมีแว่นดำปกปิดดวงตาไว้ แต่ผมรู้เลยว่าตอนนี้เขาคงกำลังหงุดหงิดเล็กๆ อยู่


“เปล่าหรอก ฉันแค่ชอบอะไรที่เป็นส่วนตัวมากกว่า” ผมทำหน้าเข้าใจเขา และจริงๆ ผมก็แอบเข้าใจเขาอยู่นะว่า เขาเป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายหรือแม้กระทั่งไม่ชอบความวุ่นวาย


“แต่ก็แปลกนะครับ คุณไม่ชอบอะไรที่มันเป็นสาธารณะชนสักเท่าไหร่ แต่คุณดันเป็นนักแสดงซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องอยู่ท่ามกลางสาธารณะชน”  ผมพูดเสียงเบา พลางชำเลืองมองไปทางคนขับแท็กซี่ที่ยังคงมองถนนไม่ได้สนใจเราสองคน วิคเตอร์นิ่งไป เขาหันมามองผมโดยที่ผมไม่เห็นว่าสายตาที่เขามองมานั้นเป็นอย่างไร แต่เหมือนเขากำลังชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ


“ย่าฉันอยากให้ฉันเป็นนักแสดง เธอบอกว่าเธออยากเห็นฉันอยู่ในทีวี” เขาบอกเสียงเบาหวิว และจากการจับน้ำเสียงของเขา ผมว่าในน้ำเสียงเขานั้นมีความเศร้าเจือจางอยู่


“ฉันอยากให้ย่าภูมิใจ เพราะฉันไม่ใช่หลานที่ดีนักหรอก…” ท่อนท้ายเขาบอกเสียงเศร้าอย่างชัดเจน


“…นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำให้ย่ายิ้มได้ และชดเชยในสิ่งที่ฉันทำให้เธอเสียใจที่สุดในชีวิต” วิคเตอร์เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมนั่งนิ่งมองเสี้ยวหน้าของเขาด้วยความรู้สึกอึมครึมไปกับบรรยากาศ พอจะเข้าใจว่าเขาคงกำลังคิดถึงคุณย่าของเขาที่เสียไป แม้จะผ่านมานานพอสมควรแล้ว แต่ผมว่าความรักที่เขามีให้ย่า และที่ย่ามีให้เขาคงไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย


“คุณย่าคุณต้องยิ้มด้วยความภาคภูมิใจอยู่แน่นอนครับตอนนี้ เพราะคุณก้าวขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งของอาชีพนักแสดงแล้วนะ” ผมบอกเสียงเบาให้เราได้ยินกันสองคน แม้แท็กซี่คันนี้จะเป็นรถเก๋งแบบยาว ที่ด้านหลังกับด้านหน้าคนขับอยู่ห่างกันพอสมควร แต่ผมก็ไม่อยากให้คนขับแท็กซี่มารับรู้ว่ากำลังเป็นสารถีให้พระเอกดัง


วิคเตอร์หันมามองผมนิ่งๆ สักพัก ก่อนที่ริมฝีปากเขาจะบิดเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ ผมยิ้มอย่างให้กำลังใจตอบกลับไป แล้วเราสองคนก็นั่งเงียบๆ นิ่งๆ ไปตลอดทาง วิคเตอร์คงกำลังจมอยู่กับห้วงความคิดถึงของเขา ส่วนผมก็กำลังนั่งด้วยอาการดีใจปนประหลาดใจที่วิคเตอร์ยอมเล่าเรื่องที่ผมคาดว่าโคตรจะเป็นเรื่องส่วนตัวให้ฟัง


จากตอนแรกๆ ที่เริ่มรู้จักกัน เขาไม่ค่อยพูดหรือเล่าอะไรให้ผมฟัง นอกจากบอกว่าแม่เขาเสียไปแล้วเรื่องเดียว แต่ตอนนี้เหมือนเขาค่อยๆ ยอมเปิดใจบอกเล่าเรื่องราวของเขาให้ผมฟังอย่างช้าๆ


เอาเถอะ ผมกับเขา เราเพิ่งขยับความใกล้ชิดขึ้นมาเอง คงเร่งรีบ เร่งเค้นอะไรจากเขามากไม่ได้ แม้ผมจะอยากรู้และอยากถามมากแค่ไหนก็ตาม รวมทั้งเรื่องความรู้สึกระหว่างเราสองคนด้วย


เรามาถึงที่สำนักงานย่อยของค่ายหนังที่อยู่ห่างจากตึกเอ็มไพร์สเตทออกมาแบบที่ว่ามองจากตรงนี้เห็นยอดตึกไกลลิบๆ เดินเข้ามาในสำนักงานก็ได้รับการต้อนรับจากทีมงานเป็นอย่างดี สำหรับวันนี้เป็นการพูดคุยรายละเอียดของหนังและข้อตกลงต่างๆ พร้อมกับการเซ็นสัญญาการเป็นพระเอกของหนังชุดนี้ ซึ่งเคยเลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้วเพราะทางทีมงานยังไม่พร้อม พอมาคราวนี้วิคเตอร์กลับมีสภาพไม่สมประกอบ แต่เขาก็ยืนยันจะมาเพื่อที่จะได้เซ็นให้จบๆ ไป เขาบอกว่าแขนเข้าเฝือกแต่มือยังจับปากกาเซ็นได้


“คุณต้องรักษาหุ่นของคุณให้ดูดี และอาจจะต้องเพิ่มกล้ามเนื้อขึ้นอีกหน่อยด้วย” คุณลุงเอ่ย เอ่อ ไม่สิ เขายังไม่แก่เท่าคุณเดวิด แต่ก็ดูมีอายุด้วยผมหงอกสีขาว จะเรียกคุณลุงก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะหนังหน้าผู้กำกับยังคงดูดีแม้จะมีรอยย่นของวัยที่สูงขึ้น แต่เป็นคนมีอายุที่หล่อ ผู้ชายฝรั่งบางคนต้องบอกเลยว่ายิ่งแก่ยิ่งหล่อออร่าแน่น แถมคุณผู้กำกับคนนี้หุ่นยังดีไม่มีย้วยเป็นการการันตีความเฟิร์มได้อีก


“ผมไม่เล่นจนครบห้าภาคได้มั้ย” ผมแอบสะดุ้งจนแทบไหลตกเก้าอี้ เมื่อพ่อพระเอกเอ่ยแบบมึนๆ เล่นเอาทีมงานมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่คุณทอมเจ้าของบทประพันธ์และคุณผู้กำกับกลับยิ้มขำเหมือนไม่ถือสา


“ผมจะลองคุยกับทีมเขียนบทดูว่า เขียนให้บทคุณตายตั้งแต่ภาคแรกและซีนแรกได้เลยรึเปล่า” คุณทอมเจ้าของบทประพันธ์ที่ผมเคยขอลายเซ็นไปเมื่อวันที่วิคเตอร์มาแคสติ้ง พูดด้วยน้ำเสียงลื่นไหลและมีสีหน้าสบายๆ ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ส่วนพระเอกของเรื่องกลับยิ้มที่มุมปากหน่อยๆ จนผมอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปพูดกับเขา โดยพยายามทำเสียงเบาๆ


“ยังไม่ทันเปิดกล้อง คุณก็จะรีบตายแล้วเหรอ” วิคเตอร์หันมามองตาดุนิดๆ ก่อนจะว่าเสียงเข้ม


“นายแช่งฉันงั้นเหรอ” ผมตาโตแล้วรีบส่ายหัวหน้าตั้ง


“เปล่า! ผมหมายถึงว่า คุณจะเร่งให้ตัวละครคุณตายทำไม เขาเป็นพระเอก ต้องอยู่ยันจบเรื่องสิ” ผมขมวดคิ้วมองหน้าเขา อีกฝ่ายก็ขมวดคิ้วเคร่งๆ มองกลับมา ผมว่าผมพูดเบาๆ แล้วนะ แต่ทีมงานคนอื่นๆ กลับส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ จนผมเผลอหันกลับไปมองหน้าเหวอ แล้วยิ้มแหยๆ ส่งไปให้


“นั่นสิ อยู่ร่วมสนุกกันก่อน อย่าเพิ่งรีบไปไหน” คุณผู้กำกับบอกพร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ วิคเตอร์ยิ้มมุมปากนิดๆ ส่วนผมยิ้มเฝื่อนๆ ไปให้ทีมงานทุกคนที่มองกลับมาจากอีกฝั่งของโต๊ะประชุม


หลังจากนั้นโปรดิวเซอร์หนุ่มใบหน้าเรียวยาว รูปร่างสูง ผอม ผิวขาว ใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมที่อายุน่าจะพอๆ กับวิคเตอร์ก็แจกแจงรายละเอียดของภาพยนตร์เรื่องนี้ให้วิคเตอร์ฟัง ซึ่งผมก็ต้องฟังด้วย และจดเอาไว้เผื่อเขาไม่ได้ฟังแล้วมามีคำถามทีหลังผมจะได้ตอบเขาได้


“จะมีการนัดเวิร์คชอปพร้อมนักแสดงคนอื่นๆ ก่อนเปิดกล้องประมาณหนึ่งเดือน ทางเราจะแจ้งให้ทราบอีกที” โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์กล่าวเสียงแหบๆ อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าเขามีอาการเจ็บคอหรือเปล่า


“คุณพร้อมเซ็นสัญญาวันนี้มั้ย อยากเอากลับไปอ่านก่อนรึเปล่า” ผู้หญิงร่างท้วมคนเดิมที่ผมเจอวันแคสติ้งเอ่ยกับวิคเตอร์ยิ้มๆ พลางยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ ผมหยิบมาแล้วเปิดซอง ดึงเอกสารให้วิคเตอร์เอาไปอ่าน เขากวาดสายตาอ่านกระดาษเกือบสิบแผ่นอย่างว่องไวและเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะตอบน้ำเสียงปกติ


“ผมเซ็นเลยก็ได้ครับ เพราะเอเจนซี่ผมเขาดูให้แล้วรอบนึง” สงสัยจะเป็นคุณเอมิลี่นั่นแหละที่เป็นคนตรวจสัญญาฉบับนี้ให้ก่อนจะมาถึงมือวิคเตอร์


“แล้วทางเอเจนซี่ของคุณได้แจ้งเรื่องการดูแลและการโยกย้ายมั้ย”  หญิงร่างท้วมเอ่ยถามราวกับจะย้ำจุดนี้ให้วิคเตอร์รับรู้อีกรอบ ผมขมวดคิ้วงงกับคำถามนั้น ไม่เข้าใจว่าใครดูแลใคร และใครจะโยกย้ายใคร


“บอกแล้วครับ”


“แล้วคุณโอเคแน่นะ”


“แน่ครับ เพราะยังไงพวกคุณก็ไม่ได้ทำทั้งหมดอยู่แล้ว ก็แค่ในส่วนของภาพยนตร์เฉยๆ”  หญิงร่างท้วมและโปรดิวเซอร์ของหนังพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ ส่วนผมก็นั่งงงต่อไป จะถามตอนนี้ก็เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท และไม่แน่ใจด้วยว่าถ้าถามกับวิคเตอร์เป็นการส่วนตัวจะได้รับคำตอบหรือไม่


วิคเตอร์หยิบปากกาด้วยมือขวาขึ้นมาจะเซ็นด้วยอาการขัดๆ จับปากกาไม่เต็มมือ ผมเลยเบรกมือเขาไว้ก่อน แล้วช่วยดึงสายรองเฝือกออกจากลำคอและค่อยๆ ดึงตาข่ายออกจากแขนเขาเบาๆ ผมมองเขาด้วยความเป็นกังวล แต่อีกฝ่ายแค่ยักคิ้วซ้ายมาให้ ก่อนจะค่อยๆ ยืดแขนไปจับปากกามาไว้ในมือขวา เห็นแบบนั้นก็โล่งอก ดูท่าทางเขาจะไม่ได้เป็นไรมากจริงๆ แค่ต้องอย่าออกกำลังแขนข้างนั้นมากไป หรืออย่าให้มีอะไรมากระทบกระเทือนแขนที่เข้าเฝือกเด็ดขาด


วิคเตอร์เซ็นชื่อตัวเองลงบนสัญญาตามช่องที่ผู้หญิงร่างท้วมมาร์คเอาไว้ให้เขาเซ็น แต่ก็ใช่ว่าเขาสักแต่จะเซ็นลูกเดียว สายตาเขาไล่กวาดอ่านสัญญาอีกครั้งก่อนจะจรดปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงไปในแต่ล่ะหน้า


“ยินดีที่ได้ร่วมงานนะคะ” หญิงสาวคนเดิมเอ่ยอย่างเป็นมิตรพร้อมรอยยิ้มเมื่อวิคเตอร์เซ็นสัญญาในหน้าสุดท้าย แล้วเสียงปรบมือพร้อมกับเสียงกล่าวยินที่ได้ร่วมงานกับเขาก็ดังขึ้นเต็มห้องประชุม วิคเตอร์ต้องส่งมือขวาไปเช็คแฮนด์กับทุกคน แต่ก็ทำแค่เบาๆ ไม่ได้กระชากรุนแรงอะไร


“แล้วตอนถ่ายทำ เธอจะเข้าไปในกองถ่ายด้วยรึเปล่าเนี่ย” คุณทอมเอ่ยถามผมหลังจากที่ร่วมแสดงความยินดีกับวิคเตอร์แล้ว ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ


“ผมน่าจะกลับไทยไปแล้วล่ะครับตอนนั้น” คุณทอมทำหน้าประหลาดใจ ก่อนจะถามต่อ


“ไม่ได้อยู่ตลอดหรอกเหรอ” ผมส่ายหัวพร้อมยิ้มอ่อนๆ


“เปล่าหรอกครับ ผมมาฝึกงานแค่สามเดือน เดี๋ยวก็กลับแล้ว”


“เสียดาย เห็นว่าเธออ่านหนังสือฉันด้วย ว่าจะชวนมาอยู่ในทีมเขียนบทสักหน่อย เผื่อจะช่วยแชร์อะไรได้ในมุมมองคนอ่านบ้าง” ผมตาโตกับโอกาสดีๆ ที่จู่ๆ ก็ลอยเข้ามาหาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ถึงจะตื่นเต้นดีใจแค่ไหน ก็ต้องยอมรับความจริงว่าผมอยู่นานขนาดนั้นไม่ได้ ผมยังมีภาระเรื่องเรียนให้กลับไปจัดการอีก


“ผมสนใจมากนะครับ แต่ผมยังเรียนไม่จบ ต้องกลับไปเรียนต่ออีก” คุณทอมทำหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะว่าต่อ


“ถ้าเรียนจบแล้วยังสนใจอยู่ ก็บอกฉันนะ” ผมยิ้มแฉ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับรัวๆ คุณทอมยิ้มใจดีกลับมาให้แล้วเอามือตบไหล่ผมเบาๆ


“ขอบคุณมากนะครับ” ผมบอกด้วยความตื่นเต้น รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างรออยู่ปลายทางหลังเรียนจบ ผมอาจไม่ต้องดิ้นรนหางานทำหลังเรียนจบแล้วก็ได้นะเนี่ย


คุณทอมเดินออกไปจากห้องประชุม ผมมองตามแผ่นหลังของเขาก็ได้แต่ยิ้มดีใจกับโอกาสที่เขาจะมอบให้ แต่ก็อดถอนหายใจไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงต่อ ผมหันไปมองวิคเตอร์ก็เห็นว่าเขากำลังยืนคุยกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์อยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ผมเลยเดินข้าไปยืนรอใกล้ๆ ในระยะที่ได้ยินเสียงเขาพูดคุยกันแว่วๆ


“แล้วนี่น้องชายคุณเหรอ” คุณผู้กำกับหันมามองที่ผมแล้วยิ้มใจดีมาให้ ผมเลยยิ้มตอบกลับไป


“เปล่าหรอกครับ เขาเป็นเด็กฝึกงาน เป็นคนดูแลผมเอง” ผมแอบยิ้มด้วยความพึงใจเล็กๆ ที่เขาไม่ตอบว่าผมเป็นคนใช้เขาอย่างที่เคยตอบไปกับคุณทอมครั้งก่อน


“โอ้ว นี่เขาสูงถึงไหล่คุณรึเปล่าเนี่ย” ผมที่กำลังยิ้มๆ ถึงกับเกือบยิ้มสะดุดเมื่อผู้กำกับตาสีฟ้าอ่อนเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจจริงๆ แบบไม่มีเสแสร้งแกล้งทำจนวิคเตอร์หัวเราะออกมา ส่วนผมก็พยายามที่จะคลี่ยิ้มดังเดิม


“ถ้าเขย่งก็อาจจะสูงเลยไหล่ผมมาหน่อย” ผมแอบมองค้อนวิคเตอร์เล็กๆ อีกฝ่ายยิ้มกวนๆ กลับมาให้


“คนเอเชียนี่ตัวเล็กจัง แต่เขาน่ารักมากเลยนะเวลาอยู่กับคุณน่ะ” เขาหันไปบอกวิคเตอร์ที่ยิ้มอ่อนๆ กลับไปให้ ส่วนผมก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย


หมายความว่าไง ถ้าไม่อยู่กับวิคเตอร์ ผมก็จะไม่น่ารักอ่ะหรอ ทำไมผมถึงน่ารักแค่ตอนอยู่กับวิคเตอร์ล่ะ ขอน่ารักตลอดเลยไม่ได้รึไง


ผมยืนรอวิคเตอร์คุยกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์อยู่อีกสักพัก เลยกะจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์รอเวลา แต่กำลังจะล้วงหยิบออก
จากกระเป๋ากางเกงยีนส์ตามความเคยชิน ผมก็นึกขึ้นได้ว่าวิคเตอร์ยังไม่ได้คืนมือถือให้ผมตั้งแต่เมื่อคืน ผมเลยต้องยืนรอเขาคุยงานเฉยๆ ต่อไปจนเกือบจะกลับไปนั่งหลับรอ


“See you. (ไว้เจอกันนะ)” ในที่สุดการสนทนาก็สิ้นสุดลง ผมนี่แทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจ


V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:32:26

เราสองคนเดินออกมาจากตึกสำนักงานของค่ายหนังในช่วงเวลาเที่ยงๆ แสงแดดสาดส่องไปทั่วทุกพื้นที่แต่พอดีว่านี่คือช่วงฤดูสปริง เลยไม่รู้สึกร้อนเท่าไหร่ ให้ความรู้สึกอุ่นๆ มากกว่า แม้ที่ไทยจะเป็นเดือนที่ร้อนตับแตกหรือบางทีก็เพี้ยนฝนตก แต่สำหรับที่นิวยอร์คตอนนี้อากาศกำลังอบอุ่น แต่ก็จะมีลมทำให้รู้สึกหนาวเย็นเล็กๆ บ้างเป็นบางเวลา ผมใส่เสื้อกันหนาวมาด้วย ยังแอบรู้สึกเย็นๆ เลย ผิดกับวิคเตอร์ที่ใส่แค่เชิ้ตดำ แต่เขากลับดูปกติราวกับเวลาลมเย็นๆ ที่พัดผ่านมานั้นทำอะไรเขาไม่ได้


“คุณจะกลับบ้านจริงๆ เหรอครับ อากาศน่าไปเดินเล่นในเซ็นทรัลปาร์คมากเลยนะ” ผมลองกระแซะ หลังจากมองไปเห็นต้นไม้เขียวขจีริมถนนฝั่งตรงข้ามกับตึกอาคารสำนักงาน


“นายอยากไปรึไง” เขาถามพลางสวมหมวกลงบนหัว ผมยิ้มแห้งๆ กลัวเขาจะด่าเอา วิคเตอร์ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะบอกอย่างอารมณ์ดี


“ถ้านายสัญญาว่าคืนนี้จะนอนจับอาวุธฉันไว้ทั้งคืนเหมือนเดิม ฉันจะพาไป” ผมเบิกตากว้างขึ้นนิดๆ ความร้อนแผ่ไปทั่วแก้ม วิคเตอร์เห็นผมยืนค้างก็หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเอามือซ้ายมาดันไหล่ขวาผมให้เดินเคียงข้างเขาไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบใดๆ จากผม


“ถือว่านายตกลงแล้ว” เขาก้มลงมากระซิบเร็วๆ แล้วยืดตัวกลับไปเต็มความสูงตามเดิม ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาที่มองตรงไปยังทางเดินแต่ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ก่อนจะรีบหันหน้าหนีเพราะความเขิน แล้วรีบก้าวเท้าเดินให้ทันเขา









“ฟังเพลงมั้ยครับ เดินไปฟังเพลงไป ได้บรรยากาศดีนะ” ผมเอ่ยถามเขาหลังจากเราเดินใกล้จะถึงเซ็นทรัลปาร์ค วิคเตอร์ที่ถอดหมวก ถอดแว่นออกตามคำขอของผม ก้มมองผมเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับนิดๆ ผมยิ้มแฉ่งก่อนจะถอดกระเป๋าเป้ออกจากไหล่ทั้งสองข้าง รูดซิบเปิดออกแล้วก้มหน้าหาไอพอดกับหูฟังสองอันและแจ็คเสียบหูฟังแบบที่มีไว้สำหรับเสียบสายหูฟังสองอันขึ้นไป ผมหยิบหูฟังแบบครอบหัวอันใหญ่ออกมาหนึ่งอัน และหูฟังของไอโฟนสีขาว จัดการเสียบหูฟังทั้งสองอันเข้ากับแจ๊คเสียบหูฟังสีดำ แล้วเอาแจ๊คเสียบเข้ากับไอพอดอีกที


“นายมีของพวกนี้ด้วยเหรอเนี่ย” เขาเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างแปลกใจ สายตามองหูฟังที่อยู่ในมือผม ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบเสียงแจ่มใส


“พอดีผมชอบฟังเพลงอ่ะ ส่วนแจ๊คนี่เอาของพ่อมา เอามาติดไว้เผื่อมีเพื่อนอยากจะฟังด้วย”


“แล้วนายยังใช้ไอพอดนาโนอยู่อีกเหรอเนี่ย” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วพยักหน้าตอบรับเร็วๆ   


“ใช้สิครับ ก็มันยังใช้ได้ อีกอย่าง ผมว่าคลาดสิคดีออก ถึงจะตกยุคไปแล้ว แต่ยิ่งคนใช้น้อย ผมว่าผมยิ่งดูโดดเด่น” ผมยิ้มกว้าง วิคเตอร์เบะปากเป็นรอยยิ้มขำ


“โดดเด่นหรือประหลาดกันแน่” ผมย่นจมูกแล้วมองค้อนใส่เขา แต่ก็แค่แว้บเดียว ก่อนจะปัดประโยคที่เขาจิกกัดมาทิ้งไปจากหัว


“อันนี้ของคุณครับ” ผมบอกพลางยื่นหูฟังสีขาวของไอโฟนให้เขา วิคเตอร์มองหน้าผมแล้วยิ้มขำเล็กน้อย เขายื่นมือมารับหูฟังไปเสียบที่รูหูทั้งสองข้าง ส่วนผมก็สวมหูฟังลงบนศีรษะจัดระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง


“คุณชอบฟังเพลงแนวไหนเหรอ” ผมเอ่ยถามเขา วิคเตอร์เบะปากนิดๆ ก่อนจะตอบ


“ไม่มีแนวที่ชอบหรอก ฉันฟังได้หมดแหละ” ผมยิ้มกว้างกับคำตอบนั้น เพราะนั่นหมายถึงว่าเราจะได้ไม่ต้องตบตีกัน หากผมเปิดเพลงไม่ถูกใจเขา


“แต่อย่าเปิดเพลงปัญญาอ่อนให้ฉันฟังก็แล้วกัน”


วืดดด!


มือที่กำลังเลือกเพลงในไอพอดถึงกับสะดุด ผมอ้าปากหวอเงยหน้ามองเขาอย่างมึนๆ อีกฝ่ายยักคิ้วกลับมาให้เป็นเชิงยืนยันคำพูดของตัวเอง


ปัญหาก็คือ เพลงที่ผมจะเปิดให้เขาฟังนั้น มันปัญญาอ่อนสำหรับเขาหรือเปล่าเนี่ยสิ


“แล้วเพลงแบบไหนที่มันปัญญาอ่อนสำหรับคุณล่ะครับ” วิคเตอร์บุ้ยปากไปมา แล้วไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะตอบเสียงยาน


“ก็พวกเพลงเชื่อในรักแท้ รักหวานเลี่ยน อะไรแบบนั้น ฉันไม่ค่อยชอบ ฟังแล้วไม่เห็นจะเข้าใจ” ผมขมวดคิ้ว มองเขาหน้ามุ่ย อีกฝ่ายมองกลับมาอย่างงงๆ คงกำลังงงว่าทำไมผมถึงมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง


“เพลงแบบนั้นปัญญาอ่อนตรงไหน ออกจะเพราะแล้วความหมายก็ดี”


“ก็เพราะดี แต่ฉันว่ามันเพ้อเจ้อ” เขาตอบหน้าตาย ผมมองเขาอย่างหน่ายใจ วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสีหน้าประมาณว่าเขาพูดอะไรผิดตรงไหน ผมยกมือเกาหัวแกรกๆ ได้แต่ทำใจปล่อยผ่านไป


ผู้ชายคนนี้นี่ไม่อินกับความรักเลยจริงๆ สินะ


“งั้นประเดิมด้วยเพลงที่ผมชอบก็แล้วกัน” ผมบอกอย่างประชดแล้วบุ้ยปากใส่เขาจนวิคเตอร์ยิ้มขำอีกรอบ ผมจัดการเลือกเพลง All of me ของ John Legend ฉบับโคเว่อร์จากซีรีส์ Glee ที่มีเนื้อหาโรแมนติคโคตรๆ แต่กับวิคเตอร์เขาคงมองว่า…


“น้ำเน่า” ผมแยกเขี้ยวและถลึงตาใส่เขา ก่อนจะเร่งเสียงให้ดังขึ้นอีกนิด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงของเขา


เราสองคนเดินเข้าไปในสวนสาธารณะใจกลางเมืองนิวยอร์คที่เปรียบได้ราวกับเป็นปอดของนิวยอร์คเกอร์ (New Yorker) ทั้งหลาย เราเดินชิวๆ บนถนนในสวนที่มีเก้าอี้ตัวยาวไว้สำหรับนั่งพักซึ่งวางไว้ห่างกันเป็นระยะๆ ตั้งติดกับรั้วเหล็กสีดำที่กั้นไว้ระหว่างพื้นถนนกับพื้นหญ้า ในหูก็มีเสียงเพลงช้าๆ ซึ้งๆ ให้รับฟัง เสียงเพลงกับบรรยากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิของนิวยอร์ค มันช่างเป็นอะไรที่ลงตัว


‘Cause all of me… Loves all of you…  (เพราะทั้งหมดของฉัน รักทั้งหมดของเธอ…)

Love your curves and all your edges… (รักทุกสัดส่วนและทุกอณูของเธอ…)

All your perfect imperfections… (ทั้งความสมบูรณ์แบบที่ไร้ที่ติ…)

Give your all to me. I’ll give my all to you… (ให้ทุกอย่างของคุณกับผม และผมจะให้ทุกอย่างของผมกับคุณ…)





ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เงยหน้ามองต้นไม้ทั้งสองฝั่งที่โน้มเข้าหากันคล้ายอุโมงค์ บางต้นมีใบสีเขียวขจี แต่บางต้นมีแต่กิ่งก้านสีน้ำตาลแก่ที่รอเวลาให้ใบขึ้นปกคลุม รู้สึกสดชื่นกับบรรยากาศรอบๆ ตัว แต่พอหันไปมองคนใกล้ตัว บรรยากาศก็แทบดิ่งลงเหว วิคเตอร์ทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลก และมีความอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดที่ฉายออกมาจากแววตาและสีหน้า ตอนแรกผมจะอ้าปากว่าเขาแต่พอหันไปมองรอบๆ ก็เห็นว่ามีสายตาหลายคู่มองมาทางเขา บางคนก็แค่มองผ่านๆ แต่บางคนก็มองด้วยสายตาตื่นเต้นที่ได้เจอดารานักแสดง วิคเตอร์ต้องส่งยิ้มตอบกลับไปเมื่อมีคนโบกมือทายทักเขา แต่รอยยิ้มนั้นก็ไม่ใช่รอยยิ้มเต็มปากนัก ผมกดหยุดเพลงไว้ชั่วคราว ดึงหูฟังออกเอาคล้องไว้ที่คอ แล้วยื่นมือไปสะกิดไหล่ขวาเขาเบาๆ วิคเตอร์หันมามองทั้งที่คิ้วยังขมวดอยู่นิดๆ ผมมองเขาด้วยความเห็นใจก่อนจะบอกเสียงอ่อย


“กลับบ้านมั้ย คุณอาจจะอยากพักผ่อน ผมขอโทษที่พาคุณมาอึดอัด” ผมบอกอย่างรู้สึกผิด วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยท่าที
เคร่งเครียดเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลายอาการเกร็งบนใบหน้า


“ฉันแค่…” เขาทำท่าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น แล้วมองหน้าผมเหมือนกำลังคิดวิเคราะห์อะไรอยู่ เขาเลื่อนสายตาไปมองรอบๆ อีกครั้ง มีผู้คนเดินผ่านเราสองคนไปแบบที่ไม่เอะใจอะไร แต่ก็ยังมีพวกที่ส่งยิ้มมาให้และบางคนถึงกับยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปวิคเตอร์อย่างโจ่งแจ้ง วิคเตอร์ขบกรามเบาๆ แล้วเลื่อนสายตากลับมามองที่ผม แววตาสีน้ำผึ้งข้นคู่นั้นว้าวุ่น ก่อนที่เขาจะเอ่ยเสียงแผ่วด้วยใบหน้าเครียดๆ


“เดินต่อเถอะ” เขาบอกเสียงขรึม ผมเม้มปากเบาๆ มองหน้าเขาอย่างไม่สบายใจ


“เดินไปทั้งที่หน้าคุณเป็นแบบนี้เนี่ยนะ” ผมตีสีหน้าเครียดๆ ขบกรามแน่น คิ้วขมวดเป็นปมให้เหมือนเขาที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ วิค
เตอร์หลุดยิ้มออกมาที่เห็นผมพยายามทำหน้าเลียนแบบเขา คงเพราะผมขบกรามแน่นไปจนเกร็ง แก้มเลยป่องนูนขึ้นมาจนคล้ายปลาทอง มันเลยดูตลกมากกว่าดูจริงจัง ผมปล่อยลมออกจากปาก แล้วเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้นวดขมับเบาๆ


“ทำหน้าตึงแบบนั้น คุณไม่ปวดกล้ามเนื้อบนหน้าแย่หรอ ขนาดผมทำแปบเดียวยังรู้สึกเหมือนจะตึงไปถึงสมอง” ผมบอกทั้งที่ยังนวดขมับทั้งสองข้าง เมื่อกี้เกร็งหน้าซะจนกล้ามเนื้อค้างเลยมั้ง วิคเตอร์ยังคงนิ่งไม่ยอมพูดอะไรต่อ ผมเลยหยุดนวดขมับแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา ก็เห็นว่าเขากำลังมองหน้าผมด้วยสายตาที่ขยับไปมาราวกับสำรวจใบหน้าผมอยู่


“อะไรเหรอครับ” ผมถามหน้าเหลอหลาเมื่อเขายังคงมองอยู่ สักพักมุมปากทั้งสองข้างของเขาก็ขยับเป็นรอยยิ้มเล็กๆ จนผมต้องยิ้มตามน้อยๆ


“ชอบเพลงเมื่อกี้มากรึไง ฉันเห็นนายเดินตัวลอยอย่างกับซินเดอเรลล่า” ผมย่นคิ้วมองหน้าเขาที่มองกลับมายิ้มๆ


“คุณรู้ได้ยังไงว่าซินเดอเรลล่าเดินตัวลอย”


“ฉันเคยเห็นที่วอล์ทดิสนีย์ตอนเดินขบวนพาเหรด เธอดูล่องลอยไปกับเสียงเพลง” ผมยังคงขมวดคิ้วแล้วมองวิคเตอร์ด้วยสายตาเหมือนเห็นคนแปลกหน้า ไอ้ที่เขาไปวอล์ทดิสนีย์น่ะไม่แปลกหรอก แต่แค่ประหลาดใจตรงที่เขาสังเกตทวงท่าการเดินของนังซินเนี่ยแหละ


“คุณก็ช่างสังเกตเนอะ” วิคเตอร์หรี่ตามองกลับมา ก่อนจะถามเสียงข้องใจ


“นายหลอกด่าอะไรฉันรึเปล่า” ผมส่ายหัวตาโต ยกมือโบกปฏิเสธรัวๆ กับคำกล่าวหานั้น


“เปล่า ผมแค่พูดเฉยๆ ก็จะให้พูดยังไงอ่ะ คุณช่างสังเกตจริงๆ นี่นา” เลยไม่รู้เลยว่าจะต้องทำสีหน้าและทำตัวยังไง วิคเตอร์คลี่ยิ้มขำขันออกมา ผมชะงักไป แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มตาม รู้สึกโล่งใจที่เห็นเขายิ้มออกมาได้


“คุณยิ้มแล้ว ยิ้มต่อเถอะนะครับ คุณหล่อมากเวลายิ้ม” ผมยิ้มกว้าง วิคเตอร์ยิ้มบางๆ แล้วผงกหัวขึ้นสองสามทีเป็นการตอบรับ ผมยิ้มส่งท้ายก่อนจะก้มหน้าเลือกเพลงอีกรอบ คราวนี้ผมเลือกเพลงสนุกๆ ที่จังหวะครึกครื้น เพื่อที่จะได้สร้างบรรยากาศให้เขาตื่นตัวขึ้นบ้าง


ผมสวมหูฟังอีกครั้ง แล้วเปิดเสียงเพลงให้อยู่ในระดับที่ยังได้ยินเสียงจากภายนอกบ้าง เผื่อบางทีเขาพูดอะไรผมจะได้ได้ยินที่เขาพูด เราสองคนก้าวเท้าเดินต่อไปบนถนนที่มีหลายเส้นทาง แต่เราก็ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าจะไปเส้นไหน เท้าพาไปทางไหน เราก็ไปทางนั้น เรามุ่งตรงไปตามทางในเซ็นทรัลปาร์คเรื่อยๆ โดยมีสายตาของหญิงชายหลายคู่ และหลายวัยมองมาที่เราอย่างสนอกสนใจ ผมเองก็แอบเกร็งๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นว่าวิคเตอร์ไม่ได้มีท่าทีอึดอัดหรือเครียดเคร่งอะไรอีก ผมก็เลยปล่อยตัวตามสบายบ้าง


ผมเริ่มออกสเต็ปตามจังหวะเพลงเมื่อตอนที่เราเดินทะลุหลุดออกมาจากโซนใจกลางของเซ็นทรัลปาร์ค ตอนนี้เราสองคนกำลังเดินอยู่บนถนนเส้นเล็กกว่าเดิม ดูโล่งๆ ไม่แออัดเท่าด้านใน อาจเป็นเพราะต้นไม้ที่มีแต่กิ่งก้านยังไม่พร้อมผลิใบออกมาเลยทำให้ทัศนียภาพดูโล่งโปร่งสบาย แถมผู้คนแถวนี้ก็ไม่ขวักไขว่เท่าไหร่ บรรยากาศในยามบ่าย ถึงจะมีแดด แต่อย่างที่บอกว่านี่คือช่วงสปริง มันเลยไม่ได้ร้อนตับแตก แต่กลับอบอุ่นและเย็นด้วยสายลมที่พัดมาเป็นระยะๆ ผมรู้สึกได้ว่าวิคเตอร์ดูจะผ่อนคลายมากกว่าตอนแรกๆ เยอะ


ผมหันไปมองเขาแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาสนุกไปกับจังหวะเพลง Shake it off ของแม่สาวเทย์เลอร์ สวิฟต์ โยกไหล่ยึกยักให้ลงจังหวะดนตรี เท้าก็ก้าวกระโดดไม่มีคร่อมจังหวะ บางทีผมก็หยุดแล้วส่ายก้นนิดๆ จนวิคเตอร์หัวเราะเบาๆ


‘Cause the players gonna play, play, play, play, play… ผมโยกเอวตามจังหวะคำว่า play จนครบคำ

And the haters gonna hate, hate, hate, hate, hate… ผมทำหน้าคล้ายว่าเกลียดอะไรสักอย่าง แล้วส่ายหัวไปมาตามคำว่า hate จนหมดเนื้อร้อง

Baby, I’m just gonna shake, shake, shake, shake, shake… ผมชี้ที่วิคเตอร์ตอนคำว่า Baby ก่อนจะยื่นมือขวาไปด้านหน้าแล้วสลัดแรงๆ ตามคำว่า shake

I shake it off, I shake it off… ผมทำท่าโบกมือไล่ว่าไม่สนใจตามเนื้อร้องที่บอกประมาณว่า ฉันไม่แคร์


วิคเตอร์ยิ้มกว้างและส่งเสียงหัวเราะเมื่อเห็นผมออกแอคติ้งการเต้นที่ค่อนข้างจะอินไปกับเนื้อร้องและดนตรีเป็นอย่างดี ผมเดินไปเต้นไปเลยทำให้เขาต้องหยุดเป็นเพื่อนผม แอบหวั่นในใจนิดๆ ว่าเขาจะด่าหรือเปล่า แต่เขาแค่เอาแต่มองผมเต้นและร้องลิปซิงค์ด้วยรอยยิ้มขำๆ จนผมรู้สึกลิงโลดในใจที่เขาไม่ว่าอะไร แถมยังยิ้มแย้มสดชื่นอีกต่างหาก


ตอนนี้เราเดินมาถึงบริเวณแอ่งน้ำขนาดกลางๆ ที่ริมน้ำมีต้นซากุระสีชมพูอ่อนขึ้นแผ่กิ่งก้านอย่างสวยงามอยู่ อย่าได้แปลกใจว่าทำไมที่นิวยอร์คถึงมีดอกไม้ประจำประเทศญี่ปุ่นด้วย ที่มีได้ก็เพราะสภาพอากาศของทั้งสองที่คล้ายคลึงกัน เหมาะแก่การที่ซากุระจะขึ้นได้ แต่ดูท่าทางซากุระนางจะกินซีนสุด เพราะต้นไม้ต้นอื่นๆ ยังคงเป็นแค่โครงต้นไม้ มีแต่กิ่งก้านไม่มีใบ แถมสีชมพูของนางยังตัดกับพื้นหญ้าสีเขียวด้านล่างอีก บริเวณนี้มีผู้คนไม่มากเท่ากับอีกฝั่งของริมแอ่งทะเลสาบที่มีผู้คนกำลังนั่งเรียงรายเต็มตลิ่ง ไม่รู้ว่านั่งทำอะไรกัน แต่เห็นมีเต้นท์เขียวๆ กางอยู่ สงสัยจะเป็นที่นั่งพักล่ะมั้ง


“นายไม่เหนื่อยบ้างรึไง เต้นมาสามเพลงแล้วนะ” วิคเตอร์เอ่ยถาม ตอนที่เพลงที่สี่กำลังจะขึ้น และเรากำลังจะเดินผ่านต้นซากุระไป ผมหยุดยืนฟังทำนองเพลงต่อไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตาโตแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น


“นี่ๆๆ เพลงนี้น่ารักมาก ช่วงนี้ผมฟังบ่อยมากเลยนะ” วิคเตอร์ทำหน้าประหลาดใจ ก็พอดีกับที่ Carly Jepsen เริ่มร้องเนื้อท่อนแรกของเพลง I really like you ผมเลยขยับปากลิปซิงค์ตามทันที


I really wanna stop… (ฉันอยากจะหยุดจริงๆ นะ)~

But I just got the taste for it… (แต่ฉันก็เพิ่งจะได้ลิ้มรสมันเอง…)~

ผมฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกสนุกไปกับเพลง วิคเตอร์ก้มมองลงมาด้วยสายตาละมุนอบอุ่นใจ นี่ถ้าเขาแขนไม่เดี้ยงผมจะจับมือเขาเต้นไปด้วยกันซะเลย ครั้นจะจับมือซ้ายเหวี่ยงไปเหวี่ยงมามือเดียวก็เกรงใจในสภาพที่เขาเป็นอยู่ เลยได้แต่เด้งหน้าเด้งหลังอยู่คนเดียว จนเนื้อเพลงเวียนจะมาถึงท่อนฮุคสุดท้าย ผมก็กะเอาให้เต็มที่ มีเท่าไหร่ใส่ไปให้หมด อุตส่าห์นั่งดูเอ็มวีบ่อยๆ แถมบริเวณนี้คนก็ไม่เยอะ อีกอย่างคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจหรอก อยากทำอะไรก็ทำ ถึงบางทีจะมองแช่ที่วิคเตอร์นานไปหน่อยก็เถอะ แต่ตอนนี้เพลงกำลังสนุก ฟีลกำลังได้เลย ผมอ้าปากลิปซิงค์ตามเพลง แบบว่าเป๊ะทุกตัวอักษร


I need to tell you something… (ฉันต้องบอกอะไรบางอย่างกับคุณ…) ผมขมวดคิ้ว ทำหน้าจริงจังใส่วิคเตอร์คล้ายกับจะบอกอะไรบางอย่างกับเขาจริงๆ

Yeah, I need to tell you something… (ใช่ ฉันต้องบอกคุณแล้วล่ะ…) ผมขยิบตาให้เขา แล้วยิ้มอ้าปากกว้าง

YEAHHHH! I really really really really really really like you… (เย้ย้ย้ย้! นี่ฉันชอบคุณจริงๆ นะ…) อ้าปากกว้างตามคำว่า
YEAH! ยาวๆ ก่อนจะเอามือชี้มาที่ตัวผมตอนคำว่า I บิดไหล่แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยตอนคำว่า really แล้วหยุดบิดไหล่ก่อนจะชี้ไปที่เขาตอนคำว่า You

And I want you. Do you want me? Do you want me, too? (และฉันก็ต้องการคุณด้วย คุณล่ะต้องการฉันมั้ย ต้องการฉันเหมือนกันรึเปล่า?) ผมทำหน้าประหลาดใจ เอามือทาบกับอกตัวเอง ก่อนจะชี้นิ้วชี้ไปที่เขาเป็นเชิงถามตามเพลง แล้วยักไหล่สองสามทีตอนท่อนท้ายที่ถามว่าอยากได้ฉันเหมือนกันรึเปล่า


ผมทำท่าเดิมอีกรอบเพราะเนื้อเพลงวนซ้ำ วิคเตอร์ฉีกยิ้มกว้าง ใบหน้าเขามีแววคล้ายจะเขินๆ เล็กน้อย ผมยิ้มตามรอยยิ้มเขา ก่อนจะเตรียมเปลี่ยนท่าสำหรับท่อนต่อไป


Oh, did I say too much? (โอ้วตาย นี่ฉันพูดมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย) ผมทำสีหน้ายุ่งเหยิง เอามือขึ้นมากุมหัวเหมือนมีเรื่องให้คิดมาก

I’m so in my head. (มันอัดแน่นอยู่ในหัวฉันไปหมด) ผมเอามือซ้ายลงจากหัว แล้วเอานิ้วชี้มือขวาจิ้มที่ขมับ ทำหน้าตาคล้ายคนปวดหัว ก่อนจะปล่อยมือขวาลงข้างตัวแล้วยื่นไปแตะที่ต้นแขนขวาของเขาเบาๆ

When we’re out of touch… (ยิ่งตอนที่เราขาดการติดต่อกันเนี่ยนะ…) ผมห่อไหล่นิดๆ แสร้งทำยิ้มเขินๆ แล้วปล่อยมือออกจากต้นแขนเขา ก่อนจะทำหน้าจริงจัง

I really really really really really really like you… (ฉันชอบ ชอบ ชอบ ชอบ ชอบ ชอบคุณจริงๆ นะ…) ผมชี้ที่ตัวเอง และชี้ไปที่เขาพร้อมกับบิดไหล่ซ้ายขวาน้อยๆ ตามจังหวะ

And I want you. Do you want me? Do you want me, too? (และฉันก็อยากได้คุณ คุณล่ะอยากได้ฉันมั้ย อยากได้ฉันอย่างที่ฉันอยากได้คุณรึเปล่า) ผมกระโดดตัวตรง แล้วแบมือส่งจูบไปให้เขา ก่อนจะดึงมือเข้าหาตัวเองเร็วๆ เอามาวางไว้ที่อกซ้าย แล้วยักไหล่ซ้ายขวาอย่างล่ะทีตามจังหวะเพลง



ผมเต้นต่ออีกนิดเพราะเนื้อเพลงยังไม่จบ กระโดดโลดเต้นไปข้างหน้าพร้อมชูแขนสองข้างขึ้นแบบตอนท้ายของมิวสิควีดีโอที่จำมา วิคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะ เขายิ้มกว้างจนเห็นเป็นร่องแก้มคล้ายลักยิ้ม ยิ้มที่ผมชอบมองที่สุด เพราะเป็นยิ้มที่เขายิ้มทั้งใบหน้าและมาจากใจ ผมเองก็ส่งเสียงหัวเราะไปกับเขา ตอนนี้เราสองคนแทบไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย แล้วพอดนตรีของเพลงจบลงพร้อมเนื้อร้องที่ว่า

And I want you. Do you want me? Do you want me, too?


วิคเตอร์ก็ร้องเพลงด้วยเสียงหล่อๆ ของเขาเบาๆ โดยใช้ทำนองเพลง I really like you นั่นแหละ แต่ไอ้เนื้อร้องนี่สิ ทำเอาผมเบรกเท้าชะงักแทบหน้าทิ่มไปกับถนน


“Of course. I really really really really really really wanna fuck you. And I want you. And I want you, too. (แน่นอน ฉันต้องการจะฟัด ฟัด ฟัด ฟัด ฟัด ฟัด นายจริงๆ นะ แล้วฉันก็ต้องการนาย แบบที่นายต้องการฉันด้วย)”


เดี๋ยวนะ! เนื้อร้องอันนี้มันอยู่ตรงไหน ของเพลงงั้นเหรอ?!


ผมกดไอพอดให้หยุดเล่นเพลงต่อไปทันที วิคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะเริงร่าอย่างที่ไม่กลัวใครจะมอง เพราะแถวนี้ปลอดคน มีแต่ต้นไม้ไร้ใบและเสาไฟอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น  ผมทำแก้มพองลม และทำหน้ามุ่ยๆ ใส่เขา รู้สึกเขิน แต่ต้องแสดงออกเหมือนว่าไม่พอใจ จะได้ดูไม่ง่ายเกิน แม้ใจจริงๆ อยากพุ่งตัวไปบนเตียงกับเขาแล้วก็ตาม (อ้าวๆ เดี๋ยวก่อนๆ)


“เลือกเพลงนี้มา ตั้งใจจะบอกอะไรฉันรึเปล่า” เขาถามเสียงทุ้ม หลังจากหยุดหัวเราะ ผมค่อยๆ หุบแก้มที่พองลมอยู่ กระพริบตามองเขางงๆ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย


“บอกอะไรเหรอครับ” วิคเตอร์ยิ้มเบ้ปาก เอามือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์อย่างมีมาด แล้วยักไหล่ซ้ายน้อยๆ


“นายอาจจะแอบชอบฉันอยู่ไง” ผมหยุดกระพริบตาแล้วเบิกตากว้างมองเขาอย่างค้างๆ ความร้อนและคงมาพร้อมกับความแดงแผ่ไปทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็ว วิคเตอร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม และยิ้มเป็นประกายในนัยน์ตา ทำเอาผมประหม่าไปทันที


“โว้ววว! บ้า! บ่อมีหรอก ไผจะมาชอบ~” ผมเผลอหลุดภาษาเหนือออกมา เมื่อเริ่มออกอาการเคอะเขินจนไปต่อไม่ถูก วิคเตอร์ย่นคิ้วนิดๆ ด้วยความงง แต่กระนั้นริมฝีปากเขาก็ยังบิดเป็นรอยยิ้มขันๆ


“What did you say? (พูดว่าอะไรนะ)” ผมสั่นหัวเบาๆ เพื่อเรียกสติ แล้วหันไปตอบเขาเสียงแห้ง จนต้องกระแอมคอนิดหนึ่ง


“I said no one like you. (ผมบอกว่าไม่มีใครชอบคุณหรอก)” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มมุมปากมีเลศนัย


“หึ…” เขามองผมด้วยสายตาเหมือนเสือเห็นเหยื่อ จนผมต้องหันหน้าหนีเขาไปมองทางอื่นครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมายิ้มเหงือกแห้งให้เขา


“ไป… เอ่อ ไปเดินเล่นต่อมั้ยครับ” เสียงผมเหมือนเสียงคนงุ้งงิ้งยังไงชอบกล วิคเตอร์ยิ้มขำ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย


เราสองคนก้าวเท้าเดินกันต่อไปโดยที่ไม่ได้เปิดเพลงฟังอีกแล้ว วิคเตอร์ส่งหูฟังคืนให้ผม ผมถอดแจ๊คที่เชื่อมหูฟังทั้งสองอันไว้ออกจากไอพอด แล้วยัดลงกระเป๋ากางเกงยีนส์ลวกๆ ผมพยายามทำตัวปกติให้ได้แบบวิคเตอร์ที่นิ่งได้ดีมาก ส่วนผมนี่ยกมือเกาแก้มแก้เขินไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้


เราเดินมาเรื่อยๆ จนมาโผล่ที่ Sheep meadow ซึ่งเป็นลานทุ่งหญ้ากว้างๆ สีเขียวขจี มีต้นไม้ที่รอวันผลิใบและบางต้นก็เริ่มผลิใบแล้วขึ้นอยู่รอบๆ ลานหญ้าขนาดกว้างแห่งนี้ เบื้องหน้าที่ผมมองเห็นคือกลุ่มแมกไม้ที่เรียงตัวเป็นแนวยาวและหนาทึบ ส่วนเบื้องหลังของกลุ่มต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสีน้ำตาลขึ้นติดๆ กันคล้ายเป็นรั้วกันสวนกับตัวเมืองนั้นมีวิวเป็นยอดตึกของเมืองแมนแฮตตัน มีตึกคอนโดสูงที่มีข่าวแว่วว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในนิวยอร์ค สูงกว่าตึกเวิร์ดเทรดซะอีก ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางตึกเล็กตึกน้อย


“หญ้าดูนุ่มน่านั่งจังนะครับ” ผมบอก แววตายังกวาดไปทั่วบริเวณทุ่งหญ้ากลางใจเมืองอันวุ่นวายแห่งนี้


“นั่งมั้ยล่ะ” เสียงวิคเตอร์ถาม ผมหันไปมองเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น วิคเตอร์ยิ้มนิดๆ แล้วพาผมนั่งลงกับพื้นหญ้าที่อยู่ใกล้ๆ ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่แผ่กิ่งปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง ผมเอามือลูบหญ้าไปมา มันนุ่มจริงๆ ด้วย


“นี่ถ้ามีแกะอยู่ด้วย คงสมกับชื่อของมันเลยนะครับ” ผมบอกยิ้มๆ เพราะที่นี่เหมือนลานทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงแกะจริงๆ อย่างชื่อเรียกมันนั่นแหละ


“อืมมม… แต่ตอนนี้มีแต่คนเต็มไปหมด ผู้คนในเมืองอันวุ่นวาย” วิคเตอร์เหยียดเท้าสองข้างไปด้านหน้า แล้วเอาแขนซ้ายยันตัวเองไว้ สายตาเขาเหม่อมองไปไกล ผมมองตามสายตาของเขาก็เห็นกลุ่มคนเป็นหย่อมๆ กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ บนทุ่งหญ้าสีเขียว มีเด็กตัวเล็กๆ กำลังวิ่งเล่นกับผู้เป็นพ่อ มีคนยกมือถือมาถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน ผมหันกลับมามองวิคเตอร์ที่ตอนนี้คล้ายว่าเขากำลังนั่งเหม่อคิดอะไรไปเรื่อย ผมเม้มปากเบาๆ ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถามออกมา


“คุณไม่ชอบฟังเพลงรัก…” เขาหันมามองผมด้วยสายตางงๆ แต่ก็พยักหน้ารับไปแบบมึนๆ


“…ไม่ชอบฟังแม้แต่เพลงเดียวเลยเหรอ”  เขายังคงเหม่อมองไปข้างหน้า แต่ก็ตอมคำถามผมด้วย


“ก็ฟังได้ แต่ฉันไม่ค่อยเชื่อตามเนื้อเพลงพวกนั้นหรอก” ผมนิ่งไปนิด ชั่งใจเพื่อให้แน่ใจว่าตอนนี้เป็นจังหวะที่สามารถถามได้แล้วจริงๆ ถึงค่อยถามต่อ


“Do you ever have the first love? (คุณเคยมีรักแรกมั้ย)” คราวนี้เขาชะงักนิ่งไป หันมามองผมด้วยสายตาเรียบเฉยจนผมเกิดอาการหวาดๆ ในอก ว่าเขากำลังไม่พอใจหรือเปล่า แต่สักพักแววตาเขาก็อ่อนลง แล้วตอบเสียงเบา

V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:37:03


“เคยมั้ง ไม่รู้ว่าเรียกรักแรกได้รึเปล่า แต่เขาเป็นแฟนคนแรกของฉัน ก็อาจจะเรียกรักแรกได้ล่ะมั้ง ใครๆ ก็ต้องเคยมีทั้งนั้น นายเองก็คงมี” ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะพยักหน้าแล้วบอกเสียงเนือย


“ก็มีครับ แต่รักแรกของผมจบลงไม่ดีเท่าไหร่หรอก มันจบพร้อมกับสร้างแผลไว้ในใจผมด้วย…” ผมยิ้มอ่อน แต่ไม่ได้รู้สึกเศร้ากับ (แอบ) รักครั้งเก่าอะไรหรอก ผมว่าผมเลยจุดนั้นมาแล้ว


“…แล้วของคุณล่ะ แฮปปี้มั้ย” วิคเตอร์บุ้ยปากเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบ


“ตอนแรกๆ ก็แฮปปี้ดี แต่สุดท้ายก็เลิกกัน…” เขานิ่งไปนิดเหมือนกำลังคิด สุดท้ายเขาก็พูดต่อ


“…เขาเป็นฝ่ายทิ้งฉันไป เพราะเขารับไม่ได้กับสิ่งที่ฉันทำ” ผมย่นคิ้วเล็กน้อยกับท้ายประโยคของเขา นึกคันอยากรู้ขึ้นมานิดๆ แต่คิดว่าถ้าถามไปคงมีอันต้องหยุดบทสนทนาแน่ๆ


“แล้วคุณเสียใจมากมั้ย” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งและพยักหน้าช้าๆ แววตาเขาไหววูบเล็กน้อย


“ก็… มากนะ เธอเป็นคนที่ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกรักก่อนความรู้สึกอยากมีเซ็กส์” วิคเตอร์ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ผมนึกไปถึงวันที่เรานั่งคุยกันบนชิงช้าม้านั่งในสวนหลังบ้าน


“ฉันไม่ได้รักผู้หญิงทุกคนที่ฉันเคยนอนมาด้วยหรอก”


“ไม่ทุกคน แสดงว่าก็ต้องมีหนึ่งในนั้นที่คุณรู้สึกรัก”


“ไม่รู้เหมือนกันว่านั่นเรียกว่ารักมั้ย”


อาจจะเป็นคนนี้ก็ได้ล่ะมั้งที่เขารู้สึกรักมากกว่ารู้สึกเซ็กส์


“แล้ว… ทุกวันนี้คุณยังรักเธออยู่มั้ย” ผมถามเขาเสียงแผ่ว ไม่เข้าใจตัวเองว่าหัวใจจะเต้นหน่วงๆ ทำไม วิคเตอร์เงียบไปชั่วอึดใจหนึ่ง ใจผมเต้นตึกๆ ในการรอคำตอบของเขา วิคเตอร์หันหน้ามามองผม แววตาที่มองมานั้นนิ่งจนผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แล้วเขาก็ตอบเสียงเบาแต่ก็มั่นคง


“ความรักระหว่างฉันกับเขามันจบไปแล้ว ตอนนี้เธอเป็นความทรงจำที่ดี เป็นคนที่ฉันคงไม่มีวันลืม…” และผมยิ่งไม่เข้าใจว่าตัวเองจะรู้สึกโล่งใจอะไรได้ขนาดนี้


“…ก็เหมือนนายนั่นแหละ นายก็คงไม่มีทางลืมรักแรกได้ใช่มั้ยล่ะ” ผมยิ้มนิดๆ พยักหน้ารับหน่อยๆ


“ไม่ลืม เพราะเขาเป็นรักแรก และเป็นรักที่ทำให้ผมเจ็บแบบไม่มีวันลืมได้แน่ๆ ถึงตอนนี้ผมจะเฉยๆ แล้ว แต่ยังไงผมก็คงไม่ลืมสิ่งที่เขาพูดไว้กับผมหรอก” วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยสายตาเป็นคำถาม ผมยิ้มบางๆ แล้วบอกปัดเขา


“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เขาแค่พูดเรื่องจริงที่ผมปฏิเสธไม่ได้” เขาพยักหน้ารับช้าๆ แล้วหันกลับไปมองผู้คนบนทุ่งหญ้าด้านหน้าต่อ ผมมองเสี้ยวหน้าเขาแล้วขมวดคิ้วนิดๆ


“คุณก็เคยมีความรัก แต่ทำไมถึงไม่ชอบฟังเพลงรัก” เขาหันกลับมามองผมนิ่งๆ ก่อนจะยื่นปากเหมือนเป็ดนิดๆ


“ก็…” เขาเม้มปาก สายตาหลุบต่ำคล้ายกำลังคิดถึงสิ่งที่ผมถาม ผมมองเขาด้วยอาการลุ้นๆ ว่าเขาจะตอบมั้ย


“…มันไม่ได้สวยงามแบบเพลงรักโรแมนติคที่นายชอบฟัง” เขาพูดใบหน้าสงบ แต่ชั่วขณะหนึ่งผมเห็นความเศร้าในแววตาของเขา ก่อนที่เขาจะยิ้มเยาะๆ ราวกับกำลังสมเพชใครคนหนึ่ง


“Are you—okay? (คุณโอเคมั้ย)” เขาหันมายกยิ้มมุมปากให้ผม แล้วไหวไหล่เบาๆ


“Yes. (อ่าฮะ)” เขาตอบน้ำเสียงสบายๆ แต่ผมว่าเขาต้องยังรู้สึกไม่ดีอยู่แน่ๆ เพียงแต่เรื่องนั้นคงเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากพูดเท่านั้นเอง


“ผมไม่รู้หรอกนะว่าที่คุณเจอมามันเลวร้ายยังไง แต่ทุกคนมีโอกาสเจอความรักในมุมเลวร้ายด้วยกันทั้งนั้น…” เขามองผมด้วยสายตาอ่อนแสง ผมยิ้มบางๆ แล้วพูดต่อ


“…คุณยังโชคดีที่มีความรักจากคุณแม่และคุณย่า เอ่อ ขอโทษทีนะครับที่ละลาบละล้วง แต่พอดีวันที่คุณลิซ่ากับคุณพ่อคุณมา เธอบอกว่าแม่กับย่าของคุณ รักและตามใจคุณมาก” ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะอาละวาดกราดเกี้ยวใส่เมื่อผมพูดถึงแม่เลี้ยงของเขา แต่เขายังคงมีท่าทีปกติตามเดิม ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา


“เพราะฉันขาดบางสิ่ง พวกเขาเลยเติมให้ และพยายามเติมให้อย่างเต็มที่และดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ฉันขาดก็ยังทำร้ายส่วนที่แม่กับย่าเติมให้ฉันได้เสมอ…” เขาเหม่อมองไปที่พื้นหญ้า แววตากำลังรำลึกถึงอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้แววตาเขาดู
เศร้าและเคว้งคว้างเหลือเกิน


“พวกเขารักฉันมากขนาดไหน ฉันรักพวกเขามากยิ่งกว่า” เขาเงยหน้ามาสบตากับผมด้วยสายตาสั่นไหว เห็นแบบนั้นใจผมก็กระตุกแปลกๆ รู้สึกว่าเขาเปราะบางเหลือเกิน


ผมเลยยื่นมือไปแตะไหล่ขวาเขาไว้ พร้อมกับส่งรอยยิ้มเป็นกำลังใจไปให้ วิคเตอร์มองกลับมานิ่งๆ ผมเลยคลี่ยิ้มให้กว้างขึ้นอีกเพื่อที่เขาจะได้รับรู้ว่าอย่างน้อยยังมีผมอยู่ตรงนี้ วิคเตอร์ยกมือซ้ายขึ้นจากพื้นแล้วเบี่ยงตัวมาด้านขวาของเขา หันมามองหน้าผมตรงๆ


เราสองคนสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่วิคเตอร์จะโน้มหน้าเข้ามาหาผม และประกบริมฝีปากสีแดงหม่นลงบนริมฝีปากสีชมพูซีดๆ ของผม เขาเอาปากแตะแช่ไว้อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มกดลงมาหนักๆ แต่ก่อนที่เขาจะได้ดำเนินต่อไป เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งตกใจเลยดึงหน้าหนี วิคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ก็ใช้มือซ้ายดึงมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ ก่อนจะกรอกเสียงห้วนๆ เข้มๆ ลงไป


“ฮัลโหล… ไอ้เบน แกมีอะไร… เออ เลิกแล้ว… ไปไหน?… ขี้เกียจไป… เออ ก็ได้… ทำไม?... ก็อยู่แถวนี้แหละ…” เขาหันหน้ามามองผมเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปพูดสายต่อ


“เออ… เดี๋ยวพาไปด้วย… แกมารับฉันด้วยละกัน… ฉันเข้าเฝือกที่แขนอยู่… มีอุบัติเหตุที่กองถ่ายนิดหน่อย… เจอกัน” เขากดวางสายแล้วยื่นมือถือมาให้ผม


“ฝากหน่อย อ้อ ของนายอยู่บนตู้หัวเตียงฝั่งฉัน ฉันลืมหยิบมาด้วย” ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วเอามือถือของเขาใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้


“คุณเบนโทรมาชวนไปไหนหรอครับ”


“ชวนไปปาร์ตี้ฉลองที่ฉันเลิกกับนาตาชา” ผมแอบเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ท่าทางคุณเบนจะแอนตี้นาตาชาไม่เสื่อมคลายแฮะ


“มันบอกให้ชวนนายไปด้วย ไปมั้ย”


“คงมีแต่เพื่อนๆ คุณไป คุณไปเถอะครับ”


“แต่ฉันจะให้นายไปด้วย งั้นก็ไปเถอะ” แล้วเขาจะเอ่ยชวนผมทำไม ถ้าจะบังคับแบบนี้


ผมทำปากยื่น สีหน้าเพลียๆ กับนิสัยติดบงการของเขา เราสองคนนั่งมองบรรยากาศในทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะกลางมหานครนิวยอร์คไปเรื่อยเปื่อย คิดๆ ดูแล้วมันอาจจะน่าเบื่อที่มานั่งมองทุ่งหญ้า และต้นไม้ที่ส่วนมากมีแต่กิ่งกับก้าน และดูผู้คนในอิริยาบถต่างๆ แต่อยากจะบอกว่า มันเป็นแหล่งธรรมชาติที่เดียวในเมืองใหญ่แห่งนี้ที่จะมานั่งปลดปล่อยอารมณ์ไปกับทัศนียภาพที่ไม่ใช่ตึกรามบ้านช่องที่แออัดกันจนน่าอึดอัดแทน


“นี่ ผมถามอะไรอีกสักข้อสองข้อได้มั้ย” ผมตัดสินใจหันมาถามเขาหลังจากนั่งคิดกับตัวเองอยู่นานว่าควรถามเขาดีมั้ย เพราะผมกลัวว่าจะเป็นการไปวุ่นวายเรื่องส่วนตัวเขามากเกินไป และนั่นอาจทำให้เขาไม่พอใจก็เป็นได้ และถ้าเกิดเขาไม่พอใจบรรยากาศที่กำลังดีๆ อย่างนี้อาจจะหายวับไปกับสายลมเย็นๆ ที่พัดมา


“ถามอะไรอีก วันนี้นายถามฉันเยอะนะ” ผมยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะรวบรวมกำลังใจแล้วเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้


“คุณเลิกกับนาตาชาทำไมหรอ” เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ


“ก็เธอไปนอนกับแฟนเก่าไง” เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนวันที่บอกกับคุณเดวิดไม่ผิดเพี้ยน ท่าทีเขาก็ดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย


“คุณไม่รู้สึกเสียใจเลยหรอครับ…” ผมหน้านิ่วคิ้วขมวด นึกหาคำพูดมาพูดกับเขาไม่ออก  วิคเตอร์แบะปากนิดๆ แล้วส่ายหัวน้อยๆ


“ไม่” ผมมองเขาด้วยความอึ้งนิดๆ ที่เขาดูไม่เสียใจ ตามที่เขาพูดว่า ไม่ จริงๆ ผมรู้สึกงงและสับสนว่าเพราะอะไรเขาถึงดูไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่กังวลใจใดๆ เลย


“แล้วคุณไม่โกรธเธอหรอครับที่ทำแบบนั้นกับคุณ”


“โกรธ แต่เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าสักวันเธอต้องกลับไปมีอะไรกับไอ้หมอนั่น” คราวนี้ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความฉงนแทบจะกลายเป็นฉงายที่เป็นชื่อควายเลยทีเดียว


“คุณรู้ได้ยังไงครับ” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากเป็นรอยยิ้มขบขัน ที่เห็นผมทำหน้าตาเหลอหลาเหมือนลาโง่


“ตอนฉันจีบนาตาชา ไอ้หมอนั่นมันก็พยายามกลับมาขอคืนดี นาตาชาก็ทำท่าอยากจะกลับไป ฉันพยายามทำทุกอย่างให้ได้เธอมา…” คราวนี้ผมเบิกตากว้างขึ้นนิดๆ รู้สึกทึ่งไปกับความคิดและการกระทำของเขา


“…พอเราคบกัน ฉันก็พยายามทำหน้าที่แฟนให้ดี เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกลับไปหาแฟนเก่า แต่สุดท้ายก็อย่างที่ฉันบอก” เขาบอกสีหน้าเรื่อยเปื่อย ยกมือซ้ายขึ้นมาปัดเศษหญ้าที่ติดอยู่บนกางเกงออกไปแรงๆ อย่างไม่ใส่ใจ
ไม่ใส่ใจเหมือนกับนาตาชาที่เขาเพิ่งทิ้งมา


“คุณคบกับเธอเพราะแค่อยากเอาชนะแฟนเก่าเธอเนี่ยนะ” ผมอดที่จะรู้สึกเหลือเชื่อไม่ได้จริงๆ


“เปล่า ฉันอยากชนะนาตาชาต่างหาก” ผมอ้าปากค้าง มองเขาตาค้างเช่นกัน จนวิคเตอร์หันมาหัวเราะเสียงเบา ผมดึงสติเข้าหาตัว กระพริบตางงๆ อยู่พักหนึ่งแล้วถามเขาต่อ


“แล้วคุณไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยนอกจากอยากชนะน่ะเหรอ”


“ใครว่า ฉันก็ต้องรู้สึกบ้างสิ ฉันไม่ได้อยากเอาชนะหน้ามืดตามัวขนาดนั้นนะ” ผมรู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยเขาก็มีความรู้สึกให้นาตาชาบ้าง ใช่ว่าจะมุ่งแต่จะเอาชนะอย่างเดียว ถึงแม้จะไม่รู้ก็เถอะว่าที่เขารู้สึกกับเธอนั้นมันคือความรู้สึกชอบหรือรักมากน้อยแค่ไหน
ผมเลือกที่จะจบความสงสัยของตัวเองไว้แค่นี้ เพราะไม่อยากเซ้าซี้และรบกวนเขามากไปกว่านี้ เดี๋ยวเขาจะรำคาญและพาลหงุดหงิดเอา โมเม้นต์นี้กำลังดี ผมยังอยากซึมซับกับมันอีกสักพัก


หลังจากนั่งแช่อยู่ที่ลานทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะกันอีกพักใหญ่ๆ ผมก็เลยลองเลียบๆ เคียงๆ สำเนียงเสียงอีสานถามเขาว่าไปล่องเรือชมเทพีเสรีภาพกันมั้ย เพราะตั้งแต่มาผมยังไม่ได้ไปเฉียดใกล้รักแร้ของแม่เทพีเลยสักนิด แน่นอนว่าถ้ายอมง่ายๆ คงไม่ใช่วิคเตอร์ เขาอิดออดไม่อยากไป บ่นว่าอยากนอนพัก ตอนแรกผมก็ทำท่าจะดื้ออ้อนให้เขาไปด้วยกัน แต่เห็นหน้าตาสลึมสลือของเขาแล้วก็เลยตัดใจแล้วพาเขากลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวงอแง หงุดหงิดขึ้นมา ก็จะอาละวาดใส่ผมอีก


กลับถึงบ้านเขาก็จะนอนอย่างเดียว แต่ผมบังคับให้เขากินข้าวกินยาก่อน ถึงปากเขาจะบอกว่าไม่เจ็บ ไม่ปวดที่แขนแล้ว แต่ไว้ใจไม่ได้หรอก เกิดไม่กินยา อาการอักเสบกำเริบขึ้นมาจะยุ่ง ผมเลยต้องนั่งป้อนข้าวเด็กชายตัวโข่งที่กินไปไม่ถึงสิบคำ แล้วค่อยเอายาให้เขากินตามไป พอเสร็จแล้ว เขาก็จูงมือผมไปนั่งที่โซฟา เขาหนุนหัวลงบนตักผมทันทีโดยที่ไม่ถามความสมัครใจของผมสักนิด สุดท้ายผมเลยต้องกลายเป็นหมอนให้เขานอนหลับปุ๋ย ส่วนตัวผมเองก็นอนพิงกับพนักพิงหลังของโซฟาแล้วค่อยๆ หลับไป


พอพลบค่ำ ก็มีคนมากดกริ่งเรียกที่หน้าบ้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเบนเนดิคท์เลยทำให้เราสองคนต้องงัวเงียตื่นออกไปต้อนรับ คุณเบนยังคงดูดีและมีรอยยิ้มหล่อเหลาเช่นเคย เขาพุ่งตัวสวมกอดผมทันทีที่ประตูบ้านเปิดกว้างออก


“Hey! (ไง!)” ผมยิ้มกว้าง แล้วยกแขนโอบรอบแผ่นหลังเขา หน้าผมซุกอยู่ตรงแผ่นอกเขา สูดดมกลิ่นตัวหอมๆ ของคุณเบนแล้วก็บอกได้เลยว่าฟินเฟ่อ


“เหมือนไม่ได้เจอกันนานมากเลย” เขาว่าแล้วดันร่างผมออกจากอก เราสองคนสองยิ้มกว้างให้กัน


“Miss you so much. (คิดถึงคุณมากเลยครับ)”


“โอ้ว! ฉันชอบความรู้สึกที่มีคนคิดถึงจัง ชอบฉันแล้วล่ะสิ” ผมยิ้มกว้างเป็นรอยยิ้มขันๆ กับท่าทีอเลิร์ทของเขา เบนเนดิคท์ยักคิ้วมาให้ผมสองที


“ใช่ครับ ผมชอบคุณ” ผมหัวเราะเสียงสดใส เบนเนดิคท์ยืดอกแล้วยิ้มเบ้ปากด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ


“งั้นเป็นแฟนกันมั้ย…”


“…จะไปกันได้รึยัง ฉันเอียนฉากหวานเลี่ยนนี่เต็มทนแล้ว” เสียงเข้มๆ ที่มาพร้อมกับสีหน้าเหน็ดเหนื่อยหัวใจของคนตัวสูงที่ยืนข้างๆ ผมดังแทรกขึ้นทันทีก่อนที่ผมจะได้อ้าปากพูดต่อ เบนเนดิคท์ย่นคิ้วแล้วหันไปมองผู้ชายร่างยักษ์ที่ตีหน้าเข้มใส่เราสองคน


“แกเพิ่งตื่นนอนใช่มั้ยเนี่ย ถึงได้อารมณ์บูดอย่างนี้”


“เออ นอนอยู่ แต่ก็ต้องตื่นมารับแกนี่ไง” วิคเตอร์ว่าน้ำเสียงหงุดหงิด อ้าปากหาววอดๆ


“อ้าว ไอ้นี่ ก็นัดไว้แล้วนี่หว่า ฉันก็มารับแกสองคนตามนัดไง” วิคเตอร์คงขี้เกียจเถียงแล้วเลยโบกมือไล่เป็นสัญญาณว่าให้ออกไปจากบ้านกันได้แล้ว คุณเบนเนดิคท์ทำท่าจะเอื้อมมือมาจูงมือผม แต่วิคเตอร์ก็เดินแทรกกลางระหว่างผมกับเบนเนดิคท์จนร่างของพ่อหนุ่มตาสีเทาสะดุดถอยหลังเกือบตกบันไดไป


“โว้ว! ไอ้วิคเตอร์ เดินผ่ามาได้ ฉันตกบันไดไปจะทำไงวะ” คุณเบนโวยเสียงดัง ส่วนวิคเตอร์ไม่ได้แสดงสีหน้าว่ารู้สึกผิดหรือรู้สึกอะไร หันหน้ามองผ่านไหล่กลับมาที่ผมพร้อมกับออกคำสั่งสีหน้านิ่งสนิท


“ปิดประตูบ้านด้วย” ผมพยักหน้า แล้วก้าวเท้าเดินออกมาจากกรอบบานประตู มือซ้ายยืดไปข้างหลัง ไปดึงประตูให้ปิดตามหลังมา ตอนนี้กลายเป็นว่าเราสามคนมายืนออกันอยู่หน้าประตูบ้านจนเบียดเสียดกันไปหมด


“เฮ้ย แกเขยิบไปหน่อยสิวะ” คุณเบนโวยเบาๆ ในขณะที่พยายามดันให้วิคเตอร์หลบทางตัวเอง เพราะตอนนี้วิคเตอร์ยืนตัวติดกับคุณเบนจนเขาแทบจะหงายหลังลงไปในแปลงกุหลาบข้างรั้วบันไดบ้านแล้ว


“แกก็ลงไปสิ มายืนอยู่ทำไม” วิคเตอร์บอกเสียงทื่อๆ มึนๆ ผมเอียงตัวมองคุณเบนเนดิคท์ ก็เห็นเขาเอียงตัวมองกลับมาและพยายามเบี่ยงตัวหนีวิคเตอร์ แต่ก็โดนยักษ์บังไว้


“ฉันจะคุยกับแมท แกมายืนขวางทำไมเนี่ย” คุณเบนว่าพลางแทรกตัวหนีลงบันไดไปหนึ่งขั้น แล้วเดินมาทางผมก่อนจะเอื้อมมือมาจะจับมือผมไว้ แต่ก็ไม่ทันกับมือใหญ่ๆ ของใครอีกคนที่ปัดมือคุณเบนออกเบาๆ พร้อมกับสีหน้ามึนตึง


“โวะ! ไอ้วิคเตอร์ เหลือแขนข้างเดียวยังจะปัดป่ายไปทั่ว ฉันจะจูงมือแมทไปที่รถ” ผมยิ้มขำให้กับคุณเบนที่พยายามจะยื่นมือมาจับมือผมอีกรอบ วิคเตอร์เดินมาใช้แขนขวาที่เดี้ยงๆ ของเขาดันผมให้ออกห่างจากเบนเนดิคท์


“ไม่ต้อง เอเลี่ยนไม่ใช่หมา ไม่ต้องให้แกมาจูง เขาเดินเองเป็นน่า” ผมไม่เห็นสีหน้าใครทั้งนั้น เพราะโดนวิคเตอร์ยืนบังร่างจนมิด


“ฮู่ววว! อะไรของแก คนเขาจะจับมือกันก็มายืนขวางอยู่ได้ ไปๆ” คุณเบนบอกเสียงเหวี่ยงๆ แล้วเดินลงบันไดไป วิคเตอร์หันมาหาผมแล้วยื่นมือซ้ายมาจับมือขวาผมไว้ ก่อนจะจูงพาเดินลงบันไดบ้านไป ผมแอบอมยิ้มคนเดียวก่อนจะแกล้งถามเขาเสียงแซวๆ


“You said I’m not a dog, and I can walk. So, why do you lead me by your hand? (ไหนว่าผมไม่ใช่หมา เดินเองได้ แล้วคุณจูงมือผมทำไมล่ะครับเนี่ย)” วิคเตอร์หันหน้ามามองผมในระหว่างที่เดินตามคุณเบนเนดิคท์ไปที่รถ เขาเดินช้าลงแล้วก้มลงมาพูดกับผมเสียงทุ้มเบาๆ


“If you are a dog—you are only my dog. (ถ้านายเป็นหมา ก็เป็นแค่หมาของฉันคนเดียว)” เขาบอกแล้วเหลือบมองไปทางคุณเบนเนดิคท์เล็กน้อย ก่อนจะก้มลงจูบกลางกระหม่อมผมเร็วๆ หนึ่งที จนผมต้องคลี่ยิ้มเขินๆ คนเดียว


“Should I feel blissful to be your dog? (ผมควรดีใจมั้ยที่ได้เป็นหมาของคุณ)” ผมถามเสียงเบาๆ เพราะเราใกล้จะเดินถึงรถคุณเบนเนดิคท์แล้ว วิคเตอร์ก้มหน้าลงมองผมแล้วยิ้มมุมปาก พูดด้วยเสียงทุ้มน่าฟัง


“Yes, you should—and. (ดีใจสิ แล้วก็…)” เราหยุดเดินก่อนถึงรถคุณเบนเนดิคท์เพียงนิดเดียว ซึ่งคุณเบนเปิดประตูเข้าไปนั่งรอในรถแล้ว ผมยิ้มอ่อนๆ เลิกคิ้วขึ้นมองเขาอย่างสงสัยว่าเขาจะพูดอะไร แล้วเขาก็คลายความสงสัยของผมด้วยการพูดเสียงแหบพร่าที่เล่นเอาความรู้สึกเสียวแล่นวาบไปทั้งตัว


“And I will be very blissful, too. If you let me fuck you with a Doggy style. (แล้วฉันก็จะดีใจมากเหมือนกัน ถ้านายให้ฉันฟัดนายท่าหมา)” ผมเบิกตากว้างขึ้นนิดหน่อย มองเขาด้วยความทึ่ง วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาพราวระยับ รอยยิ้มมุมปากนั้นเล่นเอาใจผมยิ่งกระตุกไปกับประโยคของเขา รู้สึกถึงความร้อนที่ไม่ได้อยู่แค่บนหน้า แต่มันร้อนไปทั้งตัว


“อ้าว รีบไล่ฉันมา แล้วทำไมไม่ขึ้นรถสักทีวะไอ้วิคเตอร์ เร็วสิ ไอ้พวกนั้นมันรออยู่นะ” เสียงคุณเบนเนดิคท์แทรกดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศร้อนรุ่มระหว่างเราสองคน วิคเตอร์กระตุกยิ้มที่มุมปากสูงขึ้น แล้วจูงมือผมไปขึ้นรถ ผมยังคงหน้าตาตื่นตะลึงไม่หายกับประโยคของเขา


โอ๊วมายด์~ ท่าหมา นั่นท่าเบสิคเลยใช่มั้ย เอ๊า! ละผมคิดอะไรเนี่ย


ระหว่างทางที่นั่งรถมา ผมนั่งเงียบมาตลอดทางอยู่เบาะหลังคนเดียว โดยมีเสียงพูดคุยของคุณเบนกับวิคเตอร์คลอไปกับเสียงเพลงบนรถตลอดทาง คุณเบนมีหันมาพูดคุยกับผมบ้าง ผมก็ตอบสั้นๆ ไม่ได้ยาวอะไร ไม่ใช่ว่าหยิ่ง แต่ในหัวตอนนี้มันวนเวียนไปด้วยไอ้ท่าหมาของเขา ไม่อยากยอมรับเลยว่า กำลังคิดถึงภาพเขากับผมบนเตียงในท่านั้น โอ๊ยยย เริ่มคุมไม่อยู่แล้วต่อมความรู้สึกในสมองทั้งหลาย เริ่มจะออกลายยิ่งกว่าลายบนตัวยุง


ผมสะบัดหัวเบาๆ คนเดียว แล้วพยายามคิดถึงเรื่องวันนี้ที่คุณเบนเนดิคท์มารับผมกับวิคเตอร์เพื่อฉลองความโสดหมาดๆ ให้กับพ่อพระเอกที่คลับแห่งหนึ่งแถวๆ โซน West village ที่อยู่ฝั่ง West side ของนิวยอร์ค ซึ่งตรงโซนนั้นมีร้านเหล้า มีคลับ มีบาร์ ค่อนข้างเยอะ (จริงๆ ในนิวยอร์คก็มีแทบทุกจุดนั่นแหละ) แต่ส่วนมากที่นี่จะเป็นคลับบาร์ที่ค่อนข้างมีระดับขึ้นมาหน่อย แต่ใช่ว่าจะไม่มีร้านธรรมดาๆ เลยนะ มันก็มีตั้งแต่ระดับธรรมดาจนมาถึงระดับวีไอพีเนี่ยแหละ


ในนิวยอร์คผมชอบโซน West Village มากที่สุด เพราะมันให้กลิ่นอายคลาสสิค ท่ามกลางความสมัยใหม่ในเมืองใหญ่แบบนี้ แต่ที่นี่ยังคงมีกลิ่นกรุ่นๆ ของยุคเก่าๆ ในอดีตให้เห็นอยู่ ตึกที่เป็นสีอิฐตั้งเรียงราย สลับกับอิฐสีขาวบ้าง ทำให้ดูสวยสบายตา รวงร้านกาแฟหรือบาร์ หรือร้านอาหารต่างๆ ที่อยู่ตามใต้ตึกอิฐสูงสามสี่ชั้น จัดแต่งได้น่ารัก น่านั่ง อีกทั้งบรรยากาศที่นี่ยังไม่พลุกพล่าน ไม่วุ่นวาย ส่วนใหญ่คนที่เป็นนิวยอร์คแท้ๆ หรือต้นตระกูลอยู่นิวยอร์คมานานจะย้ายมาอยู่โซนนี้กันหมด ส่วนโซนที่วิคเตอร์อยู่นั้นก็หรูหราไม่แพ้กัน ที่พักนั้นแพงแสนแพง ย่านที่วิคเตอร์อยู่นั้นทุกๆ วันจะเห็นคนแต่งตัวคล้ายว่าหลุดออกมาจากนิตยสาร เพราะเป็นแหล่งสำนักงานหรูๆ เพียบ แต่ตรงนั้นก็จะรวมหลายเชื้อชาติไว้เยอะอยู่เหมือนกัน บางซอยแถวบ้านวิคเตอร์มีพวกผิวสีที่น่ากลัวๆ อยู่ด้วย และโฮมเลสก็เยอะพอสมควร แต่ที่นี่เหมือนเป็นอีกชั้นบรรยากาศของนิวอยร์คเลยแหละ ผมไม่ได้จะแบ่งแยกผิวสีหรือเหยียดผิวใดๆ เพียงแต่บอกไปตามที่สังเกตมาสักระยะจากที่อยู่นิวยอร์คมาสองเดือน ชาวผิวสีบางคนก็อยู่ที่ West side ก็มี และชาวผิวสีดีๆ นั้นก็มีเยอะแยะ


ไม่จะชาติไหน ผิวสีอะไร มันไม่สามารถตัดสินนิสัยของคนๆ นั้นได้ บางคนตัวขาวแต่ใจดำยิ่งกว่าผิวของคนผิวสี บางคนผิวดำแต่ใจสะอาดยิ่งกว่าผิวของคนผิวขาวบางคนซะอีก


เรามาถึงคลับในเวสท์วิลเลจกันตอนสองทุ่มกว่าๆ ร้านที่พวกคุณเบนเนดิคท์เลือกมาปาร์ตี้ในคืนนี้เป็นร้านที่สร้างจากตึกแถวสองตึกติดกันแล้วตกแต่งใหม่ให้เป็นคลับสีทึบเน้นโทนสีดำ ด้านล่างชั้นหนึ่งเป็นกระจกหนาที่สามารถกันเสียงข้างในได้ ซึ่งพอฟังจากข้างนอกก็จะได้ยินเสียงจังหวะดนตรีแค่แผ่วๆ แต่ก็ยังรับรู้ได้ว่าด้านในนั้นสนุกขนาดไหน


คลับที่นี่ส่วนมากจะมีการต่อแถวเข้าไปด้านใน เพราะบางทีถ้าปล่อยให้เข้าไปเยอะๆ พร้อมกันมันจะทำให้พื้นที่ข้างในแออัดจนไม่สามารถขยับตัวได้อย่างสะดวก ถึงจะมีเพื่อนมาจองโต๊ะไว้แล้วแต่ถ้าเรามาสายก็ถือว่าไม่ได้มาด้วยกัน ก็ต้องต่อคิวรออยู่ดี ฉะนั้นถ้าอยากเที่ยวพร้อมกันสนุกๆ ก็ต้องมาต่อคิวเข้าพร้อมกันนั่นแหละ แต่ในกรณีของวิคเตอร์ผมว่าน่าจะต่างออกไป เพราะเมื่อวิคเตอร์พาผมกับเบนเนดิคท์เดินไปหน้าแถวที่มีการ์ดหุ่นล่ำกล้ามโตหัวล้านสองคนยืนคุมโชว์หน้าดุอยู่ บรรยากาศเข้มๆ นั้นก็หายไปจากใบหน้าของการ์ดแล้วแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน้อยๆ แทบจะทันที


“เชิญด้านในเลยน้องชาย” การ์ดหัวล้านผิวเข้มที่มีหนวดสีดำเข้มอยู่ใต้จมูกบอกกับวิคเตอร์ยิ้มๆ แล้วผายมือไปทางประตูทางเข้า วิคเตอร์และเบนเนดิคท์ยิ้มรับ ส่วนผมยังยืนหน้าเหลอหลาอยู่ว่าทำไมถึงเข้าไปได้ง่ายๆ แบบนี้ ผมหันไปมองคนที่ต่อคิวอยู่ก็รู้สึกเกรงใจพวกเขาเหล่านั้นขึ้นมาทันที


“แต่เดี๋ยวก่อน เด็กเข้าไม่ได้นะ” เสียงเข้มๆ ดังมาทำให้ผมต้องละสายตาจากผู้คนที่กำลังต่อคิวหยาวเหยียดมามองที่การ์ดสองคน


“ไม่ใช่เด็ก อายุยี่สิบกว่าแล้ว” วิคเตอร์ตอบกลับไปเสียงทุ้ม การ์ดสองคนเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าผมด้วยความประหลาดใจและดูเหมือนจะไม่เชื่อด้วย ผมเห็นแบบนั้นก็รีบเปิดเป้แล้วหาบัตรประชาชนจากกระเป๋าตังค์ยื่นไปให้อีกฝ่ายพร้อมพาสปอร์ต การ์ดทั้งสองคนรับไปดูคนล่ะอย่าง ก้มหน้าอยู่สักพักก็หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมแว้บหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองหน้ากัน แล้วก็ยื่นสลับเปลี่ยนพาสปอร์ตกับบัตรประชานให้กัน ก้มหน้าลงไปดูกันอีกรอบ สักพักพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผมที่ยิ้มแฉ่งกลับไปให้


“เขาเป็นคนเอเชีย หน้าอาจจะเด็กกว่าอายุจริงไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าเขาอายุเท่านี้จริงๆ” คุณเบนเนดิคท์บอกยิ้มๆ การ์ดหัวล้านสองคนนั้นยังทำท่าเหมือนไม่เชื่อ แต่พอก้มลงมองสิ่งที่ผมยื่นให้ไปอีกรอบก็คงคิดว่าหาจุดผิดปกติไม่เจอเลยยื่นคืนให้ ก่อนจะพยักหน้ายินยอมให้พวกเราสามคนเข้าไปด้านใน


“เอ่อ… เราแซงคิวเขารึเปล่าครับเนี่ยคุณเบน” ผมเดินไปข้างๆ คุณเบนแล้วถาม คนถูกถามยิ้มกริ่มก่อนจะชี้ไปที่วิคเตอร์ที่เดินนำหน้า ผลักประตูกระจกเข้าไปด้านในซึ่งทำให้ได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มออกมา


“อย่าลืมสิว่านายมากับใคร คลับที่ไหนก็อยากให้คนพูดถึงทั้งนั้นแหละว่า มีดาราดังมาเที่ยว” ผมสีหน้ากระจ่างด้วยความเข้าใจทันที


เราเดินเข้าไปด้านในที่แสงสีเขียว สีส้ม สีฟ้าและอีกหลายสีสาดไปทั่ว เสียงเพลงดังซะกลัวลำโพงแตก คลับที่นี่จะมีโซนแยกชัดเจน ใครใคร่เต้นก็ขึ้นบนเวทีซึ่งบางเวทีมีเสาให้รูดเสร็จสรรพ ใครอยากดื่มอย่างเดียวก็เข้าไปด้านในหน่อยที่เป็นโซนโซฟาสำหรับนั่ง หรือถ้าใครอยากยืนโยกเบาๆ ก็มีโซนให้ยืน แต่ห้ามเต้นเป็นจริงเป็นจังเด็ดขาด ถ้ายูจะเต้น ยูต้องออกไปเต้นในโซนที่จัดไว้ให้เท่านั้น ไม่งั้นถูกหิ้วอีกออกไปแน่ๆ ผมเดินตามหลังคุณเบนไปโซนยืนที่อยู่นอกรอบของฟลอร์เต้นรำตรงกลาง ผู้คนพลุกพล่านแน่นขนัดเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ถึงขั้นเบียดจนผิวเสียดสีกับใคร ผมว่านี่คือข้อดีอย่างหนึ่งของการที่เขาไม่ได้นึกอยากจะให้คนเข้ามาเท่าไหร่ก็ได้แบบที่เมืองไทย 


“เฮ้ย! ว่าไงพ่อหนุ่มโสดหมาดๆ” ผมละสายตามาจากแสงสีและผู้คนที่กำลังออกลีลาอยู่บนเวทียกสูง หันไปมองเหล่าเพื่อนๆ ของวิคเตอร์ที่อยู่กันครบหน้า และดูเหมือนว่าจะมีมาเพิ่มอีกเป็นสิบคนทั้งเพศชายและเพศหญิง เพราะโต๊ะของพวกเขาต่อยาวจนกินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง แต่ที่ผมจำได้แน่ๆ ก็คือพวกที่ไปบ้านวิคเตอร์เมื่อตอนที่เขาฉลองตอนได้เล่นบทหนังเรื่องใหม่ นอกนั้นผมไม่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ถ้าให้เดาจากหนังหน้าและหุ่นแล้วนั้น ต้องเป็นเพื่อนนายแบบนางแบบของเขาแน่ๆ


“เฮ้! เอเลี่ยนน้อยนี่เอง รอบนี้มาได้ด้วยเหรอ” ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร อันเดรพ่อหนุ่มหนวดเคราเข้มหน้าคมผิวสีแทนก็ดึงผมเข้าไปกอดจนจมอก ผมยกมือกอดตอบเขาแทบไม่ทัน กอดค้างไว้สักพักเขาก็ดันร่างผมออก


V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:40:01


“พอดีคุณเรย์มอนด์เขามีปัญหาที่แขนนิดหน่อย ผมเลยต้องมาดูแลเขา” ผมบอกแข่งกับเสียงดนตรี EDM ที่ผมไม่ค่อยชอบ เพราะเป็นจังหวะดนตรีที่เต้นได้ไม่สุด เต้นๆ หยุดๆ มันไม่สะใจผม อันเดรยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะดึงผมให้เข้าไปยืนข้างๆ เขา อันเดรก้มลงมาถามว่าผมอยากดื่มอะไร ผมที่ไม่ค่อยคอแข็งและไม่สันทัดเรื่องเครื่องดื่มมึนเมาเท่าไหร่ขอเลือกเป็นบาร์คาร์ดี้รสเลม่อนแบบที่ผมชอบดื่มเวลาไปผับ แต่เห็นหวานๆ เปรี้ยวๆ แบบนั้น กินห้าขวดขึ้นไปเมื่อไหร่ก็มีอันโลกหมุนเช่นกัน
ผมหันไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขายืนคุยอยู่กับชาร์ลีและแฟนของชาร์ลีอยู่อีกฝั่งนึง ทั้งสามคนกำลังคุยกันอย่างออกรสชาติ ได้ยินเสียงแว่วมาแต่ฟังไม่ถนัดเพราะเสียงเพลงดังกลบเป็นระยะๆ สักพักผมก็รู้สึกถึงความเย็นที่แขน พอหันไปก็เห็นเครื่องดื่มที่ผมขอไปยื่นมาให้จากอันเดรสองขวด ผมยิ้มและกล่าวขอบคุณเขา รับมากระดกหนึ่งขวด ส่วนอีกขวดวางไว้บนโต๊ะ ความเย็นซาบซ่าแล่นผ่านลิ้นและลำคอจนรู้สึกสดชื่น แต่แบบนี้แหละ ดื่มๆ ไปสักพักจะเริ่มร้อน


We found love in a hopeless place~


เพลงของรีฮันน่าในฉบับรีมิกซ์แบบแดนซ์ดังกระหึ่ม เหล่านักเท้าไฟบนฟลอร์ส่งเสียงตอบรับอย่างดี บางทีผมก็อยากจะบอกดีเจว่าฟังเสียงตอบรับของคนที่มาเที่ยวบ้าง อย่างตอนเปิดแค่ดนตรี EDM ตอนที่ผมเดินเข้ามา ทุกคนก็แค่โยกๆ ชูไม้ชูมือไปเรื่อย แต่ไร้อารมณ์ร่วมมาก มันต้องอย่างนี้สิ แสงสีสาดขนาดนี้ ดนตรีก็ต้องขึ้นให้สุดและเบสหนักๆ


“วู้ววว! เฮ้! เฮ้! เฮ้!” เสียงของเพื่อนๆ วิคเตอร์ดังขึ้นตามจังหวะความมันส์ของเพลง แน่นอนว่าทุกคนสนุกสนานกันเต็มที่ ทั้งเพราะน้ำเมา บรรยากาศและเสียงเพลง สิ่งเหล่านี้อยู่ด้วยกันแล้วมันช่วยทำให้คึกได้จริงๆ นะ ยิ่งมีเพื่อนๆ มาด้วยเยอะๆ แบบนี้มันยิ่งคะนองเลยล่ะ


“Celebrate to Victor—a single man! (ฉลองให้ไอ้วิคเตอร์ ผู้ชายโสด!)” เบนเนดิคท์บอกเสียงเย้วๆ พลางชูแก้วบรั่นดีขึ้นสูงเป็นการเปิด แล้วสักพักทุกคนก็ส่งเสียงตอบรับกันยกโต๊ะและยกแก้วชนกัน ผมเองก็แอบเอาขวดตัวเองไปชนกระทบกับแก้วเหล้าของอันเดรเบาๆ ทุกคนยกน้ำเมาของตัวเองขึ้นดื่ม ก่อนจะส่งเสียงเฮกันอีกรอบ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ และเสียงชื่นชมยินดี ซึ่งผมนึกขำว่าการที่เขาเลิกกับนาตาชาได้ มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเฮฮาขนาดนี้เลยเหรอ


“You safe from a bitch! (เธอปลอดภัยจากนังแรดนั่นแล้ว!)” แฟนของชาร์ลีที่มีมาดเชิดตลอดเวลาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหยีๆ ก่อนที่ทุกคนจะตอบรับด้วยเสียงเฮอีกครั้ง ซึ่งผมไม่รู้ว่าเฮเพราะบรรยากาศมันสนุก หรือเฮเพราะไม่ชอบนาตาชากันแน่ แต่ผมว่าคงหลายๆ อย่างรวมกัน บรรยากาศเมาๆ พาไป ไหนจะดูท่าแล้วสิ่งที่นาตาชาทำไว้กับวิคเตอร์ พาลจะทำให้เพื่อนๆ ทุกคนไม่ชอบใจด้วย


“อยากเต้นมั้ย?!” เสียงของใครสักคนถามตอนที่ผมกระดกบาร์คาดี้ขวดที่สี่เข้าปาก ผมหันไปมองแบบมึนๆ ก็เห็นเบนเนดิคท์กำลังยืนยิ้มหน้าแดงอยู่ สงสัยจะดื่มไปเยอะแล้ว


“คุณจะออกไปเต้นหรอ?!” ผมตะโกนถามกลับไปท่ามกลางเสียงเพลงอันมันส์สนั่น


“ช่ายยย” ผมพยักหน้ารับรัวๆ เพราะตอนนี้กำลังตื่นตัวกับเสียงเพลงมาก เพลงสนุกมากจริงๆ ณ จุดนี้ ยิ่งอาการร้อนๆ ที่ใบหน้าบวกกับอาการกรึ่มๆ ในหัว มันยิ่งพามัวเมาในความมันส์ของดนตรี


“จะไปไหนกัน?!” เสียงทุ้มห้วนคุ้นหูดังขึ้นตอนที่ผมกับเบนเนดิคท์กำลังจะเดินออกจากโต๊ะไปที่ฟลอร์เต้นรำ ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดมาจากอีกฝั่งซึ่งจริงๆ ไม่ได้ไกลกันมาก แค่โน้มตัวเข้ามา ใบหน้าเขาก็แทบจะฝังเข้ามาในลูกตาผมอยู่แล้ว


“จะออกไปเต้นครับ!!” ผมพูดเสียงดังกลับไป


“งั้นเดี๋ยวฉันไปด้วย!” เขาบอกเสียงดังแข่งกับเพลงกลับมา ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ วิคเตอร์เดินอ้อมมาจากอีกฝั่ง แล้วเดินมาหาผมกับเบนเนดิคท์ที่ยืนรออยู่ตรงรั้วกั้นโซนเต้นกับโซนยืน


“เฮ้ย! ไปไหนกันน่ะ?!” อันเดรถามด้วยความสนใจ พอเบนเนดิคท์ตอบกลับไป ก็มีคนเดินลงมาพร้อมกับเราด้วยอีกสี่ห้าคน เลยกลายเป็นว่าจากกะจะไปเต้นกันสองคนก็มีเพื่อนร่วมขบวนการตามมาด้วย พวกเราเกือบสิบคนมายืนเต้นอยู่เกือบกลางฟลอร์ จังหวะดนตรีมันส์ๆ ที่มันส์จริงๆ ที่ไม่ใช่ดนตรีประเภทมีแต่เสียงเบสหนักๆ แต่จับจังหวะเต้นไม่ได้ดังกล่อมประสาทผม ยิ่งผสมโรงไปกับเหล้า ยิ่งทำให้ผมเริ่มคึก


“โอ้โห! เห็นตัวแค่นี้แต่ลีลาดีไม่มีบอกกันเลยนะ!” เสียงคุณเบนแซวเสียงดัง เรียกเสียงเฮฮาจากทุกคนในกลุ่มเต้น ผมยิ้มกว้างแล้วสะบัดสะโพกไปมาตามจังหวะเพลง


“ขึ้นเวทีไปสู้กับผู้หญิงคนนั้นมั้ย?!” วิคเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก้มลงมาถามผมสีหน้ายิ้มๆ แต่ดวงตามีแววท้าทายอยู่เล็กๆ ผมหันไปมองบนเวทียกสูงสำหรับคนอยากเต้นแบบโดดเด่นก็เห็นชะนีฝรั่งผมทองอร่ามคนหนึ่งกำลังออกจังหวะอย่างยั่วยวนในชุดเสื้อสายเดี่ยวเอวลอย โชว์เอวคอดแบบนนาฬิกาทราย เต้นเย้ายวนอยู่ท่ามกลางชะนีอื่นๆ และผู้ชายอีกหลายคน แต่ดูท่านางนี้จะเด่นสุดด้วยทรวดทรงองเอวและลีลาที่เซ็กซี่ซะเหลือเกิน


หืมมม เอาไส้ไปไว้บนสมองหรอ เอวเล็กขนาดนั้นที่บ้านไม่มีอะไรให้กินรึไง (เริ่มเมา เริ่มพาล)


“คุณท้าผมเหรอ?!” ผมหันกลับมาถามวิคเตอร์สีหน้าเมาๆ แต่ยังมีสติอยู่ แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์มันรุนแรงจนทำให้หัวหมุนไปนิดหน่อย วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแบบมีมาดก่อนจะกระซิบเสียงหนัก


“เผื่อนายจะอารมณ์ค้างจากเซ็นทรัลปาร์คไง เห็นโยกไปโยกมา อาจจะอยากไปโยกบนนั้นบ้าง…” ผมเม้มปากมองเขาด้วยสายตางัวเงีย เพราะเมานะ ไม่ใช่จะหลับ


“…หรือว่าไม่กล้า” หน็อยยย! ดูถูกเชียร์หลีดเดอร์โรงเรียนมอปลายสามปีซ้อน และนักเต้นของคณะมนุษย์ฯ อย่างฉันมากไปแล้วไอ้ยักษ์!


ผมแทบจะหายเมาทันทีที่โดนท้า ในใจนี่เกิดอาการฮึกเหิมขึ้นมายิ่งกว่านักรบบางระจัน ผมเบะปากขึ้นแล้วมองเขาด้วยสายตาประมาณว่า ท้าหรอ? ท้าใช่มั้ย? ได้!


“Keep your eyes on me! (อย่าคลาดสายตาก็แล้วกันนะ!)” ผมยักคิ้วให้พ่อหน้าหนวด อีกฝ่ายยิ้มมุมปากเท่ๆ กลับมาให้ ก่อนจะผายมือซ้ายไปทางเวที ผมหมุนตัวจะเดินออกไปจากวง


“เฮ้ย! ไปไหนแมท?!” เบนเนดิคท์รั้งผมไว้แล้วถามเสียงดัง ผมไม่ได้ตอบแต่ชี้ไปบนเวทีที่มีแม่สาวเอวคอดกำลังบิดสะโพกขึ้นลงช้าๆ อย่างเซ็กซี่ในเพลง Thrift shop ที่รีมิกซ์ออกมาใหม่ให้จังหวะหนักกว่าเดิม ซึ่งของเดิมจังหวะก็ชวนหมุนเอวลงล่างอยู่แล้ว พอมาเจอการมิกซ์ของดีเจเข้าไป มันยิ่งทำให้น่าสะบัดเอวรัวๆ จริงๆ


“ฮะ?! นายจะขึ้นไปเต้นบนนั้นหรอ?!” เบนเนดิคท์ถามด้วยความทึ่ง กลายเป็นว่าตอนนี้คนในวงเต้นที่มาด้วยกันมองมาที่ผมด้วยความทึ่งและดูจะตกใจกันอยู่ไม่น้อย คงเว้นก็แต่วิคเตอร์ที่ตอนนี้กำลังยิ้มกริ่มที่ยุผมสำเร็จ แต่เรื่องเต้นๆ นี่ยอมไม่ได้ เสียศักดิ์ศรีนักเต้นหมด


“ถ้าอย่างนั้นก็เอาให้ไฟลุกเลยนะ วู้ววว!!” เบนเนดิคท์บอกเสียงเฮฮา ก่อนที่คนอื่นๆ จะตอบรับด้วยการส่งเสียงให้กำลังใจ ผมยิ้มกว้างรับเสียงเฮเหล่านั้นแล้วเดินบึ่งไปที่เวที


ผมเดินเซนิดๆ ไปที่เวทีที่แม่ชะนีบ้านยากจนไม่มีข้าวกินจนผอมโซกำลังเต้นอยู่ เธอและคนอื่นๆ หันมามองที่ผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจประมาณว่า ผมมาทำอะไรตรงนี้ แต่ผมไม่สนใจแล้วปีนขึ้นไปบนเวทีในจังหวะที่ดนตรีเพลง Timber เพลงโปรดผมที่เวลาไปผับแล้วจะต้องออกลีลาทุกทีที่มันดังขึ้นมา พอได้ยินเพลงโปรดก็ทำเอาแรงฮึดในใจผมยิ่งเพิ่มเลเวลขึ้น เจอเพลงโปรดในจังหวะมิกซ์ใหม่มันส์ๆ แบบนี้ ต้องไม่ทำให้เสียเที่ยว!






ทุกคนต่างมองมาที่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ราวกับเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งในสายตาของฝรั่ง เขาขึ้นมาบนเวทีได้สักพักแต่ยังคงยืนมองคนอื่นๆ เต้นนิ่งๆ จนแม่สาวเอวคอดต้องชวนเต้นด้วยการบิดเอวไปมา พร้อมกับส่งสายตาเชิญชวนไปให้ แต่หนุ่มน้อยก็ได้แต่โยกบิดไปมานิดๆ ราวกับคนเต้นไม่เป็น ซึ่งทำให้เจ้าหล่อนเสียอารมณ์กับคนประเภทนี้ซะจริงๆ ที่เต้นไม่เป็นแต่เสล่อขึ้นมาบนเวทีทำไมก็ไม่รู้ มันเปลืองพื้นที่คนอื่น

Swing your partner round and round~

End of the night, it’s going down~

One more shot, another round~


เสียงดนตรีและเนื้อร้องสุดมันส์ยังคงดังกระหึ่ม และมาพร้อมกับลีลายั่วสวาทของยัยสาวเอวคอดที่โดดเด่นที่สุดบนเวทีนี้ แมทยังคงยืนมองคนอื่นๆ บนเวทีที่กำลังโยกสะบัดไปมาตามคำร้องของ Pitbull เจ้าของเพลงฮิตเพลงนี้ เขายืนมองคนอื่นๆ ตาเยิ้มๆ แต่สติยังคงอยู่ครบ และเมื่อมองกลับไปทางกลุ่มวิคเตอร์ที่ส่งเสียงเชียร์อัพอยู่ ก็เห็นว่าคนที่ท้าเขาขึ้นมาบนนี้กำลังเบ้ปากและยกมือซ้ายชูนิ้วโป้งคว่ำหัวให้เป็นการบอกนัยๆ ว่าห่วย คนถูกท้าได้แต่มองค้อนกลับไป


ใจร้อนทำไม ดูลาดเลาก่อนสิ จังหวะดีๆ กว่านี้กำลังจะมา


Swing your partner round and round

End of the night, it’s going down

One more shot, another round


และเมื่อสิ้นสุดท่อนนี้ จังหวะดนตรีก็เว้นให้เบสหนักๆ ทำหน้าที่กระตุ้นอารมณ์ของนักท่องราตรี แมทหลับตาและเริ่มบิดสะโพกนิดๆ ตามจังหวะ แต่นั่นก็ยังเป็นภาพที่ทำให้คนอื่นๆ บนเวทีขำคิกคักกันอยู่ดี แต่แล้วรอยยิ้มขบขันทั้งหลายก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างเมื่อถึงท่อนของสาว Kesha ที่มาร่วมฟีทเจอร์ริ่งในเพลงนี้ที่บอกว่าทุกอย่างกำลังเลื่อนลง เจ้าหนุ่มน้อยก็สะบัดลีลาใส่ซะทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว



It’s going down; I’m yelling timber… ร่างเล็กนั่งยองๆ เอามือจับเข่าสองข้าง แล้วฉีกขาออกจากกัน ก่อนจะหุบเข้าอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นยืน เอามือขวาจับซอกคอไว้แล้วยกสะโพกซ้ายขึ้นลงตามจังหวะ

You better move, you better dance… แมทเอามือจับเอวสองข้างแล้วย่อเข่าก่อนจะบิดสะโพกขึ้นไปทางซ้ายช้าๆ ตามคำว่า move แล้วยกตัวขึ้นแล้วก็ย่อเข่า และบิดสะโพกขึ้นไปทางขวาตามคำว่า dance

Let’s make a night; you won’t remember… แมทเอามือเกี่ยวกับหูกางเกงยีนส์ไว้ แล้วยกขาซ้ายสลับกับยกขาขวาคล้ายกับขาม้าเวลาออกวิ่งตามจังหวะเพลง

I’ll be the one; you won’t forget… คนตัวเล็กเดินยกขาซ้ายสลับขาขวา โน้มตัวไปด้านหน้านิดๆ พร้อมกับออกตัวเดินมาติดขอบเวที ก่อนจะโค้งตัวไปข้างหน้า แล้วแอ่นกระดกก้นขึ้น หันหน้าไปมองผู้คนที่กำลังมองมาทางตัวเองด้วยสายตาสนุกสนานพร้อมกับส่งเสียงเชียร์ เอามือขวารูดตามขมับพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น

It’s going down; I’m yelling timber… เจ้าเอเลี่ยนน้อยยังคงโน้มตัว โก่งก้นเอาไว้ แล้วยักสะโพกไปมาพร้อมกับเอามือตีตรงเนินสะโพกซ้ายเบาๆ สองที ก่อนจะยกแขนซ้ายเป็นฐานแล้วเอาศอกขวามาวางไว้บนหลังมือซ้าย และใช้หลังมือขวามารองคางมนตัวเองไว้เบาๆ แล้วบิดสะโพกเป็นครึ่งวงกลมตอนคำว่า timber

You better move, you better dance… แมทดึงตัวขึ้นตรง เอานิ้วโป้งเกี่ยวหูกางเกงยีนส์ไว้ โยกเอวไปซ้ายขวาอย่างล่ะสองสามทีแล้วแต่ร่างกายจะไปเอง

Let’s make a night; you won’t remember… แมทแกล้งเดินโยกทางชะนีเอวคอดที่ตอนนี้พยายามเลื้อยสู้ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะแทบทุกสายตามองมาที่เขา

I’ll be the one; you won’t forget… แมทยื่นแขนซ้ายไปข้างหน้า แล้วยกแขนขวาขึ้น ทำท่าหมุน เหมือนควงเชือกคล้องม้า

Woah! Ho ho ho! Whoa ao oa oh! แล้วร่างเล็กก็ชูแขนกระโดดโลดเต้นอย่างเต็มกำลัง ลดแขนลงแล้วเปลี่ยนมาใช้เท้าสะบัดไปมาหน้าหลังอย่าลงจังหวะ เอามือจับเอวแล้วยื่นเท้าซ้ายกับเท้าขวาสลับไปมาตามจังหวะ สุดท้ายก็บิดสะโพกไปมาเน้นๆ ตามจังหวะได้อย่างน่าชื่นชม เล่นเอาคนบนเวทีถึงกับเต้นเหมือนเด็กประถมไปตามๆ กัน เมื่อเจออดีตเชียร์ลีดเดอร์สุดเป๊ะอย่างเอเลี่ยนตัวจ้อยเข้าไป



ไม่เสียแรง ที่นั่งดู Live performance ของพิทบูลบ่อยๆ แต่ไม่ได้ดูคนร้องนะ ดูท่าต้นแดนซ์เซอร์ข้างหลังอย่างเดียว


เสียงเพลงเปลี่ยนไปเป็นเพลงอื่น แต่พ่อหนุ่มน้อยชาวเอเชียก็ยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนในคลับได้มองไม่วางตา ส่วนด้านล่างเวทีตรงกลุ่มของวิคเตอร์ ตอนนี้ทุกคนยืนนิ่งค้างมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาไปแล้ว


โดยเฉพาะวิคเตอร์ที่เป็นคนท้า ไม่คิดว่าเจ้าเอเลี่ยนตัวแสบจะลีลาสะบัดขนาดนี้ ก็ที่เห็นในเซ็นทรัลปาร์คนั่นมันดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆ มากระโดดเย้วๆ ไปมาเท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าพอเปลี่ยนสถานที่ ลีลาก็เปลี่ยนตาม ที่สำคัญลีลาที่เปลี่ยนนี่เล่นเอาเขามองก้นกับสะโพกนั่นไม่หยุด


ช่างบิดไปมาได้อย่างน่ามอง


“ฉันว่าแมทก็ไม่ได้เต้นเก่งหรือเซ็กซี่กว่าผู้หญิงคนนั้นนะ…” อันเดรบอกสีหน้าเป็นจริงจัง สายตายังมองคนตัวเล็กที่ยังหมุนสะโพกอยู่บนเวที


“…แต่ฉันละสายตาไปจากเอเลี่ยนน้อยไม่ได้เลยว่ะ” เขาส่งนิ้วโป้งไปให้แมทเป็นเชิงชมว่าเยี่ยม คนตัวเล็กมองมาแล้วขยิบตาให้พร้อมกับก้มหัวลงแทบติดพื้น ก่อนจะสะบัดขึ้นด้วยท่วงท่าที่สวยงาม แม้จะไม่มีเส้นผมสลวยให้พลิ้วไหว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความน่ามองของคนตัวเล็กดรอปลงเลยแม้แต่นิด


ใช่… วิคเตอร์ก็คิดแบบนั้น แมทไม่ได้เต้นสวยหรือว่าท่วงท่าเป๊ะระดับนักเต้นมืออาชีพ แต่สิ่งหนึ่งที่คนตัวเล็กมีนั่นคือเสน่ห์และอินเนอร์ในยามขยับเขยื้อนเคลื่อนกาย ราวกับว่าแมทส่งมันออกมาจากข้างใน บวกกับจริตทางสีหน้าที่เจ้าตัวใส่ลงไป นั่นยิ่งทำให้เอเลี่ยนตัวจ้อยน่าจับตามอง


สมกับที่เจ้าตัวบอกว่าอย่าคลาดสายตา เพราะตอนนี้วิคเตอร์ไม่สามารถคลาดสายตาได้แม้แต่นิด เอวที่บิดและพลิ้วไหวยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนนั่นทำเอาเขาต้องขบกรามแน่นเพื่อระงับอารมณ์บางอย่างที่กำลังพุ่งพล่านไปมา


“No boobs. But he fucking hotter than other girls! (ไร้นมแต่อารมณ์แม่งโคตรเกินหญิง!)” วิคเตอร์ขมวดคิ้วหันไปมองเบนเนดิคท์ที่ยืนอ้าปากค้าง ดวงตาสีเทาจับจ้องเอเลี่ยนแทบไม่กระพริบ


อย่าว่าแต่เบนเนดิคท์เลย ตอนนี้แทบทั้งคลับ แม้กระทั่งพวกที่อยู่บนเวทีก่อนหน้าก็แทบจะหยุดนิ่ง จับจ้องมองไปอยู่ที่ร่างเล็กที่
กำลังรูดเสาสีเงินแวววาวที่ตั้งอยู่บนฟลอร์ทรงกลม บางคนถึงขั้นเอามือถือขึ้นมาถ่ายคลิป และตอนนี้เหมือนว่าเจ้าเอเลี่ยนยิ่งเต้นก็ยิ่งสนุก บิดตัวไปรอบเสา ฉีกขาขึ้นสูงจนต้องเบิกตาขึ้นมองอย่างตะลึง


“วู้วววว!” เสียงเชียร์อัพดังขึ้นตลอดเวลาที่เจ้านั่นส่งท่าใหม่ๆ มาให้ชม ตอนนี้วิคเตอร์นึกอยากจะเดินไปดึงแมทลงมาข้างล่างเสียจริง เพราะตอนนี้เขารู้สึก…


อยากขย้ำร่างเล็กแต่เนื้อแน่นๆ นั่นเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าตัวเตี้ยๆ แบบนั้น จะมีเนินสะโพกอวบอัดคล้ายผู้หญิง แถมก้นยังงอนแน่นคับกางเกงยีนส์ เวลาที่ไอ้ตัวแสบใส่กางเกงยีนส์ เขาก็ไม่เคยสังเกตสักที จนมาวันนี้นี่แหละ ถึงได้รู้ว่าผู้ชายบางคนก็เนื้อแน่นจนน่าฟัด!

[ตอนต่อไปด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:44:21


CHAPTER 21 :: LOSE CONTROL.


จุ๊บ จ๊อก~


ลิ้นที่เต็มไปด้วยน้ำลายพัวพันกันอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบผ่านลิ้นและริมฝีปาก ร่างผมถูกดันให้ติดกับกำแพงสีอิฐ และถูกวิคเตอร์ยกสูงขึ้นระดับเดียวกับเขาโดยที่เขาใช้แค่มือซ้ายข้างเดียวในการยกร่างผม ผมต้องเอาขาเกี่ยวรอบเอวสอบของเขาไว้และเอามือโอบรอบไหล่เขาเพื่อกันตัวเองตกและเป็นการช่วยผ่อนแรงของอีกฝ่ายด้วย


“Hey… อึ๊บ!”


ผมพยายามเบี่ยงหน้าหนีจูบอันจู่โจมของวิคเตอร์ เขาเริ่มจูบลิ้นรัวและบดขยี้ริมฝีปากผมหนักขึ้นจนผมต้องดูดเม้มริมฝีปากเขาเพื่อโต้กลับแต่ก็ไม่ทันเขาอยู่ดี พอเบี่ยงหน้าหนีวิคเตอร์ก็ดันตัวผมติดกำแพงมากขึ้น แถมยังยกตัวผมสูงขึ้นอีกนิด และตามมาประกบปิดปากเมื่อผมหันหน้าหนี พอผมแหงนหน้าจะหนีเขา เขาก็จะตามมาปิดปากผมแทบจะทันที ทำเอาผมแทบไม่ได้หายใจ ผมตอบรับจูบของเขาด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะรู้สึกว่าระบบหายใจตัวเองกำลังจะพัง สุดท้ายเลยต้องยกมือมาจับหน้าเขาไว้แล้วดึงให้ออกห่างจากปากตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมิวายจะพุ่งเข้ามาประกบปากผมอีกรอบ จนผมต้องขืนดันหน้าเขาไว้
ผมหอบเอาอากาศเข้าปอดลึกๆ ดวงตาแทบจะปิดเพราะความเหนื่อยหอบ วิคเตอร์ทำแค่หายใจเข้าออกหนักๆ แต่ก็ยังดูปกติมากกว่าผม


“Be mine. (เป็นของฉันเถอะ)” เขาบอกเสียงแหบพร่า ผมมองดวงตาสีน้ำผึ้งข้นของเขาที่กำลังว้าวุ่นอย่างเห็นได้ชัด ลมหายใจร้อนๆ รดลงใบหน้าผมหนักๆ


“คุณเป็นอะไรครับ” ผมถามแบบมึนๆ หัว เพราะตอนอยู่บนเวทีมีคนยื่นแก้วเครื่องดื่มให้ ผมรับไปกระดกจนหมด รู้ตัวอีกทีคือหัวหมุนมาก เต้นต่ออีกสักพักก็ถูกวิคเตอร์กับเบนเนดิคท์มาพาลงเวทีไป ตอนแรกผมนึกว่าวิคเตอร์จะพาผมกลับไปที่โต๊ะ แต่เขากลับจูงผมออกมาข้างนอก และเดินนำเร็วๆ มาที่ซอกตึกแคบๆ มืดๆ ที่อยู่ห่างจากคลับมาประมาณสี่ตึก พอมาถึงเขาก็ผลักผมติดกำแพงจนผมหน้าเหวอ แต่ไม่ทันพูดอะไรเขาก็ใช้แค่แขนซ้ายข้างเดียวยกตัวผมขึ้นจนต้องรีบเอาขาเกี่ยวเอวเขาไว้ พออ้าปากจะถามเขาก็ประกบปากและส่งลิ้นมารัวใส่โพรงปากผมทันที


ผมไม่รู้ว่าเราอยู่ในท่านี้มานานหรือยังเพราะสมองเบลอไปหมด เกิดคำถามหลายคำถามในหัว รวมทั้งคำถามที่ว่า เขาไม่เมื่อยแขนบ้างเหรอ อุ้มผมด้วยมือซ้ายมือเดียวเนี่ยนะ


วิคเตอร์ไม่ตอบ แต่เขาพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ แต่ว่าเสียงหนัก ก่อนจะค่อยๆ ลดมือซ้ายลงทำให้ผมต้องเอาขาที่เกี่ยวเอวเขาไว้ออกช้าๆ เช่นกัน วิคเตอร์ปล่อยมือออกจากก้นผม พยุงให้ผมยืนบนพื้นดีๆ ผมเกาะไหล่เขาไว้และพยายามทรงตัวให้ยืนตรงๆ เพราะตอนนี้ทั้งมึนเหล้าและเมาจูบ


“อยากกลับรึยัง” ผมดึงมือออกจากไหล่เขาเบาๆ เอามือขวาเสยผมขึ้นไปเร็วๆ ตอบพร้อมรอยยิ้มแก้มอิ่ม


“ได้หมดครับ แล้วแต่คุณเลย” วิคเตอร์ยิ้มน้อยๆ แบบถูกใจ เขาเอื้อมมือซ้ายมาจับมือขวาผมไว้แล้วเดินจูงมือผมออกจากซอกตึกที่ทั้งมืดและแคบ ยังดีที่ได้อากาศเย็นๆ ในช่วงสปริงช่วยไว้ไม่ให้รู้สึกอบอ้าวมากยามที่ต้องเบียดกายอยู่ในซอกตึกที่มีแสงไฟสีส้มพาดผ่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


“อ้าว ไอ้วิคเตอร์ แกไปไหนมา” ชาร์ลีที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆ กับซอกตึกที่ผมกับวิคเตอร์เพิ่งเดินโผล่พ้นมาเอ่ยถามขึ้น ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความประหม่านิดๆ แต่คนถูกถามกลับมีท่าทีสงบก่อนจะตอบ


“เอเลี่ยนปวดฉี่ แต่คิวเข้าห้องน้ำนาน ฉันเลยพาไปฉี่ที่ซอกตึกมา” อะ… อะไรนะ ฉี่ซอกตึก ทำไมมีความรู้สึกเหมือน…


“พาแมทมาฉี่แบบนี้ เหมือนแกพาหมามาฉี่เลยว่ะ” บางทีคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องพูดทุกอย่างที่คิดก็ได้นะ


วิคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะ ปล่อยมือผมแล้วรับบุหรี่ที่ชาร์ลียื่นมาให้ ผมเลยขอตัวออกไปยืนห่างๆ จากเขาเพราะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ วิคเตอร์พยักหน้ารับรู้แล้วยืนสูบบุรี่กับคุณชาร์ลี ส่วนตัวผมกะว่าจะเดินกลับเข้าไปข้างในไปยืนรอกับพวกคุณเบน แต่ยังไม่ทันผลักประตูเข้าไป เบนเนดิคท์กับแฟนสาวของคุณชาร์ลีก็เดินสวนออกมาพอดี แม่ชะนีจอมเชิดส่งยิ้มให้ผมเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินนวยนาดไปหาแฟนหนุ่มของตัวเองที่ยืนสูบบุหรี่อยู่


“หายไปไหนมาเนี่ย” คุณเบนถามพลางยื่นกระเป๋าเป้ที่ผมลืมไว้ด้านในมาให้ เขาพาผมมายืนให้ออกห่างจากประตูเพื่อจะได้ไม่ขวางทางคนอื่นเขา


“เอ่อ… พอดีคุณเรย์มอนด์เขาออกมาสูบบุหรี่น่ะครับ” เบนเนดิคท์ชะโงกหน้าไปดูตรงโซนสูบบุรี่ที่ทางคลับจัดไว้ให้ที่ตอนนี้มีสองหนุ่มกับอีกหลายหนุ่มและหลายสาวยืนพ่นควันบุหรี่กันอบอวลไปหมด


“นายยังเรียกไอ้วิคเตอร์ว่ามิสเตอร์เรย์มอนด์อยู่อีกหรอ” เขาถามเสียงประหลาดใจพอๆ กับสีหน้า ผมยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนจะตอบ


“ก็… เขาให้ผมเรียกแบบนี้นี่ครับ” คุณเบนขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับส่ายหัวคล้ายจะระอาใจ


“ไอ้นี่ก็บ้า อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ยังจะมาทำห่างเหิน” ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าไอ้ความห่างเหินที่ว่านั่นมันก็มีแค่การเรียกชื่อนั่นแหละ เพราะอย่างอื่นระหว่างเราสองคนแทบจะแนบชิดติดกันอยู่แล้ว


“เขาคงชินมั้งครับ ไม่ก็ไม่อยากให้ผมลืมฐานะตัวเอง” คุณเบนส่ายหัวหน่ายๆ จนผมยิ้มขำ


“ฮู่ววว! ฉันว่ามันควรเข้าเฝือกที่สมองด้วยนะ เผื่อบางทีแกนสมองมันหักเลยยังมีตรรกะไม่ปกติอยู่ในหัว” ผมหัวเราะชอบใจกับคำเปรียบเปรยของอีกฝ่ายที่ค่อนข้างโดนใจผมเหลือเกิน


“แล้วระหว่างมันกับนาย เป็นยังไงบ้าง มันยังใจร้ายกับนายอีกรึเปล่า”


“ไม่ครับ เขาดีกับผมมาก อาจเป็นเพราะคุณเบนพูดวันนั้น”


“ไม่หรอก ต่อให้ฉันพูดไปมากแค่ไหน ถ้ามันคิดเองด้วยไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์” ก็จริงอย่างที่เขาว่า และวิคเตอร์ก็รู้ตัวเองด้วยในจุดนี้ว่าเขานั้นก็คิดของเขาอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาคิดตอนคุณเบนพูด


“ชอบมันมั้ย…” หืมมม? ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงงและความมึนของแอลกอฮอล์ เบนเนดิคท์ยิ้มมุมปากขบขันก่อนจะพูดต่อ


“…ไอ้วิคเตอร์น่ะ ชอบมันรึเปล่า” ผมแอบชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบแบบที่สีข้างแทบเป็นแผล


“ก็ชอบนะครับ เขาก็เป็นเจ้านายที่ดี ถึงจะเพิ่งมาดีช่วงหลังๆ นี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ทำให้ผมรู้สึกชอบเขามากขึ้นกว่าแต่ก่อน” คุณเบนยิ้มเหมือนรู้ทันว่าผมกำลังแถ แต่ผมก็ยังคงตีหน้าเฉยต่อไป แม้จะออกอาการหลุกหลิกเล็กน้อยก็ตาม


“ตอนที่อยู่หน้าบ้าน ฉันว่าอาการมันแปลกๆ นะ เหมือนไม่อยากให้ฉันจับมือนาย” ผมยิ้มเหลอหลา ยกมือขึ้นมาลูบแก้มร้อนๆ ของตัวเองก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้ม


“โอ๊ย เขาก็แค่เล่นสนุกของเขาไปเรื่อยแหละครับ”


“ใช่ มันสุนกของมัน แต่รู้มั้ยว่าฉันไม่ได้เห็นมันสนุกอย่างนี้มานานแล้ว…” ผมนิ่งไป รู้สึกถึงอาการใจเต้นระรัวในอกซ้าย


“…ฉันแค่จะบอกว่า เหลือเวลาอีกไม่นาน นายก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ตามที่ใจอยากทำเถอะ” ผมพยายามคุมอาการใจเต้นระรัวภายในอก แล้วพูดออกไปเสียงค่อยจนแทบจะไม่ได้ยิน


“ผม… ผมก็ทำอยู่นะครับ พยายามเก็บความทรงจำดีๆ กลับไป”


“แล้วความทรงจำดีๆ ที่นายว่า นายอยากได้จากใครเป็นพิเศษล่ะ…” เขายิ้มอบอุ่นมาให้ ผมออกอาการอึกอักเล็กน้อย


“…ฉันว่านายมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว ก่อนฉันจะถามด้วยซ้ำไป ทีนี้ก็เหลือแค่ทำตามใจตัวเองละนะ”


“ผมไม่กล้าหรอกครับ ผมกลัว…”


“…กลัวเสียใจอย่างที่เคยบอกฉันสินะ แต่ว่าแมท นายจะเสียใจกว่ามั้ยถ้านายจากไปโดยที่ไม่ได้ทำตามที่ใจตัวเองต้องการ ทั้งๆ ที่มีโอกาสให้ทำ” ผมนิ่งไปกับคำพูดของคุณเบน เขายิ้มอ่อนๆ มาให้ แล้วยกมือขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ


“ถ้าจะเสียใจ อย่างน้อยก็ให้มันเสียใจจากรักจริงๆ เถอะ ไม่ใช่เสียใจเพราะคิดไปเอง” ใจผมกระตุกไปกับคำพูดนั้น ผมยิ้มรับ กับคำให้กำลังใจจากเขา


“เอเลี่ยน กลับกันเถอะ” เสียงวิคเตอร์ดังมา พร้อมกับที่ร่างเขาเดินเข้ามาซ้อนด้านหลังผมไว้แนบสนิท ก่อนจะจับเอามือเบนเนดิคท์ออกจากหัวผม คุณเบนยิ้มด้วยความขบขัน ก้มลงมาพูดกับผมสองคน


“บอกอะไรดีๆ ให้อย่าง ที่ไอ้วิคเตอร์ทำอยู่ตอนเนี้ย เขาเรียกว่าหวง” ผมแอบหน้าร้อนวูบๆ กับคำพูดนั้น เขาขยิบตาให้ผมแล้วยืดตัวกลับไปยืนเต็มความสูง


“คุยอะไรกัน?!” เสียงห้วนๆ คล้ายกำลังไม่พอใจดังขึ้น ผมแหงนหน้าไปมองก็เห็นคนร่างยักษ์ทำหน้ายักษ์ใส่เราสองคนอยู่ คุณเบนเนดิคท์หัวเราะน้อยๆ ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นวิคเตอร์ทำหน้าหงุดหงิด


“กลับบ้านใช่มั้ย เดี๋ยวฉันไปส่ง” คุณเบนบอกเสียงทะเล้น แต่วิคเตอร์ยังคงหน้าตึงไม่หาย


“ไม่ต้อง แกกลับเข้าไปสนุกเถอะ เดี๋ยวฉันกลับแท็กซี่กันเอง ฝากลาไอ้พวกนั้นด้วยนะ ฉันไปละ” เขาพูดอย่างรวดเร็ว และพอพูดเสร็จก็เดินจูงมือผมไปตรงจุดเรียกแท็กซี่ทันที ผมหน้าเหลอหลาหันไปโบกมือบ๊ายบายให้คุณเบนที่โบกมือตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง เขาเอามือขวาตบลงที่อกซ้ายเบาๆ พร้อมกับขยับปากช้าๆ ชัดๆ ว่า


Follow your heart…








ระหว่างทางที่นั่งแท็กซี่กลับมา วิคเตอร์นั่งเงียบๆ แต่ก็ไม่ใช่ความเงียบที่ทำให้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เหมือนกับว่าเราต่างคนต่างกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดใครความคิดมัน จนกระทั่งรถมาจอดหน้าบ้าน พวกเรายังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ จนคนขับต้องหันมาเรียกเราถึงจะหลุดจากภวังค์ (แท็กซี่ขอถ่ายรูปกับวิคเตอร์ไปหนึ่งรูป)   


ผมเดินขึ้นบันไดหน้าบ้านไปแบบอึนๆ เพราะรู้สึกมึนหัว แต่ไม่ถึงขั้นเมาขนาดที่ว่าไม่รู้เรื่องหรือไม่รับรู้อะไร ผมหยิบกุญแจบ้านออกมาไขประตูบ้านแล้วเดินเข้าไปเปิดไฟ ไฟสีขาวสว่างไสวไปทั่วบ้านอันมืดมิด ไมเคิลกับฟอกซ์เดินออกมารับเราสองคนด้วยสีหน้าเพิ่งตื่น ผมก้มลงไปขยี้หัวไมเคิล แล้วอุ้มเจ้าฟอกซ์ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน


“เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จแล้ว จะตามขึ้นไปนอนด้วยนะครับ” ผมบอก ก่อนจะเรอเป็นลมมีกลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาหนึ่งที จนเจ้าฟอกซ์หรี่ตาลง ไม่รู้เพราะหลบลมหรือมันเหม็น


“อาบน้ำให้หน่อยสิ เมื่อเช้ากว่าฉันจะอาบเสร็จ มันลำบากนะ” ผมหรี่ตามองกลับไปอย่างจับผิด วิคเตอร์ยิ้มกว้างด้วยความตลก แต่ทำตาแป๋วใสซื่อเชียวนะ


“ฉันไม่ทำอะไรหรอก อาบในอ่างก็ได้”


“ไว้ใจได้ที่ไหนล่ะคุณน่ะ” ผมแอบมองค้อนเขาเล็กๆ ปล่อยเจ้าฟอกซ์ลงกับพื้น วิคเตอร์เดินเข้ามาใกล้ผม ยกมือซ้ายขึ้นมาเสยผมตรงหน้าผากขึ้นไป ก้มลงมาจุ๊บที่หน้าผากเบาๆ หนึ่งที


“ป่ะ ไปอาบน้ำกัน” แน่ะ! ทำมามีลูกเล่นไม่ยอมโต้กลับ แต่ใช้วิธีเนียนเปลี่ยนเรื่อง ผมล่ะเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมสายตาวิ้งๆ นั่นจริงๆ


“ตัวคุณมีกลิ่นบุหรี่ด้วย เหม็นอ่ะ” ผมย่นจมูกใส่เขาตอนที่เดินไปตามแรงจูงของเขาด้วยอาการหนักๆ ตรงช่วงหัวคิ้วทั้งสองข้าง


“ไม่ชอบเหรอ” ผมแบะปากส่ายหัวช้าๆ เป็นคำตอบว่าไม่ชอบบุหรี่ วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้างขึ้นเป็นรอยยิ้ม


“นายถึงต้องอาบน้ำให้ฉันไง ล้างกลิ่นบุหรี่ที่มันติดตัวฉันอยู่” ผมทำปากยู่ใส่เขา แล้วบอกเสียงเนือย


“ไม่สูบเลยจะง่ายกว่ามั้ยครับ ดีต่อสุขภาพคุณด้วย”


“ถ้าไม่อยากให้ฉันสูบ นายก็จูบปากฉันทุกครั้งเวลาที่ฉันจะสูบสิ” เขาบอกยิ้มๆ สีหน้าทะเล้นน่ามอง


“แหม… แบบนี้คุณคงถือบุหรี่ไว้ในมือทั้งวันเลยมั้ง” วิคเตอร์หัวเราะ เอาแขนซ้ายมาคล้องคอผมไว้ตอนที่เราเดินมาถึงหน้าประตูห้องนอนเขา


“รู้ทันนะ” ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่แบะปากใส่เขาแบบเด็กๆ แล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูห้อง


พอเข้ามาในห้องผมก็ดึงตาข่ายรองเฝือกออกจากแขนเขาเบาๆ ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกให้ ดึงออกจากแขนทั้งสองเขาอย่างช้าๆ พอมาถึงกางเกงผมทำใจอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยปลดตะขอกางเกงยีนส์ ดึงกางเกงลงข้างล่าง วิคเตอร์ช่วยผมโดยการยกขาออกจากกางเกงยีนส์ ผมลุกขึ้นยืน เอากางเกงยีนส์ไปวางพาดไว้บนเตียง


“ถอดเสื้อผ้าสิ” เขาบอก เหตุการณ์คุ้นๆ ยังไงไม่รู้ ผมรู้สึกร้อนๆ ที่แก้ม


“เอ่อ… เดี๋ยวผมไปถอดข้างใน” วิคเตอร์ไม่พูดโต้หรือแย้งอะไร เขาเดินจูงมือผมไปที่ห้องน้ำทันที โดยที่ตอนนี้เขาใส่แค่กางเกงในสีขาวของ CK ตัวเดียว บั้นท้ายเขายกขึ้นลงนิดๆ ยามก้าวเดิน ผมพยายามเชิดหน้าขึ้นไม่ให้มองอยู่แต่แถวนั้น


“ฉันจะไปเปิดน้ำในอ่าง หันมานายต้องถอดเสื้อผ้าแล้วนะ” ผมเริ่มออกอาการประหม่า หัวก็มึน ปวดหัวคิ้วสองข้างก็ปวด ขมับเหมือนมีอะไรมาบีบรัด นี่ขนาดกินไปไม่เยอะนะเนี่ย


“ไหนว่าจะให้ผมอาบน้ำให้เฉยๆ ไม่ใช่หรอ ผมไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าด้วยสักหน่อย” เขาไม่ทำสีหน้าหงุดหงิดใส่ แต่กลับยิ้มเฉยๆ


“ก็ถือโอกาสอาบน้ำไปพร้อมกันเลยไง ไม่เปลืองน้ำด้วย” ผมส่ายหัวหน้าตั้งทันที


“เอาเป็นว่าคุณลงไปในอ่าง แล้วเดี๋ยวผมจะอาบน้ำให้” เขามองหน้าผมอย่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอดกางเกงชั้นในออก โยนมันไว้บนขอบอ่างล้างหน้า เขาเดินไปที่อ่างอาบน้ำ เอื้อมมือเปิดก๊อกน้ำในอ่าง นั่งลงรอให้อ่างเต็มน้ำโดยเขาวางแขนที่เข้าเฝือกไว้ที่ขอบอ่างอย่างระมัดระวัง พอเห็นว่าน้ำใกล้เต็มอ่าง ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ เขาแล้วปิดน้ำให้ หันไปหยิบยาสระผม เอื้อมมือไปดึงฝักบัวเพื่อมารดน้ำลงบนหัวเขา ผมเอื้อมมือซ้ายไปจับคางที่มีหนวดสากๆ ของเขา ดึงให้เขาเอนหัวลงมาด้านหลัง ใช้น้ำจากฝักบัวฉีดลงไปบนเส้นผม


“หลับตาไว้นะครับ” เขาพยักหน้าหงึกหงักแล้วหลับตาลง ผมปิดน้ำตรงฝักบัว เทแชมพูลงบนหัว ถูๆ ให้เกิดฟองเล็กน้อยแล้วก็ละเลงลงบนเส้นผมของเขา  ใช้ปลายนิ้วขยุ้มลงบนหนังศีรษะเขาเพื่อเป็นการนวดผ่อนคลายไปในตัว ทั้งที่จริงผมอยากทำอย่างนี้ให้กับตัวเอง เพราะกำลังมึนได้ที่


นวดไปสักพัก ผมก็เปิดน้ำจากฝักบัวอีกรอบ เอาน้ำล้างแชมพูออกจากเส้นผมของเขาจนหมด ฟองแชมพูและน้ำที่ใช้ล้างไหลเจิ่งนองบริเวณพื้นที่รอบอ่างน้ำ แต่มันก็ค่อยๆ ไหลลงช่องระบายน้ำรอบๆ ผมใช้สองมือประครองศีรษะของเขาให้ตั้งขึ้นตรง หันไปหมุนก๊อกปิดน้ำฝักบัว จังหวะที่หันตัวกลับมาหาเขา แรงกระชากที่ไหล่ซ้ายก็ทำเอาผมตกลงไปในอ่างอาบน้ำ


ตูม!


“เฮ้ย!” ผมรีบดีดตัวยืนขึ้น แต่ก็ไม่ทันอยู่ดีเพราะครึ่งล่างผมเปียกไปหมด คนดึงผมตกลงมานั่งยิ้มกว้างด้วยความชอบใจ ส่วนผมได้แต่ถลึงตามองกลับไปให้


“เปียกแล้ว ถอดเสื้อผ้าเร็ว”


“ไม่! อาบน้ำให้คุณทั้งอย่างนี้นั่นแหละ!” ผมรั้นใส่ แล้วนั่งลงประชดเขาซะเลย วิคเตอร์ยิ้มทะเล้น ยักไหล่ซ้ายนิดๆ ผมไม่สนใจท่าทีเขา รีบโน้มตัวไปหยิบโฟมล้างหน้าข้างอ่างมาเพื่อจะล้างหน้าให้เขา


ป้าบ!


“เอ้า!” ผมหันไปมองเขาหน้ามุ่ยเพราะโดนเขาตีก้นจนสะเทือน ดีที่ยังมีกางเกงยีนส์กั้น ไม่งั้นผมคงเจ็บกว่านี้ วิคเตอร์ยิ้มเหมือนเด็กๆ ที่กำลังคึก เขาทำท่าจะตีก้นผมอีกรอบ แต่ผมรีบหันกลับมาหาเขาก่อน จับมือซ้ายเขาให้แนบลงไปข้างตัว ผมหันไปเปิดน้ำจากก๊อกในอ่างน้ำ เอามาล้างหน้าให้เขาอย่างเบามือ วิคเตอร์หลับตาอย่างรู้งาน ผมบีบโฟมล้างหน้าใส่มือแล้วถูจนเกิดฟอง ก่อนจะเอาไปนวดคลึงไปมาบนใบหน้าเขาสักพักแล้วก็ล้างออก


“ถอดเสื้อผ้าออกเหอะน่า เดี๋ยวเชื้อราขึ้นตัวนะ ฉันเป็นห่วง” เขาบอกตอนที่ผมกำลังเทครีมอาบน้ำใส่มือเพื่อจะได้ถูตัวให้เขา


“ไม่เป็นไร ไปหาหมอได้” ผมบอกเร็วหวือ เพราะอยากจะออกไปจากอ่างน้ำนี่เต็มทน แต่ในขณะที่กำลังเอื้อมมือไปถูตัวให้เขา วิคเตอร์ก็ยื่นมือซ้ายมากระชากเสื้อผมจนกระดุมเสื้อเชิ้ตสีส้มลายสก็อตหลุดกระจาย


“อ้ากกก! คุณเรย์มอนด์ คุณทำร้ายเสื้อผมทำไม มันทำอะไรให้!”


“ก็มันเกะกะ ขวางตา ฉันอยากเห็นนมนาย” ไม่พูดเปล่า ยังพยายามแหวกแนวเสื้อเชิ้ตที่ไม่มีกระดุมติดแล้วออกจากกัน ผมนี่เอามือปัดมือเขาไปมาและพยายามจับเสื้อให้ปิดเนื้อหนังมังสาตัวเองไว้


“ถ้าคุณยังไม่หยุด ผมไม่อาบน้ำให้แล้วนะ อาบเองเลย!” ผมดึงเสื้อเข้าหาตัวด้วยสีหน้าขุ่นเคืองแล้วลุกขึ้นยืน แต่ว่าวิคเตอร์ที่มีแค่มือซ้ายมือเดียวกลับฉุดร่างผมให้นั่งลงตามเดิม เขาพุ่งตัวเข้ามาดันผมจนไปชิดกับขอบอ่างอาบน้ำอีกฝั่ง โน้มหน้ามาซุกไซ้ที่ซอกคอซ้ายผมทันที เขาไซร้อย่างรุนแรง แล้วยังใช้ริมฝีปากดูดแรงๆ จนรู้สึกเหมือนเนื้อที่คอจะหลุด


“ฮื่ออ… คุณเรย์มอนด์ ไม่เอานะ” ผมงอแง ยกมือซ้ายที่ไม่ถูกเขาจับกดไว้ดันเขาออก วิคเตอร์ขืนตัวสู้ แต่สุดท้ายผมก็ดันเขาออกไปจนได้ เขาออกจากซอกคอผมแล้วก็จริง แต่โน้มหน้าเข้ามาใกล้ทำท่าจะจูบ ผมยกมือซ้ายมาปิดปากตัวเองไว้ เขายิ้มขบขับแล้วจุ๊บลงหลังมือผมแทน มือซ้ายที่กดข้อมือผมไว้กับขอบอ่าง จับแน่นไม่ยอมปล่อย ผมหันไปมองที่แขนขวาเขาทันทีด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวเฝือกจะเปียกน้ำ แต่เขาคงมีทักษะมากพอเลยเอาแขนขวาไปวางไว้บนขอบอ่างเหนือหัวผมแล้ว ตอนนี้เลยคล้ายกับว่าเขากำลังคร่อมผมอยู่ในอ่างอาบน้ำ


เขามองหน้าผมด้วยสายตามัวเมา สักพักสายตาคู่นั้นก็เลื่อนไปที่หน้าอกผม ไวกว่ารถดริฟท์ลงจากเขา วิคเตอร์พุ่งไปที่หน้าอกผมแล้วใช้ริมฝีปากดูดดึงเม็ดสีน้ำตาลอ่อนบนอกขวาผมทันที ความรู้สึกเสียวและจั๊กจี้แล่นไปทั่วอกและใต้รักแร้


“อ้า… อย่า…” ผมครางออกมา แต่ยิ่งผมครางเขาก็ยิ่งดูดแรงขึ้นจนเกิดเสียง จุ๊บจั๊บ บางครั้งดูดแรงซะจนผมรู้สึกเจ็บปนไปกับความเสียว ผมที่กำลังจะหมดแรงเพราะอาการตัวอ่อน รีบใช้มือซ้ายดันหน้าผากเขาออกไปจากหัวนมตัวเอง ผมลดมือลงมาจับที่กรอบหน้าเขาไว้ มองด้วยสายตาอ้อนวอนนิดๆ


“อย่าเพิ่งทำอะไรแบบนี้เลยนะครับ คุณยังไม่หายดี แล้ว… แล้วก็…” ผมอ้ำอึ้ง เสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาแห่งความปรารถนาของเขาที่จ้องมองมา


“แล้วก็อะไร” เขาถามเสียงแหบ ผมหันกลับมามองเขาด้วยใบหน้าที่ขึ้นสี


“ผะ… ผมไม่เคย… ผมยังไม่พร้อม…”


“ฉันก็ไม่เคยกับผู้ชายเหมือนกัน เคยแต่ยัดประตูหลังของผู้หญิง” ผมยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีกเมื่อเขายังพูดหน้าตาเฉย


“มะ… ไม่ใช่แบบนั้น ผมหมายถึงว่า ผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายคนไหน”


“นายกลัวเหรอ”


“ไม่ได้กลัวครับ แต่ผมยังไม่พร้อม คุณเองก็… ก็เจ็บแขน” ท่อนท้ายผมบอกเสียงอ้อมแอ้ม รู้สึกเหมือนแก้มจะระเบิด มันร้อนไปหมด ตอนนี้คงแดงยิ่งกว่าก้นลิงแล้วแน่ๆ วิคเตอร์อมยิ้มกับท่าทีของผม


“ฉันลืมไป นายบอกว่าถ้าหายเจ็บแขนแล้วค่อยว่ากัน…” เขายอมปล่อยมือขวาผมที่เขากดไว้ติดกับขอบอ่าง ผมก้มหน้าหลบสายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่เขามองมา


“อาบน้ำต่อเถอะ คราวนี้ฉันไม่ทำอะไรแล้วจริงๆ” นี่หมายความว่าตอนแรกกะจะทำใช่มั้ย ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วทำแก้มพองลมใส่ เบะปากสมทบอีกที วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ ยกแขนขวาออกจากขอบอ่างแล้วดันตัวกลับไปนั่งอีกฝั่งตามเดิม
นี่ขนาดแขนเดี้ยง ไอ้ยักษ์ยังแทบจะกดผมอยู่หมัด แขนไม่ให้แต่ใจหื่น ยอมใจพี่แกจริงๆ


หลังจากนั้นเราก็อาบน้ำกันจริงๆ ผมต้องบังคับให้เขาหลับตา แล้วก็ถอดเสื้อผ้าในน้ำนั่นแหละ ถอดไปก็มองไปว่าเขาลืมตาขึ้นมามองมั้ย ยังดีที่เขามีน้ำใจไม่ลืมตาขึ้นมามอง ผมถอดแล้วก็โยนๆ ไว้ข้างอ่างอาบน้ำ รีบซุกตัวลงน้ำทันที พอผมบอกว่าลืมตาได้ เขาก็ดึงผมเข้าไปใกล้ แล้วเราก็อาบน้ำให้กัน ผมนี่เขินจนตัวแดงไปหมด วิคเตอร์ก็ลวนลามผมไปเรื่อย ลูบก้นบ้าง แกล้งเอามือไปถูกับช่องทางนุ่มนิ่มด้านหลังบ้าง ตีมือกันไปหลายรอบ แต่ไอ้ยักษ์ไม่เคยสำนึกกลับหัวเราะชอบใจ มีการบอกอีกว่าอนาคอนด้าตัวเองกำลังผงาดอยู่ใต้น้ำ ผมก็ได้แต่ปิดปากเงียบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะไม่อยากแสดงอาการอะไรมากเนื่องจากแมทน้อยก็ตื่นตัวอยู่ใต้น้ำเช่นกัน


กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็เล่นเอาใจหายวาบกันไปหลายรอบ ต้องยอมมือวิคเตอร์จริงๆ ขนาดมีมือเดียวยังคดเคี้ยวไวกว่าสองมือผมอีก เขาชอบเอามือมาบีบตรงเอวผมแรงๆ จนผมรู้สึกเจ็บ พอดุเขา เขาก็เลื่อนมือไปที่บั้นท้าย แล้วบีบแรงๆ อีกเช่นกัน ทำเอาผมแทบช้ำ พอล้างตัวให้ทั้งผมและเขาเสร็จ ผมก็ไม่กล้าเดินไปหยิบผ้าขนหนูหรือชุดคลุม เพราะอายที่แมทน้อยแข็งขืนอยู่ใต้น้ำ วิคเตอร์เหมือนจะรู้ เขาเลยยิ้มแซว แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อไปหยิบเอง วินาทีที่ไอ้นั่นของเขาโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ทำเอาผมใจกระตุกกับความใหญ่โตของมันยามที่มันชูชัน แต่เขาไม่ได้ยืนอวดอะไร ก้าวเท้าออกจากอ่างน้ำไปหยิบผ้าขนหนูมาสองผืน ตอนเขาเดินกลับมาผมต้องก้มหน้าหลบจรวดที่ชี้พุ่งมาทางผมด้วยความเขิน ผมยื่นมือไปรับผ้าขนหนูจากเขา รีบกางออกบังตัวตอนลุกขึ้น ก่อนจะเอาห่อตัวเอาไว้แล้วก้าวออกมาจากอ่าง ส่วนวิคเตอร์ไม่ฮงไม่ห่ออะไรทั้งนั้นแหละ เดินเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวออกจากห้องไปโทงๆ ให้มันเด้งตามจังหวะการเดิน เล่นเอาผมใจเต้นไปตามจังหวะเด้งตัวของลูกชายวิคเตอร์เลย


เราแยกกันแต่งตัวเพราะเสื้อผ้าผมอยู่ข้างล่าง แต่พอแต่งตัวเสร็จก็กลับขึ้นมาหาเขา พอได้อาบน้ำผมก็รู้สึกโล่งหัวมากขึ้น อาการมึนลดน้อยลงไปแล้ว โชคดีที่ไม่ได้กินอะไรหนักๆ มาก


ผมปิดประตูห้องนอนตามหลังแล้วหรี่ไฟในห้องให้เป็นสีเหลืองนวลๆ เดินเข้าไปหาวิคเตอร์ที่นอนถอดเสื้อพิงหัวเตียงรออยู่ วันนี้เขาใส่บ็อกเซอร์ขาสั้นเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาเดาว่าข้างในไม่ได้ใส่กางเกงในแน่นอน


“เอ้านี่ โทรศัพท์นาย” เขายื่นมือถือให้ผมตอนที่ผมนั่งลงบนขอบเตียง ผมรับมาแล้วกดเปิดดูความเคลื่อนไหว มีข้อความไลน์ ว้อทแอพเด้งเต็มไปหมด แล้วก์มีสายที่ไม่ได้รับ การแจ้งเตือนเฟซบุ๊คและอินสตาแกรม ผมกดเข้าไปเช็คดูแค่ข้อความไลน์กับว้อทแอพเท่านั้น ข้อความว้อทแอพมาจากเอิร์ทที่ส่งมาถามว่าหายไปไหน ทำไมไม่รับสาย บลาๆ ผมตอบกลับไปแค่ว่ามาทำงานที่บ้านเจ้านาย ก่อนจะเปิดไลน์ดูก็มีข้อความจากเก้าที่ตอบไลน์ผมก่อนหน้านี้ ผมเปิดอ่าน ข้อความในนั้นทำเอาผมยิ้มบางๆ กับตัวเอง


‘ฉันไม่มีเวลาตอบยาวๆ นะแก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเรื่องราวเป็นมายังไงบ้าง แต่ฉันขอกรี๊ดก่อนเป็นอันดับแรก กรี๊ดดด! ในที่สุดก็มีผู้ชายหลุดเข้ามาในวงจรชีวิตแกแล้ว ถือว่าคุ้มนะยะที่ดั้นด้นมาถึงนิวยอร์ค เอางี้ละกัน แกมีเวลาอยู่กับผู้ชายคนนั้นแค่สามเดือน อาจได้อยู่ต่ออีกสักเดือน แต่จริงๆ มันสั้นมากนะ ฉะนั้นแกอยากทำอะไร แกทำไปเหอะ ครั้งนึงในชีวิตนะเว่ย คือตอนนี้แกอยู่กับเขา ก็ใช้เวลากับเขาให้เต็มที่เถอะ เรื่องอนาคตยังมาไม่ถึง ค่อยว่ากันอีกทีก่อนกลับไทย อ้อ ถ้ามีเวลา จงเม้าท์ให้มากกว่านี้ ฉันอยากรู้ว่าผู้ชายที่หลุดมาหาแกได้นี่เป็นยังไง ปล.คิดถึง ปล2. นังแบมฝากบอกว่าคิดถึงเช่นกัน’


นี่ขนาดมันไม่มีเวลาตอบผมนะ ยังมายาวซะขนาดนี้ ผมยิ้มขันๆ คนเดียว กดปิดล็อคโทรศัพท์แล้วเอาไปวางไว้บนตู้ที่กรอบรูปของย่ากับแม่วิคเตอร์ตั้งอยู่ แทรกตัวเข้าไปในผ้านวมผืนเดิม วิคเตอร์แทรกตัวนอนรอผมอยู่แล้ว แต่เขายังไม่หลับกลับมองผมตาแป๋วราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง


“ยิ้มอะไร คุยกับใคร” เขาทำสีหน้าเรียบเฉยก็จริง แต่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันทำเอาผมยิ้ม ผมไม่ตอบเขาแต่เลื่อนตัวลงนอนหนุนต้นแขนซ้ายเขาที่อ้ารอรับอยู่แล้ว ผมกระเถิบตัวเข้าไปใกล้เขามากขึ้น วิคเตอร์ใช้แขนซ้ายโอบไหล่ผมไว้ ผมไม่รอให้เขาสั่งแต่เอื้อมมือซ้ายเข้าไปกอบกุมความเป็นชายของเขาไว้เอง


“หืมมม?” เขาทำน้ำเสียงสงสัย สงสัยคงแปลกใจที่ผมเอื้อมมือไปจับเองโดยที่เขาไม่ต้องบอก ผมยิ้มอยู่ตรงเนินอกของเขา แล้วแกล้งเขาด้วยการลูบไปตามความยาวของมัน


“อา… ไม่ชอบตอนมันหลับสินะ” เขาส่งเสียงหัวเราะทุ้มๆ แล้วจูบลงบนกลางกระหม่อมผม สักพักไอ้สิ่งที่ผมจับเอาไว้มันก็ขยายตัวตื่นเต็มที่


“แล้วสรุปคุยกับใคร” เขาถามพร้อมส่งเสียงครางมาจากลำคอเพราะผมแหย่เขาด้วยการใช้ปลายนิ้วขยุ้มที่ลูกกลมๆ สองลูกของเขาเบาๆ


“คุยกับเพื่อนครับ”


“เพื่อนอะไรทำไมคุยแล้วยิ้ม… อืออ…” เขาก้มลงมาหอมเส้นผมบนศีรษะหนักๆ ราวกับกำลังระงับอารมณ์ที่ผมแกล้งหยอกเขาโดยใช้มือลูบไล้วนไปวนมา


“เพื่อนสนิท ไม่ได้คุยกันนานแล้ว เธออยู่ฟลอริด้าครับตอนนี้” ผมบอกทั้งที่ยังคงเอาแก้มซุกอกอวบอิ่มของเขา ไม่ได้เงยไปมองว่าเขามีสีหน้ายังไงบ้าง


“เธอ?”


“ครับ เพื่อนสนิทผมเป็นผู้หญิง ไม่ค่อยมีผู้ชายหรอก” ผมบอกเสียงแผ่ว มือก็ยังไม่หยุดหยอกเย้าเจ้าวิคเตอร์น้อย จนวิคเตอร์ต้องครางออกมาเบาๆ


“อืมมม…” ผมยิ้มอย่างนึกตลก และรู้สึกดีที่ผมทำให้เขารู้สึกดีได้


จะเสียใจมั้ย ผมก็ไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะผมไม่สามารถบอกอนาคตได้ แต่ที่บอกได้ตอนนี้คือ ผมขอทำตามใจก็แล้วกัน เพราะวันเวลาก็หมุนผ่านไปเรื่อย และผมก็ไม่อยากปล่อยให้มันผ่านไปโดยที่มีแต่ความว่างเปล่าในหัวใจ คงไม่เป็นไรใช่มั้ยถ้าจะเติมเต็มหัวใจด้วยความสุขในระหว่างที่ผมอยู่ที่นี่อีกไม่นาน

V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:49:09


วันเวลาเดินหน้าไปเรื่อย ผมก็ดูแลเขาตามปกติ แต่ที่มากขึ้นคือต้องป้อนข้าวป้อนน้ำเขาเกือบทุกมื้อ ยิ่งมื้อไหนเขาดื้อๆ ก็ต้องป้อนเขา และบังคับให้เขาทานยาตามที่หมอสั่ง แถมยังต้องคอยดึงบุหรี่ทิ้งไม่ให้เขาสูบ และทุกครั้งที่ผมดึงบุหรี่ออกจากมือเขา ก็ต้องแลกกับจูบที่ทำเอาผมเกือบตาย ซึ่งไอ้ยักษ์ดูจะชอบหยิบบุหรี่ขึ้นมาต่อหน้าผมเหลือเกิน หลังๆ ผมเลยเปลี่ยนจากจูบเป็นหยิกหัวนมเขาแทน เขาเลยไม่ค่อยหยิบมาสูบเท่าไหร่แล้ว แต่นิสัยอย่างเขาก็ยังมีอยู่ดีนั่นแหละ


และผมยังคงอาบน้ำให้เขาตามเดิม พอได้อาบด้วยกันวันนั้น ก็เลยกลายเป็นว่าเราจะอาบด้วยกันแทบทุกครั้ง ผมพยายามหนีไม่อาบน้ำกับเขาเพราะอาบด้วยกันทีไร เขาชอบจับ ชอบถู ชอบบีบไปทั่วตัว ทำเอาผมแข็งบ่อยๆ มีอยู่หลายครั้งที่เขาเกือบสอดใส่เข้ามาได้ แต่ผมก็เอาแขนเขามาอ้างทุกครั้ง ว่ากลัวเขาเจ็บ กลัวไม่ถนัด เขาก็ยอม แต่ก็มีอยู่วันหนึ่งที่เขาขอร้องให้ทำอย่างอื่นแทน


“ช่วยฉันหน่อยนะ มันอึดอัดมาหลายครั้งแล้ว” เขาใช้เสียงออดอ้อน ใช้สายตาเว้าวอนส่งมา พรมจูบไปทั่วหน้าผมเพื่อให้ผมสมยอมง่ายขึ้นไปอีก สุดท้ายผมเลยใช้มือช่วยเขาให้ปลดปล่อยความอึดอัดในอ่างน้ำ


“Yeah…” เขาปิดตาแน่น ครางเสียงพร่า ยามที่น้ำขุ่นๆ สีขาวพวยพุ่งออกมารวมกับน้ำในอ่าง ผมได้แต่ก้มหน้าลงเพราะรู้สึกเงอะงะหลังจากทำเรื่องอะไรแบบนี้ เขาก้มลงมาจูบปากผมราวกับเป็นการขอบคุณที่ช่วยเขา ผมเงยหน้ามองเขาด้วยใบหน้าเห่อแดงไปทั้งหน้า วิคเตอร์ยิ้มกว้าง สีหน้าเขาดูสบายและผ่อนคลาย เพราะได้ปลดปล่อยสิ่งที่กักเก็บไว้มาหลายวัน


“เอามั่งมั้ย เดี๋ยวฉันช่วย” ผมส่ายหัวหน้าตื่น แต่เขาสนใจที่ไหนล่ะ พุ่งมือซ้ายมาใต้น้ำคว้ามับเข้ากับอาวุธน้อยๆ ของผม แล้วก้มลงจูบปิดปาก ใช้ลิ้นสอดแทรกเพื่อสร้างอารมณ์ มือก็ขยับขึ้นลงจนผมปลดปล่อยออกมาเหมือนกัน


“อื้อ…” ผมครางเสียงอ่อน รู้สึกเหนื่อยหอบราวกับไปวิ่งมาราธอนมา วิคเตอร์จูบไปตามพวงแก้ม จูบขมับเบาๆ ราวกับจะช่วยให้ผมผ่อนคลาย ผมสบตากับเขาด้วยความเขินอาย วิคเตอร์ยิ้มกว้างอารมณ์ดี และปิดท้ายด้วยการจูบผมอีกรอบ จนเกือบทำให้ไอ้สิ่งที่สงบไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกหน


เราไม่ได้ทำอย่างนั้นบ่อยครั้งเท่าไหร่ นอกนั้นก็อาบน้ำให้กันปกติ แต่ส่วนใหญ่ผมอาบให้เขา เพราะแขนเขาใช้การได้ไม่ถนัด ทุกคืนผมก็ต้องนอนจับน้องเขาไว้ คืนไหนผมลืมจับ เขาก็จะเอื้อมมือมาจับมือผมแล้วดึงให้เข้าไปในกางเกงทันที เขาบอกว่าตอนนี้เขาชินแล้ว ถ้าคืนไหนไม่มีมือผมจับไว้ มันจะรู้สึกโล่งๆ


ผมก็ไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่พอไม่ได้จับ ผมก็รู้สึกว่ามือตัวเองโล่งเหมือนกัน


จนกระทั่งตอนนี้วิคเตอร์เอาเฝือกออกจากแขนแล้ว ซึ่งจริงๆ หมอบอกว่า โดยปกติทั่วไปต้องใส่เฝือกอย่างน้อยจริงๆ คือสี่สัปดาห์ แต่ในกรณีของวิคเตอร์ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่แขนซ้น กระดูกเคลื่อนนิดหน่อย แถมร่างกายเขายังแข็งแรงดี ฉะนั้นแค่สองสัปดาห์นี่ก็โอเคแล้ว และวิคเตอร์เองก็ดูจะดีใจด้วยซ้ำที่เอาเฝือกออกไปได้ ไม่รู้ว่าดีใจเพราะเขารำคาญเฝือกอยู่แล้วเพราะมันทำอะไรไม่ถนัดหรือเพราะอย่างอื่นกันแน่ ตอนที่เราออกจากโรงพยาบาล เขาเดินแกว่งแขนโชว์อย่างเริงร่าราวกับจะบอกว่าเขานั้นปกติดีแล้วจริงๆ มีการพูดจากับผมด้วยน้ำเสียงสดชื่นโชว์อีก


“ฉันเอาเฝือกออกละนะ” ไอ้ประโยคที่พูดน่ะไม่เท่าไหร่ แต่รอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์นั่นน่ะ มันบอกได้อย่างดีว่าเขากำลังคิดอะไร


แต่ผมก็หลบหลีก หลีกเลี่ยง หลีกหนีการโดนกระทำชำเราจากเขามาได้หลายครั้งนับตั้งแต่เขาเอาเฝือกออกมาประมาณหนึ่งอาทิตย์ แต่ทุกครั้งก็เล่นเอาใจหายใจคว่ำ เพราะพอเขามีสองแขนตามปกติแล้ว เขายิ่งล็อคตัวผมง่ายขึ้น ผมก็สู้สุดฤทธิ์ไม่ยอมโดนง่ายๆ เหมือนกัน สุดท้ายผมเลยเอ่ยปากว่าอยากกลับไปนอนที่พักตัวเองตามปกติ เขาจึงยอมหยุดลวนลาม (น้อยลง) แต่เขาแทบจะถีบตู้เย็นพังแทน และประกาศกร้าวเสียงดังว่าไม่ยอม


“ไม่ให้ไป! อยู่แล้วก็อยู่เลยสิ จะไปๆ กลับๆ อีกทำไม ชอบนักรึไงความลำบากน่ะ!” เป็นอันว่าเคลียร์ในประเด็นนี้ ผมไม่อยากเถียงเขาหรอก รู้ๆ อยู่ว่าทอร์นาโดแห่งความเอาแต่ใจของเขามันรุนแรงแค่ไหน


ผมยังไม่ได้กลับไปบ้านป้าแมร์รี่เลยนับตั้งแต่มาครั้งนั้น เสื้อผ้าก็ใส่วนๆ จนครบแล้ว ซักแล้วซักอีก พอผมจะขอแค่กลับไปเอาเสื้อผ้ามาเพิ่ม เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปเอง แต่ก็ยังไม่เห็นพาไปสักที ตั้งแต่ถอดเฝือกออก เขาก็กลับไปถ่ายซีรีส์ต่อทันที เพราะมันใกล้จะปิดกล้องแล้ว และเขาก็อยากจะปิดกล้องเต็มทน  ฉะนั้นชุดที่ผมใส่อยู่นี้บางทีก็มีเสื้อยืดเขาบ้าง เสื้อเชิ้ตเขาบ้าง แล้วแต่ล่ะตัวไม่ใช่ไซส์ผมทั้งนั้น ใส่ไปกองถ่ายทีมีแต่คนยิ้มขำ


พูดถึงไปกองถ่าย นาตาชาเข้ามาทักทายกับวิคเตอร์ตามปกติ วิคเตอร์เองก็ชิวตามนิสัยของเขา ผมไม่เห็นว่าเขาจะแสดงท่าทีอาการอึดอัดหรือไม่ชอบใจใส่นาตาชาเลยสักนิด ตรงกันข้ามคือไหลเนียนกันทั้งคู่ เหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจต่อกัน
ผมได้เห็นหน้าแฟนเก่าของเธอ คนที่เธอแอบไปนอนด้วยลับหลังวิคเตอร์ และผมก็พอจะเข้าใจนะว่าทำไมเธอถึงตัดกับผู้ชายคนนั้นไม่ขาด ก็โอ้โห ทั้งหล่อ ทั้งแซ่บขนาดนั้น ผิวขาวเหลืองแบบฝรั่ง หน้าดี หุ่นแน่นกว่าวิคเตอร์อีก แล้วที่สำคัญดูแลเทคแคร์นาตาชาดีมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมนาตาชาถึงเลิกกับคนนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ไปคลุกคลีอะไรกับเขามากนักหรอก แค่มองจากไกลๆ เพราะวิคเตอร์ให้ผมไปหลบอยู่บนรถรางที่ไว้สำหรับทานข้าวบ้าง รถโอเปเรเตอร์บ้าง ไปนั่งใกล้ๆ คุณเดวิดบ้าง ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะอะไร แต่ไอ้ฌอณยังคงจ้องผมไม่เลิก ผมถึงขั้นนั่งเสิร์จกูเกิ้ลเกี่ยวกับพวกโฮโมว่าอาการมันหนักขนาดนี้เลยเหรอ แล้วก็ได้รู้คำตอบว่ามันหนักจริงๆ โดยเฉพาะคนไหนเคร่งศาสนาxxxมากๆ นั่นยิ่งอาการหนัก บางคนถึงขั้นดักทำร้ายร่างกายเพศที่สาม หรือมีการรวมกลุ่มกันเพื่อล่าเพศที่สามด้วยซ้ำ ยังแอบโชคดีที่ประเทศสหรัฐฯ นั้นเสรีมากพอกับเรื่องพวกนี้และมีกฎหมายรองรับ แต่ก็นั่นแหละไอ้พวกโฮโมก็แทรกตัวอยู่ทั่วทุกพื้นที่ในสหรัฐฯ เช่นกัน


สำหรับวันนี้ผมยืนยันว่ายังไงก็ต้องขอกลับไปบ้านป้าแมร์รี่ให้ได้ ไม่ใช่แค่ไปเอาเสื้อผ้า แต่ผมไม่ได้ทำเดลี่รีพอร์ทส่งคุณเอมิลี่จะสามอาทิตย์แล้ว ถึงจะมีคอมฯ ของวิคเตอร์ แต่ไฟล์เก่าๆ ผมก็เก็บไว้ในคอมฯ ของตัวเอง ใช้คอมฯ คนอื่นทำแล้วมันให้ความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง อีกอย่างจะได้อัพรูปลงคอมฯ ผมทีเดียวเลย


“ก็ได้ๆ เสร็จจากถ่ายแบบแล้วฉันจะพาไป” เขาบอกอย่างจำใจ ผมเลยยิ้มแป้นเป็นการขอบคุณเขา เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงรถที่แทบจะไม่มีรถจอดใกล้ๆ กับสตูดิโอ นอกจากรถเขาแล้ว ก็มีแต่รถเขาอีกเช่นกันที่จอดอยู่ตรงนี้ จะว่าไปตรงนี้ก็เหมาะสำหรับจอดรถได้แค่คันเดียวนั่นแหละ


วันนี้วิคเตอร์มีถ่ายแบบ ก็ที่ไปประชุมมาคราวนั้นนั่นแหละ ที่อดัมรับหน้าที่เป็นช่างภาพของงานนี้ ทีแรกเซ็ทนี้ต้องถ่ายตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แต่เพราะวิคเตอร์สภาพร่างกายไม่พร้อม เลยเลื่อนมาเป็นอาทิตย์นี้แทน


“สวัสดีครับอดัม” ผมเอ่ยทักทายอดัมที่กำลังก้มๆ เงยๆ เซ็ทกล้องอยู่ตรงหน้าฉากสำหรับถ่ายแบบวันนี้ ซึ่งเป็นพื้นหลังสีขาวสะอาดตา มีลังไม้ กระเป๋าเสื้อผ้าแนววินเทจ  แจกันสองสามอัน วางประดับไว้สบายๆ ตา


“เฮ้ ไม่เห็นนายทักว้อทแอพฉันมาเลย” เขาละจากกล้องมาหาผมพร้อมรอยยิ้มเท่ๆ


“ขอโทษทีครับ พอดีงานค่อนข้างเยอะ ผมก็เลยไม่ค่อยได้แตะโทรศัพท์เท่าไหร่” จริงๆ เป็นเพราะมือถือไม่ค่อยอยู่กับผมด้วย บางทีวิคเตอร์มาดึงๆ ไปเก็บไว้ไม่ให้ผมเล่นเวลาอยู่กันสองคนที่บ้าน เลยกลายเป็นว่าผมก็ชอบลืมมือถือไว้กับเขา จนบางทีมาเช็คการแจ้งเตือนต่างๆ จากเฟซบุ๊ค ไลน์ ว้อทแอพ หรือไอจี ก็ต้องแอบตกใจกับการแจ้งเตือน บางทีเยอะไปจนผมขี้เกียจดู


“นายมีเฟซบุ๊คใช่มั้ย” ผมพยักหน้าหงึกหงัก มองเขาตาเป็นประกาย อดัมยิ้มนิดๆ หยิบมือถือขึ้นมากดๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือถือของระบบแอนดรอยด์มาให้ โดยเขาเปิดแอพเฟซบุ๊คมาให้แล้ว ผมรับมาแล้วพิมพ์ชื่อเฟซบุ๊คตัวเองลงไปในช่องค้นหา จัดการกดแอดเรียบร้อยแล้วยื่นมือถือคืนเขา


“เอเลี่ยน!” เสียงห้วนๆ ดังมาจากด้านหลังทั้งที่ผมกำลังจะอ้าปากพูดกับอดัมต่อ ผมหันไปมองต้นเสียงทั้งที่ปากยังอ้าค้างอยู่ วิคเตอร์ยืนมองกลับมาใบหน้าราบเรียบ ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เขาไม่พูดอะไร แค่กระดิกนิ้วทั้งสี่เรียกให้ผมไปหา ผมหุบปากลงช้าๆ แล้วพยักหน้ารับ หันกลับมาหาอดัมที่ยังยืนยิ้มอยู่


“เดี๋ยวผมมาคุยด้วยนะครับ” อดัมยกยิ้มมุมปากแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ผมหมุนตัวแล้ววิ่งเหยาะๆ ไปหาวิคเตอร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องแต่งตัว พอไปถึงตัวเขา ยังไม่ได้ทันได้ถามอะไรก็ถูกเขาดึงเข้าไปในห้องอย่างเร็ว และเขาก็ปิดประตูตามหลังอย่างเร็วทันทีเช่นกัน ยังไม่ได้ทันได้ถามได้พูดอะไร เขาก็ดึงมือผมไปที่โซฟา ดึงให้ผมนั่งลงบนตักเขา เอามือกอดเอวผมไหวหลวมๆ ผมเบิกตามองเขาด้วยความประหลาดใจ วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาสงบ แต่ผมไม่ชอบเลยจริงๆ เขาว่ากันว่าคลื่นลมทะเลสงบเกินไปก็ไม่ดี


“มีอะไรเหรอครับ จะให้ผมทำอะไรรึเปล่า”


“ทำ…” เขาบอกแล้วมองหน้าผมตาไม่ขยับ “…จูบหน้าผากฉันหน่อย” เรียกให้มาหาก็นึกว่ามีอะไรจะเรียกใช้ ผมหลุดยิ้มออกมา แล้วโน้มหน้าไปจุ๊บที่หน้าผากเขาหนึ่งทีตามที่ต้องการ แล้วก็เลยถือวิสาสะ ยกมือซ้ายลูบหัวเขาเบาๆ เขาหน้านิ่งจนน่ากลัว จนผมหน้าเสียไป ผมรีบดึงมือออกจากศีรษะเขา เกิดอาการกลัวขึ้นมาในใจ กลัวเขาจะด่าที่ผมเหลิงทำอะไรไปแบบนั้น การที่ผมกับเขาเขยิบเข้าหากันมากขึ้น มันก็อาจไม่ได้หมายความว่าผมจะเล่นหัวเขาได้


“ขะ… ขอโทษ…”


“…เอามือออกทำไม ลูบต่อสิ ฉันชอบ” ผมมองเขาอย่างไม่แน่ใจในคำพูดของเขา เพราะวิคเตอร์เองก็ไม่ได้ยิ้มหรือว่าแสดงอาการชอบอะไรที่ชัดเจนนัก แต่เขาซุกหน้าลงมาที่ซอกคอผม ซุกไซ้สูดดมเบาๆ และประทับจูบอย่างแผ่วเบาเช่นกัน ผมยิ้มนิดๆ แล้วยกมือซ้ายมาลูบหัวเขา ผมยังไม่รู้ว่าไอ้อาการแบบนี้ เขาต้องการสื่ออะไร มีความหมายแบบไหน แต่ผมก็ทำให้เขาเพราะเขาบอกว่าเขาชอบ ผมอยากให้เขารู้สึกดี


ผมนั่งขยุ้มเส้นผมเขาไปมาเบาๆ อย่างเลื่อนลอย วิคเตอร์ซุกหน้ากับคอผมนิ่งๆ ทิ้งลมหายใจรดเนื้อที่ต้นคอผมแผ่วเบา คล้ายว่าเขาจะหลับ แต่สักพักเสียงแผ่วเบาก็ถามขึ้น


“ชอบฉันรึเปล่า…” มือผมที่กำลังขยุ้มเส้นผมเขา หยุดชะงักทันที แล้วใจก็เต้นระรัวทั้งที่ก่อนหน้านั้นมันก็เต้นตามปกติ


“อะ… อะไรนะครับ” ผมได้ยินคำถามเขาชัดแล้วล่ะ แต่ตอนนี้สติผมกำลังหมุนคว้างไปมาในหัว เหมือนระบบความคิดมันรวนไปเลย วิคเตอร์ผละออกจากซอกคอผมมาสบตากันตรงๆ แววตาเขาช่างอ่อนโยนละมุนละไม รอยยิ้มเขาอบอุ่น เห็นแล้วรู้สึกอุ่นใจ


“Do you like me? Do you like this giant one? (นายชอบฉันมั้ย ชอบยักษ์ตัวนี้รึเปล่า)”  เขายกมือขวามาลูบหัวผมเบาๆ ความอบอุ่นแล่นไปทั่วร่าง ความรู้สึกปลอดภัย รู้สึกอุ่นใจคล้ายกับเวลาที่ผมโดนพ่อลูบหัวแบบนี้ตอนเด็กๆ เกิดขึ้นแบบเดียวกันกับผู้ชายคนนี้


“ผม… คือ…”


“คำถามยากไปเหรอ” เขายิ้มมุมปากนิดๆ มือเลื่อนลงไปลูบบริเวณท้ายทอยเบาๆ แทน ผมส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก


“ไม่ยากครับ แค่ตกใจที่คุณถาม” ราวกับเขาใช้การลูบหัวเป็นการปลอบขวัญอาการตกใจของผม ตอนนี้ผมรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นอยู่ในระดับปกติ แม้จะเต้นตุบตับแรงไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถี่รัวเหมือนตอนแรกที่ได้ยินคำถามจากเขา


“So—do you like me as you sing a song? (ฮึ ว่าไง ชอบฉันอย่างที่นายร้องเพลงรึเปล่า)” ผมรู้สึกร้อนๆ ที่แก้ม วิคเตอร์ยิ้มขบขันคงเพราะเห็นว่าแก้มผมแดงปลั่ง ผมกัดริมฝีปากล่างเบาๆ แล้วพยักหน้ารับน้อยๆ รู้สึกเหมือนพลังงานความร้อนมากระจุกอยู่ที่ใบหน้า


โอ้ยยย หน้าจะระเบิดดด


“I want to hear your voice. (ฉันอยากได้ยินเสียงนาย)” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา วิคเตอร์ยิ้มพรายตาเป็นประกาย ผมกระพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่ายก่อนจะอ้าปากเปล่งเสียง


“I—I like you. (ผม… ผมชอบคุณ)” ผมรู้สึกแก้มร้อนยิ่งกว่าเดิม ใจที่กลับไปเต้นตามปกติตอนนี้ตีรัวกับผนังอกยกใหญ่ รัวจนมันเหมือนจะเด้งออกมาข้างนอก   


คือบางทีบางสถานการณ์เราก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นแบบปุบปับอะไรแบบนี้เหมือนกัน ผมเคยแอบคิดว่าถ้าจะบอกความรู้สึกดีๆ ต่อกัน มันควรเป็นบรรยากาศดีๆ หน่อยมั้ยหรือยังไง แต่อันนี้คือเกิดขึ้นเร็วมากจนผมรวนในหัวไปหมด


วิคเตอร์ยิ้ม เป็นรอยยิ้มดีใจแบบหล่อๆ หรือเพราะหน้าเขาหล่ออยู่แล้วก็ไม่รู้ เขาละมือจากศีรษะผม ลดมือลงมากระชับรอบเอวแทน โน้มหน้ามาหอมแก้มซ้ายแรงๆ จนเกิดเสียงตอนที่เขาใช้จมูกสูดดมตรงแก้ม ผมได้แต่นั่งหน้าเอ๋อเหมือนคนไร้สติให้เขาหอมแก้มอยู่อย่างนั้น พอเขาผละออกไปจากแก้มผมก็มองเขาตาแป๋ว พยายามกลั้นยิ้มเขินๆ ของตัวเองไว้จนต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองยิ้มจนเหมือนคนบ้า


ผมอยากถามเขาเหมือนกันนะว่า แล้วตัวเขาล่ะรู้สึกยังไงกับผม ถึงการกระทำในช่วงนี้มันจะชวนคิดไปในทางที่ดี แต่ผมก็อยากได้ยินจากปากเขาเหมือนกัน แต่ลึกๆ คือผมกลัวคำตอบ ผมไม่กล้าถามเขา พออยากจะถาม ความทรงจำของตอนรักแรกก็มักจะแทรกขึ้นมาในใจทำเอาผมหวั่นใจไม่กล้าถามเหมือนเดิมต่อไป


ผมกลัว… เพราะตอนนั้นก็คล้ายๆ แบบนี้ แต่สุดท้าย ผมก็ได้รับคำตอบที่สร้างแผลไว้ในใจผมอย่างไม่มีวันลืม ถึงจะไม่เจ็บแล้ว แต่มันยังคงมีแผลให้ชวนนึกถึง


ไม่มีอาวุธใดจะทำร้ายจิตใจคนเราได้เท่าคำพูดที่ร้ายกาจอีกแล้ว…


“ไอ้ห่า” ผมเบิกตาขึ้นมองเขาอย่างตกใจ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเคยโกหกเขาไว้เรื่องความหมายของคำนี้ เลยต้องยิ้มขำๆ แทน วิคเตอร์ยิ้มริมฝีปากบาง


“อือฮึ…” ผมกลั้นยิ้มและกลั้นเสียงหัวเราะจนกลายเป็นเสียงกลั้วคำในลำคอ วิคเตอร์ยิ้มกว้าง คงคิดว่าผมกำลังขำอารมณ์ดีกับที่เขา (คิดว่า) ชมมั้ง


ก๊อกๆๆ


เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมเลยรีบลุกขึ้นจากตักเขาไปยืนบนพื้น ก็พอดีกับที่ทีมงานช่างทำหน้าทำผมเดินเข้ามาทักทายวิคเตอร์พอดี ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นเดินออกมาจากห้องแต่งตัวของวิคเตอร์ แล้วเดินไปหาอดัมที่กำลังนั่งอยู่หลังกล้องพร้อมทำงาน ผมนั่งลงข้างๆ เขาแล้วชวนคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย แต่หัวข้อที่คุยแล้วอดัมจะอเลิร์ทเป็นพิเศษคือหัวข้อที่เกี่ยวกับเมืองไทย อดัมดูชอบเมืองไทยมาก เขาไปประเทศไทยแทบทุกปี ไปเที่ยว ไปถ่ายรูปตามประสาคนเป็นช่างกล้องอิสระ ที่ชอบเป็นพิเศษคือทะเลไทย อดัมชอบทะเลใต้มาก บางที่ที่เขาไปผมยังไม่เคยไปด้วยซ้ำ สลับกัน ผมเคยเรียนอยู่ภาคเหนือ ฉะนั้นช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่ผมอยู่ ผมก็ไปเที่ยวเหนือค่อนข้างบ่อย แต่อดัมไม่เคยไปภาคเหนือของไทยเลย เขาบอกว่าไปไทยทีไรก็มุ่งสู่ทะเลอย่างเดียว


“ส่วนใหญ่เวลาฉันไป ฉันชอบไปเจออากาศร้อนๆ ก็เลยคิดว่าไปทะเลดีกว่า” ผมหัวเราะทันทีที่ได้ยินแบบนั้น


“งั้นคุณคงได้ไปทะเลทุกครั้งที่ไปนั่นแหละครับ เพราะเมืองไทยมันร้อนทั้งปี เมื่อก่อนมีสามฤดู แต่ผมว่าตอนนี้เหลือแค่หน้าร้อนกับหน้าฝนแล้วแหละ”


“สงสัยจะจริง ไปทีไรฉันก็รู้สึกร้อนทุกที แต่ฉันชอบนะ” ฝรั่งนี่ท่าทางจะชอบอาบแดดมากจริงๆ ผิดกับคนไทยที่พยายามวิ่งหนีแดด


“ไปเมืองไทยบ่อยๆ เคยจีบสาวไทยบ้างมั้ยครับเนี่ย” ผมยิ้มแซวเขา อดัมเลิกคิ้วขึ้นแว้บหนึ่ง แล้วยิ้มเบ้ปากคล้ายจะเขินๆ หรือไม่อยากพูดก็ไม่รู้


“ส่วนใหญ่ก็แค่คืนเดียว” ผมอ้าปากกว้างเป็นรอยยิ้ม แล้วหัวเราะด้วยความเขิน ไม่รู้ว่าเขินเพราะอะไร แต่เห็นเจ้าตัวยิ้มเขิน ผมก็เลยเขินไปด้วย ทั้งที่จริงๆ เรื่องแบบนี้ในหมู่ฝรั่งเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมกัน นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร


เรานั่งคุยกันสนุกสนานไปเรื่อย จนกระทั่งทีมงานพาวิคเตอร์เดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยทรงผมเวทลุคส์สุดเนี้ยบพร้อมกับชุดหล่อๆ พร้อมถ่ายแบบรับช่วงซัมเมอร์ วิคเตอร์หันมามองผมที่กำลังนั่งคุยกับอดัมด้วยความสนุกสนานสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้ขัด ไม่ได้ว่าอะไร สีหน้าเขาเรียบเฉย ท่าทีสงบนิ่ง ปล่อยให้ทีมงานจัดการเสริมหล่อให้เขาไปเรื่อย


ผมนั่งมองวิคเตอร์ถ่ายแบบไปหลายชุด หลายสไตล์ หยิบกล้องตัวเองขึ้นมาถ่ายบ้างเพราะยังคงต้องทำเดลี่รีพอร์ทส่งคุณเอมิลี่
ผมถ่ายไว้ทั้งในมือถือและกล้อง แต่รูปที่อยู่ในมือถือส่วนใหญ่ กำลังสงสัยตัวเองว่าทำไมเป็นรูปที่เขาเปลือยท่อนบนหมดเลย
แฮะๆ ก็หุ่นเขาดีนี่นา


“Okay. Done. (โอเค เรียบร้อยแล้ว)” เสียงร้องบอกของทีมงานคนหนึ่งดังขึ้นในเวลาเกือบทุ่มตรง ผมไม่คิดเลยว่ามาตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ จะเสร็จเอาจนป่านนี้ การถ่ายแบบไม่ใช่ว่าทำปุบปับแล้วเสร็จอย่างที่ผมคิด แต่มันต้องเซ็ทฉาก เปลี่ยนชุด เซ็ทผมนายแบบ เติมหน้า ลบหน้า จัดแสงของกล้อง โอ๊ย สารพัดกว่าจะผ่านไปได้ในแต่ล่ะชุดแต่ล่ะฉาก ทำเอาผมแทบจะหลับคาเก้าอี้อยู่แล้ว


“หน้าตาง่วงนอนเชียว” อดัมเดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้ม ผมยิ้มแบบง่วงๆ กลับไปให้ หันไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขามองมาทางนี้ด้วยสายตานิ่งเหมือนเดิม


ตั้งแต่เริ่มถ่ายแบบ วิคเตอร์จะยิ้มแค่เฉพาะถูกสั่งให้ยิ้มตอนอยู่หน้ากล้อง แต่พอมองมาทางผมเขาก็จะหน้าขรึม หน้านิ่งจนผมเริ่มกังวลใจว่ากำลังทำอะไรผิดหรือเปล่า ก็ตอนที่ผมบอกว่าชอบเขา เขาก็ยังยิ้มแย้มอยู่เลย ทำไมพอหลังจากนั้นบรรยากาศมันถึงได้ดูอึมครึม มันควรจะเป็นบรรยากาศที่สดใสหรือรื่นเริงใจมากกว่าการทำหน้าเข้มๆ มั้ย


“กลับบ้าน” น่ะ! หน้าเข้มแล้วยังเสียงเข้มอีก ผมได้แต่ทำหน้าป้ำเป๋อ พยักหน้ารับงงๆ เขาเดินนำออกไปทางสตูดิโอ ผมกำลังจะรีบเดินตามเขาไป แต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เอ่ยลาอดัม ผมเลยหันไปโบกมือบ๊ายบายเขาพร้อมส่งรอยยิ้มหวานไปให้ยิ่งกว่านางงามจักรวาลปีล่าสุด อดัมโบกมือตอบกลับมาพร้อมยิ้มเท่ๆ แล้วเขาก็ชูสามนิ้วกลางมือขึ้นก่อนจะเอาจรดที่ริมฝีปาก แล้วชูกลับมาให้ผม ผมยิ้มรับแล้วทำกลับไปบ้าง แอบดีใจที่เขายังจำได้


ผมหันกลับไปก็ไม่เห็นวิคเตอร์แล้ว ผมเลยตามเขาออกไปจากสตูดิโอ กึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับไปที่โรงรถที่จอดรถเขาอยู่ พอไปถึงก็เห็นเขาก้มๆ เงยๆ อยู่ฝั่งคนขับอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วปิดประตูพร้อมกับยัดบางอย่างลงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตยีนส์ของเขา
“เมื่อกี้ทำอะไรกัน” เขาหันมาถามและเดินเข้ามาประชิดตัวผม ดึงมือผมไปยืนคุยด้านในบริเวณแถวๆ หัวรถ ตรงกระโปรงรถของเขา ผมกระพริบตามองเขางงๆ พยายามทำความเข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงช่วงไหน แต่เขาบอกว่าเมื่อกี้ก็น่าจะเป็นตอนชูสามนิ้วล่ะมั้ง


“อ๋อ ก็เหมือนส่งจูบไง แต่ผมดัดแปลงความหมายมาจากนิยายเรื่องเดอะ ฮังเกอร์เกมส์” วิคเตอร์หน้านิ่งจนคล้ายจะเย็นชา เล่นเอาผมเย็นวาบที่ต้นคอ


“นายบอกว่าชอบฉัน แต่ไปส่งจูบให้คนอื่นเนี่ยนะ” ผมเบิกตากว้างแล้วส่ายหัวรัวๆ


“เปล่า ไม่ได้ส่งจูบ มันแค่คล้ายจูบ” ไม่รู้ว่าผมแถรึเปล่า แต่ผมไม่ได้ส่งจูบให้อดัมจริงๆ นะ


“คล้ายจูบก็ไม่ได้ ชอบฉัน ก็ต้องส่งจูบให้ฉันคนเดียว” ผมอ้าปากหวอด้วยความเอ๋อเหรอ ผสมความทึ่งนิดๆ แต่วิคเตอร์สีหน้าจริงจังมาก จนผมต้องค่อยๆ หุบปากลง แล้วย่นคอเหมือนเต่า กระพริบตามองเขาเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ


ทำอะไรไม่ถูกเลย ผมไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้ ไอความรู้สึกคล้ายๆ ถูกหวง มันเป็นแบบนี้รึเปล่านะ


วิคเตอร์ดึงผมเข้าไปหา ล็อคหน้าผมไว้ด้วยสองมือก่อนจะพุ่งริมฝีปากมาประกบปิดแน่น ลิ้นร้อนของเขาบังคับให้ผมอ้าปากเปิดรับลิ้นเขาเข้าไปเกี่ยวไล้ไปมา ผมที่โดนเขาจูบจนเริ่มจะชินกับจังหวะเขาบ้างนิดหน่อย ก็โต้ตอบกลับไปแบบเบาๆ เพราะถ้ายิ่งสู้ วิคเตอร์จะยิ่งรุนแรงจนผมแทบจะขาดใจ


ปึก!


“อื้อออ…” แผ่นหลังผมกระทบกับฝากระโปรงรถหรูของเขาจนเกิดเสียงดังแต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมาก แค่แปลบๆ เล็กน้อย เขาตามลงมานอนทาบทับร่างผมที่นอนเหยียดไม่ถนัดอยู่บนฝากระโปรงรถทั้งที่ยังคงจูบไม่หยุด บดเบียดริมฝีปากผมไปมาด้วยการลงน้ำหนักเน้นๆ ผมเอื้อมมือไปจับไหล่เขาไว้เพื่อจะประครองตัวเอง เพราะนอนบนฝากระโปรงแนวลาดแบบนี้มันลำบากและพาลจะไหลลงอยู่เรื่อย


ปัก!


เขาจับข้อมือผมกดลงกับฝากระโปรงรถสีเทามันวาว ลิ้นก็ยังไม่หยุดไล้เลียลิ้นเล็กๆ ของผมที่พยายามตอบโต้เขา เขาใช้เข่าแยกขาผมให้กว้างออก ผมเลยต้องชันเข่าวางเท้าบนฝากระโปรงรถเพื่อพยุงตัว วิคเตอร์รวบมือผมไปไว้บนเหนือหัวแล้วใช้มือซ้ายเขารวบข้อมือผมไว้ด้วยกัน เขาผละออกจากริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว ผมหายใจหอบ หรี่ตามองเขาที่กำลังหายใจแรง สีหน้าและแววตาเขานั้นช่าง… เร่าร้อน ดุดัน เต็มไปด้วยอารมณ์ เขาใช้มือขวาปลดเข็มขัดกางเกงตัวเองเร็วๆ จนแทบจะกระชากออกมา พอดึงออกมาได้ เขาก็ก้มลงมาจูบปิดปากผมไว้อีกรอบและบังคับให้ผมส่งลิ้นให้เขาดูดดุน


อารมณ์ผมพุ่งขึ้นจนแทบไม่เหลือสติรับรู้อะไร แม้กระทั่งตอนที่เขาเอาเข็มขัดรัดข้อมือผมทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน และใช้มือซ้ายดันมือผมไว้เบาๆ เท่านั้น แต่แค่นั้นผมก็ไม่มีแรงยกสู้เขาแล้ว เพราะเขาดูดลิ้นผมจนเกิดเสียงแลกน้ำลาย ทำเอาผมจะละลายหายไปกับอากาศยามพลบค่ำ ตอนนี้ในโรงรถมืดสนิทมีเพียงแสงไฟที่ส่งมาจากข้างนอกลางๆ เท่านั้น


“อื้อออ… คุณเรย์…”ผมส่ายหน้าหนีอย่างอ่อนแรง และพยายามเรียกเขา วิคเตอร์ไม่ได้ตามมาประกบปากผม แต่เขาก้มลงซุกไซ้ซอกคอผมทั้งสองข้างอย่างรุนแรง จนผมรู้สึกแสบผิวนิดๆ


“อ๊ะ… อึก…” ผมร้องเสียงหลงด้วยความเสียวซ่าน เขากดริมฝีปากลงบนต้นคอขวาแล้วดูดแรงๆ จนผมแทบหยุดหายใจ ก่อนที่เขาจะผละขึ้นมามองหน้าผมด้วยสายตาแผดเผาและเร่าร้อน


“เป็นของฉันนะ เป็นของฉัน ฉันอยากให้นายเป็นของฉัน…” ผมอ้าปากหอบน้อยๆ มองเขาด้วยสายตาฉ่ำปรือ วิคเตอร์ขบกรามแน่นแล้วพูดต่อด้วยเสียงแหบพร่า


“…ฉันดีใจนะ ที่นายชอบฉัน ฉันมีความสุขมากที่รู้ว่านายชอบฉัน ฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับนาย ฉันชอบให้นายอยู่ใกล้ๆ ฉันทุกวัน ไม่อยากให้นายหายไปไหน และตอนนี้ฉันอยากได้นายมาก” เขาบอกด้วยสีหน้าคล้ายอาการคนกำลังจะคุ้มคลั่ง คล้ายกับคุมอารมณ์ไม่อยู่พลางหยิบห่อถุงยางออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต ผมมองด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ไม่ใช่จะเล่นตัวอีกหรอก แต่ว่า…


“ทะ… ที่นี่หรอครับ กะ… กลับบ้านมั้ย” ผมแทบจะฟื้นตื่นตัวจากสติอันเลือนรางทันที จะเด้งตัวลุกขึ้นก็ถูกเขาทับไว้ตรงหว่างขา แขนก็ถูกมัดด้วยเข็มขัด และเขายังกดมันเอาไว้อีก ทำให้ผมไปไหนไม่ได้เลย


“ฉันรอกลับบ้านไม่ไหวแล้ว” เขาบอกพลางหายใจหนักขึ้น สีหน้าเขาเต็มไปด้วยแรงกามอารมณ์ ผมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ในใจยังหวั่นๆ นิดๆ


บนฝากระโปรงรถเนี่ยนะ


“ทะ… ทำบนรถมั้ยครับ” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแล้วตอบเสียงแหบ


“มันแคบไป แต่ถ้านายอยากลอง ไว้วันหน้าละกันนะ วันนี้ขอบนนี้ก่อน” เขาก้มลงมาจูบผมอีกรอบ จูบอย่างรุนแรงด้วยลิ้นที่กวาดไปทั่วโพรงปากเร็วๆ แล้วผละออก ก่อนจะก้มลงมาใช้ลิ้นเลียไปรอบคอ ทำเอาผมต้องแอ่นตัว แหงนคอรับสัมผัสของเขาด้วยความเสียวซ่าน


“ฮ่ะ…” ผมผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เพราะทนเสียวแทบไม่ไหวกับลิ้นที่ละเลงไปทั่วคอแบบนี้ วิคเตอร์เลียอยู่สักพักเขาก็เด้งตัวออกไปเร็วๆ ทิ้งให้ผมนอนหอบ มือสองข้างถูกรวบด้วยเข็มขัดอยู่เหนือหัว วิคเตอร์คาบห่อถุงยางอนามัยไว้ในปาก ใช้มือปลดตะขอกางเกงยีนส์ของผม ดึงมันลงอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่กางเกงชั้นใน แต่ยังไม่ทันไรเขาก็ดึงมันออกไปพร้อมกับกางยีนส์
ผมหน้าแดงแปร๊ด เพราะแมทน้อยมันแข็งชูชันด้วยแรงอารมณ์ วิคเตอร์ยิ้มหื่นอย่างชอบใจ ลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กับดันขาผมให้กลับไปวางอ้าตั้งฉากเป็นรูปตัวเอ็มตามเดิม เขาเอากางเกงยีนส์ผมวางไว้ข้างๆ หยิบห่อถุงยางออกจากปากมาถือไว้ แล้วใช้สองมือดันชายเสื้อผมขึ้นมากองไว้ที่อก ก้มลงมาดูดดึงเม็ดสีน้ำตาลที่อกซ้าย ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ความเสียวแล่นไปทั่วใต้วงแขน พยายามยกแขนขึ้นเพราะเสียวจัด แต่วิคเตอร์แค่ใช้มือซ้ายผลักมันลงที่เดิม ดูดเน้นๆ ที่หัวนมหนักๆ ดูดจนมันเริ่มปนไปด้วยความเจ็บและความเสียว


“อ๊ะ… อ๊า… โอ๊ย…” ผมครางไม่เป็นภาษา รู้สึกชุ่มฉ่ำที่ยอดอกข้างซ้าย เขาทรมานผมอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะดันตัวขึ้น ริมฝีปากผมเผยอ แหงนหน้ามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์เช่นกัน เขาฉีกห่อถุงยางอนามัยออก หยิบถุงยางสีใสออกมา ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ด้วยมือเดียว ดึงมันลงไปไว้ที่เข่าพร้อมกางเกงในเนื้อดี แล้วเขาก็เอาถุงยางใส่เข้าไปให้กับความเป็นชายของเขาที่ขยายใหญ่จนมีขนาดใหญ่โต


ใหญ่จนผมเริ่มใจไม่ดี

V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:51:46


“คะ… คุณเรย์มอนด์… ผมกลัว… มันใหญ่…” วิคเตอร์ยิ้มขบขันเล็กน้อย แล้วใช้มือขวาป้ายน้ำลายจากปากเขามาทาที่ทางเข้านุ่มนิ่มของผมที่ไม่เคยโดนมาก่อน ลมหายใจผมสะดุดเพียงแค่เขาเอาน้ำลายมาแตะและไล้วนเบาๆ เขาเอามือไปป้ายน้ำลายมาเพิ่มและเอามาทาที่เดิม วนไปวนมาจนผมเริ่มหายใจเบาลง ตอนนั้นเองที่เขาดันความแข็งของเขาเข้ามาในช่องทางของผม จนผมผวาเฮือก


“โอ๊ย! ฮะ… เฮือก… อื้อออ…” ผมหลับตาแน่นด้วยความเจ็บปวด กัดริมฝีปากล่างแน่นจนเจ็บ แต่ไม่เจ็บเท่าที่อะไรใหญ่ๆ และยาวๆ นั่นทิ่มค้างอยู่ด้านใน มันจุกไปทั่วท้องน้อยเหมือนไส้ภายในจะขาด


“ไม่เป็นไรนะ… ใจเย็นๆ… อย่าเกร็ง ฉันจะไม่ทำให้นายเจ็บ ฉันสัญญา” เขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูซ้ายผมเบาๆ พร้อมกับจูบไปที่แก้ม ที่ขมับ และยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ราวกับเป็นการปลอบโยน ผมค่อยๆ ปรับลมหายใจเข้าออกให้ช้าลงและช้าลง แต่ก็ยังคงเจ็บอยู่ดี ขนาดแค่เขาคาไว้ผมยังร้าวขนาดนี้ ถ้าเขาขยับเมื่อไหร่ ผมคงตายแน่ๆ


วิคเตอร์ประกบปากผม ใช้ลิ้นไล้วนไปมากับลิ้นผมเบาๆ ผมปล่อยให้เขานำทางไปเรื่อยๆ ช้าๆ จนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และในจังหวะนั้นเองเขาก็กระแทกเอวเข้ามาอย่างแรง ผมนิ่วหน้าและจะหันหน้าหนีเขา แต่วิคเตอร์กดปากลงมาจนปิดปากผมแน่นเป็นการล็อคไว้ไม่ให้หันหนี ลิ้นเขายังคงเกี่ยวกระหวัดลิ้นผมไปมา ช่วงล่างก็ขยับเข้าออกช้าๆ แต่ว่ากระแทกหนักทุกครั้ง


“อึ๊…อึ๊…อื้อออ…อื้อ…” ผมถูกเขาปิดปากโดยใช้ลิ้นเป็นตัวปลอบโยน เลยได้แต่ร้องอยู่ในลำคอไม่สามารถเปล่งเสียงดังออกมาได้ เข้าใช้แขนค้ำร่างเขาไว้และขยับสะโพกเข้าออก ตอนออกไม่เท่าไหร่แต่ตอนเขากระแทกกลับเข้ามา เล่นเอาผมจุกไปทั้งท้องน้อย เขากระแทกความแข็งขืนของเขาเข้าออกช้าๆ แต่รุนแรงแบบนี้อีกสักพัก จนผมเริ่มรู้สึกอ่อนยวบยาบแม้กระทั่งลิ้นก็ไม่สามารถกระหวัดโต้เขาได้อีกต่อไป วิคเตอร์เลยผละออกช้าๆ มาสบตากับผมด้วยสายตาหยาดเยิ้ม พร้อมส่งรอยยิ้มหวานๆ มาให้ แต่ผมไม่รู้เลยว่านั่นมันคือรอยยิ้มหลอกเด็กชัดๆ เพราะหลังจากนั้นเขาก็เร่งจังหวะ รัวสะโพกเข้ามาจนผมหน้าเหยเก อ้าปากด้วยความจุกเสียด แสบและเสียวไปพร้อมๆ กัน


ปับ! ปับ! ปับ! ปับ! ปับ!


“อะ! อะ! อะ! อะ! อะ! อะ!” ตัวผมโยกขึ้นลงไปกับฝากระโปรงรถตามจังหวะกระแทกของเขาที่รัวเร็ว เขารัวจนผมตัวสั่นคลอนรุนแรง จนผมต้องยกแขนอันอ่อนแรงขึ้นมาเพื่อจะคล้องคอเขา วิคเตอร์ก้มหัวลงมาให้ผมคล้องแขนที่โดนเข็มขัดมัดข้อมือสองข้างรวมกันไว้เพื่อคล้องรอบคอเขา และเมื่อผมทำแบบนี้ วิคเตอร์ก็ยิ่งเร่งสะโพกเข้าออกรัวๆ จนผมต้องขมวดคิ้วด้วยความเสียดแสบที่เกิดขึ้นในช่องทางด้านหลัง


“เอ้อ! อั่ก!” มันเจ็บเหมือนว่าตรงนั้นจะฉีกขาดออกจากกัน ความแสบร้อนสาดไปทั่วช่องทางอ่อนนุ่ม ยิ่งเจอกับอาวุธของวิคเตอร์ที่เป็นไซส์ฝรั่งแบบนี้ มันยิ่งทำให้รู้สึกทรมาน แต่ในความทรมานมันก็มีความเสียว ความซ่านที่แล่นมาปลอบประโลมร่างกายและจิตใจ


ผมขาสั่นเพราะความเจ็บและความเมื่อย จนขาจะร่วงกองไปกับพื้นฝากระโปรงรถ แต่วิคเตอร์ก็ใช้สองมือจับขาผมขึ้นมาตั้งฉากตามเดิมทั้งที่สะโพกเขาก็ยังขยับไม่หยุด เขาใช้สองมือจับข้อเท้าผมไว้ไม่ให้เท้าผมร่วงราบไปกับกระโปรงรถ


“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ อา… yeah” เสียงเขาหายใจหอบเบาๆ และครางอย่างสุขใจ เขากัดฟันแน่นยามที่ทางเข้าของผมมันตอดรัดกับลูกชายเขา วิคเตอร์หลับตาด้วยความเสียว กระแทกสะโพกเข้าออก ตอนออก ออกไปแค่ครึ่ง แต่ตอนกลับเข้ามา เขากระแทกกลับเข้าไปสุดลำ ทำเอาผมจุก จนต้องนิ่วหน้า


เอี๊ยด~ เอี๊ยด~ เอี๊ยด~


เสียงเนื้อตรงแก้มก้นทั้งสองข้างของผมเสียดสีกับฝากระโปรงรถ ซึ่งแก้มก้นนั้นโยกไหวไปตามแรงขับเคลื่อนของผู้ชายร่างยักษ์ที่กำลังสีหน้าเมามันส์กับการแทงเข้าแทงออกในร่างผม


“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ!” ผมร้องเสียงหลงปานจะขาดใจ เพราะมันทั้งเจ็บทั้งเสียว มันคับแน่น มันบีบรัดความใหญ่ของเขา แต่เขาก็ยังขยับเข้าไปในความรัดแน่นอันนั้นอย่างไม่ยอมออมแรงสะโพกเลยแม้แต่นิด


“ร้องดังระวังคนอื่นได้ยินนะ” เขากระซิบอย่างหยอกล้อข้างหูผม แล้วจูบที่ขมับแรงๆ หนึ่งที ผมเลยต้องกัดฟันเพื่อกลั้นเสียงร้องของตัวเอง ทั้งที่อยากร้องระบายความเจ็บนี้ออกมาใจจะขาด


“ผะ… ผมไม่ไหวแล้ว ผมเจ็บ…” ผมครางออกมา ตอนนี้ผมเจ็บมาก แสบตรงช่องทางหลังไปหมด ขาก็สั่นจนแทบจะตั้งฉากไม่อยู่ ดีที่ได้วิคเตอร์จับข้อท้าเอาไว้ให้


“ฮืมมม… อีกนิดนะ” วิคเตอร์คำราม แล้วเร่งจังหวะสวนสะโพกจนตัวผมสั่นคลอนอย่างรุนแรงกว่าเดิม แลมเบอร์กินีสีเทาวาววับก็โยกสั่นไหวอย่างรุนแรงตามแรงกระแทกของวิคเตอร์ ผมหลับตาแน่นด้วยความเจ็บแสบแล้วครางไม่เป็นภาษา


“โอ๊ว… อ๊ะ… โอววว…” ผมก้มลงกัดไหล่ซ้ายวิคเตอร์เพื่อห้ามเสียงตัวเอง อีกฝ่ายคำรามในลำคอเสียงดัง จังหวะสะโพกยังคงโยกเข้าออกอย่างเร็วโดยไม่ลดลงเลยแม้แต่นิด


“อูวว…ซู๊ดดด…” เขาสูดปากด้วยความเสียว ใบหน้าบิดเบี้ยวตามแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นไม่หยุด เขาสวนสะโพกเข้าไปในร่างผมอีกสามสี่ทีก่อนที่ร่างเขาจะกระตุกจนเกร็งไปทั้งตัว


“fuckkkk!”เขาครางเสียงต่ำ เหงื่อไหลท่วมใบหน้า กล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งไปหมดเพราะแรงกระตุกที่ปลดปล่อยจุดสุดยอดออกมา ผมครางเสียงอ่อนจนแทบจะเป็นเสียงแผ่วๆ เพราะรู้สึกหมดแรง เหมือนโดนสูบแรงออกไปจากร่างกาย


วิคเตอร์แช่อาวุธของเขาที่ยังแข็งตัวไว้ข้างในตัวผมสักพักก่อนจะค่อยๆ ถอนออกช้าๆ ผมครางด้วยความเจ็บเบาๆ ตอนเขาดึงออก วิคเตอร์จูบที่ขมับซ้ายผมหนึ่งที


“Finally, you are mine. (เป็นของฉันจนได้นะ)” เขาผละจากขมับมามองหน้าผมแล้วยิ้มให้ ผมพยายามยิ้มตอบกลับไป แต่ก็เป็นแค่รอยยิ้มอันอ่อนระโหยโรยแรง


เขาปล่อยมือออกจากข้อเท้าผม นั่นทำให้ขาผมร่วงจากการตั้งฉากเป็นรูปตัวเอ็มทันที เขาค่อยๆ ยกแขนผมที่คล้องคอเขาออก ประครองร่างผมที่เหนื่อยหอบที่ทำท่าจะล้มแหล่มิล้มแหล่เอาไว้ แกะเข็มขัดออกจากข้อมือที่แดงเถือกแล้วค่อยๆ ประครองร่างผมให้นอนลงไปกับฝากระโปรงรถ


“นายยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวฉันช่วยนะ…” ผมส่ายหัว ยกมือปัดมือเขาที่ทำท่าจะเข้าไปจับแมทน้อยที่ตอนนี้มันสงบนิ่งไปลงไปแล้ว


“มะ… ไม่ต้อง ไม่เป็นไรครับ…” ผมครางออกมา ตาแทบจะปิดอยู่แล้ว ไม่เคยรู้เลยจริงๆ ว่าการทำอะไรแบบนี้มันจะใช้พลังงานมหาศาลขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ผมแค่เป็นฝ่ายรองรับเท่านั้นเอง


“แน่ใจนะ ไม่อึดอัดเหรอ” เขาถามด้วยรอยยิ้มล้อๆ ผมพยักหน้าด้วยความเหนื่อยจนวิคเตอร์หัวเราะ แหม… อารมณ์ดี สมใจแล้วนี่


“ไป เดี๋ยวพานายไปเอาของแล้วกลับบ้านกัน” เขาพูดพลางถอดถุงยางที่มีน้ำรักของเขาเอ่อล้นไปหมด เขามัดปากถุงยางแล้วหย่อนลงไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต เอื้อมมือมาพยุงร่างผมให้ลุกขึ้นนั่ง วินาทีที่นั่งตัวตรง ความปวดร้าวแล่นไปทั่วบริเวณรอบนอกของก้น


“โอ๊ย…” ผมร้องเสียงแผ่ว วิคเตอร์ลูบหัวผมเบาๆ ก้มลงจูบที่หน้าผากหนึ่งที


“ค่อยๆ ลุก” เขาบอก ประครองผมให้ลงจากฝากระโปรงรถ พอตอนที่เท้าแตะพื้น ขาผมสั่นจนขาอ่อน เกือบจะทรุดไปทั้งตัว ดีที่มีวิคเตอร์ช่วยจับเอวผมไว้ แต่จริงๆ พอได้ยืนเองสักพักมันก็ไม่ถึงกับจะล้มหรอก แต่เหมือนขามันหมดแรง ก้าวเดินได้ แต่เดินไปสั่นไป และไม่สามารถลงน้ำหนักเท้าได้เต็มที่ เพราะไม่งั้นมันจะส่งผลที่ง่ามก้นทันที


“เลือด…” ผมร้องออกมาเบาๆ แต่ไม่ได้ตกใจมากมายตอนเอามือซ้ายที่เอาไปป้ายความเหนอะที่รู้สึกตรงช่วงกลางๆ เหนือง่ามก้นเกือบถึงบั้นเอวมาดู เลือดสีแดงขุ่นข้นเหนียวติดนิ้วมือมา ผมคิดอยู่แล้วแหละว่าต้องมีเลือดออกมาแน่ๆ เพราะผมไม่เคยโดนมาก่อน ไหนจะไซส์วิคเตอร์ที่ไม่ใช่เล็กๆ บวกกับแรงกระแทกที่เข้ามาไม่หยุดอีก


“งั้นไปเอาของวันอื่นได้มั้ย เดี๋ยววันนี้พาไปหาหมอก่อน” วิคเตอร์บอกพลางดึงกางเกงยีนส์ตัวเองขึ้นไปแล้วติดกระดุมกางเกงยีนส์ให้เรียบร้อย ผมก็อยากปฏิเสธว่าไม่ต้องไปนะ เพราะการจะไปหาหมอที่นี่ยุ่งยากมาก ต้องโทรนัดล่วงหน้า เพราะหมอไม่ได้มานั่งรอคนไข้แบบที่ไทย แล้วค่ารักษาพยาบาลที่นี่ก็โคตรแพง


“พาผมไปกดเงินด้วยนะ ผมต้องกดเงินค่ารักษาพยาบาลก่อน” ต้องออกเอง เพราะผมไม่ได้มากับโครงการใดๆ แต่ถ้าเป็นพวกเด็กเวิร์คฯ เขาจะมีในส่วนนี้ให้ แล้วชั่วโมงนี้อย่าถามหาความอาย ผมเลือกอายดีกว่าเดินๆ  นั่งๆ แล้วเจ็บเหมือนจะตายแบบนี้ดีกว่า


“ไม่ต้อง ฉันเป็นคนทำให้นายเลือดออก เดี๋ยวฉันจ่ายให้เอง” เขาว่ายิ้มๆ หันไปหยิบกางเกงยีนส์และกางเกงชั้นในของผมที่วางไว้ริมๆ ฝากระโปรงรถขึ้นมา ดึงกางเกงชั้นในสีขาวผมออกจากกางเกงยีนส์แล้วเอามาเช็ดคราบเลือดให้ผมเบาๆ


“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่สักโหล” เขาบอกด้วยรอยยิ้มล้อๆ ผมยิ้มอ่อนแรงกลับไป ตาก็จะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่


“แค่ยืนเฉยๆ ยังขาสั่น นายไม่ต้องใส่กางเกงหรอก”


“ฮึ? แล้วจะให้ผมไปแบบนี้น่ะเหรอ” ผมว่า เริ่มรู้สึกอายๆ ขึ้นมาบ้าง เพราะช่วงล่างผมโป๊หมด เลยต้องดึงกางเกงยีนส์จากมือวิคเตอร์มาปิดๆ ด้านหน้าไว้ วิคเตอร์เห็นแบบนั้นก็ยิ้มขบขันทันที


“นั่งปิดไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกลับไปเอากางเกงขาสั้นที่บ้านแล้วค่อยไป”


“ถ้ากลับไปทำที่บ้านก็ไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้หรอก” ผมบอกเสียงงึมงำด้วยความอาย หน้าร้อนผ่าวๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ วิคเตอร์ยิ้มกริ่มก่อนจะว่า


“กว่าจะถึงบ้านอารมณ์หมดพอดี ทำตอนที่มีอารมณ์นั่นแหละ” ผมได้แต่ใบ้รับประทาน นึกในใจว่าโชคดีที่เมื่อเช้าผมถ่ายเทขอเสียออกไปแล้ว และตั้งแต่เช้าผมก็ไม่ได้กินอะไรหนักๆ นึกขอบคุณตัวเองที่วันนี้ไม่ตะกละกินอะไรมากมาย
วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม ค่อยๆ พาผมเดินไปขึ้นรถ จังหวะที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถเขาก็ฟาดมือลงบนก้นผมแรงๆ


ป้าบ!!


“โอ๊ย!” ผมร้องออกมา ไม่ได้เจ็บเพราะโดนตีก้นนะ แต่มันเจ็บเพราะมันสะเทือนไปทั่วง่ามก้นที่เจ็บอยู่แล้ว


“หึๆ” ผมหันไปมองค้อนใส่เขา ยังจะมีหน้ามายิ้มร่าใส่อีก หน้านี่เปล่งปลั่งเชียวนะ
ผมค่อยๆ ดึงขาขวาเข้ามาในรถอย่างยากลำบาก รู้สึกเสียดแสบที่ก้นไปหมด เสียดทั้งนอกทั้งใน วิคเตอร์ยืนเท้าแขนกับขอบประตูรถแล้วโน้มหน้าลงมาใกล้ผม


“บอกหมอเขาตรงๆ ล่ะว่าเป็นอะไร ไปทำอะไรมา เขาจะได้จัดยามาให้ถูก และจะได้จัดมาให้เยอะๆ เพราะนายอาจต้องกินยิ่งกว่าสามเวลาหลังอาหาร” ผมเบิกตาขึ้นมองเขาอย่างเพลียๆ อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วย แต่ตอนนี้ผมหมดแรงจริงๆ


วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ก้มลงจูบหน้าผากผมหนักๆ หนึ่งที ปิดประตูให้ แล้วเขาก็เดินอ้อมไปหน้ารถ ในมือซ้ายยังถือกางเกงชั้นในผมที่เปื้อนเลือดไว้ คงกะเอาไปทิ้งถังขยะข้างนอกพร้อมถุงยางที่ใช้แล้วล่ะมั้ง ส่วนมือขวาของเขาถือเข็มขัดที่ใช้รัดข้อมือผมไว้ในมือ เขาคงเอามามัดไว้เพราะกลัวผมจะต่อต้านแน่ๆ แต่แค่รสจูบการสร้างอารมณ์ของเขาวันนี้กับคำพูดหวานหูของเขาก็ทำเอาผมหมดแรงต้านแล้ว


แต่คือตอนนี้ผมกำลังงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น คือนี่ผมมีอะไรกับเขาแล้วใช่มั้ยวะ มันมาแบบงงๆ มาในจังหวะที่ผมไม่คิดว่าจะเป็นจังหวะที่ใช่อะไรนัก คือจากที่เขาแทะเล็ม ลวนลามผมมาบ่อยครั้ง ผมคิดแล้วล่ะว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น ยิ่งช่วงหลังๆ เขากับผมเริ่มเนื้อแนบเนื้อกันบ่อยครั้ง และใกล้ชิดกันกว่าเก่า แถมเขายังมีท่าทีที่ดีกับผมขึ้นมาก และด้วยการกระทำเขาหลายๆ อย่างมันก็พอจะทำให้ผมแอบเข้าข้างตัวเองได้ว่าเขาก็รู้สึกดีๆ กับผมเหมือนกัน


ฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับนาย ฉันชอบให้นายอยู่ใกล้ๆ ฉันทุกวัน ไม่อยากให้นายหายไปไหน


ประโยคนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบของคำถามที่ผมไม่กล้าถามได้แล้วล่ะ แม้จะไม่ได้ตอบตรงๆ หรือชัดเจนจนไม่ต้องตีความ แต่ถ้าตีความจากประโยคที่เขาบอกมา ผมก็ขอเข้าข้างตัวเองให้ตัวเองดีใจบ้างได้มั้ยนะ


และที่ผมกำลังอึนก็คือ นี่เป็นครั้งแรกของผม ก็เคยคิดว่าถ้าจะมี ก็น่าจะต้องเป็นบนเตียงหรือเปล่า ผมไม่เคยคาดคิดและไม่คิดว่าผมจะมาถูกเขาเผด็จศึกในสถานการณ์แบบนี้ ในที่แบบนี้เลยจริงๆ คิดว่าจะเกิดขึ้นบนเตียงนุ่มๆ ซะอีก แล้วนี่อะไร บนฝากระโปรงรถแลมเบอร์กินี  หลบหนีบนเตียง ในอ่างน้ำมาตั้งนาน สุดท้ายโดนกินบนฝากระโรงรถเฉย


แต่ก็ยังดีที่เป็นรถหรูระดับโลก ก็ยังพอทดแทนเตียงได้อยู่แหละ (ฮะ?!)


[ตอนต่อไปด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:55:55


CHAPTER 22 :: First kiss or first cock?


เขาพาผมไปหาหมอโดยให้คุณเอมิลี่เป็นคนจัดการนัดหมอให้เพราะเธอเป็นคนมีเส้นสายกว้างขวาง เธอเองก็มีเพื่อนที่เป็นหมอด้วยเช่นกัน ตอนที่คุณเอมิลี่รูว่าผมต้องไปหาหมอ ก็เป็นห่วงยกใหญ่จะตามมาที่โรงพยาบาล แต่ผมยังไม่พร้อมเจอหน้าเธอตอนนี้เลยบอกให้วิคเตอร์พูดให้เธอเบาใจ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงจนเกินไป ซึ่งวิคเตอร์ก็ช่วยพูดนะ แต่ถ้าผมเป็นคุณเอมิลี่ ได้ยินแบบนี้ผมจะยิ่งรีบมา


“เลือดออกทางก้นนิดหน่อย แต่ฉันเช็ดให้แล้วแหละ” นั่นคือประโยคที่ช่วยทำให้เธอเบาใจขึ้นใช่มั้ย


คุณหมอที่คุณเอมิลี่นัดให้เป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ คุณหมอมีผมยาวตรงสีทองแซมน้ำตาลนิดๆ ดวงตาสีฟ้าอ่อนจนคล้ายเทาเป็นประกาย รูปร่างสูงเพรียว สูงกว่าผมอีก หน้าตาและท่าทางใจดี อาจเป็นเพราะเธอยิ้มแย้มตลอดเวลา เธอซักถามอาการผมตามปกติ ตอนแรกว่า ไม่อายๆ นะ แต่พอเจอถามเข้าจริงๆ ว่าไปทำไรมา ผมก็ยิ้มแหยๆ ด้วยความเขินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้ม


“First time of having sex. (ก็… มีเซ็กส์ครั้งแรกครับ)” คุณหมอสาวผมทองยิ้มด้วยความขบขันทันที เธอมองหน้าผมแล้วยิ้ม แต่เป็นการพยายามกลั้นยิ้ม ผมฉีกยิ้มด้วยความอายม้วน เธอยักคิ้วนิดหนึ่ง แล้วพยักหน้าว่าเข้าใจ ก่อนจะขอตรวจดูภายใน ผมไม่รู้สึกเขินอายเท่าไหร่กับหมอผู้หญิง เลยให้เธอใช้มือที่ใส่ถุงมือสอดใส่เข้าไปสำรวจได้เต็มที่ เธอกดตามจุดต่างๆ แล้วถามว่าเจ็บตรงไหนบ้าง และมีอาการยังไง ผมก็เล่าไปหมดว่ามันทั้งแสบ ทั้งเสียด เธอเลยบอกว่า ปากทางเข้ารอบนอกฉีกขาด แต่ไม่ได้น่ากลัวถึงขั้นเหวอะหวะ ส่วนข้างในรู เอ่อ ช่องทางนั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก อาจมีการถลอกเล็กๆ น้อยๆ จากแรงเสียดสีจนเลือดไหลออกมา เล่นเอาผมกลืนน้ำลายลงคอ


“ในส่วนตรงนั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมีเพศสัมพันธ์ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไรถ้าคุณจะมี แต่ต้องระมัดระวัง คอยเตือนคู่ของคุณด้วยว่าอย่าทำอะไรรุนแรงนัก แล้วก็ต้องดูแลรักษาความสะอาดดีๆ ถุงยางอนามัยจำเป็นมาก แต่หากจะโนคอนด้อม ต้องแน่ใจว่าคู่คุณมีแค่คุณคนเดียว…” เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมพร้อมรอยยิ้มใจดี มือก็เขียนขยุกขยิกลงบนกระดาษซึ่งคาดว่านั่นจะเป็นใบสั่งยา


“…แต่ถึงจะมีคุณคนเดียว ความสะอาดก็ยังสำคัญอยู่ดี…” มีผมคนเดียวงั้นเหรอ? อืม… กับผู้ชายที่ผ่านผู้หญิงมาเยอะอย่างวิคเตอร์น่ะเหรอ


“…หมอสั่งยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ พร้อมยาทา เอาไปให้เภสัชกร แล้วเขาจะจัดยาให้ อ้อ งดกิจกรรมสักสองสามวันนะ” เธอยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผมยิ้มอ่อนๆ กลับไป และเอ่ยขอบคุณเธอสียงแผ่ว


ผมรับใบสั่งยาที่ต้องนำไปให้เภสัชกรที่ร้านขายยามาจากเธอ เดินออกไปหาวิคเตอร์ที่นั่งรออยู่ข้าง เขาใส่หมวก ปิดหน้ามิดชิด และพยายามนั่งในมุมแอบๆ พอเห็นผม เขาก็เข้ามาประครองแล้วพาเดินออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่นอกโรงพยาบาล


“หมอว่าไงบ้าง” เขาถามตอนที่เอื้อมมือไปปิดประตูฝั่งตัวเอง ผมขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ทำเอาเสียดที่ช่องทางด้านหลังอยู่ดี


“หมอให้งดกิจกรรมทางเพศหนึ่งเดือนครับ” วิคเตอร์นิ่งค้างไป เขาดึงหมวกออกจากหัวอย่างเร็วจนผมสีดำยุ่งเหยิง มองผมด้วยสายตาตกใจ


“อะไรนะ… เดือนนึง นานไปรึเปล่า ผู้หญิงที่ฉันเคยนอนด้วย ยังพักไม่นานเท่านายเลยนะ” เขาบอกอย่างตกตะลึง ดูเขาจะอึ้งไปกับระยะเวลาที่ผมบอกไปแล้ว ผมแอบหลุดขำเพราะสีหน้าเขาดูกระวนกระวายใจอย่างมาก


“ผมล้อเล่น” ผมยิ้มกริ่ม วิคเตอร์ค่อยๆ คลายสีหน้าตะลึงนั้นไป แล้วหรี่ตามองผมกลับมา ก่อนจะเบิกตามองผมด้วยสายตาอาฆาตที่ไม่จริงจังอะไรนัก (หรือจริงๆ อาจจะอาฆาตจริงๆ)


“เดี๋ยวฉันจะกระแทกนายให้หนักเลยคอยดู” เขาว่าแล้วบิดกุญแจสตาร์ทด้วยรอยยิ้มหื่นกาม


“งั้นถ้าผมได้พักเดือนนึงขึ้นมาจริงๆ อย่ามาโอดครวญนะ” เขายักไหล่นิดๆ แล้วตอบน้ำเสียงเรื่อยเปื่อย


“ฉันไปหาคนอื่นก็ได้” เขาอาจจะพูดเล่นๆ แต่ทำเอาผมใจกระตุกวูบ ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ แล้วนั่งนิ่งไปตลอดทางที่ไปร้านขายยาเพื่อไปขอยากับเภสัชกร


นั่นสินะ ถึงไม่มีผม ยังไงเขาก็มีคนอื่นให้ปลดปล่อยได้อยู่แล้ว เขามีผู้หญิงให้เลือกตั้งมากมาย แล้วผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มีอะไรพิเศษหรืออะไรสวยงามไปมัดใจเขาได้เลย


ที่สำคัญตอนนี้ ระหว่างผมกับเขา เรายังไม่มีสถานะใดๆ มาจำกัดความเลย แต่เราก็ข้ามขั้นไปแบบแอดวานซ์มากๆ


ทำตามหัวใจ… เหลือเวลาอยู่กับเขาอีกไม่มากแล้ว…


เสียงในหัวผมดังขึ้นเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณเบนและเก้าเพื่อนของผม นั่นสิ อย่าไปคิดอะไรมาก


ณ ตอนนี้ สำหรับผมก็ดีและมีความสุขแล้วล่ะ



พอไปรับยาเสร็จ ผมก็เลยถือโอกาสให้เขาพาไปเอาของที่บ้านป้าแมร์รี่เลยดีกว่า เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาวันอื่น ไหนๆ ก็
ออกมาแล้ว ก็ไปเลยแล้วกัน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดอะไร ขับพาผมไปตามที่ผมขอ ที่บอกว่าขอ เพราะผมไม่กล้าสั่งเขาหรอก ก็ต้องพูดดีๆ ถึงจะมีอะไรกันแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะสามารถใช้คำพูดที่เหนือเขาได้อยู่


“คุณรออยู่บนรถก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเอง” ผมบอกตอนที่รถจอดสนิทตรงริมรั้วบ้านป้าแมร์รี่ที่เปิดไฟรอบๆ รั้วไว้ เพื่อไม่ให้หน้าบ้านมืดสนิท เพราะเสาไฟอยู่ห่างจากบ้านป้าแมร์รี่ไปค่อนข้างไกล


“เดี๋ยวก็ได้ล้มกลางทางหรอก” เขานิ่วหน้าน้อยๆ ใส่ผม ผมยิ้มเพลียๆ เพราะรู้สึกเพลียไปทั้งร่างจริงๆ คล้ายจะเป็นไข้ด้วย


“นิดเดียวเองครับ ผมไม่ได้พิการนะ” ถึงตอนนี้จะคล้ายคนพิการก็เถอะ แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นว่าเดินขาเป๋หรอก วิคเตอร์ชักสีหน้านิดๆ เพราะโดนขัดใจ ผมเลยต้องทำใจกล้าคว้ามือขวาเขาที่จับพวงมาลัยอยู่มาจูบที่หลังมือ


“หงุดหงิดอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย” ผมยิ้มอ่อนโยนให้เขา วิคเตอร์ดึงมือออกจากมือผมแล้วใช้สองมือยกร่างผมไปนั่งบนตักเขา ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะจังหวะที่ลุกมันกระเทือนตรงง่ามก้นไปหมด วิคเตอร์จัดให้ผมนั่งคร่อมตักเขาสบายๆ แล้วเอาแขนสองข้างโอบรอบเอวผมไว้


“อยากให้อารมณ์ดีก็ตามใจฉันสิ” ปากว่า แต่มือล้วงเข้าไปในเสื้อยืด บีบเค้นคลึงเอวผมหนักๆ


“คุณหมอให้ผมพักอยู่นะ” ผมบอกพลางกลืนน้ำลายลงคออันแห้งผาก รู้สึกกลัวใจเขาซะจริงๆ ว่าจะจับผมทำบนรถ วิคเตอร์ถอนหายใจหนักๆ ด้วยสีหน้าเซ็งๆ


“กินยาเยอะๆ นะ จะได้หายไวๆ ฉันเป็นห่วง” ผมยิ้มแบะปากใส่เขาทันทีที่ได้ยินเขาพูดเสียงอ้อนแบบนั้น วิคเตอร์ยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเสียงดังอารมณ์ดี เอาสองมือขึ้นมาดึงแก้มผมให้ยืดออกนิดๆ


"ฉันห่วงนายจริงๆ นะ ไม่คิดอะไรอย่างอื่นเลย” ผมกลอกตาใส่เขา วิคเตอร์หัวเราะ เอามือออกจากแก้มทั้งสองข้าง ลดมือลงไปด้านล่าง ก่อนจะตบเข้าที่ก้นทั้งสองฝั่งของผม


“โอ๊ย! ผมเจ็บบบ” ผมโอดครวญ ซี๊ดปากเบาๆ เพราะตอนเขาตบลงไป แรงตบสะเทือนทำเอาก้นแทบร้าว


“There… there… there… (โอ๋ โอ๋ โอ๋)” เขาใช้มือซ้ายลูบหัวผมเบาๆ ทั้งที่ปากยังยิ้มกว้างด้วยความสนุกไม่หยุด ผมหน้างอด้วยความเจ็บ น้ำตาปริ่มตรงขอบตา


“I will wait you here (งั้นฉันรออยู่นี่นะ)” ผมพยักหน้าทั้งที่หน้ายังนิ่วอยู่นิดๆ วิคเตอร์ยิ้มทะเล้น โน้มหน้ามาจุ๊บที่ริมฝีปากผมหนึ่งที เปิดประตูฝั่งเขาให้ผม ค่อยๆ ประครองให้ผมลงจากตักเขาออกไปยืนบทฟุตบาท ผมใช้มือจับขอบประตูเอาไว้ ยืนโงนเงนอยู่สักพักก่อนจะตั้งหลักได้


“จะล้มก็ตะโกนเรียกนะ” ผมพยักหน้าเบาๆ ก้าวเท้าเดินไปอย่างช้าๆ และเดินกะเผลกๆ ย้อนไปท้ายรถเขาที่จอดใกล้ๆ กับประตูบ้าน ผมผลักประตูเปิดเข้าไปด้านใน รีบเดินเข้าบ้าน กัดฟันฝืนใจเดินขึ้นบันไดทั้งที่ปวดจนขาสั่น


ผมเข้ามาในห้องก็รีบเอาเสื้อผ้ามาหอบไว้ในอก เพราะผมไม่ได้หยิบกระเป๋าเป้มาด้วย คงต้องหอบไปแบบนี้ แต่ผมกลับมาเอาเพิ่มไม่กี่ชุดหรอก ผมหอบเสื้อผ้าไว้ในแขนแขนซ้าย มือขวาก็ถือกระเป๋าแม็คบุ๊คที่ใส่อุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินออกจากห้อง แล้วเอื้อมมือจะปิดประตู แต่จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ๆ มือหนึ่งเอื้อมมาปิดให้ ผมหันไปมองด้วยความตกใจนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการแปลกใจและดีใจปนๆ กัน


“เอิร์ท!” คนถูกเรียกยิ้มหล่อๆ มาให้ ผมแช่สายตาที่ใบหน้าเขา ทำอย่างกับไม่ได้เห็นหน้าเขามานานมากแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่ได้เจอเอิร์ทมาเกือบเดือนได้แล้วล่ะ ยิ่งพอผมย้ายไปค้างบ้านวิคเตอร์ในระยะหลังๆ ผมยิ่งไม่เจอเขาเลย ว้อทแอพก็ไม่ได้ตอบ เพราะผมไม่ค่อยได้แตะโทรศัพท์ แตะนานๆ เมื่อไหร่ จะมีมือมืดมาดึงไปทันที นอกจากผมคุยกับพ่อกับแม่นั่นแหละ มือใหญ่ๆ มือนั้นจะไม่มาวุ่นวายกับผม


“ไง ไม่เห็นหน้ากันนานเลยนะ” เอิร์ทที่อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงบอลดูสบายตา ถามด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ


“เออ นั่นสิ ช่วงนี้เจ้านายแมทเขางานยุ่งอ่ะ” ยุ่งกับร่างกายเราเนี่ย


“ยุ่งจนแทบไม่ได้กลับมานอนนี่เลยเหรอ” เอิร์ทถามปกติและมีรอยยิ้มนะ แต่ผมกลับรู้สึกวูบวาบๆ ชอบกล


“พอดีก่อนหน้านี้เขาเข้าเฝือกที่แขนด้วย แมทเลยต้องไปดูแลเขา…”


“…อย่างใกล้ชิดเลยสินะ” ผมหน้าเจื่อนลงไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้สีหน้าแย่อะไรมาก แค่รู้สึกเหมือนกำลังโดนสอบสวนเบาๆ


“ก็นิดนึงอ่ะ เขาทำอะไรเองไม่สะดวกเท่าไหร่” ผมยิ้มแห้งๆ เอิร์ทพยักหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาเขามองมาที่เสื้อผ้าในอ้อมแขนและมองไปที่กระเป๋าแม็คบุ๊ค


“แล้วนี่จะไปไหน” ผมอึกอักนิดนึง แต่ก็ปั้นยิ้มให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะตอบเขา


“ไปนอนบ้านเจ้านายอ่ะแหละ เขาพาเรามาเอาเสื้อผ้าเพิ่ม กับมาเอาคอมฯ ไปทำงาน” เอิร์ทเลิกคิ้วสีเข้มของเขาขึ้นด้วยความประหลาดใจ


“ตอนนี้ไอ้ฝรั่งนั่นอยู่ที่นี่เหรอ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก


“เขาจอดรถรออยู่ข้างนอกอ่ะ งั้น… เดี๋ยวแมทไปก่อนนะ ไว้เจอกัน” ผมยิ้มให้เอิร์ทแล้วทำท่าจะเบี่ยงตัวเดินออกไป


“เดี๋ยวเราช่วยถือของ” เอิร์ทไม่รอให้ผมปฏิเสธ เขาเอื้อมมือมาหยิบของทั้งหมดไปจากผม ผมเลยได้แต่ยิ้มและก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณ


เราเดินลงมาข้างล่างกันเงียบๆ ตอนที่เดินลงบันได ผมนี่ใจจะขาด มันเจ็บ มันร้าวตรงช่วงด้านล่างที่โดนไปหมด เอิร์ทหันมามองเป็นระยะๆ แต่ผมก็พยายามทำตัวปกติ พยายามเดินให้ปกติ แต่ก็ยังไม่ปกติอยู่ดี


“เป็นไรอ่ะแมท ทำไมเดินเหมือนคนขาเป๋แบบนั้น” เอิร์ทถามตอนเรากำลังจะเดินออกไปนอกรั้วบ้าน ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วหันไปยิ้มฝืดๆ ให้เขา


“เส้นยึดนิดหน่อย” ผมตอบเสียงอ่อน เอิร์ทมองเหมือนไม่เชื่อซึ่งผมก็ทำเป็นไม่สบตาเขาซะเลย จะได้ไม่ต้องอึดอัด เอิร์ทเดินช้าๆ เพื่อรอผมให้ก้าวเท้าตามทัน ผมนิ่วหน้ายามที่เดินแล้วตรงช่วงด้านในก้นมันเสียดสีกับแผลที่เป็นอยู่ ผมกัดฟันเดินมาจนถึงรถของวิคเตอร์ เจ้าของรถแบรนด์หรูเปิดประตูฝั่งตัวเองลงมาทันทีที่ผมเดินถึงท้ายรถของเขา วิคเตอร์ชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นเอิร์ท ส่วนเอิร์ทมองวิคเตอร์กลับไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่ได้แสดงอะไรออกมา ผมแอบกลอกตาด้วยความประหม่าพร้อมกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยที่เห็นสองคนนี้มองกันนิ่ง คล้ายกับจะวัดเชิงกันและกัน


แหม… ครั้งหนึ่งในชีวิตของไอ้แมทเลยทีเดียว ที่มีผู้ชายหล่อต่างเชื้อชาติส่งสายตาฟาดฟันโดยมีเราเป็นคนยืนตรงกลาง นี่เขากำลังจะแย่งฉันกันใช่มั้ย จะได้เตรียมพูดว่า อย่านะ อย่า อย่าทะเลาะกัน


“Your stuff? (ของนายรึเปล่า)” เขาถามแล้วชี้ไปที่ของที่เอิร์ทถืออยู่ ผมยิ้มไม่เต็มปากแล้วพยักหน้ารับ วิคเตอร์ไม่พูดอะไรต่อ แต่เดินเข้าไปหาเอิร์ทช้าๆ ยื่นมือไปขอของผมจากเอิร์ท คนถูกขอมองคนขอด้วยสายตาเฉยชาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นของในมือให้ วิคเตอร์รับของไป หมุนตัวเอาของไปเก็บไว้บนรถอย่างรวดเร็ว แล้วก็เดินกลับมาหาผม เขาเอื้อมมือมาดึงต้นแขนขวาของผมไปยืนข้างๆ เขาเบาๆ มองเอิร์ทด้วยสายตาข่มนิดๆ ก่อนจะก้มมามองหน้าผม


“Go home. (กลับบ้านกัน)” ผมมองหน้าเขาที่เรียบนิ่งแล้วพยักหน้าหงึกๆ หันไปหาเอิร์ทที่ยังคงมีท่าทีปกติ ไม่ได้ดูเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ซึ่งนั่นสร้างทั้งความโล่งใจและตงิดใจให้กับผม


“ไปก่อนนะเอิร์ท เดี๋ยวเจอกันนะ” เอิร์ทละดวงตาเฉยชาจากใบหน้าวิคเตอร์ แล้วมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ


“กลับมานอนที่นี่บ้างก็ได้นะแมท”


“โห ยังไงก็ต้องกลับมา สิ้นเดือนนี้ก็ต้องกลับไทยแล้ว”


“กลับพร้อมกันนะ” ผมยิ้มแป้น พยักหน้าเหมือนเด็กดีใจ ยกมือขึ้นทำท่าว่าโอเค เอิร์ทยกมือตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม แล้วทำปากจุ๊บคล้ายส่งจูบมาให้ ผมกำลังจะทำปากจู๋คล้ายจูบส่งกลับไป ก็โดนมือใหญ่ๆ ของวิคเตอร์มาปิดปากไว้


“จะกลับได้รึยัง” ผมเหลือบตาขึ้นไปมองเขาที่แววตากำลังดุเดือด ผมพยักหน้าช้าๆ ทั้งที่ยังโดนเขาปิดปาก วิคเตอร์จับไหล่ผมแล้วประครองให้เดินอ้อมท้ายรถเพื่อไปนั่งฝั่งข้างคนขับ จังหวะที่ผมกำลังจะหย่อนก้นเข้าไปด้านใน เสียงเอิร์ทก็ลอยมาแบบกวนๆ พร้อมสีหน้าไม่สะทกสะท้านอะไร


“Hey! I have something to tell you. (นี่! ผมมีอะไรจะบอกคุณด้วยนะ)” เดี๋ยวเอิร์ท! ต้องการอะไรจากสังคมชาวนิวยอร์ค?! ผมชะงักหน้าตาตื่น มองวิคเตอร์ที่มองเอิร์ทกลับไปนิ่งๆ ส่วนเอิร์ทยกยิ้มมุมปากกวนๆ แล้วบอกเสียงเน้นๆ


“I am his first kiss. (ผมเป็นจูบแรกของแมท)” ผมอ้าปากค้างนิดๆ มองเอิร์ทที่ยิ้มกริ่มกลับมาให้
เอิร์ท! มันใช่เวลากวนตีนมั้ยยย?!


“Are you? But, I am his first cock. (งั้นเหรอ แต่ฉันเป็นคxxแรกของแมทนะ)” โอ๊ยยย! ไอ้นี่ก็ตรงเกิน!
คราวนี้ผมอ้าปากกว้างกว่าเดิม วิคเตอร์พูดนิ่งๆ ยักคิ้วให้เอิร์ทที่สีหน้าสะดุดไป แต่เขาก็กลับมายิ้มกวนๆ ได้เหมือนเดิม ก่อนจะหันมามองผม


“คงไม่ต้องถามแล้วมั้งว่าที่เดินแบบนั้นเพราะอะไร” ผมหน้าเจื่อน หน้าเสียทันที รู้สึกทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์นี้


“คือแมท…”


“…kiss กับ cock ออกเสียงคอควายเหมือนกัน แต่ความหมายแม่งโคตรต่างกันเลยนะแมท” เอิร์ทยิ้มบางๆ กลับมา ยกมือบ๊ายบายเบาๆ หันมามองวิคเตอร์ด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปตามทางฟุตบาทแล้วเลี้ยวเข้าไปในบ้าน ทิ้งความหนักอึ้งไว้ในหัวและในอกของผม วิคเตอร์คงพอจะเดาสถานการณ์ได้แม้ไม่เข้าใจภาษาไทย เพราะเขายกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ทำเอาผมค่อยๆ รู้สึกผ่อนคลาย


“ขึ้นรถเถอะ…” ผมพยักหน้าให้เขา แล้วค่อยๆ หย่อนก้นลงไปบนเบาะหนังสีแดงดำ วิคเตอร์ก้มลงมามองด้วยสายตาเฉียบคม


“…ไอ้นั่นมันเป็นจูบแรกของนายจริงรึเปล่า”


“แค่ริมฝีปากแตะกันเฉยๆ ไม่ได้ เอ่อ ใช้ลิ้นแบบคุณ” พูดไปก็หน้าแดงไป วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ราวกับพอใจในคำตอบ แต่ก็ยังไม่พอใจที่สุดหรอก เพราะ…


“ฉันขอโทษล่วงหน้านายไว้ก่อน แต่ฉันว่า กลับบ้านไป ฉันคงอึ๊บนายอีกแน่ๆ” ผมเบิกตากว้างมองเขา วิคเตอร์ยิ้มเหี้ยมแล้วปิดประตูอย่างแรง เดินอ้อมหลังรถมาขึ้นฝั่งคนขับแล้วปิดระตูเสียงดัง


“ดะ… เดี๋ยว คืออะไร ทำอีกทำไม…” ผมถามสีหน้าตื่นกลัว วิคเตอร์ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มเหี้ยมเกรียมอยู่คนเดียว


“…ผมเพิ่งไปหาหมอมานะ แล้วหมอก็บอกให้งด” ผมพยายามหาข้ออ้างกับเขา ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือพูดอำกันแน่ แต่ต้องรีบเบรกเขาไว้ก่อน


“เดี๋ยวหลังจากนี้ฉันจะงดให้ แต่ก่อนงดฉันขอก่อนละกัน ก่อนที่จะอดยากปากแห้งไปอีกหลายวัน” เสียงรถวัวกระทิงดุดังกระหึ่ม วิคเตอร์หันไปมองด้านหลังแล้วถอยรถอย่างเร็วๆ ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้าถนนแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งฉิวออกไปอย่างแรง


อะ… ไอ้ยักษ์ อย่าทำท่าเหมือนจะพูดจริงมากกว่าอำเล่นสิ


ผมได้แต่นั่งจิตใจตุ้มๆ ต่อมๆ แค่คิดถึงขนาดของเขาที่จะเข้ามาอีกรอบทั้งที่ยังเจ็บอยู่ ผมก็รู้สึกใจสั่นแล้ว แถมเขายังขับรถเร็วอย่างกับจะไปตามฝูงควายที่ไหนแบบนี้ ยิ่งทำเอาผมใจไม่ดี


ตลอดทางที่ขับรถมา วิคเตอร์ไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่จับจ้องบนท้องถนน ขับหลบหลีกรถที่กำลังแล่นไปมาอย่างเฟี้ยวฟ้าสุดๆ อันที่จริงเขานิ่งมาก ไม่รู้ว่าโกรธอะไรอีกรึเปล่า แต่ตอนที่สตูดิโอก็นิ่งอย่างเนี้ย แล้วพอออกมาผมก็เจอลมพายุของเขาซัดกระหน่ำจนแทบจะตั้งขายืนไม่อยู่นี่ไง


วิคเตอร์ใช้เวลาแค่สิบห้านาทีจากปกติที่การเดินทางจากบรู๊คลินมาแมนแฮตตันแบบนี้ อย่างปกตินี่คือครึ่งชั่วโมงนิดๆ หรือเร็วสุดๆ ก็ยี่สิบห้านาที แต่นี่เขาเหยียบจนรถพุ่งฉิวมาจอดหน้าบ้านภายในสิบห้านาทีนี่ไม่ธรรมดานะ ผมล่ะกลัวมีใบสั่งตามมาที่บ้านจริงๆ แต่ถึงมีมาเขาก็คงไม่เครียดหรอก ก็แค่จ่ายค่าปรับแล้วก็ไปปรับพฤติกรรมที่สถานีตำรวจ แต่ถ้ามันเป็นข่าวขึ้นมาเนี่ยสิ มันไม่ใช่แค่เสียค่าปรับแต่มันจะชื่อเสียงด้วย เรื่องแบบนี้ที่เมืองนอกเป็นอะไรที่เซ้นส์ซิทีฟมาก ยิ่งกับดารานักแสดงด้วยแล้ว ยิ่งเป็นประเด็นเด่นเลยแหละ


“มา เดี๋ยวฉันอุ้ม” เขาบอกเมื่อเห็นผมค่อยๆ กระดึ๊บๆ ยืนให้มั่นคงบนพื้น ผมทำท่าจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้แขนซ้ายช้อนใต้ขาผม แล้วใช้แขนขวารองหลังผมไว้


“แล้วของๆ ผมล่ะ”


“พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเอา” เขาว่าแล้วใช้เท้าซ้ายดันประตูปิด ก่อนจะอุ้มร่างผมตรงไปที่บันไดหน้าบ้าน ก้าวเท้าเดินขึ้นไปเร็วๆ ระหว่างนั้นเขาก็สั่งให้ผมหยิบกุญแจบ้านออกมาไข พอประตูเปิดเจ้าไมเคิลก็วิ่งออกมารับเราสองคนทันที วิคเตอร์ใช้เท้าปิดประตูบ้าน หยุดทักทายไมเคิลแค่แปบเดียวจนมันงง เขารีบอุ้มผมเดินขึ้นบันไดบ้านไปชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอนของเขา มีการให้ผมเปิดประตูให้อีกต่างหาก พอเข้ามาในห้องได้เขาก็วางร่างผมไว้บนเตียง ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาขึ้นคร่อมร่างผมทันที ทำเอาผมผวาเบาๆ รีบยกมือดันอกเขาไว้


“คุณจะทำจริงๆ เหรอ ผมเจ็บอยู่นะ” ผมบอกสีหน้าออดอ้อน วิคเตอร์จับสองมือผมขึ้นไปจูบข้างล่ะที แล้วกดแขนผมลงบนเตียงเบาๆ โน้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของผม


“น่านะ… ฉันจะไม่ทำให้นายเจ็บ ฉันสัญญา” ผมหน้างอใส่เขาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น


“รอบที่แล้วคุณก็สัญญาแบบนี้ สุดท้ายคุณก็ทำผมจนผมแทบยืนไม่ไหว ถ้าทำคราวนี้ผมคงลุกไปไหนไม่ได้เลยนะ” เขายิ้มเหี้ยมขึ้นมาทันที แต่เป็นยิ้มเหี้ยมที่คล้ายจะพอใจอะไรสักอย่าง


“ถ้าไปไม่ไหว ก็ไม่ต้องไปไหน ฉันให้นายหยุดงานได้จนกว่าจะหาย”


“แต่ผม… ผมเจ็บจริงๆ นะ” ผมบอกเสียงอ้อน วิคเตอร์ก้มลงหอมหน้าผาก ไล่ลงมาที่ขมับ มาที่แก้ม พรมจูบไปทั่วหน้าจนผมรู้สึกปลอดภัย รู้สึกอบอุ่นที่ใจ แล้วเขาก็ประกบปิดปากผม ดูดดึงริมฝีปากบนและล่างสลับกันไปอย่างเร้าอารมณ์ กดจูบ ดูดดึงจนผมเริ่มตอบโต้เขากลับ เขาปล่อยข้อมือผม ผมเลยเลื่อนมือขึ้นไปโอบรอบคอของเขา รอยแดงๆ จากเข็มขัดเมื่อตอนหัวค่ำยังอยู่ให้ได้เห็น


วิคเตอร์สอดลิ้นเข้ามาในปากผมอย่างเนิบนาบ เกาะเกี่ยวเรียวลิ้นผมช้าๆ ค่อยๆ สร้างอารมณ์ร่วมให้กับผมอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนในที่สุดผมก็ยกมือขึ้นไปขยุ้มเส้นผมเขาเพราะต้องการหาที่ยึดเหนี่ยวยามที่เขาเร่งรสจูบให้เร็วขึ้น และร้อนขึ้นจนผมแทบละลาย ลืมความเจ็บ ความปวดที่มีไปหมด


จ๊อก~ ตร๊อก~


เสียงลิ้นเราสองคนที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายกระทบกันจนเกิดเสียงดัง ผมกับวิคเตอร์ดูดดึงลิ้นของกันและกันอย่างแผ่วเบา วิคเตอร์ยิ้มในดวงตา และส่งเสียงอืออาอย่างพอใจ ก่อนจะผละออกช้าๆ


“จูบแรกกับดุ้นแรก ชอบอันไหนมากกว่ากัน” เขาถามสีหน้านิ่ง แววตาพร่ามัวของเขามองผมอย่างจริงจัง


“คือ…” ละผมจะตอบยังไงให้ตัวเองปลอดภัยที่สุดล่ะเนี่ย วิคเตอร์มองผมเปลือกตาไม่ขยับ


“…มันต่างกันนะครับ ผมยอมรับว่ายังไงจูบแรกมันก็มีความหมายมากกว่าอยู่แล้ว” ผมบอกพลางสอดมือเข้าไปในเส้นผมของเขาเบาๆ วิคเตอร์มองผมนิ่ง ผมทันเห็นความรู้สึกอะไรบางอย่างในแววตาเขา แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันคือความรู้สึกอะไร เพราะเขาก้มลงมาปิดปากผมอีกรอบแล้วเริ่มจูบด้วยความหนักหน่วง จนน้ำลายเลอะรอบริมฝีปากผม

V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 00:59:32


วิคเตอร์เลื่อนมือลงไปถอดกางเกงขาสั้นและกางเกงในผมออกอย่างนุ่มนวล รู้ตัวอีกทีก็คือผมโดนมือซ้ายเขากอบกุมความเป็นชาย (น้อย) ของตัวเองเอาไว้เต็มมือ ลูบขึ้นลูบลงตามความยาว และลูบคลึงลูกกลมๆ สองลูก ริมฝีปากและลิ้นก็ยังไม่หยุดจ้วงเอาความหวานในปากผม เขาดูดดึงริมฝีปากผมอีกสักพัก แล้วดูดลิ้นเป็นการส่งท้ายเบาๆ ก่อนจะผละออก ลุกขึ้นนั่งชันเข่า สองมือปลดกระดุมเสื้ออย่างเร็วแล้วถอดออก โยนทิ้งไปไว้บนพื้น เขาเอื้อมมือมาถอดเสื้อยืดออกจากร่างผมแล้วโยนทิ้งไปที่เดียวกัน
ตอนนี้ผมนอนเปลือยเปล่าพร้อมกับอารมณ์ที่ถูกปลุกจนร้อนไปทั้งร่าง ไม่รู้ว่าร้อนเพราะอารมณ์ใคร่หรือจะเป็นไข้กันแน่ แต่ผมยิ่งรู้สึกร้อนและใจเต้นแรงเข้าไปอีก เมื่อวิคเตอร์ลุกออกจากเตียงไปยืนข้างเตียงแล้วถอดกางเกงยีนส์พร้อมกางเกงในออกอย่างเร็ว ความเป็นชาย (ใหญ่) ของเขาดีดผึงออกมา ชี้พุ่งมาที่ผมทำเอารู้สึกผวานิดๆ


วิคเตอร์ยิ้มหื่นมาให้นิดๆ เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักตรงตู้ทรงสูงหัวเตียง หยิบถุงยางและหลอดเจลขึ้นมาถือไว้ เขาวางถุงยางไว้บนโต๊ะ เปิดฝาหลอดเจลสีใสลงบนฝ่ามือขวา ปิดและวางเอาไว้ใกล้ๆ ถุงยาง เขากลับขึ้นมานั่งคุกเข่าที่เดิม ใช้มือดันขาผมให้ตั้งฉากขึ้น ผมเริ่มหายใจติดขัด ดวงตาปรือมองเขาอย่างเว้าวอนว่าอย่าทำผมเจ็บอีก วิคเตอร์เหมือนจะรับรู้ เขาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ยิ่งเห็นผมสั่นเขาก็ยิ่งพรมจูบไปทั่วหน้า พอเห็นผมเริ่มสั่นน้อยลงเขาก็เอามือขวาที่มีเจลป้ายลงตรงปากทางเข้าด้านหลัง


“อ่ะ…” ผมอ้าปากเปล่งลมหายใจออกมาแผ่วเบา กลืนน้ำลายลงคอหนักๆ ความเย็นของเจลทำให้ความแสบที่มีก่อนหน้านี้คล้ายจะลดลงมาบ้าง เขาใช้ปลายนิ้วทั้งสี่ลูบวนไปมาเบาๆ  ปากก็ยังคงพรมจูบที่พวงแก้มช้าๆ ปลายนิ้วเขาลูบวนอีกสักพักแล้วก็ค่อยๆ แทรกเข้ามาช้าๆ แต่ก็ทำเอาผมนิ่วหน้าน้อยๆ ลมหายใจผมแทบหยุดตอนที่เขาแช่นิ้วชี้กับนิ้วกลางไว้ตรงกลางทาง


“Please… (ได้โปรด…)” มันรู้สึกค้างคาและสร้างความอึดอัดให้กับผมจนต้องร้องขอเขา วิคเตอร์ผละจากแก้มผมขึ้นมามองหน้าแล้วยิ้มถูกใจ ก่อนจะกดนิ้วเข้าไปสุดจนผมผวาเฮือก ยกสองมือขึ้นมาจับต้นแขนเขาไว้ สีหน้าวิคเตอร์เต็มไปด้วยความต้องการ แววตาเขาลุกโชน นิ้วมือก็ขยับเข้าออกช้าๆ บางครั้งก็หมุนวน ทำเอาผมบิดตัวน้อยๆ เพราะความเสียว


“อืออ…” ผมแหงนหน้าขึ้นแล้วครางเสียงสั่น วิคเตอร์ค่อยๆ ถอนนิ้วออกช้าๆ ผมหายใจหอบน้อยๆ มองเขาที่เอื้อมมือขวาไปหยิบห่อถุงยางมาแล้วฉีกด้วยฟัน เขาทิ้งห่อฟรอยด์ไว้บนพื้น ค่อยๆ สวมถุงยางให้กับอาวุธกลางกายของเขา พอใส่เสร็จเขาก็ใช้สองมือดันขาผมให้ยกสูงขึ้นจนก้นผมลอยนิดๆ เขารวบข้อเท้าผมไว้ด้วยกันด้วยมือซ้ายมือเดียว แล้วใช้มือขวาๆ ค่อยๆ กดส่วนหัวเข้ามาในร่างผม


“เอ่อะ…” ผมร้องเสียงเพี้ยน เพราะความเจ็บแล่นไปทั่วง่ามก้น ราวกับมันจะแยกออกจากกัน มือผมจิกหมอนแน่น คิ้วขมวดด้วยความทรมาน วิคเตอร์ดันลำของเขาเข้ามาจนมิดแล้วจัดการแยกขาอันสั่นเทาของผมออกจากกัน จับมันให้ตั้งฉากอยู่บนพื้นเตียง เขาเอื้อมมือทั้งสองข้างมาดึงมือทั้งสองข้างของผมที่จิกหมอนไว้แน่นออก สอดประสานนิ้วเข้ามาจนแน่น และกดให้มันอยู่นิ่งๆ บนพื้นเตียง


“ผมเจ็บ…โอ…” ผมบีบมือที่ถูกเขาเอานิ้วประสานไว้แน่น วิคเตอร์ก้มลงมาไซ้คอผมอย่างหนักหน่วง ไซ้ขึ้นไซ้ลงจนผมต้องแหงนหน้ารับ พอผมแหงนหน้าเขาก็กวาดไซ้ไปทั่วลำคอทั้งสองฝั่ง ลิ้นร้อนๆ ของเขาลากตั้งแต่แอ่งไหปลาร้าขึ้นมาช้าๆ จนถึงใต้คาง ขึ้นมาบนคาง และปิดท้ายด้วยการสอดลิ้นเข้าไปในปากผม หยอกล้อกับลิ้นผมอย่างชำนาญจนผมลืมไปแล้วว่าเขากำลังจะทำอะไร


วิคเตอร์อาศัยจังหวะนั้นกระแทกเข้ามาจนผมคำรามในลำคอด้วยความเจ็บ เขาผละออกจากริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว กดมือผมไว้แน่น สะโพกโยกเข้าโยกออกช้าๆ แต่ว่ากระแทกเน้นๆ


“อ้า! อื้อ! อ้า! โอว… โน…” ผมบอกเสียงสั่น อยากจะยกมือห้ามเขา แต่วิคเตอร์ก็กระแทกเข้าหาร่างผมไม่หยุด แม้จะยังไม่ได้เร่งจังหวะ แต่ไอ้จังหวะช้าๆ แต่กระแทกแรงสุดลำแบบนี้ทำเอาผมทั้งจุก ทั้งเจ็บ และเสียวปนกันไปหมด ผมกัดริมฝีปากล่างไว้ แต่ก็ไม่อาจห้ามเสียงครางได้ น้ำตาผมไหลออกมาเงียบๆ เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น


ปึก! “อื้อ…”


ปึก! “เอ้อ!”


ปึก! “คุณเรย์มอนด์…” ผมอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา วิคเตอร์ยังกระแทกไม่หยุด เขามองมาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าตอนนี้ความใคร่เขาอัดแน่นแค่ไหน สีหน้าและดวงตาเขาเร่าร้อนจนผมกลัวกับอารมณ์ร้อนๆ ของเขา


“Call me Victor. (เรียกฉันว่าวิคเตอร์)” เขาบอกเสียงแตกพร่าคล้ายจะเป็นเสียงคำรามต่ำๆ ริมฝีปากผมสั่นเพราะความปวดร้าว ขาที่ตั้งฉากก็ทำท่าจะลมพับ แต่เพราะมีวิคเตอร์ทับอยู่ตรงกลาง ผมเลยไม่สามารถปล่อยขาราบลงไปกับเตียงได้


ปึก!!! “อ้า!!!” ผมกรีดร้องเมื่อเขากระแทกแรงกว่าเดิมจนจุกไปทั้งท้องน้อย แต่ก็ทำเอาความเสียวแล่นไปทั่วแก่นกายของตัวเอง


“เร็วสิ…” เขาบอกเสียงต่ำ สะโพกยังไม่หยุดกระแทกเข้ามา ผมกลืนน้ำลายลงคอทั้งน้ำตา ที่ยังไหลออกมาเรื่อยๆ พยายามเปล่งเสียงแผ่วๆ ออกมา


“วะ…วิคเตอร์ วิคเตอร์…” ผมบอกเสียงอ่อนแรง มือที่ถูกเขากดไว้ปวดไปหมด หมดแรงจะต้านทานใดๆ ร่างทั้งร่างคล้ายกับจะแตกร้าว


“อืมมม!” วิคเตอร์คำรามอย่างพึงใจในลำคอ เขายิ้มเหมือนคนได้ของถูกใจแล้วปล่อยมือผมออก แรงกระแทกหยุดไป ผมเลยได้หายใจอย่างสะดวกขึ้นบ้าง วิคเตอร์จับขาผมยกขึ้นแล้วเอาแขนสอดใต้ข้อพับขาผมทั้งสองข้าง เลื่อนเข่าทั้งสองข้างมาข้างหน้าอีกเล็กน้อยเพื่อที่เขาจะได้ขยับถนัดๆ เขาเอามือเท้าลงกับเตียงโดยมีขาทั้งสองข้างของผมพาดอยู่บนข้อพับแขนของเขา
ผมมองเขาด้วยดวงตาที่ชุ่มไปด้วยม่านน้ำตา ความใหญ่โตของเขายังค้างอยู่ในร่างผม และเมื่อเขาจัดท่าได้แล้ว เขาก็รัวสะโพกเข้าออกอย่างเร็วจนผมแทบตั้งรับไม่ทัน เล่นเอาใจหายวาบ ผวายกมือสองข้างขึ้นมาจับกล้ามแขนทั้งสองข้างของเขาไว้


ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ!


เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดตามจังหวะกระแทก กล้ามท้องของเขาเกร็งแน่นยามที่ลูกชายเขาโดนตอนรัด แต่เขาก็ไม่หยุดรัว วิคเตอร์รัวลำของเขาเข้าร่างผมแบบไม่ยั้ง แถมจังหวะความเร็วก็ไม่ลดลงแม้แต่นิด แต่คงระดับจนผมเหมือนจะขาดใจตาย


“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ!” ผมครางไม่หยุด ครางตามจังหวะที่เขากระแทกกระทั้นเข้ามาจนสุด ผมหลับตาแน่น สมองเหมือนปิดกั้นความรับรู้ต่างๆ ตอนนี้ผมเจ็บ เจ็บจนปวดไปทั้งตัว แต่ในความเจ็บมันก็มีความเสียวซ่านผสมอยู่เสมอ…


“Yeah—fuck!” เขาสบถออกมา ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นๆ ผมหมดเสียงจะร้องออกมาแล้ว ตอนนี้ได้แต่เผยอริมฝีปากและหอบหายใจแรงๆ


ฟึบ!


ผมกำลังเบลอ คล้ายกล้ามเนื้อในสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ แม้กระทั่งเขาพลิกตัวผมให้มาอยู่ด้านบนแล้วเขานอนอยู่ข้างล่างผมยังไม่รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันตั้งสติได้ วิคเตอร์ก็จับเอวผมไว้แน่น แล้วเด้งสะโพกขึ้นอย่างเร็วดังเดิม เสียงหายใจเขาดังหอบพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดตามหน้าอก


“วิค… วิคเตอร์… ผม…” เขาไม่ยอมให้ผมพูดจบ แต่สวนสะโพกขึ้นลงเร็วๆ จนผมต้องใช้มือยันหน้าอกเขาไว้เพื่อประครองร่างตัวเอง เขาซอยสะโพกในระดับที่ผมแทบจะรับไม่ไหว จังหวะมันเร็วและแรงกระแทกก็หนักมากด้วย ผมจิกเล็บลงบนหน้าอกเขา สีหน้าเหยเกด้วยความปวดร้าวและความเสียววาบ อ้าปากกว้างแล้วร้องเสียงดังเพื่อระบายความเจ็บปวดออกมาตามเสียง


“อ้าๆๆๆ”


ตัวผมเด้งขึ้นเด้งลงอย่างเร็วจากแรงกระแทกของเขา วิคเตอร์กัดฟันแน่น ใบหน้าเขาตึงแน่นไปด้วยแรงอารมณ์ ผมพยายามยกตัวหนีอาวุธอันใหญ่โตของเขาที่สวนเข้าสวนออกอย่างเร็วจนเหมือนช่องทางผมจะแตกเป็นสี่ยงๆ แต่วิคเตอร์จับเอวผมกดไว้กับที่ไม่ให้ผมหนีไปได้และรัวสะโพกเข้าใส่ไม่ยั้ง


ตับ! ตับ! ตับ! ตับ! ตับ!


“อื้อ! อื้อ! อ้าาา! ฮื่อออ!” ผมครางมั่วไปหมด แขนที่ค้ำร่างตัวเองไว้กับอกแน่นๆ ของเขาเริ่มพยุงไว้ไม่อยู่ และสุดท้ายแขนผมก็ไหลออกจากอกเขา ผมล้มลงไปบนอกเขาทั้งที่ยังครางไม่หยุด วิคเตอร์กดจูบที่ขมับขวาผมเร็วๆ หนึ่งที ก่อนที่จะเร่งสะโพกเร็วกว่าเดิม เร็วจนตัวผมคล้ายจะกระเด็น และก่อนที่ผมจะกระเด้งออกจากตัวเขา วิคเตอร์ก็ตัวกระตุก สะโพกเขาหยุดรัว กระแทกเข้าออกอีกสองสามทีแล้วหยุดนิ่ง แช่แก่นกายอันใหญ่โตของเขาไว้ในตัวผม


ผมครางหงิงๆ อยู่บนอกเขา ขาสั่นจนรู้สึกได้ มือไม้ถึงกับยกไม่ขึ้น วิคเตอร์ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ กดจูบลงกลางกระหม่อม แล้วค่อยๆ ถอนแท่งร้อนเขาออกจากด้านหลังของผม ผมนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแต่ก็แค่เล็กน้อย อาจเป็นเพราะมีเจลหล่อลื่นช่วยไว้ ผมยังคงทิ้งตัวนอนอยู่บนอกเขา หมดแรงจะลุก จะนั่งหรือทำอะไรต่อ ผมปล่อยให้วิคเตอร์จัดการยกร่างผมออกจากตัวเขาเบาๆ เขาจับให้ผมนอนคว่ำหน้าไปกับเตียง ผมนอนครางพร้อมกับอาการเหนื่อยหอบ ดวงตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ วิคเตอร์ลูบหัวผมสองสามทีแล้วผละออกไปไหนก็ไม่รู้ ทิ้งให้ผมนอนคว่ำหน้าหมดแรงอยู่บนเตียง


ผมได้ยินเสียงก๊อกแก๊กอะไรสักอย่าง พอรู้ตัวอีกทีก็ถูกแขนแกร่งของเขาช้อนเข้าใต้ท้องให้นั่งชันเข่า ผมหันไปมองงงๆ เพราะสมองมันเบลอ วิคเตอร์กำลังง่วนกับการจับขาผมให้วางตั้งฉากแยกออกจากกัน


“เอามือค้ำตัวนายไว้” เขาบอกเสียงทุ้ม ผมที่กำลังสมองรวนๆ ก็ทำตามอย่างว่าง่าย ผมเอามือค้ำร่างไว้ทั้งที่แทบไม่มีแรงแม้แต่จะยกขึ้น ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ก็มารู้ตอนที่ลำแข็งขืนของเขาที่ใส่ถุงยางอันใหม่พร้อมทาเจลหล่อลื่นเรียบร้อยแล้วเสียบเข้ามาสุดแรงที่ช่องทางนุ่มนิ่มด้านหลัง


“อ้า!!!” ผมร้องออกมาเสียงดัง รีบหันกลับไปหาวิคเตอร์ที่กัดฟันแน่น แล้วเริ่มขยับสะโพก ผมใช้มือขวาค้ำร่างตัวเองไว้ แล้วเหวี่ยงมือซ้ายอันอ่อนปวกเปียกไปดันอกเขาไว้เบาๆ


“No… enough… I can’t… (อย่า… พอเถอะ… ผมไม่ไหวแล้ว…)” ผมบอกเสียงระทวย วิคเตอร์ขยับสะโพกเนิบนาบ จับมือซ้ายผมไว้แล้วยกขึ้นจูบที่หลังมือหนึ่งที


“One more. It’s still hard. (อีกรอบนะ มันแข็งไม่ยอมลงเลย)” แล้วเขาก็สวนสะโพกเข้ามาอย่างเร็วเหมือนเดิมทั้งที่ยังจับมือผมอยู่ เขาเด้งสะโพกรัวๆ อีกสักพัก แล้วหยุดแช่ไว้ครู่หนึ่ง โน้มตัวมาแนบชิดกับแผ่นหลังผมพร้อมกับจับมือซ้ายผมค้ำร่างไว้บนเตียง เขายกเข่าขึ้นแล้วงอเล็กน้อยก่อนจะเริ่มขยับสะโพกเข้าออก อย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ แก้มขวาเขาแนบชิดติดกับแก้มซ้ายผม กระซิบเสียงแหบพร่า


“นี่ไง ท่าหมาที่ฉันบอก…” เขายิ้มร้ายกาจ หอมแก้มผมหนักๆ หนึ่งที จากนั้นก็ผละออกไป หยุดขยับสะโพกครู่หนึ่ง เขากลับไปนั่งคุกเข่ายืดตัวตามเดิม เอามือจับสะโพกอิ่มของผมไว้แน่น แล้วก็เริ่มขยับเข้าออกอย่างรุนแรง


“อึ๊!!! อือออ!!!” ผมครางเสียงยานติดต่อกัน ก่อนเสียงจะหายไปในลำคอ ได้แต่อ้าปากเพราะหมดเสียงร้อง ตอนนี้มันเจ็บและเสียวผสมปนเปไปหมดจนไม่รู้จะเปล่งเสียงออกมายังไง แขนที่ค้ำร่างตัวเองไว้ก็เริ่มสั่นเพราะความเมื่อยล้า แล้วในที่สุดแขนผมก็หมดแรงดันร่างตัวเองอีกต่อไป ผมนอนเอาแก้มแนบไปกับหมอน มือจิกหมอนแน่น แอ่นโค้งก้นให้เขากระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง


“Victor. Calm down. (วิคเตอร์… ใจเย็นก่อน…)” ผมครางออกมาเสียงแหบพร่า มือซ้ายพยายามยกไปด้านหลังเพื่อห้ามเขา แต่วิคเตอร์แค่ปัดออกเบาๆ ก็ทำเอาแขนผมร่วงกลับมาที่เดิม ขาผมสั่นจนจะชันเข่าไม่อยู่ แต่วิคเตอร์ก็ยังคงสวนสะโพกเข้าออกพร้อมกับเสียงหอบแรงๆ ผมค้ำเข่าไว้ไม่ไหว สุดท้ายเลยปล่อยให้ขาร่วงลงด้วยความหมดแรง ผมคิดว่าวิคเตอร์จะหยุดถ้าผมเข่าทรุดขนาดนี้ แต่เปล่าเลย เขาตามลงมากระแทกอย่างต่อเนื่อง และใช้แขนขวาช้อนใต้ท้องผมไว้เพื่อให้ก้นผมยังรองรับแรงกระแทกของเขาได้ แขนซ้ายก็ค้ำร่างตัวเองไว้ และกระแทกเข้าออกเร็วๆ จนสุดลำ


“อา!!!” วิคเตอร์ส่งเสียงออกมาอย่างเสียวซ่าน ตัวผมโยกไปตามแรงกระแทก ถึงกับต้องกัดหมอนไว้แน่น เสียงเตียงสั่นไหวรุนแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มกิจกรรม หัวสมองตอนนี้ขาวโพลนไปหมด รับรู้ก็แต่เสียงร้องของตัวเองกับเสียงครางของวิคเตอร์


ปับ! ปับ! ปับ!


เสียงกระแทกหนักๆ อีกไม่กี่ทีแล้ววิคเตอร์ก็ตัวกระตุก ก่อนจะหยุดแน่นิ่ง ทิ้งร่างลงมาทับร่างผมที่นอนหอบหมดแรงอยู่ใต้ร่างเขา มือสั่นระริกยามยกออกมาจากใต้อกที่นอนทับไว้ เปลือกตาหรี่ลงจนแทบจะปิด วิคเตอร์ถอนร่างเขาออกไปช้าๆ จัดการกับตัวเองอยู่สักพัก เขาก็พลิกร่างผมให้หันไปรับจูบที่หน้าผากจากเขา จับหัวผมให้นอนหนุนต้นแขนขวาเขาไว้ ผมกลืนน้ำลายลงคอ เนื้อตัวสั่นไปหมด ยิ่งที่มือเห็นได้ชัดตอนที่จะยกไปจับหน้าอกเขา มันสั่นจนวิคเตอร์ต้องจับไว้แล้วจูบลงที่หลังมือ ผมพยายามลืมตามองหน้าเขา แต่ตอนนี้ผมหมดแรงแล้วจริงๆ


“เดี๋ยวฉันช่วยนายนะ” เขากระซิบเสียงทุ้ม ผมพยายามจะสั่นหัวปฏิเสธ เพราะแค่นี้ผมก็ไม่มีแรงทำอะไรแล้ว วิคเตอร์เอื้อมมือซ้ายจะไปจับของผมเพื่อช่วยให้ผมปลดปล่อย แต่ตอนนี้แท่งอุ่นๆ ของผมนั้นนิ่งสงบ ไม่ชูชันเพราะแรงอารมณ์ปรารถนาใดๆ เพราะตอนนี้แรงในร่างผมแทบหมดแล้ว ยังหายใจอยู่ ผมว่าผมก็โชคดีมากแล้ว


“มะ… ไม่ต้องครับ… ผมโอเค” ผมหายใจหนักๆ อยู่บนอกเขา ผมสูดดมกลิ่นเนื้อที่ผสมกลิ่นเหงื่อจากการออกกำลังบนเตียงของเขาตามแรงสูดลมหายใจหนักๆ เข้าออกของตัวเอง


วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม แล้วกระชับอ้อมแขนที่โอบไหล่ผมแน่นขึ้น กดจูบหนักๆ ลงมาบนหน้าผากแล้วปล่อยออก เขาใช้มือซ้ายลูบสะโพกผมที่ยังรู้สึกสั่นๆ และร้าวอยู่เล็กๆ ราวกับจะปลอบให้ผมสงบลง


“สรุปจูบแรกกับดุ้นแรก ชอบอันไหน” ผมกลืนน้ำลาย เงยหน้าตาปรือสอบตาวิบวับของเขา ผมอ้าปากหอบน้อยๆ แล้วพยายามตอบเสียงแหบ


“ผมไม่รู้… แต่ผมชอบคุณ…” วิคเตอร์ยิ้มแฉ่ง ก้มลงมากดริมฝีปากหนักๆ บนริมฝีปากผมอย่างพึงพอใจ


“เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้” ผมยิ้มซีดเซียว วิคเตอร์ยกหัวผมออกจากต้นแขนเขาเบาๆ แล้วยกหัวผมให้นอนหนุนหมอน ลุกลงจากเตียงจนเตียงยวบยาบ ผมหรี่ตาปรือมองบั้นท้ายแน่นๆ ของเขาเดินไปทางห้องน้ำ กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ แล้วปล่อยให้ความเพลียครอบงำ ค่อยๆ กลับตาลงช้าๆ เพราะความเพลียไปทั้งร่างและความง่วงนอน









“แมท แมท…” เสียงเรียกชื่อผมดังแว่วๆ เข้ามาในโสตประสาท ผมลืมตาอันหนักอึ้งที่หนักพอๆ กับในหัวตอนนี้ ขมับทั้งสองข้างคล้ายถูกบีบรัดอย่างรุนแรง รู้สึกแห้งตั้งแต่ปากยันลำคอเลยกลืนน้ำลายลงคอแรงๆ พอเปิดเปลือกได้เต็มที่ก็หันไปมองวิคเตอร์ที่นั่งอยู่ข้างเตียงในชุดกางเกงนอนตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่า เขาส่งรอยยิ้มอ่อนๆ มาให้เอื้อมมือซ้ายมาปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากผมอยู่


“ตัวร้อน เดี๋ยวกินอาหารแล้วก็กินยานะ” ผมยิ้มอ่อนแรงไปให้เขา


“คุณทานอะไรรึยังครับ” เขายิ้มตอบกลับมา มือซ้ายลูบลงบนหัวผมเบาๆ


“เอาตัวเองให้รอดก่อน” แต่เมื่อคืนผมเกือบไม่รอดเพราะคุณนั่นแหละ ผมอยากจะบอกเขาแบบนี้มาก แต่แค่มีแรงขยับปากพูดผมว่าผมก็แกร่งแล้วนะ ขืนให้ขยับปากต่อล้อต่อเถียงเขาตอนนี้ ผมมีแต่แพ้กับแพ้


“แต่ฉันทำอาหารไม่เก่ง เดี๋ยวฉันอุ่นอาหารแช่แข็งให้ก็แล้วกันนะ” ผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบเขากลับเสียงแหบแห้ง


“ครับ” เขายิ้ม ดึงมือออกจากหน้าผากร้อนๆ ของผม โน้มมาจุ๊บที่หน้าผากผมเร็วๆ หนึ่งที ก่อนจะลุกเดินออกไป


ผมเพลียเกินกว่าจะขยับหรือทำอะไรได้ ขยับเปลือกตาได้นี่ถือว่าสุดยอดแล้วนะ เมื่อคืนหลังจากผมหลับไป ก็รู้สึกว่าร่างกายผมถูกจับยกแขนยกขาและพลิกไปมา วิคเตอร์เช็ดตัวให้ และเอาเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขามาใส่ให้ผมแค่ตัวเดียว ผมง่วงและเพลียจนไม่สามารถกินอะไรเพื่อกินยาได้ เขาจึงปล่อยให้ผมนอนหลับไป แล้วผมก็ไม่รู้เลยว่าเขากลับขึ้นมานอนด้วยรึเปล่า หรือว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ


ผมร้าวระบมไปทั้งร่าง แต่ที่หนักที่สุดแน่นอนว่าเป็นตรงช่วงง่ามก้นและสะโพก ผมแอบคิดว่ากระดูกสะโพกมันเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งไปแล้วรึเปล่า เพราะผมเคล็ดขัดยอกไปหมด พอขยับขาทีมันส่งผลถึงช่องทางข้างหลังที่โดนเขาจัดไปสองรอบแบบปวดร้าวเจียนตาย อาจจะดูโอเว่อร์ แต่มันปวดคล้ายตรงนั้นจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งผมมีแผลและมันฉีกขาดก่อนอยู่แล้ว มันเลยยิ่งอาการหนัก

V
v
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:01:41


วิคเตอร์ก็จัดซะเต็มที่ ไม่รู้ไปอดอยากมาจากไหน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว เขาไม่ได้มีเซ็กส์มาเป็นเดือนแล้ว หนึ่งเดือนสำหรับคนอย่างวิคเตอร์คงคล้ายกับหนึ่งปีของคนปกติ ชีวิตปกติของเขามีเซ็กส์ไม่ขาด ผมว่าเต็มที่แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นแหละที่วิคเตอร์จะขาดเรื่องแบบนี้ เพราะสาวๆ ของเขาที่พร้อมพลีกายให้ก็มีไม่น้อย แต่ถึงจะบอกแบบนี้ จริงๆ ผมก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าเขาขาดได้นานหรือมากน้อยแค่ไหน


แต่จากที่ผมโดนเมื่อคืน ก็เกิดสงสัยว่าเขาไปเก็บกดอะไรมาถึงได้ฟัดผมหนักขนาดนั้น จัดเต็มยิ่งกว่าขบวนแห่นางแมวขอฝน เอาซะผมร้องแทบไม่เป็นคน ไอ้เสียว ไอ้รู้สึกดีมันก็มี แต่ความเจ็บ ความปวดและความแสบ มันมาหักล้างซะจนผมฟินไม่ออก ก็ฟินเวลาเขาจูบ เวลาเห็นเนื้อแนบเนื้อ หรือได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อนั่นแหละ แต่ความระบมที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้น มันก็ทำผมฟินได้ไม่สุดจริงๆ โดนครั้งแรก วันแรก สามรอบ ร่างผมแทบกรอบเป็นผุยผง


“นายกินเกี๊ยวกุ้งก็แล้วกันนะ” เขาบอกพลางวางถ้วยกระเบื้องสีขาวลงบนตู้ลิ้นชักหัวเตียง


“ของคุณล่ะครับ”


“นายกินก่อนเถอะ จะได้กินยา” เขาว่าแล้วเข้ามาประครองให้ผมนั่งพิงหัวเตียง ผมนิ่วหน้าตอนที่ขยับช่วงล่าง คงเพราะกล้ามเนื้ออักเสบแน่ๆ


“How do you feel? (รู้สึกยังไงบ้าง)” เขาถามยิ้มๆ เอื้อมมือไปหยิบถ้วยเกี๊ยวขึ้นมา ใช้ช้อนคนและเป่าเบาๆ


“สภาพผมยังบอกคุณได้ไม่ชัดเจนอีกหรอ” ผมยิ้มเพลียๆ วิคเตอร์ยิ้มมุมปากอย่างน่ามอง ตักเกี๊ยวขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเลื่อนถ้วยมาใกล้ๆ ปากผม


“ที่ฉันเห็นคือคนที่พร้อมให้ฉันฟัดรับยามเช้าอีกรอบ” ผมยิ้มอ่อนๆ ที่มุมปาก อ้าปากรับเกี๊ยวกุ้ง อาหารง่ายๆ จากผู้ชายที่ชื่อวิคเตอร์ ผมเคี้ยวด้วยความยากลำบาก รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวไปหมด


“คุณไปอดอยากมาจากไหนเนี่ย” ผมถามเขาหลังจากเคี้ยวเกี๊ยวในปากจนหมด วิคเตอร์ใช้ช้อนตักอีกชิ้น ยื่นมาให้ผม ผมรับเข้าปากไปเคี้ยวช้าๆ


“จริงๆ เมื่อคืนฉันอยากจะลักหลับนายอีกรอบด้วยซ้ำ แต่สภาพนายอย่างกับศพ ฉันเลยไม่ทำ” เขายิ้ม ยักคิ้วกวนๆ มาให้ ผมกลืนเกี๊ยวลงคอ มองค้อนเขานิดๆ ก่อนจะบอกเสียงขุ่น


“แล้วใครทำให้ผมอยู่ในสภาพนี้กันล่ะ” เขาหัวเราะน้อยๆ ตักเกี๊ยวให้ผมกินอีกชิ้น


“เอาน่า กินข้าว กินยา เดี๋ยวก็หายแล้ว”


“คุณห้ามมาลวนลามผมนะ ถ้าเกิดมีอารมณ์ก็ช่วยตัวเองไปเลย” วิคเตอร์ยิ้มขบขัน ก่อนจะไหวไหล่น้อยๆ


“ช่วยให้เมื่อยมือทำไม ฉันก็ไปหาคนอื่นมาช่วยสิ” คล้ายใจหล่นวูบ…


วิคเตอร์ยักคิ้วมาให้ ยื่นเกี๊ยวมาให้ผมอีกหนึ่งชิ้น ผมอ้าปากรับไว้แล้วเคี้ยวช้าๆ มองหน้าเขาด้วยความหวั่นใจ เขาอาจจะพูดเล่นไปงั้น แต่พูดเล่นมาสองครั้งแล้ว ภาพสาวๆ ที่เขาเคยนอนด้วย แล่นเข้ามาในหัว ภาพของพวกเธอคือคนที่ผมเห็น แล้วคนที่ผมไม่เห็นจะมีอีกเท่าไหร่ แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่มีอีก


“อิ่มแล้วครับ” ผมหมดกะจิตกะใจจะทานต่อ วิคเตอร์มีสีหน้างงๆ นิดหน่อย


“กินไปนิดเดียวเองนะ อิ่มเหรอ” ผมยิ้มเฝื่อน  พยักหน้าน้อยๆ เขาวางถ้วยกระเบื้องสีขาวไว้ที่ตู้หัวเตียง ลุกขึ้นไปหยิบยาที่วางอยู่บนโซฟาที่กองรวมกับเสื้อผ้าผมที่เขาคงไปเอามาให้จากในรถแล้ว ผมมองตามอิริยาบถของเขาด้วยความหนักอึ้งในหัว ไม่รู้ว่าหนักเพราะเป็นไข้ หรือหนักเพราะความคิดกำลังถ่วงหัวถ่วงใจผมอยู่กันแน่


“ขอบคุณครับ” ผมรับยามาไว้ในมือขวา รับแก้วน้ำไว้ในมือซ้าย ดื่มน้ำหนึ่งอึก อมไว้ในปากแล้วกรอกยาตามลงไปก่อนจะดื่มน้ำตามอีกรอบจนหมด


“วันนี้ก็นอนพักนะ ไม่ต้องไปกองถ่ายหรอก” ผมพยักหน้าเบาๆ เขาทำท่าจะหยิบถ้วยกับแก้วออกไปเก็บ ผมยื่นมือซ้ายไปรั้งข้อมือขวาเขาไว้เบาๆ วิคเตอร์หันมามองงงๆ


“อยากได้อะไรเพิ่มรึเปล่า”


“คุณรู้สึกยังไงหรอ หมายถึง… เซ็กส์กับผม กับผู้หญิงคนก่อนๆ ของคุณ คุณคิดยังไง” เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ นั่งลงตรงขอบเตียง กระชับจับมือผมแน่นขึ้นอีกนิด


“ก็… เอาตรงๆ มันก็มีรูให้เสียบเหมือนๆ กัน แค่นายไม่มีรูหน้าก็เท่านั้นเอง หน้าอกนายก็มีให้ฉันดูด ถึงจะบีบได้ไม่เต็มมือ แต่ฉันก็โอเคกับมันนะ นายก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ฉันมีอารมณ์กับนายขนาดไหน…” ผมรู้สึกร้อนวูบๆ ที่ใบหน้าเล็กน้อยกับคำพูดตรงๆ ของเขา


“แล้วคุณรู้สึกยังไงเหรอ”


“เสียวสิ ถามได้…” เขาหัวเราะน้อยๆ ผมยิ้มนิดๆ เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ผมแล้วกระซิบเสียงแผ่ว


“…แต่รูนายคับและแน่นมาก เล่นเอาฉันไม่อยากออกเลยล่ะ” ผมคงหน้าแดงไปแล้ว แม้ว่าหน้าจะซีด แต่เจอแบบนี้ก็คงแดงแจ๋แล้วแน่ๆ


“แล้ว… ความรู้สึกต่างจากเวลาที่คุณมีอะไรกับผู้หญิงมากมั้ย” วิคเตอร์เบ้ปากเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบ


“ก็ถ้าให้ฉันกลับไปมีอะไรกับผู้หญิงอีก ฉันก็มีได้นะ” ใจผมกระตุกทันทีตั้งแต่ยังไม่จบประโยคของเขา และคล้ายมีมือมืดมาบีบที่หัวใจเบาๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกลำคอตีบตัน ผมเอื้อมมือขวามาประกบมือเขาไว้กับมือซ้ายตัวเอง


“วิคเตอร์… อย่าเพิ่งไปมีอะไรกับใครตอนที่ผมยังอยู่ได้มั้ย” ผมบอกเสียงสั่นและแหบแห้ง วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตางุนงง กระเถิบตัวเข้ามาใกล้ผมอีกนิด


“เฮ้ นายเป็นอะไร” ผมเม้มปากอันแห้งเหี่ยวของตัวเอง พยายามขยับลุกเข้าไปหาเขา วิคเตอร์ประครองให้ผมลุกนั่งดีๆ ผมโน้มตัวไปกอดร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาไว้ แก้มซ้ายแนบชิดติดกับอกอุ่นๆ ของเขา วิคเตอร์โอบแขนรอบร่างผมตอบกลับมา


“ให้ผมกลับไทยก่อนได้มั้ย หลังจากนั้นคุณจะมีใครอีกกี่คนก็ได้ จะนอนกับใครก็ได้ แต่ตอนที่ผมยังอยู่ อย่าเพิ่งมีใคร…” น้ำตาคลอที่ขอบตาของผม วิคเตอร์นิ่งเงียบไป นั่นทำเอาผมใจไม่ดี เพราะเขาคงไม่กล้าสัญญา


“…อีกแค่สามอาทิตย์ ผมก็กลับไทยแล้วครับ” ผมบอกระยะเวลาเขาให้เขาสบายใจว่าเดี๋ยวผมก็ต้องไปแล้ว 


ผมขอแค่นี้ ขอแค่ระยะเวลานี้เท่านั้น ผมทำตามใจตัวเองแล้ว ขอให้เวลาที่ผมได้ตามใจตัวเอง มันเป็นเวลาของผมคนเดียวเท่านั้นเถอะ


“ฉัน…” เขาเปล่งเสียงออกมาแล้วก็เงียบไป นั่นทำเอาผมน้ำตาไหล เพราะเขาคงทำให้ไม่ได้ ผมกอดเขาแน่นขึ้น พร้อมกับหัวใจที่เต้นอ่อนแรง


“อีกแปบเดียวเท่านั้น…”  ผมรู้สึกใจหาย พอคิดว่าใกล้เวลาที่ผมจะต้องกลับไทย ใกล้เวลาที่ผมจะต้องกลับ กลับไปอยู่ไกลเขา กลับไปอยู่ในที่ที่เวลาของเราสองคนไม่ตรงกัน และกลับไปอยู่ในพื้นที่ของชีวิตใครชีวิตมัน


“Okay.” …แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหวัง… แต่มันคงเท่านี้แหละ…


“ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลออกมานิ่งๆ ผมไม่ได้สะอึกสะอื้น เพราะผมยังมีเขาอยู่ตรงนี้ เขายังอยู่กับตรงนี้ไม่ได้ไปไหน หรือไปมีใคร วิคเตอร์ลูบหัวผมเบาๆ ผมดึงมือขวาออกจากแผ่นหลังเขามาเช็ดน้ำตาให้ตัวเองเงียบๆ พอแน่ใจว่ามันแห้งแล้ว ผมก็ผละออกจากอกเขาช้าๆ และพยายามปั้นยิ้มให้ ใบหน้าวิคเตอร์เกร็งเขม็ง คิ้วเข้มๆ นั่นตึงอย่างเห็นได้ชัด แววตาก็เครียดไม่แพ้ใบหน้า ผมระบายยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้า ยกมือซ้ายไปลูบแก้มขวาเขาเบาๆ วิคเตอร์ยกมือขวาของตัวเองขึ้นมาจับมือผมไว้ เขาเอียงแก้มเข้าหาฝ่ามือผม ถูไถไปมาเบาๆ ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นมองกลับมาอย่างนิ่งสนิท จนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่


“ไปทำงานเถอะครับ”


“ไปด้วยกันมั้ย ฉันไม่อยากห่างนายเลย” ผมคลี่ยิ้มด้วยความดีใจ แค่ประโยคแค่นี้ ก็ทำให้ใจที่ห่อเหี่ยวเมื่อกี้กลับมาชุ่มชื้นได้แล้ว แม้จะไม่มากมายอะไรก็ตาม


“คุณจะให้ผมไปสภาพนี้น่ะเหรอ” ผมถามยิ้มๆ วิคเตอร์ดึงมือผมออกจากแก้มเขา จูบที่หลังมือผมหนักๆ


“วันนี้ถ่ายในบ้าน ไปนอนที่นั่นก็ได้”


“คุณไปเถอะครับ ผมไปไม่ไหวจริงๆ” วิคเตอร์จ้องตาผมคล้ายจะขอร้อง แต่ผมก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มอันอ่อนแรง เขาถอนหายใจหนักๆ วางมือผมลงบนผ้านวมที่คลุมร่างผมอยู่


“งั้นนอนพักนะ ตื่นมากินข้าวกินยาเองไหวมั้ย”


“เดี๋ยวผมตั้งปลุกไว้ก็ได้ครับ” ผมส่งยิ้มให้เขา วิคเตอร์ลุกขึ้นยืนข้างเตียง โน้มหน้าลงมาจูบที่หน้าผากผมหนึ่งทีแล้วผละออก เขาเก็บถ้วยกับแก้วน้ำออกไปจากห้อง


ผมมองตามด้วยความเศร้าใจ นึกถึงวันที่ต้องไปจากที่นี่แล้วก็ได้แต่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ผมล้มตัวลงนอนช้าๆ ปล่อยให้ความคิดทั้งหลายไหลผ่านไปมาในสมอง ค่อยๆ หลับตาลงด้วยความเหนื่อยกายและเหนื่อยใจ


ผมยังไม่ทันหลับสนิทก็รู้สึกว่ามีลมหายใจอุ่นๆ มารดตรงแก้ม ก่อนจะรู้สึกถึงริมฝีปากนุ่มๆ จุ๊บลงบนแก้มตัวเอง ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง ก็เห็นวิคเตอร์ที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงยีนส์พร้อมออกไปข้างนอก นอนคร่อมตัวผมไว้และกำลังจ้องหน้าผมอยู่


“ไปกับฉันนะ ฉันอยากให้นายไปด้วย” เขาบอกแล้วจัดการพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่ง


วิคเตอร์จัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมอีกรอบ ผมนั่งมองสีหน้าตั้งอกตั้งใจของเขาในการเช็ดตัวให้กับผมแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความอิ่มใจ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมเป็นเชิ้ตสีขาวแบบเดียวกับเขา ใส่กางเกงในให้  หากางเกงขาสั้นของผมมาใส่ให้ และอุ้มผมพร้อมถือถุงยาเพื่อเอาไปกินที่กองถ่าย ผมได้แต่ยิ้มอยู่ที่อกเขา ซุกหน้าลงกับอกเขาระหว่างที่กำลังเดินลงบันได วิคเตอร์ก้มหน้ามามองแล้วยิ้มให้ ผมยิ้มตอบกลับไป รู้สึกสุขใจและอบอุ่นหัวใจกับการกระทำของเขาเหลือเกิน

[ตอนต่อไปด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:05:22


CHAPTER 23 :: Tell me something I need to know.


ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมารับแสงแดดยามเช้า อาการปวดเนื้อปวดตัวก็ลดลงตามกาลเวลาที่ได้พักผ่อนและการทานยา ถึงจะยังไม่หายสนิทแต่ก็ดีกว่าช่วงวันสองวันแรกที่เป็น  อันนั้นหนักมาก ปวดแขนปวดขาไปหมด ปวดจนผมคิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงตอนที่เขาดูแลผมยามผมเจ็บไข้ได้ป่วยแบบนี้


แต่ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีพ่อกับแม่อยู่ ผมก็ได้คนดูแลร่างยักษ์มาหนึ่งคนที่กำลังนอนหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ และยังคงให้ผมหนุนต้นแขนล่ำๆ แทนหมอนมาหลายคืนติดกันแล้ว ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนหมอนล่ำๆ อันนี้จะหนุนสบายกว่าหมอนนุ่มๆ ธรรมดาๆ เยอะเลย


ผมหันหัวไปดูนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งอยู่บนตู้ทรงกว้างที่ตั้งติดริมผนังห้อง ตัวเลขบอกเวลาว่าตอนนี้สิบโมงเช้าแล้ว วิคเตอร์คงตื่นไปเปิดประตูให้เจ้าไมเคิลออกไปวิ่งเล่นยามเช้าแล้วล่ะ ป่านนี้มันคงผลักประตูเข้ามาในบ้านเองแล้วมั้ง เจ้าไมเคิลเป็นหมาฉลาดที่ถูกฝึกมาเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะบางทีวิคเตอร์ก็ขี้เกียจลงไปเปิดประตูให้มันบ่อยๆ เลยสอนให้มันผลักประตูเข้ามา โดยเขาจะเปิดประตูแง้มไว้เล็กๆ ที่แบบว่าใครเดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่รู้หรอกว่าบ้านนี้ไม่ได้ล็อคบ้าน  เรื่องโจรวางใจได้ในระดับหนึ่งเพราะว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดจับตาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง


ผมนอนมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้ม ไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้มานอนอยู่ตรงนี้ นอนอยู่ข้างๆ เขา แถมยังใกล้ชิดกันขนาดนี้ อีกแค่สามอาทิตย์ ไม่สิ สองอาทิตย์ด้วยซ้ำที่ผมจะได้นอนตรงนี้ แต่ผมไม่อยากสนใจเรื่องเวลาหรอก ตอนนี้โกยได้ก็โกยก่อน เอาความสุขกลับไทยไปเยอะๆ ผมยิ้มเขินๆ คนเดียว ยกมือซ้ายขึ้นไปสัมผัสใบหน้าเขาที่มีหนวดเคราทำให้รู้สึกสากมือเวลาลูบ ผมลดมือลงจากใบหน้าเขา ลูบไล้ไปตามเนินอกอวบอิ่มแต่แข็งแกร่ง ไล่ลงไปตามกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยงาม ลูบวนตรงซิกส์แพ็คเขาเบาๆ เคลื่อนต่ำไปตามไรขนอ่อนๆ และลูบไล้อยู่แถวๆ ขอบกางเกง แอบดึงขนบริเวณหน้าท้องด้วยปลายนิ้วอย่างเพลิดเพลิน


“ทำแบบนั้นไม่อยากหายป่วยใช่มั้ย” เสียงทุ้มห้าวๆ แต่ก็หล่อน่าฟังดังขึ้น  ผมแหงนหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นเขามองผมด้วยสายตาวิบวับอยู่  ผมอมยิ้มแล้วกระพริบตาปริบๆ มองเขา วิคเตอร์ยกมือขวามาจับมือซ้ายผมที่กำลังซุกซนกับไรขนอ่อนตรงหน้าท้องของเขาให้ล้วงเข้าไปด้านใน ไปสัมผัสกับอาวุธประจำกายของเขาที่กำลังค่อยๆ ตื่นตัว


“ทักทายมันยามเช้าหน่อย เมื่อคืนนายลืมกอดมันไว้อย่างที่เคยทำนะ” ผมแอบแกล้งเขาเล่นด้วยการลูบไล้ไปมาจนเขาซี๊ดปากเบาๆ


“กินยาแล้วมันง่วงนี่นา” ผมบอกเสียงอ่อย มือก็ยังลูบเนื้ออ่อนๆ กลางลำตัวที่ตอนนี้เริ่มแข็งตัวเต็มที่ วิคเตอร์ยกมือซ้ายที่โอบไหล่ผมไว้ขึ้นมาแตะที่หน้าผากหนักๆ


“ตัวยังร้อนอยู่นิดๆ เดี๋ยวรีบกินข้าวกินยา จะได้หายไวๆ” ผมยิ้มกริ่ม แล้วใช้นิ้วโป้งบี้ที่ส่วนหัวของวิคเตอร์ยักษ์ฉบับย่อในกางเกงนอน


“Ah! Fuck! Alien!” เขาอ้าปากครางเสียงดัง คิ้วขมวดแน่น ตัวกระตุกงอด้วยความเสียว คำรามชื่อที่เขาชอบเรียกผม ผมหัวเราะคิกคักที่แกล้งเขาได้ ผมดึงมือออกจากกางเกงเขา วิคเตอร์คลายคิ้วที่ขมวดมุ่นออก แล้วยิ้มเหี้ยมเกรียม ผมทำจมูกบานมองเขาด้วยความหวาดหวั่นว่าเขาคิดจะทำอะไร และเขาก็ให้คำตอบผมด้วยการพลิกร่างยักษ์ๆ ของเขาขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้


“แกล้งกันแบบนี้ อยากโดนจัดสักรอบสินะ” เขาแกล้งทำหน้าโหด แววตาดุคมวาววับ ผมอ้าปากส่งเสียงประท้วงเขาน้อยๆ เหมือนเสียงเด็กร้อง


“แอ๊!” ผมยกมือขึ้นดันอกหนาของเขาไว้ วิคเตอร์จับแล้วกดลงบนเตียง ผมยิ้มกว้าง ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ


“ฮึฮือ… ฮึฮือ…” เหมือนเสียงนกฮูกร้องตอนกลางคืนยังไงอย่างงั้น แต่ผมกำลังขำด้วยความสนุกและความตื่นเต้นเล็กๆ ผมเอียงคอมองหน้าเขาแล้วกระพริบตาปริ๊บๆ วิคเตอร์ขบกรามแน่นขึ้นทันที แววตาเปลี่ยนเป็นคมวาวราวกับเหยี่ยว


“บอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าแบบนั้น” ผมย่นคิ้ว กระพริบตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ


“ผมสงสัยมานานแล้ว ทำไมคุณถึงไม่ชอบให้ผมทำหน้าแบบนี้” เขาอ้าปากเล็กน้อย แล้วใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างเซ็กซี่


“เพราะเวลานายทำหน้าแบบนั้น ฉันอยากทำกับนายแบบนี้ไง” แล้วเขาก็ก้มลงมาซุกไซ้ซอกคอผมอย่างแรง กดจมูกไปบนเนื้อคอ สลับกับจูบหนักๆ จูบจนเกิดเสียงริมฝีปากกระทบกับเนื้อ แถมยังมีขบกัดเบาๆ ด้วย ผมครางออกมาเสียงแผ่ว อยากหดคอหนีแต่เขาก็ซุกไซ้ไม่หยุดจนต้องแหงนหน้ารับให้เขาขบกัดสลับกับจูบและสูดดมเนื้อที่คอผมแรงๆ


“อย่ากัด…” ผมบอกเสียงครางเมื่อเขากัดลงไปบนเนื้อที่คอ ผมนิ่วหน้าหน่อยๆ วิคเตอร์กดจมูกหนักๆ ลงไปทั่วเนื้อคอ กดจูบแรงๆ เป็นบางที แล้วสักพักเขาก็เปลี่ยนเป็นใช้หนวดถูไถไปมารอบคอผมแทน ทำเอาผมปรับอารมณ์แทบไม่ทัน


“อ๊า! ฮ่าๆๆ ฮะๆๆ วะ…วิคเตอร์! ฮะๆ ฮือออ” ผมแบะปากจะร้องไห้ เพราะโดนเขาใช้หนวดเคราไซ้ไปตามซอกคออย่างเมามันส์ จะหนีก็หนีไม่ได้เพราะโดนเขาคร่อมไว้ ข้อมือก็โดนล็อค ดิ้นได้อย่างเดียวคือสองขาที่ตีอากาศไปมา


“บอกว่าอย่าทำ อย่าทำ อย่าทำหน้าอย่างนั้น ไม่งั้นจะโดนแบบนี้ โดนแบบนี้!” เขาเอาหนวดถูซอกคอผมไปมาจนแสบและคันไปทั่วคอ ผมก็ได้แต่หัวเราะแดดิ้นเพราะจั๊กจี๋


“แง! พอแล้วๆๆ” ผมพยายามขยับมือสู้แต่ก็สู้ไม่ได้ พยายามหันหน้าหนีไปก็เท่านั้นเพราะเขาตามไซ้ได้สบายๆ สุดท้ายผมส่งเสียงหัวเราะจนหอบนั่นแหละเขาเลยยอมหยุด และลุกออกจากตัวผมลงไปนอนข้างๆ ตามเดิม แต่ก็ดึงผมให้เข้าไปชิดกับอกและแผ่นท้อง สองมือกอดรัดตัวผมไว้แน่น แถมยังเอาขาขวาพาดสะโพกผมไว้อีก ก้นผมสัมผัสกับความเป็นชายของเขาที่แข็งตัวจนแทบทะลุกางเกงนอนออกมา


“เวลาที่นายทำหน้าอย่างนั้น ฉันอยากจะกอดแน่นๆ หอมหนักๆ ฟัดให้แรงๆ” เขาว่าด้วยเสียงคล้ายคำราม กอดร่างผมแน่นจนกระดูกจะร้าว ก้มหน้าลงมากดจมูกแรงๆ และหนักๆ ลงบนแก้มขวาจนผมเจ็บแก้ม แถมด้วยการเด้งอาวุธของเขามากระแทกก้นผมแรงๆ อีก


“อ๊า! คิกๆ” ผมหัวเราะเพราะเขาซุกจมูกลงที่ซอกคอแล้วขยี้ไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว เขาขยี้จนพอใจแต่ก็ทำเอาผมหัวเราะจนจะขาดใจเขาถึงผละออกไป แล้วเขาก็หัวเราะเสียงทุ้ม เอามือขวาปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผมอยู่ออก ผมค่อยๆ ปรับลมหายใจให้เป็นปกติแล้วหันไปมองหน้าเขา วิคเตอร์ยิ้มอบอุ่นกลับมาให้


“เมื่อไหร่จะหายเนี่ย ฉันอยากกระแทกนายแรงๆ แล้ว” ผมทำหน้าบู้ใส่เขา กระแทกแรงที่เขาบอกก็คือกระแทกแรงจริงๆ นะ ใส่เต็มแม็กไม่มีกั๊ก ทำผมแทบไม่ได้พักหายใจหายคอ


“ก็บอกให้ช่วยตัวเองไปก่อน”


“เหมือนกันที่ไหน ความเสียวมันต่างกัน” ผมหน้าร้อนวาบๆ กับคำพูดคำจาของเขา วิคเตอร์หัวเราะแล้วเอามือขวามาบีบจมูกผมเบาๆ ผมเลยยกมือซ้ายไปบีบจมูกเขาบ้าง แต่ผมบีบแรงกว่าที่เขาบีบผมนะ ฮ่าๆๆ


“งืมมมๆ” ผมส่งเสียงงึมงำอยู่ในลำคอพลางบีบจมูกเขาแรงๆ วิคเตอร์ย่นจมูกใส่แล้วดึงหน้าหนี ก่อนจะใช้ฟันงับนิ้วชี้ผมเบาๆ


“เหมือนหมางับกระดูกเลย ฮิๆ” ผมหัวเราะอารมณ์ดี วิคเตอร์ปล่อยนิ้วผมแล้วยิ้มมาดร้ายมาให้


“หายเมื่อไหร่จะจัดท่าหมาสักชั่วโมง” ผมหยุดหัวเราะทันที ส่วนวิคเตอร์ยิ้มมีชัย เอามือขวาตบก้นผมแรงๆ
ป้าบ!


“โอ้ย!”


“หึๆ” ผมแอบเบ้ปากใส่เขา วิคเตอร์ก้มลงมาจูบริมฝีปากผมหนักๆ สักพักแล้วก็ผละออก ผมยิ้มแล้วหันตัวเข้าหาเขา เอานิ้วเขี่ยหน้าอกเขาเล่นเบาๆ


“คุณต้องออกกำลังกายตามที่ผู้กำกับหนังบอกนะ เขาอยากให้คุณเพิ่มกล้ามเนื้อ” มือขวาเขาลูบไล้สะโพกผมไปมา มือซ้ายยกค้ำหัวตัวเองไว้


“งั้นเริ่มออกวันนี้เลยมั้ยล่ะ ไหนๆ วันนี้ก็หยุดไม่ได้ไปไหน” ผมเงยหน้าขึ้นมอง ส่งยิ้มแป้นให้เขาแล้วพยักหน้าหงึกหงัก


“เดี๋ยวผมทำอาหารคลีนให้ทานนะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ


“ทำเป็นเหรอ”


“เปิดดูในอินเตอร์เน็ตเมื่อสองวันก่อน เพราะจะทำให้คุณกินนั่นแหละ จะได้หุ่นเฟิร์มๆ ไง” เขายิ้มหล่อ ก้มลงมาจูบหน้าผากผมหนึ่งที


“ทำไหวเหรอ นายยังไม่หายป่วยนะ”


“ไหวสิครับ แค่ทำอาหารเอง”


“งั้นก็ทำท่าหมาไหวแล้วสิ” เขายิ้มทะเล้นแล้วบีบเนินสะโพกผมแรงๆ ผมยู่หน้าใส่เขาทันที


“เอามาโยงกันได้ไงเนี่ย” เขาหัวเราะเสียงดังพอประมาณ ผมยิ้มตามรอยยิ้มเขา ผมชอบเห็นเขายิ้มกว้างๆ แบบนี้จัง มันทำให้เขาหล่อและน่ามองขึ้นเยอะเลย


“จริงสิ ฉันมีอะไรจะให้นายดู” ผมมองเขาด้วยความสงสัย กระพริบตางงๆ วิคเตอร์ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ผมเลยลุกขึ้นนั่งตาม


“อะไรเหรอครับ” วิคเตอร์ยิ้มมีเลศนัย ยักคิ้วขวาเร็วๆ หนึ่งที ไถก้นลงจากเตียงไปยืนที่ข้างเตียง แล้วดึงผมให้ลุกขึ้นช้าๆ ผมลุกไปตามแรงดึงของเขาอย่างงงๆ แต่ก็ให้เขาเดินจูงมือออกจากห้องนอนไป


วิคเตอร์พาผมเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม ชั้นที่ผมไม่เคยได้ขึ้นไปเหยียบเลยนับตั้งแต่เข้ามาในบ้านเขา แม้กระทั่งว่ามาอยู่บ้านเขาได้เกือบเดือนแล้ว ผมก็ยังไม่เคยขึ้นไป ไม่ใช่ว่าเขาสั่งห้ามอีกรอบหรอก แต่ผมไม่เห็นเหตุจำเป็นต้องขึ้นไป แต่มาวันนี้เจ้าของบ้านกลับเป็นคนพาผมขึ้นมาเอง ผมมองไปรอบๆ ชั้นสามด้วยความสนใจ ก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมาก พอขึ้นมาก็เห็นห้องโถงกว้างๆ ที่มีเครื่องออกกำลังกายหลายชนิดวางอยู่ ถ้าจะบอกว่าชั้นนี้คล้ายๆ ฟิตเนสขนาดย่อมก็ไม่ผิดนัก ตรงมุกหน้าบ้านของชั้นสามมีผ้าม่านบังไว้ ถ้าให้เดาหลังผ้าม่านคงเป็นกระจกใสๆ เรียงเป็นแนวยาว เปิดม่านออกไปก็คงเห็นวิวด้านนอก แบบว่าออกกำลังกายไปมองวิวไปก็เพลินๆ ดี ตรงโถงฟิตเนสอันนี้ดูโล่งโปร่งสบาย ผมว่าเหมาะกับการเต้นแอโรบิคนะ


“คุณพามาดูฟิตเนสส่วนตัวเนี่ยอ่ะหรอ” ผมถามยิ้มๆ สายตาก็ยังกวาดมองไปรอบๆ โถงที่ปูพื้นด้วยเสื่อโยคะสีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่เอาไว้รองพื้นกันเจ็บและใช้นอนออกกำลังกายได้ด้วย ลู่วิ่งวางไว้ใกล้กับกระผ้าม่าน ที่ซิทอัพวางไว้ใกล้มุมหน้าต่างฝั่งขวามือจากจุดที่ผมยืนอยู่ เวตสำหรับยกออกกำลังกล้ามแขนวางเรียงรายเป็นระเบียบบนชั้นใกล้กับมุมหน้าต่างเช่นกัน และยังมีอีกหลายเครื่องหลายอย่างที่เอาไว้ออกกำลังในส่วนต่างๆ ราวกับเขายกฟิตเนสมาไว้ที่บ้าน มีลำโพงขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมสองอันติดอยู่บนผนังทั้งสองฝั่ง คงเอาไว้เปิดเพลงฟังตอนออกกำลังกาย


วิคเตอร์ปล่อยมือผมแล้วเดินไปเปิดไฟให้โถงสว่างมากขึ้น เขากดปุ่มเปิดม่าน มันค่อยๆ เลื่อนออกจนเห็นกระจกใสบานใหญ่ที่เป็นแนวยาว มองเห็นยอดต้นไม้ริมถนนในซอยหมู่บ้าน ตรงข้ามก็เป็นเทาวน์เฮ้าส์สีขาวของใครก็ไม่รู้ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคงฟินน่าดูที่ได้แอบมองวิคเตอร์ออกกำลังกาย


“ก็พามาดูอันนี้ด้วย นายบอกให้ออกกำลังกายฉันเลยนึกขึ้นได้ ไม่ได้ขึ้นมาเกือบเดือนแล้ว” ผมพยักหน้ายิ้มๆ เขยิบเดินไปกลางๆ ห้อง มองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น มีฟิตเนสส่วนตัวนี่ก็ดีเหมือนกันนะ แถมยังดูดีอีกต่างหาก ไม่ต้องไปแย่งใช้กับใคร นี่ล่ะนิสัยวิคเตอร์ ชอบความเป็นส่วนตัว


“แต่ที่อยากพามาดูจริงๆ คือห้องนั้น” ผมเอี้ยวหน้าไปมองตามที่นิ้วเขาชี้ไปที่ประตูไม้ขนาดกว้างสีขาวสะอาดตาที่อยู่เลยตีนบันไดมาหน่อย ตอนผมเดินขึ้นมาก็ไม่ทันสังเกตเห็น คิดว่าคือผนังธรรมดาเพราะประตูมันขาวล้วน ไม่มีลวดลายใดๆ ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแล้วเดินย้อนกลับไปที่ประตู เขายกมือซ้ายจับเหล็กสีเงินวาววับที่มีไว้สำหรับบิดเปิดประตู


“มานี่สิ” ผมเดินไปหาเขาอย่างว่าง่าย มองมือเขาที่จับเหล็กสีเงินยาวแนวนอนไว้แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขาที่เป็นประกายคล้ายมีความตื่นเต้น เขาเอื้อมมือขวามาดึงมือซ้ายผมไปยืนใกล้ๆ เขา แล้วกดที่เปิดประตูลงก่อนจะดันเข้าไปด้านใน พร้อมกับดึงมือผมเข้าไปในห้องนั้น กลิ่นหนัง กลิ่นไม้ กลิ่นหอมแปลกๆ ฟุ้งเข้ามาในจมูก วิคเตอร์กดเปิดไฟในห้อง พอแสงสีส้มสว่างไปทั่วห้องผมก็เบิกตากว้างมองอย่างตกตะลึง ปากอ้าค้างด้วยความทึ่ง


“I wanna fuck you in this room very much. (ฉันอยากจะอึ๊บนายในห้องนี้มากเลยล่ะ)” ผมแหงนหน้าไปมองเขาอย่างอึ้งๆ วิคเตอร์กำลังยิ้มกริ่ม กวงตาเป็นประกาย


“Do you want me to be your submissive? (คุณอยากให้ผมเป็นทาสสวาทคุณงั้นเหรอ)” วิคเตอร์ยิ้มขำหน่อยๆ ก่อนจะตอบเสียงสบายๆ


“เปล่า ฉันไม่ได้มีไลฟ์สไตล์แบบนายและทาสหรือซาดิสม์หรอกนะ ฉันแค่ชอบอุปกรณ์พวกนี้ แบบว่า…มันสร้างสีสันให้กับเซ็กส์ดี” ผมทำหน้าถึงบางอ้อ รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ใช่พวกสาย BDSM ตัวพ่อ


ผมหันกลับไปมองห้องสี่เหลี่ยมที่บุด้วยหนังมันเลื่อมสีดำสำหรับเก็บเสียงที่ติดไว้รอบห้อง แม้กระทั่งที่บานประตูด้านใน บอกได้แค่ว่าร้องให้เสียงหายแค่ไหนหรือร้องจนจะตายยังไง ก็ไม่มีทางที่เสียงจะเล็ดลอดออกไปแน่ๆ ผมแอบกลืนน้ำลายนิดๆ เมื่อคิดถึงภาพอะไรบางอย่างในหัว มีตู้ไม้สีดำทรงสูงและกว้างตั้งชิดติดผนังทางด้านขวามือของผม ข้างๆ ตู้มีราวเหล็กทรงกว้างที่มีซี่เหล็กสองซี่วางพาดขวางเป็นทางยาวอยู่ บนซี่เหล็กด้านบนมีไม้เรียวหลายขนาดแขวนกับห่วงสีเงินอยู่ มีทั้งแบบยาว (ที่เขาเคยจะเอามาฟาดก้นผมนั่นแหละ) แบบแบน มีพู่ มีแส้ ห้อยอยู่ใกล้ๆ กัน ซี่เหล็กด้านล่างห้อยเชือกสีน้ำตาลอ่อนไว้หลายขนาด มีกุญแจข้อมือแบบปกติและกุญแจข้อมือหนังห้อยอยู่ มีข้อมือแบบมีโซ่สีเงินคล้องติดห้อยอยู่ใกล้ๆ กัน


ตรงกลางห้องคือเตียงเหล็กสี่เสา มีเตียงเบาะหนังสีดำสนิทขนาดใหญ่ที่ไม่มีผ้าปูวางอยู่บนโครงเหล็ก หัวเตียงเป็นเหล็กทรงโค้ง มีซี่เหล็กตั้งตรงเว้นช่องเป็นตารางเอาไว้ ปลายเตียงเป็นโครงเหล็กสี่เหลี่ยมทรงยาวมีซี่เหล็กสั้นๆ ตั้งห่างกันเว้นเป็นตารางคล้ายกับหัวเตียงเช่นกัน ข้างเตียงฝั่งที่ผมยืนอยู่มีเก้าอี้เหล็กสีเงินวาวขนาดใหญ่ ใหญ่พอที่วิคเตอร์จะนั่งได้สบายๆ พนักพิงหลังสูงเป็นทรงโค้ง ที่เท้าแขนโค้งขึ้นสูง ตรงที่นั่งเป็นเหล็กสี่อันวางพาดเว้นช่องเป็นตาราง ตัวขาเก้าอี้เชื่อมติดกันทั้งหมด ลักษณะเป็นเก้าอี้ที่นั่งโยกได้


อีกฝั่งของเตียงมีเสาไม้สี่เหลี่ยมทรงสูงสามเสา สองเสาด้านหน้าเตี้ยกว่าเสาด้านหลังที่อยู่ตรงกลาง ด้านล่างมีไม้ตอกยึดทั้งสามเสาเข้าด้วยกัน สองเสาด้านหน้าอยู่ห่างกันในระดับที่คนตัวเล็กๆ อย่างผมเข้าไปยืนแทรกได้ ข้างๆ กันมีเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลแก่ มีพนักพิงแค่ครึ่งเดียว ไม่มีที่เท้าแขน และข้างเก้าอี้ยังมีไม้สีน้ำตาลอ่อนลักษณะคล้ายม้านั่งตัวยาว ตั้งวางชิดติดกับผนัง


“ฉันเลือกมาแต่อันที่ฉันชอบ” ผมหันไปมองรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าเซ่อๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง


“แล้ว… คุณมีเกณฑ์ เอ่อ เลือกของพวกนี้ยังไง”


“ก็… มองอันไหนแล้วใจเต้น ฉันก็เลือกอันนั้นมา” ผมขมวดคิ้วด้วยความงงงวย


“มองแล้วใจเต้นเนี่ยนะ?” วิคเตอร์ยิ้มแฉ่ง ยักคิ้วเข้มสองข้างขึ้นไวๆ


“ก็แบบว่า พอมองแล้วนึกถึงท่วงท่าลีลาที่จะใช้กับมันน่ะ ภาพไหนตื่นเต้นเร้าใจ ก็เลือกมาเก็บไว้ในห้องนี้ ก็แค่นั้น”


“โห อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์คงภูมิใจที่คำคมของเขามีประโยชน์กับชีวิตของคุณในการเลือกของพวกนี้” วิคเตอร์ขมวดคิ้วงงๆ เล็กน้อย


“What is it about his quote? (เกี่ยวอะไรกับคำคมอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์)”


“Imagination is more important than knowledge. (จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ไงครับ)” วิคเตอร์หัวเราะชอบใจ ยกมือขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ


“ก็จริงนะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับวิถีชีวิตของพวกนายและทาสหรอก ฉันใช้ความรู้สึกอยาก อยากได้อันไหนก็ซื้ออันนั้น มองอันไหนแล้วจินตนาการได้เร้าใจ ฉันก็เลือกอันนั้นแหละ” เขาบอกพลางเดินไปตรงมุมห้องฝั่งซ้ายมือที่ผมยืนอยู่ ผมอ้าปากค้างนิดๆ เมื่อเห็นสิ่งที่วิคเตอร์เดินเข้าไปลูบคลำและโยกไปมาเบาๆ จนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดของโซ่ที่ใช้ห้อยต่องแต่งกับเสาเหล็กสี่เสาที่โค้งเข้าหากันเป็นซุ้มโดม เหล็กทรงกลมสีดำเหมือนห่วงฮูลาฮูปสองวงถูกเชื่อมเข้าหากันด้วยซี่เหล็กที่เว้นระยะห่างจากกัน มีเบาะหนังสีดำวางด้านล่างเป็นที่นั่งตามแนวโค้งเหล็กที่ใช้เชื่อมห่วงสองวงเข้าไว้ด้วยกัน มีกุญแจมือหนังห้อยอยู่สองมุมบนของห่วง และมีที่ล็อคเท้าซึ่งเป็นหนังเหมือนกันห้อยอยู่สองมุมบนๆ ของห่วงทั้งสองฝั่ง


“อันนี้เหมาะกับนายนะ เวลานายนั่งคงเหมือนเด็กนั่งบนชิงช้า…” เขาหันมาส่งสายตาวาวพร้อมรอยยิ้มที่ผมเห็นแล้วเสียววาบทุกที ยิ้มกัดปากล่างแบบนี้ทีไร ชอบมีความคิดใคร่ๆ อยู่ในหัวตลอด


“…และฉันจะเป็นคนไกวให้เอง” เขายักคิ้วซ้ายมาให้สองที ทำเอาผมหายใจติดขัด ผมแกล้งหันไปมองทางอื่นเพื่อหนีสายตาความใคร่นั้น


ถัดจากชิงช้าทรงกลมก็เป็นเบาะนั่งสีดำเอนหลัง มีที่วางขาสองข้างพร้อมที่ล็อค โครงเหล็กที่รองรับเบาะดูปรับได้หลายระดับ ผมมองไอ้ของเล่นชิ้นนั้นแล้วนึกเตียงทำแท้งชอบกล ไม่ใช่คล้ายหรอกแต่ผมว่าใช่เลยแหละ แค่ทำใหม่ให้ดูไม่น่ากลัวเท่านั้น ข้างเก้าอี้อ้าขา (ผมเรียกอย่างนี้ก็แล้วกัน) มีโซฟาหนังสีแดงตัวใหญ่ยาวที่ตัดกับผนังสีดำของห้อง สะท้อนกับแสงสีส้มนวลๆ ชวนมองอยู่ ถัดต่อจากนั้นคือไม้กระดานสีน้ำตาลแก่ที่ลงแว็กซ์จนมันวาวไขว้กันเป็นรูปตัว X มุมทั้งสี่มีที่ล็อคแขน ล็อคขาพร้อมเสร็จสรรพ


ถัดจากนั้นก็เป็นเสาไม้ทรงสี่เหลี่ยมที่เชื่อมต่อกันด้วยเป็นรูปตัว Y ทรงคว่ำ ช่วงของหางตัววายที่อยู่ด้านบนยกตั้งฉากขึ้นมาเล็กน้อย ตรงกลางด้านล่างเป็นเหล็กทรงกระบอกเชื่อมกับฐานเหล็กสี่เหลี่ยมด้านล่างที่มีล้อสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้ และที่โดดเด่นสุดก็คือเก้าอี้เหล็กสีเงินวาวคล้ายบัลลังก์พระราชาที่ตั้งห่างจากปลายเตียงเล็กน้อย พนักพิงเป็นเหล็กสี่เหลี่ยมทรงสูงแคบๆ มีเหล็กไขว้สลับไปมาคล้ายกากาบาทหลายๆ อัน ที่วางแขนเป็นเบาะหนังหนาสีดำที่มีที่เหล็กรองรับอยู่ด้านล่าง เบาะนั่งเป็นสีดำ ตรงกลางโค้งเว้าเข้าไป แต่ก็เหลือพื้นที่ให้สำหรับก้นนั่งได้เพียงพอ ผมเดินเข้าไปจับเหล็กเย็นๆ ที่เป็นพนักพิงหลัง


“ชอบอันนั้นหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม


“เปล่าสักหน่อย ก็แค่เดินมาจับเฉยๆ” วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม แล้วเดินเข้ามาหาผม


“ถ้านายได้ลองมีอะไรกับฉันพร้อมของพวกนี้ นายจะต้องชอบแน่ๆ” หน้าผมร้อนวาบๆ กับคำพูดหน้าตาเฉยของเขา ผมเม้มปากเบาๆ


“คุณจะใช้แส้ฟาดผมมั้ย” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากทั้งสองข้างอย่างเจ้าเล่ห์


“ก็ถ้านายอยากลอง” ผมส่ายหัวปฏิเสธทันควัน วิคเตอร์ยิ้มกว้างด้วยท่าทีติดตลกทันที


“จริงๆ ฉันก็ไม่ค่อยได้ใช้พู่ แส้ แล้วก็ไม่เรียวหรอก ส่วนใหญ่ชอบใช้อย่างอื่นมากกว่า เพราะฉันเคยฟาดคู่ขาคนนึงแล้วผิวเขาแตก ฉันก็เลยไม่ค่อยกล้าใช้เท่าไหร่” ผมกลืนน้ำลายลงคอ นึกสงสารคู่ขาคนนั้นจับใจ แอบแหงนหน้าไปมองบนเพดานที่มีเหล็กพาดไปมาเป็นตาราง และมีสายหนังสีดำห้อยระโยงระยางจากข้างบนนั้น


“คุณเข้ามาใช้ห้องนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นแล้วทำหน้าครุ่นคิด


“ช่วงนายมาแรกๆ”


“กับนาตาชาไม่เคยเหรอครับ” เขาส่ายหัวหน้าตาย ตอบเสียงเรียบเรื่อย


“ไม่อ่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกอยากพาเขาขึ้นมา” ผมเม้มปาก ยังรู้สึกงงๆ กับห้องนี้ของเขาอยู่


“ทำไมคุณถึงต้องมีห้องแบบนี้ล่ะ หมายถึงว่า มีแค่เซ็กส์ปกติธรรมดาๆ ไม่ได้หรอ”


“มันตื่นเต้นดี อย่างที่ฉันบอกไง มันสร้างสีสันให้กับชีวิตฉันที่ไม่ค่อยจะมีสีสันเท่าไหร่” เขายักไหล่นิดๆ เอามือขึ้นไปวางบนพนักพิงพลังของเก้าอี้บัลลังก์ ท่าทีเขาดูไม่ใส่ใจก็จริง แต่ผมแอบเห็นว่าสีหน้าเขาหม่นลงเล็กน้อย ผมเดินเข้าไปหาเขาแล้วกอดเข้าไว้ ใบหน้าซุกกับแผงอกล่ำๆ ของเขา วิคเตอร์โอบแขนรัดรอบตัวผมไว้หลวมๆ


“You cannot have a better tomorrow if you do not stop thinking about yesterday. (ถ้าคุณยังยึดติดอดีต คุณก็จะไม่มีวันพรุ่งนี้ดีๆ ให้กับตัวเองนะ)” วิคเตอร์ถอนหายใจแผ่วๆ เอาคางเกยไว้บนศีรษะผมเบาๆ


“I know. (ฉันรู้)” เขายกมือขวาขึ้นมาลูบผมที่ปรกหน้าผากอยู่ขึ้น แตะอยู่สักพักเขาก็ดึงออก


“ตัวร้อน ไปกินข้าวกัน นายจะได้กินยา” ผมผละออกจากเขา รู้สึกอุ่นๆ ในใจที่เขานึกห่วงผมแบบนี้ ผมยิ้มแล้วพยักหน้า วิคเตอร์เดินจูงมือผมออกจากห้องเครื่องเล่นมหัศจรรย์ของเขา


V
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:08:26


“หายแล้วฉันจะพานายมานะ” ผมหน้าแดง รู้สึกเหมือนเป็นเด็กใสซื่อไร้เดียงสาที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ด้านมืดของโลกใบนี้


“แค่คุณทำเฉยๆ ไม่มีของพวกนั้น ผมก็จะไม่รอดแล้วนะ”


“เอาน่า ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็รอดเองแหละ” เขายิ้มยั่วยวน กัดริมฝีปากล่างอย่างเซ็กซี่ เอาจริงๆ นะ เห็นยิ้มนี้ของเขาทีไร กายและใจพร้อมจะเสียให้เขาทุกที


เราเดินกลับลงมาชั้นสอง เข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ตอนนี้ผมกลับมาอาบน้ำได้แล้วเพราะอาการไข้ใกล้จะหาย ที่มีอยู่ตอนนี้คืออาการปวดหัวนิดๆ กับตัวร้อนหน่อยๆ กินยาอีกสักวันสองวันคงกลับมาปกติดี ช่วงระหว่างอาบน้ำวิคเตอร์ก็แทะเล็มผมด้วยการจูบอย่างอ่อนโยนแต่ก็ร้อนแรงเช่นเคย ต้องยอมรับว่าเขาใช้ลิ้นเก่งมาก เกี่ยวไล้ไปมาในปากผมแต่ล่ะครั้งทำเอาตัวอ่อนปวกเปียก จูบไปจูบมาเขาก็ใช้มือช่วยตัวเองจนเสร็จไปหนึ่งรอบ และยังใจดีมีเมตตาจะมาช่วยผมอีก


“ไม่เอา ผมป่วยอยู่นะ” ผมบอกเขาเสียงแหบพร่าหลังจากเขาถอนจูบออกไป ใช้มือดันไหล่สองข้างของเขาไว้


“ขับพิษไข้ที่เหลือออกไง จะได้หายไวๆ” ผมทำท่าว่าไม่เอา แต่เขาจับผมหันหน้าเข้าหากระจกที่กั้นเป็นห้องอาบน้ำ แขนซ้ายโอบรัดตัวและแขนผมไว้เพื่อไม่ให้ผมดิ้นหนี มือขวายกมาบิดหน้าผมให้เข้าไปรับจูบอันหนักหน่วงของเขาก่อนจะลดลงมาจัดการที่แมทน้อย ดึงเข้าดึงออกพร้อมจูบไม่หยุด เล่นเอาระบบหายใจผมรวน เสียวข้างล่างก็เสียว ยิ่งผสมผสานกับความหวานที่ปากยิ่งเสียวซ่านไปหมด


“อ๊ะ… อื้อ…” ผมแทบทรุดลงกับพื้นตอนที่เขาทำให้ผมจนเสร็จ ดีที่เขาใช้แขนซ้ายโอบร่างผมไว้ ดึงเข้าแนบชิดติดกับแผ่นอกและแผ่นท้องเขา ผมพิงด้านหน้าเขา หอบตาปรือไปหมด วิคเตอร์ยิ้มสดใสแล้วจูบหน้าผากผมเบาๆ จากนั้นเราก็อาบน้ำกันตามปกติโดยที่ผมไม่ได้โดนลวนลามอะไรเพิ่มอีก แต่ไอ้นั่นของเขาแข็งไม่ยอมลงเลยเหอะ


เสื้อผ้าผมถูกขนขึ้นมาไว้บนห้องนอนของเขานับตั้งแต่ผมป่วย เพราะเขาไม่อยากให้ผมต้องเดินขึ้นเดินลงทั้งที่สภาพร่างกายคล้ายคนใกล้ตาย ผมใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ส่วนวิคเตอร์ใส่ชุดพร้อมสำหรับออกกำลังกาย แต่เขายังไม่ออกตอนนี้หรอก เย็นๆ โน่นแหละถึงจะขึ้นไปชั้นสามอีกครั้ง


“ขี่หลังได้มั้ย” ผมถามเสียงมุ้งมิ้ง หลังจากเราสองคนแต่งตัวเสร็จและจะลงไปข้างล่าง วิคเตอร์หันมาหรี่ตามองใส่ผม แต่ริมฝีปากก็มีรอยยิ้มบางๆ ผมยิ้มแฉ่งทำหน้าอ้อนสุดพลัง


“สนใจขี่ข้างหน้าแทนข้างหลังมั้ย” ทำแกล้งทำหน้าบู้ใส่เขา


“เดี๋ยวก็ได้ตกบันไดหรอก” เขายิ้มกว้าง เดินเข้ามาใกล้ๆ ผม


“ไม่ตกหรอกน่า” ว่าแล้วเขาก็จัดการช้อนก้นผมขึ้นแบบที่ไม่ทันตั้งตัว ผมหน้าเหวอรีบคว้าแขนเข้าที่ลำคอเขา แล้วเอาขาเกี่ยวรอบเอวคอดของเขาไว้ สองมือวิคเตอร์โอบอุ้มอยู่ที่ก้นทั้งสองข้างของผม เขาส่งยิ้มหล่ออบอุ่นมาให้ ผมได้แต่เสมองไปทางอื่นเพราะรู้สึกเขินกับรอยยิ้มและหน้าหล่อละมุนของเขา


“ถ้าไม่มองตาฉัน ฉันไม่พาไปนะ” ผมขยับเปลือกตากว้างขึ้นแว้บหนึ่ง หันไปสบสายตากรุ้มกริ่มที่มองมา เขายกยิ้มมุมปากแล้วก้าวเท้าเดินออกจากห้อง แต่พอเลี้ยวออกจากห้องไปได้ครู่หนึ่งเขาก็หยุดเดินเพียงเพราะผมหลบสายตาเขา ผมเลยต้องหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง เขาถึงจะยอมเดินต่อไป


ใจผมกระหน่ำกระแทกกับผนังอกซ้าย ทั้งเต้นแรงและเต้นรัว จนผมกลัวว่ามันจะเต้นจนเส้นเลือดขาด ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าเห่อร้อนจนจะไหม้ สีคงแดงแรงฤทธิ์ไปแล้วแน่นอน มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ ที่วิคเตอร์ยังคงมองผมด้วยสายตาละไมชวนใจสั่นแบบนี้ เขานิ่ง แถมยังยิ้มอ่อนหล่อๆ มองผมแบบไม่ละสายตา ดวงตาสีน้ำตาลของเขาขยับไปมาเล็กน้อยยามที่สบตากับผม สุดท้ายผมทนเขินไม่ไหวเลยซุกหน้าลงกับอกเขา วิคเตอร์ที่กำลังค่อยๆ ก้าวเดินลงบันไดหยุดเดินทันที


“เงยหน้าขึ้นมา” เขาสั่งเสียงทุ้ม ถึงจะมีอะไรกันแล้วก็ตาม แต่ไอ้นิสัยชอบออกคำสั่งกับผมนี่เขายังไม่หายง่ายๆ สินะ แต่จะว่าไป มีอะไรกันแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะนิสัยเปลี่ยน มีเซ็กส์นะไม่ใช่ไปโรงเรียนดัดสันดาน อุ๊ย นิสัย


“ฮื่อออ… ไม่เอา” ผมถูหน้าผากไปมากับอกเขาเป็นเชิงปฏิเสธ


“งั้นก็ยืนอยู่ตรงนี้แหละ ปล่อยให้ฉันกระดูกเคลื่อนอีกรอบ เอาเลย ให้ฉันยืนอุ้มนายอยู่แบบนี้แหละ ฉันจะได้ใส่เฝือกอีกรอบ” ผมแอบหน้ามุ่ยที่อกเขา พูดจนผมรู้สึกผิด รู้สึกไม่ดีที่ต้องปล่อยให้เขายืนอุ้มผมอยู่แบบนี้ ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปสบตาคู่คมของเขาอีกครั้ง วิคเตอร์ยิ้มน้อยๆ แล้วค่อยๆ ก้าวเท้าเดินลงบันไดไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นหนึ่ง เขาอุ้มผมมาที่ครัว วางผมลงบนโต๊ะหินอ่อนช้าๆ ผมค่อยๆ เอาขาที่เกี่ยวเอวเขาไว้ออก ลดมือลงจากรอบคอเขาเอามาวางค้ำร่างตัวเองไว้ วิคเตอร์ยังคงมองตาผมไม่หลบไปไหน ผมเลยต้องแกล้งมองไปทางอื่นแทน


“ทำอาหารไหวแน่นะ” ผมหันกลับมามองเขาแล้วพยักหน้าหงึกๆ


“ไหวครับ” เขายิ้มรับ ผมกระเถิบก้นลงจากโต๊ะกลางครัว เตรียมอุปกรณ์ทำอาหารคลีนให้เขา โดยมีตำราที่เปิดหาในอินเตอร์เน็ต
ระหว่างทำอาหาร วิคเตอร์ก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก อยู่ใกล้เกินไปด้วยซ้ำ มายืนซ้อนหลังผมไม่ไปไหน ผมไล่ก็ไม่ไป ยืนเอาเป้าตุงๆ ของตัวเองแนบกับก้นผมอยู่ได้ สองแขนโอนรอบเอวผมไหวหลวมๆ ก้มลงจูบบนหัวบ้าง ขมับบ้าง แก้มบ้าง ทำเอาผมสมาธิกระเจิดกระเจิงไปหมด กลัวตัวเองจะทำอาหารผิดตามสูตรจริงๆ


“วิคเตอร์ ไปนั่งรอสิ เดี๋ยวผมก็ทำไม่เสร็จหรอก” ผมหันไปมุ่ยหน้าใส่เขา และพยายามหันหน้าหนีจมูกของเขาที่คลอเคลียแก้มผมไม่หยุด


“สักวันฉันจะมีอะไรกับนายไปด้วย และให้นายทำอาหารไปด้วย” ฟังกันที่ไหนล่ะ แถมยังมีความคิดพิสดารงอกขึ้นมาอีก
ผมทำอาหารแทบไม่รู้เรื่อง เพราะโดนแทะเล็มไม่หยุด ไม่รู้ใส่ส่วนผสมผิดบ้างรึเปล่า แต่สุดท้ายไก่ทอดและผักบร็อคโคลี่ก็วางอยู่บนโต๊ะสองจาน ผมทำเผื่อตัวเองด้วย เพราะอยากลองกินมานานแล้ว รสชาติมันก็อร่อยดีนะ แต่อาจไม่ได้มีเครื่องปรุงแต่งอะไรมากมาย ไม่ได้ออกหวาน ออกเปรี้ยว ออกเผ็ดชัดเจน


พอกินข้าวเสร็จ ผมก็กินยาหลังอาหารตามไป วันนี้วิคเตอร์ไม่มีงานที่ไหน เพราะกองถ่ายซีรีส์หยุดเนื่องด้วยใกล้จะถ่ายจบแล้ว ส่วนเรื่องหนังก็รอเวลาให้ทางค่ายหนังเรียกเข้าไปเวิร์คช้อปเร็วๆ นี้ งานจิปาถะอื่นๆ เขาก็ไม่ค่อยรับหรอก เพราะสำหรับคนในสายอาชีพนี้ ถ้าเลือกได้เขาก็อยากจะพักผ่อนกันให้เต็มที่มากกว่า เพราะทำงานแต่ล่ะทีก็หนักหนาสาหัสพออยู่แล้ว อีกอย่างวิคเตอร์เองก็ไม่ต้องดิ้นรนรับงานอะไรมาก เพราะสิ่งที่แม่กับย่าเขาทิ้งไว้ให้มันก็มากพอที่จะเลี้ยงดูเขาไปทั้งชีวิต


RRRrrr!


มือถือวิคเตอร์สั่นในระหว่างที่เรากำลังนอนดูหนังในห้องโฮมเธียเตอร์อยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาดูแว้บหนึ่งแล้วก็กดตัดสาย เอื้อมไปวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตามเดิม เอามือวางลงบนเอวผมตามเดิมเช่นกัน แต่สักพักโทรศัพท์เขาก็สั่นอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงพ่นลมหายใจคล้ายอาการรำคาญดังที่ข้างหู แต่ไม่กล้าแหงนหน้าไปดู เดาว่าหน้าตาคงหงุดหงิดอยู่ เขาเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาอีกรอบแล้วกดตัดสายทิ้ง ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ กอดเอวผมไว้ตามเดิม แต่ยังไม่ทันถึงนาทีมือถือเขาก็สั่นอีกครั้ง


“Fuck idiot! (แม่งงี่เง่า!)” เขาสบถเสียงเข้ม ผมแอบสะดุ้งนิดๆ กับน้ำเสียงที่มาพร้อมกับอารมณ์ครุกรุ่นของเขา วิคเตอร์ยกมือถือขึ้นมาแล้วกดรับสาย


“อะไร?!... แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ… เหอะ! เขาสนใจผมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย… ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย จะทำอะไรก็เรื่องของผม… ห่วงทำไม?! ไม่ต้องมาห่วง… จะมาห่วงอะไรตอนนี้! อย่ามาใช้คำนี้กับผมเลย!... มันน่าสมเพชไง เพิ่งนึกขึ้นได้รึไงว่าควรจะใช้คำนี้กับผม!... ไม่ต้องมา ไม่ต้องโทรมาด้วย!” เขากดวางสายอย่างแรงจนหน้าจอแทบจะยุบตามแรงกดบนนิ้ว ผมค่อยๆ เหลือบตาขึ้นไปมอง ก็เห็นว่าสีหน้าเขาไม่ดีเลย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ใบหน้าตึงเครียด แววตาก็เครียดไม่แพ้หน้า รีมฝีปากปิดแน่นสนิทคล้ายกับกำลังระงับอารมณ์อยู่


“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมลองถามเสียงเบาๆ วิคเตอร์ก้มหน้าลงมามองผมสายตาเขม็ง ทำเอาผมหดคอด้วยความกลัว เลยยิ้มเจื่อนๆ ไปให้เขา หันกลับไปดูหนังต่อ ทั้งที่ดูไม่รู้เรื่องแล้ว


“ไม่มีอะไรหรอก ช่างเถอะ” เขาบอกออกมาเสียงขรึม ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วพยักหน้าเบาๆ แม้จะรู้ว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ผมก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรเขามาก


เรานอนดูหนังโดยที่มือถือเขาหยุดสั่นไปแล้ว ผมแทบดูหนังไม่รู้เรื่อง เพราะในหัวกำลังนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขามีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดนี้ หลังจากวางสายไป วิคเตอร์ก็เงียบ ดูหนังด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด จนผมรู้สึกเกร็ง


RRRrrr!


“ใครอีกวะ?!” เขาสบถเสียงโมโห เอื้อมมือมาหยิบมือถือไปจากโต๊ะ มองหน้าจอด้วยสีหน้าเครียดๆ อยู่พักหนึ่งถึงจะกดรับ


“ว่าไงเอมิลี่?... จะมาคุยเรื่องนั้น?... ไม่ต้องมาหรอก มันไม่ใช่ประเด็นที่ต้องจริงจังขนาดนั้นมั้ง… เธอพูดเรื่องอะไรเนี่ย?... โอย! ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก…” เขาเหลือบสายตามามองผมเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง


“แปบนึงนะ…” เขาบอกกับคุณเอมิลี่แล้วลุกออกไปจากโซฟา ทิ้งผมไว้กับความไม่เข้าใจ ผมมองตามแผ่นหลังเขาที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง


“เป็นไปไม่ได้หรอก… จะเป็นไปได้ยังไง… ก็แค่…” เสียงเขาขาดหายไปตอนประตูปิดลง ผมรู้สึกใจมันวูบวาบประหลาดๆ รู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้ สายตาผมจับจ้องที่จอก็จริง แต่หนังที่กำลังฉายไม่เข้าหัวผมเลยแม้แต่นิด


วิคเตอร์กลับเข้ามาในห้องอีกทีหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์เกือบครึ่งชั่วโมง เขาเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้ามาในห้อง สีหน้าไม่สบายใจนั้นทำเอาผมไม่สบายใจตามไปด้วย แววตาเขาทั้งเครียดและมีแววอ่อนล้า ใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนหน้านี้ไม่เหลือเค้าให้เห็นเลย


“เป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมหน้าเครียดจัง” ผมลุกขึ้นนั่ง ถามเขาด้วยความเป็นห่วง วิคเตอร์ขบกรามจนกรอบหน้าขึ้นชัดเจน เขาโยนโทรศัพท์ไว้บนโซฟาตัวเล็ก ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ผม นั่งจ้องหน้าผมสักพักด้วยสายตาครุ่นคิดและเครียดจัด ผมเขยิบเข้าไปใกล้เขา ถือวิสาสะขึ้นไปนั่งบนตักของอีกฝ่าย วิคเตอร์กระชับอ้อมแขนรอบเอวผมไว้หลวมๆ


“วิคเตอร์ มีอะไรเหรอ” เขาไม่ตอบ เอาแต่มองหน้าผมด้วยใบหน้าตึงเครียดไม่ผ่อนคลาย เห็นแบบนั้นผมเลยตัดสินใจยกมือซ้ายขึ้นปัดผมที่ปรกหน้าผากเขาอยู่ โน้มหน้าลงไปกดจูบหนักๆ ที่หน้าผากเขา วิคเตอร์นิ่งไปสักพักก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ และหนักๆ ผมผละหน้าออกมามองหน้าเขา ก็เห็นว่าสีหน้าเขาคลายความเครียดไปได้เยอะ ดวงตาคู่สวยคล้ายจะสงบลง


“บอกผมได้มั้ย”


“จริงๆ ไม่ต้องบอกเดี๋ยวนายก็รู้เอง แต่ช่วงนี้อย่าเพิ่งรับรู้อะไรเลยนะ เป็นไปได้ก็อย่าเล่นโทรศัพท์มาก” ผมขมวดคิ้วงงกับคำขอร้องแกมคำสั่งของเขา


“แหม… ทำอย่างกับทุกวันนี้ผมได้จับโทรศัพท์นานๆ งั้นแหละ จับได้นานที่สุดคือคุยกับพ่อกับแม่ พอคุยเสร็จคุณก็ยึดไปเก็บไว้เอง” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากนิดๆ กระชับร่างผมให้เข้าใกล้ชิดเขามากขึ้น ผมยิ้มอ่อนๆ ซบร่างซีกขวาลงบนอกเขา


“ฉันกลัวนายจะสนใจโทรศัพท์มากกว่าฉัน ยิ่งถ้าได้เล่นเกมส์ นายก็จะไม่สนใจฉันเลย…” ผมแอบยิ้มบางๆ ด้วยความขำ จริงๆ ผมไม่ใช่คนติดเกมส์หรอก ก็เล่นแต่เกมส์ในมือถือนั่นแหละ


“…อีกอย่าง เล่นโทรศัพท์มากๆ ไม่ดีนะรู้รึเปล่า มันอันตรายต่อสายตาและสมองนะ” คล้ายจะมีวิชาการ คล้ายจะมีคุณธรรม คล้ายจะบอกด้วยความเป็นห่วง แต่ก็นั่นแหละมันแค่คล้ายไง ผมเลยได้แต่ขำแบบงงๆ ใต้คางเขา


“โอเค ผมจะพยายามรู้สึกดีๆ กับสิ่งที่คุณพูดนะ” วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ และเอาคางเกยไว้บนศีรษะผม


เรานั่งกันอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ จนหนังเรื่องแรกจบและเรื่องที่สองกำลังเริ่มเล่น เขาแทบไม่ขยับเลย นั่งกอดผมไว้อย่างนั้น ผมก็ไม่กล้าขยับตัวเพราะคิดว่าเขาคงกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ไปเรื่อย เลยไม่อยากไปขัดความคิดของเขา แต่ก็อดอึดอัดใจไม่ได้อยู่ดีที่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขา ทั้งๆ ที่ตอนนี้เราอยู่ใกล้กันมากแต่ผมกลับไม่รู้อะไร และยังช่วยเขาไม่ได้อีก


“ถ้าหนังจบแล้ว ไปออกกำลังกายกันเถอะ” เขาเอ่ยออกมาในที่สุดหลังจากนิ่งเงียบกันอยู่นานจนผมจะหลับคาอกเขาอยู่แล้ว วิคเตอร์ยกมือมาลูบหัวผมแผ่วเบา


“ไปสิครับ” เขาต้องมีเรื่องอะไรที่กำลังทำให้ใจเขาว้าวุ่นอยู่แน่นอน แต่ผมก็พร้อมทำให้เขาสบายใจ ตอนนี้การทำตามใจเขาคงเป็นอะไรที่ทำให้เขารู้สึกดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง


ตอนที่เราดูหนังเรื่องที่สองจบก็เป็นเวลาบ่ายสามเกือบบ่ายสี่โมงเย็น วิคเตอร์พาผมขึ้นไปบนชั้นสาม เปิดแอร์เย็นๆ เพื่อให้มีอากาศถ่ายเท แต่ไม่ได้เปิดจนหนาวจัด เขาเริ่มวอร์มร่างกายเบาๆ ผมขอให้เขาเปิดเพลงคลอไปด้วย เขาเลยบอกให้เอาไอพอดผมไปเสียบกับลำโพงเอง พอมีเสียงเพลงผมก็เริ่มขยับร่างกายตามเขาบ้าง เขาก็วอร์มของเขาไป ผมก็วอร์มในแบบฉบับของผมไปเรื่อย ยกแขนยกขาตามจังหวะเพลง เริ่มจากเบาๆ ก็เริ่มออกจังหวะหนักๆ โดยลืมสังขารอาการป่วยตัวเองไปชั่วขณะ แต่พอได้ออกกำลังหนักๆ ผมว่าเหมือนมันจะขับพิษไข้ที่เหลืออยู่ในร่างกายออกไปทางเหงื่อด้วยนะ ไม่แน่ใจว่าที่เคยได้ยินมานั้นถูกมั้ย
ผมเต้นแร้งเต้นกาอีกสักพักก็ไปช่วยเขานับและจับเวลาในการออกกำลังกายแต่ล่ะท่า ตอนนี้เขากำลังเอาแขนสองข้างเท้าไว้บนบาร์ แล้วยกขาสองข้างขึ้นตรงแหน่ว ยกขึ้นยกลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปากยามที่ขาสองข้างแตะลงพื้น


“สี่สิบแปด… สี่สิบเก้า… ห้าสิบ!” ผมปรบมือให้เขาเป็นการชื่นชม ใบหน้าหล่อเหล้าคมคายของวิคเตอร์ชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อแม้จะเปิดแอร์ในห้องฟิตเนสด้วยก็ตาม เขาส่งเสียงคำรามด้วยความเหนื่อย ค่อยๆ เดินมาที่พื้นกลางห้อง ยืนยืดแขนยืดขา และปรับลมหายใจอยู่สักพัก เขาก็นั่งลงคุกเข่ากับพื้น ตั้งท่าเตรียมวิดพื้น ผมเห็นแบบนั้นก็ตาโต เดินเข้าไปใกล้ๆ เขา พอมือเขายันตัวยกสูงจนตัวลอย ผมก็พุ่งตัวลงไปนอนทับหลังเขาทันที


“Alien!” เขาทรุดลงกับพื้นและสบถฉายาผมลั่นห้อง ส่วนผมก็นอนเหยียดตัวตรง หัวเราะกิ๊กกั๊กอยู่บนแผ่นหลังกว้างของเขา สองมือยึดไหล่เขาไว้เป็นที่จับไม่ให้ไหลลงไป


“ให้ทายว่าฉันหนักมั้ย?!” เขาถามเสียงเหนื่อยๆ พยายามจะหันหน้ามามองผม ผมเลยเขยิบหน้าเข้าไปใกล้เขาเอง


“ฮิๆ ยักษ์อย่างคุณแบกเอเลี่ยนตัวแค่นี้ทำมาเป็นบ่น ใจเสาะนะเนี่ยยย!” ผมยกมือขวาไปเกาแก้มขวาเขาเบาๆ วิคเตอร์หันมามองตาวาว แต่ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้ม


“ได้ จับไว้ให้ดีก็แล้วกันนะ เอเลี่ยนตัวเตี้ย!”


“เตี้ยแต่ทำให้คุณเพลียได้นะ!” ผมเบะปากและย่นจมูกใส่เขา วิคเตอร์หัวเราะหึๆ


“ที่ฉันเห็นมีแต่นายต่างหากที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง เอาแต่พูดว่าจะขย่มฉันอย่างนั้น จะทำให้ฉันเพลียอย่างนี้ ไม่เห็นทำสักที” ผมหน้าแดงก่ำทั้งที่หน้ายังยับยู่ยี่อยู่อย่างนั้น วิคเตอร์หันมามองผมแล้วยิ้มมุมปาก ยักคิ้วมาอย่างท้าทาย ผมเอามือดันหน้าเขาให้หันกลับไปข้างหน้า


“ฉันรอเพลียเพราะนายอยู่นะ” เขาว่าแล้วออกแรงดันแขนขึ้น ตั้งท่าเตรียมพร้อมวิดพื้น จัดระเบียบแขนขาให้เข้าที่โดยมีผมเกาะหลังเป็นลูกลิงอยู่ข้างหลัง


“สักห้าสิบครั้งเนอะ จะได้แข็งแรง!” ผมตบบ่าเขาเน้นๆ เป็นการให้กำลังใจ วิคเตอร์ส่งเสียงฮึ่มฮั่มมาจากลำคอ แต่ผมไม่สนใจเสียงขู่เขาหรอก


“Ready? Go!” แล้วผมก็เริ่มนับเลขตามจำนวนครั้งที่เขาวิดลง วิคเตอร์เป็นผู้ชายที่แข็งแรงมากจริงๆ ด้วยโครงสร้างรูปร่างใหญ่แบบฝรั่งบวกกับการที่เขาเล่นกล้าม ออกกำลังกาย เขาเลยยิ่งดูบึกบึนสมกับชายชาตรีแห่งเมืองผู้ดีแต่พลัดถิ่นมาอยู่สหรัฐฯ ซะจริง ขนาดมีผมที่ว่าตัวหนาๆ นอนเกาะเขาอยู่บนหลัง เขาก็ยังวิดพื้นขึ้นลงได้อย่างสบาย แม้จะส่งเสียงราวกับจะขาดใจตายมาบางครั้งยามที่ดันร่างตัวเองขึ้น


“อึ๊บบบ! สี่สิบบบ…” ผมคานเสียงยานเป็นกำลังใจให้เขา (?) ในการดันร่างตัวเองขึ้นลงโดยมีผมเป็นตัวถ่วงชีวิตเขาอยู่ด้านบนแบบนี้ วิคเตอร์ดันแขนขึ้นลงช้าๆ จนกระทั่งครบห้าสิบทีตามที่ผมบอก ก่อนจะที่ตัวเขาจะทรุดลงไปกองกับพื้นพร้อมหายใจหอบหนักๆ


“สุดยอดเลย!” ผมบอกแล้วตบบ่าทั้งสองข้างของเขาแรงๆ วิคเตอร์นอนคว่ำหน้าหอบหายใจอยู่บนพื้น ผมค่อยๆ กระดึ๊บลงจากตัวเขาลงไปนั่งข้างๆ วิคเตอร์พลิกตัวนอนหงาย อ้าปากหอบด้วยความเหนื่อย ผมคลานไปที่ปลายเท้าของเขา จับให้ขาเขาตั้งฉากขึ้น


“ต่อไปก็ซิทอัพ หน้าท้องจะได้แน่นๆ!” ผมบอกแล้วโน้มตัวเอามือไปตบลงบนหน้าท้องเขาอันเต็มไปด้วยกล้ามท้อง วิคเตอร์บิดตัวหนีด้วยความตกใจเล็กน้อย


“เดี๋ยวเถอะๆ” เขาทำสีหน้าคาดโทษใส่ผม ส่วนผมก็ยิ้มตาใสไปให้เขา มองเขาด้วยสายตาเร่งรัดว่าให้รีบทำท่าซิทอัพ วิคเตอร์พ่นลมหายใจออกจากปาก สองมือสอดเข้าไปที่ท้ายทอย ขาสองข้างตั้งฉากเตรียมพร้อมสำหรับการซิทอัพ


“Go!” ผมบอกเขาเสียงแข็งขัน แล้วเริ่มนับเลข วิคเตอร์ดันตัวเองขึ้นมาโดยมีผมจับเท้าไว้ให้เขา ถึงเสียงหายใจเขาจะดูเหนื่อย แต่เขายังคงซิทอัพในระดับที่ไม่อ่อนแรงลงเลย ยังคงแข็งแรงเหมือนเดิม!


“สามสิบเก้า… สี่สิบ…” เขากัดฟันซิทอัพต่อจนครบห้าสิบครั้งแล้วนอนแผ่หลาหายใจหอบหนักๆ ผมจับเข่าเขาไว้ขึ้นไปนั่งคร่อมตรงข้อเท้าเขา วิคเตอร์กดคางลงมองผมด้วยสายตางงๆ


“ยกผมขึ้นๆๆ พ่อชอบเล่นกับผมแบบนี้ตอนเด็กๆ มันเสียวดี”


“ไม่เอาหรอก ตัวนายหนักยิ่งกว่าไมเคิลอีก” เขาพูดสีหน้ากวนตีน ยักคิ้วใส่หน้าผมสองที ผมถลึงตาใส่เขาแล้วทำท่าจะลง จังหวะนั้นวิคเตอร์ก็รีบยกตัวผมขึ้นด้วยข้อเท้าและแข้งขาทันที


“ว้ากกก!” ความรู้สึกเสียววูบตรงท้องน้อยเกิดขึ้นฉับพลันตอนที่เขายกตัวขึ้นสูงแทบจะสุดขายาวๆ ของเขา ผมหน้าเหวอกลางอากาศ ท่าทางจะร่วงลงพื้น มือผมปัดป่ายหาที่จับไปมา สุดท้ายก็คว้าเข้ากับสองมือของวิคเตอร์ที่ยื่นมาให้ไว้เป็นที่ยึด


“ไง อยู่บนเตียงกับอยู่บนนั้น อันไหนเสียวกว่ากัน” เขาว่าแล้วลดขาลง ผมจับมือเขาไว้แน่น และหนีบขาเข้ากับขาเขาไว้ให้แน่นที่สุดเพื่อกันตัวเองตก


“ไม่บอก!” ผมแกล้งสะบัดเสียงใส่เขา วิคเตอร์ยิ้มซุกซน ยกตัวผมขึ้นไปสูงตามเดิม ผมร้องกรี๊ดด้วยความตกใจแล้วความเสียวไส้ ปล่อยให้เขายกขึ้นยกลง ความรู้สึกเหมือนได้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกเลย


“อ๊ากกก! ก๊ากกก! ฮ่าๆ คิกๆ” ผมส่งเสียงด้วยความหวาดเสียงเมื่อเขายกตัวผมขึ้นไปค้างไว้บนอากาศแล้วโยกขาไปซ้ายทีขวาที เสียวแต่ก็ตื่นเต้นจนต้องหัวเราะออกมาด้วยความสนุก วิคเตอร์ยิ้มกว้างด้วยความสนุกเช่นกัน เขายกผมขึ้นลงสลับเร็วสลับช้า ปล่อยจังหวะให้ผมตายใจแล้วก็ค่อยยกขึ้น และยกลงอย่างเร็ว


“พอยัง” เขาถามหลังจากผมใช้ขาเขาเป็นเครื่องเล่นมาสักพัก ผมหัวเราะเสียงฮึมฮัมในลำคอพร้อมส่ายหัวว่าไม่พอ ส่งสายตาแป๋วๆ ไปให้เขาเป็นเชิงอ้อนว่าอยากเล่นต่อ วิคเตอร์แสร้งทำหน้าว่าเหนื่อยแล้วส่ายหัว ผมยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมา วิคเตอร์ลดขาลงช้าๆ พอเท้าถึงพื้นเขาก็เหยียดขาตรงทำให้ร่างผมนอนราบไปกับขาเขา เขากดคางต่ำมองผมที่นอนอยู่บนขายาวๆ ของเขา


“ปากนายอยู่ในระดับเดียวกับไอ้นั่นของฉันเลยนะ” เขายิ้มแซว ผมที่กำลังเพลินๆ ถึงกับสะดุ้ง พอเห็นว่าใบหน้าตัวเองกำลังอยู่ตรงกับเป้าเขา ผมก็รีบดันตัวลุกขึ้นหน้าตาตื่นทันที


“ทำอย่างกับไม่คุ้นเคยกับมันงั้นแหละ อ้อ นายยังไม่เคยใช้ปากสินะ ไว้หายแล้วลองสิ” เขายกมือไปสอดไว้ใต้หัวเป็นหมอน นอนมองผมด้วยสายตาอ่อนละมุนพร้อมรอยยิ้มหล่อสะดุดใจ


“ไม่เอา” ผมบอกพลางย่นคิ้วใส่เขา แต่วิคเตอร์ยังคงยิ้มเหมือนเดิม คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นนิดหนึ่งเหมือนคิดอะไรอยู่


“ถ้านายกลัวทำไม่เป็น ลองฝึกซ้อมกับกล้วยก่อนก็ได้ ของฉันก็น่าจะใกล้เคียงกับกล้วยหอมที่สุด แต่ต้องลูกใหญ่หน่อยนะ” ผมอ้าปากหวอด้วยความทึ่งกับผู้ชายคนนี้ ความคิดเขาช่างน่าลอง เอ้ย! น่าชกหน้าซะจริง วิคเตอร์มองหน้าผมที่เหวอกับคำพูดเขาแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น ผมมองเขาอย่างงงๆ ปนเคืองๆ ไม่เข้าใจว่ามีอะไรให้น่าขำ


“ขึ้นมานั่งนี่เร็ว” เขาบอกหลังจากหัวเราะจนคุมเสียงตัวเองได้ เอามือขวาตบลงบนท้องตัวเองเบาๆ ผมคลานเข้าไปใกล้เขา ยกตัวขึ้นนั่งคร่อมตัวเขาไว้ วิคเตอร์เอื้อมมือสองข้างมาจับเอวผมไว้แล้วบีบเบาๆ


“เห็นนายนั่งท่านี้แล้วอยากให้นายขย่มฉันจริงๆ ลองมั้ย เดี๋ยวฉันปล่อยให้นายคุมเกม” ผมถลึงตาใส่เขาเบาๆ วิคเตอร์ยิ้มทะเล้น ผมโน้มหน้าลงไปหาเขาแล้วกัดปลายจมูกโด่งมนๆ ของเขาเบาๆ


“งั่มมมๆ” วิคเตอร์หัวเราะปล่อยให้ผมงับจมูกเขาอยู่อย่างนั้น สักพักเขาก็เลื่อนมือมากดหัวผมลงให้ไปรับจูบอันเนิบนาบแต่ก็ร้อนแรง ลิ้นเราเกี่ยวพันกันอย่างอ่อนนุ่ม จูบกันไม่นานวิคเตอร์ก็ดันหน้าผมออก มองผมด้วยสายตาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย


“ค่ำนี้ไปดูวิวนิวยอร์คกัน” ผมเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจที่จู่ๆ เขาก็มาชวนไปดูวิวยามค่ำคืนของนิวยอร์ค ก็ใช่ว่าไม่เคยเห็นหรอก แต่ส่วนมากผมจะเห็นจากฝั่งบรู๊คลินมากกว่า


“ไปมั้ย” เขาถามย้ำเมื่อเห็นว่าผมยังเอาแต่ทำหน้าประหลาดใจ


“ไปครับ” ผมพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น วิคเตอร์ยิ้มหล่อกลับมาให้ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมเบาๆ หนึ่งที ผมดันตัวลุกขึ้นนั่ง นั่งชันเข่าขึ้น ยกเข่าออกจากตัวเขาลงไปนั่งกับพื้นข้างๆ ตัวเขา วิคเตอร์นอนเหม่อมองเพดาน สายเขาคล้ายคนเลื่อนลอยกำลังคิดอะไรไปเรื่อย


“คุณต้องมีเรื่องไม่สบายใจอยู่แน่ๆ” เขาหันหน้ามามองผมด้วยสายตาว่างเปล่า ส่งรอยยิ้มมุมปากน้อยๆ มาให้


“ใครๆ ก็มีเรื่องไม่สบายใจทั้งนั้นแหละ จะให้สบายใจตลอดเวลาได้ไง”


“ผมเป็นห่วงคุณนะครับ” ผมบอกแล้วลงไปนอนซบบนอกเขา วิคเตอร์ยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมอย่างเบามือ


“Thank you. (ขอบใจ)” ผมรู้สึกไม่สบายใจ เพราะผมรู้ว่าตอนนี้เขามีเรื่องไม่สบายใจอยู่ วิคเตอร์ยิ่งเป็นคนลึกลับซับซ้อนอยู่ด้วย ทุกวันนี้ถึงจะมีอะไรกันแล้ว แต่เรื่องความลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนของเขาก็ยังอยู่ ไม่หายไปไหน และไม่ได้หมายความว่าเขาจะเปิดใจให้ผมทุกอย่างหรือให้ผมรับรู้ทุกเรื่อง

V
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:11:02


พอใกล้ค่ำเราสองคนก็เลิกออกกำลังกาย อันที่จริงหลังจากผมนอนซบอกเขา วิคเตอร์ก็ลุกขึ้นไปออกกำลังต่ออีกนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็เลิก เราพากันไปอาบน้ำ ใส่ชุดคลุมลงมาทานอาหารเย็น ผมกับเขากินอาหารคลีนกันต่ออีกมื้อ กินไปกินมามันก็อร่อยดีนะ ถึงจะชืดๆ กว่าอาหารปกติไปหน่อยก็เถอะ ผมจัดการเตรียมอาหารที่ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อไว้ให้เขาด้วย จำพวก ไก่ ไข่ นม อะไรแบบนี้ จริงๆ สมัยนี้มันก็มีทางลัดสำหรับคนเล่นกล้ามนั่นก็คือพวกเวย์โปรตีน แต่ผมไม่อยากให้เขากินโปรตีนสำเร็จรูปนั่นอย่างเดียว อยากให้เขาได้จากอาหารพวกนี้ด้วย


“ไม่เอาหรอก เหมือนผมใส่กระโปรงเลย” ผมบอกหน้ายู่เมื่อเขายื่นเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนตัวโคร่งไซส์ขนาดตัวเขามาให้ผมใส่ ผมหันไปหยิบเสื้อยืดลายการ์ตูนมาริโอ้สีขาว แขนเสื้อยาวถึงข้อศอกสีดำออกมาใส่คู่กับกางเกงเดฟสกินนี่สีน้ำเงิน วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ แล้วเอาเสื้อไปเก็บ เขาเลือกใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวเนื้อผ้าหนากับกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน


“ต้องใส่หมวกด้วยหรอ นี่มันกลางคืนแล้วนะ” ผมเอ่ยถามเขางงๆ เมื่อเขาสวมหมวกแก็ปสีขาวลงบนหัวผม และใส่สีดำที่มันอักษรตัว V เงินลงบนหัวตัวเอง


“นายไม่สบายอยู่นะ ส่วนฉันชินกับการใส่หมวกเวลาออกไปข้างนอก” เขาว่าแล้วกระชับเสื้อกันหนาวลายทหารที่ผมใส่อยู่ จริงๆ ช่วงนี้มันไม่ใช่หน้าหนาวจัดหรอก เพราะมันยังอยู่ในช่วงสปริง อากาศอุ่นสบาย แต่ตอนกลางคืนพอไม่มีแดด ลมก็จะเย็นจนรู้สึกยะเยือกที่ผิวได้เหมือนกัน ยิ่งสำหรับคนป่วยอย่างผมก็จะยิ่งหนาวกว่าคนปกติหน่อย ผมยิ้มด้วยความเข้าใจ ส่วนวิคเตอร์เป็นคนติดหมวกจริงๆ นั่นแหละ อาจเป็นเพราะด้วยหน้าที่การงานของเขา พอออกไปข้างนอกเขาก็คงไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายด้วยนักหรอก


ตอนที่อยู่บนรถไฟ วิคเตอร์ถูกหลายสายตาเหลือบเมียงมองมาคล้ายกับว่าไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือเปล่า แต่เพราะใส่หมวกและหันหน้าหนีโซนที่คนนั่งเยอะๆ เลยทำให้ไม่ชัดเจนว่าเป็นวิคเตอร์แน่ๆ หรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้น เคยรู้สึกกันมั้ยว่าพวกดารานักแสดงถึงแม้เขาจะปกปิดตัวเองยังไง แต่มันจะมีออร่ากระจายออกมาจากตัวคนเหล่านี้


เราเดินขึ้นบันไดจากใต้สถานีขึ้นมาโผล่บริเวณใกล้ๆ กับเซ็นทรัลปาร์คในยามค่ำคืน แสงสว่างตามตึกสูงและไฟตามข้างทางส่องสว่างไปทั่วเมืองนิวยอร์ก เซ็นทรัลปาร์คตอนกลางคืนก็เปิดไฟสว่างไสวไม่ปล่อยให้ความมืดครอบงำ บรรยากาศในยามค่ำนั้นแสนคึกครื้น ผู้คนออกมานั่งรับประทานอาหารกันขวักไขว่แถวร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เซ็นทรัลปาร์ค มีทั้งนั่งตามร้านปกติ กับร้านที่กางเต้นท์ตามถนนติดๆ กัน ซึ่งอย่างหลังผมว่าน่าสนใจกว่า ให้ความรู้สึกเหมือนร้านอาการตามสั่งที่เมืองไทย แต่ที่นี่แต่ล่ะร้านก็จะมีอาหารเอกลักษณ์ของเขาเลย


วิคเตอร์พาผมเดินไปเรื่อยๆ ผมก็ยกกล้องที่เอาคล้องคอมาด้วยถ่ายรูปมุมต่างๆ ที่สนใจ ผมไม่เคยออกมาเดินย่านเซ็นทรัลปาร์คตอนกลางคืนเลย เพิ่งรู้ว่ามันคึกคักขนาดนี้ น่าจะคึกคักพอๆ กับที่ไทม์สแควร์แต่ที่นี่ดูสะอาดกว่าเยอะ 


“หูววว! ตึกเอ็มไพร์สวยจังงง!” ผมร้องบอกตาโตเมื่อเรากำลังเดินเข้าใกล้ Top of the rock มากขึ้นเรื่อยๆ ยอดตึก Empire state โผล่โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางตึกต่างๆ แสงไฟสีน้ำเงินเขียวแดงที่ไล่สีไปตามยอดตึกนั้นชวนตื่นตาตื่นใจ ได้ยินมาว่ามันจะเปลี่ยนตามสีของแต่ล่ะวันเลย แต่บางวันก็เล่นไล่สีอย่างที่ผมเห็นอยู่นี่แหละ ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป อยากจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปบ้าง แต่ผมก็ลืมเอาไว้กับวิคเตอร์ และเขาก็ไม่ได้เอามา เอามาแต่ของตัวเอง เดี๋ยวค่อยเอาไฟล์รูปลงคอมก็แล้วกัน


“Two. (สองใบ)” วิคเตอร์บอกกับพนักงานที่ขายบัตรอยู่ด้านล่าง ผมจะควักเงินให้เขาเป็นค่าตั๋วขึ้นไปชมวิว แต่เขาบอกปัดไม่รับ จัดการจ่ายให้ผมและยื่นบัตรให้พนักงานที่รอฉีกตั๋วอยู่ เราเดินไปรอลิฟต์ที่พนักงานกดให้ กดขึ้นไปบนชั้นชมวิว ระหว่างทางผมก็อดรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ลิฟต์เปิดออกพร้อมกับเสียงเพลงที่ดังฟังสบายๆ เราขึ้นมาบนโถงกว้างๆ ที่มีคนยืนอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ไม่แน่นขนัดจนน่าอึดอัด เราเดินออกไปด้านนอกที่คล้ายระเบียง พื้นปูด้วยกระเบื้องสีส้มอ่อนๆ กระจกบานใหญ่สีใสถูกตั้งกันไปรอบระเบียงชมวิวเพื่อกันคนไม่ให้พลัดตกลงไปและช่วยกันลม ที่ด้านบนนี้จะพัดแรงกว่าด้านล่าง


เราเดินไปแถวมุมๆ ระเบียงกระจก ตรงที่คนน้อยๆ หน่อย ผมจับปีกหมวกไปไว้ด้านหลัง กวาดตามองวิวภาพกว้างของตึกในมหานิวยอร์คยามค่ำคืน แสงไฟสีเหลืองสีขาวส่องแสงสว่างจนทำให้ท้องฟ้าสีดำมืดด้านบนนั้นสว่างตามไปด้วย แม้นจะไม่มีดาวอยู่บนฟ้าแต่ว่าแสงไฟจากตามตัวตึกและยอดตึกก็ระยิบระยับไม่แพ้ดาว ที่เด่นที่สุดก็แน่นอนว่าเป็นตึกสูง 102 ชั้นที่ใช้เวลาสร้างสี่ร้อยสิบวันอย่างตึก Empire state นั่นเอง ตัวตึกทรงสูงสี่เหลี่ยม ยอดตึกไล่ระดับคล้ายยอดพีระมิด แสงไฟที่ผมเห็นด้านล่างนั้นไล่เรียงตัวกันอย่างสวยงามท่ามกลางความมืดของท้องฟ้า ยิ่งท้องฟ้ามืดสนิทยอดตึกนั้นก็ยิ่งเด่น


“วิคเตอร์…” ผมเอ่ยเสียงไม่มั่นใจ ผู้ชายที่กำลังยืนมองวิวอยู่ข้างๆ ผม หันมาเลิกคิ้วใส่ผมเป็นเชิงถาม ผมเม้มปากเบาๆ เอ่ยถามด้วยความหวาดๆ เล็กน้อย


“ถะ… ถ่ายรูปกันมั้ยครับ” ผมแทบจะกลั้นใจถาม เพราะกลัวจะไปทำให้เขาอารมณ์เสีย วิคเตอร์ทำสีหน้าประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า ผมเลยยิ้มกว้างด้วยความโล่งอก หยิบกล้องเตรียมดึงออกจากคอ


“ไม่ใช้มือถือถ่ายล่ะ แบบนี้มันลำบากไปรึเปล่า”


“ผมไม่ได้เอามือถือมานี่นา ก็อยู่กับคุณนั่นแหละ” ผมว่าแล้วเบะปากนิดๆ


“เอามือถือฉันก็ได้นี่” ผมเลิกคิ้วขึ้นมองเขา ถามเสียงงงปนตกใจ


“ได้เหรอ?!” เขายิ้มขำกับอาการที่ผมแสดงออก


“ได้สิ” วิคเตอร์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา เขายื่นส่งให้ผม ผมรับไว้ในมือ เลือกเปิดโปรแกรมกล้องถ่ายรูป เข้าไปยืนชิดเขาและยื่นมือตัวเองออกไป วิคเตอร์ย่อตัวเอาหน้าเบียดเข้ามาชนผมจนแก้มเราติดกัน ผมพยายามยืดแขนออกไปแต่ทำยังไงก็เก็บหน้าเราสองคนไม่หมด ไม่รู้ว่าเพราะหน้าผมบานหรือแขนผมสั้นกันแน่


“ฮือออ แขนผมสั้นอ่ะ” วิคเตอร์หัวเราะตลกขับขัน เขายืดตัวขึ้น เอามือขวาโยกหัวผมไปมาแล้วใช้มือซ้ายดึงโทรศัพท์ไปถือไว้ในมือเขาเอง โห โคตรจะต่างกัน แขนเขายืดแทบจะถึงฝั่งบรู๊คลิน (เว่อร์) เห็นหน้าเราสองคนชัดเจน แถมยังได้วิวเป็นยอดตึกเอ็มไพร์ด้วย


ผมฉีกยิ้มแฉ่งใส่กล้องเต็มที่ วิคเตอร์ก็ทำหน้าที่กดไป มียกกล้องเป็นแนวตั้งบ้าง แนวนอนบ้างสลับกันไป เน้นวิวมากกว่าเน้นหน้า แต่บางรูปก็เน้นหน้ามากกว่าวิว วิคเตอร์ดึงปีกหมวกไปไว้ด้านหลังตอนที่หันมาจุ๊บลงบนหน้าผากผมแล้วกดถ่ายรูป ผมหัวเราะคิกคักในลำคอ วิคเตอร์ยิ้มกว้าง แต่สักพักรอยยิ้มเขาก็เจื่อนลง สายตาเขากวาดมองไปทั่วบริเวณระเบียงชมวิว ผมหันไปมองก็เห็นมีคนมองเขาอยู่เช่นกัน ไม่ได้มองทุกคนหรอก เพราะแต่ล่ะคนก็ดูวิว ถ่ายรูปของตัวเองไป แต่มันก็มีบางคนบางกลุ่มส่งสายตามองมา มีทั้งมองผ่านๆ มองเฉยๆ มองอย่างสงสัยใคร่รู้ บ้างก็ส่งรอยยิ้มอย่างเอ็นดูมาให้ ผมหันกลับมาหาวิคเตอร์ เขาถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าดูคล้ายเหนื่อยๆ


“ใส่หมวกอย่างเดิมเถอะครับ” เขาพยักหน้ารับนิ่งๆ ดึงปีกหมวกกลับมาด้านหน้าตามเดิม ผมยิ้มฝืดเฝื่อนไปให้เขา รู้สึกกระวนกระวายใจยังไงชอบกล วิคเตอร์ยิ้มอ่อนๆ ตอบกลับมา


“ขึ้นไปดูวิวจากอีกชั้นมั้ย จะได้มองเห็นฝั่งเซ็นทรัลปาร์คด้วย” ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองลานระเบียงชั้นสูงสุดที่เป็นจุดชมวิวอีกชั้นของตึกนี้ เห็นคนอยู่บนนั้นไม่มากเท่าไหร่


“ไปก็ได้ครับ” วิคเตอร์ยิ้มกลับมาแล้วพาผมเดินกลับเข้าไปโถงที่เราเดินออกมา เดินไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปอีกชั้นซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ทั้งฝั่งสวนและฝั่งตึก พอลิฟต์เปิดออกก็โดนลมเย็นๆ ปะทะเข้าที่หน้า ผมกระชับเสื้อกันหนาวมีฮู้ดของตัวเอง ก้าวเท้าเดินช้าๆ ไปพร้อมวิคเตอร์ สายตาหันไปมองวิวจากฝั่งเซ็นทรัลปาร์คที่เห็นยอดต้นไม้สว่างไสวได้เพราะแสงไฟในสวน ทะเลสาบขนาดใหญ่ทอแสงไฟจนดูงดงามตามท้องเรื่องของเวลากลางคืน บางจุดมีแสงไฟสีส้มดวงใหญ่สาดลงไปจนเห็นพื้นหญ้าลิบๆ จากตรงนี้


“นายจะบินกลับวันไหน” เขาถามตอนที่เราเดินมาถึงตรงกลางลาน หยุดยืนมองวิวตึกเอ็มไพร์ จากตรงนี้จะเห็นตึกในมุมกว้างกว่าข้างล่าง และตึกก็ดูสูงเพรียวกว่าด้านล่างด้วย


“ก็น่าจะสิ้นเดือนนี้แหละครับ อีกสองอาทิตย์เพื่อนผมจะบินมาที่นี่ เรานัดมาเที่ยวด้วยกันที่นิวยอร์ค” ผมบอกยิ้มๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ยอดตึกสีสวยของเอ็มไพร์


“จริงสินะ อาทิตย์หน้าก็ถือว่านายฝึกงานเสร็จแล้ว” ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วพยักหน้ายิ้มๆ วิคเตอร์ยิ้มตอบกลับมาน้อยๆ


“ตอนแรกผมก็จะอยู่ยาวถึงกรกฎาคมเลย เพราะกว่าผมจะเปิดเทอมก็ตั้งสิงหาฯ แน่ะ แต่เงินเหมือนจะไม่เอื้ออำนวยให้ผมอยู่ต่อได้ยาวขนาดนั้น” ผมยิ้มแห้งๆ รู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างยากจนเหลือเกิน จริงๆ ก็ยังมีเงินเหลืออยู่แหละแต่ผมก็อยากไปญี่ปุ่นก่อนกลับ อยากไปช้อปปิ้งที่ฮาราจูกุ และแน่นอนว่าถ้าพวกเก้ากับแบมมาที่นิวยอร์ก มีหรือที่มันจะไม่ช้อป ได้ข่าวว่ามันเข้าเอ้าท์เล็ทที่ฟลอริด้าหมดไปหลายบาทแล้ว


“อยู่ต่อสิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงนายเองก็ได้” ผมยิ้มขำ วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้างและส่งสายตาประมาณว่าเขาจะเลี้ยงดูจริงๆ นะ


“ให้ผมอยู่ต่อในฐานะอะไรล่ะครับ ต่อสัญญาทาสงั้นเหรอ” ผมบอกพร้อมรอยยิ้มขำไปเรื่อย บอกแบบไม่ได้คิดอะไร


“อยู่ในฐานะคนพิเศษของฉันได้มั้ย” ผมที่กำลังยิ้มไปเรื่อยเปื่อยถึงกับเปลี่ยนเป็นยิ้มเก้อ มองเขาแบบเบลอๆ คล้ายเพิ่งโดนอะไรทุบหัวมาจนหัวสั่นสนั่น


“ฉันชอบนะ เวลาที่นายอยู่ข้างๆ กันแบบนี้” เขาบอกเสียงทุ้ม รอยยิ้มอบอุ่นละมุนใจระบายอยู่บนใบหน้าหล่อคมของเขา ใจผมสั่นไหวเบาๆ มันเต้นกระตุกนิดๆ ตอนที่เขาบอกให้อยู่ข้างๆ เขา แบบนี้มันดีใช่มั้ยนะ ผมกำลังถามใจตัวเองว่ามันโอเคหรือเปล่า


“ผมก็ชอบเหมือนกัน”


“งั้นก็อยู่ต่อสิ” ผมยิ้มน้อยๆ ในใจมันหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูก วิคเตอร์ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงดึงของบางอย่างออกมา เขาเอื้อมมือขวามาดึงมือซ้ายผมไป ผมมองตามงงๆ สักพักเขาก็เอานาฬิกาเรือนหนึ่งมาคล้องที่ข้อมือซ้ายผม มันเป็นนาฬิกาของแบรนด์ Calvin Klein สำหรับผู้ชาย สายนาฬิกาเป็นหนังสีดำ ตัวเรือนนาฬิกาเป็นทรงกลมสีเงิน หน้าปัดเป็นเข็มสั้นเข็มยาวสีน้ำเงินแซมสีขาวปลายๆ ผมช้อนตามองเขาด้วยความงง วิคเตอร์มองกลับมายิ้มๆ มือก็ใส่นาฬิกาให้ผมจนเสร็จ ผมยกข้อมือขึ้นดู เรือนสีเงินสะท้อนกับแสงบนยอดตึกจุดชมวิวของตึก


“ฉันให้ ฉันเห็นนายชอบหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้มือถือไม่ค่อยได้อยู่กับนาย นายคงลำบาก” ผมยิ้มงงๆ คือไม่แน่ใจว่าควรดีใจมากๆ มั้ยหรือควรดีใจน้อยๆ หรือยังไงดี แต่ผมรู้สึกดีอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เพราะเขาซื้อของให้ แต่เป็นเพราะเขาสังเกตผมด้วย


“คุณก็คืนมือถือผมมาสิ” ผมบอกแล้วบู้ปาก แต่ตาไม่ยอมละไปจากนาฬิกา มันเรียบๆ ไม่เยอะสิ่ง แต่มันดูหรูหรา ดีใจจังที่เขาซื้อให้ (คิดได้ละ ว่าควรดีใจ)


“ไม่เอา เดี๋ยวนายไม่สนใจฉัน” ผมย่นคิ้ว เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาแว้บหนึ่ง แล้วก้มลงมองนาฬิกาต่อ


“เห็นมั้ย พอมีอย่างอื่น นายก็ไม่สนใจฉัน ถอดออกเลย” เขายื่นมือทำท่าจะมาถอดนาฬิกาออก ผมเอามือหลบไปข้างหลังทันที


“แอ๊ะ… ให้แล้วให้เลยสิ” ไม่มีการเล่นตัวไม่เอาทั้งนั้นแหละ ถือว่านี่เป็นค่าจ้างที่ดูแลเขามาสามเดือนก็แล้วกัน ผมว่าเรือนนี้แพงแน่นอน แต่ไม่ใช่ว่าเขาเอาของฟรีมาให้ผมนะ เพราะเขาเคยเป็นนายแบบกางเกงในแบรนด์นี้อ่ะ


“ไม่น่าให้ตอนนี้เลยจริงๆ” เขาหรี่ตามองผมที่ยิ้มหน้าบ้องแบ๊วใส่ ผมเอามือที่ใส่นาฬิกาออกมาดูอีกรอบ เงยหน้ามองเขาอีกที


“นี่กะเอามาล่อลวงไม่ให้ผมกลับไทยใช่มั้ยเนี่ย”


“แล้วสำเร็จมั้ยล่ะ” ผมยิ้มกว้าง หัวเราะกิ๊กอารมณ์ดี เขยิบเข้าไปใกล้เขา มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง มีคนอยู่ราวๆ สิบกว่าคน แต่อยู่กระจัดกระจายและกำลังสนใจในกิจกรรมของตัวเอง ผมหันกลับมายิ้มให้เขา เขย่งตัวหอมแก้มเขาไปหนึ่งฟอด วิคเตอร์เหมือนจะตกใจไปเล็กน้อยแต่สักพักเขาก็คลี่ยิ้มออกมา


“อยู่ต่อก็ได้” ขอโทษนะเก้า แบม แกไปเที่ยวญี่ปุ่นกันสองคนนะ ชั่วโมงนี้ฉันขอกอบโกยกับผู้ชายคนนี้ก่อน


วิคเตอร์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้ ก้มลงมาหอมกลางกระหม่อมผมไปหนึ่งที ผมยิ้ม ซุกแก้มกับอกแกร่งของเขา รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมกอดและอกอุ่นนี้


“ขอบใจนะ” เขาบอกเสียงแผ่วเบา ผมผละหน้าตัวเองออกจากอกเขา เงยหน้าขึ้นสบตาคู่สวยคมของเขาที่กำลังเป็นประกาย


“ตอนผมอยู่ที่นี่ คุณจะไม่มีใครใช่มั้ย” เขาส่ายหัวทันทีที่ผมถามจบ


“Just you. (แค่นาย)” ผมยิ้มกว้าง แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะทำได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะเขามีนิสัยเปลี่ยนผู้หญิงบ่อย แต่ถึงยังไงผมก็รู้สึกดีใจอยู่ดี แม้จะยังติดใจอะไรอยู่เล็กน้อย…


“I need to know something. (ผมอยากรู้อะไรบางอย่าง)”


“What? (อะไรเหรอ)” ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ รู้สึกใจเต้นตุบๆ นี่ขนาดคำถามนี้ไม่ใช่คำถามที่อยากถามจริงๆ นะเนี่ย


“When you fuck me—you’re fuck—or you’re make love? (ตอนที่คุณมีอะไรกับผม คุณแค่เอา หรือว่าทำรัก)” วิคเตอร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าเขาดูเหมือนคนหลงทาง แววตางุนงง ถึงขั้นยกมือเกาแก้มตัวเองเบาๆ


“ฉันว่ามันก็ไม่ต่างกันตรงไหน ยังไงมันคือการที่เรามีเซ็กส์กัน” เหมือนมีเชือกอยู่ที่ใจผม แล้วเขาก็กระตุกแรงๆ จนแทบหลุดออกจากอก ความรู้สึกผมดับวูบครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะปั้นยิ้มยากขึ้นมา


“ฉันไม่เข้าใจว่าจะแยกกันทำไม ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน ยังไงนายก็ทำให้ฉันรู้สึกดีอยู่ดีนั่นแหละ” เขาบอกคล้ายจะหงุดหงิดเล็กๆ ผมยิ้มและพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจแล้ว เพราะไม่อยากชวนเขาทะเลาะ ไม่อยากให้เขาอาละวาดหรืออารมณ์เสียตอนนี้


“คิ้วขมวดอีกแล้ว” ผมว่าแล้วยกสองมือขึ้นไปคลายคิ้วเขาที่หัวคิ้วแทบจะพุ่งชนกัน วิคเตอร์คลายคิ้วออก ใบหน้าเขาผ่อนคลายมากขึ้น ผมแอบดึงแก้มสองข้างเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยวยักษ์หน้าบูดหน้าเบี้ยว


“อย่าถามอะไรเยอะนักเลย แค่ทุกวันฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับนาย และนายก็มีความสุขที่ได้อยู่กับฉัน แค่นั้นก็น่าจะดีแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาว่าหน้างอเล็กน้อย ผมแอบยิ้มกับหน้าบึ้งๆ เหมือนเด็กของเขา


“ก็ดีแล้ววว!” ผมบอกเสียงยาน วิคเตอร์ยิ้มกริ่มพอใจ จับมือซ้ายผมที่ใส่นาฬิกาไว้มาดู


“ชอบมั้ย” ผมยิ้ม พยักหน้าเร็วๆ


“ชอบสิครับ เรียบๆ ไม่หวือหวา แต่ว่ามองไม่เบื่อเลย”


“เหมือนนายไง” ผมอ้าปากหวอ วิคเตอร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมหุบปากลง อมยิ้มเขินๆ รูจมูกบานเพราะพยายามกลั้นยิ้มเขินเอาไว้ ผมเสหันไปมองตึกเอ็มไพร์ที่เปลี่ยนสีไฟยอดตึกเป็นสีแดงอย่างเดียวแล้วแว้บหนึ่ง ค่อยหันกลับมาหาเขาอีกที


“ซื้อของให้ผม ผมไม่มีอะไรจะให้ตอบแทนหรอกนะ” ผมแกล้งว่าเปลี่ยนประเด็นเพื่อแก้บรรยากาศเขินๆ นี้ วิคเตอร์ยิ้มหล่อแล้วบอกเสียงทุ้มน่าฟัง


“หายป่วยเมื่อไหร่นายได้ตอบแทนฉันแน่” ผมหน้าร้อนและแดงปลั่ง เมื่อรู้ว่าไอ้สิ่งที่เขาบอกนั้นมันหมายถึงอะไร วิคเตอร์หัวเราะน้ำเสียงคุกคามแล้วพาผมเดินไปอีกฝั่งที่เห็นวิวเซ็นทรัลปาร์ค ผู้คนเริ่มทยอยเดินลงลิฟต์ไปจนเหลือหลอมแหลมอยู่สองสามคน
ผมยืนเกาะขอบปูนระเบียงชมวิวไว้ มีวิคเตอร์ยืนซ้อนหลังอยู่ ด้านหน้าของเขาแนบชิดกับด้านหลังของผม ผมกวาดตามองวิวยามค่ำคืนของนิวยอร์กเอาไว้ให้เต็มตา เพราะไม่รู้ว่าผมจะได้กลับมาอีกมั้ย ถ้าอยู่ต่อที่นี่ ยังไม่กลับไทยพร้อมแบมกับเก้า ก็ยืดเวลาได้อีกแค่เดือนเดียว หลังจากนั้นก็ต้องกลับไทย


แล้วผมกับเขาเราจะยังไงต่อนะ ก่อนกลับเขาจะให้ในสิ่งที่ผมหวังไว้รึเปล่า ผมไม่กล้าพูด ไม่กล้าถาม เพราะผมกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังมีอยู่ตอนนี้จะหายไป เพราะตอนนี้ก็อย่างที่เขาบอกนั่นแหละ เรามีความสุขที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้ก็ดีสุดๆ แล้ว ผมยกสองมือขึ้นจับมือเขา บีบมันไว้เบาๆ วิคเตอร์ก้มลงจูบกลางกระหม่อมผมผ่านหมวกหนึ่งทีแล้วยืดตัวมองวิวตามเดิม เสียงเพลงลอยแว่วมาช่างเข้ากับบรรยากาศ


Turn the lights down low, and kiss me in the dark… หรี่ไฟให้มืดลง แล้วจูบฉันในความมืด

‘Cause when you touching me, baby I see sparks… เพราะทุกครั้งที่เธอสัมผัสฉัน ที่รัก ฉันเห็นประกายไฟระยิบระยับ

You make my heart go… เธอทำให้หัวใจฉันเต้นแรง


 :hao5:

[ตอนต่อไปด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:13:58


CHAPTER 24 :: How am I special?


“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ!” ตัวผมไถลขึ้นลงไปตามแรงกระแทกเข้าออกของวิคเตอร์ที่ใส่เข้ามาไม่ยั้งจนผมจะร่วงลงจากเก้าอี้ทรงสูงสี่เหลี่ยมในครัวที่เขาจับผมขึ้นมานั่งอ้ายกขาสูง สองมือเขาจับสองไหล่ผมไว้แน่นเพื่อเป็นที่ยึดในการเพิ่มแรงกระแทกของเขา


“อ่า!! อืม!!” เขาครางเสียงสุขใจ กระแทกลำใหญ่ยาวของเขาเข้ามาไม่หยุด ตั้งแต่เริ่มยันตอนนี้เขายังแรงไม่ตกเลยสักนิด มีแต่ผมที่ขาจะเริ่มอ่อนแรง เพราะอ้ากว้างชี้ค้างกลางอากาศมานานแล้ว สองแขนวางเท้ากับโต๊ะหินอ่อน พยายามจับขอบโต๊ะไว้ให้มั่น แต่แรงกระแทกของวิคเตอร์ก็ทำเอามือผมเลื่อนหลุดจากขอบโต๊ะหลายรอบแล้วเหมือนกัน


ผั่บ! ผั่บ! ผั่บ!


วิคเตอร์กัดฟันแน่น คำรามเสียงดังในลำคอ เขาเร่งจังหวะสะโพกเร็วขึ้น ขาผมสั่นจนจะร่วงหล่นลง วิคเตอร์รีบเอามือไปดันขาผมให้อ้ากว้างค้างเอาไว้ สะโพกเขารัวเร็ว ผมอ้าปากส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บและเสียว พอรู้ว่าตรงจุดไหนทำผมเสียวได้เขาก็กระแทกไม่ยั้งขนผมวูบวาบไปทั้งท้องน้อย


“อึ๊! อึ๊! อึ๊!” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นยามที่ร่างเคลื่อนขึ้นลงอย่างรวดเร็วบนเก้าอี้ วิคเตอร์แหงนหน้าที่เหงื่อไหลเต็มไปหมดขึ้นพร้อมหลับตาแน่นด้วยความเสียว เขากระแทกเข้ามาแรงๆ อีกสี่ห้าที แล้วก็หยุดนิ่งไปเมื่อถึงจุดปลดปล่อย วิคเตอร์หายใจหอบ ส่วนผมหายใจรวยริน เขาค่อยๆ วางขาผมลงพร้อมกับถอนแท่งอุ่นของเขาออกจากหว่างขาผมช้าๆ ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยตอนเขาดึงออก


“อีกรอบนะ” เขาบอกตอนที่ดึงถุงยางออกจากอาวุธเขาที่ยังตรงแหน่วไม่ยอมอ่อนลง ผมกลืนน้ำลายลงคอ ขาที่ยืนบนพื้นสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่ หันไปมองเศษซากถุงยางที่วางไว้ด้วยกันสามอัน


“สามรอบแล้วนะ เมื่อไหร่จะได้กินข้าวเนี่ย” ผมบอกเหนื่อยๆ พอตื่นเช้ามา ผมก็คิดว่าเขาไม่ทำอะไรแล้ว เพราะเมื่อคืนเขาจัดไปสองรอบก่อนนอน เล่นเอาผมสลบคาอกเขาอีกตามเคย ตอนลงมาในครัวแรกๆ ก็ยังปกติอยู่ แต่พอผมจะเริ่มทำอาหาร เขาก็จับผมนอนบนโต๊ะหินอ่อนแล้วซัดผมไปหนึ่งรอบ พอเสร็จรอบแรก เขานอนพักแปบหนึ่งเพื่อฟื้นฟูน้องชายเขาให้กลับมาแข็ง จากนั้นก็ต่ออีกรอบในท่าเดิม ที่เดิม เพิ่งมาเปลี่ยนท่าและเปลี่ยนที่ตอนรอบที่สาม


“กว่านายจะหายป่วยตั้งอาทิตย์กว่า จัดให้ฉันสมกับที่อดทนรอหน่อยเถอะ” เขาบอกแล้วสวมถุงยางอันที่สี่เข้าไป บีบเจลหล่อลื่นลงบนถุงยาง รูดขึ้นรูดลงสักพักก็จับให้ผมขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม ยกขาผมตั้งขึ้น เตรียมเสียบเข้ามาอีกครั้ง


“วิคเตอร์ เปลี่ยนที่ได้มั้ย ตรงนี้ผมเมื่อย” ผมบอกเสียงเหนื่อย หน้าตาเพลียๆ เขายิ้มขบขัน วางขาผมลง แล้วอุ้มผมขึ้นจากเก้าอี้ ผมรีบเอามือคล้องคอเขาไว้ สองขาเกี่ยวรอบเอวเขา วิคเตอร์ยังไม่เดินไปทันที แต่เขาจับความแข็งปักของเขายัดเข้ามาในช่องทางด้านหลังของผมจนสุดลำ ผมนิ่วหน้าและกัดริมฝีปากแน่น วิคเตอร์แช่แก่นกายเขาไว้สักพัก สองมือโอบอุ้มก้นเปลือยเปล่าของผมเอาไว้


“อื้อออ…” ผมบิดตัวน้อยๆ เมื่อเขาแช่เอาไว้ไม่ยอมทำอะไร วิคเตอร์หัวเราะในลำคอ อุ้มผมเดินออกจากห้องครัวไปช้าๆ ยามที่เขาก้าวเดินนั้นมันช่างเสียวและทรมาน เพราะอาวุธเขาแทงขึ้นแทงลง กระแทกแทบจะทั่วทุกมุมด้านในของผม ผมลืมตาขึ้นมองเขา วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาเต็มไปด้วยความใคร่ ใบหน้าเราสองคนอยู่ห่างจากกันเล็กน้อย สีหน้าเขาเคลิ้ม ส่วนผมตอนนี้กำลังอึดอัดคับแน่นไปหมด


“เป็นอะไรเหรอ” เขาแกล้งถามเมื่อเห็นผมหายใจติดขัด ขยับก้นบิดไปบิดมาน้อยๆ วิคเตอร์ยืนแช่อาวุธเขาไว้แบบนั้น สร้างความอึดอัดและความรำคาญให้ผมเป็นอย่างมาก จะขยับก็ไม่ขยับ เอาแต่เสียบคาไว้อยู่ได้


“วิคเตอร์…” ผมครางเสียงหอบ จิกเล็บลงบนเนื้อแน่นๆ ของเขา ผมปิดตา แหงนหน้าขึ้นด้วยความหน่วงตรงร่องก้น วิคเตอร์กดจูบหนักๆ ลงที่ซอกคอ ไซ้ขึ้นลงเบาๆ จนผมคราง


“ขอร้องฉันเหมือนตอนที่อยู่ในห้องเซ็กส์ทอยสิ” ผมก้มหน้าลงมาสบตากับเขาด้วยอาการหน้าแดง ภาพเหตุการณ์ครั้งแรกที่เขาพาผมเข้าไปฟัดในห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เสริมสำหรับมีเซ็กส์หลังจากผมหายป่วยได้สองวันผุดขึ้นมาในหัว รู้สึกตัวร้อนวูบวาบเมื่อนึกถึงลีล่าท่าทางอันเร่าร้อนในวันนั้น จำได้ว่าเขาซัดผมไปสี่รอบ รอบคอผมแดงไปด้วยรอยกัดรอยจูบของเขา จนไม่กล้าออกไปไหน แต่วิคเตอร์เองก็ได้รอยกัดที่แขนซ้ายจากผมไปด้วยเช่นกัน  ผมกลืนน้ำลายลงคอมองวิคเตอร์ที่ยิ้มรอคำขอร้องจากผมอย่างสบายอุรา ในขณะที่ผมเขินจนแก้มจะแตก


“F—fuck me, please. (อะ… เอาผมทีเถอะ นะครับ)” ผมบอกแล้วมองเขาด้วยความอ้อนวอน วิคเตอร์เหยียดยิ้มร้ายกาจ อุ้มผมไปวางไว้บนโซฟาที่คล้ายเตียงในห้องนั่งเล่นของบ้าน สิ่งที่ยังคาอยู่ขยับไปมายามที่เขาก้าวเท้าและวางผมลง ผมกัดริมฝีปากล่างด้วยความเสียวแปลบ ผมเอาหัวหนุนลงบนหมอนของโซฟา ปล่อยมือออกจากรอบคอเขา ยกขึ้นไปไว้เหนือหัว จับขอบที่วางแขนที่คล้ายหมอนไว้แน่น วิคเตอร์จับให้ก้นผมแอ่นขึ้นสูง จับขาผมอ้ากว้าง เขาเอามือค้ำร่างเขาไว้ เหยียดขาตรงคล้ายท่าวิดพื้น ก้มลงมาจูบริมฝีปากผมหนึ่งทีก่อนที่เขากระแทกเอวเข้าออกช้าๆ แต่ว่ารุนแรง


ปั่บ! “อะ!”

ปั่บ! “อะ!”

ปั่บ! “อะ!”


ผมร้องเบาๆ ตามจังหวะกระแทกเข้าออกของเขา ตัวผมเด้งตามแรงกระแทกที่เน้นจังหวะหนักๆ ของอีกฝ่าย วิคเตอร์หายใจหอบแต่ยังกระแทกด้วยจังหวะที่หนักสม่ำเสมอ เขาดันเข้าดันออกด้วยแรงกระแทกหนักๆ อยู่สักพัก ก่อนที่จะหยุดแล้วแกล้งผมด้วยการหมุนเอว ควงแท่งแข็งของเขาที่อยู่ด้านในร่างผมให้หมุนวนไปมา


“อื้อออ… อย่า…” ผมครางออกมา สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียวท้องน้อยและเสียวด้านในช่องทางนุ่มนิ่ม วิคเตอร์แสยะยิ้ม หมุนควงอีกสักพักแล้วเขาก็หยุด เอาเข่าชันกับพื้นโซฟา มือยังคงค้ำอยู่ที่เดิม พอจัดท่าได้แล้ว ก็รัวสะโพกเข้าหาผมอย่างเร็วและรุนแรง ทำเอาผมอ้าปากร้องเสียงดังด้วยความเจ็บที่เกิดขึ้นถี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีความเสียววูบมาหยอกล้อคลอไปด้วย


“อ๊าาาา!! อ๊า!”


ผมครางเสียงยาน ตัวสั่นไหวเพราะแรงกระแทก ผมเอาขาขวาวางลงบนพนักพิงโซฟา ส่วนขาซ้ายที่อ้าค้างอยู่กลางอากาศ ค่อยๆ ลดระดับลงเรื่อยๆ วิคเตอร์เลยจับขาซ้ายผมไปพาดไว้กับบ่าขวาของเขาทั้งที่เขายังรัวสะโพกเข้าหาผมไม่หยุด ลำใหญ่ยาวของเขากระแทกเข้าจุดเสียวย้ำๆ จนผมหน้าเหยเก ผมยกมือสองข้างขึ้นมา เอาไปวางลงบนแผงอกแน่นๆ ของเขา


“วิคเตอร์ เบาๆ ก่อน…” ผมคราง พยายามร้องขอให้เขาผ่อนแรง แต่วิคเตอร์ที่ตอนนี้อารมณ์กำลังพุ่งพล่าน จับมือผมสองข้างออกจากอก กดลงเหนือหัวผมตามเดิม แล้วโหมแรงกระแทกเข้ามาไม่ยั้ง


ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ!!


“อ๊ะ!” ผมแทบจะไม่มีเสียงร้อง ได้แต่อ้าปากผ่อนลมเพื่อบรรเทาความเจ็บเสียด ยังดีที่มีเจลหล่อลื่นช่วยไว้ไม่งั้นคงเจ็บระบม มือที่ถูกเขากดอยู่ ขยับไปมาได้แค่นิ้ว หัวโยกขึ้นยกลงตามแรงโยกของอีกฝ่าย ขาซ้ายผมร่วงลงไปเกี่ยวเอวเขาไว้อย่างหมดแรง


“พะ… พอ…” ผมกำลังจะเปล่งเสียงพูด แต่เขาก้มลงมาประกบปาก และยังคงกระแทกเข้าออกไม่หยุด เขาดูดดุนลิ้นผม สลับกับบังคับให้ผมดูดดุนลิ้นเขา ประกบปิดปากแน่นแล้วควงลิ้นไปทั่วโพรงปากผม ดูดดึงริมฝีปากบนล่าง แล้วสักพักแรงกระแทกของเขาก็แรงขึ้น หนักขึ้น จนผมกรีดร้องเสียงอื้ออึงทั้งที่ยังโดนปิดปากอยู่ ร่างของวิคเตอร์กระตุกแรงๆ สองสามที เขาคำรามเสียงดังทั้งที่จูบกับผมอยู่


เขาผละริมฝีปากออกไปเร็วๆ ผมรีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดทันที ขาผมสั่นระริก วิคตอร์ปล่อยข้อมือผม ยืดตัวตรง หายใจหอบหนักๆ ใบหน้าเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ เขาค่อยๆ ดึงความเป็นชายของเขาออก ผมอ้าปากหอบน้อยๆ ดวงตาเลื่อนลอยด้วยความเหนื่อย


“แปบนึงนะ” เขาบอกแล้วลุกขึ้นยืน ดึงถุงยางออกจากความใหญ่โตของเขา ผมมองเขาเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป รู้สึกเหนื่อยจนไม่มีแรงจะลุก ผมนอนปรับลมหายใจให้เข้าที่เข้าทางอยู่บนโซฟา ผมเหนื่อยจนอยากจะหลับตาลง ผ่านไปเกือบสิบนาที พอหันกลับไปมองที่ทางเข้า วิคเตอร์ก็เดินกลับมาพร้อมกับขวดเจลหล่อลื่นและถุงยางอันใหม่ที่ใส่ไว้เรียบร้อยแล้ว ผมเห็นแบบนั้นก็ใจหายวาบทันที


“วะ… วิคเตอร์…”  เขาไม่ตอบอะไร เอาแต่ยิ้มหล่อมาให้ บีบเจลลงบนถุงยางจนชุ่มและเอามาป้ายที่ปากทางเข้าของก้นผม เขาพยุงให้ผมลุกขึ้นนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งตามแรงที่เขาฉุดให้ลุกขึ้น พอผมนั่งได้ เขาก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา โยนขวดเจลไว้ข้างๆ ตัว เอนหลังพิงกับพนักโซฟาไว้


“มานี่มา” เขาบอกแล้วฉุดสองแขนผมให้เข้าไปหาเขา ผมที่แทบจะหมดแรง ล้มลงซบอกหนาของเขา วิคเตอร์จับขาผมแยกออกให้คร่อมร่างเขาไว้ ก่อนจะค่อยๆ จับร่างผมให้นั่งทับลงบนความแข็งชูชันที่รออยู่ก่อนแล้ว


“อึก…” ผมนิ่วหน้านิดๆ ยามที่ความใหญ่ยาวของเขา เสียบเข้าไปจนมิดด้าม มันเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะเจลหล่อลื่น มันลึกจนท้องน้อยผมเสียววูบ วิคเตอร์กดจูบลงบนขมับผม ดันตัวผมให้นั่งตรงๆ ยิ่งพอนั่งตรงๆ ความเสียววาบก็แล่นไปทั่วท้อง ผมหลับตาอ้าปากน้อยๆ เผื่อผ่อนความเสียวนี้


“Ride my dick. (ขย่มฉันหน่อยสิ)” เขาบอกเสียงคราง ผมมองหน้าเขาด้วยอาการเพลียๆ


“ผม… ผมไม่มีแรงแล้ว…” วิคเตอร์ขมวดคิ้วนิดๆ แต่ก็มีรอยยิ้มที่ริมฝีปาก เขาเด้งตัวขึ้นมาประกบปากกับผม ดูดลิ้นจนเกิดเสียงบุ๊บบั๊บ ผมอ้าปากและยื่นลิ้นให้เขาดูด เขาดูดเข้าดูดออกแล้วก็เปลี่ยนมาเลียรอบริมฝีปากผมช้าๆ ดูดดึงริมฝีปากล่างเบาๆ ขบกัดน้อยๆ พอให้รู้สึกเสียวเล่นๆ


“มีแรงรึยัง…” เขาถาม ซุกจมูกลงบนคอฝั่งซ้ายของผม ไซ้หนักๆ จนผมร้องครางออกมา สองมือผมจับไหล่เขาไว้แน่น ความเสียด ความเสียวที่โดนลูกชายเขาเสียบคาไว้ทำให้ผมบิดตัวอย่างทรมาน วิคเตอร์ผละออกไปแล้วดึงเสื้อยืดผมออก ปาทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ก้มลงมาดูดหน้าอกซ้ายอย่างแรง


“อึ๊…” ผมร้องออกมายามที่เขาขบกัดหัวนมเบาๆ และใช้ลิ้นวนจนปียกชุ่ม สองมือหนาของเขาเลื่อนมาบีบที่เอวทั้งสองข้างของผมจนรู้สึกเจ็บ เขาผละออกจากหน้าอกผม ดันตัวกลับไปนั่งพิงพนักตามเดิมทิ้งให้ผมรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง


“Move. (ขยับสิ)” ผมกลืนน้ำลายลงคอ ขยับขาที่แบะคร่อมกลางตัวเขาไว้ให้เข้าที่เข้าทาง สองมือวางลงบนกล้ามท้องเนียนของเขา ผมกัดริมฝีปากล่างแล้วขยับโยกตัวช้าๆ


“Ah…” ผมครางออกมายามที่ความเป็นชายเขาสวนกลับเข้าไปด้านในโดนจุดเสียว วิคเตอร์นอนพิงพนักสบายๆ สายตามองผมไม่วางตาจนผมรู้สึกเขิน สองมือเขาบีบที่เอวหนาของผมแรงๆ และช่วยจับให้ผมทรงตัวอยู่บนแก่นกายเขา


“Ummm… good… harder? (อืมมม… ดี… โยกแรงอีกได้มั้ย…)” เขาบอกแล้วหลับตาพริ้ม แหงนหน้าขึ้นเพราะความเสียว ผมเลื่อนสองมือขึ้นไปจับไหล่เขาไว้ ออกแรงโยกคล้ายควบม้าให้เร็วขึ้นอีกนิด ผมโยกเอวไปมาบนตัวเขาเท่าที่จะทำได้ วิคเตอร์ปล่อยมือออกจากเอวผมแล้วเอาไปช้อนไว้ใต้ศีรษะ นอนมองผมนั่งโยกแท่งอุ่นๆ ของเขาไปมา สีหน้าเขาดูพึงพอใจไม่น้อย นั่นทำให้ผมมีกำลังใจในการโยกไปโยกมา แต่ก็อดเขินสายตาเร่าร้อนคู่นั้นของเขาไม่ได้


“Move faster and harder. (โยกเร็วและแรงขึ้นสิ)” ผมหยุดขยับ ตั้งเข่าขึ้นตั้งฉาก สองมือวางบนหน้าอกหน้าของเขา กระเถิบเท้าวางบนพื้นโซฟาให้ได้มุมที่เหมาะสม จากนั้นก็ยกตัวขึ้นลงอย่างเร็ว


“Harder. (แรงๆ)” เขาบอกเสียงรอดไรฟัน หน้าตาเต็มไปด้วยความกำหนัดทางเพศ ผมยกตัวขึ้นลงช้าๆ แต่กระแทกลงไปเน้นๆ วิคเตอร์อ้าปากร้องคำรามด้วยความเสียว ไม่ใช่แค่เขาที่เสียว พอผมกระแทกขึ้นลงแรงๆ แบบนี้ มันยิ่งดันลึกสุดลำ กระแทกโดนจุดเสียวภายใน จนต้องซี๊ดปากตลอดเวลา วิคเตอร์นอนแผ่หลาบนพนักโซฟา มองผมกระแทกขึ้นลงกับลำใหญ่ยาวของเขา แววตาเขาเป็นประกาย รอยยิ้มหื่นระบายเต็มใบหน้า


ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ!


“อ้า! อ้า! อ้า! อ้า!” วิคเตอร์ส่งเสียงร้องตามจังหวะที่ผมกระแทกลง เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง โซฟาเด้งๆ ยุบๆ ตามจังหวะการเด้งตัวของผม สักพักเขาก็ดึงผมลงไปจูบและเด้งสะโพกสวนขึ้นมาเองอย่างเร็วและรุนแรงจนตัวผมสั่นคลอนไปทั้งตัว ผมร้องเสียงอิ๊อ๊ะอยู่ในลำคอ เพราะโดนเขาจูบอย่าตะกละไม่ยอมปล่อย เขาดูดลิ้นผมแรงๆ อีกหนึ่งครั้ง ดันหน้าผมออกและจับหน้าผมล็อคไว้แน่น มองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ เขายกสะโพกสวนเข้ามาอย่างไม่ลดละ จนผมตัวเด้งขึ้น


“โอ๊ย… โอ๊ย… โอ๊ว…” ผมร้องเสียงหลง วิคเตอร์เอนตัวลงนอนเหยียดยาวโดยที่แรงสวนเข้าร่างผมนั้นไม่ลดลง เขาชันเข่าขึ้น เลื่อนมือจับเอวผมไว้แน่น และกระแทกสะโพกขึ้น จนผมเริ่มเจ็บมากกว่าเสียว พยายามยกตัวหนี แต่เขาก็แอ่นสะโพกตามมากระแทก สองมือล็อคเอวหนาผมไว้ไม่ให้หนีไปไหน ผมเอามือดันหน้าท้องเขาไว้เพื่อพยุงตัว ริมฝีปากอ้าพร้อมส่งเสียงครางไม่หยุด


“เบา… เบาๆ หน่อย…” ผมร้องขอเขาหน้าตาเจ็บปวด แต่วิคเตอร์กลับยิ่งรุนแรงขึ้น เสียงเนื้อกระทบดังสนั่นจนน่าอาย วิคเตอร์กัดฟันแน่น คำรามลั่นลำคอ สองมือบีบเอวผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขากระแทกแรงๆ อีกสองสามทีแล้วก็หยุด ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะเสร็จแล้ว แต่เปล่าเลย เขาแค่หยุดพักเหนื่อย พักหายใจแรงๆ


“แฮ่ก… แฮ่ก…” ผมหอบเสียงสั่น ตัวสั่นไปหมด วิคเตอร์จับผมนอนคว่ำหน้าลงกับโซฟา ผมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะไม่มีแรงจะต่อต้าน ผมนอนคว่ำหน้า สองมือหนีบไว้กับหน้าอก วิคเตอร์จับขาผมแยกกันเล็กน้อย แล้วเขาก็ดันชายใหญ่ของเขาเข้ามา


“อั่ก…” ผมร้องด้วยความจุก แต่สักพักความเสียวก็แล่นไปทั่วก้นและหน้าท้อง วิคเตอร์ไม่เอ่ยอะไรทั้งสิ้น บีบเจลเย็นๆ ลงบนถุงยางอีกรอบก่อนจะโยนขวดเจลไว้บนโต๊ะ สองมือเขาค้ำร่างตัวเองไว้เหนือร่างผม แล้วก็กระแทกเข้าออกหนักๆ แม้ไม่ได้จังหวะรุนแรง แต่เขากระแทกแรงมาก


ปึก!!! “อื้อ!” ผมครางออกมา หลับตาแน่นอย่างเสียวซ่านและเจ็บปวด

ปึก!!! “อื้อออ!” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นยามที่ส่วนหัวของลูกชายเขากระแทกจุดเสียว

ปึก!!! “อ๊า!” แล้ววิคเตอร์ก็เร่งจังหวะเร็วขึ้น จนตัวผมสั่นเร็วๆ อีกรอบ ผมกำมือแน่น หลับตาแน่น ร้องครางออกมาไม่เป็นภาษา วิคเตอร์รัวใส่ไม่ยั้ง ทำเอาผมหายใจจะไม่ทัน



“Yeah! Yeah!” เขาร้องออกมาเสียงดังอย่างพึงพอใจ กระหน่ำกระแทกรุนแรง ผมค่อยๆ ดันตัวขึ้นด้วยข้อศอกทั้งสองข้าง แหงนหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยสายตาฉ่ำปรือและมีแววอ้อนวอน กำลังจะอ้าปากขอร้องเขาให้เบาๆ ลงหน่อย เพราะผมโดนหลายรอบติดต่อกันแบบนี้มันเหมือนร่างผมจะแหลกเลย


“วะ… อื้อ…” ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ก้มลงมาประกบปากแล้วจูบผมอย่างรุนแรง แรงพอๆ กับแรงกระแทกสะโพกที่ด้านหลัง เขาจูบผมอยู่เนิ่นนานถึงยอมปล่อย แล้วกลับไปใส่อารมณ์กับการกระแทกเต็มที่ ผมเอาศอกยันตัวไว้ ปล่อยให้เขาดันเข้าดันออกรัวๆ ต่อไป


“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ!” วิคเตอร์ก้มลงมาจูบขมับ หอมไปตามพวงแก้ม และจูบริมฝีปากหนึ่งที ก่อนที่เขาจะเร่งจังหวะสะโพกเร็วๆ ขึ้นกว่าเดิมจนผมแทบจะขาดใจ และในที่สุดเขาก็กระแทกหนักๆ อีกสามสี่ทีพร้อมกับอาการกระตุกตัวเกร็ง


“Fuck!!!!” เขาส่งเสียงร้องดังลั่น พอๆ กับที่ผมกรีดร้องออกมาพร้อมกับความเจ็บและความเสียวที่ทำให้พ่นน้ำสีขาวขุ่นของตัวเองออกมาเปรอะเปื้อนโซฟา เสียงหายใจเขาหอบหนักๆ อยู่ข้างหู ผมหลับตาแน่นด้วยความปวดร้าวตรงง่ามก้น ค่อยๆ ทรุดตัวลงไปนอนกับโซฟา วิคเตอร์ตามลงมาทาบทับทั้งที่เขายังไม่ดึงอาวุธเขาออกไป เขาจูบที่แก้มผมแผ่วเบา ผมนอนครางเสียงแผ่ว รู้สึกตัวสั่นไปทั้งตัว


“หืมมม?” เขาส่งเสียงแปลกใจตอนที่มือเขาสัมผัสโดนกับน้ำอุ่นๆ ของผม ผมมองเขาตาปรือ หายใจทางปากอย่างแผ่วเบา วิคเตอร์ยิ้มหล่อ มือขวาเขาที่เปื้อนน้ำของผมลูบไล้ลงบนแก้มก้นขวาไปมาเบาๆ สลับกับบีบแรงๆ ผมหลับตาลงด้วยความล้า วิคเตอร์หอมแก้มผมดังฟอด


“อีกรอบละกันนะ” ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจแบบอ่อนแรง กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ แล้วพยายามส่ายหัวปฏิเสธ ตั้งแต่เมื่อตอนตื่นนอนยันตอนนี้ ผมเสร็จไปสองรอบเอง เสร็จโดยที่ไม่ต้องทำไรเลย ตอนรอบแรก จู่ๆ มันก็พุ่งออกมาในตอนรอบที่สองของเมื่อเช้า ส่วนรอบนี้มันก็พุ่งออกมาเองเช่นกัน เสร็จๆ ทั้งที่แมทน้อยไม่ได้แข็งตัวเต็มที่เลย สงสัยจะเสียวจัด ส่วนเขาเสร็จไปห้ารอบแล้ว นี่ยังจะต่ออีกเหรอ


“คุณเอาเวลาไหนไปผลิตน้ำเนี่ย…” ผมบอกเหนื่อยๆ ดวงตาจะปิดลงอยู่แล้ว นี่ผมเพิ่งตื่นจากความเพลียได้ไม่นาน จะหลับเพราะความเพลียอีกแล้ว


“อีกรอบนะ สัญญาว่ารอบสุดท้ายแล้ว…” เขาบอกแล้วก้มลงมาจูบขมับผมแรงๆ ถอนแก่นกายที่ยังแข็งไม่ยอมลงออกไปจากร่างผม ผมนิ่วหน้าเล็กๆ มองเขาเดินออกไปนอกห้องนั่งเล่นพร้อมกับดึงถุงยางอันเก่าออก หายไปสักพักเขาก็กลับเข้ามาพร้อมกับเดินสวมถุงยางอันใหม่เข้าไปด้วย พอเดินมาถึงผม เขาก็จับผมพลิกนอนหงาย หยิบเจลมาบีบลงบนถุงยาง จับขาผมอ้าออกให้ตั้งฉาก ผมนอนงอแขนในท่ายอม ไม่มีแรงขยับ ปล่อยให้เขาดันแท่งร้อนเข้ามาข้างในอีกครั้ง


“เดี๋ยวรอบนี้ฉันจัดการเอง” เขาบอกยิ้มๆ ก้มลงจูบปากผมหนึ่งที แล้วรอบที่หกของเช้านี้ก็เริ่มขึ้น โดยที่ผมหมดแรงจะร้อง หมดแรงจะร่วมด้วยแล้วจริงๆ


เขาเอาแรงมาจากไหนนักหนานะ ผมจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าช่วงล่างพังไปรึยัง โดนแต่ล่ะทีใช่ว่าจะเบาๆ เมื่อไหร่ ผมเพิ่งหายไข้ได้ไม่นาน สงสัยจะกลับไปไข้อีกซะแล้วมั้ง ใส่ไม่ยั้งขนาดนี้ ยังดีที่เขาใช้เจลหล่อลื่นช่วยลดแรงเสียดสีด้านใน ไม่งั้นผมคงเลือดเยิ้มแน่ๆ เพราะเขาฮาร์ดคอร์ขนาดนี้


“โอย…” ผมร้องออกมา รู้สึกแสบไปหมด นี่เลือดออกรึเปล่าเนี่ย วิคเตอร์ขบกรามแน่นและโหมแรงใส่ผมจนตัวผมโยก


“ซี๊ดดด” เขาสูดปาก หลับตากันฟันแน่น มือขวายกขึ้นมาลูบคลำและบีบหน้าอกผมแรงๆ
บางทีผมก็อยากให้เขาเห็นใจผมบ้าง ไม่ใช่ใส่เอา ใส่เอาแบบนี้ อยากให้เขารับรู้จริงๆ ว่ามันเจ็บ อยากให้เขาลองโดนแบบนี้บ้างจะได้เข้าใจ แต่ให้ผมไปรุกเขาผมก็ไม่เอาหรอกนะ


V
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:17:34


หลังจากปลดปล่อยความต้องการจนผมหมดเรี่ยวแรง ขอใช้คำว่าสะบักสะบอมดีกว่า ขาผมแทบยกไม่ขึ้น ความปวดร้าวตรงก้นแล่นไปมาจนนิ่วหน้าไม่หยุด เกือบจะมีรอบที่เจ็ดด้วยซ้ำ แต่โชคดีเหลือเกินที่ถุงยางเขาหมดพอดี แต่คนหน้าด้านหน้าทนอย่างเขาก็พูดหน้าตาเฉยว่า


“เอาสดก็ได้นี่ ฉันว่าคงได้อารมณ์กว่าใส่ถุงยางด้วย” เขาบอกและเตรียมเสียบกลับเข้ามาทั้งที่ไม่มีถุงยางแบบนั้น ผมต้องรวบแรงฮึดสุดท้าย ส่งกำปั้นไปทุบอกเขาแรงๆ จนเขานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ


“คุณสัญญาแล้วนะ ว่าจะพอแค่นี้!” ผมรวบรวมกำลังในการต่อว่าเขาทั้งที่ยังเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน รอบสุดท้ายที่เขาบอก เล่นเอาผมจะสลบคาโซฟา แต่เขาก็คอยตบแก้มผมเบาๆ ไม่ยอมให้หลับ


“ก็ได้ๆ” เขาว่าอย่างขัดใจ สีหน้ามุ่ยเล็กน้อย แล้วก็ถอนแก่นแข็งของเขาออกไป ดึงถุงยางออกแล้วนอนแทะเล็มผมต่อด้วยการจุ๊บ การไซ้ ดูดและดึงหน้าอกเบาๆ


“ฮื่อออ… ออกไปได้แล้ว มาทับตัวผมทำไมเนี่ย” ผมบอกด้วยความเหนื่อย สีหน้ายับยู่ยี่ วิคเตอร์ยิ้มกว้างด้วยความชื่นบาน มือขวายกมาลูบแก้มผมเบาๆ ก้มลงมาหอมหน้าผากผมแรงๆ กดค้างไว้อย่างนั้นแล้วก็พึมพำแผ่วๆ


“You’re so lovely. (นายนี่น่ารักจริงๆ)” ผมยิ้มอ่อนแรง รู้สึกอยากจะหลับตาพักผ่อน แต่สักพักก็รู้สึกตัวลอย พอลืมตาขึ้นมามองก็เห็นว่าวิคเตอร์กำลังอุ้มผมอยู่


“ไปอาบน้ำกัน แล้วเดี๋ยวค่อยลงมากินข้าว” สรุป ผมก็ต้องไปอาบน้ำรอบที่สองของตอนเช้า ผมหมดแรงจะทำทุกสิ่ง วิคเตอร์เลยจัดการให้ทั้งหมด เขาจับผมนั่งพิงอกเขาในอ่างน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้อย่างเบามือ ตาผมแทบจะปิดด้วยความอ่อนล้าของร่างกาย รู้สึกเมื่อยตัวไปหมด


“ถ้านายหลับ ฉันลักหลับนายจริงๆ ด้วย” เขาบอกพลางแคะขี้ตาทั้งสองข้างให้ผม ยื่นจมูกมาหอมแก้มผมเบาๆ แล้วจูบหนักๆ ตรงต้นคอ ผมเลยได้แต่พยายามเปิดเปลือกตาที่อ่อนล้าเอาไว้


วิคเตอร์ยิ้มขำ เทสบู่เหลวใส่มือแล้วถูไปทั่วตัวผมอย่างอ่อนโยน มือเขานวดไปทั่วๆ ตัวผมเบาๆ ราวกับจะช่วยให้ผมผ่อนคลาย เขานวดไปตามแผ่นหลัง ที่หัวไหล่ ใต้ท้ายทอย จูบลงบนไหล่ทั้งสองข้างเบาๆ เลื่อนลงมานวดช่วงเอว และ สะโพก ก่อนจะเอามือกลับขึ้นไปนวดที่ศีรษะ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย


เขาจัดการอาบน้ำให้ผมจนเสร็จพร้อมๆ กับที่อาบให้ตัวเขาจนเสร็จด้วยเช่นกัน พอเสร็จ เขาก็อุ้มผมออกจากอ่างน้ำ พามาเช็ดตัวตรงอ่างล้างหน้า ผมมองเขาแล้วยิ้มน้อยๆ รู้สึกอบอุ่นหัวใจกับการกระทำของเขา วิคเตอร์ดูตั้งอกตั้งใจเช็ดตัว เช็ดหัวให้ผมมาก ผมเลยเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วเขย่งตัวจูบปากเขาเบาๆ ตอนที่เขาเอาผ้าขนหนูมาพันตัวผมให้


“เดี๋ยวก็ได้มีอีกรอบในห้องน้ำหรอก” เขาว่าแล้วผูกผ้าขนหนูเข้ากับเอวผม ก่อนจะหยิบอีกผืนมาเช็ดตัวเขาบ้าง ผมบู้ปากใส่อีกฝ่ายแล้วเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับเขาไปแต่งตัว


วิคเตอร์หน้าบานยิ่งกว่าจานดาวเทียม เขาเบิกบาน สดใส ใบหน้าเปล่งปลั่ง กระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าไอรอนแมนตอนชาร์ตพลังงาน ผิดกับผมที่ระบมจนแทบจะนั่งทานข้าวไม่ได้ วิคเตอร์เลยต้องจับผมนั่งตักของเขาแล้วป้อนข้าวให้กิน


“เอาอีกมั้ย” ผมหยักหน้าหงึกๆ นอนพิงอกเขาบนโซฟาสบายตัว วิคเตอร์นั่งอ้าขาให้ผมนั่งอยู่หว่างขาเขา ป้อนข้าวให้ผมสลับกับป้อนให้ตัวเอง เรามานั่งเปิดทีวีดูในห้องนั่งเล่น เจ้าไมเคิลนอนอยู่กับเจ้าฟอกซ์น้องมันที่ด้านล่าง วิคเตอร์ล็อคประตูบ้านไม่ยอมให้มันเปิดเข้ามาเองเพราะกำลังมัวเมาเอาผมอยู่ มันเลยนั่งรออยู่นอกบ้าน พอตอนเราอาบน้ำเสร็จเดินลงมา วิคเตอร์ถึงได้เดินไปเปิดประตูบ้านให้มันเข้ามา ผมมองไมเคิลแล้วก็รู้สึกแย่นิดๆ ที่ปล่อยให้มันนั่งรอ และคงรอนานแล้วด้วย แต่มันคงไม่ได้สนใจหรอกว่าเจ้านายทำอะไรอยู่ เพราะพอมันเข้ามาในบ้านพร้อมเจ้าฟอกซ์ ผมก็เทอาหารให้มันกิน แล้วเจ้าสองตัวนั้นก็กินแบบไม่สนใจอะไร


“อิ่มแล้วครับ” ผมบอก ส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา วิคเตอร์วางถ้วยข้าวผัดลงข้างตัว ยกมือซ้ายขึ้นมาเสยเส้นผมที่ปรกหน้าผากผมอยู่ขึ้น เอามือแตะที่หน้าผากไว้ครู่หนึ่ง


“อืม ไม่มีไข้ ร่างกายนายคงเริ่มชินแล้วมั้ง” เขาว่ายิ้มๆ ผมแอบส่งค้อนใส่เขาหนึ่งที เขาเลยหัวเราะเบาๆ แทน เขาเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำมาให้ผมดื่ม ผมดื่มไปครึ่งแก้ว หันไปดูทีวีด้วยสายตาเหม่อๆ ไปเรื่อย จนกระทั่งช่องบันเทิงช่องหนึ่งฉายหน้าวิคเตอร์ขึ้นมาบนหน้าจอพร้อมกับเสียงผู้ประกาศข่าวสาว


และข่าวต่อไปคือข่าวของพระเอกวิคเตอร์ เรย์มอนด์…


ติ๊ด!


“เฮ้… เปลี่ยนช่องทำไม นั่นข่าวคุณ ไม่ดูก่อนหรอ” ผมเงยหน้าไปมองใบหน้าหนวดๆ ด้านข้างของเขา วิคเตอร์ก้มลงมามองพร้อมกับย่นคิ้วใส่ผมน้อยๆ มือก็ไม่หยุดกดรีโมตจนกระทั่งเจอช่องฉายซีรีส์เรื่องดังเรื่องหนึ่ง


“นั่งพิงอกตัวเป็นๆ อยู่นี่ ยังจะไปดูข่าวอีกทำไม ฮู่ววว!” เขาว่า ยกมือมาขยุ้มเส้นผมเบาๆ ผมทำปากเป็ดนิดๆ


“ก็อยากรู้นี่นาว่าเวลาข่าวเขาพูดถึงคุณ เขาพูดว่าอะไรบ้าง”


“ตอนนี้ฉันกำลังจะเล่นหนัง ก็คงพูดถึงเรื่องนี้นั่นแหละ” ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะตอนนี้ข่าวที่เขาได้เป็นพระเอกหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายเซ็ทดังของคุณทอมคงเป็นที่รู้กันไปทั่วแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับเขาอยู่ด้วย


“เขาอาจจะพูดเรื่องของคุณกับผมก็ได้นะ” ผมบอกเสียงอ่อย เขาพยายามปิดผมเรื่องข่าวระหว่างผมกับเขาที่มีภาพหลุดตอนไปเดินเซ็นทรัลปาร์คด้วยกัน จริงๆ ไม่ใช่ภาพหลุดหรอก เป็นภาพที่แฟนๆ เขาถ่ายติดผมไปด้วย แล้วก็มีคนเอาไปตั้งประเด็นสงสัยว่าผมเป็นใคร โชคดีที่ไม่ใช่ภาพน่าเกลียดอะไรนัก แล้วก็โล่งใจเหลือเกินที่ไม่มีภาพตอนที่เราจูบกันในทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะ
เขาพยามไม่ให้ผมรับรู้เรื่องข่าว แต่ยุคสมัยนี้ข่าวสารกระจายเร็ว ยิ่งในโลกโซเชียลยิ่งเร็ว ถึงผมจะไม่ค่อยได้เล่นเฟซบุ๊ค แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่เล่น เพียงแต่ได้เล่นถี่น้อยลงนับตั้งแต่มาอยู่กับเขา ผมเห็นข่าวในเฟซบุ๊คนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกไปมากกว่าข่าวหรอก ส่วนใหญ่เนื้อหาหลักๆ ของข่าวคือแค่สงสัยว่าวิคเตอร์เป็นเกย์หรือเปล่า ประเด็นคือภาพในเซ็นทรัลปาร์คน่ะไม่เท่าไหร่ แต่มันดันมีภาพตอนที่เขาอุ้มผมขึ้นรถตรงหน้าบ้านตอนที่ผมไม่สบาย แต่ไม่เห็นหน้าผมเพราะในรูปผมซุกหน้ากับอกเขาไว้ คนเลยยิ่งสงสัยจับโยงกับภาพในเซ็นทรัลปาร์คกันยกใหญ่


“อย่าเสพข่าวมากนักเลยน่า อีกอย่าง ข่าวมันมันก็ไม่มีอะไร แค่สงสัยฉันเฉยๆ ทำนิ่งๆ ไปเดี๋ยวก็เลิกสนใจกันไปเองแหละ” เขาบอกโดยที่สายตายังไม่ละจากหน้าจอทีวี ผมมองเสี้ยวหน้าเขาแล้วรู้สึกกระตุกที่อกชอบกล มันบอกไม่ถูกมันมวลท้อง มันรู้สึกแน่นในอก ไม่รู้ต้องยกออกรึเปล่า เพราะแบกเอาไว้นานไปเดี๋ยวใจถลอก (ร้องเพลงเลยมั้ยล่ะ)


“ผมอยากออกไปข้างนอกอีกบ้างจัง” ผมว่าเสียงหงอยๆ เพราะตั้งแต่ไปดูวิวที่ Top of the rock คราวนั้น ผมก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเขาอีกเลย แม้กระทั่งไปกองถ่ายหรือไปเวิร์คชอปกับเขา จริงๆ ไม่ต้องไป มันก็ดีอยู่แล้วล่ะ เพียงแต่ผมก็เบื่อๆ บ้าง เพราะเวลาเขาไปทำงานผมก็ต้องอยู่แต่บ้าน ดูทีวี ดูหนังในห้องโฮมเธียเตอร์ เล่นวายฟายไม่ได้เพราะมันพังยังไม่ได้ซ่อม ผมเลยทำงานบ้านไปเรื่อย พอเย็นก็ทำอาหารรอเขากลับมาทานหลังเลิกงาน ตอนนี้ชีวิตผมเหมือนแม่บ้านไม่มีผิด ส่วนมือถือโดนเขายึดไปด้วย ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่มือถือผมจะไม่ค่อยอยู่ที่มือตัวเอง 


“ช่วงนี้นายก็เห็นนี่ว่าฉันยุ่ง” เขาก้มลงมาจูบหน้าผากผมเบาๆ มือขวาจับมือผมไปกุมไว้เบาๆ เช่นกัน


“ผมอุตส่าห์ไม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อจะอยู่กับคุณต่อเลยนะ” เพราะนี่ก็จะหมดสัปดาห์ที่สี่ของเดือนนี้แล้ว ซึ่งที่ผมรับปากเขาไว้ว่าจะอยู่ต่ออีกเดือน มันก็ไม่นานเลย ผมอยากไปเที่ยวกับเขาเยอะๆ


“ฉันรู้…” เขากระชับอ้อมแขนรอบร่างผม เอาขาขึ้นมาเกี่ยวเอวผมไว้ ก้มลงมาจูบริมฝีปากผมเบาๆ แล้วผละออก


“…ปิดกล้องซีรีส์กับหมดเวิร์คชอปเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน” ปิดกล้องซีรีส์ซีซั่นนี้ ก็จะเว้นอีกสักพักค่อยเปิดซีซั่นใหม่ เวิร์คชอปของหนัง เขาไม่ได้ทำทุกวันหรอก อาทิตย์ล่ะสองสามครั้งเอง เดือนหน้าเวิร์คชอปอีกอาทิตย์ล่ะครั้ง เดือนถัดไปก็จะเปิดกล้องแล้ว เพราะหนังมีโปรแกรมจะฉายต้นปีหน้า


“ผมอยู่อีกแค่เดือนเดียว คุณต้องทำให้ผมรู้สึกคุ้มค่าที่อยู่ต่อนะ” ผมบอกเสียงงอแง วิคเตอร์ยิ้มน้อยๆ ป่านนี้เก้ากับแบมคงเพลินอยู่ที่ญี่ปุ่น อีกไม่กี่วันสองคนนั้นคงถึงไทย ตอนที่สองคนนั้นมานิวยอร์กสามวัน ผมก็ไม่ได้ออกไปหา ไม่รู้สามวันนั้นอะไรดลใจให้เขาลากผมไปทำงานด้วยทั้งวันจนผมปลีกตัวออกไปหาสองคนนั้นไม่ได้ คืออยู่สามวัน เขาลากผมไปกองถ่ายซีรีส์ทั้งสามวันนั่นแหละ แต่พอเก้ากับแบมบินต่อไปญี่ปุ่น เขาก็ให้ผมอยู่บ้านเหมือนเดิม


ผมว่าเหมือนเขาไม่ค่อยอยากให้ผมออกไปข้างนอกเท่าไหร่ ถ้าให้เดาคงยังไม่อยากให้ผมออกไปไหนมาไหนในช่วงที่ข่าวมันยังเป็นประเด็นฮ็อตๆ อยู่ ผมก็ได้แต่เดาเพราะเขาไม่พูดอะไรเลย และก็ยังทำตัวตามปกติ คือถึงมีข่าวแต่เดลี่ไลฟ์ของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไป




“แมท สรุปคนในรูปกับวิคเตอร์ ใช่แกเปล่าวะ” ผมนึกย้อนกลับไปวันที่วีดีโอคอลสไกป์หาแบมกับเก้าตอนที่สองคนนั้นเข้าพักที่โฮสต์เทลฝั่งบรู๊คลินแล้ว โทรไปก็เพื่อบอกว่าไปเที่ยวด้วยไม่ได้นี่แหละ

“นี่สรุป ผู้ชายคนที่แกมาปรึกษาฉัน เป็นคนนี้หรอ” เก้าแทรกใบหน้าเข้ามาเฟรมวีดีโอด้วยวามตื่นเต้น

“บ้าหรอ จะเป็นไปได้ไง ฉันทำงานกับเขาก็จริง แต่เขาเป็นดารานะเว่ย ที่สำคัญเป็นผู้ชาย เขาจะชอบผู้ชายด้วยกันได้ไง” ผมบอกปัด สายตาแอบมองไปที่วิคเตอร์ที่กำลังเข้าฉากซีรีส์อยู่แว้บหนึ่ง

“อ้าว ก็สถานการณ์มันชวนคิดเป็นคนนี้นี่หว่า”

“ไม่ใช่ คนนั้นเป็นช่างภาพ” ขอยืมอดัมมาแถก่อนละกันนะ

“อ้อ นี่ถ้าแกกิ๊กกับวิคเตอร์ เรย์มอนด์จริงๆ ฉันว่าชะนีแถบหนึ่งของโลกมีน้ำตาแตก ถึงเขาจะไม่ได้ดังระดับพี่แบรด พิท ของฉัน แต่ชะนีก็กรี๊ดเขากันเยอะมากเลยนะแก” เก้าพรรณนาออกมาพลางยัดขนมเยลลี่เข้าปาก ตอนนี้แม่สองนางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง

“แฟนเพจเขากำลังจะครบสามล้านไลค์ อินสตาแกรมกำลังจะครบสองล้านฟอโล่ว ทิวิตเตอร์ก็มีฟอโล่วเวอร์เกินครึ่งล้านไปเยอะแล้ว จากสิ่งเหล่านี้ ฉันว่าฉันก็พอจะรู้อยู่”

“แต่ว่า ที่ฉันตามข่าวเขาอ่ะ วิคเตอร์ค่อยๆ เพิ่มระดับความฮ็อตนะ อย่างปีก่อนเขาติดอันดับผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลก อันดับที่ 22 เลยนะแก แถมพ่วงรางวัลหนุ่มเซ็กซี่อันดับที่ 19 อีก” เออ แบมนี่มันรู้เยอะกว่าผมอีก ไอ้เรื่องพวกนี้ผมยังไม่เคยรู้เลยนะ ตอนเปิดกูเกิ้ลหาข้อมูลเขา ก็ดูแค่ประวัติทั่วๆ ไป กับเรื่องงานเท่านั้น

“แล้วปีนี้เขาได้เล่นหนังอีก ฉันว่าปีนี้กับปีหน้า และปีหน้าๆ เขาต้องเรืองรองผ่องอำไพแน่ๆ” ผมหัวเราะ ทำให้ยัยสองสาวคนนั้นหัวเราะตามไปด้วย

“ฉันเกลียดคำศัพท์ที่แกใช้มากจริงๆ” ผมบอกแล้วสายตาก็เหลือบไปมองเห็นวิคเตอร์ที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามาหาผม

“แกอย่าลืมโทรบอกแม่แกนะว่าไม่ได้กลับพร้อมพวกฉัน” เสียงเก้าดังมาตามหูฟัง ผมอ้าปากค้างนิดๆ พยายามบังคับสายตาให้กลับมามองที่หน้าจอเพื่อคุยกับเพื่อนต่อ

“อะ…เออๆ ฉันโทรบอกแล้วล่ะ” ผมอยากเม้าท์กับสองคนนั้นนานๆ นะ แต่พอเงาดำๆ ใหญ่ๆ มายืนค้ำร่างผมไว้พร้อมหน้าตาบึ้งตึง ผมก็คิดได้ว่าควรจะพอแค่นี้

“นี่แกเป็นไรเนี่ย ทำหน้าอย่างกับเห็นยักษ์” แบมถามพลางย่นคิ้วใส่ด้วยความไม่เข้าใจ ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วละสายตาจากวิคเตอร์มาที่หน้าจอเพื่อบอกลาเพื่อน

“ก็… ก็ยักษ์อ่ะสิ” ยัยเพื่อนสาวสองตัวเลิกคิ้วขึ้นงงๆ

“ฮะ? ยักษ์อะไรของแกวะ นี่แกอยู่ไหนเนี่ย” เก้าถามงงๆ ผมกำลังจะตอบแต่โทรศัพท์โดนดึงออกจากมือไปเบาๆ พร้อมกับหูฟังที่ถูกถอดออก วิคเตอร์ยกหน้าจอขึ้นมองด้วยใบหน้านิ่วๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลายใบหน้านิ่วนั้นออก

“กรี๊ดดดด!! วิคเตอร์!!” เสียงยังสองคนนั้นดังซะจนลำโพงไอโฟนแทบแตก วิคเตอร์จากที่หน้านิ่งๆ กลายเป็นหน้าเหวอๆ มองมาทางผมด้วยความตกใจนิดๆ ผมยิ้มเหงือกแห้งให้เขา

“H… hi…” เขายกยิ้มเฝื่อนๆ ให้เพื่อนผมสองคนที่ยังคงส่งเสียงดังอย่างตื่นเต้น

“We love you! We love you! (เรารักคุณค่ะ เรารักคุณ!)” เดี๋ยว! นังเก้า ไหนว่าแกรักพี่แบรด พิทนักหนาไง?!

วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ นั่นยิ่งทำให้เสียงกรีดร้องของยัยสองคนนั้นดังขึ้นกว่าเดิม ผมได้ยินเสียงนังแบมบอกให้เก้ารีบแคปหน้าจอไว้ไม่ก็หยิบมือถือมาถ่ายรูป เข้าใจว่าตอนนี้สองคนคงนั้นกำลังลนเต็มที่ ผมได้แต่นั่งยิ้มขำ มองวิคเตอร์ส่งยิ้มให้สองสาวผ่านสไกป์






หลังจากนั้นความรู้สึกที่ว่าเขาไม่ค่อยอยากให้ผมออกไปไหนก็ดูจะมากขึ้น แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้ดิ้นรนจะออกไปหรอก ผมแค่อยากไปเที่ยวกับเขาบ้าง คืออยู่แต่ในบ้านแบบนี้บางทีมันก็เบื่อ มันก็มีอะไรให้ทำแหละแต่ผมว่าผมเริ่มจะติดเขาแล้ว พอไม่มีเขาอยู่เลยกลายเป็นว่าทุกอย่างน่าเบื่อไปหมด หนังสือในห้องสมุดขนาดย่อมในบ้าน ผมก็หยิบมาอ่านได้แต่หมวดนวนิยายรักๆ นั่นแหละ นอกนั้นคำศัพท์ยากเกินสมองน้อยๆ ของผม


แต่ช่วงที่ผมป่วย อันนั้นผมไม่อยากออกไปไหนเองอยู่แล้ว ผมเหนื่อย พอหายป่วยก็ยังไม่อยากไปไหน เพราะยังปรับสภาพร่างกายอยู่ แต่พอไม่ได้ไปไหน วิคเตอร์ก็เลยจัดรับขวัญที่ผมหายป่วยในห้องเซ็กส์ทอยซึ่งมันก็ตื่นเต้นกว่าการออกไปข้างนอกดีนะ (อุ๊ย!)


RRRrrr!


“ฮัลโหล… ไม่ลืมครับ… ผมรอคุณโทรมาอยู่พอดี… โอเค… เดี๋ยวเจอกันนะ…” เขากดวางสายโทรศัพท์ วางมันไว้ข้างตัว ใกล้ๆ กับถ้วยข้าวนั่นแหละ


“ใครหรอ”


“เดวิดน่ะ  วันนี้มีนัดคุยเรื่องซีซั่นใหม่ ฉันคงกลับมาทันอาหารเย็น” เขาบอก ยกตัวผมออกเบาๆ จับผมนอนหงายไปกับความยาวของโซฟาอย่างเบามือ เขยิบตัวขึ้นคร่อมร่างผมไว้ ก้มลงมาจูบอย่างช้าๆ แต่ลิ้นเขายังคงกวาดเน้นๆ ไปทั่วโพรงปากผม ดูดดึงอีกสองสามครั้ง เขาก็ดึงหน้าออก


“อยู่บ้านนะ อย่าออกไปไหน” ผมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบางๆ วิคเตอร์กดจูบลงบนหน้าผากหนักๆ อีกที เขาลุกขึ้นนั่งชันเข่า หยิบถ้วยข้าวและโทรศัพท์มือถือติดมือออกไปด้วย ผมมองตามแผ่นหลังเขาที่เลี้ยวออกจากห้องนั่งเล่นไปแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ หันกลับมามองทีวีต่อ พลันหูได้ยินเสียงมือถือตัวเองดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่น ผมมองหาไปรอบห้องอย่างงงๆ สงสัยวิคเตอร์คงลืมยึดมือถือผมไปด้วย ผมลุกขึ้นเดินตามหาเสียงร้องของมือถือ จนเจอมันนอนอยู่ใต้หมอนบนโซฟาตัวใหญ่ ตัวเมื่อเช้าที่ผมโดนวิคเตอร์ใส่ไม่ยั้งนั่นแหละ ผมหยิบขึ้นมาดูหน้าจอมือถือก็ขมวดคิ้วนิดๆ เพราะเบอร์ไม่คุ้นเท่าไหร่


“Hello? (สวัสดีครับ)”


[Is that Matt? (แมทใช่รึเปล่า)] เสียงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคล้ายว่าจะคุ้นหูอยู่ไม่น้อยดังมาตามสาย ผมหน้าตื่นด้วยอาการงงๆ ว่าใครโทรมา


“Yes. (ใช่ครับ)”


[I’m Lisa. (ฉันลิซ่านะ)] ผมทำหน้าถึงบางอ้อทันที ก็ว่าอยู่ทำไมถึงเสียงคุ้นๆ


“Yes. (ครับ)”


[I want to know news about you and Victor. Is that true? (ฉันอยากรู้เรื่องข่าวเธอกับวิคเตอร์ว่ามันจริงรึเปล่า)] เธอเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงที่ถามก็จริงจังไม่มีออมเสียง เล่นเอาผมไม่ต้องรู้สึกใจหายวาบเลย เพราะมันเหมือนตกไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมพยายามตั้งสติให้เร็วเพื่อที่จะได้ตอบเธอกลับไป


“No. It’s not true. It’s just a rumor. (ไม่ครับ ไม่จริง เป็นแค่ข่าวลือ)”


[And what about the picture? (แล้วเรื่องรูปล่ะ)]


“รูปที่ออกมาเป็นภาพผมกับเขา แต่มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ เราแค่ไปเดินเล่นตามประสาคนที่ทำงานร่วมกัน” ผมพยายามใช้โทนเสียงให้ดูปกติ ไม่ให้ดูตื่นตูมหรือร้อนตัวจนเกินไป แต่กระนั้นใจผมก็ยังเต้นด้วยอาการตื่นเต้นอยู่ดี คุณลิซ่าเงียบไปพักหนึ่ง คงกำลังตัดสินใจว่าควรเชื่อที่ผมพูดดีมั้ย ผมยืนรอเธอพูดเงียบๆ พร้อมอาการใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ


[แล้วเธอรู้เรื่องคลิปมั้ย มันจริงรึเปล่า] เธอพูดหลังจากเงียบไปชั่วอึดใจ แต่สำหรับผมนานแทบขาดใจเพราะกลัวว่าเธอจะสงสัยอะไรอีก แต่คราวนี้สีหน้าผมงงหนัก อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคลิปอะไร มีประเด็นใหม่อีกแล้วเหรอ


“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงคลิปอะไร”


[ฉันก็ยังไม่เห็นหรอกนะว่ามันเป็นคลิปยังไง แต่ข่าวบอกว่าเป็นคลิปที่วิคเตอร์กำลังมีเซ็กส์กับใครสักคนในโรงรถ] ผมตัวชาวาบ รู้สึกตัวเย็นไปหมด ผมนั่งตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่ได้ยิน


มีคลิปหลุดงั้นเหรอ…


“เอ่อ… แล้ว… แล้ว มีคลิปหลุดหรือว่ายังไงครับ”


[ยังไม่มีตัวคลิปออกมาหรอก มีแต่ภาพจากกล้องวงจรปิด] ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ รู้สึกเริ่มใจสั่นด้วยความกลัว


 “แล้วภาพในกล้องชัดรึเปล่าครับ” คุณลิซ่าถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะว่าต่อ


[ไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะมันมืด  แต่ที่คนเดาว่าเป็นวิคเตอร์เพราะรถของเขา] ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลมล้มพับ รู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ลึกๆ ก็แอบดีใจที่ความมืดช่วยปกปิดตัวเขาไว้


[เธอพอจะรู้มั้ยว่าเขาไปมีเซ็กส์กับใครที่นั่นจริงๆ หรือเปล่า] ผมเม้มปากและพยายามตั้งสติตอบเธอ พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองตอบตะกุกตะกักเด็ดขาด


“ผมก็ไม่ได้อยู่กับเขาตลอดเวลาหรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ มันเสี่ยงเกินไป” ผมโกหกตัวโตๆ เลยทีเดียว ตอนนั้นที่ทำ มีแต่แรงอารมณ์กันทั้งนั้น ลืมนึกถึงความเสี่ยงต่างๆ ไปหมด


[ฉันกับพ่อเขา เราเป็นห่วงเขามาก แต่เขาไม่ยอมบอกอะไรเลย ฉันเลยต้องให้คนสืบหาเบอร์เธอมาเพื่อโทรมาถาม เผื่อเธอจะรู้อะไรบ้าง]


“อันที่จริงผมยังไม่ได้ดูข่าวเลยด้วยซ้ำครับ แต่ผมคิดว่าข่าวน่าจะใส่สีกันเพิ่มเติมด้วย” คุณลิซ่าถอนหายใจอีกครั้ง เธอคงเป็นห่วงวิคเตอร์มากจริงๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่บอกอะไรเลย ไม่รู้ว่าผิดใจอะไรกันนักหนาถึงไม่ยอมรับความหวังดีจากเธอ


[ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น…] เธอพูดเสียงเหนื่อยๆ […ส่วนเธอกับเขา ฉันหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องจริงอย่างที่เธอบอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ลุคคงไม่แฮปปี้เท่าไหร่] ผมนึกถึงหน้าพ่อของวิคเตอร์แล้วก็รู้สึกกังวลขึ้นมา แค่หน้าเขาก็ดุมากพอแล้วไม่ต้องบอกว่าถ้าเขาเกิดไม่พอใจอะไรสักอย่าง เขาคงน่ากลัวทีเดียว ขนาดวันนั้นที่ทะเลาะกับวิคเตอร์ ผมยังรู้สึกถึงความกดดันรอบๆ ตัวเลย


“ไม่หรอกครับ เดี๋ยวเดือนหน้าผมก็กลับไทยแล้ว คุณกับคุณลุคสบายใจได้” ผมบอกด้วยรอยยิ้มเศร้า น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับพูดมาจากที่ไกลๆ


[อ้าว จะกลับแล้วเหรอ]


“ครับ เดี๋ยวก็กลับแล้ว พอผมกลับไป ข่าวก็คงซาไปเอง…” ผมมองไปที่เจ้าไมเคิลกับฟอกซ์ที่นอนเลียหน้าเลียตากันอยู่ด้วยความเหงา


“…อีกอย่างวิคเตอร์เขาชอบผู้หญิงครับ คุณก็รู้” คุณลิซ่าหัวเราะน้อยๆ ก่อนบอกด้วยเสียงประหลาดใจ


[แต่ก็แปลกนะ ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีข่าวกับผู้หญิงเท่าไหร่ สามสี่ปีก่อนสิ ฉันแทบจะจำหน้าแฟนลูกชายตัวเองไม่ทัน] ไม่ว่าจะยังไงคุณลิซ่าก็มองว่าวิคเตอร์เป็นลูกเธอเสมอเลย ผิดกับอีกฝ่ายที่ไม่เคยมองว่าคุณลิซ่าเป็นแม่เลยสักนิด แต่ผมเข้าใจเขานะ เขารักแม่แท้ๆ เขาขนาดนั้น คงทำใจไม่ได้ที่จะยอมรับเมียพ่ออีกคนหรอก


ผมยิ้มบางๆ ความเหงาแปลกๆ เกาะกุมหัวใจ นึกในใจว่าเดี๋ยวผมไปเขาก็กลับมาควงผู้หญิงตามปกตินั่นแหละ ที่ไม่มีตอนนี้เพราะผมขอเขาไว้


ออด!

V
v

หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:19:27


เสียงออดดังขึ้น ผมเด้งตัวลุกขึ้นยืนชะเง้อมองเล็กน้อย คุณลิซ่าถามไถ่ชีวิตผมทั่วไป เหมือนกับว่าเธอสบายใจกับเรื่องที่ตัวเธอและคุณลุคสงสัยแล้ว เธอบอกว่าถ้าเธอมาทันก่อนผมกลับจะเอาขนมคุกกี้ที่อังกฤษมาให้ทาน


“ขอบคุณมากเลยครับ… ครับ…” ผมเปิดประตูบ้านออกก็เจอกับคุณเอมิลี่ที่ยืนยิ้มแผ่วเบาอยู่หน้าประตู ผมฉีกยิ้มหน้าเหลอหลา หูก็ยังฟังคุณลิซ่าพูดถึงความดื้อของวิคเตอร์ไม่หยุด ผมเปิดประตูบ้านให้กว้างกว่าเดิมเพื่อเป็นการชวนให้เอมิลี่เดินเข้ามาในบ้าน เธอยิ้มและก้าวเท้าเดินเข้ามา ผมดันประตูปิด


“โอเคครับ… ยังไงเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีคุณเอมิลี่เจ้านายอีกคนมาหา… ครับ สวัสดีครับ” ผมกดวางสายจากคุณลิซ่า ส่งยิ้มกว้างให้คุณเอมิลี่ เธอเดินเข้ามากอดผมไว้หลวมๆ ลูบหลังผมเบาๆ


“เป็นยังไงบ้าง” เธอถามหลังจากดันตัวเองออก ผมยิ้มนิดๆ ก่อนตอบ


“ก็สบายดีครับ” แต่ตูดไม่ค่อยสบายเท่าไหร่


คุณเอมิลี่ยิ้ม เธอมองหน้าผมด้วยสายตาอ่อนโยน แต่กลับทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ผมว่าในความอ่อนโยนมีแววสงสารอยู่ ผมได้แต่คลี่ยิ้มงงๆ ให้เธอ คุณเอมิลี่ถอนหายใจเบาๆ มือล้วงหยิบซองเอกสารออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นมาให้ผม


“เอกสารฝึกงานของเธอ ฉันเอามาให้…” ผมยิ้ม ยื่นมือไปรับเอกสารนั้นไว้ “…เธอหมดภารกิจแล้วนะแมท ฉันดีใจนะที่ได้พบกับเธอ ขอบคุณที่เธอตื๊อจนฉันยอมให้เธอมาทำงานด้วย”


ผมอดใจหายไม่ได้ เมื่อนึกถึงวันที่ผมส่งอีเมลมาตื๊อเธอเพื่อที่จะทำงานนี้ ผมเลือกที่นี่เพราะว่าเป็นเอเจนซี่ที่อยู่ในลิสต์ต้นๆ ของเอมริกาที่ขึ้นชื่อว่าดัง และนายแบบนางแบบก็อยู่ในเอลิสต์ทั้งนั้น นึกถึงวันแรกที่เดินทางมาถึงที่นี่ วันที่ได้พบเจอกับคุณเอมิลี่ ซึ่งนั่นเป็นวันเดียวกันที่ผมได้เจอกับวิคเตอร์


“ผมก็ดีใจครับที่ได้มาทำงานกับคุณแล้วก็วิคเตอร์” คุณเอมิลี่ยิ้ม แล้วสักพักเธอก็มีน้ำตาคลอ ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ คุณเอมิลี่ยิ้มทั้งน้ำตา


“I’m gonna miss you so much. (ฉันต้องคิดถึงเธอมากแน่ๆ)” เธอบอกแล้วปาดน้ำตาออกจากแก้ม ผมยิ้ม รู้สึกร้อนๆ ที่ขอบตาเช่นกัน เธอเดินเข้ามากอดผมอีกครั้ง


“Thank you, and I’m sorry—sorry that I send you to Victor. (ขอบคุณมากนะ แล้วก็ขอโทษ ขอโทษที่ฉันส่งเธอมาหาวิคเตอร์)” ผมยิ้มขำด้วยน้ำตาที่อาบแก้มเงียบๆ เธอรับรู้ความลำบากในช่วงแรกๆ ของผมตลอด เลยรู้สึกสงสารที่ผมทำงานหนักล่ะสินะ


“That’s fine. It is one of the best experiences in my life. (ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหนึ่งประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย)” คุณเอมิลี่เหมือนจะร้องไห้หนักขึ้นอีกนิด เธอดันตัวเองออก พูดทั้งน้ำตาแต่ว่าริมฝีปากของเธอก็ยังคงมีรอยยิ้ม


“From now on, you are free from him. (ตั้งแต่นี้ไป นายเป็นอิสระจากเขาแล้วนะ)” ผมรู้สึกในอกกลวงโบ๋ รู้สึกคล้ายมีช่องโหว่เหมือนโดนทะลวงอกยังไงยังงั้น ผมยิ้มเฝื่อน พยักหน้าน้อยๆ คุณเอมิลี่มองหน้าผมด้วยสายตาเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะยิ้มให้อีกครั้ง


“When do you go back to Thailand? (นายจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่)”


“The end of next month. (สิ้นเดือนหน้าครับ)” คุณเอมิลี่นิ่งไป เธอผ่อนลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ


“Because of Victor, right? (เพราะวิคเตอร์ ใช่มั้ย)” ผมชะงักและออกอาการอึกอักกับคำถามของเธอ


“ผม… คือ ผมเองก็อยากจะอยู่เที่ยวต่อด้วย…”


“กับข่าวที่เกิดขึ้น ฉันไม่รู้ว่าจริงมากแค่ไหน ฉันเลยต้องถามวิคเตอร์ ซึ่งฉันไม่พอใจกับคำตอบของเขาเท่าไหร่…” ผมมองหน้าเธออย่างหม่นๆ เอมิลี่มองกลับมาอย่างเคร่งเครียด


“…เธอกับเขา มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว” ผมรู้สึกเหมือนโดนแม่จับได้ว่าแอบคบผู้ชายทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอะไรทำนองนั้น คุณเอมิลี่ไม่ได้ถาม แต่เธอพูดในสิ่งที่เธอรู้อยู่แล้ว


“ครับ…” ผมตอบเสียงแผ่วเบา เอมิลี่หลับตาลงเบาๆ แล้วลืมตาขึ้นมาใหม่


“ฉันไม่ได้แอนตี้อะไร เพราะฉันเจอกับเรื่องแบบนี้จากนายแบบที่ฉันดูแลหลายๆ คน เพียงแต่ฉันไม่คิดว่าวันนึงจะเกิดขึ้นกับผู้ชายอย่างวิคเตอร์…” เธอยักคิ้วขึ้นพร้อมสีหน้าเหลือเชื่อ


“…เธอรู้เรื่องคลิปแล้วใช่มั้ย”


“เพิ่งรู้ก่อนคุณมาเองครับ”


“กับภาพที่ออกมา ฉันว่าทุกคนยังไม่กล้าฟันธง แต่ถ้าเกิดคลิปหลุดออกไป วิคเตอร์คงแย่ ถึงแม้จะเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่ทางที่ดีอย่าให้มันหลุดออกมาเลยดีกว่า” ผมรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงประเด็นคลิปหลุดนี้


“แล้วมันหลุดออกมามั้ยครับ”


“งานนี้ต้องขอบคุณอดัม เขาเป็นคนเห็นภาพในกล้องวงจรปิดคนแรกๆ เพราะเขาอยู่ที่สตูดิโอในวันนั้น เขาเลยโทรบอกฉัน ฉันเลยทำทุกวิถีทางในการทำลายคลิปนั้น แต่ขนาดฉันทำลายไปแล้ว ก็ยังมีภาพหลุดออกมา” เธอบอกด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ผมมองเอมิลี่แล้วรู้เลยว่าเธอต้องทำงานหนักจริงๆ ในการที่จะปกป้องวิคเตอร์ไว้


“ผมขอโทษครับ”


“นายขอโทษทำไม นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายสักหน่อย”


“แต่ยังไงผมก็มีส่วนทำให้เรื่องนี้แย่ไปมากกว่าเดิม” คุณเอมิลี่ยิ้ม ส่ายหัวน้อยๆ ยกมือซ้ายวางลงบนบ่าผมแล้วบีบเบาๆ


“อย่าคิดแบบนั้นเลยนะ…” ผมรู้สึกอึดอัดในอกไปหมด


“ผมควรไปมั้ยครับ” คุณเอมิลี่ชะงักไป รอยยิ้มค่อยๆ หายไปจากใบหน้า มือที่วางบนบ่าผมไว้ลดลงช้าๆ


“ถ้าถามฉัน ฉันอยากให้เธอไป…” ใจผมกระตุกกับคำพูดนั้น รู้สึกหน้าค่อยๆ เสียและค่อยๆ ซีดลง


“…แต่ไม่ได้ไปเพราะเธอทำร้ายวิคเตอร์ แต่ฉันอยากให้เธอไปเพราะตัวเธอเอง ไปเพื่อรักษาใจตัวเอง” ผมขมวดคิ้วทั้งที่สีหน้ายังแย่อยู่ คุณเอมิลี่เม้มปาก แล้วว่าต่อ


“ผู้ชายอย่างวิคเตอร์… แมท… ผู้ชายอย่างวิคเตอร์…” คุณเอมิลี่พูด น้ำตาคลอเต็มหน่วย ผมถึงกับงงทั้งที่หน้ายังเสียอยู่กับคำพูดของเธอที่บอกให้ผมไป ผมกำลังสงสัยว่าคุณเอมิลี่กำลังจะบอกอะไรผม หรือเธอรู้อะไรมา


“คุณเอมิลี่ มีอะไรครับ คุณเป็นอะไรรึเปล่า” เธอไม่ตอบอะไร ได้แต่น้ำตาไหลเงียบๆ มองผมด้วยความสงสารที่เห็นได้ชัดแล้วในรอบนี้ เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง หยิบหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ฉบับหนึ่งขึ้นมาส่งให้ผม


“เขาไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรมากนักหรอก เพราะมันคือนิสัยเขาอยู่แล้ว” ผมพลิกหนังสือพิมพ์หาข่าววิคเตอร์ทันที แล้วผมก็เจออยู่ที่หน้าเจ็ด เพียงแค่เห็นคำพูดของเขาที่พาดหัวข่าว ก็ทำเอาผมแทบหมดแรง


“I’m still a normal man. So I should in love with a girl not a guy.”


“ผมยังคงเป็นผู้ชายปกติ ฉะนั้นผมควรอยู่ในห้วงรักกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายนะ”
มันอาจไม่ใช่คำพูดร้ายแรงอะไร แต่มันเสียดแทงใจผมอย่างบอกไม่ถูก ผมอ่านเนื้อหาข่าวแทบไม่รู้เรื่องเพราะม่านน้ำตาที่ก่อตัวขึ้นมา แถมสมองยังตื้อไปหมด แต่ประเด็นหลักๆ ที่สรุปออกมาจากคำพูดเขาได้คือ เขาไม่มีวันรักผมหรอก


แกร๊ก~


“เฮ้! ไม่นึกว่าเธอจะอยู่ที่นี่ด้วยนะเอ็ม” เสียงสดชื่นอันคุ้นหูของคุณเบนเนดิคท์ดังขึ้นที่หน้าประตู ผมเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยน้ำตาคลอเต็มเบ้าตา ภาพของวิคเตอร์ที่รอยยิ้มค่อยๆ หายไปเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจพร่ามัวไม่ชัดเจน


“What the fuck happened? Why are you crying, alien? (เกิดห่าอะไรขึ้นเนี่ย นายร้องไห้ทำไมเอเลี่ยน?!)” วิคเตอร์เดินหน้าตาตื่นเข้ามาถามผม คุณเบนเนดิคท์ที่มาอย่างสดใสถึงกับชะงักไปเหมือนทำอะไรไม่ถูก วิคเตอร์หันไปมองเอมิลี่ที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่พร้อมรับมือกับทุกสิ่ง


“เอมิลี่!” เขาเรียกชื่อเธอเสียดัง แววตามองสลับผมกับเอมิลี่


“เกิดอะไรขึ้น เธอพูดอะไรกับแมท?!” เขาถามด้วยสายตาน่ากลัว ใบหน้าเขาเข้มด้วยความไม่พอใจ คุณเบนมายืนข้างๆ คุณเอมิลี่ทันที


“ฉันมาบอกให้แมทไปจากนายซะ” เธอตอบกลับมาอย่างสงบ วิคเตอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที


“อะไรนะ?! เธอมีสิทธิอะไรถึงมาบอกให้คนนั้นคนนี้ไปจากฉัน?!” เขาว่าด้วยเสียงกราดเกรี้ยว จ้องเอมิลี่เขม็ง


“แล้วนายจะให้แมทอยู่ต่อไปทำไม อยู่ไปเพื่ออะไร…”


“…และฉันก็อยากรู้ว่าแกให้แมทอยู่ในฐานะอะไร” เบนเนดิคท์ถามต่อจากเอมิลี่ด้วยสีหน้านิ่ง ผิดกับภาพที่เขาเปิดประตูเข้าเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง วิคเตอร์ชะงักไปทันที คล้ายว่าเขาตัวแข็งทื่อไปแล้ว วินาทีที่เขาหันหน้ามามองผมด้วยสายตาหวาดหวั่นนั้น น้ำตาผมก็ไหลอาบแก้ม


คุณเคยบอกว่าผมเป็นคนพิเศษ ผมพิเศษยังไงนะ…


 :hao7:


[ตอนต่อไปด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:22:57


CHAPTER 25 :: I am only your little Alien.


“อย่าร้องไห้” เขาบอกเสียงแผ่ว ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมเร็วๆ เขาดูร้อนใจที่เห็นผมร้องไห้ สายตาเขามีแววไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด


“Mr.Raymond. (คุณเรย์มอนด์…)” วิคเตอร์ชะงักมือที่กำลังเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มผมทันที ดวงตาของเขาวาวโรจน์ขึ้นมาจนน่ากลัว


“Do not call me like that again. (อย่าเรียกฉันแบบนั้นอีก)” เขาบอกเสียงน่ากลัว ใบหน้านิ่งจนชวนหวั่นใจ ผมแค่นยิ้มอย่างเศร้าๆ


“And what I can call you then? Baby. Maybe? (ถ้างั้นผมเรียกคุณว่าอะไรได้บ้างล่ะครับ ที่รักหรอ?)” เขาเบิกตากว้างขึ้น แววตาตื่นตะลึงไปเล็กน้อย ใบหน้าเขาค่อยๆ ตึงเครียด เขาหันกลับไปมองเอมิลี่กับเบนเนดิคท์ที่ยืนอย่างสงบอยู่


“ออกไปจากบ้านฉัน!” เขาเอ่ยไล่สองคนนั้นด้วยอารมณ์ แต่คนถูกไล่ทั้งสองคนกลับยืนนิ่ง


“ไล่พวกเขาทำไมครับ ถ้าคนที่จะไป ควรเป็นผมมากกว่า” วิคเตอร์หันกลับมามองด้วยสายตาตื่นกลัว


“นายจะไปไหน นายบอกว่าจะอยู่กับฉันต่ออีกเดือนนะ!”


“แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ” วิคเตอร์เงียบ เขาขบกรามแน่น กลืนน้ำลายลงคอหนักๆ ผมยิ้มด้วยความขื่นที่เขาตอบไม่ได้ วิคเตอร์มีสีหน้าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด


“ตอบไป แบบที่บอกฉันสิวิคเตอร์…”


“…หุบปาก! เธอไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วเอมิลี่!” เขาตะเบ็งเสียงดัง ทำเอาไมเคิลถึงกับวิ่งออกมาดูด้วยใบหน้าฉงน วิคเตอร์เริ่มคล้ายจะสติแตกเข้าไปทุกที


“ทำไมวะ ทำไมเอ็มจะพูดไม่ได้ หรือจะให้ฉันพูด เพราะแกก็พูดกับพวกฉันเหมือนกัน…”


“…ไอ้เบน! แกออกไปจากบ้านฉันเลย เธอด้วยเอมิลี่ ออกไปให้หมด!” เขาตะคอกใส่สองคนนั้น เอมิลี่กับเบนเนดิคท์ยืนสีหน้าราบเรียบทั้งคู่ ผมยกมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม วิคตอร์หันกลับมามองผมด้วยใบหน้าร้อนรุ่ม


“ส่วนนายห้ามไปไหน ห้ามออกไปจากบ้านหลังนี้!” ผมควรจะรู้สึกดีกับคำพูดของเขาที่หวงผมยิ่งกว่าแม่งูจงอางหวงไข่ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด


“ตอนแรก ผมไม่คิด ไม่ติดใจอะไรทั้งนั้นที่คุณไม่อยากให้ผมออกไปไหน แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิด…”


“…คิดอะไร ห้ามคิด อย่าคิดอะไรทั้งนั้น!” เขาบอกเสียงดัง เดินเข้ามากอดผมไว้จมอก ก้มลงมาจูบกลางกระหม่อมของผมแรงๆ วงแขนเขาโอบรัดผมแน่น


“แกจะห้ามความคิดคนอื่นได้ยังไงวะไอ้วิคเตอร์” เสียงคุณเบนเนดิคท์ดังขึ้น วิคเตอร์หายใจแรงกว่าเดิม อาการไม่พอใจของเขาเริ่มปะทุทีล่ะน้อย เขาไม่พูดอะไรแต่กอดผมไว้จนผมเริ่มรู้สึกอึดอัด ผมยกแขนดันตัวเขาออก ตอนแรกวิคเตอร์ขืนเอาไว้ไม่ยอมให้ผมผลักเขาออก แต่สุดท้ายผมก็ดันเขาออกจนได้และเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยสายตาเด็ดขาด


“I need to talk to you. (ผมอยากจะคุยกับคุณ)” วิคเตอร์ขบกรามเบาๆ เขาพยักหน้าเคร่งเครียดของเขาช้าๆ ผมเลื่อนสายตาแดงๆ ของตัวเองไปมองอีกสองบุคคลที่อยู่ในบานด้วย


“I have to excuse myself for a while. (ผมขอตัวสักครู่นะครับ)” ทั้งสองคนพยักหน้ารับรู้เบาๆ ผมหันไปมองวิคเตอร์แล้วผงกหัวให้เขาเดินไปพร้อมกัน เราเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน เดินไปยังห้องนอน วิคเตอร์ปิดประตูเสียงดัง เขาเดินเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น ผมยืนนิ่ง รู้สึกล้าไปทั้งใจ


เราสองคนยืนนิ่งอยู่ในท่านั้น ปล่อยให้ความเงียบลอยวนอยู่รอบๆ ตัวเราทั้งสองคน วิคเตอร์ซุกหน้าลงกับซอกคอฝั่งซ้ายของผม เขากดจูบหนักๆ ลงบนซอกคอ สลับกับสูดดมซอกคอผมแรงๆ สักพักก็เริ่มลุกลามมาที่แก้มซ้าย ทั้งจูบ ทั้งหอมแรงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มือขวาเขาจะยกมาบิดหน้าผมให้เงยขึ้นไปรับจูบหนักๆ จากเขา เขาพยายามแทรกลิ้นเข้ามาในปากผม แต่ผมปิดปากแน่น ปล่อยให้เขาแค่กดจูบได้แค่ริมฝีปาก วิคเตอร์ขมวดคิ้วหนัก เขาพยายามบดริมฝีปากผมหนักๆ เพื่อบังคับให้ผมอ้าปากรับลิ้นเขาเข้าไป แต่ผมก็ยืนปิดปากสนิท ต้านไม่ให้เขาเข้ามา จนวิคเตอร์ออกอาการหงุดหงิด


“เอเลี่ยน” เสียงเขากดต่ำ จ้องมองผมอย่างไม่พอใจ แววตาเริ่มปะทุด้วยความเกรี้ยวกราดตามแบบฉบับของคนนิสัยเอาแต่ใจ ผมหน้านิ่ง มองกลับไปอย่างไม่ยอม


“อ้าปาก” เขาสั่งเสียงนิ่ง แล้วก้มลงมากดริมฝีปากอีกครั้ง บดขยี้อย่างรุนแรงเพื่อบังคับให้ผมรับลิ้นเขาเข้าไป แต่ผมก็เม้มปากแน่นไม่ยอมอ้าปากเช่นกัน วิคเตอร์ส่งเสียงฮึ่มฮั่มอย่างหงุดหงิดในลำคอ ก่อนจะผละออก มองผมด้วยสายตาโกรธจัด เขาผลักตัวผมออก จับผมหันเข้าหาเขาและจับไหล่ผมไว้แน่น


“อย่าดื้อกับฉันนะแมท อ้าปาก!” ผมขบกรามแน่น พยายามควบคุมไม่ให้น้ำตาเอ่อคลอเด็ดขาด


“ไม่…” ผมบอกเสียงเบาแต่หนักแน่น วิคเตอร์จ้องผมเขม็ง แววตาฉายฉัดถึงความโกรธแบบสุดขีด เขาบีบไหล่ผมแน่นจนผมรู้สึกปวดหนึบ แต่ผมก็กัดฟันแน่นไม่ยอมร้องออกมา


“Why?!” เขาถามเสียงดัง ผมมองหน้าเขาอย่างเฉยชา


“Because of you. (เพราะคุณไง)” เขาขมวดคิ้วแน่น ตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความโกรธ เขาผลักผมลงกับเตียง ผมชันข้อศอกขึ้นเพื่อพยุงตัว วิคเตอร์ตามลงมานั่งคร่อมผมแล้วกดไหล่ผมลงไปนอนกับเตียง


“ถ้าเพราะฉัน นายก็ยอมเหมือนอย่างเคยสิ!” ผมแค่นยิ้มออกมา รู้สึกเจ็บหนึบๆ ที่หัวใจ


“คุณคงชินกับผมแบบนั้นสินะ” วิคเตอร์ย่นคิ้วด้วยความงง แววตาเขาสับสนดูไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด แต่เขาก็สลัดสีหน้านั้นทิ้ง เปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่พอใจอย่างเคย


“นายชอบฉันไม่ใช่รึไง?!”


“ใช่ ผมชอบคุณ…” ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็ก้มลงมาประกบปากผมทันที บดขยี้อีกครั้งเพื่อให้ผมยอมเปิดปากรับลิ้นเขาเข้าไป แต่ผมหันหน้าหนี วิคเตอร์หายใจแรงขึ้น


“ทำไม?! อย่าหนีฉันแบบนี้แมท อย่าให้ฉันหมดความอดทน!” เขาว่าเสียงหอบ แววตาดุดันน่ากลัว ในใจผมกลัวเขา แต่ผมแสดงออกด้วยความนิ่ง และผมพยายามดันเขาออก


“ออกไปจากตัวผมครับ คุณเรย์มอนด์” วิคเตอร์เบิกตากว้างด้วยความโมโห แววตาเขาลุกวาวด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะออกคำสั่งกับผมด้วยน้ำเสียงทรงพลัง


“เรียกฉันว่าวิคเตอร์!”


“ไม่ ออกไป!” เขากัดฟันด้วยความโมโห จับกดข้อมือผมสองข้างไว้บนเตียง ก้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอผมด้วยความรุนแรง ผมสติหลุดไปพักหนึ่ง เลยได้แต่หันหน้าหนีเขา วิคเตอร์ดูดเม้มซอกคอทั้งสองฝั่งอย่างหนักหน่วง จนพอผมได้สติ ผมเลยหยุดนิ่งและเอ่ยออกมาเสียงหอบๆ


“แบบนี้ใช่มั้ยที่คุณต้องการให้ผมเป็น…” วิคเตอร์ชะงัก เขาดันหน้าขึ้นจากซอกคอผม เราสบตากัน เขามองผมด้วยความกลัวนิดๆ ผมมองเขากลับด้วยสายตาสงบนิ่ง


“แบบไหน…” เขาถามเสียงแผ่ว แววตามีความหวาดระแวงอยู่


“ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่เอาไว้ระบายอารมณ์ทางเพศของคุณ” เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ชะงักไว้ เขาหลับตาลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจเบาๆ ลืมตาขึ้นมามองผมด้วยสายตาที่สงบลงแล้ว เขาลุกออกจากตัวผมไปนั่งลงบนขอบเตียง ผมค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้น นั่งนิ่งพร้อมสีหน้าเหนื่อยล้า


“ไม่ใช่… นายไม่ใช่แบบนั้น…” เขาพูดออกมาเสียงเบาหวิวหลังจากนิ่งไปสักพัก ผมหันไปมองเขาก็เห็นว่าเขานั่งหน้าตึงเครียด ผมเม้มปากเบาๆ กลืนน้ำลายลงคอแล้วถามออกไป


“ถ้าพ่อคุณถามถึงความสัมพันธ์ของเราสองคน คุณจะตอบเขาว่าอะไร” วิคเตอร์ขมวดคิ้วมุ่น หันมามองผมอย่างไม่เข้าใจ


“ไปเกี่ยวอะไรกับพ่อฉัน”


“ผมอยากรู้ว่าคุณจะตอบเขาว่าอะไร” เขานิ่ง มองผมด้วยสายตาสั่นไหว ผมแค่นยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ


“คุณคิดจะพาผมไปเปิดตัวกับพ่อคุณมั้ย…” วิคเตอร์เบิกตากว้าง เขาขยับตัวหันมามองผมตรงๆ


“อะไรนะ…” เขาถามเสียงเบาหวิว ดวงตาและใบหน้าฉาบไปด้วยความตระหนก


“คุณจริงจังกับผมรึเปล่า” วิคเตอร์มองผมนิ่ง เขากลืนน้ำลายลงคอ หน้าเขาซีดลงไปถนัดตา ผมยิ้มเศร้า เพราะพอจะรับรู้ความหมายอาการนั้นของเขา


“ผมอาจจะถามยากไป… คุณชอบผมบ้างมั้ย”


“ชอบสิ! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันชอบที่มีนายอยู่ใกล้ๆ แบบนี้”


“ชอบเพราะผมเป็นที่ระบายความใคร่ให้คุณใช่รึเปล่าครับ”


“ฉันบอกแล้วไงว่านายไม่ใช่แบบนั้น!” เขาตะเบ็งเสียงดังด้วยความหงุดหงิด หน้านิ่วคิ้วขมวดมองมา สายตาเหมือนมีคำถามว่าผมเป็นบ้าอะไรถึงถามคำถามพวกนี้


“แล้วแบบไหนครับ ผมเป็นแบบไหนสำหรับคุณ”


“คนพิเศษไง นายเป็นคนพิเศษสำหรับฉัน!” เขาบอก บอกด้วยอาการไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาเคยบอกผมไปแล้ว


“คุณหยุดเอาคำนี้มาใช้ให้ผมรู้สึกดีเถอะครับ คุณบอกผมเป็นคนพิเศษ มันพิเศษแค่เรื่องเซ็กส์เท่านั้นแหละ” ผมบอกอย่างขมขื่น


“แล้วสิ่งที่ฉันทำให้นายนอกเหนือจากเซ็กส์ นายมองไม่เห็นมันเลยใช่มั้ย?!” เขาถามกลับมาด้วยอารมณ์ไม่พอใจ


“ก็เพราะคุณทำเพราะหวังเซ็กส์จากผมไง คุณทำไปเพราะผมให้ความสุขคุณในเรื่องที่คุณชอบได้…” น้ำตาเริ่มก่อตัวในดวงตา ผมพยายามกระพริบตาถี่ๆ แล้วพูดต่อ


“…ถ้าคุณกำลังเอาชนะผมเหมือนที่คุณเคยทำกับนาตาชามา ผมบอกเลยว่า คุณชนะ คุณได้กินผมอย่างที่คุณต้องการแล้วไง”


“ฉันไม่ได้ต้องการเอาชนะนายนะ!” เขาว่าเสียงสะบัด เริ่มหายใจหอบรุนแรง


“งั้นบอกผมหน่อย หลังจากเดือนหน้าไป คุณจะทำยังไง ปล่อยผมกลับประเทศไปเฉยๆ ใช่มั้ย จบกันเท่านี้ใช่รึเปล่า?!” ผมลุกขึ้นยืนแล้วถามเขาเสียงดัง วิคเตอร์อึ้งไป เขานิ่งราวกับถูกตรึงอยู่กับที่


“ฉัน…”


“ถ้ามีคนถามคุณ คุณจะบอกว่าผมเป็นใคร ผมเป็นอะไรกับคุณ…” เขาขบกรามเบาๆ มองผมด้วยความเหนื่อยล้าทางสายตา


“…คุณเก็บผมไว้ให้อยู่แต่ในบ้านแบบนี้ มีเซ็กส์กันวันล่ะหลายๆ รอบแบบที่คุณชอบ พอคุณสุขสมอารมณ์หมาย ผมก็ไม่ต่างอะไรจากของในห้องเซ็กส์ทอยของคุณหรอก” วิคเตอร์ขมวดคิ้วหน้าเครียด สีหน้าเขาเขาอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด


“นายก็ชอบไม่ใช่รึไง” เหมือนผมโดนหยิกที่หัวใจด้วยคำพูดของเขา ผมยิ้มขื่นก่อนจะตอบ


“ครับ ผมชอบ ผมชอบที่ทำให้คุณมีความสุขได้ ผมชอบเห็นคุณยิ้ม ชอบเห็นคุณพึงพอใจ…” ผมน้ำตาคลอ แต่ก็พยายามพูดต่อ


“…แต่คุณรู้มั้ย บางครั้งผมก็คิดว่ามันเป็นแค่เซ็กส์เฉยๆ เท่านั้น มันไม่ได้มีความหมายไปมากกว่านั้น”


“ก็มันคือเซ็กส์ไง มันจะมีความหมายอะไรมากมายนักหนา” เขาว่าอย่างหงุดหงิด น้ำตาผมไหลลงมาหนึ่งหยด ผมรีบเช็ดอย่างรวดเร็ว


“คุณมีความรู้สึกอย่างอื่นให้ผมอีกบ้างมั้ย…” วิคเตอร์ถอนหายใจหนักๆ ลุกขึ้นยืนด้วยอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน คล้ายว่าเขาพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้อยู่กับร่องกับรอย


“นายจะถามอะไรนักหนาวะ! ฉันก็บอกแล้วไง ว่าฉันโคตรมีความสุขเลยที่ได้อยู่กับนาย แล้วนายจะเอาอะไรอีก?!”


“สถานะครับ คุณให้ได้รึเปล่า” เขาขมวดคิ้วมองหน้าผม ผมก้มลงหยิบหนังสือพิมพ์ที่คุณเอมิลี่ให้มาขึ้นมาจากพื้นห้อง มองหน้าวิคเตอร์ที่ขบกรามแน่นด้วยความเครียด


“ผมลองถามดู เผื่อคุณจะตอบคนล่ะแบบกับในหนังสือพิมพ์ เผื่อคุณจะมีคำตอบอีกแบบให้กับผม ผมเผื่อ… เผื่อว่าคุณจะตอบนักข่าวไปแบบนั้นเพื่อตัดประเด็น” ผมมองเขาอย่างมีความหวัง วิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งๆ สักพัก แล้วเบือนหน้าหนีผมไปทางอื่น ผมมองเขาด้วยความเสียใจเป็นที่สุด


“นายจะเอาอะไรอีก แค่เราสองคนมีความสุขด้วยกันก็พอแล้วไม่ใช่รึไง” แล้วความหวังนั้นก็พังทลาย กลายเป็นความผิดหวังที่ผมไม่อยากจะรับมันไว้เลย


“ครับ ผมมีความสุข แต่คุณจะให้ผมอยู่แบบไม่มีสถานะอย่างงั้นน่ะเหรอครับ”


“สถานะบ้าบออะไร?! เราจะคบกันได้ยังไง แค่อยู่กันไปแบบนี้ก็ดีแล้ว!” เขาระเบิดอารมณ์ออกมาเสียงดัง หลับตาลงพร้อมสีหน้าอมทุกข์ ผมรู้สึกเจ็บที่ใจจี๊ดๆ แต่ก็ยังคงแสร้งทำว่าไม่รู้สึกอะไร


“คุณบอกว่าผมไม่ใช่ที่ระบายความใคร่ของคุณ แต่คุณก็ไม่คิดจริงจังกับผม ใช่รึเปล่า?”


“แล้วนายจะให้ฉันเปิดตัวนายกับทุกคน ออกไปดินเนอร์ ดูหนังฟังเพลงข้างนอก ออกไปให้คนอื่นๆ มองเรากอดจูบกันเหมือนตอนอยู่ในบ้านงั้นเหรอ?!” เขาพูดประชดด้วยอารมณ์ ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมตัวเองแรงๆ แล้วปล่อยออก


“พูดง่ายๆ คือคุณก็ไม่คิดจะคบกับผม”


“อย่างี่เง่าได้มั้ย! ฉันกับนายจะคบกันได้ยังไง ฉันเป็นผู้ชายนะ” งี่เง่า? เพิ่งรู้ว่าการอยากคบกับใครสักคนที่เรามีอะไรลึกซึ้งกันแล้ว มันกลายเป็นเรื่องงี่เง่าไปซะแล้ว ผมกัดฟันแน่น มองเขาด้วยความเคืองนิดๆ


“แล้วคุณมากอด มาจูบ มาหอม มาเอาผมทำไมล่ะครับ” ผมถามอย่างพยายามสะกดกั้นอารมณ์ตัวเอง มือที่ถือหนังสือพิมพ์ไว้ กำแน่นจนมันยับยู่ยี่


“It’s sex! (ก็เซ็กส์ไง!)” เขาตะเบ็งเสียงดังกลับมา พร้อมกับหายใจหอบรุนแรง ผมยิ้มด้วยความระทม ความรู้สึกผิดหวังที่ไม่อยากยอมรับกำลังตีอกชกรัวอยู่ข้างใน


“You are always you. (คุณก็คือคุณไม่เปลี่ยนเลย)” วิคเตอร์ชักสีหน้าใส่ผมแล้วเลื่อนสายตาไปมองทางอื่น


“So—it is gonna be only hook-up relationship between us—right? (ระหว่างเรา มันจะเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางเพศเท่านั้นสินะ ใช่มั้ยครับ)” ผมหัวเราะขื่นๆ ในลำคอ รู้สึกฝืดเคืองไปหมด อันที่จริงแล้ววัฒนธรรมฝรั่งเรื่องแบบนี้มีให้เห็นบ่อยๆ ถ้าตั้งแต่มาผมยังไม่เคยเจอ culture shock ก็บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมคงโดนเต็มๆ ช็อคยิ่งกว่าการที่ฝรั่งดื่มน้ำประปาซะอีก


“You want me on my knee and asking you to marry me? You want a romantic and flower? Hey! We are a man—all that things is for normal people. (นายต้องการให้ฉันคุกเข่าแล้วขอนายแต่งงานงั้นเหรอ นายต้องการความโรแมนติคและดอกไม้งั้นรึไง นี่! พวกเราเป็นผู้ชาย ไอ้ของพวกนั้นมันสำหรับคนปกติทั่วไป)” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น น้ำตาเอ่อล้นที่ขอบตา ความเจ็บที่แผลเดิมในใจพุ่งปี๊ดจนต้องนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด เหมือนเขากระทุ้งเข้ารอยแผลช้ำๆ แผลเก่า ถ้าเลือดไหลออกมาได้ มันคงแดงฉานไปทั่วอกซ้ายของผมแล้ว ผมเช็ดน้ำตา กระแอมคอให้โล่งเล็กน้อย ตั้งสติดีๆ เพื่อพูดกับเขาให้รู้เรื่อง


“I want to tell you something. If you do not see me in your future—I’m okay with that, but—please bear in your mind that I am a normal people, too. I just love the man, and yes—I love you. (ผมอยากจะบอกอะไรคุณสักอย่างนะ คุณไม่เห็นผมอยู่ในอนาคตคุณ ผมไม่ว่า แต่โปรดจำใส่ใจไว้ ว่าผมเป็นคนปกติเหมือนกัน ผมแค่รักผู้ชายด้วยกัน และใช่ ผมรักคุณ)” ผมยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มเงียบๆ วิคเตอร์มองกลับมาใบหน้าเรียบเฉย สายตาเขานิ่งสนิท แต่ก็มองผมแทบไม่ขยับ


“I have told you that if I will be fucked by someone. He will be the one that I love. That’s why you got me. I surrender to you because I love you. (ผมเคยบอกคุณว่า ถ้าผมจะมีอะไรกับใครสักคน คนๆ นั้นก็ต้องเป็นคนที่ผมรัก ผมยอมคุณ เพราะผมรักคุณ…)” เสียงผมขาดหายไปเพราะก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกที่ลำคอ


“…คุณไม่รักผม ผมไม่โกรธหรอก อึก… ผมเข้าใจว่าผู้ชายแท้ๆ อย่างคุณคงรักผมไม่ได้ ผมเคยได้ยินประโยคนี้จากรักครั้งแรกของผม และมันเป็นปมในใจผมตลอดมา และวันนี้คุณก็ย้ำให้ผมได้เข้าใจว่า มันเป็นแบบนั้นจริงๆ” วิคเตอร์แววตาสีหน้าสลดลงไปนิด ผมยิ้มออกมาน้อยๆ พยายามห้ามอาการสะอึกสะอื้น


“We cannot become US. It is gonna be just You and I between us, right?  (เราสองคนคงกลายมาเป็นเราไม่ได้ ระหว่างเราสองคนคงจะเป็นแค่คุณกับผมสินะครับ)” วิคเตอร์หลับตาลงช้าๆ ลืมตาขึ้นมามองผมด้วยสายตารู้สึกผิด


“I’m sorry, but I cannot give what  you want. (ฉันขอโทษ แต่ฉันให้ในสิ่งที่นายอยากได้ไม่ได้)” ผมคลี่ยิ้มเศร้าๆ ออกมา พยักหน้าด้วยความเข้าใจทั้งน้ำตา


“I got it. That’s fine. Well—I believe that you gonna find a new girl to please you. (ผมเข้าใจครับ ไม่เป็นไร ก็… ผมเชื่อว่าคุณคงหาผู้หญิงคนใหม่มาตอบสนองคุณได้)” วิคเตอร์เบิกตากว้างมองผมด้วยความตื่นกลัว


“Are you leaving? (นายจะไปแล้วงั้นเหรอ)” เขาถามเสียงเบา ผมพยักหน้ายิ้มๆ ปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง


“เรารู้สึกแตกต่างกัน จะอยู่ด้วยกันได้ยังไงล่ะครับ” วิคเตอร์สีหน้าสับสนจนคล้ายว่าคิดประมวนอะไรไม่ทัน


“แต่ฉัน… ฉันรู้สึกดีที่มีนาย…”


“…พอเถอะครับ อย่าเห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้เลย ผมไม่อยากเกลียดคุณ” วิคเตอร์ทำสีหน้าเหมือนโดนผมชกหน้า ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องแล้วเริ่มตั้งสติว่าของตัวเองอยู่ตรงไหนของห้องบ้าง พอนึกได้ผมก็เดินไปตามจุดต่างๆ หยิบเสื้อผ้าและของใช้ที่แบกมาจากบ้านป้าแมร์รี่ไว้ในอ้อมอกพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีการสะอึกสะอื้น แต่ผมหยุดมันไม่ได้จริงๆ ผมหยิบเป้ที่วางอยู่ในตู้เสื้อผ้าของวิคเตอร์ออกมา สะพายไว้ด้านหลัง เดินออกมาในห้องนอนอีกครั้ง วิคเตอร์นั่งอยู่ที่โซฟาสีแดงตัวใหญ่ปลายเตียง เขานั่งเหม่อลอย พอเห็นผม เขาก็มองมาด้วยสายตาเคว้งคว้าง ผมยื่นนาฬิกาที่เขาให้ไปให้เขา เขาส่ายหัวช้าๆ


“ไม่ ฉันให้นายแล้ว เก็บมันไว้ ฉันไม่รับคืน” ผมยิ้มรับแล้วพูดขอบคุณเขาเบาๆ เก็บนาฬิกาใส่ลงไปกระเป๋ากางเกง


“ผมไปนะครับ”ผมยิ้มอ่อนให้เขา วิคเตอร์ลุกขึ้นยืนตัวตรง สีหน้ากำลังร้อนลน แววตาเขาเต็มไปด้วยความว้าวุ่น


“Alien…” ผมฉีกยิ้มกับฉายานั้น


“I will be your little alien forever. (ผมจะเป็นเอเลี่ยนน้อยของคุณตลอดไป)”


“Don’t go. (อย่าไป)” เขาเรียกผมไว้ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกจากประตูห้องนอนไป ผมหันกลับไปมองเขาพร้อมหยาดน้ำตา ส่งรอยยิ้มเศร้าสร้อยไปให้


“I cannot stay. I’m not fun to be in love with you. I’m hurt. (ผมอยู่ไม่ได้ ผมไม่สนุกเลยที่รักคุณ ผมเจ็บ)” วิคเตอร์สีหน้าอึ้งไป ขาที่กำลังก้าวเข้ามาหาผม หยุดชะงักไว้กับที่ ผมยิ้มด้วยความเจ็บให้เขา ก้าวเท้าเดินออกจากประตูห้อง ผมก้าวเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา สูดจมูกฟึดฟัดและพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ผมเดินลงมาข้างล่างบ้าน เอมิลี่กับเบนเนดิคท์ยังคงอยู่ในครัว


คุณเอมิลี่เดินเข้ามากอดผมไว้ ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ ผมหลับตาพร้อมกับยิ้มออกมา อย่างน้อยผมยังมีเธอกับคุณเบนอยู่ตรงนี้ เอมิลี่ผละตัวออก ผมฝากของไว้กับเธอ เดินไปอุ้มฟอกซ์ที่นอนอยู่บนเค้าน์เตอร์ครัวมาลูบหัว หันไปมองไมเคิลที่นอนอยู่บนพื้น ผมยิ้มแล้วเดินไปหามัน นั่งคุกเข่าลงกับพื้น ไมเคิลโบกหางและดีดตัวเข้ามาหาผม


“ฉันไปแล้วนะไมเคิล ฟอกซ์ ฉันจะไปแล้ว…” ผมน้ำตาไหลออกมา ก้มลงจูบไมเคิลและฟอกซ์ที่หน้าผากคนล่ะที ไมเคิลยืนขึ้นสี่ขา โบกหางสะบัดไปมาอย่างเร็ว มันมองหน้าผมที่น้ำตานองหน้า ก่อนจะเห่าเสียงดัง


โฮ่ง!! โฮ่ง!! โฮ่ง!!

V
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:26:13


ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม ยกแขนซ้ายไปกอดร่างจ้ำม่ำของมันไว้ เอาแก้มแนบกับหน้าผากมัน ไมเคิลเลียหน้าผมราวกับจะช่วยเช็ดน้ำตาให้ ผมยิ้มและยังคงร้องไห้ ฟอกซ์ส่งเสียงครางเหมียวๆ และเอาหน้าซุกอกผมไว้


“ฉันจะคิดถึงพวกแกสองตัว… อย่าลืมฉันนะ เพราะฉันจะไม่ลืม… ฮึก…” เสียงผมหายไปพร้อมกับก้อนสะอื้น ไมเคิลยิ่งส่งเสียงเห่าดังลั่นห้องครัว


เสียงวิ่งลงบันไดตึงตังดังมาก่อนที่ร่างใหญ่ๆ ของวิคเตอร์จะพุ่งเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับสีหน้ากระวนกระวาย ดวงตาเขาแดงก่ำ เดินเข้ามาหาผมที่นั่งกอดเจ้าสองพี่น้องอยู่


“แมท… อย่าไป… อยู่กับฉัน…” ผมวางฟอกซ์ลงบนพื้น ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขา


“อย่าให้ผมอยู่ต่อเลยครับ…”


“ฉันขอโทษ อย่าโกรธฉัน อย่าไปจากฉัน” เขาอ้อนวอนทั้งน้ำเสียงและสายตา ดึงร่างผมเข้าไปกอดไว้แน่น ผมค่อยๆ ดันตัวเขาออก สบตาคู่คมที่ผมชื่นชอบผ่านม่านน้ำตาจางๆ


“อย่าฝืนตัวเอง คุณให้ในสิ่งที่ผมต้องการไม่ได้หรอก คุณรู้ตัวดี…” แล้วผมก็น้ำตาไหลออกมา  ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น


“…ผมอยากมีความหมายกับคุณมากกว่าคำว่าเซ็กส์ ฮึก… แต่ผมเชื่อว่าคุณหาจากคนอื่นได้ อย่าให้ผม…” เสียงผมขาดหายไปเพราะแรงสะอื้นตีตื้นขึ้นมาที่คอ ผมสะอื้นจนไหล่สั่น


“คบกับฉัน คบกับฉันนะแมท” วิคเตอร์พูดด้วยความเร็ว สีหน้าเขาบ่งบอกว่ากำลังร้อนใจ ผมเม้มปากแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มเศร้าๆ ออกมา ยกมือขวาขึ้นลูบแก้มซ้ายเขาอย่างแผ่วเบา


“คุณไม่ได้อยากคบกับผมจริงๆ หรอก คุณแค่อยากรั้งผมไว้”   


“ไม่! ฉันจะคบกับนาย ฉันอยากคบกันนายจริงๆ” นั่นยิ่งทำให้ผมร้องไห้ และยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เขาไม่ได้พูดมันออกมาจากใจจริง แต่เขาพูดออกมาเพียงเพราะไม่ต้องการให้ผมจากเขาไปตอนนี้


ก็คงมีความหมายเพียงเท่านั้นนั่นแหละ


“วิคเตอร์” เสียงเรียบๆ ของคุณเอมิลี่ดังขึ้น พร้อมกับร่างผมถูกดึงให้ออกห่างจากวิคเตอร์ อีกฝ่ายจะพุ่งตัวเข้ามาหาผมแต่ถูกเอมิลี่กันเอาไว้


“อย่าพูดอะไรที่นายไม่แน่ใจจริงๆ อย่าพูดในสิ่งที่นายบอกกับฉันว่ามันเป็นไปไม่ได้” วิคเตอร์สีหน้าตื่นกลัว ดวงตาฉายชัดไปด้วยความหวาดระแวง


“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?! เป็นไปได้สิ ฉันกำลังจะทำให้มันเป็นไปได้นี่ไง” เขาพูดเสียงดังด้วยความร้อนใจ มือก็พยายามไขว่คว้าร่างผมเข้าไปกอด แต่ก็ถูกคุณเอมิลี่ปัดออก


“ที่ไอ้ทุเรศฌอณมันพูดกับแก ฉันว่าก็อาจจะจริง” วิคเตอร์ส่ายหน้า ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นกลัว


“ไม่! ฉันไม่สนใจว่าไอ้เหี้ยนั่นมันจะพูดอะไร เอมิลี่! ส่งแมทมาให้ฉัน!”


“นายเลิกทำเหมือนกับแมทเป็นสิ่งของสักทีเถอะ” ผมยืนร้องไห้อยู่ข้างหลังคุณเอมิลี่เงียบๆ รู้สึกสะท้อนใจกับความเป็นจริงที่คุณเอมิลี่เพิ่งพูดออกไป


“ฉันไม่ได้เห็นแมทเป็นสิ่งของนะ!” เขาตะคอกเสียงดังพร้อมกับหายใจอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะพยายามสงบสติอารมณ์ลง


“เอเลี่ยนน้อยของฉันไม่ใช่สิ่งของ…” เขาพูดเสียงเบาหวิว ดวงตาเศร้าสร้อยที่มองมาทำเอาผมใจอ่อน เอมิลี่กับเบนเนดิคท์หันไปมองหน้ากัน แล้วคุณเอมิลี่ก็หันมามองหน้าผมที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา เธอมองผมเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรสักอย่าง แล้วก็หันไปพูดกับวิคเตอร์


“ฉันอยากให้นายทบทวนตัวเองดีๆ ก่อน ว่านายรู้สึกกับแมทยังไงกันแน่” ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบ ผมมองเสี้ยวหน้าเอมิลี่ด้วยความไม่เข้าใจพอๆ กับที่วิคเตอร์มองมาอย่างฉงน


“ทบทวนอะไร” วิคเตอร์ถาม


“ความรู้สึกของนาย นายอาจจะกำลังรู้สึกแค่เสียดายของอยู่ก็ได้” ผมชะงักไปนิด พอคิดตามที่เธอพูด มันก็มีความเป็นไปได้ วิคเตอร์มีนิสัยเหมือนเด็กคือเอาแต่ใจหนักมาก เขาได้ของทุกอย่างตามที่ต้องการมาตั้งแต่เด็ก แม่กับย่าเขาประเคนให้หมด ฉะนั้นถ้าเขาจะกำลังรู้สึกว่าของรักของหวงตัวเองหายไปโดยที่เขายังใช้ไม่พอใจ เขาคงไม่ยอม


“ไม่! ฉันรู้ตัวฉันเองดี!”


“งั้นนายรักแมทรึเปล่า”


“รัก!” แทนที่ผมจะดีใจ แต่ผมกลับรู้สึกเฉยชากับคำว่ารักของเขามาก เขาพูดออกมาได้ง่ายดายเหลือเกิน ผมมองเขาด้วยสายตาเศร้าๆ เขามองเอมิลี่ด้วยสายตาหวาดกลัว แต่ไม่ได้กลัวเอมิลี่ ผมรู้ว่าเขากลัวที่จะเสียผมไป


“ตอนนี้นายแค่กลัวจะเสียแมทไปในฐานะของรักสุดหวงชิ้นใหม่”


“เธออย่ามาตัดสินใจแทนฉันได้มั้ย!!” เขาตะคอกเสียงดังพร้อมกับหน้าตาที่พร้อมระเบิดอย่างรุนแรง


“แกใจเย็นๆ ก่อนไอ้วิคเตอร์ ตอนนี้แกกำลังจะสติแตก ให้แมทกลับไทยไปก่อน ถ้าแกรักเขาอย่างที่ปากว่าจริงๆ ก็บินตามไปหาเขาที่นั่น”


“ไม่! ทำไมต้องกลับไทย แมทอยู่ที่นี่ฉันก็ทบทวนตัวเองได้!” เขาว่าเสียงสะบัด เดินเข้ามาใกล้คุณเอมิลี่ พยายามดึงผมออกไปหาเขา แต่คุณเอมิลี่ปัดมือเขาออกนิ่งๆ


“เพราะฉันไม่อยากให้แมทอยู่ใกล้นายตอนนี้” เอมิลี่เอ่ยเสียงเย็น จ้องวิคเตอร์ด้วยความไม่เกรงกลัว วิคเตอร์เองก็จ้องกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด


“แกสงบสติอารมณ์ อยู่กับตัวเอง แล้วลองทบทวนดีๆ อย่างที่เอมิลี่บอก”


“บางทีคุณอาจจะแค่กำลังเห่อของใหม่ก็ได้” ผมบอกเสียงเบา มองวิคเตอร์ด้วยความห่วงหา ยิ่งมองสีหน้าเจ็บปวดของเขา ผมก็รู้สึกเจ็บไปด้วย


“ฉันจะส่งแมทกลับไทย ถ้านายแน่ใจกับความรู้สึกตัวเองเมื่อไหร่ ค่อยบินไปหาแมทที่นั่น”


“ทำไมต้องที่นั่น?! ทำไมต้องให้ไปไกลถึงขนาดนั้นด้วย?!” เขาถามอย่างโมโห


“เพราะใกล้ไปนายอาจมองไม่เห็นความสำคัญ…” วิคเตอร์ชะงักกึก


“…แมทควรได้กลับบ้าน ถ้านายรักเขาจริง ระยะทางไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรหรอก” วิคเตอร์นิ่ง และคล้ายจะยอมอ่อนลง ท่าทีเขาหงอยเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด พอแน่ใจว่าเขาจะไม่อาละวาดต่อ เอมิลี่เลยหันมาหาผมที่น้ำตายังไหลอาบแก้มเงียบๆ


“เดี๋ยวฉันจะให้เบนไปส่งเธอที่บ้านพักของเธอ…” ผมพยักหน้ารับเบาๆ เอมิลี่หันไปหาเบนเนดิคท์


“…นายเอารถมารึเปล่า หรือว่าติดรถวิคเตอร์มา”


“ยืมรถเธอหน่อยแล้วกัน ฉันมากับไอ้วิคเตอร์” เอมิลี่พยักหน้านิ่งๆ เดินไปหยิบกุญแจรถมาให้เบนเนดิคท์ เธอสวมกอดผมอีกครั้งแล้วผละออก หันไปหยิบของที่วางบนเค้าน์เตอร์ครัวส่งให้เบนเนดิคท์รับไว้ คุณเบนเดินเข้ามาโอบไหล่ผม พาเดินไปที่ประตู ผมหันหลังไปมองวิคเตอร์ตอนที่กำลังจะเดินออกไปนอกประตูบ้าน เขามองมาด้วยสายตาโหยหาจนผมแทบจะวิ่งกลับไปหาเขา แต่สุดท้ายผมก็แข็งใจเดินออกไปพร้อมกับคุณเบนเนดิคท์


ผมเดินมาด้วยความสับสน ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไหน ไม่รู้จะรู้สึกอะไรก่อน แม้กระทั่งตอนคุณเบนจับผมขึ้นไปนั่งบนรถ ผมยังไม่รู้ตัว จนเขาขึ้นมานั่งฝั่งคนขับผมถึงได้สติหันไปมองเขานิดๆ เบนเนดิคท์ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ผมเลื่อนสายตาไปมองที่กระจกมองหลังในรถ


วิคเตอร์ยืนมองตาละห้อย แววตาเขาเต็มไปด้วยความเศร้าและความเจ็บปวด ผมน้ำตาเอ่อคลอเมื่อเห็นใบหน้าของเขาเศร้าขนาดนั้น เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นพร้อมๆ กับที่คุณเบนหักพวงมาลัยออกไปบนท้องถนน ผมมองกระจกที่สะท้อนภาพวิคเตอร์ที่เดินตามรถมาอย่างช้าๆ และทำท่าจะเดินมาเรื่อยๆ แต่เพราะคุณเอมิลี่เดินมาจับแขนเขาไว้ เขาจึงหยุดอยู่กับที่ เขามองตามด้วยสายตาที่ผมไม่เห็นแล้วว่าเขารู้สึกอย่างไร ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้


“หวังว่านายคงไม่ว่าอะไรที่ฉันกับเอมิลี่ทำแบบนี้” ผมหันไปมองเขาพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ


“ไม่ครับ” เบนเนดิคท์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะถามเสียงจริงจัง


“แมท ถ้ามันไม่ตามนายไปที่ไทย นายจะทำยังไง” ผมนิ่งไปนิด นึกไตร่ครองความรู้สึกตัวเองอย่างรวดเร็ว ผมหยิบนาฬิกาที่เขา
ให้ออกมาดู นิ้วลูบไล้ไปมาบนหน้าปัด ผมคงเศร้า คงรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ แต่ก็…


“ใช้ชีวิตต่อไปครับ” เบนเนดิคท์ถอนหายใจ ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้และพยักหน้าเบาๆ


คุณเบนขับรถมาส่งผมที่บ้านป้าแมร์รี่ในเวลาเย็นๆ ผมเดินตาบวมเข้าบ้าน มีคุณเบนเดินถือของของผมตามหลังมา ผมร้องไห้จนรู้สึกแสบตาไปหมด เลยพยายามที่จะห้ามปรามตัวเองไม่ให้ร้องอีก แต่มันก็ไม่ได้ทำง่ายๆ พอคิดถึงหน้าวิคเตอร์มันก็พาลจะไหลอยู่เรื่อย ผมหยุดเดินตอนที่เห็นบาสกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหารของบ้านกับเด็กผู้ชายและผู้หญิงไทย เขากำลังนั่งคุยกันเสียงดัง แต่พอเห็นผม บาสก็ค่อยๆ หุบยิ้ม ลุกขึ้นเดินมาหาผมพร้อมสีหน้าตื่นๆ


“เฮ้ย เป็นไรอ่ะแมท” ผมรู้ว่านี่คือคำถามเบสิคเมื่อเห็นคนที่เรารู้จักร้องไห้หนักขนาดนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี มันหาคำพูดไม่ได้ เริ่มเข้าใจเพื่อนผมหลายๆ คนที่มีแฟนแล้วตอบคำถามแบบนี้ไม่ได้เวลาที่ทะเลาะกัน บางทีมันสรรหาคำไม่เจอจริงๆ ที่จะบอกว่าตอนนี้เราตกอยู่ในสถานการณ์ไหน


“มีปัญหานิดหน่อย” ผมตอบเสียงเบา ยิ้มเนือยๆ ไปให้


“ไม่หน่อยแล้วมั้ง ตาบวมตุ่ยขนาดนี้” เขาว่าหน้านิ่วน้อยๆ เลื่อนสายตาไปมองเบนเนดิคท์คล้ายจะขอคำอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม


“Take care of him. (ดูแลเขาด้วยนะ)” คุณเบนว่าพลางส่งของให้บาสรับไว้ บาสงงๆ แต่ก็ยื่นมือไปรับกระเป๋าเป้ กระเป๋าแม็คบุ๊คและเสื้อผ้าส่วนหนึ่งของผม


“When do you fly back to Thailand? (นายจะบินกลับไทยวันไหน)” เขาถามพร้อมกับวางมือลงบนศีรษะผมเบาๆ


“I have to check with the airline first. (ผมต้องเช็คกับทางสายการบินก่อนครับ)” คุณเบนยิ้มน้อยๆ ขยี้หัวผมเบาๆ หันไปมองบาสแล้วยกยิ้มให้


“I’m Benedict. (ผมเบนเนดิคท์)”


“I’m Bast—basketball.(ผมบาสครับ บาสเก็ตบอลน่ะ)” ทั้งสองคนจับมือทักทายกันตามธรรมเนียมฝรั่งเล็กน้อย เบนเนดิคท์ถอนหายใจ ยกมือสองข้างว่างบนไหล่ผม


“แมทกำลังเสียใจอย่างมาก ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียว” ผมแหงนหน้าไปมองคุณเบน เขามองกลับมาด้วยสายตาที่แสดงความเป็นห่วง ผมยิ้มอ่อนโยน รู้สึกหวิวใจขึ้นมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ผมอยากให้คนที่ยืนข้างๆ เป็นวิคเตอร์


“ได้ครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเขา” บาสบอกแบบนั้นทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นอะไร


“คุณจะกลับไทยพร้อมกับแมทเลยรึเปล่าครับ”


“จริงๆ ผมตั้งใจว่าจะอยู่เที่ยวต่อ แต่เดี๋ยวผมกลับพร้อมแมทก็ได้ครับ” ผมทำท่าจะอ้าปากบอกเขาว่าไม่เป็นไร แต่บาสพยักหน้ามาให้นิดๆ เป็นเชิงบอกว่าเขาพร้อมจะกลับกับผมจริงๆ


“ถ้าไปสนามบินกันลำบาก โทรหาฉันนะแมท” คุณเบนว่าแล้วหยิบมือถือที่เปิดหน้าจอเป็นแป้นพิมพ์เบอร์ไว้แล้วมาให้ผม ผมรับมาพิมพ์เบอร์มือถือของตัวเองและส่งคืนเขา คุณเบนโทรเข้ามาในมือถือผมเพื่อให้เบอร์ขึ้นโชว์และกดวางสาย


“Thank you.” ผมบอกขอบคุณเขาเบาๆ คุณเบนหันไปส่งยิ้มและก้มหัวให้บาสหนึ่งที หมุนตัวเดินออกไปจากบ้าน


“แมท ถือของขึ้นไปรอเราบนห้องก่อนนะ เดี๋ยวตามขึ้นไป” ผมพยักหน้ารับ และรับของมาจากบาสทั้งหมด บาสเดินตามเบนเนดิคท์ออกไปนอกบ้าน ผมเดินผ่านเด็กไทยอีกสองคนที่เหลือขึ้นไปบนบ้าน ตรงไปยังห้องของตัวเอง เปิดประตูห้องได้ผมก็เปิดไฟให้สว่างโร่ มองไปรอบๆ ห้อง นึกในใจว่ารีเควสป้าแมร์รี่มาอย่างดี แต่สุดท้ายก็แทบไม่ได้ใช้ห้อง ระเบียงที่ผมขอ ผมได้ออกไปยืนมองวิวที่ระเบียงแค่ไม่กี่ครั้งเอง


ตอนนั้นที่ผมขอมา ผมกะว่าเวลาเลิกงานตอนเย็นๆ จะได้ออกมานั่งชิวคนเดียวที่ริมระเบียงบ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าพอได้เจอกับวิคเตอร์ ชีวิตผมก็ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาอยู่กับตัวเอง ชีวิตผมอยู่กับเขามากกว่าซะอีก ชีวิตเขาแทบจะกลายเป็นชีวิตผมไปด้วย ภาพใดๆ ที่กะมาทำที่นิวยอร์กหายวับไปตั้งแต่เริ่มทำงานกับเขา อาจมีบ้างบางสิ่งที่ได้ทำ แต่ก็ยังไม่จุใจ ไม่เต็มที่ กลายเป็นว่าที่ดีที่สุดสำหรับการมานิวยอร์กนั่นคือการที่ได้อยู่กับวิคเตอร์


อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง บางอย่างที่เราคิดไว้ แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับไม่ใช่อย่างที่คิด อาจจะออกมาดีกว่าหรืออาจจะออกมาแย่กว่า ก็ไม่อาจรู้ได้


ผมไม่รู้ว่าผมควรเศร้าเรื่องระหว่างผมกับเขาดีมั้ย เพราะมันก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว ผมยอมรับว่าดีใจที่เขาคิดจะรั้งผมไว้ให้อยู่กับเขา แต่อีกใจก็นึกเศร้าใจว่าที่เป็นแบบนั้น เป็นเพราะเขายังไม่เต็มอิ่มกับผมต่างหาก เขามีเวลาของเขาในการที่จะปล่อยผมไป แต่ผมดันออกมาก่อนเวลาที่เขาคิดไว้ นั่นจึงทำให้เขาเหมือนถูกขัดใจตามนิสัยคนเอาแต่ใจอย่างเขา


“แมทจะกลับไทยเมื่อไหร่” เสียงของบาสดังขึ้นที่หน้าประตู ผมหันไปมองด้วยสายตาเหม่อนิดๆ


“ก็อย่างที่บอก ต้องเช็กกับสายการบินก่อน ไฟล์ทไหนเร็วสุด เราก็กลับไฟล์ทนั้น”


“ลองถามดูก็แล้วกัน บาสก็เลื่อนตั๋วไปแล้วครั้งนึง เลื่อนอีกครั้งไม่เป็นไรหรอก”


“บาสไม่ต้องกลับพร้อมเราหรอก เรากลับเองได้” ผมบอกอย่างเกรงใจ บาสถอนหายใจ เดินเข้ามาในห้อง ดึงเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับผมที่นั่งอยู่บนเตียง


“สภาพแบบนี้ อย่าอยู่คนเดียวเลยแมท สภาพคนอกหักชัดๆ คล้ายกับไอ้เอิร์ทเลย” ตอนนั้นเองที่ผมนึกขึ้นได้ว่าไม่มีวี่แววของเอิร์ทเลย


“แล้ว… เอิร์ทไปไหนหรอ”


“มันกลับไทยไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนแรกมันจะอยู่เที่ยวด้วยกัน แต่พอจบงานมันบินกลับเลย” ผมรู้สึกงงๆ เล็กน้อยที่ได้ยินว่าเอิร์ทกลับไทยไปแล้ว


“อ้าว เอิร์ทกลับไปแล้วเหรอเนี่ย”


“อือ ก่อนกลับสภาพมันก็แบบเนี้ย ดูดีกว่าแมทหน่อยตรงที่มันไม่ร้องไห้ แต่แม่งก็เอาแต่เงียบ ยิ้มแต่ล่ะครั้งบาสล่ะกลัวว่าหิมะจะตกก่อนปลายปี” ผมไม่อยากคิดว่าสาเหตุนั้นมาจากผมหรือเปล่า


“เอิร์ทได้บอกมั้ยว่าเป็นอะไร” บาสส่ายหัวแล้วพูดต่อ


“ไม่อ่ะ ถามไปมันก็บอกมีเรื่องให้คิด  บาสก็ไม่อยากเซ้าซี้มัน ไอ้นี่ถ้ามันไม่อยากตอบ มันก็ไม่ตอบหรอก” ผมพยักหน้ารับน้อยๆ รู้สึกไม่สบายใจเรื่องเอิร์ทอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เท่าเรื่องตัวเองตอนนี้หรอก


RRRrrr!


มือถือผมส่งเสียงเรียกเข้าที่เปลี่ยนไป มันเปลี่ยนจากเสียงร้องของพี่อดัมเป็นเสียงริงโทนของไอโฟนธรรมดา ด้วยเหตุผลที่ว่าวิคเตอร์ไม่ชอบให้ผมใช้เสียงร้องของพี่อดัม เขาไม่พอใจเลยเปลี่ยนให้และห้ามผมกลับไปใช้เสียงริงโทนพี่อดัมอีก ผมหยิบออกมาจากกระเป๋าเป้ พลันสะดุดไปเมื่อเห็นที่หน้าจอว่าเป็นใครโทรมา


“มีอะไรรึเปล่า” บาสถามเมื่อเห็นว่าผมยังจ้องมองโทรศัพท์นิ่ง ผมเงยหน้าขึ้นมองบาสที่ขยับแว่นบนดั้งโด่งเล็กน้อย


“แม่โทรมา เราแค่แปลกใจอ่ะ ว่าแม่รู้รึเปล่าว่าเรากำลังแย่ถึงได้โทรมา” ผมยิ้มน้อยๆ นึกสงสัยว่าแม่เข้าฌานหรือเปล่าถึงได้โทรมาในตอนที่ผมกำลังเคว้งคว้างแบบนี้


“ฮัลโหล”


“แมทไม่สบายรึเปล่า คืนก่อนแม่ฝันถึงเราไม่ดี จะโทรมาถามตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่พ่อว่าแม่คิดมาก” ผมเม้มปากและคลี่ยิ้มออกนิดๆ รู้สึกถึงความชุ่มชื้นตรงขอบตา


“เปล่า แมทไม่ได้เป็นไร เออ แม่ แมทจะเลื่อนกลับไทยเร็วขึ้นนะ พอดีงานเสร็จแล้ว”


“กลับมาเมื่อไหร่ล่ะ”


V
v
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:27:10


“เดี๋ยวขอโทรเช็กกับสายการบินก่อน… อื้อ สบายดี… เดี๋ยวกลับวันไหนจะบอกนะ… อืม…”


“กลับบ้านนะลูกนะ” น้ำตาผมร่วงทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น มันอบอุ่นหัวใจ รู้สึกปลอดภัย รู้เหมือนมีที่ให้ยึดเหนี่ยวหลังจากรู้สึกเคว้งคว้างอยู่สักพัก


“แค่นี้นะแม่” แม่รับคำผมแล้วกดวางสายไป ผมวางโทรศัพท์ไว้บนเตียง นั่งเช็ดน้ำตาเงียบๆ บาสเอื้อมมือมาแตะไหล่ผมไว้ ผมเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้เขา สองมือก็เช็ดน้ำตาออกจากแก้มเร็วๆ


“ขอบคุณนะบาส”


“ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เราก็เป็นเพื่อนกันนะแมท” ผมพยักหน้าเร็วๆ น้ำตาตั้งท่าจะไหลลงมาอีก


“เฮ้อ… นี่ถ้าไอ้เอิร์ทมันอยู่ต่อ มันคงได้คะแนนความหล่อไปเต็มๆ” ผมหัวเราะเสียงพร่า บาสยิ้มน้อยๆ


“กลับไทยไปคงเจอกันแหละ”


“แหม อยู่มหาลัยเดียวกัน ยังไงก็ต้องเจอดิแมท ไม่เหมือนเรา กลับไทยไปคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ”


“บาสมาหาเราที่มอสิ”


“ไปอยู่แล้ว เราไปหาไอ้เอิร์ทบ่อย เพราะเพื่อนเก่าเราเรียนที่นั่นเยอะ ไว้ถ้าไปจะโทรหานะ”


“ได้ ถ้ามาก็โทรมานะ” บาสยิ้ม มือขวาลูบไหล่ผมเบาๆ


“วันนี้เราจะออกไปเที่ยว ไปด้วยกันมั้ย” ผมส่ายหัวปฏิเสธช้าๆ บอกด้วยน้ำเสียงลอยๆ


“บาสไปเถอะ เราขอนอนดีกว่า” บาสพยักหน้ายิ้มๆ


เขาอยู่กับผมอีกสักพัก และเป็นคนโทรหาสายการบินเพื่อเลื่อนไฟล์ทกลับไทย ผลปรากฏว่าไฟล์ทเร็วที่สุดคือวันมะรืนนี้ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ที่น่าปวดหัวคือบาสมีตั๋วเครื่องบินคนล่ะสายการบินกับผม ถ้าบาสจะกลับพร้อมผมก็คือต้องซื้อตั๋วใหม่ ซึ่งราคาค่าตั๋วมันไม่ใช่ถูกๆ และบาสเองก็พร้อมจะเปลี่ยนตั๋วเพื่อกลับพร้อมผมจริงๆ ผมไม่ยอม เพราะจะให้บาสทิ้งเงินตั้งหลายหมื่นไปทำไม สุดท้ายเลยผมดื้อและยืนยันว่าจะกลับเอง บาสยังไม่ยอมตอบตกลงทันที เขาบอกว่าขอคิดก่อน เพราะตัวเขาเองไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน และใช่ว่าเขาอยากอวดรวย


“แต่เราเป็นห่วงแมทจริงๆ เรารู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้มันโคตรไม่โอเคเลยเว่ยแมท” ผมก็ได้แต่ซาบซึ้งใจไปตามระเบียบ และยังยืนยันว่ากลับเองได้จริงๆ บาสขอไปเที่ยวก่อน แล้วจะกลับมาว่ากันอีกที


หลังจากบาสออกไป ผมก็ล้มตัวลองนอน ปล่อยให้ความคิดไหลวนไปมาในหัวช้าๆ ใบหน้าของวิคเตอร์ตอนที่ผมมองผ่านกระจกมองหลังในรถยังติดตาผมอย่างชัดเจน ผมนึกสงสัยว่าเขารู้สึกอย่างที่แสดงออกทางสีหน้าหรือเปล่า ผมนึกสงสัยว่าหากผมกลับไปแล้ว ในระหว่างนั้นเขาจะยังรู้สึกอยากรั้งผมไว้มั้ย เขาจะทบทวนและคิดได้จริงๆ หรือเปล่า หรือพอทบทวนแล้ว ลองคิดดีๆ แล้ว เขาอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลยนอกจากเรื่องเซ็กส์จริงๆ


ถ้าผมไปแล้ว เขาจะคิดถึงผมมั้ยนะ เขาจะมีอาการยังไง จะปล่อยผมไปเลยหรือจะตามผมไปที่ไทย เขาจะตามไปรึเปล่า ผมไม่รู้เลย เพราะเขาเองก็ยังไม่ได้รับปากในส่วนตรงนี้


ผมคิดวนๆ ซ้ำๆ ย้ำๆ กับตัวเองอยู่แบบนั้นจนกระทั่งหลับไป ตื่นงัวเงียๆ ขึ้นมาอีกทีก็เบลอๆ งงๆ ไปหมด ผมลุกขึ้นนั่ง หันไปมองรอบๆ หยิบนาฬิกาข้อมือที่วิคเตอร์ให้มาขึ้นมาดูเวลา สี่ทุ่มกว่าแล้ว ฟ้าด้านนอกก็มืดสนิทแบบไม่ต้องหันไปมอง ผมลูบหน้าลูบตา ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เดินไปหยิบอุปกรณ์อาบน้ำทั้งหลายออกมาและเตรียมชุดนอนไว้บนเตียง


ผมเดินอึนๆ ลอยๆ ออกมานอกห้อง เดินตรงไปเข้าห้องน้ำ พอเห็นสภาพตัวเองในกระจกก็รู้สึกกลัวๆ ตัวเองเล็กน้อย ไม่ตกใจหรอก เพราะคิดไว้แล้วล่ะว่าสภาพมันคงไม่ได้ดูดี ร้องไห้นี่นะ จะให้ดูแฮปปี้มีชีวิตชีวาเหมือนเวลาหัวเราะได้ยังไง ผมถอนหายใจกับตาบวมๆ ของตัวเองหน้ากระจก และมันจะทรุดโทรไปมากกว่านี้ถ้าผมยังร้องไห้ต่อไป ได้แต่หวังว่าผมจะสงบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้


หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ใส่เสื้อยืดตัวบาง กางเกงบ็อกเซอร์เนื้อนุ่มขาสั้น มานั่งเช็ดผมแบบเหม่อๆ บนเตียง หยิบนาฬิกาที่วิคเตอร์ให้ขึ้นมาใส่ ทั้งที่กำลังจะนอน แต่ผมก็ยังใส่ไว้ เพราะผมจะได้รู้สึกว่ามีเขาอยู่ คิดแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง ผมมองเตียงขนาดเล็กที่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันกว้างกว่าเตียงเจ็ดแปดฟุตอีก ผมชินกับหมอนกล้ามแขนแน่นๆ ของไอ้ยักษ์แล้ว ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยนอนหมอนเลยตอนที่อยู่กับเขา เพียงแต่ผมยังมีเขาอยู่ข้างๆ ไง แต่ตอนนี้ ผมไม่มี…


น้ำตาทำท่าจะไหลอีกรอบ ปากบอกว่าอยู่คนเดียวได้ แต่เอาจริงๆ อย่างน้อยตอนที่บาสอยู่ ผมก็ยังรู้สึกดีมากกว่า ผมหลับตาลง เช็ดผมจนมันแห้งหมาดๆ แล้วก็เอาผ้าขนหนูออกไปตากตรงระเบียงห้อง ตอนที่ผมคลี่ผ้าตากกับระเบียง ผมก็ใจหายวาบ ขนลุกซู่ไปหมด เพราะสายตาดันไปเห็นคอคนลอยเหนือขอบประตูรั้วไม้หน้าบ้าน ใจผมตกไปอยู่ตาตุ่ม คิดว่าเจอผีแน่ๆ แต่พอเพ่งมองดีๆ ใจผมที่ตกไปอยู่ตาตุ่มเมื่อกี้ มันก็เต้นตุบๆ อยู่ตรงตาตุ่มนั่นแหละ


“วิคเตอร์…”



 :hao7:
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 01:30:05


CHAPTER 26 :: I won't forget you.


เป็นเขาจริงๆ นั่นแหละ ถึงผมจะร้องไห้จนปวดตาและตาบวม แต่การมองเห็นผมก็ยังคงไม่ได้ฝาดหรือฝ้าฟาง ผมกลืนน้ำลายลงคอ ยืนมองเขาที่ยืนมองตรงมาที่ผมด้วยสายตาเหงาๆ ผมใจเต้นระรัวและตัดสินใจจะออกไปหาเขา


ผมเดินลงบันไดบ้านมาช้าๆ ด้านล่างเปิดแค่ไฟสีส้มจากโคมไฟที่ตั้งอยู่บนเค้าน์เตอร์ครัว ผมเปิดประตูบ้านด้วยอาการใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ รู้สึกว่ามันเต้นๆ หายๆ แต่ล่ะก้าวที่เดินตรงไปยังรั้วไม้ของบ้านป้าแมร์รี่มันช่างหนักอึ้งเหลือเกิน ผมดึงรั้วเปิดออก ก็พบกับร่างสูงใหญ่ไหล่กว้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่หนวดเคราขึ้นครึ้ม เราสองคนยืนมองหน้ากัน แล้วสักพักวิคเตอร์ก็เดินเข้ามาหาผมแล้วโอบกอดผมไว้ ผมยกมือกอดตอบเขากลับไป


ไม่มีใครพูดอะไร เรายืนกอดกันไว้แบบนั้น เสียงไซเรนดังแว่วไกลๆ มาจากฝั่งแมนแฮทตัน วิคเตอร์หอมแก้มผมหนักๆ และสูดจมูกค้างไว้นานพอสมควร สายตาผมเริ่มสอดส่องมองไปรอบๆ กลัวจะมีใครเห็นหรือแอบถ่ายอีกหรือเปล่า ตั้งแต่ผมรับรู้เรื่องคลิป ผมก็รู้สึกระแวงขึ้นมาทันที


“เข้าบ้านมั้ยครับ” ผมเอ่ยชวนเขาเบาๆ ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นานๆ ถึงบ้านแถวนี้จะดูสงบไม่ยุ่งสุงสิงกันและกันเท่าไหร่ แต่ข่าวระหว่างเขากับผมก็ทำเอาหลอนไปเหมือนกัน


“ไปคุยบนรถฉันดีกว่า” เขากระซิบที่ริมหู ผมพยักหน้าเบาๆ ผละออกจากตัวเขา หันหลังไปดึงประตูรั้วให้ปิด ก่อนจะเดินไปตามแรงจูงมือของเขาไปที่รถ แลมเบอร์กินีสีเทามันวาวจอดอยู่ที่เดิมตรงที่เคยมาครั้งที่แล้ว ผมจะเดินแยกไปขึ้นฝั่งขวาของรถ แต่วิคเตอร์กลับดึงผมไปฝั่งคนขับ เขาเปิดประตู หย่อนก้นลงไปนั่งบนเบาะ ดึงผมให้ลงไปนั่งตักเขา จัดการจับผมให้นั่งคร่อมตักเขาไว้แล้วเอื้อมมือไปปิดประตูเสียงดังนิดๆ


เขาเลื่อนเบาะไปด้านหลังเพื่อไม่ให้หลังผมชิดกับพวงมาลัยรถจนเกินไป จมูกเราสองคนชนคลอเคลียกันเบาๆ ผมไม่กล้าสบตากับเขา เลยกดหน้าลงเล็กน้อย สองมือจับไหล่เขาไว้แน่น ส่วนสองมือของเขาโอบรอบเอวผมไว้


“Eyes on me. (มองฉันสิ)” ผมเลยเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา วิคเตอร์มองมาอย่างโหยหา มองจ้องไม่กระพริบตา มองจนผมกลืนน้ำลายลงคอ


เขาโน้มหน้ามาจูบผมอย่างแผ่วเบา ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ สักพักลิ้นของเขาก็เริ่มออกมาคลอเคลียที่ริมฝีปากบนล่างของผม จนผมค่อยๆ เผยอปากอ้ารับลิ้นของเขาเข้าไปในโพรงปาก เขาเกลี่ยลิ้นผมช้าๆ สลับกับดูดมันหนักๆ เขาประกบริมฝีปากแนบชิดกว่าเดิม จูบเขาเริ่มหนักขึ้น จ้วงเอาๆ จนผมแทบหายใจไม่ทัน


“อือ… อือ… อะ…” ผมพยายามดึงหน้าหนีเขา แต่วิคเตอร์ตามมาจูบไม่ยอมปล่อย ผมพยายามตั้งรับจูบเขา แต่ก็อย่างเคยที่ผมแทบจะทำไม่ได้ เขาผละออกเร็วๆ สีหน้าหื่นกระหาย ผมได้แต่อ้าปากหายใจหอบน้อยๆ วิคเตอร์ดึงเสื้อยืดผมออก และพุ่งหน้ามาประกบปากผม แต่คราวนี้ผมหลบหน้าหนีเขา ดันหน้าเขาให้ออกห่าง


“ไม่… ไม่เอาแบบนี้…” ผมบอกเสียงหอบน้อยๆ วิคเตอร์มองหน้าผมอย่างเร่าร้อน สักพักเขาหลับตาลงอย่างพยายามระงับอารมณ์ ซุกหน้าลงบนอกเปลือยเปล่าของผม ลมหายใจร้อนๆ รดอยู่ตรงเนื้ออกของผมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผมยกมือซ้ายขึ้นลูบเส้นผมเขาอย่างแผ่วเบา


“I can’t sleep. I wanna fuck you. (ฉันนอนไม่หลับ ฉันอยากอึ๊บนาย)” ผมได้แต่แค่นยิ้มออกมา อยากจะขำแต่ก็ทำใจขำไม่ออกเลยได้แต่เงียบ วิคเตอร์ดึงหน้าออกจากอกผมมาสบตากับผมตรงๆ


“I mean I miss you. (ฉันหมายถึง ฉันคิดถึงนาย)” เหมือนเขาจะรู้สึกตัวและนึกขึ้นได้ว่าคำพูดเมื่อกี้มันส่งผลต่อผมยังไง ผมยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างน้อยก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง


“Me, too. (ผมก็เหมือนกัน)” วิคเตอร์ผ่อนลมหายใจเบาๆ ซุกหน้าลงกับซอกคอผมแล้วกดจูบแรงๆ หนึ่งที ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาผ่านแก้มจนมาหยุดสูดดมที่ขมับผมเนิ่นนานและผละออก


“กลับไทยเมื่อไหร่”


“วันมะรืนครับ” เขามองหน้าผมนิ่ง สองมือเริ่มลูบคลำไปทั่วตัวผมช้าๆ จนมาถึงหน้าอก สองมือเขาก็ไล้วนแผ่วเบา จนผมเริ่มบิดตัวนิดๆ วิคเตอร์ดันตัวผมให้หลังไปเอนพิงกับพวงมาลัยรถ เขาโน้มตัวตามมา ก้มหน้าลงไปดูดดึงยอดอกฝั่งซ้ายผม จากเบาๆ ค่อยๆ ขยับเป็นหนักขึ้นๆ ความเสียวแล่นไปทั่วแผ่นอกและใต้วงแขน


“อ้ะ…” ผมครางออกมาเบาๆ สั้นๆ สองมือยกขึ้นมาจับหัวเขาไว้และพยายามยกออก แต่วิคเตอร์ก็ยังคงดูดดึงไม่ยอมปล่อย เขายกมือซ้ายกดเลื่อนกระจกรถลงเล็กน้อยพอให้มีอากาศถ่ายเทในรถได้สะดวก


“วิคเตอร์… อย่านะ…” ถึงผมจะร้องห้ามเขา แต่ก็อดครางออกมาไม่ได้เมื่อมือซ้ายของเขา บุกรุกขย้ำชายน้อยของผมเต็มมือ รูดขึ้นรูดลงผ่านกางเกงบ็อกเซอร์จนมันเริ่มแข็งตัว พอมันแข็งตัวเขาก็ดึงหน้าออกจากหน้าอกผม ยกก้นผมขึ้นด้วยซ้ายมือเดียวและใช้มือขวาดึงกางเกงบ็อกเซอร์ออกอย่างรวดเร็ว กลายเป็นว่าตอนนี้ผมนั่งคร่อมเขาไว้ด้วยร่างเปลือยเปล่า


“หยุดเถอะครับ…” ผมบอกเสียงพร่า วิคเตอร์ไม่พูดอะไร แต่มองผมกลับมาด้วยสายตาที่แผดเผา เขาปลดกระดุมกางเกงยีนส์ออก ดึงมันลงไปไว้ที่เข่าพร้อมกางเกงใน ความใหญ่โตของเขาตั้งตรงคล้ายเทียนไข พร้อมสำหรับการออกรบบนรถ วิคเตอร์เอาปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางป้ายน้ำลายจนชุ่มและเอามาวนที่ช่องทางด้านหลังของผม เขาเอาน้ำลายมาป้ายสามครั้งจนผมรู้สึกชุ่มตรงนั้นไปหมด สองนิ้วเดิมเขาสอดเข้าไปด้านในช้าๆ ผมนิ่วหน้าอ้าปากน้อยๆ ผ่อนเสียงลมหายใจออกมาแผ่วเบา


วิคเตอร์ดันนิ้วเข้าออกเพื่อเบิกทางให้กับผม ความรู้สึกหนึบหนับและเสียวซ่านแล่นไปทั่วก้น เล่นเอาแมทน้อยแข็งชูชันเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น วิคเตอร์วนนิ้วอีกสักพักก็ถอนออก ดึงผมให้ลุกขึ้นนั่งตัวตรงและยกตัวผมขึ้น มือขวาจับยักษ์น้อยของเขาเตรียมจ่อเข้ามาในร่างผม


“เดี๋ยว… ถุงยางล่ะ” ผมบอกพลางกลืนน้ำลายลงคอ


“นายเป็นคนแรกที่ฉันอึ๊บสด” เขาบอกเสียงกระเส่า ผมแอบประหลาดใจและกังขาอยู่ในใจ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ วิคเตอร์ก็ยัดความใหญ่ยาวของเขาเข้ามาในร่างผม


“อึบ…” ผมคราง หลับตาแน่นด้วยความคับแน่น ความรู้สึกนั้นแตกต่างจากตอนมีถุงยาง ผมรู้สึกว่ามันนุ่ม เนื้อแนบชิดติดกันกว่าเดิม รับรู้ถึงไออุ่นความเป็นชายของเขามากขึ้น สัมผัสได้ถึงความร้อนของเนื้อตรงส่วนนั้น ช่องทางผมตอดรัดอย่างแนบแน่นกว่าเดิม


“อ้า” วิคเตอร์ครางตอนที่มันขมิบรัดลูกชายสุดที่รักของเขา เขาหลับตาอ้าปากครางเสียงงึมงำในลำคอ ลืมตาขึ้นมองผมด้วยสายตาใคร่อยาก สองมือเขาจับเอวผมขยับโยกไปมาช้าๆ ผมเคลื่อนไหวตัวไปตามแรงนำของมือเขา ควบความแข็งขืนของเขาไปมาอย่างช้าๆ แล้วสักพักผมก็รู้สึกชุ่มไปด้วยน้ำอุ่นๆ ที่อัดฉีดอย่างรุนแรงในช่องทางอ่อนนุ่มของผม


“Ah! Yeah! Fuck!” วิคเตอร์ครางตามจังหวะที่แก่นกายเขากระตุกฉีดน้ำรักเข้าไปในร่างผม ผมได้แต่บิดตัวไปมา รับความอุ่นที่ล้นทะลักไปหมด


“Oh, yeah. Shit.” เขาทั้งคราง ทั้งสบถด้วยอาการหอบ เปลือกตาขยับขึ้นลงราวกับเขาออกแรงมาก ทั้งที่เพิ่งขยับไปได้นิดเดียว


“Fucking aroused. (แม่งโคตรเสียวเลย)” ผมรู้สึกร้อนๆ ที่หน้ากับคำสบถของเขาพร้อมกับสีหน้าที่เสียวตามคำพูดของเขาจริงๆ สองมือเขาจับเอวผมไว้แน่น และยักษ์น้อยของเขายังคงแช่แข็งไม่ยอมหดอยู่ในร่างผม ผมรู้สึกชุ่มฉ่ำและชื้นแฉะที่ด้านในไปหมด รับรู้ได้เลยว่าน้ำรักเขามากมายและเอ่อล้นขนาดไหน


“วิคเตอร์ คุณเสร็จแล้วก็เอาออกไปสิ” ผมบอกเสียงเบาหวิว แต่วิคเตอร์กลับส่ายหน้า ก่อนจะปรับเบาะให้เอนลงจนตัวเขาแทบจะนอนราบตรงๆ เขาขยับตัวขึ้นนิดหน่อยและยกเท้าขึ้นวางกับขอบเบาะ ชันเข่าขึ้น พอได้ที่เขาก็เริ่มกระแทกลำของเขาเข้าออกช้าๆ


ไม่ใช่แค่มีเสียงเนื้อกระทบกัน แต่น้ำรักของเขาที่ไหลออกจากร่างผมอาบไล้แก่นกายเขาจนเยิ้มไปหมดนั้นก็ทำให้เกิดเสียงอันหยาบโลนแสนน่าอายเพิ่มขึ้น แต่ไม่ว่าจะมีเสียงอะไร วิคเตอร์ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเด้งสะโพกเข้าหาผมช้าๆ แต่หนักหน่วง


ปับ ปับ ปับ ปับ ปับ~


เสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังลั่นรถ ผมรู้สึกว่าน้ำขุ่นๆ สีขาวของเขากระจัดกระจายเปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มก้นของผม ลามไปถึงหน้าท้องแกร่งของเขาที่มีชายเสื้อยืดปิดบังไว้อย่างหมิ่นเหม่


“เออ! เออ!” วิคเตอร์ส่งเสียงครางดังๆ ออกมาจนผมกลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินรึเปล่า แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ ยังคงส่งเสียงครางต่อไปพร้อมกับจังหวะการซอยที่เริ่มรุนแรงขึ้นจนผมตัวโยกไหวอย่างรุนแรง สองมือผมจับไหล่เขาไว้แน่นเพื่อยึดร่างตัวเองไม่ให้กระเด้งหลุดออกจากตัวเขา


“อ๊ะ!! โอ๊ย… โอ๊ย…” ความรู้สึกเสียววาบ รู้สึกหนึบแน่นด้านใน ผมรู้สึกอิ่มเอิบกับความอ่อนนุ่มของเนื้อนุ่มๆ ของความเป็นชายวิคเตอร์ มันแข็งขืนแต่ก็รู้สึกลื่นไหลไปหมด แม้จะหยาบโลน แต่ก็ให้ความรู้สึกสนิทชิดเนื้อยิ่งกว่าการที่มีอะไรบางๆ มากั้นไว้ จริงอยู่ว่ามันแทบไม่รู้สึกเพราะถุงยางนั้นบาง แต่การที่เนื้ออุ่นๆ มันสวนเข้าออกกับด้านในร่างผมนั้น มันช่างให้ความรู้สึกร้อนรุ่มกว่าเดิม จนชายน้อยของผมแข็งตัวไม่ยอมอ่อนเลย


“Yes… yes…” วิคเตอร์ยังครางไม่หยุด จังหวะซอยสะโพกช้าลงมาอีกนิดแต่ก็ยังทำเอาตัวผมเด้งขึ้นลงแรงๆ อยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจากภายนอกนั้น รถเขาสั่นไหวแค่ไหน ถ้าใครเดินผ่านก็คงไม่ต้องคิดอะไรมากเลยว่าทำไมรถถึงโยกแรงขนาดนี้


“อืมมม…” ผมเองก็ครางเสียงกระเส่าเร้าอารมณ์ และเริ่มจะเป็นฝ่ายยกสะโพกขึ้นลงบ้าง วิคเตอร์เลยหยุดซอยใส่ผม เอาเท้าลงจากเบาะ นอนราบไปกับเบาะแบบสบายๆ ผมนั่งชันเข่าดีๆ และยกตัวขึ้นลงช้าๆ เสียงเนื้อที่เปื้อนไปด้วยน้ำขุ่นข้นของวิคเตอร์กระทบกันด้วยความหยาบ ตอนนี้ความอายสู้ความเสียวกระสันที่เกิดขึ้นระหว่างเราไม่ได้เลย


แม้สถานที่จะไม่ค่อยสะดวกสบาย แต่ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ผมมีเซ็กส์กับเขามา ครั้งนี้ผมรู้สึกดีที่สุด


“Good… yeah… don’t stop… (ดี… อย่างงั้นแหละ… อย่าหยุด…)” มือเขาลูบขึ้นลูบลงไปทั่วร่างเปลือยเปล่าของผม ผมกัดริมฝีปากล่างเบาๆ หลับตาลงด้วยความเสียวและสุขใจ


ผมขย่มเขาเบาๆ ช้าๆ แต่ว่าจังหวะไม่ตกไปเรื่อยๆ เสียงครางเหนื่อยหอบของเราสองคนดังสลับกันอยู่ในรถ ผมขยับไปขยับมา เจ้าแมทน้อยก็พ่นน้ำสีขาวออกมาเลอะเสื้อยืดสีดำของวิคเตอร์โดยที่ผมยังไม่ได้ทำอะไร แต่ความเสียวที่เกิดขึ้นระหว่างที่ผมขยับขึ้นลงบนกลางตัววิคเตอร์ก็ทำให้มันระเบิดตัวเองออกมาได้ไม่ยาก


วิคเตอร์ละมือเขาออกจากเอวผม ดึงเสื้อยืดสีดำออกจากตัว กล้ามท้องเป็นลอนและกล้ามอกอันอัดแน่นของเขายังคงชวนหลงใหลเช่นทุกครั้ง ผมเลื่อนสองมือขึ้นไปลูบหน้าอกแกร่งของเขาทั้งสองข้าง วิคเตอร์ส่งเสียงตอบรับอย่างพอใจ และในที่สุดเขาก็ตัวกระตุกอีกหนพร้อมกับคำรามเสียงดังลั่นรถ ผมหยุดนิ่ง หลับตารับรู้ถึงแรงอัดฉีดน้ำอุ่นๆ ที่ออกมาจากแก่นกายวิคเตอร์ที่กระตุกอย่างรุนแรง


“อ้า!! อ้า!! เหี้ย…” วิคเตอร์ครางไม่เป็นภาษา ครางมั่วไปหมด เขาปลดปล่อยจนน้ำล้นออกมา ผมเลยยกตัวเองออกจากแท่งอุ่นๆ ของเขา น้ำสีขาวข้นไหลตามออกจนหยาดเยิ้มตามขาและดุ้นของเขาไปหมด วิคเตอร์นอนหอบหายใจรุนแรง ผมเองก็หายใจหอบน้อยๆ ทิ้งตัวลงนอนแนบแก้มบนอกเขา วิคเตอร์พ่นลมหายใจออกทางปาก ยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ และกดจูบลงบนกลางกระหม่อมผมหนึ่งที


เราสองคนนอนหอบด้วยความเหนื่อย วิคเตอร์ขยุ้มเส้นผมของผมอย่างเบามือ สักพักเขาก็เอามือออก จัดการใช้เสื้อยืดของเขาเช็ดทำความสะอาดน้ำรักของเขาที่ก้นผมและบนตัวเขา มือซ้ายเขาเลื่อนไปที่ง่ามก้นผม ก่อนจะสอดนิ้วชี้กับนิ้วกลางเข้าไปข้างใน ไล้วนเบาๆ เพื่อให้น้ำรักของเขาที่ยังตกค้างอยู่ข้างในไหลออกมา ผมครางด้วยความเสียววูบเล็กน้อยยามที่นิ้วเขาหมุนวนและยัดเข้ายัดออก แม้จะเอาออกมาไม่หมดแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกชุ่มฉ่ำเท่ากับตอนแรก อาวุธของวิคเตอร์ยังคงแข็งชูชัน สีอยู่กับร่องก้นผมไปมา


“ง่วงรึยัง” เขาถามพลางกดจูบลงบนขมับขวาผมเบาๆ ผมพยักหน้าถูไถไปกับอกเขาด้วยความเพลีย


“งั้นนอนซะนะ”


“แบบนี้เหรอ”


“อืม อย่างนี้แหละ” เขาว่าแล้วลูบแผ่นหลังผมเบาๆ มือขวาเขาจับมือซ้ายผมที่ใส่นาฬิกาเขาไว้ขึ้นมา กดจูบลงบนหลังมือผมหนักๆ ราวกับจะย้ำให้รู้


“ดูแลมันดีๆ นะ”


“ครับ…” ผมรับปาก ยกมือขวามาลูบไล้ที่ยอดอกสีน้ำตาลเขาไปมาอย่างเลื่อนลอย


“…คุณจะไปหาผมที่ไทยรึเปล่า” ผมถามเสียงเบาหวิว วิคเตอร์นิ่งเงียบไป ผมใจเต้นตึกๆ กับคำตอบของเขา


“อย่างที่เอมิลี่บอก ขอเวลาให้ฉันได้ทบทวนตัวเอง” ผมยิ้มขื่นๆ ออกมา รู้สึกใจกระตุกวาบๆ ในอกซ้าย


“ผมกลับไป คุณก็คงลืมผมแล้ว…” วิคเตอร์ถอนหายใจ ไม่ตอบอะไร ยกมือซ้ายกลับมาลูบแผ่นหลังผมตามเดิม ผมกระพริบตาไล่น้ำตาที่อาจจะเอ่อล้นออกมา


“ฉันไม่ลืมนายหรอก” เขาบอกเสียงนุ่มหลังจากเงียบอยู่พักใหญ่


“ไม่ลืม… แต่ก็อาจจะไม่ตามไป แต่ผมเข้าใจครับ พอห่างกัน คุณอาจจะยิ่งชัดเจนในตัวเองมากขึ้นว่าคิดกับผมยังไงกันแน่” คำว่ารักที่เขาโพล่งออกมา เมื่อผ่านเวลาตกตะกอน ไม่ร้อนรน ไม่รีบร้อน เมื่อทุกย่างนิ่ง มันก็คงไม่มีแล้ว มันก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบในตอนนั้นเท่านั้น


“แมท… ฉันยังตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ ขอเวลาฉันหน่อยนะ” น้ำตาผมไหลลงบนแผงอกของเขาเงียบๆ วิคเตอร์ชะงักมือที่กำลังลูบไหล่ผม


“อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ทั้งที่ฉันยังอยู่ตรงนี้”


“งั้นถ้าคุณไม่อยู่ ผมก็ร้องได้ใช่มั้ย” วิคเตอร์ถอนหายใจหนักๆ กดจมูกลงบนกลางศีรษะผม สองมือโอบกอดร่างผมที่นอนคุดคู้อยู่บนตัวเขาไว้ ผมเขยิบตัวซุกเข้าหาไออุ่นจากอกเขาอย่างแนบชิด


นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้รับไออุ่นจากอกเขาและได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดเขารึเปล่านะ


เขาคือคนที่ให้ความทรงจำดีๆ กับผม แต่มันคงจะน่าเศร้ามาก ถ้าเขาจะกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำของผม ถึงแม้การที่ผมได้
เจอกับเขามันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่ผมว่าดีที่สุด ผมไม่รู้ว่าการที่เราเจอกันมันคือของขวัญอันล้ำค่าหรือว่ามันจะเป็นการลงโทษกันแน่…
 

To be continued…

(See you in Part: ONLY YOU)


หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-06-2015 02:05:44


ตอนพิเศษ You and I [1] :: Victor's Moment. [50%]




หลังจากคืนนั้น อีกวันผมก็แอบไปหาเขา ที่บอกว่าแอบเพราะผมไม่อยากให้เอมิลี่หรือไอ้เบนรู้เรื่อง เดี๋ยวจะพากันมารุมด่าผมอีก แมทเองก็ให้ความร่วมมือกับผมดีนะ ไม่ยอมบอกอะไรใครเลย แถมยังแอบพาผมเข้าไปนอนกกในห้องนอนตัวเองด้วย เรามีอะไรกันแบบไม่ใส่ถุงยาง โคตรให้ความรู้สึกดีสุดๆ แบบว่าเนื้อมันแนบเนื้อ แนบแบบได้อารมณ์จนยากจะห้ามใจไม่ให้ทำแรงๆ ซึ่งปกติผมก็ทำแมทแรงอยู่แล้ว แต่พอมันแนบชิดสนิทกันกว่าเก่า ผมว่ายิ่งเอายิ่งเสียว ยิ่งเวลาเนื้อด้านในเขาตอดรัดเนื้อแข็งๆ ของผม อารมณ์ผมก็ยิ่งพุ่งพล่าน เพราะมันรัดถึงเนื้อถึงตัวซะจริง


“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ! เบาๆ โอ๊ย โอ๊ย…” แมทครางกระเส่า สองมือจิกผ้านวมบนเตียงเล็กๆ ของเขาแน่น  ผมนอนซ้อนหลังเขา ยกขาซ้ายเขาด้วยมือซ้ายผม ยกให้เขาอ้าขากว้างๆ เพื่อที่ผมจะได้กระแทกใส่ถนัดๆ ส่วนแขนขวาก็ให้เขาหนุนหัวแทนหมอน เขาก้มหน้าลงซุกต้นแขนผม พยายามร้องเบาๆ เพื่อไม่ให้ใครได้ยิน


“หันมานี่…” ผมบอกเขา แมทหันกลับมามองด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ผมก้มลงประกบปากกับเขา จูบอย่างดูดดื่ม ผมดูดริมฝีปากล่างของเขา ส่วนเขาดูดดึงริมฝีปากบนของผม


“อ้ำ… อื้ม…” เขาส่งเสียงยามที่ลิ้นเราสองคนนัวเนียกัน ช่วงล่างผมก็ดันเข้าดันออกไม่หยุด ผมกระแทกเน้นๆ อีกสามสี่ครั้ง ก็เกร็งไปทั้งตัว น้ำอุ่นๆ ฉีดเข้าไปอัดแน่นรวมกับน้ำรอบแรกที่ยังเปรอะเปื้อนร่างกายของเราทั้งสองคนอยู่


“แฮ่ก… แฮ่ก…” แมทหอบหายใจ ผมเองก็หอบน้อยๆ ออกแรงไปสองรอบ ผมใส่ไม่ยั้งตามเคย ผมแช่ท่อนแข็งๆ ของตัวเองไว้ในก้นของแมท สองแขนโอบกอดร่างเขาไว้ จูบซับเหงื่อที่หน้าผากและทั่วใบหน้า แมทเสร็จไปแล้วรอบนึง ซึ่งผมเป็นคนรูดขึ้นรูดลงให้เขาจนน้ำพุ่งออกมา


“พอยังครับ” เขาถามเสียงเหนื่อย ร่างกายอ่อนปวกเปียก สิ่งที่ค้างอยู่ในก้นเขา ค่อยๆ อ่อนตัวลง แต่ผมรู้ตัวดีว่าอีกสักพักมันจะกลับมาแข็งได้อย่างไว


“พักแปบนึงก็ได้” แมทถอนหายใจด้วยความโล่งอก เล่นเอาผมขำน้อยๆ อดใจไม่ไหวต้องหอมแก้มเขาแรงๆ ไปหลายที


“พรุ่งนี้ฉันไปส่งนะ ไม่ต้องโทรหาไอ้เบน” เขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม และทำท่าจะหลับ ว่าจะปล่อยให้พักแปบนึง แต่เวลาเขาหลับทีไร เขาชอบหลับยาว และจะงัวเงียงอแงมาก ผมเลยรีบลูบไล้ความเป็นชายของตัวเองให้มันแข็งโด่ขึ้นมาอีกรอบ อุ้มแมทขึ้น แล้วเดินไปตรงเก้าอี้ที่โต๊ะเขียนหนังสือ แมทมองงงๆ ผมยิ้มกับหน้าตาเขา เห็นแล้วมันเขี้ยวอีกละ เลยหอมแก้มเขาไปแรงๆ เพื่อปลุกให้เขาตื่น


ผมปล่อยให้เขายืนอยู่สักพัก ส่วนตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ พิงพนักเก้าอี้ไว้ จับแมทให้นั่งคร่อมลงไปบนความใหญ่ยาวของตัวเอง แมทแงนหน้าขึ้นพร้อมกับส่งเสียงครางยาวๆ สีหน้าหน้าเขาบ่งบอกว่าจุก เราสองคนนั่งนิ่งๆ กันสักพักเพื่อให้ร่างกายแมทปรับสภาพรับกับท่าทางที่ยิ่งเพิ่มความจุกเสียดและเสียวนี้


“จะขย่มเองหรือจะให้ฉันซอยสะโพกขึ้นไป” ผมแกล้งหยอกเขาด้วยการเสนอทางเลือก แมทไม่ตอบอะไร คว้าไหล่สองข้างผมได้ก็จับไว้แน่น และจัดการยกตัวขย่มขึ้นลงบนตัวผม


ผมยิ้มกว้าง จับเขามารับจูบเพื่อเป็นรางวัล ผมเอามือจับเอวเขาไว้ บีบเค้นแรงๆ อย่างมันส์มือ นั่งมองใบหน้าเขาที่บิดพลิ้วไปตามกามอารมณ์ ฟังเสียงครางแผ่วๆ จากริมฝีปากสีขมพูซีดๆ ผมปล่อยให้เขาออกลีลาเอง และนั่งพิงเก้าอี้มองเพลินๆ สองมือบีบเนื้อแน่นๆ ของเขาไปทั่ว สายตามองอย่างมัวเมา รู้สึกอิ่มใจที่เขาไม่เคยปฏิเสธผมเลยสักครั้ง นอกจากเขาจะไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงจะเอ่ยปากบอกให้หยุด ให้พอก่อน (แต่ผมก็ไม่เคยพอตามที่เขาขอหรอก)


“เป็นไงบ้าง เสียวมั้ย” ผมแกล้งถามเขาด้วยรอยยิ้มล้อเลียน แมทหน้าแดงหน่อยๆ เอวขยับขึ้นขยับลงบนกลางตัวผมอย่างช้าๆ แต่ว่าลงน้ำหนักมาดีมาก เนื้อลำใหญ่ยาวของผมถูไถสัมผัสกับเนื้อนิ่มๆ ด้านในของเขา น้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาจากด้านในของแมท อาบไล้แท่งเอ็นร้อนของผมจนเลอะไปหมด เสียงเนื้อกระทบกับน้ำดังทุกครั้งเวลาที่แก้มก้นแมทกระทบกับเนื้อช่วงล่างของผม


“ตอบสิแมท…” ผมว่าเสียงแหบ โน้มหน้าไปดูดดึงริมฝีปากล่างเขาเบาๆ มือขวาเลื่อนมาจับแมทน้อยของเขา รูดขึ้นลงช้าๆ จนมันค่อยๆ ขยายตัวขึ้นมา


“สะ… เสียว… เสียว…” เจ้าตัวน้อยครางบอกพร้อมหน้าตาที่ยืนยันว่าเสียวอย่างที่พูดจริงๆ ผมมองเขาด้วยอารมณ์ดิบ สองมือจับเอวเขาไว้แน่น และช่วยยกตัวเขากระแทกขึ้นลงให้แรงกว่าเดิมจนเสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่น นี่ถ้ามีใครอยู่ในบ้านคงสงสัยกันยกใหญ่ว่ามันคือเสียงอะไร แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจใครละ เพราะนี่เป็นเวลาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการเอาเอเลี่ยนน้อยของผม


“อื้ม อื้ม อื้ม…”


“ดี ร้องอีก ฉันอยากฟังเสียงนายเยอะๆ” ผมบอกและโน้มหน้าไปดูดคอเขา แมทไม่ค่อยชอบให้ผมทำแบบนี้ เพราะผมดูดแรงจนขึ้นรอยชัด นั่นจะทำให้เขาไม่กล้าออกไปไหน เนื่องจากรอยมันปกปิดยาก แต่ผมไม่สนใจ ดูดไปรอบคอเขาจนมันแดงเถือกไปหมด


ก็ไม่รู้ว่าแมทจะเก็บกระเป๋าเสร็จตอนไหนเหมือนกัน เพราะผมอาจเอาเขาอยู่อย่างนี้ทั้งวันนั่นแหละ  เฮ้อ… ถ้าเขากลับไป ผมไม่ต้องนึกหน้าเขาแล้วนอนช่วยตัวเองหรอกเหรอเนี่ย ตอนนี้ผมกำลังคิดจะมีเซ็กส์กับเขาผ่านวีดีโอคอลด้วยซ้ำ ห่างกันแบบนี้ผมเหงาตายซะละมั้ง หรือผมจะสั่งทำตุ๊กตายางเป็นตัวเขาดีนะ?!


“อ๊ะ! อ๊ะ! แรงไป…”


“ฮึ่ม! ทำหน้าตาน่ามันเขี้ยวทำไมล่ะ บอกอย่าทำๆ” ผมว่าแล้วเร่งสะโพกเข้าใส่เขาแรงๆ ขาเก้าอี้กระทบกับพื้นไม้ดังกอกแกกลั่นห้องไปหมด


“โอ๊ย… โอ๊ย…” เขาร้องเสียงสั่น พยายามยกตัวหนีไปจากผม แต่ก็โดนผมจับกดลงมานั่งตามเดิม ลงโทษเขาด้วยการก้มลงไปดูดหัวนมเขาแรงๆ เสียงแมทร้องระงมไปทั่วห้องไม่รู้ว่าตอนนี้ร้องเพราะเสียวหรืออะไร แต่ที่รู้ตอนนี้คือผมโดนเขาตอดรัดจนลูกชายผมเสียวตั้งแต่ส่วนหัวยันส่วนโคนเลยแหละ



 :hao6:



--------------------------------- TBC. -----------------------------


อีกครึ่งหนึ่งเดี๋ยวตามมานะคะ
ดีใจที่ในที่สุดก็นั่งอัพทันบอร์ดเด็กดีจนได้ 55555 ทั้งวันอะค่ะ

พออ่านความคิดอีพี่ยักษ์แล้วเป็นไงมั่งคะ มันหื่นกว่าที่คิดปะ? 555555

กดไลค์เพจเฟซบุ๊คหรือฟอโล่วทวิตเตอร์ เพือเม้าท์มอยหอยกาบนอกรอบได้ที่นั่น ติดตามการสปอยล์ หรือร่วมเพ้อเจ้อไปกับตัวละครนอกรอบได้ที่นั่นค่ะ คลิกที่อักษรสีน้ำเงินตรงลายเซ็นเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ 1 50%:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 24-06-2015 00:57:32
 :sad4:  สนุกม๊ากกกก สงสารแมทมากค่ะ ที่มาได้กับอิตาวิค ถึงจะแซ่บอย่างไรแต่ไม่ไหวจริง ทรมานใจเกิ๊น ยอมใจน้องแมทจริงๆ รอร๊อน้าาา  สนุกมากก
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ 1 50%:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 24-06-2015 01:55:34
ตามมาจากเด็กดีมาเป็นกำลังใจให้ค่า ^ 0 ^ /
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ 1 50%:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 24-06-2015 08:37:21
พี่วิคจะทำตุ๊กตายางเลยเหรอคะ 55555
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ 1 50%:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 24-06-2015 12:13:52
พี่ยักษ์คิดแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ5555+

แมทกลับคงเหงาเพราะขาดคนบนเตียงม้างงงง
อยากอ่านตอนแมทกลับไทยละอ่ะ แง
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ 1 50%:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 24-06-2015 18:56:49
สนุกดีรื่องนี้แนวhardcore
เสียแต่วิกเตอร์ดูไม่ค่อยรัก ไม่ค่อยถนอมแมทซะเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าสุดท้ายวิกเตอร์จะเป็นพระเอกจริงๆ หรือเปล่า

ถ้าใช่ต้องง้อแมทมากหน่อยๆ รังแกแมทซะเยอะ

ขอบคุณที่มาลงให้อ่านกันคะ :mew1: :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ 1 100%:: 24.06.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-06-2015 19:59:57

ตอนพิเศษ พาร์ท You and I :: Victor's Moment. 100%



“No! Stop! I’m hurt! Don’t hit me. (อย่า! พอแล้ว! ผมเจ็บ อย่าตีผม)”


“I have told you, huh? Why don’t you remember what I said? (ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่หรอ ฮะ?! ทำไมแกไม่จำที่ฉันบอก)”


ความรู้สึกเจ็บจากหนังเข็มขัดแล่นไปทั่วผิวกาย ผมยกมือขึ้นมาปัดป้อง แต่ก็ยังโดนเส้นเข็มขัดฟาดไปตามแขน ตามหลัง น้ำตาผมไหลพราก พร้อมกับเสียงร้องไห้โฮ


“What are you doing?! (แกทำอะไรของแก?!)” เสียงทะเลาะกันลั่นบ้าน ทำเอาผมสะดุ้ง ยกมือขึ้นมาปิดหูเอาไว้ แล้วอ้อมกอดอุ่นๆ ก็โอบรัดร่างผมไว้แน่น ผมกอดตอบ และร้องไห้สะอึกสะอื้น


“That’s okay. That’s okay.” เสียงปลอบประโลมกล่อมผมเบาๆ มืออ่อนนุ่มลูบหัวผมไปมา


“No, that’s not okay.”


“Why? It’s gonna be okay.” เสียงหัวเราะน้อยๆ มาพร้อมกับรอยยิ้ม ความรู้สึกอุ่นๆ แตะลงที่หน้าผากของผม เสียงดังตุบตับดังขึ้นด้านหลัง ดังพร้อมกับเสียงก่นด่า ผมนั่งอยู่บนตักของใครคนหนึ่งด้วยน้ำตานองหน้า


และภาพก็เลือนรางหายไป…




“Mom!” ผมตะโกนสุดเสียง มองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวเงียบสะงัด บรรยากาศความตึงเครียดแผ่เป็นวงกว้างรอบๆ ตัว


“วิคเตอร์…” เสียงอันอ่อนแรงของแม่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงอ่อนโยนเสมอ


“เพราะแก!” ผมหันไปมองคนต้นเหตุด้วยสีหน้าเอาเรื่อง


“เพราะพ่อต่างหาก!” ผมผลักอกพ่อแรงๆ พ่อมีท่าทีโมโหทันที เขาเงื้อมือขึ้นพร้อมชกผม ส่วนผมก็เงื้อมือขึ้นพร้อมจะชกเขาเช่นกัน


“No…” เสียงแหบแห้งของแม่ดังขึ้น พร้อมกับน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ผมเดินเข้าไปหาแม่ด้วยอาการใจสั่นๆ ใจเริ่มรู้สึกไม่ดี ผมพยายามคุมสติตัวเองไม่ให้น้ำตาไหลออกมาและอุ้มร่างแม่ออกไป


ภาพดับวูบจนเหลือแต่ความมืดมิด ภาพตัดไปตัดมาในสุสานแห่งหนึ่ง ก่อนจะตัดมาที่ใบหน้าของย่าที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว แต่ก็มีความอิ่มเอิบด้วยรอยยิ้ม



“Don’t cry. You’re so handsome but when you’re cry, you are so ugly. (อย่าร้องไห้สิ หลานหล่อจะตาย แต่เวลาร้องไห้ทีไร ขี้เหร่ทุกที)” ผมยิ้มขำทั้งน้ำตา จับมือย่ามาแนบแก้มไว้


“ย่าห้ามไปจากผมไปนะ ย่าห้ามตามแม่ไปอีกคน” ย่าส่งเสียงหัวเราะอักๆ ตามภาษาคนชราที่อายุมากแล้ว


“หลานจะมาห้ามย่าไม่ให้ไปได้ยังไง พระเจ้ารอย่าอยู่”


“แล้วผมล่ะ! จะปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวแบบนี้เหรอ?!” ผมถามเสียงดัง ขัดใจที่ย่าพูดแบบนี้ น้ำตาผมไหลลงมาเงียบๆ ผมเช็ดออกลวกๆ ย่ายิ้มอ่อนโยนและบอกเสียงนุ่มน่าฟัง


“เมื่อเขาเอาสิ่งหนึ่งไป แต่เขาจะส่งอีกสิ่งหนึ่งมาแทน…”


“…ไม่! ผมไม่ต้องการอะไรจากเขา เขาเอาแม่ไปแล้ว เขาจะมาเอาย่าไปอีกทำไม?!” ผมร้องไห้ไม่หยุด อารมณ์โกรธพล่านอยู่ในอกไปหมด ยิ่งโมโหเข้าไปอีกที่ย่ายังคงยิ้มอยู่ได้


“เชื่อย่านะ สักวันเขาจะส่งของขวัญชิ้นใหม่มาให้หลาน…”


ภาพสว่างจ้าหายไป รอบๆ ตัวผมมีแต่แสงสีขาวสว่างไสวไปทั่วบริเวณที่ผมยืนอยู่ ผมมองไปรอบๆ พลันสายตาก็สะดุดกับใครคนหนึ่งที่กำลังยืนส่งยิ้มสดใสมาให้



“แมท!” เขาส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างน่ารัก วิ่งเร็วๆ เข้ามากอดผมไว้ ผมโอบวงแขนตอบรับร่างเขาทันที เขาซุกหน้าลงกับแผ่นอกผมและถูไถไปมาเบาๆ ตามนิสัยเขาเวลาจะอ้อน ผมก้มลงจูบลงบนเส้นผมเขา สูดดมกลิ่นหอมแรงๆ


“I miss you. I miss you.” ผมกอดเขาไว้แน่น สักพักผมรับรู้ถึงแรงสะอื้นของคนตัวเล็ก ไหล่เขาสั่นสะท้าน ผมตกใจผลักเขาออก ก็เห็นเขาร้องไห้ตาแดงก่ำ น้ำตานองหน้า


“คุณไม่รักผม คุณไม่รักผมเลย…”


“ไม่! ฉันรักนาย ฉันรักนายนะ” ผมบอกสีหน้าตื่นกลัว แมทร้องไห้โฮ ผมพยายามเช็ดน้ำตาให้เขา แต่เขาก็ยังไม่หยุดร้อง


“ไม่จริง คุณโหก เดี๋ยวคุณก็ลืมผม”


“ไม่! ไม่ลืม ฉันไม่ลืม” ผมพยายามดึงเขาเข้ามากอด แต่แมทปัดแขนผมออก และค่อยๆ เดินถอยห่างผมออกไป ผมมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง


“Don’t go! (อย่าไป!)”


“I have to go. I don’t  wanna be hurt. I will be your little-alien forever. (ผมต้องไป ผมไม่อยากเจ็บ ผมจะเป็นเอเลี่ยนน้อยของคุณตลอดไป)”


“No! Don’t leave me, Matt! (อย่า! อย่าไปจากฉันนะแมท!)” แมทหันหลังวิ่งหนีผมไปอย่างรวดเร็ว และไม่ว่าผมจะพยายามวิ่งไขว่คว้าเขาไว้เท่าไหร่ เขาก็หายไปในที่สุด ทิ้งให้ผมอยู่กับความมืดรอบๆ ตัวอีกครั้ง


ภาพดับวูบไปพร้อมกับใจที่หล่นหาย…


เฮือก!!!



------------------------------------TBC.---------------------------------


 :hao7:
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ 1 100%:: 24.06.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 24-06-2015 22:24:59
ฮืออ สงสารพี่วิคอ่ะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part-You and I ::ตอนพิเศษ 2 50%:: 27.06.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-06-2015 00:01:33

ตอนพิเศษ พาร์ท You and I :: Victor's Moment. 2

Living dead.




สี่ปีก่อน…
   

ต้นไม้สีเขียวขจีตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว ตัดกับสีท้องฟ้าสีสดใสในยามเช้า ใบไม้โบกสะบัดไหวๆ ตามแรงลมที่พัดมาเอื่อยๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แสงแดดสาดส่องจัดจ้าไปทั่วทุกบริเวณ ก้อนเมฆคล้ายปุยนุ่นสีขาวลอยเอื่อยๆ ไปตามสายลม ดอกไม้สีสวยสดงดงามเบ่งบานสะพรั่งอย่างน่ามอง ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่กว้างใหญ่ไพศาลเต็มไปด้วยผู้คนนั่งเรียงรายกันบนเก้าอี้ไม้สีเบจ ในมือของแต่ล่ะคนถือดอกไม้สีม่วง สีฟ้าและสีขาวอันสะอาดตา บ้างก็ถือเป็นช่อ บ้างก็ถือเป็นดอกเดียว มันคงจะดีไม่น้อยถ้าดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งนั้นบานอยู่บนแปลงดอกไม้ หรือดอกไม้ที่เหล่าผู้คนถือไว้นั้นจะถูกนำไปปักแจกัน แต่กลับกัน ดอกไม้ที่บานเบ่งสะพรั่งนั้น ถูกวางเรียงรายอยู่บนพื้นดิน มีป้ายหินอ่อนสีขาวโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดิน และดอกไม้ที่อยู่ในมือของผู้คนมากมายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็กำลังจะถูกนำไปวางรวมไว้ ณ ที่เดียวกัน เพื่อไว้อาลัยให้แด่ผู้ที่จากไป
   

จากไป… อย่างที่ผมไม่อยากยอมรับว่านั่นคือใครอีกคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต รักยิ่งกว่าชีวิตของผม เพราะคนๆ นั้นรักผมด้วยชีวิตของตัวเองเช่นกัน
   

ผมนั่งเหม่อมองใครสักคนที่กำลังอยู่บนแท่นบัลลังก์พิธีกล่าวสุนทรพจน์ให้แก่ผู้ตายด้วยความเศร้าเสียใจ ผู้คนที่มาในวันนี้ต่างใส่ชุดสีดำเพื่อร่วมไว้อาลัยแก่ใครคนหนึ่งที่นอนหลับแบบไม่มีวันฟื้นอยู่ใต้พื้นดินอันเย็นชืด หลับอย่างสงบพร้อมกับการจากไปอย่างสงบ
   

สายตาผมเลื่อนไปมองหินอ่อนสีขาวที่สลักชื่อผู้ตายไว้อย่างเลื่อนลอย ผมมองไปตรงนั้นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ราวกับตัวเองยังไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ราวกับยังไม่เชื่อว่าคนที่ผมรักมากที่สุดได้จากผมไปอีกคน
   

ผมรู้สึกเคว้งคว้าง เหมือนตัวลอยอยู่กลางอากาศ พลันน้ำตาก็รื้นขึ้นมาที่ขอบตา ผมไม่ชอบร้องไห้ เพราะมันแสดงถึงความอ่อนแอ มันแสดงให้เห็นว่าผมเป็นไอ้ขี้แพ้ อย่างที่ผมเคยเป็น และผมไม่อยากจะเป็น ไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้นอีก แต่น้ำตาที่เอ่อขึ้นมานี้ มันไม่ใช่อาการของคนแพ้ แต่มันเป็นอาการของคนอ่อนแอ ผมไม่เคยรู้สึกอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วผมเพิ่งบอกกับตัวเองได้ว่าผมจะเข้มแข็ง แต่สุดท้ายความเข้มแข็งผมก็ถูกทำลายด้วยการจากไปของคนที่ผมรักในเวลาไล่เลี่ยกัน
   

นั่นทำให้ผมรู้ว่าจริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไรมาตั้งแต่ต้นนักหรอก แต่ผมอยู่ได้เพราะคนที่ผมรักและรักผม เพราะพวกเขาเติมเต็มให้กับชีวิตที่ขาดของผมได้ แม้จะขาดแต่เมื่อมีพวกเขาอยู่ ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกขาดหรือรู้สึกว่าชีวิตต้องการอะไรไปมากกว่านั้นแล้ว ผมอยู่ได้ถ้ามีพวกเขา แต่ตอนนี้…
   

คนที่ผมรักเหล่านั้นได้จากผมไป จากไปแบบไม่มีวันกลับ และนั่นทำให้ความรู้สึกขาดหายที่ผมได้รับการเติมเต็มมาตลอดหลายปีจนเคยตัว เริ่มหวนกลับมาสู่ผมอีกครั้ง และหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อมันว่างเปล่า ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ไร้ที่พึ่งทางใจใดๆ อีกต่อไป
   

ผมจะอยู่ต่อไปยังไง ผมรู้ว่าตราบใดที่ยังมีลมหายใจ นั่นหมายถึงเราต้องใช้ชีวิตต่อ คำถามที่ว่าจะอยู่ต่อไปยังไง ผมรู้ว่ามันโคตรงี่เง่า แต่ถ้าไม่ได้มายืนอยู่ในจุดที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ ก็จะไม่มีวันเข้าใจ ว่าการสูญเสียของผม มันเลวร้ายมากขนาดไหน


“วิคเตอร์…” เสียงคนที่นั่งข้างๆ ผมดังขึ้นพร้อมกับมือซ้ายผมที่ถูกกุมเอาไว้ราวกับต้องการให้กำลังใจ ผมหันไปมองหน้าเอมิลี่เพื่อนสนิทของผมอีกหนึ่งคน เธอมองมาด้วยสายตาที่บอกว่าเธอเป็นกำลังใจให้


“เธอไม่อยากเห็นแกร้องไห้แบบนี้หรอก ไม่มีใครอยู่เช็ดน้ำตาให้แกแล้วนะ” เบนเนดิคท์เพื่อนสนิทผมตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย มือซ้ายวางลงบนไหล่ผม แล้วเพื่อนๆ ทุกคนที่มาในวันนี้ก็พูดให้กำลังใจผมกันล้นหลาม ผมรับฟังและยิ้มรับอ่อนๆ พร้อมน้ำตาที่หยดแหมะลงบนแก้ม ผมยกมือปาดทิ้งเร็วๆ สายตายังคงจ้องมองไปที่หลุมฝังศพที่ผู้คนเริ่มเอาดอกไม้ไปวางเพิ่มจนคล้ายเป็นแปลงดอกไม้ขนาดย่อม


ผมกับเพื่อนๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหน้าหลุมศพพร้อมๆ กัน ในมือผมถือดอกไฮเดรนเยียสีม่วงอ่อน ผมชอบดอกไม้อันนี้ ผมว่ามันเป็นพุ่มๆ สวยดี แต่เธอไม่ชอบ เธอบอกเสมอว่ามันคือดอกไม้แห่งหัวใจด้านชา เธอไม่อยากให้ผมเป็นเหมือนความหมายของมัน เพราะเธอรู้ว่าผมมีโอกาสเป็นแบบนั้น เธอจึงพยายามทำทุกอย่างให้หัวใจผมสดใส ไม่มืดมนจนกลายเป็นคนด้านชา
แต่เธอไม่รู้หรอกว่าอีกความหมายหนึ่งของดอกไม้นี้ มันมีความหมายดีๆ อีกความหมายซ่อนอยู่ และผมเองก็เคยให้กับเธออีกคนในสถานที่แบบนี้ และอยู่ไม่ไกลกันเลยสักนิด มันคงจะดีถ้าผมยื่นดอกไม้ช่อนี้ให้กับมือของเธอทั้งสองคน แต่กลับกลายเป็นว่าผมต้องวางดอกไม้ที่มีความหมายแทนคำขอบคุณอันยิ่งใหญ่ไว้หน้าหลุมศพพวกเธอ


แม้ผมจะบอกขอบคุณบ่อยแล้วตอนที่พวกเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่การขอบคุณครั้งนี้ไม่เหมือนกับการขอบคุณครั้งก่อนๆ ผมขอบคุณเธอผ่านหน้าแผ่นหินอ่อนที่สลักชื่อเธอเอาไว้ มันไม่ใช่การขอบคุณที่น่าอภิรมย์นัก น้ำตาผมคลออยู่ที่ขอบตา ผมค่อยๆ วางดอกไฮเดรนเยียลงบนฐานแผ่นป้ายหินอ่อน


“Thank you for always understanding me, and accepted me for who I am. (ขอบคุณที่เข้าใจผมเสมอ ขอบคุณที่ยอมรับตัวตนผมเสมอมา)” แทบจะเป็นประโยคเดียวกันกับที่ผมเอ่ยเมื่อครั้งก่อนต่อหน้าหลุมศพของใครอีกคนหนึ่ง


ผมมองชื่อที่สลักอยู่บนหินอ่อนด้วยสายตาอ้อยอิ่ง ยกมือขึ้นและใช้แขนชุดสูทสีดำที่ใส่อยู่ซับน้ำตาของตัวเอง ผมเดินออกจากหลุมศพนั้นไปพร้อมเพื่อนๆ เพื่อให้คนอื่นได้มาวางดอกไม้ไว้อาลัยต่อไป


ผมกับเพื่อนๆ ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่ร่มเงากันแสงแดดอยู่แถวๆ ริมถนนที่ให้รถวิ่งได้ในสุสาน ผมมองผู้คนที่หลั่งไหลนำดอกไม้ไปวางไว้อาลัย บางคนก็หลั่งน้ำตาออกมาพร้อมอาการสะอึกสะอื้น ผมนึกถึงตัวเองตอนที่เป็นเด็กแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนั้น ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไรก็ตาม ผมก็จะได้เธอทั้งคู่ที่จากผมไปคอยปลอบ คอยเช็ดน้ำตาให้ และมักจะซื้อขนมไม่ก็ของเล่นเอาใจผมเสมอ


“แกจะบินกลับนิวยอร์กพร้อมพวกฉันเลยรึเปล่า” เบนเนดิคท์เอ่ยถามผมหลังจากยืนนิ่งๆ กันมาสักพัก ผมหันไปมองทุกคนที่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง ผมหันไปมองคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ในเต้นท์สีขาวในชุดสูทสีดำ ชุดแสคกระโปรงสีดำที่กำลังยืนหน้าเศร้าไม่แพ้ไปกว่าผม


“ฉันกลับพร้อมพวกแกเลย” ผมบอกทั้งที่สายตายังคงมองผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง จนกระทั่งเขาหันมาสบตากับผม เขาก็หันไปพูดกับเหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ในเต้นท์ด้วยกัน ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังคงเปล่งปลั่งแม้ว่าเลขอายุจะมากขึ้นแล้วก็ตาม


“แกจะกลับบ้านก่อนมั้ย” เสียงทุ้มใหญ่ๆ เอ่ยถามทันทีหลังจากเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ผมกับพ่อเราสูงพอๆ กัน แต่รูปร่างพ่อนั้นใหญ่กว่าผมมาก


“ไม่ ผมจะกลับนิวยอร์กเลย”


“ไม่คิดจะอยู่กับครอบครัวก่อนรึไง” เขาถามสีหน้าฉุนเล็กน้อย ผมแค่นยิ้มมุมปากนิดๆ


“ครอบครัวผมตายไปหมดแล้ว” ดวงตาของพ่อลุกวาวด้วยความไม่พอใจ เขาขบกรามจนสันกรามขึ้นสันนูน ผู้หญิงหน้าตาสะสวยในชุดแสคสีดำรัดรูปยกมือแตะไหล่เขาเบาๆ เป็นการเตือน


“แกอย่ามาชวนฉันทะเลานะ” เขาบอกเสียงเย็น มองผมด้วยสายตาไม่พอใจ


“ผมเปล่า ผมแค่พูดเรื่องจริง ครอบครัวผมมีแต่แม่กับย่า” ผมบอกเสียงนิ่ง มองพ่อแบบไม่แสดงอาการใดๆ นั่นยิ่งไปจุดอารมณ์ของเขา แต่เขาก็ยังพอมีสติอยู่บ้างว่าไม่ควรอาละวาดในงานศพแม่ตัวเอง


“What about her? (แล้วเธอล่ะ)” ผมชะงักไป เข้าใจว่าพ่อหมายถึงใคร ผมหลบสายตาพ่อมองไปทางอื่นแว้บหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอย่างยากลำบากใจไม่น้อย


“ยังไงผมกับเธอก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันนานแล้ว เธอคงชินที่จะอยู่กับพ่อแล้วล่ะ…”  ผมหันไปมองผู้หญิงที่ยืนข้างๆ พ่อด้วยสายตาสงบและบอกด้วยท่าทีสงบเช่นกัน


“…ฝากดูแลเธอด้วยก็แล้วกัน”


“แล้วไม่คิดจะอยู่กับเธอหน่อยรึไงวิคเตอร์ นอกจากลุค นายก็เป็นอีกคนที่เธอเหลืออยู่” ลิซ่าบอกด้วยสีหน้าอึกอัก ผมขบกรามเบาๆ แล้วพูดเสียงราบเรียบ


“ตอนนี้ผมยังไม่อยากเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของใคร” ผมรู้ว่ามันเห็นแก่ตัวที่บอกปัดกับคนสำคัญของผมอีกคนไปแบบนั้น แต่ ณ ตอนนี้สภาพจิตใจของผมไม่เข้มแข็งและแข็งแรงพอที่จะเป็นที่พึ่งพิงหรือพักพิงของใคร ผมเคยชินกับการที่แม่และย่าเป็นที่พักพิงทางใจของผม แต่วันนี้ทั้งสองจากผมไปแล้ว ผมยังไม่ชิน ยังทำใจไม่ได้


“งั้นก็ตามใจแก!” พ่อพูดเสียงกระแทก หมุนตัวเดินกลับไปทางเต้นท์ ลิซ่ามองหน้าผม เธอถอนหายใจ หมุนตัวเดินตามพ่อกลับไปที่เต้นท์


“กลับกันเถอะ” ผมหันไปบอกเพื่อนๆ พยายามไม่หันไปมองทางเต้นท์ เพื่อที่จะได้ไม่เห็นสายตาน้อยใจของใครคนหนึ่งที่กำลังมองมา สภาพผมไม่พร้อมโอบรับใครหรอก


----------------------------------TBC.----------------------------------------

หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part-You and I ::ตอนพิเศษ 2 50%:: 27.06.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 27-06-2015 07:15:26
ติ่งวิคเตอร์ตามมาอีกคนนะ 5555555 <3
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part-You and I ::ตอนพิเศษ 2 50%:: 27.06.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 27-06-2015 11:15:58
สงสารวิคเตอร์  TT.TT
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part-You and I::ตอนพิเศษ2 100%:: 29.06.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-06-2015 15:09:06
ตอนพิเศษพาร์ท You and I :: Victor's Moment. 2 [100%]




ผมวางรูปถ่ายของย่าลงข้างๆ รูปถ่ายของแม่ตรงตู้ทรงสูงข้างหัวเตียง ผมนั่งลงบนขอบเตียง มองภาพถ่ายของคนสองคนที่ผมรักที่สุดในชีวิต ผมรักเธอสองคนมาก รักจนไม่อาจหาคำพรรณนาใดๆ มาบอกว่าผมรักเธอสองคนมากแค่ไหนและแน่นอนว่าเมื่อคนที่เรารักสองคนจากเราไปในเวลาไล่เลี่ยกัน มันเป็นอะไรที่ชีวิตแทบเซล้มลงโดยที่ไม่มีใครคอยประคองเราไว้


จริงอยู่ว่าผมยังมีเพื่อนๆ แต่พวกนั้นก็ไม่เท่ากับแม่และย่าที่อยู่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กๆ รักและเอาใจใส่ผมจนโต ผมหันไปมองโล่รางวัลแก้วคริสตัลที่เป็นรูปชูสองนิ้ว โล่นั้นเป็นของขวัญวันเกิดที่ย่ามอบให้ผมพร้อมกับรถแลมเบอร์กินีรุ่นที่ผมอยากได้ ช่วงนั้นย่าป่วยหนัก ท่านป่วยเป็นโรคคนชรา ท่านอายุมากแล้ว ผมพยายามทำใจยอมรับว่าวันนึงเธอจะต้องจากผมไป แต่ผมก็ทำไม่ได้ ยิ่งเมื่อคิดว่าแม่จากผมไปคนหนึ่งแล้ว ผมก็ไม่อยากสูญเสียย่าไปอีกคน


ผมรู้ว่าการเกิดแก่เจ็บตายมันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอกที่จะยอมรับการจากไปของคนที่เรารักที่สุดในชีวิต เพราะเมื่อรักมาก ก็ยิ่งเสียใจมากเช่นกัน


ย่าให้โล่คริสตัลนี้มาเพื่อต้องการจะบอกว่าให้ผมนั้นสู้กับทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต และมันยังคือสัญลักษณ์ตัว V ของชื่อผมที่แปลว่าชัยชนะด้วย เธอรู้ว่าตัวเองกำลังจะจากไป เธอเลยอยากให้ผมสู้ อยากให้ผมเข้มแข็ง เพราะในตอนนั้นผมก็อ่อนแอจากเรื่องแม่มากพอแล้ว เธอเข้าใจดี และเธอก็ไปดี ไปอย่างสงบ ทิ้งอาการดำดิ่งจมลึกเข้าสู่ห้วงความเจ็บปวดไว้กับผม


ผมไม่อาจห้ามความรู้สึกคิดถึงเขาทั้งสองคนได้ง่ายๆ ทั้งสองคนจากผมไปใกล้ๆ กันจนผมตั้งรับไม่ทัน ยิ่งกับแม่ แม่จากไปแบบที่ผมไม่คาดคิด ที่สำคัญแม่จากไปเพราะผมเป็นต้นเหตุ มีแต่คนบอกผมว่าอย่าโทษตัวเอง แต่ผมก็มองหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองไม่ได้ว่าแม่ต้องตายเพราะผมเป็นต้นเหตุ อาจจะไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่ต้นเหตุมันก็เพราะผม ไม่ใช่ใครอื่นหรอก


ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ รู้สึกใจสั่นสะท้าน รู้สึกว่ามันเต้นอ่อนแรงกว่าปกติ รู้สึกว่าชีวิตนี้มันหมดแรงจะก้าวเดินต่อไป รู้สึกหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต การสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผม สำหรับผมมันมากเกินไป และมาเร็วเกินไป ผมมัวแต่มีความสุขจนลืมเผื่อใจไว้ให้ความทุกข์ แต่ใครจะไปเผื่อใจไว้ได้ล่ะ ก็เวลาที่มันสุข ผมก็สุขเต็มที่


ชีวิตผมดำเนินต่อไปอย่างเหี่ยวเฉา เพื่อนๆ พยายามหากิจกรรมให้ผมทำเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจมปลักอยู่กับความเศร้าเสียใจที่เกิดขึ้น ผมก็พยายามที่จะดึงตัวเองออกจากความเศร้า ความทุกข์นั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำง่ายๆ เช่นกัน


การใช้ชีวิตในช่วงเวลาทุกข์ทรมานของชีวิตนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถไปในทางเดียวกันได้อย่างราบรื่น แม้ทุกคนจะพยายามฉุด พยายามดึงให้ผมพ้นจากความเศร้าก็ตามที ผมเองก็ไม่ได้ว่าเศร้าจนข้าวปลาไม่ยอมกิน ละทิ้งทุกอย่าง หันหลังให้กับทุกคน มันไม่ถึงขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่สามารถแฮปปี้มีความสุข ฉีกยิ้มหรือหัวเราะได้ถนัดปาก ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างเต็มอิ่ม มีก็ครึ่งๆ กลางๆ ไปไม่สุดสักทาง มันเหมือนกับแบตเตอร์รี่พลังงานชีวิตผมหมดแล้วหาแหล่งชาร์ตไม่เจอ ที่ร่างกายขยับเขยื้อนได้ทุกวันนี้ ก็เป็นไปตามกลไกร่างกาย แต่ไม่ได้เป็นไปตามสติ


ผมรู้ตัวเลยว่าสภาพจิตใจผมย่ำแย่มาก มันอ่อนแรง บางครั้งก็เจ็บปวดกับความเศร้าโสกเสียใจ พอเศร้าเสียใจ ผมก็เกิดความทุกข์ใจ และความทุกข์ใจก็เกาะกินกายและใจผม มันเหมือนชีวิตผมจมอยู่ในความมืดมิด มีแสงสว่างส่องผ่านมาเพียงเล็กน้อย


“นี่ถ้าแกยังเป็นแบบนี้อยู่ สักวันแกจะเฉาตายนะ!” อันเดรหนึ่งในเพื่อนสนิทของผมพูดพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ วันนี้ทุกคนมาที่บ้านผม เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนผม พวกมันไม่ได้มาทุกวันหรอก มันก็มีการมีงานทำ ไม่ได้ว่างเพื่อผมขนาดนั้น แต่ถ้าว่างและนัดกันมาได้ มันก็จะยกโขยงกันมาจัดปาร์ตี้ที่บ้านผมบ่อยๆ และนอนค้างเสมอ


“วิคเตอร์ นายไม่ทำงานมาหลายเดือนแล้วนะ” เอมิลี่บอกอย่างเป็นกังวล


“ฉันไม่อยากทำ ฉันไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น” ผมบอก กระดกเบียร์กระป๋องขึ้นดื่ม ถึงผมจะไม่ได้ละทิ้งสิ่งใด แต่ผมก็ไม่เอาอะไรเช่นกัน ผมไม่ไปทำงานจนโดนเจ้าของงานด่าผ่านเอมิลี่มา สุดท้ายก็ไม่มีใครอยากจ้างผม หรือมีผมก็ไม่รับ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น วันๆ เอาแต่อยู่บ้าน นั่งๆ นอนๆ กินอาหารแช่แข็ง ไม่ก็สั่งเดลิเวอร์รี่มากิน จนหุ่นผมเริ่มจะบวมๆ เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก


“ตั้งสติหน่อยวิคเตอร์ นายกำลังจะทำให้ชีวิตนายพังนะ!”


“ฉันอยู่ได้น่า” ผมบอกปัดๆ ไป และคิดแบบนั้นจริงๆ ผมคิดว่าผมอยู่ได้ อยู่มันไปแบบนี้แหละ


“อยู่แบบไร้จุดมุ่งหมายในชีวิต ไม่คิดจะทำอะไรเลยน่ะเหรอ นายตอบแทนความรักความหวังดีของแม่และย่านายแบบนี้เนี่ยนะ” เอมิลี่ว่าอย่างเดือดจัด ผมรู้ว่าเธอพูดเพราะเป็นห่วงผมมากจนโกรธจัดกับสภาพที่ผมเป็นอยู่


“ฉันเห็นด้วยกับเอ็มนะเว้ย แกจะใช้ชีวิตเป๋ๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็ได้เสียผู้เสียคนพอดี แม่กับย่าแกมองลงมาจากสวรรค์ คงสบายใจหรอกนะที่เห็นแกเป็นแบบนี้” เบนเนดิคท์พูดเสริมเอมิลี่ด้วยน้ำเสียงเลียบๆ เคียงๆ มันรู้ว่าถ้าจี้ผมมากๆ ผมจะระเบิดเอาได้ เพราะแค่นี้ผมก็เริ่มชักสีหน้าแล้ว


“ฉันดูแลตัวเองได้ ฉันยังไม่ตายง่ายๆ หรอก” ผมว่าเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย


“นายก็ไม่ต่างจากตายไปแล้วเลยสักนิด…” เอมิลี่บอกพร้อมส่ายหน้าเอือมน้อยๆ ผมทำหน้าเบื่อหน่าย ผมรู้ว่าหวังดี แต่ใจผมมันก็ดันไม่รักดี ไม่รักตัวเอง ยิ่งปล่อยมันไว้ มันก็ยิ่งอ่อนแอลงทุกๆ วัน ผมรู้นะว่าไม่มีใครทำให้ตัวเราดีขึ้นได้นอกจากตัวเรา แต่ผมก็สลัดความเศร้าไม่พ้นตัวเองสักที


“สภาพยิ่งกว่าคนอกหักอีก” ไอ้ชาร์ลีว่าและส่ายหัวเบาๆ พลางพลิกไม้บาร์บีคิวที่กำลังปิ้งอยู่บนตะแกรงปิ้งย่าง


“ไม่อยากจะคิดว่าถ้าแกอกหักขึ้นมา สภาพจะเป็นยังไง” ผมชะงักกับคำพูดไอ้อันเดร นึกย้อนถึงสภาพตัวเองในช่วงเวลานั้น


“ก็คล้ายๆ แบบนี้แหละ แต่ตอนนั้นฉันมีแม่กับย่า” ผมบอกสั้นๆ แต่พวกมันคงได้ใจความ ผมเคยอกหักก่อนแม่จะเสีย สภาพก็แย่ไม่น้อย เธอเป็นรักแรกของผม ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นรักแรกแบบแรกสุด แต่ก็… ถือว่าเป็นรักแรกจริงๆ นั่นแหละ เธอทิ้งผมไปเพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่ผมทำ ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่สามสี่วัน แต่ก็ได้แม่และย่าคอยปลอบผมไว้ จนผมค่อยๆ ดีขึ้นแล้วก็ทำใจปล่อยเธอไป


 หึ แฟนทิ้ง แม่ตาย และย่าก็เพิ่งตาย สุดท้าย ผมเหลืออะไรบ้าง


“โห ความรู้ใหม่ นี่แกเคยอกหักด้วยเหรอวะเนี่ย” อันเดรพูดด้วยสีหน้าทึ่งๆ ก็ไม่แปลกหรอก เพราะมันเห็นแต่ภาพผมควงผู้หญิงแบบไม่ผูกมัดไปเรื่อยเปื่อย แล้วอีกอย่างผมก็ไม่เคยเล่าให้พวกมันฟัง ก็ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเล่าให้ฟังสักหน่อย


 “ฉันว่าถ้าแกยังเป็นแบบนี้อยู่นะ ไอ้จ้อนของแกอาจจะเฉาไปด้วยก็ได้” เบนเนดิคท์บอกและยักคิ้วมาให้ ผมยกยิ้มเป็นรอยยิ้มขบขัน แทบจะเป็นการขำที่มากที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้


“มันไม่เฉาตายง่ายๆ หรอก” ผมบอก


“เออ งั้นช่วยทำให้ดูหน่อย เพราะตอนนี้สภาพแกยิ่งกว่าหมดสมรรถภาพทางเพศอีก” ผมแอบมองไอ้เบนด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ ไอ้นี่นี่มันปากร้ายไม่เปลี่ยนแปลง


“ถ้าเหงาและเฉามากก็หาใครสักคนมาอยู่ข้างๆ ก็ได้นะเพื่อน” อันเดรเสนอทางเลือกขึ้นมา ไม่ใช่ผมไม่คิดหรอก แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมจะมีใคร จิตใจร่อแร่ขนาดนี้ คบกับใครไปก็คงไม่รอด


“นั่นสิ เก็บตัวอยู่คนเดียวแบบนี้ ได้ช่วยตัวเองทั้งชีวิตซะมั้ง” ไอ้ชาร์ลีบอก ทำเอาคนอื่นๆ หัวเราะกันยกใหญ่ ผมก็พลอยขำตามไปด้วย นานๆ ทีผมจะขำ อาจเป็นเพราะมันผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว นับตั้งแต่ย่าผมเสีย แต่เอาเข้าจริง ผมก็ขำแค่นี้แหละ เพราะสุดท้ายผมก็สภาพซังกะตายอยู่ดี


“ฉันขอเวลาอีกหน่อย ตอนนี้ฉันยังอยากอยู่คนเดียว อีกอย่างมีพวกแกคอยมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยแบบนี้ ฉันว่ามันก็โอเคแล้ว”


“แถมยังมีเอมิลี่ที่คอยบ่นแกไม่หยุดเรื่องไม่ยอมทำงาน” ทุกคนหัวเราะเมื่อนึกถึงเวลาที่เอมิลี่ชอบมาบ่นผมที่ไม่ยอมทำการทำงาน เอาเข้าจริงๆ ผมก็แอบคิดแบบง่ายๆ เหมือนกันว่า มรดกที่ย่าทิ้งไว้ให้ ผมใช้ชาตินี้ก็ยังไม่หมดเลย ขนาดแบ่งครึ่งกับพ่อแล้ว ผมว่ามันก็ยังมากพอที่จะให้ผมอยู่อย่างสบายๆ โดยที่ไม่ต้องทำงานอะไร


“ฉันไม่ได้ขอให้แกลืมแม่กับย่าแกหรอกนะ แต่ช่วยกลับมาเป็นไอ้วิคเตอร์คนเดิมได้มั้ย การที่แกจะร่าเริง ใช้ชีวิตสนุกสนาน มันไม่ใช่เรื่องผิดมหันต์ต่อเขาทั้งสองคนขนาดนั้นหรอก” ผมยิ้มอ่อนๆ ให้ไอ้เบน และพยักหน้ารับน้อยๆ


“อย่าทำร้ายตัวเองมากไปกว่านี้เลย” ชาร์ลีบอก ชูไม้บาร์บีคิ้วที่ปิ้งเสร็จแล้วขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะใช้ปากรูดกินเนื้อไก่ที่อยู่บนนั้น


ผมนั่งถอนหายใจ เขาว่ากันว่าเรื่องทุกอย่างต้องใช้เวลา ผมก็ได้แต่หวังว่าผมจะใช้เวลากับช่วงเวลาทุกข์ใจแบบนี้จนพอแล้ว ผมเองไม่ใช่ว่าไม่เบื่อ หรือเหนื่อยกับสิ่งที่เป็นอยู่ ถึงแม้ว่าเข็มนาฬิกามันจะวนกลับมาที่เดิม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม มันต้องมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง


ผมคงเอาแต่นั่งรอให้เวลาผ่านไปอย่างเดียวไม่ได้แล้วล่ะ…



-------------------------------------TBC.----------------------------------------



 :hao3:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part-You and I::ตอนพิเศษ2 100%:: 29.06.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 29-06-2015 15:51:34
รับทราบ ซื้อหนังสือแน่นอนค่าา
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part-You and I::ตอนพิเศษ 3 100%:: 01.07.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-07-2015 00:12:05
ตอนพิเศษพาร์ท You and I :: Victor's Moment. [ตอนสุดท้ายที่ลงเว็บ]




#เดือนมกราคม

           

 

พรุ่งนี้จะเป็นวันคล้ายเกิดของผม แต่ผมจัดงานเลี้ยงฉลองล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพราะพรุ่งนี้ผมมีภารกิจ ผมชวนเพื่อนๆ ทุกคนมารวมตัวกันที่บ้าน ก็มีแค่พวกไอ้เบนเท่านั้นแหละที่ผมชวน ผมไม่อยากชวนคนที่ไม่สนิทกันมาร่วมงาน เพราะถึงแม้จะรู้จักกัน แต่ผมก็คงทำตัวไม่ถูก กลายเป็นว่าจะรู้สึกอึดอัดจนหมดสนุกซะเปล่าๆ เราจัดปาร์ตี้กันในบ้าน เพราะวันนี้เรากะสนุกเต็มที่ เลยอาจจะเปิดดนตรีเสียงดังหน่อย เลยทำให้ไม่กล้าไปจัดในสวนหลังบ้านเพราะอาจจะเสียงดังจนรบกวนบ้านข้างๆ ได้ ผมจ้างเชฟมาทำอาหาร เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำเอง จะได้มีเวลาสนุกกับเพื่อนได้อย่างเต็มที่

 

 

“วิคเตอร์!  กองถ่ายแบบของนิตยสาร V แจ้งฉันมาว่านายไปสายตั้งหนึ่งชั่วโมง ไม่ทราบว่านายทำอะไรอยู่!” เอมิลี่เจ้าเดิมเสียงเดิม ถามผมเสียงเขียว หน้าตาถมึงทึง ทุกคนหัวเราะกันครืนที่ผมโดนเธอบ่นแทบทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

 

 

“เอาสาวอยู่” ผมตอบกลับกวนๆ ทั้งที่จริงๆ ผมแค่นอนตื่นสายเพราะคืนก่อนหน้านั้นไปแฮงค์เอ้าท์กับพวกไอ้เบนมานั่นแหละ

 

 

“ทุเรศจริงๆ! เมื่อไหร่นายจะปรับปรุงพฤติกรรมตรงนี้นะ!”

 

 

 

“เอาน่าเอ็ม วันนี้วันเกิดมัน อย่าเพิ่งบ่นมันนักเลย เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศหมด” ชาร์ลีเป็นคนสงบเอมิลี่ ผมยิ้มกริ่ม ยกแก้วไวน์ขึ้นเป็นเชิงขอบคุณมัน เอมิลี่ได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะ และหยิบมือถือขึ้นมาดู แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

 

 

“เป็นอะไรรึเปล่าเอมิลี่” อันเดรเอ่ยถามพลางยัดขนมเข้าปาก คนถูกถามส่ายหัวเซ็งๆ ก่อนจะตอบ

 

 

“มีเด็กส่งอีเมลมาตื๊อขอฝึกงานน่ะ แต่พวกนายก็รู้ว่าฉันไม่รับเด็กฝึกงาน”

 

 

“แสดงว่าตื๊อมากน่าดู” โจนาธานถามพลางเลิกคิ้วขึ้น เอมิลี่ทำหน้าเบื่อหน่ายน้อยๆ

 

 

“ที่สุด! ส่งมาตั้งแต่หลังปีใหม่ จนตอนนี้ยังไม่เลิกส่ง ฉันปฏิเสธไปหลายรอบแล้ว แต่ไอ้เด็กนี่ไม่ยอมเลิกรา”

 

 

“น่ารักมั้ยล่ะ ถ้าน่ารักส่งมาทำงานกับฉันก็ได้” ผมแกล้งว่าแซวๆ ด้วยรอยยิ้มขบขัน เอมิลี่ยิ้มมุมปากขวาหน่อยๆ

 

 

“เอามั้ยล่ะ แต่ว่าเป็นผู้ชายนะ” ผมหน้าเหวอไปนิด แต่ไอ้พวกเพื่อนๆ ผมกลับหัวเราะเสียงดัง รวมทั้งแฟนใหม่ของไอ้ชาร์ลีด้วย

 

 

“ว่าไงวะไอ้วิคเตอร์ สนใจรับมาอยู่ด้วยมั้ยล่ะ” ชาร์ลีแซวผมด้วยความตลกขบขัน ผมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

 

 

“ถ้าผู้ชายต้องส่งให้ไอ้เบนโน่น” ผมโบ้ยไปทางไอ้เบนที่นอนเอกเขนกเล่นมือถือไปด้วยหยิบเฟรนฟรายด์เข้าปากไปด้วย มีไมเคิลที่ตอนนี้ตัวอ้วนบัก ขนฟูสวยงาม นอนเกยคางบนหน้าท้องมันอยู่

 

 

“เออ ส่งมาให้ฉันนี่เอ็ม ว่าแต่หน้าตาเด็กคนนั้นเป็นไง”

 

 

“ก็น่ารักดีนะ แต่หน้าเด็กมาก เป็นคนเอเชีย ส่งประวัติมาบอกฉันว่าอายุ 23 แล้ว แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”

 

 

“คนเอเชียส่วนใหญ่ก็หน้าเด็กอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้เบนเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ

 

 

“ก็ใช่ แต่เด็กคนนี้เหมือนเด็กมากกว่า แบบว่า ถ้ามาเดินกับชาร์ลี คนคงนึกว่าพ่อกับลูก”

 

 

“อ้าว ละทำไมเป็นฉันวะ” แล้วพวกเราก็หัวเราะกัน เข้าใจได้ว่าในที่นี้ไอ้ชาร์ลีตัวใหญ่สุดและมีใบหน้าที่ล้ำอายุไปมากกว่าใครเพื่อน พอเปรียบเทียบกับเด็กเอเชียที่เอมิลี่พูดถึง คงเหมือนพ่อลูกอย่างชัดเจนที่สุดในบรรดาพวกเรา

 

 

เราจบประเด็นเด็กจอมตื๊อนั่นตรงที่เอมิลี่กำลังเริ่มคิดว่าจะรับเขาเข้ามาฝึกงานดีมั้ย เพราะตื๊อมาสักพักแล้ว แถมเห็นว่าไอ้เด็กนั่นพรีเซ้นต์ตัวเองซะเอมิลี่อยากจะเจอตัวจริง ไอ้เบนเลยเสนอว่ารับมาก็ได้ ไม่เสียหาย เพราะยังไงก็ไม่เสียเงินจ้างอยู่แล้ว แต่เอมิลี่ก็ขอเก็บไปคิดก่อน เพราะชีวิตเธอตอนนี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว เนื่องด้วยนายแบบนางแบบในสังกัดมีเยอะมากขึ้นจนเธอแทบจะดูแลไม่ไหว นั่นจึงทำให้เธอไม่ค่อยมีเวลามาดูแลผมบ่อยนัก และนั่นจึงทำให้ผมเอ้อระเหยบ้างในบางครั้ง

 

 

ปาร์ตี้วันเกิดผมดำเนินไปด้วยความคึกคัก ผมมองเพื่อนๆ ทุกคนแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าไอ้พวกนี้มันคือเพื่อนรักของผมจริงๆ ในวันที่ผมแย่ที่สุด ก็ยังมีพวกมันคอยอยู่ข้างๆ แม้จะไม่สามารถอยู่กับผมได้ตลอดเวลา แต่ถ้าพวกนี้มีเวลาก็จะมาหาผมทันที พวกเราไม่ค่อยบอกรักกันหรอก แต่จะแสดงออกด้วยความห่วงใยกันซะมากกว่า อย่างเอมิลี่ถึงเธอจะจู้จี้ขี้บ่น แต่เธอก็ทำไปเพราะห่วงจริงๆ แถมเธอยังดูแลผมกับไอ้เบนมาตั้งแต่สมัยพวกผมเข้าวงการนายแบบกันแรกๆ เปรียบได้ว่าเธอเป็นแม่พวกผมอีกคนได้เลยแหละ จริงๆ ถ้าเธอจะเป็นแม่ผมก็ได้นะ เพราะอายุเธอมากกว่าพวกผมอีก

 

 

“วันนี้แกคงไม่ได้นัดสาวมานอนด้วยใช่มั้ย”

 

 

“แกเห็นฉันเป็นคนยังไงวะไอ้เบน”

 

 

“เซ็กส์จัด” มันว่าง่ายๆ แต่ทำเอาทุกคนปรบมือ ส่งเสียงหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ผมหยิบถั่วปาใส่มัน แต่มันดันอ้าปากรับไว้ได้

 

 

“ไม่มีเว้ย!”

 

 

“แหม่… นึกว่าจะจัดฉลองข้ามวันข้ามคืน” แม้จะโดนไอ้เบนแซะซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผมก็อดขำไปกับการแซะของมันไม่ได้ มันกัดผมแต่ล่ะทีมีแต่เรื่องโดนๆ ทั้งนั้น

 

 

“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปอังกฤษ ไปหาแม่กับย่าน่ะ” ผมพูดเสียงปกติและยิ้มน้อยๆ ทุกคนหันมามองผม

 

 

“ไม่เห็นบอกพวกฉันเลย” อันเดรเป็นคนเอ่ยถาม

 

 

“อ้าว บอกทำไมอ่ะ แกจะไปด้วยรึไง”

 

 

“อ้าว ก็อยากไปน่ะสิวะ ถึงได้ถาม” ผมยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มหนึ่งอึกพลางส่ายหน้า

 

 

“ฉันไปแค่สองวัน พวกแกจะไปทำไม ก็ไปเยี่ยมแม่กับย่า แล้วก็ไปหาเธอนั่นแหละ” ผมยักคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถึงใครอีกคนที่พวกมันก็รู้จัก

 

 

“โธ่ ฉันก็นึกว่าจะไปหลายวัน ฉันกะจะไปเที่ยวด้วยสักหน่อย” อันเดรบ่นอย่างเสียดาย

 

 

“ฉันก็มีงานต้องทำนะเว้ย ไปนานๆ เดี๋ยวยัยแก่เอมิลี่ก็บ่นฉันสามวันสามคืนหรอก” พวกมันหัวเราะครืน เอมิลี่ที่นั่งดูทีวีเงียบๆ คนเดียวหันมามองค้อนผมและหยิบขนมปังแซนวิชไส้ทูน่าปามาที่ผม ดีที่ผมหลบได้ มันเลยกระเด็นตกไปที่พื้น เจ้าไมเคิลพอเห็นว่าเป็นอาหารมันก็ลุกขึ้น กระโดดลงจากเตียงโซฟา วิ่งไปคาบแซนวิชและเคี้ยวตุ้ยๆ สร้างเสียงหัวเราะขบขันให้พวกเราทุกคน

 

 

แม่กับย่าครับ ผมหัวเราะได้มากขึ้นแล้วนะ ถึงจะยังไม่ได้หัวเราะด้วยใจทั้งใจ แต่ผมก็ทุกข์ใจน้อยลงแล้ว ผมยังคิดถึงแม่กับย่าเสมอ  และผมยังคงรอในสิ่งที่ย่าบอกผมไว้ก่อนย่าจะจากผมไปอยู่นะ

 

 

“Someday he will send another gift of him to you. (สักวันพระเจ้าเขาจะส่งของขวัญของท่านอีกชิ้นมาให้หลาน)”

 

 

ผมยังนึกสงสัยว่ามันจะมีจริงรึเปล่า ผมเคยอ้อนวอนต่อพระเจ้าว่าขอให้แม่กับย่าอย่าจากผมไป แต่สุดท้ายก็พรากคนที่ผมรักทั้งสองคนไปอย่างไม่มีวันกลับ แล้วพระเจ้าจะส่งอะไรมาให้ผมได้อีกล่ะ

.

.

.

.

.

อ๊ะๆ อย่าเพิ่งไป เลื่อนลงไปดูตัวอย่าง (สั้นๆ) หลังจากพระเจ้าส่งเอเลี่ยนน้อยมาให้วิคเตอร์ก่อนเร้ว

v

v

v

v

v

v

v

v

v

v

 

Example.

 

 

“Good morning. Mr.Raymond! (สวัสดียามเช้าครับคุณเรย์มอนด์)” เสียงแจ้วๆ ดังมาจากหน้าประตูห้อง แต่ผมก็นอนชีเปลือยอย่างไม่สนใจ ไม่คิดจะลืมตาขึ้นไปดู แต่รู้ว่าเป็นไอ้ตัวสั้นแน่ๆ

           

 

“นี่! ทำไมไม่ตื่นสักทีเนี่ย รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ผมเจอฟอกซ์อยู่หน้าประตูบ้าน มันร้องเหมียวๆ เหมือนเยี่ยวจะแตกและมันก็…อะ! อ้าก!” ด้วยความรำคาญผมเลยหยิบโคมไฟบนตู้ข้างเตียงเขวี้ยงไปหาอีกฝ่าย

           

 

“หน็อย! ปลุกดีๆ ไม่ชอบ แถมยังทำร้ายร่างกายกันอีก!” ผมได้ยินเสียงแว้ดๆ แว่วๆ แล้วก็หายไป ไม่ได้ใส่ใจอะไร นอนกอดหมอนหลับตาต่อไป ได้ยินเสียงตึงตังๆ กลับเข้ามาในห้องอีกรอบ แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรดังกวนใจ ใช่ ไม่มีเสียงอะไรเลย เพราะมันมาเงียบๆ แล้วก็ช็อตใส่ผมเต็มที่

           

 

“เหี้ยยยย!!!!” ผมสบถดังลั่นด้วยอาการสะดุ้งแล้วกลิ้งตกเตียงเมื่อรู้สึกแปลบๆ ที่ก้นเปลือยเปล่าของตัวเอง ผมรีบตะกายขึ้นมาจับขอบเตียงไว้ มองไปก็เห็นไอ้เอเลี่ยนถือที่ช็อตยุงอันใหญ่ไว้ในมือ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะสะใจ



----------------------------------------------TBC. in Part II (เจอกันเส้นเรื่องหลักภาคสองค่ะ)--------------------------------------

พบกับตอนพิเศษที่เหลือได้ในเล่มนะคะ ^^


:hao3:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::TRAILER:: 03.07.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 03-07-2015 17:08:20


TRAILER:

Love, no boundaries. Part: Only You.

 

การมีความสัมพันธ์แบบคนรักกับใครสักคน สำหรับผมเป็นเรื่องแปลกใหม่ ผมเคยแต่แอบชอบคนอื่น ไม่เคยมีใครมาชอบ ไม่เคยมีใครมารักในฐานะคนรักหรือที่เรียกๆ ง่ายๆ ว่า แฟน

การคบกันของคนสองคน นั่นหมายถึงเราต้องแชร์พื้นที่ให้กันและกัน

แต่มันก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยวาดฝันไว้ ความสัมพันธ์มันซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะรับมือไหวไปหรือเปล่านะ เพราะเขาก็ยังเป็นเขา...

 

LEARN & TRY TO UNDERSTAD & TRUST & MANYTHINGS

เรียนรู้กัน พยายามเข้าใจกัน ไว้ใจกัน และอะไรอีกหลายอย่าง



I TRUST YOU BUT YOU MAKE ME REGRET FINALLY.

ไว้ใจ แต่สุดท้ายก็ทำให้เสียใจ

…………………………..



“YOU ARE MINE, AREN’T YOU?”

“YES, I’M YOURS.”

“ONLY ME, HUH?”

“YES, ONLY YOU.”

 

……………………………

 

“YOU’RE NOT REALIZE HOW MUCH I LOVE YOU, DON’T YOU?”



---------------------

“I WANT A RELATIONSHIP! NOT A RELATIONSHIT!”





………………………



To the world you may be one person, but to one person you may be the world.

คุณอาจเป็นเพียงใครคนหนึ่งในโลกนี้ แต่สำหรับใครบางคนคุณอาจคือโลกทั้งใบของเขา




-----------------------------TBC.-------------------------------


เดี๋ยวเจอกับเนื้อหาภาคสองค่ะ สรุปไม่แยกลิงก์ละค่ะ ลงที่เดิมต่อไปจนจบ ฝากด้วยนะคะ


 :hao3:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::TRAILER:: 03.07.58 ดูสารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 03-07-2015 19:13:58
อิพี่วิคจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่น้องอีกเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-07-2015 18:18:04


Only You :: Episode 1




จุ๊บ~ ตร๊อก~ จ๊วบ~



ฮึบ!



“พะ… พอแล้ว… เดี๋ยวผมไม่ทันขึ้นเครื่อง” ผมฝืนดันตัวเองออกจากปากที่ดูดดึงไม่ยอมปล่อยและบอกเสียงหอบ วิคเตอร์มองด้วยสายตาที่บอกว่าพร้อมจะมีอะไรกับผมในรถได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกกลัวใจเขาซะจริง เลยทำท่าควานหามือถือขึ้นมาเพื่อจะดูเวลา



“เดี๋ยว… นาฬิกาก็มีแล้ว ทำไมไม่ใช้” เขาร้องเตือนเสียงเบา สายตาก็ยังมองอย่างกับจะกินผมไม่เลิก ผมเลยได้แต่ทำแก้มป่องนิดๆ และหลบสายตาเขาไปดูนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย ระหว่างนั้นวิคเตอร์ก็หอมแก้ม ซุกไซ้ซอกคอผมไปเรื่อย สองมือก็สอดเข้าไปใต้เสื้อยืดผม ลูบไล้ไปทั่วตัว



“ฮื่อออ… ไม่เอา ต้องไปเช็กอินแล้ว” ผมหน้างอใส่เขา และจับหน้าเขาออกจากซอกคอ พอเอาหน้าออกได้ ก็ต้องสู้รบปรบมือกับมือปลาหมึกที่บีบหน้าอกผมไปมา



“บอกให้กลับสิ้นเดือนอย่างเดิมก็ไม่เอา” เขาว่าหน้ามุ่ย ผมเลยเบ้ปากใส่เขาเล็กน้อยพลางดึงมือเขาออกจากใต้เสื้อยืดตัวเองจนได้



“ไม่ ผมเลื่อนไฟล์ทไปมา จนสายการบินจะเอากรรไกรเสียบหูผ่านโทรศัพท์แล้วมั้ง” วิคเตอร์ถอนใจแรงๆ ซุกหน้าลงกับซอกคอผมและนั่งแช่ไว้แบบนั้น ไอ้สยิวมันก็สยิวนะ แต่ตอนนี้ผมเสียวจะไม่ทันขึ้นเครื่องมาก ที่จริงผมควรจะลงรถตั้งนานแล้ว แต่ก็โดนคนตัวโตขี้โมโหนี่ฉุดมานั่งคร่อมตักและลวนลามด้วยการจูบและเริ่มจะลามปามไปทั่วตัว



“ขอเอารอบนึงก่อนได้มั้ย…” โอ๊ยยย! มาใช้เสียงออดอ้อน เมื่อวานผมก็เกือบไม่ได้จัดกระเป๋า เล่นโยกเอวใส่ผมจนสลบไปหลายชั่วโมง นี่ดีนะไฟล์ทบินกลับเป็นช่วงหัวค่ำเลยมีเวลาเตรียมตัวพอสมควร



“ไม่อาววว… เมื่อวานคุณก็ทำไปแล้วไง”



“ก็นี่มันวันใหม่แล้ว” เขาว่าหน้าตาย และเริ่มออกอาละวาดกับตัวผมอีกครั้งด้วยการละเลงลิ้นที่ติ่งหู ขนผมลุกซู่และส่วนกลางตัวก็ลุกตาม แต่ตอนนี้คือผมจะกลับบ้านนน!



“วิคเตอร์อะ” ผมงอแง เบะปากเหมือนจะร้องไห้ ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้นแหละเขาถึงจะยอมหยุด (ให้แปบเดียว) ถ้ายิ่งต้าน ยิ่งดื้อ เขาจะจับผมขืนใจตามสไตล์เขา และวิธีขืนใจเขาก็ชอบทำให้ผมยอมใจเขาอยู่เรื่อย



“เฮ้อ… ป่ะๆ เข้าไปในสนามบิน” จากที่เบะปาก น้ำตาคลอ ผมเปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่ง เอามือคล้องคอเขาแล้วหอมแก้มเขาทั้งสองขางแรงๆ ปิดท้ายด้วยการจูบหน้าผากหนักๆ



“น่ารักที่สุด!” ผมบอกเสียงระรื่นชื่นมื่น ตาเป็นประกาย วิคเตอร์ยิ้มมุมปาก ยกมือขวาขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ พร้อมหน้าตาที่บ่งบอกว่ามันเขี้ยวผมเป็นที่สุด
   


เขาเปิดประตูรถให้ผมเดินลงไปก่อน ส่วนเขาหยิบหมวกกับแว่นออกมาใส่เพื่อปกปิดตัวเอง ช่วงนี้ข่าวระหว่างเขากับผมยังคงเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อย เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษ ผมเองก็เห็นด้วย เพราะผมเองก็ไม่ได้อยากเป็นข่าวไปมากกว่านี้แล้ว การเป็นข่าวไม่ได้สนุกนักหรอก มองจากภายนอกอาจจะคิดว่าดีจะตายได้เป็นข่าวดังออกสื่อกับผู้ชายหล่อๆ คนหนึ่ง แต่เอาจริงๆ มั้ย ไอ้แบบนี้น่ะ มันทำให้ผมใช้ชีวิตโคตรลำบากเลย
 


ผมหันไปมองรอบๆ สนามบิน JFK รู้สึกเบาโหวงไปทั่วตัวอยู่เหมือนกัน นึกถึงวันที่บินมาถึงที่นิวยอร์กวันแรกก็ใจหาย จะว่าเวลาผ่านไปเร็ว มันก็เร็วอยู่นะ แต่จะว่าช้ามันก็พูดได้อยู่เหมือนกัน แต่จะช้าจะเร็ว วันนี้ก็เป็นวันที่ผมจะต้องเซย์กู๊ดบายมหานครแห่งนี้ และบอกลาผู้ชายหน้าหนวดตรงหน้าที่กำลังแบกกระเป๋าผมลงมาจากรถ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะตามผมไปที่ไทยแน่ๆ หรือเปล่า
   


พ้อยท์หลักในตอนนี้คือ ผมกับเขา เรายังไม่มีสถานะใดๆ ต่อกัน ถ้าจะมี ก็คงเป็นคนพิเศษอย่างที่เขาบอกนั่นล่ะมั้ง ผมเองก็ไม่กล้าทวงถาม หรือถามอะไรจากเขา เพราะเขาก็บอกเองว่าขอเวลาให้ตัวเขาก่อน ผมไม่รู้ว่าเขาจะขอนานเท่าไหร่ แต่ผมเองก็เริ่มบอกตัวเองว่าให้เตรียมตัวและเตรียมใจรับกับทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
   


“ไปถึงญี่ปุ่น ก็อยู่แต่ในสนามบินนะ อย่าให้พวกยากูซ่ามาฉุดไปเล่นหนังโป๊ได้ ถ้าจะเล่น มาเล่นกับฉันคนเดียว เดี๋ยวฉันเป็นพระเอกให้” เขายิ้มมุมปากหล่อๆ ส่งผลให้ผมหน้าแดงกับประโยคและรอยยิ้มของเขา ได้แต่ก้มหน้างุดอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เราเดินลากกระเป๋าไปเช็กอินที่เค้าน์เตอร์ เขาลากให้ผมสองใบ ส่วนผมลากใบเดียวและสะพายเป้ด้านหลัง น้ำหนักกระเป๋าผมเท่าเดิม ของเท่าเดิม ไม่ต้องเสียเวลาจัดให้ยุ่งยาก เพราะผมไม่มีโอกาสได้ไปช้อปปิ้งเพิ่มน้ำหนักให้กระเป๋าที่ไหนเลย ยิ่งช่วงหลังๆ ที่ไปอยู่กับวิคเตอร์ ผมไม่ได้ไปไหนเลย ที่มีเพิ่มขึ้นมาก็นาฬิกาที่เขาให้เท่านั้นแหละ
   


“เพื่อนผมจะกลับด้วย คุณก็ไม่ให้เขากลับ” ผมพูดถึงบาส ตอนแรกบาสยืนยันจะซื้อตั๋วใหม่และกลับพร้อมผม แต่พอวิคเตอร์รู้ เขาเล่นงานผมแบบไม่มีออมแรงจนขาเตียงนอนของบ้านป้าแมร์รี่แทบหัก และบังคับให้ผมบอกบาสไปว่าไม่ต้องกลับพร้อมกัน ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากให้บาสกลับพร้อมกันหรอก เกรงใจเขา ค่าตั๋วไม่ใช่ถูกๆ
   


“พูดแบบนี้ อยากเดินขาเป๋ใช่มั้ย” เขาว่าเสียงเหี้ยม หน้าตาเหี้ยมเกรียมไม่แพ้เสียง ผมเลยนิ่งเงียบพร้อมทำหน้าแหยๆ เขาไม่ได้ขู่หรอก ผมเชื่อว่าเขาทำได้จริงๆ อีกอย่างผมไม่อยากหาประเด็นมาให้เขาอารมณ์เสีย เพราะเราทะเลาะกันไปแล้วรอบนึงเนื่องจากผมว่าเขางี่เง่า
   


“ไม่ให้กลับพร้อมกัน ไม่งั้นไม่ต้องกลับ” เขาบอกเสียงเรียบแต่ฟังแล้วรู้เลยว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ ซึ่งไอ้อย่างหลังมันเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามาอยู่แล้ว แต่ผมก็ยืนยันที่จะกลับ ถึงเขาจะตามมาหา (ซึ่งอันที่จริงเหมือนจะตามมาเพื่อเรื่องอย่างนั้นซะมากกว่า) ตามมาเคลียร์ไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่ใจผมก็อยากกลับบ้านแล้วด้วยแหละ อีกอย่าง ผมว่าเราห่างกันก็ดี เขาจะได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและคิดถึงเรื่องระหว่างเขากับผมอย่างจริงจัง คิดให้มากขึ้นว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่
   


“นายเป็นของฉัน และฉันหวงนายมากด้วย” เขาว่าเสียงเรียบๆ หน้าตานิ่งจริงจัง ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี จะดีใจ จะเขินอาย ก็ทำไม่ถูก เลยได้แต่ยิ้มเงอะๆ งะๆ แต่ก็รู้สึกว่าหน้าแดงๆ ร้อนๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้พูดหน้าตาเฉยโดยไม่แสดงอาการเขินอายใดๆ 
    


อันที่จริงวิคเตอร์จะบินไปส่งผมด้วยซ้ำ แต่เขามีงานต้องทำอีกเยอะ และที่สำคัญคุณเอมิลี่เหมือนจะรู้ว่าเขามาขลุกอยู่กับผมก่อนวันผมบินกลับ ซึ่งผมไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ เลยไม่ให้เขาไปส่ง ผมเองก็ไม่อยากให้เขาลำบาก บินไปส่งแล้วก็บินกลับอีกวัน แบบนั้นเสียเวลา เสียเงินไปเปล่าๆ ถึงเขาจะมีเงินมากมาย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำอะไรขนาดนั้นให้กับใครคนหนึ่งซึ่งยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แถมที่สำคัญผมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก
   


“มานั่งนี่มา” เขายื่นมือมาดึงมือผมหลังจากผมเดินกลับจากไปเช็กอิน ผมก้าวเท้าไปตามแรงดึงของเขาและนั่งลงบนตักแกร่ง แต่สายตาก็มองไปรอบๆ สนามบินอย่างหวาดระแวง
   


“เดี๋ยวก็มีปาปาราซซี่เห็นหรอก” ผมบอกน้ำเสียงเป็นกังวล แต่วิคเตอร์กลับไม่สนใจ ดึงให้ผมเอนหลังพิงกับอกของเขา ยกมือขวาขึ้นมาดันผมที่ปรกหน้าผากอยู่ขึ้นและก้มลงมาหอมหน้าผากหนักๆ มีผู้หญิงฝรั่งผมทองกับผมดำสองคนเดินผ่านมาทางนี้ และมองเราสองคนด้วยรอยยิ้มกว้าง ทำเอาผมรู้สึกอายๆ ไม่รู้ว่านั่นเป็นรอยยิ้มแบบไหนกันแน่ แต่ไอ้คนตัวโตข้างหลังผมนี่ไม่สนใจ ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น
   


“พวกนั้นไม่ตามมาสนามบินหรอก ฉันไม่ได้มีแพลนจะบินออกนอกประเทศสักหน่อย” เขาพูดง่ายๆ ซึ่งมันก็จริง พวกนักข่าวจะตามมาสนามบินเพื่อเก็บภาพดารานักแสดงคนที่มีคิวบินไปนั่นไปนี่หรือเพิ่งบินกลับมาจากที่ไหนสักแห่ง ไม่รู้ว่าเอาข่าวมาจากไหน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี
   


“หัดระแวงบ้างก็ได้นี่นา” ผมทำปากยื่นเหมือนเป็ด วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม สองแขนโอบรัดรอบร่างผมไว้ ผมเอาฮู้ดเสื้อกันหนาวขึ้นมาสวมปิดหัว อย่างน้อยกันหน้าไว้ก็ยังดี วิคเตอร์ยื่นหน้ามามอง ผมเลยแหงนหน้าไปมองเขาเพื่อให้เขาเห็นหน้าชัดๆ เดี๋ยวจะบ่นเอาอีก เขาฉีกยิ้มกว้าง ไม่รู้ว่าเขามองด้วยสายตายังไงเพราะแว่นดำสี่เหลี่ยมปิดตาเขาอยู่
   


“ครั้งต่อไปมีอะไรกัน ใส่ฮู้ดไว้แบบนี้ ฉันชอบ เห็นแล้วอยากฟัดหนักๆ” ผมทำแก้มพองลม ขมวดคิ้วใส่เขา ที่ชอบคิดแต่เรื่องแบบนี้
   


“โรคจิตจริงๆ”
   


“เป็นแค่กับนายแหละ” เขาว่าแล้วก้มลงหอมกลางกระหม่อมผมผ่านฮู้ดเสื้อกันหนาว ผมตาโตตกใจ กวาดสายตามองไปรอบๆ ทันที คือคนมันก็ไม่ได้น้อยๆ ทำไมเขาถึงหน้ามึนไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้นะ
   


“นี่ มีคนมองแล้วนะ” วิคเตอร์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ดึงฮู้ดออกจากหัวผมเล็กน้อยเพื่อให้เห็นหน้าชัดๆ
   


“จะระแวงอะไรนักหนาเนี่ย ใครจะมองก็ปล่อยให้มองไปสิ” ก็ก่อนหน้านี้ที่ทะเลาะกัน เขายังบอกอยู่เลยว่าจะให้เขามานั่งกอดจูบลูบคลำผมเหมือนที่ทำอยู่บ้านได้ยังไง ตอนนั้นผมน้อยใจนะ แต่ตอนนี้ผมว่าวิคเตอร์ควรยืนยันความคิดนั้นกับตัวเองเถอะ ทำแค่ในบ้านเวลาอยู่กันสองคนก็ได้มั้ง
   


“แต่ว่า…”
   


“ที่ฉันระแวงตอนนี้คือเรื่องที่นายจะมีคนอื่น ห้ามมีใครนะ ต้องรอฉันคนเดียว ถ้าฉันรู้ นายโดนฟัดฟ้าเหลืองแน่” ผมเบิกตากว้างขึ้น มองหน้าเขาที่ดูท่าจะเอาจริงกับประโยคนั้น วิคเตอร์หน้านิ่งไม่มีรอยยิ้ม ผมกลืนน้ำลายและพยักหน้าหงึกๆ
   


“ผมรักคุณคนเดียว…” ผมบอกเสียงค่อย แล้วจู่ๆ ในใจมันก็รู้สึกสั่นๆ ก่อนจะเปล่งเสียงที่พยายามไม่ให้มันสั่นออกมา
   


“คุณต่างหากที่จะมีคนอื่น คุณมันพวกเจ้าชู้” วิคเตอร์ยักคิ้วเข้มๆ ขึ้นหนึ่งที ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
   


“ฉันไม่เจ้าชู้สักหน่อย” หูย! กล้าพูดนะไอ้ยักษ์ ผมเลยมองค้อนควักเข้าให้ อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ ที่มุมปาก เอาคางเกยอยู่บนหัวผมเบาๆ
   


“ไม่ต้องฝืนตัวเองนะวิคเตอร์ ถ้าคิดได้แล้วว่าอยู่ได้โดยไม่มีผม คุณไม่ต้องกังวลใจอะไร แต่ขอให้บอกกันได้มั้ย อย่าหายไปเงียบๆ โดยที่ปล่อยให้ผมคิดฟุ้งซ่านไปเอง” ผมบอกออกไปเพื่อที่จะกันความเสียใจในอนาคตด้วย อย่างน้อยพูดออกมาเองจะได้เตรียมใจกับตัวเองไว้ด้วยคำพูดของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าถึงวันที่วิคเตอร์บอกลาผมขึ้นมาจริงๆ ผมคงไม่ยิ้มหน้าระรื่นชื่นมื่นอย่างแน่นอน
   


“ฉันไม่ปล่อยให้เอเลี่ยนน้อยคอยเก้อหรอกน่า” เขากดจูบลงบนกลางกระหม่อมผมผ่านฮู้ดอีกรอบ ผมยิ้มเล็กน้อย ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบแขนเขาไว้เบาๆ
   


“ให้เวลาฉันหน่อยนะ…”
   


“ครับ…” ผมรับปากทั้งที่ไม่แน่ใจเลยว่า เวลาของเขากับผมนั้นมันเท่ากันหรือไม่
.
.
.
.
.
.
.
.

และในทุกๆ วันผมก็ยังใช้ชีวิตปกติ ถึงจะพยายามบอกตัวเองว่าอย่ารอเขา เพราะเขาอาจไม่กลับมาแล้ว แต่มันทำได้อย่างที่พูดที่ไหนล่ะ
   


และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมรอเขา…


--------------------------TBC.--------------------------------




หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 05-07-2015 18:56:40
มาแล้วววววว
รอดูความสัพันธ์ก้าวต่อไปของเอเลี่ยนน้อย :กอด1: และไอ้ยักษ์ o18
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 05-07-2015 19:11:07
รอตอนต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: jeesu ที่ 05-07-2015 20:12:11
รอลุ้นว่าพี่ยักษ์จะตามน้องแมทไปรึปล่าว
มาต่อเร็วๆนะฮับ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 05-07-2015 20:26:28
มาแล้ววว มาส่งเสียงแล้ว
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::EP.1 65%:: 09.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 09-07-2015 00:56:43

Episode 1 [65%]




ผมลืมตาตื่นขึ้นมามองเพดานสีขาวในห้องนอน รู้สึกเหมือนทุกคำพูด ทุกความรู้สึกของวิคเตอร์ยังลอยอบอวลอยู่รอบๆ กาย ราวกับเขาอยู่กับผมด้วยในตอนนี้


แต่เปล่าเลย เขาไม่ได้อยู่ใกล้ผมสักนิด เราอยู่ไกลกัน โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรอยู่ ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นยังไง เพราะเขาไม่เคยติดต่อผมเลยนับตั้งแต่วันที่ส่งผมขึ้นเครื่องบินกลับไทย เขาเงียบหายไป ทิ้งให้ความหวั่นใจก่อตัวขึ้นข้างในใจผมที่ล่ะเล็กทีล่ะน้อยจนมันค่อยๆ เกาะกุมใจผมจะหมดอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังเชื่อว่าเขาจะติดต่อกลับมาบ้าง แม้ติดต่อกลับมาเพื่อบอกลาผมก็ยังดี ดีกว่าปล่อยให้ผมคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียวแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมพยายามที่จะห้ามตัวเองไม่ให้จมปลักอยู่กับความคิดถึงเขา แต่มันก็ไม่ได้ทำง่ายๆ


นี่ก็จะสองเดือนแล้ว คล้ายว่าเขาหายไปจากชีวิตผม หายไปเงียบๆ อย่างที่ผมกลัว มีหลายครั้งที่น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ทันหรือบางครั้งผมก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังร้องไห้ และหลายครั้งที่ผมเหม่อลอยคิดถึงเขาจนคนรอบข้างเริ่มเป็นห่วงว่าผมเป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่า ผมได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธและหาเรื่องแถไปเรื่อยตามสไตล์คนกำลังคิดมากเรื่องความรัก


ผมไม่ได้ข่าวอะไรจากตัวเขาเองเลยสักนิด ผมได้ข่าวเขาจากสื่อทั้งนั้น และยังถือว่าผมเอ็กซ์คลูซีฟกว่าใครหน่อยคือได้ข่าวจากเพื่อนสนิทเขาอย่างคุณเบนเนดิคท์ แต่คุณเบนก็ไม่ค่อยได้บอกอะไรผมหรอก ไม่รู้ว่าเขาไม่รู้จริงๆ หรือไม่อยากบอกอะไรผมกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าผมรู้ว่าสิ่งที่เขาไม่อยากบอกนั้นคืออะไร นั่นก็คือข่าวที่วิคเตอร์กำลังควงอยู่กับนางแบบสาวอนาคตไกลอย่างอันเดรียนา ผู้ซึ่งสวยเพียบพร้อมและถือว่าโดดเด่นพอสมควรในวงการนางแบบ


ตอนเห็นข่าวครั้งแรก ผมทำได้แค่นิ่ง ก่อนที่ทั้งตัวจะค่อยๆ ชาไปทีล่ะน้อยจนกลายเป็นตัวเย็นเฉียบ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไมได้เต้นรัวๆ ด้วย แต่มันเต้นคล้ายว่าขาดๆ หายๆ รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหลออกมาเงียบๆ ได้แต่บอกกับตัวเองให้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ถึงจะเคยมีอะไรลึกซึ้งกับผม แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะจริงจังกับผมสักหน่อย ที่ผมรู้สึกแย่ ไม่ใช่เรื่องที่เขาคบกับนางแบบคนนั้น แต่เป็นเรื่องที่เขาทำไมไม่บอก ทำไมไม่ติดต่อผมกลับมา ผมบอกแล้วไง ติดต่อกลับมาเอ่ยลากันก็ยังดี จะได้ไม่ต้องให้ผมอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ แบบนี้


หรือว่านี่จะเป็นการบอกลาของเขาทางอ้อม ไม่พูด แต่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน


ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง เช็ดน้ำตาออกเงียบๆ จะว่าตัวเองร้องไห้บ่อยก็พูดไม่เต็มปาก เพราะบางครั้งมันก็ร้องไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ความคิดไหลวนช้าๆ แต่ถ้าถามว่าคิดอะไรอยู่ ผมไม่สามารถตอบอะไรใครได้เลย ตอนที่นั่งนิ่งๆ เหมือนทุกอย่างมันปิดการรับรู้ ดับวูบไปหมด รับรู้ว่าใจยังเต้นอยู่


ใช่… มันยังเต้นอยู่ นั่นแปลว่าผมยังหายใจ แต่มันก็เต้นอ่อนลงทุกทีๆ


“แมท! ลงไปกินข้าว” เสียงแม่ตะโกนมาจากหน้าประตูห้องนอน ผมนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป นั่งถอนหายใจแรงๆ หนึ่งครั้ง ลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียงและเดินอย่างเชื่องช้าไปที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้อง มองสภาพตัวเองแล้วก็ได้แต่สงสารตัวเอง ผมรู้ว่าสภาพตัวเองย่ำแย่มากแค่ไหน และมันจะแย่ไปมากกว่านี้ ถ้าผมยังใช้ชีวิตแบบหายใจทิ้งไปวันๆ


แต่ถึงอย่างนั้น ผมว่าผมยังโชคดีที่ไม่ได้ตรอมใจถึงขั้นกินอะไรไม่ได้ กินอะไรไม่ลง แค่อาจจะกินไม่มากตามนิสัยปกติก็เท่านั้น เรื่องกินนี่ยังไงก็ไม่ได้ จะเป็นจะตายยังไงขอกินก่อน ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่ได้กิน เสียใจแค่ไหน ทุกข์ใจแค่ไหน อย่างน้อยขอกินเพิ่มเติมพลังงานชีวิต จะได้มีแรงมานั่งเสียใจทุกข์ใจต่อ ผมเลยไม่ได้น้ำหนักลดลงจนน่าเกลียด ก็ยังเนื้อหนาเหมือนเดิม เพียงแค่หน้าตาดูโทรมๆ ขอบตาคล้ำ ใบหน้าที่เคยขาวใสนั่นหมองลงเล็กน้อย มันไม่ได้หมองเพราะแดด แต่มันหมองเพราะมีเรื่องให้คิดมาก มีเรื่องให้คิดเยอะ และเรื่องเหล่านั้นก็ทำให้จิตใจเราเศร้า หดหู่ พอจิตใจเราไม่ดี มันก็ส่งผลออกมาทางสีหน้า หน้าตารวมถึงผิวพรรณนี่แหละ


ผมเดินลงมาข้างล่างบ้านด้วยสภาพล่องลอย เดินเข้าไปในครัวก็เห็นถ้วยอาหารและจานใส่ข้าวตั้งรอไว้แล้ว แม่ก็เป็นแบบนี้เสมอแหละ จัดเตรียมไว้ให้ทุกอย่างตามประสาคนเป็นแม่บ้าน ผมนั่งมองอาหารตรงหน้า วันนี้มีชะอมทอดกับน้ำพริกกะปิ เห็นแล้วก็ดันนึกไปถึงวิคเตอร์ เพราะเขาชอบกินน้ำพริกกะปิเหมือนกัน จำได้ว่าเคยทำให้เขากินแค่สองครั้งเอง


“เตรียมของอะไรเรียบร้อยรึยัง พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอ” แม่พูดไปพลางล้างกระทะ ล้างครกไปด้วย ผมหยิบช้อนขึ้นมาเตรียมตักอาหารเข้าปาก


“จะให้เตรียมอะไรล่ะ ไม่ใช่เด็กประถมสักหน่อย” ผมบอกเสียงเนือย ตักน้ำพริกกะปิราดชะอมหนึ่งชิ้นพอดีคำ ก่อนจะตักเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ สายตาก็นั่งมองตู้กับข้าวสีเงินขนาดใหญ่ที่ตั้งติดกับผนังในครัว


“จะให้พ่อไปส่งหรือจะไปเอง” แม่ถามในตอนที่คว่ำกระทะไว้บนตระแกรงเหล็ก ผมตักข้าวเข้าปากพร้อมชะอมจิ้มกะปิอีกคำ เคี้ยวช้าๆ แล้วค่อยกลืน ก่อนจะตอบคำถามแม่


“ให้พ่อไปส่งก็แล้วกัน” แม่พยักหน้ารับ คว่ำครกไว้บนผ้าสีขนหนูสีขาว ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วก็เดินเอาไปแขวนไว้กับตะขอที่ติดผนังอยู่ข้างตู้เย็น ผมชะโงกหน้าไปดูหน้าบ้านก็เห็นทีวีเปิดทิ้งไว้


“แล้วพ่อไปไหนล่ะ”


“ไปรับน้องพรีมมาอยู่ด้วย พ่อแกติดน้องพรีมมากเลยนะ” แม่พูดยิ้มๆ ในขณะที่เทน้ำใส่แก้วเพื่อเตรียมให้ผมดื่ม ผมพยักหน้ารับรู้ช้าๆ ว่าพ่อไปรับเด็กอายุหกเดือนที่เป็นลูกสาวของคนที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันมาเล่นด้วย ตั้งแต่ผมกลับมาก็ยังไม่เคยไปสุงสิงกับน้องพรีมอะไรนั่นหรอก เพราะเอาแต่อยู่กับตัวเองในห้อง  ขนาดเก้ากับแบมชวนไปไหน ผมยังไม่อยากไปเลย เคยออกไปเที่ยวกับพวกมันครั้งเดียว แล้วก็ไปนั่งเหม่อจนมันบ่นกันนั่นแหละ จากนั้นผมก็ไม่ออกไปไหนอีก อยู่แต่ในบ้าน ใช้ชีวิตไปวันๆ ตื่นนอน อาบน้ำ กินข้าว กินเสร็จ เล่นเน็ต นอน แล้วก็กินข้าว อาบน้ำ เข้านอน วนเวียนซ้ำๆ ในทุกๆ วัน



“ไหนเรียกย่าดาซิ ย่าดาจ๋า น้องพรีมมาแล้ว…” เสียงหยอกเด็กดังมาจากหน้าบ้าน พร้อมกับเสียงเด็กหัวเราะอ้อแอ้ ผมมองเห็นพ่อผ่านชั้นวางขายของหน้าบ้านที่เปิดเป็นร้านขายของชำกำลังอุ้มเด็กตัวจ้ำม่ำคนหนึ่ง เสียงกระดิ่งที่ข้อเท้าดังกรุ๊งกริ๊งยามที่เด็กตัวน้อยสั่นขาแรงๆ


แม่ผมเดินออกไปพร้อมกับส่งเสียงหยอกล้อตั้งแต่ยังไม่ทันถึงตัวน้องพรีมด้วยซ้ำ ผมยิ้มนิดหน่อย ก่อนจะนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบๆ ในห้องครัวจนหมด เก็บอาหารเข้าตู้และล้างจานข้าวคว่ำไว้บนตะแกรง เดินออกมาหน้าบ้านที่แบ่งโซนเป็นร้านขายขนม เครื่องดื่มต่างๆ คล้ายๆ เซเว่น แต่บ้านผมขายของหลากหลายกว่า นอกจากของกินก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้บางอย่า จะว่าบ้านผมก้อปเซเว่นไม่ได้นะ เซเว่นที่เพิ่งมาเปิดละแวกใกล้ๆ กันต่างหากที่ก้อปบ้านผม ร้านผมเปิดมาตั้งแต่แม่เพิ่งท้องผมได้สามเดือน


“สัวสดีค่ะพี่แมทก่อนเร็ว พี่แมทสวัสดีค่า…” แม่ผมที่อุ้มน้องพรีมอยู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม น้องพรีมเด็กแก้มยุ้ย มองผมด้วยความไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ตากลมโตกระพริบช้าๆ ผมยืนกินไอติมที่หยิบขึ้นมาจากตู้ไปด้วยและส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับน้อง


“ดู๊ ดูมันจ้องเจ้าแมทสิพ่อ…” พ่อผมหันมายิ้มให้กับน้องพรีม ที่ยังเอาแต่จ้องมองผม


“นั่นไม่ใช่พ่อหนูน้า พ่อหนูอยู่บ้าน สงสัยพี่แมทหล่อกว่าพ่อหนูล่ะสิ” แม่ผมว่าและหอมแก้มยุ้ยๆ ของน้องพรีม เด็กน้อยยิ้มเขินอายทันที สร้างเสียงหัวเราะให้กับพ่อและแม่ของผม


“อุ้มมั้ยแมท ดูท่าทางน้องอยากจะเล่นด้วย” แม่เอ่ยถาม ผมมองหน้าแม่แวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ และรีบยัดไอติมแท่งเข้าปากให้หมด เดินไปรับน้องมาจากแม่อย่างเก้ๆ กังๆ


“จ้องไอ้แมทไม่วางตาเลยหรอน้องพรีม” พ่อผมเอ่ยแซวเด็กน้อยที่แหงนหน้ามองผมด้วยความประหลาดใจ ผมส่งยิ้มให้ และทำหน้าทำตาหยอกน้อง เด็กตัวอ้วนยิ้มเขินสะบัดแข้งขาพร้อมกรีดร้องเสียงหัวเราะเล็กๆ แหลมๆ ออกมา


“นี่ถ้าแมทมีลูกก็จะมีเสียงเด็กร้องอย่างนี้ทั้งวัน” แม่เอ่ยยิ้มๆ ผมที่กำลังยิ้มกับน้องพรีมถึงกับหุบยิ้มทันที ใบหน้าผมเรียบเฉย มองแม่ด้วยอาการเซ็ง


“เราคุยเรื่องนี้กันบ่อยมากแล้วนะแม่ รู้อยู่ว่าแมทเป็นอะไร แมทเป็นยังไง เมื่อไหร่แม่จะเลิกหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สักที” ผมพูดเสียงหนักด้วยความไม่พอใจ รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่คนเป็นลูกไม่ควรทำกับบุพการี แต่ถ้าใครไม่ได้มาอยู่ในจุดที่ผมอยู่ก็พูดแบบนั้นทั้งนั้นและ ว่ามันบาป ไม่ดี แต่บางครั้งพ่อกับแม่ก็สร้างความกดดันให้ผมบ่อยๆ เช่นกัน


“แม่ก็แค่พูดเฉยๆ เอง” แม่บอกเนียนๆ หน้าตาไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ผมบิดปากเล็กน้อยพร้อมหน้าตาเอือมๆ เดินเอาน้องพรีมไปส่งให้แม่ เหลือบไปมองพ่อที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา


“แม่แน่ใจนะว่าแม่แค่พูดเฉยๆ ไม่ได้คิดตามที่พูดจริงๆ”


“เอ๊ะ… แมทนี่ยังไง จะหาเรื่องเถียงกับแม่ตลอดเลยใช่มั้ย” แม่ว่าอย่างหงุดหงิดกลับมาเช่นกัน วงแขนโอบอุ้มร่างอวบๆ ของน้องพรีมเอาไว้


“แมทรู้ว่าแม่อยากอุ้มหลาน แต่แมททำให้ไม่ได้ แม่ก็รู้ พ่อเองก็รู้ เมื่อไหร่จะยอมรับความจริงกัน” แม่ถอนหายใจหนักหน่วง ยื่นน้องพรีมให้พ่อไปอุ้มไว้


“แมท พ่อกับแม่มีลูกชายคนเดียวนะ มันจะเป็นอะไรถ้าพ่อกับแม่จะหวังอย่างนั้น”


“มันไม่เป็นอะไรหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องให้แมทพูดมั้ยว่าแมทเป็นอะไร…” ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด รู้สึกอึดอัดในใจขึ้นมาทันที


“กี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ที่แมทต้องอยู่ในบ้านหลังนี้แบบที่ไม่ใช่ตัวเอง มันอึดอัดนะแม่ แต่ที่แย่กว่าการอยู่แบบไม่ใช่ตัวเอง ก็คือการที่คนที่เรารักที่สุดรับในสิ่งที่เราเป็นไม่ได้สักที” ผมรู้สึกแย่อยู่แล้ว พอได้พูดปัญหาที่ไม่มีทางแก้ไขได้ในชีวิตตัวเองก็ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีก ผมอยู่บ้านผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยนะ แต่บอกตรงๆ ผมหาความสุขได้น้อยมาก


“แล้วจะให้พ่อกับแม่ยอมรับปุบปับได้ยังไง มันต้องใช้เวลาสิ”


“แมทไม่เคยห้าม ถ้าพ่อกับแม่ต้องการเวลา แต่หยุดหวัง หยุดคิดว่าแมทจะเป็นในแบบที่พ่อกับแม่หวังสักทีเถอะ แมทบอกไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ว่าสิ่งที่แมทเป็นมันไม่ใช่โรคติดต่อ มันหายไม่ได้ และมันไม่ใช่สิ่งผิด…”


“เออๆ เอาๆ พอเถอะแมท เดี๋ยวก็ทะเลาะกันเสียงดัง แม่ก็พอได้แล้ว ไม่รู้จะพูดย้ำอะไรกับลูกมันนักหนา รู้ทั้งรู้ว่ามันพร้อมจะอาละวาด” พ่อส่ายหน้าเอือมๆ ใส่แม่ ส่วนแม่ก็ได้แต่นั่งนิ่ง นั่งเงียบ ใบหน้าเรียบเฉย ผมถอนหายใจด้วยความเซ็ง หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปบนบ้านพร้อมอารมณ์ที่ดิ่งลงต่ำ ความรู้สึกย่ำแย่กำลังยำจิตใจผมเละเลยตอนนี้


-------------------------TBC.-------------------------------

มาต่อแล้นนน ในส่วนตรงนี้อยากให้ได้เห็นปมปัญหาส่วนตัวอีกอย่างของแมท นั่นก็เรื่องที่พ่อกับแม่ไม่เข้าใจตัวน้องในสิ่งที่น้องเป็น เลยทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแมทกับครอบครัวเบาๆ

และก็ได้รับรู้ละเนอะว่าตอนนี้เอเลี่ยนน้อยนั้นคอยอียักษ์อยู่ น่าหมั่นไส้เนอะ 55555 เดี๋ยวยุให้อดัมจีบแมทดีกว่า ฮี่ๆ



:hao3:

หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::EP.1 65%:: 09.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 09-07-2015 07:09:45
ร้องไห้ตามแมทเลยอ่ะ พี่วิคใจร้ายย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.1 100%}11.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 10-07-2015 23:59:34


EPISODE 1 [100%]




ผมกลับขึ้นมาบนห้องพร้อมอารมณ์ขุ่นมัว ผมไม่ได้โกรธแม่ แต่ผมน้อยใจมากกว่า แม่แคร์สายตาคนอื่นเสมอ แม่กลัวคนอื่นรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ แม่แคร์ความคิดคนอื่นจนมีครั้งหนึ่งผมถามแม่ว่า แม่คลอดผมออกมา หรือว่าแม่คลอดคนอื่นๆ เหล่านั้นกันแน่ ทำไมถึงได้แคร์ความรู้สึกคนพวกนั้นจัง แม่พยายามให้ผมระมัดระวังการวางตัว ซึ่งมันทำให้ผมอึดอัดใจ แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมายอยู่แล้ว



นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมกับพ่อและแม่ไม่สนิทใจกัน ครอบครัวผมไม่มีอารมณ์หวานใส่กัน หมายถึงพ่อกับแม่หวานใส่ผมน่ะนะ แต่สำหรับเขาสองคนก็ตามประสาคนเป็นผัวเมียที่ต้องมีบ้าง แต่กับผม ไม่มีหรอก ไม่ใช่เขาไม่อยากหวานกับลูก แต่เป็นผมเองที่ปิดกั้นตัวเองจากเขา เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องที่เขารู้ว่าผมไม่ใช่ลูกชายโดยสมบูรณ์แบบอีกต่อไป มันก็ทำให้ผมมีระยะห่างจากพ่อจากแม่มากขึ้น ก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ค่อยสนิทกับพวกเขามากอยู่แล้ว เพราะว่าผมต้องคอยปกปิดตัวเอง แล้วพอได้เปิดเผยตัวเองกับพ่อและแม่ กลายเป็นว่าช่องว่างระหว่างเรายิ่งมากขึ้นไปอีก เพราะพวกเขาไม่เคยรับได้เลยกับสิ่งที่ผมเป็น ปากบอกจะพยายามๆ แต่ไม่เคยทำหรอก



ผมรู้ว่าต้องให้เวลาเขา เนื่องด้วยพ่อและแม่ผมเป็นคนในยุคที่เห็นชีวิตมนุษย์โตมาแบบมีรูปแบบที่ตายตัว นั่นคือ เติบโต เรียนหนังสือ เรียนจบ ทำงาน บวช แต่งงานมีลูกสืบสกุล นั่นคือสิ่งที่พ่อกับแม่เห็นในยุคของเขา และเขาก็คิดว่าลูกจะต้องเป็นไปตามนั้น แต่พอมันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เขาเลยค่อนข้างผิดหวัง ผมเองก็พยายามตั้งใจเรียน ทำชีวิตให้ดีเข้าไว้ จะได้มาทดแทน ชดเชยกับสิ่งที่ผมทำให้เขาไม่ได้ ตัวผมเองก็ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่ระหว่างนั้นผมก็ต้องการกำลังใจและความเข้าใจจากเขาทั้งสองคนบ้าง



ผมหลับตาลงพร้อมๆ กับถอนหายใจหนักๆ เพื่อระบายความเครียดต่างๆ ออกมาบ้าง ช่วงนี้สมองทำงานหนักเหลือเกิน มีเรื่องให้คิดเยอะแยะไปหมด พาลทำให้จิตใจย่ำแย่เข้าไปอีก จากที่มันแย่อยู่แล้วก็ไม่รู้จะแย่ไปกว่าหน้าผมอีกหรือเปล่า ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง เหม่อลอยมองเพดานที่มีสติ๊กเกอร์ดาวเรืองแสง เวลาปิดไฟในห้อง มันจะเรืองแสงอย่างกับจักรวาลขนาดย่อม ผมกับพ่อช่วยกันปีนขึ้นไปติด เพราะผมดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร แต่ในห้องนอนของตัวเอกที่เป็นเด็กจะมีแสงระยิบระยับจับตายามค่ำคืน เลยทำให้ผมอยากมีบ้าง



ผมควานหามือถือที่วางอยู่บนเตียง หยิบขึ้นมาเปิดดูโซเชียลต่างๆ ที่ผมแทบไม่ได้เล่นอยู่พักหนึ่งในตอนที่อยู่กับวิคเตอร์ แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยมีอะไรทำ เลยชอบเปิดดูโซเชียลบ่อยๆ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง ผมเปิดเพื่อตามข่าววิคเตอร์นั่นแหละ ผมว่ามันโคตรงี่เง่าเลยที่คอยตามติดชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายว่าเราจะอยู่กันคนล่ะโลกด้วยซ้ำไป เขาเป็นดารานักแสดง แต่ผมเป็นคนธรรมดา แถมยังเป็นผู้ชายธรรมดาๆ อีกด้วย แล้วยังงี่เง่ามากที่เสียเวลาตามข่าวคราวของเขา ทั้งที่เขาไม่เคยติดต่อกลับมาหาผมเลยสักครั้ง



แต่จะให้ผมทำยังไง ผมยอมรับว่าผมยังแอบหวัง ถึงจะเห็นข่าวเขากับผู้หญิงคนอื่นแล้วก็ตาม เพราะอย่างน้อยครั้งนึงโลกของเราสองคนก็เปรียบเสมือนเป็นโลกเดียวกัน และอย่างน้อยผมก็หวังให้เขาติดต่อกลับมาบ้าง  บอกผมให้ชัดเจนก็ยังดีว่าเขามีคนใหม่  เขาอยู่ได้โดยไม่มีผมแล้วจริงๆ บอกผมหน่อยว่าสิ่งที่เขาพูดมาตอนนั้นก็แค่ต้องการจะรั้งผมไว้ให้ถึงเวลาที่เขาจะปล่อยผมไป



ผมเปิดดูไอจีเขา ถึงจะมีรหัสผ่าน แต่ผมไม่เคยไปก้าวก่ายเขาอีกเลยนับตั้งแต่ผมจบฝึกงาน ไม่รู้ว่าเปลี่ยนรหัสไปแล้วหรือยัง ครั้งล่าสุดที่เขาลงรูปคือเมื่อวานนี้ เป็นรูปในกองถ่ายหนังที่เริ่มถ่ายทำแล้ว วิคเตอร์ไม่ใช่คนอัพรูปบ่อยเท่าไหร่ ช่วงที่ผมอยู่กับเขา ก็ผมนี่แหละที่คอยอัพรูปให้สัปดาห์ล่ะครั้งหรือสองครั้ง เพื่อที่แฟนๆ ของเขาจะได้หายคิดถึงเขาบ้าง  เพราะก่อนจะเจอผม อินสตาแกรมเขาอัพแต่ล่ะครั้ง แฟนคลับนี่แห่กันมาคอมเม้นต์กรีดร้องด้วยความดีใจ พอผมกลับมา เขาก็ยังคงอัพอยู่ แต่ก็ตามนิสัยเขาคือนานๆ ครั้งจะอัพ รูปเมื่อวานนี้ที่ผมเห็น นั่นคือการอัพในรอบหนึ่งเดือน



ผมยังโล่งใจได้อยู่บ้างที่เขาไม่ได้ลงรูปคู่กับผู้หญิงคนไหน แต่อันที่จริงวิคเตอร์ไม่เคยลงรูปตัวเองกับคู่ควง หรือสาวที่คั่วด้วยสักคนหรอก แน่นอนว่าถ้าลงนั่นคือการผูกมัดตัวเขา ซึ่งเขาไม่พร้อมอย่างแน่นอน ยิ่งกับผมอย่าได้หวังว่าจะเปิดตัว เขาก็บอกแล้วว่า จะให้เขาเปิดตัวว่าคบกับผู้ชายได้ยังไง ในตอนนั้นเขาอาจจะพูดเพราะระเบิดอารมณ์ แต่เอาเข้าจริงๆ ผมว่านั่นมันก็ถูกอย่างที่เขาพูดนะ ลำพังแค่ผู้ชายปกติธรรมดาบางคนยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้เลย แต่กับเขาซึ่งเป็นพระเอกกำลังดัง (ตอนนี้ก็คงดังมากขึ้นแล้วล่ะ) คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกให้ชาวโลกรับรู้แบบปุบปับ



เขาไม่ลงรูปคู่กับใครก็จริง แต่รูปที่ถูกแท็กมาในไอจีจากสาวๆ นั้นก็มากมาย ทั้งจากแฟนคลับ ดารานักแสดงสาวๆ สวยๆ นางแบบหุ่นดีๆ หน้าเด่นๆ ทีมงานเบื้องหลังต่างๆ ต่างก็แท็กหาเขาจนล้นไปหมด แต่ล่ะคนก็ดูดีและดูไม่ดีสลับกันไป มีทั้งภาพยืนคู่ถ่ายกันแบบปกติ ภาพแนบชิดสนิทสนมก็มี ภาพโอบกอดก็มี หนักสุดก็คงหอมแก้ม นี่ดีนะยังไม่มีภาพจูบปากกับใครให้ใจผมสั่นไหวไปมากกว่านี้  แต่ที่ผมไม่เห็นคือ ไม่มีภาพคู่กับอันเดรียนาเลย ไอจีอันเดรียนาเองก็ไม่เคยอัพรูปคู่กับเขาเลยสักครั้ง มันดูเหมือนจะดี แต่ผมว่ามันนิ่งสงบเกินไป สงบจนบางทีรู้สึกกระวนกระวายกว่ารูปสาวๆ ที่แท็กเขามาอีก เพราะถ้าเขาเงียบ นั่นเท่ากับว่าผมจะไม่รู้เรื่องราวระหว่างพวกเขาเลยสักนิด นี่แหละวิคเตอร์ ถ้าเขายังไม่แน่ใจ ยังไม่พร้อมจะคบ เขาก็จะกินเงียบๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีไม่ดี พอเบื่อแล้ว อันเดรียนาก็อาจจะไม่ได้ออกสื่อหรือออกหน้าออกตาคู่กับวิคเตอร์เลยแม้แต่นิด



ผมก็บ้านั่งดูนะ ทำตัวอย่างกับเมียหลวงจับผิดสามีว่ากำลังมีเมียน้อยหรือเปล่า ทั้งที่จริงผมยังไม่มีสถานะอะไรจากเขาเลย และไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ บางครั้งผมก็คิดว่าทำไมเราต้องมานั่งรอนอนรอการติดต่อจากผู้ชายคนหนึ่งมากขนาดนี้ โอเค ถ้าตอบว่าเพราะรัก นั่นคือคำตอบที่เบสิคที่สุดแต่มันก็จริงที่สุด ใช่ที่สุด ในตอนที่เราอยู่ในห้วงรัก เราจะไม่รู้หรอกว่าอะไรถูกหรือผิด หรืออะไรควรไม่ควร เราจะรู้อย่างเดียวว่าเรารัก จนกว่าสติจะมานั่นแหละถึงจะเริ่มรู้ตัว



แต่ในทุกๆ วันนี้ ผมก็พยายามบอกกับตัวเองว่าให้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ซะ และตั้งสติใช้ชีวิตอย่างที่บอกกับคุณเบนไว้ ผมรู้ว่าผมต้องทำได้ ทำได้แน่ๆ แต่ก็อีกว่า… มันคงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก เวลาอาจไม่ได้ทำให้ลืมเขา แต่มันจะทำให้ผมค่อยๆ รับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ พรุ่งนี้ผมก็เปิดเทอมแล้ว ผมจะใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ให้เต็มที่ คงไม่ลืมได้ทันที และคงไม่มีวันลืม เวลาก็แค่ทำให้ผมรับกับความรู้สึกแย่ๆ ตรงนี้ได้ดีขึ้น



ติ๊ง!



เสียงข้อความแชทในเฟซบุ๊คดังขึ้นพร้อมกับเด้งหน้าต่างแชทมาให้ ผมมองนิ่งอยู่พักหนึ่งเพื่อดูว่าใครทักมา พอเห็นว่าเป็นอดัมผู้หล่อล่ำขย้ำใจผมเสมอ ก็ฉีกยิ้มน้อยๆ และนอนพิมพ์ตอบแชทเขา (ลืมวิคเตอร์แล้ว - -)



Adam Hunten : เฮ้! เป็นไงบ้าง



Matt Thanaphat : ขี้เกียจครับ พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว ไม่อยากไปเรียนเลย
   


อดัมหัวเราะกลับมาและชวนคุยหลายๆ เรื่อง พอเขาชวนคุยมา ผมก็ตอบกลับ และผมก็ชอบชวนเขาคุยอยู่เรื่อย เรื่องที่คุยส่วนมากคือเป็นเรื่องสัพเพเหระ ออกแนวไร้สาระมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็ทำเอาผมขำอยู่เสมอ อดัมชอบทักมาคุย แต่อย่าคิดว่าเสน่ห์ผมแรงล่ะ เพราะผมเองก็ชอบทัก (อ่อย) เขาเช่นกัน คุยกันจนบางทีผมเผลอคิดว่านี่เรากำลังจีบกันอยู่หรือเปล่า แต่ก็เปล่าเลย เราคุยกันแบบเพื่อน พี่น้องจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริง ตอบอย่างคนที่กำลังจิตตกเลยนะว่า
   


ผมล่ะอยากให้อดัมจีบผมจริงๆ ฮ่าๆๆ ถึงยังไงเขาก็เป็นชายในฝันของผมนี่นา ไม่แน่ผมอาจจะลืมวิคเตอร์ไปเลยก็ได้ถ้าได้คบกับอดัม แล้วถ้าถามว่าทำไมผมไม่จีบเขาซะเลยล่ะ จะไปจีบได้ยังไง ก็เขายังคบกับแฟนเขาที่ผมเคยเจอที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่เลย เขาไม่ได้บอกหรอก แต่ผมก็ไปเผือกในเฟซบุ๊คและไอจีเขามา อีกอย่างเอาจริงๆ นะ ช่วงเวลานี้ กระดี๊กระด๊าไม่ค่อยออก ถึงเวลาคุยกับอดัมผมจะยิ้มและหัวเราะอยู่บ้าง แต่ใจจริงของผมนั้นก็อยากยิ้มและหัวเราะเพราะผู้ชายอีกคนหนึ่งมากกว่า



เพราะผู้ชายคนนั้น ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะด้วยความสุขใจจริงๆ ผมยอมรับเลยว่าคิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ วงแขนแข็งแรง แผงอกแกร่งและกล้ามท้องแน่นๆ ของเขา คิดถึงทุกสัมผัสที่เขาเคยมอบให้ ผมจะไม่บอกหรอกว่ามันยังไม่จางหายไปไหน ต้องบอกอย่างยอมรับความจริงว่า มันกำลังจะจางหายไป เหมือนกับตัวเขานั่นแหละ



ถ้าจะหายไป อย่างน้อยบอกกันหน่อยได้มั้ยไอ้ยักษ์ เพราะผมรู้ตัวเองว่าถ้าคุณยังไม่บอกอะไร ใจผมมันจะยังหวังแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งผมไม่อยากเหนื่อยหัวใจกับการรอที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง…



ผมคิดถึงคุณนะไอ้ยักษ์ขี้โมโห



-------------------------------TBC.----------------------------------

หน่วงเบาๆ เนาะ ไม่แรงมาก >__<

เตรียมตั๋วบินไปนิวยอร์กเพื่อไปทุบอียักษ์กันมั้ย -..-

กดไลค์เพจเฟซบุ๊คหรือฟอโล่วทวิตเตอร์กันได้นะจ๊ะ อัพเดตข่าวสารใดๆ ก่อนใคร และร่วมเม้าท์มอยหอยกาบกันได้ที่นั่นค้า

 :mew1:


หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.1 100%}11.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 11-07-2015 06:41:00
ฮือ ยังคงสงสารน้องแมท
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 70%}17.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-07-2015 15:43:49


ONLY YOU EP.2 :: Begin Again? [70%]


เสียงหึ่งๆ อย่างกับเสียงผึ้งรังใหญ่ๆ แตกรัง ดังมาจากในตึกคณะ ผู้คนเดินกันขวักไขว่ส่งเสียงทักทายเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนานในช่วงปิดเทอม พอเดินเข้าไปใต้ตึกคณะก็รู้ว่านั่นไม่ใช่เสียงผึ้งแตกรังหรอก แต่เป็นเสียงเม้าท์มอยหอยกาบดังลั่นไปทั่วใต้ตึกคณะของผมในวันเปิดเทอมวันแรก ผมก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปด้านในตึก หยุดยืนอยู่ตรงกลางทางเข้า มองซ้ายมองขวาอยู่สักพักก็เห็นพวกเพื่อนๆ โบกไม้โบกมือให้พร้อมส่งเสียงเรียกเสียงดัง


ผมฉีกยิ้มและเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ ในระหว่างที่กำลังเดินไปโต๊ะเพื่อนๆ ผมก็รู้สึกถึงสายตาที่มองมาจากโต๊ะหนึ่งในมุมห่างไกล เมื่อมองไป ก็เห็นว่าเป็นรุ่นน้องในเอก คือทุกคนทำเป็นมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ผมรู้ว่าจริงๆ แล้ว พวกน้องๆ กำลังมองผมอยู่นั่นแหละ เพียงแต่พอผมหันไปมองก็เลยแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่น บางทีก็อยากจะเดินเข้าไปบอกว่า หนูจ๋า มันไม่เนียนเลย ถ้าจะมองก็มองเถอะ ขออย่างเดียว มองแล้วอย่าเดินเข้ามาตบก็แล้วกัน เพราะเดี๋ยวพี่จะเจ็บ


“น้องเขามองฉันทำไมกัน” ผมถามสีหน้าคล้ายพะอืดพะอมตอนที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ในลานอเนกประสงค์ที่อยู่ติดกับใต้ตึกคณะ ขนาดไม่หันไปสบตาก็ยังรู้สึกถึงสายตาที่มองมาอยู่เลย


“ก็มึงมีข่าวกับผู้ชายไม่ใช่รึไงไอ้แมท” ไอ้แชมป์ หนึ่งในเพื่อนชายในกลุ่มบอกเสียงที่แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมเบิกตากว้างขึ้นมองมันงงๆ เล็กน้อย ก่อนที่สมองจะประมวลความเข้าใจให้กับตัวเองอย่างรวดเร็วว่าผู้ชายที่มันพูดถึงน่าจะหมายถึงวิคเตอร์ นี่ขนาดเห็นหน้าผมไม่ค่อยชัดนะ คนรอบข้างยังรู้เลย


“ไม่ใช่แค่น้องๆ หรอก เดี๋ยวพอมึงเจอคนอื่นๆ ในเอก เขาก็จะมองมึง ช่วงที่ข่าวนี้ออกมา ในเอกเราฮือฮากันใหญ่” เสียงห้าวๆ ของไอ้วอร์ม เพื่อนชายคนที่สองของกลุ่มเอ่ยบอกพลางโยนถั่วหวานเข้าปากแล้วเคี้ยวแกรบๆ


“นี่กูควรซ้อมแจกลายเซ็นมั้ยเนี่ย” ผมบอกเสียงแหยพอๆ กับสีหน้า แอบเหลือบหันไปมองกลุ่มน้องๆ โต๊ะเยื้องๆ กันที่กำลังมองผมและซุบซิบอยู่ด้วยสายตาฉับไว คือไม่อยากมองนานเดี๋ยวเขาจะรู้ตัวว่าเรารู้แล้วว่าเขามองเราอยู่ (งงมั้ย)


“แล้วสรุปใช่แกจริงปะวะแมท” เหมียวสาวสวยแต่สติไม่ค่อยดีประจำกลุ่มเอ่ยถามขึ้น แต่มือก็ยังมิวายยกบรัชออนมาปัดแก้มไปด้วย สายตาไม่ได้มองผมเลยนะ มองแต่กระจก ไอ้นี่มันรักสวยรักงาม เคยเกือบได้ประกวดดาวมหาวิทยาลัย แต่มันไม่เอา เลยไปเป็นลีดคณะแทน มันบอกว่าดาวมหาลัย ยิ่งใหญ่เกินคนสติป้ำๆ เป๋อๆ อย่างมันเกินไป (มันก็รู้ตัวมันนะ)


“ถามคำถามเดียวกับไอ้เก้าไอ้แบมเลย แกสองคนบอกเพื่อนๆ ซิ” บางทีผมก็สับสนตัวเอง เพราะเวลาคุยกับเพื่อนผู้ชายในกลุ่ม ผมจะใช้กูมึงตามปกติ แต่พอคุยกับน้องนีแสนซนอีกสี่ตน ผมจะชอบใช้คำสุภาพ เคยลองใช้กูมึงแล้ว แต่ผมรู้สึกแปลกประหลาด มีความรู้สึกว่าระหว่างผม กับเก้า กับแบม กับเหมียวและแคท (เพื่อนสาวอีกคนในกลุ่ม) ควรใช้คำแบบซอฟต์ๆ จะดีกว่า อาจดูกระแดะนะ แต่เคยเป็นกันมั้ย ที่กับเพื่อนบางคน บางกลุ่มจะไม่กล้าใช้คำหยาบด้วย นอกจากเวลาเผลอ


“เป็นไอ้แมทจริงค่า แต่ว่ามันไม่ได้กิ๊กกับเขา แค่ไปเดินเล่นกันตามประสาเจ้านายลูกน้อง” เก้าบอกเสียงมีจริต พลางกระดกชาเขียวฟูจิเข้าปากดังอึกๆ เห็นแล้วก็อยากกินบ้าง ผมชอบกินมากเลยไอ้ชาฟูจิฝาเขียวเนี่ย


“เฮ้ย! นี่ตอนแกไปนิวยอร์ก แกไปทำงานกับวิคเตอร์เหรอ” แคท ผู้ซึ่งมีชื่อความหมายเดียวกับเหมียว ถามด้วยความตระหนกตกใจ แคทเป็นผู้หญิงเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม หัวดีแบบที่ไม่ต้องอ่านอะไรมาก มันก็สอบได้


“อ้าว แกไม่รู้หรอวะแคท” ผมถามงงๆ แคทจิ๊ปากใส่เล็กน้อย ก่อนจะว่าเสียงจิกกัดเบาๆ


“รู้ได้ยังไงล่ะคะ แกไม่เห็นเม้าท์อะไรในไลน์เลย” แรกๆ ที่ผมไม่เม้าท์เพราะไม่อยากให้แตกตื่น แต่หลังๆ ผมไม่เม้าท์อะไร เพราะผมลืม และช่วงก่อนกลับยิ่งไม่ได้เม้าท์ เพราะโทรศัพท์โดนยึด


“โอ๊ย อย่าว่าแต่แกเลยค่ะ ขนาดฉันสองคนที่ชอบเสือกเรื่องคนอื่น ยังมารู้ตอนมีข่าวนั่นล่ะค้า!” แบมบอกพลางเงยหน้าหยอดน้ำตาเทียมใส่ดวงตาที่นางใส่คอนแท็กเลนส์อยู่ เออ ทำไมทุกคนแลมีกิจกรรมให้ทำหมดเลย


“ต้องบอกว่าฉันอิจฉาแกมากกก! ฉันชอบเขามากอ่ะแก เป็นผู้ชายที่ฉันว่าไม่หล่อเว่อร์ แต่โคตรมีเสน่ห์ ที่สำคัญฉันว่าเขาแซบมากค่ะ!” อนิจจา แม้นว่าแคทมันจะเรียนเก่ง แต่เรื่องผู้ชายนางก็เนเวอร์ดายเช่นกัน


เออ แต่ขอยืนยันในใจให้แคทมันแล้วกัน ว่าเขาแซบจริง โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง อะ…อ้าว ร้อนหน้าขึ้นมาซะงั้น


“แกเคยเห็นรูปเขาก่อนเข้าวงการปะ ที่คล้ายๆ ถ่ายนู้ดหน่อยอ่ะ หูยยย! อีแคทเห็นแล้วใจเต้น ตับ ตับ ตับ!” แคทว่าแล้วเอามือตบอกเบาๆ สีหน้าดูเปรี้ยวปากมาก เล่นเอาทั้งกลุ่มหัวเราะ คือแคทไม่ได้ว่าหน้าตาเรียบร้อยหรอก มันก็มีจริตตามประสาผู้หญิง เพียงแต่มันเรียนเก่งมาก เกียรตินิยมลอยมาเห็นๆ แต่นิสัยมันเป็นแบบเนี้ย มันเลยขัดๆ กัน เลยทำให้พวกเราฮาบ่อยๆ


ว่าแต่วิคเตอร์เคยถ่ายนู้ดด้วยเรอะ ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย ผมว่าผมก็สนใจเขาในระดับหนึ่งแล้วนะ แต่คงไม่เท่าพวกแฟนคลับจริงๆ นั่นแหละ แต่ช่างเถอะ จะนู้ดแค่ไหน ผมก็ไม่อยากเห็นหรอก ก็ผมเห็นมากกว่าภาพซะอีก แถมยังเป็นภาพสี่มิติอีกต่างหาก ได้ลูบ รส กลิ่น เสียง ครบเซ็ท!


“เดี๋ยวนะอีแคท ทำไมแกถึงได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วยวะ” เหมียวที่กำลังปัดมาสคาร่าถึงกับหยุดปัดขนตาหันไปถามแคทที่นั่งข้างๆ ด้วยสีหน้าทึ่งเล็กน้อย แคทยักไหล่เบาๆ อย่างมีจริต แต่แค่นั้นก็ทำเอาทั้งกลุ่มส่งเสียงหัวเราะครื้นเครง ผมเห็นเก้ากระดกชาเขียวแล้วก็อดคอแห้งไม่ได้ เลยขอตัวไปซื้อน้ำที่หลังคณะ ซึ่งจะมีรวงร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเครื่องดื่ม ตั้งเป็นล็อคๆ อยู่เกือบสิบร้าน ระหว่างเดินก็ไม่ค่อยมีคนมองผมหรอก ผมว่าส่วนใหญ่ที่จะมองๆ กันก็น่าจะเป็นเด็กในเอกอิ๊งเนี่ยแหละ ด้วยเพราะทุกคนรู้จักผมอยู่แล้ว ไม่ใช่คนดังอะไรหรอก แต่เอกผมไม่ได้มีคนเยอะมาก มันก็มีพี่ๆ น้องกันอยู่ไม่กี่คน พอเกิดเรื่องอะไรที ก็หาตัวกันไม่ยากหรอก


“เอาฟูจิฝาเขียวสองขวดครับ” ผมบอกคนขายพลางหยิบเงินในกระเป๋าเสื้อนิสิตขึ้นมาห้าสิบบาท นึกสงสัยตัวเองอยู่เหมือนว่าที่บ้านก็มีขาย ทำไมก่อนมามหา’ลัยไม่หยิบมาสักขวด สงสัยอยากเสียเงินให้ร้านค้านอกบ้านบ้าง


“โค้กขวดนึงครับ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ กัน ผมกระเถิบที่ให้เขาในระหว่างที่กำลังหยิบหลอด ตัวเขาสูงจนผมต้องแอบหันไปมองว่าคนอะไรทำไมมันสูงจังโดยที่ลืมนึกไปว่าตัวเองนั้นเตี้ยเอง


“อ้าว เอิร์ท” ตอนแรกกะแอบมองแว้บเดียวตามประสาคนขี้เผือก แต่พอเห็นว่าเป็นเอิร์ท ผมก็ตัวเย็นแปลกๆ คือผมไม่ได้เจอเขานานมาก เพราะเขาหนีกลับมาไทยก่อนผม ก่อนบาสด้วยซ้ำ พอกลับมาไทย ผมก็ไม่ได้ออกไปไหน เราเลยขาดการติดต่อกันไป ผมเองก็ลืมขอเฟซบุ๊คเขาจากบาส แรกๆ ก็คิดว่าจะขอไว้เพื่อเอาไว้ติดต่อกันบ้าง แต่หลังๆ คิดเรื่องไอ้ยักษ์มาก เลยทำให้ลืมเรื่องอื่นไปเลย


“เป็นไง” เอิร์ทส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ พลางรับน้ำจากคนขายและจ่ายเงินไปตามจำนวน


“เป็นไงอะไรล่ะ เอิร์ทหนีกลับมาไทยคนแรกเลย” เราเขยิบมายืนข้างๆ ร้านเพื่อให้คนอื่นที่รอซื้อน้ำได้ยืนตรงพื้นที่นั้น เอิร์ทยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเรียบ


“ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม จบงานแล้วอ่ะ” เขาบอกพลางกระดกโค้กเข้าปาก


“โห ไม่คิดจะอยู่เที่ยวก่อนรึไง ทิ้งบาสให้เที่ยวคนเดียวซะงั้น”


“มันเอาตัวรอดได้น่าไอ้ห่านั่นอ่ะ เราดิจะไม่รอดเพราะแมท” พุก! แค่กๆ


ผมที่กำลังดูดน้ำชาเขียวเข้าปากถึงกับน้ำพุ่งออกมา และก็เกิดอาการสำลักตามระเบียบ ดีที่ไม่พุ่งไปโดนเอิร์ท ผมยกแขนขึ้น ใช้เสื้อนักศึกษาเช็ดรอบๆ ปากที่เปียกชุ่มไปด้วยชาเขียว มองหน้าเอิร์ทด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนเอิร์ทกลับมองมาด้วยสายตาขบขัน


“เอาซะน้ำพุ่งเลย”


“อยากเอาให้น้ำพุ่งเหมือนกันแหละ แต่หมดสิทธิ์แล้วนี่หว่า” โอ๊ย! จะเป็นลมมันตรงนี้แหละ


ผมแยกเขี้ยว ถลึงตามองเอิร์ทที่ยิ้มกว้างหล่อๆ จนเก้งสาวที่สาวมากนางหนึ่งเหลียวหลังมามองในขณะที่กำลังเดินกลับไปที่โต๊ะทานข้าวของตัวเอง ทำไมรอบข้างผมถึงได้มีแต่ผู้ชายช่ำชองเรื่องอย่างว่าด้วยนะ ไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มก็เหมือนกัน ชอบแซวเล่นเรื่องอย่างนี้กับผมตลอด พูดเปิดช่องโหว่ไม่ได้เลยเชียวล่ะ ไม่งั้นมันเสียบด้วยคำสองแง่สองง่ามชวนให้หื่นกามตามเสมอ


“ขอโทษนะเอิร์ท” ผมสีหน้าหงอยๆ รู้สึกผิดอยู่ในใจ ทั้งที่จริงเรื่องแบบนี้มันไม่มีใครผิดใครถูก นอกซะจากว่าถ้าคบกัน แล้วผมหรือเอิร์ทไปมีคนอื่น อันนั้นอ่ะ มีคนผิดแน่ๆ แต่นี่มันอยู่ในช่วงขั้นต้น เรียกได้ว่าระยะฟักตัว (?)


“เย็นนี้ไปหาไรกินกัน” เอิร์ทไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำขอโทษจากผม แต่กลับกระดกโค้กชิวๆ และเอ่ยชวนอย่างสบายๆ


“ไปสิ” ผมตอบรับอย่างว่าง่าย เพราะไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ก็แค่ไปหาอะไรกินกัน ตามประสาเพื่อนที่รู้จักกันนี่แหละ


“งั้นเอาเบอร์แมทมา” ผมแบมือขวาและทำท่ากดแป้นโทรศัพท์ เอิร์ทหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ และยื่นมาให้ผมกดหมายเลขโทรศัพท์ที่เมืองไทยให้ก่อนจะยื่นคืนกลับไปพร้อมกับกดโทรเข้าเครื่องตัวเอง


“แล้วนี่เอิร์ทมาทำอะไรที่ตึกคณะแมทล่ะ” ผมถามพลางกดตัดสายเรียกเข้าจากเอิร์ท อีกฝ่ายกำลังจะตอบแต่ก็มีเสียงใสๆ เสียงหนึ่งพร้อมกับร่างสูงระหงแต่เตี้ยกว่าเอิร์ทเล็กน้อยเข้ามายืนขนาบข้าง ผมมองเธออย่างงงๆ เธอหน้าตาสวย ย้อมผมสีทองสว่างมาก หน้าขาว ผิวขาว ที่สำคัญคืออึ๋มโพด แถมยังแต่งชุดนักศึกษาซะรัดติ้ว กระโปรงก็สั้นจนหวาดเสียวว่าเธอจะเผลอโชว์อะไรด้านในไปบ้างหรือเปล่า ผมยืนมองเธอคุยกับเอิร์ทด้วยท่าทีสนิทสนมด้วยใบหน้าเอ๋อๆ


“เย็นนี้เดี๋ยวเราไปกินข้าวกับเพื่อนที่นิวยอร์กอ่ะขวัญ เจอกันที่หอนะ” เธอหันมามองผมและส่งยิ้มมาให้เล็กน้อย ผมเลยฉีกยิ้มแห้งๆ แบบไม่ทันตั้งตัวให้กลับไป


“โทรมาแล้วกันนะ เดี๋ยวขวัญลงไปรับ” เอิร์ทยิ้มพร้อมพยักหน้ารับคำ คนชื่อขวัญหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะของเธอ ที่เพื่อนสาวสวยๆ นั่งอยู่เต็ม ผมมองด้วยความชื่นชม เธอหุ่นดี๊ดี หน้าตาก็สวย


“แฟนเอิร์ทหรอ” ผมละสายตากลับมาถามเอิร์ทที่กำลังมองผมอยู่


“แฟนเก่า” ผมขมวดคิ้วมองพ่อหล่อหน้าไทยนี่งงๆ เอิร์ทยักคิ้วให้หนึ่งทีแล้วกระดกโค้กจนหมดขวด


“แต่คือตอนนี้เป็นเพื่อนกัน แบบนั้นอ่ะเหรอ” ผมมองเอิร์ทเปลือกตาแทบไม่ขยับ เอิร์ทยิ้มมุมปากเท่ๆ โยนขวดโค้กลงไปในถังขยะหน้าร้าน เดินเข้ามาประชิดผมและยกมือซ้ายขยี้หัวผมเบาๆ


“เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน และไม่ใช่กิ๊กด้วย” ผมอ้าปากหวอเล็กน้อย ต่อมเผือกและต่อมรับรู้ทำงานประสานกันทันทีว่าสถานะของคนคู่นี้ต้องมีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนตายอยู่แน่ๆ


“ว่าแต่ ไปกับเอิร์ทเย็นนี้ ไอ้ฝรั่งนั่นมันจะไม่ว่าอะไรเหรอ” จากที่กำลังหน้าตื่นนิดๆ กับความคิดเรื่องความสัมพันธ์ของเอิร์ทและผู้หญิงคนนั้น ผมก็รู้สึกว่าสีหน้าตัวเองเจื่อนลงไปจนเอิร์ทเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย ผมยิ้มขื่นๆ เล็กน้อย ก่อนจะตอบเอิร์ทเสียงอ่อย


“ไม่ว่าหรอก และคงไม่ว่าอะไรแล้วด้วย” เอิร์ทนิ่งไปเล็กน้อย สักพักเขาก็พยักหน้าคล้ายว่าจะเข้าใจกับความหมายของประโยคที่ผมพูดออกไป


“เจอกันเย็นนี้นะ เอิร์ทน่าจะเสร็จก่อนแมท เพราะวันแรกไม่ได้เรียนอะไรหรอก ไปนั่งคุยเล่นกับอาจารย์ซะมากกว่า” ผมยิ้มอ่อนๆ และพยักหน้ารับ


“แมทก็คงไม่นานหรอก วันแรกอาจารย์คงแจกแค่ครอสซิลลิบัส” เอิร์ทพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ยกมือขยี้หัวผมอีกทีแล้วหมุนตัวเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง ซึ่งก็คือโต๊ะเดียวกับผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละ ผมมองภาพเขาสองคนที่นั่งใกล้ชิดสนิทสนมกัน คุยกันด้วยรอยยิ้ม ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ นั่นคือทางที่เอิร์ทควรเดินต่อไป ไม่ใช่หลงผิดเดินมาหาผม


ดูเหมือนผมจะเป็นคนดีที่อยากให้เอิร์ทมีความสุขกับผู้หญิงตามปกติ แต่จริงๆ แล้วไม่หรอก เพราะลึกๆ ในใจผม อยากให้ผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินทางมาหาผม มาหาเพื่อที่จะได้รักกันอย่างที่เขาพูด ผมถอนหายใจ คิดถึงให้ตายยังไง ก็ยังไร้วี่แววจากเขาอยู่ดี





เปิดเทอมวันแรกก็เหมือนกันทุกปี ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่คือยังไม่มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็เม้าท์สนุกๆ กับอาจารย์และเพื่อนๆ ในคาบมากกว่า อาจารย์แค่บอกว่าเทอมนี้จะสอนอะไรบ้าง แล้วก็บอกให้พวกผมเตรียมตัวสำหรับการเรียนจบในอีกสองสามเดือนข้างหน้า เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำงานในโลกกว้าง วิชาที่เรียนในเทอมสุดท้ายนี้ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาที่เตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานทั้งนั้น เรียนไม่หนักมาก เพราะพวกผมลงเรียนหนักๆ ไปตั้งแต่สามปีแรกแล้ว พอปีสี่เลยเบาลง แต่วิชาที่เรียนก็โหดอยู่ดี


“เดี๋ยวอาทิตย์สุดท้ายของเดือนนี้ จะมีพรีเซ้นต์โปรแกรมการฝึกงานที่ห้องประชุม xxx ยังไงก็เตรียมตัวกันให้ดีๆ นะจ๊ะ ทำพาวเวอร์พ้อยท์มาสวยๆ นะยะพวกเธอ ยี่สิบคะแนนเลยนะ แล้วก็เตรียมข้อมูลให้พร้อม พร้อมกับส่งหนังสือฝึกงานในวันนั้นด้วย วันเวลาครูจะมาแจ้งอีกที…” อาจารย์ณัฐวัฒน์ อาจารย์ที่ปรึกษาของผมยืนอยู่หน้าห้องและเอ่ยบอกกับนิสัตทุกคนด้วยลีลาท่วงท่าตามแบบฉบับของชายใจสาวมาก แต่เห็นแกฮาๆ แบบนี้ ความรู้แกก็เหมาะสมกับดีกรีปริญญาโทจากอังกฤษ และตอนนี้แกก็กำลังเรียนปริญญาเอกที่ไทยอยู่ แกบอกว่าตอนไปเรียนโท คิดว่าไปเรียนโก้ๆ เท่านั้น แบบว่าบ้านฉันมีตังค์ ฉันจะไปใครจะทำไม แต่พอไปเรียนจริงๆ แกบอกว่าแกทิ้งความโก้หรูทุกอย่าง เพราะการแข่งขันด้านการเรียนที่นั่นสูงมาก แกกัดฟันสู้สุดใจ ช่วงไปแรกๆ แกท้อมากเพราะเรียนหนักมากจริงๆ แต่แกไม่อยากกลับไทยมือเปล่า เลยมุมานะเรียนจนจบ


นี่แหละ ความตั้งใจของตุ๊ดไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ถึงแกจะปากจัด ดูบ้าๆ บอๆ ในสายตาของคนเหยียดเพศบางคน แต่ความรู้ความสามารถของอาจารย์ ผมเชื่อว่าดีกว่าพวกเหยียดเพศบางคนซะอีก


“ใครที่ฝึกงานต่างประเทศ ครูขอเลิศนะจ๊ะ ไม่เอาไก่กาอาราเร่ด๊อกเตอร์เซมเบ้นะ…” อาจารย์บอกพลางชี้นิ้วจิ้มไปที่เพื่อนให้ห้องอีกสองสามคน ก่อนจะมาหยุดที่ผม


“…เจ้าแมท อย่าให้เสียชื่อผู้กำกับละครเวที ครีเอทอะไรออกมาก็ทำให้มันดีๆ แถมเธอยังไปฝึกงานที่เก๋กว่าใครอีก” ผมยิ้มกว้างขบขันกับคำสั่งของแก ปีที่แล้วอาจารย์เขาเป็นคนสอนผมวิชาดราม่า หรือละครเวทีที่ทำให้ผมกับเอิร์ทเจอกันนั่นแหละ


“ทีนี้มาที่เรื่องเรียน เทอมนี้เรียนแค่สี่ห้าวิชา อย่าคิดว่ามันง่ายๆ นะ ยังไงก็ตั้งใจให้เต็มที่ อย่าเรียนๆ เพื่อจบ ถ้าไม่คิดถึงประเทศชาติ คิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง ถ้าจบไปอย่างไม่มีคุณภาพ มันเสียชื่อตัวเองมากสุดนะ มหา’ลัยอาจจะเสียชื่อตามไปด้วย แต่ครูรู้ว่า พวกเธอไม่แคร์หรอก แต่ทุกอย่างมันสะท้อนจากตัวพวกเธอเป็นอันดับแรก…” ทุกคนนั่งฟังอาจารย์สอนนิ่งๆ อาจารย์กวาดตามองไปรอบห้องด้วยท่าทีจริงจัง แต่ผมรู้ว่าแกเป็นห่วงพวกผมนั่นแหละ


“…ยังไงก็ทำตัวให้มีคุณภาพหน่อย อย่าทำตัวเป็นสินค้าก้อปเกรดเอ เกรดเอยังไงก็สู้ของแท้ไม่ได้หรอกจ้ะ ที่บอกให้ตั้งใจเรียน มันก็เพื่อตัวพวกเธอทั้งนั้นนั่นแหละ พอออกไปทำงาน พวกเธอก็เหมือนเข้าปีหนึ่งใหม่ เริ่มจากระดับเด็กๆ ค่อยๆ ไต่เต้าไประดับใหญ่โต…” แล้วอาจารย์ก็พร่ำสอนพวกเราในเรื่องการใช้ชีวิตของการเป็นนิสิตนักศึกษาที่เหลืออยู่ให้เต็มที่ เมื่อจบไปก็ให้ทำงานเต็มที่เช่นกัน


อาจารย์ชวนคุยราวๆ หนึ่งชั่วโมงพร้อมกับแจ้งเรื่องสำคัญต่างๆ นอกเหนือจากตารางเรียนเทอมนี้ด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็ถูกปล่อยออกจากห้องพร้อมๆ กันทั้งหมด ผมไม่ต้องไปเข้าพบอาจารย์ที่ไหนอีก เพราะจริงๆ วันนี้มีเรียนแค่คาบเดียวแล้วก็เข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษานี่แหละ


“จะไปไหนกัน กลับกันเลยปะ” แบมเอ่ยถามตอนที่เรายืนรอลิฟต์อยู่บนชั้นแปดของตึกคณะ


“หาซื้ออะไรไปกินหอไอ้แชมป์มั้ย” แคทเสนอขึ้นมาหน้าซื่อ แต่ไอ้เจ้าของห้องกลับมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ


“อ้าว ทำไมเป็นห้องกูวะ มึงถามกูซักคำยังเนี่ย”


“ก็ห้องมึงใหญ่สุดแล้วในบรรดากลุ่มเรา แล้วกูก็ไม่คิดถามหรอก เพราะเดี๋ยวมึงไม่ให้ไป ต้องจับมัดมือชกแบบนี้แหละ” แคทมันว่าอย่างมึนๆ เล่นเอาไอ้แชมป์ ยกมือเกาหัวสีหน้ายอมแพ้


“เออ ก็ดีนะแชมป์ กูขออาศัยห้องมึงหน่อย ตอนเย็นกูมีนัดกับเพื่อนที่ไปเจอกันที่นิวยอร์ก แต่ไม่อยากไปๆ กลับๆ บ้าน” ผมรีบสมทบกับข้อเสนอของแคทมันทันที แล้วกลายเป็นว่าทุกคนก็เออออห่อหมกไปกับแคทด้วย แชมป์มันเลยปฏิเสธไม่ได้ จริงๆ ไปห้องมันก็สะดวกที่สุดแล้วล่ะ เพราะว่าห้องแชมป์คือคอนโดใหญ่โตมาก


เราเดินเข้าไปในลิฟต์ตอนที่ลิฟต์มาถึงชั้นแปดและเปิดออก ระหว่างนั้นก็เป็นการพูดคุยว่าจะซื้ออะไรไปกินที่หอแชมป์กันดี ผมเสนอหมูน้ำตก ส้มตำปูปลาร้า ทุกคนก็เห็นด้วย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้ำลายสอ ผมเองตั้งแต่กลับมาไทย ยังไม่ได้กินอาหารอะไรทำนองนี้เลย


“ไปร้านตรงเซเว่นในซอยข้างมหา’ลัยดีกว่าแก อันนั้นแซบ… เฮ้ย นั่นมันคนที่เราฝากแมทไว้กับเขาตอนมันเมาเปล่าวะแบม” เก้าที่กำลังจ้อเรื่องร้านส้มตำอย่างเมามันส์ เปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็วและหันมาถามแบมที่กำลังยืนหน้าเอ๋อหันไปมองตามที่เก้ามันชี้ ผมเองพอได้ยินชื่อตัวเองก็เลยหันไปมองตามมันบ้าง พอหันไปก็เห็นเอิร์ทกำลังนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ๆ ตรงสะพานเชื่อมระหว่างตึกคณะมนุษย์ฯ กับตึกสถาปัตย์ฯ 


“เออ ใช่ๆ คนนั้นแหละๆ” แบมรีบตอบรับคำถามเก้าอย่างกระตือรือร้นทันที ส่วนผมก็ย่นคิ้วเล็กน้อย


“แกฝากฉันไว้กับใครตอนเมาวะ”


“ก็คนนั้นไง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้ว่ะ แต่จำหน้าแม่น เพราะหน้าเขาหล่อ” เก้าเกาหัวแกรกๆ สีหน้ามันดูอึดอัดมากที่นึกชื่อผู้ชายคนนั้นไม่ออก


“อีเก้าๆ เขาหันมามองว่ะ หรือเขาจำคนสวยๆ อย่างเราได้วะ”


“โอ๊ย อีแบมอีเพ้อ วันนั้นแกกับฉันเละพอๆ กับอ้วกอีแมท เขาคงประทับใจหรอก” ผมย่นคิ้ว ย่นจมูกฟังสองคนนี้ยืนพูดในเรื่องที่พวกมันสองคนรู้กันเอง หันไปมองทางเอิร์ทอีกทีก็เห็นเขากำลังเดินมาทางผมที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างๆ ตึกคณะ


“เฮ้ย เขาเดินมานี่ว่ะ…” เก้ามันหันรีหันขวางเหมือนหาใครสักคน พอมันเจอผมมันก็ทำหน้าประมาณว่า อ้าว กูเจอแล้ว


“…แมท คนนี้แหละ ที่ช่วยดูแลแกวันที่แกเมาตอนเลี้ยงฉลองปิดละครเวทีอ่ะ” ผมอ้าปากหวอนิดๆ เลิกคิ้วขึ้นงงๆ หน้าตาดูเหลอหลา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เอิร์ทก็เดินเข้ามาถึงกลุ่มเราพอดี พ่อหนุ่มหล่อเข้มส่งยิ้มให้กับคนอื่นๆ ก่อนจะละสายตามามองที่ผม


“เลิกแล้วเหรอ” ผมยังรู้สึกงงๆ กับสิ่งที่เก้าและแบมบอกเลยพยักหน้าตอบรับเอิร์ทไปแบบเงอะงะ


“เอ้อ ใช่ๆ เพิ่งเลิกเลย”


“งั้นไปตอนนี้เลยปะ”


“อ้าว ไม่รอตอนเย็นหรอกเหรอ”


“ไหนๆ ก็เลิกแล้ว ไปเลยก็ได้ไง” ผมหันไปมองเพื่อนๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไร แบมมันสวนขึ้นมาก่อน


“แกมีนัดกับเขา แกก็ไปเหอะ ไม่มีแก พวกฉันก็กินส้มตำได้น่า” ผมส่งสายตาจิกกัดไปให้มันหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยลาพวกเพื่อนๆ และเลือกที่จะไปกับเอิร์ทแทน ก่อนไปเก้ากับแบมแอบดึงผมไว้และก้มลงมากระซิบกับผมทั้งสองคน


“นี่แกไปสืบสานความสัมพันธ์กับเขาได้ยังไง แกต้องบอกพวกฉันนะ”


“เรื่องมันเริ่มจากคืนนั้นรึเปล่า นี่แกเสียบริสุทธิให้เขายังวะคืนนั้น” ผมได้แต่ขมวดคิ้วกับแม่สองสาวที่ทำหน้าตาสงสัยสุดฤทธิ์ ผมทำหน้าเอือมเล็กน้อย และดึงตัวเองออกจากการเกาะกุมของสองคนนั้น


“เสียบริสุทธิอะไรล่ะ เพ้อเจ้อ” ถึงเสีย ก็ไม่ได้เสียกับคนนี้เว้ย! โน่น ไอ้คนที่พรากบริสุทธิฉันไป ป่านนี้มันมีเมียใหม่ไปแล้วมั้ง


“เออ ยังไงต้องเล่าให้พวกฉันฟังด้วย ว่ามันอะไรยังไง” เก้าย้ำกับประโยคเดิมของมันอีกที ผมพยักหน้ารับส่งๆ ไปก่อน เพราะตอนนี้เอิร์ทยืนรออยู่ ผมบอกลาเพื่อนๆ อีกทีและรีบเดินไปหาเอิร์ท ก่อนจะเดินไปพร้อมกัน เอิร์ทพาผมเดินมาหาเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่มีกันเกือบสิบคน พวกนั้นกำลังนั่งคุยพร้อมสูบบุหรี่กันอยู่ บางคนผมก็พอจะจำหน้าได้ลางๆ จากการที่เคยทำละครเวทีด้วยกันเมื่อปีก่อน


“เฮ้ยๆ เจ้าแม่มาว่ะ มึงรีบดับบุหรี่ก่อนเลย” หนึ่งในเพื่อนเอิร์ทบอกเสียงแซวๆ และขยี้บุหรี่ลงกับพื้นปูน ผมยิ้มขำหน่อยๆ น่าจะจำได้ว่าผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ เคยเผลอด่าไปทีนึงตอนที่ไปดูฉากที่พวกเขาวาดให้


“กูไม่รู้ว่าต้องแนะนำอีกรอบมั้ย พวกมึงน่าจะจำกันได้ นี่แมท เรียนมนุษย์ฯ เอกอิ๊ง” เอิร์ทแนะนำผมให้เพื่อนๆ เขาได้รู้จัก ผมยิ้มเหลอหลาไปให้ทุกคนที่มองด้วยสีหน้าขบขันกลับมา


“จำไม่ได้ก็แปลกแล้วครับมึง ด่าที พวกกูสะดุ้งแทนพ่อแทนแม่กูเลย” แล้วทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ผมแอบย่นจมูกนิดหน่อย พอหันไปมองเอิร์ทก็เห็นว่าเขากำลังยิ้มขำๆ อยู่


“ก็ตอนนั้นเขาทำงาน พวกมึงก็ชอบกวนตีนเขาไม่ใช่รึไง”


“โห ไอ้เอิร์ท มึงปกป้องเจ้าแม่เขาขนาดนี้เลยหรอวะ” ผู้ชายผิวคล้ำ หน้าตาไม่หล่อมาก แต่ก็ดูดี ตัวสูงผอมเอ่ยด้วยเสียงแซวเต็มที่ เอิร์ทยิ้มน้อยๆ แทนคำตอบ


“เออ ถ้าเราเคยด่าใครไป ขอโทษด้วยนะ แต่เวลาทำงานทีไร ชอบลืมตัวทุกที” ผมยิ้มเหงือกแห้งให้พวกเขา ทุกคนส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ


“เฮ้ย ไม่เป็นไร คิดไรมาก พวกผมไม่ได้เก็บมาคิดเล็กคิดน้อยหรอก เข้าใจว่าทำงาน” คนนี้แอบหน้าตาดูดีนะ แต่ถ้าให้บอก ก็ต้องยอมรับว่าเอิร์ทยังหล่อนำหน้าอยู่อีกไกล


แล้วนี่เป็นอะไรเนี่ย มายืนพิจารณาใบหน้าผู้ชายไปเรื่อย


“กูกลับก่อนนะ เจอกันวันพรุ่งนี้ที่บ้านไอ้จิม”


“เออๆ แล้วนี่มึงไม่ไปส่งขวัญหรอวะ” พ่อหน้าตาดีคนเดิมเอ่ยถาม เอิร์ทส่ายหัวด้วยใบหน้าเรียบเฉย


“ตอนแรกว่าจะไปส่งแหละ พอดีเจอแมทก่อน เลยให้กลับเอง กูนัดกันไว้แล้วไง ตอนอยู่นิวยอร์กไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกัน” จริงๆ เอิร์ทต้องบอกว่า เรานัดกันตอนเย็นนะ นี่มันเพิ่งจะเที่ยงเอง ได้ยินแบบนี้แล้วสงสารคนชื่อขวัญเลย ต้องเป็นผู้หญิงสวยๆ คนนั้นแน่ๆ


“อ้าว มึงไปเจอกับเขาที่นิวยอร์กด้วยหรอวะ” หนุ่มหน้าคมคล้ายคนใต้เอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ


“เออ บังเอิญพักบ้านเดียวกัน”


“แล้วได้กันยังวะ” ผมหันไปมองคนที่ถามด้วยสายตาตื่นๆ พ่อรูปหล่อใส่แว่นคนหนึ่งถามหน้ามึนๆ ออกมา ราวกับกำลังถามเรื่องสภาพอากาศประจำวัน


“ยังไม่ได้ แต่ก็อยากได้” ผมที่ตื่นตะลึงอยู่แล้ว หันกลับไปมองเอิร์ทด้วยความตะลึงยิ่งกว่าเดิม พ่อหล่อฉบับไทยแท้ ยืนยิ้มอย่างเท่ แต่ทำเอาผมอยากเตะให้มันตัวเอียงกระเท่เร่ซะจริง!


“เฮ้ย ยังไงของมึงวะเนี่ย นี่กูถามเล่นๆ นะ” เอิร์ทสูดลมหายใจแรงๆ หนึ่งที แต่ไม่ได้สูดแบบเรียกขวัญกำลังใจหรอกนะ สูดปกตินั่นแหละแค่แรงไปนิด ก่อนจะโอบแขนซ้ายรอบเอวผมไว้


“ถ้ากูจะคบผู้ชาย พวกมึงจะเลิกคบกูปะ กูถามตรงนี้เลย ถ้าไม่โอเค จะได้ไม่ต้องเป็นเพื่อนกัน”



V
v
v
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 70%}17.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-07-2015 15:44:27

ผมเบิกตากว้าง หันไปมองเอิร์ท และพยายามอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่มันอึกอัก พูดไม่ออก คือมันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอ ถามกันแบบนี้ แล้วถ้าคำตอบไม่ดี ก็คือเลิกคบเงี้ยหรอ พอหันกลับไปมองเพื่อนๆ เอิร์ท ทุกคนก็ดูทึ่งปนงงๆ ไปนิดนึง ผ่านไปสักพักราวๆ หนึ่งถึงสองนาที ดูเหมือนทุกคนจะค่อยๆ คืนสติกัน



“ไอ้เหี้ย แมนๆ ตรงๆ ตลอดนะมึงเนี่ย” เพื่อนเอิร์ทคนหนึ่งที่ผมไม่อยากพิจารณาหนังหน้าเขาแล้วเอ่ยขึ้น พร้อมหน้าตาที่บ่งบอกว่า มึงแมนมากจริงๆ อะไรประมาณนี้



“คือยังไงวะ มึงชอบเจ้าแม่แมทหรอ” พ่อหนุ่มแว่นที่เป็นตัวจุดประเด็นเอ่ยถามอย่างงงๆ



“เออ ชอบดิ ไม่ชอบกูจะพูดงี้หรอ ตอนอยู่นิวยอร์กกูก็พยายามจีบ แต่แม่งไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่”



“เอิร์ท…” ผมรู้สึกเอ๋อแดกไปแล้ว ทำได้แค่เรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา เอิร์ทหันมามองยิ้มๆ แล้วหันกลับไปมองเพื่อนๆ เขาต่อ



“พวกมึงว่าไงวะ ถ้ากูจะจีบแมท”



“เรื่องของมึงดิ อยากจีบ อยากชอบใครก็ตามใจ กูไม่เลิกคบเพื่อน แค่เพราะเพื่อนชอบผู้ชายด้วยกันหรอกนะ พวกกูไม่ได้ปัญญาอ่อน” หนุ่มหน้าตาดีที่ผมเอามาเปรียบเทียบกับเอิร์ทบอกอย่างชิลๆ แล้วสักพักทุกคนก็ส่งเสียงระงมอย่างเห็นด้วย ผมแอบซาบซึ้งใจกับเพื่อนๆ เอิร์ทมาก คือประทับใจที่เขาไม่ได้นึกดูถูกหรือรังเกียจเอิร์ทเลย กับตัวผมไม่เป็นอะไรหรอก เพราะเราไม่ได้รู้จักกันลึกซึ้ง แต่กับเอิร์ทที่เป็นเพื่อนกันมาสี่ปีหรือบางคนอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แล้วถ้าวันนึงจะถูกเพื่อนเลิกคบเพราะชอบผู้ชายอย่างผม อันนั้นผมคงยอมให้เอิร์ททำอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่นอน



“แต่มึงเคลียร์ขวัญให้รู้เรื่องด้วยนะไอ้ห่า นี่ถ้าเขารู้ คงช็อกว่ะ”



“ไม่ใช่แค่ขวัญหรอก สาวๆ ในลิสต์มันคงมีมึนกันเป็นแถบ”



“เรื่องนั้นเดี๋ยวกูจัดการเอง กูขอแค่พวกมึง กับที่บ้านกูเข้าใจก็พอละ” เอิร์ทบอกง่ายๆ แต่สีหน้าเขาดูโล่งใจมาก เขาคงปลอดโปร่งล่ะมั้งที่ได้บอกเพื่อนแล้วว่าตอนนี้เขาอยู่ในสถานะไหนในเรื่องความรัก ผมว่าเขาก็คงเครียดอยู่ไม่น้อยที่ความรู้สึกรักๆ ใคร่ๆ ดันมาเกิดกับผู้ชาย แทนที่จะเกิดกับผู้หญิงตามปกติ ผมเข้าใจเขานะ กว่าจะยอมรับตัวเองได้ก็คงไม่ง่ายเหมือนกัน แล้วไหนจะคนรอบข้างอีก ถ้าเกิดคนรอบข้างรับไม่ได้ก็แย่อีก ถึงจะคิดว่าไม่เป็นไร แต่เอาจริงๆ ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนสักหน่อย



“แล้วนี่จะพาเจ้าแม่ไปเปิดตัวที่บ้านเมื่อไหร่ล่ะ” หนุ่มใต้หน้าคมถามขึ้น มือก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาเตรียมสูบ แต่ก็ถูกเพื่อนเขาตีมือเป็นการเตือน แถมยังมีการบุ้ยปากมาที่ผมอีก



โอย… ซึ้งใจเหลือเกินพ่อคุณที่จำกันขึ้นใจว่าผมไม่ชอบบุหรี่ นึกสงสัยตัวเองจังว่าตอนนั้นที่ด่าพวกเขาไป ผมด่าไปแรงขนาดไหนนะ ถึงได้จำฝังใจกันขนาดนี้ (ตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่าด่าอะไรไป เพราะตอนนั้นด่าคนไปทั่ว)



“กูพาไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้กูยังจีบเขาไม่ติดเลย” เอิร์ทบอกและยกมือซ้ายขึ้นมาโยกหัวผมแรงๆ ผมหันไปทำหน้ามุ่ยใส่เขา อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้างใส่ เพื่อนๆ เขาส่งเสียงแซว แต่ไม่ได้แซวน่าเกลียด



“โห่ ไรวะ เสียชื่อขุนแผนแห่งสถาปัตย์ฯ หมด” ท่าทางเอิร์ทจะเจ้าชู้มากแน่ๆ นอกจากรอบกายผมจะเจอแต่ผู้ชายหื่น ช่ำชองเรื่องอย่างว่าแล้ว ผู้ชายพวกนั้นยังมีนิสัยเจ้าชู้อยู่ในสายเลือดอีกด้วย แต่วิคเตอร์กับเอิร์ทนี่เจ้าชู้ต่างกันนะ ไอ้ยักษ์จะเจ้าชู้แบบมึนๆ ทำเหมือนไม่เจ้าชู้ ไม่พูดหยอดอะไรมากมาย แต่แปบเดียวได้กินสาวใหม่ตลอด ส่วนเอิร์ทนี่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนหรอก แต่ด้วยแววตาอันแพรวพราวและคารมของเขา มันบอกได้ชัดเจนเลยว่าเจ้าชู้มากๆ



“กูกะว่าถ้าจีบไม่ติดจะจับปล้ำแม่งละ” เอิร์ทบอกด้วยรอยยิ้ม ยกมือซ้ายกดหัวผมลงซบไหล่หนาของเขา พวกเพื่อนๆ เขาส่งเสียงหัวเราะกันดังลั่น ทำเอาคนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามอง และเมื่อได้มอง เขาก็มองมาที่ผมกับเอิร์ทที่ยืนซบกันอยู่นี่ไง



“ยังไง พรุ่งนี้เชิญเจ้าแม่ไปปาร์ตี้เปิดเทอมใหม่กับพวกผมได้นะครับ” อาตี๋มีลักยิ้มคนหนึ่งเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้มแสนน่ามอง ผิวเขาขาวผ่องไปทั้งตัว ดวงตาที่แทบจะเป็นสระอิมองผมอย่างจริงใจ



“เออๆ ถ้ามาได้ก็มานะครับ ถือว่ามาในฐานะแม่หญิงคนใหม่ของพ่อขุนแผนแห่งสถาปัตย์ฯ” หนุ่มใต้คนเดิมบอกอย่างอารมณ์ดี ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคนใต้จริงเปล่านะ แต่หน้าเขาคมเหมือนคนใต้มาก แถมยังดูอารมณ์ดี ใจดีตามสไตล์คนใต้อีก ผมเลยติ๊ต่างว่าเขามาจากภาคใต้ก็แล้วกัน



“เอ่อ ถ้าว่างจะไปนะ ขอบคุณมากเลยที่ชวน” ผมบอกอย่างเขินๆ รู้สึกประหม่าอยู่เหมือนกัน เพราะเหมือนผมกับเอิร์ทยืนอยู่บนเวทีแล้วมีคนเหล่านี้มองมาเป็นตาเดียว



“กูไปละนะ เดี๋ยวพาแมทไปกินข้าวก่อน เจอกันพวกมึง”



“พาเขาไปกินข้าวนะไอ้อัคร อย่าพาเขาไปกิน” เอิร์ทยกนิ้วกลางให้เพื่อนที่แซวขึ้นมา ก่อนจะยกมือคล้องคอผมและพาเดินผ่ากลางวงเพื่อนๆ ออกไป



“เอิร์ทชื่ออัครหรอ” ผมถามตอนที่เอิร์ทพาผมเดินไปที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซด์ด้านหลังคณะสถาปัตย์ฯ



“อือ แม่ตั้งให้ เพราะปะ” เขาถามเรื่อยเปื่อย เอามือที่คล้องคอผมอยู่ออกเพื่อดึงรถมินิไบค์สีแดงดำคันหนึ่งออกมาจากซอกที่เขาจอดเอาไว้



“เพราะดี แล้วนี่รถเอิร์ทเหรอ”



“อ้าว เอิร์ทนั่งคร่อมขนาดนี้แล้วก็ต้องรถเอิร์ทดิ ตอนแรกจะซื้อบิ๊กไบค์ แต่แม่บอกว่าซื้อตอนเรียนจบดีกว่า เอิร์ทก็เลยซื้ออันนี้มาก่อน” เขาอธิบายเสร็จสรรพ ราวกับกลัวว่าผมจะถามอะไรเกี่ยวกับรถเขาอีก ซึ่งผมก็ว่าจะถามเขาต่อนั่นแหละ



“จะนั่งได้มั้ยเนี่ย ทำไมที่มันดูเล็กจัง”



“ได้ดิ นั่งเบียดๆ นิดหน่อย แต่แปบเดียว ไม่นานหรอก” เอิร์ทเขยิบไปข้างหน้าอีกนิด เพื่อให้ด้านหลังเขามีที่ว่างให้ผมนั่ง ผมก้าวขาขึ้นไปนั่งเก้ๆ กังๆ เคยนั่งแต่มอเตอร์ไซค์โปกติ ไม่เคยนั่งรถแนวบิ๊กไบค์หรือมินิไบค์อะไรนี่สักที เคยแต่เห็นผู้หญิงซ้อนท้ายผู้ชายที่ขับบิ๊กไบค์แล้วนั่งก้นโด่งๆ ผมว่ามันดูลำบากกับคนซ้อนมากไปนะ



“หรือเปลี่ยนมานั่งข้างหน้ามั้ยแมท”



“ไม่เป็นไร นั่งอย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็ชินมั้ง” ผมกระเถิบให้ตัวเองนั่งอย่างเข้าท่ามากที่สุด แม้จริงๆ กระเถิบไปแล้วจะไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะที่มันก็มีอยู่แค่นี้ เอิร์ทหันไปสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์นุ่มๆ ดังขึ้น ผมวางเท้าลงบนที่วางเท้าด้านหลังที่เหมือนจะทำเพิ่มขึ้นมาเอง



“อยากกินไร เดี๋ยวพาไปกิน”



“จริง? อยากกินหมูน้ำตก ส้มตำอ่ะ แล้วก็อยากกินนมเย็นด้วย”



“ได้ จัดไป เดี๋ยวเลี้ยงเอง” เอิร์ทเข้าเกียร์ที่เท้าได้ก็พุ่งตัวออกไปนิ่มๆ เขาพาไปผมร้านส้มตำเพื่อซื้อของที่อยากกิน ตอนแรกผมนึกว่าจะกินกันที่ร้าน แต่เปล่า เอิร์ทตีเนียนซื้อทุกอย่างมาให้ แถมยังเดินไปซื้อนมเย็นมาให้ผมแล้วด้วย ก็ว่าอยู่ให้นั่งรอที่รถทำไม



“กินที่ห้องเอิร์ทแหละ จะได้ทีเดียวจบไง” เขาบอกอย่างเนียนๆ และขับรถพาผมไปที่หอเขา เอิร์ทจอดรถไว้ใต้หอ พาผมขึ้นลิฟต์ไปชั้นแปดซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของหอนี้ เอิร์ทอยู่หอปกติ ไม่ใช่คอนโด แต่หอเอิร์ทดูดีมาก เหมือนจะเพิ่งสร้างใหม่ ภายในห้องก็กว้างขวาง เปิดเข้าไปก็เจอโซนนั่งเล่น มีทีวีและโซฟาตัวยาววางอยู่ ห้องเขาแบ่งโซนเป็นห้องนั่งเล่น โซนที่นอน หนึ่งห้องน้ำติดกับระเบียงด้านอก และมีครัวเล็กๆ ใกล้กับประตูห้องน้ำด้วย เกือบจะเหมือนคอนโด แต่ก็ยังไม่ใหญ่โตขนาดนั้น



ห้องเอิร์ทตกแต่งตามสไตล์ผู้ชาย คือไม่เยอะสิ่ง แต่งโล่งๆ แต่ดูมีคลาส ผนังสีขาวในห้องสะอาดตาไม่มีอะไรติดประดับประดาไว้ เตียงนอนไม้สีน้ำตาลเข้มก็กว้างขวางสะอาดสะอ้าน ตู้ที่กั้นโซนที่นอนกับห้องนั่งเล่นไว้ก็ดูไม่เทอะทะ เป็นตู้ไม้เป็นช่องโล่งๆ และมีของวางประดับไว้ตามแต่ล่ะช่อง มีหนังสือวางตั้งเป็นแนวยาวในช่องยาวๆ ด้วย



“ห้องเอิร์ทสะอาดเกินเด็กสถาปัตย์ฯ ไปรึเปล่าเนี่ย ทำไมไม่เห็นรถอย่างที่เคยได้ยินเลยอ่ะ” ผมถามในตอนที่วางถุงอาหารไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นปลายเตียง เอิร์ทหันมายิ้มมุมปากก่อนตอบ



“พวกโครงงาน รายงาน เอิร์ทขนไปไว้บ้านเพื่อนหมด เวลาจะทำงานก็ไปบ้านเพื่อน ที่ห้องก็มีไว้นอน ไว้พักผ่อน” ผมทำหน้า อ้อ พร้อมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ



“ขอเข้าห้องน้ำได้ปะเอิร์ท ปวดฉี่”



“เข้าไปเลย” ผมเดินผ่านเอิร์ทไปเข้าห้องน้ำ ปลดเข็มขัดออกได้ก็ดึงกางเกงลงและนั่งฉี่ จะว่าผมกระแดะก็ไม่ผิด แต่ผมนั่งฉี่มาตั้งแต่เด็ก เลยชินมาจนโต อีกอย่างพอโตแล้วรู้ว่าตัวเองเป็นแนวไหน ก็ยิ่งไม่ชอบยืนฉี่ เวลาไปเข้าห้องน้ำตามห้างหรือที่สาธารณะผมก็รอจนกว่าห้องน้ำจะว่าง ไม่งั้นไม่ฉี่หรอก มันเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้



ผมฉี่เสร็จ ก็ล้างมือให้สะอาดเพราะเดี๋ยวต้องกินข้าว เช็ดมือกับผ้าขนหนูที่ห้อยไว้ตรงอ่างล้างหน้าจนมือแห้งก็เดินออกไปข้างนอก แต่พอมาข้างนอกผมก็แทบลมหายใจสะดุด เพราะว่าเอิร์ทกำลังเดินไปเดินมาแบบที่เปลือยท่อนบน ด้านล่างใส่กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ ผมเคยเห็นหุ่นเอิร์ทมาแล้วครั้งนึง ตอนที่เจอกันครั้งแรก ที่ผมลื่นไถลไปดึงกางเกงเขานั่นแหละ หุ่นเอิร์ทไม่ได้หุ่นซิกส์แพ็คแบบวิคเตอร์ แต่คือลีน คือเนียนไปทั้งตัว ไม่มีไขมันส่วนเกินใดๆ อกเป็นอก แบ่งสัดส่วนชัดเจนกับหน้าท้องที่แบนราบ ช่วงเอวเขายาวสวย ถึงจะไม่ซิกส์แพ็ค แต่ก็มีวีเชฟเหมือนกัน ไม่รู้ออกกำลังกายยังไง หุ่นถึงได้ออกมาดูดีแต่ไม่มีซิกส์แพ็คแบบนี้



“เป็นอะไรแมท ยืนนิ่งเชียว” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้น ตอนที่หยิบรีโมตกดเปิดแอร์ ผมกลืนน้ำลายลงคอ และเรียกสติกลับมาหาตัวเอง



“เปิดแอร์แล้วถอดเสื้อเนี่ยนะ”



“เอิร์ทชอบถอดเสื้อเวลาอยู่ห้อง บางทีก็ใส่แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียว นี่เกรงใจแมทนะถึงได้ใส่กางเกงด้วย” นี่เกรงใจแล้วใช่มั้ย คือถ้าเป็นผู้ชายปกติด้วยกัน เขาคงไม่คิดอะไรหรอก แต่เผอิญผมชอบผู้ชายด้วยกันไง แล้วเอิร์ทกับผมก็ใช่ว่าจะไม่เคยใกล้ชิดกันมาก่อน



“เขินหรอ” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้นสูง และยิ้มแซว มองผมที่ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนหน้าโง่อยู่หน้าห้องน้ำ เอิร์ทเดินยิ้มกริ่มเข้ามาหาผม ก่อนจะต้อนให้ผมถอยหลังไปชนกับกำแพงใกล้ประตูห้องน้ำ ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ยิ้มน้อยๆ พร้อมส่งสายตาสำรวจมองไปทั่วหน้าผม สองมือเขายกขึ้นค้ำกับกำแพงห้องน้ำไว้ ส่งผลให้ผมตกอยู่ในอนาเขตของเขาทันที เราสบตากัน แม้ผมจะไม่ได้ใจเต้นระรัว แต่ก็อดรู้สึกวูบวาบไม่ได้



“เลิกกับไอ้ฝรั่งนั่นแล้วใช่มั้ย…” เอิร์ทถามเสียงนุ่ม สองมือก็ยังคงไม่ขยับไปไหน ใบหน้าเขาก้มลงมาใกล้ผม จนผมต้องดันหัวตัวเองติดกับกำแพง แต่ก็ยังใกล้กันอยู่ดีนั่นแหละ



“เลิกอะไรล่ะ ยังไม่ได้คบกันเลย” ผมบอกด้วยรอยยิ้มแหย น้ำเสียงเขวไปเล็กน้อยเพราะดวงตาหวานๆ ของเอิร์ท



“เอิร์ทไม่สนใจว่ามันกับแมทจะไปถึงไหนกันแล้ว แต่ไม่ได้คบกัน นั่นก็พอแล้วสำหรับเอิร์ท” ผมมองหน้าเอิร์ทที่มองกลับมาด้วยสายตาละมุนแต่แฝงความจริงใจไว้ ผมทั้งดีใจและรู้สึกเศร้าใจว่าทำไมวิคเตอร์ไม่เป็นแบบนี้บ้าง ทำไมเขาถึงปล่อยให้ผมรอเขาอยู่แบบนี้ ทำไมไม่มาแสดงความจริงใจอย่างที่เอิร์ทกำลังทำ ผมไม่ได้คิดจะเปรียบเทียบ แต่พอเอิร์ททำแบบนี้แล้ว มันก็ยิ่งชัดเจนว่าวิคเตอร์กำลังหายไปจากชีวิตผมแล้ว



“ขอบคุณนะเอิร์ท ขอบคุณสำหรับความจริงใจ…” ผมห้ามน้ำตาไม่ทัน มันตีตื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วและไหลออกจากดวงตา ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ เบะปากน้อยๆ มองหน้าเอิร์ทที่ยิ้มอบอุ่นกลับมาให้



“นับวันแมทว่าแมทจะไปเล่นละครน้ำเน่าได้แล้วล่ะ คนดีๆ มีไม่ชอบ ชอบคนที่มันไม่ดี แถมยังอยู่ไกลอีก” ผมยิ้มขำทั้งน้ำตา พยายามเช็ดเท่าไหร่มันก็ยิ่งไหลออกมา



“ชอบตอนนี้ก็ยังไม่ช้าไปนะ…” เอิร์ทยิ้มุมปากขวาอย่างน่ามอง



“…แต่ขอแก้หน่อย เอิร์ทไม่ใช่คนดี เอิร์ทยังมีมุมเหี้ยๆ ที่แมทยังไม่เคยสัมผัสมากกว่า”



“แหม เอิร์ท ไม่ต้องเน้นเหี้ยใส่แมทขนาดนั้นก็ได้” แล้วเราสองคนก็หัวเราะพร้อมกันเบาๆ ผมก็หัวเราะทั้งคราบน้ำตานั่นแหละ เอิร์ทค่อยๆ หยุดหัวเราะและมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มหล่อๆ ผมหยุดเสียงหัวเราะตัวเองและยิ้มตอบเขากลับไป เอิร์ทค่อยๆ หุบยิ้มลง จ้องมองผมด้วยสายตาที่ผมไม่รู้ความหมาย และไวกว่าที่ความคิดจะคิดอะไรทัน เอิร์ทก้มลงมาจูบผมอย่างรวดเร็ว ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่สักพักก็ปรับตัวรับได้ เอิร์ทแช่ริมฝีปากเขาไว้บนริมฝีปากผมเบาๆ



แต่สักพักเอิร์ทก็เริ่มขยับริมฝีปาก เริ่มบดขยี้ริมฝีปากผมแรงขึ้น ผมอ้าปากจะร้องห้าม แต่นั่นกลายเป็นว่าผมเปิดโอกาสให้เขาสอดลิ้นเข้ามา เอิร์ทไม่ได้จาบจ้วง แต่ค่อยๆ ทะลวงเข้ามาทีล่ะนิด ทีล่ะนิด จนผมเปิดปากรับเขาเต็มๆ และเริ่มส่งลิ้นตัวเองไปตอบโต้ลิ้นอุ่นนุ่มของเขา เอิร์ทเล็มเลียอย่างอ่อนโยน จนผมตัวร้อนวูบวาบ เอิร์ทใช้สองมือดึงเอวผมเข้าไปประชิดตัวเขา สองมือผมโอบรัดรอบลำคอเขาอย่างช้าๆ


-------------------------------TBC.-----------------------------------


หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 70%}17.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 17-07-2015 20:37:26
เลือกเอิร์ทเถอะน้องแมท เพราะวิคเตอร์ยังไงก็ดูท่าจะยากนะ ไม่แน่ไม่นอน เปิดใจให้เอิร์ทเข้ามาจะดีกว่า ปล่อยให้คนขี้โลเลอย่างวิคเตอร์ไปที่ชอบๆเถอะ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 70%}17.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 18-07-2015 10:32:16
เอาที่แมทสบายใจเถอะ อยู่กับไอ้ยักษ์ก็ทุดข์เหลือเกิน อย่าไปรอมันเลย  :z6:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 100%}19.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-07-2015 00:53:40
Only You EP.2 :: Begin Again? [100%]



เสียงจูบแลกลิ้นของเราสองคนดังไปทั่วห้อง เสียงหายใจของเอิร์ทเริ่มหนักหน่วงขึ้น ริมฝีปากก็เริ่มดูดดึงริมฝีปากผมแรงขึ้น เอิร์ทเลื่อนมือซ้ายมาลูบขึ้นลูบลงที่เป้ากางเกงผมเบาๆ ด้วยความที่ยังไงผมก็ยังมีสะรีระร่างกายที่เป็นผู้ชาย พอถูกกระตุ้นขึ้นมา สิ่งที่มันสงบอยู่ในกางเกงก็เริ่มขยายตัวมากขึ้น เอิร์ทใช้มือขวาจับมือซ้ายผมไปลูบคลำเป้ากางเกงของเขาที่นูนใหญ่ออกมาเพราะความเป็นชายที่แข็งตัวเต็มที่


“ฮ่ะ…” ผมผ่อนลมหายใจแรงๆ ตอนที่เอิร์ทผละออกไป เขาก้มลงช้อนตัวผมไว้ในอ้อมแขน และพาเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว เอิร์ทปล่อยร่างผมนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ ปลดกระดุมเสื้อนิสิตนักศึกษาและดึงเสื้อออกจากตัวผมอย่างรวดเร็ว ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ มองเขาด้วยอาการใจเต้นหนักๆ หัวสมองตีกันด้วยความคิดรู้สึกผิดชอบชั่วดี


เอิร์ทตามลงมาไซ้ซอกคอผมเพื่อปลุกอารมณ์ต่อเนื่อง ผมแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อยยามที่โดนเขาขบเม้มที่ซอกคอ สองมือเอิร์ทสัมผัสไปตามตัวผมช้าๆ ผมยกมือขึ้นไปคล้องคอเขาไว้ ปล่อยให้เขาหอมลำคอผมไปเรื่อย


“อืม…” ผมส่งเสียงคราง รู้สึกได้ว่าเอิร์ทกำลังถอดกางเกงผมออก เอิร์ทผละออกจากลำคอ ดันตัวขึ้นมาสบตาผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม เขาลุกขึ้นไปยืนที่ข้างเตียง ปลดกระดุมกางเกงและดึงกางเกงยีนส์พร้อมกางเกงชั้นในลงไปกองที่ข้อเท้า ก่อนจะเตะออก ความเป็นชายอันใหญ่โตและอวบอัดของเขา ชี้ตรงมาที่ผม


ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น วินาทีนั้นความคิดถึงวิคเตอร์พุ่งวาบขึ้นมาจับใจ ยังไม่ทันได้กรองอะไร เอิร์ทก็ขึ้นมาคร่อมร่างผมไว้อีกรอบ เขาค่อยๆ พรมจูบไปทั่วใบหน้า ไล่ลงไปที่ซอกคออีกครั้ง


มันก็คือการที่เนื้อแนบเนื้ออย่างที่วิคเตอร์ทำกับผม แต่มันก็ให้ความรู้สึกต่างกัน เอิร์ทให้สัมผัสที่อ่อนโยนกว่า ให้ความรู้สึกทะนุถนอมกว่า ส่วนวิคเตอร์นั้นเขาดุดัน ดิบเถื่อน โหมใส่ผมราวกับไฟร้อนๆ แผดเผาไปทั่วร่าง แล้วก็จาบจ้วงอย่างรุนแรง


แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับชอบสัมผัสของวิคเตอร์มากกว่า เพราะแม้จะรุนแรง แต่มันแฝงไปด้วยความต้องการในตัวผมอย่างเปี่ยมล้น เต็มไปด้วยความปรารถนาในตัวผมอย่างเร่าร้อน และผมก็มักชอบร้อนตามกับความต้องการและสัมผัสของเขา


“เอิร์ท… เดี๋ยว…” ผมเริ่มตั้งสติ พยายามจับไหล่เอิร์ทไว้ แต่อีกฝ่ายก็กลับไซ้คอผมไม่หยุด ขนผมลุกซู่เป็นระยะๆ ตามจังหวะที่เขาดูดดึงเนื้อที่ซอกคอผม


“ไม่ไหวแล้วแมท… เสร็จข้างนอกก็ยังดีนะ…” ความงงตีใส่หน้าผมทันที อะไรคือการเสร็จข้างนอก ทำแบบไหนกัน ถึงผมจะเคยมีอะไรกับวิคเตอร์แล้ว แต่เรื่องพวกนี้ผมก็ยังไม่ช่ำชองนักหรอก


เอิร์ทก้มลงไปดูดดึงที่ยอดอกซ้าย ทำเอาผมต้องแอ่นตัวรับกับสัมผัสจากลิ้นและริมฝีปากจากเขา สองมือขยุ้มเส้นผมเขาเต็มมือ สองมือของเอิร์ทดึงกางเกงผมลงไปเรื่อยๆ อย่างเนียนๆ จนกระทั่งชายน้อยของผมโผล่พ้นขึ้นมาชูชันอยู่ด้านนอก เอิร์ทเลื่อนมือซ้ายไปรูดขึ้นรูดลงให้ผมอย่างอ่อนโยน โดยที่ปากเขาก็ยังไม่หยุดทรมานหัวนมผม


“ฮ้า…” ผมอ้าปากผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อเอิร์ทใช้ลิ้นเลียตั้งแต่หัวนมเข้าไปใต้วงแขนซ้ายของผมอย่างเชื่องช้า ผมบิดตัวด้วยความเสียว เอิร์ทผละออกจากหน้าอก เลื่อนตัวลงไปข้างล่าง ใช้สองมือดึงกางเกงนิสิตพร้อมกางเกงชั้นในสีดำออกจากขาผมแล้วโยนไปข้างเตียง เขาจับขาผมให้อ้าตั้งฉากไว้ แทรกตัวเข้ามานอนทับตรงกลางระหว่างขาผม


ผมมองเขาด้วยอาการประหม่า หน้าวิคเตอร์ลอยไปลอยมา ความรู้สึกนึกคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัว หนึ่งในนั้นคือความรู้สึกผิดต่อวิคเตอร์ ถ้าไอ้ยักษ์รู้ เข้าจะโกรธขนาดไหนกันนะ ถ้าเขารู้เขาจะอาละวาดรึเปล่า ถ้าเขารู้แล้วเขาจะว่าอะไรผมบ้าง


ถ้า… ใช่ ก็ได้แค่ถ้า เพราะเขาไม่มีวันรู้หรอก เพราะเขาไม่กลับมาแล้วแมท เขาเดินหน้าไปแล้ว เราก็ควรเดินหน้าบ้างนะ


“ยังไม่ต้องคบกับเอิร์ท แต่เราลองดูใจกันไปก่อนมั้ย…” เอิร์ทถามในขณะที่ช่วงล่างชูชันของเราสองคนสีไถกันไปมา ผมยกแขนขึ้นไปคล้องคอเขาเบาๆ ในหัวนึกทบทวนคำพูดของเขา


ผมไม่อยากให้โอกาสเอิร์ทอีก เพราะผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากวิคเตอร์ได้ตอนไหน แต่ตอนนี้ผมควรจะบอกตัวเองให้ยอมรับความจริงได้แล้วว่าเขาไม่มาแล้ว เขาไม่มาตามสัญญาแล้ว ที่เขาบอกว่าห้ามมีใคร มันก็ไม่มีผลอะไรอีกต่อไป ในเมื่อเขาเองเป็นคนเลือกที่จะลืมผม ถ้าผมจะเปิดโอกาสให้ตัวเองบ้างมันก็ไม่ผิดอะไรไม่ใช่เหรอ


“ขอเวลาแมทหน่อยนะ…” แต่สุดท้าย ผมก็ยังไม่กล้าเปิดโอกาสให้ตัวเองอย่างเต็มที่อยู่ดี ส่วนสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ผมก็จะถือว่าผมไม่ผิด เพราะผมกับวิคเตอร์ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน  ฉะนั้นผมก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับใครก็ได้ แต่คงไม่ใช่ทุกคน คงมีแค่เอิร์ทเท่านั้น ถ้าหากเอิร์ทจะเปิดใจผมได้ ผมก็อยากลองให้เขาเปิดมันดูเหมือนกัน
 

“ไม่เป็นไร เอิร์ทให้เวลาแมทได้เสมอ” เอิร์ทบอกยิ้มๆ ก้มลงมาจูบหน้าผากผมแผ่วเบา ก่อนผละขึ้นไปเอาแขนค้ำร่างเขาไว้ ดันสะโพกเข้าออกช้าๆ ให้ความแข็งขืนของเราสองคนถูสัมผัสผิวของกันและกัน เอิร์ทกดน้ำหนักเพิ่มลงมาอีกนิด และเพิ่มแรงดันเข้าออกอีกหน่อย ความเสียวแล่นไปทั่วแก่นกายจนผมสีหน้าบิดเบี้ยว เอิร์ทเองก็หลับตากัดฟันแน่น ยามที่ความอวบอัดและใหญ่โตของเขาเสียดสีไปกับเนื้ออุ่นๆ ของผม


“โอ๊ย…” เอิร์ทครางเบาๆ ก่อนจะซี๊ดปากเสียงดัง เขาหยุดถูแก่นกายด้วยสีหน้าทรมาน เลื่อนตัวลงไปด้านล่างของผม สองมือจับต้นขาผมแบะออก ใช้ปากครอบครองแมทน้อยเอาไว้ ความรู้สึกอุ่นซ่านจากโพรงปากของเอิร์ททำให้ผมต้องครางออกมา


ภาพวันที่ผมมีอะไรกับวิคเตอร์ในห้องเซ็กส์ทอยลอยเข้ามาในห้วงความคิด วันนั้นเป็นวันแรกที่เขาใช้ปากกับผมความรู้สึกอุ่นและความเสียวจากปลายลิ้นเขายามที่เขาตวัดลิ้นลงที่ปลายสีชมพูสดยังคงติดอยู่ในความรู้สึก วิคเตอร์ใช้ปากและลิ้นได้ดีตามประสาคนมีประสบการณ์ แม้เขาจะไม่เคยทำกับผู้ชายมาก่อน แต่ก็ถือได้ว่าเล่นเอาผมตัวบิดแล้วบิดอีก บิดด้วยความทรมานจากความเสียวซ่าน


อย่าสิแมท… มันไม่ยุติธรรมกับเอิร์ท ตอนนี้คือเอิร์ท ไม่ใช่วิคเตอร์ และเอิร์ทเองก็ทำได้ดีไม่แพ้วิคเตอร์เลย แถมยังอ่อนโยนกว่าด้วย ผมกดหน้าลงสบตากับเอิร์ทที่มองมาอย่างแน่วแน่ ปากเขาก็ไม่หยุดขยับขึ้นลง ความเสียววาบอาบไปทั่วร่าง ผมปัดมือไปมาทั่วเตียง ก่อนจะเหวี่ยงขึ้นไปจิกหมอนไว้ ขาสองข้างหุบเข้าหุบออกน้อยๆ สองมือของเอิร์ทยกขึ้นมาลูบไล้ไปทั่วหน้าท้องของผม


“อะ… เอิร์ท…” ผมครางเรียกชื่อเขา ในตอนที่ความเสียวเริ่มมากระจุกอยู่ที่โคน ก่อนที่มันจะพุ่งขึ้นมาที่ปลายและปลดปล่อยของเหลวขุ่นๆ ออกมาเต็มโพรงปากของเอิร์ท ผมนอนหอบน้อยๆ ไม่ถึงกับหมดแรงแต่เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน ผมกลืนน้ำลายลงคอ ค่อยๆ ดันข้อศอกขึ้นมองเอิร์ทที่เลียไปทั่วกลางลำตัวของผม จนน้ำสีขาวที่เปรอะอยู่เล็กน้อยหายไปจนหมด


“แมทขอโทษ… เอาออกจากปากเอิร์ทไม่ทัน…” ผมบอกอย่างรู้สึกผิด เอิร์ทยกมือเช็ดปาก พร้อมกับยิ้มร้ายกาจนิดหน่อย เขาลุกขึ้นนั่งคล้ายท่าขัดสมาธิ แต่แบะขากว้างเล็กน้อย มือซ้ายยันร่าตัวเองเองไว้ด้านหลัง มือขวาก็รูดอาวุธคู่กายของเขาขึ้นลง พร้อมส่งสายตาคล้ายคนเจ้าเล่ห์มาให้ ผมเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเขาสื่อถึงอะไร แต่ผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เพราะเมื่อกี้เขาก็ทำให้ผมจนเสร็จเหมือนกัน


ผมคลานเข่าเข้าไปหาเขา พอถึงตัวเอิร์ท เขาก็ยกมือขวามาจับที่หลังคอผมและดึงลงไปรับจูบอันดูดดื่ม ลิ้นที่เขาส่งมาเกี่ยวกระหวัดของผมยังมีกลิ่นคาวปะแล่มๆ ของน้ำในตัวผมติดอยู่เล็กน้อย เราจูบนัวเนียกันสักพัก เอิร์ทก็ผละออก และใช้สองมือยันร่างตัวเองไว้ด้านหลัง ส่วนด้านหน้าตรงกลางตัวของเขา ตั้งตรงแข็งแรงรอผมจัดการอยู่


ผมก้มลงไปใช้ปากให้กับเขา เป็นครั้งแรกที่ผมใช้ปากให้กับผู้ชายคนอื่น ขนาดวิคเตอร์ผมยังไม่เคยเลย รสชาติเนื้ออุ่นๆ กระจายไปทั่วลิ้น เหมือนกับมีแท่งเหล็กร้อนอยู่ในปาก ปลายลิ้นผมสัมผัสกับส่วนปลายของน้องชายเอิร์ท รสชาติเค็มๆ ฝาดๆ ของน้ำใสๆ ติดอยู่ที่ปลายลิ้น ผสมกับรสชาติเนื้ออุ่นๆ อันอวบอัดของเอิร์ท


“อ้า… อืม… ดี แมทดี…” เอิร์ทครางอย่างสุขใจ ใบหน้าแหงนขึ้น นั่งเอาแขนยันตัวเองไว้นิ่งๆ ปล่อยให้ผมจัดการกับกลางลำตัวของเขาอย่างเงอะงะ ผมระวังไม่ให้ฟันไปโดนส่วนเนื้อของเขา เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ ผมผงกหัวขึ้นลงช้าๆ น้ำลายช่วยในการหล่อลื่นได้ดี


“บ๊วบ…” เสียงลมจากปากที่คับแน่นไปด้วยความเป็นชายอันใหญ่โต ยามที่ผมกดหัวลงจนแท่งร้อนของเอิร์ทมิดเข้าไปในปากเกือบถึงลำคอด้านใน เอิร์ทส่งเสียงซี๊ดซ๊าดตอนที่ผมกดปากแช่ไว้และเม้มปากแน่นจนรัดน้องเขา


“แมท…โอยยย… จะออกแล้ว…” ผมกดแช่ไว้อย่างนั้น จนในที่สุดเอิร์ทก็ตัวกระตุกแรงๆ หนึ่งทีพร้อมกับปลดปล่อยน้ำข้นๆ รสชาติฝาดเฝื่อนเข้าไปเต็มปากและลำคอของผมจนผมสำลัก


“อุก…อุก…” ผมสำลักจนน้ำสีขาวล้นออกมาอาบเอ็นแข็งๆ ของอีกฝ่าย เอิร์ทรีบดึงหน้าผมออกเมื่อเห็นว่าผมกำลังสำลักทั้งที่ความแข็งขืนของเขายังแช่อยู่ในปาก


“เฮ้ย… เป็นไรมั้ย…” ผมไอเบาๆ อีกสี่ห้าครั้ง เอิร์ทใช้มือเช็ดน้ำที่เลอะไปรอบปากผมจนมันสะอาด พอเห็นว่าผมเริ่มหยุดไอ เอิร์ทก็ยิ้มกริ่ม ดึงหน้าผมไปรับจูบอันอ่อนโยน เขาส่งลิ้นเข้ามาในปาก กวาดไปรอบๆ ราวกับจะทำความสะอาดให้ เสียงจูบจุ๊บจั๊บดังอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เอิร์ทจะผละออก พร้อมกับส่งยิ้มให้ผม ส่วนผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ พอพายุแห่งอารมณ์พัดผ่านไป ความไม่สบายใจก็เข้ามาแทนที่ในใจ


“เดี๋ยวนอนพักก่อนแล้วกัน ค่อยตื่นมากินข้าว” เอิร์ทว่าในขณะที่ขยับตัวลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดทำความสะอาดตัวเขา ผมพยักหน้ารับเพลียๆ รู้สึกอยากนอนเหมือนกัน มีกิจกรรมอย่างนี้ทีไร เหมือนโดนสูบพลังทุกที เอิร์ทเอาพาขนหนูพาดไว้บนราวแขวนผ้าในห้อง เดินกลับมาที่เตียง ถลกผ้านวมสีน้ำตาลออก สอดตัวเข้าไปและเอื้อมมือมาดึงผมให้เข้าไปนอนด้วยกัน ผมหันหลังให้เขา เอิร์ทเลยดึงให้แผ่นหลังผมไปชิดกับด้านหน้าของเขา มือซ้ายเอื้อมไปดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมร่างของเราสองคน เอิร์ทกระชับอ้อมกอดรอบตัวผมไว้ ขาซ้ายก่ายขึ้นมาบนสะโพกผมเล็กน้อย


“แมทไม่ได้อยู่หอใช่มั้ย เดี๋ยวเอิร์ทไปส่งที่บ้านนะ” ผมแหงนหน้าไปยิ้มอ่อนให้เขาและพยักหน้ารับ หันหน้ากลับมาตามเดิม เอิร์ทกดจูบลงบนแก้มซ้ายผมหนึ่งที แล้วนอนกอดผมไว้จากทางด้านหลัง


ผมนอนลืมตาอย่างครุ่นคิด ในหัวมีความคิดมากมาย แต่จับประเด็นไม่ได้สักทีว่าตัวเองกำลังคิดอะไรกันแน่ ผมนึกถึงหน้าคนชื่อขวัญ ถึงเอิร์ทจะบอกว่าไม่ได้เป็นไรกัน แต่ดูท่าทางขวัญจะชอบเอิร์ทมาก แม้ความสัมพันธ์ของเขาสองคนจะคลุมเครือ แต่ผมกำลังคิดว่า ที่ผมเข้ามาแบบนี้นี่ ผมเป็นมือที่สามใครหรือเปล่า


อีกคนที่ผมกำลังคิดถึงคือวิคเตอร์ แน่นอนว่าต้องคิดถึง เขาเคยบอกว่าผมเป็นของเขา เป็นเอเลี่ยนน้อยของเขาคนเดียว ส่วนเขานั้นไม่รู้ว่าเคยเป็นของผมบ้างหรือเปล่า และในตอนนี้ผมอาจจะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเอิร์ท ทั้งที่จริงผมไม่ได้นอกใจวิคเตอร์เลยสักนิด ก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมก็มีโอกาสอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมรักเขา คิดถึงเขาก็จริง แต่การรักและคิดถึงแบบที่ไม่มีวันรู้ว่าจะสมหวังหรือไม่แบบนี้ บางทีมันก็ท้อใจนะ


รอรักกับรอบอกลา ไม่ว่ายังไงมันก็คือวิคเตอร์คนเดียวที่จะให้คำตอบนี้กับผมได้


แต่ตอนนี้นะวิคเตอร์… คุณจะว่าผมไม่ได้หรอก คุณไม่มีสิทธิ์ว่าผม เหมือนกับที่ผมไม่มีสิทธิ์ว่าคุณที่คุณมีคนอื่น ถ้าตอนนี้ที่ผมทำคงเรียกว่านอกกาย แต่บางคนอาจจะเรียกว่านอกใจก็ได้ แต่ถึงนอกใจยังไง ใจผมก็ยังรักเขา ผมไม่อยากบอกว่ารักเขาแค่คนเดียวอีกแล้ว เพราะผมหวังว่าสักวันผมจะรักเอิร์ท อย่างที่เอิร์ท (บอกว่า) รักผมบ้าง


TBC...




พบกันตอนหน้าค่าาา ชาวเล้าเป็ดดด  :mew1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 100%}19.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 19-07-2015 08:11:10
แมทน้อยเลือกเอิร์ทเถอะ ปล่อยอีพี่วิคเตอร์ปายยยย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 100%}19.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 19-07-2015 21:26:58
บางทีก็คิดว่าได้กับเอิร์ทให้อิวิคอกแตกตายไปเลยยยยยยย
แต่เราเป็นมาโซเราเชียร์วิคนะ แงงงงงงงงงง 55555
โอยยยยยย เอาใจช่วยนุ้งแมทท
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 50%}22.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-07-2015 16:14:59
Only You EP.3 :: Ending of beginning. [50%]



เปิดเทอมมาสองอาทิตย์แล้ว สภาพจิตใจผมเริ่มอยู่ตัวมากขึ้น ที่บอกว่าอยู่ตัวเพราะผมทำอะไรไม่ได้กับเรื่องวิคเตอร์ เขาเงียบหายไปจริงๆ ไม่มีการติดต่ออะไรกลับมาทั้งสิ้น และผมก็ไม่คิดจะสืบเสาะหาข่าวคราวของเขาจากคุณเบนหรือคุณเอมิลี่อีกแล้ว ผมอยากจะปล่อยให้เรื่องนี้จบลงไปเงียบๆ เหมือนกับข่าวระหว่างเขาและผมที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรยืดยาวอีกต่อไป เพราะไม่มีภาพหลุดใดๆ ระหว่างผมกับวิคเตอร์มาตอกย้ำ นักข่าวเลยเลิกเล่นประเด็นเรื่องที่เขาเป็นเกย์ไปแล้ว แต่ตอนนี้มีภาพหลุดระหว่างเขากับนางเอกหนังเรื่องใหม่ของเขาแทน ผมกำลังงงและสับสนว่า เขาไม่ได้ควงกับอันเดรียนา นางแบบสาวคนนั้นแล้วเหรอ ถ้าให้ผมเดา คงเลิกไปแบบที่ไม่มีสื่อไหนจับภาพของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน


วิคเตอร์ก็ยังเป็นวิคเตอร์ที่เปลี่ยนผู้หญิงได้เรื่อยๆ แบบไม่คิดอะไรมาก จะหวงจะหึง ผมก็ทำได้ไม่เต็มที่ หรือเรียกได้ว่าไม่มีสิทธิ์ทำเลยมากกว่า รู้สึกแย่ รู้สึกเฟลดาวน์ยังไง ผมก็ได้แต่บอกให้ตัวเข้มแข็ง และใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป ตอนนี้เปิดเทอมแล้วเลยทำให้ในแต่ล่ะวันของผมไม่ค่อยเงียบเหงา เพราะมีเพื่อนๆ คอยสร้างสีสันให้กับชีวิตผม และอีกอย่างผมคิดว่าในเคสของผมนั้นมันไม่ได้เรียกว่าอกหักหรือเลิกรักกัน หรือแตกหักกัน แต่มันเป็นความสัมพันธ์เงียบๆ ที่เงียบสงัดจนหาจุดของความสัมพันธ์นี้ไม่เจอ พอไม่เจอก็เลยปล่อยให้มันจางหายไป มันคงเป็นแค่เซ็กส์ชั่วคราวเท่านั้น


ถึงจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ ทุกวัน เพราะเทอมนี้เรียนน้อย แต่ผมก็ยังหาเรื่องออกจากบ้าน เพราะตอนนี้ผมกับเอิร์ทเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น แต่ก็ยังไม่คบกันหรอกนะ เหมือนเอิร์ทจะรู้ว่าขอผมคบไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา มันไม่ใช่ว่าผมกั๊กหรือทำตัวเลือกได้ หรือว่าทำตัวให้เอิร์ทง้อ ผมไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก เพียงแต่ผมรู้สึกว่า อยากขอเวลาอย่างที่บอกเขาไป อยากให้มันค่อยๆ เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น แม้เราสองคนจะเกินเลยกันทางกายไปแล้วก็ตาม แต่ในเรื่องระดับความสัมพันธ์ผมคงต้องขอตั้งสติใหม่ในการสานต่อกับเขา จะพยายามไม่อ่อนไหวหรือใช้ความอ่อนแอของตัวเองมาตอบรับเขาอีก เอิร์ทเองก็เหมือนรู้ว่าผมยังแอบมีวิคเตอร์อยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่พูดอะไร และเอิร์ทเองก็ไม่แสดงออกว่าจีบผมอย่างชัดเจนเหมือนตอนอยู่นิวยอร์ก แต่เรื่องแทะเล็มนั้นก็มีมาเรื่อยๆ บางทีเวลาอยู่กับเพื่อนๆ เขา เอิร์ทก็ชอบโชว์ซีนหวานๆ ให้เพื่อนๆ ดู ยิ่งเวลาตั้งวงเหล้าที่บ้านเพื่อนเอิร์ทแล้วล่ะก็ เลเวลเอิร์ทจะยิ่งคึกคะนองมากขึ้น อย่างตอนนี้ก็เช่นกัน


“ไหนไอ้เอิร์ท จูบเจ้าแม่ให้ดูหน่อยดิ๊วะ” ไนน์ พ่อหนุ่มแว่นที่เป็นคนจุดประเด็นเรื่องผมกับเอิร์ทว่าได้กันหรือยัง ยุด้วยหน้าขึ้นสีจากฤทธิ์แอลกอฮอล์


“มึงท้าคนผิดแล้ว เดี๋ยวมึงดู… มามะแมทที่รัก ให้ว่าที่สามีจูบทีซิจ๊ะ…” ผมย่นคิ้วใส่เอิร์ทและพยายามผลักหน้าเขาออกไป แต่สุดท้ายเขาก็จับหน้าผมให้หันไปรับจูบที่ริมฝีปากจนได้ เพื่อนๆ เขาส่งเสียงเฮกันยกใหญ่ เอิร์ทจุ๊บผมเสร็จ ก็ส่งเสียงคึกครื้นดังลั่นบ้าน ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มเอือมๆ และพยายามห้ามเอิร์ทไม่ให้กินเหล้าเยอะนัก เพราะเดี๋ยวเขาต้องขับรถกลับหอ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เอิร์ทขอให้ผมมานอนด้วย แต่เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยอย่างวันนั้นอีกแล้วล่ะ มากสุดก็แค่กอด จูบ หอมแก้มกันเท่านั้น แม้เอิร์ทจะอยากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ขืนใจ หรือบังคับอะไรผมเลย


อีกอย่าง ความรู้สึกผิดตงิดใจยังคั่งค้างอยู่ในใจผมอยู่เลย ทั้งที่จริงผมไม่สมควรรู้สึกแบบนี้ด้วยซ้ำ


“ไอ้นี่มันหน้าด้านจริง จูบเมียต่อหน้าเพื่อนเป็นสิบคน” พ่อตี๋มีลักยิ้มนามว่าเปาบอกด้วยเสียงติดตลก ทำเอาทุกคนส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ไม่รู้เพราะฮาจริงๆ หรือเพราะเมาผสมกับบารากุกันแน่เลยส่งเสียงดังกันขนาดนี้ แต่แถวนี้ไม่มีใครด่าหรอก ส่วนมากเป็นนิสิตนักศึกษานี่แหละที่เช่าอยู่ เรื่องเสียงดังเลยกลายเป็นเรื่องปกติ


“แล้วอย่าเผลอไปจูบใครต่อหน้าเจ้าแม่เมียมึงนะไอ้เอิร์ท” ไนน์บอกด้วยสีหน้าเอาเรื่อง ตั้งแต่รู้จักกันกับเพื่อนๆ เอิร์ท ไนน์ที่มีท่าทีกวนๆ มึนๆ คนนี้แหละที่คอยปกป้องผมเวลาที่โดนเพื่อนเอิร์ทคนอื่นแกล้งหนักๆ ส่วนเอิร์ทบางทีก็ชอบร่วมแกล้งผมไปกับคนอื่นด้วย แต่พวกนี้ไม่ได้แกล้งอะไรรุนแรงหรอก แค่แกล้งขำๆ หยอกๆ เท่านั้น เช่น รุมเอาแป้งเด็กมาเทใส่หัวและตัวผมจนขาวไปทั้งตัว ผมผู้ซึ่งเป็นคนตัวเล็กๆ คนเดียวได้แต่ปล่อยเลยตามเลย


“ไอ้เหี้ยไนน์ อย่าหาประเด็นให้ครอบครัวกูร้าวฉาน” เอิร์ทชี้หน้าไนน์ แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายที่ทำหน้าตายพร้อมกับยักไหล่กวนๆ ผมหันไปมองเอิร์ทแล้วหรี่ตามองคล้ายว่าจับผิด


“อะไร ท่าทางร้อนตัวนะ นี่แอบมีชู้ล่ะสิ” ผมเบ้ปากใส่ผู้ชายที่นั่งข้างๆ ไม่ได้คิดจริงจังหรอก แต่ก็แอบคิดกับตัวเองนะว่าถ้าเอิร์ทมีคนอื่นขึ้นมาจริงๆ ผมจะรู้สึกยังไง คงไม่หนักมากมั้ง เพราะเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย


“เปล่า เปล่าเลยที่รัก สามีไม่มีใครจริงๆ” เอิร์ททำหน้าอ้อน ผมยิ้มกว้าง เวลาปกติไม่ค่อยเห็นเขาในมุมนี้เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าเมาๆ ทีไร จะได้เห็นมุมมุ้งมิ้งของเขา ที่จริงเอิร์ทก็ไม่ใช่คนคออ่อนนะ เพียงแต่พอกินเหล้าเข้าไป เหมือนเขาจะอารมณ์ดีมากขึ้น



“โอ๊ยยย จะอ้วกกก!” ทุกคนรอบวงเหล้าพร้อมใจกันส่งเสียงเหมือนอยากจะอ้วกออกมาจริงๆ เอิร์ทไม่สนใจ ยังคงลอยหน้าลอยตาทำท่าอ้อนใส่ผม เอาหัวมาถูไหล่ไปมาเหมือนตอนแมวคลอเคลียเจ้าของไม่มีผิด


“พอแล้ว อายมั่งเถอะ” ผมพยายามดันหัวเขาออกจากไหล่ เอิร์ทแกล้งทำฝืนตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายผมก็ดันเขาออก และลุกขึ้นยืน เอิร์ทรีบโอบแขนรอบเอวผมทันที


“จะไปไหนอ่ะ”


“ไปเข้าห้องน้ำ” ผมย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย เอิร์ทยิ้มแป้น ตาเยิ้ม หน้าแดงปลั่ง จูบลงบนหน้าท้องผมหนักๆ


“รีบกลับมานะ” ผมแอบกลอกตาหนึ่งที แต่ก็มีรอยยิ้มที่ปาก ดึงแขนเขาที่โอบรอบเอวออกและเดินเข้าในบ้านเพื่อไปเข้าห้องน้ำ จัดการปลดทุกข์และล้างมือเรียบร้อยก็เดินออกมา แต่ในจังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปด้านนอก ผมก็หยุดเดินเพื่อแอบฟังอะไรนิดหน่อย


“กูพูดเล่น มึงอ่ะแหละร้อนตัวไปเอง!”


“มึงก็รู้ว่ายังไงกูก็ร้อนตัว ยังจะพูดให้กูรู้สึกอีก!” เสียงเอิร์ทดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนฝูง ผมแอบฟังและส่ายหัวเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม นี่ถ้าให้เดาจากประโยคที่คุยกัน เอิร์ทคงมีชนักอะไรสักอย่างติดหลังอยู่แน่ๆ


“มึงก็เคลียร์อีกคนให้เด็ดขาดหน่อยเถอะไอ้เอิร์ท กูสงสารเขา มึงจะเล่นทั้งหน้าทั้งหลังแบบนี้ไม่ได้นะ” เสียงของเปาดังขึ้น คล้ายจะมีน้ำเสียงจริงจังเจือปนอยู่ด้วย


“เออ เดี๋ยวกูเคลียร์เองแหละ”


“เคลียร์เหี้ยไรล่ะ อาทิตย์ที่แล้วมึงยังไปหาเขาอยู่เลย”


“ไอ้เหี้ยเปา เบาๆ หน่อย เดี๋ยวแมทได้ยิน” ผมแอบยิ้มเบ้ปาก อยากจะเดินออกไปบอกเหลือเกินว่าได้ยินแล้ว และพอจับเรื่องมาโยงหากันได้อยู่บ้าง เอิร์ทคงมีใครอีกคนอยู่แน่ๆ ก็ต้องยอมรับนะว่าใจผมมันกระตุกวูบบางเบา คือไม่ใช่ว่าผมลึกซึ้งอะไรกับเอิร์ทหรอก ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพิ่งคลุกคลีกันจริงจังอาทิตย์สองอาทิตย์เอง เพียงแต่นึกถึงที่เขาพูดคล้ายกับว่าจริงจังกับผมแล้วมันก็แอบเสียความรู้สึกนิดนึงเหมือนกัน


ผมรอจังหวะที่ทุกคนเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วทำเนียนว่าเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เอิร์ทหันมายิ้มเนียนๆ และดึงให้ผมลงไปนั่งข้างๆ เขาตามเดิมทันที แขนซ้ายกอดเอวผมไว้ไม่แน่นไม่หลวมเกินไป


ทุกคนพร้อมใจกันเปลี่ยนเรื่องคุย ผมก็มีแอบคิดเรื่องที่เอิร์ทคุยกับเพื่อนๆ บ้าง ตอนนี้ที่อยากรู้คือคนที่เอิร์ทไปหานั้นเป็นใคร ผมกำลังนึกถึงผู้หญิงที่ชื่อขวัญ คนที่เป็นแฟนเก่าของเอิร์ท อย่างที่ผมเคยสงสัยว่าท่าทางความสัมพันธ์ของสองคนนี้น่าจะซับซ้อนพอควร ขนาดเอิร์ทเองยังบอกเลยว่าเธอไม่ใช่แฟน แต่ก็เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่เรียกว่ากิ๊ก สรุปผู้หญิงคนนั้นนี่อยู่ในสถานะไหนก็ไม่รู้


“เป็นอะไรอ่ะแมท ดูเหม่อๆ นี่แอบคิดถึงไอ้ฝรั่งนั่นปะเนี่ย” เอิร์ทถามหลังจากเราสองคนขอตัวกลับก่อนในเวลาเที่ยงคืน เรากำลังเดินไปที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เอิร์ททิ้งไว้


“จะพูดถึงคนอื่นทำไมเนี่ย” ผมขมวดคิ้วใส่เขาน้อยๆ ยกมือตีไหล่เขาเบาๆ แบบไม่จริงจัง


“อ้าว ก็เห็นเหม่อ นึกว่ากำลังใจลอยถึงมัน” เอิร์ทเบ้ปากใส่ผมตอนที่เราเดินมาถึงรถที่จอดไว้ตรงปาทางเข้าซอยหมู่บ้านของเพื่อนเอิร์ท


“คิดเรื่องเอิร์ทนั่นแหละ” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้น มองผมด้วยความประหลาดใจ แต่ริมฝีปากเขาก็แอบคลี่ยิ้มน้อยๆ


“จริงดิ คิดเรื่องเอิร์ทอยู่หรอ คิดว่าไร”


“คิดว่าเอิร์ทต้องมีชู้อยู่แน่ๆ” เอิร์ทแอบสะดุ้งไปนิดหนึ่ง ผมเลยยิ้มเบ้ปากกลับ เอิร์ทรีบดึงให้ผมไปที่รถทันที เขานั่งลงบนเบาะและดึงผมให้เข้าไปยืนตรงหว่างขาเขา สองแขนโอบรอบเอวผมไว้แน่น สีหน้าเขาเริ่มมีแววลนลาน


“ไปเชื่อไอ้ไนน์มันทำไม ไม่เอาๆ ลืมๆ เอิร์ทไม่มีใครจริงๆ นะ” เอิร์ทบอกสีหน้าอ้อน เอาคางมาเกลี่ยที่อกผมไปมาเบาๆ ผมยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นโอบรอบคอเขา


“ไม่มีใคร เพราะมีอยู่แล้วรึเปล่า” เอิร์ทชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะทำหน้าตีเนียนและส่ายหัวนิดหน่อย ผมแอบทำหน้าเอือมนิดๆ กำลังคิดว่าแค่ยอมรับความจริงมันจะเป็นอะไรไป จะได้เคลียร์กันไปเลย


“ไม่มี ถ้าแมทหมายถึงขวัญ เราไม่ได้มีอะไรกันนะ เออ… เคยมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว” ผมอยากจะถามเขาต่อว่าตอนนี้น่ะตอนไหน คือหมายถึงแค่ในช่วงอาทิตย์ใหม่นี่ใช่หรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกันซะเปล่าๆ


“มีอะไรให้บอกกันนะเอิร์ท บอกกันตรงๆ อย่าแอบไปทำอะไรลับหลังแมท” แม้จะมืดสลัว แต่ผมก็เห็นว่าสีหน้าเอิร์ทแอบฉาบไปด้วยความกังวลอยู่ไม่น้อย เขาพยักหน้ารับรัวๆ มีการยกมือขึ้นสามนิ้วเป็นสัญลักษณ์ของการสาบานอีก


“ไม่มีจริงๆ ครับว่าที่เมีย เชื่อใจว่าที่ผัวนะ” ผมยิ้มเพลียและพยักหน้ารับ เอิร์ทยิ้มกว้าง ยื่นหน้ามาจุ๊บริมฝีปากผม และหันไปจัดการสตาร์ทรถเพื่อพาผมกลับไปที่หอเขา


กลับมาถึงหอ เขาก็ให้ผมเข้าไปอาบน้ำก่อน พอผมอาบเสร็จเขาก็เข้าไปอาบบ้าง ผมนั่งอยู่บนเตียงใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัวให้แห้ง ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงไลน์ในโทรศัพท์เอิร์ทเด้งไม่หยุด ด้วยความขี้เผือกและอยากรู้อยากเห็น ผมเลยหยิบโทรศัพท์เขาขึ้นมาดู แต่ไม่ได้ปล็ดล็อคเข้าไปดูหรอก อ่านจากที่มันเด้งๆ บนหน้าจอเอา ผมเอียงคอเล็กน้อยอ่านข้อความที่เพิ่งส่งมาใหม่รัวๆ ไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก เพราะอีกฝ่ายพิมพ์เร็วมาก มันเลยเด้งๆ จนอันเก่าหายไป จะให้เปิดอ่านเลยก็ดูจะเสียมารยาท (ยังพอมีจิตสำนึก)


Kwan: จะทิ้งขวัญจริงๆ เหรอ ขวัญรักเอิร์ท…


Kwan: ทำไมวะเอิร์ท ขวัญยอมเอิร์ทขนาดนี้แล้ว ทำไม…
   

ผมอ่านข้อความได้แค่นั้น เพราะมันล้นจนตัดข้อความที่เหลือออก ใจผมกระตุกนิดๆ ถึงจะไม่เห็นข้อความก่อนหน้านี้ หรือข้อความหลังจากนี้ แต่แค่ประโยคพวกนี้ก็พอจะรู้ได้ว่า กำลังมีดราม่าระหว่างเอิร์ทกับขวัญอยู่แน่นอน ผมถอนหายใจหนักๆ วางโทรศัพท์ลงที่เดิม ปล่อยให้เสียงไลน์เด้งต่อไป


เอิร์ทเดินเปลือยท่อนบนใส่แต่กางเกงบอลตามนิสัยออกมาด้านนอก มีผ้าขนหนูคล้องคอและเขากำลังใช้มันเช็ดหัวให้แห้ง เขามองหน้าผมตาใส สีหน้าเขาหน้ามึนจนผมอดยิ้มขำไม่ได้ เอิร์ทเห็นผมยิ้มเลยยิ้มตาม เขาเดินอ้อมเตียงมาฝั่งที่ผมนั่งอยู่ นั่งลงข้างๆ กัน จากนั้นก็ยกตัวผมขึ้นไปนั่งบนตักเขา ผมหยุดเช็ดหัวตัวเอง หยิบผ้าขนหนูที่คล้องคอเขาอยู่มาเช็ดหัวเขาเบาๆ


“แต่งงานกันปะ” เอิร์ทถามพร้อมรอยยิ้มหวานพอๆ กับดวงตาของเขา ผมแสร้งทำหน้าเชิดใส่ อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ กับท่าทีผม


“สินสอดแพงนะ แมทกะจะเรียกให้ล้มละลายเลย” ผมบอกพลางขยุ้มเส้นผมเขาอย่างเบามือ เอิร์ทยิ้มกว้างอย่างที่ว่าหล่อมากมาให้


“ละลายได้เท่าใจเอิร์ทเวลาแมทจูบเอิร์ทเปล่า”


“เสี่ยวอีกละ เปิดเพจมุขเสี่ยวเกี้ยวสาวเลยมั้ยล่ะ”


“เกี้ยวแมทคนเดียวได้ปะล่ะ” ผมยิ้มกว้างเขินๆ แอบจับหัวเขาโยกไปมาแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ เอิร์ทหัวเราะเสียงทุ้ม จับมือผมไว้และดึงออกจากหัว ยื่นหน้ามาจูบปากผม ค่อยๆ โลมเลียอย่างช้าๆ แล้วก็สอดลิ้นเข้ามาอย่างอ่อนโยน เอิร์ทพาผมล้มตัวลงนอนบนเตียง ผมนั่งคร่อมเขาไว้ เอิร์ทยกมือขวามากดท้ายทอยผมไว้ จูบแลกลิ้นกับผมอย่างอ่อนนุ่ม


กริ๊งงง~ กริ๊งงง~


เสียงโทรศัพท์เอิร์ทดังขึ้น เจ้าของมือถือส่งเสียงในลำคออย่างขัดใจทั้งที่ยังจูบผมอยู่ ผมดึงหน้าตัวเองออกจากเขา เอิร์ทจิ๊ปากหน้ามุ่ย


“รับโทรศัพท์ก่อน”


“ใครแม่งโทรมาตอนตีสองวะ” เขาสบถด้วยอาการหัวเสีย เอื้อมแขนยาวๆ ไปหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะหัวเตียงมาดูหน้าจอ เขาเหลือบมองหน้าผมนิดหน่อย ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้เขารับสาย


“ฮัลโหล… คุยไรอีก ก็คุยไปแล้วไง… เออ ก็ตามนั้นอ่ะ… ยังไม่ได้คบกัน… เฮ้ย เมาแล้ว ไปนอนก่อนมั้ย… ไปได้ไงอ่ะ เอิร์ทอยู่กับเขาเนี่ย… เพื่อนไปไหนหมด… เออ เอิร์ทมันเหี้ย ก็รู้ตัวเองอยู่หรอก…” ผมจะล้มตัวลงนอนข้างๆ เขา แต่เอิร์ทกลับไม่ยอม ยื่นมือซ้ายมาดึงผมให้นอนลงไปบนแผ่นอกและแผ่นท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาแทน ผมเลยยกมือมาวางซ้อนคางตัวเองไว้ นอนมองเขาคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเครียดขรึม


“ไม่ไป… อย่าเกรียนตอนนี้ดิวะ… เฮ้ย…” ผมดึงมือถือออกจากหูของเอิร์ท ก่อนที่เขาจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ยกมือปิดตรงลำโพงที่คุยเอาไว้


“ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แต่เขาคงอยากเจอเอิร์ทมาก เอิร์ทไปเถอะ” เขาทำหน้าตาตื่น และส่ายหัวปฏิเสธทันที


“ได้ไง คืนนี้เอิร์ทจะนอนกับแมท”


“ก็ไม่ได้บอกว่าให้ไปนอนกับเขา แค่ออกไปเจอ ไปพูดกับเขาหน่อย เสร็จแล้วก็กลับมานอน” เขาชั่งใจกับคำพูดผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้ารับเบาๆ


“เดี๋ยวเอิร์ทรีบไปรีบกลับ แค่ไปรับเขาจากผับแถวนี้ แล้วก็ไปส่งหอ” ผมผงกหัวขึ้นสองสามที ลุกออกจากตัวเขา เอิร์ทลุกขึ้นยืน เดินไปหาเสื้อยืดมาใส่ ก่อนออกไปก็เดินมาจูบหน้าผากผมก่อน


“รอเอิร์ทด้วยนะ เดี๋ยวกลับมานอนด้วย”


“รีบไปเถอะ” เอิร์ทเดินออกจากห้องไป ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นและถลกผ้านวมออก สอดตัวเข้าไปนอน เหม่อมองเพดานสีขาวสะอาดตาอย่างครุ่นคิด ทำไมช่วงนี้ผมใช้ความคิดบ่อยจัง บางทีก็อยากให้ตัวเองเอาเวลาที่คิดมากเรื่องพวกนี้ไปคิดเรื่องเรียน เรื่องหางานทำเยอะๆ บ้าง


ผมนอนคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย จนกระทั่งเริ่มคล้อยหลับ ไม่รู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่าที่ให้เอิร์ทออกไปตอนนั้น แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาไม่กลับมาที่ห้องอีกเลย



TBC.    :hao5:


ไม่รู้จะพูดอะไร เอิร์ทคะ 555555

ไม่รู้จะเม้าท์อะไรดี เอาเป็นว่าขอบคุณชาวเล้าเป็ดที่ยังติดตามกันอยู่เนาะ อาจจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ขอบคุณค่ะ เข้าใจว่าส่วนใหญ่จะไปอยู่อีกที่มากกว่า ตอมมาที่นี่ช้าเอง 5555 ไว้เรื่องใหม่จะลงพร้อมๆ กันทั้งสองที่

แต่ฝากเพลงนี้ไว้ละกันค่ะ... อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ... ช่างเข้ากับบรรยากาศนิยายช่วงนี้เหลือเกิน

พูคคุยสนุกๆ กันนอกรอบได้ที่เพจหรือทวิตค่ะ คนเขียนชอบเม้าท์กับคนอ่านนอกรอบบ่อยๆ เปิดประเด็นหนุกๆ คุยกัน และกดไลค์ไว้ก็จะได้อัพเดตข่าวสารอย่างรวดเร็ว แจ้งอะไรไปก็จะได้รับรู้พร้อมกันเนอะะ


 :sad4:


หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 50%}22.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 22-07-2015 19:58:07
คืออะไรวะ 55555555555555 คือแมทเนี่ยอะไรวะ 55555
ดูจะกั๊กๆเอิร์ทอ้ะแบบจะอ๊ะเปิดใจมั้ย อ๊ะไม่เอาดีกว่า - -
เอิร์ทก็แบบ...ค่ะ  ตัดอีกคนไม่ขาดแต่คนนี้ก็จะเอางี้  ไปค่ะเข้าลัทธิอีวิคเตอร์ไปอีกคน

แมท.... ถอยห่างเรื่องรักๆใครๆมั้ยลูก หนูดูจะไม่รุ่งเลย 5555555 
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-07-2015 16:39:59


Only You EP.3 [100%]




ผมตื่นตอนเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ยังคงไร้วี่แววของเอิร์ท จะบอกว่าผมไม่รู้สึกอะไรเลยมันก็เป็นไปไม่ได้ ตื่นขึ้นมาแล้วยังไม่เจอเขา มันก็โหวงๆ เหมือนกันนะ เหมือนอกมันกลวงๆ แปลกๆ ยิ่งพอรู้ว่าจริงๆ แล้วเมื่อคืนนี้เขาไปหาใคร ใจมันยิ่งเย็นยะเยือก ผมไม่ว่า ถ้าเขาจะยังอะไรกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ แต่ช่วยเคลียร์ผมให้รู้เรื่องก่อนมั้ย ปากบอกว่าจริงจัง จริงใจกับผม แต่การกระทำอีกส่วนหนึ่งกลับทำให้ผมไม่มั่นใจในคำพูดของเขาเอง ที่บอกว่าส่วนหนึ่ง เพราะอีกส่วนหนึ่งของการกระทำเขา ก็ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่เหมือนกัน


ผมสลัดความคิดทั้งหลายออกจากหัวและลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ผมไม่มีเรียนหรอกเพราะวันนี้วันเสาร์ เอิร์ทเองก็ไม่มีเรียนเหมือนกัน แต่เขามีนัดทำงานกับเพื่อนๆ ซึ่งเห็นว่านัดกันตอนเที่ยงนี้ แต่นี่ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาอาบน้ำแต่งตัวเลย


ตอนที่ผมแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เอิร์ทก็ยังไม่กลับมา ผมเริ่มรู้สึกหิว เพราะนี่มันแปดโมงกว่าแล้ว กำลังชั่งใจว่าจะออกจากหอเขาไปเลยดีกว่ามั้ยหรือจะรอเขากลับมาดี สุดท้ายผมเลยเลือกที่จะโทรหาเขา เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรเอายังไงกับตัวเองดี


[ฮัลโหลค่ะ…] เสียงผู้หญิงดังมาตามสาย ทำเอาผมใจแป้ว เกิดอาการชะงักพูดไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงเหมือนคนติดอ่างไปตามสาย


[ถ้าจะคุยกับเอิร์ท เขาอาบน้ำอยู่ค่ะ เดี๋ยวให้เขาโทรกลับ… ใครโทรมา] ได้ยินเสียงเอิร์ทดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ ผมแอบข่มอารมณ์วูบไหวในอกเอาไว้ พยายามคุมสติไม่ให้กระเจิดกระเจิง


[ไม่รู้ดิ ตอนเขาโทรมาขวัญรับมึนๆ อ่ะ] เสียงกุกกักดังขึ้น คงเป็นตอนที่เอิร์ทดึงมือถือไป ผมแอบได้ยินเสียงเอิร์ทสบถว่า เชี่ย เบาๆ


[ฮัลโหลแมท!] น้ำเสียงร้อนลน ฟังดูกระวนกระสายดังมาตามสาย ผมกลืนน้ำลายลงคอและกรอกเสียงปกติธรรมดาลงไปในโทรศัพท์


“คือแมทจะโทรมาถามว่า เอิร์ทจะกลับรึเปล่า พอดีแมทหิวข้าว ถ้ายังไม่กลับไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวแมทไปกินข้าวแล้วจะได้กลับเลย”


[เดี๋ยวเอิร์ทกลับตอนนี้เลย อย่าเพิ่งไปไหนนะ]


“เอ่อ… แน่ใจหรอ เพื่อนเอิร์ทเหมือนยังไม่โอเคนะ อยู่ดูเขาก่อนก็ได้”


[ไม่เป็นไร แมทรอที่ห้องนะ อย่าเพิ่งไปไหน] เอิร์ทตัดสายทิ้งไป ผมได้แต่ยืนงงพักหนึ่ง ถอนหายใจช้าๆ รู้สึกชาๆ ที่หัวใจอยู่เหมือนกัน


รอประมาณสิบยี่สิบนาทีเอิร์ทก็เปิดประตูห้องเข้ามาด้วยชุดเดิม ในมือเขาถือกล่องข้าวขนาดใหญ่มาสองกล่อง ใบหน้าเขาออกอาการอึกอัก แลดูอึดอัดเล็กน้อย ผมคลี่ยิ้มบางให้เขาและลุกขึ้นยืน


“อ้าว ซื้อมาแล้วหรอ นึกว่าจะไปกินที่ร้าน” เอิร์ทหน้าตึงเครียดเล็กน้อย เขาวางถุงข้าวลงบนโต๊ะทำงาน เดินมาหาผมและดึงเข้าไปกอดเอาไว้


“กินที่นี่แหละ…” ผมยกมือขึ้นตบแผ่นหลังเขาเบาๆ


“…เอิร์ทขอโทษ ขอโทษที่ไม่กลับมาตามที่บอก เมื่อคืนรอนานรึเปล่า” ผมดันตัวเขาออกช้าๆ และส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขาที่กำลังมีสีหน้าเครียดขึง


“ก็สักพักนึงนั่นแหละ แต่ไม่ทันไรก็หลับ ไม่ต้องขอโทษหรอก เอิร์ทก็คงต้องดูแลเพื่อนทั้งคืน” คล้ายว่าเอิร์ทจะสะอึกไปเล็กน้อย ผมคลี่ยิ้มอ่อนตอบกลับไป


“แมท โกรธเอิร์ทมั้ย” ผมส่ายหัวยิ้มๆ


“ไม่โกรธ…” เอิร์ทมองหน้าผมอย่างจริงจังราวกับอยากได้คำตอบจริงๆ ผมถอนหายใจหนักๆ และพูดเสียงเรียบ


“…ไม่โกรธ แต่เอิร์ทก็น่าจะโทรบอกกันบ้างว่าจะไม่กลับห้อง” สีหน้าเอิร์ทมีแววรู้สึกผิดปรากฏอย่างชัดเจน


“เอิร์ทขอโทษ เอิร์ทไม่ได้ตั้งใจลืมนะ” ผมยิ้มมุมปากหน่อยๆ


“ถ้าตั้งใจ ก็ใจร้ายเกินไปแล้ว”


“ไม่…” เอิร์ทบอกด้วยน้ำเสียงมีแววเจ็บปวด แววตาเขาเหมือนคนรู้สึกทรมานกับอะไรสักอย่าง


“เอาตรงๆ เอิร์ทไปนอนกับเขามาใช่มั้ย” คนถูกถามเงียบสนิท แววตาเขาเปลี่ยนเป็นตื่นกลัว ใบหน้าเขาแทบจะถอดสีจนจะซีดเป็นไก่ต้ม ถึงไม่ตอบ ผมก็ได้คำตอบจากกิริยาของเขาแล้วล่ะ


“เอิร์ท… ถ้าเอิร์ทยังตัดคนชื่อขวัญไม่ขาด เอิร์ทก็ไม่ควรมีแมท หรือมีใคร” เอิร์ทส่ายหัวสั่นๆ ทันที


“เราตัดขวัญแล้ว แต่ขวัญไม่ยอมไป…”


“…อย่าเห็นแก่ตัวสิ เอิร์ทเองก็ไม่ยอมตัดขาดจากขวัญเหมือนกัน เอิร์ทเองก็ยังรั้งเขาไว้อยู่ ไม่ว่าจะรั้งไว้ด้วยเรื่องอะไรก็ตาม แต่คือเอิร์ทรั้งเขาไว้ จะบอกว่าขวัญรั้งเอิร์ทฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ ก็การกระทำของเอิร์ท มันทำให้เขาไม่ไปไหนไง เพราะเขายังมีความหวังอยู่” ผมพูดน้ำเสียงปกติ ไม่ได้ดุด่าหรือว่ากล่าวอะไรเขาเลย ไม่ได้สอนด้วย แค่พูดไปตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง


“เอิร์ทบอกว่าแมทมีใครอีกคนอยู่ในใจ เอิร์ทเองก็เหมือนกันนั่นแหละ โอเค เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในใจเอิร์ท แต่กายเอิร์ทก็ไม่เคยห่างเขา แล้วแบบนี้เราสองคนจะไปรอดได้ยังไง ในเมื่อต่างคนต่างยังมีใครอยู่แบบนี้”


“รอดดิแมท เอิร์ทจะเลิกกับขวัญเด็ดขาด และเอิร์ทก็ขอให้แมทตัดขาดจากไอ้ฝรั่งนั่นจริงๆ”


“สำหรับแมท ถึงแมทไม่ตัดเขา เขาก็ตัดแมทไปแล้ว เขากับแมทไม่มีวันกลับมาเจอกันอีกแล้ว แต่เอิร์ทกับขวัญสิ อยู่ใกล้กันแค่นี้ แล้วความสัมพันธ์เอิร์ทกับเขา ก็มีมายาวนานแล้วด้วย ถ้าจะตัดจริงๆ แมทว่าเอิร์ทตัดไปนานแล้วแหละ…”


“เอิร์ทตัดแล้วจริงๆ นะ แต่ทุกวันนี้มันเป็นแค่เซ็กส์…” ผมรู้สึกว่าเหมือนโดนเอิร์ทตบหน้าเลยแฮะ นึกถึงสถานะตัวเองตอนอยู่กับวิคเตอร์แล้วก็อดสงสารขวัญไม่ได้


“เอิร์ท ขวัญเขามีหัวใจนะ ผู้หญิง พอรักแล้ว เขาก็รักเลย เขาไม่ได้มองเป็นแค่เรื่องเซ็กส์หรอก แต่เขารัก เอิร์ทอย่าทำร้ายขวัญโดยการทำเหมือนว่าขวัญคือเครื่องระบายทางเพศสิ” เอิร์ทนิ่ง แต่ใบหน้านิ่วคิ้วขมวด จ้องหน้าผมแทบไม่กระพริบตาเลยสักนิด ส่วนผมรู้สึกเหมือนกำลังรีเพลย์พูดเรื่องตัวเองไม่มีผิด


“เอิร์ทจะไม่ทำอย่างนั้นกับขวัญอีก เลิก เลิกจริงๆ” เขาบอกสีหน้าเสริมประโยคนั้น ความหวาดกลัวเจือปนอยู่ในน้ำเสียงและสีหน้าของเขา


“ถามใจตัวเองให้ดี ว่าทุกวันนี้รักเขาอยู่มั้ย ถ้ารัก กลับไปหาเขาได้เลยนะ แมทยินดี อะ… โอเค เมื่อเช้าตอนตื่นมา แมทรู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันที่ไม่เจอเอิร์ท ปกติตื่นมาก็จะเจอเอิร์ทนอนอยู่ข้างๆ” เอิร์ททำหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็เป็นยิ้มที่ไม่เต็มปากนัก


“แมทยอมรับนะว่าก็รู้สึกดีกับเอิร์ท ฉะนั้นแมทเลยอยากให้ความรู้สึกดีๆ แบบนี้มันยังคงอยู่กับเราสองคนต่อไป แมทไม่อยากให้สิ่งที่เอิร์ทกำลังทำมาทำลายมิตรภาพระหว่างเราสองคน”


“แมทจะเลิกดูใจกับเอิร์ทหรอ…” เขาว่าเสียงอ่อย


“ทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อเอิร์ทยังมีอีกคนอยู่ ถึงไม่ได้คบกับเขาก็ตาม แต่แมทไม่อยากอยู่แบบนี้นะ แมทไม่อยากเจ็บ แมทเจ็บกับความรักมาเยอะแล้ว และแมทไม่อยากเจ็บเพราะเอิร์ท คนที่แมทรู้สึกขอบคุณเสมอที่รักแมทขนาดนี้” ผมเม้มปาก รู้สึกถึงความชุ่มชื่นที่ขอบตาตัวเอง พอเอาเข้าจริงๆ ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกเศร้ากับสิ่งที่เอิร์ททำ ขนาดแค่ลองคิดว่าถ้าเกิดคบกันไป แล้วผมต้องมานอนรอเขาแบบนี้ทั้งคืน โดยที่เขาไปอยู่กับใครอีกคน มันคงเป็นบรรยากาศที่เศร้ามาก ขนาดยังไม่ได้คบกัน ผมยังรู้สึกจิตใจอ่อนไหวเลย


“แมท อย่าร้องไห้ ด่าเอิร์ท ตบเอิร์ท แต่อย่าร้องไห้ เอิร์ทมันเหี้ย…” เอิร์ทบอกด้วยสีเจ็บปวด ผมยกมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม นึกว่ามันจะไม่ไหลแล้วนะ แต่ผมรับกับเรื่องทำนองนี้ไม่ค่อยได้ ผมไม่เคยมีแฟนก็จริง แต่เวลาได้ยินเรื่องของคนรอบข้างว่าแฟนแอบไปมีคนอื่น ผมก็อดจะรู้สึกใจไม่ดีแทนเขาไปด้วยเสมอ เพราะผมรู้สึกว่าคนรักกัน ทำไมไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ทั้งๆ ที่เอ่ยปากตกลงคบกันแล้วไม่ใช่เหรอ


แล้วอีกอย่างผมก็อ่อนแอและอ่อนไหวที่หัวใจมากพออยู่แล้ว พอเจอเรื่องแบบนี้เข้าไป มันยิ่งแอทแทคใจผมเหลือเกิน ผมคงต้องเรียนรู้เรื่องความรักอีกมาก บางทีแค่สถานะที่มีต่อกัน มันอาจไม่ได้การันตีว่าเขาจะไม่นอกใจเรา ดูอย่างดาราบางคู่สิ แต่งงานกันมาตั้งหลายปี สุดท้ายฝ่ายชายก็แอบไปมีชู้


“จะด่าอะไร มันเป็นสิทธิ์ของเอิร์ท เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย…” เอิร์ทนั่งลงบนเตียงและดึงผมลงไปนั่งตัก


“…ที่แมทร้องไห้ เพราะแมทรู้สึกเศร้าใจกับการกระทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะเอิร์ท ไม่ว่ากับใครก็อย่าทำ ความรู้สึกของคนไม่ใช่ของเล่นนะจริงๆ” ผมยิ้มเศร้า ไม่รู้ว่าเศร้าเพราะผู้ชายคนนี้หรือเพราะผู้ชายอีกคนที่ตอนนี้ไม่มีตัวตนในชีวิตผมไปแล้ว


“ถ้าเราคบกัน เอิร์ทจะไม่ทำแบบนี้อีก ไม่จริงๆ” เขาบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ถ้าเป็นตอนที่อยู่นิวยอร์ก แล้วไม่มีวิคเตอร์ ผมคงเชื่อเขามาก แต่พอเกิดเรื่องเมื่อคืน ผมว่าแค่คำพูดมันก็ไม่น่าจะใช่คำตอบทุกอย่าง


“ก็พูดได้สิ ตอนนี้ยังไม่ได้แมทนี่ พอได้แล้วก็คงทิ้งๆ ขว้างๆ อย่างที่ทำกับผู้หญิงคนนั้น” ผมยิ้มขมขื่น เอิร์ทมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เขายกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ราวกับจะปลอบโยน


 “ถ้าเอิร์ทเคลียร์เรื่องขวัญได้ แมทจะกลับมาหาเอิร์ทรึเปล่า”


“เอาให้ถึงตอนนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เอิร์ทยังตัดเขาไม่ขาด ก็อย่าเพิ่งอะไรกับแมทเลย จริงๆ แล้วกับแมท เอิร์ทอาจจะแค่รู้สึกว่ามันตื่นเต้น ท้าทายแปลกใหม่อยู่ก็ได้ ที่แบบว่า ปกติเอิร์ทชอบและจีบผู้หญิงมาตลอด วันนึงก็แค่อยากลองเปลี่ยนรสนิยมเล่นๆ” เอิร์ทส่ายหัวเร็วๆ


“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ เอิร์ทไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับแมท” ผมยิ้มอย่างรู้สึกดีกับคำพูดของเขา แต่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย


“อันที่จริงว่าแต่เอิร์ทไม่ได้หรอก แมทเองก็ยังเคลียร์ใจตัวเองไม่เรียบร้อยเลย แต่ก็มาให้ความหวังเอิร์ทเฉย เรามันก็นิสัยไม่ดีทั้งคู่แหละเนอะ…” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา รีบยกมือขึ้นมาปาดมันออกไปจากแก้ม รู้สึกจุกอยู่ที่คอ ความคิดมากมาย และความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว เอิร์ทมองผมด้วยสายตาห่วงใย ผมคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง


“…ขอบคุณมากนะเอิร์ท ขอบคุณมากจริงๆ ที่รักแมท แมทไม่เคยได้รับความรู้สึกที่พิเศษขนาดนี้จากใครมาก่อนเลย เอิร์ทเป็นผู้ชายคนแรกที่มองแมท ชอบแมท แล้วก็จีบแมท และคิดจะคบแมทจริงจังด้วย รู้มั้ยว่าสำหรับคนที่ไม่เคยมีใครเข้ามาอย่างแมท มันรู้สึกดีแค่ไหน” น้ำตาผมแห้งเหือดหายไป ผมถอนหายใจยาวเหยียด รู้สึกโล่งอยู่เหมือนกันที่น้ำตาไหลเอาความอึดอัดออกมาจากในอก


“งั้นเรามาเริ่มใหม่กันเลยมั้ย” ผมยิ้มบาง เลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง ส่ายหน้าไปซ้ายขวาเป็นสัญญาณปฏิเสธ


“อย่าเพิ่งเลย เริ่มทั้งๆ ที่เอิร์ทยังไปนอนกับอีกคนเงี้ยอ่ะหรอ แมทไม่อยากมีฟีลแบบว่าเมียหลวง เมียน้อยนะเอิร์ท”


“ถ้าเป็น แมทก็เป็นเมียหลวง เมียหลวงของเอิร์ทคนเดียวด้วย” โธ่ พ่อดร.อนิรุทธ์แห่งเมียหลวง กะจะเก็บอิฉันไว้บนหิ้งบูชา แล้วก็ไปสนุกสุขสันต์กับนางอื่นบนเตียงน่ะเหรอ


“พูดทั้งๆ ที่เพิ่งไปนอนกับคนอื่นมาเนี่ยนะ นี่แมทควรรู้สึกดีมั้ยเนี่ย” ผมยิ้มขำๆ ที่ผสมความขื่นให้เขา เอิร์ทยิ้มตอบกลับมาเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นไม่แพ้กัน


“เราขอโทษที่ทิ้งแมทไว้คนเดียว”


“ช่างเถอะ ก็นอนได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ตื่นมาแล้วรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยเท่านั้น…” ผมมองหน้าเขาที่หน้ายังตึงเครียดอยู่นิดๆ


“…ถ้าเราคบกันไป แล้วเอิร์ทยังมีนิสัยอย่างนี้อยู่ บอกตรงๆ แมททำใจไม่ได้หรอก ตอนนี้เรายังไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก แมทยังร้องไห้เลยอ่ะ ถ้าคบกันจริงจังแล้วเจอแบบนี้ แมทกลัวจะเกลียดเอิร์ท แล้วกลายเป็นว่าเราจะไม่หลงเหลืออะไรดีๆ ระหว่างกันเลย” เอิร์ทมองหน้าผมราวกับกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ครู่หนึ่ง สักพักเขาก็ถอนหายใจราวกับระบายความเครียดออกมาทางลมหายใจนั้น


“เอิร์ทจะรีบเคลียร์ตัวเอง” ใจผมกระตุกกับประโยคนั้น คล้ายว่าผมเคยได้ยินใครอีกคนเคยพูดประโยคนี้ แล้ว ณ ตอนนี้เขาก็หายไปเคลียร์ตัวเองนานมากแล้ว


“อย่ารีบมาก เดี๋ยวจะเคลียร์แบบค้างๆ คาๆ มันไม่ดี” เอิร์ทยิ้มน้อยๆ โน้มมาจูบหน้าผากผมหนึ่งที


“คืนนี้อย่าเพิ่งกลับเลยนะ นอนด้วยกันอีกคืนเถอะ” ผมส่ายหัวเนือยๆ พร้อมรอยยิ้มเนือยๆ ไม่แพ้กัน


“เอิร์ท… คือเอิร์ทเพิ่งไปมีอะไรกับแฟนเก่ามานะ แล้วตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยแม้แต่นิด จะให้แมทนอนอีกทำไมเนี่ย ไปนอนกับขวัญนู่นไป๊!” ว่าจะไม่ประชดแล้วนะ แต่พอได้พูดแล้วมันก็อดไม่ได้จริงๆ เอิร์ทหน้าเสียไปทันทีที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น


“อย่าไล่เอิร์ทแบบนั้น แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว” เขาโอดครวญ สีหน้าเหยเกราวกับโดผมเหยียบเล็บขบที่ตีน


“อะ… แล้วถามจริงๆ ว่าทำแบบนี้ทำไมล่ะ ที่แมทให้ออกไปเมื่อคืน คือให้ไปเคลียร์กัน แต่ดันไปเคลียร์กันบนเตียง คือถึงแม้ว่าแมทจะเป็นแฟนเอิร์ท แต่ถ้าเอิร์ทจะออกไป มันก็เป็นสิทธิ์ของเอิร์ทอยู่ดี แมทไม่มีสิทธิ์ห้าม รู้ทั้งรู้ว่าแฟนตัวเองจะออกไปหาคนอื่น ไม่มีใครทำใจได้หรอก แต่พอดีเรายังไมได้เป็นอะไรกันมันเลยยังไม่ได้หนักหน่วงมาก แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้สึกนะ อย่างที่บอก” ผมเม้มปากและยักคิ้วหนึ่งทีพร้อมกับส่ายหัวน้อยๆ สีหน้าและแววตาของพ่อรูปหล่อหน้าไทยเต็มไปด้วยความเสียใจและความรู้สึกผิด


“อย่าเกลียดกันนะ…”


“ตอนนี้ยัง แต่ถ้าเราดันทุรังฝืนกันต่อไปทั้งที่เอิร์ทยังคาราคาซังกับอีกคน แมทว่าแมทอาจเกลียดเอิร์ทได้”  เอิร์ทผ่อนลมหายใจออกทางจมูกแรงๆ ใบหน้าเขาตึงเครียด เขามองหน้าผมแล้วพยักหน้าเบาๆ


“งั้นกินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวเอิร์ทไปส่งนะ” ผมคลี่ยิ้มกริ่มและพยักหน้ารับคำของเขา


สุดท้ายที่อยากลองเปิดใจให้กับเอิร์ท ก็ดันทำได้ไม่เต็มที่ ยอมรับเลยว่าผมกำลังแง้มใจตัวเองทีล่ะนิดบ้างแล้ว แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ใจที่เริ่มแง้มก็ปิดลงตามเดิม ยังโชคดีเหลือเกินที่เราสองคนไม่ได้ล้ำลึกอะไรกันไปมากกว่านี้ ยังอยู่แค่ในช่วงดูใจกันอยู่ มันเลยไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายถึงขั้นจะเป็นจะตาย


แต่ที่ผมแอบเสียใจและรู้สึกนอยด์นั่นคือ ความรักของผมมันจะแย่อย่างนี้อยู่เรื่อยเลยใช่มั้ย ทำท่าว่าจะดีๆ สุดท้ายก็เหลวไม่เป็นท่าจนได้ หรือชีวิตผมจะไม่รุ่งกับเรื่องความรักกันนะ



TBC.


 :o12:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 23-07-2015 18:08:32
 :L1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-07-2015 19:04:11
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 23-07-2015 19:16:36
มาดันค่ะ เพิ่งเห็นว่าลงบอร์ดแล้ว  สู้ๆ นะคะ นิยายเรื่องนี้ละเอียดและสมจริงดี ฉากอีโรติกก็สุดยอด  :laugh: แต่บางทีเม้นท์ทีานี่น้อยก็ไม่ต้องน้อยใจหรอกค่ะ ดูจากยอดอ่านก็พอชื่นใจไกเบ้าง เพราะบางท่านก็ไม่มีล้อกอินเพื่อเม้นท์ แต่ยังคอยติดตาม

เราชอบเรื่องนี้ (มาก) ของขุ่นเจ้ตั้งแต่บอร์ดเด็กดีแล้ว เม้นท์ที่ยาวๆ และพล่ามมากหน่อย บทวิจารณ์ก็ชมอย่างเดียว   :laugh:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 25-07-2015 14:41:02
ตามลุ้นไปกับแมทตั้งนาน
เราว่าแมททิ้งแม่มให้หมดทุกคนนี่ละ
ไปกิ๊กแชทกับพี่อดัมยังจะแฮปปี้กว่า
เซ็งทั้งพี่ยักษ์ ทั้งเอิร์ท  :m16:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 26-07-2015 00:06:19


ONLY YOU EP.4 :: Heart failure. [50%]



“อ้าว นี่สรุปแกไม่ได้กิ๊กกับเขาหรอกเหรอ ฉันนึกว่าแกกับเขามีซัมติงกันซะอีก” เก้าบอกน้ำเสียงประหลาดใจ เบิกตากว้างมองไปที่เอิร์ทกับขวัญที่กำลังเดินออกไปจากตึกคณะของผมด้วยกัน ผมมองตามและได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปตอบเก้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
   

“เป็นเพื่อนกัน ก็ตอนที่อยู่นิวยอร์ก มีเด็กไทยเยอะที่ไหนล่ะ พอเจอเด็กไทยด้วยกันก็เลยเกาะกลุ่มกันไว้ เลยสนิทกันตามประสาเพื่อนนั่นแหละ” ผมยัดขนมสแน็คแจ๊ครสบาร์บีคิวเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ 
   

“ก็สองอาทิตย์ก่อนดูแกกับเขาตัวติดกันจะตาย”
   

“แกไม่เคยเป็นหรอที่ช่วงนึงจะสนิทกับเพื่อนคนนึงมากๆ เพราะมีเรื่องคุยกันตลอด แต่พอห่างกัน มันก็ไม่ได้ว่าไม่สนิทกันแล้ว แค่เรื่องที่คุยกันมันน้อยลงเฉยๆ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงปกติ เก้ากับแบมและคนอื่นๆ หันไปสนใจกิจกรรมที่ตัวเองกำลังทำ ตอนนี้เป็นเวลาว่างก่อนขึ้นเรียนคาบบ่าย พวกเราเลยมานั่งกันใต้ตึกคณะ
   

ผมกับเอิร์ทคุยกันน้อยลง แต่ก็ยังคุยกันอยู่บ้างทางเฟซบุ๊ค ทางว้อทแอพ เวลาผมอัพรูปอะไรในไอจี เอิร์ทก็ชอบมากดไลค์ มาคอมเม้นต์แซวๆ ตลอด หรือสถานะ รูปต่างๆ ในเฟซบุ๊ค เอิร์ทก็ตามมากวนประสาทไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ก็ใช่ว่าเขาตามติดผมแบบรักและเทิดทูนบูชาขนาดนั้น ความรู้สึกเหมือนเพื่อนสนิททั่วๆ ไปมากกว่า
   

ผมไม่รู้ว่าเขากับขวัญเป็นยังไงบ้าง เพราะไม่ได้ถามไถ่ใดๆ จากเขาอีก เวลาเจอเพื่อนๆ เอิร์ท ทุกคนก็ยังทักทายผมด้วยความสนุกสนานตามปกติ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเอิร์ทอีก ไม่รู้ว่าพวกเขารู้เรื่องระหว่างเราสองสามคนมากน้อยแค่ไหน แต่ผมว่ามันก็ดีกว่าการที่จะเอาเรื่องผมมาเป็นประเด็นในวงสนทนาของพวกเขา ถึงผมจะไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง แต่ผมเห็นขวัญแท็กรูปคู่กับเอิร์ทมาบ่อยๆ ส่วนเอิร์ทไม่เคยลงรูปคู่กับขวัญเลย อันที่จริงเขาไม่ค่อยอัพเดตอะไรเลยต่างหาก ตามประสาผู้ชายที่มีไลฟ์สไตล์ไม่ได้ติดโซเชียลขนาดหนัก
   

จากการลงรูปคู่ของขวัญในเฟซบุ๊ค ผมว่าผมก็พอจะรู้แล้วว่าเอิร์ทเลือกแบบไหนกันแน่ แม้จะแอบหวิวๆ ในหัวใจ แต่ผมก็ยินดีกับเขาด้วยที่เขากลับไปสู่หนทางตามปกติที่เขาเป็นมาตั้งแต่แรก ไม่มีใครอยากจริงใจกับเพศอย่างผมหรอก ขนาดคนที่ได้กันแล้วอย่างพ่อหนุ่มอังกฤษยังเลือกที่จะกลับไปเดินทางปกติเลย แล้วมันจะแปลกอะไรกับพ่อหนุ่มไทยที่ยังไม่ได้กัน แล้วเขาจะหันหลังกลับไปสู่ชีวิตปกติของเขา
   

“หูยยย! จริงหรอไอ้วอร์ม แกมีอะไรกับผู้หญิงได้สามสี่รอบต่อวันเลยหรอ แกถึกไปปะวะ” เสียงอยากรู้อยากเห็นของแคทดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งกินขนมพร้อมกับนั่งทำสไลด์เตรียมพรีเซ้นต์ฝึกงาน
   

“มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ยแคท เบาๆ หน่อยก็ได้” ไอ้วอร์มมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าอายๆ แคทยกมือปิดปากหน้าตาตกใจ และรีบลดเสียงลง
   

“ก็ฉันรู้สึกตกใจนี่หว่า แกมีอารมณ์ขนาดนั้นเลยหรอ”
   

“ไอ้วอร์มมันออกกำลังกาย เล่นกล้าม กินแต่อาหารเพื่อสุขภาพ มันเลยฟิตไง” แชมป์เป็นผู้เฉลยให้กับแคทที่กำลังทำสีหน้าสนอกสนใจ และตอนนี้ไม่ใช่แค่แคท แต่ทั้งกลุ่มเรากำลังสนใจในหัวข้อนี้ของไอ้วอร์มเหลือเกิน
   

“แต่แกก็ไปฟิตเนสกับมันไม่ใช่หรออีแชมป์ แกก็ดูปกตินะ…” คนถูกทักยิ้มมุมปากเขินๆ เล็กน้อย ก่อนที่ซี้ของมันจะเป็นคนพูดแทน
   

“มึงรู้ได้ไงว่ามันปกติ” ชะนีทั้งกลุ่มอ้าปากหวอ มองไปทางไอ้แชมป์ผู้โสดใสซื่อ โอเค ถึงมันจะโสดแต่ผมว่าหน้าตาดีอย่างมันก็คงไม่น่าร้างเรื่องผู้หญิง แถมมันยังรวยมากมาย ผู้หญิงน้อยคนแหละที่จะปฏิเสธมัน
   

“โอ้! มายก็อด นี่ไอ้วอร์มวันล่ะสามสี่รอบ แล้วมึงเท่าไหร่เนี่ยไอ้แชมป์” แคททำด้วยสีหน้าทึ่งๆ แชมป์ทำหน้าเขินอายแบบประหม่านิดหน่อย ผมเข้าใจมันนะ จู่ๆ ก็โดนผู้หญิงถามเรื่องบนเตียง ถึงจะเพื่อนสนิทกัน แต่มันก็คงกระอักกระอ่วนใจที่จะตอบ
   

“ก็แล้วแต่ว่ะ ถ้าเว้นไปนาน ก็ห้าหกรอบในครึ่งวันก็มี…”
   

“อู้ววว! ตายๆ พังค่ะ ชะนีพังค่ะเจอมึงสองคนเนี่ย!” ผมยิ้มขำกับอาการโอเวอร์ของแคท แล้วสักพักหน้าของวิคเตอร์ก็ลอยเข้ามา ไม่ได้ว่าคิดถึงทุกช่วงเวลาจนเพ้อถึงเขาหรอกนะ แต่พอคุยเรื่องแบบนี้ ผมก็อดนึกถึงเขาไม่ได้ เพราะวิคเตอร์เป็นคนที่แฮปปี้กับเรื่องเซ็กส์มาก ยิ่งพอไอ้วอร์มกับไอ้แชมป์พูดถึงเรื่องการมีอะไรครั้งล่ะหลายๆ รอบ ผมยิ่งนึกถึงเขา
   

“แล้วถ้าแบบว่า ไม่ได้เว้นนาน แต่สามารถมีต่อเนื่องได้หกเจ็ดรอบนี่แปลกปะวะ” ผมถามเสียงอ่อยพร้อมรอยยิ้มแหยๆ ทุกคนหันมามองผมด้วยสายตาตื่นๆ
   

“เฮ้ย อีแมท นั่นคนปะวะ มีเซ็กส์ติดต่อกันหกเจ็ดรอบเนี่ย” เหมียวทักด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
   

“คือมันก็ไม่ได้คอนตินิวท์ต่อเนื่องอ่ะ คือ… ฉันหมายถึงคนๆ นั้นอาจจะมีช่วงพักเบรกบ้าง แต่สักพักก็จะมีต่อได้เลย” พูดไปก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแฉตัวเอง ผมเลยพยายามบิดเบือนคำพูดเต็มที่
   

“ถ้ามีพักเบรกก็ไม่แปลก มันก็เป็นเรื่องปกตินะ แต่ถ้ามีอะไรต่อเนื่องแบบไม่พักเบรกเลย กูว่านั่นไม่ใช่คนละ แม่งคงฟิตปั๋งจริงๆ อ่ะ อย่างกูถึงมีอะไรได้สามสี่ครั้ง แต่ปวดจู๋ชิบหาย ไอ้ที่แบบเอาต่อเนื่องทั้งที่เสร็จแล้ว แบบยังแข็งไม่ยอมลง มากสุดแค่สองสามรอบแหละกูว่า” ผมมองหน้าไอ้แชมป์ ยิ้มแห้งๆ แล้วแอบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ก็ไอ้ยักษ์วิคเตอร์มันสามารถคอนติวนิวท์ทั้งที่ยังแข็งไม่ยอมลงได้ถึงสามรอบ ถ้าเกินนั้นมันก็หยุดพักแปบนึงเพื่อเรียกคืนพละกำลัง งั้นแบบนี้ไอ้ยักษ์ก็ไม่ใช่คนแล้วปะวะเนี่ย
   

“อ้าว ถ้าพวกมึงปวดน้องมึงอย่างงั้น แล้วจะมีทำตั้งหลายรอบวะ วันล่ะครั้งนี่ก็พอแล้วมั้ง” แบมบอกด้วยสีหน้าสอดเสือกเต็มที่
   

“บางคนก็มีวันล่ะครั้ง บางคนอาทิตย์ล่ะครั้ง เดือนล่ะครั้ง ก็แล้วแต่พฤติกรรมและนิสัยเรื่องเพศของแต่ล่ะคน หรือเรียกบ้านๆ ก็คือความหงี่นั่นแหละ สุขภาพก็สำคัญ พวกที่รักษาสุขภาพตัวเองดีๆ อ่ะ ถ้าได้มีเซ็กส์ทีนะ แม่งโคตรอึด พวกที่เล่นกล้ามกับกูบางคน เคยพาเมียไปโรงบาลมาแล้วก็มี เพราะว่ามีอะไรหลายรอบเนี่ยแหละ” เหล่าชะนีส่งเสียงอื้ออึงด้วยความอึ้งเมื่อได้ฟังประโยคสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากไอ้วอร์ม ผมรู้สึกปากแห้งคอแห้งไปขึ้นมาทันใด เพราะผมก็เคยไปโรงพยาบาลมาเพราะมีเซ็กส์ แต่นั่นแค่รอบเดียวนะน่ะ ไอ้รอบปกติในบ้านนั่นจัดหนักจนแทบสลบ ถือว่าผมโชคดีและร่างกายแข็งแรงพอที่จะรับมือกับวิคเตอร์ได้สินะ ยิ่งเวลาเข้าไปในห้องเซ็กส์ทอย วิคเตอร์จะยิ่งมีพลังมากกว่าเดิม  ผมรอดออกมาได้นี่ถือว่าบุญยังคุ้มครอง ดีไม่ตายคาเตียง ไม่ตายคาเชือกที่มัดแขนมัดขาไว้
   

“แต่อย่างนึงที่กูว่าแม่งเป็นตัวชนวนสำคัญของอารมณ์ผู้ชาย คือคู่นอนเราว่ะ คือถ้าแฟนเรา หรือคู่นอนเราน่าเอา น่านอนด้วยนะ แม่งกกทั้งวันยังได้”
   

“เออ อันนี้กูเห็นด้วย ถ้ายิ่งเจอแบบรักถวายหัวนะ ยิ่งอยากเอา กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม” ไอ้แชมป์เสริมประโยคของไอ้วอร์มทันที ประโยคจากปากผู้ชายแท้ๆ สองคนในกลุ่ม ทำเอาผมสะดุดใจ ใจที่เคยเหี่ยวเฉา เกิดอาการเต้นแรงขึ้นมา ทั้งๆ ที่มันก็เคยเกิดอาการเต้นแรงแบบนี้มาก่อน แต่พอมันเต้นแรงขึ้นมาอีกรอบหลังจากนิ่งสงบมาเป็นเดือนๆ ก็ทำเอาผมแทบคุมมันไม่อยู่เหมือนกัน ไม่รู้จะเต้นแรงอะไรนักหนาทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรชวนให้ใจเต้นแรงๆ เลยสักนิด
   

“ไม่ลองมีเองวะแมท จะได้รู้คำตอบว่าผู้ชายอย่างเราๆ สามารถมีเซ็กส์ได้กี่รอบ” แชมป์แซวด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ ผมถลึงตาใส่มัน นั่นจึงทำให้มันกับไอ้วอร์มหัวเราะออกมา
   

“แกสองคนก็ถามไม่ให้เกียรติสภาพเพศเพื่อนเลยนะคะ แมทมันจะไปเอาใครล่ะ นอกจากมันจะโดนเอาเอง ใช่มั้ยแก”  เก้าหันมาพยักเพยิดกับผม ผมย่นคิ้วทำหน้าเอือมใส่มัน ไม่ได้จะทำใสซื่อหรอก แต่ก็ไม่อยากพูดไรมาก เดี๋ยวจะเผลอหลุดว่าตัวเองเสียซิงไปแล้ว
   

“แล้วมึงโดนเอายังวะแมท ถ้ายังไม่เคย กูช่วยมั้ย เพื่อนกัน แบ่งปันน้ำใจกันได้เว้ย!” แล้วทั้งกลุ่มก็ฮากับประโยคอันมีน้ำใจของอีแชมป์ ผมหยิบกระดาษเอสี่ที่เขียนประโยคสำหรับพรีเซ้นต์ฝึกงานไว้ขึ้นมาฟาดหัวมันไปหนึ่งที ทุกคนยิ่งหัวเราะเมื่อผมแยกเขี้ยวใส่มันและระดมตีหัวมันไม่เลิก จนมันดึงผมเข้าไปกอดนั่นแหละ ผมถึงหยุดและหันมาดิ้นๆ พยายามดันตัวเองออก คนอื่นๆ ส่งเสียงแซวสนุกสนาน อีแชมป์ก็ได้ใจ แกล้งหอมแก้ม หอมหัวผมยกใหญ่
   

“อั๊ยยย! อีแชมป์ ไอ้เชี่ยม!” แทนที่มันจะหยุด กลับส่งเสียงหัวเราะอยู่ได้
   

“พี่แมทคะ…” เสียงใสๆ พร้อมหน้าสวยๆ ของรุ่นน้องในเอกคนหนึ่งดังขึ้น นั่นจึงทำให้ไอ้แชมป์หยุดเล่นกับผม และเราทุกคนก็หันไปมองน้องคนสวยในเอกประจำปีสาม
   

“อาจารย์ณัฐวัฒน์เรียกพี่ไปพบที่ห้องพักของอาจารย์ค่ะ” ผมทำหน้าว่าอ้อ และพยักหน้ารับประโยคนั้น น้องคนสวยยิ้มให้และเดินไปหาเพื่อนๆ ที่รออยู่ พอน้องเดินไป ผมก็หันไปมองเพื่อนๆ งงๆ
   

“อาจารย์แกมีไรวะ”
   

“อ้าว ถามพวกฉัน แล้วฉันจะไปถามผีที่ไหนล่ะแก ก็นั่งอยู่ด้วยกันเนี่ย” แบมทำหน้าว่า มึงบ้าปะเนี่ย? ใส่ผม ส่วนผมก็ยังคงทำหน้างงต่อไป
   

“ก็ขึ้นไปหาแกดิ แกมีอะไรจะให้มึงทำแหละถึงได้เรียกขึ้นไป” แชมป์บอกพลางยกมือซ้ายมาโยกหัวผมเบาๆ ผมปัดออกสีหน้ามุ่ย ไอ้หน้าเกือบตี๋ยิ้มแฉ่งกวนตีนกลับมา
   

“ทำไมอาจารย์เขาไม่ลงมาหาฉันเองวะ”
   

“โอ้โห! อีเน่! แกคิดจะเล่นกับอาจารย์ใช่มะ เดี๋ยวก็โดนแกจิกกัดสามวันสามคืนหรอก” ผมหัวเราะกับประโยคของเหมียว ก่อนจะลุกขึ้นยืน ในจังหวะที่ลุกขึ้นยืนไอ้แชมป์ก็เอามือมาบีบก้นผมแรงๆ
   

“ฮิ้ววว! ก้นแน่นจังเลยนะครับน้องแมท!” ไอ้ดวกแชมป์ กูเนี่ยรุ่นพี่มึงอีกนะ ถึงจะห่างกันแค่ปีเดียวก็เถอะ ผมหยิบขนมปาใส่มัน แล้วเดินออกจากโต๊ะ ตรงไปที่ลิฟต์ กดเรียกลิฟต์สักพักมันก็ลงมา ผมก้าวเข้าไปข้างในคนเดียวแล้วกดเลขแปด ช่วงเวลานี้ไม่ค่อยมีคนใช้ลิฟต์เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็กำลังเรียนอยู่
   

ผมเดินออกจากลิฟต์ เดินตรงไปยังห้องพักของอาจารย์ณัฐวัฒน์ เคาะประตูเป็นการขออนุญาต พอได้ยินเสียงอาจารย์เรียกให้เข้าไปได้ ผมถึงเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับดันประตูปิดตามหลัง
   

“มีอะไรหรอครับอาจารย์” ผมยกมือไหว้แกพลางนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับอาจารย์ แกหยิบกระดาษโปสเตอร์แผ่นหนึ่งยื่นมาให้ผม ผมยื่นมือไปรับสีหน้างุนงง
   

“งานฟิล์มเฟสติเวิลของไทย?” อาจารย์ยิ้มกริ่มและพยักหน้าให้ ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยเสียงเป็นการเป็นงาน
   

“ครูรู้ว่าเธอชอบงานด้านภาพยนตร์ แต่ที่เอามาให้ดูเนี่ย ไม่ได้จะให้ไปทำหนังหรืออะไรหรอกนะ แต่พอดีทางทีมงานเขาติดต่อมาทางภาควิชา ว่าขอให้เธอไปร่วมงานด้วย” คราวนี้ผมทำหน้างงหนักเข้าไปอีก งานใหญ่โตระดับประเทศขนาดนี้ เขาควรติดต่อพวกดารานักแสดงไปร่วมงานไม่ใช่เหรอ แล้วเด็กปีสี่อย่างผมนี่มีความสำคัญกับงานนี้ตรงไหนเนี่ย
   

“ให้ผมไปร่วมงานเนี่ยนะครับ ไปในฐานะอะไรอะครับอาจารย์”
   

“เขาบอกให้เป็นเบื้องหลัง จริงๆ ทางทีมงานของไทยไมได้รีเควสเธอมาหรอก แต่เขาบอกว่าทีมงานต่างประเทศที่จะมาร่วมงานด้วยต่างหากที่รีเควสว่าอยากให้เธอไปร่วมงานด้วย” ผมก็ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ดี ถึงขั้นยกมือขึ้นมาเกาหัวงงๆ และก้มลงมองแผ่นโปสเตอร์โปรโมตงานภาพยนตร์นานาชาติในประเทศไทย
   

“คืองี้ ดาราที่ชื่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์อ่ะ เขาให้ทีมงานติดต่อมา ว่าขอให้เธอไปดูแลเขา ในระหว่างที่เขาอยู่ที่ไทย” คล้ายว่าลมหายใจผมจะหายไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังหายใจอยู่รึเปล่า ตอนที่ได้ยินชื่อวิคเตอร์ ใจผมกระตุกอย่างรุนแรง กระตุกวูบเดียวหนักๆ แล้วเหมือนกับมันหยุดเต้นไปเลย ตัวผมค่อยๆ เย็นวาบช้าๆ ผมเงยหน้ามองอาจารย์ด้วยลำคอที่แห้งผาก
   

“ได้ข่าวว่าตอนที่เธอไปฝึกงานที่นิวยอร์ก ก็คือไปดูแลเขาอ่ะหรอ” อาจารย์ถามยิ้มๆ ผมหุบหากที่อ้าอยู่เล็กน้อยลง พร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ พยักหน้ารับด้วยอาการสติหลุดลอย
   

“อ้าว แล้วนี่เป็นอะไรจ๊ะ หน้าซีด นั่งตัวแข็งทื่อเชียว” ผมทำหน้าตื่นตกใจ เหมือนว่าเพิ่งได้สติตอนที่อาจารย์ถาม ผมกระพริบตาเพื่อให้ตัวเองมีการขยับบ้าง
   

“เขาติดต่ออาจารย์มาเมื่อไหร่ครับ”
   

“ก็เมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง พอครูเลิกสอนก็เลยให้เด็กลงไปตาม” ใจผมที่คล้ายจะหายไป กลับมาเต้นให้รู้สึกว่ามันยังอยู่ในอก ไม่ได้ไปไหน ผมก้มลงมองหากำหนดการวันงานในโปสเตอร์
   

“งานมีเดือนหน้า…”
   

“ใช่ แต่ว่าไอ้พระเอกคนเนี้ย เขาจะมาเที่ยวไทยก่อนอาทิตย์นึง แต่อย่าไปบอกใครล่ะ เขาขอให้ปิดข่าว เพราะเขาอยากไปเที่ยวแบบส่วนตัว” ตอนนี้ผมรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องไปหมด เหมือนอะไรสักอย่างที่สงบไปนานแล้วกำลังตื่นตัวขึ้นมาอีกรอบ
   

“เธอเคยทำงานกับเขามาก่อน เขาก็คงอยากได้คนที่เคยร่วมงานกัน มาทำงานด้วย” และแล้วสมองกับใจผมก็ตีกันจนได้ แน่นอนว่าสมองบอกว่าไม่ให้ไป แต่ใจบอกให้ไปอย่าไปรีรอ
   

“ทำหน้าเหมือนไม่อยากทำ มีอะไรรึเปล่า” อาจารย์ถามเมื่อเห็นผมมีท่าทีอึดอัดใจ
   

ใจผมอยากไป มันกระโดดโลดเต้นตั้งแต่ได้ยินชื่อเขาแล้ว พอรู้ว่าเขาจะมาไทยยิ่งดีใจเข้าไปอีก แม้จะไม่ได้มาเพราะผม แต่อย่างน้อยเขาก็จะมาอยู่ใกล้ผมอีกครั้ง ผมควรจะตกปากรับคำกับการรีเควสนี้ทันที แต่ความทุกข์ใจที่เกาะกินใจผมมาตลอดสองเดือน มันกำลังเตือนผมว่าเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับเขาอีกเลย เขามาครั้งนี้ก็มาเพราะงาน ไม่ได้มาเพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับผม และพอจบงานนี้เขาก็จากผมไปพร้อมกับความหวังอีกมากมายที่ทิ้งไว้ให้กับผม เขาจะกำลังจะกลับมาทำให้ผมตกหลุมรักเขาซ้ำซาก
   

ผมไม่อยากอยู่ในสภาพอับเฉาและใจอันห่อเหี่ยวแบบนั้นอีก
   

“ผมขอปฏิเสธได้มั้ยครับ” ผมตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุดพร้อมกับวางโปสเตอร์ลงบนโต๊ะ อาจารย์ทำหน้าประหลาดใจที่เห็นผมปฏิเสธแทนที่จะตอบรับ
   

“ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกับเขารึเปล่า แต่ครูว่าไม่น่านะ เพราะทีมงานไทยบอกว่าเขาพูดว่า I need only him.”
   

“ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ แต่ผมแค่ไม่สะดวกจะไปทำ อาจารย์ก็รู้ว่าผมยังมีหน้าที่เรียนอยู่ ตอนที่ทำงานกับเขานั่นคือช่วงฝึกงาน มันไม่เหมือนกัน”
   

“อุ๊ย ไม่เป็นไรเลย เดี๋ยวครูทำเรื่องลาให้ ถือว่าเธอสร้างชื่อเสียงให้กับมหา’ลัยด้วยซ้ำ ถ้าเธอไป ครูมีคะแนนพิเศษให้สำหรับวิชาครูในเทอมนี้ด้วย จะได้เอาเอจากครูไปอีกตัว” อาจารย์บอกด้วยรอยยิ้ม ผมยิ้มเฝื่อนกลับไปจนอาจารย์ทำสีหน้าไม่เข้าใจ อาจารย์แกสอนละครเวที แกเป็นคนสอนผมให้ดูเรื่องแอคติ้งของนักแสดง ทำไมสีหน้าอมทุกข์ของผมแกจะดูไม่ออก
   

“ผมก็อยากไปนะครับ แต่ผมไม่สะดวกใจจะไปจริงๆ” อาจารย์มองหน้าผมนิ่งๆ สักพัก ก่อนจะถอนหายใจราวกับยอมแพ้ที่จะตื๊อผมต่อ อาจารย์เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้สีดำ พูดด้วยเสียงอ่อนโยนตามประสาคนเป็นอาจารย์
   

“ครูไม่รู้นะว่าเธอมีปัญหาส่วนตัวกับเขารึเปล่าในระหว่างที่อยู่นิวยอร์ก แต่ถ้าเธอไม่พร้อมจะไปครูก็ไม่อยากบังคับ…” ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อย อาจารย์ถอนหายใจพร้อมสีหน้าหนักใจ
   

“แต่ทีนี้เขาฝากมาบอกว่า ถ้าเธอไม่ไป เขาก็จะไม่ยอมมาร่วมงานที่ประเทศไทย ประเด็นคือเขารับค่าตัวไปแล้ว และค่าตัวเขาที่จ้างมาไม่ใช่ล้านสองล้าน มันมากกว่านั้นเยอะ” ผมที่กำลังอยู่ในโหมดเศร้า ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน
   

ไอ้ยักษ์ ไอ้เจ้าเล่ห์
   

“แล้ว… แล้วทำไมทางเราถึงไปจ่ายค่าตัวเขาก่อนล่ะครับ” ผมถามด้วยสีหน้าโง่ๆ ตอนนี้กำลังทึ่งกับกลอุบายของวิคเตอร์อยู่ ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยังมีลูกล่อลูกชนตลอดจริงๆ
   

“อ้าว ก็ทางเราอยากได้เขามาร่วมงานนี่ เห็นว่าพระเอกคนนี้กำลังดัง กำลังมีกระแสในด้านวงการภาพยนตร์ ทางผู้จัดงานเขาก็เชื่อว่าถ้าเอาเขามาแล้ว ก็จะสามารถโปรโมตงานนี้ให้เป็นที่รู้จักได้ในระดับสากล” ผมขมวดคิ้ว นึกโมโหอียักษ์แทนคนจัดงานจริงๆ แล้วคนจัดงานก็ดันยอมจ่ายไป ผมรู้หรอกว่ามันคุ้มค่ากับการที่จะได้โปรโมตงานนี้ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกโดยใช้ชื่อเสียงของพระเอกคนหนึ่งในวงการฮอลลีวูด แต่ทำไมถึงไม่จ่ายทีล่ะครึ่งอะไรแบบนี้นะ
   

“อาจารย์ คนจัดงานเขาคิดไม่ทันหรือไม่ทันคิด ว่าไม่ควรจ่ายเงินทีเดียว”
   

“เธอรู้มั้ยว่าพระเอกคนนี้ไม่รียกร้อง ไม่เรื่องมากอะไรเลย สิ่งเดียวที่เขาขอคือให้เธอไปดูแลเขาเท่านั้น นอกนั้นเขาแล้วแต่ทางทีมงานไทยจะจัดการให้ แต่เขาขอแค่ว่าคนดูแลต้องเป็นเธอเท่านั้น” ผมไม่รู้ว่าควรจะดีใจและเป็นปลื้มใจดีมั้ยที่กลายเป็นที่ต้องการของพระเอกดาวรุ่งกำลังดังอย่าง วิคเตอร์ เรย์มอนด์
   

“แบบนี้ก็เท่ากับว่า ยังไงผมก็ปฏิเสธเขาไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ยครับ”
   

“ถ้าเอาแบบไม่อ้อมค้อม ก็ถูกต้อง เรียกได้ว่าความอยู่รอดของประเทศอยู่ในมือเธอแล้ว” โอ้! ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน เก้งสาวตัวเตี้ยๆ ตันๆ คนหนึ่งกับภารกิจสำคัญระดับชาติ
   

“ผมต้องดูแลเขากี่วันครับ”
   

“น่าจะสักสองอาทิตย์นะ เขามาไทยก่อนงานเริ่มอาทิตย์นึง พองานจบก็เห็นว่าเขาจะอยู่เที่ยวต่อ” ผมถอนหายใจหนักๆ นึกถึงหน้าวิคเตอร์ตอนนี้ออกเลยว่าเขาจะยิ้มร้ายกาจแค่ไหนที่บีบผมได้อีกครั้ง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าไม่คิดจะมาหาผมอยู่แล้ว จะยังบังคับให้ผมไปหา ไปใกล้เขาอีกทำไม
   

“ผมควรตอบตกลงสินะครับ ถ้าไม่ตกลง งานคงขาดทุนย่อยยับ เพราะค่าตัวพระเอก” อาจารย์ยิ้มจนแก้มอิ่มและพยักหน้าหนักๆ หนึ่งที
   

อียักษ์ อีคนเจ้าเล่ห์ อีจอมบงการ ต้องการอะไรของแกอีก ถ้าคิดจะหายไปแล้ว ทำไมไม่หายไปตลอดเลยล่ะ มายุ่งกันอีกทำไม ถึงจะมาไทย ก็ไม่จำเป็นต้องให้ผมไปอยู่ใกล้ๆ สักหน่อย สองเดือนที่ผ่านมา ไม่มีผมก็อยู่ได้แล้วไม่ใช่หรอ ก็ไม่เห็นตายอย่างที่ปากว่า ไม่เห็นทุรนทุรายสักนิด พอความคิดตกตะกอนแล้วก็น่าจะรู้ตัวแล้วนี่ว่าไม่มีผมก็ใช้ชีวิตได้
   

หรือถ้าเขาจะบอกว่านี่คือการมาหาผมตามสัญญา ผมจะด่าเขาจนเทพีเสรีภาพหนีกลับฝรั่งเศส* เลยคอยดู  มาหาห่าอะไรทำไมต้องใช้กลอุบายทุเรศแบบนี้มาบีบบังคับกัน หรือไอ้นิสัยเอาแต่ใจนี่ไม่เคยจางหายไปเลยใช่มั้ย เออ แน่ล่ะสิก็นั่นมันตัวตนเขาเลยแหละ ไอ้ยักษ์เอาแต่ใจ แล้วพอไม่ได้ดั่งใจต้องการก็จะพาลหงุดหงิด โมโห ส่งเสียงดังและพังข้าวของ
(*เทพีเสรีภาพเป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2419)
   

แล้วนี่ทำไมผมถึงคิดแบบหลงตัวเองว่าเขามาเพราะคำสัญญาที่บอกไว้ ผมว่าเขาน่าจะมาเพราะงาน แล้วที่ต้องการให้ผมไปดูแล ก็เพราะผมทนมือทนตีนเขาไง ผมเคยผ่านความลำบากยากแค้นจากเขามาก่อน เขาเลยไม่อยากหาใครคนอื่นมาทนกับนิสัยของเขา และถ้าเป็นคนอื่นเขาจะเรื่องมาก เอาแต่ใจ วีนเหวี่ยงได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าเป็นผม เขาจะใส่อารมณ์แค่ไหนก็ได้ เพราะเขารู้ว่าผมทนได้กับนิสัยของเขา ใช่ผมทนได้ ไม่ใช่แค่เพราะผมมีความอดทนหรอก แต่เป็นเพราะเขารู้ต่างหากว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา
   

ทำไมคุณยังใจร้ายเหมือนเดิมเลยนะคุณเรย์มอนด์


TBC.


 :hao5:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 26-07-2015 00:28:56
อิคุณวิคเตอร์  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

หนูแมทต้องเชิดใส่ไปเลย สวยๆเกร๋ๆ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 26-07-2015 02:05:43
อยากให้อิยักษ์กับอิเอิรธ์ได้รับความเจ็บปวดบ้างอะ  :ling1:  :fire:  :m31:  :angry2:

เกลียดจริ๊งงงนิสัยแบบนี้ อิเอิรธ์ก็นึกว่าจะดีปากก็บอกรักเค้างู้นงี้แต่สุดท้ายก็มีดีแค่ลมปากกก  :m16:

แค้นแทนน้อง T_T อยากกระทืบให้สาแก่ใจจจ ฮึ่มมมม ขอโทษทีค่ะอินไปหน่อย 55555555

แต่เรื่องให้บทเรียนอิสองคนนั้นเค้าเอาจริงนะ อย่าปล่อยให้มันลอยนวลลลลล  o18


ปล. มาต่อไวๆน้าาา  :o12: :sad4:  :z13:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 26-07-2015 17:07:04
ดวงความรักกับหนูแมทไปด้วยกันไม่ได้เลยนะะ เสียใจ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 26-07-2015 17:43:34
วิคเตอร์มันจะทำอะไรแมทอี๊กกกกก  :katai1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 26-07-2015 18:32:38
เอิร์ธ วิคเตอร์ พอกันทั้งคู่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 27-07-2015 17:52:14
 :-[  :man1:  กอดคนเขียนแรงๆ  :pig4:


 :z6: มอบให้พ่อวิค ขาคู่ใส่มันเลยยยยยยย  :z3:

สนุกมากฮับผมมมมมม  o13  :ling1:

หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%}28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 28-07-2015 00:50:50
ONLY YOU EP.4 [100%]


#2 วันผ่านไป


ผมกำลังยืนทบทวนสคริปที่จะใช้พรีเซ้นต์การฝึกงานของตัวเองด้วยเสียงงึมงำราวกับกำลังสวดมนตร์ ไม่ได้ตื่นเต้นจนขาสั่นหรือพูดติดๆ ขัดๆ หรอก แต่การที่คนในเอกมาฟังเยอะๆ และทุกคนรอฟังการพรีเซ้นต์ของผมมากที่สุด นั่นต่างหากที่คือการกดดัน ผมรู้ว่าทุกคนสนใจอยากฟังเรื่องราวของไอ้พระเอกร่างยักษ์แล้วก็ชอบทำหน้าเหมือนยักษ์จอมเอาแต่ใจคนนั้น ไม่ได้สนใจอยากมาฟังพรีเซ้นต์ของผมจริงๆ หรอก
   

“แมท คิวต่อไปแล้วนะ” เพื่อนที่เป็นพิธีกรในการพรีเซ้นต์ครั้งนี้เดินเข้ามาบอก ผมยิ้มเงอะงะและพยักหน้ารับเร็วๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และผ่อนออก
   

งานพรีเซ้นต์การฝึกงานครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งอีเว้นต์ใหญ่ของภาควิชาภาษาอังกฤษ ไม่ได้จัดขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานหรือจัดเพื่อเพิ่มงานให้นิสิตแต่ว่ามันคือส่วนหนึ่งของวิชาการฝึกงานงานจริงๆ เป็นการประเมินขั้นไฟนอลจากอาจารย์ หากเราทำพรีเซ้นต์ไม่ดี ที่ตั้งใจทำมาสองสามเดือนก็เปล่าประโยชน์เช่นกัน เพราะอาจารย์เขาจะดูว่าเราไปฝึกงานมานั้น เราได้อะไรมาบ้าง เนื่องจากมันส่งผลต่อภาควิชาด้วย คือถ้าเด็กไปฝึกงานแล้วได้ประโยชน์จริงๆ ก็เท่ากับว่าวิชานี้ควรจะยังอยู่ต่อไปได้โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันเปลืองงบประมาณของทางมหาวิทยาลัย และเป็นการบังคับเด็กไปในตัวด้วยว่า ต้องตั้งใจฝึกงานนะ ต้องทำให้เหมือนการทำงานจริงๆ เพราะถ้าเราไม่ตั้งใจทำ เราจะไม่สามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกมารายงานตรงนี้ได้ อีกอย่างอาจารย์ในภาคทุกคนทั้งอาจารย์ไทยและฝรั่งก็จะมาร่วมนั่งฟังพรีเซ้นต์เทชั่นในวันนี้ด้วย และอาจารย์ทุกคนก็มักจะมีคำถามคนล่ะคำถามสองคำถามเสมอ ถ้าเราผ่านการฝึกที่ไม่ดีมา ก็จะตอบคำถามได้ไม่ดี แล้วจะทำให้ถูกหักคะแนน ยี่สิบคะแนนก็จะค่อยๆ หายไป และถ้ามันหายเกินสิบเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็คือความหายนะของชีวิตนิสิตฝึกงาน
   

ผมรู้สึกขอบคุณเอมิลี่มากที่สั่งให้ผมทำเดลี่รีพอร์ตทุกครั้งเวลาที่วิคเตอร์ไปทำงาน เพราะผมสามารถดึงไฟล์เหล่านั้นมาใช้ในการรายงานครั้งนี้ได้ด้วย สไลด์พรีเซ้นต์ผมเลยไม่ได้ทำอะไรเยอะมาก เพราะดึงมาจากเดลี่รีพอร์ตของคุณเอมิลี่มาใช้ได้เลย แค่ตกแต่งแต่ล่ะสไลด์ให้ดูมีสีสันเท่านั้น  ส่วนข้อมูลในสไลด์ ผมก็เติมตามหัวข้อที่อาจารย์กำหนดมาในสมุดฝึกงานว่าต้องมีอะไรบ้าง ในด้านรายละเอียดยิบย่อยผมก็จะพูดเสริมขึ้นมาเอง แถมเดลี่รีพอร์ตที่ทำส่งคุณเอมิลี่ทุกครั้งนั้น มันยังมีประโยชน์ต่อผมในการเมมโมรี่ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างดี เชื่อว่าถ้าอาจารย์ถามอะไรมา ผมน่าจะตอบได้อย่างไม่ขัดข้อง
   

“Next presentation is the most exciting internship that I believe most of us in here have been waiting for… (การพรีเซ้นต์ต่อไป ดิฉันเชื่อว่าส่วนใหญ่รอคอยกันอยู่)” เสียงเพื่อนผู้หญิงที่เป็นพิธีกรของงานนี้พูดด้วยเสียงทุ้มน่าฟังพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจสาดไปทั่วห้อง ผมมองไปทางคนที่มานั่งฟัง ก็เห็นคนล้นไปถึงท้ายห้องประชุม มีหลายคนต้องยืนด้วยซ้ำ ผมไม่ได้สังเกตว่าก่อนหน้านั้นคนเยอะขนาดนี้อยู่แล้ว หรือมันเพิ่งมาเยอะเอาตอนที่ผมกำลังจะขึ้นพรีเซ้นต์กันแน่
   

“เป็นไรวะมึง ตื่นเต้นหรอ” ไอ้แชมป์เข้ามายืนข้างๆ ในขณะที่ผมยืนรอให้พิธีกรเรียกขึ้นไปบนเวทีเล็กๆ ผมหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยอาการตื่นๆ
   

“นิดหน่อยอ่ะ คนเยอะเหมือนกันนะ ไม่คิดว่าเอกเราจะมีคนเยอะขนาดนี้”
   

“เอกเราอย่างเดียวซะที่ไหน มีเด็กนิเทศฯ มาฟังด้วย พอเขารู้ว่ามึงไปฝึกงานเกี่ยวกับเบื้องหลังซีรีส์ ภาพยนตร์อะไรแนวๆ นั้น เขาก็แห่มาฟังกันเต็ม” ผมเบิกตากว้างขึ้น มองไอ้แชมป์ด้วยความตะลึง มันพยักหน้าขึงขังกลับมาเป็นเชิงยืนยันว่าเรื่องจริง
   

“ใครไปบอกพวกนั้นเนี่ย”
   

“มึงก็รู้ว่างานนี้เปิดให้ใครเข้ารับฟังก็ได้ แต่พอดีเอกเรามันก็บอกกันปากต่อปากว่ามึงไปฝึกงานกับไอ้พระเอกนั่น คนเลยยิ่งสนใจ” คือถ้ามีแค่เอกผม ความประหม่าอาจไม่มากขนาดนี้ อาจจะมีนิดๆ หน่อยๆ แต่เดี๋ยวก็คงสงบลง แต่นี่พอมีคนอื่นที่ไม่ใช่คนในเอกมาฟังเพิ่มด้วย ผมเลยรู้สึกเกร็งๆ ขึ้นมา
   

“ทำตัวตามสบายเหอะน่า มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยมึง ทีตอนเดินเปิดตัวผู้กำกับละครเวที กูไม่เห็นมึงอายที่จะเดินก้นบิดไปมา บิดจนกูอยากเอาตูดมึงเลย” ไอ้แชมป์หัวเราะเสียงทุ้ม ผมทำหน้าดุใส่มันและยกมือฟาดไหล่หนาๆ ของมันทันที
   

“ไอ้เชี่ยนี่ มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ” แชมป์ยกแขนโอบไหล่ผมไว้และโยกไปมาแรงๆ สองสามครั้ง ก็เป็นจังหวะที่พิธีกรเรียกให้ผมขึ้นไปบนเวที พร้อมกับเสียงปรบมือต้อนรับ ผมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วก้าวเท้าเดินออกไป ข่มใจให้นิ่ง รับไมค์มาจากเพื่อน หันไปมองสบตาคนในห้องประชุมเล็กของตึกคณะนิดหน่อยพอเป็นพิธี ให้ดูว่าเรานั้นไม่ได้มีอาการตระหนกตกใจแต่อย่างใด ทั้งที่จริงใจสติแทบเตลิดแล้ว
   

“Good afternoon everyone. I have to say that I feel shock with amount of people in here. (สวัสดียามบ่ายครับ ต้องบอกว่ารู้สึกตกใจกับจำนวนคนในนี้อย่างมากเลย)” หลายๆ คนในห้องส่งเสียงหัวเราะกับมุกตลกกากๆ ของผม สายตาผมสอดส่องไปทั่วห้อง เห็นคนนั่งกันแน่น และคนยืนกันเต็มหลังห้องไปหมด
   

“Okay, today I’m gonna present my internship experience in New York City with this guy… (ก็ วันนี้ผมจะมาพรีเซ้นต์เกี่ยวกับประสบการณ์การฝึกงานของผมที่นิวยอร์กกับผู้ชายคนนี้…)” ผมเคาะปุ่มเอ็นเทอร์บนแป้นแล็ปทอป และรูปหน้าของวิคเตอร์ก็โผล่ขึ้นมา เกิดเสียงฮือฮาวิ้ดวิ้วขึ้นในห้องประชุม ผู้หญิงบางคนถึงขั้นกรี๊ดออกมาก็มี เพราะรูปที่ผมใช้เป็นรูปตอนเขาถ่ายแบบกับอดัมในวันที่เรามีอะไรกันครั้งแรกบนฝากระโปรงรถหรูของเขา เป็นรูปที่เขาใส่กางเกงยีนส์ ท่อนบนเปลือยเห็นหุ่นอันอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามของเขา เป็นตอนที่เขากำลังเปลี่ยนเสื้อหน้าเซ็ทและดึงกางเกงยีนส์ลงต่ำเพื่อจะเปลี่ยนกางเกง เลยทำให้กางเกงห้อยอยู่ที่สะโพกเขาอย่างเซ็กซี่
   

“If I make someone shocking—I have to say sorry. (ถ้าทำให้ใครบางคนช็อก ต้องขออภัยด้วยนะครับ)” ผมหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของอาจารย์บางคนที่เบิกตากว้างด้วยความตะลึง
   

หลังจากนั้นผมก็แนะนำตัวเอง และเริ่มเกริ่นเข้าเรื่องการฝึกงานของตัวเองว่าไปทำได้ยังไง ไปแล้วไปทำอะไรบ้าง ผมก็เล่าเรื่องเบื้องหลังกองถ่ายซีรีส์ว่ามีวิธีการทำงานกันอย่างไร ผมเห็นเด็กนิเทศฯ ที่มาร่วมฟังนั่งจดกันยิกๆ ผมเลยเสริมเรื่องระบบการทำงานของต่างประเทศเข้าไปอีกหน่อย จนพูดไปถึงการทำงานของด้านสายหนังที่ผมมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสมาแบบสั้นๆ เพราะผมต้องกลับก่อนที่วิคเตอร์จะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ ส่วนในด้านเกี่ยวกับวงการนายแบบนางแบบ ผมก็พูดเท่าที่รู้ เพราะผมเองก็ไม่ได้เข้าไปคลุกคลีส่วนนั้นมากเท่าไหร่ มีแต่วุ่นวายกับงานถ่ายแบบของวิคเตอร์ซะมากกว่า
   

“ก็ดูแลเขาเกือบทุกเรื่อง เหมือนเราไปเป็นผู้จัดการเขาเลย ดูแลตั้งแต่อาหารการกิน เสื้อผ้าหน้าผม จัดการตารางงานต่างๆ ให้เขา และเวลาเขาเอ่ยปากขอให้ทำอะไรก็คือต้องทำให้ จริงๆ เรียกผู้จัดการอาจจะดูดีไป น่าจะเรียกว่าไปเป็นคนใช้เขาจะเหมาะกว่า …” ทุกคนในห้องส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ ส่วนผมนั้นอมยิ้ม เพราะแอบคิดถึงภาพวันเวลาที่รับใช้เขาอย่างหนักหน่วงในช่วงแรก จะว่าไปมันก็ฝึกความอดทนของผมให้เพิ่มขึ้นนะ จากที่เป็นคนถึก เป็นคนอดทนกับเรื่องงานอยู่แล้ว พอเจอวิคเตอร์เข้าไป เลยยิ่งต้องถึกกว่าเดิม แม้จะลำบากตรากตรำ แต่มันก็มีมุมดีๆ เยอะนะ ยิ่งช่วงหลังๆ ที่เราลึกซึ้งต่อกัน มันยิ่งดีมากเลยล่ะ แม้ช่วงนึงจะเป๋ไปเพราะใจเขาก็ตาม
   

แต่ตอนนี้มันคงเป๋แบบที่ไม่มีวันตั้งตรงๆ อีกแล้วมั้ง
   

“What is the hardest thing for you? (อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคุณ)” อาจารย์หัวหน้าภาคยกมือขึ้นแล้วถามคำถาม ผมยืนนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างติดตลก
   

“Him.” ผมตอบพร้อมยิ้มยิงฟัน และชี้นิ้วไปด้านหลังโปรเจ็คเตอร์ที่มีรูปวิคเตอร์ฉายอยู่ เป็นรูปที่เขากำลังเข้าฉากซีรีส์ในสตูดิโอ ทั้งห้องหัวเราะกับคำตอบของผมอย่างครึกครื้น
   

“Why?” อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงคนหนึ่งยกมือถามด้วยรอยยิ้มใจดี ผมยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย กระแอมคอให้โล่งและตอบเสียงดังฟังชัด
   

“เขาค่อนข้างดื้อ แล้วก็เอาแต่ใจอยู่บ่อยๆ บางทีก็ตื่นสาย ต้องให้ผมคอยปลุก มีครั้งนึงผมเอาที่ช็อตยุงช็อตเขาเพื่อให้เขาตื่น…” คราวนี้เสียงหัวเราะดังมากกว่าเดิม ขนาดผมเองยังยิ้มกว้างด้วยความตลก เมื่อนึกถึงวันที่เขานอนชีเปลือยแล้วผมเอาที่ช็อตยุงไปช็อตก้นเขา แล้วเราก็ทะเลาะตบตีกันเป็นพัลวัน
   

“…แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มีน้ำใจและใจดีกับผมเสมอ ถึงจะเพิ่งมาเป็นช่วงก่อนกลับไม่กี่อาทิตย์ก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่เขาเริ่มเปิดใจให้ผมบ้าง ก่อนหน้านั้นผมเข้าใจเขานะ ผมเป็นใครก็ไม่รู้ แล้วอยู่ๆ ก็ถูกส่งให้ไปดูแลเขา จะให้เขามาไว้ใจคนแปลกหน้าเลยก็ไม่ใช่” ผมยิ้มน้อยๆ และเอื้อมมือไปกดเลื่อนภาพต่อไปในสไลด์ ขึ้นมาเป็นภาพที่เขากำลังนอนเล่นกับไมเคิลอยู่ในบ้าน เหล่าผู้หญิงในห้องส่งเสียงฮือกันเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะภาพมันดูเอ็กซ์คลูซีฟ
   

“What is the best experience for you in New York? (แล้วอะไรคือประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณที่นิวยอร์ก)” อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงคนเดิมถามเสียงนุ่ม ผมทำหน้าคิดเล็กน้อยและตอบคำถามเธอ
   

“Him—again.” ผมยิ้มกว้าง ในห้องเริ่มส่งเสียงแซววี้ดวิ้ว อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงยิ้มกริ่ม แล้วถามต่อ
   

“Why him?”
   

“เพราะผมใช้ชีวิตกับเขาแทบจะตลอดเวลาครับ ถึงเขาจะดื้อ เอาแต่ใจไปบ้าง แต่อย่างที่บอกว่าเขาก็มีมุมที่ดีต่อผม จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่เขาหรอกครับที่เป็นประสบการณ์ที่ดี ทุกๆ คนที่ผมพบเจอที่นั่นคือเรื่องราวดีๆ หมดเลย เพียงแต่ผมกับวิคเตอร์เจอกันบ่อยเท่านั้นเอง”
   

“อย่างนี้ข่าวที่ว่าพี่กับเขากิ๊กกันก็จริงปะคะ” รุ่นน้องในเอกคนหนึ่งยกมือขึ้นถามด้วยท่าทีกระตือรือร้น และทุกคนเองก็ดูจะสนใจกับคำถามนี้ อาจารย์คนไทยหันไปแปลให้เหล่าอาจารย์ฝรั่งฟัง
   

“น้องรู้จักคำว่าขายข่าวมั้ยล่ะครับ นั่นแหละ มีแค่นั้น ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรที่จริงเลยสักนิด”
   

“แล้วสำหรับพี่ วิคเตอร์เป็นยังไงบ้างคะ นอกจากที่พี่บอกมา” น้องผู้หญิงที่นั่งอีกฟากหนึ่งยกมือขึ้นแล้วถาม ผมยิ้มเบาๆ ก่อนจะตอบเสียงใส
   

“เขาเป็นผู้ชายที่น่ารัก ถ้าน้องเป็นแฟนคลับเขา บอกได้แค่ว่าน้องรักคนไม่ผิดหรอก” แล้วน้องนีหลายคนก็ส่งเสียงละลายใจ อย่างกับว่าวิคเตอร์ตัวเป็นๆ มายืนอยู่ในห้องนี้ด้วย
   

“And if you have a chance—do you wanna go back to NYC again? (แล้วถ้าคุณมีโอกาส คุณอยากจะกลับไปที่นั่นอีกมั้ย)” เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากสักมุมของห้อง ผมกวาดสายตาไปมองพร้อมกับคนที่นั่งอยู่ แทบจะทุกคนที่หันหลังไปมอง วินาทีแรกที่สบกับดวงตาสีน้ำตาล ใจผมกระตุกวูบ ยิ่งเห็นใบหน้าหนวดเคราใจก็เริ่มสั่น แต่พอพิจารณาดีๆ ก็ถึงได้รู้ว่าผมตาฝาดไปเองที่คิดว่าเป็นวิคเตอร์ แต่นั่นคืออาจารย์ฝรั่งในภาควิชาที่ไปนั่งปะปนกับเด็กในเอกเฉยๆ แน่นอนว่าทำให้ผมหลอนได้ขนาดนี้ เพราะเป็นอาจารย์จากเกาะอังกฤษ และดันมีดวงตาสีน้ำตาลบวกกับใบหน้าอันดูดี มีหนวดช่วยเพิ่มความหล่อเข้ม และยังเป็นอาจารย์ที่เด็กเอกอิ๊ง (เพศหญิงและตุ๊ดเก้งกวาง) กรี๊ดกร๊าดกันทุกครั้งที่ได้เรียนกับเขา
   

ผมพ่นลมหายใจออกเพื่อระบายความหลอนของตัวเอง ยกยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย จับไมค์ให้มั่นคงและตอบคำถามของอาจารย์สุดหล่อด้วยเสียงเรียบเรื่อย
   

“Yes, I do” ผมยกมุมปากทั้งสองขึ้นเป็นรอยยิ้ม อาจารย์สุดหล่อยกนิ้วโป้งเป็นเชิงบอกว่าเยี่ยมให้ ไม่รู้ว่ามันเยี่ยมตรงไหนกับการที่จะบินกลับไปนิวยอร์กอีกรอบ
   


จากนั้นก็มีอาจารย์ท่านอื่นถามอีกคนล่ะข้อสองข้อ ส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามเชิงทัศนคติ เพราะว่ารายละเอียดผมได้พรีเซ้นต์ไปค่อนข้างละเอียดแล้ว เชื่อว่าทุกคนที่มาฟังวันนี้น่าจะได้รับข้อมูลแบบเน้นๆ สำหรับเด็กนิเทศฯ ผมว่าเขาน่าจะได้ประโยชน์จากผมอยู่บ้างนะ ไม่รู้ว่าจะเป็นการเสียเที่ยวของเขาหรือเปล่าที่มาฟังผมพูดในวันนี้
   

“Anyone question? (มีใครมีคำถามอีกมั้ยครับ)” ผมยกไมค์ถามเมื่อผมตอบคำถามของรุ่นน้องในเอกปีสามคนหนึ่งเรื่องวิธีการเตรียมตัวไปฝึกงานที่ต่างประเทศ ผมว่าการพรีเซ้นต์ของผมนี่ใช้เวลานานกว่าใครเลยนะ ผมกวาดตามองไปรอบๆ ห้องประชุมเพื่อหาว่ามีใครยกมือถามอีกหรือไม่ แล้วผมก็เห็นแขนยาวๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กลุ่มอาจารย์ฝรั่งอังกฤษสุดหล่อคนนั้น ผมยิ้มและพยักหน้าให้เขา
   

“Do you want to see him again? (อยากเจอเขาอีกครั้งมั้ย)” คำถามของผู้ชายใส่หมวกคนนั้นทำเอาผมนิ่งมึนไปเล็กน้อย ผมมองเสี้ยวหน้าจากใต้หมวกของเจ้าของคำถามที่นั่งอยู่รอฟังคำตอบ แอบขมวดคิ้วนิดหน่อยที่เขาใส่หมวกเข้ามาในห้องแอร์ที่ไม่มีแดดเลยสักนิด ผมกำลังจะอ้าปากตอบคำถามเขา พลันสายตาก็สะดุดอักษรตัว V สีเงินที่อยู่บนหมวกแกปสีดำที่เขาใส่อยู่ และตอนนั้นเองที่ใจผมกระตุกวูบอย่างแท้จริง กระตุกราวกับว่ามันกระเด้งออกไปจากอกผมเลย
   

“วิคเตอร์…” ผมเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว แต่เนื่องจากผมถือไมค์อยู่ใกล้ปาก จึงทำให้เสียงนั้นดังไปรอบห้องประชุม ตอนนั้นเองที่ทุกสายตาหันไปมองผู้ชายใส่หมวกแกปสีดำที่กำลังส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ผม เสียงฮือฮาเกิดขึ้นไปรอบห้องประชุมทันทีที่เขาเงยเสี้ยวหน้าใต้หมวกขึ้นมามองผมเต็มตา



TBC.


เอ้า มาละเหวยย ยักษ์มาแล้วหว่าา ฮิฮิ้ววว
ไม่ต้องคิดมากค่ะ ยักษ์ไม่ทำไรน้องละ มาหาเองละนะ 55555
เขียนเองยังตื่นเต้นเอง 5555 เอาเป็นว่าดีใจแทนแมท และดีใจแทนคนอ่านเหลือเกินที่พี่แกปรากฏตัวมาทวงบัลลังก์พระเอกคืน หลังจากหายสาบสูญไปพักใหญ่
พูดคุยเพิ่มเติมกันได้ที่เพจเฟซบุ๊คหรือทิวตเตอร์นะคะ ^__^
 ขอบคุณชาวเล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 28-07-2015 01:24:32
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
มาประกาศตัวแบบนี้ดีใจแทนน้องแมทททท!!!!
ใจไม่ดีกันเลยยยทีเดียว
มาเปิดตัวหรอคะ
ไปบอกใครว่าไม่กิ๊กกัน ใครจะเชื่อออยะ
มาเอาตำแหน่งพระเอกคืนแล้วหรออออ
55555555
เปิดตัวได้อลังมากกกกกกก
ให้โลกรู้กันไปเลย อิวิค อย่าได้แคร์
อิ๊อิ๊
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 28-07-2015 03:52:16
กรี๊ด! ในที่สุดก็มาแล้วพ่อพระเอกชั้น

(วิ่งเข้าไปหาและ...ยื่นมือไปบีบคออย่างรักใคร่?)

แต่คุณพี่คะ คุณพี่ใช้เวลาเดินทางมาหาแมทน๊านนานนะคะ ฮึๆๆ (^*^)
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-07-2015 10:42:52
ต๊ายยยยยยยย อิพระเอก รักปนหมั่นไส้นายมากเลย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 28-07-2015 11:54:52
มันมาแล้ววววววววว  :katai1:
ดีใจปนหมั่นไส้ที่ได้เจอแกอีกครั้งอย่างบอกไม่ถูก  o18
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 28-07-2015 12:25:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 28-07-2015 14:04:18
 :ling1: :katai1: o13
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 28-07-2015 23:24:59
แทน แท๊น แท่นนนน

เฮียแกเปิดตัวได้อลังการมาก พี่ยักษ์เอ้ย 55555555

รอพี่แกรู้เรื่องเอิร์ทก่อนเถอะ สองคำสั้นๆ หนักแน่!
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: ปิยฉัตร ที่ 29-07-2015 06:14:56
หึหึหึ มาเเล้วสินะวิคเตอร์.......(ลับมีดคอย) :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 29-07-2015 21:45:18
เรามานั่งตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งวันเพิ่งตามทัน55
เราชอบมากเลยคะ เราแบบ ชอบเรื่องที่ตัวเอกเป็นฝรั่ง
เป็นพิเศษ ยิ่งไปรักกันที้นู่นนี่ฟินมากเลย
ตอนที่อีตาวิคจับแมทฟัด เรานี่เขิ๊นเขิน หอมนู่นนี่มั่วไปหมด
แต่มาตายตอบจบภาคแรกนี่ละ ทำตัวไม่ชัดเจน เฮอะ
เราจะคอยดูการกลับมาของยูนะวิค ทำตัวดีๆละ หึหึ o18
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 30-07-2015 08:07:09
กรี๊ดซิคะ รออะไรกันอยู่
พี่ยักษ์นางกลับมาทวงบัลลังค์คืนแล้วค่ะ
55555+
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 31-07-2015 00:00:33

ONLY YOU EP.5 :: The return of Victor Raymond. [35%]



เหมือนทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว เหมือนทุกคนหายไป มีเพียงเราสองคนที่จ้องมองตากัน ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นคู่คมคู่นั้นมองผมด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มจากริมฝีปากแดงหม่นที่ส่งมาให้ผม ทำเอาใจที่หายไปจากอกกลับมาเต้นกระแทกผนังอกอย่างรุนแรง น้ำตาผมเอ่อคลอขึ้นมาที่ขอบตา มือที่ถือไมค์อยู่ค่อยๆ ลดลง ความสับสน ความไม่แน่ใจผสมปนเปกันไปหมด


“Is that him?” อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงคนที่ถามคำถามผมเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้น และไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่ตื่นเต้น ตอนนี้ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นยืนและชะเง้อมองไปที่ผู้ชายคนนั้นกันยกใหญ่


ผมยืนหน้าโง่อยู่บนเวที มองความอลหม่านที่เริ่มก่อตัวขึ้นในห้องประชุมผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อขึ้นมา เสียงกรี๊ดดังขึ้นตอนที่ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาไม่ได้มองใครเลย แต่กลับจ้องมองมาที่ผมคนเดียวที่ยืนมองเขาด้วยสีหน้าสับสนอยู่


นั่นเขาจริงๆ หรอ เขาจริงๆ ใช่มั้ย วิคเตอร์ เรย์มอนด์ ตัวจริงเสียงจริงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง


“วิคเตอร์จริงๆ มึง อีเหี้ย! พระเอกฮอลลีวูดอยู่ตรงหน้ากูแล้ว!” เสียงใครสักคนกรีดร้องขึ้น แล้วทุกคนก็กรูกันเข้าไปหาเขา ผมที่กำลังยืนน้ำตาคลอหน้าเซ่อ อยู่บนเวที ถึงกับน้ำตาแห้ง สะดุ้งตกใจกับภาพที่เห็น ด้วยสัญชาตญาณที่เคยดูแลเขา ทำเอาขาผมเกือบก้าวไปดึงเขาออกมา แต่ก่อนที่ทุกคนจะถึงตัวเขา ก็มีผู้ชายฝรั่งหนึ่งคนก้าวเร็วๆ มาพร้อมกับผู้ชายไทยอีกสามคนและมายืนกันเหล่าแฟนคลับเขาไว้ คนที่ไม่ใช่แฟนคลับเขา เดินหลบมุมไปอยู่ริมห้อง แต่กระนั้นทุกคนก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า


“อ้าว นี่เธอรู้รึเปล่าเนี่ยว่าเขาจะมาที่นี่” อาจารย์ณัฐวัฒน์ถาม ผมหันไปส่ายหัวหน้าตั้ง ทำสีหน้างุนงงใส่อาจารย์ที่มองกลับมาอย่างงุนงงเช่นกัน


“ไหนว่าจะบินมาถึงไทยพรุ่งนี้ไง ทำไมโผล่มาวันนี้ล่ะเนี่ย” ผมส่ายหัวโง่ๆ มึนๆ อีกครั้ง มองภาพความวุ่นวายที่การ์ดพยายามกันแฟนคลับออกจากวิคเตอร์ และกำลังพาเขาเดินตรงมาที่ผมยืนอยู่ ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย กลอกตาไปซ้ายขวา มีหลายคนกำลังมองมาที่ผมอยู่ด้วยสายตาลุ้นๆ ผมเองก็ลุ้น มือที่ถือไมค์อยู่ ค่อยๆ วางมันลงบนโต๊ะวางแล็บท็อป เสียงกรี๊ดและเสียงกดชัตเตอร์ถ่ายรูปดังรัวไม่หยุด พร้อมกับวงล้อมพระเอกดังแห่งฮอลลีวูดที่ค่อยๆ เคลื่อนมาหน้าเวที


“Move please!” ผู้ชายฝรั่งผมสั้นเกรียน ผิวขาวหน้าหล่อคม จมูกโด่ง  หุ่นล่ำบึ้กที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าการ์ดใช้แขนกันวิคเตอร์ไว้และเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ผมยืนทำตัวไม่ถูกอยู่บนเวที จะก้าวจะเดินไปทางไหนก็ตัดสินใจไม่ถูกสักที เลยได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ จนกระทั่งพ่อผมเกรียนหน้าดุ เดินมายืนตรงหน้าผม ก่อนที่เขากับการ์ดคนไทยอีกคนหนึ่งจะแหวกทางออกให้วิคเตอร์และกันแฟนคลับที่พยายามยื่นโทรศัพท์มาถ่ายรูปเขา วิคเตอร์ไม่ได้พูดอะไร ก้าวยาวๆ มาก้าวเดียวก็มาถึงตัวผม แล้วดึงให้ผมเข้าไปอยู่ในวงล้อมของการ์ดด้วย


“ออกไปข้างนอกกับฉัน” เขาก้มลงมากระซิบ ผมยังรู้สึกงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น คือผมไม่คิดว่ามันจะเป็นจังหวะนี้ เป็นตอนนี้ที่เขามา คือกำลังงงว่าเขาควรปรากฏตัวในสถานที่ที่มิดชิดกว่านี้มั้ย มันใช่เวลามั้ยที่เขาควรมาอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ผมงงและสับสนไปหมด กับผู้ชายคนนี้นี่คาดเดาอะไรยากจริงๆ ขนาดจะได้เสียกัน ผมก็วาดฝันไว้บนเตียงอย่างดี แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็บนฝากระโปรงรถ จนเกือบได้เป็นพระเอกนายเอกหนังโป๊กันมาแล้ว


ผมเดินไปตามแรงดันของวิคเตอร์ วงล้อมการ์ดพยายามฝ่าฝูงชนออกไป เสียงกรี๊ดดังขึ้นเป็นระยะๆ ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขาทำหน้านิ่ง ความอึดอัดระบายไปทั่วใบหน้าเขา แต่พอเขาก้มลงมามองผมที่มองเขาตาแป๋ว เขาก็ส่งยิ้มหล่อละมุนมาให้ เสียงกรี๊ดดังขึ้นเมื่อวิคเตอร์ยิ้มให้ผม เสียงชัตเตอร์จากมือถือบางคนดังรัวถี่ๆ ตากล้องประจำภาควิชาภาษาอังกฤษก็เดินตามวงล้อมการ์ดเพื่อเก็บภาพพ่อพระเอกหน้ายักษ์คนนี้


“แมท! อีแมท! แอร๊ย! แก๊! เขามาหาแกโดยเฉพาะเลยหรอวะ ฟินอะดีออก!” เสียงแบมหรือเก้าไม่รู้ดังโหวกเหวกโวยวายมาจากด้านนอกวงล้อม แต่ตอนที่ผมพยายามชะเง้อมองพวกมันคือเห็นมันสองคนกำลังโบกไม้โบกมือให้ผมอยู่ ข้างพวกมันมีเพื่อนผมครบทุกคน แต่ล่ะคนชะเง้อมองสุดคอ ผมทำหน้าแหยและส่ายหัวให้พวกนั้น คือเรื่องที่ผมจะไปดูแลเขาระหว่างที่เขาอยู่ไทย ผมก็ยังไม่ได้บอกใครเลยสักคน และยังไม่ทันได้ตอบตกลงชัดเจนเลยด้วยซ้ำ


“คนพวกนี้นี่มันอะไรกันนัก” เสียงบ่นงึมงำดังขึ้นด้านบน ผมแหงนหน้าไปมองก็เห็นวิคเตอร์กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดน้อยๆ ผมแอบตกใจที่เห็นเขาทำสีหน้านั้น กลัวว่าจะมีคนจับภาพจังหวะนั้นได้ แล้วเดี๋ยวก็เอาด่าเขาในโลกโซเชียลอีก ผมเลยเอื้อมมือจะไปสะกิดมือเขา แต่ดันไปสะกิดโดนเป้ากางเกงยีนส์สีซีดของเขาแทน ผมอ้าปากหวอด้วยความตกใจ ไอ้ยักษ์หันมายิ้มกริ่มแบบมีเลศนัยทันที เขาโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูผมให้ได้ยินกันแค่สองคน


“Miss him? Yeah—he miss you, too. (คิดถึงมันหรอ แน่นอนว่ามันก็คิดถึงนายนะ)” ผมเบิกตากว้าง หน้าร้อนวูบวาบ ไม่กล้าสบตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขา แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขายิ้มได้แล้วล่ะนะ


กว่าจะเดินฝ่าฝูงชนออกมาจากห้องประชุมได้ก็แทบตาย พ่อการ์ดหัวเกรียนและการ์ดคนไทยช่วยกันตะโกนห้ามปรามเหล่าแฟนคลับ และก็มีพวกไม่ใช่แฟนคลับแต่แค่อยากมารุมดูดาราดัง พอออกมาจากห้อง ก็ต้องมาผจญภัยกับฝูงชนที่เพิ่มมากขึ้นในตัวตึกคณะ ผมแอบหงุดหงิดใจไอ้ยักษ์ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง ก็ยังจะมาที่นี่อีก เดี๋ยวก็ได้หงุดหงิด อาละวาดอีกหรอก


“Okay, Victor go, go, go!” เสียงการ์ดหัวเกรียนดังขึ้นในตอนที่เราใกล้เดินถึงทางออกด้านหลังของตึก ซึ่งมีรถตู้สีดำคันใหญ่เปิดประตูรออยู่ วิคเตอร์จับไหล่ผมดันให้เดินไปข้างหน้า โดยยังคงมีวงล้อมของการ์ดกันเหล่าบรรดาแฟนคลับที่ยังล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ บางคนตะโกนขอจับมือกับวิคเตอร์ แต่เขากลับทำเฉย ผมเลยต้องยื่นมือไปสะกิดแขนเขา พ่อพระเอกหน้ายักษ์ก้มลงมามองผมด้วยใบหน้านิ่วคิ้วย่น ผมย่นคิ้วหรี่ตาและพยักหน้าไปทางแฟนๆ เป็นสัญญาณให้เขารู้ว่าควรทำอะไร แต่เขากลับส่ายหน้าว่าไม่เอา ผมเลยแบะปากเหมือนจะร้องไห้ นั่นแหละเขาถึงถอนหายใจอย่างจำยอม และยื่นมือไปให้แฟนคลับจับ


“กรี๊ดดด!!!!” เท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นลั่นใต้ตึก คนที่เดินตามาด้านหลัง พอได้ยินเสียงดังแบบนั้น ก็วิ่งกรูกันเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้น ยิ่งวิคเตอร์ยื่นมือคาไว้ ปล่อยให้จับ ให้ลูบให้คลำได้หนำใจ ยิ่งถูกอกถูกใจเหล่าแฟนคลับเป็นนักหนา บางคนถึงกับเอาแก้มมาแนบมือเขาแล้วกดถ่ายรูปด้วยก็มี


“อีดอกกก! แค่มือกูก็ฟินละ อย่างน้อยกูก็มีรูปคู่กับเฮียแกละเว้ย!” เสียงใครสักคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเฮฮาหลังจากได้ยินประโยคนั้น ผมแอบอมยิ้มเล็กน้อย แหงนหน้ามองวิคเตอร์ที่ยิ้มตอบแฟนคลับนิดหน่อย ก่อนจะก้มกลับลงมามองทางด้านหน้า ก็เห็นว่าเราเข้าใกล้รถตู้มากแล้ว ยามที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าออกหลังตึกคณะถึงกับทำหน้างงเมื่อเห็นฝูงชนที่มากมายมหาศาลอัดแน่นกันจนไม่มีที่เดิน


“เดี๋ยวขอให้เขาขึ้นรถก่อนนะครับ!” เสียงการ์ดคนไทยดังขึ้น พร้อมกับแหวกทางให้วิคเตอร์กับผม เขาดันผมขึ้นไปบนรถ ผมเดินไปนั่งเบาะในสุดด้วยความมึนงง วิคเตอร์เดินตามขึ้นมา เขานั่งหันหลังให้ทุกคนด้วยใบหน้าบึ้งตึง ผมมองแฟนคลับที่ตะโกนเรียกชื่อเขาพร้อมกับทำท่าว่าอยากจับมือ ผมเข้าใจพวกเขา เพราะถ้าผมเจอพี่อดัม มารูนไฟว์ ผมก็คงมีสภาพแบบนี้แหละ


“หันไปโบกมือให้พวกเขาหน่อยสิ”


“ไม่” ถึงไม่ได้เจอกันนาน ความดื้อด้านเขาก็ยังไม่ลดลง


“ถ้าไม่ทำ ผมลงจากรถนะ” เขาหรี่ตามองผม มองด้วยสายตาประเมิน ผมถลึงตามองเขากลับเป็นการยืนยันว่าให้เขาทำอย่างที่บอก เขามองผมด้วยสายตาคาดโทษ


“เดี๋ยวนี้รู้จักขู่ฉันซะด้วย…” ขู่เป็นมานานแล้วเหอะ


ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เขาก็หันกลับไปโบกมือให้แฟนคลับที่ส่งเสียงกรี๊ดสนั่นดังกลับมา การ์ดหัวเกรียนหน้าดุวิ่งขึ้นไปนั่งหน้าข้างหน้า ข้างๆ คนขับที่เป็นการ์ดคนไทย ส่วนการ์ดที่เหลือเดินขึ้นมาบนรถและไปนั่งอยู่ด้านท้ายของรถตู้ ประตูค่อยๆ เลื่อนปิด ผมพยายามสอดส่องมองหาเพื่อนตัวเอง แต่ก็ไม่เจอพวกมันอยู่ในฝูงชนเลย ไม่รู้ว่ามันโดนเบียดจนจมหายหรือมันไม่ได้ตามมา


“ออกรถเลย” เสียงการ์ดฝรั่งสั่งการ์ดที่ขับรถตอนประตูปิดสนิท วิคเตอร์หันกลับมามองผมด้วยใบหน้าบูดๆ ส่วนผมหันหน้าหนีเขาไปมองนอกหน้าต่างแทน


ตอนนี้ผมไม่รู้จะจัดการกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองยังไงแล้ว มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ผมคาดหวังให้เขาตามมาหาผมอย่างที่เขาบอก ผมรอเขาด้วยความหวังจนกระทั่งมันเริ่มจะหมดไปจากใจ จนผมไม่อยากคาดหวังอะไรจากเขาอีก แต่แล้ววันนี้เขาก็มาปรากฏตัวที่นี่ ปรากฏตัวในช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าถ้าเจอเขาจะทำยังไง ซึ่งก่อนหน้านั้นผมคิดอะไรไว้มากมาย ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำที่อยากทำเมื่อเขามาหาผม


“หันมามองหน้าฉัน” เขาก็ยังเหมือนเดิมที่ยังชอบออกคำสั่ง ผมถอนหายใจ หันกลับไปมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย วิคเตอร์ยิ้มมุมปากขวาน้อยๆ กลับมา ใบหน้าเขายังคงดูดีเช่นเคย แต่เหมือนหนวดเคราจะครึ้มขึ้นมาก สีผิวก็ดูคร้ามแดดมากขึ้น แทนที่จะทำให้เขาดูดรอป ดูหมดออร่า แต่สีผิวนี้กลับทำให้เขาดูฮ็อตและเซ็กซี่มากกว่าเดิม


“ทำไมไม่ยิ้มให้ฉัน” เขาเลิกคิ้วขึ้นถามเมื่อผมยังคงทำหน้านิ่งสนิท ผมเบนหน้าหลบสายตาเขาเล็กน้อย ความคิดกระอักกระอ่วนในอกเต็มไปหมด มันเหมือนจะดีใจก็ดีใจได้ไม่เต็มอก จะเสียใจก็ใช่เรื่อง จะโกรธก็ไม่รู้ว่าควรโกรธมั้ย จะซาบซึ้งตรึงใจก็ไม่น่าจะใช่ฟีลนั้น


“คุณไม่ควรมาที่นี่” ผมหันกลับไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้าจริงจัง และเริ่มมีอาการเครียดเล็กน้อย รู้สึกจิตตกขึ้นมาทันทีเมื่อคิดได้ว่ามีคนเห็นเขาเยอะมากแค่ไหน ถึงจะไม่มีนักข่าว แต่ถ้าเกิดคนที่เจอเขาวันนี้ เอารูปถ่ายและเรื่องเล่าไปลงโซเชียล แปบเดียวเท่านั้นแหละที่จะเป็นข่าวใหญ่ แล้วนักข่าวก็จะขุดประเด็นระหว่างผมกับเขาขึ้นมาอีกรอบ


“อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ นี่ฉันมาหานายนะ” เขาว่าหน้าเครียด คิ้วย่นตึงหน่อยๆ


“คุณไม่กลัวสื่อจะรู้เรื่องนี้รึไง” ไอ้ยักษ์ยักไหล่พร้อมยักคิ้วเท่ๆ ทำสีหน้าว่าไม่แคร์


“ถ้ากลัวจนจะมาอยู่ตรงนี้เหรอ จะเป็นข่าวอะไรก็เป็นไปสิ”


“วิคเตอร์ มันมีผลต่อชื่อเสียง และหน้าที่การงานของคุณนะ” ผมบอกอย่างอ่อนใจ และรู้สึกร้อนใจ เริ่มคิดอะไรไปไกลแล้วว่านักข่าวจะเล่นประเด็นนี้ยังไง หากรู้ว่าเขามาหาผมที่นี่


“ไม่เป็นไร ฉันรวย ไม่ทำงานก็ได้…” เขาก็ว่าหน้ามึนๆ ตามเคย ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าเครียดกับนิสัยเอาแต่ใจของอีกฝ่าย เขามองผมกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น


“วิคเตอร์ คนอื่นจะมองคุณไม่ดีนะ” เขาขมวดคิ้วฉับ แล้วพูดเสียงห้วน


“อะไรคือไม่ดี”


“ก็คนเกือบทั่วโลกจะมองว่าคุณเป็นเกย์ เป็นพวกผิดเพศแบบผม” วิคเตอร์ขมวดคิ้วและเอียงคอมองหน้าผมเหมือนไม่เข้าใจอะไรอยู่


“ทำไมนายต้องว่าตัวเองอย่างนั้นด้วย”


“ก็มันจริงนี่ ผมไม่ใช่เพศปกติ ใครๆ ก็บอกแบบนั้น”


“ไอ้ใครๆ ที่ว่านั่นมันคือใคร แล้วทำไมต้องไปสนใจมันด้วย นายจะเป็นอะไรแต่คุณค่าในตัวนายก็ไม่ได้ลดลงเพราะคนพวกนั้นสักหน่อย” ผมนิ่งไปกับประโยคของเขาที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจและคล้ายว่าจะเป็นกำลังใจให้ด้วย



“แต่ตัวคุณเองยังเคยบอกเลยนะ” ผมไม่ได้โกรธเขาที่เขาพูดอย่างนั้นหรอก แต่ตอนนี้รู้สึกผมหงุดหงิดที่เขาหายไปนานต่างหากเลยพาลไปถึงประโยคนั้นที่เขาพูด วิคเตอร์สีหน้าตะลึงไปนิด ก่อนที่หน้าเขาจะหมองลง


“ฉันขอโทษที่เคยพูดให้นายคิดแบบนั้น แต่ถ้าเอาจริงๆ ประโยคที่ฉันพูด ฉันไม่ได้ว่านายผิดเพศสักหน่อย นายตีความเพี้ยนไปเอง” ผมถึงกับอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง และเบิกตากว้างมองเขาอย่างทึ่งเช่นกัน วิคเตอร์ทำหน้าประมาณว่า ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ


“นายจะมามองหน้าฉันอย่างนั้นไม่ได้นะ ก็ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ นี่ แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่สนด้วยว่าใครจะมองฉันยังไง ถ้าการที่ฉันรักนาย ขาดนายไม่ได้มันคือเรื่องผิดเพศ ฉันยอมผิดก็ได้ แต่ฉันมั่นใจว่าการที่ฉันรักนาย นายรักฉัน มันไม่ผิด” เขาบอกด้วยสีหน้าสบายๆ ราวกับกำลังพูดประโยคทั่วๆ ไปไม่ได้พิเศษอะไร แน่นอนว่าผมใจเต้นกับสิ่งที่เขาบอก บางทีก็อยากให้เขาพูดแบบหวานๆ แบบที่เป็นการบอกรักในโมเม้นต์ดีๆ บ้าง แต่เขากลับชอบพูดออกมาแบบง่ายๆ ชิวๆ คือเขิน แต่มันทื่อไป ขอแบบใจละลายบ้างได้มั้ย


“คุณอาจจะมาหาผมเพราะชีวิตคุณว่างเปล่าจนทนไม่ได้ต่างหาก” วิคเตอร์ขมวดคิ้วงงหนัก


“ทำไมถึงชอบพูดประโยคที่มันต้องคิดแล้วคิดอีก แล้วพอคิดไปก็ไม่รู้จะถูกรึเปล่า เอาเป็นว่าชีวิตฉันมันว่างเปล่าก็เพราะไม่มีนาย” ผมก็ดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น  แต่พอนึกถึงช่วงเวลาที่รอเขา ความเหงาเปล่าเปลี่ยวก็เกาะกุมหัวใจ เป็นช่วงเวลาที่ถือว่ายากลำบากต่อชีวิตผมไม่น้อย มันน่ากลัวเหมือนกันนะกับการรอโดยที่ไม่มีทางรู้เลยว่าควรหยุดหรือรอต่อไป


“แล้วคุณหายไปไหนมา” ผมมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด เขาจะรู้มั้ยว่าการที่เขาหายไปโดยที่ไม่ส่งข่าวมาหาผมเลยแม้แต่นิดเดียว มันทำให้ความรู้สึกผมสั่นคลอนแค่ไหน


“นี่ นายจะร้องไห้เหรอ ไม่เอา อย่าร้องนะ…” เขามีท่าทีตื่นๆ เมื่อเห็นผมเริ่มมีน้ำตาคลอที่ขอบตา


“…อีกนานมั้ยกว่าจะถึงโรงแรม” เขาหันไปถามหัวหน้าการ์ดที่นั่งอยู่ด้านหน้า


“อย่างเร็วก็หนึ่งชั่วโมงครับ” วิคเตอร์พยักหน้าให้กับการ์ดหัวเกรียน หันกลับมาหาผมที่ยังมีสีหน้าทุกข์ใจอยู่ เขายื่นแขนมาอุ้มผมตัวลอยและยกผมไปนั่งบนตักเขา ผมไม่ได้ผลักเขาหนีแบบที่นางเอกละครไทยชอบทำกันและบอกว่าให้ปล่อยนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แม้จะน้อยใจและโกรธเขายังไง แต่ผมก็คิดถึงเขา และผมไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง


“I’m sorry.” เขาบอกเสียงแผ่วตอนที่กดหัวผมให้ลงไปซบกับอกเขา น้ำตาที่คลออยู่ถึงกับร่วงเมื่อได้รับสัมผัสอันคุ้นเคย วิคเตอร์ยกมือซ้ายขึ้นลูบหัวผมแผ่วเบาและกดจูบลงบนเส้นผมนุ่มๆ (ที่ผ่านการหมักมาอย่างดี) ของผม มือขวาก็ลูบแขนซ้ายผมไปมาเบาๆ ผมนั่งเอาหัวพิงอกเขาไว้อย่างนั้นด้วยความอบอุ่นใจ ความหงุดหงิดใจ ความโกรธเคืองใดๆ ที่ผมมีก่อนหน้านี้แทบจะหายไป แต่ก็ไม่หายไปหมดหรอก เก็บไว้ตุนเพื่อจุดอารมณ์ต่อดีกว่า ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องเขานะ แต่ผมอยากด่าเขาสักยก



TBC.

เดี๋ยวอีพี่ยักษ์ต้องเจอขนมตุ้บตั้บจากน้องแน่ๆ -.,- โหะๆ
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ สำหรับกำลังใจ ขอบคุณมากนะก๊าาา

 :hao3:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 31-07-2015 08:10:24
หมั่นไส้วิคเตอร์~~ อธิบายมากกว่านี้ก็ได้นะ สงสารแมทน้อย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 31-07-2015 10:20:54
สงสารน้องแมท  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 31-07-2015 12:37:28
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 31-07-2015 13:20:15
รอคำอธิบายจากตาวิค ถ้าฟังไม่ขึ้นละก็
จะไม่ยอมยกแมทให้แกปู้ยี้ปูยำแน่ๆ หึ!
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 31-07-2015 13:29:13
ขอคำอธิบายสวยๆหน่อยนะไอ้ยักษ์  o18
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 31-07-2015 21:24:57
อย่าลืมพูดให้อิพี่วิคมันสลดเยอะๆนะ เอาคืนหน่อย หมั่นไส้

แล้วขอคำอธิบายที่หายไปด้วยนะคุณยักษ์ 
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-08-2015 13:25:47

Only You EP.5 :: [75%]




เพราะมหาวิทยาลัยผมไม่ได้อยู่ในเมืองกรุงฯ เลยใช้เวลาในการเดินทางระยะหนึ่ง เราสองคนเลยนั่งนิ่งๆ เงียบๆ ราวกับรับรู้กันเองว่าควรรอจังหวะเวลาเคลียร์กันแค่สองคนโดยไม่มีคนอื่นอยู่ ผมเลยนอนซบอกเขาไปอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เขาลูบหัว ลูบแขนจนผล็อยหลับไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนเขาสะกิดเรียกเบาๆ ว่าถึงหน้าประตูโรงแรมแล้ว ประตูรถเลื่อนเปิดออกช้าๆ การ์ดสองคนด้านหลังเดินลงจากรถไปก่อน ผมทำท่าจะลุกขึ้นจากตักเขา แต่วิคเตอร์กระชับอ้อมแขนโอบร่างผมไว้แน่น ค่อยๆ กระเถิบก้นออกจากเบาะนุ่มๆ ของรถตู้ โดยที่พยายามอุ้มผมไว้ด้วย

 

 

“ผมเดินเองได้” ผมบอกเขาเสียงนิ่ง

 

 

“แต่ฉันจะอุ้ม อย่าดื้อนะ ไม่งั้นฉันทุ่มนายลงพื้นแน่” เขาขู่สีหน้าโหดนิดๆ ผมได้แค่ทำหน้าขัดใจเงียบๆ และปล่อยให้เขาอุ้มลงจากรถไปยืนบนพื้น ผมแอบหันหน้าออกจากอกเขาไปมอง พนักงานโรงแรมยืนต้อนรับกันเป็นทิวแถว พอเห็นว่ามีคนเยอะผมเลยมุดหน้าหนีแนบเข้ากับอกวิคเตอร์จนได้ยินเสียงเขาหัวเราะทุ้มหนัก

 

 

ผมปล่อยให้เขาอุ้มเข้าไปด้านในโรงแรม เดินไปเรื่อยๆ โดยที่ผมยังคงซุกหน้าเข้ากับอกเขา มือซ้ายยกขึ้นมาดึงเสื้อยืดสีขาวที่เขาใส่ไว้แน่น ไม่รู้ว่ามีใครมองบ้างรึเปล่า แต่ผมเริ่มใจไม่ดีอีกแล้ว เมื่อคิดได้ว่านี่มันประเจิดประเจ้อไปมั้ยสำหรับพระเอกฮอลลีวูดผู้มีชื่อเสียง แม้อาจจะยังไม่ดังทั่วโลก แต่เดี๋ยวพอหนังเขาฉาย ผมกล้าคอนเฟิร์มเลยว่า เขาจะเป็นที่รู้จักวงกว้างกว่านี้แน่นอน แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ดังวงกว้าง แต่ชื่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องผม มันเพิ่งสงบไป ผมไม่แน่ใจว่าการที่ทำแบบนี้ จะมีประเด็นข่าวหลุดลอด เล็ดลอดออกไปให้สื่อต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน เอาแค่สื่อไทย ผมยังภาวนาว่าอย่าเพิ่งรู้เลย ถ้ารู้ก็จงรู้แค่ว่าเขามาไทยเท่านั้น ไม่ได้มาหาผม

 

 

“Austin—could you find some chocolate for him? (ช่วยหาช็อคโกแล็ตให้เขาทานหน่อยได้มั้ยออสติน)”

 

 

“เขาชอบทานแบบไหนครับ” เสียงของการ์ดหัวเกรียนถามตอนที่เรากำลังรอลิฟต์อยู่

 

 

“แบบไหนก็ได้ ขอแค่เป็นช็อคโกแล็ตเขาชอบกินหมดนั่นแหละ” ผมแอบเอาหน้าออกจากหน้าอกเขา เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหนวดเคราดกหนากว่าเดิม เขาก้มลงมามองผมพร้อมรอยยิ้ม

 

 

“บอดี้การ์ดคุณหรอ” ผมถามและแอบชำเลืองมองไปทางออสตินหัวเกรียนหน้าดุ ที่ยืนมองผมกลับมาด้วยความนิ่งสงบ ท่าทางจะถูกฝึกมาอย่างดีแฮะ

 

 

“ใช่ ค่ายหนังเขาบอกว่าฉันควรมีคนดูแลและคุ้มครอง ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ”

 

 

“แปลก คุณยอมให้คนอื่นเข้าใกล้คุณด้วยเหรอเนี่ย”

 

 

“ออสตินเป็นพวกที่ไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของฉัน เขาเลยอยู่ได้ เรียกง่ายๆ ว่าเขาไม่จุ้นจ้านแบบนาย” เขายิ้มทะเล้น ผมแอบย่นคิ้วและส่งสายตาจิกกัดไปให้เขา

 

 

“ผมอยากจุ้นจ้านกับคุณจังแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าที่เด็กฝึกงาน ผมไม่ทำหรอก”

 

 

“ดีแล้วที่นายจุ้นจ้าน ไม่งั้นฉันจะรักนายเหรอ” ผมรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า เลยได้ทำแก้มป่องน้อยๆ วิคเตอร์ยิ้มอย่างร้ายกาจและก้าวเท้าเดินเข้าไปในลิฟต์ ออสตินยื่นบัตรคีย์การ์ดมาให้ ผมเลยอาสายื่นมือซ้ายออกไปรับ แล้วเขาก็หมุนตัวเดินกลับออกไปทางเดิม คงไปหาซื้อช็อคโกแล็ตมาให้ แถวนี้คงมีเซเว่นให้เขานะ

 

 

“นี่ ไม่เมื่อยรึไง เดี๋ยวผมลงไปยืนเองก็ได้” ผมว่าหน้ามุ่ย รู้สึกหมั่นไส้กับความเจ็นเทิลแมนของเขานิดหน่อย ทำมาเป็นโชว์แมนอุ้มไม่ยอมวาง

 

 

“สองเดือนที่ผ่านมา ฉันอุ้มแต่ไมเคิลกับฟอกซ์ ให้ฉันได้อุ้มนายบ้างเถอะ” พอได้ยินชื่อเจ้าสองตัวนั้น ผมก็มองเขาตาแป๋วด้วยความคิดถึงทันที

 

 

“พวกมันเป็นยังไงบ้าง” เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นที่ยี่สิบของตึก ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึกฝั่งที่วิคเตอร์อยู่ เขาก้าวเท้าเดินออกไปบนทางปูพรมพร้อมกับพูดถึงเจ้าสองพี่น้องนั่นให้ผมฟัง

 

 

“มันคิดถึงนายกันนะ โดยเฉพาะไมเคิล มันไม่เห่าก่อนกินข้าวอีกเลยตั้งแต่นายกลับมาที่ไทย”

 

 

“ผมก็คิดถึงพวกมัน” ผมบอกเสียงหงอยๆ นึกถึงหน้าตาน่ารัก ตัวอ้วนๆ จ้ำม่ำของเจ้าสองพี่น้องแล้วก็อยากกอดมันจัง

 

 

“แล้วไม่คิดถึงฉันบ้างรึไง” ผมทำหน้างอใส่เขาทันที ประเด็นนี้ยังไม่เคลียร์ เดี๋ยวต้องมีสักตุบสองตุบ เอาให้หายหงุดหงิดใจ วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ ให้กับสีหน้าที่ผมแสดงออก วิคเตอร์หยุดยืนที่ประตูสีน้ำตาลบานหนึ่ง ผมเลยยื่นคีย์การ์ดไปเสียบและดึงออกเร็วๆ ไฟสัญญาณสีเขียวขึ้นกระพริบเป็นการบอกว่าประตูปลดล็อคแล้ว ผมเลยจับที่เปิดประตู หักลงและดันเข้าไป วิคเตอร์เดินเข้าไปในห้อง ผมเอื้อมมือเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดไฟและแอร์ วิคเตอร์ใช้เท้าปิดประตูตามหลัง ผมมองไปรอบห้องอันใหญ่โตโอ่อ่า รับรู้ได้ทันทีว่านี่คือห้องสูทขนาดใหญ่สุดของโรงแรมแน่นอน ด้านนอกเป็นห้องนั่งเล่น ไว้ทานข้าว ดูทีวี นั่งทำงาน ทำได้หมด ส่วนห้องนอนน่าจะอยู่หลังประตูบานใหญ่ที่ปิดเอาไว้อยู่

 

 

“คุณเช่าห้องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ผมถามทั้งที่ตายังคงมองสำรวจความหรูหราของห้องสูทชุดใหญ่ของโรงแรม

 

 

“เปล่า ฉันเช่าทั้งชั้นนี้และชั้นล่าง” เขาบอกในขณะที่พาผมนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ยาว ผมเบิกตากว้างอย่างตะลึงหันไปมองเขาที่เลิกคิ้วขึ้นมองกลับมาอย่างงุนงง ประมาณว่ามีอะไรผิดแปลกงั้นเหรอ

 

 

“ผมรู้ว่าคุณรวย แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องเสียเงินเยอะแบบนี้เลย”

 

 

“ก็ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ชั้นล่างเลยให้พวกการ์ดคนไทยอยู่ตามใจชอบ ชั้นบนมีแค่ฉัน ห้องตรงข้ามก็ห้องของออสติน” ผมเอียงคอเล็กน้อย มองเขาด้วยความเอ๋อเหรอ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม โน้มหน้ามาหอมแก้มขวาผมแรงๆ แล้วผละออก ก่อนจะยกตัวผมขึ้น ทำอย่างกับผมเป็นตุ๊กตา จับผมให้นั่งคร่อมตักเขาไว้ และใช้สองแขนโอบรอบเอวผมไว้แน่น ผมใช้สองมือยกขึ้นมาจับที่ไหล่กว้างของเขา

 

 

“แล้วถ้างั้นวันนี้คุณจะไปหาผมที่มหาวิทยาลัยทำไม รู้ทั้งรู้ว่าที่นั่นมันจะต้องวุ่นวาย”

 

 

“ก็นายจะไม่ยอมมาดูแลฉัน ตามที่ฉันขอมา ฉันเลยต้องมารับตัวนายเอง” เขาว่าด้วยสีหน้าตึงเครียด

 

 

“แล้วทำไมคุณไม่มาหาดีๆ ไม่มาหาแบบปกติทั่วไป ทำไมต้องเอาเรื่องงานมาอ้าง” เขานิ่ง มองผมด้วยสายตาสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าเขามีแววหวาดกลัวติดอยู่

 

 

“ก็ฉันกลัวว่านายไม่อยากเจอฉัน กลัวว่านายจะบ่ายเบี่ยง แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน นายต้องมาแน่ๆ ยิ่งเป็นงานใหญ่ขนาดนี้ นายต้องมา แต่นายกลับไม่มา ทั้งที่ฉันให้ทีมงานหลอกนายว่าจ่ายค่าตัวฉันมาหมดแล้ว” ผมน้ำตาเอ่อคลอ มองเขาด้วยความโกรธ ความน้อยใจ ยกมือขึ้นทุบอกเขาดังตุบตับทันที พร้อมกับพูดเสียงดังทั้งน้ำตา

 

 

“ไอ้ยักษ์ ไอ้บ้า ไอ้หนวด คิดมาได้ยังไงว่าผมไม่อยากเจอ รู้มั้ยว่าผมรอคุณทุกวัน แต่คุณก็ หาย! หัว! ไป! ไหน! มา?!!” ผมทุบไหล่และอกเขาตามจังหวะคำที่พูดท่อนท้าย วิคเตอร์นั่งนิ่งให้ผมทุบตีโดยที่ไม่ปกป้องตัวเองแม้แต่น้อย เขามองผมด้วยสายตารู้สึกผิด ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น และค่อยๆ หยุดทุบตีเขา

 

 

“ผมพยายามใช้ชีวิตตามปกติ แต่มันก็ไม่ปกติตั้งแต่มีคุณเข้ามา คุณทำให้มันพิเศษแล้วคุณก็เงียบหายไป คุณทำได้ยังไง ไอ้ยักษ์นิสัยไม่ดี…” ผมน้ำตานองหน้า สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจห้ามได้ พยายามเข้มแข็งแล้ว แต่ก็อ่อนแอเพราะเขาอีกตามเคย

 

 

“อย่าร้องไห้สิ…” เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาให้ แต่ผมปัดมือเขาออก

 

 

“จะให้หัวเราะรึไงเล่า!” วิคเตอร์ยิ้มหล่อ หน้าหนวดๆ เคราๆ นั่นดูอารมณ์ดี ไอ้นี่! เห็นคนน้ำตาไหลแล้วยังจะมายิ้มกริ่มอีก

 

 

“อย่างน้อยก็ยิ้มดีใจหน่อยสิที่เห็นหน้าฉัน”

 

 

“ถ้าเมื่อช่วงอาทิตย์แรกๆ หลังจากกลับมาไทย ผมจะยิ้มอยู่หรอก” ผมว่าเสียงอู้อี้ ติดอาการสะอื้นในอกแผ่วเบา

 

 

“นี่ นายจะไม่ให้ฉันใช้ชีวิตฉันเลยเหรอ ฉันรักนายก็จริง แต่ชีวิตฉันก็มีอย่างอื่นต้องทำนะ” ผมรู้นะว่านั่นมันเป็นเรื่องจริง แต่พอเขาพูดตรงๆ ออกมาในสภาวะที่จิตผมกำลังรวนอย่างนี้ก็อดแบะปากร้องไห้ไม่ได้

 

 

“ฮือออ” วิคเตอร์ถึงกับทำหน้าตกใจแบบคนทำอะไรไม่ถูกที่เห็นผมร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ

 

 

“ก็รู้แล้วอ่ะว่าคุณก็ต้องใช้ชีวิต แต่คุณหายไปเลย คุณปล่อยให้ผมคิดถึงคุณอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ติดต่อ ไม่ส่งข่าวหาผมบ้างเลย จะใช้ชีวิตยุ่งอะไรขนาดนั้นอ่ะ ฮือออ” วิคเตอร์อ้าปากค้างไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงทุ้ม นั่นทำให้ผมที่กำลังร้องไห้สะอื้นถึงกับหยุดชะงักมองไอ้ยักษ์ที่กำลังยิ้มกว้างอารมณ์ดีพร้อมเสียงหัวเราะ

 

 

“หัวเราะอะไร นี่มันไม่ตลกนะ!” ผมบอกหน้าง้ำหน้างอ พยายามตีหน้าจริงจัง แต่เหมือนจะยังทำได้ไม่ดีเพราะวิคเตอร์ยังคงหัวเราะ ถึงจะพยายามหยุดแล้วก็เถอะ

           

 

“Giant! (ยักษ์!)” ผมเบะปากใส่เขา ทำท่าจะร้องไห้อีก วิคเตอร์เลยพยายามหยุดหัวเราะ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มขำๆ ติดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่นอยู่

           

 

“คิดไปเองน่ะสิว่าคิดถึงฉันอยู่ฝ่ายเดียว”

           

 

“ก็ถ้าคุณคิดถึงผม…”

         

 

“…ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าฉันคิดถึงนาย” เขาสวนกลับขึ้นมายิ้มๆ ทำเอาใจผมหล่นวูบ ก่อนจะเบะกัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความหมั่นไส้

           

 

ตุบ! ทุบไปสักที ทำหน้าจุกไปเลย สมน้ำหน้า!

           

 

“นี่ไม่ได้เจอกันแค่แปบเดียว นายมีวิวัฒนาการในการต่อกรกับฉันขึ้นนะเอเลี่ยน” เขาหรี่ตามองคล้ายจับผิด แต่ริมฝีปากเขาก็บิดเป็นรอยยิ้มน้อยๆ

           

 

“แปบเดียวของคุณกับของผมมันไม่เหมือนกันสักหน่อย” ผมว่าหน้าบู้ ยังติดสะอื้นอยู่เล็กน้อย สองมือยกมาป้ายน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็ก แววตาสีน้ำผึ้งข้นของวิคเตอร์มองสำรวจหน้าผมไปมา ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงหม่นของเขาจะค่อยๆ คลี่ยิ้มละมุนละไมออกมา เขาโน้มหน้ามาจูบหน้าผากผมหนักๆ หนึ่งทีแล้วผละออก เปลี่ยนเป็นหอมแก้มซ้าย แก้มขวาแรงๆ และปิดท้ายการจุ๊บปากหนึ่งที

           

 

“คิดถึง ฉันคิดถึงนายจะตายอยู่แล้ว”

           

 

“แต่คุณก็เงียบหายไป ผมนึกว่าคุณเสียชีวิตแต่ลืมแจ้งตายกับทางการไปแล้วซะอีก” วิคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมแผ่วเบา

           

 

“ฉันขอโทษ แต่ฉันต้องรู้จริงๆ ว่าฉันจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีนายอยู่ข้างกัน…” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเหงาๆ พอๆ กับสีหน้าและแววตาที่แสดงออกถึงความเหงาออกมา เห็นแบบนั้นผมก็นึกใจอ่อน เลยโน้มหน้าจุ๊บหน้าผากเขาเบาๆ ผละออกมามองหน้าเขาก็เห็นว่าเขายกยิ้มที่มุมปากขึ้นด้วยความพอใจ

           

 

“ฉันคิดถึงสัมผัสนี้มากนะรู้มั้ย” เขาลดมือขวาลงมาไว้ที่เอวผมตามเดิม ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปสัมผัสกับแก้มสากเพราะหนวดเคราของเขา ลูบสองมือไปมาอย่างแผ่วเบา

           

 

“ทำไมไม่รู้จักโกนหนวดบ้าง ในนิยายที่ผมอ่าน พระเอกไม่ต้องไว้หนวดเครายาวขนาดนี้นี่นา” เขายิ้มอบอุ่นเอียงหน้าซ้ายขวาน้อยๆ เพื่อถูไปกับฝ่ามือของผมเหมือนกับกำลังอ้อน ผมเลยยิ้มบางๆ และถูมือไปมากับแก้มเขา

           

 

“รอให้นายโกนให้” เขายิ้มกริ่ม ผมก็ถูมือสองข้างไปมาบนแก้มเขาด้วยความมันเขี้ยวและหมั่นไส้ผสมกัน โดยที่ไม่ทันได้รู้สึกถึงส่วนอื่นนอกจากมองหน้าเขาไว้ มือใหญ่ๆ แต่ไม่สากของเขาทั้งสองมือก็เลื่อนเข้าไปอยู่ใต้เสื้อนักศึกษาของผม และกำลังลูบๆ บีบๆ หน้าอกทั้งสองข้างของผมอยู่ พอรู้ตัวผมก็เลยจิกตาใส่อีกฝ่ายที่ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมา

           

 

“ไม่เอา…” ผมบอกเสียงสั่นๆ และพยายามดึงมือเขาออกจากร่างกายตัวเอง นี่กระดุมถูกปลดมาถึงครึ่งตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย

           

 

“เอา” เขาว่าง่ายๆ สองมือลูบไล้ไปทั่วร่างกายใต้เนื้อผ้า แล้วมือที่ผมส่งไปสู้ดึงออกนี่ทำอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย

           

 

“วิคเตอร์!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดุ แต่เจ้าของชื่อกลับทำหน้ามึน

           

 

“นายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องนึกถึงหน้านายบ่อยแค่ไหนตอนช่วยตัวเอง” สีหน้าเขาดูบริสุทธิ์ใจที่พูดประโยคนั้นมาก ราวกับเรื่องการช่วยตัวเองเป็นทอปปิคที่สลักสำคัญจริงๆ

           

 

แต่ผมก็ไม่ดีใจหรอก กลับหน้าบึ้งใส่เขา เพราะอะไรน่ะเหรอ?!

           

 

“อย่ามาโกหก คุณคบกับอันเดรียนาไม่ใช่รึไง แล้วนี่ก็คือหนึ่งในการใช้ชีวิตของคุณสินะ” วิคเตอร์ชะงักกึก สีหน้าสะดุด มือที่กำลังบีบเค้นไปทั่วตัวผมค่อยๆ คลายออก ผมทำหน้านิ่ง แล้วถอนหายใจออกมา ท่าทีแบบนี้ก็บอกได้แล้วว่าข่าวที่เขียนนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงจะไม่มีภาพหรือแหล่งข่าวยืนยันที่ชัดเจน แต่ผมได้รับรู้จากเจ้าตัวนี่ไง

           

 

“ไม่ได้คบสักหน่อย แค่ลองคุยกันเฉยๆ” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม ก้มหน้าเพื่อให้ปีกหมวกแก็ปบดบังสายตาเขาไว้ ผมก้มหน้าตามไปจ้องเขา แล้วตัดสินใจดึงหมวกออก ผมเขาสั้นลงกว่าเดิม ดูเข้ารูปเข้าทรงมากขึ้น น่าจะเพราะบทบาทในหนังบังคับให้เขาต้องตัดผม จำได้ว่าเดี๋ยวภาคสองสามผมจะสั้นกว่านี้อีก และภาคสี่จะเริ่มกลับมายาว ส่วนภาคห้านี่ยาวจนมัดได้ แล้วค่อยกลับมาสั้นอีกทีก่อนจบเรื่อง วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าและสายตาเหมือนคนที่ทำผิดและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่ผมเชื่อเขานะว่าเขาไม่ได้คบกับเธอจริงๆ

 

 

ใช่ ไม่ได้คบหรอก แต่ระดับวิคเตอร์ มีหรอจะแค่คุยๆ กัน

           

 

“คุณนอนกับเธอรึเปล่า” ผมถามเขาเสียงปกติ คือจริงๆ ผมก็พอรู้อยู่แล้วล่ะ แค่อยากได้ยินคำตอบชัดเจนจากเจ้าตัว สิ่งที่ผมคิดและถาม มันเป็นสิ่งที่ทำร้ายใจผมเอง แต่ผมก็อยากถาม คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมาเต็มหน้า สบตากับผมด้วยแววตาจ๋อยๆ เล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงอ่อย

         

 

“แมท คือฉัน…”

           

 

“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกครับ ผมถามเฉยๆ ถึงยังไงในตอนนั้นเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณมีสิทธิ์ที่จะทำอยู่แล้ว” วิคเตอร์คลี่ริมฝีปากบางแทบจะเป็นเส้นตรง เขาเบี่ยงหน้าหลบผม ส่วนผมมองหน้าเขาไว้ แต่ไม่ได้มองแบบกดดันใดๆ ทั้งสิ้น แค่มองแบบที่ตัวเองก็ลืมละสายตาไปเหมือนกัน สุดท้ายวิคเตอร์หันกลับมาพร้อมกับถอนหายใจและยักคิ้วสองข้างขึ้นเร็วๆ พูดด้วยเสียงแผ่วเบาแทบจะเป็นกระซิบ

           

 

“นอน” ผมเม้มปาก ถึงจะเตรียมใจว่าคำตอบเขาต้องเหมือนที่คิดแน่ๆ แต่ก็แอบวูบๆ ไหวๆ เหมือนกันนะ อย่างที่บอกกับเขาไปว่าตอนนั้นเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาขอเวลาเพื่อทบทวนตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สิทธิ์ยุ่งกับใคร

           

 

ก็เหมือนผมไง แฮะๆ เพราะแบบนี้ผมถึงไม่โกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟหรือหึงหน้ามืดตามัว ก็กลัวว่าถ้าพูดอะไรไป หรือดราม่าอะไร มันก็จะย้อนเข้าตัวเองน่ะสิ

           

 

“ฉันนอนกับเขา แต่ฉันไม่ได้รักเขา มันแค่ความสัมพันธ์ทางร่างกายเท่านั้น” เขาสบตาผมด้วยความจริงจังกับประโยคที่เขาพูดออกมา เขาไม่หลบตาผมสักนิดและแทบไม่กระพริบตา ราวกับจะบอกว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ ผมเชื่อเขานะว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าผมอยู่แบบนี้หรอก

           

 

“ผมเข้าใจ ไม่เป็นไรนะครับ แค่อย่ามีอีกก็พอ…” เข้าส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง

           

 

“ฉันไม่ชอบสัญญานะ แต่ฉันเชื่อว่าจะไม่มีอีกแล้ว” ผมนึกหวั่นใจว่าเขาจะทำได้จริงมั้ย เพราะสำหรับวิคเตอร์ รักกับเซ็กส์แทบจะเป็นเรื่องเดียวกัน เขาไม่เคยลงหลักปักใจรักกับใครอย่างจริงจัง และเขาไม่เคยคบใครแบบจริงจังสักคนอย่างนาตาชาก็อย่าเรียกว่าคบเลย เขาแค่ทำไปเพราะอยากเอาชนะอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าเขาจะชินกับการที่มีผู้หญิงใหม่เรื่อยๆ อยู่หรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยิ้มขอบคุณเขา วิคเตอร์ยิ้มตอบกลับมา เขาก้มลงมาจูบที่ปลายจมูกผมอย่างอารมณ์ดี

           

 

“งานนี้ถือว่าเราเท่าเทียมกันก็แล้วกันนะครับ” ผมยิ้มแหยๆ เห็นว่าเขากำลังยิ้มเลยโพล่งไปเลยแล้วกัน รอยยิ้มวิคเตอร์หายไปจากใบหน้า แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้างุนงง แววตามีความไม่เข้าใจ ผมยิ้มเหงือกแห้ง กระแอมคอให้โล่ง โน้มตัวไปด้านหลังนิดหน่อย มองหน้าเขาที่กำลังมองกลับมาอย่างสงสัย

           

 

“ผมคิดว่าคุณคงไม่มาหาผมแล้ว ผมเลยลองคุยๆ กับผู้ชายคนอื่นดู…” แทบจะฉับพลันทันทีที่หน้าเขาตึงนิ่งสนิท เล่นเอาผมเสียววาบ บรรยากาศคล้ายกับผู้คุมวิญญาณกำลังลอยอยู่รอบตัวเต็มไปหมด


 
TBC.

ไอ้ยักษ์โดนทุบตุ้บตั้บ แต่ยังไม่โดนด่าหนำใจเนาะ 555555
เหมือนเกมส์จะพลิก กลายมาเป็นแมทโดนไล่ล่าเลยแฮะ -.,-
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 01-08-2015 13:56:32
ยกนี้ถือซะว่าเสมอละกันนะยักษ์นะ
 :o8:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 01-08-2015 19:08:52
ยักษ์หน้าตึงอย่างนี้ เอเลี่ยนรับศึกหนักแหงๆ ส่วนเอิร์ท...รายนั้นปล่อยไปอยู่ป่ากับชะนีเถอะ อย่ามาหึงหวงรังควานอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 01-08-2015 20:50:29
 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-08-2015 21:49:58
อืม...โดนซะบ้างไอ้ยักษ์
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 01-08-2015 22:14:44
ง่ะ ขนมตุ้บต้บมีให้กินแค่นี้เองหรอ
โถ่ ยังไม่อิ่มเลย
นี่ตาวิค บอกก่อนเลยนะ ห้ามมีคงมีเคืองแมทนะ
เพราะตัวเองก็ทำ เข้าใจ่????
รออ่านต่อจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 01-08-2015 23:59:55
โอยยย สนุกมากกกก เพิ่งมาเจอ ตามอ่านตั้ง 3 วันแน่ะ
ว่าแล้วก็ไปจองหนังสือดีกว่า สนุกขนาดนี้จะพลาดได้ไง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 02-08-2015 04:04:43
เข้ามาบอกว่า เป็นคนที่รอติดตามอ่านด้วยอีกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: youuue ที่ 02-08-2015 11:19:39
 :hao7: :hao7ไงละ.  เอเลี่ยนเราก็ไม่ยอมนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 02-08-2015 21:28:20
หวังว่าเอเลี่ยนน้อยของเราจะไม่โดนยักจับกินนะฮ่ะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 03-08-2015 19:07:15

Only You EP.5 :: [100%]





“ใคร” ยิ่งเสียงเยือกเย็นที่ถามนั้นยิ่งทำให้ผมใจคอไม่ดี นึกถึงตอนเด็กๆ ที่เวลาพ่อจับได้ว่าแอบไปเล่นน้ำกับเด็กแถวบ้านและเตรียมตัวฟาดไม้เรียวใส่ก้น แต่กับวิคเตอร์เขาไม่น่าใช้ไม้เรียวน่ะสิ ผมพยายามยิ้มฉอเลาะเข้าไว้ แต่ไอ้ยักษ์กลับตีหน้ายักษ์สมฉายา เลยทำให้ผมค่อยๆ หุบรอยยิ้มบนใบหน้าลง และพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
   



“เอิร์ทอ่ะ คนที่เคยไปส่งผมที่บ้านคุณไง” เขากลอกตาขึ้นข้างบนเล็กน้อยพลางทำสีหน้าครุ่นคิด เขาเลื่อนสายตากลับมามองผมพร้อมกับสีหน้านึกออก
   



“ไอ้จูบแรกของนายอ่ะเหรอ” ผมพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นที่เขานึกได้
   



“ใช่ๆ คนนั้นแหละ อ๊ะ!” เขาเลื่อนมือซ้ายเข้าไปใต้เสื้อและใช้ปลายนิ้วขยี้หัวนมอย่างแรงจนผมแอ่นตัวขึ้นด้วยความเสียววูบกะทันหัน
   



“อย่ามาทำท่าทีกระตือรือร้นเวลาพูดถึงผู้ชายคนอื่น” เขาว่าเสียงเย็นชา ใบหน้านิ่งจนน่ากลัว แววตาเขาแอบมีความแข็งกระด้างอยู่ไม่น้อย ผมกลืนน้ำลายลงคอและพยักหน้ารับเบาๆ
   



“ไม่ได้นอนกับมันใช่มั้ย” เขาถามเสียงกดต่ำ จ้องหน้าผมจนผมเริ่มเกร็งไปทั้งตัว นึกในใจว่าทำไมต้องกลัวขนาดนี้ นี่ไม่ใช่พ่อสักหน่อย ถึงตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาจะชอบทำให้ผมนึกถึงพ่อก็เถอะ
   



“เปล่า ไม่ได้นอน…” สีหน้าเขาดูผ่อนคลายขึ้นมาบ้างและดูจะพึงพอใจนิดๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ และพยายามพูดต่อ
   



“…ยังไม่ถึงขั้นนั้น เราแค่ใช้ปากให้กัน” สิ้นประโยคก็ราวกับว่าขั้วโลกเหนือเปลี่ยนขั้วมาอยู่ที่ประเทศไทย ทั้งๆ ที่แอร์มันก็เย็นตามปกติ แต่ผมกลับรู้สึกถึงความเย็นที่มันเย็นถึงกระดูกเนื้อในที่ส่งมาจากสายตาวาววับน่ากลัว ผสมกับใบหน้าคมๆ เข้มๆ ด้วยหนวดที่นิ่งจนทำใจผมเต้นแรง ไม่ได้แรงเพราะบรรยากาศชวนเขินอะไรทั้งนั้น แต่มันเป็นการเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น เอ่อ อย่าใช้คำซอฟท์นักเลย บอกว่าหวาดกลัวเลยเถอะ
   



“ใช้ปากให้กัน นี่แสดงว่านายอมไอ้นั่นของมันงั้นสิ?!” เขาถามเสียงต่ำแต่แอบมีแววกระชากนิดๆ ใบหน้าเรียบนิ่งสนิทแต่แววตาเขาอย่างกับมีไฟลุกโชนขึ้นมา สองแขนเขาดึงเอวผมเข้าไปติดกับร่างเขามากขึ้นเพราะผมทำท่าจะหนี
   



“เขาก็ใช้ปากให้ผมด้วยเหมือนกัน…” ไม่รู้ว่าซื่อหรือว่ากลัว แต่ผมหลุดประโยคที่ไม่ควรพูดออกมาเพิ่มเติมความอันตรายให้แก่ชีวิต
   



“นายให้มันมาทับรอยฉันได้ยังไง?! แล้วนายไปทำให้มันทำไม กับฉันนายยังไม่เคยทำให้เลยสักครั้ง!” เขาบอกน้ำเสียงกรรโชก สีหน้าเขาฉาบไปด้วยความน่ากลัว ผมรู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย พยายามเอนตัวหนี แต่วิคเตอร์ยกสองมือขึ้นมาบีบไหล่ผมไว้แน่น จนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ วิคเตอร์ขบกรามแน่น แววตาแข็งกระด้าง ความเจ็บและความกลัว ผสมกับความไม่ยอมส่งผลให้ผมโต้เขากลับไป
   



“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ผมไม่ได้มีตาทิพย์นะ ถึงจะได้รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง คุณเงียบหายไปเองแล้วยังมีหน้ามาอารมณ์เสียใส่ผมอีกงั้นเหรอ?!” ผมขึ้นเสียงกลับบ้าง แต่พอจะจ้องหน้าสู้ตาเขา ผมก็มีอันต้องหลบตาหนีด้วยความหวาดกลัวในใจ แรงบีบที่แขนผมแรงขึ้นจนผมต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้เพื่อไม่ให้ร้องออกมาเสียงดัง
   



“ฉันบอกว่าอะไร บอกให้รอฉัน บอกว่าอย่ามีใครไง?!” เขาแทบจะตะโกนใส่หน้า ผมแอบสะดุ้งนิดหน่อย แต่พอคิดได้ว่าเขายังทำเลย แล้วมีหน้ามาหงุดหงิดแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน ผมเลยจ้องตาสู้กลับบ้าง
   



“อ้าว! ทีคุณล่ะ คุณก็ยังมี ก็ถือว่าเราเจ๊ากันสิ จะมาโกรธอะไรผมเนี่ย!” ผมบอกเสียงแหว พยายามยกมือแกะมือคีมเหล็กเขาออก บีบขนาดนี้ ไม่หักกระดูกไปเลยล่ะไอ้ยักษ์
   



“เออ! ทั้งโกรธ ทั้งหึงจนจะบ้าแล้วเว้ย!!” บ๊ะ! ไอ้ยักษ์
   



“วิคเตอร์! ผมเจ็บนะ!”
   



“เจ็บไม่เท่าใจฉันหรอก มันจี๊ดไปหมดแล้ว!” เขาถลึงตามองหน้าผมดุดัน คมฟันบนฟันล่างกัดกระทบกันแน่น นี่ถ้าเขี้ยวงอกแบบยักษ์ได้ ผมว่ามันคงยาวพอที่จะฉีกเนื้อผมเป็นชิ้นๆ แล้วล่ะ
   



“โอ๊ย! คุณทำได้ แล้วทำไมผมจะทำไม่ได้ ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์โกรธ!” แต่ถึงจะกลัวยังไง แต่ผมก็ไม่ขอยอม จะมาโบ้ยว่าผมผิด หรือทำตัวเป็นนางวันทองสองใจแบบนี้ได้ยังไง ผมไม่ได้มีอะไรกับขุนช้างแบบนางวันทองสักหน่อย แต่ผมมีอะไรกับขุนแผนแห่งคณะสถาปัตย์ฯ ต่างหาก
   



อ้าว?! โอ๊ย! เสียสติไปแล้ว นี่ผมไม่ได้กลัวเขาเลยนะจริงๆ!
   



“อะไรนะ?! พูดออกมาได้ยังไง นายเป็นของฉันนะ ของฉันคนเดียวด้วย!” เขาว่าสีหน้าขุ่นเคือง บีบแขนผมแน่น ผมพยายามสะบัดตัวออกจากเขา พอได้เริ่มเถียงกลับและดิ้นสู้ เลยมีแรงฮึดขึ้นมาบ้าง
   



“ผมไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ของคุณ!”
   



“อย่ามางี่เง่า! อย่ามาดราม่าด้วยประโยคพวกนี้ ที่ฉันพูด ฉันหมายความตามนั้นจริงๆ นายไม่ใช่สิ่งของ แต่นายเป็นของฉัน ตีความหมายให้มันดีๆ หน่อย!!” สีหน้าเขาถมึงทึง นี่ถ้าพูดภาษาไทยได้เขาคงขึ้นมึงขึ้นกูกับผมไปแล้ว ก็พอเข้าใจอยู่นะว่าที่เขาพูด เขาคงไม่ได้หมายความว่าผมเป็นสิ่งของที่ไม่มีชีวิตอะไรแบบนั้นหรอก
   



“ปล่อยสักทีสิ ไอ้ยักษ์!!” ผมเริ่มขู่ฟ่อ ยกมือทุบอกชกตีตามตัวเขา แต่วิคเตอร์ก็นั่งนิ่งราวกับว่าที่ทุบตีเข้าไปนั้นทำอะไรเขาไม่ได้เลย แถมยังบีบแขนแรงขึ้นอีก
   



“แล้วยังมีวันนี้อีก ก่อนขึ้นพรีเซ้นต์ นายให้ใครกอด ทำไมไม่รู้จักผลักมันออก!”เขาว่าหน้าตึง ผมหยุดทุบตีเขา และทำหน้าเหวอ พลางนึกอย่างเค้นความคิดว่าใครมันมากอดผมก่อนขึ้นพรีเซ้นต์ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้แชมป์นั่นเอง
   



“ไม่ใช่กอดสักหน่อย! เขาเรียกว่าโอบกันเฉยๆ!”
   



“ยังจะเถียงอีก! นายอยากโดนดีใช่มั้ย?!” เขาถลึงตามองดุๆ ส่วนผมขมวดคิ้วใส่เขาด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
   



“ทีคุณล่ะ! ว่าแต่ผม ตัวเองก็ทำเหมือนกันนั่นแหละ อันเดรียนาไม่พอ ตอนนี้ก็นางเอกหนังของคุณ คงทำกันมากกว่าโอบแล้วล่ะมั้ง!?” เออ ถ้าจะทะเลาะ งั้นผมเอามั่ง พูดแต่ว่าคนอื่นผิด แต่ตัวเองไม่ผิดเลยสินะ!
   



“นี่ชวนทะเลาะใช่มั้ย?!” ผมอ้าปากเหวอ ย่นคิ้วมองเขาด้วยความรู้สึกทึ่ง
   



บักฝรั่งห่าหนิ! ชวนเขาทะเลาะแล้วยังจะมาหาว่าเราชวนทะเลาะอีก ต่อยเบ้าตาซะบ้อ!!



TBC.   :katai5:

สงครามยังไม่จบ ยังไม่ต้องนับศพใครนะคะ 555555 ขอเวลาทะเลาะกันอีกยก
แมทไม่ได้กลัวพี่วิคเตอร์เลยนะคะ เปล่าเลยค่าาา เบาๆ แค่สมองรวนเท่านั้นเอง  :hao7:

มีคนถามว่า ฉากที่แมทเอาไม้ช็อตยุงช็อตวิคเตอร์นั้นอยู่ตรงไหนของพาร์ทแรก แล้วก็ฉาก NC ในห้อง Sex toy นั้นอยู่ที่ไหน ในเว็บไม่มีค่า เป็นตอนพิเศษอยู่ในเล่มสำหรับภาค You and I นะจ๊ะ โดยจะเล่าผ่านมุมมองของไอ้ยักษ์ค่า ก็เป็นของขวัญพิเศษสำหรับผู้ซื้อรูปเล่มไปค่ะ ส่วนใครไม่ซื้อก็รู้แล้วเนอะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตัวละครก็เอ่ยถึงให้ฟัง (อ่าน) กันแล้ว เพียงแค่ไม่ได้รับรู้ดีเทลของเรื่องราวเท่านั้นเอง โน ดราม่านะคะ 555555 บรรยากาศนิยายกำลังหวานแหวจ้าาา (หวานแล้วเหรอวะ -O-? 55555)

มีคนถามเรื่องเอิร์ทว่าคิดยังไง ตอมตอบคำถามไว้ในเพจแล้วนะคะ ตามไปดูได้ที่นั่นจ้า อธิบายไว้ในระดับหนึ่งแล้ว ลองตามไปอ่านดูนะคะ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนกันทุกครั้งที่อัพ น้อยมากไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามกันทุกครั้งที่อัพ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 03-08-2015 19:52:08
รอจั๊กเถื่อนะคะ กำลังขุนหมูอยู่ หยอดแต่เหรียญ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 03-08-2015 20:10:05
 o13   เอเลี่ยนจังงงงงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 03-08-2015 20:15:33
ขำแมทจัง55555
อย่าไปย๊อมมมมมม ชอบจังๆ เรารออ่านอยู่นะคะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งน้า เราจะติดตามเสมอน้าา
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 03-08-2015 20:25:06
ผมนิรอเก็บศพเลยครับ 55555+
 :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 03-08-2015 20:51:11
ขำพ่อฝรั่งคนนี้จัง  :laugh:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 04-08-2015 04:46:04
  :monkeysad:  :monkeysad: สงสารแมทที่ต้องรอแบบไม่รู้อะไรเลย

แต่ตอนนี้คิดว่าควรห่วงตอนต่อไปมากกว่าว่าจะรอดไหม :mew5: :ling3:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-08-2015 21:59:44
 o13 สนุกมากเลยค่ะ อ่านแบบลากยาวๆตั้งแต่แรก สองวันเพิ่งจฐ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 04-08-2015 22:48:55
ตามอ่าน แต่เม้นน้อยค่ะ ชอบมาก ยอมรับว่าอยู่ทีมแมทนะตอนนี้...  แต่เฮียยักษ์ จับแมทกินโลดดดด น้องดื้อขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 05-08-2015 10:22:24
แมทไม่กลัวเล๊ยย 55555555555555
พี่ยักษ์กลับมาหาแล้ว จะเป็นไงต่อเอาน้องกลับไปด้วยเลย 5555555555555555
จัดการเด็กดื้อเลยค่ะ แมทไม่เหมาะกับนังเอิร์ธหรอก ต้องพี่ยักษ์นี่สมน้ำสมเนื้อออ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 07-08-2015 16:19:58
อ่านถึงตอนที่8แล้ว
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 100%} 03.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 07-08-2015 21:01:24
ตามอ่านทันแล้ว สนุกมากๆเลย รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 08-08-2015 00:09:49


ONLY YOU EP.6 :: We love each other. [50%]



“คุณต่างหากที่เป็นคนชวนผมทะเลาะ คุณเอาแต่ว่าผมทำไม่ดี ทำผิด คุณเองก็ทำ แถมทำยิ่งกว่าผมด้วย แล้วจะมาว่าผมได้ยังไง?!” ผมแผดเสียงดังลั่น หน้าตาขึงขังจ้องมองเขาที่มองกลับมาอย่างกับพร้อมจะระเบิดอารมณ์ได้ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ผมใช้มือทุบตีเขาเท่าที่จะทำได้ ออกแรงดิ้นสู้ แต่ทำไปก็เหมือนหมาพยายามดิ้นเวลาคอติดซอกรั้วไม่มีผิด
   



“แต่นายบอกว่านายรักฉันคนเดียว!” ผมแอบสะดุ้งไปนิดกับน้ำเสียงดังก้องของเขา แต่ก็ไม่คิดที่จะหยุดดิ้น โดยที่ไม่อยากยอมรับความจริงเลยว่า ผมไม่กล้าสบดวงตาแข็งกร้าวของเขาในยามนี้
   



“โอ๊ย! คุณเรย์มอนด์…”
   



“…เรียกฉันว่าอะไรนะ?!” เขาทำหน้าดุใส่ ผมเลยชักสีหน้าใส่ ทำไมชอบขัดอยู่เลย ไม่เข้าใจรึไงว่าอารมณ์ด่ามันกำลังต่อเนื่อง
   



“คุณหายไป ทิ้งความไม่มั่นใจไว้ให้ผมตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมา แล้วยังจะมาย้อนผมอีก!”
   



“ก็แล้วนายอมคxxมันทำไมล่ะ นายอมของมันแล้วใช้ปากนายมาจูบฉันเนี่ยนะ?!” โหย! ขึ้นเลย ขึ้น!
   



“คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ ลิ้นที่ใช้จูบผมก็เลียกลีบของผู้หญิงมาตั้งกี่คน ผมยังไม่เคยคิดมากเลยนะ!” กล้าที่จะพูด ลิ้นแดงๆ นั่นใช้ตวัดเนื้อผู้หญิงมาแล้วกี่คน จูบผู้หญิงมาแล้วตั้งมากมาย ยังจะกล้าพูดประโยคนั้นออกมาอีก มันน่าเอากรรไกรตัดลิ้นนัก!
   



“นั่นมันอดีต!” เขาพูดเสียงดังหน้าเกร็ง ส่วนผมก็จ้องตาว่าไม่ยอม (แม้จะกลัวก็ขอเนียนสู้หน่อย) และพูดด้วยเสียงดังให้เท่าเทียมกับเขา แต่ถ้ามีเครื่องวัดเสียง ผมว่ายังไงเขาก็ดังกว่าอยู่ดี
   



“ของผมก็อดีตแล้วเหมือนกัน เมื่อมันผ่านมาแล้ว มันก็คืออดีต คุณคงเคยเรียน Past simple tense มานะ!” ผมบอกพลางก้มลงจะงับมือเขา แต่เขาแค่จับผมเขย่าตัวครั้งเดียวก็เล่นเอาตับไตไส้พุงผมขย้อนออกทางปาก
   



“อย่างนี้ให้ห่างกันไม่ได้ซะแล้วมั้ง?!” เขาว่าหน้าเครียด สันกรามขึ้นนูนชัดยามที่ขบกามแน่น ผมจิ๊ปากใส่เขาอย่างหงุดหงิดกับความเอาแต่ใจของเขาอยู่ฝ่ายเดียว




“คุณทำได้ ผมก็ทำได้ ต่างคนต่างมีสิทธิ์นะ!” ผมถลึงตาหน้าเครียดใส่ไอ้ยักษ์จอมบงการนี่ เขากัดฟันแน่นแล้วก็ตะเบ็งเสียงดังใส่หน้าผมจนผมแทบจะลืมหายใจเพราะตกใจเสียงเขา
   



“เออ! งั้นต่อไปนี้ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนไหน ห้ามคุยกับผู้ชายคนไหนเกินสิบนาที ห้ามให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ ห้าม! ห้าม! ห้าม! นายเป็นของฉัน เป็นแฟนฉัน ไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับผู้ชายคนอื่น ผู้หญิงก็ห้ามด้วย!” เขาพูดออกมาหน้าตาหงุดหงิด มือยังคงบีบแขนผมแน่นไม่ยอมปล่อย ถ้าไม่มองโลกซอฟต์จนเกินไป ผมว่าหน้าตาเขาตอนนี้ดูพร้อมจะจับผมทุ่มลงพื้นแรงๆ แล้วล่ะ
   



“คุณพูดเอง เออเองได้ยังไง ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนคุณเลยนะ!” ให้ตายสิ ขอก็ยังไม่ได้ขอสักคำ นี่รวบรัดตัดตอนเอาเองตามนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเดิม!




แต่จะว่าไป เราสองคนมันก็ทำมากกว่าการขอเป็นแฟนไปมากโขแล้ว
   



“อ๋อ! จะไม่คบใช่มั้ย จะหนีฉันไปหาไอ้จูบแรกนั่นใช่รึเปล่า ฮะ?! ไม่เจอกันสองเดือน เปลี่ยนใจไวขนาดนี้เลยเหรอ?!” เขารัวมาเป็นชุด หน้าตาทั้งโกรธ ทั้งหงุดหงิด แววตามีความขุ่นเคืองและร้อนใจ
   



“ถ้าผมเปลี่ยนใจ ผมจะร้องไห้เหมือนคุณตายเหรอ…”
   



“…นี่แช่งให้ฉันตายเพื่อที่จะได้หาผู้ชายใหม่ใช่มั้ย สงสัยคงปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้แล้ว” อะไรของเขาเนี่ย?! โยงไปขนาดนั้นได้ยังไงวะนั่น
   



“โวะ! ไม่ได้เจอกันสองเดือน ความคิดคุณไปเยือนดาวพลูโตตั้งแต่เมื่อไหร่ และที่คุณควรรู้ไว้คือ คุณควรขอผมคบดีๆ สิ!” ไม่ใช่มาพูดสรุปเอาเอง ไอ้ฝรั่งขี้ตู่! ขอสิขอ พูดเป็นมั้ย?!
   



“นี่ก็ดีแล้ว! จะเอาดีแค่ไหน ถ้านายไม่คบกับฉัน ฉันจะจับนายล่ามโซ่ไว้ ไม่ต้องไปไหน!” ผมย่นคิ้วใส่เขาอย่างขุ่นเคือง
   



“ถ้าคุณจะจิตใจหยาบกร้านขนาดนั้นก็ทำสิ!”
   



“นายท้าคนอย่างฉันงั้นเหรอ?!” เขาถามเสียงนิ่ง หน้านิ่ง แววตาเอาจริง ผมนิ่งงันไป แอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ จากที่ดิ้นๆ ก็เลยหยุดดิ้น เพราะดิ้นยังไงก็ไม่หลุดจากเขาได้เลย วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคลายทีล่ะนิดและผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ สองมือที่บีบแขนผมไว้แน่นค่อยๆ คลายออก




“เอากันไม่รู้ตั้งกี่รอบ จะต้องพูดอะไรมากมายอีกรึไง” ผมหน้าร้อนฉ่าทั้งที่หน้ายังมุ่ยอยู่ วิคเตอร์ดึงร่างผมเข้าไปติดกับด้านหน้าของเขา ยกตัวผมขึ้นสูงเหนือเขานิดหน่อย หน้าผมเลยอยู่เหนือเขา วิคเตอร์แหงนหน้าขึ้นมอง สองมือโอบอุ้มก้นผมไว้และบีบเบาๆ ผมใช้เข่ายันพื้นโซฟาเพื่อพยุงตัวไว้ กดหน้าลงสบตาสีน้ำผึ้งข้นอันมีเสน่ห์ของพ่อคนหน้ายักษ์




“ไม่ได้นอนกับมันแน่ๆ ใช่มั้ย” เขาถามย้ำถึงเรื่องเอิร์ทอีกที ผมยกสองมือขึ้นมาประกบหน้าเขาไว้




“ไม่ได้นอน ผมไม่แอดวานซ์เท่าคุณกับอันเดรียนาหรอกนะ” วิคเตอร์ทำหน้าเซ็ง สองมือเขาบีบก้นผมหนักๆ ด้วยความหมั่นไส้




“อย่าประชดได้มั้ย ฉันกับเขาเราจบกันไปแล้ว”




“ผมกับเอิร์ทก็จบกันแล้วเหมือนกัน ฉะนั้นคุณห้ามมาโวยวายใส่ผมอีก เพราะผมก็จะไม่โวยวายใส่คุณ” วิคเตอร์ทำหน้าขัดใจ เอ๊ะ! จะมาขัดใจอะไร ขัดใจที่ไม่ได้หาเรื่องผมต่องั้นอ่ะเหรอ เดี๋ยวเถอะๆ ไอ้ยักษ์ ไม่จบตบกันมั้ย?!




“ทำไมทำหน้าแบบนั้น คุณยังจะหาเรื่องผมอีกเหรอ”




“เปล่า! แต่ฉันไม่พอใจ ฉันทำใจไม่ได้ที่นายไปยุ่งกับคนอื่น” เขาแสดงท่าทีหงุดหงิดและไม่พอใจออกมาได้ชัดตามประโยคที่เขาพูด




“อ้าว แล้วคิดว่าผมทำใจได้งั้นสิที่เห็นข่าวคุณกับอันเดรียนา และชารอนนางเอกหนังของคุณอ่ะ”




“ชารอนเป็นเพื่อน เราทำงานร่วมกันเท่านั้น เธอมีแฟนอยู่แล้ว ไอ้ภาพที่หลุดออกมา เรากำลังจะเดินเข้าร้านอาหารซึ่งมีทีมงานรออีกเป็นสิบคน” วิคเตอร์อธิบายรวดเดียวด้วยน้ำเสียงราบเรียบทุ้มหนัก ผมแอบโล่งใจเบาๆ ที่ได้ยินว่าเธอมีแฟนแล้ว ถ้างั้นเรื่องเขากับชารอนคงไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ผมเองก็พอจะเข้าใจในการขายข่าวของนักข่าวอยู่เหมือนกัน ว่าต้องทำให้มีประเด็นที่น่าสนใจ




“คนที่คุณเห็นว่าโอบกอดผม เขาก็เพื่อนผมเหมือนกัน เป็นเพื่อนสนิท เราเล่นกันอย่างนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว”




“เลิกเล่นอย่างนั้นเลย ไม่ต้องให้ใครมาแตะตัวนายทั้งนั้น” ผมแอบกลอกตา แต่วิคเตอร์ก็ยังทันเห็น เขาเลยใช้มือฟาดก้นทั้งสองข้างของผมแรงๆ




“เจ็บนะ!”




“ไม่ต้องมาประชดทางสายตา ฉันไม่ชอบ ฉันหวง ของๆ ฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะ มาวุ่นวาย” เขาว่าเสียงเยือกเย็น หน้าตาสงบ แววตาไม่ได้แสดงอาการใดๆ ชัดเจน แต่ไอ้ท่าทีแบบนี้นี่แหละน่ากลัวที่สุด เพราะผมจะเดาไม่ได้เลยว่าเบื้องหลังประโยคพวกนั้นเขามีอะไรอย่างอื่นแฝงไว้อีกหรือเปล่า




“งั้นถ้าผมจะบอกว่าห้ามคุณไปยุ่ง ไปแตะ ไปนอนกับผู้หญิงคนไหนอีกบ้างได้มั้ย” วิคเตอร์ขมวดคิ้วใส่ผมทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น




“ฉันมีนายแล้วนะ!” น้ำเสียงที่เขาใช้พูดเหมือนเด็กที่โดนจับได้ว่าทำอะไรผิด หน้าตาขมุกขมัวงอนๆ นั่นทำเอาผมยิ้มขำ ก้มลงไปจุ๊บปากเขาเบาๆ เป็นการปลอบใจ




“แต่ผมไม่เหมือนผู้หญิง ผมมีรูให้คุณเสียบเหมือนกัน แต่ยังไง ผมก็คงให้อารมณ์ไม่เหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆ มาของคุณหรอก” ผมยิ้มเศร้า แต่ไม่ได้เศร้าเคล้าน้ำตาหรอก เป็นยิ้มนอยด์ๆ มากกว่า เพราะว่ามันคือเรื่องจริงที่สร้างความกังวลให้ผมอยู่ไม่น้อย วิคเตอร์เคยชินกับผู้หญิงมาตลอด ถึงเราจะเคยได้กันแล้ว แต่ผมก็ยังกังวลและแอบกลัว




“ผมมีเหมือนๆ คุณ อาจจะต่างด้วยสรีระและกล้ามเนื้อ แต่ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย วันนึงคุณอาจจะเบื่อ ขนาดกับผู้หญิงคุณยังเปลี่ยนบ่อยๆ เลย” วิคเตอร์โน้มหน้าขึ้นมาหอมแก้มผม




“ฉันเปลี่ยนบ่อยเพราะไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกไม่พอได้ต่างหาก” เขายิ้มละมุน ยกมือขึ้นมาโยกหัวผมไปมา




“แต่กับผม วันนึงคุณก็คงรู้สึกพอ” ผมบอกหน้าตาหงอยๆ นึกถึงนิสัยของเขาแล้วก็อดคิดมากไม่ได้ เขาจะอดทนอยู่กับคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างผมได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้




“นายกำลังคิดแทนฉันนะ ฉันยังไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด” เขาลดมือลงไปไว้ที่เอวผมตามเดิม สายตาที่มองมานั้นทำให้ผมยิ้มคลายกังวลได้บ้าง




“กับคนอย่างคุณ คิดไว้ก็ไม่เสียหายหรอก”




“ปากยังดีเหมือนเดิมเลยนะ…” เขามองหน้าผมประมาณว่าเดี๋ยวเถอะๆ แต่ก็ยกมือขวากลับขึ้นมาลูบหัวผมแผ่วเบา




“…ฉันไม่ชอบสัญญา เพราะฉันเชื่อว่าคำสัญญามันเสื่อมได้ แต่ฉันรู้แค่ว่าในทุกๆ วันฉันอยากเจอนาย อยากมีนายอยู่ข้างๆ อยากดูแลนาย อยากให้นายอยู่ในอ้อมกอดฉัน ให้ฉันหอม ฉันจูบ ฉันเอา” เกือบดีละๆ เกือบดี ถ้าไม่มีท่อนท้ายจะยิ้มให้แก้มแตก




“คิดแต่เรื่องนั้นอยู่ได้” ผมทำตาโตแก้มป่องนิดๆ วิคเตอร์มองแล้วยิ้มกว้าง ยิ้มแบบที่ผมชอบ ยิ้มจนร่องแก้มขึ้นคล้ายลักยิ้ม และเป็นยิ้มที่สามารถทำให้ผมสมยอมเขาได้แทบจะทุกเรื่อง




“และตอนนี้ฉันก็คิด…” แววตาเขาทอประกายวิบวับสื่อความหมายชัดเจน สองมือเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาที่เหลือออกจนหมด




“วะ… วิคเตอร์ เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ” ผมบอกเสียงกระท่อนกระแท่น ในขณะที่วิคเตอร์ถอดเสื้อผมออกจากตัวช้าๆ พอถอดออกได้เขาก็โยนไปบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ




“จะคุยไรอีก คุยพอแล้ว อยากฟัดนายตั้งแต่บอกว่าฉันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกงานแล้ว” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ผมได้แต่ก้มหน้าน้อยๆ อย่างอายๆ  วิคเตอร์เตอร์ถอดเสื้อยืดออกอย่างเร็วและโยนลงพื้นไปคนล่ะทางกับเสื้อผม หุ่นเขายังเร้าใจเหมือนเดิม และดูเหมือนจะฟิตกว่าเดิมด้วย แอบนึกถึงคำพูดไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มเลย




ถ้ามีอะไรต่อเนื่องแบบไม่พักเบรกเลย กูว่านั่นไม่ใช่คนละ แม่งคงฟิตปั๋งจริงๆ อ่ะ




ผมกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนหน้านี้เขาก็ฟิตอยู่แล้ว อาจจะมีกินเหล้าสูบบุหรี่บ้าง แต่วิคเตอร์ไม่ใช่คนติดขนาดนั้น เลยไม่ได้ทำให้เขาทรุดโทรมหนักหนาอะไร เพราะยังไงเขาก็ออกกำลังกายบ่อยกว่าและกินอาหารแทบจะครบห้าหมู่เสมอ แล้วนี่เขาฟิตหุ่นเพื่อหนังเรื่องใหม่ เขาจะเบรกบ้างมั้ยนะ จะหนักหน่วงแค่ไหน ช่วงที่อยู่บ้านเขา เวลามีอะไรกันที เขาเบรกแค่แปบเดียวก็มีต่อได้ ยิ่งในห้อง sex toy เล่นเอาผมยกแขนยกขาแทบไม่ขึ้น




คือผมก็ห่างจากการมีเซ็กส์กับเขามานานแล้ว ก็เลยแอบกลัวๆ บ้าง



TBC.  :hao7:

เขาคบกันแล้วนะ จับตาทันมั้ย  5555555
ส่วนที่เหลือ ก็มาดูเขาปั่มปั๊มกันเนาะ >..<  o18
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยจ้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-08-2015 00:35:52
คอ จับตาอ่านแบบไม่กะพริบเลยดูว่าทั้งคู่จะพ่นอะไรใส่กันอีก
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 08-08-2015 00:40:51
เพิ่งมาตามอ่านเจ้าคะ กดโหวตตตต
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 08-08-2015 02:24:10
วิ่งไปเตรียมถุงเลือดก่อนแป๊บ! 555    :hao6:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 08-08-2015 06:48:21
อร๊ายย น่าจะมีต่ออีกนิดนะคะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-08-2015 06:48:57
5555งานนี้ไม่รอด ยักษ์จัดหนักแน่
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 08-08-2015 07:21:11
โอ๊ยตัดฉากสำคัญ มารอดู ขอบคุณคร่า
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 08-08-2015 12:03:21
อ่านรวดเดียวจบเลย แอบเชียร์เอิร์ทนะ แต่แบบแม่งดีแต่ปากนี่หว่า เซ็งเลยเจอแบบนี้
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-08-2015 13:58:12
อร๊ายยยย ฟินมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลือดหมดตัวแว้ววว อีวิคเตอร์หล่อเลวได้ใจ แมทน้อยก็น่ารัก โอ๊ยย มโนว่าตัวเองเป็นแมทน้อยแล้วฟินที่สุดในสามโลกเลย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 08-08-2015 16:31:19
น่ารักแรงมากกกกกกก โอ๊ยยยยเขินอิยักษ์
เค้าคบกันร๊าววววว วิคเตอร์หึงน้องมากขนาดเน้เอาใส่กระเป๋ากลับบ้านไปด้วยเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 08-08-2015 19:49:45
ขำฝรั่ง 555555555
รู้สึกตกหลุมรักนิยายเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 08-08-2015 21:06:01
ยังรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ!!
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 50%} 08.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: misslike ที่ 09-08-2015 16:36:07
 :hao5: :hao5: ค้างเเรงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 75%} 09.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 09-08-2015 23:39:59


ONLY YOU EP.6 [75%]



“ยกขาขึ้น” เขาบอกตอนที่นั่งยองๆ ดึงกางเกงผมลงไปกองที่เท้า ผมยกเท้าขึ้นแบบเบลอๆ ปล่อยให้เขาโยนกางเกงไปบนพื้น เขาเงยหน้าขึ้นสบตามผมอย่างเร่าร้อน ผมรู้สึกอายกับสายตาแผดเผานั่น เขายกมือซ้ายขึ้นมาลูบแมทน้อยที่กำลังหลับใหลผ่านเนื้อกางเกงในไปมาอยู่สักพักแล้วดึงมันลงไปกองที่เท้าช้าๆ ผมยกเท้าออก วิคเตอร์โยนกางเกงในสีขาวของผมไปบนโซฟาตัวเล็ก เขาจับเอวผมให้นั่งลงบนโต๊ะกระจก ผมเอาแขนยันร่างตัวเองไว้กับพื้นกระจก วิคเตอร์จับขาผมแยกออกกว้าง


“ยังไม่ทันทำไรเลย ตั้งแล้วเหรอ” เขายิ้มล้อเลียนเมื่อเห็นชายน้อยของผมค่อยๆ แข็งตัวจนแทบจะตั้งชี้หน้าเขา ผมหน้าร้อนวาบ ได้แต่ก้มหน้าซื่อๆ มองเขาใช้มือขวาจับของผมไว้และรูดขึ้นลงช้าๆ จนมันตั้งตรงแข็งปัก


“อืม… ยังสีชมพูสวยเหมือนเดิมนะ” เขาบอกเสียงนุ่ม ก้มลงใช้ริมฝีปากจูบตรงยอดปลายสีชมพู สัมผัสแผ่วเบาจากริมฝีปากเขา ทำเอาผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว มันอ่อนโยนจนแทบตัวลอย


“Forget all those sense. Remember only me, and this is only mine. (ลืมสัมผัสพวกนั้นไปให้หมด จำแค่สัมผัสฉัน และจำไว้ด้วยว่านี่คือของฉันคนเดียว)” เขาบอกในขณะที่มือยังไม่หยุดเคลื่อนไหว สบตามองผมด้วยแววตาหยาบกระด้าง แฝงไว้ด้วยความจริงจังไม่แพ้กับน้ำเสียง พอเห็นผมไม่ตอบรับเขาก็ใช้นิ้วโป้งบี้ลงบนยอดเอ็นแข็งของผม


“อ๊ะ!” ผมตัวงอมาด้านหน้า แต่วิคเตอร์ยกมือซ้ายขึ้นมาดันอกผมไว้ไม่ให้โน้มไปข้างหน้า


“เข้าใจแล้วครับ อ้า!” ผมตอบเสียงดัง ยกมือที่ค้ำร่างตัวเองไว้มาจับมือขวาที่เขาใช้นิ้วโป้งกดลงไปบนยอดแรงๆ จนความเสียวผสมความเจ็บแล่นไปถึงโคน ผมพยายามดึงมือเขาออกแต่เขาจับแมทน้อยไว้แน่น แถมมือซ้ายยังจับมือขวาผมไม่ให้ดิ้นได้อีก เขากดนิ้วไว้ตรงร่องยอดปลายไม่ยอมปล่อย จนผมต้องเปล่งเสียงอ้อนวอนเขา


“Victor. I get it. I get it!” ผมบอกเสียงหอบ เขามองผมด้วยสายตาพึงพอใจ และยกนิ้วโป้งออก ผมหายใจหอบเล็กน้อย กล้ามเนื้อที่เกร็งไปทั้งตัวค่อยๆ คลายออก วิคเตอร์ยกนิ้วโป้งที่เปื้อนน้ำใสๆ เหนียวๆ ขึ้นมาใกล้ปากผม


“ชิมความแฉะของนายสิ” สีหน้าเขาทั้งหื่นและดิบเถื่อน เห็นแบบนั้นแทนที่ผมจะเขินอาย แต่กลับรู้สึกว่ามันช่างเร่าร้อนยั่วใจจนต้องอมนิ้วโป้งขวาของเขาไว้ในปาก ใช้ลิ้นกวาดเลียน้ำตรงปลายนิ้วโป้งเขา รสชาติเค็มฝาดสัมผัสกับปลายลิ้น วิคเตอร์ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ แล้วก้มลงครอบครองน้องชายผมจนมิด ผมร้องอื้ออึงอย่างเสียววาบ ความรู้สึกอุ่นร้อนจากโพรงปากเขาทำให้รู้สึกกายร้อนไม่แพ้กัน ส่วนปลายของผมสัมผัสกับความอุ่นในลำคอ รู้สึกถึงความนุ่มอุ่นเป็นพิเศษ วิคเตอร์ผงกหัวขึ้นลงช้าๆ ส่วนผมก็อมนิ้วโป้งเขาไว้ในปากและดูดราวกับดูดอมยิ้ม


“อือ… อือ…” ผมส่งเสียงเล็กน้อยเพราะความเสียวจากลิ้นที่เขาใช้วนส่วนปลายของผมรัวเร็ว วิคเตอร์ดึงนิ้วโป้งออกจากปากผม ผมกลืนน้ำลายลงคอ หอบหายใจเบาหวิว เขาใช้สองมือจับขาผมแยกออกให้กว้างขึ้นกว่าเดิม ผมเลยล้มตัวลงนอนไปกับโต๊ะกระจก ยกสองมือขึ้นไปจับกับขอบโต๊ะไว้ ปล่อยให้วิคเตอร์ใช้ปากเล่นลิ้นกับส่วนกลางร่างกายอย่างวาบหวาม


“อ๊ะ อ๊ะ…” ตัวผมบิดนิดหน่อยตอนที่เขาใช้ลิ้นตวัดเร็วๆ ตรงส่วนปลายของผม สองมือผมจับขอบโต๊ะไว้แน่นเพื่อเป็นที่ยึดยามที่ความเสียวแล่นไปทั่วส่วนปลายอย่างทรมาน


“วะ… วิค…” ผมร้องชื่อเขาขาดๆ หายๆ รู้สึกเสียวตรงท้องน้อยอย่างรุนแรง ผมเริ่มแอ่นตัวขึ้นเมื่อเขายังใช้ลิ้นรัวใส่ผมไม่หยุดเว้นจังหวะ ในขณะที่ความอึดอัดกำลังจะดันออกมา วิคเตอร์ก็หยุดไปดื้อๆ ปล่อยให้ผมที่กำลังนอนแอ่นตัวรอปลดปล่อยต้องทิ้งแผ่นหลังลงกับพื้นโต๊ะกระจกดังตุบ


“ฮื่อ… ฮื่อ…” ผมนอนหลับตาและหอบเบาๆ สองขาถูกเขาจับแยกอ้าไว้ พอเห็นว่าผมเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ วิคเตอร์ก็อมของผมไว้ในปากอีกครั้ง ก่อนจะใช้ลิ้นเลียร่องตรงกลางของผมอย่างเร็วและรุนแรง จนผมร้องครางเสียงเพี้ยน


“อา… อือ อา อ่า! อ้า!” ผมยกมือที่จับขอบโต๊ะไว้ขึ้นมาขยุ้มที่เส้นผมเขาไว้ด้วยความทรมาน วิคเตอร์ลงลิ้นใส่ผมอย่างหนักหน่วง จนผมแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อย สองมือขยุ้มเส้นผมสีดำเขาไว้แน่น แล้วสักพักเขาก็หยุดและถามด้วยเสียงกดต่ำ


“นาฬิกาที่ฉันให้ไปไหน” ผมที่นอนหอบเหนื่อย ค่อยๆ เอียงหน้ามองเขาที่ยังใช้มือชักให้ผมช้าๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตอบเสียงแหบๆ


“ผมถอดไว้ ผม… ผมไม่อยากเห็นของที่ทำให้นึกถึง… อ๊าๆๆๆ” ยังไม่ทันพูดจบผมก็ต้องร้องเสียงหลงดังลั่นห้องเมื่อวิคเตอร์กดนิ้วโป้งลงบนยอดร่องกลางของสัดส่วนสีชมพูและวนนิ้วโป้งอย่างรุนแรง ผมเด้งตัวขึ้นมานั่งตรง และพยายามใช้สองมือผลักหัวเขาออก


“เอามือออกไป!” เขาสั่งเสียงเหี้ยม ด้วยความตกใจ ผมเลยยกมือออกไปวางไว้บนโต๊ะชั่วคราว ขาสองข้างสั่นรุนแรง ปากอ้ากว้างร้องเสียงดังออกมา แล้วผมก็ทนไม่ไหว ต้องยกมือมาจับมือเขาไว้แน่น


“อย่า… พอ… พอแล้ว ผมเก็บมันไว้อย่างดี” ผมออกแรงดึงมือวิคเตอร์ออกไป ความเสียวทรมานหยุดลงกะทันหัน ผมหอบหายใจ ใบหน้าบิดเบี้ยว


“นายคิดจะลืมฉันงั้นเหรอ” ผมส่ายหัวอย่างอ่อนแรง ขยับริมฝีปากแหงปากตอบเขาเสียงแผ่ว


“เปล่า ไม่เลย ผมไม่คิดจะลืมคุณ…” วิคเตอร์ขบกราม เขาลุกขึ้นยืน สองมือเลื่อนมาจับหน้าผมแน่น และก้มลงมาจูบด้วยอารมณ์รุนแรง เขาดูดดึงริมฝีปากผมหนักๆ ลิ้นแทรกเข้ามาในปากและคุกคามลิ้นผม โดยที่ผมตอบโต้เขาไม่ทันเหมือนเคย เขาดูดดึงริมฝีปากล่างผมแรงๆ และผละออกไปยืนเต็มความสูง ผมกลืนน้ำลายลงคอ นั่งหอบมองเขาถอดกางเกงยีนส์ออกอย่างรวดเร็ว เขาเตะกางเกงยีนส์กระเด็นไปที่ไหนสักที่ และถอดกางเกงชั้นในออก เจ้าโลกของเขาดีดผึงออกมาชี้หน้าผม ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะยัดเข้ามาในปาก แต่เขาเดินเข้ามาอุ้มผมขึ้นจากโต๊ะ ผมรีบเกี่ยวขาสองข้างเข้ากับเอวเขา และใช้สองแขนคล้องคอเขาไว้


“อย่าอารมณ์เสียสิ เดี๋ยวผมกลับบ้านไปจะหยิบมาใส่นะ” ผมลูบเหนือท้ายทอยเขาเบาๆ และก้มลงหอมแก้มซ้ายเขาหนึ่งที วิคเตอร์ไม่ได้แสดงท่าทีหรืออาการใดชัดเจน แต่ไอ้แบบนี้แหละ ทำผมเจ็บจนเดินแทบไม่ไหว


“คิดว่าวันนี้นายจะได้กลับงั้นเหรอ”


“วิคเตอร์ ผมต้องกลับบ้านนะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะว่า” เหมือนเขาจะลืมอะไรสักอย่าง เขาเลยสีหน้างงๆ ไปนิดหน่อย แต่สักพักก็เหมือนจะนึกได้ว่าผมต้องกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่


“งั้นค่อยกลับหลังจากฉันพอใจก็แล้วกัน” วิคเตอร์ยื่นหน้ามาจูบผมอีกที ผมตอบสนองเขากลับไป เหมือนเขาจะใจเย็นลงบ้างแล้วเลยจูบนุ่มขึ้น และค่อยๆ อุ้มผมเดินไปทางประตูห้องนอน เราสองคนใช้ลิ้นเล็มเลียกันและกัน โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเข้ามาในห้องนอนตอนไหน รู้ตัวอีกทีคือผมถูกวางลงบนเตียงนุ่มๆ ผมคลายขาที่เกี่ยวเอวเขาไว้ และวางตั้งฉากบนเตียง สองแขนคล้องคอเขาไว้ไม่ปล่อย และยังคงจูบกับเขาอย่างนัวเนีย เราสลับกันดูดลิ้นของอีกฝ่าย และสลับกับเปลี่ยนเป็นใช้ลิ้นวนเข้าหากัน วิคเตอร์ผละออกจากลิ้นผม สบตาผมด้วยความคิดถึง ยื่นปากมาจูบริมฝีปากผมอีกสองสามครั้ง


“Do you know how much I miss you? (รู้มั้ยว่าฉันคิดถึงนายมากขนาดไหน)” เขาพูดไปพลางส่งสายตาสำรวจใบหน้าผมไปทั่ว


“เท่าที่ผมคิดถึงคุณรึเปล่า” ผมสอดนิ้วเข้าไปในเรือนผมของเขา ความเป็นชายของเราสองคนสีกันไปมาเบาๆ


“งั้นเรามาดูกัน…” เขาจูบปากผมเสียงดังจุ๊บอีกรอบ ดันตัวขึ้นนั่งชันเข่าแล้วยกก้นผมขึ้นสูงจนแผ่นหลังผมยกตาม ผมกางแขนออกเพื่อช่วยไหล่ทั้งสองข้างพยุงตัวเองไว้ วิคเตอร์จับขาผมแยกชี้ฟ้า ก่อนที่สองมือเขาจะเลื่อนมาที่ก้นผมและแบะก้นให้กว้าง เขามองช่องทางสีชมพูครู่หนึ่งแล้วก้มลงหอมแรงๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาวิบวับ


“ยังหอมเหมือนเดิม ปลดทุกข์ตอนเช้าตามเคยสินะ” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย ผมกัดริมฝีปากล่างไว้เพื่อระงับความตื่นเต้นที่โดนเขาหอมตรงร่องก้นแบบนั้น


 วิคเตอร์ก้มลงไปใช้ลิ้นเลียตรงกลีบเนื้อสีชมพูอ่อนนุ่ม ความรู้สึกเสียวผสมกับจั๊กจี้แล่นไปตามเส้นความรู้สึกบริเวณนั้น แล่นมาถึงยอดปลายแกนกายของผมที่อ่อนตัวลงนิดหน่อยจากตอนแรก ลิ้นอุ่นๆ หนาๆ ของเขาเลียช้าๆ จนมันเริ่มเปียกชุ่มด้วยน้ำลาย สองมือเขาแบะก้นผมให้กว้างอยู่ตลอด เขาดันตัวผมให้ตั้งสูงขึ้นอีกนิดจนก้นลอยสูงขึ้นอีกหน่อย


“อะ… เอ้าช์…” ผมร้องเสียงกระเส่าสองมือจิกผ้านวมสีขาวบนเตียงแน่นตอนที่เขาแยงลิ้นลงไปในร่องหลืบตรงนั้น ใบหน้าผมสะบัดไปมายามที่ปลายลิ้นเขาเข้าไปสัมผัสกับความอ่อนนุ่มของเนื้อด้านใน กลีบเนื้อบริเวณนั้นขมิบรัดลิ้นเขาด้วยความเสียววูบมาถึงท้องน้อย เขาแยงลิ้นเข้าออกเป็นจังหวะเนิบนาบแต่เน้นหนัก แววตาดิบเถื่อนของเขาสบกับดวงตาที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ของผม วิคเตอร์แสยะยิ้มทั้งที่ลิ้นยังสอดเข้าไปด้านใน  บริเวณนั้นชุ่มด้วยน้ำลายเขาจนฉ่ำ วิคเตอร์ละสายตาจากผมไปมองผลงานตัวเอง เขายิ้มพึงใจ หยุดใช้ลิ้นเบิกทางให้ผม ยกมือขวาขึ้นมาแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางค่อยๆ สอดเข้าไปด้านในทีล่ะนิดจนมิดนิ้วของเขา


“ออ… เอ๊าะ!” ผมร้องครางตอนที่เขาออกแรงกระทุ้งนิ้วเรียวยาวของเขาเข้าๆ ออกๆ อย่างเนิบนาบแต่หนักแน่นและเน้นได้ถูกจุด เขาถมน้ำลายลงตรงกลางร่องก้นเพื่อช่วยให้มันลื่นยิ่งขึ้น สองมือผมปัดป่ายไปมาบนเตียง ขาตั้งฉากแยกชี้ฟ้าเหยียดตรงสลับกับงอตามจังหวะกระทุ้งจุดเสียว


“โอ้ว…” ผมส่งเสียงร้องอย่างกับจะขาดใจตอนที่วิคเตอร์กดปลายนิ้วย้ำด้านในแค่จุดเดียวอยู่เนิ่นน่าน เล่นเอาตัวผมบิดไม่รู้ทิศ เขาแสยะยิ้มร้ายกาจที่เห็นผมอยู่ไม่สุข นิ้วยังคงยัดเขาไปลึก แล้วหมุนเบิกทางอีกสักพักเขาก็ดึงก้นผมให้ลงไปนอนบนเตียงตามเดิมพร้อมกับดึงหมอนใบใหญ่มารองช่วงบันท้ายผมไว้ จับขาผมตั้งฉากขึ้น ผมหายใจหนักๆ มองเขาด้วยความตื่นเต้น ด้วยความที่เว้นจากมีอะไรกับเขาไปนาน มันเลยให้ความรู้สึกเหมือนเราเริ่มใหม่อีกครั้ง


“Relax…” เขาส่งเสียงกระซิบแห้งผากบอกผม มือซ้ายจับน้องชายผมแล้วรูดรั้งเบาๆ จนมันกลับมาแข็งอีกรอบ ก่อนจะเลื่อนมือไปทั่วตัวผม เหมือนจะช่วยให้กล้ามเนื้อผมคลายความเกร็งออกไป มือขวาเขาค่อยๆ กดส่วนหัวเข้ามาตรงกลีบเนื้อร่องก้น เพียงแค่ปลายหัวสีชมพูสดอันใหญ่โตของเขาจ่อเข้ามา ผมก็อ้าปากส่งเสียงหายใจหอบด้วยความผวานิดๆ วิคเตอร์มองผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกำหนัดสักพัก ก่อนจะดันความใหญ่โตและยาวของเขาเข้ามานิ่งๆ


“อะ… อึ่!” ผมผวายกแขนโอบขึ้นรอบคอเขา วิคเตอร์ซี๊ดปากแรงๆ ใบหน้าเขาเหยเกอย่างเสียวซ่านตอนที่ผมตอดรับรัดเขาแน่น เขาก้มลงมาจูบหน้าผากผมและค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเช่นกัน


“ไม่เจอกันสองเดือน แอบไปฟิตมาใช่มั้ย รัดฉันจนจะแตกแล้ว…” เขาใช้แขนยันร่างตัวเองเอาไว้ บางทีเขาควรพูดตรงให้น้อยลงบ้าง เพราะบางทีเขาทำให้เขินเกินไป และไม่รู้จะตอบยังไง วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ก้มลงมาจูบปากผมอย่างอ่อนโยน ลิ้นเขาเลียลิ้นผมช้าๆ เกี่ยวกระหวัดไปมาสักพักแล้วเขาก็จูบริมฝีปากผมแผ่วเบาลามไปที่จูบที่พวงแก้ม และตอนนั้นเองที่ช่วงล่างเขาก็ขยับเข้าหา ผมแอบสะดุ้งนิดๆ แต่เพราะจูบอันอ่อนโยนที่พรมไปทั่วหน้า เลยทำให้ผมค่อยๆ สงบลง สองมือสอดเข้าไปในเรือนผมสีดำของเขาพร้อมกับขยุ้มหนักๆ เพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวให้ความเสียวตอนโดนความแข็งขืนของเขากระแทกโดนจุดเสียวซ่านภายใน


วิคเตอร์เลื่อนลงมาดูดเนื้อที่ลำคอของผมไปทั่ว เขาดูดย้ำๆ ตรงจุดเดียวสักพัก แล้วค่อยย้ายไปดูดตรงอื่น ผมขยุ้มเส้นผมเขาแรงๆ ก่อนจะดึงหน้าเขาขึ้นจากซอกคอ และผงกหัวขึ้นไปจูบเขา วิคเตอร์ตอบรับอย่างรวดเร็วไม่มีพลาด ผมดูดลิ้นเขาเร็วๆ วิคเตอร์แลบลิ้นให้ผมดูดดึงอย่างเต็มใจ เนื้ออุ่นของเอ็นแข็งๆ ของเขาเสียดสีความอ่อนนุ่มภายในก้นผมอย่างเร่าร้อน ยิ่งเนื้อมันแนบชิดสนิทกัน มันเลยทำให้อารมณ์ยิ่งพุ่งพล่าน


“My little-alien. (เอเลี่ยนน้อยของฉัน)” เขาพูดเสียงแหบตอนที่ผมผละออกจากปากเขา ตัวผมสั่นตามแรงโหมที่เพิ่มขึ้น ปลายจมูกเราสองคนชนกัน ตาสีน้ำผึ้งข้นกับสีดำสบกันด้วยความต้องการ ความคิดถึงและความโหยหาที่ห่างหายกันไปนาน ถึงจะอายที่ต้องจ้องตากันในขณะที่ช่วงล่างก็ยังขยับไม่หยุด แต่ผมก็อยากมองให้เต็มสองตาอีกครั้งว่าวิคเตอร์อยู่ตรงหน้าผมแล้ว


ผู้ชายที่ผมรัก และไม่คิดว่าจะสมหวังกับเขา แต่ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว


“I love you. My giant. (ผมรักคุณนะ ยักษ์ของผม)” บอกเสียงกระเส่า สองมือขยุ้มเส้นผมเขาหนักขึ้นยามที่เขากระแทกเข้าหาผมหนักๆ จนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้องพักของโรงแรม วิคเตอร์ยิ้มกว้างอย่างพอใจ ก้มลงจูบปากและดูดลิ้นผมเร็วๆ หนึ่งที


“I love you, too. (ฉันก็รักนาย)” เขาบอกเสียงแหบพร่าพร้อมรอยยิ้มหล่อละมุน ผมยิ้มดีใจ โน้มหน้าไปจูบหน้าผากเขาเบาๆ และผละออกมามองหน้าเขา เขาก้มลงมาหอมแก้มผมหนึ่งที ช่วงเอวก็ขยับเข้าออกรุนแรงจนเตียงสั่นไหวไปตามแรงโยกของคนตัวโต วิคเตอร์เร่งเครื่องเร็วขึ้นจนผมอ้าปากกว้างเพื่อผ่อนลมหายใจให้ทัน และในที่สุดเขาก็กระแทกหนักๆ เข้ามาอีกห้าหกครั้งจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ของเหลวอุ่นร้อนฉีดอันแน่นอยู่ด้านในของผม วิคเตอร์คำรามเสียงดังลั่น ผมกลัวเสียงเขาจะดังไปเลยยื่นหน้าไปประกบปากเขาไว้ วิคเตอร์ตัวกระตุกและสั่นเกร็งไปทั้งตัว ส่งเสียงคำรามในคอและในปากของผม สองมือผมขยุ้มเส้นผมเขาไว้แน่น พอเขาเริ่มสงบลง ผมก็ค่อยๆ ผละออกจากหน้าเขา และทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยหอบ วิคเตอร์ที่หายใจรุนแรงตามลงมานอนทับบนตัวผมทั้งที่ด้านล่างยังคาราคาซังไม่ยอมเอาออก ใบหน้าเขาซุกอยู่ที่ซอกคอซ้ายของผม เสียงครางแหบๆ ดังอยู่ที่ข้างหู ผมยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มนวลของเขาอย่างเบามือ วิคเตอร์เลื่อนสองมือขึ้นมาลูบเส้นผมของผมเบาๆ เช่นกัน


“เดี๋ยวฉันช่วยนายนะ” เขาใช้แขนดันตัวเองขึ้น แต่ยังไม่ยอมถอนชายใหญ่ของเขาที่ยังแข็งคาร่องก้นของผมอยู่ออก


“ไม่ต้องก็ได้ ผมเห็นคุณมีความสุข ก็เหมือนผมถึงจุดสุดยอดแล้ว” ผมลูบไปตามกล้ามแขนแข็งแรงของเขา วิคเตอร์ยิ้มหล่อ ก้มลงหอมหน้าผากผมหนึ่งที


“งั้นดีเลย เก็บไว้เสร็จรอบต่อไปก็แล้วกัน” ผมไม่ได้ทำสีหน้าประหลาดใจอะไรหรอก เพราะก็รู้อยู่ว่าถ้าเขาได้เอาแล้ว เขาหยุดยาก การันตีได้จากไอ้สิ่งที่ยังแข็งไม่อ่อนลงอยู่ที่ก้นผมนั่นไง ข้างในก็เหนอะหนะไปหมดแล้ว


“อย่าลืมนะว่าผมต้องกลับบ้าน”


“เดี๋ยวพากลับไปเอาของแล้วมานอนนี่แหละ” เขาตัดสินใจให้ผม และยังไม่ทันได้ตอบรับอะไร เขาก็อุ้มผมขึ้นทั้งทีเขายังไม่ได้ดึงลูกชายเขาออกไปจากผมเลย ผมก็ต้องเอาขาเกี่ยวเอว เอาแขนโอบคอเขาไว้เหมือนลูกลิงอีกครั้ง ปล่อยให้เขาอุ้มจากเตียง เดินไปทางประตูบานหนึ่งซึ่งคิดว่าน่าจะคือห้องน้ำ พอวิคเตอร์เอื้อมมิดไปบิดลูกบิดเปิดออก ก็เป็นห้องน้ำจริงๆ ด้วย ห้องกว้างมาก เกือบจะเท่าห้องนอนผมเลยด้วยซ้ำ ภายในเป็นหินอ่อนสวยงามตามท้องเรื่องของโรงแรมหรูระดับห้าดาวย่านใจกลางกรุง มีอ่างล้างหน้าติดกับกระจกบานใหญ่ ห้องอาบน้ำแยกเป็นสัดส่วน โถส้มก็อยู่ติดกับห้องอาบน้ำ มีอ่างน้ำน้ำทรงยาวรีขนาดใหญ่และก็กว้างมากพอที่จะให้คนสองคนลงไปนอนกลิ้งเล่น


วิคเตอร์อุ้มผมเข้าไปด้านในอ่างอาบน้ำ ตอนนั้นเองที่น้ำขุ่นๆ ของเขาก็ไหลออกมาจากด้านในของผม เพราะกลางลำตัวของวิคเตอร์หลุดออกจากก้นผมตอนก้าวเข้าไปในอ่าง เกิดเสียงน่าอายเล็กน้อยตอนน้ำมันไหลออกมา ผมได้แต่ก้มหน้างุด ส่วนไอ้ยักษ์ยิ้มชอบใจ เขาค่อยๆ วางหลังผมลงบนหัวอ่างที่มีพื้นที่คล้ายที่นั่ง เลื่อนตัวผมให้ก้นไถลไปตรงขอบอ่างเล็กน้อย วิคเตอร์ใช้มือขวากดส่วนหัวของเขามาข้างในตัวผมช้าๆ จนมิดลำ ความรู้สึกอุ่นร้อนของเนื้อแน่นๆ จากแท่งร้อนแผ่ไปทั่วเนื้อนิ่มๆ ด้านในอีกครั้ง วิคเตอร์ย่อเข่าลงเพื่อให้กลางลำตัวของเขาอยู่ในระดับพอเหมาะกับก้นผม สองมือเขากดใต้ข้อพับผมไว้แน่น จากนั้นก็เริ่มขยับสะโพกช้าๆ เสียงความเป็นชายของเขากระทบกับของเหลวที่ยังมีค้างอยู่ด้านในดังขึ้นอย่างหยาบโลน แต่เขาก็ไม่สนใจขยับสะโพกต่อไป ระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนผมต้องยกสองมือขึ้นไปยันพื้นผนังกระเบื้องสีขาวไว้ เพื่อรับแรงกระแทกอันหนักหนาของเขา


ปับ! ปับ! ปับ! ปับ!


“อะ… อะ… อะ… อะ…” ผมร้องตามจังหวะที่เขากระแทกเข้ามาอย่างแรง ส่วนหัวของเขากระแทกแยงซ้ายขวาตามที่เขาบังคับไปเรื่อย ส่งผลให้ผมต้องบิดตัวเพราะเสียวไส้ไปหมด แรงเขายังคงดีไม่มีตกเช่นเคย เสียบเข้ามาแต่ล่ะทีหัวผมแทบไปชนกับพื้นด้านหลัง แต่ดีที่เอามือมายันไว้แล้ว


“ซู๊ดดด…” วิคเตอร์สูดปากเสียงดัง ก่อนจะอ้าปากครางคำรามแผ่ว จังหวะกระแทกยังคงแรงสม่ำเสมอ ผมช้อนสายตาขึ้นสบตากับเขา อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ และก้มลงมาจูบปากผมอย่างดูดดื่ม



“จ๊วบ… จ๊อก… จุ๊บ…” เสียงแลกน้ำลายดังก้องทั่วห้องน้ำ วิคเตอร์เลื่อนปากขึ้นไปที่หูซ้ายของผมและใช้ลิ้นเลียในรูหูผมเร็วๆ จนผมต้องแหงนหน้าขึ้นนิดหนึ่ง หลับตาพริ้ม ขนลุกซู่เพราะเสียววาบไปทั้งตัว ช่วงล่างเขาก็ยังกระแทกแรงไม่ตก เสียงเนื้อกระทบกันดังจนผมรู้สึกเขินเล็กน้อย


“Oh… Victor…” ผมครางเรียกชื่อเขาเพราะมันเสียวจนสติแทบหลุด เขาทั้งเลียรูหู ขบกัดใบหู และช่วงล่างยังแทงซ้ายแทงขวาแบบรู้จุดอ่อนระทวย  มือที่ยันร่างตัวเองไว้ด้านบน เลื่อนข่วนกระเบื้องไปมาราวกับอยากหาที่ยึดเหนี่ยวตัวเองเอาไว้


“How can I stop fucking you? (ฉันจะหยุดเอานายได้ยังไงกันนะ)” เขาก้มหน้าถามด้วยรอยยิ้มยั่วยวน สองมือเปลี่ยนมาเป็นมาเป็นค้ำร่างตัวเองไว้บนพื้นหินอ่อนที่ติดกับอ่าง ผมยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง นึกแกล้งเขาด้วยการเอียงหน้ามองเขาและกระพริบตาปริบๆ แววตาวิคเตอร์ลุกโชน ใบหน้าเขาเกร็งเขม็ง รอยยิ้มมุมปากทั้งสองข้างนั้นราวกับเป็นการส่งสัญญาณอันตรายมาให้ผม


วิคเตอร์หยุดดันสะโพกและถอนตัวเขาออก ฉุดให้ผมลุกขึ้นยืน ผมยืนขึ้นแบบเบลอๆ เหนื่อยๆ วิคเตอร์จับให้ผมมายืนแถวๆ กลางอ่างล้างหน้า เขาเดินเข้ามาทับซ้อนหลังผม ความใหญ่ยาวของเขาทิ่มก้นผมเบาๆ


“เอาแขนขวาคล้องคอฉันไว้” ผมยกแขนขึ้นคล้องคอเขาตามที่บอก แม้จะต้องเขย่งเล็กน้อยก็ตาม แขนซ้ายวิคเตอร์โอบเอวซ้ายผมไว้ ส่วนแขนขวาของเขา เลื่อนลงต่ำไปช้อนใต้ข้อพับขาของผมขึ้นมา เลยทำให้ขาขวาผมฉีกกว้างไปตามแรงยกของอีกฝ่าย ขาซ้ายเขย่งยันพื้นในอ่างน้ำเอาไว้ มือซ้ายผมเลื่อนไปดันผนังห้องน้ำไว้  แขนขวาโอบรอบคอเขาไว้แน่น วิคเตอร์ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อดันลูกชายสุดที่รักเขาเข้ามาในตัวผมอีกครั้ง ผมนิ่วหน้านิดหน่อยตอนที่ทั้งลำดันเข้ามาจนมิด


“อืม…” วิคเตอร์ส่งเสียงแผ่ว อ้าขากว้างขึ้น และย่อเข่าพอประมาณ จากนั้นเขาก็ซอยสะโพกถี่ๆ อย่างเร็วจนผมตั้งตัวไม่ติด


“อ๊ะๆๆๆๆ” ผมร้องเพราะองศาขาที่ยืนอยู่นั้นทำให้ชายใหญ่ของวิคเตอร์กระแทกเข้ามาได้ถูกจุดกว่าเดิม ความเสียวแล่นไปทั่วท้องน้อยผมจนรู้สึกมวลท้องประหลาด ตัวโยกสั่นคลอนรุนแรงตามแรงซอยอันดุดันของพ่อยักษ์รูปหล่อ มือซ้ายผมดันผนังห้องน้ำไว้อย่างอ่อนแรง มันเลื่อนไปมาไม่อยู่กับที่เพราะแรงกระแทก


“จะ… จูบผมหน่อย…” ผมร้องเรียกเขา เพราะหน้าเราอยู่ใกล้กันมากจนผมอยากจูบ วิคเตอร์ที่กำลังเมามันส์กับการรัวเอ็นแข็งใส่ผม ก้มลงมาจูบอย่างเร่าร้อน ลิ้นเขากวาดเลียอย่างหยาบคาย แต่กลับทำให้ผมอารมณ์พุ่งขึ้นสูง จนต้องเลื่อนมือซ้ายมารูดแก่นกายตัวเองเร็วๆ ให้มันตั้งแข็งขึ้นมา


“Is that good, baby? (รู้สึกดีมั้ย ที่รัก)” ผมรู้สึกหัวใจพองโตกับคำที่เขาเรียกผม คำที่เขาไม่ชอบให้ใครเรียกเขาและเขาก็ไม่ชอบเรียกใครด้วยคำนี้ คำธรรมดาที่ใครๆ ก็พูดได้ ไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่ที่มันทำให้หัวใจพองโตเพราะมันมาจากผู้ชายคนนี้


“Yes, baby. (ดีครับ ที่รัก)” เรายิ้มให้กัน วิคเตอร์หอมแก้มผมแรงๆ หนึ่งทีและก้มหน้าก้มตาซอยสะโพกต่อไป ผมเลยยื่นหน้าไปจูบหน้าผากเขา วิคเตอร์เงยหน้ามามองและยิ้มให้เล็กน้อย มือซ้ายผมยังคงรูดของตัวเองเร็วๆ สักพักมือซ้ายวิคเตอร์ก็เลื่อนลงมาปัดมือผมออกไป และใช้มือเขามาแทนที่ในการชักให้ผม วิคเตอร์ขยับมือเร็วมากจนผมเริ่มหายใจไม่ปกติ ด้านหลังก็โดนแทงเอาแทงเอา ด้านหน้าก็โดนชักเอาชักเอา สุดท้ายด้วยความเสียวแสนวาบวาม และความอุ่นจากอกเขาที่แผ่มา ก็ทำให้ผมเริ่มเกร็งตัว


“อย่าเกร็งสิ มันรัดฉันแน่นมากรู้มั้ย” เขากระซิบบอกที่ข้างหู แต่ผมห้ามไม่ได้เพราะมันใกล้เข้ามาแล้ว พอผมเกร็งด้านหน้า ด้านหลังเลยบีบรัดลูกชายวิคเตอร์แน่นจนเขาซี๊ดปากดังลั่น แรงขยับสะโพกจากเขาเริ่มเบาลง ในจังหวะนั้นเองที่ผมปลดปล่อยออกมาเต็มพื้นอ่างพร้อมกับกรีดร้องออกมา


“Matt… shit… you’re oppressed me so tight. Fuck. I’m cum. (แมท… เหี้ย… รัดจนฉันจะเสร็จแล้ว… โอ๊ย… แตกแล้ว…)” แล้วผมก็รับรู้ถึงแรงอัดฉีดอันรุนแรงภายใน น้ำอุ่นๆ อัดแน่นรวมกับของเก่า วิคเตอร์อ้าปากผ่อนลมหายใจรัวๆ ดวงตาปิดสนิทคล้ายกำลังทรมานเล็กๆ ผมยกมือซ้ายขึ้นมาลูบแก้มเขา เรายังอยู่ในท่าเดิม เพื่อให้วิคเตอร์ปลดปล่อยจนหมด เขาค่อยๆ ผ่อนลมหายใจให้อ่อนลง เปลือกตาเขาเปิดขึ้น ดวงตาสีน้ำผึ้งข้น มองผมอย่างพอใจ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนริมฝีปากสีแดงหม่น ผมกัดริมฝีปากล่างไว้ ลมหายใจเข้าออกดังหนักหน่วง วิคเตอร์ค่อยๆ ว่างขาผมลง พร้อมกับดึงตัวเขาออกไปจากก้นผม น้ำข้นขุ่นสีขาวทะลักออกมาด้านนอกและไหลเยิ้มมาตามง่ามขาของผม เขายืนซ้อนด้านหลัง สองแขนโอบรอบเอวผมไว้ ผมยกมือขวาขึ้นไปลูบแก้มสากเพราะหนวดนั่นไว้ และพิงศีรษะกับแผ่นอกแกร่งหนาของเขา วิคเตอร์ก้มลงมากดจูบบนขมับขวาผมและแช่ค้างไว้สักพัก ผมรู้สึกอ่อนเพลีย แต่ก็รู้สึกดี แผ่นหลังทาบทับอยู่บนอกเขา รับรู้ถึงความอบอุ่นที่ผมชอบ


“Well, now you know that?—How much I miss you, eh? (ไง ตอนนี้รู้รึยังว่าฉันคิดถึงนายมากแค่ไหน เฮอะ?)” เขาว่าเสียงทุ้ม สองมือบีบคลึงก้นสองข้างของผมแน่น ริมฝีปากกดจูบลงบนไหล่ขวาดังจุ๊บหลายจุ๊บ ผมยิ้มอ่อน ส่งมือขวาไปกอบกุมพวงสวรรค์ของเขา ลากมือผ่านเนื้อหยาบขึ้นมาจับเนื้อนุ่มแน่นของลูกชายเขาที่ยังไม่ได้อ่อนตัวลงมากไว้เต็มมือ


“No. I don’t know yet. (ไม่ ผมยังไม่รู้เลย)” วิคเตอร์กัดริมฝีปากล่างแน่น เขามองผมตาวาว สิ่งที่อยู่ในมือผมค่อยๆ ขายตัวขึ้น


“Do you want me to fuck you, baby? (อยากให้ฉันอึ๊บนายหรอที่รัก)” เขาสูดกดจมูกลงบนแก้มผม ลมหายใจอุ่นร้อนรดลงบนผิวเนื้อแก้ม มือขวาเขาเอื้อมมือรูดรั้งกลางลำตัวผมให้ตื่นเช่นกัน


“No. I want you to make love with me. (เปล่า ผมอยากให้คุณทำรักกับผม)” เขายังคงคลอเคลียแก้มผมไม่ห่าง แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขาฉีกยิ้มกว้าง เขากดจมูกลงมาบนแก้มผมหนักหน่วงราวกับจะสูบวิญญาณผมออกไป


“Harder? (แรงมั้ย)” เขาถามเสียงแหบพร่า ลิ้นร้อนเลียซอกคอผมเชื่องช้า ผมเอียงคอไปด้านซ้ายให้เขาลากลิ้นเลียได้สะดวกขึ้น มือขวากำอาวุธคู่กายเขาเต็มมือ


“As much as you said you miss me. (ให้เท่ากับที่คุณบอกว่าคิดถึงผม)” ผมครางฮือยามที่นิ้วชี้เขาไล้วนส่วนปลายแก่นกายผมช้าๆ


“Good boy. (เด็กดี)” เขาพูดด้วยเสียงคำราม ใช้มือซ้ายจับหน้าผมหันไปรับจูบอันรุนแรงจากเขา และจากนั้นเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาคิดถึงผมมากแค่ไหน โดยที่ถ้าย้อนเวลาได้ผมจะบอกว่าไม่ต้องบอกแรงจนถึงขั้นเลือดซึมก็ได้


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เต็มใจให้เขาทำ เพราะว่าเรารักกันยังไงล่ะ


TBC.  :hao7:

แมทมันก็อ้อนผัวใช่ย่อยนะ 5555555 เอากะนางซี้ ปลุกปั่นผัวสุดพลังงง แล้วคือยังไงล่ะ ก็เข้าทางอีพี่วิคเตอร์สิจ๊ะ หุๆ  :hao6:

ตอนแรกจะมาครบร้อย แต่ไปไม่ถึง มาเท่านี้ก่อน 55555 เดี๋ยวที่เหลือก็จิมาต่อเติมความหวานต่อเนาะ (หวานเหรอ ? -..-)  ไม่รู้ว่าคนอ่านรู้สึกยังไงกับฉาก NC นี้บ้าง แต่สำหรับตัวตอม ตอมชอบนะคะ แต่อาจจะใช้ภาษาไม่สวยงามเท่าไหร่ ตอมเองก็ใช่ว่าจะเขียนเลอเลิศ เขียนหยาบคาย เขียนไม่ดี เขียนไม่สวยงาม ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ สไตล์ตอมดันเป็นแนวนี้ อาจจะหยาบโลน ไม่สละสลวย ขอโทษด้วยค่าา

ยังคงมีคนสอบถามเรื่องรี้ปริ้นภาคแรก ณ จุดนี้ยังมิมีนโยบายน้า T__T รอบนี้ชัวร์สุดแล้น หากพ้นกำหนดโอนเงินแล้วใครเก็บเงินไม่ทัน เดี๋ยวลองมาคุยกับตอมก่อนก็ได้ค่ะ

สำหรับภาคสองวิคเตอร์จะมีบทบาทผ่านมุมมองเขามากขึ้นค่ะ บอกได้เท่านี้ก่อน ต้องจับตามองไว้ว่าพี่แกจะโผล่ออกมาตอนไหน แต่เขาจะไม่ย้อนความคิดตัวเองในภาคแรกแล้วนะคะ ก็อยู่ในเจ็ดตอนพิเศษในรวมเล่มแหละค่ะ ถ้าเป็นมุมมองเขาในภาคสองก็เป็นแค่มุมมองของพาร์ท Only You จ้า

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะที่อยู่เป็นกำลังใจให้กันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 75%} 09.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 09-08-2015 23:55:29
กรีดร้องเสียงดัง บทนี้แมทยั่วสวาทมาก คงคิดถึงวิคเตอร์เต็มที
ได้อ่านบทหวานๆมีนชื่นใจเหลือจะกล่าว
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 75%} 09.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-08-2015 00:15:39
โอ แม่เจ้า~~~
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 75%} 09.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 10-08-2015 00:30:02
โอ้โห คิดถึงกันใหญ่5555555
 :hao6: :hao6:
แมทนี่ก็ช่างยั่วตาวิคเนอะ เลือกตกยางออกเลยนะ
รออ่านฉากหวาน หลังฉากร้อนแรงนะคะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 75%} 09.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 10-08-2015 08:54:23
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 75%} 09.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 10-08-2015 10:35:38
ชอบมากหวานปนหื่น  :haun4: อยากให้หวานแบบนี้ไปนานๆ
ไม่อยากให้มีดราม่าใดๆ มากล้ำกลายเลย/วิตกไว้ก่อน
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 75%} 09.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: misslike ที่ 10-08-2015 12:36:14
 :pighaun: :pighaun: :haun4: :haun4: กรี๊ดถล่มทลายยยยยยยยยยย *(พิมพ์ถูกมั้ย) นั่งยิ้มไปสิคะ ยิ้มปากกว้างเรยค่ะขุ่นผู้โฉมมมมมมมม เขิลเเทนน้องเเมททททท 5555555 >>รู้สึกมีฟามสุข
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 75%} 09.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 10-08-2015 19:57:09
เราจะย้ายมาสิงในเล้าละ 55555555555555555 โอ๊ยยยยย หวานละมุนปนความหื่น  :katai4: :katai4: ยอมใจวิคเตอร์ โอ๊ยยยยยยยยยย  ทำดีแล้วค่ะ ทำต่อไป o13 ตอนที่พูดว่า baby อีแม่แทบวิ่งไปหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตา ปลื้มปริ่มมาสองตอนติดแล้วค่ะ!!   :hao6: :hao6:  แมททำดีมาก ยั่วมันเข้าไป เอาให้มันไปไหนไม่รอด รับรองงง ฮิฮิ  :hao7: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 12-08-2015 11:25:41

ONLY YOU EPISODE 6 :: [100%]



“อาบน้ำกัน” เขากระซิบเสียงนุ่มหลังจากที่กิจกรรมเข้าจังหวะอันหนักหน่วงและรุนแรงจบลงพร้อมกับร่างกายผมที่โดนเขากระแทกและกระชากวิญญาณออกไปจากร่างแล้ว
 


ผมพยักหน้าเชื่องช้า ส่งยิ้มอ่อนแรงให้เขา มีอาการหอบเล็กน้อย รู้สึกตัวเบาโหวงราวกับไร้น้ำหนัก เหมือนสติจะดับวูบให้ได้ เขาจัดหนักจัดเต็มสมกับเป็นพ่อยักษ์หนวดทรงพลังคนเดิมที่ผมรู้จักมักคุ้น บอกเลยว่าถ้าไม่ถึงขั้นเลือดอาบ (ขา) จริงๆ เขาคงหยุดยาก ผมก็ไม่ได้เจ็บปวดรวดร้าวอะไร แต่ก็แอบตกใจเลือดที่ไหลออกมา อาจเพราะผมห่างกิจกรรมกับเขามานาน ช่องทางด้านหลังมันเลยเหมือนได้เริ่มใหม่ แล้วพอเจอกันอีกทีก็จัดซะเต็มเหนี่ยว



วิคเตอร์ค่อยๆ พาผมนั่งลงในอ่าง ตัวเขาพิงขอบหัวอ่างไว้ อ้าขาให้ผมนั่งลงเพื่อพิงอกเขา ความเป็นชายของเขาถึงจะเริ่มอ่อนลงแต่ก็ยังทรงตัวตั้งแนบกับบั้นท้ายผมอยู่ดี วิคเตอร์ยื่นแขนซ้ายไปกดเปิดน้ำในอ่าง สองแขนโอบรอบตัวผมไว้ เขาจูบไหล่ซ้ายผมเบาๆ ไล่ขึ้นมาที่ซอกคอ ผมเอียงคอให้เขาจูบอย่างอ่อนโยน



“คืนนี้ค้างกับฉัน ค้างกับฉันทุกคืนที่ฉันอยู่นี่เลยนะ” เขาบอกพลางเริ่มวักน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นมารดแขนผม



“ไปขอพ่อกับแม่ผมสิ” ผมว่ายิ้มๆ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม จูบหน้าผากผมอีกที เอื้อมมือไปปิดน้ำเมื่อตอนที่น้ำใกล้จะเต็มอ่าง ผมนั่งแล้วจมเกือบถึงไหล่ ส่วนวิคเตอร์แค่ครึ่งตัวเขาเองมั้ง



“ขอแต่งงานเลยดีมั้ย” เขายิ้มละมุน เลื่อนมือซ้ายลงไปใต้น้ำ ยัดนิ้วชี้กับนิ้วนางเข้าไปด้านในของผม เพื่อล้วงไอ้สิ่งที่ตกค้างอยู่ในนั้นออกมา ผมพยายามอยู่นิ่งๆ ให้เขาล้วง แต่มันก็เสียววูบวาบไม่น้อย เลยบิดตัวไปมานิดหน่อยบนอกเขา



“พอแล้ว มันเสียว…” วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้มและหยุดใช้นิ้ว ผมรู้ว่าเขาจะช่วย แต่มันจะปลุกแมทน้อยอีกรอบน่ะสิ



“You are mine. Only mine. (นายเป็นของฉัน ของฉันแค่เดียว)” เขาบอกเสียงทุ้มหนักๆ ที่ข้างหู มือขวาเลื่อนมากอบกุมกลางลำตัวของผมที่สงบแล้ว ลูบไปลูบชวนให้รู้สึกวาบหวิวเล็กๆ ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม ยื่นริมฝีปากไปจุ๊บปากเขาหนึ่งที พ่อยักษ์หน้าหนวดคลี่ยิ้มน่ามองมาให้



“Yes. I’m yours. (ครับ ผมเป็นของคุณ)” วิคเตอร์ยิ้มดวงตาเป็นประกาย รอยยิ้มเขาคลี่กว้างอย่างดีใจ ผมยกมือซ้ายขึ้นลูบแก้มเขาแผ่วเบา วิคเตอร์เองก็ยกมือซ้ายมากอบกุมมือผมไว้



“ยิ้มบ่อยๆ นะครับ อย่ากลับไปมีหน้าเดียวแบบเมื่อก่อนอีก” มือขวาที่อยู่ใต้น้ำนวดคลึงลูกกลมๆ สองลูกของผมอย่างเนิบนาบ นิ้วโป้งซ้ายเขาก็เกลี่ยหลังมือซ้ายผมไปมา



“เพราะมีนายฉันถึงได้ยิ้มและหัวเราะ แต่พอไม่มีนาย รู้มั้ย โลกของฉันมันไม่สดใสเท่าตอนที่นายอยู่ด้วยเลย…” ผมยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ รู้สึกตื้นตันใจที่ได้ยินเขาพูดกับผมแบบนี้ ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรักในแบบคู่รัก ไม่เคยได้รับความรู้สึกที่ว่าเป็นคนสำคัญของใคร ผมไม่ได้ว่าตั้งตารอคอยอะไรขนาดนั้น เพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่สาระสำคัญของชีวิต ไม่มีรักแบบนี้ ก็ยังมีรักจากเพื่อนและคนสำคัญอย่างพ่อกับแม่



แต่ผมได้รับรู้วันนี้ว่าความรักแบบนี้มันแตกต่าง มันคือการที่ใครอีกคนเคียงข้างกัน มอบความสุข ความรักอีกแบบหนึ่งให้แก่หัวใจกันและกัน มันคือความสุขใจอีกแบบหนึ่ง ซึ่งผมไม่เคยมี



“Go back to New York with me. Come back to be my happiness again. (กลับไปนิวยอร์กกับฉันนะ กลับมาเป็นความสุขของชีวิตฉันอีกครั้ง)



“นอกจากพ่อกับแม่ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนสำคัญ ถ้าผมจะรู้สึกอย่างนั้นกับคุณอีกคนจะเป็นอะไรมั้ยครับ” วิคเตอร์ยิ้มอบอุ่น ก้มลงมาจูบหน้าผากผม สูดหอมเส้นผมของผมดังฟอด เขาดึงมือซ้ายของเราทั้งคู่ลงไปใต้น้ำ ใช้แขนซ้ายโอบร่างผมไว้ ส่วนมือขวาเขายังคงลูบไล้ไปมาที่ส่วนกลางลำตัวของผมเบาๆ



“ถ้านายไม่สำคัญ ฉันไม่มาหานายถึงนี่หรอก มันอาจจะไม่ได้พิสูจน์อะไรมาก แต่นายรู้มั้ยที่ฉันตัดสินใจมาที่นี่ก็เพราะนาย ไม่ใช่เพราะงาน ฉันไม่ได้รับค่าตัวอะไรเลยสักบาท…” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ แหงนหน้าขึ้นสบตากับเขา วิคเตอร์ยิ้มอ่อนโยนมาให้



“อ้าว ทำไมล่ะครับ ไหนว่าค่าตัวคุณแพงมาก” เขายิ้มเบ้ปากเล็กน้อย พร้อมยักคิ้วหนึ่งที



“ก็ตามเรทค่าตัวฉันนั่นแหละ แต่ฉันไม่รับเพราะฉันตั้งใจมาหานาย เพราะนายมีค่ามากกว่าเงินพวกนั้นนะ” ผมแทบจะน้ำตาไหลที่ได้ยินแบบนั้น มันก็ไม่ได้ไหลออกมาหรอก ทำได้เพียงยิ้มตื้นตันผสมกับอาการขัดเขิน ยื่นหน้าไปหอมแก้มเขา วิคเตอร์ยิ้มละมุน กระชับอ้อมแขนซ้ายแน่นขึ้น ผมขยับศีรษะเข้าไปชิดกับสันกรามเขามากขึ้น (หัวผมถึงตรงนั้นพอดี) ความอุ่นจากอกและอ้อมแขนอันคุ้นเคยของเขา ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยไร้กังวลเหมือนเช่นเคยทุกครั้ง



“ถามจริงสิ กับอันเดรียนา ทำไมถึงต้องยุ่งกับเธอด้วยล่ะครับ” ผมตัดสินใจถามในสิ่งที่อยากถาม มันก็ไม่ถึงขั้นว่าค้างคาเป็นประเด็นคาใจอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ผมนึกสงสัยใคร่รู้จริงๆ ว่าทำไมต้องไปยุ่งกันอีก ผมไม่ได้โกรธอะไรเขา เพราะผมเองก็มีคดีติดตัว วิคเตอร์ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งครั้งแล้วตอบเสียงทุ้ม



“กับอันเดรียนา มีแค่เซ็กส์เท่านั้นแหละ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย” เขากดจูบลงบันขมับซ้ายผม มือขวาเริ่มเลื่อนต่ำไปที่แถวๆ ร่องก้น



“คุณขาดเซ็กส์ไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ” ถามทั้งๆ ที่ผมเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไงในเรื่องนี้ ถ้ามีสัมภาษณ์ลงนิตยสารว่ากิจกรรมโปรดหรือกิจกรรมยามว่างเขาคืออะไร แล้วเขาตอบว่าเล่นกีฬาหรือดูทีวี ได้โปรดอย่าเชื่อในคำตอบนั้นของผู้ชายคนนี้ เพราะเซ็กส์ต่างหากคือคำตอบที่แท้จริง ยิ่งเซ็กส์ในห้องเซ็กส์ทอยดูจะช่วยปลดปล่อยอารมณ์เขาได้มากแถมยังช่วยให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากๆ ด้วย



“กับคนอื่นขาดได้ แต่กับนายขาดไม่ได้และไม่อยากขาด” ผมแบะปาก เงยหน้าขึ้นมองเขาที่มองกลับมายิ้มๆ



“แต่คุณก็ยุ่งกับเธอเนี่ยนะ” ผมทำปากเป็ด วิคเตอร์เลื่อนมือซ้ายมาบีบปากผมเบาๆ หอมหน้าผากผมดังฟอดเร็วๆ หนึ่งที



“แมท ตอนนั้นความคิดฉันมันไม่นิ่ง ฉันว้าวุ่น ฉันแค่อยากทำให้ความคิดตัวเองสงบ” เขาทำสีอึดอัด เหมือนคนหาทางออกไม่เจอกับคำอธิบายนี้ ผมพอจะเข้าใจกับสิ่งที่เขาทำอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ทั้งหมด ยังไงผู้ชายคนนี้ก็ยังคงซับซ้อนเกินไปอยู่ดี



“แล้วถ้าเกิดคุณรักเธอจริง คุณก็คงทิ้งผมไปเงียบๆ สินะ” นึกถึงภาพที่เขาทิ้งผมไปแบบเงียบๆ ขึ้นมาจริงๆ ก็อดใจหายไม่ได้ น้ำตาเลยเอ่อคลอขึ้นมาที่ขอบตา ใจเต้นตุบตับเป็นจังหวะหนักๆ ถ้าเขารักผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมคงไม่ได้มาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแน่ๆ



“อย่าร้องไห้สิ ฉันไม่รักใครหรอก ฉันรักนายไปแล้ว ตอนนั้นที่ฉันบอกว่ารัก ฉันรักไปแล้วจริงๆ อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่ฉันไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน” ผมยังคงนั่งเบะปากน้ำตาไหล รู้สึกถึงความกลัวที่เกาะกุมใจ ผมไม่อยากนึกว่าถ้าเขาหายไปจากผมเพราะใครอีกคน ผมคงแทบสิ้นสติอยู่พักใหญ่เลยแหละ วิคเตอร์มองหน้าผมแล้วถอนหายใจด้วยใบหน้าเครียดเล็กน้อย



“นายก็รู้ว่าฉันชอบมีเซ็กส์ พอมี จะรักหรือไม่รักนั่นคืออีกเรื่อง แต่กับนาย มันไม่ใช่แบบนั้น” เขาก้มลงมาจูบซับน้ำตาที่แก้ม ผมหลับตาลงเพื่อพยายามระงับความรู้สึกตัวเอง วิคเตอร์จูบที่เปลือกตาผมทั้งสองข้าง



“อย่าทำแบบนั้นกับใครอีกได้มั้ย”



“ไม่ทำ ไม่ทำแล้ว อย่าร้องนะ อย่าร้อง ฉันขอโทษ” วิคเตอร์บอกหน้าเครียด ยกแขนขวามาโอบร่างผมอีกแขน เขากดหน้าลงมาเกยคางไว้บนไหล่ซ้าย ผมเอาแก้มซ้ายแนบเข้ากับแก้มขวาที่สากไปด้วยหนวดเคราของเขา



“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมไม่ได้โกรธ ผมเองก็ทำ ผมแค่คิดว่าถ้าคุณรักเธอขึ้นมาจริงๆ ใจผมคงแย่” ผมหันไปคลอเคลียที่แก้มของเขา รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยตอนโดนหนวดเขาทิ่มปากและจมูก



“คิดว่าฉันไม่กลัวเหรอ ตอนนายบอกฉันว่าลองคุยกับไอ้จูบแรกนั่น ฉันก็รู้สึกไม่ต่างจากนายหรอก” เขายกหน้าขึ้นจากไหล่ผม ก้มลงมามองหน้าผมด้วยสายตาระแวดระวัง มือขวาเขายกขึ้นมาเสยเส้นผมที่ปรกหน้าผมขึ้นไปจนเปิดให้เห็นเหม่งน้อย



“ผมก็จะไม่ทำเหมือนกัน สัญญากันนะ” ผมยิ้มหน้าซื่อ ยกมือขวาขึ้นมาจากน้ำ ชูนิ้วก้อยขึ้น วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ยกมือซ้ายขึ้นแล้วชูนิ้วก้อยเกี่ยวกับผมไว้ ผมยิ้มแฉ่ง รู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กที่เวลาพ่อสัญญาจะซื้อของเล่นชิ้นใหม่ให้เลย



“ฉันยอมสัญญาเพราะเป็นนายนะ แค่นายคนเดียว” เขากดจูบลงบนกลางกระหม่อม ผมมองนิ้วก้อยเราที่เกี่ยวกันไว้แล้วก็ยิ้มแฉ่ง รู้แหละว่ามันคงไม่ได้เป็นสิ่งที่การันตีอะไรนัก แต่เห็นแล้วมันก็รู้สึกดีนี่นา



“สัญญาด้วยนิ้วก้อยอาจจะเบาไป ฉันว่าใช้อะไรที่มันยืนยันความหนักแน่นได้ดีกว่านิ้วก้อยเถอะ” แล้วผมก็รู้ว่าไอ้สิ่งที่เขาว่านั้นมันคืออะไร ในตอนที่เขาขยับสะโพกใต้น้ำให้ไอ้สิ่งที่มันชูชันขึ้นมาถูไถไปกับบั้นท้ายของผม มันอาจจะไม่หนัก แต่เวลามันเข้าไปข้างในตัวผมทีไร มันแน่นจนอึดอัดแต่ก็สุขสมทุกที


TBC.  :hao6:

ตอนหน้าพี่ยักษ์ออกโรงแล้นนน ปูพรมแดงรอพี่แกเลยค่าา ฮี่ๆ -V- สำหรับพาร์ทสอง พี่ยักษ์จะมีบทบาทมากขึ้น หมายถึงว่า เรื่องราวจะผ่านมุมมองเขาบ่อยขึ้นค่ะ เพราะเขาคบกันแล้ว แต่ความคิดเขาก็จะอยู่แค่ในภาคสองนี้นะคะ ไม่ได้ย้อนไปภาคแรกแล้ว สำหรับมุมมองพี่ยักษ์ในภาคแรกอยู่ในตอนพิเศษในหนังสือจ้าาา


ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณคนที่คอยอยู่เคียงข้างกันในเล้าแห่งนี้จ้า อิอิ เล็กน้อย แต่ก็คอยดันตลอด ขอบคุณมากเบยยย  :mew1:




หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 12-08-2015 11:59:46
น้ำตาซึมเลยยย พี่ยักษ์กลับมาทวงพื้นที่พระเอกเต็มตัวแล้ว อร๊ายยยยย
เอน้องกลับไปด้วยกันเลย แงงง
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 12-08-2015 12:22:32
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แม่จ๋าาาาาาาาาาาาาาาา  :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
อยากได้วิคเตอร์ค่ะ หนูอยากได้ อบอุ่นยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ประเทศไทยยยยยยยยย ฮื่ออออออ   :ling1: :ling1: ยอมใจ  วิคเตอร์นี่มันวิคเตอร์จริงๆ  :impress3:  ใดใดในโลกวิคเตอร์ล้วนหื่นกาม   :oo1: :oo1: :oo1:  ฉากละมุนของวิคเตอร์มาพร้อมกับสายเลือดเสมอ อ่าาห์ ดีจัง แม่ยกวิคเตอร์กระชุ่มกระชวย 

ปล. เดี๋ยวเราเมนท์ให้สองที่เลยละกัน ตอนนี้ถูกใจ 5555555555555555555555
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 12-08-2015 12:46:41
ชอบเรื่องนี้มากเลยยยยย
อ่านไปยิ้มไป o13
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-08-2015 13:12:53
สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องใต้สะดือ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 12-08-2015 14:01:05
หวานละมุนปนกลิ่นคาวเลือด? ของตัวเองยังไงชอบกล 555
วิค แกสัญญากับหนูแมทแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาเด็ดขาด!
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 12-08-2015 16:30:36
อ่านที่นู่นมาแล้ว มาอ่านที่นี่อีกที อ่านกี่ทีก้อสนุกกกก
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-08-2015 17:58:08
อิยักษ์หนักแน่นมาก
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 12-08-2015 18:42:02
โอ๊ย ตอนนี้ฟิน อย่าหวานกันมากสิเขิน
มดเดินพาเหรดกันแล้ว อิอิ

แต่ไม่ได้หมายความว่าเอามาม่านา แหะๆ
รอตอนต่อไปค่ะ จะลงแดงแว้ว
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 12-08-2015 18:51:54
ทำกิจกรรมกันจนเลือดสาดตลอด จนทำให้เป็นห่วงหนูแมทเลย
เดี๋ยวติดโรคเพราะมีแผลล่ะแย่เลยนะ นายยักษ์ลดความซาดิสต์หื่นบ้างนะยะ
รู้น่ะว่ารักมาก รักแล้วก็ถนอมน้องเขาด้วยสิจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 12-08-2015 20:03:31
สัญญากันแล้ว ห้ามผิดสัญญานะพ่อยักษ์ แมทด้วย

เดี๊ยนละกลัวมาม่าจริงๆ  :mew2:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-08-2015 22:16:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 12-08-2015 23:50:47
เยยยยย้ รอพาร์ทตาวิคอย่างใจจดใจจ่อนะคะ
อยากรู้ว่านางคิดอะไรในใจบ้าง
หุหุ ตื่นเต้น อยากรู้ว่าในมุมนางอะ แมทน่าฟัดแค่ไหน
คิดแล้วก็ฟินนน
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 13-08-2015 00:40:07
สงสารแมทเลือดสาดเลย แต่วิคเตอร์ก็เกินคน7-8แปดรอบอ่านแล้วขาอ่อนเลย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 13-08-2015 02:48:37
  :ruready :m16: :m31:เป็นอะไรที่เราลุ้นมาก กลัวใจคนเขียนจะพลิกล็อก

ในที่สุดพี่วิกก็คิดได้   :เฮ้อ:

เอ้า....เอเลี่ยนน้อย 365 เล่มเกวียน สู้สู้
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-08-2015 10:33:41
เพิ่งอ่านรวดเดียว สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 14-08-2015 14:42:13
พึ่งเข้ามาอ่านนนน  ชอบบบบบบบบบบบบบบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ติดตามๆๆ    เป็นกำลังใจให้คนเขียนะคะ :pig4: :pig4: :pig4: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.6 100%} 12.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 15-08-2015 19:12:23
เป็นเรื่องที่ทำฉันหนีบขาอ่านอย่างใจสั่นสุดๆ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-08-2015 00:48:31

Only You Episode 7 :: My little-alien. [Special Viewpoint By Victor.] [50%]




เอเลี่ยนน้อยหลับไปแล้ว คงเพลียจากการโดนผมฟัดในห้องน้ำไปอีกหนึ่งรอบหลังจากเกี่ยวก้อยสัญญากัน ผมปล่อยให้เขาขย่มผมบนโถส้วมที่ปิดฝา ปล่อยให้เขาโยกไปโยกมาจนผมเสร็จ แล้วผมก็ใช้มือช่วยเขาจนเสร็จตามกันมา พอปลดปล่อยเรียบร้อย ผมก็พาเขาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แอบตกใจเหมือนกันตอนเห็นเลือดไหลออกมา แต่ว่าเลือดเขาไม่ใช่เลือดเข้มข้น เป็นเลือดจางๆ เหมือนน้ำ แมทบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแสบ ไม่ได้เจ็บปวด ก็คงมีแผล เพียงแต่อาจไม่ใช่แผลใหญ่ คงเพราะเราห่างกันไปนาน ผมคิดถึงเขาเลยใส่เต็มกำลัง ยังนึกสงสัยตัวเองว่านี่เรียกว่าตายอดตายอยากหรือเปล่า


ผมพาเขาแช่น้ำอุ่นเพื่อให้กล้ามเนื้อเขาได้ผ่อนคลาย ช่วยบีบช่วยนวดไปตามตัว มีโอกาสก็แทะเล็มนั่นนี่เขาไปเรื่อย ผมมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขาแล้วยิ้มกว้าง ใช้มือขวาลูบบั้นท้ายเขาเบาหวิว ก้มลงจูบที่หัวไหล่ ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้กอด ไม่ได้หอมร่างแน่นๆ ร่างนี้นานเท่าไหร่แล้ว ไม่ต้องให้หมอดูที่ไหนมาทำนาย ผมก็กล้าพูดเลยว่า ช่วงที่อยู่ด้วยกัน ผมเอาเขามันส์แน่ ร้างจากเขามานานแล้ว อีกอย่างระยะเวลาที่อยู่ด้วยก็ใช่ว่าจะนาน ยังไงขอเสพสุขทางกายและใจกับเอเลี่ยนน้อยเยอะๆ หน่อยเถอะ ผมก้มลงจูบบั้นท้ายอวบอิ่มเขาแผ่วเบา ดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของเขาไว้ ลุกออกจากเตียง เดินเปลือยไปหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาออสติน


ผมมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขาแล้วยิ้มกว้าง ใช้มือขวาลูบบันท้ายเขาเบาหวิว ก้มลงจูบที่หัวไหล่ ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้กอด ไม่ได้หอมร่างแน่นๆ ร่างนี้นานเท่าไหร่แล้ว ไม่ต้องให้หมอดูที่ไหนมาทำนาย ผมก็กล้าพูดเลยว่า ช่วงที่อยู่ด้วยกัน ผมเอาเขามันส์แน่ ร้างจากเขามานานแล้ว อีกอย่างระยะเวลาที่อยู่ด้วยก็ใช่ว่าจะนาน ยังไงขอเสพสุขทางกายและใจกับเอเลี่ยนน้อยเยอะๆ หน่อยเถอะ ผมก้มลงจูบบั้นท้ายอวบอิ่มเขาแผ่วเบา ดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของเขาไว้ ลุกออกจากเตียง เดินเปลือยไปหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาออสติน


“นายอยู่ไหน… ได้ช็อคโกแล็ตมาแล้วใช่มั้ย… ดี เอามาให้ฉันที่ห้องหน่อย…” ผมกดวางสาย เดินไปหยิบกางเกงเนื้อนุ่มสีดำจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาใส่ ก็พอดีกับที่เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น ผมหันไปมองเจ้าตัวจ้อย กลัวว่าเขาจะสะดุ้งตื่นรึเปล่า แต่เขาก็ยังนอนคว่ำหน้านิ่งสนิท คงเหนื่อยจัดจากการคุมเองและโดนผมคุม


ผมก้าวเท้าออกจากห้องนอน ผ่านเสื้อผ้าที่ยังกระจัดกระจายอยู่บนพื้นพรม ปล่อยไว้ก่อนค่อยมาจัดการ ตอนนี้รีบไปเอาช็อคโกแล็ตให้เอเลี่ยนขี้แยก่อน ตื่นมากินของโปรดจะได้มีแรงยิ้มน่ารักๆ มาให้ผมอีก


แกร๊ก~


“ผมไม่รู้ว่าเขาชอบแบบไหน ผมเลยเหมามาทุกอันที่มีอยู่ในร้านสะดวกซื้อและห้างใกล้ๆ กัน” ออสตินยื่นถุงพลาสติกถุงโตมาให้ผมเป็นสิบถุงเห็นจะได้ ผมแอบทึ่งไปเล็กน้อยเพราะมันเยอะมาก นี่ถ้าแมทกินหมดคงอ้วนฉุจนเนื้อแน่นกว่าเดิมแน่ๆ


“ขอบใจมาก” ออสตินยิ้มให้ผมเพียงนิดพร้อมกับก้มหัวให้ผมนิดหน่อย


“เย็นนี้คุณจะไปทานอาหารที่ไหนมั้ยครับ”


“ไม่รู้สิ รอเขาตื่นก่อนแล้วกัน แต่ฉันคงพาเขากลับบ้านไปเอาของ นายไม่ต้องไปหรอกนะ” เขาทำหน้าอึกอัก ผมยิ้มมุมปาก ยกมือตบบ่าเขาเบาๆ


“พักบ้างก็ได้ เซล่า (Cayla) ไม่ตามมาแหกอกนายถึงที่นี่หรอก” เขายิ้มแห้งเมื่อผมเอ่ยถึงคนที่ส่งเขามาดูแลและคุ้มครองผม ออสตินเป็นบอดี้การ์ดคนแรกที่ถูกส่งมาให้เลือก ผมถูกชะตากับเขาแทบจะทันทีหลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นคนไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของใคร เขาทำแค่ในส่วนหน้าที่ของเขา ไม่พูดมากหรือพูดเยอะ ตอนแรกผมก็รู้สึกแปลกที่จะต้องมีบอดี้การ์ด เพราะผมรู้สึกว่าผมเป็นผู้ชาย ผมดูแลตัวเองได้ แต่ทางค่ายหนังเขากลับยืนยันว่าผมควรมี นักแสดงชายหรือนักร้องชายหลายคนก็มีกันเป็นเรื่องปกติ แค่ไม่ออกสื่อชัดเจนแบบนักแสดงหญิงหรือนักร้องหญิงเท่านั้น ผมก็เลยลองรับออสตินมาพิจารณาก่อน ถ้าเป็นก่อนเจอแมทผมไล่ตะเพิดเขาไปแล้วละ พอได้ทำความรู้จักกันคร่าวๆ ในหนึ่งวันผมก็ตกลงให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดให้ เขาให้ความรู้สึกเหมือนเป็นน้องชายมากกว่า เขาไม่ค่อยสุงสิงอะไรกับใครแบบผมละมั้ง เลยรู้สึกว่าเขาไว้ใจได้


“แล้วนี่นายกินอะไรรึยัง”


“ยังครับ ผมว่าจะลองไปกินบะหมี่ข้างซอยโรงแรม เห็นพวกบอดี้การ์ดคนไทยบอกว่าอร่อย” พอพูดถึงพวกนั้นผมก็นึกขึ้นได้


“อย่าลืมกำชับพวกนั้นนะว่ามีหน้าที่อะไรก็ทำไป ถ้าไม่ทำตามที่ตกลงไว้ เตรียมโดนฟ้องร้องตามสัญญาได้เลย” ผมว่าหน้าเหี้ยมเสียงข่มขู่ บอดี้การ์ดคนไทยถูกจับเซ็นสัญญาก่อนร่วมงานกับผมทั้งหมด หากใครปากโป้ง ปากไม่ดีเรื่องผมแม้แต่นิดเดียว ผมเล่นพวกนั้นเละ ผมไม่ได้กลัวเขาจะนินทาเรื่องผมกับแมท อันนั้นผมไม่สนใจ แต่ที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นคือการที่มีสื่อและแฟนคลับแห่มาที่นี่กันเยอะแยะ พนักงานโรงแรมที่นี่ก็ถูกกำชับแล้วว่าห้ามบอก ถ้าอะไรเล็ดลอดไป ผมฟ้องเรียกค่าเสียหายแน่นอน ผมอยากใช้เวลาอยู่กับแมทอย่างสงบสุข


“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะย้ำอีกที แต่ผมว่าผมคัดคนไม่ผิด คนพวกนี้มืออาชีพและมีจรรยาบรรณมากพอครับ” ผมพยักหน้ารับเบาๆ


“พวกไอ้เบนมาถึงรึยัง”


“ทางโรงแรมแจ้งว่ามาถึงตอนที่เราออกไปรับคุณแมทครับ”


“แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ไหน”


“น่าจะนอนหลับอยู่ห้องข้างๆ ที่คุณจองไว้ให้ครับ” ผมทำหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง แต่ก็พยักหน้าเข้าใจได้ ไม่ได้แปลกใจอะไรนักหรอก เพราะมันก็บอกแล้วว่าจะบินตามมาถึงประมาณวันนี้ ตอนนี้คงเจ็ทแล็กกันอยู่


“คุณแน่ใจแล้วนะครับกับเรื่องนี้” ออสตินเอ่ยถามสีหน้านิ่งสงบ ผมยิ้มขำหน่อยๆ


“นี่ฉันยังดูโลเลอยู่เหรอเนี่ย”


“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ เพียงแต่… คุณเซล่าน่ะครับ…” ผมทำหน้าเอือม ส่ายหัวเป็นเชิงไม่ใส่ใจกับคนที่เขาพูดถึง จริงๆ ผมก็ไม่ใส่ใจนั่นแหละ เธอสลักสำคัญขนาดนั้นเลยรึไงกัน


“เธอสายตรงถึงนายสินะ ช่างเธอเถอะ เธอไม่ใช่พรมลิขิตที่จะมาลิขิตชีวิตฉันแบบนั้นแบบนี้ นายเองก็เหมือนกัน ตอนนี้ฉันต่างหากที่จ่ายค่าจ้างนาย ไม่ใช่เธอ” ผมพูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้คิดทวงบุญคุณอะไรจากออสติน แต่เขากลับหน้าเสียไปนิด แล้วรีบพูดด้วยเสียงคล้ายคนสำนึกผิด


“ขอโทษครับ ผมแค่พูดไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”


“ไม่เป็นไร ว่าแต่นายเถอะ รับเรื่องแบบนี้ได้รึเปล่า” เขาขมวดคิ้วงง


“แบบไหนครับ”


“ก็ที่แฟนฉันเป็นผู้ชายไง รับได้มั้ย เป็นพวกโฮโมหรือเปล่า” ออสตินส่ายหน้าแข็งขัน ตอบคำถามผมสีหน้าจริงจังและจริงใจตามนิสัยของเขา


“ไม่ครับ มันไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่ได้ แต่มันคือความรักของคุณ ผมเข้าใจ และผมไม่ใช่โฮโม” ผมแอบรู้สึกดีกับน้ำเสียงหนักแน่นของเขา ผมยกยิ้มมุมปากขึ้นชื่นชมอีกฝ่าย


“ท่าทางฉันจะเลือกบอดี้การ์ดไม่ผิดจริงๆ แต่ถ้านายอยากเลิกทำงานกับฉันเมื่อไหร่ บอกฉันได้เสมอนะ”


“ผมคงไม่โง่ทิ้งงานที่เจ้านายให้เงินเดือนใกล้เคียงกับราคาแมนชั่นในแมนแฮทตันหรอกครับ” ผมหัวเราะเสียงเบา แม้เขาจะนิ่งหน้าดุไปบ้าง (เหมือนตัวเอง) แต่ถ้าได้รู้จักเขา ก็จะได้เห็นมุมขำขันของออสตินอยู่เหมือนกัน


“ขอบใจ ตามสบายนะ ถ้ามีอะไรฉันจะเรียกก็แล้วกัน” เขาผงกหัวให้ผมเล็กน้อย หมุนตัวกลับไปทางประตูห้องตรงข้าม ผมใช้เท้าปิดประตู หอบถุงใหญ่ๆ หลายสิบถุงเข้ามาวางไว้บนโต๊ะทานข้าวในห้องรับรองด้านนอก ผมแหวกถุงดู ก็เห็นช็อคโกแล็ตหลากหลายรูปแบบอยู่ในนั้น ตอนแรกผมจะหอบช็อคโกแล็ตของสวิตเซอร์แลนด์มาให้แมท แต่ไอ้อันเดรเตือนว่ากว่าจะมาถึงมือแมทคงละลายคากระเป๋าเดินทางไปแล้ว ไว้เขากลับนิวยอร์กด้วยกันเมื่อไหร่ ค่อยให้เขานั่งกินเพลินๆ ทั้งวัน


ก๊อก~ ก๊อก~


ผมเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู หยิบช็อคโกแล็ตของแบรนด์สีแดงชื่อดังขึ้นมาแกะกินหนึ่งชิ้น เท้าก็ก้าวเดินไปที่ประตู ผมไม่ได้ส่องตาแมวหรอก เพราะชั้นนี้มันก็มีอยู่ไม่กี่คน


“Hey! Buddy!” ไอ้เบนยิ้มกว้างอยู่หน้าประตู สภาพมันดูยุ่งๆ เหยิงๆ น่าจะเพิ่งตื่นนอน ผมยักคิ้วให้มันหนึ่งทีเดินนำมันเข้ามาในห้อง ไอ้เบนปิดประตูตามหลัง


 “โห เฮ้ย?! นี่แกเอาใครมาอึ๊บที่ห้องเนี่ย” น้ำเสียงมันตกใจพอๆ กับสีหน้าของมัน ผมยิ้มุมปากขวานิดหน่อย


“เด็ก” ผมตอบสั้นๆ พลางนั่งลงบนเก้าอี้นั่งทานข้าว ไอ้เบนย่นคิ้วมองผม แววตามีความเคืองเล็กๆ


“ไหนว่าแกมาตามแมทไง แล้วทำไมถึงเอาใครขึ้นมานอนด้วยวะ!” ไอ้นี่โกรธแค้นแทนแมทได้ดีตลอด ผมเข้าใจว่ามันเอ็นดูแมทเหมือนน้องมากกว่าที่จะมองเป็นอย่างอื่น (แต่ถ้าใกล้ชิดมากไปผมก็ไม่ชอบ) อีกอย่างตอนนี้มันไม่สนใจแมทแล้วละ เห็นว่ากำลังพิชิตใจเพื่อนแมทอยู่คนนึง แต่มันก็ยังคงห่วงแมท แทบจะเป็นองครักษ์พิทักษ์เอเลี่ยนน้อยของผม นี่ถ้าได้แท็กทีมกับเอมิลี่นะ ผมขอยอมแพ้


“ก็เด็กมันน่าฟัดนี่หว่า” ผมตอบกวนๆ ปากก็เคี้ยวช็อคโกแล็ตเข้มๆ นี่อย่างอารมณ์ดี ไอ้เบนชูนิ้วกลางให้ผม หน้าตามันไม่พอใจมาก


“ฉันจะฟ้องแมท!” มันขู่เสียงเข้ม หน้าตาฉุนเฉียว


“งั้นก็เปิดประตูห้องนอนเข้าไปฟ้องเลย นอนสลบอยู่บนเตียงนั่นไง” ไอ้เบนอ้าปากจะด่าต่อ แต่มันคงได้สติแล้วว่าผมพูดชื่อใครมันก็เลยเปลี่ยนมาเป็นทำหน้าตกใจแต่ก็แฝงความดีใจไว้ด้วย


“เฮ้ย นี่แกไปรับเอเลี่ยนน้อยมาแล้วเหรอ”


“เออสิวะ ฉันจะรอช้าทำไม เล่นจะไม่ยอมมาดูแลฉันตามที่ขอ ฉันเลยต้องรีบไปอุ้มมาเก็บไว้กับตัวก่อน” ไอ้เบนยิ้มถูกใจและปรบมือเสียงดังหนึ่งที มันยกนิ้วโป้งให้ผม หน้าตาฉุนเฉียวเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นอารมณ์ดี


“เจ๋งมาก แบบนี้สิวะถึงจะสมกับเป็นเพื่อนฉันหน่อย” มันว่าเสียงระรื่น เดินมาคุ้ยๆ ถุงขนมของแมท หน้าตามันดูเคร่งเครียดนิดหน่อย


“มีแต่ช็อคโกแล็ตทั้งนั้นเลย”


“ก็แมทชอบกิน ฉันซื้อมาให้เขา” ไอ้เบนทำหน้าเข้าใจ หยิบช็อคโกแล็ตแท่งหนึ่งออกมาแกะเปลือกกิน หมุนตัวเดินไปนั่งตรงโซฟาตัวกว้างอย่างสบายใจเฉิบ


“แล้วไอ้อันเดรล่ะ”



“หลับอยู่ สงสัยจะเมารถตอนมาโรงแรม อ้วกไปหลายรอบแล้ว” มีแค่ไอ้เบนกับไอ้อันเดรเนี่ยแหละที่ตามผมมาที่ไทย แต่อย่านึกว่ามันมาเพื่อผมหรือเกิดความรู้สึกหวานเลี่ยนห่วงผมอะไรทำนองนั้นหรอกนะ พวกมันมาเที่ยว แต่ก็ยังไม่มีแพลนเลยว่าจะไปที่ไหนกันบ้าง


“แล้วโทรหาเพื่อนแมทรึยังล่ะ” ไอ้เบนเคี้ยวช็อคโกแล็ตพลางส่ายหัวหน้าตามุ่ยเล็กน้อย ก่อนจะยื่นช็อคโกแล็ตออกมามอง มันทำท่าว่าจะไม่กินต่อ แต่สักพักมันก็กัดเข้าปากอีกคำ


“ก็เพิ่งมาถึงเอง แต่เขารู้แล้วละว่าฉันจะมาเที่ยวที่นี่”


“เขารู้รึยังเนี่ยว่าแกชอบเขา” ผมถามพลางลุกขึ้นยืน เดินไปเปิดตู้เย็นขนาดเล็กตรงมุมห้อง โยนกระป๋องโค้กให้ไอ้เบน มันรับไปวางไว้บนโต๊ะกระจก ส่วนผมเดินกลับมานั่งที่เดิม


“ฉันก็บอกชอบเขาตั้งแต่อยู่ที่นิวยอร์กแล้วนะ ถ้ายังไม่รู้ตัว ฉันคงต้องบอกอีกรอบแล้วมั้ง” ผมยิ้มขำกับหน้าตาขาดความมั่นใจของมัน ไอ้เบนไม่ใช่คนที่มั่นใจในตัวเองขนาดหนัก แต่ก็ไม่ใช่คนมั่นใจอะไรมาก นานๆ ครั้งมันจะจีบใครสักคนละมั้ง ไอ้เบนไม่ใช่คนเรื่องมากหรือยุ่งยากกับความรัก ถ้ามันชอบก็คือชอบ


“ว่าแต่แกเถอะ จะเลิกนิสัยเดิมๆ ได้แน่นะ” ผมกระดกโค้กเข้าปาก สายตาเหลือบไปทางประตูห้องนอนที่มีร่างเล็กๆ เนื้อแน่นๆ นอนหลับปุ๋ยอยู่ในนั้น ผมหันกลับมามองไอ้เบนที่เลิกคิ้วขึ้นมองกลับมา ผมถอนหายใจเบาๆ


“ฉันจะเลิกนะ ฉันบอกแมทไปแล้วว่าจะไม่ทำอีก เห็นเขาร้องไห้เรื่องอันเดรียนาแล้วใจไม่ดี” ไอ้เบนย่นคิ้วหรี่ตามองผมเล็กน้อย


“แกตอบเหมือนไม่มั่นใจ ฉันไม่ได้อยากพูดว่ามันเป็นเรื่องแค่นี้หรือแค่ไหน แต่เรื่องรักใครแค่คนเดียว ฉันว่ามันไม่น่ายากไม่ใช่เหรอวะ”


“มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แกต้องให้เวลาฉันบ้าง ฉันรักแมท รักเขาคนเดียว ข้อนั้นฉันรู้ตัวเองดีที่สุด” ผมพยายามหยุดคิ้วตัวเองที่ชอบเอาหัวไปชนกันอยู่เรื่อย


“ก็ถ้ารู้ตัวดีที่สุด แกก็น่าจะมั่นใจว่าแกจะไม่มีใครไม่ใช่เหรอ”


“ฉันก็ไม่ได้คิดอยากหาใคร หรือมีใครใหม่นะ…” ผมพูดจริงๆ และพูดอย่างจริงใจ แต่ก็แอบมีอาการหนักใจอยู่เหมือนกัน


“…แต่ฉันก็รู้ตัวเองดีว่ายังมีความเป็นผู้ชาย ฉันไม่ได้สนใจประเด็นตรงที่ว่า การที่ฉันรักแมทแล้วจะถูกมองว่าเป็นเกย์ แต่ที่ฉันสนใจคือฉันกลัวตัวเองจะหวั่นไหวไปกับสันดานเดิมๆ ของตัวเอง” ผมสบตาไอ้เบนด้วยสายตาเกร็งเครียด ไอ้เบนยัดขนมเข้าปากจนหมด มันยืดตัวขึ้นมานั่งตรงๆ


“แล้วถ้าแกยังกลัวใจตัวเองอยู่แบบนี้ แกจะเอาความมั่นใจจากไหนไปให้แมทวะ แค่คำสัญญาจากลมปากเหรอ” ไม่ใช่ผมไม่คิดแบบนั้น ผมพยายามทำใจให้เข้มแข็งเพื่อที่แมทจะได้เชื่อมั่นในตัวผม อะไรที่ทำให้เขารู้สึกมั่นคงและเชื่อใจผมได้ ผมจะทำ แม้กระทั่งเกี่ยวก้อยสัญญาหรือพูดสัญญาอะไรก็ตาม ผมอยากให้แมทสบายใจ


“ทั้งคำพูดและการกระทำ ฉันว่ามันจำเป็นต้องไปควบคู่กัน  พูดแล้วแกควรทำด้วย หรือไม่ใช่ว่าทำอย่างเดียว แต่ไม่ยอมพูดอะไร…” ไอ้เบนมองผมนิ่งๆ สักพัก ก่อนจะถอนหายใจ เอนตัวพิงพนักโซฟาไว้


“…นี่ฉันก็บอกตัวเองด้วยนะ ใช่ว่าบอกแต่แก” ผมยิ้มกว้างอย่างขบขัน ไอ้เบนยักไหล่เล็กน้อย ผมไม่ค่อยรู้เรื่องมันหรอก มันบอกว่ายังไม่อยากพูดมาก รอให้เป็นแฟนกันก่อนค่อยบอกอีกที


“ยากมั้ยวะ กับการคบผู้ชายด้วยกัน คือฉันก็รู้นะว่ามันคงไม่ได้ต่างอะไรจากผู้หญิงกับผู้ชาย แต่เผื่อแกจะมีทริคดีๆ แนะนำกันบ้าง” ไอ้เบนเบ้ปากนิดหน่อย ยักคิ้วขึ้นเร็วๆ หนึ่งที แล้วตอบเสียงสบายๆ


“ไม่มีทริคอะไรดีที่สุดสำหรับความรักหรอก ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม แค่แกยอมรับความรู้สึกของแกว่ารักเขาก็พอแล้ว”


“ฉันรักแมท”


“ก็แค่นั่นแหละ จะทำให้มันยากทำไม รักคือรักอ่ะ” ผมยิ้มบาง ตอนนี้รู้สึกอยากให้เอเลี่ยนน้อยส่งยิ้มมาให้จัง ไปกวนเขาจนตื่นดีมั้ยนะ เวลาเขางอแงเพราะงัวเงียง่วงนอน หน้าตาน่ารักจะตาย


“แมทรักแกมากนะ แมทเป็นคนยิ้มเก่ง หัวเราะเก่ง แต่แกรู้มั้ยว่าเวลาที่คนแบบนี้ร้องไห้ เขาจะน่าสงสารยิ่งกว่าคนประเภทไหนๆ เลยละ” ไม่ต้องบอกผมก็รู้ เคยเห็นมาแล้วตอนที่เกิดเรื่องครั้งก่อน แมทร้องไห้จนตาแดง หน้าแดง น้ำตานองหน้า มองหน้าผมอย่างตัดพ้อ มองด้วยความผิดหวังกับผมอย่างรุนแรง


“อย่าทำให้แมทจากแกไปอีกครั้ง เพราะพฤติกรรมไม่ดีของแกเอง”


“ไม่เอา ฉันไม่ให้แมทไปไหนอีกแล้ว” ผมตอบกลับทันควัน จู่ๆ ใจก็กระตุกด้วยจังหวะประหลาดหนึ่งที แค่คิดว่าจะต้องห่างแมทแบบที่ผ่านมาอีกครั้ง ความเหงา ความโดดเดี่ยวก็พุ่งมาประชิดขอบชีวิตผมทันที


แกร๊ก~


“Giant…” เสียงเล็กๆ นุ่มๆ ดังมาจากประตูห้อง พร้อมกับร่างจ้อยหน้าตาง่วงๆ เดินดุ๊กดิ๊กๆ ออกมาจากห้องนอน ผมยิ้มเมื่อเห็นเขาเอาผ้านวมมาคลุมตัวมิด เห็นแต่หน้าตาน่ารักน่ามองในสายตาผมคนเดียวนั่น  เขาเดินผ่านไอ้เบนมาแบบที่ไม่ได้หันไปมองเลยด้วยซ้ำ ผมวางกระป๋องโค้กลงบนโต๊ะ อ้าแขนรับเขาให้มานั่งบนตักผม ใช้สองแขนโอบรอบร่างเขาไว้ ก้มลงไปหอมแก้มป่องน้อยๆ นั่น เปลือกตาเขาขยับขึ้นลงอย่างคนง่วงนอน เห็นแล้วคันเขี้ยวอยากเคี้ยวร่างเขาอีกสักรอบ


“กินมั้ย” ผมแหวกถุงขนมให้เขาดู เอเลี่ยนน้อยยื่นหน้าไปดูแบบเบลอๆ ถามผมเสียงงึมงำว่ามันคืออะไรทั้งที่ยังชะโงกหน้ามองถุงขนมที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างตั้งใจ


“ช็อคโกแล็ตที่ออสตินซื้อมาให้” เขาหันมามองหน้าเอ๋อแต่ก็พยักหน้ารับ ผมเลยหยิบช็อคโกแล็ตกล่องสีแดงที่อ่านว่า POCKY ขึ้นมาให้เขา เด็กน้อยของผมปล่อยมือที่จับผ้านวมไว้เพื่อมารับกล่องขนม ผ้านวมเลยร่วงลงเผยผิวเนียนๆ ลื่นๆ ที่ไหล่สองข้าง ผมรีบดึงขึ้นพร้อมกับโวยวายสีหน้าดุนิดๆ


“ระวังตัวหน่อย” เขาหันมามองผมหน้าตาขมุกขมัว มือก็แกะกล่องขนมไปด้วย


“ทำไมต้องดุด้วย อยู่กันแค่สองคนเอง” ผมแอบเห็นไอ้เบนกลั้นเสียงหัวเราะ ไอ้ตัวจ้อยนี่ก็ซื่อ ไม่สังเกตอะไรเลยสักนิด นี่ถ้าโดนใครดักฉุดไป กว่าจะรู้ตัวก็คงตอนที่ถึงโกดังร้างแล้วมั้ง


“ถ้าสองคนฉันให้นายนั่งแก้ผ้าไปแล้ว” สีหน้าเขาเหลอหลาขึ้นมา แล้วความที่เขาแค่ซื่อแต่ไม่ได้โง่ เขาเลยหันไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะตกใจโวยวาย แต่เขากลับตะโกนด้วยเสียงตื่นเต้น


“Benedict!!!” เขาลุกพรวดจนโป๊ไปครึ่งตัว แถมยังทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาไอ้เบนทั้งที่ผ้านวมยังกองอยู่บนตักผมอีก ดีที่ผมยกแขนขวาคล้องเอวเขาไว้ทัน 


“ไง” ไอ้เบนเอ่ยทักเสียงหล่อพร้อมกับส่งยิ้ง แมทคงลืมตัวไปแล้วว่ากำลังโป๊อยู่ครึ่งตัว เพราะเขาพยายามแกะแขนผมออก และวิ่งไปหาไอ้หัวน้ำตาลทองเพื่อนผม


“แมท! อยู่นิ่งๆ ไม่เห็นรึไงว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่” ผมดุเขา แมททำหน้าเหลอหลาอีกรอบ ก่อนจะทำหน้านึกขึ้นได้ เลยดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมตัวไว้อีกรอบ พอผมคลายอ้อมแขนขวารอบเอวเขา ไอ้ตัวดีก็วิ่งเข้าไปหาเบนเนดิคท์ด้วยท่าทางระริกระรี้ ไอ้เบนยื่นขึ้นและอ้าแขนรับตัวน้อยๆ เตี้ยๆ ของแมทเข้าไปไว้ในอ้อมกอด เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากแมท จนผมเริ่มรู้สึกหน้าตึง


ไม่ได้เลย กับผู้ชายมีรอยสักนี่ไม่ได้เลย พลังงานความสดชื่นจะเพิ่มเป็นพิเศษ สงสัยผมต้องไปสักบ้างแล้วมั้ง เห็นว่าที่เมืองไทยดังเรื่องยันต์ห้าแถวใช่มั้ย อยู่แถวไหนกัน


TBC.  :hao7:


พี่ยักษ์มาแล้ววว สำหรับพาร์ท Only You อย่างที่บอกไปว่า จะได้อ่านมุมมองของพี่แกเยอะขึ้นค่ะ แต่มุมมองของวิคเตอร์ในพาร์ทสอง ก็อยู่แค่พาร์ทนี้ ไม่มีย้อนไปพาร์ทแรกแล้ว สำหรับพาร์ทแรกก็อยู่ในรวมเล่ม ใครที่ไม่ซื้อหนังสือตอมก็ขอบอกอีกครั้งและแทบจะบอกทุกครั้งว่า ไม่ต้องวอร์รี่ค่ะ ไม่อ่านก็ยังรู้เรื่องตามปกติ แค่ไม่ได้เจาะลึกพี่ยักษ์แกเท่านั้นเอง ไม่เอาดราม่าละเนาะ โน้โนนะคะ (คนอ่านเล้าเป็ดบางท่านอาจไม่รู้ พอดีเคยมีดราม่าเรื่องตอนพิเศษในเล่มค่ะ แต่ตอนนี้เคลียร์จบไปแล้วจ้า) ส่วนใครที่ซื้อไปก็ไปล้วงลึกความคิดพี่แกในภาคแรกเอาน้อ ล้วงแค่ความคิดนะคะ ล้วงเป้านั้นสิทธิของแมทคนเดียว  :hao6: (อยากล้วงบ้าง)

ขออนุญาตพูดถึงคอมเม้นต์ที่ว่าน้องแมทเลือดออกเสี่ยงต่อการติดโรค ตรงนี้ตอมก็คิดไว้จ้า เดี๋ยวในเนื้อเรื่องก็จะมีแทรกๆ อยู่เน้อ แต่อาจไม่ใช่ถึงขั้นวงการแพทย์เนาะ 5555 ยังไงก็ขอบคุณมากเลยค่าที่ทักเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้ตอมต้องหาข้อมูลเพิ่มขึ้นอีกนิดเพื่อความสมบูรณ์ (หรอ 55555)

ขอบคุณคนอ่านที่เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ ดีใจที่มีคนอ่านหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา และขอบคุณคนอ่านผู้เก่าแก่ (เปล่าด่าว่าแก่นะ 5555) ที่คอยติดตามกันเสมอมาค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ อยู่ด้วยกันไปจนจบเลยเน้อ ตอนนี้กลัวหน้าสารบัญไม่พอมาก จะทำสารบัญได้ครบสามซีซั่นมั้ย -..- เยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 16-08-2015 01:02:06
โชคดีจังมาเช็คก่อนนอน เลยได้อ่านสนุกๆ ฝันดีแน่เลย
ที่จริงน่าจะไปหาหมอตรวจโรคทั้งคู่ แมทนะไม่เท่าไรหรอก แต่ตายักษ์นีโชกโชนน่าดู
รออ่านว่าตายักษ์จะปรับตัวกับรักครั้งนี้อย่างไรจ้า
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-08-2015 01:36:31
มาอัพเเล้ววว
555 ต่อไปคงไปสักจนพร้อยเเน่เลย เอาใจหนูเอเลี่ยน
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-08-2015 02:00:23
หลังๆมานี้ยักษ์ใหญ่มีพลังความน่ารักขึ้นมากเลย ท่าจะรักจะหลงแมทน่าดู
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 16-08-2015 03:18:17
ชอบเรื่องนี้จัง
แต่อ่านตอนแรก ๆ เกลียดนิสัยของยักษ์มาก แอบรำคาญเล็ก ๆ ด้วย
แต่อ่านไป อ่านไป โธ่......เป็นยักษ์มีปมนี้เอง แถมปมใหญ่โตโอฬารอีกต่างหาก ฮิฮิ
สรุปน่ารักมากๆ เลย. ความรักมันดีอย่างนี้นี่เองงงงงง
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 16-08-2015 09:17:55
อ้างถึง
ไม่ได้เลย กับผู้ชายมีรอยสักนี่ไม่ได้เลย พลังงานความสดชื่นจะเพิ่มเป็นพิเศษ สงสัยผมต้องไปสักบ้างแล้วมั้ง เห็นว่าที่เมืองไทยดังเรื่องยันต์ห้าแถวใช่มั้ย อยู่แถวไหนกัน


 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:  ขำนานมาก 55555555555555555555555 เอ็นดูยักษ์จริงจัง อร๊ายย 555555555555555555555  แล้วทำไมต้องห้าแถว โอ๊ยยย 555555555555555
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 16-08-2015 23:39:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 16-08-2015 23:44:28
รอดูพี่ยักษ์สักยันต์ห้าแถวคะ สงสัยจะฟันไม่เข้า 55555
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 17-08-2015 20:25:40
พี่วิครีบไปสักด่วนเลย น้องแมทจะได้รักจะได้หลงไปไหนไม่รอด แต่ไม่เอายันต์ห้าแถวนะ 55555
ปกติอ่านในเด็กดี ย้ายมาอ่านในเล้าดีกว่าจะได้ไท่ต้องเปิดหลายหน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-08-2015 20:44:44
 :jul1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 18-08-2015 02:40:42
พี่วิคค่ะ กลัวเมียเด็กไม่รักไง ขี้หึงสุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 18-08-2015 21:56:11
ตามอ่านทันแล้ววววว
ชอบบบบบบเอเลี่ยนน้อยของพี่ยักษ์
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-08-2015 22:22:25
แบบนี้ พี่ยักษ์ต้องรีบโทรนัดคิวอาจารย์หนู ด่วนเลยนะ 55555
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 18-08-2015 23:22:00
เย้ ตามทันแล้ววว เนื่องจากมีน้องส่งลิ้งมาให้พร้อมย้ำนักหนาว่าสนุกมากๆอินี่น่าจะชอบ ตามอ่านตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ตอนแรกๆนี่อยากประเคนเข่าให้อิตายักษ์เหลือเกิน คนอะไรอารมณ์แปรปวนมากยังกะไบโพล่า -*-  :z6: :beat: :z6:
หลังจากนั้น หื่นมากกกกกค่ะ ชอบเหลือเกิน   :haun4: :haun4: :haun4:


แต่พอตอนท้ายตอนแรก ทำเอาอินี่ร้องไห้เป็นเผาเผ่าเลยค่ะ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

รอตอนต่อไปนะคะ ส่วนหนังสือซื้อแน่ๆค่ะ  :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.7 50%} 16.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 20-08-2015 01:26:03
โหยพี่จะสักห้าแถวเลยเหรอ เริ่มจากเล็กๆก็ได้นะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-08-2015 23:59:40

EPISDOE 7 [100%]



“ไม่คิดว่าคุณจะมาด้วย” แมทแหงนหน้ามองไอ้เบนทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ไอ้เบนก็กอดไม่ปล่อย ยัง ยังไม่รู้ตัวกันอีก



“เซอร์ไพรส์ไง!” ไอ้เบนยิ้มกว้าง  แขนก็ยังไม่ยอมคลายออกจากตัวแมท ส่วนไอ้ตัวดีก็ปล่อยให้เขากอดอยู่นั่นแหละ



“แล้วคุณมาแค่คนเดียวเหรอ” แมททำเสียงใส เอียงหน้าเอียงคอมองไอ้เบน หน้าตาคงบ้องแบ๊วตาแป๋วน่าดู รู้สึกถึงแรงกระตุกที่คิ้วตุบๆ ในอกนี่ร้อนรุ่มอยากจับเอเลี่ยนมาเหวี่ยงๆ แล้วทุ่มลงพื้นสักที (อันนี้คือรักนะ)



“ไอ้อันเดรนอนอยู่ห้องข้างๆ นี่เอง”



“ว้าว คุณอันเดรมาดะ…”



“เอเลี่ยน” ผมเรียกเสียงกดต่ำ แมทหันมามองผมด้วยใบหน้าใสซื่อ มองกลับมาด้วยสีหน้าประมาณว่า อะไรเหรอ ผมมองหน้านิ่ง ทำตาดุ แมทเหมือนจะเริ่มรู้ตัว หน้าเขาเริ่มเจื่อน ก่อนจะค่อยๆ กระเถิบออกจากอ้อมกอดของไอ้เบน ไอ้เจ้าของอ้อมกอดหัวเราะเยาะเย้ยผมเล็กน้อย ผมก็ได้แค่ถลึงตาใส่มัน เอเลี่ยนตัวจ้อยเดินตัวพองเพราะผ้านวมกลับมานั่งตักผม ผมยกเขาให้ขึ้นมานั่งเต็มๆ ก้น ใช้สองแขนโอบรัดร่างเขาไว้แน่น แมทคงรู้ว่าผมกำลังโกรธ เลยซบหน้าลงบนอกผม ผมก้มลงมอง ก็เห็นเขาแอบเหลือบตาขึ้นมามองอยู่ก่อนแล้ว แต่พอเห็นว่าผมยังทำตาดุหน้าขรึมใส่ เขาเลยกดหน้าซุกลงบนอกผมตามเดิม ผมแอบยิ้มมุมปากที่เห็นท่าทีจ๋อยๆ ของเขา



“หวงขนาดนี้ ก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่แกกังวลอยู่แล้วละ” ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้เบนที่นั่งลงบนโซฟาพลางส่งยิ้มและยักคิ้วซ้ายมาให้ ผมยิ้มเบ้ปากและยักคิ้วขวากลับไปให้มัน



“แล้วแกคิดได้รึยังว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง” ผมถามมันพลางปล่อยให้แมทจับมือซ้ายผมเล่น เขาตีบนหลังมือผมเบาๆ เหมือนเวลาเด็กตัวเล็กๆ ตีมือพ่อเล่นอะไรแบบนั้น



“ช่วงนี้ที่ไทยฝนตกบ่อย คงต้องคิด…”



“…หยิบป๊อกกี้ให้หน่อยสิ” เสียงกระซิบเล็กๆ ดังอยู่ใต้คาง จากที่กำลังฟังไอ้เบน ผมก็ก้มลงมองตาแป๋วของแมทและรอยยิ้มน่ารัก ผมยิ้มตอบเขากลับไป เงยหน้ามองหาขนมที่เขาว่า เอื้อมมือขวาไปหยิบมาส่งให้เขา เอเลี่ยนน้อยรับไปไว้ในมือ ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมแล้วกลับไปซุกอกผมตามเดิม ผมยิ้มถูกใจ กระชับแขนขวารอบแผ่นหลังเขาแน่นขึ้นอีกนิด



“นี่แกได้ฟังฉันบ้างรึเปล่าไอ้วิคเตอร์” ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้เบนที่เลิกคิ้วขึ้นมองผมกับแมทด้วยสายตาคล้ายว่าจะหน่ายใจอยู่เล็กน้อย



“ก็ฟังอยู่ แกก็พูดมาสิ”



“งั้นเมื่อกี้นี้ฉันบอกว่าจะไปที่ไหนบ้าง” ผมเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น ทำหน้าตามึนใส่มัน ไอ้เบนทำหน้าประมาณว่า มึงนี่นะ



“เดี๋ยวค่อยคุยก็แล้วกัน แกสวีตกันไปก่อนเถอะ เออ แมท เป็นไกด์ให้พวกฉันด้วยนะ”



“ได้ครับ เดี๋ยวผมพาเที่ยว” คนในอ้อมอกผมส่งเสียงใสพร้อมยิ้มแก้มอูม เพราะปากยังเคี้ยวขนมแจ๊บๆ เบนเนดิคท์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของมัน



“เริ่มเย็นนี้เลยได้มั้ย หาร้านสำหรับดินเนอร์ไว้ให้หน่อยสิ”



“เย็นนี้พวกแกพึ่งตัวเองกันไปก่อน เดี๋ยวฉันต้องพาแมทกลับบ้าน” ไอ้เบนทำหน้าเซ็ง ผมก้มลงมองแมทที่ทำจะอ้าปากพูดด้วยสายตาปราม เขาต้องกำลังจะเสนอตัวพาไอ้พวกนี้ไปทานอาหารตามประสาแม่พระมีน้ำใจแน่ๆ แมทหดคอลง เอาแก้มซ้ายแนบไปกับอกผมตามเดิม



“เออๆ เดี๋ยวฉันกับไอ้อันเดรไปหากินกันเองก็ได้วะ” ไอ้เบนทำหน้าหมั่นไส้ใส่ผมที่ยิ้มเหนือกว่าพร้อมยักคิ้วไปให้สองที มันหมุนตัวเดินไปเปิดประตูและออกไปพร้อมกับปิดประตูตามหลังเบาๆ



“คุณไม่ต้องพาผมไปก็ได้นะ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่…”



“…ฉันจะปล่อยให้แฟนฉันไปกับคนอื่นได้ไง” แมทเงียบไป หน้าใสๆ ของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะความเขิน เห็นแล้วเหมือนเด็กตัวเล็กๆ แดงๆ จนผมอดยิ้มไม่ได้



“ฉันกะจะไปหาพ่อกับแม่นายด้วย” แมทเด้งตัวขึ้นมานั่งตัวตรง เขาเบิกตากว้างมองอย่างตกอกตกใจ นี่ถ้าผมไม่คอยเอาแขนรั้งรอบเอวเขาไว้ เขาหงายหลังลงพื้นแน่



“ไปหาทำไมเหรอ”



“ขอนายไปอยู่กับฉันที่นิวยอร์กในฐานะแฟนฉันไง” สีหน้าแมทอย่างกับคนสิ้นสติไปแล้ว ผมยิ้มกว้าง หัวเราะเสียงแผ่ว สีหน้าแมทคืนสติ หันมาพูดกับผมลิ้นแทบพันกัน



“คุณไปหาพวกเขาได้ แต่ว่าอย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ได้มั้ยว่าเราเป็นแฟนกัน” ผมที่กำลังยิ้มกว้างขบขันเพราะหน้าตาตลกๆ ของแมทถึงกับหุบยิ้มทันที สองมือยกขึ้นมาบีบแขนเขาไว้แน่นจนแมทนิ่วหน้า แต่ผมไม่ได้สนใจ ตอนนี้ผมกำลังไม่พอใจ



“ทำไม ไม่อยากให้ใครรู้รึไงว่าคบกับฉัน” ผมทำเสียงเย็น



“เปล่า! ฟังก่อนสิ ทำไมต้องใช้อารมณ์ก่อนอยู่เรื่อยเลย” เขาแบะปากจะร้องไห้ ผมเลยค่อยๆ คลายมือที่บีบไหล่เขาผ่านผ้านวมออก ยกตัวเขาออกจากตัก ดึงผ้าออกจากตัวเขาจนเห็นร่างเปลือยเปล่าเนื้อแน่นของแมท ดึงเขาลงมานั่งคร่อมผมทั้งที่เขายังงงๆ อยู่ ยกแขนโอบรอบเอวเขาไว้แน่น แมทยกสองแขนขึ้นมาคล้องผมไว้ ผมก้มลงไปไซ้คอเขาแรงๆ แมทแหงนหน้าขึ้นเพื่อให้ผมไซ้ได้สะดวก



“ทำไมถึงไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้” ผมถามเขาพลางกัดเนื้อแน่นๆ ที่ซอกคอเขาจนเขาครางออกมาเสียงแผ่ว



“คะ… คือ… อะ… วิคเตอร์ อย่าเพิ่ง…” เขาเลื่อนมือมาจับหน้าผมและดึงออกจากซอกคอ ผมหายใจเสียงหนัก สบตาเขานิ่งสนิท แมทก้มลงมาจูบริมฝีปากผมหนึ่งทีแล้วผละหน้าตัวเองออก



“พ่อกับแม่ผมรับรู้ว่าผมเป็นยังไง แต่เขายังรับไม่ได้เต็มร้อย ผมอยากเรียนให้จบมีงานทำ แบบที่ว่าผมดูแลตัวเองได้ ให้เขาเห็นว่าถึงผมจะเป็นเพศไหน แต่ผมก็ทำอะไรดีๆ ให้กับชีวิตได้โดยที่เขาไม่ต้องเป็นห่วง” เขามองผมด้วยสายตาขอร้องผสมกับสีหน้าอ้อน ผมยังคงสบตาเขานิ่ง กำลังประมวลความคิดกับประโยคของเขา



“แล้วนายจะบอกว่าฉันเป็นใคร”



“บอกว่าคุณเป็นเจ้านายไปก่อนได้มั้ย นะครับ นะ” เขาลูบมือขวาไปตามแก้มผมเบาๆ โน้มหน้ามาหอมหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน หึ พอรู้จุดนี่เอาใหญ่เลย



“นายก็บอกไปสิว่ามีฉันเป็นแฟนไม่อดตายแน่นอน อยู่บ้านนอนเฉยๆ ก็ชีวิตดีแล้ว”



“โธ่ วิคเตอร์ วันนึงผมต้องบอกเรื่องของเราให้เขารับรู้อยู่แล้ว แต่แบบนี้มันปุบปับไปนะ” เขาทำสีหน้าลำบากใจ คงเพราะเห็นผมยังคงทำหน้านิ่งไม่ยิ้มแย้ม แต่จริงๆ ผมกำลังกลั้นยิ้มแกล้งเขาไปงั้นแหละ



“ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ฉันจะบอกว่าฉันเป็นเจ้านายของนาย” แมทเบิกตากว้างขึ้นนิดหน่อย แก้มอูมๆ ของเขาแดงปลั่ง คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร ผมเลื่อนมือขวาเขามาจับของแข็งที่อยู่ใต้กางเกง ตอนแรกแมทก็เหมือนจะดึงมือออก แต่สักพักเขาก็จับๆ บีบๆ จนผมต้องกัดฟันแน่น



“ทำให้พอใจแบบอื่นได้มั้ย” ผมยิ้มกริ่ม ก้มหน้าลงไปหอมแก้มเขา



“แบบอื่น ทั้งที่นายจับมันเต็มมือเลยเนี่ยนะ” หน้าเขายิ่งแดงเข้าไปอีก ผมก็เลยต้องก้มลงไปหอมแก้มเขาอีกข้าง แมทไม่พูดอะไรต่อ แต่ลุกขึ้นยืนช้าๆ สองมือเลื่อนลงมาจับขอบกางเกง ผมยกก้นขึ้นเพื่อให้เขาดึงกางเกงลงได้สะดวก ยักษ์น้อยดีดตัวตรงพร้อมออกรบ ผมยกก้นขึ้นให้แมทดึงกางเกงออกไปกองรวมกับผ้านวม เขาเดินกลับเข้ามายืนคร่อมตักผมไว้ ยื่นนิ้วไปแตะน้ำลายในปากไปทาด้านหลังของตัวเอง ผมมองท่าทางของเขาอย่างหลงใหล ท่าแลบลิ้นเอานิ้วแตะน้ำลายดูยั่วมาก ท่าทางที่เอานิ้วลอดหว่างขาตัวเองไปด้านหลังก็ช่างน่ามอง ผมกัดริมฝีปากล่าง ยื่นหน้าไปดูดเลียลิ้นเขาหนึ่งที เลื่อนหน้าลงไปไซ้คอเขาเมามันส์ แมทยื่นมือขวามาจับส่วนกลางลำตัวผมหลังจากที่ใช้น้ำลายเบิกทางให้ตัวเองจนชุ่ม ค่อยๆ หย่อนก้นลงมารับส่วนหัวผมเข้าไปด้านในตัวเขา



“อึ่…” แมทกัดริมฝีปากล่างแน่น ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดยามที่ส่วนหัวผมเริ่มรุกล้ำปากทางเข้าของเขา ผมยื่นหน้าไปดูดเม้มหัวนมขวาของเขา แมทซี๊ดปากดังไปทั่วห้อง ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งแก่นกายผมถูกกลีบเนื้อของเขากลืนกินเข้าไปจนหมด



“อือ… ตอดดีมาก…” ผมหลับตาแน่นพร้อมกับกลืนน้ำลาย ความเสียวตุบๆ แล่นไปทั่วเส้นเอ็น ด้านในของแมทกำลังปรับสภาพรับกับความใหญ่ยาวของผม เนื้อด้านในเขาตอดรับตุบๆ จนผมแทบจะกระตุกแตกมันตอนนี้ สองมือผมลูบไปทั่วผิวลื่นๆ เนียนๆ แน่นๆ ของเอเลี่ยนน้อย



“แล้วเมื่อกี้คุณเบนบอกว่า… โอ๊ย… คุณกังวล… อืม… กังวลอะไรเหรอ…” แมทหลับตาแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวพาเสียวซ่าน แหงนหน้าขึ้นจนผมต้องก้มลงไปดูดคอเขาแรงๆ หนึ่งที



“กังวลว่านายจะแอบมีชู้” ผมบอกพลางเลียตรงกึ่งกลางคอเขา ลากลิ้นผ่านลูกกระเดือกไปจนถึงใต้คาง แมทก้มหน้าลงมาสบตากับผม แววตาเขาเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์ เห็นแล้วผมก็โคตรมีอารมณ์



“ผมไม่มีหรอก… คุณต่างหาก… อ๊า!” แมทกรีดร้องสะดุ้งเฮือกตอนที่ผมจับเอวเขาไว้แน่นและกระแทกเข้าไปแรงๆ หนึ่งที แช่คาไว้ข้างในจนมิดด้ามสักพักให้เขารู้สึกอึดอัดเล่นๆ



“โทษฐานที่มากล่าวหาฉัน…” ผมบอกเสียงแหบพร่า ก้มลงไปกัดยอดอกขวาเขา แมทห่อไหล่ขวาเข้ามาดันหน้าผมเบาๆ เหมือนเป็นการไล่



“ไม่มีจริงนะ” ผมรู้ว่าแมทเองก็กังวลในข้อนี้เหมือนกัน  ไม่แปลกใจหรอกถ้าเขาจะกังวล แต่ยังไงผมก็จะพยายามทำให้เขามั่นใจในตัวผมให้ได้



“มีแค่นายคนเดียวก็เสียวได้ทั้งชีวิตแล้ว… ปึก!!!” ผมกระแทกเข้าไปอีกรอบหลังจากแช่อยู่นาน แมทกรีดร้องออกมา สองมือยกมาขยุ้มเส้นผมของผมไว้แน่นราวกับหาที่ยึดเอาไว้



“ทะ… ทำไม… ไม่พูด… โอย… ซี๊ดดด… พูดแบบว่าจะรักผมตลอดไป… อ๊ะ… อะไรแบบนี้… อูววว…” ผมยิ้มร้ายกาจเมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดของเขา แต่ผมก็ยังคงแกล้งเขาด้วยการไม่ขยับเอว



“แน่ใจเหรอว่าตอนนี้อยากได้ยินอะไรแบบนั้นจากฉัน” ผมถามเสียงแหบพร่า ใจจริงผมเองก็แทบทนไม่ไหวแล้ว รัดแน่นแนบเนื้อขนาดนั้น แต่ที่ฝืนไว้นี่เพราะอยากแกล้งเขาเนี่ยแหละ อีกอย่างผมอยากได้ยินเขาร้องขอบางอย่างเหมือนตอนอยู่ในห้องเซ็กส์ทอยด้วยกัน ผมยิ้มเจ้าเล่ห์รอเขาพูดในสิ่งที่เขาก็รู้ แมทกัดริมฝีปากล่างแน่น แล้วค่อยๆ ขยับปากเปล่งเสียงแผ่วๆ ฟังแล้วรู้สึกเซ็กซี่ออกมา



“Fuck me please. (เอาผมทีเถอะครับ)” เขากลืนน้ำลายลงคอ ดวงตาเขามองผมอย่างยั่วยวน ริมฝีปากที่เผยอขึ้นทำให้ผมอดใจไม่ไหวที่จะก้มลงไปดูดปากเขาแรงๆ ส่งลิ้นไปกวาดรอบโพรงปากเขาอย่างมูมมามจนน้ำลายเลอะรอบปากแมทไปหมด ผมแสยะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเขาเหมือนจะไม่ไหวแล้ว สองมือผมเลื่อนไปโอบอุ้มแก้มก้นแน่นๆ ทั้งสองข้างของเขา ลุกขึ้นยืนอย่างเร็วจนแมทซี๊ดปากตอนที่โดนส่วนหัวผมกระแทกโดนจุดเสียว สองแขนแมทเกี่ยวคอผมไว้แน่น สองขาก็เกี่ยวรอบเอวผมไว้ไม่ยอมร่วง



“As you wish, baby. (ตามที่ต้องการเลย ที่รัก)” แมทยื่นหน้ามาจูบผมอย่างดูดดื่มเหมือนเป็นการขอบคุณ ผมก้าวเท้าเดินกลับไปที่ห้องนอนโดยมีลิงเอเลี่ยนเกาะแน่น ก่อนไปหาพ่อตาแม่ยาย สงสัยต้องฟิตเตรียมความพร้อมกันสักยก ส่วนที่ผมกำลังกังวลเรื่องกลัวใจตัวเอง ผมว่าถ้าเอเลี่ยนน้อยของผมเพิ่มดีกรีการยั่วอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมคงไม่คิดถึงใครคนอื่นหรือคิดจะไปมีอะไรกับใครอีกแล้วละ



ก็แฟนผมทั้งน่ารัก น่าเอาขนาดนี้ ผมจะมีใครอีกทำไม มีเอเลี่ยนตัวจ้อยคนเดียวก็มีความสุขดีแล้ว



“Way to go—giant-baby! (อย่างนั้นแหละยักษ์ที่รัก)”



นี่ไง เสียงครางหวานๆ และรู้จักมีลูกเล่นในการอ้อนแบบนี้ ก็ทำให้ผมพอที่จะลดความกังวลใจของตัวเองได้เยอะเลยละ อืม!!


 :haun4:

ช่วงนี้ NC อาจจะถี่หน่อยนะคะ แต่ตอมพยายามจะเขียนให้มันมีอะไรในซีนนั้นๆ ซึ่งไม่รู้คนอ่าจะเก็ทไปกับตอมหรือเปล่า กลัวเขียนมั่วซั่วไม่รู้เรื่อง จนคนอ่านคิดว่า ก็ฉากเอากันทั่วๆ ไปดีๆ นี่เอง =3= ตอมก็ไม่กล้าการีนตีว่า เอ้ย มันคือ NC ที่ดีนะ มันคือ NC ที่แปลกใหม่ ตอมเองก็คิดว่า มันก็เอากันนั่นละ แต่ก็พยายามให้มันเอากันแบบมีกิมมิค 55555 ถ้าใครเบื่อ ยังไงข้ามฉากอย่างว่าได้นะคะ  ต้องบอกก่อนว่า ช่วงที่อยู่ด้วยกันที่ไทย มันอาจจะมีถี่ๆ หน่อย ยังไงลองติดตามดูเนอะ ว่ามันถี่ มันถี่ซ้ำๆ หรือมีสีสันอะไรแทรกแทรงบ้างหรือเปล่า บอกก่อนเนาะ จะได้ไม่เฟลกัน จริงๆ แจ้งในเพจไปแล้วว่าฉาก NC อาจจะมีเยอะหน่อยช่วงนี้ แต่ก็พยายามที่เขียนให้เป็นเอ็นซีที่ไม่ใช่เอ็นซีเอื่อยๆ หรือซ้ำซาก หรือจับกดกันท่าเดียว (พยายามจะใส่หลายๆ ท่า  :hao7:) สำหรับพี่ยักษ์ เขาจะออกฉากไหน ตอนไหนบ้าง ต้องเกาะติดไว้ดีๆ ค่ะ อย่างที่บอกภาคนี้เขาจะออกบ่อย เพราะเขาคบกันแล้ว ความคิดของเขาต่อแมทในพาร์ท Only You มันก็ชัดขึ้นตามลำดับเนาะ

ขอบคุณคนอ่านที่เล้าเป็ดทุกๆ คนมากเลยค่าสำหรับการติดตาม ขอบคุณมากนะคะ กดบวกหนึ่งให้ตลอดเลย มันมีวันหมดมั้ยอะไอ้กดบวกเป็ดอะ 555 ชอบอะ สนุกกดี   :hao3:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 21-08-2015 00:23:53
โอย หลังจากรอมานานมาก(เว่อร์และ)
ในที่สุดก็มาสักที รู้สึกว่าตอนมันสั้นๆมั้ยนะ เอ๊ะหรือคิดไปเอง ฮา
ไม่ไหวแล้วคู่นี้บทจะรักกันก็ปานจะกลืนกิน
อย่าเยอะๆคนแอบส่องเขินนะเออ (=^・^=)

รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ นู๋แมทสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 21-08-2015 00:24:13
คู่นี้เค้าจะมีแรงเหลือไปเจอพ่อตาแม่ยายไหมนี้

ต้องหาของโด๊ปก่อนไปไม่งั้นคงได้ลากขาเดิน :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 21-08-2015 00:48:58
ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 21-08-2015 01:03:20
กว่าจะเจอพ่อตาแม่ยายสะบักสะบอมหมดพอดี
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-08-2015 01:22:30
ออกไม่พ้นห้องนี้สักทีเนอะ แลดูสั้นจัง
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 21-08-2015 01:49:13
นั่นสินะ!!!!! กลัวใจวิคเตอร์เหมือนกัน  ถึงตอนนี้จะหลงเมียหัวปรักหัวปรำก็เถอะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 21-08-2015 06:39:11
นุ้งแมทน่ารักไปแล้ววว เขิน
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 21-08-2015 07:20:21
คนอาานเลือดจะหมดตัวละ อย่าให้วิคผิดสัญญาตัวเองเลยเถ๊อะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-08-2015 11:29:39
เราชอบนะ ที่ NC มันมีอะไรระหว่างกันมันไม่ใช่แค่ มีเซ็กซ์ แต่ทำรักอ่ะ แน่นอนว่ารุนแรงตามประสาอิยักษ์
แต่อิตาคนนี้มันปมเยอะ ชอบทำมากกว่าพูด
ก็ให้ทำไปพูดไปแหละ จะให้มาหวานบอกรักมันก็ไม่ใช่ยักษ์แฮะ
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 23-08-2015 10:21:38
งานนี้แมทไม่ฟ้าเหลือง ก็คางเหลืองล่ะน่ะ
พี่วิคก็หื่นเกินเด๋วแมทมันก็ช้ำในพอดี เบาๆหน่อยพี่
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 23-08-2015 10:45:52
เขียนมาแบบนี้คนอ่านก็ฟินซิจ๊ะ
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 23-08-2015 12:42:44
สนุกมากกกก  อ่านเพลิน ไม่มีสะดุด เขียนดีจังคะ ฉากดราม่าก็เล่นเอาร้องไห้ตามแมทน้อยเลย
หัวข้อ: Re: Love, no boundaries ||Only You|| {EP.7 100%} 20.08.58
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 23-08-2015 23:34:02
โอ้โห  ตามอ่านนานมากกก  5555 

คบกันแล้ว ก็ต้องคิดกันถึงกันให้มากขึ้นนะ  อย่าเอาแต่อารมณ์ (  อารมณ์ไรหว่า 555)  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-08-2015 20:34:25

Only You EPISODE 8 :: Hello, Father and Mother-in-law. [50%]





   หลังจากแต่งตัวเสร็จในชุดเดิมที่ค่อนข้างยับ ผมก็มายืนกินช็อคโกแล็ตรอวิคเตอร์ที่กำลังแต่งตัว ผมมองถุงที่บรรจุช็อคโกแล็ตหลายสิบถุง นึกข้องใจว่าตัวเองจะกินหมดรึเปล่า ถ้ากินไปเรื่อยๆ เพลินๆ มันก็คงหมดล่ะมั้ง แล้วน้ำหนักก็จะขึ้นเรื่อยๆ เพลินๆ เช่นกัน ออสตินเล่นกวาดมาหมดเซเว่นแล้วมั้งเนี่ย แถมยังมีถุงท็อปซูเปอร์มาร์เก็ตอีก แต่ของฟรีจากแฟนหน้ายักษ์ของผมแบบนี้ ต้องกินให้หมดอย่าให้เสียกำลังใจคนซื้อให้
   

“วิคเตอร์ ทำไมคุณแต่งตัวนานจัง” ผมตะโกนถามเขาทั้งที่ปากยังเคี้ยวเค้กช็อคโกแล็ตหน้านิ่มสุดหอมหวานอร่อย ท่าทางอันนี้น่าจะเป็นของตลาดนัดแถวนี้นะ เพราะรสชาติคุ้นเคยปากมาก แง่มๆ
   

“ฉันไม่รู้จะใส่ชุดไหนไปดี” เขาตะโกนกลับออกมา ผมย่นคิ้วว่าทำไมเขาต้องเลือกชุดนานขนาดนั้น วางเค้กที่มีพลาสติกรองอยู่ลงบนโต๊ะ เดินเข้าไปในห้องนอน วิคเตอร์ที่ใส่แต่กางเกงใน Calvin Klein สีดำกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่เหนือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ยังไม่ได้รื้อออกมาจัด เดี๋ยวกลับมาต้องเคลียร์ของให้เขาบ้าง ไม่งั้นเขาคงปล่อยทิ้งไว้ตลอดสองอาทิตย์ที่อยู่ไทยนี่แหละ ไม่รู้ว่าตอนขามานี่ออสตินเป็นคนจัดกระเป๋าให้รึเปล่า ไม่น่ามั้ง หรือจะเป็นอันเดรียนานะ บู้!! ผมแอบบู้หน้าใส่ตัวเองที่วกไปคิดเรื่องเธออีกแล้ว ผมสะบัดหัวเบาๆ ไล่ความคิดมากของตัวเองออกไป
   

“เลือกเยอะทำไมครับ ก็แต่งตามปกติไง” เขายืดตัวขึ้นมาพร้อมเสื้อเชิ้ตเนื้อผ้าราคาแพงตัวหนึ่ง เขาเดินมาหาผมในสภาพกางเกงในตัวเดียว พร้อมกับยื่นเสื้อที่เลือกมาให้ผม ไม่ได้อยากจะคิดอะไรเลยนะ แต่นั่นขนาดว่ามันสงบลงแล้วนะ ยังตุง ตุ่ง ตุ๊งเลยแฮะ
   

“พ่อแม่นายชอบสีฟ้ารึเปล่า” เขาถามหน้าตาสบายๆ ผมรับเสื้อมามองงงๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยิ้มหล่อกลับมา
   

“แม่ชอบแน่ๆ แต่พ่อผมไม่แน่ใจ เห็นพ่อชอบซื้อของใช้สีแดงอยู่เรื่อย” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว หันไปมองกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ที่เปิดอ้าไว้
   

“ไม่มีอะไรที่เป็นสีแดงเลย พ่อนายจะไม่ถูกใจฉันรึเปล่าเนี่ย” จากตอนแรกที่ผมงง สงสัยว่าทำไมเขาถึงถามเรื่องสีที่พ่อกับแม่ชอบ ตอนนี้ผมยิ้มกึ่งเขินกึ่งขำ
   

“ใส่ตัวนี้ก็ได้ ใส่ตัวไหนก็หล่อทั้งนั้นแหละ” วิคเตอร์ยิ้มกว้าง เดินเข้ามาใกล้ผม ใช้สองมือจับแก้มผมไว้ ก้มลงมาจุ๊บปากผมหนึ่งที
   

“ต่อให้คนพูดว่าฉันหล่อเป็นล้านคน ก็สู้นายพูดคนเดียวไม่ได้” ผมยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกหงัก วิคเตอร์ย่นคิ้วนิดหนึ่ง ใช้สายตามองสำรวจหน้าผมอย่างกับกำลังหาสิ่งผิดปกติอะไรสักอย่าง ผมหน้าตาตื่นๆ กลัวว่าจะมีอะไรแปลกบนใบหน้าตัวเองหรือเปล่า
   

“กินยังไงให้ช็อคโกแล็ตเปื้อนปากเนี่ย…” ผมกำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่วิคเตอร์ก้มลงมาใช้ลิ้นเลียคราบช็อคโกแล็ตที่ติดอยู่ที่มุมปากทั้งสองข้าง ขนผมลุกซู่ตอนที่ลิ้นอุ่นๆ ของเขากวาดเลียแผ่วเบาแต่ย้ำๆ หลายที พอมุมขวาเสร็จก็ย้ายมาเลียมุมซ้ายให้แบบเดียวกัน ผมปล่อยให้เขาเลียช็อคโกแล็ตจนหมด รู้สึกว่าเส้นประสาทต่างๆ ตื่นตัวจนกลัวว่าอย่างอื่นจะตื่นด้วย
   

“หมดแล้ว” เขายิ้ม ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากล่างไปมา ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองลิ้นสีแดงสดไล้เลียริมฝีปากตัวเขาเองเกิดอาการรุมๆ ที่ตัวชอบกล รู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองออกอาการติดขัดเบาๆ สติคล้ายจะเบลอๆ ยิ่งเขากัดริมฝีปากล่างไว้แล้วฉีกยิ้มทั้งอย่างนั้น ผมยิ่งรู้สึกร้อนหนักกว่าเดิม เลยบ่ายเบี่ยงอารมณ์ตัวเองด้วยการทำเป็นดูเสื้อที่เขายื่นมาให้แทน
   

อยู่กับยักษ์ตนนี้ต้องรู้จักควบคุมสติให้เป็น ไม่งั้นเข้าทางมันแน่ๆ บางทีก็อยากแงะสมองว่าเวลาอยู่ด้วยกัน คิดเรื่องอื่นบ้างมั้ย แต่ก็ยังถือว่าไม่เป็นไร เพราะคงเป็นแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นแหละ อยู่ไปสักพักอาจจะเริ่มอยู่ตัว และเขาเองก็อาจจะเริ่มเบื่อไปเอง


 เหมือนจะคิดมาก แต่กับวิคเตอร์คิดไว้แต่เนิ่นๆ ก็ดีกว่า เตรียมใจ เผื่อใจไว้บ้าง ผมเองก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร บางทีผมก็ทำตัวไม่ถูก วางใจ วางความคิดตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่ามันควรจะเป็นแบบไหน
   

“ใส่ตัวนี้แหละครับ เสื้อผ้าไม่เกี่ยว ขอแค่คุณอย่าพูดอะไรพิเรนทร์ๆ ก็แล้วกัน พ่อผมจบสายอาชีพอาจจะไม่ถนัดภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ ส่วนแม่ผมเขาฟังภาษาอังกฤษออกบ้าง ถึงจะจบแค่มอหก แต่ใช่ว่าเขาจะฟังภาษาอังกฤษไม่ออกเลย คำไหนสะดุดหู เขาก็จำไปเปิดคำแปลได้นะ” ผมพูดดักทางไว้ก่อน วิคเตอร์ยิ่งชอบพูดประโยคสองแง่สองง่ามอยู่ด้วย อันที่จริงแม่ผมก็ใช่ว่าจะฟังภาษาอังกฤษได้ชัดเจนมาก เพราะแม่จบสายวิทย์คณิตมา จะเป๊ะเรื่องการคำนวณมากกว่า ภาษาอังกฤษได้เพียงพื้นฐานง่ายๆ เท่านั้น แต่ก็ต้องหลอกเขาว่าที่บ้านผมยังพอมีคนฟังเขาออกอยู่นะ เขาจะได้ระวังคำพูดมากขึ้น
   

“อ้าว ทำไมแม่นายไม่เรียนต่อล่ะ” เขาถามหน้าตาสงสัยในระหว่างที่ผมกำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เขา
   

“ตอนนั้นตากับยายมีปัญหาเรื่องเงินครับ แม่เลยเลือกหยุดเรียนมาช่วยทำงาน” เขาพยักหน้าว่าเข้าใจ ผมเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้ม รู้สึกดีที่อาการร้อนรุ่มจากการโดนเขาเลียมุมปากลดลงไปบ้างแล้ว
   

“แล้วตอนนี้พ่อกับแม่นายทำงานอะไรเหรอ” ผมกำลังพับแขนเสื้อด้านขวาให้ไปกองเป็นระเบียบอยู่ตรงข้อแขน
   

“เป็นพ่อค้ากับแม่ค้าครับ ที่บ้านผมเปิดร้านขายของ เอ่อ คล้ายๆ ซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ” เขามองผมตาใส สีหน้าคล้ายว่าตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนที่เขาจะขยับปากพูดหน้าซื่อๆ
   

“แล้วพวกเขาจะขายลูกชายเขาให้ฉันมั้ย ราคาสูงแค่ไหน ฉันก็สู้นะ” ผมที่กำลังพับแขนเสื้อด้านซ้ายให้ต้องเงยหน้าไปมองเขาแล้วยิ้มเบ้ปาก วิคเตอร์ฉีกยิ้มชวนให้ใจละลายกลับมาให้
   

“ถึงเขาขายให้ ลูกชายเขาก็ไม่ยอมไปกับคุณหรอก” วิคเตอร์ดึงผมไปปะทะกับแผ่นอกเขาเบาๆ ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ก้มลงมาจุ๊บปากผมหนักๆ หนึ่งที
   

“ไม่ยาก จับอ้าขากระแทกสักวันสองวันให้หมดแรง แล้วอุ้มกลับไปด้วยเลย” ผมยิ้มกว้าง ส่งเสียงหัวเราะคิกคักกับแนวความคิดทะลึ่งของเขา วิคเตอร์มองมสายตาเคลิ้มๆ
   

“โหดร้ายตลอด แต่ตอนนี้พ่อคนโหด ช่วยใส่กางเกงเถอะครับ จะได้ไปกันสักที” ผมเดินไปเลือกกางเกงยีนส์ให้เขาใส่สักตัว กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่เหนือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ สักพักก็คล้ายว่าจะหน้ามืด เพราะจู่ๆ หน้าผมก็คว่ำลงไปในกองเสื้อผ้าในกระเป๋า หน้ามืดเหรอ ไม่น่าใช่ แล้วเอ๊ะ อะไร อ๋อ รู้ละ
   

“วิคเตอร์!!!”
   

“ฮ่าๆๆๆ” ผมยกหัวตัวเองขึ้นจากกองเสื้อผ้า หันไปถลึงตาแยกเขี้ยว ไอ้คนขี้แกล้งยืนหัวเราะอ้าปากกว้าง ผมเลยหยิบเสื้อยืดตัวหนึ่งขึ้นมาแล้วปาใส่หน้าเขา อีกฝ่ายดึงเสื้อออกจากหน้า โยนไปที่เตียง ยืนหัวเราะไม่เลิกรา
   

“กระแทกขนาดนี้ ไม่ถีบผมเลยล่ะ!” ยัง ยังไม่สำนึก ดีนะเมื่อกี้หน้าไม่กระแทกกับขอบกระเป๋า จู่ๆ เขาก็เอาเป้ามากระก้นผมแรงๆ หนึ่งที กำลังเลือกกางเกงเพลินๆ หน้าไถลลงไปในกระเป๋าเสื้อผ้าซะงั้น
   

“โอ๋ๆ ล้อเล่นๆ ไม่แกล้งแล้ว เลือกกางเกงให้หน่อยสิที่รัก” เขายิ้มทะเล้น ก้มลงมาจูบกลางกระหม่อมผมหนักๆ เดินไปนั่งรอบนเตียงสบายใจเฉิบ ผมหน้ามุ่ย คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหายงอนเรอะ?! ง่ายไปเปล่าไอ้ยักษ์
   

อือ ง่ายๆ อย่างนี้แหละ
   

ผมเลือกกางเกง ยื่นไปให้เขาใส่ แล้วก็ออกไปกินช็อคโกแล็ตรอข้างนอกต่อจนหมด เลือกขนมแบบอื่นเอาไว้ไปกินระหว่างทางด้วย พอเขาแต่งตัวเสร็จ เราก็เดินออกจากห้องไปรอลิฟต์ บอดี้การ์ดหน้าดุแต่แอบดูดียืนรออยู่ข้างนอกแล้ว ผมแอบกระเถิบเข้าไปใกล้วิคเตอร์ เพราะคุณบอดี้การ์ดนิ่งจนแอบอึดอัด นึกถึงวิคเตอร์ช่วงแรกๆ ที่ผมไปฝึกงานด้วยเลย เงียบๆ ขรึมๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาเนี่ย
   

“แน่ใจนะครับว่าไม่ให้ผมไปด้วย” ออสตินถามในขณะที่กำลังเดินเข้าไปในลิฟต์ วิคเตอร์จูงมือผมเข้าไปด้านใน เขาเข้าไปยืนมุมขวามือด้านในของลิฟต์ ให้ผมยืนซ้อนด้านหน้าเอาแขนโอบรอบตัวผมไว้หลวมๆ
   

“แน่ใจสิ” พ่อหัวสกินเฮดเกือบเกรียนพยักหน้า แอบเหลือบตามองผมที่ยืนเคี้ยวช็อคโกแล็ตแจ๊บๆ อยู่ พอเห็นเขามองผมเลยพยายามเคี้ยวเบาๆ ให้ดูสุภาพขึ้น มองอย่างกับเป็นครูฝ่ายปกครองงั้นแหละพ่อ (เกือบ) โล้นซ่า
   

ติ๊ง~
   

เสียงลิฟต์ดังที่ชั้นสิบเจ็ด พอประตูลิฟต์เปิดออกก็มีทั้งหนุ่มสาวชาวอะไรสักประเทศเดินเข้ามาด้านใน วิคเตอร์ยกมือกดปีกหมวกลงให้ปิดหน้าเขาอีกหน่อย ส่วนออสตินก็เดินเอาร่างหนาๆ ของเขามาบังตัววิคเตอร์ไว้ อาจจะบังวิคเตอร์ไม่มิด แต่ผมนี่แทบจมหายไปจากบริเวณนี้เลยละ
   

ลิฟต์เคลื่อนตัวลงต่อไป โดยมีสายตาขี้สงสัยของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มนั้นมองมาทางวิคเตอร์ เขาทำหน้าเหมือนไม่แน่ใจ ยิ่งพอวิคเตอร์กดหน้าลงเขาก็ยิ่งขมวดคิ้วหนัก แถมยังพยายามก้มหน้าลงมองตามแต่พอโดนหน้าดุๆ ของออสตินมองกลับไป เขาก็สะดุ้งและหันไปมองทางอื่นแทน
   

“เลอะปากอีกแล้ว” วิคเตอร์บอกตอนที่ทุกคนกำลังทยอยออกจากลิฟต์ เขาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยช็อคโกแล็ตที่ที่มุมปากออกให้
   

“นี่ๆ ผมมีไรให้ดู” ผมเอาลิ้นดุนๆ ฟันหน้า ฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันที่เปื้อนช็อคโกแล็ตให้เขาเห็น วิคเตอร์ยิ้มกว้างด้วยความตลก ส่งเสียงหัวเราะออกมาจนสาวๆ ต่างชาติกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินผ่านเราสองคนหันมามองเขา ผมเชื่อเสมอว่าวิคเตอร์มีรอยยิ้มที่พิฆาตใจมาก แต่เขากลับไม่ค่อยยิ้ม พอเขายิ้มทีบอกเลยว่ามันทำให้เขาน่ามองอีกหลายกองแม้เขาจะไม่ได้หล่อเป๊ะหรือหล่อกระชากวิญญาณ แต่อย่าได้ให้เขายิ้มเชียว ยังไงต้องมีเหลียวมองบ้างแหละ อย่างที่แม่สี่สาวที่กำลังยืนอยู่ตรงเค้าน์เตอร์เช็กอินมองด้วยสายตาค้างนั่นไง ผมเหลือบมองพวกเธอแล้วก็ยิ้มขำ พอหันกลับมามองวิคเตอร์ เขาก็กำลงก้มหน้าลงมองผมด้วยรอยยิ้ม มือขวาก็จูงมือซ้ายผมให้เดินตามออสตินไปเรื่อยๆ
   

“Are you Victor? (วิคเตอร์รึเปล่าคะ)” เราสองคนหันไปมองหญิงสาวผมสั้นหยิกผิวสีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งค์หน้าเค้าน์เตอร์เมื่อสักครู่ เธอเดินมาถามแบบไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
   

“No. I’m not. (เปล่าครับ ไม่ใช่)” ผมอ้าปากหวอหันไปมองวิคเตอร์ที่ตอบกลับหน้านิ่ง รีบหันกลับไปมองหญิงสาวที่หน้าเสีย เห็นแบบนั้นผมก็แอบรู้สึกไม่ดีแทนเธอ เลยกระตุกมือเขาเป็นการเตือน แหงนหน้ามองเขาอย่างอ้อนวอน วิคเตอร์ถอนหายใจเบาๆ
   

“Yes. It’s me. (ครับ ผมเอง)” เขาตอบอย่างจำใจ ผมส่งยิ้มแฉ่งให้เขา วิคเตอร์ส่ายหัว ยกมือซ้ายขึ้นมายีหัวผมเบาๆ ผมหันกลับไปมองหญิงสาวคนนั้นที่มีสีหน้างงๆ
   

“Do you want to take a photo with him? (จะถ่ายรูปกับเขามั้ยครับ)” ผมถามพร้อมรอยยิ้ม เธอมองผมงงๆ แต่ก็พยักหน้ารับเร็วๆ ผมเลยหันไปหาวิคเตอร์ กระตุกมือเขาเป็นสัญญาณให้ปล่อย แต่เขากลับส่ายหัว เปลี่ยนเอามือซ้ายมาจับมือขวาผมไว้ ดันให้ผมไปยืนอยู่ข้างซ้ายของเขาแทน เขาส่งยิ้มให้หญิงสาวคนนั้นและถามหากล้อง เธอยิ้มดีใจ หันไปกวักมือเรียกเพื่อนที่กำลังยืนมองลุ้นๆ ว่าใช่วิคเตอร์แน่ๆ มั้ย
   

วิคเตอร์ถ่ายรูปกับสาวคนแรกโดยที่มือยังไม่ยอมปล่อยมือผม เหล่าสาวๆ มองผมอย่างสนใจใคร่รู้ว่าผมเป็นใคร ความกลัวเกาะกุมใจผมกลัวว่าพวกเธอจะนึกถึงข่าวเรื่องวิคเตอร์เป็นเกย์ ผมเลยกระตุกมือเขาเบาๆ ให้เขาหันกลับมามอง
   

“ถ่ายรูปก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมไปยืนรอกับออสติน” เขาทำท่าจะปฏิเสธ แต่ผมขยับปากว่า ‘Please’ เบาพร้อมหน้าตาขอร้อง เขาทำหน้าขัดใจ แต่ก็ยอมปล่อยมือผมออก หันไปถ่ายรูปโอบไหล่กับพวกสาวๆ ได้เต็มที่ ผมเดินไปหาออสตินที่ยืนอยู่ตรงเค้าน์เตอร์ฝากสัมภาระของโรงแรม อีกฝ่ายก้มมองผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนผมที่พยายามยิ้มให้ ต้องค่อยๆ คลายยิ้มออกจากใบหน้า ยืนเคี้ยวช็อคโกแล็ตที่เหลือในมือต่อไปด้วยใบหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
   

ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดสนิท ผมเริ่มกระวนกระวายนิดหน่อย ผมไม่ได้เอามือถือติดตัวมา ป่านนี้แม่คงโทรตามมือระวิงแล้วมั้ง ผมดันไม่ได้หยิบกระเป๋าเป้ออกมาด้วยตอนที่วิคเตอร์ไปหาที่มหาวิทยาลัย ได้แต่หวังว่าเก้าหรือแบมจะเก็บไว้ให้
   

“Um—excuse me—Mr.Body guard. What time is it? (เอ่อ คุณบอดี้การ์ดครับ กี่โมงแล้วเหรอ)” เขาไม่หันหน้ามามองผม ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกา เหลือบสายตาเฉยชามามองหน้าผม
   

“Quarter to eight. (อีกสิบห้านาทีสองทุ่มครับ)”
   

“T—thank you. (ขะ… ขอบคุณครับ)” ตอบเสียงเรียบพอกับใบหน้า ว่าจะยิ้มขอบคุณสักหน่อย เลยทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆ แทน ออสตินยืนรอนิ่งๆ ต่อไป ส่วนผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ยังคงถ่ายรูปกับแฟนคลับที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกเกือบสิบคน ผมมองเขาแล้วก็ยิ้ม รู้สึกดีที่เห็นเขาทำให้แฟนๆ เขายิ้มได้ ผมเข้าใจหัวอกแฟนคลับนะ เพราะผมก็เป็นติ่งพี่อดัม (มารูนไฟว์) คือแค่ได้ถ่ายรูปด้วย ได้พูดคุยเล็กน้อยก็ฟินมหาศาลแล้ว แต่ก็นะ ใครเป็นแฟนคลับวิคเตอร์ก็อาจจะต้องทำใจกับหน้ายิ้มยากของเขาสักหน่อย กระตุกมุมปากนิดนึงนี่ถือว่าพัฒนามากแล้ว
   

“You’re welcome.” วิคเตอร์เอ่ยบอกกับทุกคนหลังจากที่เวียนถ่ายรูปจนครบ ทุกคนกล่าวขอบคุณเขา ผมแอบประทับใจแฟนๆ เขาอย่างหนึ่งว่าทุกคนมีระเบียบมาก แม้จะตื่นเต้นแค่ไหนก็ตาม แต่ทุกคนก็ไม่กรูเข้าหาเขา หรือโวยวายกระโตกกระตากเสียงดังให้คนอื่นๆ ตกใจ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นอาจทำให้จำนวนคนที่มาถ่ายรูปเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น วิคเตอร์อาจระเบิดกลางวงได้


 เขาเดินมาหาผม คว้ามือซ้ายผมไปจับโดยยังมีสายตาของแฟนคลับที่มองมา มีหลากหลายความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้ แน่นอนว่าหนึ่งในความรู้สึกนั้นคงกำลังสนใจว่าผมเป็นใคร ทำไมวิคเตอร์ถึงเดินเข้ามาจับมือ ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าให้ทุกคนคิดว่าผมเป็นน้องชายเขาก็แล้วกันนะ ถึงหน้าตาจะไม่เหมือนกัน คิดว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังดี
   

“ไปกัน” เขาเดินจูงมือผมให้ตามออสตินที่เดินนำหน้าไปก่อน ด้านนอกสว่างไสวไปด้วยแสงไฟที่ทางโรงแรมเปิดสู้กับความมืด อากาศที่เมืองไทยช่วงนี้ก็เดายาก บางวันฝนอยากตกก็ตก บางวันเหมือนจะตกแต่ก็ฟ้าครึ้มขู่เฉยๆ อย่างวันนี้อากาศก็เย็นๆ คล้ายว่าฝนจะตกแต่ก็ไม่มีเม็ดฝนสักเม็ด
   

“คันนี้เหรอ” วิคเตอร์ถามออสตินตอนที่เดินมาถึงลานจอดรถข้างๆ โรงแรม ออสตินพยักหน้าให้เขาพร้อมกับยื่นกุญแจรถเบ็นซ์สุดหรูสีดำให้ วิคเตอร์รับกุญแจรถไป กดปลดล็อคประตู ผมเดินไปเปิดประตูขึ้นรถ ส่วนเขาก็อ้อมไปฝั่งขวาฝั่งของคนขับ ผมหันไปยิ้มให้ออสติน แต่ก็ได้รับเพียงหน้าเรียบเฉยตอบกลับมา ทำเอาผมยิ้มเจื่อนเลยทีเดียว
   

“ออสตินนี่เขายิ้มมั่งมั้ย” ผมถามหลังจากปิดประตูและอยู่กันสองคนแล้ว วิคเตอร์หันมายิ้มมุมปาก มองหน้าออสตินตอนนี้แล้วเหมือนเห็นหน้าวิคเตอร์ตอนที่เราเพิ่งเริ่มรู้จักกัน อย่างกับโคลนนิ่งกันมา
   

“ไม่รู้สิ ไม่ได้สังเกตหน้าหมอนั่นตลอดเวลา” วิคเตอร์ตอบเสียงเรื่อยเปื่อย หันหลังไปมองด้านหลังเพื่อถอยรถออกตามที่ออสตินกำลังโบกมือให้อยู่
   

“ผมนึกว่าคุณทำพินัยกรรมยกสีหน้าเมื่อก่อนของคุณให้ออสตินด้วยซ้ำ” เขาหันมากระตุกยิ้มที่มุมปาก ขับรถออกไปทางประตูทางออกของโรงแรม เลี้ยวไปตามเส้นบังคับที่รถแล่นมาตามถนนใหญ่หน้าโรงแรม
   

“ถึงเขาไม่ค่อยยิ้ม แต่ออสตินไว้ใจได้ ไม่งั้นฉันไม่เลือกเขาหรอก” ผมพยักหน้า ก็ท่าจะจริง คนที่มีความเป็นส่วนตัวสูงอย่างวิคเตอร์ ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ชีวิตจริงๆ ของเขาได้ง่ายๆ หรอก แสดงว่าออสตินต้องเป็นพวกไม่ทำตัวเหมือนแมงหวี่แมงวันให้เขารำคาญแน่ๆ เขาถึงได้เลือกมา
   

“คุณเลือกเพราะเขาไม่ยิ้มรึเปล่าเนี่ย” วิคเตอร์ยิ้ม เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง
   

“อาจจะมีส่วน…” ผมพยักหน้าหงึกๆ ไปเรื่อย กำลังนึกถึงหน้าพ่อบอดี้การ์ดนั่น


“…สนใจออสตินเหรอ” เสียงทุ้มเรียบๆ ดังขึ้นมาในขณะที่สายตาผมเหม่อมองไปด้านหน้าเรื่อยเปื่อย
   

“ไม่ได้สนใจหรอกครับ แค่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่ค่อยยิ้ม” ผมหันไปตอบเขาหน้าซื่อ ตอบตามความคิดจริงๆ ของตัวเอง วิคเตอร์หันมามองหน้าผมด้วยสายตาแข็งกร้าวจางๆ แล้วหันกลับไปมองถนนต่อ
   

“ก็เหมือนสนใจอยู่ดี เท่าที่รู้จักมา ออสตินไม่มีรอยสักนะ เขาไม่ใช่สเป็กนายหรอก” ตอนแรกผมงงว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น แต่พอเห็นสีหน้าตึงๆ นั่น ก็พอจะเดาออกว่าเพราะอะไร
   

“ไม่ใช่แบบนั้น ! ผมไม่ได้คิดแบบนั้นกับเขาสักหน่อย”
   

“ก็ลองคิดสิ ฉันเอานายไข้ขึ้นแน่ อย่าคิดไปทำอะไรกับใครแบบที่ทำกับไอ้จูบแรกนั่นอีกนะ” เขาว่าเสียงนิ่ง สีหน้าจริงจัง แววตาคมของเขาวาวขึ้นมาด้วยแรงอารมณ์ ผมแอบงงนิดหน่อยว่าเขาโยงไปขนาดนั้นได้ยังไงกัน
   

“วิคเตอร์ ไปกันใหญ่แล้ว…” บรรยากาศไม่น่าเปลี่ยนมาเป็นแนวนี้ได้นะ สมกับเป็นวิคเตอร์จริงๆ ที่แปรสภาพบรรยากาศได้ฉับพลันแบบนี้


 “…ผมไม่พูดถึงออสตินแล้ว หยุดทำหน้าน่ากลัวเถอะครับ” ผมอาจจะพลาดเองก็เป็นได้ แต่ยังไงอย่าทำให้วิคเตอร์อารมณ์เสียดีกว่า พายุอารมณ์เขาไม่ใช่ของเล่นที่จะไปท้าทายด้วย ผมเอื้อมมือไปจับมือซ้ายเขามากุมไว้ ดึงมาหอมพร้อมส่งยิ้มไปให้
   

สีหน้าเขาดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หายตึงทันที ผมเลยต้องลุกขึ้นนั่งชันเข่าบนเบาะ โน้มตัวไปแช่จูบไว้ที่หน้าผากเขา ผละหน้าออกแล้วดึงตัวกลับไปนั่งเต็มก้นบนเบาะตามเดิม ใช้มือขวาสอดประสานนิ้วมือซ้ายเขาไว้แน่น หันไปส่งยิ้มอ้อนให้เขา ไอ้ยักษ์ยิ้มมุมปาก
   

“รู้ว่าวิธีนี้ใช้ได้ ใช้ใหญ่เลยนะ” ผมยิ้มให้เขาที่ส่งยิ้มพึงใจกลับมา
   

ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบกับใคร พอมีคนมาหึงแบบนี้ ต้องยอมรับว่าผมก็แอบรู้สึกเปรมในใจเล็กๆ มันให้ความรู้สึกว่าเราสำคัญ ว่าเขารักเรา เหมือนตอนที่เอิร์ทหึงนั่นแหละ แต่ความรู้สึกต่างกันมาก กับวิคเตอร์ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเยอะ อาจเป็นเพราะผมรักเขา เลยทำให้รู้สึกดีที่เขาออกอาการหึงหวงแบบนี้ ไม่รู้ว่าคนที่เขาเคยมีแฟนกันมาบ่อยๆ หรือคบกันมานานๆ แล้ว เขาจะรู้สึกกันยังไงบ้างนะ อาจจะเฉยๆ หรือจะชินไปแล้วหรือเปล่า
   

แต่กับวิคเตอร์ เขาเป็นคนเอาแต่ใจ เป็นคนขี้หวง เพราะเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ชีวิตเขาไม่เคยถูกขัดใจมาตั้งแต่เด็ก พอโตมาทำอาชีพแบบนี้ อาชีพที่คนรอบข้างต้องเอาอกเอาใจสารพัด มันยิ่งเพิ่มความเคยชินกับนิสัยนั้นให้กับเขา ฉะนั้นคนแบบนี้เวลาหึงหรือหวง มักจะมีเลเวลที่เพิ่มกว่าคนปกติ ผมก็ได้แต่หวังว่า วิคเตอร์จะไม่หึงโหด ฆ่าบีบคอผมหรอกนะ


“คิดอะไรอยู่” เขาถามหลังจากเรานิ่งเงียบไปสักพัก มีเพียงภาษามือที่ผมบอกเขาให้ตรงไป หรือเลี้ยวทางไหนเท่านั้นที่เรากำลังสื่อสารกัน ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าเขา ยิ้มอ่อน ก่อนตอบเสียงเรื่อยๆ


“กำลังคิดว่าถ้าคุณหายไปนานกว่านี้ ผมจะเลิกรัก เลิกรอคุณได้รึเปล่า” วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ


“ไม่มีทาง” ผมอดจะเบ้ปากจนปากคว่ำใส่เขาไม่ได้กับความมั่นหน้ามั่นใจในตัวเองเหลือเกินของพ่อยักษ์หน้าหนวด


“มั่นใจจังนะ” ผมมองเขาด้วยสายตาหมั่นไส้ วิคเตอร์ยิ้มกริ่มจนแก้มอิ่ม


“ฉันรู้ว่านายรักฉันที่สุด ใช่มั้ย?” เขาเลิกคิ้วสองข้างขึ้น สีหน้าดูไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่แววตานี่คาดคั้นเอาคำตอบเต็มที่ ผมยิ้มขำ ทำปากจู๋ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


“ว่าแต่ฉัน นายก็จะไม่มีใครใช่มั้ยแมท” เขาเหลือบมามองอย่างสงสัยใคร่รู้ในประโยคคำถามนั้น ผมคลี่ยิ้มแผ่วเบา ลึกๆ ข้างในใจแอบดีใจที่เขาเองก็กังวลเหมือนผม ทั้งๆ ที่ตัวเขานั้นไม่จำเป็นต้องกังวลกับผมเรื่องนี้เลย


เขาเลือกได้ แต่ผมเลือกได้ที่ไหน ถ้าชีวิตนี้ผมมีโอกาสเลือกแค่ครั้งเดียว ก็เขานี่แหละที่ผมเลือก



“ประเด็นนั้นน่ะ ผมควรกังวลมากกว่าคุณอีกนะ แค่คุณเป็นผู้ชาย มันก็ยากพอแล้ว นี่คุณยังยังเป็นคนมีชื่อเสียงอีก คุณพบเจอกับของสวยๆ งามๆ แทบทุกวัน แต่ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงเท่านั้นเอง” วิคเตอร์ดึงมือผมไปจูบลงที่หลังมือหนึ่งที


“ของสวยๆ งามๆ ที่นายว่า บางครั้งก็สู้ของธรรมดาแต่เพลินตาอย่างนายไม่ได้นะ” โอเค ช่วงที่เขาหายไปทบทวนตัวเอง หายไปจากชีวิตผม เขาไปฝึกไอ้คำพูดหวานๆ พวกนี้มาด้วยสินะ
   

“You have a sweet mouth, huh? (คุณปากหวานเป็นด้วยหรอเนี่ย)” วิคเตอร์ยิ้มกว้างเขินๆ จนร่องแก้มคล้ายลักยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
   

“Special for only you. (พิเศษเฉพาะนายเลยนะ)” หลงกันหน้ามืดตามัวกันล่ะงานนี้


 TBC.  :hao7:


อาจจะดูย้ำคิดย้ำทำกับประเด็นเรื่องที่แมทกลัวไปหน่อยนะคะ แต่จะให้พูดรอบเดียวแล้วจบก็ไม่น่าใช่ ใครที่คิดว่าวนในอ่างก็มิเป็นไรนะะะ สไตล์งานเขียนตอมมาเป็นแนวนี้ตั้งแต่แรกแล้น คือเหมือนย้ำความคิดตัวละครบ่อยๆ  มันเป็นประเด็นที่ปล่อยไม่ได้อะค่ะ ครั้งเดียวผ่านมันดูหลวมๆ เอ่าะ นิยายเรื่องนี้เน้น Situation มากกว่า location หรือ Timing นะคะ คืออยากให้อ่านเหตุการณ์ระหว่างคนสองคนมากกว่าค่ะ ถึงจะไม่ได้เกิดในสถานที่เยอะแยะ อย่างมีฉากในห้องตลอดตอน แต่ตอมอยากให้อ่านดูเนอะว่าสารที่ตอมจะสื่อนั้นคืออะไร จริงๆ ก็ใช่ว่ามีแก่นสารมากนักหรอกค่ะ 555555 นิยายเรื่องหาสาระไม่ได้หรอกนะ 55555 เอาเป็นว่าถ้าเขียนมีโลเกชั่นเดียว จะพยายามเขียนออกมาให้มีลูกเล่นเนอะะะ จะทำให้ดีที่สุดแล้วกันค่ะ


ส่วนที่เหลือมาดูกันว่าไอ้ยักษ์จะไปป่วนบ้านแมทยังไงบ้าง ถ้าคนในเพจกับทวิตจะรู้สปอยล์ไปบ้างแล้ว 55555




ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดทุกๆ คนเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 24-08-2015 20:44:57
บุกบ้านแมทททท  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-08-2015 21:16:08
ไปหาพ่อตาแม่ยายกัน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 24-08-2015 21:31:20
เข้าจายแมทนาาาา แฟนฮอตมันต้องกังวลบ้างอยู่แล้ว


รอตอนต่อปุยยยยยยย  :heaven
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 24-08-2015 22:36:17
 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: blingsmay ที่ 24-08-2015 22:41:26
“Special for only you."
เขินแรงมากกกกกก   :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 25-08-2015 18:54:16
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  กอดๆๆๆๆ   :กอด1:

ฟินฮ่ะ  สู้ๆนะเอเลี่ยน  :z2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 26-08-2015 23:10:52
ปากหวานจริงๆเลย :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 50%} 24.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 26-08-2015 23:25:37
พี่ยักษ์มันน่ารักขึ้นทุกวันนะเนี่ย
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 28-08-2015 10:50:46
ONLY YOU :: EPISODE 8 [75%]




ตอนแรกผมว่าผมก็ปกติ ไม่ได้ตื่นเต้น หรือนึกหวาดหวั่น หวาดกลัวอะไรกับการที่วิคเตอร์จะเข้ามาพบพ่อกับแม่ เพราะผมคิดว่าก็แค่เข้ามาพูดคุยทั่วไป ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นกังวล แต่พอรถเบนซ์สีดำจอดหน้าบ้านผมที่เป็นตึกพาณิชย์สามชั้นสองตึกติดกัน ผมก็เริ่มใจสั่น เพราะความจริงผมรู้ว่าวิคเตอร์มาในฐานะอะไร เขาไม่ได้มาในฐานะเจ้านายที่จะมาบอกพ่อกับแม่ว่าผมได้งานแล้ว จะขอตัวไปทำงานด้วยอะไรแบบนั้น คือผมว่าพ่อกับแม่ก็ไม่ใช่คนโง่ เขาเลี้ยงผมมา ทำไมเขาจะไม่ระแคะระคายล่ะว่า เจ้านายอะไรทำไมมาขอลูกชายไปทำงานด้วยถึงที่บ้าน
   

“วิคเตอร์ ไม่ต้องเจอพ่อกับแม่แล้วก็ได้ เดี๋ยวผมพูดกับพวกเขาเองดีกว่า” สีหน้าผมแสดงความประหวั่นพรั่นพรึงที่เริ่มก่อตัวหนาแน่นขึ้นในอก ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น มองวิคเตอร์ที่มองกลับมางงๆ ด้วยอาการไม่สบายใจ
   

“ทำไมล่ะ ก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาปลดเข็มขัดออกจากตัว เอื้อมมาปลดให้ผมออกด้วย ผมมองไปทางตัวบ้านอย่างพะว้าพะวง เห็นพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์โดยมีลูกค้าอยู่ในร้านสองสามคน
   

“ผมว่ายังไงเขาก็ต้องรู้ว่าเราเป็นมากกว่าเจ้านายลูกน้อง” วิคเตอร์ยิ้มเอือม ยกมือซ้ายขึ้นมาโยกหัวผมเบาๆ
   

“เขาจะรู้ก็เพราะนายทำท่าลุกลี้ลุกลนแบบนี้เนี่ยแหละ”
   

“คุณไม่ต้องเข้าไปก็ได้ แค่เรื่องงานผมบอกเขาเองก็ได้นะจริงๆ” ผมมองไปทางบ้านตัวเอง พ่อลุกขึ้นยืนคิดเงินหน้าเค้าน์เตอร์ ตอนนั้นเองที่พ่อเพ่งมองมาทางรถของวิคเตอร์ที่จอดอยู่
   

“ได้ไงล่ะ ฉันจะเอาลูกเขาไปอยู่ด้วย ก็ต้องมาขอเขาสิ ไอ้อันเดรบอกฉันว่าที่ไทยค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้มาก” ผมหันหน้าเอ๋อของตัวเองไปมองเขาที่ยิ้มละมุนกลับมา พอตั้งสติได้ผมก็สั่นหัว
   

“เอ่อ… อันนั้นน่าจะหมายถึงการแต่งงานรึเปล่า”
   

“ถ้างั้นก็ขอแต่งไปเลยก็ได้ แต่มัดจำเรื่องแหวนไว้ก่อนนะ” ผมยิ้มเบ้ปาก ยกมือขึ้นมาเกาหัวแกรกๆ หันไปมองพ่อที่ยืนขายของอยู่หน้าบ้านก็เกิดอาการปอดเป็นรูขึ้นมา คือนี่ผมกำลังจะพาผู้ชายเข้าบ้านนะ แล้วผู้ชายก็หน้าตาดีไง
   

“นั่นพ่อนายใช่รึเปล่า” เขาชี้ไปทางพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ผมหันไปพยักหน้ากับเขาเร็วๆ
   

“ผมว่าพ่อกับแม่ต้องรู้แน่ๆ คุณไม่ต้องเข้าไปหรอก เดี๋ยวผมเข้าไปเก็บของแล้วบอกพวกเขาว่าไปทำงานให้ทางมหาวิทยาลัย” ผมเริ่มรู้สึกลนลานไปหมด พยักหน้าให้วิคเตอร์รัวๆ เพื่อให้เขาเห็นด้วยกับความคิดนี้ ไอ้ยักษ์ย่นคิ้วมองหน้าผม ยกยิ้มขำที่มุมปาก
   

“ถ้าฉันเป็นพ่อนาย ฉันจับได้ละว่านายพาแฟนเข้าบ้าน” ผมยิ้มแห้ง หน้าตาไม่สู้ดีนัก นี่ขนาดยังไม่อยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่ ใจผมยังเต้นตุบๆ มันเต้นเหมือนจะหลุดออกจากอก เต้นแรงยิ่งกว่าเวลาตื่นเต้นตอนอยู่กับวิคเตอร์ซะอีก
   

“ถ้านายหยุดคิดมาก ทำตัวสบายๆ เหมือนว่าเราเป็นเจ้านายลูกน้องกันจริงๆ ก็ไม่มีใครจับได้หรอก” ผมเม้มปาก คิ้วขมวดมุ่น กำลังพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็น หันไปมองวิคเตอร์ก็เห็นว่าเขากำลังมองอย่างให้กำลังใจ ผมพยักหน้าด้วยสีหน้าที่มั่นใจขึ้นมาเพียงนิด พ่อตัวโตยิ้มหล่อมาให้ หันไปเปิดประตูฝั่งตัวเอง ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูฝั่งตัวเองบ้าง
   

วิคเตอร์เดินตามหลังผมมาโดยไม่ได้แสดงท่าทีอาการผิดแปลกแต่อย่างใด เห็นแบบนั้นผมเลยพยายามทำตัวให้นิ่งบ้าง ทั้งที่ใจนี่เต้นเป็นแทงโก้ อาจจะจริงอย่างที่เขาว่าถ้าพ่อกับแม่จะจับได้ ก็น่าจะเป็นเพราะผมนี่แหละ เราเดินเข้าไปใกล้พ่อที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ สักพักพ่อคงรู้ตัวว่ามีคนยืนอยู่เลยเงยหน้าขึ้นมามอง สีหน้าพ่อไม่ได้แสดงอาการใดๆ ชัดเจนตามแบบฉบับของพ่อ
   

“วันนี้กลับซะมืดค่ำ แม่เขาโทรหาตั้งหลายรอบทำไมไม่รับสาย” พ่อถามเสียงเรียบ แล้วสายตาของพ่อก็เลื่อนไปมองฝรั่งตัวใหญ่คนหนึ่งที่ยืนยิ้มหล่อกลับไปให้ ตอนนั้นเองที่พ่อแสดงอาการตื่นตัวด้วยการลุกขึ้นยืนช้าๆ
   

“แล้วนั่นฝรั่งที่ไหน” ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไร พ่อยักษ์หน้าหนวดก็ยกมือไหว้อย่างเก้ๆ กังๆ
   

“Hello, father-in-law. (สวัสดีครับคุณพ่อตา)” ผมที่กำลังยิ้มแย้มถึงกับยิ้มหายวืดและตาโตฉับพลัน หันไปมองไอ้ยักษ์ที่ยิ้มทะเล้นกลับมาให้
   

นั่นไง ไอ้ยักษ์ ประโยคพาพินาศลอยมาแล้วหนึ่งประโยค ผมฝืนยิ้ม ถลึงตามองเขานิดๆ อีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กลับมา
   

“เขาทักทายพ่อใช่มั้ย แต่ไอ้ที่ต่อท้ายคำว่าฟาเตอร์นั่นมันคืออะไร” ถึงพ่อจะไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่พ่อผมก็ดูหนังซาวด์แทร็กบ่อยนะ
   

“ใช่ๆ เขาทักพ่อ ไอ้ที่ต่อท้ายก็คล้ายๆ คำว่าครับไง” น่าจะเป็นคำโกหกที่ไม่เว่อร์จนดูเกินจริงไปนะ พ่อทำหน้าเข้าใจ พยักหน้าหน่อยๆ
   

“ซา วั๊ด ดี คั๊บ” ผมหันไปมองพ่อฝรั่งตัวใหญ่ด้วยสีหน้าเอ๋อที่ได้ยินเขาพูดภาษาไทย โอย น่ารักแท้ไอ้ยักษ์ ฮ่าๆๆ พยายามพูดภาษาไทยด้วยสำเหนียงแปลกๆ ผมอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเขาผงกหัวขึ้นลงซ้ำๆ จนพ่อต้องรีบยกมือรับไหว้ แล้วยิ้มกลับไปให้อย่างเงอะงะเช่นกัน
   

“หวัดดีครับๆ เอ่อ ฮะ… ไฮ” พ่อผมผู้ซึ่งไม่ถนัดวิชาภาษาอังกฤษเอ่ยทักด้วยสำเนียงเสียงคนไทย แต่ก็ทำเอาผมยิ้มขำพ่อเช่นกัน พ่อชอบดูหนังต่างประเทศ ก็อาศัยการอ่านคำแปลบนหน้าจอเอา พ่อบอกว่าพากย์ไทยฟังแล้วเสียอารมณ์ ด้วยจุดนี้เลยอาจทำให้พ่อคุ้นเคยบางคำศัพท์อยู่บ้าง
   

“พ๊ม ฉื่อ วิคเตอร์ คั๊บ!” วิคเตอร์ยิ้มแฉ่ง ยื่นมือมาเพื่อจะจับมือกับพ่อ แต่ด้วยความที่พ่อเองก็คงกำลังงงๆ อยู่เลยยืนไหว้ค้างไว้ วิคเตอร์เห็นแบบนั้นเลยดึงมือกลับไปไหว้ต่อ แต่พ่อดันยื่นมือออกมาในจังหวะที่วิคเตอร์ชักมือกลับไปพนมมือไหว้ไว้แล้ว วิคเตอร์ก็หน้าตื่นรีบยื่นมือออกมา แต่พ่อดันชักมือกลับไป ผมหัวเราะที่เห็นผู้ชายสองคนที่ผมคิดเสมอว่าคล้ายคลึงกันทั้งหน้าตาและนิสัย เล่นชักคะเย่อมือกันไม่หยุด
   

“อ้าวๆ ใจเย็นพ่อ ยื่นมือออกมา อย่างนั้นแหละ” สองหนุ่มยิ้มเผล่ให้กัน เชคแฮนด์กันเบาๆ กันอยู่พักหนึ่งถึงดึงมือออก ผมยิ้มให้วิคเตอร์ที่ยิ้มตอบกลับมาเหมือนกำลังตื่นเต้นที่ได้แสดงการทักทายในแบบวัฒนธรรมใหม่
   

“เพื่อนแมทเหรอ” พ่อถามโดยที่ยังมีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้า
   

“คนนี้เจ้านายแมทที่นิวยอร์ก พอดีเขามาทำงานที่ไทย แมทเลยมาช่วยงานเขา ที่กลับมาช้าก็เพราะไปทำงานกับเขามานี่แหละ” งานประเภทไหนก็ไม่รู้ ทำกันบนเตียงและในอ่างอาบน้ำ งานไม่หนักนะ แต่เหนื่อยมาก
   

“อ๋อ แล้วทำไมไม่โทรบอกก่อน แม่เขาก็เป็นห่วง”
   

“ลืมเอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย ไม่เก้าก็แบมเก็บไว้ให้แล้วแหละ” พ่อพยักหน้าหงึกหงัก หันไปยิ้มให้กับวิคเตอร์อีกที ดูท่าพ่อเองก็จะแอบประหม่าและตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เจอฝรั่งตัวเป็นๆ แต่หากถามว่าทำไมพ่อดูไม่ตื่นเต้นที่ได้เจอวิคเตอร์ เรย์มอนด์ ก็ต้องบอกว่าพ่อกับแม่ผมไม่ใช่คนติดตามข่าวสารวงการบันเทิงเท่าข่าวการเมืองหรือเศรษฐกิจ อีกอย่างวิคเตอร์เป็นดาราต่างประเทศและอยู่ในสายซีรีส์กับนายแบบซะเยอะ ซึ่งพ่อไม่ติดตามหรอก ถ้าดูหนัง ก็ดูหนังบู๊ๆ ซะส่วนใหญ่ ส่วนแม่ก็ไม่ค่อยติดตามวงการบันเทิงเช่นกัน ดาราไทยแม่ก็พอจะจำได้บ้างว่าใครเป็นใคร แต่ไม่ได้ตามติดชีวิตดารา ฉะนั้นกับดาราต่างประเทศก็อย่าคาดหวังเลยว่าแม่จะรู้จัก
   

“แล้วเขามาบ้านเราทำไมล่ะ”
   

“เขาอยากมาเจอพ่อกับแม่ อยากมาขออนุญาตให้แมทไปช่วยงานเขาสองอาทิตย์ แล้วเขาก็มีเรื่องจะคุยกับพ่อกับแม่ด้วย” พ่อเบิกตากว้างมองผมด้วยสายตาตื่น สีหน้าลุกลี้ลุกลน นานๆ ทีจะเห็นพ่อหลุดมาเข้ม มาดขรึมนะ
   

“คุยอะไร แล้วจะคุยกันรู้เรื่องได้ยังไง”
   

“ก็เดี๋ยวแมทเป็นล่ามให้ไง” พ่อทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หันไปมองพ่อฝรั่งตัวโตที่ยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาวด้วยใบหน้าใสซื่อ ที่ไม่รู้ว่าปั้นขึ้นมาหรือใสซื่อจริงๆ
   

ผมต้องเรียกสติพ่อให้กลับมาอีกครั้ง เมื่อพ่อดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก พ่อส่งเสียงเออๆ ออๆ ไปเรื่อย ก่อนจะหันไปเรียกแม่ที่น่าจะอยู่ในครัวให้ออกมา ตอนแรกแม่ออกมาทำท่าจะบ่นผม แต่พอเห็นวิคเตอร์แม่ก็อ้าปากหวอ ไม่รู้ว่าใจละลายไปกับรอยยิ้มหล่อๆ ของไอ้ยักษ์หรืออึ้งที่เห็นฝรั่งยืนอยู่ในบ้าน
   

“Your mother?” วิคเตอร์ถามด้วยรอยยิ้มอ่อน ผมพยักหน้าให้เขา วิคเตอร์พนมมือไหว้อีกรอบ
   

“Hello, mother-in-law. (สวัสดีครับคุณแม่ยาย)” ผมได้แต่ยิ้มเฝื่อนแม้ใจจะกระตุกวูบๆ แต่ก็ต้องแสดงออกว่านั่นคือคำทักทายทั่วๆ ไป ไม่ได้มีอะไรน่ากังวล แม่ผมยิ้มเก้กัง ยกมือรับไหว้วิคเตอร์
   

“สะ… สวัสดีค่ะ เอ่อ… เพื่อนแมท เฟรนด์แมท (Friend Matt) เหรอคะ” แม้แม่จะพอรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แต่พอไม่ได้ใช้นานๆ มันก็จะลืมเลือนไปตามกาลเวลา คงเหลือไว้แต่คำศัพท์ง่ายๆ เบสิคๆ ทั่วไป ผมกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ไอ้ยักษ์ตัวแสบก็โพล่งขึ้นมาก่อน
   

“Not quit. I am actually his boyfriend, and he is my boyfriend. (ก็ไม่เชิงครับ จริงๆ แล้วผมเป็นแฟนเขา แล้วเขาเองก็เป็นแฟนผม)” พ่อกับแม่หันไปมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเมื่อเจอประโยคสนทนาที่เริ่มยาวขึ้น แต่ท่านทั้งสองก็ยิ้มเพราะเห็นว่าไอ้ฝรั่งมันยิ้ม แต่ใครจะรู้บ้างว่ารอยยิ้มนั้นมันเป็นรอยยิ้มของไอ้ยักษ์เจ้าเล่ห์
   

ไอ้ยักษ์ ไอ้หนวด ไอ้ห่า ถ้าเกิดพ่อกับแม่แปลได้ขึ้นมาจะทำยังไง ผมได้แต่ถลึงตามองมองทั้งที่ปากยังฉีกยิ้มอยู่ด้วย จะทำหน้าดุทีเดียวก็ไม่ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่สงสัย
   

“คือ… จริงๆ แล้วเขาเป็นเจ้านายแมทที่นิวยอร์กอะแม่ แล้วเขามาทำงานที่ไทยประมาณสองอาทิตย์ เขาก็เลยขอให้แมทไปช่วยงาน” แม่ทำหน้าว่า อ๋อ ส่งยิ้มให้วิคเตอร์ที่ยิ้มหล่อตอบกลับมา ผมว่าต้องรีบตัดบทแล้วล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวแม่ต้องไปเรียกใครสักคนแถวนี้ที่เก่งภาษอังกฤษมาแปลให้แน่ๆ
   

“แล้วก็ วันนี้ที่เขามา เขาจะมาขออนุญาตพ่อกับแม่ให้แมทไปช่วยงานเขา คือ แมทอาจจะไม่ได้กลับบ้านนะ เพราะงานเขาจะเยอะมาก ไม่มีค่าจ้างนะแม่ แต่เขาออกค่าใช้จ่ายให้แมทหมดทุกอย่างเลย…” ผมหันไปหาวิคเตอร์ที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว
   

“…I said that you do not pay the wage for me, but you will be pay for another things, instead.”
   

“Ah! Yeah. Don’t worry about that—mom, dad. I aim to take care of him as good as I fuck him. (อ้า! ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงตรงนั้นเลยครับคุณแม่ คุณพ่อ ผมตั้งใจจะดูแลเขาอย่างดีเหมือนตอนที่ผมตั้งใจอึ๊บเขาเลยครับ)” วิคเตอร์ยิ้มกว้างพร้อมเสียงหัวเราะ ผมเลยแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนไปด้วย ทั้งที่ใจจริงอยากจะหยิกเขาให้เนื้อเขียวคามือเลยทีเดียว พ่อกับแม่ก็ได้แต่ยิ้มตามแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวไปด้วย ผมพยักหน้าให้พ่อกับแม่ด้วยสีหน้าว่า ตามนั้นเลยพ่อ แบบนั้นเลยแม่ แม้ใจจะเสียววูบเสียววาบ แต่ก็ต้องทำเฉยเมยราวกับเป็นประโยคธรรมดาอีกเช่นเคย
   

“เขาบอกว่าไม่ต้องกังวล เขาจะจ่ายให้หมดทุกอย่างเลย” พ่อกับแม่ยิ้มใจดี หันไปโค้งให้วิคเตอร์เล็กน้อย ไอ้ฝรั่งโค้งกลับมา หันมายิ้มยักคิ้วกวนเท้าให้ผม หน็อย… พอรู้ว่าผมตอบโต้อะไรไม่ได้ ฮึกเหิมใหญ่เชียวนะ เดี๋ยวก๊อน!
   

“แพ้ฝุ่นหรือโดนอะไรกัดมาน่ะแมท ทำไมคอแดงขนาดนั้น” เฮือก! ลืมเลยว่าคอตัวเองมีรอยอยู่ ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยายามดึงสติไว้กับตัวไม่ให้หลุดไปไหน
   

“โดนบุ้งอะ นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ที่ตึกคณะแล้วมันตกใส่” ผมแถไปเนียนๆ ผมเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว เวลาโดนฝุ่นมากๆ จะจามไม่หยุดและจะผื่นขึ้น ไม่ก็ตัวแดง แต่สภาพผมดูสะอาดเกินกว่าจะไปโดนฝุ่นที่ไหนมา เลยเอาน้องบุ้งมาเป็นบุ้งรับบาปไปก่อนก็แล้วกัน
   

“ไปกินยาไป เดี๋ยวก็ผื่นขึ้นเต็มตัวอีก” ผมพยักหน้าไปเรื่อย ก่อนจะรีบเข้าประเด็น อยู่นานกว่านี้อาจเสียวหัวใจจนจะวายตายได้
   

“แล้วสรุปพ่อกับแม่อนุญาตมั้ย”
   

“อันนี้งานส่วนตัวหรืองานของมหาลัย” พ่อเอ่ยถาม สายตาที่มองวิคเตอร์เริ่มเปลี่ยนจากมองด้วยอาการตื่น เป็นมองอย่างระแวดระวังมากขึ้น นี่ไง ยิ่งอยู่นานยิ่งเพิ่มความน่าวิตกกังวลให้กับชีวิต
   

“ก็อาจารย์ที่ปรึกษาเขามาขอให้แมททำด้วยแหละ คือประเทศไทยเชิญเขามาทำงานด้วย ประมาณนั้น” พ่อหันมามองที่ผมสลับกลับไปมองวิคเตอร์ แต่จริงๆ แล้วสายตาพ่อไม่ได้มองหน้าผมเลย ผมว่าพ่อกำลังมองรอยแดงที่คอผมอยู่มากกว่า
   

“แล้วไปนอนที่ไหน” พ่อถาม สายตาที่มองมานั้น แม้จะดูนิ่งสงบ แต่ผมรู้ว่าพ่อกำลังเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ในใจแน่ๆ
   

“นอนที่โรงแรมที่เขาอยู่นั่นแหละ แต่ว่านอนคนล่ะตึกนะ” เมื่อเจอพ่อที่กำลังเริ่มทำท่าจับผิด สิ่งที่ผมต้องทำคือ ต้องตีเนียนให้ตลอดรอดฝั่ง
   

“แมททำคนเดียวเหรอ” ผมสั่นหัว ตอบเสียงเรื่อยเปื่อยเหมือนพูดจาธรรมดาปกติ
   

“ไอ้แชมป์ ไอ้เก้า ก็ทำ ลองโทรถามพวกมันดูสิ” ที่ผมพูดไปแบบนั้น เพราะรู้ว่าพ่อไม่โทรหรอก ถึงพ่อจะสงสัยแต่ไม่ใช่นิสัยพ่อที่จะจุ้นจ้านหรือจู้จี้เกินเหตุ
   

“เอาล่ะๆ เดี๋ยวค่อยคุย แมทเข้าไปเก็บของไป ถ้ามันเป็นงานมหาลัยก็รีบไป อย่าให้เจ้านายเขารอนาน” แม่เป็นคนตัดบทสนทนานี้ แม้แม่จะจุกจิกกว่าพ่อ แต่เรื่องความขี้เกรงใจนั้นคือนิสัยของแม่ เวลาเพื่อนจะมารับผมออกไปไหน แม่จะชอบบอกว่าให้รอเขา ดีกว่าให้เขามารอเราเสมอ
   

“เอ่อ… ฝากดูแล เจ้านายแมทแปบนึงนะ” พ่อที่กำลังทำหน้าขรึม มองวิคเตอร์ที่ยิ้มไม่รู้เรื่องรู้ราวถึงกับหน้าเสียทรงทันทีที่ผมบอกให้ดูแลไอ้ฝรั่งตัวใหญ่นี่
   

“เฮ้ย ดูแลอะไรล่ะ พ่อกับแม่พูดด้วยไม่รู้เรื่องหรอก”
   

“หาน้ำ หาขนมให้เขากินไปพลางๆ ก่อน เดี๋ยวแมทรีบลงมา” ผมหันไปหาวิคเตอร์ พูดกับเขาว่าให้รออยู่ด้านล่างในช่วงที่ผมขึ้นไปเก็บของ เขาพยักหน้ารับกระตือรือร้น ผมพาทุกคนเดินเข้าไปด้านในบ้าน ตัดสินใจพาวิคเตอร์ไปนั่งรอในครัว
   

“เขากินข้าวมารึยังแมท เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวให้”
   

“ยังเลย งั้นแมทฝากแม่ทำไข่เจียวกุ้งให้เขาหน่อยนะ ใส่นมผสมลงไปด้วย เขาชอบกิน”
   

“แล้วแมทเอาด้วยรึเปล่า” ผมพยักหน้า แม่หันไปจัดการเตรียมอาหารให้เราสองคน ส่วนพ่อนั่งอยู่หน้าร้าน แต่ผมก็แอบเห็นว่าเขาชะเง้อมองอยู่เรื่อย
   

“I said don’t say any pervert word as your habit. (ผมบอกว่าอย่าพูดจาลามกเหมือนนิสัยคุณไง)” ผมว่าเสียงต่ำ ทำหน้าเข่นเขี้ยวใส่ไอ้ยักษ์ที่ยักคิ้วกวนพระบาทกลับมาให้พร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ ผมแอบเหลือบไปมองแม่ที่กำลังง่วนกับการเขียวไข่ และหันไปมองพ่อที่กำลังขายของให้กับลูกค้าหน้าร้าน ก่อนจะหันกลับมาหยิกหัวนมซ้ายของเขา
   

“Ouch!” วิคเตอร์หน้าแหย เอามือมาจับมือซ้ายผมไว้แน่น เขาขมวดคิ้วใส่หน้าผม ส่วนผมถลึงตาใส่เขา พอจะดึงมือออก เขาก็ดึงไปจูบ ผมหน้าตื่นตกใจ มองแม่ที่กำลังเทไข่ลงกระทะเสียงดัง รีบชักมือออกอย่างรวดเร็ว
   

“Giant! (ไอ้ยักษ์!)” ผมเรียกเสียงขู่ เจ้าของฉายายิ้มเผล่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกลับมาให้ ผมแยกเขี้ยวใส่เขา หมุนตัวจะเดินขึ้นข้างบน แต่ไอ้ยักษ์สัปดลก็ยังมิวายเอื้อมมือมาบีบก้นผมท้าทายอำนาจพ่อกับแม่มาก ผมรีบปัดออก วิ่งขึ้นไปบนบ้าน



TBC.  :katai5:


ยักษ์ป่วนบ้านเอเลี่ยน มาถึงก็เริ่มแผลงฤทธิ์เนาะ 5555555 เล่นเอาแมทใจหายใจคว่ำ เชื่อว่าอ่านแล้วคงรู้สึกได้ว่าพ่อแมทต้องสงสัยอะไรอยู่แน่ๆ ฮี่ๆ แม่แมทอาจจะไม่สังเกตอะไรมากนัก แต่พ่อแมทไม่ใช่ค่ะ พ่อไม่ค่อยพูดก็จริง แต่พ่อรู้ พ่อเห็น แล้วพ่อนี่ล่ะ ศัตรูตัวเป้งของวิคเตอร์ 555555 อย่างที่แมทบอกค่ะ แมทคิดมาเสมอว่าผู้ชายสองคนนี้เหมือนกัน วันนี้เขาได้เจอกันแล้ว แต่ยังคงไม่มีโมเม้นต์พ่อตาลูกเขยแน่ชัดหรอกนะคะ คริๆ ยังไม่เริ่มสงครามค่ะ ฮี่ๆ    :hao6:




ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะ คนอ่านตอมอาจจะไม่ได้มากอะไร แต่ขอบคุณค่ะที่ยังมีคนรออ่านอยู่เสมอ ขอบคุณมากค่ะที่คอยคอมเม้นให้กำลังใจกัน ตอมกดบวกหนึ่งให้ตลอดเลย 55555 อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะคะ ความรักของสองคนนี้ยังต้องเดินทางอีกไกลค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 28-08-2015 11:06:05
แหมมมมวิคเตอร์นี่ก็ช่างกล้าดีจริงๆ   5555555   ท่าทางพ่อตาเองก็ใช่ย่อยนะ  มีสงสัยซะด้วยย :katai2-1:


สนุกมากค่ะ  รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-08-2015 11:15:35
เสียดายคุณพ่อคุณแม่ฟังไม่ออก ไม่งั้นคงได้รู้แล้วว่าลูกเขยมาฝากตัว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 28-08-2015 12:05:42
โอย แค่เพิ่งเจอหน้ากันก็ก่อเรื่องแล้วเรอะพ่อคู้ตื่นเต้นด้วยกับแมท เจ้ายักษ์ตัวนี้ร้ายนัก รอดูท่านพ่อแผลงฤทธิ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-08-2015 12:09:04
พ่อแมททททท


ขังขวางให้ถึงที่สุดเลยค่ะ ลูกชายคุณพ่อน่ารักขนาดนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 28-08-2015 13:51:38
แหมพี่ยักษ์ก็พูดซะตรงเลย
ดีน่ะที่พ่อแม่เค้าฟังไม่รู้เรื่อง
ไม่งั้นคงไม่ได้เอเลี่ยนไปคอยดูแลแน่ๆ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-08-2015 15:48:23
แมทเอ้ย โดนวิคเตอร์หลอกแล้ว เอาแต่ใจขั้นเทพมีเหรอจะเนียนให้ ถ้าพูดไทยได้โดนสู่ขอไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 28-08-2015 16:27:26
อ้างถึง
“Ah! Yeah. Don’t worry about that—mom, dad. I aim to take care of him as good as I fuck him.
  :laugh: :laugh: :laugh:  โอ๊ยยยยย  คุณพ่อคุณแม่น่าจะฟังออกนะคะ 55555555555555555555

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 29-08-2015 09:15:38
แม้พี่วิค แค่ประโยคมีคำว่า boyfriend,fuck แถมรอยที่คอ พ่อแม่ก็เดาได้แล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 29-08-2015 13:11:06
 :m20: :jul3: :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 29-08-2015 17:24:55
โอ้ยๆ  หวานกันน่ารักมากๆ ยิ้มตามเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 30-08-2015 17:34:27
ชอบบบบบบบบบบบ บ.ล้านล้านตัวววว สนุกมากๆ ไม่มีคำอื่นที่บรรยายได้ดีกว่านี้แล้ววว ติดตามยาวๆๆๆๆๆๆๆฝ
ปล.เสียดายที่เพิ่งรู้ว่าเปิดจอง ss1 แล้วจะปิดวันนี้แล้ว โอนตังค์ไม่ทันนนนนนนนนนน #ถ้ารู้วันศุกร์นี่บึ่งไปธนาคารเช้าเสาร์ละ เดี๋ยวรอ ss2 กะ 3 ละกันเผื่อเปิดจองแบบ box set
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 75%} 28.08.58::
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 30-08-2015 22:25:35
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 100%} 01.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-09-2015 00:05:11


EPISODE 8 [100%]



พอเข้ามาในห้องนอนได้ ผมก็ประมวลของที่จะเอาติดตัวไว้ใช้ในระหว่างที่อยู่กับวิคเตอร์ที่ไทย ผมหยิบเป้สำหรับใส่เสื้อผ้าออกมา เลือกชุดนิสิตนักศึกษาไปสองชุด เผื่อไว้ว่าอาจต้องเข้าไปที่มหาวิทยาลัยอีก ซึ่งก็น่าจะต้องเข้าไปอยู่แล้วล่ะ ส่วนเสื้อผ้าใส่เล่นเอาไปสักห้าหกชุดก็แล้วกัน ไม่พอก็ค่อยซักตาก หรือไม่ก็ค่อยขึ้นรถกลับมาเอาเพิ่ม ส่วนข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ก็ไม่ต้องคิดไรมาก เคยใช้อะไรอยู่ทุกวันก็หยิบอันนั้นยัดใส่ถุงซิปล็อคแล้วยัดลงเป้อีกที ผมกำลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่ก็วกกลับมาหยิบสติชตัวขนาดกลางตัวหนึ่ง และโทนี่ ช้อปเปอร์สีชมพูตัวหนึ่งติดตัวไปด้วย
   

ผมเดินลงมาข้างล่างที่เดิม ก็เห็นวิคเตอร์ที่ถอดหมวกออกแล้วกำลังยกนิ้วโป้งให้แม่สองมือ ในปากก็อัดแน่นไปด้วยข้าวไข่เจียว แม่ยิ้มกว้างกลับไปให้เขา ไม่รู้ว่าเข้าใจมากน้อยแค่ไหน แต่คิดว่าแม่น่าจะเข้าใจสิ่งที่เขากำลังสื่อได้ว่าเขากำลังชมฝีมือแม่แน่นอน
   

“อาหร่อยมั่ก ผมชอบข่ายเจี๊ยวที่สุด!” แม่หัวเราะเสียงดังกับคำเพี้ยนๆ ของวิคเตอร์ ไอ้คนพูดยิ้มจนแก้มอูม ไม่รู้อูมเพราะยิ้มหรือเพราะข้าวเต็มปากกันแน่ ผมยิ้มขำในขณะที่กำลังวางข้าวของไว้บนโต๊ะไม้ตรงมุมห้อง
   

“เขาเรียกไข่เจียวจ้ะพ่อหนุ่ม ไหนลองพูดซิ ไข่-เจียว” วิคเตอร์ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขาค่อยๆ กลืนข้าวคำโตในปากลงคอ อ้าปากเตรียมพูดตามที่แม่ผมสอน
   

“ข่าย…”
   

“โน โน ไม่ใช่ๆ ไข่”
   

“ขั่ย”
   

“เอ้อ นั่นแหละ ใช้ได้ อีกคำนะ เจียว”
   

“เจียว”
   

“ไหนพูดพร้อมกันซิ ไข่-เจียว!”
   

“ขั่ย เจียว!” แม่ส่งเสียงหัวเราะพร้อมปรบมือให้เขา วิคเตอร์ยิ้มกว้างดีใจที่เห็นแม่ผมทำท่าถูกอกถูกใจเขา
   

“ขั่ย เจียว ขั่ย เจียว ขั่ย เจียว!” อ้าว พอพูดได้ พูดใหญ่เลย สงสัยเห็นแม่หัวเราะชอบใจ เลยกะพูดเอาใจแม่ชัวร์
   

“ยูอาร์เวรี่กู๊ด!” แม่ยกนิ้วโป้งให้สองนิ้ว ยิ้มอย่างเป็นมิตร วิคเตอร์พยักหน้าเร็วๆ ส่งยิ้มกว้างกลับไป
   

“เจ้านายแมทตลกดีนะ” ผมก็เพิ่งรู้ว่าวิคเตอร์มีมุมตลกแบบนี้ด้วย ผมยิ้มให้แม่ เดินไปนั่งกินข้าวไข่เจียวอีกจานที่แม่ทำไว้ให้ ระหว่างทานข้าว แม่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดแอพดิคชันนารีเพื่อพูดคุยกับวิคเตอร์ แต่ก็ไม่ใช่ประโยคยาวๆ อะไรหรอก เป็นประโยคสั้นๆ ที่เข้าใจไม่ยาก เหมือนเขาสองคนเปิดครอสสอนภาษาให้กันมากกว่า แม่สอนภาษาไทยให้วิคเตอร์ อีกฝ่ายก็พูดภาษาอังกฤษตอบกลับมา คล้ายกับว่าสอนแม่ไปในตัว แต่เอาจริงๆ ผมว่าสองคนนี้คุยกันผ่านคำศัพท์ทีล่ะคำมากกว่า
   

“New York.”
   

“หือ นิวยอร์ก” แม่เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ผมแอบชำเลืองมองสีหน้างุนงงของแม่ แล้วเบนสายตากลับไปมองวิคเตอร์ที่มีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
   

“Allow me to take him to New York with me please? (อนุญาตให้เขาไปนิวยอร์กกับผมได้มั้ยครับ)” ปากที่กำลังเคี้ยวข้าวค่อยๆ ช้าลงๆ แม่หันมามองผมด้วยสายตางงๆ
   

“เขาว่าอะไรเหรอแมท” ผมกลืนข้าวไข่เจียวลงคอ เม้มปาก อ้าปากตอบคำถามของแม่อย่างปกติ
   

“ก็เรื่องที่เขาจะมาคุยกับพ่อกับแม่ด้วยเนี่ยแหละ” แม่ชะเง้อมองที่หน้าบ้าน พอเห็นว่าพ่อกำลังคุยกับลูกค้าอยู่หน้าร้านแม่เลยตัดสินใจไม่เรียก หันกลับมามองผมสองคน
   

“เขาว่าไงล่ะ” ผมมองไปทางวิคเตอร์ที่ยักคิ้วกลับมาให้เป็นเชิงว่าพูดเลย หันกลับมามองแม่อีกที พยายามปั้นน้ำเสียงให้ดูเป็นทางการขึ้นมาหน่อย
   

“คือคุณวิคเตอร์ เขาอยากให้แมทไปทำงานกับเขาที่นิวยอร์ก” ผมต้องหันไปแปลเป็นภาษาอังกฤษให้วิคเตอร์ฟัง เขาเคี้ยวข้าวเต็มปาก แต่ก็ส่งยิ้มให้แม่ผมอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู
   

“ทำตอนไหน ช่วงสองอาทิตย์นี้อะหรอ”
   

“เปล่าๆ สองอาทิตย์นี้เขาอยู่ที่ไทย ก็ช่วยเขาทำที่ไทย แต่คือหลังจากแมทเรียนจบอะ เขาอยากให้แมทกลับไปทำงานกับเขาต่อ ที่เขามาวันนี้ เขาจะมาขออนุญาต” สีหน้าแม่เหมือนคนเอ๋อไปนิดหน่อย คงกำลังอึ้งและงงในเวลาเดียวกัน ผมหันไปแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เขารับรู้ว่าตอนนี้กำลังบอกแม่เรื่องที่เขาขอให้ผมกลับไปนิวยอร์กด้วย เขาพยักหน้าหงึกๆ หันไปพูดกับแม่ด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ อีกครั้ง
   

“แม๊ทอาวเก่ง…” ผมเบิกตากว้างมองเขาอย่างตกใจ แม่ที่เหมือนเพิ่งได้สติหันไปมองวิคเตอร์แบบงงๆ กับประโยคที่เขาพูด
   

“เอ่อ… พ๊ม หมาย ว่า แม๊ท อาว กาน อาว งาน คั๊บ” รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยังไงไม่รู้ แม่ทำหน้าว่าเข้าใจ วิคเตอร์ยิ้มเหมือนเด็กน้อยผู้ใสซื่อ ทั้งที่จริงแล้วหน้าซื่อใจคด
   

“แล้วแมทต้องไปอยู่นานแค่ไหน จะได้กลับบ้านบ้างมั้ย” แม่หันมาถาม คำถามนี้ผมคิดว่าผมสามารถตอบเองได้โดยไม่ต้องหันไปถามความเห็นวิคเตอร์
   

“ก็คงทำไปเรื่อยๆ แหละ ส่วนเรื่องกลับบ้าน ถ้างานคุณวิคเตอร์เขาไม่ยุ่งมาก ยังไงแมทก็ต้องกลับมาอยู่แล้ว” แม่นิ่งคิดไปนิดหนึ่ง แอบหันไปมองวิคเตอร์ที่ยิ้มให้ทั้งที่ข้าวเต็มปาก แม่ยิ้มอ่อนโยนกลับไปให้เขา
   


“แม่ว่ามันก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับแมท แต่แม่ก็คงคิดถึงแมทมาก” ใจผมกระตุกกับน้ำเสียงและหน้าตาของแม่ แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่ครอบครัวหวานแหววนัก ผมเลยไม่ได้เดินเข้าไปกอดปลอบโยนหรือทำซึ้งตรึงใจอะไร
   

“แมทก็กลับมาไง ไม่ได้ไปทั้งชีวิต วันนึงถ้าแมทเก็บเงินได้เยอะแล้ว แมทก็คงกลับมา” บ้านผมไม่ได้ขัดสน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี มีกินมีใช้ แต่ก็ต้องหาเงินไว้เรื่อยๆ ถ้าผมจะเป็นอีกหนึ่งคนที่ช่วยหาเงินให้ที่บ้านได้บ้าง ก็น่าจะเป็นอะไรที่ดี
   

“แล้วเขาให้เงินเดือนแมทเท่าไหร่” ผมหันไปถามวิคเตอร์เป็นภาษาอังกฤษ เขาทำสีหน้าว่าเก็ทกับจุดประสงค์กับแม่ ก่อนจะชี้มาที่ผม
   

“Depend on him. (แล้วแต่เขาเลยครับ)” ผมหันไปบอกแม่ตามที่เขาบอก แม่มีสีหน้าทึ่งนิดหน่อย
   

“นี่ไปทำงานอะไรเนี่ย เขาถึงให้แมทเรียกเงินเดือนได้เอง”
   

“ก็คล้ายๆ ผู้จัดการเขาแหละ ดูแลเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวในบางเรื่อง” แม่พยักหน้ากับคำอธิบายที่ผมตอบไป วิคเตอร์มองหน้าแม่ลุ้นๆ
   

“ขอแม่คุยกับพ่อก่อน” ผมแอบใจแป้วเล็กๆ ที่แม่ไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่ก็อย่างว่า ท่านเป็นพ่อกับแม่เรา แล้วเราจะไปอยู่ไกลบ้านเกิด อยู่ห่างจากครอบครัว มันก็ต้องคิดอะไรหลายๆ อย่าง
   

“She has to talk with my father before deciding. (แม่ต้องคุยกับพ่อก่อนจะตัดสินใจได้ครับ)” วิคเตอร์ขวมดคิ้ว เขาคงกำลังนึกว่าจะได้คำตอบตามที่ต้องการเลย
   

“พ๊ม ฉอบ แมท นะคั๊บ” ใจผมหายวาบไปจากอกเมื่อตอนที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา เขามองแม่ด้วยสายตาจริงจัง ส่วนผมนี่มองแม่ด้วยสายตาหวั่นใจ ได้แต่ภาวนาว่าให้แม่เข้าใจว่าเขาชอบที่ผมทำงานดี
   

“ชอบลูกแม่เหรอคะ” แม่เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง หันมามองผมด้วยรอยยิ้มแปลกๆ ไอ้ยักษ์ยิ้มเบ้ปาก ยักไหล่กวนๆ กลับมา ผมยังคงยิ้มแต่ตานี่ถลึงมองเขาจนแทบจะเด้งออกจากเบ้าตา
   

“เขาคงหมายถึงว่า เขาชอบแมทเพราะแมททำงานดี” ผมหันไปบอกแม่ แม่ยิ้มกลับมาให้ผม พยักหน้ารับเบาๆ
   

“รีบกินเข้าเถอะ เผื่อเจ้านายเขามีงานต้องไปทำต่อ” ผมหันไปบอกวิคเตอร์ว่าให้รีบกิน แต่จริงๆ เหลืออีกไม่กี่คำเขาก็จะกินหมดแล้ว มีแต่ผมนี่แหละที่ควรจะรีบกิน
   

แม่ปล่อยให้ผมกับวิคเตอร์นั่งกินข้าวกันสองคน ส่วนตัวเองเดินไปช่วยพ่อเก็บร้าน พอแม่ลุกออกไป วิคเตอร์ก็ลุกมาหาผม มายืนคร่อมตัวผมไว้ ก้มหน้าลงมาใกล้กับหน้าผมจนผมตกใจ รีบหันไปมองพ่อกับแม่ที่ด้านหน้า
   

“ฉันอยากขึ้นไปบนห้องนอนนาย” เขาว่าเสียงกระซิบใกล้ๆ หูซ้าย ผมดันหน้าเขาออก กลัวพ่อกับแม่เข้ามาเห็น แค่ท่ายืนคร่อมหลังผมไว้นี่ก็ส่อมากเกินพอแล้ว
   

“ขึ้นไปทำไมครับ เดี๋ยวรีบกลับโรงแรมกันดีกว่า” ผมรีบยัดข้าวไข่เจียวคำสุดท้ายเข้าปาก ยังมิวายหันไปมองหน้าบ้านที่พ่อกับแม่กำลังช่วยกันเก็บร้านอยู่
   

“อยากเห็นห้องนอนของเอเลี่ยนน้อยว่าเป็นยังไง” ผมหันไปมองเขาด้วยสายตาแปลกใจ แต่เขากลับยิ้มและพยักหน้ายืนยันกับพูดนั้นจริงๆ
   

“ขึ้นไปบนห้อง เดี๋ยวพ่อกับแม่ผมก็สงสัยน่ะสิ”
   

“แปบเดียวเอง” ผมทำสีหน้าลำบากใจ ส่วนวิคเตอร์ทำสีหน้าว่าอยากขึ้นไปตามที่บอกจริงๆ
   

“แมท…” ผมหน้าตื่น รีบดันหน้าวิคเตอร์ออก ลุกขึ้นยืนอย่างเร็ว แม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
   

“เดี๋ยวแม่กับพ่อจะพาคนงานแถวบ้านไปหาหมอนะ ออกไปแล้วก็ล็อคประตูบ้านด้วย” ผมทำหน้านิ่วใส่แม่ทันที
   

“อีกแล้วหรอ พ่อกับแม่ให้เขารบกวนอีกแล้วนะ”
   

“เอาน่ะ ช่วยได้ ก็ช่วยๆ กันไป”
   

“แม่ก็พูดอย่างนี้ทุกที พวกนั้นถึงไม่เกรงใจแม่” แม่โบกไม้โบกมือว่าไม่อยากฟัง หมุนตัวเดินออกไปสมทบกับพ่อ ผมได้แต่ขมวดคิ้วมองตามหลังแม่ไปกับความมีน้ำใจของพ่อและแม่ที่ช่วยคนอื่นจนบางครั้งตัวเองโดนริดรอนความเป็นส่วนตัวไปหมด ใช้ว่าผมแล้งน้ำใจ เรื่องช่วยเหลือคน ถ้าช่วยได้ก็ช่วย แต่ถ้าช่วยแล้วมันเริ่มเกินขอบเขต ผมว่าก็ควรพอ
   

“What’s going on? (มีอะไรเหรอ)” ผมหันหน้าเซ็งๆ ไปหาวิคเตอร์
   

“พ่อกับแม่พาคนเจ็บไปโรงพยาบาลครับ เขาฝากปิดบ้าน ก่อนเราออกไป” วิคเตอร์พยักหน้าหงึกหงัก
   

“แล้วทำไมนายทำหน้าแบบนี้ล่ะ” เขายกนิ้วโป้งสองมือขึ้นมาคลึงคิ้วผมที่ขมวดอยู่
   

“ผมแค่เบื่อคนที่พ่อกับแม่ช่วยน่ะ คือบางครั้งพวกเขาก็ไม่ค่อยมีความเกรงใจกับพ่อและแม่เท่าไหร่ บางทีนอนๆ อยู่ก็มาเรียกพ่อกับแม่ให้พาไปโรงพยาบาล เพราะว่ากินเหล้าเมาแล้วทะเลาะกันจนเลือดออก” วิคเตอร์ทำหน้าว่า อ้อ ปล่อยมือออกจากคิ้วผม เขาโน้มหน้าลงหอมที่หว่างคิ้วผมหนึ่งที
   

“พ่อกับแม่นายเขาคงมีความสุขที่ได้ช่วย” ผมพยักหน้า ที่เขาพูดนั่นก็ไม่ผิดหรอก ผมเข้าใจนะว่าการได้ช่วยเหลือคนมันเป็นอะไรที่อิ่มใจ อย่างตอนที่ผมช่วยซื้ออาหารให้โฮมเลสที่นิวยอร์กกิน น้ำตาผมก็ไหลด้วยความตื้นตันใจกับความดีของตัวเอง (นานๆ ทีจะทำ)
   

“จะกลับเลยมั้ยครับ หรือจะขึ้นไปดูห้องนอนผมก่อน” วิคเตอร์ยิ้มแฉ่ง พยักหน้าเร็วๆ ทันที
   

“ฉันอยากเห็นว่าเอเลี่ยนน้อยแต่งห้องนอนยังไง” ผมแอบแลบลิ้นเขินๆ กับรอยยิ้มหล่อๆ ของเขา พาเขาเดินออกจากห้องครัว เดินขึ้นบันไดบ้านไปชั้นสองที่มีห้องนอนของผมอยู่ แม่กับพ่อก็นอนชั้นสอง แต่ว่าอยู่คนล่ะฝั่งกับผม ส่วนชั้นสามเป็นห้องนั่งเล่นของครอบครัว มีห้องพระ ห้องทำงานของพ่อ ห้องน้ำสำหรับชั้นสามหนึ่งห้อง
   

ผมพาเขาเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องนอนตัวเอง เปิดประตูเข้าไป เปิดไฟให้ห้องสว่าง วิคเตอร์กวาดตามองไปรอบๆ พร้อมรอยยิ้ม เขามองไปรอบห้องคล้ายว่ากำลังตื่นเต้น
   

“ห้องผมไม่มีอะไรมากหรอกครับ” เขาไม่ได้ตอบอะไร เดินไปนั่งลงบนปลายเตียงของผมที่มีสติชสีฟ้าและโทนี่ ช้อปเปอร์สีชมพูวางอยู่ครึ่งของเตียง วิคเตอร์หันไปมองบนเตียง เอื้อมตัวไปหยิบหมวกของโทนี้ ช้อปเปอร์ใบใหญ่ที่ผมวางไว้บนหัวเตียงมาจับๆ สักพัก แล้วก็เอาใส่หัวตัวเอง หันมามองผมแล้วยิ้มแป้นมาให้ ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขาทำแบบนั้น เพราะเขาช่างดูน่ารักน่าชัง คือหนังหน้าคนหล่อๆ นี่จะทำอะไร จะใส่อะไรมันก็ดูดีไปหมดเลยเนอะ
   

“มองนานๆ ฉันคิดค่ามองนะ” เขายิ้มทะเล้น ผมยิ้มเบ้ปากกลับไป ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแลคสีดำ แล้วยื่นมือที่กำออกไปตรงหน้าเขา ไอ้ยักษ์หน้าหนวดที่ใส่หมวกสีชมพู่น่ารัก มองมือผมตาแป๋ว
   

“อะ ให้ค่ามอง หนึ่งดอลล่าร์” ผมฉีกยิ้ม วิคเตอร์ทำหน้าเข้าใจมุกที่ผมเล่น เขายิ้มมุมปาก ยื่นมือมาฉุดแขนผมให้ล้มลงไปทับตัวเขาที่นอนลงไปบนเตียงอีกที ผมหัวเราะเสียงดังเมื่อตอนที่เขาพลิกให้ร่างผมลงไปอยู่ด้านล่าง แล้วเขาก็ขึ้นไปคร่อมอยู่ด้านบนแทน ผมยิ้มจนแก้มป่อง มองคนหน้าหนวดใส่หมวกแสนแบ๊ว มันไม่ค่อยเข้ากันหรอก แต่ก็น่ามองอยู่ดี
   

“ไม่พอหรอกนะ นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนโลภมาก” เขาส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม มองผมด้วยสายตาระยิบระยับ ผมอ้าปากค้าง รับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังสื่ออะไรอยู่
   

“นี่มันบ้านผมนะ” ผมบอกเขาเสียงตื่น ทำท่าจะลุกขึ้น แต่ไม่ทันแล้ว ไอ้ยักษ์จับผมกดข้อมือลงกับเตียงนอนเนื้อนุ่มสบาย เข่าสองข้าง ล็อคเอวผมไว้ไม่ให้ดิ้นหนี
   

“พ่อกับแม่นายออกไปแล้ว เหลือแต่เราสองคนจะกลัวอะไรล่ะ” เขายิ้มทะเล้นกลับมาให้ ผมดีดขาสู้ทันที ทั้งที่รู้ว่าดีดไปก็เท่านั้น เพราะวิคเตอร์นิ่งแบบไม่สะเทือนเลยเหอะ ผมไม่ได้ตื่นกลัวที่จะมีอะไรกับเขา แต่เพราะสถานที่ที่จะมีอะไรกันต่างหากที่ทำให้ผมตื่นกลัว
   

“คุณบอกว่าจะแค่ขึ้นมาดูห้องนอนผมเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ” ผมเบิกเปลือกตากว้างขึ้น  วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นทำหน้ามึนใส่ ก่อนค่อยๆ แสร้งยิ้มใสซื่อกลับมาให้
   

“ใครเขาจะแค่ขึ้นมาดูห้องนอนแฟนตัวเองกันล่ะ ฉันได้มาบ้านนายบ่อยๆ ซะที่ไหน มาแล้วก็ต้องใช้เตียงนายให้คุ้มสิ” นั่นไง! ยิ้มแพรวพราวพริ้งเพริดแพร้วมาก แววตานี่ระยับเชียวนะ
   

“วะ… วิคเตอร์ ไม่ดีมั้ง…”
   

“ตอนอยู่นิวยอร์ก เราก็ใช้แต่เตียงฉัน พอมาไทย บ้านเกิดนาย เราก็ควรใช้เตียงนายด้วย เราจะได้เท่าเทียมกันไง” อะไรคือการเท่าเทียมของไอ้ยักษ์ ฉันรู้ไม่เท่าทันแกน่ะสิ!


วิคเตอร์กรีดยิ้มร้ายกาจที่มุมปากซ้าย  เขาดันข้อมือผมขึ้นไปเหนือหัวทั้งสองข้าง ใช้มือซ้ายจับไว้แน่น มือขวาเอื้อมไปดึงหมวกทรงสูงของโทนี่ ช้อปเปอร์ออกจากหัวแล้ววางลงบนเตียง เอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อตัวเองทีล่ะเม็ด ทีล่ะเม็ด จนมันหลุดออกจากรังกระดุมทุกเม็ด เผยให้เห็นกล้ามท้องและอกกว้างอันแน่นหนาของเขา
   

“นายเป็นเจ้าของห้อง ต้องต้อนรับแขกให้ดีนะรู้มั้ย โดยเฉพาะถ้าแขกคนนั้นเป็นแฟนนาย” แล้วเขาก็ก้มลงมาประกบจูบปากผม ตอนแรกตกใจนิดหน่อยเพราะเขาบุกแบบไม่ทันตั้งตัว แต่พอตั้งตัวได้ ผมก็ต้อนรับแขกคนสำคัญของผมอย่างดีตามที่เขาปรารถนา
   
   
TBC.  :hao7:


ปล่อยให้เขาไปต้อนรับขับสู้กันเองเนาะ 55555 ใครอยากแอบดู ปีนบ้านแมทสิ อยู่ชั้นสองแน่ะ -.,-
มันจะเอื่อยๆ เฉื่อยๆ หน่อยเนาะ ยังไงเข้าไปอ่านคำอธิบายได้ที่เพจค่ะ ตรงโน้ต หัวข้อว่า เม้าท์ฯ นอกรอบกับความเอื่อยเฉื่อยของพาร์ท OnlY You คนที่กดไลค์เพจน่าจะได้อ่านไปบางส่วนแล้ว

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ  :mew3:



หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 100%} 01.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 01-09-2015 00:20:30
พี่วิคเตอร์เจ้าเล่ห์น่ะ งี้เขาเรียกว่าหลอกแอ้ม แล้วพี่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 100%} 01.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 01-09-2015 00:23:14
เย้ มาสักที เอ๊ะรู้สึกเหมือนมีคนบอกจะเอามาลงเมื่อวานนะ ไหงมาลงวันนี้หละ อิอิ

โอย สองคนนี้หนิ ทำอะไรไม่ดูสถานที่เล้ย ถามหน่อยพวกนายล็อคบ้าน ล็อคห้องยังคะ ระวังนะ... ตอนนี้ก็เอาใจแม่ยายกันไป ฮิ้ววว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 100%} 01.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-09-2015 00:58:14
หููรูดแมทไม่แย่เอาหรือ เห็นลากเห็นคร่อมกันตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 100%} 01.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-09-2015 01:12:30
ตอนที่แม่บอกแมทว่าคงคิดถึงแย่เลยถ้าไปny เรางี้สะอึกเลยค่ะ  ดูเศร้าจัง :mew6: ยังไงก็ลูกอะนะถึงแม้ไม่หวานแหววแต่ความผูกพันและความรักก้อไม่ได้น้อยเลย  สงสารรรรรร
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 100%} 01.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 02-09-2015 21:57:31
วิคเตอร์น่ารักนะตอนนี้ เหมือนได้เห็นอีกด้านนึงของวิเตอร์เลย เจ้าเล่ห์ แล้วก็ทะเล้น ลุ้นๆ ขอให้พ่อแม่ของแมทน้อยอนุญาติด้วยเถอะ แต่ก็นึกถึงหัวอกคนเป็นแม่ มีลูกคนเดียว แล้วไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ต้องคิดถึงและเป็นห่วงลูกมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 100%} 01.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 03-09-2015 15:50:34
ยักษ์อย่างวิคเตอร์เนี่ย หื่นได้ทุกที่จริง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.8 100%} 01.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-09-2015 15:58:15
วิคโด๊ปอะไรมาเนี่ย หื่นเกือบ 24 ชั่วโมง  :jul3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 03-09-2015 16:39:05
ONLY YOU : EPISODE 9 : ONLY ME. [100%]
SPECIAL VIEWPOINT BY VICTOR RAYMOND



หลังจากต้อนรับขับสู่กันบนเตียงของเอเลี่ยนน้อยไปหนึ่งยกตามความอยากของผมที่อยากอึ๊บแฟนตัวเองบนเตียงนอนของเขา ผมก็พาแมทในสภาพสะลึมสะลือกลับมาที่โรงแรม มันเป็นความรู้สึกชื่นใจเล็กๆ ในอกที่ได้จับแมทกินบนเตียงที่เขาใช้นอน เขาเรียกว่าอะไรนะ ฟินใช่มั้ย? ถ้าใช่ล่ะก็ ผมฟินมาก เพราะผมเชื่อว่าแมทไม่เคยพาผู้ชายคนไหนเข้าบ้านและไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเคยได้นอนบนเตียงเขามาก่อน แต่ผมคือคนแรกนี่ไง !


เรากลับมาถึงโรงแรมเกือบเที่ยงคืน ตอนออกมารถเราสวนกับรถของพ่อกับแม่แมทพอดี แต่ไม่รู้ว่าพ่อตาแม่ยายผมจะเห็นรึเปล่า ผมจอดรถได้ก็หอบผ้านวมของแมทที่เลอะน้ำรักของเราสองคนไว้ในอ้อมแขน แมทกลัวพ่อกับแม่เห็นเลยหอบมาซักที่โรงแรมด้วย ผมใช้อีกมือเดินจูงมือแมทเข้าไปในโรงแรม เอเลี่ยนน้อยตาปรือคล้ายจะหลับอยู่ตลอดเวลา สงสัยเพราะรับศึกหนักจากผมตั้งแต่วันแรกที่กลับมาคุยกันหลังจากที่ห่างหายกันไปนานสองเดือน
   

“พวกอันเดรมันตื๊อชวนไปเที่ยวด้วยกันอยู่ อยากไปมั้ย” ผมถามเขาตอนที่เรากำลังรอให้ลิฟต์ขึ้นไปบนชั้นที่ผมพัก แมทหันมาอ้าปากหาวใส่ผมพลางส่ายหัวปฏิเสธไปมา หน้าตาเขางัวเงียๆ ดูแล้วช่างน่าฟัดซะจริง
   

“ถ้าคุณอยากไป จะไปก็ได้นะ แต่ผมขอนอนดีกว่า ไม่ไหวแล้ว ง่วง” เด็กน้อยพูดไปตาปรือไป ผมยิ้มเอ็นดู เดินจูงมือเขาออกจากลิฟต์ตอนที่มันมาถึงชั้นที่ผมพัก พาเขาเดินไปที่ห้อง พอเปิดประตูได้แมทก็เดินตัวลอยเข้าไปในห้อง วางกระเป๋าเป้แต่กอดตุ๊กตาตัวโปรดสองตัวเข้าไปในห้องนอน ล้มตัวลงนอนบนเตียงคิงไซส์ทันที
   

“ให้ฉันไปจริงเหรอ” ผมถามพลางวางผ้านวมเขาลงบนโซฟา เดินเข้าไปในห้องนอน นั่งลงข้างร่างเล็กๆ ที่นอนตะแคงกอดตุ๊กตาไว้แน่น
   

“ให้ไปสิ ทำไมจะไม่ให้ไปล่ะ…” เขาพูดเสียงงึมงำ ตาปิดอยู่แต่ปากก็ขยับตอบผม
   

“ไม่กลัวฉันไปจีบสาวอื่นรึไง” ผมแกล้งถามเขา แมทหันหน้าง่วงๆ มามองโดยที่คิ้วเขาขมวดมุ่นอยู่ เปลือกตาคล้ายจะปิดแต่ปิดไม่มิด
   

“อยากจีบก็จีบไปเลย” ว่าเสียงงอนๆ เสร็จก็พลิกตัวกลับไปนอนท่าเดิม ผมหัวเราะเบาๆ ถอดหมวกออกจากหัว ล้มตัวลงนอนซ้อนหลังเขา มือขวาลูบแขนเนียนๆ ของเขาไปมา มือซ้ายก็ลูบหัวเขาอย่างเบามือ
   

“ใจร้ายจัง ไม่หวงฉันเลย” ผมมองเสี้ยวหน้างอนตุ๊บป่องของเขาเลยอดจะก้มลงไปหอมแก้มเขาไม่ได้
   

ฟอด~
   

แมทลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วหันมามองผมพร้อมแบะปากนิดๆ ผมยิ้มกริ่มก้มมองหน้าเขา ก้มหน้ากดจูบลงบนหน้าผากเหม่งๆ ของเขาหนึ่งครั้ง
   

“หวงสิ แต่จะทำอะไรได้ถ้าคุณจะมี แต่คือ…” แมททำสีหน้าลำบากใจ แต่ในที่สุดก็พูดออกมา
   

“…ถ้ามีอะไรกับใคร ป้องกันด้วยนะ” เขาว่าเสียงหงอยๆ พร้อมหน้าตาซึมๆ ผมยิ้มค้าง รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เขาพูดออกมา แมทมองผมด้วยสายตาหงอยเหงาปนความเศร้าหน่อยๆ
   

“พูดอะไรออกมาน่ะ รู้ตัวรึเปล่า” ผมถามเสียงเครียดหลังจากตั้งสติได้ ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่เขาคิดแบบนี้
   

“ผมแค่กลัวว่าคุณอาจจะคิดถึงของผู้หญิงน่ะ” ผมถอนหายใจด้วยใบหน้าตึงๆ ในใจนึกหงุดหงิดที่เขาเอาแต่คิดอะไรทำนองนี้อยู่เรื่อย แต่ก็ไม่อยากแสดงท่าทีไม่ดีใส่เขามาก วันนี้เพิ่งเป็นวันแรกที่เรากลับมาคุยกัน และเพิ่งเริ่มคบกันอย่างจริงจัง อีกอย่างแมทก็อยู่กับผมมานานพอสมควร เขาก็เห็นอะไรมาเยอะแยะ จะคิดกลัวก็คงไม่แปลก อาจจะต้องให้เวลาเขาหน่อย
   

เพราะขนาดผมเองก็ยังไม่ค่อยจะไว้ใจตัวเอง แต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด และที่สุดที่ผมต้องการคืออยากให้แมทมั่นคงในตัวผมมากๆ
   

“ที่ไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลงเลยคือการที่นายชอบคิดมากเนี่ยแหละ” ผมลูบหัวเขาอย่างเลื่อนลอย มือขวาเอื้อมไปดึงมือเขามากุมไว้หลวมๆ
   

“คุณคิดน้อยต่างหาก” แน่ะ! หลอกด่าผมอีกละ
   

ผมยิ้มหึๆ แกล้งทำตาโตคาดโทษเขา แมทยิ้มยิงฟันตาหยี เห็นแล้วอยากขยี้ให้สลบไปสักสามวัน
   

“คิดเยอะแบบนาย คงปวดหัวทั้งวัน” แมทยิ้มกร่อยๆ แล้วถอนหายใจเบาๆ หมุนตัวหันเข้าหาผม เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมด้วยสายตาอ่อนโยน
   

“แรกๆ อะไรมันก็ดีไปหมดแหละครับ” เป็นฝ่ายผมบ้างที่ถอนหายใจ ผมหยิบตุ๊กตาที่เขาพกติดตัวมาด้วยออกจากวงแขนเขาแล้วเอาไปวางไว้บนเตียงที่ว่างๆ ก่อนจะยกตัวเขาขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวผม แมทล้มตัวลงมานอนบนอกผม ใช้มือซ้ายรองคางเอาไว้ ตากลมแป๋วของเขาสบตาผมอย่างใสซื่อ
   

“ฉันรู้ว่ามันยาก แต่เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ตกลงมั้ย” ผมจับมือขวาของเขาขึ้นมาจูบหลังมือ แมทยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง ทำหน้ายึกยักไปมาราวกับพยักหน้าตอบรับ ผมยิ้มขำกับท่าทีของเขา
   

“ใครสอนภาษาไทยให้คุณเหรอ” แมทเอียงคอถามด้วยความสงสัย ผมยิ้มเขินกับคำถามเขา
   

“หนังสือกับดีวีดีสอนภาษาไทย” แมทตาโตขึ้น กระพริบตาปริ๊บๆ มองผมคล้ายว่าจะทึ่งอยู่ไม่น้อย
   

“คุณเรียนด้วยตัวเองเลยเหรอ” น้ำเสียงเขาก็ทึ่งไม่แพ้สีหน้าเช่นกัน ผมยิ้มหล่อๆ และยักคิ้วให้เขาสองที แมทอ้าปากหวอ
   

“โห… หล่อแล้วยังเก่งอีก” ผมยิ้มกว้างและหัวเราะ ชอบจริงๆ เวลาโดนเขาชมว่าหล่อเนี่ย มีคนชมผมเยอะแยะ เพราะผมถ่ายแบบมามาก พวกช่างกล้อง สไตล์ลิสต์ ช่างทำผม หรือคนในแวดวงบันเทิง ก็เอ่ยชมผมอย่างนี้บ่อยๆ จนกลายเป็นคำปกติไปแล้ว แต่เวลาแมทชมทีไร คำธรรมดาๆ ที่ผมได้ยินบ่อยๆ จะฟังดูพิเศษขึ้นมาทันทีเมื่อออกมาจากปากสีชมพูซีดๆ นั่น
   

“นั่งท่องเป็นอาทิตย์เลยนะ เพราะฉันตั้งใจจะมาหาพ่อกับแม่นายด้วย กะว่าจะเอาภาษาไทยมามัดใจพวกเขา จะได้เป็นเขยฝรั่งเร็วๆ” แมททำตาโตคล้ายนกฮูกแล้วพูดด้วยเสียงประหลาดใจ
   

“รู้จักคำนี้ด้วย?!” ผมยิ้มขำกับสีหน้าท่าทางของแมทที่ดูตะลึงงึงงัน
   

“ฉันก็รู้อยู่ไม่กี่คำหรอก ภาษาไทยนี่ไม่ง่ายเลยนะ” ผมทำหน้าแหยงๆ นึกถึงวันที่ตัวเองนั่งเปิดดีวีดีและหนังสืออ่านเองเพื่อเตรียมตัวมาเจอพ่อแม่แมทแล้วอยากจะอ้วกออกมาตอนนี้ พูดโคตรยาก ขยับปากแต่ละครั้งผมนึกว่าตัวเองป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เล่นเอาผมมึนไปหลายวัน ผมพูดไม่ได้ทุกคำหรอก เอาแค่คำที่ผมคิดว่าควรพูด หรือพูดแล้วน่าจะได้ใจพ่อกับแม่แมท ตอนพูดกับพ่อกับแม่เขาผมก็แอบตื่นเต้นนะ กลัวขยับปากไม่ชัด
   

“แต่ก็ถือว่าคุณทำได้ดีมากแล้วนะ เรียนเองแล้วได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว” แมทยิ้มแฉ่งเป็นการชื่นชมผม ผมดึงมือขวาเขามาจูบไปทั่วหลังมือ
   

“แต่ฉันอยากเก่งภาษาไทยกว่านี้นะ จะได้พูดกับนาย กับพ่อแม่และคนรอบตัวนายได้ง่ายๆ” แมทยิ้มอ่อนโยน แววตาเปล่งประกายด้วยความดีใจ
   

“ไว้ผมจะสอนให้นะครับ”
   

“ไอ้ห่ามาก” แมทที่กำลังยิ้มดีใจถึงกับยิ้มเงิบเมื่อผมเอ่ยชมตามที่เขาสอน ผมแอบยิ้มขำที่เห็นเขาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมรู้แล้วละว่าจริงๆ คำนี้แปลว่าอะไร ก็ในหนังสือกับดีวีดีสอนภาษาไทยบอกไว้น่ะสิ แต่ผมกลับชอบความหมายที่แมทแกล้งสอนผมนะ มันเป็นภาษาไทยคำแรกที่เขาสอนผม ฉะนั้นผมเลยขอจำความหมายนี้ไว้ดีกว่า
   

“ถอดเสื้อผ้าออกหน่อยสิ ฉันอยากให้นายโป๊” แมทชะงักกับคำขอของผม แล้วแก้มใสๆ ป่องน้อยๆ ของเขาก็แดงระเรื่อ ผมยิ้มหื่นไปให้และพยักหน้ายืนยัน
   

เอเลี่ยนน้อยมีท่าทีเขินอายแต่ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เขาถอดเสื้อยืดออก ส่งมาให้ผมรับไว้ ผมโยนไปบนพื้นห้องอย่างไม่สนใจ แมทปลดกระดุมกางเกงขาสั้นออก ดึงลงพร้อมกางเกงชั้นใน แมทน้อยที่กำลังหลับอยู่ ห้อยหัวทักทายผม ผมโยนกางเกงแมทลงไปบนพื้นเช่นกัน แล้วค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงไว้ ดึงให้แมทลงมานั่งคร่อมตัก สุดที่รักผมนั่งแบะขาคร่อมตักผมไว้ สองมือยกมาโอบล้อมรอบคอผม ผมยิ้มเยิ้ม มองเขาอย่างมัวเมา แมททำหน้าทำตาเหมือนไปไม่ถูก
   

“ตามใจฉันตลอดไปเลยนะ อย่าดื้อกับฉันนะรู้มั้ย” ผมบอกเสียงนุ่มพลางก้มลงไปจูบซอกคอเขาแรงๆ ดูดเม้มหนักๆ จนมันขึ้นรอย แมทแหงนหน้าขึ้นเพื่อให้ผมกดจูบได้สะดวก
   

“คุณก็อย่าเอาแต่ใจมากนักนะ… อา…” แมทครางเบาๆ ตอนที่ผมใช้ลิ้นเลียจากซอกคอเป็นทางยาวไปถึงติ่งหูซ้ายและไล้วนในรูหูเขาเบาๆ
   

“ไม่ได้หรอก ฉันอยากให้นายเอาใจฉัน อยากให้นายรักฉันคนเดียว…” ผมพร่ำกระซิบบอกชิดใบหูของเขา ค่อยๆ ดึงหน้าออกมามองสีหน้าอันอ่อนระทวยของเอเลี่ยนน้อย ก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนโยนแต่งแฝงความหมายไว้เต็มเปี่ยม
   

“I must be the one to you. Only me—understood? (ฉันต้องสำคัญสำหรับนายที่สุด แค่ฉันคนเดียว รู้มั้ย)” สายตาของแมทสั่นน้อยๆ แต่ก็พยักหน้ารับ ผมมองอย่างสงบนิ่ง
   

“Yes, only you. (ครับ แค่คุณคนเดียว)” ผมยิ้มปลื้มใจที่ได้ยินคำนั้นจากปากเขา ผมเชื่อว่าแมทจะทำอย่างที่เขาบอก เพราะผมเชื่อว่าเขารักผมอย่างที่เขาบอกจริงๆ
   

“ยั๊ก หรั่ก เอเลี่ยน น๊อย” ผมพยายามขยับปากช้าๆ ชัดๆ ตามที่ฝึกพูดมา แทบจะขาดใจกว่าจะพูดประโยคนี้ได้ แมทค่อยๆ คลี่ยิ้มจนกลายเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างสดใสแบบที่เป็นตัวเขา แมทกอดคอผมแน่น ซุกหน้าเข้ากับซอกคอผม เอาใจผมด้วยการหอมแก้มและแช่ค้างไว้สักพัก ก่อนจะเอาแก้มแนบแกมผมไว้ ผมกดจูบลงบนขมับเขาหนึ่งที สองมือเลื่อนลงไปบีบขย้ำก้นกลมกลึงของเขาแรงๆ
   

“แฟนใครทำไมน่ารักจัง” เสียงหัวเราะคิกคักแบบที่ผมชอบฟังดังขึ้นข้างหู ผมยิ้มกริ่ม ลูบไล้สองมือไปทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขา
   

“แฟนเด็กน้อยแถวนี้” แมทหัวเราะเสียงสดใส ดึงหน้าตัวเองออก สองแขนคล้องคอผมไว้แน่น ใบหน้าเราอยู่ห่างจากกันเพียงปลายจมูกกั้น เราคลี่ยิ้มประชันกันยกใหญ่
   

“ยังอยากไปเที่ยวอยู่มั้ย” เขาถามพลางเอาปลายจมูกถูไถกับปลายจมูกผมเบาๆ สองมือผมเลื่อนลงไปกอบกุมก้นเขาไว้อีกรอบ


“ไม่ไป ถ้าไปเดี๋ยวมีคนนอนร้องไห้แน่ๆ” ผมแกล้งหยอก แมททำปากเป็ด ย่นคิ้วหน่อยๆ ให้ดูกระเง้ากระงอดพอประมาณ


“ผมไม่ร้องสักหน่อย” เขาว่าเสียงอู้อี้ ผมยิ้มหึๆ ยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากเขาเบาๆ


“ไม่ร้องแต่เดี๋ยวก็ซึมทั้งคืน” แมทย่นจมูกใส่ผม แล้วสักพักสีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นลำบากใจอีกครั้ง


“แต่ถ้าคุณอยากไป ไปได้จริงๆ นะ อย่ากังวลกับผมเลยครับ เดี๋ยวจะหมดสนุกเปล่าๆ” เขาคิดถึงผมเสมอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมยิ้มบางๆ ยกมือขวาลูบหัวเขา สีหน้าแมทเลยดีขึ้นมาหน่อย


“ไม่ล่ะ นายไม่ไป ฉันก็ไม่อยากไป นอนกอดนายสนุกกว่าอีก” เอเลี่ยนตัวจ้อยขมวดคิ้วแล้วเอียงคอมองหน้าผม


“นอนกอดผมสนุกตรงไหน” ทำหน้าทำตา มันน่าขย้ำนักเชียว


“ก็สนุกตรงที่กอดนายไง” แมทขมวดคิ้วเป็นปมแน่นขึ้น ริมฝีปากอ้าเผยอน้อยๆ


“โวะ พูดวกไปวนมา” ผมได้แต่ยิ้ม สองมือมือลูบๆ คลำๆ บีบๆ ก้นเขาอย่างเพลินมือ ก้นเอเลี่ยนน้อยนี่นิ่มดีจัง


“ผมชอบคุณยิ้ม” เขาบอกเสียงใส ยิ้มแฉ่งมาให้ ผมเลยยิ่งยิ้มกว้างตอบเขากลับไป


“เห็นแล้วมีอารมณ์เหรอ”


“ม่ายช่าย ยิ้มแล้วหล่อไง” ผมหัวเราะหึๆ โน้มหน้าจุ๊บปากเขา หลายๆ ที จนแมทส่งเสียงหัวเราะคิกคัก


“ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้มานอน เดี๋ยวผมนอนรอนะ”


“ถอดเสื้อผ้าให้หน่อยสิ” แมทยู่หน้าใส่ผมทันที


“เดี๋ยวก็ไม่ได้อาบน้ำหรอก” ผมหัวเราะดังพอประมาณกับอาการรู้ทันของเขา


“น่านะ แค่ถอดเสื้อผ้าอย่างเดียว แข็งยังไงฉันก็จะทน” แมททำหน้าอึกอัก แต่ก็เลื่อนแขนออกจากคอผมลงไปปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ผมขยับตัวเพื่อให้เขาดึงเสื้อออกจากแขนผมได้ถนัด ผมแอบก้มลงมองแมทน้อยที่เริ่มจะตื่นตัวขึ้นมา นึกขำในใจว่าเขาเอาแต่ว่าผมหื่น เขาเองก็ไม่แพ้ผมหรอก แต่แค่ไม่ตื่นง่ายเท่านั้นเอง แต่ถ้าผมปลุกเขาก็พร้อมคล้อยตาม


ถ้าจะบอกว่าเราสองคนเหมือนน้ำมันกับไฟที่ใกล้กันทีไร ไฟ (รัก) ก็ลุกโชน ก็คงจะไม่ผิดนักหรอก แต่ในขณะเดียวกันแมทก็เหมือนน้ำเย็นธรรมดาที่คอยดับไฟ (ร้อน) ในใจและในกายของผมเช่นกัน


แมทลุกนั่งเอาเท้ายันพื้นนั่งยองๆ เหนือผมไว้ สองมือของเขาแกะกระดุมและรูดซิปกางเกงลง ผมยกก้นขึ้นเพื่อให้เขาดึงกางเกงออกจากขาผมได้สะดวก แมทลุกขึ้นเดินถอยหลังไปนั่งตรงปลายเท้าผม ยกเท้าผมขึ้นทีละข้างและค่อยๆ ดึงกางเกงยีนออกจากข้อเท้าผมจนหลุดออกไปทั้งหมด ผมดึงขาตัวเองไปไขว้กันไว้ ตบลงบนหน้าตักทั้งสองข้างเบาๆ เป็นสัญญาณให้แมทมานั่งลง แมทคลานเข่าเข้ามาหาผมช้าๆ ผมใจร้อนยืดมือขวาไปคว้ากลางลำตัวของเขาที่เริ่มแข็งตัว


“ฮา…” แมทผ่อนลมหายใจอ่อนๆ ออกมา ตอนที่ผมแกล้งดึงกระตุกของเขา เร่งให้เขาคลานเข่าเข้ามาหา ผมจับตรงนั้นของเขาไว้จนกระทั่งเขามานั่งคร่อมบนตักอีกรอบ ผมถึงปล่อยแล้วเอาแขนโอบรอบเอวเขาไว้แทน เอเลี่ยนน้อยมองหน้าผมอย่างเคอะเขิน หน้าเขาแดงก่ำจนผมต้องโน้มหน้าไปหอมแก้มป่องๆ นั่น


“นายแข็งก่อนฉันอีกนะ”


“ก็คุณดึงมันทำไมล่ะ” เขาว่าเสียงงุ๊งงิ๊ง


“ก็มันกล้าชี้หน้าฉัน” ผมหัวเราะขำกับมุกกากๆ ของตัวเอง แมทได้แต่ทำปากยู่ ผมเลยโน้มหน้าไปจูบเขาซะ ผมครอบครองริมฝีปากเขา ดูดดึงริมฝีปากล่างบนอย่างหวงแหน ลิ้นอุ่นๆ ก็เข้าไปคลอเคลียกับลิ้นเล็กๆ ของเขา เราจูบแลกลิ้นอยู่สักพัก ผมก็ผละหน้าออก


“อาบน้ำกับฉันมั้ย”


“คุณอาบเถอะ ผมอาบแล้ว”


“แต่ฉันอยากให้นายอาบด้วย ไปอาบกัน” เขาทำท่าจะปฏิเสธ แต่ผมลุกขึ้นนั่งชันเข่า เอามืออุ้มก้นสองข้างเขาไว้ ค่อยๆ ยืนขึ้นบนเตียง แมทเลยต้องเอาขาเกี่ยวเอวผมไว้เพราะกันตัวเองตก ผมค่อยๆ พาเขาเดินลงจากเตียง ก้มลงไปหอมแก้มเขาระหว่างเดินช้าๆ ตรงไปที่ห้องน้ำ ไอ้ลูกชายผมชี้ตรงแหน่ว ไอ้อยากมันก็อยาก แต่ไม่รู้แมทจะยอมมั้ย เพราะวันนี้ก็โดนผมซัดไปหลายรอบแล้ว กลัวเขาจะหมดแรงทำอย่างอื่น แต่มันก็ไม่ได้ติดๆ กันอย่างที่ผมเคยทำกับเขา เรายังมีช่วงเวลาพักเบรกทำอย่างอื่นบ้าง ไม่ได้คอนตินิวท์แบบที่เคยทำ เพราะครั้งนี้ผมไม่ต้องรีบตักตวงอะไร แต่ที่ทำหลายรอบเพราะคิดถึงล้วนๆ คงเพราะเพิ่งกลับมาเจอกันผมเลยยังคันเขี้ยวอยู่ นี่ก็คันอีกละ (คันอะไร?) ไม่รู้เขาจะว่าไงบ้าง น่าจะยอมอยู่ละมั้ง เดี๋ยวต้องลองตะล่อมก่อน ถ้าไม่สำเร็จค่อยขืนใจเขาแล้วกัน หึๆ


ผมกับเขาอาบน้ำในห้องอาบน้ำที่แยกออกมาโดยมีประตูกระจกกั้น แมทใช้โฟมล้างหน้าถูหน้าและนวดหน้าให้ผมไปพร้อมกัน พอเสร็จผมก็ยื่นหน้าเข้าไปใต้ฝักบัวให้น้ำชำระล้างโฟมออกไป แมทช่วยลูบหน้าลูบตาให้ผมเพื่อล้างโฟมให้สะอาดหมดจด เขาหันไปกดครีมอาบน้ำมาถูตัวให้ผม ส่วนผมก็กดมาถูตัวให้เขาบ้าง เราช่วยกันถูไปตามอก ตามท้อง แผ่นหลัง ลำแขน แมทสูงถึงใต้คางผมเท่านั้น ผมเลยก้มลงไปจูบกลางกระหม่อมเขาบ่อยๆ ระหว่างที่เราช่วยกันชำระล้างร่างกายให้กัน เจ้าตัวจ้อยเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มเขินให้ผม


“อะไรกัน มันตั้งโด่ขนาดนี้ ไม่ทำความสะอาดให้มันหน่อยเหรอ มองข้ามมันไปได้ไงเนี่ย” ผมแกล้งว่าเมื่อเขาไม่ยอมจับไอ้ยักษ์น้อยของผมเลย ข้ามไปจุดอื่นทันที ไม่รู้ว่าเขาจะเขินอะไรนักหนา โดนมันเสียบมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง


 “เร็วสิ มันน้อยใจแย่แล้ว” แมททำหน้างอหน่อยๆ แต่ก็ยอมเลื่อนมือมาจับของผมในที่สุด เขารูดเข้ารูดออก จนเกิดฟองเกาะเต็มไปหมด พอทำความสะอาดของผมเสร็จ มือเขาก็เลื่อนลงไปนวดคลึงที่ฐานกลมกลึงของผมแผ่วเบา มันสบายจนผมหลับตาพริ้ม ปล่อยให้เขาเล่นกับยักษ์น้อยต่อไป


“อ้าว หยุดทำไมอะ” ผมลืมตาถามเมื่อตอนที่เขาถอนมือออกไป กำลังเสียววูบวาบได้ที่เลย


“แค่นี้มันก็สะอาดหอมฟุ้งแล้ว” เขาว่าเสียงงึมงำ ดึงแขนผมให้เข้าไปใต้ฝักบัว ปล่อยให้น้ำรดตัวเพื่อเอาฟองออก แมทเอามือถูไปตามตัวผมเพื่อไล่ฟองครีมอาบน้ำออกจากตัว ผมเลยช่วยเขาถูตัวบ้าง พอเห็นว่าของเขาเองก็ตั้งโด่เหมือนกันเลยยื่นมือไปรูดเข้ารูดออกช้าๆ แมทแอบผวาเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยให้ผมจัดการเล่นกับของเขาจนฟองหายไปหมด


“ไปหยิบผ้าเช็ดตัวสิวิคเตอร์” ใบหน้าเขาแดงจัด ผมยิ้มเมาๆ มือซ้ายก็ยังไม่หยุดหยอกล้อเขา ตอนนี้ส่วนอ่อนไหวของแมท แข็งเต็มไม้เต็มมือผม ส่วนของผมไม่ต้องจับหรอก มันตั้งไม่ยอมลงตั้งแต่พาเขาเดินเข้าห้องน้ำมาแล้ว


“สักรอบมั้ย แข็งขนาดนี้ ปล่อยไว้นานๆ ไม่ดีนะ” ผมก้มลงไปกระซิบท่ามกลางเสียงน้ำจากฝักบัวที่ยังไหลลงมาไม่หยุด แมทเงยหน้ามองผมอย่างตกใจ


“วะ… วันนี้เราทำกันเยอะแล้วนะ พักบ้างเถอะครับ”


“อีกรอบก่อนนอนไง นะ…” แมทกัดปากล่างแน่น ผมยังไม่หยุดรูดของเขา ไม่รู้ละ ยังไงต้องเอาให้ได้อีกรอบ มาขนาดนี้แล้ว มันอดใจยากละ


“…ตามใจฉันหน่อยสิ” ผมว่าเสียงอ้อนๆ


“ตั้งแต่เจอกันยันตอนนี้ ผมยังตามใจไม่พออีกเหรอ”


“ตามใจอีกรอบไง ยักษ์น้อยมันทรมานอยู่ นายทนดูได้หรอ”


“ได้” โหย! ตอบอย่างว่องไว ผมเลยทำหน้าขัดใจ


“อยากโดนฉันข่มขืนเหรอแมท” ผมว่าเสียงเข้ม รู้สึกฉุนเฉียวจนคิ้วขมวดแน่น หัวใจกระแทกผนังอกตุบตับเพราะความไม่ได้ดังใจ มือผมบีบลงบนกลางลำตัวเขาจนแมทหน้าเหยเก


“พอแล้วๆ อีกรอบก็ได้” นั่นละ ผมถึงยิ้มออกมาได้ อาการขุ่นๆ ในใจหายวับไปทันที แมทกลืนน้ำลายลงคอ สีหน้าเขาเสียนิดหน่อย ผมจับเขาหันเข้าหากำแพงหินอ่อนในห้องอาบน้ำ เอื้อมมือไปปิดฝักบัว แมทเอามือค้ำร่างกับผนังหินอ่อนเอาไว้ ผมย่อตัวลง จับลูกชายไว้ด้วยมือขวา ก่อนจะค่อยๆ ดันส่วนหัวเข้าไปด้านในของแมทช้าๆ จนกระทั่งมันเข้าไปทั้งหมด


“อือ…” แมทครางออกมา ผมซี๊ดปากเบาๆ ยื่นมือตัวเองไปจับมือเขาไว้ เลื่อนนิ้วตัวเองไปเกี่ยวร่องนิ้วเขาจากหลังมือ ก้มกดจูบแผ่วเบาที่ไหล่ซ้ายเขา ค่อยๆ ลามขึ้นไปตรงซอกคอ


“เป็นเด็กดีของฉันอย่างนี้ตลอดไปนะ…” ผมว่าเสียงกระซิบ แล้วเริ่มออกแรงกระแทกที่ด้านหลัง ผมทิ้งตัวลงแนบไปกับแผ่นหลังของแมท เอาแก้มขวาไปแนบแก้มซ้ายเขาไว้ ลมหายใจเราสองคนคละเคล้าไปด้วยกัน แมทหันมามองผมตาปรือ เส้นผมเปียกน้ำปรกหน้าเขาไว้ยิ่งทำให้ดูน่ามอง  ผมใช้ลิ้นเลียไปทั่วบริเวณแก้มเขา


“อา… อา…” ผมส่งเสียงครางในลำคอ แมทหลับตาพริ้มปล่อยให้ผมเลียไปเรื่อย รสชาติของเนื้ออุ่นๆ และน้ำเย็นๆ ติดอยู่ที่ปลายลิ้น


ผมจัดการโหมกระหน่ำใส่แมทอยู่ในท่านั้นท่าเดียวจนเสร็จ แมทแทบร่วงลงไปกองกับพื้น ดีที่ผมคว้าเอวเขาไว้ แล้วจับให้ยืนตรงๆ ผมถอนตัวเองออกจากข้างหลังเขา น้ำสีขาวไหลเยิ้มมาตามแก่นกายผม บางส่วนไหลลงไปตามขาเนียนๆ ที่มีขนน้อยนิดของแมท


แมทยืนพิงอกผมไว้ด้วยความอ่อนแรง ผมกอดเอวเขาไว้หลวมๆ ส่งมือขวาไปช่วยชักของเขา เพื่อให้เขาถึงแบบผมบ้าง ลำตัวของแมทบิดไปมายามที่ผมรูดเข้ารูดออกเร็วๆ สองมือเขาเลื่อนขึ้นมาจับต้นแขนผมไว้ ริมฝีปากเผยออ้า พร้อมส่งเสียงอืออาออกมา ผมเร่งมือช่วยเขาจนในที่สุดแมทน้อยก็สำลักน้ำข้นๆ แต่น้อยกว่าของผมออกมาเลอะพื้นห้องน้ำ แมทหายใจหอบ สองมือเกาะแขนผมไว้ไม่ปล่อย ผมละมือออกจากกลางลำตัวเขา ยกขึ้นมาปัดผมออกจากหน้าผากของเขาออกไปแล้วก้มลงกดจูบหนึ่งที


“Good boy.”


เราจัดการอาบน้ำทำความสะอาดให้ตัวเองกันอีกรอบ แมทที่ง่วงนอนอยู่แล้ว พอโดนผมกระทำชำเราไปอีกรอบก็แทบจะเดินไม่ไหว ผมเลยต้องจัดการเช็ดตัวให้เขาด้วย พอเช็ดตัวเป่าผมจนแห้ง ผมก็อุ้มร่างเปลือยเปล่าของเขาออกมาวางไว้บนเตียง ตัวผมเองก็เปลือย เวลาอยู่กับเขาเสื้อผ้าไม่จำเป็นหรอก เพราะเดี๋ยวผมก็ถอดออกอยู่ดี แมทหันไปคว้าตุ๊กตาตัวโปรดทั้งสองตัวมากอดไว้ ผมเดินไปปิดไฟห้องน้ำแล้วเดินกลับมาสอดตัวเข้าไปในผ้านวม


“ไม่ต้องกอดเลยนะ ตุ๊กตาน่ะ ลืมแล้วเหรอว่านายต้องกอดอะไร” ผมว่าเสียงดุๆ หันไปปิดโคมไฟหัวเตียงฝั่งตัวเอง ปล่อยให้ฝั่งของแมทสว่างไว้


“ไม่ได้หรอก ช่วงที่คุณหายไป ผมก็นอนกอดพวกมันทุกคืน” นี่หลอกด่าผมอีกแล้วรึเปล่าเนี่ย ปากเอเลี่ยนพูดอะไรแต่ละทีต้องคิดให้ดีเพราะชอบแฝงการจิกกัดไว้เพียบ


“ก็ตอนนี้ฉันอยู่นี่แล้วไง เอาตุ๊กตาพวกนั้นออกไปได้แล้ว” ผมว่าเสียงเข้มและจ้องเขาตาดุ แมทแบะปาก ส่ายหัวว่าไม่ยอม


“แมท…” ผมว่าเสียงกดต่ำ จ้องหน้าเขาอย่างไม่ยอมเช่นกัน


“ไม่เอา ผมชินที่นอนกอดพวกมันแล้ว คุณจะโกรธผมเรื่องแค่นี้ก็เรื่องของคุณเถอะ” ว่าเสียงงอนแล้วก็หันหลังหนี แถมมีการเขยิบไปนอนหมอนฝั่งตัวเองด้วย


ผมขมวดคิ้วมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขาด้วยความหงุดหงิด นี่ไอ้ตุ๊กตาพวกนั้นมันน่ากอดมากกว่าผมงั้นเหรอ หายไปแค่สองเดือน ปันใจให้แม้กระทั่งตุ๊กตาเนี่ยนะ


“เอเลี่ยน หันมานี่”


“…” เขาไม่ตอบ ไม่โต้เถียงอะไร เอาแต่นอนกอดตุ๊กตาสองตัวไว้นิ่ง ผมขบกรามแน่น ทิ้งตัวลงนอนหงายอย่างไม่ใส่ใจบ้าง


นี่เรากำลังทะเลาะกันเพราะตุ๊กตาเป็นต้นเหตุรึเปล่า?


ความเงียบแผ่ปกคลุมไปรอบเตียง แมทไม่กระดุกกระดิกเลยสักนิด ส่วนผมก็หลับตาลงไปแล้ว แต่ดันหงุดหงิดงุ่นง่านในใจไม่หยุด นึกโมโหที่เขาไม่สนใจจะง้อผมเลยสักนิด


สุดท้ายผมเลยพลิกตัวไปดึงร่างเล็กๆ เนื้อแน่นๆ เข้ามาชิดด้านหน้าตัวเอง แต่แมทคงเพลียจนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวไปแล้ว ผมเลยถือโอกาสดึงตุ๊กตาออกจากอ้อมแขนเขา โยนมันไปไว้บนเก้าอี้โซฟาในห้องนอน ไอ้สติชท์กลิ้งคว่ำตกลงบนพื้นแต่ผมไม่สนใจ ผมกระชับอ้อมแขนกอดแมทไว้แน่น เอาขาขวาก่ายสะโพกเขาอีกที ยกหัวเขาให้นอนหนุนต้นแขนซ้าย ใช้มือขวาดึงผ้านวมมาคลุมร่างเราสองคน ก่อนที่ผมจะทิ้งหัวลงนอนบนหมอนใบเดียวกับแมท แขนขวาก็กอดร่างเขาไว้แน่น


ตอนเช้าผมจะเอาตุ๊กตาเขาไปเผาทิ้งให้หมดเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 03-09-2015 16:59:03
 :z1: :z1: :z1: :z1: ขออนุญาติเรียกรถพยาบาลค่ะ ตอนนี้กำลังมีคนโดนแทง อุ้ย  :oo1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 03-09-2015 17:10:22
กรี๊ดกร๊าดสองคนนี้อีกแล้วล่ะค่ะพี่ตอม >//<
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 03-09-2015 17:48:30
อังเดรนายเนี่ยก็ขยันเป็นมันถามวิคเตอร์อยู่ได้ 5555+
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-09-2015 17:58:08
ตายค่ะ เลือดกำเดาไหลตาย

 :jul1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 03-09-2015 18:22:53
กรี๊ดดดดด ฟินเลยค่าา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 03-09-2015 19:21:07
พี่ยักษ์มันเจ้าเล่ห์กำลังจะหลอกกินเอเลี่ยนน้อยตลอดๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 03-09-2015 20:17:20
 :pighaun: :pighaun: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Bellze12 ที่ 03-09-2015 21:14:49
 :hao6: :hao6: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 03-09-2015 21:29:55
จ๊ะๆ หื่นตลอดจ๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 03-09-2015 23:16:51
อ่านไปอ่านมานี่ก็กลัวว่าพ่อแม่จะมาเห็นเข้า :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 04-09-2015 01:22:41
อ๊อยแมทนี้สุดยอดรับวิคเตอร์ได้ทุกท่าทุกเวลา ฟินกันไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 50%} 03.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 05-09-2015 15:22:18
ตลกอังเดร  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-09-2015 09:52:18

EPISODE 9 [75%]



แก้ไขเนื้อหา ตอนนี้จบที่ 100% ก่อนหน้าแล้วนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 06-09-2015 10:16:11
อะไรนะ จะมีฉากชะนีในภายภาคหน้าเหรอคะ *พนมมือ  o22
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 06-09-2015 10:40:18
แง่ม ≧﹏≦
จีบกันอยู่นั่น มดขึ้นแล้วเฮียวิค อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-09-2015 13:17:25
วิคพูดไทยเก่งกว่านี้ แมทแก้ตัวไม่ได้แน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-09-2015 14:10:02
แมทททททททททท

วิคคคคคคคคคคคคค


 :jul1:


NC หนักๆเลยค่ะ ช๊อบชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-09-2015 17:01:39
เที่ยวกันบนเตียงดีกว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 06-09-2015 22:29:41
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 07-09-2015 12:57:45
ระหว่างอยู่ไทยนี่เอเลี่ยนน้อยต้องเหนื่อยมากแน่ๆ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-09-2015 12:59:25
อะไรนะ จะมีฉากชะนีในภายภาคหน้าเหรอคะ *พนมมือ  o22



พนมมือกันลยทีเดียว 55555555 ขำมากจริงงงง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 75%} 06.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-09-2015 13:00:30
ระหว่างอยู่ไทยนี่เอเลี่ยนน้อยต้องเหนื่อยมากแน่ๆ
 :katai5: :katai5: :katai5:


นิดๆ หน่อยๆ ค่า 555555 ก้อแค่ห่างกันไปสองเดือน แล้วพี่ยักษ์ก้อรักมากเหลือเกินนน ขอเสพสมเมียตัวเองโหน่ยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 08-09-2015 17:12:47

EPISODE 9 [100%]



แก้ไขเนื้อหา ตอนนี้ครบ 100% ก่อนหน้าแล้วนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 08-09-2015 17:34:54
ตอนที่เห็นอัพนี่ตกใจเลยนะ อิอิ
เฮียวิคก็นะ หึงแม้กระทั่งตุ๊กตา แหมเป็นเพราะใครหละเนอะ อยากหายไปนานเอง

สุดท้ายนี้ไม่ลืมที่จะทวงตอนต่อไปค่ะ ฮา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-09-2015 17:56:56
ขี้หึงจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-09-2015 18:19:35
กว่าจะได่หลับได้นอนไอ้ยักษ์ฝรั่งยังมิวายเอาอีกรอบ นีีถ้าแมทออกกำลังกายเพิ่มอีก บักษ์ใหญ่ไม่ต้องหยุดทำการทำงานเพื่ออยู่กับแมทหรือ 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-09-2015 18:27:44
กับตุ๊กตาก็ยังหึงนะยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 08-09-2015 18:29:00
5555555555555 หึงแม้กระทั่งสติซส์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 08-09-2015 19:34:53
 :hao6: :hao6:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 08-09-2015 19:46:48
ถ้าจะหึงขนาดนี้นะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 08-09-2015 20:26:21
ยักษ์โหดด 555555  o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 08-09-2015 22:23:52
เราหายไปหลายวัน กลับมาพี่ยักษ์อัพเยอะมากกกกกกกกกก
คือดีใจน้ำตาจะไหล 55555

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.9 100%} 08.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 09-09-2015 00:40:00
คนบ้าอะไรหึงแม้กระทั้งตุ๊กตาฮะไอ้ยักษ์!!!  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 13-09-2015 14:13:31
Only You EP.10 :: The Spoiled-Giant. [35%]



ตื่นเช้ามาผมก็โดนวิคเตอร์จับอ้าขา แล้วเขาก็กระหน่ำกระแทกใส่ผมอย่างแรง จนตอนนี้ผมรู้สึกร้าวและล้าช่วงง่ามขาง่ามก้นไปหมด มันสะสมมาจากเมื่อวาน พอมาเจอตอนนี้ที่เพิ่มดีกรีความแรงเข้าไปมันเลยทำให้ร่างผมจะแหลกอยู่แล้ว ที่จริงอย่าเรียกว่าตื่นเลย เขาตื่นก่อนผมแล้วก็มาก่อกวนด้วยการซุกไซ้คอ ขบกัดยอดอก มือไม้ก็สอดใส่เข้าไปด้านในตัวผมจนผมต้องตื่น พอตื่นเต็มตาเท่านั้นแหละ ผมก็โดนเขาจัดชุดใหญ่รับยามเช้า จนกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ลุกไปไหน เตียงขนาดคิงไซส์ของโรงแรมสั่นไหวมาเนิ่นนาน เขาเสร็จไปแล้วรอบนึง ไม่ยอมปล่อยให้ผมเสร็จด้วย ผมก็คิดว่าเขาจะหยุดแต่เขาก็ยังคงเอาแขนค้ำร่างหนาๆ ใหญ่ๆ ของตัวเขาเองและซอยใส่ผมไม่หยุดหย่อน
   

“อือ… อือ…” ผมแทบจะหมดเสียงร้องแล้ว มันเหนื่อยสะสม แล้วสองรอบล่าสุดนี้เขาก็ใส่มาเต็มพิกัดมาก ผมล้าไปหมดแล้ว สองมือผมจับต้นแขนเขาไว้ วิคเตอร์ถลกผ้านวมลงไปที่พื้นด้านล่าง ร่างเปลือยเปล่าของเราส่งผ่านไอร้อนให้กันและกัน
   

“พะ… พอแล้ว ผมต้องเข้าไปที่มหา’ลัยอีกนะ” ผมบอกเขาเสียงอ่อนแรง ใบหน้ากระตุกด้วยความเจ็บ แต่วิคเตอร์ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตากระแทกผมไม่หยุด เสียงน้ำขุ่นๆ ของเขาในรอบที่แล้วดังอย่างลามก แต่เขาก็ไม่สนใจ เสียบเอาเสียบเอาจนน้ำมันล้นทะลักออกมาเลอะผ้าปูที่นอนหมดแล้ว
   

“ยังไงนายก็ต้องกลับมาหาฉัน” เขาว่าเสียงสะบัด ใบหน้าตึงเครียด คิ้วเข้มขมวดมุ่น จ้องตาผมเปลือกตาแทบไม่กระพริบ ด้านล่างก็ไม่หยุดขยับเข้าออก ผมนิ่วหน้าตอนที่ส่วนหัวของเขาโดนจุดเสียวและกระแทกเข้ามาแรงจนเจ็บไปพร้อมกัน
   


“แต่ยังไงวันนี้ผมก็ต้องไปเรียนก่อน วันนี้ผมมีสอบย่อย… อ๊ะ…” วิคเตอร์กระแทกเข้ามาซะแรง เล่นเอาผมจุก เสียววูบทั่วท้องน้อย ผมห่อปากด้วยความเจ็บแปลบ สองมือผมจับต้นแขนล่ำๆ ของเขาไว้แน่น
   

ผมกำลังสงสัยว่าเขาเป็นอะไร ทำไมเขาดูอารมณ์ไม่ดี
   

“วิคเตอร์ คุณเป็นอะ… อ้า… อะไร…” พอผมถามแบบนั้น แรงกระแทกที่ส่งมาก็ยิ่งหนักขึ้น เขาไม่ได้ซอยใส่รัวๆ เขาไปอย่างช้าๆ แต่ว่าเน้นหนักหน่วงจนขาผมแทบจะตั้งฉากไม่ไหว ถ้าไม่ได้เขารองข้อพับขาทั้งสองข้างไว้ ผมคงนอนขาหมดแรงราบไปกับเตียง
   

“…” เขาไม่ตอบ แต่กลับทำนิ่งจนรู้สึกอึดอัด หน้าตาก็ดุ จังหวะกระแทกก็ดุตามไปด้วย ผมแอบงงว่าผมไปทำอะไรให้ เมื่อคืนก่อนนอนผมก็ตามใจเขาไปแล้วไง
   

ผมปิดตาหยีเพราะความเจ็บตรงช่องทางด้านหลังเนื่องจากแรงอัดของวิคเตอร์รุนแรงมาก ผมหนีบขาเข้ากับเอวสอบของเขา แต่วิคเตอร์รีบยกมือไปแบะขาผมออกทันที ทั้งที่เขายังอัดใส่ผมไม่หยุด หน้าตาก็จริงจังขึงขังจนผมเริ่มกลัว เขากดต้นขาด้านในผมไว้แน่นให้ติดกับต้นขาด้านหน้าของเขา นั่นจึงทำให้ก้นผมยกขึ้นสูงกว่าเดิม ความลึก ความเจ็บก็กระหน่ำเข้าหาผมจนต้องส่งเสียงร้องยานคางด้วยความเจ็บแสบออกมา เขากดขาผมให้แบะอ้าออกเพื่อไม่ให้ผมหุบขาได้ความรู้สึกแสบเสียดแล่นไปทั่วตรงบริเวณที่เชื่อมกับของเขาอยู่ ผมเลยยกมือไปจับมือเขาเพื่อดึงออก แต่วิคเตอร์กลับปัดมือผมออกอย่างแรง จนผมต้องเอามือไปวางไว้บนหน้าท้องของเขาแทน
   

เขาปัดมือผมออกอย่างแรงตอนที่ผมจะจิกเล็บ (ที่ไม่ค่อยยาว) เข้าไปที่เนื้อช่วงท้องแกร่งของเขา สีหน้าเหี้ยมของเขาทำให้ผมเปลี่ยนใจเอามือไว้บนกล้ามท้องเขาเฉยๆ แอบมีดันๆ นิดหน่อยเพื่อให้เขาลดแรงกระแทกลงบ้าง แต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะเขายังคงใส่แรงมาเท่าเดิม
   

“ผมทำอะไรผิด…” ผมถามเสียงแหบ กัดริมฝีปากล่างไว้แน่น วิคเตอร์คำรามในลำคอ แล้วก็งัดก้นผมขึ้นจนผมร้องเสียงเพี้ยนเพราะความหวาดเสียวในช่องทางด้านใน
   

“…” เขาก็ยังไม่ตอบ ได้แต่ขบกรามแน่น และออกแรงดันงัดขึ้นมาอีกครั้งอย่างแรงจนผมร้องโอดครวญออกมา ผมพยายามยกตัวขึ้นหนี แต่เขาก็กดขาผมลงไว้อย่างเดิม ผมพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โดนเขาทำแบบนี้อยู่ สติก็แทบไม่เหลือให้คิดออกเลย
   

“Victor. I’m sore. (วิคเตอร์… ผมเจ็บ…)” ผมบอกเสียงเบาหวิว มองเขาอย่างอ้อนวอนทางสายตา แต่เขากลับมองตอบกลับมาด้วยสายตาดิบเถื่อนและแรงกระแทกก็ดิบไม่แพ้กัน
   

“อื้อ…” ผมพยายามกัดฟันไม่ให้ร้องเสียงดัง แต่แรงกระแทกกระทั้นที่เขาส่งมานั้นมันรุนแรงจนต้องนิ่วหน้า สองมือที่วางไว้บนกล้ามท้องเขาค่อยๆ ร่วงลงไปกองบนพื้นอย่างหมดแรง
   

สุดท้ายผมก็ยังคิดไม่ออก เพราะโดนเขาโหมกระหน่ำใส่จนเขาเสร็จ ส่วนผมเขาไม่ยอมให้เสร็จเด็ดขาดทั้งที่จริงๆ แล้วเขาไม่จำเป็นต้องขู่หรือห้ามหรอก เพราะผมแทบไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเลย ก็เล่นใส่เอาๆ ไม่สนใจที่ผมขอร้องหรือสีหน้าของผมเลยสักนิด พอเขาเสร็จรอบสอง เขาก็ถอนตัวเองออก ลุกเดินเข้าไปอาบน้ำโดยไม่สนใจผมที่นอนหมดแรงเลยแม้แต่นิด
   

น้อยใจเหมือนกันนะ เมื่อวานยังดีๆ กันอยู่เลย วันนี้ทำไมเป็นแบบนี้
   

เมื่อเขาไม่สนใจ ผมเลยต้องพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง น้ำของวิคเตอร์ไหลเลอะเปรอะเปื้อนง่ามขาและผ้าปูเตียงเต็มไปหมด แถมยังมีสีแดงจางๆ ของเลือดติดมาอีก ผมไม่แปลกใจหรอก เพราะเขาอัดสะโพกใส่ผมแรงซะขนาดนั้น  ผมค่อยๆ คลานลงจากเตียง เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดน้ำของเขาออกไปให้พอสะอาดขึ้นบ้าง เดี๋ยวที่เหลือผมจะเข้าไปจัดการในห้องน้ำ 
   

ผมนั่งรอวิคเตอร์อยู่ที่เตียงสักพัก เขาก็เดินโป๊ออกมาโดยที่ไม่มองผมเลยแม้แต่นิด เขาเดินไปที่กระเป๋าเดินทาง ก้มลงหาของใช้เงียบๆ ผมมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเขาอย่างไม่เข้าใจ กำลังพยายามนึกว่าผมพูดอะไรผิดไป หรือไปทำอะไรให้เขาโกรธกันแน่
   

แต่ก็ยังนึกไม่ออก ผมเลยถอนหายใจ เดินเข้าไปอาบน้ำเงียบๆ คนเดียว
   

ในระหว่างอาบน้ำผมก็พยายามทบทวน เผื่อน้ำเย็นๆ จะช่วยให้รำลึกนึกถึงจุดที่ผมพลาดไปก็เป็นได้ เมื่อวานหลังจากอาบน้ำเสร็จ เราก็กำลังจะเข้านอน ตอนนั้นผมง่วงมากแล้วจริงๆ เพราะเพลียร่างจากการนัวเนียกับเขาทั้งวัน
   

ก่อนนอนงั้นเหรอ… อ้อ เรื่องที่ผมนอนกอดตุ๊กตารึเปล่า นี่เขาโกรธจริงๆ เหรอเนี่ย มันไม่น่าใช่ประเด็นใหญ่โตนี่นา เล็กกว่าน้ำผึ้งหยดเดียวอีกนะ แค่นั้นก็ทำให้เขาเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ แต่แน่ละ นั่นใครล่ะ วิคเตอร์ไง ผู้ชายที่เอาแต่ใจที่สุดในโลก
   

ผมอาบน้ำเสร็จก็เช็ดตัวให้แห้ง เดินไปเป่าผมหน้ากระจกจนมันแห้งตามตัว ผมเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ห่อตัวแล้วรีบเดินกะเผลกน้อยๆ ออกไปจากห้องน้ำ วิคเตอร์หายไปจากห้อง ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ทำไมต้องหนีด้วย ผมออกมากวาดตามองไปทั่วห้องโถงอีกครั้งก็ไม่พบเขา เลยตัดสินใจเดินไปเปิดประตู แง้มหน้าออกไปดูด้านนอกก็เห็นแต่ความว่างเปล่า
   

ผมยืนเคว้งคว้างอยู่หน้าห้องสักพัก รู้สึกแย่ที่เขาทำแบบนี้ ทำไมไม่คุยกันดีๆ เรื่องแค่นี้มันน่าจะคุยกันได้ไม่ใช่เหรอ ผมยืนก้มหน้าหงอยอยู่หน้าห้อง กำลังจะหมุนตัวกลับเข้าไปด้านใน สายตาก็เหลือบไปเห็นวิคเตอร์ที่เปลือยท่อนบน ท่อนล่างใส่กางเกงยีนตัวเดิมเดินกลับมาจากโซนสูบบุหรี่ ในมือเขาถือซองบุหรี่กับไฟแช็คมาด้วย ผมกระตุกยิ้ม ก่อนจะหุบยิ้มฉับ เมื่อเห็นสีหน้าตึงๆ และแววตาจ้องเขม็งของเขา
   

“เดินออกมาจากห้องในสภาพนี้ได้ยังไง?!” เสียงของเขาแทบจะเป็นเสียงตะคอก ผมแอบสะดุ้งนิดหน่อย มองร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างที่ก้าวเท้าเร็วๆ ตรงมาทางผม
   

“ก็… ก็คุณหายไป ผมเลยออกมาตาม”
   

“มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวเนี่ยนะ?!” เขาถามหน้าเครียด เดินมาหยุดตรงหน้า กลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยมาปะทะจมูกจนต้องแอบย่นหน้า
   

“ชั้นนี้ก็ไม่มีใครไม่ใช่เหรอ” ผมว่าเสียงอ่อย วิคเตอร์จ้องตาดุกลับมาทันที
   

“ออสตินอยู่ห้องตรงข้ามนี่ไง!”
   

“เขาเป็นผู้ชาย ไม่คิดอะไรหรอก”
   

“เอเลี่ยน” เสียงกดต่ำฟังแล้วอันตรายมาพร้อมกับใบหน้าดุดัน ผมหดคอลงอย่างหวาดกลัว กระพริบตาปริบๆ มองหน้าเขาที่ยังคงตึงเครียด
   

แกร๊ก~
   

“มีอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มหนักๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูของห้องตรงข้าม วิคเตอร์รีบเดินเอาแขนมาโอบร่างผมไว้ ทำให้หน้าผมซุกไปกับอกอุ่นของเขา มีตัวเขาบังตัวผมไว้อยู่
   

“เปล่า นายไม่ต้องสนใจหรอก” ผมไม่เห็นว่าออสตินทำหน้ายังไง เพราะตอนนี้กำลังซุกหน้าอยู่กับอกของวิคเตอร์
   

“คุณจะลงไปทานอาหารเช้าด้านล่างหรือให้พนักงานยกขึ้นมาให้ครับ”
   

“เดี๋ยวลงไปกินข้างล่างก็แล้วกัน เสร็จแล้วจะได้ไปส่งแมทเลย” ออสตินคงพยักหน้ารับแล้ว เพราะมีเสียงปิดประตูตามมา
   

วิคเตอร์ดันร่างผมให้กลับเข้าไปยืนในห้อง ก่อนที่เขาจะเดินตามเข้ามาและปิดประตูตามหลัง พอหันกลับมา เขาก็มองหน้าผมแวบเดียวแล้วเดินเลี่ยงกลับเข้าไปในห้อง ผมมองตามด้วยความเหวอ รีบก้าวเท้าตามเขาไป วิคเตอร์นั่งลงบนโซฟาตัวยาว ดวงตาจับจ้องมองทีวีไม่สนใจผมสักนิด ผมเลยเดินไปนั่งบนตักเขา แต่เขาก็ยังไม่เอาแขนมาโอบรัดเอวแบบที่ชอบทำ มือขวาก็วางไว้บนโซฟา ส่วนแขนซ้ายก็พาดยาวบนพนักพิงโซฟา ดวงตาก็มองแต่ทีวี
   

ฟังรู้เรื่องรึไง นั่นมันข่าวเช้าของเมืองไทยนะ
   

“Giant…” ผมเรียกเสียงอ่อน แต่คนถูกเรียกก็ยังคงทำนิ่งไม่สนใจผม จนผมเริ่มหน้าเสีย
   

“Victor, are you mad at me because of the doll? (วิคเตอร์… โกรธผมเรื่องตุ๊กตาเหรอ)” เขายังนิ่ง ผมเลยยื่นหน้าไปหอมแก้มสากของเขา พ่อหน้าหนวดหันมามองทั้งที่ยังหน้านิ่ง แล้วหันกลับไปมองทีวีต่อ เขายกรีโมตกดเปลี่ยนช่อง
   

“It’s not a big deal. Don’t be mad, please. (มันไม่น่าใช่เรื่องใหญ่นี่นา อย่าโกรธผมเลยนะ)” ผมว่าเสียงติดจะอ้อนอยู่ในที
   

“It’s not a big deal? Yes. But how dare you ignore me? (ไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็จริง แต่นายทำเมินฉันได้ยังไง)” เขากดหน้ามองผมและว่าเสียงเรียบ ตุ๊กตาน่าจะเป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่สาเหตุที่แท้จริงคือจุดนี้มากกว่า เรื่องเรียกความสนใจนี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เขาเป็นควบคู่กับการเอาแต่ใจ
   

“I’m not. I just feel so sleepy. (ผมไม่ได้เมิน ผมแค่ง่วงนอน)” ผมว่าเสียงอ้อมแอ้ม
   

“You said I can get mad at you. (นายบอกฉันว่าอยากโกรธก็โกรธไป)” โธ่ ก็ตอนนั้นคนมันง่วงนี่หว่า โดนเอามาทั้งวัน พอหัวถึงหมอนมันก็อยากนอนแล้ว พอเขาทำท่าจะงี่เง่า ผมก็เลยพูดส่งๆ ไปงั้นแหละ
   

“No. Don’t be mad at me. (ไม่เอาแล้ว ไม่ให้โกรธแล้ว)” ผมบอกเสียงอ้อน ยกสองมือขึ้นไปจับแก้มสาก บังคับให้หันมามองที่ผม เขาสบตาผมนิ่ง ผมเลยลุกขึ้นชันเข่านั่งคร่อมตักเขาไว้ ผ้าขนหนูร่วงหล่นมากองที่เอว ผมโน้มตัวกอดเขา เอาหน้าซุกกับไหล่ขวาหนาๆ
   

“วิคเตอร์… เราไม่น่าโกรธกันด้วยเรื่องแค่นี้นะ” ผมบอกเสียงเบาพลางลูบมัดกล้ามบนแผ่นหลังเขาไปเรื่อย
   

เพี๊ย!
   

“โอ๊ย!” ผมร้องตกใจตอนที่เขาดึงผ้าขนหนูออกจากเอวแล้วฟาดสองมือลงบนแก้มก้นผมอย่างแรง ผมดันหน้าออกจากไหล่เขา สบตาขุ่นมัวของยักษ์ขี้หงุดหงิด
   

“ก็นายดื้อกับฉัน ไหนว่าจะตามใจฉันไง” เขาว่าอย่างเอาแต่ใจ หน้าตากระฟัดกระเฟียด น้ำเสียงดื้อดึงเหมือนเด็ก
   

“คุณโตแล้วนะ หัดลดอาการเอาแต่ใจลงบ้างสิ” ผมว่าเสียงอ่อย มีแววขอร้องอยู่ในน้ำเสียง วิคเตอร์ทำหน้านิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนตอบเสียงนิ่งสงบ
   

“ไม่ นายสิ ต้องตามใจฉัน” ผมถอนหายใจเบาๆ กับคนที่ดื้อกว่าผม เป็นผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์ที่เอาชนะเด็กไม่เกินห้าขวบได้สบาย นี่ถ้ามีลูก เขาคงแข่งกันดื้อกับลูกแน่นอน แต่พอดีผมไม่มีมดลูกเลยมีลูกให้เขาไม่ได้ เขาเลยมาดื้อแข่งกับผมนี่ไง ซึ่งบอกเลยว่าเขาชนะ
   

“แต่ตอนนี้หายโกรธผมก่อน”
   

“ตามใจฉันก่อนสิ” เขายังคงนิ่ง แต่ยังดีที่ไม่เย็นชาใส่จนรู้สึกเย็นเยือกไปทั้งตัว
   

ผมโน้มหน้าไปจูบปากเขา แล้วเขาก็จูบตอบกลับมาอย่างเชื่องช้า ผมเป็นฝ่ายบุกลิ้นเข้าไปในปากอีกฝ่าย วิคเตอร์ตอบรับอย่างชิลๆ แล้วสักพักเขาก็เป็นฝ่ายคุมเกม พอรู้ตัวอีกที ผมก็นอนอยู่บนโซฟาโดยที่วิคเตอร์ยังไม่ยอมถอนริมฝีปากออกไป สองมือเขาเลื่อนไปปลดกระดุมกางเกงยีน ดึงลงไปเหนือเข่า ปล่อยน้องชายเขาออกมากลางอากาศ ก่อนที่จะดันเข้ามาในตัวผมเร็วๆ จนผมนิ่วหน้า
   

แล้วผมก็ตามใจเขาบนโซฟา ปล่อยให้เขาทำเพื่อที่จะได้อารมณ์ดี วิคเตอร์ยังคงแรงดีไม่มีตก ผิดกับผมที่แทบจะหมดแรงแล้ว ผมก็รู้นะว่าเขาเป็นพวกร่างกายแข็งแรง แต่บางทีผมก็อยากให้เขาอ่อนแอบ้างก็ได้ ไม่ต้องฟิตขนาดนี้
   

กว่าจะง้องอนเขาเสร็จ วิคเตอร์ก็เสร็จไปหนึ่งรอบ ในระหว่างที่ทำ เลือดจากข้างในของผมไหลออกมาเปรอะแก้มก้น วิคเตอร์เห็นแต่เขากลับปล่อยผ่าน กระแทกใส่เข้ามาตามปกติ มันไม่ได้เจ็บหรือว่าแสบอะไร แถมยังเสียวตามปกติเวลาโดนลูกชายเขาก่อกวนด้านใน เหมือนเลือดมันออกมาเพราะโดนกระแทก แต่ตอนเดินคงเสียดน่าดูเลยแหละ วิคเตอร์ปลอบโยนผมด้วยการจูบซับไปทั่วใบหน้า พอผมร้องครางเสียงสั่นเขาก็ก้มลงมาจูบ
   

“It’s fine.” สบายห่าอะไรล่ะ เลือดออกเนี่ย ห๊า! ไอ้ยักษ์ ทำหน้าทำตาอย่างกับผู้ใหญ่หลอกเด็ก เขายกมือซ้ายลูบหัวผมเหมือนพ่อลูบหัวลูก ส่งรอยยิ้มใจดีและอบอุ่นมาให้ ผิดกับความรุนแรงและดิบเถื่อนด้านล่างที่เขาใส่ไม่ยั้ง


เขาเมามันส์กับการซอยสะโพก ไม่สนใจความเป็นชายของเขาที่เลอะเลือดเช่นกัน แม้จะเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน แถมยังเจ็บจนร่างจะร้าว แต่พอได้เห็นรอยยิ้มของเขา ก็รู้สึกดีกว่าตอนเห็นเขาหน้าบูดบึ้ง วิคตอร์ใช้ปากช่วยปลดปล่อยความอึดอัดให้ผม ลำตัวผมบิดไปมาซ้ายขวา ใบหน้าแหงนขึ้นพร้อมหอบกระเส่า สองมือผมขยุ้มเส้นผมเขาแน่น วิคเตอร์ตวัดลิ้นใส่ผมไม่ยั้งจนผมถึงจุดสุดยอด ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยหอบ เขาใช้ลิ้นทำความสะอาดแมทน้อยจนเกลี้ยงเกลาแล้วพาผมกับตัวเขาเองไปล้างตัวในห้องน้ำอีกรอบ พอทำความสะอาดร่างกายเสร็จ เราก็ช่วยกันแต่งตัวเพื่อที่จะได้ไปหาอะไรทานที่ชั้นหนึ่งของโรงแรม


ที่นั่นหรือที่ไหนมีอาหารอะไรที่กินแล้วมีพลังมาสู้รบกับความต้องการทางเพศของไอ้ยักษ์อังกฤษตนนี้บ้างมั้ย หรือมีอะไรที่กินแล้วทำให้ความอยากของเขาลดลงบ้าง แต่ไม่เอาถึงขั้นหายจนไม่เหลือเลยนะ เพราะผมเองก็ชอบเรื่องบนเตียงกับเขาอยู่เหมือนกัน แหะๆ ขอแค่ไม่เอาเลือดผสมเท่านั้นเอง 

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-09-2015 14:24:10
 :ling1:


ยักษ์ถนอมเอเลี่ยนบ้างสิ

เด๋ยวรูไม่ฟิตแล้วอย่าบ่นนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-09-2015 14:42:17
แมทก็ตัวเล็กนิดเดียว ยักษ์เอ้ยถนอมกันหน่อย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-09-2015 14:46:54
 :mc4: :mc4: :mc4:

เคยอ่านเรื่องนี้แล้วแต่หาไม่เจอเลยไม่ได้อ่านต่อ ในที่สุดก็หาเจอ  อร๊ายยยยยยย  ขอสิงแปป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 13-09-2015 15:03:08
อาเฮียนี่เอาอีกแล้ว รังแกเอเลี่ยนน้อยตลอด บู้  ̄ε  ̄
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 13-09-2015 15:43:54
ยักษ์นี่มันเด็กน้อยเอาแต่ใจชัด ๆ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 13-09-2015 18:06:01
รอคู่นี้อยู่เบยยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 13-09-2015 20:09:03
 :เฮ้อ: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 13-09-2015 20:53:14
ยักษ์เอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สงสารเอเรี่ยลบ้างเถอะ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-09-2015 22:07:26
อิยักษ์เอาแต่ใจตัวเองมากไปไหม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-09-2015 01:16:51
หมั่นไส้ยักษ์แล้ว แรงดีเกิน รังแกเอเลี่ยนตลอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 14-09-2015 12:53:42
พี่ยักษ์อย่ารุนแรงกับเอเลี่ยนเยอะนักซิ
แค่เบาเบาลงหน่อยเอเลี่ยนน้องก็คงฟินแล้ว
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 14-09-2015 20:43:34
รุนแรงไปแล้วไอ้ยักกกกษ์  :angry2: เอเลี่ยนตัวนิดเดียวเอง ฮ่วย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-09-2015 18:30:44
EPISODE 10 [70%]


ผมแอบเสียดๆ ที่ทางเข้าด้านหลังของตัวเอง มันเสียดแปล๊บๆ เดาว่าคงเป็นแผลมุมใดมุมหนึ่งที่กลีบเนื้อด้านนอก ปกติร่างกายฝ่ายรองรับอย่างผม ถ้าเจ็บ ถ้าแสบโดยมากจะเป็นเพราะปากทางเข้าปริออก ส่วนด้านในก็มีช้ำชอกตามแต่ขนาดของอีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนว่าขนาดอย่างวิคเตอร์แล้วทำแรงขนาดนั้น คงทำผมช้ำอยู่ไม่น้อย แต่ร่างกายคนเราก็มีความมหัศจรรย์ในตัวมันเอง เพราะมันก็ฟื้นฟูตัวมันเองได้ รอบก่อนออกมาคงไม่ใช่จุดกำเนิดความเจ็บหลัก น่าจะเป็นเพราะเมื่อเช้าที่เขากระแทกเข้ามาแรงเกินไป พอมาซ้ำอีกรอบมันเลยยิ่งเสียดแสบเข้าไปใหญ่ วิคเตอร์เห็นผมเดินกะเผลกๆ ก็ยิ้มแซว แต่ก็ยังมีน้ำใจมาช่วยพยุงผมเดินมารอลิฟต์
   

“หาเรื่องโกรธนายบ่อยๆ ดีกว่า” เขาว่าเสียงชื่นมื่น หน้าตาสดชื่นตามไปด้วย ผมแอบมองค้อนควักและก็ได้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมา
   

“ถ้ามันไม่รัดไม่แน่นเหมือนเดิม รู้ไว้เลยนะ เพราะคุณนั่นแหละ” ผมขู่ฟ่อ วิคเตอร์หัวเราะอารมณ์ดี เขาก้มลงใช้จมูกขยี้แก้มขวาผมแรงๆ ผมแอบย่นหน้าเพราะได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขา
   

“ถ้าสูบบุหรี่อีก ไม่ต้องมาจูบผมแล้วนะ รสบุหรี่ติดอยู่ในลิ้นเต็มเลย” ผมพูดพลางแลบลิ้นแผลบๆ ออกมาเร็วๆ กลิ่นขมๆ ของบุหรี่ติดอยู่ที่ลิ้นจนต้องเบ้หน้า
   

“เคยบอกแล้วไงว่าถ้าไม่อยากให้สูบ ต้องเอาจูบนายมาแลก”
   

“ก็อันนี้คุณหนีผมไปสูบนี่” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากร้ายกาจ มือซ้ายโอบไหล่ผมไว้แน่น เขาก้มมองผมครู่หนึ่ง ก่อนที่มือขวาเขาจะยื่นมาจับมือผมทั้งสองข้าง
   

“นาฬิกาไปไหน” ผมยิ้มแหยกับหน้านิ่งๆ ของเขา เพิ่งง้อกันไปเอง นี่จะโกรธกันอีกแล้วรึเปล่าเนี่ย
   

“อยู่ในกระเป๋าเป้ครับ เดี๋ยวผมกลับไปเอาก็ได้” ผมทำท่าจะเดินกลับไปที่ห้อง แต่วิคเตอร์จับไหล่ผมไว้แน่น
   

“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันกลับไปเอาให้ ลิฟต์มาก็กดรอไว้แล้วกัน” เขาเดินกลับไปทางห้องพักของเรา ผมหันไปมองลิฟต์ พอมันขึ้นมาผมก็กดค้างไว้สักพักจนมันร้องเตือน ผมชะเง้อมองวิคเตอร์ ผ่านไปน่าจะหลายนาที เขาก็ก้าวยาวๆ เดินกลับมา ในมือมีนาฬิกาติดมือมาด้วย ผมเข้าไปรอเขาในลิฟต์ เขาเดินตามเข้ามา พอผมกดชั้นเสร็จ เขาก็ดึงข้อมือผมไปใส่นาฬิกาให้ทันที
   

“คราวหน้าห้ามลืมอีกนะ” เขามองหน้าผมด้วยสายตาดุ ผมบู้ปากใส่เขา วิคเตอร์ปล่อยมือผมออกตอนที่ใส่นาฬิกาให้เสร็จแล้ว
   

“ก็ผมไม่ชินนี่นา ปกติก็ดูจากมือถือตลอด”
   

“ไม่ชินก็ต้องใส่ ห้ามลืมอีก” เขาขี้หน้าคาดโทษผมไว้เลย ผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักสีหน้าจำยอม
   

ออสตินรออยู่หน้าทางเข้าโซนรับประทานอาหารของโรงแรมอยู่แล้ว นี่ก็ยังคงนิ่งไม่เสื่อมคลาย ทายาทอสูรของวิคเตอร์ชัดๆ ผมยิ้มไปให้แทนที่จะยิ้มตอบ กลับแค่ผงกหัวมาให้เล็กน้อย
   

“กินอะไร เดี๋ยวฉันไปตักให้ เดินไม่ไหวก็นั่งรออยู่นี่แหละ” วิคเตอร์บอกตอนที่เรามาถึงโต๊ะด้านในริมสุดที่ค่อนข้างดูเป็นส่วนตัวมากหน่อย
   

“เอาไข่ดาวสามฟอง เบคอนเยอะๆ ฮอทดอกเยอะๆ ราดซอสพริกนะ อ้อ ขออ็อมเล็ตด้วย” วิคเตอร์พยักหน้ารับ ยื่นมือถือมาให้ผม
   

“รหัสวันเกิดกับเดือนเกิดนาย” เขาบอกแค่นั้นแล้วเดินไปตรงโซนครัวที่มีถาดอาหารวางอยู่มากมาย ผมหันกลับมาเล่นมือถือของเขา แอบยิ้มเขินคนเดียวที่เขาใช้รหัสเกี่ยวกับตัวผม ไม่คิดว่าเขาจะจำด้วยซ้ำ ผมกดรหัสตามที่เขาบอก มันปล็ดล็อคได้จริง ผมเปิดโซเชียลไปเรื่อยเปื่อย มีการแจ้งเตือนเป็นล้าน (เหมือนเวอร์ แต่ผมว่าถึงนะ) แน่นอนละ เขาเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเฟซบุ๊ค ไอจีหรือทวิตเตอร์ คนเมนชั่นหาเขาตั้งมากมาย ไหนจะยอดกดไลค์ที่แล่นเรื่อยๆ ทั้งวันอีก
   

ผมเข้าไปดูอินสตาแกรมเขาซึ่งไม่ได้เข้าไปส่องสักพักแล้ว รูปล่าสุดที่เขาอัพคือรูปเจ้าไมเคิลกับฟอกซ์ที่นอนอยู่เคียงกัน ดูจากองค์ประกอบรูปแล้วน่าจะเป็นในครัวบ้านเขา รูปนี้อัพประมาณสองอาทิตย์ก่อน คนกดไลค์ตั้งหลายแสน ดูเหมือนจะเป็นรูปธรรมดาแต่แคปชั่นกลับทำเอาผมสะดุด
   

‘I’m gonna bring your mother back.’
   

ผมย่นคิ้วอย่างนึกสงสัยว่าไอ้สองตัวนี้มีแม่ด้วยเหรอ ก็ในเมื่อวิคเตอร์เก็บมันมาเลี้ยงทั้งคู่ ผมเก็บความสงสัยไว้ถามวิคเตอร์อีกที กดออกจากแอพไอจี เข้าไปดูรูปในแกลเลอร์รี่ในมือถือ เปิดเข้าไปภาพเซ็ทแรกก็ทำเอาผมแทบหน้าทิ่ม เมื่อมันเป็นภาพของใครคนหนึ่งนอนเปลือยหลังอยู่บนตียง มีผ้านวมห่มปิดช่วงล่างเอาไว้ ที่หน้าผมจะทิ่มก็เพราะรูปนั้นมันเป็นรูปผมเอง นี่เขาแอบถ่ายตอนผมหลับด้วยเหรอเนี่ย แล้วถ่ายไว้ซะเยอะเลยนะ แทบจะทุกมุม ดีที่ไม่มีตอนน้ำลายยืดอีก


เลื่อนๆ ลงมาก็เจอรูปไมเคิลกับฟอกซ์ในอิริยาบถต่างๆ ตามสถานที่มากมาย แล้วแต่ว่าเขาจะพาพวกมันไปไหน แล้วก็มีรูปเขากับพวกคุณเบน พอเลื่อนลงมาอีกหน่อยก็เจอรูปที่เราสองคนไปเที่ยวชมวิวนิวยอร์กด้วยกันคราวนั้น ตอนที่เขาให้นาฬิกาที่ซื้อมาให้ผม ผมอมยิ้มดีใจที่เขายังเก็บรูปพวกนี้เอาไว้


“หาชู้ฉันเจอรึยังล่ะ” เสียงหล่อๆ มาพร้อมกับจานสีขาวใบโตที่อัดแน่นด้วยของที่ผมรีเควสไป ผมยิ้มแก้มอิ่ม วิคเตอร์ยิ้มตอบกลับมา นั่งลงตรงข้ามผม ในจานเขามีของคล้ายๆ ผม ยกเว้นฮ็อทดอกแต่เอาขนมปังมาแทน


“เจอเพียบเลย มีคนมาแสดงตัวว่าเป็นเมียคุณตั้งเยอะ คนไทยก็มีนะ” เมื่อกี้ผมเห็นแวบๆ ในไอจี มีคอมเม้นต์สาวไทยด้วยในรูปไมเคิลกับฟอกซ์ เหล่าสาวๆ มาแสดงตัวว่าเป็นแม่เจ้าสองตัวนั้นเต็มไปหมด


“ทำใจนะ มีแฟนหล่ออย่างฉัน ใครๆ ก็อยากเป็นเมียฉันทั้งนั้น” ผมเบ้ปาก วิคเตอร์หัวเราะ ผมเลื่อนจานอาหารมาไว้ตรงหน้าและเริ่มตักกิน อืม… เบคอนอร่อยจัง


“ไมเคิลกับฟอกซ์มีแม่ด้วยเหรอ หมายถึงว่าแม่พวกมันที่คุณเคยผ่านตาคุณน่ะ คุณเก็บมันมาเลี้ยงไม่ใช่รึไง” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นงงๆ ตอนที่เคี้ยวไข่ดาวอยู่


“ก็ไม่มีนี่”


“ก็คุณบอกว่าจะไปตามแม่พวกมันกลับมา รูปในอินสตาแกรมอะ” ผมว่าพลางจิ้มฮ็อทดอกเข้าปาก วิคเตอร์ทำหน้าเก็ทแล้วฉีกยิ้มน้อยๆ


“ก็นายไง” ผมอ้าปากหวอ มองรอยยิ้มพึงใจของวิคเตอร์ ก่อนจะเข้าใจกับความหมายที่เขาสื่อ ผมพยายามกลั้นยิ้มเขินๆ ของตัวเอง


“นี่ผมคลอดลูกเป็นหมากับแมวแล้วเหรอเนี่ย”


“ประหลาดอย่างนาย คลอดลูกเป็นควายยังได้เลย” วิคเตอร์หัวเราะร่า ผมแยกเขี้ยวใส่เขา หยิบทิชชูปาใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้


เรานั่งทานอาหารเช้าพลางพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย นึกประเด็นไหนออกก็พูดประเด็นนั้นแหละ ระหว่างนั้นก็มีหลายสายตาจับจ้องมองวิคเตอร์เป็นระยะ ผมคิดเสมอว่าพวกดารานักแสดงต่อให้ใส่หมวก ใส่แว่น แต่พวกเขาจะมีออร่าบางอย่างที่มนุษย์ปกติไม่มี แต่วิคเตอร์มี ยิ่งเดี๋ยวนี้เขายิ้มบ่อย เขายิ่งดูน่ามองมากขึ้น


“ไปกัน” เขาบอกหลังจากเราทานอาหารหมด ผมยกน้ำส้มขึ้นดื่ม ลุกขึ้นยืนได้ก็ค่อยๆ เดินอย่างเสียดๆ เคียงข้างเขาไป วิคเตอร์โอบไหล่ผมไว้ พาผมเดินออกไปจากห้องอาหาร มีสาวๆ ต่างชาติหุ่นดีอย่างกับนางแบบกลุ่มหนึ่งมองเขาตาค้าง คล้ายว่าน่าจะจำเขาได้ แต่วิคเตอร์ไม่ได้สนใจ เขามัวแต่ก้มมองว่าผมจะเดินถนัดมั้ย


“ฉันว้อทสแอพไปบอกให้ออสตินซื้อยาให้แล้ว”


“ถ้าคุณไม่รุนแรง ผมก็ไม่ต้องกินยาหรอก”


“ก็นายทำให้ฉันโกรธทำไม” เขาว่าหน้ามึน ผมได้แต่ตาปรือมองหน้าเขา กะอีแค่เรื่องนอนกอดตุ๊กตา ก็สามารถทำให้เป็นประเด็นได้ นี่ผมต้องเรียนรู้ชีวิตผู้ชายคนนี้อีกเยอะเลยสินะ


รถตู้คันเดิมจอดรออยู่หน้าโรงแรม มีบอดี้การ์ดคนไทยสามคนที่ไปรับผมที่มหาวิทยาลัยยืนรออยู่ด้วย ออสตินยื่นถุงยาพร้อมน้ำหนึ่งขวดมาให้วิคเตอร์ ในขณะที่ผมเดินขึ้นบนรถไปนั่งที่เดิม


“มานั่งนี่” ยังไม่ทันก้นจะถึงเบาะ ผมก็ถูกดึงให้ไปนั่งบนตักเขา แอบซี๊ดปากเบาๆ ตอนที่นั่งลงแล้วมันกระเทือนตรงกลีบเนื้อของซอกก้น


“กินยาซะ” ผมรับยาแล้วเอาไว้ในปาก ยื่นมือไปรับขวดน้ำที่เปิดไว้แล้ว กระดกน้ำตามลงไป


“คราวหลังห้ามกินยาแบบนี้อีกนะ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก” เขาว่าเสียงดุ หน้าดุ พอๆ กับพ่อผมไม่มีผิด ไอ้ความดุเหมือนพ่อของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้จะคบกันแล้วก็ตาม


ผมยิ้มยิงฟัน วิคเตอร์ส่ายหัวน้อยๆ ดันหัวผมลงไปซุกอกเขาไว้ ผมขยับตัวเพื่อให้นั่งถนัดขึ้น เอาหัวพิงอกเขาไว้นิ่งๆ วิคเตอร์ยื่นมือถือมาให้ผมเล่น ส่วนเขานั่งสูด นั่งดมหัวผมไปเรื่อย ผมกดดูนั่นดูนี่ในโทรศัพท์เขา ไม่มีเกมอะไรให้เล่นสักเกม ผมเลยเปลี่ยนเป็นเปิดกล้องถ่ายรูปถ่ายรูปเล่น นั่งเซลฟ์ฟี่คนเดียวแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ติดเสี้ยวหน้าหนวดๆ ของวิคเตอร์มาด้วยอยู่ดี


“Cheeze!” ผมฉีกยิ้มกว้าง กดถ่ายไปสองสามรูป ก่อนจะสรรหาคำมาพูดให้รูปปากตัวเองบิดเป็นรูปอย่างอื่น


“วิคเตอร์ถ่ายรูปกัน” ผมยกกล้องให้เห็นวิคเตอร์ชัดขึ้น เขากดจูบลงบนหน้าผากผมแต่สายตามองมาทางกล้อง ผมยิ้มแฉ่งกดถ่ายไปหลายช็อต มีบางช็อตที่เขาเลื่อนสายตาก้มลงมองผมโดยไม่ได้มองกล้อง


“ฉันจะอัพรูปนี้” เขาว่า ผมที่กำลังยิ้มๆ ถึงกับยิ้มเหวอ รีบดันหน้าออกจากอกอุ่นๆ ไปมองเขาด้วยสายตาตื่นๆ


“อัพไม่ได้ เดี๋ยวก็เป็นประเด็นอีกหรอก” วิคเตอร์มองผมหน้านิ่ง


“อายรึไงที่คบกับฉัน” โอ้โห! คิดได้ไงเนี่ย?!


“ผมว่าผมควรเป็นคนคิดแบบนั้นนะ”


“ฉันจะลง” โอเค ผมลืมไปว่ากำลังคุยกับผู้ชายที่ดื้อ มึน เอาแต่ใจที่สุดในโลกนี้อยู่


เขาหยิบมือถือไปจากมือผม จิ้มๆ กดๆ เข้าไปในอินสตาแกรม ผมมองด้วยอาการใจไม่ดีนัก คิดไปต่างๆ นาๆ กลัวจะเป็นข่าว เพราะผมเชื่อเลยว่า รูปที่เขาไปหาผมที่มหาวิทยาลัยเมื่อวานนี้ ตอนนี้คงเป็นกระแสในโซเชียลอยู่แน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแย่ กลัวว่ามันจะมีผลต่องานของเขา ผมมองหน้าจอ เขาไม่ได้เขียนแคปชั่นยาวมาก ใช้แค่อีโมชั่นรูปหัวใจ แต่ผมว่าแค่นั้นมันก็สื่อได้เยอะแล้ว เพราะรูปที่เขาเอาลงเป็นรูปเขากำลังก้มลงหอมเหม่งผม โดยไม่ได้มองกล้องแต่อย่างใด ส่วนผมในรูปก็ยิ้มแฉ่งจนแก้มอูม


“วิคเตอร์ ลงแคปชั่นว่าผมเป็นน้องชายหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แบบนี้…” เขาไม่ได้สนใจ ทำท่าจะกดอัพรูปจริงๆ ผมรีบคว้ามือเขาไว้ วิคเตอร์ก้มมองหน้าผมโดยไม่แสดงสีหน้าอาการใดๆ ผมหันไปมองด้านหน้ารถ ออสตินนั่งมองตรงไปทางถนน ส่วนบอดี้การ์ดที่ขับรถก็ไม่ได้หันมาสนใจอะไร อีกสองคนก็นั่งด้านหลังสุด


ผมยื่นหน้าไปจูบเขา ส่งลิ้นเข้าไปหาเขาเบาๆ วิคเตอร์ตอบรับอย่างอ่อนโยน ผมยกมือซ้ายขึ้นลูบแก้มสากเขาแผ่วเบา วิคเตอร์ลดมือขวาที่กำลังจะกดอัพรูปลง กดจูบหนักขึ้น ลิ้นเราเกี่ยวพันกันอย่างเชื่องช้าอยู่ครู่หนึ่งผมก็ค่อยๆ ดึงหน้าตัวเองออก


“นะครับ ผมเป็นห่วงคุณนะ” วิคเตอร์มองหน้าผมราวกับกำลังครุ่นคิด สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจเบาๆ ยกมือถือขึ้นมากดลบแล้วกดพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปใหม่ ผมยื่นหน้าไปดูก็เห็นแคปชั่นที่เขาเขียน


Little-bro


ผมยิ้มกว้างเป็นการขอบคุณ วิคเตอร์เบ้ปาก ผมยื่นหน้าไปจุ๊บคางสากๆ ของเขา ไอ้ยักษ์โคลงหัวเล็กน้อยก่อนจะกดอัพรูปลงบนอินสตาแกรม เหมือนจะแชร์ไปถึงเฟซบุ๊คกับทวิตเตอร์ด้วย


ผมว่าลงไปแบบนั้นก็ดี มันอาจจะช่วยกลบกระแสเรื่องเมื่อวานได้อยู่บ้าง ถึงกลบได้ไม่มาก แต่อย่างน้อยก็จะได้ไม่คิดกันไปไกลว่าผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกันลึกซึ้ง (แม้จริงๆ จะโคตรลึกไปแล้วก็ตาม) แต่ก็อีก… รูปที่เขาลง ถ้าไม่คิดน้อยจนเกินไป ก็น่าจะระแคะระคายอยู่บ้าง ก็ได้แต่หวังว่าความต่างเรื่องอายุทางใบหน้าของเราสองคนพอจะทำให้คนเชื่อว่าผมเป็นน้องเขาจริงๆ บ้างนะ


ผมนั่งเล่นมือถือเขามาตลอดทาง วิคเตอร์โอบกอดผมไว้นิ่งๆ เขาเอาคางเกยไว้บนหัวผมเบาๆ ส่วนผมก็นั่งเอาแก้มแนบอกอุ่นๆ ของเขาที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตของเขาขึ้นมา ต้องบอกเลยว่าผมไม่เคยมีประสบการณ์การเห็นยอดไลค์รูปในไอจีเยอะและเร็วขนาดนี้มาก่อน เขาลงไปแค่ห้านาที คนกดไลค์รุนแรงมาก คอมเม้นต์หลากหลายภาษาพุ่งไม่หยุดหย่อน แต่วิคเตอร์ปิดการแจ้งเตือนไว้ คืออัพแล้วอัพเลย จะไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ขึ้นมาโชว์บนหน้าจออีก มีคอมเม้นต์เป็นภาษาอังกฤษถามกันใหญ่ว่าผมเป็นน้องชายเขาจริงๆ เหรอ ทำไมถึงดูไม่เหมือนกันเลยสักนิด แล้วก็มีภาษาของประเทศอื่นปนอยู่ด้วย แน่นอนว่ามีภาษาไทยร่วมด้วย มีคอมเม้นต์กรีดร้องกันมากมาย สาววายต่างเข้ามาฟินกันไปตามๆ กัน


“ถึงแล้วครับ” เสียงของออสตินดึงให้ผมละความสนใจจากหน้าจอไปมองเขา ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แหวกม่านดูด้านนอกก็เห็นว่าคนขับเข้ามาจอดตรงลานจอดรถด้านหลังตึกคณะของผม รู้สึกขอบคุณเขามากที่ไม่ไปจอดในจุดเด่นๆ ของมหาวิทยาลัย


“เรียนเสร็จแล้วโทรมา เดี๋ยวฉันจะมารับ”


“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมนั่งรถไปหาคุณเองก็ได้”


“จะดื้ออีกแล้วใช่มั้ย” เขาถามเสียงขู่ แววตาสีน้ำผึ้งข้นจ้องอย่างเอาเรื่อง


“ก็ได้” แล้วผมก็ต้องตอบอย่างจำใจเพราะจำยอมอีกรอบ ผมทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะลงรถแต่ก็โดนเขารั้งเอวเอาไว้ก่อน ผมหันไปมองเขางงๆ


“ห้ามคุยกับผู้ชายคนไหนเกินห้านาทีหรือที่ดีที่สุดคือห้ามคุยเลย…” ผมอ้าปากหวอ กระพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างรู้สึกทึ่ง


“…โดยเฉพาะกับไอ้จูบแรก ห้ามไปยุ่งกับมันเด็ดขาด ถ้าฉันรู้ว่าแอบไปพบไปเจอกัน นายคงรู้นะว่าจะโดนอะไร” คือตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นอะ ผมกำลังงงกับคำสั่งเสียสติเหล่านี้ของเขาอยู่ คืออะไร คำสั่งพวกนี้มันคืออาร๊าย?!


“นี่คุณสั่งจริงๆ หรือคุณแค่อำผมเล่น” ผมลองหยั่งเชิงถาม เผื่อเขาจะพูดขู่ไปงั้น แต่จากสีหน้าอันจริงจัง ผมว่าไม่น่าจะอำเล่นแล้วละ


“ฉันหมายความตามนั้น…” ผมทำหน้าเหลือเชื่อ แต่อีกฝ่ายยังคงทำหน้านิ่งยืนยันกับสิ่งที่พูด


“…เพื่อนผู้ชายก็ห้ามเล่นอะไรกันเกินเลย ห้ามกอด ห้ามหอม ห้ามจับ ห้ามให้ผู้ชายคนไหนรู้จักนายแบบสนิทสนม ที่สำคัญห้ามยิ้มให้ผู้ชายคนไหน” ฮะ?!


“วิคเตอร์ คือ… มันเกินไปรึเปล่า ผมก็ต้องมีสังคมนะ”


“เพื่อนผู้หญิงไง ฉันก็ไม่ได้ห้ามอะไรนี่” เขารู้ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงแน่ๆ เลยไม่ได้สั่งห้ามหรือออกกฎบ้าบอเหมือนกับเพื่อนผู้ชายหรือผู้ชายคนอื่น


โอย! นี่ตูหน้าตาดีขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าดีจริง มีผัว เอ้ย! มีแฟนไปนานแล้ว นี่เพิ่งมามีเขาคนแรกนี่ไง


“วิคเตอร์…”


“…ไม่ต้องเถียงแล้ว ไม่งั้นฉันจะสั่งให้ออสตินอยู่เฝ้านายด้วย เอางั้นมั้ย” ผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้สึกเหมือนพะอืดพะอม วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงให้เลือก แล้วทางเลือกที่เขาให้มาก็ไม่ได้ต่างกันสักนิด


“Yes. Yes. Yes.” ผมตอบเสียงประชด วิคเตอร์บีบเอวผมแน่น ตาคมของเขาจ้องดุดัน ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ยกมือตีมือเขาที่บีบเอวผมไว้อยู่รัวๆ


“วิคเตอร์ เจ็บ!” ผมบอกเสียงเข้ม พยายามแงะมือเขาออกจากเอว แต่มือเขายิ่งกว่าคีมเหล็ก จับแน่นจนผมเริ่มปวดเนื้อตรงที่โดนบีบ


“ออสติน” เขาส่งสัญญาณหาบอดี้การ์ดส่วนตัว สักพักประตูรถก็เปิดออก บอดี้การ์ดด้านหลังลุกขึ้นแล้วเดินลงไปจากรถ ประตูปิดลงอีกครั้ง ออสตินกับคนขับเปิดประตูลงจากรถตามสองคนก่อนหน้านั้นไป เหลือแต่ผมกับวิคเตอร์ที่ยังแง่งๆ ใส่กันอยู่ ผมพยายามแงะมือเขาออกจนในที่สุดก็ดึงออกสำเร็จ แต่น่าจะเป็นเพราะเขาดึงออกเองมากกว่า เพราะเขาเลื่อนแขนมาโอบรัดร่างผมแน่น ผมดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนเขาแต่ก็ไม่เป็นผล วิคเตอร์ก้มหน้าลงมาไซ้ซอกคอผม ดูดเม้มเนื้อที่คอรุนแรง


“อ๊า… อย่าทำรอยนะ วิคเตอร์!” ผมตะเบ็งเรียกชื่อเขา พยายามเบี่ยงคอหนี แต่ด้วยพื้นที่แคบๆ ในอ้อมแขนเขาก็ทำเอาผมหนีไปไหนไม่รอด โดนเขาดูดคอเน้นๆ ไม่ยอมปล่อยสักที มีการเลื่อนลงไปดูดตรงอกที่โผล่พ้นเสื้อนิสิตขึ้นมาอีก ผมพยายามดิ้นยังไงก็ไม่หลุด สุดท้ายพอเขาทำรอยจนพอใจแล้ว เขาถึงยอมผละหน้าออกไป


“คุณเสียสติไปแล้วรึไง ผมต้องไปเรียนนะ คนอื่นเห็นเขาจะคิดยังไง?!” ผมถามอย่างเดือดดาล มองเขาอย่างโมโห วิคเตอร์ถลึงตาดุๆ กลับมา


“ห้ามไม่พอใจ บอกดีๆ แล้วไม่ฟังเอง” เขาว่าเสียงขู่


“คุณจะมาห้ามความรู้สึกผมได้ยังไง!” ผมพูดเสียงดังด้วยความโมโห ยกมือขึ้นมาทุบอกเขาดังตุบตับ วิคเตอร์เลื่อนมือมาจับข้อมือผมไว้แน่น


“แมท! อย่าเสียงดัง เดี๋ยวจะโดนเอาบนรถนี่แหละ อยากเดินขาเป๋ไปเรียนใช่มั้ย?!” เขาว่าอย่างมีอำนาจเหนือกว่า แววตาที่จ้องมานั้นดูน่ากลัว ผมพยายามจ้องสู้แล้ว แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับความดุในดวงตาของเขา เลยหันไปมองทางอื่น


“เลิกเรียนแล้วโทรมา อย่าเถลไถลที่ไหน” ผมหน้าบึ้งตึง เหลือบตาไปมองเขาอย่างโกรธเคือง ไม่ยอมตอบอะไรเขากลับไป


“เอเลี่ยน…”


“…รู้แล้วน่า” ผมบอกเสียงฟึดฟัด วิคเตอร์มองอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ นอกจากถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยๆ คลายมือที่บีบข้อมือผมไว้แน่นออก ผมลุกขึ้นเปิดประตูรถตู้โดยไม่บอกลาเขาและไม่คิดจะพูดอะไรด้วยทั้งนั้น พอเดินลงจากรถได้ ผมก็เดินลิ่วๆ เข้าไปในตึก แม้จะเจ็บอยู่ แต่ผมกัดฟันเดินไปไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เสียงวิคเตอร์ตะโกนตามหลังมา


“นายเจอดัดนิสัยแน่!” ผมหันไปมองเขาอย่างฮึดฮัด ดวงตาวิคเตอร์ลุกวาว ผมหันไปยกนิ้วนางข้างซ้ายให้ (นิ้วกลางเลยไม่กล้าพอ) แล้วรีบหมุนตัวเดินเข้าไปในตึกทันที


นี่ผมมีแฟนหรือมีพ่อเพิ่มอีกคน ถึงตอนเด็กๆ พ่อจะดุคล้ายวิคเตอร์ แต่ตอนนี้พ่อไม่ดุอย่างนั้นแล้วสักหน่อย นี่พ่อถ่ายทอดพันธุกรรมอะไรให้ไอ้ยักษ์นั่นรึเปล่า


ผมไม่ทำตามหรอก ชอบสั่งอะไรเพี้ยนๆ ตลอด ไม่ให้ยิ้มเนี่ยนะ?
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-09-2015 18:58:05
ผีเข้าผีออกจังเลยวิคเตอร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-09-2015 19:29:57
อุ้วววว
ชอบวิคแบบนี้ ดูมีชีวิตกว่าตอนเจอกันครั้งแรกตั้งเยอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-09-2015 20:00:28
 o13 o13 o13

ยักษ์นี่หลงเอเลี่ยนหัวปักหัวปรำมากจ้า   คือแบบหึงหวงซ่ะเอเลี่ยนกระดิกตัวไม่ไดแระ  55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-09-2015 20:27:40
ยักษ์น่ารักกก หวงน่าดูเชียววว เอเลี่ยนเข้าใจยักษ์หน่อย รักเมียมากก็เงี้ยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 15-09-2015 22:00:32
โดนยักษ์จับได้แล้วต้องทำใจนะเอเลี่ยนเอ้ย คิคิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 15-09-2015 22:10:39
เอเลี่ยนสู้ๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-09-2015 22:41:05
ยักษ์หวงเอเลี่ยนสุดๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 15-09-2015 22:57:02
แม้พี่วิค ขี้หึงขี้หวงจริง สงสารแมทจังพรุนหมดแล้วพี่วิค 5555+
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 16-09-2015 00:34:16
 :katai2-1: :katai2-1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 16-09-2015 00:35:30
พี่ยักษ์เค้าหวงเอเลี่ยนน้อยของเค้า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 18-09-2015 12:23:44
อ่านทันแล้ว วิคเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 18-09-2015 14:34:24
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:


ตามอ่านมา 3 วันกว่าจะถึงปัจจุบัน ขอบอกว่าฟินมากกกกกก  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-09-2015 11:09:59

EPISODE 10 [100%]



“อีแมทททท!” ผมมัวแต่เดินหน้าบึ้งหน้าตึงมาตามทางเลยลืมสนใจสิ่งรอบข้าง พอได้ยินเสียงเรียกของใครสักคนก็ทำให้สติที่หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ กลับคืนตัวตามปกติ หยุดเดินและหันไปมองหาต้นเสียง ก็เห็นเก้าโบกมือเรียก ผมหลับตาลง ผ่อนลมหายใจเอาความเครียดออกไปบ้าง ตั้งสติแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะประจำ บนโต๊ะมีเก้า แบม ไอ้แชมป์ ไอ้วอร์ม ส่วนแคทกับเหมียวไม่รู้หายไปไหน




“มาแล้วหรอจ๊าแม่เซเลบริตี้!” แบมเอ่ยแซว ผมนั่งลงด้วยสีหน้างงๆ




“เซเลบไรของแก” ผมถามพลางยื่นมือไปรับกระเป๋าเป้มาจากเก้า มาวางไว้บนตัก




“เอ๊า! ก็เหตุการณ์เมื่อวาน เขาคุยกันไปทั่วมหา’ลัยแล้วมั้งตอนเนี้ย ในเฟซบุ๊คแชร์เรื่องแกกันเต็มเลยนะเว้ย!”  ตอนแรกผมนึกประหลาดใจ แต่พอนึกได้ว่าตัวเองก็คิดเรื่องนี้อยู่บ้างเลยไม่ได้ตกใจใหญ่โตอะไร




“แล้วนี่มึงกิ๊กกับไอ้พระเอกนั่นจริงหรอวะ” ไอ้วอร์มถาม สีหน้ามันอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ ผมเองพอโดนถามขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบแบบไหน ตอบยังไง ไอ้พวกนี้มันก็เพื่อนนั่นแหละ มันคงไม่เอาไปบอกใครต่อหรอก เพียงแต่ผมไม่เคยคบกับใคร เลยไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำถามแนวนี้แบบไหน





“แกๆ แมทๆ วิคเตอร์เขาอัพรูปคู่แกลงไอจีด้วยอ่ะ สรุปว่าแกคบกับเขาหรอวะ เฮ้ย อะไรยังไง” เหมียวกับแคทวิ่งถือจานข้าวกลับมาที่โต๊ะสีหน้าตื่นเต้น ผมที่กำลังตึงๆ เพราะทะเลาะกับวิคเตอร์มาก็หลุดขำเพราะหน้าตาพวกมันโคตรตลก มีทั้งความจริงจังและความอยากรู้อยากเห็นปะปนกันไปหมด




“ก็ตามแคปชั่นอ่ะ ไม่ได้มีอะไรมากหรอก” ผมตอบปัดอย่างเรียบๆ ยังไม่กล้าพูดเต็มปากว่าผมคบเขาแล้ว




“เฮ้ย?! ใช่เหรอวะ แค่น้องชายจริงเหรอ คือโมเม้นต์ระหว่างแกกับเขา มันดูไม่น่าหยุดอยู่ที่แค่พี่ชายน้องชายอ่ะ” สีหน้าแคทบอกเต็มที่ว่าไม่อยากเชื่อกับสถานะที่ผมบอกไป ทุกสายตาในกลุ่มหันมามองผมอย่างรอคอยคำตอบ ผมยกมือเกาหัว รู้สึกเกิดอาการประหม่า




“กูว่าไม่ใช่แค่น้องชายหรอก…” ก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไร เสียงไอ้วอร์มก็ดังขึ้นพร้อมกับสายตามีแววรู้ทัน




“…พวกมึงดูที่คอมันดิ มึงอย่าบอกว่ายุงกัดนะไอ้แมท กูบอกเลยว่าไม่เชื่อ เพราะกูก็เคยโดนดูดคอมาก่อน” ผมเบิกตากว้างขึ้น ลูกตากลอกไปมา มองหน้าเพื่อนสลับซ้ายขวาแบบไม่แสดงอาการแตกตื่นเท่าไหร่นัก





แต่พอโดนกดดันมากๆ ผมเลยถอนหายใจและพยักหน้ารับ เท่านั้นแหละพวกเพื่อนสาวกระโดดโลดเต้นกรี๊ดกันยกใหญ่ ทำเอาโต๊ะรอบข้างและคนที่อยู่ในตึกหันมามอง แล้วพอทุกคนมองมาเห็นผม ก็พากันมองจับจ้องมาที่ผมนี่ไง




“แก๊! แกคบกับ…”




“…ชู่วว! อย่าเสียงดังสิ ฉันไม่ได้อยากประกาศให้คนอื่นรู้” ผมถลึงตามองเหมียวที่ตั้งท่าจะแหกปากดังพลางหันไปมองรอบๆ มีหลายสายตามองมาที่ผมอย่างเนียนๆ บ้าง อย่างเปิดเผยบ้าง แต่ผมไม่ได้ประหลาดใจหรอก แค่อึดอัดเบาๆ ปกติผมก็มีชีวิตอยู่แต่กับเพื่อนๆ ไม่ใช่คนโดดเด่นเป็นจุดสนใจอะไร แค่ใช้ชีวิตปกติธรรมดา แต่ ณ วันนึงที่ต้องมาโดนมองจับจ้อง โดนมองเพราะมีคนอยากเห็นหน้า อยากรู้จักรูปร่างหน้าตา ว่าคนเนี้ยเหรอ อะไรแบบนี้นี้ บางทีแอบประหม่าเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไง แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ก็ปล่อยให้เขามองไป พอเขาจดจำใบหน้าเราได้แล้ว เขาก็คงเลิกมอง ก็เหตุการณ์แบบนี้ถ้าเป็นผม ก็คงมองเหมือนกัน




“โอ๋ยยย! ก็อย่างที่ฉันบอก ที่เขามาหาแกเมื่อวาน ประชากรโซเชียลแชร์เต็มเฟซบุ๊คไปหมด แล้วยิ่งเมื่อเช้าเขาเอารูปคู่แกลง ตอนนี้มันยิ่งตอกย้ำกระแสกว่าแกกับเขาคบกัน” แบมมันพูดอย่างกับรายงานข่าวสารบ้านเมือง นี่ถ้ามันยังหาตัวตนไม่เจอว่าชอบอะไร ผมว่ามันเจอแล้วละ




“สาววายนี่ฟินกันไปครึ่งประเทศแล้วแก ไอ้ที่แชร์ๆ กันในเฟซนี่มีแต่โมเม้นต์ฟินๆ รูปก็มาจากเด็กมอเราทั้งนั้น” แคทช่วยยืนยันการรายงานข่าวของของแบมอีกเสียง




“ไอ้พวกคอมเม้นต์เหยียดเพศ คอมเม้นต์ด่า แกไม่ต้องวอร์รี่เลย เท่าที่ฉันเช็กมา มีคนตอกกลับแทนแกเยอะมาก” แบมรับช่วงต่อจากแคท พูดด้วยสีหนาสะใจเบาๆ ที่ได้พูดว่ามีคนตอกกลับแทนคนที่ด่าผม




“ใช่ พวกฉันเองถ้าเจอคอมเม้นต์ไหนเห้ๆ นะ ฉันก็ปะฉะดะไปละ แต่เสียดาย ฉะได้ไม่เต็มที่ เพราะฉันไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วแกกับเขาไปถึงขั้นไหน”  โอเคแบมแคท ถ้าแกสองคนไปเปิดรายการรายงานข่าววงการบันเทิง ฉันว่าสปอนเซอร์น่าจะเข้าเยอะนะ รับส่งกันดีมากจริงๆ




“แล้วนี่ พระเอกคนนั้นมันเป็นเกย์เหรอวะ กูก็ไม่เคยติดตามเขานะ ดูแต่ซีรีส์ที่เขาเล่น ดูมันไม่น่าเป็นอ่ะ” ไอ้แชมป์ถามสีหน้าสงสัย มือไม้มีการเอื้อมมาแหวกคอเสื้อผมดูรอยแดงๆ จากวิคเตอร์อีก ผมปัดมือมันออก แยกเขี้ยวใส่มัน จัดปกคอเสื้อให้ปิดตรงช่วงลำคอไว้ แม้จะไม่มิดก็ตามเถอะ เพราะตรงเหนืออกนี่ก็แดงรอยใหญ่เชียว




“มึงช้าไปละไอ้แชมป์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าชายหรือหญิง หรือเกย์ มันอยู่ที่ใจว่ารักหรือไม่รัก” เก้าเสริมพลางขว้างขนมถั่วตัดใส่หัวไอ้แชมป์




“ตอนแกเดินเข้ามาในตึก คนไม่มองแกกันเต็มเลยเหรอวะ” ผมสั่นหัวให้เหมียว สายตาแอบแวบไปดูรอบๆ ว่ายังมีคนมองผมอยู่มั้ย ก็ยังพอมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าตอนที่พวกเก้าแบมมันส่งเสียงกรี๊ดแรกๆ แล้ว สงสัยคงเริ่มจำหน้าผมได้แล้วมั้ง




“ไม่รู้อ่ะ ไม่ได้สนใจ” มัวแต่หงุดหงิดไอ้ยักษ์อยู่




“แกเตรียมรับมือกับความดังจากสามีฝรั่งชื่อดังได้เลยค่ะ” เหมียวบอกทำหน้าประมาณว่าเชื่อเจ๊แล้วจะดีเอง ผมยิ้มขำกับสีหน้าท่าทางของมัน




“โถ แล้วตอนอยู่นิวยอร์ก ไม่บอกฉันกับอีแบมเลย  เฮ้ย ไม่สิ ฉันถามแล้ว แต่แกหลอกว่าไม่ใช่”

   


“แล้วแกจะให้ฉันพูดว่าไงวะเก้า ให้ฉันประกาศอวดตัวว่ามีผัวเป็นดาราฮอลลีวูดเงี้ยหรอ แกว่ามันไม่แปลกเหรอวะ ขนาดเกิดเรื่องกับฉันเอง ฉันยังว่ามันดูเหลือเชื่ออยู่เลย” เก้าทำหน้าครุ่นคิดตามที่ผมพูด ผมเหมือนจะพยักหน้ารับกับคำพูดของตัวเอง แต่ก็ไม่ทีเดียว เลยได้แต่ทำสีหน้ายุ่งๆ เหมือนความคิดมันกำลังตีกันไปมา




“อ๊าย อีดอกกก เพื่อนกูโกอินเตอร์อ่ะ ประเด็นคือผัวเพื่อนหล่อ ผัวเพื่อนรวย ผัวเพื่อนดัง มีตังค์เยอะด้วย” แคทพูดเสียงยาน พร้อมลีลาไม้มือก็วาดลวดลายเต็มที่ ทั้งกลุ่มนั่งขำกับสีหน้าฟินเฟ่อของมัน




“ฉันเคยบอกแกแล้วอีแมท ว่าถ้าแกมี แกมีดีแน่ๆ ไอ้ที่แกบ่นว่าเหงา ไม่มีใครเอา ฉันว่าเนี่ยแหละ เขาเก็บแกไว้รอคนนี้ไง” ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าตัวเองเคยพูดแบบนี้ จนแบมมันพูดขึ้นมาอีกรอบนี่แหละ ถึงได้นึกขึ้นได้ว่า ผมเคยบ่นว่าเหงา ช่วงที่เพื่อนๆ พร้อมใจกันมีคนคุยครบทุกคน ยกเว้นผมที่โสดอยู่คนเดียว เปล่าเปลี่ยวเอกา ยังโชคดีว่าผมอยู่บ้าน เลยไม่ได้เหงาอะไรมาก เพราะพอเรียนเสร็จในแต่ล่ะวันผมก็กลับบ้าน ไม่ได้กลับไปอยู่หอคนเดียวให้เปลี่ยวใจ ในขณะที่เพื่อนๆ ออกไปตะลอนกับหวานใจตัวเอง




“คุ้มค่าสุด ไปฝึกงานแต่ได้ผัวกลับมาด้วย ทำไมฉันไม่เจอแบบนี้มั่งวะ” แคททำหน้าว่าเสียดายแบบตลกโปกฮา สีหน้ามันดูประมาณว่า ชีวิตกูทำไมไม่เป็นงี้นะ




“เล่าให้ฟังหน่อยดิว่า แกไปปิ๊งรักกันได้ไงวะ” เหมียวถามสีหน้าสนอกสนใจ ผมยิ้มแห้ง กวาดตามองเพื่อนทุกคนที่ทำหน้าว่าอยากรู้เหมือนเหมียว




“เรื่องมันยาว แล้วไม่ต้องขอให้เล่าได้มะ เอาเป็นว่าตอนนี้ก็คบกันแล้วเนอะ” ถ้าให้เล่า ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากจุดไหนจริงๆ เอาจริงๆ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิคเตอร์ทำไมถึงได้มาชอบผม ส่วนผมเนี่ยแน่นอนว่าแอบชอบเขาก่อน แต่ความสัมพันธ์เราสองคนมันเริ่มจากจุดไหน ก็ตอบยากนะ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่มันมีหลายจุดที่น่าตอบ เลยเลือกไม่ตอบเลยแล้วกัน




“และกูว่าก็เอากันแล้วด้วย” เสียงโห่แซวดังมาจากไอ้แชมป์กับไอ้วอร์ม ผมถลึงตามองพวกมันสองตัว แต่ริมฝีปากก็ยิ้มเขิน ส่วนพวกเพื่อนนีกรีดร้องกระจองงองแงแต่ช้าแต่แม่พวงมาลัย บ่นงึมงำว่าเสียดายวิคเตอร์ ที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจไปชอบด้านหลัง แถมพรีเซ้นต์ว่าตัวเองก็มีทั้งหน้าทั้งหลัง ทำไมไม่เลือกพวกมันแทน ผมได้แต่เบ้ปากใส่พวกมันอย่างตลก




“ฉันว่าเรื่องแกต้องโรแมนติกแน่เลยว่ะ” แกพลาดละอีเก้า โรแมนติคเรอะ? หาได้น้อยจากผู้ชายคนนั้นที่สุดแล้ว




“อีโรติคน่ะสิ” ผมบอกเสียงสูงพร้อมกับย่นจมูกใส่เพื่อนๆ ส่วนพวกนั้นก็ส่งเสียงโห่ฮากันยกใหญ่ เหล่าน้องนีนี่กรี๊ดจนสงสารโต๊ะข้างๆ กับคนในตึกมาก ส่วนไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มมองผมอย่างกรุ้มกริ่ม




“ถึงว่า ตั้งแต่กลับมาจากนิวยอร์ก ตูดมึงฟิตขึ้นเยอะ” โห อีแชมป์ นี่มึงสังเกตตูดกูตลอดเลยเหรอ




“แหม น้องแมทของพี่วอร์ม อยากลองก็ไม่บอก ไม่ต้องไปถึงนิวยอร์กหรอก บอกกูกับพี่แชมป์ก็ได้ครับ เดี๋ยวกูแซนด์วิชให้” แล้วไอ้สองมารก็หัวเราะเฮฮา ตีไม้ตีมือกันยกใหญ่ ผมหยิบขนมดถั่วตัดมาปาใส่มันสองคน




“ไอ้เชี่ยม! กูอ่ะพี่พวกมึงอีกนะ” ผมว่าเสียงแจ้ดๆ ใส่พวกมัน แทนที่จะสำนึกมันกลับหัวเราะเสียงดัง




 “เหยยย! ขนาดแมทมันพูดแค่นี้ ฉันว่าฉันเสร็จว่ะพวกแก”




“โอ๊ย อีแคท!” คราวนี้เป็นผมหัวเราะบ้าง คือเก้า แบม เหมียว พร้อมใจกันตะโกนด่าแบบไม่ได้ยัดกันด้วยนะ เล่นเอาแคทหน้าเหวอ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขำ เพราะสามคนนั้นมันด่าพร้อมเพียงกันจริง




 “แต่แม่ง… แฟนมึงไม่ใช่ธรรมดา กูไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเทวดานะ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่มนุษย์เดินดินปกติอย่างเราๆ อ่ะ” ไอ้วอร์มออกความคิดเห็นหลังจากเสียงหัวเราะเริ่มเบาลง ผมหันไปมองมันแล้วเลิกคิ้วขึ้น




“เอาแบบไม่ดัดจริตนะ แค่มึงเป็นผู้ชายกับผู้ชาย บางทีก็ยังยากแล้วเลย แล้วนี่มึงแม่งเล่นมีผัวเป็นดารา เลเวลความยากก็ยิ่งมากเข้าไปอีกปะวะ” ผมเข้าใจความหมายของมันนะ และไม่ใช่ผมไม่คิด ผมก็คิดตลอด ซ้ำยังเคยพูดกับวิคเตอร์ด้วย




สองเดือนที่เขาบอกว่าหายไปเพื่อทบทวนตัวเอง เขาไม่ได้ไปทบทวนตัวเองในสถานบำบัดนิสัยหรือสถานดัดสันดานที่ไหน แต่เขายังคงใช้ชีวิตตามปกติของเขา ผมไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหนในการทบทวนตัวเอง เขาทำยังไงถึงได้คำตอบให้กับตัวเอง แต่ที่สุดแล้ว วิคเตอร์ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยทั้งหมดเพื่อผม (ดูได้จากเหตุการณ์เมื่อเช้า) ผมเคยอยู่ในชีวิตของเขาช่วงหนึ่งและได้เห็นว่าวิคเตอร์ใช้ชีวิตอิสระมาตลอด ก่อนหน้าที่ผมจะเจอเขา ไม่รู้ว่าเขาเคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบผมขนาดไหน อย่างตอนนาตาชานั่นเขาก็ไม่ได้คบด้วยรัก ด้วยใจ ก็ตอนคบกับกับเธอ เขายังมาแทะเล็มผมอยู่เลย




ผมคิดว่าผมยังรู้จักเขาไม่หมดหรอก แน่ละ ทุกคู่ก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ทำความรู้จักกัน ขนาดพ่อกับแม่ผม ทุกวันนี้ยังมีเรื่องทะเลาะกันอยู่เรื่อยๆ เลย





“ผู้ชายปกติอย่างพวกกู สิ่งยั่วยุแม่งก็มีเยอะพอละ แล้วไอ้นั่นอ่ะ เป็นคนสาธารณะ แม่งสิ่งยั่วยุก็ต้องไม่ธรรมดาด้วย” ผมถอนหายใจด้วยสีหน้าคิดมาก แต่ก็ไม่อยากเก็บเอาใส่ใจให้ตัวเองนอยด์รับประทาน




“เรื่องนี้กูก็คิด ไม่ใช่ไม่คิดหรอก แต่กูก็ไม่อยากมานั่งเผื่อใจ เตรียมใจ จนไม่มีความสุข”




“เออ ดีแล้วละแก ทุกวันนี้ฉันคบกับแฟนฉันนะ ฉันก็ไม่เผื่อใจนะ คือก็ทำให้เต็มที่ ฉันว่ามันเผื่อใจยากว่ะ พอได้รักใครสักคน แม่งจะมาให้เผื่อใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายปะวะ อีกอย่างนะ เผื่อไม่เผื่อ ถ้าเลิกกันยังไงก็ต้องเสียใจอยู่ดีอ่ะ” เหมียวผู้ซึ่งเป็นเชียร์ลีดเดอร์คณะและผ่านการคบใครมามากมายออกความเห็นบ้าง เหมียวไม่ถึงกับช่ำชอง แต่เหมียวเปลี่ยนแฟนบ่อย ไม่ใช่เพื่อวัดความสวยของตัวเอง แต่เหมียวบอกมันไปกันไม่รอดจริงๆ เหมือนพอคบกันไปแล้ว มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาให้ทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็จบความสัมพันธ์กันไป




“คนไม่เคยมีผัวแบบมึง อาจจะต้องปรับตัวหน่อย ไหนจะต้องปรับตัวเพื่อผัวมึงที่เป็นถึงดาราอีก” คือมึงพูดอย่างกับมึงเคยมีผัว




“กูว่าปล่อยให้มันจัดการตัวเองเถอะอีวอร์ม คนเขาคบกันเป็นเรื่องของเขาสองคน” เก้าว่าพลางเคี้ยวขนมเลย์กรุบๆ อย่างเมามันส์




“กูแค่บอกเฉยๆ แมทมันเคยมีแฟนที่ไหนล่ะ เอาตรงๆ ไม่ว่าจะเพศไหนอ่ะ คบกันมีเรื่องยาก มีเรื่องต้องผ่านไปด้วยกันทั้งนั้น…” ผมรับฟังและคิดตาม ผมไม่เคยมีแฟน ฉะนั้นไอ้เรื่องการคบกัน ผมไม่เคยสัมผัสเลยจริงๆ




“…แต่เอาจริงๆ มึงก็ทำทุกๆ วันให้มีความสุขที่สุดอย่างที่มึงคิดแหละ” วอร์มยักคิ้วให้ผม ส่วนผมก็ยิ้มอ่อนๆ กลับไปให้มันเป็นการขอบคุณ




“เออ สิ่งสำคัญตอนนี้คือมึงกับเขา ยังอยู่ด้วยกัน สิ่งอื่นใดนั้นมันยังไม่มาถึง บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี…”




“ไปค่ะ อีแชมป์ ไปประกวดเดอะ สตาร์คนฟ้า ฟ้าดาวเลยค่ะ”  พวกเราหัวเราะร่วนให้กับวามฮาของแคทอีกครั้ง




บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี ให้มันตราตรึง… อยู่ในใจเผื่อไปถึงวันลาจาก…




ผมเชื่อมาตลอดว่าคนเรา รักกันยังไงถ้าวันนึงต้องจากก็คือจาก ไม่จากเป็นก็จากตาย การเจอกันไม่ว่าจะเพราะบุญหรือกรรมนำพา แต่ถ้าหมดวาสนา หมดกรรมต่อกันก็ต้องไปแม้จะพยายามรั้งไว้แค่ไหนก็ตาม





แต่เรื่องที่รู้วันนี้ ตอนนี้ ฉันก็มี…




แต่ความเคืองใจ!




ไอ้ยักษ์ ไอ้บ้า หวงไม่เข้าเรื่อง คำสั่งเพี้ยนๆ เคยมียังไงก็มีอยู่อย่างนั้น




แต่เอาจริงก็แอบรู้สึกสวยนะ แบบว่าผัว เอ้ย แฟนหวง -..- (เริ่มกลัวตัวเองแทนวิคเตอร์)



...................................................TBC.  :katai5:

เรื่องความคิดมากของแมทนี่ยังคงลอยอบอวลอยู่รอบๆ ตัวนาง แต่ไอ้นิสัยอันนี้นี่ตอมก็ปูให้เห็นตั้งแต่พาร์ทแรกแล้วว่านางจะคิดเยอะ คิดแยะมาก อย่าลืมว่าแมทเคยเห็นไลฟ์สไตล์วิคเตอร์มาก่อน ว่าชีวิตสามีตัวเองนั้นก่อนจะมาคบกับตัวเองนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งข้อนี้วิคเตอร์เองก็รู้ว่าแมทเห็นตัวเขาเงอใช้ชีวิตมายังไง (อยู่ในตอนที่แล้ว) ความคิดมากของแมทจะดีขึ้นค่ะ แต่คงไม่หายไปหรอก จนกว่าวิคเตอร์จะทำตัวให้รู้สึกว่าเขามั่นคงกับแมทจริงๆ อย่างที่แมทบอกละค่ะ สองเดือนที่หายไป วิคเตอร์ไม่ได้ไปเข้าสถานดัดนิสัยใดๆ เขายังคงใช้ชีวิตตามปกติ พวกเขาเพิ่งคบกัน ให้เวลาพวกเขาในการเรียนรู้กันหน่อยเนอะ ^^



แจ้งข่าวหนังสือนิดหนึ่งค่ะ ปกติจะแจ้งในเพจกับทวิตเสมอ แต่กลัวบางคนไม่เห็นโพส จะเริ่มทำการจัดส่งวันจันทร์นี้แล้วนะคะ คาดว่าก่อนวันศุกร์คงส่งหนังสือหมดค่า

       
กำลังคิดว่าจุดพีค จุดตื่นเต้นใดๆ ของนิยายเรื่องนี้มีมั้ยเนี่ย - - ที่มีก็ไม่รู้จะสะพรึงแค่ไหน ต้องขออภัยหากใครต้องการความซาบซ่า หายากจีๆ เลอนิยายเรื่องเน้น่ะ วิคเตอร์ก็ไม่ใช่พระเอกขายฝันด้วยนะ -..- แมทเองก็เป็นเคะที่ไม่แมนเอาเสียเลย (เปิดเรื่องมานางก็เป็นงี้อยู่ละนะ ฮ่าา) คนที่ตามอ่านกันอยู่ทุกวันนี้นี่ ชอบความเรียบเรื่อยของเนื้อเรื่องกับความผีบ้าผีบอของวิคเตอร์กับแมทสินะ 55555

ขอบคุรคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 19-09-2015 11:29:52
ฮาเพื่อนแมท ดีนะที่มีเพื่อนดีและเข้าใจขนาดนี้ เราว่าต่อไปสิ่งที่จะหนักกว่านี้คือพวกอารมณ์แฟนคลับของวิคทั้งหลายนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-09-2015 12:07:29
ตอนนี้ยังไม่เท่าไร แต่ต่อไปเรื่อยๆชีวิตต้องยุ่งยากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 19-09-2015 13:26:14
พี่แชมป์สาระดีมาก เด๋วให้วิคเตอร์หาสามีให้ 55555+
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 19-09-2015 14:14:29
ชอบเรื่องนี้เพราะวิคเตอร์ดูเป็นวิคเตอร์นี่แหละ เขียนได้เป็นธรรมชาติดีนะคะ ติดตามต่อเรื่อยๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 19-09-2015 15:37:49
เราชอบแบบนี้จริงๆนะแระ  ค่อยๆเนียนรู้กันไปเรื่อยๆๆ   แมทรู้แมทเห็นสิ่งที่ยักษ์เป็นมาตลอด ถ้ามีอะไรเปลี่ยนปลงแมทจะรู้ได้ก่อนเสมอ  เพราะงั้นความมั่นใจที่จะทำให้แมทมั่นใจต้องดูที่ความมั่นคงของยักษ์   งุ้ยยย...อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-09-2015 23:55:40
จะหงุดหงิดหรือจะดีใจดีนะแมท ชักทำตัวไม่ถูก
สามีหึงขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-09-2015 20:46:32
ตามอ่านจนทัน
ได้แต่หวังว่าพี่ยักษ์จะไม่ทำให้น้องเอเลี่ยนเสียใจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-09-2015 18:11:55

Only You EP.11 :: Rude and Low. [50%]



ตกเย็น พอเลิกเรียนกับสอบย่อยเสร็จ ผมก็ขึ้นไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อไปทำเรื่องลากับทางภาคและรับใบรับรองการทำงานให้กับทางมหาวิทยาลัย แอบรู้สึกผิดที่ติ่งของหัวใจ อาจารย์ใช้คำดูดีไปหน่อยที่บอกว่าไปทำภารกิจให้กับทางมหาวิทยาลัย คือตั้งแต่เจอหน้ากัน ผมกับไอ้ยักษ์ก็มีแต่เรื่องบนเตียง ยังไม่ได้ทำสารประโยชน์ให้แก่มหาวิทยาลัยเลยสักนิด คิดแล้วก็สะกิดใจ ช่างเอาประโยคอันดูดีนั้นมาบังหน้า เพื่อหาเวลาไปจู๋จี๋กับแฟน
   



“แล้วสรุปเธอกิ๊กกับเขาจริงรึเปล่า นี่เขาคุยกันไปทั่วมหา’ลัยแล้วจ้ะ” อาจารย์ณัฐวัฒน์ถามตอนที่กำลังยืนรอเอกสารจากหัวหน้าภาคในห้องภาคภาษาตะวันตก ผมยิ้มหน้าแหย ตอบเสียงอ้อมแอ้ม
   



“เป็นพี่น้องครับอาจารย์” อาจารย์เบ้ปากใส่ผมแรงมาก แรงแบบว่าปากแทบจะบิดอยู่แล้ว
   



“พี่น้องท้องชนกันสนั่นเตียงล่ะสิ บุญดีนะยะเธอน่ะ ได้สามีทั้งทีมีดีกรีเป็นถึงพระเอกฮอลลีวูด” อาจารย์ไม่ต้องพูดดังก็ได้มั้งครับ คือในนี้คนไม่เยอะก็จริง แต่มันมีรุ่นน้องในเอกอยู่ด้วยนะ แล้วตอนนี้น้องๆ ก็มองมาทางผมและอมยิ้มให้ ผมยิ้มเหงือกแห้งกลับไป หันมามองหน้าอาจารย์ด้วยอาการเหงื่อตก
   



“ฉันก็ว่าแล้ว อะไรจะรีเควสขอเธอมาขนาดนั้น ไม่ยอมเอาคนอื่นด้วยนะ” อาจารย์แสร้งมองจิกด้วยความหมั่นไส้ ผมก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยได้เกาหัวแก้เก้อ
   



รออีกประมาณยี่สิบนาที อาจารย์ก็จัดการทำเรื่องลาให้กับผมได้ ผมเซ็นชื่อตัวเองลงตรงการรับรองเอกสารในส่วนของนิสิตผู้ไปปฏิบัติงานให้ทางมหาวิทยาลัย แม้จริงๆ จะเรียกได้ว่าไปทำเรื่องส่วนตัวมากกว่า แต่อาจารย์ณัฐวัฒน์ก็ให้กำลังใจผมว่า ยังไงมันก็มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง งานนี้เป็นงานระดับประเทศ เขารีเควสมาแบบนี้ทางมหาวิทยาลัยเองก็ได้หน้าได้ตาไปด้วย ฉะนั้นก็ให้ผมช่วยดูเขาให้เต็มที่ ส่วนเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของผมกับเขา อาจารย์เขาก็ไม่คิดจะบอกใคร เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม แต่จริงๆ ตอนนี้บอกไม่บอก คนก็เริ่มรับรู้กันเยอะแล้วละ
   



ผมลงลิฟต์มาข้างล่างตึก ในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ก็มีหลายคนหันมามองผมอย่างเนียนๆ บางคนแกล้งส่องกระจกบ้าง แกล้งเอา
มือถือมาเช็กหน้าตาตัวเองบ้าง ผมก็ได้แต่เฉย ผมคงห้ามให้ใครมองไม่ได้ แต่ขออย่างเดียวว่ามองแล้วอย่าเอาจอบมาขุดหัวผมก็แล้วกัน
   



“อะ แม่คนดังมาละ ไปๆ พวกมึง หิวมาก” พวกเรากำลังจะไปหาอะไรทาน ผมอยากกินส้มตำ น้ำตกหมู พวกนี้ก็เลยนัดกันว่าจะไปกินร้านประจำที่เราชอบไปกินกัน
   



“เออ พวกแฟนฉันไปด้วยนะแก แต่ว่ามันนั่งคนละโต๊ะ” เหมียวบอกตอนที่เราทุกคนเก็บของลุกขึ้นจากโต๊ะ เราพยักหน้ารับรู้ พากันเดินออกจากโต๊ะไป
   



ผมทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมา บางคนถึงขั้นยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผมเลยด้วยซ้ำ แอบอึดอัดเล็กๆ เริ่มพอจะเข้าใจความรู้สึกของพวกดารานักแสดงที่ชอบโดนตามถ่ายหน่อยๆ
   



“ทำใจนะมึง เดี๋ยวพอกระแสมันซาแล้ว เขาก็คงมองมึงน้อยลงเองแหละ” ผมยักหน้าขึ้นสองทีให้ไอวอร์ม เดินออกไปนอกตึกพร้อมเพื่อนๆ ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดูหน้าจอเป็นเบอร์ไม่คุ้นตา ผมขมวดคิ้ว แต่ก็กดรับสาย
   



“ฮัลโหล”
   



[Done? (เลิกเรียนรึยัง)] อ้อ วิคเตอร์นี่เอง ผมยังไม่ได้เมมเบอร์เขาที่เมืองไทยไว้ เพราะเพิ่งได้มือถือ แต่เขาเมมเบอร์ผมใส่ไว้ในเครื่องตั้งแต่เช้าแล้วละ
   



“Already, but I’m gonna go to have a dinner with friends. (เสร็จแล้วครับ แต่ผมกำลังจะไปทานอาหารเย็นกับเพื่อนๆ)” ผมตอบเสียงเนือย หน้าตายังงอนเขาอยู่ เพื่อนๆ หันมามองอย่างตื่นเต้น
   





[And what about me? Dinner alone? แล้วฉันล่ะ อาหารเย็นโดดเดี่ยวงั้นเหรอ] น้ำเสียงเย็นชาดังมาตามสาย นึกหน้าเขาออกเลยว่าคงกำลังขึงตึงแค่ไหน ผมถอนหายใจ แต่เท้าก็ยังไม่หยุดเดินตามเพื่อน
   



“I will go with you. (เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน)”
   



[No. I want you to go to have a dinner with me. (ไม่ ฉันต้องการให้นายไปกินด้วย)]” เขาตอบเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ ผมย่นคิ้วอย่างไม่พอใจ อีกฝ่ายนิงเงียบรอฟังคำตอบจากผมอยู่
   



“Fine! Pick me up, now. (ก็ได้! มารับผมตอนนี้เลยละกัน)” ผมตอบเสียงกระแทกใส่โทรศัพท์
   



[You want a piece of me? (จะเล่นใช่มั้ย)] เขาถามเสียงขู่ ผมเม้มปาก แล้วถอนหายใจออกมา
   




“I’m sorry. Call me when you are here. (ขอโทษครับ โทรหาผมแล้วกันถ้าคุณถึงแล้ว)” ผมตอบเสียงตึง พอๆ กับใบหน้าตอนนี้ วิคเตอร์ไม่พูดอะไรแต่กดตัดสายไป ผมยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเซ็งๆ
   



“อ้าว นี่แกทะเลาะกันเหรอวะ” ผมหันหน้าเนือยๆ ไปมองแบม
   



“นิดหน่อย”
   



“อะไรวะ เพิ่งเจอกันเมื่อวาน มึงงอนกันละเหรอ” ไอ้แชมป์ถามสีหน้าเหลือเชื่อ
   



“อือ ปัญหาจุกๆ จิกๆ อ่ะ มีแฟนนี่ก็ยากเนอะ ตอนไม่มีใครกูก็อิสระดี ไม่เห็นต้องคอยรายงานหรือขออนุญาตจากใคร” ผมบ่นเซ็งๆ นึกถึงตัวเองเมื่อก่อนที่อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องพะว้าพะวงว่าใครจะโกรธจะงอนมั้ย ผมชิลนะ แค่มีเพลงให้ฟัง ผมก็เดินห้างได้คนเดียว กินข้าวคนเดียวก็ได้แล้ว ดูหนังก็ดูคนเดียวออกตั้งบ่อย
   



“ใช่ทุกคนซะที่ไหน อันนี้เป็นที่ผัวมึงละครับน้องแมท สงสัยคงหวงมึงจัด” พูดถึงตรงนี้แล้วก็ได้แต่ย่นจมูกเหมือนเหม็นอะไรสักอย่างจนเพื่อนๆ หัวเราะออกมา
   



“กูมีอะไรให้น่าหวงเนี่ย มึงดูสิ ถ้าหนังหน้ากูดี กูจะไม่ว่าเลย เออ ถ้ากูฮ็อต กูป๊อบปูล่ามาก ค่อยหวงก็ยังสมเหตุสมผล”
   



“สำหรับเขา มึงไม่หน้าเหี้ยไง แม้จริงๆ หน้ามึงจะเหี้ยก็ตาม”
   



“โถ อีวอร์ม! จะดีอยู่แล้วเชียว ไอ้แอนิมอล!” เหมือนมันจะให้กำลังใจ แต่ปิดท้ายเล่นซะแทบหัวทิ่ม ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก
   



“แล้วนี่แกทะเลาะอะไรกัน ฉันอยากจะรู้อ่ะ ว่าพวกพระเอกดังๆ เวลาเขาทะเลาะกับแฟน เขาจะทะเลาะเรื่องอะไรกันบ้าง” แคทเดินถอยหลังมาถามด้วยอาการตื่นเต้น
   



“ก็แค่บอกว่าจะไปกินข้าวกับพวกแก แล้วเขารอกินข้าวด้วยอยู่” แคทอ้าปากหวอ สีหน้าแลดูตกใจมาก ตอนแรกผมคิดว่ามันจะต้องแบบว่าอึ้งที่ผมกับวิคเตอร์ทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ แต่เปล่าเลย
   



“เฮ้ยยย! น่ารั๊กอ้า! รอกินข้าวกับแฟน พอแฟนจะไม่ไปกินข้าวด้วยเลยงอน เฮ้ยๆๆๆ โมเมนต์ดีเว่อร์ ทำไมอดีตผัวกูไม่เป็นงี้บ้าง” แล้วเราทุกคนก็หัวเราะให้กับความฮาของแคทอีกครั้ง มันบ่นงุ้งงิ้งๆ คนเดียวว่าสมัยคบกับแฟนคนเก่า แฟนมันมึน เอาแต่ติดเกมส์ไม่ค่อยสนใจมัน สุดท้ายมันทนไม่ไหวก็เลยเลิกกันไป ปัจจุบันผู้ชายมีแฟนใหม่แล้ว ซึ่งก็เป็นผู้หญิงในเกมส์นั่นแหละ แคทเม้าท์ว่าวันๆ มันคงเอาแต่คุยกันผ่านเกมส์มากกว่าตัวจริง
   



“แล้วนี่มึงจะไปกินข้าวกับพวกกูอยู่ป้ะเนี่ย แฟนมึงไม่งอนเอาหรอ” ผมทำหน้าลำบากใจ ไม่อยากมีกรณีกับวิคเตอร์เพิ่ม แต่ก็อยากกินส้มตำกับหมูน้ำตก
   



“กินสักแปบก็ได้ จากโรงแรมมานี่ก็น่าจะทันสักจาน”
   



“โอย ลำบากเนาะมึง” ไอ้วอร์มมันว่าหน้านิ่ว
   



“แกไม่ชวนวิคเตอร์เขามากินด้วยเลยวะ จะได้แนะนำอาหารเด็ดของไทยให้เขากินด้วยไง” แคทเสนอแนะตาวาว ผมมองมันแล้วก็เริ่มมีสีหน้าคล้อยตาม
   



“เฮ้ยๆ ไม่เอาๆ มึงจะเอาเขามาทำไม กูทำตัวไม่ถูกนะ” ไอ้แชมป์แทรกเสียงลั่นพลางสั่นหัวรัวๆ แต่พวกผู้หญิงกลับร้องว่าเห็นด้วย เพราะอยากถ่ายรูปใกล้ชิดกับวิคเตอร์
   



“เหอะน่าไอ้แชมป์ ไอ้วอร์ม มึงก็ดูซีรีส์ที่เขาเล่นไม่ใช่รึไง ยังมาบ่นตอนล่าสุดให้กูฟังอยู่เลยว่าพระเอกโง่ เนี่ย มีโอกาสเจอนักแสดงแล้ว มึงบอกเขาไปเลยตรงๆ”
   



“โถ่ ไอ้เหมียว มึงคิดว่ากูจะกล้าพูดรึไง”
   



“หึ แต่กูพูดไปงั้นอ่ะ เอาเป็นว่าถ้าแมทชวนเขาได้ มึงก็ต้องไปกินด้วย” ไอ้สองมารทำหน้าเหมือนอยากจะอ้วก มันคงกลัวอึดอัดจนกินอาหารไม่อร่อย ผมเห็นแล้วก็สงสาร เลยลองพยายามเปลี่ยนความคิดสาวๆ แต่พวกนั้นบอกว่าให้ลองชวนวิคเตอร์ก่อน ผมเลยตัดสินใจลองโทรไปชวนเขาดู วิคเตอร์ทำน้ำเสียงประหลาดใจ ผมเลยต้องอธิบายว่าส้มตำคืออะไร เขาเลยบอกว่างั้นลองดูก็ได้
   



“กรี๊ดดด! เมื่อวานนี้กูถ่ายรูปเขาได้น้อยมาก วันนี้แหละมึง จะกดถ่ายไม่หยุดเลย!” แคทประกาศชัยชนะเมื่อตอนที่ผมหันไปบอกทุกคน
   





เรามาถึงร้านส้มตำเจ้าประจำที่อยู่ในซอยข้างๆ มหาวิทยาลัยของพวกเรา เป็นร้านคล้ายๆ เพิงหมาแหงน แต่ว่าไม่ได้ทรุดโทรม มีลานจอดรถให้ด้วยเนื่องจากลูกค้าร้านนี้จะแน่นมากแทบทุกวัน ทางร้านเลยขยับขยายพื้นที่ร้านให้กว้างกว่าเดิมในช่วงที่ผมอยู่ปีสอง แน่นอนว่าวันนี้ลูกค้าเยอะมากอีกเช่นเคย ส่วนมากก็เป็นนิสิตนักศึกษานั่นแหละ เรามองหาโต๊ะอยู่สักพัก พวกแฟนเหมียวก็ตะโกนเรียกให้ไปนั่งโต๊ะที่ใกล้กัน เหมียวแวบไปคุยกับแฟน ส่วนพวกเราก็นั่งลงบนเก้าอี้ ไอ้วอร์มยกเก้าอี้มาวางไว้ข้างผมตัวหนึ่ง คงกะเอามาให้วิคเตอร์นั่ง
   



“คนไหนแมทวะ” เสียงแว่วๆ ดังมาจากโต๊ะกลุ่มแฟนเหมียว ผมแอบตัวกระตุก หันไปมองวูบหนึ่งก็เห็นสายตาผู้ชายทั้งโต๊ะมองมาทางผม ก่อนที่จะใครสักคนส่งเสียงหัวเราะคล้ายว่าตลกอะไรสักอย่างออกมา
   



“ที่เขาแชร์กันในเฟซเยอะๆ ใช่มั้ยว่ามีแฟนเป็นฝรั่งแล้วเป็นดาราอ่ะ” ผมมองไปทางเหมียว มันได้แต่ยิ้มให้กับคนที่ถาม ผมรู้สึกขอบคุณมันที่ไม่ยืนยันหรือตอบรับกับคำถามนั้น
   



“เหี้ย ขุดทองกันมันส์เลยงานนี้” แล้วเสียงหัวเราะก็ดังตามมาอีก ผมเริ่มหน้าเสียกับเสียงหัวเราะนั้น แต่พวกเพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มกลับหน้าตึง หันไปมองตาเขียวทันที แคทลุกขึ้นเป็นคนแรกแล้วเดินเข้าไปยืนมองหน้าพวกผู้ชายพวกนั้นเรียงตัวด้วยสายตาเอาเรื่อง
   



“นี่เรียนอยู่ปีสี่แล้วใช่มั้ยคะ” แคทถามน้ำเสียงเนิบนาบ แต่ว่ามันก็แฝงความเย็นยะเยือกเอาไว้
   



“ครับ ทำไมเหรอ” หนึ่งในที่ร่วมขบวนการหัวเราะเอ่ยบอก ทุกคนมองแคทงงๆ คนในร้านเริ่มหันมามองทางกลุ่มพวกเรา
   



“ไม่น่าเชื่อนะ ว่าเรียนมาจนจะจบแล้ว ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ในสมองอีก การศึกษาที่ได้รับมา ไม่ช่วยนำพาให้สมองคิดอะไรดีๆ เป็นบ้างเหรอ” พวกนั้นชะงักกันไป ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วเริ่มโต้กลับ
   



“อ้าวเธอ จู่ๆ ก็มาด่ากันนี่มันยังไงวะ”
   



“ช่วยแก้คำด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่าจู่ๆ เรามาด่า คุณมาด่าเพื่อนเราก่อน”
   



“เฮ้ย แค่แซวเล่นปะวะ” อีกคนในกลุ่มนั้นพูดสีหน้าไม่พอใจ
   



“ถ้ากูบอกว่าแม่มึงเป็นชู้กับยามหน้ามอ มึงจะชอบใจปะ” ไอ้วอร์มที่นั่งเงียบๆ มาสักพักโพล่งขึ้นมา และนั่นทำให้จุดเดือดของอีกฝ่ายพุ่งขึ้นสูงทันที
   



“อ้าวไอ้เหี้ย มึงเล่นถึงแม่เลยเหรอ”
   



“มึงโกรธไร กูก็แซวเล่นเหมือนที่มึงแซวเพื่อนกูไง” ไอ้วอร์มยิ้มกลับไปให้ แต่มันเป็นยิ้มว่ามันพร้อมมีเรื่อง
   



“อ้าวๆ ถ้าจะมีเรื่องกันออกไปจากร้านป้าเลย อย่ามาทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน” เสียงป้าเจ้าของร้านดังขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดี ผมเองก็รู้สึกไม่ดีที่จู่ๆ ก็กลายเป็นชนวนให้คนทะเลาะกัน
   



“พวกมึงพอเถอะ คนเขามีปาก เขาก็พูดได้ทั้งนั้น ไม่ว่าผ่านไปอีกกี่ปีคนประเภทนี้ก็ยังอยู่ร่วมโลกไปพร้อมๆ กับแมลงสาบนั่นแหละ” อ้าว ผมไม่ได้อยากมีเรื่องนะ แต่ไอ้ปากดีๆ ที่วิคเตอร์ชอบด่า มันกลับรู้สึกไม่อยากยอม
   



“เยี่ยมมากอีแมท!” เก้ายกนิ้วโป้งมาให้ ผมลุกขึ้นยืนมองหน้าพวกนั้นแต่ล่ะคน พิจารณาหนังหน้าแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวพร้อมเบ้ปากหน่อยๆ
   



มักจะเป็นแบบนี้เสมอ พวกผู้ชายที่เหยียดเพศ (ใช่ว่าผู้หญิงไม่มี) หนังหน้าไม่ได้มีดีสักคน ผมไม่ได้อยากเอาหน้าตามาวัด แต่ในเมื่อเขาแสดงกิริยาต่ำๆ ออกมาก่อน ก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมองเนื้อหนังมังสาไปด้วย
   



“หล่อไม่เท่าแฟนเรา ยังปากเน่ากันอีกเหรอ เวลาแปรงฟัน ถามจริงว่าแปรงกันคนละกี่รอบอ่ะกว่าหมาจะหลุดออกจากปากได้”
   



ซ่า!
   



แล้วน้ำเปียกๆ ก็ถูกสาดเข้าหน้าผม ทั้งร้านร้องตกใจ ผมเองก็สะดุ้งตกใจไปด้วยเหมือนกัน เสียงป้าเจ้าของร้านเอ่ยไล่พวกเราให้ออกจากร้านทันที คนในร้านเริ่มนิ่งดูเหตุการณ์ บางคนเริ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้ หรือไม่แน่อาจถ่ายมาตั้งนานแล้ว
   



“เอ้! มึงบอกเพื่อนมึงให้ขอโทษเพื่อนกูเลยนะ!” เหมียวร้องเสียงดัง ตีไหล่แฟนมันดังป้าบ แฟนเหมียวคงกำลังงงๆ ว่าไปเกี่ยวอะไรกับเขา ผมรับทิชชูมาจากต๊อดแล้วซับน้ำออกจากหน้าเบาๆ
   



“ถ้าอยากโดนต่อย มึงพล่ามอีกดิ อีตุ๊ด!” ผมสะบัดหน้าไปมองอย่างโกรธจัด ผมรู้ว่าผมสู้มันไม่ได้หรอก ผมตัวเล็กกว่าตั้งเยอะ เทควันโด้ที่เคยเรียนมาก็แค่สายเหลืองพื้นๆ เอง
   



“นั่นปากเหรอวะ?!” เหมียวมองอย่างเดือดดาล แฟนเหมียวเรียกเพื่อนตัวเองให้รู้ตัว แต่ไอ้คนที่เอาน้ำสาดผมกลับเอาหน้าดำๆ หนังเหี่ยวๆ ย่นๆ ตาโปนๆ จ้องมาทางผมอย่างไม่ลดละ ส่วนคนอื่นๆ ที่ร่วมขบวนการหัวเราะเมื่อกี้ก็มองตาขวางเช่นกัน
   



“ออกไปๆ ออกไปเลย ไปมีเรื่องกันที่อื่น ถ้าโตขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้ ก็ไม่ต้องรับกันหรอกนะปริญญาน่ะ” ป้าเจ้าของร้านออกมายืนไล่ใกล้ๆ โต๊ะพวกเรา ผมขบกรามแน่นแล้วพ่นลมหายใจแรงๆ สะบัดหน้าหนีคนทุเรศพวกนั้น
   



“ไม่ต้องให้ออกหรอกป้า เดี๋ยวผมจัดการให้” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น พวกเราหันไปมองพร้อมกัน ผมมองด้วยความแปลกใจ
   



“เอิร์ท…” เขามองมาทางผม สีหน้าเขาเรียบนิ่ง ก่อนจะหันตาวาวๆ ไปมองพวกที่เอาน้ำสาดหน้าผม เพื่อนของเอิร์ทยืนเป็นแบคอัพนับสิบคนด้วยสีหน้านิ่งเช่นกัน
   



“นี่เราจะมาร่วมมีเรื่องด้วยรึไงเอิร์ท” ท่าทางเอิร์ทจะสนิทกับป้าเจ้าของร้านพอสมควรแฮะ
   



“ถ้ามีอะไรเสียหายเดี๋ยวผมจ่ายให้เองป้า ผมไม่เบี้ยวหรอก แต่ป้าไม่ควรเอาลูกค้านิสัยเหี้ยๆ แบบนี้ไว้ในร้าน เพราะเดี๋ยวความจังไรมันจะทำให้ป้าขายของไม่ออก” เอิร์ทกระแทกเสียงใส่หน้าไอ้พวกหน้าดำหนังเหี่ยว (หน้ามันดำๆ คล้ำๆ เกือบทุกคนเลยที่หัวเราะเยาะผมน่ะ)
   



“มึงว่าใครจังไร” หนึ่งในแก๊งค์หน้าดำหนังเหี่ยวลุกขึ้นถามสีหน้าโมโห
   



“โง่เนาะ เขาก็ด่าพวกมึงไงคะ กระแทกเสียงมาขนาดนั้น มึงว่ามวลเสียงแล่นผ่านอากาศไปด่าครกตำส้มตำของป้าเหรอ” แคทด่าสีหน้าเคียดแค้น แต่ผมมองว่ามันตลกมากกว่า แต่จะขำก็ขำไม่ได้ สถานการณ์กำลังเครียด
   



“ถ้าอยากมีเรื่องจริงๆ จัดมาเลยค่ะ นี่ไม่ได้ข่มนะคะ แต่บอกเลยว่า ชนะใสๆ นี่เป็นผู้หญิง แต่ตบแหลกนะคะ” พวกหน้าดำหนังเหี่ยวมองอย่างประเมิน เนื่องจากจำนวนคนฝั่งเอิร์ทกับฝั่งผมรวมกันแล้ว หนาแน่นกว่ากลุ่มพวกมันเยอะ และผมคิดว่าที่เหลือในกลุ่มอีกสี่ห้าคนก็คงไม่เอาด้วย เหลือพวกมันสามคนก็คงเละพอดีถ้าจะมีเรื่องจริงๆ
   



“โอ๊ย อีหนู อย่ามาตบกันในนี้นะ”
   



“หนูไม่ได้คิดจะตบเลยค่ะป้า ไม่ได้คิดจะมีเรื่องเลย…” แคทเงียบไป แล้วหันไปมองคนในร้าน




“…ถามในร้านก็ได้ว่าใครเริ่มก่อน ไม่ต้องถามหรอก เนี่ย คนอัดคลิปตั้งเยอะ อย่าลืมเอาไปลงโซเชียลนะคะใครที่ถ่ายคลิปไว้” พวกหน้าดำย่ำแย่ (ฉายาเปลี่ยนไปเรื่อย) มองไปรอบๆ ร้านด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะทุกสายตามองไปที่พวกมันเป็นหนึ่งเดียว ราวกับจะบอกว่าพวกมันนั่นแหละคือคนผิด




“มึงออกไปจากร้านเถอะ แล้วไม่ต้องมาคิดเล่นงานพวกกูแล้วก็เพื่อนกูทีหลังนะ ไม่งั้นมึงตายเงียบๆ แน่” เอิร์ทมองด้วยสายตาน่ากลัว แต่แน่ละว่าพวกนั้นมันคงไม่อยากเสียหน้า




“มึงคิดว่ากูกลัวมึงเหรอ” เอิร์ทหัวเราะเยาะเย้ยที่มุมปาก




“กูไม่ได้ให้กลัว กูให้มึงรู้จักรักษาชีวิตเอาไว้นอนในโลงสบายๆ ดีกว่า แล้วมึงจำไว้นะ ว่าโลกเขาไปไกลแล้ว ความคิดมึงมันเชยไปนานแล้ว”





“ไม่ใช่แค่โลกนี้นะ โลกในอดีตเขาก็มีชายรักชายมานานแล้ว รู้จักยุคกรีกโรมันมั้ยคะ อ๊ะ?! น่าจะไม่ เพราะดูจากหนังหน้าแล้วไม่น่าจะอ่านหนังสือดีๆ มีประโยชน์ออก” เก้าพูดแล้วยิ้มอ่อนจิกกัด แต่เล่นเอาให้สามขวานฟ้าหน้าดำคิ้วกระตุกไปตามๆ กัน แม้หน้ามันจะนิ่ง แต่สิ่งที่ซ่อนไม่มิดคือแววตาอันโกรธจัด




“แล้วไอ้คำว่าอัดถั่วดำ ขุดทอง อะไรทำนองนั้น พอเหอะ ครีเอทคำใหม่ๆ หน่อย น่าเบื่อว่ะคำพวกเนี้ย” ไอ้แชมป์เสริมทัพเก้าอีกที ผมมองหน้าเพื่อนๆ ตัวเองและพวกเอิร์ทด้วยความซึ้งใจ รู้สึกอบอุ่นหัวใจกับการปกป้องที่ได้รับเหลือเกิน




พวกผอมดำระยำบอนทั้งสามถึงกับอึกอักและมีสีหน้าเคียดแค้นเบาๆ เมื่อเจอไล่บี้ติดๆ กัน แถมเพื่อนในกลุ่มก็ยังไม่ช่วยอีก โดยเฉพาะแฟนเหมียวที่มองเพื่อนตัวเองอย่างผิดหวัง ไม่รู้ว่าเพราะเหมียวยืนค้ำหัวอยู่รึเปล่าเลยแสดงออกแบบนั้น




สุดท้ายพวกนั้นเลยเลือกที่จะเดินออกจากร้านไปพร้อมกันโดยมีเสียงโห่ไล่จากคนในร้านที่คงรอเวลาให้พวกมันเสียหน้าแบบนี้มาสักพักแล้ว เอิร์ทหันไปคุยกับป้าเจ้าของร้านสักพัก ป้าโวยวายหน่อยๆ แต่เอิร์ทกับเพื่อนที่น่าจะมากินบ่อยกว่าผมมากก็ออเซาะป้ากันคนละนิดคนละหน่อย ป้าแกเลยยอมแล้วเดินกลับเข้าไปที่เค้าน์เตอร์ทำอาหาร ผมนั่งลง ส่งยิ้มไปให้เอิร์ทที่ยิ้มตอบกลับมาอย่างอบอุ่น ผมทำปากว่า เดี๋ยวคุยกัน ให้เขา เอิร์ทพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งกับเพื่อนๆ ที่อยู่คนล่ะฝั่งกับผม ผมพยายามชะเง้อมองเพื่อนเอิร์ททุกคนจนพวกนั้นหันมา ผมเลยส่งยิ้มพร้อมโบกมือให้ ทุกคนยิ้มและโบกมือตอบกลับมาอย่างเป็นมิตรเช่นเคย




“ขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะครับ” แฟนเหมียวบอกด้วยสีหน้าไม่ดี ผมส่งยิ้มให้เขาแล้วส่ายหน้าไปมาเชื่องช้า




“ขอโทษแทนทำไม เจ้าตัวเขายังไม่รู้สึกผิดเลย”




“เราเคยเตือนมันหลายครั้งเรื่องปากหมา แต่มันคงแก้ยากแล้วละ” หนึ่งในกลุ่มนั้นอีกคนบอกอย่างเอือมๆ ผมยิ้มให้และยืนยันว่าไมเป็นไร




“คนที่ใจแคบแบบนี้ โตมาขนาดนี้ได้ยังไงวะ” แบมยื่นทิชชูให้ผมซับน้ำที่ยังติดๆ อยู่ที่หน้าประปราย




“นี่แหละ ความจริงของโลก ใช่ว่าทุกคนจะรับเรื่องแบบนี้ได้ อย่างประเทศไทยเราเปิดกว้างเรื่องนี้ก็จริง แต่ความจริงแล้วรับไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก” ผมบอกน้ำเสียงปลงๆ กับความจริงของประเทศไทย เมืองไทยขึ้นชื่อว่าเสรีภาพเรื่องของเพศมากที่สุดในเอเชียหรือในโลกเลยก็ว่าได้ แต่ยังมีคนไทยด้วยกันเองอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ยอมรับกับเสรีภาพตรงนั้น แม้นไม่เหยียดออกมาตรงๆ แต่เอาจริงๆ คนรับเรื่องนี้ได้อย่างบริสุทธิ์ใจนั้น มีไม่มากนักหรอก ปากว่าเปิดกว้าง รับได้ แต่การเหยียดเพศก็ยังมีให้เห็นอยู่เสมอจากในสังคมบ้านเรา ก็เหมือนกับเรื่องเหยียดสีผิว เรื่องชนชั้นวรรณะเช่นกัน



เพราะคำพูด จะพูดให้สวยหรูยังไงก็ได้





ใช่แค่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะประเทศไหนๆ แม้กระทั่งประเทศที่เจริญแล้วก็ยังมีพวกนี้อยู่ ไม่ว่าจะทั้งหญิงหรือชายนั่นแหละ อยู่ที่วาคนพวกนั้นจะแสดงออกยังไง



...................................................TBC.  :katai5:

 คนแบบนี้ในสังคมไทยเรายังมีอีกมากค่ะ ตอมเองก็เป็นแบบแมท ตอมเจอมาเยอะมาก พวกที่พูดสนุกปาก พูดไปเรื่อย โดยที่ไม่คำนึงถึงใจผู้อื่น คนแบบนี้ตอมไม่ให้ค่าเขาหรอกค่ะ แต่ยืมพฤติกรรมทรามๆ แบบนี้มาใช้ในนิยายหน่อยแล้วกันนะ 555555

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากเลยค่ะ ที่อยู่เป็นเพื่อนกัน  :mew1:

ปล.กำลังจะเปิดเรื่องใหม่เร็วๆ นี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 22-09-2015 18:35:50
ขออนุญาติตกใจค่ะ  .... ยังมีคนใช้คำว่าขุดทองอยู่เหรอ คือแบบ ....  :a5: o22 :a5: :เฮ้อ:  สู้ๆนะแมท เรามีแฟนหล่อ อย่าไปกลัว  :man1: :m16:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 22-09-2015 18:57:28
ตอนนี้แลดูมีสาระ

แมทสู้ๆ อย่าไปยอมคร่าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-09-2015 19:15:39
อะหืมมมม  เขียนเสียดสีสังคมได้เจ็บแสบมาก ชอบอ่ะ 5555

งานนี้คุณแฟนตัวจริงมาช้า อดโชว์พาว  เดอะกิ๊กของน้องแมทเลยได้ใจไปเต็มๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 22-09-2015 19:59:01
แบ็คอัพและเดอะแก๊งค์ของเอเลี่ยนน้อยเยี่ยมมาก
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-09-2015 21:11:43
เดี๋ยวยักษ์มาเจอเอิร์ทจะหึงโหดอีกไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-09-2015 22:22:05
สาระมาเต็ม คือดีงามมากแมทมีเพื่อนดี
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 22-09-2015 23:10:44
พี่วิคมาช้า เอิร์ธทำคะแนนแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 22-09-2015 23:16:45
อย่าบอกนะว่าพ่อพระเอกโผล่มาหลังจากนี้แล้วนั่งกินส้มตำด้วยยยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-09-2015 23:39:01
พระเอกเรามาช้าถือเป็นเรื่องดี ไม่งั้นได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่ๆ พี่ยักษ์คงไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-09-2015 22:48:42
โอ๊ยเรื่องนี้สนุกมากค่า เราพลาดได้ไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 24-09-2015 22:15:49
ยอมรับว่าอ่านไปแอบเครียดไปด้วยกลัวมีมาม่าโผล่มา นี่ไม่ชอบกินอย่างแรง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 25-09-2015 16:19:58
Only You :: EPISODE 11 [100%]




“มึงไม่ต้องไปคิดมากกับไอ้เหี้ยพวกนั้นล่ะ เดี๋ยวก็นอยด์แดกทั้งวันอีก” วอร์มยกมือโยกหัวผมเบาๆ ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ




“ไม่หรอก ยังดีที่กูได้ตอกกลับบ้าง”




“เออ พูดถึงจุดนี้ ฉันขอแซะแกหน่อย หล่อไม่เท่าแฟนเรา อุต๊ะ! แบบนี้ต้องเชิญไปออกรายผีอวดผัวค่ะ”




“อีแคท อีบ้า” ผมว่าเสียงกระซิบ แล้วหัวเราะกับเพื่อนๆ เสียงดัง จนโต๊ะอื่นหันมามองรวมทั้งโต๊ะเอิร์ทด้วย เอิร์ทส่งยิ้มมาให้ ผมยิ้มตอบกลับไป สักพักสายตาผมก็เหลือบไปเห็นสาวผมทองสวยอร่ามคนหนึ่งเดินเข้ามาร้าน เธอเหลือบมองผม คล้ายกำลังมองว่าใช่ผมแน่ๆ หรือเปล่า แต่ผมมั่นใจว่าขวัญไม่ได้มองผมเพราะเรื่องวิคเตอร์หรอก คงกำลังมองว่าผมใช่คนที่เคยคุยกับเอิร์ทมั้ย




ผมไม่รู้จะส่งยิ้มหรือทำหน้ายังไงดี เลยเลื่อนสายตาหลบหนี ก็พอดีกับที่โทรศัพท์มือถือร้องเป็นเสียงพี่อดัมออกมา ผมหยิบขึ้นมากดรับจำเบอร์ได้แล้วว่าเป็นเบอร์เขา




“Hello… Ah, yes. Keep driving, and you will see the alley on your left side; and then you turn to the left… No. Keep driving a little bit… You will see me.” ผมลุกขึ้นเดินออกไปนอกร้าน ไปยืนรอเขาตรงแถวๆ พื้นที่ด้านนอกร้านที่ติดกับถนนใหญ่ รถเบนซ์สีดำคันเดิมขับตรงมา ผมรีบโบกไม้โบกมือให้เขา วิคเตอร์เปิดไฟเลี้ยวตีรถเข้ามาในลานจอดรถของร้านช้าๆ ผมโบกมือให้เขาขับเข้าไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้ไปจอดตรงที่ว่าง




ผมกดวางสายจากเขา เดินไปที่รถ วิคเตอร์เปิดประตูออกมา เราสบตากันด้วยอาการบึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชักสีหน้าไม่ดีอะไรใส่กัน ผมยืนรอเขาใส่หมวกสักพัก เขาก็ออกมานอกรถ มายืนบนพื้นเต็มความสูง ผมปิดประตูรถให้เขา วิคเตอร์เหลือบตามองไปทางร้าน แล้วหันกลับมามองผม




“คนเยอะเกินไปรึเปล่า” เขาถามเสียงเรียบ




“ก็ผมบอกคุณแล้ว แต่คุณก็บอกว่าไม่เป็นไร”




“ฉันไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้” เขาเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดมองไปทางร้าน สลับกับมามองหน้าผม ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งแล้วถอนหายใจแผ่วเบา พอจะรู้คำตอบแล้วว่าเขาคงไม่กินที่ร้านแน่ๆ




“งั้นซื้อกลับไปกินโรงแรมก็แล้วกัน” วิคเตอร์ยังขมวดคิ้วไม่เลิก




“นายอยากกินขนาดนั้นเลยรึไง”




“ใช่ ผมอยากกินมาก” ผมตอบหน้าตาย เสียงเนือย เลยโดนเขาถลึงตามองกลับมา ผมไม่อยากเพิ่มประเด็นระหว่างเราเข้าไปอีกเลยได้แต่ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้




“ผมก็อยากให้คุณกินอาหารไทยด้วยไง อยู่นิวยอร์กไม่ได้หากินง่ายๆ นะ อาหารชนิดนี้น่ะ” วิคเตอร์ทำหน้าครุ่นคิด มองไปทางร้านที่มีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่เต็มไปหมด




“ก็ได้ สั่งไปกินที่โรงแรม เผื่อพวกไอ้เบนด้วยนะ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก




“จะเข้าไปด้วยกันมั้ย หรือจะรออยู่ที่รถ”




“ที่รถก็แล้วกัน คนเยอะเกิน”




“ทีเมื่อวานยังกล้าเข้าไปหาผมถึงในตึก”




“ก็ฉันจะเข้าไปเอาตัวนายออกมา ฉันก็ต้องเข้าไปสิ” เขาว่าเสียงห้วน หน้าตาบูดบึ้ง ผมแอบกระตุกยิ้มที่มุมปาก แต่ก็ไม่อยากให้มันมากไป




“ก้มหน้าลงมาหน่อย”




“อะไรอีกล่ะ” เขาถามเสียงห้วนห้าวพลางมองผมอย่างไม่ไว้วางใจ ผมแสร้งทำตาดุใส่เขา กวักมือให้เขาเอาหน้าลงมา วิคเตอร์ค่อยๆ ก้มหน้าลงมา พออยู่ในระดับหน้าผม ผมก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาดังฟอดแล้วดึงหน้าตัวเองออก วิคเตอร์ดูจะอึ้งๆ งงๆ ไปชั่วขณะ หันมามองผมด้วยสายตางงพอๆ กับหน้า




“รอนานหน่อยนะ” ผมยิ้มเบ้ปาก เพราะมันจะยิ้มเต็มปากอยู่เรื่อย วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาเคืองๆ แต่ริมฝีปากเขาเองก็บิดเป็นรอยยิ้ม ผมหมุนตัวจะเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่ก็โดนเขาฉุดข้อมือไว้




“เดี๋ยวก่อน ฉันไปด้วย” ว่าแล้วเขาก็เดินจูงมือผมไปทางร้าน ผมแอบยิ้มจมูกบานคนเดียว ก้าวเท้าเดินตามเขาไป




“ทำไมเสื้อผ้าเปียกน้ำ ไปทำอะไรมา” ผมทำหน้าเหลอหลา รีบประมวลความคิดตัวเองอย่างรวดเร็วว่าควรตอบอย่างไร ผมไม่อยากบอกเขา เพราะมันอาจจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต (หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ปล่อยให้เรื่องมันเงียบๆ ไปนั่นแหละดีที่สุด)




“ผมยกน้ำดื่ม แล้วมันหกรดอ่ะ” คิ้วเข้มเข้าขมวดเข้าหากันอีกนิด




“ดื่มน้ำยังไง ถึงได้เปียกไปถึงหัวแบบนั้น” บ๊ะ! ช่างสังเกตสังกาแท้น้อ ไอ้นิสัยนักสืบ ช่างจับผิดนี่ ใช้แค่ในซีรีส์ก็พอแล้วมั้ง ไม่ต้องเอามาใช้ในชีวิตจริงหรอก




“ก็กระดกแรงเกินไปไง” เขาหรี่ตามองผม ยกมือขวาขึ้นมาจับเส้นผมที่ยังมีหยดน้ำติดอยู่ประปราย เหย! รู้งี้ตอบว่าเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาซะก็ดี แล้วบอกว่าล้างหน้าจนมันเปียกผม แถตอนนี้ทันมั้ยนะ




“นายโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ” หะ… ฮะ?!




“เอ๊ะ เราเป็นแฟนกันแล้ว ทำไมคุณยังด่าผมอยู่อีกล่ะ” ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น มองผมด้วยสายตาที่ไม่รู้ว่าเขาจะสื่ออะไร มุมปากขวาของเขาคล้ายจะกระตุกยิ้มแต่ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่สักพักเขาก็ก้มลงมาหอมแก้มขวาผมหนึ่งที ทำเอาผมเบิกตากว้างมองเขางงๆ




“แน่ใจนะว่านั่นคือคำตอบที่แท้จริง” ผมพยักหน้าให้เขารัวๆ วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาประเมินนิ่งๆ ผมเอียงคอมองเขา กระพริบตาปริบๆ มองกลับไป ไอ้ยักษ์ยกมือขวามาบิดแก้มขวาผม




“โอ๊ย! เจ็บนะ บิดทำไมเนี่ย” ผมปัดมือเขาออกอย่างแรงพร้อมทำหน้ามุ่ย เอามือซ้ายมาลูบแก้มตรงที่โดนเขาบิดเมื่อกี้




“อยากโดนบิดแก้มหรืออยากโดนเอาบนรถ” เขาถามเสียงนิ่ง หน้านิ่ง ผมยู่หน้า ก้มหน้าลงไปกัดแขนซ้ายเขาเบาๆ หนึ่งที วิคเตอร์ไม่ได้โต้ตอบหรือตอบอะไร แต่จูงมือผมให้เดินต่อไปทางร้านแทน





คนในร้านมองมาที่เราทั้งสองคนเหมือนถูกตั้งโปรแกรมว่าให้มอง วิคเตอร์ไม่ได้สนใจใครแค่หันมาถามผมว่าโต๊ะไหน ผมชี้ไปที่โต๊ะตัวเอง เราเดินผ่านโต๊ะเอิร์ท ผมกระตุกยิ้มส่งให้เขา เอิร์ทมองเหมือนจะอึ้ง แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มตอบกลับมา เพื่อนๆ ในกลุ่มเขามองวิคเตอร์อ้าปากหวอ คงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรอก แต่คงเป็นอาการที่วา ไม่คาดคิดว่าวิคเตอร์จะมาอยู่ในร้านเพิงหมาแหงนแบบนี้ คนอื่นๆ ก็มองเขากันเต็ม อาจเป็นเพราะเขาเป็นฝรั่ง ตัวใหญ่ ตัวหนาด้วยแหละ คนเลยมองกัน ถึงแม้จะใส่หมวกปิดหน้าแต่ว่าหน้าหนวดๆ เคราๆ ของเขาก็สามารถดึงดูดสายตาให้ทุกคนหันมามอง





“Oh, my god. Oh, dear.” แคทมองวิคเตอร์ด้วยสายตาตื่นตะลึง ผมว่าร่างกายมันดูเกร็งแปลกๆ ไม่ใช่แค่แคท คนอื่นๆ ในกลุ่มก็ด้วย ทุกคนเกิดอาการใบ้แดก มองวิคเตอร์ด้วยอาการประหม่า ดวงตาแทบไม่ละจากใบหน้าหล่อคมของเขาไปไหน วิคเตอร์นั่งลงข้างผมพร้อมสีหน้างงงวย มองไปทางเพื่อนผมแต่ล่ะคนด้วยสายตาไม่เข้าใจ เขาหันมามองผมราวกับต้องการคำตอบ





“First, you should smile to them. (แรกเริ่มเลย คุณควรยิ้มให้พวกเขานะ)” ผมกระซิบใกล้หูเขา วิคเตอร์ทำหน้าว่าเก็ท แล้วหันไปมองเพื่อนทุกคน ก่อนจะโปรยยิ้มหล่อๆ ให้ เท่านั้นแหละ แคทกับแบมก็ลมจับ ตัวเอียงล้มทับคนข้างๆ เพื่อนคนอื่นช่วยเข้าไปประคองร่างมันสองคนกันยกใหญ่ นั่นเลยทำให้โต๊ะอื่นหันมามองทางพวกเราอย่างจับจ้อง มีเสียงซุบซิบว่าใช่วิคเตอร์หรือเปล่าเริ่มระงมเบาๆ





“โอ๊ย อีเหี้ย กูตื่นเต้น” แคทพูดพลางโบกลมเข้าตัว ใช่แค่มันกับแบม เก้ากับเหมียวก็ดูเบลอๆ งงๆ ไปด้วย ส่วนไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มนั่งตัวเกร็ง ยิ้มเกร็งกลับไปให้วิคเตอร์ที่ยังยิ้มซื่อๆ กลับไปให้ทุกคน





“เออ เดี๋ยวฉันซื้อกลับไปกินนะ วิคเตอร์เขาจะซื้อไปฝากเพื่อนๆ ด้วย” ทุกคนพยักหน้ามั่วซั่วตอบกลับมา ผมว่าตอนนี้ใครมาขอเงินมันสักพันสองพัน มันก็คงยื่นให้อย่างเบลอๆ เนี่ยแหละ





“อ้าว แคท ไหนว่าจะขอถ่ายรูปไง” ผมแซวแคท เอื้อมมือไปหยิบกระดาษออกมาจดเมนูที่คิดว่าไม่เผ็ดสะเด็ดปากมากไปให้พวกฝรั่งตัวโตกิน ถึงจะตัวใหญ่ แต่พวกนี้กินเผ็ดได้ไม่เก่งเท่าคนไทยหรอก ผมเลยต้องวงเล็บว่าเผ็ดน้อยๆ ส่วนเผ็ดมากๆ นั้นเป็นของผม





ผมเดินเอาใบเมนูไปส่งพร้อมกับของเพื่อนๆ ระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะเอิร์ท เขาก็มองหน้าผมอีกครั้งด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก ผมยิ้มตอบกลับไปให้ เดินไปยื่นกระดาษให้กับป้าเจ้าของร้าน





“ฝรั่งที่ไหนน่ะ ทำไมล๊อหล่อ” ผมยิ้มเหงือกแห้งไปให้ป้า





“พี่ผมเองครับ เขามาเที่ยวเมืองไทย เลยพามากินส้มตำ ยังไงป้าทำสุดฝีมือเลยนะ”





“ได้เลยๆ แต่หน้าตาหล่อเนาะ อย่างกับดารา” อย่าแปลกใจว่าทำไมป้าถึงไม่รู้ว่าเขาเป็นดาราจริงๆ ผมเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักวิคเตอร์ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ติดตามวงการบันเทิง ยิ่งเป็นวงการบันเทิงต่างประเทศด้วยแล้ว คนไทยหลายๆ คนที่อยู่ในยุคคุณป้าหรืออาศัยอยู่ในโซนต่างจังหวัดแล้วล่ะก็ อย่าได้หวังว่าพ่อยักษ์หน้าหนวดจะเป็นที่รู้จักมักจี เพราะป้าๆ ลุงๆ รุ่นนี้เขาชอบดูละครไทยอย่างเดียว ซีรีส์ต่างประเทศ หนังต่างประเทศ หรือเพลงต่างประเทศ เขาไม่ดู ไม่ฟังกันหรอก ถ้าว่าง่ายๆ ก็คือวิคเตอร์นั้นอยู่ในยุคผม ซึ่งเด็กเจนผมส่วนมากจะรู้จักเขา หากมีร้อยคนผมเชื่อว่ามีประมาณยี่สิบคนเท่านั้นแหละที่จะไม่รู้จักวิคเตอร์





ผมเดินกลับมานั่งข้างวิคเตอร์ที่ตอนนี้เริ่มคุยกับเพื่อนๆ ผมบ้างแล้ว แต่ดูพวกมันยังเกร็งๆ อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นปากพวกมันแต่ล่ะคนก็พยายามขยับสุดพลังเพื่อที่จะได้พูดคุยกับพ่อพระเอกตัวโตคนนี้





“Can we take some photo with you?” แบมเป็นคนเอ่ยถาม





“Yes.” วิคเตอร์ตอบอย่างชัดเจน พวกเพื่อนๆ ผมคลี่ยิ้ม แต่วิคเตอร์ก็บอกว่าไว้ค่อยไปถ่ายนอกร้านได้มั้ย ในนี้คับแคบไปอาจจะไม่สะดวก





ในระหว่างที่วิคเตอร์นั่งคุยกับคนอื่น ผมก็สังเกตว่าโต๊ะรอบข้างเหลือบมองทางเขาเป็นระยะ บางครั้งก็แอบเหลือบมองผมด้วยเช่นกัน วันนี้โดนมองแทบทั้งวัน เลยเริ่มชินบ้าง ส่วนวิคเตอร์ ผมว่าเขาดูผ่อนคลายกับสายตาของคนอื่นมากขึ้นนะ ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงมีสีหน้าอึดอัด ไม่ค่อยพอใจที่โดนมอง แต่อยากจะบอกเขาว่า ดีแล้วละที่เป็นแบบนี้ เพราะสายตาการมองดารานักแสดงของคนนิวยอร์กกับที่ไทยนั้นค่อนข้างจะต่างกัน คนไทยจะมีพวกที่ว่าขอเป็นดาราเถอะ ฉันขอมองไว้ก่อน ขอถ่ายรูปไว้ก่อน ดังไม่ดังค่อยว่ากันอีกที แต่เก็บรูปไว้ จริงๆ ฝรั่งก็เป็นนั่นแหละ เพียงแต่ผมว่าที่เมืองไทยจะชัดเจนมากกว่า






“Does he hot on the bed?” ผมถลึงตาแยกเขี้ยวใส่ไอ้วอร์ม ไอ้ลามกที่ถามคำถามเรื่องบนเตียงกับวิคเตอร์ ยังไม่ทันไรก็สอดไปถึงเรื่องส่วนตัวเขาซะแล้ว





“Very.” แต่วิคเตอร์ดันตอบกลับด้วยรอยยิ้มภูมิใจ เล่นเอาพวกเพื่อนชะนีของผมกรีดร้องจนตัวสั่น ส่วนไอ้สองมารก็ขำขันกันยกใหญ่จนโต๊ะอื่นต้องหันมามอง





วิคเตอร์คุยเล่นกับเพื่อนผมก็จริง แต่กับแชมป์เขาจะค่อนข้างนิ่งใส่มากกว่าใครเพื่อน แต่ดูไอ้แชมป์เองก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก มันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำมั้งว่าวิคเตอร์เคยไม่พอใจมันที่มันมาโอบไหล่ผมไว้ ไอ้ยักษ์นี่ก็เพี้ยน มันแค่โอบไหล่ไม่ได้จูบสักหน่อย นี่ยังดีที่ทำแค่นิ่ง ไม่ได้มองแบบไม่เป็นมิตร





“เอ่อ… พี่คะ หนูจะขอเขาถ่ายรูปได้มั้ยอ่ะ” มีรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งมาถามด้วยรอยยิ้มกล้าๆ กลัวๆ ผมส่งยิ้มกลับไปให้ หันกลับไปถามวิคเตอร์ เขายืนยันคำเดิมว่าขอให้ออกไปถ่ายนอกร้านพร้อมกัน เพราะเขาไม่อยากให้ในร้านวุ่นวาย น้องคนนั้นพร้อมเพื่อนๆ ตอบรับอย่างตื่นเต้นแล้วออกไปรอนอกร้านตรงลานจอดรถ




“ฉันขอคิวแรก” แคทรีบชิงบอกสีหน้าว่าไม่ยอมแน่ๆ 






รอพักใหญ่ๆ ของที่ผมและเพื่อนๆ สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ ของผมใส่ถุงพลาสติกใหญ่ๆ มาสองถุงใหญ่ ในนั้นอัดแน่นด้วยเมนูเด็ดที่ผมคัดสรรค์มาแล้ว ผมหยิบเตรียมควักเงินขึ้นมาจ่าย แต่วิคเตอร์สั่งห้ามแล้วยื่นกระเป๋าเงินมาให้





“And pay for them, too.” เขาบอกพลางมองไปทางเพื่อนผมทุกคน พวกนั้นมันส่ายหัวทำท่าจะปฏิเสธ แต่วิคเตอร์ยืนกรานว่าจะจ่ายให้ เขาดึงกระดาษที่คิดค่าใช้จ่ายจากมือผมไปดู (ซึ่งดูรู้เรื่องเหรอ) หยิบแบงค์พันออกมาจากกระเป๋าตังค์สี่ใบ ยื่นให้กับลุงเจ้าของร้าน





“Do not change.” ลุงทำหน้างง ผมเลยต้องแปลให้ว่าไม่ต้องทอน ลุงส่ายหัวบอกว่ายังไงก็ต้องทอน แถมเงินที่วิคเตอร์ให้มาก็เกินไปมากด้วย แต่วิคเตอร์บอกว่าถือว่าเลี้ยงโต๊ะที่เหลือด้วยก็ได้ ผมยิ้มยิงฟันแห้งๆ ให้ลุง ทำหน้าอ้อนวอนว่าให้รับเงินไว้ ลุงส่ายหัวว่าไม่เอาอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ยอมรับไว้ เพราะคงรำคาญที่ผมตื๊อมานานแล้ว
   




“แต่ไม่ต้องบอกโต๊ะอื่นนะครับลุงว่าเขาเลี้ยง” ลุงพยักหน้ารับ เดินกลับไปที่เค้าน์เตอร์ทำอาหารตามเดิม ผมบอกให้วิคเตอร์กลับ เก้าหันไปฝากโต๊ะกับลุงสักแปบว่าเดี๋ยวกลับมาแล้วลุกเดินออกมาพร้อมเราสองคน น้องๆ ที่มาขอถ่ายรูปกับวิคเตอร์ยืนรออยู่ที่หลังรถเบนซ์ของเขา แคทรีบป่าวประกาศทันทีว่าขอพี่ก่อน น้องๆ ก็หัวเราะ ยอมหลีกทางให้แต่โดยดี





ผมรับกุญแจรถมาจากวิคเตอร์ ปล่อยให้เขาถ่ายรูปกับทุกคนไป เอาถุงอาหารไปวางไว้เบาะหลัง ปิดประตูแล้วออกมายืนดูเขาถ่ายรูปกับพวกเพื่อนผมและน้องๆ กลุ่มนั้น





“โอ๊ย อีแมท ตัวผัวมึงหอมมาก” เหมียวบอกสีหน้าว่าฟินสุดตอนที่กอดเอวถ่ายรูปกับเขาแน่น ผมหัวเราะเบาๆ น้องๆ ก็ร่วมหัวเราะไปด้วย ในระหว่างที่ผมยืนรอวิคเตอร์ถ่ายรูป กลุ่มเอิร์ทก็เดินออกมาพอดีโดยมีเอิร์ทกับขวัญเดินนำ





“ไอ้ฝรั่งแฟนแมท มันเลี้ยงคนในร้านเหรอ” เอิร์ทมองไปที่วิคเตอร์ที่กำลังยิ้มให้กับกล้องใครสักคน





“ก็เลี้ยงแหละ” เอิร์ททำหน้าว่าไม่พอใจ หยิบกระเป๋าเงินออกมาแล้วยื่นแบงค์ร้อยให้ผมห้าใบ





“เอาไปคืนมันด้วย ฝากบอกด้วยว่าไม่ต้องมาพ่อบุญทุ่มแถวนี้ เอิร์ทมีเงินจ่ายเองได้” ผมทำหน้าเหลอหลา มองเอิร์ทด้วยความงงงวย เอิร์ทยัดเงินเข้ามาในมือผมอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นวิคเตอร์หันมาเห็นพอดี รอยยิ้มเขาหุบลงฉับ แววตาเขาวาววับ จ้องมองมือเอิร์ทที่จับมือผมไว้ แล้วเหมือนเอิร์ทจะจับแน่นกว่าเดิม ผมได้สติก็รีบดึงมือออก แต่เอิร์ทกลับจับไว้แน่นแถมยังส่งยิ้มมุมปากไปให้วิคเตอร์




“ไอ้เอิร์ท มึงเกินไปแล้วนะ มึงแหกตาดูหน่อยว่าใครยืนอยู่ข้างมึง” ไนน์หนุ่มแว่นคนดีคนเดิมกระชากมือเอิร์ทออกจากมือผมอย่างแรง เอิร์ทขบกรามแน่นแต่ก็ยอมปล่อยมือออก ผมรีบหันไปมองทางขวัญ สีหน้าเธอดูกล้ำกลืนฝืนทนกับภาพที่เห็น วินาทีนั้นผมรู้สึกโกรธเอิร์ทมาก ไม่ได้โกรธที่เขาบีบมือผมจนเจ็บ แต่ผมโกรธที่เขาทำให้คนที่รักเขาเจ็บ




“ให้เกียรติขวัญเขาด้วยนะเอิร์ท จะทำอะไร คิดถึงใจคนอื่นบ้าง” ผมบอกสีหน้าเรียบนิ่ง น้ำเสียงไม่พอใจ เอิร์ทพ่นลมหายใจแรง ดึงมือขวัญเดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้น





“ขอโทษแทนมันด้วยนะแมท” ไนน์บอกหน้านิ่ง ผมพยักหน้านิดหน่อย เพื่อนเอิร์ทคนอื่นๆ ส่งยิ้มให้ผมและเอ่ยลากันเป็นทอดๆ ก่อนจะพากันเดินตามเอิร์ทกับขวัญออกไป พอหันกลับไปมองทางวิคเตอร์เขาก็ยังคงถ่ายรูปอยู่ แต่ใบหน้าเริ่มยิ้มน้อยลง ผมเลยพยายามส่งยิ้มให้เขา แต่ที่ได้กลับมาคือใบหน้าเรียบเฉย




เออ เกือบจะดีกันอยู่แล้ว นี่ผมงานเข้าอีกแล้วเหรอเนี่ย


.............................................TBC.

น้องแมท งานจะเข้าอีกแล้วเหรอลูกเอ๊ย  :hao5:

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-09-2015 16:44:34
งานเข้าอีกแล้วแมทเอ้ย คราวนี้คงไม่ได้ลุกออกจากเตียงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 25-09-2015 16:53:32
งานเข้าไม่จบไม่สิ้น  ก็น่ะมีผัวขี้หึงก็ลำบากหน่อย 5555  ส่วนตายักษ์ทำใจนะทำใจ เอเลี่ยนมันไม่หนีไปไหนหรอกน๊าาาา  ทำใจเย็นๆอย่าหึงเรี่ยราดดด 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-09-2015 16:58:41
งานเข้าอีกแล้วแมทเอ๋ย ถึงขนาดโดนจับมือนี่วิคคงไปปล่อยให้ลุกจากเตียงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 25-09-2015 18:14:43
แมทต้องบ๊วบให้วิคแล้วล่ะ จะได้รมณ์ดีขึ้น

 :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 25-09-2015 18:38:49
ต้องมีเรื่องตื่นเต้นทุกวันเลยสินะเนี่ย ฮ่าๆ ได้แต่บอกว่าทำใจ ณ จุดๆนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 25-09-2015 19:08:56
โอ้ยยยย จะดีอยู่แล้วเชียว :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 25-09-2015 20:30:17
เกือบแล้ว
เกือบจะดีแล้วววว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 25-09-2015 22:51:19
กำลังจะดีกันอยู่แล้วเชียว บอกเลยเอเลี่ยนงานเข้า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 27-09-2015 23:50:22
ว่าแล้วว่าเอิร์ธต้องทำพิษ 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-09-2015 03:44:56
เอิร์ธนี่เรื่องขวัญน่ะ ทำตัวดีๆหน่อยสิคะ ผู้หญิงเขาไม่ดีตรงไหน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 100%} 25.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 28-09-2015 09:50:07
งานเข้าแล้วแมท กลับห้องไปลุกไม่ขึ้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-09-2015 01:26:36


Only You : EPISODE 12 :: The Possessive-Giant. [100%]



วิคเตอร์จอดรถบนชั้นจอดรถของโรงแรม ตลอดทางที่ขับมาเขานิ่งเงียบ ไม่พูด ไม่จา ไม่หือ ไม่อือ ไม่อะไรทั้งนั้น ผมไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยได้แต่นั่งเงียบๆ มาตลอดทางเช่นกัน อยากจะชวนพูด ชวนคุยด้วย เขาก็แผ่รังสีความอึมครึมออกมาซะแน่นหนาไปทั่วรถจนผมไม่กล้าแม้แต่จะขยับริมฝีปาก ผมกำลังคิดว่าผมผิดอีกแล้วเหรอ ผมไม่ได้จับมือเอิร์ทสักหน่อย เขาก็น่าจะเห็นนี่


“เร็วๆ” เขาหันมาสั่งเสียงเรียบ ตอนที่เดินนำหน้าผมไปได้ไกลแล้ว สองมือเขาถือถุงอาหาร กับกระเป๋าเป้ผมไว้ ผมแอบชักสีหน้าลับหลังเขา สั่งอย่างกับเมื่อก่อน นี่ผมเป็นแฟนเขาหรือว่าเป็นลูกน้องกันแน่


เราเดินมารอลิฟต์ ระหว่างรอ วิคเตอร์ก็ก้มมองผมตาแข็ง ผมรู้สึกอึดอัดเลยได้แต่เสมองไปทางอื่นแทน ยังไม่อยากมีปากเสียงกับเขาตรงนี้ เพราะถ้าได้ทะเลาะเราคงเสียงดังใส่กันแบบเมื่อเช้า การทะเลาะกันนี่มันเป็นส่วนหนึ่งของการมีแฟนจริงๆ เนอะ ผมเคยเห็นแต่เพื่อนงอนแฟน โกรธแฟน ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมมันถึงโกรธและงอนกัน แล้วพอมามีเอง ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าว่าไอ้แฟนตัวโตนี่มันจะโกรธผมอะไรนักหนา


“เหม่ออะไร ทำไมไม่ออกมา?!” เสียงห้าวดุๆ ดังขึ้น ทำให้ผมหลุดจากความคิดแล้วหันไปมอง วิคเตอร์ออกไปยืนรอนอกลิฟต์ด้วยสีหน้าถมึงทึง ผมเงยหน้ามองเลขชั้นในลิฟต์ก็เห็นว่าขึ้นมาชั้นที่วิคเตอร์พักแล้ว ผมเลยเดินออกจากลิฟต์ไปเอ๋อๆ


“นึกถึงไอ้จูบแรกอยู่รึไง” ใครบอกเนี่ย นึกถึงแต่เรื่องแกทั้งนั้น


ผมขมวดคิ้วใส่เขา ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อยีนส์ ดึงคีย์การ์ดออกมา เดินนำเขาไปทางห้องพักเร็วๆ แต่นำไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เดินตามมาทัน ผมเอาคีย์การ์ดแตะตรงแท่นเหล็ก พอสัญญาณขึ้นว่าประตูปลดล็อค ผมก็บิดที่จับประตูและดันเข้าไปด้านในห้อง เสียบคีย์การ์ดให้ไฟ ให้แอร์ในห้องทำงาน วิคเตอร์ปิดประตูตามหลัง ผมกำลังจะเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ แต่ก็โดนดันหลังให้เดินไปข้างหน้าแล้วถูกผลักให้ล้มลงบนเตียงอย่างแรง


“วิคเตอร์! ถ้ามันเป็นพื้น คุณคิดมั้ยว่าผมจะเจ็บแค่ไหน?!” ผมหมุนตัวไปถามเขาอย่างเดือดดาล วิคเตอร์ถอดหมวกออก โยนลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ เขาเดินมาจะมานั่งทับตัวผมไว้ ผมเลยรีบพลิกตัวจะคลานหนีไปอีกฝั่ง แต่เขากลับจับข้อเท้าซ้ายผมไว้ กระชากกลับไปหาตัวเขาอย่างแรง


“ไอ้ยักษ์ เจ็บนะ!” วิคเตอร์ไม่พูดอะไร เขาออกแรงดึงจนร่างผมไปอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของเขา สีหน้าเขานิ่งขรึม ผมพยายามทุบตีเขา แต่อีกฝ่ายแรงเยอะกว่าเลยกดข้อมือผมลงบนเตียงได้สำเร็จก่อนที่จะรวบสองมือผมไว้เหนือหัว จับกดไว้ด้วยมือซ้ายมือเดียว ส่วนมือขวาเขาเลื่อนไปกระชากกระดุมเสื้อนิสิตนักศึกษาผมออก จนกระดุมขาดกระเด็น


ผมเริ่มหายใจหอบแรงด้วยอาการหวาดหวั่นในอก ใจผมสั่นนิดๆ เริ่มกลัวว่า แค่เหตุการณ์แค่นั้นทำเอาเขาเป็นขนาดนี้เลยเหรอ


“วิคเตอร์ อย่ากัดนะ อ๊า!” ผมร้องเสียงดังตอนที่เขาก้มลงไปดูดยอดอกแวะใช้ฟันขบลงไปอย่างแรง ผมนิ่วหน้าสะบัดหน้าไปซ้ายขวา พยายามดิ้นหนี แต่สองมือถูกเขากดไว้แน่น


“ไม่นะ! พอแล้ว อ้า!!” เขาเปลี่ยนไปขบกัดอีกครั้งอย่างแรงเช่นกัน ใจผมเต้นตีอกชกรัว ความกลัวแผ่ไปทั่วตัว วิคเตอร์เลื่อนหน้าขึ้นมาที่ซอกคอผม ซุกไซ้แรงๆ ก่อนจะกดจูบค้างไว้ที่จุดหนึ่ง กดแรงขึ้น แรงขึ้นจนสุดท้ายเขาก็ฝังเขี้ยวลงบนคอผม


“วิคเตอร์! อย่าทำแบบนี้!” ผมร้องเสียงดัง ความกลัว ความน้อยใจ ผสมกันไปหมด บวกกับเหตุการณ์ที่ร้านส้มตำที่โดนสาดน้ำใส่หน้า แล้วยังโดนด่าโดนว่า ก็ทำให้ผมยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีก ผมโดนแบบนั้น ผมต้องการให้เขาอ่อนโยนกับผม ถึงเขาจะไม่รู้เรื่อง แต่อย่าทำตัวโหดร้ายแบบนี้ได้มั้ย ใจผมยิ่งไม่ค่อยดีอยู่


“ไม่เอานะ อย่า ฮึก…” ผมสะอื้นออกมา นั่นจึงทำให้วิคเตอร์หยุดสร้างรอยรอบๆ คอผม เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมที่น้ำตาไหล สะอื้นไห้เหมือนเด็กน้อย แววตาเขาสลดลง ก่อนที่จะค่อยๆ คลายข้อมือผมออก ผมผลักอกแกร่งเขาเพื่อให้ออกไปจากตัวผมทั้งน้ำตา แต่เขาไม่สะเทือนเลยสักนิด ผมเลยนอนนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นแทน



วิคเตอร์ถอนหายใจ ลุกออกจากตัวผมไปนั่งข้างๆ ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง และจะดีดตัวห่างจากเขา แต่วิคเตอร์กลับคว้าผมเข้าไปกอดไว้ ผมรัวกำปั้นทุบอกเขาเพื่อให้เขาปล่อย แต่กลับโดนเขารัดตัวไว้แน่น ผมดิ้นทั้งน้ำตา ใจยังสั่นไม่หายกับการกระทำของเขาเมื่อกี้นี้


“ปล่อยเลย ไอ้ยักษ์ ฮือ…” ผมหยุดทุบตีเขา เพราะทุบไป ดิ้นไปยังไงเขาก็ไม่ปล่อย เลยซุกหน้าร้องไห้กับอกเขา วิคเตอร์กอดผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สองมือลูบหลังผมแผ่วเบาราวกับจะปลอบโยน ผมสะอึกสะอื้นอยู่กับอกอุ่นๆ ของเขา วิคเตอร์กดจูบลงบนกลางกระหม่อมผมเนิ่นนาน มือไหนสักมือของเขาเลื่อนขึ้นลูบหัวผมเบาๆ เช่นกัน


“ขอโทษ ทำไปเพราะหวง ฉันหวงนาย” เขาพึมพำ ลมหายใจอุ่นของเขาเป่ารดหัวผมเบาๆ ผมค่อยๆ คลายอาการสะอื้น ดึงหัวออกจากอกเขาเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา วิคเตอร์มองมาอย่างรู้สึกผิด เขาเลื่อนสองมือมาเช็ดน้ำตาให้ผม


“อย่าทำแบบนี้อีกนะ ผมกลัว ปกติคุณก็น่ากลัวพออยู่แล้ว” ผมว่าไปสะอื้นไปอย่างกับเด็ก วิคเตอร์ยกมุมปากทั้งสองข้างเป็นรอยยิ้มขำขัน


“นี่ด่าฉันใช่มั้ยเนี่ย” ผมแบะปากน้อยๆ อาการสะอื้นค่อยๆ ลดลง ความรู้สึกกลัวยังทำเอาใจผมสั่นอยู่เยาๆ ผมมองหน้าวิคเตอร์ที่ตอนนี้อ่อนโยนลง ไม่ดูเถื่อนแบบเมื่อครู่นี้


เมื่อกี้นี้ผมกลัวเขาจริงๆ นะ อย่างกับเสือขย้ำเหยื่อเลย


“คุณไม่เห็นผู้หญิงผมทองคนนั้นรึไง นั่นน่ะแฟนเขานะ” ผมบอกทั้งที่ยังสะอื้นเป็นพักๆ วิคเตอร์นิ่งไปนิด สองมือเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มผมจนหมด ก่อนจะเอื้อมตัวมาอุ้มขึ้นไปนั่งบนตัก ขาผมห้อยลงล่างเตียง มองวิคเตอร์ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง


“ก็ฉันเห็นหน้ามันทีไร ฉันก็ชอบนึกถึงตอนที่มันกับนายใช้ปากให้กัน” เขาว่าเสียงห้วน หน้าตาเคืองหน่อยๆ


“งั้นถ้าผมเจออันเดรียนา ผมจะรู้สึกอย่างนั้นบ้าง” ผมว่าหน้าบูด น้ำเสียงงอนๆ วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปาก


“รู้สึกแบบไหน จะปล้ำฉันแบบเมื่อกี้อะหรอ เอาสิ ฉันยอม” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ยกมือซ้ายตีไหล่ขวาเขาเสียงดัง วิคเตอร์ทำหน้าเจ็บปวดแวบหนึ่ง


“ผมหมายความว่าถ้าผมเจอเธอ ผมก็คงรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน” วิคเตอร์ผ่อนลมหายใจนิดหนึ่ง ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบหัวผม


“ฉันไม่ได้ยุ่งกับเธอแล้ว และไม่กลับไปยุ่งแน่นอน” เขาตอบเสียงหนักแน่น จ้องตาผมไม่หลบตา ผมสะอื้นแผ่วๆ แต่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแล้ว


“ผมก็เหมือนกัน” คราวนี้วิคเตอร์ถอนหายใจแรงขึ้น เขาเอาแขนโอบร่างผมไว้ พาตัวเองขยับไปพิงหัวเตียงโดยที่ไม่ยอมให้ผมลงจากตักเขา เขาอ้าขาออกเพื่อให้ผมนั่งลงตรงกลางแล้วให้ผมพิงอกเขาไว้


“ฉันไม่เหมือนนาย นายอาจแยกแยะได้ หรือไม่แสดงอาการอะไร แต่ฉันทำไม่ได้” คิ้วผมขมวดมุ่น แหงนหน้าขึ้นไปมองเขา วิคเตอร์ก้มหน้ามองผมกลับมาใบหน้าเรียบนิ่ง เขาจดจูบลงบนหน้าผากผมหนึ่งที


“กับแฟนคนแรกหรือแฟนคนไหนสักคน คุณเป็นแบบนี้มั้ย”


“ไม่ ฉันเพิ่งเป็นกับนายคนแรก” เขาตอบสวนกลับมาทันที ผมไม่รู้จะยิ้มดีใจ หรือยิ้มเขิน หรือทำหน้ายังไง เลยได้แต่ทำหน้าเหมือนเด็กเอ๋อเหรอใส่เขาจนเขายิ้มกริ่ม


“บอกแล้วไงว่านายแตกต่าง”


“แน่สิ ก็ผมเป็นผู้ชายนี่” ผมทำปากจู๋ใส่เขา วิคเตอร์ขมวดคิ้วใส่ผมเล็กน้อย


“ใช่แบบนั้นที่ไหน ทำไมชอบเอาเรื่องเพศมาพูดอยู่เรื่อย”


“ก็มันจริงนี่นา คุณยังเคยพูดเลย” เขากลอกตาใส่ผมเซ็งๆ และทำเสียงจิ๊ที่ปาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงห้วนสะบัด แต่ก็ไม่ได้ตะคอกเสียงดังจนผมกลัว


“นี่จะจำไปทั้งชีวิตเลยรึไง ก็แค่เคยพูด ตอนนี้แฟนฉันเป็นผู้ชายตัวเตี้ยๆ คนนี้นี่ไง” ทำไมถึงได้ชอบพูดจาห่ามๆ อยู่เรื่อย พูดหวานๆ แต่ล่ะทีก็มีน้อยครั้ง


เอาน่ะ ดีกว่าเขาคำรามเสียงดังเหมือน The Hulk ก็แล้วกัน


“ไม่ทำแบบเมื่อกี้อีกนะ ผมชอบคุณอ่อนโยนมากกว่า” ผมว่าหน้าหงอๆ เสียงหงอย


“ก็อย่าไปยุ่งกับผู้ชายคนไหนสิ”


“วิคเตอร์ เอาจริงๆ นะ ไม่มีใครยุ่งกับผมหรอก กับเอิร์ทนั่นเรารู้จักกันก่อนอยู่แล้วไง”


“…” วิคเตอร์นิ่งเงียบไป เขามองผมอย่างนิ่งจนผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะสายตาเขาไม่สื่ออะไรออกมาเลย


“คุณหวงผมจริงๆ อะเหรอ” ผมถามแบบไม่ค่อยแน่ใจ วิคเตอร์ย่นคิ้วทั้งที่หน้ายังเรียบนิ่งสนิท


“ก็จริงน่ะสิ ทำไมถึงถามแบบนั้น” ผมกัดริมฝีปากล่างเบาๆ รู้สึกร้อนๆ แดงๆ ที่หน้า ก้มหน้าหลบสายตาเขาเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้ม


“ก็ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบกับใคร ผมไม่เคยถูกหวง” ผมก้มหน้างุดๆ ไม่กล้าเอาหน้าเขินของตัวเองขึ้นปะจันหน้าหนวดๆ ของเขา เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังมาจากคนตัวโต ทำให้ผมเผลอเงยหน้าขึ้นมองเขาทันควัน วิคเตอร์ยิ้มกว้างและมีเสียงหัวเราะคลอไปด้วย


“หัวเราะอะไรเล่า”


“ขำคนขี้เหร่ ไม่เคยมีแฟน” ผมทำหน้าบึ้ง มองค้อนจิกกัดไอ้พ่อหน้าตาดีที่ยิ้มหล่อกลับมาให้


“Ho! Mr.Handsome! (โถ พ่อรูปหล่อ)” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นทั้งที่ยังยิ้มค้างอยู่


“You can say that name again. (ฉันชอบชื่อนั้นนะ)” ผมแบะปาก ย่นจมูก วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม ก้มลงมาหอมแก้ม ไม่สิ เรียกว่าฟัดดีกว่า เขาฟัดซ้ายผมจนผมรู้สึกเจ็บไปหมด


“อ๊า… ฮะๆ คิๆ” ผมอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเขาเอาคางที่มีหนวดครึ้มๆ สากๆ มาถูกับแก้ม ลากลงไปที่ซอกคอ ถูไปมาอย่างเนิบนาบ แต่ก็ทำเอาผมหัวเราะไม่หยุด ผมพยายามหดคอหนี แต่ก็หนีไม่รอด เลยได้แต่หัวเราะไปสลับครางร้องไห้ไป


“ฮะๆ ฮ่าๆ ฮือออ ฮึกๆ ฮ่าๆ” วิคเตอร์เอาหนวดถูที่คอผมและหัวเราะเสียงแปลกๆ


“จะเอาไง้แน่ จะหัวเราะหรือจะร้องไห้” เขาถามทั้งที่ยังซุกอยู่กับซอกคอผมไม่ไปไหน เสียงหัวเราะทุ้มนุ่มน่าฟังดังออกมาจากลำคอของเขา ผมแบะปาก แต่ก็ยังติดอาการขำ ยกมือมาดันหน้าเขาออกไป


“พอแล้วๆ หนวดครึ้มหมดแล้ว โกนสักทีสิ”


“รอนายโกนให้อยู่ไง” เขาพยายามเอาหน้าดันมือผมออกเพื่อจะได้เข้ามาซุกคอผมอีก ผมยิ้มยิงฟันและพยายามดันหน้าเขาไว้


“งั้นไปโกนเลยมั้ย”


“ยัง ไม่กินอาหารก่อนเหรอ บูดหมดแล้วมั้ง” เออ จริงด้วย มัวแต่ทะเลาะกับตีกัน ลืมไปเลยว่าซื้อส้มตำมา


แล้วนี่ผมกับเขาเราดีกันแล้วยัง ดีแล้วละมั้ง ก็เขาหัวเราะแล้วนี่


“ไปกินกันเถอะครับ จะได้เรียกพวกคุณเบนมากินด้วย” วิคเตอร์บุ้ยปากไปทางกางเกงยีนส์นูนๆ ออกมาเป็นรูปโทรศัพท์สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ผมล้วงลงไปหยิบออกมาในขณะที่เขา หอมขมับ หอมหัวผมไม่หยุด สองมือก็กอดเอวผมไว้แน่น แต่ยังดีกว่าที่เขาคิดจะลวนลามผมไปมากกว่านี้อีกล่ะนะ


“โทรหาพวกมันสิ” เขาว่า ยกมือซ้ายขึ้นมาบีบแก้มซ้ายผมเบาๆ สลับกับดึงให้แก้มมันยืดออก ผมร้องงอแงใส่เขาทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ เพื่อหาเบอร์ของคุณเบนในเมืองไทย เลื่อนไปไม่มาก็เจอชื่อเขาพอดี เลยกดโทรออก พยายามปัดมือวิคเตอร์ออกจากแก้มตัวเอง เขาหัวเราะ หึๆ และเปลี่ยนมาเป็นหอมแก้มผมแทน แต่หอมแช่ไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ยอมดึงหน้าออกไปสักที


“แอ๊…” ผมร้อง พยายามดึงหน้าหนี แต่ก็ไม่พ้นหรอก สักพักเสียงสัญญาณก็หลุดหายไป มีเสียงคุณเบนพูดเข้ามาในสายแทน


[Hello.]


“Hi, I’m Matt. Where are you now?”  วิคเตอร์เริ่มเปลี่ยนเป็นจุ๊บไปทั่วแก้ม ลามไปถึงขมับ แล้วก็วนจุ๊บปากใส่หน้าผมอยู่อย่างนั้นแหละ


[I’m sleep on the bed. What’s up?]


“Do you want to join the dinner with me and Victor? I got some Thai food for you, and Andre.” วิคเตอร์แกล้งกัดใบหูผมเบาๆ ผมเลยย่นคอหนีบไหล่อัตโนมัติ และพยายามยกมือซ้ายกันน้าหนวดๆ ของเขาไว้ พอเข้าใกล้หน้าผมไม่ได้ เขาก็เปลี่ยนเป็นหอมมือผมแทน


โอ๊ย อะไรจะปานนั้นพ่อคู๊ณ!


“Ah! That’s a good idea. Can I bring someone to join?” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจนิดหน่อยว่าเขาจะชวนใครมาอีก


“Yes. It’s fine. So, see you at Victor’s room.” เบนเนดิคท์รับปากแล้วตัดสายทิ้งไป ผมวางโทรศัพท์ลงบนตัก หันมาสู้รบปรบมือกับไอ้ยักษ์จอมแทะเล็ม เขาฉีกยิ้มตอนผมเอามือขวามาบีบจมูกเขาไว้


“หาเสื้อใหม่ใส่เร็ว เดี๋ยวพวกไอ้เบนก็คงมา” เขาบอกพลางดึงมือผมออกจากจมูกเขา ผมหน้าบึ้งใส่เขาทันที


“คุณอะทำร้ายเสื้อผม”


“เดี๋ยวพาไปซื้อใหม่ อยากได้กี่ตัวหยิบมาเลย”


“เดี๋ยวจะเอาให้กลับนิวยอร์กไม่ได้เลย” ผมว่าด้วยความหมั่นไส้ เอาหัวโขกคางเขาเบาๆ วิคเตอร์หัวเราะเสียงนุ่มกลับมา


“ได้สิ แต่นายต้องรับผิดชอบชีวิตฉันนะ”


“ไม่เอาหรอก ปล่อยให้นอนข้างถนน เป็นฝรั่งตกอับ” ผมทำแก้มพองลมและทำปากบู้ๆ ใส่เขา วิคเตอร์กัดปากล่าง แววตาที่มองมานั้นวาบวับ ราวกับจะจับผมกิน


“เดี๋ยวจะโดนอุ้มทั้งคืน” ผมแลบลิ้นใส่เขาเร็วๆ ลุกออกจะไปเปลี่ยนเสื้อ วิคเตอร์คลายอ้อมแขนออก ปล่อยให้ผมลุกออกไป แต่ก็มิวายฟาดมือลงบนก้นผมดังป้าบ


“อ๊า! ไอ้หนวด! เจ็บนะ” แน่ะ! ด่าแล้วยังมีหน้ามายิ้มระรื่น แถมยังหัวเราะชอบใจอีก เดี๋ยวปั๊ดตบด้วยปาก


ผมเดินไปหยิบเสื้อจากกระเป๋าเป้มาหนึ่งตัว เป็นเสื้อยืดสีขาว ลายมิเนี่ยนตัวสีเหลืองๆ และเลือกหยิบกางเกงขาสั้นมาหนึ่งตัว พอได้ครบชุดก็หมุนตัวจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็โดนวิคเตอร์เรียกเอาไว้ก่อน


“จะไปไหน”


“เปลี่ยนชุดไง”


“ก็เปลี่ยนตรงนี้สิ จะอายอะไรเนี่ย ทำอย่างกับฉันไม่เคยเห็น” เขาว่าหน้าตาเฉย ส่วนผมได้แต่ทำแก้มป่องน้อยๆ และรู้สึกร้อนรุมๆ ที่หน้า พอผมทำท่าทางว่าทำตัวไม่ถูก เขาก็เบิกตากว้างมองผมเป็นเชิงว่าให้เปลี่ยนสิ ผมเลยต้องถอดเปลี่ยนเสื้อผ้ากันตรงหน้าเขาเนี่ยแหละ แถมยังต้องมาเขินอายกับสายตากรุ้มกริ่มและรอยยิ้มแพรวพราวที่ส่งมาให้ตลอดการเปลี่ยนเสื้อผ้า


ก๊อกๆ


ผมรู้สึกดีเหลือเกินที่มีอะไรมาขัดจังหวะเราสองคน วิคเตอร์เร่งให้ผมใส่เสื้อผ้าให้เสร็จ พอจัดการตัวเองเสร็จแล้ว ผมก็เดินออกไปด้านนอกพร้อมเขา ผมจัดการหาจานเพื่อเอามาใส่อาหาร ส่วนเขาเดินไปเปิดประตู แล้วสักพักเสียงเฮฮาก็ดังเข้ามาในห้อง


“แมท!” ผมย่นคิ้วนิดหน่อย พอหมุนตัวหันไปมองก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่เห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง


“บาส?” เจ้าของชื่อยิ้มกว้างกลับมาให้แล้วเดินเข้ามากอดผมไว้เต็มอ้อมแขน ผมที่ยังมีสีหน้างงๆ ก็ยกแขนตอบรับกลับไป



V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-09-2015 01:31:27



“ฮึ่ม!” เสียงขู่คำรามแหบๆ ดังมาจากวิคเตอร์พร้อมสายตาเรียบเฉย แต่ดูก็รู้ว่าเขากำลังมองอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่ เบนเนดิคท์กับอันเดรที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อนถึงกับหัวเราะออกมา ส่วนบาสก็ดันตัวผมออกแล้วหันไปยิ้มกวนๆ ให้วิคเตอร์


“ก็แค่ทักทายคนที่เคยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันเท่านั้นเองน่า” บาสบอกพลางยักคิ้วให้วิคเตอร์สองที อีกฝ่ายจ้องกลับมาพร้อมแผ่รังสีกดดันไปรอบๆ ห้อง ส่วนผมก็ยังคงรู้สึกงงๆ อยู่ว่าบาสมาได้ยังไง


“ไอ้วิคเตอร์ เขาสองคนเป็นเพื่อนกันนะ” อันเดรเลยต้องชกไล่แล้วเตือนไอ้ยักษ์ที่ตีหน้ายักษ์สมฉายาอยู่ เขาเดินเข้ามาหาผม ดึงให้ผมออกห่างจากบาส โดยมีเขาเอาตัวบังอยู่ ผมที่กำลังสนใจว่าบาสมาได้ยังไง เลยโผล่หน้าออกมาจากใต้รักแร้ซ้ายของวิคเตอร์


“มาได้ไงอะบาส หมายถึงว่าทำไมบาสมาอยู่นี่ได้ล่ะ I ask him why he is here?” ผมต้องหันไปแปลเป็นภาษาอังกฤษให้กับคนอื่นๆ ฟังด้วย ผมมองหน้าบาสที่ยิ้มเก้อๆ นิดหน่อย พอมองไปที่อันเดรก็เห็นว่าเขายิ้มมีเลศนัยอะไรบางอย่าง ส่วนคุณเบนก็ไม่ได้ยิ้มหรือแสดงอาการอะไร แต่ใบหน้าขาวผ่องของเขานั้นก็มีอาการแดงระเรื่อเล็กน้อย สุดท้ายผมเลยต้องแหงนหน้าไปมองคนที่ผมเกาะเอวอยู่ วิคเตอร์ยิ้มมุมปากก่อนตอบ


“They are dating. (สองคนนี้กำลังเดทกันอยู่)” พอพูดจบเท่านั้นแหละ ผมก็อ้าปากหวอ มองวิคเตอร์ที่ส่งยิ้มขำกลับมาตาค้าง ผมหันตาค้างๆ ปากหวอๆ ของตัวเองหันกลับไปมองบาสกับเบนดิคท์ พ่อหนุ่มแว่นยักคิ้วเอื่อยๆ กลับมาให้สองทีพร้อมกับยักไหล่ให้ด้วย ส่วนคุณเบนก็ตีหน้านิ่งและทำเพียงยักคิ้วมาให้ผมเร็วๆ


“How? Um… I mean—you both. (ได้ไงเนี่ย เอ่อคือ ผมหมายความว่า ทั้งสองคน)” แล้วผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะตอนนี้กำลังรู้สึกอึ้งๆ งงๆ ไปหมด


“ง่ายๆ เลยนะ สองคนนี้ยังไม่ถึงขั้นนายกับไอ้วิคเตอร์หรอก ก็แค่คุยๆ กันอยู่” อันเดรตัดบทสรุปให้ผมฟัง ผมก็เลยพยักหน้ารับช้าๆ แบบเอ๋อๆ พอหันไปมองคุณเบนกับบาส ทั้งคู่ก็ดูปกติดี จะมีแค่ตอนแรกที่ออกอาการเขินนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ผมมองทั้งสองคนแล้วก็ต้องบอกว่าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสองคนนี้จะมาคุยกันได้ ดูไม่มีแววเลยสักนิด


“กินกันเถอะ” วิคเตอร์ดึงสติผมกลับมา เขากอดคอผมไปที่โต๊ะเพื่อเตรียมอาหาร เราทุกคนช่วยกันแกะอาหารเทใส่จาน วินาทีแรกที่สองฝรั่งได้กลิ่นปลาร้าก็ถึงกับเบ้หน้าและหันหน้าหนีทันที ส่วนวิคเตอร์นั้นได้กลิ่นตอนอยู่ร้านบ้างแล้วเลยแค่ทำจมูกฟึดฟัดนิดหน่อยเท่านั้น


“What the hell it is?” เบนเนดิคท์ถามหน้าซีดคล้ายคนจะเป็นลม บาสต้องอธิบายกันยาวเหยียดว่ามันคือปลาร้า เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของไทย ขนาดอันเดรที่เคยมาไทยแล้วยังทำหน้าแหยงใส่ ส่วนผมนั้นกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำปลาร้าซดเข้าปาก โดยมีสายตาหนุ่มฝรั่งมองกันอย่างทึ่งๆ


“Marvelous. (เลิศ)” ผมบอกเสียงนุ่มพร้อมทำหน้าปริ่ม บาสเห็นแบบนั้นเลยหยิบช้อนขึ้นมาตักส้มตำเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ ส่วนอีกสามหนุ่มที่เหลือนั่งมองกันตาปริบๆ


“You guys should try this. (ลองสิครับ)” ผมคะยั้นคะยอให้ทั้งสามคนกิน โดยมีบาสช่วยการันตีอีกแรง อันเดรกับเบนเนดิคท์หยิบช้อนขึ้นมาตักอย่างกล้าๆ กลัว ผมตักคำพอประมาณแล้วป้อนให้วิคเตอร์กิน เขาเคี้ยวอยู่สักพักแล้วก็ทำหน้าพะอืดพะอม แต่สุดท้ายเขาก็เคี้ยวจนหมดและกลืนลงคอไป


“Not bad, but if I can deny—I will. (ก็ไม่แย่นะ แต่ถ้าปฏิเสธได้ ขอเถอะ)” พูดจบเขาก็คว้าน้ำไปดื่มอย่างรวดเร็วพร้อมกับทำสีหน้าคล้ายจะอ้วก ผมเอามือปิดปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองไว้ พอหันไปมองเบนเนดิคท์กับอันเดรสองคนนั้นก็มีอาการคล้ายๆ กันคือเหมือนคนท้อง พอกลืนเสร็จก็รีบคว้าน้ำไปดื่มทันที


“Very spicy! (เผ็ดมาก!)” เบนเนดิคท์พูดลพางสูดลมเข้าปาก เอามือโบกลมเข้าหน้ารัวๆ ทั้งที่แอร์ก็เปิดเย็นฉ่ำ ผมเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ก็จานที่เขากินนั้นเผ็ดน้อยมากๆ แล้ว แต่ลิ้นฝรั่งกับคนไทยอาจจะไม่เหมือนกันละมั้ง พวกตะวันตกกินอาหารเม็กซิกันที่มีรสชาติจัดจ้านก็จริง แต่ผมเชื่อว่าไม่มีพริกใดสู้พริกชี้ฟ้าหรือพริกขี้หนูไทยได้แล้วละ 


“But I think it’s okay. (แต่ฉันว่าก็อร่อยดีนะ)” อันเดรพูดขึ้นหลังจากดื่มน้ำไปจนเกือบหมด แล้วเขาก็หยิบช้อนตักส้มตำเข้าปากอีกคำ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แล้วยกนิ้วโป้งให้เพื่อน เขาตักเข้าปากอีกคำ สงสัยน้ำปลาร้าจะเคล้ากับน้ำลายเขาจนเข้าที่แล้วมั้ง


“Are you kidding me? (อำเล่นรึเปล่า)” วิคเตอร์ถามสีหน้าไม่เชื่อ แต่อันเดรที่กำลังเคี้ยวส้มตำตุ้ยๆ พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ผมเห็นแบบนั้นเลยส่งไก่ย่างให้เขา บอกว่ามันจะช่วยลดอาการแก้เผ็ดได้บ้าง คุณเบนพอเห็นว่าเพื่อนตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อยเลยหันไปมองบาสเป็นเชิงถาม บาสพยักหน้าให้ หยิบข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อน ตักส้มตำเข้าปากหนึ่งคำแล้วตามด้วยข้าวเหนียว


ผมหันกลับมาจัดการหั่นไก่เป็นชิ้นพอดีคำ ตักส้มตำปูไทยให้วิคเตอร์ลอง เขาส่ายหัวว่าไม่เอา แต่ผมคะยั้นคะยอให้เขากิน แล้วบอกว่านี่มันเป็นคนละอย่างกับอันที่เพิ่งกินไป เขาเลยยอมอ้าปากรับ เขาเคี้ยวสักพักก่อนจะทำหน้าว่าโอเค ผมเลยตักให้เขาอีกคำ และตักให้ตัวเองอีกคำด้วย ผมหยิบข้าวเหนียวส่งให้วิคเตอร์ เขาทำหน้างง ผมเลยหยิบขึ้นมาประมาณหนึ่งก้อน


“ทำแบบนี้…” ผมสอนเขาปั้นข้าวเหนียวให้พอดีคำ แล้วจิ้มน้ำส้มตำกิน วิคเตอร์ทำตาม เขาพยักหน้าเหมือนถูกใจ จากนั้นผมก็ตักหมูน้ำตก ปลาดุกย่าง ไก่ย่างให้เขา และสอนเขากิน ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก แค่จับเข้าปาก เพียงแค่ต้องคอยบอกเขาว่าอะไรเป็นไร เพราะถ้าอันไหนกลิ่นแปลกๆ เขาจะทำท่าส่ายหัวหนีทันที


“ฉันไม่ชอบอันนี้กับอันนี้” เขาชี้ไปที่ส้มตำปูปลาร้ากับหมูน้ำตก ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นน่ะของโปรดผมเลย เวลาไปร้านส้มตำทีไร ผมขาดสองอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด


“That’s my favorite. (นั่นน่ะของชอบผมเลย)” วิคเตอร์ทำหน้าแหยง สั่นหัวรัวๆ จนคนอื่นขำ ผมยู่ปากใส่เขาตักของโปรดตัวเองเข้าปาก เบนเนดิคท์กับอันเดรดูจะเริ่มชินกับอาหารรสจัดของไทยบ้างแล้ว แม้จะต้องกินไปดื่มน้ำไป แต่พวกเขาก็กินไม่หยุด ผิดกับไอ้ยักษ์ที่ถ้าผมไม่ตักให้ก็ไม่กินหรอก


“เป็นง่อยรึไง ถึงตักกินเองไม่ได้เนี่ย” ผมแอบกัดเบาๆ แต่ก็ตักปลาดุกจิ้มน้ำพริกกับข้าวเหนียวใส่ปากเขา วิคเตอร์เคี้ยวแก้มตุ่ยพลางส่งยิ้มแก้มอูมมาให้


ตอนนี้ผมอยากคุยกับบาสเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างเขากับเบนเนดิคท์ว่าเป็นไงมาไง ถึงได้มาลงเอยกันแบบนี้ ตอนนี้คบกันถึงขั้นไหนแล้ว และใครเริ่มจีบใครก่อน แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นบาสนะ น่าจะเป็นคุณเบนมากกว่า เพราะคุณเบนชัดเจนมาตั้งนานแล้วว่ามีรสนิยมแบบไหน แต่คุยตอนนี้คงไม่เหมาะ เพราะผมกำลังป้อนข้าวป้อนน้ำยักษ์โข่งที่ไม่ยอมตักอะไรกินเองเลยสักคำ



"Do you have any plan for tonight? (พวกคุณมีแพลนอะไรสำหรับคืนนี้กันรึเปล่า)” บาสถามพลางจิ้มไก่เข้าปาก ตอนนี้อาหารลดลงไปครึ่ง โดยที่สามหนุ่มฝรั่งกินไปน้ำตาไหลไป และดื่มน้ำไป เรอกันไปหลายรอบ ผมหยิบทิชชูยื่นให้กันคนล่ะสองรอบแล้ว แต่พ่อยักษ์หน้าหล่อไม่ต้องหรอก ผมคอยซับเหงื่อ ซับน้ำตาให้ตลอดเวลา


“Any suggest? (มีแนะนำมั้ย)” อันเดรถามพลางสูดลมเข้าปากแรงๆ เพราะเผลอไปตักจานที่ใส่พริกเยอะ


“Last night we went to Khaosan road. (เมื่อเราไปถนนข้าวสารมา)” เบนเนดิคท์บอกบาส อีกฝ่ายพยักหน้ารับนิดหน่อยพลางหันมาหาผม


“คืนนี้พาไปไหนดีอะแมท” ผมหันไปมองบาสตาปริบๆ ปากก็ยังเคี้ยวไก่กับข้าวเหนียวตุ้ยๆ กำลังจะอ้าปากตอบก็โดนหอมแก้มเอาดื้อๆ ผมหันไปมองหน้าตื่น ก็เห็นวิคเตอร์ยิ้มแยกเขี้ยว สีหน้าราวกับมันเขี้ยวอะไรอยู่สักอย่าง


“เฮ้ย นึกจะหอมก็หอมกันต่อหน้าเพื่อนอย่างเนี้ยเหรอไอวิคเตอร์” อันเดรถามสีหน้าทึ่งไม่แพ้กัน ไม่ใช่แค่อันเดรหรอกคุณเบนกับบาสก็มองวิคเตอร์งงๆ ปนความทึ่งที่จู่ๆ นึกคึกอะไรไม่รู้มาหอมแก้มกันต่อหน้าประชาชีแบบนี้


“อ้าว ฉันหอมแฟนฉัน ผิดด้วยเหรอ” เขาถามกลับสีหน้าไม่เข้าใจ ไม่ใช่เสแสร้งนะ ดูเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าการที่ทำแบบนี้มันผิดตรงไหน คือมันก็ไม่ได้ผิดหรอก แต่ลองอายมั้ย


“เออๆ อยากหอม อยากจูบ อยากทำไรทำ แต่ช่วยเห็นใจคนโสดอย่างฉันบ้าง แล้วก็ไอ้เบน อย่าได้ทำแบบไอ้วิคเตอร์นะ ฉันโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว อย่าทำร้ายฉัน” แล้วพวกเราก็หัวเราะกับสีหน้าเซ็งๆ ของอันเดร ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่มีแฟน หน้าตาแบบเขาไม่น่าจะหาแฟนยาก แต่ผมเชื่อว่าอันเดรไม่ได้ชอบผู้ชายแน่นอน ก่อนหน้านี้ที่เคยคุยกันบ้าง เขาก็เล่าให้ฟังว่าเคยคบมีแฟนมาบ้าง แต่อันเดรเป็นคนรักคนยาก แฟนคนล่าสุดที่คบด้วย ก็เห็นว่าคือเมื่อหลายปีมาแล้ว ถ้าเอาเข้าใจแบบง่ายๆ ก็คงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจนั่นละมั้ง


“ไปเอเชียทีคป้ะ แมทยังไม่เคยไปตอนกลางคืนเลยอะ เคยไปแต่ตอนกลางวัน” บาสคิดนิดหนึ่งก่อนจะมีสีหน้าคล้อยตาม เขาพยักหน้ารับเชื่องช้า


“ก็ดีนะ ที่นั่นมีร้านให้นั่งชิล ติดริมน้ำอีก บรรยากาศน่าจะดี” สรุปเราก็ตกลงกันว่าจะไปที่เอเชียทีค เราสองคนหันไปอธิบายให้สามหนุ่มฝรั่งฟังว่าสถานที่ที่เราจะไปนั้นเป็นอย่างไร อันเดรกับเบนเนดิคท์ดูตื่นเต้น ยกเว้นวิคเตอร์ที่นั่งหน้ามึนๆ เออออห่อหมกไปด้วย



“คุณไม่อยากไปเหรอ” ผมก้มลงไปพูดให้ได้ยินกันสองคนในขณะที่สามคนที่เหลือกำลังคุยกันอย่างออกรส


“ฉันอยากนอนกอดนายมากกว่า” ผมยิ้มเอือมนิดๆ แต่ก็รู้สึกร้อนๆ ที่หน้า


“กลับมาก็นอนกอดได้” ผมบอกเสียงค่อย พลางยื่นมือไปจับมือซ้ายเขาไว้ วิคเตอร์บีบมือตอบกลับมา


“อีกอย่างนายยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปเดินแบบนั้นเดี๋ยวก็อักเสบเพิ่มหรอก” อ้อ เขาคงหมายถึงที่เขาทำรุนแรงกับผมเมื่อเช้าสินะ แหม ยังดีนะที่พอจะมีจิตสำนึกนึกถึงผมอยู่บ้าง


“ก็แล้วคุณทำทำไมล่ะ” ผมทำปากยื่น ถลึงตามองเขา วิคเตอร์ตีหน้ามึน ยักไหล่สองข้างไปมาราวกับจะบอกว่าไม่รู้ไม่ชี้


“กินเสร็จแล้วไปเลยแล้วกันเนอะแมท นี่ก็ทุ่มนึงแล้ว” ผมหันไปพยักหน้ากับบาส



พวกเรากินอาหารกันจนเกือบหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นผมกับบาสนี่แหละที่ช่วยกันกิน เพราะสามฝรั่งกินได้ไม่มากนัก พอกินเสร็จพวกคุณเบนก็แยกย้ายกลับห้องไปเพื่อไปแต่งตัว บาสเองก็ตามไปด้วย ผมเก็บจานทุกใบไว้ในห้องน้ำด้านนอกจนหมด กะว่ากลับมาจากข้างนอกแล้วค่อยล้าง แต่ถ้าไม่ไหวพรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน


“แมท ถอดเสื้อผ้าแล้วมาหาฉันบนเตียงหน่อย” เสียงห้าวๆ ตะโกนดังมาจากในห้องนอน ผมที่กำลังก้าวเท้ากลับไปห้องถึงกับเกือบหยุดเดิน แต่ก็ก้าวเดินต่อไป พอเข้าไปในห้องก็เห็นวิคเตอร์ที่เปลือยท่อนบนนั่งรออยู่ข้างเตียง ผมรู้สึกว่าหน้าถอดสีทันที


“วะ… วิคเตอร์ จะทำเหรอ คือ…”


“…เห็นฉันเป็นคนเซ็กส์จัดขนาดนั้นเลยเหรอ”


“ที่สุด!” ผมตอบกลับทันควัน วิคเตอร์กลอกตา สีหน้าเคืองเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหาผม ดึงเสื้อยืดออกจากตัวผมอย่างเร็ว


“ไม่เถียงละกัน เพราะฉันก็เซ็กส์จัดจริงๆ” เขายิ้มร้ายกาจที่มุมปากขวา แววตาแพรวระยับ ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะลุ้นว่าเขาจะจับผมกดหรือเปล่า เพราะผมยังเจ็บอยู่เลย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้จับผมกดแต่อย่างใด แค่นั่งยองๆ กับพื้นแล้วช่วยผมถอดกางเกงเท่านั้นเอง ผมเอาสองมือจับไหล่หนาเขาไว้เพื่อพยุงตัวยกขาให้เขาดึงกางเกงออก พอถอดให้ผมเสร็จเขาก็ลุกขึ้น ก้มลงมาจุ๊บปากผมหนึ่งทีก่อนจะพาเดินไปที่เตียง


“ขึ้นไปนอนคว่ำหน้าไว้” ถึงในใจจะแอบกลัวๆ ว่าจะโดนแฟนตัวเองจับกดหรือเปล่า แต่ผมก็คลานเข่าไปบนเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนคว่ำหน้า มองไปทางวิคเตอร์ที่เปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบถุงสีขาวออกมา เขาหยิบใบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง ยืนอ่านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ก้มลงไปคุ้ยในถุงอีกทีก่อนที่เขาจะหยิบหลอดอะไรบางอย่างออกมา เขาวางถุงไว้บนโต๊ะหัวเตียง คลานเข่าขึ้นมาบนเตียง ไปนั่งอยู่ปลายเท้าผม มันไม่มีอะไรให้ชวนใจเต้นเลยสักนิดแต่ผมก็ดันห้ามให้มันอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ ยิ่งเมื่อเขาจับข้อเท้าผมและจับขาแยกออกจากกัน ใจผมก็ยิ่งเต้นแรง


“ยกก้นขึ้นมา” บอกปกติๆ ก็ได้มั้ง ไม่ต้องทำเสียงกระเส่าเย้ายวนขนาดนั้นก็ได้ คือได้ยินแล้วใจมันหวิวน่ะ


ผมค่อยๆ กระดกก้นสูงขึ้นให้มันโค้งงอน เอาหน้าแนบไปกับหมอน โค้งตั้งแต่กลางหลังไปจนถึงโด่งก้นให้กับวิคเตอร์ ผมพยายามเอี้ยวคอไปมอง ก็เห็นว่าเขากำลังมองก้นผมด้วยสายตาลุกวาว ผมกลืนน้ำลายเบาๆ รู้สึกกลัวใจเขาเหลือเกิน ปากบอกไม่ทำ แต่การกระทำคือจับผมขย้ำอยู่เรื่อย


“วิคเตอร์ ไม่ทำนะ” ผมบอกเสียงอู้อี้ ไอ้ยักษ์หันมายิ้มกริ่มและส่งสายตาพราวระยับมาให้ สองมือเขายื่นมาดึงกางเกงในสีดำของผมให้ล่นลงไปครึ่งก้น แล้วเขาก็ส่งสองมือมาลูบๆ วนๆ ก้นผมแผ่วเบา ขนผมลุกซู่ตั้งแต่ก้นยันถึงต้นคอยามที่มือหนานุ่มของเขาบีบเคล้นคลึงแก้มก้นสองข้างของผมเบาๆ


“อ้าขากว้างๆ สิ” เขาบอกเสียงแหบพร่าพลางบีบก้นสองลูกของผมเน้นๆ แต่ไม่ได้เจ็บมาก ผมทำตามที่เขาบอก วิคเตอร์ช่วยจัดขาผมให้อ้าตั้งฉากได้กว้างขึ้นโดยมีกางเกงในรั้งอยู่ตรงกลาง


จุ๊บ~


เขาก้มลงมาจูบก้นผมทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกวูบวาบแล่นไปทั่วตัวยามที่เขากดริมฝีปากหนาลงบนผิวก้น ลมหายใจผมเริ่มหอบน้อยๆ คอยเอียงหน้ามองเขาไว้ว่าเขาจะทำอะไรบ้าง เขาเอื้อมมือซ้ายไปหยิบหลอดอะไรสักอย่างโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากก้นผมเลยสักนิด


“ฉันซื้อยามาทาลดอาการบวม อาการอักเสบให้นาย” เขาว่าพลางหมุนฝาหลอดยาออก สองมือผมกำหมอนแน่น บิดคอจ้องมองการกระทำของเขา วิคเตอร์แสยะยิ้มที่มุมปากราวกับตัวร้ายในหนัง


“อยู่นิ่งๆ นะ เดี๋ยวทายาเสร็จจะได้กินยาต่อ” ผมพยักหน้ารับเร็วๆ ยังคงแยกขาเอาเข่ายันเตียงและยกก้นโก่งโค้งไว้เหมือนเดิม วิคเตอร์บีบยาลงบนนิ้วชี้ด้านขวา ก่อนจะยื่นนิ้วมาแตะลงบนกลีบเนื้อด้านหลังของผมอย่างเบามือ ความเย็นของยาแผ่ไปทั่วบริเวณช่องทางตรงนั้น เขาหมุนวนช้าๆ อย่างยั่วยวน เล่นเอาผมเริ่มหายใจไม่สม่ำเสมอ


“อย่าทำหน้าแบบนั้นนะแมท ไม่งั้นนายไม่หายแน่ๆ” เขาว่าเสียงเข้ม ขบกรามจนสันกรามขึ้นนูน ผมว่าเขาเองก็คงกำลังอดทนอดกลั้นอยู่เหมือนกัน


“อ๊ะ…”


“อืม!” วิคเตอร์คำรามในลำคอเบาๆ ตอนที่ผมครางรับนิ้วเขาที่สอดเข้าไปด้านใน เขาบีบยาลงไปบนกลีบเนื้อของผม ใช้นิ้วชี้ดันยาเข้าไปด้านใน แต่ไม่ได้เข้าไปลึกนักหรอก อยู่แค่ขอบนอกๆ เท่านั้น เขาหมุนวนนิ้วรอบๆ ขอบปากทางเข้าของผมช้าๆ ไอเย็นกระจายไปทั่วตรงนั้น ให้ความรู้สึกเบาสบายอย่างบอกไม่ถูก


“ฮืมมม…” ผมครางเสียงแผ่ว หลับตาพริ้มไปกับจังหวะหมุนวนของนิ้วมือวิคเตอร์ เขารู้จักจังหวะในการหมุนและหยุดกดกระตุ้นจุดเสียวเบาๆ ผมไม่รู้ว่าเขาแกล้งหรือต้องการให้ยามันออกฤทธิ์ให้ทั่วถึงกันแน่


“เจ็บมั้ย” เขาถามเสียงเบาหวิวทั้งที่นิ้วชี้ก็ยังไม่หยุดแหย่เข้าแหย่ออกตรงขอบปากทางของผม จนผมจะสติหลุดอยู่แล้ว


“นะ… นิดหน่อยครับ” ผมตอบเสียงกระท่อนกระแท่น พยายามคุมเสียงไม่ให้กระเส่ามาก


“แมท อย่าแข็งสิ ไม่งั้นฉันจะอดใจไม่ไหวนะ แค่นี้มันก็ดันกางเกงจนคับไปหมดแล้ว” ความร้อนแผ่ไปทั่วใบหน้าผมทันทีที่เขาพูดด้วยเสียงติดคำรามแบบนั้น


“ก็… ก็เมื่อไหร่คุณจะหยุดล่ะ แค่นี้ยามันก็ทาทั่วแล้ว” ผมบอกพลางกลืนน้ำลายลงคออันแห้งผาก วิคเตอร์ยิ้มลามก ก่อนจะแกล้งผมด้วยการแทงนิ้วเข้าออกเร็วๆ จนผมผวา รีบยกมือขวาไปจับมือเขาไว้


“ยะ… อย่า ผมเจ็บอยู่ อย่าเพิ่งเลยนะ” ผมอ้อนวอนเขา วิคเตอร์ยอมหยุดให้แต่โดยดี ค่อยๆ ดึงนิ้วออก เขาดึงมือตัวเองออกจากการกุมมือหลวมๆ ของผมไป จับมือผมขึ้นไปจูบหลังมือหนักๆ


“ห้ามใจลำบากจัง”


“ถ้าอยากทำบ่อยๆ ก็อย่าทำแรงแบบนี้อีกสิครับ” ผมต่อรองเสียงแหบ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ปล่อยมือผมแล้วดึงกางเกงชั้นในขึ้นสวมก้นตามเดิม แต่ก็มิวายส่งมือมาบีบแก่นกลางลำตัวผมเบาๆ เป็นการหยอกล้อ ผมแอบหายใจสะดุด ก่อนที่จะถูกเขาพยุงให้ลุกขึ้นนั่งชันเข่า แล้วเขาก็จับหัวผมไปพิงกับอกเปลือยเปล่าอันแข็งแกร่งของเขา ก้มลงมาจูบอย่างเน้นหนัก เขาส่งลิ้นเข้ามาในปากผมเป็นสัญญาณเรียก ผมเลยส่งลิ้นไปให้เขาคลอเคลียด้วย เราดูดดึงกันสักพักเขาก็ดึงหน้าออกไป


“ฉันจะไม่ทำรุนแรงถ้านายไม่ทำให้ฉันโกรธ แต่ฉันยินดีมากถ้านายจะโกรธแล้วขย่มฉันแรงๆ” ผมหน้าแดงก่ำไปหมดแล้วมั้ง วิคเตอร์หัวเราะในลำคอ ใช้มือซ้ายบีบก้นผมเน้นๆ จนผมเผยอปากเล็กน้อย


“ผมจะทุบหัวคุณแบะสิไม่ว่า” ผมแกล้งว่าเสียงโหด เขาเลยก้มลงมางับหูผมเบาๆ


“ก่อนจะแบะหัวฉัน แบะก้นนายให้ฉันแทงก่อนแล้วกัน” ผมทำหน้ายู่ วิคเตอร์ยิ้มหล่อบางๆ กลับมา


“แต่งตัวเถอะ จะได้กินยา” ผมพยักหน้ารับ ค่อยๆ คลานลงจากเตียง เดินไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ จากกระเป๋า หยิบเสื้อเชิ้ตยีนส์สีน้ำเงินขึ้นมาหนึ่งตัว กับกางเกงขาสั้นสีครีมตัวใหม่หนึ่งตัว


“ใส่สีนั้นเหรอ” ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่กำลังก้มเงยๆ รื้อค้นเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางของเขา


“ทำไมเหรอครับ” เขาไม่ตอบอะไรแต่กำลังตั้งหน้าตั้งตารื้อหาเสื้อผ้าจนตอนนี้มันกระจายเต็มพื้นไปหมด ว่าจะจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เขาก็ยังไม่ได้จัดสักที กลับมาถ้าไม่เหนื่อยเกินไปคงต้องทำให้เขาแล้วละ


“จะได้เหมือนกันไง” เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินอ่อนขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วสวมใส่ แต่ยังไม่ติดกระดุม เขาเดินออกไปจากห้องนอน ผมมองตามเขายิ้มๆ ที่แท้ไอ้ยักษ์ตัวโตก็อยากใส่เสื้อคู่หรอกเหรอ ผมวางกางเกงลงบนเตียง จัดการใส่เสื้อให้ตัวเอง ระหว่างนั้นวิคเตอร์ก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งขวด เขาเดินไปหยิบยาตรงโต๊ะหัวเตียงมาหนึ่งเม็ดแล้วเดินกลับมายื่นน้ำให้ผม


“กินยาก่อน” ผมรับยามาไว้ในมือ ตอนแรกทำท่าจะเอายาเข้าไปไว้ในปากก่อนแต่พอโดนเขามองดุๆ เลยนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ชอบให้ผมกินยาแบบนี้ เลยต้องดื่มน้ำเข้าไปก่อนแล้วค่อยตามด้วยกรอกยาลงไป พอกินยาเสร็จเขาก็ดึงขวดน้ำไปตั้งไว้บนตู้ทรงสูงที่อยู่เยื้องๆ กับเตียง เขาหันมาติดกระดุมเสื้อให้ผม พอเขาทำแบบนั้นผมเลยติดของเขาบ้าง วิคเตอร์ยิ้มกว้างมาให้ ก้มลงมาหอมหน้าผากผมแผ่วเบา ผมเลยยื่นหน้าไปหอมแก้มซ้ายเขาหนึ่งที เขายิ้มตอบกลับมาเล็กน้อย


“ที่โน่นมีชิงช้าด้วยนะ คุณอยากขึ้นมั้ย” ผมถามเขาในตอนที่กำลังปล่อยให้เขาพับแขนเสื้อข้างขวาให้


“ถ้านายขึ้น ฉันก็ขึ้น” ผมยิ้มแฉ่ง พยักหน้าให้เขารัวๆ เป็นสัญญาณว่าผมขึ้นแน่ๆ เขายิ้มมุมปากตอบกลับมา พอเขาพับแขนเสื้อให้ผมเสร็จ ผมก็ทำให้เขาบ้าง วิคเตอร์ยกมือขวามาลูบๆ ตรงช่วงซอกคอผมที่เขาทำรอยไว้ตอนที่ทะเลาะกัน


“เอาปกเสื้อปิดๆ ไว้ก็คงไม่เห็นแล้ว”


“ไม่ทำเลยจะดีกว่ามากครับ” ผมบอกหน้าบูดๆ สองมือก็พับแขนเสื้อให้เขาอีกข้างจนเสร็จ วิคเตอร์เบะปากและส่ายหัวไปมา


“งั้นให้ผมกัดคุณแบบนี้มั่งมั้ยล่ะ” ผมว่าผมท้าคนผิด


วิคเตอร์ยิ้มระรื่นขึ้นมาทันที เขาแกะกระดุมเม็ดบนสุด แหวกสาบเสื้อออกกว้างจนเห็นแผงอกแกร่ง และลำคอของเขาชัดเจน


“เอาสิ อยากกัดตรงไหนเลือกเอาเลย” ผมหรี่ตามองเขา เดินเข้าไปใกล้ร่างหนาของยักษ์หน้าหล่อ มือขวาเลื่อนไปลูบตรงเป้ากางเกงเขาไปมา วิคเตอร์ดูอึ้งไปนิด แต่สักพักเขาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มถูกใจ แขนขวาเลื่อนมาโอบเอวผมไว้


“ถ้าอยากกัดยักษ์น้อย ได้รึเปล่าครับ” ผมแกล้งว่าเสียงแหบแห้ง บีบลงบนกลางลำตัวของเขาไปเรื่อยๆ จนมันค่อยๆ ตื่นมือผมขึ้นมา แววตาวิคเตอร์ลุกโชนอย่างรวดเร็ว เขากรีดยิ้มร้ายกาจ


“เต็มที่เลย” เขาว่าเสียงทุ้มแล้วก้มลงมาจะจูบผม


ก๊อกๆๆๆๆ


“วิคเตอร์! พวกฉันเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ!!” เสียงโวยวายดังขึ้นที่หน้าห้อง วิคเตอร์หลับตาแน่น ถอนหายใจออกมาหนักหน่วง หน้าตาบ่งบอกว่าเซ็งมากที่โดนขัดจังหวะ ผมยิ้มกริ่มเย้ยหยันเขาจางๆ โดนขัดจังหวะซะบ้างก็ดี


“แต่งตัวกันเร็วจัง” เขาบ่นงึมงำ หน้าตายับยู่ยี่เหมือนเด็กโดนขัดใจ ผมเดินไปหยิบกางเกงขึ้นมาใส่ พอเขาเห็นว่าผมใส่กางเกงแล้ว เขาถึงเดินออกไปเปิดประตูให้ทุกคนเข้ามา จริงๆ อย่าเรียกว่าแต่งตัวเลย แต่ล่ะคนแค่เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เท่านั้นแหละ มีบาสคนเดียวที่ยังใส่ชุดเดิม แต่กลิ่นน้ำหอมแต่ล่ะคนนี่ฟุ้งกันเชียว


“โห เสื้อคู่เหรอ” คุณเบนทำหน้าทึ่งหน่อยๆ ส่วนวิคเตอร์ยิ้มหล่อให้ทุกคนพร้อมกับยักคิ้วให้หนึ่งที ผมเห็นอันเดรแลบลิ้นทำท่าเหมือนว่าจะอ้วกออกมา


“พร้อมยังแมท” บาสหันมาถาม ผมพยักหน้าตอบรับกลับไป ทุกคนจึงพากันทยอยเดินออกจากห้อง โดยมีผมกับบาสรั้งท้ายขบวน


“เออแมท รู้เรื่องที่เรื่องตัวเองกับไอ้ฝรั่งนั่นถูกแชร์ในเฟซป้ะ” ผมพยักหน้ารัวๆ


“แต่ยังไม่ได้เข้าไปเช็กหรอก ไม่อยากอ่านคอมเม้นต์แย่ๆ”


“ส่วนใหญ่มีแต่ชมนะ หมายถึงว่า กระแสดีกว่ากระแสลบอ่ะ ส่วนใหญ่ชมทั้งนั้นแหละว่าน่ารักดี” ผมยิ้มเคอะเขิน ไม่รู้จะทำตัวยังไง


 “แต่ไอ้พวกที่ด่าๆ แมทอะ บาสว่าตอนนี้มันกำลังจะซวยนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นมองบาสงงๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดออกพอดี


“แมท” วิคตอร์หันมาเรียกผมในขณะที่เท้าก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้ว ผมรีบหันไปมองบาสอย่างต้องการคำตอบ


“ก็แฟนแมทจะฟ้องไอ้พวกที่ด่าแมทในโซเชียล ตอนนี้ทีมงานเขากำลังจัดการอยู่” บาสก้าวนำผมเข้าไปลิฟต์ ผมอ้าปากหวอ รู้สึกเหมือนโดนบาสเอาค้อนทุบหัวทิ้งท้าย ผมยืนเอ๋ออยู่หน้าลิฟต์จนวิคเตอร์ต้องเดินมาดึงมือผมให้เข้าไปด้านในทั้งที่ยังคงมึนๆ อยู่


เดี๋ยวก่อน ฟ้องร้องอะไรกัน นี่แมทนะ แมทไง แมทเฉยๆ ไม่ใช่แมท โอบามา ไม่ต้องยิ่งใหญ่ขนาดนั้นมั้ย
 


..............................................................TBC.

ไม่มีไรมาก ลงทีเดียวรวดเดียว เพราะไม่อยากตัดบรรยากาศ มันเชื่อมกัน อยากให้ซึมบรรยากาศฝรั่งจกส้มตำกันยาวๆ หุๆ

ติดตามการอัพเดต ข่าวสารต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่เพจหรือทวิตเตอร์นะคะ เอ้อ ในทวิตตอนนี้ตอมกำลังคิดว่าใช้แท็ก #LoveNoBoundaries ทั้งสามพาร์ทหลักและหนึ่งพาร์ทสเปเชียลไปเลยดีมั้ย จบข่าว 555555 ทำไมเพิ่งคิดได้ก็ไม่รู้ -..-

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ นะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 29-09-2015 02:07:04
เราเป็นคนไทยยังทานเผ็ดไม่ได้เลยค่ะ ผัดกระเพาพริกเม็ดเดียวก็แทบร้องแล้ว 55555 เข้าใจความรู้สึกฝรั่งตอนทานอาหารไทยมากๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-09-2015 06:44:51
น่ารักดีนะ  แต่แมทก็จัดหนักอะส้มตำปลาร้าเลยรึ  555 พวกนั้นก็เก่งเกินแมทจัดไรพี่ท่านกินได้หมด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 29-09-2015 07:01:27
พี่ยักษ์ขี้หึงง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-09-2015 08:01:11
 :ling2:

อะไรคือแฟนแมทและทีมงาน!!! 555555555+

 :laugh:

แมทนี่ฮอตใหญ่แล้ว อ้อนวิคเยอะๆนะคะ น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 29-09-2015 09:43:16
โอ้ ดีนะที่ไม่มีเหตุการณ์นองเลือด มีแต่ห้อเลือด ฮ่าๆ

ตายักษ์นี่หึงหวงรุนแรงตลอด กลายเป็นว่าเอเลี่ยนน้อยมีลูกเพิ่มมาคนสินะ พี่แกเล่นไม่ขยับตัวเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-09-2015 10:50:42
ยักษ์หึงโหดทำแมทกลัวจนร้องไห้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 29-09-2015 11:12:08
ถึงจะหึงโหด แต่พี่ยักษ์ก็น่ารักนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-09-2015 13:21:36
อ่านตอน 11 แล้วคิดเหมือนกันว่า คนที่ทำท่าเหยียดเนี่ย มักหนังหน้าไม่ผ่านเกณฑ์มาตราฐาน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 29-09-2015 15:05:02
ดีน่ะ พี่ท่านยังเป็นห่วงแมท ไม่งั้นแมทรับศึกหนักแน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 29-09-2015 15:25:22
เป็นการทายาที่ฟินมาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 29-09-2015 15:28:57
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: acidic_crazy ที่ 29-09-2015 15:43:13
ชอบเรื่องนี้มาก มาเป็นกำลังใจให้ขุ่นเจ้ค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 29-09-2015 17:58:33
ต่างคนต่างดูแลกัน ฟินจร้า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 29-09-2015 22:01:20
อูยยย เป็นการทายาที่ :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.12 100%} 29.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-09-2015 03:25:47
วิคเตอร์กะเราลิ้นไปกันได้ค่ะ ส้มตำปลาร้าเราทานแล้วไม่ชอบเหมือนกัน5555

รสมันเค็มปะแล่มมาก แต่เราชอบน้ำตกนะ555

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 45%} 02.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-10-2015 00:18:13


Only You EP.13 :: Victor Crazy in Matt. [45%]




ผมกับบาสตัดสินใจพาสามฝรั่งขึ้นรถไฟฟ้า เพราะช่วงเวลานี้เมืองหลวงของประเทศไทยรถนั้นรถติดมากเหลือเกิน แค่เดินออกมาจากโรงแรมเพื่อมาขึ้นบีทีเอส รถแถวนั้นก็ยังเนืองแน่นแทบไม่ขยับอย่างกับว่าเจ้าหญิงเอลซ่ามาปล่อยน้ำเกล็ดหิมะแช่แข็งการจราจรไว้ไม่มีผิด ผมไม่อยากให้พวกเขา (ซึ่งแน่นอนว่าไม่คุ้นชินกับการจราจรบนถนนของกรุงเทพฯ) ไปนั่งทรมานหรือนั่งเซ็งกันบนรถ เลยเลือกจะพาพวกเขาไปเบียดกับฝูงชนบนรถไฟฟ้าดีกว่า เขาอาจจะเคยเจอรถติดนะ แต่ผมเชื่อว่าคงไม่เคยเจอสภาพรถติดที่ไหนบรรลัยได้เท่าที่เมืองกรุงอีกแล้วล่ะ



ผมกับบาสช่วยกันจัดการแลกเงินและกดตั๋วทั้งขาไปขากลับให้พวกเขา พอกดเสร็จผมก็พาเขาสอดบัตรเพื่อเดินผ่านประตูกั้น แล้วพาขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปรอรถไฟฟ้าขบวนถัดไป แม้จะเป็นเวลาค่ำแล้ว แต่ผู้คนที่มาใช้บริการรถไฟฟ้านั้นก็ยังล้นหลามราวกับว่าที่สถานีบีทีเอสมีสินค้าลดราคา



“What’s wrong? (เป็นอะไร)” ผมหันหน้าอึนๆ ลอยๆ ของตัวเองไปมองหน้าหนวดครึ้มของวิคเตอร์ที่วันนี้ไม่ได้ใส่หมวกปกปิดมา เขากำลังมองผมหน้านิ่วคิ้วย่น โดยไม่สนใจสาวๆ กลุ่มหนึ่งที่กำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาพึงใจเลยสักนิด




“Thinking something. (คิดอะไรบางอย่างอยู่)”




“Tell me, what are you thinking about? (บอกฉันซิว่าคิดเรื่องอะไรอยู่)” ผมมองหน้าเขาที่มองกลับมาอย่างต้องการคำตอบ ก็จะคิดเรื่องอะไร ก็เรื่องฟ้องร้องนักเลงคีย์บอร์ดนั่นไง ผมอยากรู้ว่าเขาทำจริงๆ หรือเปล่า ทั้งๆ ที่ความจริงผมเชื่อว่าวิคเตอร์ทำได้ เพราะนอกจากเขาจะมีเงินแล้ว เขายังมีชื่อเสียง และมีแรงซัพพอร์ท (เส้นสาย) อีกมากมาย ไหนจะทีมงานเขาที่อเมริกาอีก แค่คุณเอมิลี่ที่มีเส้นสายและคนรู้จักมากมายก็ช่วยเขาได้แล้วละ



“Talk later. (เดี๋ยวค่อยคุยครับ)”



“No, I need to know now. (ไม่ ฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้)” สีหน้าเขาเริ่มดุขึ้น ผมถอนใจแผ่วเบา สายตาเหลือบไปเห็นขบวนรถไฟกำลังแล่นมา ผมเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วกอดเอวเขาไว้ เอาคางวางบนแผงอกผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่ม เขายกแขนสองข้างโอบเอวผมไว้ ก้มหน้าลงมองผมด้วยสายตาหงุดหงิดเล็กๆ



“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ยังไงผมก็ต้องบอกคุณอยู่แล้ว อย่าดุผมสิ” ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้นแหละ เขาถึงจะใจเย็นลงบ้าง แม้จะแค่แปบเดียวก็ตาม แต่ก็ดีกว่าเขาอาละวาดกลางสถานีบีทีเอสละนะ



“เฮ้! หยุดสวีทกันสักพักเถอะ รถไฟมาแล้ว” อันเดรบ่นไม่จริงจังนัก ผมดึงหน้าออกจากอกวิคเตอร์ หันไปมองอันเดรแล้วยิ้มกว้างให้ ก่อนจะแกล้งเขาด้วยการเอาจมูกไปถูไถกับแผงอกวิคเตอร์ พอหันไปมองเขาอีกรอบ เขาก็ทำท่าอ้วกใส่ผม จนวิคเตอร์ขำออกมา ผมรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่กำลังมองมาทางเราทั้งคู่ ผมเลยแกล้งหันไปมองเร็วๆ ก็เห็นเหล่าสาวๆ มองมาและเบะปากทำหน้าร้องไห้ ผมแอบยิ้มขำๆ คนเดียว ถ้าให้เดาคงกำลังกรีดร้องในใจใช่มั้ยว่าชะนีไทยไร้ที่ยืน



ผมพาวิคเตอร์และคนอื่นๆ เดินเข้าหัวขบวนแรก คนเยอะมาก ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก แต่ผมแค่เบื่อ ผมไม่เคยชอบชีวิตในเมืองหลวงเลยสักนิด โชคดีที่บ้านผมไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ไม่งั้นผมประสาทแน่ๆ ที่ต้องเจอสภาพจราจรและสภาพผู้คนอย่างนี้ทุกวัน หันไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คนยืนแออัดกันไปหมด ที่ให้พวกผมยืนแทบจะไม่มี โชคยังดีที่วิคเตอร์ตัวสูงเลยคว้าที่จับด้านบนไว้ได้และให้ผมยืนพิงเขาไว้ โดยมีแขนซ้ายของเขาโอบร่างผมไว้อีกทีเพื่อไม่ให้ผมล้มเวลารถไฟจอด ส่วนคนอื่นๆ นั้นไม่มีปัญหา เพราะพวกเขาตัวสูงหมดเลย



“แมท ยืนขึ้นสิ อย่านั่ง” บาสที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันหันมาแซวยิ้มๆ ผมแสร้งมองตาขวางกลับไป



“แหม บาส” บาสหัวเราะ เบนเนดิคท์กับอันเดรมองงงๆ บาสเลยต้องหันไปอธิบายให้เข้าใจ พอสองฝรั่งนั่นเข้าใจก็หัวเราะเบาๆ ผมทำหน้ามุ่ยใส่สองคนนั้น พอเงยหน้ามองวิคเตอร์ก็เห็นว่าเขากำลังมองออกไปนอกกระจกประตูบีทีเอส ผมพยายามเช็กสีหน้าว่าเขามีอาการอึดอัดหรือไม่



“คุณโอเคมั้ย” ผมกระซิบถาม วิคเตอร์ก้มลงมามองงงๆ



“คนเยอะ อึดอัดรึเปล่าครับ” สีหน้าวิคเตอร์เปลี่ยนเป็นเข้าใจในสิ่งที่ผมถาม เขาพยักหน้ารับสีหน้าอึนๆ ผมยกสองมือกุมมือซ้ายเขาไว้และบีบเบาๆ



“ผมขอโทษนะที่พาคุณมาอึดอัด” เขายิ้มอ่อนๆ กลับมาให้ ก้มลงหอมกลางกระหม่อมผมไปที ก่อนจะเงยหน้าไปมองวิวแวบๆ ด้านนอกเวลารถไฟวิ่งผ่าน ผมก้มหน้าและเล่นบีบมือ ตีมือเขาเบาๆ ไปเรื่อยจนมาถึงสถานีสยามที่เราต้องลงเพื่อเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกสาย ช่วงวินาทีนั้นอย่างกับนรกถูกยกมาไว้บนดิน ผู้คนหลั่งไหลกันอย่างเนืองแน่น เพราะรถไฟอีกฝั่งก็มาพอดี ผมรีบฉุดมือวิคเตอร์ให้เดินไปขึ้นรถไฟอย่างรวดเร็ว พวกบาสตามมาติดๆ ผมรู้สึกดีใจมากที่ขึ้นทัน แม้จะต้องเบียดมากหน่อยก็ตาม แต่ก็ดีกว่ายืนรอท่ามกลางผู้คนล้นหลามละนะ



เรายืนแออัดกับผู้คนอยู่กันพักใหญ่ วิคเตอร์พยายามกอดผมไว้ไม่ให้โดนคนเบียดจนล้มหายตายจาก เขายืนพิงผนังกระจกที่ใกล้กับประตู โดยที่ผมยืนหันเอาแก้มซ้ายแนบไปกับอกเขา สายตามองวิวด้านนอกผ่านกระจกประตู



“ผมคิดถึงตอนที่เราขึ้นรถไฟด้วยกันครั้งแรกที่นิวยอร์กเลย” ผมแหงนหน้าไปพึมพำกับเขาสองคนเบาๆ มีเสียงของผู้โดยสารคนอื่นดังงึมงำไปทั่วรถไฟ คาดว่าคงไม่มีใครมาแอบฟังเราสองคนหรอก



วิคเตอร์ก้มลงมามองผมแล้วเลิกคิ้วขึ้น ราวกับเขากำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่ผมบอกเขาไป



“อ้า ฉันนึกออก” เขายิ้มละมุนมาให้ ผมหัวเราะคิกคักด้วยความเขินเล็กน้อย ก่อนจะว่าต่อ



“ตอนนั้นผมใจเต้นมากเลยนะ” วิคเตอร์มีสีหน้าประหลาดใจ



“จริงเหรอ” ผมอมยิ้มเขินแล้วพยักหน้าดุ๊กดิ๊ก วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ก้มลงมาหอมหน้าผากผมหนึ่งที



“แสดงว่าตอนนั้นนายก็ชอบฉันแล้วสิ” ผมย่นจมูกใส่เขา ส่ายหน้าไปมานิดหน่อย



“ยังไม่ได้ชอบสักหน่อย แค่ใจสั่นนิดนึงเอง” วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม ผมส่งยิ้มให้เขา กำลังจะก้มหน้าซุกอกเขาเหมือนเดิม สายตาก็เผอิญหันไปเห็นเด็กผู้หญิงกลุ่มนึงในชุดนักเรียนมอปลายกำลังยืนทำหน้าฟิน พอผมหันไปมองก็หลบตาผมเขินๆ และหันไปหัวเราะเสียงกิ๊กกั๊กกันเบาๆ ผมส่งยิ้มให้หนึ่งในกลุ่มนั้น น้องยิ้มเขินตอบกลับมาแล้วรีบหลบหน้าหนี ผมเลยเอาแก้มซ้ายแนบอกวิคเตอร์ไว้ตามเดิม



เรามาถึงสถานีสะพานตากสินซึ่งเป็นสถานีปลายทางของพวกเราในเวลาสองทุ่มกว่า บาสพาพวกเราเดินไปตามทางที่นำไปสู่ท่าเรือ ที่นี่จะมีเรือบริการรับส่งคนไปเอเชียทีคฟรี เริ่มบริการตั้งแต่สี่หรือห้าโมงเย็นนี่ละ บางคนก็มาเนียนขึ้นกลับบ้านก็มี แถวค่อนข้างยาวเหยียด ในระหว่างรอ พ่อสามฝรั่งก็ถ่ายรูปกันยกใหญ่ ด้วยหน้า ด้วยหุ่น ของทั้งสามที่ดูดีมาก เลยทำให้พวกเขาโดดเด่นสะดุดตาในหมู่คนไทย มีชาวต่างชาติกรุ๊ปอื่นด้วยก็จริง แต่ต้องยอมรับว่า รัศมีของพ่อสามนายแบบนี่ค่อนข้างจะกลบเกลื่อนกลุ่มอื่นเหลือเกิน แค่วิคเตอร์คนเดียวที่มีออร่าความเป็นดารานักแสดงก็เป็นที่โดดเด่นมากพออยู่แล้ว แต่พอผนึกกำลังกับเบนเนดิคท์และอันเดรที่เป็นนายแบบ มันเลยยิ่งทำให้ทั้งสามนั้นดูมีความวิบวับน่าจับตามอง



“Hey, come on.” เบนเนดิคท์หันมาเรียกผมกับบาสให้เข้าไปในเฟรมและกดถ่ายเซลฟ์ฟี่กล้องหน้าไปหนึ่งช็อต สองช็อต และเริ่มลามปามไปหลายช็อต ผมเสนอว่าให้ถ่ายสามคนด้วยกัน เดี๋ยวผมเป็นตากล้องให้ พ่อสามหนุ่มก็จับกลุ่มกัน ฉีกยิ้มหล่อๆ ล่อสายตาสาวๆ และหนุ่มๆ บางคน แถวท่าเรือซะเหลือเกิน



“There it is. (เรือมาแล้ว)” บาสชี้ไปทางท่าเรือที่มีเรือสีชมพูเข้ามาจอดเทียบท่า ผู้คนเริ่มทยอยเดินลงเรือไป จนมาถึงคิวพวกเรา ผมล่ะโคตรกลัวว่าเรือจะจมรึเปล่า เพราะคนแน่นแฟ้นมากๆ นี่เขาได้วัดน้ำหนักมั้ย หรือแค่คนแน่นๆ ก็ออกได้เลย นี่ถ้าไปจมกลางเจ้าพระยาจะทำไง ว่ายน้ำกันสนุกเลยสิ



ผมนั่งติดริมกาบเรือ นั่งชมวิวยามค่ำคืนของเมืองกรุง แสงสีจากเอเชียทีคนั้นสว่างจ้าที่สุดแล้ว นอกนั้นก็เป็นแสงไฟจากตามตึกมากกว่า ผมเคยสงสัยและยังสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า เจ้าของตึกพวกนี้ไม่กลัวตึกถล่มบ้างหรอ เพราะน้ำมันก็แซะตลิ่งทุกวันๆ ยิ่งพวกคอนโดที่สร้างริมน้ำนี่คิดอะไรอยู่ ไม่กลัวคอนโดจมน้ำเหรอ (คิดไปโน่น)




ใช้เวลาไม่นาน เรือน้อยสีชมพูก็จอดเทียบท่ากับเอเชียทีค เสียงเพลงดังแว่วมาแต่ไกล เป็นเสียงเพลงแบบรีมิกซ์ ทั้งมาจากร้านเหล้า ทั้งจากทางชิงช้า และเสียงดนตรีจากการแสดงกลางแจ้ง เราพากันเดินเข้าไปด้านในของเอเชียทีค แสงสียามค่ำคืนนั้นแสนจะตระกาลตา ผมเคยมาช่วงเวลากลางวัน แล้วก็ไม่ได้มาเที่ยวด้วย มาทำธุระแล้วก็รีบกลับ ไม่เคยมาตอนกลางคืนสักที มีแต่คนบอกว่าสวย บรรยากาศเหมาะแก่การนั่งชิล ซึ่งผมว่ามันก็เป็นจริงอย่างนั้นแหละ ไม่รู้ว่าที่เย็นๆ นี่เพราะลมหรือเพราะแม่น้ำเจ้าพระยากันแน่ แต่จะเพราะอะไรก็ช่าง บรรยากาศนั้นดีจริงจัง ถ้าเครียดๆ แล้วมานั่งคงปลดปล่อยความคิดไปได้เยอะ




“ผมอยากขึ้นชิงช้า” ผมกระตุกมือวิคเตอร์ เขาหันมามอง ผมเลยชี้ไปที่ชิงช้าอันเบ้อเริ่มที่มีไฟสีขาวม่วงประดับไว้เพื่อเพิ่มความสว่างไสวให้กับชิงช้ายักษ์



“Where are you going? (พวกแกจะไปไหนกัน)” วิคเตอร์หันไปถามเพื่อนตัวเองอีกสองคนที่กำลังยืนคุยอยู่กับบาส



“He’s gonna takes us to the bar—Happy fish, right? (เขาจะพากพวกเรานั่งดื่มที่บาร์ ชื่ออะไรนะ แฮปปี้ฟิชใช่มั้ย)” เบนเนดิคท์หันไปถามบาส อีกฝ่ายพยักหน้ารับกลับมา



“Okay, you go there. Matt wants to take the Ferris wheel. (งั้นพวกแกไปก่อน แมทอยากขึ้นชิงช้าสวรรค์)” ทุกคนพยักหน้ารับรู้ ผมแอบเขินนิดๆ ที่ทำตัวเหมือนลูกอ้อนพ่อไม่มีผิด



“แมทรู้จักร้านนั้นมั้ย” ผมส่ายหัวกลับไปให้บาสรัวๆ



“งั้นโทรหาบาสแล้วกัน เดี๋ยวจะได้บอกทางให้” ผมพยักหน้ารัวๆ กลับไปอีกครั้ง คุณเบนกับอันเดรหัวเราะ ผมทำหน้างงๆ กลับไปว่าพวกเขาหัวเราะอะไรกัน พอเงยหน้ามองวิคเตอร์เขาก็กำลังยิ้มน้อยๆ อยู่



“Have fun, Matt! (ขอให้สนุกนะแมท)” คุณเบนบอกพลางโบกมือมาให้ ผมเลยยกมือโบกกลับไปรัวๆ วิคเตอร์กระตุกมือมือให้เดินตามเขาไป ผมหยุดยิ้ม หยุดโบกมือให้คุณเบน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะโบกมือราวกับจะจากลากลับบ้านทำไม ยังไงเดี๋ยวก็เจอกันอีก



วิคเตอร์เดินจูงมือผมไปอย่างช้าๆ ผมชี้นั่นชี้นี่ ชี้ไปเรื่อย เพราะผมเองก็ไม่เคยมาตอนกลางคืนเหมือนกัน บรรยากาศคึกคักมากเลยอ่ะ เสียงเพลงเปิดดังไปทั่วบริเวณ ไม่รู้ว่าแหล่งเพลงมาจากไหนกันแน่ เสื้อผ้าที่เปิดขายแถวนี้ก็ดูดีอยู่เหมือนกันนะ ผู้คนมาเดินเล่นกันเยอะมาก ผมว่าไม่น่าแปลก เพราะบรรยากาศมันติดริมแม่น้ำ บวกกับลมเย็นๆ และความคึกคัก เลยทำให้ที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่น่ามาพักผ่อนหย่อนก้นนั่ง



“I’m hungry. (หิว)” ผมแหงนหน้าไปบอกวิคเตอร์ที่ก้มลงมองผมอยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มแต่ก็มีสีหน้าทึ่งๆ เล็กน้อย



“You just ate. (เพิ่งกินไปเองนะ)”



“I want some meat ball. (ผมอยากกินลูกชิ้น)” ผมชี้ไปที่ร้านลูกชิ้นร้านใหญ่ร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมของตรอกเล็กๆ ก่อนจะถึงชิงช้าสวรรค์ วิคเตอร์ยิ้มขำน้อยๆ พาผมเดินไปซื้อลูกชิ้น ผมยิ้มร่า เลือกหยิบลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นปลา ปูอัด ฮ็อทดอกไก่ ส่งให้แม่ค้าไปอุ่นอีกรอบ ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเงินขึ้นมาจะจ่าย



“Don’t. (ไม่ต้อง)” วิคเตอร์ยื่นแบงค์ร้อยไทยให้แม่ค้าไป เขาทอนกลับมาประมาณยี่สิบห้าบาท แต่วิคเตอร์ส่ายหัวและส่งรอยยิ้มให้เป็นเชิงบอกว่าเก็บไว้เถอะ



“โอ๊ย ไม่เป็นไรจ้า เงินทอนตั้งเยอะ รับไปเถอะ” แม่ค้าบอกด้วยรอยยิ้ม วิคเตอร์ทำหน้างง ผมเลยต้องแปลให้เขาฟัง เขาทำหน้าว่าเข้าใจและบอกว่าเขาให้เป็นทิป ผมต้องบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องให้ทิปกับร้านแบบนี้ ถ้าจะให้ไปให้ร้านอาหารหรือร้านเหล้าจะดีกว่า เขาพยักหน้าเข้าใจอย่างเงอะงะ ยื่นมือไปรับเงินทอนจากแม่ค้ามา เข้าใจได้ว่าวิคเตอร์ให้โดยไม่คิดอะไร เพราะสังคมอเมริกันการให้ทิปนั้นเป็นเรื่องปกติ



“You wanna try? (ลองมั้ย)” ผมยื่นฮ็อทดอกไก่ให้เขา วิคเตอร์ก้มลงมางับเข้าปาก เคี้ยวสักพักเขาก็พยักหน้าและทำหน้าประมาณว่าใช้ได้ ผมเลยจิ้มให้เขากินอีกชิ้น จิ้มให้ตัวเองกินด้วย



กว่าจะเดินถึงชิงช้า ผมก็ซัดลูกชิ้นเกือบสิบไม้ที่ซื้อมาจนหมด แน่นอนว่าพอกินหมด ผมก็หิวน้ำเลยต้องเดินไปซื้อน้ำเปล่ามาดื่ม วิคเตอร์ใช้นิ้วเช็ดน้ำจิ้มที่เลอะปากผมอยู่ออก แล้วก็เอามือที่ป้ายน้ำจิ้มออกมาเช็ดเสื้อผมนั่นแหละ ผมเลยแว้ดใส่ไปหนึ่งที เขาก็เอาแต่หัวเราะอย่างเดียว



“Giant-beard! (ไอ้ยักษ์หนวด!)” ผมมุ่ยหน้า ก้มหน้าลงไปซุกกับกล้ามท้องเขาแล้วถูหน้าไปมาเพื่อเช็ดน้ำจิ้มที่ยังตกค้างอยู่เปื้อนเสื้อเขาบ้าง วิคเตอร์พยายามดึงหน้าผมออกทั้งที่หัวเราะอยู่ แต่ผมก็ฝืนหน้าตัวเองไว้ เขาเลยจับล็อคหน้าผมไว้แน่น นิ้วโป้งทั้งสองนิ้วของเขาดึงหางตาทั้งสองข้างของผมไว้ จนทำให้หางตาผมชี้เหมือนคนจีน



“อะ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆ” วิคเตอร์หัวเราะเสียงดังแข่งกับเสียงเพลง  เขายิ้มเริงร่าที่เห็นว่าหน้าผมนั้นดูตลกโปกฮา ผมพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ เลยกลายเป็นว่าเหมือนผมหายใจติดขัด



“เหมือนเอเลี่ยนจริงๆ เลย” เขาว่าแล้วก็หัวเราะถูกอกถูกใจคนเดียว ทั้งที่จับหน้าผมไว้ ใช้ฝ่ามือบีบแก้มผมจนหน้าผมดูเหมือนบวมตุ่ย นิ้วโป้งก็ดึงหางตาผมซะชี้



“แอ!!” ผมร้องออกมาเสียงยาน พยายามสะบัดหน้าหนีออกจากมือเขา แต่วิคเตอร์ก็ไม่ยอมปล่อย จนผมต้องแบะปากเหมือนจะร้องไห้นั่นแหละ เขาถึงยอมปล่อยทั้งที่ยังหัวเราะไม่เลิก ผมเลยแกล้งทำหน้างอใส่เขา



“โอ๋ๆ ป่ะๆ ไปขึ้นชิงช้ากันเอเลี่ยนหน้าบูด” ผมเปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่งยิงฟัน วิคเตอร์ยิ้มกว้างตอบกลับมา ดึงขวดน้ำไปถือไว้ในมือแล้วจูงมือผมตรงไปยังชิงช้า ผมหันไปมองรอบข้างตัวเองบ้าง มีหลายคนส่งยิ้มมาให้ ผมยิ้มเขินกลับไปและรีบหลบตาพวกเขาเหล่านั้น



อย่างน้อยได้รอยยิ้มก็ยังดีกว่าได้สีหน้ารังเกียจกลับมา ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่ใจกว้างมากพอที่จะยอมรับความรักในอีกหลายรูปแบบที่ไม่ใช่แค่ชายหญิงตามปกติทั่วไป ไม่ว่าจะด้วยเพราะอะไรก็ตาม แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีที่อย่างน้อยยังมีคนที่เขามองถึงความรักของคนสองคนจริงๆ ไม่ใช่มองที่เรื่องเพศ แล้วเอาเรื่องเพศมากำหนดในเรื่องความรัก



“พี่ครับ วนกี่รอบอะ”



“ประมาณสามรอบจ้ะ” พี่คนขายตั๋วตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ผมหันไปบอกวิคเตอร์เรื่องจำนวนรอบด้วยสีหน้าหงอยเล็กน้อย แค่สามรอบเองอ่ะ ยังไม่จุใจเลย ที่งานวัดเขาให้ตั้งเกือบสิบรอบเลยนะ



“ซื้อแบบวีไอพีมั้ยคะ จะได้นั่งนานเป็นสองเท่าของราคาปกติ” ผมทำหน้าว่าสนใจ ที่สนใจไม่ได้ว่าอยากจะขึ้นแบบวีไอพีนะ แต่สนใจตรงที่มีแบบวีไอพีด้วยเหรอ



“แล้ววีไอพีนี่มันต่างจากปกติยังไงอ่ะพี่”



“ในนั้นจะมีหนังให้ดู มีเครื่องดื่มให้ด้วย แล้วก็พื้นด้านล่างจะเป็นกระจกมองเห็นวิวได้เยอะขึ้น…” พี่คนขายนำเสนอเต็มที่ และพอบอกราคามาผมก็รู้สึกว่าหน้าแห้งไปทันที คือแค่บอกว่ามีหนังให้ดูผมก็ไม่เอาแล้วล่ะ เพราะตั้งใจจะขึ้นไปดูวิว ไม่ได้ไปดูหนัง ผมยิ้มแห้งพอๆ กับหน้า รู้สึกเกรงใจเงินในกระเป๋าขึ้นมา



“…หรือถ้าอยากซึมซับแต่วิว ซื้อตั๋วเบิ้ลมั้ย จะได้นั่งนานขึ้น” พี่แกพรีเซ้นต์สุด ส่วนผมก็คำนวณแล้วว่าถ้าซื้อแบบหลังยังไงก็ถูกกว่าวีไอพี และก็ได้นั่งนานขึ้น ผมยืนชั่งใจอยู่สักพัก วิคเตอร์คงเห็นว่าผมเงียบไปเลยถามขึ้น



“What? (อะไรเหรอ)”



“She advise me buy double ticket. (พี่เขาแนะนำให้ผมซื้อตั๋วสองใบ)” วิคเตอร์ทำหน้าประหลาดใจ



“You mean for you and me? (หมายถึงว่าให้ฉันกับนายน่ะเหรอ)”



“No, you two, me two. (เปล่าครับ คุณสอง ผมสอง)” วิคเตอร์ย่นคิ้วมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ



“Why do we have to get double? (ทำไมเราต้องซื้อเบิ้ลด้วย)”



“Because I wanna play two round. (เพราะผมอย่างเล่นสองรอบน่ะสิ)” วิคเตอร์ทำสีหน้าว่าเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการ



“Then take it. (ก็ซื้อสิ)” ผมยิ้มแหยๆ ให้เขา และทำปากยื่นหน่อยๆ



“It’s expensive. (มันแพงนะ)” วิคเตอร์กลอกตาใส่ผม ล้วงหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกางเกง หยิบแบงค์พันมาให้ผมห้าใบ ผมเบิกตากว้าง ส่ายหัวให้เขา วิคเตอร์มองกลับมาตาดุ



“Take it. What I said? I will take care of you. (เอาไป ฉันบอกว่าไร ฉันจะดูแลนายไง)”



“But you don’t need to take care of me about  this. (แต่ไม่ต้องดูแลเรื่องแบบนี้ก็ได้ครับ)” ผมบอกเสียงอ่อย รู้สึกเกรงใจเขาที่จะมาเสียเงินไปกับความไร้สาระแบบเด็กๆ ของผม



“Matt.” แต่ผมก็ต้องรับไว้เพราะเสียงเขาเริ่มกดต่ำลงและแสดงสีหน้าว่าไม่พอใจ ผมหยิบแบงค์พันมาหนึ่งใบ



“Just one. (แค่ใบเดียวพอ)” ผมยิ้มเหงือกแห้งให้เขา หันกลับไปหาพี่คนขายตั๋วที่กำลังนั่งยิ้มขำ ผมยิ้มไปให้พี่เขาและยื่นเงินให้ พี่เขารับไปแล้วคืนตังค์ทอนมาพร้อมกับตั๋ว ก่อนบอกว่าให้แจ้งทางคนฉีกตั๋วตรงชิงช้าด้วยว่าเบิ้ลสองรอบ



“เรื่องของนายไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหน มันคือเรื่องของฉันด้วย เข้าใจมั้ย” วิคเตอร์ก้มลงมากระซิบตอนที่เรากำลังก้าวเดินตรงไปยังพื้นยืนรอเพื่อขึ้นชิงช้าที่มีคนต่อคิวอยู่ประมาณหนึ่ง ผมหันไปยิ้มให้เขา ยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาหนึ่งที



“ผมแค่เกรงใจคุณ” วิคเตอร์มีสีหน้าดีขึ้นจากที่เมื่อกี้หน้ามุ่ยเพราะผมไปขัดใจเขา เออ ขัดใจไม่ให้เสียเงินก็จะงอนโว้ย บักฝรั่ง



“แฟนคนเดียวฉันเลี้ยงได้น่า” ที่สงสัยมากๆ เกี่ยวกับตัวเขาคือ ทำไมเขาถึงได้พูดประโยคชวนเขินพวกนี้ได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดา บางทีผมก็อยากให้เขาพูดไปเขินไปบ้างนะ มีแต่ผมเนี่ยเขินอยู่ฝ่ายเดียว



“ผมเล่นสองรอบนะครับ เอ่อ หมายถึงว่า ผมซื้อตั๋วมาคนล่ะสองใบ” พี่พนักงานฉีกตั๋ว พยักหน้าว่าเข้าใจในสิ่งที่ผมบอก



เรายืนรอชิงช้ารอบที่กำลังหมุนอยู่ให้จบลง ระหว่างนั้นก็มองวิวไปเรื่อยเปื่อย ผมแหงนหน้าไปมองวิคเตอร์ที่ยืนมองชิงช้าหมุนวนช้าๆ เหมือนเด็กแล้วก็ยิ้มออกมา เขาดูไม่มีพิษภัยเหมือนช่วงเวลาปกติ ฮ่าๆๆ หมายถึงว่า ตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่กำลังสนใจของเล่นในสวนสนุกอยู่




“ครั้งสุดท้ายที่คุณขึ้นชิงช้าสวรรค์คือเมื่อไหร่เหรอ” วิคเตอร์ละสายตาเหม่อเหมือนเด็กจากชิงช้าฯ มามองที่ผมด้วยสายตางงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะมีสีหน้าเข้าใจ และเปลี่ยนเป็นสีหน้าครุ่นคิด



“ขึ้นที่ลอนดอนอายกับแม่ตอนประมาณอายุเท่านาย…” เขาบอกเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้ม แววตาเขาอ่อนโยนเมื่อพูดถึงความทรงจำกับแม่ แต่สักพักเขาก็มีสีหน้าหม่นลง



“…หลังจากนั้นห้าเดือน แม่ฉันก็ตาย” ผมใจกระตุกวูบกับสิ่งที่ได้ยิน แม้จะรู้อยู่แล้วว่าแม่เขาเสียไปนานแล้ว แต่ก็อดใจหายแทนเขาไม่ได้ ผมเลื่อนสองมือกุมมือเขาไว้ วิคเตอร์มองมาอย่างว่างเปล่า ผมรู้ว่าเขาอ่อนไหวกับเรื่องแม่และย่ามาก



“ตอนนี้คุณมีผมนะ”



“ฉันรู้” วิคเตอร์คลี่ยิ้มออกมา กุมมือซ้ายผมตอบ บางครั้งผมก็อยากรู้นะว่าแม่เขาจากไปเพราะอะไร แต่คิดว่ามันเป็นสิ่งละเอียดอ่อนกับวิคเตอร์มาก บางทีเขาอาจจะไม่อยากพูด ถ้าเขาอยากพูด อยากเล่าผมว่าเขาคงจะบอกผมเองโดยที่ไม่ต้องร้องขอ




................................................TBC.


เบาๆ เนาะ ไปเที่ยวริมน้ำเจ้าพระยา คนเขียนก็ไม่เคยไปตอนกลางคืนเหมือนกัน เคยไปแค่ช่วงบ่าย อยู่ถึงห้าโมงเย็นแล้วก็กลับ พอได้เห็นแสงสีวับๆ แวมๆ ข้อมูลอื่นๆ พึ่งเพื่อนที่หออยู่แถวนั้นค่ะ ส่วนเรื่องชิงช้า อาศัย เทยเที่ยวไทย เทปที่ไปเที่ยวเอเชียทีคเอา ห้าๆๆๆ

ก็ไปเรื่อยๆ เนาะ สวีต เบาๆ ไม่ได้หนักหน่วง ตื่นเต้นใดๆ นิยายเรื่องนี้ไม่หวือไม่ตื่นเต้นเร้าใจใดๆ นักนะคะ ที่มีก็ไม่รู้จะตื่นเต้นรึเปล่า 55555555

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนกันจนมาถึงทุกวันนี้ จนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากๆ นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 45%} 02.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 02-10-2015 00:57:39
น่ารักอ่าาาาาาา อิจฉาแมท กรี๊ดๆๆๆๆ ><  :-[ :-[ :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 45%} 02.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 02-10-2015 00:59:41
ขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่เอเชียทีคนี่เราว่าเพิ่มความโรแมนติกให้กลับคู่รักได้สบายเลยนะ วิวสวยยยยยยย

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 45%} 02.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 02-10-2015 01:00:51
มาดึกจัง แต่ก็ยังอยู่อ่านได้นะ ฮ่าๆ

รอบนี่มาติ๊ดนึง แต่ฟินดี อิอิ นุ้งแมทมีความสุขน่าดู

ไปเอเชียทีคไม่เคยได้นั่งเลยชิงช้า คือมันแพงไง ฮา เพิ่งรู้ว่ามีแบบวีไอพีด้วย แฮร่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 45%} 02.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 02-10-2015 01:40:25
เคยไปเอเชียทีคแต่ไม่เคยไปนั่งชิงช้าค่ะ รู็สึกว่าแพง T__T

//จริง ๆ ชีวิตนี้ยังไม่เคยนั่งเลยด้วยค่ะ...
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 45%} 02.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-10-2015 08:11:16
อิจฉาคนมีคู่ ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 45%} 02.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-10-2015 20:47:17
วิคเตอร์นี่ป๋าจริงๆ5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 45%} 02.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 02-10-2015 22:07:07
อ๊าย พ่อหน้าหนวดน่ายัก

รอซื้อรีปริ้นภาค 1 พร้อม ภาค 2 น่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-10-2015 23:36:59


Only You EP.13 [100%]




ชิงช้าหยุดหมุน และมีคนออกมา พี่พนักงานหันมาเรียกเราสองคนให้ขึ้นไปนั่งต่อคนที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้ ผมยิ้มตื่นตาตื่นใจ กระเช้าเป็นโครงเหล็กกว้างขวาง มีกระจกหนาสีทึบติดรอบด้าน มีที่นั่งสองฝั่ง สามารถนั่งได้สี่หรือห้าคน แต่กระเช้าผมมีเพียงผมกับวิคเตอร์ อาจเป็นเพราะเราซื้อตั๋วเท่ากับสี่คน ด้านในนั้นติดแอร์ และมีแสงไฟอ่อนๆ เพื่อให้แสงสว่าง แต่ก็ไม่สว่างจนเกินไปเพราะเดี๋ยวจะทำให้มองวิวด้านนอกไม่ชัด


“มานั่งนี่มา” เขาพูดพลางตบตักเขาเบาๆ ผมหันไปยิ้มแห้งนิดหน่อย พูดกับเขาเสียงอ้อมแอ้ม


“นั่งตรงนี้ได้มั้ย ผมอยากมองวิวรอบๆ” วิคเตอร์หน้าตึง จ้องหน้าผมนิ่ง จนผมต้องลุกขึ้นช้าๆ ก้าวเดินไปนั่งบนตักเขาตามที่เขาต้องการ เขาโอบสองแขนไว้รอบเอวผม


“อยู่ตรงนี้ก็มองวิวได้” ผมถอนหายใจเล็กน้อย เอาหน้าผากไปโขกกับหน้าผากเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้


“เดี๋ยวมันไม่บลาลานซ์ไง”


“แค่นายนั่งตักฉัน ชิงช้ามันก็ไม่เอียงหรอกน่า” เขาบอกอย่างดื้อดึง บางทีก็ปล่อยให้ตูนั่งเองบ้างก็ได้ ห่างกันแค่นิดเดียวเอง


“เจ็บข้างในก้นอยู่มั้ย” เขาถามหลังจากที่ชิงช้าเริ่มเคลื่อนตัวเกือบถึงจุดสูงสุด ผมละสายตาจากวิวยอดตึกฝั่งตรงข้ามกับเอเชียทีคมามองเขา


“ก็มีเสียดๆ บ้าง…” เขาพยักหน้ารับนิดหน่อย


“…คุณหื่นมานานแค่ไหนแล้ว” วิคเตอร์อ้าปากค้างเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่นกระเช้า เล่นเอาผมหน้าเหวอว่ามีอะไรน่าขำ ทำไมอ่ะ ถามว่าหื่นมานานรึยังมันตลกเหรอ


“Seriously?” ผมย่นคิ้วงงๆ แต่ก็พยักหน้าเร็วๆ


“Yes, I wanna know.” วิคเตอร์ยังส่งเสียงหัวเราะมาจางๆ แต่ก็พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ เขาบุ้ยปากไปมา พร้อมสายตาเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบคำถามผม



“ไม่รู้เหมือนกันนะ รู้แค่ว่าฉันชอบมีเซ็กส์ เวลามีเซ็กส์ ฉันเหมือนได้ปลดปล่อยความคิดทุกอย่าง รู้สึกโล่ง สบายตัว ไม่ปวดหัว ไม่คิดอะไรวุ่นวาย…” เขาร่ายยาวออกมาราวกับพูดแนะนำตัวเองว่าชอบกินอะไร หนังที่ชอบเป็นแนวไหน เพลงที่ฟังนั้นเป็นแนวร็อคหรือป๊อบ


“…เคยมีแม็กกาซีนถามฉันว่ายามว่างฉันทำอะไร ตอนนั้นฉันตอบว่าเข้าฟิตเนส แต่จริงๆ ฉันอยากตอบว่ามีเซ็กส์มากเลย” ผมยิ้มขำ แล้วสักพักก็อดอดหัวเราะไม่ได้ วิคเตอร์เห็นแบบนั้นก็หัวเราะตามผมไปด้วย ผมมองใบหน้าเขาที่ย่นเพราะรอยยิ้ม แล้วก็รู้สึกอิ่มใจ


“คุณช่วยตัวเองบ่อยมั้ย” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง


“ไม่บ่อยหรอก ส่วนมากมีสาวๆ มาให้ฉันอึ๊บบ่อย…” ผมแบะปาก วิคเตอร์เบิกตามองดุๆ แบบไม่จริงจังใส่ผม


“…อย่าหาเรื่องกันนะ อดีตก็คืออดีต ปัจจุบันฉันอึ๊บนายคนเดียว”


“แค่อึ๊บอย่างเดียวสินะ” ผมแกล้งมองจิกตาใส่เขา วิคเตอร์ยิ้มกว้างและหัวเราะเสียงเบา


“แต่เป็นการอึ๊บที่มีความสุขที่สุดโลก ฉันไม่เคยอึ๊บใครแล้วมีความสุขเท่าได้อึ๊บนายเลยนะ” อันนี้ผมควรยิ้มดีใจมั้ย หรือว่ายังไง คือผมทำตัวไม่ถูก มันคล้ายกับการที่พี่ปุ๋ย พรทิพย์ได้รางวัลนางงามจักรวาลคนที่สองของไทยรึเปล่า


“อันนี้คือผมต้องรู้สึกดีใช่มั้ย” ผมทำหน้าว่าสงสัยจริงๆ วิคเตอร์หัวเราะชอบอกชอบใจใหญ่ที่เห็นสีหน้าเหลอหลาของผม


“แค่รู้สึกว่าสารเอ็นโดฟินมันหลั่งออกมาเยอะมากเลยเวลาที่มีอะไรกับนาย เหมือนจะคลั่งตายให้ได้…” ผมแกล้งทำตาโตกลบเกลื่อนอาการเขินอาย วิคเตอร์ยิ้มหล่อน่ามองมาให้ แต่ผมก็แกล้งหลบสายตานั้นหันไปมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนแทน


“Maybe you can say ‘Victor crazy in Matt’. (เรียกได้ว่าวิคเตอร์คลั่งรักแมทได้เลยล่ะ)” โอเค ผมโดนจู่โจมจากคนที่อันตรายต่อหัวใจผมที่สุดในโลกอยู่


ใจเต้นจนหัวนมบวมหมดแล้วมั้ง


“Like a—crazy in love?”


“I second that. (อย่างนั้นละ)” ผมอมยิ้มขวยเขิน วิคเตอร์ยิ้มหล่อละมุนมาให้ใจเต้นเพิ่มขึ้น


“You falling in love with me, aren’t you? (ตกหลุมรักผมแล้วล่ะซี้)” ผมว่าเสียงแซว ทั้งที่จริงทำกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตัวเองไปอย่างนั้นแหละ วิคเตอร์ยิ้มแฉ่ง ยื่นหน้ามาหอมแก้มผม


“Of course, baby. (แน่นอนสิครับที่รัก)” ก็ใจมันหายละลาย ละลาย ละลาย ละไหลไปกับเธอ~


เอาเข้าไปหน้าร้อน หน้าแดง ยิ้มจนแก้มจะแตก เสียงนุ่มๆ รอยยิ้มหล่อๆ คือมันเข้ากันมากเลยพ่อเอ๊ย แม่เห็นแล้วแม่มีอารมณ์ (ฮะ?!)


“ถ่ายรูปกันเถอะ” ไม่รู้จะพูดอะไรละ เนียนถ่ายรูปกลบเกลื่อนก็แล้วกัน วิคเตอร์ยิ้มขำเหมือนรู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ล้วงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและยื่นให้ผมเป็นคนจัดการ ผมกดปุ่มโฮมให้หน้าจอสว่างขึ้นมาและสไลด์หน้าจอเลือกโปรแกรมกล้อง ผมกดถ่ายรูปคู่กันเป็นอันดับแรก ฉีกยิ้มหลายแอค หลายท่า ก่อนที่ผมจะขอเขาไปนั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อถ่ายรูปให้เขา ตอนแรกเหมือนจะไม่ยอมให้ไป แต่พอเขานึกได้ว่าแค่ไปถ่ายรูป เลยยอมปล่อยให้ผมลุกเดินไปนั่งฝรั่งตรงข้ามช้าๆ


“เก๊กหล่อหน่อยสิ” เขาทำตามที่บอก ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาสีน้ำผึ้งข้นทรงเสน่ห์มองมาทางกล้องอย่างชวนมอง ใจผมเต้นวูบวาบ เพราะเขาดูมีพลังมาก นี่ขนาดแค่ถ่ายรูปปกตินะเนี่ยยังเล่นซะใจสั่นรุนแรงเลย


“ฉันถ่ายให้มั่งมั้ย” เขาเสนอ ผมเลยยื่นมือถือให้เขา จัดโพสท่าเท่าที่จะทำได้ ฉีกยิ้มไปตามเรื่องตามราว วิวสวยไม่สวยกดถ่ายไว้ก่อน ค่อยไปเลือก


“อัพรูปลงอินสตาแกรมมั้ยครับ แฟนคลับคุณเขาจะได้ชื่นใจบ้าง”


“นายจัดการเถอะ” เขายื่นมือถือคืนมาให้ และตบตักเขาเบาๆ เป็นสัญญาณให้ผมกลับไปนั่ง ผมค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปนั่งตักเขาช้าๆ สองแขนเขายกขึ้นมาโอบเอวผมไว้ตามเดิม ผมนั่งก้มหน้าเลือกรูปเดี่ยวของเขา มีหลายช็อตที่ดูดี แต่ช็อตที่ผมเลือกคือตอนที่เขาหันไปมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาพอดี รู้สึกว่าองค์ประกอบมันลงตัว ผมหันรูปให้เขาดูว่าเลือกรูปนี้นะ เขาพยักหน้าไปเรื่อยเปื่อยประมาณว่าอยากทำอะไรก็ทำ


“เออ จริงสิ คุณไม่เห็นฟอโล่วอินสตาแกรมผมเลย” ผมบอกสีหน้างอง้ำ แต่มือก็ยังไม่หยุดแต่งรูปให้ดูสว่างขึ้นอีกนิด


“ฉันฟอโล่วไปแล้ว แต่ใช้อีกอัน” ผมย่นคิ้วแล้วหันไปมองเขาอย่างมึนงง


“อันไหน คุณมีสองแอคเค้าท์หรอ” ผมกระพริบตาปริบๆ มองพ่อหน้าหนวดที่แอบขบกรามแน่นครู่หนึ่ง


“อีกอันฉันเอาไว้แอบดูพฤติกรรมนาย” โอ้โห นี่คุณครูฝ่ายปกครองรึเปล่าเนี่ย มีการเฝ้าระวังพฤติกรรมกันด้วย


“จริงอ้ะ มีจริงเหรอ?!” เขายืนยันว่ามีแล้วบอกชื่อแอคเค้าท์ไอจีอีกอัน ผมรีบหยิบมือถือตัวเองออกมาเช็กดูทันที กดเข้าไปดูที่ Follower ก็เห็นชื่อแอคเค้าท์นั้นตามที่เขาบอกจริงๆ ด้วย


นี่ก็หมายความว่า เขาเองก็ไม่ได้ว่าหายไปจากผมซะทีเดียว เพียงแต่ซุ่มดูผมเงียบๆ เงี้ยอ่ะเหรอ


“นี่คุณเองหรอเนี่ย…” ผมบอกพลางเข้าไปดูแอคเค้าท์นั้น เขาตั้งเป็นไพรเวท รูปโปรไฟล์ก็ใช้เป็นรูปหมากับแมว ผมเพิ่งสังเกตว่ามันคือไมเคิลกับฟอกซ์ คือตอนที่เขาฟอโล่วผมมา ผมไม่ได้คลิกเข้าไปดูเลย เห็นเป็นหน้าหมาแมวก็คิดว่าพวกไอจีสัตว์โลกน่ารักละมั้ง เลยไม่ได้สนใจ แต่จำได้ว่าเวลาผมอัพรูปอะไร เขาจะกดไลค์เสมอ และยังตามไปกดไลค์รูปเก่าๆ ของผมด้วย ซึ่งอันที่จริงรูปใหม่ๆ ผมก็ไม่ค่อยได้อัพรูปตัวเองนักหรอก เพราะสภาพตอนนั้นไม่กล้าออกสื่อโซเชียลอย่างยิ่ง เลยได้แต่อัพรูปต้นไม้ ดอกไม้ วิวสวยๆ และคำคมดีๆ ซะมากกว่า


“…คนฟอโล่วยี่สิบเก้าคน ใครเนี่ย” ผมไม่ได้ถามแบบเมียหลวงจับผิดผัวนะ แค่นึกสงสัยเฉยๆ ว่าไอ้ยี่สิบเก้าคนนี่มันใครกัน คือยังจะมีคนตามฟอโล่วเขาอีกเหรอ ถือว่ายี่สิบเก้าคนนี้นี่คัดสรรมาแล้วใช่มั้ย


“พวกไอ้เบน ทีมงานซีรีส์ ทีมภาพยนตร์ ทีมเบื้องหลังอื่นๆ ที่สนิทกันจริงๆ มีออสตินด้วย และตอนนี้ก็จะเพิ่มนายเป็นคนที่สามสิบ” เขาจิ้มกดติดตามเองเสร็จสรรพ


“ว้าย เท่าอายุคุณเลย ตาแก่ คิกๆ” ผมยิ้มล้อเลียนเขา คนโดนว่าแก่ยิ้มกัดปากไว้ หน้าตาเขาบอกชัดเจนว่ากำลังมันเขี้ยวผม ถึงขั้นอาจอยากจับผมขย้ำบนชิงช้าเลยก็ได้


“แก่แต่ทำให้เด็กแถวนี้สลบคาเตียงบ่อยๆ ก็แล้วกัน” ผมทำตาปรือและทำจมูกบานใส่เขา วิคเตอร์ยิ้มกว้างจนเห็นร่องแก้มแบบที่ผมชอบ ผมเห็นละก็อดมันเขี้ยวไม่ได้เลยยกสองมือขยุ้มเส้นผมเขาเล่นจนมันยุ่งเหยิง ผมแกล้งกระตุกผมเขา อีกฝ่ายก็ส่งแอคติ้งมาดีมาก แสร้งทำสีหน้าว่าเจ็บมาก


“โอ๊ย เจ็บ…” เขาเบะปาก ร้องโอดครวญ เสแสร้งแกล้งทำทั้งนั้น ชิชะ! สมกับเป็นดารานักแสดง


“นี่นะ ถ้ามีชู้นะ ผมจะเอาเครื่องตัดหญ้ามาไถหัวคุณ” ผมแสร้งทำหน้าโหด ขยุ้มเส้นผมเขาไว้เต็มมือ วิคเตอร์เบิกตากว้าง ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มขำ แล้วสักพักเขาก็หัวเราะเบาๆ


“เอาเครื่องตัดหญ้าเลยเหรอ ทำไมเอเลี่ยนโหดจัง” ผมยังคงแกล้งทำหน้าโหดใส่เขา อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งฟอด


“ส่วนของฉันนะ ถ้านายมีชู้ ฉันจะจับนายล่ามโซ่แล้วขังไว้ในกรงหมา”


“อันนี้พูดจริงใช่มั้ย” ผมถึงกับหน้าเหวอไป ไอ้ยักษ์ไม่ตอบ ได้แต่หัวเราะหึๆ และยิ้มมุมปากอย่างมีนัยยะสำคัญ ผมเชื่อว่าอีตานี่ทำได้จริงนะ เพราะอุปกรณ์ก็เพียบพร้อมขนาดนั้น โซ่ในห้องเซ็กส์ทอยก็มีตั้งเยอะ หยิบมาล่ามผมไว้สักเส้นก็คงได้


“Sweet-giant. (ยักษ์จ๋า)” ผมเอ่ยเสียงหวาน ปล่อยมืออกจากเส้นผมเขา เอาหัวไปถูไถกับซอกคอเขาอย่างออกอ้อน ต้องออเซาะไว้ก่อน จะได้สลัดความคิดนั้นทิ้ง เขาไม่ตอบอะไรแต่ก้มลงมาหอมกลางกระหม่อมผมแบบที่เขาชอบทำ


“อัพรูปเสร็จรึยัง” เขาถามเสียงนุ่ม ผมเลยดึงหัวตัวเองขึ้นจากซอกคอเขา ก้มลงมองบนหน้าจอมือถือ ผมกำลังค้างเขียนแคปชั่นอยู่ เลยรีบเขียนให้เสร็จ ก่อนจะกดอัพโหลดให้เขา วิคเตอร์ดึงมือถือคืนไป กดล็อกเอ้าท์ออกจากไอจีที่มีแฟนคลับตามหลายล้านคน เข้าล็อกอินอีกไอจีหนึ่งที่มีคนตามไม่ถึงครึ่งร้อย พอเข้าไปได้เขาก็กดรับผมเป็นผู้ติดตามทันที ในแอคเค้าท์นั้นมีรูปอัพโหลดไว้เพียงสองรูป รูปแรกเป็นรูปเขาที่ถ่ายกับย่าและแม่สมัยวัยรุ่น มีแคปชั่นใต้ภาพว่า Always


“รูปนี้คุ้นๆ อ๊ะ! สมุดโน้ตที่ผมจดบันทึกเรื่องคุณนี่นา” ผมตาโตทันทีที่เห็นสมุดโน้ตไร้เส้นสีน้ำตาลอันคุ้นเคย มันเป็นสมุดที่ผมใช้จดเรื่องราวของวิคเตอร์ไว้โดยเฉพาะ ตั้งแต่ประวัติส่วนตัว นิสัยส่วนตัว ของชอบ ไม่ชอบ และรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมาย ใต้รูปมีแคปชั่นเขียนไว้ว่า


Little-Alien’s Thing


ผมหันไปมองเขาแล้วยิ้มออกมา รู้สึกปลื้มในใจเล็กๆ ที่เขาเก็บไว้ ผมลืมเอาไว้ที่บ้านเขา ไม่ได้หยิบออกมาด้วย อันที่จริงเรียกว่าตอนที่ย้ายเข้าไปอยู่กับเขา ผมไม่เห็นสมุดเล่มนี้อีกเลยดีกว่า สงสัยเขาแอบยึดไปเก็บไว้แน่ๆ


“ฉันเปิดอ่านทุกวันเลยนะ อ่านแล้วเหมือนมีนายมาบ่นให้ฟัง” ผมหัวเราะเบาๆ เพราะในนั้นผมแอบเขียนจิกกัดและบ่นนิสัยแย่ๆ ของเขาเอาไว้เพียบ


“ขอบคุณนะครับที่ยังเก็บไว้” เขายิ้มกลับมาอย่างอบอุ่น มองผมอย่างครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วเหมือนเขาจะนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไรต่อ


“แล้วนายมีเรื่องอะไรคิด ตอนที่กำลังรอรถไฟฟ้าอยู่” ผมทำหน้าว่า อ้อ แล้วก็กะว่าจะเขยิบลงไปนั่งข้างๆ เขา แต่วิคเตอร์บีบเอวผมไว้แน่น และมองผมอย่างไม่ชอบใจ ผมได้แต่ถอนหายใจอ่อนแรง


“ผมแค่จะลงไปนั่งข้างๆ คุณ”


“ไม่ต้อง ฉันไม่เมื่อย” บ๊ะ! คนเขาจะอยากนั่งด้วยก้นตัวเองบ้างไม่ได้เลย แต่ผมไม่อยากทะเลาะกับเขาด้วยเรื่องเท่านี้เลยยอมนั่งไปแบบอึนๆ


“บอกฉันสิ ว่าคิดเรื่องอะไร” เขาถามย้ำถึงประเด็นที่กำลังสงสัย


“บาสบอกผมว่าคุณจะฟ้องร้องคนในโซเชียลเหรอ” เขานิ่งไปนิด เหมือนกำลังมึนกับสิ่งที่ผมถาม แล้วสักพักเขาก็พยักหน้าหนึ่งที ผมเผยอปากขึ้นเล็กน้อย


“การโดนถ่ายรูปโดยไม่ยินยอม ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนบุคคลมากพอแล้ว เรื่องนั้นฉันไม่ว่า เพราะฉันเลือกปรากฏตัวต่อสาธารณะเอง แต่ที่ฉันยอมไม่ได้ คือคนที่เข้ามาด่านายแบบไร้มารยาท…” เขาพูดสีหน้าจริงจัง ผมยิ้มอ่อนๆ รู้สึกดีในหัวใจ


“…การฟ้องร้องเรื่องแบบนี้ที่ต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องปกติ เรื่องถ่ายรูปฉันไม่ได้ห้ามด้วยแหละ มัวแต่คิดว่าจะรีบพานายไปกับฉันให้เร็วที่สุด แต่นี่มันมีหลายคนนะแมทที่แสดงความคิดเห็นต่ำๆ ออกมา” ถือว่าคำว่าต่ำเป็นคำที่รุนแรงมากนับตั้งแต่เคยได้ยินคนพูดมา วิคเตอร์พูดสีหน้านิ่ง น้ำเสียงราบเรียบ แต่สิ่งที่แฝงมาในน้ำเสียงนั้น เขาสื่อออกมาว่ามันต่ำจริงๆ


“แต่คุณต้องทำใจนะครับ ในโลกโซเชียล คนธรรมดาก็กลายเป็นผู้พิพากษาได้ เพราะเขาจะคอมเม้นต์และตัดสินอะไรก็ได้โดยผ่านแค่ปลายนิ้ว ทำไมคุณไม่มองคนที่เขาชื่นชมเราล่ะ มีอีกมากมายเลยนะครับที่เขาให้กำลังใจเรา” ผมบอกเสียงนุ่ม ยกมือขวาลูบแก้มสากเพราะหนวดของเขาเบาๆ


“ทำไมกับเรื่องนี้ทำไมนายถึงไม่คิดมาก”


“ไม่ใช่ผมไม่คิดครับ ถ้าเป็นเรื่องคุณผมคิดเสมอ…” วิคเตอร์คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา เขายกมือขวามาจับมือขวาผมที่กำลังลูบไล้แก้มเขาอยู่ไปหอมหลังมือหนักๆ


“…แต่ผมก็แค่คิดอีกว่า มันหาประโยชน์ได้น้อยมากที่จะเสียเวลาไปเอาเรื่องกับพวกที่อาศัยอยู่ในกะลาไปวันๆ” วิคเตอร์หรี่ตามองพร้อมยิ้มขำน้อยๆ


“อันนี้คือนายไม่ได้โกรธคนพวกนั้นเลยใช่มั้ย” ผมยิ้มกว้าง ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ


“ผมยังไม่ได้เข้าไปอ่านหรอก แต่ผมก็พอจะนึกออกว่าเขาจะคอมเม้นต์กันประมาณไหน ถ้าเลือกได้ ผมก็เลือกไม่อ่านแล้วกัน…” แน่สิ ไม่นึกออกได้ไง ก็วันนี้เจอมากับตัวเป็นๆ ไม่ต้องไปไล่อ่านคอมเม้นต์ที่ไหน มันแสดงความเห็นต่อหน้าแถมสาดน้ำให้อีกนี่ไง แต่ผมไม่บอกวิคเตอร์หรอก เพราะถ้าบอกไป ผมกล้ารับรองเลยว่า ไอ้พวกผิวกร้านหน้าดำสามคนนั้นโดนบอดี้การ์ดวิคเตอร์ไล่ล่าแน่นอน



“…ผมก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน แต่คุณปล่อยไปได้มั้ย ผมไม่ได้มีเมตตากับคนโลกแคบพวกนั้นนะ แต่ผมว่าเอาเวลานั้นมา เอ่อ…” พ่อจะพูดขึ้นมาจริงๆ ก็รู้สึกอายจนหน้าร้อน ผมกะแค่พูดหยอกเท่านั้นนะ แต่พอจะถึงประโยคจริงๆ ก็ดันเขินขึ้นมา


“มาอะไร?” วิคเตอร์ถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ผมเลยยื่นหน้าไปกระซิบใกล้ๆ หูเขาแทน


“Fuck me.” ผมรีบดึงหน้าตัวเองออก หน้าร้อนแทบระเบิดระเบ้อ วิคเตอร์เบิกตากว้าง แววตาเขาวาววับ ทอประกายวิบวับ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า


“ยังไม่หายดี อยากมีเรื่องกับฉันบนเตียงใช่มั้ย” แล้วผมก็อดยิ้มเขินไม่ได้ ผมห่อไหล่ ฉีกยิ้มยิงฟังเพราะความอาย ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะพูดจาลามกได้แบบนี้ สงสัยวิคเตอร์ต้องเริ่มแพร่เชื้อมาให้ผมแล้วแน่เลย วิคเตอร์หัวเราะเมื่อเห็นผมยิ้มเขินและยกมือปิดหน้า แต่ก็แหวกนิ้วให้เห็นลูกตาที่กำลังมองหน้าเขาอยู่ เขายิ้มกว้างด้วยความตลกกับท่าทีของผม


“พูดแล้วอย่าคืนคำนะ ฉันจำแม่นนะเรื่องแบบเนี้ย หายดีเมื่อไหร่ ฉันจะใส่ไม่ยั้งเลย” ผมเอามือออกแล้วแลบลิ้นใส่เขา วิคเตอร์ยื่นหน้ามาทำท่าจะกัด ผมดันหน้าตัวเองออกแล้วผลักหน้าเขาหนี เราสองคนหัวเราะเริงร่า ยื่นหน้าหลอกล่อกันไปมา จนกระทั่งผมหน้างอเพราะหัวเราะจนเหนื่อยแล้ว เลยซุกหัวลงไปที่ซอกคอเขาตามเดิม


“ผมไม่ได้อยากถามบ่อยๆ หรอกนะ แต่ตอนนี้เรื่องของคุณกับผม คงเริ่มเป็นข่าว แล้วมันก็จะเริ่มเป็นประเด็น คุณจะถูกมองไม่เหมือนเดิม หน้าที่การงานของคุณอาจได้รับผลกระทบ…” ผมทอดสายตามองวิวแสงไฟดวงเล็กดวงน้อยจากยอดตึกที่ทอแสงคล้ายดวงดาวบนท้องฟ้า


“…คุณอาจใช้ชีวิตลำบากขึ้น…” ผมพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา


“…คุณกลัวบ้างมั้ย” เรื่องแบบนี้มันมีปัจจัยมากมาย ไม่ใช่แค่ว่าเรารักกันเท่านั้นจบ ผมรักเขา และเขาบอกว่ารักผม นั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดีมากในชีวิตผม แต่ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อมีคนที่รับได้ ใจกว้างมากพอที่จะเปิดใจให้กับความรักของเราสองคน แต่ก็ยังมีคนที่พร้อมต่อต้านอยู่เช่นกัน แล้วเขาเป็นบุคคลสาธารณะแบบนี้ อยู่ในที่โล่งแจ้ง คนมองเห็นเขาชัดเจนมาก ย่อมต้องมีทั้งคนที่รักตัวตนเขาจริงๆ กับคนที่รักเขาเพราะเปลือกนอกที่ห่อหุ้มเขาไว้ พอเนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด คนประเภทนี้จะหันหลังใส่เขาทันที


อย่าว่าแต่เขาเลย ผมเองก็ยังมีพ่อและแม่ที่ยังยอมรับไม่ได้แม้กระทั่งตัวตนของผม ตอนนี้พ่อกับแม่อาจจะยังไม่รู้ข่าว เพราะเขาทั้งสองคนไม่ใช่คนที่ตามข่าวบันเทิง แต่ผมเชื่อว่ายังไงวันนึงพ่อกับแม่ก็ต้องรู้ และผมยังไม่รู้เลยว่าพอถึงวันนั้น บทสรุปจะออกมาเป็นยังไง


“เหมือนที่นายบอก ว่าฉันยังมีนาย…” ผมคลี่ยิ้ม ยังคงนอนซุกไหล่และคอเขาไว้เหมือนเดิม


“…ฉันเคยผ่านความกลัวในชีวิตมาถึงสองครั้งคือตอนที่ฉันเสียแม่กับย่าไป ฉันไม่เคยสลัดความกลัวออกจากใจได้ และฉันคิดว่ายังไงความกลัวก็จะยังอยู่ไปแบบนี้อีกนาน…” เขาก้มลงสูดมเส้นผมของผมอย่างแผ่วเบา ดีนะที่เมื่อเช้าสระผม


“…จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่คนเข้มแข็ง ฉันเป็นคนขี้กลัว ฉันอาจจะอ่อนแอง่ายกว่าที่นายเห็น แต่ฉันเชื่อว่าถ้ายังมีนายอยู่ด้วย ฉันก็จะผ่านทุกอย่างไปได้” ผมยิ้มบางๆ แต่แก้มแทบแตกอยู่ใต้คางเขา สำหรับวิคเตอร์แล้ว นี่เป็นประโยคที่หวานมากๆ แล้วละ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่ชอบตะคอกและเสียงดังใส่ผม (แต่ ณ ตอนนี้ก็อย่าให้เขาโกรธแล้วกัน)


“Sentimental. (แหวะ)” แล้วผมก็หัวเราะคลอไปกับเสียงหัวเราะทุ้มๆ ของวิคเตอร์ ผมยกหัวขึ้นจากซอกคอเขา มองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มและบอกเสียงเจื้อยแจ้ว


“ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเหมือนแบล็ควิโดวเคียงข้างกัปตันอเมริกาเอง”  วิคเตอร์ยิ้มขำแล้วสักพักเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย


“แน่ใจนะว่าจะเป็นแบล็ควิโดว ชื่อของเธอคือนาตาชานะ” ผมยิ้มค้างทันที ก่อนจะเปลี่ยนมาทำหน้าบู้ใส่เขา วิคเตอร์หัวเราะอ้าปากกว้าง ผมย่นจมูกกับปาก ลืมไปซะสนิทว่าเจ๊แมงมุมแม่หม้ายชื่ออะไร


“ไม่เป็นแล่ว” ผมบอกงอนๆ เบะปากเหมือนเป็ด หน้าตางอง้ำเล็กน้อย วิคเตอร์ยิ่งหัวเราะชอบใจ ผมหันไปจิ๊ปากใส่เขา ยกมือตีกล้ามแขนแน่นๆ ของเขาอย่างแรงจนเขาสะดุ้ง


“เฮ้ย! โห เจ็บนะเนี่ย” ผมกัดริมฝีปากล่าง ถลึงตามองเขา ไม่ได้โกรธอะไรจริงจังหรอก แค่รู้สึกหน้าร้าวเล็กน้อยที่ดันไปอยากเหมือนแฟนเก่าอีกคนของเขา ถึงยัยหน้าเหลี่ยมนั่นจะไม่ใช่แฟนที่เขาคิดคบจริงจังก็เถอะ


ผมทำหน้างอใส่เขา วิคเตอร์โอ๋ผมยกใหญ่ แต่ก็ยังไม่หยุดยิ้มขำ มีการทำมาเป็นชี้นิ้วไปข้างนอกเหมือนหลอกเด็กให้หันไปสนใจอย่างอื่นเวลางอแง ผมก็บ้าจี้หันไปมองตามนะ แล้วเราก็นั่งมองวิวพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องคุย นั้งคุยงุ้งงิ้งกันสองคนจนกระทั่งครบรอบของพวกเรา


วิคเตอร์กับผมเดินออกมานอกกระเช้าชิงช้า ผมหยิบมือถือมาโทรหาบาสเพื่อถามทางไปร้าน บาสบอกให้เดินตรงไปเรื่อยๆ จากชิงช้าก็จะเจอร้านเอง ผมกดวางสาย เดินจับมือไปกับวิคเตอร์ ระหว่างทางมีผู้หญิงเหลือบมองเขาบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ตั้งหน้าตาเดินของเขาไปเรื่อย ผมไม่ได้คิดหึงอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าช่วงนี้วิคเตอร์เขาก็น่ามองจริงๆ นั่นแหละ อาจเพราะเขายิ้มเก่งขึ้น ไม่หน้านิ่งเหมือนก่อน สีหน้าเขาดูสดใส ไม่เย็นชาเหมือนเก่า ยิ้มทีก็เรียกสายตาสาวๆ และเก้ง กวาง ได้มากโขเลยล่ะ


“แมท หยุดยิ้ม”ผมที่กำลังยิ้มเรื่องเขาเพลินๆ ถึงกับยิ้มสะดุด แหงนหน้าไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งไม่เข้าใจไปอีกเมื่อเห็นว่าหน้าเขาตึงขึง ผมกระพริบตาปริบมองเขาแล้วเอ่ยปากถามเสียงหลง


“ทำไมอ่ะ” วิคเตอร์ดูหงุดหงิด เขาสะบัดสายตาไปมองทางริมระบียงแม่น้ำ ผมเอียงคอมอง ก็เห็นผู้ชายกล้ามโตประมาณสามสี่คนกำลังมองมาอยู่ คิ้ววิคเตอร์ขมวดแน่น รีบเร่งฝีเท้าจูงมือผมให้ก้าวตามเขาไป โดยที่ผมยังงงอยู่เลยว่าเขาเป็นอะไร แต่ต้นเหตุน่าจะมาจากผู้ชายกลุ่มนั้น


คือเขาไม่ชอบใจเหรอที่โดนผู้ชายด้วยกันมองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แหม เขาก็ต้องทำใจบ้างนี่นา เพราะเขาเองก็สเป็คเกย์ เก้ง กวางไม่น้อย


“ร้านนี้ใช่มั้ย” ผมเร่งก้าวเท้าเดินตามเขามาจนถึงจุดหมายปลายทาง ผมพยักหน้ารับเร็วๆ มองสีหน้าเขาที่ยังตึงๆ อยู่บ้างเล็กน้อย


“พวกมันอยู่นั่น” วิคเตอร์เบี่ยงคางไปทางพวกคุณเบนที่โบกไม้โบกมือเรียกอยู่ตรงมุมด้านนอกของร้าน พวกเขาเลือกนั่งตรงมุมรั้วร้านด้านนอกพอดี คงกะมานั่งรับลมเย็นๆ


“สนุกมั้ยแมท” อันเดรถามพลางกระดกเบียร์เข้าปาก ผมฉีกยิ้มกว้างก่อนตอบ


“สนุกมากครับ วิวสวยดี” อันเดรยิ้มตอบกลับมา วิคเตอร์ดึงผมให้เข้าไปนั่งด้านในที่เป็นมุมเหลี่ยมของร้านพอดี


“อ้าว แล้วแกไม่สนุกรึไง ทำไมหน้าตายับขนาดนี้” เบนเนดิคท์เอ่ยถามวิคเตอร์ที่ยังหน้ามุ่ยไม่เลิก แต่ก็ไม่ตึงเครียดเหมือนก่อนตอนมาถึงร้านแล้ว


“มีคนมองแมท” ทุกคนเลิกคิ้วขึ้น รวมถึงผมด้วย วิคเตอร์พ่นลมหายใจเซ็งๆ


“ฉันไม่ชอบ มองอยู่ได้” เขาว่าหน้าตาขมุกขมัว แล้วหันมาทางผมที่ทำหน้าเอ๋อใส่เขาอยู่ สักพักเขาก็ก้มหอมแก้มผมแรงๆ ต่อหน้าพวกเพื่อนเขานั่นแหละ เล่นเอาผมอ้าปากค้าง หันไปมองทุกคน บาสอ้าปากค้าง กระพริบตามองปริบ แต่เบนเนดิคท์กับอันเดรยิ้มเอือมกลับมาให้ราวกับเข้าใจว่าวิคเตอร์เป็นอะไร


“ไอ้ขี้หึง!” อันเดรว่าเสียงตึง ส่ายหัวคล้ายว่าอ่อนใจเหลือเกิน


“เขาก็แค่มอง ไม่ได้จะมาพรากเอเลี่ยนน้อยไปจากแกสักหน่อย วู้!” เบนเนดิคท์ส่ายหัวเอือมๆ อีกคน วิคเตอร์ยังหน้าตึงอยู่นิดหน่อย ส่วนผมนี่หน้ายังเอ๋ออยู่มาก


คือสรุปที่เขาเป็นงี้ ไม่ใช่เพราะไม่พอใจที่หนุ่มกล้ามโตเหล่านั้นมองเขาหรอกเหรอ ไม่พอใจเพราะคนพวกนั้นมองผมเงี้ยเหรอ แล้วเขารู้ได้ไงว่าพวกนั้นมองผม เขาอาจจะมองวิคเตอร์ก็ได้นะ


“ฉันหวงของฉัน” วิคเตอร์ว่าหน้าตาย เอาแขนขวาโอบรอบเอวผมไว้แน่น ผมนี่ไม่รู้จะเขินหรือว่าจะยังไงดี เขาชอบทำให้ผมทำตัวไม่ถูกอยู่เรื่อย


“เออๆ สั่งอะไรมาแก้หึง แก้หวงก็แล้วกัน” อันเดรตัดบท คงอาจรู้ว่าถ้ายิ่งพูดจะยิ่งเป็นการต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้ยักษ์ขี้หวงตนนี้ วิคเตอร์ก้มลงมองผมทั้งที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมฉีกยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ กำลังคิดว่าเขาพาลมาโกรธผมด้วยหรือเปล่า


“ไอ้วิคเตอร์ จะเอาอะไร สั่งเขาเร็ว…” วิคเตอร์ละสายตาจากผมหันไปหาเด็กเสิร์ฟ รับเมนูมาดู เขาไม่อนุญาตให้ผมดื่มแอลกอฮอล์ เลยสั่งน้ำโค้กมาให้ ซึ่งผมก็ไม่ใช่คอแอลกอฮอล์อยู่แล้วเลยไม่ได้ทักท้วงอะไร


“แฟนแมทนี่ขี้หึงกว่าไอ้เอิร์ทอีกนะ” บาสก้มลงมากระซิบ ผมขยับเปลือกตาขึ้นกว้าง หันไปมองบาสตาโต รีบยกนิ้วชี้ขวามาจุ๊ที่ปาก


“อย่าพูดชื่อเอิร์ท” ผมกระซิบกับบาสให้ได้ยินสองคน อันเดรหันมามองแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร บาสพยักหน้ารับหน้าตื่น เป็นจังหวะที่วิคเตอร์หันกลับมาจากเด็กเสิร์ฟพอดี ผมรีบฉีกยิ้มให้เขาทันที


“อะไร” เขาถามเสียงห้วน มองผมสลับกับบาสที่หันกลับไปคุยกับเบนเนดิคท์อย่างเนียนๆ แล้ว


“เปล่าครับ นี่ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ…” ผมยกสองมือขึ้นไปดึงแก้มเขา ใช้นิ้วโป้งยกมุมปากสองข้างบนหน้าเขาให้มีรอยยิ้ม


“…ขอเล่นมือถือหน่อยสิ” สีหน้าเขาผ่อนคลายขึ้น มือซ้ายล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตมาให้ผม ผมยิ้มให้เขาเพื่อให้เขายิ้มบ้าง แต่กล้ามเนื้อตรงปากเขาแทบไม่กระตุกเลยสักนิด


“เอามือถือนายมา เดี๋ยวเล่นแต่เกมส์ไม่สนใจฉันอีก” ผมยู่ปากเล็กน้อย แต่ก็ยอมหยิบมือถือให้เขาเอาไปเก็บไว้ วิคเตอร์มองหน้าผมทั้งที่ยังตีหน้ายักษ์สมฉายาอยู่ ผมเอียงคอ กระพริบตาใส่เขา มองเขาตาแป๋ว วิคเตอร์มองผมด้วยสายตานิ่งแต่ก็มีแววครุ่นคิด สักพักเขาก็ก้มลงหอมหน้าผากผมหนึ่งที แล้วค่อยเริ่มหันกลับไปเข้าสังคมกับเพื่อนเขา


ผมแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ท่าทางจะไม่ขุ่นข้องหมองใจอะไรแล้วมั้ง งั้นผมนั่งเล่นมือถือดีกว่า ถึงเครื่องเขาไม่มีเกมส์ แต่เขาลืมไปรึเปล่าว่าเครื่องเขาก็โหลดเกมส์ได้ ฮิๆ



....................................................TBC.

เลี่ยนเนอะ 55555+ ให้ได้หวีต ให้ได้หวานบ้างเนาะ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-10-2015 23:56:19
เอาอีกกกกกกกกกกกกกก

รักกันหวานชื่น  :hao7:


เด๋ยววิคเช็คเครื่องตัวเอง คงมีเกมโผล่มาเพียบเลย 55555+

จริงๆนะ -..- หนุ่มๆกลุ่มนั้นคงเหล่วิคมากกว่าแมทอ่ะ กล้ามแน่นซะขนาดนั้น ......อา.....น้ำลายหก  :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 06-10-2015 00:16:24
มดพาเหรดมาแล้วนั่น โอ๊ย เขินอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 06-10-2015 01:12:40
พ่อยักษ์ขี้หึง งานนี้เกมเต็มเครื่องแน่ๆ 5555+
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-10-2015 01:32:26
อยู่ตรงไหนก็หวานได้ แหมอิจฉาเว้ยเฮ้ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 06-10-2015 03:03:58
หวานกันแบบนี้นานๆนะ อย่าได้มีเรื่องมาดราม่าเลยยย  :3123:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-10-2015 09:08:18
หวานอ่ะ  :-[
ภาวนาให้พ่อแม่แมทรับได้ทีเถอะ
เรื่องงานพ่อยักษ์ขี้หึงถ้ามีข่าวเรื่องแมทหลุดออกไปก็กลัวมาม่า
แต่วิคคงแก้ปัญหาได้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 06-10-2015 09:36:18
สวีทหวานเว่อร์


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-10-2015 10:38:20
หมั่นไส้มาก5555555555

เจอคำผิดด้วยค่ะ

ผมแล้งมองจิกตาใส่เขา ->แกล้ง

หน้าตาเขาบอกชัดเจนว่ากำลังมันเคี้ยวผม  ->หมั่นเขี้ยว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 06-10-2015 11:13:42
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-10-2015 11:19:38
พี่ยักษ์ทำตัวน่ารักมากอะ อ่านแล้วอิจฉาเอเลี่ยนน้อยสุดๆๆ ฟินเว่อร์  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 06-10-2015 15:43:45
หวานเว่อร์ อิจฉาเอเลี่ยนเลยทีเดียว
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-10-2015 19:03:56
ตอนหวานๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 06-10-2015 21:10:55
ชอบหวานๆค่ะ  :mew1: o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 06-10-2015 21:44:15
 ขี้หึงสุดๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 07-10-2015 20:55:20
หวานจนจะละลายอยู่แล้ววววว
ชอบบบบบบบบบบ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.13 100%} 05.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Kob17 ที่ 08-10-2015 14:44:23
ก็ใจมันหายละลาย ละลาย ละลาย ละไหลไปกับเธอ :-[ :-[ :-[ :z3: :z3: :z3: เขินอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 09-10-2015 23:43:06



Only You EP.14 :: My Sunshine. [50%]

Special Viewpoint By Victor.




ผมรู้สึกหนักอึ้งที่หัว โดยเฉพาะตรงหัวคิ้วกับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นอย่างอย่างลำบาก สุดท้ายก็ปรือขึ้นมาจนได้ ภาพที่เห็นนั้นคือเบลอไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แขนขวาผมเอื้อมไปข้างเพื่อควานหาร่างเล็กๆ เนื้อแนบแน่นของแมท แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศ ผมนอนหลับตานิ่งอยู่สักพัก พยายามเรียบเรียงสติและความคิดตัวเองก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นจนเห็นภาพชัดแจ๋ว ผมค่อยๆ ยันร่างตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง พอลุกนั่งได้ก็หันซ้ายหันขวามองไปรอบห้องนอน แต่ก็เห็นแต่เพียงความว่างเปล่า
   

“แมท…” ผมเรียกเสียงงัวเงีย หน้าตาก็ยังคงงัวเงีย แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากเอเลี่ยนน้อย
   

“แมท อยู่ไหน…” ผมเรียกหาเขาเสียงยานคางแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมา แต่พอมองไปที่ประตูห้องนอนอีกรอบผมก็เห็นกระดาษเอสี่ที่มีหมึกสีดำเขียนข้อความเอาไว้ ผมสลัดผ้านวมออกจากตัวเบาๆ ลุกขึ้นยืนบนพื้นข้างเตียง เดินเปลือยไปที่ประตู ดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่านทั้งที่หน้าหนาตายังงัวเงียไม่เลิก
   

‘I have a presentation today, and I have to present this project. I will come back after it done. xoxo’
 (วันนี้ผมมีพรีเซ้นต์งาน และผมต้องพรีเซ้นต์โปรเจ็คท์นี้ จะกลับมาหลังจากเสร็จแล้วนะครับ จุ๊บจุ๊บ)



ผมกระตุกยิ้มที่มุมปากซ้าย วางกระดาษแผ่นนั้นลงบนหลังตู้สีน้ำตาลใกล้ประตู กะจะเปิดประตูออกไปหาน้ำดื่ม แต่ก็เกือบเรียกสติไว้ไม่ทันตอนที่เจอไอ้อันเดร นอนหมดสภาพอยู่บนโซฟานอกห้อง ไอ้เบนนอนกอดเพื่อนแมทจากข้างหน้ามันอยู่ ทั้งคู่หลับสนิทอยู่บนหมอนใบเดียวกัน ผมเห็นว่าทุกคนยังหลับอยู่เลยเดินโป๊ไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม พอเปิดไปก็ต้องชะงักไปนิด เพราะมีน้ำส้มคั้นใส่เหยือกแช่เอาไว้ พร้อมกับโพสอิทแผ่นเล็ก ผมดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่าน


‘I made this for everyone. Just in case if you guys are fucking drunk.’
 (ผมทำน้ำส้มคั้นไว้ให้ เผื่อว่าพวกคุณจะแฮ้งค์จัด)



ผมกระตุกยิ้มอีกครั้งกับความน่ารักของแมท สงสัยจะทำไว้ให้ตอนที่พวกผมออกไปแฮงค์เอ้าท์กันเมื่อคืนนี้ แมทไม่ได้ไปด้วย เพราะวันนี้เขามีพรีเซ้นต์งาน เลยขอนอนอยู่ห้อง พอเขาไม่ไป ผมก็เกิดอาการไม่อยากไป แต่พวกไอ้เบนคะยั้นคะยอ บวกกับแมทอนุญาตอย่างเต็มที่ ผมเลยไปแบบเซ็งๆ แต่พอไปถึงเจอเสียงเพลงมันส์ๆ กับเหล้ากลมกล่อม ก็เลยทำให้ผมหายเซ็งได้บ้าง เราไปกันสี่หนุ่ม นั่งคนล่ะมุม ผมใส่หมวกปกปิดตัวเองเอาไว้ พอไม่มีแมทเดินใกล้ๆ ผมก็ไม่อยากเปิดตัวต่อหน้าสาธารณชนมาก ถึงจะมีพวกไอ้เบนก็เถอะ แต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน


เวลาอยู่กับแมท ผมจะรู้สึกมั่นใจ รู้สึกมั่นคง รู้สึกว่าไม่ต้องกลัวอะไร ผมเป็นคนขี้กลัวอยู่เหมือนกันนะ เหมือนที่บอกแมทไปคราวก่อนที่ไปนั่งชิงช้าฯ ด้วยกันนั่นแหละ


ผมเทน้ำส้มใส่แก้วแล้วยกดื่ม ตอนแรกกะว่าจะเหลือไว้ให้คนอื่นด้วย เพราะนั่นเป็นจุดประสงค์ของแมท แต่พอดื่มไปดื่มมามันดันเพลินไปหน่อย น้ำส้มเลยร่อยหรอเหลือแทบไม่ถึงครึ่งเหยือก ก็เอเลี่ยนน้อยทำอร่อยมากเลย นึกถึงตอนที่เขาทำให้ผมครั้งนั้นที่เขาเกือบยอมแพ้ที่จะดูแลผมต่อ รสชาติตอนนั้นกับตอนนี้ เหมือนว่าตอนนี้จะดีกว่านะ ดื่มแล้วชุ่มฉ่ำลำคอมาก


“โอย…” ชิบแล้ว! เสียงไอ้อันเดร น้ำส้มแทบพุ่งออกจากปาก ถึงจะเป็นเพื่อนกันมานาน แต่ผมก็ไม่ค่อยเปลือยต่อหน้าเพื่อนหรอก ผมออกอาการลนลานเล็กน้อย พอได้สติก็รีบเปิดประตูห้องน้ำที่อยู่ใกล้ตู้เย็นเข้าไป มองหาผ้าขนหนูสักผืน โชคดีว่ามีพับวางไว้อยู่แถวๆ อ่างล้างหน้า ผมเลยหยิบมาพันรอบเอวผืนนึง


“อ้าว แกตื่นแล้วเหรอ” ไอ้อันเดรที่ลุกขึ้นมานั่งหน้าตางัวเงียเอ่ยทักผมที่เดินเอาน้ำเปล่ามายื่นให้มัน ส่วนน้ำส้มน่ะหรอ ไหนๆ ก็จะหมดแล้ว ผมขอคนเดียวแล้วกัน อีกอย่างผมหวงแม้กระทั่งน้ำส้มที่แมททำ อะไรที่เกี่ยวกับเขาผมหวงหมดแหละ


“เมื่อคืนเรากลับมาถึงโรงแรมได้ไงวะ” อันเดรถามหน้าตามึนเมาหน่อยๆ มันบิดฝาขวดน้ำออก ยกกระดกดื่มดังอึก


“หวานใจไอ้เบนล่ะมั้ง เมาน้อยสุดแล้วนี่” เมื่อคืนจะเรียกว่าเมาหัวทิ่มก็ว่าได้ พอบาสเก็ตบอล (ไอ้เบนบอกว่าเรียกงี้ได้) บอกว่าต้องกินให้คุ้มกับเงินที่เสียค่าบัตรหน้าประตูทางเข้าผับ พวกผมก็จัดเต็ม จัดหนัก เอาให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะคุ้มได้ ผมเมาก็จริง แต่ยังมีสติรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยังคุยรู้เรื่องทุกประโยค แค่ปวดขมับมากหน่อยเท่านั้นเอง ก็ผมกลับมาถึงห้องยังมาก่อกวนกวนแมทไปตั้งรอบนึง รู้สึกจะสลบคาอกแมทไปเลยมั้ง เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมสลบคาอกเขา ถ้าไม่เมาบอกเลยไม่มีทางเกิดขึ้นได้


เออ แล้วเมื่อคืนผมกับแมทครางกันดังรึเปล่า ไม่ใช่ว่าไอ้พวกนี้ได้ยินหมดแล้วรึไงกัน ผมจำได้ไม่แม่นว่าเสียงร้องเราเป็นไง รู้อย่างเดียวว่าเสียวและมันส์มาก แมทตอบรับผมอย่างดีแม้กระทั่งเวลาผมเมา


“ปวดหัวว่ะ” ไอ้อันเดรบ่น มันก็น่าจะปวดอยู่หรอก เพราะมันซัดเข้าไปเยอะที่สุดแล้ว มันไม่ใช่คนคออ่อนแบบผมนี่แหละ แต่ถ้าลองหลายๆ เหล้า หลายๆ อย่างเข้าไปพร้อมเพรียงกัน ยังไงมันก็ต้องมีน็อคบ้างละนะ


“มียาแก้ปวดอยู่ เอามั้ย” อันเดรพยักหน้าว่าเอามึนๆ ผมเดินผ่านคู่ไอ้เบนที่ยังนอนกอดกันอยู่ใต้ผ้านวม เดินไปหยิบยาแก้ปวดของแมทที่ยังมีเหลืออยู่จากครั้งก่อนที่ผมซื้อมาให้เขา แล้วเอากลับมาให้ไอ้อันเดรสองเม็ด


“ตามสบายนะ ฉันอาบน้ำก่อนแล้วกัน” ผมบอกมัน ไอ้อันเดรพยักหน้ารับแบบขอไปที พอกินยาเสร็จ มันก็ล้มตัวลงนอนต่อ ท่าทางคงยังไม่กลับห้องกันง่ายๆ หรอกวันนี้


ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ กะจะเปิดน้ำใส่อ่างแล้วนอนแช่ แต่พอเดินเข้าในห้องน้ำก็ต้องยิ้มออกมาอีกรอบของเช้านี้ เพราะน้ำในอ่างถูกเปิดไว้เกือบเต็ม มีกลิ่นหอมๆ ของครีมอาบน้ำกลิ่นมะลิลอยฟุ้งไปทั่ว ผมเดินไปหยิบโพสอิทที่แปะอยู่เหนือหัวอ่างอาบน้ำมาอ่าน


‘Refresh with smell of Jasmine.’
(สดชื่นด้วยกลิ่นมะลินะครับ)



ผมคลี่ยิ้มออกมา ก้มลงจูบลายมือน่ารักๆ ของเขา เลื่อนสายตาไปมองน้ำในอ่างที่มีฟองลอยอยู่จางๆ ผมสูดจมูกรับกลิ่นหอมเข้าไปในปอด เปลื้องผ้าขนหนูออกจากเอว หมุนตัวเดินไปทางอ่างล้างหน้าที่มีกระจกบานใหญ่เพื่อจะเอาโพสอิทแปะไว้บนนั้น แต่ผมก็ชะงักไว้เมื่อเห็นตัวอักษรสะท้อนอยู่ในกระจกที่มาจากด้านหลังโพสอิท ผมพลิกมาอ่านดูแล้วก็ต้องยิ้มด้วยความคันเขี้ยวอยากเคี้ยวเอเลี่ยนตัวแสบให้จมเขี้ยว


‘Wanna rub every inch of your body with my tongue. ’
(อยากนวดทุกตารางนิ้วบนตัวคุณด้วยลิ้นของผม)



ฮึ่ม! ถ้าอยู่ตรงนี้นะ ผมจะจับฟัดให้น้ำกระฉอกออกนอกอ่างเลยคอยดู ลูกเล่นแพรวพราวเยอะนักนะ นี่แค่ขนาดตัวอักษรของเขานะ ยังทำลูกชายผมตั้งโด่ได้เลย ผมใช้มือรูดเข้าออกเบาๆ นึกข่มใจว่าอย่าช่วยตัวเอง เก็บแรงไว้จัดการสุดที่รักผมให้สลบคาเตียงดีกว่า เมื่อคืนพลาดท่าไปหน่อย เลยได้แค่รอบเดียว แถมยังสลบหมดเท่อีกต่างหาก


ผมแปะโพสอิทไว้บนกระจก เดินกลับที่อ่างโดยมีลูกชายชี้พุ่งนำหน้า ตอนนี้มันปวดหนึบไปหมด นึกถึงหน้าแมทแล้วยิ่งแข็งไม่ยอมลงเข้าไปใหญ่ ผมเลยรีบหย่อนตัวลงไปในอ่างน้ำ เผื่อว่าน้ำเย็นๆ กับกลิ่นมะลิหอมๆ จะช่วยให้จิตใจสงบลงได้บ้าง ถ้ายังฟุ้งซ่านแบบนี้ ผมคงต้องเปิดรูปเขาตอนนอนเปลือยแล้วช่วยตัวเองซะแล้วมั้ง


ผ่านไปสักพักมันก็ยังแข็งอยู่ ผมปล่อยมันตั้งไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวก็คงลง ถ้าไม่ลงก็นอนรอเขากลับมาแล้วกัน ค่อยซัดกันสักรอบ นึกแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมมีความสุขมากนับตั้งแต่ได้กลับมาอยู่กับแมท ผมละทิ้งความกังวลใจต่างๆ ออกไปหมดเมื่ออยู่กับเขา และแทบจะลืมช่วงเวลาแสนอึมครึมในตอนที่เขากลับไทยไป


ถึงแม้ช่วงหนึ่งในช่วงนั้นผมจะมีอันเดรียนาอยู่ข้างกาย เธอช่วยผ่อนคลายผมได้ในเรื่องอย่างว่า เธอช่วยทำให้ชีวิตผมไม่เงียบเหงาในช่วงเวลานั้น มันอาจจะเลวร้ายกว่านั้น แต่อันเดรียนาก็เข้ามาพอดี ช่วยให้ชีวิตผมชุ่มฉ่ำขึ้นบ้าง มันก็ดีนะ แต่ไม่ดีเท่ามีแมทหรอก


มีแมท เหมือนผมมีพระอาทิตย์ประจำตัว เขาดูเจิดจ้า สว่างไสว มีความสดใสได้เสมอ และแม้จะเป็นเหมือนดั่งอาทิตย์ แต่เขาก็ไม่ได้ให้แสงสว่างจนร้อนเกินไป หรือเผาไหม้คนรอบข้าง แต่กลับให้ความอบอุ่นอย่างพอดี และในบางทีที่ความเฉาเกาะกินใจ เขาก็ทำลายมันลงได้ด้วยความสดใสเหมือนแสงอาทิตย์ของเขานั่นแหละ


ที่ผมนึกถึงอันเดรียนา เพราะเมื่อสองวันก่อนจู่ๆ เธอก็ทักว้อทสแอพผมมาว่าคิดถึง เธอส่งมาแค่นั้น ส่งมาแค่สั้นๆ ส่งมาแบบเรียบง่ายตามนิสัยของเธอ แต่ผมไม่ได้บอกแมทหรอก เพราะผมไม่ได้ตอบโต้อะไรไปมากกว่าพิมพ์ว่าขอบคุณและส่งรูปอีโมติคอนยิ้มไปให้ เธออ่านแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา บทสนทนาก็จบลงแค่นั้น ผมเลยคิดว่าผมไม่ควรบอกแมท เดี๋ยวเขาจะคิดมาก คิดเยอะอีก เขายิ่งคิดมากเรื่องอันเดรียนาอยู่ด้วย ก็เหมือนที่ผมคิดมากเรื่องเขากับไอ้จูบแรกนั่นแหละ


สรุปต่างคนต่างคิดมากเรื่องใครอีกคนในช่วงที่เราห่างกัน


แมทไม่ใช่คนแสดงออกชัดเจนว่าหึง ว่าหวงหรือกำลังคิดมากอยู่ในเรื่องผมกับผู้หญิงอื่น อย่างตอนเรื่องนาตาชา พอผมย้อนกลับไปคิด ตอนนั้นแมทคงคิดมากน่าดู ไม่ใช่คิดว่าที่ผมชอบเจ๊าะแจ๊ะกับเขาทั้งที่มีนาตาชาอยู่แล้วหรอก แต่เขาคงมีแอบหึง แอบรู้สึกไม่ดีอยู่บ้างเวลาที่ผมกับแนทอยู่ด้วยกัน เขาเก็บอาการเก่งมาก เก่งจนบางทีผมเดาไม่ออกว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่ แต่ตอนเรื่องอันเดรียนา เขาคงกลัวจริงๆ เลยร้องไห้ออกมา


ผมเอนหัวลงกับขอบอ่างอาบน้ำ นึกถึงแมทแล้วก็ยิ้ม ไม่ได้ยิ้มที่นึกภาพเขาร้องไห้หรอกนะ แต่นึกเวลาเขาเจื้อยแจ้วต่างหาก ไอ้ภาพที่เขาร้องไห้นั่น ผมไม่อยากจำเลย นึกทีไรแล้วใจสั่นทุกที เหมือนที่ไอ้เบนเคยบอกว่าคนแบบแมท ถ้าร้องไห้ทีจะน่าสงสารมาก


ผมเอาน้ำมาถูๆ ตัว รู้สึกสดชื่นอย่างที่แมทบอก แม้ว่าเจ้าลูกชายจะยังคงแข็งๆ อยู่บ้าง ไม่ถึงขั้นชูชันแบบตอนแรกแล้ว แต่ผมก็คงไม่ช่วยตัวเองแน่นอน จะช่วยให้เปลืองแรงทำไม รอให้แมทมาช่วยดีกว่า ผมรู้ตัวนะว่าผมหื่น ผมก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว เพียงแต่จะเป็นกับแมทมากเป็นพิเศษ


ผมนั่งถูตัวและนั่งแช่น้ำอีกครู่ใหญ่ แล้วก็ลุกขึ้นจากอ่าง หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวจนแห้ง พอพันผ้าขนหนูรอบเอวเสร็จผมก็เดินออกมานอกห้องนอน เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้ากะจะหาเสื้อผ้าใส่ แมทจัดการเอาเสื้อผ้าเข้าตู้ให้ผมแล้วละ เพราะผมไม่ยอมทำ กะว่าให้มันอยู่ในกระเป๋าเดินทางไปนั่นแหละ อยากได้ตัวไหนก็ค่อยรื้อหยิบออกมาใส่ แมทบ่นไปจัดไป ผมก็ก่อกวนจนเขาเกือบจัดไม่เสร็จ ผมชอบเวลาเขาหันมาแว้ดๆ ใส่ เห็นแล้วน่ารักดี แล้วผมก็ต้องอมยิ้มกับความน่ารักของเขาอีกครั้งเมื่อมีกระดาษโพสอิทแปะอยู่บนเสื้อยืดสีเทาเข้มที่ห้อยคู่กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน


‘For my smart Giant. I know you gonna chose the same shirt as always. Change it.’
(สำหรับพ่อยักษ์สุดเท่ของผม ผมรู้ว่าคุณจะเลือกแต่เชิ้ตตัวเดิมๆ อย่างเคย เปลี่ยนซะบ้าง)



ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว  หยิบชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ออกมาวางไว้บนเตียง ก้มหากางเกงชั้นในที่พับอยู่ข้างล่าง กำลังจะเอื้อมหยิบออกมาหนึ่งตัว ก็เจอกางเกงในสีขาวตัวหนึ่งวางไว้บนกองชุดชั้นในมีโพสอิทแปะไว้ตรงเป้าอีกอัน ผมดึงกระดาษขึ้นมาอ่าน แล้วก็ต้องรู้สึกร้อนไปทั้งตัว


‘I love the way you wear the white underpants because when you’re horny I can see clearly your erection’ *whisper in your ears, and lick it slowly*
(ผมชอบเวลาที่คุณใส่กางเกงในสีขาว เพราะเวลาคุณมีอารมณ์ ผมจะเห็นไอ้นั่นของคุณตั้งโด่ชัดเจน) *พูดด้วยเสียงกระซิบที่ข้างหูคุณ และเลียใบหูของคุณช้าๆ*



Fuck! ให้ตายสิวะ ยักษ์น้อยมันเพิ่งยอมสงบลงไปเมื่อกี้นี้ นี่มันกำลังแข็งโด่ขึ้นมาอีกแล้ว ฮึ่มๆ เอเลี่ยนตัวแสบ ตัวไม่อยู่ แต่ทิ้งความอยากไว้ให้ผมเพียบ เดี๋ยวเถอะ กลับมาจะจับไอ้ที่มันโด่ๆ อยู่กระแทกเข้าข้างหลังให้ขาอ่อนเลยคอยดู อืม! คราวนี้แข็งปักเลย แล้วมันจะสงบลงอีกเมื่อไหร่ ต้องรอเขากลับมาปลดเปลื้องความทรมานนี้ให้มั้ย


แต่ผมไม่ไหวแล้ว แมทยั่วเยอะเกินไป เล่นหนักเกินไป ลูกชายผมมันร้องทรมานกับความต้องการ ผมหมุนตัวไปล็อคประตูห้องนอน เดินกลับมาที่เตียง หยิบมือถือที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงฝั่งตัวเองมาเปิดหารูปแมทตอนกำลังเปลือย พอเจอรูปเหมาะๆ ผมก็ใช้มือรูดเข้ารูดออก สายตาก็ไม่ละไปจากตาแป๋วๆ หน้าใสๆ ของแมทบนหน้าจอมือถือนั่น ผมสูดปากเสียวซ่านยามที่มือสาวความเสียวไปทั้วแก่นกาย


“แมท… อ้า…” ผมเม้มปาก หลับตาแน่น หน้าแมทลอยไปลอยมาเต็มหัว นึกภาพที่ได้จูบกับเขา ออกแรงรักเขาแรงๆ ความเสียวก็ยิ่งถาโถมเข้ามา ผมเร่งจังหวะมือตัวเอง ความเสียววิ่งแล่นไปที่ส่วนปลายแล้วในที่สุดผมก็ตัวกระตุก พร้อมกับน้ำขุ่นข้นพวยพุ่งออกมาเลอะกล้ามท้องเต็มไปหมด


“แมท… ฮา…” ผมนอนหอบหายใจเบาๆ อยู่บนเตียง ก้มลงมองน้ำสีขาวข้นที่เลอะเต็มท้องไปหมด ผมวางมือถือลงบนหมอนที่แมทนอน


“ฮู่ว…” ผมใช้มือปาดน้ำตัวเองที่มันจะไหลเยิ้มหยดลงบนเตียงด้วยสองมือ รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างตัวให้สะอาด เพราะแมทคนเดียว ทำให้ผมต้องอาบน้ำอีกรอบ กลับมาจะจับทำโทษให้เข็ด


แต่ผมชอบนะที่เขาทำแบบนี้ นี่กะให้ผมหลงจนไปไหนไม่รอดเลยใช่มั้ย ผมยิ้มขำ สองมือก็ลูบครีมอาบน้ำไปทั่วตัว พออาบน้ำรอบสองเสร็จ ผมก็เช็ดตัวให้แห้ง เดินกลับออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย คราวนี้ไม่มีข้อความอะไรมายั่วผมอีกละ ลูกชายผมสงบสติอารมณ์ได้แล้วหลังจากได้ปลดปล่อยความอึดอัด ผมแต่งตัวเสร็จก็หยิบมือถือ ขึ้นมาพิมพ์ว้อทสแอพหาแมท ถามว่าเขาจะกลับหรือยัง เขายังไม่ตอบทันที สงสัยจะทำงานอยู่ ผมเลยกดโทรศัพท์หาออสติน รอสัญญาณไม่นานเขาก็กดรับ


“ครับ คุณเรย์มอนด์”


“เมื่อเช้านายไปส่งแมทไปมหาวิทยาลัยรึเปล่า”


“เปล่าครับ คุณแมทเขายืนยันจะไปเอง ผมพยายามขวางไว้แล้วนะครับ แต่แค่ผมหันไปเรียกบอดี้การ์ดคนไทยแค่แปบเดียว เขาก็วิ่งหนีไปขึ้นแท็กซี่แล้ว” ร้ายนักนะเอเลี่ยน ดื้อไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ


“ไม่เป็นไร ขากลับก็ไม่ต้องไปรับเขานะ เดี๋ยวคงหนีกลับมาเองตามเดิม” แต่กลับมาเมื่อไหร่จะจับเด็กดื้อสั่งสอนสักหน่อย


“ครับ” ผมกดวางสายออสติน เดินไปเปิดประตูเพื่อออกไปหาอะไรกินรองท้อง พอเปิดออกไปก็ต้องชะงักนิดหนึ่งที่เห็นไอ้เบนกับบาสเก็ตบอลจูบกันอยู่ สองคนนั้นผละออกจากกันทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิด ไอ้เบนหันมามองแบบมึนๆ ส่วนอีกคนก็ตีเนียนเช่นกัน สองคนนี้ความสัมพันธ์ขยับถึงขั้นไหนแล้วผมก็ไม่รู้ แต่ดูท่าจะขยับไปไกลอยู่นะ


“ดีนะไอ้อันเดรหลับ” ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพราะผมก็ชอบจูบแมท ผมไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นเป็นเรื่องแปลกแค่ไหน แต่สำหรับผมนั้นปกติมากที่จะจูบ จะหอม จะกอดแฟนผม


“แกแต่งตัวจะไปไหนเนี่ย” ไอ้เบนถาม ส่วนบาส (เริ่มย่อ) ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำด้านนอก ผมเดินไปที่โต๊ะสำหรับทานอาหาร มองหาอะไรสักอย่างที่สามารถกินรองท้องได้


“ฉันว่าจะพาแมทไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ แล้วก็หาเสื้อผ้าสำหรับวันงานฟิล์มเฟสติวัลให้เขาด้วย” ผมว่า พลางกำลังจะหยิบขนมปังขึ้นมากิน แต่ก็เหลือบไปเห็นโพสอิทอีกใบที่ติดไว้อยู่บนกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมใส


‘Breakfast, but for you guys might be lunch time.’
(อาหารเช้าครับ แต่สำหรับพวกคุณอาจเป็นมื้อเที่ยงไปแล้ว)



ผมคลี่ยิ้มกว้าง แปะโพสอิทไว้บนผนังห้อง มองไปที่กล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมใส่อาหารที่ตั้งเรียงกันพอดีจำนวนคนในห้อง ทุกกล่องเป็นไข่เจียวที่ผมชอบเหมือนกันหมด แมทไปทำให้ตอนไหนกัน ทำไมถึงน่ารักแบบนี้ นี่ผมไม่แบ่งใครได้มั้ย


“แกยิ้มไรวะ” ไอ้เบนถามสีหน้าไม่เข้าใจ ผมหันไปมองมันทั้งที่ยังยิ้มอยู่ หยิบกล่องใส่อาหารมาสองกล่อง เดินไปยื่นให้มันกล่องนึง


“แมททำไว้ให้ กินสิ” แล้วมันก็ทำหน้าเข้าใจ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ ผม ผมแกะฝาปิดกล่องออก หยิบซอสพริกที่แมทเตรียมไว้ให้มาเทราดไข่ แล้วก็นั่งกินอย่างสุขใจ


“แล้วนี่แมทไปไหน” ไอ้เบนถามพลางตักข่าวเข้าปากไปหนึ่งคำ จังหวะนั้นแฟนมัน (ผมเรียกแฟนเลยแล้วกัน) ก็เดินหน้าเปียกน้ำออกมา ไอ้เบนเลยเรียกมานั่งกินข้าวด้วยกัน


“ไปมหาวิทยาลัย วันนี้เขามีพรีเซ้นต์งาน” ผมตอบพลางยกมือถือที่สั่นขึ้นมาปลดล็อคดู แมทตอบว้อทสแอพกลับมาว่าใกล้เสร็จแล้ว แต่จะขอไปกินนม กินน้ำอะไรของเขาก็ไม่รู้กับเพื่อนก่อน ผมหน้าตึงขึ้นมาทันที เพราะผมกะจะพาเขาไปหาซื้อของและพาไปหาอะไรกินด้วยกันสักหน่อย


“แมท กลับมาเลย… ไม่เอา ไม่ให้ไป… อย่าดื้อนะ เมื่อเช้านายก็ดื้อกับออสตินไปทีแล้ว… กลับมา เดี๋ยวฉันจะพาไปข้างนอก… เด็กดี” ผมกดวางสายหลังจากพูดเสียงตึงพอๆ กับสีหน้า วางมือถือไว้บนโต๊ะกินข้าว ตักข้าวเข้าปากแล้วนั่งเคี้ยวเงียบๆ


“แกจะหวงอะไรเขานักหนา ให้เขาได้อยู่กับเพื่อนบ้างเถอะ เดี๋ยวเขาจะจบแล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้เบนบอกสีหน้าอ่อนใจ ผมทำหน้าดื้อดึงใส่มัน


“ก็อยู่ด้วยกันครึ่งวันแล้วไง” ผมว่าหน้ามึน ก็เรื่องจริงอ่ะ ออกไปตั้งแต่เช้ายันจะบ่ายแล้วตอนนี้ อยู่กับเพื่อนเยอะพอแล้ว


“ทำตัวอย่างกับพ่อเขางั้นแหละแกน่ะ” ผมยักไหล่ ทำสีหน้าว่าไม่แคร์กับคำจิกกัดของมัน ไอ้เบนเลยหันไปคุยกับแฟนมันแทน แต่ก็ยังไม่วายจิกกัดผมอยู่ดี


“ผมจะไม่เป็นแบบนี้แน่บาส ไว้ใจผมได้” แล้วแฟนมันก็ขำพรืดออกมา ไอ้เบนหันมายักคิ้วท้าทาย ผมเลยชูนิ้วกลางใส่มัน


“คุณโชคดีนะวิคเตอร์ แมทเขารักใครรักจริงนะ รักแรกของเขา เขารักอยู่ตั้งหกหรือเจ็ดปีเนี่ยแหละ” ผมรู้อยู่บ้างว่าแมทมีรักแรกจากการที่เคยนั่งคุยกันที่ meadow sheep ในเซ็นทรัลปาร์ค แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าเขาจะรักได้นานขนาดนี้


“นานขนาดนั้นเลยเหรอ” ไอ้เบนถามด้วยสีหน้าสนอกสนใจ


“เท่าที่ผมรู้มาก็ประมาณนี้ แต่ผมไม่รู้รายละเอียดหรอก เรื่องนี้ต้องถามไอ้เอิร์ทมัน” ไม่รู้ว่าเขาเผลอหรืออะไร แต่ชื่อนั้นทำเอาคิ้วผมกระตุก สีหน้าแฟนไอ้เบนชะงักไปเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูดชื่อนี้ ใจผมร้อนขึ้นมา รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาออสตินทันที


“ออสติน ไปรับแมทที่มหาวิทยาลัยที อย่าให้เขาหนีกลับมาเองได้นะ” ผมสั่งเสียงเฉียบขาด ไอ้เบนกับแฟนมันนั่งมองอ้าปากค้าง แววตาสองคนนั้นมีแววตกตะลึง


“แกเป็นบ้าอะไรของแกวะ จู่ๆ ก็โทรสั่งบอดี้การ์ดให้ไปรับตัวแฟน แถมยังทำเหมือนเขาเป็นนักโทษที่คิดจะหนีอีก” ผมไม่ได้ตอบคำถามของมัน ตอนนี้ผมกำลังกลัวว่าไอ้จูบแรกนั่นจะแอบไปเจอแมทหรือเปล่า ผมไม่ชอบหน้าไอ้นั่นเลยจริงๆ ผมว่าหน้าตามันกวนประสาทอยู่ไม่น้อยนะ


“นี่คุณติด GPS บนตัวแมทด้วยรึเปล่าเนี่ย” แฟนไอ้เบนถามสีหน้าสงสัย


“เปล่า…” ผมตอบพลางเลื่อนดูว้อทสแอพของแมท แต่สักพักก็ชะงักไป


“…ทำได้เหรอ” ผมหันไปถามด้วยความอยากรู้จริงจัง บาสมีสีหน้าตะลึงไปนิด เขาหันไปสบตากับไอ้เบนที่มองตอบด้วยสายตาประมาณว่า จะพูดขึ้นมาทำไม


“ว่าไง ทำได้มั้ย” บาสทำหน้าอึกอัก แต่ผมมองด้วยสายตาคาดคั้นจนเขาต้องพยักหน้ารับ ผมฉีกยิ้ม สอบถามวิธีการติดตามเอเลี่ยนน้อยทันที แต่บาสบอกว่าไม่ควรให้เจ้าตัวรู้ เพราะไม่งั้นอาจปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ตหนีผมได้ ผมเลยรับปากว่าจะทำให้เงียบเชียบที่สุด พอได้เรียนรู้วิธีที่จะติดตามชีวิตแมทของผมแล้ว ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย รอแค่เขากลับมาเดี๋ยวผมจะรับจัดการตามที่แฟนไอ้เบนแนะนำ ถือว่าแฟนไอ้เบนนี่คบได้ ผมสนับสนุนให้มันคบกันต่อนะ


“เมื่อคืนมีผู้หญิงมาอ่อยแก แกจำได้รึเปล่าเนี่ย” เบนเนดิคท์ถามในตอนที่แฟนมันไปอาบน้ำที่ห้องนอนของมัน ผมหันไปมองหน้าไอ้เบนแล้วพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน


“จำไม่ได้ ฉันไม่ได้สนใจ” ถึงจะเมาแต่ผมยังมีสติอยู่ ผมไม่ได้สนใจจริงๆ ที่บอกว่าจำไม่ได้คือผมจำหน้าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หรอก เพราะผมไม่ได้ใส่ใจจะจำจริงๆ รู้แค่ว่าเหม็นเครื่องสำอางหนักมาก เพราะอะไรถึงได้กลิ่นน่ะเหรอ


“แต่รู้สึกว่าเธอหอมแก้มฉัน” ผมไม่ได้ให้เธอหอมนะ เธอหอมเอง ผมก็ผลักเธอออกอย่างสุภาพ ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่ได้อยากทำรุนแรงมาก ไม่รู้ว่ามีรอยลิปสติกติดมาให้แมทเห็นรึเปล่า เมื่อคืนยังพอมีสติอยู่ก็จริง แต่ก็โคตรมึนด้วยเช่นกัน


“เออ ดีนะที่แกไม่ได้เมามาก ไม่งั้นแกเสร็จเธอแน่ ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้รึเปล่าว่าแกเป็นใคร แต่เมื่อคืนคือเธอพยายามจะเอาแกให้ได้เลย” ผมส่ายหัว ทำหน้าว่าไม่ใส่ใจ ไม่ใช่ว่าผมเลิกสนใจผู้หญิงแล้ว ผมก็ยังมองตามปกติของผู้ชายนั่นแหละ แต่ก็แค่มอง ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าแค่มอง ส่วนคนที่จู่โจมผมเมื่อคืน ผมก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เคือง หรือรู้สึกชอบใจอะไรในตัวเธอ คือผมเฉยๆ มาก


“ถ้าฉันไม่เอา ที่เธอทำไปก็แค่นั้นแหละ” ผมตอบไปเรื่อยเปื่อยพลางตักข้าวเข้าปากอีกคำ


“ถามจริง ถ้าเกิดเธอยั่วแกมากๆ เสนอให้แกเต็มที่ จนแกแทบจะหมดความอดทน แกจะเอามั้ย” ผมหันไปมองไอ้เบน ทำท่าจะอ้าปากตอบไม่เอาแน่ๆ แต่พอเห็นสีหน้าคาดคั้นของมันเลยทำให้ผมชะงักไปนิดหน่อย


นั่นสิถ้าเมื่อคืนเธอพยายามมากกว่านี้ ยั่วผมหนักกว่านี้ ผมจะสติหลุดมั้ยนะ คิดแล้วยังนึกกลัวตัวเอง ถ้าเธอเร้ามากกว่านั้นอีกนิดเดียว ผมอาจจะไม่ได้กลับห้องหรือเปล่า


“ไม่มั้ง” น้ำเสียงที่ผมตอบไอ้เบนนั้นมีความมั่นใจอยู่ในน้ำเสียงน้อยมาก ผมย่นคิ้วกับตัวเองนิดหน่อย ไอ้เบนเบิกตากว้างมองมามาที่ผม สีหน้ามันเหมือนเป็นคำถามประมาณว่า แกว่าอะไรนะ


“ฉันแค่กำลังนึกตามที่แกบอก กำลังคิดว่า ฉันจะทำได้จริงๆ เหรอ”


“ไม่เห็นยาก ถ้าแกทำ แมทก็แค่ร้องไห้”


“งั้นไม่ทำ” ผมตอบมันทันควัน แค่นึกว่าแมทจะต้องร้องไห้ สีหน้าอมทุกข์ ผมก็ไม่เอาแล้ว ผมอยากให้เขามีความสุขเยอะๆ เพราะเขาจะได้แบ่งความสุขให้ผมได้เยอะๆ เช่นกัน


“แจ๋ว” ไอ้เบนยิ้มพึงพอใจ ผมก็ยิ้มพอใจกับตัวเองเช่นกัน หัวใจพองโตเหมือนกันนะเมื่อคิดได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นเรื่องดีๆ กับคนที่เรารักแค่ไหน ผมรู้ว่าแมทยังติดใจนิสัยผมตรงนี้อยู่อีกมาก แต่เขาคงไม่อยากพูดบ่อยๆ และผมเองก็ไม่อยากพูดสัญญาบ่อยๆ เหมือนกัน ที่ทำได้ก็คงเป็นการทำให้เขาเห็นเองว่าผมไม่ได้คิดจะหาใครอีกแล้ว



TBC.........................................  :katai5:


อุ๊ย -..- น้องแมททำเอาพี่ยักษ์ต้องชัก เอ้ย ต้องช่วยตัวเองกันเลยทีเดียวเชียวนะนี่ เอ็ฟเฟ็กต์หนูรุนแรงมากนะคะแมทน้อย ฮิๆ ยักษ์หลงหัวปักหัวปำซะแล้ววว คริๆ

แล้วจะคอยดูนะไอ้พี่ยักษ์ว่าจะทำได้อย่างที่พูดรึเปล่าเรื่องที่จะไม่หาใครใหม่แล้ว มีใหม่ โดนจ้วงนะเว้ยยย (วิคเตอร์ : จะมีหรือไม่มีอยู่ที่แกเขียนไม่ใช่รึไงวะ - -)  ช่วงนี้เม้าท์น้อย เพราะไม่รู้จะเม้าท์ไรมาก คือมันหวานกันอะ 555555 มันสวีตกันสองคน อิจฉามัน ช่วงนี้เลยชื่นชมความหวานกันไปก่อน

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 10-10-2015 00:06:33
ตอนเห็นอัพตกใจหมดเลย ฮี่ๆ

มีความสุขกันก็ดีแล้ว นึกถึงตอนซดมาม่าแล้ว โซแซดมากค่ะ

นุ้งแมทระวังตัวนะนู๋ งานเข้าไม่รู้ตัวแล้วลูก ฮ่าๆ

เอาตอนต่อไปมา /เคาะจานข้าว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 10-10-2015 00:08:00
ฮ่าๆ สงสารยักษ์ ช่วยตัวเองเองไปก่อนนะ เอเลี่ยนน้อยนี้ช่างยั่วจริงๆๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 10-10-2015 00:40:53
แมทนี่ยั่วกระทั่งตัวอักษร หบุ่งงี้วิคเตอร์จะไปไหนรอดดด 555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-10-2015 06:49:53
แมทช่างยั่วจนนางสนมของพี่ยักษ์ต้องทำหน้าที่แทน 555  คืนนี้แมทคงรอดยาก   เอ๊ะ  หรือว่าไม่อยากรอดถึงได้ยั่วได้อ่อยกันไว้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 10-10-2015 06:55:04
หูย แมทเป็นแฟนที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

วิคอย่าทำให้เอเลี่ยนเสียใจนะ ไม่งั้นเจื๋อน!!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 10-10-2015 10:21:04
เอเลี่ยนน้อยน่ารักก็จะให้พี่ยักษ์หลงหัวปักหัวปำ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 10-10-2015 12:22:21
พี่ยักษ์หลงหัวปักหัวปำเลย แต่ชอบนะแบบหวานๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 10-10-2015 12:57:51
หมั่นเขี้ยวเอเลี่ยนน้อย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 10-10-2015 15:47:50
ตอนนี้วิคเตอร์ค่อยสมกับความรักของแมทหน่อย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 10-10-2015 16:58:03
ยักษ์ตบะแตกแต่เช้า 5555+ แมทช่างร้ายวางแผน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-10-2015 19:46:14
ยักษ์นี่นะ กลับตัวเปลี่ยนใจไวแท้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 50%} 09.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-10-2015 19:52:03
พี่ยักษ์ ต้องทำตัวดีๆ นะ อย่ามานอกลู่นอกทางทำเอเลี่ยนน้อยเสียใจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 13-10-2015 01:22:01


Only You :: EP.14 [100%]



“แกจะไปช้อปด้วยกันมั้ย” ผมถามมันแล้วยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังจากกินข้าวจนหมดกล่อง ไอ้เบนกลอกตาครุ่นคิด เลื่อนสายตาไปมองไอ้อันเดรที่ยังนอนหมดสภาพอยู่บนโซฟา


“เดี๋ยวถามไอ้อันเดรก่อน ถ้ามันไม่ไหวจะได้อยู่ดูมัน แต่ถ้ามันโอเคฉันไปด้วย” ผมพยักหน้ารับ เสียงเตือนว้อทสแอพดังขึ้น ผมกดเปิดดูก็เป็นออสตินที่ส่งรูปแมทที่นั่งอยู่บนรถตู้แล้วมาให้ดู เขากำลังนั่งเสียบหูฟังฟังเพลง หน้าตาบูดบึ้งหน่อยๆ สงสัยจะงอนที่ผมส่งคนไปประกบ ผมดูรูปนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา ชอบหน้าตาบูดบึ้งของเขาซะจริง ผมกดเซฟไว้กะจะอัพลงไอจีแบบไพรเวท จริงๆ ผมจะอัพลงอันที่คนตามเยอะๆ ก็ได้ แต่แมทแหละบอกว่าไม่อยากให้ผมเปิดเผยมาก กังวลว่าจะมีผลเสียตามมาอยู่ได้ ทั้งที่จริงตอนนี้ข่าวเขากับผมเริ่มกระจายไปทั่วแล้ว ผมก็ไม่ได้สนใจว่ามันจะมีผลตามมายังไง แม้ผมจะโดนทีมโฆษกส่วนตัวจวกยับมาแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ กลับไปค่อยเคลียร์ ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาของผมกับเอเลี่ยนน้อย


‘Don’t frown, baby. Because you gonna make me wanna kiss you more.’
(อย่าขมวดคิ้วสิที่รัก เพราะนายกำลังจะทำให้ฉันอยากจูบนายมากขึ้นไปอีกนะ)



ผมยิ้มกว้างแล้วกดอัพรูปเขาลงอินสตาแกรมที่มีคนตามแค่สามสิบคน แต่ละคนที่ตามก็เป็นคนที่ผมไว้ใจและสนิทมากจริงๆ ผมไม่ได้ต้องการยอดคนตามเยอะแยะ อาจเป็นเพราะผมชินแล้วกับการติดตามมากมายจากแฟนคลับ เพียงแต่ผมต้องการพื้นที่ส่วนตัวกับเพื่อนและแฟนผมบ้าง


‘ไอ้บ้า’


ผมขมวดคิ้วกับคอมเม้นต์ของแมทที่พิมพ์มาเป็นภาษาไทย นี่บอกรักหรือว่าด่าอะไรผมอีกรึเปล่า เห็นว่าผมไม่แข็งแรงภาษาแม่เขานี่เอาใหญ่ เดี๋ยวต้องให้แฟนไอ้เบนแปลให้สักหน่อยละ ถ้าเป็นคำด่าจะจับตีก้นบวมเลยคอยดู


“เดี๋ยวฉันกลับไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน ฝากดูไอ้อันเดรมันด้วยนะ” ผมพยักหน้าขึ้นที ไอ้เบนลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางประตู เปิดประตูห้องออกไปข้างนอก ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอน กะหาอะไรทำระหว่างรอแมทกลับมา ผมเลยเปิดเช็กข่าวสารอ่านไปเรื่อย บังเอิญไปเจอข่าวตัวเองในโซเชียลพอดี ผมเลยกดเข้าไปอ่าน แน่นอนว่าข่าวนั้นเป็นเรื่องของผมกับแมท สื่อขุดคุ้ยกันยกใหญ่ว่าความสัมพันธ์ของผมกับแมทนั้นเป็นยังไงกันแน่ เพราะมีภาพที่ผมเข้าไปเอาตัวเขามาจากมหาวิทยาลัยด้วย


ผมล้มเลิกฟ้องร้องพวกที่ด่าแมทแล้ว เพราะเขาขอเอาไว้นั่นแหละ ผมเลยต้องโทรคุยกับเอมิลี่ใหม่ และคุยกับทีมโฆษกของค่ายหนัง ทุกคนเห็นด้วยกับแมท เพราะไม่อยากให้ประเด็นมันขยายความไปมากกว่านี้อีก เพราะตอนนี้ทีมโฆษกผมก็ออกมาตอบคำถามแทนผมกันจ้าล่ะหวั่น แต่คำตอบยังคงไม่ชัดเจน สื่อเลยจับประเด็นได้ไม่ชัด ได้แค่เขียนกันไปเองว่าผมเป็นแฟนกับแมทแน่ๆ ยิ่งพอจับมาโยงประเด็นภาพหลุดผมกับเขาก่อนหน้านี้ยิ่งมีมูล ไหนจะข่าวคลิปหลุดที่เคยออกมาอีก นักข่าวพวกนี้นี่ฉลาดจริง จับโยงกันจนเป็นเรื่องราว


แต่ก็เท่านั้นแหละ ถ้าทีมงานผมยังไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ มันก็จะแค่ข่าวลือ เขาก็เล่นอะไรมากไม่ได้ และยิ่งผมยังไม่พูดอะไร ข่าวนี้ก็จะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันต่อไปอีกยาว ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้มันดูยิ่งใหญ่ แค่เราสองคนรู้กันก็พอ ตอนนี้คนที่ผมอยากให้รู้มากที่สุดคือพ่อกับแม่แมท ท่านทั้งสองยังรับตัวตนแมทได้ไม่หมด ผมก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะพาลมาไม่ให้เราคบกัน แต่แมทก็ยืนยันว่าอย่าเพิ่งบอกตอนนี้ ตอนนี้ข่าวยังไปไม่ถึงหูเขาทั้งสอง ไว้สักวันแมทจะพูดเอง


แต่ผมจะปล่อยให้เขาเผชิญหน้าคนเดียวได้ไง ผมขู่เขาว่าถ้าจะบอกพ่อกับแม่ต้องมาบอกผมก่อน


ติ๊ด!


เสียงคียการ์ดเสียบกับที่เปิดประตูดังขึ้น สงสัยแฟนผมจะมาแล้ว ผมมองไปทางประตูห้องนอนที่เปิดกว้างอยู่แล้วก็เห็นร่างเตี้ยๆ เดินต้อกแต้กเข้ามาช้าๆ เขาสะดุ้งนิดหน่อยตอนเห็นอันเดร แต่ก็เดินต่อจนมาถึงห้องนอนจนได้


“อันเดรยังไม่ฟื้นอีกเหรอ” เขาถามหน้าตื่น ผมส่ายหัวยิ้มๆ


“ปิดประตูด้วย” แมทที่กำลังเดินมาหาผมหมุนตัวไปปิดประตูห้องอย่างเบามือ ผมนอนพิงหัวเตียง อ้าแขนรับเขา แมทเดินยิ้มน่ารักเข้ามาหาแล้วล้มตัวลงนอนบนตัวผม สองแขนเขาโอบรอบเอวผมไว้ ผมลดสองแขนลงมาโอบรัดรอบเอวเขาบ้าง แมทแหงนหน้าเอาคางเกยกับอกผม ส่งยิ้มสดใสมาให้ ผมก้มลงจูบริมฝีปากเขาหนึ่งที


“วันนี้ไปซนที่ไหนมารึเปล่า” แมททำตาโตจนตาเขากลมแป๋ว สักพักเขาก็กระพริบตาปริบๆ เอียงหน้าเอียงคอมองผมอย่างไม่เข้าใจ รู้ทั้งรู้ว่าทำหน้าแบบนี้จะมีผลยังไงก็ยังชอบทำ แต่ทำไว้น่ะดีแล้วละ ผมจะได้หาเรื่องฟัดเขา


“ก็ไปพรีเซ้นต์งานไง ผมเปล่าซนนะ” เขาตอบเสียงใส ตอบเหมือนเด็กน้อยตอบคำถามของพ่อที่ว่าถ้าหากลูกทำผิด พ่อจะตีก้นเป็นการลงโทษ


“จริงอ้ะ?!” ผมแกล้งหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด แมทพยักหน้ารัวๆ ด้วยหน้าใสซื่อ มีการยกนิ้วสามนิ้วขึ้นมาทำท่าว่าสาบานอีก


“จริงครับ ผมไม่ซนหรอก เดี๋ยวคุณจับตีก้น” ผมยิ้มกริ่ม มองเขายู่ปากใส่อย่างน่าเอ็นดู


“Good boy.” ผมก้มลงหอมหัวเขา ผมชอบหอมหัวเขานะ หอมดี แมทสระผมค่อนข้างบ่อยเลยไม่มีกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นสาบให้รู้สึกเหม็นจมูก เวลาได้จูบได้หอมเขาแบบนี้ ผมรู้จะรู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นผู้นำและสามารถคุ้มครองเขาได้


“กินข้าวยังครับ” แมทถามพลางก้มลงหอมกลางหน้าอกผมผ่านเสื้อยืด ผมเห็นแบบนั้นเลยเลื่อนสองมือมาถอดเสื้อยืดออกซะเลย แมทมองผมหน้าตื่น และทำท่าจะลุก แต่ผมก็ใช้แขนกอดเอวเขาไว้ ให้เขานอนเหยียดอยู่บนตัวผมนี่แหละ


“ถอดเสื้อทำไมอ่ะ” เขาถามหน้าซื่อ


“จะได้หอมถึงเนื้อฉันไง” แมทกลั้นยิ้มเขิน แก้มลงหอมตรงเนินอกซ้ายของผม แล้วเขาก็เอานิ้วมาจิ้มหน้าอกผมเล่นเบาๆ สายตาเขาจ้องมองอกผมอย่างสนอกสนใจ ผมก้มมองภาพตาแป๋ว หน้าใสๆ ของเขาแล้วก็ยิ้มออกมา รู้สึกเพลินตาเหลือเกิน ถ้าให้นั่งมองทั้งวันจนหมดวันผมก็ทำได้นะ


“วันนี้ทิ้งข้อความอะไรไว้ให้ฉันเยอะแยะ” มือที่กำลังลูบอกผมเล่นชะงัก เขาเลื่อนสายตามามองผมแล้วสักพักแก้มเขาก็แดงปลั่ง สีหน้าเขาอึกอักเล็กน้อย เขาทำท่าจะลุกหนี แต่ผมรีบแยกขาออกให้ช่วงล่างเขาตกลงไปบนเตียงก่อนจะยกสองขาเกี่ยวพันขาเขาไว้แน่น แมทจ้องตาผมตาแป๋ว แก้มแดงนวลใส จนผมอดใจไม่ไหวเลยต้องก้มลงขยี้แรงๆ


“อยอ…” แมทครางเสียงแปลกประหลาด แต่ผมก็บดขยี้จมูกลงไปบนแก้มเขาหนักๆ


“แอ๊ะ!” เขาพยายามใช้มือดันหน้าผมออกจากแก้มเขา แต่ผมก็ฝืนเอาไว้ พอสู้ไม่ได้เขาเลยส่งเสียงงอแงกลับมา ผมดึงหน้าออกพร้อมส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ก้มมองเอเลี่ยนหน้าบูดที่เอามือลูบแก้มป้อยๆ


“ว่าไง รู้ตัวมั้ยว่าทิ้งข้อความอะไรไว้” หน้าเขายิ่งแดง ปากเขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็กลั้นเอาไว้จนทำให้หน้าดูฝืนไปหมด ผมหัวเราะเสียงเบา


“แล้วชอบมั้ยล่ะ” เขาถามเสียงอ้อแอ้ ท่าทางจะเขินจัด ตอนเขียนข้อความพวกนั้น เดาว่าเขาคงนั่งหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว


“ชอบมาก แต่รู้มั้ยลูกชายฉันตื่นตั้งแต่ที่นายบอกว่าอยากใช้ลิ้นนวดตัวฉัน…” เขาทำตาโต ปากหวอเป็นรูปตัวโอเล็กน้อย แล้วเขาก็หัวเราะกิ๊กกั๊กในลำคอ ท่าทางจะชอบใจที่เห็นผมเป็นแบบนั้น


“…ตอนแรกมันก็สงบแล้วนะ แต่พอเจอที่นายบอกว่าชอบฉันใส่กางเกงในสีขาว ฉันเลยต้องช่วยตัวเอง” แมทอ้าปากค้าง แต่ไม่ใช่ค้างเพราะตกใจนะ เหมือนเขากำลังจะอ้าปากหัวเราะมากกว่า ดวงตาเขาเป็นประกายน่ามอง


“จะ… จริงอ้ะ?!” เขาถามตาโต ผมยิ้มกว้าง ก้มลงหอมหน้าผากเขาไปหนึ่งที


“เสร็จไปหนึ่งรอบ นั่งมองรูปนายในมือถือ” เขาหรี่ตามองกลับมาทำหน้าว่าไม่เชื่อ


“โกหกรึเปล่า คิดถึงหน้าสาวคนอื่นล่ะสิไม่ว่า” เขาทำปากเชิดขึ้น ผมคลี่ยิ้มบางๆ


“หาว่าฉันโกหกอีกละ รู้งี้อัดคลิปตอนชักไว้ให้ดูดีกว่าว่าฉันครางเป็นชื่อใคร” จากที่ทำหน้างอ เขาก็เปลี่ยนมาเป็นหัวร่อเสียงเล็กเสียงน้อย


“ว่าแต่ ชอบฉันใส่กางเกงในสีขาวจริงหรอ” แมทหยุดหัวเราะแล้วเปลี่ยนมายิ้มเขินอย่างน่ารัก


“ก็… ถ้าเปียกน้ำด้วยมันก็เห็นชัดดี แต่จริงๆ สีดำก็ชอบนะ ลึกลับดี” เขาพูดตาแป๋ว หน้าซื่อๆ แต่สักพักเขาก็ยกมือปิดหน้าและส่ายหน้าไปมาในมือ ผมก้มมองเขาแล้วหัวเราะชอบใจกับท่าทีนี้ของเขา แมทแหวกนิ้วให้เห็นดวงตาเขา พอเห็นว่าผมจ้องมองอยู่ก็เอาปิดตาแล้วก้มหน้ามุดอกผมผ่านฝ่ามือ


“หึฮึ…” เข่าสงเสียงประหลาดๆ ออกมาจากลำคอ ผมหัวเราะขำขันกับกิริยาซนๆ เหมือนเด็กของเขา แมทไม่ได้เอาอกเอาใจอะไรผมเลย แต่แค่เขาทำแบบนี้ ผมก็ชื่นใจแล้ว


“แล้วระหว่างใส่กางเกงในกับไม่ใส่อะไรเลยชอบแบบไหนมากกว่ากัน” ผมแกล้งหยอกเขา แมทเอามือออกจากหน้า ใช้สองมือมารองค้างเขาไว้ แล้วจ้องผมอย่างใสซื่อ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางเบา


“ไม่รู้” เขาขยุ้มปากจู๋ ส่ายหน้าไปมาบนมือตัวเอง  ผมยกยิ้มมุมปาก ยกมือซ้ายขึ้นมาเสยเส้นผมตรงหน้าผากเขา เผยให้เห็นเหม่งน้อยๆ ผมเสยเส้นผมเขาเบามือ เส้นผมเขานุ่มมือมากเลย


“ไม่รู้ได้ไง นายลวนลามฉันทั้งสองแบบไปแล้วนะ” แมททำหน้าแหยงใส่ผมประหนึ่งว่าผมเป็นแมลงสาบก็ไม่ปาน


“กล้าพูด คุณสิลวนลามผมอ่ะ” เขาว่าแล้วยื่นหน้ามากัดคางผมเบาๆ ผมเลยยื่นคางให้เขากัดเล่นสนุกสนาน เหมือนหมาแทะกระดูกเลย ฮ่าๆๆๆ


“หนวดทิ่มปากหมดแล้ว วันนี้โกนหนวดกันเถอะ” เขายกสองมือขึ้นมาลูบแก้ม ลูบคางผมที่หนวดขึ้นเฟิ้มดกหนาไปหมด ผมไม่ค่อยชอบโกนหนวด โกนแล้วหน้าดูติ๋มไปเลย


“กลับมาจากข้างนอกก่อนแล้วกัน” ผมปล่อยให้เขาขยุ้มหนวดเคราผมเล่น แมทยิ้มร่ายามได้สัมผัสหนวดของผม ไม่รู้กำลังคิดอะไรเพี้ยนๆ อยู่รึเปล่า


“หวังว่าคงไม่ได้คิดจะจุดไฟเผาหนวดฉันหรอกนะ” ดักทางไว้ก่อน บางทีแมทก็ซนเหมือนเด็กพอๆ กับหน้าตาเขานั่นแหละ ใช้ที่ช็อตยุงช็อตก้นผมมาแล้ว หรือเอาหัวหอมเหม็นๆ มาทาตัวผมก็เคยมาแล้วเช่นกัน ความคิดพิเรนทร์พวกนี้ไม่รู้ว่าเอาสมองต่อมไหนคิด บางครั้งก็อำมหิตเกินตัว


“บ้าเหรอ ไม่ทำอย่างนั้นหรอก ตายไวไป” แน่ะ พูดแล้วยังหัวร่ออารมณ์ดี เห็นแล้วมันเขี้ยว เลยก้มลงฟัดแก้มเขาแรงๆ อีกรอบ แมทย่นหน้าจะหนีแต่ผมก็ตามไปหอมแก้มเขาไม่หยุด


“Giant! (ไอ้ยักษ์!)” เวลาเขาหงุดหงิดหรืองอแง เลเวลเรียกฉายาผมจะกระแทกแรงขึ้นพร้อมหน้าตายับยู่ยี่ ผมดึงหน้าตัวเองออกแล้วส่งเสียงหัวเราะเสียงดัง แมทแยกเขี้ยวใส่ผม ก้มลงกัดหัวนมซ้ายผมเต็มฟัน


“โอ้ว! ซี๊ดดด!” เจ็บมันก็เจ็บอยู่หรอกนะ แต่ความเสียวนี่แล่นปรี๊ดไปหมด เล่นเอาหน้าผมกระตุกเหยเก


“อ้า อย่างนั้นแหละ กัดแรงๆ” ผมร้องบอกแมทที่กัดหัวนมผมไว้แน่น แต่พอผมบอกไปแบบนั้นเขาก็เลิกกัด แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองผมกลับมา ผมทำหน้าใสซื่อ บุ้ยปากไปที่หัวนม แมทแบะปากใส่แล้วฟาดมือลงบนหัวนมผมแทน


“ทำร้ายร่างกายฉัน ระวังโดนจับกดบนเตียงนะ” ผมแกล้งทำหนาขู่ แมทบู้ปากใส่ผมเหมือนปลาทองไม่มีผิด


“แล้ววันนี้จะพาผมไปไหน ผมจะไปกินขนมกับเพื่อนก็ไม่ให้ไป” เขาว่าหน้ามุ่ยเล็กน้อย ผมยกมือซ้ายเสยผมหน้าเขาต่ออย่างเบามือ


“จะพาไปซื้อเสื้อผ้า อาทิตย์หน้าก็งานฟิล์มแล้วนะ” แมทตาโตมองกลับมา


“ซื้อทำไม ผมใส่ชุดที่มีก็ได้”


“ไม่ได้ ต้องหาชุดใหม่ จะใส่ชุดธรรมดาๆ เดินบนพรมแดงได้ไง” คราวนี้เขาทั้งตาโตและสั่นหัวรัวเร็ว


“ผมไม่เดินด้วยนะ…” หน้าผมตึงทันทีที่เขาพูดแบบนั้น ผมมองเขาเขม็ง แมทดีดตัวลุกขึ้น รีบคลานมานั่งคร่อมตักผมไว้ สองมือจับกรอบหน้าผมไว้อย่างอ่อนโยน


“…ผมจะเดินได้ยังไง ผมไม่ใช่ดารานะ”


“แต่นายเป็นแฟนฉัน” ผมบอกเสียงเรียบ หน้าตานิ่งสงบ แมทใช้สองมือลูบแก้มผมขึ้นลงเบาๆ


“ครับ ผมเป็นแฟนคุณ แต่ผมไม่จำเป็นต้องเดินด้วยหรอก จริงๆ นะ ให้ผมไปในฐานะคนดูแลคุณตามปกติเถอะ ผมไม่อยากให้คุณถูกมองไม่ดี…” ผมมองเขานิ่ง แมทมองกลับมาอย่างออดอ้อน หน้าตาเว้าวอนอย่างมาก


“…นะครับ น้า… ยักษ์ที่รัก อย่าให้ผมไปเดินเลยนะ ผมห่วงคุณนะ แค่นี้คุณก็มีประเด็นเยอะพอแล้ว นะครับ นะ” เขายกมือขวาเสยผมที่ปรกหน้าผากอยู่ออก ยื่นหน้ามาหอมหน้าผากผมหนักหน่วง อาการหงุดหงิดผมแทบมลายหายไปทุกครั้งเวลาที่โดนแมททำแบบนี้ ไอ้ตัวแสบพอรู้ว่าทำแบบนี้ผมจะอ่อนให้ก็เอาใหญ่


“เฮ้อ… ก็ได้ๆ” พอผมบอกแบบนั้น เอเลี่ยนน้อยก็ยิ้มแป้นด้วยความดีใจ พุ่งเข้ากอดผมไว้แน่น ผมยกยิ้มมุมปากนิดหน่อย สองมือยกขึ้นมาโอบกอดเขาตอบ


“ไอ้ห่ามากๆ” ผมหัวเราะในลำคอ หลอกด่าผมอีกรึเปล่าหรือตั้งใจจะชมตามความหมายที่เขาเป็นคนกำหนดขึ้นมาเองก็ไม่รู้


“แต่ฉันจะพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่อยู่ดี ห้ามปฏิเสธนะ”
   

“ครับ” เขาตอบรับทันควัน ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง
   

“ไม่ปฏิเสธหน่อยรึไง” เขาดึงหน้าตัวเองออกจากซอกคอผม มามองผมตรงๆ ส่งยิ้มกว้างมาให้
   

“ของฟรีนี่นา” เขาหัวเราะเสียงใส ผมยิ้มกว้างตาม ไม่ได้รู้สึกว่าเขาเห็นแก่เงินหรอก เพราะผมเองก็เต็มใจจะซื้อให้เขาอยู่แล้ว อีกอย่างผมอยากซื้อเสื้อผ้าเหมือนกันให้เราสองคนด้วย
   

“หอมแก้มขอบคุณฉันก่อน” แมทเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด บอกให้หอมก็โน้มหน้ามาหอมเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่หอมแก้มพ่อ เขาหอมแก้มผมทั้งสองข้างเสียงดังฟอดชัดเจน แถมมีจุ๊บปากส่งท้ายด้วย
   

“ถ้าให้ทำมากกว่านี้ ฉันยกมรดกให้เลย” ผมว่ายิ้มๆ แมทยิ้มกัดปากล่างไว้ ส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ เขาส่ายหัวเล็กน้อยและพูดเสียงอ้อน
   

“เมื่อคืนคุณก็ทำไปแล้วไง แถมยังทำแรงด้วย” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ
   

“ฉันทำนายแรงเหรอ” แมทพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
   

“มาก และเอาแต่ใจมากกว่าปกติด้วย” แมททำหน้าขยาดเล็กน้อย ผมยกเสื้อนักศึกษาเขาดูตามตัว รอยฟันแดงๆ เต็มหน้าอกเขาไปหมด
   

“ไม่ได้มีแค่ตรงนี้นะ ในต้นขา ตรงก้น เต็มไปหมดเลย” แมทว่าหน้ายู่น้อยๆ ผมแอบใจไม่ดีนิดๆ ไม่รู้ว่าตัวเองทำไปแรงขนาดไหน ปกติผมก็ทำเขาแรงอยู่แล้ว แต่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยท่าทางจะแรงกว่าเดิม
   

“แล้วทำไมไม่ห้ามฉัน”
   

“โอ้โห…” แมททำหน้าว่านี่ถามจริงๆ ใช่มั้ย จากที่กำลังเครียดๆ ถึงกับต้องยิ้มขำออกมากับสีหน้าเขา ที่อ้าปากหวอ ถลึงตามองกลับมา
   

“…ปกติผมห้ามคุณได้ที่ไหน พอคุณเมา คุณยิ่งไม่ฟังอะไรผมเลย เล่นร้องขอผมไม่หยุด”
   

“แล้วก็ปล่อยให้ฉันปู้ยี้ปู้ยำจนเละไปหมดเลย” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง ผมจำแทบไม่ได้จริงๆ ว่าทำเขาไปขนาดไหน รู้แค่ว่าเหนื่อยจนสลบคาอกเขาจริงๆ
   

“กะ… ก็…” แมทพูดตะกุกตะกัก หน้าแดงก่ำ ผมมองอย่างต้องการคำตอบ
   

“…ก็ คุณร้อนแรงดี”
   

“ฮะ?!” ผมขมวดคิ้วฉับ มองเขาเหมือนไม่อยากเชื่อ แมทเสมองไปทางอื่น สองแก้มเขาแดงแจ๋ เขาหันกลับมามองผมด้วยท่าทีเงอะงะก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม
   

“ผมว่าคุณฮ็อตมากเลย ปากหวานกว่าปกติ เสียงคุณกระเส่าทั้งคืน แล้วก็ ถึงจะรุนแรง แต่ผมก็ดันชอบ แบบว่า แรงแต่ก็ดูรักผมม้ากมาก…” เขาพูดไปกลั้นอาการเขินไป ผมมองเขาแล้วยิ้มเยิ้ม ชอบตอนเขาทำหน้าเหมือนจะฟินแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้
   

“แล้วปกติฉันดูไม่รักนายเหรอ”
   


“เปล่าครับ แค่ เอ่อ ไม่รู้สิ ผมเคยเห็นพ่อเมา แล้วจะปากหวานกับแม่มากกว่าปกติ อย่างกับเพิ่งจีบแม่ใหม่ๆ ยังไงยังงั้น ผมว่าน่ารักดี แล้วคุณก็ดันเหมือนพ่อตอนเมา…” เขาเม้มปาก สายตาแอบเหลือบมองผม อย่างเคอะเขิน ดูน่าเอ็นดู น่าเลี้ยงดูมากมาย
   

“…ผมว่าน่ารักดี ผมเลยยอม” พอพูดจบเขาก็ยิ้มยิงฟัน ยกสองมือขึ้นจับแก้มยุ้ยสีแดงของตัวเองเอาไว้ เขาดูเขินเหมือนตัวจะระเบิด ผมเผยอปากขึ้น ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ พอได้ยินเสียงหัวเราะผม แมทยิ่งยิ้มตาหยี น่ารักน่าฟัดมาก ผมหัวเราะไม่หยุด ยิ่งนึกถึงน้ำเสียงอ้อมแอ้มกับท่าทีเขินอายของเขาตอนบอกว่ายอมผม ผมยิ่งรู้สึกชอบใจ อดใจไม่ไหวเลยดึงมือเขาออกแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาทั้งสองข้างแรงๆ
   

“น่ารักมาก (ฟอด!) น่ารักมาก (ฟอด!) แฟนใครเนี่ย ฮึ?! ฮึ?!”
   

“คิกๆ คึๆ ฮี่ๆ” แมทหัวเราะเสียงใส พยายามหนีผมแต่ก็โดนผมตามไปฟัดแก้มเขาไม่หยุด จนแมทต้องเอาสองมือมาจับหน้าแล้วดึงออก ผมมองหน้าเขาแล้วยิ้มอบอุ่นไปให้ ยกมือขึ้นลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดู
   

“เดี๋ยวฉันจะกินเหล้าบ่อยๆ แล้วกันนะ” แมทเม้มปากเขินๆ ใบหน้าแดงไม่หยุดหย่อน
   

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวจะได้ออกไปข้างนอกกัน” เขาพยักหน้ารับหงึกหงัก ใช้เข่ายันตัวเองให้ลุกขึ้น ก้าวเท้าลงไปยืนข้างเตียง เขากำลังจะเดินไปหยิบเสื้อผ้า ผมก็นึกบางอย่างขึ้นได้
   

“แมท เอาโทรศัพท์มานี่ซิ ฉันจะเช็กว่านายไม่ได้แอบไปซนที่ไหนแน่ๆ รึเปล่า” แมทไม่ได้ทำสีหน้าอะไรกลับมา แต่ใช้มือคลำหาโทรศัพท์ไปรอบตัวเขา สักพักเขาก็ล้วงออกมาจากกางเกงยีนส์สีดำแล้วส่งให้ผม
   

“รหัสวันเกิดคุณนะ ผมเพิ่งเปลี่ยน” ผมยิ้มอย่างพอใจ แมทเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ระหว่างนั้นผมก็รีบปลดล็อคโทรศัพท์เขา แต่เดี๋ยวก่อนเถอะ ไอ้เอเลี่ยนจอมดื้อ หน้าจอนี่ยังเป็นอดัม มารูนไฟว์อยู่เลย รักเหลือเกินนะ แต่ไว้ค่อยเคลียร์ ตอนนี้ต้องรีบจัดการทำตามอย่างที่แฟนไอ้เบนบอกก่อน ผมเหลือบไปมองแมทที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าอย่างเชื่องช้าโดยไม่ได้หันมาสนใจผม นั่นจึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะจัดการหาทางติดตามตัวเอเลี่ยนน้อยได้ตลอดเวลา
   

ผมกรอกอีเมลและรหัสผ่านใหม่ตามที่บาสเก็ตบอลแนะนำมา ใช้เวลาไม่นานผมก็จัดการส่งสัญญาณมือถือแมทมาที่เครื่องผมได้ ผมยิ้มกริ่มพอใจ กดออกจากสิ่งที่ทำอยู่เงียบๆ หวังแค่ว่าแมทจะไม่รู้ตัวเร็วๆ นี้ก็แล้วกัน
   

“เสร็จแล้วครับ” ผมหันไปส่งยิ้มเนียนๆ ให้เด็กน้อยที่อยู่ในชุดเสื้อยืดลายการ์ตูนตัวช้อปเปอร์ใส่หมวกสีชมพูที่เขาชอบ และเปลี่ยนจากขายาวเป็นขาสั้นดูสบายตา
   

“ป่ะ” ผมบอกพลางลุกขึ้นยืนบนพื้น เอื้อมไปหยิบเสื้อยืดมาสวมใส่ตามเดิม ผมไม่ได้คืนโทรศัพท์แมทหรอก ยึดเอาไว้ เดี๋ยวจะเอาแต่เล่นเกมส์อีก นี่มีการแอบโหลดมาไว้ในเครื่องผมด้วยนะ ตอนแรกว่าจะเอาออก แต่เขาอ้อนให้เก็บไว้ แถมมีน้ำใจมาสอนผมเล่นอีก เลยกลายเป็นว่าบางช่วงของวันผมก็เอาแต่จิ้มเกมส์ที่เขาสอนนั่นแหละ
   

“อันเดรล่ะ” เขาถามตอนที่เราเดินออกมาจากห้องนอน ผมเดินเข้าไปสะกิดอันเดร มันสลึมสลือปรือตาขึ้นมามอง
   

“ฉันจะออกไปข้างนอก แกจะนอนอยู่นี่หรือจะไปด้วยกัน ถ้าไปฉันจะได้รอ” มันหรี่ตามองผมนิ่งๆ ราวกับกำลังประมวลคำถามผมอยู่
   

“ไม่ไป แต่ฝากซื้อขนมมาให้ด้วยนะ” ผมพยักหน้ารับคำฝากของมัน หันไปจูงมือแมท เขาหันกลับไปมองอันเดร ฉีกยิ้มกว้างให้พร้อมกับโบกไม้โบกมือไปให้ไอ้ขี้เมา อันเดรยิ้มอ่อนแรงตอบกลับมาและยกมือโบกกลับมาหนึ่งที
   

“อย่ายิ้มให้ผู้ชายคนอื่นบ่อยนัก” ผมก้มบอกเขาเสียงเรียบ คนตัวเล็กย่นคิ้วมองกลับมา
   

“อันนั้นเพื่อนคุณเองนะ”
   

“ยิ้มได้ แต่อย่าดูเยอะเกินไป” แมทเหมือนคนโดนทุบหัว เขาดูสับสนและมึนงง
   

“ผมก็ไม่ได้ยิ้มให้เขาบ่อยๆ สักหน่อยนี่นา”
   

“ถ้าเป็นไปได้ฉันไม่อยากให้นายยิ้มให้ผู้ชายคนไหนนอกจากพ่อนายกับฉัน” แมทอ้าปากหวอ กระพริบตามองผมปริบๆ ผมทำหน้านิ่ง จูงมือเขาเดินไปรอลิฟต์ เขาอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หุบปากฉับแล้วทำนิ่งไปแทน
   

ผมขี้หวง ผมเป็นแบบนี้มาแต่เด็ก ไม่ใช่เพิ่งมาเป็น แค่เป็นกับแมทมากกว่าอะไรและใครเท่านั้นเอง (ไม่รวมย่ากับแม่นะ) ผมเอาแต่ใจ ไม่ใช่ผมไม่รู้ เพราะแมทชอบด่าผมบ่อยๆ สมัยที่เพิ่งรู้จักกันแรกๆ (และปัจจุบันก็ยังแอบจิกกัดผมเรื่อยๆ)
   

อะไรที่เป็นของผม ผมรักผมหวงประหนึ่งกอลั่มหวงแหวนครองพิภพนั่นแหละ



TBC......................................  :katai5:


ตอนนี้วิคเตอร์เป็นหัวหน้าสมาคมคนอวดเมียแห่งอเมริกาและแห่งประเทศไทยไปแล้วนะคะ 555555 ติดแฮชแท็ก ยักษ์อวดเมีย ได้ในทวิตเตอร์ เพื่อประกาศความขี้อวดของพี่แกได้นะ 5555555 แซวเล่นน้อพี่ยักษ์

ก็หวานฉ่ำจัมโบ้เอกันไปเนาะ ขอสวีตหน่อยยยจ้าาา คริๆ ก็อย่างที่เคยบอกว่านิยายเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนเนาะ ก็สบายๆ กระชุ่มกระชวยเบาๆ ตามสไตล์ขุ่นเจ้ เย๊เยเย่

โลเกชั่นตอมอาจน้อยนิดกระปิดกระปรอย อยู่ในห้อง ในโรงแรมซะเยอะ แต่พยายามใส่โมเม้นต์ของเขาสองคนให้อ่านกันมากกว่า แต่ยังไงมันก็ต้องมีออกไปเยื้องย่างข้างนอกบ้างอยู่แล้วแหละจ้า

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 13-10-2015 01:42:37
"อะไรที่เป็นของผม ผมรักผมหวงประหนึ่งกอลั่มหวงแหวนครองพิภพนั่นแหละ "

ลั่นค่ะ ลั่นเลย 55555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-10-2015 02:20:26
 :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 13-10-2015 03:58:50
พี่ยักษ์ห่วงแหวน 5555+ เข้าใจเปรียบน่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-10-2015 06:16:48
ทำไมกอลลั่มยักษ์ตัวนี้ดูดีปานดารา คริๆ

อิจฉาวิค ได้มาเจอแมทนี่เป็นเรื่องที่ดีมากๆๆๆๆๆๆที่สุดเลยนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 13-10-2015 06:34:13
หวานกันดีจริงๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Map ที่ 13-10-2015 07:43:56
หวานตลอดดดดดดดด  :o8:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-10-2015 09:20:09
ถ้ากอลลั่มจะหล่อแบบนี้ รับรองทั้งเรื่องต้องโยนแหวนทิ้งแล้ววิ่งมาแย่งกอลลั่มกันแทน 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-10-2015 09:54:16
พี่ยักษ์เมาแล้วครางกระเส่าจนแมทต้องยอมให้รุนแรง  :haun4:

หวงห่วงรักแมทให้มากๆๆๆๆๆ จะได้ไม่คิดที่จะนอกกายแมทนะพี่ยักษ์

กลัวเรื่องอันเดรียนามาทำให้แมทต้องเสียใจจัง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-10-2015 15:25:00
 :reอะไรจะขี้หวงขนาดนั้นวิคเตอร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 13-10-2015 22:11:42
หวานกันจังเลยยยย มโนภาพแมทเขินแล้วฟินตาม 555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 14-10-2015 02:04:22
เกือบหวานๆซึ้งๆละ
มาลั่นตรงกอลั่มเนี่ยแหละ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-10-2015 09:47:48
โอ้ยยยย....แอบหมั่นไส้พ่อกอลั่มยักษ์ 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 14-10-2015 16:59:03
เด็กน้อยจะโหลดเกมใส่เครื่องวิคเตอร์แล้ว  o18
ขอหวานแบบนี้ไปเรื่อยๆเลยค่ะ เราชอบหวานๆ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 16-10-2015 22:35:57
แปะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: kangkaw ที่ 17-10-2015 08:52:42
แป๊ะคร้าจะมาอ่าน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.14 100%} 13.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 17-10-2015 17:51:03
 :o8:ยังแซ่บเหมือนเดิมเลยพี่วิค ขอบคุณมากจ้า ติดตามน๊า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-10-2015 21:15:22


Only You EP.15 :: The second wish from The Gift of God. [50%]




   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ร่างกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากเหตุการณ์เมื่อคืนเหลือเกิน วิคเตอร์เล่นไม่หยุดพัก ทำต่อเนื่องจนผมจะหมดแรง ผมแทบจะร้องขอชีวิตจากเขา แต่ไอ้ยักษ์ผู้ทรงพลังนั้นฟังที่ไหน มีเท่าไหร่ใส่เข้ามาไม่ยั้ง ผมนี่เมื่อยไปหมด ร้องจนแทบใจจะขาด แต่ก็ไม่ได้รับความปราณีจากเขาเลยสักนิด
   

เขาพาผมเล่นโยคะเมื่อคืนนี้
   

ไม่รู้ไปคึกอะไรมา เขาบอกว่าช่วงที่ไม่ได้ติดต่อผม โยคะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เขาต้องทำเพื่อช่วยให้หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มมากขึ้นสำหรับการถ่ายทำหนัง นักแสดงผู้ชายในเรื่องทางค่ายหนังส่งไปเรียนหมด เพื่อที่ร่างกายจะได้มีความยืดหยุ่นสำหรับการถ่ายทำ เพราะหนังแอคชั่นไซไฟแนวโลกอนาคต ต้องใช้ลีลาการบู๊เยอะพอสมควร อันนั้นผมเข้าใจได้ว่ามันเป็นงานของเขา แต่ทำไมต้องมาลากผมไปเล่นด้วยก็ไม่รู้ คือตูจะตายห่าคาเสื่อโยคะอยู่แล้ว
   

ลีลาการเล่นโยคะของเขานั้นหลายท่าหลายทางเหลือเกิน แถมยังมีน้ำใจช่วยยกตัวผมในบางท่า บางทีก็มีน้ำจิตอันดีงามในการช่วยดัดตัวผมให้อ่อนโค้งไปตามองศา ซึ่งผมก็ร้องบอกแล้วว่าช่วยให้เกียรติคนที่ไม่เคยเล่นด้วย จู่ๆ ถูกมาจับเล่นครั้งแรกวันแรกและจัดหนักจัดเต็มขนาดนี้ สภาพร่างกายผมแทบพัง พออาบน้ำเสร็จ หัวถึงหมอนปุ๊บผมก็สลบทันที รู้สึกตัวลางๆ ว่าโดนวิคเตอร์จับมือให้ไปจับลูกชายเขาก่อนนอนอย่างที่เขาชอบ
   

ผมแหงนหน้าไปดูพ่อยักษ์นักโยคะระดับโลกที่ตอนนี้กำลังหลับสบาย ลมหายใจเข้าออกอย่างแผ่วเบา แหม สบายตัวเชียวนะ ผมนี่ตัวร้าวรานไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นพอได้มองหน้าเขายามหลับผมก็ยิ้มออกมา ผมขยับหัวจากต้นแขนเขามาซบลงบนอก วิคเตอร์ขยับตัวเล็กน้อย แล้วแขนซ้ายเขาก็ตามมาโอบไหล่ผมไว้ แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นลืมตาขึ้นมา ยังคงหลับตาพริ้มต่อไป
   

ผมขยับมือซ้ายที่กอบกุมความเป็นชายของเขาไว้ทั้งคืน ตอนนี้มันแข็งตัวแบบอ่อนๆ ไม่ได้แข็งตัวเต็มที่ ผมลูบลำใหญ่โตของเขาด้วยปลายนิ้วแผ่วเบา สัมผัสความนุ่มลื่นและผสานด้วยความกระด้างเล็กน้อย ผมเคยนึกสงสัยว่ายักษ์น้อยของเขานี่จะมีวันหมดฤทธิ์บ้างมั้ย ทำไมถึงได้ทรงพลังและมีอานุภาพร้ายแรงเหลือเกิน ยามปกติก็ว่าเร่าร้อนแล้ว ยามเมายิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ แต่อย่าให้ได้อยู่ในช่วงเวลายามโกรธ เพราะยักษ์น้อยจะพิโรธรุนแรงมาก แทบจะทำลายถ้ำผมพินาศ
   

“อืม…” เสียงครางเบาๆ ดังมาจากผู้ชายหน้าหนวดสุดหล่อที่ยังหลับสนิทอย่างสบายตัว ผมยกยิ้มบางเบา มือซ้ายกอบกุมลำแข็งแรงของเขาไว้ จับๆ บีบๆ อย่างเพลินมือ เจ้ายักษ์ส่วนย่อก็ขยายตัวสู้มือเป็นอย่างดี ผมบีบเล่นอย่างนั้นสักพักแล้วผล็อยหลับไปอีกรอบ เพราะยังรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวอยู่
   


รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โดนก่อกวนแถวๆ ซอกคอกับแก้มจากหนวดสากๆ ของคนตัวโต ผมปรือตาขึ้นมามอง ก็เห็นพ่อยักษ์รูปหล่อกำลังคร่อมร่างผมอยู่ ก้มลงมาสูดดมที่ซอกคอผมทีละจุด ผมยิ้มเล็กน้อย แหงนหน้าขึ้นนิดหน่อยเพื่อให้เขาไซ้ได้สะดวก วิคเตอร์คงรู้ว่าผมตื่นแล้วเลยเงยหน้าขึ้นมามองผมที่มองเขาด้วยใบหน้าง่วงแต่ก็ยังมีรอยยิ้มติดที่ปาก
   

“Hi” ผมเอ่ยทักเขา วิคเตอร์คลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มแบบที่ผมชื่นชอบ ยิ้มจริงใจ ยิ้มจนหล่อกระชากใจออกไปจากอก
   

“Good morning, baby. (อรุณสวัสดิ์ที่รัก)” ผมยิ้มเยิ้ม ยกสองแขนขึ้นโอบรอบคอเขา สองมือเลื่อนขึ้นไปขยุ้มเรือนผมนุ่มๆ ของเขาแถวท้ายทอย
   

“My baby-giant. (ยักษ์ที่รักของผม)” ผมบอกเสียงอ้อน วิคเตอร์ยังคงยิ้มกว้าง เขาก้มลงมาหอมหน้าผาก ไล่ไปที่พวงแก้มสองข้าง แล้วไล่ลงไปที่ปลายคางที่มีไรหนวดขึ้นจางๆ ของผม ก่อนจะปิดท้ายด้วยการจูบปากแผ่วเบา แต่สักพักก็เริ่มส่งลิ้นมารุกล้ำพื้นที่ด้านใน ผมเองก็อ้าปากตอบรับลิ้นอุ่นของเขาอย่างคุ้นเคย วิคเตอร์เกลี่ยลิ้นอย่างช้าๆ แต่วาบหวิว เขาดูดดึงจนเกิดเสียงน้ำลายกระทบกัน ผมดูดดึงให้เขาบ้าง
   

“อืม…” เขาส่งเสียงพอใจมาจากในลำคอ แล้วก้มลงมาประกบปากผมแนบสนิท ส่งลิ้นมาหยอกล้อกับผมอย่างอ่อนโยน เขายกตัวขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ยอมถอนจูบออก เขาเลื่อนสองแขนลงไปสอดไว้ใต้ขาพับทั้งสองข้างของผมแล้วดันให้ก้นผมกระดกขึ้นมา เขาเอาส่วนปลายแก่นกายของเขาที่แข็งตัวแล้วมาจ่อตรงปากทางเข้าผม เตรียมพร้อมจะเข้ามา แต่ผมค่อยๆ ดันหน้าเขาออกจนน้ำลายยืดติดปากเราสองคน
   

“พักได้มั้ย เมื่อคืนผมปวดตัวจากโยคะของคุณมาก นะครับ น้า…” ผมยกสองมือจับกรอบหน้าเขาไว้ ถูไถแผ่วเบา วิเตอร์มองผมนิ่งๆ สักพัก ผมก็ทำหน้าอ้อน ส่งสายตาร้องขอไปให้ แล้วเขาก็ถอนหายใจทำหน้ายอมแพ้
   

“ไม่น่าพานายเล่นโยคะเลย เสียกำไรการค้าหมด” เขาว่าเสียงเซ็ง หน้าเซ็งพอๆ กับเสียง ผมยิ้มอย่างเอ็นดู ดึงท้ายทอยให้เขาลงมานอนบนอกผม วิคเตอร์เอาแก้มขวาแนบลงกับเนื้ออกของผม สองแขนเขาเลื่อนมาสอดไว้ใต้ร่างผมแทน ผมยกสองมือขึ้นขยุ้มเส้นผมของเขาอย่างเพลินมือ
   

“ผมก็อยากนะ แมทน้อยก็ตื่นแล้ว แต่ผมเมื่อยจริงๆ” ผมรู้สึกได้ว่าเขายิ้ม ผมเลยยิ้มตาม ก้มลงจูบกลางกระหม่อมเขาอย่างมันเขี้ยว
   

“แต่นายเล่นไว้ก็ดีนะ จะได้กล้ามเนื้อแข็งแรง จะได้มีแรงเล่นท่ายากๆ กับฉันเวลาอยู่ในห้องเซ็กส์ทอย” อ้อ นี่คือจุดประสงค์อันแท้จริงสินะไอ้ยักษ์เจ้าเล่ห์ กะให้ผมฝึกวิทยายุทธ์ไว้เพื่อตัวเองอยู่ดีนี่เอง
   

“ไม่ต้องเล่นโยคะ ผมก็เล่นท่ายากกับคุณไม่ได้เหรอครับ” ผมถามอย่างซื่อ ไม่ได้แอ๊บแบ๊วถามนะ วิคเตอร์ยกหัวขึ้นจากอกผมส่งยิ้มกริ่มมาให้
   

“ก็ได้ แต่ฉันเป็นห่วงนาย กลัวว่าถ้าเล่นยาก เล่นแรงไป กล้ามเนื้อนายจะเกร็งหรืออักเสบ แต่การออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อนายแข็งแรงขึ้นนะ” ถ้าฟังเผินๆ จะดูเป็นเรื่องเป็นราว เป็นการเป็นงานมาก ดูมีสาระ แต่ถ้าจับใจความจริงจัง ก็จะรู้ว่านี่มันเรื่องสาระทางเพศล้วนๆ
   

“คุณก็อย่าเล่นแรงนักสิ สงสารผมบ้างก็ได้ ช้ำหมดแล้ว” ผมว่าหน้าบูดน้อยๆ วิคเตอร์ยิ้มเริงร่ากลับมา
   

“นายไม่ชอบเหรอ” น่ะ ชอบถามจี้จุด แล้วดันถูกจุดด้วย ผมเลยได้แต่รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า ก่อนจะตอบเสียงกระท่อนกระแท่น
   

“กะ… ก็ชอบ ตะ… แต่ไม่ชอบเวลาคุณทำแรงตอนคุณโกรธ” เวลาเขาโกรธ ความโหดจะมีเพิ่มขึ้น ถึงผมเพิ่งจะพิสูจน์ไปครั้งเดียวก็เถอะ แต่ผมไม่อยากเจอแบบนั้นอีกแล้ว เขาน่ากลัวมากเลยนะ เวลาทำแรงๆ ยามโกรธ ถ้าให้เลือก ขอเขาทำแรงๆ ตอนเมาหรือตอนปกติดีกว่า
   

“ฉันก็ไม่ได้โกรธบ่อยสักหน่อย นายก็แค่อย่าขัดใจฉันแค่นั้นแหละ” แหม่ ไอ้ความเอาแต่ใจ ความหน้ามึนของเขานี่คงรักษาไม่หายแล้วสินะ
   

“คุณก็ชอบเอาแต่ใจกับผมอ่ะ ยักษ์ขี้ดื้อ” วิคเตอร์ยิ้มไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขายื่นหน้ามาหอมแก้มผมไปหนึ่งฟอด
   

“เอเลี่ยนน้อยก็ต้องปราบยักษ์ให้ได้สิครับ” ผมเชิดปากขึ้น คงทำได้หรอก ดื้อยิ่งกว่าเด็กสิบคนรวมกัน แล้วชอบว่าผมดื้อ เขาก็ดื้อเหมือนกันนั่นแหละ ผู้ใหญ่อะไร เลเวลความเอาแต่ใจสูงกว่าตัวผมอีก แต่ผมพูดมากไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวก็งอนอีก
   

“วันนี้ไปไหนกันดี” เขาเอ่ยถามพลางขยับขึ้นมาแทะเล็มซอกคอผมทีละเล็กทีละน้อย ผมเอียงคอให้เขาทำตามสะดวก แล้วก็ครุ่นคิดไปด้วยว่าวันนี้จะพาสามฝรั่งไปไหนดี ไม่รู้ว่าบาสมีโปรแกรมอะไรเตรียมไว้บ้างรึเปล่า
   

“ผมอยากพาคุณไปวัดนะ” ผมบอกพลางหลับตาพริ้มยามที่โดนเขาลากลิ้นขึ้นลงบริเวณซอกคอ
   

“หือ วัดเหรอ” วิคเตอร์ถามเสียงกรึ่มแต่ก็ไม่ยอมออกจากซอกคอผม ยังสูดดมซุกไซ้ไปเรื่อย
   

“ครับ วัดไทย สวยมากเลยนะ อะ… อืม… พอเถอะครับ…” ผมยกมือจับหน้าเขาไว้แล้วดึงออกจากซอกคอตัวเอง วิคเตอร์หายใจหอบกระเส่า แววตาที่มองมานั้นราวกับจะแผดเผาผมให้มอดไหม้ ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองสำรวจใบหน้าเขาที่ตอนนี้หนวดดกดำเหลือเกิน
   

“วันนี้โกนหนวดกันนะ ว่าจะโกนนานแล้วยังไม่ได้โกนสักทีเลย” ผ่านมาสามวันแล้วหลังจากที่บอกว่ากลับมาจากซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ผมแล้วจะโกน อีกสี่วันวิคเตอร์ก็ต้องบินกลับอเมริกาแล้ว นึกแล้วแอบหวิวในหัวใจ
   

“ไม่อยากโกนเลย” เขาไม่ชอบโกนหนวด เขาไม่ชอบหน้าตัวเองตอนไม่มีหนวด คือถ้าโกนให้เขา ต้องโกนแบบบางๆ เอาออกนิดเดียว คือแทบดูไม่ออกเลยว่าโกนมาแล้วแน่เหรอ
   

“ต้องโกนสิ จะถึงวันเดินพรมแดงแล้ว เดี๋ยวแฟนผมไม่หล่อนะ”
   

“แค่นี้ยังไม่หล่อพออีกเหรอ” จ้าพ่อรูปหล่อ รู้แล้วละว่าหน้าตาดีจริง
   

“ก็หล่อ คุณหล่อสำหรับผมตลอดแหละ แต่แค่ต้องเอาหนวดออกบ้าง จะได้ใส่ชุดสูทออกมาหล่อๆ ไง ไม่ชอบเหรอ สาวจะได้มองเยอะๆ” ผมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มเขาเล่นไปมา
   

“สาวมองแล้วหนุ่มคนนี้จะมองด้วยรึเปล่า” วิคเตอร์จะมีมุมนี้ มุมอ้อน อ้อนแบบว่า สนใจเขาอยู่แน่ๆ ใช่มั้ย สนใจเขาคนเดียวหรือเปล่า เขาคือคนที่ผมสนใจเสมอแน่นะ เหมือนเด็กเวลาถามแม่ไม่มีผิดว่า มัมมี่รักผมมั้ย มัมมี่กอดผมหน่อยอะไรแบบนี้ ถ้าให้เดา ผมว่าเขาคงอ้อนแม่กับย่าบ่อยแน่ๆ ไม่งั้นจะได้มรดกเยอะแยะขนาดนั้นเรอะ
   

“มองอยู่แล้ว นี่ที่รักของผมนะ ที่รักผมน่ามองเสมอ” ต้องพูดเอาอกเอาใจเขาไว้ เพราะพ่อยักษ์หน้าหล่อเขาจะชอบมาก แล้วผมก็ชอบมากเช่นกันเวลาที่เขายิ้มดีใจจนหน้าตาดูผ่องใส
   

“I do love you.” เขาก้มลงมาจุ๊บปากผมหนึ่งที
   

“So do I.” ผมยื่นหน้าไปจุ๊บปากเขากลับหนึ่งทีเช่นกัน
   

แล้วเราก็ยิ้มกว้างให้กัน ผมยกมือลูบหัวเขาเล่น วิคเตอร์เอาแก้มขวาแนบนอนลงบนอกผมตามเดิม ผมก้มลงหอมหัวเขาอีกที สองมือก็ลูบหัวเขาอย่างเพลิดเพลิน
   

“ฉันชอบสัมผัสแบบนี้ ชอบความรู้สึกนี้ รู้สึกดีที่มีนายอยู่แบบนี้…” ผมยิ้มอ่อนโยน กระชับอ้อมแขนที่โอบรอบท้ายทอยเขาไว้อีกนิด วิคเตอร์ขยับแขนโอบรัดร่างผมไว้แน่นขึ้น
   

“…เพราะมันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ฉันมีแม่และย่าอยู่ด้วย” เขาพูดเสียงทุ้ม ผมชะงักมือที่กำลังขยุ้มเส้นผมเขาไปนิดหนึ่ง
   

น้ำเสียงเขามีแววโหยหาแฝงเอาไว้อยู่ ผมรู้ได้ทันทีว่าเขารู้สึกยังไง ผมรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ใจเขาสั่นไหวแค่ไหน แม้ผมจะยังไม่รู้รายะเอียดเรื่องราวทั้งหมด แต่ผมรู้ว่าเขารักท่านทั้งสองมาก
   

“I’m here. Always here, baby. (ผมอยู่นี่ อยู่นี่เสมอนะที่รัก)” ผมบอกเขา ก้มลงกดจูบลงบนกลางกระหม่อมเขา จูบแช่ไว้ วิคเตอร์กอดผมแน่นขึ้น
   

“Matt…” เขาเรียกผมเสียงเบา
   

“Yes.” ผมตอบรับเสียงเบาเช่นกัน เรากอดกันเนื้อแนบเนื้อ ส่งไออุ่นถึงกันและกัน ส่งความปลอดภัย ส่งความอุ่นใจให้ถึงใจของอีกฝ่าย
   

“You are my gift of god, and you have been given a first wish to me… (นายเป็นของขวัญจากพระเจ้าของฉัน แล้วนายก็ให้พรข้อแรกฉันไปแล้ว)” ผมนิ่ง รอฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อไป
   

“…Give me a second wish—give me your life, and I will protect it as my life. (ให้พรข้อที่สองกับฉันนะ ยกชีวิตนายให้ฉัน แล้วฉันจะปกป้องมันเหมือนเป็นชีวิตของฉันเอง)” หัวใจผมพองโตกับคำพูดของเขา ใจผมเต้นตึกตักเบาๆ และผมก็รับรู้ด้วยว่าใจเขาเองก็เต้นในจังหวะอ่อนโยนเช่นกัน ผมยิ้มบางเบาแล้วพูดออกมาเสียงนุ่ม
   

“Yes, my guardian-giant. (ครับ พ่อยักษ์องครักษ์ของผม)” ผมไม่รู้ว่าวิคเตอร์ทำหน้ายังไง แต่ผมคิดว่าเขาต้องกำลังยิ้มอยู่แน่นอน เพราะตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรงมาก แรงกว่าผมด้วยซ้ำไป
   

วิคเตอร์ถูแก้มไปกับอกผมอย่างออดอ้อน ราวกับเป็นคำขอบคุณจากเขาที่ผมตอบรับพรข้อที่สองที่เขาขอ ผมยิ้มด้วยความเอ็นดู เวลาเขาใจดีเขาก็น่ารักแบบนี้ละ แต่อย่าให้เขาร้าย เพราะผู้ชายคนนี้จะอาละวาดได้รุนแรงยิ่งกว่าพายุลูกไหนในโลก ไม่ใช่ว่าผมเพิ่งมารู้ แต่ช่วงที่อยู่ด้วยกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง ผมเห็นเขาเกือบทุกมุม ทุกนิสัย แม้จะไม่หมด แต่ผมก็ยังยืนว่าผมรู้มากกว่าข้อมูลในวิกิพีเดียซะอีก
   

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องเรียนรู้ตัวตนของผู้ชายคนนี้ต่อไปอยู่ดี เพราะยักษ์ตนนี้มีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมาย ยังมีอีกหลายมุมที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนเขา
   

เรานอนกอดกันอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยเปื่อย สองมือผมขยุ้มกลุ่มผมนุ่มของเขาอย่างล่องลอย วิคเตอร์ก็นอนเอาแก้มแนบอกผมไม่ไปไหน สองแขนเขากอดผมไว้แน่น แม้จะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกดีก็มีมากกว่า ผมเองก็ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยนอนกอดกับแฟนแบบนี้ ไม่เคยมีโมเม้นต์แบบนี้ พอได้รับมา ก็อดที่จะรู้สึกอิ่มใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าอ้อมกอดพ่อกับแม่ที่ผมมักได้รับเสมอนั้นไม่ดี เพียงแต่อ้อมกอดผู้ชายคนนี้พิเศษและแตกต่างด้วยสถานะทางใจ และสถานะของชีวิตเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆ แล้ว ความรักของหนุ่มสาว ของหนุ่มหนุ่ม ของหญิงหญิง มันเอาไปเปรียบเทียบกับความรักของพ่อกับแม่ไม่ได้หรอก เพราะความรักจากบุพพการีนั้นยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
   

ความรักแบบนี้ก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน ถ้าให้เปรียบ พ่อผมเหมือนพระราชาที่มีแม่เป็นราชินีเคียงข้าง ส่วนวิคเตอร์เป็นเหมือนเจ้าชายที่มาตกหลุมรักเจ้าหญิง (?) อย่างผม
   

อุ๊ยตาย เป็นเจ้าหญิงด้วยอ้า แบ๊วเฟ่อ
   

“นายจะกลับไปนิวยอร์กกับฉันแน่ใช่มั้ย” เขาเอ่ยถามขึ้นหลังจากเราเงียบกันมาสักพัก
   

“แน่สิครับ ถ้าผมเรียนจบ ผมจะกลับไป”
   

“ก่อนนายเรียนจบ ฉันจะพยายามมาบ่อยๆ นะ” เขาบอกเสียงทุ้ม ผมคลี่ยิ้ม นึกไม่ถึงจริงๆ นะ ว่าวิคเตอร์กับผมจะได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันแบบนี้ จากที่แต่ก่อนวิคเตอร์จะมีป้อมปราการกันคนอื่นออกจากตัวเอง แต่วันนี้ผมได้เดินเข้าไปในป้อมนั้น และจะพยายามค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่เขายังคงไม่เผยออกมา
   

ด้านมืดของชีวิตเขา ถึงวันนี้เขาจะเปิดรับผม แต่เขายังมีด้านมืดจากอดีตที่ยังซุกซ่อนเอาไว้ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมอยากทำลายความมืดมนนั้นออกไปจากใจเขาให้หมด
   

“ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องมาก็ได้นะครับ อีกไม่กี่เดือน ผมก็บินตามคุณไปแล้ว” เขายกหน้าขึ้นจากอกผมและเอาคางวางไว้บนกลางอก จ้องมองผมด้วยสายตาที่ผมไม่อาจคาดเดา สีหน้าเขาก็ราบเรียบ
   

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวนายมีคนอื่น” ผมย่นคิ้วใส่เขาแต่ริมฝีปากก็ยิ้มเล็กน้อย ยังคงไม่เข้าใจว่าเขาไปเอาแนวคิดนี้มาจากไหน ทำไมถึงระแวงนักว่าคนอย่างผมจะมีกิ๊กได้
   

“ถ้าจะระแวงผมว่าระแวงตัวคุณเองเถอะ” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หน็อยแน่ ที่กับผมล่ะจ้องระแวง ที่กับตัวเองทำไก๋นะ ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงเชียว
   

“I am a good man. (ฉันเป็นผู้ชายที่ดีนะ)” ผมย่นจมูกใส่เขาราวกับได้กลิ่นขยะเปียก วิคเตอร์เผยอปากกว้างเล็กน้อย มุมปากขยายออกเป็นรอยยิ้ม ส่งลิ้นออกมาเลียริมฝีปากล่างอย่างเซ็กซี่ ไอ้ท่าทีแบบนี้แหละที่ล่อผู้หญิงเข้าหาได้เยอะนัก นึกแล้วก็แอบหวั่นใจ ช่วงที่ห่างกันก่อนผมเรียนจบนี่เขาจะแอบไปมีชู้รึเปล่า
   

“วิคเตอร์ ถ้าคุณอยากมีคนใหม่ บอกผมนะ ผมจะไม่บอกเลิกคุณ แต่ผมพร้อมจะไปจากชีวิตคุณ  ผม… อ๊ะ! อ๊า!” เสียงผมสะดุดหายไป ลมหายใจแทบขาดหายเมื่อตอนที่เข้าใช้สองนิ้วยัดเข้าไปช่องทางนุ่มยุ่นของผม ผมตอดรัดรับเขาตามสัญชาตญาณ วิคเตอร์ออกแรงกดนิ้วลงเนื้อด้านในอย่างแรง ผมร้องเฮือก สองมือผวาจับไหล่เขา
   

“อย่าพูดว่าจะไปจากฉันอีก!” เสียงห้วนสะบัดแฝงไปด้วยอำนาจและความไม่พอใจดังไปลั่นห้อง ผมมองเขาตาปรือ ริมฝีปากเผยออ้าขึ้น ลมหายใจหอบกระเส่า วิคเตอร์ขบกรามแน่นด้วยความโกรธจนสันกรามขึ้นชัดเจน แววตาเขาหยาบกระด้างจนผมกลัว สองมือผมบีบไหล่เขาไว้แน่นยามที่เขาใช้สองนิ้วแหวกด้านหลังของผมและบิดเป็นเกลียวเน้นๆ ไปรอบๆ
   

“วะ… วิคเตอร์ ได้โปรด…” ผมครางอ้อนวอนรู้สึกว่าตัวเองตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว สายตาเขาบอกชัดเจนว่าพิโรธมาก สีหน้าเขาฉายชัดว่าไม่พอใจ
   

“มะ… ไม่ไป ผมไม่ไปจากคุณ…” ผมบอกเสียงสั่น รวบรวมแรงยกสองมือขึ้นไปจับกรอบหน้าเขาไว้ รีบดึงเขาเข้ามาจูบ วิคเตอร์อ้าปากรับลิ้นผมทันที เขาเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นผมด้วยอารมณ์ที่รุนแรง สองนิ้วที่อยู่ด้านในตัวผมเริ่มดันเข้าดันออกช้าลง จนในที่สุดเขาก็ค่อยๆ ถอนนิ้วออกไป กล้ามเนื้อผมผ่อนคลายทันทีที่เขาเอานิ้วออกไป ริมฝีปากเราสองคนยังคงบดเบียดกันอย่างรุนแรง ลิ้นเราเกี่ยวรัดฟัดกันหนักหน่วง แน่นอนว่าผมสู้เขาไม่ไหวหรอก ปกติวิคเตอร์จูบเก่งอยู่แล้ว แต่เวลาเขาโกรธเขาจะยิ่งหนักหน่วงกว่าเดิม
   

“อือ…” ผมครางประท้วงตอนที่เริ่มหายใจไม่ทัน วิคเตอร์ถอนจูบออกอย่างแรงและเร็ว ทิ้งให้ผมหายใจหอบ รีบหอบเอาอากาศเข้าปอด ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองเขาตาฉ่ำปรือ รู้สึกว่ามีน้ำตาคลอเต็มหน่วย วิคเตอร์ยังมองผมอย่างโมโหอยู่
   

“อย่าพูดอย่างนั้นอีก” เขาว่าเสียงกดต่ำ ผมพยักหน้ารับทั้งที่น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ มันไหลออกมาเพราะมันคลออยู่ก่อนแล้ว แต่จริงๆ ก็ผสมกับความกลัวเขาด้วยแหละ
   

วิคเตอร์สีหน้าผ่อนคลายขึ้น เขายกมือขวาขึ้นมา ชูสองนิ้วที่ยัดเข้าไปในก้นผมเมื่อกี้ ผมมองตาม หอบหายใจเล็กน้อย วิคเตอร์ส่งสองนิ้วนั้นเข้าไปในปากเขา รูดนิ้วเข้าออกช้าๆ สายตามองมาที่ผมไม่ละไปไหน เห็นภาพนั้นแล้วผมก็เกิดอาการร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เขาดูดราวกับนิ้วเขาเป็นอมยิ้ม รูดเข้ารูดออกสักพักเขาก็ส่งสองนิ้วนั้นมาจ่อตรงริมฝีปากผม และมองด้วยสายตาวิบวับ ผมอ้าปากรับสองนิ้วนั้น วิคเตอร์ยิ้มพอใจ ดันนิ้วเข้าออกช้าๆ ผมอมนิ้วไว้ในปาก สายตาก็มองเขาไม่หนีไปไหนเช่นกัน
   

“I love everything about you. Understood? (ฉันรักทุกอย่างที่เป็นนาย เข้าใจมั้ย)” เขาถามตอนที่ดึงนิ้วออกจากปากผมช้าๆ ผมพยักหน้ารับแข็งขันว่าเข้าใจ วิคเตอร์ยิ้ม สีหน้าเขาผ่อนคลายขึ้น ยื่นหน้ามาจูบหน้าผากผมแผ่วเบา ใช้สองมือปาดน้ำตาออกจากขมับทั้งสองข้างให้ผมอย่างอ่อนโยน ซึ่งผิดกับความดิบเถื่อนเมื่อกี้เหลือเกิน
   

“ผมขอโทษ ผมก็แค่กลัวว่าคุณจะไปมีคนอื่น” ผมบอกเสียงแผ่ว วิคเตอร์ยกมือขวาลูบหัวผมช้าๆ ส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้
   

“อย่ากลัวไปเลยน่า อย่าคิดมากสิ”
   

“ไม่ให้คิดมากได้ไง คุณเป็นยังไง ใช่ว่าผมไม่รู้หรือไม่เคยเห็น” วิคเตอร์ยิ้มขำ ผมหน้าบึ้งเล็กน้อย ยังรับรู้ถึงอาการใจสั่นอยู่ในอก
   

“ดูฉันไปแล้วกัน” เออ ดูไปดูมา เดี๋ยวได้ดูฉากเด็ดเห็นผัวตัวเองนอนกับคนอื่นน่ะสิ
   

ผมไม่อยากจุดประเด็นนี้ให้เขาโกรธขึ้นมาอีกเลยเลือกจะปล่อยผ่าน และปล่อยให้เขาแทะเล็มผมไปเรื่อย ยังดีที่เขามีความเมตตาอยู่บ้างที่ไม่ได้สอดใส่เข้ามา แต่ว่าเขาเล่นจับผมอ้าขาให้กว้าง กดแบะขาผมไว้แน่นและใช้ปากทำให้ผม ผมร้องครางเสียงหลง บิดตัวไปมา สองมือจิกลงบนหัวเส้นผมเขาแน่น
   

“อ๊ะ!” ผมร้องเสียงสั่นเครือ ยามที่ริมฝีปากอุ่นร้อนครอบครองน้องชายผม วิคเตอร์ผงกหัวขึ้นลงเร็วๆ สองมือบีบเนื้อด้านในขาผมไว้แน่น หน้าท้องผมเกร็งไปหมด ปลายเท้าเริ่มสั่นยามที่ความเสียวแล่นไปทั่วส่วนกลางลำตัว สองมือผมจิกผมเขาไว้แน่น ผมแหงนหน้าขึ้น แอ่นอกขึ้นสูง กระดกช่วงกลางตัวให้เขาใช้ปากได้ถนัด
   

“อู้ว…” ผมครางเสียงหอบตอนที่วิคเตอร์ตวัดลิ้นใส่ส่วนปลายสีสดของผมรัวๆ ผมเริ่มแบกรับอาการจะขาดใจไม่ไหว สุดท้ายก็ปลดปล่อยออกมา วิคเตอร์เอาปากครอบของผมไว้ทันทีในตอนที่น้ำสีขาวขุ่นของผมพุ่งเยิ้ม ผมหายใจหอบแฮก กดหน้าลงไปมองวิคเตอร์ที่ช้อนสายตาขึ้นมามองอย่างเร่าร้อน เขาดูดกลืนของเหลวที่ไหลออกมาโดยไม่มีท่าทีรังเกียจ ลิ้นร้อนของเขากวาดเลียหยดเล็กหยดน้อยบนแก่นกายผมจนหมดเกลี้ยง และยังไล้เลียลิ้นทำความสะอาดให้ผมจนหมดจด
   

ผมยิ้มอ่อนแรงให้เขา วิคเตอร์กรีดยิ้มร้ายกาจ ค่อยๆ คลานขึ้นคร่อมรางผมไว้ ก้มลงมาจูบอย่างอ่อยโยน เขาส่งลิ้นที่ยังมีกลิ่นคาวของน้ำผมมาคลอเคลีย ผมดูดดุนช้าๆ รับรู้ถึงรสชาติปะแล่มเล็กๆ ปนหวานหน่อยๆ จากปลายลิ้นเขา วิคเตอร์หยุดเล่นลิ้น กดริมฝีปากแช่ไว้ครู่หนึ่งแล้วดึงหน้าออก จ้องผมด้วยสายตาที่ทำเอาผมใจเต้นแรง
   

ถ้าไม่คิดหลงตัวเองมากไป สายที่เขาส่งมานั้นเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยรักเหลือเกิน
   

“You are my happiness. Remember that. (นายคือความสุขของฉัน จำไว้นะ)” ผมพยักหน้า วิคเตอร์ใช้สองมืออุ้มผมขึ้นจากเตียง ผมรีบเอาแขนคล้องคอเขาไว้ สองขาเกี่ยวรอบเอวคอดแบบผู้ชายเขาไว้แน่น ยักษ์น้อยตั้งตระหง่านเสียดสีที่ด้านหลังของผม วิคเตอร์อุ้มผมคลานเข่าลงจากเตียงแล้วไปยืนเต็มความสูงบนพื้น
   

“ไปโกนหนวดกัน” เขาว่าแล้วยิ้มหล่อ ผมยิ้มกว้างกลับไป ยื่นหน้าไปจูบเขา วิคเตอร์จูบตอบกลับมา ในขณะที่เท้าก็ก้าวเดินไปทางห้องน้ำช้าๆ โดยที่ปากเราสองคนยังคงบดเบียดกันไม่หยุด
   

จุ๊บ~ จุ๊บ~ จุ๊บ~
   

แขนผมเกี่ยวรอบคอเขาไว้แน่น ขาสองข้างก็เกี่ยวเอวเขาแน่นเช่นกัน สองมือวิคเตอร์เลื่อนมาจับช่วงต้นขาผมไว้เพื่อกันผมตก เท้าเขาก้าวเดินเข้าไปในห้องน้ำช้าๆ ริมฝีปากเราเชื่อกันไม่ยอมหลุด จนกระทั่งเขาค่อยๆ วางผมลงบนอ่างล่างหน้าหินอ่อนอันเย็นเฉียบ แต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยจูบจากเขา กลับใช้สองมือดึงหน้าเขาเข้ามาเพื่อให้เราจูบกันแนบแน่นมากขึ้น วิคเตอร์เอนตัวไปตามแรงดึงของผม สองมือเขาเลื่อนขึ้นมาลูบไล้ตัวผมไปทั่ว สองมือผมขยุ้มเส้นผมเขาแน่น ริมฝีปากเราจูบกันจนเกิดเสียงจุ๊บจั๊บ สองขาผมเกี่ยวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ลูกชายเขาทิ่มตรงปากถ้ำของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันคงอยากจะเข้ามาใจจะขาดแต่พ่อมันก็ไม่ดันเข้ามาสักที
   

“อืม… แมท… อืม… ถ้าไม่หยุด ฉันจะทำนายหมดแรงนะ นายยิ่งปวดเมื่อยอยู่ด้วย” เขาจับไหล่ผมแล้วดันตัวผมออก ผมเผยอริมฝีปากขึ้น มองเขาด้วยความร้อนรุ่ม วิคเตอร์ขบกรามแน่น เดาว่าคงกำลังพยายามหักห้ามใจอยู่ ผมค่อยๆ คลายสองขาที่เกี่ยวรอบเอวเขาไว้ออก สองมือลูบหน้าเขาไปมา คนตัวโตก้มลงมาหอมหน้าผากผมหนักๆ หนึ่งที
   

“เดี๋ยวนี้ร้อนขึ้นเยอะนะ ฉันจะไม่มีวันให้ใครได้เห็นภาพนี้นอกจากตัวเอง” เขาว่าเสียงเข้ม ผมกัดริมฝีปากล่างแล้วยิ้มยั่ว วิคเตอร์ยิ้มหื่นกลับมา เขาผละออกไปจากตัวผมไปยืนค้นของในกระเป๋าใส่ครีม ใส่เครื่องโกนหนวด ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรง มองเขาคุ้ยหาอะไรสักอย่างในกระเป๋า แล้วสักพักเขาก็หยิบโฟมโกนหนวดกระป๋องใหญ่ยาวออกมา
   

“เอาเครื่องโกนหนวดมามั้ยครับ” เขาหันมาพยักหน้าและหยิบเครื่องที่ผมถามถึงออกมา เขาเดินกลับมาหาผม วางเครื่องโกนหนวดเอาไว้ เขานิ่งไปนิดหนึ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วเขาก็เดินถอยหลังห่างผมไปนิดหน่อย ผมมองงงๆ วิคเตอร์คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ เขย่าขวดโฟมโกนหนวดแรงๆ เปิดฝาแล้วโยนมาไว้ในอ่างล้างหน้า เขาบีบโฟมออกมาจำนวนมาก ส่องกระจกแล้วเอามือป้ายโฟมจนปิดหนวดเคราเขามิด
   

ผมคิดว่าเดี๋ยวเขาคงเดินกลับเข้ามา แต่เปล่าเลย เขาจ่อขวดโฟมลงไปตรงกลางลำตัวของเขาที่ยักษ์น้อยขยายตัวตื่นเต็มที่และกำลังชี้หน้าผมอยู่ เขาส่งยิ้มซุกซนมาให้ บีบโฟมสีขาวไปตามความยาวของลูกชายเขา ผมอ้าปากหวอ มองภาพอันยั่วยวนตรงหน้าที่โฟมสีขาวทะลักออกมาอาบแก่นกายเขาจนล้นไปหมด  แถมยังมีการบีบไปทั่วหย่อมขนดกดำที่บางเวลาผมชอบใช้นิ้วสางเล่นแผ่วเบายามที่จับแก่นกายเขาก่อนนอน
   

“จะ… จะโกนตรงนั้นด้วยเหรอ” ผมถามตะกุกตะกัก จ้องเขาตาโต รู้สึกร้อนที่แก้ม อันที่จริงรู้สึกร้อนไปทั้งตัวเลยต่างหาก ยิ่งเห็นหน้าหื่นกามของเขาก็ยิ่งรู้สึกวูบวาบ ไอ้ยักษ์ไม่ตอบแต่ยิ้มยั่ว เดินเข้ามาหาผม วางขวดโฟมลงบนอ่างล่างหน้า เอาแขนสองข้างยันขอบอ่างไว้
   

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-10-2015 21:16:33


V
v
v

“โกนหนวดให้หน่อยครับเอเลี่ยนที่รัก” ผมยิ้มเขิน ห่อไหล่ขึ้นแก้เขินเล็กน้อย หันไปหยิบที่โกนหนวดขึ้นมา กดปุ่มเปิด เสียงเครื่องโกนหนวดดังหึ่งๆ
   

“ไม่ต้องเอาออกหมดนะ เอาออกนิดเดียวแบบที่นายเคยทำ” ผมพยักหน้ากระตือรือร้น และเริ่มเอาเครื่องโกนหนวดถูไถไปบนหน้าเขาเบาๆ วิคเตอร์มองผมตาไม่กระพริบ ไม่ได้มองเพราะว่าหลงใหลอะไรหรอกนะ ผมว่าเขาคงกำลังลุ้นมากกว่าว่าผมจะเผลอไถหนวดเขาออกจนหมดเลยรึเปล่า ผมเองก็ใช่ว่าไม่ลุ้น กลัวไปไถหนวดเขาแหว่งจนเสียทรง เขายิ่งรักหนวดเขาอยู่ นี่ถ้าทำพลาดโดนเขาจับฟาดก้นด้วยแส้ตีม้าแน่ๆ
   

“สรุปข้างล่างโกนมั้ย” ผมถามพลางค่อยๆ เอาเครื่องโกนหนวดไถแผ่วๆ ตรงสันกรามด้านซ้าย
   

“นายอยากเอาออกรึเปล่าล่ะ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ผมยิ้มเขินอายแล้วตอบเสียงเล็ก
   

“ไม่ ผมชอบขยุ้มเล่น” วิคเตอร์ยิ้มกว้างเป็นรอยยิ้มขำ ผมหัวเราะคิกคักเพราะความเขิน รู้สึกอายเหมือนกันที่พูดไปแบบนั้น แต่มันเพลินมือจริงๆ นะเวลาที่ได้สางขนตรงนั้นของเขา
   

นี่ผมมีพฤติกรรมกามกำเริบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังสงสัยว่ามันมีอยู่ในตัวผมแล้ว พอได้มาเจอวิคเตอร์มันเลยได้ทีผุดขึ้นมา หรือมันไม่เคยมีมาก่อน แต่พอมาเจอวิคเตอร์ ก็เลยโดนแพร่เชื้อมา
   

“ฮะๆๆ อั๊ยย…” ผมหัวเราะหวาดเสียว เพราะลุ้นตอนโกนหนวดใต้คางเขา วิคเตอร์หัวเราะตาม ไม่รู้ว่าตลกหน้าผม หรือเขาเองก็ลุ้นมากเช่นกัน ผมก้มลงไปมองกลางลำตัวเขาที่เริ่มอ่อนตัวลง สงสัยเพราะมัวแต่ลุ้นกับการโกนหนวดมาก ผมเอื้อมมือซ้ายลงไปรูดเข้ารูดออกสักพักจนมันกลับมาแข็งตัว โฟมโกนหนวดบางเบาลงเพราะมือผมสาวเข้าสาวออก แต่ตรงหย่อมขนของเขานั้นยังขาวโพลนอยู่
   

ผมเงยหน้ากลับขึ้นไปมองวิคเตอร์ เขายิ้มหื่นกามมาให้ ก้มลงมาหอมแก้มผมทั้งที่โฟมยังเต็มหน้าเขาไปหมด ผมหัวเราะเสียงใส เอนหน้าหนีเพราะไม่อยากเลอะโฟม วิคเตอร์ตามมาหอมแก้มผมจนโฟมเลอะแก้มซ้ายผมไปหมด ผมทำหน้างอแต่ก็หัวเราะไม่หยุด วิคเตอร์หัวเราะในลำคอและยื่นคางให้ผมโกนต่อ
   

“เอียงหน้าหน่อย…” ผมบอกเขาพลางจับจ้องหนวดเคราซีกขวา ผมถูเครื่องโกนหนวดไปมาอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ลงน้ำหนักที่มือมากไปเดี๋ยวจะทำหนวดเขาแหว่งหรือบางไม่เท่ากัน
   

“เสร็จแล้ว” ผมยิ้มแฉ่ง รู้สึกโล่งใจที่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี วิคเตอร์เอียงหน้าซ้ายขวาสำรวจดูผลงานผม เขาพยักหน้านิดหน่อย
   

“นายโกนมั้ย” ที่จริงผมไม่ค่อยมีหนวดหรอก มันขึ้นเป็นไรขนอ่อนๆ มากกว่า แอบโชคดีที่ไม่ใช่คนขนดกเท่าไหร่ ผมโกนหนวดเดือนละสองสามครั้งเองมั้ง นี่ก็เพิ่งโกนไปก่อนวิคเตอร์จะมาไทย แต่ตอนนี้มันก็เริ่มขึ้นมาบ้างละ
   

“ก็ดีครับ” ผมหันไปล้างเครื่องโกนหนวดในอ่าง พอสะอาดแล้วก็หันข้างไปมองกระจก เอาเครื่องมาถูไปมาแถวคาง ส่วนวิคเตอร์ขยับไปทางอ่างน้ำ ก้มลงล้างโฟมที่ยังเหลือติดค้างอยู่บนแก้มเขา ผมถูไถแปบเดียว หนวดก็เกลี้ยงเกลา ผมเอาเครื่องโกนหนวดจ่อไปที่น้ำที่ยังเปิดอยู่ ใช้มือช่วยปัดๆ มันก็กลับมาสะอาด ผมวางเครื่องไว้บนผ้าขนหนูผืนเล็ก วิคเตอร์ส่งผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนมาให้ ผมรองน้ำด้วยมือซ้ายแล้วเอามาลูบรอบปาก ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูซับจนแห้ง พอหันไปมองวิคเตอร์หน้าเขายังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ ผมเลยยื่นผ้าไปซับหน้าให้เขา ยักษ์ใหญ่ยืนยิ้มเท่ให้ผมซับหน้าให้จนแห้ง ผมคลี่ยิ้มเมื่อตอนได้เห็นว่าหน้าเขาดูเกลี้ยงขึ้นเยอะ ดูหล่ออบอุ่นมากเลย
   

“อาบน้ำกัน” เขาว่ายิ้มๆ ผมยิ้มตอบกลับไป วางผ้าขนหนูไว้บนอ่าง เลื่อนตัวเองลงจากอ่างล่างหน้า เดินตามวิคเตอร์เข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีประตูกระจกกั้น
   

“จะชวนพวกคุณเบนไปมั้ย” ผมถามตอนที่เขาเปิดน้ำจากฝักบัวให้รดตัวเราสองคน
   

“อาบน้ำเสร็จค่อยชวนพวกมันแล้วกัน” ผมพยักหน้า ใช้มือช่วยล้างโฟมที่ยังเกาะติดลูกชายเขาอยู่ออก ยักษ์น้อยอ่อนตัวลงบ้างแล้ว แต่พอผมเช็ดล้างถูให้ ก็กลับมาแข็งสู้มืออีก ช่างตื่นตัวง่ายเสียจริง
   

ผมช่วยสางโฟมออกจากกลุ่มขนสากของเขาจนสะอาด วิคเตอร์เองก็ช่วยผมถูตัวจนเกิดฟองสบู่ ผมหยิบครีมอาบน้ำกลิ่นของผู้ชายมาบีบลงบนฝ่ามือและถูไปทั่วตัวเขา ยามที่มือผมสัมผัสกับกล้ามท้องเขานั้นมันช่างลื่นมือดีเสียจริง ผมก็อยากมีกล้ามท้องบ้างนะ แต่ก็ไม่อยากมีเป็นหกลูกชัดเจนแบบนี้ ผมแค่อยากให้พุงน้อยๆ ของผมนั้นยุบลงบ้าง ท่าทางคงต้องเล่นโยคะตามที่วิคเตอร์แนะนำแล้วละ อาจทำให้หุ่นดีขึ้นบ้าง
   

“เรายังไม่ได้แปรงฟันเลย” ตื่นมาก็จูบ ก็ใช้ปากกันไปแล้ว แต่ฟันยังไม่ได้แปรงเลยด้วยซ้ำ พอเราอาบน้ำเสร็จก็ไปยืนแปรงฟันคู่กันหน้ากระจก เหมือนพ่อลูกเลยเถอะ ผมสูงเพียงไหล่เขาเอง
   

“ไหนดมซิ” เขาก้มลงมาหาผมจนจมูกชนกัน ผมอ้าปากพ่นลมออกมา วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม เลื่อนหน้าขึ้นมาหอมหน้าผากผมหนึ่งที เขายืดตัวกลับไป เดินไปหยิบครีมทาหน้าทั้งของเขาและของผม เราใช้กันคนละแบบ วิคเตอร์ใช้ตัวเดียวแต่โคตรแพง ส่วนผมใช้สามตัวแต่ราคาแสนถูก แต่คุณภาพดีเยี่ยมเลยนะ วิคเตอร์ทาของตัวเองเสร็จเขาก็ยืนรอให้ผมทาเสร็จบ้าง มีการเอามือมาช่วยโบกลมให้ผมเพื่อให้หน้าแห้งไวๆ อีกด้วย พอผมทาครีมทั้งสามตัวเสร็จ เราก็พากันเดินออกจากห้องน้ำไปทั้งที่เปลือยเปล่าอย่างนั้นนั่นแหละ
   

“พวกแกตื่นกันรึยัง… แมทจะพาไปเที่ยววัดไทย… ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวสิ ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ… ได้… เจอกัน” เขาโยนมือถือไว้บนเตียง และนั่งรอผมเลือกชุดให้ วันที่เขาพาผมไปซื้อเสื้อผ้านั้นเขาซื้อมาเยอะมาก พวกออสตินนี่เดินถือกันเต็มสองมือ ผมไม่คิดว่าเขาจะช้อปเก่งขนาดนี้ ผมเดินจนปวดเท้าเขาก็ยังสนุกกับการจับผมลองชุดนั้นนี่ แต่ถ้าชุดไหนที่ไม่มีไซส์เขา วิคเตอร์จะไม่ซื้อให้ เพราะเขาต้องการให้เราสองคนมีเสื้อผ้าเหมือนๆ กัน ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะซื้อให้แค่ชุดสองชุด ผมเลยตอบรับเขา แต่พอเอาเข้าจริงผมว่ามันเริ่มเยอะเกินไป พอปฏิเสธ เขาก็ทำท่าจะโกรธ เลยต้องปล่อยเลยตามเลยให้เขาซื้อสมใจ ทั้งที่ผมคิดแล้วว่าผมคงใส่ไม่หมดหรอก ซื้อประหนึ่งว่ามันลดราคา ที่ซื้อๆ มานี่ราคาปกติทั้งนั้น ผมเห็นราคาแล้วลมจับ เข้าใจว่าเขารวย เขามีเงิน แต่กับคนฐานะปานกลางอย่างผม เจอคนใช้เงินอย่างเขาเข้าไปก็ตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน
   

“สีขาวแล้วกัน เข้าวัดจะได้ดูบริสุทธิ์” ผมบอกเขาและยื่นเชิ้ตขาวของแบรนด์ดังให้ เขารับไปใส่ทั้งที่ท่อนล่างยังล่อนจ้อน ผมส่งกางเกงชั้นในสีขาวพร้อมกางเกงยีนส์สีดำให้เขา หันไปหยิบชุดแบบเดียวกันแต่ไซส์เล็กลงมามากโขให้ตัวเอง ห้ามใส่ไม่เหมือนเขาเด็ดขาด ไม่งั้นยักษ์จะงอน และจะไม่ยอมออกไปไหน แม้กระทั่งเรื่องแบบนี้เขาก็ยังเอาแต่ใจได้ ยอมใจพี่แกจริงๆ
   

“แมท ฉีดน้ำหอมให้หน่อย” ผมหันไปมองเด็กโข่งเอาแต่ใจที่ยังไม่ได้ติดกระดุมเสื้อแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำไปหยิบน้ำหอมกลิ่นผู้ชายมาฉีดให้เขา ผมฉีดตรงอกซ้าย กับช่วงใต้รักแร้ สองจุดนี้เป็นชุดที่จะทำให้น้ำหอมออกกลิ่นได้ฟุ้งเป็นอย่างดี อันที่จริงยังมีจุดอื่นๆ อีก แต่ถ้าฉีดทุกจุดก็เกรงว่าคนรอบข้างจะนึกว่ารถน้ำหอมมาพลิกคว่ำบนตัวผู้ชายคนนี้รึเปล่า
   

เราสองคนช่วยกันแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย ท้องผมร้องนิดหน่อย วิคเตอร์บอกว่าเดี๋ยวค่อยแวะหาอะไรกินด้านนอกทีเดียว ตอนนี้เราเลยมานอนรอพวกคุณเบนอยู่บนเตียง ผมนอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย สักพักหน้าจอก็เด้งแชทเฟซบุ๊คจากอดัมขึ้นมา ผมตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้กระทั่งเหลือบตาไปมองวิคเตอร์ เลยพยายามทำเนียนดึงแชทลงให้พ้นหน้าจอ แต่พ่อเทพบุตรอดัมดันส่งข้อความมาต่อเนื่อง เขาไม่ได้ทักผมมาเองหรอก แต่เขาคงมาตอบคำถามที่ค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน บางทีเขาก็คงงานยุ่งจนไม่ได้เล่นโซเชียลตลอด พอมีจังหวะคงตอบนั่นแหละ แต่เผอิญจังหวะนี้ไม่ค่อยดีต่อผมไง ผมแทบจะหยุดหายใจแล้ว นี่ถ้าไอ้ยักษ์เห็น ไม่ได้ไปเที่ยววัดเฉยๆ แน่ แต่จะพาศพผมไปฝากเผาน่ะสิ
   

“แมท”
   

“หะ… ฮะ?!” ด้วยความที่ผมกลัวอยู่แล้ว พอเขาเรียกเลยสะดุ้งโหยง ผมหันไปมองเขาที่สายตากำลังจับจ้องบนหน้าจอมือถืออยู่ รู้สึกดีที่เขาไม่เห็นอาการเมื่อครู่นี้
   

“อะไรครับ” เขายื่นมือถือมาให้ผมดู ซึ่งบนหน้าจอคือเกมส์ที่ผมแอบโหลดมาเล่นบนเครื่องเขา
   

“ด่านนี้ผ่านยังไง” ผมแทบจะร้องไชโย รีบกดปิดเสียงโทรศัพท์ไม่ให้มีการแจ้งเตือนใดๆ ดังขึ้นมา ผมเลิกเล่นละโทรศัพท์ จับยัดกระเป๋ากางเกงยีนส์ไว้แล้วกัน
   

“ไหน” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา วิคเตอร์หอมแก้มผมไปทีนึง และก้มลงไปมองจอต่อ ผมช่วยเล่นให้เขาผ่านด่านที่เขาติดอยู่จนได้ รีบทำเนียนนอนซุกอกเขาไว้ วิคเตอร์โอบแขนซ้ายรอบตัวผม แต่สองมือก็ยังกดเล่นเกมส์ไปเรื่อย ผมนั่งมองเขากดเกมส์มือเป็นระวิง ท่าทางจะติดเหมือนผมแล้วละ
   

“พวกคุณเบนจะเสร็จยัง” ผมแหงนหน้าไปถามเขาที่สายตายังจ้องจอมือถืออยู่ แต่เหมือนเขาจะรับรู้ว่าผมถามเขาเลยหยุดเล่นเกมส์ กดออกจากหน้าจอไปทั้งที่ด่านนั้นยังไม่ผ่านเลย พอออกมาหน้าจอหลักเขาก็ว้อทสแอพไปถามคุณเบน รอสักพักอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่าพร้อมแล้ว
   

“ไปกันเถอะ” ผมเด้งตัวออกจากอกเขา เราสองคนเคลื่อนตัวลงจากเตียง เดินออกไปนอกห้องนอนพรอมกัน วิคเตอร์หยิบแว่นกันแดดแบรนด์ดังสีดำมาด้วย ผมหยิบกระเป๋าเป้มาสะพายด้านหลัง เอาไปด้วยเผื่อมีใครจะฝากอะไรและผมไม่ชอบยัดกระเป๋าเงินไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ มันตุงเทอะทะไป
   

“ใส่หมวกสิ แดดร้อนเดี๋ยวไม่สบาย” เขาหยิบหมวกแก็ปของเขามาสวมลงบนหัวผม อันที่จริงอากาศประเทศไทยในช่วงนี้นั้น ช่างเดาใจยากเสียจริง บางวันแดดแผดเผา บางวันก็ส่งสายฝนโปรยปรายลงมา แทบจะปรับตัวตามกันไม่ทันเลยทีเดียว


TBC. :katai5:

เป็นช่วงผัวเมียเขาจู๋จี๋อี๋อ๋อกันจริงๆ เนาะ หุๆ ช่วงนี้เป็นช่วงตักตวงความสุข ความหวานของเขาสองคนค่ะ ฮิๆ มันอาจจะเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไปแบบนี้ละค่ะ ยังไงดีล่ะ เขาคบกันแล้วอะเนอะ ซึ่งตอมจะบอกย้ำมากกว่า นิยายเรื่องนี้มันคือนิยายความรัก เป็นการเล่าเรื่องความรักและความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ฉะนั้นไอ้ที่เล่าๆ อยู่ทุกวันนี้มันคือความสัมพันธ์ของเขาค่ะ ตอมอยากให้คนอ่านซึมซับความรักของเขาสองคนไปด้วยกัน ซึ่งตอมเคยอธิบายตีมเรื่องพาร์ท Only You ไปในเพจแล้ว ลองไปหาอ่านดูนะคะ สำหรับใครที่ยังไม่ทราบ อยู่ในโน้ตของเพจจ้า

น้องเอเลี่ยนทำพี่ยักษ์อารมณ์ขึ้นเนาะ แต่อีพี่ยักษ์มันก็ยังน่าระแวงอยู่ดี เป็นตอมก็ระแวง เราเคยเห็นเขาใช้ชีวิตมาอะ เรารู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ชีวิตเขาเป็นแบบไหนมาก่อน การจะเชื่อมั่นและมั่นใจคนๆ หนึ่งที่เราเห็นวิถีชีวิตเรื่องผู้หญิงเขามาตลอดนั้น มันก็ยากนะคะ ให้เวลาน้องหน่อย น้องคงต้องการเวลา คือตอนนี้แมทก็เชื่อใจแหละค่ะ เพียงแต่มีคิดๆ มโนๆ ตามสไตล์ของนางบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นจับผิดผัวหรอก 555555

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังอยู่กับตอมมาจนถึงตอนนี้จริงๆ นะคะ คุณแกร่งมากเลยที่ทนนิยายเอื่อยๆ เรื่อยๆ สบายๆ เรื่องนี้ได้ นิยายเรื่องนี้ไร้ความแซ่บ ไร้ความระทึกมากจริงๆ มันอาจจะมีแต่คงไม่แซ่บถึงขั้วจิตใจเท่าเรื่องอื่น ขอบคุณจริงๆ ค่ะที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่เป็น  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 17-10-2015 22:19:37
ไอ้ยักษ์จะจับได้มั้ยเนี่ยยย
เรื่องอดัมอะ
ไม่งั้นศพไม่สวยแน่แมทเอ๊ยยย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 17-10-2015 23:31:08
อดัมจะมาป่วนด้วยหรอ 55555
มโนหน้าอดัมมารูนไฟว์แปป  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 18-10-2015 00:38:49
อดัมเอ๊ย โผล่มาเป็นตัวป่วนไหมเนี่ย เด๋วยักษ์ก็หึงขึ้นมาอีกหรอก งานนี้แมทจะงานเข้าน่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 18-10-2015 01:31:48
 :-[ น้องขี้อ้อนมากขึ้นนะเนี่ย อ่านเพลินเลยสนุกมากจ้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-10-2015 02:15:35
ต่างคนต่างอ้อนใส่กันคิดภาพตามแล้วน่ารักดี กลัวอยู่อย่างเรื่องอารมณ์ของเจ้ายักษ์ช่างแปรปรวนเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-10-2015 05:23:42
พี่ยักษ์แกก็โหดแลัหื่นมากตามประสา แต่แกน่ารักน่ะพอเมียบอกไม่แกก็ไม่รั้นเท่าำหร่อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 18-10-2015 09:00:19
พี่ยักษ์ขี้หึงขี้หวงมาก ดีนะน้องแมทขี้อ้อน   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 18-10-2015 09:16:16
งานนี้พี่ยักษ์มีหึงโหดกับน้องเอเลี่ยนน้อยแหงๆ อดัมจะมาป่วนแล้วว
คู่นี้หื่นมากกกกกกกกกกกกกกกกกก พี่ยักษ์รักเมียมากเว่อร์ แต่เวลาโมโหนี่น่ากลัวสุดๆ
 o13 o13 o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: nutipkra ที่ 18-10-2015 10:06:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: o18
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 18-10-2015 15:36:31
จู๋จี๋อี๋อ๋อกันไม่เกรงใจคนโสดเลย
อิจฉาาาาาาา
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: rutchi ที่ 20-10-2015 11:47:23
ชอบเรื่องนี้มาก จริงๆ ทุกทีจะไม่ค่อยคอมเม้นท์ แต่มันดี ซึ้ง อบอุ่น แซ่บ มาเต็ม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 21-10-2015 13:15:01
ยักษ์โคตรขี้หวง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 50%} 17.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 21-10-2015 21:28:07
สนุกมากๆๆเลย :katai4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-10-2015 22:58:16
Only You EP.15 :: [100%]



เราเดินมาหน้าห้องคุณเบน เคาะเรียกพวกเขา ไม่นานประตูก็เปิดออก แล้วสามหนุ่มก็เดินออกมาในชุดหล่อ หรืออาจเป็นเพราะหน้าหล่ออยู่แล้ว เลยทำให้ชุดหล่อ เอ๊ะ สรุปหล่อเพราะอะไร แต่ในบรรดาห้าคนเนี่ย ผมเตี้ยสุด หน้าตาธรรมดาสุด รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นจุดบอดอย่างไรอย่างนั้น ให้ฟีลว่า กล้องจับมุมสูงไปสี่ช็อตแต่พอช็อตที่ห้ากล้องต้องกดลงมุมต่ำ
   

“จะไปวัดไหนอ่ะแมท” บาสถามตอนที่เราเดินไปรอลิฟต์พร้อมกัน
   

“วัดพระแก้ว วัดฮิตของฝรั่ง” บาสพยักหน้าเข้าใจ ผมยังไม่เคยเข้าไปด้านในเลย เคยไปแต่รอบนอกวัด เห็นแต่กำแพงสีขาวสะอาดตาล้อมวัดไว้ เวลาไปแถวนั้นผมก็มักไปทำอย่างอื่น ไม่เคยคิดแวะเข้าไปด้านใน อาจมีพลังงานบางอย่างต้านทานผมอยู่ก็เป็นได้
   

“เราจะไปยังไงกัน” บาสถามอีกครั้งตอนที่เราเดินออกจากลิฟต์หลังจากถึงชั้นหนึ่งแล้ว
   

“กำลังคิดว่าพาขึ้นตุ๊กตุ๊กดีมั้ย เวลาแมทไปแถวนั้น แมทชอบนั่งตุ๊กตุ๊กนะ เพลินดี”
   

“ก็ดีนะ จะได้เห็นวิวเมืองกรุงด้วย แต่เดี๋ยวลองถามราคาก่อน” ผมพยักหน้า ปล่อยให้วิคเตอร์เดินจูงมือผมไปเรื่อยจนออกมาถึงหน้าโรงแรม ผมบอกสามฝรั่งหนุ่มว่าให้รอบาสไปถามตุ๊กตุ๊กที่จอดอยู่แถวๆ หน้าโรงแรมก่อน ทุกคนดูตื่นเต้นกันใหญ่ที่ผมจะพาเขานั่งตุ๊กตุ๊ก
   

“เขาคิดเป็นราคาเหมา พาไปถึงวัด และจะพาเที่ยวรอบๆ แล้วก็พากลับมาส่งโรงแรมด้วย”
   

“เหรอ ดีจัง เขาคิดเท่าไหร่อ่ะ” บาสบอกราคามา และบอกว่าลองคำนวณแล้วก็คิดว่าคุ้มอยู่เหมือนกัน ผมหันไปบอกวิคเตอร์และทุกคน สามหนุ่มดูพึงพอใจกับราคาที่บอกไป วิคเตอร์ตอบตกลง เขาไม่มีปัญหาเรื่องราคาแต่ขอคนขับดีๆ หน่อย ซึ่งบาสก็การันตีว่าที่หามานั้นไม่น่ามีปัญหาอะไร
   

พอตกลงกันเรียบร้อย บาสก็ให้พนักงานโรงแรมเรียกตุ๊กต๊กให้เข้ามารับด้านหน้า วินาทีที่รถตุ๊กตุ๊กคันกะทัดรัดแล่นเข้ามาจอดตรงตีนบัน สามฝรั่งก็ยิ้มร่าและส่งเสียงฮือฮาชอบอกชอบใจ ส่งเสียงเย้วๆ กันใหญ่ว่า น่าตื่นเต้น คันเล็กมากเลย แต่ดูท่าจะซิ่งนะ เหมือนพาเด็กมาทัศนศึกษาไม่มีผิด ก่อนขึ้นรถพ่อสามหน่อขอถ่ายรูปกับตุ๊กตุ๊กและคนขับก่อน พอได้รูปหนำใจก็พากันขึ้นรถ แบ่งฝั่งกันนั่ง แอบเบียดกันนิดหน่อยด้วยความที่พ่อสามหรั่งนั้นตัวบึ้กกันทั้งนั้น วิคเตอร์เลยจับผมนั่งตักเพื่อให้มีที่ว่างเพิ่มอีกที่
   

“Are you ready? (พร้อมมั้ยค้าบ)” พี่คนขับเอ่ยถามสำเนียงไทยแต่มาพร้อมรอยยิ้มจริงใจ อันเดรกับเบนเนดิคท์ส่งเสียงเฮชอบใจใหญ่ที่ได้ยินพี่โชเฟอร์พูดอังกฤษ
   

“Let’s go! (ไปเลยครับ!)” อันเดรตะโกนตอบเสียงคึก พี่คนขับพุ่งตัวออกไปจากหน้าโรงแรมท่ามกลางเสียงเฮฮาด้วยความตื่นเต้นของสามฝรั่ง สร้างรอยยิ้มให้พนักงานโรงแรมที่ยืนมองอยู่
   

ผมถอดหมวกวางไว้บนตัก นั่งพิงอกวิคเตอร์ เลือกรูปที่จะอัพลงอินสตาแกรมให้เขา วิคเตอร์ชี้ว่าเอารูปที่ถ่ายกับเพื่อนเขาลง ผมก็ไม่ขัดเพราะภาพนั้นพวกเขายิ้มเริงร่ามาก แถมรอยยิ้มพี่โชเฟอร์ก็เป็นมิตรสุดๆ ได้ทีก็ถือโอกาสโปรโมตประเทศไทยผ่านผัว เอ้ย ผ่านสามีผู้มีชื่อเสียงระดับโลกหน่อยก็แล้วกัน
   

Tuk-Tuk of Thailand. Say cheese! 
   

ผมใส่แคปชั่นก่อนจะอัพรูปลงไอจีของเขา อันเดรกับเบนเนดิคท์กำลังนั่งกดมือถือพร้อมรอยยิ้มร่า สงสัยคงกำลังเลือกรูปลงโซเชียลอยู่เหมือนกัน ส่วนบาสเอากล้องโปรมาด้วย เลยกดถ่ายรูปตามวิวข้างทางที่เราผ่าน ซึ่งก็ไม่มีไรมากหรอก มีสะพานข้ามคลอง เสาไฟฟ้า ตึกสูง รถรา มีอยู่ไม่กี่อย่าง ก็มีตามสภาพการณ์ของกรุงเทพฯ นั่นแหละ
   

ผมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับวิคเตอร์ กดถ่ายหลายมุมหลายช็อต วิคเตอร์ไม่ได้มองกล้อง เขาหันข้างมองออกไปทางวิว แต่กดจมูกลงบนขมับผมไม่ขยับไปไหน เลยมีผมทำหน้าผีบ้าผีบออยู่คนเดียว พอได้รูปจนหนำใจผมก็เลิกถ่ายและมานั่งเลือกรูปเพื่ออัพลงอินสตาแกรม ผมเลือกรูปที่เห็นหน้าผมเกือบเต็มจอ มีหน้าวิคเตอร์ครึ่งล่างบริเวณปากติดมาด้วย ผมว่ามันดูเท่ดี
   

“ลงรูปนี้ได้มั้ย” ต้องขออนุญาตเขาก่อน เดี๋ยวจะทำให้เขาเสียหายรึเปล่า ลงในไอจีเขาไม่เท่าไหร่ แต่จะลงไอจีตัวเองต้องมีการบอกกล่าวเขากันบ้าง
   

“ทำไมไม่เอารูปที่เห็นหน้าฉันเต็มๆ ลง” เขาไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจหรือเคือง แต่เขาแค่ถามตามปกติ
   

“ผมว่ารูปนี้เท่ดี” เขายิ้มนิดหน่อย และพยักหน้าอนุญาต ผมยิ้มตอบกลับไป นอนพิงอกเขา เอาหัวซุกกับซอกคอเขาไว้ วิคเตอร์นั่งกอดผมไว้แน่น จมูกคลอเคลียที่หัวผมไม่ยอมห่าง ผมนั่งปรับแสงให้รูปอีกนิด แล้วครุ่นคิดแคปชั่น
   

Big-bro
   

อันนี้น่าจะดี จะได้คล้องจองกับรูปคู่เราสองคนที่เขาลงไอจีไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมกดอัพรูป และแวบไปดูข้อความของอดัมในเฟซ นึกด่าตัวเองในใจว่าช่างกล้า นี่ทำใต้จมูกเขาเลยนะเนี่ย แต่อย่างว่าที่ที่อันตรายที่สุดมักเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เล่นเนียนๆ เนี่ยแหละ ผมรีบเลื่อนอ่านข้อความที่เขาส่งมา ก็ไม่มีอะไรมากเขาแค่มาตอบเรื่องที่เราคุยค้างไว้จริงๆ แต่ประโยคสุดท้ายคือเขาถามประเด็นใหม่คือเรื่องระหว่างผมกับวิคเตอร์ ผมไม่สะดวกพิมพ์ยาวๆ เลยได้แต่ส่งอีโมติคอนรูปยิ้มไปให้ กดปิดหน้าต่างแชทนั้น และเปิดอย่างอื่นดูแทน
   
   



เรามาถึงวัดกันตอนบ่าย แดดเปรี้ยงสว่างไสวอันตรายไปทุกที่จริงๆ ดีนะที่วิคเตอร์ให้หมวกผมมากันแดด พี่โชเฟอร์จอดรถแถวศาลหลักเมืองที่อยู่ใกล้กับวัด และบอกว่าจะนั่งรออยู่แถวนี้  ระหว่างทางที่เดินเท้าไปทางวัดที่มีกำแพงสีขาวล้อมรอบ ผมก็พาสามฝรั่งยกมือไหว้ศาลหลักเมืองด้วย บอกพวกเขาว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามหนุ่มก็ทำหน้าตื่นเต้นและยกมือไหว้ตามผมเงอะๆ งะๆ กันยกใหญ่ เล่นเอาผมกับบาสยิ้มขำ เพราะพวกเขาทำน่าเอ็นดูมาก วิคเตอร์ดูจะไหว้สวยสุดเพราะเคยผ่านการไหว้พ่อกับแม่ผมมาแล้ว


ผมไม่ได้พาเขาไหว้เป็นจริงเป็นจังแค่ยกมือไหว้รอบนอกเท่านั้น เพราะกะพาไปไหว้พระแก้วมรกตทีเดียว เราหยุดถ่ายรูประหว่างทางบ้าง เอาวิวมุมกว้างของวัดพระแก้วด้านนอกที่มีกำแพงขาวเป็นแบ็คกราวด์และมียอดเจดีย์ ยอดมณฑป ยอพระปรางค์โผล่มาให้ลิบๆ ผมเคยอ่านเจอตอนสมัยเรียนมัธยมปลายว่าประตูทุกบานของวัดนั้นมีชื่อคล้องจองกันทั้งหมด แต่ผมไม่รู้หรอกว่าประตูมีทั้งหมดกี่บาน และชื่อประตูแต่ละบานนั้นชื่อว่าอะไรบ้าง เพราะผมเพิ่งเคยเข้ามาครั้งแรก และที่สำคัญผมคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว
   

ผมพาพวกวิคเตอร์ไปซื้อตั๋ว เพราะคนต่างชาติต้องเสียค่าเข้า ส่วนคนไทยนั้นเข้าฟรี พอได้ตั๋วเสร็จเราก็พากันเดินเข้าไปด้านใน คนเยอะมากมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างชาติและยังมีน้องๆ วัยมัธยมอีกด้วย ผมเคยได้ยินคนบอกว่าวัดพระแก้วนั้นสวยมาก สถาปัตยกรรมของทางวัดนั้นแสนล้ำค่า วันนี้พอมาได้เห็นได้ตาตัวเองก็ต้องบอกว่าสมคำล่ำลือ ทุกอย่างดูงามวิจิตร เบนเนดิคท์กับอันเดรสนุกสนานกับการถ่ายรูป ทั้งถ่ายวิววัดและถ่ายตัวเอง โดยจะมีบาสเป็นตากล้องให้ในยามที่ทั้งสองคนต้องการถ่ายคู่กัน บางครั้งก็เรียกวิคเตอร์กับผมเข้าไปถ่ายด้วย หากต้องการจะถ่ายรูปหมู่พร้อมกันหมด บาสก็เตรียมพร้อมด้วยไม้เซลฟ์ฟี่ที่ฝากไว้ในกระเป๋าเป้ของผม
   

เราตกลงกันว่าจะพาไปไหว้พระแก้วก่อน เสร็จแล้วจะได้เดินชมวัดรวดเดียว ผมจูงมือวิคเตอร์ไปตามทางเดินของวัด โดยไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง เพราะในวัดมีป้ายบอกหมดว่าอะไรอยู่จุดไหน และเอาเข้าจริงแล้ว เหล่าสถาปัตยกรรมต่างๆ ของวัดนั้นก็ตังเรียงติดๆ กันหมด 
   

“เดี๋ยวแมทยืนเป็นเพื่อนพวกนี้แหละ บาสไปเอาดอกไม้ธูปเทียนให้เอง” ผมยืนคุมฝรั่งสามหน่อรูปหล่อทั้งสามคนให้อยู่ใกล้ๆ เข้าไว้จะได้ไม่ไปซนที่ไหน พ่อสามหนุ่มนั้นตกเป็นเป้าสายตาจากผู้คนมาก คงด้วยเพราะรูปร่างสูงใหญ่บวกกับความหน้าตาดี ไม่รู้จะมีใครจำวิคเตอร์ได้มั้ย ผมเคยเห็นข่าวว่าดาราฮอลลีวูดมาไทยหลายคน แต่น้อยคนนักจะสังเกตว่าเป็นคนดัง แต่ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นดาราดัง แต่หนังหน้าเขาก็เป็นที่สังเกตอยู่ดี
   

“เก็บดอกบัวไว้นะ ป้าเขาบอกว่าให้เอาไปจุ่มน้ำมนตร์ตรงหน้าโบสถ์อ่ะ จุ่มแล้วเอามาพรมหัวตัวเอง เขาบอกว่าเป็นน้ำที่ใช้สรงพระแก้วมรกต” ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก พาพ่อยักษ์สุดที่รักกับผองเพื่อนเคลื่อนขบวนขึ้นบันไดไปบนโบสถ์ที่มีพระแก้วมรกตประทับอยู่ที่นั่น พวกเราทุกคนต้องเก็บกล้องลงกระเป๋าเพราะทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าห้ามถ่ายรูป แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดจะถ่ายรูปพระแก้วอยู่แล้วละ กะแค่มาไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตเท่านั้น ผมหันไปสะกิดวิคเตอร์ว่าให้ถอดแว่นออก เขาถอดออกแล้วเอาไปเหน็บไว้ตรงปกเสื้อ ผมเองก็ต้องถอดหมวกเก็บไว้กระเป๋าเป้เช่นกัน
   

“Make a wish with him like you ask a wish from God in your religion. (อธิษฐานขอพรจากท่านเหมือนที่คุณขอจากพระเจ้าในศาสนาคุณนั่นแหละครับ)” ผมบอกวิคเตอร์ที่นั่งมองผมด้วยสายตาเหมือนเด็กน้อยที่คอยให้ผู้ปกครองบอกว่าต้องทำอะไร เขานั่งคุกเข่าตามผม พนมมือไหว้ตามที่ผมทำให้ดู แล้วก้มลงกราบพระสามครั้ง วิคเตอร์ยกมือขึ้นจรดหัวราวกับกำลังถวายบังโคม ผมต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้เพราะกลัวจะไม่สุภาพ กระซิบบอกเขาว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น และทำตัวอย่างให้เขาดูใหม่ เขาพยายามลองทำตาม แม้จะยังไม่เหมือนเวลาคนไทยทำเป๊ะๆ แต่ก็ถือว่าเขาทำได้ค่อนข้างดี ยิ่งพอหันไปมองเบนเนดิคท์กับอันเดร ผมยิ่งคิดว่าวิคเตอร์นั้นทำได้ดีทีเดียว
   

“ฮู่ว! ยากจัง” คุณเบนบ่นออกมาเสียงเบา บาสต้องพยายามสอนใหม่ ไหนจะต้องคอยสอนอันเดรอีกคน ผมหันกลับมามองวิคเตอร์ที่ยังคงพนมมืออยู่ที่อก
   

“ครบสามครั้งรึยังครับ” เขาพยักหน้าหงึกๆ ผมยิ้มให้เขาและบอกว่าให้มองไปทางพระ พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานอะไรก็ได้ตามที่ใจอยากขอ เน้นย้ำกับเขาอีกครั้งว่ามันไม่ได้ต่างจากการอ้อนวอนต่อพระเจ้าในศาสนาคริสต์มากนัก
   

ผมเองก็ยกมือไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองบ้าง นึกแต่เรื่องราวดีๆ เข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องสุขภาพของตัวเองและพ่อกับแม่ แล้วแน่นอนว่าต้องเรื่องความรักด้วย แต่โดยส่วนตัวผม ผมไม่ค่อยชอบขอพรความรักจากพระนะ เพราะผมคิดว่าพวกท่านตัดทางโลกไปแล้ว ไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องอะไรแบบนี้ ฉะนั้นสิ่งที่ผมขอในเรื่องความรักคือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ผมมีสติมากๆ เข้าไว้ อันที่จริงผมขอให้ตัวเองมีสติกับทุกๆ เรื่องนั่นแหละ
   

“ทำไมนายขอนานจัง” วิคเตอร์เอี้ยวตัวมากระซิบในขณะที่ยังไม่เอามือที่พนมไว้ลงจากอก ผมยกมือขึ้นจรดที่ระหว่างคิ้วพร้อมกับพูดสาธุเบาๆ ก่อนจะหันไปมองวิคเตอร์ที่นั่งมองผมตาแป๋ว ผมส่งยิ้มอ่อนๆ ไปให้
   

“แล้วทำไมคุณขอเร็วจัง”
   

“ฉันขอแค่ให้นายมีความสุข ยิ้มให้ฉันทุกวันและวันละหลายครั้ง ที่สำคัญคืออย่าทิ้งฉันไปไหน” เขาพูดหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ หัวใจผมพองโต ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มขำน้อยๆ พอเห็นผมยิ้ม วิคเตอร์เลยยิ้มกลับมา รอยยิ้มเขาเหมือนเด็กไม่มีผิด ยิ้มเหมือนกับว่าเห็นผู้ใหญ่ยิ้มให้เลยยิ้มตาม
   

“Thank you.” ผมบอกเสียงเบา ถ้าอยู่ข้างนอกวัดจะหอมแก้มเขาแรงๆ สักที แต่ที่นี่คงไม่เหมาะแน่นอน เลยทำได้แค่เอื้อมมือไปจับมือเขาไว้แน่น ส่งรอยยิ้มอิ่มใจให้กันและกัน
   

“ไปพรมน้ำมนต์ข้างนอกดีกว่าครับ” เขาไม่รู้หรอกว่าน้ำมนต์คืออะไร แต่ก็พยักหน้ารับคำผมแล้วลุกขึ้นยืน พวกคุณเบนก็ไหว้เสร็จพอดี เราเลยพากันเดินออกมาพร้อมกัน มีผู้คนกำลังยืนรุมอ่างใส่น้ำมนต์คล้ายบาตรพระขนาดใหญ่ เราไปยืนต่อคิวเพื่อที่เราทั้งหมดจะได้เข้าไปพร้อมๆ กัน รออยู่ไม่นานบริเวณนั้นก็โล่ง มีเพียงคุณป้ากับคุณลุงคู่หนึ่งกำลังยืนพรมน้ำมันให้กัน และพูดพึมพำเหมือนท่องคาถาให้กัน เป็นภาพที่น่ารักจนอดยิ้มไม่ได้
   

เราห้าคนไปยืนใกล้ๆ อ่างน้ำมนต์ ยื่นดอกบัวในมือลงไปจุ่มในนั้น พอดึงออกมาก็เอาแตะๆ ที่หัวเบาๆ วิคเตอร์มองแล้วทำตามที่ผมทำ ผมอมยิ้มกับภาพที่เห็น ช่วงเวลานี้เขาเหมือนเด็กจริงๆ นั่นแหละ ใครทำยังไงก็ทำตามเขาไปหมด แม้กระทั่งทำตามคุณลุงกับคุณป้าเมื่อกี้ เขาเอาดอกบัวมาเคาะหัวผมเบาๆ แล้วงึมงำเหมือนท่องคาถา
   

“Body is mine, heart is mine, your love is mine, and you’re only mine. (ตัวเป็นของฉัน ใจเป็นของฉัน รักนายเป็นของฉัน และนายเป็นของฉันคนเดียว)” ผมอยากจะหัวเราะก๊ากออกมากับรอยยิ้มใสซื่อและเสียงที่พูดเจื้อยแจ้วคล้ายเด็ก (โข่ง) แต่ที่ทำได้คือยกมือปิดปากกลั้นขำเอาไว้ พอหันไปมองคนที่รอเข้ามาจุ่มน้ำมนต์ หลายคนมองวิคเตอร์แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนเจ้าตัวนั้นยังคงยิ้มหล่อมาให้ ดอกบัวก็แตะหัวผมแปะๆ ไม่หยุด ผมพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ และยืดแขนยื่นดอกบัวไปเคาะหัวเข้าเบาๆ บ้าง แต่ไม่ได้ท่องคาถาอะไรแบบเขาหรอก ได้แต่ส่งรอยยิ้มกว้างขำขันกลับไปให้ รู้สึกเอ็นดูยักษ์ตัวโตนี่เสียจริง
   

“Why don’t you say anything to me? (ไม่เห็นนายพูดอะไรกับฉันบ้างเลยล่ะ)” เขาถามสีหน้าสงสัยอย่างใสซื่อ ผมหันไปมองคนรอบข้างที่มองมาที่เราแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อยมาให้ พวกคุณเบนก็กำลังสนุกกับการเอาดอกบัวเคาะหัวกันเองอยู่ข้างๆ กัน นึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะพูดอะไร อีกอย่างเกรงใจคนที่เขารอต่อคิวอยู่ด้วย
   

“The happiness will be with you all the time. (ความสุขจะอยู่กับคุณทุกเวลา)” ผมพูดแค่นั้น แต่ใช้ความหมายที่เรารู้กันสองคน เขายิ้มกว้างเหมือนเด็กดีใจ ผมยิ้มตอบกลับไป ดึงดอกบัวออกจากมือเขาและเอาไปวางไว้ข้างอ่างน้ำมนต์ หันไปเรียกพวกบาสให้เดินออกจากอ่างน้ำมนต์เพื่อจะได้ให้คนอื่นเข้ามา
   

เราพากันเดินดูสถาปัตยกรรมอื่นๆ ของวัดอย่างเชื่องช้า ไม่ได้รีบร้อนอะไร แม้แดดจะร้อนมากก็ตาม วิคเตอร์เหงื่อไหลจนเสื้อเปียกชุ่ม เขาคอยจับปกเสื้อเขย่าตลอดเวลา ผมต้องคอยใช้ทิชชูซับเหงื่อบนหน้าให้เขาตลอด
   

“What’s that? (นั่นอะไรน่ะ)” เสียงคุณเบนถาม พวกเราเลยหันไปมอง ก็เห็นว่าคุณเบนกำลังชี้รูปปั้นยักษ์สองตนที่ยืนเฝ้าประตูในวัดอยู่ ผมหันไปมองวิคเตอร์ ส่งยิ้มกว้างไปให้เขา คนตัวโตทำหน้างง
   

“That’s your old brother! (นั่นพี่ชายคุณไง)” เขาทำหน้าว่า ฉันเหรอ ผมพยักหน้าหงึกๆ พาเขาเดินไปตรงรูปปั้นยักษ์สีเขียวกับน้ำเงิน บอกเขาว่านี่คือยักษ์ในวรรณคดีไทย พอรู้ว่าสองสิ่งนี้เรียกว่าอะไร วิคเตอร์ก็ยิ้มหัวเราะน้อยๆ
   

“When you call me Giant—you think about them, eh? (เวลาที่เรียกฉันว่ายักษ์ นายคิดถึงพวกนี้สินะ)” เขาถามยิ้มๆ แหงนหน้าไปมองยักษ์ใหญ่สองตนที่ถือกระบองไว้ในมืออยู่
   

“Especially when you are angry. (โดยเฉพาะเวลาคุณโกรธ)” เขาก้มลงมายิ้มให้ผม ยกมือซ้ายมาโยกหัวผมเบาๆ ผมเสนอให้เขาถ่ายรูปกับพี่น้องตัวเอง เขาตอบรับอย่างกระตือรือร้น ท่าทางจะถูกใจอยู่เหมือนกัน เรารอให้คุณเบนกับอันเดรถ่ายรูปกับยักษ์ทวารบาลจนเสร็จ ก็เป็นคิวของวิคเตอร์ ผมยกมือถือเขาขึ้นมากดถ่ายแนวนอนเพื่อจะได้ให้ยักษ์สามตนนั้นอยู่ในเฟรมเดียวกัน
   

“แมท ไปถ่ายกับวิคเตอร์ดิ เดี๋ยวบาสถ่ายให้” ผมหันไปมองเหลอหลาแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้ารับหงึกๆ บาสดันให้ผมเข้าไปหาวิคเตอร์ เราต้องรีบถ่ายกัน เพราะบริเวณนี้ผู้คนเดินเข้าออกกันเยอะ ถ่ายนานๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นยืนขวางทาง เราเลยต้องรีบถ่ายหลายช็อตติดต่อกัน วิคเตอร์โอบเอวผมไว้บ้าง โอบไหล่บ้าง ดันผมไปยืนข้างหน้าแล้วกอดเอาไว้บ้าง ถ่ายได้ประมาณสี่ห้าภาพเราก็รีบเดินออกจากจุดกึ่งกลางของยักษ์สองตน เพราะมีคนรอเดินผ่านอยู่
   

“ออกไปเลยมั้ย จะได้พาพวกนี้ไปเที่ยวที่อื่นด้วย” บาสเสนอ ผมเองก็เห็นด้วยเลยพาสามหนุ่มฝรั่ง เดินตรงไปที่ทางออก วิคเตอร์กำลังกดดูภาพในกล้องบาสอยู่ ส่วนคุณเบนกับอันเดรเดินไปคุยไปอย่างออกอรรถรส ได้ยินแว่วๆ ว่าคุยเรื่องฟุตบอล
   

“Basketball. Can I get all pictures of me and Matt? (บาสเก็ตบอล ถ้าฉันจะขอรูปของฉันกับแมททั้งหมดได้มั้ย)” บาสตอบว่าไม่มีปัญหาและเดี๋ยวจะส่งรูปให้ผมในเฟซบุ๊คก็แล้วกัน
   

“I love this pic. (ฉันชอบรูปนี้)” เขาเลื่อนกล้องลงมาให้ผมดู ผมยื่นหน้าไปดูก็เห็นว่าภาพที่เขาชอบนั้นเป็นภาพบนรถตุ๊กตุ๊กที่ผมนั่งเอาหัวซุกซอกคอเขาไว้ สองแขนเขากอดร่างผมแน่น จมูกเขากำลังสูดดมกลุ่มเส้นผมสีดำของผม ดวงตาผมจ้องมองมือถือ ส่วนเขามองวิวด้านข้างที่ตุ๊กตุ๊กแล่นผ่าน
   

“Lovely. (น่ารักเนอะ)” ผมยิ้มยิงฟัน ห่อไหล่ด้วยความเขิน วิคเตอร์ยิ้มละมุนมาให้และยื่นกล้องคืนให้บาส ฝีมือการถ่ายภาพของบาสถือว่าใช้ได้เลย แม้อาจไม่ได้เป็นมืออาชีพมาก แต่มุมที่บาสถ่ายออกมาก็ถือว่าใช้ได้
   

ตอนที่เรากำลังจะเดินออกจากประตูวัดไป ก็มีน้องผู้หญิงมอปลายกลุ่มหนึ่งเข้ามาขอถ่ายรูป ตอนแรกผมคิดว่าคงมาขอถ่ายกับวิคเตอร์ตามปกติ แต่พวกน้องบอกว่าขอถ่ายผมด้วย ผมหน้าเอ๋อไปนิด น้องเลยต้องบอกว่าอยากได้รูปคู่ผมกับวิคเตอร์มากกว่า เพราะพวกเขาเป็นแฟนคลับของผมกับวิคเตอร์ นั่นยิ่งทำให้ผมเอ๋อเข้าไปอีก ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีแฟนคลับ น้องๆ เลยอธิบายว่าเห็นที่เขาแชร์ในเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ ก็เลยเริ่มติดตามผมกับวิคเตอร์ ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ พอได้เจอน้องๆ บอกว่าดีใจมาก
   

“พวกหนูไฟท์กับพวกที่มาด่าพี่แล้วนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ” ผมยิ้มเอ๋ออ๋า กล่าวขอบคุณงงๆ น้องเลยเล่าเพิ่มว่ามีบางคน (ทั้งเพศหญิงเพศชาย) รับไม่ได้ที่วิคเตอร์รักกับผู้ชายเลยด่าเขาเสียหายมาก แถมยังลามมาด่าผมด้วย พวกน้องเลยช่วยกันปกป้องเท่าที่ทำได้ น้องบอกว่าอันที่จริงข่าวนี้ก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มที่แน่ชัด เพราะวิคเตอร์ยังไม่ได้ออกมาพูดเอง มีแต่ทีมงานส่วนตัวเขาที่ต่างประเทศพูดแทนอยู่ตลอด แต่คนในโซเชียลก็ฟันธงแล้วว่าผมกับวิคเตอร์นั้นคบกันแน่นๆ ยิ่งมาเจอวันนี้ น้องๆ ก็ยิ่งมั่นใจ
   

“มีเพจของพี่สองคนด้วยนะ พวกหนูไม่ได้ทำหรอก มีคนทำให้ค่ะ ตอนนี้ยอดกดไลค์ขึ้นเอาๆ”
   

“อะ… เอ่อ ขอบคุณนะครับ” ผมยังรู้สึกงงๆ อยู่เล็กน้อย คือผมใช้ชีวิตตามปกติมาตลอด พอมีคนมาบอกแบบนี้ก็เลยรู้สึกงงอยู่เหมือนกัน
   

ผมกับวิคเตอร์ยืนฉีกยิ้มถ่ายรูปกับน้องๆ หลายสิบคน ยิ้มจนเหงือกจะแห้ง ผมแหงนมองวิคเตอร์ เขายังคงยิ้มตามปกติ ก็ไม่ได้ยิ้มกว้างหรือยิ้มใหญ่เท่าเวลาอยู่ด้วยกันสองคนหรอก แต่ก็ดีกว่าเขาทำหน้านิ่งถ่ายรูปก็แล้วกัน น้องๆ บางคนที่ถ่ายรูปกับผมและวิคเตอร์ไปแล้ว พอหันไปเห็นสามหนุ่มที่เหลือก็ส่งสัญญาณขออนุญาตถ่ายรูปด้วย สามหนุ่มนั้นงงไม่ต่างจากผมในตอนแรก แต่ก็ยอมให้สาวๆ ถ่ายรูปด้วยแต่โดยดี
   

“ขอบคุณมากนะคะ วันที่พี่วิคเตอร์กลับ พวกหนูจะขอไปส่งได้มั้ยป้ะคะ” ผมหันไปบอกวิคเตอร์ตามที่น้องขอ เขาทำหน้านิ่งแต่ก็มีแววครุ่นคิด สักพักเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ผมหันไปบอกพวกน้องๆ ว่าเขาอนุญาต ทุกคนก็ส่งเสียงเฮดีใจเบาๆ แล้วก็ขอแยกตัวออกไป
   

“ขอสัมภาษณ์ความรู้สึกคนดังหน่อยได้มั้ยครับ” บาสหันมาแซวพร้อมเสียงหัวเราะ ผมยิ้มเขิน ณ ตอนนี้ผมยังทำตัวไม่ถูกอยู่เลย เมื่อกี้เผลอทำหน้าเหลอหลาไปมากแค่ไหนก็ไม่รู้
   

เราพากันเดินออกมาข้างนอก และพากันเดินกลับไปหาพี่โชเฟอร์ตุ๊กตุ๊กที่นอนรออยู่บนรถ พอพี่แกเห็นพวกเราก็เด้งตัวขึ้นมาอย่างฉับพลันและเข้าประจำที่ พวกเราเองก็กลับขึ้นไปนั่งที่เดิม ผมนั่งพิงอกวิคเตอร์ เปิดรูปในมือถือเขาดู พอเห็นรูปที่เขาถ่ายกับยักษ์หน้าประตูวัด ก็อดยิ้มขำไม่ได้ ให้ฟีลเหมือนน้องเจอพี่เลย
   

“ผมอัพรูปนี้อีกรอบนะ”
   

“ตามใจสิ” แฟนคลับเขาคงแปลกใจว่าทำไมพ่อพระเอกที่ไม่ค่อยจะติดโซเชียล ทำไมเดี๋ยวนี้อัพรูปบ่อยจัง ผมกดเลือกรูปที่เขายิ้มแยกเขี้ยวเหมือนยักษ์อัพลงอินสตาแกรม ใส่แคปชั่นเก๋ๆ ที่ว่า
   

I met my family.
   

วิคเตอร์เห็นแคปชั่นก็ขำ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมกดอัพรูปลงในไอจีเขาและเข้าไปดูรูปก่อนหน้านี้ที่เขาถ่ายคู่รถตุ๊กตุ๊กกับเบนเนดิคท์และอันเดร ยอดกดไลค์เป็นแสน ช่างแตกต่างจากของผมนัก มีคอมเม้นต์ของคนไทยมาแสดงการยินดีต้อนรับกันยกใหญ่ ผมเห็นมีคนคอมเม้นต์คุยกันประมาณว่าโรงแรมไหน โรงแรมอะไร พวกนี้ทำท่าจะตามมาแน่ๆ ผมรีบตรวจสอบดูรูปว่ามีจุดไหนที่บ่งบอกว่าเราอยู่โรงแรมอะไรหรือเปล่า แต่ก็ไม่พบ หวังว่าพวกนั้นคงไม่ไปใช้เอฟบีไอสืบโรงแรมที่วิคเตอร์พักหรอกนะ
   

“นี่ รู้รึเปล่าว่ายักษ์ที่คุณถ่ายรูปด้วยเขามีหน้าที่อะไร” ผมละสายตาจากหน้าจอ แหงนหน้าขึ้นไปมองเขา วิคเตอร์ก้มหน้าลงมองผมนิดหนึ่ง เขาส่ายหัวช้าๆ กลับมา หน้าตาบอกว่าไม่รู้จริงๆ
   

“ผมจำได้ว่าเคยเรียนสมัยมัธยม อาจารย์บอกว่ายักษ์ในวัดมีหน้าที่ปกป้องสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในวัด” จำได้ว่าอาจารย์สอนภาษาไทยเคยบอกตอนเรียนเรื่องเกี่ยวกับวัดไทย ยักษ์ในวัดนั้นรู้จะมีสิบสองตนมั้งถ้าจำไม่ผิด
   

“หน้าที่ยักษ์พวกนั้นคือปกป้องวัดว่างั้น” เขาถามเสียงทุ้ม ผมพยักหน้า
   

“ตามความเชื่อไทย เขาเชื่อกันแบบนี้” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง เขามองหน้าผมด้วยสายคาครุ่นคิดเล็กๆ
   

“งั้นก็เหมือนฉันที่มีหน้าที่ปกป้องเอเลี่ยนตัวนี้” เขายิ้มละมุน ผมคลี่ยิ้มกว้างไปให้ รู้สึกร้อนวูบที่สองแก้ม ผมขยี้หัวลงบนอกเขา รู้สึกเขินเวลาเขาพูดอะไรแนวนี้จริงๆ
   

“ปากหวานอีกแล้ว” ผมแหงนหน้าบอก วิคเตอร์ยิ้มอ่อน ก้มลงมาจูบปากผมแผ่วเบา
   

“เฮ้ๆ นี่บนรถนะไม่ใช่เตียง” เสียงขัดของอันเดรดังแข่งกับเสียงรถตุ๊กตุ๊ก วิคเตอร์ผละออกไปแล้วยักคิ้วกวนๆ ไปให้เพื่อนตัวเอง อันเดรทำท่าพะอืดพะอมใส่เราสองคน ผมยิ้มเขิน ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของคนอื่น โดยมีเสียงอันเดรกับเบนดิคท์คอยจิกกัดเราสองคน ส่วนบาสก็เอาแต่นั่งหัวเราะอารมณ์ดี
   

ยักษ์ในวัดมีกี่ตนไม่รู้ แต่ที่รู้คือยักษ์ตนนี้ที่ผมนั่งตักอยู่นั้นมีตนเดียวบนโลก


TBC.  :katai5:

เข้าวัดเข้าวากันบ้างละกันเนาะ -..- เรื่องดอกบัวพรมน้ำมนต์นี่ ต้องขอบคุณบล็อกท่องเที่ยวบล็อกหนึ่ง (ซึ่งจำไม่ได้แล้ว T_T) พอดีเคยเดินผ่าน เคยไปเที่ยวแถวนั้น แต่ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับวัดมากนักเลยลองเสิร์จข้อมูลดู ก็เจอดีเทลตรงนี้เลยนำมาเขียน ตอมว่าน่ารักดีอะค่ะ ฮิๆ คาถานั่นยืมมากจากเจ้พลอยเฌมาลย์ในละคร บ่วงบาป นะ 555555

ใครอยากได้หนังสือรอบรีปริ้น เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่โพสปักหมุดของเพจนะคะ (ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะรีน้าา อ่านรายละเอียดก่อนน้อ)

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 21-10-2015 23:15:05
ก็ว่าคาถาคุ้นๆนะ 55555
น่ารักจริงๆเลยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 21-10-2015 23:37:58
น่ารักกกกมากกกกก ยิ้มแก้มปริ  ยักษ์น่ารัก เอเลี่ยนน้อนก็น่าฟัด โอ้ยยยย รักสองคนนี้จังเลยยยย  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: nutipkra ที่ 21-10-2015 23:53:22
 :o8:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-10-2015 00:20:53
เป็นคาถาที่น่าท่องตามมากที่สุดในสามโลก และพี่ยักษ์ก็น่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 22-10-2015 03:11:32
คาถาอีแพงเปล่าเนี่ย พี่ยักษ์ดูท่าทางแล้วเสพติดละครไทย 55555+ ตอนนี้หวานกันเบาๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-10-2015 06:53:41
เพลินอ่ะ  ไปเที่ยวกะยักษ์และเอเลี่ยนเพลิน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 22-10-2015 07:13:05
 :-[ :-[ :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-10-2015 11:22:46
พี่ยักษ์ถึงกับให้แมทเล่นโยคะเพื่อที่กล้ามเนื้อจะได้แข็งแรง

จะได้มีแรงเล่นท่ายากๆ เวลาอยู่ในห้องเซ็กส์ทอยเนี่ยนะ

พี่ยักษ์หื่นมากกกกก เดี๋ยวจะได้แยกจากแมทแล้ว

อย่าไปหื่นใส่คนอื่นนะ ไม่งั้นเราจะยุให้แมทงอนหนีไปให้ไกลเลยคอยดู

แมทระวังเรื่องอดัมไว้บ้างก็ดีนะ ถ้าพี่ยักษ์รู้แล้วเกิดหึงขึ้นมานี่

การฝึกโยคะคงไม่ช่วยอะไรเลย :oo1: :oo1: :oo1:

ตะหงิดๆ กับการขอพรในเรื่องความรักของแมทยังไงไม่รู้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: corn_rain ที่ 22-10-2015 11:23:53
ผมนี่รีบไปวัดพระแก้วเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 22-10-2015 13:31:21
ตัวเป็นของกู ใจเป็นของกู 555555555555
วิตเตอร์น่ารักกว่าแต่ก่อนสุดโต่ง 55555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 24-10-2015 03:11:36
กรีดร้อง
ในที่สุดก็อ่านทัน
ชอบมากกกกกกกกป
มันดูเรียล(ยกเว้นเรื่องอย่างว่า)
ตัวละครดูมีชีวิตจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-10-2015 10:02:15
โอ๊ยน่ารักก


แต่ตรงบริบทนี้เราว่าน่าจะปรับหน่อยนะคะ

อ้างถึง
“ผมจำได้ว่าเคยเรียนสมัยมัธยม อาจารย์บอกว่ายักษ์ในวัดมีหน้าที่ปกป้องสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามาในวัด

น่าจะเป็น ปกป้องสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในวัด

หรือปกป้องวัดจากสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามา มากกว่าหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-10-2015 10:32:36
โอ๊ยน่ารักก


แต่ตรงบริบทนี้เราว่าน่าจะปรับหน่อยนะคะ

อ้างถึง
“ผมจำได้ว่าเคยเรียนสมัยมัธยม อาจารย์บอกว่ายักษ์ในวัดมีหน้าที่ปกป้องสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามาในวัด

น่าจะเป็น ปกป้องสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในวัด

หรือปกป้องวัดจากสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามา มากกว่าหรือเปล่าคะ

ขอบคุณมากเลยค่ะ พออ่านดีๆ แล้ว ที่เขียนไปมันก็แปลกๆ อยู่เหมือนกัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 24-10-2015 15:23:07
เอาหล่ะจุ๋ย พี่ยักษ์เราท่องคาถาใส่เอเลี่ยนแล้ว
ก็ว่าจะไม่ปล่อยเอเลี่ยนให้หลุดไปไหนเลยใช่ม่ะ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 25-10-2015 00:42:51
สงสัยวิคเตอร์จะเป็นแฟนคลับเจ๊พลอยรากราคะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.15 100%} 21.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 26-10-2015 01:58:12
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 26-10-2015 22:17:11



Only You EP.15 :: Suit and Bow tie. [50%]



เมื่อเช้าเพราะได้ยินเสียง อึ้บ อ้า อึ้บ อ้า ดังมาจากข้างนอกห้องนอน พอลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วชะโงกหน้าไปดูก็เห็นวิคเตอร์ที่เปลือยท่อนบนกำลังวิดพื้นแบบสลับกับตบมือ คือพอดันตัวขึ้นเขาจะปรบมือหนึ่งครั่ง พอกำลังจะตกลงพื้นเขาก็จะใช้สองมือกลับไปยันไว้บนพื้น พอรู้ว่าเป็นเสียงอะไรผมก็เลยล้มตัวลงไปนอนต่อ เพราะยังรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายอยู่เลย ช่วงนี้มีกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายผมได้รับความสมบุกสมบันบ่อยนัก และเมื่อคืนก็เป็นอีกคืนหนึ่ง
   


วิคเตอร์ลากผมไปผับด้วย ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธหรอก เพราะชอบเต้นอยู่แล้ว บาสพาพวกเราไปเที่ยวผับหรูย่านใจกลางกรุง ผมดื่มไปนิดหน่อยเพราะวิคเตอร์ไม่อยากให้ดื่มเยอะ ส่วนเขาก็ดื่มไม่หนักมาก เพราะกลัวจะแฮงค์จนไปเดินพรมแดงวันนี้ไม่ไหว สามหนุ่มที่เหลือก็ดื่มน้อยๆ แต่พองามเพราะยังเข็ดจากอาการเมาปลิ้นจากรอบที่แล้วอยู่ ผมน่ะดื่มน้อยสุดแล้ว แต่เต้นอ่ะหนักที่สุด พอรอบข้างเห็นผมเต้นมันส์ก็เข้ามาท้าเต้นกันไม่หยุด เรื่องเต้นนี่ยอมยากมาก เชื่อว่าหน้าไม่เป๊ะแต่เรื่องอย่างว่าผมเป๊ะ (เรื่องเต้น)
   


“สรุปว่าคุณไม่ไปถ่ายแบบให้กับนิตยสาร G&M แน่เหรอ เขาโทรมาตื๊อผมรอบที่สามแล้วนะ” ผมถามหน้าง่วง น้ำเสียงเลื่อนลอย จิ้มเบคอนราดซอสพริกเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเชื่องช้า เมื่อเช้าพอผมล้มตัวลงนอนได้แปบนึง เขาก็มาลากผมลงจากเตียงมากินอาหารเช้า สภาพผมเลยสลึมสลือคล้ายกระบือเพิ่งตื่นนอน
   


“ไม่ไป” เขาตอบหน้าตาย แต่น้ำเสียงเฉียบขาดเหมือนเคย ฝ่ายนิตยสารไม่รู้ว่าเอาเบอร์ผมมาจากไหน แต่ติดต่อขอให้วิคเตอร์ไปขึ้นปกสามรอบแล้ว อ้อนวอนผมว่าโปรดช่วยกล่อมวิคเตอร์ให้ใจอ่อนมาขึ้นปกให้หน่อย เขายินดีจ่ายเต็มที่ แต่ไม่ว่าเงินเยอะแค่ไหนวิคเตอร์ก็ส่ายหัว และยังบ่นผมเรื่องที่ไม่ยอมปฏิเสธไปให้เด็ดขาด ครั้งนี้ผมถามไปก็พอจะรู้อยู่ว่าคำตอบนั้นเป็นยังไง แต่ก็ลองถามดูเผื่อพี่แกจะเปลี่ยนใจ เพราะผมเองก็รู้สึกเห็นใจทีมงานอยู่เหมือนกัน คงอยากได้วิคเตอร์ไปขึ้นปกมากจริงๆ แต่ในเมื่อเขายืนยันคำเดิม น้ำเสียงเดิม และสีหน้าเดิมแบบนี้ ก็แสดงว่ายากที่จะเปลี่ยนใจเขาแล้ว ผมเองก็ไม่อยากฝืนบังคับเขาเลยไม่ได้อ้อนขอร้องแบบทุกที ที่ผมไม่อ้อนเขาเพระว่าทางนั้นจะให้ขึ้นปกคู่กับนางเอกชื่อดังของเมืองไทยคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่ได้ปลาบปลื้มแม่นางเอกคนนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมไม่ได้กลัวเรื่องชู้สาวอะไรทำนองนั้นหรอก เพราะเธอก็มีแฟน กำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ด้วย แต่จุดหลักเลยคือ ผมไม่ชอบนางเอกคนนี้ ถ้าเป็นอีกคนที่ผมชอบ ผมจะอ้อนวิคเตอร์สุดพลัง เพราะผมอยากเจอนางเอกคนนั้น ฮ่าๆๆ
   


“ทีมงานโทรมาบอกว่าคุณจะต้องไปถึงงานบ่ายสามโมง เริ่มเดินพรมแดงสี่โมงเย็นครึ่ง” ผมตักไข่ดาวเนื้อนุ่มเข้าปาก วิคเตอร์ย่นคิ้วเล็กน้อยพลางยกไวน์ดื่มตามอาหารที่เพิ่งทานลงไป
   


“ทำไมให้ไปก่อนตั้งหนึ่งชั่วโมงครึ่ง”
   


“เขาคงอยากนัดแนะกับคุณให้ละเอียดอีกทีนั่นแหละครับ ใช่ว่าไปถึงแล้วคุณจะแค่เดินโชว์หน้าหล่อๆ อย่างเดียวเมื่อไหร่ มันก็ต้องมีคิว มีจังหวะที่ทางงานเตรียมไว้” วิคเตอร์แบะปากทำหน้าเหมือนว่าไม่อยากฟัง ผมถลึงตามองเขาและยกมีดหั่นเนื้อขู่ ไอ้ยักษ์ยกมาขู่บ้าง แล้วเราก็เอามีดนั้นมาฟันสู้กันราวกับเด็กสามขวบไม่มีผิด (เด็กสามขวบอาจเล่นอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ด้วยซ้ำ)



เราเอามีดสีเงินฟันสู้กันเป็นเรื่องเป็นราว ประหนึ่งว่าไปเรียนวิทยายุทธ์กระบี่มาเพื่อปราบเหล่ามารร้ายในยุทธ์ภพ เล่นกันอยู่สักพัก ผมก็เป็นคนหยุดกระบวนท่ากระบี่เอง เพราะโต๊ะรอบข้างเริ่มมองแล้วอมยิ้มขำกันใหญ่



“นายแพ้แล้ว อย่างนี้ต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะ!” เขาประกาศชัยเสียงเข้มแต่ไม่ได้ตะโกนดังลั่นจนทั้งห้องอาหารแตกตื่น ผมเบ้ปาก ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เขา



“Rampant alien! (เอเลี่ยนสามหาว!)” ผมที่กำลังตีมึนใส่เขาถึงกับขำพรืดออกมา รีบยกมือขึ้นมาปิดปากเพราะกลัวตัวเองจะหัวเราะเสียงดังมากไป คือหน้าตาวิคเตอร์ตลกมาก เขาจริงจัง ขึงขัง ถลึงตามอง ปากบิดเบี้ยวราวกับโกรธจริง แต่พอเขาเห็นผมขำ เขาก็เลยหลุดมาดจอมยุทธ์มือกระบี่มือหนึ่งแห่งเขาเหลียงซาน (?) นั่งกลั้นหัวเราะไปพร้อมผม



“Crazy Giant! (ไอ้ยักษ์บ้า!)” ผมว่าเสียงคล้ายกระซิบให้ได้ยินกันสองคน เขายิ้ม ไหวไหล่กวนๆ กลับมา แต่ริมฝีปากก็บิดเป็นรอยยิ้ม



พอทานอาหารเช้าจนหมดเกลี้ยง เราสองคนก็ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับขึ้นห้อง ตอนที่กำลังเดินออกจากห้องอาหารเราสวนทางกับพวกบาสที่อยู่ในชุดนอนเช่นกัน ดูท่าทางพวกเราจะเป็นกลุ่มที่ชิลลิ่งที่สุดแล้วละ



“แกจะไปงานเย็นนี้กับฉันมั้ย”



“ไม่ไปละกันว่ะ ขอนอนพักที่ห้องแล้วกัน พวกฉันว่าจะไปว่ายน้ำตอนเย็นๆ ถ้าแกกลับมาทันก็ตามไปนะ” วิคเตอร์พยักหน้าให้เบนเนดิคท์ ผมหันไปทักทายบาสกับอันเดร ก่อนจะเดินไปตามแรงจูงมือของวิคเตอร์



“ผมอยากไปว่ายน้ำ” ผมบอกในขณะที่เรากำลังยืนรอลิฟต์ลงมารับ



“งั้นไม่ไปงานวันนี้มั้ย” ผมบู้ปากพลางส่ายหัวช้าๆ



“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวคุณจะโดนด่าว่าไม่มีความรับผิดชอบ” วิคเตอร์ทำหน้าเซ็งแล้วพ่นลมหายใจออกมา



“เงินก็ไม่ได้ ไม่รู้จะไปทำไม”



“ก็คุณบอกพวกทีมงานว่าไม่เอาค่าตัวเองนี่นา” นึกสงสารเขาอยู่เหมือนกันนะ ที่ไปทำงานฟรีๆ ไม่มีค่าตัว ปกติงานที่มีค่าตัวเขาก็ไม่ค่อยอยากจะทำอยู่แล้ว



“แต่ฉันได้นายกลับมาอยู่ด้วยไง” เขาว่ายิ้มๆ แล้วก้มลงมาหอมกลางกระหม่อมผมหนักๆ หนึ่งที ผมยิ้มละมุนกลับไปให้เขา เอาหัวชนต้นแขนเขาแก้เขินไปหนึ่งที



“คุณไม่รับค่าตัวจริงๆ เหรอ ผมหมายความว่า ไม่รับเลยสักบาทอ่ะนะ” ถึงจะดีใจที่เขาเลือกผมแทนเงินก็เถอะ แต่จริงๆ แล้วค่าตัววิคเตอร์สูงมาก ยิ่งมาออกงานต่างประเทศอย่างนี้ด้วย ค่าตัวก็ยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก



“สารภาพตามตรงนะ…” ลิฟต์เปิดออกพอดี เราสองคนเลยเดินก้าวเข้าไปด้านใน วิคเตอร์กดเลขชั้น แล้วลิฟต์ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไป



“…เอมิลี่โทรมาด่าฉันเละเลย เธอบอกว่าดีใจด้วยที่เราสองคนกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ฉันไม่ควรทำงานเสียหาย ถ้าให้เดาคำว่าเสียหายของเธอคือการที่ฉันทำให้ตัวเองเสียผลประโยชน์ที่จะได้รับ โดยเอาเรื่องส่วนตัวมาปนมั่วไปหมด” เขายักคิ้วเซ็งๆ นิดหน่อย



“แต่จริงๆ คุณก็ควรรับค่าตัวนะ ถึงงานจะไม่เหนื่อยมาก แต่ยังไงก็ควรได้รับเงิน”



“มันเป็นจังหวะมากกว่า ฉันตั้งใจจะมาหานายก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ แต่พอดีงานนี้ติดต่อมาพอดี และฉันเองก็กลัวนายจะไม่ยอมมากับฉัน ฉันเลยเอางานนี้มาบังหน้าอย่างที่เคยบอกนั่นแหละ” ลิฟต์เปิดออกที่ชั้นของพวกเรา ผมก้าวเดินออกจากลิฟต์ไปก่อน วิคเตอร์เดินตามหลังมา



“แต่ผมก็ไม่ยอมมาหาคุณอยู่ดี” ผมแอบพูดด้วยความภูมิใจเล็กๆ ที่ตอนนั้นปฏิเสธไม่ขอร่วมงานกับเขา แม้ว่าเขาจะเอาหน้าตาของประเทศผมเป็นตัวประกันก็ตาม ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียวหรอก แต่ผมเลือกที่จะเงียบ แทนที่จะให้คำตอบใดๆ ออกไป กะรอถึงวันงานแล้วให้ทางทีมงานหาคนใหม่ไปดูแลเขาแทน



“ฉันถึงต้องไปขโมยตัวนายมาก่อนไง” ขโมย? นี่เขาใช้คำนี้กับมนุษย์งั้นเหรอ ให้ความรู้สึกเหมือนไปขโมยหมา ขโมยแมวมาอย่างไรอย่างนั้น หรือถ้าจะให้เลวร้ายที่สุดคงให้ความรู้สึกเหมือนโจรขโมยควายไปขายในสมัยก่อน



“สรุปว่าตอนนี้คุณได้ค่าตัวมั้ย” ผมนั่งลงบนโซฟาตัวยาว วิคเตอร์นั่งลงบนโซฟาตัวเล็กอีกตัว หยิบมือถือจากในกระเป๋ากางเกงนอนออกมาวางไว้บนโต๊ะกระจก



“คิดว่าระดับเอมิลี่คงไม่พลาดหรอก ป่านนี้เงินคงอยู่ในบัญชีฉันแล้วมั้ง แบบนี้แหละ ฉันถึงเริ่มไม่อยากไป เพราะมันจะต้องไม่ใช่แค่เดินพรมแดงอย่างเดียว ต้องขอให้ฉันทำอะไรอีกเยอะชัวร์”  เขาว่าเซ็งๆ พลางกดเปิดทีวีดูช่องเพลงต่างประเทศ



“เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนเอง” เขาหันมายิ้มหล่อละมุน ผมยิ้มแก้มอิ่มกลับไป เขากวักมือเรียกผม ตบลงตักเบาๆ เป็นสัญญาณให้ผมลุกขึ้นไปนั่งตักเขา ผมลุกเดินไปนั่งลงบนตักเขา วิคเตอร์เอาแขนขวาโอบรอบเอวผมไว้



“มีนายอยู่ด้วยฉันก็ไม่เบื่อแล้วละ” ผมยื่นหน้าไปหอมหน้าผากเขาหนึ่งที วิคเตอร์ได้ทีเลยเอียงแก้มให้ผมหอมทีละข้าง



“นักข่าวต้องรอสัมภาษณ์คุณเยอะแน่เลย” ผมเชื่อว่านักข่าวไทยที่ไปงานวันนี้ ต้องมีเกินครึ่ง หรือเอาดีๆ คือทั้งกองทัพที่ไปกันวันนี้นั่นแหละที่รอไปสัมภาษณ์เขา กระแสในโซเชียลดังขนาดนั้น แล้วนิสัยสื่อไทยเดี๋ยวนี้ก็ชอบหาประเด็นเด็ดดังจากโซเชียลทั้งนั้น เพราะมันรวดเร็วทันใจ บางทีก็ไม่ได้กรองข้อมูลดีๆ หรอก สักแต่ว่าขอทำข่าวเอาไว้ก่อน ให้สื่อตัวเองมีข่าวขายก่อน



“ฉันบอกไว้ในสัญญาว่าจ้างแล้วว่าถ้าถามเรื่องอื่นนอกจากงาน ฉันไม่อนุญาต” ผมพยักหน้านิดหน่อยแล้วหันไปมองทีวี นั่งดูช่องสากลของไทยเอาเอ็มวีต่างประเทศมาฉายไปเพลินๆ กันสองคน เพลงไหนร้องได้เราก็ช่วยกันร้องงึมงำดำน้ำไปด้วยกัน



“Oh! This song! (โอ้ เพลงนี้ไง!)” เขาชี้ไปที่หน้าจอสีหน้าตื่นเต้นเมื่อเพลงที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้คือเพลง I really like you ที่เราเคยฟังด้วยกันครั้งแรกตอนอยู่ในเซ็นทรัลปาร์ค ผมยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงความทรงจำระหว่างเราที่เกี่ยวกับเพลงนี้



I really really really really really really like you! And I want you. Do you want me? Do you want me, too?!



เราสองคนหัวเราะดังลั่นห้อง ไม่รู้ว่าวิคเตอร์เป็นหรือเปล่า แต่สำหรับผม ภาพในวันที่เราสองคนเดินเล่นด้วยกันในเซ็นทรัลปาร์คแล้วฟังเพลงนี้ไปด้วยกันมันย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิดผมเพียบเลย นึกถึงท่าเต้นตัวเองแล้วก็นึกตลก ผมไม่ตั้งคำถามหรอกว่าทำไปได้ยังไง เพราะมีเสียงเพลงเมื่อไหร่ผมก็เต้นได้ตลอดแหละ



“I need to tell you something. Yeah, I need to tell you something. Yeahhh! I really really really really really really love to fuck you. And I love you. Do you love me? Do you love to fuck me, too?”



“ฮ่าๆๆๆ คิกๆ” ตอนแรกก็ว่าตัวเองหัวเราะดังแล้ว พอวิคเตอร์ร้องแบบแปลงเนื้อเพลงใหม่ (ที่ทำเอาเพลงจริงเขาเสียหายมาก) ก็ยิ่งทำให้ผมหัวเราะอ้าปากกว้างกว่าเดิม ครั้งที่แล้วเขาก็แปลงแบบนี้แหละ ความหมายทำนองเดียวกัน แต่รอบนี้ดูฟุ้งฟิ๊งแพรวพราวกว่าเดิม แถมตอนร้องยังทำหน้าทำตาหื่นกามได้ดีเยี่ยมด้วย เขายิ้มแฉ่งเหมือนหนุ่มน้อยวัยรุ่นอเมริกันที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม ยิ้มแบบเสน่ห์กระจายมาก เห็นแล้วอดใจไม่ไหวต้องยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาหนึ่งที พอผมทำแบบนั้นเขาก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม



“นึกถึงหน้าคุณเมื่อก่อนกับตอนนี้ มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน” เมื่อก่อนกว่าจะยิ้มได้นี่ยากเย็นแสนเข็ญ ลำเค็ญยิ่งกว่าชีวิตอีเย็นนางทาสซะอีก



“I have you ,now. (ก็ตอนนี้ฉันมีนาย)” เขาว่าแล้วกอดผมไว้แน่นกว่าเดิม



“And I have you, too. (ผมก็มีคุณด้วยเหมือนกัน)” เรายิ้มกว้างให้กัน เอาหน้าผากชนกันและดันกันไปมา หยอกล้อกันอยู่สองคน หัวเราะคิกคักแข่งกับเสียงเพลงในทีวี เขายื่นหน้ามาจุ๊บปากผม ผมหัวเราะและถอยหน้าหนี เขาก็ตามมาจะจุ๊บปากผมให้ได้ ผมเบี่ยงหน้าหลบ เขาก็ตามมาหอมแก้มแรงๆ แทน



“อั้ย…” ผมส่งเสียงงอแง เขาฝังจมูกลงบนแก้มผมไม่ยอมถอนออก ตอหนวดของเขาทิ่มแก้มผมจนเจ็บ ผมเลยต้องยกมือมาจับหน้าเขาไว้แล้วผลักออก เขาก็ยังดื้อจะพยายามยื่นหน้าเข้ามาจูบ ผมหัวเราะฮือๆ ในลำคอ วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้มยื่นปากจู๋มาให้เหมือนจะให้ผมจุ๊บ ผมยิ้มกว้างแล้วยื่นหน้าไปจุ๊บปากเขาหนึ่งทีเร็วๆ
   


“ไปเตรียมตัวกันมั้ยครับ” ผมยกมือขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ตอนนี้จะเที่ยงแล้ว เวลาเดินเร็วมากจริงๆ
   


“อาบน้ำด้วยกันนะ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม แววตาโคตรจะไม่น่าไว้ใจ ผมหรี่ตามองกลับไป
   


“แค่อาบน้ำนะ” เขายิ้มมึน ตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไอ้ท่าทีแบบนี้นี่มีมากกว่าอาบน้ำชัวร์
   


“ดูพฤติกรรมเด็กคนนี้ก่อนว่าเป็นไง” ผมเบ้ปากใส่ ลุกขึ้นยืนแล้วฉุดมือเขาให้ลุกขึ้น ลากเขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอน วิคเตอร์ส่งเสียงงุ๊งงิ๊งให้ผมถอดเสื้อ ถอดกางเกงให้ ผมยิ้มเอือมนิดหน่อยแต่ก็ช่วยเขาถอดเสื้อผ้าจนเปลือยไปทั้งตัว
   


“ถอดของนายเร็วสิ” โดนเขาฟัดในห้องน้ำซะละมั้ง ทำไมเขาถึงมีอารมณ์ได้อยู่เรื่อย มียาชนิดไหนที่สามารถลดอาการอยากทางเพศได้บ้างมั้ย ขอให้ไอ้ยักษ์สักสองโหลเถอะ เอาให้ตายด้านไปเลย
   


เอ่อ… จะว่าไป สองโหลก็เยอะไปนะ สักเม็ดละกัน ระงับชั่วคราว ให้เสื่อมไปเลยก็เสียดายของแย่ (อุ๊ย!)
   


เราเดินเปลือยเข้าไปในห้องน้ำ วิคเตอร์เอามือมาตีก้นผมเล่นสนุกมือ ผมหันไปตีต้นแขนหนาของเขาดังเพี๊ย! แต่เชื่อได้เลยว่าไม่สะทกสะท้านเขาหรอก เพราะยังหัวเราะเริงร่ากลับมาให้อยู่เลย ผมเปิดประตูกระจกของห้องน้ำ พาเขาเดินเข้าไปด้านใน เริ่มอาบน้ำให้เขา โดยที่ต้องคอยปัดมือเขาออกจากร่างกายตัวเองอยู่เรื่อย ไอ้ยักษ์นี่หัวเราะอารมณ์ดี นึกอยากจะจับแชมพูสระผมกรอกปากสักขวด
   


กว่าจะอาบน้ำเสร็จเราก็ตบตีกันไปหลายยก เพราะเขาคอยแต่จะเอายักษ์น้อยที่ตั้งโด่มาถูไถกับก้นผมอยู่เรื่อย ผมเองก็แข็งชูชันเหมือนกัน แต่ก็พยายามห้ามใจ เพราะไม่งั้นเราจะช้าจนไปงานสายแน่ๆ เลยกลายเป็นว่านอกจากแมทน้อยจะแข็งแล้ว ผมก็ต้องใจแข็งไม่ยอมให้เขาเผด็จศึกด้วย
   


“เป่าผมเร็วครับ” เขาดึงเก้าอี้ในห้องน้ำมานั่ง ผมเปิดเครื่องเป่าผม ยืนค้ำร่างเขาอยู่ นี่เป็นไม่กี่ครั้งเลยนะเนี่ยที่ผมสูงกว่าเขา
   


“วิคเตอร์ อย่าซนสิ!” ผมร้องประท้วงตอนที่เขาดึงผ้าขนหนูที่ผมเอาพันเอวไว้ แมทน้อยที่ยังไม่ยอมสงบ ชี้หน้าเขาอย่างหาญกล้า วิคเตอร์ยกมือสองข้างจับเอวผมไว้ ยื่นหน้าเอาปากอมเข้าไปมิดลำ
   


“Gianttt!” ผมสะบัดมือออกจากหัวเขา รีบดึงแมทน้อยออกจากปากอีกฝ่าย พ่อตัวดีหัวเราะชอบใจ แถมมีการแลบลิ้นรัวใส่หน้าผมอีก ผมเลยเอาเครื่องเป่าผมเป่าใส่ลิ้นเขาซะเลย
   


“ฮี่ๆ” วิคเตอร์ทำหน้าแหยง ทำเสียงคล้ายถมน้ำลายเบาๆ เขาเงยหน้ามองผมแววตาคาดโทษ ผมยิ้มมึนกลับไป เดินไปนั่งคร่อมตักเปลือยเขาไว้ วิคเตอร์เอาสองมือมาคล้องเอวผมไว้แน่น ผมนั่งเป่าผมให้เขา ใช้มือซ้ายขยี้เรือนผมดกดำไปด้วย โดยมีสายตามึนเมา (พร้อมเอา) มองผมอยู่ตลอดเวลา ผมแกล้งทำเป็นไม่มอง ทำเป็นว่ากำลังตั้งอกตั้งใจเป่าผม
   


“They’re say hi to each other. (พวกมันกำลังทักทายกันอยู่นะ)” เขายิ้มลามก ก้มหน้าลงมองแก่นกายของเราสองคนที่ชูชันชนกันไปมาเป็นระยะ ผมหน้าแดง แต่ก็แกล้งทำมึนไม่สนใจ วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้มในลำคอ กระชับอ้อมแขนที่บั้นท้ายผมแน่นขึ้นจนร่างผมแนบชิดติดกับด้านหน้าของเขา
   


“แห้งแล้ว เดี๋ยวเซ็ทผมนะครับ” ผมปิดเครื่องเป่าผม เขาพยักหน้ารับ ยิ้มกริ่มอย่างกับคนเมาทั้งที่ไม่ได้กินเหล้าเลยสักนิด เวลาเขามีอารมณ์ทีไรสายตาและรอยยิ้มเขาจะเหมือนคนเพิ่งกินเหล้า เห็นแล้วก็ใจไม่ดี ใจเต้นตุบตับอยากโดนเขาจับกด (อ้าว)
   


ผมหันไปหยิบเจลเซ็ทผมที่วางเตรียมไว้บนอ่างล่างหน้า หันกลับมาก็ยังคงเห็นสายตาคนเมาของวิคเตอร์อยู่ ผมยิ้มบิดปากเล็กน้อย วางที่เป่าผมไว้บนตัก ควักเจลออกมาและปาดลงบนหัววิคเตอร์จนเปียกชุ่ม ผมควักออกมาอีกรอบเกือบเต็มฝ่ามือ ปาดลงบนหัวเขาอีกครั้ง ใช้สองมือขยุ้มจนเจลเปียกเส้นผมเขาไปทั้งหัว ผมหันตัวไปหยิบหวีมาช่วยหวีจัดทรง ผมหวีปาดไปด้านขวา ดันด้านหน้าให้ตั้งขึ้นเล็กน้อย กดเปิดเครื่องเป่าผมมาเป่าให้ผมอยู่ทรงยิ่งขึ้น
   


วิคเตอร์ตั้งใจมองผมทุกอิริยาบถ ไม่ยอมละสายตาไปไหน ใจผมเต้นตึกตัก รู้สึกวูบวาบกับสายตาของเขา ไออุ่นจากร่างเราสองคนแผ่แบ่งปันให้กันและกัน เสียงเครื่องเป่าผมดังพอที่จะช่วยให้บรรยากาศไม่เงียบจนเกินไป วิคเตอร์ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งทีแบบไม่มีปี่หรือขลุ่ยแล้วก็ยิ้มเผล่ เอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ แต่สองแขนยังรัดเอวและบั้นท้ายผมไว้แน่น นั่งมองผมจัดทรงผมให้เขาต่อไป
   


“เสร็จแล้วครับ” ผมปิดเครื่องเป่าผม ทำท่าจะลุกออกจากตักเขา แต่วิคเตอร์รั้งเอวผมไว้ด้วยสองแขนที่คล้องไว้แน่น
   


“My boyfriend is so lovely. (แฟนฉันน่ารักจังเลย)” แอ่ะ! ทำปากหวาน กำลังตะล่อมผมอยู่แน่ๆ ผมยิ้มน่ารัก (ในความคิดตัวเอง) กลับไปให้ และส่ายหัวว่าไม่ให้ เขาทำหน้าเสียดาย ก้มหน้าซุกซอกคอผมไว้ ทำเสียงงอแงงึมงำเป็นการประท้วงอ้อนๆ
   


“ไม่ได้ทำสามวันแล้วนะ” เขาบอกเสียงง๊องแง๊งอย่างกับเด็กไม่มีผิด ภาพนี้ไม่มีวันหลุดไปให้สื่อหรือแฟนคลับได้เห็นแน่นอน เพราะเขาจะหน้านิ่ง หน้าอารมณ์เดียวเสมอ
   


“พักบ้างเถอะครับ ทำมากๆ ผมกลัวคุณจะเบื่อผมซะก่อน…” เขาสูดลมหายใจเขาลึกๆ แล้วผ่อนออกมาหนักๆ ถอนหน้าออกจากซอกคอผม มองผมด้วยสีหน้าเซ็งนิดหน่อย ผมยิ้ม ยกมือซ้ายไปลูบหน้าเขา อาการแบบนี้แสดงว่ายังพอทนได้ เพราะถ้าเขาทนไม่ได้จริงๆ เขาจะขู่ข่มขืนผมแล้ว ดีไม่ดีก็จับขืนใจโดยที่ไม่ขอด้วยซ้ำ
   


“…เดี๋ยวจะไปทำงานนะครับ นะ ทาครีม ฉีดน้ำหอม เดี๋ยวผมออกไปเตรียมชุดไว้ให้” เขาพยักหน้าเบื่อๆ ผมยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากเขาหนึ่งที วิคเตอร์ยิ้มหน่ายพอๆ กับสีหน้า สองแขนคลายออกจากเอวผม แต่ยังมิวายเอามือขวามาลูบไล้แมทน้อยที่เริ่มอ่อนตัวลงบ้างแล้ว นี่กะจะปลุกอารมณ์ผมให้ได้เลยสินะ อารมณ์น่ะผมมีอยู่แล้ว แต่ถ้าทำ เราจะไม่ได้ไปไหนไกลนอกจากเตียงแน่นอน
   


“เร็วๆ นะครับ” ผมลุกขึ้นยืน เดินถอยหลังออกจากเขาจนแมทน้อยหลุดออกจากมือเขาที่กอบกุมไว้อยู่ ผมเอาของวางไว้บนแท่นหินอ่อนข้างอ่างล้างหน้า วิคเตอร์ลุกขึ้นมาหยิบครีมไปทาใบหน้าเขา ผมหันไปจุ๊บต้นแขนหนาของเขาหนึ่งครั้ง วิคเตอร์ส่งยิ้มมุมปากมาให้ ผมหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำไป โดยไม่ลืมหยิบเสื้อคลุมมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองด้วย
   


ผมเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุกทักซิโด้สีดำที่เขาหอบมาจากอเมริกาด้วย น่าจะคล้ายกับชุดที่เขาเคยใส่ออกงานตอนที่ผมฝึกงานกับเขานั่นแหละ แต่เป็นคนละแบรนด์ สภาพที่มาถึงตอนแรกยับเยินมาก ผมต้องเอาไปส่งซักรีดกับทางโรงแรมอีกรอบ ราคาซักรีดทำผมเกือบหน้ามืด แต่เจ้าของชุดกลับทำตัวชิลและบอกว่ารอจ่ายพร้อมค่าที่พักทีเดียว ไม่อยากจะบอกว่าเขามาเช่าสองอาทิตย์ ค่าที่พักเขาหมดไปเยอะมาก เพราะเขาเล่นเช่าสองชั้น ผมลองคำนวณราคาดูแล้วรู้สึกหน้าซีดแทน แต่เขากลับเฉยมาก คือจำนวนเงินมันถือว่าเยอะมากสำหรับผม แต่สำหรับเขาคงเป็นอะไรที่เบาๆ ละมั้ง
   


“ใส่กางเกงชั้นในก่อนนะครับ” ผมยื่นกางเกงในสีดำแบรนด์ดังให้ เขารับไปใส่ห่อหุ้มยักษ์น้อยที่ยังแข็งตัวอ่อนๆ อยู่ ผมเห็นภาพเป้าตุงของเขาแล้วรู้สึกเหมือนจะหายใจติดขัด เลยรีบหันหนีกลับมาก่อนที่สติจะเตลิดไปไกล คือมันดูเร้าใจและน่าค้นหามากกว่าตอนที่เขาเปลือยซะอีก



ผมยื่นกางเกงสแลคสีดำพร้อมนาฬิกาข้อมือสีเงินให้เขาเอาไปใส่ รอจนเขาใส่เสร็จก็ช่วยเขาใส่เสื้อเชิ้ตขาวด้านใน ช่วยเขาติดกระดุมจนเสร็จ ก็เอาเส้นโบว์หูกระต่ายไปคล้องคอเขา พยายามนึกถึงช่วงเวลาที่เคยผูกให้เขาสมัยเป็นเด็กฝึกงาน วิคเตอร์ก้มมองผมตาแทบไม่กระพริบ ผมอมยิ้มเขินไปให้เขา สองมือก็ยังคงผูกหูกระต่ายให้เขาอยู่ คนตัวโตยิ้มกริ่ม จ้องหน้าผมจนรู้สึกวูบวาบอีกครั้ง



“Okay.” ผมจัดหูกระต่ายที่ผูกเสร็จแล้วให้เข้าที่เข้าทาง หันไปหยิบเสื้อสูทสีดำที่สาบเสื้อมันปลาบเตรียมมาใส่ให้เขา ผมชี้ไปที่ชายเสื้อเชิ้ตว่าให้เขายัดเข้าไปด้านในกางเกง  วิคเตอร์จับชายเสื้อยัดเข้าไปจนเรียบร้อย ผมก็เอาเสื้อสูทใส่ทับไป ติดกระดุมให้เนี้ยบยิ่งขึ้น ผมมองเขาด้วยอาการคล้ายหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง



เขาหล่อมาก หล่อเนี้ยบ หล่อดูดี หล่อแบบมีเสน่ห์ หล่อสุขุมนุ่มลึก หล่อเข้ม หล่อน่าค้นหาเหลือเกิน



He is so hot.



“แมท…” เสียงเรียกทุ้มๆ ของเขาดึงสติผมกลับมา เขาเลิกคิ้วขึ้นมองผมอย่างสงสัย ผมยิ้มเงอะงะกลับไปให้



“…เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถามสีหน้าเป็นห่วง ผมยิ้ม ทำว่าไม่มีอะไร หันไปหยิบมือถือบนเตียงขึ้นมาดูเวลากลบอาการร้อนรุ่มในอก



“ใส่ถุงเท้ารองเท้าเลยก็ได้นะครับ ผมแต่งตัวเสร็จจะได้ออกไปเลย เผื่อเวลารถติดด้วย” ผมพูดเสร็จก็รีบเดินออกไปหยิบรองเท้าและถุงเท้ามาให้เขาใส่ในห้องนอน ผมก้มหน้าก้มตาช่วยเขาใส่ถุงเท้า ช่วยเขาใส่รองเท้าจนเสร็จ โดยไม่ยอมมองหน้าเขาสักนิด



เพราะตอนนี้ใจผมร้อนรุ่ม กายผมก็ร้อนวาบแปลกๆ



“แมท เป็นอะไร” เขาถามเสียงเข้ม รู้ได้เลยว่าเขาเริ่มไม่ชอบใจที่ผมไม่ยอมมองหน้าเขา ผมเลยรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเขาที่เข้มขรึม เขาขบกรามจนสันกรามขึ้น แววตาดุดันจ้องมองผมอย่างคาดคั้น



วิคเตอร์… ได้โปรด อย่ามองแบบนั้น มันทำให้คุณดูร้อนขึ้นเยอะ และผมกำลังจะร้อนตาม



TBC.  :katai5:


ตัดฉับเท่านี้ละกันเนาะ  :hao6:  ยังไง? ร้อนเหรอแมท น้ำแข็งขว้างใส่หน้าหน่อยมะ? < โกรธอะไร เหมือนจะอิจฉายังไงแปลกๆ

พี่ยักษ์แกยอมสงบให้แล้วนะ แต่ดูท่าทางเอเลี่ยนจะเป็นคนปลุกปั่นพี่แกเองแล้วแหละ ถ้าโดนจัดหนักโทษผัวเธอไม่ได้นะยะ < จิกกัดอีกละ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 26-10-2015 23:29:35
อิอิ สรุปก็พอกันทั้งคู่นะ แหม อิจเบาๆ

ก็ไม่อยากนึกถึงตอนแยกกันหรอกนะ แต่แบบว่า ฮือๆ(อย่าเพิ่งคิดไปก่อนเซ่)

ทีนี้ก็มาลุ้นกับงานวันนี้ต่อ สู้โว๊ย(ปลุกกำลังใจให้ตัวเอง?)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-10-2015 23:46:59
ขอสองยกก่อนไปงานสิวิค~
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 26-10-2015 23:58:00
เชื้อหื่นมันเริ่มมาครอบง่ำเอเลี่ยนใช่มั๊ยยยยย
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-10-2015 00:01:59
5555  เห็นแฟนแต่งหล่อแล้วแมทหลงเสน่ห์แฟนตัวเองจนไม่กล้ามองหน้าสิน่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 27-10-2015 00:21:12
อร๊ายยย ตอนหน้าไม่ตัดใช่ม้ายยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-10-2015 00:36:26
แฟนหล่อก็งี้แหละ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 27-10-2015 03:14:02
เอเลี่ยนนนนน
อิเด็กหื่นนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 27-10-2015 08:05:49
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกอ่ะ ชอบๆๆ 
เอเลี่ยนเริ่มหื่นแล้วนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 27-10-2015 10:09:27
แมทจะทนความร้อนได้ไหม   :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 27-10-2015 11:19:34
เอาน้ำแข็งให้เฮียวิคถูหลังให้ไหมแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-10-2015 18:30:16
เขินแทนค่ะ555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 27-10-2015 20:49:38
I be on my suit and tie, shit tied, shit tied
I be on my suit and tie, shit tied, shit
Can I show you a few things, a few things, a few things, little baby?

And as long as I got my suit and tie
I'ma leave it all on the floor tonight
And you got fixed up to the nines
Let me show you a few things
All pressed up in black and white
And you dressed in that dress I like
Love is swinging in the air tonight
Let me show you a few things
Let me show you a few things
Show you a few things about love
Now we're in the swing of love
Let me show you a few things
Show you a few things about love


Don't forget listening to suit and tie, Justin Timberlake
While you reading for the sexiest moment. xoxo
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 50%} 26.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 28-10-2015 01:51:32
ตอนนี้รับรู้เพียงพลังความแรดของอีแมท 5555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 28-10-2015 18:08:28



เม้าท์พิเศษ & ตอนพิเศษ ครบรอบหนึ่งปีพี่วิคเตอร์กับน้องแมท


ตามไปอ่านได้ที่เพจค่ะ คลิกที่ลิงก์เลยจ้าาาา > SPECIAL (https://www.facebook.com/notes/860315797398122/)  :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 28-10-2015 19:41:11
 :impress2: :impress2: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 28-10-2015 19:47:42
ตอนพิเศษน่ารักมากกกกกกกก

วิคเตอร์เป็นพ่อที่ห่ามจริงๆ555

แอบติดใจคำว่า "เหตุการณ์นั้น"เล็กน้อย555จะรออ่านช่วงเหตุการณ์นั้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-10-2015 19:51:39
ตอนพิเศษน่ารัก  วิคเตอร์แกห่ามได้ใจมาก อนาคตแกเตรียมปวดหัวได้เลยลูกแกมันคือแกยกกำลังสอง 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-10-2015 21:16:14
หลงเมียจริงๆจัง แม้กระทั่งลูกยังไม่ยอมลงให้เลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-10-2015 21:44:30
เด็กแฝดน่ารักมาก แสบๆแบบนี้สิดี เหมาะกับการเป็นลูกพี่ยักษ์ที่สุด 555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-10-2015 22:42:47
ขนาดลูกตัวเองแท้ๆ ยังหวง

ว่าแต่
               
  หลังจากเรื่องนั้น

คือเรื่องไหนกันนะ ใครเป็นคนก่อเรื่อง จะร้ายแรงจนต้องเลิกกันไหมอ่ะ

แฝดแฮคเตอร์กับเฮคเตอร์ ถ้ามาจริงขออย่าให้มาเพราะวิคเตอร์ไปทำใครท้องนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 28-10-2015 22:51:18
น่ารักกกกกก วิคเตอร์เลี้ยงลูกฮาร์ดคอร์มากก นั่นลูกนะ!! 55555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษครบรอบ 1 ปี} 28.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 29-10-2015 12:07:49
เพิ่งอ่านถึงหน้า 4 สนุกโคตรๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 30-10-2015 19:17:14



Only You  EP.16 [100%]


ฉาก NC ไม่ใช่ฉาก NC หวานแหวว ฟินฟุ๊งฟิ๊ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน




“เงียบทำไม บอกฉันสิ” เขาถามเสียงห้วน เริ่มมีความขุ่นเคืองชัดเจนยิ่งขึ้น ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยายามสบตากับเขา ทั้งที่แค่มองหน้าเขาในยามนี้ก็ยากพอแล้ว


“คือ… ผม… คิดว่า…” ผมผ่อนลมออกทางปากแผ่วเบา หน้าตาเริ่มอึกอักหาทางไปไม่ถูก วิคเตอร์ขมวดคิ้วหนักขึ้น แววตาก็คาดคั้นกว่าเดิม ผมก็ยิ่งร้อนขึ้น คือเขาไม่รู้ตัวเลยว่า เขาแต่งตัวหล่อมาก ทุกอย่างดูลงตัว แล้วพอเขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มันยิ่งทำให้เขาดูร้อนเร่าในแบบคนมีอายุ ไม่ใช่ว่าเขาแก่ แต่เขาดู เอิ่ม… โชกโชนน่ะ


“อะไร?! พูดออกมาเร็วๆ อย่าให้ฉันโมโหนะ” คุณก็โมโหแล้วนี่ไงไอ้ยักษ์


ผมพยายามตั้งสติ มองหน้าเขาตรงๆ แต่สายตาก็อดสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้ ช่างลงตัวเหลือเกิน ทุกอย่างดูเข้ากันไปหมด


“ผมแค่รู้สึกว่าคุณหล่อเกินไป ฮ็อตเกินไป และคุณกำลังทำให้ผมรู้สึก…” ผมกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง ริมฝีปากเริ่มแห้งผาก ตอนแรกวิคเตอร์มีสีหน้าไม่เข้าใจ แต่พอเขาเห็นอาการที่ผมแสดงออกเขาก็กรีดยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที


“You look so smart. (คุณดูดีมากเลย)” วิคเตอร์ก้าวเท้าเข้ามาหาผมสองก้าวถึง ปลายจมูกเราสองคนเกลี่ยไล้ไปมา ลมหายใจร้อนๆ ของผมกระทบกับผิวหน้าของเขา


“ที่จริงคุณควรไปทำงาน แต่ผมก็แค่คิดว่าถ้าเราจะไปช้าสักหน่อย…” ผมว่าเสียงกระซิบ วิคเตอร์แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากล่างช้าๆ


“Shhh~” วิคเตอร์ขยุ้มริมฝีปากคล้ายจะผิวปาก หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางส่ายหัวช้าๆ อย่างมีลีลา


“นายบอกว่าเราไม่ควรไปสายไม่ใช่เหรอ” มือเขายื่นมาค่อยๆ แกะสายที่รัดผ้าคลุมอาบน้ำที่ผมคลุมอยู่ออกอย่างเชื่องช้าแต่ว่าช่างน่าตื่นเต้น หัวใจผมเต้นระรัวอยู่ในอก อุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้นทีละนิด


“…นายกำลังผิดคำพูดตัวเองนะ” เขาดึงชุดคลุมออกจากตัวผม ปล่อยให้มันลงไปกองบนพื้นห้อง สายตาเขาโลมเลียผมไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า


“งะ… งั้นเราไปทำงาน…” ผมพูดติดขัด แถมพูดไม่จบอีกต่างหาก อุณหภูมิในร่างแทบถึงจุดเดือด รู้สึกร้อนไปหมดแล้ว วิคเตอร์กัดริมฝีปากล่างไว้ ยิ้มแบบมีเลศนัยออกมา


“เจ้าเด็กเลี้ยงแกะ โกหกแบบนี้ต้องอบรมบ่มนิสัยกันหน่อย” เขาจับต้นแขนผมแน่นแล้วหมุนตัวเหวี่ยงร่างผมลงไปนอนหงายบนเตียง ผมชันศอกขึ้นมาเพื่อจะมองเขา วิคเตอร์เดินย่างสามขุมเข้ามา หน้าตาเขาเต็มไปด้วยความดิบเถื่อน สายตาเขาวาวโรจน์ ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เพราะความกำหนัดทางเพศ ลมหายใจผมเริ่มแรงขึ้น


“อะ!” ผมครางสั้นๆ ตอนที่โดนเขาจับบิดร่างให้พลิกคว่ำลงบนเตียง เขารั้งเอวผมให้ก้นโด่งขึ้น ผมใช้มือจะดันตัวขึ้นมา แต่เขากลับใช้มือกดหัวผมให้ลงไปนอนแนบเตียงอย่างแรง ผมหายใจหอบ หัวใจเต้นรัวยิ่งกว่ามือกลองรัวกลองชุด


บรรยากาศคล้ายกับวันที่เรามีอะไรกันในห้อง sex toy ครั้งแรกเลย เขาทั้งโหด เถื่อน ดิบ แต่ก็… เร่าร้อนและเซ็กซี่


“อยากได้อะไรต้องบอกตรงๆ รู้มั้ย เจ้าเด็กโง่ อย่าโกหกอีก” เขาว่าเสียงแหบดิบพร่า สองมือบีบก้นผมแน่น ผมเผยอริมฝีปากบนขึ้น ผ่อนลมอุ่นๆ ออกจากปากแผ่วเบา


ป้าบ!!!


“อ้า!” เขาฟาดมือลงบนแก้มก้นขวาของผมอย่างแรงจนผมแอบสะดุ้ง ความเจ็บ ความแสบแล่นพล่านไปทั่วบริเวณนั้น ก่อนที่จะรู้สึกหายชาเขาก็ฟาดมือลงมาที่เดิมอีกครั้ง


ป้าบ!!!


“โอ้ว…” ผมส่ายก้นน้อยๆ หลับตาพริ้ม สองมือจิกลงบนผ้านวมแน่น ใบหน้าไถลเชิดขึ้นไปกับเตียง ลมหายใจหอบกระเส่าหนักหน่วง แล้ววิคเตอร์ก็สลับไปตีแก้มก้นซ้ายอย่างแรงเช่นเดียวกัน


ปับ!!!


“อือ!” ปับ!!


ยังไม่ทันได้หายเจ็บแสบจากการฟาดรอบแรก เขาก็ฟาดมือลงมือซ้ำอีกรอบ เล่นเอาผมใจกระตุกแรงหนึ่งที จากนั้นเขาก็สลับฟาดก้นผมทั้งสองข้างโดยไม่มีการออมแรง


ป้าบ!!! ป้าบ!!! ปับ!!! ปับ!!! ป้าบ!!!


“Oh, please.” ผมร้องครางออกมาเสียงสั่น ยกมือซ้ายไปจับข้อมือซ้ายเขาไว้ ขาผมสั่นเบาๆ ความเจ็บแสบสาดไปทั่วแก้มก้นทั้งสองข้าง เสียงหอบหายใจของวิคเตอร์หนักหน่วงพอๆ กับผม ผมเลื่อนสายตาไปมองใบหน้าดิบเถื่อนและแววตาอันตรายของเขา วิคเตอร์นั่งคุกเข่าบนพื้น สองมือบีบก้นแดงๆ ของผมแน่น เขาใช้สองมือแบะก้นผมออก ก้มหน้าซุกลงมา ส่งลิ้นร้อนมาไล้เลียกลีบเนื้อนุ่มย่นสีชมพูของผมเร็วๆ


“อ๊ะ อ๊า!” ผมครางไม่เป็นภาษา เปลือกตาปิดแน่น รับรู้ถึงความเสียวซ่านตรงบริเวณนั้น เอวผมแทบบิดเพราะความรู้สึกเสียวที่แล่นจากง่ามก้นขึ้นไปบนแผ่นหลัง เขาเลียจนชุ่มก็ผละออกไป ลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือมากระชากหัวผมให้แหงนหน้าไปมองเขา ผมอ้าปากหายใจหอบ แหงนหน้ามองเขาตามแรงดึงเส้นผม


ช่างร้อนแรง…


“Tell me the truth. What do you want? (บอกความจริงมา นายต้องการอะไร)” เขาถามเสียงแหบห้วน หน้าตาดุดัน แววตามีแววเหี้ยมโหด ผมกำลังจะอ้าปากตอบแต่เขาก็ก้มลงมากัดไหล่ผมไว้


“โอว…” ผมปิดตาแน่น ครางออกมาด้วยความเจ็บ ใช้สติที่พอมีอยู่รีบเอื้อมมือซ้ายไปตะปบเป้าตุงๆ ของเขาไว้เต็มมือ ออกแรงบีบจนเขายอมปล่อยฟันที่กัดไหล่ผมไว้


“Your cock. I want it. I want you to fuck me. (ของคุณ ผมต้องการมัน ผมอยากให้คุณอึ๊บผม)” ผมบอกเสียงรัวแต่สั่นไปทั้งประโยค เขาแสยะยิ้มร้ายกาจ ปล่อยมืออกจากเส้นผมที่จิกเอาไว้ เขาทำท่าจะแกะกระดุมเสื้อสูทออก แต่ผมรีบคว้ามือเขาเอาไว้


“No. Don’t take it off. (ไม่ ใส่ไว้)” เขาชะงักมือ สีหน้าเขาเข้มขรึมพอๆ กับสีชุด ผมยังคงหายใจหอบเบาๆ


“Why?” ผมเลื่อนสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่าง (พยายาม) ยั่วยวนและเชิญชวน วิคเตอร์แววตาลุกวาว รอยยิ้มพึงใจปรากฏที่มุมปากน้อยๆ


“Because you look fucking handsome. (เพราะคุณโคตรหล่อเลย)” เขากรีดยิ้มกว้าง แต่เป็นยิ้มที่ร้ายกาจเหลือเกิน เขาส่งนิ้วชี้กับนิ้วกลางด้านขวาเข้าไปในปาก อมมันจนชุ่มแล้วเอาออกมายัดเข้ามาในก้นผม ผมบิดลำตัวไปมายามที่นิ้วเขาหมุนวนหนักๆ อยู่ด้านใน


“อืม…” ผมหลับตาลง ลมหายใจหอบกระเส่าแผ่วเบา


“Get up. We gonna see how much I handsome in your eyes. (ลุกขึ้น เราจะไปดูกันว่าฉันหล่อมากแค่ไหนในสายตานาย)” ผมลืมตาขึ้น บิดหน้าไปสบตาคมวาวของเขาอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ ใช้มือดันตัวขึ้นนั่งคุกเข่า โดยยังมีนิ้วของวิคเตอร์คาอยู่ด้านใน ผมหรี่ตาปรือเล็กน้อย รู้สึกอึดอัดข้างในไปหมด เมื่อเห็นว่าผมช้า วิคเตอร์ก็กระทุ้งนิ้วกระตุ้นให้ผมรีบก้าวลงจากเตียง


“ฮ่ะ!!” ผมอ้าปากผ่อนลมหายใจยามที่สองนิ้วของเขาบดขยี้ด้านในของผม


“Lead me to the restroom. (เดินนำฉันไปที่ห้องน้ำ)” เขากระซิบที่ข้างหูตอนที่ผมยืนบนพื้นห้อง เขาดันนิ้วเข้าไปลึกๆ เป็นสัญญาณให้ผมก้าวเท้าเดินไป ผมนิ่วหน้าเสียวหน่อยๆ เพราะปลายนิ้วเขาโดนจุดกระตุ้นอารมณ์ด้านใน แมทน้อยตั้งชูชันขึ้นมาทันที ผมค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า เพราะกลัวจะทำนิ้วเขาหลุดออกจากตัวเอง และถ้าเป็นแบบนั้นเขาต้องมีมาตรการลงโทษผมเพิ่มแน่นอน


พอเข้ามาถึงในห้องน้ำ เขาก็กดหัวผมลงไปให้แก้มแนบกับพื้นเย็นๆ ของหินอ่อนตรงอ่างล้างหน้า เสียงพื้นรองเท้าหนังของเขากระทบกับพื้นหินอ่อนดังกรุบกรับไปทั่วห้องน้ำทำเอาผมใจเต้นตุบตับ เขาถอนนิ้วออกไป ผมมองเห็นเขาสะท้อนอยู่ในกระจก เขาใช้สองมือดึงหูกระต่ายจนหลุดลุ่ย แต่ก็เอาสายคล้องคอไว้ เขาเอื้อมไปหยิบครีมทาผิวสูตรสำหรับเด็กของผมมาเปิดฝาออก บีบครีมออกมาประมาณหนึ่งแล้วเอามาป้ายตรงกลีบเนื้อนุ่มด้านหลัง ผมหอบหายใจแรงขึ้น หัวใจเต้นปะทะกับผนังอกรุนแรง


“อึ๊!” ผมนิ่วหน้าหนักตอนที่เขายัดความใหญ่ยาวเข้ามาจนมิดด้ามรวดเดียว เขาทาบทับตัวเขาลงมาบนแผ่นหลังผม ก้มลงมากระซิบที่ข้างหู


“เงยหน้าขึ้นมามองฉันสิ” เขายืดตัวกลับไป ผมดันศอกขึ้นมาค้ำร่างตัวเองไว้ สายตาจับจ้องเขาที่สะท้อนผ่านกระจกเงาในห้องน้ำ วิคเตอร์ยิ้มราวกับโรคจิตที่ได้เหยื่อถูกใจ สองมือเขาจับเอวผมไว้แน่น


ปึก!! “อ๊า!!” ผมกรีดร้องออกมา เปลือกตาปิดแน่นยามที่โดนเขากระแทกเน้นๆ ด้านในผมตอดรัดเขารุนแรง เนื้อเอ็นอุ่นของเขาเสียดสีกับผนังหนานุ่มด้านในของผมจนอุ่นร้อนไปหมด


ปึก!! “อ้า!!”


“ลืมตาขึ้นมา!” เขาสั่งเสียงกระชาก ผมอ้าปากหอบหายใจ ค่อยๆ พยายามลืมตาขึ้นมามองเขา แววตากับรอยยิ้มอันพึงใจของพ่อยักษ์คมเข้มสะท้อนอยู่ในกระจกชัดเจน


ปึก!! “โอ้ว!!” ความเสียวและความจุกถาโถมเข้าหาผม หน้าท้องผมหดเกร็งเข้าออกแรงๆ ลมหายใจของเราสองคนเริ่มดังแข่งกัน วิคเตอร์นิ่งไปสักพักเหมือนผ่อนแรง แต่เปล่าเลย เขาแค่ผ่อนตั้งหลักเท่านั้น เขาจับเอวผมไว้แน่นกว่าเดิม ก่อนจะเพิ่มแรงกระแทกรัวเร็ว


ปึกๆๆๆๆ


“อ๊ะๆๆๆๆ” แม้จะอยากหลับตาเพราะทนกับความเสียวไม่ไหวแค่ไหน แต่เมื่อเห็นสีหน้าของวิคเตอร์ผมก็ไม่กล้าปิดเปลือกตาลง พยายามลืมตามองเงาเขาในกระจกเอาไว้ และแม้ไม่มีหน้าตามาดเหี้ยมนั่น ผมก็ไม่อยากหลับอยู่ดีเพราะภาพที่สะท้อนให้ผมเห็นนั้นมันช่างน่ามองเหลือเกิน


ผู้ชายหน้าเข้มด้วยหนวดเคราจางๆ รูปหน้ามีสันกรามชัดเจน จมูกโด่งชัด คิ้วเข้ม ริมฝีปากอิ่มสีแดงหม่นที่ชอบจูบผม ผสมกับดวงตาสีน้ำผึ้งข้นอันเร่าร้อน แค่ใบหน้าเขาก็สะกดสายตาได้แล้ว แต่วันนี้เขาอยู่ในชุดทักซิโด้โก้หรู ทรงผมเว็ทลุคส์สุดเนี้ยบ มันทำให้เขาดูลึกลับและดูข่มขวัญเหลือเกิน ยิ่งการกระทำอันดิบเถื่อนของเขาตอนนี้ที่กระแทกกระทั้นผมอย่างรุนแรง มันยิ่งทำให้เขาร้อนฉ่ายิ่งขึ้น


ตับ!!! ตับ!!! ตับ!!! ตับ!!! ตับ!!! ตับ!!!


“Yes! Yes! Yes! Yes!” เสียงเนื้อกระทบกันรุนแรงพอๆ กับเสียงร้องจะขาดใจของผม แม้จะเจ็บอยู่บ้าง แต่มีครีมช่วยหล่อลื่น เลยทำให้บรรเทาได้เยอะ แถมความจุก ความเสียวและความสนุกนั้นมีมากจนลืมความเจ็บไปเลย ยิ่งได้เห็นสีหน้าวิคเตอร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นเพราะผม ผมยิ่งรู้สึกร้อนตามไปด้วยจนไม่ได้สนใจเรื่องเจ็บปวดแต่อย่างใด


ป้าบ!!


เขาฟาดมือลงบนแก้มก้นขวาของผมแรงๆ หนึ่งที ผมแอบสะดุ้งนิดหน่อย แต่แล้วก็ยิ้มออกมา วิคเตอร์กรีดยิ้มร้ายกาจ ยังคงไม่หยุดกระแทกผม ผมค่อยๆ ดันตัวเองยืนขึ้น แต่ก็แอ่นก้นให้เขาเต็มที่ ไอ้ยักษ์กระแทกไม่หยุด ไม่ออมแรงเลยแม้แต่นิด ผมยกมือขวาไปคล้องคอเขาไว้ ซบศีรษะลงบนไหล่ซ้ายเขา


“Am I handsome, baby? (ผมหล่อมั้ยครับที่รัก)”


“Very much, baby. (ที่สุดเลยครับที่รัก)” เรายิ้มให้กัน วิคเตอร์ก้มลงมาจูบนัวเนีย แลกลิ้นกับผมอย่างตะกละตะกลาม ช่วงล่างก็กระแทกใส่ผมรัวๆ จนผมตัวสั่น น้ำลายเลอะไปรอบปากผม แต่เราไม่สนใจ ยังคงเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นกันอย่างเมามันส์


“อา… อา…” ผมครางเสียงแทบแหบ ปล่อยให้เขาดูดดึงลิ้นผมฝ่ายเดียว เขาดูดลิ้นหนักๆ อีกครู่หนึ่งก็ถอนจูบออกไป มือเลื่อนมาจับหน้าผมให้มองไปที่กระจก ผมเลื่อนสองมือลงมาค้ำขอบอ่างล่างหน้าไว้ วิคเตอร์เอาคางมาเกยไว้ที่ไหล่ขวาของผม แววตาดิบเถื่อนของเขาจ้องมองดวงตาฉ่ำน้ำของผมในกระจก


“That’s right. Look at my eyes. (อย่างนั้นแหละ มองตาฉันไว้)” ผมพยายามปรือตามองตาเขาในกระจกให้ได้มากที่สุด ตาผมแทบจะปิดเพราะแรงอารมณ์ที่เขาส่งมา เขาลากลิ้นจากไหล่ขึ้นไปตามซอกคอแล้วไปละเลงลิ้นที่ในหูผมส่งผลให้ผมร้องเสียงหลง หน้าตาบิดเบี้ยวเพราะความเสียวในรูหู และไหนจะความเสียวที่รู… ด้านหลังนั่นอีก


เขาหยุดกระแทกรุนแรงฉับพลัน เล่นเอาผมหอบตัวโยน เขาถอนตัวเองออกไป จับตัวผมให้หันหน้าไปหาเขาแล้วยกผมขึ้นไปนั่งบนขอบอ่างล้างหน้า จับขาผมแยกออกแล้วก็ดันแก่นกายกลับเข้ามาในตัวผมอีกครั้ง ซึ่งแรงกระแทกยังคงรุนแรงต่อเนื่อง


ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!


“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ!” ผมยกสองมือไปคล้องคอเขาไว้ เพราะตัวผมโยกไถลไปเรื่อยด้วยเรื่องขับเคลื่อนที่แรงดีไม่มีตกจากแฟนรูปหล่อของผม ขาผมโยกไหวอย่างอ่อนแรง แต่ผมก็พยายามตั้งฉากเอาไว้ แมทน้อยก็ชูชันไม่ยอมอ่อนลง คงเพราะพายุอารมณ์ที่โหมใส่ไม่หยุด


“ผูกหูกระต่ายให้ฉันสิแมท” วิคตอร์บอกเสียงแตกพร่า หน้าตาเขาสุขสมเหลือเกิน แม้ตัวจะโยกไหว ผมก็พยายามใช้สองมือผูกหูกระต่ายให้เขาด้วยสติอันเลอะเลือน และยิ่งเลือนรางเข้าไปอีก เมื่อจู่ๆ แมทน้อยก็พ่นน้ำออกมาเต็มหน้าท้องผม


“อ๊า” วิคเตอร์ยิ้มชอบใจแต่ยังไม่หยุดขยับสะโพกเข้าออกแรงๆ


“Super. (สุดยอด)” เขาบอกเสียงพร่าและทำท่าส่งจูบมาให้ ผมพยายามรวบรวมสติทั้งที่มันจะหลุดออกจากหัวไปตามแรงกระแทกอยู่แล้ว สองมือผมพยายามอย่างยิ่งที่จะผูกหูกระต่ายให้เขา มันเป็นไปด้วยความทุลักทุเล เสียวก็เสียว จุกก็จุก แต่หน้าที่ผูกหูกระต่ายก็ต้องทำ และเหมือนเขาจะแกล้งผมด้วยการงัดแก่นกายขึ้นหนักๆ ในตัวผม เล่นเอาผมหายใจเฮือก


“เร็วสิแมท…” เขายกแขนขวาขึ้นมา ใช้แขนซ้ายดึงแขนเสื้อสูทและแขนเสื้อเชิ้ตออกเพื่อดูเวลาตรงนาฬิกาข้อมือ แต่แรงซอยนั้นยังคงถี่กระชั้นไม่ลดลง เสียงพื้นรองเท้าหนังสีดำกระทบกับพื้นหินอ่อนตามจังหวะกระแทกดัง กรับๆ


“…เราเหลือเวลาอีกไม่มากนะ” เขาเลื่อนสายตาจากนาฬิกากลับมามองผม ส่งยิ้มลามกมาให้ เลื่อนสองมือกลับไปจับสะโพกผมไว้ ส่วนสะโพกเขาก็ยังคงทำหน้าที่กระแทกใส่ผมได้ดีเช่นเดิม ผมใช้สติที่ยังพอมีเหลือจัดการผูกหูกระต่ายให้เขาจนเสร็จ เบี้ยวนิดหน่อยแต่เดี๋ยวค่อยจัดอีกที


“Looking good? (ดูดีรึยัง)” เขาถามพลางสำรวจตัวเองในกระจก สองมือเลื่อนมาจับเอวผมไว้แน่น แรงกระแทกเริ่มหนักขึ้นกว่าเดิม


“Yes, sir. (ครับท่าน)” เขายิ้มยิงฟันก่อนจะซี๊ดปากดังๆ และยาวๆ แรงกระแทกรุนแรงขึ้น จนผมต้องกรีดร้องออกมาแข่งกับเสียงสูดปากสยิวของเขา และในที่สุดเขาก็ตัวกระตุกเกร็งรุนแรง ของเหลวมากมายทะลักเข้าไปในตัวผม ความร้อนเอ่อล้นแน่นจนวิคเตอร์ต้องดึงลูกชายเขาออก น้ำสีขาวทะลักตามออกมา พุ่งกระเด็นเต็มพื้นห้องน้ำ วิคเตอร์ยิ้มหน้าตาสบายใจ มองน้ำขุ่นข้นไหลออกจากก้นผมเพลินตา


“I love it.” เขาก้มลงมาจูบหน้าผากผมหนักๆ หนึ่งที ส่วนผมไม่สลบนี่ก็บุญแล้ว เลยยิ้มอ่อนแรงไปให้เขา ยั่วเขาเอง จะตายเองแล้วมั้ยล่ะ ผมดันตัวเองลุกขึ้นนั่งช้าๆ ใช้สายตามองสำรวจวิคเตอร์ไปทั่วตัว


เขายังคงอยู่ในชุดสูททักสิโด้ที่เสริมความหล่อเหลาของเขาจนผมต้องร้องขอให้เขาเอาผมในชุดนี้ ที่เร้าใจที่สุดคงเป็นลำแข็งสีโกโก้และลูกกลมกลึงสีโกโก้เข้มของเขาที่โผล่พ้นตั้งโด่และนูนออกมาจากซิบกางเกง ผมอดใจไม่ไหวเอื้อมมือไปรูดรั้งเบาๆ วิคเตอร์มองด้วยสายตาวิบวับ ผมย่อตัวลงแล้วจับยักษ์น้อยเข้าไปในปาก


“จะเอาอีกรอบงั้นเหรอแมท” วิคเตอร์ถามยิ้มๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร ยืนนิ่งให้ผมใช้ปากให้เขา รสชาติเนื้อร้อนๆ แผ่ไปทั่วโพรงปาก กลิ่นคาวข้นจากน้ำรักของเขาติดอยู่ที่ลิ้น ผมถอนปากออกจากแก่นกายเขา จับมันตั้งฉากพุ่งขึ้นและใช้ลิ้นเลียตั้งแต่โคนยันถึงยอดปลายสีชมพูอ่อนช้าๆ


“Oh. Yeah.” วิคเตอร์คำรามน้อยๆ ผมยิ้มทั้งที่ลิ้นยังเลียขึ้นลงไปตามความยาวของเขา เล็มเลียขจัดคราบคราวน้ำข้นที่ไหลอาบลูกชายเขาจนมันค่อยๆ หายไป ตรงไหนยังมีตกค้างผมก็ใช้ลิ้นตวัดเข้าปาก


“อ่า แมท นายกำลังจะทำให้ฉันเริ่มรอบสองนะ” เขาปิดตาลง แหงนหน้าขึ้น สองมือเท้าเอวไว้หลวมๆ ปล่อยให้ผมใช้ลิ้นเลียเนื้อเอ็นร้อนของเขา


“แฮ่ะ…” ผมกรีดยิ้มกริ่ม ส่งลิ้นออกมาเลียรอบปาก วิคเตอร์ก้มลงมามอง เขายิ้มเหี้ยม สีหน้ามีแววคุกคามแฝงอยู่ผมใช้มือขวาชักขึ้นลงให้เขาแล้วเอาปากครอบครองอีกครั้ง ดูดอมราวกับเป็นไอติมแท่งโปรด ผมไล้เลียกลืนของเหลวที่ตกค้างอยู่บนแก่นกายเขาจนหมดแล้วดันหน้าออก


“สะอาดแล้วครับ” ผมยิ้มยั่วไปให้ ดูดส่วนปลายสีชมพูอ่อนของเขาดังจ๊วบเป็นการส่งท้าย วิคเตอร์ยิ้มหล่อ สายตาเขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก ผมแกะกระดุมกางเกงออก จัดการเก็บลูกชายเขาเข้าไปในกางเกงชั้นใน มันยังคงแข็งขันดันกางเกงชั้นในโป่งพองออกมา ผมยื่นหน้าไปจูบมันผ่านเนื้อผ้านุ่มของกางเกงชั้นในแผ่วเบา ช้อนสายตามองวิคเตอร์ที่มองกลับมาตาลุกวาว ผมติดกระดุมกางเกงตามเดิม รูดซิบขึ้นให้เรียบร้อย ใช้มือลูบไล้ตามความยาวที่ยังคงนูนอยู่


“อย่าแข็งไปโชว์ใครข้างนอกนะครับ” ผมลุกขึ้นยืน หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดน้ำสีขาวบนท้องตัวเอง วิคเตอร์รั้งเอวผมเข้าไปหา ก้มลงมาจูบผมดูดดื่ม ผมยกมือคล้องคอเขาไว้ ตอบรับจูบของเขาแผ่วเบา


“หมั่ว…” เขาถอนจูบออกไป สายตาเป็นประกายของเขาสำรวจไปทั่วใบหน้าผม ผมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ วิคเตอร์ยิ้มเหมือนกับภูมิใจอะไรสักอย่าง


“…ไมเคิลออกลูกเป็นฟอกซ์นั่นแหละฉันถึงจะเบื่อนาย” เขาบอกเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง จูบหน้าผากผมหนึ่งที ผมยิ้มขำเหนื่อยอ่อนกลับไปให้เขา รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมาก แต่ก็รู้สึกดีเหลือเกินกับเซ็กส์อันหนักหน่วงรอบนี้


เหนื่อยยิ่งกว่าโยคะที่เขาพาเล่น แต่รู้สึกดีกว่าเล่นโยคะนะ


“เรามีเวลาอีก…” เขายกข้อมือขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ “…มีเวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมง รีบแต่งตัวเถอะ” เขาลดมือลงไปบีบก้นผม แล้วตบลงมาแรงๆ ผมนิ่วหน้านิดหน่อย แต่ก็ยิ้มยิงฟันน้อยๆ ให้เขา


เขาช่วยผมเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายจนสิ่งที่เลอะอยู่ตามตัวหายไปหมด ผมให้เขาออกไปก่อนเพื่อที่จะได้ทำความสะอาดล้วงสิ่งที่อยู่ด้านในก้นออกมา เขาอาสาจะทำให้ แต่ผมเบรกเขาไว้ ตอนแรกเขาทำท่าจะไม่ยอม แถมทำท่าจะดุอีก ผมเลยต้องรีบอธิบายว่าผมไม่อยากให้ชุดเขาโดนน้ำกระเด็นใส่ เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยอมปล่อยให้ผมจัดการล้างสิ่งตกค้างข้างในด้วยตัวเอง


 พอจัดการตัวเองเสร็จ ผมก็เดินพันผ้าขนหนูออกมาแต่งตัวในห้องนอน วิคเตอร์นอนพิงหัวเตียงผิวปากอารมณ์ดี หน้าตาผ่องใสโดยไม่ต้องพึ่งครีมรองพื้นใดๆ เขายิ้มทะเล้นมาให้ ผมกลั้นยิ้มเขิน หันไปหยิบชุดออกมาจากในตู้โดยยังมีเสียงผิวปากอันไพเราะเสนาะหูของแฟนรูปหล่อจอมหื่นดังคลอไปเรื่อย


 ผมไม่ได้แต่งอะไรมาก แค่เสื้อเชิ้ตยีนส์ของแบรนด์ดังกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินผสมสีสนิมที่เขาซื้อให้นั่นแหละ บวกกับรองเท้าคอนเวิร์สสีขาวหนึ่งคู่ แค่นี้ก็พอสำหรับผมแล้ว ผมหยิบกระเป๋าผ้ากระสอบแบบนุ่มสะพายข้างใบใหม่ที่ผม (แอบ) ซื้อมาเองจนทะเลาะกับวิคเตอร์เพราะเขาโกรธที่ไม่ยอมให้เขาซื้อให้ ผมก็ได้แต่ทำหน้ายุ่งเหยิง รู้สึกซับซ้อนกับเขาเหลือเกิน คือบางทีผมก็อยากซื้อของเองบ้าง ไม่อยากรบกวนเขา แต่กลายเป็นว่าเขาอยากให้รบกวน นี่ดีนะที่ไม่ทะเลาะกันใหญ่โต ก็แค่เขาโมโหเสียงดังลั่นห้องจนผมต้องรีบเข้าไปอ้อนจูบไปทั่วหน้าเขาถึงยอมสงบลง คืนนั้นต้องนอนกล่อมเด็กโข่งให้หลับอยู่นาน


“เอามือถือไว้กับคุณก็แล้วกันนะครับ เผื่อเราหากันไม่เจอ จะได้โทรหาผมได้”


“ไม่ เอาไว้กับนาย แล้วนายก็คอยอยู่ใกล้ๆ ฉันไว้สิ” น่ะ อาการดื้อแบบเด็กๆ ในเรื่องเล็กน้อยของเขาเริ่มออกฤทธิ์อีกเรื่องละ แต่เราเพิ่งจะอารมณ์ดีกันไป ผมเลยไม่อยากชวนทะเลาะให้บรรยากาศแปรปรวน


“ครับๆ” เขายิ้มอารมณ์ดี ยื่นมือถือมาให้ผมเก็บไว้ แถมยังรวมถึงกระเป๋าเงินด้วย


เขาเดินจูงมือผมออกจากห้องไป ออสตินยืนรออยู่ที่ลิฟต์พร้อมบอดี้การ์ดคนไทยอีกสามคนในชุดสูทสีดำสุดเท่ ผมส่งยิ้มให้บอดี้การ์ดไทยอีกสามคน พี่ๆ สามคนนั้นโค้งหัวให้ผมเล็กน้อยแล้วก็ตีหน้านิ่งต่อจนผมหุบยิ้มวืด


นี่ออสตินคัดคนประเภทเดียวกับเขามาใช่มั้ย รายนั้นน่ะ เหลือบมองผมแปบเดียว แล้วก็ทำว่าไม่สนใจอะไรอีกเลย คนพวกนี้นี่นะ ยิ้มหน่อยก็ไม่ได้ เป็นบอดี้การ์ดมันต้องทำหน้าแบบนี้ตลอดเลยรึไงกัน


เราลงลิฟต์ที่ชั้นสองเพราะออสตินบอกว่าเอารถมารอไว้ที่นั่นแล้ว เนื่องจากไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายถ้าเดินไปขึ้นรถหน้าโรงแรม ก่อนจะไปถึงที่รถ ผมให้วิคเตอร์หยุดถ่ายรูปเพื่ออัพลงโซเชียลก่อน ตั้งแต่อาจารย์ณัฐวัฒน์บอกผมว่านี่คือหน้าที่สำคัญระดับประเทศ ก็เพิ่งจะมีช่วงเวลานี้แหละที่ผมรู้สึกว่า เออ นี่เรากำลังมาทำงานจริงๆ นะไม่ได้มาเอ้อระเหยลอยชาย หรือให้ชายยกตัวลอย คือรู้สึกถึงการทำงานจริงจังบ้าง หากถามว่าก่อนหน้านี้มันคืออะไร ถ้าตอบแบบหยาบๆ ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าคงเป็นการมานอนกกสามีและให้สามีนอนกกมากกว่า


คิดแล้วก็ละอายใจเล็กๆ (ไม่อยากละอายใจใหญ่ เดี๋ยวจะหาว่าแอคติ้ง) ทางภาควิชาออกหนังสือรับรองให้ผมเป็นเรื่องเป็นราว เป็นการเป็นงาน แต่สิ่งที่ผมทำแต่ละอย่างเป็นการเป็นกามแทบทั้งนั้น



TBC.

ตอนหน้าไปดูยักษ์เดินพรมแดงกันค้า ฮิๆ สำหรับตอนนี้ต้องบอกกับแมทว่า ดูท่าไม่เบานะเลาอะ // เสียงตุ๊กกี้ใน วงศ์คำเหลา

เขียนตอนนี้ด้วยความรู้สึกเกลียดนางเล็กๆ ในอก 55555 นางแรดอ้ะ แรดขึ้นทุกวัน ฮิๆ ผสมผสานระว่างแรดแอน์ดร่านนะ เด็กคนนี้ กรี๊ดดด ยั่วผัวสุดดด  :hao7:

แต่แบบนี้ วิคเตอร์ต้องไปไหนไม่รอดแน่ 55555 มัดใจปั๋วไว้เนาะ ในฉากมีความเร่าร้อนแล้ว ยังแอบมีแทรกเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาไว้ด้วย แต่อาจจะน้อยนิดไปหน่อยจนสัมผัสยาก แต่มีจริงๆ นะ 5555 ยังสัมผัสไม่ได้ก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกเขาไปน้อออ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 30-10-2015 19:54:05
นี่อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกดี คือเราติดใจเช่นเดียวกะวิคที่แมคใช้ปากให้คนอื่น 555 แจ่พออ่านตอนนี้แล้วแบบดีจัง โล่งออก เสมอภาค และรู้สึกวินๆฟินๆ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-10-2015 20:03:05
แมทนับวันยิ่งยั่วเก่งนะ ยั่วให้ยักษ์รักยักษ์หลงไม่แม้แต่จะนอกใจนอกกายยิ่งดี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 30-10-2015 20:20:11
นางแมทแรดมากอ่ะะ ยั่วขนาดนี้ไม่ต้องทำงานแล้ว55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 30-10-2015 20:58:34
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 30-10-2015 21:22:51
ร้อนแรงทั้งคู่  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2015 21:28:15
ความหื่นเนี่ยมันออสโมซิสได้ใช่ไหม แมทถึงได้เป็นได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 30-10-2015 22:11:49
ตายแล้วววว
ลูกสาววววว(?) ทำไมแอ่นแด๊ะ(?)ขนาดนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 30-10-2015 22:35:20
วิคเตอร์ไปไหนไม่รอดค่ะพูดเลยยย 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 30-10-2015 22:44:47
หนูแมทททท เป็นไปตามสามีซะแล้ววว หื่นมากกกกกกกก  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 30-10-2015 23:04:24
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 30-10-2015 23:06:21
ให้ตายสิ  :jul1: :jul1:  ตายจมกองเลือดอย่าสงบ  :impress2: :impress2: ช่างร้อนแรงอะไรอย่างงี้  :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-10-2015 23:09:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 31-10-2015 00:23:41
คุณสามีไม่ไหวๆๆ แมทก็ขยันยั่วเป็นไงล่ะ พี่แกจัดหนักเลย5555+
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 31-10-2015 11:27:26
หื่นพอกันทั้งคู่ :pighaun:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-11-2015 13:14:05
อ่านทันแล้ว เย้~~~ ลุ้นกับแมทน้อยมาตลอดตั้งแต่ไปเป็นทาสเขาที่เมกา โถ โดนไปสารพัดอ่ะ
แต่ความดีของแมททำให้เราเชื่อว่าวันหนึ่งวิคเตอร์ต้องตกหลุมรักแมทแบบโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ
ร้องไห้กับแมทหลายรอบแล้ววันนี้ก็มาถึงผัวรวย ผัวหล่อ ผัวหื่น ผัวเด็ก ผัวหวง ผัวขี้หึง รวมอยู่ในคนเดียวนี่ล่ะค่ะ
ชอบอ่านมุมของวิคเตอร์ตอนเป็นแฟนกันแล้ว คือโคตรรักแฟนมาก อยากอวดมากด้วย ซึ่งดีงาม
ส่วนแมทน้อยนี่ก็น่ารักไม่หยุดอ้ะ ยั่วเก่งด้วย ผัวรักผัวหลงจ้า

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 01-11-2015 23:45:28
หุหุ ความหื่นไม่เข้าใครออกใครจร้า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 02-11-2015 04:40:18
โอย ชอบเรืองนี้อ่ะ เพิ่งได้อ่านคืนนี้ครั้งแรกก็ตกหลุมรักแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 02-11-2015 15:58:54
เอเลี่ยนโคตรขี้ยั่ว
ยักษ์ก็ขี้เอา
หื่นพอกัน 5555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-11-2015 19:36:55
โอ๊ยสองคนนี้ เล่นเอาลุ้นเลยว่าจะเลยเวลาทำงานไหม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-11-2015 11:45:31
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.16 100%} 30.10.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 04-11-2015 15:49:01
ร้อรแรงกันเจงๆ  :jul1:สนุกจ้าอ่านกี่รอบก็ยังสนุก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-11-2015 19:45:30



Only You EP.17 :: Giant Moody. [50%]



เรามาถึงสถานที่จัดงานเลทไปสิบห้านาที แม้จะช้าไปนิดแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดเท่าไหร่ (ละมั้ง) บอดี้การ์ดคนไทยขับรถเข้าไปจอดตามเส้นทางที่เขาโคกับทางทีมงานเอาไว้ หลีกเลี่ยงเส้นทางปกติที่ผู้คนยืนอออยู่กันแน่นขนัด รถจอดในที่จอดรถที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ ผมได้คำตอบข้อข้องใจเรื่องรถแล้วว่าเขาไปหามาจากไหนในช่วงเวลาที่พักอยู่ที่ไทย รู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้รับคำตอบว่าเขาไม่ได้ซื้อ แต่เป็นทีมงานที่ไทยจัดการหารถมาให้เท่านั้น
   

“เดินมารอที่ห้องรับรองก่อนค่ะ เดี๋ยวจะมีเวลาปล่อยตัวไปเดินพรมแดง…” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมาจากวอล์ของบอดี้การ์ดคนไทย ฝั่งเราตอบกลับว่ารับทราบและพี่ๆ คนไทยก็เดินนำคุ้มกันวิคเตอร์ไปตามทาง โดยที่เขาเดินจูงมือผมไปด้วยอีกที ผมกวาดตามองเหล่าบอดี้การ์ดทั้งสี่ที่ยืนอยู่รอบตัว รู้สึกไม่ชินแปลกๆ ชีวิตปกติอยากจะเดินไปไหนก็เดินตัวปลิว แม้ก่อนหน้านี้จะเคยได้รับการคุ้มกันจากพวกเขาแล้ว แต่ตอนนั้นเป็นการไปช้อปปิ้ง ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่ทุกอย่างเป็นทางการมาก
   

รู้สึกขนลุก (ไม่ได้ปวดขี้นะ) ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเชื้อพระวงศ์จากประเทศสมมุติก็ไม่ปาน
   

พวกเราเดินมาถึงห้องรับรองที่มีงานเตรียมไว้ให้โดยปราศจากความวุ่นวาย แต่ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทีมงานนับสิบคนยืนรอต้อนรับวิคเตอร์อยู่ตรงประตูทางเข้า ทุกคนยิ้มแย้มและเก็บอาการตื่นเต้นได้ดีมาก เคยได้ยินมาว่าทีมงานเบื้องหลังพวกนี้ห้ามแสดงอาการตื่นเต้นกับดาราหรือคนมีชื่อเสียงจนออกนอกหน้า ดูท่าทางว่าจะจริง
   

“น้องแมทใช่มั้ยคะ” พี่ผู้หญิงมัดผมหางม้าหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบกลับไป
   

“ครับ” เขายื่นป้ายคล้องคออันหนึ่งมาให้ผม
   

“ใส่ไว้นะคะ จะได้สะดวกในการทำงานมากขึ้น” ผมรับป้ายจากพี่เขามาดู บนป้ายนั้นไม่ได้เขียนอะไรเป็นพิเศษ แค่เขียนตัวอักษรหนาสีขาวบนพื้นสีดำมีลวดลายของตีมงานว่า V.I.P.
   

อุ๊ยตาย ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีตำแหน่ง Very Important Person มาประดับอยู่บนตัว
   

“Take a seat in side. We are going to explain all details to you. (เชิญนั่งด้านในก่อนนะครับ เดี๋ยวเราจะอธิบายรายละเอียดให้คุณได้ทราบ)” พี่สตาฟ์ผู้ชายผมตั้งคนหนึ่งเดินมาบอกกับวิคเตอร์ แล้วก็พาพวกเราเดินเข้าไปด้านใน แต่พวกพี่ๆ บอดี้การ์ดคนไทยนั้นยืนรอด้านนอก ส่วนออสตินเดินตามพวกเราเข้าไปด้านในด้วย
   

“Okay. First…” พอนั่งบนเก้าอี้พร้อมเพรียง พี่ผู้ชายคนเดิมก็เริ่มอธิบายรายละเอียดงานวันนี้ พร้อมกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น บอกว่าวิคเตอร์ต้องทำอะไรบ้าง ด้วยความเคยชินตอนเป็นเด็กฝึกงานในตำแหน่งผู้ดูแลเขามาก่อน ผมก็หยิบสมุดโน้ตที่เตรียมมาจดรายละเอียดงานต่างๆ เอาไว้ตามที่พี่เขาบอก วิคเตอร์นั่งฟังนิ่ง ไม่วอกแวก มีเหลือบมองผมที่กำลังจดยิกบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หันกลับไปฟังพี่สตาฟ์ต่อ
   

“After all finish. We have THANK YOU party for agency, all actors, and some celebrities. (หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เราจะมีปาร์ตี้ขอบคุณผู้สนับสนุน นักแสดงทุกคนและเซเลบบางคนด้วยครับ)” วิคเตอร์พยักหน้ารับนิ่งสนิทตามสไตล์นิสัยเขาเวลาที่ไม่ได้อยู่กันสองคน
   

“น้องแมทครับ อย่าเพิ่งให้เขากลับนะครับ อยู่ร่วมงานกันก่อน” พี่เขาหันมาบอกผม ไม่รู้ว่าที่พูดแบบนี้เพราะรู้นิสัยวิคเตอร์หรือเพราะเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของเขากันแน่ ถ้าเป็นอย่างหลังอยากจะบอกพี่เหลือเกินว่า ก่อนจะมาที่นี่ พ่อยักษ์หน้าหนวดรูปหล่อตนนี้ สีหน้าเขานั้นแน่นไปด้วยอารมณ์ (กาม) สุดๆ เลยพี่
   

“ครับ เดี๋ยวผมบอกให้ แต่คิดว่าเขาคงอยู่ไม่นานนะครับ เพราะเขามีนัดกับเพื่อนต่อ” นัดเขาก็นัดผมด้วยแหละ ผมอยากเล่นน้ำ ฮี่ๆ
   

“ขอบคุณครับ อีกประมาณยี่สิบนาทีพี่จะมาตามนะครับ ตอนนี้ก็รบกวนรอหน่อย” ผมยิ้มอ่อนให้เขา สตาฟ์ทุกคนพร้อมใจกันเดินออกไปด้านนอก ออสตินเองก็เดินตามหลังพวกนั้นออกไปแล้วปิดประตู ทิ้งให้เราสองคนนั่งอยู่ด้วยกันในห้อง ผมนั่งก้มหน้ามาร์คดอกจันทร์ไว้ตรงช่วงสำคัญที่วิคเตอร์ต้องทำ
   

“ฉันไม่รู้จะพูดอะไรตอนรับรางวัล” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิดของเขา พ่อยักษ์ใหญ่ดูวิตกกังวลเล็กๆ ที่จะต้องขึ้นไปรับรางวัลนักแสดงชายที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากคนไทยว่าอยากให้มาร่วมงานนี้ รับรางวัลไม่เท่าไหร่ แต่ต้องกล่าวอะไรเล็กน้อยเนี่ยสิคือปัญหาของเขา
   

“ก็พูดขอบคุณนั่นแหละครับ ขอบคุณแฟนคลับ ขอบคุณทีมงานอะไรก็ว่าไป พูดให้ยาวๆ หน่อยละกันนะ ไม่ใช่พูดสามสิบวิจบ” ดักทางไว้ก่อน นึกออกเลยว่าเขาจะต้องพูดแค่ว่า Thank you แล้วเดินลงจากเวที อาจจะมากกว่านี้อีกสองสามคำ แต่ไม่เกินนี้แน่ อย่าสบประมาทผู้ชายคนนี้เชียว
   

“ฉันช่างพูดที่ไหน นายก็รู้ ถ้าไม่ใช่กับนายฉันก็ไม่ชอบพูดอะไรเยอะๆ ยาวๆ ด้วยหรอก” ผมกลั้นยิ้มเขิน จนปวดที่มุมปากสองข้างนิดหนึ่ง พูดประโยคหวานด้วยหน้าตาเฉยอีกแล้ว เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปเลย แต่ผมชอบนะเวลาที่เขาพูดประโยคหวานเลี่ยน ประโยคชวนเขินด้วยสีหน้าและน้ำเสียงธรรมดาราวกับพูดประโยคทั่วไป มันดูออกมาจากใจดี
   

“งั้นก็ลองนึกว่าพูดอยู่กับผมก็แล้วกัน แต่อย่าบอกรักผมบนเวทีนะ” นี่ก็ต้องดักไว้ก่อน เกิดคึกคะนองบอกรักโชว์ซีนหวานเลี่ยนขึ้นมานี่ผมมุดดินหนีไม่ทันนะ ผมไม่อยากโดดเด่น ไม่อยากโดนจับจ้อง ไอ้ที่เขารู้กันในโซเชียลนั่นก็ปล่อยไป แต่ให้มารับมือกับสายตาหรือเสียงฮือฮาต่อหน้าต่อตัวแบบนี้ ขอบายดีกว่า (แค่ที่มหา’ลัยตอนที่เขาไปหาก็พอแล้ว)
   

“ทำไมล่ะ พูดไม่ได้หรอ ฉันจะได้พูดเยอะๆ ไง” เขายิ้มตาใส รอยยิ้มใสซื่อ ผมแยกเขี้ยวย่นจมูกพร้อมส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก
   

“บอกรักกันสองคนพอแล้ว ไม่ต้องประกาศออกไมค์ก็ได้ ผมไม่ใช่คนดังอย่างคุณนะ”
   

“ตอนนี้นายก็ดังแล้วนี่ ข่าวนายมีตั้งเยอะ” ผมส่ายหัวหน้าแข็ง
   

“มันก็แค่ช่วงนี้แหละ ปล่อยผมอยู่เงียบๆ เถอะ ผมไม่ชินกับการอยู่ท่ามกลางแสงแฟลช” ใครว่าเป็นคนดังจะดีเสมอไป แรกๆ อาจจะภูมิใจ ดีใจที่เป็นจุดเด่น แต่สิ่งที่ตามมาคือความวุ่นวายอีกมากมาย ไหนจะต้องปวดหัวจากความคิดคนในสังคมอีก ผมยิ่งคิดมาก คิดเยอะอยู่ด้วย กลัวจะป่วยตายเพราะความดังนี่แหละ บางทีผมก็เข้าใจวิคเตอร์อยู่นะว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบการเป็นบุคคลสาธารณะ
   

“แต่ถ้าฉันยังอยู่ตรงนี้ นายก็ต้องเจอแบบนี้แหละ”
   

“ผมเข้าใจครับ ผมเจอได้ แต่ก็ไม่อยากเจอบ่อยๆ ผมเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ดารา เคยเห็นวงการบันเทิงตามสื่อ เคยเห็นนักข่าว ปาปาราซซี่ แต่ถ้าตัวเองต้องมีอะไรแบบนั้นมาล้อมหน้าล้อมหลัง ผมว่าผมไม่น่าจะชิน”
   

“งั้นฉันเลิกเป็นดาราดีกว่า” เขาพูดง่ายๆ ใบหน้าไม่สะทกสะท้าน
   

“ฮึ ได้ไงครับ ออกไม่ได้ คุณกำลังรุ่งเลย อย่าเพิ่งออกตอนนี้สิ อย่างน้อยเล่นหนังให้ครบห้าภาค่อน” วิคเตอร์ทำหน้าเซ็ง แลบลิ้นเหมือนอมดีหมูเข้าไปเต็มปาก
   

“ถ่ายทำตั้งห้าปี ฉันอยากจะบ้า นี่ถ้านายไม่บอกว่าชอบนิยายเรื่องนี้นะ ฉันยกเลิกสัญญาไปแล้ว”
   

“งั้นก็ถือว่าเล่นให้ผมดูละกันนะ ตอนหนังเข้าโรงผมจะไปดูทุกวันจนกว่าจะออกโรงเลย” ผมหัวเราะคิกชอบใจ วิคเตอร์ยิ้มหล่ออ่อนๆ
   

“เพื่อนายเลยนะ”
   

“ประทับใจมากครับคุณยักษ์รูปหล่อ” เขายิ้มเขิน ยิ้มจนร่องแก้มขึ้น หน้าเขาแดงนิดหน่อย นานๆ ทีจะเห็นเขาเขินหน้าแดงนะเนี่ย
   

เรานั่งคุยกันเพื่อฆ่าเวลา เรื่องที่คุยก็เรื่องสัพเพเหระในโลกโซเชียล วิคเตอร์เอาคลิปวีดีโอของไมเคิลจากคนรับฝากเลี้ยงมาเปิดให้ดู มันคึกคักมาก เพราะบ้านคนฝากเลี้ยงที่ผมเคยไปรับมันมานั้นมีสนามหญ้ากว้างขวาง ผิดกับบ้านวิคเตอร์ที่มีเพียงสนามหญ้าเล็กๆ หลังบ้าน
   

“คงจะดีถ้ามีสนามกว้างๆ ให้มันได้วิ่งเล่นแบบนี้ทุกวัน” วิคเตอร์ยิ้มอบอุ่น สายตาตอนมองไมเคิลในวีดีโอมีแววแห่งความรักปนอยู่
   

“คุณรักไมเคิลมากเลยเหรอ” ผมถามยิ้มๆ วิคเตอร์ยิ้มก่อนตอบแต่สายตายังคงมองไมเคิลกระโดดรับจานบินอย่างคล่องแคล่ว
   

“เวลาฉันอยู่คนเดียว ฉันก็มีมันนี่แหละที่อยู่เป็นเพื่อน มันช่วยทำให้ฉันเหงาน้อยลง…” เขายิ้มละมุนออกมา แต่ก็แอบมีร่องรอยของความเศร้าติดมาด้วย คงเป็นช่วงเวลาหลังจากเขาเสียแม่กับย่าไปละมั้ง
   

“…จนมามีฟอกซ์อีกตัว บ้านฉันก็มีสีสันขึ้นมาบ้าง” เขากดปิดวีดีโอบนมือถือ ยื่นมาให้ผมเก็บไว้ ผมรับมาและหัวเราะนิดหน่อย
   

“ชีวิตคุณมีแต่สัตว์เนอะ” ผมว่าพลางเก็บมือถือเขาไว้ในกระเป๋าสะพายข้าง วิคเตอร์ไหวไหล่หนึ่งครั้ง
   

“หลังจากฟอกซ์ก็มีเข้ามาอีกตัวนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง หน้าตาสงสัยใคร่รู้ นอกจากเจ้าสองตัวนั้นเขายังมีสัตว์เลี้ยงอย่างอื่นอีกตอนไหน ทำไมไม่เคยเห็น
   

“เหรอ? คุณเลี้ยงอย่างอื่นด้วยเหรอครับ ไม่เห็นเห็นเลย” เขายิ้มขำ แล้วชี้นิ้วมาที่ผม
   

“นายไง” ผมทำหน้าว่าอ๋อ ก่อนจะได้สติ มองเขาที่หัวเราะก๊ากด้วยใบหน้าเหมือนหมาโง่อยู่พักหนึ่ง
   

“อะไร ผมไม่ใช่สัตว์นะ”
   

“สัตว์ประหลาดจากนอกโลก” เออ อารมณ์ดี หัวเราะสนุกสนานเบิกบานสำราญใจ ผมเอาสมุดโน้ตขึ้นตีไหล่เขาไปหนึ่งที แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านหรอก แขนหนายิ่งกว่าหน้าผมอีก
   

“น้องแมทคะ งานเริ่มแล้วค่ะ” พี่ทีมงานคนที่ให้ป้ายคล้องคอผมเดินเข้ามาตาม เราหยุดตบตีกัน ลุกขึ้นเดินตามพี่ๆ ทีมงานคนไทยออกไปจากห้องรับรอง ผมหันไปเห็นขนมที่เขาเตรียมไว้ให้ก็เสียดาย เลยหยิบติดไม้ติดมือมาสองสามอย่าง
   

“ที่ฉันซื้อไว้ให้ที่ห้องนั่นยังไม่พออีกเหรอ ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน” ไอ้ยักษ์หันมาจิกหน้ากวนเท้า ผมกัดปากล่างแล้วถลึงตามองพ่อรูปหล่อที่ทำหน้าเอือมกับความตะกละ เอ้ย ไม่ใช่ กับการรู้คุณค่าของอาหารต่างหาก
   

“ก็คุณไม่ซื้อแบบนี้นี่ ที่ห้องกินจนเบื่อแล้ว” เขาย่นคิ้วไม่เข้าใจกลับมา
   

“ไหน เอามาดูซิว่ามันเป็นขนมยังไง” ว่าแล้วก็ดึงไปจากมือที่กำลังยัดใส่กระเป๋า เขาจ้องมองขนมเคี้ยวกรุบกรอบกับขนมปลาเส้นธรรมดาทั่วไป แล้วเขาก็หันไปหาออสติน
   

“หลังจบงานไปหาซื้อขนมแบบนี้มา มีเท่าไหร่เอามาให้หมด…” เขายื่นขนมไปให้ออสตินจดจำรายละเอียดถุงขนม ออสตินพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่าจำได้แล้ว คนตัวโตหน้าหนวดหันมามองผมสายตาเหมือนพ่อกำลังดุลูก
   

“…ถ้าเด็กแถวนี้กินไม่หมดล่ะก็ ฉันจะทำโทษทั้งคืนเลย” เขาเอาถุงขนมปลาเส้นตีหัวผมแล้วยื่นคืนให้ ผมขมวดคิ้วแน่นมองเขาอย่างเอาเรื่อง กำลังจะอ้าปากด่าก็พลันสะดุดเพราะได้ยินเสียงหัวเราะจากพวกพี่สตาฟ์ไทยที่เดินนำเราสองคนอยู่ ผมรู้สึกร้อนฉ่า รีบดึงถุงขนมกลับมายัดใส่กระเป๋าตัวเอง เดินตีหน้าด้านหน้าทนต่อไป
   

วิคเตอร์ไปกับพวกทีมงานคนไทยโดยมีออสตินตามไปด้วย ส่วนผม เขาให้พี่บอดี้การ์ดคนไทยมาคุม อย่าเรียกว่าคุ้มครองเลย ดูดีไป เรียกว่ามาคุมดีกว่า ยืนเป็นพีระมิดจนผมแทบจมมิด เตี้ยพออยู่แล้ว ยังมาโดนพวกพี่หน้านิ่งนี่ยืนบังอีก ผมบอกว่าไม่ต้อง ก็รั้นไม่ยอม เราทำท่าจะเถียงกันหนักขึ้น ผมเลยตัดปัญหาให้พวกพี่สามสงบนี่ตามมา ตอนนี้เรามายืนรอวิคเตอร์ขึ้นลิฟต์มา พอลิฟต์เปิดเขาจะโผล่ที่ต้นทางพรมแดงของงานพอดี ช่างภาพและสื่อไทยยืนออกันเต็มสองฝั่ง เหล่าบรรดาประชาชนทั่วไปก็ยืนมองกันแน่น ใช่ว่าพวกนี้มาเพื่อวิคเตอร์คนเดียวนะ เขาก็มาตามดาราไทยและนักแสดงจากฝั่งเอเชียคนอื่นๆ ด้วย
   

“จะไปไหนครับ” หนึ่งในพี่สามสงบถามขึ้นตอนที่ผมจะแหวกออกจากวงพีระมิดของพวกเขา
   

“จะไปหาอะไรกินครับ พี่เอาด้วยมั้ย”
   

“ไม่ครับ คุณแมทก็อย่าเดินเถลไถลไปไหนนักเลยครับ” ฮะ?! เถลไถล การใช้คำของพี่นั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กหรือที่ร้ายที่สุดเหมือนเจ้านายสั่งหมาเลยว่าให้อยู่นิ่งๆ นะ
   

“เอ่อ… แต่โต๊ะอาหารอยู่แค่นี้เองนะพี่ ห้าก้าวก็ถึงแล้ว” ผมบุ้ยปากไปทางโต๊ะตัวยาวที่มีอาหารตั้งเรียงรายไว้ให้ทานมากมาย บริกรชายหญิงเดินถือถาดเสิร์ฟน้ำให้กับแขกผู้มาร่วมงานที่อยู่ในโซนของคนที่มีบัตรเท่านั้น ส่วนด้านนอกเส้นหนังสีแดงคือโซนของประชาชนปกติที่แวะเวียนเดินมาดูงาน บรรยากาศตอนนี้กำลังคึกคัก นักดนตรีอคูสติคกำลังบรรเลงเปียโน สีเชลโล สีไวโอลินและเป่าฟรุ๊ตโดยมีเสียงเพราะๆ ของนักร้องหญิงคอยขับกล่อม
   

“รีบกินก่อนที่คุณวิคเตอร์จะขึ้นมาก็แล้วกันครับ เพราะถ้าเขามองมาแล้วไม่เจอคุณแมท คงไม่ใช่เรื่องดีแน่” ผมยิ้มเฝื่อน พยักหน้าอ่อนๆ พวกพี่เขาหลีกทางให้ผมเดินไปหาอะไรกินตามประสาเด็กกำลังโต ผมแอบนึกโมโหนิดหน่อยที่วิคเตอร์ไม่ยอมปล่อยให้ผมยืนอย่างเป็นอิสระ ก็คิดว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วนะว่าผมรับปากจะยืนอยู่ใกล้ๆ เขา ไม่ต้องให้ใครมาดูแล แต่สุดท้ายก็โดนพ่อสามพีระมิดบังมิดนี่ไง
   

หงับๆ
   

ผมจิ้มป่อเปี๊ยยัดไส้หมูสับเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากเปิดศึกกับวิคเตอร์ที่อ่างล่างหน้าไป ผมก็ยังไม่ได้เติมพลังงานให้ตัวเองเลย เวลาปกติที่มีอะไรกัน มันก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว แต่ถ้าความดาร์คเหมือนผนังห้อง sex toy ของเขาเข้าครอบงำเมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมจะสูญเสียพลังงานในร่างมากขึ้นเป็นสองหรืออาจจะสามเท่า คือเอาแรงมาก งานท่ายากหรือลีลาซับซ้อนบางทีก็ต้องมา
   

“น้ำมั้ยครับ” บริการรูปหล่อ หน้าใสเหล็กดัดฟัน ท่าทางจะเป็นเด็กทำงานพาร์ทไทม์ยกถาดน้ำดื่มมาเสิร์ฟ ผมยิ้มทั้งที่อาหารยังเต็มปากเลยพยายามกลืนลงคอให้หมด
   

“ขอน้ำมะนาวแล้วกันครับ” น้องบริกรหน้าตาน่าส่งเสียเลี้ยงดูหยิบแก้วน้ำมะนาวมาให้ ผมยื่นมือไปรับมาดื่ม ส่งยิ้มให้น้องเขาอีกที
   

“อันนี้พี่เป็นใครเหรอครับ ทำไมถึงมีบัตรวีไอพีด้วย” ผมดึงแก้วออกจากปาก ก้มลงมองป้ายที่ห้อยอยู่ตรงพุง เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้น้องเขา
   

“พี่ขโมยเขามาอ่ะ” ผมแกล้งบอกเสียงกระซิบ แสร้งทำสีหน้าว่าขโมยมาจริงๆ ไอ้น้องเหล็กดัดฟันก็มองหน้าผมเหมือนว่าจะเชื่ออยู่ไม่น้อย
   

“จริงอ่อพี่” เออ เชื่อด้วย ผมหัวเราะเสียงใส ฝ่ายพ่อบริกรหนุ่มน้อยก็ยิ้มตามงุนงง
   

“ขโมยมาจริง พี่คงไม่ได้เข้ามาถึงด้านในนี้หรอก” น้องทำหน้าเข้าใจมากขึ้น พยักหน้าลอยๆ สองสามที
   

“แล้วพี่ทำหน้าที่อะไรอ่ะ ทำไมถึงได้บัตรวีไอพี” ถ้าตอบว่ามาดูแลสามีนี่จะเป็นไรมั้ย
   

“เป็นล่ามอ่ะ คอยดูแลนักแสดงต่างประเทศ” น้องทำตาโตเล็กน้อย ผมคลี่ยิ้มให้ น้องทำท่าจะคุยต่อแต่ก็โดนเรียกให้ไปเสิร์ฟน้ำต่อ ผมเลยยกน้ำมะนาวมาดื่มแก้คอแห้งต่อไป
   

“Mr.Raymond does not allow you talk to any man, doesn’t he? (คุณเรย์มอนด์ไม่อนุญาตให้คุยกับผู้ชายคนอื่นไม่ใช่เหรอครับ)”


 พุก!!
   

น้ำที่กำลังไหลลื่นลงคอถึงกับไหลย้อนกระเด็นออกมาเมื่อเสียงสำเนียงฝรั่งแสนคุ้นหูของออสตินดังขึ้นอย่างเรียบง่าย ผมยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำมะนาวที่เลอะปากกับคาง ก่อนหันไปแหงนหน้ามองออสตินที่ยืนยิ้มเหี้ยมอ่อนโยน (?) อยู่
   

“I just ask him for some water. (ผมแค่ขอน้ำจากเขาเท่านั้นเอง)” ผมเหล่ตามอง ย่นคิ้วใส่เขา ออสตินเลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าประมาณว่า แน่ใจเหรอ?
   

“ผมคิดว่าคุณเรย์มอนด์เคยบอกคุณแล้วนี่ครับว่าห้ามยิ้มให้ผู้ชายคนอื่น” ผมอ้าปากค้าง รู้สึกทึ่งกับตาบอดี้การ์ดหัวเกรียนนี่มาก มันจะรับคำสั่งดีไปละมั้ง แล้วตาวิคเตอร์นี่ยังไงกัน ไปบอกบอดี้การ์ดว่าอะไร ให้จับตาดูผมไว้ ถ้าเห็นผมยิ้มให้ผู้ชายคนอื่นต้องตักเตือนเงี้ยอ่ะเหรอ
   

“คุณจะให้ผมทำหน้าเหวี่ยงใส่เขางั้นเหรอ เขายิ้มมาให้ ผมก็ต้องยิ้มตอบสิ ผมไม่ปัญญาอ่อนทำตามคำสั่งเขาหรอก” ผมว่าแล้ววางแก้วน้ำมะนาวลงบนโต๊ะ แอบชักสีหน้าใส่พ่อบอดี้การ์ดที่ยิ้มกวนติงอยู่
   

“คุณเรย์มอนด์คงไม่ชอบใจแน่ถ้ารู้ว่าคุณบอกว่าคำสั่งเขาปัญญาอ่อน” โอ้โหย อึ้งเลย งานนี้อึ้ง ผมอ้าพะงาบๆ รู้สึกเหมือนอัมพาตรับประทานไปชั่วคราว ขี้ฟ้องอ่ะ
   

“เรื่องแค่นี้คุณก็จะบอกเขาเนี่ยนะ” ออสตินยักไหล่กลับมาให้หนึ่งที
   

“ผมเป็นลูกน้อง ผมถูกฝึกมาว่ามีอะไรก็ต้องรายงานเจ้านาย” ที่ไหนฝึกคุณมาเนี่ย เดี๋ยวจะตามเอากรรไกรไปเสียบหูครูฝึก
   

“คุณออสตินครับ เรื่องเล็กน้อยบางเรื่องก็ไม่ต้องบอกให้เปลืองพื้นที่สมองของเขาหรอก” ผมหน้าง้ำนิดหน่อย รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในอก
   

“ผมคิดว่าถ้าเป็นเรื่องของแฟนเขา คุณเรย์มอนด์ต้องอยากรู้ทุกเรื่องแน่นอน” โอเค วิคเตอร์ คุณเลือกบอดี้การ์ดได้ดีมาก พลังความมึน ความกวนตีนทำลายล้างประสาทเหมือนสมัยที่ผมฝึกงานกับคุณช่วงแรกเลยจริงๆ
   

“บางทีคุณก็เชื่อฟังคำสั่งเขามากไปนะ” ผมทำหน้ายุ่งเหยิง ยกมือเกาหัวแกรกๆ ออสตินไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ตอบกลับมาทำแค่ยืนมองผมนิ่ง
   

“แล้วนี่คุณไม่อยู่ดูแลเขารึไง”
   

“ก็คุณมัวแต่กินและยืนคุยกับผู้ชายคนอื่นด้วยรอยยิ้ม จนไม่ได้มองว่าแฟนตัวเองมาแล้ว” เดี๋ยวก่อน! นี่มีอาชีพเสริมเป็นนักจับชู้ด้วยใช่มั้ย เจ้านายกับบอดี้การ์ดนี่ปากจัดไม่แพ้กัน
   

“อ้าว แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน” ผมขี้เกียจจะหาเรื่องถกเถียงกับเขาต่อเลยเปลี่ยนประเด็น ออสตินผายมือไปทางแบ็คดรอปสีดำของงานที่มีผู้คนยืนอออยู่ ผมพยายามเขย่งเท้าชะเง้อมอง ก็เห็นว่าตอนนี้วิคเตอร์กำลังโดนสื่อรุมสัมภาษณ์อยู่ เขายังคงยิ้มแย้มอยู่ในตอนนี้ ผมเลื่อนสายตากลับมามองหน้านิ่งของออสตินแล้วเดินไปยืนรอเขาตรงริมทางเดินพรมแดงที่จะพาเข้าไปสู่โรงภาพยนตร์ที่จัดงาน
   

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-11-2015 19:46:05


V
v
v


ผมและเหล่าบอดี้การ์ดยืนรอวิคเตอร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยอยู่ไม่ไกลจากเขามาก แต่ก็ไม่ได้ยินหรอกว่าเขาคุยเรื่องอะไรกันบ้างเพราะมีเสียงดนตรีและเสียงนักร้องดังกลบ ผู้คนมากมายยืนออมองเขากลุ่มใหญ่ แสงแฟลชจากช่างภาพสาดเข้าหาเขาไม่หยุด มือถือจากเหล่าผู้คนที่แวะมาชมงานถูกยกขึ้นมากดถ่ายรูปพี่พระอกเขารัวๆ สาวๆ นี่กรี๊ดกร๊าดกันเป็นระยะ
   

“เขากำลังเดินมาครับ” ออสตินก้มลงมาบอก ผมพยักหน้ารับรู้ วงล้อมที่โอบล้อมเขาไว้แตกฮือตอนที่สตาฟ์แหวกทางให้เขาเดิน ออสตินกับพวกพี่บอดี้การ์ดคนไทยตั้งท่าเตรียมพร้อมเข้าประกบเขาแล้ว พอเขาเดินมาเกือบถึงพวกเรา ออสตินก็นำทีมเข้าล้อมวิคเตอร์รับช่วงต่อจากสตาฟ์คนไทยทันที วิคเตอร์ยื่นมือมาดึงมือผมให้เข้าไปในวงล้อมของบอดี้การ์ด มีช่างภาพบางสำนักและเหล่าแฟนคลับ (หรือเปล่า ไม่แน่ใจ) เดินตามถ่ายรูปเขานอกพรมแดง ผมพยายามก้มหน้าไว้ รู้สึกแสบตามากกว่าอึดอัด วิคเตอร์ทนแสงพวกนี้เข้าไปได้ไงกัน
   

“เอ่อ เดี๋ยวผมรีบวิ่งตามไป” ผมหยุดเดินกะทันหันตอนที่เราเกือบจะก้าวขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปยังโรงละคร ที่จริงอย่าเรียกว่าหยุดเองเลย ผมเดินสะดุดเชือกรองเท้าต่างหาก ผมกำลังจะเฟดตัวไปทางด้านหลังที่มีสตาฟ์คนไทยเดินตามมา แต่ก็ถูกวิคเตอร์จับแขนไว้ พอเขาหยุดเดิน บอดี้การ์ดก็หยุดตามอัตโนมัติ พวกสตาฟ์คนไทยที่ตามมาด้านหลังและเดินนำทางบางส่วนตรงด้านหน้าหยุดเดินกันกะทันหันเช่นกัน
   

“มีอะไร” เขาถามหน้านิ่ง แสงแฟลชยังสาดไม่หยุด กลุ่มคนมากมายยังคงยกมือถือถ่ายรูปเขา
   

“ผมขอมัดเชือกรองเท้าแปบนึง” ผมรีบพูด กำลังจะก้มลงมัดเชือกรองเท้า แต่วิคเตอร์ไวกว่า เขาก้มลงไปมัดเชือกรองเท้าให้ผมท่ามกลางเสียงกรีดร้องแผ่วเบาจากสาวๆ แสงแฟลชและเสียงรัวชัตเตอร์ สว่างและดังกระหน่ำกว่าเดิม ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับใคร เลยได้แต่ก้มมองวิคเตอร์ที่ก้มหน้าผูกเชือกรองเท้าให้ผมจนเสร็จ
   

“ไปได้แล้ว” เขาดึงมือผมขึ้นบันไดเลื่อนตามสตาฟ์คนไทยที่หันมาอมยิ้มให้ผมกันเต็ม พวกช่างภาพและเหล่าแฟนคลับถูกกันไว้ด้านล่างโดยสตาฟ์คนไทยบางส่วนที่รับหน้าที่ยืนเฝ้าตรงนี้


 วิคเตอร์ยังมีสีหน้าปกติ มือขวากุมมือซ้ายผมไว้ไม่ปล่อย ผมรู้สึกร้อนไปทั่วใบหน้า พยายามกลั้นยิ้ม ไม่ให้ยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า กลัวว่าถ้าได้ยิ้มแล้วจะยิ้มไม่หยุด เลยต้องเก๊กหน้าเอาไว้


“น้องแมทพาเขาไปนั่งโซนหน้าเวที ฝั่งขวามือตอนเดินเข้าไปนะครับ เลือกนั่งแถวไหนก็ได้” ผมรับคำพี่สตาฟ์และเป็นคนพาเขาเดินเข้าไปด้านในที่จัดงาน ส่วนพวกสตาฟ์หมุนตัวกลับไปที่บันไดเลื่อน ท่าทางคงจะต้องไปรับดารานักแสดงคนอื่นๆ อีก


“นั่งแถวนี้แล้วกันนะครับ” ผมเลือกแถวกลางๆ และนั่งแถวกลาง ไม่อยากให้เขาต้องคอยหลบให้คนที่มาทีหลัง เดี๋ยวจะอารมณ์เสียอีก พวกออสตินเดินแยกตัวไปนั่งอยู่โซนเกือบบนสุดของที่นั่งในโรงละคร


“หิวมั้ยครับ” เขาส่ายหัวแทนคำตอบแล้วหันไปมองการแสดงบนเวที ผมเองก็เลื่อนสายตาไปมองด้วย เรานั่งชมการแสดงกันเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรกัน เนื่องด้วยเสียงบนเวทีก็ดังมากพออยู่แล้ว ไม่อยากจะตะโกนคุยกันสักเท่าไหร่ ผู้คนเริ่มทยอยเดินเข้ามาจนใกล้จะเต็มโรงละคร การแสดงบนเวทียังคงดำเนินไปเรื่อย คิดว่าคงมาคั่นเวลาก่อนเริ่มงาน คงไม่นานเท่าไหร่


“Ah! I know that. Muay Thai? (อ้า ฉันรู้จักนะ มวยไทยใช่มั้ย)” เขาก้มลงมากระซิบถามเสียงดังพอประมาณมือก็ชี้ไปที่การแสดงมวยไทยประกอบเพลง


“ใช่แล้ว...” เขายิ้มน้อยๆ ผมมองไปที่การแสดงมวยไทยแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้


“…คุณน่าจะเรียนไว้นะ” ผมยื่นหน้าไปพูดกับเขาแข่งกับเสียงเพลง เขาหันมามองงุนงง


“ทำไมล่ะ”


“พ่อผมต่อยมวยเก่งนะ เรียนไว้เผื่อพ่อท้าต่อยคุณไง” ผมยิ้มทะเล้นเริงร่า วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ยิ้มแบะปากเล็กน้อยแล้วถามหน้าซื่อ


“แล้วทำไมพ่อนายจะต้องมาท้าฉันต่อยด้วย”


“ก็คุณกระทำชำเราลูกชายเขานะ ถ้าพ่อผมรู้ พ่อต้องไม่พอใจแน่ๆ” ผมยักคิ้วสองที วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปากขวา


“ฉันจะบอกพ่อนายว่า ลูกชายเขาเองก็ชอบยั่วให้ฉันคxxแข็ง” ผมอ้าปากกว้าง รู้สึกอยากจะร้องเสียงเพี้ยนดังๆ กับคำพูดคำจาของเขา คือคำนั้นเข้าหน้าผมเต็มๆ วิคเตอร์ยักคิ้วกลับมาให้ผมสองที


“พ่อไม่เชื่อคุณหรอก” เขาหัวเราะเสียงทุ้ม ยกมือขวาขึ้นมาโยกหัวผมไปมาแล้วปล่อยออก ก่อนจะหันกลับไปมองบนเวทีที่ตอนนี้พิธีกรเริ่มกล่าวสวัสดีเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทยแล้ว


เมื่อแขกที่ถูกเชิญมากันพร้อมเพรียง ทุกอย่างก็เริ่มขึ้นตามกำหนดการของงาน มีการฉายหนังจากหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย ส่วนมากเป็นหนังอินดี้ที่เข้าใจยาก แต่ถ้าเข้าใจก็จะดีมาก เพราะแกนหลักของหนังแต่ละเรื่องนั้นพยายามนำเสนอเรื่องราวที่หนังตลาดทั่วไปไม่ค่อยนำเสนอ โดยเฉพาะหนังจิกกัดการเมืองนี่ดีมาก จิกกัดแบบเนียนๆ ไม่โจ่งแจ้งเกินไป ที่ผมชอบอีกประเภทคือ หนังที่จิกกัดสังคมโลก อะไรที่เป็นมุมมืด อะไรที่ถูกซ่อนไว้ หนังอินดี้พวกนี้แหกมาให้ชมหมด


แต่ที่ผมดูแล้วยิ้มที่สุดคงเป็นหนังรัก ที่ตัวหนังพยายามสื่อว่าความรักไม่ใช่เรื่องตรรกะเหตุผล หรือเรื่องธรรมชาติอย่างที่พวกมนุษย์จิตใจแคบ แล้งน้ำใจพยายามกล่าวอ้างและอ้างถึงอยู่เสมอ ว่าความรักที่ไม่ใช่ชายหญิงนั้นผิดธรรมชาติ หรือมันไม่ถูกต้องตามบริบทของสังคม แถมในเรื่องยังหลอกด่าคนพวกปากว่าตาขยิบ หรือด่าพวกใจหยาบกับความรักได้อย่างถึงใจ พอหนังจบผมนี่ปรบมือแรงมาก อยากจะฉายให้พวกคนโลกแคบได้ดู แต่คิดว่าฉายไปก็เปลืองฟิล์มเปล่าๆ เพราะสมองคงไม่สามารถตีความหมายเรื่องราวดีๆ อย่างนี้ได้หรอก


“พักเบรกกันสักครู่นะคะ เดี๋ยวเราจะมาประกาศรางวัลกันสักหน่อย วันนี้เรามีรางวัลมามอบให้กับนักแสดงด้วย…” พิธีกรชายชื่อดังของเมืองไทยแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงเสียงอีสาน เอ่อ ไม่ใช่ ด้วยสำเนียงยูเค (UK) ราวกับเป็นเจ้าของภาษาเอง รางวัลแรกถูกประกาศแล้วนักแสดงชายคนนั้นก็ขึ้นไปรับรางวัล รับเสร็จก็กล่าวประโยคขอบคุณเก๋ๆ กับรางวัลที่ได้มา พอเขาเดินลงจากเวทีไป พิธีกรก็ประกาศรางวัลต่อไป และนักแสดงหญิงของเมืองไทยก็ขึ้นไปรับรางวัล แล้วเธอก็กล่าวขอบคุณตามสเต็ป


“รางวัลต่อไป เป็นรางวัลป๊อบปูล่าห์โหวต ที่เราทำการสำรวจมาเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะ…” ผมขยับตัวเล็กน้อย เพราะนี่เป็นช่วงของวิคเตอร์ที่เขาจะต้องขึ้นไปรับรางวัล พิธีกรชายแปลงเป็นภาษาอังกฤษร่ายยาว


“รางวัลนักแสดงชายต่างประเทศที่ได้รับการโหวตสูงสุด… คุณวิคเตอร์ เรย์มอนด์ ค่ะ!” เสียงปรบมือ เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วโรงละคร เสียงกลองบรรเลงลั่นสร้างความอึกทึกได้ดีเยี่ยม แสงไฟสีขาวสาดไปทั่วให้ความตื่นตาตื่นใจ เสียงพิธีกรชายกับพิธีกรหญิงสลับกันพูดถึงวิคเตอร์ บนหน้าจอฉายทีเซอร์สั้นๆ ของตัวอย่างหนังที่เขาเล่นเป็นพระเอก วิคเตอร์ลุกเดินออกไปตามทางที่สตาฟ์บอก เสียงปรบมือกับเสียงเชียร์ยังคงดังต่อเนื่องยาวไปถึงตอนที่เขาขึ้นไปยืนบนเวที จนรับรางวัลเป็นแก้วคริสตัลสีใส พอเขามายืนที่หน้าไมค์ เสียงปรบมือ เสียงกรีดร้องจากเหล่าหญิงสาวก็สงบลง


“Thank you for this amazing thing from amazing country. It’s unexpected to me. Thank you my fans who always support me. Thank you my all staff—every position. Especially—thank you, Matt.” เขายิ้มหล่อหลังจากกล่าวจบ เสียงปรบมือและเสียงคล้ายเสียงโห่แซวดังขึ้น ผมใจกระตุกไปวูบหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกอึ้งหรืออะไร มันมีความโล่งใจแฝงอยู่ด้วย คือขอบคุณมากที่ไม่พูดอะไรหวานเลี่ยนบนเวที แต่ทีนี้มันก็มีชื่อผมอยู่ดี ถ้าคนไม่ติดตามข่าว ก็คงงงว่าอีแมทนี่มันคือใคร ส่วนคนที่ติดตามข่าวก็คงหมั่นไส้กันระเนระนาดแล้วมั้ง


“Sorry. Who is Matt?” พิธีกรชายถามพ่อนักแสดงหนุ่ม คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มละมุนคนเดียว แต่แค่นั้นก็สร้างเสียงหัวเราะได้แล้ว เขายิ้มทิ้งท้ายแล้วเดินลงจากเวที พิธีกรหญิงแซวว่า ท่าทางคนชื่อแมทจะต้องเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมแน่ๆ เจ้าของชื่ออย่างผมก็ได้แต่นั่งยิ้มขวยเขินอยู่คนเดียว


วิคเตอร์ก้าวเท้าเดินกลับมาท่ามกลางหลายสายตาที่จับจ้องมองเขาจนกระทั่งเขาเดินกลับเข้ามานั่งที่เดิม ผมไม่รู้ว่าสายตาที่มองมานั้นแสดงออกกันอย่างไรบ้าง เพราะไม่กล้าหันไปมอง


“ฉันแค่พูดชื่อนายนะ ไม่ได้พูดหวานเลี่ยนเลยสักนิด” เขาพูดดัก ยื่นถ้วยรางวัลคริสตัลสงสูงมาให้ ผมรับมายัดใส่กระเป๋าไว้ เงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วแสร้งปั้นยิ้มหวานไปให้ แล้วก็หันไปดูกิจกรรมบนเวทีต่อด้วยใบหน้าเกร็งๆ กับหลายสายตาที่ผมรับรู้ได้ว่ามองมาทางผมเป็นระยะๆ


วิคเตอร์อยากกลับใจจะขาดหลังจากผ่านไปราวๆ เกือบสองชั่วโมง แต่ในโรงละครก็ยังคงดำเนินกิจกรรมต่อไป ผมบอกให้เขาอดทนอีกหน่อย เพราะทางทีมงานอยากให้อยู่ถึงงานเลี้ยงขอบคุณ เขาส่ายหัวว่าไม่เอาอย่างเดียว เหมือนเด็กกำลังดื้อกับคำสั่งผู้ปกครองไม่มีผิด


“กินไวน์สักแก้วแล้วค่อยกลับนะครับ”


“ไม่ ฉันจะกลับเลย นายไม่อยากเล่นน้ำรึไง”


“ก็อยาก แต่คุณอยู่ให้เขาเห็นหน้าสักห้านาทีก็ยังดีนะครับ” เขาส่ายหัวหน้าตาย เขาดื้อยิ่งกว่าเด็กอีกมั้ง ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยได้แต่ยกมือเกาหัวจนผมยุ่ง กะว่าจบงานค่อยกล่อมเขาอีกทีแล้วกัน


ผ่านไปนานมากเท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือวิคเตอร์หลับพิงไหล่ผมเหมือนเด็กน้อยไปแล้ว ผมนี่อยากจะหลั่งน้ำตามันตรงนี้ เพราะเขาช่างไม่ให้เกียรติผู้กำกับหรือนักแสดงของหนังช่วงหลังที่กำลังฉายอยู่เลย คนที่โซนใกล้ๆ เรามองมาที่วิคเตอร์แล้วยิ้มขำกันมากมาย แต่ก็มีบางคนมองอย่างไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรทำไมถึงมานั่งหลับแลไร้มารยาทแบบนี้ อยากจะบอกคนพวกนั้นว่า ต่อให้คุณเดินเข้ามาด่าเขาว่าเสียมารยาทหรือพ่อไม่สั่งสอนเขาก็ไม่แคร์หรอก แต่อย่าได้ด่าว่าแม่ไม่สั่งสอนนะ อันนั้นคุณได้เทคแคร์ตัวเองในโรงพยาบาลแน่นอน เพราะเขาคงจะกระทืบคุณจนกระอักเลือด


แม่ข้าใครอย่าแตะกันเลยทีเดียว


“วิคเตอร์…” ผมลองก้มลงกระซิบเรียกเขา แต่เจ้ายักษ์หน้าหนวดก็นอนผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ นอนเกยไหล่ผมเป็นพะยูนเกยตื้น ผมค่อยๆ ยกหน้าขึ้น เลื่อนสายตามองไปรอบข้างแบบรวดเร็ว ทุกคนจับจ้องอยู่บนจอภาพยนตร์ แต่บางคนก็ยังคงมีหันมามองวิคเตอร์บ้าง โชคดีที่ช่วงเวลานี้เป็นช่วงฉายหนัง ไม่ใช่ช่วงรับรางวัลที่จะมีกล้องจับภาพบรรยากาศด้านใน


“และสุดท้ายนะคะ…” ราวกับได้ยินเสียงประกาศชัย เมื่อกิจกรรมดำเนินมาถึงช่วงท้ายของงาน ผมเอื้อมมือขวาไปสะกิดไหล่วิคเตอร์และเรียกชื่อเขา ยักษ์ใหญ่ลืมตางัวเงียขึ้นมามองหน้าผมแบบอึนมึน


“อีกแปบเดียวก็จะจบงานแล้วครับ เดี๋ยวคุณต้องขึ้นไปร่วมถ่ายรูปบนเวทีด้วยนะ” เขาอ้าปากหาวกว้างมาก ไม่รู้ว่านั่นคือการตอบรับหรือส่งสัญญาณว่าเข้าใจแล้วหรือเปล่า แต่เขาก็หันหน้าเพิ่งตื่นไปมองบนเวที ดูกิจกรรมที่กำลังดำเนินไปเรื่อยจนเสร็จ แล้วพิธีกรก็เรียกเหล่าดารานักแสดง หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานฟิล์มขึ้นไปถ่ายรูปร่วมกัน


“เดี๋ยวผมยืนรอตรงทางเดินกลงกลางนะ” เขาพยักหน้าไปเรื่อย ยื่นมือมารับรางวัลเพื่อเอาไปถือเป็นพร็อพประกอบฉาก ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเป๋เหลออกไปจากแถว ผมลุกขึ้นยืนเดินตามหลังเขาออกไป แต่ไม่ได้เดินไปบริเวณเวทีกับเขา เลือกยืนอยู่ตรงทางลงไปประตูทางออก พวกออสตินเดินมายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ผู้คนบางส่วนทยอยเดินลงบันไดเพื่อเดินไปที่ประตูทางออก ผมพยายามยืนชิดติดริมกำแพงไว้เพื่อจะได้ไม่ขวางทางคนอื่น ช่วงรอเขาถ่ายรูปก็หยิบมือถือเขาขึ้นมาเช็กกระแสรูปที่ลงไป คอมเม้นต์รูปในไอจีเขาเยอะมาก ไหนจะที่แชร์ไปในเฟซบุ๊คอีก เชื่อว่าคนอย่างวิคเตอร์ไม่มานั่งอ่านหรอก อัพรูปยังไม่ค่อยจะอัพเลย ถ้าไม่มีผมนี่อัพรูปล่ะฤดูแล้วมั้ง


 “เขามาแล้วครับ” ออสตินเดินเข้ามาบอก ผมเก็บมือเข้าไปในกระเป๋าตามเดิม ก้าวเท้าเดินออกจากบริเวณที่ยืนอยู่ วิคเตอร์เดินคุยมากับผู้ชายมีอายุคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าใคร แต่คงเป็นคนในวงการหนังสักคนนั่นแหละ ไม่งั้นเขาคงไม่สละเวลารีบกลับไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ มาคุยด้วยหรอก


“I hope we will have a chance to work together. (หวังว่าเราคงมีโอกาสร่วมงานกันนะ)” ผู้ชายมีอายุคนนั้นตบไหล่วิคเตอร์สองสามทีแล้วแยกตัวเดินออกไป วิคเตอร์ยิ้มให้แล้วเดินแยกออกมาเช่นกัน มีหลายคนทำท่าจะเข้ามาถ่ายรูปกับเขา แต่ก็ไม่ทันพวกออสตินที่เข้าประกบอย่างใกล้ชิด


“ไป กลับกัน” เขายื่นถ้วยรางวัลมาให้แล้วดันไหล่ผมให้เดินนำหน้าเบาๆ ผู้คนมากมายพยายามขอเข้ามาถ่ายรูปกับเขา เราเดินออกมาถึงด้านนอก ผมสะกิดให้เขาถ่ายรูปกับบางคน วิคเตอร์ยื่นหน้าไปเข้าเฟรมเร็วๆ เลื่อนหน้าเข้าเฟรมต่อๆ ไป ประหนึ่งว่ารีบทำเวลาเพราะมีธุระสำคัญต้องไปต่อ แต่แท้จริงแล้วนั้นคือการไปว่ายน้ำเฉยๆ
   

 “Okay. Thank you.” วิคเตอร์ยิ้มหล่อละมุนให้กับผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่น่าจะเป็นคนมาร่วมงาน แล้วก็ขอตัวเดินออกมาหลังจากที่เขาถ่ายรูปจนครบแล้ว อยากจะบอกว่าเขายื่นหน้าเข้าแต่ละเฟรมเร็วมาก ไม่รู้คนที่มาขอถ่ายรูปกับเขากดถ่ายกันทันหรือเปล่า


“เดี๋ยวพาเขาไปทางนั้นเลยนะครับน้องแมท เราจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่นั่น” พี่สตาฟ์คนหนึ่งเดินเข้ามาบอก วิคเตอร์คงได้ยินคำว่าปาร์ตี้ เขาเลยเบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากฟัง แถมยังทำท่ากวนด้วยการยักไหล่ไปมา ทำคอยึกยักใส่ผมอีก เห็นแบบนั้นก็ไม่ต้องเสียเวลาขอเขาแล้วละ ไม่งั้นมีทะเลาะตบตีโชว์สื่อกันแน่นอน


“ขอโทษครับพี่ แต่เขาจะไม่เข้าร่วมงานปาร์ตี้ พอดีเขามีธุระต้องไปทำต่อ” พี่สตาฟ์ทำหน้าอึกอัก


“เดี๋ยวผมโทรมาคุยกับหัวหน้าพี่เองครับ ผมเชื่อว่าในสัญญาระบุชัดเจนแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมงานนี้ก็ได้” พี่สตาฟ์พยักหน้าจำยอม ผมหันไปพยักหน้าให้วิคเตอร์ เขายิ้มร่าเมื่อรู้ว่าจะได้กลับแล้ว ผมหันไปขอโทษพี่สตาฟ์อีกครั้งและสัญญาว่าจะไม่ให้เขาเดือดร้อน


เราพากันเดินไปทางลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นที่รถจอดอยู่ วิคเตอร์ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ส่วนผมมองเขาเอือมระอาเล็กน้อย ถอนหายใจหน่อยๆ แต่มีรึที่พ่อคนหน้ามึนแสนเอาแต่ใจจะสนใจ ตอนนี้จิตใจเขาคงลอยอยู่ในสระว่ายน้ำแล้วมั้ง ว่าเขามากไม่ได้อีก เพราะตัวผมก็อยากเล่น



TBC.  :katai5:

สรุปแมทนางก็อยากเล่นน้ำ เลยไม่อ้อนสามีให้อยู่ต่อ 555555 ถ้านางอ้อนจริง ทำไมยักษ์จะไม่อยู่ ชิแมะ

เปิดรีปริ้นพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนพาร์ท You and I แล้วนะคะ รายละเอียดตามไปอ่านได้ที่โพสปักหมุดหน้าเพจค่ะ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 04-11-2015 20:03:32
อยากเห็นวิคมู้ดดี้สุดๆเลยค่า~


ชอบฮิมตอนโกรธ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-11-2015 20:12:39
งานนี้เอาจริงคือใจอยู่สระทั้งคู่จ้า งานอะไรนางไม่สนแระนางอยากเล่นน้ำ 555 นิสัยเด็กพอกันผัวเทียคู่นี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 04-11-2015 21:01:01
นั่งอ่านเรื่องสองคนนี้แล้วมีความสุข แต่พอย้อนกลับไปอ่านตัวอย่างภาคสองแล้วทำไมดูจะดราม่า
ไม่นะ เราไม่อยากให้ใครทำร้ายแมท  :sad4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 04-11-2015 21:10:23
แมทก็ดูจะเป็นการเป็นงานนะ แต่จริงๆนางก็อยากว่ายน้ำสินะเลยไม่บอกให้สามีอยู่ สามีก็ตามใจซะ
หมั่นไส้คนหลงเมียย แอบกรี๊ดตอนฉากผูกเชือกรองเท้า อร๊ายย  :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 04-11-2015 21:18:29
หึหึ จะกลับไปหนุกหนานกันที่สระซิน่ะ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: empty102153 ที่ 04-11-2015 21:33:02
วิคเตอร์ยังคงคอนเซปดื้อและเอาแต่ใจแบบมึนๆ
ส่วนเอเลี่ยนน้อยก็ดื้อแบบลึกๆ หุหุ  :katai2-1:
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-11-2015 22:02:27
พ่อพระเอกติดเมีย ติดหนึบยิ่งกว่าตังเม ฉากก้มผูกเชือกนั่นน่ารัก
ขอบคุณน้องแมทบนเวทีด้วย กรี๊ดดดดด ขำออสตินคือทำงานคุ้มค่าจ้างนะ ดูแลเมียนายดีมาก
เพราะน้องแมทเข้ากับคนง่าย ยิ้มไปทั่ว คนดูแลถึงต้องทำงานหนักไง 555 ขำเด็กน้อยหิว ยัดๆๆ น่ารักค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-11-2015 22:04:35
เอ็นดูวิคเตอร์ค่ะ เหมือนเด็กเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2015 22:16:09
คิดถึงแต่น้ำ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 04-11-2015 22:26:04
อยากเล่นน้ำ 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-11-2015 22:57:00
อยากบอกว่า พี่ยักษ์น่ารักอะ กรี๊ดดดด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 05-11-2015 00:40:52
วิคเตอร์เหมือนเด็กสิบขวบ ดื้อ 55555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 05-11-2015 06:30:55
ตอนผูกเชือกรองเท้าคือกรี๊ด อร้ายย  :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 05-11-2015 09:22:14
วิกเตอร์เลือกบอดี้การ์ดได้สมใจเค้าเลยนะ ออสตินนี่โคลนนิ่งมาเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 50%} 04.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 06-11-2015 08:01:37
น้องอยากเล่นน้ำ พาน้องไปเล่นหน่อยพี่วิค  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-11-2015 19:34:47

Only You EP.17 [100%]




เรากลับมาถึงโรงแรมเกือบเที่ยงคืน มีแววว่าจะไม่ได้เล่นน้ำ แต่ปรากฏว่าพอวิคเตอร์โทรไปถามพวกคุณเบน พวกเขาเพิ่งลงเล่นน้ำไปได้สิบนาที ไม่ได้มีเหตุผลใดๆ มาสนับสนุนกับการเลือกช่วงเวลานี้เล่นน้ำ นอกจากอยากเล่นช่วงเวลานี้เท่านั้นเอง


“ไม่ต้องถอดเสื้อนะ ใส่เสื้อลงไปเล่นน้ำด้วย” วิคเตอร์บอกในขณะที่เขาถอดชุดทักซิโด้ออกหมด เหลือแต่กางเกงชั้นในไว้ เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ผมเลือกเสื้อยืดมาใส่สักตัว ผมเห็นด้วยกับการใส่เสื้อเล่นน้ำนะ เพราะผมอายพุง ถึงจะมีนิดนึงแต่ก็อาย ต้องฟิตหุ่นแล้วละ


“หยิบกางเกงสำหรับลงสระให้ฉันหน่อยสิ” วิคเตอร์ที่เดินเช็ดหัวเปียกๆ ออกมาบอกไปพลางเช็ดหัวไป เมื่อกี้คงไปล้างเอาเจลจัดผมออก ผมเลือกกางเกงผ้าร่มขาสั้นของผู้ชายแบรนด์ Adidas สีดำไปให้เขา วิคเตอร์รับไปใส่ทับกางเกงชั้นใน


“เอาผ้าขนหนูไปด้วยนะ ถ้าจะดำน้ำ เอาแว่นไปด้วย เดี๋ยวตาแดง” ผมหยิบผ้าขนหนูคล้องคอ หยิบแว่นกันน้ำของเขาติดมือไปด้วย


เราลงลิฟต์มาที่ชั้นแปดของโรงแรมที่เป็นชั้นของสระว่ายน้ำและฟิตเนส เสียงว่ายน้ำ เสียงหัวเราะดังกระจายพอๆ กัน ทางโรงแรมเปิดไฟให้แสงสว่างรอบริมสระน้ำ จึงทำให้น้ำไม่มืดทะมึนเกินไป พวกคุณเบนกำลังว่ายน้ำพร้อมกับโหวกเหวกโวยวายไปด้วย ตอนแรกผมสงสัยว่าบาสไม่ไปเรียนหนังสือบ้างเหรอ ก็ได้คำตอบว่าเทอมนี้เขาเรียนแค่สองตัวเท่านั้น ซึ่งช่วงนี้ยังขาดได้อยู่ เลยมาช่วยผมดูแลพวกวิคเตอร์ แต่ผมแอบคิดว่าจริงๆ แล้วบาสก็คงอยากใช้เวลาอยู่กับคุณเบนด้วยนั่นแหละ ว่าไปก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าคู่นี้เขาจีบกันยังไง ไปสปาร์คกันตอนไหน


“เฮ้ย มาเล่น เอ่อ อะไรชิงบอลนะบาส” อันเดรหันหน้านิ่วคิ้วขมวดไปถามบาส


“ลิงชิงบอลครับ” อันเดรตอบรับเออออยกใหญ่ กวักมือเรียกผมสองคนรัวๆ วิคเตอร์พาผมเอาผ้าขนหนูไปวางไว้บนเก้าอี้อาบแดด ก่อนลงสระมีการมาเบ่งกล้ามโชว์ผมด้วยสีหน้าทะเล้นด้วย ผมยิ้มบิดปาก ย่นคิ้วปรือตามองเขาแต่ก็นึกขันว่าจู่ๆ จะมาเบ่งกล้ามทำไม รู้แล้วว่ากล้ามแน่น


ตู้ม!!


วิคเตอร์กระโจนลงน้ำเสียงดัง วินาทีนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่าเสียงเราจะไปรบกวนคนชั้นบนๆ รึเปล่า ผมแหงนหน้าไปดู ตอนนี้ยังไม่มีใครโผล่มาเขวี้ยงขวดใส่พวกเรา


“แมท ยืนมองอะไรอยู่ ลงมาได้แล้ว” เสียงบาสทำให้ผมก้มหน้ากลับมาตามเดิม ทุกคนกำลังยืนรอผมอยู่ ผมเลยค่อยเดินไปหย่อนตัวลงไปในสระ รู้สึกเป็นคนสวยมากยังไงไม่รู้ มีผู้ชายถอดเสื้อรายล้อมตั้งสี่คน แต่เดี๋ยวก่อน…


น้ำมันลึกไปหรือผมเตี้ยเอง ทำไมผมอยู่ในระดับคางเลยอ่ะ คนอื่นๆ แค่อกเองนะ


“ประเดิมลิงตัวแรก แมทเป็นละกัน” บาสพูดเองตกลงเอง แล้วก็หันไปแปลให้สามฝรั่งฟัง พ่อสามคนนั้นพอรู้ว่าผมจะเป็นลิงเพื่อชิงบอลก็เฮกันยกใหญ่ อีคนถูกแต่งตั้งให้เป็นลิงยังงงอยู่เลย


คือตูคงเป็นลิงจนตาย พวกมรึงสี่คนสูงทั้งนั้น ยืดสุดแขนครั้งเดียว อีลิงตัวนี้ก็เอื้อมไม่ถึงแล้ว


“แย่งดิแมท ทำหน้าที่หน่อย!” เสียงบาสเชียร์อัพ พ่อสามหน่อฝรั่งก็ส่งเสียงหัวเราะร่าชอบใจ ผมพยายามเดินเร็วๆ ไปแย่งบอลมาจากมือบาส แต่ยังไม่ทันไปถึงบอลเป่าลมสีใสก็ถูกปาไปให้วิคเตอร์ พ่อตัวดีทำหน้าหลอกล่อราวกับล่อเด็กน้อยให้เข้าไปหา ผมรีบกระโจนใส่เขา แต่ไอ้ยักษ์ก็ปาบอลไปให้เบนเนดิคท์แล้ว พอผมจะรีบเดินไปแย่ง ก็โดนเขาดึงเสื้อไว้ไม่ให้ไปไหน


“แอ๊! ปล่อยเซ่!” ผมหันไปดันน้ำใส่หน้าไอ้หนวดที่เบี่ยงหน้าหลบแต่หัวเราะเริงร่า ผมดึงมือเขาออกแล้วรีบพุ่งตัวไปหาคุณเบน แต่พี่แกก็โยนให้อันเดรไปแล้ว พอจะไปแย่งอันเดร เขาก็โยนให้บาส



สรุปผมแม่งก็เป็นลิงทั้งคืนแหละ เล่นจนเหนื่อยผมก็แย่งบอลมาจากพวกเขาไม่สำเร็จ ทำไมไม่สงสารคนเตี้ยบ้าง ยืดแขนเอาๆ ใครมันจะไปเอื้อมถึง พอเล่นจนหอบผมก็ยกมือยอมแพ้ ไม่ขอสู้ต่อ โยนให้พวกเขาไปหาลิงกันต่อเอง


“โหย นายเป็นลิงสนุกสุดแล้ว ถ้าไม่ใช่นาย งั้นเลิกเล่น” วิคเตอร์ ผมไปเหยียบตาปลาคุณตอนไหน คุณถึงได้แค้นผมขนาดนี้


สุดท้ายทุกคนก็เลิกเล่นลิงชิงบอลในสระว่ายน้ำ เพียงเพราะผมไม่ยอมเป็นลิงต่อ แหม ไอ้พวกพ่อตัวสูง รังแกคนเตี้ยกว่าสนุกนักนะ ความเมตตาอยู่ไหนกัน บ่อเห็นกั๋นก้าว่าฮายืนจะจ๋มน้ำอยู่ละ หมู่คิงก็จะยังฮื้อฮาวิ่งไปวิ่งมา ถ้าฮาจมน้ำต๋ายไป๋ จะยะจะได


ผมแบะปากใส่ไอ้ตัวตั้งตัวตีและตัวดีของความคิดที่จะให้ผมเป็นลิงไปตลอดอย่างวิคเตอร์ เขาหัวเราะเริงร่า ว่ายน้ำไปรวมกลุ่มกับพวกคุณเบน ส่วนผมผู้ซึ่งต่ำเตี้ยนั้น ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะจมหายตายจากทุกคนไปในน้ำ ก็ขอไปเล่นสระตื้นคนเดียวแบบใสๆ แล้วกัน


ผมสวมแว่นตากันน้ำ ดำผุดดำว่ายอยู่ฝั่งเด็กน้อยของตัวเอง แต่พวกหนุ่มตัวสูงชะลูดทั้งหลายก็ว่ายแข่งขันกันสนุกสนานในฝั่งผู้ใหญ่ ผมมีฟุตบอลช่วยให้ตัวลอยก็จริง แต่ก็ไม่กล้าข้ามไปเล่นอยู่ดี ขนาดพวกวิคเตอร์สูงเกือบร้อยเก้าสิบยังครึ่งคอเลย แน่นอนว่าผมคงจมมิด ฉะนั้นขอเล่นอย่างปลอดภัยอยู่ในโซนตื้นเขินของตัวเองจะดีกว่า


แว้กกก!


จู่ๆ ก็มีมือมากระตุกขาผมที่ใต้น้ำ ด้วยความตกใจ ผมเลยออกแรงถีบเต็มที่ ถีบไปเรื่อยไม่รู้ว่าเป็นใคร และถีบโดนตรงไหนบ้าง ต้องเป็นหนึ่งในสี่คนนั้นแหละแต่ใครไม่รู้ แต่ตอนนี้ตูตกใจ ถีบไว้ก่อน


“เฮ้ๆ ถีบมาเต็มแก้มเลยนะแมท” เสียงโวยดังขึ้นพร้อมกับร่างของอันเดรที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาหน้ายับยู่ยี่ ไม่รู้ว่ายับเพราะโดนผมกระหน่ำเท้าใส่รึเปล่า ผมยิ้มแห้งให้เขา อันเดรทำหน้างอนๆ ส่วนพวกวิคเตอร์ที่ท่าจะเป็นคนส่งตัวอันเดรมาแกล้งผม ยืนหัวเราะเสียงดังชอบใจกันใหญ่


“ผมขอโทษครับ ผมตกใจ”


“นี่ดีนะ ไม่เหยียบดั้งฉันหัก” อันเดรยกมือมาจับแก้มที่โดนผมถีบเต็มแรง เขาซี๊ดปากเล็กน้อย ผมตกใจเบาๆ เพราะคิดว่าถีบจนปากเขาแตกหรือเปล่า เลยเดินอุ้มบอลเข้าไปดูหน้าเขาใกล้ๆ


“เฮ้ๆ ยืนชิดมากไปแล้ว” เสียงดังมาพร้อมเจ้าตัวเดินแหวกน้ำตรงมาทางที่ผมกับอันเดรยืนอยู่ วิคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวดมาแต่ไกล พอมาถึงจุดที่ผมกับอันเดรยืนอยู่ ก็ดึงผมให้ห่างออกจากเพื่อนตัวเอง


“ตีนหนักขนาดนี้ ฉันไม่อยากอยู่ใกล้นักหรอก ตัวแค่นี้ทำไมถีบแรงจัง” อันเดรทำหน้างอน หมุนตัวเดินกลับไปหาคุณเบนกับบาสที่ยืนหัวเราะเฮฮากันสองคน ผมมองตามหลังอันเดรด้วยความรู้สึกผิด


“ผมไม่ได้ตั้งใจนะ” ผมหันไปบอกวิคเตอร์ รู้สึกไม่สบายใจที่ไปถีบหน้าเขาแรงขนาดนั้น ไอ้ยักษ์ยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นมาโยกหัวผมไปมา


“มันไม่โกรธหรอก ก็ทำท่าว่างอนไปอย่างนั้นแหละ” ผมก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี อยากรู้ว่าปากเขาแตกหรือเปล่า แต่พอจะขอไปดู ก็โดนคนตัวโตข้างๆ ตีหน้าดุใส่ และห้ามไม่ให้ไป ไอ้นี่ก็ผีบ้าผีบออีกละ คนจะไปดูคู่กรณีที่โดนทำร้ายนะเว้ย ไม่ได้จะไปจีบกัน หึงเพี้ยนตลอด


เราเล่นน้ำกันอีกสักพัก อันเดรไม่เขยิบเข้ามาใกล้ผมเลย พอผมจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อขอโทษ เขาก็ทำท่าตกใจแล้วว่ายน้ำหนี โธ่ พ่อคุณ นี่คนนะ ไม่ใช่ผีพราย ไม่ต้องรีบว่ายหนีขนาดนั้นก็ได้ พวกวิคเตอร์เห็นอันเดรว่ายน้ำหนีผมก็หัวเราะกันยกใหญ่ นี่ขำอะไรกันนักหนา ขายหน้าตานะ ไม่ได้ขายตลก เอ๊ะ หรือว่าหน้าผมตลก


“เช็ดหัวให้แห้งก่อน” วิคเตอร์เอาผ้าขนหนูมาเช็ดหัวผมให้ เราขึ้นมายืนเช็ดหัวเช็ดตัวตรงหน้าห้องฟิตเนส หลังจากอาบน้ำฝักบัวแล้ว คนอื่นๆ ก็กำลังยืนเช็ดตัวอยู่เช่นกัน พอหัวแห้งหมาดๆ พวกเราก็เดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อกลับขึ้นไปบนห้อง ตอนนี้ตีสามกว่าแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังหลับ แต่ก็ยังมีพวกผีกระสืออย่างพวกผมเดินตัวเปียกและเปลือยท่อนบน (ยกเว้นผม) ไปมาตามทางเดินโรงแรม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครออกมาเห็นหรอก เพราะชั้นนี้มีแต่พวกเรา


“คุณอันเดร ผมขอโทษนะ” ผมเอ่ยขอโทษอีกทีก่อนที่จะเข้าห้อง อันเดรเชิดปากขึ้น ทำงอนใส่แล้วเดินเข้าห้องไป เบนเนดิคท์หัวเราะเสียงหล่อ ปิดประตูตามหลัง ผมทำหน้าบู้เล็กน้อย เดินตามหลังวิคเตอร์เข้าไปในห้อง


“มันไม่โกรธจริงๆ หรอก คิดมากอยู่ได้” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ถีบเต็มตีนเลยนะ ถ้าพรุ่งนี้หน้าเขาช้ำ อย่าได้ถามว่าเพราะอะไร


วิคเตอร์หลอกล่อโอ๋เอ๋ไปตามเรื่องตามราวให้ผมเลิกคิดมากเรื่องอันเดร เขาจับผมถอดเสื้อผ้า แล้วก็ถอดเสื้อผ้าเขาเอง แล้วพาผมเข้าไปอาบน้ำ รอบนี้ไม่มีแต๊ะไม่มีเต๊าะ เพราะเขาเองก็ง่วงแล้ว เราอาบน้ำเสร็จก็มาทาครีม วิคเตอร์ทาขวดเดียวจบ เดินออกไปรอผมนอกห้อง ปล่อยให้ผมทาครีมสามขั้นของตัวเองไปก่อน ขณะที่กำลังทาครีมอยู่ดีๆ เสียงห้าวหาญแสนทรงพลังของแฟนร่างยักษ์ก็ดังขึ้น



“แมท!!!” ผมสะดุ้งตอนที่กำลังใช้มือโบกลมเข้าหน้าเพื่อให้ครีมตัวที่สามแห้ง พอตั้งตัวได้ก็เดินออกไปนอกห้อง วิคเตอร์นั่งพิงหัวเตียงตัวเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง ใบหน้าเขาเข้มขึ้นด้วยความโกรธ ขบกรามแน่นจนสันนูนชัด แววตาจับจ้องที่โทรศัพท์ผมอย่างมาดร้าย ใจผมหล่นวูบทั้งที่ยังไม่รู้สาเหตุ


“นี่อะไร?! ไอ้อดัมมันจีบนายเหรอ?!!” เขาตะคอกจนผมสะดุ้งอีกรอบ ผมหลับตาปี๋แวบหนึ่งแล้วลืมตาขึ้น สองมือกระชับผ้าคลุมอาบน้ำ


“เปล่า ไม่ได้จีบ คุณคิดอย่างนั้นได้ยังไงเนี่ย…”


“…ก็คิดจากข้อความที่นายคุยกับมันไง คุยกับมันมานานแค่ไหนแล้ว!!??” เขาขยับตัวนั่งตั้งตรง แววตากับใบหน้าแข็งกร้าวไปหมด ผมยังรู้สึกสับสนและปนงงอยู่ แล้วยังมีอาการตกใจจากเสียงตะคอกเขาด้วย น้ำเสียงเขาห้วนหยาบมาก ฟังแล้วไม่เข้าหูเลย


“ก็… คุยนานแล้ว แต่ผมกับเขาคุยกันแบบเพื่อน แบบคนรู้จักทั่วๆ ไป…”


“…เพื่อน?! คนรู้จัก?! บอกคิดถึงกันเนี่ยนะ นายไปบอกคิดถึงมันได้ไง!!” โอ๊ย! ให้กูพูดจบก่อนบ้างได้มั้ยเนี่ย ทำไมต้องแทรกเสียงดังๆ ตลอดเลย ได้ยินแล้วใจสั่นเว้ยยย!


“เอ้า! ผมพูดแบบไม่ได้คิดอะไร ก็ตอนนั้นผมกลับมาไทยแล้วก็แค่บอกคิดถึง” วิคเตอร์เบิกตากว้างขึ้น อารมณ์โกรธเขาดูพุ่งสูงกว่าเดิม


“ลบมันออกจากเฟซบุ๊ค ไม่งั้นนายก็ไม่ต้องเล่นอีก” ฮะ?!


“ผมไม่ลบเขาเพียงเพราะคุณบอกหรอกนะ!” ผมเริ่มเสียงดังกลับบ้าง สีหน้าวิคเตอร์มีแววเหี้ยมปรากฏขึ้น ตอนนั้นเองที่ใจผมหล่นวูบอีกครั้งกับสีหน้าที่แสดงออกของเขา แววตาเขาเหมือนปิดกั้นการรับรู้ทุกอย่าง


“มานั่งนี่!!” เขาสั่งเสียงดัง อ้าขาให้มีพื้นที่วางตรงกลาง ผมอยากจะฝืนและดื้อใส่ แต่พอเห็นว่าเขาทำท่าเอาจริง ผมก็เลยเดินไปหาเขา ก่อนนั่งลงวิคเตอร์กระชากชุดคลุมอาบน้ำออกอย่างแรงจนผมร้องโอ๊ยออกมา แต่ว่าเขาไม่สนใจเลยสักนิด พอถอดชุดออกได้เขาก็ขว้างลงพื้นอย่าง ยื่นแขนขวามากระชากตัวผมลงไปกลางหว่างขาของเขา พอจัดให้ผมนั่งซ้อนหน้าตัวเองได้ เขายกขามาล็อคสองขาผมไว้แน่นจนผมนิ่วหน้าเจ็บ สองแขนก็รัดร่างผมไว้แน่นเช่นกัน ผมเริ่มกลัว เริ่มไม่อยากอยู่ใกล้เขา


“ลบออก!” เขาสั่งเสียงเฉียบขาด ยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า น้ำตาผมเริ่มคลอที่ขอบตา ผมไม่ชอบเขาเวลาที่เป็นแบบนี้เลย


“วิคเตอร์…”


“…เร็วๆ!” เขาตะคอกใกล้หูผม คราวนี้ผมน้ำตาไหลออกมา แค่ตะคอกไกลๆ ผมยังกลัว แล้วนี่มาตะคอกใกล้หน้าแบบนี้ ผมก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่หรอก


“ผมกับอดัมเป็นแค่เพื่อนกัน มันไม่มี…”
   

หมับ!
   

“โอ๊ย! ผมเจ็บนะ!” เขาบีบแขนผมแน่น ผมนิ่วหน้า ยกมือซ้ายไปตีมือขวาเขารัวๆ แต่เขาไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด แถมยังแทบจะเอาโทรศัพท์กระแทกหน้าผมอยู่แล้ว
   

“อย่าดื้อ!”
   

“คุณก็อย่าบ้าให้มันมากนักสิ!” ผมกัดปากแน่น พยายามแงะมือเขาออกทั้งน้ำตา
   

“ฉันบ้านายมากกว่านี้อีก!” เขาว่าเสียงเย็น แต่แววหยาบกระด้าง เขาจ้องหน้าผมตาไม่กระพริบ ราวกับบอกว่าถ้าอยากจะลองก็เอา ผมยกมือปาดน้ำตาออกจากแก้มเร็วๆ ดึงมือถือมาจากมือเขา กดเข้าไปในเฟซบุ๊คอดัมแล้วลบเขาออกด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ผมไม่ได้เจ็บปวดที่ต้องลบผู้ชายคนนึงออกไปจากความเป็นเพื่อนในโซเชียล แต่ผมเจ็บปวดกับสิ่งที่วิคเตอร์ทำ
   

“มีไอ้จูบแรกเป็นเพื่อนด้วยรึเปล่า” เขาถามเสียงห้วน มือที่แบบต้นแขนผมไว้ปล่อยออกเมื่อได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ผมหันขมวดคิ้วใส่เขา
   

“อะไรอีกล่ะ?!” ผมถามเสียงสะบัด รู้สึกไม่พอใจที่เขาบุกรุกเรื่องส่วนตัวของผม
   

“มีใช่มั้ย?!!” เขาถามหน้าตาดุดัน น้ำเสียงห้วนห้าว ผมหันไปผลักอกเขา แต่วิคเตอร์รวบสองมือผมไว้แน่น
   

“ลบมันออกไปด้วย!”
   

“ตั้งสติหน่อยวิคเตอร์!” ผมตะคอกกลับไม่ยอม จ้องหน้าเขาด้วยสายตาเจ็บใจ วิคเตอร์หรี่ตามองกลับมา สายตาเขาวาวโรจน์
   

“ฉันชักสงสัยละ ว่านายกับมันแค่ไม่ได้ใช้ปากให้กัน ทำไม?! อยากเก็บมันไว้ เอาไว้นัดกันออกมาเจอกันอีกใช่มั้ย?!” โอ๊ย! ไอ้ฝรั่งเสียสติ นี่มึงหึงจนสติหายไปแล้วเหรอ
   

“อย่าเพ้อเจ้อได้มั้ย ผมกับเขายังไม่ทันคบกันด้วยซ้ำ!”
   

“เออ! ไม่ได้คบ แต่อมคxx ให้กันแล้วเนี่ยนะ!” ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจ สองมือกำแน่น พยายามกระทุ้งศอกเข้าท้องเขา แต่ก็โดนเขาจับแขนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
   

“ผมก็อมของคุณเหมือนกันนั่นแหละ ก็เท่าเทียมกันดีนี่!” ผมอดประชดไม่ได้ เพราะรู้สึกหมั่นไส้กับการที่เขามองเห็นแต่สิ่งที่ผมทำ ทีสิ่งที่ตัวเองทำกลับไม่ยอมมอง
   

“ทีกับอันเดรียนา…”
   

“…แมท อย่าจุดอารมณ์ฉันไปมากกว่านี้ เพราะนายไม่รู้หรอกว่าจะเจออะไรบ้าง” เขาพูดเหมือนเป็นการเตือนอย่างใจเย็น แต่หัวใจที่เต้นหนักหน่วงเขานั้นบอกได้ว่าเขาไม่ได้เย็นอย่างที่กำลังกำลังข่มอารมณ์ตัวเองอยู่ ผมมองเขาด้วยความไม่พอใจ แต่เสียงในใจก็ร้องเตือนว่าอย่าลองดีกับเขาในช่วงอารมณ์แบบนี้เลยจะดีกว่า ผมถอนหายใจแรง ยกมือถือขึ้นมากดหาชื่อเอิร์ทในเฟซบุ๊คแล้วลบออก พอหันไปมองวิคเตอร์ เขาก็ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่แววตาเริ่มอ่อนลง สีหน้าเริ่มผ่อนคลายทีละนิด
   

“ถ้าพอใจแล้วก็ปล่อย” ผมว่าเสียงเรียบ หันหน้าหนีเขา ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากสบตาด้วย วิคเตอร์ดึงมือถือออกจากมือผม เอาไปวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงเคียงโทรศัพท์เขา สองแขนโอบกอดร่างผมไว้แน่น แต่ไม่เจ็บแบบตอนแรก สองขาเขาคลายออก
   

“ไม่ปล่อย” เขาเอาคางมาเกยไหล่ขวาผมไว้ ก้มลงจูบตรงต้นแขนที่เขาบีบแน่นจนตอนนี้มันแดงไปหมด เขาจูบย้ำๆ สลับกับหอมสูดดมแผ่วเบา
   

“สองสิ่งที่นายควรกลับไปจดลงสมุดโน้ตที่นิวยอร์กนั้นคือฉันขี้หึง ขี้หวง…” เขาไล่จูบขึ้นจากต้นแขนขึ้นมาที่หัวไหล่ ไปยังลำคอ ผมกำลังพยายามบอกให้ตัวเองเข้าใจเขา เข้าใจว่าสภาวะอารมณ์ของวิคเตอร์อาจไม่ได้อยู่ในระดับปกติเหมือนคนอื่นนัก ไม่ใช่ผมไม่รู้ ตอนที่ฝึกงานด้วยกัน ผมก็พอสัมผัสมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าพอเขยิบมาเป็นแฟนกัน มันจะแรงขึ้นขนาดนี้ ไม่รู้ว่านี่แรงสุดรึยัง นึกสงสัยว่าสิ่งที่เขาพูดว่าผมไม่มีทางรู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง หากเขาคุมอารมณ์ไม่อยู่
   

“…ฉันเป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่เป็นกับนายหนักที่สุด” ผมถอนหายใจออกมา มันก็คงรู้สึกดีอยู่แหละมั้งที่ได้ยินเขาพูดประโยคนี้ ผมที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ไม่เคยคบใคร ไม่เคยได้ยินคำหวานหู คำแสดงความเป็นเจ้าของแบบนี้ ก็รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น กับการที่ผมเจออารมณ์เขาก่อนหน้านี้ ก็คงรู้สึกดีได้ไม่มาก
   

“คุณต้องใจเย็นมากกว่านี้ รู้จักควบคุมอารมณ์หึงหวงบ้าง และที่สำคัญคือไว้ใจผม” เขานิ่งเงียบไม่ตอบรับอะไร ผมรู้ว่าเขากำลังดื้ออยู่ภายใน กำลังต่อต้านคำพูดผมเงียบๆ
   

“นอนเถอะ” แล้วเขาก็ตัดบท ผมก็ไม่อยากจุดประเด็นชวนทะเลาะกันแล้ว เพิ่งรู้ว่าคนคบกัน บางทีนึกจะมีเหตุการณ์มาให้ทะเลาะกันก็มีมาง่ายๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังหัวเราะกันอยู่เลย ความสัมพันธ์แบบแฟนนี่ก็เพี้ยนดีเนอะ
   

“วิคเตอร์นอนดีๆ สิ” ผมร้องบอกเมื่อเขานอนเอาหน้าหนุนอกผมไว้ สองแขนกอดผมแน่น ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเราสองคน คือไม่ได้ว่าถ้าจะนอนท่านี้ แต่เอาไว้นอนตอนที่ไม่ใช่เวลาหลับมั้ย แบบนี้ผมกับเขาจะหายใจสะดวกได้ยังไง นอนเอาปอดทับกันไว้แบบนี้เนี่ย
   

“วิคเตอร์…”
   

“…ไม่” เขาบอกเสียงสั้นกระชับ เอาแก้มสากเพราะหนวดถูอกผมเป็นเชิงอ้อนว่าจะขอนอนแบบนี้ อย่าเรียกว่าอ้อนเลย กับผู้ชายคนนี้เรียกว่าดื้อดีกว่า แล้วก็ชอบหาว่าผมดื้อ (ก็ดื้อพอกัน)
   

“ลูบหัวหน่อย…” เสียงนุ่มๆ ดังลอยมา ผมยกมือซ้ายขึ้นลูบหัวเขาไว้ วิคเตอร์ครางอืออาพอใจ ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้เด็กชายตัวโข่งขี้อ้อน
   

หึ หลังจากได้อาละวาดและได้ในสิ่งที่ต้องการไป ก็พลิกมาอ้อนต่อเชียวนะ ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ เอื้อมแขนขวาไปปิดโคมไฟที่หัวเตียง ลืมตาในความมืดสักพัก ปล่อยให้ความคิดไหลวนเชื่องช้าพอๆ กับมือที่ลูบหัววิคเตอร์อยู่
   

 ผมกำลังบอกตัวเองว่าให้เห็นใจเขา เฉกเช่นเมื่อครั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ในตอนนั้นผมรับรู้เรื่องเขา แม้จะแค่บางเรื่องบางจุด ผมยังนึกเห็นใจและสงสารเขาเลย ในตอนนี้ผมมาอยู่เคียงข้างเขาแล้ว ก็ต้องพยายามเข้าใจเขาให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ แต่อย่าเยอะไปนะวิคเตอร์ บางทีผมก็อยากให้คุณเข้าใจผมบ้างเหมือนกัน
   

“Good night.” ผมพูดเสียงแผ่ว ก้มลงจูบเรือนผมของเขา คงต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไปอีกยาวเลย




TBC.

เพิ่งดูเดอะเฟซจบก็มาอัพเลยค่ะ โอ๊ย แซ่บมาก อย่างกับกินพริกสิบเม็ดสดๆ ฉะกันสะพรึง 55555 นิยายตอมเรื่องหน้าที่กำลังจะอัพปลายเดือนนี้ (คนในเพจจะทราบไปแล้ว) ก็มีเรื่องเกี่ยวกับนายแบบ นางแบบนะ คริๆ แต่จะแซ่บเหมือนเดอะเฟซมั้ย ต้องรออ่านค่า ฮี่ๆ

วกกลับมาอีพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน ตอนอารมณ์ดี ก็ดี๊ดี แต่อย่าได้มีใครมายุ่งกับเอเลี่ยนน้อยของพี่แกนะ ระเบิดพร้อมลง ลงแรงยิ่งกว่าระเบิดที่ฮิโรจิมาซะอีก อารมณ์ของพี่แกนี่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา จับสัญญาณไม่ถูกันเลยทีเดียว 555555 พอโมโหเสร็จ สั่งให้เขาทำตามในสิ่งที่ต้องการได้ ก็อ้อนเมียต่อ บ๊ะ ใช้ความอ้อนสยบนี่หว่า -..- รู้ว่าแมทใจดี ก็เอาใหญ่นะพี่นะ 

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 07-11-2015 19:53:28
ตอนหวานกันก็น่ารักดีอยู่หรอกนะ แต่พอตอนวิคเตอร์โกรธแล้วบังคับแมทอย่างงู้งงี้มันดูไร้สาระ (สำหรับเรามาก)

ถ้ายังไม่ปรับความเข้าใจกันเรื่องนี้ น่ากลัวว่าจะคบกันไม่ยืดอ่ะดิ เฮ้อ

ยังไงก็รอดูพัฒนาการด้านความรักของคู่นี้ต่อไป :)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2015 20:01:06
ดีกันอยู่แหมบๆ ตีกันอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-11-2015 20:05:14
ยักษ์องค์ลงได้น่ากลัวสุด ถ้าเป็นเจอแบบนี้นี่คือร้องไห้ใส่แม่งเลย เกินไปป่ะไม่พอใจอะไรก็ขุดเรื่องเก่ามาว่ากันแต่พอเขาจะพูดบ้างกลับทำไม่ได้นี่เมียน่ะเว้ยไว้ใจ เชื่อมจและเข้าใจเมียบ้างอย่าใช้อารมณ์มากนัก  เอ้อ..แมทอาจจะใช้ปากให้คนอื่นแต่มันมันตอนที่ห่างกันไม่ถือว่าเป็นการนอกใจน่ะเว้ยเพราะตอนนั่นระหว่างสองคนมันไม่มีสถานะอะไรมารองรับด้วยซ้ำ แมทแค่ใช้ปากแต่ยักษ์แกสอดแกใส่กะเค้ามากี่ครั้งคิดบ้าง!!!  เรื่องมันไม่ดราม่าหรอกแต่เราเดือดสงสารแมทที่ต้องม่เจอสามีไบโพล่าแบบนี้ ชิชิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 07-11-2015 20:38:18
บอกเลยว่าเป็นพระเอกที่องค์ลงได้น่ากลัวสุดดดดด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 07-11-2015 20:45:59
วิคเตอร์หึงโหดมากข่าาาาาา อย่าใจร้ายกับแมทมากเลย เข้าใจแมทยอมแมทบ้างเนาะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-11-2015 21:18:43
เอ้า อะไรกันฟ่ะ หวานน้ำตาลท่วมกรุงเทพฯ ไม่เท่าไร จะมาตีกันอีกแล้ว เฮ้อ ใจเย็นๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 07-11-2015 21:19:24
หึงโหด แต่ก็ชอบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-11-2015 21:19:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 07-11-2015 21:20:10
พอจิโหด ก็โหดเกิ๊นนนนนนนนนนนน พออ้อนก็อ้อนซะ แหมมม่  :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 07-11-2015 22:11:48
พี่ยักษ์ก็หึงโหดปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-11-2015 23:46:32
ตอนแรกก็หวานซะมดเดินขบวนเข้ามาหาแทบไม่ทัน

มีการผูกเชือกรองเท้าให้กันขอบคุณแมทบนเวที

แต่พอเจอเฟสอดัมเข้าไปนึกว่าทอร์นาโดถล่ม

หึงจนไม่ฟังอะไรแบบนี้แมทจะแย่เอานะ

เราว่า เรื่องนั้น ที่เราเคยสงสัยต้นเหตุอาจมาจากความหึงของคุณยักษ์แน่ๆ เลย

รอมาม่าชามยักษ์ที่คิดว่าน่าจะทั้งหนักทั้งหน่วง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 07-11-2015 23:47:20
ไม่รู้สิ
เรากลับไม่ค่อยโอเคกับการกระทำของวิคเตอร์นะ
ใช้อารมณ์มากเกินไปแล้ว งี่เง่ามาก
เรียกร้องให้อีกฝ่ายเข้าใจตัวเองมากเกินไปมั้ย?
แมทก็ยอมเกินเหตุ
ถ้าเป็นขีวิตจริงแล้วมีคนมาทำแบบนี้กับเรา เราคงหนีอะ
คนแบบนี้น่ากลัวเกินไป
มันต้องมีซักวันที่แมททนไม่ได้อะ  :hao5:

เอาตอนหวานๆมาหักลบภาพน่ากลัวของวิคเตอร์ที  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 08-11-2015 01:01:11
วิคเตอร์งี่เง่าว่ะ!
ถ้าแมทไม่ทนขึ้นมาวิคเตอร์!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-11-2015 01:42:54
วิคเตอร์หึงบ้ามาก เหนื่อยแทนแมท ดีนะหล่อเลยให้อภัยกึ่งหนึ่งค่ะ แฮ่
นี่ขนาดอยู่ด้วยกันยังเป็นขนาดนี้ ถ้าห่างกันไม่ส่งการ์ดมาเฝ้าเรอะ ทำเป็นเล่น พระเอกทำจริงได้เสมอ
คนไม่เคยมีความรักพอมีก็ต้องหวงมากกกกก เข้าใจค่ะเข้าใจ แต่ขอแค่แมทไม่เจ็บตัวกับอารมณ์พระเอกพอ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 08-11-2015 15:10:05
หึงน่ากลัวจังพี่ยักกกกกกษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 08-11-2015 16:07:20
หลังจากหึงโหดก็อ้อนเลยนะอิพี่ยักษ์  :beat:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-11-2015 16:36:58
หึงแหลกราญเลยนะยักษ์
สงสารเอเลี่ยนมั่งเหอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 08-11-2015 22:13:50
รักเมียแรง หึงเมียแรง พ่อยักษ์เอ้ยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 09-11-2015 07:59:25
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-11-2015 02:40:18
คือเข้าใจนะคะว่าวิคเป็นพวกเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่น...ไม่ยอมปล่อยให้ใครมีโอกาสได้มาแย่ความรักไปจากตัวเองเด็ดขาก

แต่อิพี่วิค หล่อนอายุเท่าไหร่แล้วคะ..

พอมีปัญหาคนที่ต้องลงให้เป็นน้องตลอดเลย น้องอายุน้อยกว่าแกนะวิค ไหงมันกลายเป็นคนที่ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าไปซะได้ล่ะคะ


แต่ประเด็นที่เรามองอีกเรื่องคือแมตก็ผิดนะที่ปิดวิคให้เขามาเจอเอง รู้อยู่ว่ามันขี้หึง ออพชั่นเสริมของคนขี้หึงคือขี้ระแวงค่ะพอขี้ระแวงมันก็จะมโนทุกความเป็นไปได้ในหัวแล้วหาทางจำกัดมันทิ้งเป็นยักษ์บ้าตกมันไปเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.17 100%} 07.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-11-2015 08:46:57
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 13-11-2015 00:04:38


Only You EP.18 :: Evil Wish. [ปีศาจปรารถนา]



ฉาก NC ต่อไปนี้ ค่อนข้างหยาบคายและหยาบโลน กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ



“ฮ่ะ ฮึ ฮ่ะ อ้า… ฮ้า” เสียงแมทกระเส่าเร้าใจไปทั่วห้องนอน สีหน้าของเขาตอนนี้ทำให้อารมณ์หื่นของผมยากที่จะสงบลง เปลือกตาหลับพริ้ม ริมฝีปากบนสีชมพูซีดๆ เผยอขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าบิดเบี้ยวไปตามแรงอารมณ์ที่ผมส่งไปให้


“อูว… รัดแน่นดีจัง” ผมบอกเสียงแหบแล้วซี๊ดปากยาวๆ ตอนที่โดนกลีบเนื้อนุ่มย่นและช่องทางด้านในของเขาตอดรัดรุนแรงราวกับเขาแกล้ง เสียงลมหายใจหอบกระเส่าของเราสองคนดังสลับกัน สองมือแมทจิกหมอนแน่น สองมือผมค้ำตัวเองอยู่เหนือร่างเขา ช่วงเอวก็ดันขึ้นลงเน้นๆ อย่างต่อเนื่อง


“วิคเตอร์… วิคเตอร์….” เขาเรียกชื่อผมเสียงแหบ ปรือตาขึ้นมามองผม ดวงตาเขาฉ่ำน้ำไปหมด เขายกมือขึ้นมาดันอกผมไว้ราวกับจะดันออก ผมยกสองมือขึ้นมาจับมือทั้งสองข้างเขาไว้ แล้วกดข้อมือเขาลงบนเตียง เพิ่มแรงดันแรงอัดเข้าหาเขามากขึ้น


“อื้อ! อื้อ!” ได้ยินเสียงร้องกับเห็นสีหน้าเขาแล้วผมจะขาดใจตาย เลยก้มลงไปไซ้คอเขาหนักหน่วง สลับกับดูดดึงเนื้อหอมๆ ที่ซอกคอเขา


“Do you want me to stop, baby? (อยากให้ฉันหยุดเหรอ ที่รัก)…” ผมถามเสียงแตกพร่าทั้งที่ไซ้และเลียคอเขาไม่หยุด แมทเชิดหน้าขึ้นเพื่อเปิดทางให้ผมสูดดมซุกไซ้เขาได้สะดวก


“รอบสุดท้ายแล้วได้รึเปล่า” ผมคำราม ไม่อยากตอบรับอะไรเขาตอนนี้ ผมดูดคอเขาแรงๆ สะโพกก็กระแทกอัดใส่เขาไม่ยั้ง ผมไปช้าๆ แต่อัดเน้นๆ ให้แมทเสียวทรมานเล่นๆ


“ไม่สัญญาได้มั้ย พรุ่งนี้ฉันก็กลับแล้วนะ” ผมว่าทั้งที่ยังรู้สึกไม่พอกับการไซ้เนื้อคอแน่นๆ ของเอเลี่ยนน้อย ยิ่งสูดดม ยิ่งซุกไซ้ก็ยิ่งเหมือนสูดดมสารเสพติด ยิ่งขยับ ยิ่งกระแทกยักษ์น้อยเข้าไปข้างใน ก็ยิ่งรู้สึกติดใจไม่อยากหยุด ด้านในเขายังคงร้อนฉ่าและแน่นนุ่ม


“ฮื่อ…” แมทคงหมดแรงจะพูดแล้ว เพราะว่านี่ก็รอบสามของวันนี้ ผมฟัดเขามาตั้งแต่บ่าย มีช่วงพักเบรกบ้างให้ผมได้ผลิตน้ำต่อ และก็เป็นช่วงเวลาที่แมทจะได้พักผ่อน วันนี้ผมไม่ได้อยากอะไรมาก ก็อยากนั่นแหละ แต่การนอนคุยกันเฉยๆ มันก็โอเคนะ แต่ไม่เกินสามชั่วโมง ไอ้ยักษ์น้อยมันก็ชอบแข็งอยู่เรื่อย ก็เลยจัดหน่อย ผมไม่ได้เล่นท่าเยอะหรอก ท่าทั่วไปนี่แหละ วันนี้ผมไม่เปิดโอกาสให้แมทขึ้นข้างบนเลย ผมเล่นจัดการเขาใต้ร่างผมอย่างเดียว ยิ่งนึกว่าพรุ่งนี้ต้องกลับไปอยู่ห่างจากแฟนตัวเองแล้วก็ยิ่งไม่อยากหยุด ผมรู้ว่าเขาเหนื่อย แต่ในความเหนื่อยเขาเองก็ตอบรับผมอย่างดี


“อ๊า อ๊า อ๊า…”


“เสียงดีมาก เดี๋ยวขออัดเสียงไว้ฟังเวลาว่างๆ หน่อยนะ” ผมแกล้งแซวยิ้มๆ แมทกัดริมฝีปากล่างแน่น พยามห้ามเสียงร้องของตัวเอง แต่พอเห็นแบบนั้น ผมก็ออกแรงงัดจนเขาแอ่นตัวขึ้นและส่งเสียงร้องปานจะขาดใจ ผมขบกรามแน่น พยายามห้ามใจไม่ให้ทำเขารุนแรงมากนัก เพราะเดี๋ยวเด็กน้อยของผมจะไม่สบาย


“อีกนิดนะ” ผมกระซิบข้างแก้มเขา ยังคงกดข้อมือเขาไว้ไม่ยอมปล่อย แมทยกสองขามาเกี่ยวเอวผมไว้ ผมยิ้มแฉ่ง ก้มลงไปหอมแก้มเขา แล้วเอียงแก้มตัวเองให้เขาหอมบ้าง แมทหอมผมทั้งที่ลมหายใจกระเส่า ผมส่งแรงดันเคลื่อนตัวเองขึ้นลงช้าๆ แต่ว่าเน้นๆ ไปเรื่อยๆ จ้องหน้าแมทตาไม่กระพริบ หูฟังเสียงร้องของเขาอย่างตั้งใจ


“ooh… ooh… Ah!” ครางดีจริงๆ ขนาดบอกไม่ไหวๆ ไม่สู้ แต่เสียงยังใสอยู่เลย


“อยากจะลักพาตัวนายกลับนิวยอร์กไปพร้อมกันจริงๆ” ผมกัดฟันพูด รู้สึกเสียวท้องน้อยไปหมด ความเสียวเริ่มตีตื้นขึ้นมา แต่ผมก็ยังคงดันลูกชายผมเข้าออกในตัวแมทจังหวะเดิม จนกระทั่งเหล่าลูกๆ ผมก็พากันพวยพุ่งออกมาอย่างแรง ผมซี๊ดปาก หน้าเหยเก รีบดึงความใหญ่ยาวของตัวเองออกมาปลดปล่อยด้านนอก เพราะด้านในแมทรัดแน่นมาก ไหนจะลูกชายผมที่กระตุกรุนแรง พอพ่นน้ำจนเลอะปากทางเข้าด้านหลังแมทไปหมด ผมก็ใช้ยอดปลายสีชมพูอ่อนตัวเองเกลี่ยไล้น้ำสีขาวข้นให้มารวมกันที่กลีบเนื้อของแมทที่ขมิบตุบๆ แล้วก็ดันยักษ์น้อยเข้าไปใหม่อีกรอบ แมทผวาเฮือก ยกสองมือมาดันกล้ามท้องผมไว้ แขนขาเขาสั่นไปหมด เขาอ้าปากหอบหายใจระทวย


“พะ… พอก่อน เหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้ว…” เขากลืนน้ำลายลงคอ เปลือกตาขยับขึ้นลงเชื่องช้า ผมยิ้มเสียดาย แต่ก็ยอมดึงตัวเองออกมาจากตัวเขา นอนทาบทับลงด้านบนตัวของแมท เอเลี่ยนน้อยมีเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า แม้เขาจะเหนื่อยเหมือนขาดใจ แต่สองแขนก็ยกขึ้นมาโอบรอบคอผมไว้ ผมยื่นหน้าไปหอมหน้าผาก หอมแก้มทั้งสองข้าง และปิดท้ายด้วยการจุ๊บปากเขาหนึ่งที


“หายงอนฉันหรือยัง” ผมลูบผมที่ปรกหน้าผากเขาขึ้น แมทสบตาผมนิ่ง เขาเลื่อนมือขวาลงไปแถวกลางลำตัวของตัวเอง แล้วก็ดึงมือที่มีน้ำข้นขุ่นสีขาวของผมติดอยู่ที่ปลายนิ้วทั้งสี่มาด้วย ผมมองตาเป็นประกาย แมทอ้าปากแล้วแลบลิ้นออกมาเลียน้ำรักของผมที่ปลายนิ้วทีละนิ้วจนหมด ผมมองอย่างมึนเมา แมทเลียนิ้วไปก็มองผมด้วยสายตายั่วไปด้วย เห็นแล้วแทบอยากจะปลุกลูกชายตัวเองขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้มันกำลังพักเอาแรงอยู่


“อืม… อือ… ฮ่ะ…” เขาดูดเลียจนน้ำรักผมที่ติดอยู่ปลายนิ้วหมดไป ผมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากล่าง มองเขาด้วยความเสียววูบตรงช่วงท้องน้อย แมทกรีดยิ้มร้ายกาจมาให้


“แบบนี้ยังงอนอยู่มั้ย” ผมคลี่ยิ้มกว้าง ส่ายหัวไปมาอย่างเชื่องช้า


“เซ็กซี่มากเลยเอเลี่ยนที่รัก” ผมก้มลงไปจูบแลกลิ้นนัวเนียกับเขา แมทยกสองแขนคล้องคอผมไว้ สองขายกมาเกี่ยวเอวผมไว้หลวมๆ อืม… นี่ขนาดเขาบอกว่าเหนื่อยไม่ไหวแล้วนะ ยังมีแรงเหลือมายั่วผมอีก


“แต่ว่า…” เขาผละออกกระทันหัน ผมที่กำลังไล้ลิ้นเลียเขาถึงกับค้าง เลยก้มลงจูบไปทั่วแก้มและซอกคอเขาไม่หยุด


“…คุณทำผมแขนผมช้ำไปหมดเลย”


“หืม…” ผมที่กำลังสูดดมกลิ่นน้ำนมอ่อนๆ บนตัวแมทหยุดตัวเองไว้ แล้วยกหน้าขึ้นมามองเขา ที่รักของผมแบะปากทำหน้าว่างอน เลื่อนสองแขนออกจากคอผม แล้วโชว์ให้เห็นรอยช้ำที่มาจากการบีบอันรุนแรงจากน้ำมือผมเอง เห็นแล้วก็รู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน


“There—I am sorry. Forgive me, baby. (โอ๋… ฉันขอโทษ ยกโทษให้ฉันเถอะนะที่รัก)” ผมว่าเสียงอ้อน ก้มหน้าลงเอาจมูกเกลี่ยแก้มเขาแผ่วเบา แมทยังทำหน้าบึ้ง ผมเลยเอาคางถูคอเขาไปมาจนแมทหัวเราะคิกคัก ผมแกล้งเอาริมฝีปากงับหูเขา แมทเลยเอี้ยวหน้ามางับหูผมอีกฝั่งบ้าง ผมแกล้งเอาลิ้นแหย่เข้าไปในหูเขา แมทถดหน้าหนี ผมก็ตามไปหอมแก้มเขาจนเขาเริ่มงอแง ส่วนผมก็หัวเราะอารมณ์ดี


“หนวดยาวเร็วจัง” เขามองหนวดเคราบนหน้าผมอย่างสนใจ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังสงสัยใคร่รู้ ปลายนิ้วมือขวาของเขาดึงหนวดที่คางผมเล่น ผมเอาศอกสองข้างค้ำร่างตัวเองไว้ ปล่อยให้เขาจับหนวดไปเรื่อย แมทเลื่อนสายตาแป๋วๆ ของเขามาสบตากับผมแล้วก็คลี่ยิ้มน่ารักออกมาเมื่อตอนที่เขาเอามือลูบใต้คางผมสนุกมือ


“ถ้ายาวกว่านี้ก็จะเป็นซานต้าครอสแล้ว” ผมยิ้มกว้าง มองเอเลี่ยนตัวจ้อยเจื้อยแจ้ว เขาช่างเจรจาเหมือนนกแก้วเหมือนกันนะ แต่ยิ้มเก่งกว่านกแก้วเยอะ แล้วก็น่ารักกว่านกแก้วมากด้วย


“เด็กน้อยคนนี้อยากได้อะไรจากซานต้าครอสรึเปล่าครับ” แมทหยุดลูบหนวดเคราผมเล่น เขาเอาสองแขนขึ้นมาคล้องคอผมตามเดิมแล้วทำหน้านึก ก่อนจะเอียงคอมองผมตาใส


“ขอให้แฟนผมที่ชื่อวิคเตอร์อย่าเบื่อที่จะอึ๊บผม” เขาหัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย ย่นคอ ย่นไหล่อย่างน่ารัก ผมยิ้มกว้าง เลื่อนมือขวาตัวเองลงไปลูบคลำส่วนกลางตัวของแมท เจ้าตัวอมยิ้มเขินๆ


“แล้วเด็กคนนี้ล่ะ เบื่อที่โดนเขาอึ๊บรึเปล่า” แมทเผยอริมฝีปากบนขึ้นตอนที่ผมเอานิ้วโป้งลูบไล้ส่วนปลายสีชมพูของเขาอย่างแผ่วเบา


“ไม่เบื่อ แต่เหนื่อย เพราะแฟนผมเขาอึดมากเลย” ผมคลี่ยิ้ม รู้สึกหัวใจเบิกบาน ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขายังคิดและกังวลว่าผมจะเบื่อเขา แต่เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำให้ผมรู้สึกดีแค่ไหน


“เอาบ่อยๆ ไม่เบื่อจริงๆ เหรอ ของผมไม่เหมือนผู้หญิงนะ” เขาถามสีหน้าสงสัยหน้าตาใสซื่อ ผมคิดว่าผมเข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อนะ ผมยิ้มอ่อนโยน ไม่รู้จะพูด จะปลอบเขายังไงดีกับเรื่องนี้ ให้พูดมากๆ ผมก็กลัวว่าเขาจะหามันจะเป็นแค่คำพูดที่ใครก็พูดได้


“เพลินยิ่งกว่าอะไรในโลกอีก” ไว้สักวันเขาคงจะเข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง อธิบายไปตอนนี้เขาก็รับฟัง แต่เดี๋ยวก็มาคิดมากทีหลังอีกอยู่ดี


“ปากหวานอีกแล้ว” เขายิ้มทั้งที่เปลือกตาปรือเพราะโดนนิ้วผมหยอกล้อไม่หยุด สองมือเขาเริ่มขยุ้มเส้นผมบนหัวผมหนักขึ้น แต่สักพักเขาก็เลื่อนมือซ้ายลงมาจับยักษ์น้อยที่เริ่มแข็งแบบอ่อนโค้งบ้างแล้ว


“ทำแบบนี้จะเบื่อได้ไงกัน” รู้จักหยอก รู้จักยั่วตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะเด็กคนนี้ แล้วทำได้ดีซะด้วยนะ


“อืม…” แมทครางเสียงสั่น ลำตัวแอ่นขึ้นมาตอนโดนผมกดนิ้วแช่ไว้ที่ร่องกลางของส่วนปลาย สองขาเขารัดบั้นท้ายผมไว้แน่น ผมจับแก่นกายเขาไว้เต็มมือแล้วเริ่มชักขึ้นลงเร็วๆ แมทหอบกายใจหนักหน่วง เขาเลื่อนขาทั้งสองข้างออกจากเอวผม เอาเท้าวางให้ขาตั้งฉากไว้บนเตียงแล้วจิกเท้าลงพื้นเตียงแน่น สองมือเลื่อนขึ้นไปจิกหมอนไว้แน่น


“Ah… yes… baby-giant.” เขาแหงนหน้าขึ้น เปลือกตาปิดสนิท ผมก้มลงใช้ลิ้นเลียตั้งแต่แอ่งไหปลาร้า ลากลิ้นขึ้นไปตามแนวคอแล้วใช้ฟันขบคางเขาเบาๆ สักพัก ก่อนจะผละตัวออกไปนั่งคุกเข่าโดยที่มือยังไม่หยุดทรมานแมท


“Ah… Ummm… Oh—my.” แมทแอ่นตัวสูงขึ้นตอนที่ผมเร่งจังหวะมือเร็วกว่าเดิม ขาสองข้างเขาเลื่อนขึ้นลงไปมาบนเตียงด้วยความทรมาน


“You are mine. Aren’t you? (นายเป็นของฉันใช่รึเปล่า)” ผมถามเสียงแหบพร่า ค่อยๆ ลดจังหวะมือลง


“อื้ม...” แมทไม่ยอมตอบ เขาส่งมือมาจะชักด้วยตัวเองเพราะผมผ่อนแรงลง แต่ผมใช้มือซ้ายปัดมือทั้งสองข้างเขาออกไปอย่างแรง


“Open your eyes, and answer me. (ลืมตาขึ้นแล้วตอบฉัน)” ผมพูดเสียงห้วน แมทหายใจหอบ ค่อยๆ เปิดเปลือกตา ผมจ้องตาเขาอย่างดิบเถื่อน



“Please, let me cum. (ขอเถอะ ให้ผมเสร็จเถอะนะ)” เขาทำท่าจะเอื้อมมือมาช่วยตัวเอง ผมปล่อยมือออกจากแก่นกายเขา จับสองมือเขาไว้แน่นแล้วดึงให้เขาลุกขึ้นมานั่ง ผมหันไปยิบเสื้อคลุมอาบน้ำของแมทที่ถูกผมกระชากออกทิ้งไว้บนพื้นเมื่อคืนขึ้นมา ดึงเชือกที่ไว้สำหรับมัดรอบเอวออกอย่างเร็ว จับสองมือแมทไพล่หลังไว้ โน้มตัวไปผูกเชือกเป็นปมจนแน่น แมทกัดไหล่ผม ไล่ขึ้นมาที่ลำคอ ผมครางตอบรับกับความคมของเขี้ยวเขา


“ไม่ตอบแบบนี้ต้องโดนง้างปาก” ผมกรีดยิ้ม ลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากมัดมือเขาเสร็จ ผมใช้มือซ้ายบีบคางเขาให้อ้าปาก แล้วใช้มือขวาจับลูกชายตัวเองยัดเข้าไปในปากเขา แมทสำลักนิดหนึ่ง แต่ก็เริ่มผงกหัวสู้กลับมา ผมยิ้มถูกใจที่เห็นเขาตอบโต้ ผมใช้สองมือจับหัวเขาไว้แน่นเพื่อให้เขาหยุดนิ่ง จากนั้นก็ซอยสะโพกเข้าไปในปากเขา


“อึก…อั่ก…อ้า…อ้า…” เสียงแมทดังอึกอัก เขาสำลักน้ำลายจนเลอะลูกผมและรอบปากเขาไปหมด


“มองตาฉัน” แมทเหลือบตาขึ้นมาสบตากับผม ผมส่งจูบให้เขา แต่แมทก็ยังคงมองนิ่งๆ กลับมาเพราะว่าเขาทำอะไรมากไม่ได้เนื่องจากของผมคับปากของเขาอยู่ น้ำลายมากมายฟูมฟายทะลักออกมาแต่ผมก็ยังไม่หยุดยัดลูกชายผมเข้าไปในปากแมท


“อื้อ… อื้อ… คั่ก…” ผมกระแทกเอวเข้าออกช้าๆ แต่ว่าเน้นๆ แมทสบตาผมนิ่ง น้ำตาของเขาไหลออกมาเงียบๆ คงเพราะส่วนปลายดันเข้าไปลึกถึงคอหอยของเขา


“แค่กๆ ฮื่อ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” แมทหายใจหอบทันทีหลังจากผมดึงของตัวเองออกจากปากเขา เขากลืนน้ำลายลงคอ แววตาสุกใสของเขาฉ่ำไปด้วยน้ำตา


“อยากกินน้ำสดๆ จากกระบอกของฉันมั้ย” ผมถามเสียงแหบ มือซ้ายลูบหัวเขาไปมาช้าๆ มือขวาจับเอ็นแข็งของตัวถูไถไปกับแก้มเขาที่เลอะน้ำลายเต็มไปหมด


“Yes, sir. (ครับท่าน)” ผมฉีกยิ้ม แล้วอ้าปากเป็นเชิงบอกเขา แมทอ้าปากตาม ผมจับของตัวเองยัดเข้าไปในปากเขาอีกครั้ง จับหัวเขาไว้ให้นิ่งแล้วเริ่มกระแทกเอวเข้าออกรัวๆ แมทมองผมด้วยสายตาฉ่ำน้ำตา ผมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มเขาให้ทั้งที่ยังไม่หยุดยัดกลางลำตัวเข้าๆ ออกๆ จากปากของเขา


“อุก… อุก…” น้ำลายมากมายทะลักออกมาเลอะหน้าแมท ผมสูดปากเสียวยาวๆ ก่อนที่จะตัวกระตุก ปลดปล่อยน้ำมากมายเข้าไปในปากแมท เขาพยายามฝืนตัวเองออกแต่ผมจับหัวเขากดเข้ามาไม่ให้หนีไปไหน แมทสำลักจนน้ำสีขาวทะลักออกมาจากปากเขา ไหลเยิ้มเต็มแก้ม เต็มคางและแก่นกายผมไปหมด


“Ah… yeah, baby.” ผมครวญครางอย่างสุขใจ ค่อยๆ ดึงอาวุธของตัวเองออกจากปากแมท น้ำสีขาวขุ่นข้น ไหลเยิ้มตามออกมา แมทกลืนบางส่วนลงไปในคอ แล้วใช้ลิ้นเลียริมฝีปากไปทั่ว ผมนั่งลงตรงหน้าเขา สองมือจับกรอบหน้าเขาไว้แน่น ประกบปากจูบเขาอย่างนัวเนีย ผมวนลิ้นไปทั่วโพรงปากของเขาสักพักแล้วผละออก


“Can you answer me, now? (ทีนี้ตอบฉันได้รึยัง)” แมทครางฮือ ตรงแก้ม ตรงคางเขาเลอะเทอะไปด้วยน้ำผมผสมน้ำลายเขาเองด้วย มองแล้วก็ยิ่งรู้สึกร่างกายเร่าร้อนไปหมด ผมเอื้อมมือขวาไปจับส่วนน่ารักของเขาไว้ แล้วเริ่มรูดขึ้นรูดลงอีกครั้งเร็วๆ สีหน้าแมทเสียวซ่าน ส่งเสียงครางสั่น


“Well? (ว่าไง)” ผมเลียน้ำสีขาวที่ติดค้างอยู่บนแก้มซ้ายเขา แล้วยื่นลิ้นให้เขาดูด แมทดูดลิ้นผมหนึ่งทีก่อนจะตอบเสียงกระเส่า


“I’m yours. I’m only yours. (ของคุณ ผมเป็นแค่ของคุณ)” ผมกรีดยิ้ม เร่งมือเร็วขึ้นจนแมทเริ่มร้องเสียงหลง ลำตัวบิดไปมาอย่างควบคุมไม่ได้


“Ah! Yeah! I’m yours! I’m yours! (อ๊ะ! ของคุณ ของคุณ)” แล้วในที่สุดแมทก็ปลดปล่อยออกมา แต่ผมก็ยังไม่หยุดแกล้งเขา จนแมทต้องเอื้อมหน้ามากัดไหล่ผม


“อ้า กัดอีกแล้วนะ!” ผมแกล้งว่าเสียงเข้ม ดึงมือออกจากแก่นกายเขา แมทหยุดกัดไหล่ผม เขานอนซุกซอกคอผมไว้ หายใจหอบรวยริน ผมก้มลงจูบลงบนกลางกระหม่อมของเขา ยกมือขวาลูบหัวเขาแผ่วเบา มองสองมือของเขาที่ถูกผูกไว้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนาบนบั้นท้ายงอนๆ ผมเอื้อมมือซ้ายไปจับเชือกนั้นไว้ ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากนิ่งๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูเขา


“You are my gift of god—only mine. (นายเป็นของขวัญจากพระเจ้าของฉัน แค่ฉันคนเดียว)” ผมจูบขมับเขาหนึ่งที ฟังเสียงหอบหายใจของเขาสักพักแล้วก็ปลดเชือกให้เขา มือไม้แมทอ่อนแรงไปหมด ผมเอื้อมไปหยิบผ้าคลุมอาบน้ำขึ้นมาอีกครั้ง ประคองแมทให้นั่งตรงๆ แล้วใช้เสื้อคลุมเช็ดรอบปาก เช็ดแก้มให้เขาจนสะอาดหมดจด


“เก่งมาก” ผมเอ่ยชมเขา ก้มลงจูบริมฝีปากเขาหนึ่งที แมทยิ้มอ่อนแรงมาให้ ดูท่าทางจะหมดพลังไปเยอะ


“ยักษ์น้อยใหญ่มากเลย” ผมหัวเราะ ก้มลงจูบหน้าผากเหม่งๆ ของเขา


“ชอบมั้ย” ผมถามพลางค่อยๆ ประคองหัวเขาลงนอนบนหมอน แมทยิ้มเหนื่อยๆ ก่อนจะตอบ


“ชอบมากครับ” เขาว่าเสียงงัวเงีย สีหน้าอ่อนแรง แล้วสักพักเอเลี่ยนตัวจ้อยก็ผล็อยหลับไปเลย ผมหัวเราะขบขันคนเดียว นึกอยากหลับก็หลับกันง่ายๆ นี่แหละ คุยกันอยู่ดีๆ หลับหนีซะงั้น ผมจุ๊บหน้าผากเขาอีกรอบ ดึงมือเขาที่จับแขนผมไว้อยู่ออก ดันตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปมองหาผ้าขนหนูที่พาดอยู่ปลายเตียงมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้แมท ตัวเขาเปรอะเปื้อนไปทั้งน้ำรักของผมและน้ำรักของเขา


พอทำความสะอาดให้แมทเสร็จ ผมก็เขยิบร่างเขาให้มานอนริมฝั่งผมเพื่อจะได้ไม่นอนทับตรงพื้นที่มันเปียกชื้นน้ำข้นๆ ของเราสองคน ผมห่มผ้านวมให้เขา ยกมือลูบหัวเขาแผ่วเบา มองใบหน้าใสเหมือนเด็กแล้วก็ยิ้มเอ็นดูออกมา ก้มลงหอมแก้มเขาอีกที แล้วเดินเข้าไปชำระล้างร่างกายตัวเอง


อาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาแต่งตัว พอแมทหลับผมก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยเดินออกไปข้างนอก ปิดประตูห้องนอนเพื่อเปิดทีวีดู แต่ดูไปสักพักก็เจอแต่ช่องน่าเบื่อ ผมเลยตัดสินใจจะลงไปหาอะไรดื่มที่บาร์ของโรงแรม ตั้งแต่มาพักที่นี่ยังไม่เคยไปนั่งดื่มที่บาร์ของโรงแรมเลย


ผมกดปิดทีวี หยิบกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์และคีย์การ์ดติดตัวออกไปด้วย ไม่ได้ชวนพวกไอ้เบนเพราะกะจะไปนั่งดื่มคนเดียวชิลๆ ดื่มสักห้าหกแล้วแล้วค่อยกลับขึ้นมานอน เพราะตอนนี้ก็ดึกพอสมควรแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเตรียมตัวไปสนามบินอีก ดีนะเลือกจองเวลากลับเป็นไฟล์ทดึก เลยไม่ต้องกังวลเรื่องตื่นเช้ามาก


ติ๊ง!


ผมเดินออกมาจากลิฟต์ เดินตรงไปตามทางเดินที่ตรงไปยังบาร์ของโรงแรม มีคนนั่งดริ๊งอยู่ไม่มาก ถือว่าดีไป เพราะถ้าคนเยอะมากๆ ผมคงวกกลับขึ้นห้องแล้วสั่งมานั่งดื่มเอง แต่แบบนั้นก็ไม่ได้บรรยากาศบาร์ อยู่ใกล้บาร์อยากดื่มอะไรก็ชี้ได้เลย


“ขอบรั่นดี” ผมบอกบาร์เทนเดอร์สั้นๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวสูงที่วางเรียงรายหน้าบาร์ พอบาร์เทนเดอร์ยื่นแก้วมาให้ ผมก็หยิบขึ้นมาจิบสบายๆ พลางนั่งนึกเรื่องแมท


เมื่อคืนเราทะเลาะกันถือว่าแรงพอสมควร ผมยอมรับว่าสติแทบหลุดตอนเห็นข้อความที่แมทคุยกับไอ้อดัม แมทบอกว่าคุยกันปกติ ธรรมดาก็จริง แต่ผมอ่านแล้วแม่งมันไม่ธรรมดา ผมย้อนขึ้นไปอ่านตั้งแต่ต้น มีคำหวานทั้งคิดถึง บอกฝันดี มีบอกสวัสดียามเช้าอีกต่างหาก ไหนจะชมว่าแมทน่ารัก แมทเองก็ชมไอ้อดัมว่าหล่อโดนใจ ผมไม่ชอบให้แมทชมใครนอกจากผม ผมไม่เสี่ยงด้วยหรอก ไอ้อดัมมันหนุ่มในฝันแมท ผมรู้ว่าเขาชอบไอ้นี่มาก นี่ถ้าไปฝึกงานกับมันแทนผม ป่านนี้คงเสร็จมันไปแล้ว


เขาร้องไห้ แต่ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าใจผม และอารมณ์ผมมันไม่รับรู้อะไรเลย รู้ว่าหึง หวงและโกรธอย่างเดียว คิดอย่างเดียวว่าต้องทำทุกอย่างให้แมทหยุดติดต่อไอ้อดัม ถ้าเกิดถลำลึกไปแบบไอ้จูบแรกนั่นล่ะ ผมเลยลามปามให้เขาลบไอ้จูบแรกนั่นด้วย แต่ไอ้นั่นน่ะ ผมหาโอกาสจะให้เขาลบอยู่แล้ว ถ้าลบมันออกจากชีวิตแมทได้ ผมจะทำ เก็บมันไว้ทำไม ท่าทางมันยิ่งคิดไม่ซื่ออยู่ เราทะเลาะตบตีกัน (ตบตีกันจริง) ผมเผลอบีบแขนเขาซะช้ำ แถมยังทำเขาน้ำตาร่วงอีก พออารมณ์สงบลง ผมก็ต้องอ้อนเขาใหญ่ ตื่นเช้ามาก็รีบอ้อนต่อเนื่อง ขอโทษขอโพยเสียงอ่อนเสียงหวาน ซึ่งผมไม่เคยทำอย่างนี้ นอกจากแม่กับย่าผมไม่ชอบอ้อนใคร ไม่ชอบแสดงมุมนี้ให้ใครเห็น กับแฟนคนไหนๆ ผมยังไม่ทำเลย อย่างดีก็แค่สวีตไปตามความสัมพันธ์ของคนเป็นแฟนกัน  (ซึ่งอันที่จริงผมมีแฟนน้อยมาก นับได้ที่เรียกว่าแฟนนี่แค่สามคน ส่วนนาตาชาอย่าไปนับเธอรวมเลย)


แมทโกรธยาก แล้วก็หายเร็ว ออเซาะมากๆ เขาก็ใจอ่อนแล้ว พอได้จังหวะเหมาะๆ ผมก็จับฟัดซะ อยากตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่อารมณ์นั้นคงไม่พาไปเท่าไหร่ ตื่นมาตอนเที่ยงๆ งอนง้อขอโทษสักพักแล้วก็จัดหนัก แถมยาวมาถึงมืดค่ำนี่ไง ผมว่าผมลดเรื่องอย่างว่ากับเขาลงมากแล้วนะ อาจเป็นเพราะกลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องกระหน่ำอะไรมาก แต่พอดีพรุ่งนี้เป็นวันที่ผมต้องบินกลับ ซึ่งนั่นหมายถึงผมจะอยู่ห่างแมท และจะไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเขาอีก เลยกะว่าวันนี้กับพรุ่งนี้ก่อนกลับจะขอตักตวงไว้เยอะๆ หน่อย เผื่อเวลาไว้ในช่วงที่ไม่เจอกัน เพราะไม่รู้ผมจะเคลียร์ตารางงานมาหาเขาได้อีกทีช่วงไหน คิดแล้วก็อยากให้เขาเรียนจบซะวันนี้ ที่มาหาวิทยาลัยแมทมีเรียนแบบวีดีโอทางไกลมั้ยนะ ผมจะได้พาเขากลับไปด้วยเลย


“Hey. I know you. You are Victor? (เฮ้ ฉันรู้จักคุณ วิคเตอร์ใช่มั้ยคะ)” ขณะที่ผมกำลังดื่มเพลินๆ คิดเรื่องเอเลี่ยนน้อยเรื่อยเปื่อย ก็มีเสียงสำเนียงของชาติๆ หนึ่งจากผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาแทรกความคิด ผมหันไปมองก็พบว่าเธอไม่ได้มาคนเดียว เธอยืนอยู่กับเพื่อนผมทองอีกคน ผมเลยไม่รู้ว่าคนไหนเป็นคนทัก แต่ที่รู้คือหน้าตาพวกเธอนั้นเปรี้ยวเข็ดฟันทั้งคู่ แถมหน้าอกหน้าใจก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย หุ่นเธอสูงชะลูดอย่างกับนางแบบ จากประสบการณ์ที่อยู่ในวงการนายแบบมา เธอก็น่าจะเป็นนางแบบนี่แหละ


“Yes.” ผมยิ้มให้พวกเธอ แมทบอกเสมอว่าอยากให้ผมยิ้มบ่อยๆ เมื่อก่อนผมไม่ยิ้มบ่อยหรอก ไม่รู้จะยิ้มมากทำไม แต่พอมีเขาผมก็ยิ้มได้บ่อยขึ้นและชอบที่จะยิ้มมากขึ้นด้วย เห็นหน้าเขาก็ยิ้มแล้ว


“Wow. I don’t think we will meet you here. (ว้าว ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเราจะเจอคุณที่นี่)” สาวผมทองพูด ซึ่งเป็นคนละเสียงกับสาวผมดำ ฉะนั้นคนที่ทักผมคนแรกคงเป็นสาวผมดำ หน้าตาหมวยอินเตอร์สินะ ผมไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่ยิ้มกลับไปให้


“Can we sit here? (นั่งด้วยได้มั้ยคะ)” ผมยกแก้วเหล้าเป็นเชิงบอกให้พวกเธอตามสบาย สาวผมทองหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์


“Do you have a trip in Thailand? (มาเที่ยวในไทยงั้นเหรอคะ)” สาวหมวยผมดำพูดพลางใช้หลังมือดันเส้นผมสีดำดกหนาไปด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าอกชัดเจนยิ่งขึ้น ผมแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย


“Yes.” ผมกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก เธอยิ้มบางเบากลับมาให้ หันไปรับแก้วเครื่องดื่มจากเพื่อนเธอ


แล้วเธอก็ชวนผมคุยอย่างเป็นมิตร เธอบอกว่าเธอเป็นลูกครึ่งอเมริกันกับประเทศที่มีซูชิเป็นอาหารขึ้นชื่อ มีอาชีพเป็นนางแบบ (อย่างที่ผมคิดไว้เลย) มาสักพักแล้ว เอเจนซี่แม่ที่ดูแลเธอก็อยู่ในนิวยอร์กนั่นแหละ ผมไม่รู้จักหรอก แต่คิดว่าถ้าถามเอมิลี่เธอก็คงตอบได้ สาวลูกครึ่งคนนี้บอกผมว่าเธอบินมาทำงานที่ประเทศไทยสามวัน เพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้เอง ส่วนสาวผมทองนั้นก็เป็นเพื่อนนางแบบเช่นกัน เธอบอกว่าเรื่องรู้จักผมผ่านสื่อนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่เธอเองก็เคยได้ยินเรื่องผมจากเหล่านางแบบบางคนที่ผมเคยควงบ้าง ซึ่งตอนที่เธอเอ่ยชื่อมานั้นผมจำไม่ได้แล้ว นางแบบล่าสุดที่ผมควงได้ก็อันเดรียนานั่นแหละ นอกนั้นคงนานมากแล้วจริงๆ


“I heard something about you that very interesting. (ฉันได้ยินบางที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณมากมาค่ะ)” เธอยิ้มตาเยิ้มนิดๆ ใบหน้าแดงก่ำ น้ำเสียงเริ่มติดจะยานคาง อาจเพราะดื่มไปเป็นแก้วที่หกแล้ว และตอนนี้ในมือเธอก็คือเหล้าปั่นแก้วใหญ่ที่เจ็ด


“Hey. I’m gonna go to smoking. (นี่ ฉันไปสูบบุหรี่ก่อนนะ)” สาวผมทองว่าแล้วแยกตัวออกไป ทิ้งให้ผมกับเพื่อนเธอที่ผมไม่ได้สนใจจำชื่อนั่งคุยกันต่อ ผมยิ้มให้เธอแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกหนึ่งจิบ เธอมองผมด้วยสายตามีความหมายที่ชัดเจนมากขึ้น


“I heard you’re so hot—about sex. (ฉันได้ยินมาว่าคุณฮ็อตมาก กับเซ็กส์น่ะค่ะ)” ผมเกือบชะงักมือที่กำลังกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก แต่ก็กระดกต่อจนหมดแล้วยื่นแก้วให้บาร์เทนเดอร์เอาไปเติม หันไปมองเธอที่มองกลับมาอย่างที่ไม่ต้องเสียเวลาเดาแล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่ ความคิดชั่วร้ายแผ่กระจายไปทั่วร่างผมวูบหนึ่ง ผมยกยิ้มมุมปาก ยื่นมือไปรับแก้วเหล้าที่ถูกเติมเรียบร้อยแล้ว


“I want to know that is real or not. (ฉันอยากรู้ว่านั่นจริงหรือเปล่า)” ผมยิ้มนุ่ม มองเธอที่อ้าปากอมหลอดเข้าไปอย่างมีลีลาและดูดเหล้าปั่นช้าๆ ช้อนสายตาหวานฉ่ำมาให้ผม


“I do not know what to say. (ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน)” ผมยักคิ้ว ยักไหล่หนึ่งที แม่สาวหมวยอินเตอร์แสนเปรี้ยวอกใหญ่ หัวเราะอย่างมีจริตผู้หญิงน้อยๆ เธอดึงหลอดออกจากปาก ยกนิ้วกลางป้ายไปรอบปากแล้วยัดนิ้วเข้าไปด้านใน ดูดกลืนเสียงจุ๊บจั๊บ ผมยิ้มที่มุมปาก เธอดึงมือออก คลี่ยิ้มเย้ายวนเชิญชวนมาให้


“ถ้าฉันอยากจะพิสูจน์ว่าเรื่องนี้จริงไม่จริง…” เธอขยับลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เดินเข้ามาใกล้ผม โน้มหน้ามากระซิบที่ข้างหู


“…ได้มั้ยคะ” เธอดึงหน้าตัวเองออกไป มองผมสายตาแพรวพราว รอยยิ้มที่ส่งมานั้นมีความหมาย โดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดดิคชั่นนารีหรือกูเกิ้ลทรานสเลทแปลงเลยสักนิด ผมยกแก้วเหล้าเข้าปาก เหลือบมองเธอแล้วสำรวจร่างเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตานิ่งสงบ ความรู้สึกด้านมืดเข้าผลักดันสัญชาตญาณเดิมของผมขึ้นมาทันที


“ถ้าคุณอยากร่วมพิสูจน์ ฉันอยู่ห้อง 1520…” เธอล้วงคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าถือสีดำที่วางอยู่บนเค้าน์เตอร์ออกมา จัดการหย่อนลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตยีนส์ให้ผม


“…ฉันจะรอคุณถึงเที่ยงคืนนะคะ” เธอยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ ยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มซ้ายผมหนึ่งที ยิ้มสวยๆ ทิ้งท้ายไว้อีกครั้ง แล้วเดินจากไปอย่างสง่า ผมรู้สึกตัวร้อนหน่อยๆ ยามมองสะโพกอวบอิ่มบิดไปบิดมา ผมหันกลับมานั่งคิด ความคิดมากมายตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว ความรู้สึกเดิม (สันดานเดิมๆ) เริ่มกระเตื้องขึ้นมาที่ใจ ผมว้าวุ่นไปหมด หน้าแมทลอยไปลอยมา แล้วสุดท้ายผมก็ปัดหน้าเขาออกไปจากความคิด กระดกเหล้าจนหมดแก้ว ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามเธอไป




TBC.  :katai5:

ชื่อตอนเหมาะกับเหตุการณ์มากจริงๆ ชื่อเหมือนนิยายอีกเรื่องเลย ส่วนเหตุการณืที่เกิดขึ้นนั้น TT___TT สติมาเถอะนะวิคเตอร์

เจอกันส่วนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: OnlyInDream ที่ 13-11-2015 01:27:10
วิค....แก.........พลาดนี่จบนะพูดเลย

แต่อีกใจก็อยากให้นางตามชะนีไปให้สุด เผื่อนางจะได้รู้ตัวไปเลยว่าทำได้มะ?!!

ปล่อยน้องไปหาพี่อดัมหรือรักแรกซะเลย

ตื๊บบบบบบบบบ!!!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 13-11-2015 01:40:14
เราไม่ชอบดราม่าเลยค่ะ แต่อีกใจก็คิดว่าดีแล้ว เอาให้มันจบๆ ไป ผ่านๆ ไป คิดอยู่แล้วว่านิสัยนี้ของวิคเตอร์ไม่ได้เลิกได้ง่ายๆ
มารอดูดีกว่าว่าท่ามกลางซากของความเจ็บปวดจะมีอะไรเหลือบ้าง  :ling2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-11-2015 01:52:52
โหย ขึ้นนน ถ้าทำจริงนี่ขึ้นมาก ทิ้งน้องนอนอยู่ที่ห้องแล้วตัวเองทาหากินข้างนอก
ตัวเองหวงเขาสารพัด แต่ไม่ได้ทำตัวเองให้ดีขึ้นเลย ถ้ารักจริงต้องรู้จักยับยั้งใจบ้างนะวิคเตอร์
อย่าใจร้ายกับน้องอีกเลย สงสารน้อง คนอ่านนี่ร้าวใจ รักน้องแมทเหมือนลูก เธอเป็นคนดี เธอน่ารัก
อยากให้แมทใจแข็งกับฝรั่งบ้านี่จริงๆ เชื่อว่าคนอ่าน 100% #ทีมน้องแมท
บางทีก็คิดว่าวิคเตอร์ต้องการแค่เรื่องเซ็กส์ไหม หงุดหงิดอ่ะ

ขอบคุณค่ะ รอมาต่อ ลุ้น กรี๊ดดดดด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 13-11-2015 02:19:17
จบอ่ะวิคเตอร์พูดเลย ไม่รู้จะใช้คำอะไรอธิบายสันดานแบบนี้ดี เหอๆ
รอดูตอนหน้านะ ถ้าวิคเตอร์ไม่หยุดมีเรื่องแน่ๆ  :fire: :m31: :m16: มีเรื่องกับแม่ยกแมทน่ะนะ 555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-11-2015 03:21:30
ถ้าตามยายนมใหญ่ไปจริงๆน่ะวิคเตอร์ บอกเลยพริกเกลือฉันเพียบพร้อมเผาสาปแช่งแกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: DLuciFer ที่ 13-11-2015 03:48:51
อิยักษ์!!! แกเขมือบเอเลี่ยนตั้งหลายรอบ ยังจะมักมากกินยัยหัวดำอีกเรอะ!?
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-11-2015 05:11:57
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-11-2015 06:01:02
ถ้าวิคตามไปคือจบกันเลยน่ะ จะยุให้แมทหาผัวใหม่ ยักษ์แม่งเจ้าอารมณ์ ขี้เงี่ยนแถมยังไร้ความมั่นคง เพื่อฟัดแมทก่อนจะลงมาแกอยากอีกแล้วเหรอ แล้วก็น่ะขนาดว่าแมทนอนอยู่บนห้องแกยังหวั่นไหวไปกะคนอื่น แล้วระยะทางบวกเวลาที่ต้องห่างกันจะมีอะไรเป็นหลักประกันให้แมทได้บ้าง ถ้ายังหยุดตัวเองไม่ได้อย่าดึงแมทเข้าไปเจ็บ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JY_JRB ที่ 13-11-2015 07:04:07
อ่านจบแล้ว บรรยายไม่ถูกแฮะ  เป็นใครก็คงไม่อยากเจอคนเจ้าชู้เนอะ  ยิ่งถ้าเป็นชาวเราก็ยิ่งแล้ว  มันรู้สึกแย่มากเวลาที่รู้ว่าไอ้ที่xx กะเราอยู่ไป... กะน้องนีมาอะ   

ก็คงตามลุ้นว่าวิคเตอร์จะเป็นยังไง  ถ้าปรับปรุงตัวเองยังไม่ได้ก็ไม่ควรได้รับของขวัญจากพระเจ้าหรอกเนอะ  บางทีแมทควรจะหายไปอยู่ไกลๆเลยยสักพักใหญ่ๆ ยิ่งดี ดัดสันดานคน  หึหึ  ถ้าไม่มีแมทแล้วยังอยู่ได้ก็ปล่อยนางไปเหอะ  :fire:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 13-11-2015 07:27:36
อยากไปก็เอาเลยอิวิค ไปแล้วไม่ต้องกลับมา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 13-11-2015 08:24:39
ไปแล้วไม่ต้องกลับมาเลยนะ ชิ  :z6: :z6:  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-11-2015 08:42:45
กล้าหักหลังแมทเหรอ อิพี่ยักษ์ ถ้าทำแบบนั้น กลับไปเลยแล้วไม่ต้องโผล่มาในชีวิตเอเลี่ยนน้อยอีกนะ

(หรือว่า พี่ยักษ์ เดินเอาคีย์การ์ดไปคืน  เข้าข้างอิพี่ยักษ์แบบสุดๆๆ)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: DogmaticGoose ที่ 13-11-2015 11:12:44
ถ้าลืมคำพูดของตัวเองที่เคยพูดไว้ ก็ขอให้นึกถึงหน้าแมทตอนร้องไห้เอาไว้แล้วกันนะเฮียวิค ถ้ายังใจร้ายทำกันได้ลงก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ว  o18

แต่เราว่าก็ดีนะที่มีบทพิสูจน์ซะตั้งแต่ตอนนี้ จะได้รู้กันไปว่าวิคจะรักแมทมากพอไหม ถ้าคำตอบคือไม่..อย่างน้อย ตายักษ์ก็จะกลับประเทศตัวเองไปพรุ่งนี้แล้ว จะได้ไม่ต้องเจอะต้องเจอกันอีก เพราะอย่าลืมว่าถึงไม่มีเหตุการณ์นี้ที่นี่ ก็ต้องมีที่นิวยอร์คอยู่ดี สิ่งยั่วยุอาจจะเยอะและยิ่งกว่านี้อีก ถ้าขนาดแมทอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ยังทนไม่ได้ แล้วถ้าอยู่ไกลกันจะเหลือเหรอ? :angry2:

ถ้าจะต้องเลิก เสียใจตอนนี้ดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เสียเวลาเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้ แมทน่ารักจะตาย คนดีๆมีอีกเยอะ ถึงคนที่เรารัก ..ชั่วชีวิตอาจจะมีแค่คนเดียวก็เถอะนะ  :o12:  เอางี้แมทไป3pกับพี่เบนน้องบาสดีไหมคะ ป้าเชียร์ ไหนๆก็แอบจิ้นคู่เบนบาส บาสเบน ตั้งแต่เขาเจอกันครั้งแรกแล้ว #คิดจะถามแมทก่อนไหม?..ตอบเลยว่าไม่ค่ะ55

เพิ่งตามอ่านจนทัน จะรอติดตามนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-11-2015 11:15:45
ถ้าตามยายนมใหญ่ไปจริงๆน่ะวิคเตอร์ บอกเลยพริกเกลือฉันเพียบพร้อมเผาสาปแช่งแกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-11-2015 12:07:12
ก็ดีนะ จะชั่วก็ชั่วตั้งแต่แรกๆนี่แหละค่ะ

แมตจะได้จัดการให้อยู่ทีเดียว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 13-11-2015 12:14:18
 :z6:
วิค แก จะทำจริงๆอ่ะ  ไม่สงสารแมทเลท  ชั่ว เลว มาก
ขอให้แมทรู้  แล้วทิ้งแกไปเลย   ไอ้เลว ขอโทษนะค่ะ  โกรธแทนแมทอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 13-11-2015 14:34:55
รอดูว่าวิคเตอร์จะทำไง  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Hunnie277 ที่ 13-11-2015 19:39:42
 :fire: วิคเตอร์เดินตามไปทำไมน่ะ เดี๋ยวคราวนี้ให้เเมทหนีไปเลยนะ!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 13-11-2015 22:16:30
ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่า
"ไอ้เต้อ!!!!! " 55555555555

#แมทจัดหนักๆนะลูกนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 14-11-2015 08:48:27
ถ้าวิคเตอร์ไปเราจบกัน เราจะยกแมทให้อดัมแทน!
เลวมาก สงสารแมท ต้องมารองรับอารมณ์แล้วยังต้องมาเจอผัวไม่รักดี!  :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 14-11-2015 15:06:28
ม่ายยยยยยยน้าาาาาาาา วิคเตอร์ อย่าทำแบบนี้สิ เดี๋ยวเอเลี่ยนน้อยจะเสียใจจจจจจจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 15-11-2015 21:03:15
อย่าไปนะวิคเตอร์ เอเลี่ยนรู้นี่จบชีวิตเลยนะพี่ยักษ์
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-11-2015 22:00:57
วิคใจร้ายแต่คนแต่งใจร้ายมากกว่าปล่อยให้เราค้างเติ่งแบบนี้
ด้วยความอยากรู้ว่าวิคจะตามไปซั่มกับชะนีไหม
คือถ้าวิคไปนี่หมดเลยนะ ความรักความเชื่อใจจากแมทและแม่ยกแมท
ที่เคยรักเคยเอ็นดูพี่ยักษ์นี่หายหมดเลยนะ
แค่แมทคุยกับอดัมยังหึงอาละวาดจะเป็นจะตาย
หรือคิดว่าแมทรักแค่ออเซาะงอนง้อเดี๋ยวก็คืนดีได้งั้นเหรอ
ถ้าไปจริงเราขอให้แมทเห็นเองเต็มๆสองตา แล้วหนีไปเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 16-11-2015 02:05:57
ถ้าสิคเตอร์มันทำในสิ่งที่ไม่ควรทำนะ!!
มห้แมทเลิกกับมันเหอะะ จะเกลียดเลย
จะให้แมทไปหาผัวใหม่ค่ะ!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 35%} 13.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 16-11-2015 08:58:14
แกจะยังไงกันนะวิค แกจะดีหรือแกจะเลวดันแน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-11-2015 00:02:36

Only You EP. 18 [70%]




เดินไปใจผมก็สั่นไป แต่ไม่ได้สั่นเพราะหวั่นไหว แต่กำลังสั่นเพราะพฤติกรรมตัวเองที่กำลังคิดจะทำต่างหาก เท้าผมก้าวไปไม่หยุด แม้ใจจะบอกว่าอย่า ให้กลับไปหาแมท แต่ไอ้สิ่งที่เรียกว่าต่อมตัณหากลับเต้นระบำเริงร่าและต้านเสียงหัวใจของผม จนผมไม่รับรู้อะไร นอกจากกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นที่เธออยู่ พอลิฟต์เปิดออก ผมก็หยุดยืนมองลูกศรที่ชี้ไปตามเลขห้องครู่หนึ่ง ก้าวเท้าเดินไปทางขวามือ สายตามองหาเลขห้องแล้วก็พบว่าอยู่เกือบริมสุด


ผมยืนมองประตูห้องเธอนิ่ง ใจเต้นตุบๆ รู้สึกตื่นเต้นไปหมด สันดานดิบของตัวเองกำลังกู่ก้องร้องดีใจที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ ผมหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาเสียบลงบนแท่นเปิดประตู เสียงสัญญาณดังขึ้น ผมจับที่เปิดประตู หักลงแล้วดันเข้าไปในห้อง กำลังจะก้าวเข้าไปด้านในก็พบกับเจ้าของห้องอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำที่ไม่ได้ผูกเอวไว้ หน้าอกเต่งตึงของเธอแพลมออกมาดูเร้าใจ หน้าท้องแบนราบโผล่พ้นตรงกลางระหว่างเสื้อคลุม และ ตรงนั้น เธอยืนบิดขาปิดไว้ ให้ดูมีลูกเล่นยั่วยวน


ผมเลื่อนสายตากลับไปมองเจ้าของเรือนร่างอวบอิ่ม เธอยืนส่งสายตาเชิญชวนมาให้ รอยยิ้มเธอดูสมใจ ผมว่าเธอมีความมั่นใจมากทีเดียว


“ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้” เธอบอกเสียงเบาหวิว ยกมือขวามาลูบเป้าผมหนึ่งที ผมสะดุ้งไปนิด หน้าท้องหดเกร็งตามสัญชาติญาณ รู้สึกเสียววาบตรงลูกชายตัวเอง ยังไม่ถึงขั้นตื่นตัว แต่อาจจะกำลังงัวเงียอยู่


“เข้ามาข้างในสิคะ” เธอดันประตูให้กว้างขึ้น ผมยังไม่ก้าวเท้าเข้าไป ยังคงยืนนิ่งยืนมองใบหน้ายั่วยวนของเธออยู่


“ทำไมล่ะ” เธอถามเมื่อเห็นว่าผมยังนิ่ง ผมกำลังต่อสู้กับตัวเองอยู่ภายใน ถ้าแมทรู้ เขาคงร้องไห้ขาดใจแน่ และเขาคงรู้สึกแย่กับผมมากจนอาจไม่อยากมองหน้าผมอีก


แต่แมทก็เคยบอกว่าถ้าจะมีอะไรกับใครก็ได้ ขอแค่ป้องกันด้วยเท่านั้นเอง แล้วถ้าผมจะมีเงียบๆ ป้องกันตามที่แมทบอก และไม่บอกเขา จะเป็นอะไรมั้ยนะ ก็แค่คืนเดียว เสร็จแล้วก็กลับขึ้นไปหาแมท ทำตัวตามปกติ แค่เซ็กส์ แค่เสียบ ไม่มีจูบลูบคลำใดๆ เพิ่มเติมอย่างที่ทำกับเอเลี่ยนน้อย


“ผม…” เธอแหวกเสื้อคลุมออก ให้มันตกลงไปกองที่พื้น ผมยืนมองหุ่นอวบอัดของเธออย่างตะลึง แต่ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน หน้าอกสวยตั้งเต้าน่าคลึงเคล้า  เอวคอดเหมือนนาฬิกาทราย ตรงน้องสาวเธอถูกตัดแต่งขนไว้อย่างเรียบร้อยสมกับเป็นนางแบบ


“มาเถอะ” เธอดึงมือให้ผมเข้าไปยืนในห้อง พอผมเข้าไปยืนอยู่ด้านในเธอก็เอื้อมมือไปปิดประตู ใช้สองแขนขึ้นคล้องคอผมไว้ เธอยั่วมาก ยั่วจนผมแทบสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนเธอจะมีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว พอได้แอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นเธอเหมือนเธอจะยิ่งมั่นเข้าไปอีก


“บอกตรงๆ ฉันดีใจมากเลยที่เจอคุณที่นี่…” เธอยิ้มหวานเยิ้ม เอาหน้าอกมาเบียดกับอกผม เล่นเอาผมขบกรามแน่น ริมฝีปากของเขาสองคนอยู่เฉียดกันมาก บอกตรงๆ เช่นกันว่าผมพลาดแล้วที่ขึ้นมาหาเธอ


“…Maybe you won’t believe me. But, I really like you; my friend who used to be slept with you guarantee that you are really good on the bed. (คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ฉันชอบคุณมากเลยค่ะ เพื่อนฉันที่เคยนอนกับคุณบอกว่าฉันจะไม่ผิดหวังเลยถ้าคาดหวังเรื่องอย่างนั้น)” เธอเลื่อนมือซ้ายไปดึงมือขวาของผมขึ้นมากอบกุมหน้าอกของเธอไว้ ผมกัดฟันแน่น ลมหายใจเริ่มร้อนระอุ


แต่ประโยคที่เธอเพิ่งพูดจบไปทำเอาผมสะดุดใจไป I really like you… ผมไม่รู้สึกอินหรือรู้สึกดีเท่ากับตอนแมทพูด ผมอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็คิดได้ว่า พูดไปก็เท่านั้น ดูแล้วเธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรไปมากกว่านี้หรอก


“Just only one night stand, right? (ก็แค่คืนนี้คืนเดียว ใช่มั้ย)” เธอจับมือผมที่จับหน้าอกเธออยู่ให้เลื่อนไปมาแผ่วเบา ผมขนลุกซู่ หน้าอกโตๆ แบบนี้ห่างมือผมไปพักใหญ่ๆ แล้ว มีแต่อกแบนๆ แน่นด้วยเนื้อของแมท แล้วก่อนมาหาเขาผมก็ไม่ได้มีอะไรกับใครอีกเลยหลังจากเลิกกับอันเดรียนาไป


“Yes.” ผมยกยิ้มมุมปากหน่อยๆ รู้สึกขมขื่นเล็กๆ ในอก เธอคลี่ยิ้มดีใจกลับมา แววตาของเธอแสดงออกถึงความตื่นเต้นผสมกับความดีใจ ผมเลื่อนมือออกจากหน้าอกลงไปที่เอวกิ่วคอดของเธอ สาวลูกครึ่งดันหน้าอกเข้ามาชิดผมหนักกว่าเดิม เธอยื่นหน้าเข้ามาจะจูบ ผมยืนนิ่งรอรับจูบจากอีกฝ่าย หัวใจเต้นกระหน่ำ ริมฝีปากของเราแตะกัน เลือดในร่างผมเย็นเฉียบ


“Can you have only me?”


เสียงของแม่ดังขึ้นในหัวของผม ความทรงจำที่เห็นแม่ร้องไห้ผุดขึ้นมา แล้วก็เป็นภาพซ้อนของแมทร้องไห้อีกที ผมพยายามปิดกั้นความคิดตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นไว้ได้ หัวใจผมหนักอึ้ง ผมยกสองมือขึ้นมาจับกรอบหน้าของสาวผิวผ่องเอาไว้แล้วดันเธอออกห่างจากริมฝีปากของตัวเองที่กำลังเริ่มจะถลำลึกไปเรื่อยๆ ผมเม้มปากแล้วถอนหายใจ เธอมองผมอย่างงงๆ


 “What?” ผมหลับตาลงแล้วลืมมองเธออีกครั้ง จับแขนที่โอบรอบคอตัวเองไว้ออก จับไหล่เธอไว้และดันออกไปเบาๆ เธอมองผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ


“I would like to fuck you. (ผมก็อยากอึ๊บคุณนะ)” ผมพูดตรงๆ ไม่ได้โกหก ผมยังเป็นผู้ชาย และผมเคยผ่านผู้หญิงมาก่อน มีร่างอ้อนแอ้นแต่อวบอิ่มเต่งตึงมาเป็นเหยื่อล่อขนาดนี้ ทำไมผมจะไม่อยากกิน ทำไมผมจะไม่อยากเอา ให้ฟรีๆ ด้วย ผมเสียอะไรที่ไหน เสียมากสุดก็แค่น้ำเชื้อ แล้วก็เสียแรงนิดหน่อย


 “I would like that, too. (ฉันก็อยากให้คุณทำค่ะ)” เธอทำท่าจะเข้ามาหาผม แต่ผมดันไหล่เธอไว้


“But I love to make love with my boyfriend than anyone. (แต่ผมชอบที่จะเมคเลิฟกับแฟนผมมากกว่า)” แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็มีความสุขดีกับสิ่งที่แมทมอบให้ ถึงร่างกายแมทจะไม่ได้มีนมโต เอวคอดกิ่ว สะโพกอวบอัด หรือกลีบเนื้ออันชุ่มฉ่ำ แต่แมทมีอย่างอื่นที่ดีกว่าสิ่งพวกนี้ให้ผม ส่วนเรื่องเซ็กส์มันก็เป็นเหมือนออพชั่นเสริมที่เพิ่มเติมระหว่างเราสองคน และแมทก็เติมให้ผมเต็มที่อยู่แล้ว นอกจากเขาจะไม่ไหวจริงๆ แบบตอนก่อนที่จะลงมาเจอเธอคนนี้นี่ไง


เธออ้าปากค้างขึ้นนิดหนึ่ง แววตาและสีหน้ามีแววตกตะลึง พอตั้งสติได้เธอก็ถามเสียงกระท่อนกระแท่น


“Boyfriend? (แฟนผู้ชาย?)” เธอมีสีหน้าอึ้ง ผมยิ้มน้อยๆ พยักหน้าหนึ่งที ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตอีกรอบ ดึงคีย์การ์ดออกมาตรงหน้าเธอ


“แล้วที่ผมมาหาคุณที่นี่ ก็เพื่อเอาคีย์การ์ดมาคืนให้คุณ อย่าลืมนะว่าคุณต้องคืนคีย์การ์ดให้กับทางโรงแรม ไม่งั้นเขาจะคิดค่าปรับได้” ไอ้คีย์การ์ดน่ะข้ออ้าง ลึกๆ ผมรู้ดีว่าตัวเองขึ้นมาทำไม แต่ไอ้แค่คืนเดียวของผมกับเธอมันต้องทำให้ผมเสียแมทไปไม่ใช่แค่คืนเดียวอย่างคืนนี้แน่ๆ มันไม่ถึงขั้นยากลำบากอะไร ในตอนกลางคืนที่ผมไม่มีเขาอยู่ด้วยในช่วงที่เอมิลี่ให้ผมไปทบทวนตัวเอง แต่การที่มีเขานอนข้างๆ ด้วยน่ะย่อมมีความสุขมากกว่าอยู่แล้ว


ผมยื่นมือซ้ายไปจับมือเธอขึ้นมา วางคีย์การ์ดลงไปบนฝ่ามือ สีหน้าเธอยังอึ้งและมีแววตะลึงอยู่ไม่หาย ผมยิ้มนุ่มนวลให้เธอ หมุนตัวไปเปิดประตู ก้าวเดินออกจากห้องเธอไป ทิ้งให้แม่สาวอกอึ๋มยืนค้างอยู่กับที่


ผมก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกันนะ ผมยอมรับเลยว่าผมคิดจะมีอะไรกับเธอ ไม่งั้นผมคงไม่ตามขึ้นมาหรอก ผมไม่ใช่คนดี ผมรู้สันดานตัวเองดี ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้แบบพ่อ ผมไม่เป็นแบบนั้น แต่ผมนอนกับคนอื่นจนชิน จนกลายเป็นสันดานหนึ่งในตัวผมไปแล้ว ผมไม่อยากเป็นแบบพ่อ แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าพ่อถ่ายทอดยีนส์เจ้าชู้มาให้ผมด้วย เพียงแต่ไม่ได้ทำตามในรูปแบบเดียวกัน ถึงจะเจ้าชู้เหมือนกัน แต่ผมพยายามหนีตัวตนแบบที่พ่อเป็น ถ้าผมทำ ผมคงเสียใจมาก ที่สุดท้ายแล้วผมก็กลายเป็นผู้ชายแบบพ่อ ที่ผมพยายามไม่ถอดแบบมาตลอด เราเป็นพ่อลูกกัน เจ้าชู้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยหรืออีกอย่างหนึ่งคือผมไม่ขอเจ้าชู้ในแบบของเขาก็แล้วกัน 


ผมกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นของตัวเองด้วยอาการหัวใจหนักอึ้ง ใบหน้าตึง ขมับทั้งสองข้างเต้นตุบๆ รู้สึกหม่นๆ ในหัวใจแปลกๆ ถึงจะไม่ได้มีอะไรกับเธอคนนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำเอาผมใจหวิวๆ ไปเหมือนกัน เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นที่พัก ผมเดินออกจากลิฟต์ไปอย่างเชื่องช้า แต่ไม่ได้อ้อยอิ่ง พอถึงหน้าประตูก็เสียบคีย์การ์ดแล้วเปิดเข้าไป


“อะ ฮะ! ฮ่าๆๆๆ คิกๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง ผมมองคนตัวเล็กที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตาแป๋วจ้องมองทีวี ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง อาการหนักๆ หน่วงๆ และหม่นหมองในอกค่อยๆ คลายออกเมื่อเห็นหน้าเขา ผมเลื่อนสายตาตัวเองตามสายตาเขาไปที่ทีวี หน้าจอปรากฏภาพการ์ตูนชื่อดังอย่างไอ้สติชท์ตัวสีฟ้าๆ ที่แมทชอบนอนกอดนั่น ท่าทางจะรักไอ้ตัวนี้มาก แล้วยังมีไอ้ตัวหมวกสีชมพูนั่นอีก ชอบมันเอามานอนกอดอยู่เรื่อย พอผมทำท่าจะขัด เขาก็จะอ้อนแล้วบอกว่าเขาสามารถกอดได้ทั้งผมกับตุ๊กตาไปพร้อมกัน แชร์กอดกัน อบอุ่นดี หึ ตรรกะเสียสติ ผมไม่เคยเกลียดตุ๊กตาเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ


จุ๊บ~


ผมก้มลงจุ๊บกลางกระหม่อมเขา แมทเงยหน้าขึ้นมามอง ส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ ปากก็เคี้ยวขนมขบเคี้ยวที่ผมซื้อมาตุนไว้ให้เขาแจ๊บๆ ผมเดินลงไปนั่งข้างเขา อุ้มเขาขึ้นมานั่งบนตัก แมทใส่เสื้อยืดสีขาวหลวมโคร่ง ผมแกล้งเปิดดูว่าเขาใส่กางเกงในรึเปล่า เขาตีมือผมดังเพี๊ย ผมหัวเราะชอบใจ ส่งปลายนิ้วไปบีบแมทน้อย แมทปัดมือผมออก รีบดึงเสื้อลงมาปิด แล้วทำหน้าบู้ใส่ ทั้งที่ปากยังเคี้ยวขนมไม่หยุด พอได้ทำหน้าดุผมจนพอใจก็หันกลับไปดูการ์ตูนแล้วนั่งหัวเราะต่อ


เหมือนเด็กจริงๆ เด็กทั้งหน้า ทั้งนิสัย แต่เวลาเขาเข้มแข็งขึ้นมา จิตใจเขาก็แกร่งเกินตัวและหน้ามาก ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยถ้าเกิดเขาจับได้ว่าผมไปมีอะไรกับคนอื่น มันจะเป็นยังไง ผมไม่รู้จะขอบคุณแม่หรือพ่อดีที่เข้ามาในความคิดผมตอนนั้น แต่ไม่ว่าใครก็ตาม เขาทำให้ผมมานั่งอยู่ตรงนี้แทนที่จะอยู่บนเตียงของผู้หญิงคนนั้น


ฟอด~


ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาที่ขยับตุ้ยๆ เพราะแรงเคี้ยวขนม เขาหันมาอมยิ้มให้ แล้วก็หันกลับไปมองจอทีวีต่อ ผมย่นคิ้วเล็กน้อย หันมามองไปงั้นอ่ะ ให้รู้ว่าหันมาสนใจแล้วนะ แล้วก็หันกลับไปสนใจอย่างอื่นต่อ


“แมท” ผมลองเรียก เจ้าตัวหันมามองหน้าผม พอเห็นว่าผมทำเริ่มทำหน้างอ เขาก็ถอนหายใจ หันกลับมาสนผมแทนไอ้สติชนั่น


“ไปไหนมาครับ” ผมยิ้มกว้าง กระชับอ้อมแขนรอบเอวเขาขึ้นอีก


“ไปนั่งดื่มที่บาร์มา” ผมซุกหน้าลงกับอกเขา สูดดมกลิ่นตัวหอมอ่อนๆ จากเขา แมทก้มลงจูบกลางกระหม่อม ผมผละหน้าออกจากอกเขา ส่งยิ้มชื่นใจไปให้


“ไปกับพวกคุณเบนเหรอ” เขาถามตาใส หยิบขนมเข้าปากอีกชิ้น


“เปล่า ไปคนเดียว”


“ไม่เหงาเหรอ” ผมส่ายหัวยิ้มๆ อ้าปากทำท่าขอขนม เขาหยิบใส่ปากให้ผมหนึ่งชิ้น เขาก้มลงมาดมๆ ตัวผม พอได้กลิ่นบรั่นดี เขาก็ย่นจมูกใส่


“เหม็น” ผมแกล้งอ้าปากเป่าลมใส่หน้าเขา แมทหันหน้าหนี ผมหัวเราะเสียงเบา


“ตื่นขึ้นมาทำไม นอนไปแปบเดียวเองไม่ใช่เหรอ”


“ลุกมาฉี่ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีการ์ตูน” ผมยิ้มกว้าง แมทยิ้มแฉ่งยิงันอย่างน่ารักมาให้ เด็กติดการ์ตูนนี่เอง ผมยกมือยีหัวเขาเล่น แมทยู่ปากใส่ผม


“ไว้จะพาไปดิสนีย์เวิร์ด จะได้ไปหาไอ้สติชท์ถึงที่เลย” เขาทำตาโตเป็นประกาย แล้วพยักหน้าหงึกๆ อย่างเร็วจนผมหัวเราะออกมา หลอกเด็กนี่สนุกจัง ใครจะพาไปกันฮะเอเลี่ยน ไอ้สติชท์มันแย่งอ้อมกอดนายไปจากฉันทุกคืนแบบนั้น 


“ทำไมไม่โทรตามฉันเลย ไม่ห่วงกันบ้างเลยรึไง”


“ตอนตื่นมาก็ว่าจะโทร แต่หาอะไรกินอยู่ พอดูการ์ตูนก็เลยลืม” ผมเกลียดการ์ตูนเพิ่มจากตุ๊กตาด้วยดีกว่า เพราะมันทำท่าจะเป็นตัวแปรมาแย่งความสนใจไปจากผม


“อีกอย่าง ผมคิดว่าคุณก็คงอยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง” ช่างมีน้ำใจ เป็นผมคงโทรตามจนกว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่หน้าประตูห้อง


“แต่ฉันชอบให้นายมาวุ่นวายเวลาส่วนตัวนะ” ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่พูดแบบนี้แน่ แม้กระทั่งชื่อ ผมก็ยังไม่ให้เขาเรียก แต่ตอนนี้พื้นที่ส่วนตัวผมมีเขาอยู่ด้วยครึ่งนึงเลยก็ว่าได้


“ไม่เอาหรอก เว้นไปใช้เวลากับตัวเองบ้างก็ได้” นี่กำลังสอนผมจากกรณีเมื่อคืนอย่างเนียนๆ รึเปล่าเนี่ย แมทมองหน้าผม ปากเคี้ยวขนมแจ๊บๆ มองเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ผมก็มองหน้าเขานิ่ง ปล่อยให้เขามองตามใจชอบนั่นแหละ


“แอบไปจีบสาวมารึเปล่า” หึหึ ไม่ไว้ใจผมง่ายๆ หรอกนะเด็กคนนี้ นี่ถ้าบอกเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปนายจะต้องภูมิใจในตัวฉันนะเจ้าเอเลี่ยนน้อย แต่ในความเป็นจริงเขาไม่ภูมิใจหรอก และเขาจะไม่ไว้ใจผมมากขึ้นไปอีก ฉะนั้นผมก็เลือกจะไม่พูด ถึงจะทำว่าไม่คิดมาก ไม่เป็นไร แต่เชื่อสิ เดี๋ยวก็ซึม เอาไปคิดเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตในหัวตัวเอง อีกอย่างนะ เหตุการณ์เมื่อกี้ มันก็มีการสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวกันเกิดขึ้น รับรอบได้เลยว่าถ้าบอกแมท เขาต้องจิตตกมากแน่ๆ ก็ขนาดผมยังจิตตกไปเหมือนกัน


บางครั้งเราก็ต้องเลือกเก็บบางเรื่องไว้ในใจเงียบๆ ผมไม่ได้มีอะไรกับเธอคนนั้นก็จริง แต่ไม่พูด ไม่บอกจะดีกว่า


“มีสาวมาจีบต่างหาก” ผมว่ายิ้มๆ แมทมองผมตาโต ทำปากจู๋ แล้วเอียงคอนิดหน่อย หน้าตาอย่างนี้ละน่าพาขึ้นเตียงดีนัก ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำ มันเป็นนิสัยของเขา แต่คือผมอยากเอาไง


“สวยมั้ย”


“สวย นมใหญ่ ตูดใหญ่” แมทหรี่ตามอง ริมฝีปากบิดไปมา


“แหม จำรายละเอียดแม่นเชียวนะ จ้องไม่วางตาเลยสิ”  เขากัดริมฝีปากล่างไว้ ถลึงตามองผมน้อยๆ ผมฉีกยิ้มกว้าง ยักคิ้วให้เขาสองที แมทยื่นมือมาบิดหัวนมผม


“อ้าก!” แกล้งร้องไปงั้นแหละ ไม่ได้เจ็บจริงจังนักหรอก เขาบิดแค่ผ่านๆ เหมือนแมวดมอาหารไปงั้น


พอได้ระบายความหมั่นไส้ของตัวเองเสร็จ เขาก็หันกลับไปดูการ์ตูนต่อ ผมนั่งพิงพนักโซฟา ปล่อยให้คนตัวเล็กเนื้อแน่นนั่งดูการ์ตูนตาแป๋ว ผมก็นั่งมองเขาอีกที บางทีก็เลื่อนไปดูจอทีวีบ้าง สักพักผมก็นั่งหลับให้เขานั่งตักแทนเบาะโซฟา แต่พอกำลังจะหลับจริงจัง ผมก็รู้สึกหนักตัว พอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับเอเลี่ยนน้อยนอนหลับอ้าปากหวอ ในมือยังถือถุงขนมไม่ยอมปล่อย ผมมองใบหน้าหลับปุ๋ยของเขาแล้วยิ้ม ดึงถุงขนมออกจากมือเขาไปวางไว้บนโต๊ะ ค่อยๆ ช้อนตัวเขาแผ่วเบา ลุกขึ้นยืนเชื่องช้าเพื่อไม่ให้เขาตื่น เดินเข้าไปในห้องนอนที่เปิดประตูทิ้งไว้ เดินไปที่เตียง ใช้เท้าเขี่ยผ้านวมที่กองยู่ยี่อยู่ด้านบนเพื่อให้มีพื้นที่วางร่างจ้อยๆ นี่ ผมวางเขาบนฝั่งตัวเอง เพราะเดี๋ยวยังไงผมก็ดึงเขามากอดอยู่ดี


ผมจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองออก เหลือแต่กางเกงชั้นในไว้ เดินออกไปปิดทีวี ปิดไฟดวงใหญ่ด้านนอกแล้วเดินกลับเข้ามาปิดประตูตามหลัง ค่อยๆ นั่งลงบนเตียง สอดตัวเข้าไปในผ้านวม นอนซ้อนหลังแมทไว้ ดึงเขามาชิดกับด้านหน้าตัวเอง แขนขวากอดเอวเขาไว้หลวมๆ แขนซ้ายเอาโอบด้านบนหัวเขาไว้ เอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง ผมดึงผ้านวมมาคลุมร่างของเราสองคน สอดมือไปลูบก้นคลำก้นแมทเล่นเพลินๆ


“ฮื่อ…” แมทพ่นลมหายใจแผ่วเบา ผมเลื่อนมือขวาไปลูบท้องเขาผ่านเสื้อ ลูบไล้ไปมาเบาๆ จนเขาค่อยๆ หลับสนิทกว่าเดิม ผมยกหัวขึ้นมามองใบหน้าเขา อาการหม่นในอกมลายหายไป ผมกระชับอ้อมแขนดึงให้เขาเข้ามาแนบชิดติดกับตัวผมมากขึ้น ก้มลงหอมแก้มเขา แมทนอนหลับตาพริ้ม ผมจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่นาน มองแล้วก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา ความฝันในช่วงที่เราอยู่ห่างกันทำเอาผมต้องหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว ผมยกมือขวาลูบหัวเขา จูบลงบนหน้าผากของเอเลี่ยนน้อย


“My little-matt.” ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ทิ้งหัวลงนอนบนหมอน กอดร่างแมทไว้แน่น หลับตาลง และค่อยๆ เข้าสู่นิทราตามแมทไปจนหลับสนิท



TBC.

เนื้อหาที่มาต่อนี้ ไม่ได้หักมุม ไม่ได้หักหลัง หรือไม่ได้เบรกคนอ่านหัวทิ่มใดๆ เพราะยังไงวิคเตอร์ก็ผิดค่ะ แค่คิดก็ผิดแล้ว ตอมไม่ได้ต้องการจะสื่อว่าเขาคิดได้นะ ไม่ได้นอกกายนอกใจอะไรแมท แต่นี่แหละค่ะ มันกำลังเริ่มต้น Only You วิคเตอร์ยังต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ จุดที่เขาจะมั่นคงกับคนของเขาจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาอาจจะพูดว่าเขาไม่อยากทำให้แมทเสียใจ มนุษย์เราพูดได้ รู้สึกได้ แต่ทำได้มั้ยนั่นคืออีกเรื่อง


99% บอกเกลียดวิคเตอร์ อยากเปลี่ยนพระเอก ตอมนี่ ตึงงง เพราะคิดในใจว่า เอาแล้ว แรงเกลียดไม่หยุดแค่นี้หรอก 555555 มันจะไปต่อ แล้วหน้าที่อีคนเขียนคือ กู้บัลลังก์พระเอกให้ไอ้ยักษ์ยังไงนี่สิ


วิคเตอร์ไม่ใช่พระเอกในฝัน เขาก็มีมุมผู้ชายน่ารัก ผู้ชายในฝันบ้าง แต่เขายังคงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีรัก โลภ โกรธ หลง ครบเซ็ท และเซ็ทของเขาจะเป็นชนวนของพาร์ทนี้นั่นเอง เกลียดวิคเตอร์ได้ แต่อย่าแรงนักนะ 55555 ขอเวลาให้พี่ยักษ์เรียนรู้ความรักความสัมพันธ์ที่แท้จริงสักนิ้ดดด 


เจอกันกับเนื้อหาที่เหลือค่ะ ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ขอบคุณที่กดบวกและคอมเม้นต์ให้กันนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 19-11-2015 00:26:30
คิดไว้แล้วว่านี่แค่จุดเริ่มต้น ของจริงคือตอนกลับเมกาต่างหาก อันนั้นละที่จะทำให้คนอ่านด่าวิคเตอร์จมดิน
ตอนนี้ยังมีสติคิดได้ก็ดีไป แต่วิคติดเซ็กซ์มาก ห่างแมทนานๆ คงมีเรื่องแน่  :ling3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-11-2015 00:28:17
ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้วิคเตอร์มีสติคิดได้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 19-11-2015 00:51:43
ฉันละกลัวใจแกจริงตาวิค
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 19-11-2015 01:25:14
ยังไม่ถอนคำด่าน่ะ ของแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ นี่ขนาดเพิ่งห่างจากแมทแค่จบศึกยังไปคะนองใส่ชะนีอื่นแล้วจะให้ไว้ใจได้เหรอ  เพราะงั้นทำตัวดีๆหน่ยน่ะยักษ์ แม่ยกน้องแมทรอหักคะแนนเขยไทยอย่างนายเป็นกองทัพ 55555   
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-11-2015 02:09:55
แค่แอบปัดหน้าแมททิ้งในหัวก็ผิดแล้วค่ะ แต่เข้าใจหรอกว่าสันดานเจ้าชู้

ตยักษ์แกเป็นเหมือนเด็กนักเรียนย้ายประเทศจากเจ้าชู้มารักเดียวแกก็ต้องใช้เวลาเรียนปรับพื้นฐานก่อน

แต่หมั่นไส้อะ หมั่นที่สุด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-11-2015 02:38:19
ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่และตัววิคเคอร์เองที่มีสติ บัลลังกฺพระเอกเลยยไม่สั่นคลอน
ไม่งั้นล่ะก็ฮึ่ม มีคนด่าซ้ำเยอะมากแน่ แม่ยกน้องแมททั้งนั้นค่ะ
ขอให้สติจงอยู่กับวิคเตอร์ตลอดไป หึๆ น้องแมทน่ารักมาก มีเมียเด็กนี่มันสดชื่น นางกินขนม ดูทีวีรอซะมี
แต่บางทีเด็กก็มีเหตุผลมากกว่าผู้ใหญ่อีก จริงไหม วิคเท่อ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-11-2015 04:36:27
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-11-2015 08:43:53
ผ่านครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปพี่ยักษ์เราน่าจะมีภูมิคุ้มกันระงับราคะของตัวเองได้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้แมทภูมิใจที่เลือกรักคนไม่ผิดนะวิคเตอร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-11-2015 09:37:31
ถึงจะรู้สึกดีขึ้นมานิดหนึ่งที่วิคตามไปแต่ไม่ได้ซั่มแต่ก็ยังไม่โอเคอยู่ดี
แค่ห่างกันทั้งที่พักอยู่ด้วยกันวิคยังทำแบบนี้
แล้วห่างกันคนละประเทศวิคคงไม่ห้ามตัวเองถึงจะมีหน้าแมทลอยมาก็คงปัดทิ้ง
เพราะคิดแล้วว่าแมทไม่รู้และถึงรู้แมทก็คงยอมหากตัวเองใช้ถุงยาง
ถึงจะรู้ว่าวิคเป็นพระเอกที่จะต้องทำให้แมทเสียใจ และก็รู้ว่าวิคต้องตามง้อแมท
เมื่อถึงตอนนั้นเราขอให้แมทเอาคืนวิคให้หนักเอาให้เข็ดและจำจนตาย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 19-11-2015 11:27:56
ค่อยยังชั่วนะพี่ยักษ์ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 19-11-2015 11:52:21
กลับลำได้ทันน่ะเนี่ยพี่ยักษ์
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-11-2015 12:52:09
เรื่องนอกใจ จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ คนที่ถูกนอกใจก็เจ็บอ่าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 19-11-2015 19:35:23
ตอนนี้วิคเตอร์ทำดี แล้วพอกลับห้องมานะ หูยยย พีคมาก เมียนี่เด็กเชียว นั่งดูการ์ตูน แมทดูใสๆเด็กน้อยมากอ่ะ แล้วดูวิคเตอร์ แค่คิดก็ผิดแล้ว ฮือออออ #ทีมแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 70%} 19.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: G-love ที่ 22-11-2015 08:06:23
พึ่งเข้ามาอ่าน อยากบอกว่าเรื่องนี้สนุกมากกกก ทำไมพึ่งมาเห็น TT อยากว่าคุณตอมแต่งได้ดีมากๆเลยค่ะ อินทุกตอนจริงๆ ยิ่งตอนล่าสุดเนี่ยสมมติว่าวิคมีอะไรกับยัยนั่นจริงๆแค่คิดก็ปวดใจแล้วค่ะ #กำลังอยากเสพดราม่า 555
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆมาให้อ่านน่ะค่ะ
รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-11-2015 09:26:21



Only You : EP.18 [100%]




#Morning



“Giant! Giant! Giant!” เสียงเล็กๆ ดังกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับความรู้สึกหนักตัว พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นแฟนตัวจ้อยของผมลืมตามองตาแป๋ว พร้อมรอยยิ้มแป้นแล้น ผมยกยิ้มทั้งที่เปลือกตายังหนักอึ้ง สายตายังพร่าเบลอ แต่ก็พยายามลืมตาขึ้นมาคนหน้าเด็ก ที่ช่วงนี้รู้สึกจะหน้าเด็กกว่าเดิม และหน้าใสขึ้นเยอะมาก ผมว่าเหมือนเอเลี่ยนน้อยมันน่ารักขึ้นเลย



“Good morning, sweety.” ผมว่าเสียงแหบยานคาง ส่งยิ้มง่วงนอนให้เขา แมทหัวเราะคิกคักแต่เช้า เขากระเถิบตัวขึ้นมาใกล้หน้าผมมากขึ้น



“ไปอาบน้ำเร็วครับ จะได้ไปหาอะไรกิน กลับขึ้นมาจะได้เก็บของ” ได้ยินแล้วใจแป้วเลย ไม่อยากกลับเลยสักนิด ทำไมมนุษย์เราต้องทำการทำงานด้วยวะครับ ขอใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารักมากๆ หน่อยไม่ได้รึไง ผมไม่ได้เจอเขาตั้งสองเดือน (เพราะตัวเองทั้งนั้น) แล้วนี่ได้อยู่ด้วยกันสองอาทิตย์เอง



“วันนี้ฉันกลับแล้ว ขอหลายยกหน่อยนะ” ผมว่าแล้วส่งสองมือไปบีบก้นเขา แมทหน้าแดง ผมยิ้มกริ่มดีใจที่เขาตอบรับสัญญาณของผม



“อื้อ…” เขาเสมองไปทางอื่น แก้มสองข้างแดงระเรื่อ สักพักแมทน้อยก็ตื่นตัวดุนดันหน้าท้องผม แมทหน้าแดงกว่าเดิม หันกลับมามองผมอย่างอายๆ คงเขินที่คุมน้องชายตัวเองไม่อยู่



“ใจเย็นก่อนนะที่รัก” ผมหัวเราะหึๆ ในลำคอ สองมือบีบก้นเขาแรงๆ กลางลำตัวของแมทแข็งแนบไปกับหน้าท้องผม ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เจ้าตัวจ้อยกระพริบตาปริบๆ แต่ริมฝีปากก็มีรอยยิ้มเขินนิดๆ ผมเลื่อนมือขวาไปควักลูกชายตัวเองที่เริ่มแข็งอ่อนๆ ออกมาเกลี่ยแก้มก้นซ้ายของเขา



“คุณกินอะไรเข้าไปเนี่ย จะฟิตแข่งกับกัปตันอเมริกาเหรอ” ผมยิ้มหัวเราะ ยิ้มหน้าง่วงไปให้เขา แมทก้มลงหอมกลางอกผม แล้วเอาจมูกขยี้ไปมาเหมือนมันเขี้ยว



“กลไกร่างกายของคนเราไม่เหมือนกันนะเอเลี่ยนน้อย” นี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องหลอกเด็ก (ของผม) นะ เทรนเนอร์ที่ดูแลผมเขาให้ข้อมูลมาแบบนี้ คนที่ฟิตจริงๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่ให้ประโยชน์กับร่างกาย แล้วยิ่งมีเซ็กส์บ่อยๆ แบบผมเนี่ย มันยิ่งลงยาก แล้วถ้าได้ยิ่งคู่ถูกใจแบบแมทแล้วละก็ หึๆ



เรานอนจุ๊บปาก จุ๊บหน้า สลับกับคุยเล่นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตกันสักพักก็พากันลงไปทานข้าว กะว่าค่อยกลับขึ้นมาอาบน้ำทีเดียว แมทพาผมแปรงฟันก่อนลงไปทานอาหารเช้า พอเสร็จ เราก็แต่งตัวและลงไปหาอะไรทานพร้อมกัน ผมตักให้เขากิน แมทจะกินอยู่ไม่กี่อย่าง เขาเหมือนจะชอบกินอะไรมากๆ อยู่ช่วงนึง แล้วพอเบื่อก็จะเปลี่ยนเอง อย่างช่วงนี้ชอบกินเบคอนกับไข่ดาว และไข่กระทะ ผมก็หยิบมาเผื่อเขาจนล้น เขาบ่นว่ากินไม่หมดแน่ๆ แต่ผมก็เห็นซัดเรียบทุกมื้อ



พอทานอาหารเช้ากันเสร็จ เราก็กลับขึ้นมาบนห้อง เขาช่วยผมเก็บของ แพ็คของลงกระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ แต่ไม่ได้เอาอะไรกลับไปเยอะนักหรอก เอากลับไปแค่กระเป๋าเดียว แล้วก็มีกระเป๋าเป้ของแมทที่เขาให้ยืมเอาใส่ของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยกลับไป ไว้สำหรับเอาขึ้นเครื่องไปด้วย ตอนขามาผมยัดทุกอย่างลงกระเป๋าใหญ่หมด ขี้เกียจมานั่งแยก



“แล้วเสื้อผ้าที่เหลือนี่เอายังไงครับ” เขามองไปที่กองเสื้อผ้ากองใหญ่ที่ผมซื้อเพิ่มตอนอยู่เมืองไทย ผมยิ้มนิดหน่อย เดินไปหยิบอะไรบางอย่างจากโต๊ะหัวเตียงมาให้เขา



“กุญแจอะไรครับ” เขามองกุญแจที่ผมยื่นให้ด้วยสายตางุนงง ผมยังไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้ เพราถ้าบอก เขาต้องไม่ยอม แล้วผมก็จะไม่ยอม และเราก็จะทะเลาะกัน ฉะนั้นที่ดีที่สุดคือต้องมัดมือชกเขา



“ฉันซื้ออพาร์ทเม้นต์* ไว้ที่นี่” แมทอ้าปากค้าง หน้าตาเขาเหมือนโดนชกให้มึนไปครู่หนึ่ง มีอยู่วันหนึ่งแมทถูกตามตัวให้เข้าไปพบกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นออกไปหาดูกับออสติน โดยมีบาส แฟนไอ้เบนไปเป็นเพื่อน เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้จักประเทศไทยทุกซอกทุกมุม

(*อพาร์ทเม้นต์ = คอนโดฯ ฝรั่งจะนิยมเรียกคอนโดฯ ว่าแมนชั่นหรือไม่ก็อพาร์ทเม้นต์)



“ซื้อไว้ทำไมครับ”



“ซื้อไว้ให้นาย…” แมทสีหน้าตื่นตะลึง เขาอ้าปากเตรียมจะบ่นผม แต่ผมรีบยกมือห้ามเขาไว้ก่อน



“…แล้วก็ไว้ให้ฉัน เวลาฉันมาที่นี่ จะได้ไม่ต้องมาหาเช่าโรงแรม สรุปก็คือฉันซื้อไว้ให้เราสองคน” เขาหุบปากลง เปลี่ยนเป็นเม้มปาก มองหน้าผมเหมือนกำลังไตร่ตรองอยู่



“ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อเลย คุณจะได้มาบ่อยแค่ไหนกัน ปล่อยไว้ก็โล่งไปวันๆ”



“ถึงมาไม่บ่อย แต่มาทีนึง รับรองว่าฉันไม่อยู่แค่สองหรือสามวันแน่” แมททำหน้าลำบากใจ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้อยากได้ เขาไม่ใช่คนประหยัดถึงขั้นตระหนี่ เพียงแต่เขาไม่เคยใช้เงินไปกับอะไรแบบมหาศาล เขาบอกว่าที่แพงที่สุดที่เขาเสียเงินซื้อก็คือแม็คบุ๊คของเขานั่นแหละ



“หรือเวลาฉันมา นายจะให้ฉันไปนอนบ้านนายล่ะ” ผมแกล้งแซว แวบแรกเหมือนเขาจะยินดีตอบตกลง แต่เขาคงนึกขึ้นได้ว่าบ้านเขาก็คือบ้านพ่อกับแม่เขาด้วย เขาเลยทำหน้าเสียดาย



“และนายก็คงไม่อยากให้ฉันเปลืองเงินมาเช่าโรงแรมสองชั้นอย่างนี้บ่อยๆ หรอกใช่มั้ยล่ะ” เขาสั่นหัวทันที แมทไม่เห็นด้วยที่ผมจะเช่าห้องแบบระเนระนาดแบบนี้ เขาบอกว่าเช่าห้องเดียวก็อยู่ได้แล้ว แน่นอนว่าผมไม่มีทางทำตามที่เขาบอกแน่ ให้ผมอยู่ใกล้กับใครก็ไม่รู้ แล้วเวลาเอากัน เสียงดังขึ้นมาก็มีประเด็นอีก อย่างที่ผมเช่าอยู่ก็มีแค่ออสตินห้องตรงข้าม กับพวกไอ้เบนห้องข้างๆ ซึ่งผมไม่ต้องกังวลว่าพวกนั้นจะเอาไปพูดต่อ จะครางดังแค่ไหนก็ทำไปเถอะ



“ซื้อมาแล้วนี่ครับ” เมื่อไม่รู้จะเถียงอะไร หรือยอมที่จะไม่เถียงก็ไม่รู้ เขาก็หยุดประเด็นนี้ไว้



“อีกอย่างเผื่อนายอยากไปนอนนอกบ้านบ้าง อ้อ ถ้าจะไปบอกออสตินก่อน ฉันจะได้ให้เขาออกไปหาที่อื่นนอน เพราะฉันไม่อนุญาตให้นายนอนด้วยกัน ถึงจะคนละห้องก็เถอะ” ถึงผมจะไว้ใจออสติน แต่ผมก็ไม่อยากให้ใครใกล้ชิดแมทมากจนเกินไป ผมไม่ชอบ ออสตินอาจจะไม่ได้คิดอะไร เพราะเขาเป็นผู้ชาย แต่ผมก็เป็นผู้ชาย ผมยังชอบเขาเลย



“อ้าว ออสตินไม่ได้กลับนิวยอร์กไปพร้อมคุณเหรอ” นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอกเขา ผมบอกออสตินเรียบร้อยแล้ว และผมคิดว่าแมทจะต้องไม่พอใจ แต่ถ้าผมพอใจ เท่านั้นมันก็จบ



“เปล่า ออสตินจะอยู่ที่นี่จนกว่านายจะเรียนจบแล้วบินกลับไปนิวยอร์ก อ๊ะๆ อย่าพูดว่าไม่ต้องนะ ฉันตัดสินใจแล้ว และออสตินก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และพวกบอดี้การ์ดคนไทยก็จะคอยช่วยออสตินดูแลนายด้วย” แมทอ้าปากค้าง สีหน้าเขาดูเหลือเชื่อกับสิ่งที่ผมเพิ่งบอกไป



“นี่! คุณเพี้ยนไปแล้วเหรอ นี่ผมนะ ผมไง แมท แค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง ไม่ใช่รัชทายาทที่ไหน ไม่ต้องมีบอดี้การ์ดก็ได้ ไม่จำเป็นเลย” เขาว่าลิ้นรัว เรียบเรียงคำศัพท์ผิดๆ ถูกๆ ผมทำหน้านิ่ง ส่ายหัวว่าไม่รับฟังเขา แมทเม้มปากแน่น ท่าทีเขามีความไม่ชอบใจอยู่ แต่เขาคงไม่อยากทะเลาะด้วย



“ฉันบอกออสตินไปแล้ว และถ้าถามหาเหตุผลก็คือ ฉันหวง ห่วง และหึง ออสตินจะเป็นคนรายงานฉันหมดไม่ว่านายจะทำอะไร อย่าคิดนอกใจฉันนะ แล้วอย่าคิดให้ใครมาทำให้นายเปลี่ยนใจไปจากฉันด้วย”  ผมพูดน้ำเสียงจริงจัง หน้าตาสื่ออกไปตามความหมายที่พูด แมทขมวดคิ้ว กระพริบตาปริบๆ กับประโยคยาวเฟื้อย เมื่อก่อนผมไม่ใช่คนพูดเยอะๆ ยาวๆ หรอกนะ แต่ถ้าจะให้พูดกับคนอื่นที่ไม่ใช่แมท ผมก็ไม่พูดขนาดนี้หรอก



“งั้นผมส่งบอดี้การ์ดไปคอยดูคุณบ้างมั้ย คุณน่ะ น่าจะนอกใจผมง่ายกว่าอีก” สีหน้าและน้ำเสียงเขาหมั่นไส้ผมซะเต็มประดา ผมยิ้มมุมปาก ยักคิ้วให้เขาหนึ่งที



“นายไม่ต้องจ้าง พวกไอ้เบนก็เป็นบอดี้การ์ดให้อยู่แล้วนี่ เชื่อฉันสิว่าถ้าฉันคิดจะมีชู้ มันต้องแจ้นมารายงานแน่นอน ไหนจะเอมิลี่อีก นายมีบอดี้การ์ดที่หูตาไวยิ่งกว่าของฉันอีกนะ” สายตาที่เขามองมามีแววเอือมอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่ได้สนใจหรอก และเขาก็รู้ด้วยว่าขัดผมไม่ได้



ถ้าผมต้องการ ผมก็จะเอาให้ได้ตามที่ต้องการ ถ้าผมไม่รัก ผมไม่ทำหรอก



“ก็ตามนั้นแล้วกันครับ เถียงคุณไป คุณก็ไม่ยอมอยู่ดี” เขาว่าปลงๆ ผมยิ้มถูกใจ เดินเข้าไปหอมแก้มเขาทั้งสองข้าง แมทยิ้มน้อยๆ กลับมาให้ และรับกุญแจอพาร์ทเม้นต์ไปไว้ในมือ



“ที่กองอยู่ เดี๋ยวให้พวกออสตินขนไปขึ้นรถ แล้วเอาไปเก็บไว้ที่อาพร์ทเม้นต์ก็แล้วกัน” เขาพยักหน้ารับ ผมหันไปมองข้าวของที่ถูกเก็บเข้ากระเป๋าหมดแล้ว เหลือแต่ของที่จำเป็นต้องใช้ก่อนปิดกระเป๋า และของที่จะเอาไปเก็บไว้อาพาร์ทเม้นต์ใหม่



“อาบน้ำกันเถอะ” เราถอดเสื้อผ้าจนร่างเปลือยเปล่า ผมไม่เคยตื่นเต้นกับร่างกายแมท เพราะมันก็คือร่างกายผู้ชาย ไม่ได้เรียกความเร่าร้อนให้ผมนักหรอก แต่ที่ผมอยากเอาเขาตลอดนั้นมันไม่ใช่เพราะร่างกาย มันเพราะอย่างอื่น ถ้าให้บอกตรงๆ ยังไงรูปร่างผู้หญิงก็ยังน่ามองกว่า ผมผ่านการสัมผัสรูปร่างผู้หญิงมาเยอะ มันมีลูกเล่นเยอะกว่าร่างกายผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว แต่ถ้าให้ผมเลือกมอง ผมก็เลือกมองแมทแฟนผม แมทไม่ได้ให้ความสุขผมแค่ร่างกาย แมทให้ความสุขกบผมมากกว่านั้น



“หลับตาไว้ครับ” ผมหลับตาตามที่เขาบอก สองมือโอบบั้นท้ายเขาไว้หลวมๆ ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ ออกมา เพราะร่องก้นของเขานั่งทับยักษ์น้อยไว้พอดิบพอดี แมทใช้โฟมล้างหน้าลูบไล้ไปทั่วหน้าผมอย่างอ่อนโยน นวดคลึงแผ่วเบาสักพัก เขาก็เอื้อมไปหยิบฝักบัวข้างอ่างอาบน้ำมาล้างหน้าให้ผม มือผมเลื่อนลงไปบีบบั้นท้ายแสนงอนของเขาไว้ รู้สึกว่ามันจะเด้งดีขึ้นเยอะ แถมยังแน่นน่าสัมผัสตลอดเวลา ถ้าผู้หญิงมีนมให้บีบ แมทก็มีบั้นท้ายสองลูกนี้แหละที่ผมชอบบีบ ชอบจับ จริงๆ ผมชอบจับชอบบีบเขาทั้งตัวแหละ ได้ลวนลามเขานี่เป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิต



“กลับไปใครจะอาบน้ำให้ฉันกันนะ” พูดแล้วก็รู้สึกเหงาล่วงหน้า กลับไปอยู่บ้านคนเดียวเปลี่ยวใจ ไม่มีเสียงใสๆ แว้ดๆ คอยรังควานประสาทหูผมอีกนานเลย ไหนจะรอยยิ้มร่าเริงแจ่มใสนี่อีก



“เปิดคลิปที่คุณอัดดูสิ มีตั้งหลายคลิปนี่” เขาว่าพลางถูตัวให้ผมด้วยครีมอาบน้ำกลิ่นน้ำนมของเขา ผมชอบดมตัวเขาบ่อย เขาเลยแบ่งมาให้ผมใช้ด้วยซะเลย แต่ถึงจะแบ่งมาแล้ว ผมก็ชอบไปเล็มเลียที่ตัวเขาอยู่ดี



“ยังไม่มีคลิปตอนเราเอากันสักหน่อย” แมททุบกำปั้นลงบนอกผมดัก ปึก! ผมร้องอั่กออกมา ทำท่าเหมือนจะตาย แมทแบะปากใส่อย่างไร้ความปราณี ผมหัวเราะยกมือขึ้นลูบหัวเขา ดึงเขาลงมาจูบหน้าผากหนึ่งที



“อย่าได้ให้รูปที่ผมโป๊หลุดไปเชียวนะ ผมยังไม่อยากถูกค่ายหนังโป๊ติดต่อไปร่วมงาน” ผมหัวเราะต่อเนื่องกับมุกตลกของเขา แมทยู่ปากใส่ หันไปหยิบฝักบัวมาล้างตัวให้ผม



“พระเอกก็มีฉันได้คนเดียวเท่านั้นแหละ” ผมตีก้นเขาดังเพี๊ย แมทย่นคิ้วนิดหน่อย ยกฝักบัวขึ้นฉีดใส่หน้าผม เล่นเอาน้ำพุ่งใส่หน้าอย่างแรง ผมหัวเราะเสียดัง ปัดฝักบัวออกไป ยกมือลูบน้ำออกจากหน้า ชี้หน้าคาดโทษเอเลี่ยนตัวดี เขาแลบลิ้นกลับมาและใช้ฝักบัวราดน้ำบนตัวผมต่อ



ผมถ่ายรูปเขาไว้เยอะมาก ทั้งรูปปกติ รูปเปลือย ทั้งแบบที่เขารู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่รูปเปลือยแบบรู้ตัวไม่มีหรอกนะ มีแต่ผมแอบถ่ายเขาเวลาหลับหรือยืนเปลือยก่อนเข้านอนทั้งนั้น แล้วยังมีคลิปเขาอีกเพียบ แต่ไม่ใช่คลิปโป๊ หรือคลิประหว่างผมกับเขาหรอก อันนั้นไม่มีทางถ่าย ผมจะเก็บภาพนั้นไว้ในหัวคนเดียว ส่วนใหญ่เป็นคลิปเวลาผมก่อกวนเขา แกล้งเขาให้เขาโวยวาย ส่งเสียงแว้ดใส่ผมเล่นๆ ไม่ก็เป็นคลิปตลกๆ เวลาเขาทำอะไรป้ำๆ เป๋อๆ แบบไม่ทันรู้ตัว



ผมถ่ายเก็บเอาไว้จนเมมจะเต็มเครื่องแล้วมั้ง ผมกะเก็บเอาไว้ดูเวลาคิดถึงเขา เวลาไม่ได้คุยกัน อย่างน้อยยังได้เห็นเขาผ่านภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวพวกนี้



“คุณสไกป์มาคุยกับผมก็ได้นี่นา แต่ผมช่วยคุณอาบน้ำผ่านสไกป์ไม่ได้นะ” เขาถือฝักบัวราดน้ำไปทั่วตัวผม มือนุ่มๆ ก็ช่วยขัดถูตัวผมไปเรื่อย อย่าคิดว่าผมนอนนิ่งให้เขาทำนะ ลูกชายผมมันไม่นิ่งตั้งแต่เขาเอามือมาถูสบู่แล้ว เล่นลูบขึ้นลูบลงจนมันแข็งตัวอ่อนๆ นอนราบอยู่บนหน้าท้องผมนี่ไง



“อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว” คิดว่าผมจะทนดูหน้าเขาได้แต่ในโทรศัพท์งั้นเหรอ ผมให้เขาสมัครสไกป์ให้ผมเรียบร้อยแล้วละ ผมทำไม่เป็นหรอก ไม่ค่อยได้สนใจโลกโซเชียลเท่าไหร่ รูปในอินสตาแกรม ถ้าไม่มีแมท ก็คงร้างไปหลายเดือนกว่าจะได้อัพรูปครั้งนึง นี่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยที่แมทคอยจัดการให้ผม



“ถูตัวนายสิ” เขาหันไปกดครีมอาบน้ำใส่มือ แล้วเอามาชโลมไปทั่วร่างกายเขา น้ำนมข้นไหลไปตามเนื้อแน่นของแมท เขากวาดครีมไปทั่วตัว ก้มหน้าก้มตาถูตัวไปเรื่อยทั้งที่ยังนั่งคร่อมตักผมไว้อยู่ ผมนอนพิงอ่างอาบน้ำ นั่งมองเขาถูสบู่เหลวไปทั่วตัวอย่างเพลิดเพลิน สักพักผมก็เลื่อนมือไปจับลูกชายตัวเอง ชักขึ้นลงช้าๆ สายตาก็มองแมทไม่วางตา เอเลี่ยนน้อยชะงัก มองผมที่ยิ้มเมาๆ ให้เขา



แมทไม่ได้มีร่างกายที่น่าตื่นเต้นก็จริง แต่ไอ้ท่วงท่าลีลาที่เขารู้จักเล่นกับร่างกายเขาต่างหากที่ทำให้ผมแข็งบ่อยๆ



“I don’t deny that I’m horny, now. (ฉันไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนนี้ฉันอยากมาก)” ว่าไปก็ชักขึ้นชักลงอาวุธตัวเองจนมันตั้งตระหง่านขึ้นมาพร้อมรบ ผมจับตรงโคนของตัวเองไว้ จับยักษ์น้อยตีกับท้องน้อยแมทแรงๆ



แปบ แปบ แปบ~



แมทไม่ได้ตอบอะไร แต่การที่น้องชายเขาตื่นตัวมาท้าทายไอ้ยักษ์น้อยผมนั้นก็เป็นการตอบรับที่ไม่ต้องเอ่ยเสียงใดออกมา ผมยิ้มมัวเมา ยื่นมือไปจับเอวเขาไว้ ยกตัวเขาขึ้น ดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง แมทเอามือคล้องคอผมไว้ ผมค่อยๆ พาร่างเขานอนไปกับพื้นอ่างอาบน้ำ เขายกขาไปพาดกับขอบอ่างทั้งสองฝั่งอย่างรู้งาน ผมยิ้มเมา แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากล่างไปมาตามนิสัยเวลาอยากอึ๊บเขา



“อีกไม่กี่ชั่วโมงฉันก็ต้องกลับแล้ว ตามใจฉันหน่อยนะ” ผมเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างขวาป้ายครีมน้ำนมบนตัวเขามาจนชุ่มแล้วเอามาไล้วนตรงกลีบเนื้อนุ่มของเขา



“ผมเคยขัดใจคุณได้ด้วยเหรอ” เขาขยุ้มเส้นผมของผม สลับกับลูบหัวผมไปด้วย ผมยิ้มตาเยิ้ม ยัดนิ้วเข้าไปด้านในช่องทางของเขา แมทเผยอปาก เชิดหน้าขึ้น ลมหายใจหอบแผ่วเบาแต่ก็มีน้ำหนักที่ดี ผมกดกระตุ้นจุดเสียวภายในเขา แมทน้อยแข็งเต่งตึงตอบรับ กลีบเนื้อสีอ่อนของเขารัดนิ้วผมเช่นเคย



“ไม่เคย และก็จะไม่มีวันขัดใจได้ใช่มั้ยที่รัก” ผมกระซิบถามเสียงแหบ แมทเลื่อนมือมาจับต้นแขนผมแน่นในตอนที่ผมกดค้างไว้ตรงจุดเดียวในช่องทางอ่อนนุ่มของเขา



“โอ้ว… อ้า…”



“ฉันถามว่าใช่มั้ย” ผมถามย้ำเสียงเข้มอีกครั้ง ออกแรงกดปลายนิ้วเข้าไปที่จุดเดิม แมทผวาเฮือกและพยายามอ้าปากตอบเสียแห้ง



“Yes.”



“Yes what?”



“Yes, baby.” ผมกรีดยิ้มมุมปาก ดึงนิ้วออกจากด้านในตัวเขา ก้มลงมองก็เห็นว่าจีบเนื้อตรงนั้นของเขาแหวกอ้าต้อนรับผมแล้ว แมทนอนหายใจหอบหนัก ผมดันความเป็นชายของตัวเองเข้าไปด้านในตัวแมท เขาผวาเล็กน้อย ผมรีบก้มลงไปจูบปลอบโยนเขา ลิ้นเราสองคนคลอเคลียกันนุ่มนิ่ม ผมเริ่มขยับสะโพกเข้าหาอีกฝ่าย พอแมทเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ผมก็ถอนจูบออก ใช้มือดันร่างตัวเองไว้



“ถูตัวต่อสิที่รัก นายยังไม่สะอาดเลยนะ” พูดไปก็ดันลูกชายเข้าหาเขาเรื่อยๆ แมทใช้สองมือลูบไล้ไปทั่วตัวเอง ผมตาลุกวาวกับภาพที่เห็น เขาใช้มือสัมผัสไปทั่วตัวเองอย่างเชื่องช้าพร้อมกับสีหน้าที่บอกว่าเสียวซ่านจะขาดใจ



“อึ๊ อ๊ะ อ๊ะ อือ… โอ้ว เยส…” นี่เพิ่งเริ่มจังหวะไปได้ไม่กี่นาทีผมก็จะเสร็จแล้ว ไม่ใช่เพราะผมเสื่อมหรอก แต่แมทครางแบบนี้ สีหน้าหน้าแบบนี้ ลีลาแบบนี้ เห็นแล้วลูกชายผมแน่นตึงเปรี๊ยะพร้อมปลดปล่อย แต่ผมก็ยังอึดมากพอที่จะซอยสะโพกเข้าหาเขาต่อ พอใกล้จะถึงจุดปลอดปล่อย ผมก็ค่อยๆ เบรกตัวเองลง ทำอย่างช้าๆ มองสบตากับแมท แล้วก้มลงไปจูบกับเขา พอลูกชายผมคลายตัวเกร็ง ผมก็เริ่มขยับเอวต่อ แมทยกสองมือคล้องคอผมไว้ ส่งเสียงร้องดังก้องห้องน้ำ



“โอว… โอว… โอ้… เร็ว… เร็วอีก… ฮ่ะ ฮ่ะ” เขาขอร้องเสียงหอบพลางเด้งตัวก้นขึ้นมาสู้ ผมคลี่ยิ้มกว้าง แล้วแกล้งเขาด้วยการดันตัวเองเข้าไปข้างใน แช่ค้างไว้ ไม่ยอมขยับ



“อา… อา! อื้อ! ขยับ โอ๊ย ขยับหน่อย…” เขากัดริมฝีปากล่างแน่น เปลือกตาหลับสนิท สีหน้าทรมานใจจะขาด



“Who is your boyfriend, huh? (ใครเป็นแฟนนาย ฮึ)” ผมซี๊ดปากเบาๆ ใช่แต่เขาที่อึดอัด ผมโดนเขาบีบรัดซะแน่นเลย



“Giant-beard!!! (ไอ้ยักษ์หนวด!!!)” เอเลี่ยนน้อยลืมตาขึ้นมามองเคืองๆ แล้วแหวใส่ ผมหัวเราะเสียงทุ้ม ก่อนจะซอยสะโพกเข้าหาเขาต่อ แมทร้องระงมไปหมด พอๆ กับผมที่เริ่มส่งเสียงครางในลำคอ ก่อนที่ผมจะรีบดึงลูกชายออกมาปลดปล่อยบนตัวแมท เพราะข้างในแมทแน่นไป แล้วไหนจะของผมที่กระตุกแรงอีก มันเสียวไปหมด น้ำรักสีขาวข้นขุ่นของผมฉีดพ่นลงบนเรือนร่างแมทผสมกับครีมน้ำนมของเขา แมทใช้สองมือเกลี่ยไล้น้ำรักผมและครีมน้ำนมเข้าด้วยกัน ลากสองมือถูไปทั่วตัว



“อ้า… ฮู่ว… ฮ่า…” ผมจับแก่นกายตัวเองสะบัดเศษน้ำออก มองแมทที่ใช้น้ำรักผมแทนครีมอาบน้ำนมถูชโลมไปทั่วตัวอย่างเนิบนาบแต่ว่าน่ามองพร้อมกับส่งเสียงหอบน้อยๆ ไปด้วย เหล่าลูกๆ ผมไหลไปทั่วตัวแมท สองมือน้อยๆ เนียนนุ่มของเอเลี่ยนลากผ่านหน้าอก ไล่ลงมาที่แก่นกาย เขาใช้มือขวาลูบแมทน้อย มือซ้ายปาดเอาน้ำข้นขุ่นของผมเทลงไปบนเอ็นเนื้อแข็งของเขาราวกับเติมน้ำมันหล่อลื่น



“เมื่อยขาอ้ะ” เขาทำปากยื่นน่ารัก ผมยิ้มกริ่ม แล้วจัดการดึงขาสองข้างเขาลงมาจากขอบอ่าง ผมนั่งลงแยกขาน้อยๆ เอื้อมมือดึงแขนแมทขึ้นมา แต่ไม่ได้พาเขาขึ้นมานั่ง ผมแค่จะเอาขาตัวเองรองตัวเขาไว้ แมททิ้งตัวลงนอนบนขาผม หัวอยู่ที่ปลายเท้า



“นายถือหรือเปล่า ย่าฉันเคยบอกว่าคนไทยถือเรื่องเท้ากับหัว” แมททำหน้าคิดนิดหนึ่ง แล้วก็ส่ายหัวปฏิเสธ



“ย่าคุณรู้เรื่องเมืองไทยด้วยเหรอครับ…” ผมใช้สองมือบีบๆ นวดๆ ตรงบริเวณหน้าขาของเขา



“…ย่าเคยมาไทยน่ะ ฉันก็เคยมากับย่าด้วยนะ” แมททำตาโตประหลาดใจ ผมยิ้มน้อยๆ กลับไป บีบด้านในโคนขาของแมทหนักๆ แก่นกายของแมท ตั้งตรงชี้หน้าผม



“จริงเหรอ คุณเคยมาไทยด้วย?!” ดูท่าทางจะสนใจมากทีเดียว อย่างกับเด็กที่เพิ่งได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่มีผิด



“ย่ามีเพื่อนอยู่ที่นี่ ที่ตอนเหนือของไทย เชียงร้าย…” ผมพยายามออกเสียงสำเนียงไทยให้ถูกต้อง แต่มันคงตลกอยู่ดี เพราะแมทหัวเราะกว้างเชียว ผมยิ้มตามรอยยิ้มของเขา



“…ฉันปิดเทอมพอดี ก็เลยมาน่ะ” ผมบอกแค่นั้น ไม่ได้บอกว่ามีเหตุจากพ่อที่ทำให้ต้องมาไทยกับย่าด้วย ช่วงเวลาในตอนนั้นผมกับพ่อเราควรต้องห่างกันสักพัก



“ไม่เห็นคุณบอกผมเลย” เขาทำหน้างอหน่อยๆ คงงอนที่ผมไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง



“ก็นายไม่ถาม แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะบอกตอนไหน อีกอย่าง ฉันก็มาแค่สิบวันเอง” ตอนที่แมทพาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็เหมือนได้นึกภาพในตอนนั้นอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรนักหรอก ตอนนั้นผมก็ใช่ว่าจะตื่นตาตื่นใจกับการมาเมืองไทยครั้งแรก ผมมาเพราะมีปัญหา ไม่ได้มาเที่ยว ฟีลมันเลยไม่ค่อยจะมีมั้ง



“แล้วคุณเคยไปวัดที่ผมพาไปรึเปล่า” ผมส่ายหัวแทนคำตอบ สองมือรูดหน้าทั้งสองข้างของเขาขึ้นลงเรื่อยๆ



“ไม่หรอก ตอนลงมากรุงเทพ ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนคนไทยที่รู้จักกันตอนอยู่เหนือ” แมทหรี่ตามองอย่างจับผิดกลับมาจนผมยิ้มขำ



“เพื่อนผู้หญิงผู้ชาย” เขาทำปากเป็ด ไม่ได้งอนอะไรจริงจังหรอก เหมือนเขาแซวมากกว่า



“เพื่อนผู้ชาย แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ติดต่อแล้ว จะว่าไปหลังจากฉันกลับไปอังกฤษ ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลยต่างหาก” ผมเลื่อนมือขวาไปรูดรั้งแมทน้อย ไม่ยอมให้มันอ่อนตัวลง



“หน้าตาดีมั้ย” หึๆ ท้าทายอำนาจมืดเหรอไอ้เอเลี่ยน ผมไม่ได้ตอบอะไร ทำแค่บีบกลางลำตัวเขาไว้แรงๆ จนเขานิ่วหน้าหน่อย



“ล้อเล่นนนน” ผมไม่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นโตมาแล้วหน้าตาดีขนาดไหน แต่ตอนที่ผมกับเขารู้จักกัน ถือว่าหมอนั่นหน้าตาดีละมั้ง ผมก็ไม่รู้ว่าในสายตาคนไทยกับสายตาฝรั่งอย่างผม เขามองหน้าแบบนั้นเป็นไง ใช่ว่าเขาเป็นเพื่อนรักผมแบบไอ้เบน ไอ้อันเดรซะเมื่อไหร่ เหมือนเป็นเพื่อนในวัยเด็กคนหนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปมากกว่า อารมณ์เหมือนเพื่อนตอนอนุบาล พอแยกย้ายกันก็ลืมไปแล้ว ป่านนี้คงแต่งงานมีครอบครัวแล้วมั้ง ซึ่งผมไม่ได้สนใจนักหรอก ถ้าผมสนใจจริง ผมเล่าให้แมทฟังไปนานแล้ว



“แอ๊ ฮือ… วิคเตอร์อะ” เขาว่าเสียงงอแง เมื่อผมไม่ยอมให้เขาถึง หน้าตาเขาบูดบึ้ง ผมปล่อยมือออกจากตรงนั้น แล้วไปจับมือเขาดึงขึ้นมานั่งตัวตรงๆ ผมทิ้งตัวเอนหลังไปพิงขอบหัวอ่างล่างหน้าไว้ ดึงแมทให้เข้ามาหาตัวเอง พอเขาเขยิบเข้ามาใกล้ ผมก็หอมแก้มซ้ายเขาไปหลายๆ ที แมทก็หอมแก้มอีกฝั่งของผมตอบกลับมา ผมเลื่อนมือไปจับๆ รูดๆ อาวุธตัวเองให้พร้อมตั้งสู้ พอมันแข็งตัวผมก็เอาตีก้นแมทเป็นสัญญาณ เขายกก้นขึ้นเล็กน้อย ผมจับของผมไว้ให้ตั้งตรง เพื่อรองรับก้นเขา แมทหย่อนก้นลงมานั่งจนมิด เขาครางเสียงสั่น เพราะมันคงลึกมากในท่านี้ ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวไปตามแรงอารมณ์ ท่าทางเหมือนคุมตัวเองไม่อยู่



“Your turn.” ผมเลื่อนมือขวาไปรูดรั้งน้องชายเขา ให้มันแข็งตัวเองไว้ แมทต้องตั้งสติสักพัก เพราะท่านั่งมันทำให้ลูกชายผมดันเข้าไปด้านในตัวเขาลึกสุดแล้วก็เสียวสุดสำหรับแมท พอเขาตั้งตัวได้เขาก็เริ่มขยับขึ้นลงเชื่องช้าแต่ทว่าจังหวะนั้นมั่นคง



อีกหลายชั่วโมงกว่าผมจะต้องไปสนามบิน ก่อนไปขอกินเขาให้หนำใจก่อน เพราะคงอีกนานกว่าจะได้เจอหน้ากัน ช่วงเวลาที่ห่างกันผมคงโคตรทรมานกว่าเดิมที่เคยเป็นตอนที่เขากลับมาไทยรอบแรก รอบนั้นความรู้สึกผมยังไม่ลึกซึ้งกับเขาเท่าตอนนี้ ผมยังแห้ง แทบเหี่ยว แล้วครั้งนี้ผมกับเขาเราเป็นแฟนกันแล้ว ผมไม่อับเฉาเน่าตายเลยเหรอเนี่ย



 “อ๊ะ อ๊า อ๊า…”



“ซี๊ดดด… ฮืม! ดี… ดีมาก…”



TBC.


ก่อนกลับขอจัดหนักกับเมียรักเนาะพี่ยักษ์เนาะ เดี๋ยวจะไม่ได้เจอเอเลี่ยนน้อยอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เป็นพระเอกฮ็อตคิวแน่น งานเยอะ แต่เรื่องเมียไม่ต้องห่วง ส่งคนมาเฝ้าแทนละ สบายใจ 555555 ไหนจะติดตั้ง GPS บนตัวเมียเรียบร้อยแล้ว พี่ยักษ์สบายใจครับผม

อยู่ห่างกันคนละช่วงเวลา กันคนละประเทศละอ่ะ จะใช้ชีวิตลำบากมั้ยน้อ เพื่อนสนิทตอมคนหนึ่งเคยคบกับหนุ่มบราซิลที่ไปเจอกันที่ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ตอนอยู่อเมริกา สวีตหวาน แต่พอเพื่อนตอมบินกลับมาไทย โอ๊ย ขมปร่าค่ะ ช่วงเวลามันเป็นอะไรที่เป็นอุปสรรคเหมือนกันนะ แต่มันก็เป็นอุปสรรคเฉพาะกับคนที่ไม่คิดจริงจังเท่านั้นแหละ คนที่เขารักกันจริง ระยะทางเป็นเรื่องจิ๊บๆ มาก เชื่อว่าความจริงจังของไอ้ยักษ์ทุกคนคงเห็นแล้วเนาะ ก็ซื้ออพาร์ทมเม้นต์ทิ้งไว้ให้เมียที่ไทยแล้วอ่ะ ทุ่มป้ะล่ะ 555555

แต่ทีนี้เอเลี่ยนน้อยยังไม่รู้เรื่องคืนก่อนไง ถ้ารู้นี่ระแวงไอ้ยักษ์ไปสิบตลบ ไอ้ยักษ์มันเลยอุบเงียบ ไม่บอก เพราะถ้าบอก แมทวื่อวึงแน่ๆ แหม๊ จะบอกได้ไง ก็มันคิดจะทำผิดต่อแมทอ่ะะะ เลวววว เชอะะะ ต้องคอยดูไอ้ยักษ์ไว้ละ ว่าจะแผลงฤทธิ์เจ้าชู้ที่ไหนรึเปล่า

เออ ตอมเคยอ่านเจอในกระทู้พันทิป มีบางคนคิดว่าฝรั่งไม่เจ้าชู้ ฝรั่งเขาชัดเจนกว่าคนไทย เขาไม่หลายใจหรอก อู้ววว ไม่รู้นะ แต่ละคนเจอมาไม่เหมือนกันมั้ง แค่จะบอกว่า ฝรั่ง ก็คนนะ แค่ต่างเชื้อชาติกันเท่านั้น แต่นิสัยและสันดานไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าเป็นคนไทยหรือฝรั่งป้ะ ตอมก็ไม่ได้มีประสบการณ์ตรงกับฝรั่งขนาดนั้น แต่เพื่อนสนิทตอมนางคุยกับหนุ่มฝรั่งเยอะมากกก ตอมก็ได้คุย ได้รู้จักจากการเขามาจีบเพื่อนเราด้วยส่วนหนึ่งนี่แหละ

ตอนหน้าส่งยักษ์กลับอมริกาแล้ว ฮือออ น้องแมทต้องเหงาอีกละ เพิ่งอยู่กับผัวได้แค่สองอาทิตย์เอง


รายละเอียดรีปริ้นอ่านได้ที่เพจเฟซบุีคนะคะ บอกไว้เผื่อมีบางคนสนใจค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-11-2015 11:13:51
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2015 11:40:16
พ่อบุญทุ่ม หวงขนาดหนัก จะจากกันนานก็ระวังตัวระวังใจตัวเองด้วยนะวิคเตอร์ อย่าทำอะไรที่จะทำให้แมทเสียใจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 22-11-2015 12:37:25
ห่างกันแล้วจะเป็นยังไงเนี่ยยยย เหงาแย่เลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 22-11-2015 15:01:04
ป๋าได้อีกน่ะยักษ์ ตักตวงเต็มที่สิน่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-11-2015 16:08:36
ฝรั่งเอาจริงเฮ้ย มีการทิ้งบอดี้การ์ดคนสนิทไว้ด้วย อย่างฮา เกิดเขาหลงรักแมทน้อยทำไงเล่าวิคเท่อ
ชอบอ่านวิคเตอร์ไซด์นะ เป็นคนคิดตรงๆ พูดตรงๆ ดี  อย่าขัดสจ ไม่มีใครขัดใจเขาได้จริง
กินแมทน้อยจนอิ่มเลยงิ แต่ตอนจากกันแมทคงเศร้ามากเลย ห่วงแต่แมท คนอ่านไม่ได้ลำเอียงหรอกค่ะ จริงจิ๊ง 555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-11-2015 16:12:29
 :pig4: :hao6: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 22-11-2015 18:23:29
ยักษ์ใหญ่จะกลับแล้วววว ตอนเปิดเรื่องมาแมทน่ารักากอ่ะ หัวเราะคิกคัก น่าเอ็นดูที่ซู้ดดดด  :impress2: :impress2:
หาเคะน้อยมาเป็นเพื่อนแมทซักคนสิคะ อิอิ เอาแฟนคนที่ข้องเกี่ยวกับยักษ์ก็ได้ แมทจะได้ไม่เหงาา มโนได้อีก ถถถถถ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 24-11-2015 20:12:34
นางหลงจริงไรจริง...จัดที่จัดทางแถมด้วยกำลังพลไว้ดูแลเมีย 5555 แต่ก่อนจากก็จัดหนักกันไปตามประสาผัวเมียขาหื่น

.
.
.
กลับไปก็ทำตัวดีๆน่ะยักษ์แม่ยกแมทรอเผาแกเยอะมากกกกกกกกกก...
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-11-2015 20:32:50
ค่อยยังชั่ว ยักษ์ไม่ดีแตกทำแมทเสียใจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.18 100%} 22.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 25-11-2015 12:56:37
แมทจบเร็วๆ นะ จะได้รีบไปคุมป๋า

ห่างหูห่างตาเดี๋ยวคว้าใครมานอนกอดไม่รู้ด้วยน้าาาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษวันลอยกระทง} 25.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 25-11-2015 21:09:57



ตอนพิเศษวันลอยกระทงค่าาา เป็นตอนสั้นๆ ไม่ได้ยาวอะไรมากนะคะ แต่อยากเขียนให้อ่านเฉยๆ 55555

พอดีเล่าผ่านเบนกับบาส ก็เลยเอาลงให้อ่าน เพราะมีคนอ่านหลายคนเหมือนกันที่อยากอ่านเบนบาส แต่ยังไม่สามารถเขียนตอนยาวๆ ได้เนอะ เลยเอาตอนพิเศษสั้นๆ มาฝากก่อน ไอ้ยักษ์กับเอเลี่ยน มาแซมด้วย แถมแย่งซีนไปนิดๆ ฮิๆ ตามไปอ่านได้ที่เพจจ้าาา ลิงก์ด้านล่างนะคะ

ตอนพิเศษวันลอยกระทง (https://www.facebook.com/notes/870925599670475/)


 :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษวันลอยกระทง} 25.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-11-2015 22:52:26
เบนบาสน่ารัก เอ๊ะสรุปใครเมะใครเคะล่ะเนี่ย เดาว่าบาสเคะค่ะ ฟันธง!!
คู่นั้นมาขโมยซีนจริงด้วย แมทนี่พอดื้อน่ารักมากกกก ฝรั่งก็ห่วงแฟนมาก
มีแฟนเด็กก็ต้องปราบกันไปเรื่อยงี้ล่ะ นั่นแน่ะ จูบดูดดื่มอีก โอ้ย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษวันลอยกระทง} 25.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 25-11-2015 23:31:35
 :กอด1:เบนบาสแน่ๆ รักกันแมนๆจริงๆ แต่สารภาพว่าชอบออกสาวเหมือนแมทมากกกว่า เพราะน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ไงล่าาา  :impress2: พี่ยักษ์ถึงหวงหนัก ปากกว่าซนแต่ก็ตามใจล่ะนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษวันลอยกระทง} 25.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-11-2015 00:26:44
โธ่ แยกกันคราวนี้ นานแค่ไหนเนี่ย จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า ระหว่างพี่ยักษ์กับเอเลี่ยนน้อยใครจะออกอาการเศร้าเหงามากกว่ากันนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษวันลอยกระทง} 25.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-11-2015 06:02:55
สุขสันต์วันลอยกระทงย้อนหลังค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษวันลอยกระทง} 25.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 26-11-2015 12:33:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-11-2015 01:56:01


Only You EP.19 :: Goodbye for a moment. [30%]




“วะ… วิคเตอร์…” ผมครางเรียกชื่อเขาด้วยความรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรง สองขาหมดกำลังจะก้าวเดินต่อไป ตอนที่เพิ่งทำกิจกรรมในอ่างอาบน้ำกับวิคเตอร์เสร็จ ผมแทบสลบในอ่าง แขนขาหมดเรี่ยวแรงจะยกขึ้น เขาหยุดทำเพราะตัวเขาเองก็ปลดปล่อยจนน้ำแทบแห้ง หลังๆ ความข้นขุ่นของน้ำเขาก็เจือจางไปจนแทบจะเป็นสีใส และเขาเองก็แสดงอาการเหนื่อยหอบพอๆ กับผมที่ตาปรือ ร่างกายอ่อนปวกเปียก เห็นแบบนั้นเขาเลยหยุด ซึ่งผมแทบจะก้มลงกราบแนบอกแน่นๆ ของเขาที่ยอมพักและเปิดน้ำอุ่นนอนแช่ร่างเราสองคน



เขาจับผมนอนพิงอก สองมือช่วยนวดไปตามตัวเพื่อคลายอาการเมื่อยล้า น้ำอุ่นๆ ในอ่างช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ช่องทางที่เขากระหน่ำใส่ ท่าทางจะบวมตุ่ยไม่น้อย แต่อย่างน้อยได้น้ำอุ่นช่วยไว้เลยทำให้รู้สึกบรรเทาลงบ้าง สมกับที่เขาพูดระหว่างกำลังเข้ากิจกรรมเลยว่าผมได้คลานไปส่งเขาที่สนามบินแน่ เพราะตอนนี้ผมแทบจะคลานออกจากห้องพักแล้ว ตอนแรกผมก็ยังเดินออกจากห้องน้ำได้ปกติ แต่พอก้าวเท้าเดินมากกว่าระยะทางจากห้องน้ำไปเตียงนอน ขาก็สั่นและทำเอาเกือบทรุด ดีที่ผมเรียกเขาไว้และเขาหันมารับร่างผมไว้ได้พอดี



“ไหวมั้ย” เขาถามเสียงนุ่ม ใบหน้าเปื้อนยิ้มทะเล้น ผมส่ายหัวสีหน้าอ่อนแรง ส่งมือไปตีแขนเขาแผ่วเบาด้วยความหมั่นไส้เล็กน้อยที่เขาดูสดใสอิ่มเอิบเหลือเกิน



“ออสติน” เขาหันไปเรียกบอดี้การ์ดรูปหล่อหัวเกรียนที่ยืนรอที่หน้าห้องกับบอดี้การ์ดคนไทย ออสตินพยักหน้าแล้วเดินเข้ามาด้านในห้องพัก



“ฝากกระเป๋าที เดี๋ยวฉันจะอุ้มเขา” ออสตินพยักหน้าเพียงนิด หันไปลากกระเป๋าใบใหญ่ของวิคเตอร์และถือกระเป๋าของผมออกไปนอกห้อง ส่วนพวกพี่ๆ บอดี้การ์ดคนไทย เดินเข้ามาขนของที่จะเอาไปเก็บไว้คอนโดฯ ที่เขาซื้อไว้ พอทุกคนออกไปหมดแล้ว เขาก็ช้อนตัวผมขึ้น ผมเอียงหัวซบกับแผ่นอกเขาเหมือนคนหมดแรง



“เด็กน้อย” ว่าแล้วเขาก็ก้มลงหอมหน้าผากผมที ผมยิ้มจางๆ ให้อีกฝ่าย หันไปมองพวกคุณเบนที่เดินแบกสัมภาระออกมาพร้อมแล้วเช่นกัน



“อ้าว เอเลี่ยนน้อยเป็นอะไร” คุณเบนถามสีหน้าประหลาดใจ วิคเตอร์ยิ้มกริ่มตอบกลับไป



“เมคเลิฟหนักไปหน่อย” โอ๊ย ไม่ต้องบอกเขาตรงๆ ก็ได้ พูดแฝงความหมายน่ะเป็นมั้ย



ผมอ้าปากหวอทั้งที่แทบจะหมดแรง พอหันไปมองพวกคุณเบนก็เห็นทั้งสามคนอ้าปากหวอพอๆ กับผม สามหนุ่มเบิกตากว้างขึ้น มองกลับมาอย่างตื่นตะลึงเล็กน้อย นี่ดีนะว่าพวกบอดี้การ์ดเดินไปที่ลิฟต์แล้ว ไม่งั้นอาจมีเจ็ดแปดหวอเลยทีเดียว ส่วนไอ้คนพูดน่ะยิ้มหน้าระรื่นชื่นบาน มีการยักคิ้วไปให้ประหนึ่งว่าเป็นเรื่องเท่มาก



“ถนอมหน่อยก็ดีไอ้วิคเตอร์ แมทตัวเล็กกว่าแกเยอะนะ ช้ำในตายขึ้นมาจะทำยังไง” จากสีหน้ายิ้มแย้ม วิคเตอร์หุบยิ้มทันที ใบหน้าเปลี่ยนเป็นขึงตึง จ้องมองอันเดรแบบไม่พอใจสักเท่าไหร่



“ไอ้นี่ปากเสีย พูดเรื่องตายๆ ได้ไงวะ” มีแววกระชากอยู่ในน้ำเสียงเขา สายตาเขาทอความตื่นกลัว ตอนแรกอันเดรทำหน้างง แต่พอเขามองหน้าวิคเตอร์สักพัก เหมือนเขาจะเข้าใจว่าคงไปพูดสะกิดอะไรวิคเตอร์เข้าให้เขาเลยยิ้มเฝื่อน



“ฉันไม่ได้ความว่าจะให้แมทตาย แค่จะบอกว่าเวลาเอากันก็อย่ารุนแรงมาก” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว ส่วนผมได้แต่อึกอัก หันไปมองเบนเนดิคท์กับบาสที่ทำสีหน้าเหมือนว่าไม่รู้ไม่ชี้กับประเด็นนี้ แต่สีหน้าทั้งคู่นั้นขึ้นสีชวนให้จับผิด



“แมทก็ชอบ…” เสียงทุ้มหนักว่าอย่างคนเอาแต่ใจ



“…เนอะ แมท” เขาก้มมองผมด้วยสายตาเป็นคำถามย้ำประมาณว่า ใช่มั้ย ชอบใช่มั้ย? ผมขยับเปลือกตากว้างขึ้น หน้าทั้งใบคงแดงปลั่งไปหมด



“เอ่อ…” เดี๋ยวนะ ประเด็นนี้มันพูดได้ชิลๆ ต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้เลยเหรอ ผมต้องตอบว่าอะไรเนี่ย



“เฮ้ แกเก็บเอาไปคุยกันสองคนดีมั้ย” คุณเบนเห็นว่าผมยังอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าตอบเลยเป็นฝ่ายตัดบทให้ ผมรู้สึกโล่งอกและขอบคุณเขาเหลือเกิน ทั้งสามคนหมุนตัวเดินไปทางลิฟต์ วิคเตอร์ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด ก้าวเท้าดินตามไปช้าๆ



“นายชอบที่ฉันทำมั้ย” เขาก้มลงมากระซิบถาม ในขณะที่คนอื่นทยอยเดินเข้าไปในตัวลิฟต์ ผมหน้าร้อนผ่าว ขยับริมฝีปากตอบเสียงกระซิบ



“ก็… ก็ชอบ…” วิคเตอร์คลี่ยิ้มถูกอกถูกใจ



ชอบเฉพาะเวลาอารมณ์เขาปกตินะ เพราะถึงเขาจะทำแรงไปบ้าง แต่เขาก็ส่งอารมณ์วาบหวิวมาให้ผมได้ตอบรับเขากลับไป ให้เราไปในทางเดียวกัน คล้ายๆ กับการแสดง ที่เวลาสองตัวละครเข้าฉากด้วยกัน ตัวละครเบอร์หนึ่งส่งบท ส่งอารมณ์มาให้ตัวละครหมายเลขสอง แล้วคนที่สองก็ต่อบทกลับไปได้ถึงอารมณ์ แต่ถ้าทำรุนแรงตอนโกรธ ผมไม่ชอบเลย เพราะผมรู้สึกว่าเขาน่ากลัว แรงกระแทกระทั้นดูจะป่าเถื่อนจนร่างสะเทือนหนักหน่วง และเขาจะไม่มีการสร้างอารมณ์ร่วมใดๆ ให้ผมทั้งนั้น จะทำอย่างเดียว ไม่รู้เอาอารมณ์ (ทางเพศ) มาจากไหนทั้งๆ ที่โกรธอยู่



“…แต่บางครั้งเบาๆ หน่อยก็ดี ไม่ก็อย่ามีบ่อยนัก เดี๋ยวเครื่องผมพังขึ้นมา คุณจะอดระยะยาวนะ” วิคเตอร์ยิ้มหัวเราะเริงร่า เขาก้มลงมาหอมหัวผมดังฟอด ก้าวเท้าเดินเข้าไปในลิฟต์ที่ทุกคนยืนรออยู่ พวกออสตินลงไปพร้อมกระเป๋าล็อตแรกแล้ว ผมได้แต่ยิ้มอ่อนแรงในอ้อมอกเขา ซุกหน้าเข้าหาไออุ่นอันคุ้นเคยที่เปรียบเสมือนอกอุ่นของพ่อ แม้ปัจจุบันผมจะไม่ค่อยได้ซุกอกพ่อแบบตอนเด็กๆ เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมมีพ่ออีกคนให้ซุกอก ถึงจะพ่อคนละแบบก็เถอะ แต่ก็อุ่นคือกัน




ลิฟต์หยุดที่ชั้นสิบห้า พอประตูเปิดออกผมก็เห็นผู้หญิงสามคน หนึ่งในนั้นชะงักมองวิคเตอร์ด้วยสายตาอึ้งๆ ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเลื่อนสายตามามองผมที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ผมทำหน้างง เธอกับอีกสองคนเดินเข้าลิฟต์มาอย่างเชื่องช้าแล้วยืนหันหลังให้พวกเรา แต่สักพักผู้หญิงผมดำหน้าหมวยแต่ไม่ได้หมวยจ๋า ซึ่งก็คือคนที่มองเราสองคนเมื่อกี้ก็กระเถิบไปยืนพิงผนังลิฟต์ฝั่งขวามือ แล้วเหลือบสายตามามองทางผมกับวิคเตอร์ ผมย่นคิ้วแล้วแหงนหน้ามองไอ้ยักษ์ เขาทำสีหน้าปกติไม่ได้มีท่าทีแปลกอะไร ไม่ได้มองผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่นิด เหมือนเขาเมินเธอไปเลย แต่สายตาที่ผู้หญิงคนนั้นมองมานั้นมันทำให้ผมรู้สึกตงิดใจแปลกๆ จริงอยู่ว่าเธออาจจะเป็นแฟนคลับ แต่สายตาที่เธอมองนั้นเหมือนมีแววผิดหวังอยู่ เออ แน่สิ ถ้าเธอเป็นแฟนคลับ ก็คงต้องผิดหวังแหละที่พระเอกในดวงใจยืนอุ้มผู้ชายแบบนี้



“Is that him?” ผมได้ยินเสียงผู้หญิงผมทองกระซิบถามสาวผมดำ ส่วนสาวผมสั้นในกลุ่มยืนอยู่เงียบๆ



“Yes” เธอตอบเสียงเนือยแล้วมองหน้าวิคเตอร์ด้วยสายตาผิดหวังปนเสียใจ ผมเริ่มรู้สึกใจหวิวยังไงไม่รู้ ผมอาจจะคิดมากไป แต่ไม่แน่เธอคนนี้อาจเคยเป็นคู่ควงของเขาหรือเปล่า แล้วบังเอิญมาเจอกันที่ไทยอะไรประมาณนั้น เรื่องบังเอิญบนโลกนี้เยอะจะตายไป



ลิฟต์เปิดออกบนชั้นจอดรถของวิคเตอร์ พวกคุณเบนทยอยเดินออกไป สาวๆ กลุ่มนั้นหลบทางให้ วิคเตอร์อุ้มผมเดินออกไปเงียบๆ แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวพ้นประตูลิฟต์นั้น



“Hey, Victor.” เขาหยุดเดินแล้วเอี้ยวหลังไปมองสาวๆ ในลิฟต์ ผมยืดคอมองผ่านไหล่วิคตอร์ก็เห็นสาวผมดำมองแฟนผมด้วยสายตาเคืองแปลกๆ ใบหน้าของเธอนั้นไร้อารมณ์แต่ดูแล้วก็พอจะรู้ว่ามีความขุ่นเคืองไม่แพ้สายตาของเธอเจือจางอยู่บนหน้าสวยๆ ลูกครึ่งนั่น



“Shame on you. (เธอนี่น่าอายจริงๆ)” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่เธอพูด



“Are we heart-to-heart to call my name? (นี่เราไว้เนื้อเชื่อใจกันถึงขั้นที่คุณจะเรียกชื่อผมเลยเหรอ)” ผมเบิกตากว้างกับน้ำเสียงทุ้มต่ำราบเรียบ สาวผมดำยืนตะลึงค้างอยู่ในลิฟต์ ทีแรกผมคิดว่าเธอคงออกมาอาละวาดแน่ๆ แต่พอเห็นสายตาเอาเรื่องของวิคเตอร์ผมก็เข้าใจทันทีว่าทำไมเธอถึงยอมล่าถอยกลับไปแต่โดยดี



“ใครเหรอครับ เธอเหมือนจะรู้จักคุณเลย” วิคเตอร์ก้าวเท้าเดินต่อไป เขาก้มมองผมนิดหนึ่ง



“ผู้หญิงที่ผิดหวังว่าฉันไม่ได้มีแฟนเป็นผู้หญิงละมั้ง” อ้อ อันนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะผมก็แอบคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่มันก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจอยู่นิดๆ แต่ก็ช่างเถอะ มันคงไม่ได้มีอะไรไม่ดีระหว่างเธอกับเขาหรอก ได้แต่หวังว่าวิคเตอร์กับเธอคงไม่ได้ไปแอบนอนด้วยกันมาสักคืนในช่วงที่อยู่ไทยเท่านั้นเอง



พวกออสตินรออยู่ที่รถตู้คันใหญ่สีดำคันเดิม พวกเบนเนดิคท์ส่งกระเป๋าให้บอดี้การ์ดคนไทยรับไปยัดไว้ใส่หลังรถ วิคเตอร์อุ้มผมขึ้นไปนั่งตรงบริเวณเบาะด้านหน้า การ์ดคนไทยขับรถหนึ่งคนนั่งหน้าสุดคู่กับออสติน การ์ดอีกสองคนเดินไปนั่งท้ายสุด ส่วนพวกเพื่อนวิคเตอร์และบาสนั่งช่วงเบาะกลางของรถ



“ยังเจ็บอยู่มั้ย” เขาก้มลงถามตอนที่รถก็กำลังเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมเพื่อมุ่งตรงไปยังสนามบิน ผมนิ่งเพื่อเช็กอาการเจ็บเสียดครู่หนึ่งก่อนตอบคำถามเขา



“กินยาเข้าไป เดี๋ยวคงจะหายแล้ว” ผมยิ้มอ่อนให้อีกฝ่าย วิคเตอร์ถอนหายใจแผ่วๆ สีหน้าเขามีความกังวลเจือปนกับความเครียดให้เห็นอยู่



“ฉันไม่อยากให้นายต้องมากินยาทุกครั้งหลังมีเซ็กส์กันเลย” เขายกมือซ้ายมาลูบหัวผมด้วยความอ่อนโยน ผมยกมือขวาขึ้นไปแตะแก้มสากเขาไว้ ส่งยิ้มละมุนไปให้ด้วย



“ไม่ได้กินทุกครั้งซะหน่อย ครั้งนี้ผมเองก็เต็มใจ เพราะผมเองก็คงคิดถึงคุณมากหลังจากคุณกลับไป” วิคเตอร์ยิ้มอ่อนโยน เอียงหน้าเข้าหาสัมผัสจากอุ้งมือของผม แต่ถึงอย่างนั้นแววตาของเขาก็ยังดูวิตกกังวล ผมลดมือลงมาจับมือเขาที่ลูบหัวผมอยู่



“เดี๋ยวผมจะออกกำลังกายบ่อยๆ จะได้มีแรงมาสู้กับคุณ โอเคมั้ยครับ” เขายิ้มขำ ส่งเสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา ก้มลงมาแช่จูบบนเหม่งผม แล้วยังเอาคางที่มีตอหนวดมาขยี้ใส่รัวๆ อีก ผมดิ้นหนี หัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย



“เล่นอะไรกันอ่ะ” เสียงของอันเดรดังมาจากเบาะด้านหลัง วิคเตอร์หยุดเอาคางขยี้หน้าผม หันไปพูดเสียงห้วนใส่อันเดร



“Don’t butt in! (อย่าสอดน่า!)” แล้วคุณเบนกับบาสก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นรถ รวมทั้งผมด้วยเช่นกัน วิคเตอร์ไม่ได้ด่าจริงจังหรอก ด่าตามประสาเพื่อนสนิทกันนั่นแหละ



“What the fuck?! This is the second time that you blame on me! (ห่าอะไรวะเนี่ย แกด่าฉันสองรอบแล้วนะ!)”



“Third time?  (เอาครั้งที่สามมั้ย)” เสียงหัวเราะจากบาสและเบนเนดิคท์ดังเริงร่า ได้ยินเสียงฟึดฟัดจากอันเดร



ผมไม่เห็นสีหน้าเขาว่าเป็นยังไง เพราะตัววิคเตอร์บังเอาไว้ แต่เดาว่าคงมุ่ยเหมือนตอนที่ผมถีบหน้าเขาในน้ำนั่นแหละ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากเบนเนดิคท์ดังต่อเนื่อง มีเสียงบาสผสมเข้ามาประปราย วิคเตอร์ยกยิ้มขำที่มุมปาก ผมออกแรงยกตัวเองโผล่หน้าไปดูอันเดรที่ทำหน้ามุ่ยอย่างที่คิด วิคเตอร์ใช้แขนประคองร่างผมไว้



“คุณหายโกรธผมเรื่องที่ผมถีบหน้าคุณในน้ำรึยังครับอันเดร” หลังจากตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้คุยและไม่ได้เจอหน้าเขาอีก เพราะหมกตัวอยู่แต่ในห้องกับวิคเตอร์ เพิ่งเจอหน้ากันจังๆ ก็ตอนจะกลับเนี่ยแหละ



“ฉันจะหายโกรธ ถ้านายตบปากไอ้วิคเตอร์เป็นการสั่งสอนให้ฉัน” ทำไมขออะไรยากจัง



ผมยิ้มแห้งไปให้พ่อหน้าเข้มผิวแทนที่มองกลับมาหน้าบึ้ง ส่วนคู่กรณีกำลังนั่งเอาจมูกคลอเคลียแก้มผมอยู่ ผมดึงหน้าออกห่างเขา วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงสงสัย



“จะตบฉันเหรอ” พ่อยักษ์หน้าหนวดถามเสียงอ่อนเสียงหวาน ทำหน้าทำตาเป็นคำถามว่าจะทำจริงๆ เหรอ



“แมท อย่าใจอ่อนนะ!” อันเดรกระตุ้นผมสีหน้าว่าไม่ยอม วิคเตอร์เบะปากทำท่าจะร้องไห้ ผมขำพรืดและทำหน้าว่าสงสารเขาเหลือเกิน



“นี่แน่ะ” ผมยกมือตีปากเขาเบาๆ แบบเบามาก เหมือนเอานิ้วไปแตะปากเขามากกว่า อันเดรร้องโวยท่าทางหัวเสียทันที



“โห ตีแค่นี้ จูบปากเลยเหอะแมท” ผมหันไปหัวเราะตาแทบหยีกับบาสที่ส่งเสียงแซวเป็นภาษาไทยขึ้นมา อันเดรชี้หน้าผมและบอกเสียงดังเลยว่าไม่ยกโทษให้เรื่องที่ผมเอาตีนถีบหน้าเขา



“I hate you both! I can tell! (ฉันเกลียดนายทั้งสองคนมาก บอกได้เลย!)” ผมหัวเราะไปพร้อมกับเบนเนดิคท์และบาส อันเดรกอดอกแน่น ขมวดคิ้วฉับแล้วหันหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่าง



“มันบ้า…” เสียงนุ่มทุ้มดังที่ข้างหู วิคเตอร์ส่ายหัว แต่ริมฝีปากเขาก็มีรอยยิ้มประดับอยู่



ผมเปลี่ยนมานั่งพิงอกวิคเตอร์ไปตลอดทาง เอามือถือขึ้นมากดเล่นเกมส์ ส่วนวิคเตอร์นั่งจิ้มมือถือด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนเขากำลังแชทกับใครสักคน แต่ดูท่าแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหัวเสียอยู่มากโข เพราะสีหน้าเขาเหมือนอยากจะอาละวาดใส่ใครสักคน



“Stupid idiot! (งี่เง่าชิบหาย!)” เขาสบถหัวเสีย และเริ่มเร่งจังหวะในการพิมพ์โต้ตอบมากขึ้น ผมเห็นว่าเขาต้องเบี่ยงตัวพิมพ์เลยลุกออกจากตักเขาเพื่อจะไปนั่งเบาะอีกตัว เขาหยุดพิมพ์แล้วหันมามองทั้งที่หน้าตายังโมโหโกรธาอยู่



“คุณจะได้พิมพ์สะดวกๆ ไงครับ” เขาไม่ท้วงให้ผมกลับไปนั่งตักต่อ ก้มหน้ากลับไปพิมพ์ต่ออย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าจะพิมพ์โต้ตอบอีกฝ่ายไม่ทัน



พอเห็นเขาทำหน้าเครียด สลับกับสบถก่นด่าคำหยาบเป็นพักๆ ผมก็เลยหยุดเล่นเกมส์ ไม่มีสมาธิจะเล่นแล้ว ตอนนี้จดจ่ออยู่กับสีหน้าท่าทางของเขาที่ท่าทางจะอารมณ์เสียกับทอปปิคที่กำลังแชทอยู่ไม่น้อย เขาขบกรามแน่น เหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในอก มือกำโทรศัพท์แน่น ตั้งท่าจะขว้างมันลงพื้นรถ ผมรีบคว้ามือเขาไว้ เขาหันมามองใบหน้าตึงเครียด



“ใจร้อนเรื่องอะไร บอกผมได้มั้ย” เขานิ่งเงียบไม่ตอบ จ้องมองผมด้วยสีหน้าเดิม แต่มือที่กำลังจะปาโทรศัพท์ค่อยๆ ลดลงมา ผมดึงมือถืออกจากมือเขาเอามาเก็บไว้กับตัว



“ถ้าคุณขว้าง มันจะพัง แล้วรูปผมที่คุณแอบถ่ายไว้มันจะหายไปนะ” ผมเอียงคอมองแล้วส่งยิ้มอ่อนไปให้ วิคเตอร์กระตุกยิ้มทั้งที่ใบหน้ายังตึงเครียดอยู่



“ถ้าอยู่กับมันแล้วเครียด ก็ห่างมันสักพักก่อน” ผมบอกเสียงเบา บีบมือเขาหนักๆ เพื่อให้เขาเย็นลงบ้าง วิคเตอร์มีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น เขาเอามือซ้ายลูบหน้าหนึ่งที



“ช่างเถอะ” ถึงผมจะอยากรู้ (มาก) ว่าเขาเป็นอะไร แต่ถ้าเซ้าซี้มากไป เขาคงเอาระเบิดมาลงที่ผมแทนคนในแชทแน่ๆ ถ้าเขาอยากเล่า เดี๋ยวเขาคงหาจังหวะพูดเอง ไม่ก็ ผมจะลองหาจังหวะถามเขาดูอีกที (ยังคงไม่ละความพยายามในการเผือก)



เขานั่งนิ่ง สีหน้ากับแววตาครุ่นคิดไปตลอดทางจนถึงสนามบิน เขาจับมือผมไว้ไม่ปล่อย บางครั้งก็ถอนหายใจแรง ผมกำลังเดาในใจว่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผมและเขา เพราะเท่าที่รู้มาเรื่องเราสองคนที่เป็นกระแสในโซเชียลตอนนี้ มันไปถึงสื่อต่างประเทศบางสื่อแล้ว และผมคิดว่าอีกไม่นาน คงจะเริ่มแพร่กระจายไปเรื่อย ส่วนกระแสในไทย ผมปัดสิ่งไม่ดีทิ้ง ขอรับแต่สิ่งที่ดี คนเราคอมเม้นต์ วิพากษ์วิจารณ์ได้ตามใจ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใจนั้นจะต่ำหรือสูงเท่านั้นเอง



“You look bad. (คุณดูไม่โอเคเลย)” ผมพูดกับเขาเสียงเบาตอนที่รถตู้จอดเข้าเทียบกับประตูทางเข้าสนามบินประตูหนึ่ง โดยมีเจ้าหน้าที่ของสนามบินคอยอำนวยความสะดวกให้ น่าจะเป็นเพราะทางทีมงานฟิล์มของไทยแจ้งเรื่องมาว่าขอจอดในโซนห้ามจอด



“Yes.” เขาตอบรับเสียงเบา ประตูรถเปิดออก ผมกับวิคเตอร์เดินลงไปก่อน คนที่เหลือก็เดินตามลงมา คุณเบนหันมาสังเกตสีหน้าวิคเตอร์ แต่ก็ไม่พูดอะไร คงเพราะเห็นว่าเขายืนจับมือผมอยู่ วิคเตอร์เหมือนจะกำลังจมกับความคิดอะไรบางอย่าง เขาทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันก่อนที่ผมจะกลับ ที่เขามักจะนิ่งเงียบและครุ่นคิดเรื่องราวมากมายในหัวเขา และจากการคาดเดาที่ไม่น่าพลาด มันต้องมีเรื่องผมผสมอยู่ในนั้นแน่ๆ



“เอกสารสำหรับเช็กอินครับ” ผมหยิบตั๋ว บอร์ดดิ้งพาส พาสปอร์ตขึ้นมาให้เขาจากกระเป๋าเป้ วิคเตอร์ยื่นมือมารับ เราก้าวเท้าเดินตามพวกคุณเบนที่เดินคุยกันเฮฮานำหน้าไปก่อน



“เดี๋ยวก่อนครับ…” ผมฉุดมือเขาให้หยุด วิคเตอร์หันมาเลิกคิ้วขึ้นทั้งที่ใบหน้ายังตึงอยู่ ผมกวักมือให้เขาก้มลงมาหา เขาก็ทำตามแต่โดยดี ผมยื่นหน้าไปจูบหน้าผากเขาแผ่วเบาแล้วผละออก วิคเตอร์ดูอึ้งไปนิด แต่แล้วเขาก็คลี่ยิ้มน้อยๆ แทนที่ความเครียดบนใบหน้า



“แบบนี้หล่อกว่าเยอะเลย” ผมยิ้มนุ่มนวล วิคเตอร์เริ่มคลี่ยิ้มกว้างขึ้น เขายกมือขวาขึ้นมาโยกหัวผมเบาหวิว แล้วก็ก้มลงมาจูบขมับผมหนึ่งที



“ขอบ ขุ่น คั๊บ” เขาออกเสียงภาษาไทยด้วยสำเนียงแปร่งปร่า ผมยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู หยิบหมวกแก็ปสีดำของเขาจากกระเป๋าเป้ขึ้นมาสวมให้เขาเพื่อปกปิดใบหน้า (อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง) อีกฝ่ายยิ้มกว้างตอบกลับมา เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินจูงมือผมตามทุกคนไปในสนามบิน


 :katai5:


ขออภัยที่มาสั้นๆ เบาๆ  แต่แค่นี้ก็หวิวๆ ใจไปกับนุ้งแมทแล้น ผู้หญิงที่เคยเกือบได้แอ้มผัวตัวเองมายืนร่วมลิฟต์โดยที่น้องไม่รู้เรื่องเลย T.T กร๊าซซซ

เดี๋ยวก็ต้องห่างกันละ TOT นึกถึงเพลงปาล์มมี่ที่บอกว่า เพราะว่าใจ... กลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกันจาก...ไป  :mew2:

ใครมีผัวแบบไอ้ยักษ์ต้องมีกลัวใจกันบ้างสักนิดสักหน่อยละนะ เฮอะ! แต่ยังหวานกับน้องอยู่ ให้อภัย

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะ วันเสาร์นี้จะเปิดเรื่องใหม่แล้วนะ ติดตามความเคลื่อนได้ที่เพจหรือทวิตนะคะ คริๆ


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-11-2015 02:17:45
หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะ หวานกันแล้วก็ต้องหวานกันให้ตลอด อย่าได้มีเรื่องอะไรมากระชากอารมณ์กันเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 27-11-2015 03:26:19
เฮ้ออออออ ห่างกันจะเป็นยังไงเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 27-11-2015 06:09:42
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าน้องแมทรู้.... :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: G-love ที่ 27-11-2015 07:23:30
ผู้หญิงคนนั้นแชทมาใช่ไหมมมม หวังว่าคงไม่มีปัญหากันน่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-11-2015 07:26:27
วิคน่าจะสารภาพบาปไปนะ เผื่อนังผญมาก่อกวนแมท(มั้ง)


ว่าแต่ในแชทเถียงกะใครล่ะนั่น?
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-11-2015 09:25:49
ยังไม่ทันบิน ปัญหาเริ่มมาแล้ว เอาแล้วไงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-11-2015 12:25:39
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-11-2015 14:17:11
แมทนี่ของนางแรงจริงขนาดว่านางสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างระหว่าผัวนางกะชะนีนางนั้น 555 ระวังไว้นะวิคเตอร์  อย่าลืมว่าพลาดเมื่อไหร่แม่ๆช่วยกันเหยีบซ้ำ เพราะฉนั้นทำตัวดีๆอย่ามีปัญหา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 27-11-2015 17:38:00
จะมีเรื่องอะไรมั้ยน้ออ :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 27-11-2015 20:25:00
มีแววดราม่ามาเลย สงสารแมทท เราจะเอาอดัมมาปกป้องแมทเองถ้าอีพี่ยักษ์คิดเลว!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 27-11-2015 22:02:00
ดราม่าอะไร ดูจะหนัก ปกติวิคเตอร์ค่อนข้างดอนท์แคร์กับทุกสิ่ง กังวลแทนน้องแมทเลยเนี่ย
จัดหนักจนน้องแทบเดินไม่ได้ ชอบตอนวิคเสียความมั่นใจว่าแมทชอบที่ตัวเองทำรึเปล่า
ตอนแมทตบปากเบาๆ นั่นด้วย น่ารัก เอเลี่ยนน้อยน่ารักมาก สู้ๆ นะน้องแมท #ทีมน้องแมท

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 27-11-2015 22:08:13
น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-11-2015 23:13:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 28-11-2015 11:07:24
จะดราม่ามั้ย ฮรือออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 30-11-2015 11:53:16
กลิ่นมาม่าลอยมาตุๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 30%} 27.11.58::
เริ่มหัวข้อโดย: snook24062 ที่ 30-11-2015 21:19:08
สนุกมากค่ะ. มารอทุกชั่วโมงเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-12-2015 00:31:43

Only You :: EP.19 [70%]



วิคเตอร์ผ่อนคลายท่าทีตึงเครียดนั้นลงไปเยอะ พอเห็นเขายิ้มได้ ผมก็รู้สึกสบายใจตามไปด้วย แม้จะยังไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุจริงๆ ของใบหน้าคร่ำเครียดนั่น แต่ตอนนี้เขากลับมาปกติแล้ว ผมก็เลยไม่อยากไปคนน้ำให้ขุ่นอีก


“เดินไหวรึเปล่า” เขาหันมาถามเพราะเห็นว่าผมเดินขาถ่างแปลกๆ คือมันยังรู้สึกเสียดนิดหน่อย แต่ไม่ได้หนักหนาถึงขั้นอยากจะรู้สึกคลานเหมือนตอนที่เดินออกจากห้องพักที่โรงแรมแล้ว


“ไหวครับ แค่ยังเดินขาชิดกันมากไม่ได้”


“นายเดินเหมือนเป็ดเลย” เขาว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ผมแกล้งมองเขม่น อีกฝ่ายหัวเราะชอบอกชอบใจ มีการเอามือเท้าเอวแล้วทำท่าตีปีกผับๆ ล้อเลียนผมด้วย ผมยื่นหน้าไปกัดเนื้อที่แขนเขาด้วยความคันเขี้ยว ไม่ได้กัดแรงอะไร แค่กัดเพราะหมั่นไส้เล็กๆ น้อยๆ


“วิคเตอร์ รีบไปเช็กอินเร็ว” เบนเนดิคท์หันมากวักมือเรียก เราสองคนเลยรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปหากลุ่มตัวเอง รอบตัวผมมีหลายคนที่มองมาทางวิคเตอร์อย่างสนใจ แต่หลายๆ สายตาก็มองเหมือนจะไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่เพราะหมวกที่ปิดยังใบหน้าเขาอยู่ แล้วก็มีคนที่มองผ่านเลยไปแบบไม่ใส่ใจ ได้แต่หวังว่าคนที่จ้องๆ มองๆ เขานั้นคงไม่มีใครยกพวกกรูเข้ามาหาเขาหรอกนะ ขอให้พวกเขายังคงไม่มั่นใจกันต่อไปจนกระทั่งวิคเตอร์ขึ้นเครื่องนั่นแหละ


พวกออสตินยืนอยู่กับกระเป๋าเดินทางของพวกวิคเตอร์ ผมรู้สึกขอบคุณพวกเขามากที่ไม่ได้ใส่ชุดสูทสีดำตามแบบฉบับของบอดี้การ์ดมาที่สนามบินวันนี้ พวกเขาใส่ชุดลำลองสบายๆ เหมือนเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป วิคเตอร์เดินไปเช็กอินกับพวกเบนเนดิคท์ที่เค้าน์เตอร์ของสายการบิน ผมยืนรออยู่กับบาสและพวกการ์ด กำลังยืนคุยเรื่องหาที่นั่ง


“พี่แมทคะ…” เสียงเรียกดังมาจากด้านข้าง ผมหันไปมองก็แอบตาโตนิดหน่อยที่เห็นกลุ่มน้องผู้หญิงกลุ่มใหญ่สิบกว่าคนยืนส่งรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้ ผมทำหน้าเหลอหลาใส่พวกเธอเล็กน้อย


“คะ… ครับ” ผมกำลังงงว่าน้องพวกนี้เป็นใคร พวกเธอเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังงงอยู่เลยมีคนหนึ่งเปิดปากอธิบายขึ้นมา


“พวกหนูเจอกับพี่ที่วัดอะค่ะ แล้วที่บอกว่าจะขอตามมาส่งพี่วิคเตอร์กลับอเมริกาด้วย” ผมนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทำหน้าเก็ท ส่งยิ้มให้พวกน้องๆ และบอกว่าวิคเตอร์กำลังไปเช็กอินอยู่ อีกสักพักคงมา แอบขอร้องกับน้องๆ ว่าอย่าทำอะไรตื่นตูมมากนัก เพราะวิคเตอร์ไม่อยากวุ่นวาย ซึ่งทุกคนก็น่ารักมาก รับปากกันอย่างดี


“เดี๋ยวนี้มีแฟนคลับแล้วด้วย” บาสแซวยิ้มๆ ผมยิ้มเคอะเขิน


“ของวิคเตอร์ทั้งนั้นอะ”


“ก็ของแมทด้วยอะแหละ พวกน้องเขาคงชอบที่แมทคบกับวิคเตอร์ไง” ผมยิ้มเผล่ ไม่รู้จะพูดจะตอบอะไรดี พวกน้องๆ ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปในจังหวะที่ผมไม่ได้มอง ผมไม่เคยมีคนมาตามถ่ายรูปแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง ต้องหันไปยิ้มตลอดมั้ยหรือทำตัวปกตินะ


“เฮ้ย เกร็งหมดแล้ว ทำตัวตามปกตินั่นแหละ” ไม่รู้ว่าบาสได้ยินสิ่งที่ผมคิดหรือว่ายังไงเขาเลยพูดออกมาเหมือนให้คำตอบกับคำถามที่ผมนึกขึ้นในหัว ผมพยักหน้าหงึกหงัก พยายามทำตัวตามปกติ ไม่ได้หันไปมองกล้อง แต่ก็แอบคิดว่าพวกน้องเขาจะคิดว่าผมเมินหรือเปล่า คือไม่ได้เมินนะ แต่ปั้นหน้าไม่ถูกจริงๆ


“บาส ได้คุยกับเอิร์ทมั่งมั้ย” บาสกำลังจะอ้าปากตอบ แต่พอผมเห็นวิคเตอร์เดินมาเลยเบรกเขาเอาไว้ก่อน บอกเขาว่าค่อยคุยกันทีหลัง เสียงรัวชัตเตอร์ดังเร็วๆ กว่าเดิมเมื่อวิคเตอร์ก้าวเท้าตรงมาทางผม  เขาเหลือบสายตาไปมองกลุ่มน้องผู้หญิงแวบหนึ่ง มีแววบึ้งตึงปรากฏบนใบหน้าเขา แต่ก็ถูกสลัดทิ้งออกไป


“อีกสี่สิบนาที” เขาพูดถึงเวลาที่เหลือในการรอขึ้นเครื่อง ผมพยักหน้ารับ รู้สึกใจแกว่งวูบไหวไปมาเบาๆ แต่ก็ยังไม่ได้มากมายอะไร


“ตรงนู้นมีที่นั่ง ไปนั่งกันเถอะ” เขาชี้ไปที่เก้าอี้โซนหนึ่งที่ว่างพอสำหรับพวกเราทุกคน เขากำลังจะเดินไป แต่ผมดึงชายเสื้อเขาเอาไว้ก่อน


“ถ่ายรูปกับพวกเขาหน่อยนะ พวกเขาอุตส่าห์มาส่ง”


“ฉันไม่ได้ขอ” ผมถลึงตาใส่เขาแทบไม่ทัน ดีนะเขาไม่ได้พูดดังมาก ผมทำสีหน้าขอร้อง วิคเตอร์ถอนหายใจแรงมาก แต่ก็ยอมให้ถ่ายรูป ผมยิ้มแป้นหันไปหาพวกน้องๆ แล้วบอกว่าให้มาถ่ายรูปกับเขาได้ แต่ขออย่ารุม ทุกคนให้ความร่วมมือดีมากด้วยการเข้าไปถ่ายทีละคนหรือสองคนบ้าง


“พี่แมทเข้าไปด้วยสิคะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง พวกน้องๆ ส่งเสียงอือออกันยกใหญ่ ผมเดินเข้าไปยืนข้างน้องผู้หญิงคนหนึ่ง แต่น้องเขาก็จับให้ผมไปยืนข้างวิคเตอร์ แล้วเขากับเพื่อนก็ยืนประกบกันคนละฝั่ง ผมแทบจะยิ้มไม่เป็น เพราะไม่รู้ว่าต้องยิ้มแบบไหน ส่วนวิคเตอร์นั้นแค่ยกมุมปากนิดเดียวเท่านั้นเอง


“ครบทุกคนยังครับ” ผมถามหลังจากยิ้มจนเริ่มปวดแก้มตุ่ยๆ


“ครบแล้วค่ะ เดี๋ยวพี่แมทไปนั่งก่อนก็ได้ พวกหนูยืนอยู่ใกล้ๆ แถวนี้แหละ” ผมกล่าวขอบคุณและส่งยิ้มให้พวกน้องๆ หันไปบอกวิคเตอร์ว่าให้เดินตามไปนั่งกับพวกคุณเบน ออสตินที่ยืนรอพวกเราถ่ายรูปเดินตามหลังมา


“ฉันพลาดมากจริงๆ ที่อนุญาตให้พวกนั้นมาได้” เขานั่งลงข้างอันเดรพร้อมบ่น ผมนั่งลงข้างๆ เขา แอบหันไปมองออสตินที่นั่งอยู่ฝั่งติดกัน ข้างเขานั้นมีพี่การ์ดคนไทยคนหนึ่งนั่งอยู่ ส่วนอีกสองคนพี่แกไปนั่งตรงข้ามกับผมและวิคเตอร์


“เขาก็แค่อยากมาส่งคุณเท่านั้นเอง” ผมว่าเสียงอ่อย เอาจริงตอนนั้นที่พวกน้องเขาขอ ถ้าปฏิเสธไป น้องเขาก็คงรู้สึกแย่อยู่ไม่น้อย


“ฉันอยากใช้เวลากับนายสองคนเยอะๆ น่ะเข้าใจมั้ย” ผมย่นคิ้วกลับไปให้เขา


“สองคนตรงไหน คนเดินเต็มสนามบินขนาดนี้” วิคเตอร์มองผมตาปรือ  ริมฝีปากบิดคล้ายว่าเซ็งมาก


“ฉันเพี้ยนเอง”อะไรของเขา ผมพูดผิดตรงไหนเนี่ย ก็สนามบินคนเดินยั้วเยี้ยอย่างกับหนอนในโหลปูนาดองขนาดนี้ จะมาว่าใช้เวลาสองคนได้ไง เอาแค่ในกลุ่มเรากับบอดี้การ์ดนี่ก็เกินสองคนแล้วนะ เขามองหน้าผมแล้วยกมือมาผลักหัวเบาๆ เหมือนกับกำลังหมั่นไส้หรือมันเขี้ยวไม่รู้ แต่น่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า จังหวะนี้แหละต้องรีบสอด


“นี่ แล้วคุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า” วิคเตอร์ถอนหายใจทิ้งอีกที เขาบิดตัวมาหาผม หันหลังให้อันเดรที่กำลังนั่งคุยกับคุณเบนอยู่ ส่วนบาสไปนั่งเล่นมือถือข้างๆ พี่การ์ดคนไทยอีกสองคนที่ฝั่งตรงข้าม


“ฉันเพิ่งมีโฆษกประจำตัว…” เขายักคิ้วเบื่อๆ หนึ่งที


“…เธอไม่ค่อยพอใจข่าวระหว่างเราสองคน และต้องการให้ฉันกลับไปคุยให้รู้เรื่อง” สายตาที่มองมานั้นมีแววจริงจังและความกังวลผสมปนกันไป


“กลับไปคุณก็ไปคุยกับเธอสิครับ” ใบหน้าเขาเครียดขึ้นชัดเจน เห็นแบบนั้นผมเองก็เริ่มใจเต้นหนึบๆ ขึ้นมา เพราะไม่ใช่ผมจะเดาไม่ออกว่ามันจะมีประเด็นอะไรเกิดขึ้นบ้าง อย่างที่ผมบอกเขาวันที่เขามาหาผมที่มหาวิทยาลัยนั่นแหละ ยังไงซะสิ่งที่เขาทำย่อมส่งผลกระทบกับเรื่องงานเขาอยู่แล้ว


“ฉันกลับไปคุยแน่ เพราะฉันจะไม่ยอมทำตามที่เธอบอกหรือใครบอก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม” น้ำเสียงเขามีความฉุนเฉียว พอๆ กับสีหน้าและแววตาเขาที่บอกว่าฉุนกับเรื่องนี้มากพอสมควร


“เขาให้คุณทำอะไรเหรอ” วิคเตอร์ขบกรามแน่น


“เป็นเรื่องปัญญาอ่อนอีกหนึ่งเรื่องที่ฉันเคยเจอในชีวิต…” แววตาเขาขุ่นเคืองอย่างชัดเจน มือซ้ายเขากำหมัดแน่น ผมรีบดึงมือเขามาแกะหมัดออกแล้วจับเอาไว้ ผมไม่อยากให้เขาทำท่าทางพร้อมกระทืบใครสักคนอย่างนี้เลย


“…พวกนั้นอยากเพิ่มกระแสคู่พระนางของฉันกับชารอน” ใจผมกระตุกไปนิด พอจะเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะสื่อ เขาคงไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่กำลังพูดให้ผมเข้าใจได้โดยที่ไม่ตกใจหรือรู้สึกแย่มากนัก


“เพื่อกลบข่าวผมสินะครับ” เขาสบตาผมนิ่ง เหยียดริมฝีปากดูถูกพอๆ กับแววตาที่แสดงออกว่าไม่ชอบใจกับแนวคิดนี้สักเท่าไหร่


“ฉันไม่ได้ไม่ชอบชารอนหรอกนะ เพราะเธอก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่ฉันรำคาญวิธีคิดของยัยโฆษก” ท่าทางเจ๊โฆษกคนนี้ต้องดีกรีไม่ธรรมดา ชักอยากจะเจอหน้าสักครั้ง


“แต่คุณชารอนเธอมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ”


“ตรงนั้นมันไม่สำคัญหรอก ทางค่ายขอแค่ให้ฉันกับเธอมีโมเม้นต์ต่อกันมากๆ หน่อยตามที่แฟนคลับเขาชื่นชอบ” เขาทำหน้าคล้ายว่าเบื่อ


“ผมว่ามันก็ไม่แปลกนะ…” วิคเตอร์ย่นคิ้วแน่นมองผม


“…คือผมว่าไอ้เรื่องเคมีระหว่างพระนาง มันก็จำเป็นต่อหนังเหมือนกัน เพราะมันจะช่วยทำให้หนังน่าดูมากยิ่งขึ้น” ไม่ว่าประเทศไหนก็มีคู่จิ้นทั้งนั้น เพราะกระแสคู่จิ้น คู่เคมีเข้ากันมันจะเป็นอีกอย่างที่ช่วยทำให้ละคร ซีรีส์หรือภาพยนตร์มีจุดโดดเด่นน่าชม ผมก็มีภาพยนตร์ชุดอย่างที่วิคเตอร์กำลังเล่นชื่นชอบอยู่หนึ่งเรื่อง ผมก็ชอบโมเม้นต์ของพระนางคู่นั้นนะ เพราะรู้สึกว่าเขาเข้ากันทั้งในจอและนอกจอ ยิ่งทั่งคู่โสด แฟนคลับก็ยิ่งจิ้นกันยกใหญ่ ถึงขั้นเอาชื่อของสองคนนั้นมารวมกันเป็นแอคเค้าน์อินสตาแกรม (ส่วนมากจะอยู่ในไอจี)


“ฉันก็ทำให้ได้นะ แต่ฉันไม่อยากทำ ให้ไปเสแสร้งแสดงความรักต่อกันเนี่ยนะ” เขาขมวดคิ้วแน่น หน้าตาเหลือเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองพูด แม้เขาจะเป็นนักแสดง แต่วิคเตอร์เป็นคนแบบนี้ ที่ไม่ชอบเสแสร้งแกล้งทำ คิดอะไร รู้สึกอะไร เขาก็แสดงออกตรงๆ ตามนิสัยฝรั่ง และตามนิสัยส่วนตัวของเขาเอง


“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ คุณก็แค่เล่นไปตามบท ถ้านอกบทอาจมีมุมให้แฟนคลับได้มีพื้นที่จินตนาการต่อนอกเหนือจากบทหนังบ้าง” ผมบอกตามที่ตัวเองเคยอยู่ในฐานะของแฟนคลับคู่จิ้นภาพยนตร์ต่างประเทศมาก่อน (หนังที่ผมชอบจบไตรภาคแล้ว) คู่ที่ผมชอบเขาก็มีโมเม้นต์นอกจอเล็กๆ น้อยๆ ให้แฟนคลับได้ชื่นใจ แต่พวกเขาก็วางตัวดีมาก ไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อ พอแฟรนชายส์ของหนังจบไป ทุกอย่างก็นิ่งสงบ ผมว่าเรื่องแบบนี้มันจะเป็นกระแสหนักๆ ก็ตอนที่หนังยังฉายและช่วงที่ยังถ่ายทำไม่เสร็จนั่นแหละ แต่ขอบอกเลยว่า แฟนคลับมโนจิ้นพวกนี้ ค่อนข้างหัวรุนแรงพอสมควร 


“นายไม่หึงรึไง” เขายังคงขมวดคิ้วไม่คลายออก ผมเลยต้องยกนิ้วโป้งซ้ายไปกดนวดตรงระหว่างคิ้วเขา


“ก็คงหึงถ้ามันมากไป แต่ถ้าอะไรที่มันอยู่ในกรอบ เป็นเรื่องงาน ผมก็เข้าใจได้ มันอยู่ที่คุณว่าจะทำให้ผมไว้ใจคุณได้มากน้อยแค่ไหน” ผมดึงมือออกเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มคลายปมคิ้วออกจากใบหน้า


“แต่ฉันไม่อยากทำแบบนี้ มันช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอก ยังไงสักวันคนก็ต้องรู้เรื่องนายกับฉัน”


“แต่มันคงไม่ใช่ทุกคนในตอนนี้ ทางค่ายหนังเขาคงเห็นว่าตรงนี้มันยังช่วยพยุงภาพลักษณ์คุณได้ เขาคงอยากช่วย และเอาจริงๆ เขาก็คงอยากช่วยภาพลักษณ์หนังเขาด้วย” พระเอกเรื่องนี้เป็นผู้ช้าย ผู้ชาย คือเตะ ต่อย โหด ห่าม แต่ไม่เถื่อน ถ้าเกิดชีวิตจริงคนสวมบทดันมีแฟนเป็นผู้ชาย บางทีมันก็อาจไปทำลายภาพลักษณ์ตรงนั้นก็เป็นได้ แม้ในฮอลลีวูดจะยอมรับกับนักแสดงที่เป็นเกย์* ว่าสามารถสวมบทบาทได้หมด แต่กรณีวิคเตอร์มันเกิดแบบปุบปับมากไป ถึงจะมีข่าวชวนระแคะระคายก่อนหน้านั้น แต่มันก็ไม่ชัดเจน ยิ่งก่อนที่เขาจะมาหาผมที่ไทย เขาก็มีข่าวกับอันเดรียนา แล้วไหนจะมีการกระพือข่าวว่าเขากับชารอนอาจจะเดตกันจริงๆ นั่นยิ่งทำให้ภาพลักษณ์เขายังไม่ชัดเจนว่าชอบเพศไหนกันแน่ คิดว่าเจ๊โฆษกคนนั้นคงอยากต่อยอดกระแสและทำให้ภาพลักษณ์เขานิ่งให้ได้ละมั้ง

(*เกย์ในที่นี้รวมถึงนักแสดงหญิงที่เป็นเลสเบี้ยนหรือทอมหรือดี้ด้วยนะคะ)


“ฉันอยากยกเลิกสัญญานะ แต่ติดตรงที่ฉันก็อยากเล่นเรื่องนี้ให้นายดู” ผมอดจะยิ้มเขินผสมกับยิ้มดีใจไม่ได้ที่เขาอยากเล่นเรื่องนี้เพราะผม คือผมชอบนิยายเซ็ทนี้มากจริงๆ เคยวาดฝันว่าถ้ามันเป็นหนังใหญ่ต้องสนุกมากแน่ๆ แล้วตอนนี้คิดดูสิว่าแฟนตัวเองเล่นเป็นพระเอก เวลาไปดูในโรงภาพยนตร์คงยิ้มหน้าบานพอๆ กับจานดาวเทียมขององค์การนาซ่า


“อย่ายกเลิกเลยครับ แล้วก็อย่าคิดว่าเล่นให้ผมดูอย่างเดียว มันคือโอกาสที่ดีของคุณ” เขายิ้มอบอุ่นกลับมา ดึงมือผมที่จับขึ้นไปจุ๊บตรงหลังมือ


“เดี๋ยวฉันกลับไปคุยเอง”


“อย่าวู่วามนะครับ จะพูดอะไรก็คิดดีๆ เรื่องคุณกับคุณชารอน ถ้ามันอยู่ในขอบเขตของงาน ผมเข้าใจ แต่ถ้ามันเกินกว่านั้นล่ะก็…” ผมรี่ตามอง ยกอีกมือขึ้นมาทำรูปปืน แล้วเล็งใส่เป้าเขา ทำท่ายิงหนึ่งที วิคเตอร์แกล้งทำสีหน้าเจ็บปวด เอามืออีกข้างกุมเป้าเอาไว้ ก่อนจะหัวเราะติดตลก


“จะทำร้ายยักษ์น้อยได้ลงคอเหรอ” เขาหัวเราะเสียงทุ้มและก้มลงหอมกลางกระหม่อมดังฟอด พอถอนจมูกออกไปก็ส่งยิ้มกว้างมาให้ ผมยิ้มแฉ่งตอบกลับไป
   

ผมบอกกับตัวเองว่า ต้องเชื่อมั่น เชื่อใจในตัวเขา แม้เขาอาจจะมีพฤติกรรมที่ทำให้เชื่อใจยากสักหน่อย แต่อย่างน้อยเหตุการณ์เมื่อตอนที่ผมเคยขอเขาว่าอย่ามีใครก่อนผมกลับนั้น เขาก็ไม่มีจริงๆ ไม่ได้ออกไปแอ้มใครที่ไหน ไม่ได้หนีบใครมาบ้าน หรือไปนอนกับใครตามที่สัญญากับผมไว้ และแม้ว่าสองอาทิตย์ที่ไทยอาจจะสั้น ผมก็ไม่เคยเห็นเขามองผู้หญิงที่ไหนเลย ไม่ได้มองในที่นี้ไม่ใช่ว่าเมิน ไม่สนใจ ประมาณว่า แฟนกูเป็นผู้ชายแล้ว กูไม่สนใจผู้หญิงหรอก มันไม่ใช่แบบนั้น คือวิคเตอร์ก็ยังเป็นผู้ชาย เห็นผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ เขาก็มองไปเรื่อย แต่เขาไม่ได้มองด้วยสายตาหยาดเยิ้ม หรือในเชิงชู้สาว ซึ่งอันที่จริงช่วงเวลาที่ผมฝึกงาน ผมก็ยังไม่เคยเห็นว่าเขาหยอดใครทางสายตานะ แต่รู้ตัวอีกทีคือเขาได้กินแล้ว (อ้าว)


ผมไม่ว่าเลยนะเรื่องที่เขามอง เพราะผมเองเวลาเจอ เอ่อ ผู้ชายที่น่ามอง ผมก็มองเหมือนกัน หรือถ้ามีผู้หญิงยิ้มให้เขา วิคเตอร์ก็ยิ้มตอบกลับแวบเดียว ไม่ได้ยิ้มสานต่อหรือยิ้มสื่อความหมายใดๆ แค่ยิ้มตามปกติเวลามีคนมองเท่านั้นเอง สายตาผู้หญิงบางคนก็สื่อหาเขาชัดเจน แต่เขาก็ไม่ตอบรับกับสัญญาณนั้น แบบนั้นมันก็พอจะยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้เจ้าชู้เรี่ยราด แม้จะยังเจ้าชู้อยู่ดี (เอ๊ะ ยังไง)
   

“ไหน ท่องกฎให้ฉันฟังซิ” อยากจะทำหน้าเบ้ กลอกตาไปรอบกระบอกตาจริงๆ เมื่อเขาวกมาถึงประเด็นนี้ที่เราพูดคุยกันในวันหนึ่งที่นอนเล่นอยู่บนเตียงด้วยกัน
   

“คุณจริงจังจริงๆ เหรอเนี่ย” สีหน้าผมอยากจะแสดงออกเต็มที่ว่าเหนื่อยใจกับระบบความคิดของเขาเหลือเกิน แต่เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก
   

“จริงจังมาก และนายก็ต้องทำตามด้วย” เขาทำสีหน้าว่าเอาจริง ตามประโยคที่บอกว่าจริงจัง ผมถอนหายใจเซ็ง แอบกลอกตาแวบหนึ่งเลยโดนเขาเอามือตีหน้าปากไปหนึ่งที ผมจิ๊ปากใส่เขาแล้วเริ่มท่องกฎผีบ้าผีบอ
   

“ห้ามคุยกับผู้ชายแปลกหน้าที่คุณไม่เคยเห็นหน้า หรือที่ผมไม่รู้จักเกินสิบห้านาที…”
   

“…จริงๆ ฉันให้แค่สิบ แต่นายต่อรองเพิ่มอีกห้า” ถ้าผมกลอกตาจนลูกตาหลุดออกจากเบ้าตาได้ผมจะทำแรงๆ เลยทีเดียว ผมถอนหายใจพรืด ยกมือขึ้นมาเกาคิ้วซ้ายเบาๆ
   

“ห้ามยิ้ม ห้ามหัวเราะกับผู้ชายที่คุณบอกว่าไม่ชอบ…” ซึ่งผมเชื่อเลยว่าเขาจะบอกว่าไม่ชอบผู้ชายทุกคนที่อยู่ใกล้ผม ที่เขายกเว้นไว้ให้ก็มีออสติน พี่การ์ดคนไทยสามคน บาส และเพื่อนเขา แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชายพวกนี้ก็ยังมีลิมิตอยู่ ถ้าเขาไม่พอใจ ไม่ถูกใจขึ้นมาก็คือห้าม คงจะมีแต่พ่อผมคนเดียวเท่านั้นแหละที่เขาไม่ว่าอะไรจริงๆ
   

“…ถ้าจะทำความรู้จักกับผู้ชายคนไหนต้องให้คุณรู้จักด้วย ถ้าคุณบอกไม่ชอบอีกฝ่าย ก็ห้ามสานต่อ” เขายิ้มชื่นบาน สีหน้าถูกอกถูกใจมากที่ผมพูดได้ถูกต้องตามที่เขาบอก แต่ผมนี่สิหน้ายู่ ย่นจมูกเหมือนเหม็นขี้ใส่เขาแล้ว
   

“…ไม่ต้องท่องแล้วได้มั้ย ผมจำได้แล้วละ” ผมยิ้มยิงฟันทำหน้าอ้อนเขา เพราะถ้าให้มานั่งท่องราวกับท่องอาขยานเหมือนตอนประถมที่ผมต้องไปนั่งท่องกาพย์เห่เรือให้คุณครูฟังแบบนั้น ผมคงยิ่งรู้สึกเครียดกับความขี้หวงของผู้ชายคนนี้
   

“จำได้แล้วต้องทำตามด้วยนะ” เขาหรี่ตามองกลับมา พอเห็นว่าผมยังทำหน้ามู่ทู่อยู่เขาก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ผมเลยต้องรีบยิ้มแฉ่ง ยกมือซ้ายแล้วชูนิ้วกลางนางชี้ขึ้นมาคล้ายทำท่าสาบาน ผมเอาสามนิ้วมาแตะปากและกำลังจะยื่นไปให้เขา แต่วิคเตอร์ที่แววตาวาวโรจน์กับกระชากมือผมออกจนผมอ้าปากหวอด้วยความตกใจ
   

“อย่ามาทำท่าที่เคยทำให้ไอ้อดัมกับฉัน” โอ๊วมาย เขาจำได้ด้วยว่าผมเคยทำแบบนี้กับอดัม
   

หน้าตาเขาบูดบึ้ง น้ำเสียงที่ใช้เมื่อกี้ก็กระชากแรง ถ้าตะโกนใส่หน้าผมได้เขาทำไปแล้ว แรงบีบที่ข้อมือ ทำเอาผมนิ่วหน้า พอได้สติเต็มที่ผมก็เขยิบเข้าไปใกล้เขาอีกนิด และรีบพูดด้วยเสียงลนลาน เหมือนแม่กำลังปลอบลูกที่กำลังงอแง
   

“ไม่ทำแล้ว ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ อย่าทำหน้าเครียดสิ นะครับ นะ ยักษ์รูปหล่อ” ผมเอาหน้าซุกอกเขา เอาหัวถูอกแกร่ง วิคเตอร์ไม่ได้พูดอะไร แต่เขาปล่อยมือที่บีบข้อมือผมซะแดงออก และใช้สองแขนดึงผมขึ้นไปนั่งบนตัก ผมเอาแขนขวาคล้องคอเขาไว้ มองใบหน้าหนวดเคราที่กำลังมองผมเช่นกัน
   

“นายเป็นของฉันคนเดียวนะรู้มั้ย” เขาจ้องตาผมไม่ขยับเปลือกตาเลยสักนิด ผมยิ้มบางเบา พยักหน้ารับหงึกหงัก แต่เขาก็ยังไม่คงยิ้ม ผมเลยต้องก้มไปหอมแก้มเขาหนึ่งที แม้จะยังไม่ยิ้มแต่เขาก็ดูพึงใจกับการกระทำของผม
   

“เดี๋ยวผมคิดท่าให้ใหม่แล้วกันเนอะ” ต้องเอาใจไว้ก่อน เกิดอารมณ์เสีย อาละวาดกลางสนามบินขึ้นมา ได้เป็นเรื่องใหญ่แน่ ไม่ว่าจะแน่มาจากไหน แต่อย่าท้าเด็กชายวิคเตอร์ เรย์มอนด์เด็ดขาด เพราะเขาจะฟาดงวงฟาดงายิ่งกว่าช้างป่าดงดิบหรือยิ่งกว่าเด็กสามขวบที่ไม่ได้ของเล่นตามที่ตัวเองต้องการ
   

“ไม่เอา ฉันไม่อยากมีแบบไอ้อดัม แล้วนายก็เลิกทำแบบนี้กับมันได้แล้วนะ” เขาว่าเสียงห้วน หน้าตาบึ้งตึง โอ้ย พ่อคุณ งอนแม้กระทั่งเรื่องนี้
   

“ครับๆ ไม่เอาก็ไม่เอา แล้วผมจะไปทำกับเขาได้ยังไง ไม่ได้เจอกันแล้วแหละ” ผมเอามือขวานวดคอเขาเบาๆ เผื่อจะทำให้เขาใจเย็นลงได้บ้าง (ทฤษฎีไหน?)
   

“อย่าให้รู้นะว่าแอดเฟซบุ๊คหากันอีกรอบ ไอ้จูบแรกนั่นด้วย แล้วก็ผู้ชายคนอื่นด้วย” โอ๊ย จ้า! อีแมทนี่สวยมาก หน้าตาแบบว่าเน็ตไอดอลสิบคนรวมกันยังสู้ไม่ได้ ผู้ชายหวงขนาดนี้นี่ คือเราหน้าตาดีใช่ป้ะวะแก๊?!
   

“ครับผม” ที่แสดงออกมาได้คือตอบรับและยิ้มให้คุณหนูยักษ์ผู้เอาแต่ใจ จะแสดงออกเป็นอย่างอื่นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นยักษ์จะอาละวาดจนกรุงลงการะเบิดเละตุ้มเป๊ะ แล้วถ้าจะเปรียบว่าเมืองสมมุติที่อยู่ในเรื่องทศกันฑ์นั่นเป็นอะไรน่ะเหรอ ผมว่าก็คงเปรียบได้กับบรรยากาศทั่วๆ ไปละมั้ง แต่ผมคงเป็นเมืองหลวงของกรุงลงกาอะ



TBC.


เรื่องคู่จิ้นอะไรแบบนี้มีจริงๆ นะคะ ยกตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดคือ เอ็ดเวิร์ดกับเบลล่า หรือโรเบิร์ต แพททินสันกับคริสเต็น สเตวาร์ดจากทไวไลท์นั่นเอง เริ่มจากคู่จิ้น เป็นแฟนกันจริงจัง แล้วก็มีปัญหาตอนภาค 4.2 เลิกกันไปแล้วนะคะ แต่ทางค่ายหนังขอให้ทั้งคู่คบกันไว้ก่อนจนกว่าหนังจะฉายเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็ต้องมาปั้นหน้ายิ้มว่ารักกันเพื่อให้กระแสหนังมันยังไปต่อได้จนจบ

ของวิคเตอร์นี่ดันมีข่าวเรื่องแมทพอดีด้วย ทางทีมงานก็กลัวว่าจะมีผลกระทบต่องาน ต่อภาพลักษณ์ แต่ไอ้ยักษืมันแคร์ที่ไหน เล่นหนังเรื่องนี้ก็เพื่อเมีย มีจริงๆ นะคะ ที่นักแสดงชายบางคนเปิดตัวว่าเป็นเกย์แล้ว แต่ทีมงานส่วนตัวจะพยายามปกปิดข่าวไว้ก่อน พอโด่งดังอยู่ตัวค่อยเปิดตัวเต็มๆ อีกที ยกตัวอย่างลุคส์ อีแวนส์ จาก The hobbit และ Fast and Furious เคยเปิดตัวไปเมื่อปี 2001 หรือ 2002 นี่แหละค่ะ แต่หลังจากนั้นประเด็นเรื่องเกย์เขาเงียบมาก เพราะกำลังไต่เต้าในฮอลลีวูด ทีมงานพยายามบ่ายเบี่ยง พยายามปกปิก เพราะต้องทำให้นักแสดงมีภาพลักษณ์ที่ดีไว้ก่อน ซึ่งวิคเตอร์ก็กำลังเจออะไรประมาณนี้แหละค่ะ

เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรอีกบ้าง  :katai1:

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: snook24062 ที่ 01-12-2015 00:38:39
คนแรกๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-12-2015 00:50:31
สู้ค่ะวิคเตอร์ทนหน่อย จะได้มีเงินมาเลี้ยงเมียเยอะๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-12-2015 01:02:40
นางกลับประเทศเเล้วอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-12-2015 01:22:52
นิยายเรื่องนี้มันเป็นนิยายรักหวานๆใช่ไหม ใช่ซิเนอะ ฉะนั้นปัญหาอะไรก็ตามที่เข้ามามันก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆใช่ไหม  :hao3: เขาจะได้ไม่ต้องเคลียดรอ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 01-12-2015 01:56:53
ไม่ดราม่าอีกน้าาาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-12-2015 06:21:40
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-12-2015 06:55:33
เอาใจช่วยทั้งคู่ รักทางไกลแบบนี้ต้องหนักแน่นมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-12-2015 10:39:45
บางทีอ่านๆไปในใจก็นึก อิยักษ์มันวัยทองปะวะ สงสารแมทมากผัวนางอารมณ์แปรปวนมาก 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-12-2015 22:13:27
ปลื้มมากอ่ะเรื่องเล่นหนังเพื่อเมีย คนมันรูปหล่อพ่อรวย ไม่ต้องทำงานยังได้เลย แต่เมียชอบไง เกร๋ๆ
ขำแมท แมทสวยมาก เน็ตไอดอลสิบคนยังสู้ไม่ได้ 55555 ขำกฎด้วย โอ้ย พ่อเอ๊ย ยังกับเด็กๆ
ทำท่าเหมือนทำกับอดัมก็ไม่ได้คือหึงยิบหึงย่อยมากค่ะคุณยักษ์ แต่น่ารักมากกกกก น่ารักมากจริงๆ
คนที่โหยหาความรัก พอได้มาย่อมหวงแหน รักษาไว้ดีๆ ละกันนะวิค คนอ่านก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อใจ
เวลาอยู่ด้วยกันนี้โลกนี้มีแค่สองเรา เดี๋ยวแมทร้องไห้แน่ตอนแยกกัน

สนุกมากค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-12-2015 00:01:15



Only You :: EP.19 [100%]



เวลาที่เหลือ เราสองคนก็หันไปร่วมวงสนทนากับพวกเบนเนดิคท์ คุยย้อนไปถึงวันที่พวกเราไปเที่ยวด้วยกันในช่วงเวลาที่พวกวิคเตอร์อยู่ไทย บางเรื่องพูดแล้วก็ขำ บางเรื่องพูดแล้วก็อับอาย แต่ทุกเรื่องล้วนแต่ทำให้ผมมีความสุขทั้งนั้นนั่นแหละ เพราะว่าในเรื่องราวเหล่านั้นมีผู้ชายที่กำลังกอดผมอยู่บนตักตัวเองแน่นไม่ยอมปล่อย นึกแล้วก็ใจหายที่เขาจะบินกลับแล้ว พอเขากลับไป เราก็จะอยู่ไกลกัน อยู่กันคนละช่วงเวลา ผมแอบคิดไปว่าเรื่องเวลาและระยะทางนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อเรามากน้อยแค่ไหน มันจะเป็นอย่างที่เขาพูดๆ กันมามั้ยนะว่ารักแท้แพ้ระยะทาง
   

“ฉันว่าเราน่าจะไปกันได้แล้วนะ” คุณเบนพูดไปพลางดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือไปด้วย พอถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องกลับ ผมก็ใจหายวูบวาบไปหมด ผมลุกขึ้นยืนเพื่อให้วิคเตอร์ลุกขึ้น พวกออสตินยกกระเป๋าเพื่อไปจัดการเรื่องการขนส่ง วิคเตอร์เดินจูงมือผมเดินตรงไปยังบันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปเกทตรวจคนเข้าออกนอกเมือง น้องๆ แฟนคลับเดินตามหลังพวกเรามาเป็นขบวนใหญ่จนคนที่นั่งอยู่แถวๆ หน้าเค้าน์เตอร์สายการบินต่างๆ มองตามกันด้วยความสนใจ
   

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น” วิคเตอร์ก้มหน้าลงมาถามเมื่อเห็นว่าผมมีสีหน้าหงอยๆ ผมแบะปากเล็กน้อย เงยหน้ามองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกวูบโหวงในอก
   

“คุณจะคิดถึงผมมั้ย” วิคเตอร์ยิ้มงงๆ แต่ก็มีอาการขำขันปนมาด้วย
   

“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันอาจจะรู้สึกตลอดเวลาเลยก็ได้” ผมยกยิ้มบางๆ วิคเตอร์ดึงมือซ้ายที่จับมือผมอยู่ออก ยกขึ้นมาวางบนหัวผมแล้วจับโยกไปมา ก่อนจะเอามือลงไปวางไว้ที่ไหล่ซ้ายของผม
   

“ดูแลตัวเองดีๆ นะวิคเตอร์ อย่านอนดึกมากนะ บุหรี่ก็อย่าสูบเยอะ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องสูบเลย ถ้าอยากสูบให้จดไว้เลยก็ได้ว่าผมต้องจูบคุณกี่ครั้งแทนการสูบบุหรี่ เดี๋ยวเจอกันคราวหน้าผมจะจูบคุณตามจำนวนนั้นเอง” ผมเป็นห่วงเขาเรื่องสูบบุหรี่ที่สุด เขาไม่ได้ติดจนขาดไม่ได้ก็จริง แต่ทางที่ดีผมว่าไม่ยุ่งกับมันเลยน่าจะดีกว่า
   

“งั้นฉันจะอยากสูบบ่อยๆ ก็แล้วกัน” เขายิ้มละมุน ผมยิ้มตอบกลับไป ยกมือซ้ายขึ้นมาจับมือซ้ายที่กุมไหล่ผมไว้
   

“ผมเป็นห่วงคุณนะ”
   

“ฉันก็เป็นห่วงนาย ออกกำลังกายบ้างนะ จะได้มีแรงเมคเลิฟกับฉันบ่อยๆ” ท้ายประโยคเขาก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ผมทำปากยื่นใส่ นี่เป็นห่วงผมแล้วสินะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นเพื่อตัวเองแต่อย่างใด ช่างน่าปลาบปลื้มใจเหลือเกิน
   

“เอาละ ได้เวลาบอกลาชั่วคราวกันแล้ว” เราเดินมาถึงตีนบันไดเลื่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาที่กำลังจ้องมองผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์พอๆ กัน เขายิ้มมุมปากแล้วก้มลงมาหอมกลางกระหม่อมผมแบบที่เขามักชอบทำ ตอนที่ริมฝีปากเขาผละออกไป กระบอกตาผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมา มันไม่ใช่การจากลาถาวรก็จริง แต่ผมก็คิดถึงเขา เราเพิ่งอยู่ด้วยกันแค่สองอาทิตย์เท่านั้นเอง
   

“เด็กน้อยงอแงซะแล้ว” เขาว่ายิ้มๆ แล้วน้ำตาผมก็ร่วงตอนนั้นทั้งรอยยิ้มนั่นแหละ มันไม่ใช่เศร้าจะขาดใจ แต่มันเป็นความเศร้าใจหาย ผมยกมือปาดน้ำตาทิ้ง ยกสองแขนโอบกอดเขาไว้ เอาหน้าซุกอกที่แสนอุ่น เขากอดตอบกลับมา ก้มลงมาหอมกลุ่มเรือนผมของผมซ้ำๆ
   

“เดี๋ยวฉันก็กลับมาอีก” เขาว่าเสียงกระซิบ ยกมือลูบหัวปลอบโยนผมยกใหญ่ น้ำตาผมไหลเงียบๆ และพูดเสียงอู้อี้ที่อกเขา
   

“อย่าหายไปแบบไม่ติดต่อกันอีกนะ”
   

“คิดว่าฉันจะปล่อยโอกาสให้นายไปมีใครอีกเหรอ ฮึ” เสียงเขาทุ้มน่าฟัง ผมหัวเราะเสียงเบา ส่ายหน้าเช็ดน้ำตากับเสื้อเชิ้ตสียีนน้ำเงินที่เขาใส่ พอผละออกจากอกก็เห็นเขายิ้มหล่ออยู่ ได้ยินเสียงชัตเตอร์แว่วๆ และเสียงฮือจากกลุ่มน้องๆ ที่มาส่งวิคเตอร์ด้วย
   

“ไม่ต้องห่วงนะแมท ถ้ามันคิดจะมีชู้ละก็ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง” คุณเบนเดินเข้ามาสมทบกับเราสองคน ผมยิ้มทั้งที่น้ำตายังอาบแก้มอยู่ คุณเบนยื่นมือจะมาเช็ดน้ำตาให้ก็โดนมือวิคเตอร์ปัดออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับทำหน้าดุใส่เพื่อนตัวเอง คุณเบนซึ่งเป็นผู้ที่ไม่คิดอะไรมากก็ได้แต่ยักไหล่และยิ้มกวนๆ แถมยังมีการส่งมือมาจับแก้มผมเร็วๆ อีก วิคเตอร์มองตาขวาง สบถว่า Fuck ใส่หน้าเพื่อนตัวเองแผ่วเบา บาสกับอันเดรหัวเราะกันใหญ่ พวกน้องๆ ที่ยืนมองก็หัวเราะตามไปด้วย
   

“ผู้ชายคนอื่นยกเว้นพ่อนายมาแตะเนื้อต้องตัวนายก็อยู่ในข้อห้ามนะ” กำลังซึ้ง เอากฎผีเข้าผีออกมาแทรกทำไมเนี่ย ผมย่นจมูกและกลอกตาใส่เขาหนึ่งที วิคเตอร์ถลึงตามองกลับมา ผมเลยต้องเปลี่ยนเป็นทำหน้ายิ้มแทน
   

“พี่แมทคะ พวกหนูซื้อขนมมาให้พี่วิคเตอร์ด้วย เขาจะเอาขึ้นเครื่องไปด้วยได้มั้ย” ผมกำลังจะตอบว่าได้ แต่พอเห็นจำนวนขนมที่น้องๆ ซื้อมาแล้วก็เปลี่ยนใจ ยิ้มแหยขึ้นมาทันที
   

“พวกเขาซื้อขนมมาให้คุณ แต่ผมว่าคุณเอาขึ้นเครื่องไม่ได้แน่เลย” วิคเตอร์มองไปยังจำนวนขนมในมือน้องๆ แต่ละคน ส่วนมากดูเหมือนจะเป็นขนมไทยนะ
   

“นายเก็บไว้แล้วกัน นายกินก็เหมือนฉันกินนั่นแหละ” ผมขมวดคิ้ว เงยหน้ามองเขาที่ทำสีหน้าสบายๆ อยู่
   

“เหมือนได้ไง ผมกินก็เข้ากระเพาะผมสิ” เขาคลี่ยิ้ม คลายอ้อมแขนออกจากตัวผม ยกสองมือมาบีบแก้มผมไว้จนปากผมยู่
   

“นายกับฉันก็เหมือนคนเดียวกันนั่นแหละ อย่าลืมสิว่านายยกชีวิตให้ฉันดูแลแล้วนะ” หูย ปากหวาน ไม่คิดว่าเขาจะเสี่ยวได้อย่างนี้ ใครว่าฝรั่งพูดเสี่ยวไม่เป็น ไม่จริงนะ แค่รูปประโยคที่เขาพูดอาจไม่เสี่ยวเท่าเวลาแปลเป็นไทยเท่านั้นเอง
   

“แหวะ~” ผมแกล้งทำท่าจะอ้วกกลบเกลื่อน วิคเตอร์ยิ้มด้วยความมันเขี้ยวและออกแรงจับหน้าผมบิดไปมาพักหนึ่งแล้วปล่อยมือออก ผมหันไปบอกน้องๆ ว่าขอเก็บขนมไว้ที่ผมแล้วกัน แต่ไม่ได้บอกประโยคหวานเลี่ยนนั้นให้พวกน้องเขาฟังด้วย บอกแค่ว่าวิคเตอร์ฝากขอบคุณ (ซึ่งอันที่จริงไม่มีเลย น้องๆ คงงงว่ามันพูดขอบคุณตอนไหน) แต่เขาเอากลับไปด้วยไม่ได้
   

“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเก็บไว้ที่พี่แมทก็ได้ พี่แมทกินได้เลยนะคะ เดี๋ยวคราวหน้าพี่วิคเตอร์มาพวกหนูจะเอามาให้ตอนช่วงที่เขาอยู่ไทย” ผมยิ้มรับ เดินเข้าไปรับขนมจากพวกน้องๆ ผู้ใจดี อันที่จริงผมอยากจะบอกว่าเก็บเงินไว้ซื้อของให้ตัวเองทานจะดีกว่า แต่ก็กลัวจะเสียน้ำใจ เพราะน้องเขาคงตั้งใจเอามาให้ แต่ผมแค่รู้สึกว่ามันเยอะมากเลย
   

“พี่การ์ดครับ ผมฝากถือได้มั้ย” พี่บอดี้การ์ดคนไทยพยักหน้าแล้วเรียงหน้าเข้ามารับของไปจากมือผมที่มันเยอะจนล้น พอรับของจนหมดผมก็กล่าวขอบคุณน้องๆ อีกที และถามว่าอยากถ่ายรูปกับวิคเตอร์อีกหรือเปล่า แต่ทุกคนมีมารยาทมาก เนื่องด้วยวิคเตอร์กำลังจะไปแล้ว น้องๆ เลยไม่อยากถ่วงเวลาถ่ายไว้
   

“แค่ที่อยู่ในกล้องก็เยอะแล้วค่ะ” ผมยิ้มให้หนึ่งในนั้น ก่อนขอตัวหันกลับไปหาวิคเตอร์ที่กำลังยืนคุยกับออสตินอยู่
   

“Take care of him very well. Don’t forget what I said, and do what I said seriously. (ดูแลเขาให้ดี อย่าลืมที่ฉันบอก และทำตามที่ฉันบอกอย่างจริงจังนะ)”
   

“Copy that. (รับทราบครับ)” ออสตินรับคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาปรายตามามองผมเล็กน้อย แล้วค่อยเดินเลี่ยงออกไป
   

“เขาเหมือนทหารเลย”
   

“ออสตินเคยอยู่กองทัพสหรัฐฯ มาก่อน” ผมอ้าปากค้าง เริ่มรู้สึกว่าชีวิตตัวเองนั้นเวอร์เข้าไปทุกที มีบอดี้การ์ดก็ว่าเกินไปแล้ว นี่บอดี้การ์ดยังเคยอยู่ในกองทัพทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกด้วย โอ้ย ใครมันจะมาปองร้ายตูน้อออ แต่ขัดพระสวามีไม่ได้ไง เดี๋ยวพี่แกเอากระบองทุบหัวแบะ
   

“ไปเถอะ ได้เวลาแล้ว” คุณเบนหันมาบอก วิคเตอร์พยักหน้ารับ ผมกอดเขาแน่นๆ อีกที วิคเตอร์กอดตอบกลับมา น้ำตาที่แห้งไปแล้วเอ่อขึ้นมาที่ขอบตาอีกรอบ
   

“ฉันยังไม่รู้ว่าจะเคลียร์งานได้ตอนไหน แต่ฉันจะมาหาแน่นอน” ผมพยักหน้าหงึกหงัก น้ำตาหยดออกมาเงียบๆ
   

“ไปแล้วนะแมท” เสียงของอันเดรดังอยู่ใกล้ๆ ผมผละออกจากอกวิคเตอร์ หันไปยกมือบ๊ายบายให้เขา อันเดรอ้าแขนทำท่าจะขอกอด ผมก็ตั้งท่าจะเดินไป แต่ก็โดนไอ้ยักษ์ดึงแขนไว้แน่น
   

“Come on, dude! (ไม่เอาน่าไอ้วิคเตอร์)” อันเดรทำสีหน้าอ่อนใจ ผมหันไปทำสีหน้าอ้อน แต่วิคเตอร์กลับทำหน้านิ่งและส่ายหัว ผมถอนหายใจ อันเดร รวมไปถึงเบนเนดิคท์และบาสยังถอนหายใจตามๆ กัน
   

“ห้ามเกินหนึ่งนาที” ผมยิ้มกว้างเมื่อเขาอนุญาตด้วยสีหน้าหงุดหงิด เขาคลายมือที่จับแขนผมไว้ ผมเดินเข้าไปกอดคุณอันเดร เขากอดตอบกลับมาแน่น แถมยังแกล้งวิคเตอร์ด้วยการหอมแก้มผมไปหนึ่งที
   

“Son of a bitch! (ไอ้ห่านี่!)” เสียงกรรโชกแทบจะเป็นเสียงตะคอกดังขึ้นมาจากผู้ชายหน้ายักษ์ที่ตอนนี้เดินมาดึงผมออกไปจากอันเดรอย่างแรง คนหอมแก้มผมยักไหล่สีหน้ากวนอารมณ์ วิคเตอร์ขบกรามแน่น มองอันเดรด้วยสายตาคาดโทษ
   

“วิคเตอร์ นั่นเพื่อนคุณ” ผมเขย่ามือเตือนเขา วิคเตอร์มองเขม่นอันเดรที่ส่ายหัวด้วยสีหน้าเอือมระอากลับมา
   

“วิคเตอร์…” ผมเรียกชื่อเขาอีกที ไอ้ยักษ์ถอนหายใจ ก้มลงมามองผม เลื่อนมือขวาไปบีบก้นผมอย่างแรง คิ้วผมกระตุกเพราะความปวดวูบหนึ่ง
   

“อย่าทำแบบนี้กับผู้ชายคนไหนลับหลังฉัน เข้าใจมั้ย” เขาว่าเสียงกระซิบให้ได้ยินกันสองคน แต่น้ำเสียงเขานั้นเข้มตามสีหน้าตอนนี้
   

“วิคเตอร์ ทำไมเราไม่ลากันด้วยรอยยิ้มล่ะ” ผมว่าเสียงอ่อน วิคเตอร์จ้องหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะคลายมือที่บีบก้นผมออก ยกมือขึ้นมากดท้ายทอยผมให้เข้าไปรับจูบเขา ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ก็เผลอบตอบรับลิ้นเขาไปนิดหนึ่ง พอลิ้นเขาได้สัมผัสลิ้นผมเขาก็ผละออก สีหน้าดูอารมณ์ดีขึ้น
   

“ฉันไปแล้วนะ” ผมหน้าร้อนวูบวาบ มันคงแดงปลั่งไปหมด น้องๆ ที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ไม่รู้ว่าได้ถ่ายช็อตจูบไปรึเปล่า
   

“ปะ… ไปขอโทษอันเดรด้วยนะ” เขาพ่นลมหายใจหน่ายๆ ผมเลยพ่นลมหายใจแข่งกับเขาบ้างเช่นกัน เขายกสองมือขึ้นยอมแพ้และพยักหน้ารับไปเรื่อย ไม่รู้จะไปขอโทษจริงรึเปล่า เดี๋ยวต้องไปถามอันเดรหลังไมค์
   

“See you next time. (เจอกันครั้งหน้านะ)” เบนเนดิคท์พูดพลางโบกมือให้ผมกับบาส สองเท้าก็ก้าวขึ้นบันไดเลื่อนไป มีอันเดรยืนส่งยิ้มมาให้ตามหลัง ผมส่งยิ้มให้สองคนแรกและโบกมือลาพวกเขาอยู่ข้างบาส วิคเตอร์อยู่หลังสุด ผมยิ้มอ่อนโยน เขากระตุกยิ้มมุมปากกลับมา มือซ้ายจับสายกระเป๋าเป้ของผมที่ใส่ของของเขาไว้แน่น ผมยืนโบกมือให้ทั้งสามคนจนพวกเขาขึ้นไปด้านบน
   

“ไปยืนรอส่งตรงห้องกระจกตรงด่านตรวจอีกเปล่า” บาสหันมาถาม ผมพยักหน้าแล้วพากันเดินไปตรงที่บาสว่าพร้อมพวกออสตินและพวกน้องแฟนคลับ เรามายืนชุมนุมกันอยู่ตรงหน้ากระจกห้องตรวจเอกสารก่อนขึ้นเครื่อง
   

“เออ บาสได้คุยกับเอิร์ทบ้างมั้ย” ระหว่างรอพวกวิคเตอร์ลงบันไดเลื่อนจากชั้นบนมาด้านล่าง ผมก็ถามถึงประเด็นที่ค้างไว้
   

“ตั้งแต่กลับจากอเม’กา ก็คุยกันไปสองสามครั้งเองมั้ง มีอะไรรึเปล่า”
   

“ไม่ได้มีอะไรใหญ่โตหรอก คือก่อนหน้านี้แมทลองคุยกับเอิร์ทดู หมายถึงว่าลองศึกษากันอะ” บาสมีสีหน้าประหลาดใจนิดหน่อย
   

“จริงดิ อันนี้บาสเพิ่งรู้ มันยังไม่ได้บอกบาสเลย”
   

“คุยกันแปบเดียวเอง แล้วเอิร์ทก็กลับไปหาขวัญ” บาสเบิกตากว้างตกตะลึง ผมยิ้มแห้ง พยักหน้าเป็นเชิงยืนยันอีกทีว่าที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริง
   

“โหดสัส มันทิ้งแมทไปเลยอะเหรอ”
   

“ก็ไม่เชิงอะ คือวันนั้นขวัญเขาเมา ทักไลน์เอิร์ทมา ดราม่าใหญ่โตมาก สักพักก็โทรมาหาเอิร์ท บอกให้เอิร์ทไปหา แมทเลยให้เอิร์ทไปดูเขาหน่อย แต่เอิร์ทดันไปนอนกับขวัญ”
   

“เฮ้ย!” คราวนี้บาสดูตกใจจริงจังมากขึ้น สีหน้าเขาดูเหลือเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากผม
   

“แมทไม่ได้โกรธเอิร์ทนะ แค่งง”
   

“เออ บาสก็งง คือมันแม่งไม่น่าทำงี้กับแมท หมายถึงว่า มันทำท่าจะเลือกแมท ไปต่อกับแมทไง ไหงมันยังกลับไปหาเมียเก่าอีกวะ” ผมห่อไหล่ ส่ายหน้าว่าไม่รู้ บาสยกมือเกาหัว เขาจับขาแว่นขยับเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดด้วยความไม่เข้าใจ ผมกำลังจะอ้าปากพูดต่อ แต่หางตาหันไปเห็นพวกวิคเตอร์ลงบันไดเลื่อนมาพอดี เลยหยุดการสนทนาไว้แค่นั้น
   

น้องแฟนคลับทั้งหลายยกมือบ๊ายบายกันเป็นขบวนและส่งเสียงกู๊ดบายให้ด้วย สามหนุ่มนั้นส่งยิ้มมาให้และยกมือโบกกลับมา พวกน้องๆ เลยส่งเสียงดีใจกันใหญ่ ผมยิ้มให้วิคเตอร์ที่ยิ้มกลับมาและส่งสายตามามองผมคนเดียว ก่อนที่เขาจะหันตัวเดินไปทางเกทที่จะออกไปขึ้นเครื่อง ผมมองแผ่นหลังของทั้งสามคนด้วยความใจหาย
   

“เดี๋ยวพวกนั้นก็กลับมาอีก” ผมหันไปยิ้มให้บาส พยักหน้ารับคำเขา
   

“กลัวเรื่องระยะทางป้ะวะแมท” บาสถามต่อในขณะที่สายตาจับจ้องพวกวิคเตอร์ที่กำลังรับการสแกนร่างกายและตรวจเอกสารจากเจ้าหน้าที่อยู่
   

“บาสล่ะ กลัวมั้ย” เขาหันกลับมาสบตากับผมแล้วส่ายหัวนิดหน่อย
   

“ตอบไม่ถูกอะ เพิ่งเคยคบกับใครสักคนที่ต้องอยู่ไกลกันขนาดนี้” ผมอมยิ้ม บาสเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดพูดสถานะความสัมพันธ์ของเขากับเบนเนดิคท์ออกมา สีหน้าเขาเลยดูเก้อๆ เขินๆ
   

“ก็กลัวนะ แต่ก็ต้องเชื่อใจเขา” บาสพยักหน้ารับน้อยๆ
   

“ก็จริง ความเชื่อใจแม่งเป็นภูมิคุ้มกันเรื่องระยะทางที่ดีสุดแล้วมั้ง” เรายิ้มอ่อนๆ ให้กัน ผมหันกลับไปมองวิคเตอร์ เขาเหลียวหลังมามองพอดี เรายิ้มให้กันแวบหนึ่งก่อนที่เขาจะหันหน้าเดินตรงต่อไป
   

“กลับกันเลยมั้ย” บาสถามเมื่อทั้งสามคนเดินหายเข้าไปด้านในแล้ว ผมมองอย่างอ้อยอิ่งอีกเล็กน้อยพลางพยักหน้ารับคำบาสนิดหน่อย รู้สึกเหมือนใจหายแวบๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นโศกาอะไร อาจเพราะได้กอดเขาไว้และร้องไห้ไปพร้อมแล้วมั้ง ผมผ่อนลมหายใจเพียงนิดแล้วหันไปหาบาส
   

“เดี๋ยวให้ออสตินขับไปส่งบาสแล้วกันนะ”
   

“ส่งหอแล้วกัน หอบาสอยู่ใกล้ๆ สนามบิน” ผมพยักหน้าให้เขา หันไปพยักหน้าให้ออสตินเป็นเชิงชวนกลับ เขาพยักหน้าตอบรับกลับมาแล้วเดินนำพวกผมไปที่รถ
   

“กลับบ้านกันดีๆ นะครับ ขอบคุณมากเลยที่มา อาจจะเทคแคร์ได้ไม่ดีต้องขอโทษด้วยนะ”
   

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ให้พวกเรามาส่งนี่ก็ดีใจมากแล้ว” ผมยิ้มให้พวกน้องๆ พร้อมกับก้าวเท้าเดินไปพร้อมกับบาส พวกพี่การ์ดคนไทยถือขนมกันเต็มสองมือ ไม่รู้ว่าจะกินหมดรึเปล่า แต่ยังไงก็จะกินแล้วกัน แต่ละอย่างน่าอร่อยทั้งนั้น
   

“อยากให้บาสคุยกับไอ้เอิร์ทให้รึเปล่า” บาสถามตอนที่เราเดินมาถึงรถตู้ที่เปิดประตูรอเราอยู่แล้ว ผมหันไปกล่าวลากับพวกน้องแฟนคลับที่อุตส่าห์มาส่ง ไม่รู้ว่าบ้านแต่ละคนอยู่ไหนกันบ้าง
   

“ถ้าพี่วิคเตอร์จะมา พี่แมทช่วยบอกพวกเราหน่อยได้มั้ยคะ” ผมยิ้มไม่เต็มปากนัก เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะพอใจรึเปล่า แต่ผมก็ไม่กล้าปฏิเสธหรือบอกปัดเพราะเข้าใจวิถีของแฟนคลับอยู่พอสมควร
   

“ถ้าพี่ไม่ลืมจะบอกนะครับ” ผมยิ้มแหะๆ
   

“ขอบคุณค่ะ แจ้งไปที่เพจของพี่กับพี่วิคเตอร์ก็ได้” ผมยังไม่ได้กดไลค์เพจนั้นเลย ไม่รู้ด้วยว่าชื่อเพจนั้นชื่อว่าอะไรแต่ก็ยิ้มรับและตอบรับไปก่อน
   

“ไปแล้วนะครับ ขอบคุณมากที่มา” ผมโบกมือลาให้ทุกคนแล้วหมุนตัวขึ้นไปในรถ โดยมีบาสกับพี่บอดี้การ์ดไทยอีกสองคนตามขึ้นมา แอบเห็นหลายคนมองบาสแล้วอมยิ้มกันเป็นแถว ประตูรถค่อยๆ เลื่อนปิดโดยที่ทุกคนยังโบกมือให้ผมเรื่อยๆ จนกระทั่งประตูปิดแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป
   

“วกกลับมาเรื่องเอิร์ท…” ผมพูดไปก็ก้มลงมองขนมไทยหลากหลายในถุงพลาสติกไปด้วย


“…ไม่ต้องคุยหรอกบาส แมทไม่ได้เคืองใจหรือว่าติดใจอะไร” ผมหยิบขนมเม็ดขนุนขึ้นมาแกะกิน ยื่นส่งให้บาส เขาหยิบไปกินหนึ่งเม็ดพร้อมกับพยักหน้ารับ แต่ใบหน้าก็ยังมีแววครุ่นคิดให้เห็นอยู่
   

“ปากกับการกระทำแม่งสวนทางกัน งงมันว่ะ” ผมเคี้ยวขนมหวานเม็ดขนุนที่นุ่มลิ้นเพลินๆ พลางพยักหน้าล่องลอย ไม่รู้พยักหน้าเพราะคุยกับบาสหรือเพราะรสชาติขนมมันดี
   

“เขาอาจจะรักขวัญอยู่ก็ได้” ผมพูดทั้งที่ในปากยังเคี้ยวขนมไม่หยุด บาสพยักหน้ารับอีกรอบ ดูท่าบาสเองก็ไม่เข้าใจเอิร์ทเช่นกัน นี่ขนาดเพื่อนสนิทยังไม่รู้เรื่องและก็ยังนั่งหน้างงเลย
   

“แล้วบาสกับคุณเบนไปถึงไหนแล้ว” บาสหันมามองหน้าผมพลางเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง เขายิ้มแกนๆ ยกนิ้วชี้เกาจมูกเบาๆ
   

“ยังไม่ถึงขั้นเมคเลิฟหนักๆ แบบแมทกับวิคเตอร์หรอก” ผมทำตาโต ใบหน้าแดงก่ำ บาสหัวเราะเสียงดังลั่นรถ ผมทำตาปรือ ทำปากเป็ดใส่อีกฝ่าย หยิบขนมเข้าปากไปอีกชิ้น บาสหยุดหัวเราะ ดันแว่นขึ้นเล็กน้อย
   

“ไม่หนัก แค่ทำกันเบาๆ” ตอนแรกผมพยักหน้ารับอืมๆ แต่พอสติทวนคำพูดเขาได้ก็เบิกตากว้างแล้วสะบัดหน้าไปมองเขาอย่างเร็วจนบาสขำ
   

“นี่ถ้ามีซาวด์ประกอบจะเป็นอะไรที่ฮามาก” รู้สึกถึงความเป็นประกายที่ดวงตาตัวเอง อาการสอดเสือกแล่นพล่านไปตามเส้นเลือด รู้สึกอยากกินเผือกเรื่องคุณเบนกับบาสมาก
   

“อยากรู้อะดิ” บาสแซวยิ้มๆ เมื่อเห็นผมทำสีหน้าคันคะเยออยากรู้ ผมพยักหน้ากระตือรือร้นอย่างไม่ปิดบังในความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง บาสยิ้มมุมปากซ้าย เดาะลิ้นหนึ่งทีก่อนตอบ
   

“ไม่บอกหรอก”
   

“อ้าว” ความรู้สึกเสือกดับวูบเลย อารมณ์คล้ายกับคันจมูกอยากจาม พอกำลังจะได้จามแต่มันดันหายไปดื้อๆ โคตรจะหงุดหงิดเลยละแบบนั้น
   

“มันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”
   

“แต่แมทสนใจนะ” ผมตอบทนควันพร้อมกับดวงตาเป็นประกายอย่างแรงกล้า ต่อให้เรื่องมันจะเรื่อยๆ เอื่อยๆ ยังไง แต่อย่างน้อยขอให้ได้เผือกหน่อยเถอะ
   

“สนใจเรื่องตัวเองเถอะ มีแฟนโคตรขี้หึงแบบนั้น ชีวิตลำบากแน่”
   

“อันนี้คือบาสไม่ได้หลอกด่าแมทใช่มั้ย” บาสไม่ตอบอะไร แต่ส่งเสียงหัวเราะมาแทน คือเขาก็ไม่ได้ตอบรับนะ แต่เสียงหัวเราะเขาทำไมเหมือนยอมรับกลายๆ ว่ามึงไม่ต้องยุ่งเรื่องกูหรอกอะไรแบบนี้เลย
   

ครืด~
   

มือถือผมสั่นรุนแรงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมหยิบขึ้นมาเปิดดู ก็เห็นเป็นข้อความว้อทสแอพจากวิคเตอร์ เขาส่งรูปมาพร้อมข้อความ พอกดเปิดดูใบหน้าผมก็ร้อนฉ่า ก็ไอบ้านั่นมันส่งรูปผมตอนกำลังยืนแก้ผ้าในห้องน้ำมาน่ะสิ นี่ไปแอบถ่ายตอนไหนเนี่ย แว้กกก!
   

Miss your tight ass, baby ♥
   
คิดถึงก้นแน่นๆ ของนายจังที่รัก ♥



TBC.

ห่างกันแล้ว T^T หลังจากสวีตวี้ดวิ้วด้วยกันมาสองอาทิตย์ จัดหนักจัดเต็มเรื่องบนเตียงกันไปหลายยก ลุ้นกับพฤติกรรมไอ้ยักษ์ไปหนึ่งซีน ตอนนี้ต้องห่างกันแล้ว อันนี้แหละลุ้นกว่าที่โรงแรมอีก 555555

อันนี้ก็เขยิบเกินครึ่งเรื่องมาอีกนิดแล้วค่ะ ช่วงเวลาที่ผ่านมา คือช่วงกลับมาหวานของเขาสองคน เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ ตอมไม่อยากเขียนรวบรัดตัดตอน แบบว่า โอเค ผ่านไปแล้วสิบสี่วัน ฉันกับเขา เรารักกันดี ซึ่งเรื่องนี้เคยอธิบายไปแล้วในเพจ ไปหาอ่านได้ที่ Note ของเพจนะคะ

อยากให้ทุกคนซึมซับไปกับความรักของพวกเขาสองคน ใครที่เข้าใจตีมของนิยายเรื่องนี้ต้องขอบคุณมากเลยค่ะ ส่วนใครที่คิดว่ามันอืด เชื่องช้า ไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรตื่นเต้น อันนี้ต้องขออภัยจีๆ ค่า ตอมเคยอ่านนิยายวายมาเช่นกัน หลายๆ เรื่องเขาจะมีเหตุการณ์แบบว่า โหย ลุ้น จะเป็นยังไงต่อ แซ่บมาก ตัวร้าย ตัวโกง โฉ่งฉ่าง ตัดภาพมาที่นิยายอีเจ้ ชิลลล 55555

สำหรับใครที่อยากได้หนังสือพาร์ท You and I รอบรีปริ้น ตอนนี้เหลือเวลาอีก 11 วันนะคะ หมดเขต 15 ธันวานี้ รายละเอียดตามไปดูได้ที่เพจจ้า

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดทุกคนเลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 04-12-2015 00:16:45
น่ารักอ่ะ ชอบ :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-12-2015 01:00:45
ใช่เลย บาส เจอแฟนขี้หึงดุเดือดแบบนี้ เหนื่อยแน่แมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2015 01:34:12
 ตายักษ์กลับบ้านตัวเองแล้ว ที่นี้ก็ถึงเวลาจับตาเฝ้าระวังพฤติกรรมต่อ ถ้าส่อแววว่ามีอาการนะ :angry2:  :z6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-12-2015 03:11:46
 :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 04-12-2015 10:50:37
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 04-12-2015 10:51:27
แมทน่าจะตั้งกฎกับวิคเตอร์บ้าง เบนบาสอยากรู้จังง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-12-2015 11:14:32
ห่างกันแบบนี้ วิคเตอร์จะทำตัวให้น่าไว้ใจได้แค่ไหนกันะ ยิ่งต้องมีข่าวแบบคู่จิ้นโปรโมตหนังอีกด้วย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-12-2015 11:33:25
ไม่ไว้ใจวิคอ่ะไหนจะต้องห่างกันแล้วยังต้องสร้างโมเม้นต์กับนางเอกที่เล่นหนังด้วย
ถ้าวิคออกนอกลู่นอกทางเจ้าชู้เป็นปลาไหลใส่สเก็ตเราจะยุให้แมทหาผัวใหม่

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 70%} 01.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 04-12-2015 11:50:08
ยักษ์ไม่คิดมากนะ!
ห้ามนอกใจนอกกายแมทด้วย!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 04-12-2015 12:15:36
อ่านมาถึงประโยคสุดท้ายพี่ยักษ์   กินน้ำอยู่แทบสำลักเลย 555+ พี่แกเล่นปล่อยดาเมจทำลายล้างอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-12-2015 12:32:51
ชอบนะ ดูเรื่อยๆดี จะได้อ่านนานๆ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 04-12-2015 16:45:52
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-12-2015 21:27:13
ไปแล้ว ฝรั่งขี้หึงไปแล้ว น้องแมทร้องไห้เลย ใจหายเนอัชะ แต่ก็สวยค่ะ มีการ์ดตามเป็นพรวน 555 เคะนางพญามากลูก
วิคนี่ขี้หึงมากจริง เพื่อนยิ่งอยากจะแกล้งเนอะ ตัวเองเหอะทำตัวดีๆ เอ มีพูดถึงเอิร์ธ เดี๋ยวเขาจะกลับมาใช่ไหม

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.19 100%} 04.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 07-12-2015 12:02:44
อ่านถึง part only you ฟินมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-12-2015 17:55:51


Only You EP.20 :: Under his control. [50%]



“แมท สรุปมึงจะไปกินข้าวกับพวกกูป้ะเนี่ย” ไอ้วอร์มถามหลังจากที่เราเดินออกจากลิฟต์ชั้นหนึ่งของตึกคณะ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงยามเย็นที่เด็กคาบบ่ายอย่างพวกผมเพิ่งเลิกเรียนและมีนัดกันว่าจะไปหาอะไรกินด้วยกันก่อนแยกย้ายกันกลับ


“หืม มึงถามไม่ได้ดูซิตูเอชั่น (situation) เลยนะคะ ตอนนี้ชีวิตมันอย่างกับเจ้าหญิงแคว้นอิสระ” แบมว่าพลางบุ้ยปากไปทางออสตินที่มายืนรอรับผมกลับบ้านที่หน้าตึกคณะ โดยมีสายตาแทะโลมจากสาวๆ เก้งๆ หลายคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจใคร เอาแต่มองตรงมาที่ผมตามนิสัยเช่นเดิม แล้วอย่าคิดว่าเขามองด้วยความรักใดๆ มองได้เฉยชามากต่างหาก


“โอย กูละเบื่อพ่อบอดี้ผักกาดแท้” ผมบ่นสีหน้าเซ็ง แต่พอหันไปสบตากับออสตินก็ต้องแสร้งยิ้มพิมพ์ใจ ราวกับว่าไม่ได้รู้สึกขุ่นข้องหมองใจกับการที่เขามารอรับตรงเวลาอย่างนี้


“เหย! แกเบื่อเขาได้ไง เช็กหน้าด้วย หล่อปะล่ำปะเหลือ หล่อเหลือเฟือแต่บ่อเผื่อแผ่ไผ~” แบมส่งสายตาปิ๊งๆ ไปให้ออสติน แต่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อยเท่าหอยจุ๊บ แต่แค่นั้นก็ทำเอาแม่ชะนีแบมแทบจะละลายหายไปกับพื้นผิวของตึกคณะ


“ไปไม่ได้แล้วมั้ง ผัวมึงส่งลูกน้องมาคุมขนาดนี้ กะไม่ให้มึงมีอากาศหายใจบ้างเลยเหรอวะ” ผมถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินไอ้แชมป์พูดแบบนั้น เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่พูดออกมาได้ไม่หมด


สองอาทิตย์แล้วที่วิคเตอร์กลับไปนิวยอร์ก ทุกอย่างปกติดี เราคุยกันทุกวันแม้วันเวลาจะต่างกันเกือบครึ่งวันราวกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ไม่มีวันเจอกันได้ แต่เขาทำได้ เพราะเราเจอกันผ่านหน้าจอทุกวันของผมและทุกคืนของเขา หรือทุกคืนของผมและทุกวันของเขา ผมดีใจที่แม้กายจะห่างกัน แต่เราสองคนกลับทำให้รู้สึกกันเองว่า เรายังคงอยู่ใกล้กันนะอะไรแบบนี้ แต่ที่ผมไม่ดีใจและบางครั้งถึงขั้นไม่พอใจก็คือการที่เขาส่งออสตินมาคุมผมอย่างกับพ่อมาดูแลลูกที่กำลังอยู่ในช่วงเตรียมอนุบาล ก่อนหน้านี้มีบอดี้การ์ดพวกพี่ๆ คนไทยด้วย โอ้โห เดินเข้ามาหาผมที่ตึกคณะแต่ละที ผมนี่อยากจะมุดดินหนี พวกพี่แกแต่งตัวยูนิฟอร์มชุดสูทเต็มยศมากันสี่คน (รวมออสติน) นั่นทำให้พวกเขาก็กลายเป็นจุดเด่นของหลายสายตา ผมนึกออกเลยว่าการที่อยากเอาปี๊บมาคลุมหัวตามสุภาษิตไทยนั้นเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้พวกพี่การ์ดคนไทยไม่ได้มาแล้ว เนื่องด้วยผมขอร้องวิคเตอร์ว่าส่งแค่ออสตินมาคนเดียวก็เกินพอแล้ว เถียงกันอยู่นาน พอผมแบะปากจะร้องไห้นั่นแหละเขาถึงยอมถอนกองกำลังสามการ์ดไทยออกไปให้


“แต่กูอยากไป เดี๋ยวลองบอกให้เขากลับไปก่อน” พวกเพื่อนผมถึงกับทำหน้าขยาดไปนิด


“หึๆ มึงคิดว่าเขาจะกลับเหรอถ้าผัวมึงไม่ถอนคำสั่ง ครั้งที่แล้วก็อาละวาดใส่มึงจนหน้าจอไอโฟนแทบแตก” แชมป์แสร้งทำหน้าคล้ายคนท้องจะอ้วก ผมจิ๊ปากใส่มันที่บังอาจมารื้อฟื้นเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวเมื่อสองสามวันก่อน


“นี่เมียหรือนักโทษหนีคดีวะ” มันยังไม่หยุดว่า แถมยังย่นคิ้วหรี่ตามองผมราวกับผมมีความผิดติดตัว ทั้งที่จริงก็แค่ผัว เอ้ย สามีสั่งคุมเข้มมากไปเท่านั้นเอง


“เออ ไอ้แชมป์ เขาก็รักอีแมทของเขาเนาะ คนเขาห่วงเขาหวงคนของเขาก็ไม่แปลก แค่อาจแสดงออกมากไปหน่อยเท่านั้นเอง” เก้าตบไหล่ไอ้แชมป์แปะๆ ทำสีหน้าว่าเอาน่าๆ


“แต่กูว่าเกินไปนิดป้ะวะ ตั้งแต่ไอ้พระเอกนั่นมา มึงเจอหน้าไอ้แมทนอกเวลาเรียนกี่ครั้ง” ไอ้วอร์มเสริมต่อด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับกำลังคำนวณวันเวลาที่มันได้เจอหน้าผมนอกห้องเรียน


 ทุกคนทำหน้าเข้าใจในสิ่งที่มันพูด ผมทำหน้ายู่แล้วถอนใจ ที่วอร์มพูดนั้นก็เป็นอีกอย่างที่จริง ผมมาเรียนตามเวลา ซึ่งออสตินจะกะเวลาว่าพอผมถึงมหาวิทยาลัยปุ๊บ นั่นคือผมต้องขึ้นห้องเลย ไม่มีแวะที่ไหนก่อน ถึงคิดจะแวะก็หมดสิทธิ์เพราะเขาจะตามไปส่งถึงหน้าห้อง แม้นผมจะทำหน้าว่าไม่พอใจ แต่ออสตินผู้มึนตึงและเคยผ่านสงครามอิรักมา (เรื่องจริง) ก็หาได้สนใจท่าทีกระฟัดกระเฟียดเหมือนเขียดดิ้นตายของผมไม่ แถมพอเลิกเรียนเขาก็จะมารอรับผมกลับบ้านทันทีไม่มีให้ไปไหน ตรงเวลายิ่งกว่านักการเมืองไทยเข้าประชุมสภาซะอีก (จะโดนสอยมั้ย) ออสตินน่ะรับคำสั่งมาอีกที แต่ไอ้ยักษ์นั่นต่างหากที่เป็นจอมบงการเรื่องนี้ทั้งหมด


“เดี๋ยวกูลองบอกเขาก่อน อย่าเพิ่งไปนะ” ผมบอกเสียงฮึด ทำท่าทีเรียกความกล้าเข้าหาตัวเอง เพิ่งรู้ว่าการจะขอบอดี้การ์ดไปกินข้าวกับเพื่อนเป็นเรื่องที่ต้องรวบรวมความกล้าในการพูดมาก ทุกคนพยักหน้ารับ ผมเดินเข้าไปหาออสตินที่ยืนเตรียมพร้อมลากผมกลับบ้านแล้ว


“เอ่อ คือ ผมจะขอไปทานอาหารเย็นกับเพื่อนก่อนน่ะครับ” ออสตินยื่นนิ่งตามนิสัยของเขา แววตาและสีหน้านั้นเรียบเฉยจนผมใจไม่ดี


“ผมว่ากลับไปทานอาหารที่บ้านคุณแมทเองดีมั้ยครับ เจ้านายคงอยากให้คุณกลับไปทานอาหารกับพ่อและแม่มากกว่า เพราะเดี๋ยวอีกไม่นานคุณแมทก็ต้องเดินทางไปนิวยอร์กแล้ว ใช้ช่วงเวลานี้อยู่กับพ่อและแม่นานๆ ดีกว่านะครับ” ออสตินไม่ใช่คนพูดยาวอะไรมาก แต่ถ้าเป็นคำสั่งหรือเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้านายเขา (วิคเตอร์นั่นแหละ) เขาจะร่ายยาวได้ทันที


“ผมเดินทางปีหน้านะครับ ซึ่งก็อีกตั้งหลายเดือน ผมยังมีเวลาอยู่กับพ่อและแม่อีกนาน แต่ตอนนี้คือผมแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ตัวเองเลยนะ” ผมยิ้มแฉ่งออดอ้อน ซึ่งทำไปก็ไร้ค่ามาก เพราะนี่คือออสตินไม่ใช่วิคเตอร์ และถึงเป็นวิคเตอร์มายืนอยู่ตรงหน้า ถ้าเขาไม่คิดจะให้ไป ยิ้มจนเหงือกแห้ง ยิ้มจนฟันหลุด ก็ไม่มีทางไปไหนได้ทั้งนั้น


“คุณเรย์มอนด์…”


“…จะไม่พอใจเอาได้นะครับ” ผมต่อประโยคที่แทบจะเป็นแพทเทิร์นส่วนตัวของออสตินไปแล้ว


“คุณแมทเองก็รู้ แล้วทำไมถึงยังคิดจะต่อต้านคำสั่งของเจ้านาย” ผมกลอกตาเบ้ปาก ออสตินเลิกคิ้วขึ้นเพียงนิด ส่งสายตามีความหมายเหมือนกำลังถามผมว่า ที่ทำหน้าแบบนี้ ทำใส่เขาหรือทำใส่เจ้านายเขากันแน่


“แต่ผมอยากไป ผมโทรไปขอพ่อกับแม่แล้วด้วย” กลายเป็นเด็กขี้โกหกไปทันที ผมยังไม่ได้โทรหาพ่อกับแม่เลยสักสาย คือถ้าเป็นเวลาปกติตอนผมโสด ไม่มีใคร ไม่มีแฟน ผมอยากไปไหนก็ไป พระอาทิตย์ตกดินถ้ายังไม่ถึงบ้าน แม่ก็แค่โทรมาถาม พอรู้ว่าอยู่กับเพื่อนเขาก็จะไม่ว่าอะไร แค่บอกว่าหากจะกลับก็ให้โทรบอกให้พ่อไปรับเท่านั้นเอง


“ผมว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณ ไม่น่าจะใช่คนตัดสินใจเรื่องนี้ได้เด็ดขาดนะครับ” ผมถอนหายใจเซ็งแรง (ย้ำแรง!) หยิบมือถือชูขึ้นมาด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว


“ถ้าผมขอวิคเตอร์ได้ คุณจะให้ผมไปมั้ย” เขาเลิกคิ้วขึ้น ผายมือมาทางโทรศัพท์ผมแวบหนึ่ง


“ถ้าเขาอนุญาต ผมจะไปมีปัญหาอะไรล่ะครับ แต่ตอนนี้ผมว่าเขายังไม่น่าจะตื่นนะครับ แน่ใจแล้วรึเปล่าที่จะโทรปลุกเขาด้วยเรื่องนี้” อยากจะรู้นักว่าในสงครามอิรักนี่สอนพูดข่มศัตรูด้วยรึไง ถึงชอบพูดอะไรให้ผมพาลคิดกลัวไปไกลอยู่เรื่อย หรือจริงๆ แล้วผมกลัวไอ้ยักษ์มันอยู่แล้วก็ไม่รู้


“แน่ใจ ผมจะโทรบอกเขา” แม้ว่าตอนนี้ที่นิวยอร์กจะตีห้ากว่าๆ เท่านั้น แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร วิคเตอร์ชอบตื่นขึ้นมาออกกำลังกายยามเช้าอยู่แล้ว ก็ถือว่าปลุกเขามาวอร์มก็แล้วกัน


“As you wish, sir.” ผมเหลือบมองจิกตาใส่ออสตินที่ยิ้มไม่สะทกสะท้านกลับมา ผมกดเข้าโปรแกรมสไกป์ สายตาเหลือบไปเห็นสายตาของคนอื่นที่อยู่บริเวณใกล้ๆ หรือกำลังเดินผ่านไปมามองมาที่ผม พวกเขาอาจไม่ได้จับจ้องหรือมองแช่ แต่ก็มองกันเยอะจัดจนผมเริ่มประหม่า เลยเขยิบไปยืนหลบมุมอยู่มุมหนึ่งของตึกคณะโดยมีออสตินเดินเขยิบตามมาด้วย พอพ้นสายตาของใครหลายคนผมก็หาชื่อวิคเตอร์แล้วกดวีดีโอคอลหาเขาในตอนนั้น เขามักจะเปิดออนไลน์ไว้เสมอถ้าอยู่ที่บ้าน แต่ถ้านอกบ้านเขาก็จะพยายามออนไลน์ไว้เท่าที่สัญญาณอินเตอร์เน็ตจะเอื้ออำนวย เพราะเผื่อว่าผมจะโทรหาเขาเนี่ยแหละ


 ตื่อดื้อดืด~


เสียงสัญญาณวีดีโอคอลดังอยู่ประมาณสองนาทีก่อนที่สัญญาณจะหายไป แทนที่ด้วยภาพบนหน้าจอมืดสนิท ได้ยินเสียงกุกกักดังออกมา ผมยิ้มแห้ง รู้สึกปากแห้งคอแห้งไปหมด พอถึงเวลาจะพูดจริงๆ ดันรู้สึกปอดมีรูทีละเล็กทีละน้อย ผมมองหน้าตัวงัวเงียของวิคเตอร์ เขาหรี่ตาจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนที่แสงไฟสีส้มอ่อนๆ ในห้องนอนเขาจะสว่างวาบขึ้น เขาหรี่ตาหนักกว่าเก่า คิ้วเข้มขมวดแน่น


“What? (มีอะไรเหรอ)” เสียงง่วงนอนถามออกมาพร้อมสีหน้าที่ยังคงเหมือนคนนอนหลับอยู่ ผมกระแอมลำคอเล็กน้อย ปั้นยิ้มพิมพ์ใจให้กำลังใจตัวเองเข้าไว้


“Good morning big-giant. (อรุณสวัสดิ์ยามเช้ายักษ์ใหญ่)” ผมทำเสียงอ้อนแผ่วเบา มองใบหน้าหล่อเหลาที่ยุ่งเหยิงเพราะความง่วง


“Morning.” เสียงยานคางตอบกลับมาพร้อมกับใบหน้าง่วงหงาวหาวนอน เหมือนเขาจะหลับตาทั้งที่มือยังถือโทรศัพท์เพื่อคุยกับผมอยู่ ผมเลื่อนสายตาไปมองออสตินด้วยความประหม่า เขาทำสีหน้าสบายๆ กลับมา ส่งรอยยิ้มกระจุ๊บกระจิ๊บมาให้


“ผมจะขอ… ไปกินข้าวกับเพื่อนที่…”


“…ไม่ให้ไป เลิกเรียนแล้วใช่มั้ย กลับบ้านซะ” เขาว่าทั้งที่ตายังปิดสนิท เสียงที่ตอบกลับมานั้นแหบแห้งตามประสาคนเพิ่งตื่นแต่ก็แอบมีลงน้ำหนักให้รู้ว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ


“วิคเตอร์ ขอผมไป…”


“…ไม่” เขาปรือตาขึ้นมามองผม พยายามที่จะส่งสายดุดันมาให้ แต่เพราะคงง่วงจัดเลยดูสลึมสลือไปหมด


“…อย่าดื้อนะ เท่านี้ก่อน ฉันขอกลับไปนอนอีกสักสองชั่วโมง แล้วจะโทรหา” เขากดปิดวีดีโอคอลไปเมื่อได้พูดตามความต้องการ พนันได้เลยว่าถ้าเขาไม่ง่วงจนตาปิดแบบนี้ เขาจะต้องให้ผมถือโทรศัพท์คุยกันผ่านจอมือถือแบบนี้ไปจนกว่าผมจะขึ้นรถและกลับถึงบ้านแล้ว


ผมถอนหายใจ กดออกจากโปรแกรมสไกป์ เงยหน้าสบตากับออสตินก็เห็นว่าเขายืนยิ้มมุมปากน้อยๆ รออยู่แล้ว คงเพราะเขาคงรู้คำตอบจากสีหน้าผมนั่นแหละ


“Can we go home, now? (ทีนี้เราจะกลับบ้านกันได้รึยังครับ)” พ่อบอดี้การ์ดหัวเกรียนหน้าขาวคมนมตั้งยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้างอย่างน่าหมั่นไส้ ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น นึกอยากจะยกเท้ากระทืบไข่เขาให้แตก


“But I wanna go with my friends. (แต่ผมอยากไปกับเพื่อน)” ผมยังคงว่าต่ออย่างดื้อดึงและดื้อด้านบวกกับหน้าด้านเข้าไปอีกด้วย


“I believe you got what he meant. (ผมเชื่อว่าคุณได้ยินที่เขาบอกชัดเจนนะครับ)” ผมกัดฟันแน่น อยากจะฝังเขี้ยวใส่ตัวเขาสักที่เอาให้หายคับแค้นใจกับความเป็นระเบียบของเขา


“เพื่อนคุณแมทรอนานแล้วนะครับ ผมคิดว่าเราควรจะเกรงใจพวกเขาได้แล้ว”  บอดี้ศพ (?) ว่าสีหน้ายียวนกวนประสาทผีสิงที่สิงอยู่ในหัวผม


โอ๊ย! อยากเอาอะไรสักอย่างฟาดหน้าทั้งเจ้านายและลูกน้องคู่นี้ซะจริง ทำอย่างกับผมกำลังโดนปองร้ายหรือเป็นที่หมายปองของชายอื่น ประหนึ่งว่าผู้ชายครึ่งโลกกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะเอาผมตัวสั่น


“You should not go to the war in Iraq. I hate the war. (คุณไม่ควรไปสงครามอิรักเลยจริงๆ ผมเกลียดสงครามจัง)” ไม่รู้ว่าผมจะทำหน้าเอือมไปได้มากกว่านี้อีกมั้ย ทำจนออสตินคงรู้สึกเฉยเมยไปแล้วละ


“Nobody likes the war. All we need for the world is love, sir. (ไม่มีใครชอบสงครามหรอกครับ สิ่งที่พวกเราต้องการต่อโลกนี้คือความรัก)” อยากจะพุ่งอ้วกใส่หน้าหล่อขาวคมจมูกโด่งนั้น แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มประชดประชันกลับไป ก่อนที่ผมจะหมุนตัวเดินตรงไปหาเพื่อนฝูงที่ยืนรอกันนานแล้วด้วยใบหน้าที่พวกมันเห็นก็รู้คำตอบแล้ว


“มึงกลับบ้านเหอะ อย่าพยายามเลย” ไอ้แชมป์ว่ายิ้มๆ มีการตบบ่าผมสองสามทีราวกับจะให้กำลังใจ


“อือ เจอกันพรุ่งนี้นะ กินเผื่อกูด้วยล่ะ”


“คิดซะว่าผัวรักผัวหลงละกันนะอีแมท ดีกว่าผัวทิ้งขว้างเหมือนขยะมีพิษ” แคทส่งยิ้มปริ่มใจมาให้ แต่คำพูดมันเมื่อกี้แปลกๆ อยู่เหมือนกันนะ


“ไปละ จะกลับไปกินข้าวกับพ่อกับแม่” ผมแกล้งว่าเสียงประชดและทำหน้าตาเบี้ยวๆ บูดๆ พวกเพื่อนๆ ขำยกใหญ่ เราโบกไม้โบกมือให้กัน พวกนั้นเดินออกไปทางหลังคณะ ส่วนผมออกทางหน้าตึกคณะเพราะออสตินมักจะเอารถมาจอดรอรับไว้แถวนั้น


“คุณแมทอยากกินอะไรเป็นพิเศษก่อนเข้าบ้านรึเปล่าครับ” ออสตินถามตอนที่เรากำลังเดินกลับไปรถพร้อมกัน ผมหันหน้าเซ็งซึนไปมองเขา


“โอ้ว นั่นเป็นอะไรที่วิเศษมากที่ผมจะได้ไปหาอะไรกินคนเดียว” ผมฉีกยิ้มประชดเต็มที่ แต่มีหรือที่พ่อบอดี้ศพเขาจะรู้สึก


“ผมให้โอกาสคุณแล้ว แต่ถ้าคุณไม่เอา งั้นเรากลับบ้านก็ได้ครับ” เขายิ้มสงบ หยิบรีโมตขึ้นมากดปลดล็อครถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำซีรีส์เจ็ดที่ราคาเทียบเท่ากับหัวอธิการบิดีมหาวิทยาลัยผมรวมกันสี่หัวเห็นจะได้ วิคเตอร์ถามผมว่าชอบรถรุ่นไหน ผมก็ตอบตามความชอบตัวเอง คิดว่าเขาคงถามไปเรื่อย แต่คือวิคเตอร์ไปแอบซื้อทิ้งไว้ทีหลัง เพื่อเอาไว้ใช้เวลาที่เขามาพักอยู่ที่ไทย


ผมติงเขาไปแล้วเรื่องการใช้เงิน แต่เขาก็สวนกลับมาว่าสิ่งที่เขาซื้อแต่ละอย่างนั้นมันเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นสิ่งที่สามารถใช้งานได้จริงๆ ไม่ได้ซื้อมาทิ้งไว้เพื่อประดับบารมีให้ดูร่ำรวยแต่อย่างใด ที่เขาว่ามานั้นมันก็จริง เพียงแต่ผมแค่รู้สึกตกใจเวลาได้ยินว่าเขาจ่ายค่านั่นค่านี่ด้วยจำนวนเงินมหาศาล คือมันเป็นอารมณ์ของคนที่ไม่เคยจ่ายเงินเยอะแยะขนาดนั้นอะ หรือเข้าใจอีกนัยหนึ่งอย่างง่ายดายก็คือ ผมเพิ่งจะมีสามีรวยนั่นเอง


 “เดี๋ยวก่อน…” ผมท้วงเขาไว้ มองหน้ายิ้มน้อยๆ นั่นด้วยความอารมณ์บ่อจอย


“…ผมอยากกินเคเอฟซี แต่ขอกินที่ร้านนะ…” เขาทำหน้าครุ่นคิด ผมถอนหายใจแล้วรีบพูดต่อ


“…คุณจะนั่งเฝ้าก็ได้ เดี๋ยวถ้าวิคเตอร์คอลมา ผมจะหันหน้าจอให้เขาดูว่าอยู่กับคุณสองคน”


“แบบนั้นไม่ค่อยเข้าท่านะครับ ผมยังไม่อยากตกงาน” ผมรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เขาหมายถึงเรื่องความขี้หึงของไอ้ยักษ์ ที่แม้กระทั่งกับออสตินบุคคลที่เขาส่งมาให้ดูแล (ควบคุม) แทนตัวเขาเอง เขายังไม่ค่อยชอบใจถ้าผมกับออสตินจะใกล้ชิดกันเกินไป


บางทีถ้าจะเป็นแบบนี้ ผมก็อยากให้วิคเตอร์จ้างบอดี้การ์ดผู้หญิงมาเลยเถอะ แต่เขาก็ไม่เอา เพราะเขาไว้ใจออสตินคนเดียว แค่อย่าอยู่ใกล้ผมมากไป อารมณ์ว่าไว้ใจคนนี้เรื่องคุ้มกันดูแลแต่ไม่ไว้ใจเวลาที่ผมกับบอดี้การ์ดอยู่ใกล้กัน ป๊าดติถ่อ! ไอ้แมทนี่หน้าตาดีปะล้ำปะเหลือเนาะ


 “นั่งอยู่ห่างๆ ก็ได้” ผมบอกอย่างเหลืออด ออสตินเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง


“ก็น่าจะปลอดภัยขึ้นมาบ้าง” ว่าแล้วเขาก็เปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง ผมไม่ได้อยากมานั่งด้านหลังแบบนี้เลยนะ ผมแอบเกรงใจออสติน กลัวเขาจะดูเหมือนคนขับรถไปด้วย แต่เจ้าตัวยืนยันว่าเขาไม่ได้คิดมาก แค่อยากให้ผมนั่งด้านหลังตามสมควรในฐานะเจ้านายของเขาอีกคน


“คุณไม่เบื่อเหรอที่ต้องมาคอยรับส่งผมแบบนี้แทบทุกวัน” วันไหนผมไม่มีเรียน ผมก็อยู่บ้านซึ่งนั่นจะเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เจอเขา แต่ถ้าผมจะออกไปไหนที่ไม่ใช่ไปกับพ่อและแม่ เขาจะมารับและตามไปเฝ้าห่างๆ ทันที ผมเคยแอบหนีไปเที่ยวห้างคนเดียว กำลังเดินเพลินๆ วิคเตอร์ก็โทรมาหาด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง ไม่รู้ว่ารู้ได้ไงว่าผมอยู่ไหน (ไม่รู้ตัวว่าผัวติด GPS บนมือถือ) พอเขารู้ว่าผมหนีออกไปเที่ยวคนเดียวก็แทบจะกินหัวผมผ่านโทรศัพท์ อาละวาดไปหนึ่งยกแล้วเขาก็โทรตามออสตินให้มาดู ตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่แต่ออสตินคงโดนเละน่าดู เพราะสีหน้าเขาตอนเจอกันวันนั้น ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ เขาขอร้องจนผมรู้สึกผิดไม่กล้าหนีไปไหนมาไหนคนเดียวอีก


‘จะไปไหนมาไหนคนเดียว บอกผมเถอะครับ ผมจะไปรับและมาส่ง ผมจะพยายามไม่วุ่นวายกับคุณมาก จะพยายามเดินให้ห่าง แต่ถ้าจะให้คลาดสายตาไปเลยผมคงทำไม่ได้ อย่าทำให้เจ้านายเขาเป็นกังวลนักเลยครับ เขาเป็นห่วงคุณมากนะ’


“เบื่อครับ…” เขาพูดออกมาอย่างสงบ ผมอ้าปากหวอ กระพริบตาปริบๆ มองเสี้ยวหน้าพ่อบอดี้ศพ


“…แต่ผมได้เงิน แล้วคุณเรย์มอนด์แฟนคุณก็ให้เงินดีมากด้วย เบื่อแค่ไหนผมก็ทำ” โอ้โห ตรงๆ ง่ายๆ กันอย่างนี้เลยใช่มั้ย สรุปว่าเขาเองก็ใช่ว่าอยากจะมาดูแลผมแบบนี้


“สุดท้ายก็เพราะเงิน อะโด่” ผมเบ้ปากบิดปากเบี้ยวอยู่คนเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เหลียวหลังมามองเลยสักนิด


“หรือจะให้บอกว่าสุดท้ายก็เพราะคุณงั้นเหรอครับ แบบว่า ผมทำเพื่อคุณด้วยความเต็มใจครับ แบบเนี้ยอะเหรอ” จ้ะ อีพ่อขาวหล่อ รู้แล้วละว่าพ่อรับงานนี้เพราะอะไร


“คุณก็ไม่ได้อยากทำงานนี้ แล้วจะมาทำทำไมล่ะ”


“ก็บอกแล้วไงครับว่าเงินดี แค่ดูแลเด็กสติไม่ดีคนนึงให้อยู่กับร่องกับรอย ผมว่าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” หะ… ฮะ?! ไอ้บอดี้ศพมันด่าใช่มั้ย ผมอ้าปากค้าง หน้าตามึนตึ้บกับการโดนแซะ


“นั่นหมายความว่าผมบ้ารึเปล่า” ผมหรี่ตาปรือมองเสี้ยวหน้านิ่งของพ่อหัวเกรียน


“เปล่าครับ สติคุณแมทดี แค่อาจจะขาดๆ เกินๆ ไปบ้างเท่านั้นเอง” แล้วมันทำให้รู้สึกดีขึ้นตรงไหน ยังไงก็ความหมายคล้ายกันอยู่ดี สมัยนี้ลูกน้องเขาคุยกับเจ้านายกันแบบนี้แล้วเหรอ ฉันตามไม่ทันแล้วพี่บัวลอย


“พูดจาแบบนี้พ่อแม่เคยด่าว่าเป็นคนหยาบคายบ้างมั้ย” ผมถามด้วยความหมั่นไส้ นึกอยากเอื้อมมือไปตบหัวเกรียนเหม่งๆ นั่นสักที


“ไม่นะครับ ผมพูดกับท่านทั้งสองอย่างสุภาพ” เขาตอบกลับมาสงบ แต่บอกได้เลยว่าท่าทีแบบนี้แม่โคตรจะกวนอารมณ์ ผมถอนหายใจ ปล่อยเขาผ่านไป เวลาผมเถียงกับเขาทีไร เขาชอบเถียงแบบเนี้ย เถียงแบบกวนประสาท เถียงด้วยท่าทีที่เหมือนไม่สู้ แต่เนียนหลอกด่าตลอด ไม่รู้ว่านี่เป็นผลกรรมของผมที่ชอบหลอกด่าวิคเตอร์รึเปล่า


“ถึงแล้วครับ คุณแมทควรถึงบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่ม สั่งแล้วก็รีบกิน อย่ามัวแต่นั่งแทะกระดูกเหมือนคนอดอยากปากแห้งนักนะครับ” เขาพูดยิ้มๆ ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ถลึงตามองเขาด้วยความขุ่นข้องหมองใจ แต่ผมไม่อยากต่อประเด็นถกเถียงกับเขา


ปัง!


ผมกระแทกประตูรถปิดเสียงดัง แต่กลับสะดุ้งเสียเอง พอได้สติผมก็รีบเข้าไปดูรถว่าเป็นอะไรหรือเปล่า รถเพิ่งซื้อมาใหม่ ป้ายทะเบียนยังสีแดงฉาน ผมอาจจะทำบุบสลายก็เป็นได้ นึกถึงเสียงกับแรงสั่นกระแทกเมื่อกี้แล้วใจไม่ดีเลย ขอบประตูมันจะเบี้ยวมั้ย


“ถ้าคิดจะทำลายข้าวของต้องใจกล้าให้เท่าคุณเรย์มอนด์นะครับ” ผมมองค้อนควักใส่ออสตินที่ยิ้มยียวนกลับมา เลื่อนสายตามองประตูรถอีกที พอรู้สึกว่ามันคงปลอดภัยไม่มีอะไรแล้วเลยเดินตรงไปยังประตูทางเข้าห้างในลานจอดรถโดยมีออสตินเดินตามหลังมา นึกในใจว่าบางทีก็อยากให้เขาโดนวิคเตอร์ด่ามาราทอนสักชั่วโมง โทษฐานทำตัวกวนพระบาทา


TBC.

ผัวรักผัวหลงขนาดดดด มันก็ดี แต่แบบนี้ เยอะไปไอ้ยักกกย์ แถมออสตินยังปากจัดอีกต่างหาก 55555

เดี๋ยวค่อยๆ ทำความเข้าใจกับความเยอะ ความเวอร์ไอ้ยักษ์กันไปเนาะ ไม่ได้เขียนมาเพื่อบอกว่า โห รักเวอร์ น่าอิจฉาเวอร์ อะไรแบบนั้นอย่างเดียวนะ มันคือส่วนหนึ่งของเส้นเรื่องและความสัมพันธ์ของเขาสองคนในพาร์ทนี้ คริๆ

พรีออเดอร์รีปริ้นพาร์ทแรก เหลือเวลาอีกเจ็ดวันแน้คะ รายละเอียดดูได้ที่โพสปักหมุดในเพจเลยจ้าาา

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดทุดคนเลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-12-2015 18:14:37
ชอบออสติน ฮืมมีแฟนยังคะ พามารุ้จักหน่อย ถ้ายังไม่มี หาคู่ให้ฮิมทีเถอะค่า พลีส~ :pigha2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 07-12-2015 18:28:22
เดี๋ยวนะ พระเอกชื่อวิคเตอร์ หรือฮิตเลอร์นะ
สับสน 555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-12-2015 18:30:21
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 07-12-2015 18:31:07
 :laugh: แมทน่าอิจฉา ผัวรักผัวหลง   

ออสตินก็กวนนะ แมทไม่เหงาเลยหล่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 07-12-2015 18:55:14
โห วิคเตอร์โคตรเผด็จการอ่ะ เป็นเรานี่บ้านแตกเลยจ้า :serius2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-12-2015 19:02:25
วิคเตอร์นี่สุดยอดสุดติ่งจริงๆ ทำอะไรที่เราไม่ได้คาดคิดได้เสมอ มองอีกอย่างก็คือเป็นห่วง หวง แต่คนที่ได้รับน่าจะอึดอัดนะ
คือคนเรามันก็ต้องมีเพื่อนมีสังคมบ้าง แล้วดูส่งออสตินมาเฝ้า โคตรแสบอ่ะ ปากจัดมาก แต่ที่จริงพี่ก็ว่าสูสีอยู่นะกับปากแมท 555
ขนาดหนัก ผัวหลงขนาดหนัก สู้ๆ นะน้องแมท วิคเตอร์ก็เพลาๆ บ้าง ไม่ใช่เจ้าชีวิตเขา เอ๊ะ หรือใช่

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2015 19:42:43
จ้า แม่คนผัวรักผัวหลง เสน่ห์นางดีเหลือหลาย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-12-2015 20:36:03
โอ้วววววววววว ออสตินจัดมากค่ะ ปากหรืออะไรค่ะนั่น  นี่วิคเตอร์รู้เปล่าเนี่ยว่า บอดี้การ์ดปากจัดขนาดนี้ 555555555555555555555
พี่ยักษ์ คุมไว้แบบนี้ก็ดีนะ  แล้วตัวพี่ยักษ์ล่ะ มีใครคุมเข้มแบบนี้มั้งเปล่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-12-2015 22:09:16
แมทชักน่าสงสารไปล่ะ โดยใส่กรอบขนาดนี้
ยักษ์เอ๋ย ไม่รู้จักความพอดีมั่งเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 07-12-2015 23:17:18
สามีขี้หวงก็แบบนี้แหล่ะแมท ถ้าไปเมกาคาดว่าเพื่อนๆ คงลืมแกเลยล่ะแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 07-12-2015 23:49:39
ฮาเพื่อนแมทอ่ะ เพื่อนๆน่ารักอ่ะ
อีพี่วิคนิไม่สงสารนางบ้าง ให้นางอยู่กับเพื่อนๆบ้างเถอะพ่อคุณ :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-12-2015 00:05:28
วิคเตอร์เยอะไปนะ เยอะไปมากๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: __imagine__ ที่ 08-12-2015 01:56:43
คิดเสียว่า "ผัวรักผัวหลง"
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 08-12-2015 09:09:08
ขำออสติน  :laugh: อย่างน้อยแมทก็มีคนให้คุยเพลินๆ(?)ได้นะ 555
แมทถือซะว่าผัวรักผัวหลง ดีจะตายนาาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 08-12-2015 10:02:09
นางเยอะจริงๆ  เป็นเพราะอะไรนะะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 08-12-2015 11:02:17
รักเว่อแบบไอ้ยักษ์ไม่ได้น่าอิจฉาเล้ยยย
เหมือนเป็นนักโทษมากกว่า  :เฮ้อ:
วิคเตอร์คงมีปมเรื่องนี้สินะ  :katai1:
ปล.ออสตินนนน  :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 50%} 07.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 10-12-2015 19:11:23
โอ๊ย เพิ่งตามอ่านทันค่ะ ฉันไปอยู่ไหนมาสนุกมากกกกก รอติดตามพ่อยักษ์กับหนูเอเลี่ยนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 11-12-2015 17:05:05


Only You EP.20 [100%]



หลังจากกินไก่เคเอฟซีจนอิ่มแปล้ตามที่ต้องการ ออสตินก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน วันแรกที่ออสตินมาส่งผม พ่อกับแม่ตกใจพอสมควรที่จู่ๆ ก็มีรถหรูเวิร์ดคลาสคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าบ้าน ผมก็บอกพวกเขาไปตามปกติว่าเป็นคนขับรถของวิคเตอร์ (ที่อยู่ในสถานะเจ้านายผม) ส่งมาดูแลเรื่องการเดินทางเพื่อความสะดวกในการทำงานที่วิคเตอร์ฝากไว้ให้ทำที่เมืองไทยก่อนที่ผมจะต้องบินไปอเมริกาหลังจากเรียนจบ มันอาจไม่ใช่การโม้ใหญ่โต แต่ก็ไม่ใช่การบอกความจริงทุกสิ่งอย่างว่าอะไรเป็นอะไร วิคเตอร์มีงานอะไรให้ผมทำล่ะ นอกจากเรียนให้จบแล้วบินไปหาเขาทันที


“เจ้านายเรานี่เขาใจดีไปรึเปล่า ส่งคนขับรถมาให้ขนาดนี้” พ่อเอ่ยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด สายตามองรถบีเอ็มดับเบิลยูขับออกไปจากหน้าบ้าน


“มีเจ้านายดีก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมยิ้มเฝื่อน หากจะมีใครนึกสงสัยเรื่องผมกับวิคเตอร์ที่สุดในตอนนี้ก็คงเป็นพ่อนี่แหละ ตั้งแต่วันที่วิคเตอร์มาหารอบนั้นเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไร แต่เวลาแม่เอยถึงเรื่องงานผมที่นิวยอร์ก (ที่ไม่มีจริง) พ่อก็จะมีประเด็นมาถามย้อนแย้งแนวๆ นี้อยู่บ่อยๆ


และที่สำคัญ ตอนนี้พ่อกับแม่รู้แล้วว่าวิคเตอร์เป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในวงการบันเทิงตะวันตก มันอาจไม่ใช่เรื่องน่าตกใจหรือน่าตื่นเต้นอะไร แต่ผมรู้สึกว่านั่นเป็นการทำให้พ่อผมยิ่งสงสัยในตัววิคเตอร์มากขึ้น


“ก็ดี แต่ดีไปรึเปล่า ใส่ใจลูกน้องเกินไปพ่อว่า” ผมไม่รู้ว่าพ่อจะเห็นข่าวระหว่างผมกับวิคเตอร์บ้างหรือยัง พ่อไม่ใช่คนชอบเรื่องวงการบันเทิงก็จริง แต่พ่อก็ไม่ได้อยู่หลังเขาถึงขนาดที่จะไม่รู้หรือจะไม่ได้รับข่าวสารใดๆ เลย


“ใส่ใจมากไปก็ไม่ดีเหรอ” ผมยิ้มเจื่อน พ่อหรี่ตามองผมแวบหนึ่ง


“สงสัยแมทจะได้เจ้านายดีเกินไปแล้วมั้ง” ที่พ่อพูดนั้นไม่ใช่ประโยคกำกวมแต่อย่างใด สีหน้าจับผิดของพ่อที่แสดงออกมานั่นต่างหากที่ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าตัวเองเหมือนวัวสันหลังหวะยังไงชอบกล


“ก็เป็นเรื่องน่ายินดีออก” ผมพยายามเก็บอาการกระต่ายตื่นตูมไว้ให้มิดชิด เวลาคุยกับพ่อในเรื่องที่ออกแนวโกหก ไม่ใช่ความจริง ต้องสงบนิ่งให้ได้มากที่สุด แม้ในใจจะกลัวว่าพ่อจับได้ที่สุดก็ตาม หากถามว่าระหว่างพ่อกับวิคเตอร์ ผมกลัวใครมากกว่ากัน บอกอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า ผมกลัวทั้งสองคนนั่นแหละ เพราะสองคนนี้มีลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกัน แม้นหน้าตาจะไม่เหมือนกันก็เถอะ


“เจ้านายแมทนี่หน้าตาดีเหมือนกันนะ” แน่ะ ยังไม่หยุดนะพ่อ นี่คือรู้แล้วใช่มั้ย หรือว่ายังไม่รู้ แบบนี้โคตรอึดอัดเลย จะพูดอะไรมากไม่ได้อีก เดี๋ยวจะกลายเป็นเผยไต๋ซะเอง


“ถ้าหน้าตาไม่ดีเขาจะได้เป็นดารารึไงล่ะ”


“เขามีแฟนรึยัง”


“ยัง แต่ก็คงมีคนคุยๆ ด้วยแหละ เรื่องนั้นแมทไม่ได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่” สายตาที่พ่อมองมานั้น แม้นจะนิ่งสงบ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันคืออาการของคนน้ำนิ่งไหลลึก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องราวดีๆ เท่าไหร่ เพราะผมจะไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วพ่อกำลังรู้สึกนึกคิดยังไง


“อืม ก็ไม่น่าแปลก หล่อขนาดนั้นแฟนเขาคงสวยนะ” ผมชะงักกึก รับรู้อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของพ่อ แต่ก็แสดงออกอะไรมากมายไม่ได้ ที่ทำได้คือยิ้มบางเบาและพยักหน้าไปเรื่อย ในใจเต้นกระตุกแปลกๆ นิดหนึ่ง


“ก็คงสวยแหละ ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน” ผมแสร้งพูดสมทบตีเนียน พ่อผงกหัวขึ้นนิดหนึ่ง


“แล้วเรื่องบวชว่ายังไง จะบวชก่อนไปอเม’กาอย่างที่แม่เขาขอรึเปล่า”


“ยังไงแมทก็บวช ไม่ว่าแมทจะเป็นยังไง เป็นอะไร แมทก็จะบวชให้แน่นอน…” ผมเอาบ้าง ส่งสัญญาณกลับไปในน้ำเสียงของตัวเอง พ่อรู้ว่าผมหมายถึงอะไรเพราะเขาแอบหลบสายตาผมไปนิด


“…แต่แมทขอไปเก็บประสบการณ์การทำงานสักพักได้มั้ย ขอเก็บเงินด้วย ไม่เกินปี แมทกลับมาบวชแน่นอน” ณ ตอนนี้ การไปอเมริกาของผมคือการไปอยู่กับวิคเตอร์ ไม่ได้ไปทำงานอย่างที่บอกพ่อกับแม่ แต่ผมตั้งใจว่าเมื่อไปถึงยังไงผมก็ต้องหางานทำ จะให้อยู่เฉยคงไม่ได้


“พ่อไม่ได้มีปัญหา แต่เคลียร์กับแม่เขาให้เข้าใจแล้วกัน” ผมพยักหน้ารับคำ


“แล้วนี่แม่ไปไหน”


“ไปเล่นกับน้องพรีม” ผมพยักหน้าอีกรอบ หมุนตัวเดินเข้าไปด้านในบ้าน ปล่อยให้พ่อนั่งหน้าร้านต่อไป อีกนัยหนึ่งคือผมไม่อยากอยู่ต่อประเด็นให้ตัวเองเป็นที่สงสัยของพ่อมากไปกว่านี้


ผมเดินขึ้นไปบนห้องนอน เปิดไฟให้ความสว่าง กดเปิดแอร์เพื่อให้ความเย็น ผมมองนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียงก็ต้องขมวดคิ้วไปนิด เพราะเวลานี้วิคเตอร์น่าจะคอลสไกป์มาแล้วตามที่เขาบอก อันที่จริงเขาควรคอลมาตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนที่เขาบอกไว้ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เท่านั้นแหละผมก็รู้สึกถึงอาการหน้าซีดทันที


แบตหมด!


ผมยกมือเกาหัวแรงๆ เดินไปเปิดแม็คบุ๊ค หยิบสายชาร์ตโทรศัพท์ออกมาชาร์ตโทรศัพท์แล้ววางไว้บนโต๊ะทำงาน ผมเลื่อนเม้าท์ไปคลิกโปรแกรมสไกป์ในแม็คฯ พอกดออนไลน์ได้ยังไม่ถึงสิบนาที เสียงคอลวีดีโอก็ดังขึ้น ยังไม่ทันได้กดรับ ผมก็รับรู้ถึงกระแสความไม่พอใจของไอ้ยักษ์หน้าหนวดมาจากนิวยอร์ก


“H—hi.” ผมทักเขาเสียงสั่นตอนที่กดรับ ใบหน้าเขาเรียบนิ่ง ไม่รู้ว่าโกรธจัดหรือว่าไม่ได้โกรธกันแน่ ซึ่งอันหลังนี่ผมกำลังคิดว่าตัวเองน่าจะฝันอยู่นะ


“ปิดเครื่องเหรอ” เขาถามเสียงสงบ ใบหน้าหนวดเครานั่นก็ดูสงบตามเสียง


“แบตผมหมด อย่าโกรธนะ” รีบอ้อนไว้ก่อน ถ้าเขาจะโกรธ จะได้ไม่ทรงพลังมากจนเกินไป


“ตอนแรกโกรธ แต่พอดีออสตินรายงานว่าส่งนายถึงบ้านแล้ว” อันนี้คือผมต้องขอบคุณพ่อบอดี้ศพนั่นรึเปล่าที่ช่วยพยุงชีวิตของผมไว้


“ไปอยู่ไหนมา” เขาถามต่อ ผมยกแม็คบุ๊คขึ้นจากโต๊ะ เดินไปนั่งบนเตียง เอาหมอนเป็นที่รองแม็คฯ ไว้ ขยับปรับหน้าจอให้เข้าที่เข้าทางเล็กน้อย นั่งพิงหัวเตียงคุยกับเขา


“คุยกับพ่ออยู่ครับ” ถ้าเป็นเรื่องคนในครอบครัว วิคเตอร์จะไม่ว่า ไม่โมโหใส่ หรืองี่เง่าใดๆ ใส่ผม แต่ถ้าลองผมบอกว่า คุยกับเพื่อน อยู่กับคนอื่น ติดธุระอยู่กับใครสักคนที่นอกเหนือจากพ่อและแม่ ผมจะไม่ได้เห็นเขาพยักหน้ารับรู้แบบสุภาพอย่างนี้หรอก


“ออกไปถ่ายงานกี่โมงครับ”


“เก้าโมง” ผมพยักหน้านิดหน่อย แอบสำรวจอารมณ์เขาแวบหนึ่งว่าตอนนี้เขาไม่ได้โกรธอย่างที่ปากพูดแล้วแน่หรือเปล่า


“คุณกับเซล่า (Cayla) เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” ผมถามถึงเรื่องระหว่างเขากับโฆษกส่วนตัวที่ทำเขาโมโหก่อนกลับไปนิวยอร์ก กับประเด็นเรื่องราวของผมกับเขาที่เธอไม่ต้องการให้เป็นข่าวใหญ่โตไปมากกว่านี้ หลังจากวันนั้นวิคเตอร์ก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังเพิ่มเติมมาก บอกแค่ว่าเดี๋ยวเขาเคลียร์เอง ไม่รู้ว่าเคลียร์ไปถึงไหนแล้ว


“พูดกับเธอ ฝึกไมเคิลให้ฉี่ลงโถส้วมยังง่ายกว่า” ผมอมยิ้มขำ หน้าตาวิคเตอร์บ่งบอกว่าเซ็งและเบื่อโฆษกคนนี้มาก ผมไม่รู้ว่าเธอดูน่าเบื่ออย่างที่วิคเตอร์บอกรึเปล่า เพราะเอาเข้าจริงวิคเตอร์ก็เบื่อคนไปทั่วนั่นแหละ ยิ่งถ้าคนไหนขัดใจเขามากๆ คนนั้นจะกลายเป็นบุคคลน่าเบื่อ นิสัยน่ารำคาญไปทันทีในสายตาเขา


“แล้วคุณกับคุณชารอนล่ะ เป็นยังไงกันบ้าง” วิคเตอร์ขมวดคิ้วแน่น หน้าตาเขามีความงงงวยกลับมา


“แล้วจะให้ฉันกับเธอเป็นยังไงล่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่”


“ก็แหม กระแสข่าวระหว่างคุณกับเธอก็แรงพอๆ กับกระแสหนังนั่นแหละ” เป็นความจริงที่ว่าเหล่าบรรดาแฟนคลับนั้นมโนคู่นี้แรงพอๆ กับคู่จิ้นที่ผมเคยติดตามในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง มีอินสตาแกรมคู่ของสองคนนี้ผุดขึ้นเพียบนับตั้งแต่ค่ายหนังปล่อยภาพเบื้องหลังการถ่ายทำของพระนางออกมา ซึ่งภาพนั้นเป็นภาพโมเม้นต์ชวนฟินของเหล่าแฟนๆ ได้ดีเหลือเกิน


“กำลังจะคิดมากอีกแล้วใช่มั้ย” เขาหรี่ตามอง แววตาเหมือนจับผิดอาการของผมอยู่


“ผมไม่ได้คิดมากสักหน่อย” ผมบอกเสียงอู้อี้แล้วทำแก้มป่องน้อยๆ แอบเลื่อนสายตาหลบดวงตาคู่คมของเขา วิคเตอร์ทำสีหน้าว่าไม่เชื่อ


“แน่ใจ?”


“แน่สิ ผมรู้น่าว่าอะไรเป็นอะไร”


“ไม่ใช่แค่รู้ แต่นายต้องเชื่อใจฉัน เข้าใจมั้ย” คิ้วเขาย่นหน้าตึง สีหน้าเขาซีเรียสกับสิ่งที่ถาม ผมยกยิ้มมุมปาก พยักหน้าแทนคำตอบ วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นสูง ผมถอนหายใจแผ่วเบา


“เข้าใจครับ”


“ทำให้ได้อย่างที่พูดและที่พยักหน้าไปด้วย”


“คุณก็อย่าวอกแวกแล้วกัน ชารอนเธอก็ใช่ว่าหน้าตาขี้เหร่สักหน่อย” เธอสวยมาก แถมยังมีความน่ารักผสมด้วย ถึงวิคเตอร์จะเคยบอกว่าเธอมีแฟนแล้ว แต่ใครจะไปรู้ล่ะ วิคเตอร์กับเธอใกล้ชิดกันเกือบทุกวัน บางทีมันอาจจะเป็นตัวแปรของทั้งคู่ก็เป็นได้


“ใช่ เธอไม่ได้หน้าตาขี้เหร่อย่างนาย ฉันไม่ชอบหรอก” เขายิ้มกว้างอย่างขบขัน ผมเบ้ปากใส่เขาแรงๆ จนเขาหัวเราะเสียงทุ้ม


“แล้วกระแสข่าวที่นั่นเป็นยังไงบ้าง” ผมสามารถติดตามข่าวได้จากโลกโซเชียลก็จริง แต่ผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วกระแสเรื่องเขากับผมนั้นเป็นอย่างไร วิคเตอร์ไม่ได้ประกาศชัดเจนก็จริงว่าผมกับเขาคบกัน แต่จากภาพในอินสตาแกรมเขานั้นมันสามารถเป็นประเด็นได้ไม่หยุด อันที่จริงรูปนั้นมันไม่เท่าไหร่หรอก รูปในแฟนเพจเฟซบุ๊คของผมกับเขาต่างหากที่สื่อต่างๆ เอาไปเปิดประเด็นเพิ่มเติม แต่พวกนั้นก็ไม่ได้เขียนข่าวโจ่งแจ้งอะไรมาก เพราะเอาเข้าจริงแล้วก็ยังไม่มีอะไรหลุดออกจากปากวิคเตอร์เลยสักนิด


“ไม่ต้องไปสนใจข่าวนักหรอก แค่ใช้ชีวิตของเราปกติต่อไปนั่นแหละ…” เขาขยับตัวลงจากเตียง หยิบเสื้อยืดมาพาดบ่า หน้าจอสั่นเคลื่อนไหวไปมายามที่เขาก้าวเท้าเดิน


“…ว่าแต่นายโอเคนะที่เรื่องของเราจะอยู่ไปเงียบๆ แบบนี้” ผมพยักหน้ารับรัวๆ


“โอเคมากๆ ครับ ไม่ต้องบอก ไม่ต้องพูด อยู่เงียบๆ แบบนี้แหละ” วิคเตอร์ยิ้มเนือยดูเหนื่อยหน่ายใจ


“ไม่อยากเปิดตัวบ้างเหรอ” ผมทำปากยู่ ย่นคิ้วใส่จอ เอานิ้วชี้เกาหัวคิ้วขวาเบาๆ


“จำเป็นต้องเปิดด้วยเหรอ ผมไม่ได้พูดให้ตัวเองดูดีนะ แต่ผมคิดว่า อยู่แบบนี้ผมก็มีความสุขดีแล้ว จะเปิดหรือปิด เราก็ยังรักกันไม่ใช่เหรอ” ผมพูดตาแป๋ว กระพริบตามองหน้าวิคเตอร์ปริบๆ ไอ้ยักษ์ยิ้มกว้างจนร่องแก้มขึ้น แววตาวิบวับจับจ้องมองหน้าผม


“ฉันแข็งแล้ว” ผมเบิกตากว้าง ใบหน้าร้อนฉ่า วิคเตอร์ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากล่างอย่างเชื่องช้า


“ขะ… แข็งได้ไง ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ผมทำแก้มอูม รู้สึกทึ่งหน่อยๆ กับปฏิกิริยาแห่งต่อมความรู้สึกทางเพศของเขา


“นายพูดจาเข้าท่าดี” โอ๊ะ แค่เนี้ยน่ะเรอะ เพิ่งรู้ว่าคำพูดสร้างอารมณ์ได้ด้วย


“ช่วยตัวเองไปสิ”


“แล้วอาทิตย์ก่อนฉันทำอะไรล่ะ” เขายิ้มร้ายกาจ ผมหน้าแดงแปร๊ดไปทั่วหน้า


อาทิตย์ก่อน เรากำลังคุยกันผ่านหน้าจอแบบนี้ละ สักพักเขาก็บอกว่ามีอารมณ์ ผมก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เขาเลยบอกให้ผมถอดเสื้อผ้า นอนเปลือยนิ่งๆ บนเตียง นอกนั้นเขาจะจัดการเอง เขามองผมด้วยสายตามัวเมา ใช้มือรูดรั้งลูกชายเขาไปเรื่อย ตอนแรกผมก็นอนนิ่ง แต่พอเห็นแฟนตัวเองชักขึ้นลง แมทน้อยมันก็ตื่นตัว วิคเตอร์ยิ้มยั่วและบอกให้ผมทำตามเขา เราเลยนั่งช่วยตัวเองผ่านหน้าจอจนเสร็จ เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับผมมาก


“อันที่จริงฉันอยากฟัดนายตัวเป็นๆ มากกว่า เฮ้อ… อีกนานเลยกว่าฉันจะได้ไปหานาย” เขาบ่นสีหน้าเซ็ง ถอนหายใจยาวๆ


“ตั้งใจทำงานก่อนเถอะครับ ว่างแล้วค่อยมาก็ได้”


“ห้ามนอกใจฉันนะแมท” เขามองผมด้วยสายตาดุๆ ผมกลอกตาหน้าเอือม ว่าแต่ผม เขาเองก็ชอบทำท่าว่าไม่ไว้ใจผมเหมือนกันนั่นแหละ


“คุณส่งออสตินประกบผมขนาดนี้ ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปนอกใจคุณเนี่ย” แววตาเขาหยาบกระด้างขึ้นไปนิดเมื่อผมพูดจบ ผมงุนงงกับท่าทีของเขา


“หมายความว่าถ้าไม่มีออสตินนายจะมีคนอื่นใช่มั้ย?!” หะ…หา?! ทำไมคิดไปอย่างได้ล่ะ ไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลยนะ


“เปล่า! ผมไม่ได้จะทำแบบนั้น”


“ก็ลองทำสิ นายโดนล่ามโซ่แน่!” เขาเปล่งเสียงแข็ง ใบหน้าขึงตึงขึงขัง ผมขมวดคิ้วงง กำลังงงว่าเขาพาผมมาจุดที่เขาเสียงดังใส่ผมได้ยังไง


“ผมรู้แล้วละครับว่าคุณมีโซ่” ห้อยอยู่ในห้องเซ็กส์ทอยนั่นไง


“รู้แล้วก็ดี และฉันทำจริงนะถ้านายนอกใจฉัน” บ๊ะ! สวยเว้ยยย! ผัวรักผัวหลง แต่กลัวมันจะรักจะหลงแค่ช่วงโปรโมชั่นนี่ละวะ


“คุณเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย” ผมขมวดคิ้วใส่พ่อยักษ์หน้ายุ่ง ไม่รู้จะหึง จะหวงอะไรนักหนา เออ ถ้าว่า ผมหน้าตาเป๊ะปังกะละมังถังแตกจะไม่ว่าเลย นี่มีอะไรดึงดูดตัวผู้บ้าง ถ้ามันจะมี ผมไม่โสดร้างค้างแรมมานานเป็นยี่สิบกว่าปีหรอก


“ฉันรักนายนะ” โอเค แค่ประโยคเดียว เล่นเอาอ่อนระทวยเลย ไม่ว่าเขาจะเห็นผมเป็นคนยังไง แต่ที่สำคัญคือเขารักผมนี่ละนะ ฮี่ๆ เขินจัง โดนบอกรัก


“ผมก็รักคุณ คุณเองก็ห้ามนอกใจผมล่ะ คุณอะมันเจ้าชู้ มักมากในกาม”


“มักมากในกามไม่ปฏิเสธ แต่ฉันก็มักมากกับนายคนเดียว ส่วนเรื่องเจ้าชู้ การที่ฉันมีอะไรกับใครมาเยอะ ไม่ได้หมายความว่าฉันหลายใจสักหน่อย ถ้างั้นฉันก็มีแฟนเป็นร้อยคนแล้วสิ” อันนี้ก็จริงอยู่ วิคเตอร์มีแฟนมาแค่สองหรือสามคนเอง แล้วแต่ละคนเขาก็ใช่ว่าคบแปบๆ แล้วเลิก คบกันนานพอสมควร อย่างคนแรกที่ว่าเป็นรักแรกของเขานั้นก็สามสี่ปีอยู่นะ


“โอเค เอาเป็นว่าเราต้องเชื่อใจกัน”


“นายห้ามคิดมากเรื่องฉันกับชารอน โอเค๊?” ผมกำลังจะพยักหน้า แต่สักพักก็ทำปากยื่น หน้าตาหงอยเหงา


“แต่คุณกับเธอก็เหมาะอย่างที่พวกแฟนคลับเขาว่าจริงๆ นะ ชารอน (Sharon) กับวิคเตอร์ (Victor) รวมกันเป็นชาเตอร์ (Shator)” อันนี้เป็นชื่อกลุ่มแฟนคลับของสองคนนี้ ที่เมืองนอกมักจะมีแบบนี้แหละ พระนางคนไหนที่เคมีเข้ากันมากๆ เขาจะเอาชื่อมาบวกกัน ทำเหมือนว่าเป็นคนๆ เดียวกันอะไรประมาณนั้น ที่ไทยก็มีมั้ง แต่ผมไม่ค่อยติดตามคู่จิ้นเมืองไทยเท่าไหร่


“สู้มอนด์แมท (Mondmatt) ไม่ได้หรอก” กำลังทำหน้านอยด์ๆ อยู่ถึงกับขำเสียงดังที่เขาเอานามสกุลตัวเองกับชื่อเล่นผมมาบวกกัน พอเห็นว่าผมหัวเราะได้ เขาเลยยิ้มกว้างแบบที่ผมชอบมอง


“That’s nice. (เก๋จัง)” เขายักคิ้วหลิ่วตาอย่างน่ามองมาให้ ผมยิ้มเขินอยู่คนเดียว กรี๊ด~ >< คือเขาเท่ง่ะ


“จะเริ่มไปฟิตเนสเมื่อไหร่”


“อาทิตย์หน้าแล้วครับ” กว่าจะขอไปได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเขาไม่ชอบที่ผมต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีผู้ชายเยอะขนาดนั้น ผมก็เถียงกลับไปว่าไม่มีใครมาสนใจกันหรอก ทุกคนไปออกกำลังกายไม่ได้ไปหาคู่ เขางอแงจะไม่ให้ผมไป ต้องอธิบายเหตุผลว่าที่ผมไปก็เพราะอยากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเพื่อที่จะได้รบกับเขาบนเตียงได้ ท่าทีเขาตอนที่ได้ยินประโยคนี้นั้นสงบลง สีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้ ผมเลยต้องออกอาการอ้อนผสมกับความดื้อด้านของตัวเองลงไปอีกนิด เขาเลยจำยอมให้ผมไปฟิตเนส แต่มีกฎว่าห้ามจ้างเทรนเนอร์ ให้ออสตินไปเฝ้า ต้องรายงานว่าแต่ละวันเล่นอะไรไปบ้าง เพื่อที่จะดูว่าผมไปออกกำลังกายจริงหรือไม่ ดู๊ดู เรื่องผีบ้าผีบอ ผีเข้าผีออก คำสั่งเพี้ยนๆ นี่ขอให้บอกพ่อยักษ์เขาเถอะ


“ห้ามเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน แล้วอย่าให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ ไม่งั้นฉันสั่งออสตินยิงมันทิ้งจริงๆ ด้วย” โอย หึงกะด้อกะเดี๊ยน้อ มันบ่อมีไผมาซอบข่อยดอกกก


“อย่าบ้าน่าวิคเตอร์”


“ฉันบ้าได้มากกว่าที่นายคิดอีก…” เออ ผมเชื่อสนิทใจเลยแหละ


“…เฮ้ ทักทายไมเคิลหน่อยซิ ไมเคิลทักทายแม่แกหน่อยเร็ว” จากที่กำลังอึนๆ อัดอั้นในอก พอได้เห็นหน้าตาน่ารักของเจ้าไมเคิลตัวอ้วน ผมก็ฉีกยิ้มกว้าง มันส่ายหางตอบรับวิคเตอร์ ดวงตามองมาทางจอมือถือด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ


“มันงงแน่เลยว่าคืออะไร” ผมว่าด้วยรอยยิ้มตลกขบขันกับสีหน้าเอ๋อๆ ของมัน เจ้าหมาตัวโตแลบลิ้นห้อย คิ้วย่นยึกยักไปมา คงกำลังสงสัยว่าสิ่งที่วิคเตอร์ถืออยู่นั้นกินได้หรือเปล่า


“แมทไง แม่แกน่ะ จำได้มั้ย” มันมองวิคเตอร์ด้วยสายตาว่าอะไรเหรอ ผมหัวเราะกับท่าทีของเจ้าหมา ไมเคิลมันคงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพ่อมันเอาจอกระจกสี่เหลี่ยมชิดจมูกมันทำไมนักหนา


“มันกลับมาตอนไหนครับ”


“เมื่อวานตอนเย็น คนเลี้ยงเอามันมาส่งหน้าบ้านเลย” ช่วงที่เขามาไทย เขาเอาไมเคิลกับฟอกซ์ไปฝากไว้กับคนรับเลี้ยงคนเดิม คนที่ผมเคยไปรับไมเคิลกลับมาบ้านเมื่อตอนช่วงฝึกงานอยู่กับเขา ตอนเขากลับไปช่วงแรกๆ งานเขาค่อนข้างยุ่ง เขาเลยยังไม่กล้าไปรับไมเคิลมาอยู่ด้วย เพราะกลัวจะดูแลมันไม่ดีแต่ตอนนี้เขาเอามันกับเจ้าฟอกซ์กลับมาอยู่ด้วยแล้ว เนื่องด้วยเขาไม่อยากให้บ้านเงียบเหงาจนเกินไป


“แล้วฟอกซ์ไปไหน” วิคเตอร์นั่งยีหัวไมเคิลเล่น สายตาสอดส่องมองหาเจ้าแมวตัวอ้วนสีเทารอบบ้าน


“สงสัยแอบขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกแล้วมั้ง” เขาก้มลงไปมองเจ้าไมเคิลตามเดิม สั่งให้มันเห่า แต่มันกลับทำหน้าโง่แบบน่ารักกลับมา ผมนั่งหัวเราะกับปฏิกิริยาที่มันแสดงออกมา ช่างน่ารักน่าชังน่ากอดชะมัด


“ทำไมไม่เห่าเลย ไม่คิดถึงแม่แกเหรอ” มันยังคงย่นคิ้วใส่พ่อมัน สายตามองสลับที่หน้าจอกับหน้าวิคเตอร์


“ไมเคิล…” ผมลองเรียกชื่อมัน แล้วก็เหมือนจะได้ผลเมื่อเจ้าตูบหันรีหันขวางมองไปรอบบ้าน


“…ไมเคิล เห่าซิ” ผมสั่งมันผ่านจอ มันลุกขึ้นยืนแล้วเดินวนรอบตัววิคเตอร์ เขามองตามมันแล้วหัวเราะยกใหญ่กับท่าทีตื่นเต้นของมัน ไมเคิลดมดอมไปทั่วตัวเจ้านายมัน วิคเตอร์ยื่นหน้าจอเข้าไปใกล้มันอีกนิด


“ไมเคิล เห่าหน่อยเร็ว โฮ่ง!!!” มันหยุดนิ่งเหมือนกำลังฟังว่าต้นกำเนิดเสียงมาจากไหน มันจ้องมองที่จอมือถืออีกรอบ ผมยกมือทักทายมัน


“โฮ่ง!!” ผมลองส่งเสียงนำไปอีกครั้ง ไมเคิลโบกหางเป็นพวงของมันแรงขึ้น กำลังจะอ้าปากส่งเสียงเห่าเป็นต้นเสียงให้มันอีกครั้ง เสียงเห่าอันทรงพลังก็ดังลั่นบ้าน


“โฮ่ง!!!” ทั้งผมทั้งวิคเตอร์หัวเราะเสียงดังลั่น เขาเอาแขนกอดคอเจ้าหมาตัวอ้วนไว้ สีหน้าเขามีทั้งความรัก ความมันเขี้ยวไมเคิลเต็มเปี่ยม


“ทีฉันสั่งแกไม่เคยเห่าเลยนะ” เขาว่าพลางยีหัวไมเคิลแรงๆ เจ้าหมาใหญ่นั่งมองหน้าจอลิ้นห้อย มีการยกเท้าขวาขึ้นมาแตะหน้าจอทำท่าจะสวัสดีผมด้วย


“เรารู้กันเนอะไมเคิล” ผมยิ้มกริ่ม ส่งเสียงหยอกล้อกับเจ้าโกลเด้นท์ด้วยความคิดถึง


“เดี๋ยวฉันจะเอาไมเคิลไปทิ้ง” วิคเตอร์ยกจอไปที่หน้าตัวเอง เขายักคิ้วกวนๆ กลับมาให้ ผมแสร้งมองเขม่นกลับไป


“กับหมาก็ยังหึงเนาะ”


“แต่ท่าหมาเป็นหนึ่งในท่าที่ฉันชอบเวลาอึ๊บนายนะ” ผมยิ้มจมูกบาน วิคเตอร์หัวเราะเสียงใส จะว่าไปช่วงนี้หน้าตาเขาดูผ่องใสมากเลย


“ผมชอบท่านั่งตักคุณนะ” ผมแลบลิ้นด้วยความเขิน พูดเองก็เขินเอง ผมย่นคอห่อไหล่เพราะเริ่มรู้สึกกระดากปากกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปมาก ยิ่งพอเห็นรอยยิ้มหล่อๆ ของพ่อยักษ์หนวด ก็ยิ่งเขินอายจนต้องหัวเราะคิกคัก


“ชอบท่าเดียวเองเหรอ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางตู้เย็น ผมทำหน้ายู่


“ชอบทุกท่าที่คุณทำนั่นแหละ…” เขายิ้มกริ่ม


“…แต่ไม่เอาตอนคุณโกรธนะ” เพราะจะไม่มีอะไรน่าอภิรมย์เลยสักนิด


“ถ้านายไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ขัดคำสั่งฉัน ฉันจะโกรธทำไมล่ะ” พูดอย่างกับตูเป็นเด็กอายุน้อยๆ แบบว่าเพิ่งเข้าอนุบาลหนึ่งหมาดๆ อะไรแบบนั้น


“Aye! (ครับผม!)” ผมทำเสียงจริงจังหน้าตาขึงขัง ยกมือขวาขึ้นมาตะเบ๊ะเหมือนทหาร นี่ถ้ายืนตรงทันจะยืนขึ้นแล้วละ


พ่อยักษ์รูปหล่อยกยิ้มเท่ ยกกล่องนมกระดกเข้าปากไปสองสามอึก “อยู่กับออสตินมากไปจนติดนิสัยทหารเขามารึไง” เขาว่าพลางเก็บกล่องนมกล่องใหญ่เข้าไปในตู้เย็นตามเดิม


“ไม่เอาหรอก นิสัยอย่างเขาไม่น่าลอกเลียนแบบเลยสักนิด” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากเพียงนิด หมุนตัวไปเท้าแขนกับโต๊ะหินอ่อนในครัว


“อยู่ใกล้กันมาก ห้ามชอบออสตินนะ”


“คุณย้ำบ่อยแล้วเนี่ย” มีผู้ชายคนเดียวที่วิคเตอร์จะไม่ย้ำเรื่องการเข้าใกล้ผมนั่นคือพ่อของผมเอง เขายักคิ้วหนึ่งที ทำสีหน้าว่าไม่สนใจกับสีหน้าระอาของผม


“คิดถึงฉันมั้ย” เขาถามตาใส ผมชอบมองหน้าเขาเวลาแบบนี้นะ เหมือนเด็กน้อยที่ถามด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถามออกมาจากใจ ไม่มีเลศนัยอะไร


“ที่สุดเลย” ผมยิ้มละมุน ถ้าอยู่ด้วยกันตอนนี้ ผมจะเข้าไปกอดเขาไว้แน่นๆ


“I wanna fuck you. (อยากเอานายจัง)” ผมย่นคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มหน่ายหน่อยๆ


“Could you try to change to ‘I wanna hug you’ instead. Do you? (กรุณาลองเปลี่ยนเป็น ‘ฉันอยากกอดนาย’ แทนได้มั้ย)” เขายิ้มหล่อ ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง หน้าอกเปลือยเปล่านั้นยังคงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ


“Okay. I wanna hug you…” ผมยิ้มแฉ่ง


“…And fuck you, too.” ผมหุบยิ้มฉับทันควันจนวิคเตอร์หัวเราะลั่นกับหน้าตาผมที่เปลี่ยนว่องไวไปมา สุดท้ายอีพ่อยักษ์มันก็วกเข้าหาเรื่องตรงเป้ากางเกงได้เสมอ


ผมนั่งพิงหัวเตียงคุยกับเขาต่อไปเรื่อย จะขอวางเขาก็ไม่ยอมวางหรอก ต้องรอให้เขาเอ่ยปากเอง ถ้าวางก่อนเดี๋ยวงอนอีก นอกจากว่าผมจะมีธุระเร่งด่วนจริงๆ เขาถึงจะยอมให้ไป ผมคุยไปหาวไป แอร์เย็นฉ่ำ กับอาการเพลียๆ นิดหน่อยตลอดวันเลยทำให้หนังตาเริ่มปิดลง เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงโวยวายของวิคเตอร์


“เอเลี่ยน! ฉันยังไม่หายคิดถึงเลยนะ อย่าเพิ่งหลับ…” ไว้คิดถึงวันอื่นบ้างก็ได้



 :hao7:

แม้ตัวจะห่างกัน แต่ไอ้ยักษ์ก็ไม่ยอมให้เมียเด็กห่างไกล คริๆ คุมเข้มยิ่งกว่ากองกำลังทหารรักษาองค์หญิงแคว้นอิสระ ให้พี่แกหน่อย แห้งแล้งไปนาน มีคนมาเติมความชุ่นชื้นให้เลยใจกระชุ่มกระชวย กริ๊บกริ้ววว

ฝากนิยายเรื่องใหม่หน่อยน้าาา  :hao6: ลิงก์ค่าา > Woks The Magic! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50360.0l)

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะ เจอคำผิดบอกด้ายยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-12-2015 18:19:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-12-2015 18:41:40
เมื่อไรแมทจะบอกพ่อกับแม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 11-12-2015 19:11:29
หวานมาก วิคเตอร์นี่น่ารักนะ อ้อนแฟน ติดแฟนมากด้วย ห้ามแมทหลับอีก 555
ชอบตอนแมทคุยกับหมา น่ารักมาก คิดถึงแต่ก่อนตอนยังไม่เป็นแฟนกัน ตอนวิคดุๆ ก็มีหมานี่ล่ะเป็นเพื่อน
ห้ามๆๆๆ สารพัดห้าม สวยก็งี้แหละ มาเคลียร์พ่อตาเลยวิค สงสัยหนักมาก แต่ขานั้นคงยืดอกรับ รออยู่ละ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 11-12-2015 20:27:47
พ่อยักษ์เป็นเอามาก
เมื่อไหร่แมทจะบอกพ่อแม่น่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-12-2015 21:42:59
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 11-12-2015 22:30:50
พ่อตาท่าจะงานหินนะวิคเตอร์  :hao7:
ขำวิคเตอร์หนักมาก แค่นี้ก็แข็งละ  :laugh:
แต่พ่อยักษ์รักเมียจริง หลงเมียมาก หวงเมียสุด ขอให้เป็นไปตลอดละกันนะ
รักนุ้งแมทททท เอ็นดู  :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 12-12-2015 01:27:22
คิดถึงตามมมม 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 12-12-2015 20:57:05
พ่อแมทรู้ป้ะเนี่ยยนนยนนนน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-12-2015 22:34:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-12-2015 07:16:53
ปล่อยน้องนอนไปเถอะค่ะพ่อคู้ณ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 17-12-2015 01:37:08
รอบนี้ ตอนใหม่มาช้าจัง รออยู่นะจ๊ะ  :call:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: yaysuang ที่ 20-12-2015 07:30:45
รอ รอ รอ :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: CattyMeawMeaw ที่ 22-12-2015 00:53:26
คือรู้สึกสวย ตลกเเมทอ้ะ 555 ควรดีใจนะลูก ผัวหล่อ รวย หื่น หวง หึง มีดีต้องภูมิใจ 555 :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.20 100%} 11.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 22-12-2015 02:13:36
เข้ามารออออออออ :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-12-2015 15:56:14

Only You EP.21 :: Break the conciousness. [50%]

Special Viewpoint By Victor Raymond.


“Cut!!!”


เสียงตะโกนดังมาจากดีแลน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องที่ผมกำลังรับบทเป็นพระเอกของเรื่องดังขึ้น ช่วงนี้เราถ่ายในสตูดิโอกันค่อนข้างบ่อย เพราะการถ่ายทำแบบนี้มันง่ายและสะดวก แต่ก็มีอีกหลายฉากที่ต้องยกกองไปถ่ายทำนอกสถานที่ นี่ก็มีแพลนว่าต้องบินไปถ่ายที่แคนาดาช่วงอาทิตย์หน้า แค่คิดก็เหนื่อยรอแล้ว ถ่ายทำน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เดินทางนี่สิน่าเบื่อ


“เฮ้ เลิกกองแล้วไปปาร์ตี้ด้วยกันมั้ย” ชารอนถามพลางยกปืนสำหรับใช้เข้าฉากขึ้นมาเช็กสภาพด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด


“ปาร์ตี้อะไร”


“ก็แค่ปาร์ตี้สุดสัปดาห์” เธอยักไหล่หนึ่งครั้ง


“ไม่ดีกว่า ฉันมีนัดแล้ว” ผมบอกหน้าเฉย พลางยื่นมือไปรับน้ำดื่มจากทีมงาน


“นัดกับแฟนหนุ่มน้อยของเธออะเหรอ” เธอถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้มีท่าทีอยากรู้อยากเห็นจะเป็นจะตาย นี่อาจเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของชารอนที่ทำให้ผมทำงานกับเธอได้อย่างสะดวกใจ นั่นคือเธอไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของผม


“เปล่า นัดกับเพื่อนๆ ฉันนี่แหละ คนนั้นเขาอยู่ไทย จะไปนัดอะไรกันได้ล่ะ”


“ฉันก็นึกว่าเขาอาจจะบินมาหาเธอที่นี่ไง” ชารอนหันไปยื่นปืนลำใหญ่สำหรับใช้เข้าฉากให้ทีมงานผู้ชายผมสีทองแห้งๆ คนหนึ่งที่เดินผ่านมาพอดี


“เขายังเรียนไม่จบ ยังไม่ได้มาเร็วๆ นี้หรอก มีแต่ฉันนั่นแหละที่ไปหาเขา” ผมยักคิ้วให้เธอ


“นี่เธอกินเด็กนี่นา” เธอหรี่ตามองมา มีรอยยิ้มแซวผุดขึ้นบนใบหน้า ผมยิ้มกริ่ม ตอบน้ำเสียงหยอกล้อ


“กระชุ่มกระชวยดี”


“แล้วเธอคิดจะบอกคนอื่นๆ เรื่องเขารึยัง ฉันหมายถึง นักข่าว แฟนคลับของเธอน่ะ” ผมส่ายหัวไปมาช้าๆ


“ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่สาระสำคัญเท่าไหร่ บอกหรือไม่ ยังไงเขาก็เป็นแฟนฉัน” ชารอนยิ้ม เธอพยักหน้าสองที


“เขามาหาเธอเมื่อไหร่ พาเขามาหาฉันบ้างสิ อยากจะทำความรู้จักกับคนรักของเธอบ้าง”


“ไม่ได้คิดจะเป็นแม่สื่อให้ใครใช่มั้ย” เธอหัวเราะสดใส ใบหน้าสวยๆ ของเธอนั้นดูน่ามองยิ่งขึ้นเมื่อมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนนั้น


“ฉันมีเพื่อนเป็นเกย์เยอะก็จริง แต่ฉันไม่คิดเป็นกามเทพหรอกน่า…” ผมยกยิ้มมุมปากซ้าย


“…แต่เธอดูไม่ใช่เกย์เลยนะ” ประเด็นนี้ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง ถามว่าผมยังชอบผู้หญิงอยู่มั้ย ผมก็ยังชอบนะ ชอบในที่นี้คือถ้าเจอคนสวยๆ ก็มอง ใครยิ้มให้ก็ยิ้มตอบกลับไป แต่ให้เข้าไปสานต่อ ทำความรู้จักมักคุ้นแบบสมัยที่ตัวเองยังโสด ผมก็ไม่ได้มีความคิดแนวนั้น ผมรู้สึกแค่ว่ามีแมทก็พอแล้ว ใช่ว่าผมหน้ามืดตามัวกับเขาจนโงหัวไม่ขึ้น เพียงแต่ผมรู้สึกแค่ว่า ผมสบายใจแล้วที่มีเขา ไม่ต้องการให้มีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้นระหว่างเรา


“ก็ฉันไม่ใช่น่ะสิ”


“แต่เธอคบผู้ชายเนี่ยนะ”


“คบผู้ชายด้วยกัน มันสื่อถึงแค่ว่าเกย์อย่างเดียวเลยเหรอ” อันนี้ผมถามปกติ ไม่ได้อารมณ์เสียใส่อีกฝ่าย แค่ถามเพราะนึกสงสัยอย่างนั้นจริงๆ


“ก็อาจจะไม่ เพียงแต่โลกเราดันกำหนดความหมายมาแบบนั้น”


“โลกเราเป็นพจนานุกรมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ชารอนหัวเราะเริงร่า หางตาผมเหลือบไปเห็นช่างภาพกองกดถ่ายภาพของเราสองคนเอาไว้ เดี๋ยวก็เอาไปลงเว็บ ลงโซเชียล ปลุกกระแสผมกับชารอนตามเคย ตอนนี้มีกระแสข่าวว่าผมกับชารอนกิ๊กกันจริงจัง ผมพูดอะไรมากไม่ได้เพราะทางค่ายหนังขอไว้ว่าขอให้คนทั่วไปเข้าใจไปแบบนั้นก่อน เพราะมันจะช่วยเรื่องรายได้หนัง แถมยังเป็นการกลบกระแสเรื่องแมท ทุกคนรับรู้ว่านั่นคือเรื่องจริง เพราะผมพูดออกไปชัดเจนหลังจากกลับมานิวยอร์ก เซล่าพยายามที่จะคัดค้านในการป่าวประกาศเรื่องรสนิยมของผม เธอไม่ต้องการให้มันมาขัดการทำงานของผม อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดป่าวประกาศออกสื่อนักหรอก ก็แค่ขอลงรูปคู่แมทบ้าง แต่ทางทีมงานกลับขอร้องว่าอย่าเพิ่งประกาศตัวชัดเจนนัก รอให้ถึงเวลาเหมาะสมแล้วค่อยเปิด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเวลาเหมาะสมนั้นคือเมื่อไหร่เหมือนกัน


“แล้วแฟนเธอเข้าใจเรื่องระหว่างเราสองคนหรือยัง” ชารอนยักคิ้วหนึ่งที พยักหน้ารัวๆ สามสี่ทีแล้วเปล่งเสียงตอบไปเรื่อย


“ก็เข้าใจมากขึ้นแล้วละ ดีกว่าตอนแรกเยอะเลย” เธอแยกเขี้ยวเหมือนกับแขยงอะไรสักอย่าง เดาว่าคงเป็นแฟนเธอนั่นแหละ แฟนชารอนก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ขี้หึงมากพอสมควร ถ้าเทียบกับตัวผมเองแล้วให้แมทตัดสิน เจ้าเอเลี่ยนคงรีบยกมือตอบว่าผมเสียงดังฟังชัดแน่นอน แรกๆ แฟนชารอนไม่ค่อยชอบใจข่าวของผมกับชารอนนัก แต่พอรู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย เขาก็ดูจะสบายใจมากขึ้น ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขาเปลี่ยนไปไม่พอใจทางค่ายหนังมากกว่าที่เอากระแสตรงนี้มาเล่นแทนที่จะใช้ความสนุกของหนังมาเป็นตัวชูโรง อันนี้ผมเห็นด้วยกับเขามาก แต่ก็คิดว่าคงแค่ช่วงภาคแรกนี่แหละที่จะเล่นข่าวผมกับชารอน เชื่อว่าถ้าหนังฉายแล้วคนดูเห็นว่าหนังสนุกจริงๆ เดี๋ยวเขาก็ติดตามไปกันเอง ซึ่งอันที่จริงผมว่าไม่น่ากังวลเลยด้วยซ้ำ เพราะแฟนนิยายเรื่องนี้ก็มีเป็นล้านๆ คน อย่างแมทนั่นไง อ่านไปไม่รู้กี่รอบแล้ว นี่ถ้าหนังเข้าฉายคงเข้าไปดูทุกวันเลยมั้ง


“แล้วเด็กของเธอล่ะ เขาเข้าใจมั้ย” ชารอนถามถึงแมทกลับมาบ้าง


“เขาไม่ค่อยแสดงออกว่าหึงหรือหวงฉันนักหรอก แต่เก็บเอาไปคิดมากตลอด” บางครั้งผมนึกรำคาญแฟนคลับที่จินตนาการกันเกิดเหตุ อะไรที่มันอยู่ในขอบเขตมันก็ดูน่ารักดี แต่บางสิ่งบางอย่างที่มากไป ผมว่ามันก็ทำให้หงุดหงิดใจเหมือนกัน การที่เอารูปผมกับชารอนไปตัดต่อคู่กันในอิริยาบถต่างๆ หรือเอารูปคู่เราสองคนไปจิ้นกันต่างๆ นาๆ อันนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตนักหรอก แมทบอกว่าให้ปล่อยไป เขาเข้าใจเพราะเขาเคยเป็นแบบนั้นมาก่อนกับหนังแฟรนส์ชายน์เรื่องอื่น พวกเขามีความสุข เราแค่รู้ตัวว่าความจริงคืออะไร เท่านั้นพอ แล้วก็กัดผมไปหนึ่งดอกว่ามันจะไม่มีทางเป็นจริง ถ้าต่อมเจ้าชู้ผมไม่กำเริบ หึๆ ไอ้ตัวดี


ผมก็ปล่อยตามที่เขาบอกนะ แล้วเอาเข้าจริงๆ ผมก็ใช่ว่าจะตามดูกระแสเรื่องคู่กันของผมกับชารอน มีแต่พวกเซล่ากับทีมงานเบื้องหลังนั่นแหละ ชอบเอามากรอกหู แล้วเอามาให้ดู (โคตรน่ารำคาญ) ผมก็ทำเฉยๆ ไป แต่การที่แฟนคลับบางคนหรือบางกลุ่มพยายามดิสเครดิตแมทในโลกโซเชียลทั้งที่ยังไม่ได้มีการยืนยันชัดเจนเลยแม้แต่นิดว่าเรื่องผมกับแมทนั่นจริงแท้แค่ไหน (ถึงเรื่องจริงๆ มันจะจริงก็เถอะ)


“ถ้าเขาคิดมาก พามาหาฉันแล้วกันนะ ฉันจะได้ให้มานั่งคุยกับแฟนฉัน” ผมยิ้มขำเล็กน้อย ชารอนทำสีหน้าหน่ายนิดหน่อย เธอเองก็ใช่ว่าจะชอบหรือทำหน้าระรื่นได้กับเรื่องการสร้างกระแสของเราสองคนนัก


“นี่ยังดีนะที่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่อีโรติก” เรื่องนี้มากที่สุดก็เป็นการจูบปากธรรมดาๆ เนี่ยแหละ ซึ่งไอ้ฉากอย่างนั้นผมชินแล้ว จูบให้เสร็จๆ ไปตามบท มันคือจูบทางการแสดงจริงๆ


“ฉากอีโรติกของเรื่องนี้ก็ตอนเธอถอดเสื้อนั่นแหละ” ผมคลี่ยิ้มขำ เรื่องนี้ผมมีฉากถอดเสื้ออยู่หลายฉากเหมือนกัน เลยต้องฟิตหุ่นให้แน่นเข้าไว้ อีกอย่างผมว่ามันเรียกสายตาของแมทให้มองมาที่ผมเวลาถอดเสื้อได้ดีเหมือนกันนะ


“เฮ้! เข้าฉาก!” เสียงตะโกนเรียกจากดีแลนดังขึ้นหลังจากที่พวกเขาเซ็ทฉากสุดท้ายของวันนี้เสร็จ


“ไปเถอะ จะได้รีบปิดกล้องสักที” ชารอนว่า ผมพยักหน้าตอบรับ เธอหันมามองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายเหมือนเธอตัดสินใจว่าไม่พูดดีกว่า ผมมองตามแผ่นหลังเธอไปอย่างไม่เข้าใจ


อีกไม่กี่คิวก็จะปิดกล้องแล้ว แต่ก็ใช่ว่าผมจะได้พักยาว เพราะต้องกลับไปถ่ายซีรีส์ซีซั่นใหม่ต่อ แล้วไหนจะต้องเตรียมตัวโปรโมตหนัง พอหนังเข้าฉายช่วงอาทิตย์แรก ถ้ารายได้คุ้มจะทำภาคต่อ ค่ายหนังก็สั่งเปิดกล้องภาคต่อไปได้เลย เอาจริงๆ ผมลุ้นให้หนังเจ๊งนะ เพราะผมจะได้ถ่ายแต่ซีรีส์อย่างเดียว แต่ถ้าพูดกันจริงๆ แล้วมันเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยาก เพราะบทหนังมันสนุกจริงๆ


เราสองคนเดินเข้าไปหาผู้กำกับเพื่อฟังว่าเขาต้องการอะไรจากฉากนี้ ต้องการจังหวะในไหนการแสดง เอาตรงๆ ผมโคตรเบื่อเลย ยิ่งแสดงก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะเหมาะกับทางนี้ แต่ทำไงได้ แฟนตัวจ้อยของผมเขาชอบนิยายเรื่องนี้นี่ ที่แสดงทุกวันนี้ก็เพราะเขาทั้งนั้นแหละ


หลังจากเลิกกองถ่ายผมก็ขับรถตรงกลับบ้าน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มืดค่ำ ตอนนี้แมทคงเรียนอยู่ ช่วงเวลาของเราสองคนต่างกันเกือบครึ่งวัน บางครั้งผมนอนเขาตื่น หรือพอผมตื่นเขาก็จะเข้านอน ช่วงหลังมานี้ได้คุยกันไม่บ่อยนัก คุยกันทีก็ไม่ค่อยนาน บางวันเขาเหนื่อยจากเล่นฟิตเนสมากๆ ก็จะชอบหลับหนีผมอยู่เรื่อย หรือบางทีผมเหนื่อยจากการทำงานมากๆ ผมก็ชอบหลับหนีเขาเหมือนกัน เวลาเราสองคนตรงกันยาก แต่ผมก็พยายามที่จะทำให้เราเจอหน้ากันทุกวัน แม้จะแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตาม


 วันนี้ผมมีนัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่ร้านเหล้าแบบนั่งฟังเพลงชิลของแฟนชาร์ลี อยู่แถวบ้านผมเอง ไม่ได้ไกลจากกันมาก เธอเพิ่งมาเปิดกิจการได้เดือนกว่าๆ เท่านั้น ผมว่าร้านเธอมีสไตล์ดีนะ เธอเอารถบัสเก่ามาตกแต่งใหม่จนออกมาน่านั่งมาก เรียกสายตาลูกค้าได้ดีเชียวละ เพราะร้านมันตั้งอยู่ริมถนน ไม่ได้หมายความว่าติดถนนใหญ่ขนาดนั้น มันเป็นโซนถนนที่มีร้านเหล้า ร้านให้นั่ง ที่จริงเห็นว่าเธอมีร้านกาแฟและเบเกอร์รี่ด้วย อันนั้นเป็นกิจการตอนกลางวัน ร้านตั้งอยู่ใต้ตึกแถวในโซนเวสท์วิลเลจ ส่วนร้านนี้ก็เปิดตอนกลางคืน พวกเพื่อนนางแบบ นายแบบของเธอมากินกันเยอะจนร้านนี้เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเวลาเพื่อนเธอมาก็อัพรูปลงอินสตาแกรม อัพรูปลงโซเชียลพร้อมกับเช็กอิน คนอื่นๆ เห็นก็แห่กันมานั่งจนร้านแน่นไปหมด


“เฮ้! วิคเตอร์ ทางนี้” เสียงชาร์ลีดังขึ้นพร้อมกับโบกมือเรียก เพื่อนๆ ทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ที่เก้าอี้โซฟาที่ตั้งอยู่บนตัวรถตรงส่วนหัวรถบัส เราส่งเสียงทักทายกันเล็กน้อย ไม่ได้มีพิธีอะไรมาก


“ขอเหล้าปั่นธรรมดาแล้วกัน” ผมบอกจีอันน่า (Gianna) แฟนสาวของชาร์ลี เธอหันไปบอกเด็กที่ร้านของตัวเองอีกต่อหนึ่ง


“สั่งแบบนี้แกไม่สั่งนมมาดื่มเลยล่ะ” ชาร์ลีว่าพลางยกแก้วเหล้าบรั่นดีขึ้นดื่ม ผมไหวไหล่นิดหน่อย


“ก็คิดอยู่” ทั้งโต๊ะหัวเราะเสียงคลอไปกับเสียงดนตรีเอื่อยๆ ภายในร้าน


“ตั้งแต่มีแฟนเป็นเด็กผู้ชาย แกดูหน่อมแน้มไปนะ” ผมย่นคิ้วงง ไม่รู้ว่าตรงไหนที่ทำให้ผมดูเป็นอย่างที่ไอ้ชาร์ลีมันว่า กะอีแค่ผมสั่งเหล้าปั่น มันทำให้ผมดูไก่อ่อนไปเลยงั้นเหรอ


“ฉันว่าเขาดูฮ็อตกว่าเดิมอีก” ผมเลิกคิ้วขึ้น มองจีอันนาแล้วยิ้มกริ่มงงๆ


“อันนี้จากที่เหล่าเพื่อนสาวฉันพูดกันน่ะ พวกเธอบอกว่า เธอดูเด็กลง ดูหล่อขึ้นกว่าเดิม ดูมีเสน่ห์ น่าเข้าใกล้ด้วยอย่างบอกไม่ถูก ฮ็อตของฉันมีความหมายแบบนี้ละ” เธอกรีดยิ้มสวย ยักไหล่ขวาหนึ่งทีพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม


“แล้วเธอก็ร่วมขบวนการกับเหล่าเพื่อนสาวพวกนั้นด้วยล่ะสิ” ชาร์ลีเอ่ยแซวแฟนตัวเอง


“แน่สิ ที่ฉันพูดไปนั่นเรื่องจริงทั้งนั้น เขามีข่าวกับผู้ชายแทนที่เรทติ้งจะตกลง แต่ตอนนี้สาวๆ อยากกินเขากันมากกว่าเดิมซะอีก” ผมยิ้มขำ ไม่รู้จะวางสีหน้าแบบไหนดีเหมือนกัน


“แกก็สนองพวกเธอซะหน่อยสิเพื่อน” แล้วมันฝรั่งทอดก็ปลิวว่อนไปโดนหน้าชาร์ลีจนเพื่อนๆ หัวเราะกันเสียงดัง


“กรุณาอย่าเอานิสัยตัวเองไปให้คนอื่นทำตาม” เอมิลี่มองจิกตาใส่ไอ้นักกล้ามโต ชาร์ลีทำหน้าเหวอ รีบหันไปมองจีอันนาทันใด ฝ่ายนั้นกลอกตาแวบหนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน หมุนตัวเดินลงประตูรถบัสไปลานด้านล่าง


“เอมิลี่ ยัยแม่มด!” ชาร์ลีลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินตามแฟนสาวตัวเองไป


“นี่อย่าบอกนะว่ามันแอบไปป้าบๆ กับสาวคนใหม่อีกแล้ว” อันเดรบอกพลางจิ้มเฟรนฟรายกับซอสมะเขือเทส


“ยังหรอก ก็แค่หยอดกันไปมา ยัยนางแบบนั่นยังบริสุทธิ์จากชาลีอยู่ แต่กับคนอื่นฉันไม่รู้นะ” เอมิลี่เบ้ปากเล็กน้อย ถ้าไม่บอกว่าพูดถึงคน ผมคิดว่าเธอกำลังพูดถึงแมลงสาบ


“ใช่คนที่เคยให้สัมภาษณ์ว่ามีไอ้วิคเตอร์เป็นหนุ่มในฝันนั่นรึเปล่า” ผมขมวดคิ้ว หันไปรับเหล้าปั่นสีฟ้ามาจากเด็กเสิร์ฟ


“ใช่ คนเดียวกัน” เอมิลี่ตอบเสียงเรียบ ยกเครื่องดื่มสีใสขึ้นดื่ม


“ฉันไปเป็นหนุ่มในฝันของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมยกเหล้าปั่นขึ้นจิบนิดหนึ่ง


“ก็อาจจะเพิ่งช่วงนี้มั้ง อาจจะเป็นอย่างที่จีอันนาบอก ว่าสาวๆ อยากใกล้ชิดเธอกันมากขึ้น”


“ไอ้วิคเตอร์มันมีเสน่ห์ทางเพศเพิ่มขึ้นเพราะแมทงั้นเหรอ” อันเดรว่าหน้านิ่วคิ้วขมวด เอมิลี่ยิ้มกริ่ม ไอ้เบนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับจอมือถือ โจนาธานกับเอริค (ลืมไอ้สองคนนี้แล้วหรือยัง) กำลังนั่งเปิดไอแพดดูการแข่งขันฟุตบอลสักนัดอยู่ซึ่งผมเดาเอาจากท่าทางเตะๆ ต่อยๆ ของมันน่ะ หรือมันอาจจะดูการชกมวยอยู่มั้ง


“ฉันแค่คิดว่า ฉันมีความสุขมากกว่ามีเสน่ห์ทางเพศนะ” แต่ถ้ามีอารมณ์ทางเพศกับแมทล่ะก็ อันนั้นก็ใช่อีกเช่นกัน แมทอาจจะเพิ่มทั้งเสน่ห์ทางเพศและอารมณ์ทางเพศให้ผมเลยก็ได้


“อาจเพราะแกดูมีความสุขนี่ละมั้ง เลยทำให้ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้” ไอ้เบนเงยหน้าขึ้นจากจอมือถือ แสดงว่าเมื่อกี้ตามันดูหน้าจอแต่หูมันฟังที่เราคุยกันอยู่สินะ


“แล้วแมทมีความสุขดีมั้ย” เอมิลี่ถามด้วยน้ำเสียงของคนคุ้นเคยกัน ผมพยักหน้ายิ้มๆ


“จากที่ฉันเห็นในเฟซบุ๊ค เอเลี่ยนน้อยดูร่าเริงแจ่มใสอย่างกับเด็กอนุบาล” พวกเรา (ยกเว้นโจนาธานกับเอริค) หัวเราะเสียงเบากับคำเปรียบเปรยของไอ้อันเดร แมทหน้าเด็กก็จริง แต่คงไม่ถึงขั้นเด็กอนุบาลมั้ง แค่นิสัยอาจจะดูงอแงคล้ายเด็กไปหน่อย แต่ถ้าเขาได้ฮึดสู้หรือฮึดเข้มแข็งขึ้นมา ก็หัวรั้นไม่แพ้ผู้ใหญ่คนไหนเลยแหละ


“แบบนี้จะมีผู้ชายอยากเข้าใกล้แมทแบบที่ผู้หญิงอยากเข้าใกล้แกบ้างรึเปล่าวะ” ผมที่กำลังยิ้มถึงกับหน้าตึงกับข้อสงสัยของไอ้อันเดรทันที


“ไอ้อันเดร แกกำลังหางานให้แมทนะ นี่เขาก็แอบบ่นกับฉันว่าไอ้วิคเตอร์ทำตัวอย่างกับพ่อเขา” โห เอเลี่ยน นี่เอาผมไปแฉกี่อย่างแล้วเนี่ย


“อะไร?! แมทไปพูด ไปคุยกับแกตอนไหน”


“นั่นไง กับเพื่อนมันยังหึงไปทั่ว!” ไอ้เบนส่ายหัวเพลียๆ แต่ผมไม่สนใจหรอก ที่สนใจตอนนี้คือ ไปแอบคุยกันลับหลังผมงั้นเหรอ


“บอกมาไอ้เบน แมทคุยกับแกที่ไหน คุยอะไรบ้าง” ผมไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองตอนนี้เป็นยังไง แต่เอมิลี่กำลังมองผมเหมือนกับไม่เคยรู้จักผมมาก่อน


“คุยในเฟซบุ๊ค แล้วเขาก็ไม่ได้มาเล่าอะไรให้ฉันฟังนอกจากแซวแกว่าเป็นพ่อเขาอีกคนแล้ว แกรู้จักคำว่าแซวใช่มั้ย?” มันเลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าตาประมาณว่า You know?


“แล้วแกไปคุยกับแมทได้ไง ทักไปเองหรือเขาทักมา” แทบจะพร้อมกันที่ไอ้เบน ไอ้อันเดรและเอมิลี่กลอกตาไปในทิศทางเดียวกัน


“ฉันทักเขาไป คุยกันตามปกติ แกจะไม่ให้แมทคุยกับใครเลยรึไง” ผมขมวดคิ้ว นึกครุ่นคิดกับตัวเอง


“ก็เปล่า ฉันก็แค่ถาม” ผมรู้ตัวเลยว่าไหลหน้ามึนไปเรื่อยอย่างที่แมทชอบว่า


“ถามอย่างกับผู้คุมนักโทษ” ไอ้เบนส่ายหัวอ่อนใจ เอมิลี่มองหน้าผม แววตาของเธอกำลังครุ่นคิดกับความคิดอะไรบางอย่าง ผมสบตาเธอ วินาทีนั้นเธอหลบสายตาผมไปมองทางอื่น แล้วนั่งดื่มเงียบๆ ต่อไป


“แกหึง แกหวง ฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่กับพวกฉันด้วยกันเอง แกอย่าคิดเล็กคิดน้อยนักเลยวิคเตอร์”


“จะพยายาม” ผมตอบพลางกระดกเหล้าปั่นเข้าปากจนหมด


“อะไรกัน กับเพื่อน ยังต้องพยายามด้วยเหรอ แมทเป็นแฟนแก ก็เท่ากับเป็นเพื่อนพวกฉันด้วยนะเว้ย” อันเดรบอกพลางยกแก้วเหล้าสีอำพันขึ้นดื่ม ผมพยักหน้ารับแบบขอไปที ไม่อยากพูดประเด็นนี้อีก


“ฉันดีใจนะที่เธอรักแมทขนาดนี้…” เอมิลี่ยิ้ม


“…แต่ยังไงก็อย่าตึงกับเขามากนักล่ะ” ผมยักคิ้วสองข้างเป็นการตอบรับประโยคของเธอ แต่ก็ทำๆ ไปงั้นแหละ ความสัมพันธ์ผมกับแมท ผมก็อยากให้เป็นเรื่องของเขากับผมเท่านั้น


“ฉันออกไปสูบบุหรี่ก่อน” ผมว่าพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตัวเอง


“แมทไม่ชอบให้แกสูบบุหรี่ไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้อันเดรมองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วขึ้น ผมแอบย่นคิ้วนิดหนึ่งที่มันจำได้ว่าแมทไม่ชอบอะไร


“ฉันเพิ่งสูบเป็นครั้งที่สิบหลังกลับจากไทย ไม่บอก แมทก็ไม่รู้หรอก” จังหวะที่ผมหมุนตัวกำลังจะเดินออกไปด้านนอก ผมแอบเห็นเอมิลี่กับไอ้เบนสบตากันนิดหนึ่ง แต่ไม่ทันมองว่าสองคนนั้นมองกันแบบไหน



TBC.

อ้ากกก กลับมาแล้วค่าา รู้สึกว่ารอบนี้หายไปนานมากเลยยยย พอดีไปเที่ยวเขาใหญ่มา แล้วมัวแต่ลั้นลา บวกกับมัวไปเชียร์นางงาม เลยไม่อยากมาเขียนนิยายแบบสมาธิไม่สมประกอบ แต่พอนางงามผ่านไป ตอนนี้กลับมาแล้วค่าาา

ก็ไปเรื่อยๆ ชิลๆ เหมือนดูชีวิตของคนสองคนอะเนาะ ตามสไตล์นิยายเรื่องนี้ แต่ช่วงนี้พี่ยักษ์บอกว่า คุยกันน้อยลง -..- ยังไง ยังไง สรุปไม่มีอะไร คนเขียนสร้างกระแสไปเอง 555555

เดี๋ยวเจอกันอีกครึ่งหนึ่งนะคะ ครุคิ รอบนี้ต้องขออภัยด้วยค่ะที่หายไปนาน กลับมาแล้นน้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 23-12-2015 16:19:35
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-12-2015 16:26:40
 :mew3:


Emily มีอะไรในใจหรือยังไง??

ช่วงท้ายๆนี่เหมือนเก็บอะไรไว้แล้วไม่ได้พูด  :L1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-12-2015 17:45:33
จะมีเรื่องอะไรมาอีกหนอ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-12-2015 18:53:32
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-12-2015 19:40:05
ทำไมตอนนี้ทุกคนดูเหมือนมีอะไรในใจกันหมดยกเว้นพี่ยักษ์กับแมท(ที่ยังไม่มีบท)ที่ดูสบายๆ ชิลๆ  ชักหวั่นๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 23-12-2015 21:43:29
เอาแล้วววววว กลิ่นมาม่าโชยมาจากต้นซอย 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-12-2015 23:40:55
ขี้หึงหยั่งพ่อจริงๆ กราบบบบบ กับเพื่อนก็ไม่มีเว้น ชารอนเหมือนจะพูดอะไร
แล้วเอมิลี่ก็ดูมีอะไร เอ๊ มันค้างๆ คาๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 23-12-2015 23:44:54
มาต่อแล้ว เย้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 24-12-2015 00:06:54
รู้สึกเหมือนมีอะไร  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 24-12-2015 01:31:27
รู้สึกได้กลิ่นมาม่า :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-12-2015 09:22:21
เข้าใจเรื่องบุหรี่ค่ะ คนมันติดก็ต้องมีนานๆทีบ้าง

วิคเตอร์ลดๆบ้างเถอะ ขี้หวงเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 24-12-2015 13:18:44
กลัวจัง เหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: armarmmy ที่ 24-12-2015 17:45:57
ฮื่อออออ ชอบเรื่องนี้มากๆเลยอ่านถึงหน้า4เอง กำลังฟินน วิคเตอร์ขอบ่าว  :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 24-12-2015 19:16:15
ช่วงใกล้สิ้นปีของปีเก่า เค้างดมาม่าอยู่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 24-12-2015 22:14:56
รักเรื่องนี้จุง :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 25-12-2015 14:37:58
จะมีมาม่าหรือเปล่าน๊าา ชามใหญ่หรือชามเล็ก ติดตามตอนต่อไปจ้า  o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 50%} 23.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 26-12-2015 22:40:28
เพิ่งมาอ่าน

ยังอ่านไม่ทันชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-12-2015 17:51:10

Only You EP.21 [100%]



ผมเดินออกมาด้านนอกรถบัสซึ่งเป็นเก้าอี้นั่งในที่โล่งแจ้ง มีรั้วกั้นบริเวณร้านเอาไว้ชัดเจน มีแสงไฟสีขาวอมเหลืองเล็กๆ ประดับอยู่บนกิ่งต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมลานโล่งนั้นเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เดินผ่านผู้คนที่กำลังนั่งสังสรรค์ออกไปนอกรั้วร้าน เดินมาหยุดตรงโซนสูบบุรี่ที่อยู่ใกล้แถวๆ โซนท้ายรถบัส หยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตดำของตัวเอง หยิบไฟแช็คขึ้นมาจุดบุหรี่หนึ่งตัว ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ห้าทุ่มกว่า แมทเลิกเรียนแล้ว ออสตินส่งว้อทสแอพมาบอกว่าตอนนี้แมทกำลังนั่งเพลินอยู่ในร้านหนังสือ เลยกะว่าอีกสักพักค่อยสไกป์หาเขา ผมอยากปล่อยให้เขาอยู่กับตัวเองสักพัก เขาชอบอ่านหนังสือ ตอนพาเขาไปช้อปปิ้งช่วงที่อยู่ไทย พอเห็นร้านหนังสือเขาวิ่งเข้าไปอย่างกับผู้หญิงเวลาเจอของลดราคา ผมยืนรอเขาเลือกหนังสือเกือบชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้ไปขัดเพราะเห็นว่าเขาดูตื่นเต้นเหมือนเด็กน้อยเวลาได้ไปดิสนีย์แลนด์ เลยปล่อยให้เขาเลือกหนังสือตามใจ เห็นมั้ยล่ะว่าผมตึงกับแมทที่ไหน ผมก็ให้เวลาเขานี่ไง


“Hey. (เฮ้…)” เสียงทักคุ้นหูเสียงหนึ่งดังขึ้น ผมหันหน้าไปมอง รู้สึกใจกระตุกไปนิดตอนเห็นหน้าคนทัก


“Hi. (หวัดดี)” ผมยิ้มน้อยๆ ไปให้อีกฝ่าย เธอยิ้มกลับมา ดวงตาเธอดูฉ่ำเยิ้ม ใบหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์


“ฉันนั่งอยู่ด้านนอก เห็นคุณตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้วละ แต่ไม่อยากรบกวนเวลาของคุณกับเพื่อน พอดีเห็นคุณเดินออกมา เลยคิดว่าถ้ามาทักตรงนี้น่าจะไม่เป็นอะไร” ผมพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก ควันสีขาวลอยวนฟุ้งอยู่ในอากาศ ส่งยิ้มแผ่วเบาไปให้อีกฝ่าย


“คุณเมารึเปล่าเนี่ย” เธอยิ้มกว้างหยาดเยิ้ม ทำท่าห่อไหล่นิดหนึ่ง


“ฉันยังโอเคนะ แต่คิดว่าถ้าคุณท้าให้ทำอะไรบ้าๆ สักอย่าง ฉันคงยอมทำ” เราหัวเราะพร้อมกันเสียงเบา เธอมองหน้าผมด้วยสายตาหวานฉ่ำ รอยยิ้มสวยๆ นั้นยังคงลงตัวกับใบหน้าสวยคมของเธอเช่นเคย


“วิคเตอร์…” ผมเลิกคิ้วขึ้น พ่นควันบุหรี่ครั้งสุดท้ายออกจากปาก ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้จนมันดับไป


“…ฉันคิดถึงคุณนะ” ผมทำได้เพียงยิ้ม ไม่รู้จะตอบรับเธอแบบไหนดี ความรู้สึกที่ผมมีให้เธอนั้น มันก็เป็นความรู้สึกดีในระดับหนึ่ง ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน เธอทำให้ผมหลุดจากการคิดถึงแมทได้บ้าง แต่เธอก็ไม่เคยทำให้ผมหยุดคิดถึงแมทได้เลย เธอสวย แสนดี เพียบพร้อม เรื่องเซ็กส์ก็เยี่ยมยอด เราเข้ากันได้ดี จนบางทีผมก็อยากคบกับเธอ แต่สุดท้ายผมก็หนีใจตัวเองไม่พ้นว่าผมรักแมท


“คุณใจร้ายกับฉันมากเลย รู้ตัวรึเปล่า” เธอหัวเราะทั้งน้ำตา ผมยิ้มเครียด เอื้อมมือไปจับมือซ้ายเธอไว้และบีบเบาๆ อันเดรียนายิ้มอ่อนโยน ยกมือขวาขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลของเธอ


“ผมขอโทษ เป็นคำที่โคตรเห่ย แต่ผมขอโทษ” ผมยกมือขวาช่วยเธอเช็ดน้ำตาจนแห้ง ปกติเธอไม่ใช่คนพูดอะไรแนวนี้หรอก เธอสวยแบบดีว่า (Diva) คือสวยแล้วยังดูเชิดอะไรทำนองนั้น แต่จริงๆ เธอไม่ใช่เชิดหรือถือตัวอะไรหรอกนะ แค่เธอดูไม่มีข้อบกพร่องน่ะ สภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ คงเพราะเมาเลยทำให้เธอกล้ามากขึ้น แล้วก็ดูไม่นิ่งไม่คูลตามสไตล์ของเธอ


“ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน คุณรักฉันบ้างรึเปล่า” เธอถามเสียงสั่น แววตาสั่นไหวไปด้วยน้ำตา ผมลดมือลงจากแก้มเธอและดึงมือออกจากมือเธอที่ผมจับไว้ ผมมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกผิด หัวใจบีบรัดน้อยๆ หากจะคิดหาคำตอบมาตอบคำถามนี้กับเธอ ผมก็คงจะหาคำไม่เจอจริงๆ


“คุณทำให้ผมรู้สึกดี…”


“…แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกรัก เหมือนเด็กผู้ชายคนนั้นสินะ” ผมกระตุกยิ้มเกร็ง อันเดรียนาเม้มปากแน่น เธอกลอกตาไล่น้ำตาจนมันไม่ได้ไหลออกมาอีก


“ฉันพลาดตรงไหนกัน คือฉันหมายถึงว่า ฉันเป็นผู้หญิง แล้วฉันก็รักคุณ คิดว่าคงรักมากไม่ต่างจากเด็กคนนั้นนักหรอก” เธอเริ่มออกอาการของคนเมาอย่างชัดเจน น้ำเสียงเริ่มขึ้นสูงลงต่ำ ท่าทางเริ่มออกแนวเหวี่ยงเล็กๆ


“อันเดรียนา คุณเมา…”


“…ใช่ ฉันเมา แต่ฉันไม่วิ่งไปให้รถแท็กซี่เฮ็งซวยในนิวยอร์กชนตายแน่นอน” เธอกระเถิบตัวหนีผมด้วยท่าที่พยายามบอกว่าเธอโอเค ผมชะงักอยู่กับที่ มองเธอที่ทำท่าจะล้มด้วยความรู้สึกหวาดเสียวเพราะส้นสูงที่เธอใส่มันสูงจนผมกลัวว่าเธอจะล้มข้อเท้าพลิก


“ผมไม่รู้จะต้องขอโทษคุณอีกกี่ครั้ง แต่ผมไม่ได้อยากให้คุณเสียใจ คือ ผมทำไปแล้วละ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาจริงๆ” ผมทำสีหน้าไม่ถูก เริ่มอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าจะพูดถึงสภาวะอารมณ์ของตัวเองในตอนนั้นยังไงดี อันเดรียนาสบตาผม ริมฝีปากเธอบิดเป็นรอยยิ้มเศร้าสร้อย เห็นแล้วพลอยทำให้ใจผมรู้สึกแย่ไปด้วย

“ผม…” อันเดรียนาก้าวเท้าเข้ามาหนึ่งก้าวจนประชิดกับตัวผม เธอยกสองแขนคล้องคอผมไว้ ดันหน้าเข้ามาจูบริมฝีปากผมแผ่วเบา แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักแรงกด ผมตะลึงไปครู่หนึ่ง ยกสองมือมาจับเอวเธอตั้งใจจะดันออก แต่เธอกดจูบและกอดคอผมไว้แน่น ผมเลยปล่อยให้เธอจูบแบบนั้นราวกับเธอได้ปลดปล่อยความต้องการออกมา


ถ้านี่เป็นค่าชดเชย ค่าเสียเวลา หรือค่าเสียหายทางความรู้สึกของเธอ ผมก็คิดว่ามันคงจะดีถ้าปล่อยให้เธอได้ระบายออกมาบ้าง เพราะเธอคงไม่ด่าผมไปแรงมากกว่าที่ด่าไปแล้ว


“อืม…” เธอครางเสียงแผ่ว ส่งลิ้นเข้ามาในปากผม ลิ้นผมตอบรับเธอแผ่วเบา ผมเอียงหน้ารับจูบของเธอ วินาทีนั้นสติผมแทบเลือนหาย เริ่มจะตอบรับเธอมากขึ้น ก่อนที่ผมจะได้สติคืนเพราะแรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ผมดันตัวอันเดรียนาออกพร้อมกับดึงหน้าออกพร้อมกัน ผมจ้องหน้าเธอด้วยอาการตื่นตกใจ กระพริบตามองเธออย่างตระหนก ใจเต้นตุบตับ ผมปล่อยมือออกจากเอวเธอ ล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา วินาทีที่เห็นหน้าจอใจผมก็หล่นตุ้บ


“แมท…” ผมครางเสียงแผ่ว ในอกวูบโหวงไปหมด รู้สึกใจหายยังไงชอบกล


“อย่ารับได้มั้ย” อันเดรียนายกมือขึ้นมาจับข้อมือซ้ายผมไว้เมื่อผมกำลังทำท่าจะกดรับคอลจากแมท ผมหันไปมองเธอด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด


“ฉันขอให้เราได้อยู่ด้วยกันอีกสักพักเถอะ” น้ำตาเธอไหลรินออกมาอาบแก้ม ผมรู้สึกจุกอก ทั้งจุกที่เห็นแมทโทรมาในจังหวะนี้ และจุกที่เห็นน้ำตาอันเดรียนากับความคิดถึงที่เธอมีให้ผม ซึ่งมันเกิดจากการที่ผมทำร้ายความรู้สึกเธอเอาไว้


“ขอแค่ช่วงเวลานี้ อยู่กับฉันบ้างได้มั้ย ยังไงเขาคนนั้นก็ได้อยู่กับคุณตลอดเวลาอยู่แล้ว” ผมรู้สึกลังเล ความเครียดแผ่ไปทั่วใบหน้า เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบๆ จับๆ หัวใจผมอยู่จนรู้สึกอึดอัดผสมหงุดหงิด ผมหันไปสบตากับเธออีกครั้ง อันเดรียนาส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ ผมจะไม่เห็นใจเลยถ้าอาการที่เป็นเป็นอยู่นั้นมาจากผม ผู้หญิงหลายๆ คนที่ผมเคยมีอะไรด้วย ไม่มีใครดูจะเศร้าใจกับผมมากเท่าเธออีกแล้ว


“Please.” เธออ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมก้มลงมองหน้าจอมือถือสักพัก มองรูปแมทที่โชว์บนหน้าจอ ก่อนจะหลับตาลงพร้อมถอนหายใจ มือกดปิดการแจ้งเตือนตรงหน้าจอมือถือ ยัดมันกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง


“เข้าไปข้างในเถอะ” ผมบอก ทำท่าจะก้าวเท้าเดินนำเธอไป แต่เธอกลับฉุดมือผมไว้


“ไปส่งฉันที่แมนชั่นหน่อยได้มั้ย” ผมขมวดคิ้วฉับ


“คุณขอมากไปแล้ว เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่นี่ก็ได้…”


“…ฉันแค่อยากทบทวนความทรงจำเมื่อตอนที่คุณไปส่งฉันครั้งแรก” ผมชะงักไปนิดกับรอยยิ้มและแววตาอันเจ็บปวดของเธอ ผมมองเธอครู่หนึ่ง สายตาที่มองมานั้นยังคงมีความตั้งใจตามคำที่เธอขอร้อง ผมถอนหายใจหนักๆ ออกมา


“ไปครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” เธอขอตัวกลับเข้าไปเอากระเป๋าที่โต๊ะ ผมเลยเดินไปรอเธอตรงรถที่จอดอยู่ตรงริมฟุตบาทห่างจากร้านประมาณสามร้อยเมตร รอเธอสักพักอันเดรียนาก็กลับออกมาพร้อมกับเพื่อนของเธอที่ตามออกมาส่งด้วยสองคน เพื่อนเธอมองผมแล้วส่งยิ้มให้นิดหน่อย ผมเลยยิ้มตอบกลับไป


“แล้วฉันจะโทรหานะ” อันเดรียนาบอกกับเพื่อนของเธอแล้วเดินไปประตูฝั่งข้างคนขับ ในขณะที่เธอก้าวลงจากฟุตบาทด้วยอาการเซๆ เธอก็ล้มเหมือนคนข้อเท้าพลิก แขนเธอฟาดกับฝากระโปรงรถผมเสียงดังปัง เพื่อนเธอร้องตกใจแต่ก็รีบวิ่งเข้าไปประคอง ผมเดินเข้าไปจับแขนสองข้างของเธอไว้ เอ่ยปากบอกเพื่อนเธอว่าเดี๋ยวผมจัดการเอง


“เดินไหวรึเปล่า” เธอพยักหน้ามึนๆ ท่าทางแอลกอฮอล์จะเริ่มออกฤทธิ์ได้ที่แล้ว ผมพยุงอันเดรียนาที่เดินกะเพลกไปประตูรถฝั่งข้างคนขับ เปิดประตูให้เธอ พยุงให้เธอหย่อนตัวลงไปนั่งบนเบาะได้สะดวก เธอยกขาข้างที่ข้อเท้าพลิกขึ้นวางบนรถอย่างยากลำบาก ผมเลยช่วยจับเท้าเธอไปวางไว้บนพื้นรถอย่างเบามือ ก่อนจะปิดประตูรถ เดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ผมเปิดประตูรถเตรียมหย่อนตัวเข้าไปด้านในก็เป็นจังหวะที่ไอ้เบนเดินสวนกับเพื่อนของอันเดรียนาออกมานอกร้านพอดี มือขวามันถือแก้วเหล้ากับโทรศัพท์ออกมาด้วย


“วิคเตอร์!” มันตะโกนเรียกตรงหน้าร้านพลางชะเง้อมองผมอย่างงงๆ


“เดี๋ยวฉันกลับมา!” ผมตะโกนตอบกลับไป มันก้าวเท้าเร็วๆ เข้ามาหาผมพลางตะโกนไปด้วย


“คือว่า…!” มันหยุดคำพูดและฝีเท้าไปเมื่อหันไปเห็นอันเดรียนานั่งอยู่ในรถ วันนี้ผมไม่ได้ปิดหลังคาคลุมรถเพราะอากาศกำลังดี


“ฉันไปส่งอันเดรียนาแปบนึง แล้วเดี๋ยวกลับมา แกมีอะไรรึเปล่า” มันทำท่าอึกอักนิดหน่อย มองอันเดรียนาแบบเงอะแงะ ก่อนจะพยักหน้าให้ผมแบบงงๆ


“เออ รีบไปรีบมาแล้วกัน” ผมพยักหน้าให้มัน ตอนนี้อยากรีบไปส่งอันเดรียนาให้เร็วที่สุด จะได้กลับมาโทรหาแมท


ผมสตาร์ทรถแล้วหักพวงมาลัยออกไปบนท้องถนน นั่งนิ่งเงียบไปตลอดทาง อันเดรียนาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เหมือนเธอต้องการซึมซับช่วงเวลานี้เอาไว้อย่างที่เธอพูดมากกว่า เสียงกระหึ่มหึ่งๆ ดังมาจากที่ไหนสักแห่งในแมนแฮทตันซึ่งไม่สามารถระบุพิกัดได้ว่าต้นกำเนิดเสียงนั้นมาจากไหน เพราะเมืองนี้มันก็มีทั้งเสียงผู้คน เสียเพลง เสียงรถวิ่งวุ่นวายไปมาบนท้องถนน แสงไฟสีเหลืองสีขาวส่องสว่างสลับกันไปเต็มข้างถนนที่ผมแล่นผ่าน แสงไฟจากยอดตึกก็ส่องแสงกระพริบเล็กๆ แทนดวงดวงบนท้องฟ้าที่ถูกกลืนหายไปเพราะแสงไฟในเมืองใหญ่


 ผมใช้เวลายี่สิบห้านาทีในการฝ่าจราจรในตัวเมืองนิวยอร์กมาถึงแมนชั่นของอันเดรียนาที่อยู่ฝั่งทางใต้ของแมนแฮทตัน ผมจอดรถหน้าทางเข้าแมนชั่นของเธอ เรานั่งนิ่งๆ เงียบๆ กันสักพัก ปล่อยให้เสียงดังมั่วๆ แว่วมาจากที่ไกลๆ ทำหน้าที่เปล่งเสียงไม่ให้บรรยากาศเงียบเชียบจนเกินไป


“ครั้งแรกที่คุณมาส่งฉัน แล้วเราก็มีอะไรกันครั้งแรกที่นี่” อันเดรียนาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบระหว่างเราสองคน ผมหันไปมองหน้าเธอ พยักหน้ารับนิดหน่อยด้วยความเกร็งเครียดนิดๆ ยามนี้ใบหน้าสวยคมของเธอนั้นแสนจะเศร้าสร้อยพอๆ กับดวงตาคู่สวย สภาพเธอเมาอย่างเห็นได้ชัด


“ขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวเดินไปส่งขึ้นลิฟต์”


“ฉันจำได้ว่าเซ็กส์ระหว่างเรายอดเยี่ยมมาก…” เธอยังคงพูดเสียงยานคางต่อไป รอยยิ้มของเธอดูสุขใจกับการรำลึกความหลังระหว่างเราสองคน


“…คุณลืมมันหมดแล้วจริงๆ เหรอ ช่วงเวลาของเราสองคน” เธอเอนหัวพิงเบาะ เอียงหน้ามามองผมด้วยสายตาคล้ายคนจะหลับ


“ผมไม่ได้จำหรือว่าลืม มันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตผมนั่นแหละ” ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่ง ผมเว้นจากแมทนานไปแล้ว


“มันจะง่ายกว่านี้ถ้าฉันไม่รักคุณไปแล้ว” เธอพูดเสียงสั่นเครือ ดวงตาคู่สวยคู่นั้นมีน้ำคลอเต็มเบ้าตา ผมเบือนหน้าหลบ ไม่อยากเห็นความทุกข์ทรมานของเธอโดยต้นเหตุนั้นมาจากผม ตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปฝั่งที่เธอนั่งอยู่ เปิดประตูออกแล้วค่อยๆ ประคองเธอให้ออกมานอกรถ เธอร้องโอดโอยออกมาเพราะเผลอทิ้งน้ำหนักลงบนข้อเท้าด้านที่มันพลิก


“เดี๋ยวผมไปส่งคุณบนห้องแล้วกัน”


“ค้างกับฉันสิ…” เธอมองผมอย่างมีความหวัง ผมกล้าพูดเลยว่าถ้าในอารมณ์ปกติ อันเดรียนาจะไม่มีท่าทีและท่าทางแบบนี้แน่ ความเป็นดีว่าของเธอหายไปเพราะน้ำเมาจริงๆ


“…ได้รึเปล่า ค้างด้วยกัน” ผมส่ายหัวหน้านิ่ง


“อันเดรียนา คุณเมามากแล้ว พักผ่อนเถอะ…”


“…หรืออยากมีเซ็กส์กับฉันมั้ย เราเข้ากันได้ดีไม่ใช่เหรอ” ผมมองเธอเงียบๆ รู้สึกลำบากใจกับการที่เห็นเธออยู่ในสภาพนี้เพราะตัวเอง


“ขึ้นห้อง…” เธอยื่นหน้ามาจูบปากผมอีกครั้งและส่งลิ้นมาไล้เลียริมฝีปากผมทันที ผมยกมือจับสองแขนเธอไว้ อันเดรียนายกสองแขนมาเกี่ยวคอผมแน่น เพิ่มแรงกดบนริมฝีปาก จนผมเผลอตอบรับลิ้นเธอเป็นครั้งที่สอง แต่รอบนี้เธอเป็นคนผละออกไปก่อน เราสบตากัน แววตาเธอแสดงถึงความโหยหายออกมาอย่างชัดเจน สีหน้าของเธอมีหลากหลายอารมณ์ ทั้งคิดถึง ต้องการ อ้อนวอน แต่ผลลัพท์ที่ออกมานั้นมันคือความเศร้าและน่าสงสาร ผมจ้องดวงหน้าแสนสวยของเธอ แวบหนึ่งที่ผมนึกถึงช่วงเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน


“ฉันคิดถึงคุณ คิดถึงมากจริงๆ ฉันจะทำยังไงดี ฉันรักคุณ ไม่รู้ว่ามากแค่ไหน แต่ฉันยังลืมคุณไม่ได้ คุณไม่น่าเข้ามาในชีวิตฉันเลยจริงๆ” น้ำตาเธอไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีอาการสะอึกสะอื้นรุนแรงอะไร แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเสียใจที่พลาดไปดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมเลื่อนสองมือไปเช็ดน้ำตาให้กับเธออย่างอ่อนโยน


“เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนสักพักนึงก็แล้วกัน…” เธอคลี่ยิ้มออกมาบางเบา พยักหน้ารับด้วยความดีใจที่แสดงออกมาทางสีหน้าและสายตา ผมยิ้ม แต่เป็นยิ้มเศร้า เธอคงเก็บความรู้สึกมากมายไว้กับตัวเอง จนมาถึงจุดหนึ่งที่ได้ระบายออกมา


ผมหันไปกดรีโมตให้หลังคาเลื่อนขึ้นมาคลุมรถ กดล็อคประตูไว้ ยกสองแขนโอบร่างอันเดรียนา ประคองเธอให้เดินเข้าไปในแมนชั่นช้าๆ ตามที่เธอจะสามารถก้าวไปได้ เรามองหน้ากัน ผมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเธอส่งยิ้มดีใจมาให้ เธอดีใจก็จริง แต่มันแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย เธอเหมือนดอกไม้ที่แห้งแล้งมานานแล้ววันหนึ่งก็มีฝนตกลงมาให้เธอชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ผมกลับไปแก้ไขอะไรในตอนนั้นไม่ได้ ที่ทำได้ตอนนี้คือช่วยพยุงความรู้สึกเธอให้เข้าที่เข้าทางก่อน แล้วในตอนนี้เธอก็ทำให้ผมหลุดออกจากแมทไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัว


 :hao5:

เมื่อวานตามไทม์ไลน์นิยายเป็นวันเกิดน้องแมท ซึ่งคนในเพจกับทวิตเตอร์ (บางส่วน) จะทราบแล้ว มีคนบอกว่าอยากได้ตอนพิเศษ ตอมบอกว่า ลงตอนนี้ไม่เหมาะแน่ๆ เหตุผลก็เพราะแบบนี้ละค่ะ T^T คือถ้าลงตอนพิเศษไป รับรองว่าพอมาอ่านตอนนี้ ความรู้สึกจะสวนทางกันมากทีเดียว

บางคนอาจจะคิดว่า อะไร ไอ้ยักษ์ทำแบบนี้อีกแล้ว?! ซ้ำอะ โหน่โน่ววว ขอยืมสำเนียงพี่ลูกเกวดในเดอะเฟซพูดหน่อยค่ะว่า พี่ไม่ทำอะไรซ้ำๆ หรอกค่ะคุณน้อง -.,- คือถ้ามันไม่ส่งผลอะไร ตอมมิใส่มาแน่น๊อนนน (เสียงสูงทำไม)

ครั้งนี้กับครั้งก่อนมันค่อนข้างต่างกัน ต่างบุคคลไม่เท่าไหร่ แต่ความรู้สึกทางใจนั้นไม่เหมือนกัน กับอันเดรียนาเขาเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ถ้าใครได้อ่านตอนพิเศษในพาร์ทแรก จะทราบว่าวิคเตอร์มีทัศนคติอย่างไรเกี่ยวกับการควงผู้หญิง (ซึ่งใครที่ไม่ได้อ่าน ก็จะได้อ่านที่วิคเตอร์พูดกับแมทไปแล้วหลังจากกลับมาเจอกันช่วงแรก ไม่ละเอียดเท่าแต่ก็พอรับรู้ใจความค่ะ) แต่กับอันเดรียนาเนี่ย มันเป็นโมเม้นต์ที่เขาไปดึงผู้หญิงคนนี้เข้ามาเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง แล้วเขาดันลืมนึกไปว่าสิ่งนั้นมันทำร้ายใจอันเดรียนาแค่ไหน พอเจอกันรอบบนี้ เขาเลยรู้สึกว่า ตัวเองเป็นสาเหตุ วิคเตอร์ไม่แคร์ใครก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนไร้หัวใจนะคะ ต้องแยกกันเนอะ สิ่งที่เกิดขึ้นมันกำลังจะพาเราไปสู่ Only You แล้วค่ะ   

ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีภาพหลุดอยู่แล้วแหละค่ะ เป็นคนดังทั้งคู่ แล้วอิงจากเรื่องจริงคือปาปาราซซี่เมืองนอกหูตาไวยิ่งกว่าเมืองไทยอีก และแน่นอน แมทก็คงเห็น ตอนหน้าพี่ยักษ์จะหลุดแค่ไหน หรือแมทจะเป็นยังไง มาร่วมให้กำลังใจพวกเขากันนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Teaw_HC+MJ ที่ 27-12-2015 18:07:46
อยากกระชากวิคเตอร์มาตบจังค่ะ หวั่นไหวไปได้นะคะคนเรา แต่ก็ชั่งเถอะค่ะ รอดุผลลัพธ์ที่ตามมาดีกว่า นี่ไม่อะไรนะคะ แต่ขอให้แมทดัดหลังวิค ดัดหวังไปเลย หึหึ เอาจริงๆ เราสงสารอันเดรียน่านะ นางก็มีจิตใจ ยิ่งมาเ็นแบบนี้ โอ้ย เรียนถูกเอง ก็ต้องหาวิธีแก้เองกันล่ะค่ะ วิคเตอร์ งานนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-12-2015 19:52:34
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2015 20:21:04
อร๊ายยยย. รออ่านไม่ไหวแล้วววว.  อีวิคเตอร์นะ ใจอ่อนยอมชะนีอีกละ. รมณ์เสีย. แมทงอนนานๆไปเลย.
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-12-2015 20:43:04
ตายักษ์เอ๊ย
ทำแมทร้องไห้แน่เลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 27-12-2015 22:05:35
ไม่ขอเดาว่าไอ้ยักษ์จะมีอะไรกับนางไหม แต่ฟันธงได้เลยว่างานนี้ยักษ์จะต้องเจ็บสาหัสจากการกระทำของตัวเองยิ่งกว่าเดิม
ความจริงถ้ายักษ์มีนอกกายแมทได้ก็อยากให้แมทมีคนอื่นบ้าง เผื่อยักษ์จะได้รู้ว่าแมทไม่ใช่แค่คนรักที่มีร่างกายเป็นของเขา
แต่แมทมีหัวใจที่ไม่จำเป็นต้องเทให้คนที่ฃม่มั่นคง ไม่จำเป็นต้องจมปลัก หลังจากนี้มาคอยลุ้นดีกว่าว่าไอ้ยักษ์จะเจออะไร
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 27-12-2015 22:12:17
วิกเตอร์ :z6: :z6: :z6: ซัก 3 ที  แล้วแมทจะทำไงเนี่ย!!!  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: ค้างจังเลยยยยยยย  มาต่อเร็วๆนะคะ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-12-2015 22:59:04
ว่าแล้วเชียวว่า วิคเตอร์ ต้องก่อปัญหาขึ้นมาเอง ผิดหวังเลย ทำคะแนนมาดีๆ หมดกันติดลบสัก 100 ยังไม่พอเลย

ยิ่งมาอ่านเจอประโยคสุดท้ายนี่ อิพี่วิค สติหลุดเลย หลุดออกจากแมทไปเลย เพราะฉะนั้นอิพี่ยักษ์ก็คงต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเองแล้วกันเนอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 27-12-2015 22:59:52
หึหึหึหึ สงสารแมทจัง ไม่อยากนึกตอนแมทเห็นภาพ :serius2: :serius2: :z6: :angry2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 27-12-2015 23:35:11
อยากทึ้งหนังหัวแกนังวิคเตอร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 28-12-2015 00:08:48
โอเควิคเตอร์ยูจะทำอะไรก็ทำไป

แต่เราขอคนเขียนนะคะ วิคเตอร์สมควรได้รับผลกรรมของสิ่งที่นางทำลงไป

และขอให้เจ็บกว่าน้องแมทนะคะ

I hope Karma slaps his face before I do it!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 28-12-2015 00:29:27
ถ้าวิคเตอร์จะเสียใจเพราะแมท แต่ก็เกิดจากที่ตัวเองทำตัวเองก็สมควรนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-12-2015 02:04:06
รอ ร้อ รอ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: CattyMeawMeaw ที่ 28-12-2015 03:47:45
ปลดอิยักษ์ออกจากบัลลังค์พระเอก!!!! ชิชิชิ กล้าดีมาก ให้เเมทเอาคืนซะให้เข็ด เอาเลยลูก หากิ๊กสิบคนให้สมใจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 28-12-2015 08:27:31
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยอิพี่ยักษ์เอ้ยยยยยยยย  :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :fire: :fire: :fire:
สงสารแมทอีกแล้ว ทำอะไรก็มีแต่แมทเจ็บตลอด
แมทร้องไห้แล้วมีคนอื่นมาปลอบก็อย่ามาเรียกร้องทีหลังนะ เชอะ! #ทีมแมท สุดพลัง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-12-2015 08:55:12
รอตอนแมทรู้เรื่องอยากรู้ว่าแมทจะเป็นยังไง :ling3:
สำหรับวิคเตอร์  :z6: :z6: :z6: :beat: :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 28-12-2015 09:03:57
อีพี่วิคยังไม่หยุดเลย หวงแมทกับคนอื่น
ต้องทำให้แมทเสียน้ำตาอีกเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 28-12-2015 12:44:22
อยู่ข้างแมทนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 28-12-2015 13:54:59
กระทืบวิคก่อนเลย ช่างหัวแม่งแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 29-12-2015 01:14:36
เข้าใจวิคเตอร์ แต่เป็นห่วงแมทที่รักของเราอ่าา :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: เอฟเอฟ ที่ 29-12-2015 21:13:33
อ่านทันแล้วววว :katai2-1:
รออยู่นะสนุกๆ

ทำไมรู้สึกหมั่นไส้พระเอกจัง กันฝ่ายแมททุกทาง ตัวเองนี่เต็มที่เลย
 :serius2:
อินมากมาย 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 29-12-2015 22:45:44
เสียใจแทนแมทเลยได้ไหม  ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคือแบบเราคงทำใจได้ยากกะพระเอกคนนี้ จะยุให้แมทหนีไปบวชเลย 555  ไหนๆก็รับปากที่บ้านว่าจะบวชก็จัดเลย ถือว่าล้างซวยไปได้ด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-12-2015 23:44:39
#ทีมน้องแมท มาเต็มค่ะ ใจเต้นตึ้บๆๆ เลย เอาอีกแล้ววิคเตอร์ ถอนใจยาว แรง น่าน้อยใจแทนพระเอกที่ไม่มีใครเชื่อใจเลย
เชื่อว่าแมทต้องมีอะไรสักอย่าง เพราะโทรมาหาเบนด้วย มารยาหญิงเข้าใจป่ะวิค เอาตัวรอดให้ได้ละกัน
ถ้าไม่ได้ก็อย่ามีมันเลยแฟน สงสารแมทน้อยว่ะ รักมันห่วยก็ทิ้งไปค่ะ หยุดให้บอดี้การ์ดตามน้องด้วย สงสารนาง

ขอบคุณค่ะ อยากอ่านตอนใหม่มาก จะร้อง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.21 100%} 27.12.58::
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 01-01-2016 08:49:36
ปีใหม่แล้วววววว รอตอนใหม่อยู่นะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-01-2016 15:14:38



Only You EP.22 :: Far away from him fro awhile. [50%]



“แมท… อย่าคิดมากเลยนะ…” ผมยังคงนั่งเงียบ หัวใจสั่นไหว ร่างกายอ่อนล้ามากเหลือเกิน เลือดในกายเย็นเฉียบจนตัวชา


“แมท พูดอะไรสักอย่างสิ อย่าเงียบแบบนี้…” ผมพยายามขยับปากจะเปล่งเสียง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี มือที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นสั่นระริก


“ผม…”


“มันแค่ไปส่ง เดี๋ยวมันก็กลับมา เชื่อฉันนะ มัน…” เบนเนดิคท์คงหมดคำจะพูดแทนเพื่อนตัวเอง สีหน้าเขาอึดอัดใจอย่างมาก คิ้วสีน้ำตาลทองขมวดเข้าหากันจนชิด ก่อนที่เขาจะถอนหายใจแรง


“ไอ้วิคเตอร์ แม่งคิดอะไรอยู่วะ…” เขาสบถหัวเสีย ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกสับสนปนงงกับตัวเองว่าจะพูดอะไรต่อดี


“แค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับคุณเบน เดี๋ยวผมไปฟิตเนส…” ผมกดปิดเฟซไทม์ไปพร้อมกับรอยยิ้มแกนๆ ทั้งน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมาบนแก้ม






ผมนั่งฝึกเขียนเอสเส (Essay) สำหรับเตรียมสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของตัวเองที่ทางภาควิชาภาษาตะวันตกจัดขึ้นให้เด็กปีสี่ทดสอบก่อนจะจบการศึกษา เพื่อเป็นการวัดว่าที่ร่ำเรียนมานั้นใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ผมก้มหน้าก้มตาเขียนเงียบๆ คนเดียวตรงโต๊ะใต้ตึกคณะ เพื่อนๆ เดินไปซื้อของกินกันที่ด้านหลังคณะ ผมเลยรับหน้าที่เฝ้าของให้


“คุณแมทครับ…” ยังไม่ทันได้เงยหน้ามอง ผมก็ทำหน้าเบื่อหน่ายทันที


“…ถ้าเขาโทรมา ผมก็มีคำตอบเดิมให้” ออสตินกับลังจะอ้าปากพูด แต่เสียงดังแต่ไม่ได้ดังลั่นเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ของออสติน


“แมท! เปิดเครื่องเดี๋ยวนี้! คุยกันให้รู้เรื่อง… ติ๊ด!” ผมกระชากโทรศัพท์ของออสตินมากดปิดโปรแกรมสไกป์ในเครื่องเขา ทำการปิดเครื่องให้เสร็จสรรพแล้วยื่นมือถือคืนให้เขาไป


“คุณอยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาดูแลผมอีก ไม่ต้องเปิดเครื่องรับสายเขา หรือกดรับวีดีโอคอลอะไรทั้งนั้น เพราะผมก็จะทำแบบนี้อีก” ผมบอกเสียงนิ่ง หน้านิ่ง ออสตินมองผมด้วยความลำบากใจก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากโต๊ะที่ผมนั่งด้วยท่าทียอมแพ้ ผมถอนหายใจแผ่วเบา รู้สึกร้อนๆ ที่ขอบตา ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดานด้านบนเพื่อระงับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่เหมือนจะทำไม่สำเร็จ เพราะมันไหลออกทางหางตาทั้งสองข้าง


“อ้าว เฮ้ย ไอ้แมท ร้องไห้อีกแล้ว” เสียงของไอ้แชมป์ดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดของมันที่โอบผมไว้ พอมีที่พึ่งพิงผมก็ปล่อยน้ำตาร่วงออกมาอย่างรุนแรง ผมไม่ได้ร้องไห้โฮ แต่น้ำตามันไหลพรากออกมา เสียงสะอื้นมาเป็นช่วงๆ ไอ้แชมป์ยกมือขึ้นถูแผ่นหลังผมเร็วๆ


“เอ้า ร้องเลย ร้องเป็นร้องวะ” ผมซุกหน้ากับอกของมัน ปล่อยให้น้ำตาไหลแรงจนเสื้อนักศึกษามันเปียกชุ่มไปหมด มือใครสักคนยกมาลูบหัวผมแผ่วเบา


“แมท คือฉันรู้นะว่าภาพที่เราเห็นกันอะ มันทำให้แกคิดมาก แต่ฉันอยากให้แกคุยกับวิคเตอร์ให้รู้เรื่อง ดีกว่าคิดมากไปเองแบบนี้เรื่อยๆ นะ” เสียงเก้าพูดอย่างอ่อนโยน มือมันก็ลูบหัวผมไปเรื่อย


สองวันแล้วที่ผมไม่ยอมพูดกับวิคเตอร์นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ผมสไกป์หาเขาแล้วเขาไม่รับอย่างเคย เผอิญคุณเบนทักแชทเฟซบุ๊คผมมา เขาเลยเป็นฝ่ายเฟซไทม์มาหาผม บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปเซอร์ไพรส์วิคเตอร์ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เพราะเสียงเพลงในร้านเหล้าอาจกลบจนไอ้ยักษ์มึนไม่รู้เรื่อง แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ผมได้ยินมันทำให้หัวใจผมเต้นแบบวูบวาบอยู่ในอก


“ฉันไปส่งอันเดรียนาแปบนึง แล้วเดี๋ยวกลับมา แกมีอะไรรึเปล่า”


ถึงจะไม่เห็นภาพ เพราะคุณเบนเอาหน้าจอโทรศัพท์หันเข้าหาตัวเขาไว้ แต่แค่ได้ยินแค่นั้นก็ทำเอาผมลืมกลืนน้ำลาย ลืมกระพริบตา ลำคอแห้ง ปากแห้ง รู้สึกมึนชาไปกับสิ่งที่ได้ยิน พยายามห้ามภาพทั้งหลายที่ผุดขึ้นในหัวไม่หยุดหย่อน หลังจากตัดสายคุณเบนไปผมก็พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไร ให้ตั้งสติ เขาอาจะแค่ไปส่งกันเฉยๆ ก็ได้ แม้แค่ไปส่งกันแค่นั้นมันจะทำให้ผมว้าวุ่นใจอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ไม่อยากคิดมาก คิดจุกจิกจนเกินไป เพราะวิคเตอร์บอกแล้วว่าระหว่างเขากับเธอจบคือจบ เขาอาจจะพบกันโดยบังเอิญ อันเดรียนาไม่มีรถ เขาเลยมีน้ำใจไปส่ง ผมพร่ำบอกตัวเองให้มองแฟนตัวเองว่าเขาจะไม่ทำอะไรไม่ดีลับหลังผม มันก็พอจะทำใจได้ ถ้าเช้าวันต่อมาผมจะไม่เห็นภาพหลุดจากปาปาราซซี่


ภาพแบ่งเป็นสองเซ็ท เซ็ทแรกคือตอนวิคเตอร์จูบกับอันเดรียนาหน้าร้านเหล้า ผมไม่รู้ว่าจังหวะนั้นวิคเตอร์ทำยังไง คิดจะผลักเธอออกมั้ย หรือแค่จูบแบบปกติทั่วไป ผมสับสนไปหมด ใจผมสั่นกับภาพที่เห็น ขอบตาร้อนผ่าว ตัวผมเย็นเฉียบ มือไม้ชาไปหมด แต่ที่ทำเอาน้ำตาผมร่วงคือภาพเซ็ทที่สอง ที่วิคเตอร์จูบกับอันเดรียนาตรงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งในข่าวบอกว่านั่นคือแมนชั่นของอันเดรียนา ผมพยายามแล้วที่จะหยุดความคิดเยอะ คิดมากของตัวเอง แต่ภาพเขาประคองพากันหายเข้าไปในแมนชั่นนั่นมันคืออะไร วิคเตอร์เข้าไปทำไม เขาเข้าไปทำอะไร เขาคิดอะไรอยู่ถึงทำแบบนี้ คำถามมากมายวิ่งแล่นในหัวผมไม่รู้จบ และไม่ว่าเขาจะเข้าไปนอนกับเธอหรือไม่ แต่สิ่งที่เขาทำมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมยิ้มหน้าบานแน่นอน


“แก… ภาพมันชัดขนาดนั้น แล้ววันนั้นเขาก็ไม่โทรกลับมาอีกเลยเว่ย…” เสียงผมถูกก้อนสะอื้นกลืนหายไปในลำคอ วิคเตอร์ไม่ได้ติดต่อกลับในคืนนั้น (ของนิวยอร์ก) เขาหายไปทั้งคืนของที่นู่น ก่อนนอนผมก็รอว่าเขาจะคอลมา แต่เปล่าเลย ไม่มีการติดต่อมา ผมไม่กล้าโทรไป ผมกลัวว่าจะได้ยินอะไรเข้ามาในโสตประสาทอีก ผมเลยนอนหลับไปทั้งน้ำตา คืนนั้นทั้งคืนผมหลับแบบที่สมองไม่ยอมหยุดคิดภาพระหว่างเขากับอันเดรียนาบนเตียงเลยสักนิด พอตื่นเช้ามาผมก็เห็นมิสคอลเป็นร้อยสาย แต่ตอนนั้นผมเลือกจะหนี ใจผมสั่นไปหมด


 ผมไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟัง แต่พอเพื่อนๆ เห็นข่าวพร้อมกับเห็นสีหน้าผม ทุกคนก็รู้ว่าเกิดเรื่องระหว่างผมกับวิคเตอร์แน่ๆ แถมออสตินยังคอยวนเวียนอยู่แถวตึกคณะไม่ยอมไปไหนอีก ผมหนีกลับบ้านเองมาสองวัน ออสตินก็ไม่กล้ามาบังคับผมมาก อาจเพราะเห็นอารมณ์ผมที่นิ่งผิดวิสัยจนไม่กล้าเอ่ยปากพูดมากใดๆ ได้แต่ยอมปล่อยให้ผมหนีกลับบ้านกับเพื่อนๆ เอง ผมไม่ต้องการอยู่กับออสตินตามลำพัง ไม่งั้นเขาก็จะยัดเยียดให้ผมคุยกับเจ้านายเขาให้ได้ ผมคุยกับวิคเตอร์แน่ๆ แต่สภาพจิตใจผมตอนนี้มันทรุดเกินกว่าจะทรงตัวได้ แต่มันต้องกลับมาทรงตัว ตั้งตรงได้แน่นอน และตอนนั้นผมจะคุยกับเขาอย่างมีสติ ไม่ลนลน ไม่โวยวาย เขาเองก็อารมณ์เสียที่ผมไม่ยอมรับสาย ไม่ยอมรับการติดต่อจากเขาแม้แต่ทางเดียว ถึงขั้นให้บาสมาหาผมที่มหาวิทยาลัยเมื่อวานนี้ก็ทำมาแล้ว แต่ผมก็บ่ายเบี่ยงไม่คุย ผมอยากคุย ผมจะคุยเอง คุยตอนนี้ผมคงเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายและคงรับฟังสิ่งที่เขาพูดด้วยอาการสติขาดๆ เกินๆ


ไม่ว่าเขาจะกลับไปเอากับเธอหรือไม่ ยังไงผมก็ต้องคุย เคลียร์ให้รู้เรื่อง ผมไม่ปล่อยไว้แบบนี้แน่ ถ้าเขานอกใจจริง ผมก็จะให้เขาไป จะง้อ จะขอโทษยังไง ผมรับหมด แต่ผมไม่เอาแบบนี้แน่ๆ ไปเถอะ อยากไปก็ไป อยากกลับไปนัก ผมจะให้ไป แต่อย่าทำให้ผมเสียใจหรืออยู่กับความระแวงแบบนี้อีก


“เขามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงเหรอวะ โอ๊ย ดีออก” เสียงแคทดังขึ้น เดาว่าหน้าตามันคงอารมณ์เสียน่าดู ไม่มีใครรู้รายละเอียดเรื่องอันเดรียนา รู้จากข่าวแค่ผิวเผิน แต่นั่นก็เป็นแค่ข่าวกอซซิป ส่วนดีเทลลึกๆ นั้นผมรู้จากปากวิคเตอร์แล้วแต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง


“เอาแบบตรงๆ นะมึง ผู้ชายกับผู้หญิงสองคนประคองขึ้นคอนโดขนาดนั้น แม่งโคตรน่าคิด กูเห็นภาพกูยังคิดเลย…” ผมได้ยินพวกเพื่อนผู้หญิงจิ๊ปากใส่ไอ้วอร์มกันระงม พวกนั้นคงไม่อยากให้ผมได้ยินอะไรแบบนี้


“…ไม่มึง มันอาจจะไม่มีอะไร เขาอาจจะเดินไม่ไหวเพราะอะไรสักอย่าง ผัวมึงเลยประคองไปส่ง แต่พ้อยท์หลักแม่งคือมันเป็นผัวมึงอ่ะ มึงเป็นเมียมัน มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเว้ย ควรมีระยะห่างบ้าง ไอ้เหี้ย แล้วรูปจูบนั่นแม่งก็พาคิดไปไหนต่อไหน” ไอ้วอร์มพล่ามออกมาเสียงเครียด พ้อยท์หลักที่มันว่าก็คือความคิดของผมเช่นกัน


“จะยังไงก็แล้วแต่ แกคุยกับเขาก่อนนะ เคลียร์กันให้ชัดเจนก่อน” แบมบอกด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมดึงหน้าออกจากอกไอ้แชมป์ หันไปพยักหน้าให้แบม ยกสองมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม


“คุย คุย ยังไงก็คุย แค่ตอนนี้ยังคุยไม่รู้เรื่องหรอก ฉันมีแต่น้ำตา อย่าง…” ผมสะอื้นจนเสียงพูดหาย เก้าตบไหล่ผมแปะๆ ทุกคนทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก มองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วง ผมดีใจที่อย่างน้อยครั้งนี้ผมร้องไห้แล้วมีเพื่อนมาคอยเป็นกำลังใจให้อยู่รอบตัว แม้กลับบ้านไปอาจจะมีใจหายวูบวาบไปบ้าง ผมเลยโหมออกกำลังกายที่ฟิตเนสหนักๆ กับพวกไอ้แชมป์ ไอ้วอร์ม เพื่อให้ร่างกายเหนื่อยจัดๆ กลับไปจะได้เมื่อยมากๆ และนอนหลับไวๆ


“กูปวดใจว่ะ ทำไมพี่พระเอกกูเขาถึงเป็นคนแบบนี้วะ” แคทจิ๊ปาก ส่ายหัวไปมาอย่างเชื่องช้า สีหน้าของมันผิดหวังพอๆ กับสายตา


“เขาแสดงออกชัดเจนเลยนะว่ารักแกมากกก แต่แม่งอารมณ์ไหนวะถึงได้ไปจูบกับผู้หญิงคนอื่น แถมยังพากันขึ้นไปบนคอนโดฯ อีก ห่าเอ๊ย” เหมียวบ่นบ้าง สีหน้ามันดูไม่เข้าใจวิคเตอร์อย่างมาก อย่าว่าแต่มันเลย ผมเองยังไม่เข้าใจเขาเลยว่าเขาคิดอะไร ทำไมทำแบบนั้น ความรักที่เขาแสดงออกมาให้ผมเห็นนักหนานั่นหายไปไหน ถ้าแค่มองผู้หญิงปกติหรือชมผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีๆ ปกติทั่วไป ผมจะไม่อะไรเลย เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่ผิดหรอกถ้าเขาจะมอง แต่ถึงขั้นจูบกันแบบนี้ ขึ้นห้องกันแบบนี้ ผมรับไม่ไหวหรอก แม้จะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขามีอะไรกันหรือเปล่า แต่มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะสามารถดับอาการคิดมากกันได้ง่ายๆ ถึงผมจะเคยบอกให้เขาป้องกันหากไปมีอะไรกับคนอื่น แต่เอาเข้าจริงแล้วมันทำไม่ได้หรอก นั่นแฟนเรานะ


“แล้วมึงจะคุยกับมันเมื่อไหร่” แววตาของวอร์มมีแววเครียด ผมเม้มปากส่ายหัวไปมาเชื่องช้า


“ขอเวลาอีกสักวันสองวัน เดี๋ยวกูคงติดต่อเขาไปเอง ตอนนี้มันรวนไปหมด กูกลัวตัวเองพูดไม่รู้เรื่อง” ทุกคนพยักหน้าเบาๆ


ผมปิดโทรศัพท์ตั้งแต่วันที่ตื่นมาเจอมิสคอลจากวิคเตอร์เป็นร้อยๆ สาย พ่อกับแม่ถามก็บอกว่าโทรศัพท์พังอยู่ กำลังส่งซ่อม แต่จริงๆ แล้วผมต่างหากที่พัง มันอาจไม่ได้พังรุนแรงมาก แต่มันก็เป็นความเสียใจที่เกิดขึ้น มีครั้งหนึ่งวิคเตอร์ตะโกนออกมาจากโทรศัพท์ออสตินว่าผมว่าอย่างี่เง่า อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ มันไม่ใช่แบบที่ผมเห็น แล้วผมต้องเห็นเป็นแบบไหน ต้องคิดตรงข้ามใช่มั้ย เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องที่ผมต้องมานั่งยิ้มและทำเป็นว่าไม่มีอะไรงั้นเหรอ สิ่งที่ผมกำลังแสดงอยู่นั้นมันไม่ใช่อาการของคนที่เห็นแฟนตัวเองจูบอยู่กับคนอื่นแล้วพากันขึ้นไปที่รโหฐานกันสองคนงั้นเหรอ ผมต้องยิ้มและบอกว่า เฮ้ ไม่เป็นไรใช่มั้ย


“เป็นฉันคงบุกไปตบมันแล้วละ เอาแค่จูบกับคนอื่น มันสมควรเหรอวะ แกใจเย็นมากอะแมท” ผมไม่ได้ใจเย็นอย่างที่เหมียวมันบอกหรอก แต่ผมเพิ่งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้กับตัว ผมเพิ่งเคยเจอความรู้สึกที่ว่าแฟนเราไปอี๋อ๋อกับคนอื่น เพราะผมไม่เคยมีแฟน ได้แต่เคยรับฟังปัญหาคนอื่น ตอนนั้นก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาว่ามันคงแย่พอดู แล้วพอผมเจอกับตัวเองบ้างมันก็แย่มากจริงๆ มันสั่น มันรวน ใจหวิวๆ อยู่ในอก


“เดี๋ยวค่อยว่ากัน วันนี้ไปฟิตเนส มึงไปอ่อยพวกเกย์ก้ามปูในนั้นเยอะๆ เลย ตั้งแต่มีผัวกูว่ามึงสวยขึ้นมาก” ผมหัวเราะทั้งที่น้ำตายังคลอเบ้าตากับคำปลอบใจเพี้ยนๆ ของไอ้แชมป์


ผมเช็ดน้ำตาจนแห้ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หยิบขนมที่เพื่อนซื้อมากิน ครั้งนี้มันไม่ใช่การเศร้าแบบตอนรอเขา แต่มันเป็นความเสียใจ ผมถามตัวเองว่าเจ็บมั้ย ผมก็ไม่แน่ใจตัวเองว่ามันเจ็บหรือเปล่า มันก็คงเจ็บละมั้ง แต่เหมือนรู้สึกชาๆ เหมือนกับว่าใจมันคล้ายจะหลุดออกจากอกจนเบาโหวงตรงอกซ้าย


“เออ ยังดีที่มันแดกได้ ไม่ได้อดอาหารจะเป็นจะตาย” ผมยิ้มขำน้อยๆ จิ้มลูกชิ้นหมูปิ้งกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้านหลังคณะเข้าปาก จะเศร้าจะเสียใจแค่ไหน ยังไงผมก็ไม่หยุดกินหรอก ผู้ชายคนเดียวมาทำให้ผมหยุดกินมันเป็นไปไม่ได้


เรานั่งทำงานกันอยู่ตรงโต๊ะจนถึงเวลาขึ้นเรียน ชั่วขณะหนึ่งผมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้ แบบว่าอาการจิตตก ใจหล่นนั้นหยุดเป็นชั่วขณะ ผมมีความรู้สึกว่าคนเราเวลามีปัญหาเรื่องความรัก มันเศร้า มันหมองหม่นก็จริง แต่มันก็จะมีสักช่วงนึงที่ไม่ได้จดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมนั่งเรียนตามปกติ ก็ยังรู้เรื่อง ยังจดตามที่อาจารย์บอกได้อยู่ รู้สึกขอบคุณตัวเองที่มีสติ ไม่ได้ถึงขนาดจะเป็นจะตาย เอาแค่ร้องไห้ก็พอแล้วละ


“ไอ้บอดี้การ์ดนั่นมันยังอยู่รึเปล่าวะ” วอร์มถามตอนที่เราลงลิฟต์มาหลังจากเลิกเรียนในคาบบ่ายแล้ว


“ช่างเขาเถอะ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ ผมไม่รู้ว่าหลังจากผมเลิกเรียนหรือหนีกลับบ้านไปแล้ว ออสตินไปที่ไหนยังไงต่อ ช่วงสองวันมานี้ผมไม่ได้สนใจ ไม่รู้ว่าเขาแอบไปเฝ้าผมที่ฟิตเนสหรือเวลาผมไปนอกสถานที่อื่นๆ บ้างหรือเปล่า


วันนี้ผมพกเสื้อผ้ามาเปลี่ยนสำหรับเล่นฟิตเนสเลย เนื่องด้วยมีเรียนคาบบ่ายพอดี พอเลิกเรียนไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มก็พาผมไปฟิตเนสใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย ผมเล่นมาได้สองอาทิตย์แล้วละ แรกๆ ขาแทบจะก้าวไม่ออก ปวดร้าวระบมไปหมด ผมเล่นตามที่ไอ้วอร์มกับไอ้แชมป์แนะนำ ไม่ได้จ้างเทรนเนอร์ (วิคเตอร์ไม่ให้จ้าง) ก็วิ่งไปตามเรื่องตามราว ยกเวท ซิทอัพ แต่ผมชอบเล่นโยคะกับเต้นแอโรบิค รู้สึกว่ากล้ามเนื้อได้ยืดหยุ่นเยอะดี ผมไม่กะเอากล้ามแขนกล้ามท้องขึ้นหรอก แค่เล่นให้พุงน้อยๆ นั้นมันยุบลงไปบ้าง ผมเป็นคนเจ้าเนื้ออยู่แล้ว ไอ้วอร์มบอกว่าถ้าออกกำลังกายให้หุ่นเฟิร์มเข้ารูปเข้าส่วนก็จะดี จะได้มีอกเป็นอก เอวเป็นเอวมากขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากสุขภาพแข็งแรง มีกล้ามเนื้อที่ทนทานต่อแรงของไอ้ยักษ์เวลาร่วมรักกัน


“แล้วมึงไปหาหมอตามที่ผัวมึงบอกรึยัง” แชมป์ถามตอนที่เราเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว


“ไปมาก่อนเกิดเรื่องนั่นแหละ” ผมไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลมา เนื่องด้วยจากการที่ผมกับเขามีอะไรกันแล้วผมเลือดออก เลยแอบกลัวว่าจะติดโรคอะไรหรือเปล่า โชคยังดีที่ผลตรวจเลือดผมปกติ แต่หมอก็บอกว่าควรงดกิจกรรมทางเพศสักระยะ แล้วเวลามีอะไรกันก็อย่ารุนแรงมากนัก หรือให้ดีเลยคือควรสวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ทางด้านหลัง ผมไม่ได้เลือดออกทุกครั้งก็จริง แต่ผมคิดว่าถ้าไม่มีเลือดเลยจะดีกว่า หมอเลยแนะนำให้ออกกำลังกายแบบที่ผมกำลังทำอยู่ ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ทานผลไม้เยอะๆ สำคัญมากๆ คือดื่มน้ำให้บ่อยๆ อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ และควรตรวจเลือดทุกสามเดือน ผมจำคำแนะนำของคุณหมอเอาไว้ เรื่องงดกิจกรรมทางเพศ ตอนนี้ผมก็งดมาเดือนนึงแล้ว และผมคิดว่าร่างกายผมเริ่มมีกล้ามเนื้อขึ้นมาบ้างแล้วนะ ส่วนเรื่องที่วิคเตอร์ชอบมีอะไรรุนแรงกับผม จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะบางทีมันก็เร้าใจดี (อ้าว) คืออย่างที่บอกว่าไม่ได้เลือดออกทุกครั้ง ผมก็ยังงงๆ กับระบบร่างกายตัวเองอยู่ คิดว่าถ้าออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบและดื่มน้ำไม่ขาด มันน่าจะโอเคขึ้นหรือเปล่า ส่วนวิคเตอร์นั้นเขาตรวจเลือดเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งผลก็ออกมาปลอดภัยไร้กังวล


“โอย…” ผมโอดครวญอยู่คนเดียวตอนที่กำลังซิตอัพ ช่างปวดกล้ามท้องเหลือเกิน แต่ไอ้วอร์มบอกว่ามันต้องทำซ้ำไปเรื่อยๆ ผมก็ซ้ำมาสองอาทิตย์แล้ว ทำไมมันยังปวดอยู่เลยอะ หรือมันต้องแรงกว่านี้รึเปล่า


“Hey, be calm. Don’t be hard, your muscle is gonna be hurt. (เฮ้ ใจเย็น โหมหนักขนาดนั้นเดี๋ยวกล้ามเนื้ออักเสบ)” ผมใจกระตุกนิดๆ ตอนที่ได้ยินสำเนียงภาษาอังกฤษของเสียงทุ้มนุ่มๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น ผมหันหน้าเหนื่อยๆ ไปมองก็เห็นผู้ชายฝรั่งตัวสูง ตัวใหญ่ กล้ามโต ไหล่กว้าง อกแน่น (แน่นจริง) กล้ามท้องเป็นลูกอยู่ใต้เสื้อออกกำลังกายรัดติ้วจนเห็นเป็นลอนกล้ามท้องชัดเจน โครงหน้าชัดเจน ไม่เล็กแหลมมีเคราสีน้ำตาลทองจางๆ ประดับดับอยู่ จมูกโด่งมน ดวงตาสีเทาที่มองมาทางผมคู่นั้นสว่างไสว รับกับแพขนตายาวงอนอย่างดี ผมแอบงงและตกใจเบาๆ กับตัวเองว่าทำไมมีฝรั่งอยู่ในฟิตเนสในเมืองไทย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ใครๆ ก็มาใช้บริการได้ แค่แปลกใจว่ามีฝรั่งด้วยเหรอ


“Oh—okay. Thanks. (โอ้ ครับ ขอบคุณมาก)” ผมยิ้มยิงฟันแห้งๆ ให้ฝรั่งกล้ามโตอกแน่น คือเห็นเขาแล้วต้องร้องหูวในใจ เป็นฝรั่งตัวใหญ่ที่พูดได้เลยว่าใหญ่ อย่างวิคเตอร์ร่างสูงใหญ่ก็จริง แต่ผมว่าเขาไม่ใช่ฝรั่งสายกล้าม แต่คนนี้ท่าทางจะมาสายกล้าม หรือเพราะเขาแค่มีกล้ามเยอะจนผมไปจัดหมวดให้เขาอยู่ในสายกล้ามเองก็ไม่รู้


“เล่นมานานเท่าไหร่แล้วครับ” เขาชวนผมคุยต่อ ผมอ้าปากหวอนิดหน่อย พยักหน้ามึนงง ในหัวทบทวนคำตอบที่จะพูดกับเขา


“เกือบสามสัปดาห์แล้วละครับ” เขาพยักพร้อมรอยยิ้ม เขาเป็นคนหน้าตาไม่ได้หล่อมาก แต่ผมว่าเขาดูดี ไม่ใช่หน้าหล่อ แต่หน้าดูดี สัดส่วนบนใบหน้าเขาลงตัวเลยทำให้หน้าดีมั้ง บวกกับหุ่นอันกำยำที่ไม่ใช่กำยำน่ากลัว เรียกว่าอะไรดีเป็นคนมีเสน่ห์เงี้ยอะเหรอ อาจคล้ายๆ กับวิคเตอร์ที่ไม่ได้หล่อเวอร์แต่มีเสน่ห์ชวนมอง


“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ค่อยๆ ไปก็ได้ แค่มีวินัยทำสม่ำเสมอ” ผมยิ้มแก้มอิ่ม เขายิ้มใจดีกลับมา ท่าทางเขาจะอายุมากกว่าผม แต่เขาก็ดูไม่แก่เลย ดูอบอุ่นในแบบผู้ใหญ่ เส้นผมเขาก็ไม่ได้หงอกอะไร เป็นสีโค้กเข้มสวยอีกต่างหาก


“คุณคงเล่นมานานแล้วแน่ๆ ดูกล้ามสิ” ผมหัวเราแฮะๆ ชี้นิ้วไปที่กล้ามอกกับกล้ามแขนของเขา แอบตาเป็นประกายนิดหนึ่งตอนเห็นรอยสักบนแขนขวากับตรงเนื้อมกล้ามด้านในตรงท่อนแขนขวาของเขา (รอยสักดึงดูดผมได้ดีเสมอ)


“ผมชอบออกกำลังกายน่ะ แล้วพอดีมีเพื่อนเป็นเทรนเนอร์ เลยช่วยผมได้เยอะเลย” ผมทำปากรูปตัวโอ เบิกตากว้างมองอีกฝ่าย


“ที่นี่เหรอครับ เพื่อนคุณเป็นเทรนเนอร์ที่ไทยเหรอ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น ปกติผมก็จะเคยเห็นแต่เทรนเนอร์เป็นคนไทยนะ ก็แน่ละ ที่นี่มันเป็นประเทศไทย แต่แบบว่าเพื่อนเขาอาจจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่


“เปล่าหรอก เขาเป็นเทรนเนอร์อยู่อเมริกา” ผมพยักหน้าเข้าใจ สายตายังมองเขางงๆ อยู่


“แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ ผมหมายถึงว่า ส่วนมากผมเห็นแต่คนไทย” เขายิ้มดูดีก่อนจะตอบเสียงนุ่ม เสียงเขาทุ้มหูดีจัง


“พอดีว่ามาทำธุระบางอย่างที่ไทยน่ะ แต่ฟิตเนสเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันผมไปแล้ว เลยต้องมาออกกำลังกายที่นี่แหละ” โอ้ว น่าตื่นเต้นจุง (ตื่นเต้นอะไร?) เป็นฟิตเนสแอดดิค (Fitness addicted) นี่เอง สงสัยคงชอบออกกำลังกายมาก ขนาดว่ามาทำงานยังต้องแวบมาออกกำลังกาย


“เอ่อ แล้วคุณอยู่เมืองไหนที่อเมริกาเหรอครับ ผมเคยไปอยู่นิวยอร์กมาสามเดือน” เขาเลิกคิ้วขึ้นคล้ายกับประหลาดใจนิดหน่อย


“บ้านผมอยู่ซานดิเอโก้ (Sandi ego) ครับ แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าอยากจะรับสอนออกกำลังกายที่นิวยอร์กกับเพื่อน” ผมเผลอยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย คือมันเป็นอารมณ์ประหลาดใจปนดีใจแปลกๆ ที่เจอคนในพื้นที่ที่เราเคยไป


“บังเอิญมากเลย นี่ผมก็มีแพลนจะไป…” ผมชะงักคำพูดที่กำลังจะบอกว่าตัวเองมีแพลนจะไปอยู่นิวยอร์ก (กับวิคเตอร์) ไว้ เพราะความคิดที่ว่าจะได้ไปแน่รึเปล่านั้นดันแทรกขึ้นมา ผมสลัดสีหน้านอยด์ตัวเองออกแล้วยิ้ม


“…มีแพลนจะกลับไปเที่ยวนิวยอร์กอีกรอบน่ะครับ”


“อ้า ถ้าไปที่นั่นบอกผมได้นะ ติดต่อผมผ่านเฟซบุ๊คก็ได้ เสิร์จชื่อว่า แซ็ค ไนท์ฮู้ด (Zach Knighthood)” ผมพยักหน้ารับเอ๋ออ๋า นึกในใจว่านี่เราสนิทกันแล้วเหรอ แต่ฝรั่งมักชอบเป็นแบบนี้นะ คุยกันแปบๆ ถ้าคุยถูกคอก็จะขอหรือให้ช่องทางการติดต่อไว้ แต่เอ๊ะ?! เขาคุยถูกคอกับผมงั้นเหรอ ไม่น่าจะใช่ อาจจะกำลังหาลูกค้าอยู่ก็ได้


“ผมจะจำไว้ครับ…” ผมยิ้มแก้มอิ่ม อีกฝ่ายยิ้มมีเสน่ห์กลับมา จากการคุยกันสักพักผมว่าเขามีเสน่ห์ทางเพศชวนดึงดูดมาก เช็กได้จากสายตาของเหล่าเก้งกวางในฟิตเนส จ้องหุ่นคุณแซ็คตาเป็นมันเลย แล้วยิ่งเหงื่อชโลมทั้งหน้าทั้งตัวเขาแบบนั้น มันทำให้รู้สึกว่าเขาฮ็อต


“…แล้วนี่คุณจะอยู่ไทยนานแค่ไหนครับเนี่ย”


“อีกสองอาทิตย์ก็กลับแล้วครับ ทำธุระเสร็จว่าจะอยู่เที่ยวต่ออีกสักพัก” ผมพยักหน้าหงึกหงัก แซ็คยกมือขวาขึ้นมาลูบคาง สีหน้าครุ่นคิด


“ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอ”


“อ้อ ผมชื่อแมทครับ”


“ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ว่าคุณอายุเท่าไหร่ครับ” ผมบอกอายุตัวเองไป แซ็คทำหน้าทึ่งปนตกใจนิดหน่อย


“หน้าเด็กมากเลย ผมนึกว่าคุณจะแค่สิบเจ็ดสิบแปด” ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคนเอเชียกับคนตะวันตกนั้นมีการเหลื่อมล้ำทางใบหน้าและอายุเป็นเรื่องปกติ คนเอเชียส่วนมากก็จะหน้าเด็กกว่าอายุจริง ที่จริงคือก็เหมาะสมกับหนังหน้าและอายุแล้วละ เพียงแต่ฝรั่งเนี่ย บางคนตัวโต หน้าแก่เกินวัย แต่ไม่ใช่แก่หงำ สมมุติบางคนอายุสิบแปด แต่กลับมีใบหน้าคล้ายยี่สิบปลายๆ แล้วก็มี


“ผมรู้สึกเป็นลุงคุณยังไงก็ไม่รู้” ผมหัวเราะแล้วลองถามอายุเขาแบบมีมารยาท เขาอายุมากกว่าวิคเตอร์สามปี ผมว่าเขาก็ยังไม่ได้แก่ตีนกาขนาดนั้นนะ เรียกได้ว่าอายุเท่านี้แต่ก็เหมาะสมกับใบหน้าของเขา


“ลุงไนท์ฮู้ด” เขาแสร้งทำหน้าหยี ผมหัวเราะเสียงแผ่ว เขายิ้มกว้างตาม และบอกว่าให้ผมเรียกเขาว่าแซ็คก็ได้ เขาไม่ถือ


“ผมช่วยสอนออกกำลังกายมั้ย ฟรี ไม่คิดตังค์ ถือว่าผมได้ฝึกก่อนลงสนามจริงด้วย” ผมยิ้มตาแป๋ว ก่อนจะพยักหน้ารับคำชวนของเขา แซ็คเลยมาช่วยผมสอนออกกำลังกาย


ถือว่าเขาเป็น (ว่าที่) เทรนเนอร์ที่ดีมาก เขาสอนว่าแต่ละท่าควรออกกำลังในสัดส่วนเท่าไหร่ ควรออกอย่างไรเพื่อให้ได้กล้ามเนื้อที่สมบูรณ์โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ผมบอกเขาว่าผมอยากให้อกเป็นอก เอวเป็นเอว ขอสะโพกแน่นเพื่อรองรับแรงกระแทกได้ดี (ผมไม่ได้บอกเหตุผลข้อนี้กับเขานะ) กล้ามท้องเอาเล็กน้อยพองามตามสัดส่วนร่างกายของผม เขาก็แนะนำให้ผมกินอาหารคลีนควบคู่ไปด้วย เพราะพุงน้อยๆ ของผมนั้นเป็นพุงแบบไขมันส่วนเกิน


“อยู่ที่บ้าน แพลงกิ้งเซ็ทละหนึ่งถึงสองนาที ทำสักสิบเซ็ท มันก็จะช่วยได้นะ” เขาว่าพลางช่วยยกตัวผมให้ซิทอัพตามจังหวะแผ่วเบา ไม่หนักหน่วงเท่าตอนที่ทำเอง


เขาสอนให้ผมลองยกราวเหล็กที่ผมเคยเห็นในกีฬายกน้ำหนักด้วย อยากจะถามพวกที่เป็นนักกีฬาด้านนี้เหลือเกินว่าไปเอาพลังแขนมาจากไหนกัน ผมยกครั้งแรกแขนจะหัก ดีที่มีคุณแซ็คช่วยประคองราวเหล็กเอาไว้ ยกได้ไม่กี่ครั้งผมก็หอบแฮกแล้ว


“อย่างที่บอก ไม่ต้องเล่นเยอะหรือหนักมาก แต่ให้เล่นอย่างมีระเบียบวินัย รับรองได้ตามที่ใจต้องการ” เขายิ้มให้กำลังใจ ผมยิ้มเหนื่อยๆ กลับไปให้เขา นั่งหอบอยู่บนเบาะนอนสำหรับยกราวเหล็ก


“ไปนั่งพักก่อนมั้ย” ผมพยักหน้าทั้งที่ยังหอบ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินเคียงข้างร่างใหญ่ๆ ของแซ็คไปตรงโซนนั่งพัก เดินผ่านไอ้วอร์มกับไอ้แชมป์ที่กำลังยกเวทกันอยู่


“ขอนั่งพักก่อนนะ” ผมบอกเสียงเหนื่อยพลางโบกมือพัดเรียกลมเข้าหาตัว


“ผัวใหม่เหรอวะ หาเร็วดีนี่หว่า ล่ำกว่าเก่าด้วย” ผมเอาผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กฟาดหัวไอ้แชมป์ไปหนึ่งที ก่อนที่จะแนะนำแซ็คให้พวกมันได้รู้จัก และแนะนำพวกมันให้แซ็ครู้จักด้วยเช่นกัน ทั้งสามคนคุยกันนิดหน่อยแล้วผมขอตัวไปนั่งพักโดยมีเพื่อนใหม่ตัวโต (มาก) ตามไปด้วย


TBC.

ไม่ได้ดราม่าใหญ่โตมากเนอะ ตอมไม่อยากให้มันตู้มมมแล้วเป็นโกโก้ครั้นช์ แต่อยากให้บรรยากาศมันหม่นๆ หน่อยๆ ซึ่งเป็นความโรคจิตมาก 555555

เอาแซ็คมาขั้นสักครู่ ก็ต้องบอกว่าหน้าด้านมากที่เปิดตัวพี่แกแบบนี้ 55555 แซ็คเป็นหนึ่งในพระเอกเซ็ท ซีรีส์พี่พระเอก หรือ The Actor Series ค่ะ เปิดตัวเขาแล้ว เรื่องแซ็คคงตามมาเป็นเรื่องที่สอง แต่คงยังไม่ออกทันทีอะนะคะ ถ้าวิคเตอร์กับแมทจบ ตอมต้องไปเขียนพี่เขี้ยวกับน้องเรียวก่อน ก็สลับๆ กันไป เมืองนอกกับบ้านไร่เนอะ

สำหรับการเอาแซ็คออกมาตอนนี้คือเอามาเบรกอารมณ์ดราม่าของแมท ให้นางได้ลืมความช้ำใจไปบ้าง ให้นางได้ดี๊ด๊าบ้างกับการได้เจอผู้ชายมีรอยสัก  :hao7:

เจอกันกับส่วนต่อไปค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 01-01-2016 15:48:29
กรี๊ด ชอบพี่แซ็คค่ะ มายั่วไอ้ยักษ์เลยค่ะ ให้รู้ซะบ้างแมทไม่ใช่ของตายนะยะ  :m16:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-01-2016 15:51:47
5555. ผู้ชายมีรอยสักยังดึงดูดนางได้เสมอจริง  ผงผัวอะไรนางลืมหมดนาทีนี้ นางเริ่ดอะ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-01-2016 16:00:05
สมน้ำหน้าอีวิคเตอร์. แมทสบัดบ๊อบสวยๆพร้อมกับเทรนฟิตเนสกับพี่แซ็ค. 55555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-01-2016 16:04:18
พระเอกกกก


อา... ชีวิตมีสีสันนะวิค หึหึ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-01-2016 16:37:00
ลุงแซ็คท่าทางใจดีเนาะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JY_JRB ที่ 01-01-2016 17:12:23
ตายแน่เมิง อีวิคเตอร์  5555(หัวเราะปากกว้างๆๆแบบโมริโคโกโร่)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-01-2016 17:34:34
ดัดซะให้เข็ด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 01-01-2016 18:02:14
รอยสักนี่ดึงดูดแมทได้จริงๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-01-2016 18:54:46
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 01-01-2016 19:03:54
ชอบๆๆ เอาผู้ชายหล่อๆมาคั่นดราม่าได้นิดนึงงง
หนูแมทสู้ๆไว้ ไม่ต้องไปสนอิตาวิคเตอร์หรอก เชอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 01-01-2016 19:04:38
เอาเลยน้องแมท มีแฟนใหม่โลด ป้าเชียร์  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-01-2016 20:05:41
วิคเตอร์เห็นนี่ควันออกหูแน่ๆ555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 01-01-2016 20:53:32
แมทเชิดๆเริ่ดๆเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 01-01-2016 22:44:21
ดีแล้ว ไม่อยากให้ดีกันเร็วไป 5555  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-01-2016 23:11:05
สมน้ำหน้าวิคเตอร์แม้เราจะยังไม่รู้เรื่องแท้จริง ก็บอกแล้วทีมแมท
แซ็คมาได้เวลาดีค่ะ เหง้าดี หุ่นล่ำ ผัวน่าจะหึงอยู่นะคะคนนี้ เฮนโหล่ววว คนที่เมกาบ้าตายไปยังคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 01-01-2016 23:13:37
นังวิคเตอร์รู้อกแตกตายแน่ 55555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 02-01-2016 00:03:10
สมน้ำหน้าไอยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 02-01-2016 09:17:33
แมทเด็ดขาดดีมากกก อย่าใจอ่อนง่ายๆนะ

วิคเตอร์สมควรได้รับบทเรียน สองจูบกับลืมแมทก็แย่มากพอละ

แซ็คมาดีๆ เอิร์ธมาด้วยก็ดีนะ อยากให้รู้ว่าแมทมีตัวเลือกเยอะเช่นกัน

ทีมแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-01-2016 11:54:45
สมน้ำหน้ายักษ์
ตัวเองหึงโหดขนาดแมทคุยกะเพื่อนยังไม่ได้
ทีตัวเอง .... เฮอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: i_ammaew ที่ 02-01-2016 12:22:26
เพื่อนแชมป์อ่อนโยนมาก อยากให้เพื่อนมีสามีด้วย หรือจะแซ็คแชมป์ดี  (แอบมโนไปไกล)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 02-01-2016 13:12:33
ดี ต้องให้วิคเตอร์ทุรนทุรายบ้าง ฮ่า รออ่านตอนหน้า ด่วนๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 02-01-2016 16:16:50
ชอบแมทจัง
หนูสตรองมากค่ะลูกขา
เศร้าแต่ก็ไม่ได้จะเป็นจะตาย แยกแยะได้ เลิฟนาง  :กอด1:
ส่วนวิคเตอร์ หึ! บอกได้แค่ว่าแกพลาดแล้ววิคเตอร์ที่ทำแบบนี้  o18
อยากเห็นนางดิ้นบ้าง ทำตัวเองชัดๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 03-01-2016 15:19:03
/หัวเราะใส่หน้าวิคเตอร์แรงๆ/
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 03-01-2016 23:43:23
แมทเสน่ห์แรงมากขึ้นทุกวันจร้า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 50%}:1.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 04-01-2016 05:56:54
รอให้วิคเตอร์หึงหวง แล้วเจ็บบ้าง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-01-2016 15:34:10


Only You EP.22 [100%]



ผมนั่งคุยกับแซ็คเพลินเรื่องออกกำลังกายและเรื่องอื่นๆ รวมถึงบ้านเกิดของเขาอย่างแซนดิเอโก้ด้วย เขาเล่าประวัติคร่าวๆ ของเขาให้ฟังว่าเริ่มสนใจเรื่องกล้ามๆ ตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ก็ชอบการออกกำลังกายมาเรื่อยๆ ว่างจากงานหรือเลิกจากงานเมื่อไหร่ เขามักจะใช้เวลาไปกับฟิตเนส แต่ก็ไม่ได้คลั่งเหมือนพวกนักกล้าม พวกประกวดกายงามอะไรทำนองนั้น เขาแค่ชอบรักษาหุ่นให้ดูดีอยู่เสมอเพราะเขาบอกว่าหุ่นมีผลต่อหน้าที่การงานเก่าของเขา แล้วพอเล่นหลายๆ ปีเข้า บวกกับมีเพื่อนเป็นเทรนเนอร์ เขาเลยอยากลองทำอาชีพนี้ดู


“อ้าว แล้วคุณยังทำงานเก่าอยู่มั้ยครับ หรือว่าลาออกจากงานนั้นไปแล้ว” เขาระบายยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้า เป็นรอยยิ้มแปลกๆ ที่ผมไม่เข้าใจ ดวงสีเทาของเขาวูบไหวเล็กน้อย สีหน้าของเขาหมองลงนิดหนึ่ง


“ก็ยังมีไปทำบ้าง แต่ไม่ได้เป็นทัพหน้าแล้วละ” ผมย่นคิ้ว เผลอจ้องหน้าดูดีเข้าขั้นหล่อเหลาของเขานิ่งจนเจ้าตัวหันมายิ้มกว้างขำๆ นั่นแหละ ผมถึงรู้ตัวเลยกระพริบตาปริบๆ แล้วยิ้มแห้ง


“คุณพูดเหมือนในทำงานวงการบันเทิงเลย” แต่ถ้าทำงานในวงการจริงผมจะไม่รู้จักเขาได้ไง เอ้อ ได้สิ ขนาดตอนเจอวิคเตอร์ครั้งแรก ผมยังไม่รู้จักหมอนั่นเลย หรือคุณแซ็คกำลังจะดังแต่ล้มเลิกความตั้งใจอยากจะเป็นนักแสดงไปก่อน ผมมองหน้าเขาตาแป๋ว แซ็คมองผมแล้วยิ้มหล่อละมุน แววตาเขาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะว่าเสียงทุ้มและรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแกนๆ 


“ตอนแรกมันก็เป็นงานที่ผมคิดจะทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้วละ” ผมยิ้มเก้อ ไม่ค่อยจะเข้าใจที่เขาพูดสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่กล้าถามซอกแซกมาก กลัวเขาจะหาว่าสอด (ซึ่งก็อยากจะสอดจริงๆ)


“ผมมีเพจนะ กดไลค์ได้ แต่สำหรับคุณ แอดเฟซบุ๊คส่วนตัวผมไปเลยดีกว่า” เขาเปลี่ยนเรื่องด้วยท่าที่เปลี่ยนไป ต่างจากอาการกร่อยๆ เมื่อสักครู่นี้ ผมเลยเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างตามเขาไปด้วย ผมเข้าไปดูเพจของเขา สงสัยคงเพราะเพิ่งจะทำ คนเลยกดไลค์ไม่มาก ผมจัดการหาเฟซบุ๊คส่วนตัวของเขาแล้วแอดเป็นเพื่อนไว้


“เดี๋ยวต้องรวยแน่ๆ เลย” ผมเอ่ยแซวเพราะเขาเล่าว่ามีลูกค้าสนใจอยากให้เขาเป็นเทรนเนอร์ค่อนข้างมากจากการลองโยนหินถามทางดู ผมว่าส่วนหนึ่งก็มาจากหนังหน้าและหุ่นของเขานี่ละ ผมเชื่อเลยว่าหลายๆ คนที่เป็นลูกค้าเขา ต้องมีบ้างแหละที่หวังจะได้แอ้มเทรนเนอร์ส่วนตัวของตัวเอง ก็ดูสิ หุ่นน่ากินขนาดนี้ เหล่าชะนีเก้งกว้างบ่างละมั่งคงรีบแห่มาสมัครกับเขาเป็นขบวน


“ผมคงรับไม่มากหรอก อีกอย่างส่วนใหญ่ที่เข้ามาหาผม ก็ชอบขอมากกว่าให้เป็นเทรนเนอร์ให้ซะงั้น ผมเลยต้องปฏิเสธไปหลายคน” นั่นไง ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ที่ไหนล่ะ ผมยิ้มยิงฟัน ห่อไหล่ขึ้นด้วยความเขินแทนเขา ท่าทางเขาคงฮ็อตพอตัว แซ็คหัวเราะกับท่าทีที่ผมแสดงออก


“แหม ก็ลองสนองสักคนสองคนสิครับ” ผมแกล้งทำเสียงเซ็กซี่ใส่เขา แซ็คยักคิ้วขึ้นหนึ่งที


“ก็อาจจะมีนะ” ผมอ้าปากหวอ เบิกตากว้างมองเขา แซ็ค ไนท์ฮู้ดขยิบตาอย่างมีเลศนัย ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไม่ต้องตื่นเต้นเวลาได้ฟังเรื่องอะไรแนวนี้ ตอนอดัมก็ทีนึงแล้ว


“แล้ว… แล้วบางคนที่คุณว่านั่น เพราะอะไรคุณถึงจะตอบรับเขาล่ะครับ” เอาล่ะ เสือกอีกแล้วจ้ะอีแมท เรื่องตัวเองยังเอาไม่รอด สอดเรื่องคนอื่นอีกแล้ว แต่ผมว่าการได้ยุ่งเรื่องชาวบ้านมันก็ทำให้ผมลืมสนใจเรื่องตัวเองได้ระยะหนึ่งเลยนะ (เป็นการบำบัดที่แปลกมาก)


“ก็ถูกใจละมั้ง” เขาไหวไล่นิดหนึ่ง ผมทำหน้าเอ๋อ แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้


“แบบนี้ก็รวมถึงผู้ชายด้วยน่ะสิครับ” ผมตาโตมองหน้าเขา แซ็คยิ้มกริ่ม


“เป็นความลับ” โธ่! จะมาลับเลิบอะไรตอนนี้ ความเผือกกำลังได้ที่เลย แต่ก็นะ จริงๆ เขาคงอยากจะบอกผมว่า มึงอย่าเสือกหรืออาจจะบอกว่า เสือกไรกะกู แต่เลือกใช้คำนี้มากกว่า


ผมนั่งคุยกับเขาอีกสักพัก พยายามจะห้ามความอยากรู้อยากเห็นกับเรื่องที่เขาเล็ดลอดออกมาให้ได้ฟัง อยากถามอีกเยอะแยะแต่ที่ถามไปก่อนหน้านั้นก็คงเสียมารยาทมากพอแล้ว (เพิ่งรู้ตัว) เพิ่งรู้จักกัน ก็ละลาบละล้วงแค่นี้พอแหละ ไว้รู้จักกันมากกว่านี้ค่อยล้วงเยอะๆ (ฮะ?!)


“ไว้เจอกันใหม่นะ” เขาเอ่ยลาด้วยรอยยิ้มหลังจากนั่งคุยกันมานานมาก เขาคุยสนุกมากเลยอะ เขาเอ็นเตอร์เทนเก่งมากเลย ถ้าบอกว่ามีอาชีพเป็นนักแสดงผมก็เชื่อ ด้วยหน้าตาที่ไปได้กับสายนั้น กับกิริยาท่าทีที่ดูมีลูกเล่นแพรวพราวไม่น้อยตอนคุยกัน ผมยิ้มกว้างและยกมือโบกลาเขา แซ็คเดินสะพายเป้ออกไปจากฟิตเนส


“โห กูอยากได้กล้ามอย่างเขาว่ะ” วอร์มพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม พวกมันมีโอกาสได้พูดคุยกับแซ็คนิดหน่อยก่อนที่เขาจะกลับ


“โอ้ย แค่นี้ก็พอแล้ว อันนั้นเขาร่างฝรั่ง กล้ามแบบนั้นก็เหมาะกับเขาไง” ผมบอกพลางยกขวดน้ำขึ้นดื่ม


“ว่าแต่ ผัวมึงกับคนนี้ แบบไหนเร้าใจกว่ากันวะ” อีแชมป์นี่มันเป็นคนยังไง ผมเลยเอาผ้าขนหนูฟาดหัวมันไปอีกที มันไม่ได้ว่าอะไรแค่หัวเราะครื้นเครงเท่านั้น


“ไปส่งด้วย”


“เออ” มันรับคำ เปิดประตูหลังรถโยนกระเป๋าสำหรับมาฟิตเนสเข้าไปด้านใน ไอ้วอร์มบอกลาแล้วแยกตัวไปที่รถของมันเอง ผมกำลังจะขึ้นรถแต่ก็โดนเรียกเอาไว้ก่อน


“คุณแมทครับ” ผมหันไปมองออสตินด้วยความตกใจ ก็เล่นโผล่เข้ามาประชิดตัวอย่างเร็ว ใจหายแวบเลยทีเดียว ผมพ่นลมออกปาก ตบอกเบาๆ เรียกขวัญเอ๊ยขวัญมาให้ตัวเอง


“คุณเรย์มอนด์กำลังเดินทางมาไทย เขาอยากให้คุณไปรอที่อพาร์ทเม้นต์” ผมยืนนิ่ง ใจเต้นตึกๆ เมื่อได้ยินว่าเขากำลังมาที่นี่ แต่ก็แกล้งแสดงออกว่าไม่ได้สนใจทั้งที่จริงสนมาก ทำไมคนเราถึงมีพฤติกรรมสวนทางกับหัวใจแบบนี้นะ


“ทำไมผมจะต้องไปรอเขาที่นั่นด้วย” ผมปั้นหน้าปั้นเสียงนิ่ง แต่คงนิ่งไม่เท่าพ่อบอดี้ศพเขาหรอก เป็นซิกเนเจอร์ของเขาไปแล้ว


“เพราะคุณคงไม่อยากให้เขาเดินเข้าไปอุ้มคุณออกมาจากบ้านใช่มั้ยครับ” ผมหันหน้านิ่งของตัวเองไปมองหน้านิ่งกว่าของออกสติน ผมถอนหายใจนิดหนึ่งแล้วหันไปหาไอ้แชมป์


“มึงกลับไปเลย เดี๋ยวกูกลับกับเขา แต่กูจะบอกว่าไปนอนหอมึงเพื่อทำโปรเจ็คท์นะ” ไอ้แชมป์พยักหน้ารับ ผมหมุนตัวเดินนำออสตินไปที่รถบีเอ็มดับเบิลยูอันคุ้นเคยที่ผมไม่ได้นั่งมาจะสามวันแล้ว ออสตินกดปลดล็อคประตู ผมเปิดประตูหลังขึ้นไปนั่ง ออสตินเดินไปประจำที่ของตัวเองแล้วขับรถออกไป


“เขาไม่นอกใจคุณหรอกครับ” จู่ๆ ออสตินก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา ผมยิ้มมุมปากซ้าย ทำเสียงหึในลำคอ


“คุณรู้ได้ยัง คุณไม่เคยเห็นเขาก่อนหน้านี้นี่ ผมอยู่กับเขามา ผมเห็นเขาพาผู้หญิงมามีเซ็กส์ด้วยที่บ้านตั้งหลายคน” ภาพในวันวานช่วงฝึกงานยังคงชัดเจนว่าไอ้ยักษ์มันโชกโชนกับเรื่องแบบนี้ขนาดไหน


“ตอนนั้นเขามีใครรึเปล่าล่ะครับ” ผมเหลือบมองด้านข้างออสตินนิ่งๆ ตอบคำถามเขาเสียงเรียบ


“ไม่มี”


“ผมว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิดอะไรนี่ครับ เขาไม่มีใคร เขาก็มีสิทธิ์จะมีเซ็กส์กับใครที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่เขายังป้องกัน” ผมกอดอก ทำหน้าไร้อารมณ์ เลื่อนสายตาไปมองวิวด้านนอกผ่านกระจกรถ


“ถ้าคุณคิดว่าเขาเจ้าชู้ ผมว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น” ผมยังคงนั่งมองวิวด้านนอกเงียบๆ หัวสมองกำลังคิดตามกับสิ่งที่ออสตินพูด


“ผมพูดในฐานะที่เป็นผู้ชายด้วยกัน หมายความว่าผู้ชายจริงๆ คุณเรย์มอนด์ไม่ใช่คนเจ้าชู้ขั้นโคม่าหรอกครับ…” ผมเบนหน้ากลับไปสบตากับออสตินผ่านกระจกมองหลัง เอนหลังกับเบาะนุ่มๆ ในรถ สายตาเหม่อมองไปด้านหน้า


“แต่ก็ยังเจ้าชู้อยู่ดี” ผมเอ่ยเสียงราบเรียบ


“ผู้ชายมียีนส์เจ้าชู้อยู่ในตัวทุกคนนั่นแหละครับ อยู่ที่ว่ายีนส์นั้นจะรุนแรงหรือเปล่าเท่านั้นเอง”


“งั้นในตัววิคเตอร์คงจัดอยู่ในหมวดยีนส์เด่นเลยละ” ออสตินเหลือบมองผมในกระจกมองหลัง


“เขาเจ้าชู้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องทำร้ายคุณนี่ครับ” ผมถอนหายใจแผ่วเบา รู้สึกเนือยๆ ในอก


“งั้นเหรอ…”


“ผมเข้ามาทำงานกับเขาในช่วงที่อันเดรียนายังอยู่ ไม่กี่วันหลังจากนั้นเธอก็หายไป ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ตอนที่คุณเรย์มอนด์อยู่กับเธอ ผมไม่เห็นเขายิ้มหรือหัวเราะเท่ากับตอนที่อยู่กับคุณ” ผมยิ้มหึแล้วกลอกตาน้อยๆ เหตุผลช่างดูดี ฟังแล้วน่าชื่นใจ


“แต่ทำไมเขาถึงไปจูบกับเธอล่ะ คุณตอบผมได้มั้ยว่าทำไม” ผมไม่ได้ถามประชด ไม่ได้ถามเหวี่ยงวีนแต่อย่างใด ผมแค่อยากรู้คำตอบจริงๆ แค่คิดว่าบางทีออสตินอาจมีมุมมองดีๆ ก็เป็นได้


“ผมไม่รู้หรอกครับว่าตอนนั้นเขาคิดอะไร อันนี้คุณคงต้องถามเขาเอง แต่ผมแค่เชื่อว่าเขาไม่นอกใจคุณ”


“แต่เขาจูบกับเธอ เขาใกล้ชิดกับเธอ” ผมว่าสีหน้าเหนื่อยๆ


“ผมรู้ครับว่าอันนั้นมันไม่สมควร แต่ตอนนั้นอาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบก็ได้ ขอโทษนะครับที่ต้องพูดตรงๆ แต่คือยังไงเขาก็เคยคบผู้หญิงมาก่อน” ผมพยักหน้ารับอย่างเอื่อยเฉื่อย เข้าใจดีว่าออสตินต้องการจะบอกอะไร


“แล้วคุณแน่ใจได้ยังไงว่าเขากับเธอไม่มีอะไรกันจริงๆ คืนนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่อผมกลับมา”


“อันนี้คุณก็ต้องลองถามเขาเองครับ แล้วจากนั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับคุณแมทเอง” ภาพอันไม่พึงประสงค์ปรากฏขึ้นในหัว กระบอกตาผมร้อนผ่าวอีกรอบของวัน


“เขารักคุณมากนะครับ ก่อนจะมาหาคุณ เขากลัวมากว่าคุณจะไม่อยากมาเจอเขา เขาตั้งใจจะมาหาคุณหลังจากเคลียร์กับอันเดรียนาเสร็จ แต่เผอิญงานฟิล์มติดต่อมาพอดี บวกกับที่เขากลัว เขาเลยใช้งานมาล่อคุณ”


“เขาบอกผมแล้วละ” ผมว่าเสียงซึม ออสตินพยักหน้าหนึ่งครั้ง


“ถ้าเป็นเรื่องคุณแมท คุณเรย์มอนด์จะค่อนข้างคิดมาก คิดเยอะ เขาทั้งวิตกกังวลกับคุณ เป็นห่วงคุณ ที่สำคัญคือเขารักคุณมาก ผมอาจไม่ใช่คนละเอียดอ่อนนัก แต่คนที่เคยผ่านสงครามมาอย่างผม ก็สัมผัสความรัก ความเอาใจใส่ที่เขามีให้คุณได้” ผมยิ้มขำขื่นกับมุกตลกแป้กๆ ของเขา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็พอจะช่วยให้ผมไม่น้ำตาไหลออกมา


“แต่ถ้าเขานอนกับเธอ ต่อให้เขารักมากแค่ไหน ผมก็ขอพอดีกว่า” ออสตินถอนหายใจ สีหน้าของเขาเหมือนจะยอมแพ้กับการจี้ของผม


เรานั่งเงียบๆ ไปตลอดทางจนมาถึงคอนโดที่วิคเตอร์ซื้อไว้ อันที่จริงมันก็ไม่เชิงคอนโดนหรอก เพราะมันมีแค่ห้าชั้น แต่ละชั้นมีแค่สามห้องซึ่งห้องก็กว้างขวางและใหญ่มาก เป็นสไตล์โมเดิร์น ให้ความรู้สึกเป็นบ้านได้เลยละ เพราะด้านในมันแบ่งไว้เป็นสัดส่วนอย่างเหมาะสม ห้องนอนด้านล่างสี่ห้อง ห้องนั่งเล่นผสมเป็นห้องรับแขก ห้องครัวใหญ่มีอุปกรณ์ครบครัน มีชั้นสองด้วยนะ แต่ไม่ใช่ชั้นสองแบบแบ่งเป็นจริงจังทั้งห้อง เป็นเหมือนชั้นลอยที่ยกขึ้นไปมากกว่า ด้านบนมีหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีลานสำหรับนั่งเล่นนอนเล่น บริเวณนั้นวิคเตอร์ให้คนมาทำมุมอ่านหนังสือสำหรับผมไว้ด้วย เวลาว่างๆ ผมก็ชอบขึ้นไปหาหนังสืออ่านเล่น เปิดหน้าต่างด้านบนรับลมเย็นๆ แล้วนอนอ่านหนังสือเพลินๆ


ผมไม่รู้ว่าห้องอื่นตกแต่งยังไง แต่ห้องที่วิคเตอร์ซื้อไว้นั้นตกแต่งด้วยโซฟาสีดำ สีน้ำตาล แซมด้วยสีขาวและสีเทาบ้าง เรื่องราคาไม่ต้องคาดเดาให้ยาก แพงสมกับความน่าอยู่ ที่นี่คัดคนด้วยราคาก่อนจ่ายไปในตัว ซึ่งก็หมายความว่าถ้าเงินไม่ถึงจริงๆ ก็อยู่ไม่ได้ คนที่อาศัยอยู่ที่นี้นั้นมีไม่มาก ก็ตามจำนวนห้อง จำนวนน้อยแต่มีคุณภาพ ด้านล่างของที่นี่มีร้านอาหารหรูที่คนนอกสามารถเข้ามาทานได้ มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ เซเว่นยังมีให้เลย


“อาบน้ำพักผ่อนเถอะครับ” ออสตินบอกพลางวางกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเล่นฟิตเนสของผมไว้บนเค้าน์เตอร์ครัว ผมหันไปมองเขาแวบหนึ่งแล้วเดินไปเปิดไฟใต้บันไดโปร่งสีดำที่นำขึ้นไปชั้นลอยด้านบน


“คุณไม่ต้องออกไปนอนข้างนอกหรอก ที่นี่มีห้องนอนเหลืออีกตั้งสี่ห้อง” ผมวางกระเป๋าเป้ใส่ของไปมหาวิทยาลัยลงบนโซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มในห้องนั่งเล่นและเป็นห้องรับแขกไปด้วยในตัว ผมนั่งลงบนโซฟาที่เอามาเรียงต่อกัน เพื่อไว้สำหรับนั่งดูทีวีที่ตั้งอยู่ใกล้กับฐานบันได ด้านหลังเป็นผนังปูนสีเทามันเรียบที่ตกแตกด้วยชั้นวางของที่ทำจากไม้สีน้ำตาลอย่างเก๋ไก๋ มีชั้นวางไม้สีน้ำตาลอ่อนตัวสูงยาววางตั้งตระหง่านอยู่ใกล้กับทีวี เดินผ่านหน้าทีวีไปทางขวามือของผมก็จะเป็นห้องนอนใหญ่ที่ผมไว้ใช้นอนกับวิคเตอร์หรือเอาไว้นอนคนเดียวเวลามาพักที่นี่ และมีห้องนอนขนาดกลางสำหรับแขกอยู่ติดกันเป็นมุมฉาก ด้านหลังผมก็เป็นกระจกบานใหญ่มาก มีผ้าม่านสีเทาอ่อนผืนใหญ่ปิดกั้นไว้ สามารถเปิดปิดด้วยระบบอัตโนมัติ เปิดประตูกระจกกรอบไม้ออกไปด้านนอกก็จะเป็นระเบียงสี่เหลี่ยมกว้างพอให้ผมนอนเกลือกลิ้งได้ ผมกะว่าจะหาต้นไม้มาประดับเพิ่มเติมจากที่เขามีให้อยู่แล้วสองสามต้น


“ไม่ได้หรอกครับ” ผมพ่นลมหายใจเบื่อๆ ห้องออกจะใหญ่โต ให้ออสตินนอนด้วยจะเป็นอะไรไป ใช่ว่าเขาไม่มีห้องนอนในอพาร์ทเม้นต์นี้สักหน่อย เขาไม่เดินมาปล้ำผมที่ห้องนอนใหญ่หรอก


“แล้วคุณจะไปพักที่ไหน” ผมถามเขาพลางหยิบรีโมตมากดเปิดแอร์ในห้องนั่งเล่น ออสตินเดินไปกดปุ่มปิดม่าน มันค่อยๆ เลื่อนเข้าหากันอย่างช้าๆ แล้วในที่สุดก็ปิดจนแสงไฟจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาหายไป นั่นจึงทำให้ต้องเปิดไฟสีส้มนวลๆ เพิ่มความสว่างในห้อง


“คุณเรย์มอนด์จองโรงแรมให้ผมแล้ว” ผมพยักหน้านิดๆ ออสตินกำชับว่าอย่าออกไปไหนให้รอวิคเตอร์อยู่ในห้อง


“ที่จริงคุณนอนนี่ก่อนก็ได้นะ กว่าเขาจะถึงไทยก็คงพรุ่งนี้”


“ผมว่าไม่น่าเกินคืนนี้ครับ เพราะเขาจ้างเครื่องบินเจ็ทมาส่ง” ผมทำสีหน้าตะลึงนิดหน่อย ออสตินโค้งหัวให้ผม หมุนตัวเดินไปเปิดประตูสีดำที่อยู่บริเวณเกือบใต้บันได ทิ้งให้ผมอยู่กับความเงียบและความเอ๋อของตัวเอง


“เครื่องบินเจ็ท?” ผมส่ายหัวช้าๆ มาเครื่องบินปกติธรรมดาคงไม่ทันใจเขาเลยใช้วิธีนี้สินะ เพราะไม่ต้องเสียเวลารอใครหรือเปลี่ยนเครื่องที่ไหน แต่บินตรงมาที่นี่ได้เลย ไม่อยากคิดราคาค่าจ้างเครื่อง ไหนจะค่าจ้างนักบินผู้ชำนาญอีก


ก่อนเข้าไปอาบน้ำ ผมโทรบอกแม่ว่าจะไม่กลับบ้าน พอบอกว่านอนกับเพื่อนๆ แม่เลยไม่ได้เซ้าซี้อะไรมาก ผมเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนใหญ่ ใช้เสื้อผ้าที่วิคเตอร์ซื้อไว้ให้เปลี่ยนใส่จากชุดเดิม ผมใส่ชุดนอนเสื้อยืด กางเกงขาสั้น กะว่าถ้ารอนานไปจะได้เข้านอนเลย ผมเดินมาเปิดทีวี นั่งดูซีรีส์ที่วิคเตอร์เล่นย้อนหลัง เขาก็มีเสน่ห์เหมือนเดิม ไม่หล่อเป๊ะ แต่เสน่ห์แพรวพราว ฝีมือทางการแสดงก็ไม่ได้ด้อยไปว่านักแสดงชายคนไหนในวงการ


ผมนั่งมองเขาผ่านจอทีวี กำลังนึกขำกับตัวเองว่านั่นแฟนผมจริงๆ เหรอ เราก็เจอกันได้เนอะ ถ้าไม่ใช่เพราะผมหน้าด้านจะไปฝึกงานกับคุณเอมิลี่ผมคงไม่ได้เจอเขาและเราคงไม่ได้รักกันอย่างตอนนี้ จะว่าเพราะพรหมลิขิตที่ทำให้เราเจอกันด้วยก็คงส่วนหนึ่ง มันดูน้ำเน่าๆ หน่อย แต่เรื่องแบบนี้อยู่ที่บุญและกรรมนำพา ในทางศาสนา คนสองคนถ้ามีวาสนาต่อกัน ลำบากแค่ไหน ไกลกันแค่ไหน ยังไงก็ได้เจอกัน แต่กับบางคนพยายามมากแค่ไหน รักให้ตายยังไง ถ้าไม่มีวาสนาต่อกัน ดิ้นรนไปก็ไม่มีวันได้เจอกัน


แล้วผมกับวิคเตอร์นี่บุญหรือกรรมนำพามาเจอกันล่ะ เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ สงสัยจะทั้งสองอย่าง แต่ความสัมพันธ์ไหนมันจะสุขกายสบายใจได้ตลอด ผมว่ามันก็คงไม่มี ผมเคยได้ยินว่าทุกครั้งที่ทะเลาะกันมันก็เป็นการที่เราจะได้เรียนรู้นิสัยของกันและกันไปอีก มันจะจริงอย่างที่ผมเคยได้ยินมารึเปล่านะ หรือว่าเราสองคนจะทะเลาะกันแล้วคือเลิกไปเลย


ช่างเป็นอะไรที่ชวนเจ็บปวดหัวใจเสียจริงหากเขาจะทิ้งผมไปหาผู้หญิง แต่ผมว่ามันก็ไม่แปลกประหลาดอะไร ยังไงเขาก็คือผู้ชาย ผมขอแค่ถ้าจะไป ก็อย่ากั๊กผมไว้อีกเลย


“You wanna kill me?” วิคเตอร์ในบทบาทตำรวจสายสืบผู้เก่งกาจเรื่องการต่อสู้ ถามผู้ร้ายในเรื่องสีหน้ากวนเท้า ผมนั่งมองการแสดงของเขาไปเพลินๆ ลำตัวค่อยๆ ลดระดับลงบนโซฟา จนกระทั่งนอนตะแคงดูเขาบนจอทีวี ตาผมมองเขาในทีวีนะ แต่ในหัวนี่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดว่าเราจะเลิกกันมั้ย คิดว่าเขานอกใจผมจริงหรือเปล่า หลังจากเขาขึ้นไปส่งอันเดรียนา ทั้งสองคนทำอะไรกัน มีอะไรกันกันสนั่นหวั่นไหวแค่ไหน


ผมคิดเงียบๆ คนเดียว หลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ เช่นกัน มีเสียงจากจอทีวีเป็นเพื่อนในความเงียบเหงา ผมนอนหลับตาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเผลอหลับไป



ผมรู้สึกว่าตัวลอยเบาหวิว กลิ่นเนื้ออุ่นๆ อยู่ใกล้จมูก สัมผัสอบอุ่นแสนคุ้นเคยอบอวลอยู่รอบตัว ผมเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเองขึ้นมามอง ก็เห็นใบหน้าหนวดเคราของวิคเตอร์เลือนรางอยู่ในสายตา


“อือ…” ผมครางงัวเงีย พยายามพลิกตัวหนีจากเขา


“ชู่ว… หลับซะนะเอเลี่ยนน้อย…” ผมรับรู้ถึงแรงกดจูบที่ขมับขวา มือของเขาลูบเส้นผมของผมแผ่วเบา อีกมือก็ลูบแขนผมไปมาราวกับจะช่วยกล่อมให้หลับ ผมเมื่อยจากการออกกำลังกายเลยค่อยๆ กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งอย่างอ่อนล้า มีเขาคอยลูบหัวลูบแขนปลอบโยน


“ขอโทษ… ขอโทษนะ… ฉันรักนายคนเดียว… มีนายคนเดียวเท่านั้น…” เสียงทุ้มของเขาเหมือนดังแว่วมาจากที่ไกลๆ ความสากจากหนวดเขาสัมผัสกับแก้มของผมพร้อมกับอ้อมกอดที่กอดร่างผมไว้แน่น


“อย่าทิ้งฉันไปนะ…” หยดน้ำเปียกชื้นหยดลงบนแก้มก่อนที่ผมจะหลับสนิท

 
:hao5:

ยักษ์มาแล้ววว บินตรงมาจากนิวยอร์กด้วยเครื่องบินเจ็ท มาแบบธรรมดาไม่ทันใจ เมียกำลังเคือง 55555

พี่แซ็คออกมาฉากเดียว ฟาดเรทติ้งไปเพียบ ยิ่งคนไหนได้เห็นอิมเมจแล้วก็กรีดร้องกันระนาว นี่ขนาดยังไม่ถึงคิวเรื่องตัวเองนะ พอๆ กับเสี่ยจอมทัพในเรื่องของพี่เขี้ยวกับเรียวจันทร์เลย คิวเรื่องตัวเองยังไม่ถึงแต่ฐานแฟนคลับแน่นจ้ะ  :hao7:

ตอนหน้ามาดูกันว่าอียักษ์จะแถแก้ตัวกับเมียเด็กยังไง หึๆ แต่ไว้ใจไอ้นี่ไม่ได้ มันร้ายนัก ! // คนอ่านตะโกนว่า มึงอะแหละร้ายสุดอีเจ้ !  :serius2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-01-2016 15:45:20
 :ling1:

พี่ยักษ์ยังจะแก้ตัวอีกเหร๊อออออออออ

สารภาพทั้งหมดแล้วง้อแมทยาวๆเลย!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-01-2016 15:58:50
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 05-01-2016 16:10:11
ถ้ามีพลังพิเศษวาปมาได้นะ วิคเตอร์คงไม่ลังเลที่จะใช้การวาปเลยละ เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-01-2016 16:58:57
น้ำตาคงไม่ช่วยอะไรล่ะมั้ง เหอๆๆๆๆ รอฟังคำให้การของจำเลยต้นเหตุของเรื่องก่อนดีกว่า

ว่าแต่ว่า สติกลับมาอยู่กับตัวแล้วหรือยังวิคเตอร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 05-01-2016 17:15:20
เอ่อ ก่อนทำไรต้องการมีคนช่วย :beat: เตือนสติก่อนมั้ยค่ะ จะได้ไม่ทำ บักยักษ์นี่แหมะ :z6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 05-01-2016 17:33:50
อย่าใจอ่อนง่ายยยยยยยยยๆนะแมททท

ถึงจะไม่มีอะไรกัน แต่สองจูบเลยนะเฮ้ยย!!!!

ลืมแมทอีก โกรธนานๆ ดีกันง่ายเดี๋ยวยักษ์ได้ใจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-01-2016 20:19:41
โหย เพิ่งเห็นว่ามาต่อตั้งแต่วันที่สองค่ะ คิดถึงจะแย่
สวยยยยยยไหมล่ะ ผัวต้องบินเจ็ทมาง้ออ่ะคิดดู้วววว ไม่สวยทำไม่ได้นะเนี่ย แมทน้อยไม่ธรรมดา
คุณแซคดูจะถูกใจน้อง โหว ออสติน ตอนนี้สงสัยจะได้ค่าตัวเยอะพูดซะหลายคำเลย ศรัทธาในเจ้านายมาก
คือเขาคงรับอารมณ์เจ้านายทุกวันตั้งแต่แมทไม่รับโทรศัพท์ เอ้า เอาดีๆ ค่ะ ร้องไห้ก็ไม่ช่วยไรค่ะวิค
ขอให้ง้อไม่สำเร็จ จิ๊

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 05-01-2016 20:36:24
แมทใจแข็งไว้นะ คนสวยๆอย่างเราหาใหม่ได้ง่ายจะตาย  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 05-01-2016 21:32:46
แซ็คดูน่าค้นหา
แมททำให้ผัวหลงแบบไม่ธรรมดา ถึงขนาดนั่งเจ็ทมาหาเลย  o13
แต่โทษฐานทำให้เอเลี่ยนร้องไห้ แมทอย่าไปยอมง่ายๆ น้ำตาของอิยักษ์ไม่ช่วยอะไรหรอก เพราะเรา #ทีมเอเลี่ยนน้อย  :m16:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JY_JRB ที่ 05-01-2016 22:25:13
พูดมาขนาดนี้ คืนนี้คงจะไม่พ้นจริงๆสินะ   เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 05-01-2016 23:05:22
วิคเตอร์แก้ตัวดีๆนะพ่อคุณ :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 05-01-2016 23:13:33
ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นก็อย่าใจอ่อนง่ายๆนะแมท
 o18
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 06-01-2016 04:03:18
ในใจตอนนี้แอบลุ้นให้วิคเตอร์นอนกับหล่อนไปเลย เพราะถ้าทำละก็ งานนี้เจ็บสุดก็คงไม่พ้นตัวเอง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-01-2016 06:56:40
รอดูว่ายักษ์จะเล่าอะไรให้ฟัง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 06-01-2016 11:57:46
คุณสามีตามมาง้อเมียสิน่ะ 5555+
,
หวังว่าเรื่องใหม่ในอนาคต แซ็ค คงจะไม่คู่กับเฮียจอมทัพหรอกน่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JY_JRB ที่ 06-01-2016 17:36:42
เผาพริก เผาเกลือให้อีวิค  หึหึ   :fire:

ยากเนอะถ้าต้องทำใจ ให้อยู่แบบระแวงๆกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 07-01-2016 10:39:06
แมท คืนดีกันคราวนี้ ต้องหัดแข็งมั่งนะเรื่องเพื่อนเรื่องอิสระอ่ะ เอาความผิดครั้งนี้ของ อิวิค มาเป็นข้อต่อรองเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 07-01-2016 19:42:34
รีบๆเคลียร์เลยยักษ์!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-01-2016 23:25:08
เสียใจที่มาตามช้า แต่ดีใจที่ได้อ่าน

ขอตามด้วยคนน้า แมทต้องดัดนิสัยให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.22 100%}:02.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-01-2016 23:27:30
ขุ่นเจ้หายไปนานจัง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 09-01-2016 21:57:30

Only You EP.23 :: Cry [35%]



   ผมรู้สึกอึดอัดเพราะโดนอะไรสักอย่างรัดรอบตัวแน่น พอปัดออกก็เหมือนมันจะยิ่งรัดผมแน่นกว่าเดิม ผมส่งเสียงงึมงำรำคาญ แต่ไอ้สิ่งที่รัดตัวผมอยู่ก็ยังคงไม่ยอมปล่อย เดี๋ยวนี้ถ้าฝันว่างูรัดมันชัดเจนเป็นสามมิติขนาดนี้เลยเหรอ อะไรมันจะอยากได้กูเป็นเนื้อคู่ขนาดนั้น คือหายใจไม่ออกเข้าใจมั้ย
   

“อืม…” ผมเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างง่วงๆ การมองเห็นพร่าเบลอไปชั่วขณะเพราะเพิ่งตื่นนอน กระพริบตาอีกสี่ห้าทีก็เห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้น ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองใครบางคนที่ก้มมองผมแบบที่ตาแทบไม่กระพริบ ส่วนผมกระพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างงงๆ นิดหน่อย กำลังคิดมึนๆ ว่าเขามาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไง
   

“Hi…” เสียงที่เอ่ยขึ้นนั้นแหบแห้ง ดวงตาเขาแดงก่ำ ขอบตาดำคล้ำ  ใบหน้าหมองเหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายวัน หนวดเคราขึ้นครึ้มตามปกติ แต่ผมรู้สึกว่าครั้งนี้มันดูรกรุงรังยุ่งเหยิงพอๆ กับเส้นผมสีดำแห้งกรังของเขา ริมฝีปากสีแดงหม่นก็แตกแห้ง สภาพเขาแย่มาก แย่จนผมใจไม่ดี กลัวว่าเขาจะเจ็บป่วยเป็นอะไรรึเปล่า
   

“ทำไมคุณเป็นแบบนี้” ผมถามเสียงสั่น ยกมือซ้ายขึ้นไปจับแก้มขวาเขาไว้ ผิวหน้าของเขาแห้งสากจนแทบแยกไม่ออกว่าระหว่างผิวแก้มจริงๆ กับหนวดนั้นอะไรสากกว่ากัน วิคเตอร์ยิ้มอ่อนแรง เขาดูเหมือนคนขาดสารอาหาร ขาดการบำรุงสุขภาพร่างกายและขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ
   

“เมื่อคืนคุณได้นอนมั้ย” ผมยกมือขึ้นไปแตะหน้าผากเขา ตัวเขาร้อนรุมๆ ท่าทางจะไม่สบายแน่ๆ
   

“เปล่า”


“แล้วทำไมคุณไม่นอน เพิ่งเดินทางมาถึงทำไมไม่พักผ่อน” แววตาเขาแสดงความหวาดกลัวออกมา ตาสีน้ำผึ้งข้นคู่นั้นไหวระริก


“ฉันกลัวตื่นมาแล้วนายจะหายไป…” ผมรู้สึกตีบตันที่ลำคอ มองใบหน้าหล่อเหลาที่ยามนี้ไร้ชีวิตชีวา เส้นเลือดในดวงตาของเขาแตกระแหงเป็นเส้นฝอยเล็กๆ


“…ไม่ได้นอนอีกคืน ไม่เป็นไรหรอก ฉันโอเค” ผมขมวดคิ้วมุ่น มองใบหน้าทรุดโทรมของเขาชัดๆ อีกครั้ง


“คุณไม่ได้นอนมากี่คืนแล้ว”


“ตั้งแต่คืนนั้น” ลมหายใจผมสะดุดกะทันหัน ถ้านับจากคืนนั้น นี่ก็เท่ากับคืนที่สี่แล้วที่เขาไม่ได้นอน ผมอ้าปากค้างมองดวงตาแห้งผาก ผิวแก้มสีแทนหยาบกร้าน ก้มลงดมตัวเขาก็ได้กลิ่นสาปแปลกๆ ผมดันตัวออกจากอกอีกฝ่าย ไล่สายตาสำรวจร่างกายของเขาในตอนนี้  สภาพวิคเตอร์ย่ำแย่มาก ตาขาวเขาแดงก่ำอย่างคนอดนอน 


“คุณไปทำงานรึเปล่า” เขาส่ายหัวอ่อนแรง ดันตัวออกจากหัวเตียง ยื่นแขนมาดึงผมให้ขึ้นไปนั่งบนตัก แววตาเศร้าสร้อยที่มองมานั้นทำเอาผมอยากจะร้องไห้ ยิ่งเห็นสภาพเหนื่อยโทรมขนาดนี้ยิ่งรู้สึกจุกอก จุกยิ่งกว่าตอนเห็นภาพเขากับอันเดรียนาอีก


“แมท ฉันขอโทษ ขอโทษที่ปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบครอบงำ ฉันไม่ได้มีอะไรกับอันเดรียนา แต่ฉันยอมรับว่าฉันไม่ได้ปฏิเสธจูบของเธอ…” น้ำตาผมร่วงเผาะ หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด แยกไม่ออกแล้วว่าเจ็บปวดที่ได้ยินว่าเขาตอบรับจูบของผู้หญิงคนนั้นหรือเจ็บปวดที่เห็นเขามีท่าทีจะเป็นจะตายแบบนี้


“…ตอนนั้นฉันสงสารเธอ เธอร้องไห้ที่ฉันดึงเธอเข้าไปในช่วงเวลาที่เราสองคนห่างกัน ฉันเกิดเห็นใจเธอขึ้นมา” ผมเบือนหน้าหนีเขา ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเงียบๆ


“ฉันยอมรับว่าวูบหนึ่งฉันคิดถึงช่วงเวลาที่ฉันกับเธออยู่ด้วยกัน” ผมเม้มปาก ใจสั่นไหว รู้สึกใจคอไม่ดี แต่ก็ไม่ได้โวยวายหรือต่อว่าอะไร นั่งนิ่งรอเขาพูดออกมาให้หมด


“คืนนั้นหลังจากขึ้นไปบนห้อง เธออ้วก ฉันเลยช่วยดูแลเธอจนเธออาการดีขึ้น พอตอนเช้าฉันก็รีบออกมา…” ผมยังคงนั่งหันข้างให้เขา น้ำตาก็ยังไหลออกมาเงียบๆ ไม่หยุด


“…แมท ฉันไม่ได้มีอะไรกับเธอนะ”


“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณพูดจริงรึเปล่า…” ผมพูดเสียงแหบ วิคเตอร์มองด้วยสายตาอ่อนไหว ใบหน้าอ่อนแรง ผมกระแอมคอหนึ่งครั้งก่อนพูดต่อ


“…แค่คุณจูบเธอมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนพูดว่ารักกันควรทำแล้วรึเปล่า” ผมหลับตาแน่น น้ำตาไหลทะลักออกมา รับรู้ถึงอาการบีบรัดแน่นตรงกล้ามเนื้อหัวใจ


 “ฉันรักนาย ฉันรักนายอย่างที่ฉันพูด ฉันรักนายนะแมท” เขาพูดเสียงร้อนลน จับหน้าผมให้หันไปสบแววตาปวดร้าวของเขา


“แต่คุณคงรักผมไม่มากพอ เพราะถ้าคุณรักผมมากพอคุณจะไม่ทำแบบนี้ จะไม่ทำให้ผมเจ็บปวด…ฮึก” ผมไม่สามารถพูดต่อได้เพราะก้อนสะอื้นตีตื้นขึ้นมาจนจุกช่วงคอหอยไปหมด สีหน้าวิคเตอร์เองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน


“ฉันขอโทษ ขอโทษที่ฉันไม่เข้มแข็งพอที่จะปฏิเสธความรู้สึกของเธอ” วิคเตอร์บอกเสียงแหบแห้ง ดวงตาแดงก่ำของเขาสั่นไหว ท่าทีของเขาตอนนี้ดูเปราะบางไม่ต่างจากตัวผมสักเท่าไหร่


“แล้วแบบนี้ผมจะไว้ใจคุณได้ยังไง…” ผมร้องไห้ปากสั่น เสียงสั่น ยิ่งที่หัวใจยิ่งสั่นไหว มันไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปนักหรอกที่ผมจะไม่ระแวงเขาเรื่องจะมีคนอื่น หรือแอบไปมีอะไรกับคนอื่นลับหลัง กับอันเดรียนาผมก็ไม่สามารถยืนยันกับตัวเองได้ว่าผมเชื่อคำพูดเขามากน้อยแค่ไหน


“ได้ ได้สิ ไว้ใจฉัน ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก ไม่ทำอีกแล้ว” ท่าทีของเขาลนลาน แววตาและสีหน้าของเขานั้นปนไปด้วยความรู้สึกกลัวและความรู้สึกเจ็บ


“คุณเคยพูดแบบนี้ แต่คุณก็ทำ” ผมหัวเราะอย่างขมขื่น น้ำตาไหลอาบแก้ม เขาขมวดคิ้วแน่น ทั้งเจ็บปวด ทั้งเครียด เหมือนเขาพยายามหาทางออก แต่หาไม่เจอ


“ฉันจะพูดยังไงดี แต่ฉันจะไม่ทำอีกแล้วแมท ไม่ทำแล้ว…” น้ำตาไหลออกจากดวงตาแดงก่ำของวิคเตอร์ เขาไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่เหมือนเขาอึดอัดจนต้องปลดปล่อยออกมาทางน้ำตา


“…แต่ฉันมีนายคนเดียว ฉันรักนายคนเดียวจริงๆ ฉันพลาดไปแล้ว ฉัน…” เขาเริ่มพูดไม่ถูก ริมฝีปากแห้งแตกของเขาสั่นนิดๆ ยามเปล่งเสียงออกมา
   

“มันง่ายมากนะครับที่จะไว้ใจคนที่เรารัก แต่มันก็ยากเหมือนกันที่จะกลับมาไว้ใจอีกครั้งถ้าความเชื่อใจถูกทำลายไปแล้ว อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง”
   

“แมท… ฉันผิดไปแล้ว…” เขาขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด น้ำตาไม่ได้ไหลออกมาอีก แต่ดวงตาแดงก่ำของเขานั้นอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวด
   

“คุณไม่ได้นอนกับเธอแน่ๆ ใช่มั้ย” เขาสั่นหัวด้วยท่าทีขึงขัง
   

“ไม่ ไม่เลย ไม่ได้นอน ฉันแค่นั่งเฝ้าเธอทั้งคืน เพราะฉันสงสารสภาพเธอในตอนนั้น”
   

“แล้วคุณสงสารสภาพผมตอนนี้บ้างมั้ย…” ผมพูดด้วยเสียงเหมือนใจจะขาด รู้สึกน้อยใจเขา มันเป็นเรื่องดีที่เขาจะเห็นอกเห็นใจคนอื่น แต่ทำไมเขาถึงไม่นึกถึงความรู้สึกคนใกล้ตัวอย่างผมบ้าง
   

“…คุณเห็นใจเธอ แล้วคุณไม่เห็นใจผมเหรอ คุณคิดถึงความรู้สึกผมเหมือนที่คิดถึงความรู้สึกของเธอบ้างมั้ย” วิคเตอร์มองกลับมาราวกับใจจะขาดเช่นกัน สีหน้าเขาปวดร้าว ผมรู้ว่าเขาเจ็บไม่แพ้กันที่ทำแบบนี้ และผมก็สงสารเขาเช่นกันที่สภาพเขาเป็นแบบนี้ เขาอดนอน น้ำก็คงไม่ได้อาบ แล้วเชื่อเลยว่าเขายังไม่ได้แตะอาหารหรือน้ำแม้แต่นิด เพราะสภาพร่างกายของเขาตอนนี้มันบอกได้ชัดเจน
   

“คิด ฉันคิด แต่ฉันคิดน้อยไป ฉันไม่ทำ ไม่ทำอีกแล้ว อย่าเลิกกับฉันนะ อย่าทิ้งฉันไป ฉันมีแค่นาย แค่นายจริงๆ” สีหน้าเขาอ้อนวอน แววตาเขาขอร้องผสมกับความเจ็บปวดที่ปรากฏออกมาไม่รู้จบ ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนแก้มทั้งสองข้าง จ้องมองหน้าเขาครู่หนึ่ง
   

“I won’t leave you. Don’t break up.  But you have to choose. (ผมจะไม่ไปจากคุณ ไม่เลิกกัน แต่คุณต้องเลือก)” ดวงตาสั่นไหวของเราสองคนสบกันนิ่ง แล้วผมก็พูดเสียงเรียบ แต่แฝงความจริงจังเอาไว้ไม่น้อย
   

“Stay real, stay loyal or stay away from me. (อยู่อย่างชัดเจน อยู่อย่างซื่อสัตย์หรืออยู่ให้ห่างจากผม)” เขาเบิกตากว้าง ดวงตาคู่คมคู่นั้นฉายชัดไปด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดขีด เป็นความกลัวที่… กลัวจริงๆ
   

“If you are still the same. We have to say good bye. (ถ้าคุณยังเป็นแบบเดิม เราคงต้องเอ่ยลากัน)” ผมไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงหรือความรู้สึกที่เหนือกว่าเขาแต่อย่างใด ไม่ได้ลำพองใจใดๆ ทั้งนั้นที่เขาง้อผมด้วยท่าทีจะขาดใจแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไรเลยที่เห็นคนที่เรารักในสภาพปวดร้าวทางใจที่แสดงออกผ่านทางกายได้ชัดเจนอย่างนี้ ไม่มีความสะใจใดๆ กับสภาพของเขา จิตใจผมยังไม่หยาบมากพอที่จะมองเขาอย่างผู้มีชัย
   

“No! No! Don’t say good bye to me. (ไม่! ไม่! อย่าบอกลาฉัน)” เขากอดผมไว้แน่น ซุกหน้าเข้ากับอกผมเหมือนเด็ก เนื้อตัวเขาสั่นเทาจนผมแอบตกใจไปนิด
   

“Don’t go. (อย่าไป)” เขาบอกเสียงสั่น ได้ยินเสียงครางฮือแว่วมา คล้ายกับคนมีอาการหนาวสั่น ผมยกมือขึ้นมาลูบหัวเขา ปลอบโยนให้เขาสงบลง
   

“ผมเคยบอกแล้ว ว่าถ้าคุณเจอคนที่ดีกว่า คุณไปได้เลย ขอแค่พูดกับผมตรงๆ อย่าทำอะไรลับหลังผมอย่างนี้ เพราะมันทำร้ายผมเหลือเกิน…” ผมรู้ว่าเขาเองก็ได้รับความเจ็บปวด ความเสียใจจากสิ่งที่เขาทำแล้ว ท่าทีที่เหมือนไร้ชีวิต ไร้วิญญาณมีแต่ร่างกายโทรมๆ ของเขาก็บอกได้ดีว่าเขาเองก็ย่ำแย่ไม่ต่างจากผม
   

“อย่าไปนะ อย่าไปไหน อย่าไป ฉันรักนายนะ ฉันรักนาย ฉันไม่มีใคร ไม่ได้นอกใจนาย ฉันขอโทษที่ฉันทำแบบนี้ ขอโทษ อย่าทิ้งฉันไปอีกคนนะ…” เขาพรั่งพรูคำพูดออกมาเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมรีบจับหัวเขาออกจากอก วิคเตอร์ร้องไห้ตาแดงก่ำ แววตาเลื่อนลอย ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดที่เขาแสดงมาตั้งต้น ผมแทบหยุดหายใจที่เห็นสภาพเขาตอนนี้
   

“วิคเตอร์!” ผมเรียกเขา ตบแก้มทั้งสองข้างเพื่อเรียกสติเขากลับคืนมา วิคเตอร์ส่ายหน้าไปมาเชื่องช้า น้ำตานองหน้า ริมฝีปากแห้งแตกของเขาขยับเปล่งเสียงแหบแห้งคล้ายคนจะหมดแรงออกมาไม่หยุด
   

“แมท… อย่าไป ฉันขอโทษ ฉันรักนายนะ รักนายที่สุด…” เหมือนเขาสั่งการตัวเองไม่ได้ไปชั่วขณะ เขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว สีหน้าเขาหวาดกลัวพอๆ กับแววตา
   

“…วิคเตอร์ ผมอยู่นี่ ผมอยู่นี่” น้ำตาผมแทบจะแห้งเหือด เขามองหน้าผมด้วยอาการคล้ายคนเพ้อ คล้ายคนสติหลุด น้ำตาเขาไหลออกมาเงียบๆ ริมฝีปากขยับเรียกชื่อผมไม่หยุด
   

“แมท… แมท… แม่… แม่ครับ… ผมขอโทษ…ผมขอโทษ” เขาร้องไห้โฮออกมา สองแขนกอดผมไว้แน่น ผมทำอะไรไม่ถูก พยายามตั้งสติให้มั่นคงไว้แม้จะใจสั่นกับท่าทีเขามากก็ตาม ยกสองแขนโอบกอดร่างเขา ลูบหัว ลูบหลังเขามั่วไปหมด
   

“วิคเตอร์ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว ผมไม่ได้โกรธคุณ ผมอยู่ตรงนี้นะ ผมอยู่กับคุณตรงนี้” ผมพูดซ้ำๆ กดจูบลงกลางกระหม่อมเขา วิคเตอร์เรียกชื่อผมสลับกับเรียกแม่เขา เหมือนสมองเขาสั่งการอยู่แค่นั้น สองแขนกอดผมไว้เหมือนว่าผมเป็นที่ยึดเหนี่ยวของเขา เหมือนว่าผมคือที่พึ่งสุดท้าย…


“ฉันผิดไปแล้ว ฉันทำผิด แมท ฉันรักนายจริงๆ นะ ผมทำผิดไปแล้วแม่ ขอโทษ ผมขอโทษ…” เขาเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยน้ำตานองหน้า แววตาเขาว่างเปล่าและเปล่าเปลี่ยว สีหน้าของเขาดูอ้างว้าง คล้ายกำลังรู้สึกโดดเดี่ยว


“It’s okay. It’s gonna be fine. I’m here, Victor. Don’t cry my Mr.Handsome. (ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็ดีเองนะครับ ผมอยู่นี่นะวิคเตอร์ อย่าร้องไห้เลยนะพ่อรูปหล่อของผม)” เขายิ้มเลื่อนลอยทั้งน้ำตา พยักหน้าดีใจอย่างไร้สติ ผมยิ้มเศร้า น้ำตาร่วงเผาะ สองมือลูบหน้าเขาไปทั่วเพื่อปลอบโยนเขา ก้มลงจูบหน้าผากให้เขารู้สึกอุ่นใจ


แค่นี้เขาก็คงเจ็บปวดมากพอแล้วกับการกระทำของตัวเอง เขาทำพลาดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนี้มันคงย้อนกลับมาเล่นงานเขาจนหนำใจ และผมก็ไม่ใจร้ายที่จะซ้ำเติมเขาไปมากกว่านี้


……………………………………..


ผมนั่งปลอบเขาอยู่พักใหญ่ วิคเตอร์ถึงสงบลง ผมดึงเขาเข้ามานอนซบอก วิคเตอร์กอดผมแน่น เอาแก้มซ้ายแนบกับอกผม มือขวาผมยกขยุ้มเส้นผมเขาแผ่วเบา มือซ้ายโอบร่างเขา ผมเอนตัวพิงผนังหัวเตียง เพื่อจะได้รองรับร่างกายคนตัวโตได้ถนัด
   

“ไปอาบน้ำมั้ยครับ” ผมถามเสียงเบาหวิว ก้มลงหอมเรือนผมแห้งกรังยุ่งเหยิงที่ตอนนี้เริ่มส่งกลิ่นเหงื่อบนหนังศีรษะที่หมักหมมมาหลายวัน
   

“ไม่” เขาตอบพลางถูแก้มกับอกผมเบาๆ ผมยิ้มอ่อนกับอาการอ้อนแบบเด็กน้อยของเขา
   

“เดี๋ยวผมอาบให้ ผมไม่ไปไหนหรอก”
   

“จริงนะ” เวลานี้เขาเหมือนเด็กติดแม่ กลัวว่าแม่จะหายหรือหนีไปไหนโดยไม่พาเขาไปด้วย ผมยิ้มอ่อนโยน รู้สึกทั้งเอ็นดูและนึกสงสารเขาขึ้นมา ความโกรธ ความเสียใจเรื่องเขากับอันเดรียนา มันก็ใช่ว่าจะเลื่อนหายไปเลย เพียงแต่ตอนนี้มันคงไม่ใช่ความรู้สึกหลักในใจผมแล้ว
   

“จริงครับ เดี๋ยวผมอาบเป็นเพื่อน” เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมราวกับกำลังค้นหาคำตอบว่าผมพูดจริงหรือเปล่า ผมพยักหน้ายืนยันอีกที เขาเลยกระตุกยิ้มขึ้นมานิดหนึ่ง พยักหน้าตอบรับหนึ่งที ใบหน้าคล้ำโทรมนั่นดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย
   

“ไปครับ ไปอาบน้ำกัน” ผมดันตัวเขาออก เขายอมออกแต่โดยดี แต่สายตาไม่ยอมคลาดไปจากผมเลยแม้แต่นิด ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรง กระเถิบก้นลงจากเตียง วิคเตอร์ลุกออกจากเตียงมายืนตรงหน้าผม เขามองผมไม่วางตา ผมส่งยิ้มให้เขา วิคเตอร์ในสภาพทรุดโทรมยกยิ้มอ่อนแรง ผมเอื้อมมือไปจะปลดกระดุมเสื้อ แต่มือยังไม่ทันสัมผัสโดนเสื้อหรือกระดุม ผมก็เกิดอาการใจหล่นตุ้บ เมื่อจู่ๆ วิคเตอร์ล้มหงายหลังไปกองกับพื้น ร่างเขากระแทกกับพื้นแรงจนผมแทบจะหยุดใจเต้น
   

“วิคเตอร์!!”


 :hao5:

ตามชื่อตอนโนะ Cry ทั้งสามีและภรรยา พี่ยักษ์ไม่แถ ไม่แก้ตัว แต่ยอมรับผิด แมทเองก็เจ็บปวดที่ผัวไปจูบกับนีนางอื่นและเจ็บปวดที่เห็นสามีอยู่ในสภาพแบบนี้ ตอนเขียนประโยคว่า สงสารเขาแล้วไม่สงสารผมเหรอ อีเจ้จุกอก 55555 อินเนอร์มากมากกก

เป็นกำลังใจให้พวกเขาก้าวผ่านจุดนี้ในความสัมพันธ์ไปด้วยนะคะ เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกันเนอะ

เรื่องการจัดส่งหนังสือพาร์ทแรกรอบรีปริ้น แจ้งในเพจไปแล้วนะคะว่าอย่างไร แล้วก็แจ้งในเพจกับทวิตไปแล้วว่า ปลายเดือนนี้จะมีเกมมาให้เล่นเพื่อชิงหนังสือ Love, no boundaries พาร์ท Only You เดี๋ยวจะมาแจ้งรายละเอียดอีกทีนะคะ ^^

ขอโทษนะคะที่หายไปนานและมาสั้นๆ พอดีติดงานเลยทำให้หายไปนานกับมานิดเดียว ขอไปเคลียร์งานก่อนเนอะ งานที่ว่ารวมถึงพรูพอักษรต้นฉบับพาร์ทสองด้วยค่ะ ทำเองและเพื่อนช่วยอีกคน ตาจะหลุดมากกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 09-01-2016 22:07:30
 :sad4: ยักษ์มีปมชีวิตสินะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 09-01-2016 22:09:20
หนูแมทจิตใจดีจังงง
วิคเตอรร์อย่าทำอีกละกัน สงสารน้อง
ล้มไปเลย จะเป็นไรมากมั้ยนั่น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 09-01-2016 22:10:13
ร้องไห้ตาม เจ็บแล้วจำไหมยักษ์

สงสารแมทอะ ปวดใจแทน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 09-01-2016 22:14:41
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-01-2016 22:21:32
ไม่รู้จะสงสารใครดี แต่ที่รู้แน่ๆ คือสงสารตัวเองตอนถูกเสิร์ฟมาม่า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 09-01-2016 22:22:52
อย่าเป็นอะไรนะพี่ยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 09-01-2016 22:25:52
เพิ่งจะได้เห็นยักษ์น่าสงสารก็ตอนนี้ที่ผ่านมาหมั่นไส้มาก
ให้เข้าใจกันเร็วๆนะ อยากให้เจอกันตรงกลาง ยักษ์เลิกบังคับได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-01-2016 22:36:05
พี่ยักษ์สลบเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 09-01-2016 22:37:33
โอ้โห  วลีนี้ ' สงสารเขาแล้วไม่สงสารผมเหรอ '

จุกจริงงงงงงงง :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 09-01-2016 22:41:27
งง มันคืออะไร ข้างบน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-01-2016 22:41:49
 :hao5:


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-01-2016 22:42:55
สิ้นท่าค่ะยักษ์ ง้อเมียหยั่งน่าสงสารเลย แมทน้อยก็เจ็บปวดมากนะ จะผืดสัญญาสักกี่รอบห๊ะวิค
แต่พอเป็นขนาดนี้ก็สงสาร มันเหมือนแมทเป็นมากกว่าแฟน เป็นครอบครัวอ่ะ
เอ้า บ้ม จะเป็นไรไหม ไม่ใช่ตื่นมาความจำเสื่อมนับหนึ่งใหม่ ดูละครมากค่ะ 555
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: วิบวับ ที่ 09-01-2016 22:46:21
ผิดมั้ยถ้าอ่านตอนนี้แล้วยิ้ม
คือ เหมือนอิพี่วิคมันรู้สึกผิดจริงๆจังๆสักทีอ่ะ ไม่ใช่ตอนก่อนหน้าที่แวบมาแล้วก็แวบไป
สงสารก็สงสาร แต่แค่คิดว่า "แมทไม่รู้" แล้วกล้าที่จะทำ ก็ไม่น่าให้อภัยแล้ว
รักแรงแค้นแรงค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: paraprove ที่ 09-01-2016 22:47:44
ชอบค่ะ ชอบที่มีพัฒนาการ

อิพี่ยักษ์เคยมั่วยังไง มันก็คงเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ ต้องมีการปรับเปลี่ยน มีบทเรียนก็ถูกแล้ว

อ่านแล้วเศร้าทั้งสอง น้องแมทก็คงเสียใจ เป็นใครก็คงไม่อยากให้คนรักไปทำอะไรกับคนอื่น

ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วบทเรียนนี้ทำให้พี่ยักษ์มั่นคงกับน้องมากขึ้น

เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนนะคะ

ขอบคุณที่มาอัพ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-01-2016 22:48:28
บทเรียนอีกบทที่แสนแพงของวิคเตอร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-01-2016 22:50:25
โกดไม่ลงเลยพ่อคุณ คงเป็นบทเรียนละนะ

ถ้ายังไม่จำก้อต้องเจ้บแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 09-01-2016 22:50:57
จุกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 09-01-2016 22:53:14
สงสารทั้งสองคนมาก อย่าทำอีกนะยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 09-01-2016 23:04:57
 “…คุณเห็นใจเธอ แล้วคุณไม่เห็นใจผมเหรอ คุณคิดถึงความรู้สึกผมเหมือนที่คิดถึงความรู้สึกของเธอบ้างมั้ย”

บอกเลยว่าหน้าชามากกก ถ้าเป็นวิคเตอร์ก็คงรู้สึกเหมือนโดนตบหน้ากลางสี่แยกอะ
จำไว้เลยนะไอ้ยักษ์ แมทไม่ใช่ของตาย เขามีสิทธิ์ทิ้งแกได้นะเว่ยถ้าคิดจะทำ เพราะฉะนั้นอย่าทำอีก!

ปล. ซื่อสัตย์ ภักดี คือ loyal จ้า royal นี่น่าจะเกี่ยวกับราชวงศ์อะไรแบบนี้มากกว่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2016 00:22:17
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: สมน้ำหน้าอียักษ์ไม่ลง แอบสงสาร ไม่ซ้ำเติมละกัน เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-01-2016 00:38:14
ยักษ์ถึงกับหลุดขนาดหนัก ไม่รู้แม่วิคเตอร์เสียยังไง ท่าทางมีบางอย่างที่ทำให้วิคเตอร์กลัวสูญเสียผิดปกติไปเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-01-2016 07:38:51
ไม่กล้าซ้ำเติมยักษ์แล้วอะ อ่านตอนนี้แล้วสงสารทั้งคู่เลลย เข้มแข็งไว้นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 10-01-2016 08:55:06
สู้ต่อไปนะ ปรับๆ กันไป น่าสงสารทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 35%}:09.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 13-01-2016 00:40:39
อ่านแล้วจุกเลยอ่ะ ฮือ
สงสารแมท สงสารวิคเตอร์
,_________________,
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 13-01-2016 22:28:23


Only You EP.23 [100%]


สติผมแทบสิ้นตอนเขาล้มลงไปกองกับพื้น แต่ก็ต้องเรียกมันไว้อยู่กับตัว ผมลนลานอยู่กับที่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาออสติน เร่งให้เขามารับที่แมนชั่นให้ไวที่สุด ออสตินรับรู้สถานการณ์ด้วยอาการตกใจไม่น้อยเหมือนกัน ระหว่างที่รอออสตินมารับ ผมก็จับวิคเตอร์หนุนตัก เอายาดมให้เขาดม คอยเรียกชื่อเขาไว้ แต่เขานอนนิ่งไม่ขยับ ตอนที่ผมเริ่มร้องไห้เพราะใจไม่ดี เริ่มคิดอะไรไปต่างๆ นาๆ กลัวว่าเขาจะน็อคจนไม่ได้สติ ออสตินก็วิ่งเข้ามาแบกวิคเตอร์ขึ้นหลังนำผมออกจากห้องไป ผมวิ่งตามออสตินออกจากห้อง วิ่งไปร้องไห้ไป ยิ่งเห็นคนตัวโตนอนคอตก แขนขาห้อยหมดแรงก็ยิ่งกลัว
   

เรารีบเร่งมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเวลาอันรวดเร็วที่สุดเท่าที่การจราจรจะเอื้ออำนวยได้ หมอผู้ชายคนหนึ่งรับหน้าที่ตรวจวิคเตอร์อย่างละเอียด วิคเตอร์ไม่ได้อาการโคม่าเหมือนพวกโรคร้ายแรง เขายังคงหายใจ เพียงแต่ลมหายใจเขาอ่อนแรงมาก ใบหน้าเขาโทรมยังไม่พอ ตอนนี้ยังซีดเซียวอีกต่างหาก
   

“คนไข้พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายขาดอาหาร ขาดน้ำ เลยทำให้ทรุดครับ…” อย่างน้อยผมก็รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ได้เป็นอะไรขั้นรุนแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังวางใจไม่ได้ อาจเพราะผมเพิ่งเคยเห็นเขาป่วยหนักขนาดนี้ครั้งแรก
   

“…พอจะทราบมั้ยว่าก่อนหน้านี้เขาโหมงานหนักหรือเปล่า ร่างกายเขาอ่อนแอมากเลยนะครับ”
   

“เขาไม่ได้นอนมาสี่คืนติดกันครับ” ผมว่าเสียงอ่อย คุณหมอทำหน้าตกใจ
   

“แค่นั้นก็หนักมากพอแล้วครับ แล้วยิ่งร่างกายเขาขาดอาหาร ขาดน้ำซ้ำเติม เขาเลยยิ่งแย่ ต่อให้กล้ามใหญ่แค่ไหน ถ้าอดหลับอดนอนหลายชั่วโมงติดกันขนาดนี้ก็มีสิทธิ์ตายได้ครับ” ผมรู้สึกว่าใจตัวเองสั่น หน้าผมเสียเมื่อได้ยินคำว่าตาย แม้ว่าเขายังไม่ตาย แต่มันก็เป็นคำที่ทำให้อ่อนแอในสถานการณ์แบบนี้
   

“เขาล้มหัวฟาดพื้นด้วย จะเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” ถึงในห้องจะปูพรม แต่เสียงตอนที่ร่างเขากระแทกพื้นดังตุ้บก็ทำเอาน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน
   

“เท่าที่ตรวจตอนนี้ก็ดูไม่มีอะไรนะครับ”
   

“สแกนสมองเขาหน่อยได้มั้ยครับ ผมกลัวว่าอาจจะมีอาการเลือดคั่ง” คุณหมอแว่นรูปหล่อยิ้มอ่อนโยนให้กับท่าทีกังวลของผม
   

“ตอนเขาล้มลงไป หัวเขาฟาดกับขอบเตียงขอบโต๊ะหรือของแข็งอะไรมั้ย” ผมส่ายหัวอย่างเร็วแทนคำตอบ
   

“เขาหงายหลังไปเลยครับ พื้นห้องมีพรมนุ่มๆ ปูอยู่ แต่ผมว่ามันอาจจะไม่ได้หนามาก” หมอทำหน้าครุ่นคิดมือขวาจดอะไรบางอย่างลงบนสมุดประวัติของวิคเตอร์ที่เพิ่งทำ มือซ้ายของหมอกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
   

“เอาอย่างนี้มั้ยครับ รอเขาฟื้นขึ้นมาก่อน ถ้าเขามีอาการปวดหัวจัดๆ หมอจะสแกนให้ หมอไม่อยากให้เสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ อีกอย่างกระบวนการสแกนสมองก็มีกระบวนการมากมายกว่าการนอนนิ่งๆ ผ่านอุโมงค์สแกนนะครับ” ผมชั่งใจเพราะยังรู้สึกเป็นห่วงเขาอยู่ แต่หมอยืนยันว่าดูอาการหลังจากเขาตื่นขึ้นมาจะชัวร์กว่า เพราะเคสของเขาไม่ใช่หัวแตกหรือหัวฟาดของแข็งรุนแรง
   

“หมอรบกวนถามอีกอย่างครับ คนไข้มีอาการเครียดอะไรหรือเปล่า” ผมพยักหน้านิดหนึ่ง ตอบคำถามหมอเสียงเบาหวิว
   

“ก็... มีครับ”
   

“เครียดสั่งสมรึเปล่าครับ” สี่คืนที่เขาไม่ได้นอน เอาแต่พยายามติดต่อผม คงเรียกว่าเครียดสั่งสมได้มั้ง


ผมอธิบายให้หมอรับทราบถึงช่วงวันเวลาสี่วันที่ผ่านมา ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง แต่ไม่ได้บอกเหตุผลและรายละเอียดในเรื่องส่วนตัว ในเรื่องของสภาพร่างกายวิคเตอร์ อันนี้หมอเขาเห็นและทราบอยู่แล้ว ผมเลยเล่าเรื่องอาการของเขาก่อนจะหมดสติไปให้หมอฟังว่าเขามีอาการพูดจาไม่รู้เรื่อง เหมือนสั่งการสมองไม่ได้และยังพูดจาพร่ำเพ้อแปลกๆ อีกด้วย


 “เขาอดนอน อดอาหาร อดน้ำ ครบเลย แถมยังมีความเครียด แม้ระยะเวลาการสั่งสมความเครียดจะไม่ได้นานมาค่อนชีวิต แต่มันบวกกับการที่เขานอนไม่พอ ขาดสารอาหารไปให้พลังงานในร่างกาย ขาดน้ำไปบำรุงสมอง มันเลยทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองและร่างกายลดลง คือแค่การอดนอนมันก็เป็นสาเหตุความเครียดได้แล้วครับ แต่นี่เขาเครียดจนทำให้อดนอน มันเลยทำให้แย่เข้าไปอีก…” ผมพยักหน้ารับตามคำที่คุณหมอบอก


“...ส่วนเรื่องอาการเพ้อ เหมือนคนจิตหลุดหรือสติหลุด มันก็มาจากสาเหตุพักผ่อนไม่เพียงพอจนสมองเบลอนั่นละครับ อาหารก็ไม่ได้รับ น้ำก็ไม่ได้รับ ทีนี้เขาจะเอาพลังที่ไหน ร่างกายคนเรามันก็คล้ายๆ กับโทรศัพท์ มันต้องมีการชาร์ตแบตบ้าง โหมใช้มากๆ มันจะเสื่อมไวขึ้น” ผมรับฟังที่คุณหมอพูดแต่กำลังนึกสงสัยอะไรบางอย่าง


“มันส่งผลถึงสภาวะจิตใจด้วยหรือเปล่าครับ” คุณหมอเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นสูง


“หมอว่าไม่น่าจะส่งผลเท่าระบบสมองหรือระบบร่างกายนะ แต่ถ้าทำให้จิตใจอ่อนแอก็อาจเป็นไปได้” ผมทำหน้าเครียดนิดหน่อย คุณหมอจ้องมองกลับมาอย่างสงสัย


“หรือคนไข้มีเรื่องอะไรกระทบกระเทือนใจรึเปล่าครับ” ผมนึกถึงตอนที่เขาพูดถึงแม่ ตอนนั้นคงเป็นช่วงที่จุดอารมณ์ของเขาหลุดไปแล้ว เหมือนอย่างที่คุณหมอว่า เครียดบวกกับอดนอนเลยทำให้การรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นลดลง


“ผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไรที่ไปกระทบจิตใจเขา แต่เรื่องของผมไม่น่าจะส่งผล…” ผมชะงักปากเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรออกไป คุณหมออมยิ้ม


“ขออนุญาตละลาบละล้วงนิดนึงได้มั้ย ไม่ทราบว่าคุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับคนไข้ครับ” ผมยิ้มเฝื่อน คุณหมอส่งสายตาใจดีมาให้ ประมาณว่าพูดเถอะ ไม่เป็นอะไร


“เป็นแฟนเขาครับ” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม คุณหมอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม


“ที่ถามไม่ใช่อะไรครับ ถ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันขนาดนี้ หมออาจจะได้ข้อมูลคนไข้เพิ่มว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขายอมอดหลับอดนอนสาหัสขนาดนั้น แถมยังไม่ทานอาหาร ไม่ดื่มน้ำเลยสักนิด” ผมยิ้มแหยผสมกับยิ้มอายๆ


“ส่วนเรื่องสิ่งที่กระทบจิตใจเขา หมอก็ตอบไม่ได้ คุณเป็นแฟน เป็นคนใกล้ชิดกับเขาที่สุด น่าจะรู้มากกว่าหมอนะ” ผมยิ้มเครียดพลางส่ายหัวน้อยๆ เพราะผมไม่ได้รู้ลึกซึ้งมากนัก


“ผมก็ไม่รู้อะไรมากนักหรอกครับ รู้แต่ว่าเขาเสียแม่กับย่าไปในเวลาไล่เลี่ยกัน” คุณหมอพยักหน้าสองสามที


“ก็อาจจะเป็นไปได้ที่เรื่องนี้ส่งผลต่อจิตใจเขาในขณะที่เขากำลังจิตอ่อนกับเรื่องของคุณ…” ผมยิ้มแกนๆ ทำสีหน้าไม่ถูก


“…หรืออาจจะเพราะสาเหตุที่แม่กับย่าเขาเสียก็ได้นะ” ผมทำสีหน้าประหลาดใจ


“สาเหตุเหรอครับ”


“แค่สันนิษฐานน่ะครับ คือหมอแค่คิดว่าการตายของคุณแม่และคุณย่าก็คงกระทบจิตใจเขามากพอสมควรแล้ว แต่สาเหตุการตายอาจยิ่งทำให้แรงกระทบกระเทือนตรงนั้นมันสะเทือนหนักขึ้นรึเปล่า” เสียงคร่ำครวญของวิคเตอร์ดังก้องอยู่ในหัว


แม่ครับ... ผมขอโทษ...


 “หมอกำลังเดาว่าเขาอาจเป็นโรคจิตทางอารมณ์หรือเปล่า” ผมที่กำลังคิดอะไรเหม่อๆ หันไปมองคุณหมองุนงง แต่พอสมองประมวลคำพูดของคุณหมอเมื่อกี้ได้ ผมก็อ้าปากค้าง คิ้วขมวดฉับ


“คือเขาจิตไม่ปกติเหรอครับ”


“ไม่ได้หมายความว่าเขาบ้านะครับ มันเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง ไอ้โรคจิตทางอารมณ์หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ affective psychoses มันแบ่งได้หลายชนิดครับ ในกรณีของแฟนคุณอาจจะเป็นแค่โรคจิตทั่วไปที่เกิดจากความเครียด หรืออาจมีสภาวะของโรคประสาทซึมเศร้าเพราะสูญเสียคนที่รักไปร่วมด้วย อันนี้เป็นการเดาจากสิ่งที่คุณเล่ามานะครับ”


“เขาจะไม่เป็นอะไรร้ายแรงใช่มั้ยครับหมอ” ผมถามด้วยอาการร้อนใจ สิ่งที่หมอว่ามานั้นวิคเตอร์มีสิทธิ์เสี่ยงอย่างมากที่จะเป็นหรืออาจจะเป็นอยู่แต่ผมเพิ่งจะมารู้ก็ได้


“ไม่หรอกครับ ชื่อโรคมันก็เป็นชื่อที่ทางการแพทย์คิดเรียกขึ้นมาเท่านั้น จริงๆ คนเราทุกคนมีความเครียดกันทุกคนแหละ มันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของแต่ละคนว่าจะรับมือได้ดีแค่ไหน”


“แล้วเขาจะไม่ถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าใช่มั้ยครับ” เพราะถ้าเป็น ผมว่าโลกของเขาที่มืดอยู่แล้ว มันจะยิ่งมืดเข้าไปใหญ่


“หมอว่าไม่น่าจะเป็นถึงขั้นนั้นหรอก แต่ยังไงก็คงต้องขอคุยกับเขาตอนฟื้นสักครั้ง ถ้ามีอาการอย่างที่หมอเดา หมอจะลองแนะนำให้เขาพบจิตแพทย์แล้วกันนะครับ” โอ้ย ไอ้ยักษ์จะยอมไปมั้ย เดี๋ยวก็อาละวาดโรงพยาบาลแตก


คุณหมอให้วิคเตอร์พักรักษาตัวพร้อมกับให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลสักวันสองวัน หลังจากเขาฟื้นก็จะตรวจร่างกายอีกครั้ง ถ้าทุกอย่างปกติก็กลับบ้านได้ ผมขอตัวกลับไปดูวิคเตอร์ที่ห้องพักพิเศษของโรงพยาบาล ระหว่างนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาทักว้อทสแอพคุณเบน สอบถามว่าเขานอนหรือยัง เพราะตอนนี้ที่นั่นก็ดึกแล้ว คุณเบนยังไม่นอนแถมยังปาร์ตี้อยู่ร้านเหล้าอีกต่างหาก ตอนแรกผมกะว่าค่อยแจ้งข่าวเขาอีกที แต่คุณเบนเหมือนรู้ว่าผมทักมาเรื่องวิคเตอร์ เขาเลยโทรกลับมาหา


“วิคเตอร์ป่วย ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลครับ…” เบนเนดิคท์ตกใจแต่เขาไม่ได้โวยวายหรือแสดงอาการอะไรใหญ่โต เขาถามไถ่อาการว่าวิคเตอร์เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นตามสเต็ป ผมก็บอกแบบที่หมอบอกแต่อาจจะไม่ละเอียดเท่าที่หมอพูด


“แต่ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วครับ” ได้ยินเสียงคุณเบนถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนแรกเขาทำท่าจะบินตามมาที่ไทย คุณเบนเองก็เพิ่งรู้เรื่องว่าวิคเตอร์อยู่ไทยเพราะตั้งแต่คืนนั้นเขาก็ยังไม่ได้คุยกับวิคเตอร์


“ไม่ต้องลำบากมาก็ได้ครับ เดี๋ยวผมดูแลเขาเอง ยังไงผมรบกวนคุณเบนบอกคุณเอมิลี่ให้ช่วยเคลียร์เรื่องงานของวิคเตอร์ให้หน่อยได้มั้ยครับ”


“ได้สิ เดี๋ยวฉันบอกเอ็มให้ นายก็ดูแลมันไปนะ ท่าทางสภาพคงแย่น่าดู”


“ก็แย่มากอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยครับ”


“นั่นสินะ นายยังไม่เคยเจอสภาพของมันตอนที่ย่ากับแม่มันตาย…” ท่าทางตอนนั้นวิคเตอร์คงมีสภาพเลวร้ายสุดๆ แน่นอน


“...เรียกได้ว่าเป็นจุดต่ำสุดของชีวิตมันเลยก็ว่าได้” พอพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้


“คุณเบนครับ พอจะทราบมั้ยครับว่าแม่กับย่าของวิคเตอร์เป็นอะไรตาย”


“ย่ามันก็โรคคนแก่แหละ ส่วนแม่มันฉันไม่รู้จริงๆ มันไม่ยอมปริปากพูดเรื่องที่แม่มันตายให้ใครคนไหนฟังเลย”


“งั้นเหรอครับ”


“ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนนักหรอก คงเป็นอะไรที่มันไม่อยากพูดหรือนึกถึงมากกว่า” ผมพยักหน้า (พยักทำไม) ทั้งที่คุณเบนไม่ได้อยู่ตรงหน้า


“แล้วเรื่องอันเดรียนา เคลียร์กับมันจบแล้วใช่มั้ย”


“ตอนนี้ผมแค่สงสัยว่าวิคเตอร์กับอันเดรียนาไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า” ถึงแม้เรื่องที่เขาจูบเธอ เผลอปล่อยใจไปกับเธอ ผมจะไม่ติดใจใดๆ แล้ว เพราะวิคเตอร์ก็สำนึกผิดแล้วจริงๆ แค่นั้นเขาก็ย่ำแย่มากพอ ถ้าผมยังซ้ำเติมเขาอีก ผมคงเป็นแฟนที่แย่มาก แต่ทีนี้ผมก็แค่แอบสงสัยในจุดที่บอกคุณเบนเฉยๆ เท่านั้นเอง


“อืม... ฉันก็ไม่รู้แฮะ แต่การที่มันรีบไปหานายขนาดนั้น แสดงว่ามันกลัวนายเข้าใจผิดมากจริงๆ มันไม่จำเป็นต้องจ้างเจ็ท นั่งเครื่องธรรมดาไปก็ได้ แต่มันคงร้อนใจหรือไม่ก็เคลียร์ทางโทรศัพท์แทน”


“ผมไม่ยอมรับสายเขา”


“มันก็สามารถรอให้นายใจเย็นและพร้อมที่จะพูดกับมันก่อนก็ได้ใช่มั้ยล่ะ อย่าลืมนะแมทว่ามันมีงานให้ทำล้นมือ มันทิ้งงานไปหานาย พยายามหาเจ็ทให้ไปส่งที่ไทย ทั้งที่มันอดทนรอเครื่องบินปกติก็ยังทัน เครื่องบินเจ็ทไม่ได้หากันได้ง่ายๆ นะ มีเงินมีชื่อเสียงอย่างเดียวไม่ได้หรอก นี่มันคงดิ้นรนจนหาได้เลยสิท่า” ผมยิ้มบาง พอจะนึกออกว่าเขาคงพยายามหาเจ็ทสักลำ นักบินสักคนบินมาส่งเขาที่นี่ภายในช่วงเวลาสามสี่วันนี้


“ถ้านายยังไม่สบายใจ ฉันจะลองถามๆ เพื่อนนางแบบด้วยกันดูว่าอันเดรียนาได้พูดอะไรบ้างมั้ย”


“ขอบคุณมากเลยนะครับ” ผมคุยกับคุณเบนต่ออีกสักพักก็ขอตัววางสายเพราะออสตินเดินออกมาตาม เขาบอกว่าเมื่อกี้วิคเตอร์ลืมตาขึ้นมาครู่หนึ่งแต่ตอนนี้หลับไปแล้ว สงสัยจะเพลียจัด ที่ลืมตาขึ้นมาคงเป็นอาการเบลอ ผมเดินเข้าไปในห้องพักของวิคเตอร์ที่ใหญ่โตกว่าห้องนอนที่บ้าน ยักษ์หน้าหนวดอยู่ในชุดคนป่วยสีน้ำตาล ใบหน้าหนวดเคราอิดโรย ขอบตาคล้ำอย่างเห็นได้ชัด หนวดเครารกไปหมด ริมฝีปากแห้งแตกเผยอขึ้นเล็กน้อย เขาหายใจแผ่วเบา


“มีใครรู้รึยังครับว่าเป็นเขา หมายถึงว่าเขาคือวิคเตอร์”


“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่เดี๋ยวผมจะลงไปกำชับพวกเขาอีกที” ผมพยักหน้าให้ออสติน แต่ถึงจะมีคนรู้ ผมคิดว่าทางโรงพยาบาลก็คงไม่ป่าวประกาศให้ใครทราบหรอก เพราะมันเป็นจรรยาบรรณทางการแพทย์ที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลของคนไข้ อีกอย่างโรงพยาบาลระดับนี้เขาคงไม่เอาชื่อเสียงไปเสี่ยงให้เสื่อมเสียหรอกมั้ง


“คุณแมททานอะไรหน่อยมั้ยครับ” ผมส่ายหัวพลางขยับผ้าห่มขึ้นคลุมอกวิคเตอร์


“ผมอยากให้เขาตื่นก่อน ผมอยากรอทานอาหารพร้อมเขา” ออสตินโค้งหัวลงนิด ผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง นั่งมองใบหน้าหล่อเหลาแต่แสนโทรมนั่นหลับสนิท


“ถ้างั้นเดี๋ยวผมกลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้คุณเปลี่ยนเพื่อเฝ้าเขาก็แล้วกันนะครับ” ผมพยักหน้ารับนิดหนึ่ง


“ขอบคุณครับ” ออสิตนเดินออกไปจากห้องพัก ผมเอื้อมมือไปลูบหน้าคนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง นึกถึงอาการเบลอคล้ายคนสติเสียแล้วก็ใจแป้ว เขาคงเหนื่อยมากจนรับไม่ไหว เหนื่อยกายคงไม่เท่าไหร่ แต่เขาคงเหนื่อยใจและคงถึงขั้นล้า


ผมหยิบมือถือออกมากดโทรหาแม่ บอกว่ามีงานด่วนจากนิวยอร์กเข้ามาพอดี ถ้าเป็นเรื่องงานแม่จะไม่ค่อยเซ้าซี้ เพราะแม่กลัวผมตกงาน แค่ถามถึงเรื่องเรียน เรื่องเสื้อผ้า อาหารการกินและที่อยู่ เรื่องเรียนผมไม่มีเรียนแล้วสำหรับวันที่เหลือในอาทิตย์นี้ เรื่องเสื้อผ้าก็ไม่มีปัญหา เนียนบอกแม่ว่ายืมไอ้แชมป์หรือไอ้วอร์มใส่ได้ก่อน ส่วนเรื่องอาหารการกินและที่อยู่บอกแค่ว่าเจ้านายจัดเตรียมไว้ให้ที่ออฟฟิศเมืองไทยแล้ว (แมนชั่นนั่นเอง)


“แล้วจะกลับเมื่อไหร่”


“อาทิตย์หน้ามั้ง ช่วงนี้อาจจะวุ่นวายหน่อย ต้องแบ่งเวลาให้ทั้งเรียนแล้วก็งานดีๆ อะ” แล้วก็แบ่งเวลาให้สามีสุดที่รักด้วย


“อืม อย่าทำงานหนักมากนักล่ะ” ผมรับปากแม่ รู้สึกเลวทรามเหลือเกินที่เอางานมาอ้างทั้งที่จริงแอบมาดูแลผู้ชาย


ผมวางสายจากแม่ก็โทรไปบอกไอ้แชมป์เรื่องที่วิคเตอร์อยู่ไทย มันทึ่งไปหน่อยที่ได้ยินว่าเขาบินมาไทยแบบเร่งด่วน ผมฝากมันจัดการเรื่องงานกลุ่มว่าถ้ามีอะไรจะให้ผมทำก็ขอให้โทรมาบอก ไม่ต้องเกรงใจ


“เออ มึงจำฝรั่งเทรนเนอร์ที่มาสอนมึงเล่นฟิตเนสได้ป้ะ”


“แซ็คอะเหรอ ทำไม มีไรวะ”


“เจอหน้ากันก่อนค่อยเล่า ตอนนี้มึงเฝ้าผัวมึงไปเถอะ” ผมขมวดคิ้ว ยังจะมาทำท่ากั๊กเหมือนไอ้พวกชะนีเก้าแบมมันทำไมกัน พูดเลยมันจิเปลืองค่าโทรศัพท์กี่บาทกันเชียวหา


“เล่าตอนนี้เลยไม่ได้รึไง ทำไม เขาเป็นผู้ร้ายข้ามชาติเหรอ”


“เปล่าหรอก แต่เป็นอะไรที่มึงต้องชอบแน่...” แล้วมันก็หัวเราะอารมณ์ดีของมันคนเดียว เอ้อ ไอ้บ้านี่


“...อีกอย่าง คุยทางโทรศัพท์ เดี๋ยวพอเจอหน้ากันกูจะเอาทอปปิคไหนคุยกับมึงอะ” ดูเหตุผลมึงเถอะ ไอ้ประสาท ทอปปิคมีเป็นล้าน ก็เลือกสักอันสิโว้ย


“เออๆ งั้นแค่นี้นะ ถ้าแม่กูโทรหา รู้ใช่มั้ยต้องบอกว่าอะไร”


“บอกว่ามึงหนีไปเฝ้าผัว แล้วมึงก็โดนผัวเอาตูดเรียบร้อยแล้วด้วย” เสียงหัวเราะดังก๊ากดังมาตามสาย ผมนึกอยากจะยื่นมือเข้าไปในโทรศัพท์แล้วจับหัวมันโขกกับเสาเข็มสร้างคอนโดสักที่


“ไอ้แชมป์! ไอ้เชี่ยม!” มันล้อเลียนบร๋อแบร๋ๆ (ปัญญาอ่อน) ก่อนจะรีบวางสายไป ผมส่ายหัวอ่อนใจกับความสติไม่สมประกอบของมัน หันไปมองวิคเตอร์ที่ยังคงหลับสนิท ผมถอนหายใจ เดินกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม นั่งมองหน้าเขาพักหนึ่งก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกม นั่งเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยจนกระทั่งออสตินกลับเข้ามาในช่วงบ่ายแก่ๆ พร้อมกับนำเสื้อผ้าและอาหารมาด้วย ตอนแรกผมกะไม่กิน กะจะรอกินเป็นเพื่อนวิคเตอร์ แต่บะหมี่หมูแดงแห้งพร้อมน้ำซุปที่เขาให้การ์ดคนไทยซื้อมาให้นั้นช่างยั่วยวน ผมเลยแพ้ภัยความหิวตัวเอง จัดไปหนึ่งถ้วย


“ผมก็นึกว่าจะมีรักแท้ที่มั่นคง ทำไมถึงแพ้ให้หมูไม่กี่ชิ้นล่ะครับ” ผมหันมองเขม่นใส่บอดี้ศพที่ยิ้มกวนๆ กลับมา


“เดี๋ยวผมกินกับวิคเตอร์อีกรอบก็ได้” ผมตอบเสียงอู้อี้ๆ เพราะบะหมี่คาอยู่เต็มปาก เขาหัวเราะหึๆ


“จะให้ผมอยู่เป็นเพื่อนมั้ยครับ” ผมเคี้ยวหมูแดงกับหมี่เหลืองจนแก้มป่อง


“คุณกลับไปก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าเขาเอง แต่ผมฝากเรื่องนักข่าวหน่อยนะ พยายามอย่าให้ข่าวรั่วไหลออกไป อ้อ ถ้าเซล่าโทรมา ผมฝากรับหน้าไปก่อน ผมไม่เคยคุยกับเธอ”


“ได้ครับ ถ้ามีอะไรโทรหาผมได้ตลอดเวลา...” ผมพยักหน้าหงึกๆ


“...แต่ถ้าตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน” ผมพยักอีกสองสามครั้งทั้งที่ปากยังเคี้ยวหมูแดงไม่หยุด เขายิ้มมุมปากทิ้งท้ายแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องพักพิเศษของวิคเตอร์ไป


หลังจากนั่งกินบะหมี่แห้งหมูแดงจนหมด ผมก็เอาถ้วยไปล้าง เอาที่เหลือใส่ถ้วยไว้ พร้อมกับเอาจานปิดทับอีกที เพื่อกันมันบูด กะว่าถ้าวิคเตอร์ตื่นขึ้นมาจะอุ่นให้เขากิน แต่ไม่รู้จะกินได้มั้ย คาดว่าหมอน่าจะให้เริ่มกินอาหารอ่อนๆ ก่อน ถ้ากินไม่ได้ เดี๋ยวผมเสียสละกินเองละกัน ผมเดินมานั่งที่เดิมหลังจากอิ่มท้อง นั่งมองวิคเตอร์หลับไปเรื่อยจนกระทั่งตัวเองเผลอหลับไป


.
.
.
.


“แมท...” เสียงเรียกแหบแห้งดังขึ้น มาพร้อมกับแรงกดลงบนหัวผมหนักๆ ตอนแรกผมยกมือปัดออกเพราะนึกรำคาญ คนกำลังนอนก็มากวนกันอยู่ได้ แต่พอนึกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนเลยเด้งตัวขึ้นมาทั้งที่ตายังเปิดไม่สนิท


“วิคเตอร์” ผมเรียกเสียงงงๆ หน้าตาอึนๆ เจ้าของชื่อมองผมด้วยสีหน้าและสายตาอิดโรย เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ผมมองริมฝีปากแดงหม่นแห้งแตกของเขาก็ลุกขึ้นไปหยิบน้ำเปล่าในตู้เย็นมาหนึ่งขวดเล็ก เปิดฝา เสียบหลอดลงไป เดินเอามาให้เขาดูดเพื่อดับกระหาย วิคเตอร์ดูดน้ำจนหมดขวด สงสัยจะคอแห้งจัด เขาพยักหน้าอ่อนแรงเป็นเชิงว่าพอแล้ว ผมวางขวดน้ำไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วหันกลับไปมองเขาที่กำลังมองผมอยู่ด้วยสายตาแดงก่ำแต่ตอนนี้มันลดลงไปเยอะแล้ว คงเพราะเขาได้นอนหลับตาพักผ่อนบ้าง


“เป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามพลางเอามือจับหน้าผากเขาไว้ ตัวเขาอุ่นๆ จนเกือบร้อน ไม่รู้ว่าจะมีไข้ขึ้นหรือเปล่า


“โกรธฉันอยู่หรือเปล่า” เสียงที่เขาถามนั้นดูดีขึ้น ไม่แหบแห้งแบบตอนแรก อาจเพราะได้ดื่มน้ำหลังจากอดมาสามสี่วัน ผมยิ้มอ่อนโยน ก้มลงจูบหน้าผากเขาแผ่วเบา


“ผมไม่ได้โกรธคุณ” เหมือนเขาพยายามจะยกมุมปากทั้งสองข้างขึ้น แต่ก็ยกขึ้นไม่ไหว


“แล้วหายเจ็บหรือยัง...” ผมทำหน้างง กำลังงงว่าตัวเองไปเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรที่ไหน แต่วิคเตอร์ก็คลายอาการงงให้ผมด้วยการเอามือขวาที่ไม่ได้เสียบสายน้ำเกลือขึ้นมาแตะตรงอกซ้ายของผมอย่างอ่อนแรง ผมถอนใจแผ่วเบา ยิ้มบางๆ


“...ถ้าเจ็บก็คงเพราะเห็นคุณนอนป่วยแบบนี้” สายตาอ่อนล้าของเขามีแววดีใจวูบไหวไปมา


“ฉันขอโทษ” ผมคลี่ยิ้มบางๆ รู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว แม้ผมจะยังเคลือบแคลงใจ ยังไม่หายสงสัยเรื่องเขากับอันเดรียนาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การที่เขาเป็นแบบนี้ ก็พอจะบอกได้ว่าเขาไม่ได้กระทำลงไปโดยที่ไม่รู้สึกผิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเลวทรามแต่อย่างใด


“พอแล้วครับ คุณขอโทษผมพอแล้ว เราดีกันนะ” วิคเตอร์ยิ้มน้ำตาคลอ ผมยิ้มปากสั่น น้ำตาเอ่อขอบตาทั้งสองข้าง นึกถึงคำพูดของหมอที่บอกว่าเขามีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจก็นึกสงสารเขา เป็นความสงสารแบบคนรักกัน ไม่ใช่เวทนาสงสารเพราะเขาตกต่ำหรืออยู่ต่ำกว่าเรา แม้ว่าผมจะยังไม่รู้รายละเอียดมากมาย แต่แค่คนที่เขารักมากทั้งสองคนตายจากไป มันก็แย่มากพอแล้วสำหรับเขา


“ร้องไห้ทำไม...” ผมยิ้มทั้งน้ำตา รีบยกสองมือขึ้นมาเช็ดแก้ม วิคเตอร์มองด้วยอาการตื่นตระหนกเท่าที่สีหน้าอิดโรยของเขาจะแสดงออกมาได้


“...เก็บไว้ร้องตอนที่ฉันไม่ยอมให้นายถึงจุดสุดยอดดีกว่านะ” ผมหัวเราะน้ำตาคลอ วิคเตอร์ยิ้มขำอ่อนแรง ดูเอาเถอะ สภาพทรุดโทรมยิ่งกว่าคนโหมทำงานหนักแบบนี้ ยังจะมีหน้ามาพูดจาสองแง่สองง่าม แต่มันก็คือเอกลักษณ์เขาไปแล้วละ ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็บอกได้ว่าสภาวะจิตใจของเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว


“นอนพักผ่อนอีกนิดนะครับ ตื่นมาจะได้ทานอาหาร” เขาพยักหน้าอ่อนล้า เปลือกตาขยับขึ้นลงเชื่องช้า คิดว่าเขายังคงมีอาการเพลียอยู่บ้าง แต่พอได้รับน้ำเกลือแล้วคงดีขึ้นตามลำดับ


“อยากกินข้าวไข่เจียวฝีมือนาย” เขาบอกทั้งที่ตาจะปิดอยู่แล้ว ผมระบายยิ้มไปทั่วใบหน้า


“ได้สิครับ ตื่นมาจะทำให้กินสักสิบฟองนะ” เขายิ้มดีใจแบบเหนื่อยๆ


“นอนเถอะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อน...”


“...ขึ้นมานอนด้วยกันสิ นะ”


“ไม่ได้หรอกครับ คุณจะอึดอัดเปล่าๆ อีกอย่างเดี๋ยวหมอจะว่าเอาที่ผมไปรบกวนการพักผ่อนของคุณ”


“รบกวนตรงไหน นายนอนข้างๆ ฉันหลับสนิทกว่าเดิมสิไม่ว่า” ผมทำหน้าลำบากใจ ส่วนไอ้ยักษ์เริ่มทำหน้างอ แม้ว่าจะป่วยแต่ความเอาแต่ใจไม่ลดลงเลยจริงๆ


“ฉันอยากนอนกอดนาย...” เขาว่าเสียงงอนๆ มีการหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยนะ


“...แต่นายคงไม่อยากกอดฉันแล้ว คงเกลียดฉันแล้วสินะ” โธ่ พ่อขมองอิ่มของบ่าว จะไปโกรธอะไรอีกเล่า ถ้าขุ่นเคืองใจพ่ออยู่ อิชั้นจะมานั่งเฝ้าอย่างนี้รึพ่อ


“ผมเปล่า ผมแค่ไม่อยากเบียดคุณ เตียงมันไม่ได้ใหญ่มากนะวิคเตอร์” เขาหันกลับมามองด้วยใบหน้าบึ้งๆ แล้วออกแรงขยับตัวไปทางซ้ายมือของตัวเองจนเกิดที่ว่างฝั่งขวาของเขา


“ถึงนายจะเนื้อหนา เนื้อแน่น แต่ที่แค่นี้คงพอให้นายนอนนะ” อันนี้คือการที่คนเป็นแฟนเขาพูดกันใช่มั้ย เนื้อหนา เนื้อแน่นนี่ไม่ด่าอ้วนไปเลยล่ะ เดี๋ยวๆ รอเข้าฟิตเนสครบเดือนก่อนแล้วจะต้องเปลี่ยนคำพูด


“ไม่สินะ...” เขาว่าหน้างอเมื่อเห็นว่าผมยังยืนทำสีหน้าอึดอัดใจ แน่ะ เมื่อกี้แค่หันหน้าหนี แต่นี่มีพัฒนาการขึ้นคือหันตัวหนี ผมถอนหายใจแผ่วเบากับยักษ์โข่งเอาแต่ใจ


“เอียงแบบนั้นจะกอดผมได้ไงล่ะครับ” วิคเตอร์หันตัวกลับมาทันทีพร้อมรอยยิ้มกว้างเท่าที่คนไม่มีแรงจะยิ้มกว้างได้ เขากางแขนขวารอเพื่อรองเป็นหมอนให้ผมหนุน ผมปีนขึ้นไปบนเตียงคนไข้ กระเถิบกระดึ๊บให้ตัวเองอยู่ในองศาที่ไม่รบกวนเขามากเกินไป 


“ไม่ต้องเอาแขนมารองหัวผมหรอก เดี๋ยวเลือดที่แขนไม่เดิน ตอนนี้คุณยิ่งอ่อนแออยู่” เขาพยักหน้าไปเรื่อย เอาแขนขวาแนบกับลำตัว ผมล้มตัวลงนอนบนหมอนเดียวกับเขา ดึงผ้านวมสีน้ำตาลขึ้นมาคลุมร่างของเราสองคน ผมนอนตะแคงร่าง หันหน้าเข้าหาใบหน้าโทรมๆ ของอีกฝ่าย เอื้อมมือซ้ายไปสอดนิ้วเข้ากับมือขวาของเขา วิคเตอร์หันมายิ้มดีใจ สีหน้าเขาดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ผมยิ้มตอบกลับไป กระเถิบหน้าเอาหน้าผากไปชิดกับคางสากของเขา วิคเตอร์ก้มลงจูบกลางกระหม่อมผมหนึ่งที


“I love you. (ฉันรักนายนะ)” ผมแอบยิ้มใต้คางเขา ลมหายใจอุ่นร้อนของวิคเตอร์รดอยู่บนหัว มือขวาเขาออกแรงกระชับมือเราสองคนให้แนบชิดสนิทกันมากขึ้น


“You said this three word to me repeatedly for today. (วันนี้คุณบอกผมบ่อยแล้ว)”


“I want to tell you again and again. (อยากบอกอีกเรื่อยๆ)” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา วิคเตอร์จ้องมองกลับมาด้วยสายตาจริงจังและจริงใจ ไม่มีอาการหลุกหลิกให้เห็น เขาฝืนเปลือกตาที่กระพริบอ่อนแรง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คอยจะปิดอยู่เรื่อย


“I love you, too. But you need to sleep, now—because I care about you very much. (ผมก็รักคุณ ตอนนี้นอนเถอะนะครับ เพราะผมเป็นห่วงคุณมากนะ)” ผมยกมือขวาขึ้นไปลูบแก้มเขา วิคเตอร์ยิ้มดีใจอ่อนโยน เขาค่อยๆ หลับตาลงแล้วก็หลับตาพริ้มเหมือนเด็ก ผมเลื่อนมือบนแก้มเขาไปมาแผ่วเบาจนกระทั่งวิคเตอร์หลับไป เขาหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ผมมองใบหน้าหล่อเหลาที่เหนื่อยล้าแล้วยิ้มอ่อนๆ ยื่นหน้าไปจุ๊บคางเขาก่อนที่จะหลับตามเขาไปบ้าง


 :hao7:

พักเบรกความหม่นหมองกันสักแปบ พี่ยักษ์เพิ่งฟื้น ขอความเฟรชให้พี่แกโหน่ยยย

ชื่ออาการที่หมอบอกมีจีๆ นะ แต่ไม่ใช่คนบ้า เป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่ง ซึ่งที่พี่ยักษ์เป็นก็ยังไม่ใหญ่โตมาก แต่ก็สามารถไต่ระดับขึ้นไปได้ อาจถึงขั้นซึมเศร้าหรือไบโพลาร์ อะไรพวกนี้ ก็ต้องคอยประคับประคองกันดีๆ เนอะ ให้กำลังใจไอ้ยักษ์กันนน

อ่านคอมเม้นต์ของหลายๆ คน คือสงสารพี่ยักษ์นะ แต่ก็เข้าข้างแมทมากกว่า 55555 อินเนอร์ทุกคนดีมาก และหลายคนรักแซ็คมาก 55555 ลืมอดัมกันละเหรออออ กิ๊วๆ ในตอนนี้ก็มีประเด็นพี่แซ็คทิ้งไว้นะ คริๆ

ถ้าใครที่กดไลค์เพจหรือตามทวิตตอมอยู่ บางคนอ่านเรื่องตอมแล้วบอกว่าต้องกำพระไปด้วย ตอมฮามาก 555555 ยิ่งเนื้อหาตอนก่อนกับตอนนี้ หลายคนบอก กำพระย้ำแล้วย้ำอีก ประหนึ่งปัดเป่าไล่สิ่งไม่ดี 555555 กำไว้ๆ

เจอคำผิดบอกได้ค่าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 13-01-2016 22:47:37
พึ่งเข้ามาอ่านน่ะจ้ะ อ่านแล้วชอบน่ะ สนุกดี คนแต่งแบบเขียนได้ดีมาก ๆ เลยอ่ะ เหมือนอยู่ในวงการเลย ชอบ ๆ  :impress3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2016 22:53:11
ดีกันแว้ววววว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-01-2016 22:54:04
โถวิคเตอร์ แต่เราไม่รู้สึกสงสารเท่าไหร่เลยค่ะ555555555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-01-2016 23:06:11
ระยะพักฟื้น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 13-01-2016 23:24:19
ครึ่งแรกนี่น้ำตาไหล สงสารแมท

ครึ่งหลังยักษ์ตื่น ทำไมอ่านไปปากสระอิไป 55555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 13-01-2016 23:31:33
หนูแมทแม่พระจริงๆเลย
แซ็คมีอะไรหว่าาา อยากรู้จะแย่แล้ววว
สงสารทั้งคู่เลยตอนนี้ เป็นหน่วงๆ
ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีน้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: oily61 ที่ 13-01-2016 23:34:01
จิงๆก็ยังมิสาแก่ใจนัก555 แต่ได้เห็นน้ำตายักษ์ก็คุ้มอยู่^^
 ก็เข้าใจที่แมทใจอ่อนคนรักกันไม่ควรมีทิฐิมาก(เล่นตัวนักไม่ดี?)
เอาเป็นว่ารอฟังยักษ์เล่าอีกทีประเด็นนั้นยังคาใจอยุ่นิดนึง
(จิงๆอยากดฟังความทรมานโดยเจ้าตัวเองท่าจะสะใจกว่านี้555)
ปล.เอ้ย ยักษ์เราไม่ได้เกลียดนายนะ? เราอยู่ข้างนาย^^ :z6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 13-01-2016 23:48:31
เค้าดีกันแล้ว ปลื้มปริ่มที่ซู้ดดดดด :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-01-2016 23:49:32
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 13-01-2016 23:56:33
โอ๊ยยยย ตื่นมาแข็งแร็งมาแก้ตัวเร็วๆนะพี่ยักกกกกษ์ :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-01-2016 00:07:32
โถ พระเอก อ่อนแอน่าสงสารมาก นางก็เจอมาเยอะอ่ะเนอะ แต่นางก็ต้องรู้จักที่จะรักจะดูแลความรู้สึกของคนที่รักด้วย
เข็ดไหมรอบนี้ น่าจะพอสมควรเลย จัดว่าหนัก คือแมทพร้อมตัด นางพญามาก แม้นางจะเจ็บอ่ะเนอะ
มีสิ่งมีค่าก็ต้องรักษาดีๆ เห็นนางฟื้นมาอ่อนแล้วโล่งใจ นางกลับมาแล้ว เย้ สวยอ้ะ ผัวเข่าเครื่องบินมาหา เกร๋มากค่ะ
นั่นๆ ผู้ชายแถวฟิตเนสปิ๊งน้องแมทใช่ไหม มีผัวแล้วน้า ขี้หึงมากด้วย เอาสิเอา

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-01-2016 00:08:04
มันจะโอเคเนาะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: paraprove ที่ 14-01-2016 00:30:51
อิพี่ยักษ์ยังมีอารมณ์มาหยอกแมทอีก หมดสภาพสะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 14-01-2016 03:03:43
อ้อนน้องเลยนะอิพี่ยักษ์ :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-01-2016 10:51:18
หายไวๆนะยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-01-2016 12:40:04
หวังว่ายักษ์จะเข็ดหลาบนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rei_yaoi ที่ 14-01-2016 16:11:14

ตายจากกันสำหรับพี่ยักษ์คงไม่ทรมานเท่าจากไปทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่
ตอนนี้ตั้งแต่ตามมา บีบหัวใจที่สุดเลยคะไรเตอ
เเมท น่าสงสารนะที่โดนทำร้าย แต่สำหรับเรายักษ์น่าสงสารกว่า
เพราะอะไรนะหรอ ... อย่างน้องแมทก็เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นชีวิตมีความสุขและรอยยิ้ม
แล้วดูพี่ยักษ์ซิครับ แม้จะเป็นดาราชีวิตตอนนี้สมบูรณ์แบบขนาดไหน คงทดแทนความรู้สึกในอดีตได้ยาก
อดีตที่ผ่านคงผ่านเรื่องเจ็บปวดมาไม่น้อย ถึงได้เป็นขนาดนี้ อยากให้กำลังใจพี่ยักษ์
ขออวยพรให้ชีวิตรักของทั้งสองมั่นคง ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ๆรักกันนานๆ

สู้นะครับไรเตอรออีก 65 เปอที่เหลือออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 14-01-2016 16:14:32
ยักษ์ยังมีแรงมาแหย่นะ
ให้หายดีก่อนเถอะย่ะ!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: anantawee ที่ 14-01-2016 21:54:16
ขอบคุณค่ะ....สนุกมากๆรออ่านทู๊กวันเลยค่ะ ชอบซีนอารมณ์ของพระเอก กับนายเอก บทนี้ที่สุด :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ้hellobow ที่ 14-01-2016 22:09:36
โถถถถ อียักษ์น่าสงสารมาก น้องแมทน่ารักมากเ ภาวนาอย่าให้ทะเลาะกันอีกเลย คนอ่านอินมากๆ ณ จุดนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 14-01-2016 23:45:11
เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคน คนนึงเหมือนเพิ่งหัดรัก กับคนที่ต้องการความมั่นใจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: W-Rose ที่ 15-01-2016 21:29:27
หวังว่าวิคเตอร์จะใช้ความผิดพลาดครั้งนี้เป็นบทเรียนนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-01-2016 22:39:49
 :pig4: :L2:

ไม่รู้จะเสียใจกับคนไหนมากกว่ากัน ฮื่อๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.23 100%}:13.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: LeaZ ที่ 16-01-2016 23:13:03
สารภาพว่าอ่านค้างไว้ตั้งแต่พาร์ทแรก ตอนยักษ์ปิดบังข่าวหลุด ที่มีอะไรกับแมทบนกระโปรงรถ  ตอนนั้นเคืองยักษ์มากจนหยุดสักพัก โมโห!!!  แต่ที่สำคัญสุด กลัวค้าง รอเล่มรอบรีปิ้นที่กำลังจะมา 555555

มาอ่านตอนนี้ ก้นะ  งงสิครับ ข้ามมายาวมาก 55555


แต่ก้นะ อวยน้องแมท และเคืองยักษ์ต่อไป ไม่ว่ายังไง แกก้ทำหนูแมทร้องไห้ตลอดเลยนะ!!!

ชิชิ!!   เอาเถอะ เห็นแก่หนูแมทรักเจ้า จะยกโทษให้นิดนึง.. (นี่ผมไม่สนใจปมในชีวิตหรือ สงสารพี่แกสักนิดเลยนะ 5555)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-01-2016 21:06:16

Only You EP.24 :: It's stuck in my head. [50%]




ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาเพราะมีคนมาสะกิดไหล่ ตอนแรกนึกว่าคุณหมอหรือนางพยาบาลมาสะกิดเพื่อจะด่าที่ผมขึ้นไปนอนเตียงคนไข้ แต่พอหันไปก็เห็นเป็นออสตินมาพร้อมกับอาหาร เขามาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่หกโมงเช้า วิคเตอร์ยังไม่ตื่น ผมเลยเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย ผมฝากออสตินอุ่นบะหมี่เพราะคิดว่ามันยังกินได้อยู่ ตอนออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ผมก็เจอคุณพยาบาลเข้ามาเช็กร่างกายวิคเตอร์ เธอบอกว่าเดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจอีกครั้งตอนประมาณเก้าโมงตรง


“เขาสามารถทานอาหารตามปกติได้เลยรึเปล่าครับ”


“ได้เลยค่ะ ควรทานอย่างยิ่งด้วยค่ะ เพราะนี่ก็วันที่ห้าแล้วที่เขาไม่ได้ทานอะไร สามารถทานได้ตามปกติเลย แต่เว้นอาหารรสเผ็ด รสจัดนะคะ เพราะท้องเขาว่างมาก เดี๋ยวจะเป็นแผลในกระเพาะ”


“โอเคครับ” คุณพยาบาลเหลือบมองวิคเตอร์ เธอมุ่นคิ้วเหมือนกำลังนึกว่าเคยเห็นอีกฝ่ายหรือเปล่า ผมจะฝากเธอเรื่องความเป็นส่วนตัวของวิคเตอร์ ก็กลัวว่าจะเป็นการทำให้ไก่ตื่นไปมั้ย เลยไม่รู้จะพูดยังไงดี


“คนนี้เขาเป็นดารารึเปล่าคะ” ผมจะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย มันเป็นคำถามที่ตอบไปแล้วจะเสี่ยงหรือเปล่า หรือถ้าตอบไปแล้วจะเป็นการเปิดเผยตัวมั้ย หรือยังไง งง? ผมหันไปมองหน้าออสติน เขาทำหน้างง เออ ลืมไป เขาฟังภาษาไทยไม่ออก


“ก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างครับ” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม


“เหมือนเคยเห็นในซีรีส์ต่างประเทศเลยค่ะ  แต่คงไม่ใช่ ฝรั่งก็หน้าตาคล้ายๆ กันเนอะ” ผมยิ้มแห้ง ขอบคุณต่อมความรู้สึกเธอเหลือเกินที่มองว่าวิคเตอร์เหมือนฝรั่งทั่วไป ผมว่าอาจเพราะตอนนี้หน้าเขาโทรม ไม่ได้ผ่องใสตามปกติมากกว่า คนเลยจดจำเขายากหน่อย


“เดี๋ยวก่อนคุณหมอมา จะเช็ดตัวให้นะคะ” ผมเกือบพยักหน้ารับละ แต่พอนึกได้ก็เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจนิดหนึ่ง พยายามที่จะไม่กระโตกกระตากใหญ่โต


“ใครเช็ดให้เหรอครับ” เธอทำหน้างงก่อนตอบ


“พยาบาลเช็ดให้ค่ะ” เอ๊... บ่อดีม้าง เป๋นสาวเป๋นนางจะมาถูกเนื้อต้องตัวป้อจายได้จะได ตี้สำคัญป้อจายคนนั้นน่ะแฟนข้าเจ้าหนา


“เอ่อ ผมขอเช็ดให้เขาได้มั้ยครับ เขาไม่ชอบให้คนอื่นถูกเนื้อต้องตัว ผมกลัวเขาจะอาละวาดใส่คุณพยาบาลน่ะ” เธอกระพริบตาทำหน้าตกใจ เห็นแบบนี้แล้วต้องยิ่งกระทุ้งต่อ


“คือคุณหมอเจ้าของไข้บอกว่าเขามีอาการทางจิตด้วย ช่วงนี้จิตใจเขาอ่อนแอ อาจทำอะไรไม่คาดคิดน่ะครับ” ผมไม่ได้โกหกนะ ก็หมอว่างั้นจริงๆ อะ ผมแค่พูดเสริมจากที่หมอบอกนิดหน่อยเอง ผมแสร้งทำหน้าหวาดกลัว แล้วขยิบตาให้เธอหนึ่งที คุณพยาบาลยังสาวพยักหน้าเงอะงะ


“คะ... ค่ะ งั้นฝากด้วยนะคะ” เธอไม่ได้ทำท่าหวาดกลัวอะไร ผมว่าเธอคงเคยเจอคนไข้อาการทางจิตรุนแรงกว่าวิคเตอร์มาแล้วละ เพียงแต่เธอคงงงๆ อารมณ์ว่าไม่คิดว่าผู้ชายหน้าตาอย่างวิคเตอร์จะมีอาการประเภทนี้ละมั้ง ซึ่งจริงๆ เขาก็ไม่ได้มีหรอก ผมหลอกเธอไปงั้น จะได้ไม่ต้องมาเช็ดตัวให้เขา


เธอปรับสายน้ำเกลืออีกนิดหน่อยแล้วเดินออกไปจากห้องพักของวิคเตอร์ด้วยท่าทียังสับสนเล็กๆ  ผมแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว ออสตินหันมาเห็นพอดีเขาเลยเลิกคิ้วขึ้นสูงสีหน้างง ผมยิ้มกริ่มและยักไหล่ ออสตินขยับปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่สักพักเขาก็ไม่พูด เปลี่ยนเป็นชี้นิ้วไปด้านหลังผมแทน ผมหันไปมองก็เห็นวิคเตอร์ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว


“Good morning.” ผมทักเขาเสียงใสพร้อมส่งยิ้มให้ วิคเตอร์ยิ้มอ่อนแรง ขมวดคิ้วนิดหน่อย ผมสำรวจใบหน้าเขา วันนี้เขาดูมีน้ำมีนวลขึ้นบ้าง ไม่ถึงขั้นอิ่มเอิบแต่ดูไม่แห้งกรัง ไม่อิดโรยเท่าไหร่แล้ว ขอบตายังคล้ำอยู่บ้าง ใบหน้าหมองหน่อยๆ แต่โดยรวมถือว่าดีขึ้นมาก คงเพราะเขาได้พักผ่อนเต็มที่ คิดว่านอนพักอีกสักครึ่งวันเขาคงกลับมาสดชื่น


“ขอน้ำหน่อย...” เขาเอ่ยขอเสียงทุ้มแหบ แต่ไม่แหบเท่าเมื่อวาน ผมเดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นมาให้เขาดื่ม ท่าทางคงหิวน้ำจัดเพราะเขาดูดน้ำจนหมดขวดแบบรวดเดียว


“ไปแปรงฟันก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวมาทานอาการเช้ากัน เดี๋ยวผมทานเป็นเพื่อน” เขาพยักหน้า ยิ้มสดใสขึ้นมาบ้าง ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากออสตินให้ช่วยพยุงร่างวิคเตอร์ลงจากเตียง เหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการทานข้าวกับเช็ดตัวก่อนคุณหมอจะมา


“ถือแปรงไหวมั้ย”


“ฉันไม่ได้เป็นอัมพาตสักหน่อย” ผมมองค้อนเขาอย่างไม่จริงจัง วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปาก ผมยืนมองเขาแปรงฟันสีหน้าอึนเพราะเพิ่งตื่นนอน เขาส่งยิ้มมาให้ ผมเลยยิ้มตอบ เห็นแบบนี้ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง  ผมถือแก้วใส่น้ำไว้ให้เขาบ้วนปาก เขายื่นมือมารับตอนที่ถูแปรงสีฟันไปทั่วปากแล้ว


“ล้างหน้ามั้ยครับ เดี๋ยวผมล้างให้” เขาพยักหน้ารับ ผมบอกให้เขาก้มหน้าเหนืออ่างน้ำ ใช้มือซ้ายรองน้ำแล้วลูบไปทั่วใบหน้าหนวดเครา วิคเตอร์หลับตานิ่งให้ผมลูบหน้าลูบตา ผมลูบทำความสะอาดบริเวณหนวดเคราใต้คางเขาด้วย ปกติก็ดกดำอยู่แล้ว พอเขาปล่อยตัวเอง รู้สึกว่ามันจะยาวดำครึ้มกว่าเดิมมาก


“เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้นะ”


“เช็ดทุกส่วนของร่างกายเลยนะ” เขายิ้มสีหน้าเพลียเพราะร่างกายเพิ่งฟื้น ส่วนผมยิ้มเพลียเพราะความลามกของเขาที่แม้จะเจ็บป่วยก็ยังแสดงอิทธิฤทธิ์หื่นออกมาได้


ผมไม่ได้ถอดเสื้อเขาออกจากตัว มันติดสายน้ำเกลืออยู่ เลยแค่แหวกเสื้อออก เช็ดตรงอก กล้ามท้อง และพยายามเช็ดด้านหลังเขาให้ทั่วถึง ระมัดระวังไม่ให้เสื้อที่เขาใส่เปียกน้ำมาก ระหว่างที่เช็ดตัวให้ วิคเตอร์มองหน้าผมไว้ตลอด มองจนผมเขิน แต่ก็ทำเนียน ทำนิ่ง แต่ในใจนั้นเต้นตึกตักกับสายตาแสนรักแสนหวงนั่น ผมอมยิ้มเขิน เขายิ้มละมุน


“เดี๋ยวเปลี่ยนกางเกงชั้นในหน่อยนะครับ ตัวนั้นคงเน่าหมดแล้ว” ผมวางผ้าเช็ดตัวไว้ในอ่างล้างหน้า ย่อเข่าลงไปดึงกางเกงขายาวสีน้ำตาลของโรงพยาบาลออกจากขาเขา ตามด้วยถอดกางเกงชั้นในสีดำออกมา ลูกชายเขานอนห้อยหัวหัวอย่างสงบ วิคเตอร์ยิ้มล้อ ผมพยายามเก๊กหน้าเฉยไว้ทั้งที่จริงรู้สึกร้อนวูบไปหมด


“ทำความสะอาดยักษ์น้อยด้วยนะ มันไม่ได้อาบน้ำมาสี่วันแล้ว” เขาบอกเสียงอ้อน ผมหันไปย่นหน้าใส่เขาแล้วหันมาจัดการเอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำอีกรอบ บิดให้แห้งหมาดๆ นั่งย่อเข่าตามเดิม วิคเตอร์นั่งพิงเก้าอี้ในห้องน้ำด้วยท่าทีสบายๆ เขาอ้าขากว้างเพื่อให้ผมทำความสะอาดได้สะดวก ผมมองภาพนั้นแล้วรู้สึกใจสั่น


ท่อนล่างเขาเปลือยเปล่า เห็นส่วนกลางที่แม้จะไม่ได้ตื่นตัวแต่ก็ยังใหญ่โต ท่อนบนใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นของผู้ป่วยที่แหวกทิ้งไว้เผยให้เห็นกล้ามท้องเป็นลอน ขอบอกสองเต้าของเขาโผล่แพลมออกมาจากขอบเสื้อทั้งสอง


“ฉันไหวนะถ้านายอยากทำ” สติคืนกลับมาตอนได้ยินเสียงทุ้มของเขาบอกพร้อมกับสายตามัวเมาตามแบบฉบับเวลาเขาอยากเอา


“ลูกคุณนอนนิ่งขนาดนี้ยังจะมาบอกว่าไหว” ผมแสร้งตอบสีหน้านิ่วคิ้วขมวด


“ปลุกมันสิ มันตื่นเพื่อแม่มันอยู่แล้ว” หน้าผมร้อนฉ่า มองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของวิคเตอร์ด้วยตาโตๆ เขามีการเลื่อนมือขวามาจับๆ ถูๆ ความเป็นชายของเขาจนมันผงกหัวทักทายขึ้นนิดหนึ่ง ผมยื่นมือซ้ายไปตีมือเขาดังเพี๊ย วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม ดึงมือกลับไปวางที่ขอบเก้าอี้ตามเดิม ผมแข็งใจใช้ผ้าขนหนูเช็ดช่วงล่างให้เขา


วิคเตอร์หายใจแผ่วเบา กล้ามท้องเขาหดเกร็งตอนที่ผมใช้ผ้าเช็ดไปตามความยาวของแก่นกายเขา มันไม่ได้ขยายตัวใหญ่โตพร้อมรบ แต่ก็มีการขยับขยายขึ้นมาบ้าง ผมเช็ดไปหน้าแดงไป แต่ก็ต้องทำ เพราะมันคงอับมาหลายวันแล้ว พอเช็ดตรงนั้นเสร็จ ผมก็เลื่อนมาเช็ดตรงลูกกลมๆ สองลูก เช็ดปัดป่ายไปมาจนวิคเตอร์หลับตาพริ้ม คิ้วขมวดแน่น


“คุณจะตั้งง่ายไปรึเปล่า นี่ถ้าเจอสาวๆ ยั่วคงแข็งสู้ตลอดเลยสินะ” ผมถลึงตาใส่เขา เลื่อนผ้าไปเช็ดตามขายาวๆ ทั้งสองข้างของเขา


“มันอาจจะตั้ง แต่มันไม่เสียบใครนอกจากนายนะ” พูดแล้วก็ยังรู้สึกใจไม่ดีเรื่องเขากับอันเดรียนา คำตอบที่เขาบอกก่อนหน้านี้ว่าไม่มีอะไรกับเธอจริงๆ ยังคงสร้างความไม่มั่นใจให้ผมเช่นเคย ขึ้นไปบนห้องด้วยกันขนาดนั้น มันจะไม่มีอะไรจริงๆ เหรอ ที่สำคัญเขาเคยกินกันมาก่อน กินกันในช่วงเราสองคนห่างกัน ที่ผมกลัวเพราะว่าอันเดรียนาเข้ามาในช่วงเวลาที่วิคเตอร์อาจจะตกตะกอนเรื่องผมแล้วก็ได้ เธออยู่กับเขาในช่วงเวลาสับสัน เวลาทบทวนตัวเองของวิคเตอร์ไง มันเลยทำให้ผมกลัวว่าทั้งสองคนอาจจะยังมีเยื่อใยบางๆ ต่อกันที่สามารถต่อเข้าหากันได้ทุกเมื่อ อีกอย่างอันเดรียนาเป็นผู้หญิงแล้วสวยด้วย หุ่นดีมากด้วย หุ่นเซี๊ยะอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นนางแบบที่มีเซ็กส์แอพเพียลสุดๆ นึกภาพเวลาเขาอยู่กับวิคเตอร์น่ะเหมาะกันจะตาย


“คิดว่าฉันมีอะไรกับอันเดรียนาอีกแล้วใช่มั้ย” วิคเตอร์ถามสีหน้าหวาดหวั่น แววตาเขาสั่นไหว ผมรีบยิ้มกลบเกลื่อนสีหน้าคิดมากตัวเอง


“เปล่า ผมแค่กำลังตั้งใจทำความสะอาดเท้าให้คุณอยู่” ผมเช็ดนิ้วเท้าทั้งสิบนิ้วของเขาอย่างตั้งใจเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่หมักอยู่ในถุงเท้าถึงสี่วัน


“ฉันไม่เชื่อ” เขาว่าหน้างอ ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นยืนเอาผ้าขนหนูไปซักล้างแล้วบิดให้แห้ง พอหันไปมองพ่อรูปหล่อหน้ายักษ์ เขาก็นั่งมองผมหน้าง้ำหน้างอ แววตาติดจะหมองเศร้า ผมถอนหายใจอีกที หยิบกางเกงชั้นในมาไว้ในมือเพื่อจะใส่ให้เขา วิคเตอร์ยื่นมือขวามาดึงให้ผมลงไปนั่งตักเปลือยเปล่า นั่งทับยักษ์น้อยเขานั่นแหละ แขนขวาเขาโอบเอวผมไว้ ส่วนมือซ้ายวางไว้บนขอบอ่างล้างหน้าเพื่อพยุงสายน้ำเกลือ


“จะให้ฉันพูดยังไง นายถึงจะเชื่อว่าฉันไม่ได้มีอะไรกับอันเดรียนา” ใบหน้าเขามีแววเครียด ผมยกมือซ้ายขึ้นไปลูบแก้มขวาเขา


“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วครับ แค่ให้เวลาผมหน่อย” คิ้วเข้มเขาขมวด ใบหน้านิ่วมองอย่างไม่เข้าใจ คงไม่เข้าใจว่าผมต้องการเวลาอะไร เขาไม่รู้หรอกว่าตอนที่ผมเห็นภาพนั้นพร้อมเนื้อหาข่าว ใจมันหวิว ใจมันสั่นขนาดไหน หน้าอกกลวงโบ๋ไปเลย การเห็นแฟนเราจูบกับคนอื่นแล้วเดินหายขึ้นไปบนห้องฝ่ายหญิง มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาหรือเรื่องที่ควรจุดพลุฉลองเหมือนเทศกาลปีใหม่นะ


“นานรึเปล่า”  เขาถามด้วยอาหารหวั่นไหว ผมลูบแก้มเขาไปมา มองดวงตาคู่คมของเขานิ่ง แววตาเขาสะท้อนความกลัว ความกังวลออกมา ผมก้มลงจูบเขา ริมฝีปากสัมผัสกับความแห้งแตกของอีกฝ่าย วิคเตอร์ส่งลิ้นเข้ามาเลียลิ้นเล็กของผม เราตอบรับกันอย่างคุ้นเคย รสจูบครั้งนี้นั้นเบาหวิว ไม่รู้ว่าเพราะวิคเตอร์ยังไม่หายอ่อนเพลียดีหรือเปล่า


“ผมตอบไม่ได้ แต่ผมจะไม่ไปจากคุณแน่นอน ถ้าคุณไม่ไปจากผมก่อน”


“ไม่แน่นอน” ผมยิ้มอ่อนโยน มองหน้าเขาแล้วก็นึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก


“วิคเตอร์ วันนี้คุณรักผม คุณอยู่กับผม แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เข้า ความรู้สึกคุณอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ ผมเข้าใจว่ายังไงผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงถึงจะถูกต้องที่สุด ผมขออย่างเดียว ถ้าคุณจะไป อย่ารั้งผมไว้ อย่าเก็บผมไว้ ปล่อยผมไปเลย” พลันน้ำตาก็ร่วงตอนผมหลับตา ผมยอมรับว่าผมคิดมากเกินไป แต่ที่มากกว่าคิดมากคือ ผมกลัว...


“ไม่เอา ไม่ไปไหน ไม่ไปไหนทั้งนั้นนะ” วิคเตอร์บอกน้ำเสียงหวาดกลัว มือยกมือเช็ดน้ำตาให้ผมเร็วๆ ผมยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาทั้งสองข้าง วิคเตอร์คลี่ยิ้มหล่อละมุน


“ไม่ไปครับ ผมยังอยู่นี่ ไม่ได้ไปไหน...” แต่ในอนาคต ผมตอบไม่ได้จริงๆ นะวิคเตอร์ ถ้าคุณเจอใครที่ดีกว่าผม พร้อมกว่าผม คุณคงไป ผมจะไม่เสียใจเลยถ้าเขาบอกตรงๆ เปิดอกคุยกัน


ผมถอนหายใจแล้วยิ้ม ไล่ความคิดมากมายออกไปจากหัวสมอง


“...แต่ตอนนี้เรามาใส่กางเกงในก่อนนะครับ จะได้ออกไปทานอาหาร แล้วเดี๋ยวคุณหมอก็จะมาแล้ว” วิคเตอร์ยิ้ม พยักหน้ารับเหมือนเด็กว่านอนสอนง่าย (แค่ช่วงเวลานี้แหละ)


“อดใจไหวจริงเหรอ อึ๊บกันสักรอบสิ” ผมยิ้มเอือมแต่ก็มีความขำปนอยู่


“วิคเตอร์ สภาพร่างกายคุณแย่อยู่นะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นสิ” ผมลุกขึ้นจากตักเขา ก้มลงมองยักษ์น้อยก็เห็นมันขยายตัวใหญ่ขึ้นประมาณหนึ่ง ปกติมันคงตั้งโด่แล้ว แต่นี่คงเพราะร่างกายเขายังไม่ฟื้นเต็มที่


“นายก็คุมเกมเองไง”


“ไอ้ยักษ์” ผมอดว่าด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ วิคเตอร์ยิ้มตาใสหน้ามึน ผมนั่งย่อเข่าลงกับพื้น จัดการใส่กางเกงชั้นในให้เขาเรียบร้อยแล้วตามด้วยใส่กางเกงขายาว ติดกระดุมเสื้อให้เขาตามเดิม พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็พาเขาออกมาจากห้องน้ำ ออสตินมาคอยรับช่วงต่ออยู่ด้านหน้า ไม่รู้ว่าเขายืนรอตรงนี้นานแล้วหรือยัง


“ผมเตรียมอาหารไว้ให้แล้วนะครับ” นี่เขาแทบจะเป็นพ่อบ้านไปด้วยแล้วนะเนี่ย


“แล้วนายทานรึยังล่ะออสติน” วิคเตอร์ถามตอนที่นั่งลงบนเตียง


“เรียบร้อยแล้วครับ” พ่อบอดี้การ์ดเลื่อนโต๊ะอาหารสำหรับผู้ป่วยมาที่เตียง เขาซื้อข้าวมันไก่มาให้ผมกับวิคเตอร์ คาดว่าคงได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ การ์ดคนไทย ผมปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ นั่งตรงข้ามกับวิคเตอร์ จัดการราดน้ำจิ้มข้าวมันไก่ให้ผมกับเขา วิคเตอร์มองข้าวมันไก่อย่างไม่คุ้นเคย ผมเลยตักเข้าปากให้เขาดูเป็นตัวอย่างว่ามันกินไม่ยาก


“ป้อนหน่อย” เขาอ้าปากรอรับข้าว ผมยิ้มเอ็นดูกับท่าทีเด็กๆ ของอีกฝ่าย ตักข้าวมันไก่จากจานเขาให้เขาทานหนึ่งคำ วิคเตอร์เคี้ยวตุ้ยๆ สักพักก่อนจะพยักหน้าว่าใช้ได้


“อร่อยดี” เขาเคี้ยวจนหมดคำแล้วอ้าปากขอคำต่อไป ผมเลยต้องตักให้เขาก่อนตักให้ตัวเอง


“ผมก็ว่าอร่อยดีครับ แรกๆ ผมไม่ชิน ตอนนี้ผมกินอาทิตย์ละวัน” ออสตินออกความเห็น ท่าทางเขาโล่งใจเหมือนกันที่หาอาหารมาถูกปากเจ้านาย ท่าทางจะเซอร์เวย์อาหารไทยไปเยอะแล้วสิเนี่ย


ผมกับวิคเตอร์นั่งทานข้าวมันไก่ด้วยกันจนหมด วิคเตอร์คงหิวมาก เพราะเขาถามหาอาหารอย่างอื่นเพิ่มอีก ออสตินเลยยกบะหมี่หมูแดงเมื่อวานที่อุ่นแล้วมาให้เขาทานซึ่งเขาก็ทานจนหมดอีกเช่นกัน ผมไม่แปลกใจหรอก ก็เขาสูญเสียพลังงานไปตั้งเยอะ ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำตกถึงท้องสามสี่วัน พอได้กลับมากินคงหิวมากเป็นธรรมดา


“อิ่มยังครับ ยังมีข้าวมันไก่อีกห่อนะ” เขาพยักหน้าว่าเอา ผมกับออสตินยิ้มขำกับท่าทีเหมือนเด็กกำลังโต ทั้งที่ตัวโตไปนานมากแล้ว อายุก็กำลังจะเลขสามบริบูรณ์แล้วด้วย แต่เห็นเขากินได้เยอะแบบนี้ผมก็สบายใจ อีกไม่เกินวันสองวันคาดว่าคงกลับมาคึกได้ตามปกติ


“อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงนุ่มๆ ของคุณหมอรูปหล่อเจ้าของไข้วิคเตอร์ดังขึ้น เขามาพร้อมกับคุณพยาบาลคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่คนที่จะมาเช็ดตัวให้วิคเตอร์ ผมส่งยิ้มกลับไปให้ เลื่อนโต๊ะอาหารไปเก็บไว้ที่เดิม


“ทานได้เยอะมั้ยครับ” คุณหมอหันมาถามผม


“เยอะมากครับ ข้าวมันไก่พิเศษสองจาน บะหมี่หมูแดงอีกสอง” คุณทำหน้าประหลาดใจแวบหนึ่ง ก่อนที่จะยิ้มพอใจออกมา


“กินเยอะแบบนี้เดี๋ยวคงมีแรงกลับบ้านแล้วละครับ แต่ยังไงหมอขอเช็กร่างกายเขาก่อนนะ” ผมพยักหน้าให้คุณหมอ เขาหันไปทักทายกับวิคเตอร์เป็นภาษาอังกฤษ ผมสังเกตว่าคุณหมอพยายามชวนวิคเตอร์คุยถึงอาการเครียด คอยจับดูสภาวะทางอารมณ์ของเขา วิคเตอร์ตอบหน้ามึนๆ อึนๆ ไปตามเรื่องของเขา คอยจะหันหน้ามามองผมอยู่ตลอดเวลา ผมเลยเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ เขา ไอ้ยักษ์ยิ้มแป้นแล้วหันกลับไปคุยกับหมอต่อตามเดิม


“When is the best time of your life?” วิคเตอร์มีสีหน้างงกับสิ่งที่หมอถาม ผมว่าเขาคงงงที่จู่ๆ หมอก็ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายเขามากกว่า


“You mean the past or at present?”


“Both.”


“When I spent time with my mom and grandma, at present, the best time is when I’m with him.” เขาชี้มาที่ผมหน้าซื่อตาใส ผมยิ้มเขินนิดหน่อย คุณหมอยิ้มแซว คุณพยาบาลเองก็เช่นกัน ส่วนออสตินหน้านิ่งตามเดิม


“What is your favourite thing to do in your free time?” วิคเตอร์ทำหน้าคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ


“Whatever—just have him. That’s okay.” เขาชี้มาที่ผมอีกที หนนี้ผมคงหน้าแดงแล้ว คุณหมอพยักหน้า รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของคุณหมอ


“สี่วันที่ผ่านมาร่างกายคุณคงแย่ สภาพจิตใจก็อาจจะอ่อนแอ ถ้ามีเวลาว่างหาอะไรทำให้จิตใจผ่อนคลายบ้างนะครับ จะได้ปลดปล่อยความเครียดที่มี ลองหาใครสักคนพูดด้วย จะเป็นคนใกล้ตัวหรือคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญด้านสภาวะจิตใจก็ได้นะ เรียกอีกอย่างก็คือจิตแพทย์นั่นแหละครับ” ผมแอบชื่นชมคุณหมออยู่ในใจว่าเขาพูดได้ค่อนข้างดีทีเดียว ไม่ได้เอ่ยปากให้วิคเตอร์ไปหาจิตแพทย์โดยตรง พูดเหมือนเป็นการแนะนำปกติธรรมดาๆ ทั่วไป


“I am not insane. I’m fine. (ผมไม่ได้บ้า ผมปกติดี)” แต่ถึงคุณหมอจะใช้น้ำเสียงอ่อนนุ่มน่าฟังแล้วก็ตาม ไอ้ยักษ์ก็ยังตีหน้าสมฉายาได้ น้ำเสียงที่ใช้นั้นมีแววเคือง คุณหมอยิ้มอย่างเป็นมิตร ไม่ได้มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด เป็นผมซะอีกที่รู้สึกเกรงใจคุณหมอกับกิริยาเหวี่ยงนิดๆ ที่วิคเตอร์แสดงออก


“Hey. He did not mean that. He just gave some advice. (วิคเตอร์ คุณหมอเขาไม่ได้มีเจตนาว่าคุณนะ เขาแค่แนะนำ)” เขาหันใบหน้านิ่วคิ้วขมวดมามองผม


“I don’t need a psychiatrist. What I need is you—it’s only you who make me feel better. (จิตแพทย์ไม่จำเป็นสำหรับฉัน ที่จำเป็นสำหรับฉันคือนาย ฉันมีแค่นายฉันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว)” เขาว่าหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเด็กตัวเล็กๆ กำลังงอนแม่ แววตาเขาขุ่นเคือง ผมยิ้มกึ่งขำกึ่งเขินกับความหวานประหลาดๆ ของเขา คุณหมอกับคุณพยาบาลคลี่ยิ้มกว้าง ออสตินมีกระตุกยิ้มนิดหน่อย


“Yes. You are fine. Nothing is wrong with you—you look good when you have him. (ใช่ครับ คุณปกติดี ไม่มีอะไรผิดปกติเลย คุณดูดีมากเวลาที่มีเขาอยู่ด้วย)” ท่าทางคุณหมอจะฉลาดใช่ย่อย (หมอก็น่าจะฉลาดอยู่แล้วป้ะ - -) เพราะรู้จักใช้คำพูดคำจาให้คนไข้ไม่กระฟัดกระเฟียดไปมากกว่านี้ และดูจะได้ผลกับวิคเตอร์อยู่เหมือนกัน เพราะพ่อยักษ์หน้าหนวดทำหน้านิ่วน้อยลง


“เดี๋ยวหมอขอคุยกับญาติคนไข้นิดนึงนะครับ” คุณหมอหันมาบอกพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น ผมพยักหน้าแล้วหันไปหาวิคเตอร์


“เดี๋ยวผมมานะครับ”


“จะไปไหน” เขายื่นมือขวามาคว้ามือผมไว้แน่น ใบหน้าเขาบูดบึ้งเหมือนเด็ก คุณหมอเดินออกไปพร้อมกับคุณพยาบาลแล้ว ส่วนออสตินเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้อง


“ผมจะพาคุณกลับบ้านไง” ผมก้มลงไปหอมแก้มเขา เวลานี้วิคเตอร์เหมือนเด็กติดแม่อย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้แสดงอาการแบบนี้ออกมานักหรอก ผมคิดว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอาจมีส่วนไม่น้อยที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจเขาตอนนี้ บวกกับเขายังกลัวว่าผมจะไม่เชื่อคำพูดเขาเรื่องอันเดรียนา สภาพจิตใจเขาเลยอาจแกว่งๆ ไปบ้าง


“รีบกลับมานะ” เขายิ้มสดชื่น ผมพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มอิ่มเอิบให้เขา วิคเตอร์ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมหนึ่งที ผมเลยจุ๊บปากเขากลับไปเป็นการเอาใจเขา พอได้ยินเขาหัวเราะเสียงทุ้มพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ใจผมก็เบิกบานอย่างกับเป็นคนป่วยเอง แต่มันก็ไม่ผิดนักหรอกที่บอกว่าป่วยเอง ถ้าเรารักใครมากสักคน เวลาเห็นเขาเจ็บป่วยด้วยความทรมาน เราก็จะรู้สึกไม่ต่างจากเขา ผมพอจะเริ่มเข้าใจบ้างแล้วว่าตอนผมป่วยจนนอนร้องไห้ พ่อกับแม่นั้นรู้สึกยังไง


 :hao3:

พักเบรกความหม่นหมองกันสักแปบเนอะ รอพี่ยักษ์ฟื้นตัวก่อนค่อยว่ากัน เอ๊ะ?! ทิ้งเงื่อนงำอีกละ #กำพระแน่นมาก เวลาอ่าน 55555

พี่ยักษ์อ้อนเมียมาก หัวใจสะออนอ่อนแอ ขอเวลาฟื้นฟูแปบนะคะ เดี๋ยวจะเลิกมุ้งมิ้งฟุ้งฟิ้งละ 55555

เดี๋ยวจะมีกิจกรรมแจกหนังสือ Love, no boundaries Part Only You ที่หน้านิยายนะคะ คอยติดตามไว้เน้อออ ^^

ใครเจอคำผิดแจ้งกันได้นะค้า ตอมจะได้รีบแก้

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ พบกันอีกครึ่งนะคะ ^__^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-01-2016 21:13:26
หมอก็น่าจะลาดอยู่แล้วป้ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 17-01-2016 21:37:07
 :pig4: :pig4: :pig4: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 17-01-2016 21:41:26
พายุยังไม่จบ แค่คลื่นลมดูสงบลงสินะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 17-01-2016 21:46:57
เบื่อคนอ้อนเมีย

คุณหมอคะฝากตรสจดูเบาหวานด้วยคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-01-2016 21:55:33
ยังอยากให้แกล้งยักษ์เยอะๆ55555555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iammilk ที่ 17-01-2016 21:56:45
ิเอะอะชวนอึ๊บตลอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-01-2016 22:20:19
ใจแกว่งรอแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: oily61 ที่ 17-01-2016 22:30:06
หมั่นไส้ยักษ์เล็กๆ555  แต่อะไรคือจะเลิกมุ้งมิ้งหรือว่าจะมีมาม่ามาให้ท้องอืดอีกT^T
 ไงก็รอติดตามติดตามเพราะไม่อาจถอนตัวถอนใจจากพี่ยักษ์กะเอเลี่ยนน้อย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 17-01-2016 22:37:51
หมั่นไส้อิพี่ยักษ์ เชอะ กำพระแน่นมาก ตามคุณนักเขียน 5555+ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 17-01-2016 22:51:47
พี่ยักษ์ก็จับมือน้องแมทให้แน่นนะ อ้อนเยอะๆ ชอบ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 17-01-2016 23:04:45
ชอบตอนอ้อนเมียมาก แต่เหมือนจะมีอะไรๆหลังวิคเตอร์หายยังไงไม่รู้/กำพระแน่นมาก 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-01-2016 00:07:44
ต่างคนต่างบอบช้ำทางใจ หวานไปก่อนได้มั้ย อย่าเพิ่งมีอะไรมาให้จิตหลุดอีกเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 18-01-2016 00:19:09
รักคู่นี้ ดีกันน้าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-01-2016 00:33:41
มันต้องโอเคอยู่แระเนาะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 18-01-2016 00:50:51
วิค นายอาจเป็นโรคจิตนิดๆ นะ โรคติดแฟนอ่ะ ดูใจยังอ่อนแออยู่มาก จะกลับเมกาตามลำพังได้ไหมเนี่ย
ขอเวลาให้แมทหน่อย สะเทือนใจหนักมาก ที่จริงแมทมีปมเรื่องพวกนี้อยู่แล้วด้วย กว่าจะรักก็คิดนาน
รักแล้วยิ่งต้องคิดน้านนานไปอีก เข้าใจค่ะ ฝรั่วอ้อนแฟนมาก น่ารักดี

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 18-01-2016 01:38:29
โอยยยยยยย ยักษ์ขี้อ้อนมากหมันไส้
แต่ยักษ์ควรรักษานะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 18-01-2016 02:51:17
โอ้ยยยย หมั่นไส้ยักษ์  :z6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 18-01-2016 03:19:17
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-01-2016 03:32:08
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 18-01-2016 03:52:27
รู้สึกหลงพี่หมอ
คืองงตัวเองมาก 55555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 18-01-2016 07:30:18
หวานนานๆนะ

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 18-01-2016 07:47:43
หวานกับเมียโชว์หมอเลยน่ะพี่ยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JY_JRB ที่ 18-01-2016 09:13:23
ไม่ใช่ว่าปัญหาต่อไปคือนังพยาบาลชะนีน้อยคนนั้น?
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 18-01-2016 10:08:01
ปักไว้ก่อน^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 19-01-2016 00:19:27
 :impress3: เริ่มอ่านพาร์ท Only you และยังหมั่นไส้ตายักษ์อยู่เลยน่ะ เก๊กตลอด ทำน้องแมทเสียใจตลอด  :katai1: น่าตีจริง ๆ แมทนายต้องเข้มแข็งน่ะ ใช้ชีวิตให้สุขสุด ๆ ไปเลย เอาให้อีตายักษ์อึ้งไปเลยน่ะ
กลับไปอ่านต่อและรอรีปริ้นท์ต่อไป  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-01-2016 00:51:21
 :impress3: ตอนนี้อ่านถึงบทที่เก้าพาร์ทสองแหละ แบบพาร์ทนี้ทั้งหวานทั้งหื่นเลยน่ะ วิคเตอร์ดูเปลี่ยนไปเลย พอรู้ใจตัวเอง น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกก  :mew1: แต่ก้อสงสารแมทเหมือนกันน่ะ โดนตลอดน่ะ ไปอ่านต่อแหละ
ดีใจจังได้หนังสือด้วย ไรท์ใจอ่อนในที่สุด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 50%}:17.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: CattyMeawMeaw ที่ 20-01-2016 23:22:37
อยากรู้ปมของวิกเตอร์ ว่าทำไมถึงเป็นหนักขนาดนี้ เข้าขั้นจิตเบาๆ มันต้องมีอะไรเเน่ๆเลย อย่างงี้ไปเรื่อยๆต้องเริ่มหหวงนักขึ้นๆกะแมทเเน่ๆ หวงมันก็ดีนะ เเต่หวงปนจิตมันสะพรึง  :ling3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-01-2016 19:58:38



Only You EP.24 [100%]



วิคเตอร์ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะมาก นี่ถ้ากระโดดโลดเต้นได้ เขาคงกระโดดเหมือนกระต่ายในอลิซอินวอนเดอร์แลนด์ออกจากโรงพยาบาล หลังจากผมไปพบกับคุณหมอ เขาก็อนุญาตให้พ่อยักษ์อังกฤษกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ เวลานี้เรากำลังนั่งอยู่บนรถ มุ่งหน้ากลับไปแมนชั่นอันหรูหรา วิคเตอร์อุ้มผมนั่งตัก สองแขนโอบเอวผมไว้แน่น ผมเอาแขนซ้ายคล้องคอเขาไว้ ปล่อยให้เขาจุ๊บแก้ม จูบปาก จูบไปทั่วหน้า มีบ้างที่เขาขอให้ผมหอมแก้มเขากลับ


“คุณจะกลับนิวยอร์กเมื่อไหร่ ผมไม่ได้ไล่นะ แต่ทีมงานคงรอคุณอยู่” นี่เขาก็คงไม่ได้ไปถ่ายหนังมาตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้ว่าสี่วันที่ผ่านมามีคิวมากน้อยแค่ไหน ผมยังไม่ได้คุยกับคุณเบนเลยว่าจัดการเคลียร์เรื่องงานเขาไปเป็นไงบ้าง


“ไม่อยากกลับเลย” เขายกมือเสยเส้นผมที่ปรกหน้าผากผมอยู่ขึ้นไป ก้มหน้ากดจมูกแช่ไว้อย่างที่เขาชอบทำ


“คุณต้องทำงานนะ นี่คุณก็หนีงานมาสี่วันแล้ว” วิคเตอร์ถอนหายใจหน้าตาเซ็งๆ


“วิคเตอร์ อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิครับ ผมไม่อยากให้คุณถูกมองว่าเป็นนักแสดงไร้ระเบียบวินัยนะ ผมอยากให้คุณมีงานเยอะๆ มีคนจ้างมากๆ จะได้มีเงินมาเลี้ยงผมไง ไหนว่าจะเลี้ยงผมให้สบายไงครับ” ผมยิ้มเอาใจ ไม่ได้อยากเอาตัวเองมาเป็นตัวล่อหรือทำเหมือนว่าตัวเองสำคัญกับเขามาก แต่มันก็เป็นเหตุผลเดียวที่น่าจะได้ผลที่สุดกับผู้ชายขี้ดื้อและเอาแต่ใจอย่างเขา


“เลี้ยงนายสงสัยต้องใช้เงินเยอะน่าดู” เขายิ้มหล่อละมุนน่ามอง ทำเอาผมอดยิ้มกว้างตามไม่ได้


“นั่นแหละครับ คุณถึงต้องขยันทำงานนะ จะได้มีเงินมากๆ ผมจะได้ไม่อดตาย” ผมยื่นหน้าผากไปชิดกับหน้าผากเขา วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ใบหน้าอิดโรยของเขาสดชื่นขึ้นมากเลย เว้นเสียแต่ขอบตาที่ยังดำคล้ำอยู่ ให้เข้านอนเร็วหน่อยแล้วกันวันนี้


“ฉันทำเพื่อนายนะ ห้ามทิ้งฉันไปไหน” ผมดึงหน้าออกจากหน้าผากเขา คลี่ยิ้มบางพร้อมพยักหน้าแข็งขันเป็นเชิงยืนยัน


“มีแฟนรวยขนาดนี้ ผมจะทิ้งได้ไง ต้องหลอกเอาเงินเยอะๆ ก่อนสิ” เขาหัวเราะเสียงทุ้ม ก้มหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งที ผมหดคอหนีเพราะหนวดเขาทำจั้กจี้


“กลับถึงห้องต้องโกนหนวดอย่างแรกเลยเนี่ย” ผมเอาสองมือจับกรอบหน้าเขาไว้แล้วบิดไปมาเบาๆ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ปล่อยให้ผมบิดหน้าเขาไปมา



“ครับผม” ผมนั่งซบไหล่เขาไปตลอดทาง วิคเตอร์คอยจูบ คอยหอมหน้าผากผมเรื่อยๆ ความคิดไม่พึงประสงค์แล่นวาบเข้ามาในหัว ผมหลับตาแล้วสลัดมันทิ้ง บอกกับตัวเองว่าอย่าคิดอะไรเยอะ สภาพเขาที่เป็นอยู่ก็แย่พอแล้ว


“พรุ่งนี้ไปทำบุญกันมั้ย” ผมถามเสียงแผ่ว ยังคงนอนซบไหล่กว้างของเขา


“ทำบุญเหรอ” ผมพยักหน้าลงหนึ่งที


“ใช่ครับ เป็นความเชื่อของคนไทยน่ะ ว่าถ้าไม่สบายใจให้เข้าวัดทำบุญ”


“บอกแล้วไง แค่มีนายฉันก็สบายใจที่สุดแล้ว” ผมคลี่ยิ้มอ่อนโยน


“แต่คนไทยมีความเชื่อว่าถ้าตักบาตรร่วมกัน หมายถึงว่า ถ้าเราทำบุญด้วยกัน เราจะคู่กันตลอดไปนะ”


“งั้นไปทำกัน” ผมแอบยิ้มขำ เขาตอบทันทีพร้อมกับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น กดจมูกลงกลางกระหม่อมแบบที่เขาชอบทำกับผมแล้วกระซิบเสียงทุ้ม


“You are my life. (นายคือชีวิตฉัน)” ผมยิ้ม เกิดน้ำตาคลอขึ้นมาซะงั้น ความซาบซึ้งตรึงใจนั้นมีแน่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมน้ำตาคลอคือความหมายในประโยคนั้นต่างหาก


ความโดดเดี่ยวและอ้างว้างของผู้ชายคนนี้…



ออสตินส่งเราเสร็จก็ทำท่าว่าจะกลับไปพักที่โรงแรม แต่วิคเตอร์บอกให้เขาพักด้วยกันที่แมนชั่น เนื่องจากมีเขาอยู่ด้วยเลยไม่ได้กังวลอะไร ออสตินแยกไปเข้าห้องพักอีกห้องซึ่งเป็นห้องนอนของเขาอยู่แล้ว ส่วนผมพาวิคเตอร์เข้าห้องนอนใหญ่ จัดการถอดเสื้อผ้าให้เขาจนเปลือยเปล่า


“นายก็ถอดด้วย” ผมถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือยเหมือนเขา วิคเตอร์ช้อนตัวผมขึ้นแล้วพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ จับผมวางบนขอบอ่างล้างหน้าหินอ่อนสีเข้ม ผมจัดการหยิบโฟมโกนหนวดขึ้นมาบีบใส่มือแล้วโปะลงบนหนวดเคราดกหนา หยิบเครื่องโกนหนวดขึ้นมาจัดการถูไถหนวดเขาออก แต่ไม่ได้เอาออกจนเกลี้ยง เพราะวิคเตอร์ไม่ชอบ อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าไอ้โกนแบบไม่เกลี้ยง โกนครึ่งๆ กลางๆ นี่เป็นอะไรที่ทำยากมาก เอาออกหมดก็ไม่ได้ เหลือเยอะก็ไม่ได้ ต้องมือเบาจริงๆ เพราะไม่งั้นทำหนวดเขาแหว่งอีก


“เสร็จแล้วครับ หล่อขึ้นเยอะเลย” เขายิ้มกว้างเหมือนเด็กดีใจ ผมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดโฟมออกจากหน้าเขาจนหมด เผยให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลา แต่ยังมีความหยาบกร้านเพราะขาดการบำรุงอยู่ มันก็ไม่ได้หยาบจนน่ากลัว แค่มันดูแห้งเพราะขาดน้ำ คิดว่าดื่มน้ำเยอะๆ บำรุงครีมมากๆ คงกลับมาชุ่มฉ่ำตามเดิม


“อาบน้ำ…” เสียงผมขาดหายไปตอนเขาพุ่งเข้ามาจูบปิดปาก เขาดูดดึงขบเม้มแผ่วเบา สองมือเขาลูบไปทั่วตัวผม จังหวะที่ลิ้นเขาเข้ามาแตะลิ้นผม ภาพเขาจูบกับอันเดรียนาก็พุ่งวาบเข้ามา


“อย่าเลยครับ…” ผมดึงหน้าหนี แต่วิคเตอร์ตามมาหอมแก้ม สองมือก็ไม่หยุดลูบตัว ภาพที่เขาเดินหายเข้าไปในอพาร์ทเม้นต์ของอันเดรียนายังชัดเจนในสมอง


“วิคเตอร์…”


“…อย่าคิดมากน่า” เขาเริ่มไซ้คอผมแรงขึ้น สองมือเปลี่ยนมาจับมือผมที่พยายามดันตัวเขาออก ผมหลับตาแน่น พยายามบอกตัวเองให้ทำตามที่เขาบอก


แต่มันยิ่งแย่เข้าไปอีก เมื่อผมดันคิดไปถึงภาพระหว่างเขากับอันเดรียนาบนเตียง


“ไม่ อย่าดีกว่า ผม…” เขาดันตัวผมไปติดกับกระจกตรงล้างหน้า กดข้อมือผมไว้เหนือหัว ตรึงแน่นไว้กับกระจก พยายามฉกจูบผมไม่หยุด ด้วยความกลัว ความระแวงที่ยังมีอยู่ ทำให้ผมเกิดการต้านขึ้น


“I said NO! (ผมบอกว่าไม่ไง!)” ผมว่าเสียงกระแทก แทบจะเป็นตะคอก อารมณ์แฝงไปด้วยความฉุนเฉียว วิคเตอร์ขมวดคิ้วแน่น มองผมด้วยความผิดหวังและความไม่เข้าใจ สองมือที่กข้อมือผมไว้คลายออก ผมดึงมือลง ผลักอกเขาออกไป เลื่อนตัวลงจากอ่างล่างหน้า เดินผ่านเขาออกไปนอกห้องน้ำ พยายามไม่สนใจสายตาตัดพ้อที่เขามองมา


ผมเดินออกมานั่งสงบสติอารมณ์บนเตียง วิคเตอร์ไม่ได้เดินตามออกมา ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว ตอนนี้สติผมกำลังรวนตีกันวุ่นวายไปหมด มันทำใจยากจริงๆ ผมรู้ว่าไม่ควรคิดไปเอง แต่ภาพในข่าวมันยังติดตาผมมาก ผมถอนหายใจ นั่งหลับตา ปล่อยความคิดไหลวนไปในหัวอย่างเชื่องช้า


เขาไม่มีอะไรกัน เขาไม่มีอะไรกัน วิคเตอร์เองก็เสียใจมากพอแล้ว



ผมพร่ำบอกตัวเอง ลืมตาขึ้นมา นั่งเหม่อกับตัวเอง ผมหันไปมองทางห้องน้ำ ไม่มีเสียงใดๆ หรือการเคลื่อนไหวใดๆ ออกมาให้ได้ยิน เสียงของคุณหมอดังขึ้นมาในหัว


“เขาติดคุณมากนะครับ เรียกได้ว่ายึดติดเลยก็ว่าได้…” คุณหมอยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าลำบากใจ


“…ถ้ามันอยู่ในระดับที่พอดีก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามันมากไป หมอเป็นห่วง กลัวเขาจะใช้ชีวิตลำบาก”


“หมอหมายถึงในทางศาสนาด้วยรึเปล่าครับ ที่เขายึดติดไม่ปล่อยวาง” ผมถามอย่างเป็นห่วง คุณหมอพยักหน้านิดหนึ่ง


“จะพูดแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ คือเรื่องแบบนี้มันพูดยากว่าอะไรดีหรือไม่ เรื่องความรู้สึกทางใจ ถือว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน”


“แล้วสรุปว่าเขามีอาการทางจิตมั้ยครับ เป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า”


“อาการทางจิตที่เขาเป็น ไม่ใช่จิตน่ากลัวอะไรนะครับ แค่ยึดติดกับสิ่งหนึ่งมากไป จนบางทีจิตอาจอ่อนแอได้ถ้าสิ่งที่เขายึดไว้หายไป ส่วนโรคซึมเศร้าก็อาจจะเสี่ยงเป็นถ้าสิ่งนั้นหายไป”


“เขาต้องพบจิตแพทย์หรือเปล่าครับหมอ” ผมถามเป็นกังวล คุณหมอส่ายหัวเบาๆ


“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้ครับ ดูๆ แล้วเขายังปกตินะ แค่อาจจะจิตอ่อนไหวตอนเศร้ามากไป หมอว่าเขาแค่สุดโต่งกับความรู้สึกตัวเองมากไปน่ะครับ อารมณ์ว่าถ้าให้โดดบันจี้จั๊มพ์ คนๆ นี้ก็จะเฉยมากๆ”


“แล้วแบบนี้ต้องรักษามั้ย หรือมีวิธีรักษาหรือเปล่าครับ” คุณหมอยิ้มอ่อนโยน


“ก็อย่างที่เขาบอกนั่นแหละครับ คุณคือยารักษาที่ดีที่สุด”



ผมถอนหายใจยาวๆ หลับตาลง ไล่อาการสติแตกของตัวเองออกไป ผมลุกขึ้นยืนพร้อมลืมตาขึ้น หมุนตัวเดินกลับไปทางห้องน้ำ วิคเตอร์นั่งก้มหน้าคอตกอยู่บนอ่างล้างหน้าที่เดิมที่ผมนั่งเมื่อครู่ ใบหน้าเขาเหงาหงอย เขาแค่นั่งนิ่งๆ สายตามองพื้นกระเบื้องหยาบสีดำในห้องน้ำ เหมือนเขากำลังจมอยู่กับความคิดอะไรสักอย่าง


“Giant.” ผมเรียกเขาเสียงเบา วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมอง สายตาที่มองมานั้นแสนอ่อนไหว ผมเดินเข้าไปยืนระหว่างขาเขา ใช้มือซ้ายเปิดผมยุ่งเหยิงที่ปรกหน้าผากเขาอยู่ ยื่นหน้าไปจูบหน้าผากเขาแผ่วเบา


“ผมขอโทษ” เราสบตากัน ผมยิ้มอ่อนโยน วิคเตอร์มองผมเหมือนไม่แน่ใจ แววตาเขายังคงไหวระริก ใบหน้ามีแววหม่นหมอง ผมยกสองแขนโอบรอบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขา เอาคางเกยไหล่ซ้ายเขาไว้ วิคเตอร์ยกสองมือกอดผมแน่น แล้วกดคางลงบนไหล่ซ้ายของผม


“ผมแค่สติแตก ขอเวลาผมหน่อยนะ ผมขอโทษที่เกิดมาคิดมาก แต่เพราะผมรักคุณมากนะครับ” เขากระชับอ้อมกอดขึ้นอีกนิด


“ฉันก็รักนายมากเหมือนกัน” ผมยิ้มบาง มือซ้ายลูบหลังเขาไปมา มือขวายกขึ้นมาลูบหัวเขาแผ่วเบา


“อาบน้ำกันดีกว่า จะได้นอนพักผ่อน”


“เบื่อนอนแล้ว”


“ไม่อยากนอนกอดผมเหรอครับ”


“ไม่เบื่อแล้วก็ได้” ผมหัวเราะเบาหวิว ผละออกจากไหล่เขา หอมแก้มซ้ายเขาไปหนึ่งที วิคเตอร์เลยหอมแก้มซ้ายผมกลับมาบ้าง เขายังคงมองผมด้วยสายตาระแวดระวัง


“ไปครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำให้” เขาเลื่อนตัวลงจากขอบอ่างล้างหน้า เดินตามผมไปที่ห้องอาบน้ำกระจก สายตามองผมไม่คลาดสายตา


เราอาบน้ำด้วยกัน วิคเตอร์ก็ลวนลามผมนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาคนขี้หื่น ลูกชายเขาตื่นขึ้นมานิดหนึ่ง (ยังไม่แข็งแรงมาก) แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าหอมแก้ม หอมหน้าผาก จูบปากผมไปตลอดการอาบน้ำ สองมือเขาจับเอวผมไว้ตลอดเวลา สายตาก็มองผมแทบไม่กระพริบ ท่าทางเขาสดชื่นขึ้นมาบ้างเมื่อได้อาบน้ำ มันคงต่างจากการเช็ดตัวเยอะเลย


“อย่าเช็ดตรงนั้นนาน…” เขาขบกรามแน่นยามที่ผมใช้ผ้าขนหนูเช็ดกลางลำตัวที่แข็งอ่อนๆ ของเขา ผมยิ้มขบขัน เลื่อนไปเช็ดบริเวณอื่นจนตัวเขาแห้ง


“ใส่เสื้อผ้านอนมั้ย” ผมโยนผ้าขนหนูไปพาดกับโซฟาสีขาวมุกในห้องนอน วิคเตอร์ส่ายหัวแล้วจูงมือผมขึ้นเตียง เขาชอบใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นนอนหรือบางครั้งก็ไม่ใส่อะไรเลย ตอนแรกผมว่าเขาโรคจิต แต่เขาเถียงว่ามันทำให้สบายตัว ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เขาว่า มันโล่ง ไม่อึดอัด แถมผมยังเคยอ่านเจอว่าช่วยทำให้หน้าท้องลดด้วย


เขาให้ผมนอนก่อน แล้วเขาถึงตามมานอนกอดร่างผมอีกที เอาหัวหนุนอก เอาขาขวาก่ายผมไว้ ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเราสองคน ผมยกแขนขวาโอบเขาไว้ แขนซ้ายยกมาลูบลำแขนหนาของเขา กดจูบลงบนเรือนผมที่หอมฟุ้งเพราะเพิ่งสระใหม่ วิคเตอร์ถูแก้มอ้อน ผมกดคางลงบนศีรษะของเขา สองแขนโอบร่างเขาเอาไว้


“ถ้าตื่นก่อนผมแล้วหิวข้าว ปลุกผมนะครับ” วิคเตอร์รับคำอือออ เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ผมมองงง เขายื่นหน้ามาหอมแก้มสองข้างของผมดังฟอด


“ถ้านายตื่นก่อนก็ปลุกฉันนะ อย่าทิ้งฉันไว้บนเตียงคนเดียว” ผมยิ้มละมุน พยักหน้ารับคำของเขา กดจูบลงบนหน้าผากอีกฝ่าย วิคเตอร์หลับตาพริ้มและยิ้มแป้น พอลืมตาขึ้นมาเขาก็มองผมตาแป๋ว


“อะไรเหรอครับ”


“ฉันมีแค่นายคนเดียวจริงๆ นะ” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก วิคเตอร์มองผมอย่างใสซื่อ


“ผมรู้แล้ว ผมเชื่อคุณ” เขากดจูบลงบนอกเปลือยของผม ก้มมองนิ่งค้างครู่หนึ่ง


“อ้า นมนายใหญ่ขึ้นนี่” ว่าแล้วยังมีการก้มลงดูดนมผมเล่นอีกต่างหาก เล่นเอาเสียววูบไปถึงใต้รักแร้เลย


“ก็ไปฟิตเนสมานี่ครับ กล้ามเนื้อมันก็ต้องพัฒนาขึ้นบ้าง” ผมย่นคิ้วเพราะความเสียวยามที่เขาขบกัดหัวนม


“อย่าใหญ่เกินฉันล่ะ แต่เอาเพิ่มอีกนิดก็แล้วกัน” พูดไปก็ดูดนมผมไป ผมนี่เสียวจนขนลุกแล้ว ได้แต่ครางอือในลำคอ


“วิคเตอร์ พอแล้ว นอนสิครับ” เขายิ้มทั้งที่ฟันยังกัดนมผมไว้อยู่ ผมหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะรู้สึกเสียวสยิว เขายอมละออกจากหน้าอกผมไป เอาแก้มแนบไปกับอกผมอีกครั้ง มือขวาผมสางเส้นผมเขาเบามือ มือซ้ายจับแขนขวาเขาไว้


ผมกดหน้าลงมองพ่อยักษ์โข่งแล้วก็คลี่ยิ้มออกมา เขาหลับตาพริ้ม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ อายุไม่ใช่น้อยๆ แต่เขายังเหมือนเด็กไม่มีผิด ท่าทางว่าตอนแม่กับย่าเขาอยู่คงขี้อ้อนน่าดู สงสัยจังว่าช่วงที่เขาเสียทั้งแม่และย่าไป เขาอ้อนใคร คงเคว้งไปพักใหญ่เลยมั้ง ผมคงย้อนไปดูเขาในช่วงเวลานั้นไม่ได้ ที่ทำได้ตอนนี้คือเป็นคนให้เขาอ้อนอย่างที่เขาชอบนี่แหละ


 :hao7:

เป็นช่วงเวลามุ้งมิ้งอ้อนเมียเนอะ เพิ่งพ้นผิดมาหมาดๆ ทำตัวน่ารักๆ ไว้ก่อน รออีกสักพักเถอะ (อ้าว! 5555555)

คนอ่านบอกว่า เนื้อเรื่องอะไม่เท่าไหร่ แต่อีเจ้คนเขียนเนี่ย ชอบทำตัวให้ชวนกำพระแน่นมาก 555555 แหมมม ต้องสร้างกระแสนิสนุงงง

พรีออเดอร์ You and I ตอนนี้มีรอบสองแล้วนะคะ เผื่อบางคนสนใจ ตามไปอ่านรายละเอียดที่โพสปักหมุดหน้าเพจได้เลยค่ะ รอบนี้คิดว่าสุดท้ายละ ไม่รีอีกละล่ะ ที่รีเพราะมีแอคซิเดนท์หนังสือตกหล่นจากรอบก่อนค่ะ บวกกับมีคนมาถามเยอะพอสมควรเลยเปิดอะเน้อ

เดี๋ยวจะมีกิจกรรมแจกหนังสือพาร์ท Only You หน้านิยายนะคะ รวมทั้งคนที่อ่านคมเขี้ยวเรียวจันทร์ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับหนังสือพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนพาร์ทสองฟรีหนึ่งชุดดด ติดตามรายละเอียดไดว้ค่าาา

เจอคำผิดบอกได้เลยนะคะ จิได้รีบแก้ค่าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 21-01-2016 20:30:39
“You are my life. (นายคือชีวิตฉัน)”  งืออออออออออออ   หวานมากกกกกกกก  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 21-01-2016 20:39:28
ค่อยๆ สู้ไป ทั้งสองคนต่างมีจุดอ่อนกันคนละด้าน ต้องสตรองให้มากๆ นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-01-2016 20:45:23
เด็กน้อยต้องกินนมก่อนนอน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-01-2016 20:52:41
เจอท่อนนี้เข้าไป  >เป็นช่วงเวลามุ้งมิ้งอ้อนเมียเนอะ เพิ่งพ้นผิดมาหมาดๆ ทำตัวน่ารักๆ ไว้ก่อน รออีกสักพักเถอะ
เดี๋ยวจะไปเช่าพระมาให้หมดท่าพระจันทร์เลยเอ๊า แค่กำไม่พอคงต้องปั่นแล้วอาบเลยมั้งเนี่ย
นี่ไอ้ยักษ์ยังไม่เข็ดอีกเหรอไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 21-01-2016 21:44:27
รอตอนต่อไปข่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 21-01-2016 21:47:54
แอบสงสารอยู่นะ แต่ก็ไม่รู้จะว่าไงดี รับกรรมที่ทำไปแล้วกันนะยักษ์ หุหุ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-01-2016 22:06:16
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 21-01-2016 22:40:09
โดนลงโทษหนักมาก  55555 หงอยหนักมากด้วย ทุกคนต้องเรียนรู้ ต่อไปคงดีขึ้นเอง
แต่กลัววิคเตอร์เป็นประสาทก่อนนะ โรคยึดติดแมทเนี่ย เวลาอ้อนเมียนี่โคตรน่ารัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 21-01-2016 22:41:25
อ้อนใหญ่เลยนะยักษ์ :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-01-2016 22:46:50
วิคเตอร์หายไวๆ เน้อออ จะได้มีแรงอ้อนเมียต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-01-2016 23:22:10
น่าสงสารแหะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 21-01-2016 23:41:05
เราว่าสองคนนี้ควรพบจิตแพทย์บ้าง
อีกคนขี้กังวล อีกคนชอบยึดติดมาก
จะได้พลาวๆ แล้วโชว์หวานได้เต็มที่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-01-2016 00:25:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 22-01-2016 01:17:19
น่ารักๆๆๆ รอตอนต่อจ้า :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 22-01-2016 02:21:43
โอ๊ยยยยย ไม่อยากจะคิดถึงดราม่ารอบหน้า
ขุ่นเจ้ใจเย็นๆนะคะ ขอncปลอบใจคนอ่านซักตอนก่อน
แล้วค่อยไปกำพระแน่นมากกันต่อนะ 5555555 :m20:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: CIndY59 ที่ 22-01-2016 15:28:47
เพิ่งอ่านตามทัน...
ชอบเนื้อเรื่อง แล้วก็ภาษาการบรรยายของคนเขียนมากค่ะ
แบบให้ฟิลเป็นนิยายต่างประเทศดี เหมือนได้ไปอยู่แอลเอ อิอิ

ตามความรู้สึก สองคนนี้ก็คล้ายกันนะ
เเมทเองก็เป็นพวกรักฝังใจ แน่นเหนียวและทนทาน
พอมาเจอกับวิคเตอร์ที่ขาดๆ ยังยึดกับคนที่รัก ก็เลยเหมือนเติมกันเต็ม

เวลาอ่านไปก็จะรู้สึกเหมือนเราเป็นเพื่อนสนิทของแมท
สุขทุกข์ไปกับนาง หลงรักวิคเตอร์ไปพร้อมกับนาง
แต่อิตาวิคนี่ก็เทพบุตรซาตานจริง ทั้งมีเสน่ห์ เร้าร้อน พร้อมแผดเผาให้มอดไหม้ (ผัวอิแมทเค้า อย่าออกตัวเเรง : เสียงตะโกนจากคนเขียน)
ตอนนี้รู้สึกเหมือนอยู่รถไฟเหาะตีลังกา ที่เราไม่รู้ว่าคนเขียนจะเหวี่ยงเราไปสู่อารมณ์ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ อารมณ์เดียวกับแมทที่ชอบเซ็กซ์ของพ่อยักษ์อ่ะ ถึงจะเจ็บแต่มันถึงใจดี 555 (มาโซตามแมท)


เขาว่าพวกเจ้าชู้นี่จะขี้หวง วิคเตอร์นี่ตอบได้ชัดเจนมาก หวงมากจริงๆ
เหมือนพวกเจ้าชู้เขาจะรู้ จะแอบนอกใจเเบบไหน อารมณ์แบบไหนที่จะเผลอใจ
แมทเลยโดนดักทุกทาง สวยมากค่ะ 5555

ปล.อิแมทค่ะ ไปทำบุญเยอะๆนะค่ะลูก ชีวิตดูมีบุญพร้อมมีเจ้ากรรมนายเวรตัวใหญ่ยักษ์กว่าคุณมัดตามมา 55
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 23-01-2016 02:40:53
 :mew1: ในที่สุดเราก้อตามทันแล้ว ดีใจจังเลย  :impress3: แต่พอตามทันก้อต้องรอใจคนเขียนแหละว่าจะมาเมื่อไหร่  :katai1: เรื่องนี้ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จ้ะ อ่านแล้วอินไปกับเรื่องราวมาก ๆ ชอบที่เหตุการณ์เกิดในต่างประเทศ ไรท์ทำการบ้านมาดีมาก ๆ เลยน่ะ ทำให้คนอ่านรู้สึกได้ความรู้ไปด้วยน่ะ และถามว่าอืดไหม ไม่อืดเลยจ้ะ เรากลับรู้สึกว่าชอบน่ะมันได้ซึมซับความรู้สึกรักที่เกิดขึ้นระหว่างวิคเตอร์กับแมท อ่านจนเหมือนเป็นติ่งของแมทไปแล้วน่ะ ตอนอ่านแต่ละตอนที่วิคเตอร์เผลอใจไปกับผู้หญิงนี่แบบขนลุกตัวชาวาบเสมือนเป็นตัวแมทเองเลยน่ะ  :sad4: เราเข้าใจวิคเตอร์น่ะว่าตลอดมาเขาใช้เซ็กเป็นการบำบัดจิตใจของเขาอย่างนึง (ซึ่งประเด็นกับการตายของแม่เขาและอดีตของเขานั้นเราได้แต่คาดเดาน่ะ รอตอนต่อไปคงได้รู้แน่ ๆ ) และอีกอย่างตัววิคเตอร์ก้อไม่ใช่เกย์ด้วยน่ะ แถมยังอยู่ในวงการแบบนี้อีกสิ่งล่อใจมันเยอะ และตัวเขายังยึดตัวเองเป็นหลักอีก ถึงแม้จะรู้ว่าทำแบบนี้แมทเสียใจแน่  ๆ แต่มันก้อห้ามตัวเองยากน่ะ เหตุการณ์ล่าสุดคงเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับวิคเตอร์มาก ๆ อยากได้อ่านมุมของวิคบ้างน่ะ ว่านาทีที่ได้รู้ว่าแมทรู้หมดจะเป็นอย่างไรน่ะ งานนี้แมทคงต้องทำหน้าที่เป็นจิตแพทย์อย่างหนักเลยน่ะ ส่วนประเด็นการหลับนอนกับอันเดรียนานั้นเราว่าคงไม่ได้นอนหรอก เพราะก่อนไปวิคเตอร์ก้อไม่คิดจะนอนอยู่แล้ว ๆ อีกอย่างวิคเตอร์เป็นคนปากกับใจตรงกันเขาต้องไม่โกหกเรื่องนี้แน่ ๆ มีสองอย่างคือพูดกับไม่พูดเท่านั้น คือถ้าจะเก็บเป็นความลับก้อต้องปิดไปเลย แต่ถ้าต้องพูดก้อจะพูดหมด ก้ออยู่ที่ตัวเขาแล้วว่าจะทำอย่างไรกับความไว้วางใจที่เสียไปของแมทน่ะ  :m16: ดีใจที่ไรท์เปิดพรีรอบพิเศษอีกรอบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 24-01-2016 01:27:58
เพิ่งได้เข้ามาครั้งแรกค่ะ
สนุกจนต้องอ่านเรื่อยๆ

สงสารแมททำใจไม่ค่อยได้กับพี่ยักษ์
 ต่อีกใจก็สงสารพี่ยักษ์ด้วย เฮ้ออออ

รอติดตามตอนต่อไปค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.24 100%}:21.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 27-01-2016 16:44:43
เพิ่งตามอ่าน
ประทับใจ ติดใจ ชอบใจมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 28-01-2016 14:54:11



Only You EP.25 :: The Wall [100%]




   เช้าตรู่วันต่อมาผมก็พาวิคเตอร์ไปทำบุญตักบาตรที่วัดแห่งหนึ่ง ผมเลือกวัดธรรมดาๆ ไม่ได้โด่งดังอะไร เลือกเอาวัดที่แม่กับพ่อชอบพาผมไปทำบุญบ่อยๆ ไม่อยากให้เขาเจอคนพลุกพล่าน อีกอย่างผมรู้สึกว่าวัดที่ให้ความรู้สึกว่าเข้าวัดจริงๆ นั้นเดี๋ยวนี้มีน้อย ผมเห็นวัดเดี๋ยวนี้บางวัดอย่างกับสถานที่ท่องเที่ยว ผมอยากพาเขาไปวัดที่เป็นวัดปกติจริงๆ
   

“กรวดน้ำ รับพรนะโยม” พระท่านบอกหลังจากผมกับวิคเตอร์ตักบาตรสำหรับอาหารเช้า พร้อมกับถวายสังฆทาน ถวายดอกไม้ธูปเทียนให้ท่าน กับข้าวมื้อนี้ผมลงมือทำเอง มีวิคเตอร์คอยป่วนอยู่ในครัวใกล้ๆ กอดเอวคลอเคลียไม่ยอมไปไหน ไล่ให้ไปนั่งที่อื่นก็หน้างอ หาว่าผมยังโกรธเรื่องอันเดรียนาอีกตามเคย
   

คือตูจะทำกับข้าวมั้ย ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลยเหวย มากอด มาเกาะเกี่ยว ใครมันจะไปทำถนัด
   

“เขาร้องเพลงให้เราฟังทำไม ฉันเห็นเขาร้องหลายเพลงมาก” ผมเกือบจะขำพรืดออกมา วิคเตอร์ถามหน้าซื่อตาใส จับมือผมกรวดน้ำจนเสร็จ ผมพาเขายกมือไหว้เพื่อรับพรจากพระ เขาก็ทำตาม นั่งหน้าหล่อมึนๆ มองหน้าพระอย่างสนอกสนใจจนกระทั่งพระท่านให้พรเสร็จ ผมก็ยกมือไหว้จรดหน้าผาก วิคเตอร์ทำตามบ้าง แต่ยกสูงกว่าผมมาก
   

“พี่ชายเหรอ” พระอาจารย์ยิ้มอบอุ่น เอ่อ ถ้าโกหกพระนิดหน่อยนี่บาปขนาดไหนกัน คือพระอาจารย์ท่านนี้รู้จักกับแม่ผม ถ้าตอบว่าแฟนก็เบิกเนตรพ่อกับแม่ชัดเจนเลยสิ ทุกวันนี้พ่อก็ทำท่าเหมือนจะรู้เรื่องผมกับวิคเตอร์ยังไงชอบกล
   

“เจ้านายที่ต่างประเทศครับ พอดีเขามาพักผ่อนที่ไทย เลยพาเขามาทำบุญ” พระอาจารย์ทำหน้าว่าเข้าใจ ท่านชวนคุยอีกนิดหน่อย แล้วผมก็ปล่อยให้ท่านฉันท์เช้าตามวิถีของพระ พาวิคเตอร์ออกมานอกศาลาวัด
   

“นี่ๆ แล้วเมื่อกี้ที่พระเขาร้อง ชื่อเพลงว่าอะไรเหรอ” ผมหัวเราะ วิคเตอร์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย หน้าตาเขาตอนนี้อย่างกับเจ้าหนูทำไม
   

“เปล่าครับ เป็นบทสวดมนต์ คนไทยเชื่อว่านั่นคือพรอันศักดิ์สิทธิ์ ได้ฟังแล้วจะมีแต่ความสุข”
   

“จริงอ้ะ” เขามองผมตาแป๋ว
   

“จริงสิครับ คุณฟังแล้วไม่มีความสุขเหรอ” วิคเตอร์ย่นคิ้ว ทำปากยื่น ส่ายหัวไปมา
   

“ฟังไม่รู้เรื่อง แต่มีความสุขที่ได้มาฟังกับนายนะ” ผมยิ้มกว้าง วิคเตอร์เลยยิ้มกว้างตาม ขอบตาคล้ำของเขาเริ่มจางลงมาก ใบหน้าไม่หมองคล้ำเท่าสองวันก่อน
   

“ดีแล้วครับ จะได้กลับไปทำงาน” เขาทำหน้ายู่ทันทีที่ผมพูดถึงเรื่องงาน
   

ออสตินรออยู่ที่รถ ผมกับวิคเตอร์เปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหลัง ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก เพราะผมพาเขามาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่หมด ผมให้แม่โทรนัดพระอาจารย์ไว้ให้ก่อน ท่านเลยรอรับอาหารจากผมทีเดียว กว่าจะปลุกพ่อยักษ์ขี้เซาได้ ต้องดุพร้อมกับฉุดกระชากลากถูให้ลุกจากเตียงกันไปหลายรอบ
   

“อยากไปไหนก่อนมั้ยครับ หรือจะกลับห้องเลย” เขาส่ายหัวหน้าเซ็ง
   

“ไม่ไป วันมะรืนนายจะให้ฉันกลับแล้วนี่” เขาทำหน้างอน ผมแอบเช็กตั๋วเครื่องบินสำหรับบินกลับอเมริกาให้เขาไปแล้ว วันนี้คงทำเรื่องจองให้เขา เครื่องบินเจ็ทที่เขานั่งมา นักบินพากลับไปเรียบร้อยเพราะวิคเตอร์จ้างแค่ขามาเท่านั้น และถึงเขาจะอยากจ้างขากลับด้วย ผมก็มองว่ามันไม่จำเป็น กลับแบบปกติก็ได้
   

“คุณต้องทำงานนะครับ” เขาถอนหายใจ ยื่นสองแขนมาอุ้มผมไปนั่งไว้บนตัก เอาหน้าซุกอกผมไว้ ผมยกมือขวาขึ้นลูบหัวเขา มือซ้ายลูบหลังเขาแผ่วเบา ผมยิ้มเอ็นดูให้กับเด็กชายวิคเตอร์ เรย์มอนด์
   

ช่วงก่อนเขาจะบินกลับ เขาไม่ไปไหนเลย เอาแต่ขลุกอยู่กับผมในห้อง เวลาตัวเองง่วงนอนก็ชอบลากผมไปนอนด้วย ทั้งที่ผมอยากทำงานของตัวเองที่อาจารย์ทั้งหลายสั่งมาอย่างกับผมจะจบปีหน้าให้เสร็จ เขาอ้อนให้ผมไปนอนเป็นเพื่อน อยู่เป็นเพื่อนแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง จะเข้าห้องน้ำยังจะต้องลากผมไปด้วย ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบนี้ แต่พอคิดถึงคำพูดของหมอว่าช่วงนี้เขาจะยังมีอาการจิตตก จิตอ่อน ต้องการหาที่ยึดไว้ ก็เลยต้องตามใจไปก่อน นี่ผมมีแฟนหรือมีลูกก็ไม่รู้


วิคเตอร์ดื้อไม่อยากกลับ คุณเอมิลี่โทรมาตามผ่านผมว่าให้เขากลับไปทำงาน แต่ไอ้ยักษ์ขี้ดื้อก็รั้นจะอยู่ไทยต่อให้ได้ทั้งๆ ที่ผมจองตั๋วให้เขาเรียบร้อยแล้ว
   

“นายกลับด้วยกันสิ!” เขาว่าหน้าบูดหน้าบู้ แถมยังพยายามปล้ำผมอีก เพราะผมไม่ยอมมีอะไรกับเขา ผมไม่ได้เล่นตัว เพราะยังไงนี่ก็ผัว เอ้ย แฟน แต่ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของสมอง มันยังไม่ยอมสลัดภาพอันเดรียนากับเขาหายขึ้นไปบนแมนชั่นด้วยกันสักที
   

“จะกลับไปด้วยได้ยังไงครับ ผมยังเรียนหนังสืออยู่นะ”
   

“เลิกเรียน ไม่ต้องเรียนแล้ว ฉันเลี้ยงเอง” บ๊ะ! บักห้าหนิ! พ่อกับแม่ได้เอาขวานจามหัวผมแบะน่ะสิ
   

“จะบ้าเหรอครับ เรียนมาตั้งขนาดนี้ อยู่ๆ ก็หนีตามผู้ชายไปซะงั้น พ่อกับแม่ผมคงดีใจนักหรอก” เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด กอดอกเหมือนเด็กเอาแต่ใจ เรื่องเอาแต่ใจผมเริ่มจะชิน แต่ไอ้ท่าทีเหมือนเด็กนี่คืออะไร จะว่าน่ารักมันก็น่ารักนะ แต่พอมองหน้าหนวดๆ นั่นก็อดยิ้มขำไม่ได้
   

“ขำอะไร” เขาถามเสียงสะบัด หน้าตางอง้ำ ผมยิ่งฉีกยิ้มกว้างกับท่าทีเด็กๆ ของเขา
   

“คุณโตกว่าผมอีก ทำตัวเป็นเด็กไปได้” เขาพุ่งตัวเข้ามากอดผมจนล้มลงไปบนเตียง พอขึ้นคร่อมร่างผมได้ก็ระดมจูบไปทั่วหน้า แล้วก็ซุกไซ้ซอกคอไปเรื่อย
   

“ฉันเป็นแค่กับนายคนเดียว” เขาเลียลิ้นไปตามซอกคอ เล่นเอาผมแอ่นตัวรับเสียววาบ สองมือเขาสอดเข้าไปในเสื้อ เลื่อนไปบีบหน้าอกทั้งสองข้างรุนแรง
   

“วิคเตอร์ ไม่เอา” ผมยกมือดันไหล่ทั้งสองข้างของเขา วิคเตอร์จับข้อมือผมกดลงบนเตียงแน่นแล้วไซ้คอผมหนักหน่วง
   

“ขออึ๊บก่อนรอบนึงสิแล้วจะยอมกลับ” เขาว่าเสียงกรึ่ม มัวเมากับการดูดซอกคอผมไม่หยุด
   

“ไม่… วิคเตอร์ บอกว่าไม่ไง!” ผมเริ่มดิ้นสู้ วิคเตอร์ส่งเสียงคำรามขัดใจ แต่เขาก็ไม่หยุดซุกไซ้ แถมยังเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นด้วย ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นตอนที่เขาขบกัดลงบนซอกคอ
   

“ครางสิ…” เขาว่าเสียงแหบ แต่ผมไม่ทำ สองมือกำแน่น ทั้งตัวแข็งทื่อไปหมด วิคเตอร์ก็ไม่ยอมเช่นกัน เขาจัดการดึงเสื้อยืดของผมออกจากตัวอย่างทุลักทุเลเพราะผมฝืนตัวไว้และพยายามดิ้นสู้ แต่แรงเขาเยอะกว่าผมอยู่แล้วการดิ้นของผมเลยไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา มือขวาข้างเดียวก็กดข้อมือผมสองข้างได้จมเตียง
   

“วิคเตอร์ อย่าทำแบบนี้!” ผมว่าเสียงขุ่น จ้องเขาคิ้วขมวด สายตาวิคเตอร์มัวเมาและลุกโชน ไม่รู้เพราะแรงอารมณ์ทางเพศหรือแรงอารมณ์โกรธ
   

“อย่าเล่นตัวเหมือนเมื่อก่อนนักเลยน่า เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”


“ผมเปล่า แต่…” ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็ก้มลงมาประกบปาก ลิ้นสีสดของเขากวาดไปรอบโพรงปากของผม
   

“อือ!” ผมคำรามขู่ แต่วิคเตอร์ไม่สนใจ ผมใช้ฟันขบลิ้นเขา ตั้งท่าจะกัดแต่วิคเตอร์ไวกว่า มือซ้ายเขาเอื้อมลงไปบีบกลางลำตัวของผมอย่างแรง
   

“อ… อ๊า!” ผมกรีดร้องออกมา เลยทำให้วิคเตอร์ยิ่งจูบผมดูดดื่มขึ้น เขาใช้มือซ้ายมือเดียวดึงกางเกงเนื้อนุ่มขายาวสีเทาของผมลงไปที่เข่าพร้อมกับกางเกงชั้นใน ใช้มือเดิมรูดรั้งความเป็นชายของผมจนมันตั้งขึ้นทั้งที่ผมไม่ได้มีอารมณ์ร่วมด้วยเลยสักนิด แต่ร่างกายผู้ชายมักตอบสนองง่ายดายเหลือเกิน
   

“วิคเตอร์!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดุทันทีที่เขาดึงปากออกไป เขาปล่อยข้อมือผมทั้งสองข้าง ผมยกมือทุบตีตามตัวเขา วิคเตอร์ปัดออกอย่างไม่ใส่ใจ จับผมนอนพลิกคว่ำหน้า ดึงกางเกงผมออกไปจนได้ ผมเอี้ยวตัวไปตีเขา วิคเตอร์ทำแค่เอนหน้าหนี ยกมือปัดมือผมออกแรงๆ และกดหัวผมให้ลงติดหมอนตามเดิม ก่อนจะเลื่อนสองมือไปดึงกางเกงนอนสีดำของเขาลงไปครึ่งต้นขาแล้วควักลูกชายเขาออกมา มันชี้หน้าผมราวกับกำลังด่าผมแทนพ่อมัน เขาจับสองมือผมไพล่หลังเอาไว้ กระชับไว้ที่บั้นท้าย ใช้มือซ้ายกดไว้เพียงข้างเดียวก็ทำเอาผมขยับไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพยายามดิ้นสู้
   

ป้าบ!!!!
   

“โอ๊ย!” เขาใช้มือขวาฟาดลงบนแก้มก้นขวาของผม ทำเอาผมสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บกะทันหันที่แล่นไปทั่วก้น ผมหยุดดิ้นครู่หนึ่ง วิคเตอร์โน้มตัวไปดึงลิ้นชักบนหัวเตียง หยิบเจลหล่อลื่นออกมาบีบใส่ทางเข้าด้านหลังของผมจนเย็นฉ่ำไปหมด เขาปิดฝาหลอดเจลแล้วโยนไว้บนเตียง ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางเสียบเข้าไปในกลีบเนื้อด้านหลังของผม
   

“อ๊า…” ผมร้องครางออกมาเสียงดังทั้งที่พยายามกัดปากไว้แล้ว แต่ความเสียวและความคับแน่นจนอึดอัดทำให้ผมห้ามเสียงร้องไม่อยู่
   

“ร้องอีก…” วิคเตอร์ว่าหน้าตาดิบเถื่อน แววตาเขาวาววับ สองนิ้วเร่งเร้าไปรอบผนังอ่อนด้านใน หน้าท้องผมหดเกร็ง ลำตัวแอ่นขึ้นแอ่นลง สองขาพยายามขยับหุบเข้าแต่ก็โดนวิคเตอร์ใช้เข่าทั้งสองข้างกันเอาไว้ ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ไม่ยอมทำตามที่เขาบอก วิคเตอร์ดึงนิ้วออกไปก่อนจะยัดความใหญ่ยาวของเขาเข้ามาแทนที่
   

“อึก!” ความจุกและความเสียวแล่นไปทั่วท้องน้อย ผมขมวดคิ้วแน่น อ้าปากผ่อนลมเพื่อช่วยจมูกหายใจ วิคเตอร์หยุดแช่ไว้สักพักแล้วส่งเสียงครางพึงพอใจ ก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกเชื่องช้า สองมือกดข้อมือผมไว้ตรงบั้นท้ายแน่น เข่าสองข้างของเขาดันขาผมให้กว้างออก
   

“Do not rush me. I do not want to cum, now. (อย่างเร่งฉันสิ ฉันยังไม่อยากเสร็จนะ)” ผมหายใจหอบ แก้มซ้ายแนบไปกับหมอน สายตาเหลือบไปมองแฟนตัวเอง วิคเตอร์กัดฟันแน่นตอนโดนผมรัด เขากดหน้าลงมองผมที่มองอย่างผิดหวังปนด้วยความเสียใจ แต่ก็ห้ามอารมณ์ความเสียวซ่านที่แสดงผ่านทางสีหน้าด้วยไม่ได้เช่นกัน แววตาวิคเตอร์ดิบเถื่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกำหนัดทางเพศ
   

“ทำไมมองฉันแบบนั้น” ผมเลื่อนสายตาเคืองๆ หนีเขาไปมองทางหน้าต่างห้องนอน วิคเตอร์ไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่เริ่มขยับสะโพกเข้าออกรุนแรง
   

ปึก! “อา”
   

ปึก! “Fuck!”
   

ปึก! “อ้า!”
   

เสียงร้องครางอย่างสุขใจดังตามจังหวะกระแทกที่เล่นเอาผมสะเทือนไปทั้งตัว หัวชนกับผนังหัวเตียงตามแรงดันที่เขาส่งมาอย่างรุนแรง ผมกัดฟันแน่น หลุดร้องออกมาบ้างบางครั้ง แต่ก็พยายามไม่ตอบรับเขา ใจผมตีกันวุ่น ทั้งต่อต้านอย่างเจ็บปวดและตอบรับอย่างสุขสม
   

“อ๊า!” ผมกรีดร้องตอนเขางัดแก่นกายขึ้นแล้วดันกระแทกเข้าไปจนลึกถึงจุดเสียววาบ วิคเตอร์มีสีหน้าผ่อนคลายคล้ายกับพวกขี้ยาที่เสพติดยาจนสมองโล่งแล้วยิ้มลอยๆ ออกมา
   

ผมปล่อยให้วิคเตอร์กระแทกเข้าหาผมไปเรื่อยๆ จนเขาเสร็จโดยที่ผมแทบจะไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเลยแม้แต่นิด ถึงมีก็มีแค่นิดเดียว ไอ้ที่เสียวมันก็เป็นไปตามกลไกร่างกาย วิคเตอร์คำรามดังลั่นห้องตอนถึงจุดหมาย ผมนอนหอบแก้มแนบติดหมอน รับรู้ถึงความเฉอะแฉะของน้ำรักไอ้ยักษ์ที่ไหลเยิ้มออกมาตอนเขาถอนตัวเองออก เขาปล่อยมือผมที่กดเอาไว้ รู้สึกปวดข้อมือไปหมด แขนผมร่วงลงเตียงอย่างหมดแรง ผมคิดว่าเขาคงพอ แต่อีกใจก็รู้ว่าถ้ารอบเดียวคงไม่ใช่เขา
   

“มองหน้าฉัน” เขาว่าเสียงเข้มหลังจากพลิกตัวผมให้หนอนหงาย จับผมอ้าขาแล้วยัดลูกชายเขาเข้ามาอีกครั้ง แล้วเริ่มกระแทกเข้าออกรุนแรง ผมหันหน้าหนีเขา ไม่อยากมองหน้าเขาตอนนี้ สองแขนผมปล่อยราบลงกับเตียง ปล่อยให้เขาดำเนินกิจกรรมด้วยตัวเขาเองทั้งหมด
   

“แมท” เสียงเข้มมาพร้อมกับมือที่บีบคางผมแน่นแล้วจับให้มองใบหน้าดุดันดิบเถื่อนของเขา ผมจ้องเขาด้วยแววตาฉุนเฉียว
   

“อย่าต่อต้านฉัน ฉันรักนายคนเดียว เข้าใจมั้ยว่าฉันมีนายแค่คนเดียว” เขาบอกเสียงจริงจัง พร้อมกับเพิ่มแรงกระแทกเข้าหาผมจนต้องนิ่วหน้า
   

“อะ อื้อ…” ผมอดที่จะเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ มันทั้งเสียวทั้งเจ็บในคราวเดียวกัน เขาปล่อยมือออกจากคางผม แววตาเร่าร้อนของเขาจ้องผมไม่วางตา ผมจำเป็นต้องสบตาเขากลับไปเพราะไม่งั้นเขาจะยิ่งโมโห
   

ปัก! ปัก! ปัก! ปัก! ปัก!
   

เสียงเนื้อกระทบกันดังหนักหน่วง ร่างกายผมโยกสั่นคลอนขึ้นลงตามความรุนแรงของคนตัวโตด้านบนที่ยังจ้องหน้าผมไม่เลิก สายตาที่มองมานั้นทำเอาผมใจเต้นตุบๆ ด้วยความตื่นเต้นผสมกับความร้อนเร่าแปลกๆ เพราะมันอัดแน่นไปด้วยความรัก ความหวง ความอยากและการแสดงความเป็นเจ้าของ
   

“I love you.” เขากระแทกแรงจนผมเผยอริมฝีปากขึ้น สองตายังคงพยายามมองเขา วิคเตอร์กระแทกเข้าหารุนแรงอีกครั้งราวกับต้องการบางสิ่งบางอย่าง
   

“Say it!” เขาว่าเสียงเหี้ยม แรงกระแทกก็เริ่มจะโหดเหี้ยมมากขึ้น
   

“I—I love you, too.” ผมเปล่งเสียงแผ่ว หยาดน้ำตาร่วงลงหมอน สองมือยกมาจิกหมอนไว้แน่น วิคเตอร์คำรามถูกใจ ก้มลงมาจูบผมอย่างมูมมาม ก่อนที่เขาจะเร่งเครื่องอีกครู่หนึ่งจนตัวกระตุกรุนแรง เขาส่งเสียงคำรามในปากผมดังอื้ออึง ความอุ่นร้อนของน้ำข้นสีขาวอาบไล้ไปทั่วผนังอ่อนนุ่มด้านใน วิคเตอร์ถอนจูบและแก่นกายของเขาออกจากตัวผม แล้วก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ
   

ผมนอนมองเพดานตาลอยครู่หนึ่ง รู้สึกล้าถึงขั้นแทบหมดแรง กลีบเนื้อตรงช่องทางด้านหลังหุบขยุ้มไปมาเพื่อปรับสภาพให้กลับสู่สภาวะปกติ นึกขอบคุณที่ช่วงนี้ออกกำลังกายบ่อย เพราะมันทำให้กล้ามเนื้อผมยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้นมาบ้าง ตรงนั้นไม่เจ็บเท่าไหร่ แค่ปวดตุ่ยๆ แต่ใจผมนี่สิเจ็บกว่า


ผมหลับตาไล่น้ำตาแห่งความเสียใจออกไป นอนแน่นิ่งอยู่แบบนั้น ที่อกซ้ายใจเต้นอย่างแผ่วเบาจนแทบจะกลายเป็นหยุดเต้น ผมรู้สึกผิดหวัง อีกทั้งยังรู้สึกกลัวเขาอยู่ลึกๆ ใจมันสั่นหวิวๆ ยามนึกถึงช่วงเวลาที่เขาบังคับกัน วิคเตอร์นอนหอบหายใจอีกสักพักก็ดึงผมเข้าไปกอด แผ่นหลังผมแนบชิดกับด้านด้านหน้าของเขา จมูกและริมฝีปากคลอเคลียแก้มผมไม่หยุด
   

“ร้องไห้ทำไม หืม?” เขาจูบซับน้ำตาบนแก้มขวาของผมจนมันแห้ง มือซ้ายลูบหัวผมไปมา มือขวาเลื่อนลงไปกอบกุมแมทน้อยเอาไว้ พยายามปลุกปั่นอารมณ์ของผม
   

“นายยังไม่เสร็จ เดี๋ยวฉันช่วยนะ”
   

“ไม่ต้อง” ผมพูดเสียงนิ่ง ปัดมือเขาออก รับรู้ได้ถึงใบหน้าอันหงุดหงิดของอีกฝ่าย วิคเตอร์จ้องหน้าผมนิ่ง ผมเองก็นอนนิ่งสายตาจับจ้องมองไปยังหน้าต่างห้องนอน ไม่ยอมสบสายตาเขา
   

“นายเป็นอะไร มีคนอื่นใช่มั้ย?! ถึงได้ทำท่ารำคาญฉันตลอดแบบนี้!?” เขาบีบต้นแขนขวาผมแน่นจนผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ผมยกมือซ้ายขึ้นมาตีมือเขา แต่เขาก็ไม่ปล่อย จ้องหน้าผมด้วยดวงตาน่ากลัวที่ทำเอาผมรู้สึกกลัวจริงๆ
   

“ผมไม่เหมือนคุณนะ!” แต่ถึงแม้จะกลัว ผมก็ขอขึ้นเสียงสู้ ผมโกรธที่เขามองผมเป็นคนแบบนั้น
   

“ฉันไม่ได้มีใคร!” ใบหน้าเขาถมึงทึง แววตากราดเกรี้ยวราวกับสุดจะทน แรงบีบที่แขนผมแน่นขึ้น ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น พยายามอดทนกับการกระทำของเขา
   

“แน่ใจเหรอ?! กับอันเดรียนา คุณอาจจะโกหกผมก็ได้!” ว่าจะไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นแล้วเชียว แต่พออารมณ์มันขึ้น สติก็เริ่มลดน้อยถอยลงและยากที่จะห้ามความงี่เง่าที่ผมไม่เคยสัมผัสในเรื่องความรักมาก่อน 
   

วิคเตอร์ตาลุกวาว แรงบีบตรงแขนทำเอาผมน้ำตาคลอ แถมใจยังสั่นด้วยความกลัว ใบหน้าวิคเตอร์ตอนนี้อย่างกับจะฆ่าใครสักคนได้ และใครคนนั้นก็คงผมนี่แหละ
   

“นายกับไอ้ห่าจูบแรกนั่นก็เหมือนกัน ดีไม่ดีมีมากกว่าใช้ปากกันแล้วมั้ง!” วิคเตอร์เริ่มออกอาการฉุนเฉียวอย่างรุนแรง เขาพลิกตัวขึ้นมาอยู่เหนือผม กดสองข้อมือผมแน่น ใช้ขาแหวกขาสองข้างผมให้กว้างขึ้น แววตากราดเกรี้ยวจ้องมองผมไม่ลดละ ผมเองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้แม้จริงๆ กลัวจนหัวจะหดอยู่แล้วก็เหอะ
   

“มันก็เรื่องของผม ตอนนั้นคุณหายหัวไปเอง ผมจะไปเอากับใครก็ได้!” ผมเคยบอกเพื่อนๆ เวลามันทะเลาะกับแฟนว่าอย่าประชดประชันกัน อย่าใช้อารมณ์ ตอนนั้นผมไม่เข้าใจนักหรอกว่าทำไมต้องใช้อารมณ์ ทำไมไม่คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องประชดนั่นนี่ ขุดเรื่องเก่าออกมาเกทับกัน
   

วันนี้ผมพอจะเข้าใจบ้างแล้ว ว่าพอคนเราได้ทะเลาะกับแฟนในเรื่องที่มีบุคคลอื่นเข้ามาเป็นประเด็น อารมณ์มันมักจะไวกว่าเหตุผล
   

“นายว่าไงนะ!?” เขาบีบข้อมือผมกระดูกแทบแตก ผมปากสั่นเพราะเจ็บ แววตาวูบไหวเพราะกลัวสีหน้าเกรี้ยวกราดพร้อมอาละวาดของเขา หากนี่คือพายุทอร์นาโด บอกได้เลยว่ามันกำลังเริ่มก่อตัวและเริ่มทำลายล้างทีละนิด
   

“เหมือนคุณไงที่นอนกับอันเดรียนา สงสัยคงไม่พอเลยต้องกลับไปนอนด้วยกันอีก!” ผมว่าเสียงห้วน อกกระเพื่อมขึ้นลงเพราะแรงอารมณ์ แล้วผมก็รับรู้เลยว่าอารมณ์ของวิคเตอร์นั้นพุ่งขึ้นถึงจุดเดือด เพราะเขาเลื่อนมือมาบีบกรามผมแน่น บีบอย่างกับว่าเขาจะหักกรามผมให้แหลกคามือ ใบหน้าเขาเริ่มแสดงถึงความหยาบคาย
   

“เหี้ย! พูดไม่รู้กี่รอบแล้วว่าไม่ได้เย็x! ทำไมแม่งไม่เชื่อกันบ้างวะ!!” ผมยกสองมือขึ้นมาจับข้อมือขวาเขาไว้ สีหน้าและแววตาของวิคเตอร์ตอนนี้น่ากลัวจนผมเริ่มตัวสั่นเทิ้มน้อยๆ แววตาแข็งกร้าวของเขาจ้องผมอย่างกับจะจับผมฉีกออกเป็นชิ้นๆ ใบหน้าเขาเครียดเขม็งเหมือนกำลังอดทนไม่ให้ต่อยหน้าผมแรงๆ
   

“วิคเตอร์!! ปล่อย!!” ผมยกมือตบตีเขา แต่เหมือนเขาจะไม่สะเทือนเลยแม้แต่นิด แถมแรงบีบที่กรามผมยังเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก วิคเตอร์เหมือนจะสติหลุดเข้าไปทุกที ผมทั้งเจ็บ ทั้งกลัว จนน้ำตาไหลออกมา ตอนนั้นเองที่วิคเตอร์ชะงักไป เขาหยุดการกระทำของตัวเอง ใบหน้ายังคงเครียดไม่จางแต่มือเขาคลายออกจากหน้าผม วิคเตอร์พ่นลมหายใจแรงๆ อย่างฉุนเฉียว เขาดึงกางเกงนอนขึ้น เก็บลูกชายเขาเข้าไปด้านในแล้วผูกเชือกกางเกงเร็วๆ ลวกๆ เดินลงจากเตียงไปแบบกระแทกกระทั้น หมุนตัวเดินออกไปนอกห้องพร้อมอารมณ์ที่ยังคงครุกรุ่น ผมหลับตาลง น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ยกมือขึ้นเช็ดมันออกเร็วๆ นอนหลับตานิ่งๆ อีกสักพักผมก็ถอนหายใจออกมา
   

ผมลุกขึ้นนั่ง น้ำสีขาวข้นไหลออกมาจากตัวผมจนเลอะที่นอนไปหมด ผมนั่งเหม่อคิดทบทวนกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำหรือเปล่า ผมไม่น่าขุดเรื่องที่ผ่านไปแล้วมาเป็นประเด็นให้เราสองคนทะเลาะกันอย่างนี้ เพราะเขาก็คงเจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่เขาเองนั่นแหละที่ทำให้ผมผิดหวังก่อน เขาไม่ต้องบังคับให้ผมมีอะไรด้วยก็ได้ ยังไงผมก็เต็มใจให้ ผมแค่ขอพักเรื่องนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะปล่อยเรื่องอันเดรียนาออกจากหัวได้จริงๆ
   

ผมถอนหายใจกับตัวเอง พยายามนึกถึงคำพูดหมอและนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่กับเขาไว้ว่าเขาไม่ใช่คนที่มีสภาวะอารมณ์แบบคนปกติทั่วไปมากนัก ผมเลื่อนตัวลงจากเตียง เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดสิ่งที่มันเลอะๆ อยู่จนหมด หยิบเสื้อและกางเกงขึ้นมาสวมใส่ เดินออกจากห้องนอนไปตามหาวิคเตอร์ ผมมองหาเขาในห้องโถงของแมนชั่นสักพักก็เห็นว่าเขายืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงกว้างตรงห้องนั่งเล่นและใช้เป็นที่รับแขกด้วย ผมเดินไปเปิดกระจก กลิ่นเหม็นของบุหรี่ทำให้ผมย่นจมูก วิคเตอร์หันมามองด้วยแววตาและใบหน้านิ่งๆ
   

“ออกมาทำไม ไม่เห็นรึไงว่าฉันสูบบุหรี่อยู่” เขาว่าเสียงเย็นชา ปากก็ยังไม่หยุดพ่นควันสีขาวแสนเหม็นนั่น
   

“เห็น ถึงได้ออกมา ผมบอกแล้วไงว่าอย่าสูบ เลิกสูบได้แล้ว” ผมมองเขาเคืองๆ วิคเตอร์ไม่สนใจหันหน้าหนีผมไปทางอื่น ผมเดินไปหยิบบุหรี่ออกจากมือเขา เอาขยี้กับกระถางต้นไม้ตรงระเบียง วิคเตอร์พุ่งตัวเข้ามาหาผมอย่างเร็ว สองมือจับกรอบหน้าผมไว้แล้วก้มลงมาจูบอย่างรุนแรง ลิ้นของเขาเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นผมเร็วๆ กลิ่นบุหรี่ขมๆ ติดตรงปลายลิ้น ผมหันหน้าหนีจนหลุดออกจากปากเขาได้
   

“บอกแล้วไง ถ้าไม่อยากให้ฉันสูบต้องเอาจูบนายมาแลก” เขาพูดเสียงหอบ แววตามัวเมาและยื่นหน้ามาจะจูบอีกรอบ แต่ผมหันหน้าหนี
   

“ไปทำข้างในสิ เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก” ผมว่าหน้ามุ่ย วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาจะกลืนกิน เขาจูงมือผมกลับเข้าไปในห้องอย่างเร็ว เลื่อนปิดประตูกระจก กดปุ่มปิดม่านอัตโนมัติเพื่อกันไม่ให้ใครด้านนอกเห็น แม้ที่ๆ เราอยู่จะค่อนข้างเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่านแต่ก็ต้องกันไว้ก่อน
   

เขาถอดกางเกงผมออก แทบจะกระชากเลยก็ว่าได้ ผลักผมลงไปนอนบนโซฟาตัวยาว พอถอดกางเกงตัวเองเสร็จ เขาก็ตามลงมาเสียบผมทันที อาศัยน้ำของเขาครั้งก่อนที่ยังคั่งค้างอยู่บ้างเป็นตัวช่วยหล่อลื่น วิคเตอร์ไม่พูดพร่ำมากมาย ขยับสะโพกเข้าหาผมอย่างแรง ท่าทีเขาดูลนๆ เล็กน้อย ทำท่าทางอย่างกับอดอยากมานานทั้งที่เพิ่งจะทำไป
   

“อื้อ อื้อ อื้อ…” ผมกัดปากแน่น ส่งเสียงร้องออกมาเพราะทนความเสียววูบไม่ไหว ผมแหงนหน้าขึ้นนิด สายตามองเห็นใบหน้าพ่อรูปหล่อหน้าหนวดที่เคลิ้มเหมือนคนเมา แววตาวิคเตอร์ทอประกายความตื่นเต้นให้ได้เห็น จังหวะสะโพกยังคงโยกไหวต่อเนื่อง ผมยกสองมือขึ้นจับสองแขนเขาไว้
   

“มองหน้าฉันไว้นะ” เขาพูดเสียงทุ้ม รอยยิ้มแสนจะหื่นกาม ผมมองหน้าเขาด้วยสายตาฉ่ำปรือ วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวผมอย่างเต็มที่ ร่างกายผมเลื่อนขึ้นเลื่อนลงไปตามแรงกระแทกไม่หยุด
   

“โอ้ว เอ่อ… ขอโทษครับ…” ผมใจกระตุกวูบ ลืมไปเลยว่าออสตินอยู่ด้วย ผมรีบหันหน้าหนีเข้าหาพนักพิงโซฟา แต่วิคเตอร์ก็ไม่ยอมหยุดขยับสะโพก ดูเขาจะไม่ตกใจด้วยซ้ำที่ออสตินออกมาเจอเราสองคนในสภาพนี้
   

“เข้าไปรอในห้องนายก่อน เสร็จแล้วจะเรียก” แถมยังมีการแหงนหน้าไปตอบกลับอย่างสบายๆ ทั้งที่ดันแก่นกายเข้าหาผมไม่หยุด ผมไม่เห็นว่าออสตินทำหน้ายังไงเพราะหันหน้าหนีอยู่
   

“เขาไปแล้ว” ผมบิดหน้าหันไปมองตรงบริเวณที่ออสตินออกมายืนจังก้าเมื่อกี้ พอไม่เห็นว่าพ่อบอดี้การ์ดอยู่ตรงนั้นแล้ว ผมก็หันกลับมามองหน้าวิคเตอร์ เขากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะก้มลงมาดูดริมฝีปากล่างบนของผมรุนแรง
   

“ไม่ได้มีใครใช่มั้ย” เสียงเนื้อกระทบกันดังเชื่องช้าแต่ว่าหนักแน่นแข่งกับน้ำเสียงทุ้มของเขา
   

“เปล่า…” ผมตอบเสียงเบา ย่นคิ้วเพราะความจุกเสียวตรงท้องน้อย
   

“ห้ามนอกใจฉัน ห้ามทิ้งฉันนะ นายไม่อยากโดนฉันล่ามโซ่หรอก” ผมขมวดคิ้วแน่น ยกมือซ้ายทุบอกเขาดังปึก แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มเหี้ยม แรงกระแทกก็ยังคงโหมโหดไม่หยุดจนกระทั่งเขาตัวกระตุกและส่งเสียงคำรามดังลั่นห้องแบบที่ไม่เกรงใจออสตินเลยสักนิด
   

เขานอนกอดผมอยู่บนโซฟา ลูกชายเขาที่ค้างอยู่ด้านในของผมค่อยๆ อ่อนตัวลงทีละนิด ผมเพลียเกินกว่าจะห้าม จะเถียงอะไรกับเขาอีกเลยปล่อยให้เขานอนกอด นอนหอมแก้มไปเรื่อย โดยที่ตัวผมนอนเหงื่อซึมตรงหน้าผากกับส่งเสียงหอบน้อยๆ ออกมา
   

ในใจผมยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ ไม่รู้ว่าเราคืนดีกันหรือยัง หรือเราทะเลาะกันจริงจังแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากทะเลาะกับเขาเลยเดินเข้าหาเขาก่อน เพราะครั้งนี้ผมเองก็มีส่วนผิด แม้ที่จริงมันจะเริ่มจากเขาก็ตาม แต่อะไรที่มันไม่ควรทะเลาะเบาะแว้งกัน ผมก็ไม่อยากปล่อยให้มันค้างคาไปแบบนี้ เพราะเดี๋ยวเขาก็กลับแล้ว ทะเลาะกันทั้งที่ห่างไกลกัน ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก
   

เพราะผมกลัวและขี้ขลาดเกินไป ใช่แต่วิคเตอร์จะจิตตกคนเดียว ผมเองก็ไม่แพ้เขาหรอก จิตตก จิตกังวลไปเรื่อย ดีไม่ดีผมอาจพาเราสองคนเข้าไปพบจิตแพทย์ด้วยกันสักวัน



ต่อด้านล่างจ้า
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 28-01-2016 14:59:25


V
v
v


วันต่อมาผมก็พาเขามาส่งที่สนามบินพร้อมออสติน เที่ยวบินของเขาคือเวลาเที่ยงคืนพอดี เรามาถึงสนามบินตอนสี่ทุ่ม วิคเตอร์ไม่มีสัมภาระอะไรมาเลย เพราะตอนขามาเขามาด้วยเครื่องบินเจ็ทแบบส่วนตัว ดีที่เขายังมีสติพกพาสปอร์ตกับเอกสารสำคัญๆ มาด้วย ระหว่างทางที่นั่งมาบนรถ ผมไม่ได้พูดอะไรกับเขามากนักหรอก ปล่อยให้เขาจับนั่งตัก นั่งกอด นั่งหอมแบบที่เขาชอบทำไปนั่นละ ผมยังมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างอยู่ในใจ เหมือนมีกำแพงกั้นขึ้นมาใจผมยังไงก็ไม่รู้ มันไม่ใช่แค่เรื่องอันเดรียนา แต่มันบวกกับสิ่งที่เขาทำกับผมเมื่อวานด้วย อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่เขาหรอก มาจากตัวผมเองด้วยก็มี เอ๊ะ หรือจริงๆ มันส่งผลมาจากเขานั่นแหละ ทำไมความคิดผมวกไปวนมาจัง
   

“ทำไมไม่ยิ้ม เป็นอะไรอีก” เขาถามเสียงเหวี่ยง ใบหน้าใต้หมวกแก็ปสีขาวนั้นปั้นปึ่ง เรากำลังนั่งรอเวลาขึ้นเครื่องซึ่งเหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมง
   

“เปล่า ผมทำหน้านิ่งๆ ไม่ได้เลยรึไงเนี่ย” ผมย่นคิ้วใส่เขานิดหน่อย ติดจะหน่ายใจเล็กๆ ที่เขาเอาแต่จับจ้องหาจุดติผมอยู่ได้ ทำหน้านิ่งก็ไม่ได้เนาะ นี่ถ้าปวดขี้แล้วหาห้องน้ำไม่ได้ยังจะให้ยิ้มอยู่มั้ย
   

“แน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังโกรธอะไรฉันอยู่” เขาจ้องผมด้วยสายตาหยาบกระด้าง ผมถอนหายใจ ตัดปัญหาด้วยการก้มหน้าซุกกับอกเขา ยกสองแขนโอบร่างเขาไว้ วิคเตอร์ยกสองแขนโอบตอบกลับมา
   

“ถ้าโกรธผมจะกอดคุณมั้ยล่ะครับ”
   

“ก็นายขี้ประชด” ผมยิ้มขำที่มุมปาก จำได้จำดีนะไอ้นิสัยแย่ๆ ของผมเนี่ย ก็เหมือนผมละมั้งที่จำได้จำดีกับเรื่องไม่ดีของเขา
   

“เปล่าประชดสักหน่อย งั้นไม่กอดแล้วนะ” ผมทำท่าจะดันตัวเองออก วิคเตอร์กระชับอ้อมกอดผมไว้แน่น ไม่ยอมให้ผมดันตัวเองออก
   

วันนี้พี่การ์ดคนไทยมาร่วมขบวนการโจ๋เรนเจอร์ในการคุ้มครองป้องกันพ่อพระเอกดังกับแฟนหนุ่มตัวจ้อยด้วย ทั้งหมดวางกำลังรอบตัวผมกับวิคเตอร์ ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะมีคนบ้าที่ไหนพุ่งเข้ามาทำร้ายเราได้ แค่เห็นหน้านิ่งขรึมของออสตินผมว่าก็หนีไปแล้ว
   

“ฉันจะว่างมาหาอีกทีก็ช่วงคริสมาสต์นะ” เขากดจูบลงกลางกระหม่อมหัวผมตำแหน่งเดิมที่เขาชอบ
   

“ครับ ตั้งใจทำงานนะวิคเตอร์ อย่าหนีมาแบบนี้อีก”
   

“นายก็อย่าไม่รับสายฉัน อย่าหนีหน้าฉันสิ” ผมแหงนหน้าขึ้นมองเขา วิคเตอร์กดหน้าลงมองด้วยสายตาสั่นไหว ผมมองหน้าเขานิ่งๆ พักหนึ่ง กดความคิดบางอย่างลงไว้ในส่วนลึกของใจแล้วพยักหน้ารับคำของเขา
   

“รับปากสิ” เขาขมวดคิ้วมุ่น ผมกลอกตานิดหน่อย วิคเตอร์เอาหน้าผากมาชนหน้าผากผมเบาๆ หนึ่งที
   

“Yes. Mr.Handsome. (ครับ พ่อรูปหล่อ)” ยักษ์ฉีกยิ้ม ก้มลงจุ๊บปากผมแบบไม่แคร์สายตาใครในสนามบิน นี่ถ้ามีปาปาราซซี่แถวนี้ คงได้ภาพเด็ดไปขายข่าวจนกระหึ่ม หรือจริงๆ อาจจะมีภาพหลุดไปแล้ว จนข่าวดังไปมากแล้วก็ได้ แต่ผมดันไม่รู้เอง ซึ่งเป็นเพราะผมไม่ติดตามข่าวระหว่างผมกับเขานี่ละ มันสบายใจเหมือนกันนะที่จะไม่รับรู้ความคิดของคนอื่นในโลกโซเชียลต่างๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างผมกับเขานั้นเป็นประเด็นมากน้อยแค่ไหน รับรู้บ้าง แต่เลือกที่จะห่างจากข่าวตัวเองดีกว่า
   

เขาอุ้มผมขึ้นไปนั่งบนตัก ผมนั่งกดเกมในมือถือโดยมีสายตาวิคเตอร์ร่วมจับจ้องหน้าจอด้วย ผมเล่นจนตัวเกมตายหมดก็หยุดเล่น เปลี่ยนมานั่งฟังเพลงในโทรศัพท์แทน วิคเตอร์เอาหูฟังอีกข้างไปเสียบที่รูหูตัวเอง ผมนั่งพิงตัวเขาไว้ วิคเตอร์กอดเอวผมไว้แน่น ใบหน้าเกยไหล่ผมอยู่ เขากดหน้าลงหลบสายตาของคนที่นั่งเยื้องๆ ข้างพี่การ์ดคนไทยอยู่อีกฝั่ง เขาคงไม่ได้อายหรอก น่าจะกำลังไม่ชอบมากกว่าที่โดนจับจ้องมองอย่างสงสัยแบบนี้
   

“ได้เวลาแล้วครับคุณเรย์มอนด์” ออสตินที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของวิคเตอร์เอ่ยบอก
   

หลังจากเหตุการณ์ที่เขาออกมาเห็นฉากร่วมรักของผมกับวิคเตอร์ ออสตินก็ยังคงนิ่งตามปกติ แต่ผมนี่รู้สึกหน้าชายามมองหน้าเขา รู้สึกอยากจะอายม้วนสักสิบม้วน ไม่กล้ามองหน้าหรือสบตาอีกฝ่าย แค่จะอ้าปากพูดด้วยยังรู้สึกกระดากปากทั้งที่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่ดีอะไรใส่ ส่วนไอ้ยักษ์น่ะเหรอ หน้าด้านขนาดนั้นจะไปรู้สึกอะไร กลับมองว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
   

“ถึงแล้วโทรมานะครับ ถ้าผมไม่รับโทรหาออสตินก็ได้ ให้ผมรู้หน่อยว่าคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัย” เขากำลังจะขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปเข้าเกต ผมจับมือเขาไว้และย่นคิ้วนิดหน่อย เกลียดความรู้สึกขวางกั้นบางอย่างในใจของตัวเองพิกล
   

“นายต้องรับสายฉันสิ” เขาว่าหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมยิ้มอ่อนเพลีย กระทั่งจะกลับก็ยังเอาแต่ใจได้ดีจริงๆ
   

“ครับ ผมจะรับสายคุณ” วิคเตอร์ใช้สายตาสำรวจใบหน้าผมเชื่องช้า ผมยิ้มอ่อนโยนกลับไปให้เขา แล้วจู่ๆ แววตาเขาก็สั่นระริกเหมือนหวาดกลัว เขาก้มลงมากอดผมไว้แน่น ผมกอดตอบเขา แม้ในใจจะมีเหมือนกำแพงอะไรสักอย่างขวางกั้นอยู่ แต่ผมก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันที่เขาจะบินกลับไป ในหัวเริ่มรู้สึกเกลียดคำว่าระยะทาง รักเราคงไม่แพ้ระยะทางอย่างที่ใครหลายคนชอบพูดกันหรอกนะ ยิ่งระยะทางในสภาวะแบบนี้มันยิ่งยากลำบากกว่าระยะทางที่มันไกลเป็นปกติอยู่แล้วซะอีก
   

“ถ้ามีวันว่างก่อนคริสมาสต์ฉันจะรีบมาหา” เขากระซิบข้างหู ผมยกมือลูบแผ่นหลังเขา เรายืนกอดกันโดยมีเหล่าบอดี้การ์ดยืนล้อมเอาไว้ เชื่อว่าหลายสายตาในสนามบินคงมองมาอย่างสนใจไม่น้อย
   

“ผมก็อยากบินไปหาคุณบ้าง ไม่อยากให้คุณลำบากฝ่ายเดียว แต่ผมก็อยากบินไปอยู่กับคุณยาวๆ ทีเดียวมากกว่า” ผมไม่อยากให้เขาพูดแบบนั้นเท่าไหร่ ไม่อยากให้เขาต้องเป็นฝ่ายอยากมาหาผมคนเดียว ผมเองก็อยากไปหาเขาบ่อยๆ อยู่แล้ว ถ้าเกิดว่ามีเวลาแล้วก็เงินน่ะนะ
   

“เรื่องนายไม่เคยลำบากสำหรับฉัน” ผมยิ้มแผ่วเบา บิดหน้าไปหอมแก้มเขาเป็นการขอบคุณคำพูดหวานๆ นั้น วิคเตอร์หอมแก้มผมกลับมา ผมยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกา พอเห็นว่าเป็นเวลาที่เขาควรไปได้แล้วเลยผลักเขาออก
   

“รีบไปเถอะครับ” เขาก้มหน้าลงมากดจูบปากผมหนึ่งรอบแล้วถอนออก ผมยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นโบกลาเขา วิคเตอร์ก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดเลื่อน หันมามองผมจนกระทั่งเขาขึ้นไปด้านบน ผมเดินไปรอส่งเขาตรงเกตที่มีกระจกกั้นด้านนอกกับด้านใน รอสักพักเขาก็ลงบันไดเลื่อนมา ผมส่งยิ้มอ่อนให้เขาอีกที วิคเตอร์ยิ้มมุมปากกลับมาให้ ใบหน้าเขาสดใสกว่าตอนที่เจอกันเมื่อสามสี่วันก่อน วิคเตอร์เดินไปที่เกต ผมมองตามแผ่นหลังของเขาที่กำลังยืนรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจร่างกาย
   

น้ำตาผมเอ่อขึ้นมาที่ขอบตา ความรู้สึกอะไรนักหนาไม่รู้ทะลักเหมือนคลื่นสูงอยู่ในใจ มันมีทั้งความกลัว ความเหงา ความเศร้า ความรู้สึกต่อต้าน ความรู้สึกไม่เต็มร้อยปะปนกันเยอะแยะจนผมนึกรำคาญตัวเอง ผมมองแผ่นหลังวิคเตอร์หายลับเข้าไปด้านในเกตทั้งน้ำตา พอหลับตาลงน้ำตาก็ไหลออกมาเงียบๆ
   

“กลับกันเถอะครับ” ผมหันไปบอกออสตินและหันไปบอกพี่บอดี้การ์ดขาวไทยอีกที ออสตินชะงักไปนิดหนึ่งที่เห็นน้ำตาผมอาบแก้มและเปียกชุ่มที่ขนตา แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร เดินนำผมกลับไปที่รถ ผมเดินตามออสตินไปอย่างเลื่อนลอย จนกระทั่งขึ้นไปนั่งบนรถบีเอ็มกับเขาสองคน ส่วนพี่บอดี้การ์ดคนไทยนั้นขับรถอีกคันตามมา
   

“คุณต้องเชื่อใจคุณเรย์มอนด์มากกว่านี้นะครับ บางคนพลาดมากกว่าเขาอีก” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ปล่อยให้ออสตินขับรถออกจากสนามบินไปเรื่อยๆ และปล่อยให้ความคิดของผมไหลไปเรื่อยๆ เช่นกัน
   

มันก็ไม่ใช่แค่เรื่องเชื่อใจ ไว้ใจหรอก เอาจริงๆ มันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่มันอยู่ในใจผมเนี่ย ความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้นี่มันทำไมซับซ้อนจัง คนไม่เคยมีใครอย่างผม บอกตรงๆ ว่าปรับตัวลำบากไม่น้อยเลย



 :mew6:

ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนก็จะครึ่งๆ กลางๆ ไปไม่สุดสักทาง สำหรับฉากอย่างว่าที่เขียนนี้ ไม่ได้ต้องการความหวานแหววใดๆ เลยค่ะ เขียนส่งอารมณ์ตัวละครล้วนๆ เพราะมันจะเป็นอีกจุดที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน

ต่อให้รักกัน เป็นแฟนกัน แต่เจอบังคับกันอย่างนี้ในเรื่องที่ควรยินยอมพร้อมใจทั้งสองคน เชื่อว่าไม่โอเคแน่นอน

วันนี้มาร้อย 55555 มาเต็มๆ หลังจากหายไปนาน ก็เลยมาเสิร์ฟหมดตอนนน อีกอย่างจะได้ไม่ค้างสำหรับในตอนด้วยยย

เดี๋ยวจะมีกิจกรรมแจกหนังสือหน้านิยายเรื่องนี้พาร์ทสองนะคะ คอยติดตามตามกติกาไว้เน้อออ

ใครเจอคำผิดบอกกันได้เลยนะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-01-2016 15:34:25
แมทเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูกอะ คือแบบจะบอกว่าเข้าใจนะแต่ไม่ใช่ทั้งหมดคือแบบฟิลแมทมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆนั่นละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 28-01-2016 15:40:12
ต่อจากนี้จะเป็นยังไงนะ เราเคยเป็นแบบแมทเลย

มันเหมือนมีอะไรติดอยู่ในใจ คบกันแต่รู้สึกไม่เหมือนเดิม

นานมากกว่าจะหาย ก็อย่างว่าละ ช็อคมากนิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: poppyhigh ที่ 28-01-2016 15:44:21
เป็นตอนที่หน่วงมากทีเดียวตั้งแต่อ่านมา คงต้องอยากพ่อเอเลี่ยนน้อยว่า จูงมือกันพบจิตแพทย์น่าจะดีนะ

รอคอยตอนต่อไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 28-01-2016 15:44:58
 :hao5: :hao5: :hao5: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: oily61 ที่ 28-01-2016 16:01:28
เราคิดมาตลอดว่าncมันสำคัญ เรื่องไหนที่ตัดncเราจัไม่อ่านเพราะสำหรับเราบางที่ฉากนี้มันบอกอะไร
ได้หลายๆอย่างถึงความสัมพันธ์ของตัวละคร อย่างเช่นncตอนนี้เป็นต้น
เรานับถือแมทมากที่เป็นผู้ใหญ่เกินวัยมีเหตุมีผลคือใช้ที่บางทีอาจจะมีลืมตัวไปบ้างเพราะอารมณ์
แต่สามารถตั้งสติกลับมาได้ทันก่อนจะเกิดปัญหาบานปลาย
คือเขียนไม่เก่งอยากจะบรรยายอะไรเยอะกว่านี้แต่เรียบเรียงไม่ถูก555
สรุปตอนนี้หน่วงดีเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็มีอะไรอยู่?555
เอาเป็นว่าขอให้ทั้งคู่เปิดอกคุยกันอย่าให้ความขุ่นข้องหมองใจกัดกินตัวเองจนในที่สุด
มันอาจทำให้เราเข้าใจกันผิดได้ คืออินจัด555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 28-01-2016 16:13:33
ถ้าเรามัวแต่ระแวงก็จะไม่มีความสุข
แต่ความไว้วางใจเมื่อถูกทำลายก็ยากที่จะเหมือนเดิม
ทำไงดีนะแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-01-2016 16:13:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 28-01-2016 16:53:08
โอ๊ยยยยย จะหน่วงไปไหนนน ฮืออออ
เลิกกันแน่เลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-01-2016 17:30:50
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 28-01-2016 17:44:55
มันก็มีอุปสรรคบางนี่เนอะ  :n1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-01-2016 18:49:32
ลึกๆ แมทก็ยีงระแวงไอ้ยักษ์นี่นแหละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 28-01-2016 20:29:43
กลัวใจทั้งคู่เลยยักษ์ก็ดูอารมณ์เริ่มไม่ปกติแล้วอ้ะ TT มันไม่ใช่การระแวง ไม่ใช่ความอยากเราว่ามันมีมากกว่านั้นแน่ๆ
แมทก็มีอะไรในใจ เป็นเราก็ระแวงนะมันไม่ใช่ครั้งแรกมันมีมาหลายครั้งแล้ววิคเตอร์ก็เป็นซะแบบเนี้ยยยย Orz
อยากให้เปิดอกคุยกันแต่ก็นั่นแหละ T v T มันไม่ง่ายขนาดน๊าน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-01-2016 20:41:08
ความระแวงคือมะเร็งร้ายที่จะค่อยๆละลายความไว้วางใจให้หมดลง
รู้ตัวเมื่อไหร่..จบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 28-01-2016 21:08:37
สงสารทั้งวิคทั้งแมทเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ai_pat ที่ 28-01-2016 21:38:14
รู้สึกแบบอึมครึม
น้องแมทททท :z3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 28-01-2016 22:27:35
นี่แหละชีวิตคู่ ความไม่พอดีก็ทำให้เป็นเหตุได้ วิคเตอร์ทั้งรักทั้งหวงนานๆ จะเจอแบบนี้คงยากที่จะไม่หื่น
ส่วนแมทก็แบบขอทำใจ จนกลัวอ่ะ เพร่ะวิคดูจริงจังมาก คล้ายโดนปล้ำเลยล่ะ
ตอนทะเลาะเถียงกันนั่นน่ากลัว ประชดกันเยอะมาก งือ จะกลับมาใสๆ เหมือนเดิมได้ไหม
แมทดูเหมือนอยากถอย สู้ๆ นะแมท ฝรั่งรักแมทมากนะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-01-2016 23:06:24
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 29-01-2016 00:09:30
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-01-2016 00:29:57
 :mew2: ความรัก เป็นอารมณ์ที่น่ากลัวน่ะ ถ้าไม่ใช้สติเข้ามาประกบด้วยน่ะ ดังนั้นความรักของพ่อแม่จึงเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะมันคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ความรักฉันหนุ่มสาวนั้นเป็นอารมณ์ที่น่ากลัวถ้ามันไม่เกิดความสมดุล แม้จะรักแค่ไหนมันก้ออาจจะจบลงได้ ดังเช่นวิคเตอร์และแมท คงไม่มีใครเถียงได้ว่าสองคนนี้ไม่รักกัน รักกันมากกกกกกกกกกกกกกก รักกันจนน่าอิจฉา แต่มันหาจุดสมดุลทางอารมณ์ไม่ได้ มันเหมือนคลื่นลมที่ปรวนแปรได้ตลอดเวลา บางครั้งก้อสงบราบเรียบ จนเหมือนจะยั่งยืน แต่จู่ ๆ มันก้ออาจจะเกิดคลื่นลมที่อาจจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า งานนี้แมทเหนื่อยแน่นอน เพราะต้องคอยรองรับอารมณ์ของวิคเตอร์ตลอด และก้อต้องยอมอ่อนให้ตลอดเช่นกัน เราว่าแมทต้องหาทางพูดจากับวิคเตอร์ให้เป็นเรื่องเป็นราวน่ะ และต้องใจแข็งด้วย ทางที่ดีระหว่างคุยกันต้องมีคนมาคอยจับวิคเตอร์ไว้ด้วยไม่งั้นทุกอย่างจะจบลงเหมือนเช่นตอนนี้ แมทหยุดอารมณ์ของวิคเตอร์ไม่อยู่หรอก ไม่งั้นก่อนจะพูดก้อต้องเคลียร์กันก่อนน่ะ เรามองว่าแมทคงมีเรื่องนี้แหละที่ติดอยู่ในใจ เรื่องอันเดรียน่าอาจเป็นแค่ปลายเหตุ วิคเตอร์เฝ้าแต่บอกว่าตัวเองรักแต่ไม่ยอมที่จะทำความเข้าใจกับความรัก เรียกได้ว่าเป็นคนบกพร่องทางอารมณ์อย่างแรงเลยแหละ  :katai1: เราว่าอีกไม่นานต้องมีดราม่าระหว่างกันแน่ ๆ  :mew5: รอเล่นเกมจ้ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 29-01-2016 09:56:14
เหมือนใจแมทเริ่มถอยแล้วอ่ะ ความคิดบางอย่างนั้นอะไร วิคเตอร์ต้องพอเดาออกแน่ๆแต่ไม่มีใครพูดออกมา กลัวใจแมทจริงๆนาทีนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-01-2016 16:14:09
 :pig4 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-02-2016 17:41:00


CLOSED



หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 04-02-2016 18:33:45

คุณจะแนะนำนิยายเรื่อง Love, no boundaries ให้เพื่อนหรือคนใกล้ตัวคุณอ่าน เพราะอะไรคุณถึงเลือกเรื่องนี้ให้เพื่อนอ่าน และจะบอกเขาว่าอย่างไรให้อ่านเรื่องนี้

- เพราะว่าเรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว สำหรับเราว่าเรื่องนี้แปลกใหม่พอสมควร ตัวละคร ไม่อยากเรียกคำนี้เลย รู้สึกเหมือนพวกเขามีตัวตนจริงๆ อ่านแล้วอินมากเหมือนอยู่ในเรื่องด้วย รู้สึกทั้งมีความสุขจนยิ้มคนเดียว เสียใจจนร้องไห้ รู้สึกอินไปกับความรักของทั้งสอง ถ้าจะบอกเพื่อน จะบอกว่า มันสนุกมากจริงๆนะแก ถ้าไม่อ่านนี้โคตรของโคตรพลาดดดด นี่มันที่สุดแล้วจริงๆ ระทึกได้ทุกตอนเลยแก!!!

หากคุณมีโอกาสได้เป็นตัวละครในนิยายเรื่องนี้ บทไหนที่คุณอยากจะเป็น และเพราะอะไรถึงะอยากจะเล่นเป็นบทนี้ (ตอบล่วงหน้าไปพาร์ทสามก็ได้นะคะ)

 - อยากเป็นแมท แมท แล้วก็แมท 5555555555 อยากโดนเป็นเจ้าของง อยากมีคนจับจอง ชีวิตนางเริศมาก ชอบการแก้ปัญหา การพูดของนาง คือบางทีรู้สึกว่าคิดไม่ถึงว่าจะคิดแบบนี้ตอบแบบนี้ ที่สำคัญผช,นางแต่ละคนแซ่บมากกก ถ้านี่เป็นแมทนะ รวบหมด เอิร์ธ อดัม แซค วิคเตอร์ ว๊ากก ยิ่งตอบยิ่งน่ากลัว พอเถอะ 5555555


สมมติฐานว่า หากวิคเตอร์กับแมทมีตัวตนจริงๆ คุณอยากจะบอกอะไรเขาทั้งสองคน

- วิคเตอร์จ๋า อย่าดื้ออีกนะลูก แม่ยกกำพระจนสร้อยแม่จะขาดแล้วจ้าาาา ส่วนแมท สู้ๆนะ ถึงสุดท้ายแมทจะไม่เลือกใคร หรือรักอียักษ์ต่อไป หรือรักคนอื่น หรือรวบเหมาหมด (เอ๊ะยังไม่เลิก) เราก็รักทั้งแมททั้งวิคเตอร์นะ<3
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 04-02-2016 19:37:01
- หากคุณจะแนะนำนิยายเรื่อง Love, no boundaries ให้เพื่อนหรือคนใกล้ตัวคุณอ่าน เพราะอะไรคุณถึงเลือกเรื่องนี้ให้เพื่อนอ่าน และจะบอกเขาว่าอย่างไรให้อ่านเรื่องนี้

-  เราชอบเนื้อหาของเรื่องที่ดูจริงมาก และมีการใช้บทสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งเราชอบมากๆ คือสนุกไปด้วยได้คำศัทพ์ด้วย ซึ่งหายากมากจากนิยายวายไทย ลักษณะของตัวละครน่าสนใจมาก เช่น วิคเตอร์ เป็นคนที่ดูเหมือนจะเพอร์เฟคมากๆ แต่จริงๆแล้วเบราะบาง เซนซิทิฟสุด แต่ก็ดูกร้าวร้าวในเวลาเดียวกัน แม็คดูนุ่มนิ่มน่ารัก แต่เป็นถ้าเป็นเรื่องที่ตัดสินใจจริงจัง นางจะมั่นคงในจุดยืนมาก ทำให้เราชอบตัวเอกทั้งสองคนนี้มาก รวมไปถึงตัวละครเสริมอย่าง เบเนดิก เพื่อนแมท และเพื่อน วิคเตอร์ด้วย ทุกคนดูมีสเน่ห์ในแบบของตัวเองทำให้เวลาถึงคิวมา เราไม่มีเบื่อเลย และประเด็นหลักคือ เราชอบคุณฝรั่งมีหนวดสักนิดหน่อย แต่วางตัวน่ารักสุภาพเหมือนสเป็คแมทเลย (ว๊ายยยยยย) คือนางฟินเราก็ฟิน ฮ่าาาาาาา

- หากคุณมีโอกาสได้เป็นตัวละครในนิยายเรื่องนี้ บทไหนที่คุณอยากจะเป็น และเพราะอะไรถึงอยากจะเล่นเป็นบทนี้ (ตอบล่วงหน้าไปพาร์ทสามก็ได้นะคะ)

- เราอยากเป็นเบเนดิก บทที่คอยให้คำปรึกษาวิคเตอร์ตอนนางรู้สึกพิเศษกับแมทใหม่ๆ เราชื่นชอบการเป็นที่ปรึกษาที่ดี และ ดูฮอตในเวลาเดียวกัน ด้วยความที่เราก็รักทั้งแมทและวิคเตอร์ การเป็นคนที่มองมาจากอีกด้านนึงเราอาจจะเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของทั้งคู่ เราอยากจะเป็นคนช่วยให้ทั้งสองเข้าใจกันได้ดีขึ้น เอมิลี่ก็เป็นเพื่อนที่ดีได้แต่ด้วยน่าที่ต่างๆอาจทำให้มีขอบเขต แต่เบเนดิกมีความเป็นตัวเองสูง และเป็นคนมีเหตุมีผล มันคล้ายๆกับวิสัยทัศของเรา เราเลยอยากเป็นเบเนดิก

- สมมติฐานว่า หากวิคเตอร์กับแมทมีตัวตนจริงๆ คุณอยากจะบอกอะไรเขาทั้งสองคน

- การที่ใครสักคนจะมาเจอคนพิเศษแบบแมทรึวิคเตอร์มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันเหมือนเป็นโชคชะตา และเป็นโอกาสที่ทั้งสองได้เจอคนพิเศษและสำคัญกับตนเอง เหมือนคนที่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เราอยากให้ทั้งสองเรียนรู้ที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อกันและกันที่ละเล็กละน้อย เพื่อความรักที่ดีของทัเงสองคน รักที่เจอบางครั้งอาจจะเจ็บปวดแต่เรามองว่ามันเป็นส่วนนึงของการเติบโต วิคเตอร์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อเจอแมท แมทเองก็เปลี่ยน จากไม่คุ่นเคยกับการดูแลใคร ตอนนี้แทบจะเป็นมาสเตอร์เชฟ์ร้านอาหารไทยได้แล้ว


ปล. เราคิดถึงไมเคิลกับฟอกมากเลย อยากเจอน้องแฝดเร็วๆด้วยยยยยยย
ปล2. นี้ไม่เคยพิมพ์กระทู้แบบยาวๆ แบบจริงจังในนี้มาก่อนเลย เพราะนักเขียนกับแมทวิคเลยนะเนี๊ยะ (เบเนดิกกับรางวัลก็เช่นกัน)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 04-02-2016 21:13:32
- หากคุณจะแนะนำนิยายเรื่อง Love, no boundaries ให้เพื่อนหรือคนใกล้ตัวคุณอ่าน เพราะอะไรคุณถึงเลือกเรื่องนี้ให้เพื่อนอ่าน และจะบอกเขาว่าอย่างไรให้อ่านเรื่องนี้

อยากให้เพื่อนสนิทที่เป็นสาววายด้วยกันได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ จะแนะนำเพื่อนว่าพระนายเรื่องนี้น่ารักมาก ถึงพระเอกจะน่าหมั่นไส้ แต่ฮีหล่อ ฮีรวย และฮีล่ำหุ้นน่าหม่ำมาก -..- 555555 นายเอกช่างน่าอิจฉา ถึงกระนั้นความรักของทั้งคู่ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นและสมหวังกันง่าย ๆ เป็นนิยายที่มีคู่รักที่น่าอิจฉาและน่าสงสาร น่าเอาใจช่วยไปพร้อม ๆ กัน อยากลุ้นส่งให้หนุ่มไทยน่ารักได้ลงเอยอย่างแฮปปี้กับพ่อหนุ่มฝรั่งน่าหม่ำอย่างที่ตัวเองฝันด้วย นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายรักเพ้อฝัน มีความเรียล ความสมจริงที่พอดี มีมุมมองความรักที่ทำให้เราเข้าใจและมองความรักได้ชัดมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่มุมมองของตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง แต่ตัวเอกทั้งสองที่ต่างก็มีปมและปัญหาที่ต่างกัน ทำให้เราเองได้เรียนรู้ความรักมากขึ้น แถมนอกจากนี้ไม่มีนิยายเรื่องไหนจะเหมือนเรื่องนี้ที่นายเอกเสียตัวครั้งแรกบนฝากระโปรงรถ -,,- เอาตัวรอดมาได้ตั้งหลายครั้ง พอจะโดนกินก็เล่นซะใหญ่เลย 5555555 (นี่คือเหตุผลที่เราตามอ่านมาเรื่องนี้ค่ะ) เรื่องนี้ครบรสทั้งสุข เศร้า เหงา หื่น ฮา แถมได้เรียนภาษาอังกฤษกับความรู้ทั่วไปอื่น ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ ด้วย มันดีจริง ๆ

- หากคุณมีโอกาสได้เป็นตัวละครในนิยายเรื่องนี้ บทไหนที่คุณอยากจะเป็น และเพราะอะไรถึงอยากจะเล่นเป็นบทนี้ (ตอบล่วงหน้าไปพาร์ทสามก็ได้นะคะ)

อยากเป็นแมทค่ะ เหตุผลที่หนึ่งเพราะชอบฝรั่ง 555555 เหตุผลที่สองเพราะนางเก่งภาษาอังกฤษ แถมได้ไปอเมริกาอีก นี่อยู่เอกเดียวกับนาง อิจฉามากบอกเลย ส่วนเหตุผลที่สามคือเราอยากรู้ว่าถ้าเราเจอสถานการณ์เดียวกับแมท ทั้งการที่มีคนรักแบบวิคเตอร์ที่เป็นนักแสดง ต้องห่างกันโดยที่มีสถานะไม่ชัดเจน ต้องรับรู้ว่าคนรักใกล้ชิดคนอื่น ถ้าเราเป็นแมทเราจะรู้สึก รับมือ และจัดการให้ตัวเองผ่านมันไปได้ยังไง ส่วนตัวเราไม่เคยมีแฟนหรือคนที่ชอบเลย หลาย ๆ คนอาจไม่อยากเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ความรักมันก็ไม่ได้มีแค่ความสุขเสมอไป เราอยากสัมผัสด้านที่เจ็บปวดของมันบ้าง เราคิดว่าการเป็นแมทไม่ได้น่ากลัวเกินไป อย่างน้อย ๆ หรืออาจจะไม่น้อย วิคเตอร์ก็รักและปรับตัวเพื่อเรา เราแค่อยากลองเป็นคนที่ต้องตัดสินใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยากจะลองเลือกให้อภัยและเรียนรู้ความผิดพลาด ความเจ็บปวดบ้าง แถมลึก ๆ ถ้าเราเป็นแมท เราคงสั่งสอนวิคเตอร์ให้หนักกว่านี้ หากเรามีคนรักแบบวิคเตอร์ ถึงจะไม่ใช่อย่างที่ฝัน แต่เมื่อรักแล้วเราก็อยากประคับประคองไปให้ได้ เราอยากรู้ว่าเราจะทำได้ไหม เราเข้มแข็งพอจะให้อภัยคนที่เรารักได้ไหม เราจะมองออกไหมว่าเขารักเราแค่ไหน อย่างนิสัยแบบเรา เราคิดว่าคงมีเปอร์เซ็นต์ทิ้งวิคเตอร์สูงแน่ (อ้าว) แต่ถ้าเห็นว่าเขาไม่ตั้งใจล่ะ เราจะทิ่งเขาไหม เพราะเรารักเขา อยากรู้ว่ารักของเรากับเขาจะเป็นยังไงค่ะ อยากรู้ว่าเราคู่ควรไหม

- สมมติฐานว่า หากวิคเตอร์กับแมทมีตัวตนจริงๆ คุณอยากจะบอกอะไรเขาทั้งสองคน

ขอให้รักกันไปนาน ๆ นะคะ จะบอกแมทว่าอย่าตามใจวิคเตอร์มากไป ถ้ารู้สึกแย่ก็บอก ไม่ต้องฝืนทน อะไรที่วิคเตอร์เยอะไปก็บอกให้เขาลง การทนอะไรมาก ๆ ตอนแรกก็อาจเพื่อเขา แต่สุดท้ายถ้าไม่ไหวเราก็คงระเบิดออกมา สุดท้ายมันอาจจะกลายเป็นว่าทำร้ายทั้งตัวเองและก็อีกฝ่าย แถมยอมมากไปทำให้วิคเตอร์เคยตัว ไอ้ยักษ์เอาแต่ใจจะตาย ส่วนวิคเตอร์อยากบอกว่ารักษาแมท ทะนุถนอมแมทหน่อย อย่าหื่นให้มากนัก สงสารร่างกายแมทจริ๊งจริง -..- อย่าลืมเป็นเด็กดีของแมทด้วย อย่าเผลอทำให้คนที่รักเสียใจอีก ลองคิดดูสิว่าถ้าไม่มีเขาจะเป็นยังไง เราอดทนไม่ใช่เพื่อความสุขของคนที่เรารักเท่านั่น แต่เราอดทนเพื่อปกป้องความสุขของตัวเองด้วย สุดท้ายคือขอบคุณทั้งคู่นะคะ นอกจากความสนุกแล้ว ขอบคุณสำหรับที่ทำให้เราได้เรียนรู้ความสุขในอีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้ได้เห็นมุมมองความรักอีกอย่างหนึ่ง รักทั้งสองคนมาก ๆ เลย อันนี้ต้องขอบคุณคนเขียนด้วยค่ะ 555555 ขอบคุณค่ะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal_Elle ที่ 06-02-2016 07:25:27
          นิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ดำเนินเรื่องได้คล่องไม่สะดุด ชอบที่วิคเตอร์มักจะหึงแมท ชอบที่มีภาษาอังกฤษแทรกเหมือนได้เรียนภาษาไปในตัว ชอบที่คนเขียนทำให้เรื่องมันสนุก จนเราอินไปกับมัน เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่จะบอกเพื่อนตอนที่แม่งถามว่า "มีนิยายอะไรน่าสนใจบ้าง? " มันน่าสนใจจริงๆนะ
ในเรื่องนี้หากเลือกได้ ชอบที่จะเป็นวิคเตอร์ ชอบที่วิคเตอร์เป็นวิคเตอร์ ชอบนิสัยของตัวละคร ชอบหน้าหล่อๆ ชอบที่เป็นคนต่างชาติ(ฝรั่งคือนิพพาน) แน่นอนว่าอยากเป็นคนเลว(เป็นคนดีจะไปสนุกอะไร๊ จริงไหม?(!))
หากเจออยากบอกว่า "รักกันเบาๆ สงสารคนโสดหน่อย แต่เอากันแรงๆเพราะกูฟิน =,.="


NC กูอยู่ไหน!!!!!  (๕๕๕๕๕) 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 09-02-2016 17:26:35


Only You EP.26 :: Grey Mood. [50%]




‘Victor and Andreana, are they in a relationship? What about Sharon? Does he go out with two girls? And what about a mysterious boy who we do not know yet that who is him? It’s look like he is still really man like he told us.’  (วิคเตอร์กับอันเดรียนา พวกเขาทั้งสองคนคบกันอยู่งั้นเหรอ แล้วชารอนล่ะ หรือว่าเขาออกเดตกับผู้หญิงสองคน? ไหนจะเด็กผู้ชายปริศนาคนนั้นอีกที่เรายังคงไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ชายจริงๆ อย่างที่บอกนั่นละน่ะ)


ผมถอนหายใจ หลับตาลงพร้อมกับวางมือถือลงไว้บนโต๊ะหลังจากที่ได้อ่านข่าวประเด็นของวิคเตอร์กับอันเดรียนา สื่อตั้งคำถามว่าเขากับอันเดรียนาคบกันหรือเปล่า แล้วยังมีชารอนที่ตอนนี้กระแสคู่จิ้นของเขาสองคนกำลังมาแรง แถมผมยังได้เกียรติลงข่าวกับเขาโดยเอารูปมาจากอินสตาแกรมของเขาที่เราถ่ายคู่กัน ข่าวไม่เท่าไหร่ คอมเม้นต์จากชะนีน้อยใหญ่นี่สิกรีดร้องดีใจกันมากมายที่พระเอกขวัญใจของตัวเองยังคงควงกับผู้หญิงตามปกติ แถมบางคนยังลามไปด่าอันเดรียนาอีกว่า ช่างไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด ต้องวิคเตอร์กับชารอนเท่านั้น แต่ก็มีคนที่เข้าข้างอันเดรียนาอยู่บ้างว่าเธอก็สวยและเหมาะกับวิคเตอร์ดี กับชารอนไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะทั้งคู่ต่างก็มีแฟนแล้ว


แต่ที่ไม่มีใครเข้าข้างเลยคือผมนี่ละ ฮ่าๆๆ ช่างน่าสงสารตัวเองเสียจริง (-_-) มีแต่คอมเม้นต์เชิงลบส่งมาถึงผมมากกว่าซะอีก พวกนั้นไม่รู้จักผม ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาว่าได้ก็คือหนังหน้าธรรมดาๆ ของผมนี่แหละ แถมยังบอกอีกว่าวิคเตอร์กับผมไม่เหมาะกันเลยสักนิด ถ้าเกิดเขาจะมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ ขอดูดีกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ ถามว่ามีชมผมบ้างมั้ย ผมว่าที่ด่าๆ และจิกกัดผมมันเยอะซะจนไอ้ที่ชมๆ ดูด้อยไปเลย ถ้าจะมีก็คงเป็นแฟนคลับคู่ผมกับวิคเตอร์ในไทยนี่แหละที่ช่วยเป็นโล่กำบังให้ผมได้บ้าง อยากจะขุดหัวมันไปมอบให้เป็นรางวัลแก่ทุกคนเหลือเกิน


ครืด~


ผมที่กำลังเหม่อๆ สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่โทรศัพท์สั่นอย่างรุนแรง พอก้มลงมองก็เห็นว่าเป็นข้อความว้อทสแอพจากวิคเตอร์


“What are you doing? (ทำอะไรอยู่)” ผมหยิบมือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์ตอบเขากลับไป


“Doing my project. (ทำโปรเจ็คต์จบครับ)”


“Where? (ที่ไหน)”


“At the library. (ห้องสมุด)”


“Why don’t you get back home? (ทำไมไม่ไปทำที่บ้าน)” ผมเผลอถลึงตาใส่หน้าจอมือถือ ทำอย่างกับเขาจะเห็นงั้นละ


“There are a lot of books to find a lot information for my project. (มันมีหนังสือให้หาข้อมูลเยอะครับ)” ผมนั่งมองหน้าจอที่ขึ้นว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์โต้ตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่วคิ้วย่น


“You can use a Google at home. Go home. (ใช้กูเกิ้ลก็ได้ กลับบ้านซะ)” ผมจิ๊ปาก อยากจะสบถให้ดังลั่นชั้นหนึ่งหอสมุด ผมกำลังจะกดโทรหาเขา แต่เขาดันตัดหน้าโทรหาผมก่อน


“กลับบ้าน” ไม่ทักทายใดๆ ให้เสียเวลา แต่ออกคำสั่งตามนิสัยของเขาทันที


“ผมทำงานนะครับ ไม่ได้มาเที่ยวเล่น” ผมบอกเสียงเหนื่อย เดาว่าหน้าตาตัวเองคงเหนื่อยไม่แพ้เสียง


“ทำที่บ้านก็ได้ แล้วออสตินไปไหน”


“ผมให้เขากลับไปแล้ว คุณไม่ต้องโทรตามเขากลับมานะ เพราะผมจะทำงาน”


“บอกให้กลับไปทำที่บ้านไง” เสียงเขาเริ่มเข้มขึ้น ผมทำหน้าเซ็ง ตั้งแต่เกิดเรื่องอันเดรียนา ผมว่าเลเวลความบ้า ความหวงของเขาดูจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม


“วิคเตอร์ ผมจำเป็นต้องทำที่นี่ คุณไม่อยากให้ผมเรียนจบแล้วรีบไปอยู่กับคุณไวๆ เหรอ” ต้องใช้วิธีตะล่อม ผมไม่อยากเถียง ไม่อยากขึ้นเสียงใส่กันทางโทรศัพท์ เพราะมันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะดีนัก วิคเตอร์นิ่งเงียบไป คงกำลังคิดทบทวนตามที่ผมพูดอยู่


“งั้นทำตามกฎด้วย ห้ามพูด ห้ามคุยกับผู้ชายคนไหน เข้าใจมั้ย ที่สำคัญห้ามยิ้ม ห้ามหัวเราะกับใคร” โอ๊ย!


“คู่ทำงานของผมเป็นผู้ชายถึงสองคนด้วยกัน เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะทำตามที่คุณบอก” ผมว่าอย่างเหลืออด รู้สึกอยากเอาถาดฟาดหัวเขาแรงๆ


“แมท อย่าประชด ฉันบินไปหานายได้ทันทีนะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าตาไอ้ยักษ์คงหงุดหงิดเต็มทนกับน้ำเสียงเรียบนิ่งของผม ไอ้เรื่องทำงานกลุ่มเดียวกับผู้ชายนี่ตอนแรกก็ตบตีกันไปแล้ว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ยิ่งรู้ว่าหนึ่งในนั้นมีไอ้แชมป์เขายิ่งหงุดหงิด (แค้นฝังหุ่นจากแค่การที่มันโอบผมวันพรีเซ้นต์ฝึกงาน - -)



“ผมเปล่า ผมพูดเรื่องจริง ทีคุณยังคุยกับผู้หญิงคนอื่นได้เลย” อยากจะตีปากตัวเองให้เลือดซิบ พูดไม่ทันคิดอีกแล้ว อาหารชนิดไหนกันที่ทำให้ผมปากไว ปากดีแบบนี้ และเพราะไอ้นิสัยปากเก่งนี่แหละที่ไปจุดอารมณ์เดือดของเขา


“นายเป็นอะไรวะ?! ทำไมช่วงนี้หาเรื่องฉันเก่งจัง เป็นห่าอะไรนักหนา ฉันไปทำอะไรให้อีก?!” เขาขึ้นเสียงดังลั่นมาตามสาย ขนาดอยู่ห่างกันเขายังทำผมสะดุ้งได้ ผมพ่นลมหายใจ แล้วพูดเสียงอ่อนแรง


“ผมขอโทษครับ”


“จะให้ฉันสติแตกก่อนรึไง ถึงจะหายเป็นแบบนี้ หยุดทำท่าทางเย็นชาอย่างกับภูเขาน้ำแข็งสักทีเถอะ มันน่ารำคาญ!” เขาคงเหลืออดกับผมพอสมควรถึงได้พูดตะคอกแบบนี้ นี่ถ้าอยู่ใกล้กันพนันเลยว่าผมคงโดนเขาบีบคอแน่


ตั้งแต่เขากลับไปได้หนึ่งอาทิตย์ เราก็สไกป์คุยกันตามปกติ แต่ไอ้กำแพงประหลาดในใจผมนั้นกลับทำให้ผมยิ้มหรือหัวเราะไปกับเขาได้ไม่เต็มที่ หรือแม้กระทั่งพูดคุยกับเขา ผมยังไม่อยากจะมองหน้า ไม่อยากสบตา แทบไม่อยากพูดด้วยซ้ำไป หรือบางทีถ้าพูดผมก็ชอบพูดแดกดัน พูดประชด พูดจิกกัดเขาแบบนิ่งๆ จนเขาโมโหนั่นแหละ ผมถึงจะหยุด เขาด่าผมไปหลายรอบแล้ว แทบจะบินมาบีบคอผมกับท่าทีที่ผมแสดงออก ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเป็นห่าอะไร ไม่ใช่ไม่รู้ตัวเองซะทีเดียวว่าเป็นอะไร แต่แค่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องไหน


“ปากบอกไม่โกรธ แต่ที่นายทำแม่งอย่างกับเกลียดฉันมาครึ่งชีวิต นายจะเอาอะไรอีก ต้องให้ฉันพาเข้าไปอยู่ในป่ากันแค่สองคนมั้ยถึงจะไว้ใจฉันน่ะ!” ผมหลับตาลงพร้อมกับไหล่สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงอันทรงพลังของเขา นี่ถ้าอยู่ต่อหน้ากัน ผมคงตัวสั่น หัวหดไปแล้ว


“วิคเตอร์ ผมขอโทษแล้วไง อย่าอารมณ์เสียสิ คุณเพิ่งเลิกงานมา เดี๋ยวเข้านอนไม่สบายตัวนะ” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็น พยายามคุมต่อมปากมากของตัวเองให้อยู่หมัด


“เออ! รู้ว่าฉันเพิ่งเลิกงานมาเหนื่อยๆ ยังจะมาทำให้เหนื่อยซ้ำซากอีกทำไม?!” ผมถอนหายใจ พยายามอดทนกับการกระแทกแดกดันของเขา ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ไม่อยากปะทะอารมณ์กับเขา


“ผมรู้ตัวแล้วไงว่าผมผิด คุณก็อย่าโมโหอีกสิครับ” ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ถ้ายิ่งร้อนเป็นไฟใส่ เขาก็จะกลายเป็นพายุ แล้วทีนี้เราทั้งคู่ก็จะพากันพังไปด้วยกัน


“ถึงบ้านแล้วโทรหาฉันด้วย” เขาบอกเสียงห้วน แต่ไม่ตะคอกอย่างเดิม


“คุณกำลังจะเข้านอนแล้วนะ ผมไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของคุณ”


“ฉันเคยไม่รับสายนายงั้นเหรอ” ไวกว่าสมองและความคิดก็ปากผมนี่ละ เพราะผมดันเผลอพูดออกไปอย่างไม่ทันห้าม หรือจริงๆ ห้ามแล้วแต่มันดันเหี้ยห้ามไม่อยู่


“ก็ตอนที่คุณอยู่กับอันเดรียนาไง”


“แมท!!! จะทะเลาะกันให้ได้เลยใช่มั้ย อยากเจอดีรึไงวะ??!!” เสียงเขากลับมาตะคอกอีกครั้ง และดังลั่นกว่าเดิมแถมมาพร้อมกับอารมณ์ดุเดือดที่พร้อมจะจับผมเฉือนเนื้อเป็นชิ้นๆ


“แล้วคุณจะขึ้นเสียงอะไรนักหนาเนี่ย?! มันหนวกหู! น่ารำคาญโว้ย!” ตอนแรกกดความโกรธลงไปได้บ้างแล้ว แต่พอเจอเขาตะคอก ขึ้นเสียงบ่อยๆ ผมก็เริ่มจะหมดความอดทน เลยขึ้นเสียงกลับไปบ้าง


“กล้ารำคาญฉันงั้นเหรอ?! ไม่รักฉันแล้วใช่มั้ย??!! มีคนอื่นใช่มั้ย ฮะ?! ไอ้เอเลี่ยน!!!” ผมต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพราะเสียงอันเกรี้ยวกราดของเขา


“คุณลองอัดเสียงตัวเองตอนพูดบ้างนะ แล้วลองเปิดฟัง แล้วคุณจะค้นพบว่ามันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิดที่ต้องมาฟังเสียงฮาร์ดคอร์แบบนี้!!” ผมกดวางสายจนหน้าจอไอโฟนแทบบุบ กระแทกโทรศัพท์ลงบนหนังสือที่หยิบมาจากชั้นหนังสือในหอสมุด ยกสองมือขึ้นมากุมหัวไว้แล้วหลับตาลง พยายามหยุดความคิดผีบ้าผีบอในหัว สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คราวนี้เป็นเสียงจากโปรแกรมสไกป์ ผมลืมตาขึ้น ถอนหายใจแรงๆ หนึ่งที หยิบมือถือขึ้นมากดรับคอลสไกป์จากวิคเตอร์


“I’m sorry.” พอเปิดเจอหน้าตาพิโรธของไอ้ยักษ์หนวด ผมก็รีบเอ่ยปากเสียงเบา เขาจ้องผมตาแทบถลนออกจากเบ้า ผมหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าสบตาน่ากลัวของเขา


“ได้นับมั่งมั้ยว่าช่วงนี้พูดคำนี้ไปกี่ครั้งแล้ว นายจะพูดไปถึงเมื่อไหร่?!” เขาถามเสียงเข้มเกือบจะเป็นตะคอก ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่ตอนนี้หยาบกระด้างจนไม่น่ามอง


“ไม่พูดแล้วก็ได้” ผมว่าเสียงอ่อย ยังคงไม่กล้ามองหน้าเขาบนหน้าจอ วิคเตอร์นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกเสียงห้วน


“ห้ามกลับเกินสองทุ่มของเวลาที่โน่น เล่นฟิตเนสแค่สองชั่วโมงพอ แบ่งเวลาเอาเองว่าจะทำอะไรก่อน ถึงบ้านแล้วโทรมา อย่าให้ฉันต้องโทรตามนะ” ผมเลื่อนสายตาขึ้นไปมองหน้าเขา วิคเตอร์มองกลับมาอย่างจริงจังพอๆ กับน้ำเสียงเมื่อครู่นี้


“ครับ” ผมตอบรับเสียงค่อย กดหน้ารับอีกนิดหน่อย เขามองหน้าผมนิ่งๆ อีกครู่หนึ่งก่อนที่จะกดตัดสัญญาณไป ผมถือโทรศัพท์ค้างไว้อีกแปบแล้วเอาลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมวางโทรศัพท์ลงบนหนังสือ เอนตัวกับเก้าอี้ในห้องตู้กระจก หลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ


ถ้าผมไม่คิดมากก็คงดี ถ้าผมลืมง่ายๆ ก็คงดี แต่มันจะมีเหรอคนที่ให้อภัยแฟนตัวเองได้อย่างรวดเร็วในเรื่องที่เขาไปวอกแวกกับคนอื่นมา ผมให้อภัยได้ ผมแค่ขอเวลาหน่อย แต่วิคเตอร์ดันใจร้อนจะเอาให้ได้เดี๋ยวนี้ ความไว้ใจ ความเชื่อใจมันเกิดขึ้นง่ายๆ ได้ที่ไหน จริงอยู่ว่าเรื่องของผมกับวิคเตอร์มันไม่ถึงขั้นแก้วแตก แต่มันก็ร้าวอยู่ไม่น้อย ทุกวันนี้ในหัวผมยังมโนอยู่เลยว่าช่วงที่เขาอยู่ในห้องด้วยกัน เขาทำอะไรกันแน่ แถมวิคเตอร์ยังทำตัวให้ผมทั้งกลัวทั้งเหนื่อยใจไม่อยากอยู่ใกล้อีก อันที่จริงเราก็ไม่ได้ใกล้กันหรอก ผมหมายถึงว่าผมไม่อยากคุยกับเขาน่ะ ช่วงนี้คุยทีไรไม่เคยคุยดีๆ ได้ตลอดรอดฝั่ง จะเป็นแบบนี้อีกนานหรือเปล่าเนี่ย


ก๊อกๆ



เสียงเคาะประตูกระจกของห้องที่ผมนั่งอยู่ดังขึ้น ผมลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่ได้เจอมานานมากนับตั้งแต่ที่เราสองคนเลิกคุยกัน อันที่จริงก็เคยเจอกันครึ่งนึงละนะ แต่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าประทับใจสักเท่าไหร่


“อ้าว เอิร์ท…” ผมเอ่ยทักเสียงเบาตอนเขาเปิดประตูเข้ามาด้านใน เอิร์ทส่งยิ้มให้ เขายังคงดูหล่อเข้มเหมือนเคย แต่วันนี้ผมเพ้าดูยุ่งเหยิงอย่างกับเพิ่งตื่นนอน ผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรืออเลิร์ทอะไรที่ได้เจอเขา แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันนานก็ตาม อาจเพราะเขาดันมาเจอผมในช่วงสภาวะอารมณ์นอยด์รับประทานแบบนี้ด้วยมั้ง


“นี่จองห้องไว้เพื่อมานั่งร้องไห้ป้ะเนี่ย” ผมยิ้มน้อยๆ สองมือปาดน้ำตาออกจากแก้มทิ้งไป เอิร์ทนั่งมองผมนิ่งๆ สักครู่ก่อนจะเปิดปากพูดต่อ


“ทะเลาะกับไอ้พระเอกนั่นเหรอ” ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไรเลยได้แต่ยิ้มอ่อนแรงกลับไปให้เอิร์ท


“เอิร์ทรู้ข่าวมันกับผู้หญิงคนอื่นแล้วนะ” ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูกแผ่วเบา


“อืม ก็ตามนั้นแหละ แล้วเอิร์ทมาทำอะไรที่นี่เหรอ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคุยเรื่องนี้ ยิ่งคิดมากอยู่ด้วย ภาพที่ปาปาราซซี่ถ่ายมาได้ยังติดแน่นในหัวอยู่เลย


“มานั่งทำงานกับเพื่อน…” ผมพยักหน้ารับรู้ สายตาหลุบลงต่ำนั่งมองโต๊ะไปแบบอึนๆ 


“…มันไว้ใจได้แค่ไหนแมท คนมันเคยควงผู้หญิงมาก่อน แล้วมันก็ดีกรีพระเอกขนาดนั้น คนเข้าหามันไม่ใช่น้อยๆ แน่ใจได้แค่ไหนว่ามันจะซื่อสัตย์” ผมทำหน้าเอือม เลื่อนสายตาหนีหน้าเอิร์ทที่มองกลับมาอย่างสงสัย


“เหมือนเอิร์ทอ่ะเหรอ” ผมพูดทั้งที่ไม่ได้หันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย


“จะว่างั้นก็ได้  ภาพที่ออกมา ขนาดผู้ชายด้วยกันยังบอกเลยว่างานนี้ เยสแน่นอน” ผมขมวดคิ้วแน่น เอิร์ทอาจจะแซวเล่น แต่ช่วงเวลานี้ผมไม่ขำด้วย ผมหันกลับไปมองเอิร์ทที่ยักคิ้วกลับมาให้


“นี่เอิร์ทต้องการอะไร พูดแบบนั้นทำไม” เอิร์ทยกมือสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้ เขาทำหน้าตาประมาณว่าตัวเองนั้นบริสุทธิ์ใจ


“เอิร์ทแค่พูดให้แมทฟัง แค่เตือน แต่เอิร์ทเชื่อว่าแมทก็ต้องคิดแบบเอิร์ทอยู่แล้วแหละ เอิร์ทกับมันก็ไม่ได้ต่างกันหรอก แค่คนละสไตล์” ด้วยอารมณ์และจิตใจของผมที่มันแย่อยู่แล้ว พอเจอเอิร์ทมาพูดแบบนี้ ผมเลยยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจเข้าไปอีก


“เอิร์ท ที่ทำกับแมท แมทยังเสียใจไม่พอใช่รึเปล่า” เอิร์ทมีสีหน้างง เขากระพริบตามองผมอย่างไม่เข้าใจ


“จะพูดทำไม พูดให้ได้อะไรขึ้นมา จะเป็นยังไงมันก็เรื่องของแมทกับเขา ฟังไว้นะเอิร์ท แมทรักวิคเตอร์ แมทจะไม่เลิกกับเขา ถ้าเขาไม่เลิกกับแมทก่อน แมทจะไม่ไปจากเขา” เอิร์ทนั่งอึ้ง มองผมกลับมาอย่างตื่นตะลึง เขาคงสตั้นท์ไม่น้อยที่เจอผมเหวี่ยงใส่ แต่ตอนนี้อารมณ์ผมมันเปราะบางมากพออยู่แล้ว เหมือนเส้นด้ายที่กำลังตึงแล้วเอิร์ทเป็นกรรไกรที่มาตัดมันจนขาดผึงออกจากกัน


“เอิร์ทไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ก็แค่…” แววตาเขาหมองลง มีแววอ่อนไหวเสียใจให้เห็นจางๆ แต่ตอนนี้ผมไม่นึกสงสารเขา เพราะสงสารตัวเองไว้ก่อนคงจะดีกว่า


“เราเสียใจเท่ากันแล้วกันนะ ทีนี้ถ้าพอใจแล้ว เชิญเอิร์ทกลับไปอยู่กับแฟนเก่าสุดที่รักของเอิร์ทเถอะ” ผมไม่ได้ตั้งใจพูดกับเขาแบบนี้ แต่พอได้หงุดหงิดอารมณ์ขึ้น ผมเลยพาลไปขุดเรื่องที่เขาทำไว้กับผมครั้งก่อน


เออ เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นอีลูกช่างขุด นี่ถ้าจบไปแล้วผัวทิ้ง ไม่มีงานทำ ผมว่าจะไปทำอาชีพขุดเจาะบ่อน้ำมันละ ขุดเก่งซะเหลือเกิน


“ขอโทษที่ปากหมาไปหน่อย” เอิร์ทบอกเสียงอ่อย หน้าตารู้สึกผิด ผมขบกรามเบาๆ หันหน้าไปมองทางหน้าต่างของห้อง เอิร์ทลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกจากห้องไป


“จะด่าจะว่ายังไง แต่เอิร์ทยังรู้สึกกับแมทเหมือนเดิมนะ” ผมย่นคิ้วฉับ


“กลับไปรู้สึกกับขวัญคนเดียวเถอะ” ผมบอกด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ครั้งก่อนแสนจะนางเอก ไม่โกรธ ไม่ด่า ไม่ว่า ไม่ประชดอะไรรุนแรง แต่คราวนี้เอิร์ทดันมาได้จังหวะพอดี เพราะผมลงกับอียักษ์ไม่ได้ เลยได้จังหวะลงกับเขาพอดี เออ นี่มันอะไรกัน ทำไมพอมีแฟนแล้วผมถึงได้นิสัยเสียแบบนี้นะ ติดนิสัยวิคเตอร์มาแน่เลย


เอิร์ทไม่ได้พูดอะไร ทำแค่เพียงถอนหายใจหนึ่งที แล้วเดินออกจากห้องไป ผมหลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกแรงๆ รู้สึกล้าไปหมด


“อ้าวเฮ้ย เมื่อกี้นี้กิ๊กเก่ามึงนี่ มาทำไรวะ” ผมหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นไอแชมป์กับไอ้วอร์มเดินหอบหนังสือและแอบเอาถุงขนมจากเซเว่นเข้ามาในห้องด้วย


“แวะมาทักทายตามปกติ” ผมตอบเสียงเรียบเฉย ไอ้สองตัวนั้นขมวดคิ้วมองผม


“ทักทายปกติ หน้ามึงนี่ปกติจังเนาะ” ไอ้วอร์มว่าแล้วโยนขนมช็อคโกแล็ตใส่หัวผม


“ไม่เกี่ยวกับเขาหรอก” ผมแกะห่อขนมช็อคโกแล็ตเอ็มแอนด์เอ็มออก หยิบสีเหลืองขึ้นมากินหนึ่งเม็ดด้วยท่าทีบูดๆ บึ้งๆ 


“งั้นหน้าบูดขนาดนี้ก็ต้องเกี่ยวกับผัวมึงแน่ๆ” ไอ้แชมป์นั่งลงตรงข้ามกับไอ้วอร์มที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมอีกที ผมไม่ได้ตอบอะไรพวกมัน แต่สีหน้าอย่างกับคนป่วยก็คงบอกพวกมันได้


“ทำไม ผัวมึงแอบไปมีใครอีกอ่ะ มึงเคลียร์กันแล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้วอร์มหันตัวมาถามผม มือซ้ายมันยื่นมาหยิบขนมในมือผมไปกินหนึ่งเม็ด


“ก็เคลียร์แล้ว กูแค่ยังสลัดภาพนั้นไม่ออกจากหัว”


“ภาพไหน ไอ้ภาพปาปารัซซี่นั่นอ่ะนะ” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ไอ้แชมป์ขมวดคิ้วเป็นปม มองหน้าผมด้วยสายตาคล้ายจะเอือมระอา ส่วนไอ้วอร์มถอนหายใจเบาๆ


“มึงนี่มันคิดมากไปซะทุกเรื่อง ลดๆ ลงบ้างก็ได้ เขาก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรนี่”


“แล้วคำพูดนั้นมันเชื่อได้แค่ไหน กูถามมึงหน่อยวอร์ม ถ้าเกิดคนที่มึงคบอยู่มีภาพถ่ายกับแฟนเก่าเขา หรือคนที่เขาเคยเอาออกมาให้มึงเห็น มึงจะไม่คิดอะไรเลยเหรอ หายขึ้นไปบนห้องนอนด้วยกันสองต่อสองนะ”


“คิดดิ เอาตรงๆ เรื่องผัวมึงกูกับไอ้แชมป์ยังคิดเลยว่าแม่งขึ้นไปบนห้องแม่งต้องมีบรรลงเพลงรักอ่ะ” ประโยคพูดต่างกันจากเอิร์ท แต่ความหมายเดียวกัน ผมจิ๊ปากใส่มันและมองค้อนมันไปหนึ่งที ไอ้วอร์มยิ้มกว้างขบขัน


“กูรู้ว่าภาพมันน่าคิด มีไม่มีเราก็ไม่รู้อีก แต่เขาก็บอกมึงแล้วนี่ว่าไม่มี เขาถ่อมาหามึงถึงไทยเลยนะ อเม’กานะเว้ย ไม่ใช่เชียงใหม่มากรุงเทพฯ” พวกเพื่อนๆ รับรู้แค่ว่าวิคเตอร์บินมาเคลียร์กับผมที่ไทย แต่ผมไม่ได้เล่ารายละเอียดลึกซึ้งอะไรให้พวกมันฟัง ไม่ได้เล่าด้วยว่าวิคเตอร์ต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่ได้เล่าด้วยว่าหมอพบอาการทางจิตใจกับอาการทางอารมณ์ของวิคเตอร์


“ผัวมึงรักมึงจะตายห่า มึงดูดิ ถ้าไม่รักจริง เขาจะมาซื้อคอนโดฯ ซื้อรถทิ้งไว้นี่ หาบอดี้การ์ดมาดูแลมึง แถมยังให้เงินมึงใช้ทุกเดือนอย่างงี้เหรอวะ” ไอ้แชมป์ออกความเห็นบ้าง ประโยคนั้นของมันทำให้ผมรู้สึกใจฉ่ำขึ้นมานิดหนึ่งจากที่ห่อเหี่ยวอยู่


“กูก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าไงนะ แต่ทำขนาดนี้นี่กูว่าเขาจริงจังกับมึงชิบหายเลยนะ เขาก็ไม่ได้มาไทยบ่อยๆ หรือมีญาติอยู่ที่ไทยใช่เปล่าวะ” ผมส่ายหัวแทนคำตอบไปให้ไอ้แชมป์ มันพยักเพยิดหน้าทำนองว่า นั่นไงล่ะ


“เออ ถ้าว่ามีญาติ มีใครอยู่ที่ไทยให้ต้องบินกลับมาหานอกจากมึงก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เพื่อมึงคนเดียวเลย” หัวใจผมเต้นตุบแผ่วเบา รอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะยิ้มเพราะวิคเตอร์เท่าไหร่ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ไอ้สองมารมองกลับมาด้วยความหมั่นไส้


“โห จะยิ้มก็ยิ้ม มาทำกั๊ก” สุดท้ายผมก็ยิ้มกว้างด้วยความเขิน แก้เขินด้วยการหยิบเอ็มแอนด์เอ็มสีเขียวปาใส่ไอ้แชมป์ ไอ้บ้านั่นก็มือไวคว้าที่ผมปาไปไว้ในมือได้ทันแล้วเอาเข้าปาก


“ถ้าเขาแค่เผลอนิดๆ หน่อยๆ มึงก็ปล่อยๆ บ้างก็ได้” ผมถอนหายใจกับคำพูดไอ้วอร์มแล้วยักคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง


“ประเด็นคือกูแค่สงสัยว่าที่เขาพูดมาน่ะจริงหรือเปล่า”


“อันนี้ก็อยู่ที่มึงแล้วอ่ะ ว่าจะเชื่อใจคนของตัวเองมากน้อยแค่ไหน แต่กูจะบอกอะไรให้ มีแฟนเป็นดารา มึงต้องอดทนกับชื่อเสียง กับการทำงานของเขา ผัวมึงอยู่กลางแจ้งอ่ะ ใครก็จับตามอง ใครก็รู้จัก” ผมพยักหน้าขึ้นลงเอื่อยๆ ตามคำพูดไอ้วอร์ม เรื่องที่มันพูดมาก็ถูกต้องนั่นแหละ


“แต่กูต้องอยู่ในมุมมืด เปิดตัวใดๆ ไม่ได้สินะ” ผมไหวไหล่ หยิบช็อคโกแล็ตแบบอื่นขึ้นมากิน


“อันนี้มึงเลือกเองไม่ใช่เหรอที่จะไม่เปิดเผยเรื่องมึงกับเขา” ไอ้แชมป์เลิกคิ้วขึ้นสูง


“ก็ใช่นั่นแหละ ก็ไม่ได้คิดจะเปิดอ่ะ ไม่อยากเปิดด้วย ไม่อยากให้เขาเสียหาย เขาจะทำงานใกล้ชิดกับใคร เลิฟซีนแค่ไหนกูไม่ว่านะ ตราบใดที่ยังเป็นงาน กูไม่ได้งี่เง่าขนาดนั้น แต่กับนางแบบคนนั้นมันไม่ใช่ไง” อย่างกับชารอน มีภาพหลุดออกมาจากกองถ่ายมากมาย จริงๆ ก็ไม่ใช่ภาพหลุดหรอก ผมใช้คำพูดผิดไปหน่อย มันเป็นภาพเบื้องหลังธรรมดาๆ เพียงแต่ว่าเป็นฉากจูบของพระนาง ผมไม่ได้กังวลใจอะไรนะ เพราะตีมหนังของวิคเตอร์ไม่ได้เน้นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อยู่แล้ว สู้รบกันมากกว่า มีสวีตนิดๆ หน่อยๆ หรือไม่ว่าจะเป็นกรณีสวีตใดๆ ถ้ามันอยู่แค่ในฉากของงาน ของการถ่ายทำ ผมไม่เคยรู้สึกใจสั่น ใจเสียกับประเด็นนี้ แต่กับอันเดรียนา มันไม่ใช่งานไง


“เขาอาจมอง แต่ไม่ได้ชอบ อาจคุย แต่ไม่ได้สานสัมพันธ์ กับนางแบบคนนั้นภาพมันอาจชวนคิด แต่อาจไม่มีอะไรเลยก็ได้นะมึง”


“มึงยังบอกเลยว่าเย็xแน่นอน” ผมบุ้ยปากใส่ไอ้แชมป์แล้วเคี้ยวช็อคโกแล็ตกรุบๆ


“อ้าว มันเป็นข้อสันนิษฐานโว้ย ถ้าเขามีอะไรกันจริงๆ นะ วันนึงก็ต้องมีหลักฐานสักอย่างหลุดมาให้มึงรู้อ่ะ”


“เออจริง ถ้าวันนี้ผัวมึงยังเนียนอยู่ แต่เชื่อกูดิถ้าเขาเอากับคนนั้นจริง วันนึงต้องมีบางอย่างมาทำให้มึงรู้อ่ะว่านี่แม่งเรื่องจริง เชื่อกู กูเคยโดนแฟนจับได้ว่าแอบคุยกับคนอื่น”


“เลวจริงๆ!” ผมหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาตีหัวมัน ไอ้วอร์มหัวเราะร่า ยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวตรงที่โดนผมฟาดเร็วๆ


“คิดมากๆ เดี๋ยวผัวก็เบื่อหรอก ทะเลาะกันนานๆ ไม่ดีนะมึง”


“ถึงไม่เคยมีแฟนแต่รู้หรอกน่าว่าทะเลาะกันมันไม่ดี” ผมทำปากยู่ คิ้วย่น สักพักไอ้แชมป์ก็โน้มตัวมาหอมแก้มอย่างเร็วจนผมตกใจหน้าเหวอ ไอ้สองมารหัวเราะอารมณ์ดี


“ตั้งแต่มีผัว มึงแม่งน่าฟัด น่ารักกว่าเดิมเยอะเลยว่ะ สงสัยน้ำผัวมึงจะดี ดูเปล่งปลั่ง ดูน่าเอากว่าเดิม” ผมยังอ้าปากหวอค้างไว้ ยังรู้สึกอึ้งกิมกี่กับการกระทำของไอ้แชมป์อยู่


“ไอ้เหี้ยแชมป์ พูดแบบนี้แสงดว่ามึงเคยอยากเอาไอ้แมทเหรอวะ” ไอ้วอร์มหัวเราะเสียงใส คนถูกถามหัวเราะเสียงดังลั่นห้อง หน้าตาตี๋ตาไม่ตี่ของมันมีแววกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เจือจางบางๆ อยู่


“เอาจริงป้ะ เคย ตอนมันเมาแล้วไปนอนห้องกูอ่ะ กูแค่แกล้งแซวว่าเอากันมั้ย โหย มันแม่งตอบรับกูจนกูเกือบเอาตูดมันละ แม่งยั่วชิบหาย” อ้ากกก!!!


“เอาแล้วมึง ที่วิคเตอร์ผัวมันบอกว่าลีลาบนเตียงมันเด็ด ท่าจะจริงว่ะ เฮ้ย ถ้ามึงเอา กูขอแจมด้วย” พ่นไฟ อยากพ่นไฟใส่อีสองมารนี่จริง!


ไอ้วอร์มหัวเราะดังลั่น มีการแท็กมือกับไอ้เหี้ยมแชมป์ด้วย ผมกระพริบตาปริบๆ มองหน้ามันสองคนสลับกันไปมา รู้สึกร้อนหน้าไปหมด หน้าแดงกว่าแตงโมจินตหราแล้วมั้ง


“อะ… ไอ้แชมป์ ไอ้วอร์ม ไอ้ ไอ้เฮีย!” อึ้ง พูดไม่ออก ไอ้สองตัวนั้นก็ยิ้มทะเล้นเริงร่าเชียว


“อะไรจ๊ะหนูแมท เรียกเฮียแชมป์เหรอ ถ้าเลิกกับผัวจริงๆ เฮียยินดีรับช่วงต่อนะ จะส่งเสียเลี้ยงดูไม่ให้แพ้ผัวฝรั่งเลย” มึ๊งงง!!!


“เสี่ยวอร์มขอคิวเสาร์อาทิตย์ก็พอจ้ะ วันธรรมดายกให้ไอ้แชมป์ไป” แล้วพวกมันก็หัวเราะเข้าขากันอย่างเฮฮา เริ่มรู้สึกว่าการที่มาทำงานกลุ่มเดียวกับพวกมันนั้นเป็นการถล่มตัวเองชัดๆ


“ไอ้ดวก พวกมึงมันเหี้ยยย!!” ไม่รู้จะด่าว่าอะไรแล้ว ผมไม่ได้โกรธพวกมันนะ คือเขินจนต้องโมโหกลบเกลื่อนเนี่ยแหละ


“อยากลองเอากับเหี้ยป้ะล่ะ” ไอ้แชมป์ยิ้มกริ่ม ยักคิ้วกวนตีนกลับมา ผมเบ้ปากใส่มันแรงๆ


“กูมีผัวให้เอาแล้วเว่ย!” ไอ้สองตัวนั้นส่งเสียงโห่ฮิ้วขึ้นมาทันที นี่พวกมึงไม่ได้เกรงใจห้องข้างๆ กันเลยสินะ


พวกมันผลัดกันแซว ผลัดกันตบมุก รับมุกกันอยู่สองคน ผมที่หัวเดียวกระเทียมลีบได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถลึงตาใส่พวกมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดูพวกมันจะยิ่งสนุกที่เห็นผมทำท่าทางแว้ดๆ กระฟัดกระเฟียดใส่


ถึงมันจะกวนตีนผมก็เถอะ แต่พวกมันก็ทำให้ผมยิ้มได้และหยุดคิดมากเรื่องระหว่างผมกับวิคเตอร์ได้เยอะเลย



 :mew6:

หายไปนานอีกล้าววว ช่วงนี้หายไปนานเหลือเกิน พอดีตอมติดงานค่ะ เลยขาดๆ หายๆ ไป บางทีอยากอัพแต่เสร็จจากงานมาก็เหนื่อยมาก ทำได้มากที่สุดคือตอบอีเมลแจ้งโอนเงินกับตอบข้อความในแชทเฟซ หรือเมนชั่นทวิตเตอร์ เพราะถ้าจะอัพเรื่องเลย ต้องใช้สมาธิในการพิมพ์และเช็กคำผิดเยอะมาก ซึ่งงานก็ดูดพลังไปเยอะมากกกก แต่ตอนนี้เสร็จงานแล้ว (แต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ซะทีเดียว) กลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวเดือนหน้า (อาจจะ) มีงานใหม่ อาจจะหายไปนานๆ แบบนี้อีก แต่ไม่หายตายจากแน่นอนเนอะเนาะะ

งานล่าสุดที่ไปทำมา อื้มมม ขอบอกว่า สนุกสนานและฟิน 555555 ไว้เดี๋ยวจะไปเล่านอกรอบในเพจให้ได้อ่านกันค่ะ พอดีตอมไปดูแลนักกีฬา (ผู้ชาย) จากต่างประเทศมา จริงๆ ตอมไม่ค่อยได้ยุ่งกับนักกีฬาหรอก ตอมดูแลพวกประธานกับเลขาสมาคมจากสวีเดนของกีฬานั้นมากกว่า กับนักกีฬาตอมไปแอ๊วเขาเอง 555555 สนุกดีค่ะ ปลื้มสุด ตอนนี้ก็แอบคิดถึงพวกเขาเหล่านั้น ไว้จะเล่าประสบการณ์สนุกๆ ในเพจให้อ่านกันนน

สำหรับวันนี้ก็มาอารมณ์สีเทาตามชื่อตอนกับพี่ยักษ์และน้องเอเลี่ยนกันไปก่อน เห้อออ เขียนเองยังเห้อเอง 55555 อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้เนอะว่า มันไม่ใช่ดราม่าตู้มมมม หรือฟินเฟ่อออ คือพยายามทำให้มันครึ่งๆ กลางๆ ไม่รู้ว่าทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน แต่อยากได้ฟีลประมาณเนี้ย มีใครเก็ทไปกะเรามั้ย 55555

สำหรับผู้ที่ชนะแคมเปญจ์แจกหนังสือหน้านิยาย (ทั้งเด็กดีและเล้าเป็ด) นั้น ตามไปดูได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ >> http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=68 (http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=68)


เจอคำผิดบอกกันได้ได้เลยนะค้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 09-02-2016 17:50:02
อิพี่ยักษ์เผด็จการ  :beat:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-02-2016 18:29:22
ยักษ์มันก็สม่ำเสมอดีนะคะแมต


บ้าสม่ำเสมอ..
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 09-02-2016 18:30:33
วิครีบร้อนจริง ร้อนเกินไปนิดนึง

แต่อึ้งกว่าคือแมท รักวิคจริงขนาดที่ว่าถ้าเค้าไม่บอกเลิกก่อน นึกว่าแมทจะประสาทแดรกตะโกนกลับไปซะอีกว่าเลิกแม่งเลย


ปรบมือให้แมท~
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 09-02-2016 18:33:10
คนนึงคิดมาก คนนึงใจร้อน สู้ต่อไปนะคู่รักทางไกล
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 09-02-2016 18:44:46
ติด1ใน5ด้วย แอบดีใจ ไม่ชนะไม่เป็นไร อิอิ

แต่ เฮ้ยยย เอิร์ธฮีคัมแบ็คคคค โดนแมทระเบิดใส่เลย

พี่ยักษ์ต้องเข้าใจนะ ความเชื่อใจจะสร้างใหม่ต้องใช้เวลา และต้องใช้ใจกับความจริงใจเข้าช่วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-02-2016 19:16:21
จะว่าไปก็ไม่ชอบนิสัยขี้ประชดประชันของแมทเลยอะ เห้ออออ.
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-02-2016 19:36:01
วิตเตอร์แมร่งเอาแต่ใจ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 09-02-2016 19:38:16
เฮ้ออออ รอผ่านช่วงนี้เลย กลับมาหวานกันไวๆเห๊ออออ
อ่านและเหนื่อย แต่ก็เลิกอ่านไม่ได้ 555555555555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 09-02-2016 20:32:32
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 09-02-2016 21:11:14
เหมือนพร้อมจะปะทุตลอดเวลายังไงไม่รู้สิ

ก็อยากจะสงสารยักษ์นะแต่ก็นะ...กรรมเก่านางเองทั้งนั้นนิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-02-2016 21:33:01
ไมารู้ว่าจะระเบิดแตกอีกตอนไหน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 09-02-2016 22:53:46
ทั้งเรื่องระยะทาง ทั้งงานที่นางทำ ทั้งเรื่องเก่าๆในอดีตของยักษ์
ยังไงก็ให้ทั้งคู่สู้ๆต่อไปปปปปปปป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-02-2016 23:54:00
 ดุยิ่งกว่าพ่อก็วิคนี่แหละ กลับบ้านนนน!!!! โคตรหวงแมท ละก็นั่นไงโดนเพื่อนหอมแก้ม
ผัวรู้บ้านอาจพัง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ouioui ที่ 10-02-2016 00:26:41
ถีบนายเอกได้ไหม? คือรำคาญอิพวกชอบขุดอ่ะ :hao3:

แต่หนักๆเลยคือตื้บพระเอกให้จมดินแม่มมเกลียดนักอิพวกเห็นใจคนอื่นมากกว่าเมียตัวเองสาสสสส :fire: :z6:

Ps.งานอินต้องมา555+
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 11-02-2016 01:16:38
เข้ามาตามเรื่องนี้ด้วยคนค่ะ อิอิ
มาช่วงกำลังกรึ่มๆเลย ค้างง แง้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 50%}:09.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 11-02-2016 13:39:51
ตัวแปรของความรักตอนนี้เราว่าอยู่ที่แมทแล้วล่ะ ว่าจะเดินหน้าต่อไหมหรือว่าจะจัดการความรักของตัวเองยังไงแค่พยายามอดทนมันคงไม่ใช่แล้วล่ะ เพราะความรักไม่ใช่การอดทนน่ะ แต่คือการเชื่อใจไว้ใจและปรับตัวเข้าหากันแต่มันต้องเป็นทั้งสองฝ่ายอดทนเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ทำให้ความส้มพันธ์ไปรอดหรอก เราว่าแมทอดทนมากกว่าใครแล้วล่ะ ตอนนี้คงเหลือแค่ว่าแมทจะอดทนไปได้แค่ไหน  :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 13-02-2016 13:25:29



Only You EP.26 [100%]



เรานั่งทำงานกันจนถึงสี่โมงเย็นก็ลงมติด้วยความขี้เกียจว่าควรหยุดทำ แล้วใช้ข้ออ้างแสนดูดีปลอบใจพวกเรากันเองว่าหาข้อมูลได้เยอะแล้ว เราเอาหนังสือไปคืนที่ชั้นวางหนังสือในหอสมุด เก็บของเรียบร้อยก็มุ่งตรงไปฟิตเนส ผมเหลือเวลาอีกประมาณสองสามชั่วโมงในการออกกำลังกาย ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะออกได้ยืดยาวมาถึงทุกวันนี้หรอก แต่ได้ไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มนี่แหละที่คอยดึงไปด้วยกัน


“ฟิตเพื่อผัวไว้ ท่าทางผัวมึงใหญ่และเอาหนักไม่ใช่เล่น” ไอ้แชมป์กรอกหูผมแทบทุกครั้งที่ผมเริ่มออกอาการขี้เกียจ ซึ่งประโยคนั้นก็ได้ผลด้วยนะ ผมว่าพอผมออกกำลังกายมันทำให้ผมแข็งแรงขึ้น ยิ่งโยคะยิ่งช่วยได้มากเลย กล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้ดีกว่าเดิม พิสูจน์ได้จากครั้งล่าสุดที่มีอะไรกัน แม้เขาจะทำรุนแรง แต่ผมก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองรองรับเขาได้ดีกว่าเดิมมากเลยละ แต่ยังไงผมก็ยังไม่หายขุ่นข้องหมองใจกับเขาเรื่องบังคับผมหรอก


“มึงคงเล่นคล่องแล้วนะ แต่ถ้ามีอะไรเรียกพวกกูแล้วกัน” ผมพยักหน้าให้วอร์ม มันเดินออกจากห้องแต่งตัวไปก่อน ส่วนผมกำลังยัดชุดนิสิตใส่กระเป๋าฟิตเนส


“เฮ้ เจอกันอีกแล้ว” ผมหันไปมองทางต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นใครก็ฉีกยิ้มกว้าง


“สวัสดีครับคุณแซ็ค” เขายิ้มหล่อกลับมาให้พลางวางกระเป๋าสะพายข้างสีดำใบใหญ่ลงบนม้านั่งตรงกลางทางเดินของช่องล็อคเกอร์


“เพิ่งมาเหรอ” เขาถามเสียงนุ่ม หยิบเสื้อสำหรับใส่ออกกำลังอายออกมาจากกระเป๋า ผมพยักหน้าหงึกๆ สองสามทีแล้วยิ้มกว้าง


“คุณก็เพิ่งมาถึงเลยสินะครับเนี่ย”


“ใช่ครับ ผมเพิ่งเสร็จธุระ เลยแวะมาทิ้งทวน วันพรุ่งนี้ผมก็กลับแล้ว” ผมยิ้มว่าอ้อ พยักหน้ารับรู้เรื่องที่เขาจะบินกลับอเมริกา แซ็คมองหน้าผมแล้วกระตุกยิ้มมุมปากซ้าย ผมยิ้มตอบกลับไป หันกลับมารูดซิบกระเป๋าแล้วยัดเข้าไปในล็อคเกอร์ พอหันกลับไปมองอีกฝ่ายผมก็สะดุดหน้าทิ่มไปนิดหนึ่ง เพราะเขาถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออกจนเห็นหุ่นอันล่ำบึ้ก ผมไม่ค่อยได้เห็นเขาถอดเสื้อเท่าไหร่หรอก มีแค่ครั้งสองครั้งเอง เลยยังรู้สึกตื่นเต้นเบาๆ ในอกอยู่บ้าง


วีเชฟเขาแน่นมาก หุ่นเขาบึ้ก หน้าอกแน่น นมเต่งตึง ไหล่กว้าง แขนนี่เป็นมัดๆ กล้ามท้องเป็นลอนชัดเจน วิคเตอร์ดูตัวบางไปเลยเมื่อเจอคุณแซ็คคนนี้เข้าไป แต่ไม่ว่ายังไงสามีหน้ายักษ์ของผมก็หล่อที่สุดสำหรับผมละนะ


“วันนี้ให้ผมสอนออกกำลังกายอีกมั้ย ถือว่าเป็นการส่งท้าย” เขาใส่เสื้อออกกำลังกายรัดติ้วพอดีตัว ผมกระพริบตาถี่ๆ แล้วเรียกสติตัวเองกลับคืนมา


“อ้อ เอ้อ ได้สิครับ ผมนี่โชคดีจังได้ว่าที่เทรนเนอร์ชื่อดังมาสอนออกกำลังกายให้ฟรีๆ” เขายิ้มมุมปากเท่ ยกกระเป๋าขึ้นเก็บในล็อคเกอร์ถัดไปจากผมสองช่อง


“ถ้าไปนิวยอร์กแล้วอยากออกกำลังกาย ติดต่อผมได้นะ เดี๋ยวลดราคาให้” พอได้ยินคำว่าลดราคา ผมก็ยิ้มพราย ตานี่วาวเหมือนพวกผู้หญิงเวลาเจอชุดชั้นในแบรนด์เนมลดราคา


“ไปนิวยอร์กเมื่อไหร่ จะติดต่อคุณไปแล้วกันนะครับ” เขายิ้มอบอุ่น ทำเอาผมแอบเคลิ้มไปนิดหนึ่ง แต่ก็รีบเก๊กหน้าให้อยู่ในระดับปกติ ไม่ให้เคลิ้มจนเยิ้มมากไป


เราสองคนเดินออกมาจากห้องแต่งตัว มีผู้ชายสองคนเหลียวมองมาทางเรา ตอนแรกผมคิดว่ามองผมเพราะเรื่องวิคเตอร์ แต่พอสังเกตดีๆ เขามองคุณแซ็คต่างหาก ซึ่งก็ไม่ค่อยน่าแปลกใจ หน้าอย่างนี้ หุ่นอย่างนี้ คงถูกใจชายชอบชายอย่างแน่นอน


“คุณดูมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นนะ แล้วก็…” เขาขมวดคิ้วนิดหนึ่ง รอยยิ้มแปลกๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า


“…ดูอิ่มเอิบ เอ่อ ดูมีน้ำมีนวลน่ะ” ผมยิ้มหน้าเหลอหลา ด้วยความที่อยู่กับตัวเองทุกวัน บางครั้งผมก็ไม่ได้สังเกตตัวเองขนาดนั้นว่าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนนี้กล้ามท้องเริ่มขึ้นมาบ้าง พุงน้อยๆ เริ่มยุบลงไป อกอวบอัดกว่าเดิม นอกนั้นผมก็ไม่ได้มานั่งมองตัวเองแล้วละ


“เอ่อ คงเพราะออกกำลังกายมั้งครับ” คุณแซ็คยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เหมือนรู้ทัน นี่เขารู้เรื่องผมกับวิคเตอร์รึเปล่าเนี่ย



“คงงั้น” ผมยิ้มแหะ แอบรู้สึกประหม่ากับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขา ผมว่ามันเหมือนรอยยิ้มของวิคเตอร์เวลาที่เขาคิดเรื่องอย่างนั้นอยู่เลย คือแซ็คอาจจะไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นกับผมหรอก แต่รอยยิ้มเขาชวนคิดไง ช่วงนี้ยิ่งโดนชมว่าสวยขึ้นบ่อยๆ ด้วย กิ๊ๆ (-.,-)


“วันนี้เล่นอะไรดี เอาก้นเหมือนเดิมมั้ย เอ่อ ขออนุญาตนะ” เขาจับไหล่ผม แล้วจับผมหันหลังให้เขา ผมเบิกตากว้างขึ้นแวบหนึ่ง


“โอ้โห ก้นงอนใช่เล่นเลยนะ งอนกว่า…” จู่ๆ เขาก็เงียบไป ผมหันหลังกลับไปมองเขา แซ็คยิ้มแกนๆ กลับมาให้


“งอนกว่าอะไรเหรอครับ” ผมถามด้วยสีหน้าสงสัย แล้วนี่คือเรากำลังพูดคุยกันเรื่องก้นงั้นสิ ทำอย่างกับคุยกันเรื่องว่ากาแฟสตาร์บัครสไหนอร่อยที่สุดงั้นแหละ


“เปล่าหรอก เดี๋ยวคุณวอร์มร่างกายก่อน เสร็จแล้วค่อยว่ากัน” ผมพยักหน้ารับมึนๆ คุณแซ็คยิ้มบางๆ กลับมา สายตาเขาดูซุกซนกว่าที่เคยเห็น อันที่จริงผมกับเขา เราเจอกันแค่อาทิตย์กว่าๆ เอง แล้วก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เจอกันแค่ช่วงออกกำลังกายนี่แหละ เขาอาจจะมีแววตาแบบนี้อยู่แล้วก็ได้ หรือผมเพิ่งเคยสังเกตก็ไม่รู้ ก่อนหน้านั้นผมก็มัวแต่มึนตึงเรื่องวิคเตอร์จนบางทีลืมสนใจสิ่งต่างๆ รอบข้าง มีอยู่วันนึงผมใส่เสื้อออกกำลังกายกลับด้านตลอดเวลาที่อยู่ที่ฟิตเนส คุณแซ็คเห็นแล้วขำยกใหญ่ แกล้งถามว่ากางเกงก็กลับด้วยหรือเปล่า แซ็คนี่ไม่เท่าไหร่ ไอ้สองมารนั่นสิ ล้ออย่างกับผมขี้แตกงั้นแหละ


ผมวิ่งเหยาะๆ บนลู่วิ่งข้างๆ คุณแซ็ค ระหว่างนั้นก็รู้สึกสึกว่ามีคนมองอยู่ เลยลองหันไปดูก็เห็นผู้ชายสามคนมองมาทางคุณแซ็คด้วยสายตาตื่นเต้น สองคนในนั้นคือคนที่เดินสวนกับเราเมื่อครู่นี้ หนึ่งคนที่มาสมทบใหม่นั้นแอบตุ้งติ้งเบาๆ ทั้งที่แขนแน่นมาก ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย ไม่ถึงกับงง แต่แค่ไม่เข้าใจว่าต้องตื่นเต้นกับฝรั่งหล่อล่ำคนนี้ขนาดนั้นเลยเหรอ ท่าทางคนกลุ่มนั้นดูมีความดีใจผสมด้วยซ้ำ เฮ้ย หรือเขาคิดว่าเขาเจอเนื้อคู่วะ


ผมกับคุณแซ็ควิ่งกันคนละสี่สิบห้านาที พอเหงื่อออกจนชุ่มฉ่ำ เขาก็พาผมมายืดเส้นยืดสายอีกรอบเพื่อเตรียมออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ระหว่างนั้นเขาก็อธิบายตามประสา (ว่าที่) เทรนเนอร์ว่าผมควรดูแลตัวเองอย่างไร ออกกำลังกายแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับรูปร่างตัวเองที่สุด ผมเชื่อว่าถ้าเขารับสอนเป็นกิจจะลักษณะเมื่อไหร่ เขาน่าจะไปได้รุ่งกับอาชีพนี้ เพราะเขาดูแลดีมากเลย ขนาดสอนให้ฟรียังใจดี แล้วถ้าเสียเงินเขาคงดูแลอย่างกับเด็กแรกเกิดเลยแหละ


“เสียดายจังเลยนะครับที่พรุ่งนี้คุณก็จะกลับแล้ว ไม่มีคุณสอนผมคงต้องเล่นคนเดียว ผมคงคิดถึงคุณแย่” แหม อยากตบปากตัวเองกับความดัดจริตอ่อนหวานที่ออกมาเหลือเกิน ทำอย่างกับสนิทกับเขามาเป็นปีงั้นแหละ


“ผมก็คงคิดถึงแมทเหมือนกัน” เขายิ้มมุมปากอย่างเท่กลับมา สายตานี่อ้อล้อมากเลย นี่อ่อยมั้ยหรือยังไง


“เดี๋ยวผมส่งดีวีดีสอนออกกำลังกายมาให้แล้วกันนะ หรือถ้าคิดถึงผมมาก วีดีโอคอลหาผมแล้วกัน จะสอนแบบไลฟ์สตรีมให้เลย” ผมหัวเราะเสียงใส แซ็คยิ้มกว้างหล่อเหลา ระหว่างนั้นเขาก็เซ็ทที่ยกน้ำหนักให้ผมไปด้วย


“เอ้อ แล้วพรุ่งนี้คุณกลับไฟล์ทกี่โมงครับ เผื่อผมจะไปส่งได้”


“กลับไฟล์ทบ่ายสองโมงน่ะ ไปส่งได้มั้ยล่ะ” ผมทำหน้าว่าเสียดาย ก่อนตอบเสียงอ่อย


“แย่จัง ผมมีเรียน ไปไม่ได้แน่เลย” แซ็คยิ้มมุมปาก ยกมือขวาโบกหนึ่งทีเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร ก่อนจะพูดเสริมอีกที


“ส่งตรงนี้ก็ได้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักหรอก เอาไว้ไปนิวยอร์กเมื่อไหร่ ค่อยนัดเจอกันสิ” ผมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม


“มา วันนี้ผมเพิ่มน้ำหนักให้ ลองยกดู” ผมเดินเข้าไปประจำที่ โดยมีแซ็คยืนดูอยู่ข้างๆ เขาออกคำสั่งให้ผมทำตามช้าๆ ไม่ให้รีบร้อน ผมก้มตัวลงพยายามออกแรงยก แต่ก็ยกไม่ขึ้น แซ็คเลยเดินเข้ามาซ้อนด้านหลังผม สองมือเขาโอบมาด้านหน้า ช่วยจับข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้ ผมตัวแข็งเล็กน้อย ไม่กล้าขยุกขยิกมาก พยายามทำตัวให้นิ่ง หลายวันที่ผ่านมา เวลาที่เขาสอนก็มีใกล้ชิดบ้าง แต่วันนี้นี่ใกล้ชิดสุดแล้ว


“ค่อยๆ ยกขึ้น ช้าๆ อย่างนั้นแหละ” ทำไมต้องพูดข้างๆ หูด้วยล่ะ คือพูดในระยะห่างปกติก็ได้ครับคุณเทรนเนอร์ มันสยิวอ่ะ


“ดีครับ อย่างนั้น อืม ให้ตายเหอะ” เขาสบถแผ่วเบา ผมเบิกตากว้าง เพราะนึกว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ กำลังจะเอ่ยปากถาม แต่ของแข็งบางอย่างที่ดันก้นผมอยู่ก็ทำเอาผมตัวแข็งทื่อเลยทีนี้ แซ็คเหมือนจะรู้ตัว เขาเลยกระเถิบถอยห่างออกจากร่างผมไป ผมรีบหันตัวไปเผชิญหน้ากับเขา แซ็คเม้มปากแน่น เขายกมือขวาลูบหน้า มองผมด้วยสายตาและสีหน้าอึดอัดผสมกับรู้สึกผิดจางๆ ผมยิ้มยิงฟันแห้งๆ


“ขอโทษที เดี๋ยวลองยกไปนะ ผมจะไปเล่นไอ้นั่น” เขาชี้เครื่องออกกำลังกายที่เอาไว้ออกช่วงไหล่ ช่วงอก ผมพยักหน้าหงึกหงัก แซ็คเดินไปนั่งลงบนเบาะ จากนั้นก็เริ่มออกแรงบีบแขนทั้งสองเข้าหากัน ผมหันกลับมาหาสิ่งที่ตัวเองกำลังเล่นอยู่ เรียกสติเบลอๆ ของตัวเองให้กลับมาแล้วเริ่มออกแรงยกไอ้ราวเหล็กแสนหนักหนานี่




ผมออกกำลังกายได้สองชั่วโมงตามที่วิคเตอร์กำหนดไว้ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มพอดี ตอนแรกผมจะไปอาบน้ำคนเดียว แต่คุณแซ็คก็ตามมาอาบด้วย เขาบอกว่าวันนี้คงพอแค่นี้ จะได้รีบกลับไปนอนพักผ่อนเพื่อที่จะได้เตรียมตัวกลับ เราเดินกลับเข้ามาเปลี่ยนชุดในห้องเดิม ผมน่ะหอบเสื้อผ้าไปห้องน้ำด้วย แต่คุณแซ็คนี่แกคงชิลจัด เพราะพันผ้าขนหนูผืนเดียวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถ้าตอนนี้มีเกย์อยู่ละก็ บอกได้เลยว่าหุ่นแซ็คจะเผยเลยว่าใครเป็นไม่เป็น


“ถ้าเสร็จก่อนไปได้เลยนะครับ ผมกลัวตัวเองนาน” เขาพยักหน้าแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำข้างๆ ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ พอถอดเสื้อผ้าออก ก็รีบจัดการทำความสะอาดตัวเอง เวลาเข้าห้องน้ำที่ฟิตเนสผมก็ไม่ได้ทำไรมาก แค่ล้างตัวเท่านั้น กลับบ้านไปค่อยจัดเต็มอีกที


“Shit! (แม่ง!)” เสียงสบถดังมาจากห้องของแซ็ค ผมปิดฝักบัว หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดตัวอย่างเร็ว จัดการใส่เสื้อผ้าด้วยความรีบเร่ง เปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เห็นแซ็คที่หัวเปียกทำหน้าเซ็ง


“What’s going on? (เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ)” ผมถามเสียงเบา แม้ว่าในห้องน้ำจะไม่มีใครก็ตาม


“I thought someone peek at me while I take a shower. (ผมคิดว่ามีคนแอบดูผมตอนอาบน้ำน่ะ)” เขาทำหน้าเอือม ส่วนผมนี่อ้าปากหวอเลย เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์ผู้ชายแอบดูผู้ชายอาบน้ำด้วยกันในฟิตเนส ก่อนหน้านี้เคยแต่ได้ยินเสียงลือเสียงอ้าง ยังคิดว่ามีจริงเหรอ สรุปว่ามีจริงเว้ย แต่ถ้าผมยังไม่มีแฟน ผมก็อยากแอบดูเขานะ เอ่อ ผมแค่เปรียบเทียบเล่นๆ ไม่ได้คิดจะดูเขาจริงหรอก


ผมหันรีหันขวางมองไปรอบห้องน้ำซึ่งไร้วี่แววผู้คน คาดว่าไอ้โรคจิตนั่นคงหนีออกนอกห้องน้ำไปแล้ว แหงล่ะ ใครมันจะไปอยู่ให้จับได้


“จำหน้าคนนั้นได้มั้ยครับ” แซ็คส่ายหัวหน้าตาเบื่อหน่าย ท่าทางเขาจะโดนแอบมองบ่อยแน่เลย เฮ้ย! ผมทำหน้าตกใจเมื่อนึกอะไรขึ้นได้


“เขาถ่ายคลิปอะไรคุณไปรึเปล่า” แซ็คย่นคิ้วนิดหนึ่ง


“ไม่แน่ใจ ผมไม่ได้กังวลเรื่องคลิปหรอก คือผม…” สีหน้าเขาเหมือนลำบากใจที่จะพูด


“…ผมเฉยๆ กับเรื่องคลิป แค่อยากอาบน้ำอย่างสงบสุข ไม่รู้ว่าไม่เบื่อกันบ้างรึไง” คราวนี้เป็นผมบ้างที่ขมวดคิ้ว ทำไมเขาเฉยกับเรื่องนี้ได้ล่ะ หรือเขาจะโดนบ่อยแล้วจนนึกเบื่อแทนไอ้คนที่ทำแบบนี้


“ไปแจ้งทางฟิตเนสมั้ยครับ” เขายกมือขวาขึ้นมาเบรกผมไว้


“ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้ผมก็กลับแล้ว ปล่อยไปเถอะ ถ้ามีคลิปหลุดบอกผมด้วยแล้วกันนะ” เขาพูดติดตลก ทำเอาผมขบขันไม่น้อย ผมพาเขาเดินออกจากห้องน้ำ สายตาก็มองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวงแทนเขาอย่างกับว่าผมโดนกระทำเอง


“อ้า! กางเกงในหายอีกตัวแล้วสินะ” เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกเซ็งๆ พลางโคลงหัวไปมาตอนที่หยิบกระเป๋าของเขาออกมาจากล็อคเกอร์ ผมนี่อึ้งอีกแล้ว เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ แบบใกล้ตัวมากๆ โชคดีนะเกิดมาไม่หุ่นแซ่บเท่าวิคเตอร์หรือแซ็ค ไม่งั้นต้องโดนขโมยกางเกงในบ่อยแน่เลยอ่ะ (โห มั่นเลย มั่นมาก)


“หายบ่อยเหรอครับ”


“ถ้าที่นี่ก็สองตัวแล้ว” แสดงว่าฟิตเนสที่นิวยอร์ก กางเกงในเขาต้องหายบ่อยแน่ๆ เลย


“โจรขโมยกางเกงในในฟิตเนสมีจริงเหรอเนี่ย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ปนจะอึ้งแผ่วๆ


“เป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ ผมเบื่อที่ต้องซื้อกางเกงในบ่อยๆ น่ะ” จากตอนแรกที่กำลังทึ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมก็ดันเกิดหลุดหัวเราะออกมาเพราะรู้สึกขำมากจริงๆ เพราะหน้าตาเขาตอนที่พูดคือเขาคงเบื่อมากแล้วจริงๆ อ่ะที่ต้องซื้อกางเกงในใหม่ ผมกำลังนึกภาพว่าเขาขนกางเกงในมายกโหลหลายๆ โหลอยู่ในหัว


“ขอโทษครับที่ขำ ไม่ใช่ผมไม่สงสารคุณนะ แต่หน้าคุณตลกมากเลยตอนพูด” ผมพูดไปกลั้นขำไป แซ็คเองจากที่หน้าเซ็งๆ พอเห็นผมขำ เขาก็หัวเราะเบาๆ บ้าง


“ผมไม่เข้าใจ กางเกงในเปียกเหงื่อมันน่าขโมยตรงไหน”


“คุณควรภูมิใจนะว่ากลิ่นเหงื่อตัวเองมีเสน่ห์ทางเพศ” แล้วเขาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะขบขัน


แซ็คไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก และผมก็ไม่ได้ต่อเรื่องราวให้มันยาวต่อไป เพราะแซ็คเองก็ไม่ได้ถูกคุกคามมากไปกว่านี้ เจ้าตัวก็ดูจะชินและชิลมากพอสมควร ระหว่างที่กำลังแต่งตัว ผมก็นึกถึงเกย์ก้ามปูสามคนนั้นที่มองแซ็คด้วยความตื่นเต้นตอนเราออกกำลังกายกันอยู่ ผมไม่ได้อยากป้ายสีใส่คนพวกนั้นนะ แต่มันก็น่าคิดอ่ะ


“ลากันตรงนี้เลยนะครับ เดินทางปลอดภัยนะครับคุณแซ็ค” ผมเอ่ยบอกเขาตอนที่เราเดินออกมาด้านนอกห้องแต่งตัว มายืนหลบมุมอยู่มุมหนึ่ง


“ไว้เจอกันที่นู่นนะ…” เรายิ้มให้กัน แซ็คมองผมด้วยสายตาละมุน


“…กอดทีได้มั้ย” อุ๊ย ผู้ชายขอกอด แวบหนึ่งผมนึกถึงภาพวิคเตอร์กับอันเดรียนาใกล้ชิดกัน ช่วงเวลานั้นวิคเตอร์จะคิดเหมือนผมหรือเปล่านะ คิดว่า ไม่ได้คิดอะไร


“ได้สิครับ” แซ็คอ้าแขนออก ผมซุกตัวเข้าหาร่างใหญ่หนาของเขา สองแขนโอบเอวเขาไว้ แซ็คกอดตอบกลับมา เรายืนกอดกันครู่หนึ่งแล้วผละออกจากกัน ในตอนนั้นเองที่ผมเหลือบไปเห็นออสตินที่ยืนมองกลับมาด้วยสีหน้าลำบากใจ ส่วนผมนี่หัวใจกระตุกวูบไปแล้ว เพราะในมือเขาถือโทรศัพท์มือถืออยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนในสายนั้นคือใคร


ผมหันหน้าหนีออสตินทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หันกลับไปปั้นยิ้มให้กับเทรนเนอร์สุดหล่อของผมที่ช่วยสอนออกกำลังกายให้ฟรีมาหลายวัน


“ขอบคุณมากนะครับที่สอนผมออกกำลังกาย ผมดีใจนะครับที่ได้รู้จักกับคุณ” พูดไปก็แอบเหลือมองไปทางออสติน ตอนนี้เขาหายไปจากตรงนั้นแล้ว สงสัยคงออกไปรอข้างนอก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้จังหวะหัวใจผมเต้นเป็นปกติอะไรเลย


“เหมือนกัน ดีใจนะที่ได้รู้จัก แมท” ผมปั้นยิ้มยาก แต่ก็ยิ้มอย่างจริงใจที่สุด


“ครับ ลุงแซ็ค” เขาทำหน้าหยีเหมือนครั้งแรกที่ผมเรียกเขาด้วยชื่อนี้ ผมหัวเราะน้อยๆ


“ไปละ ติดต่อกันบ้างนะ”


“แน่นอนครับ” ถ้าสามีหน้ายักษ์ผมไม่ตามลบคุณออกจากเฟซบุ๊คเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ซะก่อนนะ


“Good bye.” เราพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย นั่นจึงทำให้ทั้งผมกับเขายิ้มกว้างให้กัน แซ็คมองหน้าผมสักพัก เขามองผมด้วยสายตาครุ่นคิดเหมือนกำลังคิดอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดและเปลี่ยนเป็นเพียงยกมือขวาขึ้นมาโบกมือลา ผมยกมือขวาโบกมือตอบกลับไป เขาหมุนตัวเดินไปทางเดียวกับที่ออสตินเพิ่งเดินไป ผมมองตามร่างสูงใหญ่ไหล่หนาและกว้างเดินไปจนสุดสายตา ผมไม่ได้เดินตามเขาไปเพราะกะรอบอกไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มก่อน อีกอย่างตอนนี้แข้งขาผมอ่อนมากเลย แค่คิดว่าจะต้องทะเลาะกับวิคเตอร์อีก ผมก็ใจสั่นแล้ว


“อ้าว เฮ้ย มึงเล่นเสร็จแล้วเหรอ” ผมหันไปมองไอ้สองมารที่เดินเหงื่อชุ่มมาทางผม


“อือ ว่าจะกลับแล้ว มึงไม่ต้องไปส่งนะ ออสตินมารอรับละ” พวกมันสองคนพยักหน้ารับ ผมพยายามทำตัวให้ปกติ ไม่ให้พวกมันรู้ว่าผมกำลังจะต้องไปทะเลาะกับวิคเตอร์อีก


“เออนี่ เมื่อกี้กูเจอเหตุการณ์ตื่นเต้น มีคนแอบดูแซ็คอาบน้ำ กับขโมยกางเกงในเขาด้วย” ไอ้วอร์มทำหน้าตกใจ แต่ไอ้แชมป์แค่เลิกคิ้วขึ้นเท่านั้น


“จริงดิ เหี้ย แม่งอุกอาจสัส” ไอ้วอร์มพูดด้วยน้ำเสียงทึ่ง


“ไม่แปลกหรอก” ผมหันไปย่นคิ้วใส่ไอ้แชมป์


“ไม่แปลกยังไงวะ” ผมถามด้วยความไม่เข้าใจ ไอ้แชมป์หยิบมือถือขึ้นมากดๆ จิ้มๆ พักหนึ่ง แล้วมันก็กดตรงปุ่มลดระดับเสียงเร็วๆ


“มึงจำได้ป้ะที่กูบอกว่ามีเรื่องเกี่ยวกับไอ้ฝรั่งกิ๊กใหม่มึงจะบอกอะ”


“เออ จำได้ แล้วมึงก็เงียบหายตายจากไปเลย”


“กูลืม มัวแต่วุ่นวายกับโปรเจ็คท์ แล้วสภาพมึงก็นอยด์เพราะผัวมากพอละ กูเลยลืมหาเรื่องมายัดใส่สมองมึงอีก” คำพูดคำจามันนี่ หาเรื่องมายัดใส่สมอง นี่มันกะจะให้สมองผมมีเรื่องคิดเยอะๆ สินะ เหี้ยมจริงๆ


“เออ แล้วมีอะไรเกี่ยวกับเขาจะบอก มึงบอกว่ากูต้องชอบแน่ คืออะไร” ไอ้แชมป์ยิ้มมีเลศนัย ยื่นมือถือมาให้ ผมยื่นมือไปรับไว้ ไอ้วอร์มรีบเข้ามาดูด้วยทันที วินาทีที่ห้า (วินาทีแรกเร็วไป) ที่ผมเห็นสิ่งที่อยู่ในมือถือ ผมก็เบิกตากว้างทันที


“เฮ้ย นี่แซ็คนี่”


“เออดิ เป็นไง ชอบมั้ย” ไอ้แชมป์ยิ้มขำ ผมกระพริบตาปริบๆ ก้มลงมองบนหน้าจออีกครั้ง


“โห ไอ้เหี้ย” ไอ้วอร์มยืนสบถอยู่ข้างๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้แชมป์อีกรอบ


“คลิปโป๊ คลิปหลุดเขาเหรอ หรือว่ายังไง”


“คลิปหลุดเหี้ยไร มึงดูมุมกล้อง ดูการจัดแสง ภาพคมชัดขนาดนั้น เนี่ย หนังโป๊ กิ๊กใหม่มึงอ่ะ เป็นพระเอกหนังโป๊ ถ้าผัวมึงเป็นพระเอกคิวทอง กูบอกเลยว่ากิ๊กมึงอ่ะพระเอกดุ้นทอง” โอ้ว มายก็อด! ลืมเรื่องที่จะต้องไปทะเลาะกับวิคเตอร์ไปเลยเมื่อเจอเรื่องนี้ ผมก้มลงมองคลิปในมือถือไอ้แชมป์อีกครั้ง ในภาพเคลื่อนไหวที่ผมกำลังดูอยู่ เป็นแซ็คในอิริยาบถนัวเนียกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเร่าร้อน คือลีลาเขาสะเด็ดมาก อารมณ์ที่แสดงออกผ่านสีหน้าก็มีอินเนอร์ดีซะเหลือเกิน


“เฮ้ย นี่เรื่องจริงเหรอ” ผมยังไม่หยุดอึ้ง ถามไอ้แชมป์ด้วยความไม่แน่ใจ


“อ้าว จริงดิวะ ไม่ต้องถามนะว่ากูเจอได้ไง กูเปิดหนังโป๊ดูเนี่ยแหละ แล้วเผอิญเจอคลิปกิ๊กใหม่มึงพอดี”


“แล้วเขาไปเป็นพระเอกหนังโป๊ได้ไงอ่ะ คือกูหมายความว่า เขาเป็นเทรนเนอร์ อาจจะยังไม่ได้เป็นเต็มตัว แต่กำลังเป็น แล้วเขาสอนกูออกกำลังกายอ่ะ” ผมบอกด้วยสีหน้าเหมือนคนโง่เข้าไปเต็มที มันไม่ใช่เรื่องแบบว่ากล้วยออกลูกเป็นมะละกอหรือหมาคลอดลูกเป็นแมวอะไรทำนองนั้น แต่มันเป็นความรู้สึกอึ้งทึ่งงง และก็คาดไม่ถึง ไม่คาดคิดด้วยซ้ำ เอางี้ดีกว่า ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าแซ็คจะกลายเป็นพระเอกหนังโป๊ หนังโป๊?! หนังโป๊เนี่ยนะ หนังที่เขาเอากันจริงๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ เทรนเนอร์ที่เพิ่งบอกลากับผมไปกลายเป็นพระเอกหนังอย่างว่าไปแล้ว ฮึ้ยยย!


“เรื่องไปเล่นหนังโป๊ได้ไง กูไม่รู้หรอก แต่ที่เขาเป็นเทรนเนอร์ก็ไม่แปลก ดาราหนังโป๊เมืองนอกเขาก็มีคิวถ่ายทำเหมือนผัวมึงอะแหละ เวลาว่างเขาก็ทำอาชีพอื่นเสริมสิวะ”


“ไอ้แชมป์ มึงแม่งรู้ดีเหี้ยๆ กูก็ดูนะ แต่กูไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้อ่ะ”


“ก็มึงดูเพราะหงี่ กูดูเพื่อการศึกษาเว้ย!”


“ทุ้ย!” ไอ้สองมารมันกัดกันไปมา ส่วนผมนี่ยังยืนเอ๋อ ทึ่ง ตะลึงอยู่เลย โอ้ว พระเจ้า เทรนเนอร์ของผม กลายเป็นพระเอกนักรักไปแล้ว เพิ่งจากกันเมื่อกี้ และตอนนี้ผมอยากวิ่งไปถามเขาเหลือเกินว่ามันอะไรยังไง แต่ก็คงจะไม่สมควรมากเลยทีเดียว มันเป็นอารมณ์ที่บอกยากเหมือนกันแฮะ ผมเพิ่งกอดเขา เพิ่งโบกมือลาเขา ตอนนี้เพิ่งรู้เรื่องของเขาเพิ่มขึ้น มิน่าล่ะ เขาถึงดูชิลกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำมาก



ผมเฉยๆ กับเรื่องคลิป… ไม่รู้ว่าไม่เบื่อกันบ้างรึไง…



“เป็นไงมึง แซ่บสู้ผัวมึงได้มั้ย เนี่ย ถ้าโดนผัวทิ้ง มาเอากิ๊กมึงนี่ กูเป็นผู้ชายด้วยกัน กูยังนึกชมอ่ะ” เออ จริง ไม่เถียง ในคลิปนี่ดุเดือดมาก แซ็คทรงพลังทั้งทางร่างกาย ลีลาล่าทาง และจุดสำคัญก็คือ ดูจะพลังเหลือเฟือไม่แพ้วิคเตอร์ แต่ถ้าให้ตอบล่ะก็นะ


“กูเลือกผัวกู” ผมยื่นมือถือคืนไปให้ไอ้แชมป์ ไอ้สองมารโห่แซวเบาๆ แล้วรุมตบหัวผมกันใหญ่ ผมนิ่วหน้าใส่พวกมัน สักพักไอ้แชมป์ก็เลื่อนสายตาไปมองด้านหลังของผม


“อ้าว โน่น ตัวแทนผัวมึงมาแล้ว” ผมหันหน้าไปมอง ออสตินพยักหน้าให้นิดหนึ่งเป็นเชิงเรียก ผมพยักหน้าตอบกลับไป หันกลับมาหาไอ้สองแสบ


“ไปละ เจอกันพรุ่งนี้”


“กลับบ้านไปอย่าไปเปิดคลิปกิ๊กมึงดูล่ะ แต่ถ้าอยากดูกูไกด์ให้ พิมพ์ชื่อกิ๊กมึงในวงการหนังโป๊ว่า Bryan Steve ตามด้วยคำว่าหนังโป๊ลงไปในกูเกิ้ล รับรองมึงกระเส่าทั้งคืน” ด้วยความเร็วกว่าแสง ผมยกมือตีหัวไอ้แชมป์ดังป้าบทั้งที่มันกำลังหัวเราะอยู่ ก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งหนีมันไปโดยมีเสียงมันดังตามไล่หลังมาอย่างไร้ความเกรงใจคนอื่น


“กูจะฟ้องผัวมึงว่ามึงแอบมีกิ๊กเป็นพระเอกหนังโป๊!” โอ้ย! มึงไม่ต้องฟ้องแล้ว รอด่ากูอยู่ในโทรศัพท์นี่ไง


“คุณเรย์มอนด์ต้องการจะคุยด้วยครับ” ออสตินยื่นโทรศัพท์มาให้ในระหว่างที่เรากำลังเดินออกจากฟิตเนส ผมถอนหายใจแล้วยื่นมือไปรับโทรศัพท์มาจากออสติน


“ฮัลโหล” พอผมเอ่ยจบเท่านั้นแหละ เสียงตะวาดของวิคเตอร์ก็ดังขึ้น


“ไอ้ห่านั่นมันเป็นใคร! ชู้นายเหรอ?! จะเอาคืนฉันใช่มั้ย?!!” ผมหลับตาลงอย่างอ่อนล้า พยายามคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้


“วิคเตอร์ ฟังก่อน…”


“…เออ ฟังแน่! แต่ตอนนี้กลับบ้าน!” ผมรับปากเขา วิคเตอร์กดสางสายไป ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้ออสติน นี่เขาคงตื่นขึ้นมาเพราะเรื่องผม ไม่รู้ว่าออสตินไปบอกอะไร แต่ผมไม่โทษเขาหรอก เพราะเขาทำตามคำสั่งวิคเตอร์ผู้ซึ่งจ่ายเงินจ้างเขามาทำงานแล้ว เขาอาจไม่อยากทำ ไม่อยากบอก แต่รับเงินวิคเตอร์มาแล้วนี่ จะให้ทรยศนายตัวเองได้ยังไง


ผมถอนหายใจ เอนหลังพิงเบาะรถ นั่งเหม่อมองวิวด้านนอกกระจกรถไปเรื่อยด้วยความเหนื่อยล้า



 :mew6:

จะทนได้อีกนานแค่ไหนนนน ใจเริ่มล้าเข้าไปทุกวันนน

แต่เบรกอารมณ์สีเทาด้วยการต้อนรับพี่พระเอกคนที่สองของซีรีส์ #TheActorSeries หรือ #ซีรีส์พี่พระเอก กันค่า ลุงแซ็คนั่นเองงง เรื่องราวของแซ็คกับคู่ของเขาจะตามมาหลังจากตอมเขียนไอ้ยักษ์และพี่เขี้ยวจบแน้คะ อย่างที่แชมป์บอกแมทไปค่ะว่าพี่เขามีดีกรีเป็นพระเอกเชียวนะ คริๆ ใครอยากเห็นหน้าลุงแซ็คตามไปดูได้ที่เพจหรือทวิตค่า อุอิๆ แต่หลายคนน่าจะเคยเห้นไปแล้วละ แซ่บป้ะล่ะ ฮี่ๆ

สำหรับเรื่องราวของวิคเตอร์กับแมท ยังไงให้กำลังใจเขาด้วยนะคะ เรื่องแบบนี้เราเร่งความรู้สึกกันยากค่ะ ก็เหมือนที่วิคเตอร์ทำกับแมทนั่นแหละ ใจร้อนจะให้แมทหาย แต่การที่เราเห็นแฟนเราไปยุ่งกับคนอื่นโดยที่ไม่รู้ว่าเขามีอะไรกันชัวร์มั้ย มันระแวงไปหมด ในใจมันสลัดออกยากนะคะ ตอมเห็นเพื่อนหลายคนที่เจอประเด็นนี้ กว่านางจะทำใจได้ก็ใช่ว่าวันสองวันหรืออาทิตย์สองอาทิตย์ เป็นกำลังใจให้แมทสู้กับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้เนอะ

พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทแรกรอบรีปริ้นรอบสอง เหลือเวลาอีกเจ็ดวันนะคะ  เจอคำผิดแคปบอกตอมได้เลยนะค้าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-02-2016 13:35:01
เห้ยยยยยยย คู่ลุงเขาเป็นใคร ใช่คนที่ขโมยกกน.ป่าวฟร้าาาาาาา?  :hao7: :hao7:

ปอลอ งานนี้วิคหึงก็ไมแปลก คริๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-02-2016 13:44:54
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2016 13:46:28
เมื่อไรจะเข้าใจกันสักที ทะเลาะกันนานแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 13-02-2016 14:24:03
ท่าทางงานจะเข้าน้อง  :ling1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 13-02-2016 15:03:57
งานเข้าอีกแล้ววววววววว แต่ลุงแซ๊คก็ดูแซบแลงนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 13-02-2016 15:27:51
คงไม่หนักอีกมั้งงง? รอบนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 13-02-2016 15:30:46
พระเอกคนใหม่แซ่บเวอร์จริง ๆ อยากรู้จังว่าคู่ของเขาคือใคร  :o8: อย่าบอกน่ะว่าเป็นแชมป์  :mew3: แมทอดทนไว้น่ะ ยังไงก้อคุยกับวิคให้รู้เรื่องเลยน่ะ แต่ต้องใจเย็น ถ้าใจร้อนก้อจะเสียเรื่องหมดแหละ แล้วถ้าเมินเฉยพี่ยักษ์รับรองบินข้ามโลกมาแน่นอน แก้ไขยากเหมือนกันน่ะเนี่ยปัญหาคู่นี้น่ะ ละเอียดอ่อนจริง ๆ ยังไงขอให้หนูแมทไปอเมริกาเร็ว ๆ ใกล้ตัวยังไงก้อดีกว่าอยู่แล้วล่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 13-02-2016 17:03:26
ผิดใจกันนานเกินไปแล้ว เดี๋ยวกลายเป็นแผลเรื้อรังนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-02-2016 17:11:55
ทำไมแมทไปให้อีตาแซ๊คกอดด้วยละ  รู้ว่าวิคเตอร์ขี้หึง จะบอกว่าไม่มีอะไรกันแต่คนเห็นก็ต้องคิดมาก เหมือนแมทที่คิดมากเรื่องแอนเดรียนา แมทจะประชดหรือทำด้วยรู้ว่าไม่มีอะไไรเกินเลยก็ตาม เฮ้อออ.  ไม่ชอบแมทช่วงนี้เลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-02-2016 18:35:37
หาเรื่องทะเลาะกันอยู่ได้ ไม่เบื่อกันรึไง
เมื่อไรจะคุยกันดีๆ ต่างคนก็ต่างระแวงกัน แล้วมันจพไปกันรอดไหม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Malila ที่ 13-02-2016 18:48:40
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-02-2016 20:35:09
แมทก็แอบอ้อยเบาๆ นะ แต่นางก็มั่นคงกับสามีคนเดียวแหละ แซ็คดูเหมือนปิ๊งแมทนะ
ออสตินทำหน้าที่ดีมาก กรี๊ดดดดด รายงานไอ้ยักษ์ทำไม!!!! บ้านแตกบ้านพังกันพอดี
พุทโธธัมโมสังโฆนะแมทลูก ขอให้รอดปลอดภัยไม่ถูกล่ามโซ่นะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-02-2016 22:20:29
อีกแล้วเหรอ....


ยักษ์เปิดประเด็นให้ทะเลาะกันอีกแล้ว  คบกันแค่ระยะทางห่างไกลก็ว่ายากแล้วนะ ยังจะมามีเรื่องให้ทะเลาะกันเกือบทุกวันขนาดนี้อีก..จะรอดเหรอ


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-02-2016 01:05:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-02-2016 01:16:10
งานเข้าเลยอีหนูเอ้ยยย อิอิ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-02-2016 22:55:20
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 15-02-2016 17:39:46
เพิ่งอ่านเรื่องนี้จนตามทัน ขอคอมเม้นส์หน่อยนะคะ ว่า สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก....จริงๆนะ (ใครไม่เคยอ่านต้องมาอ่าน ไม่งั้นจะเสียใจจริงๆนะ)

เอาจริงๆเราชอบวิกเตอร์มากๆอ่ะ ถึงจะนิสัยเอาแต่ใจ แต่ที่ชอบคือความยึดติดน้องแมทนี่แหล่ะ หึงแรง หวงแรง บางที่ก็แอบสงสารแมทที่ดูเหมือนโดนจำกัดอิสระภาพ แต่ยังไงเราก็ยังชอบมากอยู่ดีที่วิกเตอร์ยึดติดมากขนาดนี้นะคะ (มันดูรักของมันมากจริงๆอ่ะ)  ยิ่งได้อ่านช่วงที่เป็นวิกเตอร์ดำเนินเรื่อง ความคิดเค้า ทำให้เราอ่านแล้วฟินมากกกกว่ามันรักและหวงแมทของมันจริงๆ (อ่านแล้วเคลิ้มเลย)>///<


แต่อีกคู่ที่ชอบอยากให้มีบทความรักคู่นี้บ้างคือ เบน&บาส คือเราชอบตัวละคร2คนนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก คือชอบนิสัยสองคนนี้มาก พอมาแบบกิ๊กกัน ก็อยากเห็นว่าเค้าตกล่องปล่องชิ้นกันยังไง ใครเป็นฝ่ายไหนอ่ะ5555(สำคัญ)  แล้วบาสโอเคได้งัยอ่ะ อิอิ  อยากกอ่านคู่นี้จริงๆนะคะ ^___^

ส่วนเอิร์ท ตอนแรกก็ชอบนะ แต่พอฮีตัดขาดแฟนสาวไม่ได้ แล้วก็เหมือนควบ2 เลยแบบเลิกชอบอ่ะ555  คือเอาเข้าจริงความรัก ความยึดติด ที่มีต่อแมท นี่สู้เฮียวิกเตอร์ไม่ได้เลยจริงๆ (ไม่ได้ขี้เล็บ) และเหมือนปากหวานไปเรื่อยอ่ะ เลยไม่ชอบแระเอิร์ท จะไปไหนก็ไป อิอิ

ยังไงสำหรับเราวิกเตอร์ก็นัมเบอร์วันอ่ะ ยึดติดแมทต่อไปนะคะเฮีย ชอบจริงๆนะ ^__^


รออ่านต่อนะคะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้มาให้"ชอบ" คะ

ปล.อยากให้รวมเล่มภาค2เร็วๆ จะรีบจองอย่างด่วนเลย ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้จริงๆคะ^^

 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 15-02-2016 22:15:01
ยังไงก็ยังจะเชียร์วิกเตอร์
คนเดียว

+1 ให้ wonwon
เชียร์เฮียวิกได้ถูกใจ

อิเอิร์ทหุบปากฮมอยเมิงไปเลย
เกลียดคนโลเลอย่างเมิงม่อก

วิกเตอร์ทั้งมั่นคงแถมขี้หึงอีก
อย่างนี้ชอบบบบบบบบ
หุหุ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 16-02-2016 01:25:39
ลำพังแค่ระยะทางก็ว่าแย่แล้ว ยังต้องมาเจออุปสรรคแบบนี้อีก
เอาจริงๆนี่เข้าใจแมทมาก ความเชื่อใจนี่ที่มันพังไปแล้วมันยากจริงๆที่จะกลับมาเชื่อใจอีกครั้ง

รีบๆเคลียร์กันให้กระจ่างเน้อ เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-02-2016 10:32:42
เพิ่งอ่านเรื่องนี้จนตามทัน ขอคอมเม้นส์หน่อยนะคะ ว่า สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก....จริงๆนะ (ใครไม่เคยอ่านต้องมาอ่าน ไม่งั้นจะเสียใจจริงๆนะ)

เอาจริงๆเราชอบวิกเตอร์มากๆอ่ะ ถึงจะนิสัยเอาแต่ใจ แต่ที่ชอบคือความยึดติดน้องแมทนี่แหล่ะ หึงแรง หวงแรง บางที่ก็แอบสงสารแมทที่ดูเหมือนโดนจำกัดอิสระภาพ แต่ยังไงเราก็ยังชอบมากอยู่ดีที่วิกเตอร์ยึดติดมากขนาดนี้นะคะ (มันดูรักของมันมากจริงๆอ่ะ)  ยิ่งได้อ่านช่วงที่เป็นวิกเตอร์ดำเนินเรื่อง ความคิดเค้า ทำให้เราอ่านแล้วฟินมากกกกว่ามันรักและหวงแมทของมันจริงๆ (อ่านแล้วเคลิ้มเลย)>///<


แต่อีกคู่ที่ชอบอยากให้มีบทความรักคู่นี้บ้างคือ เบน&บาส คือเราชอบตัวละคร2คนนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก คือชอบนิสัยสองคนนี้มาก พอมาแบบกิ๊กกัน ก็อยากเห็นว่าเค้าตกล่องปล่องชิ้นกันยังไง ใครเป็นฝ่ายไหนอ่ะ5555(สำคัญ)  แล้วบาสโอเคได้งัยอ่ะ อิอิ  อยากกอ่านคู่นี้จริงๆนะคะ ^___^

ส่วนเอิร์ท ตอนแรกก็ชอบนะ แต่พอฮีตัดขาดแฟนสาวไม่ได้ แล้วก็เหมือนควบ2 เลยแบบเลิกชอบอ่ะ555  คือเอาเข้าจริงความรัก ความยึดติด ที่มีต่อแมท นี่สู้เฮียวิกเตอร์ไม่ได้เลยจริงๆ (ไม่ได้ขี้เล็บ) และเหมือนปากหวานไปเรื่อยอ่ะ เลยไม่ชอบแระเอิร์ท จะไปไหนก็ไป อิอิ

ยังไงสำหรับเราวิกเตอร์ก็นัมเบอร์วันอ่ะ ยึดติดแมทต่อไปนะคะเฮีย ชอบจริงๆนะ ^__^


รออ่านต่อนะคะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้มาให้"ชอบ" คะ

ปล.อยากให้รวมเล่มภาค2เร็วๆ จะรีบจองอย่างด่วนเลย ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้จริงๆคะ^^


เบนบาสมีเรื่องแยกค่า เป็นเรื่องราวสั้นๆ เหมือน Spin-off เกร๋ๆ > <
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-02-2016 11:19:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 16-02-2016 23:44:06
เพิ่งอ่านเรื่องนี้จนตามทัน ขอคอมเม้นส์หน่อยนะคะ ว่า สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก....จริงๆนะ (ใครไม่เคยอ่านต้องมาอ่าน ไม่งั้นจะเสียใจจริงๆนะ)

เอาจริงๆเราชอบวิกเตอร์มากๆอ่ะ ถึงจะนิสัยเอาแต่ใจ แต่ที่ชอบคือความยึดติดน้องแมทนี่แหล่ะ หึงแรง หวงแรง บางที่ก็แอบสงสารแมทที่ดูเหมือนโดนจำกัดอิสระภาพ แต่ยังไงเราก็ยังชอบมากอยู่ดีที่วิกเตอร์ยึดติดมากขนาดนี้นะคะ (มันดูรักของมันมากจริงๆอ่ะ)  ยิ่งได้อ่านช่วงที่เป็นวิกเตอร์ดำเนินเรื่อง ความคิดเค้า ทำให้เราอ่านแล้วฟินมากกกกว่ามันรักและหวงแมทของมันจริงๆ (อ่านแล้วเคลิ้มเลย)>///<


แต่อีกคู่ที่ชอบอยากให้มีบทความรักคู่นี้บ้างคือ เบน&บาส คือเราชอบตัวละคร2คนนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก คือชอบนิสัยสองคนนี้มาก พอมาแบบกิ๊กกัน ก็อยากเห็นว่าเค้าตกล่องปล่องชิ้นกันยังไง ใครเป็นฝ่ายไหนอ่ะ5555(สำคัญ)  แล้วบาสโอเคได้งัยอ่ะ อิอิ  อยากกอ่านคู่นี้จริงๆนะคะ ^___^

ส่วนเอิร์ท ตอนแรกก็ชอบนะ แต่พอฮีตัดขาดแฟนสาวไม่ได้ แล้วก็เหมือนควบ2 เลยแบบเลิกชอบอ่ะ555  คือเอาเข้าจริงความรัก ความยึดติด ที่มีต่อแมท นี่สู้เฮียวิกเตอร์ไม่ได้เลยจริงๆ (ไม่ได้ขี้เล็บ) และเหมือนปากหวานไปเรื่อยอ่ะ เลยไม่ชอบแระเอิร์ท จะไปไหนก็ไป อิอิ

ยังไงสำหรับเราวิกเตอร์ก็นัมเบอร์วันอ่ะ ยึดติดแมทต่อไปนะคะเฮีย ชอบจริงๆนะ ^__^


รออ่านต่อนะคะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้มาให้"ชอบ" คะ

ปล.อยากให้รวมเล่มภาค2เร็วๆ จะรีบจองอย่างด่วนเลย ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้จริงๆคะ^^


เบนบาสมีเรื่องแยกค่า เป็นเรื่องราวสั้นๆ เหมือน Spin-off เกร๋ๆ > <

เมื่อคืนไปอ่านมาแล้วคะคู่เบนบาส  วันลอยกระทงคือแบบกรี๊ดคู่นี้มากเหมือนกันคะ ตอนแอบจูบกัน น่ารักอ่ะ>///<  พาไปรู้จักครอบครัวกันด้วยยย(รักจริงหวังแต่งกันจริงๆคู่นี้ อิอิ)  จริงๆอยากอ่านมากกว่านี้อีกนะคะ ถ้าคุณตอมแต่งเพิ่มคู่นี้อีกคงฟินกว่านี้เยอะเลยคะ555(รีเควสแบบไม่เกรงใจเลยตรู) 

แต่คู่เฮียวิกเตอร์กับแมทตอนลอยกระทงนี้ เฮียแกจัดเต็มตลอดอ่ะ จูบแบบไม่เกรงใจว่าเป็นดาราเลยอ่ะ(ถึงจะอยู่ในที่มืดก็เถอะ) ชอบนิสัยแบบนี้ของเฮียแกมากกกกกก น่ารักอ่ะ 

ยังไงเฮียก็ที่1 อ่ะ  หวง หึง รัก แรงมาก ใครว่ามันมากไป แต่อิชั้นฟินมากกกกกสุดๆ 555

รอตอนต่อไปนะคะ อยากรู้ว่าเฮียวิกจะหึงได้ขนาดไหน555  น้องแมทช่วงนี้ยิ่งเสน่ห์แรงอยู่ด้วย(ขนาดแชมป์ยังอยากฟัดเลยอ่ะ55)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 16-02-2016 23:46:30
ยังไงก็ยังจะเชียร์วิกเตอร์
คนเดียว

+1 ให้ wonwon
เชียร์เฮียวิกได้ถูกใจ

อิเอิร์ทหุบปากฮมอยเมิงไปเลย
เกลียดคนโลเลอย่างเมิงม่อก

วิกเตอร์ทั้งมั่นคงแถมขี้หึงอีก
อย่างนี้ชอบบบบบบบบ
หุหุ

เจอพวกเดียวกัน งี้ต้องแจกเป็ดคืนคะ หุหุ ^__^ 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.26 100%}:13.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 17-02-2016 00:13:51
อีหนูแมท หนูจะว่าพี่วิกเตอร์เค้าไม่ได้แล้วนะลูก
ถือว่าผลัดกันละนะ :laugh:

เอาจริงๆวิกเตอรมันโมโหแรง แต่ก็ยังรักนางอยู่ดีนะ นางหล่อและล่ำไง 5555

จะบอกว่าได้หนังสือแล้วนะคะ ขอบคุณมากค้ารา
ได้นานแล้วแหละ แต่ลืมบอก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-02-2016 19:00:46


Only You EP.27 :: Special Earthquake [50%]



Special: Earthquake

“พวกมึง เด็กมนุษย์ฯ มาจ้างทำฉากละครเวทีว่ะ” ผมไม่ได้สนใจเสียงของไอ้แว่นไนน์ ก้มหน้าก้มตาร่างแบบห้องรับแขกที่ต้องส่งอาจารย์ต่อไปด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ละงานก็เร่งวันเร่งคืน แต่ละอาจารย์ก็แข่งกันให้งานเหลือเกิน


“เอกอะไรมาจ้าง” ใครสักคนเอ่ยถามขึ้น ผมหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดูดแก้กระหายไปสามอึก


“เอกอิ๊ง” ไอ้ไนน์ตอบพลางนั่งลงตรงข้ามผม มีการหยิบขนมของผมไปแดกหน้าตาเฉยด้วย


“เอกอิ๊งมีทำละครเวทีด้วยเหรอวะ”


“เห็นว่าเป็นวิชาเรียนเนี่ยแหละ แล้วเขาก็ต้องมีฉากขึ้นเวทีอ่ะ เขาคิดงานมาแล้ว เหลือแค่ให้เราช่วยทำให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง”


“เดี๋ยวนะมึง เขาเข้าใจอะไรผิดป้ะวะ เราออกแบบนะ ไม่ได้ทำ ทำไมเขาไม่ไปจ้างพวกเด็กศิลปกรรมอ่ะ”


“กูบอกเองอ่ะว่าพอจะทำได้อยู่บ้าง” ไอ้ไนน์บอกเสียงไม่สะทกสะท้าน ผมที่ก้มหน้าอยู่นานพอได้ยินมันพูดแบบนั้นก็อดจะหมั่นไส้มันไม่ได้


“ไอ้เหี้ย มึงเอาใจสาวใหม่ใช่มั้ย” ไอ้ไนน์ขมวดคิ้วแน่น


“สาวใหม่เหี้ยอะไร หนุ่มออกสาวอะดิ” เป็นผมบ้างที่ขมวดคิ้วมองไอ้แว่นกลับไป เพื่อนในกลุ่มอ้าปากค้างหวอ


“ไอ้ไนน์ นี่มึงชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่?!” ไอ้เปาถามน้ำเสียงตะลึงพอๆ กับสีหน้าของมัน ไอ้แว่นไนน์ทำหน้าเซ็งใส่พวกผม


“ที่กูหมายถึงคือผู้กำกับละครเวทีของเอกนั้น คือเพื่อนกูที่อยู่เอกนั้นอ่ะติดต่อกูมาว่าให้ไปช่วย เขาลองไปถามสินกำแล้วแต่ทางนั้นเขาไม่รับงาน เลยหวังพึ่งเรา กูก็เลยลองไปคุยๆ งานดู มันก็ไม่ได้ยากอะไร เลยบอกว่าพอจะทำได้ แต่ไม่รับปาก”


“อ้าว ถ้าไม่รับปาก งั้นก็ไม่ต้องไปทำดิ” ผมยักไหล่ ก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป


“กูปฏิเสธไปแล้ว แต่ผู้กำกับแม่งตื๊อชิบหาย นางบอกว่าเราเป็นเสมือนโอเอซิสในทะเลทรายโปรดช่วยพวกนางที” ทั้งกลุ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับความพรรณนาของคนที่ไอ้ไนน์เอ่ยถึง ผมยังร่วมหัวเราะไปด้วย แม่งภาษาสวยเชียว


“ไปช่วยพวกนั้น แล้วงานพวกเราอ่ะ เยอะไม่พอเหรอวะ” ไอ้เจ๋งหนุ่มผิวเข้มเหมือนคนใต้แต่จริงๆ มันเป็นคนกรุงเทพฯแต่กำเนิดเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีแววหดหู่นิดๆ


“แต่ได้ค่าจ้างนะเว้ย”


“ค่าจ้างเยอะขนาดไหนเชียววะไอ้ไนน์ มึงถึงดูอยากทำจัง” ไอ้เปาถามคำถามที่ผมนึกอยากจะถามมันพอดี


“ค่าจ้างไม่เยอะหรอก แต่กูว่ามันเป็นพอร์ทฟอลิโอ้ให้เรานะมึง ผู้กำกับแม่งชักแม่น้ำยิ่งกว่าห้าสาย นางบอกกูว่า อาจารย์ที่สอนพวกเราจะต้องยินดีเป็นอย่างมากที่ลูกศิษย์ได้แสดงฝีมือ นางบอกว่าละครเวทีเอกนางไม่ใช่ขี้ๆ ถ้าฉากของพวกเราได้ขึ้นเวทีมีแต่ได้กับได้”


“โอ้โห…” แทบจะทุกคนในกลุ่มโห่เสียงร้องออกมาอีกครั้ง ผมย่นคิ้วกับความพร่ำเพ้อของไอ้ผู้กำกับคนนี้ซะจริง


“แต่กูว่าก็ท่าจะดีนะ อาจารย์ก็ยังเคยบอกนี่หว่าว่าถ้ามีโอกาสได้ลองใช้วิชาที่เรียนมาก็ใช้ดูไม่เสียหายอะไร ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งผลงานไว้อวดตอนไปสมัครงาน” ไอ้จ๊อบหนุ่มเหนือเสนอขึ้นมาบ้าง หลายๆ คนเริ่มดูจะคล้อยตามกับความคิดนี้


“แต่มึง งานเราเยอะชิบหายเลยนะ” ผมลองขัดพวกมัน แต่ก็ไม่ได้ขัดเอาเป็นเอาตาย


“ก็ไม่ได้รีบส่งป้ะวะ แล้วงานทำฉากแม่งก็คงไม่ได้ใช้เวลาเป็นเดือนๆ อ่ะ เพราะจะแสดงเดือนหน้าแล้ว”


“โห ไอ้ห่า งานเร่งนี่หว่า” ไอ้เปาบ่น


“แต่มันทำไม่เยอะมึง ทำอยู่สี่ฉากเอง กูว่าไหวอยู่นะ เมื่อกี้ก่อนมากูเจออาจารย์ที แกก็บอกว่าเอาเลย เป็นโอกาสที่ดี” มันอ้างถึงอาจารย์ที่สอนวิชาออกแบบของพวกเรา ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของการสั่งงานที่ผมกำลังหน้าดำคร่ำเครียดคิดหัวจะแตกอยู่


“ถ้าแกเลื่อนเวลาส่งงานไปอีก กูจะไปทำฉากให้เด็กเอกอิ๊ง” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ไอ้ไนน์กลับยิ้มกริ่ม


“งั้นมึงก็คงต้องไปทำแล้วแหละ” เป็นอันว่าพวกเรารับงานนี้ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราเต็มใจรับงานนี้กันหรือเปล่า



.
.
.

“เอ้า! สนุกจ้า สนุก ไม่ใช่งานศพ นี่มันงานเลี้ยงเต้นรำ ชาวบ้านแฮปปี้หน่อย ยิ้มเยอะๆ ผู้หญิงยิ้มมากๆ ยิ้มให้เหมือนเวลาช้อยชายหน่อย!!” เสียงแว้ดๆ แจ้วๆ ดังไปลั่นห้องซ้อมละครเวที ผมขมวดคิ้วมองใครสักคนที่ยืนหันหลังมาทางพวกผม เจ้าตัวกำลังยืนเท้าเอวแล้วตะเบ็งเสียงด่าคนอื่นเขาไปทั่ว


“นั่นแหละพวกมึง ผู้กำกับที่กูบอก” ทุกคนทำหน้าว่าอ้อ แล้วอมยิ้มขำกันน้อยๆ


“เน่!! ไอ้มี่ มึงเป็นพระเอกนะเว้ย เดินให้มันสมกับเป็นเจ้าชายหน่อย เดินไหล่กระตุกอยู่ได้ ถ้ายังเดินกระตุกอยู่นะ เดี๋ยวต่อไปกูจะเอาไม้ฟาดหัวมึงแล้วนะ ฮ่วย!” ไอ้คนโดนด่าแทนที่จะโกรธ แต่มันกลับหัวเราะเสียงดัง รวมทั้งคนอื่นๆ ก็ขำไปกับเสียงแว้ดๆ นั่นเช่นกัน


“โห เสียงดีชิบหาย ดังกว่าผู้ใหญ่บ้านประกาศเรื่องกู้เงินล้านอีก” พวกเราหัวเราะดังลั่นกับมุกตลกกากๆ ของไอ้เจ๋ง นั่นเลยทำให้คนที่กำลังส่งเสียงอยู่หน้าเวทีหันมามองตาลุกวาว


“เสียงดังอะไร?! กินโทรโข่งเป็นอาหารเย็นกันมารึไงห๊า…” เจ้าตัวกำลังจะอ้าปากด่าพวกผมที่ยืนตะลึงไปแล้วต่อ แต่มีใครคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับเจ้าตัว แม่เสียงใสหน้าเหวอไปนิด ก่อนที่จะหันมายิ้มกว้างให้กับพวกผม จนพวกผมงง


“ตามสบายเลยจ้าหนุ่มๆ จะประชุม จะพูดคุย จะเสียงดังยังไงก็เต็มที่เลย!” พอส่งยิ้มให้พวกผมเสร็จแล้ว เขาก็หันไปดุพวกนักแสดงบนเวทีต่อ พวกผมหันมามองหน้ากันเอ๋อๆ สักพักก่อนที่จะขำพรืดออกมากับความเพี้ยนของคนๆ นี้


“เฮ้ย ไนน์ เดี๋ยวไปคุยงานก่อน เสร็จแล้วจะได้เอาไปเสนอไอ้แมทมัน” เพื่อนผู้หญิงของไอ้ไนน์บอกแล้วชี้ไปที่คนตัวเล็กที่ตอนนี้ขึ้นไปบนเวทีแล้วกำลังเอาบทตีหัวใครสักคนอยู่ด้วยหน้าตาหมั่นไส้เต็มแรง


“เขาจะแดกหัวพวกกูป้ะวะ” เออ ผมสงสัยแบบเดียวกับไอ้ไนน์ แม่งดุยิ่งกว่าหมา


“โอ๊ย ไม่หรอก มันเป็นแบบนี้แค่ในเวลางานเท่านั้นแหละ นอกงานมันบ้าจะตาย” ดูไม่น่าเป็นไปได้ ผมว่าเขาดูทรงพลังอยู่ตลอดเวลา


พวกเรามานั่งคุยรายละเอียดงานกันตรงมุมหนึ่งของห้องซ้อมโดยมีเสียงอันกึกก้องของแมทผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้กับเสียงดนตรีประกอบฉากดังเป็นระยะๆ ผมเหลือบไปมองอยู่หลายครั้งก็เห็นว่าเขาคึกมาก เขาดูมีพลังงานเหลือเฟือ ดูกระปรี้กระเปร่าอย่างกับกินเอ็มร้อยห้าสิบเข้าไปหลายขวด


“อันนี้มันจะทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้นะ เวทีเล็กอะ” ไอ้ไนน์ขมวดคิ้วมองแบบร่างของอะไรบางอย่างบนกระดาษเอสี่


“แมทมันอยากได้อะ มันรีเควสอันนี้สุด” เพื่อนไนน์พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ


“แต่มันทำยากนะเว่ย ไฟหาไม่ยากก็จริง ฉากทำไม่ยากก็จริง แต่ไอ้ที่เขาจะเล่นบนเวทีอะ ไม่สะดวกหรอก”


“งั้นเดี๋ยวรอมันซ้อมนักแสดงเสร็จค่อยเรียกมันมาคุย แต่ทำใจไว้หน่อยนะ” พวกผมหันไปมองเพื่อนไอ้ไนน์ รายนั้นทำแค่ยิ้มเพลียแล้วยักคิ้วหนึ่งที ผมหันไปมองหน้าเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนต่างมีสีหน้างง แต่ไม่ถึงกับไม่เข้าใจ เพราะดูได้จากการคุมนักแสดงแล้วนั้น ท่าทางจะเคี่ยวใช่ย่อย


“อะ พักก่อน!” เสียงตะโกนจากผู้กำกับร่างจ้อยดังขึ้น ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหาอะไรกินระหว่างเบรก ผมเห็นคนชื่อแมทวิ่งดุ๊กๆ ไปที่กลุ่มหนึ่ง หยิบกล่องข้าวออกมาได้ก็นั่งลงแล้วโซ้ยข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ


“แมท! ว่างมั้ย มาคุยตรงนี้แปบนึงสิ!” เพื่อนไนน์ตะโกนเรียก เจ้าตัวเบิกตากว้าง แก้มเขาป่องเพราะเคี้ยวข้าวยังไม่หมด แต่แมทก็พยักหน้ารับพลางลุกขึ้นแล้วเดินลงมาจากเวทีอย่างเร็ว ในมือถือกล่องข้าวมาด้วย


“ว่างายกุ๊กกก” เขาตักข้าวเข้าปากอีกคำแล้วเคี้ยวแก้มยุ้ย ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย นึกสงสัยว่าเมื่อกี้ยังดุๆ อยู่เลยตอนนี้เหมือนเด็กเลยแฮะ


“คือเราลองคุยกับคนที่เขาจะมาช่วยเราทำฉากอะ เขาบอกว่าฉากผ้าของแมทมันทำไม่ได้” เขาไม่ได้มองหน้าพวกผมเลยแม้แต่นิด แต่คิ้วเขาขมวดเข้าหากันทันที


“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ มันยากตรงไหน ไม่ยากเลยนะ” เขาหยุดตักข้าวเข้าปาก สีหน้าเริ่มมีความจริงจังเหมือนตอนคุมนักแสดงบนเวที



“คือพื้นที่มันไม่พออะ แค่ฉากหลัง ของประกอบฉากก็แน่นแล้ว ถ้าเพิ่มอันนี้เข้าไปมันจะลำบากนะ” ไอ้ไนน์พยายามอธิบาย เขาเหลือบมองไอ้ไนน์แวบหนึ่งก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปมองเอสี่ในมือไอ้แว่น เขายื่นมือมาขอไปดู แล้วก็ส่ายหัวอย่างดื้อดึง


“ไม่ลำบาก ทำได้” เขาพูดเสียงเฉียบขาด


“คือผมกลัวมันจะเปลืองงบโดยเปล่าประโยชน์” ไอ้ไนน์ยังคงเจรจาด้วยน้ำเสียงสุภาพต่อไป อีกฝ่ายส่ายหัวอีกครั้ง


“ไม่เปลืองแน่นอน เราเชื่อว่ามันทำได้ ถ้าไม่สะดวกทำ บอก เดี๋ยวเราตอกไม้เอง เย็บผ้าเอง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงไม่ยอมแพ้ แววตาเขามุ่งมั่นมากว่าที่เขาคิดนั้นเป็นไปได้อย่างที่เขาคิดแน่นอน


“โอเค ก็ถ้าคุณจะเอา ผมก็ทำให้ได้ครับ” ไอ้ไนน์ว่าอย่างจำยอม


“เยี่ยม ในส่วนอื่นๆ ไม่มีปัญหาใช่มั้ย” เพื่อนของไอ้ไนน์หันไปโบกมือว่าไม่มี เจ้าตัวยิ้มกริ่มแล้วหมุนตัวกลับไปทางเวทีตามเดิม


“หัวรั้นเหมือนกันนะเนี่ย แม่งไม่ฟังเลยอะ” ไอ้เปาบอกสีหน้าแหยหน่อยๆ คนอื่นๆ เหมือนจะพยักหน้าเห็นด้วยกลายๆ


“บอกแล้วว่าต้องทำใจหน่อย ถ้าอันไหนแมทมันมั่นใจว่าจะทำ ไม่มีใครขัดมันได้หรอก อาจารย์ยังยอมมันมาแล้ว” เพื่อนไอ้ไนน์ทำหน้าหน่ายใจจนพวกผมหัวเราะ ท่าทางคงเจอฤทธิ์ผู้กำกับมาเยอะพอสมควร ผมหันไปมองที่เวที แมทกำลังลุกขึ้นยืนพลางหัวเราะเสียงดัง ในมือถือบทไว้ พอหัวเราะเสร็จเขาก็ยืนขึ้นอ่านบท ก้มหน้าก้มตาอยู่คนเดียวด้วยใบหน้านิ่งสนิท แล้วสักพักเขาก็ตะโกนลั่น


“ซ้อม!” มีเสียงโห่มาจากพวกนักแสดง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงบ่นว่าเบรกแค่แปบเดียวเท่านั้น


“ไม่อยากกลับบ้านไวๆ เหรอ วันนี้กะเลิกกองสองทุ่มนะ เปลี่ยนใจดีกว่าเลิกห้าทุ่มเหมือนเดิม!” ทุกคนรีบกรูขึ้นไปบนเวที แมทยิ้มพอใจ แล้วก็เริ่มแจกแจงรายละเอียดให้ทุกคนฟังด้วยท่าทีเป็นการเป็นงาน


“ไอ้เอิร์ท มึงสนใจเขาเหรอวะ” ผมหันกลับมามองไอ้เปาที่นั่งขมวดคิ้วมองผมอยู่


“สนใจเหี้ยไร”


“ไม่ใช่เหี้ย นู่นน่ะ คนนั้น กูเห็นมึงนั่งมองเขาบ่อยมากเลยนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกงงๆ กับตัวเอง


“เหรอวะ”


“เออดิ มึงหันไปมองเขาบ่อยมาก กูรู้มึงไม่ได้แอนตี้ผู้ชาย แต่ถ้ามึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายจริง กูว่ามึงเอาพี่คนที่ตามจีบมึงอยู่ไม่ดีกว่าเหรอวะ ดูดีกว่า แถมรวยอีก” ผมย่นคิ้วส่ายหัวให้กับความคิดวิเคราะห์ของไอ้เปา


“ไปใหญ่ละไอ้ห่า ตากูมันไปเอง แล้วกูก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วย” ตาผมมันไปเองจริงๆ นะ ผมว่าหลายๆ คนคงเคยเป็นแหละที่ไม่ได้ตั้งใจจะมอง แต่สายตากับสติอันเบลอมึนพากันหันไปมองโดยที่เราไม่ได้คิดจะมองเขาจริงๆ

.
.
.

ผมไม่ได้คิดจะมองเขาจริงๆ อย่างที่บอกไอ้เปานะ แต่พอเวลาทำงานใกล้ๆ กัน ผมเป็นห่าอะไรไม่รู้ชอบมองเขาอยู่เรื่อย ผมเคยลองนั่งถามตัวเองนะว่าเป็นอะไรทำไมถึงมอง ก็ได้คำตอบว่า ผมชอบมองหน้าเขาอะ มีหลายอารมณ์ดี เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวหน้าตาย เดี๋ยวตลก เดี๋ยวจริงจัง เหมือนผมกำลังมองกิ้งก่าเปลี่ยนสีเล่นๆ อยู่เลย แล้วผมจะฮามากเวลาที่เขาส่งเสียงแว้ดๆ ใส่นักแสดง เขาไม่ได้ด่ากราดหรือด่าเบ่งอำนาจ แต่ด่าเอาฮา บางทีก็ด่าให้คิด ให้รู้จักเกรงใจเอง อย่างตอนนี้ที่เขากำลังด่านักแสดงกลุ่มหนึ่งที่มาสาย


“คือไม่ได้โกรธ ไม่ได้ว่า แต่อยู่ปีสามแล้ว ความรับผิดชอบก็ควรจะมีรึเปล่า แบบนี้ถ้าไปทำงาน แล้วไปสายแบบนี้ ทำงานไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ จะผ่านโปรเหรอ เจ้านายจะให้ทำงานต่อมั้ยอะ ถ้าเราเป็นเจ้านายพวกเธอ เราเอาออกนะ แต่พอดีเราไม่ใช่เจ้านาย เราเป็นเพื่อน เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนมอบหมายให้เราเป็นคนดูแลงาน อาจารย์ก็มอบอำนาจให้เราดูแลตรงนี้ เราเลยคิดว่าคำสั่งเราน่าจะมีผลบ้างก็แค่นั้นเอง” เขาพูดหน้าตาปกติ น้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่ถ้าคนมีสมองมากหน่อยจะต้องรู้สึกนึกคิดมีความเกรงใจกับคำพูดนั้นของเขา พวกคนที่มาสายเอ่ยขอโทษแมทอย่างเกรงใจ


“ขอแค่ให้มาตรงเวลา เพราะจะได้รีบซ้อมรีบกลับ ขอแค่นี้เอง นอกเวลางานเราก็ไม่เคยไปยุ่ง แต่ในเวลางานขอเรายุ่งหน่อยเถอะ ถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันจะทำให้เสียงาน” ดูเขาเอาจริงเอาจังกับงานมาก แล้วท่าทางจะมีความรับผิดชอบสูง แล้วเขาไม่เคยลืมงานในจุดอื่นๆ เลยนะ ผมเห็นไปเช็กไปถามทุกฝ่ายว่างานถึงไหนแล้ว มีปัญหาอะไรให้รีบแจ้ง อย่างตอนนี้เขาก็กำลังเดินมาทางพวกผมที่กำลังนั่งตีตัดตอกไม้กันอยู่


“นี่ๆ ซื้อไม้มาทำฉากที่เราขอไปมาด้วยรึเปล่า” เขากวาดตามองทุกคนไม่สนใจแช่สายตาไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ผมเห็นเขาแอบย่นหน้าย่นคิ้ว


“ซื้อครับๆ อยู่ด้านโน้นเลย จะตอกเองเลยมั้ย” ไอ้เจ๋งเอ่ยหน้าทะเล้น แมทหันไปพยักหน้ารับหงึกหงัก เขาทำท่าจะเดินต่อไป แต่เขาก็หยุดแล้วหันมาขมวดคิ้วใส่พวกผม


“ใครสูบบุหรี่เนี่ย เตี่ยกับม๊าไม่เคยบอกเหรอว่ามันไม่ดี ฮู่ว! เหม็นฉุนจะตายห่าแล้ว” ที่แท้เขาก็เหม็นบุหรี่ พวกผมที่กำลังคาบบุหรี่ไว้ในปากถึงกับหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองหลังของแมทที่เดินไปหยิบไม้ขึ้นมา เขายังคงทำหน้าว่าเหม็นแล้วหยิบไม้ขึ้นมาโบกไล่กลิ่นบุหรี่ไปให้พ้นจากตัวเขา


“โอ๊ย! เหม็นบุหรี่!!” ไอ้ไนน์เป็นคนนำทัพในการทิ้งบุหรี่ออกจากปากแล้วใช้เท้าขยี้ แล้วมันก็เหมือนโรคติดต่อไปในทันทีเมื่อพวกผมพากันทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้จนดับไป พอไม่มีกลิ่นบุหรี่แล้ว แมทก็เลิกทำหน้าตาเหมือนคนจะตายและหยุดโบกไม้ไปมา หันไปหัวเราะมุกตลกกับเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เขาจิกหัว (จิกจริงๆ นะ) ให้มาช่วยเขาตอกไม้


“อะ… ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะดังมาก ปากนี่อ้ากว้างจนแทบจะขว้างลูกเปตองเข้าไปในปากได้


“เชี่ย หัวเราะอร่อยชิบหาย” ไอ้เจ๋งมองหน้าแมทแล้วขำไปด้วยเลื่อยไม้ไปด้วย


“กูงงเขาว่ะ เปลี่ยนอารมณ์ไวไป๊ ยิ่งกว่าแฟนกูตอนเป็นเมนส์อีก” ไอ้เปาหัวเราะเสียงเบา สองมือมันก็ยังไม่หยุดทาสีลงบนไม้กระดาน


ผมหันไปมองแมทแล้วกระตุกยิ้มนิดหน่อย ตอนนี้เขากำลังนั่งตอกไม้ด้วยท่าทีจริงจัง สักพักเขาก็ทำหน้าตกใจแบบเหวอสุดขีดเมื่อค้อนกระเด็นหลุดออกจากมือเขา


“อ๊ากกกก! อีแบมระวังงง สามสี่ชะนีหนี!!!” เพื่อนเขาที่โดนลากมาช่วยตอกไม้ กระโดดหลบค้อนอย่างไว แล้วแทนที่เขาจะวิ่งเข้าไปดูเพื่อน แต่เขากลับนั่งหัวเราะตัวงอ


“อะๆๆๆๆๆ แอะๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ หน้าแกโคตรตลกเลย เหมือนลิงตกใจเสียงปืนอะ!”


“อีแมท อีบ้า ค้อนเกือบโดนหน้ากูเนี่ย!” เพื่อนเขาแว้ดเสียงแหลม แต่แมทยังคงนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จนคนรอบข้างเริ่มขำกับเสียงหัวเราะเขาที่หัวเราะได้อร่อยและถึงใจมาก ขนาดพวกไอ้ไนน์ยังนั่งขำกับเสียงหัวเราะเขาเลย


“กูว่าแม่งเพี้ยนว่ะ”


“มึงไม่รู้อะไรไอ้ไนน์ คนแบบนี้แหละถึงจะกำกับการแสดงได้ สติดีๆ งานมักออกมาไม่ดีหรอก” แล้วเราก็ขำไอ้เจ๋งกันเสียงดัง ขำที่มันเหมือนจะชมแต่แม่งก็เหมือนด่าอยู่ดี


“หัวเราะอะไรกัน มีอะไรตลกเหรอ ขำด้วยคนสิ!” พวกผมยิ้มค้าง หันไปมองแมทที่แกล้งหรี่ตามองอย่างจับผิดมาทางพวกเรา เขาไม่ได้ด่าจริงจัง เหมือนอันนี้จะเล่นด้วยมากกว่านะ


“พวกผมคุยถึงแก๊งค์สามช่าอยู่ครับเจ้าแม่ ไม่ได้ขำอะไรเจ้าแม่แมทเลยสักนิด!” ไอ้เจ๋งตอบกลับอย่างทะเล้น แมทยังหรี่ตามองพวกเราไม่เลิก ผมขำกับหน้าตาเขามาก


“อย่าให้รู้นะว่านินทาเรา ไม่งั้นจะเอากรรไกรเสียบหู!” ผมฮาลั่นออกมา เพราะหน้าตาเขาฮาเข้ากับจังหวะการพูดมาก เป็นคนที่ปล่อยมุกตลกได้จังหวะดีมากอ่ะ


“เฮ้ย?! ทำไมมันโหดจังวะ!” ทุกคนที่อยู่รอบๆ นั้นหัวเราะเสียงดัง รวมทั้งแมทเองก็หัวเราะตามไปด้วย เขากลับไปนั่งตอกไม้ต๊อกๆ ตามประสาคนทำไม่เป็นต่อไป ผมมองหน้าเขาแล้วยิ้มออกมา ตอนนี้หน้าเขาเหมือนเด็กกำลังตั้งใจวาดรูปลงบนกระดาษเอสี่รูปแรกในชีวิตไม่มีผิด


“ไอ้เหี้ยเอิร์ทแอบมองเขาอีกแล้วว่ะ” ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้เปา มันกำลังมองผมด้วยสายตาจับผิด ผมส่ายหัว หน้าตาเอือมระอา แล้วเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรมันกลับไป


 :katai2-1:

พาเอิร์ทออกงานบ้างงง 55555 แต่หลายคนคงไม่อยากเจอหลังจากทำร้ายจิตใจนุ้งแมทเอาไว้ แต่เอิร์ทออกมาช่วงเวลานี้แหละค่ะดีแล้ว เขาจะทำให้เราได้รู้จักแมทเพิ่มขึ้นอีกสักสองสามมุม

เวลางานแมทก็จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ ตั้งใจ ทำอะไรจริงจัง ถ้าใครยังจำพ้อยท์ออฟวิวของเอิร์ทในซีซั่นแรกได้ ซีซั่นนี้เหมือนเอิร์ทมาขยายความเพิ่มเติม แต่ก็ไม่ยืดยาดหรอกค่ะ ลองอ่านไปเนาะ เดี๋ยวจะค่อยๆ เก็ทไปพร้อมกัน ตอนที่เอิร์ทกลับไปหาแฟนเก่า หลายคนไม่เข้าใจเอิร์ทว่าคิดอะไร มาตอนนี้อาจทำให้เข้าใจเขามากขึ้น แต่ก็ไม่ให้อภัยแหละเนอะ ฮ่าาา

พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทแรกรอบรีปริ้นรอบสอง เหลือเวลาโอนเงินอีกสามวันนะคะ หมดเขตวันที่ 20 นี้ค่ะ หมดรอบนี้ก็ไม่รีแล้ว ถ้ารีคงเจอกันในอีกหลายปี แต่เปอร์เซ็นต์ไม่รีสูงกว่า แล้วก็อีบุ๊คส์ไม่ทำค่ะ ตั้งใจไม่ทำอยู่แล้ววว

เจอคำผิดบอกกันได้เลยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-02-2016 19:19:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 17-02-2016 19:38:09
แมทน่ารัก  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-02-2016 19:39:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 17-02-2016 20:03:30
 :ruready :ruready

ช่วงนี้อิยักษ์งดออกสื่อสินะ 555 ความผิดเยอะคนหมั่นไส้แยะก็งี๊แหละ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-02-2016 20:34:11
แมทน่ารัก
ตอนนี้ออกมาเบรคอารมณ์อึมครึมได้จังหวะพอดี 555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 17-02-2016 21:07:15
งงๆนิดนึง แมทที่อยู่ในตอนนี้คือนายเอกเราใช่มั้ย
ดูขัดกับลุคตอนอยู่กับวิคไงก็ไม่รู้
หรือเพราะมันมองคนละมุม เราเลยนึกว่าคนละคนกันไปเลย 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 17-02-2016 23:20:32
แมทมีเสน่ห์มาก ดึงดูดใจ เป็นคนที่เก่งมากเลยนะ แต่สติดีแน่ไหม ไม่แน่ใจ 5555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-02-2016 00:15:19
นึกว่าจะกลับมาเจอดราม่าสะเทือนอารมณ์ต่อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 18-02-2016 01:50:51
น่ารักกก :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-02-2016 02:15:33
ชีวิตจิงมันจะมีงี้มั้ยอะ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-02-2016 10:37:21
เอาเอิร์ธมาคั่นก็ได้ค่ะ เบื่อนังยักษ์555555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 18-02-2016 14:48:31
แมทน่ารักอ่ะ นิสัยมีเสน่ห์มากๆ เข้าใจเลยว่าผู้ชายที่เข้ามาถึงชอบน้อง  o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 18-02-2016 23:24:01
แมทน่ารักตลอดดดด  :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 50%}:17.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-02-2016 11:53:28
คนโลเล
จะแก้ตัวยังไง
มันก็ฟังไม่ขึ้น

กลับไปแดกของเก่า
อิ่มไหม

เอิร์ทเอี้ยะ
หุหุ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-02-2016 19:27:54

Only You EP.27 [100%]



“เออ กูอยู่ที่ห้องซ้อมเนี่ย… ยังไม่มีใครมาเลยสักคนอะ… พวกมึงก็รีบมาได้ละ แล้วเร่งกูจังนะ… เออ เร็วๆ เลย” ผมกดวางสายจากไอ้ไนน์ด้วยสีหน้าเซ็ง วันนี้ผมโดดเรียนอีกวิชาไปนั่งทำงานอีกวิชาอยู่บ้านเพื่อน พอตกเย็นไอ้ไนน์ก็โทรมาเร่งให้ผมมาดูฉากที่เพิ่งทาสีเสร็จไปว่ามีอะไรเลอะเทอะหรือเปล่า พวกมันกำลังกินข้าวกันอยู่ แทนที่จะชวนผมไปกินข้าวด้วย แต่ดันให้ผมรีบเข้ามาเช็กงานก่อนคนแรก แล้วเป็นไงล่ะ ไม่มีใครมาสักคน ร้างโล่งเชียว


ผมเดินขึ้นไปบนเวที ยกฉากบางส่วนออกมาพิงกับฉากด้านหลังโล่งๆ ของเวที จังหวะที่กำลังวางฉากไม้ลง เข่าขวาผมดันไปกระแทกและครูดกับขอบไม้จนเลือดอาบ หนังถลอกปอกเปิกไปหมด


“ไอ้ห่า…” ผมสบถอย่างหัวเสีย เดินกะเผลกๆ ไปนั่งตรงบันไดเวที โห เลือดไหล เลือดซึมเต็มไปหมด หนังถลอกไม่น้อยเลย แสบชิบ!


“เฮ้ย ไม่… ไม่เอา คือพระเอกเป็นเจ้าชายมั้ยอีวอร์ม… ไม่เอา! มึงอะ อย่ามามึน กูบอกให้เอาชุดนั้นมา… มึงจะบ้าเหรอ?! กูบอกเอาสี่ชุด นี่! ไอ้ห่า กูให้คอสตูมไปกับมึงด้วยนะ ทำไมมึงไม่ถามเขาเนี่ย…” เสียงบ่นแว้ดๆ ดังลั่นทั่วห้อง ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นแมทกำลังเดินหอบของพะรุงพะรัง เขาเหลือบมามองผม เราจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เหมือนสติของเขาจะจดจ่ออยู่กับปลายสายมากกว่า เขามองผมก็จริงแต่ไม่ได้มองเพราะรู้จักหรืออยากจะคุย แต่เหมือนเขากำลังตั้งใจฟังอีกฝั่งพูดจนไม่กล้าขยับไปไหน


“ฮะ เดี๋ยวนะ แปบนึง…” เขาเดินมาทางตรงบันไดที่ผมนั่งอยู่ ผมทำหน้าประหลาดใจ สายตาแมทเลื่อนลงไปที่เข่าผม


“…เลือดออกนี่ ฮะ?! เปล่าๆ เออ ต่อๆ ก็ตามในรูปนั่นแหละ” พูดไปเขาก็ควานหาอะไรสักอย่างจากกระเป๋ากางเกง แล้วสักพักเขาก็หยิบทิชชูออกมาปึกหนึ่ง นั่งลงตรงหน้าผมแล้วก็เอาทิชชูมาซับเลือดให้ ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน เขาไม่ได้มองหน้าผมเลย มองแต่แผล หน้านิ่วคิ้วขมวด ปากก็ขยับพูดกับปลายสายไม่หยุดและเริ่มจะรัวเร็วมากขึ้น


“เอ่อ… ไม่ต้องก็ได้นะ” ผมพยายามบอก เขาแหงนหน้าขึ้นมามองประมาณว่ามีอะไรเหรอ ผมโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ เขาส่ายหัวตามมือผมที่โบกไปมา ผมยิ้มขำเพราะเขาเหมือนหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่ง เขาเห็นผมยิ้มขำ เขาก็ขำด้วย แต่ผมว่าสติของเขานั้นอยู่กับคนในสายมากกว่าที่จะอยู่กับผม มือซ้ายจับโทรศัพท์ มือขวาก็จับทิชชูซับเลือดให้ผมไปด้วย


“จับ… จับไว้… เปล่า กูไม่ได้บอก เออ มึงพูดมาเลย…” เขาลุกขึ้นยืน เดินไปตรงโต๊ะหน้าเวทีที่เขาวางของไว้ กลับมาพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งขวด เขาดึงทิชชูออกจากมือผม ใช้ไหล่ซ้ายหนีบโทรศัพท์ไว้ เปิดฝาขวดน้ำออก


“เฮ้ย ไม่ต้อง เดี๋ยวทำเอง” ผมคว้าขวดน้ำมาจากมือเขา แมทปล่อยให้ผมถือขวดน้ำต่อ เพราะตอนนี้เขากำลังตั้งใจฟังคนในสายมาก


“ครับพี่… พี่มีชุดใกล้เคียงมั้ย… ไม่เอาอะพี่… ผมอยากได้ชุดแนวนั้นอะ” แล้วเขาก็เอาทิชชูมาซับน้ำที่ผมใช้ล้างแผลตัวเอง เขาพูดไป ซับน้ำ ซับเลือดที่เข่าให้ผมไป ผมมองใบหน้าอิ่มเอมของเขาแล้วก็ยิ้มออกมา นึกรู้สึกดีอยู่ในใจกับการใส่ใจของเขา แม้จะยุ่งกับงานแต่ก็ยังมิวายมาคอยดูแลแผลให้ผม


“แปบนะครับ เดี๋ยวผมเปิดคอมฯ ก่อน” เขายื่นทิชชูมาให้ผม ทำหน้าทำตาว่าจัดการเองนะ ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา แมทลุกขึ้นยืน เดินไปจัดการเปิดแม็คบุ๊คที่พกมาด้วย ผมมองเขาแล้วยิ้มออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ เดินไปนั่งที่อื่น ผมเลือกนั่งเก้าอี้สำหรับนั่งชมการแสดงตรงโซนด้านบนของห้อง นั่งเช็ดแผลจนมันดูสะอาดตาขึ้นมาบ้าง ผมแอบเหลือบมองแมทที่นั่งอยู่หน้าแม็คบุ๊ค ท่าทางเครียดพอสมควร


พอนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ผมก็ต้องยิ้มขบขันคนเดียว คือเขาเข้ามาช่วยผมทั้งที่ไม่รู้ว่ารู้จักผมรึเปล่า เกิดผมเป็นใครอื่นที่ไม่ใช่นิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับเขา แต่กลับเป็นโจรที่จ้องมาขโมยของ เขาไม่โดนฆ่าตายไปแล้วงั้นเหรอ ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็โดนขัดจังหวะด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจจากพวกทีมเพื่อนๆ ในเอกแมท แล้วที่ตามหลังมานั่นก็คือพวกไอ้ไนน์ที่มีน้ำใจซื้อข้าวกล่องมาฝากผมด้วย


พวกเราออกไปทำฉากตรงสนามหญ้าข้างนอกเพราะมีพื้นที่กว้างกว่า แต่ก็อยู่ใกล้ๆ กับห้องซ้อมละครเวทีนั่นแหละ พวกผมตอกไม้ทำลายป่ากันดังโป๊กๆ มีทีมงานฝ่ายฉากของเอกอิ๊งมาช่วยทำด้วยเราเลยไม่เหนื่อยมาก


“เอ่อ คนไหนที่เข่าเป็นแผลอ่ะคะ” ผมหันไปมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมน้ำตาลจากการย้อมคนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าเป็นผู้ช่วยผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้


“หือ ใครเป็นแผลอะไรเหรอ” เพื่อนไอ้ไนน์ที่อยู่เอกอิ๊งถามสีหน้าสงสัยพอๆ กับพวกเรา คนถูกถามขมวดคิ้วงงๆ เช่นกัน


“ไม่รู้เหมือนกันอะ แมทมันบอกว่ามีคนเจ็บเข่า แต่มันจำไม่ได้ว่าใคร มันบอกให้ไปตามหาทุกฝ่ายดู นี่ก็ไปถามมาหมดละ เหลือฝ่ายฉากนี่แหละ” ผมรู้สึกทึ่งปนงงหน่อยๆ


“มีอะไรรึเปล่า” ผมลองเอ่ยถามดู ผู้ช่วยฯ คนนั้นชูกล่องพยาบาลขึ้นมาให้เห็น


“แมทมันฝากมาให้คนนั้นอะค่ะ มันบอกว่าเลือดเขาออกเยอะมาก ไม่รู้เป็นไงบ้าง เห็นบอกว่าเอาน้ำมาล้างแผลให้แล้ว แต่มันบอกว่ากลัวคนนั้นจะเป็นบาดทะยักตายเลยให้เอาแอลกอฮอล์กับเบตาดีนมาให้อีกที” ผมอึ้ง รู้สึกหวิวๆ ในอกประหลาด ท้องบิดเป็นเกลียวแปลกๆ พอหันไปมองคนอื่นๆ ในทีมฉาก ทุกคนก็ต่างทำหน้างง


“ผมเองอะ”


“อ้าว ไอ้เอิร์ท มึงไปทำอะไรมา”


“กูเดินชนฉาก” ผมตอบไอ้เปาแล้วเดินไปรับกล่องยามาไว้ในมือ


“แมทมันฝากบอกว่าไปหาหมอ หายากินด้วยนะ แล้วมันก็ฝากขอโทษด้วยที่มัวแต่คุยโทรศัพท์เลยไม่ได้ช่วยทำแผลอะไรเลย” พอว่าเสร็จเธอคนนั้นก็เดินจากไป ทิ้งความอบอุ่นใจ ความวูบวาบในท้องน้อยไว้กับผมมากมาย ผมก้มลงมองกล่องยา ข้างกล่องมีโพสอิทแปะไว้หนึ่งแผ่น ผมหยิบขึ้นมาอ่านดู


‘ถึงคนที่เจ็บเข่า ไปหาหมอด้วยนะ เราจำได้ว่าเลือดออก หนังถลอกเยอะมาก’


รู้ตัวอีกทีคือผมก็ยิ้มเพราะอิ่มใจไปแล้ว





พวกผมทำฉากเสร็จก่อนวันทำการแสดงจริงหนึ่งอาทิตย์ พอได้ฉากมาก็ต้องเอามาให้แมทซึ่งเป็นผู้กำกับดูว่าเขาถูกใจมั้ย ชอบหรือเปล่า เอามาลองใช้กับนักแสดงว่าเป็นยังไงเข้ากันหรือเปล่า คนขนฉาก เปลี่ยนฉากทันหรือไม่ ก่อนที่เขาจะมาเช็กฉาก ผมเห็นเขานั่งร้องไห้กับพวกผู้ช่วยผู้กำกับ ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่ลึกๆ ในใจผมนึกเป็นห่วง อยากเข้าไปถามแต่ระหว่างผมกับเขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แม้กระทั่งรู้จักกัน ก็ยังน้อยนิด เลยได้แต่ยืนดูเขานั่งร้องไห้กับเพื่อน แต่เขาร้องไม่ถึงสิบนาทีหรอก เขาก็ยืนขึ้น เช็ดน้ำตาจนหมดไปแล้วมายืนเช็กฉาก


“เฮ้ยมึง เขาร้องไห้ทำไมวะ” ไอ้ไนน์ถามเพื่อนมันที่จ้างพวกเรามาทำฉากตอนที่เธอดินมาตรงจุดที่พวกเรายืนอยู่


“ใกล้วันแสดงแล้วนางเครียด เพราะพระเอกยังเล่นได้ไม่ดี พวกผู้ช่วยผู้กำกับเลยเสนอว่าเปลี่ยนตัวพระเอกมั้ย แต่นางบอกไม่ นางบอกนางเลือกคนนี้แล้ว นางจะทำให้มันเล่นเป็นพระเอกตามที่มันคิดไว้ให้ได้” อีกครั้งที่ผมเห็นถึงความดื้อของแมท แต่นี่อาจจะไม่ใช่อาการดื้ออย่างเดียว ผมมองว่าน่าจะเป็นเพราะเขาไม่อยากยอมแพ้อะไรง่ายๆ มากกว่า ผมเองก็พอจะเห็นว่าไอ้คนที่เล่นเป็นพระเอกมันเป็นยังไง มันก็ดูง่อยจริงๆ นั่นแหละ แมททั้งด่า ทั้งเคี่ยวเข็ญ เห็นว่าถึงขั้นพาไอ้พระเอกเข้าไปกองถ่ายหนังที่แมทเคยเข้าไปทำงานด้วย เพื่อให้ไปดูการแสดงของจริง แต่ผมก็ไม่เห็นมันพัฒนาเลยนะ ที่สำคัญไอ้นี่แม่งมาสายสุดละในบรรดานักแสดง แมทด่าจนจะเลิกด่าแล้วมั้ง


“เปลี่ยนได้เหรอวะ อีกอาทิตย์เดียวเองนะ”


“ได้ มันมีผู้ช่วยฯ คนนึงอะเล่นได้อยู่ เพราะต้องซ้อมบทกับนางเอกบ่อยๆ แต่แมทมันไม่ยอม มันบอกมันมั่นใจไอ้มี่ว่ามันจะทำได้ กูยังไม่เห็นแววว่ามันจะทำได้เล้ย!” เพื่อนไนน์ส่ายหัว ผมหันไปมองแมท เขานิ่งสงบแล้ว กำลังเช็กฉากอยู่ ดูท่าทางเขาจะพอใจกับผลงานของฝ่ายฉากอยู่เหมือนกัน


“ไหน ขอดูฉากผ้าหน่อย เอาสปอร์ตไลท์มาด้วยนะ” แมทหันมาขอใครสักคนโดยที่เขาไม่ได้มองเจาะจงใคร ฝ่ายฉากยกอุปกรณ์ที่เขาต้องการไปใกล้กลางเวที แมทเรียกนักแสดงที่จะเข้าฉากนี้เข้าไปยืนตรงจุดมาร์ค บอกคิว บอกท่าทางที่ต้องใช้ในฉาก เขาสั่งให้ปิดไฟแล้วเปิดแค่สปอร์ตไลท์ดวงเดียว ภาพที่พวกเราเห็นคือเงาคนที่สะท้อนมาจากด้านหลังผ้าสีขาว แมทปรบมือยกใหญ่ สีหน้าเขาดีอกดีใจเป็นอย่างมาก


“เห็นมั้ย บอกแล้วว่ามันทำได้ เถียงฉันกันจัง ทำได้คือได้สิ!” พวกฝ่ายฉากยิ้มเอือม ผมกระตุกยิ้มที่มุมปาก รู้สึกทึ่งกับความคิดเขาเหมือนกัน เขาเชื่อว่ามันจะออกมาเป็นอย่างที่ตัวเองคิด มันก็ออกมาเป็นตามนั้นจริงๆ ความไม่ยอมแพ้ของเขานี่ทรงพลังจริงๆ



แล้วดูท่าทางความไม่ยอมแพ้ของเขาจะส่งผลมาถึงเรื่องที่ทำเขาร้องไห้ด้วย พอถึงวันจริงไอ้คนที่เล่นเป็นพระเอกเสือกเล่นดีชิบหายครับ สาวๆ ที่มาดูละครเวทีนี่กรี๊ดกันใหญ่ คือหน้ามันหล่อเพราะเป็นลูกครึ่ง บวกกับบทเจ้าชายที่มันได้รับยิ่งทำให้มันดูหล่อเข้าไปอีก มันไม่ใช่ว่าเพิ่งมาเล่นดีวันจริงวันเดียว ก่อนหน้านั้นสามวัน จู่ๆ มันก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจนแมทยิ้มหน้าบาน อีกครั้งที่ผมทึ่งในความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นของเขา


วันนี้เป็นวันแสดงจริง พวกผมก็มาดูด้วย มีส่วนหนึ่งของเพื่อนผมขึ้นไปช่วยงานบนเวที เนื่องจากของประกอบฉากบางอันหนักมาก แรงงานในเอกอิ๊งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ผมไม่ได้ขึ้นไปเพราะว่ามีแต่จะทำให้เวทีแน่นจนอึดอัด เลยมานั่งเป็นคนดูกับไอ้ไนน์ ไอ้เจ๋งและคนอื่นๆ ที่เหลือในกลุ่มแทน แต่หลายครั้งที่สายตาผมเหลือบไปมองแมทที่ถือวอล์เดินไปเดินมารอบห้อง แม้กระทั่งวันจริงเขาก็ยังไม่หยุดทำงาน เขาเป็นคนไปรับนักแสดงลงมาจากเวที เปลี่ยนชุดให้นักแสดงด้านล่างเวที บอกคิวให้นักแสดงด้านล่าง บอกคิวคนเปิดเพลง คนคุมไฟ ผมเห็นเขานั่งแปบๆ ก็ลุกขึ้นเดินใหม่อีกครั้ง นึกสงสัยว่าเขาไม่เมื่อยบ้างรึไง


“เจ้าแม่ครับ นั่งมั้ย” ไอ้เจ๋งกระซิบเอ่ยชวน เขาหันมามองทางพวกเราด้วยรอยยิ้มเหนื่อยๆ แล้วส่ายหัวปฏิเสธ ก่อนจะเดินไปนั่งใกล้ๆ เวที


“นี่ถ้าเป็นผู้หญิงกูจีบไปละ กูชอบความเก่งของเจ้าแม่เขาว่ะ” ไอ้เจ๋งเอ่ยอย่างชื่นชม ผมเห็นด้วย เขามีความสามารถมาก มีความอึดและอดทนมาก เขาเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อะไรที่ใครว่าทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เขากลับสู้จนมันทำได้


ผมนั่งดูละครเวทีของเขาเพลินๆ สนุกดีนะ เห็นว่าแมทเขียนบทเองด้วย เขาปรับบทใหม่ เหมือนเป็นการรีเมค ผมก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษนักหรอก แต่ด้วยแอคติ้ง ลีลาของนักแสดง แล้วการดีไซน์การกำกับของแมท มันทำให้ละครเวทีเรื่องนี้สนุกมาก ไม่น่าเบื่อ ยิงมุกแทบทั้งเรื่อง แล้วเป็นมุกที่ไม่ได้ยาก เข้าถึงคนได้ง่าย


“Happy Ending!” เสียงตัวละครที่เป็นคนเล่าเรื่อง เหมือนเล่านิทานประกาศก้องตอนที่พระนางก้มลงจูบกัน คนดูในห้องปรบมือและส่งเสียงกรี๊ดกันดังลั่น ผมว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จนะ ตั้งแต่เปิดเรื่องมา คนดูทั้งยิ้มทั้งขำ แลมีอารมณ์ร่วมตลอดเวลา พวกผมก็ร่วมปรบมือแสดงความยินดีไปกับความสำเร็จนี้ด้วย หลังจากละครเวทีจบก็เป็นช่วงประกาศทีมงานฝ่ายต่างๆ ให้ขึ้นไปยืนโชว์ตัวบนเวที สุดท้ายก็เป็นตำแหน่งผู้กำกับละครเวทีซึ่งก็คือแมท เขาเปิดตัวด้วยเสียงเพลงของวง Maroon 5 โดยที่แมทเดินไปตามทางเดินตรงกลางห้อง มีหยุดตรงกลางเพื่อเต้นโชว์ความพลิ้วของเอว เรียกเสียงกรี๊ดจากคนในห้องได้มากโข พอเขาเดินไปถึงหน้าเวที เขาก็หยุดโชว์สเต็ปอีกพักแล้วค่อยหมุนตัวขึ้นเวทีไปด้วยความสุข


ผมมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้มออกมา ท่าทางเขาคงมีความสุข คงอิ่มเอมใจมาก เพราะผลงานเขาออกมาดีเยี่ยม คงคุ้มกับที่เหนื่อยมาเป็นเดือนๆ แล้วละมั้ง


ผู้คนทยอยเอาดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีกับนักแสดง ทีมงานต่างๆ มากมาย บางส่วนก็ทยอยออกจากห้องไป มีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังขึ้นเต็มห้อง ผมนั่งรอเพื่อนตัวเองอยู่ที่เดิม นั่งมองบรรยากาศครื้นเครงที่หน้าและบนเวที แมทหัวเราะเริงร่าตอนนักแสดงเข้าไปรุมกอดเขาไว้


“มึง คืนนี้เขาจะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่ร้าน Movement เขาชวนพวกเราไปด้วย งานนี้ฟรี” ผมไม่ได้ตอบตกลงอะไร แต่คนอื่นๆ ตอบตกลงกันเรียบร้อย แต่ถึงยังไงผมคิดว่าผมจะไปนะ


เราเดินออกมาจากนอกห้อง ปล่อยให้พวกเด็กเอกอิ๊งยินดีกับความสำเร็จของพวกเขาไป ระหว่างที่กำลังเดินจะออกจากตึกคณะมนุษย์ฯ ผมเหลือบไปเห็นแมทกำลังยืนคุยกับผู้ชายตัวสูงคนหนึ่ง ผมไม่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้น แต่ที่ผมเห็นตอนนี้คือใบหน้าของแมทที่น้ำตาอาบแก้ม ความคิดเดียวที่ผมนึกออกคือเขาน่าจะเป็นแฟนกัน แล้วความรู้สึกหนึ่งก็เกิดขึ้นในใจผม คือความรู้สึกใจแป้วแปลกๆ






ประมาณสามทุ่มพวกเราก็มาอยู่ที่ร้านตามที่เด็กเอกอิ๊งนัดไว้ เรียกได้ว่าเกินครึ่งของร้านเป็นเด็กที่ทำละครเวทีทั้งหมด แน่นขนัดมาก ทางร้านไม่จำเป็นต้องรับคนอื่น ผมเชื่อว่าคืนนี้ยังไงก็ได้กำไรไปหลายบาทแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่พวกเด็กเอกอิ๊ง ก็ยังคงมีกลุ่มอื่นๆ มาด้วย เพียงแต่กลุ่มนี้ใหญ่ที่สุดในร้านแล้ว เพราะยกโขยงกันมาแน่นมาก ช่วงเวลานี้คนยังไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ แต่สักห้าทุ่ม เที่ยงคืนนี่ผมกล้าการันตีเลยว่าในร้านแทบจะเดินไม่ได้


“เอาเบียร์xxxสองขวด” ผมสั่งกับบาร์เทนเดอร์ตรงบาร์ข้างล่างใกล้ๆ กับโต๊ะที่ผมนั่ง ที่โต๊ะไม่มีเบียร์ที่ผมอยากกินผมเลยต้องเดินมาสั่งเอง


“เอิร์ท” ผมหันไปมองทางต้นเสียง แล้วก็ยิ้มไม่เต็มปากนัก ผมยกมือไหว้กับบุคคลที่เอ่ยทักผม


“หวัดดีครับพี่อาร์ม” หนุ่มหล่อหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางสุภาพคนนี้คือคนที่ตามจีบผมมาครึ่งปีแล้ว เราเจอกันที่ร้านเหล้านี่แหละ พี่เขาทำงานแล้ว อายุมากกว่าผมสี่ห้าปีเห็นจะได้ เขาดูเป็นผู้ชายปกติ ไม่ได้มีท่าทางออกอะไรชัดเจน แต่พี่เขาชัดเจนว่าชอบผู้ชาย แต่ถ้าเทียบกับรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนในคณะที่จีบผมอยู่ ผมว่าพี่อาร์มน่าคบหากว่าเยอะ แล้วพวกเพื่อนๆ ผมมันก็ชอบพี่อาร์มกันทั้งนั้น เพราะเขาเทคแคร์ดูแลดี เลี้ยงเหล้า เลี้ยงอาหารพวกผมบ่อย ไอ้พวกนั้นมันชอบอานิสงส์ที่ได้จากการที่พี่อาร์มจีบผม เลยยุผมให้ลองคบกับพี่แกบ่อยๆ


“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นเที่ยวเลยนะ” ผมยิ้มนิดหนึ่ง ยื่นมือไปรับเบียร์มาจากพนักงาน จดชื่อลงบนกระดาษบิลเก็บตังค์


“พอดีช่วงที่ผ่านมาผมมีงานนอกคณะครับ เลยไม่ค่อยว่างมาเที่ยว” ผมกระดกเบียร์เข้าปากหนึ่งขวด พี่อาร์มยิ้มอย่างเข้าใจ เขาไม่เคยก้าวก่ายอะไรให้ผมรำคาญใจ ผมคุยกับพี่เขาแล้วรู้สึกสบายใจดีนะ เหมือนมีพี่ชายอีกคน อาจเพราะเขาไม่ได้รุกผมหนักจนน่ากลัวเหมือนพี่ในคณะของผมคนนั้น


“แล้ววันนี้มากับพวกไนน์รึเปล่าครับ”


“มีพวกมันด้วยครับ แล้วก็มีเพื่อนจากเอกเอกอิ๊ง คณะมนุษย์ฯ มาด้วย พอดีทำงานด้วยกัน” พี่อาร์มยิ้มหล่อ ก่อนจะว่าต่อ


“ถ้าว่างก็มานั่งด้วยกันได้นะ พี่มากับเพื่อนอีกสามคน นั่งอยู่ชั้นบน”


“ถ้าไม่เมาจนเละ เดี๋ยวไปนะครับพี่” เราหัวเราะเสียงเบากันสองคน พี่อาร์มขอชนแก้วกับผมทีนึงแล้วก็หมุนตัวออกไปจากตรงบาร์ ผมเดินกลับไปหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะ


“พี่อาร์มมา อยู่ชั้นบน ถ้าพวกมึงอยากเจอเข้าไปหาได้นะ”


“เฮ้ย วันนี้พี่แกจะเลี้ยงอะไรอีกเปล่าวะ” ไอ้เจ๋งเสนอหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าพี่อาร์มมา ไอ้นี่แหละตัวตั้งตัวตีขอของฟรีจากพี่อาร์มเสมอ


“ไม่รู้ มึงไปถามเขาเองสิ” ผมว่าอย่างไม่ใส่ใจ ยกเบียร์ขึ้นดื่ม สายตากวาดมองไปรอบร้าน ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้นะ แต่ตอนนี้สายตาผมกำลังมองหาร่างของแมทอยู่


“อาทิตย์ก่อนกูเห็นพี่อาร์มโดนเด็กผู้ชายคนนึงแท็กรูปมา ไอ้เอิร์ทไม่หึงเหรอวะ” ไอ้เบียร์เพื่อนอีกคนในกลุ่มแซวขำ ทำเอาทั้งกลุ่มหัวเราะอารมณ์ดี ผมย่นคิ้วใส่มัน ยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีคนชิงตอบผมก่อน


“โอ๊ย มันไม่หึงแล้วแหละ ตอนนี้แม่งมีเป้าหมายใหม่แล้ว” ผมเหลือบมองไอ้เปาอย่างประเมิน มันยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องท่าทางดูมีความลับ


“ใครวะ ขวัญเหรอ”


“ไอ้ห่าไนน์ กูบอกเป้าหมายใหม่ ไม่ใช่เป้าหมายเก่า” มันเอ่ยถึงแฟนเก่าผมที่เรายังคงติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ


“อ้าว แล้วใครวะ” ไอ้เบียร์ขมวดคิ้วอย่างสงสัยใคร่รู้จริงจังแล้วหันมามองหน้าผม ส่วนผมก็หันไปมองไอ้เปาอย่างเอือมระอา


“มึงจะพูดถึงใครก็พูดมาไอ้ห่า” ลึกๆ ผมรู้นะว่ามันกำลังจะพูดถึงแมท เพราะไอ้เหี้ยนี่แม่งชอบนั่งจับผิดว่าผมจะมองแมทหรือเปล่า


“โน่นไง มาพอดีเลย ตายยากของแท้ แล้วดูท่าอาจจะเป็นรักแท้ของไอ้เอิร์ทด้วยว่ะ” ไอ้เปาหัวเราะเริงร่าคนเดียว ส่วนคนอื่นชะเง้อคอมองไปทางที่ไอ้เปาเพิ่งชี้ไป ผมหันไปมองก็เห็นแมทเดินเข้ามาพร้อมเพื่อน หน้าตาเขาดูหงอยเหงาแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า


“เฮ้ย! ไอ้เอิร์ท มึงชอบเจ้าแม่เหรอวะ” ผมหันกลับมามองไอ้เจ๋ง พอหันไปสบตากับเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนก็มองด้วยอาการตกตะลึง ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนแผ่นซีดีสะดุดไปช่วงหนึ่ง เพราะจู่ๆ ก็เกิดใบ้แดกขึ้นมา


“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะมึง” ไอ้ไนน์อ้าปากหวอน้อยๆ ผมอ้าปากกำลังจะตอบแต่ก็โดนไอ้เบียร์ขัดเอาไว้


“มึงชอบเขาได้ไงวะ ไปชอบกันอีท่าไหน ชอบกันได้ยังไง” ผมกำลังจะปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบ ไม่ใช่แบบนั้น แต่ใจที่กำลังเต้นตึกๆ ดันสวนกระแสกับคำตอบและความคิดที่กำลังจะพูดออกไปมาก


“มึงก็เชื่อไอ้เปา มันเพ้อเจ้อ” ผมเลยเลือกจะบ่ายเบี่ยงประเด็นไปเรื่อย


“อ้าว หวัดดีครับแมท” ผมหันควับไปมองทางเดียวกับที่ไอ้ไนน์ยืดคอขึ้นมอง แต่พอหันกลับไปก็เห็นแต่ความว่างเปล่า แล้วแมทก็เดินไปนั่งอีกโต๊ะถัดไปใกล้ๆ พวกผมแล้วด้วย พอหันกลับมาหาเพื่อนตัวเอง ไอ้พวกนั้นก็ส่งเสียงโห่แซวแข่งกับดนตรีสดในร้านทันที


“ไอ้เหี้ยยย ไอ้เอิร์ทจะมีเมียใหม่แล้วเว้ยยย!” พวกมันสลับกันแซวด้วยประโยคกากๆ กันไม่หยุด ผมทำได้แต่ยิ้มขำไปกับพวกมัน ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร อยากแซว อยากโห่ห่าไรปล่อยพวกมันไป เหนื่อยเดี๋ยวก็หยุดเอง


V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-02-2016 19:28:21

V
v
v


เราดื่มกันไปหลายขวด หลายแก้ว บรรยากาศเริ่มคึกมากขึ้นเมื่อแอลกอฮอล์เข้าไปอยู่ในร่างกาย พวกเด็กเอกอิ๊งสั่งให้เด็กเสิร์ฟในร้านยกโต๊ะของพวกเราทุกคนมาต่อกันจนยาวเหยียดเต็มหน้าเวที ดนตรีสดวันนี้ถือว่าทำได้ดี เพราะทั้งโต๊ะเราเต้นกันไม่หยุด ผมหันไปมองๆ แมทบ้าง เขาเริ่มเดินปัดป่ายไปทั่ว เห็นหลายๆ คนส่งแก้วเหล้าให้เขาดื่ม เขาก็ดื่มหมดไม่มีปฏิเสธ


“อ้าว ดื่มหน่อยครับผู้กำกับคนเก่ง วู้ววว!!!” เสียงเฮดังตลอดเวลา แมทก็ส่งเสียงไปกับเขา แต่เริ่มจะอ้อแอ้แล้ว เสียงเฮดังจนนักร้องบนเวทีนึกสงสัยถึงขั้นต้องเอ่ยถามว่าโต๊ะนี้คืออะไรทำไมถึงยาวเฟื้อยขนาดนี้ แล้วแมทเป็นผู้กำกับจากไหน อยากรู้จักมักจีเลยยื่นไมค์ส่งให้


“ผู้กำกับอะไรไม่ต้องสนจุยยย แต่รู้เอาไว้ว่าวันนี้เช๊โดนหักอกจ้า!!!” แล้วทุกคนก็หัวเราะเสียงดัง ผมนึกไปถึงตอนเห็นเขายืนร้องไห้กับผู้ชายคนหนึ่งที่คณะ เริ่มคิดว่านั่นคือการบอกเลิกกันหรือว่ายังไง


“อกหักอย่างนี้ งั้นเราต้องมาปลอบใจคุณผู้กำกับกันหน่อยยย!!” เสียงดนตรีหนักๆ ดังขึ้น แมทส่งเสียงร้องดังกว่าใคร แทบจะเป็นกรี๊ดเลยก็ว่าได้ แถมยังแหกปากร้องเพลงได้ดังชนิดที่ว่าไม่ต้องพึ่งไมค์เลยสักนิด อันนี้ผมไม่แปลกใจนะ เพราะเวลาเขาด่านักแสดงในห้องซ้อม มันก็ดังไปทั่วห้อง


~หัวใจดวงนี้ไม่หลาบจำ เหมือนโดนซ้ำๆ แล้วสะใจ หัวใจนี่มันงมงาย ตักเตือนไม่เคยฟังกัน เหมือนโดนเท่านั้นยังไม่พอ ขอยอมเจ็บช้ำมันต่อไป หัวใจเจ้ากรรมนั้นไซร้ เฝ้าคอยทำร้ายตัวเอง~!


แมททั้งร้องทั้งเต้น แล้วประเด็นคือเต้นได้มันส์มาก แทบจะมันส์แซงเพลง พวกผมที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ หัวเราะเขาเสียงดัง ไม่ใช่แค่พวกผมหรอก คนข้างบนยังมองลงมาแล้วหัวเราะเขาดังลั่น แมทเดินสะบัดแขน สะบัดเอวไปทั่ว จนมาหยุดอยู่ใกล้ๆ กับที่พวกผมนั่งอยู่ เขาเดินเข้าไปกอดเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งแล้วคร่ำครวญอะไรสักอย่างที่ผมได้ยินไม่ชัดเพราะเสียงดนตรีกับเสียงร้องของนักร้องมันดังตีกันไปหมด แถมตอนนี้คนก็เริ่มเยอะขึ้นแล้วด้วย


~เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่รอเธอ ฉันจำไม่ได้ ที่จำได้ดีคือฉันมีเพียงเธอ แม้นานสักแค่ไหน~


จากที่กำลังขำๆ อยู่ ผมก็สะดุดกึกไปเมื่อเห็นว่าแมทร้องไห้ออกมา เพื่อนเขาเข้ามาปลอบกันยกใหญ่ แต่เหมือนเพื่อนเองก็จะเมามากเช่นกัน เพราะเกือบพากันล้ม ดีที่ผมเข้าไปพยุงพวกนั้นไว้ได้ เพื่อนผู้หญิงของแมทสองคนดึงเพื่อนผู้หญิงที่แมทกอดด้วยออกไป ส่วนแมทผมรับเอาไว้ได้ทัน พวกเพื่อนๆ ผมกรูกันเข้ามาพยุงผมอีกต่อ เพราะผมทำท่าจะล้มไปอีกทีเนื่องจากแมททิ้งน้ำหนักมาเต็มที่


“เฮ้ยๆ นางเอกล้มใส่พระเอกว่ะ” ผมหันไปด่าไอ้เปาว่าไอ้เหี้ยท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ แล้วพยุงให้แมทยืนขึ้นมาดีๆ สองมือเขาจับไหล่ผมไว้แน่น เขาแหงนหน้ามองผมด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา


“นี่อกหักอ่ะ ละนี่ใคร” เขาถามเสียงอ้อแอ้ น้ำตายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ ผมยิ้มออกมา แมทมองหน้าผมแล้วยิ้มตาม


“หน้าตาหล่อนะเนี่ย…” เขาสะอึกจนไหล่กระตุก ทำท่าจะล้มอีก ผมเลยใช้แขนโอบเขาไว้ในท่ากอด


“ฮิ้ววว! ได้กอดแล้วเว้ย!” เสียงแซวจากใครสักตัวในกลุ่มผมดังขึ้น ผมหันไปด่าพวกมันไร้เสียงแต่จับใจความได้ว่าคือคำด่าไหน พวกมันหัวเราะสนุกสนาน


“ฝากอีแมทมันแปบนึงนะคะ เอาอีนี่ไปอ้วกก่อน เดี๋ยวเรากลับมา” ผมพยักหน้าให้กับเพื่อนแมทแล้วส่งยิ้มให้ สองคนนั้นพาเพื่อนผู้หญิงอีกคนเดินออกไปจากโต๊ะ คนอื่นๆ กำลังสนุกกันได้ที่ แม้บรรยากาศเพลงตอนนี้จะอกหักมากก็ตาม


“นี่ เป็นอะไรเหรอ ร้องไห้ทำไม” ผมกระซิบถามเขาที่ข้างหู แมทแหงนหน้า เอาคางเกยอกผมไว้ เขาแบะปากคล้ายจะร้องไห้ แต่ก็เปิดปากพูดออกมาเสียงยาน


“เรารักผู้ชายคนหนึ่งมาตั้งหกปีแน่ะ เลาอะนะ ทามดี กับพี่เขาเยอะมากเลย เพราะคี๊ดว่าเขาจารักเรากลับบ้าง วันนี้เลยไปสาราภาบกับเขามา แต่เขาบอกไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบเลาอะ เห็นเลาเป็นน้องงง นี่ไม่อยากเป็นน้องเขา นี่รักเขา อยากได้เขาเป็นผัววว” เขาพูดไปน้ำตาไหลไป ผมก็สงสารนะ แต่ฮามากกว่า เลยพยายามกลั้นยิ้มขำเอาไว้ แมทซุกหน้าเข้ากับอกผม ยิ่งเนื้อเพลงที่ดันตรงกับสถานการณ์ของเขาดังขึ้น เขายิ่งร้องไห้หนัก


~ไม่ผิดใช่มั้ยที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับวันนี้จะอยู่แสนไกล ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็จะรักเธอ~


“ฮือออ… เพราะแมทไม่ใช่ผู้หญิงใช่มั้ย พี่ถึงไม่รักแมท… ถ้าแมทเป็นผู้หญิง พี่จะรักแมทรึเปล่า…” คราวนี้เขาไม่ได้พูดด้วยอาการตลกใด รอบนี้ผมสัมผัสได้ถึงความเสียใจ ความอัดอั้นตันใจที่เขามีอยู่ในอก เขาสะอื้นตัวโยนจนผมต้องยกมือซ้ายมาลูบหลังเขาไว้


“เฮ้ย ไอ้เหี้ยเอิร์ท เจ้าแม่อาการหนักเหรอวะ” ผมหันไปพยักหน้าให้ไอ้เบียร์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย พวกมันไม่ได้แซวอะไรกันอีก ปล่อยให้ผมยืนปลอบแมทไปเงียบๆ ท่ามกลางเสียงเพลงที่โคตรจะเศร้า นึกอยากจะเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วบอกนักร้องว่าหยุดร้องเพลงนี้เถอะ แม่งเดี๋ยวน้ำตาได้ท่วมผับแน่


“อ่อก…” อ้าว เหี้ยละ ร้องไห้อยู่ดีๆ ทำไมทำท่าจะอ้วกซะแล้วล่ะ


“เฮ้ย แมทมันเป็นอะไรอ่ะ” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งของแมทที่ผมเห็นหน้าบ่อยๆ (โดนแมทจิกใช้บ่อย) พุ่งตัวเข้ามาถามด้วยท่าทีเป็นห่วงทั้งที่ตัวเขาเองก็แก้มแดงคอแดงไปหมด


“เหมือนจะอ้วกอ่ะ”


“อ้าวเหรอ งั้นเดี๋ยวผมพามันไปอ้วกก่อนครับ” เขาทำท่าจะเข้ามาดึงแมทออกไปจากตัวผม แต่ผมยกมือห้ามเขาไว้


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเอง” ผมไม่รอให้เขาตอบ หรือโต้อะไร แต่ประคองแมทให้เดินออกจากโต๊ะไปด้วยกัน หยิบน้ำเปล่าติดมือไปด้วยหนึ่งขวด


ผมพาแมทออกมาที่หลังผับ มีคนมายืนสูบบุหรี่ ยืนคุยกันอยู่มากมาย แล้วก็มีคนนั่งจูบกันอยู่สองคู่ในมุมอับ แต่ยังไงแม่งก็เห็นอยู่ดีนั่นแหละ


“อ้วกมั้ย” ผมถามแมทตอนที่เรามายืนตรงแถวๆ ระเบียงกระถางต้นไม้ที่ไม่มีคน แมทจับแขนผมไว้แน่น เขาหันมามองหน้าผมด้วยสายตาปรือๆ เมาๆ ผมส่งยิ้มที่มุมปากให้ เขามองหน้าผมเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่


“จูบหน่อยได้มั้ย” ผมเบิกตากว้างขึ้น ยังไม่ทันได้ตอบอะไร แมทก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมอย่างรวดเร็ว เขาเอาริมฝีปากกดแช่บนปากผม สองมือจับเอวผมไว้แน่น ท่าทางของเขาดูไม่ประสีประสา ท่าทางไม่เคยจูบใครแน่ๆ เพราะมือไม้เขาดูวางไม่ถูกที่ถูกทาง รสจูบก็ดูเงอะงะ



ผ่านไปสักพัก เขาก็ยังแค่เอาริมฝีปากแช่ปากผมไว้ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม แต่กลายเป็นผมเองที่กดริมฝีปากลงไปบนปากเขาหนักขึ้น บังคับให้เขาเปิดปากออก ส่งลิ้นเข้าไปเกลี่ยลิ้นเขา แต่ยังไม่ทันทำอะไรไปมากกว่านั้น เขาก็ผละออกแล้วหันหน้าหากระถางต้นไม้ก่อนจะโก่งตัวอ้วกออกมาอย่างแรง


นี่ลิ้นผมไปกระตุ้นให้เขาอ้วกงั้นเหรอ แม่งคือไรวะเนี่ย


“เอิ่ก…” ผมลูบหลังเขาเพื่อช่วยให้เขารู้สึกสบายมากขึ้น มือซ้ายเขาจับไหล่ขวาผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สงสัยคงกลัวหน้าทิ่มลงไปในกระถาง พอเขาอ้วกออกมาจนหมดก็ยืดตัวตรงอีกที ผมยื่นน้ำเปล่าให้เขาไปกลั้วปาก แมทจัดการเองเสร็จสรรพ ดูท่าทางจะอาการดีขึ้นมาหน่อย


“มานั่งพักก่อนมา” ผมพาเขาไปนั่งตรงม้านั่งตัวยาวตัวหนึ่ง แมทนั่งหน้าตางัวเงีย สักพักก็เอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้ เขาหายใจเข้าออกเสียงดังจนเกือบจะกลายเป็นกรน ผมนั่งนิ่งๆ ให้เขานั่งพิงไหล่


“ดีขึ้นยัง” ผมลองถามเขา ก้มลงมองใบหน้าธรรมดาๆ ของเขา


“ฮึ…” ไม่รู้ว่าตอบรับผมหรือละเมอกันแน่ ผมยิ้มขบขันคนเดียว นั่งนิ่งให้เขาซบไหล่ต่อไป พลางนึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเขาเมื่อตอนเย็นกับตอนเมื่อกี้นี้ เป็นคนที่อารมณ์ดี ยิ้มเก่ง มีหลากหลายอารมณ์ แต่พอถึงอารมณ์ร้องไห้แล้วเหมือนจะขาดใจตายให้ได้เลย หมดคราบแมทผู้ไม่ยอมแพ้คนที่ผมเคยเห็น


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกสนใจผู้ชายคนนี้อยู่ดี และผมคิดว่าผู้ชายคนนี้เริ่มเข้ามากวนหัวใจผมบ่อยขึ้นแล้ว


 :hao3:

หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมารักกัน ถูกใจเธอมาตั้งนาน รู้มั้ยยยย

เพลงนี้น่าจะเหมาะกับสถานการณ์ระว่างเอิร์ทและแมทเนอะ ฮ่าๆๆๆ แมทมากวนใจเอิร์ท งั้นชวนมารักกันไปเลย คริๆ

อาจมีคนมองว่าแมทหลุดคาแร็คเตอร์ ซึ่งตอมได้อธิบายในเฟซบุ๊คไปแล้ว ไปย้อนอ่านกันได้นะคะ

และหากถามว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงมั้ย ก็จะบอกว่า สิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตเรา ไม่ได้หมายความว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีอยู่จริง เหมือนเรื่องราวของคมเขี้ยวกับเรียวจันทร์ วายไทยอีกเรื่องของตอมแหละค่ะ ตอมทำงานที่เจอผู้คนเยอะบ่อยๆ เราได้พูดคุยและเห็นอะไรมาพอสมควรก็หยิบจับมาใช้ในนิยายได้อะเนอะ สำหรับระหว่างเอิร์ทกับแมท ก็ดึงมาจากประสบการณ์ส่วนตัวทั้งของตัวเองและผู้อื่น ฮ่าๆๆ 

ก็แฟลชแบ็คกันไปก่อนเนาะ เอิร์ทจะออกอีกสองตอนค่ะ ก็จะมีมาบอกความคิดเขาเมื่อตอนคุยอยู่กับแมทและลิงก์เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน ก็ต้องลองอ่านเนอะถึงจะเก็ทแน้คะ

ปิดโอนเงินพรีออเดอร์รีปริ้นนิยายพาร์ทแรกรอบสองแล้วนะคะ เช็กสถานะของตนเองได้ที่ลิงก์หน้าเพจเลยค่ะ

ใครเจอคำผิดบอกได้เลยนะค้า ตอมจะได้รีบแก้ ขอบคุณทุกคนมากค่า เจอกันตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 21-02-2016 19:54:49
แหม๋ๆๆๆ ทีแท้ก็แอบหมายปองแมทมานานก่อนยักษ์อีกเว้ยเห้ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 21-02-2016 21:48:55
เอิร์ทตอนแรกๆ เหมือนจะดีจริงๆอ่ะ อ่านแรกๆก็จะตกหลุมรักเลย แต่ที่จับปลา2มือนี่ เราไม่โอเคมากๆอ่ะคะ  แฟนเก่าไม่เคลียร์แต่จะมาขอคบแมท คือสรุปควบ2 ไม่โอเคอย่างแรงงงง 

แต่ถ้าเป็นแค่เพื่อนกัน หรือแค่คนแอบชอบแมท ถือว่า"คบได้" อิอิ



======================

เจอคำผิดคะ ตรงที่เป็นตัวหนาที่ขีดเส้นใต้น่าจะผิดนะคะ

“แปบนะครับ เดี๋ยวผมเปิดคอมฯ ก่อน” เขายื่นทิชชูมาให้ผม ทำหน้าทำตาว่าจัดการเองนะ ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา แมทลุกขึ้นยืน เดินไปจัดการเปิดแม็คบุ๊คที่พกมาด้วย ผมมองเขาแล้วยิ้มออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ เดินไปนั่งที่อื่น ผมเลือกนั่งเก้าอี้สำหรับนั่งชมการแสดงตรงโซนด้านบนของห้อง นั่งเช็ดแผลจนมันดูสะอาดตาขึ้นมาบ้าง ผมแอบเหลือมองแมทที่นั่งอยู่หน้าแม็คบุ๊ค ท่าทางเครียดพอสมควร
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-02-2016 22:25:38
ถ้าไม่มามีเรื่องหญิงก็จะเชียร์อยู่หรอก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 22-02-2016 00:07:21
โถๆๆๆ แมท เดี๋ยวก็ไปเจอวิคนะ ไม่ต้องเสียใจ 5555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-02-2016 00:35:21
เห้อออออออ!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-02-2016 03:58:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-02-2016 04:06:29
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-02-2016 12:23:34
ห่วงหน้า พะวงหลัง

จะเอาทั้งสองทางเลย
ไอ่เอิร์ท เชี่ยจินจิน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 23-02-2016 01:57:15
แล้วไงอ่ะเอิร์ธ ห้อยยยยย!!!!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.27 100%}:21.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-02-2016 08:20:04
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-02-2016 23:24:27


Only You EP.28 :: Special Earthshaking. [100%]




Special: Earthshaking

   

“อีกนิดจะถึงเตียงแล้วมึง เดินดีๆ” เสียงเพื่อนผู้ชายของแมทบ่นมาตลอดทางเดินในชั้นคอนโดฯ ที่เขาอยู่ แมทกอดเอวผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะมาส่งเขาถึงที่นี่หรอก แต่แมทเกาะติดผมแจ ไม่ยอมให้ผมไปไหน ทั้งที่ไม่รู้ว่าผมเป็นใคร แต่ดันบอกว่าอยากให้ผมอยู่ด้วย ผมเลยต้องมา
   

เรากลับเข้าไปในผับ ไปยืนเต้นกันจนผับปิด แมทเต้นสะบัด ลีลาเขาโคตรดี แต่ตัวเหวี่ยงจะลงพื้นหลายรอบ ผมต้องคอยจับเขาไว้ไม่ให้ล้มลงไป เพื่อนเขาคนอื่นๆ ก็เมากันได้ที่ เลยไม่มีใครมาวุ่นวายดึงเขาไปจากผม ส่วนพวกเพื่อนผมมันก็คงรู้อยู่แล้วว่ามาดึงไปผมก็ไม่ให้เอาเขาไปหรอก
   

“เฮ้ย ผมฝากแมทไว้แปบนึงได้ป้ะ เดี๋ยวต้องลงไปส่งไอ้พวกที่อยู่ในรถอีกอ่ะ กลับมาแล้วผมจะไปส่งนายนะ”
   

“ได้ๆ เดี๋ยวผมดูแมทเอง” เพื่อนแมททิ้งเราไว้ในห้องกันสองคน ผมมองหาห้องนอนแล้วพยุงเขาเดินไป ตอนกลับเข้าไปเต้น แมทดันกินเหล้าเข้าไปอีก จากตอนที่อ้วกออกไปเหมือนจะดีขึ้น พอซ้ำเหล้าเข้าปากอีกรอบ คราวนี้เดินเป๋เลย
   

“อ้า… แอ๊! โลกมันหมุนเร็วจัง ฉันตามไม่ทันแล้วเนี่ยพี่บัวลอย…” บ่นอะไรของเขาวะ บ่นออกมาเป็นเพลงด้วยนะ ผมขำพรืดออกมา พาร่างเขาไปนอนแผ่หลาบนเตียง ผมลุกไปเปิดไฟในห้องให้สว่าง ประตูห้องนอนเป็นแบบไหลปิดเอง มันเลยจัดการชัทดาวน์ตัวเองเรียบร้อย ผมจัดการเปิดแอร์ให้แมท เข้าไปอุ้มร่างเขาให้นอนบนเตียงดีๆ แมทส่งเสียงบ่นงึมงำไปเรื่อย
   

“ฮึ้ยยย ผู้ชายยย จีบเลามะ มั่ยสวย แต่พอมีตังค์นะ คิๆๆๆ” ผมอดจะหัวเราะเสียงดังไม่ได้กับท่าทีหยาดเยิ้มของเขา ผมกำลังจัดร่างเขาให้นอนตรงๆ ก็โดนแมทดึงลงไปกอด ก่อนที่เขาจะจัดการพลิกร่างตัวเองไว้ด้านบน นั่งทับตัวผมไว้ แล้วเจ้าตัวก็ล้มลงมากอดผมแน่น
   

“ฮื้อ ตัวหอมจังเลย หอมกว่าไอ้พี่เอกอีก ไอ้พี่เอกแม่งตัวเหม็น มันไม่รักแมท มันตัวเหม็นนน” เขาเอาแก้มถูไถบนอกผมเหมือนแมวอ้อน ผมยกมือกอดตอบเขา แมทหัวเราะคิกคักถูกอกถูกใจ เขายกหน้าขึ้นมามองผม เราสบตากันครู่หนึ่ง ตาแมทฉ่ำเยิ้มมาก เขามองหน้าผมแล้วก็ยิ้มเยิ้มแบบคนเมา ก่อนที่จะระดมจูบผมไปทั่วหน้า
   

“เอ้ย แมทๆ ใจเย็น เดี๋ยวก็มีเย็xกันหรอก”
   

“เอาสิๆ ไม่เคยเลย อยากลองมั่ง ฮิๆ” ไม่รู้ว่าเมา หรือแกล้ง หรืออะไร เขาซุกไซ้คอผมสนุกเลย ผมใช้มือจับแขนทั้งสองข้างเขาไว้แล้วพยายามผลักเขาออก เอาจริงๆ ก็ไม่ได้พยายามมากนักหรอก เพราะตอนนี้ผมใจเต้นตึกตักแล้ว
   

“จุ๊บ จุ๊บ จูบกันมั้ยๆ จูบแมทสิ จูบแมททท” โอยยย ไอ้พูดเสียงอ้อนไม่เท่าไหร่ ทำไมต้องขย่มเป้าด้วยวะ เดี๋ยวตรงกลางตัวตื่นขึ้นมาแล้วจะยุ่งนะ ถุงยางไม่ได้พกมาด้วย
   

“แมทๆ เบาก่อน อย่าขย่มแรง นอนนะ นอนๆ” ผมใช้เสียงปลอบให้เขาสงบ แมทหยุดขย่มก็จริง แต่ดันทำท่าโยกตัวเด้งหน้าเด้งหลังไปมาบนเป้าผมเบาๆ แทน แถมยังโดนเขาไซ้คอไม่เลิกอีก จะรอดมั้ยเนี่ยกู
   

“นอนสินอน นอนด้วยกันนะ อย่าทิ้งแมทไว้คนเดียว แมทกลัววว แมทจะร้องห้ายยย”
   

“ครับๆ เดี๋ยวผมนอนกับเจ้าแม่ด้วยครับ” เขาหัวเราะถูกอกถูกใจ ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ผมแต่เอาแขนขากอดผมไว้แน่น ผมเลยต้องเอนตัวนอนลงข้างเขา
   

“ชื่ออะรัยอะ” เขาถามผมตาปรือ เหมือนคนจะหลับเต็มที่แล้ว
   

“ชื่อเอิร์ท” ผมตอบเสียงเบาแล้วส่งยิ้มให้เขา แมทยิ้มกว้างเยิ้มๆ ตอบกลับมา
   

“โลกกก คึๆๆ” เขาเอาแขนขาออกจากตัวผม แต่ดันยื่นมือขวาไปจับเป้าผมแทน อันนี้คือพลาดหรืออะไรวะเนี่ย ทำไมมันซนงี้วะ
   

“อ้าว จับตรงนั้นอีก เดี๋ยวมันตุงขึ้นมานะเฮ้ย” เพราะตอนนี้มันขยายตัวแล้ว ผมรีบเอามือแมทออกมาจากตรงนั้น แล้วเอามาวางไว้บนเอวผมแทน แมทกอดผมแน่น ซุกตัวเข้าหาอกผม เอาหน้าผากถูอกผมเหมือนเด็กตัวเล็กๆ
   

“กอดๆ กอดแมทหน่อยยย” ผมยิ้มขำ ยกแขนซ้ายกอดร่างเล็กๆ ของเขาไว้ ลูบหลังเขาไปมาเพื่อกล่อมให้เขาหลับ ไม่ถึงห้านาทีแมทก็หลับสนิท ลมหายใจเขาเบาหวิว ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย ผมลูบหลังเขาไปเรื่อยๆ จนเขาหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
   

“เดี๋ยวมึงนอนโซฟาละกัน…” ผมได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก เลยค่อยๆ ดึงมือแมทออกจากเอว เขาหลับไปแล้ว ผมเลยจัดการเขาง่ายขึ้น ผมห่มผ้านวมให้เขาเรียบร้อย ก้มมองหน้าเขาอีกนิดแล้วยิ้มออกมา กำลังจะก้มลงหอมแก้มเขา แต่ก็ต้องชะงักไว้เพราะประตูห้องนอนถูกเปิดออก
   

“แมทเป็นไงบ้างครับ” ผมทำเนียนดึงผ้านวมขึ้นห่มให้เขาถึงคอแล้วหันไปตอบเพื่อนแมท
   

“หลับไปแล้วครับ แต่กว่าจะหลับก็นานอยู่เหมือนกัน”
   

“โทษทีนะ พอดีต้องตระเวนส่งเพื่อนหลายคนเลย ปกติแมทมันไม่ค่อยกินเหล้าอ่ะ พอได้เมาเลยเมาหนัก” ผมยิ้มอ่อน พยักหน้ารับรู้ บวกกับเขาอกหักด้วยละมั้งเลยทำให้กินหนักมาก
   

“แล้วนี่กลับยังไงครับ เดี๋ยวผมไปส่งมั้ย” ผมไม่ได้เอารถมา เพราะพาแมทขึ้นรถเพื่อนเขากลับมาที่คอนโดนี่แหละ
   

“ไม่เป็นไร เดี่ยวผมโทรตามเพื่อนให้มารับ ไปก่อนนะครับ” ผมเดินออกจากห้องนอนไปทันที ทั้งที่ในใจอยากจะหันไปเอ่ยลาแมทอีกสักครั้ง เพราะผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกมั้ย เนื่องจากไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว
   

ผมโทรให้ไอ้ไนน์มารับที่คอนโดเพื่อนแมท เดินมานั่งรอมันข้างล่าง ระหว่างรอก็คิดถึงท่าทางของแมทที่อยู่บนเตียงด้วยกัน ปฏิเสธยากเหมือนกันว่าผมอารมณ์ค้างอยู่ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะโดนปลุกอารมณ์โดยผู้ชาย
   

“ไอ้เอิร์ท…” ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้ไนน์ที่นั่งคร่อมมอเตอร์ไซด์อยู่ ผมลุกขึ้นเดินไปนั่งซ้อนท้ายมัน ระหว่างนั้นก็คิดอะไรบางอย่าง
   

“มึงไปส่งกูที่หอขวัญนะ”
   

“ฮะ?! มึงจะไปหอเขาทำไม ทำไมไม่กลับหอตัวเอง”
   

“เออน่ะ ไปส่งกูที่นั่นแหละ กุมีธุระ”
   

“ธุระบนเตียงดิไอ้เหี้ย” ผมไม่ได้ตอบอะไรมัน เพราะที่มันพูดก็มีส่วนถูก และสิ่งที่ผมกำลังจะทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูก เข้าขั้นระยำเลยก็ว่าได้ เพราะผมจะไประบายอารมณ์ที่ค้างจากแมทกับอีกคน นี่คือสันดานเหี้ยๆ สันดานเสียๆ ของผมที่ผมยังสลัดไม่หลุดสักที



   


หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอแมทอีก ได้แค่เดินผ่านกันแวบบ้างเป็นบางครั้ง ผมเองก็ไม่กล้าเข้าไปทักเขา เพราะดูเขาจะจำผมไม่ได้ ก็มีครั้งหนึ่งเจอกันที่โรงอาหารคณะมนุษย์ฯ เขาก็มองผ่านผม แบบผ่านเลยไปโดยไม่สนใจ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเขาน่าจะจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ บวกกับเรื่องเรียน เรื่องงานผมก็หนักมากพอแล้ว เลยไม่ได้ติดตามรื้อฟื้นอะไรมากนัก แล้วผมก็คิดว่าปล่อยๆ ผ่านไป เดี๋ยวทุกอย่างก็เลือนหายไปเอง ผมยังคงชอบผู้หญิง กับแมทมันอาจจะเป็นชั่ววูบหนึ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นได้
   

แต่ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้น ผมก็ยังมีแอบนึกถึงและคิดถึงเขาเรื่อยๆ แม้จะไม่ทุกวัน แต่ถ้าหนึ่งเดือนมีสามสิบวัน ผมก็คิดถึงเขาไปแล้วครึ่งเดือน แต่ด้วยภาระงานผมที่ต้องเร่งทำส่ง เลยทำให้ไม่มีเวลามานั่งทำตัวเป็นพระเอกมิวสิควีดีโอใดๆ
   

“เออ สรุปมึงจะไปเวิร์คฯ ใช่มั้ยไอ้เอิร์ท”
   

“ไม่ต้องสรุป กูสมัครไปเรียบร้อยแล้ว รอทำวีซ่าอยู่” ปิดเทอมปีสามจะขึ้นปีสี่ ผมกะจะไปหาประสบการณ์การทำงานซอฟท์ๆ ที่อเมริกาสักสามเดือนกับโครงการเวิร์คแอนด์ทราเวิล ผมนัดกับเพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่ต่างมหาวิทยาลัยไว้แล้วว่าจะไปด้วยกัน จองที่พักพร้อมแล้วด้วย
   

“โอเค โชคดีมึง กูคงไม่ได้ไปส่งนะ” ผมย่นคิ้วใส่ไอ้เบียร์
   

“ส่งทำห่าอะไร กูไมได้ไปเรียนต่อ ไปเวิร์คแค่สามสี่เดือนเดี๋ยวก็กลับ ไม่ต้องมีใครสะเออะไปส่งกูหรอก” พวกมันตอบรับอย่างดี คงกะไม่ไปส่งกันอยู่แล้วแหละ แต่แค่ทำมาเป็นพูดดักไว้ก่อน ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าต้องมีใครไปส่งผมเป็นขบวนแบบในละครหรอก มีแค่พ่อกับแม่ก็พอแล้ว
   

หลังจากเคลียร์งานเสร็จ ผมก็ได้พักหายใจสักแปบหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงสอบไฟนอล ผมไปเที่ยว ไปกินเหล้า แต่ไม่ได้เคล้ากับนารีคนไหนเลยสักคน มีแค่ส่งสายตาหากันแค่นั้นจบ แต่พักหลังๆ มานี้ ผมไม่ได้ไปนอนห้องใครหรือพาใครไปนอนห้องอย่างที่มักทำบ่อยๆ เหมือนผมจะฮ็อตมาก แต่เปล่าหรอก บ่อยๆ ของผมไม่ได้หมายความทุกวัน วันเว้นวัน หรืออาทิตย์ละกี่วัน นับได้ก็เดือนละครั้งสองครั้งเอง ผมมีความต้องการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเอาผู้หญิงไปหมดทุดคน
   

พอสอบเสร็จได้หนึ่งอาทิตย์ ผมก็บินไปอเมริกากับไอ้บาสเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมทันที เรามาถึงนิวยอร์กก่อนเริ่มงานประมาณห้าวันเท่านั้น พักได้ไม่เท่าไหร่ก็เข้าไปเทรนงาน ผมกับมันทำงานกันคนละที่ เพราะไม่อยากพูดภาษาไทยใส่กันตลอดเวลา แค่คุยกันที่บ้าน นอนห้องเดียวกันก็มากพอแล้ว
   

“มีเด็กไทยมาอยู่ที่บ้านเพิ่มอีกคนนึงด้วยมึง” ไอ้บาสบอกพลางนั่งเช็ดหัวที่เปียกน้ำของมันไปด้วย ตอนนี้เราอยู่มาได้เกือบสองอาทิตย์ละ ทุกอย่างเริ่มอยู่ตัวมากขึ้น ที่บ้านพักของเรามีเด็กไทยค่อนข้างมาก อย่างน้อยก็มากกว่าเด็กชาติอื่น แต่ก็ยังมีพวกนักท่องเที่ยวต่างชาติ (รวมถึงไทย) ที่แวะมาพักคืนสองคืนอีก
   

“เหรอ” ผมตอบรับมันทั้งที่ก้มหน้าก้มตาดูหนังในไอแพดอยู่
   

“เออ เป็นผู้ชาย”
   

“บอกกูทำไม จะให้กูไปจีบเหรอ” ผมไม่ได้สนใจเงยหน้าไปมองมันเลยแม้แต่นิด แต่ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆ
   

“คนที่มาจีบๆ มึงดูดีกว่าเยอะ แต่คนนี้ก็ดูออกนะว่าเป็น แต่เขายิ้มน่ารักดีนะกูว่า”
   

“งั้นมึงก็จีบดิ” ผมยักคิ้วให้มันทั้งที่ก้มหน้าดูหนังในไอแพดอยู่
   

“กูขอจีบสาวอเมกันที่ทำงานกูก่อนแล้วกัน” ผมหัวเราะน้อยๆ ไม่ได้เงยหน้ามองมันอยู่ดี จนไอ้บาสขว้างผ้าขนหนูใส่หัวผม
   

“ไอ้เหี้ย ทำตัวเป็นสังคมก้มหน้าอยู่ได้” ผมขมวดคิ้วใส่มัน
   

“กูจะดูหนัง มึงเป็นเหี้ยอะไรครับ” มันไม่ได้ตอบอะไร แต่หันไปเล่นมือถือของตัวเองแทน โถ่ ไอ้ห่า ว่าแต่กู

   
วันต่อมาผมก็ไปทำงานตามปกติ วันนี้ไอ้บาสชวนผมไปหาซื้อข้าวเย็นกินที่ไชน่าทาวน์ กะเอามาแบ่งกับเพื่อนๆ คนไทยที่อยู่บ้านเดียวกัน เพราะจะได้ทำความรู้จักกันไว้


“อ้าว จะไปไหนหรอแมท” ใจผมกระตุกวูบตอนได้ยินชื่อนั้น แล้วผมก็ต้องเอ๋อแดกสมองไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าเจ้าของชื่อนั้น มีใบหน้าเดียวกับคนที่ผมรู้จัก กับคนที่ผมชอบแอบมองเขาบ่อยๆ


“มีงานด่วนน่ะ ไปก่อนนะ” เขายิ้มให้แล้วทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไป เขาเหลือบมองผมแวบเดียว ไม่ได้มีท่าทียินดียินร้ายอะไรที่เห็นผม ผมมองเขาด้วยความสับสน ด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจแปลกๆ ที่เห็นเขาที่นี่


“ว่าจะชวนมากินข้าวด้วยกันซะหน่อย ไม่กินก่อนเหรอ” เขายิ้มอย่างเสียดาย ผมอยากจะเอ่ยปากทัก เอ่ยพูดกับเขา แต่มันจุกอยู่ที่คอไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องพูด หรือเริ่มพูดว่าอะไรถึงจะดี


“ขอโทษนะ งานนี้ด่วนและรีบจริง ไว้วันหน้าจะเลี้ยงคืนบ้างนะ ไปละ” เขาวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งความสับสนมึนงงไว้ให้ผมเพียบ ใจผมเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เต้นผิดจังหวะไปหมด


“ไอ้เอิร์ท แดกข้าวครับ ยืนนิ่งอยู่ทำไม” ผมเดินไปที่เค้าน์เตอร์ครัวของบ้าน ยืนมองไอ้บาสเทอาหารลงจานอย่างเหม่อลอย ใจยังเต้นแผ่วๆ ไม่หาย


“มึงเป็นไรเนี่ย”


“คนนั้นเหรอวะที่มึงบอกว่าเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่” มันพยักหน้างงๆ


“อือ คนนี้แหละ มึงมีไร ชอบเขาเรอะ” ผมไม่ได้ตอบคำถามมัน แต่หยิบกล่องอาหารมาเปลี่ยนใส่จานแทน ในหัวยังคงวนเวียนคิดถึงเรื่องแมทไม่หยุด ผมงงไปหมดว่าเรามาเจอกันที่นี่ได้ยังไง ทำไมแมทถึงมาอยู่ที่นี่ อยู่ไทยเราแทบไม่เจอกัน แต่เรากลับมาเจอกันที่นี่ บอกตรงๆ ว่าผมดีใจ


ผมนอนคิดถึงแมททั้งคืน ยิ่งรู้ว่าห้องเขาอยู่ตรงข้ามกันก็ยิ่งว้าวุ่นไปหมด อยากเดินเข้าไปหา เข้าไปคุย เข้าไปถามว่าจำผมได้หรือเปล่า หรือลืมผมไปแล้วจริงๆ แต่สิ่งที่ทำได้จริงๆ คือนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆ คอยระวังไม่ให้ไอ้บาสนอนดิ้นถีบผมตกเตียง


ตอนเช้าผมตื่นไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็แจ็คพล็อตเจอแมทวิ่งถลาเข้ามาดึงกางเกงจนเอิร์ทขนาดย่อดีดเด้งออกมาทักทายเขา คือมันเพิ่งจะเช้าอยู่ แล้วผมเพิ่งจะฉี่ไป มันยังไม่ลงทันที แล้วแม่ตัวดีเขาก็วิ่งไถลมาแต่ไกล พุ่งถึงตัวปั๊บจับบ็อกเซอร์ผมกระชากลงโชว์ของเด็ดแต่เช้าเลย คือผมนอนคิดเรื่องเขาเกือบทั้งคืน กะว่าถ้าเจอกันแบบตัวต่อตัวจะพูดอะไรดี แต่ดันเกิดเหตุการณ์โชว์ของแบบนี้ซะก่อน ผมก็เลยอึ้ง ยืนเงียบ มองเขาอย่างเรียบเฉย เพราะก็เขินๆ อายๆ เขาอยู่เหมือนกันที่มาเห็นของสงวนของผม มันไม่ใช่ว่าผมรักนวลสงวนตัวหรอก แต่ทำไมเขาต้องเห็นของผมในสถานการณ์ที่ผิดที่ผิดทางแบบนี้ด้วย ถ้าเขาขอผมดูยังจะดีกว่านี้อีก ผมเต็มใจควักออกมาให้ดูเลย


“เราไม่หนีไปไหน นายอยากกินอะไร อยากได้อะไร เอาโน้ตไปแปะไว้หน้าห้องเราได้เลยนะ  ห้องเราอยู่ตรงข้ามกับบาส ไปก่อนนะ รีบจริงๆ ขอโทษๆๆ ขอโทษนะ!” เขารีบบอกอย่างร้อนลน ท่าทางจะรีบมากจริงๆ รีบจนวิ่งตกบันไดไปหนึ่งขั้น ตัวไปกระแทกกับผนัง ผมแกล้งยิ้มเยาะเขา แล้วบอกว่าเราเสมอกัน


ตกเย็นผมก็เจอกับเขา เรานั่งคุยกัน ไม่ได้คุยอะไรกันยาวนักหรอก เพราะเขาชิงหลับไปก่อน ท่าทางจะเพลียน่าดู เห็นเมื่อเช้าวิ่งลนลานขนาดนั้น คงทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ผมนั่งมองเขาหลับแล้วก็นึกถึงวันที่พาเขาไปส่งเข้านอนบนเตียง นึกถึงตอนที่เรานอนบนเตียงด้วยกัน แล้วภาพที่เขาขย่มตัวผมก็ผุดขึ้นมา ผมรู้สึกวูบๆ วาบๆ ไปทั่วตัว เลยลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปกดจูบที่ซอกคอเขา ถือว่าทำให้หายค้างคาตอนที่ผมกำลังจะหอมแก้มเขาแต่เพื่อนเขามาขัดในตอนนั้น


ตกดึงผมนอนไม่หลับ เพราะอยากคุยกับแมท ผมกะว่าเขาตื่นมาจะลองหาโอกาสนั่งคุยกันดู แต่เขาก็หายไปไหนไม่รู้ ผมเลยมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตรงชิงช้าในลานหญ้าเล็กๆ หน้าบ้านพัก จนกระทั่งแมทเดินกลับเข้ามาผมถึงรู้ว่าเขากลับไปทำงานมาอีกรอบ ไม่รู้ว่าทำงานอะไรทำไมถึงได้ทรหดขนาดนี้ เรานั่งคุยกันอีกครั้ง ก่อนขึ้นนอนผมลองทวนความทรงจำเขาด้วยการไซ้คอ แล้วบอกให้เขาลองไซ้ผมบ้าง เผื่อเขาจะจำกลิ่นผมได้บ้าง แต่เขาก็ดันหลับคาคอผม ผมเลยต้องประคองเขาพากลับไปนอนที่ห้อง ภาพในวันที่เขาเมาย้อนเข้ามาในความทรงจำเลย ผมพาเขามาส่งถึงเตียง ห่มผ้าให้เขาเรียบร้อย ท่าทางคงเหนื่อยมากจริงๆ ถึงกับไม่อาบน้ำ ผมลูบหัวเขา ก้มลงหอมหน้าผากเขาแผ่วเบาแล้วเดินออกจากห้องนอนเขาไป






หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของผมกับแมทก็ดูจะไม่ค่อยคืบไปเท่าไหร่ เพราะเวลาของเราสองคนไม่ค่อยตรงกัน แมทเลิกงานดึกมาก แล้วก็ออกเช้ามากด้วย ผมเองพอตื่นมาก็มักจะไม่เจอเขาแล้ว หรือเลิกงานมา ผมก็มักจะต้องเข้านอนก่อนเพราะเดี๋ยวไปทำงานแล้วจะเพลียเอาหากนอนดึกมากไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีจังหวะให้เราสองคนได้เจอ ได้พูดคุยกันอยู่บ้าง แม้จะน้อยแต่ผมก็พยายามที่จะสานสัมพันธ์กับเขา ไอ้เรื่องจำได้ไม่ได้ตอนเขาเมา ไม่ใช่ประเด็นหลักอีกต่อไป จำไม่ได้ก็สร้างเหตุการณ์ใหม่ร่วมกันไปเลย


แต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายแบบตอนอยู่ไทย เพราะแมทมีไอ้ฝรั่งหน้าหล่อที่มีดีกรีเป็นพระเอกคอยป้วนเปี้ยนอยู่ในชีวิต อย่างตอนอยู่ที่ไทย เขาไม่มีใคร ไอ้รักแรกที่เขาแอบรักมาหกปีนั่น มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมันไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอะไรกับแมท แต่ไอ้ฝรั่งนี่ มันดูวุ่นวายกับแมทซะเหลือเกิน แล้วก็ดูจะวุ่นวายมากเกินไปด้วย ถึงขั้นดูดคอนี่ไม่ธรรมดา ผมเริ่มกังวลใจ เริ่มรู้สึกไม่โอเค และรู้สึกว่าตัวเองจะชะล่าใจอะไรไม่ได้แล้ว ไม่งั้นผมคงพลาด แมทอาจโดนไอ้ฝรั่งนั่นฟาดไปซะก่อน


แล้วมันก็จริง เมื่อวันหนึ่งมันมาบอกว่ามันเป็นดุ้นแรกของแมท ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร จากที่ผมไม่ชอบหน้ามันอยู่แล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบหน้ามันเข้าไปอีก และมันเองก็ดูจะไม่ชอบผมเอามากๆ ด้วยเช่นกัน ถ้าจะบอกว่าสาเหตุมาจากแมทก็คงไม่ผิด


“มึงอินกับแมทมากไปเปล่าวะไอ้เอิร์ท มึงรักเขามากเลยเหรอวะ” ไอ้บาสถามผมในวันหนึ่งที่เราสองคนมานั่งดื่มเหล้าที่บาร์ใกล้ๆ ไทม์สแควร์กันสองคน


“ไม่รู้ว่ะ ตอบไม่ถูก กูแค่รู้สึกว่า ใจมันห่อเหี่ยว เหี่ยวเฉา” ผมตอบสีหน้าเซ็งๆ


“มันอาจจะเป็นแค่ช่วงแรกๆ ก็ได้มึง แบบว่า เฟลจัดไรงี้มั้ง”


“อือ กูก็ขอให้เป็นแค่นั้นพอ” ผมถอนหายใจ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม นั่งนึกถึงหน้าแมท ไม่รู้ป่านนี้โดนไอ้ฝรั่งนั่นจัดไปกี่ท่าแล้วก็ไม่รู้ ยิ่งคิดก็ยิ่งจี๊ดที่ใจ คนที่อยู่บนเตียงกับแมท ทำไมไม่ใช่ผมวะ


ไม่รู้ว่าเรียกอกหักหรือเปล่า แต่ผมก็ซังกะตายอยู่หลายวัน มันไม่ถึงขั้นร้องไห้ ช้ำนอก ช้ำใน แต่ใจมันก็หมดแรงเหมือนกัน ผมแสดงความจริงใจให้แมทเห็นแบบสุดตีน พูดความรู้สึกที่มี จูบได้จูบ แต่แม่งก็แพ้ความใกล้ชิดของเขากับไอ้ฝรั่งนั่น มันแม่งได้แมทไป ไม่รู้ว่าคบกันหรือยัง แต่การที่ได้เสียกันแล้ว ก็ทำเอาผมหวั่นไหว ผมยังแอบหวังด้วยซ้ำว่าถ้ากลับไทยไปแล้ว ขอให้มันเลิกกับแมท หรือเลิกติดต่อแมทไปเถอะ ผมไม่เจอแมทอีกเลยหลังจากวันที่เจอไอ้ฝรั่งนั่นพูดตอกหน้าเข้าไป จนกระทั่งผมทำงานเสร็จ ครบวันตามกำหนด ผมก็เลื่อนไฟล์ทกลับให้เร็วขึ้น ทิ้งให้ไอ้บาสอยู่เที่ยวคนเดียว


“สภาพมึงจะไปหรืออยู่ กูว่าก็ไม่ต่างกัน งั้นก็กลับไทยไปดีกว่า อยู่เที่ยวต่อคงไม่สนุกแล้ว”


“โทษทีนะมึง เที่ยวคนเดียวได้นะ”


“เออน่า ทำอย่างกับกูเป็นเมียมึงขาดมึงไม่ได้งั้นแหละ” ผมยิ้มขำหน่อยๆ เช็กของในกระเป๋าให้เรียบร้อยอีกที


“เอิร์ท กูไม่ได้จะยุเพื่อนให้ทำเลว แต่ถ้ากลับไทยไป มึงมีโอกาสแย่งเขามาได้ ก็ลองดูนะมึง” ผมนิ่งเงียบ หันไปมองหน้าไอ้บาสที่มองกลับมาอย่างเข้าใจ


“มันไม่ใช่วิธีที่ดีหรอกกูรู้ แต่มันก็อาจทำให้มึงมีชีวิตขึ้นมาบ้าง กูไม่อยากพูดประโยคนี้นะ แต่กูไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้มาก่อนเลย กับขวัญมึงยังไม่เศร้าขนาดนี้ เออ อันที่จริงเศร้าไม่ได้ เพราะมึงก็ยังเอาเขาอยู่เรื่อยๆ”


“ไอ้เชี่ย เกือบจะดีละ” ผมกับมันหัวเราะด้วยกัน นึกถึงขวัญแล้วก็อยากต่อยตัวเอง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ผมจะหยุดกับเขาสักที ต่างคนต่างรั้งกันไว้ไม่ยอมปล่อยกันจริงจัง


“มึงเคลียร์ขวัญให้รู้เรื่องนะ ถ้ามึงจะมีแมท ก็มีแค่แมทคนเดียว อย่าเอาขวัญมาเกี่ยว ขวัญคงไม่รู้สึกดีหรอกที่แฟนเก่าไปเอาผู้ชาย แล้วยังมาเอาตัวเองอีก”


“กูก็อยากเคลียร์เรื่องขวัญให้จบๆ ไปเหมือนกัน มันนานเกินไปละ กับแมท ถ้ามีโอกาสกูก็อยากลองอย่างที่มึงบอกนะ”


“เออ แต่มึงดูด้วยนะว่าเขาคบกับไอ้ฝรั่งนั่นจริงจังรึเปล่า หรือแค่ช่วงที่อยู่อเม’กาด้วยกัน” ผมพยักให้มันทีหนึ่ง ความคิดสองสามอย่างทับซ้อนปนกันไปหมด







ผมกลับมาถึงไทยก็ไม่ได้มีอะไรผิดเพี้ยนหรือแปลกใหม่ แค่พ่อกับแม่แสดงความดีใจที่ลูกชายกลับมาแล้วก็เท่านั้น แล้วผมก็ออกไปแฮงเอ้าท์กับเพื่อนฝูงตามเดิม แต่สิ่งที่ผมต้องมุ่งมั่นทำให้เรียบร้อยคือเคลียร์เรื่องแฟนเก่าผมที่อยู่กันแบบมึนๆ มั่วๆ มาหลายปีแล้ว


“ขวัญ ไม่เหนื่อยเหรอวะ เอิร์ทแม่งโคตรเหนื่อยอ่ะ”


“อ้าว แล้วไม่ใช่เราสองคนเหรอวะที่ตกลงว่าจะเหนื่อยด้วยกันอ่ะ” ขวัญเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลของตัวเอง ขวัญเป็นคนสวย สวยมากด้วย เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นสะดุดตา นิสัยโดยรวมก็ดี แต่ที่ผมต้องขอเลิกก็เพราะการแสดงความเป็นเจ้าของในตัวผมนั้นมันมากเกินไป ถึงขั้นจะให้ผมเลิกคบกับเพื่อนบางคน อันนี้ผมไม่โอเคอย่างยิ่ง แล้วไหนจะเรื่องความฟุ่มเฟือยที่มันสวนทางกับคนอย่างผมอีก ผมมีตังค์ แต่ผมไม่ชอบใช้เงินมากๆ แต่ขวัญใช้เงินเก่งมาก


“เออ เอิร์ทเหี้ยด้วย ขวัญก็เลิกเพ้อถึงเอิร์ทเหอะ”


“เพ้อแล้วเอิร์ทกลับมาป้ะล่ะ ก็กลับ ก็มาขอขวัญเอา แล้วจะให้ขวัญทำไงวะ” ผมยกมือขึ้นเกาผมจนยุ่งเหยิง


“เออ แม่ง ระเนระนาดทั้งคู่”


“เอิร์ทรักขวัญอยู่บ้างป้ะวะ” ผมมองขวัญที่ตาแดงก่ำ น้ำตาไหลไม่หยุด ผมรักขวัญมั้ยเหรอ ทุกวันนี้มันเหมือนเป็นความผูกพันมากกว่า เพราะเราคบกันมานาน พอจะตัดก็ไม่ได้คิดตัดจริงจังสักที


“ไม่รู้ว่ะ แต่ก็เป็นห่วงอ่ะ”


“ห่วง ก็เลิกทำร้ายความรู้สึกขวัญสักทีเหอะ กลับมาคบกันเหมือนเดิม มันจะยากอะไรวะเอิร์ท” มันก็ไม่ยากหรอก แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้วถ้าจะให้กลับไปอยู่ในฐานะแฟน


“ก็ไม่ยาก แต่ทำไม่ได้แล้ว อยู่แบบนี้สบายใจกว่า” ขวัญยิ้มเหมือนสมเพชให้ผมกลับมา


“สบายตัวด้วยดิ ไม่เสียเงินด้วย ไม่ต้องไปตีกะหรี่ที่ไหน แค่เรียกใช้บริการอีขวัญก็พอแล้ว”


“ขวัญ!” ขวัญไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย เธอเป็นผู้หญิงที่เด็ดดวงมาก เด็ดทั้งนิสัยและเรื่องบนเตียง นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งทำให้ผมยังไปไหนไม่ได้มั้ง อารมณ์ว่าของมันยังเคยๆ กันอยู่


“เอิร์ทชอบผู้ชาย” ผมตัดสินใจบอก แต่ก็ไม่ได้บอกด้วยท่าทีจริงจังอะไรหรอก บอกเหมือนพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ ขวัญมองผมอย่างไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง


“เอิร์ทเป็นเกย์เหรอ” เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อผม


“ไม่ใช่ แต่ชอบผู้ชายคนนี้คนเดียว” ขวัญก็รู้เรื่องที่ผมมีผู้ชายมาจีบนะ แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจหรือว่าอะไร (ในช่วงที่คบกัน) คงเพราะมั่นใจว่าผมไม่ใช่เกย์แน่ๆ


“คือไรวะ รักเงี้ยเหรอ ทำไมอ่ะ ทำไมถึงชอบคนนี้”


“ไม่รู้ รู้แค่ชอบคนนี้ คนอื่นไม่ชอบ” ขวัญมองผมเหมือนกำลังเห็นของประหลาด แต่ไม่ได้มองด้วยสายตารังเกียจ ผมว่าขวัญกำลังงงและปนช็อคหน่อยๆ ด้วยแหละ


“แม่งบ้าไปใหญ่แล้วเอิร์ท” แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินจากไปทันที ทิ้งให้ผมนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะข้างตึกคณะคนเดียว

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-02-2016 23:26:36



v
v
v


แมทกลับมาไทยแล้ว หน้าตาเขาดูหมองหม่น ไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเขาเหมือนตอนที่เขาอกหักจากไอ้รักแรกไม่มีผิด ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับไอ้พระเอกนั่น แต่เหมือนมันจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมพอสมควร


“เอิร์ทไม่สนใจว่ามันกับแมทจะไปถึงไหนกันแล้ว แต่ไม่ได้คบกัน นั่นก็พอแล้วสำหรับเอิร์ท” ผมบอกกับแมทในวันที่เราอยู่ด้วยกันสองคนในห้องนอนของผม แมทดูอ่อนแอ ดูไร้เรี่ยวแรง แล้วผมก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ขอฉวยโอกาสตรงนี้


“นับวันแมทว่าแมทจะไปเล่นละครน้ำเน่าได้แล้วละ คนดีๆ มีไม่ชอบ ชอบคนที่มันไม่ดี แถมยังอยู่ไกลอีก” ผมแอบสะดุดในใจตัวเองกับประโยคนี้ที่แมทพูดออกมา แมทชอบพูดเสมอว่าผมเป็นคนดี ขอบคุณผมเสมอที่มาชอบ มารักเขา ผมก็รู้สึกดีนะที่เขาชมผมแบบนั้น แต่เวลาได้ยินเขาบอกว่าผมเป็นดีคน ผมจะรู้สึกทุเรศตัวเองมากอย่างบอกไม่ถูก เพราะลึกๆ ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนดี


ผมกับเขาเราเกือบมีอะไรกัน จริงๆ ผมอยากมี ไม่ใช่เพราะผมอยากเอาเขา (นั่นก็อีกหนึ่งเหตุผล) แต่ผมเชื่อว่าคนอย่างแมท ถ้าได้มีอะไรลึกซึ้งกับใครแล้ว เขาจะยอมเป็นของคนนั้น ถึงแรกๆ จะยังไม่ยอมเท่าไหร่ แต่ผมว่านานๆ ไปเขาจะค่อยๆ อยู่กับผมได้เอง ผมถึงได้รู้สึกทุเรศตัวเองเวลาที่แมทบอกว่าผมดี เพราะจริงๆ แล้วผมไม่ใช่พระ ไม่ใช่เจ้า ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง


หลังจากวันนั้นผมกับเขาเราก็อยู่ในสถานะคนคุยกัน ผมพยายามตีตัวห่างออกจากขวัญ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สำเร็จเท่าไหร่ เพราะผมก็ยังไปนอนกับขวัญอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้ว่าตั้งใจไปหรอก มันมีหลายสถานการณ์ที่ผลักให้ผมไป อย่างบางครั้งผมอยากทำกับแมท แต่แมทไม่ให้ มากสุดก็แค่จูบ เขาไม่ให้ทำเพราะเรายังแค่คุยกัน แล้วผมคิดว่าหลักๆ เลยคือเขาคงรู้สึกผิดกับไอ้ฝรั่งนั่น ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก็ใช่ว่าจิตของแมทจะอยู่กับผมตลอด ผมสัมผัสได้ว่าเขาชอบคิดถึงไอ้ฝรั่งมันบ่อยๆ ผมเห็นแบบนั้นบางทีก็รู้สึกน้อยใจนิดๆ แต่ไม่พูด พอเกิดอาการเซ็งผมเลยไปหาขวัญ มีอะไรกันแก้เครียด ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าอยู่กับขวัญอย่างน้อยก็ไม่เฟล ไม่นอยด์ที่เห็นคนข้างๆ เราอยู่กับเราจริงๆ ซึ่งแมทไม่ใช่แบบนั้น ผมคงใจร้อนไปที่อยากให้เขาลืมไอ้นั่นเร็วๆ แล้วมาคบกับผมจริงจัง


“มาหาขวัญแบบนี้ ไม่กลัวคนนั้นเขาว่าเหรอ” ผมถอนหายใจ ลืมตามองเพดานห้องนอนขวัญอย่างเหม่อลอย ผมไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะถ้าพูดอะไรออกไปมันก็คงทำร้ายใจขวัญมากขึ้นไปอีก


“เอิร์ทกลับละ” ผมลุกขึ้นแต่งตัว ขวัญมองผมด้วยสายตาเจ็บปวด ผมเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร แต่ก้มลงจูบหน้าผากเธอแล้วเดินออกจากห้องขวัญไปเพื่อไปรับแมทมากินข้าว


ผมเลว ผมเหี้ย โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาด่าเพิ่ม แต่ผมก็โดนเพื่อนด่าเสมอ ถามว่าตอนนี้ผมสับสนเหรอ ก็ไม่ถึงขนาดว่าตัดสินใจอะไรไม่ได้ เพียงแต่ยอมรับว่าลึกๆ ผมตัดขวัญไม่ขาดจริงๆ แต่ความเห็นแก่ตัวของผมก็คือ ถ้าผมได้แมทแล้ว ผมคงพร้อมจะทิ้งอีกคนทันที


“วันนี้อยากกินอะไรครับ” ผมส่งยิ้มให้แมทที่เดินออกมาจากตึกคณะคนเดียว เขาส่งยิ้มน่ารักมาให้ผม


“กินหมูกระทะได้มั้ย อยากกินตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว” เขาทำหน้าบู้เหมือนเด็ก ผมยิ้มน้อยๆ ยื่นมือไปดึงเขาเข้ามาใกล้ตัว


“อ้วนแล้วเอิร์ทอุ้มไม่ไหวนะ” แมทกระพริบตาปริบๆ กลับมา


“อ้าว แล้วเอิร์ทจะอุ้มแมททำไม เดินเองได้”


“เปล่า หมายถึงท่าลิงอุ้มแตง” แมทเบิกตากว้างขึ้น แก้มของเขาแผ่สีแดงไปทั่ว ผมหัวเราะตลกกับหน้าตาของเขา เชื่อว่าแมทคงเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร


“ไอ้เอิร์ท ไอ้บ้า” เขาด่าผมด้วยท่าทางเขินอายแล้วเดินขึ้นซ้อนท้ายรถ ผมขับรถพาเขาไปร้านหมูกระทะตามที่เขาอยากกิน ช่วงนี้ผมขอให้แมทมานอนด้วยกัน ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมาก ผมอยากนอนกอดเขา แค่นั้นแหละ


ถึงแม้เขาจะชอบเหม่อๆ นิ่งๆ ดูใจลอยบ่อยๆ แต่ผมก็อยากอยู่กับเขานะ


“ปิดเทอมอยากไปเที่ยวไหนเปล่าแมท” ผมคีบหมูใส่จานให้เขา แล้วเอาเข้าปากตัวเองหนึ่งชิ้น


“ทำไมอ่ะ จะพาไปเหรอ” ผมยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วขวาหนึ่งที แมทยิ้มบางๆ


“ไปแค่สองคนนะ ทริปนี้มีแต่เราสองคน” แมทยิ้มเบ้ปาก ผมชอบพูดให้เขาเขินนะ ชอบมองเวลาเขาเขิน น่ารักดี


“อยากไปทะเล อืม ภูเก็ตก็ดีนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง กำลังนึกๆ ว่ามีที่ไหนที่อยากจะเสนอเขาหรือเปล่า


“เออ ก็ดีนะ เอิร์ทอยากไปเกาะตาชัย ไว้จะพาไปนะ เก็บเงินแค่ค่าที่พักพอ นอกนั้นเอิร์ทเลี้ยงเอง” แมทย่นคิ้วใส่ผมทันที


“ได้ไงล่ะ ช่วยกันออกสิ ของออกจะแพง…” ผมยิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร ค่อยไปมัดมือชกเขาทีเดียว


“…แต่จะไม่ชวนใครไปจริงๆ เหรอ ไปสองคนเองเนี่ยนะ” เขาว่าพลางเคี้ยวหมูในปากตุ้ยๆ


“คนจีบกันใครเขาเอาคนอื่นไปเป็นก้างขวางคอล่ะแมท นี่ตั้งใจจะไปเผด็จศึกแมทให้ได้เลยนะ เอาคนอื่นไปก็ไปขัดขวางดิ” แมทแกล้งมองผมตาขวาง ผมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี


“เผยไต๋ออกมาละ งี้ถ้าไปต้องพกปืนไปด้วยแล้วมั้ง” เขาถลึงตาใส่ผมพร้อมกับยกช้อนส้อมขึ้นมาขู่ ผมยิ้มกว้าง


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาปืนเอิร์ทอุดปาก รับรองอยู่หมัด” ผมชี้ไปที่เป้าตัวเอง แมทอ้าปากค้าง นี่ถ้านั่งข้างกันเขาคงฟาดผมเต็มมือแก้เขินไปละ


“ไว้ใจไม่ได้จริงๆ ผู้ชายคนนี้”


“โห่ ถ้าไว้ใจไม่ได้ ป่านนี้แมทเสร็จเอิร์ทไปแล้ว นอนเตียงเดียวกันขนาดนี้ ทำแค่นอนกอดกัน มีที่ไหน อย่างน้อยต้องทำวันละครั้งก่อนนอนรู้รึเปล่า” ผมแกล้งแหย่เขาต่อเมื่อเห็นว่าเขาหน้าแดงปลั่ง


“เหยยะ! น่ากลัวอะ กลับไปอยู่บ้านแล่ว!” ผมหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่ไม่ได้ดังลั่น แมทเบ้ปากใส่ผมเต็มที่


“ไม่ให้กลับเว่ย เป็นเมียพี่ก่อนเถอะน้องค่อยกลับ!” ผมแกล้งยิ้มเหมือนโจรหื่นๆ แมทเหมือนจะทำหน้าดุใส่ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาหลุดขำออกมา ผมมองรอยยิ้มสดใสของเขาแล้วก็ต้องยิ้มออกมาสุขใจ


ผมอยากให้เขายิ้มให้ผมแบบนี้ตลอดไป โดยที่ไม่มีเรื่องใครคนไหนมาเกี่ยวข้อง โดยที่เขาไม่มีอีกคนในใจ ถ้าแบบนั้นผมคงมีความสุขที่สุดในโลก และผมคงไม่ต้องการใครอีกแล้วนอกจากเขา



“อิ่มเปล่า” ผมถามเขาตอนที่เรากำลังเดินกลับไปที่รถ ระหว่างนั้นผมเห็นเพื่อนขวัญสองสามคนที่มานั่งกินหมูกระทะร้านเดียวกันมองมาด้วยสายตาไม่ชอบใจ ผมไม่ได้แสดงท่าทีอะไร และพยายามไม่ให้แมทหันไปมองด้วย


“อิ่มมากเลย สมใจปากละ” เขายิ้มเหมือนเด็กน้อยดีใจ ผมยกมือขวาขึ้นโยกหัวเขาเบาๆ แล้วหันไปขึ้นคร่อมรถ สตาร์ทรถได้ก็พาเขาขับกลับหอ ชีวิตไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก ขอแค่มีคนที่เรารู้สึกดีด้วยอยู่ด้วยกัน ผมว่าในแต่ละวันก็มีความสุขแล้วนะ


เรากลับมาถึงหอ แมทเข้าไปอาบน้ำ ผมนั่งเล่นมือถือรอเขา ระหว่างนั้นก็เช็กหน้าฟีดเฟซบุ๊คไปพลางๆ ผมเห็นขวัญตั้งสเตตัสแนวๆ อกหักรักช้ำ ไม่ต้องสืบ ไม่ต้องควานหาว่าตั้งถึงใคร ตั้งถึงเรื่องอะไร ก็คนที่ขวัญด่าเป็นนัยๆ ก็นั่งมองสถานนะอยู่นี่ไง ผมมองสถานะเฟซบุ๊คขวัญแล้วก็ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าคิดแบบนี้มากี่รอบแล้ว แต่ผมคงต้องจบเรื่องขวัญให้ได้จริงจังสักที เพื่อที่ขวัญจะได้ไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว แล้วผมจะได้หยุดความจัญไรของตัวเองสักที





ถัดจากอีกวันที่ผมเคลียร์กับขวัญอย่างจริงจังได้ไม่กี่ชั่วโมง แมทก็จับได้ว่าไปหาขวัญมา จริงๆ ไม่ใช่การจับได้หรอก เรียกว่าเขารู้อย่างชัดเจนขึ้นมากกว่า คืนนั้นขวัญโทรมาร้องไห้กับผม ขวัญเมา ปกติขวัญเป็นคนแรงๆ อยู่แล้ว พอมีน้ำเมาเข้ามามิกซ์ด้วย อารมณ์ขวัญเลยพุ่งพล่านกว่าปกติ ขวัญโวยวายใส่ผม ด่าผมด้วยคำเดิมๆ ด่าจนสงสารเหี้ย  ผมก็ได้แค่บอกว่าผมรู้ตัว เราเถียงกันทางโทรศัพท์อยู่สักพัก แมทก็บอกให้ผมออกไปหาขวัญ ออกไปเคลียร์กันให้รู้เรื่อง


“รอเอิร์ทด้วยนะ เดี๋ยวกลับมานอนด้วย” แต่คืนนั้นทั้งคืน ผมก็ไม่ได้กลับไปหาแมทตามที่บอกกับเขาไว้ ขวัญเมาหนักมาก เราทะเลาะกันยืดยาว พูดวกไปวนมาในเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน


“กูรักมึงขนาดไหนเอิร์ท ยอมถ่างขาให้มึงเอาฟรีๆ มึงอยากมาก็มา เงี่ยx เมื่อไหร่ก็แวะมาอย่างเงี้ยอะเหรอ กูด่ามึงเหี้ยกี่รอบแล้วมึงรู้ตัวบ้างมั้ย” ขวัญพูดไปน้ำตาไหลไป เรายืนทะเลาะกันอยู่ในในสวนข้างๆ หอพักของขวัญ ผมไปรับเธอมาจากหน้าผับ ตลอดทางมาขวัญด่าผมยับ แถมยังอ้วกใส่ผมจนเละไปหมด จนผมคิดว่าเธอน่าจะจงใจอ้วกมากกว่าที่จะอ้วกเพราะเมาไม่รู้เรื่อง


“มึงไปนอนกับคนอื่น กูก็ทนมาตลอด เพราะมึงกับกูเลิกกัน กูไม่มีสิทธิ์ แต่มึงก็ยังไม่ทิ้งกูให้เด็ดขาด มึงไม่รู้หรอกว่ามึงสร้างความหวังไว้ให้กูมากขนาดไหน มากจนกูก็ขาดมึงไม่ได้นี่ไง ไอ้เหี้ย…” ขวัญร้องไห้สะอึกสะอื้น ยกทิชชูมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม รวมทั้งเช็ดเศษน้ำลายที่เลอะจากการอ้วก ผมยื่นน้ำเปล่าให้ขวัญเอาไปล้างปากอีกรอบ แต่เธอผลักออกอย่างแรงจนน้ำกระเซ็น


“ขวัญ ขึ้นห้องเหอะ…”


“…แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร ถึงไปชอบผู้ชายด้วยกัน คนนั้นเขาดีกว่ากูตรงไหนวะ กูเนี่ยมีนม มี***ให้มึง แล้วมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ อยากลองของแปลกรึไง” ผมรู้สึกหน้าตึงขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น


“ขวัญ เขาก็เป็นคนเหมือนเราทุกคนอ่ะ เขาแปลกตรงไหนวะ” ขวัญยิ้มเยาะกลับมา


“โอ๊ย ขอโทษค่ะที่ไปว่าเมียใหม่มึง นี่กูเรียกเขาว่าเมียได้มั้ย เขาเป็นผู้ชายแบบมึงนี่ อ้อ แล้วที่มึงทำระยำลับหลังเขาเนี่ย เขาคงปลื้มใจหรอกนะ” ผมยืนขบกรามแน่น ถอนหายใจออกมายาวๆ พยายามจะดึงขวัญให้ขึ้นหอ เพราะตอนนี้แม่งใกล้จะเช้าแล้ว แมทคงหลับไปแล้วชัวร์


“ขึ้นห้องขวัญ ตื่นมาค่อยคุยอีกที”


“คุยตอนนี้แหละ เคลียร์ไปเลย มึงจะเอาไง ถ้าเลิกกับกู ก็ให้เด็ดขาด หยุดสร้างความหวังล้มๆ แล้งๆ ใส่กูสักทีเหอะ”


“เออ จะหยุด พอใจยัง แต่ตอนนี้ขึ้นห้องก่อน” ผมออกแรงดึงขวัญลุกขึ้นจากม้านั่ง แล้วลากเธอไปขึ้นหอ ตลอดทางขวัญร้องไห้ ก่นด่าผมว่าเหี้ยไม่หยุด ด่าแล้วด่าอีก ด่าจนผมอายเหี้ยไปแล้ว


“กลับแล้วนะ” ผมบอกเธอหลังจากพาเจ้าตัวมาถึงห้อง แล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ให้ใหม่ เพราะชุดเก่าเลอะอ้วกไปเป็นแถบ


“ไม่เอา อยู่กับขวัญก่อน อย่าทิ้งขวัญ ขอร้อง…” ขวัญร้องไห้ออกมา ผมเห็นแล้วก็นึกสงสารเธอ เพราะผมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เธออยู่ในสภาพนี้


“นอนเหอะ เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน”


“นอนกอดได้มั้ย” ผมพยักหน้า เหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง ตอนนี้ตีห้าแล้ว ผมถอนหายใจ กระเถิบตัวเข้าไปนอนกอดขวัญไว้ ลูบหลังให้เธอค่อยๆ หลับไป โดยที่ผมยังลืมตาค้างไว้ ความคิดมากมายไหลผ่านสมอง จนกระทั่งผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็ตอนปวดฉี่ แต่พอออกมาจากห้องน้ำผมก็ต้องตกใจเมื่อขวัญยื่นโทรศัพท์มาให้ ใจผมหล่อนวูบ เพราะในสายนั้นคือแมท


“เดี๋ยวเอิร์ทกลับตอนนี้เลย อย่าเพิ่งไปไหนนะ” ผมยังไม่ทันได้เอ่ยลาขวัญด้วยซ้ำ เธอมองผมงงๆ ก่อนที่จะล้มตัวลองนอนต่อ ผมแวะซื้อข้าวให้แมทกับตัวเอง แล้วขับรถกลับหออย่างเร็ว พอกลับไปถึงผมก็เจอแมทนั่งรออยู่บนเตียง เขาไม่ได้มีท่าทีจะด่าว่าอะไรผมสักนิด กลับมีรอยยิ้มมาให้ ซึ่งนั่นทำให้ผมอึดอัด


“เอาตรงๆ เอิร์ทไปนอนกับเขามาใช่มั้ย” ผมเงียบเมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป เมื่อคืนผมไม่ได้มีอะไรกับขวัญ แต่ผมรู้ดีว่าพูดไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา เพราะถึงผมไม่ได้มีอะไรกับขวัญเมื่อคืน แต่คืนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งกลางวันผมก็ไปนอนเอากับขวัญลับหลังแมทอยู่ดี


“เอิร์ท ขวัญเขามีหัวใจนะ ผู้หญิง พอรักแล้ว เขาก็รักเลย…” ผมรู้สึกสะท้อนใจ รู้สึกเหงาในหัวใจแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนโดนแมทตบหน้าแรงๆ ซึ่งไอ้ประโยคแบบนี้ขวัญด่าใส่หน้าผมบ่อยมาก ผมก็แค่ก้มหน้ารับ ปล่อยผ่านไป แล้วเราก็กลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ


“ถ้าเราคบกันไป แล้วเอิร์ทยังมีนิสัยอย่างนี้อยู่ บอกตรงๆ แมททำใจไม่ได้หรอก ตอนนี้เรายังไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก แมทยังร้องไห้เลย ถ้าคบกันจริงจังแล้วเจอแบบนี้ แมทกลัวจะเกลียดเอิร์ท แล้วกลายเป็นว่าเราจะไม่หลงเหลืออะไรดีๆ ระหว่างกัน” ใจผมแทบหายไปเลยเมื่อได้ยินประโยคนั้น ทั้งๆ ที่แมทนั่งตักผมอยู่ แต่ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมากั้นเราให้ออกห่างจากกันแล้ว


“เอิร์ทจะรีบเคลียร์ตัวเอง” ผมบอกกับเขาแบบนั้น ทั้งที่จริงใจผมเริ่มสั่นแล้วว่าแมทไปแน่ ต่อให้ผมเคลียร์ตัวเองได้ แมทก็คงไป แมทคงไม่กลับมาอีก ยิ่งประโยคที่เขาบอกว่าเราสองคนต่างมีใครอยู่ในใจ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าแมทเอาไอ้ฝรั่งนั่นออกจากใจไม่ได้หรอก แล้วประเด็นหลักคือผมเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้น เหมือนผมเปิดช่องโหว่ให้แมทจากผมไปเอง


แล้วในที่สุดผมก็ต้องปล่อยแมทไป มันไม่ใช่วาระสุดท้ายใดๆ ของชีวิต แต่ผมใจหายมาก เรานั่งกินข้าวด้วยกัน เรียกว่าเป็นมื้อสุดท้ายของเราสองคนก็ไม่ผิดนัก ระหว่างกินข้าว แมทยังคงส่งยิ้มให้ผม ป้อนข้าวให้ผมเหมือนเดิม เขายังคงน่ารัก เอาใจใส่ผมเหมือนเดิม ยิ้มให้ผม ผมยิ้มให้เขาด้วยความเศร้า หลักจากผมไปส่งเขาถึงบ้าน ผมกลับมาที่ห้องของตัวเอง ยืนมองห้องนอนตัวเองอย่างใจหาย เตียงกว้างเข้าไปอีกเมื่อไม่มีแมทอยู่ด้วย ห้องใหญ่อีกหลายเท่าตัวเมื่อแมทจะไม่กลับมาห้องนี้อีกแล้ว โต๊ะญี่ปุ่นที่เรานั่งกินข้าวด้วยกันแทบทุกมื้อ ต่อไปมันคงไม่ค่อยได้ใช้ หรือไม่ผมก็ต้องนั่งกินคนเดียว


ผมโคตรจิตตกเลยตอนนี้ โคตรรู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย รู้สึกถึงความเหงาที่ใจ แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมา ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ รู้สึกอะไรอยู่ ถึงร้องไห้ออกมาแบบนี้ 


 :mew4:


มารวดเดียวเลยแล้วกันนน ช่วงนี้แอบยุ่งนิดโหน่ยค่ะ เลยมาอัพทิ้งไว้แบบเต็มสตรีมไปก่อน กลัวตัวเองหายไปนานอีก คมเขี้ยวเรียวจันทร์ยังไม่ได้ลงตอนใหม่สักที แต่ตอนใหม่เสร็จแล้วนะ เหลือเช็กคำผิดก่อนลง ใครติดตามเรื่องนี้อยู่ ยืนยันว่าไม่ดองงง แต่ตอนใหม่อาจมาช้านิดหนึ่งค่ะ

สำหรับเอิร์ทกับแมท ก็นะ เคว้งคว้าง ดราม่ากันไปกรุบๆ กริบๆ คันยิบๆ นิดหน่อย อย่างที่เคยบอกไปนานโพ้นแล้วว่า สำหรับตอม เอิร์ทก็คือพระเอกคนหนึ่งในเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่ได้คู่กับแมทเท่านั้นเอง T^T พระเอกของตอมจะเป็นงี้แหละ มืดคล้ำดำสว่างผสมกันไป เอิร์ทก็มีมุมเป็นคนไม่ดี วิคเตอร์ก็เช่นกัน แต่ถ้าใครอยากอ่านพระเอกน่ารักๆ ต้องไปเจอกับพี่เขี้ยวนะ ฮิๆ แอบโปรโมตอีกเรื่อง

ตอนแรกอยากจะเขียนเรื่องเอิร์ทนะ แต่เขียนๆ ไป รู้สึกว่าอยากให้เอิร์ทคือความทรงจำดีผสมเลวของคนอ่าน 55555 ตีมเรื่องเอิร์ทก็มีแหละ แต่จะโตขึ้นมากเลย คงเขียนตอนเขาทำงานแล้ว ดูก่อนนนว่าเอิร์ทในเรื่องนี้จะจบลงทางไหนนนน

จริงๆ พาร์ทของเอิร์ทก็แอบเศร้าเนอะ คือเราเข้าใจดีอะว่าแอบรักเขา แต่เขาไม่มีใจอยู่กับเรามันเป็นไง TT_TT และสำหรับแมท นางก็สวยอีก ลำบากใจเนาะ แต่ตอนนั้นก็ตัดใจจากยักษ์ไม่ขาด ตัดไม่ได้ด้วย

ไอ้ตอนเมานี่อิงจากตัวเองเลยอะ อ้ากกก >///< 5555555 แต่ตอมไม่เคยได้ยั่วชายคนไหนแบบนังแมทหรอกนะ มีแต่จะทำร้ายพวกเขา โอ้ย คิดแล้วขำตัวเอง 555555 แต่เอาเป็นว่าตอนแมทเมา เอามาจากชีวิตจริงตัวเองส่วนหนึ่งเลยแหละะะ

ปิดโอนเงินพรีออเดอร์รีปริ้นนิยายพาร์ทแรกรอบสองแล้วนะคะ เช็กสถานะของตนเองได้ที่ลิงก์หน้าเพจเลยค่ะ

ใครเจอคำผิดบอกได้เลยนะค้า ตอมจะได้รีบแก้ ขอบคุณทุกคนมากค่า เจอกันตอนต่อไปจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-02-2016 00:59:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 25-02-2016 01:17:11
ถ้าเราเป็นแมทเราก็ไปจากเอิร์ทนะ ต่อให้เอิร์ทเคลียร์กับขวัญจนจบแล้วก็ชั่งเหอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 25-02-2016 05:30:13
อ่านมุมเอิร์ธก็เศร้าเนาะะะ สงสารรร
แต่พอกลับไปอ่านในมุมแมทก็เลวไง 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 25-02-2016 06:03:12
คิดถึงนังยักษ์แล้วค่าา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 25-02-2016 09:56:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-02-2016 12:24:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 25-02-2016 14:28:37
บอกตรงว่าเรื่องนี้ไม่มีผู้ชายในฝันสำหรับเราเลย อ่านเพราะเนื้อเรื่องจริงๆ ลุ้นกับความรักของแมทว่าจะเดินหนทางใดน่ะ ชื่นชมแมท อ่านแล้วมันอินจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-02-2016 21:39:54
 :เฮ้อ:ี
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-02-2016 02:38:21
เห้ออออออ!! ยาวๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-02-2016 11:42:11
ขออนุญาต
ไม่เห็นใจนะ


เพราะเรา..ก็ไม่เข้าใจ
ในตัวเอิร์ทเชี่ย
หุหุ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 26-02-2016 19:45:06
อ่านมุมความคิดเอิร์ทแล้ว ก็ยังไม่เห็นใจอยู่ดีอ่ะ  ยังเป็นคนเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม  :m16:

คิดถึงวิกเตอร์แล้วอ่า รอเฮียอยู่น๊าาา.... :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.28 100%}:24.02.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 29-02-2016 21:59:26
เอิร์ธเห็นแก่ตัวอ่ะจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-03-2016 18:55:09

Only You EP.29 :: Special Earth zone, again. [100%]



Special: Earth Zone, again.
   

ผมกลับมาใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ กลับมาเรียน ทำงานส่งอาจารย์แบบที่ชีวิตนิสิตนักศึกษาคนหนึ่งสมควรจะทำ แล้วที่สำคัญผมยังมีขวัญอยู่ในชีวิตเหมือนเดิม แต่เราไม่ได้นอนด้วยกันอีกเลย ผมไม่ได้ไปหาขวัญที่หอ ขวัญเองก็ไม่ได้หาผมที่หอ เราแค่ใช้ชีวิตด้วยกัน เหมือนเพื่อนกัน ไปกินข้าว ดูหนัง กินเหล้าด้วยกัน ผมมีแค่ขวัญ ไม่ได้มีใคร แต่ขวัญก็ไม่ใช่แฟนผม ไม่ใช่คนที่ผมกั๊กไว้อีกต่อไป
   

“ขอเวลาให้ขวัญหน่อย ถ้าเข้มแข็งมากพอแล้ว จะไปเอง”
   

“อืม เหมือนกัน ถ้าเข้มแข็งมากแล้ว จะหยุดความสัมพันธ์เหี้ยๆ นี่กับขวัญสักที”
   

ผมไม่ได้เจอแมทเลย เพราะผมเรียนหนัก งานเยอะ แต่ถ้าเป็นช่วงที่เราคุยกัน เรียนยุ่ง งานหนัก งานเยอะแค่ไหน ผมก็ต้องมีเวลาให้เขาเสมอ แต่ตอนนี้ผมกับเขาเราไม่ได้คุยกันแล้ว ผมก็ไม่อยากรบกวนเขามาก อีกอย่างกลัวตัวเองทำใจไม่ได้ที่จะไม่จับเขากลับห้องแล้วนอนกอดไว้ทั้งคืน ผมก็เลยใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ ตามปกติไปดีกว่า ไม่มีสาวไหนเข้ามาหาผมเพิ่มเติมหรอก หรือเพราะผมเฉยๆ กับเรื่องแบบนี้อยู่ อารมณ์ว่าใจผมยังจดจ่อกับแมทอยู่ เลยไม่อยากดึงใครเข้ามาวุ่นวายอีกแล้ว
   

“เมื่อกี้กูเจอเจ้าแม่ด้วย เขาฝากมาทักทายมึงนะไอ้เอิร์ท ฝากมาด่ามึงที่ไปแซวเขาในเฟซบุ๊ค” ผมยิ้มขำ ถึงจะไม่ได้เข้าใกล้เขา แต่ผมก็ชอบไปป่วนเขาในโลกโซเชียลแทน อย่างน้อยให้ดูว่าระหว่างเรายังมีการติดต่อกันอยู่บ้างก็ยังดี ผมทักแชทคุยกับเขาเรื่อยๆ นะ ถามสารทุกข์สุขดิบ แต่ไม่เคยได้เจอหน้ากันเป็นๆ หรอก ทั้งที่คณะอยู่ใกล้กัน
   

หรืออีกนัยคือผมเองไม่อยากจะเจอหน้าเขา เพราะผมรู้ตัวว่าผมคงไม่ยอมให้เขาไปแน่
   

“วันนี้ไปแดกส้มตำกัน ขวัญไปด้วยกันเปล่า”  ไอ้ไนน์หันไปชวนขวัญที่แวะเอาเสื้อผ้าบางชุดที่ผมลืมไว้ที่หอขวัญมาคืนให้
   

“ไปดิ แต่เดี๋ยวขอตามไปนะ แวะเอาชีทไปให้เพื่อนที่หอก่อน” พวกผมพยักหน้ารับคำขวัญ แล้วอัดเข้าไปในรถของไอ้เปาคันเดียว ทำท่าว่าเหมือนจะหมด แต่สุดท้ายก็อัดไปไม่ไหว เลยต้องมีบางส่วนขี่มอเตอร์ไซด์ตามไปที่ร้านด้วย ส่วนผมน่ะเข้าที่เข้าทางแล้วเลยไม่อยากลุกออกไปไหนอีก
   

พอมาถึงที่ร้าน ผมก็เห็นว่าในร้านมันดูแปลกๆ มีคนหลายคนยืนออกันแน่นแบบที่ไม่ใช่รอต่อคิว แถมยังมีคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายอะไรสักอย่างด้วย พอเดินเข้าไปในร้าน ผมกับเพื่อนก็ชะงักไป เพราะไอ้ความแน่นขนัดที่ผมเห็นนั้นมันคือการทะเลาะของกลุ่มแมทและกลุ่มใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก ผมมาทันตอนแมทโดนสาดน้ำใส่หน้าเต็มๆ ผมยังงงอยู่เลยไม่ทันได้ตั้งสติ
   

“ถ้าอยากโดนต่อย มึงพล่ามอีกดิ อีตุ๊ด!” เสียงตะโกนด่าแมทประโยคนั้นทำให้ผมรู้ตัวว่าแมทกำลังโดนไอ้พวกนี้ข่มเหง ผมโคตรจะเกลียดพวกดูถูกคนอื่น ยิ่งคนที่เหยียดเพศด้วยวาจาและท่าทางนี่ผมยิ่งเกลียด ไม่รู้ว่าแม่พวกมันเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหนกันถึงได้ทำท่าทางเหมือนคนอื่นเขาต่ำต้อยนัก แล้วคนที่มันด่าตอนนี้คือแมท คือคนที่ผมพร้อมจะปกป้องอยู่แล้ว
   

“ไม่ต้องให้ออกหรอกป้า เดี๋ยวผมจัดการให้” ผมขัดป้าเจ้าของร้านเมื่อตอนที่แกเอ่ยปากไล่ให้ทุกคนออกไปข้างนอก ผมสนิทกับป้าแกมานานเพราะชอบมากินร้านแกตั้งแต่ปีหนึ่ง กินจนป้าแกจำได้ว่าพวกผมชอบอะไร เอาเผ็ดมากน้อยแค่ไหน  ป้าแกทำท่าขัดใจ แต่เหตุการณ์ก็ยังคงตึงเครียด ผมเลยเอ่ยปากไล่พวกมันให้ออกไปจากร้าน ไอ้พวกนั้นทำท่าจะมีเรื่องให้ได้


“มึงออกไปจากร้านเถอะ แล้วไม่ต้องมาคิดเล่นงานพวกกูแล้วก็เพื่อนกูทีหลังนะ ไม่งั้นมึงตายเงียบๆ แน่” ผมรู้สึกอารมณ์ขึ้นจัด อยากซัดพวกมันสักยกสองยก เอาแม่งให้สลบคาตีนไปเลย เห็นหน้าแล้วอยากจะอ้วกใส่หน้านัก


“มึงคิดว่ากูกลัวมึงเหรอ” ดูท่าพวกมันก็ไม่ใช่ย่อย มันจ้องผมกลับอย่างไม่เกรงกลัว ผมรู้ว่าพวกมันไม่กลัวหรอก แต่เนื่องจากตอนนี้พวกมันกำลังเสียเปรียบ เพราะทุกคนต่างจับจ้องไปที่พวกมันทั้งหมด ทุกสายตามองพวกมันเหมือนเป็นแมลงสาบ สุดท้ายพวกมันเลยเดินออกจากร้านไปอย่างขัดใจ ก่อนออกไปมันหันมาสบตากับผมด้วยความอาฆาต ผมยักคิ้วให้มันแล้วหันหน้าหนีอย่างไม่ใส่ใจ


พวกผมเดินไปนั่งโต๊ะว่างที่หนึ่ง แมทหันมาส่งยิ้มให้ แค่นั้นใจผมก็เต้นตึกตักมากพอแล้ว เขาขยับปากบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลัง ผมยิ้มตอบกลับไป สักพักขวัญก็เดินเข้ามาในร้าน ผมเห็นเธอมองแมทเหมือนไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า


“ผู้ชายคนนั้นป้ะ” ขวัญบุ้ยปากไปทางแมท ผมพยักหน้าเล็กน้อย ขวัญยิ้ม เป็นรอยยิ้มเศร้าที่ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้จะพูดปลอบใจอะไรยังไง ผมรู้ว่าขวัญเศร้า แต่เราก็ตกลงกันแล้วว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนมันจบไปแล้ว


ผมเห็นแมทเดินออกไปนอกร้าน เขากำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน แล้วเวลาต่อมาไม่นานผมก็เห็นไอ้ฝรั่งนั่น ไอ้พระเอกคนนั้น คนที่ผมไม่ชอบขี้หน้า คนที่ชอบแมทเหมือนที่ผมชอบ และตอนนี้มันมาอยู่กับแมท ที่นี่ ที่ประเทศไทย และที่ร้านส้มตำแถวมหาวิทยาลัยของผม แมทส่งยิ้มมาให้ ผมต้องเรียกสติสักพักถึงจะยิ้มกลับไปให้เขาได้ เพราะตอนนี้ผมกำลังอึ้ง หัวใจเต้นตึกตัก มันเต้นวูบไหวแทบจะกลายเป็นความกลวงโบ๋


ผมนั่งกินส้มตำอย่างไร้อารมณ์ เหลือบสายตาไปมองแมทกับไอ้ฝรั่งนั่น น่าจะชัดเจนแล้วว่ามันคบกับแมท มันคงมาตามแมทที่ไทย คงตามให้แมทกลับไปอยู่กับมันด้วย เพื่อนๆ ในกลุ่มมองผมอย่างนึกสงสัย แต่ในขณะเดียวกันก็มองด้วยความเข้าใจ ผมไม่ได้สนใจว่าขวัญมองด้วยความเศร้าใจแค่ไหน เพราะตอนนี้ใจผมเองก็เศร้าไม่แพ้ใครหรอก


“แฟนแมทเหรอวะ” ไอ้ไนน์กระซิบถามผมเบาๆ ผมหันไปมองหน้ามันสักพักแล้วกดหน้าลงนิดหนึ่ง มันทำตาโตแล้วเลื่อนสายตาไปมองไอ้ฝรั่งนั่น


“หล่ออย่างกับดาราเลยว่ะ”


“ก็มันเป็นดารา มันเป็นพระเอกซีรีส์ที่ไอ้เจ๋งชอบดูไง” ไอ้ไนน์อ้าปากหวอกว่าตอนที่เห็นแมทเดินเข้ามาในร้านกับไอ้ฝรั่งนั่นอีก เพื่อนผมคนอื่นๆ คงได้ยินแล้ว พวกมันเลยหันไปมองทางแมทกันพรึบ


“เหี้ย เจ้าแม่แกเล่นของสูงว่ะ” ไอ้เบียร์เอ่ยด้วยสายตาทึ่งๆ


ผมแทบจะไม่รู้รสชาติอาหารที่กินเข้าไป เลยหยุดกินแล้วเอาแต่ดูดน้ำโค้กไปเรื่อย พยายามไม่มองไปทางแมท แต่สักพักแมทกับไอ้ฝรั่งก็ลุกขึ้นยืน ผมเลยมองตาม เพื่อนผู้หญิงของแมทเดินออกจากร้านตามไปด้วย ผมนั่งนิ่ง ไม่ยอมพูดจากับใคร ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยตอนนี้


“จ่ายตังค์แล้วกลับเหอะ” ไอ้เปาเสนอขึ้นมา ผมมองอาหารบนโต๊ะ ทุกอย่างลดลงไปแค่ครึ่งเดียว แต่ทุกคนคงเห็นว่าผมนั่งหมดอาลัยตายอยากไปแล้ว เลยไม่อยากอยู่ต่อเพราะความเหี่ยวเฉาของผม


“ลุงแกบอกไม่ต้องจ่ายตังค์ว่ะ เหมือนมีคนจ่ายให้ไปแล้ว” ผมเงยหน้ามองไอ้เบียร์แล้วขมวดคิ้ว ใครมันมาจ่ายให้ แล้วมันมาจ่ายทำไม แล้วผมก็นึกถึงไอ้ฝรั่งนั่น ต้องเป็นมันแน่ เพราะมันจ่ายเงินก่อนหน้าผม ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไปพร้อมเพื่อน ไปถึงลานจอดรถในร้านก็เห็นมีคนยืนถ่ายรูปกับไอ้พระเอกนั่นอยู่


“เอาไปคืนมันด้วย ฝากบอกด้วยว่าไม่ต้องมาพ่อบุญทุ่มแถวนี้ เอิร์ทมีเงินจ่ายเองได้” ผมยัดเงินคืนใส่มือแมทด้วยอารมณ์มาคุ พอไอ้ฝรั่งหันมามองผมก็จับมือแมทแน่น คือมันทั้งหวง ทั้งหึง ทั้งโกรธ มันปนเปกันไปหมด เล่นเอาผมจัดระเบียบสติตัวเองไม่อยู่


“ให้เกียรติขวัญเขาด้วยนะเอิร์ท จะทำอะไร คิดถึงใจคนอื่นบ้าง” แมทพูดเรียบๆ ใบหน้าเขาเรียบเฉย น้ำเสียงนิ่งจนรู้ว่าไม่พอใจ ผมถอนหายใจแต่ยังไม่พร้อมจะทำใจ เลยเดินดึงมือขวัญออกไปจากตรงนั้นพร้อมกัน


“เอิร์ท ปล่อยขวัญเหอะ” ผมหันไปมองขวัญที่กำลังร้องไห้เงียบๆ ผมชะงักกึก ค่อยๆ คลายมือขวัญออกจากมือตัวเอง


“ขวัญรู้แล้ว ขวัญเข้าใจแล้ว ปล่อยขวัญเหอะนะ เพราะขวัญก็จะปล่อยเอิร์ทจริงๆ แล้วเหมือนกัน” ผมได้แต่ยืนนิ่งมองขวัญที่ยืนมองผมน้ำตานองหน้า ผมรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นคนที่ผมเคยรักและเขายังรักผมอยู่ในสภาพแบบนี้ ผมเป็นคนทำให้เขาอยู่ในสภาพนี้เอง


“เอิร์ทขอโทษ เราพอกันเท่านี้เถอะนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว พวกเพื่อนๆ ผมที่เดินตามหลังกันมามองเราสองคนด้วยสายตาเห็นใจ


“อย่าขอให้ขวัญเป็นเพื่อนกับเอิร์ทอีกเลยนะ ขวัญทำไม่ได้จริงๆ ถ้าจะไม่ยุ่งกัน ขออย่ายุ่งกันอีกต่อไป…” ขวัญปาดน้ำตาทิ้ง มือขวาล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้าง ล้วงมือถือขึ้นมากดโทรหาใครสักคน


“มึง… มารับกูที… อืม… ขอบใจมาก กูรอตรงเยื้องๆ ร้านส้มตำนะ” ขวัญถือโทรศัพท์ไว้ในมือ มองผมด้วยสายตาเจ็บปวด น้ำตาเอ่อคลอเต็มเบ้าตา ผมเดินเข้าไปกอดขวัญไว้ ขวัญยกมือกอดตอบกลับมา พวกเพื่อนผมยืนถอนหายใจกันทุกคน


“จบกันจริงๆ สักทีนะ ขอโทษที่เลวมาตลอด ขอบคุณที่รักคนเหี้ยๆ อย่างเอิร์ท ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมา ขอบคุณที่ทนกันมาตลอด โชคดีนะ” ขวัญร้องไห้โฮออกมา เธอกอดผมแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างรุนแรง ผมลูบหลังปลอบใจเธออยู่สักพักขวัญก็ค่อยๆ สงบลงแล้วค่อยๆ คลายตัวเองออกจากตัวผม


“ขออะไรอย่างดิเอิร์ท” ผมพยักหน้า แล้วฝ่ามือขวัญก็สะบัดเข้าที่แก้มผมเต็มแรงโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว แก้มขวาผมชาและแสบไปหมด


“ขอตบที” ผมหันไปมองขวัญที่มองกลับมาอย่างไร้อารมณ์ ผมพยักหน้ารับกับคำขอนั้นแม้เธอจะตบผมไปแล้วก็ตาม


“วันไหนถ้าไม่เหลือใครแล้ว บอกด้วยนะ จะได้รอสมน้ำหน้า” แล้วขวัญก็เดินชนไหล่ผมไป ผมไม่ได้หันไปมองตามแต่รู้ว่าเธอกำลังเดินไปตามทางถนน อีกสักพักคงไปเจอกับเพื่อนเธอที่โทรให้มารับ ผมหลับตาลง ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจและมีความโล่งอกผสมอยู่ด้วย


“จบสิ้นสักทีนะมึงความสัมพันธ์ห่าเหวของมึงเนี่ย” ไอ้เบียร์บอกพร้อมกับตบบ่าให้กำลังใจผมสองสามที ผมเห็นรถเบนซ์เลี้ยวออกมาจากร้านส้มตำ ผมเห็นหน้าแมทลางๆ ตรงที่นั่งข้างคนขับ ผมปล่อยให้รถผ่านไป ไม่ได้หันไปมองตามเช่นกัน ได้แต่เปิดประตูรถไอ้เปาขึ้นไปนั่งนิ่งๆ เงียบๆ คนเดียว


ความคิดที่แสนจะว้าวุ่น ที่แสนจะวุ่นวาย เวียนว่ายในหัวผมไปทางไหน ไปยังไงก็ไม่ชัดเจน ผมปล่อยให้มันตื้ออยู่ในหัว วนอยู่ในหัว ไม่รู้ว่าจะหาทางหยุดมันยังไง คงปล่อยเอาไว้สักพักให้มันหายมึน หายเบลอไปเอง นอนสักแปบก็คงจะดี





ผมไม่มีใครเลย เรียกได้ว่าตอนนี้ผมเป็นหนุ่มโสดก็โคตรจะตรงเผง ผมอยู่แต่กับเพื่อน กับงาน กับการเรียน ใช้ชีวิตแบบหนุ่มโสดไปวันๆ แต่ก็มีคนคุยกับผมเรื่อยๆ ที่น่าแปลกคือคนเหล่านั้นเป็นผู้ชายซะส่วนใหญ่ ผมไม่เคยรังเกียจพวกเขาเหล่านั้น ผมไม่เคยมองว่าพวกเขาแปลก ผมมีเพื่อนแบบนี้ตั้งแต่สมัยมัธยม แล้วพวกเขาก็ดีกับผม แต่ผมก็ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหน ไม่เคยหวั่นไหวให้ผู้ชายคนไหนมาก่อน ขนาดพี่อาร์มที่ว่าจีบผมมาเป็นครึ่งปี ผมยังมองว่าเขาเป็นเพียงพี่ชายที่แสนดี ไม่เคยรู้สึกอะไรไปกับเขามากกว่านี้ แต่กับแมท บางทีผมเคยค้นหาคำตอบว่าอะไรดลจิตดลใจให้ผมรู้สึกดีกับเขาขนาดนั้น มันเริ่มจากตรงไหน เขาเข้ามาอยู่ในใจผมได้ยังไง มันอาจจะดูน้ำเน่า แต่ผมก็รักเขาโดยที่หาเหตุผลที่แท้จริงให้กับตัวเองไม่เจอเหมือนกัน รู้แค่ว่ารักไปแล้ว


“เอิร์ท มีรุ่นน้องขอไลน์มึงอ่ะ” ผมขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นจากกองงานที่ผมกำลังจมปลักอยู่กับมันมาหลายชั่วโมงแล้ว


“ผู้หญิงผู้ชาย” เดี๋ยวนี้ต้องถามแบบนี้ เพราะผู้ชายเข้าหาผมเยอะขึ้นจนผมเริ่มงงอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปได้ข่าวว่าผมเคยคุยกับแมทจากที่ไหนกันมาหรือเปล่า


“ผู้ชาย” ผมส่ายหัวแทนคำตอบ ถึงเป็นผู้หญิงผมก็ไม่ให้ เอาไปแล้วก็แอดมา พอแอดมาก็จะชวนผมคุย ซึ่งผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรด้วย มันก็เป็นคำพูด คำถามทั่วๆ ไป ที่ผมขี้เกียจต้องมานั่งตอบ


“หน้าตามาแนวแมทเลยนะมึง” ผมทำหน้าเอือมใส่ไอ้เบียร์แล้วขยับปากแบบไร้เสียงเป็นคำด่าหยาบคายของอวัยวะเพศชาย มันหัวเราะขำขันแล้วหันไปโบกมือใส่ใครสักคนซึ่งผมไม่ได้หันไปมองตาม


“มึงโสด มึงร้าง มึงเหี่ยวมาสองเดือน ไม่อยากมีใครจริงเหรอวะ”


“ทำอย่างกับกูไม่เคยโสด” ผมว่าหน้ามุ่ยพลางค่อยๆ ลากดินสอเป็นแบบร่างบ้านที่ต้องส่งอาจารย์


“กูว่าคราวนี้มึงโสดแตกต่างนะ มึงโสดเพราะมึงรักอีกคนจนไม่อยากมีใคร” ผมถอนหายใจ ยกมือขึ้นเกาปลายจมูก


“มึงจะมาโฟกัสกับความโสดกูทำเหี้ยไรเนี่ย ไม่มีงานให้ทำเหรอไอ้ห่าเบียร์” ผมขว้างก้อนกระดาษเอสี่ยับๆ ก้อนหนึ่งใส่หัวมัน ไอ้ห่าเบียร์กลับหัวเราะอารมณ์ดี


“เออ พูดถึงเจ้าแม่ พวกมึงเห็นข่าวแฟนแมทไปจูบกับผู้หญิงอื่นเปล่าวะ” ผมชะงักไปนิด หันไปมองหน้าไอ้ไนน์แล้วส่ายหัว ใจเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ ในหัวเหมือนมีบางสิ่งกำลังตื่นตัว ถึงขั้นกระโดดโลดเต้นเลยด้วยซ้ำ


“ข่าวนานแล้วแหละ ตอนแรกกูกะจะเล่าให้ฟัง แต่กูก็ลืม จนไอ้เบียร์พูดถึงชื่อแมทขึ้นมากูเลยนึกออกพอดี”


“มันไปจูบกับใคร” ผมถามเสียงห้วน



“เป็นนางแบบ สวย หุ่นเช้ง นมเด้ง ผมบลอนด์ทอง ตาสีฟ้า ผิวแทนเพราะอาบแดด ในข่าวบอกว่าเคยกิ๊กกับแฟนแมทอยู่ช่วงนึง” ไอ้ไนน์อธิบายถึงนางแบบคนนั้นนิ่งๆ โดยที่ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับความสวยของผู้หญิงคนนั้นเลย เหมือนผมถาม ก็เลยตอบมาเพื่อให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น


“รีเทิร์นเหรอวะ” ไอ้เปาหันมาถาม


“ไม่รู้ว่ะ แต่ในรูปจูบกันอ่ะ ไม่ต้องเป็นแมทกูยังอึ้ง” ใจผมเต้นตุบๆ บางสิ่งบางอย่างที่ตื่นตัวขึ้นมากำลังฉุดกระชากกันไปมาในหัว ผมปล่อยให้มันสู้กันไปโดยที่ไม่คิดจะหยุดหรือห้ามความคิดตัวเอง


“แมทเป็นคนคิดมาก” ผมพูดได้แค่นั้น ไม่รู้จะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ ความรู้สึกหนึ่งของผมคือตอนนี้เป็นห่วงเขา แมทเป็นคนคิดเยอะ แล้วชอบคิดวนเวียนซ้ำ เหมือนย้ำให้ความคิดทำร้ายตัวเอง


“โห งั้นป่านนี้เจ้าแม่แกไม่น้ำตาตกในเลยเหรอวะ” ผมคิดว่านั่นไม่ใช่คำเกินจริงนักหรอก แมทร้องไห้แน่ๆ และคงกำลังรู้สึกแย่มากด้วย


“มึงๆ กู ไม่ได้อยากขัดนะ แต่จะบ่ายโมงแล้วอ่ะ ใกล้ถึงคิวเราจองห้องทำงานในหอสมุดไว้แล้ว” ผมพยักหน้าให้เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มแล้วก็คว้าของใส่ไว้ในอ้อมแขน คนอื่นๆ ก็เก็บของใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนตามๆ กัน พวกเราเดินไปหอสมุดเพราะไม่ได้อยู่ไกลจากคณะเรามาก จริงๆ ไกลหน่อยก็ได้ แต่พวกผมเดินได้ ผมเองก็อยากเดิน อยากเดินไปคิดไป ไม่รู้จะคิดทำไมทั้งๆ ที่แมทไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมแล้ว


“ใช้ห้องได้ถึงสี่โมงเย็นนะมึง” ไอ้เปาบอก พวกเราวางของไว้บนโต๊ะ ห้องนี้เป็นห้องกระจก คล้ายห้องประชุมเล็กๆ เก็บเสียงได้ในระดับหนึ่ง แต่จริงๆ ในหอสมุดก็ห้ามส่งเสียงดังรบกวนอยู่แล้ว


“เดี๋ยวกูไปหาหนังสือที่อาจารย์แกบอกก่อนนะ”


“เออๆ ถ้ามีหลายเล่มหยิบมาเผื่อพวกกูด้วยนะ” ผมพยักหน้าไปที เดินออกจากห้องไป ระหว่างทางที่กำลังจะเดินออกจากโซนห้องกระจกสำหรับนั่งทำงาน ผมก็เห็นแมทนั่งอยู่ในห้องหนึ่งคนเดียว ใบหน้าเขาแสดงออกชัดเจนว่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาเศร้า ใบหน้าเหงาหงอย แววตาหม่น แถมยังมีน้ำตาไหลออกมาอีก ผมยืนตีกับความคิดตัวเองอยู่สักพักก็ตัดสินใจเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปด้านใน แมทแค่เอ่ยทักแล้วยิ้มกลับมานิดหน่อยเท่านั้น


ผมเม้มปาก หัวใจเต้นแรง รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวแปลกๆ ความคิดต่อยตีกันวุ่น ผมยอมรับว่าตอนนี้กำลังมีความคิดชั่วๆ เหมือนพวกตัวร้ายในละครสมัยก่อนที่อยากอาศัยช่วงจังหวะเวลานี้ทำให้คนที่เรารักขาดความมั่นใจในคนของเขา แล้วก็คิดอย่างโง่ๆ ว่าเขาอาจจะหันกลับมาหาเรา ผมไม่เข้าใจว่าตัวเองคิดแบบนี้ได้ยังไง อะไรทำให้ผมเป็นขนาดนี้ แต่ผมก็พูดไปแล้ว และดูท่าทางจะสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับแมทไม่น้อย


“จะพูดทำไม พูดให้ได้อะไรขึ้นมา จะเป็นยังไงมันก็เรื่องของแมทกับเขา ฟังไว้นะเอิร์ท แมทรักวิคเตอร์ แมทจะไม่เลิกกับเขา ถ้าเขาไม่เลิกกับแมทก่อน แมทจะไม่ไปจากเขา” ผมอึ้งไป ไม่ใช่เพราะได้เห็นแมทในมุมเหวี่ยงแบบนี้ แต่ผมอึ้งกับประโยคที่สื่อออกมาชัดเจนว่าเขารักไอ้ฝรั่งนั่น รักแบบที่รักมากจริงๆ


“เราเสียใจเท่ากันแล้วนะ ทีนี้ถ้าพอใจแล้ว เชิญเอิร์ทกลับไปอยู่กับแฟนเก่าสุดที่รักของเอิร์ทเถอะ” ผมไม่คิดจะแก้ตัวว่าผมกับขวัญเราตัดขาดกันแล้วจริงๆ เพราะตอนนี้พูดอะไรไปผมก็คงถูกแมทมองว่าเอาดีเข้าตัวอยู่แน่ๆ


“จะด่าจะว่ายังไง แต่เอิร์ทยังรู้สึกกับแมทเหมือนเดิมนะ” แต่นี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องแก้ตัวใดๆ


“กลับไปรู้สึกกับขวัญคนเดียวเถอะ” แมทสวนกลับมาแทบจะทันที ผมนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจออกมา ยอมถอยออกจากห้องนั้นไป แทบจะเดินคอตกกลับไปที่ห้องนั่งทำงานของตัวเอง


“อ้าวมึง ไหนวะหนังสือ” ผมส่ายหัวแทนคำตอบ คนถามเป็นใครไม่รู้ เพราะผมไม่ได้มองเลย


“ใครก็ได้ไปหาแทนกูที กูมึนๆ ว่ะ” ทุกคนคงกำลังงงว่าผมมึนอะไร เพราะท่าทางผมก็ปกติดี ไม่ได้ดูจะมีไข้ ตัวร้อนใดๆ แต่ตอนนี้ผมเหมือนเพิ่งโดนแมทเอาไม้หน้าสามแสกหน้ามาเลย




“มึง วันนี้ไปปาร์ตี้กันป้ะ” ไอ้เจ๋งเอ่ยปากชวนพวกเราที่กำลังนั่งทำงาน ผมส่ายหัวว่าไม่ไป งานจะล้นทับหัวตายยังมีอารมณ์ไปเที่ยวอีกไอ้นี่


“โห่ ไอ้เอิร์ท วันนี้วันพุธ เลดี้ไนท์นะมึง วันนี้มีอาหารตาดีๆ เพียบ”


“กูก็อยากไป แต่มึงเห็นงานมั้ย เยอะขนาดนี้ แล้วส่งก่อนสิ้นเดือนหน้าทุกงาน ไอ้ห่า”


“แต่กูว่าไปก็ดีว่ะ เราจมอยู่กับงานมาเป็นเดือนแล้วนะมึง กูจะแดกประสาทแทนประสาทแดกละ” ผมเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าไอ้ไนน์ที่ไม่น่าจะเป็นคนออกความเห็นนี้ ดูท่าทางมันคงจะเครียดจริง


สุดท้าย พวกผมก็ขอพักสมองกับกองงานทั้งหลายสักคืน เพราะทุกคืนช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกผมอยู่กับงานพวกนี้จนจะได้เสียเป็นเมียผัวอยู่แล้ว

พวกผมเลือกมานั่งร้าน Movement ร้านที่เคยมาฉลองกับพวกแมทนั่นแหละ ไอ้เจ๋งกับไอ้เบียร์มันอยากมาดูผู้หญิงขึ้นไปแข่งเต้นกันบนเวทีเพื่อชิงรางวัลของทางร้าน โต๊ะผมมีแต่ผู้ชายล้วนๆ เลยไม่ได้รับสิทธิ์ส่วนลดอะไรกับใครเขา เมื่อก่อนจะมีพวกเพื่อนขวัญมาช่วยนั่งเป็นกำบังหน้าให้เพื่อลดครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมโสด แถมไอ้พวกเพื่อนๆ ผมก็โสดไปตามๆ กัน ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้พวกผมจะโสดกันยกกลุ่ม แต่ทุกคนมีคนคุยหมดนะ เพียงแต่หาเวลาเจอได้น้อยมาก พอยิ่งใกล้เรียนจบ งานก็ยิ่งเร่งเร้าพวกเราเหลือเกิน


“เฮ้ยมึง เมื่อกี้กูเจอเจ้าแม่ที่ห้องน้ำว่ะ” ไอ้เบียร์สะกิดพร้อมก้มบอกผมแข่งกับเสียงดนตรีสดในร้าน ผมเหลือบไปมองมัน ไอ้เบียร์ทำสีหน้าตื่นเต้นนิดหน่อย ผมขมวดคิ้วงงว่ามันจะตื่นเต้นอะไร


“แต่เหมือนเขาจะมีเรื่องนะ มึงจำไอ้พวกที่สาดน้ำใส่เจ้าแม่เขาได้ป้ะ” ผมเบิกตากว้างหน้าตื่นขึ้นมาทันทีพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น ไอ้เบียร์ต้องรีบยื่นมือมาดันไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้


“ใจเย็นมึง ตอนนี้สถานการณ์เคลียร์แล้ว”


“มันทำไรแมท?!” ผมตะโกนถามเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงในร้าน


“ตอนกูเข้าไป เขาล้มลงอยู่บนพื้น คงโดนไอ้เหี้ยพวกนั้นผลัก แต่มีฝรั่งคนนึงเข้ามาช่วยเขาไว้พอดี แต่ไม่ใช่แฟนเขานะ ใครก็ไม่รู้” ไอ้เบียร์ขมวดคิ้วทำหน้างงแล้วส่ายหัวไปมาว่าไม่รู้จริงๆ ผมรู้สึกตึงที่หัวคิ้วนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่มีคนช่วยเขาแล้ว


“แล้วเจ้าแม่เขาเป็นอะไรมากเปล่าวะ” ไอ้ไนน์ถามพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ไอ้เบียร์ยกมือขวาโบกมือไปมา


“ไม่น่าเป็นอะไรมากนะ แต่กูก็เห็นไม่ชัดหรอก แต่คิดว่าไม่น่าเป็นอะไรร้ายแรง” ผมพยักหน้าขึ้นลงน้อยๆ สบตากับไอ้ไนน์แวบหนึ่ง มันยักคิ้วมาให้พร้อมไหวไหล่ ผมนั่งงงๆ สักพักว่าจะเอาไง แต่เมื่อคิดได้ว่าไอ้เบียร์บอกว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว เลยหันไปมองการแสดงดนตรีสดบนเวทีต่อไป ทั้งที่ในใจอยากลงไปหาเขา ไปพูดคุยกับเขา อยากเห็นกับตาว่าเขาไม่เจ็บตัวมากมาย แต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เราเจอกันมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเลยคิดว่าปล่อยเขาสนุกไปดีกว่า เห็นหน้าผมแล้วเดี๋ยวจะพาลหมดสนุกเอาได้

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-03-2016 18:58:24
V
v
v

ยิ่งดึกก็ยิ่งคึก วันนี้คนเยอะจริง ส่วนมากก็จะเป็นผู้หญิง ผู้ชายที่มีๆ อยู่ในนี้ครึ่งหนึ่งคงมาดูผู้หญิงที่มาในวันนี้ ส่วนอีกครึ่งไม่แน่ใจว่าใช่ผู้ชายแท้ๆ เลยหรือเปล่า ผมกินไปเบียร์ไปสี่ขวด ก็ยังคงรู้สึกปกติอยู่ แค่ร้อนรุมๆ ที่คอกับหน้าแล้วก็ที่ตัวนิดหน่อย ค่อนข้างมั่นใจว่าแก้มผมคงแดงปลั่งไม่น้อย


“ขอเบรกคั่นความมันส์ด้วยการแจกรางวัลกันสักครู่นะครับ!!” เสียงพิธีกรดังลั่นลำโพง ผู้คนที่ออกันอยู่ในร้านส่งเสียงเฮ้วๆ ตอบรับกันใหญ่


“สำหรับค่ำคืนนี้เป็นคืนของหญิงสาวอย่างที่เรารู้กัน ผมมีกิจกรรมมาให้ร่วมสนุกแล้วก็มีรางวัลมาแจกด้วย กติกาไม่ยากอะไรเลย แค่แต่ละโต๊ะส่งตัวแทนขึ้นมาบนเวที ผมขออย่างน้อยห้าคน แต่จะมากกว่านั้นก็ได้ ไม่มีปัญหา ใครเต้นได้แซ่บ ได้โดนใจ เรียกเสียงกรี๊ดได้มากที่สุด รับรางวัลจากเราไปเลย!!!” มีเสียงกรี๊ด เสียงเฮ ดังระงม แล้วก็มีสาวๆ หลายคนขึ้นไปยืนบนเวทีกันเกือบแน่น แต่ละคนแต่งตัวเด็ดๆ ทั้งนั้น ผมยิ้มออกมาน้อยๆ มองพวกเธอแต่ละคนยืนรอสัญญาณจากพิธีกร


“พี่ๆ ขอส่งเพื่อนผมสู้สักคนได้ป้ะ แม้ร่างกายเป็นชาย แต่ใจมันหญิงมากพี่!!” ผมอ้าปากค้างนิดหนึ่ง มองเห็นแมทกำลังถูกเพื่อนดันขึ้นไปบนเวทีหลังจากที่พิธีกรตอบรับคำขอนั้น คนในร้านส่งเสียงเฮเสียงโห่กันยกใหญ่ พวกเพื่อนผมส่งเสียงฮากันตรึม ผมมองแมทยิ้มๆ หน้าตาเขาดูเหมือนจะอยากจะด่าใครอยู่ตลอดเวลา แต่พอขึ้นไปบนเวทีแล้วผมก็เห็นเขาปั้นหน้ายิ้มโดยมีเสียงเชียร์จากเพื่อนๆ เขาที่อยู่ด้านหน้าเวที


“กูว่าเขาไม่น่าเป็นอะไรมากนะ” ไอ้ไนน์บอกพลางใช้สายตาสำรวจแมทผ่านแว่นที่ยืนเงอะงะอยู่บนเวที ผมมองเขาแล้วก็ยิ้มออกมา ขึ้นไปบนเวทีแบบนั้นได้ก็คงไม่มีส่วนไหนของร่างกายชำรุดรุนแรงละมั้ง



 “ดีเจ ขอเพลงหน่อยครับ!!” หลังจากแบ่งสายแข่งขัน (แลดูจริงจัง เปล่าหรอก คนบนเวทีเยอะมาก) เสร็จเรียบร้อย ดีเจก็เปิดเพลงตามคำบอกของพิธีกร เขาแบ่งให้เต้นรอบละสี่คน ใครเต้นดี เข้าตากรรมการ (คนในร้าน) ก็ได้เข้ารอบไป ผมมองแมทที่ยืนเกาหัวงงๆ เหมือนเด็กหลงทาง วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีขาว ใส่รองเท้าหนังหัวมนสีแดง ผมรอดูเขาเต้นเนี่ยแหละ จากครั้งก่อนก็พอจะรู้ว่าเขานั้นเต้นเก่งไม่เบาเลย


“แล้วก็มาถึงทีเด็ดที่เพื่อนๆ เขารับประกันว่าเด็ดไม่แพ้สาวๆ แน่นอน จะสมคำเพื่อนบอกรึเปล่าเรามาดูกันนะครับ!!” เสียงเฮดังขึ้นจากพวกเพื่อนเขาและมีบางกลุ่มผสมด้วย ที่สำคัญพวกเพื่อนผมก็ส่งเสียงเชียร์แมทกันสนั่นหวั่นไหว


“โอ้โห ท่าทางแม่ยก พ่อยกเยอะเว้ย” เสียงหัวเราะครืนๆ ดังขึ้นหลังจากที่พิธีกรได้ยินเสียงเชียร์แมท พอเสียงสงบลง เขาก็ยกมือส่งสัญญาณให้ดีเจเปิดเพลง เหมือนแมทจะยังงงๆ อยู่ตอนที่เพลงขึ้นแรกๆ ปล่อยให้ผู้หญิงอีกสามคนที่อยู่ล็อตเดียวกับเขาโยกนำไปก่อน ผมกำลังจะหัวเราะเขา แต่สักพักเหมือนเขาจับจังหวะได้แล้ว เขาก็ปล่อยสเต็ปที่ไม่ใช่เต้นมั่วซั่ว แต่เป็นสเต็ปและท่าทางที่เข้ากับเพลงจนดูไหลลื่น


“โห ไอ้เหี้ย ไม่คิดว่าเจ้าแม่แกจะเด็ดปานนั้น!” ใครสักคนในกลุ่มผมพูด แต่ผมไม่ได้หันไปสนใจ เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์แมทดังกระหึ่มกว่าใครเพื่อน ยิ่งพอเขาเล่นท่าล่าง ก็ยิ่งได้ใจคนดูเข้าไปอีก ผมเห็นสามคนที่เหลือเริ่มเหมือนจะเต้นต่อไม่ถูกเพราะโดนแมทกลบ


“วู้วววว!!!” เสียงเชียร์ยังคงดังต่อเนื่องหลังจากที่เวลาของทีมแมทจบลง แมทยืนเซหน่อยๆ ดูท่าเขาจะมึนๆ สงสัยจะกินเหล้าเข้าไป


“ผมว่าไม่ต้องถามแล้วครับว่าจะให้น้องเสื้อฟ้าเขาเข้ารอบรึเปล่า เสียงกรี๊ดเมื่อกี้ยังลั่นอยู่ในหูผมอยู่เลย เอาเป็นว่า เข้ารอบไปชิงชัยได้เลย!!!” เสียงปรบมือ เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ดังลั่น แมทยิ้มร่า ชูสองมือขึ้นสูงด้วยความดีอกดีใจ ผมมองเขาแล้วยิ้ม หน้าตาเขาดูเปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวล ดูอิ่มเอิบ แต่ไม่ได้อ้วนนะ ผมว่าตอนนี้เขาหุ่นดีขึ้นเยอะเลย เมื่อกี้ตอนเต้นท่ากระดกก้น เห็นชัดเลยว่าก้นเขาแน่นมาก ผมคิดแล้วก็ขำ แต่ลึกๆ ในใจก็จึ้กอยู่เหมือนกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นมาจากไอ้ฝรั่งนั่นทั้งนั้น


“อ้าว รอบชิง เอาให้เต็มที่ครับ!!!” รอบชิงผ่านเข้ารอบมาแค่ห้าคนสุดท้าย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีแมท เขาถูกจัดให้อยู่ตรงกลาง พอเพลงขึ้นทุกคนก็เริ่มโยก จะมีแมทที่ยืนนิ่งสักพัก ผมว่าเหมือนเขายืนจับจังหวะเพลงสักแปบ พอจับได้ว่าควรใส่ท่าไหนให้เข้ากับเพลง เขาก็จะใส่เต็มที่


It’s going down for reaaaal~


แมทบิดสะโพกอย่างช้าๆ เข้ากับจังหวะเพลงที่มันส์แบบเนิบนาบแต่เน้นถ่วงแรงๆ เขาบิดสะโพกซ้ายขวาแล้วสะบัดมือขึ้นประกบเหนือหัว ก่อนจะบิดยกสะโพกไปซ้ายขวาเหมือนระบำหน้าท้องของอินเดียอย่างช้าๆ ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงโคตรเซ็กซี่มาก แต่แค่นี้แมทก็ดึงดูดมากพอแล้ว ผมเพิ่งคอยมองดีๆ ว่าเขามีสะเนินสะโพกด้วย


“เหี้ย ไร้นมแต่อารมณ์เกินหญิงอีกสี่คนข้างๆ มาก” เหมือนจะเป็นเสียงไอ้เจ๋งที่พูด ผมมัวแต่มองแมทก้มหัวแล้วสะบัดขึ้นมาตรงจังหวะเพลง ก่อนจะย่อเข่าสองข้างลงแล้วทำท่าชกพื้นแรงๆ ตามจังเพลงที่เร่งเร้ามากขึ้น เสียงกรี๊ดใส่แมทดังสนั่น ผมว่าก็คงมาจากคนที่เชียร์อีกสี่คนบนเวทีด้วย เพียงแต่เสียงมันจะชัดขึ้นเวลาแมทเปลี่ยนท่าใหม่ บอกได้เลยว่าเขาช่างเป็นคนที่มองไม่น่าเบื่อ ยิ่งเวลาเต้นยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก


“เอาละๆ แม้จะเห็นชัดแล้วว่าเสียงกรี๊ดใครดังสุดแต่จะลองซาวด์เสียงอีกสักทีนะ!” พิธีกรประกาศตามสีเสื้อที่แต่ละคนใส่มาในวันนี้ จนกระทั่งมาหยุดที่แมทเป็นคนที่สาม


“ใครคิดว่าน้องเสื้อฟ้า เลดี้พิเศษหนึ่งเดียวสมควรได้รางวัล ขอเสียงกรี๊ดหน่อย!!!”


“วู้วววว!!!!!!!!” ผมว่าแค่เสียงจากพวกผมกับเสียงจากกลุ่มเพื่อนเขาก็ดังพอแล้วนะ แต่ยังมีจากกลุ่มอื่นๆ บางกลุ่มช่วยอีก เสียงเชียร์แมทเลยดังกลบสองคนก่อนหน้านี้ไปเลย


สรุปสุดท้ายไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แมทคว้ารางวัลไปอย่างเอกฉันท์ รางวัลที่ได้ก็คือไวน์รสอะไรไม่รู้ที่ดูแล้วท่าทางจะแพงเอาการ แมทส่งเสียงร้องดีใจ ชูขวดไวน์สีดำขึ้นเหนือหัว จูบขวดไวน์โชว์รัวๆ ก่อนที่จะเดินลงไปหาเพื่อนเขาด้านล่าง แล้วก็เดินเซไปกับเพื่อนๆ


“มึงไม่ลงไปทักเขาจริงๆ เหรอ” ไอ้ไนน์ถาม ผมไม่ต้องถามตัวเองอีกแล้ว เพราะตอนนี้ใจผมเต้นตึกๆ นึกอยากเข้าไปคุยกับเขามาก ผมพยักหน้า วางขวดเบียร์ไว้บนโต๊ะ เดินลงไปข้างล่าง พยายามสอดส่องฝ่าความมืดมองหาโต๊ะแมท แล้วผมก็เห็นพวกเพื่อนเขายืนออกันอยู่ตรงเสาร์ต้นหนึ่ง


“แมทอยู่ไหนเหรอ??!!” ผมสะกิดเพื่อนผู้หญิงแมทคนหนึ่ง เธอหันมาหรี่ตามองผมงงๆ ผมเลยต้องโน้มหน้าเข้าไปใกล้หูเธออีกรอบแล้วถามคำถามเดิมจนเธอทำหน้าว่าเข้าใจ


“มันออกไปข้างนอก บอดี้การ์ดแฟนมันมาตามอ่ะ!!!” ผมพยักหน้า แล้วหมุนตัวเดินออกไปทางประตูหลังของร้าน นึกในใจว่าถ้าผมเป็นคนอื่นคงนึกแปลกใจว่ามีบอดี้การ์ดมาเกี่ยวข้องด้วยเหรอ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าผู้ชายที่มาช่วยเขาในเหตุการณ์ที่ไอ้เบียร์เล่าก็น่าจะเป็นคนนี้แหละ


“What the fuck do you want from me? More tears??!! (ต้องการห่าอะไรจากผมอีก น้ำตาอีกงั้นเหรอ?!)” ผมยืนมองจากบันไดขั้นแรกที่เป็นทางเข้าประตูหลังร้าน แมทกำลังยืนผลักผู้ชายฝรั่งหัวเกรียนคนหนึ่งออกจากตัวเอง เขาคนนั้นเหมือนกำลังพยายามจะฉุดแมทขึ้นรถคันหนึ่ง


“I just want you to back home, now. Because my boss is fucking worry about you! (ผมแค่ต้องการให้คุณกลับบ้านตอนนี้ เพราะเจ้านายผมโคตรจะเป็นห่วงคุณเลย!)” ผู้ชายฝรั่งคนนั้นพูดเสียงเข้ม และพยายามดึงแมทให้เข้าไปในรถ แต่คนตัวเล็กกว่าก็ขืนตัวไว้เต็มที่


“Worry me? That’s no need. Tell him—go to worry about his ex—Andreana, the girl that he cheats on me! (ห่วงผมงั้นเหรอ?! ไม่จำเป็นหรอก บอกเขาด้วยว่าไปห่วงยัยแฟนเก่าอันเดรียนาคนที่เขานอกใจผมนู่น!)” แมทตะเบ็งเสียงใส่หน้าผู้ชายฝรั่งคนนั้นที่ทำหน้าอดทนอดกลั้นกับแมทเต็มทน ผมยืนมองด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้แมทคงเมาไม่น้อย ไม่งั้นไม่กล้าเอะอะแบบนี้หรอก


“Matt. Go home. You don’t want him to be mad. (คุณแมท กลับบ้านเถอะครับ คุณไม่อยากให้เขาคลั่งหรอก)”


“Oh, do I? But you know what—I’m fucking completely mad at your boss! (อ้อ งั้นเหรอ รู้อะไรมั้ย ตอนนี้ผมโคตรโกรธเจ้านายคุณเลย!)” ผู้ชายหัวเกรียนพยายามลากแมทขึ้นรถ แต่แมทขืนตัวไว้แล้วระดมทุบตีผู้ชายคนนั้นอย่างหนัก แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้าน เพราะด้วยความที่อีกฝ่ายตัวใหญ่กว่า ผมเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในเหตุการณ์ ตอนนี้มีคนมุงดูแมทกับฝรั่งหัวเกรียนนั้นมากพอแล้ว


“แมท! แมท!” แมทหยุดทุบตีผู้ชายฝรั่งคนนั้นแล้วหันมามองผมด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ผมเหลือบมองฝรั่งคนนั้น เขาขมวดคิ้วใส่ผมนิดหน่อย สองมือยังจับแขนแมทไว้ไม่ยอมปล่อย


“เอิร์ท เอิร์ท บอกให้ไอ้ฝรั่งห่านี่ปล่อยแมทสักที แมทไม่อยากไปกับมัน แมทไม่อยากอยู่ใกล้ฝรั่ง ตอนนี้เกลียดฝรั่งที่สุดเลย!” เขาพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากบอดี้การ์ดตัวเอง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุด แมทเลยหยุดแล้วหันมามองผม และสะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก


“Hey. Can you leave him with me for a while? I—I think he needs the time to stop crying. (เฮ้ ปล่อยเขาไว้กับสักพักได้มั้ย ผม… ผมว่าเขาต้องการเวลาหยุดร้องไห้นะ)” ผมพยายามพูดอย่างเป็นมิตร ไม่ใช่ว่าผมอยากผูกมิตรกับไอ้ฝรั่งหัวเกรียนคนนี้หรอก แต่ผมอยากเอาแมทออกมาจากมันก่อน


“Mr.Raymond will not happy surely. (คุณเรย์มอนด์ต้องไม่แฮปปี้แน่นอน)” ไอ้หัวเกรียนตอบกลับเสียงนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยแทบจะไร้อารมณ์ ผมแอบรู้สึกเคืองแวบหนึ่งตอนมันเอ่ยชื่อไอ้พระเอกนั่น


“Fuck it Mr.Raymond! And tell him go to fuck his Andreana! Oh—maybe Sharon. (ช่างหัวไอ้คุณเรย์มอนด์เถอะ! แล้วบอกให้มันไปเอากับอันเดรียนาเถอะ โอ้! หรืออาจจะชารอนก็ได้)” แมทพูดเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ จ้องหน้าบอดี้การ์ดด้วยความกราดเกรี้ยว สองมือเขากำแน่น ตัวสั่นเทิ้มเหมือนกำลังโกรธอย่างแรง สุดท้ายบอดี้การ์ดเขาถอนหายใจแล้วหันมาทางผม


“I will waiting on the car, but just a moment. (ผมจะรออยู่บนรถ แต่แค่แปบเดียวนะ)” แมทสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายแล้วเดินเข้ามาหาผม ผมรีบโอบไหล่เขาเอาไว้เพื่อประคองไม่ให้เขาล้มลงไป ผมกดหน้าลงเล็กน้อยให้กับบอดี้การ์ด เขาไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับมา ทำแค่เข้าไปนั่งรออยู่บนรถตามที่บอก


“ไปนั่งก่อนนะแมท” เจ้าตัวพยักหน้า ยกแขนเสื้อทั้งสองข้างเช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม ผมพยุงแมทให้เดินไปนั่งตรงม้านั่งที่เราเคยนั่งด้วยกันคราวก่อน


ผมสำรวจใบหน้าเขา คราบน้ำตาเปรอะสองแก้ม ตาแดงเพราะร้องไห้ แก้มแดงเพราะแอลกอฮอล์ ผมพยายามมองหาร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย แต่ดูท่าแล้วไอ้บอดี้การ์ดคงเข้าไปช่วยไว้ไวมาก กำลังจะโล่งใจเต็มอก แต่ก็เหลือบเห็นแผลที่ฝ่ามือซ้ายของเขา ผมยื่นมือจะไปจับมาดู แต่แมทชักมือหนีแล้วโบกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร


“นิดเดียว เจ็บไม่เท่าตอนเห็นผัวจูบกับคนอื่นหรอก” ผมยิ้มขำ แมทถอนหายใจแรงๆ แล้วเบ้ปากน้อยก่อนที่จะนั่งนิ่งๆ สักพักแล้วก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง หยิบทิชชูออกมากำหนึ่ง แล้วเอาเช็ดน้ำตาบนแก้มไปมาจนมันเริ่มหายๆ ไปแต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่ ผมเลยหยิบทิชชูมาจากมือเขาแล้วเช็ดให้เขาจนมันเกลี้ยง แมทยิ้มอ่อนๆ


“เมารึเปล่า” แมทหลับตาลงคล้ายง่วงนอนก่อนจะลืมตาตอบ


“เมา แต่ก็ยังมีสติด่าได้อยู่” ผมยิ้มขำน้อยๆ แมทยิ้มเบื่อๆ


“ฟิวส์ขาดน่าดูเลยนะ” ผมยื่นทิชชูคืนไปให้ แมทรับไปแล้วสั่งน้ำมูลออกมาแรงๆ แล้วใช้ทิชชูเช็ดจมูกไปมา


“แฟนไปเอากับคนอื่น คิดว่าแมทควรทำตัวยังไงดีอ่ะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกประหลาดใจ


“สรุปว่านั่นเรื่องจริงเหรอ” แมทเม้มปาก น้ำตาคลอ แต่ไม่ปล่อยให้มันไหลออกมา


“ตอนแรกแมทก็เชื่อว่าไม่จริงนะ เชื่อที่เขาบอก…” แมทหยุดพูด หยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋า ก้มลงกดอะไรสักพักแล้วยื่นมาให้ผม


“…แต่พอเห็นภาพพวกนี้ แมทยอมโดนด่าว่าอีคิดมากก็ไม่ได้ ยอมโดนด่าว่าอีเวิ่นเว้อก็ได้ แต่ใครไม่มาเป็นแมท แม่งรู้เหรอวะว่ามันรู้สึกยังไง” แมทยกมือปาดน้ำตา เขาขบกรามแน่น มันไม่ใช่มีแค่ความเสียใจ แต่มันคือความโกรธด้วย


ผมก้มลงมองรูปในมือถือแมท ถึงผมจะไม่ได้สนิทกับไอ้ฝรั่งนั่นมาก และคงไม่คิดจะไปสนิทด้วยแน่ๆ แต่ผมก็จำได้ว่ารูปผู้ชายยืนถอดเสื้อในห้องนอนใครสักคนนั้นคือไอ้ฝรั่งแฟนแมทแน่นอน รูปมีหลายช็อตอยู่เหมือนกัน เหมือนไอ้ฝรั่งมันเดินไปเดินมาในห้องโดยที่เปลือยท่อนบน


“ถ้าเป็นเอิร์ทเห็นขวัญอยู่ในสภาพนี้ในห้องแฟนเก่า หรือผู้ชายคนอื่น เอิร์ทจะคิดยังไง” แมทหันมาสบตากับผมนิ่ง ขนาดผมเป็นผู้ชาย ไม่ใช่คนคิดเยอะ คิดมากอะไรด้วย ผมเห็นภาพนี้ผมยังจินตนาการเลยว่าไอ้ฝรั่งนั่นแม่งไปทำอะไรในห้องนอนคนอื่น


“แล้วถ้าเห็นภาพเขาเดินออกมาส่งกันหน้าห้องแบบนี้ จะเอามาเชื่อมต่อกันป้ะ จะคิดป้ะว่ามันไม่เย็xกัน” แมทเลื่อนรูปต่อไปให้ผมดู รูปเช็ทต่อมาคือรูปไอ้ฝรั่งใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ยืนอยู่หน้าประตูห้อง มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อเชิ้ตขาวตัวโคล่งกำลังยืนกอดมันอยู่ ก่อนที่จะเป็นภาพไอ้ฝรั่งนั่นเดินจากเธอไป


“คิดป้ะ” แมทถามย้ำอีกที ผมยิ้มขำกับท่าทางเหมือนจิ๊กโก๋ฝึกหัดของเขาพร้อมกับยื่นมือถือคืนให้ แมทรับไปเก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม


“ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหนเนี่ย”


“เซฟมาจากข่าว คนตามหาภาพหลุดของสองคนนี้กันให้วุ่นไปหมด สุดท้ายก็ได้สมใจ ช็อตเด็ดๆ ทั้งนั้น แล้วไอ้ผัวตัวดีแม่งก็มาโกหกแมทว่าเปล่า ยืนกรานเป็นยักษ์ขาเดียวว่าไม่ๆ แล้วเป็นไงอ่ะ ไม่มีทางห้ามใจได้ หึ ก็เข้าใจอยู่ สวยเซี้ยขนาดนั้น อีแบนๆ ราบๆ หน้าเห่ยๆ อย่างแมทจะเอาอะไรไปสู้” แล้วแมทก็เบะปากน้ำตาไหลออกมา นั่งสะอึกสะอื้น ยกทิชชูเช็ดน้ำตาไปเรื่อยเปื่อย


“แมทว่านะ ไม่ใช่ไม่ว่า ที่มันไปเอากับคนอื่น แต่ที่เสียความรู้สึกคือทำไมต้องโกหกด้วย มาบอกว่าเขาเมามากเลยอยู่ดูแล เช็ดอ้วกให้ โถ่ ยอมรับแล้วเคลียร์กันสิ ถ้ากลัวเสียแมทไป แล้วทำทำไมวะ ทำแบบนี้ยังไงแม่งก็ต้องเลิกกันอยู่แล้ว” ผมยกมือลูบหลังแมท เขาไม่ได้ร้องไห้ดราม่าชิงรางวัล แต่เป็นการร้องไห้เหมือนได้ปลดปล่อย คาดว่าคงเพราะน้ำเมาด้วยที่ช่วยเขาปลดปล่อยออกมา


“แล้วเลิกกันรึยังล่ะ” เขาหันมามองคล้ายจะมีแววตำหนิอยู่ในดวงตา แต่ใบหน้าเขาก็มีแววตกใจ เหมือนคนใจเสียอยู่ด้วย


“ฮึก ถามอย่างงี้จะเสียบรึไง ฮึกๆ” ผมหัวเราะขำกับสีหน้าและท่าทางของเขา อันนี้คือเสียใจอยู่ใช่มั้ย


“ก็เป็นไปได้ นี่จังหวะของเอิร์ทเลยนะ” แมทเบะปาก น้ำตาคลอเต็มเบ้าตา


“แล้วก็เป็นจังหวะของเมียเก่าผัวแมทด้วย” แมทหยิบทิชชูในกระเป๋าขึ้นมาเช็ดน้ำตาเพิ่มอีก


“แล้วแมทจะปล่อยให้มันเป็นจังหวะหรือโอกาสดีๆ ของคนอื่นต่อไปอย่างนี้รึเปล่าล่ะ”


“มันไม่ใช่จังหวะอะไรแล้วเอิร์ท วิคเตอร์มันไปนอนกับคนอื่น มันนอกใจแมท แมทอยากเลิก แต่ก็รักมัน ปากแมทบอกว่าพร้อมจะไปจากมัน แต่เอาจริงๆ แม่งไม่ได้ง่ายเลยเว่ย” แมทน้ำตาไหล เสียงพูดขาดเป็นห้วงๆ เพราะสะอื้นไห้ไปด้วย


“แมทมั่นใจว่าถูกแฟนตัวเองนอกใจขนาดนั้นเลยเหรอ” แมทเช็ดน้ำตาจบแห้ง แต่ตาเขาแดงไปหมด เขาสั่งน้ำมูกอีกสองสามที แล้วพูดด้วยเสียงที่แน่วแน่


“ตอนแรกก็ไม่มั่นใจอ่ะ แต่พอเห็นภาพพวกนี้แมทมั่นใจ”


“แมทเชื่อใจภาพพวกนี้มากกว่าแฟนตัวเองอีกอ่อวะ” ผมเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ แมทชะงักไปนิดหน่อย แววตาเขาวูบไหว สีหน้าดูเสียความเชื่อมั่นไปมากทีเดียว


“ก็… ก็ไม่ใช่แบบนั้น แค่ภาพมันชัดเจนอ่ะ”


“เอิร์ทว่าถ้ามีภาพตอนเขาเอากันหลุดออกมาเมื่อไหร่ ตอนนั้นแมทค่อยเครียดจริงๆ ก็ยังทันนะ”


“แล้วใครเขาจะถ่ายตอนเอากันล่ะเอิร์ท” แมทว่าเสียงสั่น ผมเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง


“ก็จริงอะเนอะ”


“แมทก็ไม่ได้อยากเชื่อภาพมากกว่าผัว แต่แมทก็รู้จักวิคเตอร์มานาน ทำไมแมทจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง” แมทมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกำลังรำลึกความหลังกับความคิดตัวเองอยู่ ผมเองก็กำลังคิด ผมมองหน้าเขาแล้วคิดอะไรบางอย่าง ไม่อยากมีความรู้สึกอย่างนี้เลย แต่ผมว่าผมเข้าใจไอ้ฝรั่งนั่นอยู่นะ เข้าใจในสถานการณ์ที่มันเจอ เข้าใจกับสิ่งที่มันทำ ถึงจะไม่รู้เรื่องหรือรู้ความจริง แต่ผมแค่คิดว่าตัวเองเข้าใจมัน


“รู้จัก แล้วรู้จักดีขนาดไหนแมท บางทีตัวเราเองยังไม่รู้จักตัวเองดีเลย ผัวเมียบางคู่ หมายถึงคนที่แต่งงานกันแล้วน่ะ บางคู่ยังไม่รู้จักกันดีเลย…” แมทเม้มปาก พยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย แต่ก็เหมือนเขาทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดอยู่ด้วย


“…คืองี้แมท ไอ้ห่านั่นอ่ะ ไอ้ฝรั่งอ่ะ มันเป็นคนมีชื่อเสียง แล้วที่เอิร์ทเห็นคือมันก็ไม่ได้คิดปิดบังเรื่องแมทเลยนะ มันไม่น่าจะไปมีใครแล้วอ่ะ”


“แต่ภาพ…”


“…หยุดเอาภาพมาตัดสินสักแปบแมท โฟกัสที่คนของแมทก่อน เอิร์ทไม่รู้ว่ามันยืนยันยังไงกับแมทนะ แต่ให้แมทตัดสินจากท่าทีของมันตอนที่มันบอกว่าไม่ได้มีอะไรกับใคร แมทรู้ดีที่สุด” แมทนิ่งไป แววตาเขาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ผมมองหน้าเขาแล้วถอนหายใจเบาๆ ออกมา สลัดความรู้สึกอยากเอาชนะทั้งหลายทิ้งไป


“วันนั้น วันที่เอิร์ทออกไปรับขวัญ คืนนั้นเราก็ไม่ได้มีอะไรกัน แต่ยอมรับว่านอนเตียงเดียวกัน แต่ก็แค่กอดกันไว้” สีหน้าแมทดูงงสงสัย แล้วค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอึ้งปนตกใจ สายตาที่มองมานั้นเหมือนกำลังถามผมว่า จริงเหรอ ผมพยักหน้ายืนยันคำพูดของตัวเอง


“มันดูไม่น่าเชื่อใช่มั้ย เพราะคำพูดใครก็พูดได้ แต่เอิร์ทเองก็ไม่ได้มีอะไรกับขวัญจริง แต่ที่ไม่พูดเพราะว่าพูดไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ไม่ได้มีกันวันนั้น แต่วันอื่นๆ เอิร์ทก็มีไง” แมทเหมือนกำลังสับสนปนงงจนพูดไม่ออก เขาอ้าปากค้าง หันมามองหน้าผมแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองลานจอดรถหลังผับอีกรอบ แล้วสักพักเขาก็มีสีหน้าสลดลงไปนิด


“จริงๆ มีเพื่อนวิคเตอร์คนนึงไปสืบมาให้ แล้วเขาบอกว่าสองคนนั้นไม่มีอะไรกันจริงๆ แต่ตอนแมทเห็นรูปพวกนี้ แมทก็…” เขาถอนหายใจ แล้วตามด้วยการสะอึกไปหนึ่งที


“…สติแตก” ผมยิ้มอ่อนๆ ที่มุมปาก แมทนั่งก้มหน้าก้มตามองหัวเข่าของตัวเอง


“ทำไมแมทเชื่อคนอื่นไปหมด แต่ไม่เชื่อแฟนตัวเอง” แมทเบิกตากว้าง ท่าทีเขาตื่นตะลึงกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไป ผมพยักหน้ายืนยันคำพูดตัวเองอีกที


“แมทแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาถามน้ำตาคลอ ริมฝีปากสีชมพูซีดสั่นน้อยๆ


“ไม่แย่ แต่ก็ไม่ดีอะ”


“เนอะ ฮึก…” แมทถอนหายใจออกมา เขาหยุดร้องไห้แล้ว กำลังนั่งเหม่อคิดอะไรอยู่ แล้วเขาก็หันมามองผม


“…แล้วนี่ทำไมเอิร์ทถึงมาช่วยพูดปกป้องวิคเตอร์ โชว์บทพระเอกเหรอ” ผมคลี่ยิ้มกว้าง แมททำหน้าหงอยเหงา


“ไม่อยากเห็นแมทเศร้า ไม่อยากเห็นแมทคิดมาก อยากทำให้แมทรู้สึกดีขึ้น เอิร์ทไม่ใช่พระเอกหรอก เป็นพระรองต่างหาก” สีหน้าแมทเปลี่ยนเป็นเห็นอกเห็นใจขึ้นมาทันที


“โห อย่าคิดอย่างงั้น เอิร์ทเป็นพระเอกนะ แต่นางเอกอาจไม่ใช่แมทไง” แล้วเขาก็หัวเราะคิกคัก ผมนี่อดขำเสียงดังออกมาไม่ได้กับอารมณ์ที่สับเปลี่ยนไปมาของเขา


“ครั้งก่อนขอโทษนะเอิร์ทที่พูดจาไม่ดีใส่” พอหยุดหัวเราะได้เขาก็กลับมาเข้าโหมดจริงจังขึ้นมาหน่อย


“เอิร์ทก็ปากหมาเองด้วยแหละ…” ผมยักไหล่ “…เอาจริง อยากให้แมทเลิกกับมันนะ” แมทอ้าปากหวอ หน้าตาตื่นตระหนกตกใจจนผมต้องขำออกมาอีก


“เหยยะ! ทำไมอย่างนั้นล่ะ”


“เอิร์ทจะได้แย่งไง”


“เพิ่งรับบทพระเอกไป นี่โดนทางสถานีลดเป็นตัวโกงเมื่อไหร่เนี่ย” ผมหัวเราะเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้ดังจนคนแตกตื่น แมทบุ้ยปากไปมา ทำหน้าตาอ่อนอกอ่อนใจ


“แล้วนี่ทะเลาะกับมันอยู่ใช่มั้ย” สีหน้าแมทหงอยลงไปอีก แล้วพยักหน้ารับหงึกหงัก


“ตอนแรกทะเลาะ แล้วก็ดีกัน แล้วก็ตีกัน แล้วก็ดีกัน แล้วก็กลับมาตีกัน ช่วงนี้ชีวิตแมทกับเขาวนเวียนอยู่แค่นี้” เขาพูดเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนเด็กท่องกอไก่ถึงฮอนกฮูก


“จากใจป้ะ ไม่อยากให้ดีกันอ่ะ เลิกๆ ไปเหอะ” แมทขมวดคิ้วแน่น ยกกำปั้นทุบผมไปหนึ่งที ผมหัวเราะกับหน้าตามุ่ยๆ ของเขา


“ไม่เลิกหรอก เดี๋ยวนังแฟนเก่าจะมาเอาไปน่ะสิ” เขาทำปากยื่นเหมือนเด็กดื้อ


“ถ้าจะเลิกอะไรนะ เลิกคิดมากก่อน บางทีปัญหาแม่งไม่มีอะไรหรอก แต่มันใหญ่โตเพราะคิดมากเนี่ยแหละ” แมทเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่งพร้อมทำหน้าเซ็ง เขายักไหล่ยึกยักไปมาอยู่ครู่หนึ่ง


“แล้วถ้าไอ้หรั่งมันเอากับเขาจริงๆ แมทควรทำไงดีเอิร์ท” แมทถามเสียงเบาหวิว หน้าตาขาดความมั่นใจอย่างมาก ผมเม้มปาก กำลังใช้ความคิด เอาจริงๆ ถ้าแมทจะคิดมากก็ไม่ผิดหรอก ภาพมันชวนคิดซะขนาดนั้น ถ้าแฟนผมมีภาพแบบนั้นออกมา ยังไงก็เป็นชนวนได้ไม่น้อยอ่ะ


“ไม่รู้ว่ะ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ช่วงเวลานึงเราอาจจะบอกว่าเลิก แต่อีกช่วงเวลามันอาจจะมีอะไรมาทำให้เรารู้สึกว่าเราให้อภัยเขาได้” แมทพยักหน้าแข็งขันเหมือนว่าเห็นด้วยกับที่ผมพูดเต็มที่ ก่อนที่จะทำหน้าคล้ายว่าหยีอะไรสักอย่าง


“ประสาทจะแดก” แมทเอ่ยเสียงแผ่ว หน้าแปรเปลี่ยนเป็นเซ็งสุดขีด ผมยิ้มอีกรอบ นึกสงสัยว่าคนๆ นี้มีกี่หน้ากันในแต่ละวันเนี่ย


“แล้วเอิร์ทกับขวัญเป็นไงบ้าง” ผมเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะตอบ


“เลิกกันไปนานแล้ว หมายถึงเลิกกันจริงๆ ไม่มีอะไรต่อกันเด็ดขาดแล้ว” แมททำสีหน้าเหลื่อเชื่อ เปลือกตาเบิกกว้างขึ้นนิดหนึ่ง


“จริงอ้ะ”


“เฮ้ย เชื่อบ้างก็ได้ ทำไมติดใจสงสัยไปซะทุกอย่าง” ผมหัวเราะกับกิริยาไม่อยากเชื่อของเขาตอนนี้ เขาดูเหมือนเจ้าหนูจำไมที่คล้ายจะไม่เชื่อไปหมดหากยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตาตัวเอง


“เชื่อก็ได้” เขาว่าออกมาง่ายๆ หลังจากชั่งใจอยู่นาน ผมว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับชีวิตเขาหรอก นึกแบบนี้แล้วก็ใจหายเหมือนกัน


“คุณแมทครับ” เสียงบอดี้การ์ดของแมทขัดจังหวะขึ้น เราสองคนหันไปมองฝรั่งตัวใหญ่หัวเกรียนคนนั้น


“ผมรู้แล้ว กลับเลยก็ได้ อ้อ…” แมทลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดบอดี้การ์ดตัวโตที่มีสีหน้าตกใจไปนิดหนึ่ง


“…ขอโทษนะครับที่ทำร้ายร่างกายคุณ ผมสติแตกมากไปหน่อย” บอดี้การ์ดหัวเกรียนทำแค่ยกมือตบไหล่แมทกลับเบาๆ เป็นการบอกว่าไม่เป็นไร


“ที่คุณควรรู้ไว้ตอนนี้คือ คุณเรย์มอนด์กำลังจะบินมาไทย” แมทผละออกจากบอดี้การ์ดตัวตัว เงยหน้ามองด้วยความตะลึง


“เขาถ่ายหนังเสร็จแล้วรึไง”


“ยังครับ แต่เขาจะมาคุยกับคุณ” แมทหลับตาลงเหมือนกำลังเหนื่อยล้าเหลือเกิน


“ให้ตายสิ รวยติดอันดับโลกขนาดนั้นเลยเรอะ” บอดี้การ์ดเลิกคิ้วขึ้นพร้อมไหวไหล่หนึ่งที แมทถอนหายใจแล้วหันมาหาผมตรงๆ เขาเดินเข้ามากอดผมไว้ ผมยกแขนตอบกลับไป ผมแอบเห็นฝรั่งหัวเกรียนเสมองไปทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเนียนๆ


“ขอบคุณมากเอิร์ท วันนี้ได้ปลดปล่อยไปเยอะเลย” ผมลูบหลังแมทไปมาเบาๆ แมทผละออกจากตัวผม เราสบตากัน แมทยิ้มบางเบา


“แล้วเจอกัน แมทจะไม่ล่ำลาประหนึ่งว่านี่คือวันสุดท้ายของเราสองคนเด็ดขาด” ผมยิ้มมุมปาก พยักหน้ารับหนึ่งที ปล่อยให้แมทบีบสองมือผมไว้เบาๆ


“ขออยู่ในสถานะรักแฟนชาวบ้านสักแปบได้มั้ย ยังตัดใจไม่ได้ว่ะ” แมทยิ้มกว้างอย่างขบขัน


“โอ๊ย ได้เลย นี่ชอบมาก รู้สึกสวย ผู้ชายชอบ คิกๆๆ” ไม่รู้ว่าพูดเพราะเมาหรือพูดอำเล่นกันแน่ แต่ก็ทำผมยิ้มกว้างออกมาได้


“ไปก่อนนะพ่อยิ้มหวาน ตาหวาน เอ้อ ฝากบอกเพื่อนแมทที มันไลน์มาเต็มเลย แต่ขี้เกียจตอบ พิมพ์ไม่ถูกละ กู๊ดไนท์นะเอิร์ท” แมทเขย่งตัวมาจุ๊บแก้มผมหนึ่งที ได้ยินเสียงกระแอมจากบอดี้การ์ดราวกับเสียงสาดกระสุนจากปืนอาก้า


“ไม่เอาน่าออสติน ไม่ได้จูบปากแบบที่เจ้านายคุณทำสักหน่อย” บอดี้การ์ดที่ผมเพิ่งรู้ชื่อว่าชื่อออสติน ทำหน้าว่างเปล่าตอบกลับมา แมทจิ๊ปากใส่เขาแล้วหันกลับมาหาผมอีกรอบ


“ไปละนะ ไว้เจอกัน” เราโบกมือให้กัน แมทหมุนตัวเดินไปพร้อมกับบอดี้การ์ด ผมมองตามหลังแมทไปจนกระทั่งเขาขึ้นไปนั่งบนรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำ ก่อนที่รถจะขับออกไปจากร้าน ผมยิ้มกับตัวเองแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในร้านตามเดิม เดินไปพร้อมกับความคิดที่ว่า ทำไมผมถึงรักผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ชื่อแมท


 :mew4:

เม้าท์เม้าท์เม้าท์ อยู่ด้านล่างงง
v
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-03-2016 18:58:47


 :katai5:
มาแบบรวดเดียวอีกแล้ววว รู้ว่าไม่อยากทนเอิร์ทกันแล้วใช่ป้ะ 555555 เอาน่ะ ตอนนี้พี่เอิร์ทเราหมดคิวแล้ว ตอนหน้าไอ้ยักษ์ก็จะกลับมาสวีตกับน้องเอเลี่ยนละ (เหรออออ???) ฮ่าาๆๆ มันจะสวีตหรือหวีดกันล่ะ นุ้งแมทหนีเที่ยววววแบบนี้ แถมยังเจอโจทก์เก่าอีก จะโดนพ่อทูนหัวเล่นงานหนักมั้ยน้อออแมททท

ก็เป็นการแฟลชแบ็ค ย้อนให้เห็นตัวตนอีกมุมอีกส่วนของแมทกันเนอะ ตอนนี้มันลิงก์กับปัจจุบันนะคะ หมายถึงว่ามันจะลิงก์กับตอนต่อไป ตอนหน้ายักษ์มาแล้ววว

ปิดโอนเงินพรีออเดอร์รีปริ้นนิยายพาร์ทแรกรอบสองแล้วนะคะ เช็กสถานะของตนเองได้ที่ลิงก์หน้าเพจเลยค่ะ  ตอนนี้ตอมส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์ไปแล้ว กำลังอยู่ในกระบวนการตีพิมพ์นะคะ

สำหรับการเปิดพรีออเดอร์พาร์ท Only You จากการสอบถามในเพจเมื่อวาน ก็มีหลายฝ่ายหลายเสียง แต่เอาเป็นว่าตอมก็จะเปิดพรีฯ เดือนนี้ตามเดิม ส่วนระยะเวลา เดี๋ยวขอคิดอีกทีค่ะ ว่าจะยาวได้ขนาดไหน แต่รอบแรก มีของแถมพิเศษให้สำหรับห้าสิบคนแรกอย่างที่เคยแจ้งไป

ใครเจอคำผิดบอกได้เลยนะค้า ตอมจะได้รีบแก้ ขอบคุณทุกคนมากค่า เจอกันตอนต่อไปจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JY_JRB ที่ 01-03-2016 19:06:47
อุต๊ะ มาแล้ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 01-03-2016 19:35:36
ึยังงี้ต้องมาต่อออออออออออออออออออ ไวๆเลย555555 ขอบคุณค่าาา :o8: :katai5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 01-03-2016 19:36:11
นังเตอร์เว่อร์ตัลหลอด บินมาไทยแล้วสินะ 555555555 ไฟล์ทไหนจะไปดักรอ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-03-2016 19:42:41
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-03-2016 20:01:49
เอิร์ทหล่อเลยตอนนี้ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-03-2016 20:04:53
แมทมันคิดได้จริงดิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 01-03-2016 20:33:47
มาแล้วๆๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 01-03-2016 21:09:00
รอบนี้เอิร์ธพูดที่ ที่ผ่านมาเราจะให้อภัยนาย 5555555
เอิร์ธบอกเกี่ยวไร?!  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-03-2016 21:28:14
แมท หนูต้องสตรองนะลูก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-03-2016 21:38:06
ได้อ่านพาร์ทเอิร์ทก้อดีเหมือนกัน  :impress3: ทำให้ได้เห็นความคิดและการกระทำของแมทในอีกมุมนึงและได้รู้ว่า เอิร์ทก้อไม่ได้นอนกับขวัญในคืนนั้น ทำให้เป็นการบอกได้อย่างนึงว่าคำพูดไม่สำคัญเท่าความเชื่อใจและไว้ใจ ดังนั้นก้ออยู่ที่ใจแมทแล้วว่าจะเลือกเชื่อสิ่งใดและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แค่ไหน เราก้อเข้าใจแมทน่ะ เพราะเป็นเรา ๆ ก้อยากที่จะเชื่อ พฤติกรรมของวิคเตอร์ก้อไม่ใช่ย่อยแถมยังตอนที่กำลังอยู่ในช่วงที่คาบเกี่ยวก้อยังไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นอีก ก้อไม่แปลกที่แมทจะเชื่อแบบนั้นและแมทก้อยังมีปมว่าตนเองไม่มีทางสู้ผู้หญิงได้แน่ ๆ หน้าตาก้อแสนธรรมดาจากปมแฟนเก่าอีกต่างหาก  :m15: รอดูตอนต่อไป
ส่วนเรื่องพรีออเดอร์ ภาคสอง เราอยากได้มากจ้ะ แต่อยากให้ทางขุ่นเจ้ช่วยขยายออกไปจนถึงช่วงกลางปีได้ไหม เพราะ ช่วงนี้มันเยอะมากจนมึนน่ะ  :เฮ้อ: :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 01-03-2016 22:12:06
คิดถึงยักษ์เอาแต่ใจแล้วนะ ออกมาโชว์ตัวได้ละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-03-2016 00:23:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-03-2016 11:38:22
วิคเตอร์เอ๊ย555555555บินมาอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 02-03-2016 11:51:09
อย่างน้อยพาร์ทนี้เอิร์ทก็ดูหล่อขึ้นเป็นกองอะ
เรื่องกิ๊กเก่าไอ้ยักษ์นี่ก็สลัดไม่หลุดสักที เหนื่อยใจแทน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-03-2016 15:47:51
อีกละ อิยักา์รักนวลสงวนตัวหน่อยเหอะ เอะอะเข้าห้องเอะอะขึ้นคอนโดชาวบ้านเนี่ย
 ต่อให้เมียใจเย็นเป็นน้ำแข็งขั้วโลกก็ปรี๊ดเฟร้ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 02-03-2016 18:48:06
เอิร์ธ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 02-03-2016 19:07:40
อ่านEp.นี้แล้ว เอิร์ท เรากลับมาชอบแกแล้วนะ555

รักสามเศร้า อย่างไรก็ต้องมีคนนึงเจ็บนะเอิร์ท  เพราะฉะนั้นเดินตรงไปรับยา(แก้โรคปวดหัวใจ)กับพี่อาร์มที่ช่อง2เลยคะ พี่อาร์มรอหนูมาครึ่งปีแล้วอ่ะ อิอิ 


ปล.ดีใจที่เอิร์ทเลิกกับขวัญได้เด็ดขาดซะที 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.29 100%}:01.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cocococoa ที่ 03-03-2016 20:09:48
สงสารเอิร์ธเหมือนกัน  แต่ตอนนี้คิดถึงวิคเตอร์แล้ว
 :katai5:
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-03-2016 23:16:40

Only You EP.30 :: Scare. [55%]



“สรุปว่าเขาจะเดินทางมาวันไหนกันแน่” ผมเขี่ยข้าวกล้องในจานไปมาด้วยอาการเซ็งๆ หิวน่ะมันหิวอยู่แล้ว ผมก็หิวอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ เพียงแต่มันคงจะดีถ้าผมได้ออกไปหาอะไรทานกับเพื่อนๆ บ้าง
   

“คงเป็นกลางเดือนนี้แหละครับ อย่างที่บอก เขาเปลี่ยนใจรอให้หนังปิดกล้องไปเลยทีเดียว จะได้มาอยู่ที่ไทยแบบยาวๆ” ผมถอนหายใจ เขี่ยเนื้อปลาแซลมอนพร่องน้ำมันไปมาอย่างเลื่อนลอย
   

“แล้วก่อนเขาจะมา ขอผมออกไปข้างนอกไม่ได้รึไง” ออสตินเลิกคิ้วขึ้น สายตาที่มองมาเป็นคำถามประมาณว่า จำไม่ได้รึไงว่า…
   

“คุณโดนเขากักบริเวณอยู่นะครับ…” ผมถอนหายใจแรง ทำหน้าเบื่อหน่ายเต็มที่


“…แล้วเอาเข้าจริงๆ คุณก็ยังกลับบ้านได้ ไปเรียนหนังสือตามปกติ และยังคงไปฟิตเนสได้เหมือนเดิม” ผมกลอกตาอย่างเซ็ง อยากจะเอาช้อนสีเงินเขวี้ยงใส่หน้าพ่อบอดี้การ์ดเหลือเกิน
   

“ผมหมายถึงว่าให้ผมได้ออกไปเที่ยวบ้าง ไม่ใช่เที่ยวกลางคืนก็ได้ เที่ยวตอนกลางวัน เดินห้าง เข้าร้านหนังสือ หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมยักษ์นี่” ผมบอกด้วยเสียงอดทนอดกลั้น แต่กระนั้นก็ตักข้าวปลาแซลม่อนเข้าปากไปหนึ่งคำ อืม… อร่อยดี ผมว่าผมคงติดใจอาหารคลีนอย่างจังแล้วละ
   

“ที่เขาโกรธคุณอยู่ทุกวันนี้มันยังไม่พออีกเหรอครับ”
   

“แล้วที่เขาทำกับผมมันยังไม่พออีกรึไง” ผมวางช้อนข้าวลงอย่างแรง รู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในอกไม่เบาที่เขาพูดเหมือนผมทำผิดอยู่ฝ่ายเดียว แล้ววิคเตอร์นั้นทำถูกต้องแล้ว
   

“แต่คุณหนีเที่ยวนะครับ”
   

“แต่เขานอกใจผม” ออสตินยกมือสองข้างขึ้นเป็นท่ายอมแพ้ สีหน้าเขาดูเหนื่อยใจ
   

“ปัญหานี้คุณเคลียร์กับเขาเถอะครับ”
   

“ก็แล้วทำไมเขาถึงไม่โทรหาผม ไม่ยอมคุยกับผมล่ะ” โทรหาแต่ออสติน นี่ถ้าไม่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาผมจะคิดว่าออสตินนี่แหละชู้ตัวจริง ส่วนอันเดรียนานั่นตัวหลอกอีกที
   

“เขาคงอยากคุยกับคุณแบบตัวต่อตัวมั้งครับ” แต่มันทำให้ผมอึดอัดและรู้สึกหวาดหวั่น
   

วิคเตอร์ไม่ยอมคุยกับผมอีกเลยหลังจากวันที่ผมหนีไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เพราะรู้สึกเบื่อกับการทะเลาะกับวิคเตอร์ และรู้สึกอกหักรักคุดกับการที่รับรู้ว่าแฟนตัวเองไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ผมเลยอยากจะปลดปล่อยออกไปบ้าง ตอนแรกผมขอดีๆ แล้ว แต่เขาไม่ให้ ไม่ยอม เสียงแข็งว่าห้ามไป มีการโทรหาบาส ให้บาสโทรมาบอกพ่อกับแม่ผมด้วยว่าให้ห้ามผมอย่าออกไปไหนในตอนกลางคืน ซึ่งบาสไม่ได้โทรหาพ่อกับแม่ผมหรอก เขาโทรมาบอกผมให้รับรู้ไว้ แล้วเอาเข้าจริงพอผมลองไปขอพ่อกับแม่ ทั้งสองคนก็ไม่อยากให้ผมไปแม้ว่าไอ้แชมป์จะโทรมาการันตีว่าจะส่งผมถึงบ้านอย่างดี แต่แม่ก็ไม่อยากให้ไปอยู่ดี ผมอึดอัดและเบื่อหน่ายเลยหนีไปเที่ยว แล้วก็กลายเป็นเรื่องเมื่อวิคเตอร์รู้เข้า เขาโมโหมากแบบมากๆ แล้วก็สั่งให้ออสตินมาตามตัวผมกลับนั่นแหละ
   

แต่พอผมสร่างเมา วันต่อๆ มาผมก็ไม่ได้คุยกับวิคเตอร์อีก เขาไม่โทรหาผมโดยตรง แต่เลือกจะโทรหาออสตินและสั่งให้พ่อหัวเกรียนเฝ้าผมไว้ดีๆ ไปรับไปส่งผมให้ตรงตามเวลา ช่วงเวลาที่เล่นฟิตเนสออสตินก็จะไปนั่งรอรับกลับบ้าน (บ้านผม) แต่พอขึ้นเดือนธันวาคมได้เกือบสิบวัน เขาก็พาผมมาพักที่แมนชั่นเพื่อมารอเจอกับวิคเตอร์ แต่ผ่านมาสี่วันแล้ว ไอ้ยักษ์ก็ยังไม่โผล่หน้ามา นั่นยิ่งทำให้ผมจะประสาทกิน
   

เขาไม่ยอมพูดกับผม เราไม่ได้คุยกัน ยังไม่ได้เลิกกัน ยังไม่ได้เคลียร์กันจริงจัง แล้วเขายังจับเอาผมมาไว้ในห้องสี่เหลี่ยมคนเดียวโดยมีออสตินคอยเฝ้าตลอดเวลา ทำให้ผมเหมือนจะเป็นบ้า เพราะผมรอคุยกับเขาอยู่ แต่การที่ไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรจากเขาเลยมันทำให้ผมพะว้าพะวง ผมคิดแผนการเตรียมรับมือกับเขาไว้เยอะแยะมากมาย แต่สี่วันที่ผ่านมาแผนการพวกนั้นเริ่มขาดๆ หายๆ เพราะเขายังไม่มาสักที แถมไม่บอกวันเดินทางที่แน่นอนด้วย มันทำให้ผมจิตตกเล็กๆ กับการที่ต้องรู้สึกผวาหรือสะดุ้งทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเปิดประตู แต่กลับกลายเป็นว่ามีออสตินแค่คนเดียว
   

ถ้าหากเขากำลังเล่นสงครามประสาท กดดันให้ผมรู้สึกหวาดกลัวเขาว่าจะโผล่มาตอนไหน แล้วโผล่มาด้วยอารมณ์ไหน ผมบอกเลยว่าเขาทำได้ดีทีเดียว เพราะใจผมไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่
   

“อยากดูหนัง” ผมเอ่ยลอยๆ หลังจากทานข้าวเสร็จ
   

“อยากดูเรื่องออะไรครับ ลิสต์มา เดี๋ยวผมไปซื้อให้” ผมถอนหายใจ หันไปมองหน้าบอดี้การ์ดตัวใหญ่ไหล่หนาด้วยสายตาหน่ายๆ
   

“ผมอยากดูหนังโรงฯ”
   

“รอเจอคุณเรย์มอนด์ก่อนดีกว่าครับ”
   

“แล้วเมื่อไหร่คุณเรย์มอนด์ของคุณจะมาล่ะฮะ?! ทำงานจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะแอบไปหาชู้อยู่ก็ได้ อ้อ ไม่ต้องสิ อยู่ในกองถ่ายด้วยกันอยู่แล้วนี่” ผมยิ้มเยาะเมื่อนึกถึงหน้านางเอกหนังของเขา เหอะ ขนาดหนังไม่ใช่แนวรักๆ ใคร่ๆ โมเม้นต์ของสองคนนั้นก็รุนแรงเหลือเกิน และดูท่าจะแรงยิ่งขึ้นเมื่อชารอนเลิกกับแฟนหนุ่มแล้ว
   

“จินตนาการเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่บางทีจินตนาการอะไรเองมากไป ผมว่ามันอาจจะเป็นอาการทางจิตได้” ผมหันไปจิกตาใส่ออสติน อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นกวนๆ กลับมา
   

“แล้วคุณจะไปไหนก็ไปสิ มายืนอยู่ได้ ผมเบื่อหน้าคุณจะตายอยู่แล้ว”
   

“ไม่เคยมีบันทึกไหนบอกนะครับว่ามีการตายเกิดขึ้นเพราะเบื่อหน้าใครสักคน” บางทีหมอนี่ก็เป็นคนดี พูดจาดี พูดจาให้กำลังใจกัน แต่หลายๆ ครั้งไอ้บ้านี่เป็นคนที่ผมอยากถีบปากที่สุดในโลก
   

“ผมเบื่อ เฝ้าอยู่ได้ ผมไม่ใช่นักโทษนะ!” ผมแทบจะตะคอกออกมา แต่ก็เบรกตัวเองเอาไว้ให้เป็นแค่พูดเสียงเหวี่ยงเท่านั้น คือผมจะสติแตกอยู่แล้ว รอไปวันๆ แบบที่ไม่รับรู้ข้อมูลอะไรมันอึดอัดจะตายห่า
   

“ผมว่าสถานะคุณตอนนี้ก็ไม่ต่างจากนักโทษหรอกครับ คุณทำผิดกฎ”
   

“กฎหมายบ้านเมืองไหนเหรอที่บอกว่าการหนีเที่ยวกลางคืนมันผิด” ผมรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีนิ่งๆ น้ำเสียงราบเรียบของเขาซะเหลือเกิน ให้ตายเหอะ ขอยาระงับประสาทสักแผงซิ!
   

“The Victor Raymond’s rule, Got it?” นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนชัดๆ!
   

ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินกระแทกเท้ากลับเข้าไปในห้องนอน หยิบแม็คบุ๊คมาเปิดเล่น หาหนังในอินเตอร์เน็ตแบบถูกลิขสิทธิ์ดู มือถือผมก็ถูกริบไว้กับออสติน แน่นอนว่าออสตินไม่ได้ยึดเองหรอก ถูกสั่งมาให้ยึดอีกที ผมจะใช้โทรศัพท์ได้ก็ต่อเมื่อพ่อกับแม่โทรมาหา หรือผมจะโทรหาใครสักคน แต่ออสตินต้องยืนอยู่ด้วยและห้ามคุยเกินกว่าสิบห้านาทีอีกต่างหาก
   

นักโทษที่อยู่ในคุกเขามีชีวิตแบบนี้มั้ย ถ้าไม่ ผมขอเข้าไปอยู่ในนั้นแทนได้หรือเปล่า ถ้ามันจะไม่เข้มงวดเท่านี้ อ้อ หรือไม่ก็ให้ไอ้ยักษ์วิคเตอร์ไปเป็นผู้คุมในเรือนจำเลยเถอะ
   

แล้ววันนี้ก็ผ่านพ้นไปแบบเบื่อๆ และผ่านพ้นไปอย่างหวาดระแวงว่าวิคเตอร์จะมาหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้มา พอตกกลางคืนผมก็อาบน้ำเข้านอนตามปกติ ออสตินออกไปนอนโรงแรมด้านนอกตามที่วิคเตอร์หาไว้ให้ ไม่รู้จะระวังอะไรนักหนา ถ้าออสตินจะปล้ำผมจริงๆ ละก็ เขาทำไปนานแล้วมะ จะหวงอะไรช่วยดูหนังหน้าแฟนตัวเองหน่อยได้มั้ยไอ้หนวด ผมนอนเล่นเฟซบุ๊ค แชทกับคุณแซ็ค กับคุณอันเดร คุณเบนสนุกสนาน อย่างน้อยพวกเขาก็ทำให้ผมยิ้มได้บ้าง อ้อ ผมแอดอดัมกลับมาเป็นเฟรนด์แล้วด้วย เขางงๆ ว่าทำไมผมแอดกลับมา ผมเลยตีเนียนไปว่าลบเฟซบุ๊คผิดคน
   

ผมก็แค่คุยกับพวกเขาผ่านหน้าจอ ไม่บังอาจไปคุยกันบนเตียงแบบที่วิคเตอร์ทำหรอก
   

   


เช้าวันต่อมาผมตื่นนอนตอนประมาณเจ็ดโมงเช้า ผมเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ แล้วใส่ชุดคลุมอาบน้ำออกมา กะว่าจะออกไปทำอาหารคลีนในครัวทานแล้วค่อยกลับเข้ามาแต่งตัว แต่ตอนที่กำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นของแมนชั่น ใจผมก็กระตุกวูบและแทบจะหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
   

“Hi, baby.” วิคเตอร์ยิ้มเยิ้ม ตรงหน้าเขาคือไวน์ขาวหนึ่งขวด วิสกี้สองขวด กับบุหรี่ที่แกะใช้แล้วหนึ่งซอง มีไฟแช็ควางอยู่บนซองบุหรี่ ไวน์ขาวหมดไปแล้ว วิสกี้ก็หมดไปแล้วหนึ่งขวด อีกขวดเหลืออีกประมาณครึ่งหนึ่ง ผมยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ วิคเตอร์ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด แล้วเทใหม่อีกแก้ว
   

“คุณ… คุณมาถึงเมื่อไหร่ครับ” ผมถามเสียงเบาหวิว พยายามตั้งสติให้อยู่กับร่องกับรอย เขามาในตอนที่ผมไม่ทันตั้งตัว แผนการที่คิดจะรับมือกับเขามลายหายไปหมด
   

“เมื่อคืนตอนที่รักหลับไปแล้วไงครับ” เขาแสยะยิ้ม ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่เขาพูดจาเพราะเกินไป เหมือนตั้งใจพูด ผมเม้มปากเพื่อไม่ให้มันแห้งผาก
   

“ทานข้าวเช้ามั้ยครับ เดี๋ยวผมทำให้ เลยเวลาของคุณมาแล้วนิดหน่อย แต่ยังไม่สายมากนัก” ผมพยายามพูดอย่างสงบและใจเย็น วิคเตอร์ยิ้มเมากลับมา ยกเหล้าขึ้นดื่มอีกแก้ว ดวงตาคู่คมหยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
   

“ไม่ล่ะ ยังไม่หิว คิดถึงนายจัง มานั่งใกล้ๆ ซิ” เขาพูดเสียงอ้อแอ้ ตบตักตัวเองเสียงดัง ถ้าในเวลาปกติผมคงจะเดินเข้าไปหาเขาแล้ว แต่เวลานี้ผมไม่อยากเข้าใกล้เขาเลย เขาดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้
   

“มาสิ” เขาเลิกคิ้วขึ้น ตบตักตัวเองเน้นๆ อีกสองสามที แต่ผมก็ยังยืนแช่แข็งอยู่กับที่ วิคเตอร์หยุดยิ้ม จ้องผมแววตาแข็งกร้าว แล้วก็ตะคอกดังลั่นห้อง
   

“บอกให้มาไง!! เดินมาสิวะ!!” ผมสะดุ้งโหยง หัวใจเต้นรัวและเร็ว ลมหายใจแทบหยุดหายไปเมื่อสบตาคู่คมคู่นั้นที่จ้องอย่างกับจะฆ่ากันให้ตาย สีหน้าเขาหยาบกระด้างจนผมไม่อยากเข้าไปใกล้
   

“ดื้อกับฉันเหรอ?! คิดดีแล้วใช่มั้ย?!” เขาถามเสียงกระแทก น้ำตาผมเอ่อคลอที่ขอบตา ขาขวาก้าวออกไปอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย พอไปถึงตัวเขา วิคเตอร์ก็กระชากแขนผมจนผมร้องออกมาเบาๆ แต่เขาก็ไม่สนใจ จับผมนั่งลงบนตักให้หันข้างเข้าหาเขา สองแขนเขาโอบรัดผมไว้แน่นจนผมนิ่วหน้า
   

“วะ… วิค…” เขาคลี่ยิ้มของคนเมาออกมา แก้มแดงปลั่ง ดวงตาเยิ้มฉ่ำไปหมด เขายื่นหน้ามาหอมแก้มขวาผมอย่างหนัก กดแช่ไว้อย่างแรง ผมปล่อยให้เขาทำตามที่ใจชอบทั้งที่ในใจเริ่มกลัว ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ปล่อยให้วิคเตอร์ขยี้แก้มผมอย่างรุนแรง
   

“คิดถึงจังเลย เด็กดื้อของฉัน หึๆ” เขายิ้มมุมปากแบบมีเลศนัย ผมมองเขาด้วยดวงตาสั่นระริก น้ำตาเอ่อในดวงตาทั้งสองข้าง วิคเตอร์ยกมือขวาขึ้นลูบผมที่ปรกหน้าผากผมอยู่เบาๆ
   

“จุ๊ๆ ร้องไห้ทำไม เจอหน้าผมต้องยิ้มสิครับที่รัก” เขายิ้มเยิ้ม ผมพยายามยิ้มตอบกลับไป แต่ก็ทำได้เพียงขยับปากสั่นๆ ของตัวเองอย่างเชื่องช้า
   

“ยิ้มซิ” ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นจ้องมองผมอย่างกดดัน ผมตัวสั่น ใจสั่นไปหมด ค่อยๆ คลี่ยิ้มให้เขาอย่างยากลำบาก วิคเตอร์ยิ้มพอใจเมื่อเห็นผมยิ้มให้ตามที่เขาสั่ง ก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากผมอย่างแรง เขาทั้งกดจูบและสูดดมหน้าผากผมแช่ไว้ ผมตัวสั่นน้อยๆ หัวใจแกว่งไกวแปลกๆ
   

“ตัวหอมจังเลย…” วิคเตอร์หัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย แล้วใช้มือขวากระตุกเชือกผูกเอวเสื้อคลุมอาบน้ำออก เขาแหวกชุดคลุมออกจนเห็นร่างเปลือยเปล่าของผม มือขวาเขาเลื่อนลงไปลูบๆ คลำๆ กลางลำตัวผมไปมา ผมมองเขาด้วยความหวาดหวั่น น้ำตายังคงคลอเต็มเบ้าตา
   

“รู้มั้ยว่าฉันรักนายมากแค่ไหน ฮึ? รู้มั้ยครับที่รัก” ริมฝีปากผมสั่น น้ำตาตั้งท่าจะไหลออกมา ลำคอแห้งผาก หัวใจเต้นช้าลงแต่จังหวะแสนจะหนักหน่วง กลางลำตัวที่วิคเตอร์ลูบคลำอยู่ทำท่าว่าจะขยายขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่จริงผมไม่ได้มีอารมณ์อย่างว่าเลยสักนิด
   

“ว่าไง รู้มั้ย” เขาเลิกคิ้วขึ้น ส่งรอยยิ้มคล้ายจะใจดีมาให้ แต่ผมรู้ว่ารอยยิ้มนั้นมันต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
   

“ระ… รู้ครับ” วิคเตอร์ถมน้ำลายใส่ปลายนิ้วมือแล้วเลื่อนมือลงไปที่ช่องทางด้านหลังของผม นิ้วชี้กับนิ้วกลางของเขาค่อยๆ กดแทรกเข้าไปด้านใน ผมค่อยๆ เผยอปากขึ้นตามความรู้เสียวและอึดอัดที่เกิดขึ้น วิคเตอร์จ้องหน้าผมด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แล้วสักพักเขาก็กดนิ้วลงด้านในอย่างแรงจนผมอ้าปากกว้าง ใบหน้าเหยเกเพราะเสียววูบ
   

“อ้า…”
   

“รู้แล้วทำไมถึงขัดคำสั่งฉัน ทำไมถึงไม่เชื่อฟังกัน!” เขากัดฟันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ แววตาแข็งกระด้างของเขาจ้องมองผมด้วยความโมโหสุดขีด ใบหน้าคมขบแน่นจนกรามขึ้น ผมย่นคิ้ว หายใจหอบ สะโพกพยายามบิดหนีจากความทรมานและความเสียวที่เกิดขึ้น แต่วิคเตอร์กลับดันนิ้วเข้าไปลึกกว่าเดิมเพื่อทำให้ผมนิ่งอยู่กับที่
   


“อะ… วิคเตอร์ อะ! อย่า…” ผมเปล่งเสียงแหบแห้งของตัวเองออกมา แก่นกายทรยศขยายตัวชูชันขึ้นเพราะความเสียวจากทางด้านหลัง ผมไม่ได้อยากมีอารมณ์เลย แต่กลไกร่างกายผู้ชายมันถูกปลุกง่ายเหลือเกิน
   

“โอ๋ๆ อย่าร้องไห้ อย่าร้องเลยนะ ฮื้อ?” เขาดึงนิ้วออกจากด้านหลังผม แล้วก้มหน้าลงมากดจูบบนริมฝีปากผมอย่างรุนแรง เขาไม่ได้ลุกล้ำเข้าไปด้านใน ทำเพียงแค่ใช้ริมฝีปากเขาขยี้ริมฝีปากผมจนเจ็บ จนผมต้องยกมือมาดันหน้าเขาออกไป ผมจ้องหน้าเขาทั้งน้ำตา วิคเตอร์ยิ้มเหมือนคนสติหลุด มือขวาเขาเลื่อนไปลูบคลำกลางลำตัวผมแผ่วเบา
   

“คุณเมาอยู่นะ ไว้หายเมาค่อยคุยกันเถอะ” ผมทำท่าจะลุกขึ้นออกจากตักเขา แต่ก็ต้องตกใจแทบใจหายวาบ เมื่อโดนมือขวาเขาพุ่งมาบีบที่คางอย่างแรง
   

“วิคเตอร์ เจ็บนะ!” ผมพยายามแงะมือเขาออก แต่เขาบีบไว้แน่นมาก ผมน้ำตาไหลออกมาด้วยความกลัว มองใบหน้าหยาบกระด้างของเขาแล้วก็ห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
   

“คนทำผิดมีสิทธิ์ต่อรองด้วยรึไง?!” เขายกคางผมขึ้น สองมือผมยกมาจับมือขวาเขาไว้ มือซ้ายของเขาโอบรัดไหล่สองข้างของผมไว้แน่นจนผมเจ็บ ผมพยายามจะดึงมือขวาเขาออกทั้งที่กลัวจนตัวสั่นไปหมด
   

“คุณมันก็ทำผิดเหมือนกันนั่นแหละ ร้ายแรงกว่าผมด้วย!” วิคเตอร์เบิกตากว้างขึ้น แววตาของเขาตอนนี้กระด้างน่ากลัว แต่ผมก็เริ่มมีน้ำโหแล้วเหมือนกัน
   

“คุณนอกใจผม คุณนอนกับคนอื่น แล้วยังจะมีหน้ามาว่าผมอีก อย่ามาทำกลบเกลื่อนหน่อยเลย!” ใบหน้าของวิคเตอร์มีแววเหี้ยมเกรียมมากขึ้น ตอนนั้นที่ใจผมหล่นวูบด้วยความหวาดกลัว
   

“เออ ฉันนอนกับอันเดรียนา!!!” เขาตะคอกใส่หน้าผม ความรู้สึกเจ็บปวดพุ่งเข้ากัดกินหัวใจผมทันที น้ำตาผมไหลออกมา ผมไม่รู้ว่าเขาพูดออกมาเพราะโมโห เพราะเมา เพราะประชด หรือเพราะเขาเอาเธอจริงๆ
   

“อยากได้ยินแบบนี้ใช่มั้ย ต้องการให้กูพูดแบบนี้รึเปล่าล่ะ??!!!” น้ำเสียงของเขาหยาบคายมากขึ้น เลเวลความโมโหในประโยคนั้นก็มีมาก เขางัดคางผมขึ้น มือซ้ายที่อ้อมมาจับไหล่ซ้ายผมไว้ก็บีบหัวไหล่ผมแน่นจนผมต้องนิ่วหน้า มันเจ็บไปหมด ผมออกแรงดึงมือเขาออก สุดท้ายหน้าผมก็เป็นอิสระจากมือเขา วิคเตอร์จ้องหน้าผมด้วยความโมโห ผมมองเขาด้วยสายตาเจ็บปวด ก่อนจะยกมือขวาขึ้นตบแก้มซ้ายเขาเต็มแรง วิคเตอร์หันกลับมามองนิ่งๆ ผมมองกลับไปทั้งที่น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ
   

“ไอ้ชั่ว” ผมว่าเสียงนิ่ง แล้วดันตัวลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินหนีเขาไป แต่กลับโดนเขากระชากให้หันกลับไป เขาจับผมนอนคว่ำหน้าบนตักเขา ผมดิ้นสู้ แต่เขารวบมือผมไพ่หลังเอาไว้ ก่อนจะใช้มือซ้ายมือเดียวกดข้อมือทั้งสองข้างของผมไว้ตรงบั้นท้าย
   

“ยังไม่ได้ลงโทษกันเลยจะรีบหนีไปไหน?!” เขาพูดเสียงดัง เหมือนกำลังหงุดหงิดอย่างมาก
   

“ปล่อย!” ผมพยายามดิ้นสู้ แต่ก็สู้ไม่ได้ วิคเตอร์ใช้มือขวาดึงชายเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นมาไว้ที่เอวผม ก่อนที่จะใช้มือขวาลูบไปบนก้นทั้งสองข้างของผมไปมา
   

“เด็กดื้อมันต้องถูกตี” ป้าบ!
   

“โอ๊ย!” พอพูดจบปุ๊บเขาก็ฟาดมือลงบนแก้มก้นขวาของผมปั๊บ มันรุนแรงจนเจ็บแสบ มันไม่เหมือนเวลาเขาตีตอนเรามีอะไรกัน ครั้งนี้เขาตีด้วยอารมณ์โกรธ ด้วยอารมณ์โมโห มันจึงรุนแรง ไม่ได้รุนแรงที่กาย แต่มันรุนแรงที่ใจ แต่เขาก็ไม่หยุดแค่นั้น
   

ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ!
   

เขาสลับตีแก้มก้นซ้ายขวาของผมไปมาอย่างแรง ผมกรีดร้องออกมาบอกให้เขาปล่อย พยายามดิ้นหนี แต่ก็ไร้ผล เขากดข้อมือจนผมรู้สึกปวด แต่เขาก็ไม่ได้คิดสงสารผมเลย
   

“ปล่อย!! ปล่อยเดี๋ยวนี้ ออกไป ออกไป!!” ผมกรีดร้องลั่นห้อง แต่วิคเตอร์ก็ยังไม่หยุดฟาดก้นผม ผมรู้สึกเจ็บ รู้สึกแสบ และผมรู้สึกทรมาน
   

“ฮือออ ฮึก!” ผมสะอื้นไห้ออกมาเพราะความกลัว ผมกลัว กลัวจนใจสั่น กลัวจนตัวสั่น กลัวไปหมด วิคเตอร์หยุดฟาดก้นผม ปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ ผมดันตัวลุกขึ้น พอลุกขึ้นนั่งได้ ผมก็ระดมตบตีวิคเตอร์สะเปะสะปะไปหมดทั้งที่ยังสะอื้นไห้ไม่หยุด
   

เพี๊ย! เพี๊ย!
   

ผมใช้มือซ้ายตบแก้มขวาเขาเต็มแรงสองทีติดกันจนวิคเตอร์หน้าหัน ตรงบ้องหูลากลงมาช่วงรอยต่อของแก้มกับสันกรามเขานั้นแดงเถือก เขาหันกลับมามองอย่างโกรธจัดแล้วรวบผมเข้าไปกอดเอาไว้แน่นจนผมทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ผมก็ยังพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนของเขา
   

“ออกไป ไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับผม จะไปนอนกับใครก็ไป!!!” ผมก้มลงกัดไหล่เขา วิคเตอร์ร้องออกมาเสียงดัง และรีบคลายอ้อมแขนที่รัดผมไว้ออก ผมได้ทีก็ตบหน้าเขาไปอีกรอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนบนพื้น และพยายามหมุนตัวหนีเขา สติผมไม่คงที่แล้ว ผมเดินมั่วซั่วไปหมด สายตาพร่าเบลอด้วยม่านน้ำตาที่ยังไหลออกมาไม่หยุด สมองบอกให้หนีเข้าไปในห้องนอน แต่เท้ากลับก้าวไปทางห้องครัว ขาผมสั่น แต่ผมก็พยายามก้าวหนีเขาไป วิคเตอร์ตามมาแล้วผลักร่างผมชิดกับผนังในห้องครัว ขึงสองมือผมไว้เหนือหัว แล้วเขาก็ก้มลงมาซุกไซ้ซอกคอผมอย่างรุนแรง
   

“ไม่!!! จะไปทำกับใครก็ไป แต่อย่ามาทำกับผม ออกไป!!!” เขาไม่ฟัง ไม่สนใจเสียงกรีดร้องของผม น้ำตามากมายไหลออกมา ความรู้สึกกลัว ความรู้สึกเจ็บปวดที่รู้ว่าเขาไปนอนกับใครอีกคนมาจริงๆ และเจ็บปวดที่เขาทำร้ายผมแบบนี้มันพุ่งเสียดแทงเข้าที่ใจจนผมไม่อยากจะรับมันไว้
   

“ฮือออ วิคเตอร์! ปล่อย! หยุด!” แต่เขาไม่หยุด ใบหน้าเขาซุกไซ้คอผมรุนแรง แล้วสักพักเขาก็ลากผมไปตรงเค้าน์เตอร์ครัว ผมทุบตีเขา ทั้งศอก ทั้งเข่าพยายามทำร้ายเขาให้ได้มากที่สุด พยายามดิ้นหนี แต่เขากระชากชุดคลุมอาบน้ำของผมออกจนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่า ผมก้มลงกัดแขนเขาเต็มแรง
   

“อ้ากกกก!” เขาร้องลั่นและปล่อยตัวผมออกอย่างเร็ว ผมรีบวิ่งหนี แต่ก็หนีไม่พ้นเพราะโดนเขากระชากแขนกลับมา แล้วก็โดนเขาจับนอนคว่ำหน้าซีกขวาลงบนเค้าน์เตอร์หินอ่อนเย็นเฉียบ ผมพยายามยกมือทุบตีเขา แต่ก็ไปไม่ถึง เขาใช้มือขวากดหัวผมไว้ให้แก้มแนบไปกับพื้นหินอ่อน ผมได้ยินเสียงถอดเข็มขัด และรูปซิปลง ก่อนที่จะได้ยินเสียงถมน้ำลาย เขาเอานิ้วที่เปื้อนน้ำลายมาป้ายตรงบริเวณนั้น ใช้เข่าสองข้างของเขาดันขาผมที่หุบไว้ให้อ้ากว้าง แล้วก็ดันความเป็นชายของเขาเข้ามาในตัวผม
   

“อ๊า!!!!” ผมกรีดร้อง เพราะเขาดันเข้ามาอย่างรุนแรงจนผมเจ็บ เจ็บจนหน้าเหยเก เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เขาปล่อยมือออกจากหัวผม แล้วใช้สองมือกดข้อมือผมไว้แทน
   

“อย่าทำแบบนี้” ผมบอกเขาเสียงแหลมเพี้ยน น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลทะลักออกมา ผมกลัวเขา ผมกลัววิคเตอร์ ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว รู้อย่างเดียวว่าผมเจ็บปวดทั้งกายและใจ
   

“ฉันอยากให้นายเป็นเด็กดีของฉัน เข้าใจมั้ย” เขาก้มลงมากระซิบข้างหูผม แล้วหอมแก้มซ้ายผมที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ผมหลับตาลง ปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกรุนแรงของวิคเตอร์ ดวงตาผมเหม่อลอย เฝ้ารอคอยช่วงเวลาที่เขาจะหยุดเมื่อถึงจุดพอใจ ร่างกายผมถูกบังคับจับให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ เขาทำเหมือนว่าผมไม่มีชีวิตจิตใจ
   

“Ah! Yeah!” เขาคำรามดังลั่นยามที่ปล่อยน้ำอุ่นร้อนเข้าไปในตัวผม เสียงลมหายใจหอบกระเส่าดังแผ่วเบาที่ข้างหูผม เขาทาบทับลงมาบนแผ่นหลัง ยืนค้างอยู่ในตัวผมสักพักก็ค่อยๆ ดึงออก
   

ผมนอนนิ่ง น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด มีเสียงสะอื้นเล็กๆ ออกมาทั้งที่ผมพยายามกลั้นไว้ ผมนอนคว่ำหน้าอยู่อย่างนั้น ผมหมดแรงแล้ว หมดทั้งแรงกาย แรงใจ ไม่อยากขยับ ไม่อยากทำอะไรแล้ว มันเป็นความรู้สึกผิดหวังจนเกือบจะหมดอาลัยตายอยาก
   

“ลุกขึ้นมา” เขาสั่ง แต่ผมก็ยังนอนอยู่ที่เดิม จนเขาต้องเป็นคนยกตัวผมขึ้นมาจากเค้าน์เตอร์ แล้วจับผมหมุนไปเผชิญหน้ากับเขา ผมหันหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาในตอนนี้ ผมยืนเหมือนคนไร้วิญญาณ ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบสองแก้มเงียบๆ
   

“อะไร ร้องไห้ทำไม อย่าทำเป็นไม่เคยหน่อยเลยน่า” ผมสะบัดหน้ากลับมามองเขาแล้วยกมือขวาขึ้นตบหน้าเขาเต็มแรง และแถมด้วยการตบแก้มขวาเขาด้วยมือซ้ายอีกที วิคเตอร์สะดุ้งตกใจ เขาหลับตาปี๋ เพราะปลายนิ้วเฉี่ยวโดนดวงตาเขา พอเขาลืมตาขึ้นมา ผมก็มองเขาด้วยความแค้นเคือง ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีเขากลับไปที่ห้องนอน
   

“แมท!” เสียงเขาตะโกนดังตามหลังมา ผมรีบก้าวเท้าเดินกลับไปที่ห้องนอน กะจะล็อคห้องหนีเขา แต่ก็ไม่ทันวิคเตอร์ที่เดินตามเข้ามา
   

“ออกไป!” ผมตะคอกใส่หน้าอีกฝ่าย วิคเตอร์ถลึงตาแข็งกระด้างกลับมา
   

“ไล่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วฉันไปมั้ย?!” เขาถามกลับมาอย่างยียวน ผมมองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกถึงความผิดหวังที่ถาโถมเข้ามา ไม่รู้ว่าผิดหวังกับเขาประเด็นไหนกันแน่ แต่มันรู้สึกแย่ไปหมด เขาทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆ
   

“อย่าเข้ามาใกล้ผม” ผมเดินถอยห่างออกจากตัวเขา มองเขาด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตาและแววตาโกรธเคืองปนกับความผิดหวัง วิคเตอร์ที่อยู่ในอาการเมาคงไม่ได้สังเกตกิริยาของผมมากนัก เพราะตอนนี้เขายังพยายามเดินเข้ามาหาผมแบบเซๆ ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ทำลายศักดิ์ศรีของผมเลย 
   

“ไม่เอาน่า ถึงจะยังไม่แต่งงานกัน แต่เราสองคนก็เหมือนผัวเมียไปแล้ว” เขายิ้มเผล่ หัวเราะเบาๆ อย่างเมาๆ คนเดียวและเอื้อมแขนจะมากอดผม แต่ผมเบี่ยงตัวหนีแล้วเดินหลบเขาไปที่ตู้เสื้อผ้า ตัวผมสั่นเทิ้ม ผมยกมือสั่นๆ ของตัวเองเช็ดน้ำตา พยายามคุมสติให้อยู่กับตัว วิคเตอร์จะเดินเข้ามากอดผม แต่ผมหยิบไม้แขวนเสื้อที่ทำจากไม้ขึ้นมาขู่ เขาผงะถอยหลังไป แต่รอยยิ้มยียวนกวนตีนยังประดับอยู่บนใบหน้า ยกสองมือขึ้นมาทำท่าว่ายอมแพ้


ผมหันไปที่ตู้เสื้อผ้า ยื่นแขนสั่นเทาของตัวเองไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดสิ่งที่มันไหลเยิ้มตามง่ามขาออกไป ผมเห็นเลือดปนออกมาด้วยจางๆ แต่มันไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย ผมเช็ดเสร็จก็ใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนก็โดนวิคเตอร์รวบตัวเขาไปกอด เขาดึงไม้แขวนเสื้อที่ผมถือมาขู่ออกจากมือแล้วปาลงพื้น ก่อนจะลากผมที่สู้รัดฟัดเหวี่ยงกับเขาไปนอนบนเตียง
   

“อย่ามายุ่งกับผมได้มั้ย!” ผมบอกอย่างรำคาญ ยกมือตีหน้าเขามั่วไปหมด พยายามออกแรงดิ้นสู้ แต่ก็โดนเขานอนก่ายกอดรัดไว้แน่นจนผมไม่สามารถขยับส่วนไหนของร่างกายได้อีกนอกจากใบหน้ากับปลายเท้า ด้านหลังผมแนบชิดกับด้านหน้าเขา วิคเตอร์ก้มหน้ามองผมด้วยสายตาเมาๆ รอยยิ้มเหมือนคนไม่มีสติปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง
   

“ฉันรักนาย ฉันมีแค่นายคนเดียว” เขาก้มลงมาหอมแก้มขวาผม ผมหดคอหนี แต่เขาก็หอมไม่ปล่อย กดแช่ไว้สักพักถึงดึงหน้าออก ผมนอนหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ยอมหันไปมองเขา กลิ่นเหล้า กลิ่นไวน์กับกลิ่นบุหรี่ผสมกลิ่นเหงื่อหน่อยๆ ฟุ้งออกมาจากตัวเขาจนผมต้องย่นจมูก
   

“นอนๆ นะ นอนกันเถอะ อยู่โน่นฉันต้องนอนกอดหมอนข้าง ไม่ฟินเท่ากอดนายเลยสักนิด” เขาหัวเราะอ้อแอ้ ก้มลงหอมแก้มผมอีกที ก่อนจะทิ้งหัวลงนอนบนหมอน โดยที่ขาขวายังก่ายสะโพกผมไว้ สองแขนรัดร่างผมไว้แน่น ลมหายใจของเขารดอยู่บนหัว ผมนอนนิ่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ สายตามองไปข้างหน้าแล้วคิดว่าถ้าเขาสร่างเมาคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องกว่านี้
   

แต่ตอนนี้ผมทั้งเกลียดทั้งกลัวเขาจริงๆ ถ้าเขานอนกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แบบที่ไม่ได้พูดประชด เราคงไม่ต้องคุยอะไรกันอีก


V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-03-2016 23:17:06


V
v
v


 :mew4:

ไอ้ยักษ์มาแล้ว มาพร้อมกับความรุนแรงและร้ายกาจสำหรับคนรักกัน - - หึๆ ที่เป็นอยู่ ยังแย่ไม่พอสินะ ! ใครใจร้อนจะให้เขาดีกัน อาจจะอึดอัดใจจนรำคาญอีคนเขียน 55555 แต่ทำไงด้ายยย ถ้าตามอ่านกันมา สไตล์ตอมคือค่อยๆ ไป แม้จะอมครึมก็ตาม ก็ต้องค่อยๆ อึมครึม และค่อยๆ จางไป รวบรัดตัดจบเร็วๆ มันข้ามช็อต เขียนไปรู้สึกไม่อินอีก -..- ใครหงุดหงิดสองคนนี้ หรือหงุดหงิดแมท หรือหงุดหงิดอีคนเขียน ได้แต่บอกว่า อดทนและอ่านไปพร้อมกันนะคะ ฮ่าาา

มันเป็นการกระทำที่ปวดใจนะ วิคเตอร์เคยทำกับแมทมาแล้วครั้งนึง แล้วยังมาทำซ้ำอีก อารมณ์วิคเตอร์ไม่ปกติอยู่แล้ว เจอเหล้าเข้าไป หลุดโลกกก น้องแมทก็บอบช้ำ T_T

รีบมาอัพก่อนค่ะ กลัวตัวเองจะหายไปนาน เดี๋ยวตั้งแต่วันอาทิตย์ติดงานไปจนถึงกลางเดือน เสร็จแล้วแพ็คหนังสือต่อ กรีสสสส อะไรจะคิวเยอะปานนั้น สวยเท่าอั้ม พัชราภาสุดดด -.,- แต่ตอมคิดว่ามันแว้บมาอัพนิยายได้อะ คิดว่าคงไม่ทิ้่งช่วงนาน

สำหรับพี่เขี้ยวกับเรียวจันทร์ ใครตามเรื่องนั้นอยู่ ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่ดองงง แต่คือจะมาช้าหน่อย เนื่องจากเร่งปิดต้นฉบับเรื่องนี้อยู่  ซึ่งก็อีกอึดใจนึงงง ตอนหลักเหลืออีกสองตอนจะเขียนจบละค่ะ แต่.... ตอนพิเศษในเล่มอีกเจ็ด-แปดตอนรออยู่ TOT แต่สู้ ! ตอนพิเศษในเล่มเหรอ =.,= หุๆ ใครอยากเห็นพี่ยักษ์เมาแล้วอ้อนเอาเมียบ้าง คริๆ นี่แค่หนึ่งตอนนะจ๊ะเนี่ย กริ๊บกริ้ววว

ต้นฉบับยังไม่เรียบร้อย ตอมเลยไม่กล้าเปิดพรีออเดอร์ทันทีนี่แหละ T.T อยากให้ต้นฉบับจบปึ้งจริงๆ ก่อน จะได้ไม่ไฟลนก้น ไม่อยากรีบเขียนด้วย ไม่อยากรีบเขียนเพื่อขาย อยากให้คนอ่านได้สิ่งดีๆ ไปอ่านเนอะ อุ๊ยยย ดูดีอะ

พอดีช่วงนี้ติดงานนอกด้วยค่ะ เวลาปั่นต้นฉบับเลยช้าไปอีก ปกติก็เป็นคนเขียนช้าอยู่แล้ว เจองานนอก ช้าเข้าไปอีก แต่หลังเลิกงานตอมก็เขียนนะ แบบสักสองสามหน้าเอสี่ก็ยังดี ให้รู้สึกว่าเขียนอะ 5555

ใครเจอคำผิดบอกได้เลยนะค้า ตอมจะได้รีบแก้ ขอบคุณทุกคนมากค่า เจอกันส่วนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 04-03-2016 23:38:52
วิคนี่สติหลุดไปไกลแล้วอะ โคตรน่ากลัว!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 04-03-2016 23:42:04
สงสารน้องแมท  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 04-03-2016 23:42:23
ไอ้ยักษ์  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
แอบสงสารแมทอยู่ลึกๆๆ   :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
ค้างมากกกกกกก
มาต่อเร็วๆน้า 
สู้ๆ :L2: :L2:
เป็นกำลังใจให้คร้าาาาา
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: phenomintna ที่ 04-03-2016 23:43:51
 :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: tkaekaa ที่ 04-03-2016 23:48:33
 :sad4:สงสารแมทอะ โดนอิยักษ์ทำร้ายด้วยอารมณ์ตลอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-03-2016 23:50:47
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 04-03-2016 23:54:46
ทำไมชั้นต้องทนอ่านขนาดนี้ๆๆๆๆ ม่ายยยยยยยยยย :sad4: :sad4:
อิวิคเตอร์ถ้ายังไม่หายบ้าเร็วๆนี้ได้เสียแมทไปจริงๆแน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-03-2016 00:06:46
วิคเตอร์ ไปปรึกษาจิตแพทย์บ้างก็ดีนะ
หวงแมท หึงแมท มากจนก้าวเข้ามาควบคุม ชีวิตส่วนตัวมากเกินไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 05-03-2016 00:26:49
 :o12: เราว่าอารมณ์ของวิคเตอร์น่ากลัว เป็นอารมณ์ที่อาจทำให้แมทตายได้ทุกเมื่อน่ะ และอารมณ์แบบนี้ก้อทำให้หลายคู่ต้องเลิกกันมาแล้วหลายคู่เช่นกัน ความรักที่ไม่สมดุลไม่มีสติล้วนแต่จบลงอย่างพังทลาย สุดท้ายก้อต้องแยกกันเพราะฝ่ายที่ต้องรองรับอารมณ์ก้อจำต้องเลิกแม้จะรักมากแค่ไหนก้อตามและแมทก้อเริ่มที่จะรับกับอารมณ์ของวิคเตอร์ไม่ได้แล้วล่ะ เราว่าทั้งสองฝ่ายต้องคุยกันด้วยสติน่ะและถ้าจะให้ดีต้องมีตัวกลางด้วยน่ะ แล้วต้องให้แมทมีอิสระที่จะคิดหรือทำไม่งั้นเขาก้อจะรู้สึกกดดันแล้วมองว่าวิคเตอร์มีความผิดจนต้องทำเช่นนี้น่ะ แต่ใครจะทำให้วิคเตอร์มีสติได้ล่ะ ถ้าแมทหนีมันก้อยิ่งแย่ มีแต่ต้องหาตัวกลางอย่างเดียวเลยน่ะ
ตอนนี้ยอมรับเลยน่ะว่าอ่านไปลุ้นไปว่าจะจบลงด้วยใครบาดเจ็บหนักทางกายไหม ทางใจไม่ต้องพูดถึงเลยแหละ เราว่าเป็นกันทั้งสองฝ่าย  :เฮ้อ: ส่วนที่เหลือคงจะหน่วงต่อไป เพราะยังไม่เห็นทางที่จะสงบได้เลยระหว่างทั้งคู่น่ะ วิคเตอร์ดูเหมือนจะมองแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นหลักเลยน่ะ  :m16: สงสารแมทแต่ก้อหมั่นไส้แมทด้วย ขนาดเอิร์ทก้อเตือนแล้วน่ะ แต่อย่างว่าเป็นเพราะเขาไม่ได้รับอิสระด้วยแหละ  :m15:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kissings ที่ 05-03-2016 00:48:33
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะคะ สนุกมากๆเลยค่ะ กำลังอ่านทีละตอน :)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 05-03-2016 01:29:58
ก็ไม่ได้ถึงกับจะให้เปลี่ยนพระเอกหรอกนะ แต่อยากให้เริ่มรักกันใหม่ - -
เราว่าสิ่งที่วิคเตอร์ทำมันเหมือนการทำลายความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกันยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ถ้าเราเป็นแมทเราคงถามตัวเองว่าจะมีอนาคตร่วมกับคน ๆ นี้จริง ๆ เหรอ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 05-03-2016 02:07:59
วิคเตอร์ =___=
เปลี่ยนพระเอกกก /โดนวิคเตอร์กระทืบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-03-2016 03:22:01
น่ากลัว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-03-2016 04:35:39
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-03-2016 05:57:10
วิคคือโรคจิตไง เป็นโรคยึดติดแมท จนแบบต้องขังเอาไว้แบบนี้ ถึงรักยังไงก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตใคร
จะมาทำร้ายข่มขืนกันแบบนี้ไม่ได้ รักได้ก็เลิกรักได้นะ ยิ่งทำตอนเมาแบบนี้ คุณติดจะมีสติคุยกันบ้างไหม
เขียนเก่งมากค่ะ คนอ่านฟีลลิ่งหลอนวิตเตอร์มาก ตอนแมทเข้าครัวนั้นกะว่ามีแทงกันแน่แล้ว 555 วุ้ว คิดได้นะคะ

อยากอ่านต่อมากๆ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: meuy ที่ 05-03-2016 07:33:36
สนุกมากค่ะ  วิค  ยึดติดกับแมทมากอ้ะ หวงหึงแรง

ใจเยนๆสิวิค

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: anantawee ที่ 05-03-2016 08:15:16
คืออ่านไปอ่านมาคู่นี้จะไปกันรอดไหมนี่....คนหนึ่งก็ภาวะอารมณ์ไม่คงที่มีปัญหาทางจิต ส่งคนคอยดูคอยตาม เมาก็ทำร้ายเค้า พอส่างก็ร้องไห้ อย่าทิ้งฉันไปนะฉันขอโทษ บราๆๆๆๆ.... อีกคนก็หวาดระแวง ไม่มั่นใจ เหมือนไม่เชื่อใจในคนรัก  พอกันทั้งคู่  :mew5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 05-03-2016 08:25:54
สงสารเตอร์ อาการทางจิตหรือทางประสาท ทำให้คนเราขาดการยับยั้งชั่งใจและการควบคุมตัวเองจริงๆนะ

ขอให้แมทเข้าใจถึงอาการเตอร์หน่อยนะ สงสารนาง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-03-2016 12:59:35
สงสาร
วิคเตอร์น่าจะหายเมาก่อนค่อยคุยกันดีๆ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Onlylyn ที่ 05-03-2016 18:32:52
อิพี่วิคคคคคค คะแนนติดลบอยู่แล้วยังจะกินเหล้าย้อมใจแล้วสติแตกกับแมทอีก
แมทก็คิดมาก คิดแง่ร้าย ยังดื้อฝืนคำสั่งอิพี่วิคอีก  :m31:
สงสารแมทแมทที่โดนพี่วิคขืนใจมากเลย โดนงี้ยิ่งไม่อยากมองหน้าไปใหญ่แม้จะรักจะยอมขนาดไหนก็เถอะ :z3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ai_pat ที่ 05-03-2016 19:44:24
ดักตีหัวไอ้ยักษ์ :fire:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 05-03-2016 22:09:30
วิคเตอร์น่ากลัวเกินไปแล้ว
เป็นเรา เราไม่อยู่กับคนแบบนี้นะ จริงๆ
เหมือนคนที่สติหลุดแล้วพร้อมจะทำร้ายเราได้ทุกเมื่อเวลาไม่ได้ดั่งใจอะ
ต่อให้รักแค่ไหนก็พอก่อนเถอะ ถอยไปรักษาตัวรักษาใจของตัวเองก่อนแล้วค่อยกลับมาเริ่มกันใหม่ ทั้งคู่เลย  :hao4:
แต่อีกใจก็แอบเชียร์ให้แมทเข้าใจวิคเตอร์แล้วช่วยกันรักษานางนะ
โอ๊ยยยย ยากจัง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: CattyMeawMeaw ที่ 05-03-2016 23:18:18
จริงๆเเล้วชื่อเรื่องตืคือ love no boundaries ภาคสวรรค์เบี่ยงใช่มั้ยคะ ทั้งตบ ตี  ด่า  จูบ ข่มขืน จิตเบาๆ

ขอให้ร่างกายและจิตใจน้องเเมทดีขึ้นเร็วๆนี้นะคะ ส่วนอิยักษ์ เตรียมพบหมอจิตด่วนค่ะ ศรีจะไม่ทน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-03-2016 08:32:17
ถ้าอารมณ์กลัวมันมากกว่ารักเมื่อไหร่ก็เตรียมบายๆเลยค่ะวิค
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 06-03-2016 15:59:32
วิกเตอร์ แก.. รักได้แต่อย่าให้มาทำร้ายคนที่ตัวเองรักขนาดนี้  ถ้าแมทมันหนีไปก็อย่าโทษใคร โทษที่ตัวแกเองก่อนเลย ที่บ้ามากจนแมทมันอยู่ไม่ได้ ไปปรับอารมณ์ความบ้าซะใหม่นะไม่งั้นอยู่กันไม่ยืดแน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.30 55%}:04.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmay ที่ 13-03-2016 23:23:42
ยักษ์ใจร้ายยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-03-2016 15:10:39



Only You EP.30 [100%]



ผมปล่อยให้เขานอนกอด โดยที่ผมยังลืมตา ในหัวคิดอะไรเยอะแยะมากมาย ความรู้สึกแทบจะปรับจูนไม่ทัน มันเหมือนรวนแล้วเริ่มรันใหม่ซ้ำๆ เหมือนย้ำคิดย้ำทำ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรหรือทำยังไง วิคเตอร์นอนกอดผมไม่ยอมปล่อย พอผมขยับเขาจะกระชับอ้อมกอดทันที สายตาผมเลื่อนไปเห็นมือถือของเขาที่นูนออกมาจากกระเป๋าข้างกางเกงยีน ผมพยายามแงะแขนเขาออก แต่เขารัดแน่นมาก
   

“What?” เสียงงัวเงียและอ้อแบบคนเมาดังขึ้น ผมหันใบหน้าน้ำตานองไปมองเขา
   

“Give me your phone. I want to play game.” เขายิ้มเมา ก้มลงหอมหน้าผากผมแล้วยกแขนขวาออกจากร่างผม ล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์มาให้ผมถือไว้ แล้วเขาก็กอดผมตามเดิม ก่อนจะทิ้งหัวลงบนหมอน
   

ผมเปิดมือถือเขาขึ้นมา ใส่รหัสผ่านวันเกิดกับเดือนผมเข้าไปมันก็เข้าสู่หน้าจอหลัก ภาพหน้าจอของเขาคือรูปคู่ของเราที่มาจากกล้องบาส รูปที่เขาชอบ รูปที่เขาหอมหัวผมอยู่ตลอดเวลา แล้วผมนั่งเล่นมือถือ ผมเม้มปาก กดเข้าไปดูรายการโทรเข้าโทรออก มีเบอร์ออสติน คุณเอมิลี่ มีอันเดรียนาด้วย และเซล่าที่ผมยังไม่เคยได้เจอหน้าสักที คนที่เขาโทรหาบ่อยที่สุดคือออสติน ส่วนคนที่โทรหาเขาบ่อยที่สุดก็คือออสตินอีกเช่นกัน มีเบอร์แปลกๆ ที่ไม่ได้เมมชื่อโทรเข้าหาเขามากมาย ผมเห็นชื่อตัวเองโทรออกครั้งล่าสุดคืออาทิตย์ก่อน เขาเมมชื่อผมไว้ว่า My Mattle ซึ่งแปลว่าอะไรไม่รู้
   

ผมกดออกไปที่โปรแกรมแชทวอทสแอพ วิคเตอร์ไม่ค่อยใช้ไลน์ เขาไม่มีด้วยซ้ำ ฝรั่งส่วนมากจะนิยมเล่นวอทสแอพซะมากกว่า เล่นมากขนาดไหนถึงขั้นมาร์ค เจ้าพ่อเฟซบุ๊คยังอยากซื้อกิจการเลย หรือบางทีอาจซื้อไปแล้วก็ได้ ผมกดเข้าไปดูรายการแชท มีคุณเอมิลี่ คุณเบน อันเดร ชาร์ลี และเพื่อนเขาอีกสองคนที่ตั้งเป็นกรุ๊ปแชทในกลุ่มเพื่อน แยกออกมาก็มีเซล่าและมีอันเดรียนา
   

ผมคลิกเข้าไปดู เขาคุยกันล่าสุดคือหนึ่งอาทิตย์ก่อน ใจผมเต้นรัว กลัวจะเจอของดีอะไรในนี้ แต่ก็ไม่เจอ มีข้อความบอกคิดถึงหนึ่งครั้ง วันที่และเวลาคือตอนที่เขาอยู่ไทยกับผมหลังจากที่เรากลับมาคบกัน ข้อความล่าสุดที่คุยกันทำเอาผมขมวดคิ้ว เพราะอันเดรียนาขอโทษวิคเตอร์และบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ วิคเตอร์ดูจะอารมณ์เสียมาก แต่เขาไม่ได้พิมพ์อะไรเยอะ คิดว่าเขาคงโทรคุยกันหรือไม่ก็นัดคุยกันไปแล้วก็เป็นได้ ผมกดเข้าไปดูข้อความกรุ๊ปแชทของพวกเพื่อนๆ วิคเตอร์ เหมือนทอปปิคของผมจะเป็นประเด็นล่าสุดในกรุ๊ปเขานั่นแหละ คุณเอมิลี่พิมพ์มาว่าผมต้องเข้าใจ มีอะไรให้คุยกันดีๆ และให้เข้าใจผมด้วยว่าผมเป็นคนแบบไหนแล้วเคยเจออะไรมาบ้าง ข้อความจากคุณเบนบอกให้เขาอย่าปล่อยผมไป คุณอันเดรบอกว่าแสดงความจริงใจให้ผมเห็นว่าตัวเขาไม่ได้มีอะไรกับอันเดรียนาจริงๆ ส่วนของชาร์ลีบอกว่า
   

I think you fit with vagina as the same. XD
   

ผมกลอกตาแล้วยิ้มเยาะหน่อยๆ วิคเตอร์ตอบกลับไปเป็นคำด่าว่าไอ้เพื่อนหัวอวัยวะเพศชาย ส่วนคุณเอมิลี่ก็พิมพ์ไปเหมือนจะขู่ว่าอย่าให้เธอแฉเรื่องอะไรสักอย่างที่ดูท่าชาร์ลีจะไม่อยากพูดถึงเลยส่งแต่อีโมชั่นเบื่อหน่ายกลับมา ผมเข้าไปดูข้อความจากอันเดรียนาอีกครั้ง ไล่ๆ ดูก็ไม่มีอะไรผิดปกติ อันที่จริงมันดูได้ล่าสุดคือตอนที่เธอส่งมาบอกว่าคิดถึงนั่นแหละ ผมกดออกแล้วดูข้อความจากคนอื่น ผมกดเข้าไปดูของเซล่า เป็นวิคเตอร์ซะมากกว่าที่พิมพ์ไป แล้วข้อความก็หยาบคายมากๆ ด้วย เป็นการด่าเซล่าว่าอย่าเสือกเรื่องของเขาให้มาก แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งสงบ ผมว่าคงจุดอารมณ์วิคเตอร์ได้มากเลยละ ไม่รู้ป่านนี้เจ๊เซล่าสภาพเป็นยังไงบ้าง
   

ไม่มีข้อความจากชารอน ไม่มีแม้กระทั่งการโทรออก มีเบอร์พ่อเขา มีข้อความจากพ่อเขาที่ส่งมาบอกว่า เรามีเรื่องต้องคุยกัน ที่ส่งมาก่อนที่เขาจะมาไทยรอบก่อน แต่วิคเตอร์ไม่ตอบกลับ แต่ที่ทำเอาผมสะดุดใจคือข้อความในวอทสแอพจากคนที่ไม่ได้เมมชื่อหนึ่งคนและคนที่เมมชื่อว่า V. ตัวเดียว ผมกดเข้าไปดูของคนหลังก่อน เป็นข้อความปกติ แต่ดูแล้วมีความสนิทสนมมากกันเป็นพิเศษ ดูวิคเตอร์จะสุภาพกับคนๆ นี้มาก ด้วยความที่มันเป็นภาษาอังกฤษ ผมจึงไม่รู้ว่าหางเสียงของคนนั้นคือผู้หญิงหรือผู้ชาย ข้อความล่าสุดของคนนั้นคือ
   

“Do you wanna see me?” แล้ววิคเตอร์ก็ตอบไปว่า “Very much.”
   

ผมเม้มปาก นึกสงสัยขึ้นมาว่าคนๆ นี้เป็นใคร ลองอ่านข้อความของพวกเขาอีกครั้ง ก็รับรู้ถึงความอบอุ่น ความคิดถึง ความห่วงใย กำลังใจที่มีให้กัน ใครกัน อันนี้ใครอีก ผมถอนหายใจเพราะผมไม่รู้จริงๆ ผมกดเข้าไปในข้อความของเบอร์ที่ไม่ได้เมม แล้วหัวใจก็กระตุกวูบเมื่อรูปที่ปรากฏนั้นเป็นรูปหน้าอกอวบอิ่มของใครสักคนที่ถ่ายไม่เห็นหน้า แต่เห็นตั้งแต่หน้าอกลงมาจนถึงกลีบเนื้อบริเวณนั้น เบื้องหลังของร่างนั้นเป็นห้องโทนสีขาวดำ และมีข้อความส่งมาว่า
   

‘I know you want me, and you know you love me.’
   

ข้อความถูกส่งมาให้นานแล้ว รู้สึกจะหลังจากที่เขาบินกลับไปนิวยอร์กรอบแรกหลังจากคบกัน ไม่มีข้อความอื่นใดๆ เพิ่มเติมด้านบนของวอทสแอพ ซึ่งเขาอาจจะลบข้อความต่างๆ ไปแล้วก็ได้ วิคเตอร์ส่งอีโมชั่นหน้าเบื่อไปให้ แล้วอีกฝ่ายก็ส่งอีโมชั่นจูบกลับมา
   

น้ำตาผมคลออีกรอบ ผมแทบจะหมดแรง ผมรู้สึกเหนื่อย มันไม่ใช่แค่อันเดรียนา แต่มันยังมีใครอีกที่ผมไม่รู้หรือเปล่า ใช่ ผมไม่รู้ ไม่รู้ว่าใครคนอื่นของเขานั้นคือใครอีก เขาอยากจะเจอใคร แล้วเขาต้องการใคร เขารักใครงั้นเหรอ ผู้หญิงที่ส่งภาพเปลือยมาให้เขานั้นเป็นใคร ดีแล้วละที่เขาเก็บรูปไว้ ไม่งั้นผมคงไม่เห็น เขาอาจจะยุ่งจนลืมลบ
   

ผมหลับตาลง น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ผมลืมตาขึ้นแล้วมองตรงที่หน้าต่างห้อนอนอย่างเหม่อลอย ในอกรู้สึกวูบโหวง ผมถามตัวเองว่าอยากเลิกกับวิคเตอร์มั้ย ผมไม่อยากเลิกหรอก เขาบอกเขาต้องการผม ผมคือการบำบัดอาการทางจิตของเขาได้ดีที่สุด แต่ก็ช่างน่าสมเพชตัวเองเหลือเกินที่อาจจะเป็นแค่หนึ่งในคนที่เขาต้องการ ผมยิ้มขื่นกับตัวเอง จะสุขหรือทุกข์ดีนะ วิคเตอร์ทำท่าอย่างกับจะขาดใจตอนที่ผมทำท่าจะไปจากเขาครั้งก่อน เขาร้องไห้ พร่ำบอกว่าขอโทษ ผมยกโทษให้เขาไปแล้ว ที่จริงผมไม่ได้โกรธเขาด้วยซ้ำ
   

แล้วครั้งนี้ล่ะ ผมจะยังไงดี ผมจะทำยังไงดี เอาแค่ตอนนี้ ผมจะรู้สึกอะไรก่อนดีกว่า เขานอนกับอันเดรียนาจริงมั้ย V. คนนั้นเป็นใคร ภาพนังนมโตนั่นใครอีกล่ะ โอ๊ย แฟนผมนี่ฮ็อตจริงๆ
   

ผมร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกอึดอัด และมันก็เจ็บปวดมากด้วย ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่น ปิดเปลือกตาลงแน่นจนน้ำตาทะลักออกมา พยายามกัดปากล่างไว้เพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นมันดังมาก แต่ผมก็ยังสะอื้นตัวสั่นอยู่ดี
   

“อือ…” เสียงครางเบาๆ จากคนตัวโตที่นอนกอดผมอยู่ ทำให้ผมกลั้นใจไม่ให้ตัวเองสะอื้น เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น จมูกกดลงบนกลุ่มผมสีดำของผม แล้วสูดลมหายใจเข้าแผ่วเบา ก่อนจะนอนนิ่งตามเดิม
   

ตอนนี้ผมอยากคุยกับคุณเอมิลี่มากเลย ผมรู้ว่าตัวเองแย่ที่ไม่ฟังแฟนตัวเอง แต่กลับอยากฟังคนอื่นมากกว่า แต่ตอนนี้ไอ้แฟนตัวดีของผมมันทำให้ผมไม่อยากคุยด้วย ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า ที่สำคัญผมยังรู้สึกกลัวเขาอยู่เลย

   


คล้อยบ่าย วิคเตอร์ตื่นขึ้นมาเพราะปวดฉี่ เขาเดินเข้าไปฉี่ในห้องน้ำด้วยอาการโงนเงน ระหว่างที่เขาอยู่ในห้องน้ำ ผมก็ออกไปเอาน้ำเปล่ากับยาแก้ปวดมาให้เขา ตอนที่เขาออกมาจากห้องน้ำ เขาเหลือบมองผมนิดหนึ่ง แล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง ผมถอนหายใจ เดินเอาน้ำเอายาไปให้เขา
   

“ยาครับ” ผมยื่นยากับน้ำไปให้เขา วิคเตอร์กระดกน้ำเข้าปากแล้วตามด้วยยา แล้วก็ดื่มน้ำจนหมดแก้ว เขานอนครางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ลืมตามองผม
   

“มานอนนี่เร็ว”
   

“คุณนอนไปเถอะ ผมจะไปทำอาหาร” ผมพูดเสียงเรียบ ใบหน้าเรียบเฉย วิคเตอร์ขมวดคิ้วกลับมา
   

“เป็นอะไรอีก” เขาถามเสียงห้วน หน้าตาไม่พอใจ ดูท่าทางยังมีอาการเมาค้างอยู่อีกพอสมควร ผมบิดปากเบื่อๆ ก่อนจะตอบ
   

“เปล่า หิวข้าว ยังไม่ได้กินอะไรเลย” ผมหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง แต่ก็โดนเขาฉุดมือกลับไป ผมชักสีหน้า ปล่อยให้เขาดึงขึ้นไปนั่งบนตักแต่โดยดี ขี้เกียจจะดิ้น จะขัดขืนแล้ว
   

“ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไง ไม่พอใจอะไร” เขาใช้มือซ้ายดันหน้าผมให้หันกลับไปมองหน้าเขาที่กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่เหมือนกัน
   

“ผมแค่หิวข้าว” ผมว่าเสียงสะบัดหน่อย และปัดมือเขาออกจากแก้ม แต่คราวนี้วิคเตอร์บีบคางผมไว้แน่นและบังคับให้ผมมองหน้าเขาที่เริ่มจะกราดเกรี้ยว
   

“อย่าต่อต้านฉัน” เขาพูดเสียงข่มต่ำ ผมมองหน้าเขาแล้วพยายามผ่อนอารมณ์ตัวเอง เพราะคิดว่าถ้ายิ่งวีนเหวี่ยงจะยิ่งเป็นภัย
   

“ผมแค่หิวข้าวจริงๆ ผมจะออกไปทำเผื่อคุณด้วย” เขายังคงจ้องหน้าผมไม่ลดละ ผมค่อยๆ ดึงมือเขาออกจากคาง แล้วกลั้นใจ ถึงขั้นฝืนใจยื่นหน้าไปหอมแก้มเขา
   

“นอนพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมกลับมา” ใบหน้าวิคเตอร์คลายอาการนิ่วคิ้วขมวดลงเล็กน้อย ผมกระตุกยิ้มมุมปากให้เขา วิคเตอร์ค่อยๆ เอนตัวลงไปนอนบนหมอน สายตายังจับจ้องมองผมด้วยอาการขุ่นเคืองอยู่ ผมเลื่อนตัวลงจากตักเขาไปยืนบนพื้นห้อง ฝืนใจอีกครั้งด้วยการก้มลงหอมหน้าผากเขาแล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีสายตาของอีกคนจ้องมองตาม
   

ผมเดินเข้ามาในห้องครัว หลับตาลงด้วยความเหนื่อยใจ ถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดทั้งหลายออกไปบ้าง ผมหยิบมือถือของวิคเตอร์ขึ้นมาดูเวลา ที่นู่นคงเกือบจะตีสี่แล้ว ผมกดเข้าไปดูว้อทสแอพคุณเอมิลี่ก็พอดีกับที่เห็นว่าเธอขึ้นออนไลน์อยู่ ผมเลยพิมพ์ไปถามหยั่งเชิงเธอว่านอนหรือยัง คุณเอมิลี่ตอบกลับมาว่ายังไม่นอน ผมเลยโทรหาเธอโดยใช้ฟรีคอลของวอทสแอพนั่นแหละ
   

[ว่าไง]


“คุณเอมิลี่ ผมเองนะครับ แมท”
   
[เฮ้ แมท ดีใจมากนะที่ได้ยินเสียงของเธอ เราไม่ได้คุยกันนานมากแล้ว] ผมยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยก็ยังมีใครที่นอกจากวิคเตอร์ให้ผมได้พูดคุยด้วยบ้าง แล้วในเวลานี้คุณเอมิลี่คือคนที่ผมอยากคุยด้วยมากที่สุด เธอพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีว่าโชคดีมากที่ยังไม่นอน เนื่องจากเธอยังเคลียร์งานไม่เสร็จ แต่พรุ่งนี้บอกว่า เธอคงสลบไปถึงเย็น
   

[หมอนั่นอยู่ไหนล่ะ]
   

“นอนอยู่ครับ พอดีเขาเมา”
   

[อะไรนะ ไปถึงก็เมาเลยเหรอ] ผมหัวเราะเบาๆ ได้ยินเสียงเธอบ่นออกมาอีกสองสามประโยค แต่สติผมไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ช่วงนี้ เลยแปลไม่ออกว่าเธอพูดว่าอะไรบ้าง
   

[แล้วนายเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย ฉันหมายถึงสุขภาพร่างกายน่ะ]
   

“ก็ดีครับ แต่ผมคิดว่าคุณคงรู้แล้วว่าจิตใจผมไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่” ผมได้ยินเสียงคุณเอมิลี่ถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนที่เธอจะพูดต่อ
   

[ถ้าถามฉันเรื่องอันเดรียนา เขาไม่ได้มีอะไรกัน… จริงๆ] ผมเม้มปาก นึกถึงคำพูดของคุณเบนที่โทรมาบอกผมหลังจากมีภาพหลุดเซ็ทที่สองของวิคเตอร์กับอันเดรียนาออกมาอีก
   

[ภาพที่หลุดออกมาจากในห้องนอน ฉันไม่รู้ว่ามันหลุดออกมาได้ยังไง แต่อันเดรียนาบอกว่าถ่ายไว้จริง เพราะตอนนั้นเธอเมา อ่าฮะ ฉันรู้ว่ามันคือคำที่เห่ยสิ้นดี แต่เธอบอกว่าตอนนั้นเธอรู้สึกคลั่งเขามาก ที่จริงเธอก็คลั่งวิคเตอร์ตลอดเวลานั่นแหละ เธอบอกว่ารูปนั้นวิคเตอร์ถอดเสื้อเพราะเธออ้วกใส่เขา เขาเลยต้องเอาเสื้อไปล้างในห้องน้ำ รูปที่มาส่งกันหน้าห้องอันนั้นก็หลังจากที่เธอรู้สึกดีขึ้นแล้ว] คุณเอมิลี่ร่ายยาวด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง น้ำเสียงเธอน่าฟังเสมอ อาจเพราะเธอทำธุรกิจกับคนมากมายจึงมีน้ำเสียงที่ชวนฟังตลอดเวลา
   

“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ เหรอครับ ไม่มีอะไรกันจริงๆ ทั้งที่เขาเคยควงกันมาก่อนเนี่ยนะครับ”
   

[แมท อย่างนึงที่เธอควรรู้ไว้ วิคเตอร์ไม่กลับไปหาคนเก่าๆ เขาชอบหาคนใหม่ไปเรื่อยๆ มีคนเก่าไม่กี่คนที่เขากลับไปหาแต่เชื่อฉันเถอะ เขาหาคนใหม่มากกว่าคนเก่า]
   

“แล้วเขาก็คงจะหาคนใหม่แทนที่ผมเร็วๆ นี้” ผมยิ้มขำอย่างขื่นขม
   

[ไม่ๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คือ ฉันหมายความว่า วิคเตอร์เหมือนพวกนักสำรวจ เหมือนเขาค้นหาบางสิ่งบางอย่างไปเรื่อยๆ หาสิ่งใหม่ๆ ให้กับชีวิต จนเขามาเจอนาย แล้วฉันคิดว่าเขาคงเจอสิ่งที่เขาตามหาแล้วละ] ผมขมวดคิ้วงงๆ นิดหน่อย เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจซะทีเดียว
   

“เอ่อ พอจะนึกออกอยู่ละมั้งครับ”
   

[คือฉันคิดว่า คนอย่างวิคเตอร์ไม่เหมาะที่จะมีใครสองคนขึ้นไปนะ เธอน่าจะรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่มีปฏิสัมพันธ์ค่อนข้างแย่ เขาคงไม่ถนัดที่จะมีใครหลายคนในเวลาเดียวกันเท่าไหร่หรอก] คุณเอมิลี่คงไม่รู้สินะว่าเขามีอะไรกับผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกันและบนเตียงเดียวกันมาแล้ว แถมตอนนั้นเขาก็เริ่มเดตกับนาตาชาแล้วด้วย ถึงจะยังไม่คบก็เถอะ แต่พาผู้หญิงอื่นมานอนบ้านมันถูกต้องแล้วเหรอ นี่ก็เป็นอีกเหตุการณ์ที่ทำให้ผมระแวงระวังเขานี่ไง 
   

[พ่อเขาเจ้าชู้มาก แล้วก็นอกใจแม่เขาไปมีคนอื่น เธอคงรู้นะว่าเขารักแม่เขามากขนาดไหน]
   

“รู้ครับ ผม… ผมก็เชื่อเขาในระดับหนึ่ง ที่เขาจูบกับอันเดรียนา เขาก็ยอมรับว่ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ”
   

[ใช่ อันเดรียนาก็บอกนะว่าไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ วันนั้นเธอเมามาก อันเดรียนาน่ะ ถึงจะชอบวิคเตอร์มาก แต่ใช่ว่าเธอจะเลือกคนอื่นไม่ได้ แค่เธอยังทำใจที่จะตัดวิคเตอร์ออกไปไม่ได้ต่างหาก เรื่องอันเดรียนาเธอสบายใจเถอะ] ผมเชื่อว่าคุณเอมิลี่ไม่โกหก เธอไม่จำเป็นต้องโกหก เพราะเธอเป็นคนมาบอกกับผมว่าวิคเตอร์ไม่คิดจะจริงจังกับผมในคราวก่อน
   

“แล้วกับชารอนล่ะครับ” ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กติ่งที่เริ่มมีความรัก แล้วจับได้ว่าแฟนคุยกับผู้หญิงหลายคน พอมีแหล่งข้อมูลให้ถามก็ไล่ถามยกใหญ่ ซึ่งอันที่จริงผมไม่ใช่เด็กติ่ง แต่วิคเตอร์เป็นแฟนคนแรกของผม ถึงจะไม่ใช่รักแรกแต่ก็เป็นคนแรกที่ผมคบ คนที่เขาคบกันรักกันแล้วเกิดประเด็นนอกใจ เขามีฟีลนี้แบบผมบ้างมั้ยนะ
   

[อันนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ชารอนมีแฟนแล้ว และวิคเตอร์ก็มีเธอแล้ว] ผมขมวดคิ้วงง
   

“แต่ข่าวบอกว่าเธอเลิกกับแฟนแล้วนี่ครับ” คุณเอมิลี่หัวเราะกลับมาเบาๆ ก่อนตอบ
   

[ไม่ได้เลิกหรอก แต่เหมือนชารอนจะเป็นผู้หญิงอารมณ์ดีมากไปหน่อยเลยโกหกสื่อว่าเลิกกันแล้ว] ผมหน้าเหวอไปนิด แล้วก็ยิ้มขำออกมา รู้สึกดีมากที่ตัวเองยิ้มได้ในรอบหนึ่งเดือน แต่ผมก็ยิ้มได้แค่แปบเดียวนั่นแหละ เพราะยังมีอะไรคาใจอยู่
   

“คือ… มีผู้หญิงสองคนในวอทสแอพเขา เอ่อ จริงๆ ผมก็ยังไม่รู้ว่าคนแรกนี่เป็นผู้หญิงรึเปล่า เขาคุยกันปกติครับ แต่ก็ดูสนิทกัน ดูให้กำลังใจกันอยู่เสมอ แต่ก็ไม่บ่อยมาก ส่วนอีกคนส่งรูปนมมาให้เขาดู” คุณเอมิลี่ทำน้ำเสียงงงๆ
   

[มีชื่อบอกมั้ย]
   

“คนแรกเขาเมมชื่อไว้ว่า V. อีกคนไม่ปรากฏชื่อครับ”
   

[อืม… ฉันคิดว่าฉันไม่รู้จักทั้งสองคนนะ และฉันจะไม่บอกว่าคนแรกเป็นผู้ชายด้วย แต่ฉันก็ไม่อยากให้เธอคิดไปไกล ตราบใดที่ยังไม่มีรูปนมอีกเต้าส่งมาจากคนแรก ส่วนคนที่สอง นายลองส่งรูปมาให้ฉันแล้วกัน ฉันพอจะจำหุ่นนางแบบในสังกัดได้ ถ้าเป็นนางแบบฉัน เดี๋ยวฉันจัดการให้] จากที่ผมสบายใจไปแล้วเรื่องอันเดรียนากับชารอน แต่ตอนนี้ผมกำลังไม่สบายใจกับผู้หญิงปริศนาอีกสองคน
   

“ถึงเขาจะไม่ได้นอนกับอันเดรียนา ชารอนไม่ได้เลิกกับแฟน แต่เขาก็มีคนอื่นอยู่ดี” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา เสียงที่พูดออกมานั้นแหบพร่า
   

[แมท มันเป็นช่วงเวลาที่ยากและลำบากในการทำใจ ฉันไม่ว่านายหรอกถ้านายจะอ่อนแอแบบนี้] ผมยิ่งร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม คุณเอมิลี่ไม่ได้ซ้ำเติม ไม่ได้พยายามห้ามผมไม่ให้คิดมาก ไม่ให้อ่อนแอ เธอเข้าใจความรู้สึกผมดี
   

“ผมควรจะทำยังไงดี เขาบอกเขารักผม แต่ตอนนี้ผมไม่มั่นใจในคำนั้นเลย” การกระทำของเขาทำให้ผมสั่นไหว ทำให้ความมั่นใจในตัวเขาของผมมันสั่นคลอน
   

[ฉันว่าเธอมั่นใจกับความรักของเขาได้นะ] ผมยืนหน้าเศร้าอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัวที่เพิ่งผมเพิ่งโดนวิคเตอร์ทำร้ายไป
   

[อืม… ฉันเป็นเพื่อนเขาก็จริง แต่ก็ยังรู้จักตัวตนเขาไม่หมดหรอก แต่คนอย่างวิคเตอร์ ถ้าเขาไม่มั่นใจ เขาคงไม่ตามเธอไปที่ไทย ไม่รู้สิ ฉันว่าอย่างนึงที่วิคเตอร์เป็นคือ ถ้าอะไรที่เขาไม่เอา ไม่ชอบ ไม่อยากทำ เขาก็จะหัวแข็งไม่ทำ แต่อะไรที่ทำเพื่อคนที่เขารัก เขาจะทำนะ อย่างซีรีส์ เขาก็ไม่ได้อยากไปทำหรอก แต่พอเขานึกได้ว่าย่าเขาอยากเห็นเขาเป็นพระเอกในทีวี เขาก็เลยไปน่ะ] ที่คุณเอมิลี่พูดมานั่นก็จริง ไอ้ยักษ์โข่งน่ะดื้อที่สุดแล้ว ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ คุณเอมิลี่ถอนหายใจเสียงแผ่ว
   

“ขอบคุณมากนะครับคุณเอมิลี่ ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันที่นิวยอร์ก”
   

[ต้องได้เจอสิ วิคเตอร์บอกว่าพอเธอเรียนจบจะไปรับเธอมาอยู่ด้วยนี่] ผมยิ้มขื่น นั่นมันตอนที่ผมยังไม่มีความคิดที่อยากจะพักความสัมพันธ์ไง
   

“ครับ ได้เจอ” คุณเอมิลี่แค่ย้ำว่าให้ส่งรูปผู้หญิงเปลือยคนนั้นมา แต่ผมไม่คิดจะส่งหรอก ผมว่ามันไร้ประโยชน์ แล้วก็ผมเหนื่อยจะไขว่คว้าหาคำตอบแล้ว ผมสบายใจเรื่องอันเดรียนาแล้ว ผมไม่อยากไม่สบายใจอีก V. จะเป็นใคร ผู้หญิงนมโตคนนั้นจะเป็นใครก็ช่างเถอะ เพราะผมจะขอหยุดกับวิคเตอร์แล้ว




อ่านตอนที่ 31 ต่อด้านล่างเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-03-2016 15:14:35

Only You EP.31 :: Under you. [100%]




“อา…” เสียงครางดังขึ้นท่ามกลางแสงสลัวจากแสงโคมไฟสีส้มที่อยู่บนหัวเตียงอีกฝั่ง ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องนอน ปล่อยให้คนตัวโตปรับสภาพร่างกายไปก่อน ผมเดินเข้าไปในครัวแล้วเปิดตู้เย็น หยิบเหยือกน้ำส้มคั้นที่คั้นเอาไว้ออกมา หยิบกล้วยออกมาหนึ่งลูก แล้วก็แก้วหนึ่งใบ เดินออกจากครัวเพื่อกลับไปยังห้องนอน วิคเตอร์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด เปลือกตายังคงปิดแน่น ผมวางเหยือกน้ำส้มลงบนโต๊ะสีขาวฝั่งหัวเตียงที่วิคเตอร์นอนอยู่ เขาลืมตาขึ้นมามองผม แวบแรกเหมือนเขาจะงงๆ อยู่ แต่เห็นว่าเป็นผมก็หลับตาลงตามเดิม
   

“กินกล้วยก่อนครับจะได้กินน้ำส้มตามเข้าไป” ผมปอกกล้วยให้เขาเสร็จสรรพ ยื่นไปให้เขา วิคเตอร์รับไปแล้วกัดเข้าปากจนหมดในสองครั้ง เขาหย่อนเปลือกกล้วยลงบนโต๊ะหัวเตียง ผมเทน้ำส้มให้เขาหนึ่งแก้วแล้วยื่นให้ อีกฝ่ายรับไปดื่มจนหมดรวดเดียว
   

“เอาอีกมั้ยครับ” เขาพยักหน้าหนึ่งที ผมเลยเทให้อีกแก้ว เขาดื่มแก้วที่สองหมดก็ยกมือบอกเป็นเชิงว่าพอแล้ว ผมวางแก้วลงข้างเหยือกแก้ว เปิดไฟตรงหัวเตียงอีกฝั่ง วิคเตอร์หลับตาแน่น คิ้วขมวดเข้าหากัน เขาค่อยๆ ลืมตาปรับสายตาให้รับกับแสงอยู่สักพัก แล้วจึงหันมามองหน้าผมที่ยืนมองเขานิ่ง เขาทำหน้านึกสักพักก่อนจะยกมือขวาขึ้นลูบแก้มทั้งสองฝั่งตรงบริเวณที่โดนผมตบ
   

“มือนายหนักชะมัด” เขาขยับคางไปมา รอยแดงเป็นรูปมือปรากฏอยู่บนแก้มด้านขวาของเขา
   

“สู้คุณไม่ได้หรอกครับ คุณหยาบคายกว่าผมเยอะ” มือที่กำลังลูบแก้มสากเขาไปมาหยุดชะงัก เขามองผมกลับมาเหมือนกำลังหาร่องรอยอะไรสักอย่างบนใบหน้าผม หรืออาจจะกำลังมองอย่างชั่งใจว่าผมจะแสดงอาการอะไรนอกจากนิ่งสงบหรือเปล่า
   

“มานั่งนี่มา” เขาขยับตัวให้หลังพิงผนังบุนวมหัวเตียง แหวกขาออกเพื่อให้ผมลงไปนั่งตรงระหว่างกลาง ผมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วเลือกจะนั่งตรงปลายเท้าของเขา วิคเตอร์มองผมตาไม่กระพริบ คล้ายว่าจะมีแววดุในดวงตา
   

“แมท…” น้ำเสียงของเขากดต่ำ แต่ผมไม่สนใจ
   

“ผมไม่อยากอยู่ใกล้คุณ นั่งคุยอย่างนี้ก็ได้” แล้วแววตาเขาก็เปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ทันที
   

“มานั่งนี่ อย่าให้ฉันไปลากนายมาเอง…” ผมเชิดคางขึ้นนิดหนึ่ง เลื่อนสายตาตัวเองไปมองทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเขา
   

“…แมท นายมีความผิดอยู่นะ อย่าดื้อให้มาก” เขาพูดเสียงข่ม ผมเลื่อนสายตากลับไปมองเขาอย่างว่างเปล่า
   

“คุณไม่ทำผิดเลยงั้นสิ” เขาขบกรามแน่น สีหน้ามีทั้งความเบื่อหน่ายและความไม่พอใจ เขาโน้มตัวมาข้างหน้า กระชากแขนผมให้เข้าไปหาเขา ผมล้มลงนอนทับตัวเขา ก่อนที่เขาจะดึงให้ผมขึ้นให้นั่งลงตรงหว่างขาเขาดีๆ เขาจับผมเอนพิงหน้าอกเขาไว้ ยกสองขามาล็อกขาผมไว้แน่น สองแขนก็กอดช่วงเอวผมแน่นเช่นกัน
   

“ฉันทั้งโกรธ ทั้งห่วงนาย ทำไมนายถึงไม่ฟังฉัน ทำไมถึงต้องดื้อกับฉันด้วย” เขากดจูบลงบนขมับซ้ายของผม ผมรู้สึกว่ามีอาการใจสั่นแปลกๆ มันเหมือนยังมีความกลัวหลงเหลืออยู่ ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าผมก็ยิ่งตัวสั่น จนต้องหลับตาลงเพื่อให้ตัวเองสงบ วิคเตอร์เหมือนจะรับรู้อาการสั่นของผมได้ เขายกสองมือลูบแขนผมไปมา ก้มลงจูบกลางกระหม่อมกับตรงหน้าผากของผม
   

“ถ้าไม่อยากเป็นแบบนี้ อย่าต่อต้านฉันอีก” เขากระซิบบอกที่ข้างหูขวา ผมเลื่อนสายตาตัวเองไปสบตาของเขา แววตาที่มองกลับมานั้นดูไม่ดุอะไร แต่เป็นแววตาที่ทำเอาผมลำคอแห้งผากไปหมด
   

“ผมแค่ไปเที่ยว ผมอึดอัด ผมเครียด ผมอยากไปสนุกกับเพื่อนๆ บ้าง” ผมบอกเขาเสียงสั่น วิคเตอร์ยกมือซ้ายเสยผมที่ปรกหน้าผากผมอยู่อย่างเบามือ กลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นบุหรี่จางๆ จากตัวเขาทำเอาผมมึนหัวเล็กๆ
   

“มีอะไรที่ทำให้นายอึดอัดและต้องเครียดกัน ฮึ” เขาก้มลงมาหอมแก้มขวาผม สูดดมเสียงฟืดฟาด ผมกลืนน้ำลายลงคอ สองมือผมกำไว้เบาๆ
   

“สถานการณ์ระหว่างคุณกับผม มันทำให้ผมรู้สึกแย่”
   

“กับอันเดรียนาฉันก็ยังพูดคำเดิม…” เขาหอมแก้มผมอีกทีแล้วผละออก จับหัวผมให้ซบลงบนไหล่ซ้ายของเขาไว้ สองแขนของเขากอดผมไว้หลวมๆ
   

“…ฉันยอมรับว่าฉันโกหกว่าฉันไม่ได้ออกมาตอนเธอหลับ แต่รอจนเธอตื่นขึ้นมาแล้วถึงออกมา เพราะฉันไม่อยากให้นายจินตนาการไปไกลอีก” ผมนอนฟังนิ่งๆ น้ำตาเอ่ออยู่ตรงขอบตา บรรยากาศรอบตัวเงียบ เสียงเครื่องปรับอากาศก็เบาหวิว ยังดีที่มีไฟสีส้มสองฝั่งเตียงให้แสงสว่างในห้อง อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกไม่มืดมนจนเกินไป
   

“รูปที่ฉันถอดเสื้อ เธออ้วกใส่ฉัน ฉันเลยถอดเสื้อไปล้าง แล้วตอนนั้นเธอเมา เลยอาจจะทำอะไรไปโดยไม่ทันคิด” ตรงกับที่คุณเอมิลี่บอก ผมคิดว่าเขาสองคนคงไม่นัดกันพูดกับผมแบบนี้หรอกนะ
   

“แต่จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้ง ฉันก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าฉันไม่ได้เอากับเธอ” เขาพูดเสียงราบเรียบ ผมไม่คิดให้เขาขอโทษ เพราะเขาขอโทษผมเรื่องอันเดรียนามากพอแล้ว ตอนนี้ผมไม่ติดใจเรื่องอันเดรียนาอีกแล้ว ผมยอมรับว่าเชื่อคำพูดคุณเอมิลี่กับคุณเบนมากกว่าวิคเตอร์ซะอีก แต่จะทำยังไงได้ เขาเคยคั่วกันมาก่อน แล้ววิคเตอร์ก็จูบเธอแบบนั้น จะให้ผมทำใจเชื่อว่าเขาไม่มีอะไรกันจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด
   

“แล้ว… แล้วรูปพวกนั้นหลุดออกมาได้ยังไง” คราวนี้วิคเตอร์ถอนหายใจ ผมเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าเขา ใบหน้าเขาเกร็งเครียด แววตาขุ่นเคืองชัดเจน
   

“เซล่าเป็นคนปล่อยภาพพวกนั้น”
   

“เซล่า? โฆษกของคุณ” ผมรู้สึกตกใจอยู่เหมือนกันที่ได้ยินว่าเธอคนนี้เป็นคนทำ ผมไม่เคยเจอเธอสักที แต่การที่เธอเป็นโฆษกของเขา เธอไม่ควรทำแบบนี้หรือเปล่า
   

“เธออยากให้กระแสของฉันกับอันเดรียนากลบเรื่องนาย เพราะฉันกับชารอนไม่ยอมเล่นเกมคู่จิ้นของเธอด้วย เธอไม่อยากให้ภาพลักษณ์ฉันเสียหายก่อนหนังจะเข้าฉาย” ความเสียหายที่ว่านั่นก็คงเป็นการที่วิคเตอร์มาคบกับผมนั่นแหละ บทหนังของวิคเตอร์เล่นเป็นผู้ชายแมนๆ เธอคงกังวลว่าคนดูจะเอาชีวิตจริงมาตัดสินวิคเตอร์ละมั้ง
   

“ฉันโมโหมาก โมโหไปหมด ทั้งเซล่า ทั้งนาย ทั้งออสตินที่ปล่อยให้นายโดนทำร้ายร่างกายในผับนั่น” ผมตัวกระตุกหันไปมองหน้าเขาที่มีแววโกรธทั้งใบหน้าและแววตา ภาพเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายในห้องน้ำผับคืนนั้นแล่นเข้ามาในหัวผม
   

“พวกมันเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายนาย” ผมเม้มปาก นึกถึงหน้าไอ้พวกผอมดำระยำบอนที่เคยด่าผมในร้านส้มตำ มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ผมไม่คาดคิดที่จะเจอพวกนั้นในผับ ผมไปเข้าห้องน้ำกับเก้าและแคท แต่แน่ละว่าแยกกันเข้าคนละโซน ตอนที่ผมออกมาจากห้องน้ำ พวกนั้นมันกำลังยืนล้างมือกันอยู่ พอมันจำผมได้ มันก็เข้ามากระแนะกระแหนหาเรื่อง
   

“พวกเขาเคยว่าผมเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับคุณ เขาใช้คำพูดค่อนข้างหยาบคาย แล้ววันนั้นเพื่อนผมก็ไม่ยอม เลยมีเรื่องกัน พอเขาเจอผมในผับเขาคงยังโกรธอยู่” สีหน้าวิคเตอร์ตึงเครียดกว่าเดิม
   

“แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผมมาก แค่ผลักผมล้มลง เพื่อนผมมาช่วยไว้ก่อน” แคทมันวิ่งเข้ามาเพราะเด็กนวดในห้องน้ำพยายามส่งเสียงห้ามเสียงดัง ได้รอยถลอกที่มือกับเข่าซ้ายมานิดหน่อย แต่ที่เจ็บคือตอนหลังผมไถลไปโดนประตูห้องน้ำเต็มแรงมากกว่า
   

“แล้วถ้าเกิดมันทำมากกว่านั้น เกิดมันทำให้นายเป็นอันตราย นายคิดบ้างมั้ยว่าฉันจะเป็นยังไง” เขาถามเสียงเครียด ใบหน้าถมึงทึง ผมหลุบตาลงหลบตาเขา
   

“ฉันห้ามแล้วใช่มั้ยว่าอย่าออกไปไหน ใจฉันจะขาดให้ได้ตอนที่ออสตินโทรมาบอกว่านายหายไป แล้วพอรู้ว่านายหนีเที่ยวแถมยังโดนทำร้ายร่างกาย ทำเอาฉันว้าวุ่นไปหมด” ผมแหงนหน้าไปสบตาเขาอีกครั้ง ความกลัวฉายชัดในดวงตาสีน้ำตาล อ้อมแขนเขากระชับกอดร่างผมแน่นขึ้นราวกับกลัวผมจะหายไปอีก
   

“ถ้านายคิดมากเรื่องอันเดรียนา ฉันก็คิดมากเรื่องนาย” เขาขบกราม หลับตาลงเหมือนกำลังพยายามข่มตัวเองใจเย็น ผมรู้สึกสลดไปนิดหนึ่ง ก็ไม่ถึงขั้นรู้สึกผิด แต่ก็รู้สึกไม่ดีที่ทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน
   

“ฉันโกรธนายมาก โกรธมากจริงๆ ฉันอยากจะจับนายมัดไว้ในห้อง อยากลงโทษให้นายจำขึ้นใจว่าอย่าขัดคำสั่งฉัน”
   

“คุณก็เลยต้องทำแบบที่ทำเมื่อเช้านั่นน่ะเหรอ” น้ำตาผมไหลออกมา ภาพนั้นยังติดอยู่ในหัว ความกลัวในตอนนั้นมันอัดแน่นอยู่ในอก เขาทำผมอกสั่นขวัญหนี เขาทำให้ผมไม่อยากอยู่ใกล้เขาแม้กระทั่งตอนนี้ แต่ผมไปไหนไม่ได้ เพราะผมกลัวเขาจะทำอะไรแบบนั้นอีก
   

“เชื่อฉันเถอะว่าฉันอยากจะทำมากกว่านั้นอีก” เขายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากให้มันไหลออกมา เพราะกลัวเขาจะหงุดหงิดที่ต้องมาเช็ดน้ำตาให้ผม
   

 ผมรู้สึกเหนื่อยๆ ใจ ความรู้สึกขวางกั้นแปลกๆ ในใจทำให้ผมเหนื่อยที่จะพูดอะไรต่อ แล้วไหนจะเหนื่อยเรื่องผู้หญิงในชีวิตเขาอีก ตอนนี้ระหว่างผมกับเขามีประเด็นให้ตีกันมั่วไปหมด มั่วเหมือนตอนที่ผมกับเขาตบตีกันในห้องนั่งเล่นกับห้องครัวนั่นแหละ ขนาดความคิดของผมตอนนี้ยังตีกันมั่วเลย ผมอยากพักเรื่องของเรา แต่ผมก็รักเขา
   

“มือถือของคุณ” ผมเลื่อนมือไปหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้น ยื่นคืนให้วิคเตอร์ แต่เขาส่ายหัวกลับมา ผมเลยถือไว้ในมือ ผมเหม่อมองไปเรื่อย ไม่ได้โฟกัสที่จุดใดจุดหนึ่ง เรานั่งกันเงียบๆ วิคเตอร์เอาคางเกยศีรษะผมไว้ หัวใจผมเริ่มเต้นในจังหวะผิดเพี้ยน มันเต้นวูบวาบเมื่อคิดถึงสิ่งที่ผมกำลังจะพูดออกไป ไม่รู้ว่านี่คือความคิดที่ดีหรือยัง แต่ผมไม่อยากระแวงอีกแล้ว
   

“วิคเตอร์…” เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เหมือนเขารอฟังว่าผมจะพูดอะไร ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วให้กำลังใจตัวเองในการพูดออกไป
   

“…เราลองพักความสัมพันธ์ของเรามั้ยครับ เผื่อคุณ…”
   

“…จะเลิกกับฉันงั้นเหรอ?!” ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็แทรกขึ้นมาเสียงห้วน เขาดันตัวผมออก แล้วจับให้ผมหมุนไปเผชิญหน้ากับเขา ผมมองแววตาขุ่นเคืองของเขา แล้วพยายามรวบรวมความกล้าพูดออกมา
   

“บางทีคุณอาจจะยังไม่พร้อมคบกับใคร ถ้าคุณไม่มีผม คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่คุณจะไปนอนกับใคร…” เขากำลังจะอ้าปากพูด แต่ผมรีบชิงพูดก่อน
   

“…ผมไม่ได้หมายถึงอันเดรียนา เรื่องอันเดรียนา ผมเชื่อคุณแล้ว คุณเบนกับคุณเอมิลี่ก็ยืนยันแล้วว่าไม่มีอะไรจริงๆ” แววตาวิคเตอร์เปลี่ยนเป็นผิดหวัง จนเกือบจะเป็นน้อยใจ แล้วเขาก็พูดออกมาเสียงเบาหวิว
   

“นายเชื่อสองคนนั้นมากกว่าฉันอีกงั้นเหรอ” ผมร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาอย่างฉับพลัน
   

“คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเชื่อว่าผู้ชายอย่างคุณจะหยุดอยู่ที่ผมคนเดียว ผม คนๆ นี้ซึ่งเป็นผู้ชาย ที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรคู่ควรคุณสักนิด ผู้หญิงในชีวิตของคุณมีแต่ทอปฟอร์มทั้งนั้น พวกเธอให้อะไรกับคุณได้มากกว่าที่ผมให้…” ผมสะอื้นออกมา ผมเจ็บ วันนี้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน แล้วผมก็อ่อนแอมากด้วย แต่ผมก็ไม่สามารถเสแสร้งเข้มแข็งได้อีก
   

“…มีผู้หญิงอีกมากมายที่พร้อมจะเข้าหาคุณ และผมไม่รู้ว่าคุณจะอ้าแขนรับพวกเธอเมื่อไหร่ คุณบอกว่าคุณรักผม แต่คุณยังไปจูบกับคนอื่นได้ ผมไม่รู้ว่าอารมณ์ชั่ววูบของคุณจะเกิดขึ้นวันไหนอีก ผมกลัว ผมกลัวว่าคุณจะมีอารมณ์ชั่ววูบบ่อยๆ จนวูบหนึ่งคุณคงทิ้งผมไป” ผมสะอึกสะอื้น มันเป็นความกลัวที่ฝังอยู่ในหัวผมมาตลอด แต่ผมก็เก็บซ่อนมันเอาไว้ให้ลึก เพราะวิคเตอร์อยู่กับผม แต่ตั้งแต่วันที่ผมเห็นภาพเขาจูบกับอันเดรียนา ไอ้ความกลัวพวกนั้นก็พวยพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
   

“แมท ตั้งสติหน่อย” วิคเตอร์บอกเสียงดุเมื่อเห็นผมร้องไห้จนอกกระเพื่อมแรง ผมห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้ พยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาแต่ก็ไม่แห้งสักที วิคเตอร์เขยิบเข้ามานั่งใกล้ผมแล้วดึงผมเข้าไปกอดลูบหัว ลูบหลัง
   

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันไม่เลิก ช่วงหนึ่งของชีวิตฉันมันขาดแหว่ง แล้วพอมีนายเข้ามาไอ้ที่มันขาดหายไปก็กลับมาเต็มเหมือนเดิม…” เขาอุ้มผมให้ขึ้นไปนั่งคร่อมตักเขาไว้ ผมซบลงบนไหล่เขา สะอื้นไห้เป็นพักๆ โดยมีวิคเตอร์คอยลูบหลังปลอบใจ ช่างแตกต่างจากเมื่อเช้านี้เหลือเกิน


“นายไม่เข้าใจรึไงว่านายเติมเต็มชีวิตฉัน” เขาลูบหัวผมเบามือ แรงสะอื้นตีตื้นขึ้นมาในอกอีกครั้ง มือซ้ายวิคเตอร์ตบหลังผมเบาๆ


“ฉันใช้เซ็กส์ตามหาความรักเหมือนที่นายเคยบอกไว้ จนฉันมาเจอนาย ฉันถึงรู้ว่าที่ฉันเคยรู้สึกแบบนั้นมันไม่ใช่” ผมนอนซบไหล่เขานิ่งๆ ผมสะอื้นจนพูดอะไรไม่ออก หัวสมองก็ตื้อไปหมด


“ฉันรักนายไม่ใช่เพราะเซ็กส์ แต่ให้ฉันไม่ทำเลยก็ยากอีก ฉันรู้ว่านายกังวลว่าตัวเองไม่เหมือนผู้หญิง แต่แค่นี้ฉันก็ติดของนายจะตายห่าแล้ว” มันอาจจะดูเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นประเด็นเล็กๆ ที่ไม่ควรเอามาคิด แต่ผมก็คิด อย่างที่ผมเคยบอกเขา ผมมีรูให้เขาปลดปล่อย แต่ผู้หญิงเองก็มีเช่นกัน แถมยังมีถึงสอง ยังไงผู้หญิงก็ได้เปรียบ หากตรงไหนตรงหนึ่งเสื่อมไป เขาก็เหมือนมีอะไหล่สำรองไว้ ผมคิดถึงขนาดนั้น คิดเยอะ คิดแยะไปหมด แต่เป็นเพราะผมรักเขา


“คุณไม่คิดถึง ฮึก… ของผู้หญิง… ฮึก… เหรอ” วิคเตอร์ดันตัวผมออกให้มานั่งมองหน้ากัน สองแขนเขาลดลงมาคล้องบั้นท้ายผมไว้


“เวลาที่ฉันเห็นรูปร่างผู้หญิง ฉันยอมรับนะว่าก็ชอบมอง แต่ฉันไม่ได้ชอบเขา ไม่ได้คิดจะไปมีอะไรกับเขา” ผมมองเขาอย่างค้นหาคำตอบ วิคเตอร์ยกสองมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้มให้ผม


“สักวันคุณคงเบื่อเซ็กส์กับผม และก็คงเบื่อผมด้วย” ผมพูดเสียงอู้อี้ ยกมือมาเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างกับเด็ก วิคเตอร์ถอนหายใจ เขายิ้มเพลียเล็กน้อย


“ทำไมนายถึงอ่อนแอแบบนี้แมท ทำไมถึงอยากผลักฉันให้ออกห่างนายอยู่เรื่อย นายทำเหมือนไม่รักฉันเลย” ผมรีบส่ายหัวอย่างเร็ว แล้วรีบพูดออกไปเร็วปรื๋อ


“เปล่านะ ผมรักคุณ และเพราะผมรักคุณ ผมถึงกลัวว่าคุณจะทิ้งผม แล้วผมก็แคร์คุณมากด้วย หน้าที่การงานของคุณก็สำคัญ ถ้ายังมีผมอยู่ด้วย มันคงจะไม่ดี ไหนจะพ่อคุณอีก เขาคงไม่ยอมรับผมแน่ๆ” วิคเตอร์ทำหน้าเบื่อหน่ายทันทีที่ผมพูดถึงพ่อเขา


“เรื่องพ่อฉันตัดออกไปได้เลย สิ่งที่พอจะบอกได้ว่าฉันเป็นลูกเขาก็คือนามสกุลนั่นแหละ นอกนั้นเราไม่เกี่ยวข้องกัน เรื่องงานก็มีแต่เซล่าที่บ้าอยู่คนเดียว เรื่องสายตาคนดู ถ้าเขาแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวฉันไม่ได้ นั่นมันก็คือความคิดอันล้าหลังของพวกเขาเอง” ผมมองหน้าเขา เขามองกลับมาด้วยสายตาคล้ายจะมีแววเหนื่อยล้า ผมเลยสวมกอดเขาอีกที เขายกแขนขึ้นมากอดตอบผม


“พ่อฉัน นอกใจแม่ไปมีคนอื่น แม่ฉันร้องไห้เสียใจเพราะเขา แต่เขาไม่เคยสนใจความรู้สึกของแม่ ฉันไม่ชอบการนอกใจ…” ผมนึกถึงคำพูดของคุณเอมิลี่เรื่องที่บอกว่าพ่อเขานอกใจแม่วิคเตอร์ มันก็เป็นไปได้ที่จะทำให้เขาไม่ชอบการนอกใจ เพราะเขารักแม่มาก แต่ว่า…


“…ไลฟ์สไตล์ของฉันดูไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ที่ฉันจะคิดแบบนี้ แต่ฉันคิดแบบนี้จริงๆ” เหมือนเขาจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เลยพูดต่อขึ้นมาทันที


“ใช่ครับ ขนาดนอนกับผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกันคุณยังทำมาแล้ว” ผมรู้สึกได้ว่าเขายิ้มขำอยู่


“มันไม่เหมือนกันนะ อันนั้นฉันไม่ได้คบเขา แล้วตอนนั้นฉันก็ยังไม่ได้คบนาตาชา แค่คุยๆ กันอยู่ คบใครพร้อมกันเหนื่อยจะตายแมท ฉันมีนายคนเดียว ดูแลนายคนเดียว รักนายให้เต็มที่ไม่ดีกว่าเหรอ เลี้ยงนายคนเดียวก็ยากพอแล้ว ฉันไม่อยากหาภาระเพิ่ม” ผมยิ้มเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้ร้องออกมา มันเป็นยิ้มขำขันซะมากกว่า ผมดันตัวออกมามองหน้าเขาอีกที


“แต่ผู้หญิงชอบคุณเต็มเลย” เขายิ้มกริ่ม แล้วตอบเสียงทะเล้น


“ก็แฟนนายหล่อนี่นา ก็เป็นธรรมดาที่จะมีคนชอบสิ” ผมทำหน้างอหน่อยๆ ไม่ได้งอนอะไรเขาหรอก แค่เริ่มรู้สึกว่า หน้าหล่อๆ ของเขาบางทีก็เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ของเราเหมือนกัน ไหนจะฐานะเขาอีก นี่ถ้าเจอพวกผู้หญิงหิวเงินที่จ้องจะแย่งเพราะอยากสบายล่ะก็ ผมคงโดนน็อคเอ้าท์


แต่อีกแง่หนึ่งผมก็คิดว่าถ้ามีผู้หญิงประเภทนั้นเข้ามาหาเขาจริงๆ วิคเตอร์นั่นแหละที่จะสลัดผู้หญิงแบบนั้นออกไปเอง เขาเหมือนใครซะที่ไหนล่ะ


“เหมือนผู้หญิงที่ชื่อ V. ในวอทสแอพนั่นใช่มั้ย” ผมได้ทีเลยเสียบโอกาสนี้ในการถามซะเลย ตอนแรกไม่อยากรู้ เพราะผมอยากเลิก แต่สุดท้ายผมก็ไม่เลิก ลึกๆ ผมก็รู้ตัวนะว่าไม่อยากเลิกกับเขา แค่ต้องการให้เขาแสดงความรัก ความมั่นคงที่มีต่อผมให้ชัดเจนมากขึ้น แล้วสิ่งที่เขาพูดมันก็ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นจนความเหนื่อยที่มีค่อยๆ ลดลง ฉะนั้นถ้าจะไม่เลิกกัน ผมก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่ผมเห็นในวอทสแอพนั้นคือใคร


“ไวโอล่าน่ะเหรอ” ผมส่ายหน้าว่าไม่รู้ ก็จะไปรู้ได้ยังไง ไม่งั้นจะถามเหรอ


“คุณเมมชื่อไว้ว่า V.”


“ไวโอล่า น้องสาวฉันเอง” ผมเลิกคิ้วขึ้น หน้าตาเอ๋อไปหมด เพราะไม่เคยคิดว่าเขาจะมีน้องสาวเลย คือเขาดูโดดเดี่ยว ดูเป็นลูกคนเดียวที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจโดยแม่กับย่า และมีพ่อคอยขัดคอยขวางอยู่


“คุณมีน้องสาวด้วยเหรอ ไม่เห็นบอกกันเลย”


“ก็นายไม่เคยถาม แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะบอกทำไม” ผมขมวดคิ้วนิดๆ รู้สึกยังงงๆ อยู่ วิคเตอร์มองกลับมาด้วยสายตาเรื่อยเปื่อย เหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่


“น้องสาวแท้ๆ เหรอครับ” เขาส่ายหน้านิดหน่อย ก่อนจะตอบน้ำเสียงปกติ โดยไม่มีพิรุธใดๆ


“น้องสาวคนละแม่ แต่พ่อเดียวกัน แม่ไวโอล่าเป็นโสเภณีที่พ่อชอบไปใช้บริการ แต่ดันท้อง แม่ฉันสงสาร ไม่อยากให้เธออยู่ในสภาพย่ำแย่กับแม่แท้ๆ ของเธอ เลยรับเลี้ยงดู เราโตมาด้วยกัน นายเคยเห็นเธอแล้ว รูปที่เธอขี่หลังฉันในห้องนอน” อ้อ ผู้หญิงคนที่ผมคิดว่าเป็นแฟนเก่า เป็นรักแรกของเขานั่นเอง ที่แท้ก็คือน้องสาวเขาหรอกเหรอเนี่ย


“ใช่คนที่พ่อคุณเคยบอกว่าให้บินไปหาบ้างหรือเปล่า” เขาพยักหน้ารับ ผมจำได้ว่าพ่อวิคเตอร์เอ่ยถึงผู้หญิงสักคน แล้วผมก็คันยิบๆ อยากรู้ว่าชีวัดไหนอีก ตอนนั้นผมแอบคิดว่าเขาซุกเมียหรือลูกไว้ด้วยซ้ำ


“ไวโอล่าสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เธอป่วยง่าย เลยไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ฉันเลยต้องบินไปหาเธอบ่อยๆ แต่ช่วงที่แม่กับย่าจากไป ฉันก็ไม่สนิทกับไวโอล่าอีกเลย เราเพิ่งเริ่มกลับมาคุยกันหลังจากฉันคบกับนาย เธออยากรู้จักนายนะ” เขายิ้มละมุน ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยได้แต่ยิ้มเงอะงะไปเรื่อย


“แล้วเธออยู่กับใครล่ะครับตอนนี้”


“อยู่กับพ่อแล้วก็ลิซ่า เมื่อก่อนพ่อก็ไม่ค่อยดูแลเธอหรอก แต่เหมือนพ่อจะนิสัยดีขึ้นบ้างเลยมองว่ามีไวโอล่าเป็นลูก ไวโอล่าเป็นเด็กเข้มแข็งแม้ร่างกายจะไม่แข็งแรง แต่เธอไม่เคยมองชีวิตตัวเองในแง่ร้ายเลย” เขายิ้มตาเป็นประกายเมื่อเอ่ยถึงน้องสาวตัวเอง ท่าทางคงจะรักน้องมากน่าดู ผมไม่คิดว่าเขาจะมีมุมพี่ชายด้วย เพราะผมมองว่าเขาเหมือนพ่อผมมาตลอด


“And what about a naked girl? (แล้วผู้หญิงที่ส่งรูปเปลือยมาให้คุณนั่นล่ะ)” รอยยิ้มวิคเตอร์ค่อยๆ หายไปจากใบหน้า ผมสัมผัสได้ว่าตัวเขาแข็งทื่อแปลกๆ แววตาเขาก็ดูตื่นๆ แวบแรกผมคิดว่าเขาคงตกใจที่ผมจับชู้อีกคนของเขาได้ แต่สักพักเขาก็ถอนหายใจปลงๆ


“My ex. She wants to come back. (แฟนเก่าฉันเอง เธออยากกลับมา)” ผมกระพริบตาปริบๆ วิคเตอร์ขบกรามเบาๆ


“Which one of your ex? (แฟนเก่าสมัยไหนครับ)” เพราะผมเชื่อว่าเขาคงไม่ได้มีแฟนเก่าแค่คนเดียวหรอก


“Very old one. We were—. (เก่ามาก เราเคย…)” เขาเม้มปาก เลื่อนสายตาไปมองทางอื่นอย่างอึดอัด เหมือนเขาไม่อยากจะพูดถึงเธอคนนั้นเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าไม่อยากพูดถึงในแง่ไหนเหมือนกัน เขาหันกลับมามองผมอีกที


“We used to be a lover, but our relationship was not good. We broke up, and we end. (…เราเคยคบกัน แต่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ราบรื่นนักหรอก พอเลิกกันแล้วก็จบ)” เขาบอกเสียงเรียบ ใบหน้าไร้อารมณ์ แววตาดูไร้เยื่อไยจริงๆ อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าการมีแฟนเป็นนักแสดงนั้นบางทีเราก็จะชอบคิดว่าสิ่งที่เขาแสดงออกมากับเราอยู่นั้นมันจริงหรือมันแอคติ้ง ฝีมือทางการแสดงของเขาน้อยหน้าใครซะที่ไหน


“Why she wants to return to you? (แล้วเธอนึกยังไงถึงอยากจะกลับมาหาคุณอีกครั้งล่ะ)” เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเริ่มโฟกัสที่ยัยนมโตนั่นแล้วว่าหล่อนเป็นใคร ทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะมาทวงคืน ถ้าเขาบอกว่าเก่ามากแสดงว่าก็นานมากแล้ว แล้วทำไมแม่นางนั้นถึงอยากจะวกกลับมาหาเขา อาจเพราะเขามีชื่อเสียงมากขึ้นหรือเปล่านะ


“It's probably her games. (คงอยากเอาชนะฉันมั้ง…)” ผมขมวดคิ้วงง ทำไมนังนมโตนั่นถึงจะต้องอยากเอาชนะวิคเตอร์ด้วย เขาแข่งอะไรกันอยู่งั้นเหรอ


“Don’t care about her because I’m not. I did not delete a picture because I want to show you, but you found it before I tell you. (…นายไม่ต้องไปสนใจ เพราะฉันไม่ได้สนใจ แล้วที่ฉันไม่ได้ลบรูป เพราะฉันตั้งใจจะบอกนาย แต่นายดันเจอก่อน)” ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


“Why do you want to tell me? (บอกผมทำไมครับ)”


“I want you to know. I don’t want to hide anything. I don’t want you to think too much. Wanna tell you that—let her go, but also watch out her. We can’t underestimate her. (เพราะฉันอยากให้นายรู้ จะได้ไม่มีอะไรปิดบังกัน ฉันอยากให้นายสบายใจ อยากให้รู้ว่า อย่าไปสนใจผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ให้ระวังไว้ เพราะฉันรู้ว่าเธอเองก็บ้าอยู่ไม่น้อย)” ผมเริ่มรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ คือผมคิดว่าพวกแฟนเก่าพวกนี้ มักจะคิดว่าตนเองผูกพันกันมาก่อน ต้องมีเยื่อไยใดๆ เหลืออยู่บ้าง แล้วพาวเวอร์เวลาที่พวกเธออยากจะกลับมาหาคนรักเก่าก็จะแรงมาก เนื่องจากเธอจะมีความมั่นว่าเธอเคยมีอดีตร่วมกันกับเขา เคยผ่านสิ่งต่างๆ มาด้วยกันก่อนคนปัจจุบัน


 “But I’m not let her to be around you ever. (แต่ฉันจะไม่ให้เธอเข้าใกล้นายได้เด็ดขาด)” ผมเองก็ไม่อยากเข้าใกล้เธอเหมือนกัน นมโตซะขนาดนั้น เกิดเอานมหนีบหน้าผมคงหายใจไม่ออก


“Well, She kind of a girl of bitch, right? (เอ่อ เธอเป็นผู้หญิงประเภทนังตัวแสบเหรอครับ)” วิคเตอร์ถอนใจนิดหนึ่ง


“You can say that. (จะว่างั้นก็ได้)” เออ ผู้หญิงแบบนี้น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ แล้วดูจากการที่เธอส่งรูปมาให้วิคเตอร์ ผมว่าเธอคงเป็นผู้หญิงที่มั่นใจมากคนหนึ่งเลยแหละ


“How long you are in a relationship with her? (คุณคบกับเธอนานแค่ไหนเหรอครับ)” เขาดูเหมือนจะเกร็งเครียดมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยอมตอบคำถามของผม


“Almost 4 years. (ราวๆ สี่ปีได้)” ผมอ้าปากค้าง ถือว่าเป็นเวลาที่ไม่น้อยเลยนะ สี่ปีเนี่ย โห ความรัก ความผูกพันก็คงมีไม่น้อย


“คนนี้ใช่แฟนคนแรกของคุณมั้ย” วิคเตอร์ส่ายหัว


“ไม่ใช่ แฟนคนแรกเราจบแล้วจบจริงๆ ฉันไม่ได้คุยกับเธออีกเลย…” วิคเตอร์ยกมือขวาขึ้นลูบหัวผมเบาๆ


“…ไม่ต้องไปสนใจอดีตของฉัน มันคืออดีตที่ฉันไม่คิดจะกลับไป อดีตเพียงอย่างเดียวที่ฉันไม่เคยลืมและไม่อยากลืมคือแม่กับย่า ส่วนนายอยู่กับฉันในตอนนี้และอยู่กับฉันต่อไปในอนาคต” ผมมองเขาอย่างครุ่นคิด มองเหมือนเด็กมองพ่อว่ากำลังหลอกเรารึเปล่า


“อย่าตีผมอีกได้มั้ย ผมเจ็บ” วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปากหน่อยๆ


“ฉันบอกอะไรก็ให้ฟัง อย่าขัดฉันสิ” ผมทำหน้างอ


“ผมแค่อยากมีอิสระบ้าง” ผมว่าเสียงเหงาหงอย วิคเตอร์ยื่นหน้ามาหอมหน้าผากหนึ่งที
   

“ฉันก็ไม่ได้ห้าม แค่ต้องดูความเหมาะสม” ผมยังไม่เห็นว่าจะมีอันไหนเหมาะสมกับคุณสักอย่าง ทุกอย่างที่เหมาะสมต้องมีคุณอยู่ด้วยเสมอน่ะสิ ผมได้แต่จำใจรับสภาพนี้ด้วยอาการเซ็งๆ นอยด์ๆ
   

“คุณอย่าทำแบบเมื่อเช้าอีกได้มั้ย ผมกลัว” ผมบอกเขาเสียงเบาหวิว รู้สึกใจสั่นโดยไม่ทันห้าม นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วมันใจหวิวๆ ทุกที
   

“บางทีฉันก็โกรธจนลืมตัว” เขายกมือขวาลูบแก้มผม วินาทีที่มือเขาสัมผัสลงบนแก้ม ผมก็สะดุ้งนิดๆ แต่วิคเตอร์คงจับสังเกตได้ เขาเลยดึงผมเข้าไปกอดไว้อีกที ยกมือลูบหลังปลอบใจผมยกใหญ่
   

“ตอนที่คุณทำแบบนั้น คุณรู้ตัวมั้ย หรือเพราะเหล้า” ผมถามเสียงสั่นน้อยๆ วิคเตอร์เงียบไม่ยอมตอบ ผมว่าเขาได้ยินชัดเจนว่าผมถามอะไร แต่เขาเลือกจะไม่ตอบมากกว่า ผมก็ไม่อยากเซ้าซี้หรือจี้ถามเขา ช่วงเวลานี้อารมณ์กำลังลดลงทั้งคู่ ผมไม่อยากกระตุ้นจุดเดือดใดๆ เลยนั่งซบไหล่เขาให้เขาลูบหลังปลอบใจ แต่ถึงอย่างนั้นตัวผมก็ยังสั่นอยู่ดี
   

“โอ๋ๆ จุ๊ๆ ตัวสั่นหมดแล้ว ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” พอเขารู้ว่าผมตัวสั่น คราวนี้ผมเลยออกอาการมากกว่าเดิม เหมือนมันไม่ต้องกลั้นต้องเกร็งแล้ว วิคเตอร์นั่งกอดปลอบใจผมอย่างนั้นอยู่นาน จนผมค่อยๆ กลับมารู้สึกปลอดภัยที่จะอยู่ใกล้เขา
   

แต่ก็ไม่รู้สึกเท่าเดิมสักเท่าไหร่ มันยังมีกำแพงที่ค่อยๆ ก่อตัวหนาขึ้นในใจผมทั้งที่ผมไม่ได้อยากให้มี

   
V
v
v


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-03-2016 15:19:08


V
v
v


วิคเตอร์นั่งปลอบโยนผม นั่งจูบขมับผมอยู่นาน จนกระทั่งทุกอย่างดูนิ่งสงบเข้าที่เข้าทาง เขาเลยพาผมเข้ามาอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวนอน เขาลงไปนอนในอ่างอาบน้ำทรงรีกว้างและยาวสีขาว เขานั่งลงไปคุกเข่ารอผมข้างในนั้น ผมก้าวตามเขาเข้าไป ตอนที่กำลังจะนั่งลง วิคเตอร์จับเอวผมไว้ แล้วยื่นหน้ามาจูบไปทั่วแก้มก้นทั้งสองข้างที่แดงจนเกือบม่วงอย่างแผ่วเบา ผมพยายามห้ามอาการตัวสั่นของตัวเอง แล้วค่อยๆ หย่อนตัวลงตามแรงดึงของคนตัวโต
   

เขาจับผมนั่งซ้อนด้านหน้าของเขา ร่างกายเปลือยเปล่าของเราสัมผัสกันเนื้อแนบเนื้อ สองขาของเขาเกี่ยวพันสองขาของผมไว้ เขาเอื้อมมือขวาไปหยิบฝักบัวหัวทรงกระบอกสีเงินมาจากด้านข้างอ่าง กดเปิดน้ำเบาๆ แล้วเอาราดตัวผมไปทั่ว มือซ้ายก็ลูบไล้ไปตามตัวผมเรื่อยๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยายามตั้งสติอยู่กับปัจจุบัน แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมก็หลับตาลงและปล่อยตัวปล่อยใจไปกับวิคเตอร์ในตอนนี้ ไม่เอาเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเจ็บปวดมาทำให้ตัวเองสติหลุดอีก
   

“ตัวสั่นอีกแล้ว ผ่อนคลายหน่อย…” เขาจูบขมับซ้ายผมหนึ่งที ผมหลับตาลงแล้วคุมลมหายใจของตัวเองให้อยู่ในระดับปกติ เพื่อให้อาการตัวสั่นสงบลง วิคเตอร์กดปิดน้ำ เอาฝักบัวเสียบไว้บนแท่นสีเงิน เอื้อมมือไปหยิบน้ำมันนวดหน้าและตัวที่สกัดจากต้นโจโจ้บา วิคเตอร์ซื้อมาหลายกลิ่น ผมชอบกลิ่นรวงข้าวมาก เพราะมันหอมอ่อนๆ แต่ทำให้รู้สึกเฟรชเวลาที่ได้ใช้
   

“นวดตัวหน่อยนะ เผื่อจะดีขึ้น” เขากดหัวปั๊มหยดน้ำมันลงบนตัวผมไปตามจุดต่างๆ ตรงอก หน้าท้อง แขน หัวไหล่ แล้วก็บีบใส่มือเขาด้วย เขาถูสองมือไปมาสักพัก แล้วก็เริ่มละเลงมือเขาไปทั่วตัวผมเบาๆ กลิ่นหอมของโจโจ้บาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น มันค่อยๆ ผ่อนคลายไปทีละนิด
   

“ดีมั้ย” ผมพยักหน้ารับเบาๆ ปล่อยให้เขาลูบวนตรงหน้าอกช้าๆ แล้วไล่ลงไปถึงช่วงท้องที่ตอนนี้มีกล้ามท้องขึ้นมาบ้างแล้ว วิคเตอร์ลูบไล้แผ่วเบา เคลื่อนไหวมือไปตามจุดต่างๆ ไม่รีบร้อน ผมหลับตาลง เริ่มรู้สึกผ่อนลายมากขึ้น
   

“อือ…” ผมครางเสียงแผ่วตอนที่มือเขาไปสัมผัสตรงจุดอ่อนไหวในร่างกาย เขาเลื่อนสองมือไปตามแขนสองข้างของผม ไล่ลงไปที่หน้าขา ลูบวนไปมา จนผมต้องผ่อนลมหายใจเบาๆ เพราะมันทั้งรู้สึกหวิวและจั๊กจี๋ ยิ่งพอมือเขาเลื่อนลงไปตรงง่ามขาทั้งสองด้าน ผมก็ยิ่งผ่อนลมหายใจดังขึ้นอีกนิด แล้วในที่สุดสองมือเขาก็กอบกุมความเป็นชายน้อยของผมไว้ ในขณะที่เบื้องหลังยักษ์น้อยของเขาก็ค่อยๆ ขยายขึ้นมาดุนหลังผม
   

“ปลดปล่อยหน่อยนะ อาจจะดีขึ้น” เขากระซิบเบาหวิวที่ข้างหูซ้าย ผมพยักหน้าไปเรื่อย วิคเตอร์ก้มลงกดจูบลงบนต้นคอซ้ายของผมย้ำๆ หลายครั้ง สองมือก็บีบๆ กำๆ จนของผมขยายเต็มมือเขา
   

วิคเตอร์ใช้สองมือสลับกันรูดขึ้นจนมันตั้งตรงแหน่ว เขาทำอย่างช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบ เขารูดรั้งขึ้น สลับกับใช้สองมือปลุกปั่นไปมาเบาๆ
   

“เอาแขนคล้องคอฉันไว้” เขากระซิบบอก ผมทำตามอย่างว่าง่าย ยกสอนแขนขึ้นไปคล้องคอเขาไว้ จมูกผมไกล่เกลี่ยตรงช่วงสันกรามของเขา กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ลอยมาปะทะจมูกแต่ก็ถูกกลิ่นน้ำมันนวดกลบไป วิคเตอร์ก้มลงมาประกบปากกับผม แล้วเล็มเลียแผ่วเบา เบื้องล่างก็ยังคงชักขึ้นลงเชื่องช้า ลิ้นอุ่นร้อนของเขาก็ค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปด้านใน เราเกลี่ยลิ้นกันไปมา สักพักผมก็กระตุกแอ่นตัวเพราะความเสียววาบที่เขาใช้อุ้งมือไล้วนส่วนปลาย
   

“ฮ้า… อ้า… อ๊ะ…”  หน้าท้องหดเกร็งขึ้นลงอย่างเร็วและแรง วิคเตอร์วนอุ้งมือของเขาตรงส่วนปลายที่แสนจะอ่อนไหวของผมเบาๆ แต่ไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สองแขนที่คล้องเขาไว้แทบร่วงหล่นแต่ก็ยังพอมีแรงที่จะยึดลำคอหนาของเขาไว้ สองมือผมเลื่อนขึ้นไปขยุ้มเรือนผมของเขาเต็มมือ ผมเผยอปากขึ้น ปรือตามองสายตาเคลิ้มของอีกฝ่าย
   

“โอ้ว… อู้…” ผมครางเสียงหลง วิคเตอร์ยังคงวนอยู่แบบนั้นในจังหวะเดิม เขาจ้องมองผมแทบไม่กระพริบตา ก้มลงมาจูบริมฝีปากผมแผ่วเบาหนึ่งที เรามองตากัน ผมมองด้วยแรงอารมณ์ที่ใกล้จะแตกสลายเต็มที มือขวาเขาขยับไปเรื่อยๆ มือซ้ายก็จับส่วนล่างไว้ให้มั่นคง
   

“วิคเตอร์…” ผมครางเรียกชื่อเขาเสียงสั่น แหงนหน้าเชิดขึ้นกว่าเดิมเมื่อความเสียวซ่านตรงกลางลำตัวกับท้องน้อยมันวิ่งพล่านไปหมด ผมแอ่นตัวขึ้นเตรียมพร้อมที่จะปลดปล่อย วิคเตอร์เร่งจังหวะหมุนอุ้งมือเร็วขึ้น จนผมทนไม่ไหวต้องเลื่อนมือจากคอเขาลงมาเพื่อพยายามหยุดมือของเขา ผมจับแขนเขาไว้แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด จนผมเด้งตัวออกจากอกของเขา
   

“Please, please.” ผมอ้อนวอนเขาให้หยุด แต่เขาใช้คางดึงผมให้กลับไปซบอกเขาไว้ต่อ มือขวาก็ทรมานผมไปเรื่อยๆ ผมบิดตัวไปมาเริ่มรู้สึกจะทนไม่ไหวแล้ว สองมือจิกลงบนต้นแขนล่ำทั้งสองข้างของเขาแน่น แล้วในที่สุดผมก็กรีดร้องลั่นห้องน้ำ ขาทั้งสองข้างกระตุกสั่นอย่างรุนแรง น้ำอุ่นร้อนพวยพุ่งออกมาเต็มอุ้งมือวิคเตอร์แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดหมุนวนจนผมตัวสั่นไปทั้งตัว ผมอ้าปากส่งเสียงร้องใจจะขาดออกมา
   

“วิคเตอร์… พอแล้ว พอแล้ว อะ อ๊ะ!” ผมพยายามขยับขาที่มันเกร็งกระตุก แต่ก็โดนขาใหญ่ๆ ของเขาทาบทับเอาไว้จนผมรู้สึกหงุดหงิดที่ใจ
   

“พูดว่ายอมฉันสิ” เขากระซิบแผ่วเบา มือซ้ายจับแก่นกายผมให้ตั้งไว้ ทั้งที่มันเริ่มอ่อนตัวลง มือขวาเขาก็หมุนวนไม่หยุดจนมันเริ่มปวดหนึบไปหมด
   

“อ้า อ๊ะ อ๊า!” ผมร้องผิดคีย์ ร้องเสียงเพี้ยน แววตาเริ่มเหลือกขึ้นเพราะมันเสียวที่สุดแล้วจริงๆ หน้าท้องผมเกร็งจนปวดไปหมด
   

“พูดสิว่ายอม” เขากระซิบบอกที่ข้างหูอีกที
   

“ยอม ผมยอมแล้ว ผมยอมคุณแล้ว!” ผมบอกซ้ำๆ บอกรัวๆ บอกเสียงสั่น สองมือเลื่อนไปจับมือเขาเอาไว้เพื่อให้เขาหยุด วิคเตอร์ยอมหยุดแต่โดยดี ผมทิ้งตัวลงบนอกเปลือยเปล่าของเขา นอนหายใจหอบหนักหน่วง เปลือกตาปิดลงเพราะรู้สึกเหนื่อยล้า ริมฝีปากแห้งปาก ลำคอก็ฝาดเฝื่อนจนต้องกลืนน้ำลายหลายๆ ที ผมนอนเอาหน้าซุกซอกคอเขาไว้ หายใจสูดดมกลิ่นเนื้ออุ่นๆ ของเขา 
   

“Good boy.” เขาก้มลงจูบหน้าผากผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ผมนอนหลับตา ค่อยๆ หายใจช้าๆ ปรับสภาพลมหายใจให้อยู่ในระดับปกติ วิคเตอร์เปิดน้ำล้างมือ ปล่อยน้ำที่ขังอยู่หน่อยๆ ให้ออกไปนอกอ่าง ก่อนจะเปิดน้ำใหม่ใส่อ่างอีกครั้งจนถึงอกของผม พอได้น้ำเย็นๆ ชโลมผิว ก็ทำให้ผมรู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้าง ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองสันกรามของเขาที่มีหนวดเคราสีดำ
   

วิคเตอร์ถูตัวให้ผมอย่างอ่อนโยน สองมือเขาลูบไปทั่วตัวผม ความเป็นชายของเขายังดุนดันหลังผมอยู่ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เรียกร้องปลดปล่อย ผมนอนพิงอกของเขา ลมหายใจกลับสู่สภาวะปกติ วิคเตอร์วักน้ำมาลูบหน้าผมเบาๆ เรานอนแช่น้ำอยู่อย่างนั้นแบบเอื่อยๆ สักพัก เขาก็จัดการอาบน้ำให้ผม แล้วก็จัดการอาบน้ำให้ตัวเขาเองด้วย
   

พอลุกออกจากอ่าง เราก็ไปยืนเช็ดตัว เช็ดผมให้แห้งหน้ากระจกบานใหญ่ตรงอ่างล้างหน้าสีดำ เขาจัดการพันผ้าขนหนูให้ผมและตัวเอง พาผมเดินออกมาข้างนอก ผมใส่แค่เสื้อยืดสีขาว ส่วนวิคเตอร์ไม่ใส่อะไรเลย เขาก็ชอบนอนเปลือยแบบนี้นี่แหละ เราขึ้นไปนอนบนเตียงพร้อมกัน เขาจับผมนอนหันหลังแล้วเขาเข้ามานอนซ้อนท้าย ลูกชายเขานอนตั้งตรงไปกับบั้นท้ายของผม
   

“ฉันจะลองให้มันสงบไปเองบ้าง” เขากระซิบบอก ผมยิ้มอ่อนๆ นอนนิ่งให้เขากอดก่ายตามปกติ
   

“สรุปเราไม่เลิกกันแล้วใช่มั้ย” เขาถามตอนที่ปิดไฟไปแล้ว มีเพียงแสงไฟสีขาวจากด้านนอกลอดผ่านผ้าม่านเข้ามารำไร
   

“ไม่ครับ” วิคเตอร์กระชับวงแขนขวาของเขา แขนซ้ายที่พาดอยู่บนหัวผมขยับเอามือมาลูบเรือนผมของผมเบาๆ
   

“อย่าบอกเลิกฉันอีก แล้วอย่าคิดว่าฉันจะบอกเลิกนาย เชื่อในความรักของเราหน่อย” เขาหอมแก้มผมหนึ่งที ผมได้แต่ยิ้มน้อยๆ สายตามองไปทางหน้าต่างที่ปิดไว้แล้วมีผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มบางๆ บังอยู่
   

“รักฉันมั้ย” เขาถามในความมืดมิด มีเพียงเสียงลมหายใจของเราสองคน
   

“รักครับ” ใช่ ไม่ว่าจะยังไงผมก็รักเขา แล้วผมก็เชื่อนะว่าเขาก็รักผมอย่างที่เขาบอก การกระทำของเขาก็ไม่ได้สวนกับคำพูดแต่อย่างใด
   

เพียงแต่ตอนนี้ผมยังทำลายกำแพงที่มันกั้นวิคเตอร์ไว้ไม่ได้สักที



 :hao5:


มาแล้วววว หลังจากหายไปนาน เลยขอมาชดเชยด้วยการลดอีกครึ่งของตอนที่แล้ว และลงเนื้อาหตอนใหม่แบบรวดเดียวจบให้ค่าาา

เนื้อหาตอนก่อนมีหลายคนที่เข้าใจ ไม่เข้าใจและถึงขั้นไม่พอใจ อู้ววว โดนเยอะพอสมควรค่ะ แต่ก็คงต้องขอสตรองตั้งมั่นดำเนินเรื่องราวในแบบที่ตั้งใจเขียนต่อไป เฮ้! แต่ส่วนใหญ่คนอ่านที่นี่เข้าใจไปกะตอมง่ะ แอบปลื้มมม แต่มีคนเก้ทไปกบัตอมมัย้ว่า วิคเตอร์ไม่ใช่แค่เมา แต่เขาโกรธด้วย - - ตอมอาจจะสื่อสารได้ไม่ดีมั้งหนิ


สำหรับการพรีออเดอร์ Only You จะเปิดให้ลงชื่อจองอีกสองสามวันนี้ค่ะ เดี่ยวจะแจ้งรายละเอียดอีกทีน้อออ ติดตามได้ที่เพจหรือทวิตค่าาา

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะ  :mew1:


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-03-2016 15:27:19
 :ling3:


ปรับความเข้าใจกันแล้ว ฮิ้วววว  :katai2-1:


ต้องใช้เวลาให้แมทน้อยวางใจมากกว่านี้แล้วล่ะ

ปอลอ เมื่อไหร่แมทจะไปนิวยอร์คคคค???


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-03-2016 16:00:41
ใจหายเลยนะตอนที่แมทจะขอเลิกอะ...แต่ดีนะที่ลงต่อเนื่องจนเราได้เห็นความจริงใจของอิยักษ์จนสามารถทลายกำแพงของแมทจนคืนดีกันได้แบบนี้...งื้อออิ..เริ่ดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 15-03-2016 16:20:02
ดีใจสักที แม่ยกใจจะขาด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-03-2016 16:28:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 15-03-2016 16:55:50
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 15-03-2016 16:57:24
ปริ่มม เยอะมากกกกก o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 15-03-2016 17:15:53
เออ  คุยกันก็ดีนะ  มีอะไรข้องใจก็เคลียร์ๆกันซะ ความรักจะได้แข็งแรงขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-03-2016 17:32:07
ดีกันแล้ววว แต่เหมือนยังดีกันไม่สุดเลยง่ะ
เอาใจช่วยนะะวิคเตอร์กับแมทน้อย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: paraprove ที่ 15-03-2016 18:11:32
แต่ก่อนแอบหมั่นไส้แมทว่าทำไมคิดมาก แต่พออ่านทวนอีก มันก็สมควรให้แมทคิดมาก ทั้งการกระทำ นิสัยก่อนๆของวิคเตอร์

แต่นะยิ่งตอนเห็นภาพจูบแล้วเหมือนความเชื่อใจมันโดนทำร้าย แบบนี้แค่รักไม่พอที่จะทำให้หันมาเชื่อใจง่ายๆ

ตอนนี้ได้คุยกันแล้ว หวังว่าในตอนหน้าๆ จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นกว่าเก่า

ขอบคุณคนเขียนค่ะ มาลงให้เยอะจุใจเลย  ปูเสื่อรอตอนใหม่ต่อไป เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-03-2016 18:13:09
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 15-03-2016 18:26:24
บอกตรงว่าตอนแมทจะเลิกเราดีใจมาก คือเราคิดว่าควรเลิกกันก่อนเพื่อจะได้รู้ว่าการไม่มีกันและกันมันทรมานยังไง
การฝืนทนและปล่อยผ่านแบบนี้ดูมีแต่จะทำให้แย่ จนสุดท้ายอาจถึงขั้นเกินเยียวยา
แต่แมทก็รักวิคเตอร์มากเกินกว่าจะตัดได้จริง ๆ รับรู้ได้เลยว่ามาม่าล็อตใหญ่ยังกินไม่หมด
รอดูว่าเศษซากของบาดแผลนี่จะทำอะไรได้บ้าง

ปล. ที่เขียนนี่ไม่ได้อยากให้เลิกหรือไม่เอาวิคเตอร์เป็นพระเอกนะคะ แค่แสดงความคิดเห็นเฉย ๆ อยากให้แมทพ้นทุกข์จริง ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-03-2016 19:16:45
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-03-2016 20:32:47
แมทจะทะลายกำแพงนั้นได้เมื่อไหร่นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 15-03-2016 21:16:56
เฮ้ออออ มันจะผ่านไปแล้วใช่ม้ายยย เตรียมรับมาม่าล็อตใหม่ต่อไป ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 15-03-2016 21:21:26
เป็นอีกคนที่แอบดีใจตอนที่แมทบอกว่าจะเลิกทั้งๆที่ก็รู้แหละว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น
แต่อย่างน้อยวิคเตอร์ก็จะได้รู้ว่าถ้าทำแบบนี้ แมทก็จะไม่อยู่ด้วยตลอดไปหรอกนะ  :เฮ้อ:

เขาไม่เลิกกันก็ดีแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-03-2016 21:24:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-03-2016 21:40:11
ถึงจะไม่ชอบบางอย่างที่วิคเตอร์ทำ
แต่ก็ดีใจที่ทั้งคู่คืนดีกันได้
ก็หวังว่า วิคเตอร์จะทำให้แมทวางใจ จนไม่ระแวงอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-03-2016 22:33:53
 :impress3: ในที่สุดก้อมาแล้ว เช้ากับเย็นอารมณ์ช่างแตกต่างกันคนละขั้ว ในที่สุดก้อมีคนกลางเข้ามาช่วยให้แมทได้สติสักนิดนึง แต่บางครั้งบาดแผลที่ได้รับก้อต้องการการเยียวยา กำแพงในใจของแมทคงได้แต่ให้เวลาและการกระทำของวิคเตอร์ช่วยน่ะแหละ แล้วแมทก้อต้องเข้มแข็งด้วยตัวเองด้วยน่ะ เพราะปมในใจแมทที่มีมาเนิ่นนานมันยากน่ะที่จะหายไป ความรักระหว่างเพศเดียวกันบางครั้งมันก้อยากที่จะเข้มแข็งมันไม่ใช่แค่อุปสรรคภายนอกแต่ยังมีอุปสรรคภายในใจตัวเราเองด้วยน่ะ แมทสู้ ๆ น่ะจ้ะ ส่วนวิคเตอร์นายต้องพยายามรักษาอารมณ์ด้วยน่ะ ไม่งั้นมีแบบนี้บ่อย ๆ ก้อไม่ไหวหรอก และแมทก้อไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ ที่จะอยู่ในโอวาทนายเสมอน่ะ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-03-2016 23:43:42
โล่งอก เกือบเลิกกัน แต่เชื่อว่าไงวิคก็ไม่ปล่อย ถ้าดื้อจะไปอาจมีถึงขั้นล่ามโซ่ ฝรั่งทำได้ นี่มั่นใจ
เชื่อในความรักของเราหน่อยนะแมท ฝรั่งมาใจดีทีหลังตอนดุนี่ยิ่งกว่าปีศาจ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-03-2016 02:19:39
ทำใจตั้งนานกว่าจะมาอ่านได้ กลัวใจของคนทั้งคู่มากๆ จิตตกไปก่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 16-03-2016 23:27:38
แมทสู้ๆนะ
ให้สร้างความเขื่อมั่นให้ตัวได้
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-03-2016 03:16:16
ปวดตับ 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.31 100%}:15.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 18-03-2016 15:37:28
อ่านเรื่องนี้ สองวันพอดี ตามทัน

ติดใจเรื่องความคิดมากของแมท จนบางครั้งรู้สึกน่าเบื่อไปบ้าง หรือเพราะตัวเองเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรซับซ้อนไม่รู้ แต่เอาเถอะ ถ้าเจอสถานะการณ์จริงๆตรงนั้น อาจจะเป็นเหมือนแมทก็ได้ แต่ถ้าลดลงได้ก็จะโอเคกว่านี้ แต่อย่างว่า มันคือคาแรคเตอร์ของแมท ถ้าไม่คิดมากก็ไม่ใช่แมท

ต่อด้วยวิคเตอร์ บางที วิคเตอร์ก็เหมือนเป็นโรคประสาท ตามหึงก็ไม่หึงแต่พอดี หวงก็ไม่หวงแต่พอดี เหมือนเป็นโรคทางจิตใจเหมือนที่หมอว่า น่าจับไปรักษา ยิ่งเวลาโมโหแล้วเหมือนหน้ามืด ปิดรับการรับรู้ทุกอย่าง เลยทำให้มันแย่กว่าเดิม ส่วนตัวไม่ชอบการหึงหวงประเภทนี้เท่าไหร่ จำกัดสิทธิ์ จำกัดทุกอย่าง ทั้งๆที่ใกล้จะจบ แทนที่จะได้อยู่กับเพื่อนกับครอบครัวเต็มที่ เฮ้อ แต่ถ้าไม่ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด ก็ไม่ใช่วิคเตอร์อีกแหละ

คนคิดมากกับคนที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์มาเจอกัน

ระวังมันจะไม่ยืดนะ เอาใจช่วยทั้งคู่ครับ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 18-03-2016 23:22:41

Only You EP.32 :: Unstable. [65%]



   “แมท  นายจะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ย?!” วิคเตอร์ถามเสียงห้วนสะบัด ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นจ้องมองหน้าผมเขม็ง ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย
   

“อะไรอีกล่ะ ผมก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ ก็แค่ถามว่าคุณจะต้องไปจูบ ไปจับ ไปลูบ ไปคลำผู้หญิงอีกกี่คนคุณถึงจะพอใจ”
   

“แล้วถามอย่างนั้นทำไม?!” เขาถามเสียงกระชาก เอื้อมมือมาจะดึงผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ แต่ผมดึงมือตัวเองหนี แล้วหันไปนั่งแกะกุ้งเผาที่เขาสั่งให้พวกพี่บอดี้การ์ดคนไทยไปซื้อมาให้เพราะผมบอกว่าอยากกิน
   

“ก็สงสัย เลยถาม” ผมว่าเสียงห้วนกลับไป เอากุ้งจิ้มน้ำจิ้มแล้วยัดเข้าปาก แม้รสชาติมันจะอร่อยมาก แต่ผมก็ต้องกินไปด้วยและพยายามห้ามน้ำตาไปด้วย
   

เบื่อตัวเองเว้ย! ร้องไห้ได้ ร้องไห้ดีนะช่วงนี้
   

“ฉันคิดว่าเรื่องมันจบไปแล้วซะอีก ต้องบอกยังไงวะนายถึงจะเชื่อว่าฉันไม่ได้เอากับผู้หญิงคนนั้น” ผมหันหน้าไปสบตาแข็งกร้าวของเขา พยายามไม่กระพริบตาเพราะกลัวน้ำตาจะร่วง
   

“ไม่ต้องบอกอะไรหรอก เพราะผมเบื่อแล้ว แต่ที่คุณควรรู้เอาไว้คือ ผมนอนอยู่บนห้อง แต่คุณเดินตามผู้หญิงคนอื่นไป แล้วก็ปล่อยให้เธอจูบแถมยังจับนมเธออีก ทำไมไม่มีอะไรกันไปเลยล่ะ?!”
   

“ก็มันไม่มีอะไรไงวะ! ไม่ได้มี!” เขาเสียงดังใส่ผม หน้าตาถมึงทึงนั้นแดงจัดด้วยความโกรธ
   

“แค่คิดคุณก็ผิดแล้ว!...” ผมหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา รีบหยิบทิชชูมาเช็ดลวกๆ ผมแม่งไม่ได้อยากร้องไห้เลย แต่มันอดไม่ได้จริงๆ
   

“…คุณทำได้ยังไง คำว่ารักของคุณนี่มันยังจริงอยู่มั้ย” ผมบอกเสียงหมดแรง รู้สึกอ่อนล้ากับผู้ชายอย่างวิคเตอร์เหลือเกิน
   

“อย่ามาดูถูกความรักของฉัน ฉันบอกว่ารักก็คือรัก” ผมเบือนหน้าหนีเขา ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากยุ่งด้วย แต่ผมไปไหนไม่ได้ ผมโดนเขาตามติดแจตลอดสิบกว่าวันที่เขามาอยู่ไทย ผมพยายามทลายกำแพงในใจที่มี มันเหมือนจะดีขึ้นบ้าง เราคุยกันปกติ ทานข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวเล่นบางสถานที่ในกรุงเทพและต่างจังหวัดตามที่อยากจะไป ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก แค่ใกล้ๆ แล้วก็ไปง่ายๆ มันก็พอจะทำให้ผมรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาบ้าง แม้จะยังรู้สึกว่าตัวเองต้องปั้นยิ้ม แสร้งทำหน้าสดใสอยู่บ่อยๆ ก็เถอะ เพราะถ้าผมทำหน้าทำตาไม่ดีเมื่อไหร่ ก็จะโดนเขาขึ้นเสียงใส่อยู่เรื่อย
   

“ต้องให้ฉันพิสูจน์ยังไง ถึงจะหยุดจินตนาการทั้งหลายแหล่ที่มีอยู่ในหัวนาย!”
   

“แล้วมันเกิดขึ้นเพราะการกระทำของคุณไม่ใช่รึไง?!” เคยจะรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ยว่าจุดเริ่มต้นมันเกิดมาจากตัวเองทั้งนั้น ถ้าทำก่อนคบกัน ผมจะไม่เป็นแบบนี้เลย
   

ที่พยายามทำๆ มาหลายวัน มันไม่ถึงกับหายวับ แค่ชะงักไปเท่านั้น เมื่อสองวันก่อนมีนางแบบคนหนึ่งขึ้นสถานะเฟซบุ๊คว่าเธอเคยเกือบมีอะไรกับวิคเตอร์ตอนทั้งคู่เจอกันที่โรงแรมในไทย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เพราะวิคเตอร์บอกว่าตัวเขามีแฟนเป็นผู้ชาย แต่สถานะนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว และผมได้ข่าวว่าเธอโดนโฆษกวิคเตอร์ฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทเรื่องบอกว่าเขาเป็นเกย์ ไม่รู้ว่าป่านนี้เละไปรึยัง ออสตินบอกว่าเซล่าโกรธมาก แถมคุณเอมิลี่ก็ไม่พอใจอีกต่างหาก โดนพลังของสองคนนั้นเข้าไปผมว่าป่านนี้ยัยนั่นคงร้องไห้น้ำตาหมดตัวแล้วมั้ง
   

แต่อย่าว่าแต่ยัยนั่นเลย ผมก็ร้องไห้นี่ไง เขาคงไม่ได้มีอะไรกันจริงนั่นแหละ แต่ที่ผมรู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจก็คือตอนวิคเตอร์ยอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนเดียวกับที่เราเคยเจอในลิฟต์ของโรงแรม แล้วคืนก่อนนั้นเขาไปหาเธอที่ห้องจริงหลังจากดื่มด้วยกันที่บาร์ เขาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น และมันทำให้ผมรู้สึกแย่กับเขามาก
   

“ผมนอนอยู่บนห้องหลังจากที่เพิ่งเอากับคุณไป แล้วคุณยังมีอารมณ์อยากไปนอนกับคนอื่นอีก” วิคเตอร์ขบกรามแน่น เขาไม่พูดอะไรได้แต่จ้องหน้าผมเขม็ง คงพูดอะไรไม่ออกหรอก เพราะที่ผมพูดมันเป็นเรื่องจริง
   

“ผมบอกแล้วว่าให้เราเลิกกัน หลังจากนั้นคุณจะไปนอนกับใครก็ได้ตามใจคุณเลย” ไอ้น้ำตาบ้านี่ก็ไหลจริง!
   

“ไม่เลิก! ฉันไม่เลิก ฉันเคยทำ ฉันเคยพลาด ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำอีกนะแมท” เขาพูดยาวเหยียด พูดด้วยเสียงปนหอบเหมือนกับกำลังโมโห
   

“คุณไม่เข้าใจรึไงว่าผมไว้ใจคุณยากแล้ว แล้วคุณเคยคิดว่าตัวเองผิดบ้างมั้ย?!”
   

“ฉันก็ขอโทษจนฉันแทบจะจ้างนักแต่งเพลงมาเขียนเพลงขอโทษให้นายแล้วนี่ไง! นายจะให้ฉันทำยังไงแมท เอาชีวิตฉันไปเลยมั้ย…” ผมนิ่งเงียบ ไม่ยอมมองหน้าเขา เลือกที่จะมองไปทางอื่น


“…เอางั้นสินะ” ว่าจบเขาก็ลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปในครัวอย่างเร็ว ผมมองตามไปแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเขาหยิบมีดปอกผลไม้ออกมา มันเร็วมากจนผมวิ่งเข้าไปห้ามไม่ทัน เขาใช้มีดกรีดตรงแขนใกล้ๆ กับข้อมือ เลือดไหลออกมาจนผมหน้าซีด สติแทบสิ้นไปจากสมอง
   

“วิคเตอร์!” ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเขา น้ำตาเหือดแห้งไปหมด เขายืนนิ่งทิ้งแขนลงข้างตัว ปล่อยให้เลือดไหลออกมาเฉยๆ เขาไม่มีท่าทีเจ็บปวดหรือทุกข์ร้อนอะไร เหมือนรอเวลาให้เลือดไหลหมดตัว แววตาและสีหน้าของเขาไม่มีความกลัว ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยสักนิด เขามีแต่เพียงความว่างเปล่ากลับมาให้ผม รู้เลยว่าเขาไม่ได้ทำประชด แต่เขาทำจริงๆ
   

“ออสติน! ออสติน!” ผมตะโกนเรียกออสตินเสียงสั่น ปากสั่น มือสั่นไปหมด เลือดไหลเยิ้มเต็มมือซ้ายเขา ผมทำตัวไม่ถูก แต่ก็พยายามจับมือเขาขึ้นมาห้ามเลือดจนมือเปื้อนเลือดไปหมด
   

“มีอะไรครับคุณแมท”
   

“พาวิคเตอร์ไปโรงพยาบาล ไป ไปสิ!” ออสตินเบิกตากว้างมองเลือดที่เลอะมือผมกับวิคเตอร์ แต่เขาสติดีกว่าผมมาก เขารีบวิ่งเข้ามาพาวิคเตอร์ออกไปจากห้องครัว ผมรีบกลับเข้าไปในห้องนอน เอากระเป๋าตังค์กับเอกสารพาสปอร์ตของวิคเตอร์ติดตัวมาด้วย ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากอพาร์ทเม้นต์
   
   
   


เราพาวิคเตอร์มาโรงพยาบาลเดิมที่เขาเคยมานอนรักษาตัว เขาถูกส่งตัวไปทำแผลในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ตลอดทางที่นั่งมาเขานั่งนิ่ง ส่วนผมพยายามใช้เสื้อตัวเองห้ามเลือดเขาไว้ กดๆ ปล่อยๆ สลับกันครั้งละไม่เกินสิบนาทีเพื่อห้ามเลือด มันก็พอจะห้ามได้อยู่บ้าง แต่ก็ยังมีไหลซึมออกมา แถมปากแผลก็ไม่ใช่น้อยๆ ออสตินกับพี่บอดี้การ์ดคนไทยหนึ่งคนก็เร่งหาทางไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด พอมาถึงโรงพยาบาล เลือดก็เลอะเสื้อ เลอะมือผมไปหมด คงมีคนคิดว่าผมไปฆ่าใครตายมาบ้างแหละ
   


“คุณแมทคะ คุณหมอเชิญพบค่ะ” ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเดินตามพยาบาลสาวคนหนึ่งเข้าไปในห้องคุณหมอ เป็นคุณหมอคนเดิมที่เคยรักษาเขาเมื่อคราวก่อน ผมยกมือไหว้คุณหมอ เขายิ้มอบอุ่นกลับมาให้ผมแล้วยกมือรับไหว้
   

“เจอกันอีกแล้วนะครับ” ผมยิ้มอ่อนแรง เอาจริงๆ ผมไม่ได้อยากมาเจอหมอเลยครับ
   

“เขาเป็นไงบ้างครับ” คุณหมอเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ
   

“ไม่รู้ว่าโชคดี หรือเขากรีดมั่วๆ นะครับ แต่มันไม่โดนเส้นเลือดใหญ่เลยรอดไป” ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะถ้าโดนเส้นเลือดใหญ่จริงๆ เขาคงมาไม่ถึงโรงพยาบาลหรอก ต่อให้ตัวใหญ่แค่ไหน แต่โดนของมีคมเฉือนเข้าตรงนั้นก็อันตรายอยู่ดี
   

“หมอว่าพาคุณวิคเตอร์เขาไปลองพบจิตแพทย์บ้างก็ดีนะครับ อารมณ์เขาเหวี่ยงสุดลงสุดแบบนี้ หมอกลัวจะเป็นอย่างที่คุณแมทเคยกลัว”
   

“โรคซึมเศร้าน่ะเหรอครับ” คุณหมอพยักหน้า ผมรู้สึกค่อยๆ ตึงที่หัวคิ้วทั้งสองข้าง
   

“ถ้าให้หมอบอกก็คงเป็นอาการเบื้องต้นอย่างครั้งที่แล้ว แต่จะให้ดีที่สุดคือไปพบกับหมอทางด้านนี้โดยตรงจะดีกว่า”
   

“ผมจะลองพูดกับเขาดูครับ” หาเรื่องยากให้กับชีวิตอีกแล้ว ถ้าข้อสอบโฟเนติค (Phonetic) ตอนปีสองยากยังไง การพาวิคเตอร์เข้าพบจิตแพทย์ก็คงทำให้ผมได้เกรดดีด๊อกมาครองแน่ๆ


“แต่ถ้าเขาไม่ไปก็ไม่เป็นไรนะ หมอยังจำคำพูดเขาได้ว่าคุณแมทเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาเขาได้ ก็แค่ประคับประคองความรู้สึกระหว่างกันไปให้ดีเรื่อยๆ หมอว่าก็น่าจะโอเคแล้ว” แต่ประเด็นคือตอนนี้ระหว่างผมกับเขามันไม่โอเคน่ะสิครับคุณหมอ และก็ไม่รู้ว่ามันจะโอเคตอนไหน หรือถ้าโอเคแล้ว มันจะโอเคต่อไปหรือเปล่า แล้วผมก็เหนื่อยที่จะต้องคอยปั้นยิ้ม ปั้นหน้าว่าผมปกติดี ทั้งๆ ที่ใจผมพยายามกันเขาออกห่างจากตัวเอง
   

ผมพูดคุยกับคุณหมออีกนิดหน่อยแล้วก็ขอตัวออกมารับวิคเตอร์ที่นั่งอยู่หน้าห้องโดยมีออสตินกับพี่การ์ดคนไทยนั่งอยู่เป็นเพื่อน ผมมองใบหน้าของวิคเตอร์ที่ยังดูซีดอยู่หน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ซีดเป็นศพถึงชั้นเตรียมชันสูตร เขาหันมามองผมด้วยสายตานิ่งชา สีหน้าไร้อารมณ์ ท่าทางเงียบเชียบ
   

“เป็นไงบ้างครับ” พอผมนั่งลงข้างเขา ออสตินกับพี่การ์ดคนไทยก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปยืนอยู่ไกลๆ จากบริเวณที่เรานั่ง วิคเตอร์ไม่ยอมตอบคำถามผม เขาหันหน้าหนีไปทางอื่น
   

“วิคเตอร์” ผมเรียกเขาเสียงอ่อน ยื่นมือขวาไปจับมือซ้ายของเขาไว้ เขาไม่ได้ดึงมือหนี ปล่อยให้ผมจับไว้อย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้จับมือตอบกลับมาแต่อย่างใด ผมถอนหายใจแล้วยื่นหน้าไปจูบแก้มสากของเขาเบาๆ
   

“ถ้าคุยกันดีๆ วันนี้ผมจะตามใจคุณนะ” ผมกระซิบบอกที่ข้างหูเขา วิคเตอร์หันมามองผมด้วยสายตาสำรวจ เหมือนเขาไม่อยากเชื่อ
   

“หลังจากบ่ายเบี่ยงฉันมาเป็นสิบวันน่ะเหรอ…” เขายิ้มเยาะมุมปาก ผมรู้สึกเหมือนยืนอยู่ตรงๆ แล้วโดนเขาผลักหัวจนตัวเอียง
   

“…หมอพูดว่าอะไรล่ะ นายถึงจะมายอมให้ฉัน” ผมเหมือนน้ำท่วมปาก พูดไม่ออก ถ้าเมื่อกี้โดนเขาผลักหัว ตอนนี้ก็คงโดนเขาเอาไม้ตีแสกหน้า
   

“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
   

“ไม่ต้องหรอกแมท มือขวาฉันยังไม่พิการ ฉันชักเองได้” เขาพูดแทรกเสียงห้วน หน้าตาไม่สบอารมณ์ ผมไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือขำออกมาดี แต่ก็ทำหน้าไม่ถูกอยู่ดีนั่นแหละ แต่มันคงดีกว่าการที่เขาจะไปหาเศษหาเลยที่ไหน
   

“Giant.” แล้วเขาก็หันมาสบตากับผมด้วยดวงตาแดงก่ำเหมือนคนจะร้องไห้ แต่พยายามห้ามตัวเองเอาไว้
   

“นายจะเย็นชา นายจะแกล้งว่ารักฉันยังไงก็ทำไป แต่ฉันไม่เลิกกับนาย” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้ายาวๆ เดินออกไปทันทีโดยมีออสตินรีบเดินตามไปประกบ ผมถอนหายใจ คิดกับตัวเองในใจว่าควรปลดปล่อยความรู้สึกหนักอึ้งทั้งหลายในหัวและในใจตัวเองไปได้หรือยัง
   

ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าผมเป็นคนต่ออายุปัญหาพวกนี้ด้วยตัวเอง วิคเตอร์ก่อขึ้นมา แล้วเขาอาจจบมันไปแล้ว แต่ผมก็ยังดึงดันเอามันมาเป็นประเด็นระหว่างเราสองคนไม่จบไม่สิ้น ผมกำลังถามตัวเองว่ายื้อปัญหาพวกนี้ไว้ทำไม ผมต้องการอะไรงั้นเหรอ
   

นั่นสิ ผมต้องการอะไร ความมั่นใจ ความเชื่อมั่นงั้นเหรอ แล้วต้องขนาดไหนผมถึงจะพอใจกันนะ
   

ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามวิคเตอร์ไป โดยมีพี่บอดี้การ์ดคนไทยเดินไปเป็นเพื่อน เราสองคนเดินไปลานจอดรถของโรงพยาบาล ออสตินยืนรออยู่ด้านนอก วิคเตอร์คงเข้าไปนั่งรอด้านในรถแล้ว ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งเดิมที่นั่งมา วิคเตอร์นั่งนิ่งๆ ก้มหน้าลงนิดหนึ่ง ออสตินสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ผมทำใจกล้าเขยิบขึ้นไปนั่งบนตักของวิคเตอร์ สองแขนคล้องคอเขาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงก้มหน้าไม่ยอมสบตากับผมอยู่ดี แล้วก็ไม่ยอมยกแขนมาโอบตอบผมอย่างเคยด้วย
   

“ไปซื้อของกันเลยมั้ย เดี๋ยวพวกคุณเบนคงใกล้ถึงแล้ว” เขายังคงเงียบ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกัน ผมเลยยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากเขาหนึ่งที เขาถึงยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาเหมือนเด็กกำลังน้อยใจ
   

“วิคเตอร์ ไม่อยากจัดงานวันเกิดให้ผมแล้วเหรอ” เขามองหน้าผมนิ่ง ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นคู่นั้นสั่นไหวอย่างชัดเจน เขามองผมตาไม่กระพริบ ราวกับกลัวผมจะหายไป
   

“นายอยากให้ฉันจัดรึเปล่าล่ะ” ผมคลี่ยิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้ารับลง
   

“อยากครับ และไม่ใช่เพราะหมอสั่งหรือใครสั่ง แต่เป็นเพราะผมรู้ว่าคุณต้องทุ่มงบให้ผมไม่อั้นแน่ๆ” ผมมองหน้าเขาแล้วคลี่ยิ้มออกมา วิคเตอร์เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มซะทีเดียว เขาเอนหลังพิงเบาะ ผมเลยตามไปนอนซุกอกเขา วิคเตอร์กระชับแขนขวากอดเอวผม
   

“ออสติน ไปซื้อของก่อนนะ” วิคเตอร์บอกเสียงเรียบ ผมยิ้มอยู่ใต้คางเขา ออสตินรับคำแล้วขับรถไปตามทางที่จะตรงไปห้างสรรพสินค้า
   

ผมเผลองีบไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็คือตอนโดนวิคเตอร์สะกิดให้ตื่น ผมหันหน้างัวเงียไปมองรอบๆ ตัวก็เห็นว่าเราอยู่ในลานจอดรถของห้างหรู หรูในที่นี้คือหรูจริงๆ ไม่ใช่สรรพนามสั้นๆ แล้วจำกัดความเพียงเท่านั้น ห้างนี้เพิ่งจะเปิดได้ไม่นาน ผมได้ยินคำล่ำลือมานานแล้วว่าค่าเช่าที่ในร้านแพงวายป่วงมาก
   

“ออสตินไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ เปลี่ยนก่อนสิ” สงสัยผมคงไม่ได้แค่งีบแล้วมั้ง คงหลับจริงจังแน่เลย ก็ออสตินไปซื้อเสื้อผ้าใหม่มาให้ตอนไหนผมยังไม่รู้เรื่อง แต่พอสายตามองได้ชัดเจนขึ้นผมก็เห็นถุงเสื้อผ้าจาก H&M กองอยู่บนเบาะฝั่งผมสองถุง
   

“รีบเปลี่ยน จะได้รีบไปซื้อของ พวกไอ้เบนถึงไทยแล้ว” ผมพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบถุงเสื้อผ้าขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเลื่อนตัวเองลงไปนั่งบนเบาะสีดำมันเลื่อม เอาถุงเสื้อผ้าวางไว้คั่นกลางระหว่างเราสองคน ผมเปิดถุงคุ้ยๆ ดูหาเสื้อผ้าของวิคเตอร์แล้วยื่นให้เขาแล้วก็ก้มลงหยิบชุดของตัวเองออกมา กำลังจะเปลี่ยนชุด ผมก็หยุดชะงักเพราะวิคเตอร์อยู่ในสภาพทุลักทุเลมากเนื่องจากเขาคงจะตึงแผลที่แขน
   

“เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้ครับ” ผมเดินค่อมตัวไปนั่งคร่อมตักเขา ดึงเสื้อยืดเทาเนื้อผ้านุ่มมือตัวใหม่มาถือไว้ จัดการถอดเสื้อยืดสีส้มคาดดำเป็นแนวนอนตรงอกตัวเก่าที่เปื้อนเลือดของเขาออกไปอย่างช้าๆ เพราะต้องระวังไม่ให้กระทบกับที่แผลของเขา ผมกำลังจะใส่เสื้อให้เขาแต่ก็เห็นป้ายราคาก่อนเลยนั่งก้มหน้าก้มตาแกะป้ายราคาออก แต่ก็รับรู้ได้ว่าวิคเตอร์กำลังมองหน้าผมอยู่เลยเงยหน้าขึ้นสบตาสีน้ำผึ้งข้นของเขาที่มองไม่กระพริบ
   

ผมนึกถึงวันที่ผมปั่นจิ้งหรีดเพื่อให้เขายิ้ม แล้วผมก็เวียนหัวจนล้มลงไปนั่งบนตักเขา ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เกิดแรงดึงดูดระหว่างเราสองคนอย่างชัดเจน และครั้งนี้ก็เหมือนกัน มันมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เราเลื่อนหน้าเข้าใกล้กันเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากแตะกัน
   

ผมยกมือคล้องคอวิคเตอร์ไว้ แขนขวาที่หนาใหญ่ของเขาโอบรัดบั้นท้ายผมไว้แน่น แรกๆ ก็ค่อยๆ จูบ สักพักเขาก็เริ่มจูบผมอย่างตะกละตะกลามตามนิสัยเขา เขาดูดดึงริมฝีปากบนล่างของผมอย่างแรง ลมหายใจของเขาเริ่มหอบกระเส่าและดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วสักพักลิ้นของเราสองคนก็เริ่มไล้ไกล่เกลี่ยกันทีละนิด ทีละนิด จนเริ่มพัวพันกันอย่างนัวเนีย
   

“แอะ…อะ… ฮ่ะ… อา…” วิคเตอร์ครางเสียงแหบยามที่ตวัดลิ้นไปซ้ายขวาอย่างเร็วในปากผม มือขวาของเขาเลื่อนเข้าไปใต้เสื้อยืดของผม จัดการถอดออกด้วยมือเดียวอย่างรวดเร็ว ผมยกมือไปตามแรงดึงเสื้อออกจากตัว ก่อนที่จะกลับไปคล้องคอเขาตามเดิมและประกบจูบต่ออีกรอบ วิคเตอร์เอนตัวพิงกับเบาะ  มือขวากดท้ายทอยผมให้รับจูบหื่นกระหายของเขาจนผมแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
   

“อือ… แฮ่ก…” ผมหันหน้าหนีเพื่อพักหายใจ วิคเตอร์ใช้มือขวาบีบคางผมไว้ให้หันกลับไปรับจูบมูมมามของเขา แรงบีบที่คางทำให้ผมหลับตาแน่น ภาพเหตุการณ์ในห้องครัวพุ่งวาบเข้ามาในหัว ความกลัวทำให้ผมตัวสั่น ผมรีบออกแรงดึงหน้าตัวเองออกมาทันที ทิ้งให้วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาแผดเผาเร่าร้อน เขากลืนน้ำลายลงคอ ใบหน้าเข้มขรึมดูเหมือนนายผู้มีอำนาจกำลังจ้องมองทาสตัวเอง
   

“เดี๋ยวพวกคุณเบนจะรอนาน เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ” ผมกระชากป้ายราคาออก แล้วค่อยๆ ใส่เสื้อให้วิคเตอร์ช้าๆ โดยยังคงมีสายตาแผดเผาของเขาจ้องมองไม่วางตา เขาจ้องหน้าผม เปลือกตากระพริบเพียงนิดเดียวเท่านั้น ผมพยายามทำตัวให้นิ่ง สลัดภาพในหัวทิ้งไป พยายามคุมอาการสั่นตัวเองให้อยู่แล้วหยิบเสื้อสีเทาเหมือนกับวิคเตอร์แต่ไซส์เล็กกว่าขึ้นมาดึงป้ายราคาทิ้งแล้วสวมใส่เข้าไป ผมก้มลงมองสำรวจกางเกงของเราสองคน กางเกงยีนวิคเตอร์เปื้อนเลือดเป็นหย่อมๆ แต่ไม่ได้น่าเกลียดอะไร ยังคงพอใส่ออกไปดินห้างได้ ส่วนกางเกงขาสั้นสีดำของผมนั้นมองไม่ออกเท่าไหร่ว่ามีเลือดตกใส่เป็นหย่อมๆ
   

“Let’s go. (ไปเถอะครับ)”
   

“When? (เมื่อไหร่)” เขาถามเสียงห้วน หน้าตาผิดหวังปนขุ่นเคือง ผมหันไปสบตากระด้างของเขาแล้วก็เลื่อนสายตาตัวเองหนี เข้าใจอย่างดีว่าที่เขาถามนั้นหมายถึงอะไร และเขาก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องเซ็กส์ด้วย
   

“Go. (ไปครับ)” ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของเขา เพราะไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร จะพูดแบบไหน มันไม่ใช่เรื่องมากำหนดกันได้ง่ายๆ
   

วิคเตอร์เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วหลับตาลง พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนหันกลับมามองผม เขายื่นคางไปทางประตูเป็นสัญญาณว่าให้เปิดออก ผมเปิดประตูฝั่งวิคเตอร์ออกอย่างยากลำบากเพราะผมนั่งคร่อมเขาอยู่ แต่สักพักออสตินก็เดินมาเปิดให้เลยทำให้ง่ายขึ้น ผมค่อยๆ ลุกออกจากตักวิคเตอร์ ก้าวเท้าออกไปยืนบนพื้นลานจอดรถ วิคเตอร์เดินตามลงมา ออสตินปิดประตูให้ พ่อยักษ์หน้าหนวดเดินมาอยู่ฝั่งซ้ายของผม ใช้มือขวายกหมวกสีดำประจำตัวของเขาใส่ลงบันหัวเพื่ออำพรางตัวก่อนที่จะยื่นมือขวามาจับมือซ้ายผมไว้ เดินจูงพาผมไปเข้าไปในห้าง
   

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 18-03-2016 23:23:55


V
v
v


ช่วงเวลาที่เราเดินซื้อของด้วยกัน เราลืมสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราไปชั่วขณะ เราช่วยกันเลือกของ หยิบนั่นจับนี่มาโชว์ให้ดูว่าใครชอบไม่ชอบอะไร คงจะมีช่วงเวลาแบบนี้ ช่วงเวลาลักษณะนี้นั่นแหละที่เขาจะตามใจผมบ้าง ไม่รู้ว่าเพราะมันเป็นงานวันเกิดของผม หรือเขาไม่ถนัดการจัดงานอะไรอย่างนี้สักเท่าไหร่
   

“Actually, I want a real pine tree. I mean that we can find in Thailand. But it’s not easy to find, though. (จริงๆ ผมอยากได้ต้นสนของจริงนะ หมายถึงต้นสนที่มีในประเทศไทยน่ะ แต่ก็คงหายากอยู่ดี)” ผมพูดไปด้วยพลางจับๆ ต้นสนวันคริสมาสต์ของปลอมไปด้วย
   

“Austin. (ออสติน)” ผมได้ยินเสียงวิคเตอร์เรียกบอดี้การ์ดคู่ใจ แต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจอะไร ยังคงมองหาของประดับต้นคริสมาสต์ต่อไป
   

“Tell the Thai man to find pine three for him. (ลองให้การ์ดคนไทยไปหาให้หน่อยว่าต้นสนหาได้ที่ไหนบ้าง)” ผมหันกลับไปมองวิคเตอร์ที่กำลังยืนคุยกับออสตินแล้วก็พี่บอดี้การ์ดคนไทยร่างสูงผิวคล้ำที่ติดตามเรามาด้วยอยู่
   

“Get it with a flowerpot. It may not die before his birthday. (เอาใส่กระถางมาแล้วกัน มันคงไม่ตายก่อนวันเกิดแมทหรอก)” พี่บอดี้การ์ดคนไทยตอบรับกลับมา เห็นแบบนั้นพี่ๆ ทั้งสามคนพูดภาษาอังกฤษเก่งมากเลยนะ แต่ไม่ใช่เพราะเรียนมา เป็นเพราะพวกพี่เขามีประสบการณ์เยอะมากกว่า
   

“I will call them. (เดี๋ยวผมโทรบอกสองคนนั้นแล้วกันครับ)” พี่การ์ดคนไทยบอกแล้วล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาโทร คาดว่าคงโทรหาพี่การ์ดอีกสองคนที่ไม่ได้มาด้วย
   

“How many do you want? (เอากี่ต้นแมท)” วิคเตอร์หันมาถาม ผมยิ้มเก้อหน่อยๆ แล้วก็บอกเขาไปว่าขอแค่ต้นเดียว แต่ต้นตัวสูงประมาณไหล่ผมก็ได้
   

“You don’t need to do that. (จริงๆ ไม่ต้องก็ได้นะครับ)” ผมพูดกับเขาสองคนหลังจากที่เดินแยกออกมาดูของสำหรับในงานปาร์ตี้
   

“You said you want it. (ก็นายอยากได้)” เขาว่าหน้าเฉย น้ำเสียงทื่อๆ ง่ายๆ ผมยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง แล้วก็รับน้ำใจของเขาเอาไว้ เพราะผมก็อยากได้จริงๆ นั่นแหละ แต่อย่าดั้นด้นไปหาไกลนักเลยนะ
   

“Thanks. (ขอบคุณครับ)”
   

“And you sure about not invite your parents? (แล้วแน่ใจนะว่าจะไม่ชวนพ่อกับแม่นายมาด้วย)” ผมทำหน้าหนักใจ แต่ก็ส่ายหัวกลับไป
   

“I want, but I know what are going to happen. So, I think I should not. I will stay with them in the morning until evening like every year. After that I will come to you. (ใช่ว่าผมอยากกีดกันพวกเขานะ แต่ผมรู้สถานการณ์ระหว่างผมกับพ่อและแม่ดี เลยคิดว่าอย่าจะดีกว่า ตอนเช้าผมจะอยู่กับพวกท่านเหมือนทุกปี ตกเย็นผมค่อยมาอยู่กับคุณ)”
   

“I will go with you. (ฉันจะไปด้วย)” ผมมองวิคเตอร์ที่ทำหน้ามึนด้วยความลำบากใจ
   

“Victor. You can’t. They wondering about you and me. You know that. (วิคเตอร์คุณไปไม่ได้ คุณก็รู้ว่าพ่อกับแม่ผมยิ่งสงสัยคุณอยู่ด้วย)”
   

“Yes. I’ll go. (ไม่ ฉันจะไป)” เขายืนกรานหน้าตาย แล้วหันไปหยิบลูกบอลสีๆ มาใส่ในตะกร้าที่ผมเอาคล้องข้อมือขวาอยู่ ผมเม้มปากอย่างหนักใจ ครั้นจะเถียงกันตรงนี้ก็คิดว่าเขาต้องอารมณ์ขึ้นมากแน่ๆ เลยเลือกที่จะเงียบเอาไว้ก่อน ค่อยกลับไปคุยกันที่อพาร์ทเม้นต์
   

“The quite can’t change my mind. (เงียบกดดันฉันยังไง ฉันก็จะไป)” เขาพูดเสริมขึ้นมาอีก ผมมองเขาด้วยความเอือมระอา แต่ไม่ได้นึกระอาจริงจังหรอก เห็นหน้าดื้อดึงแบบเด็กๆ แล้วก็แอบมันเขี้ยวไม่ได้ เลยยื่นมือซ้ายไปดึงแก้มเขา วิคเตอร์ยังคงหน้าบูด เขายกมือขวามาจับมือผมแล้วดึงไปหอมหลังมือ ก่อนจะจูงมือผมไม่ยอมปล่อยจนซื้อของเสร็จ
   

เราเดินอยู่ในห้างประมาณหนึ่งชั่วโมง ไม่ต้องถามเลยว่าคนไม่มองวิคเตอร์เหรอ จะเหลือเหรอครับ เขาใส่หมวกก็จริง แต่งตัวชุดธรรมดามากก็จริง แต่ยังไงเขาก็ดูเด่นอยู่ดี ยิ่งเดินจูงมือผมด้วยแล้ว คนก็ยิ่งมองกันใหญ่ แถมยังมีผู้ชายตัวสูงร่างใหญ่สองคนเดินถือของตามอีก คือถึงไม่เห็นหน้า แต่มันก็โดดเด่นด้วยบุคลิกภาพของผู้ชายตัวสูงๆ พวกนี้ไง
   

“ซื้อขนมอะไรหรือเปล่า” วิคเตอร์ถามตอนเดินมาถึงโซนของกิน ตอนแรกผมจะปฏิเสธ แต่พอเห็นร้านไอติมก็เลยขอแวบเข้าไปต่อแถวซื้อก่อนกลับสักถ้วย
   

ตอนยืนรออยู่ วิคเตอร์ก็เอาแต่ก้มหน้ามองผมไม่ยอมเงยหน้ามองไปทางอื่น ไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากสบสายตากับใครหรือว่ายังไง ผมที่เป็นฝ่ายโดนจ้องเลยต้องแก้เขินด้วยการไปยืนซ้อนด้านหน้ากับเขาไว้ เพื่อจะได้ไม่เขินต่อสายตาคู่นั้น เขายกแขนขวาโอบเอวผมไว้หลวมๆ
   

“แมท!” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นมาจากจุดใดจุดหนึ่ง ผมมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่เห็น จนกระทั่งสายตาไปหยุดตรงบริเวณโต๊ะกลมๆ สำหรับนั่งทานไอติม วินาทีที่ผมเห็นว่าใครเรียก ใจผมก็กระตุกไปวูบใหญ่ ริมฝีปากอ้าค้างขึ้นน้อยๆ
   

“พี่เอก…” ผมเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นเสียงแผ่ว เขาส่งยิ้มกว้างมาให้ ข้างกายเขามีผู้หญิงคนเดิมที่ผมเคยเจอก่อนไปอเมริกา ผมเหมือนโดนกระชากสติออกไปจากหัวพักใหญ่ แต่เสียงพนักงานร้านไอติมเรียกให้ผมออเดอร์ ผมเลยละสายตาจากพี่เอกกับผู้หญิงคนนั้นไปที่หน้าเค้าน์เตอร์
   

“ขอช็อกโกแล็ตชิพครับ” ผมสั่งเสร็จก็หันไปมองพี่เอกอีกรอบแล้วรีบปั้นยิ้มให้ ผมพยายามสำรวจอาการของหัวใจ มันกลับมาเต้นตามปกติดี ไม่ได้มีจังหวะไหนแปลกไป
   

“พี่เอกมาทำอะไร” ผมถามตามปกติ ดีใจมากที่เสียงไม่ได้สั่นหรือออกอาการไหวหวั่นใดๆ
   

“มาดูหนัง รอเข้าโรงหนังอยู่” พี่เอกยิ้มตอบกลับมา ยังคงเป็นรอยยิ้มที่ดูดีเช่นเคย ผมคลี่ยิ้ม แล้วพยักหน้าตอบรับ หันกลับไปมองแฟนพี่เอกอีกครั้งแล้วก็ยกมือไหว้ เพราะคิดว่าเธอน่าจะเป็นรุ่นพี่ เธอยกมือรับไหว้พร้อมกับยิ้มอ่อนๆ มาให้
   

“แล้วแมทมาทำอะไรเหรอ” พี่เอกถาม ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองวิคเตอร์ที่มองพี่เอกกลับไปนิ่งๆ แต่ไม่ได้มองจ้องกดดันน่ากลัวอะไร
   

“มาซื้อของไปฉลองวันคริสมาสต์ วันเกิด แล้วก็ลากยาวไปถึงปีใหม่เลยอ่ะ”
   

“โห คิวยาวนะ” ผมยิ้มกริ่ม พี่เอกยิ้มตอบกลับมาก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองวิคเตอร์ที่ทำหน้าไร้อารมณ์
   

“ใครอะแมท” อีกครั้งที่ผมไม่แปลกใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่รู้จักวิคเตอร์ และอีกครั้งที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อภาพยนตร์ของเขาออกฉายเมื่อไหร่ จะต้องมีคนเก็ทหน้าวิคเตอร์เร็วมากขึ้น
   

“เอ่อ แฟนแมทเอง” พี่เอกอ้าปากค้าง สีหน้ามีแววอึ้งนิดๆ ผมยิ้มแหะๆ แล้วหันไปรับไอติมจากพนักงาน สะกิดวิคเตอร์แล้วแบมือขอเงิน
   

“How much?” ผมชูนิ้วห้านิ้วเป็นสัญญาณบอกว่าห้าสิบบาท แต่ไอ้ยักษ์กลับยื่นแบงค์สีม่วงที่มีราคาห้าร้อยบาทมาให้ผมแทน
   

“No. Fifty baht.” เขาขมวดคิ้วงง คงไม่เข้าใจว่าแบงค์ห้าสิบคืออันไหน วิคเตอร์ยังไม่คุ้นกับเงินบาทไทยทุกแบงค์ ทุกเหรียญ เขาจำแค่แบงค์ร้อยขึ้นไปเท่านั้น ผมเลยต้องล้วงหยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองที่เขาเก็บเอาไว้ให้ออกมา หาแบงค์ห้าสิบหรือไม่ก็แบงค์ยี่สิบกับเหรียญสิบเอง แต่ท้ายที่สุดผมเจอเหรียญสิบห้าเหรียญเลยใช้อันนั้นจ่ายพนักงานไป แล้วรับถ้วยไอติมมาถือไว้ในมือ
   

“กลับก่อนนะพี่เอก” ผมหันไปยิ้มให้กับพี่เอกที่หายอึ้งทึ่งแล้ว เมื่อกี้คงทึ่งสินะที่ผมหาแฟนหล่อได้เกินหนังหน้าตัวเอง เขายิ้มกลับมาให้แล้วผงกหัวมาให้ทั้งผมและวิคเตอร์ แต่ไอ้ยักษ์กลับทำเฉย จนผมต้องรีบผงกหัวรับแทน ส่วนพี่ผู้หญิงมองวิคเตอร์แล้วขมวดคิ้วนิดหน่อย
   

“หน้าแฟนน้องเขาเหมือนดาราที่เขาชอบเลยอ่ะเอก” ผมได้ยินเสียงพูดของพี่ผู้หญิงแว่วๆ ตอนที่เรากำลังเดินผ่านเขาทั้งสองคนไป
   

ถ้าพี่ชอบซีรีส์ The Secret Of Darkness ที่มีพระเอกชื่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์แสดงนำ ก็นั่นแหละพี่ คนเดียวกับที่พี่ชอบ


 :katai1:


ไอ้ยักษ์เตรียมพบหมอเร็วๆ นี้แล้วละค่าาา อารมณ์ลุ่มๆ ดอนๆ ทั้งผัวทั้งเมียเลยช่วงนี้ เป็นช่วงเวลายุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่แน่นอนว่ามันต้องค่อยๆ คลี่คลายกันไป มันไม่อยู่ในสภาพนี้ยาวนานหรอกแน้คะ แมทเองก็ยังสับสนว่าตัวเองทนอยู่หรืออยู่ทน คือทั้งสองคนเพิ่งเริ่มต้นความสัมพันธ์มันเลยอาจจะยังงึกๆ งักๆ เดินๆ อยู่ก็สะดุดเกือบหน้าทิ่ม ใช่ว่าคบกันแล้วมันจะราบรื่นไปหมดเนาะ -.,- สุขทุกข์สลับกันไป เพียงแต่ตอนนี้ทุกข์มันยังลอยอบอวลรอบๆ ตัวเขาสองคนอยู่ รอแสงอาทิตย์มาสาดส่องให้หมอกควันสีเทาของพวกเขาสองคนหายไปปปป

อ้อ แจ้งไว้ เผื่อมีใครสนใจ หนังสือ พี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน รอบรีปริ้นครั้งที่ 2 รอบเก็บตกตอนนี้เหลือ 12 ชุดค่ะ 12 ชุดนี่คือใครโอนเงินมาก่อน ตอมก็จัดส่งให้เลยค่ะ ไม่ได้มีการจองใดๆ ก่อน หากใครสนใจก็ติดต่อตอมได้ที่ข้อความเพจหรือทวิตเตอร์ สำหรับรอบโอนเงินตอมจัดส่งให้ไปหมดแล้วนะคะ มีอยู่สองชุดที่ยังไม่ได้ส่ง เพราะยังไม่ได้แจ้งชื่อกับที่อยู่และยังโอนเงินค่าจัดส่งมาค่า สำหรับหนังสือพาร์ท Only You ตอนแรกจะให้ลงชื่อสองสามวันนี้ แต่ตอมคิดว่ารอให้รายละเอียดหนังสือมันนิ่งก่อนดีกว่าค่ะ จะได้แจ้งชัดเจนว่ามีจำนวนกี่หน้า ตอนพิเศษไม่ลงเว็บกี่ตอนชัวร์ๆ ตอนหลักจบตอนที่เท่าไหร่ อะไรแบบนี้ค่ะ ขอเวลาอีกสักแปบบบ สำหรับใครที่บอกตอมว่ากำเงินไว้เพื่อรอซื้อหนังสือพาร์ทสองของพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน กำไว้ก่อนๆ อย่าเพิ่งปล่อย แต่ตอนพิเศษที่จะมีในเล่มแบบคร่าวๆ นะคะ ก็จะมีตอนที่ เขยฝรั่งปะทะกับพ่อตา, มีหนุ่มใหม่มาเป็นคู่แข่งไอ้ยักษ์, ไอ้ยักษ์อ้อนเมียตอนเมา มีอีกนะคะ มีราวๆ แปดตอน เดี๋ยวพอต้นฉบับปิดจริงๆ แล้ว จะแจ้งให้ทราบจ้า

ใครเจอคำผิดแจ้งได้เลยนะค้าาา (ตอนที่แล้วยังไม่ได้แก้เลย 55555) เดี๋ยวตามแก้ให้ถูกต้องจ้าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 18-03-2016 23:34:08
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-03-2016 23:43:39
แมทแอบเรื่องเยอะนะ..คือตอนนี้เหมือนภาพจำในหัวคิออิยักษ์นี่แทบจะไม่มีดีเลยอะ ...ตอนนี้ถ้าไม่ใช่อิยักษ์มันยื้อความสัมพันธ์ของคู่นี้จบไปแล้วแน่ๆและแมทเองก็จะกลายเป็นคนมีปมอะ


อ่านมาตั้งนานมีเรื่องที่ว่ารักแล้วต้องยื้อของอิยักษ์นี่ละถูกใจสุดนอกนั้นก็มีแต่เรื่องให้ด่า  5555  แต่ก็นะทุกอย่างมันเกิดเพราะการกระทำของนางเอง ช่วงชดใช้กรรม 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-03-2016 23:56:55
วิตเตอร์ควรพบหมอมากๆ เพราะถ้าแค่นิสัยเจ้าชู้คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องอารมณ์ร้อนควรปรับปรุงด่วนๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-03-2016 00:00:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 19-03-2016 00:08:05
เฮ่ออออ ค่อยหายใจหายคอได้หน่อย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-03-2016 00:11:46
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 19-03-2016 00:17:45
แมทต้องเพิ่มความไว้ใจ กับ การให้อภัย
ส่วนวิคเตอร์ก็ต้องควบคุมอารมณ์รุนแรง ไม่ทำให้แมทกลัว แล้วก็ไม่ทำผิดซ้ำซาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 19-03-2016 00:22:40
แอบรู้สึกว่าแมทเยอะ แมทเองก็รู้ว่าตัวเองก็เยอะ  :เฮ้อ:
ช่วยกันปรับ ช่วยกันแก้นะ จะได้อยู่กันนานๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 19-03-2016 00:28:12
ความจริงควรเข้าพบจิตแพทย์ทั้งคู่เลยอ่ะ แมทกลายเป็นโรควิตกจริตไปแล้ว แต่เราเข้าใจนะ เป็นเราเราก็เป็น :o12:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 19-03-2016 00:43:27
ลุ้นแต่ละตอนใจแทบขาด :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 19-03-2016 00:54:51
เรื่องนอกใจ แมทเยอะไปละอ่ะ  น่ารำคาญ ไม่ยอมจบสักที หมายถึงรำคาญแมทนะ ไม่ใช่รำคาญคนเขียน

ส่วนเรื่อง วิคเตอร์ทำรุนแรงอ่ะอันนี้เห็นด้วยว่าควรโกรธ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 19-03-2016 01:56:21
ีคือถ้าผ่านอารมณ์นี้ไปได้ ไม่รักกันจนตาย ก็เกลียดกันไปข้างนึงอะ รู้สึกกดดันเหลือเกิน คิดจะโชกเลือดวันไหนก็ทำกันง่ายๆ หัวใจคนอ่านจะวายตาย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 19-03-2016 03:17:02
สภาวะอารมณ์ไม่คงที่ทั้งคู่ ถถถถถถถ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-03-2016 06:45:31
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-03-2016 07:42:17
วิคเตอร์รักแมทมากจริงๆ เหมือนโลกทั้งใบของเขา ตานี่มองแต่แมทตลอด ทำร้ายตัวเองอีก เฮ้อ
แมทต้องข้ามผ่านไปคิดเรื่องที่เขารักตัวเองมากจริงๆ จนยอมรับที่เคยพลาดไป แต่ก็ต้องไม่ทำอีกนะฝรั่ง
ตอนนี้สวยอ่ะ เจอคนที่เคยชอบแต่ตัวเองมีแฟนใหม่ที่หล่อกว่าแล้ว กรี๊ดดดดด เริ่ดดดด

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 19-03-2016 09:24:13
คนละพ่อคนละแม่เนอะ  คงต้องปรับตัวและได้บทเรียนกันยกใหญ่

แต่แอบเบื่อทั้งคู่เลย งั้นเป็นกำลังใจให้คนเขียนดีกว่า แหะๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-03-2016 09:37:18
พบจิตแพทย์ทั้งคู่เถอะ ขืนยังเป็นแบบนี้ไม่มีความสุขแน่ๆ
แมทเองถึงจะคิดได้ว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว ยักษ์เองก็ไม่ได้นอกใจ
แต่เรื่องที่ยักษ์ทำให้แมทกลัวเรื่องเซ็กส์นี่จะทำให้ไม่มีความสุขกันทั้งคู่

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 19-03-2016 10:10:55
ถ้าลองอยู่ในสถานการณ์แบบแมท ใครๆก็ต้องเป็นแบบนั้นเชื่อดิ

ทุกอย่างมันโถมเข้ามาใส่หนักมาก แฟนนอกใจนะ เรานะกว่าจะหาย

เหวี่ยง จิกกัดไปหลายเดือน ร้องไห้อีกทั้งๆทีดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: lek007 ที่ 19-03-2016 10:51:51
รู้สึกแอบยืดนะ  ช่วงนี้  ถ่ายทอดด้านแมทซะแบบ....  ตอนแรกโอเครกับแมทนะที่แบบวิคเตอร์มันไม่น่าไว้ใจไง  เห็นพฤติกรรมก็น่า....อยู่  แต่พอมีหลายๆตอนเข้ามันทำให้รู้สึกว่าแมทไว้ใจวิคไม่ได้อีกแล้วว  รู้นะว่าฝังใจ  แต่ถ้ารักกันอยู่  อยากคบกันต่อความไว้ใจก็เป็นเรื่องสำคัญมากกยิ่งที่วิคเป็นดาราด้วย  ถ้าไม่ไว้ใจ  คนที่ควรพบติตแพทย์ก่อนน่าจะเป็นแมท   สำหรับเรามีแค่สองทางเลือกนะ   เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง   กับเลิกไปเลย

ปล.วิคเตอร์ควรพบจิตแพทย์ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-03-2016 11:52:31
รอให้ทั้งสองคนอารมณ์สงบค่า 55555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 19-03-2016 17:19:22
ไอ้ยักษ์ควรไปพบจิตแพทย์รักษาจริงจังซักทีนะ ไม่งั้นความรักไปไม่รอดแน่ๆ  (แต่เอาจริงๆน้องแมทก็ควรไปด้วยเหมือนกันนะ 555)  แต่แมทยังเป็นน้อยกว่าไอ้ยักษ์มากอ่ะ


ดีใจจะได้เจอ เบนบาส แล้ว อิอิ (หายไปนาน อยากให้มีบทบ้าง55)

==============


เจอคำผิดด้วยนะคะ  คำผิดจะอยู่ตรงที่ขีดเส้นใต้ไว้ และเป็นตัวหนาคะ

ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันไม่เลิก ช่วงหนึ่งชองชีวิตฉันมันขาดแหว่ง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-03-2016 18:51:48
ยักษ์ ทำอะไรไม่คิด เดี๋ยวแม่ตบดับ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 65%}:18.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-03-2016 05:10:23
ยังอีรุงตุงนังกับปัญหาไม่จบไม่สิ้นเนอะแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-03-2016 16:23:41


Only You EP.32 [100%]




“ใคร” วิคเตอร์ถามระหว่างที่เราเดินออกไปขึ้นรถ เขาใช้แขนขวาโอบเอวผมไว้ เพราะผมต้องใช้มือตักไอติมกิน ผมเกือบชะงักแต่รีบทำเนียนตักไอติมกินต่อ งงๆ ในหัวว่าควรบอกเขาดีหรือไม่ว่าผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรในชีวิตผมมาบ้าง
   

“รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ” ตอบแค่นี้ก็พอ เพราะผมกับพี่เอกไม่ได้มีอะไรต่อกันแล้ว ไม่สิ พี่เอกน่ะไม่มีอะไร ไม่คิดอะไรกับผมมานานแล้ว มีเพียงผมที่คิดไปเองฝ่ายเดียว แต่ตอนนี้ผมปลดปล่อยพี่เอกออกจากใจไปแล้ว
   

ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เอกหายไปจากใจตอนไหน แต่ตั้งแต่มีวิคเตอร์เข้ามาในชีวิต พี่เอกก็หลุดออกจากใจผมไป ผมว่าจิตใจคนเราก็แปลก ตอนตั้งใจพยายามลืม กลับลืมไม่ได้ แต่พอปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ไปยุ่งกับมันมาก ดันหายไปตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัวเลย
   

“อืม” วิคเตอร์ว่าเสียงแผ่ว ผมยิ้มเครียด แต่ก็โล่งใจที่เขาไม่ได้เซ้าซี้งี่เง่าถามต่อแบบที่ชอบทำ อาจเพราะผมไม่ได้มีท่าทีอะไรกับพี่เอกไปมากกว่ายิ้มและทักทายกันตามปกติ และคงเป็นเพราะวิคเตอร์เห็นพี่เอกนั่งอยู่กับแฟนเขานั่นแหละ ไอ้ยักษ์เลยไม่จู้จี้กับผมมาก ลองถ้าพี่เอกมาคนเดียว แล้วเข้ามาทักทายผมแบบก่อนที่ผมจะบอกรักเขานะ ออสตินกับพี่การ์ดคนไทยคงเปลี่ยนจากถือของเป็นถือศพผมกลับอพาร์ทเม้นต์แทน
   

ระหว่างทางนั่งรถกลับอพาร์ทเม้นต์ ผมก็หยิบของที่ซื้อมาขึ้นมาดูไปพลางๆ อย่างที่ผมพูดกับพี่เอกไปว่าจะจัดปาร์ตี้ พรุ่งนี้จะเป็นวันคริสมาสต์และถัดจากนั้นก็เป็นวันเกิดผม แล้วอีกห้าวันก็จะสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่ วิคเตอร์เป็นพวกชอบจัดปาร์ตี้อยู่แล้ว ปีนี้พิเศษขึ้นมาตรงที่วันเกิดผมดันอยู่ในช่วงเทศกาลรื่นเริงพอดี เขาเลยจะจัดงานต่อเนื่อง เรียกได้ว่ายิ่งกว่าเจ็ดวันเจ็ดคืนเสียอีก ซึ่งก่อนจะคบกับเขา ผมก็ชอบช่วงเวลาวันเกิดของตัวเองอยู่แล้ว เพราะมันเป็นช่วงที่ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม มันเป็นช่วงต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง มองไปทางไหนส่วนมากก็เห็นแต่แสงสีเสียง    
   

“พวกคุณเบนถึงแล้วครับ รออยู่ตรงฟร้อนท์ด้านล่าง” ออสตินหันมาบอก ผมกับวิคเตอร์พยักหน้ารับ ผมหยิบไฟสีๆ สำปรับประดับประดาในงานปาร์ตี้ขึ้นมาดู ผมมองของที่ซื้อมาจัดปาร์ตี้แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ไอ้ของที่ซื้อๆ มานี่ เอาจริงๆ พอจัดแต่งใดๆ แล้วมันจะแตกต่างกันยังไงบ้าง พร็อพคงเดิมๆ แต่บรรยากาศคงแตกต่างละมั้ง
   

รถจอดเข้าที่ด้านหน้าตึกอพาร์ทเม้นต์ ผมกับวิคเตอร์เดินลงไปก่อน ส่วนออสตินกับพี่การ์ดคนไทยเอารถไปเก็บแล้วจะถือของตามมาด้วย ผมเดินเคียงไปกับวิคเตอร์ จังหวะที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน สายตาผมเหลือบไปเห็นคนกำลังเล็งกล้องถ่ายรูปมาทางผมกับวิคเตอร์ ผมรีบหันหน้ากลับเนียนๆ แล้วเดินเข้าไปด้านในตามปกติ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดปกติใดๆ หากมีรูปหลุดออกไป ผมก็อ้างได้ว่าผู้ชายใส่หมวกข้างๆ ผมคือพี่ชายหรือใครสักคนที่ไม่ใช่วิคเตอร์
   

“Hey!!” เสียงครื้นเครงของคุณเบนกับอันเดรดังมาก่อนที่ผมจะเห็นตัวพวกเขาซะอีก แต่ที่ทำเอาผมยิ้มกว้างดีใจคือการที่คุณเอมิลี่มาด้วย
   

“คุณเอมิลี่!” ผมวิ่งเข้าไปสวมกอดเธอด้วยความดีใจ เธอกอดผมตอบกลับพร้อมกับหัวเราะดีใจ ผมบลอนด์ของเธอยาวประบ่าแล้ว ดูแปลกตาไปพอสมควรแต่ก็ยังดูสวยอยู่ดี
   

“ดีใจนะครับที่คุณมา” ผมบอกด้วยความตื่นเต้น สบดวงตาสีฟ้าสดใสคู่เดิมของเธอ คุณเอมิลี่ยิ้มใจดีกลับมาให้เช่นเคย
   

“บอกตามตรงอย่าโกรธนะ พอดีมีงานที่ไทยน่ะ ฉันเลยต้องมา แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของฉันมากที่มีงานตรงกับช่วงวันเกิดเธอพอดี” ผมยิ้มขำกับข้อแก้ตัวของเธอ ผมไม่ได้นึกเคืองอะไรเธอ ถึงจะมาเรื่องงานแต่อย่างน้อยเธอก็มาแหละนะ
   

“คุณกลับเมื่อไหร่ครับเนี่ย”
   

“คงพร้อมๆ พวกวิคเตอร์นั่นแหละ…” ผมพยักหน้ารับรู้ วิคเตอร์จะกลับไปอเมริกาหลังปีใหม่ คุณเอมิลี่เม้มปากเป็นเส้นตรง เหมือนเธออยากพูดอะไรสักอย่าง เธอมองผมอย่างลำบากใจ แต่สุดท้ายก็พูด
   

“อีกเรื่องที่เธอต้องไม่โกรธฉัน เพราะฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นความตั้งใจของลูกค้า คือว่า…” ยังไม่ทันที่คุณเอมิลี่พูดจบ เสียงของวิคเตอร์ที่เรียกชื่อใครคนหนึ่งก็ทำให้ผมหันไปมอง
   

“อันเดรียนา” ผมยืนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินชื่อนั้น ก่อนที่จะหันควับไปมองหญิงสาวที่ทำให้ผมรู้สึกด้อยอยู่บ่อยครั้ง ตัวจริงเธอสวยมาก สวยจริงๆ ผมนึกถึงแม่ของวิคเตอร์ขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง เธอมาสไตล์เดียวกัน แล้วเธอยังอยู่กับเขาในช่วงเวลาที่เราสองคนห่างกัน และเธอเพิ่งมีภาพหลุดกับแฟนผมไป
   

“อันเดรียนามาทำงานน่ะ” คุณเอมิลีมองผมสลับกับวิคเตอร์ คุณเบน คุณอันเดร และถ้าผมจำไม่ผิด อีกคนรู้สึกจะเป็นหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่นที่ชื่อว่าเอริค กำลังยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาตื่นน้อยๆ
   

“ที่จริงมีนายแบบกับนางแบบอีกสามคน แต่จะเดินทางมาถึงพรุ่งนี้ อันเดรียนามาพร้อมฉันก่อน เพราะเธออยากมาคุยกับแมท” ผมหันกลับไปมองคุณเอมิลี่ด้วยใบหน้าที่ยังอึ้งค้างไม่หาย พอหันกลับไปมองอันเดรียนา เธอก็มองมาทางผมอย่างมีความหวัง ส่วนวิคเตอร์ยืนเงียบ ไม่พูดหรือแสดงท่าทีแปลกประหลาดใดๆ เขาหันมามองผม ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างผมกับอันเดรียนา
   

“จะคุยอะไร” แต่ในที่สุดเขาก็หันไปเอ่ยถามอันเดรียนาที่ยังคงยืนอยู่ในท่วงท่าที่สง่างาม เธอยกยิ้มนิดหน่อยก่อนจะว่า
   

“ก็แค่คุย” วิคเตอร์หันมามองผมด้วยสายตาเป็นคำถาม เหมือนเขากำลังถามว่าผมจะคุยกับอันเดรียนาหรือเปล่า ผมชั่งใจอยู่สักแปบก่อนจะตัดสินใจ
   

“ผมเคยมีเรื่องอยากคุย อยากถามคุณมากมาย แต่ตอนนี้ผมไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว…” เธอไม่ได้มีท่าทีเสียดายหรือมองหยิ่งกลับมา เธอมองเหมือนจะเข้าใจ เพราะพยักหน้าให้ผมนิดหนึ่ง หัวใจผมเต้นวูบวาบ แม้ว่าวิคเตอร์กับเธอจะไม่ได้ยืนใกล้ชิดติดกัน แต่แค่ยืนคู่กันแค่นั้น ความเหมาะสมของทั้งสองคนก็ชัดเจนมาก ผมเดินก้มหน้าขึ้นบันไดวนของอพาร์ทเม้นต์ขึ้นไปยังชั้นที่พักของตัวเอง จัดการไขประตูใหญ่ เปิดออกเพียงนิดเพื่อแทรกตัวเข้าไปด้านในแล้วปิดตามหลัง เดินตรงไปยังห้องนอน ผมแค่อยากอยู่เงียบๆ คนเดียวเพื่อสยบความฟุ้งซ่านของตัวเอง
   

แกร๊ก~
   

เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นแล้วตามด้วยเสียงประตูปิดลง ผมหันกลับไปก็เจอกับวิคเตอร์ที่ถอดหมวกออกแล้วเขายืนมองหน้าผมอยู่เหมือนกำลังพิจารณาว่าผมมีท่าทียังไง ผมยืนมองเขากลับไปอย่างว้าวุ่นหน่อยๆ ไม่รู้ว่าต้องจัดการความรู้สึกตัวเองแบบไหน ยังไง รู้สึกริมฝีปากสั่นๆ ด้วย
   

“เธอสวยมากเลย” นั่นคือประโยคแรกที่ผมเอ่ยกับเขาหลังจากยืนนิ่งกันอยู่สักพัก วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาไม่แน่ใจ เขาไม่ได้แสดงท่าทีเพิ่มเติมอะไรกลับมา
   

“แมท…”
   

“…ตอนที่เธออยู่กับคุณ ตอนที่พวกคุณอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นเราสองคนห่างกัน…” ผมเม้มปาก เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสติแตก เลยหลับตาลงเพื่อระงับความบ้าบอทั้งหลายในหัวที่กำลังตีกันวุ่นไปหมด พอเริ่มจะประคองสติได้ ผมก็พูดต่อ
   

“…คุณรักเธอรึเปล่า อืม คุณรู้สึกยังไงกับเธอเหรอในตอนนั้น” วิคเตอร์จ้องมองผมอย่างเคลือบแคลงระแวงสงสัย แต่ผมทำนิ่งจ้องมองเขากลับไปเป็นการยืนยันว่าอยากรู้จริงๆ
   

“ถ้าฉันตอบ นายห้ามเงียบ ห้ามซึมใส่ฉันนะ” พูดมาแค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าเขาคิดยังไง แต่ผมก็เลือกจะพยักหน้า วิคเตอร์มองด้วยสายเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อ แต่เขาก็ยอมตอบ
   

“ฉันสบายใจที่ได้อยู่กับเธอ ยิ้มได้ หัวเราะได้ เธอดูแลฉันดี มีความหวังดีให้กับฉัน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีช่วงหนึ่งที่ฉันมี เธอก็คล้ายๆ แม่ฉันบางมุม” ผมไม่ได้อยากจะรู้สึกขมขื่นหรอกนะ แต่พอได้ยินจริงๆ แล้วก็เล่นเอาใจปวดแปลบเหมือนกัน ยิ่งตอนบอกว่าเหมือนแม่เขา ก็ยิ่งเศร้าแปลกๆ ในใจ ถึงแม้ตอนที่วิคเตอร์พูดเขาจะไม่ได้แสดงท่าทีพิเศษอะไรก็เถอะ
   

“แล้วมันต่างจากผมตรงไหน ในเมื่อถ้าเธอเป็นแบบนั้นจริง คุณก็คบกับเธอได้” ผมไม่เห็นว่าความรู้สึกที่ว่ามานั้นจะต่างจากการที่มีผมอยู่ยังไง ผมคิด ผมสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่าคนอย่างผม คงมีอยู่ในตัวผู้หญิงสักคน
   

“เพราะฉันรักนายไง” วิคเตอร์ตอบเสียงหนัก แววตาเขาเริ่มมีความหวาดกลัวฉายออกมา เขาเขยิบจะเข้ามาหาผม แต่ผมดันถอยหลังหนีเขาอัตโนมัติ นั่นทำให้เขาเบิกตากว้างขึ้นทันที
   

“แล้วถ้าเกิดคุณเจอเธอก่อนผมล่ะ คุณก็รักเธอใช่มั้ย ตอนที่เราห่างกันแล้วคุณอยู่กับเธอ ถ้าคุณตัดสินใจอยู่นานกว่านั้น คุณก็จะรักเธอ เพราะคุณยอมให้เธอ…” ผมหยุดพูดกะทันหัน เพราะคิดว่าจะต้องไม่ขุดอะไรเก่าๆ ขึ้นมาเล่า มารีรันใหม่อีก ถ้าเป็นละครก็คือได้ดูฉากซ้ำๆ อีกแล้ว ผมเม้มปากเป็นเส้นตรง ภาพความเหมาะสมของเขาทั้งสองคนทำให้ผมกลัว
   

“แมท ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่กับนายที่นี่” ผมมองหน้าเขาแล้วน้ำตาก็เอ่อคลอ ก่อนจะพยักหน้ารัวๆ แล้วพุ่งตัวเข้าไปกอดเขาแน่น กอดเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป เขากอดผมตอบกลับมาด้วยวงแขนทั้งสองข้าง ผมซุกหน้ากับอกของเขา ปล่อยน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ
   

“Fuck me.” ผมเอ่ยเสียงเบาหวิว วิคเตอร์เหมือนจะชะงักไป ผมผละออกจากอกเขา เงยหน้าสบตาดวงตาคู่คมที่กำลังมองผมอย่างไม่เข้าใจ
   

“ผมอยากมีอะไรกับคุณ ขึ้นเตียงสิครับ” วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาอึ้งๆ ผมไม่รอช้า ดึงเขาไปที่เตียง ดันร่างเขาล้มลงไปบนเตียงแล้วตามขึ้นไปนั่งคร่อมเขาไว้ สองแขนโอบคอเขาแน่นแล้วเริ่มจูบเขาด้วยตัวเอง
   

วิคเตอร์จูบตอบกลับมา แต่ก็ไม่ใช่การตอบรับที่ดีนัก เหมือนเขาจะยังงงๆ อยู่ ผมเองก็งง ในหัวมันตื้อ มันเบลอไปหมด รู้แค่ว่าต้องทำ รู้แค่ว่าอยากทำ อยากทำแบบนั้นกับเขา
   

“แมท… แมท… อือ… อย่า…” วิคเตอร์เบี่ยงหน้าหลบจูบของผมและพยายามใช้สองมือดึงแขนผมออกจากรอบคอตัวเอง แต่ผมก็ไม่ยอม ตามจูบไปทั่วใบหน้าเขาและคล้องคอแน่น
   

“แมท นายไม่ได้อยากทำจริงๆ หรอก”
   

“ไม่ ผมอยากทำจริงๆ เอาผมสิ เอาผม” ผมซุกไซ้คอเขา วิคเตอร์คำรามเสียงแหบในลำคอ ไม่ใช่เพราะความเสียวสยิว แต่เพราะเขากำลังโมโห
   

“หยุด!” เขาสั่งเสียงกระชาก ออกแรงผลักผมออกจากตัวเขาอย่างแรง ก่อนจะเหวี่ยงร่างผมไปบนเตียง แล้วตัวเขาก็ลุกขึ้นยืน หันมาจ้องมองผมด้วยสายตาโกรธจัด
   

“เงี่ยxไม่จริงอย่าเสแสร้ง!” เขาพูดเสียงกระแทกแทบจะเป็นตะคอก เขาขบกรามแน่นจนสันกรามขึ้นชัด แววตาแข็งกร้าวจ้องผมด้วยความไม่พอใจและมีความผิดหวังปนอยู่ ผมรู้สึกกลัวขึ้นมา ไม่ใช่เพราะกลัวอารมณ์เขา แต่ผมกลัวเสียเขาไป เพราะผมไม่เหมาะสมกับเขาเลยจริงๆ ยิ่งได้เห็นอันเดรียนาตัวจริงวันนี้ ผมยิ่งรู้สึก
   

“ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าคุณเป็นของผม ต่อให้คุณจะเหมาะสมกับผู้หญิงคนไหนก็ตาม” ผมร้องไห้ออกมา มันห้ามไม่อยู่ ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ มันมีสิ่งกระทบจิตใจผมซ้อนๆ กัน ไหนจะที่สะสมมาหลายวันก่อนหน้านี้อีก ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมระเบิดออกมามากพอหรือยัง แต่มันก็พรั่งพรูออกมาจากปากผมไม่หยุด
   

“คุณดูผมสิ แล้วคุณดูอันเดรียนา ชารอน นาตาชา หรือผู้หญิงอีกกี่คนในชีวิตคุณ แต่ละคนเขาคู่ควรกับคุณมากจริงๆ เธอเป็นผู้หญิง เธอท้องได้ เธอเอากี่รอบก็ได้ เธอมีนมให้คุณบีบเวลาคุณเกิดอารมณ์ เธอมีกลีบเนื้อให้คุณเลีย เธอถึงจุดสุดยอดได้ดี พวกเธอ… ฮึก พวกเธอมีในสิ่งที่ผมไม่มีเลย” ผมมองหน้าวิคเตอร์ทั้งน้ำตานองหน้า ริมฝีปากสั่นไหวระริก ดวงตาพร่ามัวด้วยม่านน้ำตาที่ก่อตัวไม่หยุด ไหลออกไปหนึ่งครั้ง มันก็จะก่อตัวขึ้นมาใหม่ หายใจทางจมูกไม่ทัน ร้องไห้จนคัดจมูก เลยต้องอ้าปากหายใจแทน ผมนั่งมองวิคเตอร์ด้วยสายตาหมดหวัง หมดหวังในตัวเอง ส่วนเขายืนมองผมกลับมาด้วยสายตาว่างเปล่า 
   

“ผมจะอยู่ข้างคุณได้อีกนานเท่าไหร่วิคเตอร์…” ผมพูดเสียงเบาหวิว รู้สึกว่าตัวเองเลื่อนลอยไปเรื่อย วิคเตอร์เดินเข้ามาหาผม นั่งลงบนเตียง กระเถิบเข้ามาใกล้ผม แล้วอุ้มผมขึ้นไปไว้บนตัก ผมก้มหน้าลงซุกตรงช่วงซอกคอเขาอย่างคุ้นเคย
   

“ฉันก็ตอบไม่ได้ ไม่มีใครตอบได้ แต่ที่ฉันรู้ตอนนี้ ฉันรักนาย นายรักฉัน เรารักกัน เราไม่ได้รักคนอื่น…” เขาใช้มือขวาลูบหลังผมเบาๆ
   

“…ฉันเป็นของนาย นายเป็นของฉัน เราเป็นของกันและกัน มันจะอีกนานรึเปล่าไม่รู้ แต่สำหรับฉัน มันต้องนาน วันที่เราไม่ได้อยู่ข้างกัน คือวันที่ฉันตายจากนายไปแล้ว” ผมหลับตาลง นึกถึงภาพที่เขาเอามีดกรีดแขนตัวเองหน้าตาเฉยโดยไม่ได้ประชดแต่อย่างใดแล้วก็ใจสั่นกลัว คราวนี้ผมกลัวว่าเขาจะตายอย่างที่ปากเขาพูด
   

“No. Stay alive. Don’t leave me. (ไม่ อย่าตายนะ อย่าทิ้งผม)” ผมยกมือซ้ายขึ้นลูบใบหน้าหนวดๆ ของเขาเบาๆ
   

“But, if I can choose. I want to die before you—because If you die. I will live with suffering. (แต่ถ้าฉันเลือกได้ ฉันอยากตายก่อนนาย เพราะถ้านายตาย ฉันคงตายทั้งเป็น)”
   

“No one die. We are still here. You do not give me an engagement ring yet. (ไม่มีใครตายทั้งนั้นแหละ เรายังอยู่นี่อยู่เลย คุณยังไม่ได้ให้แหวนหมั้นผมเลยนะ)” วิคเตอร์หัวเราะในลำคอเบาๆ
   

“Which size diamond do you want on the ring? (อยากได้เพชรขนาดไหนล่ะ)”
   

“Big like your cock. (เท่าไอ้จ้อนของคุณเลย)” วิคเตอร์หัวเราะชอบใจเสียงดัง แล้วผมก็หัวเราะตาม แทบจะเป็นเสียงหัวเราะระหว่างเราสองคนที่ชัดเจน ที่ออกมาจากใจมากที่สุดในช่วงระยะสิบกว่าวันที่อยู่ด้วยกันมา ผมถือว่าเป็นการเดินต่อที่ดีในความสัมพันธ์ของเราสองคนก็แล้วกัน


 :katai2-1:

ค่อยๆ ดีกันไปทีละนิดทีละหน่อยเนาะ หนทางในความสัมพันธ์นัน้ยังอีกยาวไกล ใจต้องแกร่งไว้นะ เฮ้!

ความสัมพันธ์มันซับซ้อน เราจึงต้องเรียนรู้กันและกัน แม้จะเรียนรู้กันและกันมากแค่ไหน แต่ยังไงก็ต่างคนต่างนิสัย ที่ต้องค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน แต่ตอนนี้ทั้งสองเริ่มจะพากันเดินต่อ ไม่เดินวนวงเวียนกันเท่าไหร่ละ

อ้อ เผื่อมีคนสนใจ ตอนนี้หนังสือพาร์ท You and I รอบรีปริ้นครั้งที่สองเหลืออยู่หกชุดจาก 14 ชุดที่แจ้งไปคราวก่อนค่ะ หากใครสนใจอยากได้ ก็ติดต่อได้ที่เพจหรือทวิตนะค้าาา ส่วนคนที่รอซื้อพาร์ทสองอยู่ อีกนิดค่ะอีกนิ้ดดด ต้นฉบับกำลังคลานถึงเส้นชัยแล้ววว ใครกำตังค์ไว้อยู่ อย่าเพิ่งปล่อย 555555 

ใครเจอคำผิดแจ้งได้เลยนะค้าาา (ตอนที่แล้วยังไม่ได้แก้เลย 55555) เดี๋ยวตามแก้ให้ถูกต้องจ้าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-03-2016 16:47:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 22-03-2016 17:33:22
จริงๆสมควรไปปรึกษจิตแพทย์ทั้งคู่555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: lek007 ที่ 22-03-2016 17:40:43
แมททททท  วิคเตอร์   ไม่รู้ดิ  แต่ที่เรารู้สึกถ้าอยู่กับอีกคนแล้วสบายใจกว่า  ก็เลิกไปเลยเหอะ  ถ้าอยู่แล้วเศร้า แล้วไม่มีความสุข ลองถอยกันไปคนละก้าวแล้วดูให้ดีว่าตอนเนี่ย  รัก หรือ หลง  ถึงจะรักกันน้อยไปหน่อยถ้าอยูแล้วมีความสุขกับอยู่แล้วเศร้า อมทุกข์  บางทีการปล่อยมือคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าที่จะคบยืดเยื้อต่อไป  มันเสียเวลา....
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 22-03-2016 17:52:42
เหมือนเป็นสัญญาณที่ดี (หรือเปล่า?)
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 22-03-2016 17:57:28
จะรอดม้ายยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 22-03-2016 18:29:29
โถน้องแมท พี่ยักษ์เค้าข้ามน้ำข้ามทะเลมาขนาดนี้แมทก็ต้องมีคุณค่ากับตัวเค้าอยู่แล้ว
น้องแมทอย่าดูถูกตัวเองซิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 22-03-2016 18:35:35
เข้าใจแมทนะ เพราะแมทเป็นคนคิดมาก เพราะเคยถูกพี่เอกปฏิเสธเพราะแมทเป็นผู้ชาย แถมเจอเหตุการณ์ที่วิคเตอร์มีกับผู้หญิงคนอื่นเข้าไปอีก เลยยิ่งไม่มั่นใจตัวเอง เพราะงั้นตอนนี้ไม่ว่า วิคเตอร์รึแมท ก็ขอให้ประคับประคองกันไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-03-2016 19:02:37
ความคิดเป็นอะไรที่ห้ามไม่ได้ถึงจะอยากเลิกคิดเลิกฝังใจยังไงก็ไม่มีทาง
ยิ่งถ้าวิคกับอันจะต้องมาถ่ายแบบด้วยกันแมทยังไงก็ต้องคิดไปเองอีกอยู่ดี :ling3: :ling3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-03-2016 21:25:49
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-03-2016 22:16:13
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 22-03-2016 22:27:09
ปรึกษาหมอเลยคะทั้งคู่เลย...แมทก็มีภาพจำแต่เรื่องไม่มี วิกเตอร์ก็โหยหาความรัก คือแบบตอนนี้ต่างคนต่างมีภาพในหัวต่างกันจูนกันไม่ติดสักที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-03-2016 22:58:41
แมทใจเย็น ผ่านมันไปให้ได้ วิคพูดถูกไม่มีใครรู้ว่าจะรักกันไปถึงเมื่อไร ฝรั่งหล่อมากค่ะตอนนี้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 22-03-2016 23:09:45
อันเดรียนาพักอยู่โรงแรมไหน จะไปตบ อุ่ย 555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 23-03-2016 13:12:02
 :mew2:เราเข้าใจแมทน่ะว่าต้องสับสนและขาดความเชื่อมั่นในตัววิคเตอร์ หลายๆอย่างประกอบกันน่ะ อยู่ก้อทุกข์เลิกก้อเจ็บปวด แล้วตัววิคยังเป็นดาราอีก ไหนจะข่าวสารพัดโถมเข้ามา ยังไงคงต้องสู้ อดทนและเรียนรู้กันไปน่ะ อย่าท้อเสียก่อน ได้เจอคนที่รักเราและเราก้อรักเขาต้องพยายามต่อสู้กันก่อนน่ะ ส่วนวิคคงต้องลดดีกรีความใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเองลงน่ะ การขอโทษและยอมรับผิดเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าไม่เรียนรู้หรือทำบ่อยๆมันก้อคงไม่ใช่น่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-03-2016 13:32:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-03-2016 17:15:55
หลังจากนี้เรืรองคงจะดีขึ้นให้สมกับปาร์ตี้ที่กำลังจะเกิดใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-03-2016 20:02:28
ไม่มีใครหน้าไหนที่คิดจะมาทำร้ายจิตใจเรา
ได้แย่ที่สุดไปกว่าที่เราคิดทำร้ายตัวเอง

อยากเห็นว่าแมทเลิกคิดดูถูกตัวเองซักที
ไม่ยังงั้น..ชีวิตทั้งชีวิตก็จะจมปลักอยู่ยังงั้น
จมติดอยู่กับที่..หลุมกับดัก
ตัวเองขุดฝังกลบ ไม่ยอมออกมาจากมัน

+1 ครับ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 23-03-2016 21:57:04
ยังเชียร์ให้ทั้งคู่เดินหน้า แต่ที่มีต้องการมากเลย คือต้องเข้าใจและให้เกียรติกันและกันเยอะๆเน้อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: frainnee ที่ 23-03-2016 23:40:52
มีความลูป ความสัมพันธ์มีแต่ย่ำอยู่กับที่และถอยหลังลงคลอง คนที่จิตก็จิตไป คนปกติก็จิตตามไปอีก  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 23-03-2016 23:55:33
จริงๆแล้วนางต้องไปหาหมอทั้งคู่อ่ะ
อารมณ์ไม่คงที่ทั้งคู่เลยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 24-03-2016 01:13:54
กลายเป็นว่าตอนนี้แมทอาการหนักกว่าวิคอีก :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.32 100%}:22.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-03-2016 02:15:47
หนักทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 25-03-2016 22:17:21



Only You EP.33 :: Happily Festival. [50%]



Happy Christmas-Birth Day To Little Alien-New Year!

   

ผมมองตัวอักษรหลากสี ที่มีทุกสียกเว้นสีขาวกับสีดำ ห้อยเรียงกันด้วยเชือกป่านเส้นเล็กๆ และถูกนำไปติดอยู่บนผนังหินอ่อนฝั่งขวามือเวลานั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นของอพาร์ทเม้นต์ ป้ายเดียวแต่สามงาน สุดจะคุ้ม วิคเตอร์เคลียร์พื้นที่ตรงนั้นสำหรับวางต้นคริสมาสต์สูงเท่าตัวผมที่มีของประดับประดาอยู่บนนั้นจนแทบจะล้น ที่โดดเด่นสุดบนต้นก็คือดวงดาวสีทองบนยอดต้นนั่นเอง บนพื้นด้านล่างปูพรมขนเฟลอร์สีขาวเอาไว้ แล้วก็มีอุปกรณ์ตกแต่งจำพวกดาวเล็กดาวน้อย ลูกบอลสีหลายๆ สี ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ ตุ๊กตากวางเรนเดียร์ที่กำลังลากตุ๊กตาซานตาครอสที่นั่งอยู่บนเกวียน วางอยู่บนพรมอีกที


ยังมีกล่องของขวัญหลากสีที่ไม่ได้มีแค่กล่องอย่างเดียว มันมีของขวัญจากวิคเตอร์อยู่ในนั้นจริงๆ แล้วคือมีอยู่เป็นสิบกล่อง ไม่รู้ว่าซื้ออะไรมานักหนา เขาให้ออสตินไปหาซื้อมาให้ก่อนหน้านั้นแล้ว พอถึงวันคริสมาสต์ พวกบอดี้การ์ดก็หอบเอามาวางตกแต่งคู่กับของตกแต่งอื่นๆ ที่ผมวางๆ ไว้ แต่ในนั้นมีของขวัญวันเกิดของผมจากเพื่อนๆ วิคเตอร์ด้วย มันก็เลยดูล้น ดูเยอะเข้าไปอีก เขาเอามาวางๆ กันไว้ก่อน ผมจะมีสิทธิ์แกะคือวันพรุ่งนี้ จะว่าไปพอกล่องมันสะท้อนกับแสงไฟกระพริบบนต้น (สน) คริสมาสต์ มันก็ดูสวยดีนะ


 ผมนั่งตกแต่งกับบาสที่ตามมาดึกๆ เมื่อวานนี้ ส่วนพวกวิคเตอร์ช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัว พูดคุยกันเสียงดังด้วยความสนุกสนาน ส่วนผมก็ครีเอทตกแต่งต้นสนที่พวกพี่การ์ดดั้นด้นหามาให้จากสวนสักที่หนึ่ง ใส่กระถางมาให้เลย ผมลองถามเจ้าของสวนที่ขับเอาต้นไม้มาส่งให้ว่าเก็บไว้ปลูกต่อไปได้มั้ย เขาบอกว่าถ้าปลูกในสวนที่บ้านน่ะพอได้ แต่ถ้าปลูกบนห้องพักแบบนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ ผมเลยกะว่าพ้นปีใหม่ไป จะเอาต้นสนต้นนี้ไปปลูกที่หลังบ้านตัวเอง


“เออ แมท ไอ้เอิร์ทมันฝากมาแฮปปี้เบิร์ทเดย์ มันอยากเจอแมทนะ” บาสกระซิบกับผมสองคนตรงมุมต้นคริสมาสต์ (ในมโน) สายตาก็เหลือบไปมองวิคเตอร์ที่กำลังยืนดื่มไวน์แดงกับพวกเพื่อนๆ ตรงบาร์ของครัวไปด้วยและทำอาหารเพิ่มเติมจากเมื่อวานไปด้วย จริงๆ ไม่ต้องกระซิบก็ได้ เพราะในห้องเปิดเพลงคลอไปด้วยเบาๆ แต่คงเพราะเรากำลังพูดเรื่องชายอื่นใต้จมูกวิคเตอร์ เลยต้องทำท่ากระซิบกระซาบกัน


 ผมแยกตัวออกมานั่งตรงนี้ก็เพราะว่าอยากชื่นชมผลงานการจัดแต่งต้นคริสมาสต์ของตัวเองกับบาส และผมรู้สึกชอบมุมนี้เพราะมันมีแสงสีวิบวับดี นั่งอยู่สักพักบาสก็ตามมานั่งลงข้างๆ นี่แหละ


“แล้วเอิร์ทเป็นไงบ้าง” ผมกระซิบถามกลับพลางยกโค้กขึ้นมาดื่มเนียนๆ แอบเห็นวิคเตอร์เหลือบมามองทางนี้แวบๆ แต่ก็ทำเป็นไม่เห็นไปก่อน 


“เห็นมันทำงานเยอะนะ ใกล้จบก็แบบนี้แหละ” ผมพยักหน้าเบาๆ นึกๆ ไปก็ไม่ได้นานอะไรมากที่เพิ่งเจอกับเอิร์ทไปที่หน้าผับคราวนั้น แต่คือเราไม่ได้ติดต่อกันเลย มันเลยทำให้ดูห่างหายกันไปนาน คงเพราะงานเขาเยอะและตัวผมก็ถูกคุมอยู่แบบนี้ไง


“เอิร์ทว่างวันไหนล่ะ เดี๋ยวจะได้นัดเจอกัน” บาสเบิกตามองผมด้วยสายตาทึ่งและอมยิ้มน้อยๆ สายตาที่มองมานั้นผมตีความได้ว่าเขากำลังคิดว่าที่ผมพูดนั้นคือผมพูดจริงๆ ใช่มั้ย


“จะดีเร้อ รู้อยู่ว่าแฟนตัวเองเป็นคนยังไง”


“ก็แค่นัดเจอปกติ บาสก็…” ผมกำลังจะอ้าปากพูดต่อ ก็พอดีกับที่วิคเตอร์เดินเข้ามาหา เขายกยิ้มมุมปากขวาน้อยๆ ให้บาส อีกฝ่ายยิ้มกลับไปก็พอดีกับที่คุณเบนเรียกให้บาสไปหาที่บาร์ ผมแหงนหน้าส่งยิ้มให้วิคเตอร์ เขานั่งลงบนพื้นกระเบื้องใกล้ๆ ผม ยกตัวผมขึ้นไปนั่งตัก แล้วก็หอมแก้มขวาผมไปที ผมยิ้มตอบกลับไป


“พรุ่งนี้ที่บอกว่าจะไปด้วย ฉันไม่ไปแล้วนะ” ผมมองเขาด้วยความประหลาดใจ พ่อยักษ์หน้าหนวดที่ยังมีผ้าก็อตสีขาวพันอยู่ที่แขนยิ้มอ่อนๆ กลับมาให้


“ทำไมล่ะ” ผมอดถามไม่ได้ ก็ตอนแรกทั้งดื้อ ทั้งยืนยันมั่นเหมาะว่าจะไปกับผมให้ได้ หัวเบี้ยวตีนขาดยังไงก็จะไปไม่ใช่เรอะ


“มีธุระต้องไปทำน่ะ” ผมย่นคิ้วนิดหน่อย วิคเตอร์มีธุระอะไรในประเทศไทยที่ต้องไปทำ ผมอดคิดไม่ได้ว่าเขานัดกับอันเดรียนาไว้หรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากพูดให้บรรยากาศหมดสนุกเลยทำได้แต่พยักหน้ารับหงึกๆ เขาอาจจะไปทำธุระกับเพื่อนๆ เขาก็ได้ เพราะเพื่อนเขาก็อยู่นี่กันเยอะแยะนี่นะ


“ไม่ได้ไปหาอันเดรียนา” เขาพูดด้วยเสียงทุ้ม มองด้วยสายตาเหมือนรู้ทัน ผมยิ้มเพลียกับการจับผิดของเขา ซึ่งก็ดันจับถูกอีกต่างหาก


“ไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย” ผมตอบอ้อมแอ้ม ยกโค้กขึ้นดื่มหนึ่งอึก


“ฉันรู้ทันน่าเด็กน้อย” ผมแกล้งมองค้อน แล้วโน้มหน้าลงไปกัดไหล่เขาเบาๆ หนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม ก้มลงจูบกลางกระหม่อมผมกลับมา ก่อนที่เขาจะยื่นแขนไปหยิบกล่องของขวัญกล่องแบนๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ห่อด้วยกระดาษแก้วสีน้ำเงินเข้มวาววับมาให้ผม


“แกะกล่องนี้ก่อนสิ” ผมเลิกคิ้วขึ้น เขาพยักหน้ายืนยันว่าให้ผมแกะ ผมวางแก้วน้ำลงบนพื้น หันมาจัดการแกะกระดาษห่อของขวัญวาววับที่สะท้อนกับแสงไฟกระพริบจากต้นสนอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ โดยมีสายตาวิคเตอร์คอยมองตามอิริยาบถผมอยู่ตลอดเวลา ผมหันไปยิ้ม เขายิ้มตอบกลับมา นั่งมองผมแกะของขวัญเหมือนเขากำลังเพลิน


ผมวางกระดาษลงบนพื้น ดึงฝากล่องสีขาวสะอาดตาออก พอเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในผมก็ยิ้มกว้างเหมือนเด็ก หันไปมองหน้าพ่อยักษ์รูปหล่อที่ยิ้มกว้างตอบกลับมา


“You like it?”


“Very much!” ผมตอบเสียงกระตือรือร้น แล้วหยิบเจ้าสติชท์สีฟ้าขนฟูนุ่มนิ่มขึ้นมาจากกล่อง มันไม่ใช่แค่ตุ๊กตาธรรมดา แต่มันเป็นหมวกสามารถสวมลงบนหัวได้ รูปร่างมันก็เป็นเจ้าสติชท์ที่ผมชอบนั่นแหละ แต่มันใส่แทนหมวกได้ด้วย แต่ผมก็คิดว่ามันคงกันแดดไม่ได้นะ ถ้าใส่เอาความน่ารักน่ะได้อยู่


“Put it on your head.” ผมยิ้มแก้มอิ่ม ยกเจ้าสติชท์ปากกว้างที่กางมือกางเล็บออกราวกับทำท่าข่มแต่มันกลับน่ารักมากต่างหากขึ้นมาสวมหัวไว้เหมือนหมวก วิคเตอร์ช่วยผมจัดระเบียบหมวกให้ดี พอช่วยผมใส่เสร็จเขาก็มองผมแล้วคลี่ยิ้มหล่อ


“Lovely.” ผมยิ้มเขินๆ วิคเตอร์ยื่นหน้ามาจุ๊บหน้าผากผม


“กล่องอื่นๆ แกะตอนนี้เลยได้มั้ย” ผมถามพลางหันไปเมียงมองกล่องของขวัญที่กองอยู่ใต้ต้นคริสมาสต์อีกมากมาย


“ใจเย็น ไปกินอาหารเย็นก่อนเถอะตอนนี้น่ะ เดี๋ยวนายก็ต้องกลับไปนอนบ้านนี่” ผมหันกลับมามองเขา แล้วพยักหน้าเอ๋อๆ เกือบลืมไปแล้วว่าต้องกลับไปนอนบ้านคืนนี้ เพราะพรุ่งนี้เช้าผมต้องไปทำบุญกับพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมทำทุกปีในวันเกิด


เราสองคนลุกขึ้นเดินไปที่ครัวที่คุณเอมิลี่กับคนอื่นๆ กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร บนนั้นมีอาหารหลายอย่างมาก มีพิซซ่าทำมือ โดยฝีมือของเอริคที่เคยไปเรียนมาตอนเขาไปเที่ยวอิตาลีเมื่อสองเดือนก่อน กลิ่นหอมมาก ผมไม่รู้ว่าหอมอะไร เพราะนอกจากพิซซ่าแล้วยังมีไก่งวงอบซึ่งเป็นไฮไลท์ของวันคริสมาสต์ สปาเก็ตตี้ซอสเห็ด ปูนึ่งสีส้มน่ากิน แล้วยังกุ้งเผาที่เหลือจากวันก่อน มีของหวานจำพวกเค้กช็อคโกแล็ต บราวนี่ ลูกอมเม็ดเอ็มแอนด์เอ็มที่เทใส่โหลแก้วเอาไว้เพิ่มความเก๋ไก๋ มีต้นคริสมาสต์สตรอว์เบอร์รี่ด้วย น่ารักและน่าทานมาก


“อาหารมื้อนี้ก็คือมื้อนี้นะ พรุ่งนี้วันพิเศษของแมท เราจะทำใหม่” คุณเอมิลี่บอกด้วยรอยยิ้มพลางเทไวน์แดงใส่แก้วให้กับทุกคน เธอมองหมวกสติชท์บนหัวผมแล้วอมยิ้ม คนอื่นๆ ก็เช่นกัน มองมาที่ผมใส่หมวกแล้วยิ้มกันใหญ่จนผมยิ้มเขินทำตัวไม่ถูก


“ใครก็ได้ไปตามออสตินมาทานอาหารด้วยกันหน่อยสิ อ้อ แล้วพวกบอดี้การ์ดคนไทยล่ะวิคเตอร์” คุณเอมิลี่หันมาถามวิคเตอร์ก็พอดีกับที่อันเดรเดินออกไปตามออสตินด้วยตัวเอง วิคเตอร์จิ้มสเต็กพอร์คช็อปใส่จานตัวเองแล้วตอบ


“ฉันชวนแล้ว แต่เขาขอกลับไปฉลองกับที่บ้าน ฉันเลยให้หยุดยาวไปถึงปีหน้าเลย” คุณเอมิลี่ทำหน้าว่าอ้อ แล้วหั่นไก่งวงตรงช่วงน่องไปใส่จานตัวเอง คนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยตักนั่นตักนี่ไปทานกัน มีเสียงพูดคุยแผ่วๆ ดังคลอร่วมไปกับบรรยากาศทานอาหาร


“ออสติน มากินด้วยกันเร็ว” พ่อหัวเกรียนยกยิ้มเพียงนิด แล้วนั่งลงตรงหัวโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับคุณเอมิลี่อีกฝั่ง โต๊ะอาหารที่ห้องก็ไม่ได้ว่าเล็กมากอะไร แต่พอเจออาหารมื้อนี้เข้าไป ผมว่ามันก็ดูแคบๆ ไปเหมือนกัน


“เอาไก่มั้ย” วิคเตอร์หันมาถาม ทำท่าจะเอื้อมแขนไปหั่นไก่มาให้ผม


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมดูแลตัวเองได้” เขาทำท่าคิดนิดหนึ่ง แล้วก็พยักหน้า ก่อนจะหันไปตักอาหารใส่จานตัวเองต่อไป


“เฮ้ แล้วเราไม่ต้องขอบคุณพระเจ้าก่อนเหรอ” อันเดรขมวดคิ้วนิดๆ สอดสายตามองไปรอบโต๊ะ ทุกคนมองกันอย่างเลิ่กลั่ก ก็ในปากแต่ละคนกำลังเคี้ยวอาหารกันคนละอย่างสองอย่าง แม้กระทั่งตัวคนพูดเองก็เถอะ ปีกไก่คาอยู่ที่ปากอยู่เลย ที่ตลกสุดคงเป็นบาสที่กำลังสูดสปาร์เก็ตตี้เข้าปากแล้วดันต้องชะงักค้างเอาไว้


“ขอบคุณในใจแล้วกัน” คุณเบนตัดบท แล้วนั่นก็เลยทำให้ทุกคนหัวเราะขำ แล้วก็จัดการยัดอาหารเข้าปากกันต่อ คิดว่าพระเจ้าคงไม่เคืองหรอกนะ คุณเอมิลี่จิบไวน์หนึ่งอึกแล้วลุกไปหยิบหมวกวันคริสมาสต์ที่วางอยู่บนเค้าน์เตอร์ครัวด้านในมาแจกทุกคนยกเว้นผม


“เธอมีแล้ว” เธอบอกยิ้มๆ และชี้ไปที่บนหัวผม ทุกคนสวมหมวกคริสมาสต์ ผมมองทุกคนแล้วก็ยิ้มออกมา โดยเฉพาะออสตินที่หน้านิ่งๆ ดุๆ ของเขานั้นไม่เข้ากับหมวกน่ารักๆ แบบนี้เลย แต่มันก็ทำให้หน้าเขาซอฟต์ขึ้นนะ ส่วนคนข้างๆ ผม เอ่อ ไม่ใช่เอริคนะ อีกข้างต่างหาก พ่อหน้ายักษ์ใส่หมวกซานต้าแล้วน่ารักมากเลย เห็นแฟนตัวเองรู้สึกมันเขี้ยวแฮะ อยากขย้ำหนวดเขาจัง แต่ที่ทำได้คือยิ้มให้กันเท่านั้น แล้วหันกลับไปบนโต๊ะต่อ อันเดรชูแก้วไวน์ขึ้นมาตรงหน้า แล้วพูดเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงฮิปฮอป


“Happy Christmas!” ทุกคนชูแก้วแล้วตอบรับประโยคเดียวกันพร้อมกันด้วยเสียงใสๆ ที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม


เป็นอีกหนึ่งวัน อีกหนึ่งเทศกาลที่ผมชอบมาก และปีนี้มันก็สนุกมากขึ้น เพราะผมมีผู้ชายหน้ายักษ์อยู่ข้างๆ แม้ระหว่างเราจะยังคงขาดแหว่งทางความรู้สึกต่อกันอยู่บ้างก็ตาม





เช้าวันต่อมา ผมตื่นแต่เช้ามืด เพื่อมาช่วยแม่ทำอาหารสำหรับไปทำบุญ ปกติผมก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นเยอะนักหรอก คอยช่วยแม่ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ตามที่แม่สั่ง แต่หลังจากไปฝึกงานกับวิคเตอร์มา สกิลการทำอาหารของผมก็มากขึ้น แต่ก็ยังไม่เก่งเท่าแม่อยู่ดี บางอย่างที่เครื่องปรุงมันซับซ้อนไป ผมก็ไม่กล้าแตะ กลัวพระอาจารย์ฉันท์แล้วท่านจะเบือนหน้าหนี



“แค่นี้ก็อิ่มท้องเวลาพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านแล้วละ” แม่บอกเหมือนจะชม แต่ก็ไม่ถึงขั้นชมโต้งๆ ผมยิ้มนิดหน่อย ยืนมองต้มไก่น้ำดำที่ผมทำเองโดยมีแม่คอยกำกับอยู่ข้างๆ พอชิมรสชาติแล้วก็ต้องบอกว่าพระอาจารย์ท่านไม่น่าจะเบือนหน้าหนีแต่อย่างใด


เราช่วยกันทำอาหารเสร็จตอนหกโมงเช้า พ่อกลับเข้ามาในบ้านหลังจากออกไปหาซื้อขนมหวาน พวงมาลัย ดอกไม้ ผลไม้ที่ตลาดสดตอนเช้ามาให้ ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เลือกใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปสะอาดตากับกางเกงขาสั้นสีครีม ไปวัดก็ต้องทำตัวให้พาสเทลๆ เข้าไว้เพราะจะได้ดูซอฟต์ ผมตรวจเช็กสภาพร่างกายตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่ซึ่งสามารถนำไปเข้าฉากในเรื่องสโนว์ไวท์ที่แม่มดใจร้ายเอาไว้ถามว่าใครงามเลิศในปฐพี แต่ในห้องผม ถ้าเกิดลองถาม มันคงตอบว่าไม่ใช่มึงหรอก


ผมหยิบนาฬิกาข้อมือที่วิคเตอร์ซื้อให้ขึ้นมาใส่ไว้ที่ข้อมือซ้าย แรกๆ ไม่ค่อยชินหรอก แต่พอถูกบังคับให้ใส่บ่อยๆ ผมเลยรู้สึกชินไปเอง เป็นต้องหยิบขึ้นมาใส่ทุกครั้งหลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู มีข้อความจากวิคเตอร์ส่งมาสุขสันต์วันเกิดแค่นั้นสั้นๆ อดจะเฟลนิดหน่อยไม่ได้ ข้อความมานิดเดียวเอง พิมพ์ยาวกว่านี้ไม่ได้รึไงล่ะ แถมไม่ได้ส่งมาเป็นคนแรกด้วย คนแรกที่ส่งมากลายเป็นข้อความจากธนาคารซะนี่


เมื่อคืนวิคเตอร์ดื่มกับเพื่อนๆ จนหน้าแดง เขาไม่ได้เมามาก อย่างน้อยก็ไม่เมาเท่าวันที่บังคับผมมีอะไรด้วยหรอก เขายังมีสติ สติแบบที่สตรองไม่โดนน้ำเมากลบจนมิด ยังกอดผมได้ และยังคงรับน้ำหนักผมไหวตอนที่อุ้มผมขึ้นไปนั่งบนตัก ประมาณสามทุ่มเขาก็ขับรถมาส่งผมที่บ้านโดยมีบาสนั่งมาเป็นเพื่อน เนื่องจากเดี๋ยวเขากลับไม่ถูก จะให้ออสตินมาด้วยเขาก็กำลังคุยสนุกอยู่กับพวกคุณเบน วิคเตอร์เลยไม่อยากขัด พอมาส่งผมหน้าบ้านแล้วก็ยังไม่ยอมพูดแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้อีก เขาก็บอกผมแล้วแหละว่ามันยังไม่เที่ยงคืน ไว้เขาจะส่งข้อความมาบอกอีกที แต่สงสัยจะเมาหนัก เลยโดนข้อความธนาคารแซงซะได้ โถ่ ไอ้ยักษ์


ผมเดินลงมาข้างล่างบ้าน ช่วยพ่อกับแม่ขนของไปขึ้นรถ พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย พ่อก็ขับรถออกจากบ้าน ตรงไปตามทางไปวัดอย่างคุ้นเคย ผมนั่งอยู่ด้านหลังคนเดียว กดเช็กโซเชียลไปเรื่อย เมื่อก่อน เอางี้ดีกว่า ปีก่อน คนก็มาแฮปปี้เบิร์ทเดย์ผมกันตามปกตินั่นแหละ เพียงแค่ว่าหน้าวอลผมจะฮ็อตมาก ซึ่งผมเชื่อว่าหน้าวอลเฟซบุ๊คของทุกคนที่ไม่เคยฮ็อตคุณจะเป็นสาวฮ็อตหนุ่มฮ็อตขึ้นมาทันทีเมื่อถึงวันเกิด เพราะทุกคนจะแห่มาอวยพรกันอย่างล้นหลาม และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ปีนี้ผมรู้สึกว่ามันพิเศษกว่าปีก่อนๆ


คนติดตามผมในเฟซบุ๊คเยอะมาก จริงๆ มีคนแอดมาหาผมเป็นพันๆ คน แต่ผมรับทั้งหมดไม่ได้ หลายๆ คนเลยเลือกกดติดตามผมไว้แทน แต่ไม่ใช่ว่า โห พันนึงแอดมาพร้อมกันวันสองวัน ไม่ใช่แบบนั้น มันสะสมเรื่อยๆ จนกระทั่งเยอะขนาดนี้ นี่ถ้าแปลงเป็นเงินได้ผมคงรวยพอสมควร ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ปวดสมอง เป็นเพราะวิคเตอร์นั่นแหละ ตั้งแต่มีข่าวระแคะระคายว่าผมกับเขาคบกัน ผมก็เริ่มกลายเป็นที่สนใจมากขึ้น เฟซบุ๊คผมฮ็อตมาก อัพสถานะอะไร อัพรูปไหน เช็กอินอะไร มีคนกดไลค์ให้เป็นร้อยๆ คนตล๊อด ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนห้าสิบคนนี่ยังยากเล้ย ถ้าไม่ใช่สถานะเก๋ไก๋อย่างเช่นอัพว่าอยู่นิวยอร์กอะไรแบบนั้น อินสตาแกรมผมก็มีคนติดตามเพิ่มเติมขึ้นเยอะมากจนน่าตกใจ ที่สำคัญคือผมโดนแท็กจากแฟนคลับวิคเตอร์เยอะมาก แท็กแซะบ้าง แท็กชมบ้าง สลับๆ กันไป


นี่ขนาดยังไม่มีการยืนยันว่าผมกับเขาคบกันจริงๆ นะ ถ้าเกิดวิคเตอร์ยืนยันขึ้นมา ผมว่ากระแสคงแรงกว่านี้ ซึ่งจริงๆ ทุกวันนี้มันก็ไม่ได้กระแสรุนแรงอะไรหรอก เป็นเพราะว่าผมเงียบ วิคเตอร์เงียบ ค่ายหนังเงียบ โฆษกส่วนตัววิคเตอร์เงียบ นักข่าวเลยเล่นอะไรมากไม่ได้ แล้วเวลาวิคเตอร์มาหาผม ก็ปิดข่าวโคตรจะดี ฉะนั้นคนฝั่งจะวันตกจะรับรู้เรื่องผมกับเขาน้อยมาก แต่น้องๆ แฟนคลับที่ไทยจะรู้มากกว่าใครหน่อย และน้องๆ ก็น่ารักมากที่ไม่ได้ป่าวประกาศเรื่องผมโจ่งแจ้ง เพราะผมขอไว้ มีสื่อไทยพยายามขุดคุ้ยเรื่องผมกับวิคเตอร์ แถมยังเล่นข่าวแรงๆ มากมาย ลิงก์ข่าวเรื่องผมกับวิคเตอร์จะมีให้เห็นเรื่อยๆ แต่ไม่บ่อยมาก เพราะมันยังหาเนื้อหาหลักๆ ไม่เจอ แต่ที่เจอคือบางสำนักใช้คำแรงมาก และคนเสพข่าวหลายคนก็ใช้คำแรงมากอีกเช่นกัน ผมเลยตัดปัญหาด้วยการไม่ตามข่าว และพยายามไม่ยุ่งกับโซเชียลมากนัก อัพอะไรของตัวเองเสร็จคือปล่อยเลย กดตั้งค่าไว้ไม่ให้มีการแจ้งเตือน


“เสร็จแล้วเดี๋ยวแม่พาไปไถ่ชีวิตควาย แม่ไปคุยกับเจ้าของคอกเขาไว้แล้ว” แม่บอกผมในขณะที่เราถือของก้าวเท้าไปยังกุฏิพระอาจารย์ที่ผมเคยพาวิคเตอร์มาทำบุญครั้งก่อน


“กี่ตัวเหรอ”


“ห้า เขากำลังจะเอาไปฆ่า แม่ไปเจอพอดี แม่เลยบอกว่าวันนี้จะเอาเงินไปให้เขา”


“แล้วจะเอาน้องควายไปเก็บไว้ที่ไหน” ผมถามแม่พลางถอดรองเท้าไว้หน้ากุฏิ


“ลูกชายเพื่อนแม่เขาทำไร่ทำนา แล้วเขาก็เลี้ยงควายด้วย เลยว่าจะเอาไปฝากไว้กับเขา” ผมพยักหน้านิ่ง วางของลงบนพื้นแล้วช่วยพ่อกับแม่เทอาหารจากปิ่นโตใส่จานที่พระอาจารย์ท่านนำมาให้


“อ้าว วันนี้ไม่พาพี่ชายที่เป็นฝรั่งมาด้วยเหรอ” ผมเบิกตากว้างเล็กน้อย เม้มปากแน่น แทบจะหยุดหายใจ แล้วเงยหน้าขึ้นไปยิ้มละห้อยแห้งเหี่ยวให้พระอาจารย์ที่ยิ้มสดใสกลับมา หางตาเหลือบเห็นปฏิกิริยาของพ่อกับแม่ที่หยุดชะงักแล้วมองสลับผมกับพระอาจารย์ด้วยสายตางงๆ


“เอ่อ ไม่ได้มาครับ แล้วก็ เขาเป็นเจ้านายแมทครับพระอาจารย์” จะโกหก จะแถอะไรต่อหน้าพระก็คงไม่เหมาะ ที่ทำได้คือพูดความจริงให้เบาที่สุด ให้เลี่ยงที่สุดก็แล้วกัน


“แมทเคยพาใครมา” พ่อถามเสียงห้วนหน่อยๆ แต่ไม่ได้ฟังแล้วระคายหูหรือเสียมารยาทอะไร คือนี่เป็นสไตล์ของพ่อผมอยู่แล้วน่ะ


“เจ้านายแมทไง” ผมทำเป็นหน้านิ่งแล้วจัดแจงอาหารใส่จานอย่างดีมีระเบียบ ทั้งที่จริงไม่ต้องจัดอะไรเยอะแยะนักหรอก อาหารมันไม่ได้แกะสลักมาสักหน่อย


“มาตอนไหน ทำไมไม่เห็นรู้เรื่อง” พ่อยังคงถามจี้ต่อ ผมกระตุกยิ้มแกนๆ เริ่มสติขาดๆ หายๆ แต่ก็ยังพยายามพูดต่อ


“เขาแวะมาเปลี่ยนเครื่องวันนึง แล้วเขาว่าง เขาเลยโทรตามให้แมทพาไปเที่ยว แมทไม่รู้จะพาไปไหนเลยพาเขามาทำบุญ” ยิ่งพูดยิ่งอยากร้องไห้ เพราะมันเป็นการแถที่แย่มาก เหมือนยิ่งพูดยิ่งหลุดออกจากความเป็นจริงไปเรื่อยๆ และถ้าพ่อยังขี้ถามอยู่ ผมว่าผมต้องโดนเขาจับได้แน่เลย


“ที่บอกว่าหายไปทำงาน ก็คือพาเขาไปเที่ยวด้วยน่ะเหรอ” แม่เริ่มขบวนการจี้ถามตามพ่อ ผมทำได้แค่ยิ้มเกร็งแล้วพยักหน้ารับเกร็งๆ ไม่แพ้รอยยิ้ม


“ก็ด้วย เอ่อ ใส่ซองเท่าไหร่แม่” ผมชวนเปลี่ยนเรื่องเนียนๆ ซึ่งบอกเลยว่าผมพลาดแล้วที่เปลี่ยนเรื่องเองแบบนี้ เพราะพ่อจ้องผมด้วยสายตาคาดคั้นมาก ผมทำได้เพียงทำตัวให้นิ่งเข้าไว้ แต่สุดท้ายแม่ก็ทะลายสถานการณ์ตรงหน้าลงด้วยการบอกจำนวนเงินที่จะใส่ซองกับผมเบาๆ แล้วเร่งให้พวกเราจัดการถวายอาหาร ข้าวของต่างๆ ให้แก่พระอาจารย์ จะได้รับศีลรับพร พระอาจารย์ท่านจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ


ผมถวายอาหาร สังฆทาน ของใช้สำหรับพระบางอย่าง ดอกไม้และเงินใส่ซองให้กับพระอาจารย์เสร็จ ท่านก็ให้สวดมนต์ตาม ให้ผมกรวดน้ำ แล้วก็รับพร ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการอวยพรวันเกิดให้ผม พอได้รับพรจากพระอาจารย์เสร็จ ผมก็หันไปกราบตักพ่อกับแม่เหมือนเดิมทุกปี


“เรื่องเรียนแม่ไม่ห่วง เพราะแมทจะจบแล้ว เรื่องงานก็คิดว่าไม่น่าห่วงเหมือนกัน งั้นแม่ขอให้แมทประสบความสำเร็จกับหน้าที่การงาน ตั้งใจทำอะไรแม่ก็ขอให้สำเร็จ มีสติเสมอ กับทุกๆ เรื่อง มีความสุขในชีวิตเยอะๆ นะลูกนะ แม่กับพ่อเป็นกำลังใจให้” แม่ลูบหัวผมเบาๆ ผมยกหัวตัวเองขึ้นจากตักแม่แล้วพูดสาธุดังๆ ก่อนจะหันไปก้มกราบตักพ่อ


“มีความสุขกับอายุที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปีแล้วกัน จะทำอะไรก็คิดเยอะๆ ตัดสินใจดีๆ บางทีอะไรที่คิดว่าดี อาจไม่ดีก็ได้ มีสติเยอะๆ เข้าไว้ไม่ว่าจะทำอะไร” ผมแอบย่นคิ้ว รู้สึกตงิดใจกับคำอวยพรของพ่อ พ่อลูบหัวผมอีกสามทีแล้วพอ ผมเลยยกหัวขึ้นมาพูดสาธุ ตอนเอามือลงจากหน้าผา เราสองพ่อลูกสบตากัน พ่อมองด้วยสายตาเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็แค่จะ ไม่คิดพูดจริงๆ สุดท้ายผมเลยหันหน้าไปกราบพระอาจารย์แทน


เสร็จจากกุฏิพระอาจารย์ แม่ก็ให้พ่อพาขับรถไปคอกควายที่แม่บอกไว้ ตอนแรกผมคิดว่าอยู่ใกล้ๆ แต่เปล่าเลย อยู่ถึงสุพรรณบุรี เลยกลายเป็นว่าเราต้องนั่งรถต่อไปอีกสองเกือบสามชั่วโมง ผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก เพราะยังไงช่วงเช้าถึงหกโมงเย็น ผมกะอยู่กับพ่อกับแม่อยู่แล้ว หลังจากนั้นก็จะขออนุญาตไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ (และผัวที่ยังตึงๆ ใส่กันอยู่) ผมหยิบมือถือขึ้นมากดไลค์ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอวยพรวันเกิดผมในเฟซบุ๊ค ปีก่อนผมยังสามารถนั่งตอบกลับได้อยู่เลยเพราะข้อความไม่เยอะมาก แต่ปีนี้แค่กดไลค์อย่างเดียวก็ขออย่าว่ากันเลย เพราะเยอะมากจริงๆ ผมเลือกตอบเฉพาะคนที่รู้จักมักคุ้นกันเท่านั้น


แต่จะว่าไป พวกเพื่อนๆ ผมมันหายไปไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้จะทวงคำอวยพรจากพวกมันหรอก แค่ปกติพวกมันจะทยอยกันออกมาป่วนหน้าวอลเฟซบุ๊คของผมแล้ว โดยจะมีไอ้แชมป์กับไอวอร์มเป็นแกนนำ อาจเพราะยังเช้าอยู่มั้ง คงยังไม่ตื่นกัน ส่วนไอ้ยักษ์น่ะเหรอ หึ สงสัยหลับต่อแล้ว เงียบหายไปเลย หรือว่าหนีแอบไปหาชู้รักอันเดรียนาแล้วมั้ง ก็เธอยังอยู่ที่ไทยอยู่ ไม่ได้ไปไหน ผมไม่รู้หรอกว่าเธอพักที่ไหน หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้ถามถึงเธออีก ไม่ถาม แต่ผมก็คิดนะ แต่ไม่คิดเป็นวรรคเป็นเวรหรอก บางทีภาพที่เธอจูบกับวิคเตอร์ก็ชอบพุ่งเข้ามาในหัวตลอด มันไม่ง่ายเลยที่สลัดทิ้ง มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจให้ลืมๆ เรื่องนั้นไปซะ แต่ผมก็ต้องลืม หรือเรียกง่ายๆ ว่าต้องทำ เพราะผมไม่อยากให้วิคเตอร์แย่ลง


แล้วผมก็กลายเป็นคนที่ต้องรู้สึกแย่แทนไปซะอย่างนั้น ฮื่อ… แต่ตอนนี้ความรู้สึกผมดีขึ้นมาบ้างแล้วละ พยายามที่จะปัดไอ้ส่วนแย่ๆ ที่ยังเหลืออยู่ออกไปให้หมด


“ถึงแล้วแมท” ผมนั่งเล่นโทรศัพท์เพลินบวกกับคิดอะไรไหลไปเรื่อยจนไม่ได้สนใจรอบข้างมากนัก วิวสองข้างทางก็มองผ่านๆ ตา แต่ไม่ได้จดจ่อกับมันมากเลยไม่รู้ว่าถึงไหนแล้วบ้าง รู้ตัวอีกทีว่าถึงแล้วก็ตอนแม่บอกนั่นแหละ ผมลงจากรถ สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำเอาผมรู้สึกตื้นตันใจแปลกๆ น้องควายห้าตัวตามที่แม่บอกยืนกินหญ้าเรียงกันอยู่ แล้วไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ทั้งห้าตัวนั้นตอบรับการมาของพวกเราสามคนพ่อแม่ลูกด้วยการส่งเสียงฟึดฟัด แต่ไม่ใช่เสียงฟึดฟัดไล่ เหมือนพวกเขาดีใจ ดีใจจนน้ำใสๆ เอ่อคลอในดวงตาของพวกเขา


“สวัสดีครับ” ลุงแก่ๆ คนหนึ่ง ร่างสูงผอมคล้ำยกมือสวัสดีแม่ผมที่ยกมือตอบรับ ก่อนที่ลุงเขาจะหันไปยกมือไหว้พ่อผมอีกคน ผมเลยรีบยกมือไหว้ค้างไว้เพื่อรอสวัสดีเขา ลุงหันมาไหว้ผมอีกคนแล้วส่งยิ้มมาให้ ผมแอบขมวดคิ้วนิดหน่อย รู้สึกไม่ค่อยชอบโหงวเฮ้งของลุงสักเท่าไหร่


“ค่ะ ฉันมาตามที่คุยกันไว้” แม่พูดแล้วมือก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าหนังสีดำทรงสี่เหลี่ยมที่คล้องแขนแม่เอาไว้ หยิบซองสีน้ำตาลบวมๆ สองซอกออกมา เดาว่าในนั้นคงเป็นเงิน แม่หันมายื่นให้ผม


“อะแมท ตั้งจิตอธิษฐานดีๆ” ผมพยักหน้าน้อยๆ รับซองเงินมาจากแม่ แล้วยกขึ้นเหนือหัว ตั้งจิตว่าขอปลดปล่อยชีวิตห้าชีวิตนี้ให้เป็นอิสระ แล้วขอให้สิ่งดีๆ ที่ผมทำในวันนี้ บันดาลเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิตครอบครัวผม ซึ่งรวมถึงวิคเตอร์ด้วย ให้สิ่งร้ายๆ ทุกอย่างจงอย่าทำอะไรเราได้ ให้ชีวิตพวกเรามีแต่ความสุข ถ้าทุกข์ก็ขอให้ทุกข์แปบเดียวแล้วผ่านไปด้วยความสุขที่มีมากกว่า


“นี่เท่าไหร่อะแม่” ผมถามแม่เสียงเบาหลังจากอธิษฐานเรียบร้อยแล้ว แม่ส่ายหัวเป็นทำนองว่าไม่ต้องไปใส่ใจกับจำนวนตัวเลข ถ้าให้ผมเดา ผมว่าหกหลักแน่ๆ เพราะมันแน่นมาก แล้วมีตั้งสองซองแบบนี้ด้วย


“นี่ค่ะ” แม่ยื่นซองไปให้คุณลุงผอมกะหร่องคนนั้น เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ เป็นรอยยิ้มอิ่มใจ ตอนนั้นเองที่ผมปัดความไม่ชอบโหงวเฮ้งบนหน้าเขาออกไป เพราะเขาไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะขายน้องควายพวกนี้เพื่อหากินเท่าไหร่เลย


“ขอบคุณมากนะครับคุณ ผมเลี้ยงพวกมันมา ไม่ได้คิดอยากขายพวกมัน แต่ชีวิตผมก็เลือกมากไม่ได้หรอก” ลุงแกยิ้มเศร้าสร้อย เอื้อมมือขวาไปลูบหัวน้องควายมีเขายาวตัวหนึ่ง ผมเดินเข้าไปลูบหัวน้องควายเขาสั้นๆ ตัวหนึ่งที่อยู่ริมขวาสุด มันยื่นหน้าเขามาคลอเคลียกับมือผมเหมือนเป็นการอ้อน ผมยิ้มออกมา แล้วพลันน้ำตาก็ร่วงหล่นอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งเห็นแววตาที่ดีใจของพวกเขาทั้งห้าตัว ผมยิ่งรู้เลยว่าพวกเขาก็รักชีวิตของเขาพอๆ กับที่เรารักชีวิตของเรานั่นแหละ เขาคงดีใจที่มีคนมาช่วยเขาไว้ได้


“น้าดาสวัสดีครับ” เสียงทุ้มหนักๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังผม แต่ผมก็ยังคงลูบหัวน้องควายต่อไป ยื่นมือไปเกาคางน้องเบาๆ ด้วย


“อ้าว มาแล้ว น้าเพิ่งเคลียร์เสร็จพอดี แมท สวัสดีพี่เขาก่อน” ผมรีบเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วหันไปมองบุคคลมาใหม่ทั้งที่ยังมีหยาดน้ำตาติดอยู่ตรงขนตาเล็กๆ น้อยๆ


V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 25-03-2016 22:19:29
V
v
V

“นี่พี่แผ่นดิน หรือเรียกพี่กล้าก็ได้” ผมยกมือสวัสดีชายหนุ่มตัวสูง ตัวใหญ่ ผิวเข้มแต่เนียนไปทั้งหน้าและตัว หน้าตาหล่อมาก หล่อแบบหนุ่มไทยแท้ ผมว่าเขามาสไตล์เดียวกับเอิร์ทที่หล่อแบบไทย แต่พี่คนนี้เข้มกว่า คล้ำกว่า ล่ำกว่า แน่นกว่าเยอะ หนวดเคราที่หน้าก็ทำให้เขาดูโตมากด้วย ไม่ได้แก่นะ แต่เขาแลเป็นผู้ใหญ่ หน้าเข้มมาก แต่ตาพี่เขาหวานเป็นประกายเลยทำให้หน้าเบาลง


“สวัสดีครับพี่กล้า” พี่เขายกมือรับไหว้ผมแล้วยิ้มน้อยๆ ยิ่งทำให้ตาดูหวานมากขึ้น ผมยิ้มเก้อหน่อยๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาซะงั้น ไอ้อาการโดนคนหล่อสตั๊นท์นี่จะทำยังไงให้หายไปนะ แต่ก็ไม่ได้ค้างเติ่งอะไรขนาดนั้น เพราะพี่เขาไม่มีรอยสัก ฮ่าๆๆ


“น้องแมทใช่มั้ย” เสียงเจนเทิลแมนมากเลยอะ เขามีหนวดแบบไอ้ยักษ์ แต่ผมว่าของไอ้ยักษ์ครึ้มกว่า เพราะหนวดของพี่กล้าไม่ได้กินพื้นที่แก้มมากมาย มีเคราที่ต่อจากจอนผมจางๆ จะมาเข้มตรงใต้จมูกที่เดียวมากกว่า


“ครับ” ผมยิ้มแหะไปให้พี่เขา อีกฝ่ายยิ้มคล้ายว่าจะเอ็นดูกลับมาให้ แวบหนึ่งผมเห็นสายตาของพ่อมองสลับผมกับพี่กล้า


“พอดีวันนี้วันเกิดน้อง น้าเลยพาเขามาทำบุญ แต่บ้านน้าไม่มีที่เก็บควาย ก็เลยโทรหาแม่เรา เขาเลยติดต่อกล้ามานั่นแหละ”


“ครับ ไม่มีปัญหา เดี่ยวผมพาไปอยู่บ้านผมเอง…” พี่กล้าเหลียวหลังไปมองตรงรถกระบะสีดำคันใหญ่ซึ่งจอดอยู่ข้างๆ กับรถบรรทุกขนาดใหญ่หนึ่งคัน


“…พวกมึง ลงมาพาควายไปขึ้นรถดิ๊!” ผมแอบสะดุ้งกับน้ำเสียงนั้นนิดหนึ่ง คือก็ไม่คิดว่าพี่เขาจะพูดจ๊ะพูดจ๋าหรอก แต่พอเขาพูดฮาร์ดคอร์ขึ้นมาบอกเลยว่าเข้ากับหน้าพี่เขามาก


“น้าดาจะไปบ้านผมด้วยรึเปล่าครับ” แม่ทำหน้าครุ่นคิด พอหันไปมองพ่อ อีกฝ่ายก็ผายมือมาทางแม่เป็นการบอกว่าแล้วแต่ แม่เลยหันมาผม


“ว่าไงแมท ไปบ้านพี่กล้าเขาก่อนมั้ย” ผมอ้าปากหวอ ทำหน้าเหลอหลาจนพี่กล้าอมยิ้มขำ ผมยิ้มงงๆ หันไปมองลูกน้องของคุณพี่แผ่นดินที่กำลังช่วยกันจูงควายไปขึ้นรถ


“ไปเปล่าน้องแมท บ้านพี่มีคอกหมูด้วยนะ” ผมหันกลับไปมองเจ้าของเสียงกวนๆ คือเขาไม่ได้กวนผมหรอก แต่น้ำเสียงที่พี่แกชวนมันฟังดูกวนๆ อะ อาจเป็นสไตล์น้ำเสียงพี่แกละมั้ง แล้วไอ้คอกหมูที่บ้านพี่นี่มันมีดีอะไร


“ไป… ไปก็ได้ อยากเห็นที่อยู่ใหม่น้องควาย” ผมตอบรับแบบงงๆ แต่จริงๆ ก็อยากไปเห็นบ้านใหม่น้องควายเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่ว่าไถ่ชีวิตเขาเสร็จแล้วก็ไม่รับรู้อะไรต่อ


“เดี๋ยวน้าขับรถตามไปนะ”


“กล้า เอาน้องไปนั่งด้วยได้มั้ย” ผมที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถึงกับหุบยิ้มวืด คิ้วขมวดฉับทันที ส่งสายตาไม่เข้าใจมองไปที่พ่ออย่างแรงกล้า


“ได้ครับ ข้างหน้ายังว่าง ให้น้องไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ผมก็ได้” พี่กล้าว่าอย่างอารมณ์ดี พ่อกับแม่ยิ้ม นั่นยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจ โดยเฉพาะพ่อ


“เดี๋ยว รถเราก็มี ทำไมแมทจะต้องไปนั่งรถคนอื่น เอ่อ รถพี่เขาด้วย” ผมรีบแก้คำพูดตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดความห่างเหินขึ้นได้ ซึ่งถึงแม้ว่าผมไม่ได้คิดจะเขยิบความใกล้ชิดใดๆ แต่ผมก็ไม่อยากทำลายความรู้สึกคนฟัง ซึ่งก็อีกว่าเขาอาจไม่คิดอะไรเลย มีแต่ตูเนี่ยคิดมากไปเองอีกตามเคย


“ไปนั่งเถอะน่ะ นั่งชมวิวทิวทัศน์ไป อยู่กับพ่อกับแม่แล้วชอบเล่นแต่มือถือ ไปอยู่กับพี่เขาจะได้นั่งคุย นั่งมองวิวนอกทางบ้าง” ผมเบิกตากว้างมองพ่อด้วยความรู้สึกทึ่งหน่อยๆ นั่นคือเหตุผลของพ่อที่ให้ผมไปนั่งกับพี่เขาเนี่ยนะ


และสุดท้ายผมก็ต้องมานั่งรถกระบะคันใหญ่มหึมาของพี่กล้า รถพี่แกใหญ่กว่าของบ้านผมอีก ยกสี่ล้อสูงกว่าเดิมด้วย กระบะข้างหลังนั่นมีลูกน้องเขานั่งอยู่ห้าหกคน ส่วนด้านหน้านั้นโล่ง มีแค่ผมกับเขา


“พวกมึงคนไหนมีใครจะลงกลางทาง บอกกูดังๆ นะมึง”


“ครับเพ่!” ผมปั้นหน้ายิ้มอ่อนขึ้นมา เมื่อพี่ๆ เหล่านั้นส่งยิ้มจริงใจมาให้ ผมโค้งหัวลงเล็กน้อย แล้วเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ขึ้นไปนั่งตามพี่กล้า


“โทษที ทำรถสูงไปหน่อย” เขาแซวยิ้มๆ ผมยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป ก็ไม่ได้สูงมากป้ะวะพี่ เห็นผมพยายามปีนขึ้นหน่อยเลยคิดว่าผมนี่เตี้ยมากขนาดนั้นเลยรึ


“เรียนอยู่ปีไรละ” ผมว่าพี่กล้าแกอาจจะติดนิสัยคุยห้วน คุยห่ามนิดๆ มาจากลูกน้องละมั้ง เพราะคุยกับผมแกก็ไม่ได้ว่าอ่อนโยนเป็นพี่ชายที่แสนดี นี่คงเป็นสไตล์แกจริงๆ


“หลังปีใหม่ส่งโปรเจ็คต์ก็จบแล้วครับ”


“เฮ้ย พูดเพราะจัง”


“หือ ก็ปกตินะพี่” ผมหัวเราะน้อยๆ พี่กล้ายิ้มขำ คือผมว่าเป็นเพราะพี่แกพูดจาห่ามอย่างนั้นมากกว่า พอมาเจอคนสุภาพ (จ้า แม่คนสุภาพ) แบบผมเขาเลยไม่คุ้นหูอะสิ


“จบไปกะทำงานอะไรล่ะ” ผัวจะเลี้ยงครับ ถ้าตอบแบบนี้ไปพี่แกจะหันมาถีบผมรึเปล่า เพราะดูท่าทางแล้วแกแมนเต็มร้อยมาก แมนแบบ แมนมากๆ (พูดเสียงเน้นตรงคำว่ามาก) อาจจะเกลียดตุ๊ด เกลียดเกย์ก็เป็นได้


“ไปทำงานที่นิวยอร์กอะครับ…”


“…เฮ้ย จริง?! แม่งเจ๋งดีว่ะ ไปทำงานไร” เอ่อ พี่ ผมยังไม่ทันพูดจบเลย พูดแทรก แล้วยังพูดแบบห้วนห่ามอีก สไตล์พี่นี่ฮาร์ดคอร์กว่าผัวผมอีก


“เอ่อ ไปทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังอะ พวกกองถ่ายอะไรแบบเนี้ย” ตอบอาชีพกลางๆ แบบนี้แหละดีที่สุด


“เอ้อ! ดีนะ แจ๋วๆ เอาพี่ไปเป็นดาราได้ป้ะ” ผมหัวเราะน้อยๆ แต่พี่กล้านี่สิหัวเราะดังมาก แต่ไม่ได้ดังน่าเกลียดนะ แต่ก็ทำเอาผมอ้าปากหวอกระพริบตาปริบๆ มองพี่แก แล้วนึกว่ามันต้องอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ขำไป๊


“เอาจริง ผมว่าพี่เป็นได้นะ แต่ถ้าเข้าวงการที่ไทยคงรุ่งกว่าอะ เพราะพี่หน้าไทยมากเลย หล่อแบบผู้ชายไทยแท้ๆ อะพี่”


“เฮ้ย พี่หล่อเหรอ”


“อื้อ หล่อ” ผมพูดแบบไม่คิดอะไร พูดเหมือนตอนชมวิคเตอร์ครั้งแรกในห้องแต่งตัวตอนถ่ายแบบนั่นแหละ ก็คนเขาหล่อจริงๆ นี่หว่า จะให้พูดว่าไงอะ


“แม่งน้องตาถึงว่ะ!” เอ่อพี่ ไม่ต้องทุบพวงมาลัยแรงขนาดนั้นก็ได้ครับ


พี่กล้าชวนผมคุยไปตลอดทาง พี่แกคุยเก่งมาก ถ้าพ่ออยากให้ผมเลิกสนใจมือถือเพื่อมาคุยกับพี่กล้า ผมว่าได้ผล เพราะเราคุยกันไปตลอดทาง ไม่ได้คุยจับฉ่ายนะ คือเราจะมีประเด็นให้คุยระหว่างกัน อย่างเมื่อกี้คุยค้างไว้เรื่องวงการบันเทิง พี่แกก็ถามผมใหญ่ว่ามันเป็นยังไง ดีมั้ย ผมก็เล่าประสบการณ์ตอนไปฝึกงานในกองถ่ายหนังของไทยให้เขาฟัง แล้วก็เล่าประสบการณ์ในกองถ่ายซีรีส์ของเมืองนอกให้เขาฟัง พี่กล้าสนใจมาก แต่คุยไปคุยมาพี่แกไม่ใช่คอละครเลยแม้แต่นิดเดียว ฉะนั้นดาราบางคนแกยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ


“วันๆ พี่ทำแต่งาน กลับจากงานก็เมื่อยแล้ว เมียไม่มีบางทียังต้องเหนื่อยชักว่าวอีก” ถ้ากำลังดื่มน้ำอยู่ ผมกล้าการันตีเลยว่าผมสำลักน้ำตายแน่ๆ แต่ในเมื่อไม่มีน้ำผมเลยอ้าปากกว้าง แต่ไม่ได้อึ้ง คือผมขำ พี่แกพูดตลกมาก ผมเลยหัวเราะออกมา


“เฮ้ย พี่พูดจริง ไม่ตลกนะ พี่แม่งเป็นผู้ชาย ความอยากก็มี แต่เมียไม่มีนี่สิ” แกทำหน้าว่าเสียดาย


“แล้วทำไมพี่ไม่หาอะ อายุพี่ก็สมควรแล้วป้ะ หน้าตาอย่างพี่ไม่น่าหายากนะ” พี่กล้ายิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มไม่ถึงกับเศร้าแต่ก็ไม่แฮปปี้เท่าไหร่


“ยังไม่เจอคนถูกใจ”


“หือ ไม่เจอคนถูกใจ หรือมีใครอยู่ในใจรึเปล่า” ผมแกล้งแซว พี่กล้าหันมายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผม


“แมทสนใจมาเป็นคนในใจพี่เปล่า มาช่วยพี่ชักหน่อยดิ” ผมอ้าปากกว้างเป็นรอยยิ้ม แต่คิ้วขมวด พี่กล้าแกตลกดีแฮะ เป็นคนตรงๆ แต่ไม่ได้ขวานผ่าซากหรือหยาบคายอะไร อารมณ์ตรงแบบบ้านๆ ซื่อๆ เลย


“โวะ ทำเองมาตั้งนาน ก็ทำเองต่อไปสิพี่”


“เมื่อยแล้วอะ อยากหาคนมาช่วย เนี่ย เจอแมทแล้ว มาช่วยพี่ดิ” ผมส่ายหัวพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง ขำมากจริง พี่กล้ายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่หล่อมาก นี่ถ้าไม่อยู่ท้องไร่ท้องนานะ แฟนคลับเพียบ


ขับรถมาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ถึงบ้านของพี่กล้า เห็นครั้งแรกผมชอบมาก เป็นชนบทเหมือนในตำราเรียน เหมือนในคำสอนของในหลวงอะไรแบบนั้นเลย บ้านพี่กล้าเป็นบ้านไม้หลังใหญ่แบบคนรวยบ้านนอก ยกใต้ถุนสูง ด้านล่างไว้สำหรับนั่งเล่น นอนเล่น มีสวนกล้วยอยู่ข้างบ้าน มีสวนมะม่วงขนาดย่อมอยู่ใกล้ๆ กัน มีทุ่งนาอยู่ใกล้ๆ บ้าน มีต้นมะพร้าวอยู่ในเขตรั้วบ้าน มีบ่อปลาด้วย มีคอกควาย แล้วก็มีคอกหมูแบบที่แกบอก แต่ทุกอย่างไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กัน ติดกันนะ แบ่งเป็นสัดส่วน เป็นระเบียบมาก


โอ้โห กลิ่นอายท้องทุ่งเต็มเปี่ยมมาก อากาศก็บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่หลอกลวงแบบโฆษณาของกรุงเทพฯ


“ชอบอะดิ๊ เนี่ย ถ้ามาเป็นเมียพี่ ได้อยู่อย่างนี้ทุกวันเลยนะ” พี่กล้าก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ผมหันไปหัวเราะอารมณ์ดีใส่พี่เขา เพียงแค่เวลาจากคอกเก่าน้องควายมาบ้านเขา ก็ดูเหมือนเราจะสนิทกันไปแล้ว


“พ่อไปหาเพื่อน แม่ไม่อยู่ไม่แปลก ตอนนี้บ้านเลยโล่งครับ” พี่กล้าแจ้งกับแม่ผมที่ถามว่าทำไมบ้านเงียบๆ


พวกลูกน้องพี่กล้าที่ไม่มีใครลงกลางทางสักคนช่วยกันลากน้องควายไปไว้ในคอกที่ล้อมรั้วด้วยไม้ไผ่ ในบริเวณคอกนั้นมีพื้นดินแห้ง กับพื้นโคลนตมสำหรับให้น้องควายนอนอาบแดดด้วย เก๋ไก๋ซะไม่มี


“สบายใจเลยนะ อยู่เนี่ยปลอดภัย พี่ไม่เคยขายควายกิน พี่รอให้เขาจากไปเอง” ผมหันไปยิ้มบางๆ กับพี่กล้า แล้วหันกลับมามองเหล่าน้องควายในคอก มีประมาณสิบกว่าตัวได้ แต่คอกกว้างมากเลย ไม่เบียดเสียดกัน มีหญ้าให้กินเยอะมากด้วย


“แล้วพี่เอาควายพวกนี้ไปไถนาป้ะ”


“เอาไปดิ มาอยู่เฉยๆ ได้ไง ต้องทำงานแลกหญ้า” ผมหัวเราะอีกทีกับมุกที่แกเล่น พี่แกหันไปตะโกนสั่งลูกน้องว่าให้หาน้ำมาให้พ่อกับแม่ผม ส่วนผมพี่แกจะพาทัวร์ส่วนอื่นๆ ในพื้นที่ของบ้านแก ผมที่กำลังสนใจชีวิตแบบนี้ก็เลยเดินตามพี่แกไปทั่วเลย


RRRrrr!
   

“แปบนึงนะพี่กล้า” ผมยกมือเบรกพี่กล้าที่กำลังพูดบรรยายถึงทุ่งข้าวที่รอเก็บเกี่ยว ผมล้วงมือถือออกมาจากกางเกง เห็นเป็นเบอร์ของวิคเตอร์เลยรีบกดรับ
   

“Yes… I’m with them… no, no I’m now at the provincial… Yes, I know… It’s fine… Yeah, They said YES… And what about you? Your THING that you have to do… Huh? What is it?... Okay…. See you there.”
   

“โห แม่งรัวภาษาปะกิดไฟแลบเลยเว้ย” พี่กล้าแซวทันทีที่ผมวางสายจากวิคเตอร์เสร็จ
   

“ก็ไม่ได้ถูกต้องทุกคำหรอก เอาแค่สื่อสารรู้เรื่องอะ” ผมเก็บมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
   

“โอ้ย แค่นี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว พี่ดิ พูดได้ที่ไหน”
   

“เปลี่ยนจากชักให้พี่ มาสอนภาษาอังกฤษให้พี่ดีกว่าป้ะถ้างั้น”
   

“เออ เอาดิๆ เผื่อพี่จะเอาไปจีบแหม่มสักคน” แล้วพี่แกก็หัวเราะชอบใจ ทำเอาผมหัวเราะไปด้วย อยู่กับพี่แผ่นดินนี่ก็แฮปปี้ดีนะ ถ้าผมมีพี่ชายแบบนี้ติดแจแต่เด็กแน่เลย



  :hao3:

บรรยากาศต้มมาม่ากำลังเลือนหายไป บรรยากาศสนุกสนานกับเทศกาลรื่นเริงกำลังเข้ามาแทนที่ ใครที่กำพระแน่นมากตอนอ่านให้ความหม่นหมองผ่านไป ตอนนี้มันกำลังจะจากไปแล้วนะคะ ฮ่าๆๆๆ เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว

และขอต้อนรับคู่แข่งคนสำคัญของไอ้ยักษ์ค่ะ พี่แผ่นดินรูปหล่อออ แต่ถามว่าคู่แข่งแบบไหนยังไง ต้องคอยติดตามไว้นะ คริๆ แต่พี่กล้าไปโผล่ในตอนพิเศษในเล่มพาร์ท Only You เลยอะนะคะ ใครที่ไม่ได้ซื้อหนังสือก็ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวกล่าวถึงให้พาร์ทสาม เพื่อไม่ให้งงค่า

และแอบกระซิบ พี่กล้านี่เพื่อนพี่คมเขี้ยวว่าที่สามีขุ่นแม่เรียวจันทร์ในเรื่อง Works the magic ด้วยนะ ฮิๆ

สำหรับพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน ตอนนี้ก็ก้าวเดินกันต่อแล้วค่ะ อาจจะยังไปไม่ได้ไกล แต่เขาเลิกวนลูปกับปัญหาแล้ว มีติดอยู่ในใจ แต่คงไม่ยกเอามาเป็นปัญหาใหญ่โตอีก ช่วงนี้มันเป็นช่วงฟ้าหลังฝนใหม่ๆ เมฆสีเทายังคงไม่จาง แต่เดี๋ยวก็จะค่อยๆ จางไปจนเหลือแต่ท้องฟ้าสว่างสไวประหนึ่งอังกอร์ปรากฏตัว อ้าว!

วันนี้วันเกิดน้องแมท ยังไงก็ร่วมอวยพรให้น้องมีความสุขมากๆ นะคะ ให้น้องก้าวผ่านปมในใจตัวเองไปให้ได้ แก้ปมให้ได้แล้วจะไ้ดรักกับพี่ยักษ์แบบสุขีๆ สักที :)

ใครเจอคำผิดบอกกันได้เลยค่า ช่วยๆ กันเช็ก ตอนก่อนนี่แก้หมดยังไม่รู้ แต่คิดว่าแก้ตามที่บอกแล้วอะนะคะ หรือบางทีไม่ได้แก้ในนี้ ตอมก็จะไปแก้ในต้นฉบับเอาาา

อ้อ หนังสือ You and I รอบรีปริ้น ตอนนี้เหลือห้าชุด ใครสนใจก็ติดต่อสอบถามที่เพจหรือทวิตได้ค่า หมดแล้วก็หมดเลย อย่างที่เคยบอกว่าคงไม่รีปริ้นภาคแรกแล้วววว

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-03-2016 22:51:03
อีพี่กล้ามาแรงงงง อิอิ จะจีบแมทเหรออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 25-03-2016 22:54:35
รอวันฟ้าสว่างไสว 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 25-03-2016 22:57:08
แค่ชื่อก็ชอบแล้ว แผ่นดินนน
เป็นคนตรงมากจนน่ากลัว 55555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-03-2016 23:29:17
เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้ออิยักษ์มากอะพี่กล้า555

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ment12835 ที่ 25-03-2016 23:36:21
อยากให้เขียนเรื่องพี่กล้าด้วยจุงงง ชอบผู้ชายแบบนี้งิงิ ฮ่าๆ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-03-2016 23:38:12
พี่กล้าดูน่าสนใจ อิอิ สามวันจากนารีเป็นอื่นค่ะยักษ์ อิคนอ่านใจง่ายมาก แอบเทใจให้หนุ่มหน้าไทยอี๊ก
หมวกสติ๊ชน่ารักเนอะ เข้ากับแมทน้อยมากแน่ๆ ผัวก็ยิ้มชมเมียว่าน่ารักไปอีก หูยยยย น่ารัก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-03-2016 23:49:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 26-03-2016 00:24:00
สุขสันต์วันเกิดนะหนูแมท มีความสุขมากๆนะลูก
อนุโมทนาบุญกับการทำบุญปล่อยของหนูด้วย ปลื้มใจแทน  :hao5:

ว่าแต่พี่กล้ามาแรง แอบฟิน นอกใจพี่ยักษ์แปบ :laugh:
ว่าแต่คุณพ่อนิจะจับคู่ลูกเหรอเปล่าเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-03-2016 00:28:12
ถ้าไม่ติดอิยักษ์เชียร์คนนนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-03-2016 00:36:31
 :กอด1: ต้องรีบไปอ่านพาร์ท You and I แหละ ไม่งั้นตกข่าว 555 ยังไงต้องอ่านแน่นอน เลยต้องรอคิวน่ะ เพราะ หนังสือดองเต็มบ้านเลย 555 พี่แผ่นดิน น่าสนใจมาก ดูจะตรงข้ามกับพี่ยักษ์เลยน่ะ  :hao3: อยู่ด้วยแล้วคงอารมณ์ดีแฮะ เป็นเพื่อนพี่คมเขี้ยวด้วยน่ะ แต่ดูท่าจะง่าย ๆ เนอะ คือถูกใจคนไหนไม่สนใจเพศว่างั้นเหอะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-03-2016 01:44:19
ก็หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 26-03-2016 03:39:30
พาพี่แผ่นดิน มาคู่กับ เอิร์ธ จะเข้าท่ามั้ยนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 26-03-2016 04:51:34
เราเข้าใจน้องแมทนะ เรื่องที่ยังติดใจเรื่องผู้หญิงของอิยักษ์เนี้ย  เพราะแต่ก่อนอิยักษ์มันเจ้าชู้เงียบอ่ะ น้องแมทเห็นมาเยอะเลยวางใจไม่ลง  (อันนี้เข้าใจ เพราะเราก็เคยมีแฟนเป็นแบบเจ้าชู้เงียบ  แต่นิสัยไม่เท่ากับอิยักษ์หรอกนะ55) 

ส่วนพี่กล้า มาแรงงงงงงง อ่านแล้วชอบอ่ะ พี่กล้ามาแข่งกับอิยักษ์นี่ชอบมาก เพิ่มสีสัน(ของชีวิต555)  /// แล้วสรุปเอิร์ทจะมีบทอีกไหมคะ? เพราะเห็นยังไม่ตัดใจ อิอิ

---------------------

เจอคำผิดนะคะ  ตรงที่เป็นตัวหนาขีดเส้นใต้จ้ะ ^^

“พวกคุณเบนถึงแล้วครับ รออยู่ตรงฟร้อนท์ด้านล่าง” ออสตินหันมาบอก ผมกับวิคเตอร์พยักหน้ารับ ผมหยิบไฟสีๆ สำปรับประดับประดาในงานปาร์ตี้



หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 26-03-2016 08:30:53
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-03-2016 11:30:45
กระตุ้นต่อมหึง(โหด)พี่ยักษ์บ้างก็ดีนะ :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-03-2016 14:06:50
แมทนี่คิดเยอะจัง เดี๋ยวๆก็อันเดรียน่า เข้าใจนะว่าหลอน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 26-03-2016 17:31:42
กำพระตลอดเวลาคะว่างไม่ได้ :a5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 50%}:25.03.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-03-2016 00:09:57
วิคเตอร์กับแมท
เหมือนจะสุดแต่ไม่สุด

อึดอัดแทน
ทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-04-2016 23:51:19


Only You EP.33 [100%]




หลังจากทัวร์บ้านพี่แผ่นดิน (ผมชอบเรียกชื่อนี้ รู้สึกว่าเท่ดี) จนเกือบเย็น เราก็เอ่ยล่ำลากัน พ่อเอ่ยชวนพี่กล้าให้ไปเที่ยวที่บ้าน ซึ่งผมก็ได้แต่สงสัยว่าที่บ้านเรามีอะไรให้เที่ยวงั้นเหรอ ให้พี่เขาไปทัวร์ร้านขายของชำเนี่ยนะ ก่อนกลับพี่กล้าเอาปลาดุกที่พี่แกลงทุนหว่านแหจับให้ด้วยตัวเองฝากผมกลับมาบ้านด้วย แล้วก็ยังทวงเรื่องสอนภาษาอังกฤษเขาอีกต่างหาก ผมเลยรับปากว่าจะสอนเขาแบบรักษามารยาทไปก่อน ไม่รู้ว่าพี่แกจริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง 
   

“ถ้าอยากให้แมทมันสอนก็แวะไปที่บ้านแล้วกันนะกล้า” พ่อบอกกับพี่กล้าอย่างเป็นมิตร จนผมนึกแปลกใจแปลกๆ


หลังจากล่ำรากันเสร็จ พ่อก็ขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางผมทวนความทรงจำเรื่องปาร์ตี้คืนนี้กับเพื่อนๆ ที่คอนโดไอ้แชมป์ปลอมๆ กับพ่อและแม่อีกรอบ ทั้งสองคนบ่นนิดหน่อยว่าไม่อยากให้ไป อยากให้อยู่บ้าน พอดีพ่อกับแม่ค่อนข้างมีความเชื่อเรื่องการกินเลี้ยงวันเกิด ผมก็เชื่อตามพวกเขานะ กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แล้วผมวัยเบญจเพสพอดีด้วย บ่นนิดบ่นหน่อยแต่ทั้งสองก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ไป และไม่ได้ห้ามไม่ให้ค้างคืน แค่ห้ามว่าอย่ากินเหล้าเยอะ ซึ่งจริงๆ ถึงแม่ไม่ห้าม พ่อจริงไม่ห้าม แต่พ่อทูนหัวผมห้ามแน่นอน


“แล้วจะไปอเมริกาเมื่อไหร่” พ่อถามผมที่กำลังนั่งรอไอ้แชมป์มารับอยู่หน้าบ้าน ผมโทรตามมันมาเองแหละ ตอนแรกออสตินจะมารับตามปกติ แต่ผมเบรกไว้ก่อน โกหกฝั่งนั้นว่าพ่อจะไปส่ง ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อเห็นรถแล้วจำได้ ก็รู้อีกว่าวิคเตอร์อยู่ไทย


“ยังไม่รู้เลย” ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว วีซ่าสัมภาษณ์เรียบร้อย รอบนี้ก็ไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ เพราะวิคเตอร์ให้ออสตินเป็นคนจัดการเรื่องเอกสารการเดินทางให้กับผม เลือกรูปแบบวีซ่าอยู่นานเหมือนกัน สุดท้ายก็ใช้วีซ่าทำงานในแบบผู้ติดตาม ซึ่งจริงๆ ออสตินบอกว่า วิคเตอร์ระบุมาในเอกสารแนบเลยว่าผมเป็นแฟนเขา ตอนไปสัมภาษณ์ผมเลยเจอคำถามเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนสองสามข้อ แต่ทางเจ้าหน้าที่เขาไม่ได้ถามแบบสอดนะ เขาถามเพื่อความแน่ใจมากกว่า แล้วเขาก็แนะนำผมอย่างอารมณ์ดีว่าให้แต่งงานกันไปเลย จะได้อยู่ในอเมริกายาวๆ แต่แบบนั้นก็ยังไม่ได้อีก เพราะวิคเตอร์ถือสัญชาติอังกฤษไม่ใช่อเมริกัน ผมเคยลองถามเขาแล้ว เขาไม่คิดจะเปลี่ยนเป็นอเมริกัน เพราะเขามีแพลนจะกลับไปอยู่อังกฤษ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าช่วงไหน


“พ่ออยากเจอเจ้านายแมทอีก ถ้ามาไทยเมื่อไหร่ พาเขามาเจอหน่อยแล้วกัน มาเจอก่อนแมทไปอเม’กาได้ยิ่งดี” ผมมองพ่อด้วยสายตางงๆ ผสมกับความหวั่นใจ พ่อมองกลับมานิ่งๆ ไม่ได้แสดงสัญญาณอะไรมากมาย ผมพยักหน้ารับน้อยๆ ยิ้มแกนๆ กับตัวเอง ก็พอดีกับที่รถไอ้แชมป์จอดอยู่ตรงหน้าบ้าน


“ไปละ” ผมหยิบกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปที่รถของเพื่อน ไอ้แชมป์โผล่หน้าจากประตูข้างคนขับไปสวัสดีพ่อผม พ่อยิ้มตอบพร้อมพยักหน้ากลับมา กระจกสีดำเลื่อนขึ้นแล้วรถเก๋งฮอนด้ารุ่น Civic สีดำก็พุ่งตัวออกไป


“ถ้าพ่อมึงรู้ว่าไปฉลองวันเกิดกับผัวนะ มึงโดนนน!” เอ๊ะ?! ไอ้ห่านี่มันเป็นคนยังไง


“ก็อย่าให้รู้ไง มึงจะบอกพ่อกูเหรอ ไอ้เชี่ยมแชมป์?!” มันไม่ตอบอะไรกลับเอาแต่หัวเราะเสียงดัง ชิ! อวยพรวันเกิดก็ไม่มีสักคำหรอก แถมยังมาข่มขู่กันอีกต่างหาก


ไอ้แชมป์มาส่งผมที่หน้าอพาร์ทเม้นต์ มันขอตัวกลับทันทีเพราะมีธุระต้องไปทำให้กิ๊กมัน หน็อย แฟนไม่มีก็ดันมีกิ๊กเยอะซะด้วยนะ แต่ก็ดีแล้วแหละ ดีกว่ามันมีแฟน แล้วแอบไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่นแบบที่วิคเตอร์ทำ


แน่ะ! ขุดอีกแล้ว ผมน่าจะเรียนต่อโทด้านวิศวกรรมรุ่งนะ ชอบขุด ชอบเจาะเหลือเกิน แต่เฮ้อ… ใครไม่โดนไม่เข้าใจหรอก ความระแวงมันลอยวนรอบๆ ตัวจริงๆ นะ ยิ่งอันเดรียนาอยู่ที่ไทยด้วยตอนนี้ยิ่งเป็นชนวนชวนคิดเยอะเลยแหละ ยัยสาวลูกครึ่งที่โพสเฟซบุ๊คนั่น แม้นางจะโพสเพราะคงเกาะกระแสหรืออะไรก็ตาม แต่มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เขาเข้าหายัยคนนั้นทั้งที่ผมอยู่บนห้อง


“เฮ้ มาแล้วเหรอ” อันเดรที่นั่งดูทีวีอยู่พร้อมกับดื่มไวน์อยู่คนเดียวตรงห้องนั่งเล่นเอ่ยทักตอนผมพาร่างตัวเองเข้าไปในห้อง ไฟตรงบริเวณต้นคริสมาสต์ส่องแสงกระพริบสวยงามทั้งวี่ทั้งวัน สร้างบรรยากาศชวนอยู่ห้องทั้งวันมาก ผมชอบบรรยากาศแบบนี้จัง


“คนอื่นๆ ไปไหนกันหมดครับเนี่ย”


“เอมิลี่พาพวกนางแบบ นายแบบไปทำงาน ไอ้เบนไปเที่ยวกับแฟนมัน ออสตินออกไปสังสรรค์กับบอดี้การ์ดคนไทยน่ะ ส่วนฉันขี้เกียจไปไหน อ้อ ส่วนแฟนนาย นอนหลับอยู่ในห้องนู่น ท่าทางจะเพลีย” อันเดรว่ายิ้มๆ พลางหยิบเม็ดอัลมอนด์ในถ้วยแก้วกินกรุบๆ ผมทำหน้าประหลาดใจ


“ไปทำอะไรกันมาครับเนี่ยถึงได้เพลีย” อันเดรยิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัย ผมย่นคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยความไม่ไว้ใจ ไม่ใช่ว่าพากันไปออกกำลังกายกับสาวอื่นกันมานะ


“อย่าทำหน้าตาคิดมากแบบนั้นสิ ที่ไอ้วิคเตอร์บอกท่าจะจริงว่านายชอบคิดเยอะ” กลายเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของตัวผมไปแล้ว แต่มันห้ามไม่ได้นี่นา มีผัวอย่างวิคเตอร์คิดน้อยน่ะไม่ปลอดภัยหรอก


“แล้วนี่คุณไม่ไปทำงานกับคุณเอมิลี่เหรอครับ” เขาส่ายหัวหน้าตั้งกลับมา


“ไม่อะ ฉันมาพักผ่อน ไม่ได้มาทำงาน” ผมพยักหน้าแล้วเดินผ่านเขาไปทางห้องนอนใหญ่ พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นสามีตัวเองนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ช่วงเวลาแบบนี้เขาก็ดูปลอดภัยน่าเข้าใกล้จริงๆ นั่นแหละ แต่พอเขาตื่นมาทีไร ผมต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่กลัว ไม่กังวลกับการที่เขาอยู่ใกล้ตลอดเลย


เมื่อไหร่ไอ้ความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ ในใจผมมันจะหายไปนะ


ผมวางกระเป๋าลงบนโซฟาสีเทาสำหรับนั่งคนเดียวข้างเตียงฝั่งผม กำลังจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อให้ไอ้ยักษ์ได้หลับ แต่เขาดันตื่นขึ้นมาอย่างสลึมสลือ


“นอนเถอะครับ เดี๋ยวผมออกไปนั่งดูทีวีข้างนอก” เขาส่ายหน้ามุ่ยกลับมา แล้วว่าด้วยเสียงทุ้มแหบๆ


“ไม่เอา ข้างนอกอยู่กับไอ้อันเดรสองคน มานอนนี่” บังคับอีกแล้ว โอ๊ย บับเบิ้ลบีในทรานส์ฟอรฺเมอร์มันยังไม่โดนบังคับขนาดนี้เลยนะ แล้วคือกูไม่ง่วงมั้ยล่ะ


แต่ผมก็ไม่อยากถกเถียงอะไรกับเขา ยิ่งตื่นนอนแบบนี้ด้วยน่าจะมีอาการหงุดหงิดงุ่นง่านมากเป็นสองเท่า ผมเลยเดินไปที่เตียง สอดตัวเข้าไปในผ้านวมฝั่งซ้ายมือของวิคเตอร์ อดหมั่นไส้ไม่ได้เลยแกล้งกระแทกหัวบนอกซ้ายเขาแรงๆ แต่คงจะแรงไปเพราะเขาร้องลั่นเลย


“Fuck!!!” ผมสะบัดหัวขึ้นตั้งตรง มองใบหน้าเหยเกสุดขีดของไอ้ยักษ์หน้าหนวด เขาซี๊ดปากเหมือนเจ็บอะไรสักอย่าง ค่อยๆ พยายามผ่อนลมออกทางปากเร็วๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บ


“เป็นอะไรครับ ผมกระแทกแรงไปเหรอ” ผมถามหน้าตื่น ยกมือซ้ายขึ้นไปจับตรงบริเวณอกซ้ายของเขา วิคเตอร์ยิ่งซี๊ดปากเสียงดังเข้าไปใหญ่ตอนที่ผมแตะลงบนอก ผมชะงักดึงมือหนี


“มานอนอีกฝั่งนึงมา” เขาไม่ขยายความใดๆ ต่อ แต่เลือกจะขยับตัวมาฝั่งผมเพื่อให้อีกฝั่งว่าง ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่เห็นหน้าตาเจ็บๆ ของเขาอยู่เลยไม่กล้าเซ้าซี้มาก ได้แต่ลุกขึ้นคลานเข่าไปนอนข้างเขาอีกฝั่ง ผมเอาหน้าแนบหนุนอกเขา วิคเตอร์โอบแขนขวากอดรัดผมไว้


“วิคเตอร์ เป็นอะไรเหรอ” เขาผ่อนลมหายใจแผ่วเบา


“อย่าถามมากน่า นอนหลับไป” เขากดจูบลงบนกลางกระหม่อม ทิ้งความขุ่นใจไว้ให้กับผม คนเป็นห่วงยังจะมาทำเสียงดุอีก ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ มีอะไรก็ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยบอกผมหรอก ต้องให้ผมถามจี้เอง ไม่ก็ให้รู้เอง


ผมได้แต่ทำหน้าตาหงุดหงิดอยู่บนอกเขา จะทำสะบัดสะบิ้งมากไม่ได้อีก เดี๋ยวจะทะเลาะกันยาว ปัญหาเก่าๆ ยังไม่หลุดพ้นจากพวกเราด้วยซ้ำ ผมเลยได้แต่นอนนิ่งให้เขากอดไว้เหมือนตุ๊กตาหรืออาจจะเหมือนหมอนข้างก็ได้




หลับไปตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลย ตื่นมาอีกทีวิคเตอร์ก็ไม่อยู่แล้ว ในห้องนอนมีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟบนโต๊ะหัวเตียงฝั่งที่ผมนอนประจำ ผมลืมตางัวเงีย เอื้อมแขนไปเปิดโคมไฟฝั่งวิคเตอร์ที่ผมกำลังนอนอยู่ตอนนี้ ยื่นข้อมือเข้าไปในแสงเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาชัดๆ เพราะกำลังเบลอ ตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว หลับไปยาวมากเลยแฮะ ผมขยี้ตาสักพักก็ก้าวลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ผมใช้ผ้าขนหนูซับหน้าให้แห้งแล้วเดินออกไปนอกห้องนอน
   

พอออกมาด้านนอกก็ต้องชะงักกับความมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากต้นคริสมาสต์ที่ให้ความสว่างไปทั่วอพาร์ทเม้นต์อยู่ ผมย่นคิ้วมองซ้ายมองขวา นึกสงสัยว่าทำไมห้องมืดแบบนี้ แล้วนี่หายไปไหนกัน ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวได้ไง ผมก้าวเท้าเดินไปตรงใต้บันไดขึ้นไปชั้นลอยเพื่อเปิดไฟ คลำๆ อยู่สักพักก็กดเปิดไฟสีส้มสี่มุมบนเพดาน ตอนที่ไฟสว่างวาบขึ้นเสียงเฮพร้อมเสียงดึงพลุปาร์ตี้ก็ดังขึ้น
   

Hey!! ปัง! ปัง! ปัง!
   

“Happy birth day Alien!” เสียงอึกทึกดังขึ้น เส้นฝอยจากพลุปาร์ตี้ลอยฟุ้งไปมาในอากาศและยังมีฟองอากาศสีใสลอยฟุ้งไปรอบๆ ผมมองทุกคนที่อยู่ตรงหน้า วิคเตอร์ยืนถือเค้กยิ้มหล่อ มีพวกเพื่อนๆ เขายืนยิ้มกว้างอยู่สองข้างตัวเขา และที่เพิ่มเข้ามาก็คือพวกเพื่อนๆ ผมที่ยืนหัวเราะเริงร่าอารมณ์ดี
   

“ไงมึง เอ๋อแดกสมองแล้วเหรอ” เสียงไอ้แชมป์ดังขึ้นก่อนใคร แล้วพวกเพื่อนๆ ผมก็หัวเราะเสียงดัง ผมยิ้มเก้อ มองหน้าทุกคนแล้วก็ค่อยๆ รับรู้ถึงความรู้สึกดีใจที่ได้เห็นคนที่ผมรู้จักทั้งหลายยืนอยู่ตรงหน้า
   

“เอาๆ อธิษฐานแล้วเป่าเทียนค่ะ อย่าเพิ่งยืนเอ๋อ” เสียงของแคทดังขึ้น ผมยิ้มน้อยๆ เดินเข้าไปตรงหน้าวิคเตอร์ที่ยืนถือเค้กช็อคโกแล็ตก้อนโตไว้ในมือ มีเทียนตัวเลขอายุของผมปักไว้ตรงกลาง
   

“เป่าเทียนเค้กนะมึง ไม่ใช่เป่าเทียนของผัว” ผมหันไปมองจิกไอ้วอร์ม พวกเพื่อนคนไทยหัวเราะเสียงดัง แต่พวกวิคเตอร์ยืนทำหน้างงๆ บาสเลยต้องแปลให้อีกที พอรู้ความหมาย พวกนั้นก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ โดยเฉพาะอันเดรดูจะหัวเราะแรงที่สุด วิคเตอร์ยิ้มมุมปาก ไม่ได้มีท่าทีเขินอะไร แถมยังพูดตอบกลับไปชิลๆ อีกว่า
   

“He doesn’t blow. He suck it. (เขาไม่เป่าหรอก แต่เขาอมต่างหาก)” คราวนี้ทั้งไทยทั้งเทศหัวเราะเฮฮา ส่งเสียงวี้ดวิ้วกันยกใหญ่ ผมอ้าปากค้างน้อยๆ มองหน้าทุกคนที่หัวเราะอารมณ์ดีแล้วก็รู้สึกกระดากอายมาก ผมหันไปมองเขม่นไอ้ยักษ์ที่ทำหน้าระรื่น เขากดหน้าลงมองเค้กในมือที่ถืออยู่เป็นการบอกให้ผมเป่าเทียน ผมถอนหายใจเบาๆ ยิ้มเพลียแต่ก็รู้สึกมีความสุข นี่ถ้าพ่อกับแม่รับตัวตนของผมได้จริงๆ ผมก็อยากจะถือโอกาสนี้เปิดตัววิคเตอร์ไปด้วยเลย แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้นสิ
   

ขอให้พ่อกับแม่รับสิ่งที่ผมเป็นได้ ขอให้เขาเลิกมองว่าผมเป็นอะไร แต่ให้เขามองว่าผมทำอะไรได้บ้าง แล้วให้ผมกับผู้ชายที่ชื่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์จงมีความรักให้กันทุกวัน ไม่ต้องมากล้น ขอแค่ให้รักนี้อยู่กับเราสองคนไปนานๆ อะไรที่สุขอยู่แล้ว ผมขอให้มันคงอยู่เรื่อยไป
   


ฟู่!
   

แสงเทียนดับลงพร้อมกับที่ทุกคนปรบมือส่งเสียงเฮเสียงดัง ผมคลี่ยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ ถือว่าวันคล้ายวันเกิดของผมปีนี้เริ่มต้นด้วยแต่สิ่งดีๆ ไปทำบุญกับพ่อกับแม่ ได้ช่วยน้องควาย กลับมาก็มาเจอบุคคลที่ผมรักอีกกลุ่มหนึ่งรอมอบความสุขให้กับผมอยู่
   

และคนที่ผมรักมากที่สุดอีกคนอย่างไอ้ยักษ์ก็อยู่กับผมในวันเกิดปีนี้ด้วย ซึ่งเป็นวันเกิดปีแรกที่ผมมีแฟนร่วมฉลองด้วย มันฟินดีนะ



บรรยากาศงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของผมเป็นไปอย่างสนุกสนานตามที่ควรจะเป็น มันคึกครื้น ครื้นเครงตามบรรยากาศงานรื่นเริงนั่นแหละ เสียงเพลงสากลดังคลอไปทั่วห้อง มีเสียงพูดคุยพร้อมเสียงหัวเราะไม่ขาดช่วง เรานั่งทานเค้ก ทานขนมและทานอาหารที่เหลือจากวันคริสต์มาสแล้วก็มีที่ทำเพิ่มสำหรับวันเกิดผมด้วย ผมนั่งแกะของขวัญของพวกเพื่อนๆ ตัวเอง พวกมันมีมาชิ้นเดียวแต่มาใหญ่มาก มันซื้อกล้องวินเทจของ Olympus ทรงสี่เหลี่ยมสีเงินให้ผม รุ่นนี้ราคาสองหมื่นติ่งๆ ผมโคตรซึ้งและดีใจมากจริง ปีนี้เป็นปีแรกเลยที่ได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากเพื่อนๆ โดยปกติก็จะได้ของเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วผมไม่เคยเรียกร้องของขวัญหรอก ไม่ต้องให้ผมก็ได้ พ่อกับแม่ผมเคยให้ตอนเด็กๆ แต่พอเข้ามอต้น ผมก็ไม่เคยได้รับอะไรจากพวกเขาอีก แรกๆ น้อยใจ หลังๆ ผมก็เฉยๆ เพราะรู้สึกว่าโดยปกติในชีวิตประจำวันนั้นเราก็สามารถซื้อของอะไรให้ตัวเองได้อยู่แล้ว
   

คุณเอมิลี่ซื้อสมุดโน้ตไร้เส้นปกหนังสีน้ำตาลเข้มเล่มใหญ่ให้ จริงๆ เธอไม่ได้ซื้อหรอก คุณเอมิลี่สารภาพว่าไปเที่ยวแคนาดามาแล้วซื้อสมุดเล่มนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้ใช้สักที เห็นผมชอบจดชอบเขียนเธอเลยหยิบมาให้ ซึ่งผมถูกใจมาก ตรงปกด้านในมีช่องสำหรับใส่นามบัตรและช่องสีใสใส่รูปถ่ายสองใบขนาดเล็กได้ด้วย คุณเบนซื้อบ็อกเซ็ทนิยายที่วิคเตอร์รับบทพระเอกปกทองมาให้ ผมร้องว้าวมาก เพราะมันค่อนข้างแพง ผมอยากได้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ซื้อจริงจังสักทีเพราะราคานี่แหละ ที่สำคัญมีลายเซ็นคุณทอมเจ้าของนิยายบนกล่องมาให้ด้วย ผมนี่กรีดร้องดีใจจนทุกคนหัวเราะ เขาฝากอวยพรวันเกิดผม แล้วเขียนบอกด้วยว่าจำผมได้ แซวผมอีกนิดว่าไม่ต้องตัดแปะชื่อเขาแล้ว
   

“ไอ้วิคเตอร์เอาไปให้เขาเซ็นมา” คุณเบนไขข้อข้องใจให้กับผมที่ถามว่าได้ลายเซ็นมาได้ไง ผมหันไปยิ้มให้ผู้ชายหน้ายักษ์ที่นั่งดื่มเงียบๆ ข้างผมบนโซฟาหน้าทีวี เขายักคิ้วให้ผมหนึ่งที ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเป็นการขอบคุณ
   

“แหวะ เกลียดอะ ทำไมมันได้ผัวหล่อจังวะ ไป อีเหมียว ไปหาที่ฝึกงานก่อนทำงานจริงกัน” ผมหันไปหัวเราะใส่แคทกับเหมียวที่เออออตอบรับกันสองคน
   

“โห่ ไรวะ กูให้ของตั้งแพง ไม่เห็นหอมกูบ้างเลย”
   

“อีแชมป์ เดี๋ยวมึงอะได้หอมตีนแฟนอีแมทหรอก” แบมทำหน้าว่า เดี๋ยวเถอะมึงๆ ไอ้แชมป์หัวเราะขำขันอารมณ์ดี
   

ผมแกะของขวัญของอันเดร เขาให้ปากกาสีดำหัวคอแร้งแสนแหลมที่เขียนลื่นเขียนดีมาก เขาบอกง่ายๆ ว่าพอเห็นเอมิลี่ให้สมุด วันนี้เขาเลยไปหาซื้อปากกาแบบนี้มาเพราะคิดว่ามันคงเข้ากัน คุณเอริคเพื่อนวิคเตอร์อีกคนไม่ได้ให้อะไรผม เพราะเค้กที่วิคเตอร์ถือมาเซอร์ไพรส์นั้นเป็นฝีมือเขาแล้ว ที่ตะลึงกว่าคือออสตินก็มีของขวัญให้ผมด้วย เขาซื้อสร้อยเงินแท้ที่มีอักษร V กับ M ห้อยอยู่คู่กันมาให้ ผมหันไปยิ้มขอบคุณออสติน เขายิ้มน้อยๆ พร้อมผงกหัวลงเพียงนิดกลับมา ดูจะเขินหน่อยๆ แต่ก็กลบเกลื่อนด้วยใบหน้านิ่งๆ ตามแบบฉบับของเขา
   

“ไม่คิดว่านายจะมีมุมมุ้งมิ้งด้วยนะเนี่ยออสติน” คุณเบนหันไปแซวพ่อบอดี้การ์ดหัวเกรียนหน้าหล่อ ตอนนั้นเองที่หน้าเขาขึ้นสีน้อยๆ
   

บาสซื้อกระเป๋าหนังสีน้ำตาลสำหรับใส่โน้ตบุ๊คกับใส่เอกสารให้ เขาบอกว่าเอาไว้ใช้เผื่อได้มีโอกาสได้ทำงานเบื้องหลังอย่างที่ชอบ ผมขมวดคิ้วนิดหนึ่งว่าเขารู้ได้ไง เขาเลยยื่นกล่องของขวัญสี่เหลี่ยมแบนๆ อีกชิ้นมาให้ ผมมองเขาด้วยสายตามีคำถาม เขายิ้มตอบกลับมา ผมเปิดกล่องของขวัญชิ้นนั้น พอเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในก็ทำเอารู้สึกตื้นตันแปลกๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าไอ้สิ่งนี้มาได้ยังไง ผมเงยหน้ามองบาส เขาเหมือนอยากจะพูด แต่สายตาเขาเหลือบไปมองวิคเตอร์ที่กำลังนั่งคุยกับพวกเพื่อนๆ เขาอยู่ ตอนนั้นเองผมเลยรู้ว่าของขวัญนี้มาจากใคร
   

“เอิร์ทเหรอ” ผมถามแบบไม่มีเสียง บาสพยักหน้ากลับมาให้ ผมเม้มปากครุ่นคิดแล้วยกฝากกล่องของขวัญปิดเอาไว้ตามเดิม
   

“เดี๋ยวผมมานะ” ผมหันไปบอกวิคเตอร์ เขาเอื้อมแขนซ้ายมาคล้องเอวผมทันที
   

“ไปไหน” เขาก้มลงมาถาม กลิ่นไวน์แดงหึ่งออกมาจากตัวเขา
   

“ไปห้องน้ำแปบนึง” เหตุผลนี้คงฟังขึ้นเขาเลยพยักหน้า ปล่อยแขนออกจากเอว ผมเลื่อนกล่องของขวัญไปให้แคทที่นั่งใกล้ๆ กัน ทำปากว่าฝากเอาไว้หน่อย มันรีบดึงกล่องของขวัญไปไว้บนตักทันที ผมลุกขึ้นยืน ส่งสายตาให้แคทเดินตามมา พวกเพื่อนๆ มองผมด้วยความงงกันใหญ่ ผมถลึงตามองพวกมันขยับปากว่าอย่าเงียบ มันไม่รู้หรอกว่าเกิดไรขึ้น แต่มันก็ช่วยผมด้วยการส่งเสียงคุยเนียนๆ กันต่อไป ผมเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับครัวซึ่งเอาไว้ใช้สำหรับด้านนอก เพื่อความเนียนอีกขั้น แคทมันดึงเก้าติดมือมาด้วย ผมเดินนำไปที่ห้องน้ำ ผลุบหายเข้าไป อีกสองคนเดินตามเข้ามา
   

“มีไรวะแก ของขวัญนี่ของใครเนี่ย”
   

“ของเอิร์ท” แคทกับเก้าอ้าปากหวอหน่อยๆ ผมดึงกล่องมาวางไว้บนเค้าน์เตอร์อ่างล้างหน้าหินอ่อน เปิดออกแล้วหยิบของขวัญของเอิร์ทขึ้นมา
   

“โห สวยว่ะ สเลท (Slate) ไม้ มีข้อความด้วย” ผมจับๆ ลูบคลำสเลทไม้พื้นสีขาว มีสีดำสลับขาวตรงบริเวณหัวสเลทที่ไว้ใช้สำหรับตัดฉับในการให้สัญญาณการถ่ายทำ สเลทมีไว้ใช้เขียนซีน เทค วันเดือนปีสำหรับการถ่ายทำซีรีส์และภาพยนตร์ สเลทจะมีประโยชน์ในเวลาที่ต้องตัดต่อ เพราะข้อมูลที่ถูกเขียนไว้บนนั้นจะช่วยทำให้คนตัดต่อเข้าใจว่าซีนไหนต่ออันไหน ไม่หลงวัน ไม่หลงซีน ไม่หลงเทค ใช้เทคไหนก็ดูได้จากสเลท แต่จริงๆ ในวงการเขาใช้เป็นพลาสติกกัน ส่วนอันนี้ทำจากไม้ และข้อความบนสเลทใช้วิธีแกะไม้เป็นตัวอักษรแทนการเขียน


LITTLE-ALIEN STUDIOS

SCENE | TAKE | ROLL

24 | 1 | 29

DATE | SOUND

26/12/XX | LOVE

DIRECTOR

MATT THANAPHAT

CAMERAMAN

AKARA



“แมท มีจดหมายด้วย” เก้ายื่นซองจดหมายสีฟ้ามาให้ ผมวางสเลทลงบนกล่องตามเดิม หยิบซองจดหมายมาจากมือเก้า ดึงกระดาษไร้เส้นสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ด้านในออกมาเปิดอ่าน


สุขสันต์วันเกิดแมท จริงๆ เอิร์ทอยากไปร่วมอวยพรด้วยตัวเองนะ แต่ไอ้ฝรั่งนั่นคงฆ่าเอิร์ททิ้งแน่ ที่ทำได้คือส่งของขวัญกับการ์ดมาอวยพรเนี่ยแหละ

ไม่รู้ว่าชอบเปล่า แต่เอิร์ททำเองนะ ก็ทำแบบกากๆ อะ ข้อความบนนั้นก็เอาที่อยากเขียน แม่งชื่อสตูดิโอไม่ได้อยากใช้ชื่อนี้เลย มันซ้ำกับที่ไอ้ฝรั่งเรียกแมท แต่ไอ้บาสยุว่าชื่อนี้น่ารักดี เอิร์ทเลยใช้ชื่อนี้

ซีน 24 หมายถึงช่วงอายุที่แมทกับเอิร์ทเจอกัน เทค 1 หมายถึงเจอกันครั้งแรกครั้งเดียวแมทก็เทคเอิร์ทอยู่หมัด โรล์ 29 เป็นช่วงเวลาที่เราได้ทำงานร่วมกัน แล้วเป็นช่วงเวลาที่เอิร์ทเริ่มมีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นกับแมท เดทก็วันเกิดปีนี้ของแมท ซาวด์ LOVE น้ำเน่าป้ะ ฮ่าๆๆ แต่มันหมายถึงเสียงของความรักของเอิร์ทเลยนะ

ผู้กำกับ ชื่อแมทไง ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงให้ได้นะแมท เอิร์ทเชื่อว่าแมทจะเป็นผู้กำกับที่ดีได้ เอิร์ทเห็นมาแล้ว ค่อยๆ ทำไปนะ ไม่ต้องรีบ สักวันมันจะเป็นวันของแมท ส่วนตากล้อง ชื่อเอิร์ทเอง (หวังว่าคงจำชื่อจริงเอิร์ทได้)

เอิร์ทก็เหมือนตากล้อง มองแมทผ่านกล้อง ผ่านเลนส์ แต่สัมผัสตัวจริงของแมทไม่ได้ เพราะกล้องมันบังเอิร์ทกับแมทอยู่ แต่ยังไงเอิร์ทก็จะคอยมองแมทไปเรื่อยๆ นะ ครั้งแรกเลยว่ะที่เขียนอะไรน้ำเน่าแบบนี้

มีความสุขมากๆ นะแมท ถ้าเจอกันเอิร์ทขอกอดหน่อยนะ

รักจริงๆ และขอโทษที่เคยทำให้เสียใจ

เอิร์ท




ผมหลับตาลงพร้อมกับหยดน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ มันคลอตั้งแต่เห็นลายมือของเอิร์ทแล้ว ผมไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน แค่หยดน้ำตาไหลแหมะออกมาเท่านั้นเอง ผมเอากระดาษแผ่นนั้นแนบอก หัวใจเต้นแผ่วเบา รับรู้ถึงความรักความหวังดีที่เอิร์ทมีให้แม้เขาจะเคยทำพลาดให้ผมเสียใจไปก็ตาม


“แมท แกโอเคมั้ย” เสียงแคทถามอย่างเป็นห่วง ผมสูดน้ำมูกสองสามที ลืมตาขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาให้แห้ง พับจดหมายใส่ซองไว้อย่างดี วางมันลงบนสเลทที่เอิร์ทตั้งใจทำให้ เอาฝากล่องของขวัญปิดเอาไว้


“โอเค” ผมหันไปตอบเพื่อน เก้ากับแคทถอนหายใจเบาๆ


“ฉันอยากมีฟีลลิ่งนี้จัง ฟีลลิ่งที่มีผัวอยู่แล้ว แล้วดันมีผู้ชายอีกคนที่ก็รักเรามากคอยเป็นห่วงห่างๆ” ผมหัวเราะเสียงเบากับประโยคของแคท น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมรีบเช็ดมันทิ้งออกไป เก้ากับแบมยิ้มเศร้าๆ มาให้


“แล้วแกกับวิคเตอร์โอเคยัง” ผมไม่อยากพูดปัญหาของเราสองคนให้ใครฟังมากนัก อีกอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นมันกำลังค่อยๆ จางหายไป ผมเลยพยักหน้าตอบรับ ไอ้แชมป์ถามด้วยว่าข้อมือวิคเตอร์เป็นอะไร ทำไมถึงมีผ้าพันแผล ผมตอบเพียงว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย


ล้างหน้าล้างตาเสร็จ เช็กสภาพตัวเองเรียบร้อย ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำก่อน เก้ากับแคทจะเดินถือกล่องของขวัญตามมาทีหลัง


“ทำไมไปนานจัง” วิคเตอร์ที่เริ่มหน้าแดงก่ำหันมาถามพร้อมกับเอาแขนซ้ายคล้องเอว ผมยกมือซ้ายไปวางบนอกเขา ไอ้ยักษ์ก็ซี๊ดปากทำหน้าเหยเกแบบตอนที่นอนด้วยกันทันที


“นี่คุณเป็นอะไรเนี่ย” เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ส่ายหัวหน่อยๆ เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นอะไร ผมขมวดคิ้วมองเขม่นเขาด้วยความเป็นห่วง ทำท่าจะแหวกคอเสื้อยืดของเขาดู แต่เขารีบยกมือขวามาจับไว้แน่น เราจ้องตากัน ผมมองด้วยความไม่พอใจ ส่วนเขามองด้วยสายตาฉ่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมพ่นลมหายใจ ดึงมือตัวเองออกจากมือเขา


ไม่อยากให้ห่วงก็ไม่ถามก็ได้ ผมดึงแขนเขาออกจากเอว แล้วหันไปนั่งคุยกับเพื่อนๆ ตัวเอง พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ โดยไม่หันไปสนใจไอ้ยักษ์ลับลมคมในนั่น

V
v




หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-04-2016 23:53:45


V
v

“ถึงบ้านแล้วไลน์บอกในกรุ๊ปด้วยนะ” ผมบอกลาเพื่อนๆ หลังจากฉลองกันจนถึงตีสอง เรากอดกันราวกับจะไม่ได้เจอกันอีก ทั้งที่จริงเดี๋ยวเปิดปีใหม่ไปนี่ก็เจอกันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นการอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยด้วยกันในช่วงเวลาไม่นาน เพราะหลังเปิดปีใหม่ไป เราจะอยู่ด้วยกันอีกแค่อาทิตย์เดียว หลังจากนั้นก็คือเรียนจบโดยสมบูรณ์รอรับปริญญาอีกทีต้นปีหน้าเลย


“เอ็ม เธอนอนที่นี่ได้นะ” วิคเตอร์บอกคุณเอมิลี่ที่ยืนยันจะกลับไปนอนโรงแรมกับพวกเหล่านางแบบนายแบบของตัวเอง โดยจะมีออสตินไปส่ง เธอยืนยันอีกครั้งว่ากลับไปนอนที่นั่น เพราะมีงานเช้าต่อ แล้วอีกวันเธอก็จะบินกลับอเมริกาแล้ว ไม่ได้อยู่ฉลองเค้าท์ดาวน์ปีใหม่กับพวกเรา


หลังจากส่งทุกๆ คนกลับ คนที่เหลืออยู่ก็ช่วยกันเก็บกวาดของที่กองอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นไปเก็บไว้ในครัว ผมจัดการเก็บกวาดล้างถ้วย ล้างจาน ล้างภาชนะทุกสิ่ง มีบาสกับคุณเอริคจะมาช่วยล้าง แต่ผมห้ามเขาไว้ บอกให้ไปนั่งดื่มไวน์ดูทีวีกับเพื่อนๆ ได้เลย


“เอิร์ทเป็นไงบ้างบาส” จริงๆ เพราะผมอยากคุยเรื่องเอิร์ทกับบาสด้วยนี่แหละ


“ล่าสุดที่คุยมันบอกรอว่าโปรเจ็คต์จบจะผ่านมั้ย ถ้าผ่านก็โล่ง มันบอกว่าเรียนจบคงพักสักแปบ มันชวนบาสไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันอยู่” บาสคว่ำจานไว้บนตะแกรง แล้วหันมาล้างจานใบใหม่


“หวังว่าตอนเปิดปีใหม่ แมทจะเจอเอิร์ทนะ” บาสยิ้มอ่อน คว่ำจานอีกใบไว้บนตะแกรง


“ชอบของขวัญที่มันให้เปล่า มันนั่งทำอยู่สามวัน”


“ชอบ อยากจะขอบคุณเอิร์ทด้วยตัวเองมาก”


“ก่อนไปอเม’กาก็ลองนัดมันสิ” ผมถอนหายใจเบาๆ


“ไม่รู้จะได้มั้ย ถึงวิคเตอร์กลับไปแล้ว แต่ออสตินก็ยังอยู่” บาสยิ้มขำที่มุมปาก


“ออสตินแม่งรายงานหมดเลยอ่อว่าแมททำอะไร” ผมทำหน้าเซ็ง พยักหน้าเบื่อๆ


“นี่เมียหรือผู้ต้องหาคดีเนี่ย โดนคุมทุกย่างก้าวขนาดนี้” ผมยิ้มหึ


“คุมแต่แมท แม่งไม่เคยคุมตัวเอง” บาสชะงักไปนิดหนึ่ง รับจานจากมือผมไปคว่ำช้าๆ


“เรื่องข่าวอะเหรอ” ผมพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีเป็นการตอบคำถามบาส



“ทุกวันนี้ยังเป็นปริศนาอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องอันเดรียนาบ้าง” ถึงผมจะไม่อยากรู้อะไรเพิ่มแล้ว แต่มันจะเป็นบางที บางเวลาที่ความคิดจะแวบไปจินตนาการว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนอนอันเดรียนาในคืนนั้นบ้าง


“เบนมันบอกว่าไม่มี บาสก็ว่าไม่มีนะ” ผมถอนหายใจ ทำหน้าเหนื่อยใจ บาสยิ้มมุมปากนิดหน่อย


“มีแฟนเป็นบุคคลสาธารณะต้องใจกว้างนะแมท ไม่ได้หมายถึงใจกว้างให้เขามีคนอื่น แต่ข่าวกับดารามันเป็นของคู่กัน” ผมพยักหน้ารับคำบาสอีกที เลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง ยื่นมือไปล้างมือให้สะอาดหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว


เราเดินไปหาหนุ่มๆ ที่เหลือ ทุกคนตกลงว่าจะแยกย้ายกันเข้านอน ออสตินเดินกลับเข้ามาในห้องพอดี พวกเราเลยเอ่ยราตรีสวัสดิ์กันตรงนั้น ผมเดินเข้าห้องนอนใหญ่พร้อมวิคเตอร์ กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยฟุ้งมาจากตัวเขา ท่าทางเขาเมาๆ เยิ้มๆ หน่อย แต่ไม่ถึงกับจะน็อคอะไร


“ฉันขออาบน้ำก่อนนะ” พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย ทิ้งให้ผมยืนหน้านิ่วมองตามหลังเขาเข้าไป เราก็ไม่ได้ว่าอาบน้ำพร้อมกันทุกเวลาหรอก แต่ครั้งนี้ผมแค่นึกแปลกใจแล้วก็นึกสงสัยว่าเขาคงไม่ยากให้ผมเห็นแผลหรือร่องรอยบาดเจ็บ หรือรอยอะไรสักอย่างของเขาที่อกซ้ายนั่นแหละ ไปโดนเล็บผู้หญิงที่ไหนจิกมารึเปล่าก็ไม่รู้


ผมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด นั่งเล่นโทรศัพท์รออาบน้ำ ตามกดไลค์คำอวยพรใหม่ๆ ในเฟซบุ๊ค และตามไปกดไลค์รูปที่ถูกแท็กมาให้ไอจี รีทวีตคำอวยพรผ่านแฮ็ชแท็ก #HappyBirthDayLittleBro เห็นคนคิดแท็กบอกว่าเอามาจากแคปชั่นวิคเตอร์ที่เขาลงรูปคู่รูปแรกของเรา เป็นแฮ็ชแท็กเฉพาะแฟนคลับที่ตามผมกับวิคเตอร์นะ ไม่ได้ติดเทรนด์โลก เทรนด์ไทยไหนๆ หรอก


“ไปอาบน้ำสิ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา วิคเตอร์พันผ้าขนหนูไว้รอบเอว มีผ้าขนหนูอีกผืนพาดบ่าซ้ายเอาไว้ ผมลุกขึ้นยืน เอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงฝั่งตัวเอง เดินผ่านเขาไปเข้าห้องน้ำ ไม่หือไม่อือต่อกัน


ผมเข้ามาอาบน้ำในห้องน้ำด้วยอาการเซ็ง อาบไปหน้าบึ้งไป แต่ไม่ได้บูดบึ้งอะไรมาก แค่ไม่ยิ้ม ไม่รู้สึกสนุกอะไรทั้งนั้นแหละ ท่าทีของเขาทำผมเคืองๆ ตั้งแต่นอนด้วยกันตอนบ่ายละ ทำมาหวงเนื้อหวงตัว ถามอะไรก็ไม่ตอบ บ่ายเบี่ยงอยู่ได้ ทำอย่างกับผมเป็นนักข่าวงั้นแหละ ผมรีบจัดการตัวเองจนสะอาด ตัวหอมฟุ้งด้วยกลิ่นน้ำนม เป่าผม เช็ดตัวจนแห้งก็เดินออกมาหาเสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์ใส่


“แต่งตัวเสร็จแล้วมานี่หน่อย” ผมหันไปมองฝรั่งตัวยักษ์ที่นอนพิงหัวเตียงด้วยสายตาเฉยเมย เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดนอน พอแต่งตัวเสร็จก็เดินกลับออกมา วิคเตอร์สะบัดผ้านวมออก เผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเขา แต่ที่บ่าซ้ายยังคงมีผ้าขนหนูพาดอยู่


“ผมง่วง” ผมบอกสั้นๆ หน้าตาไร้อารมณ์ ส่วนเขาคงมีอารมณ์รออยู่แล้ว แต่ก็แปลกที่ตรงนั้นมันไม่ได้ตั้งโด่ กลับนอนสงบ


“มานี่” เขาเริ่มใช้น้ำเสียงกดต่ำ แววตาที่มองมาก็จ้องมองกย่างกดดัน ผมถอนหายใจแรง เดินเข้าไปหาเขา คลานเข้าไปนั่งคร่อมตักเขาไว้ วิคเตอร์ยกสองมือมาจับเอวผม มองผมที่หน้าบึ้งแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“เป็นอะไร” ผมหันกลับมามองหน้าเขา ทำหน้าตายแล้วส่ายหัว เขาไม่ดุเหมือนปกติเวลาเห็นผมทำท่าทางแบบนี้ แต่กลับยิ้มขำหน่อยๆ ผมนึกหมั่นไส้เลยใช้มือขวาฟาดลงไปบนอกซ้ายเขาตรงจุดเดิม


“โอ๊ยยย!!” เขาร้องลั่น หน้าตาเจ็บปวดจริงจัง ผมมองอย่างเข่นเคี้ยว สมน้ำหน้า! ไม่บอกเองว่าเป็นอะไร


“เจ็บนะเนี่ย!” เขาว่าเสียงกระแทก กัดฟันแน่นเพราะความเจ็บ


“แล้วเป็นอะไรทำไมไม่บอก?! ถามก็ไม่ตอบ พอถามยังมาดุกันอีก!” เขาย่นคิ้ว ส่งเสียงซี๊ดเบาๆ แต่ก็ยังไม่ยอมตอบ ยอมพูดอะไร ผมโมโหเลยทำท่าจะลงจากตักเขา แต่เขากลับใช้สองมือจับเอวผมไว้แน่น


“ปล่อย!”


“ไม่ปล่อย ฉันมีของขวัญจะให้นาย”


“ไม่เอา!” ผมดิ้นแรงขึ้น พยายามจะหนีลงไปนอนฝั่งตัวเองให้ได้ เรายื้อยุดฉุดกันสักพัก ผมก็เป็นฝ่ายหยุดเองอย่างหัวเสีย เพราะเขากอดผมไว้กับตัวซะแน่นจนขยับไม่ได้ ผมได้ยินเสียงอืออาเพราะความเจ็บเบาๆ


“ถ้าจะตายแล้วก็ปล่อย ผมจะได้ไม่นอนทับคุณ”


“ถ้าฉันปล่อยแล้วห้ามลุกหนีนะ เดี๋ยวไม่ได้เห็นของขวัญกันพอดี” ผมรับคำอือๆ ออๆ เพื่อตัดจบช่วงเวลานี้สักที เขาดันตัวผมให้ลุกขึ้นนั่งตรง ผมหน้าตึงมองเขา วิคเตอร์ยิ้มหล่อละมุน แต่ตอนนี้ผมไม่ละมุนด้วย ผมหยาบ


“ดึงผ้าออกให้หน่อย” เขาบุ้ยปากทางผ้าขนหนูที่พาดบ่าซ้ายอยู่ ผมบิดปากเซ็งนิดหน่อย จัดการดึงผ้าขนหนูออกให้เขา ตอนที่ผ้าขนหนูหลุดออกจากอกซ้ายของเขา ตอนนั้นเองที่ผมชะงักกับรอยแดงปื้นๆ ที่อยู่บนนั้น ผมกำลังจะอ้าปากถามว่าไปทำอะไรมา แต่สายตาก็เห็นรอยสีดำนูนอยู่บนอกเขา ตรงกลางบริเวณรอยแดงเหล่านั้น พอเพ่งมองดีๆ ว่ามันคืออะไร ผมก็เบิกตากว้าง เลื่อนสายตาไปมองไอ้ยักษ์ที่ยิ้มกริ่มรออยู่แล้ว


“Happy birth day my baby-alien.” ผมนิ่งไปพักหนึ่งกว่าจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ เลื่อนสายตาไปมองร่องรอยบนอกของเขา ยกมือขวาขึ้นมาลูบแผ่วเบา คิ้ววิคเตอร์กระตุกนิดหนึ่งตอนผมแตะลงบนผิวเนื้อแดงๆ มีรอยดำเป็นระเบียบเหล่านั้นพาดอยู่


“Do you like it? I created this sentences by myself. Actually, I want to tattoo your face. But it’s fucking hurt even a small pattern. Sorry that I have a very low patient. (ชอบมั้ย ฉันคิดประโยคนี้เองเลยนะ จริงๆ อยากสักหน้านาย แต่ขนาดลายเล็กๆ แม่งยังโคตรเจ็บ ขอโทษที่ฉันมีความอดทนต่ำไปหน่อย)” น้ำตาผมรื้นขึ้นมาที่ขอบตาทั้งสองข้าง วิคเตอร์ยิ้มอ่อนโยน ผมยิ้มปากสั่น หยดน้ำตาร่วงแหมะลงบนแผงอกวิคเตอร์ ผมเลื่อนสายตาไปมองรอยสักสดใหม่บนอกซ้ายของเขา รอยสักธรรมดาๆ เป็นตัวเขียนภาษาอังกฤษตวัดติดกันอย่างสวยงาม มันเป็นประโยคธรรมดา ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่มันมีความหมายและน่ารักเหลือเกิน


My MATTLE. 

My Little-Alien

My Gift Of God.

(My MATTLE.
My Little-Alien
MY Gift Of God.)
   

“Thank you” ผมไม่รู้จะพูดคำไหนออกมานอกจากบอกขอบคุณเขา จ้องมองรอยสักตัวอักษรสามบรรทัดบนอกเขาไม่วางตา
   

“What does MATTLE means?” ผมถามเขาพลางยกมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม ปลายนิ้วขวายังคงลูบสัมผัสผิวเนื้อที่นูนบนอกของเขาไปมา
   

“Matt plus Little become Mattle which mean Little Matt.” ผมยิ้มขำทั้งน้ำตา ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะสรรหาคำมาผสมกันได้น่ารักแบบนี้ วิคเตอรยิ้มหล่อตาเยิ้ม ผมมองรอยสักบนอกเขาด้วยความปลื้มใจ ดีใจ ตื้นตันใจ รู้สึกว่าหัวใจพองโต
   

“Are you sure about this? We can break-up on someday. (คุณแน่ใจแล้วเหรอ วันนึงเราอาจจะเลิกกันก็ได้นะ)” ผมบอกเสียงเศร้าหน่อย ถึงจะดีใจที่เขาไปสักมาเพื่อนผมก็เถอะ แถมยังสักไว้บนอกซ้าย ตรงตำแหน่งเหนือหัวใจอีกต่างหาก
   

“This will be on your skin forever even you remove it. (มันจะอยู่บนผิวของคุณตลอดไปแม้คุณจะลบมันแล้วก็ตาม)” ผมกลัว อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้านับที่เรารู้จักกันมา มันก็เกินครึ่งปีมาแล้ว แต่ช่วงเวลาที่เราสองคนเขยิบความสัมพันธ์ขึ้นมานั้น มันยังไม่ถึงครึ่งปีเลย
   

“How do you know that we will love each other forever or not? (คุณจะรู้ได้ไงว่าเราจะรักกันตลอดไปรึเปล่า)” เราอาจจบความสัมพันธ์กันในวันใดวันหนึ่ง วิคเตอร์แสดงออกว่ารักผมมากก็จริง แต่ผมจะรู้ได้ยังไงว่านี่มันไม่ใช่ความหลง แรกๆ ทุกอย่างดีหมด ตื่นเต้นไปหมด แล้วไอ้ความดี ความตื่นเต้นนั้นมันจะหมดลงวันไหนกัน
   

“เอาเป็นว่าถ้าสักชื่อนายไว้ที่หัวใจได้ฉันคงทำไปแล้ว” ผมยิ้มขำอ่อนๆ นอนซบหน้าลงบนกลางอกเขา สายตายังคงมองรอยสักสดใหม่นั้น ปลายนิ้วยังคงสัมผัสตัวอักษรนูนบนอกแกร่งของเขาไปเรื่อย วิคเตอร์โอบกอดผมแน่น ก้มลงกดจูบกลางกระหม่อมตามเคย เขาไม่พูดอะไรต่อ บอกแค่ประโยคเดิมคือสุขสันต์วันเกิด
   

ไม่รู้ว่ารอยสักกับความรักอันไหนลบง่ายกว่ากัน แต่สิ่งสำคัญตอนนี้คือเราอยู่ด้วยกัน


   


คุณเอมิลี่บินกลับอเมริกาไปแล้ว เหลือแต่หนุ่มๆ ซึ่งกำลังสังสรรค์วันปีใหม่กันที่อพาร์ทเม้นต์ตามเดิม ตั้งแต่คริสต์มาสมาพวกเราปาร์ตี้กันหนักมากจริงๆ มีออกไปปาร์ตี้ข้างนอกบ้างในยามราตรี แต่ก็ไปแค่ครั้งเดียว แถมไปแล้วยังเจอเหตุการณ์ระทึกเบาๆ เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามอ่อยวิคเตอร์ ถึงขั้นล้มทับกันเลยทีเดียว ผมได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ด้วยใจสั่นหวิว เธอคงไม่รู้แหละว่าผมเป็นแฟนวิคเตอร์ ไม่ใช่ผมไม่หึงนะ แต่คิดว่าแค่เธอเจอฤทธิ์วิคเตอร์เข้าไป ก็คงสะพรึงสำหรับเธอมากพอแล้ว
   

“ไปให้พ้นโว้ย!” เขาผลักเธอออกจากตัวอย่างแรง เล่นเอาแม่นั่นสร่าง (แอ๊บ) เมาทันควัน หน้าเสียไปไม่น้อย วิคเตอร์จ้องเธอตาเขม็ง แล้วดึงผมเข้าไปกอดเอวไว้แน่น หันหน้าหนีกลับมาดื่มกับเพื่อนๆ ต่อ บาสต้องเป็นคนเข้าไปขอโทษเป็นภาษาไทยกับแม่สาวสายเดี่ยวกางเกงยีนขาสั้น ดูเธอจะหัวเสียหน่อยๆ ด้วย แต่คิดว่าเธอยังมีความคิดมากพอว่าตัวเองเป็นคนเข้าหาเขาเอง เลยไม่ได้ฮึดฮัดอะไรมาก หันกลับไปหาเพื่อนๆ ที่ปลอบโยนเจ้าหล่อนกันยกใหญ่
   

ผมเลยไม่ต้องทำอะไร เพราะวิคเตอร์จัดการให้แล้ว ถึงวิคเตอร์จะเจ้าชู้ แต่เขาไม่ชอบผู้หญิงลักษณะแบบนี้เท่าไหร่ มาเจ๊าะแจ๊ะกับเขามากๆ เขาจะรำคาญมาก เขาชอบผู้หญิงนิ่งๆ เข้าหาน้อยๆ แต่พองาม แบบนั้นน่ะของชอบเลย ถ้าเป็นพวกประเภทเยอะๆ แบบนี้เขาไม่เอา น่าสบายใจเนอะ แต่ก็ยังดูเจ้าชู้อยู่ดี
   

พอวันปีใหม่เราเลยตัดสินใจไม่ไปไหนกัน เค้าท์ดาวน์กันเองอยู่ห้องสบายๆ ไม่ไปเบียดเบียนใคร ผมกับบาสเองก็แนะนำว่าดีแล้ว เพราะช่วงปีใหม่ในเมืองกรุงแบบนี้ เป็นช่วงเวลาอัดแน่นนรกแตก อยู่ในบ้านน่ะดีที่สุดแล้ว นั่งดื่ม นั่งกิน นั่งพูดคุยกันชิลๆ หน้าจอทีวีดีกว่า ผมปล่อยให้พวกเขานั่งดื่มกันไป ส่วนผมนอนเอกเขนกดูทีวีอยู่ข้างวิคเตอร์ กำลังดูซีรีส์ที่เขาเล่นอยู่ เขาทำหน้ามุ่ยหน่อยๆ ที่ผมเปิดดู แต่จริงๆ คือเขาเขิน เขาไม่ค่อยชอบดูตัวเองในทีวีหรอก
   

“ตัวจริงนั่งอยู่นี่ยังจะดูอีก” เขาหันมาว่าหน้ามุ่ย แต่ก็กดจูบลงบนขมับขวาผมหนึ่งที
   

“เรื่องมันสนุกนี่นา อย่าหลงตัวเองว่าผมเอาแต่ดูคุณสิ” บทซีรีส์ของวิคเตอร์สนุกจริงๆ นะ ซับซ้อนซ่อนเงื่อนของแท้ กว่าจะแก้ปมได้ในแต่ละตอนลุ้นมาก ซีซั่นสองเริ่มมีกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากแค่การสืบสวนสอบสวน คดีในเรื่องก็น่าสนใจ ตัวเอกที่วิคเตอร์รับบทก็เริ่มมีมิติด้านมืดในตัวเองมากขึ้น แล้วบทที่ไอ้ชอนไชเล่นก็เริ่มจะเลวขึ้นเรื่อยๆ เหอะ ไม่ต่างจากตัวจริงเลย ทุกวันนี้ผมยังไม่ลืมที่มันชอบมองเขม่นหรือเคยทำร้ายร่างกายผมไว้หรอกนะ
   

“ชอบเหรอ” ผมพยักหน้าแล้วหันกลับไปดูทีวีต่อ วิคเตอร์มองผมครู่หนึ่งก่อนหันกลับไปคุยกับเพื่อนๆ เขาต่อ
   

เวลาล่วงเลยมาใกล้เที่ยงคืน พอซีรีส์วิคเตอร์รีรันจบ ผมก็เปิดไปช่องปกติของไทย มีการถ่ายทอดสดเค้าน์ดาวน์แบบทุกๆ ปี พอเข้าช่วงเที่ยงคืนห้าสิบเก้า ทุกคนก็เริ่มนับถอยหลังตั้งแต่นาทีที่ห้าสิบ จนกระทั่งเหลือสิบ แล้วก็นับไปเรื่อยๆ จนก้าวเข้าสู่ปีใหม่
   

“Happy New Year!” ทุกคนยกแก้วไวน์ แก้วเหล้าขึ้นชนกัน ส่วนผมยกแก้วใส่ชาเขียวฟูจิขึ้นชนกับคนอื่นๆ ช่างไม่ยุติธรรม บางทีผมก็อยากดื่มไวน์แดงมั่ง มันอร่อยดีนะ ผมเคยลองชิมไวน์ขาวแล้วไม่ถูกปากเท่าไหร่ ขมไปหน่อย แต่ไวน์แดงเนี่ยหวานกลมกล่อมกำลังดี แต่ไอ้ยักษ์ไม่ให้ดื่ม ไม่เข้าใจจะห้ามไปทำไม ก็ดื่มอยู่ในห้องด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นตอนเขาเผลอผมก็แอบดื่มไปสองแก้ว
   

“ปีใหม่ เริ่มใหม่ ทิ้งเรื่องเก่าๆ ที่ไม่ดีไปนะ” เขาก้มลงมากระซิบ ผมเลื่อนสายตาไปมองเขา ยิ้มบิดปากเล็กน้อย ทำไมผมจะไม่รู้ ตั้งแต่ของขวัญวันคริสต์มาสเป็นสิบกล่อง รอยสักบนอกในวันเกิด กับคำพูดในวันปีใหม่ ทั้งหมดมันคือการง้อของเขานั่นแหละ แต่จะให้เขาพูดเขาบอก เขาก็คงไม่ทำ ตอนช่วงเกิดเรื่องใหม่ๆ เขาพรั่งพรูคำพูดออกมาเพราะสภาพจิตใจเขาแย่แล้ว แต่พอกลับสู่สภาวะปกติ เขาก็กลับไปเป็นไอ้ยักษ์หน้ามึนตามเคย เป็นไอ้ยักษ์ผู้ทื่อตรง ไม่หวานหยดย้อย
   

“สวัสดีปีใหม่นะพ่อยักษ์รูปหล่อ” ยังไม่กล้าตอบรับ แม้กำแพงในใจผมจะทลายลงทีละนิดแล้วก็ตาม ผมรอให้ถึงวันที่มันทลายมลายไปหมดสิ้นอยู่
   
 

 :katai5:

มาแล้ววว ขอโทษทีค่ะที่หายไปหลายวันเลย เนื่องจากเดินทางบ่อยอีกแล้วเช่นเคย เลยทำให้อยู่หน้าคอมได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่กพยายามเขียนเล็กเขียนน้อย เพื่อปิดต้นฉบับพาร์ทสองสักที

สำหรับตอนนี้พี่ยักษ์ก็ทุ่มเพื่อเมียสุดพลังแล้วเนอะ เมียชอบผู้ชายมีรอยสัก ก็ไปสักให้เมียเห็น 55555 แถมยังเป็นข้อความหวานๆ อีก แหม่... ก็เลี่ยนใช่ย่อยนะไอ้ยักษ์ แต่ถือว่าของขวัญชิ้นนี้พิเศษสำหรับน้องแมทจริงๆ เอ๊าๆ น้องแมท รีบทะลายกำแพงในใจให้หมดไปสักทีนะจ๊ะ ผู้ชายเขาให้เธอขนาดนี้แล้วเนี่ยยยย

ก็สมชื่อตอนค่ะ เทศกาลรื่นเริง ตอนนี้เป็นบรรยากาศดีๆ ที่เริ่มจะดีขึ้นระหว่างวิคเตอร์กับแมท มันจะต้องกลับมารื่นเริงตามเทศกาลเนอะ ต้องค่อยคลี่คลายไปค่ะ แมทเองเพิ่งเคยมีแฟน แล้วนางเป็นคนรักฝังใจ เมื่อเจ็บก็เจ็บฝังใจเช่นกัน ต้องค่อยๆ ให้เขาปล่อยวาง ปล่อยใจจากความเจ็บเหล่านั้น

หนังสือพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนพาร์ทแรกหมดแล้วนะคะ เหลืออีกสองชุดสำหรับรอบโอนเงิน คือไม่รู้เจ้าตัวหายไปไหน ถ้าได้อ่านข้อความนี้และรู้ตัวว่าเป็นตัวเองก็ติดต่อตอมมานะค้า

สำหรับพาร์ทสอง จะให้ลงชื่อจองวันที่ 16-17 เมษายน และจะเปิดพรีออเดอร์ 18 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม นะคะ รายละเอียดหนังสือตอมจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีค่า สำหรับคนที่ไถ่ถามมาว่าราคาเท่าไหร่จะได้เก็บเงินถูก ก็แนะนำว่าเก็บไว้ 1200 บาทค่ะ ไม่เกินนี้ แต่จะลดลงมาเท่าไหร่ขอคำนวนจำนวนหน้าที่แน่นอนออกมาก่อนเน้อออ

เจอกันตอนหน้าค่ะ ใครเจอคำผิดบอกได้เลยนะคะ หากไม่ได้แก้ในนี้ บางทีตอมก็ไปแก้ในต้นฉบับจ้าาา ^__^

ปล.ของขวัญใครโดนใจมากกว่ากัน ? 5555555


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-04-2016 00:12:09
ยักษ์ ทุ่มสุดตัวเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-04-2016 00:20:54
วิคสักเลยยยยยย


เอาไป8คะแนน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 03-04-2016 00:41:24
ชอบพี่กล้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 03-04-2016 00:56:18
ครั้งนี้วิคเตอร์ทุ่มเทในการง้อแมทมากจริง คะแนนติดลบเลยลดลงนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 03-04-2016 01:05:54
 :impress3: วิคเตอร์นายมีเรื่องให้แปลกใจอยู่เรื่อย แต่เรามองว่าพี่ยักษ์เป็นคนโรแมนติกมากน่ะ จิตใจอ่อนไหวด้วย พวกนี้มักจะรักใครรักจริง แต่จะค่อนข้างอ่อนไหวง่าย โอกาสจะมีพลั้งเผลอนี่เป็นไปได้เลยแหละ แต่งานนี้คงเข็ดไปอีกนานน่ะ ทีนี้ก้อเหลือตัวแมทเองที่ต้องฝึกใจให้เข้มแข็งเลยน่ะ มีแฟนเป็นคนหล่อ คนรวย คนดัง ครบสูตรของผู้ชายน่าเอกไปซะหมดเลยน่ะ ยังไงก้อพยายามเข้าน่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 03-04-2016 01:17:20
เอาใจหนูแมทด้วยรอยสัก

ร้ายเหลือเกินวิคเตอร์55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-04-2016 01:24:45
 o13 ทุกอย่างกำลังดีขึ้นๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-04-2016 02:35:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-04-2016 03:27:03
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 03-04-2016 05:17:10
ของขวัญวิกเตอร์ทำเอาของขวัญเอิร์ททาบไม่ติดเลย อิอิ  :katai2-1:

แอบเบื่อแมทนิดหน่อย ที่ดูเหมือนจะมีใจเอิร์ท ถึงจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไร คิดเป็นเพื่อน แต่ก็เห็นลับหลังพออยู่กับบาสที่ไรถามถึงเอิร์ทตลอด ทำอย่างนี้ก็เหมือนให้ความหวังเอิร์ทนิดนึงด้วยรึป่าว?  เรื่องระแวงก็ให้น้อยๆลงหน่อย วิกเตอร์สักชื่อขนาดนี้แล้ว  ถ้าไม่รักมากๆไม่มีใครยอมสักชื่อแฟนบนตัวเองหรอก เพราะเวลาเลิกไปมันก็เหลือร่องรอย ถึงแม้บางคนไปลบรอยสักออก มันก็ยังเป็นแผลเป็นอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 03-04-2016 06:10:24
สุดท้ายก็ตามใจสเป็คแมท ผู้ชายมีรอยสัก 555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-04-2016 10:08:27
 :pig4: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-04-2016 11:58:35
ชอบของขวัญเอิร์ทจัง  งื้ออออ
ซึ้งดีอะ แต่ถ้ายักษ์เห็นนี่คงโดนเอาไปเผาทิ้ง 555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-04-2016 16:33:51
ขอให้มันดีขึ้นเรื่อยๆละกานนน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-04-2016 17:41:57
หูย ชีวิตดี สวยมากๆ อีกแล้วอ่ะ วิคน่ารักมาก รักแฟนสุดๆ ทำดีที่สุดเท่าที่เขาทำได้แล้วล่ะ
เอ พ่อดูผลักดันพี่กล้าแปลกๆ สงสัยเรื่องวิคเยอะมากด้วย
ของขวัญเอิร์ทน่ารักดีเนอะ

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-04-2016 18:46:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-04-2016 20:51:13
ของขัวญจาตายักษ์นี่มันสุดๆอ่ะเอาใจเมียช่ะ รู้ว่าเมียชอบบคนมีรอยสักนางเลยเอาใจเมีย 5555  งานนี้เอเลี่ยนน้อยท่าจะปลื้ม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 04-04-2016 21:21:36
 :กอด1:รู้สึกอยากให้พี่แผ่นดินมีคู่จังง :hao6: :hao6: :L2: :L1:สู้น้าาาาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 05-04-2016 22:29:26
นิยายสนุกมาก  :กอด1: คนเขียน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.33 100%}:02.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 06-04-2016 21:39:09
เขินอิพี่ยักษ์ษษษษษษษษษ. แรงมากกก :hao6: o13 :impress2: :L1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-04-2016 17:18:57


Only You EP.34 :: Worthy gift from The gift of God. [50%]


Special Viewpoint by Victor Raymond.
   

“ดูแลตัวเองด้วยนะวิคเตอร์ แล้วเดี๋ยวเจอกันเร็วๆ นี้”    



ผมถอนหายใจพรืด ยกมือก่ายหน้าผากอย่างกลัดกลุ้ม บอกแต่ว่าจะเจอกันเร็วๆ นี้ แต่เขาก็ยังไม่บอกวันจะมาหาผมให้แน่นอนสักที ทำทีบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยเหมือนไม่อยากจะมา บอกให้ผมดูแลตัวเอง แต่แมทจะรู้มั้ยว่าผมอยากให้เขามาดูแลผมบ้าง เขาเรียนจบมาสองอาทิตย์แล้วก็ยังไม่ยอมมาสักที ผมรู้ว่ามันเร็วไปที่จะให้เขามาทันที เขาคงอยากใช้เวลาอยู่กับเพื่อนและครอบครัวก่อน แต่ผมก็อยากให้เขามาอยู่ใกล้ๆ แล้ว
   

จริงๆ ถ้าผมอยากจะให้เขามาปรากฏตัวทันทีหลังเรียนจบ ผมทำได้นะ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากทำ เพราะแมทยังตั้งแง่กับผมอยู่ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นอะไร แต่ผมก็พอสัมผัสได้ว่าเขาไม่เหมือนเดิมหลังจากเกิดเรื่องอันเดรียนา เขาดูฝืนใจที่จะอยู่ใกล้ผม เขาไม่รู้ตัวหรอกว่าบางครั้งทำหน้าทรมานแค่ไหนเวลาที่ผมกอด เวลาที่ผมแสดงความรักกับเขา ผมหงุดหงิดหลายครั้ง แล้วก็ต่อด้วยการทะเลาะ ลงเอยด้วยการปั้นปึ่งใส่กัน ตั้งแต่ผมกลับมาจากไทยหลังปีใหม่ เราก็คุยกันผ่านสไกป์ตามเดิมนั่นแหละ แต่ท่าทีของแมทที่มีต่อผมนั้นแย่มาก อยู่ใกล้กันว่าแย่แล้ว พอห่างกันดูเขาจะพยายามหนีหน้าผมได้ง่ายขึ้น มันเลยแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก
   

ไม่รู้จะต้องทำไงแล้ว จะว่าโง่ก็ได้ แต่ผมตันไปหมด ลงทุนไปสักทั้งที่ผมไม่ชอบ แต่แค่ไอ้เบนบอกว่าสักอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับแมทก็น่าจะดี ผมก็ตกลงเลยว่าจะทำ ถึงไม่ชอบสักแต่ถ้าสักอะไรที่เกี่ยวกับเขา ผมคิดว่าตัวเองคงชอบ ซึ่งผมก็ชอบนั่นแหละที่มีชื่อเขาติดอยู่บนอกแบบนี้ แต่สักมาแทนที่เขาจะยิ้มหน้าแช่มชื่นสักหน่อย กลับยิ้มน้อยๆ แล้วทำท่าคิดมากอยู่ได้ กังวลไปเรื่อยว่าสักวันผมจะต้องไปลบรอยสักนี้ทิ้งเพราะว่าเราต้องเลิกกัน แต่อันนี้ผมพอจับจุดแมทได้ ที่เขากังวลว่าจะเลิกกัน สาเหตุไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากว่าผมมีคนอื่น
   

ฟู่ววว~
   

ผมพ่นลมออกทางปากยาวๆ เผื่อไอ้ความรู้สึกหนักๆ นอยด์ๆ ทั้งหลายจะออกมาพร้อมลมบ้าง อยากสูบบุหรี่ให้ปอดเย็นๆ สักมวนสองมวน แต่ก็เกินโควต้าตัวเองที่บอกไว้กับแมทแล้ว อาทิตย์นี้ผมล่อไปเกือบหมดซอง จริงๆ ผมก็อยากเลิกเองด้วยแหละ ไม่ใช่แค่เพราะแมทบอก เพราะผมเคยบอกกับย่าและแม่เอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด
   

RRRrrr!
   

ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น หยิบขึ้นมาดูหน้าจอมือถือก็เห็นว่าเป็นไอ้ชาร์ลีโทรมา ผมกดรับสายทั้งที่ยังคงนอนเหยียดตัวอยู่บนโซฟา
   

“ว่าไง”
   

“แกอยู่บ้านรึเปล่า เปิดประตูให้หน่อยดิ”
   

“เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อค” ผมกดวางสายแล้วเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เดิม ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาด้านใน ไมเคิลผงกหัวขึ้นไปมองอัตโนมัติ พอเห็นว่าเป็นชาร์ลีมันก็กลับไปเลียขนตัวเองต่อ ไม่รู้ว่าเพราะจำได้หรือเพราะไม่จำไอ้ชาร์ลีเลยรึเปล่า
   

“มานอนทำอะไรตรงนี้วะ” ร่างใหญ่หนาของมันนั่งลงบนโซฟาตัวเล็ก
   

“ฉันก็พักผ่อนบ้างสิ” ผมว่าพลางเอื้อมมือไปหยิบผลเบอร์รี่ขึ้นมากิน แมทบอกให้ผมหามากินสายตาจะได้ดีๆ เพราะผมต้องอยู่ท่ามกลางแสงบ่อย เขากลัวสายตาผมเสีย ผมเคี้ยวผลเบอร์รี่พลางมองสีหน้าเครียดๆ ของไอ้กล้ามโต
   

“แกเป็นอะไร หน้าตาไม่ค่อยจะดี” ชาร์ลีถอนหายใจ นั่งเอาหลังพิงกับพนักโซฟา ท่าทางจะเหนื่อยจัด
   

“จีอันนาขอเลิกกับฉัน” ผมเลิกคิ้วขึ้น จะว่าประหลาดใจก็ไม่ถึงขั้นนั้น มันเป็นอารมณ์ว่า อีกแล้วเหรอ
   

“เลิกยังไง ขอเลิก หรือเลิกไปแล้วจริงๆ” มันทำหน้าขรึมก่อนตอบ
   

“เธอไปแล้ว บอกว่าเราจบกันคำเดียวแล้วไปเลย” ผมนิ่งไปนิด ไอ้ชาร์ลีนิ่งงัน แทบจะไม่ขยับตัว สายตาหลุบต่ำลงมองพื้นไม่กระพริบตา
   

“แล้ว… เลิกกันเพราะอะไร” จริงๆ ผมพอจะรู้นะว่าเลิกกันเพราะอะไร ชาร์ลีไม่ได้สนิทกับผมเท่าไอ้เบนหรือันเดรก็จริง แต่ผมก็พอจะรู้ว่ามันเป็นคนนิสัยยังไง
   

“เธอจับได้ว่าฉันไปกินข้าวกับนางแบบคนนั้น ที่เขาชอบแกอะ” ผมไม่รู้จักเธอคนนั้นหรอก รับรู้ว่าเธอบอกว่าชื่นชมผมจากคราวก่อนที่ไปกินเหล้ากับพวกเพื่อนๆ ที่ร้านแฟนไอ้ชาร์ลีนั่นแหละ
   

“โห ขอเลิกเลยเหรอวะ” นี่ขนาดแค่ไปกินข้าวนะ แต่ผมก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าไอ้ชาร์ลีแอบไปมีอะไรกับเธอมาก่อนหน้านั้นหรือเปล่า
   

“เออ เลิกเลย เธอบอกว่าเบื่อจะทนแล้ว”
   

“แกเคยมีอะไรกับเขาหรือเปล่า” มันส่ายหัวหน้าตั้งกลับมา
   

“ไม่อะ แค่คุยสนุกๆ แต่จีอันน่าไม่ได้สนใจประเด็นนั้น ประเด็นคือเธออยากเลิก…” มันถอนหายใจเนือยๆ ออกมา
   

“…เธอเอือมกับฉันแล้วมั้ง เลยไป” มันว่าเสียงปลงพอๆ กับสีหน้า
   

“แล้วแกไม่คิดจะง้อเขาหน่อยเหรอ”
   

“ไม่อะ อยากไปก็ไป” มันว่าง่ายๆ สลัดท่าทีหมองๆ ในตอนแรกทิ้งไปซะหมด ทำเอาผมทึ่งไปกับมันที่ดูไม่ใส่ใจอะไรเลย
   

“ไม่รักเขาเลยเหรอวะ” ผมไม่ได้ถามให้มันคิดนะ ผมถามเพราะอยากรู้คำตอบของมันจริงๆ
   

“ก็รักนะ แต่จะให้ฉันอ้อนวอนขอร้องให้เธออยู่ต่อฉันไม่ทำ ก็เธออยากไปนี่” นึกถึงตัวเองตอนตัวเองที่ไม่ยอมเลิกกับแมทเลย เห็นแบบนี้แล้วผมรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นเยอะ
   

“แกไม่อยากมีรักดีๆ รักเดียวบ้างเหรอวะชาร์ลี” มันเลิกคิ้วขึ้นมองผมอย่างฉงน
   

“แกพูดอะไรแบบนั้นวะ มนุษย์ผู้ชายอย่างเรามันต้องสรรหาคู่สืบพันธ์ไปเรื่อยๆ สิ” ผมย่นคิ้ว ผมมีอะไรกับใครมากมายก็จริง แต่ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนี้เลย ผมแค่ตามหาคนที่เหมาะกับผมแค่นั้นเอง ถ้าเจอแล้วผมก็พอ ไม่ใช่ว่าพร้อมจะหยุดหรือพร้อมจะพอ แต่แค่เรามีคนข้างกายแล้วไง ไอ้อารมณ์เผลอไผล เผลอใจมีบ้าง แบบที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับอันเดรียนาแล้วก็สาวลูกครึ่งนั่น
   

“ฉันไม่เคยเห็นด้วยเลยนะที่แกจะคบผู้ชาย ไม่ได้แอนตี้นะโว้ย ฉันแค่รู้สึกว่า ผู้หญิงยังไงก็สนุกกว่า หรรษากว่าเยอะ” มันทำมือเป็นรูปโค้งเว้าของร่างกายผู้หญิงในอากาศ
   

“กลับตัวยังทันนะไอ้วิคเตอร์ แกรู้อยู่แล้วว่ากับผู้หญิงยังไงก็ดีกว่า” ผมเคี้ยวผลเบอร์รี่เพลินๆ ไม่ได้คิดตามเป็นจริงเป็นจังกับสิ่งที่มันพูด แค่กำลังบอกตัวเองว่า ถ้าจะให้ผมการันตีกับแมทว่าผมไม่สนใจ ไม่มองผู้หญิงคนไหนแล้ว ผมคงไม่กล้าทำ
   

“ผู้หญิงก็เปรียบเหมือนของสวยงาม ผู้ชายอย่างเราก็ต้องชอบมองของสวยงาม…” ไอ้ชาร์ลียกนิ้วโป้งขึ้นเป็นเชิงชื่นชม ผมคิดแบบนั้น ผู้ชายก็ตื่นเต้นกับผู้หญิงสวยๆ ชอบมองกันอยู่แล้วแหละ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกมากน้อยแค่ไหน
   

“…แต่ฉันมีความสุขกับแมท” แมทไม่สวย ไม่ได้มีอะไรให้น่าตื่นเต้นทางสรีระ แต่ผมไม่ได้โฟกัสตรงจุดนั้นของเขาเลย
   

“ทำไมวะ ฉันไม่เก็ทเลย” ไอ้ชาร์ลีทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มันทำหน้าว่าไม่เข้าใจจริงๆ
   

“ฉันอยู่กับเขาแล้วสบายใจ” ผมตอบง่ายๆ สบายๆ พลางหยิบผลเบอร์รี่เข้าปากเรื่อยๆ ไม่รู้จะตอบมันว่าแบบไหน ตอบว่ารักก็คงง่ายไป เอาที่ผมรู้สึกแล้วกัน ผมรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเอเลี่ยนน้อย
   

“อยู่กับผู้หญิงก็สบายใจได้รึเปล่าวะ” ผมยักไหล่หนึ่งที
   

“ก็ใช่ แต่ฉันสบายใจอยู่กับคนนี้นี่” ไอ้ชาร์ลีทำหน้าเซ็งหน่อยๆ ผมเลยปาลูกเบอร์รี่ใส่หัวมัน โทษฐานมาทำหน้าทำตาไม่ดีใส่ความรักของผม
   

“แล้วแกมานี่มีอะไรรึเปล่า”
   

“ฉันจะชวนออกไปดื่มสักหน่อย ถ้าแกไปฉันจะชวนเธอมาด้วย” ผมขมวดคิ้วงง
   

“ใคร?”
   

“นางแบบที่ฉันคุยๆ ด้วยอยู่ไง” ผมทำหน้าไม่เข้าใจมันเข้าไปใหญ่
   

“อ้าว ก็แกคุยกับเขาอยู่ แล้วจะพาเขามาหาฉันทำไม”
   

“เผื่อแกคิดถึงผู้หญิงไง” ทำหน้าเอือมใส่มัน ไอ้ชาร์ลีหัวเราะเบาๆ
   

“แกอย่าหาปัญหามาให้ฉันเพิ่มเลย แกไปคนเดียวเหอะ” แค่ไอ้ที่มีอยู่ตอนนี้ผมก็เบื่อหน่ายจะตายห่าแล้ว ก่อขึ้นมาแค่นิดเดียวแต่ลามปามไปใหญ่โตแล้วก็เรื้อรังจนถึงตอนนี้ ขืนออกไปลั้นลากับคนอื่น คราวนี้แมทคงเห็นผมเป็นธาตุอากาศอย่างแท้จริง
   

“โห่ อะไรวะ กะเอารางวัลผู้ชายดีเด่นแห่งปีรึไง…” ผมไม่ตอบมัน ลุกขึ้นนั่งเทไวน์แดงใส่แก้วแล้วยกดื่ม
   

“…ฉันไปชวนคนอื่นก็ได้” ผมโบกมือขวาไล่มันเป็นเชิงบอกว่าอยากไปไหนก็ไป ไอ้ชาร์ลีลุกขึ้นยืน ทิ้งสายตาเซ็งไว้ให้ผมก่อนเดินออกไป
   

ผมถอนหายใจก็พอดีกับที่โทรศัพท์ผมสั่นครืด ผมหยิบขึ้นมาดูก็เห็นข้อความวอทสแอพจากเบอร์ที่ผมไม่ได้เมม แต่ผมก็รู้ว่าเป็นใคร ผมขบกรามแน่น มองรูปเปลือยของหญิงชายคู่หนึ่ง ผมจะไม่อะไรเลย ถ้าไอ้รูปเปลือยนั้นไม่มีผมอยู่ด้วย ผมไม่ตอบโต้อะไรกลับไปแต่เลือกที่จะลบข้อความกับรูปนั้นทิ้ง ผ่านไปสักพักมือถือผมก็สั่น เป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้เมมไว้นั่นแหละที่โทรมาหา
   

“มีอะไร?!” ผมถามเสียงห้วนหน่อยๆ ไม่อยากอารมณ์ขึ้นมาก
   

“เปล่า แค่โทรมาบอกว่าคิดถึง” ผมทำหน้าเหม็นเบื่อกับน้ำเสียงหวานๆ นั่น เธอไม่ได้ดัดเสียงหรือแปลงเสียงตัวเองหรอก ก็พูดตามปกติแบบตอนที่เราเคยอยู่ด้วยกัน
   

“ขอบคุณ แต่แค่นี้” ผมวางสายทันที ขบกรามแน่นอย่างไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ รำคาญก็รำคาญอยู่หรอก แต่ผมไม่อยากแบ่งอารมณ์ตัวเองไปไว้กับคนอื่นหรือเรื่องอื่น แค่กับเรื่องแมทก็ใช้อารมณ์มากพอแล้ว
   

ผมขึ้นไปอาบน้ำเหงาๆ อยู่คนเดียวนี่เปลี่ยวจริงโว้ย ทั้งเหงาทั้งอยาก จะช่วยตัวเองก็ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่ เลยต้องเปิดหนังโป๊ดู มันก็ช่วยได้นะ ก็แข็งนั่นแหละ แบบนี้ถือว่าผมไม่ได้นอกใจนอกกายแมทมั้ง ไม่ได้มีอะไรกับใครสักหน่อย แค่ดูหนังโป๊ช่วยตัวเองเท่านั้นเอง แมทก็ชอบพูดบ่อยๆ ว่าถ้าอยาก เปิดหนังโป๊ดูเอาสิ ผมไม่เคยทำนะ เพิ่งจะมาทำช่วงที่กลับจากไทย แต่ก็ไม่ได้บ่อย ทำไปครั้งเดียวเอง ก็ทำแบบเสร็จๆ ไป ไม่ได้รู้สึกดีเท่ากับตอนมีอะไรกับแมทหรอก แบบนั้นนอกจากความเสียวแล้ว ผมยังมีความสุขด้วย
   

ผมใส่กางเกงขายาวสีเทาตัวเดียว เดินมานั่งพิงหัวเตียง ช่วงนี้ไมเคิลกับฟอกซ์เข้ามานอนเป็นเพื่อนทุกคืน ยังดีที่ไม่เปลี่ยวมาก ผมเปิดโทรศัพท์แล้วกดคอลสไกป์ไปหาแมท รอสัญญาณอยู่สักพักเขาก็กดรับ
   

“Hi.” เสียงใสๆ หน้าใสๆ ตาแป๋วๆ ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เห็นแล้วอยากยื่นมือไปจับมาฟัดแก้มให้หนักๆ

   
“ทำอะไรอยู่” ผมถามเขาแล้วเอนตัวพิงหัวเตียง เขายกแม็คบุ๊คหมุนไปรอบล่างบ้านของเขาที่เป็นโซนขายของ ก่อนจะหมุนกลับมาที่หน้าเขาตามเดิม
   

“เฝ้าร้านแทนพ่อกับแม่ พอดีเขาออกไปบ้านเพื่อนแม่ครับ” เขาตอบพร้อมยิ้มน่ารักมาให้ ผมยิ้มตาม มองผมหน้าม้าบนหน้าเด็กน้อยของผม ดูเหมือนผมทรงนี้จะทำให้เขาน่ารักน่าฟัดมากขึ้นไปอีก
   

“สวยจัง” เขาบุ้ยปากมาทางอกซ้ายของผมที่มีรอยสักเกี่ยวกับเขาอยู่ ผมยิ้มมุมปากแล้วเลื่อนจอให้เขาเห็นชัดๆ แมทฉีกยิ้มกว้าง
   

“รีบๆ ตามมาดูของจริงสักทีสิ” เขาย่นจมูกได้น่ามันเขี้ยวจริงๆ
   

“เดี๋ยวก็ไปน่า” ตอบแบบนี้อีกละ ตอบอย่างนี้ทีไรผมอารมณ์บูดทุกที
   

“แล้วเมื่อไหร่จะมาแมท ต้องให้ฉันรออีกนานมั้ย หรือจะให้ฉันไปรับที่ไทย ฉันไปพรุ่งนี้ได้เลยนะ” ผมพยายามซ่อนความหงุดหงิดเอาไว้ให้มิดแต่ไม่รู้จะมิดรึเปล่า เพราะรู้สึกตึงๆ ที่หัวคิ้ว ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าไปยังไงแต่ผมเห็นแมทหน้าเสียไปนิดหนึ่ง
   

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมไปหาเอง ใจเย็นก่อนสิ”
   

“เอะอะบอกให้ฉันใจเย็น ฉันอยากเย็xนายจะตายอยู่แล้ว” ผมว่าเสียงห้วน ซ่อนความหงุดหงิดไม่มิดอีกต่อไป หน้าตาคงบึ้งตึงชัดเจนแล้วแหละ
   

“คุณคิดแต่เรื่องนี้กับผมงั้นเหรอ ไม่คิดถึงผมจริงๆ บ้างเลยรึไง” สีหน้าเขาค่อนข้างรู้สึกแย่ น้ำเสียงก็อ่อยลงไปมาก ผมขบกราม เลื่อนสายตาหนีหน้าเขาแล้วถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเขาอีกที
   

“คิดถึง ก็แค่บอกว่าอยาก ฉันคิดถึงนายจะตายห่าเนี่ย อยากอยู่ใกล้ๆ เข้าใจมั้ย” แมทยกยิ้มขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ก็ยังมีแววเศร้าติดอยู่ที่รอยยิ้มเล็กๆ
   

“หวังว่าคุณคงไม่เหงาจนไปเอาคนอื่นนะ” ผมรู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาจะขุด หรือพูดให้เป็นชนวน แต่คือผมหงุดหงิดอยู่แล้วเจอเขาพูดแบบนี้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
   

“เลิกมองฉันว่าสำส่อนสักทีเถอะ นายเห็นฉันนอนกับผู้หญิงเยอะ ไม่ได้หมายความว่าฉันตัณหาจัดกับผู้หญิงทุกคน ตอนนี้ควxฉันชอบนายคนเดียว ต้องให้ฉันสักตรงไอ้จ้อนฉันด้วยมั้ยแมท” พอได้พูดผมเลยใส่ใหญ่เลย ไม่ได้เสียงดังอาละวาดอะไร แต่น้ำเสียงก็กรรโชกได้ที่เหมือนกัน แมทหน้าเสียไปอีก เหมือนตอนนี้เขาทำหน้าไม่ถูกว่าจะรู้สึกแบบไหนดี ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ
   

“แค่นี้แล้วกัน ฉันนอนก่อน” ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ ประสาทสายตาทันเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเขาแวบหนึ่ง ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะหัวเตียง ทิ้งตัวลงนอนโดยเปิดโคมไฟอีกฝั่งทิ้งไว้ ยกมือก่ายหน้าผากพร้อมถอนหายใจ สายตามองไปบนเพดานอย่างเลื่อนลอย
   

แม่งอะไรนักหนาวะ ผมเบื่อที่แมทเป็นแบบนี้ จะให้เขาปรับคงไม่ได้ เขาเป็นแบบนี้ก่อนคบกันอีก ยังปักใจเชื่ออยู่มั้งว่าผมมีอะไรกับอันเดรียนา ผมหมดคำจะอธิบายละว่าไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ เข้าไปในห้องนั้นก็เป็นอย่างที่ผมบอกเขานั่นแหละ ยอมรับว่าอยาก แต่ผมก็ไม่ได้ทำไง แมทจะเอาไงวะแม่ง


   

อีกสองวันจะสิ้นเดือนมกราคมแล้ว และก็จะเป็นวันเกิดผมด้วย แต่แมทก็ยังคงไม่มาหาผมสักที ผมจะไปหาก็ไม่ให้ไป ตอนนี้หนังถ่ายทำเสร็จแล้ว แต่เดือนหน้าดีแลนขอนัดรอบพิเศษให้ไปถ่ายซ่อมบางฉากสิบวัน ผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ให้ไปก็ไปเท่านั้นเอง หนังจะฉายเดือนมีนาคม แล้วก็เว้นวรรคไปสักพัก พอช่วงสิงหาก็เริ่มถ่ายทำภาคใหม่เหมือนภาคแรก แต่ผมก็ไม่ได้พักหรอก ต้องถ่ายซีรีส์ ส่วนงานอื่นๆ อย่างพวกถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณาผมก็รับบ้างประปราย ไม่ได้รับเยอะ อีเว้นต์ก็ออกที่สบายใจจะไป อ้อ แล้วยังมีช่วงโปรโมตหนังอีก เดินทางกี่ประเทศเข้าไปก็ไม่รู้ แค่คิดก็เหนื่อยละ พอมีวันหยุดพักผมเลยต้องรีบตักตวงนี่ไง แต่ถ้าจะให้ดีต้องมีเอเลี่ยนน้อยอยู่ด้วย
   

มือถือผมสั่นอยู่ที่ไหนสักแห่ง ผมจิ้มเนื้อสเต๊กหมูที่ทำเองแบบง่ายๆ เข้าปาก แล้วลุกขึ้นยืนไปมองหามือถือก็เห็นว่ามันวางอยู่บนตู้เย็น
   

[เฮ้ ฉันอยู่นิวยอร์กแล้วนะ อีกประมาณชั่วโมงเจอกันที่บ้าน]
   

“ให้ไปรับมั้ย”
   

[ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปเอง]
   

“พ่อรู้แล้วใช่มั้ยว่ามา”
   

[เรียบร้อย]
   

ผมกดวางสายจากน้องสาวคนละแม่ ไวโอล่าขอมาฉลองวันเกิดปีนี้กับผมด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากเราไม่ได้ยุ่งสุงสิงกันนานหลายปี เธอมาครั้งนี้หวังจะมาเจอแมทด้วย ผมเล่าเรื่องแมทให้ฟัง เธอเลยอยากพบตัวจริงแมทสักครั้ง แต่อีกฝ่ายยังไม่มาง่ายๆ เนี่ยสิ สงสัยไวโอล่าจะมาเก้อ
   

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเธอก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้าน เราสวมกอดกันด้วยความดีใจตามประสาพี่น้องที่ไม่ได้พบกันนาน ไวโอล่าตัวเล็กผอมบางนิดเดียว ดวงตาสีฟ้าของเธอคงได้แม่ที่ผมไม่เคยรู้จักมา ผมดำน้ำตาลของเธอยาวตรง เธอหน้าตาน่ารักมากกว่าจะสวย ปากนิด จมูกหน่อย โหนกแก้มชัดเจน ผิวของเธอไม่ได้ขาวมาก แต่ก็ไม่ได้คร้ามแดดแบบผมหรอก
   

“แฟนพี่ยังไม่มาอีกเหรอ” เธอถามหลังจากผมปิดประตูบ้าน ไมเคิลเดินออกมาเมียงมองเธอด้วยความไม่คุ้น มันไม่เคยเจอเธอเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่ไวโอล่าเป็นเด็กนิสัยดี เธอเลยเข้ากับไมเคิลได้อย่างไหลลื่น แล้วดูท่าเจ้าหมานั่นจะไม่ได้มีท่าทีระแวดระวังน้องสาวต่างแม่ของผมแต่อย่างใด ส่วนฟอกซ์มันนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนเค้าน์เตอร์ครัว
   

“ยัง ไม่รู้ด้วยว่าจะมาเมื่อไหร่” ผมตอบเสียงเนือยๆ ยกกระเป๋าเดินทางของเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่น
   

“ว้า เสียดายจัง นึกว่ามาถึงแล้วจะได้เจอเลย” ผมคลี่ยิ้มไม่เต็มปากนัก ยังคงรู้สึกหงุดหงิดในอกอยู่ รับรู้ได้ว่าอารมณ์ของตัวเองมันเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงแปลกๆ บางครั้งอยู่ดีๆ ก็หงุดหงิดขึ้นมาเฉย หรือบางครั้งก็ซึมจนเหมือนจิตมันดิ่งลงต่ำ ผมปรับตัวเองไม่ทันอารมณ์ตัวเองเหมือนกันนะบางที
   

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” ถึงจะไม่ได้สนิทกันเหมือนช่วงแรกรุ่น แต่เธอก็ยังคงมองสีหน้าท่าทางของผมออกเสมอว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ก็ไม่ถึงขั้นรู้ใจหรอก แต่ก็ช่วงหนึ่งเธอก็รู้ใจผมมากที่สุดละนะ
   

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต อยากไปไหนมั้ย หรืออยากจะพักก่อน” เธอทำหน้าคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ
   

“เดี๋ยวฉันออกไปเอง พี่ไม่ต้องพาฉันไปหรอก” ผมย่นคิ้วใส่เธอ
   

“ได้ไงกัน เดี๋ยวพี่พาเธอไป” ไวโอลายิ้มน้อยๆ ผมเดินไปหยิบกุญแจรถตรงเค้าน์เตอร์ครัวแล้วพาเธอเดินออกไปนอกบ้าน ผมเปิดประตูให้ไมเคิลออกไปด้วย แต่มันกลับยืนเฉยเหมือนจะบอกว่ามันไม่ไป
   

“งั้นเฝ้าบ้านนะไมเคิล” มันส่ายหางตอบกลับมา ไม่รู้ว่านั่นเป็นการตอบรับหรือเปล่า
   

ผมพาไวโอลาออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทชอบช้อปปิ้งหรือผู้หญิงแนวสวยงาม อาจเพราะโตมากับผมที่เป็นผู้ชาย เธอเลยมีนิสัยลุยๆ หน่อย
   

“แล้วกับแฟนเธอเป็นไงบ้าง” ผมถามในระหว่างที่กำลังเลือกซื้ออาหารสดเข้าบ้านสำหรับปาร์ตี้วันเกิดของผม เธอยิ้มจางๆ ก่อนตอบเสียงแผ่ว
   

“เขาทำให้ฉันนึกถึงพ่อเลย” ผมขมวดคิ้วฉับ ทำไมรู้สึกว่าคนเจ้าชู้รอบตัวมันเยอะจังวะ ตัวผมแล้วหนึ่ง (รู้ตัว) ไอ้ชาร์ลี พ่อผม แล้วยังจะมาแฟนไวโอล่าอีก
   

“แล้วเธอเลิกกับมันรึยัง” ผมไม่ค่อยได้ถามเธอเรื่องนี้เท่าไหร่เพราะตัวไวโอล่าเองก็ไม่ค่อยจะชอบเล่าให้ผมฟัง
   

“ไม่รู้สิ เดี๋ยวเลิก เดี๋ยวดีกัน ฉันก็งงๆ อยู่ แต่เดี๋ยวก็คงหายงงมั้ง” เธอพูดด้วยสีหน้าเนือยๆ พลางหยิบผักสีเขียวมาใส่ตะกร้า
   

“พี่เชื่อว่าเธอตัดสินใจเองได้” ผมไม่อยากก้าวก่ายหรือไปยุ่งวุ่นวายกับความสัมพันธ์ของคนอื่นมาก ของตัวเองยังจะเอาไม่รอด แต่ยังไงผมก็จะทำให้ผมกับแมทรอดให้ได้ ผมคิดของผมแล้ว ผมไม่อยากยอมแพ้แบบที่เคยเป็น
   

ไวโอล่าไม่ตอบอะไรทำเพียงยิ้มกลับมาอ่อนๆ จะว่าเธอพูดน้อยแบบผมก็ไม่ผิดนัก แต่ก็พูดมากกว่าผมอยู่ดี ผมก็รู้ตัวนะว่าบางทีก็พูดน้อย บางทีก็พูดมาก แต่กับแมทนี่ผมชอบพูดมาก อยากพูด อยากคุย บางทีพูดกันจนคอเขาแห้งผมก็แกล้งเขาด้วยการไม่ให้ดื่มน้ำเปล่า แต่ชอบให้เขาดื่มน้ำผมแทน
   

“เออพี่ เจนีนฝากมาทักทายนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วพยักหน้าเบาๆ สองที
   

“เธอเป็นไงบ้างล่ะ”
   

“เธอแฮปปี้ดี ลูกชายเธอน่ารักดีนะ” ผมยิ้มด้วยความประหลาดใจ
   

“ว้าว เธอมีลูกแล้วเหรอเนี่ย” ไวโอล่ายิ้มพลางหยิบเนื้อหมูมาใส่ตะกร้าที่ผมถืออยู่
   

“หนึ่งขวบแล้วละ” พอได้ยินอายุของลูกแฟนเก่าผมก็รู้สึกว่าหลายปีแล้วที่ผมไม่ได้เจอเจนีน ตั้งแต่เราเลิกกันเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย อาจเพราะตอนเลิกกันความสัมพันธ์ของเราสองคนจบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็ไม่ถึงขั้นแตกหักยับเยิน แต่เรื่องที่ผมทำไว้ก็ทำร้ายจิตใจเธออยู่ไม่น้อย นึกๆ ไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกผิดนะ
   

“ไม่รู้เธอหายโกรธพี่หรือยัง” ผมว่าเสียงอ่อย
   

“เรื่องมันผ่านมานานมากแล้วนะ เธอเองก็มีครอบครัวไปแล้ว คงไม่มานั่งโกรธเคืองพี่จนถึงทุกวันนี้หรอก ถ้าจะโกรธฉันว่าไปโกรธอีกคนดีกว่า” ไวโอเล่าเบะปากเมื่อพูดถึงบุคคลที่เรารู้ดีว่าเป็นใคร และคนนั้นก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผมกับเจนีนเลิกกัน
   

“อย่าโทษแต่เขาเลย พี่ก็ผิดเหมือนกันแหละ” ไวโอล่ามองหน้าผมแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ ผมยิ้มอ่อนตอบกลับไป
   

อดีตพวกนั้น ผมไม่ควรจะต้องจำมันไว้แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันที่จะลืม เหมือนที่ผมไม่เคยลืมความรักของแม่กับย่าได้เลย แต่ตอนนี้ผมมีความรักจากแมทแล้วแม้ว่าเราจะยังครึ่งๆ กลางๆ ใส่กันอยู่ก็เถอะ

   
   

“ผมขอโทษ… ขอโทษครับแม่…” ผมมองภาพที่แม่น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกเจ็บที่หัวใจ หันไปมองย่าก็เห็นว่าเธอนั่งนิ่ง แต่แววตาและสีหน้านั้นผิดหวังอย่างมาก
   
ภาพนั้นดับวูบไป เปลี่ยนเป็นภาพป่าสีเขียวขจีที่หนึ่ง ผมนั่งอยู่บนรถกับใครคนหนึ่ง
   
“ผมว่าเราควรหยุดแค่นี้แหละ มันกำลังแย่ลงเรื่อยๆ”
   
“เรารักกันไม่ใช่เหรอ…” ผมหันไปมองใบหน้าตัดพ้อต่อว่าของอีกฝ่าย
   
ภาพดับวูบไป แล้วปรากฏภาพของผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งกำลังร่วมรักกันอยู่บนเตียงอย่างเร่าร้อน
   
“…” ผมรู้สึกว่ามีสายตาของใครบางคนมองอยู่ พอหันไปมองผู้หญิงที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงประตูห้องนอนแล้วต้องเบิกตากว้าง
   
“เจนีน!”


V
v
v

เม้าท์เม้าท์เม้าท์อยู่ข้างล่างก๊า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-04-2016 17:20:10


 :hao7:

พาไอ้พี่ยักษ์มาระบายกับคนอ่านบ้างว่าพี่แกเป็นยังไงมั่งช่วงนี้ เมียไม่ค่อยสนใจ เมียชอบทำท่าทางอึดอัดใส่ จิตใจพี่แกยังสตรองอยู่มั้ย 55555

น้องเอเลี่ยนก็ยังคงครึ่งๆ กลางๆ กับสามี แต่ถือว่าดีขึ้นทีละนิดทีละหน่อย แมทไม่ใช่คนที่ปุบปับจะหายปั๊บ แต่อย่านานไปนะหนู เดี๋ยวผู้ชายเท เจ้ไม่รับผิดชอบนะคะ อย่าเล่นตัวมากสิยะหล่อน ผัวรักผัวหลงหน่อยเอาใหญ่เลยนะๆ

มีตัวละครมาเพิ่มกี่ตัวเนี่ยสำหรับฉากนี้ ที่แน่ๆ คือไวโอล่าน้องสาวพี่ยักษ์แล้วคนหนึ่ง นี่แหละชีวัดไหนที่น้องแมทเคยสงสัย ชีคนนี้แหละค่ะ จำได้ว่าเคยมีคนบอกว่าต้องเป็นเมียวิคเตอร์ที่ซุกลูกไว้แน่ๆ ฮ่าาๆๆ ยางงง ไม่ซุกเมียๆ ถ้าจะซุกเมียก็คือซุกหว่างขาเมียนามว่าแมทนี่แหละ ครุคริๆ

วันเกิดพี่ยักษ์อีกสองวัน (ตามเนื้อเรื่อง) ก็ร่วมอวยพรให้พี่แกล่วงหน้าได้นะ เว้นแช่งไอ้ยักษ์สักพัก 55555

สำหรับการพรีออเดอร์ Love, no boundaries พาร์ท Only You จะเปิดให้ลงชื่อวันที่ 16-17 เมษายน และจะเปิดให้โอนเงินวันแรกวันที่ 18 เมษายน ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป สำหรับเรื่องราคาหนังสือ แนะนำว่าให้เก็บเงินไว้ 1200 บาทค่ะ ไม่เกินนี้แหละ และอาจลดลงไปนิดหนึ่ง แต่ราคาภาคสองคงเพิ่มจากภาคแรกค่ะ คร่าวๆ ที่นับหน้า เหมือนจะหนากว่าภาคแรกเลย ยังไงรายละเอียดเต็มๆ ตอมจะแจ้งก่อนเปิดโอนเงินจ้าาา อ้อ ห้าสิบคนแรกที่โอนเงินมา มีถุงผ้าลายพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนให้ด้วยนะคะ ^^

หนังสือพาร์ทแรกรอบรีปริ้นครั้งที่สอง มีคนโอนเงินมา แต่ยังไม่แจ้งการโอนเงิน หากนึกขึ้นได้ให้ติตด่อตอมก่อนวันที่ 13 เมษายนนะคะ หากพ้นไปแล้วและไม่มีการติดต่อมา ตอมจะขอปล่อยหนังสือให้กับคนอื่น และถ้าเกิดคนอ่านเพิ่งนึกขึ้นได้หลังจากนั้น ให้ติตด่อขอรับเงินคืนได้เลยค่ะ ไม่มีหนังสือให้แล้วนะคะ ให้เงินคืนอย่างเดียวค่ะ

ใครเจอคำผิด บอกกันได้เลยนะคะ บางทีในนี้อาจจะยังไม่ได้เข้ามาแก้ แต่ในต้นฉบับ ตอมจะแก้ตามที่คนอ่านบอกตลอดๆ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่าาา   :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-04-2016 17:51:12
จากที่อวยแมทอยู่นานตอนนี้คือแบบสงสารอิยักษ์นะ  ดีว่านางยังมั่นคงในทางที่นางเลือกแล้ว ถ้านางหมดแรงรั้งนี่จบจ๊ะ ลูกแมทโดนเทแน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 07-04-2016 18:01:28
เลิกงอนแล้วตามสามีไปได้แล้วค่ะน้องแมท เค้าอยากเห็นฉากมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งยักษ์หื่นเอเลี่ยนน้อยเต็มใจแล้วอะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 07-04-2016 18:42:54
วิคเตอร์รักเมียมากกกกกกกกกกกกกกกกกก น้องแมทวิคเตอร์เค้ากลับใจแล้วน้าาา รอหนูไปหาอยู่เนี่ยยย เร็วๆเลยเดี๋ยวโดนทิ้งหรอกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 07-04-2016 19:11:28
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ แมทหนูบินได้แล้วลูก ลองดูอีกครั้งพังช่างมัน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 07-04-2016 19:15:32
หวังว่า แมทจะมาเซอร์ไพร์วันเกิดพี่ยักษ์นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-04-2016 19:29:23
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 07-04-2016 19:40:55
ขอให้หายไวๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-04-2016 20:06:59
เอาจริงๆ ก็เริ่มเบื่อแมทนะ ถ้าพี่ยักษ์ทำใจอยู่ห่างจากแมทได้นี่ งานนี้แมทได้เศร้าแน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-04-2016 20:38:16
 :m20:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 07-04-2016 22:38:45
แอบสงสารพี่ยักษ์อ่า เป็นนี้มันน่าเบื่อจริงๆอ่ะแหละทำอะไรก็ไม่ไว้ใจ เปลี่ยนตัวเองยังไงเค้าก็ระแวงอยู่ตลอด เอเลี่ยนก็เข้าใจกลัวเจ็บกลัวโดนหลอก  :really2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-04-2016 23:01:49
บางทีก็รำคาญแมทนะ นอยเกิน
แต่บางอารมณ์ ก็พอจะเข้าใจ โดยเฉพาะเวลาที่ยักษ์แรงเกิน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 07-04-2016 23:02:13
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-04-2016 23:19:18
วิคเตอร์เป็นเด็กดีมากๆ อยู่บ้านตลอด รอหน่อยน้า จะให้ทิ้งเมืองไปเลยมันไม่ง่ายหรอก
เหมือนเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนๆ หนึ่ง ถ้าเลิกกันก็คือจบทุกอย่าง ไกลห่างทั้งเพื่อนและครอบครัว
วิคนี่ผ่านมาเยอะเนอะ โชกโชน ชอบตอนสไกป์หากันช่วงแรกน่ารักมาก ตอนหลังทำไมอึมครึมไปได้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-04-2016 01:05:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-04-2016 02:52:34
รู้ว่าจะมีเรื่อง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 09-04-2016 00:35:32
อย่าให้ภาพในอดีตมันตามหลอกหลอน
ยึดเอาตอนนี้ ปัจจุบันนี้ มันจะทำให้ดีมากกว่า

ว่าตามนี้นะ..แมท
สงสารยักษ์ชิ๊บบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 09-04-2016 01:03:00
หรือว่าแมทจะมาเซอร์ไพรส์วันเกิดวิค :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 50%}:07.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-04-2016 02:53:07
แมท ถ้าจัดการตัวเองไม้ได้เลิกกับวิคเถอะ อย่าฝืนเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 10-04-2016 22:15:04


Only You EP.34 [100%]




“เดี๋ยว!”
   

ผมตะโกนสุดเสียงพร้อมกับสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อกาฬผุดเต็มใบหน้า ลมหายใจหอบหนักหน่วง หันไปมองรอบๆ ห้องนอนตัวเองอย่างตื่นตระหนก แสงไฟจากโคมไฟยังคงเปิดสว่างอยู่ ไมเคิลยืดคอมองผมด้วยความฉงน ผมหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจยาวๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองหนึ่งที
   

สงสัยเพราะเมื่อบ่ายพูดถึงเจนีน ผมเลยฝันถึงเธอ นานมากแล้วที่เรื่องนี้เงียบหายไปจากใจผม
   

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ตีห้า ที่ไทยคงเป็นเวลาเย็นกำลังจะค่ำแล้ว ผมกดคอลสไกป์หาแมท ช่วงเวลานี้อยากให้เขานอนกอดผมเอาไว้มาก แต่ก็ทำไม่ได้ ผมกดไปแล้วแต่เหมือนสัญญาณไม่มี คือโทรไม่ติดเลย ผมย่นคิ้วอย่างหงุดหงิด แต่ก็ลองเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์หาเขา ก็ยังคงไม่ติดอยู่ดี ผมขบกรามแน่น เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ เลยกดโทรหาออสตินแทน แต่หมอนั่นก็ดันปิดเครื่องอีกเหมือนกัน
   

หายไปไหนกันหมด แล้วทำไมปิดเครื่องพร้อมกันทั้งคู่ แอบไปทำอะไรกันรึเปล่าเนี่ย ห่าเอ๊ย!
   

ปัก!
   

ผมขว้างโทรศัพท์ลงกับพื้นห้องอย่างแรง มันกระแทกกระเด้งกระดอนไปตรงประตูห้อง แต่ผมไม่สนใจ พังช่างแม่ง อยากพังก็พัง ตอนนี้ผมแม่งโคตรหงุดหงิด ไม่รับสายผมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เรียกว่าโทรหาไม่ติดเลยจะดีกว่า ผมโทรไปหาบาสแฟนไอ้เบนเขาก็บอกไม่ได้คุยกับแมทเลย ไม่รู้โกรธเคืองอะไรผมอีกนักหนา ที่โทรหาออสตินไม่ติดอาจเพราะเขาสั่งห้ามเหมือนคราวก่อนอีกแน่
   

ไอ้เอเลี่ยน อย่าให้ความอดทนฉันหมดลงนะ!
   
   


ผมตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ไม่คงที่นัก รู้สึกเหมือนคลื่นสัญญาณในสมองส่งคลื่นความถี่ผิดปกติแปลกๆ มันวื่อวึงเหมือนมีอะไรมาตอมรอบหัว สร้างความหงุดหงิดได้ดีชะมัด หน้าตาผมเข้านี้เลยเหมือนโกรธใครมาชาติกว่า ไวโอล่าทักทายตอนเช้า ผมก็ทำแค่พยักหน้าเฉยๆ เท่านั้น เธอคงรู้ว่าผมไม่ได้อยู่ในโหมดปกติสักเท่าไหร่เลยไม่พูดอะไรมาก แค่ยกอาหารเช้ามาให้ผมทานด้วยกันที่ห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีดูไปด้วย เราทานเบคอน ไข่ดาว ฮ็อทดอกเงียบๆ กันสักพักผมก็เริ่มจะรู้สึกนิ่งขึ้นมาบ้าง
   

“พี่อยากกินอะไรเป็นพิเศษในวันเกิดรึเปล่า” ผมทำหน้าเอื่อยแทบจะไร้อารมณ์แล้วส่ายหัวไปมา
   

“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากนักหรอก เธอก็รู้อยู่แล้วว่าพวกไอ้เบนมันกินง่าย” ผมว่าพลางหยิบแซนวิชไส้ทูน่ากับผักกาดหอมขึ้นมากัดหนึ่งคำ
   

“ถามดูน่ะ เผื่ออยากกินอะไรกันเป็นพิเศษ” ผมทำหน้ามึนแล้วส่ายหัวอีกที
   

วันนี้ก็เหมือนทุกปีหลังจากแม่กับย่าผมจากไปแล้วนั่นแหละ คือพวกไอ้เบนมาเลี้ยงฉลองกันที่บ้านผม แตกต่างไปหน่อยก็คือปีนี้ผมไม่ได้บินไปหาไวโอล่า แต่เธอบินมาหาผมเอง ซึ่งจริงๆ ผมไม่ได้อยากให้เธอมาเท่าไหร่หรอก เพราะสุขภาพร่างกายของไวโอล่าไม่ค่อยดี เธอเป็นโรคเกี่ยวกับเลือด แล้วยังเป็นโรคเกี่ยวกับระบบหายใจอีกต่างหาก แต่ถึงแม้สุขภาพเธอไม่ค่อยดี แต่มันก็ไม่ได้ย่ำแย่จะตายจากอะไรขนาดนั้น คงเพราะไวโอล่าดูแลสุขภาพตัวเอง แล้วจิตใจเธอก็ดีกว่าผมเยอะมากด้วย
   

“เดี๋ยวฉันออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตก่อนนะ…” ผมทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อที่จะไปเป็นเพื่อนเธอ แต่เธอกลับเบรกผมไว้
   

“…ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้” ผมพ่นลมหายใจนิดหน่อยแล้วพยักหน้าหนึ่งที เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้อยากออกไปไหนเท่าไหร่ แค่เป็นห่วงเธอน่ะ เธอมานิวยอร์กบ่อยๆ ซะที่ไหนล่ะ
   

“วิคเตอร์!” ผมหันไปมองตรงทางเข้าห้องนั่งเล่นหลังจากไวโอล่าเดินออกไป ไมเคิลที่นอนอยู่บนพื้นหันรีหันขวางเหมือนมันจับสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่างได้
   

“ว่าไงวี?!” ผมตะโกนถามกลับไป พลางลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปโดยมีไมเคิลเดินตามเตาะๆ ไปด้วย ผมเดินเลี้ยวขวาออกไปทางประตูบ้าน ผมเกือบชะงักไปตอนเห็นแมทยืนอยู่หน้าประตูบ้านโดยมีออสตินยืนเป็นแบ็คกราวด์อยู่ด้านหลังอีกที
   

โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
   

ไมเคิลเห่าเสียงดังแล้ววิ่งเข้าไปหาแมทจนไวโอล่าต้องหลบทางให้ เอเลี่ยนน้อยนั่งลงกอดเจ้าหมาขนฟูพร้อมรอยยิ้มกว้าง ไมเคิลเลียหน้าแมทจนเจ้าตัวแทบหลบไม่ทัน ท่าทางของมันสะบัดไปสะบัดมาเหมือนว่ากำลังลุกลี้ลุกลนแต่ผมคิดว่ามันกำลังดีใจมากต่างหาก
   

“Hey. You are still a chubby. (ไง อ้วนเหมือนเดิมเลยนะ)” แมทเอ่ยทักเจ้าหมาเสียงใสพร้อมยิ้มน่ารักเช่นเคย ผมเลื่อนสายตาไปมองออสติน เขาเพียงผงกหัวกลับมาเพียงนิดตามนิสัย ผมยังมึนๆ งงๆ นิดหน่อย แปลกใจปนดีใจที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ แต่มันก็เบิกบานไม่เต็มที่เพราะเมื่อตอนตื่นนอนผมเพิ่งหงุดหงิดเรื่องเขาไป
   

“How did you come? (มากันได้ยังไง…)” ผมถามอย่างล่องลอยก่อนจะตั้งสติถามใหม่ “You didn’t tell me. (…ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมาวันนี้)”
   

“He wants to surprised you on your birth day, Mr.Raymond. (คุณแมทเขาอยากมาเซอร์ไพรส์วันเกิดคุณน่ะครับคุณเรย์มอนด์)” ผมเลื่อนสายตากลับไปมองแมทที่มองผมแล้วยิ้มไม่เต็มปากกลับมา สายตาเขาเลื่อนไปมองไวโอล่าที่ยิ้มตอบเขากลับไป แมทเหมือนทำหน้าไม่ถูกเท่าไหร่แต่ก็พยายามยิ้มตอบ
   

“You look like busy. I can wait—if you do not—. (คุณกำลังยุ่งอยู่รึเปล่า เดี๋ยวผมรอก็ได้นะ)” เขาลูบหัวไมเคิลไปด้วยในระหว่างที่ถาม เจ้าหมาตัวโตเอาขาหน้ายันตัวเองไว้ปล่อยให้แมทลูบหัวไปเรื่อย
   

“Oh, no, no. He’s available. I am going outside. (โอ้ว ไม่ ไม่เลยค่ะ เขาไม่ได้ติดอะไรเลย เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกพอดี)” แมททำหน้างงๆ แล้วลุกขึ้นยืนหลีกทางให้ไวโอล่าเดินออกไปอยู่นอกบ้าน
   

“And, nice to meet you. I’m Viola. His sister. (เอ่อ แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันไวโอล่า น้องสาวพี่วิคเตอร์)” แมทอ้าปากหวอน้อยๆ ตาแป๋วๆ ของเขามองน้องสาวต่างแม่ของผมเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยังไงยังงั้น
   

“Oh, er. Hi. (โอ้ว… เอ่อ สวัสดีครับ)” แมทเหมือนจะแบลงค์ไปชั่วขณะหนึ่งจนคิดคำทักทายกลับไม่ทัน ไวโอล่ายิ้มหวานให้เขาแล้วหันมามองหน้าผมที่ยังคงอึนๆ มึนๆ อยู่ ก่อนจะหันกลับไปมองแมทอีกที
   

“You might be his boyfriend. Matt, right? (คุณคงเป็นแฟนพี่ แมท ฉันเรียกถูกมั้ยคะ)” กลายเป็นว่าไวโอล่าจัดการแนะนำตัวและทำความรู้จักกับแมทเองเสร็จสรรพโดยที่ผมยังคงยืนมึนต่อไป ส่วนแมทก็เหมือนจะเงอะๆ งะๆ อยู่ มีออสตินคนเดียวที่ยังคงนิ่งสงบ
   

“Ah! Yeah. Yes, I am. (อ้า ใช่ ครับ ถูกแล้ว)” ไวโอล่ายิ้มกว้าง เธอมองหน้าแมทแช่ไว้ครู่หนึ่ง คงกำลังมองให้แน่ใจว่าต่างจากในรูปที่ผมเคยส่งให้ดูในวอทสแอพมากน้อยแค่ไหนละมั้ง
   

“You’re pretty. (คุณน่ารักมากเลยค่ะ)” ไม่ค่อยมีคนชมแมทหรอกนอกจากผม เขาเลยหน้าแดงจางๆ ตอนโดนไวโอล่าชมด้วยน้ำเสียงจริงใจ แถมเธอยังดึงเขาเข้าไปกอดแปบนึงอีก
   

“Take your time. I’ll be right back. (ตามสบายนะคะ เดี๋ยวฉันกลับมาค่ะ)” ไวโอล่าหันไปยิ้มให้กับออสตินที่ทำเพียงผงกหัวให้หนึ่งที ไวโอล่าเดินลงบันไดหน้าบ้านไปตามฟุตบาท ตอนนั้นเองทีผมพอจะได้สติกลับคืนมาบ้าง
   

“Austin. Follow her. (ออสติน ตามเธอไป)” เขาพยักหน้าอีกหนแล้วหมุนตัวเดินลงบันไดหน้าบ้านตามไวโอล่าไป แมทหันกลับมามองผม เรายืนมองหน้ากันเงียบๆ ครู่หนึ่ง ชั่วขณะหนึ่งผมเห็นเขามีสีหน้าโล่งใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดท้วงอะไรเขา แมทหันหลังเดินลงบันไดบ้านไป ตอนแรกผมกำลังจะอ้าปากถามว่าจะไปไหน แต่เห็นว่าเขาเดินไปยกกระเป๋าที่วางอยู่ตรงตีนบันไดสามใบ ผมก็เลยออกไปช่วยเขายก
   


“อยู่เฉยๆ เดี๋ยวฉันยกให้” ผมไม่รอให้เขาพูดโต้อะไรกลับมา แต่ว่าจัดการยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบขึ้นไปบนบ้าน แมทยืนกอดกระเป๋าเป้ตรงหน้าประตู ผมหมุนตัวเดินลงไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กอีกใบขึ้นมาเก็บไว้
   

“มีแค่นี้เหรอ” ผมถามพร้อมกับปิดประตูบ้านตามหลัง แมทพยักหน้าลงครึ่งหนึ่ง
   

“ของผมสองใบ ของออิสตินหนึ่งใบ ผมไม่รู้จะต้องเอาอะไรมามากน้อยแค่ไหน เลยเอามาเท่านี้” ขนาดไม่รู้ว่าต้องเอาเยอะแค่ไหน ยังแบกมาตั้งสองใบใหญ่ๆ นี่ขนเสื้อผ้ามาหมดตู้กะว่าจะไม่ซื้อใหม่เลยมั้ง
   

“ที่นั่งบนเครื่องนั่งติดกับออสตินหรือเปล่า” เขามองผมอย่างลำบากใจและเม้มปากหนึ่งทีก่อนตอบน้ำเสียงอ่อยๆ
   

“ก็ติดกัน แต่ออสตินก็คือออสติน เขาทำตัวอย่างกับไม่ได้เดินทางมากับผมด้วย” ผมพอจะนึกออก คงนั่งนิ่งๆ นั่งเฉยๆ แทบไม่คุยอะไรกับแมทเลยมาตลอดทาง
   

ผมไม่ได้พูดหรือว่าอะไรเขา แค่ยืนมองหน้าเขานิ่งๆ แมทยืนด้วยอาการประหม่าเหมือนทำตัวไม่ถูก เห็นหน้าเขาแล้วความเหงาเปล่าเปลี่ยวที่เกาะใจมาหลายวันแทบจะหลุดออกไปจนหมด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยิ้มได้ไม่เต็มที่หรอก ก็ครึ่งๆ กลางๆ กันมาสองจะสามเดือนแล้ว เลยไม่รู้ว่าครั้งนี้ต้องทำอารมณ์ประมาณไหน
   

“ไม่บอกว่าจะมา ฉันจะได้ไปรับที่สนามบิน” ผมดึงกระเป๋าเป้เขามาถือไว้ แล้วยื่นมือขวาไปจูงมือเขาให้เดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยกัน
   

“ไม่เป็นไรหรอก มีออสตินอยู่แล้ว” ผมวางกระเป๋าเขาลงบนโซฟาตัวเล็กแล้วตวัดสายตาไปมองเขา แมทผงะไปนิด หน้าเขาเสียหน่อยๆ
   

“ผมหมายถึงว่า มีออสตินนั่งแท็กซี่มาเป็นเพื่อน” เขาแก้คำพูดตัวเองใหม่ ผมยังคงนิ่ง ไม่ได้แอคติ้งด้วย ผมนิ่งจริง เพราะไม่รู้จะแสดงออกแบบไหนดี ไอ้ดีใจก็ดีใจนะที่เขามาอยู่ตรงนี้แล้ว แต่ไอ้ก่อนหน้านั้นมันก็ทำให้ผมยังตึงๆ อยู่บ้าง
   

“ไหน มีอะไรมาเซอร์ไพรส์ฉัน” ผมว่าแล้วดึงเขามานั่งคร่อมตักผมไว้ ยกสองแขนกอดเอวเขาไว้หลวมๆ สองมือแมทวางลงบนไหล่ทั้งสองข้างของผม สีหน้าของเขามีความไม่มั่นใจอยู่มาก
   

“มันอาจจะไม่มีค่าอะไรกับคุณเลยก็ได้” เขาบอกด้วยท่าทีเหมือนว่าจะหนักใจที่จะต้องให้ของขวัญวันเกิดของผม
   

“ซื้อมาเท่าไหร่ล่ะ” แมทส่ายหัวหน้านิ่ง
   

“สำหรับผมมันประเมินราคาไม่ได้ เพราะมันมาจากใจ” ท่าทางจะประดิษฐ์อะไรมาให้ผมแน่ๆ เลย
   

“ไหนเอามาดูหน่อยซิ” เขามองหน้าผม แล้วก็เกิดอาการประหม่าน้อยๆ แก้มใสๆ ทั้งสองข้างมีสีแดงเรื่อขึ้นจางๆ ดวงตาใสแป๋วเสไปมองทางอื่นครู่หนึ่งก่อนจะกลับมามองหน้าผมตามเดิม
   

“คุณถอดเสื้อหน่อยได้มั้ย” แมทว่าเสียงงึมงำแต่ก็จับใจความได้ ผมเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นสูงงงๆ แมทพยักหน้ายืนยันตอบกลับมา ผมยักคิ้วซ้ายหนึ่งที แล้วจัดการถอดเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินเข้มที่ใส่อยู่ออก
   

แมทเลื่อนสายตาไปมองตรงรอยสักบนอกซ้ายของผม เขายกมือขวาขึ้นมาลูบตรงนั้นเบาๆ ตอนนี้มันไม่เจ็บแสบเท่ากับวันแรกที่สักมาแล้วแหละ มันเจ็บตุ่ยๆ อยู่เป็นอาทิตย์แล้วรอยแดงก็ค่อยๆ จางหายไป เหลือแต่รอยสักสีดำสามบรรทัดเนียนสนิทอยู่บนผิวหนังของผม
   

“แล้วไงต่อ” แมทเลื่อนสายตาขึ้นมาสบตากับผมทั้งที่มือขวายังวางอยู่บนอกซ้าย
   

“ถ้าผมให้ไปแล้ว คุณสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่ทำลายมันอีก” ผมขมวดคิ้ว ยังไม่เข้าใจและนึกไม่ออกว่าของขวัญที่เขาจะให้ผมนั้นมันคืออะไร ผมยกนิ้วชี้มือขวาขึ้นมาเกาคิ้วขวาเบาๆ
   

“ได้สิ ถึงฉันไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่นายให้ฉันจะดูแลมันอย่างดี” ไม่รู้หรอกว่าจะให้อะไร แต่นี่เป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกจากแมทเลย (ก็เพิ่งคบกัน)
   

แมทผ่อนลมหายใจออกทางจมูกยาวๆ เขาดึงมือขวาออกจากอกซ้ายผมแล้วเอาไปวางไว้บนอกซ้ายตัวเอง ผมมองตามด้วยความไม่เข้าใจ ในขณะเดียวกันก็มองหาสิ่งที่เขาจะยื่นมาให้ด้วย แต่ก็ว่างเปล่า แมทไม่ได้หยิบอะไรออกมา ไม่ได้เอื้อมไปหยิบอะไรจากกระเป๋าเป้เลยด้วยซ้ำ เราสบตากัน ผมยังคงมองเขางงๆ แมทยื่นมือขวากลับมาที่อกซ้าย วางมือไว้บนรอยสักบนอกผม
   

“My trust. Your birth day gift. (ความไว้ใจของผม ของขวัญวันเกิดคุณ)” ผมกระพริบตาปริบๆ มองหน้าใสๆ ที่นับวันจะน่ารักขึ้นเรื่อยๆ แบบมึนๆ ยังอึนอยู่ว่าเขากำลังจะบอกอะไรผม
   

“Don’t ruin it again. (อย่าทำลายมันอีกนะครับ)” เขาเอามือออกจากอกผมแล้วก้มลงจูบลงบนรอยสัก แช่ไว้ครู่หนึ่งก่อนจะดันหน้าตัวเองออกไป
   

“I am your MATTLE my MR.HANDSOME. (ผมเป็นแมทน้อยของคุณครับพ่อรูปหล่อ)” แล้วเขาก็คลี่ยิ้มกว้างอย่างสดใส ยิ้มที่ผมเห็นแล้วสบายอกสบายใจทุกทีที่ได้มอง ยิ้มที่ทำเอาผมต้องยิ้มตาม
   

และเป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมาสามเดือนแล้ว แม้ว่าเขาจะยิ้มให้ผมก็ตาม แต่รอยยิ้มที่ออกมาจากใจเขาและเป็นรอยยิ้มของเขาจริงๆ นั้นหายไปนานมากแล้ว แต่วันนี้ยิ้มนั้นกลับมาหาผมแล้ว กลับมาพร้อมกับแมทคนเดิมของผม
   

“I love you.” เขาบอกแล้วหัวเราะคิกคักน่ารัก ห่อไหล่ทำหน้าย่นอย่างน่าเอ็นดู ผมยิ้มไม่หยุด หยุดยิ้มไม่ได้ เพราะผมดีใจและหัวใจผมเต้นแรงเหลือเกิน
   

“I love you, too.” ผมตอบกลับ แมทยิ้มจนแก้มอิ่มแล้วยื่นหน้ามาหอมแก้มผมทั้งสองข้าง ปิดท้ายด้วยการจุ๊บปากผมไปหนึ่งที
   

“And you don’t have to force me to have sex with you. Don’t need to abuse me. (แล้วก็อย่าบังคับผมให้มีเซ็กส์กับคุณเลยนะ ไม่จำเป็นต้องฝืนใจผมเลย)” สายตาเขาไหวระริก มีแววความหวาดกลัวปรากฏออกมา ใจผมกระตุกวูบหนึ่ง ผมยกมือขวาขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ
   

“Never. (ไม่ทำแล้ว)” เขายิ้มบางๆ
   

“I’m willing to make love with you because I love you. I love the way you do when you fuck me—even it’s hard, but it’s different from hard of abusing. (ผมเต็มใจที่จะเมคเลิฟกับคุณเพราะผมรักคุณ ผมชอบที่คุณทำเวลาคุณเอาผม ถึงมันจะรุนแรงก็เถอะ แต่มันก็แตกต่างกับความรุนแรงจากการขืนใจ)” ผมยิ้มน้อยๆ เลื่อนมือลงมาจับแก้มขวาของเขาไว้
   

“So you don’t blame on me if I don’t do romantic with sex. Do you? (ก็คือ นายไม่ว่าฉันที่ฉันไม่อ่อนโยนในเรื่องเซ็กส์ใช่มั้ย)” เขาพยักหน้าลงช้าๆ พร้อมกับแก้มสองข้างแดงระเรื่อน่ามันเขี้ยวอีกที ผมยิ้มกว้าง โน้มตัวไปหอมแก้มเขาทั้งสองข้างแรงๆ
   

“That’s so hot. It’s excited me. (มันร้อนแรงดี ทำให้ผมตื่นเต้นมากเลย)” เขาบอกด้วยท่าทีอายๆ แล้วพอผมจ้องหน้าพร้อมฉีกยิ้มกว้างเต็มปาก แมทก็ทำเสียงกิ๊กกั๊กแล้วซุกหน้าเข้ากับอกผมเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ซุกอกพ่อเวลาเขิน ผมหัวเราะเสียงทุ้มอารมณ์ดี ยกแขนกอดตัวเขาไว้ ก้มลงหอมเรือนผมสีดำหอมๆ ของเขา
   

“What a shameless alien. (เอเลี่ยนอะไรหน้าไม่อายเลย)” ผมแกล้งแซวเขา แมทหัวเราะคิกคักอยู่ตรงอก เลื่อนหน้าขึ้นซุกตรงซอกคอฝั่งขวาของผม ผมกดจมูกลงบนเรือนผมเขาอีกที
   

“Do you like my gift? (ชอบของขวัญของผมมั้ย)” เขาถามเสียงงึมงำอยู่ข้างหูผม เอาคางเกยไหล่ขวาของผมไว้ ผมยกมือซ้ายขึ้นลูบท้ายทอยเขาเบาๆ
   

“Very much. It’s one of the best gift in my life on my birth day. (ชอบมาก เป็นหนึ่งในของขวัญที่ดีที่สุดในวันเกิดของฉันเลย)” เหมือนแมทจะยิ้ม เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่เลื่อนจมูกมาหอมแก้มผมไปที แล้วก็กลับไปซุกคอผมตามเดิม
   

“And could I ask for more gift? (แล้วฉันขอของขวัญเพิ่มได้มั้ย)” แมทยกหน้าออกจากซอกคอมามองหน้าผม เขาเม้มปากกลั้นเขิน ยกนิ้วชี้สองมือมาจิ้มๆ ใส่กัน ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามอีกรอบ แมทกดหน้าลงหนึ่งทีเป็นการอนุญาต ผมอดจะหัวเราะเริงร่าไม่ได้ รู้สึกเบิกบานในใจมากเลยจริงๆ
   

ผมถอดเสื้อโค้ตกันหนาวสีดำของเขาออกแล้วโยนไว้บนพื้น ตัวแมทสั่นเบาๆ ไม่ได้สั่นเพราะกลัวหรอก แต่ช่วงนี้ที่นิวยอร์กกำลังอากาศหนาว กลางวันจะหนาวแปดถึงสิบองศา ซึ่งจริงๆ สำหรับผมยังชิลๆ นะ ก็เย็นๆ บ้างแต่ผมมันพวกเนื้อหนา แมทตัวบางไง แต่ถ้ากลางคืนก็ไม่ไหวเหมือนกัน ติดลบเกือบยี่สิบองศาก็มี แถมหิมะมาให้ด้วยอีกต่างหาก
   

“อื้อ หุ่นดีขึ้นเยอะเลย” ผมใช้มือลูบกล้ามท้องของเขาเบาๆ พุงน้อยๆ ที่เขาเคยมี ตอนนี้หายไปแล้ว แทนที่ด้วยกล้ามท้องน้อยๆ แทน แมทไม่ได้มีกล้ามท้องเป็นลูกๆ แต่คือหน้าท้องเขาแบนแข็งแรงมากกว่า อกก็หนาขึ้น ดูดมันเลยทีนี้
   

“เดี๋ยวฉันช่วยให้หายหนาวนะ” ผมยิ้มทะเล้นแล้วผลักร่างเขาลงไปนอนบนโซฟาตัวใหญ่เบาๆ พร้อมกับตามลงไปทับตัวเขาไว้ แมทยกสองแขนขึ้นมาจะคล้องคอผม แต่ผมดันสองแขนเขาขึ้นไปด้านบนแล้วใช้มือซ้ายรวบตรึงข้อมือเขาไว้เหนือหัว มือขวาลูบไปตามแผ่นท้องเขาช้าๆ แมทหายใจขาดห้วง หน้าท้องหดเกร็ง ผมเลื่อนมือลงไปตรงขอบกางเกงยีนสีดำของเขา สอดมือเข้าไปในขอบกางเกงแล้วลูบวนๆ อยู่แค่ช่วงเหนือกลางลำตัวเขา
   

“อะ… ฮ่ะ…” แมทหลับตาพริ้ม ริมฝีปากเผยอ อกแอ่นขึ้น ตัวสั่นเทิ้มไปหมด ไม่รู้ว่ารอบนี้สั่นเพราะอะไรกันแน่ แต่ผมก็ไม่หยุดแค่นี้ ผมก้มลงไปดูดดึงยอดอกสีน้ำตาลอ่อนฝั่งซ้าย จนแมทหายใจสะดุดไปวูบหนึ่ง ผมช้อนสายตามอง เขาเชิดหน้าขึ้น แอ่นอกให้ผมดูดดึงได้เต็มที่
   

“อะ… ฮ่า!”
   

โฮ่ง!! โฮ่ง!! โฮ่ง!!
   

ทั้งผมทั้งแมทต่างอารมณ์หลุดทั้งคู่แล้วหันไปมองไมเคิลที่ยืนสี่ขามองมาทางเราสองคน มันเอียงคอมมองด้วยความสงสัยและคงกำลังสนใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ หางพวงสีน้ำตาลทองของมันโบกสะบัดไปมาแรงๆ ผมหันไปมองหน้าแมทแล้วยิ้มหัวเราะพร้อมกัน
   

“สงสัยมันคงอยากเล่นด้วย” แมทบอกแล้วหันไปผิวปากเรียกเจ้าโกลเด้นท์ ไมเคิลเดินเข้ามาหาเราสองคนทันที มันเข้าไปดมๆ หน้าแมทเสียงฟึดฟัด
   

“เฮ้ยๆ ไมเคิล อันนี้แกเล่นด้วยไม่ได้” ผมยกมือแกล้งจะตีหน้าผากมัน ไอ้หมาตัวโตหรี่ตาหู่ลู่ลงแต่ก็ไม่ยอมเขยิบหนีไปไหน มีการเดินมาเลียหน้าผมอีก
   

“อ้า นายโดนไมเคิลเลียหน้าตอนมาถึงนี่ นี่ฉันหอมน้ำลายไอ้ไมเคิลไปเยอะแค่ไหนเนี่ย” แมทหัวเราะสดใส ผมพยายามหันหน้าหนีไมเคิลแต่มันก็ยังตามเลียหน้าผมไม่เลิก
   

“พอ พอแล้วไมเคิล นั่ง นั่งลง!” ผมชี้หน้าออกคำสั่ง ไมเคิลทำตามอย่างว่าง่าย มันนั่งลงสองขาหลัง นั่งมองผมสองคนลิ้นห้อย ผมยังคงเห็นความดีใจในแววตาของมัน
   

“ฉันเก็บของขวัญไว้ก่อนแล้วกันนะ” ผมหันไปบอกเจ้าตัวจ้อยที่นอนตัวสั่นเพราะอากาศอยู่ เขายิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าหงึกๆ ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่า ดึงเขาขึ้นมานั่งด้วย แมทใช้สองมือโอบตัวเองไว้แล้วใช้สองมือถูแขนสองข้างเร็วๆ ผมเอื้อมไปหยิบเสื้อโค้ตของเขาขึ้นมาคลุมร่างเขาไว้ เขยิบไปนั่งซ้อนหลังเขาไว้แล้วใช้สองแขนโอบรัดตัวเล็กๆ ของเอเลี่ยนน้อย เขานั่งเอาหลังพิงอกผม หัวอิงกับสันกราม ผมก้มลงกดจูบลงบนหัวเขาหนึ่งที
   

“ผมคิดถึงอกอุ่นๆ ของคุณมากเลย” ผมกระชับอ้อมแขนของตัวเองให้แน่นขึ้น
   

“ฉันคิดถึงทั้งตัวของนายเลย” แมทส่งเสียงเสียงอืออาออกมาจากลำคอเบาๆ ถูหัวไปมากับคางผม
   

เราเงียบกันไปทั้งคู่ สายตาผมมองไปยังไมเคิลที่กำลังแทะกระดูกขัดฟันของมันอยู่ วันนี้ฟ็อกซ์น้องมันออกไปเดินเล่นที่ไหนอีกก็ไม่รู้ แต่เดี๋ยวคงกลับมา ผมนั่งกอดเขาไว้ให้หายคิดถึง ส่วนแมทก็แค่นั่งนิ่งๆ พิงตัวผม มีเรื่องมากมายที่ผมอยากจะพูดกับเขา และผมเชื่อว่าเขาเองก็มีอะไรมากมายที่อยากจะพูดคุยระหว่างเรา แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว ทุกอย่างที่เคยคั่งค้างหรือตกค้างอยู่ในใจเราสองคนมันจางหายไปแทบจะทันทีที่เขาให้ของขวัญกับผม
   

ของขวัญที่มีค่ามากอย่างที่เขาบอกจริงๆ นั่นแหละ ผมเคยทำลายมันไป แต่วันนี้ผมได้กลับคืนมาแล้ว
   

“Happy Birth Day. My Giant-beard.” ผมยิ้ม ยิ้มกับความสุขระหว่างผมกับเขาที่หายไปนานระหว่างเราสองคน ถ้าตอนนี้แมทขอมรดกที่ย่าทิ้งไว้ให้ผม ผมคงยกให้ง่ายๆ นี่แหละ
   

ส่วนไอ้เรื่องเร่าร้อนของเราสองคนน่ะเหรอ ค่อยจัดก็ได้ แมทคนเดิมกลับมาหาผมแล้วนี่ หึๆ
   
   
   
   
   
 :katai5:

อ้าววว เขาดีกันแล้ววว มิชชั่นคอมพลีททท ใครที่รอเขาดีกันอยู่ จุดพลุค่าาา ส่วนใครที่หายไปเพราะเบื่อกับความดราม่า ความงี่เง่าของแมท หน่ายกับความหมองของเรื่องเลยขอเบรก ตอนนี้ปล่อยเบรกได้แล้วนะ 55555

ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่ามากนะไอ้ยักษ์ ถ้าทำลายมันอีก เรียกกลับคืนยากแล้วนะ กว่าแมทจะให้ได้ แกหงุดหงิดไปกี่ครั้งแล้ว หุๆ

ดีกันแล้ว บางคนอาจคิดว่าพาร์ทนี้จะจบแล้วใช่มั้ย หืมมมม ยังไม่ได้บอกแบบนั้นเลยยย แต่ก็อีกไม่มากหรอกค่า เพราะยังไงมันก้ต้องถึงตอนจบของพาร์ทนี้เนาะ

สำหรับการพรีออเดอร์ Love, no boundaries พาร์ท Only You จะเปิดให้ลงชื่อวันที่ 16-17 เมษายน และจะเปิดให้โอนเงินวันแรกวันที่ 18 เมษายน ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป สำหรับเรื่องราคาหนังสือ แนะนำว่าให้เก็บเงินไว้ 1200 บาทค่ะ ไม่เกินนี้แหละ และอาจลดลงไปนิดหนึ่ง แต่ราคาภาคสองคงเพิ่มจากภาคแรกค่ะ คร่าวๆ ที่นับหน้า เหมือนจะหนากว่าภาคแรกเลย ยังไงรายละเอียดเต็มๆ ตอมจะแจ้งก่อนเปิดโอนเงินจ้าาา อ้อ ห้าสิบคนแรกที่โอนเงินมา มีถุงผ้าลายพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนให้ด้วยนะคะ ^^

หนังสือพาร์ทแรกรอบรีปริ้นครั้งที่สอง มีคนโอนเงินมา แต่ยังไม่แจ้งการโอนเงิน หากนึกขึ้นได้ให้ติตด่อตอมก่อนวันที่ 13 เมษายนนะคะ หากพ้นไปแล้วและไม่มีการติดต่อมา ตอมจะขอปล่อยหนังสือให้กับคนอื่น และถ้าเกิดคนอ่านเพิ่งนึกขึ้นได้หลังจากนั้น ให้ติตด่อขอรับเงินคืนได้เลยค่ะ ไม่มีหนังสือให้แล้วนะคะ ให้เงินคืนอย่างเดียวค่ะ

ใครเจอคำผิด บอกกันได้เลยนะคะ บางทีในนี้อาจจะยังไม่ได้เข้ามาแก้ แต่ในต้นฉบับ ตอมจะแก้ตามที่คนอ่านบอกตลอดๆ สำหรับใครที่คอยแก้คำผิดให้ ต้องขอบคุณมากค่าา ช่วยตอมได้เยอะเลย


ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-04-2016 22:34:28
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ยักษ์กับเอเลี่ยนดีกันแล้วววววววว

 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-04-2016 22:50:10
ดีใจที่แมทกลับมาเป็นดหมือนเดิมได้ซักที ต่อจากนี้ก็หวังว่า วิคเตอร์จะไม่ทำให้แมทเสียใจอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 10-04-2016 22:56:58
ไมเคิลแฮปปี้ พี่ก็ดีใจ โฮ่ง!  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 10-04-2016 22:58:01
เซอร์ไพรส์คนอ่านเหมือนกันนะเนี่ย 

มึนๆอึนๆมาหลายตอน  ยังคิดอยู่เลยว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย

ยังไงก็รักกันดีดีนะคะ  ทะเลาะกันทีน่ากลัวมว๊ากก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 10-04-2016 23:08:06
กลับมามุ้งมิ้งแป้ววว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 10-04-2016 23:26:11
โอ้ยยยย ดีกันแล้ว เย้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-04-2016 23:31:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-04-2016 00:22:37
จ้าาา!! ดีกันละเนาะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-04-2016 00:32:28
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 11-04-2016 00:34:40
ก่อนพระเอกจะบ้า หมอแมทก็มารักษาก่อน 5555
ของขวัญแมทน่ารักมากๆ ยักษ์ยิ้มไม่หุบกันเลย
ตอนน้องหมาเจอแมทคือโคตรน่ารัก เค้าคิดถึงกัน
คือไมเคิลได้หอมก่อนวิคอ่ะ อย่างฮา

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-04-2016 02:05:13
แมทน่ารักอะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-04-2016 06:15:31
ยินดีด้วยน่ะยักษ์  หลังจากที่นอยอยู่นานก็ได้ของขวัฯชิ้นสำคัญกลับมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 11-04-2016 13:44:37
 :mew1:ในที่สุดก้อกลับมาเหมือนเดิม. หมดแล้วกับความหน่วง   :mew3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 11-04-2016 21:03:39
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ยิ่งกว่าจุดพลุฉลองอีกค่าาาา
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
ตอนแรกไม่ได้อ่านเม้นอ่านอะไรก่อนในเฟส ถึงขนาดไปกดไลค์ไว้เฉยๆ
ยังทำใจอ่านไม่ได้ 55555 กลัวดราม่า พอมาเห็นโพสตอมวันนี้ว่าเค้าดีกันแล้วรีบเข้ามาอ่านเลยจ้าาา
ตอนหน้า ncจะมาแล้วใช่มั้ยคร้าาา หวังได้ใช่ม้ายยย  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 12-04-2016 15:38:41
ในที่สุดก็กลับมาดีกันเหมือนเดิมซักที :hao5: :mc4: :mc4:

ส่วนอิชาลีถ้ามาแล้วมายุแยงวิกเตอร์ แกอย่ามาเลยดีกว่า สมควรแล้วที่เมียหนีไปอ่ะ :angry2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-04-2016 16:12:55
 :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 12-04-2016 20:25:37
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-04-2016 22:20:17
เหมือนยกภูเขาที่ชื่อว่าความกังวลออกจากอกเลย โล่ง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-04-2016 01:04:11
คลายพระในมือได้สะดวกแล้วคะ

กลับมาน่ารักเหมือนช่วงแรกๆแล้ว :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.34 100%}:10.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 13-04-2016 12:43:17
เกาะขอบเตียง :hao6: :hao6: :hao6://โดนวิกเตอร์เตะ :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 14-04-2016 18:44:32



Only You EP.35 :: Against back. [55%]



   ทุกอย่างโอเคดี ชีวิตผมมีความสุขสนุกสนานตามเดิม ก่อนมานิวยอร์กผมก็เคลียร์ช่วงระยะเวลาที่จะทำงานอยู่ที่นี่กับช่วงเวลาที่จะต้องบินกลับไปเมืองไทยบ้างกับพ่อและแม่แล้ว และปลายปีนี้ผมต้องกลับไปทำบางอย่างให้พ่อแม่ ซึ่งพวกเขาไม่ได้บังคับ แต่ผมสมัครใจจะทำเอง เพราะผมคิดว่าทำหน้าที่ตรงนั้นให้เสร็จสิ้นไปซะ แล้วจะได้เริ่มทำตามความฝันของตัวเองเพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าผมก็มีชีวิตที่ดีได้ แต่อันนี้เขาไม่รู้หรอก ผมจะทำเอง และจะทำให้ได้ด้วย
   

วันที่เพื่อนๆ เลี้ยงส่งผม ก็แอบรู้สึกใจหายอยู่เหมือนกัน เพราะอีกเกือบปีกว่าจะได้เจอกัน แล้วพอกลับไปเจอกันครั้งหน้า สถานะของพวกเราก็ไม่ใช่กลุ่มนิสิตนักศึกษาอีกแล้ว เราจะกลายเป็นคนทำงาน อยู่ในโหมดมนุษย์เงินเดือนหรืออาจจะไม่ใช่ไม่เงินเดือน แต่คือต่อจากนี้เรามีหน้าที่การงานที่ต้องทำเพื่อดำรงชีวิตต่อไป
   

ใช่ เมื่อเรียนจบแล้ว เราทุกคนก็ต้องหางานทำสิจริงมั้ย แต่ดูเหมือนชีวิตผมจะผิดเพี้ยนไป
   

“ผมมานี่เพื่ออยากทำงานด้วย ไม่ใช่แค่มาอยู่กับเจ้านายคุณหรือคุณไปวันๆ แบบนี้” ผมบ่นหน้ามู่ทู่เป็นรอบที่ล้านกับพ่อบอดี้การ์ดหัวเกรียน เห็นเขาแล้วก็แอบนึกถึงพี่ๆ การ์ดคนไทย พวกนั้นยังคงทำงานให้วิคเตอร์ เขาจ่ายเงินตามปกติ แต่เมื่อผมมาอยู่นี่แล้ว สิ่งที่พี่การ์ดไทยต้องทำคือเฝ้าอพาร์ทเม้นต์ ดูแลรถ คอยดูแลพ่อกับแม่ของผม และรับคำสั่งต่างๆ จากวิคเตอร์กับผมดังเดิม
   

“คุณแมทก็มีหน้าที่ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อ รีดผ้าให้คุณเรย์มอนด์อยู่แล้วนี่ครับ” ผมกลอกตาเซ็ง ไอ้แบบนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมเต็มใจทำให้ในฐานะศรีภรรยาของพี่พระเอกวิคเตอร์เขา
   

“ผมหมายถึงงาน การงานที่ทำแล้วได้เงิน”
   

“คุณเรย์มอนด์เขาก็จ่ายเงินให้คุณทุกเดือน ได้มากกว่าผมอีก คุณยังจะกระเสือกกระสนไปทำงานทำไมกันครับ” โอ้โห ดูใช้คำ ทำอย่างกับผมอยากจะไปประกวดนางงามจักรวาล
   

“ผมอยากทำงานอย่างอื่นบ้างนอกจากทำงานแต่ในบ้าน” ผมบ่นด้วยน้ำเสียงหงอยเหงา ออสตินได้แต่ถอนหายใจเนิบๆ เขาเองก็คงไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะวิคเตอร์บอกว่าผมไม่ต้องทำอะไร อยู่บ้านเฉยๆ ก็พอ ที่จริงงานในบ้านผมก็ไม่ต้องทำด้วยซ้ำ เขาจ้างแม่บ้านทุกสองอาทิตย์อยู่แล้ว แต่เนื่องจากผมอยู่เฉยๆ เลยลุกขึ้นมาทำนั่นทำนี่ฆ่าเวลา
   

มันดีนะ มันดูดีมากๆ ที่เราจะอยู่เฉยๆ แล้วก็ได้เงินมาฟรีๆ แบบที่ไม่ต้องทำอะไรให้มากมาย ผมก็ชอบนะเงินน่ะ ได้ง่ายๆ อีกต่างหาก สามีให้พกบัตรเครดิตรูดได้ตามใจชอบ แถมยังมีเงินเดือนเข้าบัญชีผมทุกเดือนอีกด้วย อยากได้อะไรซื้อได้เลย ง่ายๆ สบายๆ ชีวิตดีจะตาย   


มันดี ผมไม่เถียงหรอก แต่มันน่าเบื่อ จะว่าผมดัดจริตก็ได้ แต่ผมอยากทำงาน อยากแอคทีฟตัวเอง ไม่อยากอยู่เฉยๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นขี้เกียจสันหลังยาว อาจเพราะผมติดช่วยงานพ่อกับแม่ตอนอยู่ไทย แล้วผมก็ชอบทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยบ่อยเลยติดจะทำนั่นทำนี่ ถ้าผมชอบอยู่เฉยๆ สบายๆ ไม่ต้องทำอะไรให้ชีวิตลำบาก เมื่อปีก่อนผมจะดั้นด้นมาฝึกงานที่นี่ทำไมกัน อีกอย่างผมมีความฝันต้องสานให้สำเร็จด้วย ขืนยังอยู่แบบนี้ต่อไป ฝันผมก็ดับวูบสิ
   

“กลับเถอะครับ เดี๋ยวคุณเรย์มอนด์จะกลับมาแล้ว” ผมถอนหายใจ มาอยู่นี่ก็ไม่ได้ต่างจากตอนอยู่ไทยสักเท่าไหร่ที่ผมจะมีออสตินคอยตามประกบทุกย่างก้าวแบบนี้ แล้วก็คอยรายงานสถานการณ์ให้วิคเตอร์ได้รู้ ดีหน่อยก็ตรงที่ผมสามารถพาไมเคิลออกไปเดินเล่นโดยที่ไม่มีออสตินไปด้วยได้ (ดีตรงไหน - -)


หลังจากกลับมาสมานหัวใจใส่กัน (เลี่ยนมาก) วิคเตอร์ก็กลับมายิ้มหล่อเหลาเอาเก่งเช่นเดิม ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม เพราะเขาเป็นคนเยอะมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว กฎผีบ้าผีบอเขาก็ไม่ทิ้ง ยังคงท่องๆๆ ใส่หน้าผมแทบทุกครั้งที่เขาต้องไปทำงานไกลๆ แล้วต้องห่างกัน ห้ามนั่น ห้ามนี่ จะทำอะไรต้องขออนุญาตเขาก่อน ถ้าเขาโอเคก็ค่อยทำ ไม่โอเคก็อย่าหวังเลย ดื้อไปเจอดุอีก


ผมอึดอัดเหมือนกันนะ บางทีนึกอยากจะวิ่งหนีออสตินอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าทำแบบนั้นวิคเตอร์คงทิ้งระเบิดใส่ผมแน่ๆ


“คิดถึงไวโอล่าจัง” ผมบ่นเบาๆ คนเดียวถึงน้องสาวต่างแม่ของวิคเตอร์ แรกๆ ที่เราอยู่ด้วยกัน ผมคิดว่าจะเข้ากับเธอไม่ได้ดีนัก แต่กลายเป็นว่าเราเข้ากันได้ดี อาจเพราะไวโอล่าไนซ์มาก เป็นผู้หญิงที่ถ้าขึ้นประกวดนางงามคงได้รางวัลนางงามมิตรภาพ ช่วงที่เธออยู่กับเรา แล้ววิคเตอร์ต้องออกไปทำงานผมยังมีเพื่อนให้พูดคุย พากันไปทำนู่นทำนี่ด้วย แต่พอเธอกลับ ผมก็มีแต่ออสติน ไมเคิล ฟอกซ์อยู่รอบตัว กับหมากับแมวพูดไปมันตอบโต้อะไรได้บ้างล่ะ นอกจากส่ายหาง เห่าเสียงดัง ร้องเหมียวๆ ส่วนออสตินน่ะเหรอ ไม่ชวนคุยก็ไม่พูดหรอก


“อะไรนะครับ” ออสตินที่เดินอยู่ด้านหลังเอ่ยถาม ผมหันไปมองเขาแล้วส่ายหัว หันกลับมามองวิวตรงหมู่บ้านทาวน์เฮ้าส์ของวิคเตอร์ มีร่องรอยหิมะสีขาวอยู่ตามถนน หลังคารถ บนกิ่งไม้สองฝั่งถนน บนแปลงดอกไม้หน้าบ้านบางหลัง ทุกบ้านจะมีหิมะจากเมื่อคืนกองอยู่ตรงบันไดบ้าน ขาวโพลนไปหมด จากร้านกาแฟที่ผมนั่งเมื่อกี้กับบ้านวิคเตอร์นั้นสามารถเดินได้ ใช้เวลาประมาณสิบนาทีเท่านั้นในการเดินไปร้านกาแฟตรงหัวมุมอีกฝั่งของทาวน์เฮ้าส์ ขนาดแค่จะออกมาหาของกิน ยังจะต้องมีคนตามประกบ โห่ว! นี่ไม่ส่งรถตำรวจมานำหน้าด้วยเลยล่ะ


“เดี่ยวก่อน” ผมหยุดชะงักกึกตรงกลางๆ ทางเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายสองคนถือกล้องไว้ในมืออยู่ตรงเยื้องๆ ฝั่งตรงข้ามบ้านวิคเตอร์ มาอีกแล้ว ไม่หนาวกันเหรอ ถึงตอนกลางวันอากาศจะไม่เย็นเท่ากลางคืน แต่ผิวด้านไปมั้ย แล้วไม่มีอย่างอื่นทำกันรึไงถึงได้มายืนเฝ้า รู้หรอกว่าเป็นอาชีพ แต่ให้อิสระแก่กูหน่อยได้ม้ายยย แค่ผัวกูก็แทบจะหาอิสระไม่เจอแล้ว นี่ยังต้องมาคอยระวังพวกช่างภาพนักข่าวเห็บเหาพวกนี้อีก


“ให้ผมไล่พวกนั้นไปมั้ย” ผมพยักหน้า ออสตินกดหน้าลงหนึ่งทีเป็นการรับคำ เขาก้าวเท้าจะเดินออกไป แต่ผมก็นึกขึ้นได้แล้วจับแขนหนาของเขาเอาไว้ก่อน


“ไม่ต้องดีกว่า ถ้าคุณไปไล่พวกนั้น เขาคงเอาไปเป็นประเด็นอีกแน่เลย” ออสตินไม่ได้ตอบรับหรือทำสีหน้าใดๆ ชัดเจน ทำเพียงแค่หยุดยืนอยู่กับที่


“แล้วจะทำยังไงครับ”


“เดินเข้าบ้านเฉยๆ ตามปกติ เพราะยังไงพวกเขาก็ไม่รู้ชัดเจนนี่ครับว่าผมเป็นใคร” ถึงจะมีกระแสข่าวของผมกับวิคเตอร์ออกมาอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีการยืนยันจากคนใกล้ตัวหรือคนวงในจริงจังว่าผมเป็นใคร คนที่ติดตามไอจีส่วนตัวของวิคเตอร์นั้นมีพฤติกรรมที่ดีมาก แรกๆ เลยผมคิดว่าถ้ามีอะไรหลุดเล็ดลอดออกมา ก็คงมาจากไอจีอีกอันของเขานั่นแหละ เพราะเขาชอบอัพรูปผมบ่อย แต่ก็ไม่มีใครคาบข่าวไปบอกนักข่าวนะ หรือเขาทำแต่ผมก็งั่งไม่รู้เองรึเปล่า


ผมกับออสตินทำตัวตามปกติ เดินมาเรื่อยๆ จนถึงตีนบันไดบ้าน ตอนนั้นเองที่สองช่างภาพยกกล้องขึ้นมา ผมก็ทำเป็นมองไม่เห็น เดินขึ้นบันไดบ้านไป กระทืบเท้าหลายๆ ทีเพื่อเคาะหิมะออกจากรองเท้าบู๊ตแล้วเปิดประตูเข้าไปในบ้านโดยมีออสตินปิดประตูตามหลัง เสียงกุกกักดังมาจากบันได แล้วสักพักไมเคิลก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาผม


“วันนี้พ่อแกกลับบ้าน รอเจอเขาก่อนนะ พรุ่งนี้จะพาไปเล่นหิมะ” ช่วงนี้ที่นิวยอร์กพอแสงแดดหายไป หิมะจะเริ่มโปรยปรายลงมา ไมเคิลดูจะชอบหิมะมาก มันกระโดดโลดเต้นเอาหน้ามุด เกลือกกลิ้งอย่างสนุกสนาน ตอนกลางวันก็มีบ้าง แต่กลางคืนจะโปรยลงมาเยอะกว่า แต่ถึงอย่างนั้นกลางวันก็สั้นกว่ากลางคืนอยู่ดี เพราะหน้าหนาวทีไรนิวยอร์กมืดไวมาก ไวกว่าที่ไทยอีก


“ผมเข้าห้องนอนก่อนนะครับ” ผมพยักหน้าพลางลูบหัวไมเคิลเล่น ห้องนอนออสตินก็คือห้องรับแขกด้านล่างที่อยู่ติดกับห้องโฮมเธียเตอร์ของบ้าน ไม่รู้เขาทนอยู่แต่ในห้องได้ยังไง ถึงในนั้นจะกว้างขวาง มีทั้งเครื่องปรับอากาศ ทีวีจอยักษ์ เครื่องเล่นดีวีดี บลูเรย์ ตู้เย็น และวิคเตอร์ยังซื้อคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะให้ออสตินด้วย เขาไม่ชอบใช้แล็บท็อป เพราะตอนอยู่ในกองทัพ ใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจนชิน จริงๆ ออสตินจะไปพักด้านนอก แต่วิคเตอร์ให้อยู่ด้วยกันได้ แค่ต้องระวังระยะห่างจากผมให้ดี ซึ่งผมแสนจะเบื่อตรงจุดนี้ ผมกลัวจะมีคนหมั่นไส้ เพราะความหวงเวอร์ของไอ้ยักษ์ รักผม ผมก็ดีใจ แต่ไม่ต้องหวง ต้องหึงประหนึ่งว่าผมมีโครงหน้านางงามจักรวาลยุคปีสองพันก็ได้หรอก โชคยังดีที่ออสตินเป็นคนไม่คิดเยอะ เขาเลยไม่ถือสากับความบ้าของวิคเตอร์


ผมเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยได้แต่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ เปิดดูโซเชียลของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย รูปจากงานวันเกิดผมผ่านมาเดือนกว่าแล้วก็ยังคงเป็นกระแสอยู่บ้างประปราย ต้องตอนแรกๆ ที่ผมอัพรูปสิ ค่อนข้างจะฮือฮาทีเดียว รูปถ่ายกับเพื่อน ไปไถ่ชีวิตน้องควายกับพ่อแม่ หรือถ่ายในอพาร์ทเม้นต์น่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้รูปรอยสักบนอกซ้ายวิคเตอร์โดยมีหน้าผมแนบอยู่ด้วยนั่นต่างหากที่เป็นฮ็อตอิชชูมาก


ทั้งสื่อไทยสื่อเทศหยิบภาพจากอินสตาแกรมผมไปทำข่าวกันพอสมควร ที่บอกว่าพอสมควรเพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่ประเด็นใหญ่อะไรขนาดนั้น ไม่ใหญ่เท่าประเด็นเรื่องของแองเจลิน่า โจลี่กับแบรด พิทหรอก ก็แค่สงสัยว่าอกแน่นๆ ที่ผมแนบอยู่นั้นเป็นใคร ใช่วิคเตอร์มั้ยเพราะผมไม่ได้ถ่ายหน้าวิคเตอร์ ถ่ายแค่หน้าตัวเองแนบอยู่บนอกเขา มีรอยสักสดใหม่อยู่ตรงหน้า เห็นแค่คางหนวดๆ ของไอ้ยักษ์แบบแวบๆ ผมพยายามทำภาพแคบสุดๆ ไม่ให้เห็นแบ็คกราวด์หรือสิ่งที่จะสามารถระบุได้ว่าเป็นวิคเตอร์ แต่ถึงอย่างนั้นคนก็จับโยงกัน ผมลองไปอ่านบางข่าว บางกระทู้ โอ้โห สืบกันประหนึ่งว่ามันคือคดีฆาตกรรมงั้นแหละ ตอนแรกผมจะลบรูปทิ้ง แต่คิดอีกทีว่า ถ้าลบคนก็จะยิ่งสงสัย เลยทิ้งรูปนั้นไว้เก๋ๆ ในไอจี ให้คนตีประเด็นกันสนุกสนาน ผ่านมาเดือนกว่าแล้วยังมีคนพยายามทายว่าผู้ชายที่ผมนอนบนอกนั้นใช่วิคเตอร์หรือไม่ ส่วนรอยสัก ผมก็ไม่ได้ซ่อน ก็ถ่ายให้เห็น เพราะผมขึ้นแคปชั่นว่า My Super Special Gift on My BD


ตอนนี้ก็เพลาๆ ลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีพวกสำนักข่าวในอเมริกาเนี่ยแหละที่พยายามหาภาพวิคเตอร์ถอดเสื้อมาดูรอยสัก ก็ยังไม่มีนะ เท่าที่ผมดูตามเว็บไซต์ต่างๆ น้องแฟนคลับของวิคเตอร์กับผมที่ไทยรู้นะว่าอะไรเป็นอะไร แต่พวกน้องเขาช่วยผมได้เยอะมาก คือไม่แพร่งพรายใดๆ ให้มากความก็แค่กรี๊ดฟินๆ กันไปตามเรื่องราว แต่เกิดแฮ็ชแท็กในโลกโซเชียลว่า #MattleIsGiftOfGod ด้วยนะ ฮ่าๆๆ เก๋ไก๋มากมาย ผมให้วิคเตอร์ดูเขาก็ยิ้มหล่อแค่นั้น ไม่ได้ออกความเห็นอะไร


Zach post on your timeline: =D


 พอเห็นอีโมชั่นคอมเม้นต์คุณแซ็คผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ที่นี่ เอาจริงๆ ผมลืมนึกถึงเขาไปแล้ว เพราะแค่ประเด็นในชีวิตตัวเองก็รกจนรุงรัง ลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยเห็นลีลาสุดแซ่บของเขาในเว็บหนังโป๊ ผมไม่ได้รังเกียจ หรือรู้สึกประหลาดอะไรกับเขา แค่รู้สึกสยิวหวิวๆ ในอก คือด้วยรูปร่างหน้าตาภายนอกของเขาก็พอจะดูออกแล้วอะว่าลีลาต้องไม่ธรรมดา พอได้เห็นกับตาจริงๆ ก็อื้มเลย มานิวยอร์กได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ผมก็ยังไม่ได้ทายทักเขาไป จนกระทั่งเขาทายทักมานี่แหละ ผมตอบคอมเม้นต์เขาว่าผมอยู่ที่นี่แล้วนะ ไว้ว่างๆ เรานัดเจอกันเถอะ ผ่านไปห้านาทีเขาก็ตอบกลับมาว่า เห็นรูปผมที่นิวยอร์กในเซ็นทรัลปาร์คเมื่อสามวันก่อนตอนพาไมเคิลไปเล่นหิมะแล้ว เลยมาเอ่ยทัก ผมพิมพ์หัวเราะลงไป แล้วบอกว่าถ้าเขาว่างก็ทักแชทมาบอก เขาตอบกลับว่าคงอีกนานกว่าจะว่าง แต่ถ้าว่างจะมาบอก ผมตอบโอเค แล้วแอบคิดว่า มีคิวไปถ่ายหนังแซ่บๆ นั่นหรือเปล่า บางทีผมก็อยากเข้าไปดูกองถ่ายหนังโป๊นะว่าเขาทำกันยังไง ฮ่าๆ


ติ๊งหน่อง!


เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น วิคเตอร์เปลี่ยนเสียงกริ่งตามที่ผมขอด้วย เพราะไอ้เสียงออดปกตินั้นบางทีทำเอาผมสะดุ้ง เขาเพิ่งเปลี่ยนให้เมื่อตอนก่อนเขาไปถ่ายซีนเพิ่มในหนังนี่เอง


“พ่อแกรึเปล่า ไปดูกันเร็ว” ผมลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินออกไป แต่ออสตินไวกว่า เขาเดินผ่านห้องโถงไปตรงประตูบ้าน พอเปิดออกผมก็พบกับผู้หญิงผมบลอนด์ทองหน้าตาสะสวยที่ไม่ได้เจอหน้าเธอนานมากแล้ว แต่ครั้งนี้ใบหน้าเธอติดจะเชิด ไม่ค่อยจะมีรอยยิ้มแบบครั้งก่อน


“สวัสดีครับคุณลิซ่า” ออสตินเอ่ยทักทายแม่เลี้ยงของวิคเตอร์ที่ยังคงแต่งตัวได้เปรี้ยวเข็ดฟัน จนสามารถปัดอายุเธอทิ้งออกไปจากหัวเราได้


“เขาไม่อยู่ใช่มั้ย” เธอถามเสียงนิ่ง แต่ก็ปรายตามองผมเล็กน้อยจนผมทำหน้าไม่ถูก


“กำลังกลับมาครับ คุณมีอะไรรึเปล่า” ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย มองสลับออสตินกับลิซ่าอย่างงงๆ


“ฉันจะมาคุยกับเขา เธอกลับเข้าห้องเธอไปเถอะ” มาครั้งนี้ผมว่าคุณลิซ่าดูดุและเนี้ยบขึ้นมาก ถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่ายๆ คือเหมือนเธอจะเอาจริงขึ้น


“คุณเรย์มอนด์คงไม่ชอบใจเท่าไหร่นะครับ” ออสตินยังคงบอกด้วยท่าทีสงบ คุณลิซ่าทำนิ่ง แต่ผมรับรู้เลยว่าหน้าเธอเหวี่ยงสะบัดมาก


“เขาก็ไม่เคยชอบใจอะไรในตัวฉันอยู่แล้ว ลุคส์ฝากฉันมาพูดกับเขาด้วย” น้ำเสียงเธอเริ่มน่าเกรงขามมากขึ้น ภาพเธอในวันนี้กับปีก่อนที่เราเคยเจอกันมันดูแตกต่างกันมากเลย


“แต่ว่า…”


“…ไม่เป็นไรออสติน ผมคุยกับคุณลิซ่าได้ครับ” ออสตินหันมามองผมนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ผมพยักหน้ายืนยัน เขาเลยพยักหน้าตอบกลับ หมุนตัวเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ผมมองคุณลิซ่าแล้วก็เกิดอาการอ้ำอึ้ง


“เอ่อ… ไปคุยกันในห้องโถงมั้ยครับ” เธอไม่ตอบอะไร แค่เดินอกตั้งหน้าเชิดผ่านผมไป ผมไม่เดาหรอก ผมรู้เลยว่าเธอคงรับรู้แล้วว่าสถานะผมกับวิคเตอร์เป็นมากกว่าเจ้านายลูกน้องไปมากแล้ว และวันนี้เธอคงมาพูดอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับลูกเลี้ยงเธอแถมเมื่อกี้ผมยังได้ยินว่ามีข้อความจากพ่อของวิคเตอร์มาด้วยอีกต่างหาก ขนาดไม่ได้มาเอง ผมยังรู้สึกล่วงหน้าเลยว่าข้อความนั้นไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยเท่าไหร่


“ฉันจะไม่เสียเวลาอ้อมค้อม…” เธอเปิดประเด็นทันทีหลังจากผมนั่งลงเยื้องๆ กับเธอที่โซฟาตัวเล็ก ส่วนเธอนั่งโซฟาตัวใหญ่ยาว วางเสื้อโค้ตสีดำตัวหนายาวของแบรนด์ดังอย่าง Balnim กับกระเป๋า Marc Jacob ไว้ข้างตัว


“…เธอคบกับวิคเตอร์ใช่มั้ย” ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาโกหก ผมพยักหน้ารับทันที คุณลิซ่านิ่งไปนิด นาทีแรกเธอมีท่าทีแข็งๆ แต่นาทีถัดไปเธอก็ถอนหายใจเบาๆ


“ฉันไม่ได้แอนตี้เรื่องพวกนี้หรอก…” ผมเม้มปากเบาๆ กำลังจะรู้สึกโล่งใจหน่อยๆ


“…แต่จะให้ยอมรับง่ายๆ ฉันก็ทำไม่ได้” แต่ก็หายวับไปทันทีที่เธอพูดแบบนั้นพร้อมกับส่ายหัวและทำสีหน้ายืนยันว่ารับไม่ได้


“เขาเป็นผู้ชาย เขาต้องมีทายาทให้กับตระกูล ลุคส์มีธุรกิจที่รอให้วิคเตอร์เข้าไปดูแลต่อ ต่อจากวิคเตอร์ ก็ต้องเป็นลูกเขา…” มันเป็นความจริงที่ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขนาดบ้านผมไม่มีธุรกิจใดๆ แม่ยังอยากให้ผมแต่งงานมีครอบครัวเลย แล้วนับประสาอะไรกับวิคเตอร์ล่ะ


“…เธอทำให้มันผิดเพี้ยนไปหมด ฉันไม่ได้บอกว่าเธอผิด แต่การที่เธอคบกับเขามันไม่ใช่สิ่งที่พ่อเขาและรวมถึงฉันต้องสนับสนุน” เธอมองหน้าผมด้วยสายตาสงบ แต่ผมรู้สึกว่าเธอกำลังมองจิกนิดๆ


“ถึงแม้วิคเตอร์จะอยู่ในวงการบันเทิง แต่ยังไงเขาก็ต้องช่วยที่บ้าน” เธอยังคงมองผมด้วยสายตาเดิม ผมทำเพียงพยักหน้ารับ แต่ก็มีขมวดคิ้วนิดหน่อย นึกภาพวิคเตอร์กับวงการธุรกิจไม่ออกเลยสักนิด


“ลุคส์เลี้ยงเขามา ก็หวังว่าจะให้เขามาช่วยธุรกิจบ้าง ส่วนฉัน…”


“…คุณกล้าพูดอย่างนี้ด้วยเหรอครับ” ผมสวนขึ้นทันที ประเด็นนี้ผมว่าไม่โอเค ผมติดใจอยู่นิดเดียวเรื่องว่าพ่อเลี้ยงเขามา


“หมายความว่าไง” เธอหรี่ตามองผม สีหน้ามีแววไม่พอใจแฝงอยู่ ผมยิ้มอย่างสมเพชนิดๆ ก่อนว่าต่อ


“ถึงเขาจะยังไม่ได้บอกอะไรผมมาก แต่เขาไม่เคยบอกว่ารักพ่อเท่ากับแม่และย่า” คุณลิซ่าเหมือนสตั๊นท์ไปชั่วครู่ แต่แค่แวบเดียวเธอก็กลับมาผงาดได้ต่อ


“เธอจะเอาตรงนั้นมาอ้างไม่ได้หรอกนะ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อลูกกัน…”


“…งั้นคุณก็จะเอาตรงนั้นมาอ้างไม่ได้เหมือนกัน เขาอาจจะทำให้วิคเตอร์เกิดมา แต่เขาก็ไม่ได้ทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มที่” แม่เลี้ยงของวิคเตอร์ขมวดคิ้ว เอียงคอมองผมอย่างไม่เข้าใจและดูจะไม่พอใจเพิ่มขึ้นอีกนิด


“อะไรนะ”


“ผมได้เจอกับไวโอล่าแล้ว และเธอก็เล่าเรื่องวิคเตอร์ให้ผมฟัง ถึงจะไม่ทั้งหมด แต่จากการจับประเด็น คือพ่อของเขาต้องการตักตวงประโยชน์จากชื่อเสียงวิคเตอร์ แต่งงานกับลูกหลานไฮโซงั้นเหรอครับ? ผมไม่เคยคิดว่าวิธีนี้มันจะดีนะ” คราวนี้เธอดูอึ้งไป อาจจะอึ้งเพราะคงตกใจว่าผมรู้เรื่องนี้ได้ยังไง


วิคเตอร์ไม่เคยเล่าให้ผมฟัง ไวโอล่าเม้าท์เรื่องนี้ให้ผมฟังตอนที่เราออกไปหาอะไรกินนอกบ้านกันสองคนที่โซโห เธอเล่าว่าพ่อของวิคเตอร์อยากให้เขาแต่งงานกับลูกหลานคนตระกูลดังๆ ในเกาะอังกฤษเพื่อเสริมทัพให้กับธุรกิจของตัวเอง ส่วนแม่สาวไฮโซคนนั้น ไวโอล่ายังไม่รู้ว่าเป็นคนประเภทไหนเพราะไม่เคยเจอ แต่เธอมองในแง่ดีไว้ก่อนว่าแม่สาวไฮโซคงจะมีศักดิ์ศรีในตนเองอยู่บ้าง ตอนได้ยินผมก็ทึ่งไปเหมือนกัน แต่ไวโอล่าบอกว่าสบายใจได้ เพราะวิคเตอร์แทบจะด่ากราดพ่อจนเละเป็นเยลลี่โดนรถเหยียบ


ผมโล่งใจที่เขาเป็นคนแบบนี้ ไม่ชอบอะไรก็ปัดทิ้ง ไม่เอา ไม่รับ แต่ที่ผมไม่สบายใจคือเขามีอะไรไม่ชอบพูด แต่กลับชอบบังคับให้ผมบอกเขาทุกอย่างซะงั้น


“เขาเหมาะสมกัน” คุณลิซ่าว่าเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความหนักแน่น


“อะไรคือการวัดว่าเหมาะสมเหรอครับ อันนี้ผมอยากรู้จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่อง” ผมอยากรู้ว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน บางทีผมก็คิดว่าไอ้คำว่าเหมาะสมมันคืออะไร บางคู่บางคนเขาก็ดูไม่เข้ากันแต่ยังรักกันยืนยาวเลย


“ก็แค่กฎง่ายๆ อย่างว่าเขาเป็นผู้ชายและผู้หญิงไง” เธอยักคิ้วพร้อมยกยิ้มมุมปาก ผมนั่งหน้าตึง ประเด็นนี้สำหรับผมมันอ่อนไหวมากจริงๆ นะ เพราะมันชอบกร่อนใจผมอยู่บ่อยๆ


“แล้วอีกอย่าง เขากำลังไปได้ดี เธอจะทำให้เขาร่วงลงได้นะ” เมื่อเห็นว่าผมเงียบไม่พูดอะไรต่อ เธอเลยกระทุ้งต่อด้วยสีหน้าที่ผมบอกได้เลยว่าเธอสะใจไม่น้อย ปีก่อนกับปีนี้เธอเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อผมไปไม่น้อย ซึ่งผมไม่แปลกใจหรือสงสัยอะไรหรอก ถึงเธอจะไม่ได้คลอดวิคเตอร์ออกมา แต่เธอดูจะรักและเป็นห่วงวิคเตอร์ในฐานะแม่คนหนึ่งมากเช่นกัน


“ไม่หรอกครับ คุณอาจไม่รู้ว่าก่อนย่าวิคเตอร์เสีย เธอพูดอะไรไว้…” แม่เลี้ยงของวิคเตอร์ขมวดคิ้ว ผมจับอาการนั้นได้ทันทีว่าเธอไม่รู้


“…และคุณไม่จำเป็นต้องรู้ แต่เอาเป็นว่าผมไม่ได้มาทำให้วิคเตอร์ร่วงหล่นก็แล้วกัน” ผมพูดเสียงราบเรียบ ใบหน้านิ่ง แต่ก็ยังแอบตึงๆ กับประโยคก่อนหน้านี้ของเธออยู่


“ฉันขอเตือนนะ…” เธอเชิดคางขึ้น ท่าทีอกผายไหล่ผึ่งมากกว่าเดิม เธอดูมีความเป็นแม่ที่กำลังหวงลูกชายฉายชัดมาก ผมนั่งนิ่งไม่ขยับ ได้แต่รอรับกับทุกคำพูดของเธอ


“…อย่าให้ลุคส์มาพูดกับเธอด้วยตัวเอง เพราะเขาจะไม่ใจดีแบบฉันหรอก”


แกร๊ก~


“ผมบอกให้คุณกลับไปไง คุณจะมายุ่งอะไรกับชีวิตผมนักหนา!” เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงโมโหของวิคเตอร์ดังมากจากประตูบ้าน ผมแอบเห็นว่าคุณลิซ่าหน้าเสียไปแวบหนึ่ง แต่เธอก็ซ่อนมันอย่างรวดเร็วแล้วนั่งนิ่งๆ รอลูกเลี้ยงตัวเอง ไมเคิลลุกขึ้นวิ่งไปหาเจ้านายมันทันที

V
v
v


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 14-04-2016 18:47:19
V
v
v

“ฉันจะพูดกับเขาไม่นาน” เสียงกังวานของผู้หญิงคนหนึ่งดังตอบกลับ พอผมหันไปเห็นก็เจอกับผู้หญิงรูปร่างสูงใหญ่ ผมน้ำตาลแซมทองยาวประบ่า ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์แก่ ท่าทางน่าเกรงขาม เธออยู่ในชุดเกาะอกสีดำ สวมทับด้วยสูทรัดรูปสีบานเย็น และสวมกางเกงผ้าพลิ้วทรงกระบอก แขนเธอคล้องกระเป๋าแบรนด์ดังอย่างแอร์เมสสีดำเอาไว้ วัยไม่น่าต่างจากแม่เลี้ยงวิคเตอร์มากเท่าไหร่ แต่คุณลิซ่าหน้าอ่อนกว่า


“วุ่นวายเกินไปละ…” วิคเตอร์พูดอย่างหัวเสียแล้วสะบัดหน้าจากผู้หญิงคนนั้นมามองในห้อง พอเขาเจอกับลิซ่า บรรยากาศก็ดูยะเยือกยิ่งกว่าอากาศด้านนอกที่มืดและมีหิมะตกแล้ว


“…มาทำไม?!” เขาจ้องคุณลิซ่าตาดุน่ากลัวมาก ก่อนจะมองมาทางผมด้วยสายตาระแวดระวัง แล้วเลื่อนกลับไปมองคุณลิซ่าด้วยความโกรธอีกที


“ก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันมาคุยกับเขา” คุณลิซ่าตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ ผมมองใบหน้าโกรธจัดของวิคเตอร์ แล้วเลื่อนสายตาไปมองผู้หญิงสูงวัยอีกคนที่กำลังมองผมอย่างประเมินอยู่ กำลังจะเลื่อนสายตากลับมามองสถานการณ์ด้านหน้า ก็พอดีกับที่ออสตินเดินออกมาพอดี


“อ้าว เธออยู่ที่นี่ด้วยเหรอออสติน” หญิงผิวขาวแบบคนอเมริกันหันไปถามบอดี้การ์ด ออสตินพยักหน้าตอบเพียงนิดเท่านั้น


“ออกไป นี่ก็วุ่นวายพอกัน มาจากอังกฤษยังไง กลับไปอย่างงั้นเลย!” เขาแทบจะตะคอกใส่แม่เลี้ยงตัวเอง อีกฝ่ายยังคงนั่งหน้าเชิดแล้วตอบเสียงเรียบ


“ฉันกับลุคส์อยู่ที่โรงแรมเดิม ถ้าเธอ…”


“…จะอยู่ไหน อยู่กับใคร ก็อยู่ไป ไม่ต้องมาบอก ไม่ได้ถาม ไม่ได้อยากรู้!” เขาสวนกลับด้วยเสียงดังกว่าเดิม เล่นเอาคุณลิซ่านั่งหน้าตึง


“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่ได้มาบอกเรื่องนั้น!” วิคเตอร์เบิกตากว้างขึ้น มันเป็นแววตาที่ทั้งตกใจ หวาดกลัว แล้วก็ไม่ชอบใจอย่างมาก เขาถึงขั้นยกนิ้วชี้หน้าแม่เลี้ยงตัวเอง


“จะเรื่องไหนก็ไม่ต้องมาบอก ไม่ต้องมายุ่ง อย่ามายุ่งกับเขาอีก ไม่งั้นเธอกับพ่อเจอดีแน่!” เขาขู่เสียงเข้มและหนักแน่น ขนคอผมลุกตั้งชันขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ รู้สึกถึงความน่ากลัวในน้ำเสียงนั้นของเขา


คุณลิซ่านิ่งไป ยังทำท่าทีเชิดไม่เกรงกลัว แต่ผมเห็นนะว่าแววตาเธอสั่นไหวระริกไม่น้อย เธอจ้องตากับวิคเตอร์ครู่หนึ่งแล้วคงตัดสินใจได้ว่าไม่ควรสู้กับไอ้ยักษ์ตอนนี้ เธอเลยลุกขึ้นยืน คว้าเสื้อโค้ตสีดำตัวยาวติดมือไปพร้อมกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องโถงไป ผมเห็นผู้หญิงอีกคนในห้องโถงมองตามเธอด้วยสายตาครุ่นคิดบางอย่าง วิคเตอร์ขบกรามแน่นแล้วหันกลับไปหาผู้หญิงอีกคน


“ส่วนคุณก็กลับไปด้วย ไม่ต้องมายุ่งกับผมนัก หัดอยู่เฉยๆ บ้างเหอะ!” วิคเตอร์ว่าเสียงขุ่นแล้วเดินเข้ามาหาผม จูงมือผมไปตรงโซฟาตัวยาว เขาถอดแจ็คเก็ตหนังสีดำออกแล้วโยนไว้บนโซฟาตัวเล็กที่ผมนั่งเมื่อกี้ พอกำลังจะนั่งลงข้างกันเขาก็จับผมขึ้นไปนั่งบนตักแล้วกอดเอวผมไว้


“ออสติน ฝากส่งเซล่าด้วย แล้วก็ลากกระเป๋าตรงประตูบ้านมาด้วยนะ” ผมที่กำลังปล่อยให้วิคเตอร์คลอเคลียแก้มซ้ายตัวเองหันขวับไปมองผู้หญิงคนนั้นทันที เธอกรีดยิ้มบางๆ แล้วมองผมราวกับนางพญา


“คิดว่าเธอคงเคยได้ยินชื่อฉันบ้างแล้วนะหนุ่มน้อย” เธอว่าแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กอีกตัว ออสตินชะงักไปนิดเพราะเขากำลังจะเดินมาตามให้เธอออกไปด้านนอก


“ฉันมีเวลาไม่มาก เพราะพ่อคนนั้นเขาพร้อมจะไล่ตะเพิดฉันอีกรอบ” เธอชี้มาที่วิคเตอร์ ผมหันไปมองก็เห็นหน้าเซ็งอารมณ์ของไอ้ยักษ์หน้าหนวด เขากลอกตาเบื่อๆ แต่ก็นั่งกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อย ผมหันกลับไปมองเซล่า โฆษกส่วนตัวของวิคเตอร์ที่ผมอยากเจอหน้าเธอมานาน


ท่าทางไม่เบาจริงๆ ตอนได้ยินแค่ชื่อช่วงอยู่ไทย ผมยังรู้สึกเลยว่าผู้หญิงคนนี้ต้องแกร่งพอสมควร ไม่งั้นอยู่กับวิคเตอร์ไม่ได้หรอก


“คุณมีอะไรเหรอครับ” วันนี้มีแขกบ้านแขกเมืองมาเยี่ยมถึงสองคนซ้อน แล้วพ้อยท์หลักของผู้หญิงสองคนนี้คือผู้ชายที่ผมนั่งตักอยู่


“เธอจะคบกับเขาก็ได้ ฉันไม่ว่า ฉันไม่ห้าม…”


“…คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่า มาห้ามผม มีหน้าที่ดูแลผมแค่เรื่องงานไม่ใช่รึไง” วิคเตอร์สวนกลับอย่างไม่พอใจ หน้าตาเขาเริ่มไม่สบอารมณ์เต็มที่ ผมเหลือบสายตาไปมองออสติน เขายังคงยืนนิ่งตามสไตล์เดิม


“ภาพลักษณ์ของเธอก็สำคัญวิคเตอร์ เธอจะเปิดตัวเป็นทางการเลยไม่ได้ ตราบใดที่ชื่อเสียงของเธอยังไม่คงที่ นี่มันเพิ่งเริ่มต้น ถ้าเกิดเธอเปิดเผยรสนิยมทันที มันจะทำให้ความนิยมเธอลดลง แค่ทุกวันนี้มันก็ลุ่มๆ ดอนๆ มากพอแล้ว” เธอนิ่งมาก นิ่งกวาคุณลิซ่าเมื่อกี้ซะอีก เซล่าจะนิ่งอย่างมืออาชีพ เธอดูไม่สะทกสะท้านกับคำทัดทานใดๆ ของไอ้ยักษ์เลยสักนิด


“ผมรักเขาเป็นเรื่องของรสนิยมตรงไหน ไม่เกี่ยวกันเลย” วิคเตอร์บอกน้ำเสียงกระแทก ท่าทางฟึดฟัดน้อยๆ


“เธอจะบอกว่าเป็นรักปะโลมโลกหรืออะไรก็ตาม แต่เธอห้ามประกาศให้โลกรู้ว่าเธอมีแฟนเป็นเด็กผู้ชายคนนี้…” เธอพูดอย่างแน่วแน่ ไม่มีหลุดมาดแล้วเลื่อนสายตามามองผม


“…เธอต้องอยู่เงียบๆ อย่าแสดงตัวเยอะ จะทำอะไรต้องระวังตัว รูปที่เธอถ่ายกับรอยสักเขา นั่นเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างมาก”


“หุบปากได้มั้ยเซล่า น่ารำคาญ อย่ามาสะเออะวุ่นวายกับชีวิตพวกเราอีก เขาจะทำห่าอะไรก็เรื่องของเขา อย่าเยอะให้มาก ผมฉีกสัญญาได้นะ!” วิคเตอร์อารมณ์ขึ้นแล้ว เขาเด้งตัวขึ้นมานั่งตรงๆ แต่ยังคงใช้แขนขวากอดเอวผมเอาไว้ตามเดิม เซล่าไม่มีท่าทีเกรงกลัวใดๆ สักนิด


“ออกไปจากบ้านผมได้แล้ว!” วิคเตอร์ตะคอกไล่ แต่เซล่ายังคงนั่งเฉยไม่ไป แถมยังพูดเสียงดังแข่งกับไอ้ยักษ์อีก ตอนนี้ผมเหมือนอยู่กลางสมรภูมิรบเล็กๆ เลย


“เธอไม่ควรคิดจะสักตั้งแต่แรกด้วยซ้ำวิคเตอร์ แต่ในเมื่อทำมาแล้วก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้น…” เธอเลื่อนสายตาจากวิคเตอร์ที่กำลังหงุดหงิดเต็มที่มามองมอย่างรวดเร็ว


“…อันที่จริงฉันอยากให้เธอออกไปอยู่ข้างนอกด้วยซ้ำ อยู่ที่นี่ยังไงเธอก็จะเจอนักข่าวตามรังควานไม่เลิก แล้วตอนนี้หลายสื่อเริ่มขุดคุ้ยเรื่องเธอสองคนจริงจังแล้ว”


“มากไปละ! ขอเตือนอีกครั้งนะเซล่า ถ้ายังไม่หยุดปากมาก ผมจะถีบปากคุณให้ดู รู้ใช่มั้ยว่าผมทำได้ สัญญาเหี้ยๆ นั่นผมไม่สนใจหรอก ที่ผมเล่นหนังเรื่องนี้เพราะเขาคนเดียว!” วิคเตอร์พูดกระแทกเสียงใส่บางคำเหมือนเป็นการตอกย้ำและกระแทกหน้าใส่โฆษกมนุษย์ป้าคนนี้


“นั่นสิ งั้นเธอก็คงไม่กล้าฉีกสัญญาหรอกจริงมั้ย เพราะเขาคงอยากดูเธอไปจนครบทุกภาคนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ และทำหน้าตามีชัยเล็กๆ วิคเตอร์ขบกรามแน่น ผมเห็นแบบนั้นเลยอดแซะไม่ได้


“แต่ถ้าเขาต้องกดดันจากใครบางคนมากๆ ผมก็ยินดีที่จะไม่ดูหนังเรื่องนี้ต่อก็ได้” ผมไม่ได้เหวี่ยง ไม่ได้ประชดหรือแดกดัน แค่พูดเรียบๆ จ้องมองเธอกลับนิ่งๆ ยังไงซะ ผมกับเธอก็ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน คงไม่ต้องเกรงใจกันเท่าครอบครัววิคเตอร์หรอก อีกอย่างมีสามีเป็นแบ็คอย่างดีแบบนี้ คงไม่ต้องกลัวอะไร


“หึ เธอดูเข้มแข็งขึ้นมากจากเรื่องอันเดรียนา” พอพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา ความปรี๊ดเลยขึ้นมาแน่นอก แล้วผมต้องยกมันออกแน่นอน


“ขอบคุณมากนะครับที่สอนให้ผมเข้มแข็งขึ้น เพราะถ้าไม่ได้กลยุทธ์ทุเรศๆ ของคุณ ผมคงเอาแต่ร้องไห้กับทุกเรื่อง” ผมแอบสะใจที่เห็นสีหน้าของเซล่าเสียไป แม้เธอจะซ่อนมันได้แนบเนียนก็ตาม แต่ผมที่จ้องหน้าเธอไว้ตลอดจะพลาดได้ไงล่ะ


“เรื่องที่คุณอยากให้ผมออกไปอยู่ข้างนอก ถ้าคุณจ่ายค่าแมนชั่นราคาพันล้านเหรียญให้ผมได้ ผมจะออกไปอยู่ตามที่คุณต้องการ” ใบหน้าโบท็อกซ์ของเธอนิ่งสนิท แววตาเธอขุ่นเคืองปกปิดไม่มิด ถ้าผมตาไม่ฝาดไปผมเห็นออสตินแอบยิ้มมุมปากด้วย


“น่าสนใจดีนะเซล่า เอาตรงโซนใกล้เซ็นทรัลปาร์คก็ดีนะ มองลงมาแล้ววิวสวยดี” วิคเตอร์เสริมทัพผมด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีมากขึ้น แต่เซล่านางพญามนุษย์ป้าก็ไม่มีทางพ่ายง่ายๆ หรอก เพราะเธอยกยิ้มมุมปากเบาๆ เท่านั้น


“ขอเตือนอีกครั้ง อย่าทำให้งานเสียหาย ตอนนี้เธอคือผู้ชายที่หญิงสาวกำลังตกหลุมรักนะวิคเตอร์ อย่าทำร้ายตัวเอง” วิคเตอร์เบ้ปาก ยักคิ้วว่าไม่แคร์ เซล่าไม่สนใจสีหน้าและสายตาเบื่อหน่ายของเขา แม้ผมจะไม่นิ่งเงียบ แต่สายตาของเซล่าก็ทำให้ผมหวั่นใจ เธออาจจะยอมเงียบ แล้วทำอย่างอื่นแทนก็ได้ ท่าทางเธอเคี่ยวใช่เล่น ถ้าให้เปรียบเธอก็เหมือนครูฝ่ายปกครองแก่ๆ ที่อยู่ในโรงเรียนคอยจับผิดว่าใครทำผิดระเบียบ คลื่นใต้น้ำมักน่ากลัวเสมอ


 :katai5:

ถึงเวลาที่เอเลี่ยนน้อยขอสู้กลับบ้างเล็กๆ น้อยๆ เนาะ เป็นเมียพี่ยักษ์ต้องอดทน ห้ามเจี๋ยมเจี้ยม ห้ามเหนียมอาย อะไรสู้ได้ต้องสู้ค่าลูก สู้นิดสู้หน่อยก็ยังดี แถมสามียังช่วยเสริมทัพอีกต่างหาก

ชีวิตดี๊ดี สามีเลี้ยงดูอย่างดี แต่น้องแมทก็ยังคงไม่พึงพอใจ จริงๆ ถ้าแมทไม่มีความฝันที่อยากทำให้เป็นจริง น้องอาจจะยอมอยู่บ้านเฉยๆ เป็นแม่บ้านที่ดีให้กับวิคเตอร์ก็ได้ แต่น้องยังมีปัญหาครอบครัวที่ยังไม่พร้อมยอมรับกับตัวตนของน้องอีก เลยต้องพยายามทำให้เขายอมรับให้ได้

วิคเตอร์ก็คือวิคเตอร์ เมียต้องอยู่ในกรงเหล็กของตัวเองเท่านั้น ห้ามหลุดไปไหนนนน เป็นเอเลี่ยนน้อยในกรงทองไปละ ฮ่าๆๆ

บทของแซ็ค คิดว่าในพาร์ทนี้ ไม่มีออกแล้วละค่ะ แน่นแล้ว เดี๋ยวลุงแซ็คจะกลับมาอีกทีในพาร์ทสุดท้าย อดัมที่ตอนแรกจะให้ออกพาร์ทนี้บ่อยๆ แต่ก็หาคิวให้ไม่ได้เลย แต่พาร์ทสุดท้ายอดัมกลับมาแน่นอน ใครจะกลับมาทำอะไร ก็ต้องรอดูเน้อ แต่พี่กล้าเนี่ย จะโผล่มาในตอนพิเศษพาร์ทสองในหนังสือด้วย ส่วนจะโผล่มาในพาร์ทสามมั้ย ต้องรอดูค้าาา ผู้ชายเยอะจริงๆ เรื่องนี้ 55555 เยอะ แต่แมทไม่ได้แอ้มสักคน ผัวกันทุกทาง ฮ่าาๆๆ

ส่วนที่เหลือ ใครรอเขาร้อนแรงใส่กัน เกาะขอบเตียงไว้นะ 55555





สำหรับการพรีออเดอร์ Love, no boundaries พาร์ท Only You จะเปิดให้ลงชื่อวันที่ 16-17 เมษายน ส่วนวันเปิดโอนเงินวันแรกจะเป็น 18 เมษา ตามที่เคยแจ้งไปอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวแจ้งอีกทีนะคะ เนื่องจากพี่บ.ก. ยังไม่รับสายตอมเลย แล้วโรงพิมพ์เปิดทำการวันที่ 18 อีก แต่วันลงชื่อตามเดิมค่า อาจจะลงชื่อเป็นสามวัน 16,17,18  สำหรับเรื่องราคาหนังสือ แนะนำว่าให้เก็บเงินไว้ 1200 บาทค่ะ ไม่เกินนี้แหละ และอาจลดลงไปนิดหนึ่ง แต่ราคาภาคสองคงเพิ่มจากภาคแรกค่ะ คร่าวๆ ที่นับหน้า เหมือนจะหนากว่าภาคแรกเลย ยังไงรายละเอียดเต็มๆ ตอมจะแจ้งก่อนเปิดโอนเงินจ้าาา อ้อ ห้าสิบคนแรกที่โอนเงินมา มีถุงผ้าลายพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนให้ด้วยนะคะ ^^

หนังสือพาร์ทแรกรอบรีปริ้นครั้งที่สอง มีคนโอนเงินมา แต่ยังไม่แจ้งการโอนเงิน  ตอมขอปล่อยหนังสือนะคะ ถือว่าประกาศบอกหลายรอบแล้ว ถ้าเกิดคนอ่านเพิ่งนึกขึ้นได้หลังจากนั้น ให้ติตด่อขอรับเงินคืนได้เลยค่ะ ไม่มีหนังสือให้แล้วนะคะ ให้เงินคืนอย่างเดียวค่ะ

ใครเจอคำผิด บอกกันได้เลยนะคะ บางทีในนี้อาจจะยังไม่ได้เข้ามาแก้ แต่ในต้นฉบับ ตอมจะแก้ตามที่คนอ่านบอกตลอดๆ สำหรับใครที่คอยแก้คำผิดให้ ต้องขอบคุณมากค่าา ช่วยตอมได้เยอะเลย

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะ  :mew1:

ฝากนิยายอีกเรื่องของขุ่นเจ้ด้วยค่ะ เป็นแนวโรแมนติกคอเมดี้แท้ๆ นายเอกเป็นตัวแม่ ขุ่นแม่ ฉะนั้นใครที่จะตามไปอ่าน ต้องมั่นใจแล้วนะคะว่า สตรองมากพอ เพราะนายเอกสาวคือสาว สวยคือสวย ไม่มีบอกว่าผมแมน โนจ้ะ สวยก็คือสวย แม่ก็คือแม่ ตอนนี้แปดตอนแล้วนะคะ >http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50360.msg3241464#msg3241464 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50360.msg3241464#msg3241464)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-04-2016 19:11:10
เรื่องนั้นที่แม่เลี้ยงพี่ยักษ์ว่าคือเรื่องไหน
พี่ยักษ์กับเอเลี่ยนยังมีมาม่ามาเสิร์ฟอีกใช่ไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 14-04-2016 19:14:00
มาแล้วววววววว ขอแมทเอาคืนแบบหนักๆเลยยยยย  :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 14-04-2016 19:20:39
เยี่ยมมากแมท!!! ขอตั้งชื่อตอนนี้ว่า สามีภรรยาคู่พิฆาต
โหด แข็ง หนักแน่นทั้งคู่

#ขอความสตรองจงสถิตอยู่ตลอดไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-04-2016 19:40:00
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-04-2016 20:50:52
เหมือนพายุจะเข้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 14-04-2016 21:27:21
ไชโยจะได้อ่านแบบเลี่ยนๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-04-2016 21:28:29
แมทน้อยสามารถสู้ได้อยู่แล้ว แต่ละคนเสือสิงห์ทิงแรดทั้งนั้น
เซล่าดูแบบร้าย แต่แมทก็ตอกไปได้เก่ง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-04-2016 21:33:32
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JY_JRB ที่ 14-04-2016 21:35:08
หมดเรื่องรุงรังของวิคเตอร์ ยังจะมาเจอธุรกิจครอบครัวอีก ต่อไปคงจะมีแต่ดราม่า และ ความวังเวงวิเหวงโหวงรึเปล่า  - -  วิคเตอร์กะแมท จะทนได้แค่ไหน :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 14-04-2016 22:09:38
เอเลี่ยนต้องสตรองนะ อย่าให้ใึครได้เหยียบเด็ดขาด รอที่เหลือสู้สสส!!!! :z1: :impress2: :z13:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 15-04-2016 12:48:35
เอเลี่ยนในกรงทอง 55555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-04-2016 19:17:14
ศึกหลายด้านแท้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 15-04-2016 23:34:35
คนอื่นมันจะอะไรนักหนากับสองคนนี้นักฟ่ะ
วิคกับแมท..รักกัน
หนักบนหัวกะบาลพวกเมิงกันเหรอ..สัด

ว่าแต่เรื่องที่ทำให้วิคเตอร์หน้าเสียถึงกับสะอึก
อย่าบอกนะว่า..ไอ่ยักษ์มีเมียมีลูกเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
แต่ปิดบังไว้ไม่ยอมให้รู้
 :z6:

ถ้าเป็นยังงี้จริงนะ
แมท..เลิกเหอะ
เลิกไปเลย..บินกลับมาบ้านเรา
พอและจบ

แต่ถ้าไม่ใช่..ขอโทษที่เวิ่นเว้อ
หุหุ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-04-2016 23:37:03
อุปสรรคเยอะจริงคู่นี้ สตรองนะทั้งสอง!
ชอบๆ แมทมีผัวที่รักหลงตัวเองหนักมาก อิอิ
รอครึ่งหลังน้าา  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 16-04-2016 00:56:56
เริ่มเบื่อเหล่าน้องนีทั้งหลายแล้วนะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 55%}:14.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 16-04-2016 11:44:16
จะมีมาม่ามั้นน้อ สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปน๊า  o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-04-2016 01:50:15


Only You EP.35 [100%]



เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ออสตินเดินตามไปส่งเธอ ผมนั่งมองตามแผ่นหลังเธอจนลับซุ้มประตูห้องโถงไป ได้ยินเสียงปิดประตู แล้วสักพักก็เป็นเสียงออสตินลากกระเป๋าเข้ามาเก็บในบ้าน ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปทางห้องนอนตัวเอง


“เยี่ยมมากเอเลี่ยนน้อย” เขาบอกเสียงหล่อ ยิ้มหล่อแล้วยื่นหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งที ผมยิ้มบางๆ ตอบกลับไป


“เห็นมั้ยว่าโกนหนวดแล้วหล่อจะตาย” พอเข้ากองถ่ายเขาต้องโกนหนวดให้เกลี้ยงเกลา แต่วิคเตอร์ไม่ชอบ เขาชอบไว้หนวดมากกว่า พอชมว่าไม่มีหนวดหล่อกว่าเขาก็จะทำหน้ายี๊ทันที


“อาบน้ำมั้ยครับ กลับมาเหนื่อยๆ” ไม่รู้ว่าเลิกกองแล้วตรงกลับบ้านเลยหรือเปล่า เขาไปถ่ายซีนเพิ่มที่ป่าในประเทศแคนาดา แต่ไม่ได้ไปปักหลักหรอก ก็มีโรงแรมให้พักนั่นแหละ


“ดีเหมือนกัน” ว่าเสร็จเขาก็ช้อนตัวผมขึ้นในท่าอุ้มเจ้าสาว แล้วพาเดินไปขึ้นบันได ไมเคิลทำท่าจะเดินตาม แต่เขาสั่งให้มันอยู่ข้างล่าง ซึ่งไอ้ตูบตัวอ้วนก็ทำตามอย่างว่าง่ายแต่มิวายมองตามเราสองคนด้วยความฉงน


“วันนี้ไปซนที่ไหนมา” เขาถามในขณะที่กำลังแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก ส่วนผมก็แกะกระดุมกางเกงยีนให้เขา


“ไปไหนล่ะ ก็อยู่แต่บ้าน กับไปร้านกาแฟแค่เนี้ย” ผมว่าหน้ายู่พลางลอกคราบเขาจนหมด แล้วเขาก็มาลอกคราบผมบ้าง ขนาดว่าในห้องเปิดฮีตเตอร์ทิ้งไว้ ผมยังสั่นกับอากาศเย็นๆ ด้านนอกเลย


“เป็นเด็กดีมาก” เขาก้มลงมาหอมหัวผมหนึ่งทีตอนที่กำลังเดินเปลือยเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกัน ผมเม้มปากอยากพูดเรื่องทำงานกับเขา แต่คิดว่าเดี๋ยวรอน้ำอุ่นๆ สาดใส่ตัวเขาก่อนแล้วค่อยพูด


เราอาบน้ำให้กันเหมือนที่ชอบทำ ถูตัวให้กัน ลูบไล้ไปมาจนของเขาแข็งนั่นแหละ แล้วก็ไม่ยอมแข็งคนเดียวด้วยนะ ชอบมาทำให้ผมแข็งตาม แต่พอสร้างอารมณ์ให้ผมเสร็จเขาก็ไม่ทำสเต็ปต่อไปแบบที่ชอบทำ


ใช่… เราไม่ได้มีอะไรกันมาอาทิตย์กว่าแล้วนับตั้งแต่ผมมาอยู่นิวยอร์ก หากนับช่วงเวลาที่ผมสร้างกำแพงใส่เขาและเราห่างกัน นี่มันก็สามเดือนเข้าไปแล้ว ผมไม่นับที่เขาขืนใจผมนะ ผมถือว่าผมไม่ให้ ผมกำลังคิดถึงเซ็กส์แบบปกติของเราสองคน ซึ่งมันห่างหายไปนานมากแล้ว ผิดวิสัยวิคเตอร์มาก เขามีอารมณ์ก็จริง แต่เขาไม่ทำอะ แถมยังชอบทำให้ผมค้างด้วย และเขาก็ห้ามผมช่วยตัวเองอีกต่างหาก


ไอ้ยักษ์มันเป็นอะไรไม่รู้ เรื่องมีคนอื่นผมก็ปล่อยๆ ไปแล้ว ช่วงก่อนมานิวยอร์ก ผมไม่ได้ยินว่าเขาไปวอกแวกวอแวกับใครที่ไหนเลย มีสาวๆ เข้าหาเขานั้นเป็นเรื่องปกติ แต่เขาไม่ได้ไปยืดเยื้อการเข้าหานั้น


“เป็นอะไรรึเปล่า” ยังมีหน้ามาถาม เอานิ้วยัดแบบนี้ใครจะไปทนไหว เสียวท้องน้อย เสียวแมทน้อยไปหมดแล้ว ลมหายใจผมก็เริ่มกระเส่าแรงขึ้นตามการกดย้ำๆ ของเขา


“อย่าทำอย่างนี้สิ…” ผมบอกเสียงแหบ วิคเตอร์ยิ้มตาใส และยังคงดันหน้าผมให้ติดกับผนังห้องอาบน้ำไว้แน่น


“ทำอะไร ฉันก็แค่ทำความสะอาดให้นาย” เขากระซิบเสียงแหบข้างหู สองนิ้วก็ไม่หยุดหมุนคว้านด้านในไปมาจนผมตาปรือ


“อื้อ…” เขาเอามือซ้ายออกจากท้ายทอยผม แต่มือขวายังคงไม่หยุดทรมานผมง่ายๆ ผมเริ่มหอบเสียงเพี้ยน เมื่อเขากระทุ้งแรงขึ้น


“อ๊า…อาๆๆ” ผมบิดตัวหันหนีจนนิ้วเขาหลุดออกจากก้น วิคเตอร์ยิ้มกว้างแล้วหัวเราะอารมณ์ดี ส่วนผมยืนหอบหายใจสักพัก แล้วก็เขยิบเข้าไปหาเขา เอาแขนซ้ายคล้องคอเขาไว้ แหงนหน้าขึ้นไปจูบเขา วิคเตอร์ตอบรับกลับอย่างรวดเร็ว เขาดันผมไปติดกำแพงกระเบื้องสีน้ำตาลอ่อน เลื่อนมือไปปรับระดับน้ำฝักบัวให้เบาลงแต่ก็ยังคงโปรยเป็นละอองโปรยใส่เราสองคนเพื่อให้ความอุ่นแก่ร่างกาย สองมือเขาเลื่อนลงมาบีบบั้นท้ายผมแรงๆ ความเป็นชายที่ต่างไซส์ของเราสองคนเกลี่ยกันไปมา ผมรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว ลิ้นที่เกี่ยวไล้ไม่ยอมหยุดนั้นทำให้ผมอึดอัดไปหมด จนต้องเลื่อนมือขวาไปชักเข้าออกของตัวเอง


“อืม… อ๊ะๆ ห้ามช่วยตัวเองนะ” วิคเตอร์ถอนจูบจนน้ำลายยืดเป็นเส้นบางๆ มือซ้ายเลื่อนจากบั้นท้ายผมมาจับมือขวาผมออกจากแมทน้อย ผมหน้างอทันที


“ฮือ! อะไรเล่า! ผมไม่ไหวแล้ว” ผมร้องงอแง พยายามดึงมือตัวเองออกจากมือวิคเตอร์ แต่ก็ไม่สำเร็จ


“ห้ามเด็ดขาด ฉันไม่อนุญาต” ผมปวดหนึบจนหงุดหงิด มันแข็งเปล่งปลั่งขนาดนี้ ใครจะไปทนไหว


“ทีคุณยังนั่งชักว่าวต่อหน้าต่อตาผมได้เลยนะ!” ให้ตายเหอะ! คืนก่อนที่เขาจะไปแคนาดา เขาก็ยั่วผมอย่างเงี้ย แล้วก็ไม่ยอมทำอะไร บังคับให้ผมนอนดูเขาช่วยตัวเองบนเตียงนอน ผมทำได้แค่นอนซบอกเขาไว้ พอผมจะเลื่อนมือไปจับของเขาบ้าง ก็ถูกปัดออก บอกว่าจะทำเอง ให้ผมนอนดูเฉยๆ เขาใช้มือขวาช่วยตัวเอง มือซ้ายโอบไหล่ผมไว้ พอเขาใกล้จะแตกซ่าน เขาก็ให้ผมเงยหน้าไปมองเขาไว้เพื่อให้เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของเขา พอน้ำพวยพุ่งออกมาเขาก็ก้มลงจูบปากผมแล้วคำรามดังลั่นจนค่อยๆ สงบลง


‘ฮ้า ปลดปล่อยก่อนจะไม่เจอหน้าเอเลี่ยนตั้งสิบวัน’

แล้วคืนนั้นเขาก็นอนสบายตัว ทิ้งให้ผมนอนไม่สบายตัวไปครึ่งคืน (อีกครึ่งหงุดหงิดจนหลับ) ก่อนไป เขากำชับด้วยว่าห้ามให้ผมช่วยตัวเอง มีการสั่งออสตินให้จับตาดูผมด้วย ถ้าเห็นผมหายเข้าไปห้องน้ำนานๆ หรืออยู่ในห้องนอนหรือห้องไหนในบ้านนานๆ ให้รีบดึงตัวผมออกมาทันที


ไอ้บ้า!! จะช่วยตัวเองก็ยังห้าม สิบวันที่ผ่านมาผมอยากจะตายห่าเวลานึกถึงสีหน้าตอนเขาเสร็จความใคร่


ผมมองเขาหน้ามุ่ย หงุดหงิดยิ่งนัก ส่วนไอ้ยักษ์เหรอ ยิ้มทะเล้นหน้าเป็นอยู่นั่นแหละ เขาไม่พูดอะไร ทำเพียงจับผมหันหน้าเข้าหากำแพงตามเดิม ยกสองมือผมให้ค้ำผนังกระเบื้องห้องอาบน้ำไว้ แล้วค่อยๆ เลื่อนสองมือไปตามสองแขนผมช้าๆ ไล่ลงมาจนถึงซี่โครงแล้วเลื่อนสองมือไปขย้ำหน้าอกผมเท่าที่เขาจะโกยได้ ทั้งบีบ ทั้งขยี้หัวนมเล่นเอาผมครางฮือ


“That’s very sexy sound, baby.” เขาว่าเสียงทุ้มแหบแล้วก้มลงจูบไหล่ผมเบาๆ สองมือเลื่อนลงต่ำไปที่หน้าท้อง ลูบไล้วนไปมาทำเอาผมสยิว ก่อนที่เขาจะเลื่อนสองมือไปจับเอวผมแน่น ผมรับรู้ถึงยักษ์น้อยที่วางอยู่บนบั้นท้าย แล้วเขาก็ดันตัวเขาแนบเข้ากับร่องก้นผม


“อา…” ผมหลับตาพริ้ม เนื้อตัวสั่นเบาๆ รู้สึกร่างกายอุ่นๆ ไม่ได้อุ่นจากน้ำอุ่นที่เปิดอยู่ด้วย


วิคเตอร์ขยับเอวช้าๆ ให้ลูกชายเขาเคลื่อนไหวผ่านร่องก้นขึ้นลง ผมเหลียวหน้าไปมองผ่านไหล่ วิคเตอร์กัดริมฝีปากล่างแน่น แววตาของเขาหยาบกระด้าง ช่วงเอวก็ขยับล้อเล่นกับร่องก้นและบั้นท้ายผมไปเรื่อยๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองเขาอย่างมีความหวังแล้วในที่สุดเขาก็หยุดขยับเอว ทิ้งให้ผมค้างเติ่งทั้งที่ลมหายใจเริ่มกระเส่าขึ้น


“เช็ดตัวกันเถอะ” อะไรนะ?!


ผมมองเขาอย่างอึดอัดและหงุดหงิด อยากข่วนหน้าหล่อๆ นั่นแรงๆ สักที ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ! ผมขมวดคิ้วมองหน้าเขา วิคเตอร์ยิ้มระรื่นไม่สะทกสะท้านใดๆ สักนิด


“วิคเตอร์!” ผมแว้ดใส่ วิคเตอร์กลับยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีก เขายื่นมือจะมาจับมือผมเพื่อให้ออกไปข้างนอกห้องอาบน้ำ แต่อารมณ์ผมมันดำดิ่งไปมากแล้ว


“คุณมีคนอื่นใช่มั้ย?!” จากที่ผมไม่คิด ไม่ติดใจเรื่องนี้แล้ว แต่พอเขาทำแบบนี้ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่อยากลงลึกกับผม


“เฮ้ๆ คิดอย่างนั้นได้ยังไง” วิคเตอร์หุบยิ้มวืด หน้าตาแตกตื่น และพยายามเข้ามารวบตัวผมไว้ แต่ผมสะบัดหนี แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา


“คุณไม่อยากทำแบบนั้นกับผมแล้ว ฮึก คุณเบื่อ ฮึก… แล้วใช่มั้ย ฮือออ” ผมงอแงเป็นเด็ก ปัดมือวิคเตอร์ออกมั่วซั่วไปหมด พอเขารวบตัวผมเข้าไปกอดได้ ผมก็ยกสองมือทุบอกแน่นๆ รัวๆ


“อุก… โห เอเลี่ยน! เจ็บๆ มือหนักไปแล้ว ใจเย็นก่อน” เขากอดผมไว้แน่น จนผมทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ซุกหน้าเข้ากับอกเขาแล้วร้องไห้


“ฮือ ฮึก ฮึก ไม่ต้องมายุ่งเลย คราวนี้ไปมีใครที่ไหนอีกล่ะ?!” พูดไปก็สะอื้นไป วิคเตอร์ยกมือขวาลูบหัวผมเร็วๆ


“ไม่มีน่า อย่าคิดแบบนี้สิ นึกว่านายจะเลิกระแวงฉันเรื่องนี้ไปแล้วซะอีก” ผมปล่อยให้เขากอดไว้ใต้ละอองน้ำอุ่นเพื่อไม่ให้เราหนาวจากหิมะด้านนอก ต่อให้อยู่ในบ้าน แต่อย่าสบประมาทฤดูหนาวที่นิวยอร์กเด็ดขาด


“เชื่อได้รึไง ยัยไฮโซที่พ่อคุณจะให้แต่งงานด้วยนั่นไง ฮึก…” ผมพูดเสียงอู้อี้อยู่กับอกเขา


“ไวโอล่า” เขาพูดชื่อน้องสาวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาตาแดงก่ำน้ำตานองหน้า


“ทำไมไม่บอกผม ต้องรอให้ผมรู้วันที่คุณเชิญผมไปงานแต่งเลยใช่มั้ย” พอได้งอแง ผมก็ไปต่อทันที ไม่คิดห้ามตัวเองอีกแล้ว ใจมันไปแล้ว วิคเตอร์หน้าตาตื่นตกใจใหญ่ ไม่รู้ว่าเพราะเห็นผมรวนหรือเพราะผมพูดเรื่องนี้


“เฮ้! ไปใหญ่แล้ว ที่ฉันไม่บอกเพราะมันไม่มีอะไรน่ะสิ นายคิดว่าฉันรักพ่อขนาดจะยอมทำตามที่เขาสั่งเลยเหรอ” ผมแบะปากน้ำตาคลอมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ เรื่องผู้หญิงไว้ใจเขาได้ง่ายๆ ที่ไหนกันล่ะ


“นี่ อย่าทำหน้าแบบนั้น เราเคลียร์กันไปแล้ว ฉันไม่ทำลายความไว้ใจนายทิ้งหรอกน่า ฉันจะบ้าตายให้ได้ตอนนายทำเฉยใส่ฉัน” ผมมองเขาอย่างไม่แน่ใจ วิคเตอร์จ้องตาผมจริงจังเหมือนจะยืนยันกับสิ่งที่ตัวเองพูด


“จริงนะ” ผมถามเสียงอ่อย เหมือนเด็กน้อยถามพ่อ วิคเตอร์ทำหน้าระอา กลอกตาเซ็ง


“จริงสิ”


“แล้วทำไมคุณไม่เอาผมล่ะ” วิคเตอร์พ่นลมหายใจแล้วยิ้มกริ่ม


“ก็รอให้นายขอ ฉันรู้ว่านายก็อยาก แต่นายไม่ขอฉันนี่ ฉันอยากให้นายขอก่อน” ผมอ้าปากหวอน้อยๆ มองหน้าเขาด้วยความงงปนตกใจ


“อะไรนะ ให้ผมขอทำไม ก็เอาสิ ปกติคุณก็ชอบเอาอยู่แล้วอะ” วิคเตอร์หัวเราะเสียงดังลั่นห้องอาบน้ำ ท่าทางจะขำมากจริงจังเพราะขำจนแก้มแดงก่ำเลย


“อันนั้นฉันรู้ตัวน่า ก็แค่อยากทรมานนายเล่นๆ” ผมขมวดคิ้ว มองเขาตาเขียวปั๊ดแล้วยื่นหน้าไปกัดไหล่ขวาเขาแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้


“โอ๊ยยย เอเลี่ยน ซี๊ดดด ฟันคมนักนะ” เขาไม่ผลักผมออก ปล่อยให้ผมกัดจนเป็นรอยฟันแดงแจ๋ พอผมกัดจนพอใจก็ดึงหน้าออก วิคเตอร์กัดฟันแน่น สูดปากเสียงแผ่ว


“พอแล้วใช่มั้ย งั้นฉันจะได้เอานายสักที จะได้หายงอแง”


“ไม่ต้องเลย! หมดอารมณ์แล้ว!” ผมว่าหน้ามุ่ยเสียงแว้ด วิคเตอร์ยิ้มกว้างขำขัน แต่เป็นยิ้มที่หล่อมาก แล้วก็ทำให้ผมหมั่นไส้มากด้วย เลยยกมือซ้ายไปดึงเส้นผมเขาไปซ้ายทีขวาที


“โอ๊ย เล่นแรงอีกแล้ว เดี๋ยวเถอะๆ เดี๋ยวเจอชุดใหญ่ในห้อง Sex toy” ผมปล่อยมือออกจากผมเขา มองเขาอย่างขุ่นเคือง วิคเตอร์ยิ้มกว้างหัวเราะเสียงทุ้มเบาๆ ผมยังหมั่นไส้ไม่หาย เลยนั่งคุกเข่าลงกับพื้นห้องอาบน้ำ สองมือจับเอวเขาไว้ แล้วใช้ปากอมลูกชายเขาเข้าไปเต็มปาก


“อ้า… เยี่ยมเลย” ผมผงกหัวเข้าออก ดูดเลียรสชาติเนื้ออุ่นๆ ของเอ็นอุ่นๆ ผมดันปากเข้าออกจนมันแข็งเต็มปาก วิคเตอร์ยกมือขวามาจับหัวผมเบาๆ แต่ก็แอบมีบังคับให้ผมกดเข้าไปลึกๆ จนผมสำลักนิดหน่อย ตอนจังหวะถอยหน้าออกมา ผมก็สละลำเขาทิ้งแล้วลุกขึ้นยืน วิคเตอร์ที่กำลังหน้าพริ้มมองผมงงๆ


“ไม่ทำละ ไปกินข้าวกันเถอะ” ว่าเสร็จผมก็เดินออกจากห้องอาบน้ำไปทันที


“เฮ้ยเดี๋ยว! เอเลี่ยนกลับมาทำให้เสร็จเลยนะ!”


“ไม่! กวนตีนดีนัก ค้างอยู่อย่างนั้นแหละ อยากช่วยตัวเองก็ช่วยไป แต่ไม่ต้องกินข้าวเย็น!”


“ไอ้เอเลี่ยน!” ผมรีบวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูแล้วหนีเขาออกไปจากห้องน้ำ วิคเตอร์รีบเดินตามมา ผมกำลังจะวิ่งอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงก็หนีไม่ทัน เขากอดตัวผมไว้แน่น


“ปากดีนักนะ เจอคxxยัดสักทีซิ!” ผมหัวเราะคิกคัก ถูกผลักขึ้นไปนอนบนบนเตียง โดยมีร่างใหญ่ยักษ์ของวิคเตอร์ตามขึ้นคร่อมไว้ เขากดข้อมือผมฝังลงบนเตียงแน่น หัวเข่าสองข้างล็อคตัวผมไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ สีหน้าเขาดูมันเขี้ยวผมเป็นที่สุด


“ไปกินข้าวกัน หิวแล้ว” ผมยิ้มพร้อมหัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย วิคเตอร์ยิ้มเหี้ยม แล้วก้มลงมาซุกไซ้คอผมสองข้างสลับกัน


“วิคเตอร์ ฮะๆๆ” ผมยกขาดิ้นในอากาศแต่ก็ไม่ได้สะเทือนเขาหรอก ผมแกล้งหนีบไหล่เข้ากับคออยู่พักนึง สุดท้ายก็ปล่อยให้เขาซุกไซ้จนผมเกิดอารมณ์อีกรอบ เขาทั้งจูบ ทั้งดูดเนื้อรอบคอผมจนมันแดงและเป็นรอยเต็มไปหมด แล้วก็จูบแลกลิ้นกันนัวเนีย พออารมณ์ได้ที่ เขาก็จับผมให้อยู่ในท่าด๊อกกี้ ก้มหน้าลงไปซุกร่องก้นผมใช้ลิ้นเลียตรงบริเวณนั้นรัวๆ จนผมบิดเอวไปมาน้อยๆ


“อา… อา… วิคเตอร์ อืม…”


เพี๊ย!!


เขาฟาดมือขวาลงบนแก้มก้นขวาผมแผ่วๆ แล้วก้มลงไปเลียตรงกลีบเนื้อตามเดิม ทั้งเลีย ทั้งแยงลิ้นเข้าไปตรงรูนั้น ผมกำผ้านวมบนเตียงจนยับยู่ยี่ ก้มหน้าเงยหน้าสลับไปมา ร้องครางเสียงเพี้ยนไปหมด


“ไม่ได้เจอกันนาน ขอดูหน่อยซิว่าฟิตแค่ไหน” ผมเหลียวหลังไปมองหน้าเขา วิคเตอร์กรีดยิ้มร้ายกาจ ผมกัดปากล่างแล้วยิ้ม พ่อรูปหล่อถมน้ำลายลงตรงช่องทางด้านหลังของผมจนชุ่มฉ่ำ แล้วเขาก็ค่อยๆ ดันความใหญ่โตของเขาที่ผมไม่ได้สัมผัสมาพักใหญ่ๆ เข้ามาด้านใน


“Ah!! Yeah!! Giant.” ผมแหงนหน้าขึ้นตอนที่ของวิคเตอร์ยัดเข้ามาจนมิดด้าม มันแน่น มันอึดอัดและสุขสันต์ปนกันไปหมด


“Ooh! Fucking tight, baby!” เขาแช่ค้างไว้สักพัก เขยิบเข้าออกช้าๆ เพื่อเปิดช่องทางคับแน่นตรงนั้นให้ขยายตัวมากขึ้น


แล้วพ่อยักษ์รูปหล่อของผมก็ล่อผมจนเตียงสั่นรุนแรง เสียงเนื้อที่กระทบกันมันดังสนั่นมาก ราวกับเขาเก็บกดมานาน ผมเองก็ปลดปล่อยเต็มที่ ร้องครางแข่งกับเสียงคำรามแหบๆ ของไอ้ยักษ์ เขายังคงทรงพลังเช่นเคย เขายื่นมือซ้ายมาจิกหัวหัวผมให้แหงนหน้าขึ้น เสียงคำรามแหบต่ำของเขาดังเป็นระยะๆ


“อ้า!!! อ้า!!”


“Fuck! ร้องอีก ร้อง!” ป้าบ!!! เขาฟาดมือลงบนแก้มก้นขวาของผมอย่างแรง จนผมร้องเสียงหลง ทั้งเสียว ทั้งเจ็บแต่ก็สนุกดี เตียงโยกไหวรุนแรงมากจนผมกลัวมันจะพัง เสียงเราก็ไม่รู้ว่าดังขนาดไหน แต่ผมใส่ไม่กั๊กเลย


“YES! YES! BABY!”


“อืม!!! อย่างนั้นแหละเอเลี่ยนที่รัก ดี สุดยอด ซู๊ดดด” วิคเตอร์หน้าเหยเกเพราะความเสียวจากแรงกระแทกขึ้นลงของผม จากท่าแรก เปลี่ยนมาเป็นท่าที่สอง เขานั่งเอาสองมือยันร่างตัวเองไว้ เหยียดสองขาไปทางหัวเตียง ปล่อยให้ผมนั่งขย่มเขาสบายๆ ผมชันเข่าขึ้นเพื่อพยุงตัวเอง สองมือจับไหล่เขาไว้แน่น ขย่มขึ้นลงเรื่อยๆ แต่จังหวะเน้นๆ


“Giant! Ah! Oh, fuck!” เขายกมือซ้ายมาเกี่ยวหลังคอผมแล้วดึงลงไปขยี้จูบรุนแรงหนึ่งที ก่อนจะปล่อยให้ผมทำหน้าที่ขย่มต่อไป สีหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยวทีละนิด


“โอ๊ย แมท แมท! แตกแล้ว โอ๊ย!” เสียงดังปิ๊ดพร้อมกับน้ำสีขาวทะลักล้นออกมาจากด้านในของผม แต่ผมก็ยังไม่หยุดขย่ม จนวิคเตอร์กัดฟันแน่นแล้วร้องครางระงม


“พอแล้ว พอแล้วแมท โอยยย” ผมยอมหยุดให้เขาแต่ก็ยังนั่งขยับโยกดันไปมาหน้าหลังเบาๆ ผมกัดปากล่างแล้วยิ้มยั่ว วิคเตอร์หายใจหอบ แต่ก็ส่งยิ้มมาให้ เขาแลบลิ้นออกมา ผมเลยยื่นหน้าไปดูดดึงหนึ่งที ลูกชายวิคเตอร์ยังแข็งค้างอยู่ด้านใน แต่ก็ไม่ใช่ในสภาพพร้อมรบต่อเนื่องทันที


“เอา ช่วยตัวเองสิ ฉันอยากเห็น” เขาใช้ศอกสองข้างค้ำตัวเองไว้ ปล่อยให้ผมนั่งคร่อมไว้ตามเดิม ผมยกก้นเพื่อให้ลูกชายเขาออกมาพักด้านนอก แล้วก็นั่งทับมันไว้ น้ำของวิคเตอร์เปรอะเปื้อนก้นผมไปหมด ยังมีที่ตกค้างอยู่ด้านในกำลังไหลออกมา ผมล้วงมือซ้ายไปด้านหลัง ใช้ปลายนิ้วแตะน้ำของเขาจากก้นตัวเอง แล้วเอามาดูดพลางช้อนสายตามองเขาไปด้วย วิคเตอร์มองผมอย่างเร่าร้อน แลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างช้าๆ


“รอยักษ์น้อยฟื้นก่อน จะเอาให้คลานไปรอบบ้าน” เขาว่าเสียงเหี้ยม ผมยิ้มยั่ว ยักคิ้วหลิ่วตาให้ วิคเตอร์กัดฟันแน่นแล้วคำรามในลำคอ


ผมยกมือขวามาขับเคลื่อนกลางลำตัวของตัวเองที่มันปวดหนึบมานาน ผมมองหน้าวิคเตอร์ เขากัดปากล่างแล้วยิ้มยั่วมาให้เหมือนช่วยส่งอารมณ์ ผมเร่งมือตัวเอง แล้วคิ้วก็เริ่มขมวดเบาๆ จากนั้นทุกอย่างก็ไปถึงจุดสูงสุดจนตัวผมกระตุกปลดปล่อยความอึดอัดออกมาเลอะหน้าท้องกับช่วงอกวิคเตอร์ไปหมด มีกระเด็นไปติดตรงริมฝีปากล่างเขาด้วย ผมหัวเราะเสียงหอบ วิคเตอร์หัวเราะตลกขบขับแล้วก็ใช้ลิ้นตวัดเลียเข้าปากไป


ผมทิ้งตัวลงบนตัวเขา นอนหอบหมดแรงอยู่บนอกหนาของอีกฝ่าย ปลายนิ้วมือขวาลูบรอยสักเขาเบาๆ วิคเตอร์ทิ้งแผ่นหลังนอนราบไปกับเตียง ยกสองมือขึ้นมากอดผมไว้ มือซ้ายลูบท้ายทอยผม มือขวาลูบหลังผมเบาๆ รู้สึกถึงความอุ่นจากมือเขาแผ่ตรงบริเวณที่เขาลูบอยู่ ตอนนี้แหละเหมาะที่จะพูด


“วิคเตอร์ ผมอยากทำงาน”


“ฮึ?” สองมือเขายังคงไม่หยุด ผมยกตัวขึ้นมองหน้าเขานิดหนึ่ง ทำหน้าอ้อนเข้าไว้


“ผมไม่อยากอยู่เฉยๆ ผมเบื่อ ผมอยากมีงานทำ ให้ผมไปทำงานนะ” เขาเอามือขวาไปรองใต้ท้ายทอย ส่วนมือซ้ายยังคงลูบท้ายทอยผมอยู่


“นายจะทำให้เหนื่อยทำไม ฉันเลี้ยงนายได้น่า”


“ให้ผมทำเถอะนะ ผมอยากพิสูจน์ให้พ่อกับแม่เห็นด้วย” เขามองหน้าผมนิ่ง ผมเลยยื่นหน้าไประดมจุ๊บเขาทั่วหน้า วิคเตอร์ยิ้มมุมปากหล่อๆ หลายที


“นะครับ ให้ผมทำงานนะ ให้ไปทำที่กองถ่ายซีรีส์กับคุณก็ได้ ผมเคยคุยกับเดวิดไว้ว่าอยากลองทำเบื้องหลัง”


“แต่ฌอณมันอยู่นะ” สีหน้าเขาเครียดขึ้นมานิดหนึ่ง


“มีคุณอยู่ ไหนจะออสตินอีก เขาไม่กล้ามาทำอะไรผมหรอก อีกอย่างผมก็ไม่คิดจะเข้าไปเฉียดใกล้เขาอยู่แล้ว ให้ผมไปทำนะ นะ” วิคเตอร์มองหน้าผมเหมือนกำลังครุ่นคิด ผมพยักหน้าหงึกๆ ทำสีหน้าอ้อน แต่เขาก็ยังคงมีสีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ จนผมต้องจิ๊ปาก เปลี่ยนท่าทีเป็นงอน


“ไม่รู้อะ ผมจะไปทำ ไม่งั้นผมจะไปหางานเอง” ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรง มองเขาอย่างงอนๆ และเคืองใจนิดๆ


“วันนี้นายไปกินอะไรมาเนี่ย ทำไมดื้อแล้วก็หัวแข็งขึ้น” เขาไม่ได้ดุหรือว่า เพราะหน้าเขามีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่ด้วย เหมือนเขาสงสัยมากกว่าว่าทำไมวันนี้ผมดูสตรองกว่าปกติ


“ก็ผมอยากทำงานนี่นา อยู่แต่ในบ้านน่าเบื่อจะตาย ให้ผมไปทำสิ ผมชอบงานเบื้องหลังนะ” วิคเตอร์เลื่อนมือซ้ายมาจับเอวผมไว้ ก่อนจะถอนหายใจหนึ่งที


“ก็ได้ ลองไปทำดู เดี๋ยวฉันบอกเดวิดให้” ผมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ สลัดอาการงอนทิ้งไปทันตา ก้มลงหอมแก้มเขาทั้งสองข้าง จุ๊บปากไปหนึ่งทีแล้วปิดท้ายด้วยการจูบลงบนรอยสักบนอกซ้ายของเขา


“ยักษ์หนวดน่ารักที่สุด!” ผมยิ้มตาหยี เอ่ยชมเขาเสียงระรื่น วิคเตอร์ยักคิ้วหนึ่งที แล้วยกยิ้มมุมปากขวาอย่างเท่


“ตอบแทนความใจดีของฉัน ขอริมระเบียงได้มั้ย” ผมตาโตขึ้นทันที


“จะบ้าเหรอ เดี๋ยวคนอื่นเห็นนะ” อีกอย่างหิมะตกแน่นขนาดนั้น เกรงว่าจะไม่แข็งแค่ตรงนั้น มันจะแข็งไปทั้งตัวน่ะสิ


“ไม่หรอกน่า ช่วงเวลานี้ขลุกตัวอยู่ในบ้านกันทั้งนั้น ไปเถอะ ท้าลมหนาวกัน” ก็ถ้าเขาอยาก เขาก็ทำจนได้นั่นแหละ ใครจะไปต้านเขาได้ เมื่อกี้เขาให้สิ่งที่ผมหวังแล้ว คราวนี้ก็ต้องตามใจเขา แต่จริงๆ ผมก็อยากด้วยแหละ (อ้าว) ก็น่าตื่นเต้นดี เซ็กส์ริมระเบียงมีหิมะโปรยปรายเป็นฉากหลัง


 :hao7:

ไม่รู้ร้อนพอมั้ย แต่ก็น่าจะดับหนาวได้อยู่นะ เตียงสั่น เตียงโยกขนาดนั้นเนาะ 55555

เรื่องคู่หมั้น เรื่องพ่อจะให้แต่งงาน คือไม่ต้องห่วงความน้ำเน่าตรงนี้นะคะ ดูนิสัยไอ้ยักษ์ด้วยค่ะ มันหน้ามึนขนาดไหน ถ้าไม่คือไม่ 555555 ทุกวันนี้ฟังเมียมากสุดกว่าใครแล้วค่าาา -..-

ยังคงลงเนื้อหานิยายต่อไปจนจบตอนหลักของพาร์ทนี้นะคะ แม้จะกำลังเปิดพรีออเดอร์หนังสืออยู่ก็ตาม อีกไม่กี่ตอนก็จะจบพาร์ทสองแล้วค่าาา

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่าา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: retrot ที่ 19-04-2016 02:07:11
โอ้ยยย น่ารักมากค่ะ นึกว่าจะได้กินมาม่าในตอนนี้ซะแล้ว
รอตอนต่อไปนะคะ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 19-04-2016 02:14:30
 :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-04-2016 02:59:29
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 19-04-2016 04:28:55
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-04-2016 05:44:15
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 19-04-2016 06:19:38
ในที่สุดก็มุ้งมิ้งกันสักที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-04-2016 09:02:28
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

ริมระเบียงท่ามกลางหิมะ

 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 19-04-2016 09:21:46
ปาปาราซซี่   สาธุ๊ขอให้มีคนถ่ายไว้ แมทจะได้เปิดตัวซักที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-04-2016 13:07:01
มาถึงตอนนี้ก็น่าจะคืนดีกัน จนความรู้สึกเป็นปกติแล้วสินะคะ แต่ต่อไปแมทไปทำงานยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นไง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 19-04-2016 14:45:39
ร้อนแรงมากมาย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-04-2016 14:55:22
 :m25:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-04-2016 16:04:46
เดี๋ยสเจอปาปารัซซี่หรอกค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-04-2016 20:56:10
ความรักไม่ใช่เรื่องบนเตียงไปที่ระเบียงบ้างก็ได้ แหม่~~ กว่าจะจึ้บๆ กันได้ ยักษ์นี่ไม่ธรรมดา รู้จักอดจักทนนะเดี๋ยวนี้
แมทได้ไปทำงานแล้ว เย่ พอผัวอารมณ์ดีขออะไรก็ดูง่ายเนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 19-04-2016 21:09:54
 :haun4: :haun4: :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 19-04-2016 22:06:15
ระวังขาเตียงหักด้วยนะคะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 20-04-2016 00:10:32
โอ้ย น่ารักที่สุด เค้าดีกันแล้วววววว
รอฉากนี้มานานนนสมใจแล้ววว หนูแมทอย่าใจน้อยไปใย
พี่ยักษ์เค้ารักเธอคนเดียวนะจ๊ะ :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-04-2016 00:43:27
เลิศศศศ!! ริมระเบียงเนาะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2016 05:44:15
ตอนนี้ยักษ์อารมณ์ดีพูดด้วยง่าย แต่แอบกลัวนักข่าวที่แอบซุ้มจัง จะเจอฉากเด็ดหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.35 100%}:19.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 24-04-2016 02:09:48
ออกไปท้าหิมะกันซะแล้ว :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-04-2016 03:53:43


Only You EP.36 :: Alien's Job. [50%]



“Move over there! That’s it!” เสียงตะโกนของคุณเดวิดดังไปทั่วกองถ่าย วันนี้โลเกชั่นซีรีส์ของวิคเตอร์คือตึกร้างสีส้มบริเวณใกล้กับสะพานบรู๊คลิน มันก็ไม่ได้ร้างมากหรอก แค่ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นกิจจะลักษณะอะไร แต่ก็มีคนแวะเวียนมาใช้พื้นที่บริเวณรอบๆ ของตึกสองชั้นเรื่อยๆ รอบนอกของตึกเต็มไปด้วยภาพวาด ประโยคแนวๆ จากพวกศิลปินติสท์ๆ ที่ไม่เปิดเผยตนทั้งหลาย กลุ่มหญ้าสีเขียวขึ้นเป็นหย่อมๆ บริเวณข้างตึก ต้นไม้สูงตั้งเรียงรายกัน ถ้าเป็นในช่วงดอกไม้ผลิ คงเขียวขจีน่าดู แต่ตอนนี้มันเป็นสีเหลืองอ่อนๆ ดูสวยไปอีกแบบ


อากาศวันนี้หนาวมาก ผลพวงมาจากหิมะตกเมื่อคืน ผมเลยเห็นทีมงานช่วยกันตัก ช่วยกันดันหิมะบนพื้นกันขะมักเขม้นเพื่อให้พื้นสะอาด ซึ่งจริงๆ แล้วหิมะในนิวยอร์กก็เหมือนฝนในเมืองไทย เพราะมันควรจะซาลงได้แล้ว แต่ยังคงตกแบบเดาใจยากอยู่เหมือนฤดูฝนที่ไทยเปี๊ยบ วิคเตอร์บอกผมว่าช่วงปลายปีกับต้นปีตกหนักกว่านี้ เพราะนั่นคือช่วงฤดูหิมะเริงร่า อันนี้ก็เริ่มเบาๆ เบาะๆ แล้ว สำหรับนิวยอร์กเกอร์อากาศหนาวเย็นแบบนี้ก็ไม่ได้โหดสำหรับพวกเขา แต่สำหรับไทยเกอร์อย่างผมสิ ใส่โค้ต ใส่เสื้อกันหนาวจนตัวบวมแล้วยังหนาวอยู่เลย นี่ก็เดินดุ๊กดิ๊กๆ ไปมาจนเหมือนนกเพนกวินแล้วเนี่ย


“Hi, Victor!”


“Hey, Liam!” ผมยกมือขวาที่สวมถุงมือหนายิ่งกว่าชั้นไขมันตรงพุงของผมเมื่อก่อนขึ้นมาดันหมวกขนเฟลอร์ (ปลอม) สีน้ำตาลออกจากใบหน้าเพื่อให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไปที่เห็นทีมงานเอ่ยทักวิคเตอร์ด้วยรอยยิ้ม แถมวิคเตอร์ยังทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม


“โห…” ผมอ้าปากหวอน้อยๆ มองหน้าวิคเตอร์อย่างนึกทึ่ง เขาหันมามองผมแล้วยิ้มงง


“What? Why are you looking at me like that? (อะไร ทำไมมองฉันแบบนั้น)” เขาหันมาถามทั้งที่เท้ายังก้าวเดินตรงไปทางเต๊นท์สีขาวและจูงมือผมไปด้วย เนื่องจากเขากลัวว่าผมจะก้าวเท้าไม่ออกกับอากาศมหาโหดสำหรับคนเอเชียที่มาจากประเทศเขตร้อนอย่างผม


“You have never easily smile to staff or other people. It’s rare item for me. What happened with your brain? (คุณไม่เคยยิ้มให้สตาฟ์หรือคนอื่นง่ายๆ เลยอะ ยากมากที่ผมจะเห็น เกิดอะไรขึ้นกับสมองคุณรึเปล่า)” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแต่แววตานั้นแสนเหี้ยม ผมเลยยิ้มแฉ่งประจบ เขาเอี้ยวตัวเอามือซ้ายมาปัดหมวกเสื้อโค้ตขนเฟลอร์ออก แวบแรกผมหลับตาปี๋เพราะคิดว่าเขาจะตีหัวหรือลงโทษอะไรสักอย่างที่แอบกัดเขา แต่สัมผัสที่ได้มาคือเขาก้มลงมาหอมหน้าผากผมเฉยๆ ผมเลยยิ้มกว้างแทน เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับไปมองทางตามเดิม ผมหันไปมองออสตินที่ใส่เพียงเสื้อกันหนาวสีดำตัวหนากับกางเกงยีน เขาเดินตามมาแบบชิลๆ อยากถามว่าหนังทำจากอะไร ทำไมถึงไม่สั่นมั่ง ไอ้ยักษ์อีกคน ใส่เสื้อเชิ้ตข้างในกับเสื้อกันหนาวยีนสีน้ำเงินเข้มตัวเดียวเอง ไม่หนาวกันเหรอ


“David.” ลุงเดวิดในเสื้อไหมพรมทักสีแดงหันมายิ้มให้วิคเตอร์ เขากำลังจะอ้าปากเอ่ยทักไอ้ยักษ์ แต่พอสายตาเขาเหลือบเห็นผมเขาเลยชะงักไปพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างกับลุงซานต้าใจดี


“Hey, My Spider-girl!” ผมหัวเราะคิกคักแล้วดินเข้าไปในอ้อมกอดของเขา เดวิดกอดพร้อมเสียงหัวเราะทุ้มหนัก สองมือลูบหลังผมผ่านเสื้อโค้ตสีน้ำตาลแก่ตัวใหญ่ไปมา


“Very long time no see you. (นานมากแล้วนะที่ไม่ได้เจอเธอ)” ผมดันตัวออกจากอ้อมกอดของเขาแล้วพยักหน้าหงึกๆ พร้อมรอยยิ้ม เดวิดยิ้มใจดีกลับมาให้


“Victor told me already about your requirement. (วิคเตอร์บอกฉันเรื่องความต้องการของเธอแล้วละ)” ผมหันไปมองแฟนตัวเอง เขายิ้มหล่อน้อยๆ ผมยิ้มกว้างแล้วหันกลับไปหาเดวิด


“What’s position do you want to do? (นายอยากทำตำแหน่งไหนล่ะ)”


“Actually I want to be a director. (จริงๆ ผมอยากเป็นผู้กำกับเลยครับ)” ผมพูดหน้าซื่อกับความต้องการของตัวเอง เดวิดอ้าปากค้างนิดหนึ่งแล้วก็หัวเราะเสียงดัง เลื่อนสายตาไปมองทางวิคเตอร์ที่กำลังยิ้มอย่างประหลาดใจ


“Your little-boyfriend is amazing! (แฟนตัวจ้อยของนายไม่ธรรมดานะเนี่ย!)” สองหนุ่มต่างวัยหัวเราะพร้อมกัน แต่ดูท่าคุณเดวิดจะหัวเราะชอบใจแรงกว่า


“แต่ผมรู้นะครับว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมาเป็นผู้กำกับได้เลย ฉะนั้นผมเลยกะว่าจะขออยู่ทีมเขียนบทก่อน ยังไม่ต้องให้ผมเขียนจริงๆ ก็ได้ แค่ให้ผมมีส่วนร่วมเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ขอมากองถ่าย มาดูการถ่ายทำ มาดูการทำงานของคุณเดวิด ดูผลงานผ่านจอมอนิเตอร์เพื่อฝึกสายตาในการมองแอคติ้ง โปรดัคชั่น การจัดแสง อะไรจำพวกนี้น่ะครับ” ผมร่ายยาวตามที่คิดมาตั้งแต่ใกล้จะเรียนจบว่าอยากทำอะไรอยากเริ่มจากตรงไหนให้คุณเดวิดฟัง ผมโชคดีที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเรียนรู้งานจากของจริง ผมเลยอยากตักตวงให้ได้มากที่สุด


ส่วนหนึ่งและดูจะเป็นส่วนใหญ่มากคือต้องขอบคุณวิคเตอร์ ผมมีความฝัน มีช่องทางในการทำความฝันให้เป็นจริงก็จริง แต่ผมเชื่อว่าแค่ลำพังตัวผมมันคงยุ่งยากและลำบากกว่านี้ แต่พอมีวิคเตอร์เข้ามาช่วย มันทำให้ความยากลำบากนั้นลดลง


“นายวางแผนมาดีเชียวนะ…” คุณเดวิดยิ้มอบอุ่น ผมยิ้มยิงฟันแหะๆ “…ว่าไงวิคเตอร์”


ผมหันไปมองแฟนร่างยักษ์ของตัวเองฉับไว เขายักคิ้วขวาขึ้น ทำหน้าเซ็งสายตาเบื่อๆ ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ยกมือซ้ายขึ้นตีต้นแขนขวาเขาแรงๆ หนึ่งที เขาแค่สะดุ้งตกใจ แต่ไม่ได้เจ็บอะไรหรอก


“อะไรเนี่ย ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เขาขมวดคิ้วมอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงตีผมกลับแล้ว


“ทำหน้าแบบนั้นหมายว่ายังไงล่ะ” ผมขมวดคิ้วมองด้วยสายตาแสร้งเคือง ไม่ได้เคืองอะไรเขาจริงจัง


“ก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่อยากให้มาทำ ยังจะมาถามอีก” ผมหน้ามุ่ยทันทีที่ได้ยินแบบนั้น


“อ้าว อะไรล่ะ ให้ทำสิ ก็คุยกันแล้วอะวิคเตอร์” ผมเริ่มงอแง วิคเตอร์เดินเข้ามากอดผมแล้วโอ๋อย่างกับพ่อเพิ่งเห็นว่าลูกหกล้มอย่างนั้นแหละ


“เออ ทำๆ อยากทำอะไรทำเลย ฝากด้วยนะเดวิด” ผมยิ้มแฉ่ง กอดยักษ์ตัวใหญ่เอาไว้แน่น ได้ยินเสียงหัวเราะของคุณเดวิดเบาๆ


“ถ้าพร้อมแล้วก็ไปนั่งกับฉันที่หน้าจอแล้วกันนะแมท” ผมหันไปพยักหน้าพร้อมยิ้มแป้นให้คุณเดวิด เขาเดินออกจากเต็นท์ไปพร้อมกับบทซีรีส์ปึกใหญ่ วิคเตอร์พาผมไปนั่งบนโต๊ะสีขาวตัวยาวหนึ่งตัว ส่วนเขาดึงเก้าอี้สีน้ำตาลอ่อนทรงสี่เหลี่ยมตัวหนึ่งมานั่งตรงข้ามกัน ทำให้ตอนนี้ผมอยู่สูงกว่าเขา


“เวลาฉันเข้าฉาก อยู่ใกล้กับเดวิดและออสตินไว้เข้าใจมั้ย อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวในกอง เราไม่มีทางรู้ว่าฌอณมันคิดอะไรอยู่ มันเคยทำร้ายนาย และมันต้องทำอีกแน่” วิคเตอร์ขบกรามแน่น สายตาเขาเครียดอย่างเห็นได้ชัด ผมยกสองมือขึ้นไปวางบนบ่าเขาทั้งสองข้าง


“ครับผม” วิคเตอร์ยิ้มเครียด เขาผ่อนลมหายใจเบาๆ


“ฉันไปแต่งตัวก่อน อยู่นี่กับออสตินนะ” ผมพยักหน้า วิคเตอร์ลุกขึ้นยืน ก่อนเดินออกไป เขาก้มลงหอมหน้าผากผมตามนิสัย ผมคลี่ยิ้มบางๆ วิคเตอร์เดินมาดเท่ออกไปจากเต็นท์สวัสดิการ


คล้อยหลังวิคเตอร์ไปไม่นาน ยังไม่ทันได้หันไปมองออสตินเลยด้วยซ้ำ บุคคลที่วิคเตอร์เพิ่งเอ่ยถึงไปเมื่อกี้ก็กำลังจะเดินผ่านเต็นท์ที่ผมนั่งอยู่ไป แต่สักพักหมอนั่นก็ชะงักแล้วหันมามอง แวบแรกเขาแค่มองเฉยๆ เหมือนยังไม่ทันตั้งตัวว่าจะเจอผมที่นี่ แต่พอเห็นว่าเป็นผม ใบหน้าและสายตาของเขาก็แสดงออกถึงความชิงชังจนผมใจสั่น จังหวะที่เขาก้าวเดินเข้ามาด้านใน ผมก็กระเถิบก้นลงไปยืนบนพื้น กระเถิบเข้าไปยืนใกล้ออสตินไว้ บอดี้การ์ดตัวใหญ่ก้มลงมองผมแวบเดียวแล้วเหมือนเขาจะรู้ว่าฝรั่งตาเขียวอมน้ำตาลอีกคนตรงหน้านั้นเป็นใคร เลยบิดหน้าไปเผชิญกับฝ่ายตรงข้าม


“นี่แกยังไม่ตายอีกเหรอ ไอ้ผิดเพศ” น้ำเสียงข่มขู่ผสมกับการดูถูกเปล่งออกมาจากปากเขาเรียบๆ นิ่งๆ ผมพยายามคุมสติตัวเองไว้แล้วมองกลับไปอย่างสงบ


“ถ้าผมตาย ผมจะมายืนให้คุณแสดงความต่ำในตัวเองต่อหน้าผมอยู่แบบนี้เหรอ” เอาวะ อย่างน้อยมีออสตินอยู่ ไอ้ชอนไชมันคงไม่กล้าทำอะไรหรอก ก็นานแล้วเหมือนกันนะที่ผมไม่โดนมันกระแนะกระแหนเนี่ย


“หึ สรุปเรื่องแกกับไอ้วิคเตอร์เป็นจริงสินะ แกถึงโผล่มาที่นี่อีก พวกแกนี่มันโสโครกจริงๆ” ผมหน้าตึง มองไอ้ฝรั่งผมแดงน้ำตาลด้วยความไม่พอใจ ไม่เข้าใจเลยว่ามันอยู่รอดในวงการได้ยังไง ทำไมไม่มีนักข่าวสำนักไหนขุดสันดานมันเรื่องนี้บ้าง


“คุณก็ไม่ได้สะอาดไปกว่าผมนักหรอก คนสะอาดที่ไหนจะมายืนด่า ยืนดูถูกคนอื่นเขาแบบนี้” ฌอณยกยิ้มมุมปากเหี้ยๆ ของมัน สายตาจ้องมองผมอย่างกระด้าง


“คนอย่างพวกแกมันต่ำเกินกว่าจะชื่นชม” ผมกัดฟันแน่น รู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจในอกอย่างรุนแรง


“เกลียดอะไรมักได้แบบนั้น ระวังจะได้เมียเป็นผู้ชายนะ!” ผมว่าด้วยน้ำเสียงแดกดัน จ้องหน้าไอ้ขาวเผือกอย่างโมโห ดูเหมือนคำพูดผมจะไปสะกิดใจมัน เพราะไอ้ฌอณเบิกตากว้างมองผมอย่างเอาเรื่องแล้วทำท่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายผม แต่ยังไม่ทันเอื้อมแขนมาดึงตัวผม มันก็หยุดชะงักเพราะลำกระบอกปืนสีเงินวาววับในมือออสตินยกขึ้นกดลงบนหัวไหล่ซ้ายไอ้ชอนไชเอาไว้


“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่รุนแรงหรอก ใส่กระบอกเก็บเสียงให้แล้ว” ออสตินว่านิ่งๆ เย็นๆ หน้าตาไม่ได้แสดงอาการยินดียินร้ายอะไร ผมหน้าตื่น หายใจแรงขึ้น หัวใจเต้นตึกๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นออสิตนยกปืนขึ้นมาขู่ใครสักคนในฐานะบอดี้การ์ด


“แกก็ผิดเพศแบบมันสองตัวสินะ ถึงได้มารวมตัวอยู่ด้วยกันได้” ฌอณว่าอย่างดูถูก ไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกาย คล้ายกับกำลังจะบอกว่าไม่ได้กลัวลูกปืนของออสตินเลยสักนิด


“ผมไม่จำเป็นต้องตอบอะไรคุณและคุณไม่จำเป็นต้องรู้” ฌอณจ้องหน้าออสตินตาแข็ง ส่วนพ่อบอดี้การ์ดยังคงนิ่ง เอาปลายกระบอกปืนกดลงไปบนหัวไหล่ของฌอณแน่นขึ้น ไอ้ชอนไชยกมือขวาขึ้นมาทำท่าจะปัดปืนออก แต่ออสตินไวกว่า เขาดึงปืนออกจากไหล่ฌอณอย่างไวไม่ให้อีกฝ่ายเอามือมาโดนได้ทัน


“ไอ้พวกนอกรีด!” ด่าด้วยสายตาเหยียดหยามพอๆ กับน้ำเสียงแล้ว ไอ้บ้านั่นก็หมุนตัวเดินออกไปจากเต็นท์ ผมมองตามด้วยอาการใจสั่นเบาๆ ลมหายใจหอบแผ่วๆ ไม่รู้อารมณ์ไหนกันแน่ ทั้งตื่นเต้นที่เห็นปืน ทั้งกดดันกับสถานการณ์ที่ไอ้ชอนไชจะเข้ามาทำร้ายผม


“ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อคืนคุณเรย์มอนด์ถึงเครียดนักหนา” ผมกำลังสมองตื้อจากสถานการณ์เมื่อกี้ บวกกับหนาวจนคัดจมูกไปหมดเนื่องด้วยผมมีโรคประจำตัวภูมิแพ้ ผมเลยประมวลไม่ทันว่าเมื่อกี้ออสตินพูดว่าอะไร


“ออสติน ไปดูวิคเตอร์หน่อยได้มั้ย” ไอ้ฌอณเดินไปทางโกดังร้าง มันต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแน่ แล้ววิคเตอร์อยู่ที่นั่นไง



“ไม่ต้องห่วงเขาหรอกครับ ห่วงตัวคุณเองก่อนดีกว่า ตอนนี้จมูกแดงไปหมดแล้ว” ผมสูดจมูกฟึดฟัด สงสัยเพราะมันหนาวจัด ร่างกายผมเลยปรับไม่ทันเนื่องจากผมเพิ่งเคยเจออากาศหนาวสะท้านแบบนี้ โรคภูมิแพ้อย่างผมก็เลยกำเริบเต็มๆ


“คุณแมทเอายามาไม่ใช่เหรอ เอามากินเถอะครับ” เขาบอกพลางเก็บปืนเข้าไปด้านในเสื้อกันหนาวของตัวเอง ผมหยิบยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ต ออสตินเดินไปเปิดน้ำอุ่นจากถังน้ำสีน้ำเงินสแตนเลสมาให้ ผมรับมาดื่มแล้วกรอกยาตามลงไป อีกสักพักก็ต้องง่วงแน่เลย


“ไปนั่งกับคุณเดวิดดีกว่า” ผมพยักหน้ารับคำบอกของออสตินแล้วเดินตามเขาออกไปจากเต็นท์ ตรงเข้าไปในโกดังร้างซึ่งมีโซนแต่งตัวกับโซนวางจอมอนิเตอร์


ซีซั่นใหม่นี้มีนักแสดงเพิ่มเข้ามาประมาณห้าคน หญิงสองชายสาม ไม่รู้ว่ามาเล่นเป็นตัวหลักหรือมาเป็นตัวเสริมแบบนาตาชาซีซั่นก่อนที่มาเล่นประมาณสี่เอพิโสต พูดถึงเธอแล้วก็นึกได้ว่าผมไม่เจอเธออีกเลย ไม่ได้ข่าวคราวเธอด้วยซ้ำ วิคเตอร์ไม่เคยพูดถึงเธออีก ผมเองก็ไม่คิดไปขุดคุ้ยเรื่องราวของเธอ เพราะช่วงที่ทั้งสองคบกัน ผมก็รู้ก็เห็นว่ามันเป็นยังไง เลยไม่รู้จะรำลึกอะไรให้มากความ อีกอย่างแฟนนาตาชาแซ่บ เธอไม่วกกลับมาหาวิคเตอร์แล้วแหละ เพราะถ้าเป็นผม ผมก็คงอยู่กับคนนั้นดีกว่า (อ้าว?!)


“ไอ้เหี้ย!!” ผมหันขวับไปมองตรงโซนแต่งตัวที่อยู่มุมใกล้ประตูทางเข้าโกดังร้าง ภาพที่เห็นคือฌอณโดนวิคเตอร์ผลักอกอย่างแรงจนกระเด็นไปชนโต๊ะวางของเกือบล้มลง ผมรีบวิ่งเข้าไปในเหตุการณ์เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้วิคเตอร์อารมณ์ไหน แต่ผลักฌอณกระเด็นขนาดนั้นต้องไม่ใช่อารมณ์กลางๆ แน่นอน


“ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของฉัน ไม่ได้ขอควxแกมาใช้!” ผมยืนหอบน้อยๆ อยู่ข้างวิคเตอร์ เขาไม่ได้เดินเข้าไปทำร้ายฌอณต่อ แต่สายตาที่มองนั้นก็พิโรธมากพอที่จะทำให้บรรยากาศรอบข้างนั้นตึงเครียดขึ้นมา ทีมงานสองสามคนยืนมองเหตุการณ์อย่างลุ้นระทึก ไอ้ฌอณดึงตัวเองให้กลับมายืนตรงๆ แล้วเหยียดยิ้ม


“ยังกลับใจทันนะวิคเตอร์ กลับไปแทงจิ๋xของผู้หญิงดีกว่า นายก็รู้ว่ามันสนุกแค่ไหน” วิคเตอร์ขบกรามแน่นจนสันกรามขึ้น เขากำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด ผมรีบคว้ามือเขาเอาไว้เพราะกลัวเขาจะเข้าไปทำร้ายณอณ แววตาแข็งกระด้างสะบัดมามองทางผมเล่นเอาผมตกใจไปวูบหนึ่ง แต่สักพักเหมือนเขาจะนึกได้นี่คือผมไม่ใช่ณอณ สายตาเขาเลยอ่อนลงแต่ก็ยังคงเห็นชัดว่าโกรธ ผมทำหน้าขอร้อง ส่ายหัวเบาๆ ไม่ให้เขามีเรื่อง วิคเตอร์ไม่ตอบรับอะไร ทำเพียงหันไปจ้องตาณอณด้วยความโกรธ อีกฝ่ายยิ้มเยาะมุมปากกลับมาให้


“เกิดอะไรขึ้น?!” คุณเดวิดพุ่งเข้ามาในโซนแต่งตัว เขามองสลับวิคเตอร์กับฌอณด้วยท่าทีไม่เก็ทกับเหตุการณ์ที่เห็น


“วอร์มอารมณ์ก่อนถ่ายทำจริงน่ะ” ไอ้ฌอณบอกอารมณ์ดีแล้วยิ้มกวนตีน ก้าวเท้าเดินผ่านพวกเราออกไปจากโซนแต่งตัว ผมขมวดคิ้วมองข้างของใบหน้ามัน เกลียดนักไอ้พวกสันดานแย่แล้วยังทำท่ากวนตีนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ออสตินน่าจะยิงมันจริงๆ สักทีให้กวนตีนไม่ออก


“มีอะไรรึเปล่าวิคเตอร์” วิคเตอร์พ่นลมหายใจ หันไปหาคุณเดวิดด้วยใบหน้าตึงเครียด


“ผมว่าคุณน่าจะรู้ใช่มั้ยว่าณอณมันไม่ชอบแมท…” เดวิดหันมามองหน้าผมที่ยืนทำหน้าไม่สู้ดีนัก


“…ผมไม่ได้จะบอกให้คุณเอาเขาออกจากซีรีส์นะ แค่อยากให้เฝ้าระวังพฤติกรรมของเขาหน่อย” เดวิดพยักหน้าเครียด วิคเตอร์หันกลับมามองผม อารมณ์ของเขาตอนนี้คงจะดีขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว แต่ยังเห็นแววเครียดจางๆ ในดวงตาเขาอยู่


“อยู่ใกล้เดวิดกับออสตินไว้นะ”


“ครับ” เขาดึงมือออกจากมือผมเบาๆ หันไปฝากผมกับเดวิดและออสตินอีกที ก่อนจะเดินกลับไปหาทีมงานฝ่ายคอสตูม ฝ่ายแต่งหน้าทำผม


“ไปเถอะแมท” ผมเดินตามเดวิดไป มีออสตินเดินตามหลังอีกที เราพากันมานั่งตรงหน้าจอมอนิเตอร์ แวบหนึ่งคุณเดวิดทำหน้าเครียด แต่สักพักเขาก็หันมายิ้มให้ผมแล้วเริ่มชวนผมคุยเกี่ยวกับงานเบื้องหลังแทน


“ทำไมถึงอยากเป็นผู้กำกับล่ะ”


“ไม่มีเหตุผลยาวๆ หรอกนะครับ ผมรู้แค่ว่าผมชอบ ผมเคยกำกับละครเวทีแล้วรู้สึกว่าตัวเองอยู่กับมันได้ทั้งวัน มีความสุขมากเลย ผมเริ่มตั้งแต่เขียนบท แคสติ้งนักแสดง แล้วก็กำกับการแสดง มันเหนื่อย แต่ผมก็ชอบมาก” เดวิดอมยิ้มอบอุ่นแล้วพยักหน้าตามคำที่ผมบอก


“นั่นน่ะเป็นแค่กิจกรรมในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย แต่นายรู้ใช่มั้ยว่าของจริงมันยากและเหนื่อยมาก” ผมพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว


“รู้ครับ ผมถึงขอวิคเตอร์เข้ามาศึกษากับคุณก่อนเป็นอย่างแรก”


“ฉันชอบความตั้งใจของนายนะ” เรายิ้มให้กัน แล้วจากนั้นคุณเดวิดก็เล่าการทำงานของเขาในครั้งแรกๆ ที่เขาเริ่มทำงานกำกับว่าเริ่มจากการเป็นเด็กฝึกงาน ก้าวขึ้นมาเป็นตากล้อง เป็นผู้ช่วย แล้วในที่สุดก็ได้กำกับซีรีส์เรื่องหนึ่งซึ่งโด่งดังอย่างมากในอดีต มีแพลนจะทำภาคต่อๆ ไป แต่เดวิดบอกว่าเขาชอบจบให้คนคิดถึงมากกว่าจะทำต่อไปเรื่อยๆ จนหาความสนุกให้กับเรื่องไม่ได้


“แต่อีกเหตุผลนึงคือฉันตันแล้ว” แล้วเขาก็หัวเราะอารมณ์ดี ผมเลยหัวเราะตามเขาไปด้วย


นั่งคุยกันอีกสักพัก พวกนักแสดงก็พร้อมจะเข้าฉาก ผมเองก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน นึกถึงปีก่อนที่เวลามากองนั่นเท่ากับว่าผมต้องมาคอยดูแลวิคเตอร์ คอยทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง โดนเขาโขกสับมากมาย แต่มาวันนี้ผมกลับมานั่งอยู่ตรงนี้ในฐานะแฟนของเขา รู้สึกเหมือนมานั่งจับผิดผัวยังไงก็ไม่รู้


ผมมองภาพเดวิดกำลังคุยกับนักแสดงทุกคนที่เข้าฉากนี้ ก็มีวิคเตอร์ตัวหลัก ไอ้ชอนไชไส้หมาหอน นักแสดงหลักจากซีซั่นแรกหนึ่งคน แล้วก็นักแสดงหญิงคนใหม่ในซีซั่นสอง ทุกคนตั้งใจฟังในสิ่งที่เดวิดบอก ผมสังเกตอาการของวิคเตอร์กับไอ้ณอณ ทั้งสองคนยืนห่างกันเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรใส่กัน ซึ่งนั่นมันคือเรื่องปกติแหละ สองคนนี้ไม่ได้สนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แค่ร่วมงานกัน คุยกันบ้างเป็นครั้งคราว ผมเลยแยกไม่ออกว่านั่นคือการตึงใส่กันจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หรือเปล่า


“ถ้าพร้อมแล้วบอก จะได้เริ่มเลยนะ” คุณเดวิดกรอกเสียงลงในวอล์สำหรับใช้ติดต่อกันภายในกอง เรานั่งอยู่ด้านในตึกโกดัง ส่วนนักแสดงนั้นเข้าฉากอยู่ด้านนอก ขอนับถือนักแสดงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นว่าช่างอดทนเก่งเหลือเกิน อากาศหนาวเย็นขนาดนั้นยังยืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“Okay! Tape!” เดวิดกรอกเสียงลงในวอล์อีกครั้งหลังจากทีมงานหน้าเซ็ทยกมือขึ้นทำท่าว่าโอเคผ่านมาทางกล้อง สิ้นคำสั่งเดวิดนักแสดงก็เริ่มออกแอคติ้ง ก็ต้องนับถือไอ้ณอณมันนะ พอเวลางานมันก็ทำจริงจัง วิคเตอร์เองก็เช่นกัน เหมือนเขาหยุดคิดเรื่องบาดหมางกันไว้ก่อนแล้วโฟกัสกับงานปัจจุบัน ก็เก่งมากเลยอะ สามีใครไม่รู้


ฉากที่ถ่ายวันนี้ไม่ได้ยากมาก แต่ก็ไม่ง่าย แม้พวกนักแสดงจะชินกับอากาศ แต่พออยู่นานๆ ไปทุกคนเรียกหาเสื้อกันหนาวทันทีหลังจากถ่ายเสร็จ ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเพราะได้หลบลมอยู่ในตึก


“ทำไมไม่พักกองสักแปบล่ะครับคุณเดวิด แบบนี้หนาวแย่เลย” ผมถามในช่วงที่กำลังเซ็ทฉากใหม่และเซ็ทรางสำหรับให้กล้องวิ่งในมุมใหม่ด้วย


“วิคเตอร์มีคิวให้หลังวาเลนไทน์อีกแค่เจ็ดวัน เดี๋ยวหลังจากนั้นเขาต้องโปรโมตหนังแล้ว ฉันต้องตักตวงไว้ก่อน กว่าเขาจะกลับมาถ่ายได้ก็อีกพักใหญ่ ซีรีส์มีคิวออนแอร์กลางปีก็จริง แต่ถ่ายเก็บไว้เยอะๆ น่ะดีที่สุดแล้ว” พอหลังคำว่าวาเลนไทน์ผมก็เบลอกับประโยคของเดวิดไปแล้ว เพราะกำลังนึกถึงวันแห่งความรักสุดแสนจะโด่งดังที่กำลังจะมาถึงอีกสองวัน แล้วกำลังคิดว่าวาเลนไทน์นี้ เป็นปีแรกในชีวิตที่ผมจะได้มีแฟนอยู่เคียงข้างแบบคนมีคู่คนอื่นบ้าง ยี่สิบสี่ปีเต็มที่ผ่านมา อยู่แต่กับความโสดมาตลอด ปีนี้แหละ อีแมทไม่เดียวดายละ!


“อ้อ แล้วเรื่องนี้กะจะมีกี่ซีซั่นครับเนี่ย” หลังจากจมอยู่กับความหวานแหววกับวันแห่งความรักในวันมะรืนนี้สักพัก ผมก็วกกลับเข้ามาเป็นการเป็นงานอีกรอบ


“ไม่รู้สิ ต้องดูกระแส ดูทิศทางของเรื่องก่อน เพราะอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอด ดีไม่ดีถ้ามีอีกซีซั่นฉันอาจจะเปลี่ยนชื่อเรื่องก็ได้ นางเอกของเรื่องยังไม่มีที่แน่นอนเลย” เป็นเรื่องจริงที่ว่าซีรีส์ของวิคเตอร์ไม่มีนางเอก จะมีแค่นักแสดงหญิงรับเชิญแบบนาตาชานั่นแหละแวบเข้ามาในเรื่อง ทำท่าเหมือนจะคู่กับพระเอกแล้วก็จากไป แต่ก่อนจากเขาก็จะป้าบๆ กันก่อนอยู่แล้วละ ฉากอย่างนั้นก็ไม่ได้อล่างฉ่างมาก แต่ก็วาบหวิวไม่เบาอยู่เหมือนกัน กระแสจากแฟนๆ บอกว่านอกจากเส้นเรื่องอันเข้มข้นของการสืบสวน สอบสวน คดีที่พลิกไปมาแล้วนั้น ฉากอย่างว่าก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน มันไม่ได้มีบ่อยก็จริง แต่มีทีนึงก็เร้าใจคนดูไม่น้อยเลยแหละ


เป็นเมื่อก่อนผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่ตอนนี้มันต่างกันอยู่นะ แต่ผมก็ไม่คิดจะงี่เง่าใส่วิคเตอร์ว่าห้ามเล่นฉากอย่างนั้นหรอก เคยบอกเขาแล้วว่าถ้าคืองานผมแยกแยะได้ แค่อย่าเกินเลย เกินขอบเขต ซึ่งอันนี้ผมไว้ใจเดวิดว่าเขาไม่ได้เน้นขายฉากอย่างนั้น ถ้าติดตามซีรีส์ของเขาจริงๆ จะรู้ว่าฉากอย่างนั้นเสริมเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการลึกๆ ของตัวละครและคนดูมากกว่า ประมาณว่าแม้เรื่องจะเครียดจะบีบคั้นแค่ไหน ก็เอาฉากเซ็กส์มาเบรกเพื่อคลายความตึงเครียดตรงนั้น


แต่บอกเลยนะ ถ้าผมได้เขียนบทเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ ผมจะพยายามปรับบทให้มีฉากอย่างนั้นน้อยสุด ให้จูบกันแบบใสๆ ไม่กินผักก็พอแล้ว เน้นความสนุกของเส้นเรื่องที่แท้จริงดีกว่าน่า


“ฉันส่งอีเมลไปบอกทีมเขียนบทแล้วนะว่าเธอจะเข้าไปอยู่ในทีมด้วย ครั้งหน้าถ้าเธอมาเดี๋ยวฉันนัดหนึ่งในทีมเขียนบทมาให้แล้วกัน เธอจะได้คุยกับเขาว่าทิศทางของบทเป็นยังไง”


“มีเรื่องนึงที่ผมกังวลครับ คือผมไม่เก่งแกรมม่า ผมสื่อสารได้ก็จริง แต่เรื่องเขียนง่อยมาก จะเป็นอุปสรรครึเปล่าครับ” เดวิกโบกมือขวาไปมาเป็นการปฏิเสธ


“นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับว่าใจเธออยากจะทำรึเปล่า”


“อยากทำครับ” ผมตอบทันควัน ถึงผมจะได้ดีด๊อกแกรมม่า แต่ผมก็ไม่คิดท้อ ก็เป็นเรื่องน่าประหลาดในชีวิตผมอย่างหนึ่งเช่นกันที่ว่า พูดได้ สื่อสารได้ แต่พอให้เขียนเป็นแกรมม่าที่ถูกต้อง ผมจะกลายเป็นคนโง่ภาษาอังกฤษทันที


“แค่นั้นแหละ” เดวิดยิ้มแล้วหันกลับไปมองจอมอนิเตอร์ต่อ ผมเลื่อนสายตาไปมองตามก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอมเขียวแสนหยาบกระด้างของไอ้ชอนไชพอดี มันไม่ได้มองผมหรอก เป็นจังหวะที่มันจ้องกล้องพอดี แต่ก็ทำเอาขนคอลุกชันขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ คงเพราะอากาศหนาวมากกว่าละมั้ง


หนาวจนทำผมใจสั่น ผมไม่ชอบดวงตา ไม่ชอบสีหน้าของมันเลยจริงๆ กล้องเลื่อนไปจับวิคเตอร์ที่กำลังยืนคุยกับทีมงานสองคนด้วยท่าทีปกติผมก็รู้สึกเบาใจที่เขาไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้ณอณนั่นอีก


 :katai5:

เริ่มตามฝันแล้วเนาะหนูเอเลี่ยน มีสามีเป็นแบ็คใหญ่เบ้อเริ่มเลยทีเดียว อยู่บ้านเฉยๆ หนูไม่ชอบ หนูชอบใช้แรงงานค่ะ (ไม่นับบนเตียงนะ 55555)

ถ้าได้อ่านในมุมมองของเอิร์ทก็จะเห็นกันเนอะว่าแมทเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ทุ่มเทให้กับงานจริงๆ และชอบในสิ่งที่เขาทำจริงๆ มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อจนมันสำเร็จตามที่เขาคิด

ไอ้ชอนผีเปรต ไอ้ทุเรศ เคยเขียนในช่วงเม้าท์ฯ ไปแล้วครั้งนึงเมื่อตอนพาร์ท You and I ว่ามีคนประเภทนี้จริง พวกโฮโมโฟเบีย มันเป็นโรคชนิดหนึ่งเลยค่ะ เป็นโรคกลัวเหมือนพวกโฟเบียอื่นๆ นี่แหละ เพียงแต่อันนี้ไม่ใช่แค่กลัว มันมีความเกลียดอยู่ในนั้นด้วย ไม่ต้องทำไรให้ แค่เป็นเกย์มันก็เกลียดแล้ว หญิงกับหญิงเนี่ยไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ แต่ชายกับชายหนักหนามาก เชื่อว่าหลายคนคงเห็นข่าวมาบ้าง ยิ่งพวกคลั่งลัทธิ คลั่งศาสนานะ อื้อหือ อารมณ์ต่อเพศที่สามจะรุ่นแรงมากค่ะ

แต่แมทแบ็คดี๊ดี บอดี้การ์ดพกปืนพร้อมยิงนะจ๊ะ ใครทำเอเลี่ยนเจ็บ พี่ออสตินพร้อมยิงค่ะ !

ยังเจอกันตามปกตินะคะ ยังคงลงเนื้อหานิยายจนจบ ลงตามปกติ เปิดพรีหนังสือแล้วก็จริง แต่ยังคงลงตามปกติไม่มีหยุด ลงจนจบตอนหลักของพาร์ทนี้ จำนวนตอนหลักของตอนหลักก็ใกล้จะจบแล้ววว

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 24-04-2016 05:40:48
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 24-04-2016 06:51:11
อิชอนไชมันสมควรโดนจับมำเมียให้มันเสียหลักสักที โอ้ยยยยย...งี่เง่ามาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-04-2016 09:49:31
 :mew1:ว๊าว น้องแมททำงานแล้ว ดีใจด้วยน่ะจ้ะ เกลียดนายฌอนจริง  ๆ  :m16: ต้องมีพวกนี้อยู่เรื่อยเลยน่ะ กลัวจะเป็นเหตุ
รักกันแบบนี้นาน ๆ น่ะจ้ะ ชอบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-04-2016 09:55:49
ฌอนที่มันน่าโดนออสตินจัดสักที (หมายถึงยิงนะ) 55555
ไม่ชอบก็ไม่ต้องมายุ่งสิ มาด่าคนอื่นทำไม

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-04-2016 11:34:59
แมทสู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-04-2016 13:55:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-04-2016 14:21:39
มีเยอะแยะคนแบบนี้ในสังคม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 24-04-2016 17:38:35
ออสตินน่าจะจัดให้ไอ้ชอนไชเลิกเห่าซะที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-04-2016 21:13:57
เกลียดไอ้ฌอนมาก น่าตื้บสุดๆ ขนาดขู่ด้วยปีนมันยังไปหาเรื่องกับวิคต่ออีก ไอ้บ้า
แมทเริ่มได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้ว ดีจัง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-04-2016 00:05:24
ฉันละกลัวใจจิงจิ๊บ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-04-2016 11:12:29
อ่านรวดดียวตั้งแต พาร์ทแรก จน พาร์ทนี้ โอ้ยย สนุกมากก ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 27-04-2016 13:51:24
ร้อนแรงงงงง จัดเต็มทีเดียววว  :-[ :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 27-04-2016 14:32:33
“เธอจะบอกว่าเป็นรักปะโลมโลกหรืออะไรก็ตาม= รักประโลมโลก ค่ะ ตอนที่ 35 ที่ เซล่า พูดนะคะ

ขุ่นเจ้ เขียนได้สุดยอดมากเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 50%}:24.04.59:
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 27-04-2016 17:29:44
โอ๊ยยยยย ตามอ่านทันแล้ววว ยาวมากค่าาาาาาา


สนุกดีชอบๆๆ อ่านไม่หยุด ล้าตามากๆ รอตอนต่อไปและเป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-05-2016 01:21:33


Only You EP.36 [100%]



“อ๊า… เย๊! อืออออๆๆๆ อ๊ะๆๆๆ วิคเตอร์ อ๊ะ! อ๊ะ!” ตัวผมโยกไหวไปตามแรงกระแทกที่วิคเตอร์ส่งมาจากทางด้านหลัง เสียงเนื้อกระทบกันดังปับๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เสียงหอบกระเส่าของวิคเตอร์ดังไปทั่วห้องเซ็กส์ทอยสีดำ แก้มซ้ายของผมแนบไปกับเบาะหนังของเตียงโครงเหล็ก แขนขาผมขยับไม่ได้เพราะถูกวิคเตอร์จับล็อคไว้กับบาร์แยกขาสีเงิน ที่ขยับได้ตอนนี้ก็คือลำตัวและที่มันขยับได้ก็เพราะแรงกระแทกของวิคเตอร์


“Ah! Yeah!” วิคเตอร์คำรามเสียงดัง สองมือจับเอวผมแน่น กระแทกใส่ผมแรงดีไม่มีตก ผมเมื่อยก้นที่โด่งรับสะโพกวิคเตอร์มาก อยากจะหุบขาแล้วล้มลงนอนก็ทำไม่ได้ เนื่องจากโดนบาร์แยกขาจับอ้าอยู่ แขนก็เมื่อยล้าไปหมดเพราะโดนจับลอดใต้หว่างขาตัวเองแล้วล็อคในช่องกลางสองช่องสำหรับล็อคแขน


“ไอ้เด็กดื้อ” วิคเตอร์คำรามเสียงแหบแล้วหยุดกระแทกสะโพกเข้าหาผม ทิ้งให้ผมนอนครางเสียงสั่น ขยับก้นโด่งของตัวเองไปมาน้อยๆ อยากจะทิ้งตัวลงนอนแต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่อยาก ทำได้แค่ซบแก้มกับเตียง แอ่นก้นโด่งชี้เพดานห้องแล้วนอนครางฮือเท่านั้น


เพี๊ย! “อ้า!”


เพี๊ย! “อ้า!”


 เพี๊ย! “อ้า!”


 เพี๊ย! “อือ…”


วิคเตอร์ฟาดมือลงบนแก้มก้นด้านขวาของผมสี่ทีแรงๆ เล่นเอาผมร้องเสียงหลง อยากจะขยับตัวหนีก็ไม่สามารถ เพราะโดนล็อคแขนขาอยู่แบบนี้


“ชอบมันมากนักรึไง ฮะ?!” เขาถามเสียงกรรโชกแทบจะเป็นตะคอก มือขวาเลื่อนลงบีบแมทน้อยแรงๆ จนผมนิ่วหน้า


“ผมเปล่า… แฮก… เปล่านะ…” วิคเตอร์บีบๆ จับๆ จนชายน้อยของผมตื่นอีกรอบหลังจากพ่นน้ำไปแล้วครั้งหนึ่งเพราะความเสียววาบสุดขีด พอมันแข็งตัวเต็มมือเขา วิคเตอร์ก็ใช้นิ้วโป้งขยี้ส่วนปลายอ่อนไหวของผม


“อ้าๆๆๆ วิคเตอร์! ไม่! ไม่เอา โอ๊ย… โอ๊ย ซี๊ดดด…” ผมแอ่นก้นขึ้นลง พยายามบิดเอวหนีมือเขาแต่ก็ทำไม่สำเร็จ มันเสียวจี๊ดตรงนั้นกับท้องน้อยไปหมด สติจะหลุดอยู่แล้ว มันวูบไหวเกินไป


“วิคเตอร์จ๋า… วิคเตอร์…” ผมครางอ้อนวอนเขา วิคเตอร์ปล่อยมือออกจากแมทน้อย ทิ้งให้ผมนอนหอบหายใจรุนแรง ร่างกายเหนื่อยล้า อยากจะนอนแผ่หลาแต่ว่าทำไม่ได้ เปลือกตาขยับขึ้นลงเชื่องช้า แทบหมดแรงที่โดนเขาทรมานแบบนี้ สักพักเขาก็ดันยักษ์น้อยเข้ามาในตัวผมอีก แล้วก็กระแทกจนเสียงเนื้อจากแก้มก้นทั้งสองข้างกับช่วงง่ามขาและหน้าท้องของเขากระทบกันดังสนั่น


ป้าบๆๆๆๆ


“อือๆๆๆๆ วิค…วิคเตอร์…” ผมหลับตาแน่น ร้องจนสุดเสียงแล้ว ในที่สุดผมก็ได้ยินเสียงวิคเตอร์คำรามดังลั่น สองมือบีบเอวผมอย่างแรง ของเหลวพวยพุ่งเข้าไปด้านใน ก่อนที่วิคเตอร์จะดึงของตัวเองออกมาปลดปล่อยด้านนอกบ้างบางส่วนจนผมรู้สึกถึงความชุ่มเหนอะหนะไปทั่วก้น


“ฮือ… ฮือ… ฮือ…” ผมไม่ได้ร้องไห้ เป็นเสียงหายใจอันรวยริน รู้สึกหมดแรงทั้งที่ไม่ได้เป็นคนขยับอะไรเลย ก็โดนล็อคแบบนี้ตั้งแต่เริ่มยันจบรอบสอง รอบแรกผมไม่โดนจับล็อคแขนขา แต่ห้ามสัมผัสตัวเขา ซึ่งผมก็ทำไม่ได้ ใครจะไปอดใจไหว เขาก็รู้อยู่ว่าผมชอบหุ่นเขา เวลาเขาเคลื่อนไหวอยู่บนตัวผมน่ามองจะตาย พอผมฝืนคำสั่งเลยโดนจับล็อคหมดเลย


คือวันนี้เราเข้าไปหาคุณเอมิลี่ที่สำนักงานเรื่องงานถ่ายแบบของวิคเตอร์กับนิตยสารผู้ชายชื่อดังหัวหนึ่ง แล้วบังเอิญผมได้เจอกับอดัม เราก็คุยกันตามปกติ แต่ผมลืมไปว่าระดับความขี้หึงขี้หวงของไอ้ยักษ์ไม่ปกติ แล้วยิ่งเป็นอดัมด้วย เลเวลเลยยิ่งเพิ่มมากกว่าที่เป็น พอกลับมาผมเลยโดนลงโทษ โดยก่อนจะโดนแบบนี้ผมโดนบรรยากาศกดดัน บรรยากาศตึงเครียดจากไอ้ยักษ์โอบอุ้มร่างกายเอาไว้จนรู้สึกแย่เหมือนโดนลงโทษขั้นแรกไปก่อนแล้ว


“วะ… วิคเตอร์ ปล่อยผมได้ยัง ผมเมื่อย” ผมถามเสียงอู้อี้ พยายามเอี้ยวหน้าไปมองเขา เห็นเขายืนหายใจหอบน้อยๆ เหงื่ออาบเต็มตัว ตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ หน้าอก กล้ามท้อง เม็ดเหงื่อไหลย้อยไปตามผิวกายของเขา แม้จะเหนื่อยจนหมดแรง แต่ภาพที่เห็นก็เซ็กซี่จริงๆ แหละ…


 วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ก็ยอมหยิบกุญแจมาปลดล็อคให้ วินาทีที่เหล็กล็อกทั้งสี่หลุดออกจากข้อมือข้อเท้า ผมก็ทรุดก้นลงบนเตียงทันที ระบมไปหมดเพราะมันโก่งโค้งอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง แถมยังโดนพลังทำลายล้างจากวิคเตอร์กระหน่ำใส่ถ้ำจนแทบพัง ผมพลิกตัวนอนแผ่หลา ขาตั้งฉากอย่างอ่อนแรงเอาไว้ รับรู้ได้ว่าน้ำรักของวิคเตอร์ไหลเยิ้มออกมาจากด้านใน ผมนอนตาปรือมองเพดานห้องที่มีตะแกรงเหล็กเป็นเสมือนฝ้าเพดาน มีเชือกกับโซ่ห้อยต่องแต่งอยู่หลายอัน


วิคเตอร์ไม่เข้ามากอดให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจเลยสักนิด ปล่อยผมนอนหมดสภาพอยู่แบบนี้ อดน้อยใจอยู่ในอกลึกๆ ไม่ได้ ผมรู้สึกว่าเตียงยุบลงพร้อมกับได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเหล็กเลยพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเอง วิคเตอร์นั่งพิงหัวเตียง กำลังหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดเพื่อจะสูบ


“ไม่เอา อย่าสูบ” ผมบอกเสียงเบาหวิว ไอ้ยักษ์หันมามองผมด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ เห็นชัดเจนว่ายังคงหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมาก เขาหันกลับไปจะจุดบุหรี่ต่อ ไม่สนใจที่ผมพูดเลยสักนิด ผมดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ แล้วคลานเข่าเข้าไปนั่งคร่อมเขาไว้ รีบดึงบุหรี่ออกจากมือเขาแล้วโยนทิ้งลงบนพื้นห้อง ไอ้ยักษ์จ้องหน้าผมเขม็ง ผมก็จ้องกลับว่าไม่ยอม ก่อนที่จะเอาแขนคล้องคอเขาไว้แล้วก้มจูบเขา ส่งลิ้นเข้าไปในปากเขา วิคเตอร์ขัดขืน พยายามหลบหน้าหนี ผมเลื่อนสองมือมาจับกรอบหน้าเขาไว้ จับให้หันมามองผมตรงๆ แล้วก้มลงประกบปากเขาอีกรอบ ส่งลิ้นตัวเองเข้าไปรุกล้ำเขา ครู่หนึ่งที่เขาทำท่าจะไม่ยอม แต่สุดท้ายเขาก็ตอบรับผม และตอบรับอย่างรุนแรงด้วย


“อะ… อือ… ตร๊อก… จุ๊บ…สวบ…” ผมแทบหายใจไม่ทันเพราะเขาเร่งจังหวะจูบได้รุนแรงมาก ทั้งดูดแล้วดึงลิ้นผมแรงๆ สลับกับกวาดไปรอบโพรงปาก อยากจะหลบหน้าหนี แต่เขาก็กดท้ายทอยผมไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ผมหายใจหอบเพราะหายใจไม่ทัน โดนเขาประกบปากแน่นแล้วรัวลิ้นในปากผมไม่หยุด จนผมต้องยกมือทุบอกเขานั่นแหละ วิคเตอร์เลยยอมดึงหน้าตัวเองออกไป


“ฮื่อ… ฮื่อ…” ผมหายใจหอบ พยายามเอาอากาศเข้าปอดเยอะๆ น้ำลายยืดติดปากเราสองคน ผมยกมือเช็ดลวกๆ แล้วรีบหายใจแรงๆ วิคเตอร์เองก็หายใจหอบแต่ไม่แรงเท่าผม เขาจ้องผมด้วยสายตาแผดเผา แต่น่าจะเพราะโกรธมากกว่า มือขวาที่กดท้ายทอยผมไว้ เลื่อนขึ้นไปกระชากเส้นผมอย่างแรงจนผมหน้าหงาย


“อ๊ะ!” คิ้วผมขมวดฉับเพราะรู้สึกเจ็บ แล้วก็ต้องร้องอีกหนเมื่อโดนเขาไซ้คอรุนแรง ก่อนจะกัดเข้าซอกคอผมแรงๆ


“วิคเตอร์ เจ็บ…” ผมครางขอร้องเขา แต่วิคเตอร์ไม่หยุด กัดจนผมรู้สึกแสบแล้วเขาก็ใช้ลิ้นเลียๆ ตรงนั้นจนน้ำลายชุ่มไปหมด เขาปล่อยมือที่จิกหัวไว้ เลื่อนลงไปบีบก้นผมแรงๆ แทน ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับอกผม แล้วระดมดูดไปทั่ว


“อื้อ เบาๆ หน่อย เป็นรอยช้ำ… อ๊า!” ผมกรีดร้องเสียงเพี้ยนเมื่อเขากัดที่หัวนมซ้ายแรงๆ ผมตัวกระตุกจนแอ่นอกเข้าหาปากเขา วิคเตอร์เลยทั้งดูดทั้งกัดใหญ่เลย


“พอแล้วๆ ยักษ์ของผม พอแล้ว นะ นะ” ผมอ้อนวอนเสียงอ่อนเสียงหวาน พยายามดึงเขาออกจากอกตัวเอง วิคเตอร์ยอมปล่อยแต่โดยดี เขาเอนหลังไปพิงหัวเตียง สองมือจับเอวผมไว้แน่น ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นจ้องผมจนรู้สึกเกร็ง


“นายเป็นของฉันคนเดียว” ผมกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง เลื่อนมือขวาไปลูบตรงรอยสักบนอกซ้ายเขาเบาๆ


“แน่นอนสิครับ” ผมก้มลงจูบรอยสักชื่อตัวเองเพื่อเอาใจเขาให้เขาใจเย็นลง เพราะถ้ายังร้อนอยู่ ผมไม่ได้ออกจากห้องเซ็กส์ทอยง่ายๆ แน่ ผมกลัวเขาใช้แส้เดี่ยวฟาดผมมาก แส้พู่ไม่เท่าไหร่ยังพอทน


“แล้วไปทำท่านี้…” เขาชูสามนิ้วขึ้นมาอันเป็นสัญลักษณ์ที่ผมชอบทำกับอดัมเวลาเจอกัน “...กับมันทำไม”


“ผมทำเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย” ผมบอกเสียงอ่อย รู้สึกกลัวๆ สายตาของเขา


“แมท นายไม่รู้ตัวหรอกว่านายมองมันด้วยสายตาแบบไหน” ผมขมวดคิ้วนิดๆ มองเขาอย่างไม่เข้าใจ กะจะเอ่ยปากถาม แต่พอเห็นสายตากระด้างกระเดื่องของเขาแล้ว เลยเงียบแล้วเนียนด้วยการซบลงบนอกเขาแทน


“ผมไม่คิดอะไรจริงๆ แล้วคุณไม่ต้องห่วงเลย อดัมไม่มีทางคิดอะไรกับผมเช่นกัน อย่าโกรธผมนะ” ผมใช้ปลายนิ้วมือขวาลูบรอยสักของเขาเบาๆ วิคเตอร์ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งทีแล้วก้มลงจูบหัวผม มือขวาของเขาเลื่อนขึ้นลูบแผ่นหลังผมเบาๆ ส่วนมือซ้ายลูบไล้ร่องก้นของผมไปมา รู้สึกเสียววาบอีกแล้ว ไอ้ยักษ์นี่ไม่ยอมให้ผมรู้สึกสงบจริงๆ


“ถ้ามีอีก คราวหน้าฉันจะล่ามโซ่นายไม่ให้ออกไปไหน” ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ แอบช้อนสายตาไปมองโซ่ที่ห้อยอยู่ด้านบนเพดานห้องแล้วใจหายวาบ


“ผมไม่ใช่สัตว์ซักหน่อย” ผมบอกเสียงงึมงำอยู่ตรงอกเขา วิคเตอร์กรีดนิ้วผ่านร่องก้นผมขึ้นมาตามกระดูดสันหลังช้าๆ เบาๆ แต่ก็ทำเอาขนลุกซู่


“ฉันหวงนายมาก ฉันไม่เคยเป็นขนาดนี้เลยจริงๆ นายทำอะไรกับฉันแมท” ผมยิ้มกริ่ม รู้สึกใจเต้นตุบๆ แผ่วเบา รู้สึกถึงความภูมิใจ ดีใจเล็กๆ ในอก ผมยกหน้าตัวเองขึ้นจากอกเขา มองหน้าเขาแล้วยิ้ม มือขวาลูบแก้มซ้ายของเขาเบาๆ ยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากเขาหนึ่งที


“ผมเป็นของขวัญจากพระเจ้าไง คึๆ” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากน้อยๆ ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ


“ฉันจะดูแลของขวัญชิ้นดีให้ดีที่สุดเลย ฉันไม่เหลือใครแล้วนะแมท ฉันเหลือแค่นาย” ผมขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ยแล้วส่ายหัวไปมาช้าๆ


“ม่ายยย คุณยังมีไวโอล่า มีคุณเอมิลี่ คุณเบน อันเดร ชาร์ลี เอริค โจนาธาน มีออสตินด้วย ถึงคุณจะไม่อยากนับรวมพ่อคุณ แต่ยังไงก็มีพ่อคุณอีกคนด้วยนะ แล้วยังมีคุณลิซ่าอีก คุณอาจไม่ชอบเธอ แต่เธอรักคุณเหมือนลูกคนนึงเลยนะ” วิคเตอร์ที่กำลังยิ้มมุมปากน้อยๆ ชะงักไปนิดหนึ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ เขาหลับตาลงแวบเดียวแล้วลืมตามองผมตามเดิม สายตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เหมือนกำลังตัดสินใจ แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวเบาๆ เหมือนคิดว่าไม่เอาไม่พูดดีกว่า


“คนพวกนั้นไม่เหมือนนายหรอก” ผมมองหน้าเขาแล้วนึกถึงคำพูดของคุณหมอที่เมืองไทย รู้สึกหนักใจไม่น้อยกับสิ่งที่เขาเป็น ผมได้แต่หวังว่ามันจะไม่เพิ่มอาการไปมากกว่านี้


“วิคเตอร์ บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะ คุณต้องเปิดใจบ้าง…” เขามองผมนิ่ง แต่ผมรู้ได้จากแววตาเขาเลยว่าเขากำลังต่อต้าน และผมก็คิดว่าช่วงเวลานี้ไม่ควรต้านเขากลับ


“…แต่อย่าเปิดใจมากไป ผมไม่อยากรับมือกับชู้คุณหรอกนะ” ไอ้ยักษ์ยิ้มขำกับคำจิกกัดของผม เขามองผมด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะดึงผมเข้าไปฟัดแก้มแรงๆ ผมหัวเราะกิ๊กกั๊ก หยอกล้อกับเขาไปมา รู้สึกดีใจที่สยบอารมณ์โกรธของเขาได้แล้ว


“ไปอาบน้ำกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปกองแต่เช้า” พรุ่งนี้ผมกะว่าจะกลับมาบ้านก่อน ไปกองสักครึ่งวัน แล้วบ่ายๆ ก็กลับมาทำเค้กวันวาเลนไทน์ รู้สึกตื่นเต้นมากเลยที่จะได้ทำเค้กวาเลนไทน์ครั้งแรกในชีวิต จริงๆ มันก็คงไม่ได้แปลกหรือพิเศษอะไรหรอก แต่สำหรับคนที่เพิ่งมีแฟนคนแรกอย่างผม มันก็เป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วผมก็อยากทำให้วิคเตอร์กินด้วย ซึ่งอันที่จริงเขาก็ไม่ได้ชอบกินเค้กหรือของหวานเท่าไหร่นัก ก็กินได้แต่ถ้าให้เลือก เขาก็เลือกไม่กินเพราะมันทำให้หุ่นเผละ


“อมให้รอบนึงก่อนสิ ช่วยตัวเองให้ดูด้วยนะ” ผมยิ้มเพลียกับความลากมกของเขา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรหรอก ก็จัดการดูดเลียไอติมแท่งโปรดของตัวเอง ท่ามกลางเสียงครางเซ็กซี่ของแฟนยักษ์รูปหล่อ เขาขยับเอวช่วยผมน้อยๆ สองมือลูบหัวผมไปมา บางทีก็เด้งสะโพกเขาหาผมเองบ้าง ผมดูดเลียจนยักษ์น้อยพ่นลาวาออกมาเต็มปาก จัดการดูดกลืนลงไปจนเกลี้ยง ก่อนจะนั่งช่วยตัวเองให้เขาดู วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาวิบวับ สองมือลูบไปทั่วตัวผม ช่วยผมสร้างอารมณ์ด้วยการจูบ การหอมเป็นระยะจนผมเสร็จ


“น่ารักมากเอเลี่ยนน้อย” เขาก้มลงจูบกลางกระหม่อมแล้วช้อนตัวผมขึ้น ผมยกแขนซ้ายไปคล้องคอเขาไว้ ปล่อยให้เขาอุ้มออกจากห้องของเล่นมหาสนุก หมดแรงไปเยอะมาก กินเกลือแร่สักโหลนึงไม่รู้จะเรียกแรงคืนมาได้หรือเปล่า วิคเตอร์เดินลงบนไดไปชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอน แล้วพากันเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่งเสร็จกิจกรรมทางเพศมาล่ะก็ ผมไม่อาบหรอก หนาวจะตาย เข้าใจความรู้สึกพวกฝรั่งมองเราด้วยสายตาฉงนที่เห็นคนไทยอาบน้ำสองสามเวลาแล้ว


พออาบน้ำ เช็ดตัวจนแห้งสนิท ผมก็ขี่หลังวิคเตอร์มาที่เตียง ผมใส่แค่กกน.สีขาวตัวเดียว ส่วนวิคเตอร์เปลือยเปล่า เขาก็ชอบนอนชีเปลือยอย่างนี้แหละ ส่วนผมขอห่อหุ้มนิดหน่อยก็ยังดี ไม่ให้ใส่อะไรเลยบางทีก็รู้สึกแปลกๆ คงเพราะผมชินใส่ชุดนอนมาแต่เด็กมั้ง พอมาคบกับวิคเตอร์เสื้อผ้าก็เริ่มหายไปทีละชิ้น จนบางทีไม่เหลือเลย เขาให้เหตุผลว่า ใส่ไปเขาก็ถอดออกอยู่ดี


“Good night, baby” วิคเตอร์หอมหน้าผากผมหนึ่งที แขนขวาโอบไหล่ผมไว้ ผมก้มลงจูบแผ่นอกของเขา แล้วซบหน้าลงบนอกแกร่ง วิคเตอร์ดึงผ้านวมขึ้นคลุมร่างเราสองคนเพื่อกันความหนาว แม้จะมีฮีตเตอร์ให้ความอบอุ่น แต่ก็ต้องระลึกเสมอว่าที่นี่ไม่ใช่ฤดูหนาวเมืองไทย


วิคเตอร์เอื้อมมือไปปิดโคมไฟบนหัวเตียง ผมเลื่อนมือขวาเข้าไปกอบกุมลูกชายเขาไว้เต็มมือ ลูบๆ คลำๆ ไปเรื่อยจนมันแข็งตัวแบบอ่อนๆ วิคเตอร์ครางอืออา ผมยิ้มนิดหน่อยทั้งที่ตาปิด ก่อนจะค่อยๆ หลับสนิทเพราะเพลียจากการออกกำลังกายกับผู้ชายขี้หึงในห้องเซ็กส์ทอย




#Valentine’s day


“ห้ามไปเถลไถลที่ไหนนะ ซื้อของเสร็จแล้วให้ออสตินพากลับบ้านเลย”


“Aye! (ครับพ้ม!)” ผมยกมือขวาขึ้นตะเบ๊ะ วิคเตอร์ยิ้มขำแล้วดึงผมเข้าไปหอมแก้มดังฟอด ผมกอดตอบเขา ได้ไออุ่นจากไอ้ยักษ์ยังอุ่นกว่าใส่เสื้อโค้ตตัวหนาๆ ซะอีก


“ถึงบ้านแล้วรายงานฉันด้วยนะออสติน”


“แน่นอนครับคุณเรย์มอนด์” เขาดันตัวผมออกแล้วดึงหมวกฮู้ดขึ้นมาสวมหัวให้ผม


“อาวุธพร้อมแล้วใช่มั้ย” ผมยิ้มแฉ่ง ชูบัตรเครดิตสีดำให้เขาดู


“นี่!” วิคเตอร์ยิ้มกว้างหล่อเหลาแล้วยกนิ้วโป้งซ้ายขึ้นเป็นเชิงชมผมว่าเยี่ยมมาก ผมก็ไม่รู้ว่าเยี่ยมตรงไหนกับการถือบัตรเครดิตของสามีไปช้อปปิ้งตามใจชอบ มันก็คงดีตรงที่ไม่ต้องเหนื่อยทำงาน (แต่เหนื่อยทำอย่างอื่นแทน) แล้วก็มีเงินใช้เลยนี่แหละ แถมยังเยอะมากด้วย แต่ตามความตั้งใจของผมคืออยากมีเงินเป็นของตัวเอง ก็อีกไม่นานแล้วละ ได้เข้ามาเรียนรู้งานถึงขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าอีกหน่อยคุณเดวิดต้องให้ผมเริ่มงานจริงจังแน่ๆ


“ไปได้แล้ว จะได้ไม่กลับบ้านดึก” ดึกของเขาก็คือตะวันตกดิน หน้าหนาวก็แบบนี้ บางวันสี่โมงเย็นอย่างกับทุ่มนึงก็มี


“จุ๊บผมหน่อย” อ้อนสักนิด ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์แล้ว แสดงความรักเพิ่มอีกนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอก วิคเตอร์เองก็ชอบ เขายิ้มหล่อแล้วก้มลงจุ๊บปากผมไม่มีอิดออด ตบท้ายด้วยยิ้มมีเสน่ห์แบบที่ผมชอบให้ด้วย ผมยิ้มยิงฟันเขินๆ แล้วเขย่งตัวหอมแก้มเขาไปหนึ่งที


“วันนี้เป็นอะไรเนี่ย ทำไมอยากให้ฉันลวนลามจัง เมื่อวานไม่สะใจเหรอ” ผมยู่หน้าทันที วิคเตอร์เห็นแบบนั้นก็หัวร่ออารมณ์ดี


“คุณนี่ยังไงกัน วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์เลยนะ” เขาขมวดคิ้วนิดหน่อย


“แล้ววันอื่นฉันไม่รักนายรึไง”


“ก็รัก ผมเพิ่งเคยมีแฟนนี่นา เลยอยากลองทำให้มันพิเศษดูบ้างอะ” ผมทำปากยู่ เอียงคอมองหน้าเขา วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ยกมือขวามาโยกหัวผมเบาๆ


“เดี๋ยวซื้อของเล่นมาเพิ่มในห้องเซ็กส์ทอยแล้วกัน” ผมทำตาปรือ สีหน้าเอือมระอา เบ้ปากแรง วิคเตอร์หัวเราะชอบใจเสียงดังลั่นกอง ทำให้คนอื่นหันมามอง รวมทั้งไอ้ชอนหมาเน่าด้วย แน่ละว่ามันมองมาด้วยสายตารังเกียจ ผมเลยเบ้ปากใส่มันไปหนึ่งที เลยได้รับอาการทำท่าจะเข้ามาเอาเรื่องตอบแทน แต่มันไม่กล้าเข้ามาจริงๆ หรอก ออสตินกับวิคเตอร์อยู่ครบแบบนี้ บอกเลยแบ็คฉันดีจ้ะไอ้ณอณ


กว่าจะล่ำลากันเสร็จ ผมกับวิคเตอร์ก็ยืนไร้สาระกันครึ่งชั่วโมง บอกจะไปๆ ก็ไม่ได้ไปสักที เดี๋ยวนึกประเด็นนั้นได้ ประเด็นนี้ได้ก็เอามาพูดกันไปเรื่อยเปื่อย ดีนะคุณเดวิดเรียกเข้าฉากพอดี เราเลยได้แยกย้ายกันจริงจัง ผมค่อนข้างกังวลว่าวิคเตอร์กับฌอณจะมีเรื่องกัน เพราะนอกฉากทั้งสองคนอึมครึมใส่กันมาก โดยเฉพาะวิคเตอร์ที่มีความสามารถพิเศษในการส่งรัศมีกดดันใส่ผู้อื่นได้ดีเยี่ยม ทำเอาคนรอบข้างเกรงๆ ที่จะเข้าหาเขาอยู่เหมือนกัน ผมต้องคอยเป็นตัวชาร์ทพลังยิ้มให้เขาอยู่บ่อยๆ นั่นเป็นสาเหตุทำให้ทีมงานหลายฝ่ายชอบเข้ามาลากผมไปด้วยเวลาจะเข้าไปคุยงานกับวิคเตอร์ นึกแล้วก็ขำอยู่เหมือนกัน ไอ้ยักษ์ก็ชัดเจนมากว่าถ้าไม่ใช่ผมก็จะไม่ค่อยยิ้มหรือดูมีชีวิตชีวามากนัก แต่ผมก็คิดนะว่าวิคเตอร์มืออาชีพมากพอที่จะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ส่วนไอ้ชอนไชน่ะเหรอ เอาแค่แยกขี้หมากับขี้แมวดีกว่า มันแยกแยะได้มั้ยสมองอย่างมันน่ะ เชอะ!


“คุณแมทจะซื้ออะไรบ้างครับ” ผมหันไปหาออสตินในขณะที่เรากำลังเดินไปขึ้นรถเมล์เพื่อไปย่านโซโห อันเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นเยี่ยม มีของให้เลือกเยอะแล้วยังราคาถูก อีกอย่างนอกจากไปซื้อของทำเค้กแล้ว ผมยังไปหาซื้อวัตถุดิบสำหรับมาทำกับข้าวในแต่ละมื้อด้วย


 ผมทำหน้านึกถึงสิ่งของที่ต้องการ ผมไม่ได้จดโพยออกมาด้วย เพราะเมมไว้ในหัวคร่าวๆ ว่าต้องการอะไรไปทำเค้กในวันวาเลนไทน์บ้าง กะว่าไปถึงแหล่งซื้อก็คงจะนึกภาพชัดเจนยิ่งขึ้น “ก็แป้ง ช็อคโกแล็ต สตอรว์เบอร์รี่ แล้วก็น่าจะวิปครีม”


“แน่ใจนะครับว่าต้องการแค่นั้น” ผมสั่นหัวรัวๆ แล้วตอบ


“ไม่อะ ผมกะว่าไปถึงในสโตร์ (Store) แล้วค่อยนึกอีกที” ออสตินทำหน้านิ่ง แต่ผมเห็นนะว่าตาสีน้ำตาลของเขามีแววเอือมอยู่


“ช่างเป็นคนที่พร้อมมาก” ผมย่นคิ้วแล้วมองเขาเคืองๆ อย่างไม่จริงจังนัก


“รถมาแล้วครับ” รถบัสสีขาวสะอาดตาจอดตรงป้ายรถเมล์ที่เรายืนรออยู่ เหตุผลที่ต้องระเห็จมานั่งรถเมล์ก็เพราะวิคเตอร์ยังไม่มีเวลาพาไปหาซื้อรถคันใหม่ เขาจะให้ผมใช้แลมเบอร์กินีของเขาแล้วเดี๋ยวตอนเย็นให้เดวิดไปส่ง แต่ผมคิดว่ามันจะสะดวกกว่าถ้าเอารถไว้ให้เขาใช้ เขาจะได้ไม่ต้องรอใคร อยากกลับเมื่อไหร่ก็กลับ (แผนแอบสูง กลัวผัวกลับบ้านช้า)


ผมนั่งมองวิวข้างทางของนิวยอร์ก กิ่งไม้โล่งเตียนมีสายไฟประดับแทนใบไม้เพราะเพิ่งพ้นช่วงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปลายปี แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีต้นไม้ที่มีใบเลยนะ ยังมีอยู่ ยิ่งในเซ็นทรัลปาร์คอะเยอะเลย แต่สีอาจจะไม่ได้เขียวชอุ่มไปซะหมด ในนั้นมีลานสเก็ตน้ำแข็งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติด้วย ไม่รู้ละลายไปหรือยัง ผมโชคดีมากที่มาทันได้เล่น ช่วงที่วิคเตอร์ไปถ่ายหนังในป่าแคนาดา ผมก็ชอบพาไมเคิลไปวิ่งเล่นบนน้ำแข็งมา สนุกมาก ผมล้มหัวจะฟาดหลายรอบจนออสตินดุ แต่ผมก็หน้าด้านพอจะเล่นต่อ ก็ลานสเก็ตจะเกิดขึ้นปีละครั้งแค่ช่วงปลายปีถึงต้นปีนิดๆ เองนี่นา


เสื้อโค้ตหลากสีสันละลานเต็มท้องถนน แต่เดี๋ยวพ้นมีนาคมไปก็จะไม่ได้เห็นแฟชั่นเสื้อโค้ตแล้วละ โดยส่วนตัวผมชอบหน้าหนาวนะ เอ่อ ไม่ใช่แบบหน้าหนาวไทยน่ะ อย่างนั้นอย่าเรียกว่าหนาวเลย หน้าหนาวของจริงต้องแบบนี้ ใส่เสื้อสามชั้นก็ยังสั่น ติดลบเยอะๆ จนจมูกแดงบ่อยๆ น้ำมูกไหลแล้วไหลอีก


“ถึงแล้วครับคุณแมท” ผมหันไปมองออสตินงงๆ แต่ก็รับรู้ได้ว่าถึงที่หมายของเราแล้ว มัวแต่เพลิดเพลินกับวิวนิวยอร์กช่วงหน้าหนาวจนลืมคิดเรื่องระยะทางไปเลย


เราเดินลงรถเมล์แล้วเดินต่อไปอีกนิดก็ถึงเป้าหมาย ที่นี่มีไชน่าทาวน์ด้วย คนไทยส่วนมากถ้ามาอยู่นิวยอร์กนานๆ แล้วคิดถึงอาหารไทยก็จะมากันโซนนี้แหละ แรกๆ ผมนึกถึงภาพไชน่าทาวน์ว่ามันคงไม่ค่อยสะอาดสักเท่าไหร่ พอมาเจอของจริงก็จริงนั่นแหละ ฮ่าๆๆ แต่ก็ไม่ได้สกปรกถึงขั้นเห็นหนูวิ่งผ่านหน้าหรือเห็นแล้วทำหน้าอี๋ ก็ยังคงจับจ่ายซื้อของได้ตามปกติ จะให้มันสะอาดเอี่ยมอ่องเลยก็ไม่ได้ ก็นี่มันแหล่งขายอาหาร 


“เป็นอะไรรึเปล่าออสติน” ผมเห็นเขามองไปรอบๆ กับเหลียวหลังไปมองอะไรก็ไม่รู้บ่อยๆ จนอดถามไม่ได้


“ไม่มีอะไรครับ ผมก็มองไปเรื่อย” เขาตอบกลับนิ่งๆ ตามแบบฉบับของเขา ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันกลับไปเลือกผักบนชั้นวางต่อ พลางก้มลงมองของในถุงในมือออสตินไปด้วยว่ายังขาดอะไรอีก มีบอดี้การ์ดแข็งแรงก็ดีเหมือนกันนะ ถือของได้ไม่บ่นเลย รับน้ำหนักของในมือได้สบายๆ


“ได้ของครบรึยังครับ” ผมอ่านโน้ตในโทรศัพท์มือถือทวนสิ่งของกับมองของในมือออสตินและในมือตัวเองบางส่วนอีกรอบหลังจากเดินซื้อของมาเกือบสองชั่วโมง


“เอ่อ เหลือสตรอว์เบอร์รี่” พ่อหัวเกรียนพยักหน้าเป็นอันว่ารับรู้ เราเลยเดินหาร้านผลไม้ในย่านไชน่าทาวน์อีกรอบ ซึ่งก็ไม่ได้หายากเย็น เพราะเห็นสีสันแห่งผลไม้เด่นมาแต่ไกล ผมเดินเข้าไปเลือกซื้อสตรอว์เบอร์รี่แบบที่เขาแพ็คใส่กล่องมาแล้วสี่กล่อง เอาไว้ประดับบนเค้กส่วนหนึ่ง ที่เหลือคือเอาไว้กินเวลาว่าง


“ครบแล้ว กลับ…”


“…คุณแมทใช่รึเปล่าครับ” ผมชะงักคำพูดตัวเองแล้วมองหน้าชายแก่คนหนึ่งในชุดสูทสีเทาเข้มภูมิฐาน หน้าตาเขาก็ดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่ผมก็ขอเขยิบเข้าไปใกล้ออสตินเอาไว้ก่อน


“คุณตามเรามาตั้งแต่ออกจากกองถ่าย ต้องการอะไร” หา?! ผมอ้าปากหวอแหงนหน้ามองออสตินที่ถามชายมีอายุคนนั้นด้วยใบหน้านิ่ง ผู้ชายมีอายุคนนั้นยิ้มอ่อนโยนน้อยๆ ก่อนจะตอบ


“ขอโทษที่เสียมารยาท ผมเป็นเลขาของคุณลุคส์ พ่อของคุณวิคเตอร์ครับ” ผมอ้าปากหวอกว่าเดิม มองชายที่เพิ่งบอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับวิคเตอร์แบบผิวเผินด้วยความอึ้งบวกกับความงง


“มีอะไรรึเปล่าถึงได้ตามเรามาจนถึงที่นี่” ออสตินยังคงถามด้วยความสงบนิ่งเช่นเคย


“แน่นอนว่าต้องมี นี่คือคำสั่งของคุณลุคส์ ผมรอจังหวะที่จะเข้ามาบอกอยู่พอดีว่า คุณท่านต้องการพบคุณแมทเป็นการส่วนตัว” ใจผมเต้นตึกตักขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าพ่อของวิคเตอร์ต้องการพบ ผมคิดตั้งแต่วันที่คุณลิซ่ากลับออกไปจากบ้านวันนั้นแล้วละว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่พ่อของวิคเตอร์ต้องการพบกับผมเพื่อคุยเรื่องที่ผมคบกับลูกชายเขา


“ถ้าคุณแมทพร้อม เราจะไปกันตอนนี้ คุณท่านรออยู่ที่เซ้นส์รีจิส (St.Regest) ครับ” ผมกระพริบตาปริบๆ เม้มปากเบาๆ แล้วเงยหน้ามองออสตินอีกที เขาก้มลงมองผมนิ่งๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเลขาพ่อวิคเตอร์อีกรอบ


“ผมคงปล่อยให้คุณแมทไปกับคุณเป็นการส่วนตัวไม่ได้ ผมต้องไปกับเขา” แวบหนึ่งคุณลุงเลขามีท่าทีอึกอัก แล้วสักพักเขาก็พยักหน้าตอบรับน้อยๆ


“ไม่มีปัญหาครับ”


“ผมไม่เชื่อหรอกว่าไม่มี ถ้าคิดจะเล่นตุกติกอะไร ทำให้เนียนๆ นะครับ” คุณลุงเลขากระตุกยิ้มนิดหนึ่ง แววตาสีเทามัวๆ ของเขามีแววความไม่ชอบใจปรากฏออกมาแวบหนึ่ง ผมเลยได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาตอบรับง่ายดายไปแบบนั้น แต่คงมีการรับมือรอไว้สินะ


“เชิญครับ รถอยู่ด้านนี้” ชายสูงวัยผายมือไปตรงปากทางเข้าของไชน่าทาวน์ ออสตินพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีเป็นการบอกว่าให้เดินนำ คุณลุงคนนั้นหมุนตัวแล้วเดินนำพวกเราไป


“เขาจะทำอะไรเหรอ” ผมกระซิบถามออสตินระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่รถ


“ยังตอบไม่ได้ แต่คุณคงเคยเจอพ่อคุณเรย์มอนด์แล้ว คุณแมทคิดว่ายังไงล่ะครับ” ผมเลื่อนสายตาไปมองแผ่นหลังของลุงเลขาแล้วครุ่นคิด ถึงจะเคยเจอกันครั้งเดียว แต่ผมก็รู้สึกกลัวผู้ชายคนนั้น อันที่จริงผมยังไม่รู้ประวัติพ่อวิคเตอร์แบบเต็มๆ หรอก เพราะเขาบอกสั้นๆ ว่าไม่ได้สนิทกับพ่อ ไม่อยากพูดถึง คือแค่นี้ก็น่าจะบอกได้แล้ว ขนาดลูกตัวเองยังไม่ชอบเลย แถมไวโอล่าเองก็ใช่ว่าจะชื่นชมพ่อตัวเองมากนัก เพียงแต่ไม่ได้แสดงการต่อต้านเท่าวิคเตอร์เท่า ผมยังจำที่คุณลิซ่าบอกผมได้ว่า ให้เธอมาเตือนยังดีกว่าให้พ่อของวิคเตอร์เตือนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลูกชายเขา


ผมกลัวเขาและผมก็ไม่ชอบเขาด้วยเช่นกัน ยอมรับว่าผมไม่ชอบใจเรื่องที่เขาอยากให้วิคเตอร์แต่งงานกับยัยไฮโซเกาะอังกฤษนั่นเพื่อธุรกิจตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาแทบไม่เคยให้ความรักกับลูกชายตัวเอง ถึงวิคเตอร์จะไม่พูด แต่การที่เขารักแค่แม่กับย่าออกนอกหน้าขนาดนั้น แถมยังไปมีลูกกับโสเภณีได้อีกและยังไม่คิดสนใจไวโอล่าเลยด้วยตอนเธอเกิด แม้จะยังไม่รู้ประวัติทั้งหมด แต่เท่านี้ก็น่าจะบอกได้ว่า ลุคส์ เรย์มอนด์ ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีมีคุณธรรมนัก ไม่งั้นเขาจะเป็นนักธุรกิจผู้ทรงอำนาจขนาดนั้นเหรอ


 :hao3:

พ่อตาก็มาาา เรียกเข้าพบแล้วเนาะ หนูเอเลี่ยนจะปล่อยแสงสู้ได้แค่ไหนกัน เป็นกำลังใจให้นางหน่อย 55555 ไหนจะเรื่องเค้กอีก อยากทำเค้กให้สามีกิน จะสำเร็จมั้ยคะ พูดดด ครั้งแรกกับการมีสามีในวันวาเลนไทน์สำหรับนาง คริๆ

แรงหึงขอพี่ยักษ์ยังคงรุนแรงเช่นเคย =_= เมียตัวนิดเดียว แกเล่นใหญ่ตลอดนะ

ยังคงเจอกันตามปกตินะคะ ลงนิยายตามปกติ แม้ว่าจะเปิดพรีออเดอร์อยู่ก็ตาม คาดว่าคงลงจบพร้อมๆ กับหนังสือเสร็จเลยแหละ

ใครเจอคำผิดแจ้งได้เลยนะค้า ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-05-2016 01:58:31
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-05-2016 03:00:13
จะกินเค้กไหมวันนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-05-2016 06:25:59
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-05-2016 06:59:43
พ่อพี่ยักษ์จะทำอะไรเอเลี่ยนไหมหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 01-05-2016 07:10:56
แมทควรโทรบอกวิคเตอร์ด้วย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-05-2016 07:40:49
ถ้ายักษ์รู้นี่หวิดบ้านพังอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-05-2016 10:51:56
จะเจออะไรบ้างเนี่ยพี่ยักษ์รีบตามมาเป็นกองหนุนด่วนๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-05-2016 11:55:50
ไอ้หยา

ออสตินจะปล่อยให้น้องแมทโดนพ่อตาข่มขู่งั้นเหรอ ตามวิคมาช่วยด่วนนนนนน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 01-05-2016 20:35:01
หนูแมท ต้องคุยกับยักษ์วิค อีกที นะว่าคนรักกันเขาไม่ทำร้ายกันหรอก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-05-2016 22:38:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-05-2016 00:51:29
คนสวยเจอศึกอีกล้าว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.36 100%}:01.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 02-05-2016 02:33:38
อ้าว วิคเตอร์ไปหาเมียเร็ว!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-05-2016 01:41:01



Only You EP.37 :: It's been a long day. [50%]



ผมกับออสตินลงจากรถเบ็นซ์คันหรูออกมาสู่บรรยากาศยามค่ำของมหานครนิวยอร์กในช่วงเวลาห้าโมงเย็นแต่แสงอาทิตย์หายไปอย่างลาลับไม่กลับมา (มาพรุ่งนี้) มีเพียงแสงไฟตามตึก ตามเสาไฟ หลอดไฟตามท้องถนนและไฟรถสาดส่องไปพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ขับเคลื่อนบนถนนลาดยาง อากาศเย็นจับจิตจับใจ ลุงเลขาบอกให้ทิ้งของที่ซื้อมาไว้บนรถ แต่ออสตินปฏิเสธว่าขากลับจะกลับเอง โรงแรมเซ้นส์รีจิสอยู่ไม่ไกลจากบ้านวิคเตอร์เท่าไหร่นัก แต่ถ้าจะบอกว่าไกลมันก็ไกลแหละ แต่เดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับเอาก็ได้ เราเดินแบกถุงสีขาวขุ่นกับถุงกระดาษสีน้ำตาลเข้าไปในโรงแรมอันหรูหรา ซึ่งมันคอนทราสกันมาก ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อมีสายตาของบางแหม่มท่าทางหัวสูงบางคนมองถุงในมือของผมกับออสตินสลับกับมองหน้าเราสองคน ออสตินไม่สนใจใครสักนิด ผมไม่ได้อายแค่รู้สึกเหมือนพจมานถือชลอมเข้าเมืองกรุง
   

“คุณท่านรออยู่ห้องพักชั้นบน” คุณลุงแกหันมาบอกในขณะที่เท้าก็ก้าวนำไปตรงลิฟต์สีทองมันเลื่อม กดเลขชั้นแล้วยืนรอลิฟต์เลื่อนลงมาอยู่ครู่หนึ่ง พอลิฟต์เปิดออกเราก็ก้าวเข้าไปด้านในพร้อมกัน ระหว่างรอลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นยี่สิบห้า ผมก็รู้สึกว่ามือเย็นกว่าปกติ จากที่เย็นเพราะอากาศอยู่แล้วคราวนี้มันเย็นเพราะรู้สึกเต้นเต้นบวกกดดันหน่อยๆ ริมฝีปากแห้งผาก ลำคอก็แห้งฝืดแม้จะพยายามกลืนน้ำลายลงคอแล้วแต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น
   

หัวสมองผมแทบจะประมวลคำพูดของพ่อวิคเตอร์ได้ล่วงหน้าเลยว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง มันก็มีไม่กี่ประโยคกับประเด็นความรักของผู้ชายกับผู้ชายหรอก เห็นได้ออกจะบ่อยตามละครทีวีหรือภาพยนตร์ ในนิยายที่ผมอ่านก็มีเยอะแยะ ทีนี้ก็อยู่ที่ผมแล้วว่าจะทำให้คำพูดเหล่านั้นมันซ้ำซากจำเจมั้ย ถ้าผมเลือกบทนางเอกก็คือยอมทำตามที่เขาบอก แต่ถ้าผมเล่นบทนางร้าย คำพูดพวกนั้นก็จะไร้ค่าไปโดยปริยาย
   

ติ๊ง!
   

เสียงลิฟต์ดังใสกิ๊งตอนถึงชั้นเป้าหมายของเราสามคน ลุงเลขาก้าวนำออกไปก่อน ผมเดินออกไปเป็นคนที่สองแล้วปิดท้ายด้วยออสติน ผมก้มมองพรมสีแดงผืนหนา สลับกับเงยขึ้นมองเพดานลายฉลุหรูหราสีขาวทอง มีโคมไฟระย้าประดับเว้นช่องไฟอย่างสวยงาม ของประดับตามทางเดินไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่แจกันใส่ดอกไม้จริงที่มีอยู่ไม่เกินห้าอันตามทางเดิน เหมือนเข้าเน้นโชว์ตัวโรงแรมมากว่าของประดับประดาทั้งหลาย
   

“Here we are. (ถึงแล้วครับ)” คุณลุงเลขาเอ่ยบอกเมื่อตอนที่เรามาถึงประตูบานใหญ่สีขาวแบบสองบานติดกันหน้าประตูไม่ได้บอกเลขห้อง แต่ติดคำว่า Suit room ชัดเจน ลุงแกหันมามองออสตินด้วยท่าทีไม่สบายใจนัก ผมหันไปมองหน้าออสตินแล้วหันกลับไปมองลุงเขาอีกที


“I will go alone. (เดี๋ยวผมเข้าไปคนเดียว)” ผมหันกลับไปหาออสตินอีกที


“You don’t need to go with me. (ผมเข้าไปคนเดียวได้ครับออสติน)”


เขาทำท่าจะขัด แต่ผมพยักหน้ายืนยันตามนั้น เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับหนึ่งที คุณลุงเลขาถึงกับมีสีหน้าโล่งอก แหงล่ะ เกิดออสตินเข้าไปข้างในด้วย เจ้านายเขาก็ข่มผมได้ไม่เต็มที่สิ


“Scream and shout if something went wrong. (ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นส่งเสียงดังๆ แล้วกันนะครับ)” ผมยิ้มขำนิดหน่อยแล้วเดินตามลุงเลขาเข้าไปด้านใน แอบตะลึงกับความหรูของโรงแรมชื่อดังซึ่งอยู่อันดับต้นๆ ของโลก ห้องนี้เป็นห้องสวีตไม่ผิดเพี้ยน กว้างใหญ่ สะอาดตา และโคตรจะหรูหรา บอกได้เลยว่าผมไม่เหมาะกับที่นี่ เอ่อ ไม่เหมาะในที่นี้หมายถึงเงินผมนะ แต่ถ้าเงินสามีผมอะเหมาะแน่นอน และถ้าให้ผมมาพัก ผมก็พักได้อยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้มีร่างกายสกปรกซกมกป้ะ จะมานอนในที่แบบนี้มันจะเป็นอะไรไป ถึงหน้าไม่ให้แต่เงินสามีให้นะ


“He’s here, sir. (เขามาแล้วครับคุณท่าน)” ลุงเลขาเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง ผมยืนมองแผ่นหลังของคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงริมกระจกบานกว้างสำหรับไว้มองวิวสวยๆ ด้านนอกของนิวยอร์ก เห็นวิวเป็นยอดตึกสีดำมีแสงไฟดวงเล็กๆ ส่องกระพริบเหมือนต้นคริสต์มาส ส่วนคนตัวใหญ่ในที่นี้คือใหญ่จริงๆ เนื่องจากพ่อวิคเตอร์เป็นคนร่างหนา ไม่ได้อ้วน หนาเพราะกล้ามเนื้อเนี่ยแหละ คิดว่าสมัยหนุ่มๆ คงเฟิร์มกว่านี้ แต่ผมว่าแค่นี้ก็เรียกอีหนูได้หลายคนแล้ว ถ้าไปเมืองไทย ผมกล้ารับประกันว่าจะมีพวกเด็กเสี่ยรอต่อคิวเข้าฮาเร็มเยอะแน่ๆ


ลุคส์ เรย์มอนด์หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับผม เราสบตากัน ดวงตาของเขาเหมือนวิคเตอร์ราวกับก้อปปี้แล้ววางลงบนหน้าวิคเตอร์ แต่ความรู้สึกทางแววตานั้นต่างกันเยอะ เขาไล่สายตามองผมจากหัวจรดเท้า ถึงจะไม่ได้มองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม แต่นั่นก็ไม่ใช่สายตาที่ผมปรารถนาและคิดว่าคนมีมารยาที่ดีเขาไม่น่าจะทำกัน


“I don’t think you will become my son’s boyfriend. (ไม่คิดเลยนะว่าจู่ๆ วันนึงเธอจะกลายมาเป็นแฟนลูกชายฉัน)” เขาเปิดบทสนทนาก่อน เขาคงจำผมได้แม้ว่าจะเจอผมเพียงครั้งเดียว หรือไม่เขาก็คงให้คนไปสืบเรื่องผมมาแล้ว อีกอย่างคุณลิซ่าก็รู้จักผม เธอคงเล่าอะไรให้สามีเธอฟังบ้างอยู่แล้ว ผมกระตุกยิ้มมุมปากซ้ายเล็กน้อย ถึงผมจะรู้สึกตื่นเต้นและเกร็งอยู่บ้าง แต่คิดว่าจากการเผชิญหน้ากับลิซ่าและเซล่าในคราวเดียวกันเมื่อสี่วันก่อน มันทำให้ผมคุมสติได้ดีขึ้นพอสมควร


“Me neither. (ผมก็ไม่คิดเหมือนกันครับ)” พ่อของวิคเตอร์ยิ้มเพียงนิด


 “But I want a girlfriend for him, not a boyfriend. (แต่ฉันอยากให้เขามีแฟนสาวไม่ใช่แฟนหนุ่ม)”


“Unfortunately, he got a boyfriend. (โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ แต่พอดีเขาได้แฟนหนุ่ม)” เขาหรี่ตามอง แววตากำลังมองผมอย่างประเมิน


“It’s impossible between you and him. You know that? (รู้ใช่มั้ยว่าความรักของเธอกับวิคเตอร์มันเป็นไปไม่ได้)” ผมย่นคิ้วนิดหนึ่ง


“Why do you asked me You know that when it’s possible between him and me already. (ทำไมคุณถึงถามผมว่า รู้ใช่มั้ย ในตอนที่ความรักของผมกับวิคเตอร์เป็นไปได้แล้วล่ะครับ)” คนตรงข้ามผมจ้องผมตาไม่กะพริบ ผมก็เลยจ้องกลับ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าวใส่เขาแต่อย่างใด ก็แค่มองมาก็มองกลับเท่านั้นเอง


“You can’t lie to yourself that your love it’s gonna be forever. (เธอหลอกตัวเองได้ไม่นานหรอกว่าความรักเธอทั้งสองคนจะไปรอด)” ผมคลี่ยิ้มแวบหนึ่งแล้วหุบยิ้มหน้านิ่งตามเดิม


“I’m not. And I don’t know what are going to happen with our love in the future. But at this moment we have a good time in every day. (ผมไม่ได้หลอกตัวเองครับ แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าความรักของเราสองคนจะไปรอดมั้ย รู้แต่ว่าทุกวันนี้เราสองคนมีความสุขกันดี)” คุณลุคส์ยิ้มหึ แววตาฉายความเคืองวาบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเดินมาตรงโต๊ะยาวแบบนั่งได้ประมาณสิบคน คงเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร เขาเลื่อนเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะแล้วนั่งลง ก่อนจะผายมือมาทางเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ซึ่งผมยืนอยู่ใกล้ๆ ผมเขยิบเท้าเข้าไปสามก้าว เลื่อนเก้าอี้ออกห่างจากตัวโต๊ะเล็กน้อยแล้วหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามกับพ่อวิคเตอร์ เราอยู่ห่างกันพอสมควรและผมคิดว่าเขากำลังบอกอะไรบางอย่างกับผมผ่านตำแหน่งการนั่งครั้งนี้


“ฉันสั่งอาหารไว้ด้วย ทานไปคุยไปก็แล้วกัน อ้อ เธอคงจะไม่ว่าอะไรถ้าหากฉันจะมีแขกพิเศษมาร่วมโต๊ะด้วยหนึ่งคน” ผมไหวไหล่ทั้งสองข้างนิดหนึ่งแล้วยิ้มน้อยๆ


“ห้องคุณนี่ครับ” ชายสูงวัยมาดภูมิฐานกระตุกยิ้มมุมปากหนึ่งที ก่อนจะดีดนิ้วเป็นสัญญาณ สักพักลุงเลขาก็เดินนำเหล่าพนักงานเสิร์ฟสี่คนออกมา สองคนแรกถือจานอาหาร ถัดไปอีกสองคนถือเครื่องดื่มกับแก้วหนึ่งใบ ทั้งสี่คนแบ่งกันไปเสิร์ฟฝั่งพ่อวิคเตอร์สองคนและมาเสิร์ฟฝั่งผมอีกสองคน อาหารที่ได้รับคือสเต็ก ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นสเต็กเนื้อแน่ๆ


“ผมไม่กินเนื้อครับ” คุณลุคส์ที่กำลังเริ่มหั่นเนื้อสเต็กอยู่เลิกคิ้วขึ้นมองผมอย่างประหลาดใจ


“งั้นเหรอ ฉันเปลี่ยนให้ก็แล้วกัน…”


“…ไม่ต้องหรอกครับ เพราะจริงๆ ผมก็ยังไม่หิว แล้วอีกอย่างผมมีนัดทานข้าวกับวิคเตอร์แล้ว” เขามองผมด้วยสายตาไร้อารมณ์ แต่สีหน้าก็แสดงออกว่าไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ ผมดันจานอาหารออกห่างจากตัวนิดหนึ่งแล้วไม่สนใจหยิบไวน์ขาวที่พนักงานเทให้มาดื่มเลยสักนิด


“คุณมีอะไรก็พูดมาเลยเถอะครับ บอกตามตรงว่าผมรีบ” นี่ก็จะหกโมงแล้ว เสียเวลาทำเค้ก ทำอาหารไปเยอะเลย วิคเตอร์เลิกกองประมาณหนึ่งทุ่ม กลับไปทำอาหารไม่ทันก่อนเขากลับมาแล้วละ


“เลิกกับเขาซะ…”


“…ผมไม่เลิก” คิดอยู่แล้วว่าต้องเล่นประเด็นนี้ ประเด็นยอดฮิตของความรักชายรักชายที่มาจากคนในครอบครัว


คุณลุคส์ไม่ได้มีท่าทีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ก็มองผมนิ่งแบบกดดันเต็มที่ “เธอกำลังจะทำให้ชีวิตเขาพัง”


“ผมรู้ว่าคุณไม่ยอมรับกับความรักแบบนี้ แต่ผมคิดว่าความรักที่ผมมีให้กับเขามันคงไม่ถึงขั้นทำลายเขามั้งครับ”


“อย่าน้ำเน่า ความรักอย่างเดียวมันไม่พอหรอก เธอต้องดูคนรอบข้างด้วย โลกนี้ไม่ได้มีแค่เธอสองคน” ผมรู้สึกจุกตรงคอหอยแปลกๆ เพราะประโยคนี้ผมเพิ่งพูดกับวิคเตอร์ไปเมื่อวานหลังจากเรามีอะไรกัน เพียงแต่ประเด็นที่ต้องการจะสื่อนั้นต่างกัน แต่มันก็แอบสะกิดใจผมอยู่เหมือนกัน


“ถึงฉันกับวิคเตอร์จะไม่ใช่พ่อลูกผูกพันอะไรกันมาก แต่อย่างน้อยที่สุดคือฉันกับเขาเรามีสายเลือดเดียวกัน แล้วฉันก็ไม่ได้ทิ้งขว้างเขา ฉันก็ส่งเสียเลี้ยงดูเขาในฐานะพ่อคนหนึ่งมาตลอด…” ผมเม้มริมฝีปากที่แห้งผากเข้าหากัน แววตาเริ่มสั่นไหวเล็กๆ แต่ก็พยายามไม่ให้ตัวเองสติหลุดไปไหน


“…ฉันไม่เถียงหรอกนะว่าเขารักแม่ฉันแล้วก็แม่เขามากกว่า และฉันก็จะไม่โกหกเธอหรอกว่า วิคเตอร์ไม่เคยให้อภัยกับความผิดพลาดของฉัน แต่เราก็ยังไม่ตัดขาดกัน เธอก็น่าจะเห็น”


“ใช่ครับ ผมเห็น เห็นว่าคุณพยายามมาตักตวงผลประโยชน์จากลูกชายตัวเอง” คุณลุคส์ยิ้มมุมปากขวานิดเดียว ดวงตาคมกริบของเขามองผมอย่างวิบวับ ท่าทีของเขายังดูสบายๆ แถมยังยกไวน์ขึ้นจิบอีกต่างหาก


“มันเป็นสิ่งที่คนเป็นลูกควรทำ” คราวนี้ผมยิ้มอ่อนบ้าง


“แล้วคุณแน่ใจได้ยังครับว่าเขาจะทำตามที่คุณบอก” ผมคลี่ยิ้มมากขึ้นอีกนิดเมื่อเห็นว่าใบหน้าคนตรงข้ามนั้นขึงตึงขึ้นมา


“เขาจะทำ ถ้าไม่มีเธอ ฉันถึงบอกให้เลิกกับเขาซะ” ผมถอนหายใจแผ่วเบา


“ผมเลิกให้ได้นะครับ แต่เขาจะยอมเลิกกับผมรึเปล่า” นี่ เอาสิ ขอหลงตัวเองหน่อยเถอะ ผัวฉันก็รักหลงฉันมากพอตัวนะ


“เขาคงรักเธอมากสินะตอนนี้…” คุณลุคส์ยิ้มเยาะหน่อยๆ “…ใช่ ฉันเคยเห็นมาแล้วละ” ผมย่นคิ้วนิดหนึ่ง และคิดว่าที่เขาบอกว่าเคยเห็นคงไม่ใช่ระหว่างผมกับวิคเตอร์แน่ๆ คงเป็นแฟนเก่าของเขาสักคน


“กับแฟน…” เขาย่นคิ้ว ชะงักคำพูดตัวเองไป ก่อนจะยกยิ้มกริ่มแล้วพูดต่อ


“…ไม่สิ กับเมียคนแรกของเขาน่ะ” ใจผมหล่นวูบ รู้สึกอุณหภูมิในร่างกายเย็นลงไปอีก สีหน้าผมค้างเติ่งกับสิ่งที่ได้ยิน เมียในที่นี้คืออะไร วิคเตอร์เคยแต่งงานมาแล้วงั้นเหรอ ทำไมไวโอล่าไม่เห็นเล่าให้ฟังล่ะ เขาหมายถึงแค่แฟนรึเปล่า อาจจะใช้คำศัพท์ผิดหรือจงใจทำให้ผมคิดมาก ไม่ ผมต้องไม่เชื่อคนอื่นมากกว่าวิคเตอร์


“ลูกชายฉันรักหล่อนมาก รักถึงขนาดยอมทำผิดมหันต์” หัวสมองผมตื้อไปชั่วขณะ ยังนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรช่วงระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของผมตึง มองหน้าของพ่อวิคเตอร์อย่างไว้ท่าที ผมยังปักใจเชื่อเขาทั้งหมดไม่ได้ ต้องรอฟังจากปากของวิคเตอร์ว่ามันคืออะไร หวังอย่างเดียวว่าวิคเตอร์คงไม่ได้มีลูกติดกับใครสักคนมาก่อน


“ความรักช่วงปีแรกๆ มันก็เหมือนพระอาทิตย์ตกดินเหนือทะเลสาปนั่นแหละ สวยงามจับจิต ประทับใจ แต่พอดวงอาทิตย์ลับไปก็มีแต่ความมืดมน” คุณลุคส์หั่นเนื้อสเต็กขนาดพอดีคำแล้วจิ้มเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะจิบไวน์ตามลงไป


“ถ้าความรักของผมกับวิคเตอร์มันเริ่มจากความรู้สึกรักตั้งแต่แรก มันก็อาจจะเป็นแบบที่คุณว่าก็ได้ครับ” ในที่สุดผมก็ดึงสติตัวเองกลับมาใส่หัวจนได้ และคราวนี้เป็นฝ่ายพ่อวิคเตอร์ที่ขมวดคิ้วบ้าง ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของแม่ คำพูดที่ทำให้ผมกลับมาไว้ใจวิคเตอร์อีกครั้ง คำพูดที่ทำให้ผมละทิ้งความผิดที่เขาทำออกไปจากใจ แล้วบินมาหาเขาที่นิวยอร์กพร้อมกับความไว้ใจในตัวเขาอีกรอบ


“ความรักที่ค่อยๆ เติบโตเหมือนต้นไม้ แม่ว่ามันจะแข็งแรงมากๆ มันดีกว่ารักที่คนหนึ่งเริ่มจากร้อย อีกคนเริ่มจากศูนย์ หรือเริ่มจากการจีบกันซะอีก แม่ว่าความรักที่ค่อยๆ โตขึ้นในใจของคนทั้งคู่ มันเป็นรักที่หาได้ยากนะ”


“ไม่ว่าความรักของพวกเธอจะเริ่มจากไหน เริ่มต้นยังไง แต่จงรู้ไว้ว่ามันไม่ถูกต้อง” ผมยิ้มเพลียหน่ายใจ


“แล้วความถูกต้องคืออะไรครับ ผู้ชายกับผู้หญิงงั้นเหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้น มองเขาอย่างแสร้งสงสัยทั้งที่รู้คำตอบของเขาอยู่แล้ว


“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นน่ะสิ” ผมยิ้มสมเพชเล็กน้อยแล้วส่ายหัวไปมาช้าๆ พ่อของวิคเตอร์จ้องผมอย่างแข็งกร้าว


“ผมไม่คิดเลยว่าคนที่ก้าวหน้าในธุรกิจระดับสูงอย่างคุณ จะมีวิสัยทัศน์ในเรื่องละเอียดอ่อนอย่างความรักต่ำมาก” เขาขบกรามแน่น จ้องผมอย่างกับจะเข้ามาบีบคอให้ได้


“ถ้าเธอรู้อดีตของเขา เธอรับไม่ได้หรอก เหมือนแฟนคนแรกเขายังไงล่ะ…” เขาเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง แล้วพูดต่อ


“…ฉันหมายถึงแฟนเขานะ ไม่ใช่เมียเขา” ผมย่นคิ้ว อะไรกัน มีตัวละครสองคนเหรอ เมียที่เขาเอ่ยแต่แรกนั่นไม่ใช่แฟนเขารึไง จะบอกว่าไม่หวั่นไหวหรือใจไม่เต้นด้วยความกังวลก็เป็นไปไม่ได้หรอก มันเริ่มจะว้าวุ่นในอกขึ้นมาแล้ว แต่ผมไม่คิดถามพ่อวิคเตอร์เด็ดขาด ผมจะรอถามจากวิคเตอร์เอง เพราะถ้าถามจากพ่อเขา รับรองได้เลยว่าเขาจะต้องเสริมเติมแต่งจนทำให้ผมสติเตลิดแน่ๆ ตอนนี้ต้องแกร่งไว้ก่อน


“อดีตเขาเป็นยังไงผมไม่รู้หรอกครับ และผมไม่ต้องการฟัง เพราะปัจจุบันเขามีความสุขดี คุณควรได้เห็นรอยยิ้มของลูกชายคุณเวลาอยู่กับผมนะ” ผมยิ้มบางๆ รู้สึกหมั่นไส้ตัวเองอยู่ในใจกับความมั่นระดับจักรวาลของตัวเอง พ่อวิคเตอร์ยิ้มมุมปาก


“ไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนกันล่ะ” อุ๊ย ด่าเลยดีกว่าถ้าจะพูดแบบนี้ แต่ไหนๆ ก็มั่นใจไปแล้ว ก็ต้องไปต่อ


“จากลูกชายคุณนั่นแหละครับ” ไม่อยากบรรยายให้คุณพ่อฟังนะว่า ลูกชายตัวเองน่ะชอบทำให้ผมรู้สึกอย่างกับตัวผมเป็นนางงามจักรวาลก็ไม่ปาน


คุณเรย์มอนด์ตัวพ่อตีหน้านิ่ง เขาหยุดกินสเต๊กไปได้สักพักแล้วหลังจากกินมันไปได้เพียงครึ่งเดียว ตอนนี้กำลังมองผมนิ่งสนิท ดวงตาที่เหมือนวิคเตอร์นิ่งจนผมอ่านไม่ออก แต่ก็เดาได้ว่าคงกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ที่เกี่ยวกับผมและวิคเตอร์ ผมเองก็ไม่หลบตาแต่ก็มีอาการสั่นไหวน้อยๆ เหมือนกัน


“เธอกำลังจะทำให้ตระกูลเรย์มอนด์หายไป” ดวงตาเขาเศร้าลงนิดหนึ่ง เห็นแบบนั้นผมก็แอบใจกระตุกเบาๆ เพราะผมพอจะเข้าใจความรู้สึกในประเด็นนี้ เนื่องจากแม่ผมก็ชอบพูดอยู่บ่อยๆ ถึงเรื่องการสืบสกุล


“ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณดูแลเขาในฐานะพ่อดีมากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่ผมสัมผัสมา เขาไม่เคยเทิดทูนคุณเท่าแม่และย่าเลย…” มันอาจจะใจร้ายและคงดูก้าวร้าวหน่อยๆ แต่คุณลุคส์เองก็ใช่ว่าจะรักษาน้ำใจผม ฉะนั้นเมื่อเขาทำหน้าสลดลง ผมจึงแสร้งเมินผ่านไป


“…ผมเลยไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่กับการที่คุณจะมาห่วงวงศ์ตระกูล คุณมีภรรยาใหม่คือคุณลิซ่า มีชู้เป็นโสเภณีจนมีไวโอล่า ซึ่งนั่นคุณจะบอกว่าเป็นการสืบสกุลของคุณรึเปล่าครับ” และอาจจะมีใครคนอื่นที่ผมไม่รู้อีกก็เป็นได้


ผมคงพูดมากและสะกิดใจเขามากไป ใบหน้าของคุณลุคส์จึงเริ่มดุขึ้น แววตาของเขาที่มองมานั้นหยาบกระด้างและหยาบคายอย่างชัดเจน


“นั่นไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่าคิดว่ารู้เรื่องภายในครอบครัวฉันแล้ว เธอจะมีสิทธิ์มาพูดจากับฉันแบบนี้ และอย่าคิดว่าฉันจะรับเธอมาเป็นครอบครัวเดียวกัน” น้ำเสียงที่เขาใช้พูดนั้นไม่ใช่น้ำเสียงตะคอกหรือกราดเกรี้ยว แต่เป็นน้ำเสียงนิ่งๆ อันหนักแน่นเน้นย้ำในทุกคำศัพท์ที่เปล่งออกจากปากเขา และมันก็ค่อนข้างได้ผลเพราะท่อนท้ายของประโยคกระแทกใจผมอยู่ไม่น้อย


“จำไว้ให้ดี โลกนี้ไม่ได้มีเธอกับวิคเตอร์แค่สองคน ความรักโง่ๆ ที่พวกเธอมีให้กันน่ะ มันพาพวกเธอไปไม่รอดหรอก” เมื่อเห็นว่าผมโดนตอกจนนิ่งไป เขาจึงตอกซ้ำเติมอีกระลอก คงกะเอาให้ผมหงายเงิบ


ก๊อกๆ


เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมนึกถึงออสตินว่าอาจจะเป็นเขาเนื่องจากผมหายเข้ามาในนี้นานหลายนาทีแล้ว คุณลุงเลขาเดินผ่านโต๊ะทานอาหารไปทางประตูห้อง ผมได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วได้ยินเสียงทักทายกัน ผมย่นคิ้วเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงแทนที่จะเป็นออสติน แล้วสักพักลุงเลขาก็เดินมาพร้อมกับหญิงสาวใบหน้าสวยมากคนหนึ่ง ผมลอนสีโค้กแสกกลางของเธอเด้งเป็นจังหวะยามเดิน จังหวะการเดินของเธอนั้นสตรองมาก ขนาดแค่ว่าเดินมาที่โต๊ะอาหารซึ่งเป็นระยะทางสั้นๆ เธอยังเดินได้สับๆ พอคลี่ยิ้มเท่านั้นแหละ น่ารักอย่างกับตุ๊กตา ดวงตาสีเทาอ่อนของเธอสวยมากเลย


“สวัสดีค่ะคุณเรย์มอนด์” เธอเดินผ่านผมไปหาพ่อวิคเตอร์ ฝ่ายชายลุกขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง ทั้งสองเอาแก้มชนกันมาเบาๆ


“เชิญนั่งเลยไดอาน่า” ผมมองตามกิริยาของเธอคนนั้น เธอดูสง่ามาก ดูมีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเลย แล้วคือเธอไม่ล้น ไม่เยอะ แต่กำลังพอดี


“ว้าว หนุ่มน้อยน่ารักคนนี้ใครเหรอคะ” เธอหันมามองผมแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร ผมเห็นรอยยิ้มเธอแล้วก็ต้องยิ้มตาม เพราะเธอยิ้มได้น่ามองมาก


“แฟนของวิคเตอร์ที่เคยบอกน่ะ…” เธอเบิกตากว้างขึ้นแล้วอ้าปากกว้างเป็นรอยยิ้ม ดูเธอจะทึ่งมากที่ได้เจอผม


“…แต่หนูไม่ต้องกังวลหรอกนะ” เธอสั่นหัวรัวๆ ทันที


“ไม่เลยค่ะ คือฉันหมายความว่า เขาน่ารักมากเลยนะคะ” เธอยิ้มน่ารัก บรรยากาศในห้องที่ตอนแรกอึมครึมๆ ดูสว่างขึ้นมาเพราะเธอเลย พ่อของวิคเตอร์ยิ้มขำน้อยๆ


“แต่ถึงยังไงฉันก็ยืนยันตามความต้องการที่เคยบอกไป” เธอทำปากยื่น ย่นคิ้วแล้วส่ายหัวไปมาน้อยๆ


“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันว่าการทำอะไรแบบนั้นมันล้าสมัยมากๆ แล้วฉันกับลูกชายคุณก็เคยพบกันแค่ครั้งเดียว”


“ฉันถึงต้องการให้หนูมาพบกับเขาบ่อยๆ ยังไงล่ะ…” ผู้หญิงที่ชื่อไดอาน่าทำหน้าไม่ค่อยจะโอเคสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนมากนัก อาจเพราะเกรงใจพ่อวิคเตอร์อยู่


“…ขอแนะนำให้เธอได้รู้จักกับไดอาน่า คู่หมั้นของวิคเตอร์” ผมอ้าปากค้างขึ้นนิดหนึ่ง มองไปทางไดอาน่าอย่างตกตะลึง คงเป็นเธอคนนี้สินะที่ไวโอล่าเล่าให้ผมฟัง


“ไม่ใช่ล่ะ อย่าไปฟังคุณเรย์มอนด์เขาพูดมากเลยนะ ฉันมีเพื่อนเป็นเกย์เยอะมาก ฉันรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร” เธอย่นหน้าพร้อมกับไหวไหล่ ผมเกือบจะยิ้มแต่ก็ทำได้แค่เงอะงะ ไม่แน่ใจในท่าทีของเธอว่าไม่คิดอะไรจริงๆ หรือกลบเกลื่อนกันแน่ เมื่อกี้เธอบอกว่าเคยพบกับวิคเตอร์เพียงครั้งเดียวด้วย เขาไปพบกันตอนไหนนะ


“อย่าคิดมากนะ เอ่อ เธอชื่อแมทใช่มั้ย ลิซ่าเล่าให้คุณเรย์มอนด์ฟังและเขาก็เล่าให้ฉันฟังอีกทีน่ะ” เธอหัวเราะร่าเริง เอาจริงๆ ผมจะไม่กลัวเธอเลยถ้าเธอมาแบบผู้หญิงประเภทบิชชี่ (bitchy) เพราะแบบนั้นน่ะวิคเตอร์ไม่ชอบแน่ๆ แต่มาแบบนี้ บอกตรงๆ ผมกลัว ขนาดผมยังรู้สึกชอบเธอเลย เธอดูสดใส ร่าเริง ถ้าอันเดรียนาว่าน่ากลัวแล้ว ไดอาน่าน่ากลัวแบบเหนือเมฆมาก


แล้วทำไมผัวผมถึงมีเสน่ห์กับผู้หญิงสระอานักนะ แฟนคนแรก เมียคนแรกที่พ่อเขาบอกนี่ลงท้ายด้วยสระอาหรือเปล่า


“ฉันว่าเขาก็เหมาะกับวิคเตอร์ดีออกค่ะ” เธอมองผมแล้วยิ้มอย่างจริงใจ พ่อวิคเตอร์ยิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหัว


“ไม่ เธอเหมาะกับเขามากกว่า” ผมเม้มปากเบาๆ แล้วถอนหายใจแผ่วๆ มองหน้าพ่อวิคเตอร์อย่างเอือมระอา ไดอาน่าย่นคิ้วแล้วทำหน้าเคืองๆ


“คุณนี่ใจร้ายจริงๆ แค่เขาไม่ใช่ผู้หญิงก็ว่าเขาไม่เหมาะแล้ว” ผมได้แต่หวังว่านี่คือความรู้สึกจากใจของเธอจริงๆ เพราะผมจะขอบคุณเธอมาก ยอมรับว่าผมยังครึ่งๆ กลางๆ กับเธออยู่ จะให้ผมชอบเธอเต็มร้อย ชื่นชมเธอเต็มที่ได้ไง เธอถูกหมายมั่นปั้นมือจะให้มาเป็นภรรยาของวิคเตอร์นะ


แกรก!


เสียงบิดประตูดังขึ้น แล้วไม่นานร่างของออสตินก็ปรากฏขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไดอาน่าหันไปยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ออสตินผงกหัวให้นิดหน่อย


“คุณเรย์มอนด์ตามให้กลับบ้านแล้วครับ ตอนนี้เขาทราบแล้วว่าคุณแมทมาพบพ่อตัวเอง…” ออสตินเลื่อนสายตาเรียบนิ่งไปพ่อวิคเตอร์ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา


“…และเขาไม่พอใจมาก” คุณลุคส์มองออสตินอย่างไม่ชอบใจ ใบหน้าของเขาตึงเครียด ผมลุกขึ้นยืนแล้วหันไปยิ้มให้คุณไดอาน่านิดหน่อย เธอยิ้มกว้างตอบกลับมา ผมกระตุกยิ้มอีกที รู้สึกใจเต้นตึกตัก บอกตรงๆ ว่าถ้าวิคเตอร์ได้ใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงคนนี้ เขาคงชอบเธอแน่ๆ และทั้งสองก็เหมาะกันมากด้วย เหมาะกว่าชารอน เหมาะกว่าอันเดรียนาที่ผมเคยคิดกลัวซะอีก


“If there’s nothing. I have to excuse myself. (ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะครับ)” ผมบอกเสียงเรียบ คุณลุคส์ไม่ได้ทักท้วงอะไร ส่วนไดอาน่าก็ยังคงยิ้มกว้างน่ารักตามเดิม ผมหมุนตัวเดินนำออสตินออกจากห้องไป โดยที่นำความสำเร็จของพ่อวิคเตอร์ติดตัวไปด้วย นั่นคือความกลัว ความไม่สบายใจ การพบกันครั้งนี้มันเหมือนการขับรถแข่ง บางครั้งผมขึ้นนำ พ่อวิคเตอร์ตาม แล้วบางครั้งพ่อวิคเตอร์นำ ผมเป็นผู้ตาม แต่สุดท้ายเขาก็น็อคเอ้าท์ผมด้วยการพาตัวเสริมอย่าไดอาน่าเข้ามาฮุคผมเต็มๆ

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-05-2016 01:42:11
V
v
v

ผมกับออสตินขึ้นแท็กซี่กลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบสองทุ่ม หิมะกำลังโปรยปรายเบาๆ เราเดินขึ้นบันไดหน้าบ้านอย่างช้าๆ เพราะกลัวลื่นหิมะหัวแตก หยุดเคาะเศษหิมะออกจากรองเท้าแปบหนึ่ง ตอนที่กำลังจะไขประตูบ้านเข้าไป ผมได้ยินเสียงแว่วๆ เหมือนคนกำลังทะเลาะกัน ผมหันไปมองหน้าออสติน สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้น


“รีบเปิดประตูเถอะครับ” หัวใจเพิ่งจะสงบนิ่งไประหว่างนั่งแท็กซี่กลับมาบ้าน ตอนนี้มันเต้นตึกๆ ขึ้นมาอีกแล้ว ยิ่งเห็นออสตินดึงปืนออกมาจากด้านในเสื้อกันหนาวผมยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ วินาทีที่ผมดันประตูบ้านเข้าไป เสียงทะเลาะก็ดังชัดเจนยิ่งขึ้น


“ออกไป! รู้จักอายบ้าง อย่าให้มันมากเกิน!” เสียงตะคอกของวิคเตอร์ดังออกมาจากห้องโถงของบ้าน ผมกับออสตินรีบเดินเอาของไปวางไว้บนโต๊ะหินอ่อนในห้องครัว


“มองฉันสิวิคเตอร์! มองฉัน ไม่คิดถึงฉันแล้วจริงๆ เหรอ เธอเคยเสพติดมันนะ!” ผมขมวดคิ้วเมื่อเสียงผู้หญิงอีกคนที่อยู่กับวิคเตอร์มันช่างคุ้นหู ผมหันไปมองหน้าออสติน เขาเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน แล้วสักพักเขาก็เบิกตากว้างขึ้น ทำเอาผมตกใจ


“อะไรเหรอ?!” ผมถามเสียงกระซิบ ออสตินเก็บปืนเข้าไปในเสื้อกันหนาว แล้วยืนนิ่งฟังบทสนทนาต่อ


“เธอก็รู้นี่ว่าเคย! ตอนนี้ฉันไม่สนใจมันแล้ว ฉันลืมไปหมดแล้ว!”


“ฉันไม่เชื่อ! เรื่องราวระหว่างเรามีตั้งมากมาย เธอจะลืมมันง่ายๆ ได้ยังไง!”


“ใช่! ฉันไม่ได้ลืมมันง่ายๆ แต่ฉันก็ลืมไปแล้ว ปัจจุบันฉันมีความสุขกับแมทดี” วิคเตอร์ตะคอกกลับ ผมเริ่มขมวดคิ้วหนักขึ้นเมื่อเสียงผู้หญิงคนนั้นมันคุ้นหูขึ้นเรื่อยๆ แต่เพราะมันปนกับเสียงสะอื้นไห้ผมเลยนึกไม่ออกทันที บวกกับสมองผมกำลังมึนจากเหตุการณ์ก่อนหน้าอยู่


“ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ นายจะมีความสุขกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงได้ยังไง?!”


“ฉันก็ไม่ได้ขอให้เธอมาเชื่อ ฉันรู้ตัวฉันเองก็พอ!”


“วิคเตอร์ มองหน้าฉัน…” ผู้หญิงคนนั้นพูดปนเสียงสะอื้น ในน้ำเสียงมีทั้งความอ้อนวอนและขอร้องในคราเดียวกัน


“…นึกถึงวันเก่าๆ ที่เราอยู่ด้วยกันสิ ดึงสติกลับมา นายชอบผู้หญิงวิคเตอร์ นายคู่ควรกับผู้หญิง”


“มันไม่เกี่ยวกับว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอไม่เข้าใจหรอก!” ริมฝีปากผมแห้ง ลำคอแห้งผาก หัวใจเต้นตุบๆ ตุบๆ มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ พอหันไปมองออสติน เขาก็ทำหน้าเครียดน้อยๆ อยู่


“แล้วไอ้วันเก่าๆ ทั้งหลายน่ะ ฉันก็โยนทิ้งไปพร้อมกับคนเก่าๆ แก่ๆ อย่างเธอแล้วไง!” จู่ๆ หัวใจผมก็กระหน่ำเต้นแรงขึ้นเมื่อความรู้สึกเริ่มจะจับได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่ก็ยังไม่ถึงกับมั่นใจฟันธงกับตัวเอง ขาทั้งสองก้าวออกจากห้องครัวไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ เดินไปห้องโถงพร้อมกับหัวใจที่เต้นโครมคราม


“อย่าหลอกตัวเองเลยวิคเตอร์ ถ้าเธอลืมฉันจริง แล้วครั้งล่าสุดที่เรามีอะไรกันล่ะ?!”


“โอ๊ย นั่นมันนานแล้วแม่คุณ ฉันเมานิดหน่อย เธอก็มาเสนอให้ ขนาดฉันมึนๆ ฉันยังจำได้เลยว่าเธอขย่มฉันเองทั้งนั้น ฉันไม่ได้แตะต้องเธอเลยสักนิด!” เท้าผมก้าวมาหยุดตรงทางเข้าห้องโถง หัวใจกระหน่ำชนผนังอกแรงเข้าไปอีก แรงจนกลัวว่ามันจะกระเด็นพุ่งออกมาจากอก ผู้หญิงผมทองสว่างคนหนึ่งยืนเปลือยทั้งตัวต่อหน้าวิคเตอร์ที่อยู่ในชุดลำลอง


“เฮ้ย! ตั้งสติหน่อยได้มั้ย!!” ผมยืนตัวแข็งทื่อกับภาพที่เห็น ความรู้สึกชาแล่นตั้งแต่หนังหัวลงไปทั้งตัวแล้วลามไปถึงปลายเท้า


ผู้หญิงเปลือยคนนั้นพุ่งตัวเข้าไปกอดวิคเตอร์เอาไว้ บดเบียดหน้าอกหน้าใจของเธอเข้ากับอกแกร่งวิคเตอร์ ยื่นหน้าไประดมจูบวิคเตอร์รัวๆ ไอ้ยักษ์หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเบี่ยงหน้าหนี แต่ก็โดนจูบปาก จูบแก้มไปหลายที สองมือของเขาจับร่างอวบอิ่มเอวคอดกิ่วนั้นไว้ก่อนจะออกแรงดันจนผู้หญิงคนนั้นเซถอยหลังเกือบล้มลง แต่วิคเตอร์ไม่ได้เข้าไปช่วยประคอง เขายืนหอบเล็กน้อย มองเธอด้วยสายตาโกรธจัด ตั้งท่าอ้าปากจะพูดอะไรต่อ แต่พอหันมาเห็นผมเขาก็เบิกตากว้าง


“แมท…” เขาเรียกผมเสียงแผ่ว ผมยังคงยืนหัวตื้อ หน้ามึนอยู่กับที่ มีออสตินยืนอยู่ด้านหลัง ร่างกายผมชาไปทุกส่วน มันรู้สึกตะลึง ทึ่ง แล้วก็อึ้งที่ได้เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งพยายามจะปลุกปล้ำผู้ชายอีกคน เคยได้ยินมาบ้างว่ามีผู้หญิงแบบนี้อยู่ แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมาเห็นด้วยตาตัวเอง ผมเลื่อนสายตาไปมองผู้หญิงคนนั้น กำลังจะได้สติกลับคืนมา แต่พอเธอหันหน้ามาเท่านั้นแหละ สติผมก็ลดฮวบ ริมฝีปากอ้ากว้างกว่าเดิม ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ


“คุณลิซ่า…” คราวนี้ตัวผมชาวาบเหมือนวิญญาณออกจากร่าง มันเย็นจนไร้ความรู้สึก หัวใจหล่นหายไปไหนไม่รู้ เหมือนว่ามันไม่เต้นอีกแล้ว มันหยุดเต้นไปแล้ว ผมยืนมองหน้าคุณลิซ่าที่กำลังร้องไห้ตาแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงทำหน้าเชิดทระนงอยู่ดี



 :katai1:

มีเรื่องแล้วค่ะหมวดดด อยากจะทำเค้กให้สามีทาน แต่ต้องเจอกับเรื่องราวของสามีที่ทำให้ใจเต้นระส่ำแล้วระส่ำอีก โถ ลูกแม่ เอาแป้งทำเค้กปาหน้านังลิซ่าเลยค่ะ !

จริงๆ ปมนี้ก็ไม่ได้ซ่อนลึกลับซับซ้อนอะไรนะ 55555 ถ้าใครอ่านแบบจับผิดหน่อยน่าจะจับได้ว่าน้ำเสียงตะคอกๆ แบบนี้ จะชอบใช้กับลิซ่าซะส่วนมาก

หลายๆ คนคงเดาถูก มันไม่ใช่ปมพลิกล็อกหรือยากอะไรเนอะ 55555

เคลียร์ให้น้องด้วยนะคะอียักษ์ ยังไงคะ ยังไง ซุกซ่อนเมียเก่าแก่ไว้ใกล้ตัวกันแบบนี้เลยนะ ต้องมาดูว่าแมทจะสตรองได้อีกมั้ย เพราะเจอพ่อวิคเตอร์ไปยกนึงนางก็อึนละ สู้ค่ะลูกสาว 

ยังเจอกันตามปกตินะคะ ยังคงลงเนื้อหานิยายจนจบ ลงตามปกติ เปิดพรีหนังสือแล้วก็จริง แต่ยังคงลงตามปกติไม่มีหยุด ลงจนจบตอนหลักของพาร์ทนี้ จำนวนตอนของตอนหลักก็ใกล้จะจบแล้ววว

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-05-2016 01:57:27
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 05-05-2016 02:01:44
อุ้ยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Noah ที่ 05-05-2016 02:08:24
ว่าแล้วว่าตัวละครปริศนาจะต้องเป็นนังนี่ - -
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-05-2016 02:09:27
  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-05-2016 06:26:25
ผัวมีเสน่ห์ขนาดนี้ เอามีดกรีดหน้าซะหลายๆทีดีมั้ย ให้หมดหล่อเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-05-2016 07:14:40
กระทั่งลิซ่าเลยอ่อ เสน่ห์วิคแรงไปไหมเนี่ย หรือชะนีร่านเองล่ะเหวย

ลุคส์รู้เรื่องนี้ด้วยสินะ

แต่สงสารแมท งานนี้ศึกหนักอีกแล้ว T T
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 05-05-2016 07:38:19
สงสารแมทอีกล่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-05-2016 08:39:48
โอะโอ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 05-05-2016 09:09:22
ลำไยมาทั้งสวน ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก  :z6: ลิซ่าเป็นเธอเองสินะ รำคาญคนในตระกูลวิคเตอร์มาก แล้วพ่อไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ใช้ผู้หญิงคนเดียวกันกับลูก จะอ้วก แล้วยังมาทำเรื่องทุเรศๆกับแมทโดยการพาคู่หมั้นลูกตัวเองมาหยามอีก คนแบบนี้ต้องสั่งสอนให้หนัก เอาเลยแมท สู้เขา!!! :katai4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 05-05-2016 10:44:05
คนใกล้ตัวทุกคนเลยยย แมทยังจะเชื่อใจใครได้อีก

 #สงสารแมท ดูสิอิยักษ์จะทำไง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-05-2016 11:08:27
ถ้าแค่ยัยลิซ่าแมทคงแค่ช็อค แต่จากเหตุการณ์ที่พี่วิคปฎิเสธยัยนี่แมทคงพอตั้งสติได้ แต่กับไดอาน่า ถ้ามาแบบนางเอกขนาดนี้ แมทจะสู้ไหวมั้ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-05-2016 11:10:00
ปวดหัวแทนจริงๆเลนค่ะแมท ผัวหนูนี่เป็นที่ต้องการของตลาดเายจีง

งานนี้ยอกคำเดียวเลยว่าต้องโคตรสตรองค่ะลูก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-05-2016 11:42:25
โอยยย
มีความวุ่นวายในชีวิต
ถ้าเราเป็นแมทคงสตรองไม่ออกอะบอกเลย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 05-05-2016 13:42:48
เราแม่ง ๆ ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้คนนี้ต้องมีซัมทิงบางอย่างแน่ ๆ เพราะวิคเตอร์ดูจะเกลียดเธอมากกว่าแม่เลี้ยงทั่วไป เราเดาเอาว่าเจ้คงหลอกกินเด็กน่ะ แต่กำลังลุ้นว่ามีก่อนแต่งกับพ่อหรือว่ามีหลังน่ะ แล้วแฟนที่รู้ก้อรับไม่ได้เลยเลิกกับวิค 555 ตอนนี้แมทจะสตรองไหม ลุ้นต่อไปมาอัพเร็ว ๆ น่ะ แต่ชอบการโต้ตอบของแมทกับพ่อมาก  o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-05-2016 14:10:30
เอาอีกแล้ว เกิดเรื่องอีกแล้วไง อิพี่ยักษ์นี่จะเสน่ห์แรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 05-05-2016 16:02:31
สงสารแมทจัง เจอบ่อยไปแล้ววว โอ๋ๆๆ กอดๆ ไปซบอกออสตินหรทออดัมก่อนก็ได้นะลูก
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-05-2016 21:48:54
คิดไว้ไม่มีผิด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-05-2016 11:41:59
แมทต้องสตรองแค่ไหนถึงจะรับเรื่องชะนีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของพี่ยักษ์ได้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-05-2016 19:15:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 08-05-2016 01:03:58


Only You :: EP.37 [100%]



“Well? (ไง)” เธอยิ้มเยาะ ยกสองแขนขึ้นมากอดหน้าอกเด้งเต่งตึงของเธอเอาไว้ ผมหันไปมองวิคเตอร์ เขายืนหน้าเครียด แววตาก็เครียดไม่แพ้ใบหน้า ขบกรามแน่นจนสันกรามขึ้น ท่าทีอึดอัดยากจะหาที่ระบาย


“What—what is it? What happened? (นี่… นี่คืออะไร มันเกิดอะไรขึ้น)” ผมถามเสียงตะกุกตะกักเบาๆ ถามด้วยความมึนความงง เหมือนโดนทุบหัวแล้วยังมึนไม่หาย คือเพิ่งมึน เพิ่งแบลงค์ (Blank) จากการเจอพ่อวิคเตอร์กับคู่หมั้นของเขามา แล้วมาเจออาฟเตอร์ช็อคจากจากคุณลิซ่าต่อ หัวสมองผมเหมือนตายด้านไปเลย มันประมวนจนรวนไปหมดแล้ว


วิคเตอร์หลับตาลงพร้อมถอนหายใจช้าๆ ใบหน้าเกร็งเครียด คุณลิซ่าสูดน้ำมูกสองสามทีแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตา ใช้ดวงตาแดงก่ำมองหน้าผม ยิ้มเยาะน้อยๆ อีกที ผมขมวดคิ้วมองเธอด้วยความสับสน ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นผู้หญิงคนนี้ยืนเปลือยต่อหน้าและเป็นคนเดียวกับที่พยายามปลุกปล้ำวิคเตอร์เมื่อกี้นี้


“ทำไมเป็นคุณ ทำไมคุณถึงทำแบบนี้” ผมถามเหมือนคนไร้สติ มันตื้อจนได้ยินเสียงวิ้งๆ ในหู อย่างกับมีใครสักคนเดินเข้ามาตบบ้องหูเต็มแรง


“ก็แค่ทำในสิ่งที่ฉันกับเขาเคยทำด้วยกัน ช่วยเขาทบทวนความทรงจำ เผื่อสติของเขาจะกลับมา” เธอตอบน้ำเสียงนิ่งหยิ่งผยองและด้วยท่าทีเหนือกว่า ผมว่าเหมือนเธอมีอาการเมาร่วมด้วย เพราะหน้าเธอแดงจางๆ แววตาก็ดูเยิ้มหน่อยๆ ท่าทีก็ดูหลุดเกินมาดสง่าในเวลาปกติของเธอ ดวงหน้าสวยสดเพราะแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเชิดขึ้นอย่างไม่ยี่หระ คิ้วผมขมวดเข้าหากันอีกครั้ง มองหน้าแม่เลี้ยงวิคเตอร์สลับกับมองวิคเตอร์ที่ไม่ยอมสบตาผม ท่าทางของเขายังคงเครียดเหมือนเดิม ผมเลื่อนสายตากลับไปมองคุณลิซ่าอีกรอบ แววตาสั่นไหวระริกเมื่อเริ่มจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง หัวใจกลับมาเต้นวูบวาบอีกครั้ง คุณลิซ่าเหมือนจะรู้ว่าผมเริ่มคิดอะไรได้ เธอยิ้มหึอย่างร้ายกาจ


“Did you like a picture that I send to him in What Sapp? (ชอบรูปที่ฉันส่งให้วิคเตอร์ในวอทสแอพมั้ยล่ะ)” ผมเบิกตากว้าง นึกถึงภาพผู้หญิงอกโตในโทรศัพท์ของวิคเตอร์ เลื่อนสายตาจากหน้าสวยแซ่บของเธอไปมองที่หน้าอก เธอเอาแขนออกจากหน้าอก เผยให้เห็นอกโตอันอวบอึ๋ม


“Familiar? (คุ้นตามั้ยล่ะ)” ดวงตาผมเบิกกว้างนิ่งสนิท หูได้ยินเสียงออสตินขยับตัวที่ด้านหลัง ผมหันหน้าไปมองวิคเตอร์ เขาหลับตาลงพร้อมกับใบหน้านิ่งสนิท


“You are his ex-girlfriend. (คุณคือแฟนเก่าของเขา)” ผมพูดเสียงเบาหวิว ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่ในอก ผมไม่ได้ตะลึงประเด็นเรื่องแฟนเก่า แต่ตะลึงตรงที่เป็นเธอคนนี้มากกว่า คนที่บอกกับผมว่าตัวเองคือแม่เลี้ยงวิคเตอร์


คุณลิซ่ายิ้มเยาะ แววตามีความสมเพชเล็กน้อย เธอยกมือกอดอกปกปิดหน้าอกของเธอเอาไว้ตามเดิม ดูเธอจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดกับการยืนโป๊เปลือยต่อหน้าผู้ชายแมนๆ สองคนกับผู้ชายสาวแตกอีกคน



“No. I am his EX-WIFE. (ไม่ใช่ ฉันเป็นเมียเก่าเขาต่างหาก)” ผมไม่สามารถเบิกตาได้กว้างไปมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะเท่าที่เป็นอยู่มันก็สุดเปลือกกระบอกตาแล้วจริงๆ แต่หัวใจเปลี่ยนจากเต้นวูบวาบมาเป็นเต้นรัวอย่างกับมือกลองวงร็อคตีกลองบนเวทีคอนเสิร์ต


“หมายความว่ายังไง คุณแต่งงานกันเลยเหรอ” ผมถามเสียงสั่นรัว ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมันข้ามช็อตไปแล้ว มันชัดเจนแล้วว่าทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์กัน ถึงจะยังไม่รู้รายละเอียด แต่แค่นี้ก็บอกได้ชัดเจนระดับหนึ่งแล้วว่าทั้งคู่เกินคำว่าแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง


“ใช่ แล้วเขากับฉันยัง…”


“…พอได้แล้วลิซ่า! เลิกบ้าเลิกพล่ามแล้วใส่เสื้อผ้าซะ!” คุณลิซ่ากำลังจะฝอยอย่างผู้เหนือกว่าแต่ก็โดนวิคเตอร์ขัดด้วยท่าทีหัวเสีย ระบบหายใจของผมเริ่มผิดปกติ มันหายใจเร็วและแรงขึ้น น้ำตาเอ่อคลอขอบตาทั้งสองข้างอย่างไม่ทันห้าม มันมาเอง อยู่ๆ ก็รู้สึกอ่อนแอขึ้นมา


“ไม่! ผมอยากฟังว่าเรื่องมันเป็นมายังไง!” ผมเริ่มมือสั่น เริ่มคุมสติไม่ไหว ใจมันสั่น ตัวสั่นไปหมด รู้สึกเหมือนหมดแรงจะยืนต่อ


“แมท ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวฉันจะเล่าให้นายฟัง โอเคมั้ย” วิคเตอร์เดินเข้ามาจะกอดผม แต่ผมกลับรู้สึกไม่อยากให้เขาโดนตัว มันพุ่งขึ้นมาจากใจของมันเอง ผมเลยเบี่ยงตัวหนีเขา วิคเตอร์เบิกตากว้าง แววตาสาดไปด้วยความหวาดกลัว ม่านน้ำตาเริ่มทำให้ผมมองหน้าเขาไม่ชัด


“อย่า อย่าเพิ่งเข้ามาใกล้ผม…” ผมบอกเสียงสั่นขาดห้วง แต่วิคเตอร์ไม่ยอม เขาเข้ามาดึงผมเข้าไปกอดด้วยท่าทางหวาดกลัว วินาทีโดนอ้อมแขนเขารัดร่าง ผมก็น้ำตาร่วงร้องไห้เสียงสั่นเครือ


“…คุณทำได้ยังไง นั่นแม่เลี้ยงคุณ เขาเป็นเมียของพ่อคุณ!” ผมพูดเสียงหลง พยายามบิดตัวหนีออกจากอ้อมกอด น้ำตาไหลอาบแก้มพร้อมกับอาการสะอื้นน้อยๆ


“ชู่ว! ชู่ว! ใจเย็นๆ แมท มันไม่มีอะไรแล้ว ระหว่างฉันกับเธอมันจบไปนานแล้ว ก่อนฉันจะได้เจอกับนายซะอีก” วิคเตอร์ปลอบใจผมเสียงอบอุ่น ยกมือขวาขึ้นลูบหัวผมเบาๆ ผมกลืนน้ำตาผสมน้ำลายลงคอแล้วหันไปมองคุณลิซ่าที่ยืนยิ้มเย็นยะเยือกอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน


“มันเกิดขึ้นได้ยังไง คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?!” เหมือนในหัวผมรวนไปหมด ผมถามเสียงตะคอกผิดเพี้ยนพร้อมกับแรงสะอื้นตรงอกรุนแรง หัวใจสั่นรัวเร็ว ตัวเย็นเฉียบ คล้ายว่าร่างกายมันอ่อนแรง เหมือนผมโดนชกซ้ำอีกทีจนจะน็อคลงไปกองบนพื้นอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้วิคเตอร์กอดเอาไว้ ผมคงล้มลง


“ทำไมจะทำไม่ได้ ก็ในเมื่อเราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ฉันก็แค่เมียใหม่พ่อเขา แล้วถ้าจะเป็นเมียเขาอีกคนจะเป็นอะไรไป” ลิซ่ายิ้มกว้างอย่างกับคนโรคจิต ท่าทางเธอดูไม่สลดเลยสักนิด


“ลิซ่า ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไป!” วิคเตอร์ว่าเสียงดัง ยังคงยืนกอดผมไว้แน่น ผมร้องไห้ตัวสั่น สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดเขา มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ถึงกับรังเกียจ แต่ก็ทำใจให้ยอมรับทันทีไม่ได้


“ฉันเหงา วิคเตอร์ก็ไม่มีใคร เราก็แค่ลองมาทำความรู้จักกัน…” เธอคลี่ยิ้ม แรกๆ ผมก็ไม่ได้อะไรมากหรอก แต่ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกไม่ชอบเธอจากความคิดของเธอมาก


“…แล้วเราก็รักกัน ฉันเป็นคนแรกของเขา ทั้งเรื่องความรัก เรื่องเซ็กส์ และประสบการณ์อีกมากมาย เซ็กส์ของเขายอดเยี่ยมใช่มั้ยล่ะ ใช่ ฉันรู้ เพราะฉันเป็นคนสอนเขาเอง” เธอยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ภาพแม่เลี้ยงผู้แสนดีที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านี้ วันนี้มันหายวับไปหมดแล้ว เธอไม่ใช่คุณลิซ่าที่ผมเคยสงสารอีกต่อไป


“ผมเสียดายความรู้สึกที่เคยคิดสงสารคุณจริงๆ” ถ้าเธอมีท่าทีถ่อมตน มีท่าทีละอายใจกับสิ่งที่ทำลงไปสักนิด ผมจะไม่รู้สึกแอนตี้แบบนี้ ผมมองเธออย่างผิดหวังแล้วหันกลับไปมองวิคเตอร์


“ผมนึกว่าคุณเกลียดเธอเพราะเธอทำให้แม่คุณเสียใจ แต่ไม่ยักรู้ว่าคุณเองก็เคยรักเธอมาก่อน ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงกับเธอกันแน่ เกลียดเธออย่างที่แสดงออกมารึเปล่า” ผมถามเสียงเหมือนคนจะร้องไห้ตลอดเวลา รู้สึกไม่มั่นคงในหัวใจ มันสั่นคลอน และในเวลานี้มันเปราะบาง อาจเพราะโดนสาดด้วยเรื่องราวมากมายจนผมเซแทบยืนไม่ตรง


“โอเค ฉันยอมรับว่าไม่ได้เกลียดเธอ แต่ฉันไม่ชอบ ฉันรำคาญที่เธอคอยมาวุ่นวายกับฉันไม่เลิก” วิคเตอร์รีบพูด หน้าตาแสดงออกถึงความเป็นจริงอย่างที่พูด ผมมองเขาอย่างไม่แน่ใจแล้วหันกลับไปมองลิซ่าที่ยืนทำหน้าเชิด เธอก็หน้าด้านหน้าทนดีนะ ไม่ใส่เสื้อผ้าสักทีเนี่ย


“ทำไมคุณถึงไม่เลิกยุ่งกับเขา” ถามทั้งๆ ที่พอจะรู้คำตอบแล้วว่าเธอจะตอบแบบไหน มันก็มีอยู่เหตุผลเดียวนั่นแหละที่เธอยังไม่ยอมเลิกราจากเขาไป


“เพราะฉันรักและหวังดีกับเขาไง”


“หยุดพูดลิซ่า! ยอมรับความจริงสักทีว่าเธอไม่มีหวังแล้ว เอาความหวังดีไปใช้กับเด็กใหม่ของเธอจะดีกว่า” สีหน้าของแม่เลี้ยงวิคเตอร์เจ็บปวด เธอส่ายหน้าช้าๆ


“มันไม่เหมือนกันนะวิคเตอร์ เธอก็รู้ว่าสำหรับฉัน ไม่มีใครแทนที่เธอได้” เธอทำท่าจะเดินเข้ามาหาเขา แต่วิคเตอร์ที่กอดผมไว้แน่นพาผมกระเถิบหนีห่าง ลิซ่ามองอย่างร้าวราน จนผมนึกสงสัยว่าเธอรักวิคเตอร์มากขนาดนี้เลยเหรอ


“ถ้ารักฉันขนาดนั้นก็เลิกยุ่งกับฉันสักที ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดของฉันที่เพิ่งผ่านมาก็แล้วกัน” วิคเตอร์บอกน้ำเสียงราบเรียบ มันเป็นน้ำเสียงที่บอกอย่างชัดเจนว่าเขาไร้เยื่อไยกับเธอจริงๆ ลิซ่ากัดฟันแน่น แววตาที่แสดงออกมามันทำให้ผมขนลุก เพราะเหมือนเธอจะไม่ยอมแพ้ แน่ละ เธอได้ทั้งพ่อทั้งลูกชายนี่ ธรรมดาที่ไหนกันล่ะ


“ฉันก็ไม่ได้คิดให้เธอกลับมาหรอกนะวิคเตอร์…” โห นี่ขนาดไม่อยากให้กลับนะ ยังลงทุนแก้ผ้าขนาดนี้ นี่ถ้าอยากเอาเขากลับไป ไม่วางยานอนหลับแล้วปล้ำไปเลยเหรอ


“…แต่ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้ กับผู้ชายเนี่ยนะ มันไม่ใช่ทางของเธอหรอกวิคเตอร์ เธอดูเขากับฉันสิ เธอชอบแบบฉัน เธอชอบของฉัน เธอบอกแบบนั้นเสมอ” เธอเอามือออกจากหน้าอกตัวเอง อ้าแขนออกเพื่อให้วิคเตอร์เห็นทรวดทรงองค์เอวของเธอชัดๆ ไม่อยากยอมรับเลยว่าเธอเป็นพวกกระดังงาลนไฟของแท้ แก่แต่หุ่นเซี้ยหุ่นแซ่บ แล้วหน้าตาก็ยังสวยมากด้วย


“นั่นอดีต ดึงสติกลับมาแล้วคิด นี่ปัจจุบัน ฉันมองข้ามเรื่องพวกนั้นไปแล้ว แมทก็ให้ความสุขบนเตียงกับฉันได้…”


“…มันไม่เหมือนกันหรอก! ของผู้หญิงต้องดีกว่าสิ” สีหน้าวิคเตอร์แสดงออกถึงความรำคาญกับการคร่ำครวญของลิซ่า


“นี่ เลิกอคติกับกับเพศที่สามสักทีเถอะ โดนเกย์หลอกแค่คนเดียว ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเลวร้ายเหมือนกันหมด” อ้อ มิน่าล่ะ ถึงดูพรีเซ้นต์ความเป็นหญิงว่าเหนือกว่าเก้งกวางอย่างผมเหลือเกิน


“สำหรับแมท เรื่องเพศไม่ใช่ประเด็นหลัก เธอเข้าใจคำว่ารักมากน้อยแค่ไหนกันล่ะ” ลิซ่าทำหน้าเคืองใจ แววตาของเธอแข็งขืน เธอก้มลงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ด้วยท่าทีฮึดฮัด ผมอ้าปากค้างมองการที่เธอใส่เสื้อผ้าต่อหน้าผู้ชายทั้งสองแบบเฉยมาก ผมน่ะไม่รู้สึกอะไรหรอก ไม่เคยมีอารมณ์กับนมผู้หญิงอยู่แล้ว ออสตินเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น ส่วนวิคเตอร์มองแม่เลี้ยงเขานิ่ง ผมย่นคิ้วแล้วเลื่อนมือซ้ายลงไปจับๆ คลำๆ ตรงเป้าเขาว่ามันตุงหรือเปล่า แต่มันก็ดูสงบดี วิคเตอร์ก้มลงมองหน้าผมงงๆ ผมปล่อยมือออกจากเป้ากางเกงเขาแล้วหันไปมองลิซ่าที่แต่งตัวเสร็จแล้ว


“ผมไม่นึกเลยว่าเมียเก่าที่คุณลุคส์บอกจะเป็นคุณซึ่งเป็นเมียเขาอีกคน” ลิซ่ายิ้มเยาะมุมปากพลางใช้หลังมือสะบัดปลายผมที่ติดอยู่ด้านในเสื้อเชิ้ตขาวให้ออกมาด้านนอก


“มันผิดจังหวะและผิดเวลาไปหน่อย ถ้าฉันเจอวิคเตอร์ก่อน ฉันคงไม่ได้เป็นเมียลุคส์หรอก” ผมขมวดคิ้วมองเธอด้วยความเหลือเชื่อ ทำไมเธอถึงดูสบายอกสบายใจกับการเล่าเรื่องนี้นักนะ รอยยิ้มตรงมุมปากขวาเหมือนจะเป็นการบอกว่าฉันพอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรมากนัก


“มันน่าภูมิใจขนาดนั้นเลยเหรอครับกับเรื่องแบบนี้ ดูคุณจะไม่ละอายใจเลยนะ” เธอเหยียดยิ้มพร้อมไหวไหล่ขวานิดๆ ก่อนจะว่าเสียงเย็น


“แล้วฉันทำอะไรผิดล่ะ…” เธอชูหลังมือซ้ายขึ้นมาตรงหน้า ผมเห็นแหวนสีเงินประดีบเพชรเม็ดเล็กอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ


“…แหวนที่เขาให้ฉันวันแต่งงาน ฉันก็เก็บเอาไว้อย่างดี” ผมหันไปมองหน้าวิคเตอร์ เขาหลบสายตาผมอีกรอบ ขบกรามแน่นจนขึ้นสันชัดเจน ผมจินตนาการไปแล้วว่างานแต่งของพวกเขาสองคนเป็นแบบไหน แล้วสภาพมันเป็นยังไง ลูกเลี้ยงกับแม่เลี้ยงใช่ว่าผมไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ในสังคม เยอะแยะมากไป เพียงแต่ว่าพอมันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวเรา มันก็รู้สึกประหลาดอยู่ในอก และรู้สึกต่อต้านนิดๆ ด้วย


“ขอแนะนำนะ เลิกกับเขาเองซะ ดีกว่าให้ลุคส์จัดการ”


“ทำไมชอบยุ่งกับชีวิตฉันกันนักวะ! เธอกับพ่อก็ใช้ชีวิตไปสิ ต่างคนต่างอยู่โว้ย!” วิคเตอร์ว่าอย่างเหลืออด บางทีผมก็แอบสับสน จากคนที่รักกันถึงขั้นมีแหวนแต่งงานให้กันขนาดนั้นทำไมมาวันนี้ถึงได้มีท่าทีรำคาญอีกฝ่ายนักหนา แต่ถ้านึกจากที่ผมเห็นมา ลิซ่านางก็ยุ่งวุ่นวายกับวิคเตอร์จริงๆ นั่นแหละ ในตอนนั้นผมก็คิดว่านางรักลูกเลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆ ไง ที่ไหนได้ รักเพราะลูกเลี้ยงเป็นผัวนางอีกคน


“เธอควรได้พบสิ่งดีๆ นะวิคเตอร์” บ๊ะ! พูดอย่างงี้หมายความว่าไงเนี่ย


“ผมนี่แหละสิ่งดีๆ สำหรับชีวิตเขา ฝากไปบอกคุณลุคส์ด้วยนะ พอดีผมลืมบอกเขาตอนที่เจอกัน…” ผมเบี่ยงตัวหันไปยืนมองลิซ่าตรงๆ มีอ้อมแขนวิคเตอร์คล้องอยู่ตรงเอวทั้งสองข้าง


“…บอกเขาว่าถ้าคิดจะให้ผมเดินออกไปจากชีวิตวิคเตอร์เพื่อให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น ผมขอยืนยันว่าการที่เขามีผมอยู่ในชีวิตนั่นแหละดีที่สุดแล้ว” ไหนๆ ก็มั่นหน้ามาแล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา จะขอมั่นหน้าอีกสักทีจะเป็นไรไป


ดวงตาสีฟ้าเข้มของลิซ่ามองผมอย่างโกรธแค้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงผงะหรือหงอลง แต่จากเหตุการณ์ระหว่างผมกับวิคเตอร์ที่ผ่านมา มันก็ทำให้ผมกล้าที่จะสู้มากขึ้น ผมจ้องมองตาเธออย่างไม่ลดละ จ้องมาก็จ้องกลับ ทำไมต้องหลบด้วยล่ะ แต่ผมไม่ได้จ้องหาเรื่องนะ


“ออสติน ไปส่งเธอด้วย…”


“…ไม่ต้อง เธอมาเอง เธอก็ต้องกลับเอง คงไม่มีใครฉุดเธอข่มขื่นหรอก ถึงมีผมว่าเธอก็คงเต็มใจ แก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายก็ทำไปแล้วนี่” หูยยย! รู้สึกถึงพลังคลื่นเต่าในตัวเองเลย แต่พอพูดเสร็จก็วูบโหวงในช่องท้องเหมือนกันนะ สงสารลิซ่าเธออะ หน้าเสียไปเลย ถึงเธอจะใจกล้ามากไป แต่คำพูดผมก็อาจจะแรงไปกับเธอ แต่ว่าให้ผมขอโทษก็ไม่ทันแล้วด้วย ผมเลยหลบตาเธอแวบหนึ่งตอนเธอมองดุกลับมา


“อ้อ แล้วเลิกส่งภาพเปลือยบ้าๆ พวกนั้นมาได้แล้ว ถ้าอยากเอาไปให้นักข่าวก็เชิญ”


“ภาพอะไร” ผมแหงนหน้าไปถามวิคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวด วิคเตอร์ถอนหายใจแผ่วๆ


“ภาพเปลือยฉันกับเธอสมัยก่อนน่ะ” ผมมองจิกเขาหนึ่งที วิคเตอร์ยักคิ้วเซ็งๆ นี่มีการถ่ายภาพเปลือยคู่กันไว้ด้วยงั้นเหรอ


ลิซ่าจัดแจงสภาพตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอีกรอบ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหันไปหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมหรูหรากับเสื้อโค้ตสีดำของเธอขึ้นมาจากโต๊ะกระจกมาคล้องแขน ก่อนจะเดินหน้าเชิดนมตั้งออกจากห้องโถงไป ผมหลับตาลงแล้วถอนหายใจเบาๆ ได้ยินเสียงประตูกระแทกปิด


“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ”


“ให้ไมเคิลกับฟอกซ์อยู่ในห้องนายสักพักก่อนนะออสติน” ออสตินโค้งหัวลงนิดหนึ่ง หมุนตัวเดินออกจากโถงไป พอออสตินไปผมก็ดึงมือเขาออกจากเอวแล้วสะบัดตัวออกห่างจากวิคเตอร์ มองเขาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะมั่นคงสักเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าต้องเอาอารมณ์ไหนขึ้นมานำหน้าก่อน มันสับสนและมึนงงไปหมด


“จะมีผู้หญิงคนไหนของคุณโผล่มาอีกมั้ย วันนี้ผมเพิ่งเจอไดอาน่าคู่หมั้นของคุณ พอกลับมาบ้านผมก็มาเจอเมียเก่าของคุณ แถมยังมีตำแหน่งแม่เลี้ยงคุณพ่วงมาด้วยอีกต่างหาก”


“ไดอาน่าไม่ใช่คู่หมั้นฉัน มันเป็นไอเดียของพ่อคนเดียว ฉันไม่เคยเห็นด้วย” เขาหน้านิ่ง ยื่นมือมาจะดึงผมเข้าไปกอด แต่ผมชักมือหนีแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ วิคเตอร์รีบเดินตามานั่งข้างๆ ทันที ผมกระเถิบออกห่างจากเขา ไอ้ยักษ์ก็ยังเขยิบตามเข้ามา ผมเลยชักสีหน้าใส่ไป


“ไม่เอาน่า กับไดอาน่าไม่มีทางเริ่มต้น ส่วนลิซ่ามันจบลงไปแล้ว”


“กับอันเดรียนาคุณก็พูดแบบเนี้ย แล้วผมก็เห็นคุณจูบกับเธอ” ผมอดจะแขวะไม่ได้ อันเดรียนาก็จบไปแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว สุดท้ายเป็นไงล่ะ ทุกวันนี้ยังไม่ชัวร์เลยว่าแอบไปมีอะไรกันบนห้องของเจ้าหล่อนหรือเปล่า


“แมท…” เขาเรียกชื่อผมเสียงกดต่ำ หน้าตาไม่พอใจ ผมเบือนหน้าหนีเขา มองหน้าเขาแล้วนึกถึงหน้าลิซ่าอยู่เรื่อย มันทำให้ผมมโนอดีตของพวกเขาไม่หยุด


“…ถ้าฉันคิดจะกลับไปหาลิซ่า ฉันกลับไปนานแล้ว”


“แต่ล่าสุดคุณก็ไปเอากับเธอ ไอ้ล่าสุดนี่คือเมื่อไหร่ล่ะ” ผมรู้สึกหงุดหงิดจริงๆ


“ก่อนที่ฉันจะเจอนายอีก ตอนนั้นฉันกลับไปฉลองวันเกิดกับไวโอล่าที่บ้าน อย่างที่นายได้ยินนั่นแหละ ฉันเมา แล้วลิซ่าก็จัดการเองทั้งหมด”


“ได้ป้องกันรึเปล่า” เขาทำหน้าเครียดแล้วส่ายหัวช้าๆ หัวใจผมบีบรัดเหมือนโดนอัดแน่นจนจุกอก ถึงมันจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะเจอผมก็เถอะ แต่พอได้ยินแล้วหัวใจมันหวิวแปลกๆ


“แล้วคุณก็มีอะไรกับผมโดยที่ไม่ได้ใส่ถุงยาง” ผมยิ้มเย้ยหยันตัวเอง นึกแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองโง่เง่ามากจริง


“นี่ ผลเลือดฉันก็ออกมาปกติไง นายก็เห็นแล้ว”


“แล้วถ้าเกิดเธอท้องขึ้นมาล่ะ” ผมวี้ดขึ้นมานิดหนึ่ง


“จะท้องได้ไง เธอท้องไม่ได้แล้วหลังจากแท้งลูกคนที่สอง” ผมหันไปมองเขาตรงๆ ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดเขาหลังชิดติดกับพนักวางแขนของโซฟา มองเขาด้วยสายตาอึ้ง วิคเตอร์ก้มหน้าลงหลบสายตาผม


“ลูกของใคร ลูกเธอกับใคร” จริงๆ คำตอบมันชัดอยู่แล้ว และเมื่อวิคเตอร์ตอบยืนยันอีกครั้ง หัวใจผมก็หล่นตุ้บทันที


“ลูกของเธอกับฉัน” ที่ผมกลัวว่าเขาจะมีลูกติดมันเป็นจริงงั้นเหรอเนี่ย


 :katai1:

อีแม่เลี้ยงงงงงงง บิชตัวแม่แท้แน่นอน มีลูกกันไปอีกกก เอเลี่ยนสตรองแล้วสตรองอีก เจอหนักมากแค่ไหนต้องถามใจนายเอกดู อีผัวก็ดึงดูปัญหาแล้วปัญหาเล่าเข้ามาเรื่อยๆ เลิศศศ แต่หนูแมทก็ยังไม่ยอมเสียผัวไป ผัวคนแรก ขอโอกาสหนูหน่อยนะคะ

ตอนหน้ามาเคลียร์กันต่อ (อีกนิด)  :katai5:

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 08-05-2016 01:21:20
โอ๊ย กลุ้มอิยักษ์   :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 08-05-2016 01:22:02
เออ เป็นแมทมันต้องเข้มแข็งขนาดไหนวะ #แม่ก็คือแม่จริงๆ เดี๋ยวคนนั้นคนนี้ก็โผล่มามีปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน สงสัยเรื่องนี้คงอีกยาว ทรมานใจกันเรื่อยๆ แมทก็ไม่รู้จะอ่อนไหว จนเสียสูญอีกตอนไหน ถึงมันจะเป็นอดีตแต่ก็เป็นเรื่องร้ายแรงอะ เป็นนี่คิดว่ารับไม่ได้ ต้องปรับทัศนคติกันหน่อย(ฉันจะโดนเรียกตัวไหมเนี้ย)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-05-2016 01:41:16
กราบลา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 08-05-2016 01:48:51
นี่มันเรื่องอะไรกั๊นนนนน คนเขียนเอายังมีหัวใจอยู่รึเปล่าแต่งเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเนี่ย ฮึ่ยๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 08-05-2016 02:04:01
Nooooooooooooooooo!!!!  :katai1: :katai1: :katai1: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-05-2016 03:21:38
โอ๊ยยยยย.  หนักกว่านี้มีอีกไหม. เฮ้ออออออ. 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-05-2016 03:23:15
แล้วไวโอล่านี่คงไม่ใช่ลูกติดหรอกนะ รึมีลูกติดคนอื่นอีก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-05-2016 05:11:14
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-05-2016 05:51:48
จากปัญหาคู่ขา ลามมาถึงลูก โอ้ย เอเลี่ยนถึกแท้ มีผัวแบบนี้ทิ้งไปนานแล้ว สารพัดจะสร้างเรื่อง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 08-05-2016 07:22:53
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-05-2016 07:43:30
เจอแบบนี้คงสตรองไม่ไหว :hao5: :hao5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-05-2016 08:34:58
ตายๆ นี่วิคต้องเล่าอดีตให้หมดเลยไหมเนี่ย ยังมีความลับซุกซ่อนอีกไหม??


ลิซ่าเป็นฮิสทีเรียบ่??
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 08-05-2016 08:48:30
แค่อันเดรียนา แมทยังเซไปหลายเดือน

นี่หนักกว่าเยอะ แมทล้มก็คราวนี้หละ ขอเวลาให้แมทหน่อยยย

ไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมด ก็ถือว่าโกหกละนะวิคเตอร์

#ทีมแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Hanaki ที่ 08-05-2016 09:51:01
โอ้โห ผมนี่สตั๊นเลยฮะ!! เข้าใจความรู้สึกแมทนะ แบบว่า.. ไม่รู้จะเอาเรื่องไหนก่อน
คือโกรธ เฮิร์ท โมโห หมั่นไส้ ฯลฯอ่ะ แต่เอาเรื่องไหนก่อนดีวะ?!
อิเรื่องสุดท้ายนี่พีคสุด คืออาการมันฟ้องว่าเค้าคือผัวเมียกันจริงจังอ่ะ
มีอะไรกันโดยไม่ป้องกันนั่นว่าเด็ดละนะ เพราะครั้งนึงวิคเตอร์เคยพูดกับแมทว่า...
"นายจะเป็นคนแรกที่ฉันอึ๊บโดยไม่ใส่ถุงยาง" เอิ่ม.. ตอแ-ลไปอีก ยัง ยัง...
เอาสดแถมเอาจนท้องอีก บร๊ะเจ้า!.. คือถ้าไม่แท้งมีเด็กออกมาเดินเป็นคนนี่
แล้วกูล่ะ...?? ทีนี้ล่ะคำถามมาอีกบานเต็มหัว โอ้ย! เครียด! เข้าใจว่าอดีต แต่มัน...$^#&^%#_$%$^#^#$%# !!! :ling1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 08-05-2016 09:54:19
ทีหลังจะคบใครนี่ต้องถามอดีตตั้งแต่เป็นตัวอ่อนกันเลยไหมเนี่ย ปัญหาเยอะเหลือเกินนะอิวิค
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JY_JRB ที่ 08-05-2016 10:17:25
ยากที่สุดคงเป็นไดอาน่า  เพราะแมทกลัวคนดี แต่ไม่ไม่ได้กลัวลิซ่า
รู้สึกแปลกๆแบบว่า ทั้งๆที่ นิยายก็ดำเนินเรื่องมายาวมากแต่เราก็เข้าใจว่ามันเป็นสันด-น ของวิคเตอร์ในบางเรื่อง  วิคเตอร์เหมือนเป็นคนที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแต่ก็ไม่ถึงกลับเปลี่ยนไปทั้งหมด ในขณะที่แมทเปลี่ยนไปทางด้านอารมณ์ที่ดีขึ้น  ส่วนอีวิค เหมือนบางอารมณ์ที่จะต้องเจอกับเรื่องที่นางแก้ปัญหาไม่ตก  นางจะพรุ่งพร่าน ฟาดงวงฟาดงาเหมือนเดิมๆ และจัดกการกับปัญหาไม่ได้ถ้าแมทไม่ได้อยู่ด้วย  เห็นได้ชัดจากตอนนี้ที่แมทกลับมา   แมทเหมือนตัวกระตุ้นด้วยมั้ง

เพราะไม่รู้ว่าจะยืดออกไปอีกไหมเรื่องนี้

ถ้ายืด-- แสดงว่า ลุคส์คงจะจัดอะไรสักอย่างให้ไดอาน่ากะวิคเตอร์มีเวลารู้จักกัน  ส่วนแมทหลุดวงโคจรไปพักนึง กลายเป็นซีรีย์ภาคสองเลยล่ะมั้ง  รึว่าจะเป็นแบบในหนังไต้หวันที่พระเอกความจำเสื่อมในภาคสอง 555 คงไม่ใช่มั้ง ฟุ้งซ่านและเรา เพ้อไปนู่น
ถ้าไม่ยืด เรื่องไดอาน่าก็คงมีอะไรแล้วก็น่าจะจบลง

ปล.เขียนซะยาว..... เอิ่ม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2016 11:25:58
ไม่จบไม่สิ้นกับปัญหาของอิยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-05-2016 11:41:49
ประมาณโดนแม่เลี้ยงล่อลวง
ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้ายักษ์ดี 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-05-2016 11:55:37
ยอมใจแมทน้อยย
เป็นอย่างนี้พี่ถอยค่ะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 08-05-2016 13:19:59
ลำใยคุณพ่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-05-2016 13:45:48
พ่อดาราใหญ่ทำไมปมแกมันเยอะแยะมากมายอย่างนี้วะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 08-05-2016 13:50:12
สมัยก่อนวิคเตอร์นี่ไม่ใช่เล่นๆแต่ตอนนี้ฮามากตอนแมทพิสูจน์ของวิคเตอร์คิดได้ไงคะหนู5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 08-05-2016 14:02:57
ถ้ามีผัวแล้วมีดีแค่หล่ออย่างเดียว
อย่างนี้ไม่มีผัวก็ได้นะ
มีแล้วมีแต่จะทำให้ปวดจิต
มีดีแค่X อย่างอื่นห่วยหมด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 08-05-2016 17:40:14
โว้ยย ปวดใจแทนแมทว่ะ. สตรองก็สตรองเถอะเเมท แท้งลูกคนที่สอง แสดงว่ามีคนแรกอ่าดิ :katai1: :katai1:  แมทจะเลิกรึป่าวเนี่ย :hao7: :ling1: :ling3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-05-2016 18:55:11
งานนี้ แมทต้องเค้นออกมาให้หมด ไม่งั้นไม่รู้จะมีเรื่องอะไรโผล่มาเซอร์ไพร์อีก แค่นี้หัวใจจะวายแล้ว แค่มีอะไรกับแม่เลี้ยงก็แย่แล้ว ยังจะแต่งงานมีลูกกันอีก ลูกคนที่ 2 แท้งไปแล้ว แล้วลูกคนแรกล่ะใครอยู่ที่ไหน ถ้ามันปัญหาเยอะนักถอยออกมาให้วิคเคลียร์ไปก่อนดีมั้ย มาถึงตอนนี้ก็รู้ล่ะว่า วิครักแมทคงไม่ยอมปล่อยไปแน่ แต่ถ้ายังคลุมเคลือแบบนี้ก็ให้วิคเตอร์ไปจัดการปัญหาให้หมดก่อนเถอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 08-05-2016 22:43:10
ลาก่อย
อ่านแล้วขยะแขยงวิค อ่านไม่ลง
ไม่รู้ว่าแมทคบลงไปได้ไง
ติดโรคเปล่าไม่รู้มั่วขนาดนั้น มั่วกระทั้งเมียพ่อ
บายอ่ะเรื่องนี้ เกินไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-05-2016 00:25:22
น่าตบบ้องหูอีผัวเน้นๆ ซะเหลือเกิน มีแต่ปัญหา น่ามคาน
แมทสู้ๆ นะลูก มีผัวทั้วทีก็ยากลำบากจริงจิ๊ง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 09-05-2016 14:02:00
 :m16: :m16: ไอ้ยักษ์นายจะมีเรื่องอะไรเข้ามาอีกเนี่ย เป็นเมียคนดังคนรวยนี่มันยากดีแท้  :katai1: เรื่องแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงเนี่ยเห็นมาเยอะ แต่เรางง ๆ ว่าพ่อวิคเตอร์ไม่รู้เรอะ ว่าเมียตัวเองเป็นแบบนี้ หรือว่าส่งเมียไปนอนกับคู่ค้าด้วยน่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-05-2016 22:42:43
เรื่องชักมึนชักเยอะ
ไอ่ยักษ์

อดีตทำไมมันมีมากนัก..ไม่ไหวจะเคลียร์
มีผลเรื้อรังพันกันรุงรังยุ่ง..ยังกะปอยฮมอย

แมทจะรับได้
ไหวไหม
หุหุ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 10-05-2016 23:10:05
รู้ตั้งแต่แรกที่อ่านเรื่องนี้ละว่าอีวิคมันเลว
เพราะงั้นอ่านมาถึงตรงนี้ก็ทำใจมาเยอะละ

ขอแค่มันยังรักและซื่อสัตย์กับแมท ไม่นอกใจตอนที่ยังรักและคบกันอยู่นี่รับได้อยู่
จะพยายามมองข้ามอดีตแกไปนะอียักษ์
แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแมทนะ ถ้าแมททนไม่ไหว พี่ก็เข้าใจหนูนะลูก

รักหนูแมท สู้ๆนะลูก o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-05-2016 21:48:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 13-05-2016 02:03:10

Only You EP.38 :: Bad Valentine's [60%]



ผมมองหน้าวิคเตอร์ค้างเติ่ง ที่มึนอยู่แล้วก็มึนเข้าไปอีก ไอ้ยักษ์มองกลับมานิ่งแต่ก็เห็นชัดว่าเครียด สีหน้าเขามีทั้งความอึดอัดและความละอาย แววตามองผมอย่างระแวดระวังเหมือนกลัวผมจะหนี เพราะเขานั่งชิดติดผมจนไม่มีที่กระเถิบให้หนีแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่อยากใกล้เขาเลย ยิ่งพอนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลิซ่าก็ยิ่งอยากผลักเขาให้ห่างจากตัว ถึงมันจะเป็นอดีตไปแล้วแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกกับเขา ผมก้มหน้าหลับตา ยกสองมือขึ้นนวดขมับทั้งสองข้างช้าๆ สักพัก ก่อนจะหันกลับไปมองเขาอีกที
   

“เขยิบไปหน่อยได้มั้ย” ไอ้ยักษ์สั่นหัวหน้าตั้งทันที ผมจิ๊ปากและถลึงตามองเขา
   

“ไม่เห็นรึไงว่าผมนั่งตัวลีบอยู่เนี่ย” อดจะเหวี่ยงเล็กๆ ไม่ได้ นั่งชิดจนจะขึ้นมานั่งบนหัวผมได้อยู่แล้ว
   

“เดี๋ยวนายหนี” เขาว่าหน้างอ ผมแยกเขี้ยวอย่างหงุดหงิด
   

“ไม่หนี เพราะผมอยากฟังเรื่องนี้จากปากคุณ ผมไม่ยอมให้ตัวเองค้างคาอย่างนี้หรอก” ใครมันจะไปหนี สถานการณ์แบบนี้ต้องเผือกให้ได้ความสิ หนีไปก็โง่เต็มทนแล้ว
   

วิคเตอร์มองผมนิ่งอย่างไม่แน่ใจครู่หนึ่ง ผมถอนหายใจหน้าเซ็งนั่นแหละเขาถึงยอมเขยิบออกไปนั่งกลางๆ โซฟา ผมเขยิบตามไปนั่งใกล้ๆ เขาทันทีแล้วหันหน้าเข้าหาเขาตรงๆ เพื่อที่จะได้คุยกันสะดวกๆ
   

“ระหว่างคุณกับแม่เลี้ยงของคุณมันเกิดขึ้นได้ยังไง” เรามองตากัน ผมมองวิคเตอร์ด้วยอาการใจสั่น คิ้วเขาขมวดแน่น ใบหน้าตึงเครียด ดวงตาเกร็งเขม็งไม่ยอมขยับปากตอบผม
   

“มันเกิดขึ้นตอนไหน” ผมกลั้นใจถามอีกที นึกหงุดหงิดตัวเองที่มันรู้สึกอึดอัดขัดๆ ไปทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูก ผมอยากนั่งให้ห่างจากวิคเตอร์เหลือเกิน
   

“ตอนฉันสิบเจ็ด” ผมกลืนน้ำลายลงคอ หัวใจคล้ายหล่นตุ้บเหมือนโยโย่แล้วก็เด้งกลับขึ้นมาอยู่บนอกต่อ ผมหันหน้าหนีเขา บอกตัวเองในใจว่าสำหรับฝรั่งอายุเท่านี้คือโตแล้ว อายุสิบหกในบ้านพวกเขานั่นคือพ้นวัยรุ่นไปแล้ว แต่ตอนสิบเจ็ดผมยังอยู่มอห้ายังเต้นแร้งเต้นกาในวันกีฬาสีของโรงเรียนอยู่เลย ผมเม้มปากแน่น ยกมือขึ้นมาเกาหัวคิ้วซ้ายแล้วหันไปมองเขาอีกที
   

“แล้วตอนนั้นลิซ่าอายุเท่าไหร่”
   

“สามสิบเก้า” เขาตอบเสียงอ่อนแล้วหลบสายตาผมที่มองตาค้างอาปากหวอ วิคเตอร์หลับตาลงแล้วถอนหายใจระบายความเครียด ผมหันหน้าหลบเขาก็เป็นจังหวะที่เขาหันหน้ากลับมามองผมพอดี
   

“แมท คือ…” ผมยกมือเบรกเขาไว้แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปนั่งโซฟาตัวเล็ก แต่เขารีบคว้าข้อมือผมไว้อย่างเร็ว ผมหันตัวไปสะบัดออกทันที
   

“Don’t touch me, now! (อย่าเพิ่งแตะตัวผมตอนนี้!)” ผมว่าเสียงสะบัดหน้าตาอึดอัด วิคเตอร์เบิกตากว้างแล้วเอื้อมมือมาจะจับผม แต่ผมยกมือหนีพร้อมกับกระเถิบถอยหลังห่างจากเขา
   

“No! Come here! (ไม่! มานี่นะ!)”
   

“Not now, Victor!” ผมว่าเสียงเข้มแล้วยกสองมือเบรกเขาไว้พร้อมทำตาดุเป็นเชิงสั่งให้เขานั่งอยู่ตรงนั้นไม่ต้องย้ายก้นมานั่งกับผมบนโซฟาตัวเล็ก เขาทำท่าจะดื้อเข้ามาหาผมแต่ผมถลึงตามองไว้แล้วชี้ให้เขานั่งอยู่กับที่ วิคเตอร์ทำท่าฮึดฮัดเพราะโดนขัดใจ แววตาขุ่นเคืองพร้อมอาละวาด
   

“If you make one more step I will not listen anything! (ถ้าคุณไม่หยุดอยู่ตรงนั้น ผมจะไม่ฟังอะไรอีก)” ผมขู่ แต่ดูไอ้ยักษ์มันสวนมาเถอะ
   

“Are you sure? You want to know that, aren’t you? (แน่ใจเหรอ นายอยากรู้ไม่ใช่รึไง)” แล้วมันไม่ได้สวนแบบยิ้มๆ แซวๆ ด้วยนะ ไอ้ยักษ์หนวดทำหน้านิ่วคิ้วขมวดประหนึ่งว่าสงสัยจริงๆ ว่าผมจะทนได้เหรอที่ไม่อยากรู้เรื่องนี้ ผมเบิกตากว้างมองเขาแล้วแยกเขี้ยวใส่เขานิดๆ ที่บังอาจมาจับจุดอยากเผือกของผมได้
   

“ผมแค่อยากนั่งให้ห่างคุณ…” ผมอึกอักนึกหาคำพูด วิคเตอร์มองอย่างระแวง “…สักพักนึง”
   

“ทำไม?! นายรังเกียจฉันใช่มั้ย” เขาถามเสียงห้วนสะบัด ทำท่าจะขยับเข้ามาใกล้แต่พอเห็นผมเตรียมลุกขึ้นจากโซฟาตัวเล็ก เขาก็นั่งลงตามเดิม มองผมด้วยสายตาเสียใจปนระแวง ผมเม้มปากแน่นแล้วนึกหาความรู้สึกของตัวเองให้เจอว่ามันคืออะไร มันไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่ใจผมมันก็รับไม่ได้ทันที
   

“คุณเป็นชู้กับเธอรึเปล่า?!” ผมตัดบทประเด็นที่เขาถามแล้วถามสิ่งที่เพิ่งนึกออกในหัว วิคเตอร์ผงะไปนิดเหมือนกำลังอึ้งกับสิ่งที่ผมถาม เห็นสีหน้าและท่าทางของเขาแล้วผมใจไม่ดีเลยจริงๆ มันเหมือนเป็นคำตอบโดยไม่มีเสียงไปแล้ว
   

“พ่อไม่ค่อยยุ่งกับลิซ่าเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่เลิกกันเด็ดขาด…” วิคเตอร์ดูเหมือนไม่แน่ใจกับคำพูดตัวเอง เหมือนเขากำลังกังวลว่าเลือกใช้คำพูดได้ดีแล้วหรือยัง
   

“…แรกๆ เราก็ไม่ได้อะไรกัน ฉันไม่ชอบเธอด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่รู้ว่าแม่ฉันก็ยังอยู่ในบ้าน” เขากลืนน้ำลาย สีหน้าเหมือนกำลังงงว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่
   

“แล้วยังไง ไม่ชอบเธอ แล้วคุณไปเป็นสามีเธอได้ยังไง” นี่ผมเป็นเมนส์รึเปล่า ทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดอยากจะหยิกวิคเตอร์ให้เนื้อเขียวไปทั้งตัว
   

“เธอเข้าหาฉันก่อน เพราะเธอรู้ว่าฉันไม่ชอบเธอ เลยพยายามเอาชนะฉัน” วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยสายตาอ้อนวอน ผมขมวดคิ้วงงว่าจะมาอ้อนวอนอะไร
   

“อะไร?”
   

“มานั่งนี่ได้มั้ย” ผมทำหน้าเอือมและถอนหายใจเซ็ง
   

“ไม่ เล่าต่อ” วิคเตอร์ทำหน้าเบื่อหน่าย ถอนหายใจแรงๆ และขบกรามแน่น ถ้าผมไม่ใช่แฟนเขา ป่านนี้คงชกหน้าผมคว่ำไปแล้ว
   

“เธอมีความอดทนกับฉันมาก”
   

“ผมนึกออกเลย” ก็โดนด่า โดนไล่สารพัดก็ยังจะมาหาเขาที่บ้าน มีการจะส่งคนมาอยู่กับวิคเตอร์ด้วย ผมว่าคนพวกนั้นถูกส่งมาสอดแนมแน่เลยเนี่ย
   

“ฉันปิดกั้นตัวเองจากเธอ แต่สุดท้ายเธอก็เปิดฉันได้ เพราะเซ็กส์…” ผมย่นคิ้วฉับ วิคเตอร์ถอนหายใจด้วยท่าทีหนักใจ เขายกมือขวาลูบหน้าหนึ่งที
   

“…ฉันเป็นวัยรุ่น ตอนนั้นฉันยังไม่คุ้นเคยเรื่องแบบนี้ นายนึกออกมั้ยว่าตอนนั้นฮอร์โมนฉันกำลังพุ่งพล่าน แล้วเธอก็เข้ามาสอนฉัน” ผมมองเขาอย่างตื่นตระหนกเล็กๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าทำอะไรแต่ทำยังไงต่างหาก
   

“เธอทำอะไร” ผมถามเสียงเบาหวิว วิคเตอร์มีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อยก่อนตอบ
   

“ฉันกำลังช่วยตัวเอง เหมือนก่อนหน้านั้นเธอเคยเห็นมาแล้ว เธอเลยเจาะจงเข้ามาตอนนั้นพอดี แล้วเธอก็บอกว่า ของจริงดีกว่า…” วิคเตอร์เหลือบมองผมแวบหนึ่งแล้วก้มหน้ามองพื้นด้วยสายตาเครียด
   

“…เธอเป็นคนเริ่มทั้งหมด แรกๆ ฉันก็ขัดขืน แต่ด้วยอารมณ์ฉันที่มีอยู่แล้ว ฉันก็ปล่อยเลยตามเลย” ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีเลยได้แต่มองหน้าหน้าวิคเตอร์ข้างๆ อย่างค้างๆ แล้วถามเขาเสียงเบาหวิวราวกับลมปลิวในฤดูใบไม้ผลิ
   

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ” วิคเตอร์หันมามองผมด้วยใบหน้าหม่นๆ
   

“แรกๆ ฉันก็พยายามไม่เข้าใกล้เธอ แต่ฉัน…” เขาขบกรามแน่น ดูลำบากใจที่จะพูด
   

“คุณติดใจเธอ” เขากดหน้าลงหนึ่งครั้งเป็นการยอมรับ ผมยังคงทำหน้าอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้นอกจากมองเขาค้างๆ ต่อไป
   

“ฉันสลัดภาพนั้นระหว่างฉันกับเธอออกจากความคิดไม่ได้ แล้วเหมือนเธอจะรู้ เธอก็กลับมาทำแบบเดิมๆ ซ้ำๆ แต่หลังๆ ฉันเองก็ไม่ปฏิเสธ” โอ๊ย ตาย รู้นะว่ามันเป็นอดีต แต่พอนึกภาพเขากับแม่เลี้ยงตัวเองแล้วมันก็ทำให้ใจบิดเบี้ยวชอบกล
   

“สรุปคือคุณก็เป็นชู้กับเมียใหม่พ่อตัวเอง” วิคเตอร์ขมวดคิ้วแน่นแล้วหลับตาลงก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ สีหน้าผมบิดเบี้ยวเหมือนโดนเขาเอาหมัดชกเข้าที่หน้าเต็มๆ แต่สิ่งที่ชกเข้ามามันคือเรื่องผิดประเวณี
   

“คุณทำได้ยังไง ทำไมคุณถึงทำแบบนั้น…” ผมสะบัดหัวเบาๆ แล้วตั้งสติพูดใหม่
   

“…ผมหมายความว่า คุณยอมให้มันเกิดขึ้นได้ยังไง คุณชอบเธองั้นเหรอ” วิคเตอร์หน้าเครียด สีหน้าของเขาคล้ายว่าไม่อยากตอบ แต่สุดท้ายก็ยอมตอบเสียงเครียดไม่แพ้หน้า
   

“ฉันอยากแก้แค้นพ่อด้วย ถ้าเขารู้ว่าโดนหักหลังเขาคงเจ็บเหมือนที่ทำกับแม่” ผมรู้สึกจี๊ดที่หัวใจ รู้สึกไม่พอใจกับกระบวนความคิดของเขาในตอนนั้นจริงๆ
   

“แก้แค้นเนี่ยนะ?! แล้วพ่อคุณเขาเจ็บแค้นสมใจคุณมั้ยล่ะ?!”
   

“ก็เป็นแบบนั้น ตอนเขารู้เรื่อง เขาโกรธมาก เขาไม่ได้รักลิซ่ามากมายหรอก แต่เขาโกรธเพราะเป็นฉันมากกว่า” ผมยิ้มประชด อดจะหงุดหงิดไม่ได้ ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าเรื่องมันผ่านมานานแล้ว มันห้ามยากจริงๆ ไอความรู้สึกเดือดดาลในใจเนี่ย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นนางอิจฉาปากแดงแรงฤทธิ์
   

“สมใจคุณเลยสินะ” ผมยิ้มหึ! วิคเตอร์หน้านิ่งเครียดแล้วส่ายหัวน้อยๆ
   

“ก็เหมือนจะ แต่ก็ไม่ เพราะพอแม่กับย่ารู้เรื่อง เธอทั้งสองเลือกจะเงียบและเอาแต่ร้องไห้ ไม่ด่าไม่ว่าอะไรฉันสักคำ แถมยังช่วยปกป้องฉันจากพ่ออีก” วิคเตอร์พูดอย่างสลด สีหน้าของเขามีความละอายใจ เห็นแบบนั้นก็พอจะทำให้ผมพอใจขึ้นบ้างที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอย่างภาคภูมิเหมือนยัยแม่เลี้ยงนมโตนั่น
   

“คุณคบกับเธอนานมั้ย” วิคเตอร์เม้มปาก ท่าทีของเขาอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมกำลังเผือกได้ที่ เลยยากจะหยุดสอดแล้วจริงๆ
   

“ที่แอบคบกัน แอบมีอะไรกันก็หนึ่งปีกว่าๆ” เขาตอบเสียงเบาหวิว แต่ก็เป็นเสียงเครียดไม่ใช่น้ำเสียงปกติ
   

“แล้วทุกคนรู้เรื่องได้ยังไง?!”
   

“พ่อรู้เพราะลิซ่าท้อง พ่อมั่นใจว่าไม่ใช่ลูกของเขา” นี่สินะลูกของเขา ลูกที่ผมมโนไปก่อนหน้านี้แล้วดันมีจริง

   
“ลูกคนแรกของคุณกับเธอ” เขาพยักหน้ารับนิ่งๆ แล้วสักพักผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้
   

นายเป็นคนแรกที่ฉันอึ๊บสด…
   

หน็อย ไอ้ยักษ์!
   

พรึ่บ!
   

วิคเตอร์เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าเข้าไปตรงหน้าเขา ไอ้ยักษ์ยกยิ้มคงนึกว่าผมจะเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ เพื่อปลอบใจ
   

เพี๊ย!!!
   

“โอ๊ย!!” ผมฟาดฝ่ามือขวาเข้าแก้มซ้ายของเขาเต็มแรง แล้วยืนมองหน้าเขาอย่างโกรธจัด อกกระเพื่อมหนักหน่วงตามการหายใจอันรุนแรง
   

“…” วิคเตอร์ไม่พูด ไม่ตวาดอะไรกลับมา แต่กำลังมองผมด้วยสายตาระแวดระวังมากขึ้น ผมกัดฟันแน่นแล้วหลับตาลงก่อนจะลืมขึ้นมองเขาอีกที
   

เพี๊ย!!! และตบไปอีกทีด้วยความเคืองใจอย่างมาก!
   

“You said I am the first one who you fucked without condom, but you fuck with your big-boobs-step-mother and you have the baby with her! Why are you so-fucking-damn-JERK to me?! (คุณบอกว่าผมเป็นคนแรกที่คุณอึ๊บสดทั้งๆ ที่คุณเอากับยัยแม่เลี้ยงนมโตจนมีลูกด้วยกัน ทำไมตอแหลแบบนี้??!!)” ผมตะเบ็งใส่หน้าเขาอย่างโมโห วิคเตอร์มองผมอย่างสลด ผมจ้องตาเขาอย่างแค้นเคือง ผมโกรธที่เขาโกหกให้ผมรู้สึกว่าผมพิเศษกว่าคนอื่นถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรรู้สึกพิเศษก็เถอะ
   

“I’m—.” ผมยกมือขึ้นเบรกเขา ไอ้ยักษ์หุบปาก ไม่ฝืนพูดอะไรต่อ ผมรู้ว่าเขาต้องเอ่ยคำขอโทษ ซึ่งเดี๋ยวมันจะต้องซ้ำซากอีกหลายครั้งแน่
   

ผมมองเขาด้วยสายตาผิดหวังผสมโกรธเคือง วิคเตอร์มองผมตาละห้อย แก้มซ้ายแดงเถือก ผมหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วเอ่ยเสียงห้วน
   

“เล่าต่อ” ไอ้ยักษ์มองหน้าผม ทำท่าว่าอยากจะเข้ามาหา แต่ผมถลึงตาห้ามไว้ เขาเลยนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมแล้วเปิดปากพูดต่อจากที่ค้างไว้
   

“แม่กับย่าต้องการให้ฉันรับผิดชอบลิซ่า เราเลยแต่งงานกัน แต่ไม่ใช่งานแต่งงานแบบที่นายคิดหรอกนะ ไม่มีงานใหญ่โต แค่ใส่ชุดแต่งงาน กล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าบาทหลวง คนในงานมีแค่ย่ากับแม่เท่านั้นละ เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรเชิญให้ใครมารับรู้” เขาพูดต่อเสียงเอื่อย หน้าตาเนือยและดูเหนื่อยๆ ดูเขาจะละอายใจกับคำบอกเล่าตัวเองอยู่เหมือนกัน ถ้านี่ไม่ใช่แอคติ้งก็ถือว่าดีไป เพราะผมพอใจขึ้นอีกนิดที่เขารู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์นั้นอยู่บ้าง
   

“แล้วเลิกกันเพราะอะไร” ผมถามเสียงห้วน
   

“ลิซ่าเธอมีงานต้องทำ เธอทำธุรกิจกับพ่อด้วย เธอเจอคนมากมาย แล้วเธอก็ไปเจอคนใหม่ เธอนอกใจฉัน” ผมไม่แปลกใจ เพราะเธอทำกับพ่อวิคเตอร์มาก่อนแล้ว จะทำอีกหนจะเป็นอะไรไป
   

“ผู้หญิงคนนี้ใช้ช่องคลอดเธอคุ้มดีนะ” หึ! ถึงตัวจะไม่อยู่แล้วแต่ขอแขวะหน่อยเถอะ ถ้าเมื่อกี้รู้เรื่องนี้นะ จะแขวะต่อหน้านั่นแหละ
   

วิคเตอร์ผ่อนลมหายใจหน้าเครียด ตอนนี้เขาคงตึงขมับน่าดู “เราทะเลาะกัน แล้วก็เลิกกัน เราไม่ได้จดทะเบียน ก็แค่แต่งงานเรียบง่ายเท่านั้น เลยไม่ได้ยุ่งยากอะไร”
   

“คุณรักเธอมั้ย ไม่สิ รักมากหรือเปล่า” เพราะถ้าไม่รัก เขาคงไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ไปถึงขนาดนั้นหรอก
   

“แมท มันเป็นอดีตไปแล้ว ไม่จำเป็นหรอก”
   

“ไม่ ผมอยากรู้ ผมถามก็ตอบ” วิคเตอร์มองผมคล้ายว่าจะเหนื่อยใจกับความเผือกของผม เขาถอนหายใจยาวพรืดกว่าเมื่อกี้ แต่ผมทำตาดุใส่เขาแล้วเลื่อนสายตาไปมองแก้มเขาแทนเป็นเชิงเตือน ไม่ใช่ว่าผมจะเข้าไปตบเขาอีกนะ แต่บอกให้รู้ว่า มีอะไรก็ให้พูดมาให้หมด พ่อพระเอกเขาเลยยอมพูด
   

“เธอเป็นเหมือนรักแรกของฉัน…” ผมขมวดคิ้ว วิคเตอร์ยักคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง “…ฉันคิดว่าฉันรักเธอมาก เพราะเธอเป็นคนแรกของฉัน แต่พอฉันได้เจอกับแฟนใหม่ ฉันก็เลยคิดว่า คงไม่ใช่ ฉันไม่ได้รักเธอมากมาย กับคนใหม่เราเริ่มจากการจีบกันของหนุ่มสาวตามปกติ แต่สุดท้ายฉันก็ทำพังเพราะฉันคิดว่าฉันลืมลิซ่าไม่ได้” ผมอ้าปากค้าง ยกมือขวาปิดริมฝีปากล่างไว้หลวมๆ
   

“คุณเลิกกับแฟนคนใหม่เพราะกลับไปคบกับลิซ่า?” วิคเตอร์สั่นหัวนิดหนึ่ง คราวนี้แววตาเขาเครียดจัด วิคเตอร์กัดฟันแน่น ดูอึดอัดใจที่จะเล่าต่อ คิ้วเข้มขมวดฉับ เขามองผมด้วยสายตาคล้ายว่าจะขอร้องว่าไม่อยากพูด แต่ผมยังคงจ้องมองเขาอย่างต้องการคำตอบ สุดท้ายเขาก็พ่นลมหายใจสั้นๆ แล้วตอบเสียงกระด้าง
   

“ฉันนอนกับเธอ แล้วแฟนใหม่ฉันมาเจอ เธอรับไม่ได้ ซึ่งฉันก็ไม่แปลกใจ” ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะช็อคได้อีกเลเวลไหน เพราะตอนนี้มันเริ่มตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ
   

“ไม่ใช่ครั้งแรกสินะที่คุณลืมคนเก่าไม่ได้” ผมไม่ได้ประชด แค่พูดขึ้นมาเฉยๆ เพราะนึกถึงเหตุการณ์ตอนเขาจูบกับอันเดรียนา วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาหน่ายเล็กๆ แต่ก็เลือกจะไม่ดุอะไร
   

“แฟนเก่าคุณโชคดีที่หลุดจากวงจรอุบาทว์…” ผมว่าหน้าตาอดทนอดกลั้น ในอกมันแน่นด้วยหลากหลายอารมณ์ ผสมกันจนตัวเองงง วิคเตอร์ขมวดคิ้วเครียด มองผมด้วยสายตาระวังภัย ประมาณว่าถ้าผมลุกหนี เขาพร้อมจะพุ่งเข้ามาตะครุบผมทันที
   

“…แล้วหลังจากนั้นคุณก็กลับไปคบกับเธอต่อเหรอ”
   

“ก็เปล่า ฉันพยายามเลิกยุ่งกับเธออย่างเด็ดขาด แล้วลิซ่าก็ท้อง แต่เธอมีอาการครรภ์เป็นพิษ ต้องทำแท้ง ขูดผนังมดลูกแล้วก็รักษาตัวอยู่นานมาก แล้วหมอก็บอกว่าเธอมีลูกไม่ได้อีก”
   

“แล้วลูกคนแรกคุณล่ะ” วิคเตอร์หน้าเครียดแต่แววตาตื่น แวบหนึ่งผมเห็นความอ่อนไหวในดวงตาของเขา แต่เขาก็ยอมพูดเสียงเบาที่แทบจะเป็นกระซิบ
   

เขาตายตอนอายุหกเดือน เพราะอุบัติเหตุ” ผมไม่ได้เสแสร้งหรืออ่อนแอจัดนะ แต่มันจุกในอกมากๆ อยู่แล้ว พอได้ยินว่าเด็กคนนึงต้องจากโลกไปทั้งที่มีชีวิตได้เพียงหกเดือนมันก็เป็นเรื่องเศร้าใจมากเลยทำให้น้ำตาผมคลออัตโนมัติ
   

และนี่ก็คืออีกหนึ่งการสูญเสียในชีวิตของวิคเตอร์ เสียลูกชายของเขาไป ผมหลับตาลงและเงยหน้าขึ้นนิดเพื่อไล่น้ำตา รอจนแน่ใจว่ามันจะไม่ไหลออกมาก็ลืมตาขึ้นมองเขาต่อ วิคเตอร์ถูมือไปมาเบาๆ สีหน้าเขาหมองลงไปเยอะเลย
   

“ทำไมคุณไม่เล่าให้ผมฟัง” เขาสบตาผมนิ่งสงบ ก่อนตอบเสียงทุ้มเบาๆ
   

“ฉันกลัวเสียนายไป ฉันกลัวนายรับไม่ได้เหมือนเจนีนแฟนคนแรกของฉัน” ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่า ผมรับได้ ทำไมไม่เล่า แต่ก็หุบปากไปเพราะลึกๆ ใจผมมันต่อต้านวิคเตอร์อยู่นิดๆ
   

“ก็ถ้าผมเจอแบบเธอ ผมก็รับไม่ได้หรอก เห็นแฟนตัวเองนอนกับเมียเก่าน่ะเหรอ ใครรับได้บ้าง” วิคเตอร์หลับตาลง ถอนหายใจออกมายาวๆ
   

“แมท คือฉันไม่รู้จะพูดยังไง แต่ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว มันจบลงไปแล้วจริงๆ” ผมเบือนหน้าหลบสายตาเขา
   

“คุณลืมเธอได้แล้วจริงๆ เหรอ ดูเธอจะยังไม่ลืมคุณนะ”
   

“นั่นมันเรื่องของเธอ ไม่ใช่เรื่องของฉัน สำหรับฉัน เธอเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต พอๆ กับพ่อฉันนั่นแหละ” ผมหันกลับไปมองเขา วิคเตอร์ขบกรามแน่น แววตาเจ็บปวดที่สะท้อนออกมาทำให้ผมรู้สึกอ่อนลงบ้าง
   

ผมถอนหายใจยาว นั่งมองใบหน้าหม่นหมองและเครียดจัดของเขา บอกใจตัวเองให้สงบ และสยบความวุ่นวายไว้สักแปบแล้วลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินเข้าไปหาเขา แต่ผมยังทำใจเร็วขนาดนั้นไม่ได้ มันยังรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเลยเลือกเดินหนี แต่ก้าวเท้าได้ก้าวเดียวก็โดนเขาดึงลงไปนั่งบนตัก ผมไม่ได้ดีดดิ้นร้องให้ปล่อย เพราะกำลังสับสนมึนงงว่าควรจัดการกับอารมณ์ตัวเองยังไงดี
   

“นายจะไม่ทิ้งฉันไปใช่มั้ย ขอโทษที่ไม่ได้เล่าให้ฟัง แต่ฉันกลัวเสียนายไปจริงๆ”
   

“แล้วเคยคิดบ้างมั้ยว่าสักวันจะเล่าให้ผมฟัง ดีกว่าปล่อยให้ผมมาได้ยินจากปากเมียเก่าของคุณเองแบบนี้” ผมมองไปข้างหน้านิ่งเฉยเลยไม่เห็นว่าวิคเตอร์ทำสีหน้ายังไง แต่เขาก็กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด
   

“เคย แต่จู่ๆ จะให้ฉันมานั่งเล่าเรื่องพวกนี้ให้นายฟังอย่างงั้นเหรอ พานายไปดินเนอร์หรูๆ แล้วก็เปิดปากเล่าเรื่องนี้น่ะเหรอ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะแมทที่จะพูดอดีตอันโสมมของตัวเองให้คนที่ทำให้ฉันมีความสุขฟัง” ผมนั่งนิ่งสักแปบแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันหาเขาแล้วยกแขนโอบรอบคออีกฝ่าย เอาหัวตัวเองชนกับขมับซ้ายของเขา วิคเตอร์หอมขมับขวาผมไปหนึ่งฟอด ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า มีอะไรในหัวมากมายที่อยากจะถามที่อยากจะพูดกับเขา แต่วันนี้ผมพูดมาเยอะเหลือเกิน และถึงแม้จะไม่ได้เจออะไรเยอะแยะมากมาย แต่มันเป็นความจริงในอดีตของผู้ชายคนนี้ที่ผมนึกสงสัยบ่อยๆ ซึ่งจริงๆ ผมว่ายังมีอีก อาจจะซอฟต์หรือจะฮาร์ดคอร์ก็ไม่อาจคาดเดา ตอนนี้บอกตรงๆ ผมมึนมาก ขอพักสมองสักแปบเถอะ




เรานั่งกอดกันเงียบๆ สักพัก พอไมเคิลเดินเข้ามาในห้องโถง เราก็หลุดออกจากช่วงเวลานั้นแล้วก็พากันขึ้นไปอาบน้ำ ไม่มีใครพูดอะไร ทำได้เพียงปล่อยให้ความเงียบลอยอยู่รอบตัว ผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ หัวมันตื้อ สมองมันตัน วิคเตอร์เองก็ทำหน้าเครียดและเอาแต่จ้องมองผมอย่างระแวง ผมอยากจะยิ้มเพื่อให้เขาสบายใจ แต่ก็ทำไม่ได้ ผมยิ้มไม่ออก ในหัวมันคิดถึงภาพระหว่างเขากับลิซ่าไม่หยุด มันไหลไปเรื่อยเหมือนฉายฟิล์มให้ดูย้อนหลัง จะกดหยุดก็หยุดไม่ได้ ทั้งที่ผมไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในอดีตนั้นเป็นแบบไหน ใช้ชีวิตกันยังไง แต่ความมโนของผมมันสร้างไปหลายช็อตแล้ว
   


“ทำไมไม่มานอนใกล้ๆ ฉัน” วิคเตอร์ถามเสียงขุ่นเมื่อผมนอนบนหมอนตัวเองไม่ได้กระเถิบเข้าไปนอนหมอนเดียวกับเขาอย่างเคย ผมเม้มปากและฝืนใจตัวเองให้กระเถิบเข้าไปนอนใกล้เขา รีบหลับตาลงทันที ไม่สบตา ไม่มองหน้าเขา มันเหมือนจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ผมไม่อยากอยู่ใกล้เขาเพราะเขาขืนใจผม แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว มันเป็นความรู้สึกประหลาด คล้ายว่าผมพยายามยอมรับกับเรื่องที่เพิ่งได้รู้อยู่ แต่มันก็รับได้ไม่เต็มใจน่ะสิ
   

“ฝืนใจมากนักรึไง” วิคเตอร์พูดเสียงสะบัด ผมลืมตาขึ้นมองเขาก็เห็นว่าเขาใบหน้าถมึงทึงพอสมควร รู้เลยว่ากำลังเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ
   

“เปล่าครับ นอนเถอะนะ” แล้วผมก็ต้องโกหกเพื่อให้สถานการณ์ไม่แย่ไปมากกว่านี้ วิคเตอร์มองอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะลุกออกจากเตียง ก้าวเท้าเดินเปลือยท่อนบนไปทางประตูห้องนอน
   

“วิคเตอร์จะไปไหน” ผมยันตัวขึ้นมาถามเขาด้วยความตกใจ ไอ้ยักษ์ไม่ตอบ เดินออกไปจากห้องนอนนิ่งๆ อย่างที่ไม่ให้เกียรติสภาพอากาศอันหนาวเย็นเลยสักนิด
   

ปัง!
   

เสียงกระแทกประตูปิดตามหลังดังจนผมสะดุ้ง ผมมองประตูสีขาวที่เพิ่งปิดลงนิ่งๆ ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วล้มตัวลงนอนตามเดิม สายตามองเพดานห้องนอนอย่างครุ่นคิด ก็ดีเหมือนกัน ห่างกันสักแปบจะได้เว้นช่องว่างให้ผมบ้าง ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องเด้งตัวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแลมเบอร์กินีของวิคเตอร์ดังขึ้น ผมรีบลุกจากเตียงวิ่งไปดูตรงริมหน้าต่าง เจ้ากระทิงดุสีเทามันเงาวับพุ่งตัวออกไปบนท้องถนนท่ามกลางหิมะโปรยปรายบางๆ หัวใจผมกระตุกวูบเมื่อสายตามองตามท้ายรถของวิคเตอร์เลี้ยวออกจากหมู่บ้านไป
   
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 13-05-2016 02:05:00


V
v
v

ผมหยิบมือถือจากโต๊ะหัวเตียงแล้วเก้าเท้าเดินออกไปจากห้องนอน ระหว่างนั้นก็กดโทรศัพท์หาวิคเตอร์ แต่เขาไม่ยอมรับสาย นั่นยิ่งทำให้ผมใจว้าวุ่นเข้าไปอีก ผมเดินลงมาข้างล่างบ้านก็เจอกับออสตินในชุดนอนเสื้อยืดสีดำกางเกงขายาวสีน้ำเงินอ่อนยืนอยู่หน้าห้องโถงของบ้าน
   

“เขาไปไหน” ผมถามเขาแล้วกดวางสายเพราะวิคเตอร์ยังไม่ยอมรับ
   

“บอกว่าจะไปดื่มกับเพื่อนๆ ครับ” ผมย่นคิ้ว ไปดื่มอะไรเอาตอนเที่ยงคืน แล้วจะได้กลับมาตอนไหน แล้วไปดื่มกับใครกับเพื่อนคนไหนเนี่ย เหอะ ดีไม่ดีได้เพื่อนใหม่เป็นสาวอึ๋มๆ อีกสักคนล่ะสิ
   

“มีอะไรเคาะประตูเรียกผมแล้วกันนะครับ” ผมพยักหน้าให้ออสติน เขาหมุนตัวเดินกลับไปทางห้องนอนตัวเอง ผมมองไปทางไมเคิลกับฟอกซ์กำลังนอนเล่นอยู่หน้าเตาผิงที่ออสตินจุดไฟไว้ให้ ผมถอนหายใจแผ่วเบา เดินเข้าไปในห้องซักรีด หยิบผ้านวมสีขาวออกมาสองผืน เดินกลับมานั่งบนโซพาเตียงนอนในห้องโถง ใช้ผ้านวมคุมตัวไว้จนตัวพอง หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาคุณเบนแต่โทรไม่ติด ผมเลยโทรหาอันเดรแทน ก็ได้ความว่าวิคเตอร์ไปดื่มกับชาร์ลีที่ร้านนั่งชิลในตัวเมือง ส่วนตัวเขากำลังจะตามไปเช่นกัน
   

“ทะเลาะกันเหรอ”
   

“ก็ไม่เชิงครับ แค่ผมไม่ยอมเข้าใกล้เขา” อันเดรหัวเราะเสียงทุ้มอารมณ์ดี
   

“ไอ้วิคเตอร์มันงอนนายแม้กระทั่งเรื่องแค่นี้ด้วยเหรอ”
   

“มันก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ แต่ว่าก็เป็นประเด็นหลักอยู่ดี เขาก็ชอบงอนผมในเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงอยู่เรื่อย” ผมว่าหน้ามู่ทู่แล้วกระชับผ้านวมให้เข้าที่เข้าทาง
   

“ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ถ้าเกี่ยวกับนายดูมันจะคิดไปหมดเลยนะ” ผมถอนหายใจเนือยๆ
   

“ก็คงเป็นแค่ช่วงแรกๆ แหละครับ นานวันไปเขาก็คงเบื่อและเลิกคิดเรื่องผม” โปรโมชั่นดีๆ แบบนี้มีไม่นานหรอก
   

“ไม่เอาน่า อย่าเพิ่งไปคิดแทนมันสิ…” ผมได้ยินเสียงหวอดังหวิวๆ ผ่านเข้ามาในโทรศัพท์ อันเดรพึมพำว่ารถตำรวจวิ่งกันไปทางเซ็นทรัลปาร์ค จะไปไหนกัน เหมือนเขาคุยกับตัวเองสั้นๆ แล้วก็กลับมาคุยกับผมต่อ


“…แต่ถ้าคิดมากนัก ตอนนี้ก็รีบตักตวงจากมันไปก่อน รีดเงินมันเยอะๆ เลย” ผมหัวเราะน้อยๆ โทรคุยกับเขาอีกสักพักก่อนจะฝากให้เขาช่วยดูแลวิคเตอร์ให้ด้วย อย่าให้เขาดื่มเหล้ามากนัก อันเดรรับปากแต่ก็ไม่สัญญาว่าจะทำได้หรือเปล่า ผมขอบคุณเขาแล้ววางสายไป วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะกระจก ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา นอนลืมตามองสองหมาแมวที่นอนหลับเคลิ้มไปแล้ว ผมปัดความคิดเรื่องวิคเตอร์กับลิซ่าออกไปจากหัว แล้วหาเรื่องอื่นมาคิดแทน แต่ก็ไม่พ้นเรื่องวิคเตอร์อยู่ดี


เอาจริงๆ เรื่องพ่อเขาผมไม่กังวล ไม่ได้เอามาคิดต่อยอด ผมแอบมั่นใจว่าวิคเตอร์จะไม่ยอมพ่อเขาอย่างที่บอก ยิ่งมาจับคู่หมั้นหมายให้เขาอย่างนั้น ยิ่งไม่ใช่ทางของวิคเตอร์ เขาชอบโดนบังคับที่ไหนล่ะ มีแต่ชอบมาบังคับกับผมนี่ไง นี่อาจจะเป็นเพราะคุณลุคไม่ค่อยได้เลี้ยงดูวิคเตอร์อย่างใกล้ชิดเลยยังไม่รู้อิทธิฤทธิ์ไอ้ยักษ์อย่างแท้จริงสินะ ว่าถ้าบังคับเขามากๆ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง และถึงผมจะแอบหวั่นกับความสวยสดใสของไดอาน่า แต่ผมก็มั่นใจว่าวิคเตอร์จะไม่ชอบเธอ เพราะเธอดันก้าวกระโดดกลายมาเป็นคู่หมั้นของเขาโดยที่เขาไม่ต้องการ ถ้าเป็นแบบนี้วิคเตอร์จะส่ายหน้าหนีทันที แต่ลองให้พ่อเขาค่อยๆ ส่งไดอาน่ามาทำความรู้จักไอ้ยักษ์สิ อันนั้นน่ะมีสิทธิ์


สำหรับลิซ่า ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าวิคเตอร์ไม่เอาแล้วแน่ๆ แต่ก็ยอมรับว่ายังมีคิดอยู่บ้าง ก็อย่างที่ผมพูดกับเขา อันเดรียนาว่าไม่เอาๆ แล้วเป็นไงล่ะ จูบกันหวานแหวว แต่ดูท่าว่าสถานการณ์ระหว่างลิซ่ากับอันเดรียนาจะไม่เหมือนกัน วิคเตอร์ดูรำคาญลิซ่าเอามากๆ ซึ่งถ้าเป็นผมก็รำคาญอะ เจ๊าะแจ๊ะไม่เลิก ปากบอกว่าไม่คิดจะให้วิคเตอร์กลับไปหา แต่การกระทำเรียกร้องหาสุด ผมว่าเธอยังคิดว่าตัวเองมีความหวังอยู่นั่นแหละถึงได้ยังคอยวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่แบบนี้ ผมเคยมองว่าเธอสง่า ดูดีมีสติ แต่พอได้เห็นเธอในวันนี้ก็รู้เลยว่า เธอก็ผู้หญิงคันๆ คนหนึ่ง ผมอาจใช้คำพูดแรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นะว่าลิซ่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ


เออ แล้วเธอมาป้วนเปี้ยนกับวิคเตอร์แบบนี้ แล้วคุณลุคล่ะ เธอยังคบกับเขาอยู่หรือเปล่า หรือแค่ร่วมกันทำธุรกิจเท่านั้น แต่ไม่น่าคบ เพราะผมได้ยินวิคเตอร์บอกว่าให้เอาเวลามายุ่งกับเขาไปสนใจเด็กใหม่ตัวเองดีกว่า อืม นางไม่ธรรมดาจริงๆ เด็กที่ว่านี่เด็กขนาดไหนกัน สามขวบได้มั้ย (เด็กไปมั้ยแก)


ถึงแม้ผมจะวางใจในวิคเตอร์ (มั้ง) แต่ลิซ่าวางใจไม่ได้ ท่าทางเธอไม่ยอมง่ายๆ ดีกรีเธอไม่ธรรมดา ก็แหม กินทั้งพ่อทั้งลูก แถมตอนกินคนลูกก็จังหวะดี๊ดี เธอมีแผนวางไว้แล้วนี่


ผมเบ้ปากใส่ลิซ่าทั้งที่เธอไม่ได้อยู่ตรงหน้า แต่ก็ขอเบ้ใส่หน่อยแล้วกัน นึกถึงภาพเธอเปลือยอกต่อหน้าวิคเตอร์แล้วยิ่งเบ้ปาก ผู้หญิงอะไรทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนั้น อายุอานามก็ใช่ว่าน้อยๆ ครึ่งร้อยแล้วมั้งน่ะ แต่ลิซ่าก็ทำให้ผมได้รู้เลยนะว่า ไม่ว่าจะชาติไหน เกิดประเทศอะไร ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเหมือนกัน มันมีหลากหลายนิสัย หลากหลายใจจริงๆ เราตัดสินใครจากชาติพันธ์หรือภายนอกไม่ได้ คนบนโลกมีเป็นพันล้านหมื่นล้านคน แต่ละคนก็มีนิสัยไม่เหมือนกัน อย่ามาบอกว่า หญิงชาตินั้นชาตินี้เขาไม่เป็นแบบนั้น เขาไม่น้ำเน่าแบบนางร้ายละครไทยหรอก


หืมมม… แล้วเรารู้กันได้ยังไงล่ะ ตอนแรกผมก็มีความคิดแบบนั้นแหละ แต่ตั้งแต่ที่ได้มาฝึกงานนิวยอร์กเมื่อปีก่อนจนกระทั่งกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ผมก็ได้เรียนรู้ว่าคนเรามันคาดเดานิสัยและพฤติกรรมได้ยาก ภายนอกอาจไม่มีพิษภัยอะไร แต่แท้จริงอาจเป็นมือระเบิดพลีชีพก็ได้


ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อย พยายามถ่างตารอวิคเตอร์กลับบ้าน แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว เปลือกตาค่อยๆ ขยับปิดลงช้าๆ จนในที่สุดมันก็หลับสนิทไปพร้อมกับภาพเด็กผู้ชายตัวอ้วนจ้ำม่ำคนหนึ่งที่ส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากให้กับผม


 :mew5:

เอ๊อ... *ปาดเหงื่อ* เหนื่อยแทนแม่นางเอเลี่ยน มีผัวเป็นพระยาวิคเตอร์นี่บอบบางไม่ได้จริงๆ ค่ะคุณพี่

แม่เลี้ยง พ่อแท้ คู่หมั้นอุปโลก เจอรวดเดียวในวันวาเลนไทน์ที่น้องแมทหมายหมั้นปัน้มือว่ามันต้องเป็นวาเลนไทน์แรกที่ดีของชีวิต แต่บิดพลิ้วไปโม้ดดดด หมดช่วยน้องด้วยค่ะหมวดดด

วิคเตอร์น่าจะเป็นพระเอกคนหนึ่งที่โดนด่ามากกว่าโดนชม 555555 เรื่องเดียวที่ดีที่สุดสำหรับวิคเตอร์ตอนนี้คือรักแมทจริงๆ แต่อย่างอื่นสอบตกแล้วสอบตกอีก เข็นไม่ขึ้นทำเนียบพระเอกผู้แสนดีละ พฤติกรรมไม่นำพาจริงๆ ฮ่าาาๆ

เอาน่ะ โดนด่ายังไง มันก็หน้าด้าน ตราบใดที่เมียยังไม่ทิ้ง จ้าาา ลองโดนทิ้งดีมะ คริๆ แกมีเมียใจดีขนาดไหนไอ้วิคเตอร์ ดูไว้!

เรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยง โดยส่วนตัวตอมไม่เคยเจอกับคนใกล้ตัวนะ แต่เจอตามข่าวกับเป็นประสบการณ์ของเพื่อนต่างชาติบางคนว่าเขามีคนรู้จักที่คบกับแม่เลี้ยงตัวเอง แต่ไม่รู้รายละเอียดมาก ตอนเขาเล่าให้ฟัง ตอมก็ ว้าว เรียลลี้? แล้วก็เอามาเป็นประเด็นของอียักษ์นี่ละค่า ฮ่าาๆๆ

ยังเจอกันตามปกตินะคะ ยังคงลงเนื้อหานิยายจนจบ ลงตามปกติ เปิดพรีหนังสือแล้วก็จริง แต่ยังคงลงตามปกติไม่มีหยุด ลงจนจบตอนหลักของพาร์ทนี้ จำนวนตอนของตอนหลักก็ใกล้จะจบแล้ววว

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-05-2016 02:25:50
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2016 03:38:48
มันจะมีอะไรหนักหนากว่านี้อีกไหมเนี่ย แบบว่าเกิดอุบัติเหตุแล้วความจำเสื่อมอะไรแบบนี้ ยิ่งช่วงนี้กำลังเหมาะเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-05-2016 05:08:12
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 13-05-2016 05:46:13
เตอร์แกผิดนะเฮ้ยยยยยยยย

ทิ้งแมทออกไปข้างนอกเฉย

แมทหนูออกบ้างดีไหมลูก

ยักษ์กลับมาไม่เจอ ให้นางบ้าบ้าง

เพราะดูๆแล้วมีแต่แมทคนเดียวที่ช้ำมาตลอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-05-2016 06:55:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 13-05-2016 07:08:21
หน่วงมากกกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-05-2016 07:14:46
วิคเตอร์มันเป็นคนมีปมใช่มั้ยเนี่ย ทะเลาะกับพ่อ แต่ซัดเมียน้อยพ่อ ความคิดเด็กจริงๆ แก้แค้นแบบนี้ แถม มีแฟนแต่ก็แอบกลับไปกินของเก่า เอลี่ยนน้อย หาแฟนใหม่ดีมั้ย สตรองเกิ๊น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-05-2016 08:54:29
อิยักษ์ออกไปแบบนี้จะสร้างเรื่องอะไรอีกน้อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 13-05-2016 08:59:55
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
ลาล่ะอิวิคเตอร์
ขอยืมคำมาใช้ได้ไหม มีผัวอย่างนี้
ไม่มีดีกว่า จริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Maewjunsu ที่ 13-05-2016 09:01:36
ชีวิตคู่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหกตอแหลหาความจริงไม่ได้ ชีวิตคู่ที่เหลือก็ไม่ต้องไปพูดถึงแล้ว ถ้าไอ้ยักษ์พูดความจริงบอกความจริงตั้งแต่แรกแมทอาจจะโกธรเสียใจแต่คงไม่เหมือนกับรู้จากปากยัยลิซ่า ยิ่งโดนตอแหลว่าอึ๊บสดคนแรกยิ่งเสียใจหนักเข้าไปอีก จากที่แมทเคยคิดว่าตัวเองมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นกลับไม่ได้พิเศษอะไรเลยแถมกับยัยลิซ่าจะเผลอกลับมามีอะไรกันอีกรึเปล่าก็ไม่รู้แล้วผญ.เก่าๆอีกยิ่งไอ้ยักษ์เป็นคนมักมากโดนยั่วง่ายยิ่งไม่มีอะไรรับประกัน ถ้าเป็นชีวิตจริงคนอย่างไอ้ยักษ์ไม่เหมาะสมจะเอาเป็นคู่ชีวิตสุดๆเพราะหาความจริงใจจากไอ้ยักษ์ไม่ได้สักนิด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-05-2016 10:24:14
รู้สึกสะใจ ที่วิคโดนตบ

แหม่ เหมือนจะตบน้อยไปด้วยนะแมทนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-05-2016 10:52:58
ถ้าจะมีผัวแล้วเจอแบบวิคไม่มีจะดีกว่า
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้รู้สึกว่าแมทต้องเป็นฝ่ายยอมไอ้ยักษ์ตลอด
เซ็งไอ้ยักษ์ อยากจะเชียร์ให้แมทเลิกแล้วไปหาคนใหม่ดีกว่า :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 13-05-2016 10:59:00
หวังว่า คงไม่มีใครโผล่ออกมาอีกหรอกนะ
ตาวิคเตอร์นี่ก็นะ ยังมีหน้ามางอนแมทอีก
ถ้าแมทหนีหายไปตอนนี้ อยากรู้จริงๆว่า ถ้ากลับบ้านมาแล้วเมียหาย วิคเตอร์จะทำยังไง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 13-05-2016 11:12:46
สงสารหนูแมทจัง เจอเรื่องช็อคติด ๆ กันเลยน่ะ วิคเตอร์ช่างเป็นพระเอกที่รักไม่ลงจริง ๆ แต่ก้อเชียร์ให้คู่กันตลอด  :mew2: สู้ ๆ น่ะจ้ะ หนูแมท เริ่มต้นมีอุปสรรคต่อไปก้อจะราบรื่นสวยงามจ้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-05-2016 11:27:38
พระเอกแบดบอยของแท้
สมควรโดนตบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: KoTo_Nat ที่ 13-05-2016 12:59:12
ว้าา อ่านตอนนี้แล้วมีข้อสงสัยสองข้อ

1 ที่บอกว่าเห็นรถตำรวจนี่จะเกี่ยวกับวิกเตอร์ ไหม แต่วิกเตอร์เพิ่งออกไปอันแดรจะได้ยินเสียงรถตำรวจได้ไง

2 ตอนสุดท้ายที่แมทบอกว่าเห็นเด็กผู้ชาย นี่คือลูกวิกเตอร์มาบอกเหตไหมว่าวิกเตอร์กำลังอยู่ในอันตราย หรือ

  เด็กจะมาเกิดในท้องแมท 55555 ถ้าจะเกิดคงเกินนานแล้วอะนะโดนไปซะเยอะ 555 แต่ก็ยังแอบหวังนะ

สุดท้ายจะรอคนแต่งมาเฉลยตอนต่อไปครับ จะรอติดตาม

ขอบคุณครับที่สละเวลามาแบ่งปันความบันเทิงทางการอ่าน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 13-05-2016 14:06:00
คือการจะมีผัวแซ่บๆสักคน

มันไม่ง่ายที่จะได้มา แต่มันยากที่สุดคือการรักษาความรักให้มั่นคง

แมทนี่สตรองมาก...ต้องต่อสู้ฟาดฟันกับหลายเรื่อง ไหนจะความเจ้าชู้ไม่รู้จักพอของปั้ว

ไหนจะเรื่องชะนีมากมาย..โดยเฉพาะเรื่องลิซ่าที่เป็นเมียเก่าเพราะดูมีลับลมคมในมาตั้งแต่แรกแล้ว

อิยักษ์มันมีเรื่องแย่ๆแล้วยังเสือกนอยด์แมกอีก...ออกไปแรดดื่มเหล้าเมา..จากนั้นถ้าไปปี้กับชะนีอีกจะไม่แปลกใจเลย..สันดาน

เสียจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-05-2016 01:29:28
เด็กนั้นคือใคร
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 14-05-2016 10:07:28
หวังว่าอีเสียงรถที่วิ่งผ่านไปจะไม่มีเหตุอันใดเกิดขึ้นนะคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-05-2016 12:56:52
เรื่องมันโหดร้ายกว่าที่คิด 555
น้องแมทสตรองจริงๆ เง้ออออออ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-05-2016 21:26:48
เรื่องราวมันเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งไหนๆ
แล้วก็ใช่ว่าจะกลับไปแก้ไขอะไรได้
..มันผ่านมานานแล้ว..

ถ้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
ก็ต้องเพ่งให้ความสำคัญกับปัจจุบันซิ

ส่วนอนาคตน่ะ ถ้าทำปัจจุบันให้ดีแล้ว
ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงอีก

คนเราขอให้มีความสุขกับปัจจุบันก็น่าจะพอใจแล้ว
คิดห่วงไปข้างหน้า คิดแค้นย้อนหลัง..ยังจะให้จิตตกไปซะเปล่าๆ

ขอถามนะ
ตอนนี้ไอ่ยักษ์ทำผิดอะไร
..ตอนนี้นะ อดีตไม่เกี่ยว..

หุหุ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 14-05-2016 22:59:42
แมท พลังขับดัน ของพ่อวี เขาเป็นแบบนั้น ใช้เซกส์นำมาตั้งแต่ต้นเพราะเขาเริ่มต้นมาแบบผิดๆ ในขณะวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน

ขนาดแมทเอง ยังยอมรับความหื่นของพ่อวีเข้ามาโดยตลอด แล้วเด็กผู้ชายอายุสิบเจ็ดล่ะ

แมท ต้องคุยกับเขาอีกชีวิตต้องใช้ความรักหล่อเลี้ยงไม่ใช่เซ็กส์ เอาใจช่วยนะ อย่าใจอ่อน ตัวอ่อนตาม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 14-05-2016 23:00:16
รออีก 40เปอร์เซ็นต์จ้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-05-2016 10:23:10
ก็ไม่ค่อยเครียดนะกับช่วงนี้ เหมือนมันผ่านช่วงร้ายไปแล้ว วิคเตอร์เป็นคนที่ตามใจตัวเองมากคนหนึ่ง
เลยเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ประกอบกับมาเจอคนที่อยากได้มากอย่างลิซ่า ยักษ์หื่นก็เลยนะ ทนความต้องการร่างกายไม่ไหว
มันเหมือนแมทบริสุทธิ์แต่มาเจอกับผู้ชายเปื้อนๆ อ่ะ ทุกอย่างก็อยู่ที่แมท ถ้าจะทำใจพอรับได้ไม่เก็บมาคิดจนประสาท
ก็คงอยู่ด้วยกันได้ เอาจริงๆ ไม่เคยเชื่อใจวิคเตอร์เลย นางดํทำอะไรตามใจตัวเองมากสุด ตอนรักก็รักสุด
ต่อไปก็อาจไม่รัก ที่จริงไม่ใช่แค่วิค มันก็แบบนี้ทุกคนแหละเนอะ น้องแมทสู้ๆ ค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 60%}:13.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 17-05-2016 15:33:48
เหมือนจะเคลียร์กันแต่ก็ไม่เคลียร์คิดถึงช่วงเวลาที่รักกันแรกๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 18-05-2016 21:38:53


Only You EP.38 [100%]



เอี๊ยดดด! โคร่ม!


ผมสะดุ้งตื่นไหล่กระตุกรุนแรงเพราะได้ยินเสียงล้อรถบดกับถนนใกล้ๆ บ้านเป็นทางยาว ตามด้วยเสียงของแข็งกระแทกกับอะไรสักอย่างดังสนั่น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงอีกหนึ่งเสียง


วี้ๆๆๆๆๆ


ผมค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาหน้าตางัวเงีย หันไปมองรอบห้องโถงของบ้านอย่างงงๆ ก็เห็นออสตินในชุดนอนออกมายืนตรงทางเข้าห้องโถง ผมขยี้ตาเบาๆ เพื่อให้ตาสว่างก่อนจะลุกออกจากโซฟา


“อย่าเพิ่งออกไปนะครับ” ผมพยักหน้าง่วงๆ แล้วยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องโถง มองออสตินเดินไปเปิดประตูบ้านแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูตามหลัง ผมยืนชะเง้อมองไปทางประตู แต่ผ่านไปได้ห้านาทีก็ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ผมเลยก้าวเท้าเดินไปตรงประตู กะเปิดออกไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ในขณะที่กำลังจะเอื้อมเปิด ประตูก็ถูกดันเข้ามาอย่างแรงจนผมต้องก้าวถอยหลังหลบเพราะกลัวจะโดนประตูฟาดหน้า


“วิคเตอร์” ผมมองร่างสูงอย่างงงๆ สักแปบ วิคเตอร์หน้าแดง กลิ่นเหล้าฟุ้งออกมาจากตัว เขายืนเกาะขอบประตูเอาไว้แล้วจับจ้องผมด้วยสายตาคมปลาบ ผมเลื่อนสายตาไปมองข้างนอก เห็นออสตินกำลังยืนคุยกับผู้ชายมีอายุผมหงอกคนหนึ่ง


“เกิดอะไรขึ้น…” เขาไม่ตอบ แต่เดินเข้ามาหาผม ยกแขนขวาคล้องคอผมไว้ ทำท่าจะพาผมล้มไปด้วย ผมเลยต้องเอาแขนซ้ายเกี่ยวเอวของเขา และพยายามประคองร่างโตๆ ของเขาเพื่อไม่ให้ล้มลงกองกับพื้น


ฟอด~


วิคเตอร์กดจมูกลงบนขมับของผมแรงๆ กดแช่แล้วสูดดมฟึดฟัด สักพักก็ลามขึ้นไปบนกลางกระหม่อม กดจูบสามสี่ทีแล้วก็แช่จมูกไว้บนหัวผมแบบนั้น


“ปะ… ไป โอ่ย หนัก ไปนั่งก่อนนะ” เขาเดินเซไปเรื่อย ผมต้องพยายามทรงตัวให้แข็งแรงเขาไว้เพื่อไม่ให้พากันล้ม วิคเตอร์กอดคอผมไว้แน่น หอมขมับ หอมแก้ม หอมหัวผมไม่หยุด


โอ่ยหน่อ รักกูแท้ พักสักแปบได้มั้ย เดินหน้าได้หนึ่งก้าว ถอยหลังไปจะสามก้าวอยู่เรื่อย จะถึงโซฟากี่โมง


“Baby…” เสียงทุ้มแหบห้าวดังอยู่ข้างหูพร้อมกับสัมผัสคลอเคลียข้างแก้ม


“Yes. I’m here baby.” วิคเตอร์หัวเราะหึๆ ในลำคอแล้วยิ้มเคลิ้มตาเยิ้ม ก้มลงหอมขมับผมไปอีกที กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่คละคลุ้งจนกลบกลิ่นตัวหอมๆ ของเขา


“อึ๊บๆ” ผมค่อยๆ ประคองร่างคนตัวโตลงบนโซฟา วิคเตอร์ทิ้งตัวลงนอนดังโครมจนไมเคิลเด้งตัวตื่นขึ้นมองสีหน้าฉงน


“เดี๋ยวผมมานะ” ผมกะจะออกไปดูเหตุการณ์ด้านนอกว่าเป็นยังไงบ้าง แต่พอก้าวเท้าได้ก้าวเดียวไอ้ยักษ์ก็ดึงผมลงไปนั่งบนตัก จับผมนั่งหันข้างเข้าหาเขา สองแขนโอบรอบเอวผมไว้แน่น ผมยกแขนซ้ายโอบหลังคอเขาไว้ วิคเตอร์ยื่นหน้าเข้ามาสูดดมซุกไซ้ซอกคอผมเบาๆ


“Horny. (เงี่ยx)” เขาว่าเสียงยานคาง ผมขำพรืด วิคเตอร์ยิ้มกริ่มเมาๆ ที่เห็นผมขำ


“อุก…”


“อ้าวๆ หงี่แล้วทำไมจะอ้วกล่ะ” ผมบ่นเป็นภาษาไทยและเบิกตากว้างมองคนตัวใหญ่ที่กำลังทำท่าพืดพะอมเหมือนอยากจะปล่อยอ้วกพุ่งออกจากปาก แล้วถามว่าถ้าอ้วก ใครรับ ผมไง เต็มๆ


“ไปอ้วกในห้องน้ำมั้ยครับ” ผมไม่กล้าลูบหลังเขามาก กลัวจะทำให้อ้วกพุ่ง เลยทำแค่ตบหลังเบาๆ วิคเตอร์อึกอักอยู่อีกสักพักแล้วเขาก็ทำเสียงแจ๊บๆ


“น้ำมั้ย?” เขาส่ายหัวหน้าตาเมาๆ ผสมกับง่วงนอน ผมยกมือซ้ายลูบเรือนผมนุ่มๆ ของเขา วิคเตอร์ยิ้มเผล่ ยกมือซ้ายตบลงบนหน้าผากของเขาแปะๆ เป็นสัญญาณ ผมคลี่ยิ้มเอ็นดูแล้วกดจมูกลงบนหน้าผากเขาหนึ่งที


“My sweet Mattle.” เขาหัวเราะอ้อแอ้ แก้มขวาผมโดนหอมแรงๆ แล้วแช่ค้างไว้สักพัก


อาการเมาวันนี้ไม่น่ากลัวเท่าเหตุการณ์ครั้งนั้นที่เขาทั้งเมาและโคตรโกรธผม แต่อันนี้ท่าทางเขากำลังเหมือนง้อๆ ผมอยู่นะ ง้อแบบเมาๆ มึนๆ


ปึง~


เสียงปิดประตูบ้านดังขึ้น ผมหันไปมองตรงทางเข้าห้องโถง ปล่อยให้วิคเตอร์สูดดม ซุกไซ้กดจูบซอกคอผมได้ตามใจ มือซ้ายของเขาสอดเข้าไปในเสื้อยืดของผมแล้วลูบเอวผมเบาๆ


“คุณเรย์มอนด์ขับรถชนท้ายรถของคุณผู้ชายที่อยู่ถัดจากบ้านเราไปสองหลัง เขาไม่ติดใจอะไรใหญ่โต ขอแค่จ่ายค่าซ่อมรถให้ตามปกติ” ผมอ้าปากค้างเมื่อได้ยินแบบนั้น ก้มลงไปมองไอ้ยักษ์ตัวโตที่กำลังสนุกกับการดูดคอผมดังจุ๊บๆ มีการส่งเสียงหัวเราะแฮ่ๆ ด้วยนะ ไม่รู้ว่ารู้หรือเปล่าว่าผมเพิ่งได้ยินว่าเขาไปซนจนได้เรื่องมา


“แล้วก็ ท่าทางเขาจะขับไปชนอะไรสักอย่างมาด้วยครับ เพราะบังโคลนฝั่งขวามือบุบและถลอก” หัวใจผมกระตุก รีบดึงวิคเตอร์ออกจากซอกคอตัวเองแล้วสำรวจร่างกายเขาว่าบาเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ไอ้ยักษ์ยิ้มเยิ้ม ดึงมือขวาของผมไปหอมหน้ามือหลังมือ ผมถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาดูปกติดี


“ผมคิดว่าเขาไม่เป็นอะไรครับ โชคดีมากที่เขาไม่โดนตำรวจจับ และขับรอดปลอดภัยมาถึงบ้าน” จริงอย่างที่ออสตินว่านั่นแหละ แต่ทีนี้เดี๋ยวรอตำรวจมาที่บ้านพร้อมใบสั่งได้เลย เพราะเขาต้องขับรถเร็วมากแน่ๆ


“เรื่องตำรวจ” ผมยิ้มลำบากใจ ไอ้ยักษ์ตัวดีเอาหน้าผากพิงไหล่ซ้ายผมไว้แล้วงึมงำๆ พูดอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว


“ถ้าพวกเขามา ก็เสียค่าปรับตามปกติ ผมคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง เพราะยังไม่มีแจ้งอุบัติเหตุชนคนที่ไหน แล้วจากรอยชนที่รถ ผมว่าน่าจะชนเสาไฟไม่ก็ท่อน้ำประปา หรืออาจจะตู้ไปรษณีย์”


“ขอให้เป็นแค่นั้นจริงๆ เถอะ ถ้าชนคนขึ้นมา วุ่นวายแน่ๆ”


“ไม่หรอกครับ ผมลองเช็กจากเพื่อนตำรวจด้วยกันแล้ว เขาบอกไม่มีอุบัติเหตุในคืนนี้” ผมพยักหน้าอย่างโล่งใจ ออสตินขอตัวไปนอน พร้อมกับเรียกให้ไมเคิลเดินตามไปด้วย ส่วนฟ็อกซ์มันนอนอ้าขาสบายไปแล้ว


 “นอนดีๆ เถอะครับ” ผมพยายามเขยิบตัว แล้วก็หลุดออกจากอ้อมแขนเขา ก่อนที่จะรีบจัดการให้เขานอนลงบนโซฟาแล้วก็รีบล้มตัวลงนอนข้างเขาพร้อมกับดึงผ้านวมขึ้นคลุมตัวเราสองคน วิคเตอร์พลิกตัวกอดผมแล้วดึงร่างผมให้แนบไปกับด้านหน้าของเขา


“แมทจ๋า…” หืมมม! ผมแหงนหน้ามองไอ้ยักษ์ เสียงหวานมาพร้อมกับตาหวานยิ้มหวานแบบนี้ ทำเอาอดหัวเราะไม่ได้ ไอ้ยักษ์เห็นว่าผมหัวเราะก็เลยหัวเราะอ้อแอ้ตาม แล้วยื่นหน้ามานัวเนียกับแก้มผมจนผมส่งเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊กเพราะว่าจั้กจี้


“วิคเตอร์… กิ๊ๆๆ”


“เอากันนะ นะๆๆ” เขาเริ่มระดมจูบผมไปทั่วแก้ม ผมเริ่มงอแงเพราะหนวดเขาทิ่มแก้ม


“วิคเตอร์พอแล้ว ฮือออ” ผมแบะปากเพราะเริ่มแสบแก้มแสบคอ ไอ้นี่ก็ชอบเอาตอหนวดมาทิ่มหน้าไซ้คออยู่เรื่อย มันได้อารมณ์ตอนระหว่างมีอะไรกัน เพราะกำลังนัวเนียกันอยู่ แต่เวลาปกติคือมันเจ็บๆ แสบๆ อะ


“เอเลี่ยนอยู่บนนะ เดี๋ยวยักษ์จะอยู่ข้างล่างนะครับ คิกๆ” เวลาเมาแล้วเขาจะอ้อนมุ้งมิ้ง มันก็น่ารักน่าชังดี แต่พอมองหน้าเขาที่เกินวัยจะอ้อนแบบฟุ้งฟิ้งแล้วก็ขำไม่หยุด ผมมองเขาอย่างเข่นเขี้ยวแล้วยกมือขวาหยิกแก้มเขา บิดไปบิดมาแรงๆ จนคนข้างๆ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอารมณ์ดี แต่ถ้าตอนไม่เมาอาจโดนเขาตบกลับมา


“ทำสิเอเลี่ยนน้อย เอิ๊ก… ฉันรอยู่นะ อึก…” โหะ สภาพอย่างนี้ยังจะมีอารมณ์ ทำๆ ไปเดี๋ยวก็สลบแล้วเรือก็จะล่มปากอ่าว


“นอนเถอะนะครับ เดี๋ยวผมนอนกอดนะ” ผมหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ ลืมเหตุการณ์ที่เงียบใส่กันก่อนหน้านี้ไปแทบหมด ก็ตอนนี้ไอ้ยักษ์มันน่ารักดี เห็นแล้วมันเขี้ยว และท่าทีแบบนี้ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากไป ผมว่าเขาง้อผมอยู่นะ ง้อแบบเมาๆ อาศัยน้ำเมาทำตัวน่ารักกว่าปกติ


“จริงอ้ะ?!” เขายิ้มเยิ้ม มองผมตาหวานฉ่ำ ผมยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าหงึกหงัก


“จริงสิ ยักษ์ใหญ่ของผม” วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม หัวร่ออารมณ์ดี กระชับแขนกอดเอวผม เอาแก้มซ้ายแนบแก้มผมไว้ ผมขยับหัวให้เข้าที่เข้าทางให้แก้มเราสองคนแนบชิดติดกัน


“ตุ๊ก-ตาเอเลี่ยนน้อย… คิๆ” ผมอมยิ้มขำ วิคเตอร์ขยับแก้มเบาๆ ผมยกมือซ้ายลูบแขนขวาของเขา เพื่อกล่อมให้เขาหลับ แต่ยังไม่ทันได้พูดบอกฝันดี ผมก็ได้ยินเสียงลมหายใจพร้อมกับลมกลิ่นแอลกอฮอล์รดหัว พอบิดหน้าไปมองก็ต้องยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อไอ้ยักษ์ขี้ดื้อจอมเอาแต่ใจตัวใหญ่ๆ นอนหลับปุ๋ยไปแล้ว แหม แล้วอยากจะทำทั้งที่สลบก่อนผมอีก ตอนเขาหลับก็ไร้พิษสงอย่างนี้แหละ ดูเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเอาเก่งมากคนนึง


“Good night, baby.” ผมจุ๊บคางเขาหนึ่งทีแล้วขยับตัวเองให้ลงไปนอนบนหมอน ไม่อยากนอนทับแขนเขาเดี๋ยวเลือดไม่เดิน ตื่นมาเดี๋ยวได้พากันไปตัดแขน อากาศข้างนอกก็หนาวเย็นสะท้าน แต่ผมมีผ้านวมสองผืนกับไฟในเตาผิงช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย แต่ที่ดีที่สุดก็คือไออุ่นจากผู้ชายที่ผมรักคนนี้นี่แหละ เป็นผ้าห่มและเปลวไฟที่ผมชอบที่สุดเลย



#Morning


ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาตอนสายๆ ของวันใหม่ ผมก็เห็นวิคเตอร์นอนหมดสภาพ ผมเห็นเขาหลับสนิทมากๆ เลยไม่ได้ปลุก ค่อยๆ ลุกออกจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อคั้นน้ำส้มให้เขาดื่มตอนเขาตื่น ไมเคิลคงออกไปข้างนอกกับออสตินตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนฟ็อกซ์คงไปนั่งมองวิวนิวยอร์กกับหิมะขาวโพลนอยู่บนดาดฟ้าของบ้าน อากาศแบบนี้ไม่ต้องอาบน้ำเลยสักนิด แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็พอ


ผมยืนมองข้าวของที่ซื้อมาเพื่อจะทำเค้กวันวาเลนไทน์ให้วิคเตอร์แต่ก็ต้องเป็นหม้ายเพราะมีมารมาขวางถึงสองตน (ขอเหมารวมพ่อวิคเตอร์ว่าเป็นมารไปด้วยเลย) แล้วก็นึกเสียดาย เป็นวาเลนไทน์แรกของชีวิตในฐานะคนมีผัว เอ้ย แฟนที่แย่มาก อยากจะลองมีโมเม้นต์หวานฉ่ำในวันแห่งความรักบ้างก็ไม่ได้มี แต่คิดไปคิดมา ไหนๆ ก็ซื้อของมาแล้ว ก็ทำไปเลยจะเป็นอะไรไป


พอคั้นน้ำส้มเสร็จผมก็เตรียมของออกมาวางไว้บนโต๊ะหินอ่อนตัวใหญ่ นึกขึ้นได้ว่าจดสูตรไว้ในโทรศัพท์ ผมเลยเดินกลับไปเอามือถือบนโต๊ะกระจกในห้องโถง วิคเตอร์หลับปุ๋ย ริมฝีปากบนเผยอขึ้นเล็กน้อย เสียงลมหายใจของเขาดังจนเกือบจะเป็นเสียงกรน ผมกระชับผ้านวมให้คลุมตัวเขาดีๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องโถง พอกลับมาที่ครัวผมก็เจอฟ็อกซ์นั่งอยู่บนเค้าน์เตอร์ในครัว มันร้องเหมียวๆ ยานคางเหมือนกำลังบอกว่ามันหิวแล้ว ผมเลยจัดการเทอาหารให้มัน แล้วจัดการทำเค้กของตัวเอง


ผมร่อนแป้ง เตรียมผงฟู ตอกไข่เพื่อแยกไข่ขาวไข่แดงแยกไว้สักแปบ หันไปอุ่นเตาในอุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ระหว่างนั้นก็นำเนยกับน้ำตาลมาตีให้เข้ากัน ผมทำไปก้มอ่านสูตรที่บันทึกไว้ในมือถืออย่างช้าๆ ชัดๆ ออกเสียงเบาๆ กับตัวเองไปด้วยเพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด เพราะผมต้องทำพลาดจุดใดจุดหนึ่งแน่ๆ ขนาดแค่ร่อนแป้งยังกระเด็นเลอะหน้า เลอะเส้นผมจนเหมือนผมหงอก สำลักแป้งไปหลายรอบแล้ว ไม่รู้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นยังไง แต่จากระหว่างการทำเค้ก ผมมีความรู้สึกว่ามันจะต้องกินไม่ได้ และเค้กผมจะไม่ฟู มันจะต้องแฟบแบน แค่ตัวเค้กยังดูแย่ ไม่ต้องพูดถึงหน้าเค้กเลยว่าคงแย่พอกัน


แล้วก็เป็นจริงดังคาด เมื่อเค้กของผมฟูข้างแฟบข้าง ไอ้ที่แฟบก็ไม่ใช่ว่าแฟบมากนะ แต่คือมันฟูไม่เท่ากันอะ บิดเบี้ยวราวกับพิการ ผมมองเค้กช็อคโกแล็ตฝีมือตัวเองกับการทำครั้งแรกแล้วก็ได้แต่ยืนอึ้ง มันก็แอบมีความภูมิใจอยู่นิดๆ เหมือนกันนะว่าทำครั้งแรกแล้วออกมาพอดูได้ (ปลอบใจตัวเองสุด)


“นั่นก้อนอะไรครับ” ผมมัวแต่ถ่ายรูปเค้กตัวเองเลยไม่ทันสังเกตว่าออสตินเดินเข้ามาพร้อมไมเคิลที่ตัวเขรอะไปด้วยหิมะ พ่อบอดี้การ์ดขมวดคิ้วมองเค้กผมด้วยสายตาหวาดระแวง แล้วเมื่อกี้เขาพูดว่าไงนะ เขาถามว่าก้อนอะไรงั้นเหรอ


“นั่นอุจจาระใครทำไมก้อนใหญ่จัง” ผมอ้าปากหวอเมื่อเขาถามด้วยสีหน้าจริงจังไม่มีล้อเลียน ผมกะพริบตาปริบ เลื่อนสายตาไปมองไมเคิลที่เอียงคอมองกลับมาอย่างสงสัย แล้วเลื่อนกลับมามองเค้กตัวเองอีกที พอมองดีๆ สีช็อคโกแล็ตมันก็เข้มเหมือนอึจริงๆ นั่นแหละ


“นี่เค้กช็อคโกแล็ตเลยนะ” ออสตินเลิกคิ้วขึ้นสูง


“คุณแมททำเอง?”


“ใช่ เพิ่งทำเสร็จก่อนคุณจะกลับเข้ามาเลย”


“ผมว่าซื้อกินเถอะครับ ปลอดภัยกว่า” ผมมองจิกเขาแรง ออสตินยักไหล่สองข้างทำหน้าตาว่าเขาพูดอะไรผิด ผมถลึงตามองเขานิดหนึ่งแล้วก้มลงมองเค้กตัวเอง ถ้าไม่ปลอบใจตัวเองมากไปมันก็แย่จริงๆ นั่นแหละ


“ผมซื้ออาหารเช้ามาฝากเผื่อคุณสองคนด้วย” เขาชูถุงหิ้วในมือให้ผมดู ผมทำหน้าเซ็งแล้วพยักหน้ารับเนือยๆ กำลังปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร เอาใหม่ วันทำเค้กไม่ได้มีหนเดียว เดี๋ยวหลังจากนี้ฝึกมันทุกวัน พอวาเลนไทน์หน้ามันจะได้เป๊ะ


“อันนี้คือสภาพที่ดีที่สุดของคุณในเช้านี้แล้วใช่มั้ย” ผมอยากจะเขวี้ยงจานให้บินไปโดนหัวเกรียนๆ ของไอ้บอดี้ศพนี่สักที เอาให้เลือดอาบ ชอบพูดจาหน้าตากวนเท้ามึนๆ เหมือนจะไม่ได้ว่านะ แต่ว่าทุกคำ


“หิมะน่าจะถล่มใส่หัวคุณบ้างสักทีนะ”


“อย่าเวอร์เลยครับ ที่นี่นิวยอร์ก ไม่ใช่ภูเขาหิมาลัย” โอ๊ย! บักหัวเกรียน เดี๋ยวๆ เดี๋ยวตบเกรียนแตก


ผมมองเขาอย่างเข่นเขี้ยว ยกมีดหั่นฮอทดอกขึ้นมาขู่ ออสตินทำเพียงหัวเราะน้อยๆ แล้วขอตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง ทิ้งไมเคิลให้นอนกินข้าวอยู่กับผมในครัวในสภาพเลอะแป้ง ผมยกมือปัดๆ แป้งออกจากเส้นผม ก็ต้องไอแค่กๆ ไปหลายที ผมเลยปล่อยมันไว้แบบนี้ก่อน ไว้ค่อยไปอาบน้ำล้างตัวทีเดียว ว่าจะไม่อาบ แต่สภาพร่างบังคับอาบมาก ผมนั่งกินอาหารเช้าไป นั่งขมวดคิ้วมองเค้กตัวเองไป ผมว่าเหมือนมันค่อยๆ แฟบลงเลยอะ


แฮ่ะๆๆๆ


เสียงไมเคิลหอบน้อยๆ ดังขึ้นเหมือนมันกำลังตื่นเต้นดีใจอะไรสักอย่าง พอผมหันไปมองก็เห็นวิคเตอร์เดินเป๋น้อยๆ ออกมาในสภาพหัวยุ่งเหยิง หน้าตากึ่งหลับกึ่งตื่น เขาขยี้ตาเหมือนเด็กๆ เดินเข้ามาหาผม ตอนแรกเขากำลังจะก้มจุ๊บหน้าผากผม แต่พอเขาเห็นแป้งขาวโพลนไปทั้งหน้าและหัวของผมเขาก็ชะงักแล้วเปลี่ยนเป็นเดินถอยหลังไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัว ผมเลยมองค้อนเขานิดหนึ่ง


“ไปทำอะไรมาน่ะ” ผมไม่ตอบคำถามเขาแต่ถามเขากลับเสียงห้วน


“เอาน้ำส้มมั้ย” เขาพยักหน้ากล้าๆ กลัวๆ มองผมเหมือนไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง สงสัยไม่แน่ใจมั้งว่านี่ผมรึเปล่า ผมเดินไปเปิดตู้เย็นเปิดเอาน้ำส้มในเหยือกเทใส่แก้วให้เขาแล้วยื่นให้เขาดื่ม เขายกดื่มรวดเดียวหมด ผมเลยเทให้เขาอีกแก้ว เขาก็ยกรวดเดียวหมดก่อนจะยกมือเบรกว่าพอแล้ว ผมเลยเอาน้ำส้มไปแช่ในตู้เย็นตามเดิม


“นั่นอะไรน่ะ” เขาย่นคิ้วมองเค้กช็อคโกแล็ตที่ตอนนี้บุบบิบบู้บี้ไม่เป็นทรงเค้กเลยแม้แต่น้อย


“เค้ก ผมตั้งใจจะทำให้คุณเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้ทำ เลยลองทำเมื่อกี้ แล้วก็ออกมาอย่างที่เห็น” วิคเตอร์ที่ตอนแรกมีสีหน้าง่วงๆ ตื่นไม่เต็มที่ถึงกับเบิกตากว้างมองหน้าผมกับเค้กสลับไปอย่างอึ้งทึ่ง


“นี่เค้กเหรอ เค้กช็อคโกแล็ตใช่มั้ย” ถ้าถามจริงจัง ผมจะไม่อะไรหรอก แต่นี่ถามแล้วยิ้มกวนตีน เหมือนเขารู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรแต่แกล้งถามเพื่อเอาฮา แหม เมื่อกี้หน้าตายังง่วงๆ ตื่นๆ อยู่เลย มาตอนนี้พร้อมปล่อยก๊ากเชียวนะไอ้ยักษ์


“ขี้ไมเคิลมั้งล่ะ” ผมแกล้งว่าประชด เท่านั้นแหละเขาก็หัวเราะอารมณ์ดีดังลั่นครัวทำเอาไมเคิลร่วมเห่าไปด้วย แล้วพอไอ้หมาตัวโตเห่าเขาก็เลยหาพวกทันที


“แกชอบเค้กแม่แกใช่มั้ยล่ะไมเคิล” หน็อย! ได้ทีขี่แพะไล่เชียวนะ


“พูดมาก! จะไม่ทำให้กินแล่ว!” ผมว่าหน้าตาบูดบึ้งน้ำเสียงงอนๆ เท้าเอวยืนมองหน้าเขาทำท่าจะแว้ดๆ ใส่ไอ้หน้าหนวด วิคเตอร์หัวเราะเสียงดัง ผมทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังสาปแช่งเขา


“แน่ะ! แช่งอะไรฉัน”


“ขอให้ยักษ์น้อยไม่ยอมขัน”


“งั้นนายก็อดกินยักษ์น้อยด้วยนะ” เขาว่าจบก็หัวเราะเสียงทุ้มอารมณ์ดี ผมถลึงตาใส่เขา ไอ้ยักษ์ยิ้มกว้างจนร่องแก้มขึ้น เขายื่นมือมาดึงผมให้เข้าไปยืนตรงหว่างขาของเขา สองแขนโอบรอบบั้นท้ายผมไว้ ผมยกมือขวาขึ้นมาปัดๆ แป้งบนหน้าผากกับตรงแก้มออกรัวๆ เผื่อเขาจะอยากจุ๊บตรงไหนสักแห่ง


“เห็นชัดเลยว่าทำเค้กจริงๆ” เขามองสภาพผมแล้วยิ้มล้อเลียนก่อนจะหัวเราะเบาๆ ผมย่นจมูกพร้อมเบ้ปากน้อยๆวิคเตอร์ก้มลงจุ๊บปากผมหนึ่งทีแล้วยิ้มกว้าง ผมย่นจมูกอีกทีเพราะกลิ่นเหล้าฟุ้งออกมาจากตัวและปากเขาเต็มไปหมด วิคเตอร์หัวเราะ เลื่อนสายตาไปมองเค้กแวบหนึ่งแล้วก็กลับมามองผมที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยแป้งทำเค้กก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มพร้อมกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ


“Thank you, baby.” แม้จะเหม็นเหล้าไปนิดแต่แค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มได้แล้วแม้เค้กจะเละไปมากก็ตาม


“You didn’t give a special thing on special day to me. (ไม่เห็นมีของขวัญพิเศษในวันพิเศษให้ผมเลยอะ)” ผมแกล้งว่าหน้าบู้ สองมือขยุ้มเรือนผมเขาเบาๆ วิคเตอร์เลื่อนสองมือลงไปบีบก้นผมเบาๆ มองผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม


“And what do you want on special day? (แล้วนายต้องการอะไรในวันพิเศษล่ะ)” เขาถามเสียงกระซิบ มือขวาสอดเข้าไปในกางเกงนอนของผม นิ้วเรียวยาวลากผ่านร่องก้นเบาหวิว ผมกัดปากล่างแล้วยิ้มยั่วน้อยๆ


“I don’t know. What do you want to give to me? (ไม่รู้สิ คุณอยากให้อะไรผมล่ะครับ)” ผมยื่นหน้าไปกัดริมฝีปากล่างเขาแล้วใช้ฟันดึงเบาๆ วิคเตอร์หายใจแรงขึ้นนิดหนึ่ง ดวงตาเขาทอประกายวิบวับ


“I can’t imagine what do you mean. Can you show me more? (นึกไม่ออกเลยว่านายอยากได้อะไร บอกเพิ่มอีกได้มั้ย)” ผมหัวเราะอารมณ์ดี วิคเตอร์ยิ้มกว้างตาม ผมยื่นหน้าไปจุ๊บคางเขา มองเขาด้วยสายตาทั้งรักทั้งห่วง เขาเองก็มองกลับมาด้วยสายตาทั้งรักทั้งหวง


“Don’t return to eat your ancient-step-mother’s boobs. That’s all. (อย่ากลับไปกินนมโบราณของแม่เลี้ยงคุณก็พอครับ)” วิคเตอร์หัวเราะร่าเสียงดังลั่นครัว ทำเอาเจ้าไมเคิลเห่าตอบรับยกใหญ่


“I don’t have it to fight with her. (ผมไม่มีนมโตๆ ไปสู้เธอได้หรอกนะ)” ผมทำปากยื่น วิคเตอร์ค่อยๆ หยุดหัวเราะแล้วยื่นมือขวามาบีบปากผมเบาๆ


“It’s not about boobs. It’s about here. (ไม่เกี่ยวกับนมหรอก นี่ต่างหาก)” เขาว่าแล้วจิ้มจึ้กๆ ลงบนอกซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจของผมเบาๆ ผมคลี่ยิ้มกว้างด้วยความอิ่มใจ


“A nipple? (หัวนมเหรอ)” ผมแกล้งแซว วิคเตอร์ยิ้มกว้างอารมณ์ดี ผมยิ้มแฉ่งแล้วยื่นหน้าเอาปลายจมูกตัวเองขยี้กับปลายจมูกเขาไปมาอย่างมันเขี้ยว


“Happy V day.” เขาดึงมือซ้ายผมขึ้นไปจุ๊บที่หลังมือหนึ่งที 


“Happy Valentine’s day, my big-baby.” ผมจุ๊บปากเขาหนึ่งทีแล้วเราก็หัวเราะพร้อมกัน


แม้ใจผมจะยังยอมรับเรื่องเขากับลิซ่าไม่ได้ในตอนนี้ แต่ผมก็รู้ดีว่ามันผ่านมาแล้ว และผ่านมานานก่อนเราสองคนจะได้เริ่มรู้จักกันซะอีก วันนี้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่กับผม เขารักผม ผมรักเขา เราอยู่ด้วยกัน มันคือเรื่องจริงที่ผมสามารถเอามาลบล้างอดีตตรงนั้นของเขาได้ อาจต้องใช้เวลาเหมือนคราวก่อนในการปล่อยวางความคิดมาก แต่ผมรู้ว่าเดี๋ยวผมก็เลิกสนใจเรื่องเขากับยัยแม่เลี้ยงกระดังงาลนไฟนั่นไปเอง


 :katai2-1:

เรื่องจบด้วยดีใช่มั้ยคะหมวด เขาโอเคต่อกันแล้วใช่มั้ยคะ รายงานสถานการณ์ด้วยค่ะหมวดดด

หลายๆ คนกังวลเรื่องหวอรถตำรวจมาก บ่อมีอะหยังเด้อออ เขียนเอาบรรยากาศนิวยอร์กเฉยๆ 55555 แต่ถ้าตอมเป็นคนอ่านก็คิดนะ มันประจวบเหมาะเนอะ วิคเตอร์ออกไป แล้วก็มีเสียงรถตำรวจมาทแรกพอดี แต่เอาจริงๆ ตอนเขียนคือเขียนเพื่อใส่บรรยากาศตอนกลางคืนของนิวยอร์กเฉยๆ เจ้าาา

วานเลนไทน์ก็โดนสองมารป่วน เค้กวาเลนไทน์ก็แฟ้บ 55555 แต่อย่างน้อยหนูก็มีความพยายามนะแมทนะ ดีแล้วค่ะ ผัวรักผัวหลง แป้งจับตัวเป็นก้อนเลยเนาะ 55555

ส่วนเรื่องเด็กน้อยจ่ำม่ำตอนที่แมทกำลังหลับ จริงๆ มันอาจจะเป็นภาพฝันหรือจินตนาการของแมทถึงลูกวิคเตอร์คนแรกก็ได้แน้ อ๊ะเปล่าหว่า ? 55555

เจอคำผิดบอกกันได้เช่นเคยค่าาา

ยังเจอกันตามปกตินะคะ ยังคงลงเนื้อหานิยายจนจบ ลงตามปกติ เปิดพรีหนังสือแล้วก็จริง แต่ยังคงลงตามปกติไม่มีหยุด ลงจนจบตอนหลักของพาร์ทนี้ จำนวนตอนของตอนหลักก็ใกล้จะจบแล้ววว

สำหรับการพรีออเดอร์หนังสือ สำหรับใครที่มีคำถาม อ่านคำชี้แจงหรือสอบถามได้ที่เพจนะคะ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 18-05-2016 22:04:01
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-05-2016 22:05:19
 o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-05-2016 22:13:33
ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่รักของยักษ์กับเอเลี่ยนน้อย ทำไมมันมีหลายคนเข้ามายุ่งจังเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-05-2016 22:17:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-05-2016 22:44:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Onlylyn ที่ 18-05-2016 22:48:57
และแล้วก็จบสวยๆในประเด็นนี้
แอบคิดแต่แรกแล้วว่าแมทแมทต้องเข้าใจ เพราะน้องตัดสินใจบินมาถึงนี่แล้วต้องเข้มแข็งเตรียมตัวเตรียมใจมาพอสมควร อีกอย่างเรื่องแม่เลี้ยงก็เป็นเรื่องในอดีต ถึงจะเป็นเหมือนรักแรกแต่ผสมความหลงมัวเมาในเพศรสมากกว่า
หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อยากให้แมทสตรองแบบนี้ต่อไป เป็นเมียพี่วิคมันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ไว้ทนไม่ไหวสุดๆเมื่อไหร่ค่อยไป หนูมีผช.ในสต็อคอีกเยอะลูก /อ้าว :laugh
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 18-05-2016 23:09:10
จะมีอะไรมาอีกมั้ยคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 18-05-2016 23:48:07
 :impress3: ดีจังเลยอ่ะ ในที่สุดแมทก้อฝ่าฟันไปได้น่ะ เราให้อดีตเป็นบทเรียนของเราเพื่อให้ปัจจุบันและอนาคตดีขึ้นเรื่อย ๆ น่ะจ้ะ สู้ ๆ จ้ะหนูแมท ส่วนนายยักษ์แมทให้โอกาสแล้วก้ออย่าทิ้งเพชรไปหยิบกรวดอีกล่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 19-05-2016 00:36:00
ชอบเฮียวิคตอนนี้ดูมุ้งมิ้งขี้อ้อนอ่า  ถ้าเป็นแบบนี้เวลาปกติด้วยจะดีมากเลย555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-05-2016 01:36:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 19-05-2016 05:29:02
ตอนนี้น่ารักมาก อิยักษ์ไดด้ทีเนียนอ้อนแมทเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-05-2016 07:40:45
จบด้วยดี ในที่สุด อย่างอนนาน เอเลี่ยนน้อย แต่ถ้าคุณยักษ์ยังไม่ปรับปรุงตัว เป็นยักษ์ดี ก็ทิ้งมันไปหาสามีใหม่ข่าาา สวยเลือกได้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-05-2016 08:40:13
ยังดีที่แมทยอมรับได้ถ้ามีเรื่องอะไรมาให้แมทต้องสตรองอีกแนะนำแมทหาผัวใหม่เลยเถอะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 19-05-2016 10:05:19
 o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-05-2016 10:14:45
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-05-2016 13:24:09
strong ขึ้นนะ เอเลี่ยน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 19-05-2016 18:37:52
กว่าจะทำใจอ่านตอนล่าสุดได้ :ling3:  แต่..จบด้วยดีดดดดด :hao6:  เป็นประสบการณ์ชีวิตเนอะเอเลี่ยนน้อย :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-05-2016 21:22:29
จ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.38 100%}:18.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-05-2016 21:43:30
น้องแมทมอมแป้งนี่ต้องน่ารักมากแน่ๆ ผัวรักผัวหลงค่ะลูก ขยันอ้อนขยันยั่วขนาดนี้
จบสวย ดีงาม หวานมากด้วย เวลาหยอดยั่วกันคิกๆ คักๆ นี่น่ารักมาก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-05-2016 07:36:37


Only You EP.39 :: Homophobia. [55%]



หิมะหยุดตกไปสามวัน และตอนนี้กลับมาตกอีก แต่ก็เริ่มเบาบางและจางลงมากเนื่องจากใกล้เข้าสู่เดือนมีนาคม เลยตกไม่หนักหนาเท่าไหร่ แต่ช่วงสามวันที่หยุดตก อากาศก็หนาวเหน็บจนตะเข็บกางเกงจะแตก (เวอร์อีกตามเคย) เย็นมากจนคนเป็นภูมิแพ้อย่างผมรู้สึกใช้ชีวิตลำบาก อันที่จริงก็ใช้ลำบากมาสักพักตั้งแต่มาอยู่นิวยอร์กแล้ว บางทีก็แอบคิดถึงแดดร้อนๆ ที่เมืองไทยเหมือนกัน ที่นี่หนาวมากจริงๆ หนาวจนบางทีก้าวเท้าเดินไปไหนมาไหนไม่ค่อยจะไปเพราะมันชาไปหมด เสื้อโค้ทที่ใส่ห่อหุ้มร่างกายเพิ่มความอบอุ่นก็ช่วยได้อยู่บ้าง แต่ก็ยังสามารถสัมผัสถึงความเย็นของอากาศภายนอกได้อยู่ดี
   

“กินยาไปรึยัง” วิคเตอร์ก้มหน้าถามพลางโอบไหล่ขวาผมหลวมๆ ระหว่างที่เรากำลังเดินเข้ากองถ่ายในตอนเช้าตรู่ ผมพยักหน้าหงึกๆ กำมือที่ใส่ถุงมือถักสีดำแน่น
   

“อีกไม่กี่วันหิมะก็หมดแล้ว ทนอีกนิดนะ” ผมพยักหน้าอีกที ตอนนี้ขยับปากพูดมากไม่ได้ มันหนาวจนชา คือหิมะมันเบาลงก็จริง แต่ผมดันป่วยเพราะไอ้สามวันที่หิมะหายไปแต่อากาศเย็นจัดผมเลยปรับตัวไม่ทัน ผมเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว แพ้ฝุ่น แพ้อากาศนี่คือที่สุด แล้วอากาศเย็นๆ ยิ่งแพ้ ไม่มีทางชนะมันได้เลย กินยาเข้าไปแล้วมันก็ช่วยให้ดีขึ้นช่วงระยะหนึ่ง พอฤทธิ์ยาหมดน้ำมูกก็จะไหลและคัดจมูกอยู่ดี อีกอย่างผมไม่อยากกินยาบ่อยๆ ยาแก้แพ้อากาศกินมากๆ แล้วมันเบลอ ผมเรียนรู้งานในกองถ่ายไม่รู้เรื่องเลย พูดกับคนรอบข้างก็งงๆ ก่งก๊งไปหมด
   

“ให้นอนอยู่บ้านก็ไม่เอา” ผมทำหน้ามุ่ยน้อยๆ แล้วส่ายหัวรัวๆ วิคเตอร์บอกให้ผมพักอยู่บ้าน แต่ผมดื้อจะออกมา เพราะกำลังเรียนรู้งานจากคุณเดวิดและคุณเกวินคนเขียนบทอยู่ ผมไม่อยากหยุดให้มันสะดุด อีกอย่างผมเกรงใจคุณเกวินเขาอุตส่าห์ออกมากองถ่ายเพื่อมาหาผมทั้งๆ ที่ไม่ต้องมาก็ได้ แต่เขาก็มา ขนบทมาให้ผมอ่าน นั่งสอนผมเขียนมาได้สองวันแล้ว
   

“เดี๋ยวพอไปโปรโมตหนังก็เว้นอีกตั้งนานนี่นา” นี่เป็นอีกเหตุผลที่ผมต้องรีบมาตักตวงเอาไว้ เพราะเดี๋ยววิคเตอร์จะหมดคิวกับทางกองถ่ายซีรีส์ในอีกสามวัน และเขาจะได้พักหนึ่งอาทิตย์ก่อนงานพรีเมียร์ภาพยนตร์ที่ประเทศต่างๆ ซึ่งเขาจะเอาผมไปด้วย ผมลองขอว่าไม่ไปแล้วเพราะอยากจะอยู่เรียนรู้งานในกองถ่ายกับพวกคุณเดวิด แต่เขาไม่ยอม เพราะเราจะห่างกันตั้งสามอาทิตย์ เขาไม่ได้โปรโมตหรือพรีเมียร์ทุกวันก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องบินไปบินกลับนิวยอร์กกับอีกสักประเทศที่เป็นเป้าหมายในการพรีเมียร์ อย่างถ้าพรีเมียร์ที่อิตาลี เขาก็ต้องบินกลับมานิวยอร์กสองวันเพื่อมาหาผมแล้วก็บินไปอิตาลีอีกสามวัน แบบนั้นเหนื่อยตายห่า ทางทีมงานเลยจัดเส้นทางการเดินทางและที่พักไว้ให้เขากับนักแสดงคนอื่นๆ เรียบร้อยแล้วว่าจะต้องพักที่ไหน เดินทางยังไงให้เหนื่อยน้อยที่สุด
   

“มีอะไรก็ถามพวกดีแลนกับทอมก็ได้ พวกนั้นก็ตอบนายได้น่า” ก็จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละว่าระหว่างพรีเมียร์ภาพยนตร์ผมสงสัยอะไรก็ถามจากผู้กำกับหนังของเขากับคุณทอมเจ้าของนิยายก็ได้ เพราะคุณทอมเองก็อยู่ในทีมเขียนบทด้วยเช่นกัน ผมถามได้นะ แต่ผมแค่รู้สึกเกรงใจคุณเกวิน คือเขาอุตส่าห์มาสอนเราแล้ว ผมไม่อยากข้ามหน้าข้ามตาเขาไป อีกอย่างการได้ความรู้จากคนเก่งๆ หลายๆ คนก็น่าจะดีกับชีวิต
   

“อื้ม” ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรนะ แต่ปากมันชาจนไม่อยากพูดยาวๆ บ่อยๆ วิคเตอร์เองก็เข้าใจ เขาไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงก้มลงหอมขมับผมหนึ่งทีแล้วพาผมเดินเข้าไปในเต้นท์กองถ่ายเพื่อหลบลมหนาว
   

“Hi, Gavin!” ผมเอ่ยทักคุณครูสอนเขียนบทของผม เกวินเป็นคุณพ่อลูกหนึ่ง บุคลิกภาพดี ผมสีขาวแซมดำของเขาสั้นเกรียน ใบหน้าเขาดูดุๆ นิ่งๆ แต่จริงๆ แล้วใจดีมาก เขาคลี่ยิ้มเมื่อผมเอ่ยทักแล้วเดินเข้ามาจับมือทักทายกับวิคเตอร์
   

“เอาแล็ปท็อปมาใช่มั้ย” ผมพยักหน้าแล้วหันไปหาออสติน เขายื่นแม็คบุ๊คมาให้ ผมรับมาไว้ในมือแล้วชูให้คุณเกวินดูพร้อมรอยยิ้ม
   

“ลูกศิษย์ดื้อมั้ยเกวิน” วิคเตอร์ถามยิ้มๆ คนถูกถามยิ้มใจดีก่อนตอบ
   

“ไม่เลย เขาตั้งใจและมีความทะเยอะทะยานมาก ผมชอบนะ แล้วเขาก็หัวไวมากด้วย” ผมคลี่ยิ้มกริ่มแล้วหันไปยักคิ้วให้วิคเตอร์สองที ไอ้ยักษ์เบ้ปากนิดหน่อย
   

“ถ้าดื้อบอกผมได้นะ เดี๋ยวผมตีให้” เกวินหัวเราะน้อยๆ ผมย่นจมูกใส่วิคเตอร์ ไอ้ยักษ์ยิ้มน้อยๆ มือขวายังโอบไหล่ผมไม่ปล่อย เขาใส่แค่เสื้อยืดข้างในกับเสื้อกันหนาวสีดำตัวหนาเท่านั้น แต่เขาดูชิลกับอากาศมาก
   

วิคเตอร์กำชับให้ผมอยู่กับผู้คนเข้าไว้ คืออย่าห่างใครในช่วงที่เขาทำงานอยู่ เขากับไอ้ชอนไชกลายเป็นมึนตึงใส่กัน ปกติวิคเตอร์ก็ไม่ค่อยพูดกับมันอยู่แล้ว พอมามีประเด็นเรื่องผมขึ้นมา เขาก็ยิ่งเงียบใส่อีกฝ่าย ไอ้ฌอณมันไม่อะไรหรอก มันก็ทำหน้ากวนตีนไปเรื่อย แต่ที่ลำบากใจคือคุณเดวิด เขาเหมือนเป็นคนกลางระหว่างทั้งสองคน ผมรู้สึกดีมากที่คุณเดวิดไม่ได้พยายามให้ทั้งสองคนนั้นคุยกันนอกฉากหรือพยายามไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองเคลียร์กัน
   

“ได้ทำการบ้านที่ฉันให้มั้ย” ผมยิ้มแฉ่งพร้อมพยักหน้ารับรัวๆ เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวยาวสีขาวกับเขา เปิดแม็คบุ๊คขึ้นมา กดเปิดไฟล์งานที่เขาสั่งให้ผมทำแล้วเลื่อนหน้าจอไปให้เขาอ่าน
   

การบ้านที่เขาบอกให้ทำก็คือ เขาให้บทซีรีส์ไปหนึ่งเอพิโสต แล้วให้หาว่าอะไรคือจุดบกพร่องของบทตอนนั้นๆ มีอะไรผิดพลาดในบทนั้นบ้าง โดยใช้วิจารณญาณของผมเอง พออ่านแล้วก็ให้เขียนรายงานมาหนึ่งหน้าเอสี่เท่านั้น ซึ่งแกรมม่าผมง่อยเปลี้ยเสียขามาก เลยไปขอให้วิคเตอร์ช่วยตรวจดูให้ แต่ไอ้ยักษ์ก็เป็นไอ้ยักษ์คือชิล เขาบอกว่าเขาอ่านเข้าใจว่าผมต้องการจะสื่ออะไร ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเป๊ะไปหมด สรุปคือผมก็เอางานแกรมม่าง่อยๆ ของตัวเองมาส่งเกวินนี่แหละ มันก็เข้าใจนั่นแหละ แต่ผมก็แอบอายแกรมม่าตัวเอง
   

“อื้อ… ใช้ได้ ถือว่านายจับทางถูกนะ แต่ว่าตรงฉากนี้เนี่ย…” แล้วเกวินก็อธิบายว่าจุดที่ผมเขียนไปนั้น จริงๆ แล้วมันเป็นแบบไหน เป็นเพราะอะไร เขาบอกว่าความคิดผมไม่ผิด เรื่องแบบนี้ไม่มีผิดถูก อยู่ที่มุมมอง ซึ่งเขาแค่บอกเฉยๆ ว่าเขามีมุมมองต่อจุดนั้นจุดนี้อย่างไร
   

“วันนี้ฉันจะให้นายเขียนเรื่องย่อซีรีส์หนึ่งเรื่อง เรื่องอะไรก็ได้ตามจินตนาการของนายเลย” ผมเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นแล้วยิ้ม
   

“แค่อยากเห็นจินตนาการของนายน่ะ ไม่ต้องเครียดนะ เขียนสั้นเขียนยาวยังไงก็ได้” ผมทำหน้าว่าอ้อ จริงๆ สำหรับผมก็ไม่ได้ยากมากหรอก เพราะชีวิตปัจจุบันก็ขี้มโนอยู่แล้ว แค่กลัวว่าเขาอยากจะได้จริงจัง แล้วต้องมานั่งเครียดว่าต้องทำออกมาให้ดี เพราะผมเพิ่งเริ่มต้นยังไม่พร้อมกับการเขียนอะไรจริงๆ จังๆ
   

ผมหยิบสมุดโน้ตเล่มเดิมที่เคยเอาไว้ใช้จดบันทึกเรื่องราวของวิคเตอร์และมีรูปวิคเตอร์ติดอยู่ในเล่มตรงด้านหลังปกหน้าออกมาจากกระเป๋าเป้ ผมไปขอคืนจากวิคเตอร์มาเพราะว่ามันยังใช้ได้อีกตั้งครึ่งเล่ม แต่ก่อนจะคืน เขาให้สัญญาว่าจะเอาไว้ใช้เขียนหรือบันทึกเรื่องของผมกับเขาเท่านั้น ห้ามเอาอะไรไร้สาระมาใส่ ผมตอบรับอือๆ ออๆ ไปก่อน เพราะถึงเวลาจริงๆ ก็ต้องใช้อยู่ดีนั่นแหละ คงไม่มานั่งแบ่งหรอกว่าอันไหนเหมาะไม่เหมาะอยู่ในเล่ม
   

ก่อนจะลงมือเขียนโครงเรื่องในสมุดโน้ตกระดาษสีน้ำตาลไร้เส้น ผมเปิดอ่านข้อมูลวิคเตอร์ที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็นั่งขำคนเดียว ทั้งเขียนด่า เขียนบ่นเขาไว้เต็มไปหมด เพราะตอนนั้นด่าจริงบ่นจริงกับเจ้าตัวไม่ได้ เลยมาระบายในนี้แทน แล้วก็มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาแทบทุกอย่างในชีวิต อ่านไปอ่านมาผมเลยเกิดไอเดียว่าอยากเขียนเรื่องเขากับผม
   

“ต้องการสมาธิมั้ย” ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณเกวิน มองหน้าเขาด้วยความครุ่นคิด 
   

“ก็ดีนะครับ แต่จริงๆ คุณไม่ต้องไปไหนก็ได้” เขาโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรก่อนจะลุกเดินออกไปจากเต้นท์ ผมว่าเขาคงอยากไปเดินคุยกับคนอื่นบ้างแหละ เพราะจริงๆ การสอนอะไรแบบนี้ไม่ต้องทำทั้งวันหรือจี้กันมากนัก งานเขียนเป็นอะไรที่ออกมาจากหัวเอง บังคับกันไม่ได้ ถ้าไม่มีฟีลลิ่งอยากทำก็เค้นกันยากน่าดู
   

ผมนั่งเขียนโครงเรื่องไปเงียบๆ โดยมีออสตินนั่งเฝ้าเงียบๆ เช่นกัน สำหรับคนนี้จะอยู่หรือไปก็เหมือนกัน เพราะเงียบได้ตลอด เขาเลยไม่ใช่สิ่งรบกวนสมาธิผมเท่าไหร่ ผมนั่งเขียนไปหัวเราะไปอย่างกับคนบ้า รับรู้ได้ถึงสายตาของออสตินที่มองมา เดาว่าคงมองนิ่งๆ แต่ในใจคงกำลังนึกห่วงว่าผมเบลอยาแก้แพ้หรือเปล่าอยู่แน่ๆ
   

“ปวดฉี่อะ เดี๋ยวผมมานะ” นั่งๆ เขียนไปฉี่จะไหล อากาศหนาว เหงื่อออกน้อย เลยผลิตมาเป็นฉี่แทน ผมลุกขึ้นยืน ออสตินทำท่าจะลุกขึ้นตาม ผมรีบยกมือเบรกเขาเอาไว้ทันที
   

“ห้องน้ำอยู่ในบ้าน วิคเตอร์ก็อยู่นั่นน่า” วันนี้เรายังคงปักหลักถ่ายที่บ้านหลังหนึ่งในย่านหมู่บ้านโซนบรู๊คลิน บ้านส่วนใหญ่เป็นโทนสีขาว ตั้งห่างกันในระดับที่ไม่แออัด มีสนามหญ้าหน้าบ้าน หลังบ้านก็แล้วแต่ว่าใครจะทำอะไร แต่แพทเทิร์นของบ้านดูเดิมๆ คล้ายกันหมด ก็จะมีบางบ้านที่พยายามตกแต่งบ้านให้ดูโดดเด้งออกมาด้วยการเสริมนั่นเติมนี่แล้วแต่จินตนาการของเจ้าของ บ้านที่เราเลือกมาใช้ถ่ายทำเป็นบ้านไม้สีขาวสะอาดตา มีมุกยื่นออกมาตรงหน้าบ้าน มีสวนดอกไม้เล็กๆ หน้าบ้าน มีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นสองต้น ถ้าเป็นช่วงสปริงสองต้นนี้คงแผ่ร่มเงาใหญ่น่าดู
   

“ผมไปด้วยดีกว่า” ผมชี้ไปที่แล็ปท็อปของผมกับเกวิน
   

“คุณควรดูแลของดีกว่าครับ ส่วนผมเดินไปไม่ถึงยี่สิบก้าวก็ได้เข้าห้องน้ำแล้ว” ออสตินทำสีหน้าอึดอัดใจ ผมถอนหายใจอย่างหน่ายใจนิดหน่อย คือเต้นท์กับตัวบ้านอยู่ไม่ไกลกันจริงๆ นะ
   

“คุณเป็นบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ดีมากเกินไปแล้วออสติน” ผมแยกเขี้ยวใส่พ่อหัวเกรียนแล้วหมุนตัวเดินหนีออกจากเต้นท์ไปทันที ผมก้าวเท้าฉับๆ เข้าไปในบ้าน แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่ที่หน้าเซ็ทเนื่องจากวิคเตอร์กำลังเข้าฉาก ผมเดินไปทางห้องน้ำของบ้านที่อยู่ใกล้กับห้องครัว แอบได้กลิ่นควันบุหรี่ออกมาจากนอกครัวที่เป็นโซนหลังบ้าน ผมย่นจมูกแล้วเดินเข้าไปจัดการธุระในห้องน้ำจนเสร็จเรียบร้อย พอเปิดประตูออกมาก็เจอไอ้ฌอณที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาจากนอกบ้าน เราชะงักมองหน้ากัน หน้าตามันตอนนี้ดูเหมือนขี้ไม่ออกมาสามวัน แววตากระด้างอย่างกับโกรธคนมาสิบคน มือขวามันกำโทรศัพท์แน่น ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอ แล้วค่อยๆ ก้าวเท้าไปทางประตูครัวที่เชื่อมเข้าไปในห้องรับแขกและห้องทานอาหารของบ้าน
   

“พวกแกมันโสโครก!” ผมสะบัดหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ แต่พอตั้งสติได้ว่าเมื่อกี้มันด่าผมเลยทำหน้าเอือมระอา
   

“ครีเอทคำด่าใหม่เถอะ คำนี้เคยได้ยินจากปากแกแล้วรอบนึง” ผมไหวไหล่ทั้งสองข้างด้วยท่าทีกวนๆ ไอ้ชอนไชจ้องผมตาลุกวาว ก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวผมอย่างเร็วจนผมตกใจอีกรอบ แต่รอบนี้หัวใจผมเต้นรัวอย่างไม่ทันตั้งตัว
   

“พวกแกมันรกโลก สกปรก และต่ำช้าที่สุด!” ผมย่นคิ้วมองมันด้วยสายตาประหวั่นพรั่นพรึงกับน้ำเสียงและหน้าตาอันจริงจัง ผมรู้ว่ามันเกลียดเพศที่สาม แต่ตอนนี้มันเหมือนโดนใครจุดชนวนความเกลียดอันนั้นให้แรงขึ้น
   

“ถ้าผมต่ำขนาดนั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมสิ!” ผมว่าแล้วออกแรงผลักอกมันให้ออกห่างจากตัวเพราะตอนนี้มันอยู่ใกล้ผมมาก ฟันแทบจะเฉาะหัวผมอยู่แล้ว แต่เหมือนการที่ผมไปโดนตัวมันจะยิ่งทำให้อารมณ์ของมันที่ขึ้นอยู่แล้วขึ้นมากไปอีก เพราะมันเบิกตากว้างมองผมแล้วพุ่งตัวเข้ามาบีบแขนขวาผมแน่น
   

“โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลง หน้าตาเหยเกเพราะแรงบีบที่ต้นแขนขวา
   

“กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวฉัน ไอ้ตัวโสมม!”
   

“ดูด้วยว่าตอนนี้ใครแตะใครกันแน่!” ผมหน้านิ่ว รู้สึกราวกับว่าแขนกำลังร้าว แต่มันก็ยังคงบีบไว้ไม่ยอมปล่อย ด้วยความเจ็บ ความโกรธและความโมโห ผมเลยยกมือซ้ายฟาดแก้มขวามันเต็มแรง ใบหน้าขาวของมันขึ้นรอยแดงทันที มันจ้องผมตาลุกวาว
   

“แม่แกเคยโดนตุ๊ดแย่งแฟนรึไงถึงได้ฝังใจกับเพศที่สามนัก!” ผมด่าเพื่อกวนประสาทมัน และดูท่าจะกวนได้จริงเพราะมันปล่อยมือออกจากแขนผมแล้วโยนโทรศัพท์ลงพื้นก่อนจะใช้สองมือพุ่งเข้าบีบคอผมเต็มแรง ผมเบิกตากว้าง อ้าปากเรียกอากาศหายใจตามสัญชาตญาณมนุษย์เวลาโดนอะไรบีบรัดคอทันที
   

“อั่ก… อะ… ปล่อย…” ผมพยายามเปล่งเสียง สองมือพยายามแกะมือไอ้บ้านี่ออกจากคอตัวเอง แต่มือมันก็บีบแน่นจนถึงหลอดลม ผมมองมันด้วยความหวาดหวั่น สายตาหยาบกระด้างของมันจ้องผมราวกับเกลียดกันมาสิบชาติ หัวใจผมเต้นรัว ความรู้สึกกลัวเริ่มแผ่ไปทั่วตัว
   

“คนอย่างพวกแก ตายไปนั่นแหละดีที่สุดแล้ว!!” มันตะคอกใส่หน้าผมแล้วบีบคอผมแรงขึ้น สมองผมเริ่มเบลอเพราะขาดอากาศไปหล่อเลี้ยง ผมอ้าปากเพื่อพยายามสูดอากาศให้กับตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล ผมมองมันด้วยสายตาเลื่อนลอย น้ำตาไหลออกจากหางตาทั้งสองข้าง แต่มือก็พยายามยกไปตบตีหน้ามันเพื่อเอาตัวรอด แต่แรงบีบที่คอทำให้ผมเริ่มขาดอ็อกซิเจน สมองเริ่มคิดอะไรช้าลง แรงยกมือก็แทบไม่มี และผมคิดว่าตัวเองต้องตายแล้วแน่ๆ เมื่อมันออกแรงยกตัวผมขึ้นครูดกับผนังทั้งที่ยังบีบคอเอาไว้อยู่ น้ำตามากมายไหลออกมา ทั้งเพราะหายใจไม่ออกและกลัว
   

ผมมองสายตาของไอ้ฌอณ มันจ้องผมอย่างเกลียดชัง แต่ในแววตาแดงก่ำคู่นั้นก็มีน้ำตาคลออยู่ด้วย ผมปากสั่น สองมือจิกเล็บลงบนมือมันไว้แน่น  เฮือกสุดท้ายของชีวิตก็ว่าได้ ผมฮึดสู้ขึ้นมา ออกแรงยกขาเตะตรงเป้าของมันเต็มแรง
   

ตุบ!!!
   

“Fuck!!!” มันสบถเสียงดังลั่นหน้าตาเหยเก แต่ก็ได้ผลเพราะมันปล่อยมือออกจากคอผมไปกุมเป้าตัวเองจนตัวงอ ตัวผมไหลลงไปกองกับพื้น แข้งขาอ่อนแรงจนยืนไม่ไหว ผมฟุบหน้าอยู่กับพื้นอย่างหมดแรง ไอเสียงดังโครกครากสลับกับหอบรุนแรง หูผมแว่วเสียงร้องโอดครวญของไอ้เหี้ยฌอณ ตอนนี้ในหัวผมตื้อ หูดับสลับกับได้ยินเป็นระยะ ผมพยายามยันตัวลุกขึ้นมา ก็เป็นจังหวะที่ไอ้ฌอณคลานเข่าเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าเคียดแค้น น้ำตาผมไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
   

“Help… แค่กๆ” ผมพยายามเปล่งเสียงเรียกให้คนช่วย แต่ตอนนี้ผมอ่อนกำลังเกินกว่าจะตั้งสติดีๆ ได้ สมองมันชาไปหมด เหมือนมันทำงานช้าลง คิดอะไรได้อืดอาด ผมพยายามกระเถิบตัวหนีแต่ก็หนีไม่พ้น ไอ้ฌอณยกมือขวากำหมัดแล้วชกแก้มซ้ายผมเต็มแรง
   

พลั่ก!!
   

“อั่ก!!!” กลิ่นคาวเลือดคลุ้งออกมาจากปาก รสฝาดของเลือดสีแดงแผ่ไปทั่วลิ้น ใบหน้าผมหันไปอีกฝั่งอย่างหมดแรงจะต้านทานใดๆ  ตัวผมเอียงจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ ไอ้ฌอณง้างหมัดจะต่อยผมอีกรอบ
   

“ไอ้เหี้ย!!!!”


โครม!!!


เหมือนทุกอย่างรอบตัวดับวูบ ไอ้ฌอณหายไปจากสายตา เหมือนมันกระเด็นออกไปจากหน้าผมอย่างเร็ว คล้ายภาพตัดฉับ สติผมเลือนราง ผมนั่งหอบนั่งไอตัวโยน เลือดเหนียวๆ ไหลออกจากปากเป็นทางยาว เปลือกตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ น้ำตานองเต็มหน้า มือผมสั่นระริก ตัวก็สั่นเป็นระยะ ผมได้ยินเสียงอึกกระทึกแว่วมาจากไกลๆ มันได้ยินไม่ชัด เหมือนว่าหูดับ หูอื้อไปเลย ใครสักคนนั่งอยู่ข้างผม เรียกชื่อผมเสียงดัง ผมค่อยๆ หันหน้าไปมองฝั่งซ้ายมือตัวเองก็เห็นใบหน้าของออสติน พอเลื่อนสายตาไปมองเหตุวุ่นวายตรงหน้า ผมก็เห็นวิคเตอร์กำลังรัวหมัดใส่ใครสักคนอยู่ด้วยหน้าตาโกรธแค้นโดยมีใครอีกสองสามคนกำลังดึงเขาไว้ ภาพตรงหน้าไม่ชัด มันพร่าเลือน ผมไม่รู้ว่ามันพร่าเลือนเพราะสายตาหรือเพราะสมองหยุดสั่งการไปชั่วขณะเพราะไม่มีอ็อกซิเจน ผมพยายามตั้งสติ และพยายามหายใจเข้าลึกๆ
   

“วิค…วิคเตอร์…” ผมเรียกชื่อเขาเบาหวิว แต่ก็ทำเอาหน้าเหยเกเพราะเจ็บกระพุ้งแก้มที่เลือดออก ภาพตรงหน้าเบลอเหมือนเลนส์กล้องเปียกน้ำ วิคเตอร์ยืนมองใครสักคนด้วยสายตาน่ากลัว… น่ากลัวมาก… เหมือนเขากำลังจะฆ่าใครไม่รู้
   

“วิคเตอร์…” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้งพร้อมกับไอจนเลือดพุ่งออกจากปาก ออสตินตะโกนว่าขอผ้าหรือทิชชูสักอย่าง ก่อนจะเอาผ้าสีขาวมาซับเลือดตรงปากให้ผม ตอนนี้ผมเรียบเรียงสติไม่ถูก เห็นอะไรก็วับๆ แวบๆ รู้สึกแสบจมูก รู้สึกหัวโล่งๆ รู้สึกสมองไม่สั่งงาน รู้สึกเจ็บคอ ตอนนี้เหมือนมันมีเสียงอยู่ในหัวว่า ตื๊ดดดดด ยาวๆ สลับกับเสียงโลกภายนอก
   

“มึงไม่ตายดีแน่!!!” เสียงวิคเตอร์ดังเข้ามาในโสตประสาท ทำให้ผมเหมือนกลับเข้ามาอยู่ในโลกปัจจุบัน ผมนอนพิงไหล่ออสตินอย่างหมดแรง ภาพที่เห็นชัดขึ้น ตรงหน้าคือทีมงานกำลังรุมล้อมวิคเตอร์กับไอ้ฌอณที่ยืนตัวงอ มีทีมงานพยุงปีกสองข้าง ส่วนวิคเตอร์มีทีมงานสี่คนรุมจับตัวเขาเอาไว้
   

“วิคเตอร์…” ผมเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนระโหยโรยแรง เขาสะบัดสายตาและใบหน้าน่ากลัวมามองผม ก่อนที่จะสลัดทีมงานสี่คนนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี เดินพุ่งตรงมาหาผมอย่างเร็วก่อนจะนั่งลงประคองผมไว้ในอ้อมแขน
   

“โอะ… โอ๊ย…” ผมร้องเสียงแผ่วพร้อมกับนิ่วหน้า เพราะรู้สึกสะเทือนตรงคอ
   

“คอเขาอาจเคล็ดครับ” เสียงออสตินบอก ผมขยับเปลือกตาอย่างเชื่องช้ามองใบหน้าเครียดเขม็งของไอ้ยักษ์ ดวงตาเขาลุกวาวราวกับจะฆ่าคนให้ตายได้จริงๆ
   

“พาเขาไปโรงพยาบาลเลยวิคเตอร์ เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง” เสียงเดวิดดังขึ้น ผมพยายามจะหันไปมองแต่ก็หันไปได้แค่นิดเดียวเพราะรู้สึกว่าเส้นสักเส้นตรงคอมันยึดจนเจ็บจี๊ด
   

วิคเตอร์ไม่พูดอะไร แต่มองไอ้ฌอณที่สภาพตัวงอเป็นกุ้ง ใบหน้าปูดบวมและเละไปด้วยเลือดอย่างเคียดแค้น เขาหายใจฮึดฮัดรุนแรงก่อนที่จะค่อยๆ อุ้มผมขึ้นโดยมีออสตินช่วยประคองหัวผมอีกแรง
   

“แมท ได้ยินฉันมั้ย ได้ยินฉันรึเปล่า?!” เขาถามน้ำเสียงร้อนรนระหว่างที่กำลังก้าวเท้าเดินไปช้าๆ ผมกระพริบตาสองทีเป็นคำตอบว่าผมยังได้ยินเขาอยู่
   

“เจ็บตรงไหนบ้าง บอกฉันแมท บอกฉัน!” แววตาและสีหน้าของเขาสะท้อนความกลัวออกมาอย่างชัดเจน ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก น้ำตาคลอเต็มหน่วยเพราะเจ็บคอที่โดนบีบรุนแรงและเจ็บแก้มที่โดนต่อยเข้าเต็มหมัด บวกกับความกลัวที่ติดอยู่ในใจสั่นหวิวของผมเลยทำให้ผมงอแงทันที
   

“เจ็บ… ฮึก… กลัว ผมกลัว…” ผมนอนแหงนหน้ามองเขานิ่งอยู่ในอ้อมแขนเขาเพราะผมขยับคอมากไม่ได้ น้ำตาไหลออกมา มันปนเปกันไปหมดในตอนนี้ ทั้งเจ็บทั้งกลัว แยกความรู้สึกไม่ออก และผมยังไม่รู้เลยว่าผมรับรู้ถึงความรู้สึกต่างๆ ได้หรือยัง สมองผมมันคิดมันสั่งการได้หรือยังก็ยังไม่แน่ใจในตัวเอง
   

“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่” วิคเตอร์ยกมือขวาลูบหัวผมเบาๆ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ไหน แต่ผมได้ยินเสียงรถวิ่ง ผมนอนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวแรง เพราะกลัวคอจะหัก ผมกระพริบเปลือกตาไล่น้ำตาออกมา วิคเตอร์ก้มมองผมแล้วเขาก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเขาทั้งหวาดกลัวทั้งเจ็บปวด มือขวาเลื่อนมาเช็ดเลือดออกจากแก้มผมแผ่วเบา
   

“อย่าร้องไห้นะ อย่าร้อง” ผมห้ามตัวเองไม่ได้ พอวิคเตอร์ปลอบแบบนั้นเลยกลายเป็นว่าผมปล่อยโฮออกมาจนสะอื้นรุนแรง มันเหมือนได้ปลดเปลื้องความกลัวในอก ปลดเปลื้องความเจ็บต่างๆ ตามร่างกายออกมา ผมนอนร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนวิคเตอร์ เขาปลอบผมไม่หยุด แวบหนึ่งเหมือนเขาจะร้องไห้แต่สุดท้ายก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมา เขาก้มลงจูบหน้าผากผมเบาๆ ทั้งที่ผมยังสะอื้นไม่หยุด จูบซ้ำๆ ย้ำๆ เหมือนให้ผมรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ
   

“Good boy. I’m here, baby.” ผมสะอื้นจนอกกระเพื่อม วิคเตอร์ใช้มือเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ ลูบหน้าผมไปเรื่อย ผมสบตากับเขาเพราะกลัวเขาจะหายไป กลัวไอ้ฌอณมันกลับมาทำร้ายอีก เหมือนตอนนี้ผมมีอาการจิตตกร่วมด้วย วิคเตอร์ขมวดคิ้วน้อยๆ ดวงสีน้ำผึ้งข้นมองผมด้วยความเป็นห่วงไปตลอดทาง นั่นเลยทำให้ผมสงบลงบ้าง และทำให้ผมรู้สึกตัวสั่นใจสั่นน้อยลง
   
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-05-2016 07:43:08

V
v
v

ผมถูกวิคเตอร์อุ้มเข้าไปในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เอารถเข็นผู้ป่วยมารับร่างผมอย่างระมัดระวัง ผมนั่งเอียงคอน้อยๆ เพราะรู้สึกเคล็ดที่คอ ยังคงเบลอๆ อยู่บ้างทั้งเพราะฤทธิ์ยาแก้แพ้และอ็อกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เหมือนมันต้องการเวลาอีกสักพักในการปรับสมดุลในร่างกาย คล้ายกับว่าเหมือนสมองมันตายด้านไปชั่วขณะและต้องการสิ่งกระตุ้นปลุกฟื้นมันขึ้นมา ผมปล่อยให้หมอตรวจดูอาการ โดยมีวิคเตอร์คอยเสริมว่าผมไปเจออะไรมา หมอจับๆ ตรงคอผมแล้วถามว่าเจ็บตรงไหนเวลากดลงไป กล้ามเนื้อบนหน้าผมกระตุกตอนที่หมอกดตรงท้ายทอย หมอบอกว่ามีรอยช้ำรอบคอจากการโดนบีบ ตรงแก้มบวมตุ่ย กระพุ้งแก้มด้านในเป็นแผลแต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรง โชคดีที่หลอดลมไม่เสียหาย ส่วนอาการทางสมอง หมอพยายามชวนผมคุยแล้วดูอาการ
   

“อย่าเพิ่งให้เขาทานยาแก้แพ้ต่อนะครับ ตอนนี้มันอาจจะมีผลมาจากยาตัวนั้นด้วย” วิคเตอร์พยักหน้ารับ คุณหมอสั่งยาแก้ปวด แก้อักเสบ ยานวด ยาทำแผลให้ผมสำหรับกลับบ้านด้วย
   

ก่อนกลับคุณหมอให้พยาบาลร่างท้วมคนหนึ่งมานวดคอให้ เธอจับผมนั่งตัวตรง ใช้มือบีบๆ นวดๆ คลายเส้น เธอบอกว่าเป็นอาการคล้ายคนตกหมอน นวดคลายเส้นอีกสักสามวันเดี๋ยวก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็มีพยาบาลอีกคนทำแผลที่แก้มให้ผมด้วย วิคเตอร์นั่งมองผมด้วยสายตาเคร่งเครียด ออสตินเองก็เช่นกัน ผมปล่อยให้พยาบาลทั้งสองคนนวดคอและทำแผลให้อย่างเบลอๆ เหม่อๆ เพราะยังรู้สึกว่าสติตัวเองไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่
   

“ลองหันซ้ายหน่อยค่ะ” ผมทำตามที่เธอบอก ค่อยๆ หันไปมองทางซ้าย มันดีขึ้นกว่าตอนแรก แต่ยังขัดๆ อยู่นิดหน่อย สักพักเธอบอกให้ผมลองหันขวา ผมค่อยๆ หันไป รู้สึกจี๊ดตรงแถวท้ายทอยแต่ก็หันได้ไม่ถึงขั้นขัดยอก
   

“ว่างๆ ก็นวดให้เขาครั้งละห้าถึงสิบนาทีนะคะ” พยาบาลหันไปบอกวิคเตอร์ เขาตอบรับเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้ามาอุ้มผมเดินออกจากห้องหมอ ผมนอนเอาหน้าซุกอกวิคเตอร์ไว้ ตอนแรกแผลที่แก้มไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก เหมือนตอนที่โดนมันช็อคอยู่ แต่ตอนนี้รู้สึกร้าวระบมและแสบแผลทั้งนอกทั้งใน ข้างในปากเจ็บยิ่งกว่าเป็นร้อนในซะอีก
   

“นั่งพิงฉันได้มั้ย” เขาถามตอนที่หย่อนก้นนั่งลงบนเบาะรถแล้ว ผมพยักหน้านิดหนึ่ง วิคเตอร์เลยค่อยๆ ประคองให้ผมนั่งพิงตัวเขา ผมเอนหัวลงไปบนไหล่ขวาของเขา วงแขนสองข้างกอดร่างผมเอาไว้ไม่ให้ตัวผมเอียง
   

“ผมขอโทษนะครับ” ออสตินบอกเสียงเครียดและสีหน้าก็เครียดไม่แพ้เสียง แววตาเขาแสดงออกถึงความรู้สึกผิด
   

“ไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย ผมดื้อเอง” ผมบอกเสียงเบาหวิว เอียงหน้าไปมองเขานิดหนึ่ง ออสตินยังมีท่าทีไม่สบายใจ เขาเหลือบมองวิคเตอร์ด้วยท่าทีเกร็งๆ
   

“ฉันไม่โทษนายหรอก แต่ครั้งหน้าห้ามให้เขาคลาดสายตาอีกเด็ดขาด” ไอ้ยักษ์ไม่ได้บอกเสียงขู่หรือเสียงดุ เขาบอกด้วยน้ำเสียงคล้ายว่าฝากความหวังไว้กับออสตินอีกแรง
   

“ครับ คุณเรย์มอนด์” ออสตินผ่อนคลายขึ้นนิดนึงแล้วหันไปสนใจกับการขับรถ ผมนั่งพิงไหล่วิคเตอร์ไปนิ่งๆ ไม่อยากขยับส่วนไหนในร่างกาย อยากนั่งให้เขากอดอยู่แบบนี้ และตอนนี้ผมคิดถึงพ่อกับแม่
   

“ผมอยากกลับบ้าน” ผมว่าเสียงแหบน้ำตาคลอ
   

“ฉันกำลังพานายกลับบ้านเราไง” ผมเบะปากส่ายหน้าช้าๆ น้ำตาไหลอาบแก้มแล้วพูดเสียงขาดห้วง
   

“ผมอยากกลับ ฮึก… เมืองไทย” วิคเตอร์นิ่งไปนิดหนึ่ง มือซ้ายยกมาลูบเส้นผมที่ปรกหน้าผากผมขึ้นเบาๆ
   

“หายดีเมื่อไหร่ฉันจะพากลับไป นายคงไม่อยากให้พ่อกับแม่ถามถึงสภาพนายตอนนี้ใช่มั้ย” น้ำตาไหลอาบแก้มเหมือนเด็ก ผมส่ายหน้าไปมา เริ่มคุมอารมณ์งอแงตัวเองไม่ได้
   

“ไม่เอา… ฮึก… จะกลับตอนนี้ ผมจะกลับไปหาพ่อกับแม่” ยิ่งพูดก็ยิ่งคิดถึงพ่อกับแม่ ช่วงเวลาแบบนี้ถ้าได้อยู่ใกล้พ่อกับแม่ ไอ้ที่รู้สึกแย่ๆ รู้สึกไม่ปลอดภัยคงหายไป
   

“ชู่ววว อยู่กับฉันก่อนไม่ได้รึไง ฮึ?” เขาบอกเสียงเบาหวิว มือซ้ายลูบหัวผมแผ่วเบา ผมสะอื้นน้อยๆ แต่ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ปกคลุมตัวเอง แววตาสีน้ำผึ้งข้นของเขาเวลานี้อ่อนโยนมากเมื่อมองผม มันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา ผมหันหน้าซุกเข้ากับซอกคอของเขา วิคเตอร์หยุดลูบหัวผมแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขากดจูบลงบนหน้าผากหนึ่งที แล้วก็เลื่อนจมูกไปกดแช่ไว้กลางกระหม่อมของผม ริมฝีปากเขาพร่ำกระซิบบอกว่าผมไม่เป็นไรแล้ว อยู่กับเขาปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครทำอะไรผมได้อีกแล้ว
   

“No one can hurt you, now. (ไม่มีใครทำร้ายนายได้แล้ว)” ผมนอนนิ่งในอ้อมกอดเขา สูดดมกลิ่นเนื้ออุ่นๆ จากซอกคอของเขา มันทำให้ผมรู้สึกดี ไม่ใช่ว่ากลิ่นตัวเขาเป็นยา แต่มันทำให้ผมรู้ว่าวิคเตอร์อยู่กับผมจริงๆ
   

รถจอดตรงริมฟุตบาทหน้าบ้านที่มีหิมะสีขาวโปรยเต็มพื้น ต้นไม้ใบเขียวต้นใหญ่บนฟุตบาทเรียงยาวไปตามถนนหมู่บ้าน ยามนี้กลายเป็นใบขาว ถ้ามีกระรอกออกมาวิ่งเล่นตามกิ่ง หิมะที่เกาะอยู่คงจะโปรยปรายเหมือนใบไม้ร่วงหล่น ออสตินอ้อมมาเปิดประตูรถฝั่งวิคเตอร์ เขาค่อยๆ อุ้มผมลงจากรถ ออสตินรีบเดินไปเปิดประตูบ้านเพราะอากาศด้านนอกหนาวมาก ดอกกุหลาบรกๆ สองฝั่งบันไดหน้าบ้านหายไปแล้ว ช่วงที่ผมกลับไทยเขาให้คนมาทำใหม่เป็นสนามหญ้าเล็กๆ สองฝั่ง มีต้นไม้ยืนต้นสูงกว่าผมทั้งสองฝั่ง ตรงโคนล้อมรอบด้วยต้นกุหลาบเป็นวงกลม สวนเขาดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น เห็นว่าไวโอล่าเป็นคนเสนอไอเดียนี้ เพราะทนเห็นความรกรุงรังของหน้าบ้านพี่ชายตัวเองไม่ไหว ผมว่าก็รกจริงนั่นแหละ บ้านอื่นเขาจัดสวนหน้าบ้านสวยนะ สีเขียวตัดกับตัวบ้านสีน้ำตาลแดง สวยดีแล้วก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีด้วย แต่ตอนนี้สวนทุกบ้านโดนหิมะปกคลุมหมด แต่เดี๋ยวพอมีนาคมมาเยือนสวนสวยหน้าบ้านของทุกบ้านก็จะกลับมา


วิคเตอร์ก้าวเท้ายาวๆ เดินขึ้นบันไดหน้าบ้านเข้าไปในบ้านอย่างเร็ว ผมได้ยินเสียงกุกกักของเท้าเจ้าไมเคิลดังมาจากห้องโถงของบ้านพร้อมกับเสียงร้องเหมียวๆ ของเจ้าฟ็อกซ์
   

“หิวอะไรมั้ยครับคุณแมท” ออสตินเอ่ยถาม ท่าทางของเขารู้สึกผิดที่ทำให้ผมเจ็บตัวมากจริงๆ
   

“ยังครับ” ผมตอบเสียงอู้อี้ ตอนนี้ยังไม่หิวอะไรทั้งนั้น
   

“เดี๋ยวให้เขานอนพักก่อน ตื่นขึ้นมาแล้วค่อยกินอาหารก่อนกินยา” วิคเตอร์ตอบเสียงเรียบ ออสตินรับคำแล้วปล่อยให้วิคเตอร์พาผมเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ไมเคิลทำท่าจะตามมาแต่ออสตินเรียกมันเอาไว้ก่อน มันเลยเดินตามเขาไปทางห้องโถงตามเดิม
   

พอมาถึงหน้าห้อง ผมก็เป็นคนเปิดประตู วิคเตอร์เดินเข้าไปด้านในห้องนอนแล้วใช้เท้าปิดประตูตามหลังเบาๆ เขาพาผมมานั่งลงบนเตียง จัดการถอดเสื้อโค้ทกับถุงมือไปวางไว้บนโซฟาสีแดงปลายเตียง เขาเดินกลับมานั่งลงคุกเข่าตรงหน้าผม ทำให้สายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน เขามองแก้มซ้ายผมที่บวมช้ำเป็นสีม่วงและมีห้อเลือด
   

“ฉันอัดมันหน้ามันช้ำกว่าหน้านายอีก” ผมยิ้มน้อยๆ แต่ก็แอบสะดุ้งนิดนึงเพราะแผลที่แก้มมันตึง
   

“ผมเห็นเขาตัวงอเป็นกุ้งเลย” วิคเตอร์ขบกรามแน่น ยกมือขวาขึ้นลูบหัวผม
   

“ฉันอยากจะกระทืบมันให้ช้ำในตายด้วยซ้ำ” เขาว่าเสียงกดต่ำ หน้าตาเหี้ยมเกรียม แววตาไร้ความปราณียามพูดถึงไอชอนไชไส้หมาเน่า ถึงผมจะดีใจที่เขาปกป้องผมแต่ผมก็ไม่ชอบให้เขาแสดงสีหน้าน่ากลัวแบบนี้ ผมเลยยกมือขวาไปลูบแก้มขวาเขา นั่นเลยทำให้วิคเตอร์กระตุกยิ้ม
   

“นอนเถอะ เดี๋ยวฉันนอนด้วย” ผมพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนให้วิคเตอร์ถลกผ้านวมสีเทาเข้มออกเพื่อให้เราสอดตัวเข้าไปนอนได้ ก่อนจะล้มตัวลงนอนวิคเตอร์จัดการถอดรองเท้าให้ผมแล้วเอาไปวางไว้ข้างโซฟา
   

“เดี๋ยวนายมานอนฝั่งฉันก่อน จะได้เอาแก้มแนบอกฉันได้” เขาบอกแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่ง ผมเลยเขยิบมานอนฝั่งซ้ายมือตัวเองที่ปกติแล้ววิคเตอร์จะเป็นคนนอนฝั่งนี้ เขานั่งลงบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอน ดึงผ้านวมขึ้นมาถึงอก ผมค่อยๆ ล้มตัวลองนอนข้างๆ เขา กระเถิบเอาแก้มขวาไปวางไว้บนอกเขาแต่ก็ต้องหน้านิ่วทันที
   

“เจ็บคอ” ผมบอกเสียงกระซิบ ยังรู้สึกเส้นยึดขัดๆ ตรงท้ายทอยอยู่
   

“งั้นนอนบนหมอนก่อนก็ได้” ผมพยักหน้าน้อยๆ แล้วกระเถิบออกไปนอนบนหมอนอีกใบ ผมเลือกนอนหงายไม่บิดคอไปมาเพราะจะได้ไม่เจ็บ วิคเตอร์เขยิบเข้ามานอนใกล้ๆ เอาหน้าผากชนขมับผมไว้ แขนซ้ายยกขึ้นโอบรอบเหนือหัวผม ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารดอยู่ข้างแก้ม ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา อุ่นทั้งกายและใจแม้อากาศข้างนอกบ้านจะหนาวมากแค่ไหนก็ตาม


 :m16:

อีชอนนนน อีปลวก ลืมมันกันไปหรือยัง แต่มันยังอยู่ววว อยู่เพื่อสรา้งความพินาศให้ชีวิตชาวบ้าน

ข่าวการโดนทำร้ายร่างกายของเพศที่สามจากพวกโฮโมโฟเบีย ปัจจุบันมีให้เห็นเรื่อยๆ ชีวิตจริงโหดร้ายมาก แค่เดินผ่านมันก็ทำร้ายแล้ว ตอมเห็นสองข่าวล่าสุดแล้วโกรธอีพวกนี้มาก ข่าวนึงในประเทศไหนตอมจำไม่แม่นค่ะ รัสเซียหรือเปล่าไม่แน่ใจ แค่คู่รักเดินจับมือกันผ่านพวกมัน มันแซว พอเขาไม่เล่นด้วยมันก็รุมทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส อีกข่าวที่ฮาวาย คู่เกย์ต่อแถวซื้อแม็คโดนอล์แล้วยืนจูบกัน คิสกันปกติอะค่ะ ก้มีอีพวกเนี้ยเข้ามาทำร้ายร่างกายเขา

น้องแมทโชคดีที่ผัวยังมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นอาจเละกว่านี้

ยังคงเจอกันตามปกติค่ะ แม้จะเปิดพรีออเดอร์หนังสืออยู่ แต่ยังคงลงนิยายตอนหลักของพาร์นี้จนจบค่า

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-05-2016 08:04:49
แมทโดนจนได้...แต่รอบนี้เราไม่โกรธฌอนแหะ ออกจะสมน้ำหน้าแมทด้วย

คืออีกฝ่ายก็ประสงค์ร้ายชัดขนาดนั้น วิคเตอร์ก็บอกว่าอย่าอยู่คนเดียวๆ... ประมาทไง เอาแต่คิดว่าไม่เป็นไร เป็นประเภทวัวหายล้อมคอกเหรอคะ ก็รู้ตัวอยู่ว่าอยู่ใกล้ตัวอันตรายยังประมาท โดนเลยไง

ยังดีนะที่รู้ตัวว่าตัวเองดื้อ น่าจับมาตีก้นที่สุด

จำไว้เถอะค่ะว่าไอ้ที่คิดว่านิดเดียวๆไม่เป็นไรนี่แหละที่พาเรื่องใหญ่มาได้เสมอนั่นแหละ นอกใจนิดเดียวไม่เป็นไรหรอก เมานิดเดียวขับรถได้ไม่เป็นไรหรอก ใกล้นิดเดียวออกไปคนเดียวได้ไม่เป็นไรหรอก...


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-05-2016 08:53:54
แมทเอ้ยยยยย คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วนะ

แต่ณอนนี่ไม่สามารถคุมตัวเองได้เหรอ? จะฆ่าแมทนี่ไม่คิดหน่อยเนอะ ยุขึ้นง่ายยิ่งกว่าพลาสติกอีก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 23-05-2016 10:39:37
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-05-2016 11:33:48
ดีนะที่วิคมาทัน :เฮ้อ: :เฮ้อ:
คราวหน้าอย่าประมาทอีกนะแมท

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-05-2016 11:36:52
เกือบตาย!!!  โอ้ยยย...ชีวิตแมททำปาบทำกรรมอะไรมาเยอะแยะถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 23-05-2016 11:51:00
อิกระชอน มีปมอะไรนักหนาห๊ะ ไปบำบัดซะไปี
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-05-2016 15:01:17
เกิดเรื่องจนได้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-05-2016 16:32:54
ฌอนมีประเด็นกะเกย์มาก่อนแน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-05-2016 20:15:33
มันเลวชาติจริงๆ ไอ้นี่ โรคจิต นี่เจตนาฆ่าแบบนี้ไม่ต้องดำเนินคดีเหรอ
แมทเกือบตายเลยนะ เราพลอยร้องไห้ไปด้วย วิคเตอร์ทำดี ต่อยให้เละไปเลย
ดูแลแมทดีมากด้วย เมียข้าใครอย่าแตะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 23-05-2016 21:33:58
แมทไม่ระวังตัวนี่ก็ใช่ค่ะ แต่คนที่ทำร้ายคนอื่นเพราะแค่ไม่ชอบ มันไม่ถูกนะคะ เพราะงั้นหวังว่า นังชอนไช จะหลาบจำกับการทำร้ายแมทครั้งนี้นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 23-05-2016 21:57:48
อีชอนไช  โอ๊ยยยยยทำไมเกลียดเพศที่สามขนาดนั้นวะไม่เข้าใจ  แม่งแมคเกือบตายแล้วถ้าวิคเตอร์กับออสตินมาช่วยไม่ทันทำไงเนี่ยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 23-05-2016 22:29:12
ไอ้พวกนี้
ช่วยมาเจอกรู
ที่เมืองไทยนี่หน่อยดิ๊

เหี้ยเอ้ยยยย
จัญไรจริง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-05-2016 00:39:59
สงสารแมทจัง มีแต่เรื่อง คราวนี้เจ็บตัวหนักเลยด้วย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-05-2016 01:12:05
ไม่รอดเนาะนู๋
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 24-05-2016 10:27:04
อ่านทันแล้ววววววว เย่

สงสารแมทจับใจ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 55%}:23.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 24-05-2016 12:00:33
อีชอนไช
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-05-2016 16:30:35


Only You EP.39 [100%]


ผมตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายสอง เพราะรู้สึกเจ็บแผลที่โดนต่อย น้ำตาผมไหล มันเจ็บปวดตรงแก้มด้านนอกกับกระพุ้งแก้มด้านใน ผมไม่เคยโดนใครต่อยแบบนี้เลยจริงๆ แก้มผมบวมช้ำจนน่ากลัว
   

“ฮือ… เจ็บ… ผมเจ็บ…” ผมร้องงอแงเหมือนเด็ก เพราะอากาศเย็นจัดเลยยิ่งทำให้แผลผมระบม วิคเตอร์ก็นั่งปลอบใจผมแบบเงอะงะ เขาคงไม่ชินที่ต้องเป็นฝ่ายโอ๋ผมบ้าง ก็ปกติเป็นผมที่โอ๋เขาซะมากกว่า
   

“โอ๋ๆ เดี๋ยวก็หายแล้วน่า กินข้าวกินยานะ” เขาว่าไปก็ป้อนโจ๊กที่ออสตินทำให้ ผมกินลำบากมากเพราะเจ็บกระพุ้งแก้ม แต่ดีที่โจ๊กเป็นอาหารอ่อน พอเข้าปากผมเลยกลืนลงคอไปเลย กินไปได้สิบคำผมก็ยกมือยอมแพ้ วิคเตอร์เทน้ำส้มที่ผมคั้นไว้คราวก่อนแล้วมันเหลือให้ผมดื่ม และบอกให้รอสักพักค่อยกินยา
   

“เดี๋ยวเดวิดจะมาหาที่บ้าน” ผมมองหน้าเขาทั้งที่ยังสะอื้น น้ำตานองหน้า วิคเตอร์ยื่นทิชชูมาซับน้ำตาให้ผมเบาๆ ผมเจ็บและแสบแผล มันยุบยิบๆ ตรงบริเวณแก้ม วิคเตอร์มองหน้าผมแล้วขบกรามแน่น แววตาและสีหน้าของเขากระด้างขึ้น
   

“ไอ้เหี้ยฌอณ…” วิคเตอร์สบถเสียงเบาแต่หนักแน่น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแสดงความเคียดแค้น มือซ้ายที่ไม่ได้จับทิชชูซับน้ำตาให้ผมกำหมัดแน่น ท่าทางเขาอยากกระทืบไอ้ห่านั่นให้ตายจริงๆ ผมทำหน้าหงอย มันไม่ได้หงอยเพราะเจ็บแผลจะตาย แต่เพราะสภาพจิตใจของผมมันด่ำดิ่ง มันเป็นอาการที่เรียกว่าจิตตก
   

“กินยาเถอะ” วิคเตอร์ยื่นยามาให้ ผมยื่นมือไปรับไว้พร้อมน้ำเปล่าหนึ่งแก้วแล้วจัดการทานยาแก้ปวดกับแก้อักเสบ
   

“ผมไม่ไปงานพรีเมียร์หนังได้รึเปล่า” สภาพแบบนี้ไม่อยากจะไปไหนเลย วิคเตอร์มองหน้าผมแล้วคิดหนัก เขาถอนหายใจเบาๆ
   

“ไว้ค่อยคุยกันเถอะ” ท่าทางจะให้ผมไปด้วยให้ได้แน่ๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะคุยกันจริงๆ นั่นแหละ ดีไม่ดีทะเลาะกันอีก
   

ติ๊งหน่อง!!
   

เสียงออดหน้าบ้านอันใหม่ดังขึ้น ผมไปเดินห้างในแผนกของแต่งบ้านแล้วไปเจอออดอันนี้มา เสียงมันใกล้เคียงกับอันที่เพิ่งเปลี่ยนไป แต่อันนี้ใสและเพราะพริ้งกว่าเยอะ ผมเลยเอามาเปลี่ยน วิคเตอร์บ่นว่าผมเป็นพวกสะสมกริ่ง แต่ก็ยอมเปลี่ยนให้ ซึ่งวันแรกที่เปลี่ยน ผมยืนกดเล่นไปหัวเราะไปเกือบสิบนาทีจนวิคเตอร์จับผมไปตีก้นในห้องเซ็กส์ทอย


วิคเตอร์เดินออกจากห้องครัวไปเปิดประตูบ้าน ได้ยินเสียงคุณเดวิดเอ่ยทักทาย ลมหนาวลอดผ่านเข้ามาในบ้านทำให้ตัวสั่นเบาๆ ผมพยายามยิ้มทักทายเดวิดแต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก เขาหอบแม็คบุ๊คกับสมุดโน้ตของผมมาคืนด้วย
   

“ฉันขอโทษจริงๆ นะแมท ขอโทษจริงๆ ที่ปล่อยให้คนแบบนั้นอยู่ในกองถ่าย” เขาเอ่ยหน้าเครียด น้ำเสียงไม่สู้ดี ผมยกยิ้มมุมปากขวาเล็กน้อย
   

“อย่าโทษตัวเองเลยครับ” มันเป็นความจริง เดวิดโทษตัวเองไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะเขาไม่ได้เป็นคนสั่งให้ฌอณมันทำร้ายร่างกายผมสักหน่อย
   

“ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าหมอนั่นมันเป็นไง แต่ฉันไม่คิดว่าวันนึงมันจะเกิดบ้าขึ้นมา” วิคเตอร์เดินกลับมานั่งข้างผมตามเดิม ผมมองเดวิดด้วยสายตาเข้าใจและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน เขาคงรู้ว่าฌอณมีพฤติกรรมนี้ แต่คงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ขนาดนี้ละมั้ง
   

“มันมีมากกว่าที่คุณเคยเล่าให้ผมฟังรึเปล่า” วิคเตอร์ถามหน้าตานิ่งๆ เดวิดเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง สีหน้าไม่ค่อยผ่อนคลาย
   

“ก็ไม่ได้มากมายไปมากกว่านั้นหรอก ถ้าจะมากก็คงเป็นความบ้า อาการคลั่งของฌอณเองนั่นแหละ” เดวิดพ่นลมหายใจแรงๆ ยกมือเท้าเอวสองข้างหลวมๆ
   

“เขา เอ่อ ทำไมเหรอครับ” ผมมองหน้าเดวิดสลับกับมองหน้าวิคเตอร์อย่างไม่ค่อยจะเข้าใจแจ่มแจ้งเท่าไหร่
   

“ฌอณนับถือศาสนาXXX แล้วที่บ้านเขาเคร่งมาก ถึงขั้นคลั่งเลยก็ว่าได้ แต่ฉันคิดว่ามันมีผลมาจากการที่พ่อเขาเป็นเกย์แล้วทิ้งแม่เขาไป…” ผมเบิกตากว้างขึ้นนิดหนึ่ง มันไม่ใช่อาการอึ้งทึ่งเสียว แต่มันตะลึงที่ได้รับรู้ชีวิตของคนอื่นว่าเขามีมุมที่เราไม่คิดว่าเขาจะมีด้วย มิน่าล่ะตอนผมแซวเรื่องแม่มันโดนเกย์แย่งแฟนถึงได้เดือดขนาดนั้น
   

“...เขาเลยโกรธเกลียดเพศที่สามมาก เพราะทำให้แม่เขาช้ำใจจนเกือบฆ่าตัวตายหลายครั้ง” ผมตาค้างอ้าปากหวอ ไอ้ประเด็นเคร่งศาสนาผมเคยได้ยินบ่อยมาก พวกนี้หัวรุนแรงโคตรๆ เชื่อในคำสอนอย่างสูงสุด ทั้งที่ปัจจุบันเขามีการปรับปรุงใหม่แล้ว แต่คนบางพวกยังคงฝังใจ ฝังอยู่ในหัวว่าเพศอย่างผมคือบาป คือสิ่งชั่วร้าย สิ่งผิดมหันต์ แต่นี่เขายังโดนผลกระทบในชีวิตจริงด้วย เลยส่งผลรุนแรงเข้าไปอีกระดับ
   

“แล้วตอนนี้แม่มันยังอยู่รึเปล่า” เดวิดส่ายหัวน้อยๆ กับคำถามของวิคเตอร์
   

“ไม่รู้สิ คนดูแลฌอณก็ไม่รู้อะไรมาก เธอบอกว่าฌอณไม่ชอบให้ยุ่งเรื่องส่วนตัว และไม่เคยจะบอกอะไรเธอเลย ส่วนมากคุยกันเรื่องงาน ไอ้เรื่องที่เรารู้มาเธอก็สันนิษฐานจากการใกล้ชิดเขา แต่ฉันว่าเธอไม่น่าจะเดามั่วหรอก” ผมนึกถึงผู้หญิงร่างท้วมผมสั้นสีแดงคนหนึ่งที่เป็นคนดูแลฌอณ เธอมีบุคลิกนิ่งๆ ออกแนวพั้งค์ๆ เพราะเห็นชอบเขียนขอบตาดำเข้มๆ ตลอดเลย หรือเธอชอบนอนดึกแล้วลืมบำรุงใต้ตาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ
   

“แล้วสรุปว่าไง” วิคเตอร์ถามเสียงห้วน แต่เขาไม่ได้เหวี่ยง แค่อาจถามเสียงสะบัดไปหน่อย เดวิดทำหน้าลำบากใจก่อนตอบ
   

“ฉันกับทีมโปรดิวเซอร์ตกลงกันแล้วว่าคงให้เขาอยู่ต่อไม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานีด้วย” วิคเตอร์ขมวดคิ้วฉับ หน้าตาไม่พอใจแวบหนึ่ง
   

“แบบนี้มันก็ยังอยู่ต่อน่ะสิ” คราวนี้น้ำเสียงเขาห้วนเหวี่ยงของจริง
   

“ฉันคิดว่าไม่นะ เพราะทีมงานส่วนมากก็ไม่เอาเหมือนกัน ฉันคิดว่าฌอณมีสิทธิ์เด้งกลางอากาศสูง” สีหน้าวิคเตอร์พึงพอใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังมีแววเครียดติดอยู่ เขาพยักหน้ารับรู้เพียงนิดเดียว เดวิดหันมาหาผมแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
   

“หายดีเมื่อไหร่ ถ้าอยากกลับไปกองก็ไปนะแมท ฉันแล้วแต่นายเลย” ผมพยักหน้ารับหงึกๆ คิดในใจว่าผมคงผวาไปอีกสักพัก แต่ก็คิดว่าคงจิตตกอีกสองสามวันแล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น
   

“ฉันกลับก่อนดีกว่า” เขาเอ่ยแค่นั้น ท่าทางเขาเองก็ตกอยู่ในสภาวะลำบากเช่นกัน วิคเตอร์เดินไปส่งที่หน้าประตูบ้าน ผมถอนหายใจแผ่วๆ นึกถึงเหตุการณ์ในห้องครัวบ้านที่ใช้เป็นโลเกชั่นแล้วก็ตัวสั่น เคยอ่านบทความเกี่ยวกับพวกโฮโมโฟเบีย เคยแต่อ่านข่าว อ่านคอมเม้นต์จากคนอื่น ไม่คิดว่าวันนึงจะมาโดนเองเต็มๆ มันน่ากลัวกว่าที่ผมคิด อารมณ์คนพวกนี้รุนแรงกว่าที่ผมคาดการณ์เอาไว้ แล้วไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าถ้าไอ้ชอนไชมันไปรวมกลุ่มกับพวกเดียวกันมันจะสะพรึงแค่ไหน เพราะบางประเทศมีการรวมกลุ่มล่าเพศที่สามมาทรมานโดยเฉพาะ ผมเคยเปิดดูคลิปแล้วหดหู่มาก สิ่งที่เพศอย่างผมโดนไอ้เหี้ยพวกนั้นทำมีแต่ต่ำตม โสมม ชั่วช้ายิ่งกว่าที่มันชอบด่าเพศอย่างผมซะอีก 
   

“ไปนอนเล่นในห้องโถงมั้ย” ผมพยักหน้าให้วิคเตอร์แล้วเดินตามแรงจูงมือของเขาไปในห้องโถง เขาถือยานวดคลายกล้ามเนื้อติดมือไปด้วย วิคเตอร์เปิดทีวีแล้วพาผมนั่งบนโซฟาตัวยาวที่เอาไว้สำหรับนั่งโดยเฉพาะ อาการปวดคอผมดีขึ้น แต่ยังมีเส้นยึดนิดหน่อย มันจะปวดจี๊ดๆ เวลาบิดคอเร็วๆ
   

“มา เดี๋ยวฉันนวดให้” เขาจับผมนั่งตัก สั่งให้ก้มหน้าลงไปนิดหนึ่งแล้วเขาก็ใช้สองมือที่มียาติดตรงปลายนิ้วนวดบริเวณท้ายทอยของผมช้าๆ แต่ก็หนักแน่นและเน้นถูกจุด ผมนั่งก้มหน้าหลับตาพริ้ม รู้สึกเพลินจนเกือบจะหลับหลายรอบ
   

“ดีขึ้นมั่งมั้ย” เขาถามเสียงเบา ผมลองหันคอไปซ้ายทีขวาที มันยังเคล็ดๆ อยู่เหมือนเดิม แต่เพิ่งกินยาและนวดยาไปวันเดียวเอง คงต้องให้เวลาพักฟื้นสักพัก
   

“ก็ยังเหมือนเดิม แต่เดี๋ยวก็ดีขึ้นแหละ” ผมว่าแล้วเอนตัวพิงอกวิคเตอร์ เอาหัวหนุนไหล่ขวาเขาไว้ วิคเตอร์ก้มลงจูบขมับซ้ายผมหนึ่งที
   

“ต่อไปนี้ห้ามดื้อกับฉันและออสตินอีกนะ” ผมถอนหายใจเบาๆ ทุกวันนี้ก็โดนกักขังหน่วงเหนี่ยวหนาแน่นแล้ว มาเจอเหตุการณ์นี้เข้าไป เชื่อเลยว่าวิคเตอร์จะยิ่งเข้มงวดกับผมเป็นสองเท่า เผลอๆ ก้าวกระโดดไปสามเท่าเลยก็ได้ ถามว่าผมดื้อแล้วสำเร็จมั้ย ก็ไม่ เหมือนจะดื้อสำเร็จๆ แต่สุดท้ายก็โดนอำนาจไอ้ยักษ์ข่มซะมิด
   

“ทุกวันนี้ผมมีพฤติกรรมที่ดีกว่าพวกนักโทษในคุกซะอีก” ผมว่าหน้างอหน่อยๆ วิคเตอร์ยิ้มขำ ยกมือซ้ายมาตีหน้าผากผมเบาๆ แล้วก็จูบไปหนึ่งที
   

“เป็นเด็กดีก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้าเนือยๆ มันก็คงดีอะแหละมั้ง คิดซะว่าเขาทำเพราะรัก จะได้สบายใจ แม้จริงๆ ในใจลึกๆ จะรู้สึกอัดแน่นแปลกๆ ก็เถอะ
   

“เออนี่ แล้วแม่เลี้ยงคุณเขาได้ส่งอะไรมาก่อกวนอีกมั้ย” หลังจากวันนั้นลิซ่าเธอก็ไม่ได้มายุ่มย่ามวุ่นวายกับพวกเราอีก เธอเงียบหายไป แต่ที่แว่วมาคือเธอบินกลับอังกฤษไปพร้อมพ่อวิคเตอร์แล้ว
   

“ไม่ ถ้ามีฉันจะโชว์ให้นายดู แต่ถ้าเป็นรูปคู่ฉันกับเธอสมัยก่อน นายห้ามงี่เง่านะ” เขาพูดดักหน้าตาจริงจัง ผมทำปากยื่นไม่ตอบรับอะไร จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะงี่เง่าหรอก ผมรู้หรอกว่านั่นมันนานมากแล้วจริงๆ
   

“ก็อย่าให้มีรูปคู่กันในสมัยนี้โผล่มาก็แล้วกัน” ผมเบ้ปาก วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม
   

หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้คุยไม่ได้ถามเรื่องเธอระหว่างเขาอีก ไม่ใช่ผมไม่อยากรู้นะ แต่ไม่รู้จะถามอะไรเพิ่มเติมดี ไอ้ที่อยากถามก็เป็นสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังไปแล้ว เลยไม่รู้จะไปซอกแซกอะไรอีก แต่ก็มีเรื่องลูกเขาที่ทำให้ผมรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ ในใจ ไม่ได้รังเกียจนะ แต่แค่กำลังรู้สึกว่า เออ วิคเตอร์เคยมีลูกด้วยอะ เขาเคยเลี้ยงเด็กอะ อะไรประมาณนี้
   

“นี่ แล้วคุณไม่อยากมีลูกเหรอ ผมมีให้คุณไม่ได้นะ” ผมเชื่อว่าประเด็นนี้เป็นปัญหาโลกแตกของคู่รักผู้ชายกับผู้ชาย ผู้หญิงกับผู้หญิง แต่ในความรู้สึกของผม ชายรักชายจะเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากกว่าคู่รักหญิงกับหญิงนะ
   

“ไม่รู้สิ บางทีฉันก็อยากมี บางทีก็ไม่อยากมี…” เขาตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ตอบแบบหน้ามึนๆ ตามสไตล์เขา
   

“…แต่ถ้านายมีไม่ได้ ก็ไม่เห็นเป็นไร คนเรามองไม่เหมือนกัน บางคนอาจบอกว่าต้องมีลูกชีวิตถึงจะสมบูรณ์ แต่ฉันเคยผ่านการมีลูกมาแล้ว ก็ไม่เห็นจะสมบูรณ์อะไรขนาดนั้น ฉันอาจเป็นพ่อที่โชคร้ายด้วยละมั้ง” เขาเบ้ปากน้อยๆ พร้อมกับไหวไหล่ซ้าย เขาก็พูดออกมาตรงๆ ตามที่เขาคิดตามเคยนั่นแหละ ถามว่าผมรู้สึกยังไง เอาตรงๆ ผมก็แอบกังวลนะ
   

“แล้วถ้าเกิดวันนึงไอ้อารมณ์บางทีที่คุณอยากมีลูกมันดันมากกว่าไม่อยากมีล่ะ” เราไม่รู้หรอกว่าความคิดนั้นของเขาจะพุ่งทะยานสูงขึ้นมาวันไหน เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนได้ และบางทีคนก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาเนี่ยแหละ
   

“คิดมากอีกแล้วนะ” เขาทำหน้าดุหน่อยๆ ผมเม้มปากแล้วส่ายหน้าไปมา
   

“ไม่วิคเตอร์ จริงๆ นะ วันนึงคุณอาจจะอยากมีลูกขึ้นมาก็ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงทางตันของผมจริงๆ” อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าเกิดเขาอยากมีลูกจริงๆ คือผมหมดปัญญาจะผลิตให้เขาเลยนะ
   

วิคเตอร์ถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด เขาเอาแก้มขวามาแนบขมับซ้ายผมไว้ ผมมองทีวีด้วยสายตาเหงาๆ คือจิตตกอยู่แล้ว พอมาคุยเรื่องนี้ก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ไปอีก แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะร้องไห้หรอก
   

“ฉันไม่อยากสัญญาอะไร เพราะเราไม่รู้อนาคต แต่ถ้าฉันจะมี ฉันจะไม่ทำแบบที่นายกลัวแน่นอน ถ้าจะมี นายก็ต้องเป็นแม่ของเด็กคนนั้น…” ผมกระตุกยิ้มมุมปากนิดหน่อย เขารู้ว่าผมกลัวอะไร ผมกลัวว่าเขาจะแอบไปมีผู้หญิงคนอื่น ใช่ นั่นแหละที่ผมกลัว ชีวิตเขามีคนเข้าหาเยอะแยะจะตายไป เขาอาจไปถูกใจใครสักคนที่อยากได้เป็นแม่ของลูกขึ้นมา
   


“…วิวัฒนาการทางการแพทย์ก็มี นายก็รู้นี่” อันนั้นมันก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะไปหาแม่อุ้มบุญที่ไว้ใจได้ แล้วก็ไม่ง่ายที่จะหาผู้หญิงสักคนมาอุ้มบุญให้เรา ใครเขาจะยอมง่ายๆ กัน ลูกก็ไม่ใช่ มาใช้ท้องเขาเกิดอีก
   

“แต่ถ้า…”
   

“…แล้วไม่ต้องบอกนะว่าจะไปจากฉันถ้าฉันมีคนอื่น” ผมยิ้มน้อยๆ หน้าตาเนือยๆ
   

“คุณก็บอกเองนี่ครับว่าเราไม่รู้อนาคต” วิคเตอร์ถอนหายใจ เขาดันหน้าตัวเองออก จับให้ผมนั่งหลังตรงแล้วจับหันหน้าไปมองเขาตรงๆ
   

“เรานี่เข้ากันดีนะ ฉันยึดติดอดีต นายก็กังวลอนาคต แล้วปัจจุบันเราอยู่ตรงไหนกัน” ผมอ้าปากด้วยความทึ่งที่ได้ยินแนวคิดดีๆ จากเขา
   

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ยินประโยคคมๆ จากปากคุณ” วิคเตอร์ยิ้มเหี้ยม ยกมือขวาขึ้นตบหน้าผากผมเบาๆ ผมสะดุ้งตกใจเพราะกำลังยิ้มเผลอ วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ ผมแกล้งมองค้อนเขา
   

“เอาเป็นว่าถ้าอยากมีลูกเมื่อไหร่ เราจะไปหาหมอด้วยกัน ฉันจะไม่หาใครมาเป็นแม่แทนนาย” ผมยิ้มอ่อนแรง ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ผมก็ไม่อยากทำให้ตัวเองหมดความสุขด้วยการพะว้าพะวงเรื่องในอนาคตอย่างที่เขาว่า มันก็มีบ้างแต่ผมว่าผมดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยหลังจากที่เกิดเรื่องอันเดรียนา
   

“แล้วคุณยังยึดอดีตไว้อีกเหรอ ผมไม่ได้บอกให้คุณลืมแม่กับย่านะ แค่คิดว่ามันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว” วิคเตอร์ไม่ได้มีท่าทีเศร้าหมองอะไร เขาแค่ยิ้มบางๆ เท่านั้น
   

“เอาตรงๆ นะ นายอาจบอกว่าฉันหวานเลี่ยน แต่ฉันมีความสุขกับนายดี ฉันยังคิดถึงแม่กับย่า แต่ว่าฉันก็แฮปปี้ดีที่มีนายตอนนี้” ผมกลั้นยิ้มเขินเต็มที่จนทำให้หน้าเกร็งไปหมด อีกเหตุผลหนึ่งคือยิ้มมากไม่ได้เดี๋ยวเจ็บแผล วิคเตอร์ยิ้มกว้างพร้อมหัวเราะเสียงทุ้มเบาๆ
   

“ปากหวานอีกแล้ว” นานๆ ทีจะได้ยินอะไรหวานๆ จากปากเขาแบบที่ไม่ได้พูดหน้าตามึนๆ หรือพูดด้วยท่าทีไร้อารมณ์ ผมพลิกตัวไปนอนพิงไหล่เขาไว้ตามเดิม วิคเตอร์โอบกอดร่างผมไว้ตามเดิมเช่นกัน
   

“รักของคุณจะอยู่ทนนานเหมือนรอยสักมั้ย” ผมดีใจมากๆ นะกับเรื่องรอยสัก ไม่คิดว่าเขาจะลงทุนทำขนาดนั้น ไม่ใช่สไตล์เขาเลยกับการสัก แต่เขาก็ไปสักชื่อผม ถ้าพูดแบบหลงตัวเองหน่อยก็ต้องบอกว่าถ้าไม่โคตรรักจริงเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอก ฮิๆ สวยอีกแล้ว
   


“ฉันมีความจริงจะบอก ฉันไม่ได้สักหรอก ฉันไปเพ้นท์มา” แล้วเขาก็พาผมหัวเราะร่วนจนไมเคิลวิ่งกุกกักๆ เข้ามาในห้องโถงด้วยท่าทีตื่นเต้น มันมายืนโบกหางใส่เราสองคนแล้วมองด้วยท่าทีฉงนสงสัยว่าเราหัวเราะอะไรกัน ออสตินเดินอุ้มเจ้าฟ็อกซ์ตามเข้ามาในห้อง
   

“เดี๋ยวผมจะพาไมเคิลออกไปเดินเล่น พวกคุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ” เขาถามพลางวางฟ็อกซ์ลงบนพื้นปล่อยให้มันเดินไปคลอเคลียกับพี่ชายต่างสายพันธ์ของมัน
   

“ผมอยากกินสตรอว์เบอร์รี่” ผมหันหน้าไปบอกออสติน เขาพยักหน้านิดหนึ่ง ส่วนวิคเตอร์โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เอาอะไร ออสตินผิวปากเรียกไมเคิลให้เดินตามเขาออกจากบ้านไป ทิ้งเจ้าฟ็อกซ์ให้นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นตัวเดียว
   

“คุณควรหาผู้ช่วยออสตินนะ เขาทำงานหนักเกินไปแล้ว”
   

“ก็บอดี้การ์ดสามคนที่ไทยนั่นไง”
   

“แต่สามคนนั้นก็ไม่ได้มาช่วยออสตินที่นิวยอร์กนี่นา” สามคนนั้นวันๆ ไม่ค่อยได้ทำอะไรหรอก แต่พวกเขาไม่ใช่คนขี้เกียจนะ เพียงแต่พอผมกับวิคเตอร์อยู่นี่ พี่สามคนนั้นเขาเลยเปล่าเปลี่ยวไปเลย
   

“ไว้ฉันจะเรียกใครสักคนมาช่วยออสตินแล้วกัน” เขาตอบง่ายๆ แล้วเดี๋ยวเขาต้องเรียกมาจริงแน่ๆ แต่ใครจะแจ็คพล็อตโดนเรียกมาแค่นั้นเอง แล้วอีกสองคนที่เหลือก็จะยังคงไม่มีอะไรทำ แต่ผมเคยถามออสตินนะว่าพวกเขาทำอะไรอย่างอื่นบ้างมั้ย ออสตินเล่าว่าแต่ละคนก็หางานอย่างอื่นทำควบคู่ไปด้วย เพราะบางทีมันว่างจัดจริงๆ แต่ห้ามไปรับหน้าที่ดูแลใครเพิ่มและห้ามแพร่งพรายเรื่องผมกับวิคเตอร์เด็ดขาด ไม่งั้นโดนฟ้องร้องหมดตัว
   

ผมกับวิคเตอร์นั่งดูซีรีส์ย้อนยุคเรื่องหนึ่งที่บันทึกเอาไว้ด้วยกัน แล้วเขาก็เล่าให้ฟังว่ามีทีมงานซีรีส์เรื่องใหม่ติดต่อเขามา เป็นซีรีส์ย้อนยุคคล้ายๆ กับเรื่องที่กำลังดูอยู่ แต่น่าจะเป็นคนละยุค เป็นเรื่องสู้รบ แย่งชิงอำนาจกัน มันส์เลือดสาด เขารู้แค่นี้ เรื่องรายละเอียดทางทีมงานผู้สร้างซีรีส์เรื่องนี้พร้อมจะคุยกับวิคเตอร์หลังจากเขาพรีเมียร์ภาพยนตร์เสร็จแล้ว
   

“แต่ฉากเปลือยก็เยอะมาก ฉันต้องเล่นกับผู้หญิงหลายคน ฉันเลยมาถามนายก่อน” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มจือปาก แต่สีหน้านี่หื่นออกหน้าออกตามาก ผมมองด้วยความหมั่นไส้แล้วยกมือซ้ายไปดึงหูขวาเขาแรงๆ ไอ้ยักษ์แกล้งร้องจ้ากดังๆ
   

“น้อยๆ หน่อย” เขาหัวเราะอารมณ์ดี ผมแสร้งทำหน้ามุ่ย
   

“แล้วคุณอยากเล่นมั้ย ท่าทางจะโปรดัคชั่นใหญ่น่าดู” เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วส่ายหน้าช้าๆ
   

“แล้วแต่นาย วันที่เขานัดคุยรายละเอียด นายก็ไปสกรีนให้ฉันแล้วกัน” ผมพยักหน้าแล้วหันไปดูซีรีส์ต่อ คือผมชอบซีรีส์ย้อนยุคของตะวันตกนะ ส่วนมากเขาทำได้ดีมาก รายละเอียดงานเขาเก็บเนี้ยบสุดๆ บางเรื่องคือยิ่งใหญ่แบบท็อปฟอร์มเลย แล้วบางเรื่องคือดังกว่าหนังอีก นักแสดงบางคนเล่นซีรีส์เรื่องเดียวแล้วคือมีชื่อเสียงกับเงินทองได้ยาวๆ เลยแหละ ไม่จำเป็นต้องไปเล่นหนังใหญ่ด้วยซ้ำ เดี๋ยวนี้ซีรีส์ฝรั่งฟอร์มใหญ่เพียบไปหมด ทุ่มทุนสร้างกันเยอะแยะ
   

“รู้สึกดีขึ้นมั่งมั่ย” เขาถามพลางใช้มือซ้ายลูบแขนขวาผมเบาๆ ผมเอียงหน้าไปมองหน้าเขาแล้วพยักหน้ารับ
   

“ก็ยังจิตตกอยู่นิดนึง แต่ดีที่คุณกอดผมไว้แบบนี้” ได้ทีก็อ้อนสักหน่อย ให้ชีวิตคู่มีโมเม้นต์มุ้งมิ้งบ้าง
   

วิคเตอร์ยิ้มกว้างแล้วกอดผมเอาไว้ ผมไม่ได้แค่พูดเอาใจเขานะ แต่มันรู้สึกดีจริงๆ หลังจากเราเจอเหตุการณ์ร้ายๆ อะไรมา ถ้าได้อ้อมกอดอุ่นๆ ของคนที่รักมันช่วยได้มาก มันทำให้เราอุ่นใจ ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย ยิ่งตอนนี้ผมห่างจากอกพ่ออกแม่ ก็มีอกแน่นๆ ของวิคเตอร์นี่แหละที่ให้ผมพักพิงได้ และเพราะตัวเขานั่นแหละที่ช่วยให้จิตใจผมไม่หดหู่หรือสั่นไหวไปกับความกลัวในหัวที่ภาพของไอ้ฌอณยังติดอยู่
   

ผมยังจำดวงตาสีน้ำตาลอมเขียวที่มองผมอย่างอาฆาตและเกลียดชัง ดวงตาคู่นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าผีตัวไหน ผมไม่รู้มันจะตามจองเวรผมต่อรึเปล่า ขอให้มันไปแล้วไปลับ อย่ากลับมาข้องเกี่ยวกันอีก ผมคิดอย่างหวาดกลัวแล้วกระเถิบตัวเข้าหาไออุ่นจากวิคเตอร์อีกนิด


 :katai5:

โดนปลดไปซะอีดวกชอน ไม่มีงาน ไม่มีเงินแน่มึ้งงง ที่ฮอลลีวูดค่อนข้างจริงจังกับพวกเหยียดเพศค่ะ เวลาอ่านข่าวว่าถ้ามีนักร้อง นักแสดงคนไหนเหยียดเพศ สื่อจะร่วมด้วยช่วยกันแบน คนในวงการจะร่มวด้วยช่วยกันแบนเยอะมาก จนหดหายไปจากวงการในที่สุด

ยังดีมีสามีคอยปลอบโยน คอยปลอบใจให้อุ่นใจ แม้จะไกลบ้าน แต่ยังมีผัวเนาะแมทเนาะ เป็นเรื่องราวดีๆ ค่ะ

ชีวิตของนางจะเจออะไรอีกบ้าง คือนางควรไปอยู่กีบอเวเจอร์ไม่ก็เอ็กซ์เมนนะ มีเรื่องตลอด 55555 ในอนาคตนุ้งแมทจะสตรองดั่งฮองเฮาาา

ใครมีพระดีๆ วัดไหนแนะนำน้องแมทได้นะคะ เอาไว้ห้อยคอ ป้องกันตัวจากภัยอันตรายต่างๆ ขอแบบปลุกเสกกลางเวหางี้นะ จะได้ขลังๆ แน่ๆ -.,-

 
เจอคำผิดบอกกันได้เช่นเคยค่าาา

ยังเจอกันตามปกตินะคะ ยังคงลงเนื้อหานิยายจนจบ ลงตามปกติ เปิดพรีหนังสือแล้วก็จริง แต่ยังคงลงตามปกติไม่มีหยุด ลงจนจบตอนหลักของพาร์ทนี้ จำนวนตอนของตอนหลักก็ใกล้จะจบแล้ววว

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-05-2016 16:55:47
คราวนี้คงหาที่ยืนในสังคมลำบากแน่อิชอน พวกโลกแคบ!!     

ไม่ชอบก็แค่ม่ยุ่งค่ะ แต่ถ้าถึงขนาดที่แสดงออกและแสดงพฤติกรรแบบนี้ก็ไม่น่าเอาไว้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 27-05-2016 16:58:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-05-2016 17:37:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-05-2016 17:39:10
สมน้ำหน้าชอนไชค่ะ 55555
เป็นกำลังใจให้น้องแมทและคนเขียน จุ๊บบบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 27-05-2016 18:41:34
อยากอ่านนุ้งแมทก้าวหน้าทางการงานต่อ และรอนุ้งแมทเปนฮองเฮา 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-05-2016 20:07:01
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-05-2016 20:21:17
กลัวอีชอนไชไส้เน่าแก้แค้นแมทจริงๆเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 27-05-2016 21:02:12
แมทอ้อนสุด วิคเตอร์คงแค้นมากๆอย่าให้เจอที่ไหนนะไอ้ชอนไชคนคลั่งเดี๋ยวเจอวิคเตอร์คนคลั่งกว่าแล้วจะหนาว55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่KEI_jry ที่ 27-05-2016 21:49:59
แบนมันค่าาาาา ไม่ให้ได้โผล่หัวออกมาเลยยิ่งดีค่าาาา :katai2-1: บรัยชอนนน~

เหมือนที่อดัม(มารูน5)ยกเลิกคอนเสิร์ตในเมืองที่ต่อต้านเพศที่3 เขาจริงจังกันมาก เพราะน้องชายของอดัมเขาก็เป็นเกย์ เอาจริงเอาจังเลยก็ดี คนเหมือนกันไม่ใช่ตัวประหลาด

แมทได้ทีอ้อนเยอะๆเลยนะ ขวัญเอยขวัญมา :bye2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-05-2016 21:54:47
ดับ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 27-05-2016 22:41:44
 :กอด1: วิคเตอร์นายมีคำคมเท่ ๆ กับเขาด้วยอ่ะ นึกว่าอ่านผิด  :a5: ช็อคแทนแมท  :mew4: หนูแมทเธอจะต้องสตรองเลยใช่ไหม เธอจะเป็นฮองเฮาแต่ขออย่ามีสนม เจ้าจอม ตามมาเป็นขบวมน่ะจ้ะ ไม่งั้นจะเข้าไปตบวิคเตอร์ด้วยตัวเอง  :m16:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-05-2016 22:52:32
หมั่นไส้เบาๆนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-05-2016 00:02:16
โชคดีแล้วที่เป็นแค่นี้ แล้วก็เรื่องนี้ทำให้ชอนไชหายไปจากชีวิตแมทได้ซักที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 28-05-2016 01:14:50
มีผัวคอยปลอบใจนี่มันดีจริงจิ๊ง หายเร็วๆ น้าแมทน้อย
สมน้ำหน้าไอ้ฌอน หมาบ้า

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-05-2016 05:43:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: pollapat ที่ 28-05-2016 07:06:44
มาอ่านตอนใหม่ด้วยใจระทึก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-05-2016 07:42:26
นังชอนไช เกลียดดดด หนูแมทต้องสตรอง!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 28-05-2016 09:55:13
หวังว่าจะหายไปแบบตลอดกาลนะนางชอนไช
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.39 100%}:27.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-05-2016 21:52:27
จับมือกับไอ่ยักษ์ไว้ให้มั่นนะแมท
รักกันมากขนาดนี้อย่าทิ้งกันไปเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-06-2016 00:48:18


Only You EP.40 :: Missing space. [50%]




   [ออกไปไหนมา ทำไมถึงกดรับช้า?!] เสียงห้วนๆ แทบจะตะคอกผ่านจอพร้อมหน้าตาเหมือนยักษ์สมฉายา ผมหันไปมองรอบๆ ตัวเองด้วยสีหน้ายุ่งๆ งงๆ เพราะเพิ่งจะตื่นนอนเมื่อประมาณห้านาทีก่อน
   

“ไปไหนล่ะ อยู่บ้าน นอนอยู่ เพิ่งตื่น” ผมเลื่อนสายตาไปมองเวลาบนหน้าจอแม็คบุ๊ค ตอนนี้หกโมงเย็นจะทุ่มนึงแล้ว ที่โน่นก็เพิ่งบ่าย วิคเตอร์ถึงได้ตื่นมานั่งหน้ามุ่ยใส่ผมนี่ไง แล้ววีดีโอคอลก็ไม่ได้รับจะครึ่งร้อยสายแล้วด้วย เขาถึงได้หงุดหงิดใส่ผมแบบนี้


“เนี่ย ผมอยู่บ้านจริงๆ จะไปไหนได้ แล้วเดี๋ยวคุณเบนกับคุณอันเดรก็มาอยู่ด้วย” ผมว่าพลางหมุนแม็คบุ๊คไปรอบบ้าน หยุดให้เขาเห็นหน้าไมเคิลที่นอนอยู่บนพื้นห้องโถง
   

[ถ้ามันชวนไปไหน ห้ามไปอีกนะ ถ้าฉันรู้นายโดนแน่] วิคเตอร์ว่าหน้าเหี้ยมเสียงโหด ผมกลอกตาเซ็ง เลยโดนเขาจ้องตาดุกลับมา ผมยิ้มแห้งก่อนจะอ้าปากหาวกว้างๆ หนึ่งที ยกมือขวาเกาหัวตัวเองแบบเบลอๆ
   

[เดี๋ยวจะโดนดีแมท นายเพิ่งหายไข้ อย่าเพิ่งทำซ่า]
   

“Yes! The dad! (ครับ คุณพ่อ!)” ผมย่นจมูกใส่หน้าจอแม็คบุ๊ค วิคเตอร์เบิกตากว้างมองดุอีกนิด แล้วลุกขึ้นจากโซฟาในห้อง เดินเปลือยในห้องพักของโรงแรม เขาเดินถือโทรศัพท์จากห้องนอนไปห้องน้ำ มีการเลื่อนหน้าจอมือถือลงไปถ่ายตรงยักษ์น้อยห้อยโตงเตงให้เห็นด้วย ผมเห็นแล้วก็หัวเราะคิกคักและหน้าแดงหน่อยๆ วิคเตอร์เลื่อนมือถือกลับขึ้นไปบนหน้าเขาแล้วยิ้มหื่นกาม
   

[Do you miss him? He miss you very much. (คิดถึงมันมั้ย มันคิดถึงนายม้ากมาก)] วิคเตอร์วางมือถือไว้บนอ่างล้างหน้า เห็นร่างเปลือยครึ่งตัว รอยสักโดดเด่นอยู่บนอกผิวน้ำผึ้งคร้ามแดดของเขา
   

“Yes. I think we have long distance for long time. (คิดถึงสิ ผมว่าผมกับยักษ์น้อยห่างหายกันไปนานแล้ว)” ผมแลบลิ้นออกมาตวัดขึ้นหนึ่งทีแล้วยิ้มกัดปากล่าง ยั่วเท่าที่จะทำได้ ไอ้ยักษ์เองก็ยิ้มกัดริมฝีปากล่าง ดวงตาลุกวาว ใช้มือขวาบีบโฟมล้างหน้าใส่ฝ่ามือซ้าย
   

[Yeah. He will fucks you all day after I go back. (ได้ เดี๋ยวมันจะเอานายทั้งวันเลยหลังจากฉันกลับไป)] เขาขยับสะโพกดันไปข้างหน้าเร็วๆ ทำท่าเด้าเข้าเด้าออก ฮ่าๆๆ 
   

ตั้งแต่ผมโดนทำร้ายร่างกาย เราก็ไม่ได้มีอะไรกันทั้งอาทิตย์ก่อนวิคเตอร์บินไปพรีเมียร์หนังที่ฝรั่งเศสเป็นที่แรก เขาเห็นผมเจ็บก็กลัวจะทำผมเจ็บไปมากกว่าเดิมแล้วอีกอย่างผมมีไข้ด้วย คงเพราะแผลอักเสบบวกกับอากาศช่วงนั้นเย็นจัดผมเลยไข้ขึ้น วิคเตอร์ทำท่าจะยกเลิกตารางพรีเมียร์ภาพยนตร์ในช่วงอาทิตย์แรก เพราะอยากรอให้ผมหายดีจะได้ไปด้วยกัน แต่ผมรู้ตัวว่าถ้าได้เป็นไข้ไม่สบายขึ้นมา กว่าจะหายดีก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลยให้เขาไปคนเดียว ก็พอจะเดาได้ว่าเขาต้องไม่ยอม ซึ่งก็เป็นแบบนั้น ผมเลยต้องกล่อมเขานานกว่าจะยอมไปพรีเมียร์หนังคนเดียว และทิ้งออสตินไว้ควบคุมดูแลผมแทนเขาเหมือนตอนอยู่ไทยเช่นเคย เขาตามพี่บอดี้การ์ดคนไทยมานิวยอร์กสองคนอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ไปงานพรีเมียร์กับเขา ส่วนอีกคนคอยดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ที่ประเทศไทยตามเดิม
   

[พวกไอ้เบนจะมาตอนไหน] เขาถามพลางซับน้ำบนหน้าด้วยผ้าขนหนูสีขาว ผมขยับตัวเอาหัวเอนกับพนักพิงโซฟา เอาแม็คบุ๊ควางไว้บนหมอนตรงหน้าท้องอีกที
   

“เดี๋ยวก็คงมามั้งครับ นี่ก็จะทุ่มนึงแล้ว” วิคเตอร์ขมวดคิ้วแล้วเอาโทรศัพท์วางไว้บนผ้าขนหนูสีขาวที่วางอยู่บนชั้นตะแกรงเหล็กสำหรับแขวนหรือวางผ้าเช็ดตัว ทำให้ผมเห็นเขายืนเปลือยอาบน้ำแบบไลฟ์สตรีม เขาเปิดน้ำรดหัวปล่อยให้น้ำไหลผ่านไปตามร่างกาย
   

[วันนี้พวกมันจะมาทำอะไร] ต้นอาทิตย์ที่วิคเตอร์บินไปฝรั่งเศส เบนเนดิคท์กับอันเดรก็แวะมาหาผมที่บ้านแล้วชวนออกไปลั้นลาข้างนอกในยามบ่ายที่ร้านกาแฟของแฟนชาร์ลี อ้อ ไม่สิ ต้องบอกว่าแฟนเก่า เพราะทั้งสองคนเลิกกันแล้ว ผมไม่รู้รายละเอียดแต่อันเดรบอกว่าจีอันนาเคยเอาน้ำสาดหน้าชาร์ลีมาแล้วครั้งหนึ่งตอนชาร์ลีไปที่ร้าน


แล้ววันนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองคุยกับเธอแบบจริงจัง หลังจากที่ตั้งฉายาให้เธอว่านางพญาปลวกไปเมื่อปีก่อน แรกๆ เธอก็เย่อยิ่งจริงๆ อย่างที่ผมคิดอะแหละ แต่พอลองคุยไปสักพัก เธอก็เป็นคนไม่มีอะไร แค่พูดตรงๆ พูดเหมือนจะเหวี่ยง แต่จริงๆ เธอแค่เป็นคนพูดจาฉะฉานมากไปหน่อย ที่สำคัญตาเธอเฉี่ยวเลยทำให้เธอดูหยิ่งตลอดเวลา แต่เธอเป็นผู้หญิงนิสัยดีคนหนึ่งเลยนะ ก็ยังไม่ถึงขั้นชอบหรือชื่นชมหรอก แต่ก็ดีที่ได้คุยกัน
   

“เขาบอกจะมามูฟวี่ปาร์ตี้ที่ห้องโฮมเธียเตอร์” วิคเตอร์หยิบครีมอาบน้ำมาเทใส่ตัวแล้วลูบไล้ทั่วร่างกายกำยำ ผมมองรอยสักสามแถวบนอกซ้ายของเขาแล้วอมยิ้ม รู้สึกใจชื่นบานเล็กๆ เมื่อคิดได้ว่ามันคือชื่อผม
   

[ไม่มีตังค์เข้าโรงหนังกันรึไง] เขาว่าหน้ามุ่ยพลางถูครีมอาบน้ำออกจากตัวเร็วๆ ผมหัวเราะเบาๆ มองเขาอาบน้ำด้วยความรู้สึกวาบหวิว ทำอย่างกับไม่เคยเห็นเขาอาบน้ำต่อหน้ามาก่อนงั้นแหละ เคยช่วยอาบก็ทำบ่อยไป ผมท่าจะลุ่มหลงเขามากไปแล้วมั้ง ห่างกันแค่อาทิตย์เดียวก็คิดถึงเขาแล้ว แต่จะว่าไปไอ้อารมณ์คิดถึงล้นอกมันมาเป็นระยะๆ นะ ไม่ได้มาบ่อย เพราะเราสองคนก็ใช่ว่าไม่เคยห่างกัน เขาพรีเมียร์ภาพยนตร์ราวสามอาทิตย์ แต่จะมีช่วงหนึ่งเขาเว้นพรีเมียร์ห้าวัน เขาบอกว่าจะบินกลับมารับผมก่อน แล้วจะพาผมไปพรีเมียร์ที่ลอนดอน
   

[Horny? (มีอารมณ์เหรอ)] เขายิ้มมุมปากแล้วใช้สองมือเสยเรือนผมเปียกของเขาขึ้นพลางหลับตาพริ้มก่อนจะลืมตามองผมด้วยสายตาร้อนระอุ ทำเอาใจผมเต้นตุบๆ ผมเม้มปากแล้วเลื่อนสายตาหนีจากหน้าจอไปมองทางอื่นแวบหนึ่ง
   

“Get dresses. (ไปใส่เสื้อผ้าสิ)” ผมว่าเสียงอู้อี้แล้วค่อยๆ เลื่อนสายตากลับไปมองหน้าจอ แล้วก็ต้องอ้าปากหวอขึ้นนิดหนึ่งเมื่อวิคเตอร์เอามือซ้ายค้ำกำแพงห้องน้ำไว้ แล้วใช้มือขวาช่วยตัวเองช้าๆ
   

“วะ… วิคเตอร์” ผมครางชื่อเขาเสียงแผ่ว วิคเตอร์กรีดยิ้มร้ายกาจแล้วส่งจูบมาให้หนึ่งจุ๊บ มือขวาก็ชักเข้าออกไปเรื่อยๆ โดยที่สายตาของเขาจ้องมองผมผ่านหน้าจอแทบไม่กะพริบ
   

[I’m thinking of your mouth are sucking me. (ฉันกำลังคิดว่าปากนายกำลังอมให้ฉันอยู่)] เขาว่าเสียงแหบพร่า ใบหน้าพริ้มไปตามอารมณ์ ผมกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ รู้สึกปวดหนึบกลางลำตัวและเผลอแลบลิ้นออกมาราวกับว่าได้ดูดกลืนของเขาอยู่
   

[Ah, yeah.] เขาครางเสียงทุ้ม ดันสะโพกไปด้านหน้าช้าๆ มือขวาก็รูดรั้งไม่หยุด เขายิ้มกว้างแล้วแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากล่างอย่างอ้อยอิ่ง ผมได้แต่มองตาปรือ รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับเขาไปด้วย
   

[No, baby. Don’t touch yourself. It’s only me can do this. (อ๊ะ อย่าที่รัก ห้ามช่วยตัวเองนะ ฉันทำได้คนเดียว)] เขาเบรกทันทีเมื่อเห็นผมขยับร่างกายและจะเลื่อนมือไปด้านล่าง ผมชะงักค้าง หายใจหอบน้อยๆ
   

“Why? I want it, too. (ทำไมล่ะ ผมมีอารณ์แล้วนะ)” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแล้วส่ายหัวช้าๆ มือขวาก็ยังชักไม่หยุด ความอึดอัดค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
   

วิคเตอร์ไม่พูดอะไร แต่จ้องหน้าผมไว้ด้วยสายตาและสีหน้ากำหนัดทางเพศ เขาเริ่มหอบแรงขึ้น ริมฝีปากอ้ากว้าง มือขวาเริ่มรูดเข้ารูดออกเร็วๆ ผมมองสีหน้าของเขาตอนใกล้ถึงจุดสุดยอดแล้วก็ต้องเผยอริมฝีปากขึ้นน้อยๆ
   

“วิค… วิคเตอร์…”
   

[Oh, Matt! Damn!] ร่างกายเขาเกร็งกระตุก ลำตัวแอ่นไปด้านหน้าแล้วปลดปล่อยน้ำข้นขุ่นสีขาวออกมามากมาย วิคเตอร์คำรามเสียงดัง ถ้าเป็นปกติเวลาเราร่วมรักกัน ผมจะชอบจูบปิดปากเขาไว้เพื่อให้เขาสงบ 
   

[ฮู้ววว… ฮ่า… สบายตัวจัง] เขายิ้มสุขสมอารมณ์หมาย ปล่อยมือซ้ายออกจากกำแพงแล้วไปยืนเท้าเอว ปล่อยให้ลูกชายเขาที่ยังคงแข็งตัวแบบอ่อนๆ ไว้กลางอากาศ เขามองสีหน้าอึดอัดของผมอย่างอารมณ์ดี ยกมือขวาชี้หน้าผมและมองด้วยสายตาคาโทษ
   

[ห้ามช่วยตัวเองจนกว่าฉันจะกลับไป ถ้าฉันรู้นายโดนจัดหนักในห้องสวนสนุกของนายแน่ อ้อ แล้วอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะเอเลี่ยน] ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด จะแอบทำก็ไม่กล้าทำ ไอ้ยักษ์มันเล่นติดกล้องไว้เต็มบ้านหลังจากที่เกิดเรื่องไอ้ฌอณ ทำอะไรรู้เห็นหมด ในห้องน้ำถึงไม่ได้ติด แต่ถ้าผมหายเข้าไปนานเกินเขาจะรู้ได้ทันที
   

“ไอ้ยักษ์!!!” ผมว่าเสียงแหวหน้าตายับย่น อีกฝ่ายยิ้มกว้างชอบใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นไปถือพร้อมผ้าขนหนู เขาเดินเช็ดหัวไปเรื่อย อีกมือก็ถือโทรศัพท์ไม่ยอมปล่อย
   

“ทำแบบนี้อีกแล้วนะ!!” ผมแว้ดใส่ กัดริมฝีปากล่างแล้วขมวดคิ้วแน่นมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ หงุดหงิดทั้งเพราะไม่ได้ปลดปล่อยและหงุดหงิดที่ไอ้ยักษ์หนวดแกล้งผมแบบนี้อีกแล้ว ไอ้ยักษ์ยิ้มกว้างจนร่องแก้มขึ้นแล้วเดินไปนั่งบนเตียง
   

[อย่างอแงน่า กลับไปเดี๋ยวฉันเอาออกให้] ถ้ายื่นมือเข้าไปทุบหน้าได้ผมจะทุบหน้าเขาแรงๆ สักที เอาให้ช้ำยิ่งกว่ารอยจางๆ บนแก้มผมตอนนี้อีกคอยดู
   

“ผมจะไปหาผู้ชายคนอื่นมาช่วยแล่ว!!!” ผมบึนปาก ทำหน้าตากระเง้ากระงอด แต่ผมลืมไปว่าไอ้ยักษ์ไม่เหมือนใคร ถึงจะพูดเล่น แต่ประเด็นแบบนี้เขาคิดจริงจังเสมอ
   

[ไอ้เอเลี่ยน!!!] เขาสบถเสียงดังจนผมสะดุ้ง ใบหน้าถมึงทึงจ้องผมวาววับน่ากลัว อารมณ์วาบหวิวก่อนหน้านี้หดหายทันที ผมหันไปมองไมเคิลอัตโนมัตราวกับจะหาตัวช่วย แต่เจ้าหมาขนฟูสีน้ำตาลทองกลับเอียงคอมองผมอย่างงงๆ
   

[สงสัยฉันต้องสั่งออสตินล่ามโซ่นายไว้จริงๆ แล้วมั้ง ฮะ?!!!] เขาตะคอกเสียงดัง ผมตัวสั่นทั้งๆ ที่หิมะและหน้าหนาวหมดไปแล้ว แต่ตอนนี้กำลังสั่นเพราะแรงโกรธของวิคเตอร์
   

“ผมล้อเล่น!! ล้อเล่นจริงๆ!” ผมรีบว่าจนลิ้นแทบพลิก ไอ้ยักษ์จ้องผมอย่างกับจะแดกหัวผมทั้งหัว น่ากลัวยิ่งกว่าไอ้ฌอณตอนทำร้ายร่างกายอีก
   

[ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด! กับพวกไอ้เบนก็ห้าม! ออสตินก็ห้าม! อยู่แต่ในบ้าน!!] ผมขมวดคิ้วอ้าปากหวอน้อยๆ
   

“อ๊า! ได้ไงล่ะ ผมก็ต้องออกไปบ้างสิ จะให้ผมอยู่แต่ในบ้านได้ไง กองถ่ายผมก็ไม่ได้ไป ยังจะขังผมไว้ในนี้อีกเหรอ” เขาห้ามผมไปกองถ่าย ซึ่งผมก็ไม่คิดจะไปหรอก ถึงตอนนี้ไอ้ฌอณจะถูกถอดออกจากซีรีส์แล้วก็เถอะ แต่วิคเตอร์ก็ยังไม่ไว้ใจมันอยู่ดี เขากลัวมันจะย้อนกลับมาเล่นงานผมทีหลัง รึแอบดักทำร้ายผมสักที่ในนิวยอร์ก ตอนแรกเขาก็ห้ามไม่ให้ออกไปไหนอยู่แล้วแหละเพราะกลัวผมจะมีอันตราย แต่ก็ไม่ได้ห้ามจริงจัง เพียงแต่ถ้าจะออกไปไหนต้องมีออสตินไปด้วยทุกที่ แต่ตอนนี้คำสั่งนั้นดูจะจริงจังมากขึ้นเมื่อผมเผลอเล่นมุกกากๆ นั่น
   

[นายยังไม่รู้จักคำว่าขังจริงๆ หรอกแมท] เขาว่าเสียงกดต่ำ สายตาเย็นเยือกเล่นเอาผมต้องหลบสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว
   

[มองหน้าฉัน] เขาสั่งเสียงกระชาก ผมเลยรีบหันหน้ากลับไปมองเขาอย่างเร็ว แต่ก็หลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตากับเขามาก นึกขอบคุณที่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ใกล้ ไม่งั้นผมคงโดนหนักกว่านี้แน่
   

[เข้าใจที่ฉันสั่งรึยัง] ผมเม้มปาก รู้สึกกระอักกระอ่วนในอก รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวทั้งๆ ที่เขาไม่ได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงตัวผมเลย แต่ผมอึดอัดกว่าแบบนั้นอีก ผมพยักหน้ารับแบบเบื่อๆ
   

[ตอบ!] ไหล่ทั้งสองข้างผมกระตุกขึ้นนิดหนึ่ง ผมเงยหน้าสบตาสีน้ำผึ้งข้นที่ตอนนี้แสดงออกถึงความฉุนเฉียวอยู่
   

“ครับ ไม่ออกไปไหน อยู่แต่ในบ้าน” ผมตอบเสียงอ่อยแล้วถอนหายใจเบาๆ  เลื่อนสายตาไปมองรอยสักบนอกเขาแล้วหลับตาลงด้วยความเหนื่อยใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากมายไม่งั้นเดี๋ยวผู้ชายหน้าหนวดจะยิ่งหงุดหงิด เดี๋ยวเย็นนี้ก็พาลไม่ไปทำงานอีก
   

[ดี อย่าให้รู้ว่าดื้อกับฉันนะ] เขาขู่สีหน้าสงบ แต่พร้อมตบถ้าผมขัดคำสั่ง ผมทำหน้าหงอย ปากเบะน้อยๆ แล้วนั่งเงียบๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ งงเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังหวานแหวววาบหวิวกันอยู่เลย ทำไมตอนนี้กร่อยแบบนี้ก็ไม่รู้
   

[เงียบทำไม?!] น่ะ! เงียบก็ผิดอีก ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ให้ผมพูดอะไรไปตอนนี้ก็ฝืดก็ฝืนไปหมด
   

“ก็… ก็ผมหัวตื้อ…” เขาจ้องหน้าผมตาไม่กะพริบ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ผมไม่อยากให้เขาอารมณ์เสีย เดี๋ยวเขาไม่ยอมไปทำงาน
   

ติ๊งหน่อง!!
   

โอ้วมายก็อด! เหมือนเสียงสวรรค์ เป็นเสียงดีๆ ที่มาขัดจังหวะโมเม้นต์อึดอัดนี้ได้ดีเหลือเกิน ผมหันหน้าไปมองทางซุ้มโค้งเข้าห้องโถง ออสตินเดินผ่านไปอย่างเร็ว ผมไม่กล้าหันไปมองวิคเตอร์ตอนนี้เลยแกล้งมองค้างไว้อย่างนั้น ได้ยินเสียงเปิดประตูและเสียงทักทายของหนุ่มๆ ก็ดังขึ้นตรงบริเวณประตูบ้าน
   

[หันมาหาฉัน] เสียงเขายังคงเย็นและต่ำพร้อมด้วยสีหน้าที่ทำให้ผมอึดอัด ผมหันไปมองเขาแล้วกะพริบตาช้าๆ ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
   

“ตั้งใจทำงานนะครับ” ผมบอกเสียงอ่อย ยังคงหลุบตาต่ำไม่กล้ามองหน้าเขา
   

[ฉันรักนายนะ รู้ใช่มั้ย] ผมเลื่อนสายตาตัวเองขึ้นไปสบกับสายตานิ่งสงบของเขาก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ
   

“รู้ ผมก็รักคุณ” ผมตอบไม่เต็มเสียงนัก ไม่ใช่ไม่มั่นใจในความรักของตัวเองที่มีต่อเขา แต่เมื่อกี้เขาขยี้อารมณ์ผมซะเป๋ไปเลย
   

[อย่าดื่มแอลกอฮอล์นะ] ผมพยักหน้าหงึกๆ อีกสามสี่ทีก็เป็นจังหวะที่คุณเบนกับอันเดรเดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมออสตินพอดี
   

“เฮ้!” ผมหันไปคลี่ยิ้มอ่อนให้เขาทั้งสองคน คุณเบนก้มตัวลงมากอดผมแต่ผมทำได้แค่โอบแขนขวาตบไหล่เขากลับไปเบาๆ
   

“อ้าว ไอ้วิคเตอร์ อยากมีส่วนร่วมเหรอ” อันเดรที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟาที่ผมนั่งเอ่ยแซววิคเตอร์อย่างสนุกสนาน ไอ้ยักษ์ยักคิ้วหน้านิ่ง ก่อนจะพูดเสียงขู่
   

[ฉันไม่อนุญาตให้แมทออกไปไหนกับพวกแก ไม่ต้องชวนเขานะ]
   

“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องห่วง วันนี้ฉันจะอยู่บ้านแกทั้งคืนเลย แล้วฉันกับไอ้เบนก็จะนอนที่นี่ด้วย” สองหนุ่มส่งเสียงวู้วๆ แล้วตีมือกันสนุกสนาน ผมแหงนหน้ามองทั้งสองคนแล้วยิ้มเบาๆ
   

[พวกแกเป็นคนไร้บ้านเหรอ ถึงมานอนบ้านคนอื่นน่ะ] วิคเตอร์ว่าเสียงเหวี่ยง หน้าตาไม่พอใจเท่าไหร่ ผมแอบถอนหายใจเบาๆ กับความขี้หึง ความเข้มงวดที่เข้มงวดไม่ถูกเรื่องของเขา
   

“อะไรวะ ทำอย่างกับพวกฉันไม่เคยมานอน” เบนเนดิคท์ขมวดคิ้วงง วิคเตอร์ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วจิ๊ปากหนึ่งที
   

[เออๆ นอนไปเลย แต่ห้ามนอนกับแฟนฉันนะ] ผมยิ้มเพลียน้อยๆ อันเดรกับเบนเนดิคท์หัวเราะกันเสียงดัง ก่อนที่อันเดรจะยกแขนขวาขึ้นคล้องคอผมแน่น เรียกสายตาดุๆ จากไอ้ยักษ์ได้ดีเชียวละ
   

“แมทไม่คิดมากหรอก ใช่มั้ย” ผมยิ้มแห้งๆ รู้สึกตัวเองระกำลำบากใจเหลือเกิน ไอ้ยักษ์มองแรง แรงมากด้วย ถ้าอยู่ต่อหน้าผม พนันได้เลยว่าเขากระชากผมตัวปลิวละล่องไปแล้ว
   

[ไอ้อันเดร ไปไกลๆ แมท] วิคเตอร์ว่าหน้านิ่ง แต่อันเดรกลับไม่ทำตาม ส่วนเบนเนดิคท์ยืนหัวเราะชอบใจ เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ผมรู้สึกว่าคุณเบนควรทำตัวให้มีประโยชน์มากกว่านี้นอกจากยืนหัวเราะ
   

“หืม… แก้มแมทหอมมาก… ฟอด!” พูดจบอันเดรก็หอมแก้มผมฉับไว ผมนั่งหน้ามึน มองหน้าตาถมึงทึงไอ้ยักษ์ผ่านหน้าจอ หูก็ได้ยินเสียงหัวเราะของสองหนุ่มผู้มาเยือน แล้วตามด้วยเสียงเห่าของไมเคิล
   

[นั่งนิ่งให้มันหอมอยู่นั่นแหละไอ้เอเลี่ยน!] ผมโดนอีก ผมหันไปมองอันเดรแล้วยิ้มแบบขอความเห็นใจ ผมเข้าใจว่าอันเดรน่ะล้อเล่น และผมก็พยายามนึกถึงตัวเองว่าถ้าเห็นลิซ่ามาหอมแก้มวิคเตอร์แบบนี้ แม้จะเล่นๆ ผมก็อาจจะหน้าบึ้งหน้าบูดแบบเขาตอนนี้ก็ได้ มันไม่เหมือนกันอยู่แล้วแหละ แต่ผมว่าถ้ามีผู้หญิงหรือเกย์มาทำกับเขาแบบนี้ ผมก็คงหึงเงียบ
   

“ฮู่ว! เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเป็นจูบแมทแทน แกไม่อยู่แบบนี้ แมทเสร็จฉันแน่!” อันเดร บางทีคุณก็ขี้เล่นไปนิดนะครับ ป่านนี้ไอ้ยักษ์เมมไว้ในหัวแล้วมั้งว่าผมจะต้องโดนอะไรบ้างตอนเขากลับมา สักพักตาเขียวตาช้ำ ต้องใส่แว่นกันแดดไว้ตลอดเวลาใครถามก็ต้องบอกว่านอนดึก
   

[ไปเลยไป พวกแกมาดูหนังไม่ใช่รึไง] ดูท่าวิคเตอร์ก็พยายามสะกดอารมณ์กับเพื่อนตัวเองอยู่เหมือนกัน ผมเคยพูดแบบอ้อมๆ กับเขาว่า อย่าไปอะไรกับเพื่อนมาก คบกันมานานแล้ว หึงได้ แต่กับเพื่อนสนิทตัวเองอย่าเยอะไป เขาก็รับปากนะ รับปากไปด้วยไซ้คอผมไปด้วย ไม่รู้ว่ารู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน
   

“เอ่อ… เลือกหนังได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมทำอาหารเข้าไปให้ อยากกินอะไรเป็นพิเศษกันหรือเปล่า” คุณเบนส่ายหัวนิดหนึ่งก่อนตอบ
   

“ไม่ต้องหรอก ฉันกับไอ้เบนเตรียมมาแล้ว ไม่อยากมารบกวนนาย เพราะเดี๋ยวจะโดนไอ้ขี้หึงแถวนี้แซะว่าใช้งานแฟนมัน” ผมยิ้มขำแหยๆ คุณเบนเบ้ปากนิดหนึ่ง แต่ไอ้ยักษ์หาได้สนใจไม่
   

[เก็บแรงไว้ใช้กับฉันคนเดียวพอ] อันเดรโห่ใส่วิคเตอร์เบาๆ โดยมีคุณเบนเป็นแบ็คอัพอีกที ไอ้ยักษ์ขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนผ่านหน้าจอด้วยสายตาหงุดหงิด ผมล่ะนับถือสองคนนี้จริงๆ ที่อดทนกับนิสัยนี้ของวิคเตอร์ได้ ถ้าไม่เข้าใจในตัวเพื่อนมาก ก็คงปลงจนเฉยเมย
   

“เดี๋ยวไปรอข้างในก็ได้ครับ เดี๋ยวผมหาขนมกินเล่นไปให้” สองหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องโถง ผมหันไปมองวิคเตอร์บนหน้าจอ เขายังคงทำหน้าตึงๆ อยู่ ผมเลยพยายามยิ้มนำเขา แต่เขากลับบิดปากน้อยๆ
   

“เดี๋ยวไม่หล่อนะ”
   

[ฉันอยากกัดเนื้อนายให้จมเขี้ยวจริงๆ] เอ๊ะ?! อะไรคือความเชื่อมโยงของสองประโยคนี้เนี่ย ผมขมวดคิ้วงง แต่งงได้ไม่นานก็ต้องรีบทำหน้าปกติเพราะสองคนนั้นกำลังเดินผ่านห้องโถงพร้อมกับถุงจากซูเปอร์มาร์เก็ตเต็มสองมือ มีออสตินช่วยถือมาอีกสองถุงใหญ่ๆ
   

“เจอกันในห้องนะแมท” ผมยิ้มให้หนุ่มๆ ทั้งสามคนที่เดินผ่านห้องโถงไปทางห้องโฮมเธียเตอร์โดยมีไมเคิลเดินเตาะแตะตามไปด้วย
   

[ไม่ต้องไปหรอก อยู่นี่แหละ] ผมหันไปมองหน้าตามึนตึงของไอ้ยักษ์แล้วก็กระตุกยิ้ม
   

“แต่เดี๋ยวคุณก็ต้องออกไปทำงานแล้วนะ”
   

[ฉันจะบอกเซล่าว่าฉันไม่สบาย] ผมมองหน้ามึนๆ ของวิคเตอร์เวลาเขานึกอยากจะดื้อเหมือนเด็ก (บางครั้งก็ยิ่งกว่า) ขึ้นมาแล้วเบ้ปากน้อยๆ 
   

“เธอคงเชื่อคุณหรอกนะ เห็นพยายามให้คุณกับชารอนอยู่ใกล้กันตลอดเวลา” ยัยมนุษย์ป้านี่ดีกรีไม่ธรรมดาจริงๆ พรีเมียร์ที่ฝรั่งเศสกับอิตาลี นางเซอร์วิสกลุ่มแฟนคลับ Shator สุดพลัง จับให้วิคเตอร์กับชารอนใกล้กันแทบจะตลอดเวลา เห็นแล้วหงุดหงิดใจจริง แต่ไม่ได้หงุดหงิดวิคเตอร์หรือชารอนหรอก สองคนนั้นเขาเป็นเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้นจริงๆ อาจจะมีบางภาพบางมุมที่สองคนนั้นแนบชิดติดกันมาก แต่ผมเข้าใจว่ามันคือจังหวะของภาพที่ถ่ายได้พอดี แต่งานนี้ทั้งผมและแฟนชารอนไม่ได้ไปด้วย ยัยป้าสลาตันเลยยิ่งได้ใจใหญ่
   

แต่อีกใจผมก็ขอบคุณนางนะที่พยายามช่วยพยุงกระแสความเป็นผู้ชายของวิคเตอร์ เห็นว่านักวิจารณ์ชื่นชมหนังของวิคเตอร์กันเยอะมาก เอาแบบชัดเจนก็เจ็ดในสิบ อีกสามคือไม่ชอบจริงๆ แต่ได้เจ็ดเต็มสิบก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าหนังไม่ขาดทุนแล้วแน่ๆ แล้วยังมีคนดูธรรมดาๆ นอกเหนือจากพวกนักวิจารณ์มารีวิวในเว็บดูหนังว่าวิคเตอร์หล่อละลายใจ เขาแสดงออกมาได้เท่สุดๆ และเคมีเข้ากับนางเอกของเรื่องมาก ไม่จำเป็นต้องมีฉากเซ็กส์ แต่แค่มองตากัน จับมือ จับหน้า กอดกัน แค่นั้นก็ฟินเฟ่อไปตามๆ กันแล้ว 
   

ด้วยเหตุนี้ผมเลยไม่อยากแซะหรือจิกอะไรป้าแกมาก เพราะผมคิดว่ามันคือช่วงเวลาดีๆ ในอาชีพของวิคเตอร์ กระแสเขากำลังไปได้สวย คล้ายๆ กับสถานการณ์น้ำขึ้นให้รีบตัก แต่อันนี้กระแสกำลังขึ้นก็เลยรีบตุนไว้เยอะๆ เซล่าคงอยากกระทุ้งต่อยอดให้เขาและกลบเรื่องผมให้มิดสนิทจริงๆ เพราะยังไงประเด็นของผมกับวิคเตอร์มันก็เป็นข้อกังขามาพักใหญ่ๆ ยังไม่มีข้อสรุปแบบกระจ่างชัด ฉะนั้นสู้ทำให้มันเงียบเชียบไปเลยดีกว่า ผมเองซึ่งเลือกจะอยู่เงียบๆ ก็ต้องไม่พรีเซ้นต์ตัวเองมากไป ถึงนังป้านั่นไม่บอก ผมก็ไม่อยากทำลายอาชีพของวิคเตอร์หรอก เขามีเงินมากในระดับหนึ่งจากมรดกย่าก็จริง แต่มันย่อมมีวันหมด ถ้าให้เลือกก็เลือกที่จะสร้างไปเรื่อยๆ ดีกว่ากินบุญเก่าไปวันๆ


 ภาพของผมกับเขาก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพียงภาพ ไม่มีคำพูด ไม่มีการยืนยันความสัมพันธ์ของเราสองคน เจ๊เซล่าเลยบอกทุกคนว่าผมคือน้องชายของวิคเตอร์ ใครจะเชื่อหรือไม่เธอก็บอกได้เท่านี้ ภาพของผมกับเขาที่เมืองไทยดูจะเป็นอะไรที่ทำให้สื่อไทยสื่อเทศให้ความสนใจเป็นที่สุด หลายๆ สื่อไปสูบรูปมาจากเพจแฟนคลับของวิคเตอร์กับผม น้องแอดมินที่ทำเพจมีน้ำใจมาก ช่วยเหลือเราสองคนได้เยอะทีเดียว มีอะไรก็รายงานผมเสมอว่าวันนี้น้องพูดไปแบบนี้นะ หรือถ้าน้องไม่แน่ใจก็จะมาถามผมกับวิคเตอร์ก่อน ซึ่งน้องก็ยินดีที่จะจิ้นจะฟินกันเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก ช่วงหลังๆ มาก็ไม่มีภาพผมกับวิคเตอร์ใหม่ๆ อีกแล้วละ มีแค่จากกองถ่าย ซึ่งก็แถได้อีกว่าผมทำงานในกอง ส่วนภาพส่วนตัวของผมกับเขา ภาพล่าสุดที่ลงในโซเชียลคือภาพผมนอนบนอกเขานั่นแหละ ในส่วนของวิคเตอร์ เขาก็ให้ผมจัดการเหมือนเดิม ผมก็ลงภาพกองถ่ายซีรีส์ ภาพหมา แมว หรือไลฟ์สไตล์ทั่วๆ ไปของเขาโดยที่ไม่ให้ตัวเองติดกล้องเข้าไปด้วย
   

ด้วยเหตุนี้เลยทำให้สื่อหลายสื่อหงุดหงิดมากว่าระหว่างผมกับเขามันยังไงกันแน่ พอเราสองคนไม่พูด คนใกล้ตัวไม่บอก พวกนักข่าวและช่างภาพก็ยิ่งพยายามขุดคุ้ยแต่ขุดเท่าไหร่ก็เจอแต่ความนิ่งเงียบกับความไม่ชัดเจน โฆษกก็ยืนยันว่าเขาเป็นผู้ชายที่ยังคงชอบผู้หญิง และที่สำคัญพ่อของเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหนึ่งว่าลูกชายเขามีผู้หญิงที่ดูๆ กันอยู่แล้ว ซึ่งก็หมายถึงไดอาน่า แต่ในความเป็นจริงคือ สองคนนั้นไม่เคยคุย ไม่เคยติดต่อกันเลย
   
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-06-2016 00:49:26

V
v
v

[ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ฉันล็อคห้องทำตัวเงียบๆ ก็ได้] ผมยิ้มกว้างขำ บางทีผมก็นึกเอ็นดูความมึนความดื้อแบบเด็กๆ ของเขา แต่เขาเลือกที่จะแสดงแค่กับผมนะ กับคนอื่นก็หน้านิ่งมาดขรึม บางทีทำหน้าสมฉายายักษ์ไม่มีผิด
   

“ได้ไงล่ะ ผมรอดูคุณใส่สูทอยู่นะ” เขาขมวดคิ้วก่อนจะว่าเสียงทื่อ
   

[ไม่เบื่อรึไง ชุดก็ชุดแนวเดิม]    
   

“ไม่เบื่อ เพราะคุณใส่” ผมยิ้มยิงฟันตาหยี วิคเตอร์ยิ้มหล่อ มองผมด้วยสายตามันเขี้ยว
   

[กลับบ้านไปนายโดนขย้ำแน่] ผมกลั้นยิ้มเขินแล้วแลบลิ้นใส่เขาเร็วๆ หนึ่งที ก่อนจะแกล้งเขาด้วยการเอียงคอไปทางซ้ายน้อยๆ แล้วกะพริบตาปริบๆ ไอ้ยักษ์กรีดยิ้ม แล้วส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอราวกับหงุดหงิดที่ตอนนี้ไม่สามารถฟัดผมตามที่ต้องการได้ทันที
   

“ไปแต่งตัวสิ ถ่ายรูปส่งมาให้ดูด้วยนะ” เขาส่ายหัว ทำท่าว่าไม่อยากไป ทำเสียงงอแงง๊องแง๊งออดอ้อนให้ผมอยู่หน้าจอ
   

“ผมต้องกินข้าวกินยานะ ไม่อยากให้ผมหายเหรอ” ผมเลยทำเสียงอ้อนกลับบ้าง ไอ้ยักษ์ถอนหายใจทำหน้ายอมแพ้ 
   

[ยังเจ็บแผลในปากอยู่มั้ย] ผมส่ายหัว ช่วงแรกๆ ทรมานตรงกระพุ้งแก้มกับช่วงมุมปากมาก เจ็บยิ่งกว่าเป็นร้อนใน กว่าจะหายก็ทานอาหารลำบากเหลือเกิน
   

[ดี จะได้อมของฉันได้เต็มปาก อยากให้นายอมให้จะแย่แล้ว] เขาว่าหน้าตาเฉยตามสไตล์เขา แต่ทำเอาผมหน้าร้อนรุมๆ ผมเลยแกล้งเขาด้วยการยกมือขึ้นมาทำท่ากำลูกชายเขาแล้วผงกหัวขึ้นลงเร็วๆ จนวิคเตอร์ตาลุกวาว
   

“I can’t wait to suck my favorite popsicle. (อดใจไม่ไหวแล้ว อยากอมอมยิ้มแท่งโปรดจะแย่)” ผมยิ้มกริ่ม วิคเตอร์ขบกรามเบาๆ แล้วพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าจอมือถือลงไปถ่ายลูกชายเขาที่กำลังแข็งตัวเร็วๆ แล้วเลื่อนกลับไปบนหน้าเขาตามเดิม
   

[Go to bedroom and take off your clothes. (เข้าไปในห้องนอน ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด)] เขาสั่งเสียงแหบพร่า ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นเข้มขึ้นด้วยแรงอารมณ์ ผมเม้มปากแล้วยกแม็คบุ๊คขึ้น ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากโซฟา เดินออกจากห้องโถงไปขึ้นบันไดเงียบๆ ระหว่างทางวิคเตอร์ก็นั่งรูดรั้งลูกชายตัวเองเบาๆ ด้วยสีหน้าและสายตาเคลิ้ม ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไปแล้วล็อคห้อง เดินเอาแม็คบุ๊คไปวางบนเตียง จัดการถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายแล้วไปนั่งแบะเข่าอยู่ตรงหน้าจอ แมทน้อยแข็งตัวชี้หน้าวิคเตอร์ผ่านหน้าจอ
   

[ขย่มหน่อยที่รัก]
   

“ผมช่วยตัวเองได้มั้ย” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแล้วส่ายหัว
   

[No, baby. You have to wait me.] ผมกัดปากล่างแน่นอาการหงุดหงิดและอึดอัดกลับมาตีรวนในอกอีกแล้ว อยากจะทุ่มแม็คบุ๊คทิ้งแล้วนอนช่วยตัวเองเงียบๆ จริงๆ
   

วิคเตอร์สั่งให้ผมถูตัวไปเรื่อยๆ และทำท่าขย่มแรงๆ ด้วย ผมจินตนาการในหัวว่ากำลังนั่งอยู่บนตักเขาแล้วเป็นคนขับเคลื่อนทั้งหมด กลางลำตัวผมแข็งเต็มที่ มันอัดแน่นจนรู้สึกว่ามันกำลังจะปลดปล่อยตัวมันเองโดยที่ผมยังไม่ได้แตะ
   

[Don’t cum. Stop it otherwise you will be punished. (อย่าแตกนะ หยุดเลยถ้าจะแตก ไม่งั้นนายจะโดนลงโทษ)]
   

“ฮื่อออ” ผมครางประท้วงผ่านหน้าจอ สองมือกำแน่น ในอกงุ่นง่าน ผมต้องค่อยๆ ลดอารมณ์ตัวเองลงมาแม้ว่ามันจะยากก็ตาม ผมหยุดทำท่าขย่ม เปลี่ยนเป็นนอนอ้าขา ใช้ศอกสองข้างดันตัวแล้วมองเขานั่งช่วยตัวเองสายตาหยาดเยิ้ม
   

[Yeah, I miss that hole. (นั่นละ ฉันคิดถึงรูนั้นจริงๆ)] เขาว่าเสียงแหบแห้ง มือขวาเร่งเร้าตัวเองไปเรื่อยๆ ผมนอนหอบน้อยๆ หน้าท้องหดเกร็งตามเขา สายตามองสีหน้าเสียวซ่านของวิคเตอร์แล้วก็ยากที่จะห้ามอารมณ์ สองเท้าผมจิกลงบนผ้านวม รู้สึกทรมานที่ไม่ได้ปลดปล่อยสักที
   

[Ah!!] วิคเตอร์คำรามเสียงดัง ตัวเกร็งกระตุก น้ำสีขาวพวยพุ่งกระจายเต็มกล้ามท้อง ผมมองภาพนั้นด้วยความเบลอ อารมณ์ทางเพศพลุ่งพล่าน อยากปลดปล่อยแต่ก็โดนสั่งห้าม และผมดันทำตาม
   

“Please.” ผมอ้อนวอนเขา วิคเตอร์ค่อยๆ ปรับลมหายใจให้ช้าลง อ้าปากยิ้มกวนๆ แล้วส่ายหัวว่าไม่ให้
   

[ไม่ แต่งตัวแล้วลงไปข้างล่าง หรือถ้าอยากจะอยู่ในห้องนอนก็จะดีมาก] เปลือกตาผมขยับเชื่องช้า มองวิคเตอร์ที่เอาผ้าขนหนูเช็ดทำความสะอาดร่างกายอยู่
   

“ไอ้ห่า!” ผมสบถเป็นภาษาไทยอย่างโมโห จากหงุดหงิดงุ่นง่านพัฒนาไปเป็นโมโห อยากจะทุบเขาให้สาแก่ใจ แมทน้อยค้างเติ่งไม่ยอมลง กว่าจะลงคงอีกสักพัก แล้วไอ้ยักษ์ยังจะมาห้ามความต้องการของผมอีก ไอ้โรคจิต!
   

[Ah, you just said that I’m lovely. Huh? (อ่า นายเพิ่งบอกว่าฉันน่ารักใช่มั้ย)] เขาแกล้งหรี่ตาทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ แต่มันคือการกวนตีนผมนั่นแหละ ผมขมวดคิ้วมองหน้าเขาอย่างหงุดหงิดผสมเบื่อหน่ายหน่อยๆ
   

[Come on. I will go back to you next week. (เอาน่า ฉันกลับไปหานายอาทิตย์หน้าแล้ว)] ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง นอนอ้าขาให้วิคเตอร์มองอยู่แบบนั้น
   

[It’s look like chocolate. (เหมือนช็อคโกแล็ตเลย)] ผมจิ๊ปากหนึ่งทีแล้วหุบขาพร้อมเหวี่ยงเท้าลงจากเตียง ก้มตัวหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่แล้วหันไปมองที่หน้าจอ เขายังคงนั่งมองผมอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ
   

“ไปแต่งตัวสิ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก” ผมว่างอนๆ แมทน้อยยังไม่สงบดีเลย แต่อีกสักพักคงอ่อนตัวลง อารมณ์วาบหวิวไม่มีละ มีแต่อารมณ์บ่อจอย
   

[ห้ามดื้อนะแมท] ผมทำหน้าเซ็งหน่อยๆ ก่อนตอบเสียงเบื่อๆ
   

“รู้แล้ว” วิคเตอร์มองดุเป็นการเตือน ผมเลยต้องปั้นหน้ายิ้มให้เขาเร็วๆ หนึ่งที
   

[Miss you.] เขาส่งจูบมาให้ ทำให้ผมใจอ่อนไปนิด ผมยิ้มบางๆ ให้เขาแล้วส่งจูบกลับไป ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายตัดสัญญาณวีดีโอคอลไปเอง
   

ผมนั่งถอนหายใจ ใบหน้าเซ็งๆ รู้สึกเบื่อๆ หน่ายๆ ในจิตใจ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกดี งงไปหมด งงตัวเอง ผมคงจะโรคจิตจริงๆ แล้วละ ก็ผมทั้งชอบความรักที่เขาแสดงออก กับความหื่นที่เขามีต่อผม แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอยากปัดมันให้พ้นๆ ตัว แต่พอปัดไปได้แปบๆ ก็ดึงมันกลับเข้ามาหาตัวอีก
   

ก๊อกๆ
   

“คุณแมทครับ อยู่ในนั้นหรือเปล่า” นี่ก็อีกคน ตามติดชีวิตผมทุกย่างก้าวจนจะเป็นผัวอีกคนแล้ว
   

“ผมอยู่นี่!”
   

“ห้ามช่วยตัวเองนะครับคุณแมท” ผมขมวดคิ้วอ้าปากหวอมองไปทางประตู บ๊ะ! ไอ้บอดี้ปอด รับคำสั่งมาดีเชียวนะ
   

“โอ๊ย! รู้แล้ว เดี๋ยวออกไป” ผมตะโกนตอบอย่างหัวเสีย หันไปปิดแม็คบุ๊คแล้วยกมันขึ้นมา ลุกออกจากเตียงก้าวเท้าฉับๆ ไปเปิดประตู ออสตินยืนยิ้มมุมปากอย่างขำๆ อยู่ตรงหน้า ส่วนผมมองอย่างขุ่นเคืองใจ
   

“คุณเบนให้มาตามด้วยครับ ตอนนี้กำลังฉาย Big Hero อยู่” ผมถอนหายใจหนึ่งที แล้วปิดประตูห้องนอน เดินนำออสตินลงบันไดบ้านไปยังห้องครัว จัดหาอาหารทานเล่นเล็กๆ น้อยๆ ให้สองหนุ่มแล้วก็ยกเข้าไปปาร์ตี้ดูหนังในห้องโฮมเธียเตอร์ โดยที่ผมต้องยิ้มให้เบนเนดิคท์กับอันเดรทั้งที่ในใจยังคันยิบๆ จากอาการค้างอยู่เลย
   

แต่พอนั่งดูหนังกับพวกคุณเบนไปสักพัก อาการหงุดหงิด อาการคั่งค้างก็เริ่มจะดีขึ้น ค่อยๆ ลดหายไป และพอดูจบเรื่องที่สองผมก็ค่อยๆ เลื้อยลงไปกับโซฟาเรื่อยๆ และสุดท้ายก็หลับอยู่ในห้องโฮมเธียเตอร์กับเบนเนดิคท์และอันเดรไม่รู้ตัว ขัดคำสั่งไอ้ยักษ์แบบไม่ได้ตั้งใจเฉยเลย


 :katai4:

มีการยั่วหยอกเมียให้ยากแล้วก็จากไปถึงสองรอบเนาะไอ้ยักษ์ ตัวเองชักได้ชักดี พอเมียอยากทำบ้างกลับห้ามไม่ให้ทำ หนูแมทก็อึดอัดไปดิคะ โดนสั่งห้ามช่วยตัวเองอีก พี่บอดี้ปอดก็คุมเข้มแม้กระทั่งเรื่องช่วยตัวเอง โอ้ย เหน่าะ

ใกล้จบพาร์ท Only You แล้วนะคะ เหลืออีกสาม มีทั้งหมด 43 ตอน พอลงจบแล้ว ตอมจะขอเบรกเรื่องนี้ไว้สักพัก ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ิตดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย

 แล้วก็ขอเบรกไปพรูพต้นฉบับ Only You เพื่อทำเป็นรูปเล่มแปบ คือต้นฉบับเขียนเสร็จแล้ว เหลือพรูด รีไรท์บางฉาก แจ้งในเพจไปแล้ว ลองไปตามอ่านได้นะค้าาา ตอนนี้ก็ไปเรื่อยๆ ค่ะ รีบมากไปเดี๋ยวก็พลาดอีก 

 

เจอคำผิดบอกกันได้เช่นเคยค่าาา

ยังเจอกันตามปกตินะคะ ยังคงลงเนื้อหานิยายจนจบตอนหลักค่ะ

สำหรับการพรีออเดอร์หนังสือ สำหรับใครที่มีคำถาม อ่านคำชี้แจงหรือสอบถามได้ที่เพจนะคะ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-06-2016 01:13:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 02-06-2016 01:58:06
อีวิคนี้โรคจิตจริงจังนะ :jul1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-06-2016 06:16:48
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-06-2016 07:18:42
แล้วก็จบตอนแบบหวานๆ..


แมทอย่าเล่นมุขหาผชอื่นสิ ปากไวจริงเรื่องนี้เนี่ย พอพูดทีไรผลออกมาไม่ดีทุกที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 02-06-2016 07:51:51
อิยักษ์แกล้งน้องงง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 02-06-2016 07:54:37
ไอ้วิคเตอร์นิสัยเสียแกล้งเอเลี่ยนได้ไงขังด้วยกลับมาแมทอย่าลืมเอาคืนนะจัดหนัก :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-06-2016 09:29:37
นิสัยเสีย เมียค้างแต่ตัวเองสบายตัว

โอ้ยยย..เรื่องนี้มันผัวsm กะเมียมาโซชัดๆ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 02-06-2016 14:27:15
 :z1:
อิพี่ยักษ์นี่มันจริงๆเล้ยย
สงสารแมทน้อยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-06-2016 16:03:24
แมทเอ๊ย ทำใจนะอียักษ์โรคจิตชอบแกล้ง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-06-2016 21:40:28
วิคโรคจิต
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-06-2016 00:50:31
หื่นได้ตลอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 50%}:02.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-06-2016 21:45:15
อย่าว่าแต่ผัวหื่นเลย แมืเองก็ใช่ย่อย ขยันยั่วเหลือเกิน น่าให้เจ็บตัว

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 08-06-2016 07:01:03


Only You EP.40 [100%]



วันต่อมาผมตื่นก่อนสองคนนั้นเลยขึ้นไปอาบแต่งตัวบนห้องนอน แล้วลงมาเตรียมอาหารเช้าให้สามหนุ่มในบ้าน แต่ออสตินน่าจะตื่นก่อนผมนานแล้ว ตอนนี้น่าจะพาไมเคิลออกไปเดินเล่นข้างนอก เช้านี้ผมทำข้าวต้มหมูสับใส่ไข่และทำเผื่อเป็นมื้อกลางวันด้วย
   

“เฮ้…” ผมหันไปมองด้านหลังก็เห็นอันเดรในสภาพเพิ่งตื่นส่งยิ้มง่วงๆ มาให้ ผมยิ้มตอบกลับไปในขณะที่กำลังตักข้ามต้มใส่ถ้วยไปด้วย
   

“กำลังจะไปตามมาทานอาหารเช้าพอดีเลยครับ วันนี้มีข้าวต้มหมูสับใส่ไข่เพิ่มให้ด้วย” อันเดรยิ้มง่วงๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงในห้องครัว
   

“ไอ้เบนคุยกับแฟนมันอยู่ เดี๋ยวตามมา” ผมพยักหน้า ยกถ้วยข้าวต้มของอันเดรไปให้เจ้าตัว
   

“เอาน้ำเปล่าหรือน้ำส้มดีครับ” ผมชอบคั้นน้ำส้มติดตู้เย็นไว้ เพราะวิคเตอร์ชอบดื่มเหล้าบ่อย บางทีเพื่อนไม่ได้มาบ้านก็นั่งดื่มคนเดียวของเขาอยู่ข้างๆ ผม แล้วเพราะผมชอบทำน้ำส้มให้เขาดื่มทุกเช้าหลังดื่มเหล้าเข้าไป เขาเลยติดจะดื่มตลอด
   

“น้ำส้มแล้วกัน” ผมหันไปเปิดตู้เย็นแล้วเทน้ำส้มให้อันเดรหนึ่งแก้ว
   

“อื้ม… ไอ้วิคเตอร์ติดรสมือนายน่าดูเลยใช่มั้ยเนี่ย” ผมทำหน้างงๆ พลางเลื่อนแก้วน้ำส้มไปไว้ตรงหน้าเขา อันเดรยกไปดื่มหนึ่งอึกก่อนว่าต่อ
   

“อร่อยไง” ผมทำหน้าว่าอ้อแล้วยิ้มเก้อเขิน
   

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ บางทีเราก็สั่งอาหารจากข้างนอกมาทานบ้าง ผมยังทำเก่งสู้แม่ผมไม่ได้หรอก” แม่ผมทำอาหารอร่อยมาก หรือเพราะผมกินตั้งแต่เด็ก ลิ้นมันเลยเมมรสชาติอาหารแม่ไปแล้วว่าอร่อย
   

“เดี๋ยวฉันมาฝากท้องที่บ้านนี้บ่อยๆ ดีกว่า” ผมหัวเราะเบาๆ อันเดรนั่งตักข้าวต้มทานต่อ ไม่รู้เพราะหิวหรืออร่อยจริงๆ จนต้องขอถ้วยที่สอง
   

“อรุณสวัสดิ์แมท” ผมหันไปทักทายคุณเบนกลับ ท่าทางก็ยุ่งเหยิงไม่แพ้อีกคน ผมยกถ้วยข้าวต้มให้คุณเบนตามด้วยน้ำส้มอีกแก้ว ผมเลื่อนก้นไปนั่งบนเก้าอี้แล้วนั่งทานข้าวของตัวเองบ้าง
   

“วันนี้ไปร้านจีอันนากันมั้ย เด็กเสิรฟ์ที่ร้านเธอขาดน่ะ ฉันเลยเสนอตัวจะไปช่วย” คุณเบนบอกด้วยรอยยิ้มซุกซนเหมือนเด็กกำลังตื่นเต้นที่จะได้ไปสนามเด็กเล่น
   

“Yeah! I’m in. I’m free. (เออๆ ไปสิ ฉันว่าง)” บางทีผมก็นึกแปลกใจว่าเพราะมีความเด็กอยู่ในตัวกันหรือเปล่า วิคเตอร์กับเพื่อนถึงได้คบกันได้ เพียงแต่ไอ้ยักษ์จะเป็นเด็กดื้อเข้าขั้นเด็กเปรต
   

“Join us, Matt. It’s gonna be fun. (ไปกันนะแมท สนุกแน่ๆ)” ผมยิ้มแหยและทำสีหน้าลำบากใจพลางเคี้ยวข้าวในปากช้าๆ สองคนนั้นคงเข้าใจว่าผมเป็นอะไร
   

“It’s fine. Let me clear with Austin. For Victor, he is alone—but you have me, Andrea and Gianna. He can’t against us. (ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวฉันบอกออสตินให้ ส่วนไอ้วิคเตอร์ เดี๋ยวให้จีอันนาช่วยพูดอีกแรง มีตั้งสามแรง มันเถียงไม่ทันหรอก)” ใช่ เถียงไม่ทัน แล้วพอเขากลับมานิวยอร์ก เขาก็จะมาคิดบัญชีที่ผมคนเดียวเต็มๆ
   

“I want to, but I don’t want to have any issues with Victor. (ผมก็อยากไปนะครับ แต่ผมไม่อยากมีปัญหากับวิคเตอร์ทีหลัง)” แทบจะทั้งสองคนที่ทำหน้าหน่ายใจ
   

“Hey. You should have your own space. (แมท นายควรมีพื้นที่ของตัวเองบ้าง)” ผมชะงักไปนิด รู้สึกสะกิดใจกับประโยคนั้น
   

ไม่ใช่ผมไม่คิดแบบนั้น พื้นที่นั้นมันกำลังจะหายไป เพราะวิคเตอร์และเพราะตัวผมเองที่ปล่อยให้วิคเตอร์เข้ามายึดพื้นที่ตรงนั้นไป ก็อย่างที่บอก ผมเหมือนจะเป็นโรคจิต ทั้งชอบและไม่ชอบที่วิคเตอร์ทำแบบนี้ คนไม่เคยมีแฟนแบบผมบางทีมันก็เห่อๆ ความรู้สึกถูกรักถูกหวง เห่อจนบางทีลืมอะไรบางอย่างไป
   

“That’s right. Spend the time with yourself. You can’t stuck with him all the time. (ใช่ มีเวลาให้ตัวเองบ้าง ตัวติดกับมันตลอดไม่ได้หรอกนะ)” เบนเนดิคท์ขยิบตาให้แล้วตักข้าวต้มเข้าปาก อันเดรยักคิ้วให้สองสามทีแล้วเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ผมยิ้มแห้ง ตักข้าวเข้าปากแบบเอื่อยเฉื่อย เบนเนดิคท์มองหน้าผมแล้วถอนหายใจแรงๆ หนึ่งที
   

“Matt. He is not your father. He is just—“(แมท ไอ้วิคเตอร์มันไม่ใช่พ่อนายสักหน่อย ก็แค่…)” เบนเนดิคท์ชะงักแล้วขมวดคิ้ว เหมือนกำลังนึกคำจำกัดความของผมกับวิคเตอร์ ซึ่งจริงๆ เขาพูดว่าแฟนก็จบแล้ว แต่เขาดันพูดว่า
   

“Someone who fucks you almost every day—“(ก็แค่คนที่มีอะไรกันเกือบทุกวัน)”
   

“And fuck hard. (…แรงด้วย)” ผมอ้าปากหวอเมื่ออันเดรพูดต่อประโยคนั้น สองหนุ่มหันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดังลั่นครัว ผมนั่งหน้าร้อนแผ่วๆ แก้มคงแดงขึ้นทีละนิดทีละหน่อย ผมแกล้งเนียนนั่งกินข้าวต้มต่อ สองหนุ่มคะยั้นคะยอผมแบบเรื่อยๆ ไม่ได้จี้ถามหรือบังคับให้ไป ใจผมอะอยากไป แต่ผมรู้ว่าหลังจากกลับมา ไอ้ยักษ์จะต้องเวิ่นเว้อเพ้อเจ้อ บ่นด่าผมประหนึ่งผมเป็นลูกสาวหนีไปเดทแรกกับผู้ชาย
   

แกร๊ก~
   

เสียงลูกบิดประตูดังขึ้นแล้วสักพักออสตินก็เดินเข้ามาในครัวโดยมีเจ้าไมเคิลตัวอ้วนเดินลิ้นห้อยนำหน้ามาด้วย ไมเคิลเดินมาหาผมเหมือนรู้งานว่าต้องมาขออะไร ผมเลยลงจากเก้าอี้ไปจัดการเทอาหารให้เจ้าโกลเด้นท์
   

“น้องแกไปไหนล่ะไมเคิล” มันตอบผมไม่ได้หรอก พอผมเทอาหารให้ปุ๊บมันก็ก้มหน้าก้มตากินเลย สงสัยเจ้าฟอกซ์คงขึ้นไปนอนแผ่หลาบนดาดฟ้าอีกแน่ๆ
   

“ออสติน วันนี้ให้แมทไปเที่ยวกับพวกฉันได้มั้ย” ออสตินมองหน้าเบนเนดิคท์งงๆ แวบหนึ่งก่อนที่เขาจะทำหน้านิ่งโดยไม่แสดงสีหน้าอะไรเพิ่มเติม คุณเบนถอนหายใจแล้วหันมาหาผม
   

“เขาอนุญาตแล้ว ไปได้” ผมอ้าปากหวอ หันไปมองออสตินที่ยังคงทำหน้านิ่ง อะไรคือการอนุญาตจากเขากัน คุณเบนสื่อสารกับพ่อบอดี้ปอดผ่านกระแสจิตเหรอ
   

“เอางี้ นายอยากไปมั้ย” แทบจะทันทีที่ผมพยักหน้าตอบรับคำถามของอันเดร สองเพื่อนซี้ยิ้มกริ่ม
   

“งั้นไป แค่นั้นแหละ” ผมเม้มปากแล้วยิ้ม ดีใจที่จะได้ออกจากบ้านบ้าง พอหันไปมองออสตินเขาก็ทำเพียงถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับหน้านิ่งๆ ของเขา


   


ผมระริกระรี้มาก ยิ่งระริกเข้าไปอีกเมื่อออสตินไม่ได้มาด้วย มีแต่ผม คุณเบน อันเดร สามคนเท่านั้น เนื่องจากออสตินต้องดูแลบ้านตามคำบอกของเบนเนดิคท์ที่บอกว่าออสตินไม่ควรทิ้งบ้าน ไมเคิลและฟอกซ์ เพราะผมมีเขากับอันเดรคอยดูแล เรื่องความปลอดภัยจากไอ้ฌอณก็ไม่ต้องห่วง อยู่แต่ที่ร้านกาแฟของจีอันนา กลางสาธารณะแบบนั้นมันไม่บุกมาหรอก ซึ่งผมว่ามันจริงมาก ผมรู้ว่าวิคเตอร์กับออสตินห่วง แต่ไอ้ฌอณมันคงไม่โผล่มาทำร้ายผมกลางผู้คนเยอะๆ หรอก
   

แต่ผมเห็นงี้แทบจะทุกที คิดว่าไม่มีๆ ไม่เกิดอะไรขึ้น แม่งต้องมีพลิกล็อค อย่าบอกนะว่าผมจะเจอไอ้ชอนไช ถ้าเจอจริงก็กรรมลิขิตชัดๆ แถมถ้าเจอกันคราวนี้อารมณ์มันอาจจะรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ก็วิคเตอร์ทำให้มันดังยิ่งกว่าที่เคยเป็น ฌอณถูกปลดออกจากซีรีส์ก็เป็นข่าวดังประมาณหนึ่งแล้ว แต่เหตุผลที่ถูกปลดเป็นประเด็นยิ่งกว่า เมื่อสำนักข่าวต่างๆ ที่ไม่รู้ว่าไปขุดประเด็นเจอได้ยังไงว่ามันทำร้ายร่างกายผม พวกนั้นก็พร้อมใจกันลงข่าวจนมันเป็นกระแสขนาดย่อมขึ้นมา แต่ไม่ได้มีการเอ่ยถึงผมตรงๆ พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่ถูกทำร้ายคือผมเลยลงข่าวไปว่าไอ้ฌอณมันทำร้ายทีมงานในกองถ่ายที่เป็นเกย์ พอประเด็นนี้หลุดออกไป คอมมิวนิตี้ (Community) เกย์ก็รุมโจมตีไอ้ฌอณกันพอสมควร แล้วยังมีเพศชายเพศหญิงที่จิตใจดี ไม่โลกแคบก็ออกมาช่วยด่าด้วย คือฌอณมันก็ไม่ได้โดนด่าจนชีวิตพังยับเยิน เพราะเอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ดังมาก ไม่ได้มีคนรู้จักเยอะ ถ้าไม่ใช่แฟนซีรีส์จริงๆ ก็จะงงกันก่อนว่ามันคือใคร แต่ตอนนี้มันดังแบบจริงจังแล้วละ   


ฌอณถูกปลดออกจากซีรีส์ไม่ใช่เพราะเกิดกระแสสังคมส่วนมากแอนตี้ แต่ถูกปลอดก่อนหน้านั้นโดยพิจารณาของทางทีมงานเอง และวิคเตอร์ยังแอบใช้อำนาจเล็กๆ ด้วยการขู่ว่าถ้าฌอณยังอยู่ งั้นเขาจะถอนตัว แน่นอนว่าทีมงานก็ต้องเลือกพระเอกไว้ก่อน บทสนุกก็จริง แต่วิคเตอร์ก็คือแม่เหล็กอันใหญ่ที่ทำให้คนดูซีรีส์เรื่องนี้ ถึงไอ้ฌอณจะมีฐานแฟนคลับและมีคนออกมาปกป้องมันด้วย แต่ก็ไม่หนาแน่นเท่าไอ้ยักษ์ ไม่ต้องมีใครมาบอกก็รู้ว่าฌอณมันต้องแค้นแน่ๆ ตกงานแถมยังโดนแบนเบาๆ จากสังคมอีก
   

“คนเยอะเหมือนกันแฮะ” เบนเนดิคท์บอกอย่างร่าเริงเมื่อเราเดินมาถึงหน้าร้านกาแฟและเบเกอร์รี่ของจีอันนา กลางวันเธอจะเปิดร้านนี้ กลางคืนก็เปิดร้านเหล้า จีอันนาเคยเป็นนางแบบมาก่อน แต่เธอบอกว่าความฝันที่แท้จริงของเธอคือเป็นเจ้าของร้านเครื่องดื่มนี่แหละ เธอเลยเลิกเป็นนางแบบแล้วมาเปิดร้านเครื่องดื่มตามความฝัน เพราะเธอชอบดื่มน้ำแทบทุกชนิดและชอบชงเครื่องดื่มดื่มเองเวลาว่างๆ ซึ่งผมว่าดีมากเลย เธอมีฝันแล้วก็ทำมันให้เป็นจริง เหมือนที่ผมอยากทำฝันของผมให้เป็นจริงเช่นกัน


ร้านกาแฟของเธอตั้งอยู่ในย่าน West Village ย่านที่ผมชอบมากที่สุดในนิวยอร์กเลยก็ว่าได้ ตรงที่วิคเตอร์อยู่นั้นหรูหรา สะอาดตา ไฮโซโก้เก๋ก็จริง แต่ผมชอบเวสท์วิลเลจมากกว่า ชอบตรงที่มันมีกลิ่นอายความเก่าแก่ของนิวยอร์กในอดีตให้ได้เห็น เวลาเดินเข้ามาในนี้แล้วรู้สึกถึงยุคเริ่มต้นของนิวยอร์กเกอร์ ถ้าจะเรียกแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือแถวนี้เป็นแนววินเทจ เปรียบได้กับย่านถนนเจริญกรุงที่เมืองไทยนะผมว่า คือเหมือนเขาจะพยายามรักษาความเป็นนิวยอร์กในอดีตเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งโซนนี้พวกนิวยอร์กเกอร์แท้ๆ จะอยู่กันค่อนข้างเยอะ ตึกรามบ้านช่องก็พยายามคงสภาพดั้งเดิมเอาไว้ แล้วที่ตรงนี้ค่อนข้างแพงมาก แต่อันที่จริงที่ในนิวยอร์กก็แพงหมดนั่นแหละ


“เฮ้จี! วันนี้ฉันพาแรงงานมาช่วย” คุณเบนเอ่ยทักทายจีอันนาที่กำลังวุ่นวายอยู่หลังเค้าน์เตอร์ชงเครื่องดื่ม เธอเงยหน้าขึ้นมามองพวกผมแล้วยิ้มแบบเร็วๆ ให้หนึ่งทีทั้งที่มือยังไม่ยอมหยุดชงกาแฟ


“ขอบใจมาก เริ่มงานได้เลย อยากทำตรงไหน ตามใจพวกนาย” เธอบอกเร็วปรื๋อแล้วหันไปสั่งงานลูกน้องในร้านต่อ พวกเราสามคนมองหน้ากันแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะคุยกันว่าให้ผมเป็นคนเสิร์ฟกับอันเดร ส่วนคุณเบนเขาอยากลองเป็นบาร์เทนเดอร์ คราวก่อนที่มาเขาก็ลองฝึกทำกาแฟและช็อคโกแล็ตกับบาร์เทนเดอร์ของจีอันน่าไป


จริงๆ ที่นี่มีร้านประเภทกาแฟกับเบเกอร์รี่เยอะไม่แพ้เมืองไทยเลยนะ ผมเคยสงสัยว่าถ้าในเมื่อเปิดขายเหมือนๆ กัน แล้วแต่ละร้านอยู่รอดได้ยังไง บางทีรสชาติก็ไม่ได้หนี ไม่ได้ต่างกันมาก ผมเลยเดาเอาว่าเขาคงสู้กันด้วยบรรยากาศร้านกับความเป็นมิตรของเจ้าของร้านและเด็กเสิร์ฟละมั้ง ถึงแม้จีอันน่าจะไม่ค่อยยิ้มแย้มโลกสวยสดใส แต่พนักงานของเธอทุกคนยิ้มเก่ง คุยเก่งกันทั้งนั้น ที่สำคัญผมว่าเป็นเพราะโลเกชั่นร้านเธอตั้งอยู่มุมตึกพอดี คือร้านเธออยู่ริมสุดด้านในของตึกแถว การตกแต่งร้านเน้นไม้สีน้ำตาลตัดสลับกับสีตึกที่เป็นอิฐแดง ทุบอิฐบางส่วนออกแล้วติดกระจกใสแทนทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย หน้าร้านจัดโต๊ะเก้าอี้เหล็กสีเงินพร้อมเต็นท์สีแดงหนึ่งตัวเป็นชุดๆ ไว้สำหรับนั่งดื่มด้านนอก มีรั้วเหล็กสีเขียวกั้นขอบเขตร้านอย่างชัดเจน ด้านในเป็นโต๊ะไม้หลายขนาดสำหรับนั่งสองคนขึ้นไปจนถึงห้าคน แม็กซิมั่มที่สุดคือสิบคน ถ้าชั้นแรกเต็มก็สามารถขึ้นไปนั่งชมวิวบนชั้นสองได้ ตอนนี้เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะต่อเติมชั้นสามด้วยดีมั้ย


“Cappuccino and Vanilla cake?” ผมถามผู้ชายร่างท้วมคนหนึ่งที่มากับภรรยา เขาพยักหน้าหนึ่งทีเป็นการตอบรับ ผมยื่นแก้วกาแฟพลาสติกสีใสให้เขา และยื่นเค้กวานิลลาให้กับผู้หญิงร่างผอมหน้าตอบจนโหนกขึ้นชัด เธอยิ้มรับนิดหนึ่งพร้อมกับยื่นมือมาดึงเค้กไปไว้ใกล้ตัว


“Ice late, table 14!” เสียงอันเดรตะโกนบอกตรงบันไดทางขึ้นไปชั้นสอง ทำเอาลูกค้าที่นั่งอยู่ชั้นหนึ่งหันไปมองด้วยความตกใจนิดหน่อย จีอันนาถลึงตาดุใส่เขา อันเดรยิ้มเก้อแล้วตีเนียนไม่รู้เรื่อง พวกลูกค้าหันกลับไปสนใจวงสนทนาของตัวเองต่อ ผมหัวเราะอารมณ์ดีแล้วเดินกลับไปเค้าน์เตอร์เพื่อหยิบเครื่องดื่มกับขนมไปเสิร์ฟต่อ


รู้สึกดีมากจริงๆ ที่ได้ออกมาจากบ้านบ้าง ได้มาทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ใช่สิ่งซ้ำซากจำเจ ได้พบเจอผู้คนอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะเป็น ได้เห็นอะไรมากมายนอกจากสิ่งที่เคยเห็นทุกวันในบ้านวิคเตอร์ ที่สำคัญผมได้เห็นบรรยากาศพวกนี้โดยที่ไม่มีออสตินมาคอยเป็นกำแพงลวงตาบดบังเอาไว้
   

“เมื่อกี้ไอ้วิคเตอร์โทรมา” ผมหัวหมุนติ้ววูบหนึ่งตอนคุณเบนบอกแบบนั้น ผมหันไปมองเขางงๆ โดยที่มือก็ยังคงหยิบแก้วน้ำมาวางบนถาดยางสีดำ
   

“มันจะขอคุยกับนาย แต่ฉันไม่ให้ มันเลยอารมณ์เสียใหญ่เลย” ผมอ้าปากหวอนิดหนึ่ง รู้หัวใจเต้นตุบๆ รู้สึกพลาดแล้วที่ตัดสินใจไม่เอามือถือมา เพราะผมไม่อยากรับสายวิคเตอร์ ไม่อยากโดนเขาโทรตาม ไม่อยากให้เขามาแทรกชีวิตผมสักช่วงหนึ่งก็ยังดี แต่ลืมไปว่าเขาสามารถโทรหาเพื่อนเขาได้
   

“ให้ผมโทรกลับไปคุยมั้ยครับ” เบนเนดิคท์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วส่ายหัวช้าๆ
   

“อย่ากังวลเลยน่าแมท สนุกกับโมเม้นต์นี้เถอะ นายดูผ่อนคลายมากรู้ตัวมั้ย” ผมกระตุกยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้า คุณเบนยกมือซ้ายขึ้นมาจับหัวผมไว้แล้วโยกเบาๆ พร้อมกับยิ้มอ่อนโยน
   

“อย่าให้ไอ้วิคเตอร์ล้างตัวตนของนายสิ” เหมือนผมโดนเขากะเทาะเปลือกบางอย่างที่ห่อหุ้มใจผมไว้อยู่ ผมมองหน้าเขานิ่งค้าง เบนเนดิคท์ยิ้มมุมปากแล้วมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน มือซ้ายของเขาเลื่อนลงมาลูบขมับขวาของผมเบาๆ 
   

“ไปเสิร์ฟเถอะ กาแฟละลายหมดแล้ว” เขาเลื่อนมือลงตบบนบ่าขวาของผมดังตุบๆ ทำให้ผมคืนสติกลับมา ผมยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้ารับสองทีก่อนจะหมุนตัวเดินเอากาแฟไปเสิร์ฟพร้อมกับความรู้สึกที่ตื่นตัวแปลกๆ
   

มันเหมือนกับว่าบางอย่างที่หายไปกำลังกลับมาหาผม

   



ช่วงบ่ายเป็นช่วงเวลาที่ร้านวุ่นวายมาก โชคยังดีที่คนไม่แย่งกันเข้ามานั่งในห้องแอร์เนื่องจากเป็นช่วงสปริง อากาศกำลังดี เหมาะแก่การนั่งจิบกาแฟกับบรรยากาศชิลๆ ด้านนอก ผมเดินจนปวดขา เมื่อยไปทั้งหลัง แต่มันสนุกกว่าการที่ผมต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่ในบ้านวิคเตอร์ ผมได้พูดคุยกับผู้คนมากมาย เจอทั้งคนที่อารมณ์ดีและอารมณ์ไม่ดี ซึ่งสำหรับผมมันสนุกดีที่ได้เจอคนเยอะๆ แบบนี้ ถ้าผมคิดจะทำความฝันกับการเป็นผู้กำกับให้สำเร็จ อย่างหนึ่งผมคิดว่าผมควรเจอผู้คนเยอะๆ เพราะมันน่าจะมีประโยชน์มากเลยทีเดียว
   

“โอเคๆ ได้ๆ ไม่ต้องห่วง เขาอยู่กับฉัน” ผมกำลังยืนรอเครื่องดื่มเพื่อไปเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าเค้าน์เตอร์ คุณเบนหน้าเครียดนิดหน่อยตอนกดวางสาย เขาหันมามองด้วยสายตาเป็นกังวลจนผมงง
   

“มีอะไรรึเปล่าครับ” เขาถอนหายใจนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
   

“ออสตินเจอไอ้ฌอณมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านวิคเตอร์” หัวใจผมกระตุกวูบ รู้สึกว่าตัวเองตัวสั่นเบาๆ ผมไม่ได้ฝังใจกับเหตุการณ์ที่มันทำร้ายผมเท่าไหร่ ก็มีกลัวๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ขวัญผวา แต่พอได้ยินว่ามันไปถึงหน้าบ้านแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกตัวเย็นแปลกๆ
   

“ออสตินดูมันสักพัก แต่มันไม่ได้ทำอะไร เหมือนแค่มาดูมากกว่าว่าใช่บ้านวิคเตอร์มั้ย” ผมมองหน้าตึงๆ ของเบนเนดิคท์แล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
   

“มีอะไรรึเปล่า” จีอันนาเดินออกมาจากหลังร้านแล้วมองหน้าผมสองคนสลับไปมา ผมมองโครงหน้าสวยเฉี่ยวของเธอแล้วยกยิ้มนิดหนึ่ง กำลังจะอ้าปากตอบแต่เธอก็เบนสายตาไปมองทางด้านหลังผมก่อนจะที่จะทำหน้าเบื่อหน่าย ผมหันไปมองตามสายตาของเธอก็เจอกับชาร์ลียืนทำหน้าหงอยอยู่ ผมแอบแปลกใจกับสภาพของเขา เขาดูโทรมๆ ดูเหนื่อยๆ เหมือนไม่ได้นอนมาหลายวัน ทำให้ผมคิดถึงวิคเตอร์ตอนที่เรามีปัญหากัน
   

“จะมาทำไมอีกเนี่ย ฉันว่าฉันเคลียร์แล้วนะว่าขอตัดขาดกับนายแล้ว” จีอันนาบอกด้วยมาดนางพญา เธอใช้มือขวาปัดผมดำตรงเงางามของเธอไปด้านหลังเบาๆ
   

“จี คุยกันก่อนได้มั้ย” ชาร์ลีว่าเสียงแผ่ว ผมเลื่อนสายตาไปสบตากับกับเบนเนดิคท์ เราทั้งสองคนเกิดอาการกระอักกระอ่วนนิดหน่อย ผมค่อยๆ เขยิบไปทางซ้ายมือของตัวเองช้าๆ เพื่อหลบให้เขาทั้งสองคนได้เห็นหน้ากันชัดๆ จีอันนาถอนหายใจแรงๆ แล้วหมุนตัวเดินนำชาร์ลีเข้าไปหลังร้าน ชาร์ลีหันมามองผมสองคนเหมือนจะขอกำลังใจ ผมเองก็ไม่เคยคุยกับเขาเลยทำได้แต่ยิ้มให้ ส่วนเบนเนดิคท์เบ้ปากแล้วยักไหล่ขวาหนึ่งที
   

“สมน้ำหน้า” ชาร์ลีกลอกตาเซ็งแล้วเดินตามจีอันนาเข้าไปหลังร้าน พอประตูปิดลงผมก็หันกลับมาถามเบนเนดิคท์ทันทีตามประสาคนขี้สอด
   

“ประเด็นระหว่างเขาทั้งสองคนมันร้ายแรงมากเลยเหรอครับ” เบนเนดิคท์เงยหน้าขึ้นมองผมพลางใส่ส่วนผสมลงไปในเครื่องปั่น
   

“แค่ไอ้วิคเตอร์จูบกับอันเดรียนา นายยังเล่นมันแทบบ้า แล้วนายคิดว่าการที่จีเห็นคลิปไอ้ชาร์ลีกับผู้หญิงคนอื่นกำลังมีอะไรกัน มันจะเป็นยังไงล่ะ” ผมอ้าปากหวอ คือผมรู้นะว่าชาร์ลีเจ้าชู้มาก เจ้าชู้แบบที่วิคเตอร์แพ้เลยแหละ แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำกับแฟนตัวเองแบบนี้ ใครบอกว่าฝรั่งซื่อสัตย์ ฝรั่งรักเดียวใจเดียว ผมว่าอย่าเหมารวมดีกว่า เราอาจจะเคยเห็นภาพรวมส่วนใหญ่มา แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าชู้ตัวพ่อจะไม่มีอยู่ในหมู่สังคมผู้ชายตะวันตก เพียงเพราะเราไม่ได้อยู่ในสังคมเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนแบบนี้อยู่
   

แต่ที่ผมเคยเห็นก่อนมาสัมผัสสังคมตะวันตกเต็มๆ แบบนี้ด้วยตัวเอง ผมก็เจอแต่ผู้ชายฝรั่งที่รักเดียวใจเดียวนะ ยิ่งถ้าคนไหนแต่งงานแล้ว เขาจะให้เกียรติภรรยาเขาด้วยการใส่แหวนหมั้นไว้ตลอด และจะมีระยะห่างจากผู้หญิงคนอื่นอย่างเหมาะสม แต่ก็อีกนั่นแหละ นับๆ ดูแล้ว ผมเคยเจอฝรั่งที่แต่งงานแล้วและใส่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายไว้ตลอดแค่สองคนเอง
   

โครม!!
   

ผมที่กำลังหยิบแก้วน้ำมาวางบนถาดถึงกับสะดุ้งเพราะเสียงดังที่เกิดขึ้นหลังร้าน แทบจะทุกคนที่หันไปมองตรงประตูที่นำไปสู่หลังร้าน ผ่านไปสักพักจีอันนาก็เดินนำออกมาด้วยสีหน้ามาดนางพญาเช่นเคย เธอเดินมานั่งหน้าเค้าน์เตอร์ ชาร์ลีเดินออกมาในสภาพปกติ แต่หน้าผากเขาแดงเถือกไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา หลายสายตาจ้องมองชาร์ลีอย่างสนใจ
   

“กลับเถอะชาร์ลี ฉันนึกว่าเธอจะมีอะไรใหม่ๆ มาพูด แต่ก็อยู่ประเด็นเดิม ฉันเบื่อแล้ว และอีกสักพักเธอคงจะเบื่อฉันไปเอง เหมือนที่เธอเคยเบื่อนั่นแหละ” เธอพูดหน้านิ่ง แต่ผมเห็นนะว่าดวงตาสีดำของเธออ่อนไหวแค่ไหน
   


“ตอนเย็น ฉันจะมาใหม่นะ” ชาร์ลีว่าเสียงละห้อยแล้วเดินคอตกออกไปจากร้าน ผมมองแล้วนึกสงสาร อยากจะพูดกับจีอันนาว่าให้อภัยเขาเถอะ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เกิดกับตัวเอง กว่าผมจะให้อภัยวิคเตอร์ได้มันก็ใช้เวลานานมากเช่นกัน ผมเลยเลือกที่จะเงียบและปล่อยให้จีอันนาอยู่กับตัวเองต่อไป

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 08-06-2016 07:01:39

V
v
v

“ขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้พวกนายมาช่วย คงวุ่นวายกว่านี้แน่” จีอันนาเอ่ยขอบคุณหลังจากปิดร้านตอนสามทุ่ม จริงๆ ร้านเธอเปิดถึงเที่ยงคืนนะ แต่วันนี้ของหมดเกลี้ยงเติมไม่ทัน เธอเลยปิดร้านหนีเลยดีกว่า
   

“ขายดีอะไรขนาดนี้เนี่ย เธอใส่กัญชาลงไปในกาแฟรึเปล่า” อันเดรแซวพลางตักขนมเค้กที่แอบจิ๊กเอาไว้ให้ตัวเองเพื่อกินตอนเย็น
   

“พรุ่งนี้ถ้ามาได้ ฉันยินดีต้อนรับนะ”
   

“แหม ได้แรงงานฟรีนี่ดีใจใหญ่เลยนะ” เบนเนดิคท์ว่ายิ้มๆ จีอันนายิ้มแล้วหมุนตัวไปปิดไฟในร้านโดยที่พวกเราเดินนำออกมานอกร้านก่อน พอออกมาด้านนอกผมก็เจอชาร์ลีนั่งรออยู่แล้ว เขานั่งนิ่งๆ เบนเนดิคท์กับอันเดรเดินเข้าไปตบบ่าแล้วชวนคุย อีกฝ่ายตอบกลับอย่างอิดโรย พอเขาหันมาเห็นจีอันนาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ฝ่ายหญิงไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านอะไร เธอทำนิ่งแล้วหันมาเอ่ยลาพวกผม
   

“ฉันกลับก่อนนะ ไว้เจอกัน” ว่าจบเธอก็เดินออกจากรั้วร้านไปทันที ชาร์ลีรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว ผมมองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ที่เดินเคียงคู่ไปกันอย่างเงียบๆ ได้แต่คิดในใจว่าทุกความสัมพันธ์มันไม่ได้ราบรื่นชื่นมื่นตลอดเวลาและแน่นอนว่าไม่ชื่นมื่นตลอดไป ทุกช่วงอายุมักพบเจอปัญหาที่ถาโถมเข้ามา อยู่ที่ว่าความสัมพันธ์ไหนจะเจอเรื่องอะไรเข้ามาเป็นอุปสรรค หรือเข้ามาทดสอบ แล้วทั้งสองคนจะมีวิธีก้าวผ่านมันไปได้ยังไง และเมื่อผ่านไปแล้ว ความสัมพันธ์จะแนบแน่นขึ้นหรือค่อยๆ คลายตัวก็เป็นไปได้ทั้งนั้น 
   

“เธอจะคืนดีกับเขามั้ยครับ” ผมถามอีกสองคนในขณะที่กำลังเดินไปหาแท็กซี่แถวๆ หน้าปากซอยร้านกาแฟของจีอันนา ระหว่างทางก็ยังมีร้านเสื้อผ้าแนวสตรีทบางร้าน ร้านเหล้า ร้านอาหารเปิดไฟให้แสงสว่างอยู่เลยทำให้ถนนไม่มืดมิด และไม่เงียบสงัดเนื่องจากยังคงมีผู้คนนั่งอยู่ตามบาร์และเดินไปตามซอยเยอะพอสมควร
   

“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าจีอันนาเธอเด็ดเดี่ยวมาก” ผมพยักหน้ารับคำบอกของอันเดร ดูจากภายนอกก็พอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นแบบนั้นจริง บางทีผมก็อยากได้ความเด็ดเดี่ยวของเธอมาไว้ในตัวเองจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องรัก ยิ่งเรื่องรัก ผมอยากจะเด็ดเดี่ยวให้มากๆ
   

“เอ้อ นี่แมท พาไอ้วิคเตอร์ไปหาจิตแพทย์บ้างนะ ฉันว่ามันเหมือนคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ยังไงไม่รู้” ผมหันไปมองหน้าเบนเนดิคท์ที่ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดแล้วก็นึกถึงคำพูดของหมอที่เมืองไทย
   

“ฉันรู้นะว่ามันเป็นคนขี้โมโห หงุดหงิดง่าย เข้าใจยาก แต่ฉันว่ามันเริ่มอาการหนักขึ้นตั้งแต่มีนาย” ทำไมผมถึงเป็นจุดเริ่มต้น หรือจุดพลิกผันของวิคเตอร์เยอะจัง มีทั้งดีและไม่ดี ผมควรพราว (proud) มั้ยที่ตัวเองส่งผลต่อผู้ชายคนหนึ่งขนาดนี้
   

“เขาไม่ยอมไปครับ เขาบอกแค่มีผมก็พอ” อันเดรทำท่าอ้วกพร้อมเสียงประกอบทันที ผมหัวเราะร่า เบนเนดิคท์เองก็หัวเราะชอบใจเช่นกัน
   

เราเรียกแท็กซี่สีเหลืองจากเวสท์วิลเลจกลับมาที่บ้านวิคเตอร์ในย่าน Upper East side ใบไม้สีเขียวพลิ้วไหวไปตามสายลม แสงไฟหน้าบ้านเกือบทุกหลังช่วยกันกับไฟตรงถนนส่องสว่างไล่ความมืด รถหลายรุ่น หลายราคาจอดเรียงรายเต็มสองข้างทางฟุตบาททั้งสองฝั่ง แลมเบอร์กินี่ของวิคเตอร์จอดนิ่งอยู่กับที่ มันไม่ได้ใช้งานมาสองอาทิตย์แล้ว แต่ออสตินก็ดูแลอย่างดี
   

“เสียดายที่พรุ่งนี้ฉันสองคนมีงานเลยนอนเป็นเพื่อนไม่ได้” ผมยืนยิ้มให้สองหนุ่มที่โผล่หน้าออกมาทางหน้าต่างรถคนละช่อง เบนเนดิคท์นั่งหน้าส่วนอันเดรนั่งหลัง
   

“ตั้งใจทำงานนะครับ แล้วเดี๋ยวมาปาร์ตี้ด้วยกันใหม่” อันเดรตะเบ๊ะหนึ่งที ส่วนเบนเนดิคท์ยกมือขึ้นทำท่าว่าโอเค ผมหมุนตัวเดินผ่านหลังรถวิคเตอร์เพื่อจะได้เดินผ่านไปขึ้นบันไดหน้าบ้าน รถแท็กซี่ยังจอดอยู่ที่เดิมเพราะสองหนุ่มจะรอจนกว่าผมจะเข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมไขกุญแจแล้วผลักประตูเข้าไป หันไปโบกมือให้เบนเนดิคท์กับอันเดรที่ยังคงรอส่งผมอยู่ พอเห็นว่าผมก้าวเท้าเข้าไปยืนหลังประตูบ้านแล้ว รถแท็กซี่ก็ออกตัวไป ผมปิดประตูบ้านแล้วกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อหาออสตินแต่ก็ไม่เจอเขา
   

ในจังหวะที่ผมกำลังจะหันไปล็อคประตู มันก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรงจนกระทบกับผนังดังปัง ผมสะดุ้งตกใจเพราะขอบประตูเฉี่ยวหน้าไปนิดเดียว แล้วพอเห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่หน้าประตู ผมก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างตกใจรุนแรง ทั้งร่างเย็นเฉียบจนแทบแข็งทื่อ
   

“กลับมาสักทีนะไอ้ผิดเพศ” ไอ้ฌอณจ้องหน้าผมด้วยความเกลียดชัง สายตาของมันแข็งกระด้าง ผมยืนมองหน้าหนวดเคราสีน้ำตาลแดงครึ้มของมันด้วยความตื่นตะลึงและใจที่เต้นตึกๆ หนักหน่วงอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะรีบเรียกสติและพยายามดันประตูปิดใส่หน้ามัน แต่ไอ้ฌอณก็ยกสองมือขึ้นมาดันประตูไว้อย่างเร็วแล้วผลักอย่างแรงจนประตูกระแทกกระแทกผนังเสียงดังอีกครั้งและทำให้ผมเซถอยหลังจนเกือบล้ม วินาทีนั้นหูผมแว่วได้ยินเสียงไมเคิลเห่าดังลั่นบ้านแต่ไม่รู้ว่าดังมาจากตรงไหน ไอ้ฌอณพุ่งตัวเข้ามาจับแขนผมไว้แน่นแล้วกระชากอย่างแรง
   

“ไอ้เหี้ย!” ผมไม่รู้จะตะโกนใส่มันด้วยคำไหนดี จะบอกให้ปล่อยก็โคตรเชยเพราะมันไม่ปล่อยหรอก มันกำแขนผมแน่นและพยายามลากผมออกไปจากบ้าน ผมก็ยื้อตัวเองสุดพลัง แต่ยื้อกันได้ไม่นานไอ้ฌอณก็กระเด็นถอยหลังอย่างแรงจนเกือบล้มกลิ้งตกบันไดหน้าบ้าน ผมหันขวับไปมองก็เห็นออสตินยืนมองมันตาขวางพร้อมกับเท้าที่ลดลงวางบนพื้นอย่างเร็ว ในมือขวาถือกระบอกปืนเก็บเสียงสีดำเล็งไปที่ไอ้ชอนไชอย่างแน่วแน่ ผมมองหน้าไอ้ฌอณด้วยสายตาสั่นระริก มันมองเราสองคนอย่างเคียดแค้น ก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีลงบันไดหน้าบ้านไปพร้อมอาการจุก เมื่อกี้ได้ยินเสียงดังพลั่ก เท้าออสตินก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย
   

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ออสตินถามหลังจากมองจนแน่ใจว่าไอ้ฌอณไปแล้ว ผมสั่นหัวเหมือนคนไม่มีสติ หัวใจยังเต้นตึกตักด้วยความระทึก ออสตินเดินออกไปนอกประตูบ้าน มองซ้ายมองขวาเพื่อความแน่ใจอีกทีแล้วเดินกลับเข้ามาก่อนจะหันไปปิดประตูบ้านพร้อมกับล็อคอย่างแน่นหนา ผมมองหน้าออสตินที่มองผมด้วยความตระหนกไม่แพ้กัน ผมเหมือนจะเป็นลม แต่ยังดีที่ตอนเย็นกินอาหารมาซะอิ่มเลยยังมีแรงยืนต่อ
   

“ผมไม่คิดว่ามันจะย้อนกลับมาอีก” ผมพยักหน้ารัวๆ สองมือเย็นเฉียบ เลือดในตัวเหมือนเหือดหายไปชั่วคราว หน้าคงซีดเหมือนกระดาษเอสี่คุณภาพต่ำแล้วมั้ง
   

“คุณโอเคนะครับ คุณแมท” ออสตินขมวดคิ้วมอง ผมพยักหน้ารับเบาๆ
   

“ผมแค่ตกใจ” ตอนนั้นความกลัวมันถูกกลบด้วยความตกใจที่เห็นมันมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า คือเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตกับการที่มีคนตามมาหาเรื่องถึงหน้าบ้าน เพิ่งรู้ว่ามันระทึกมากทีเดียว แล้วคือผมไม่คาดคิดว่ามันจะมีเหตุการณ์นี้ในชีวิต มันเหมือนฝันมาก เพราะไอ้ฌอณมันมาเร็วเคลมเร็ว เหมือนนักวิ่งลมกรดที่วิ่งผ่านเราแล้วแวะตีหัวเราหนึ่งที คือเอาจริงๆ ผมยังงงๆ ด้วยว่ามันมาได้ยังไง มันแอบอยู่ตรงไหน มันต้องแอบอยู่ใกล้ๆ แน่ ไม่งั้นคงไม่มาถึงตัวผมเร็วขนาดนั้น แล้วมันไปแล้ว ไปแบบที่ผมยังตกใจค้างอยู่เลย มาเร็วไปเร็วยิ่งกว่าประกันรถยนต์ซะอีก
   

“ขึ้นไปข้างบนเถอะครับ” ผมพยักหน้ารับอีกที สติยังอยู่ครบนะ แต่เหมือนมันโดนแช่แข็งเอาไว้ ผมกำลังจะเดินขึ้นไปบันไดก็นึกอะไรขึ้นได้เลยหันกลับไปหาออสตินอีกรอบ
   

“อย่าบอกวิคเตอร์เรื่องนี้นะ”
   

“เขารู้เรื่องมันตั้งแต่กลางวันแล้วครับ”
   

“กลางวันก็ส่วนกลางวันสิ แต่ตอนนี้ไม่ต้องบอกเขา ผมไม่อยากให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงาน” ออสตินทำหน้าหนักใจ ผมมองอย่างขอร้อง
   

“คุณแมท ต่อให้ผมไม่บอก แต่ตอนที่เขากลับมา ยังไงเขาก็ต้องดูกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว ดีไม่ดีภาพเมื่อกี้นี้ถูกส่งเข้ามือถือเขาแล้วด้วยซ้ำ” โอ๊ย มันจะล้ำอะไรกันขนาดนี้เทคโนโลยีเนี่ย หัดล้าหลังกันบ้างก็ได้ มนุษย์ไม่ตายหรอก
   

“สรุปคือ ยังไงเขาก็รู้ใช่มั้ย” ผมถามหน้าเครียด ออสตินพยักหน้ารับนิ่งๆ ผมถอนหายใจทันที ตอนนี้ไม่ได้กังวลเรื่องไอ้ฌอณเท่าไหร่แล้วเพราะมันไปแล้วและผมมีออสตินอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ผมกังวลมากกว่าว่าไอ้ยักษ์มันจะทำลายล้างได้ขนาดไหนเมื่อกลับมานิวยอร์ก
   

ห่วงผม ผมก็ดีใจ แต่บางทีผมก็รู้สึกว่ามีพ่อคนเดียวก็พ่อแล้ว ผัวก็คือผัว ไม่ต้องทำตัวเป็นพ่ออีกคนก็ได้
   
 

 :katai4:

อะ อีชอนไม่จบ อยากกลายเป็นศพใช่มั้ยห๊าาา ดีนะพี่ออสตินยกตีนถีบมันทัน ไมเคิลก็ช่วยด้วยนะงานนี้ ไม่มีเสียงเห่าของหนู เรื่องราวอาจไม่อึกทึก -.,-

จริงๆ ตอนนี้ อยากให้สบายๆ ให้น้องแมทได้ใช้ชีวิตของตัวเอง ให้ได้ใช้พื้นที่ของตัวเองบ้าง เพราะปกติน้องจะต้องอยู่ในกรอบ ในที่ทางที่สามีกำหนดไว้ให้ อยากให้นางได้ผ่อนคลายกฏผีสิงของสามีตัวเองสักนิด เลยพาน้องมารีแล็กซ์ที่ร้านกาแฟของจีอันนา  เอเลี่ยนก็เลยได้เริงร่าเนาะ



ใกล้จบพาร์ท Only You แล้วนะคะ เหลืออีกสาม มีทั้งหมด 43 ตอน พอลงจบแล้ว ตอมจะขอเบรกเรื่องนี้ไว้สักพัก ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย

แล้วก็ขอเบรกไปพรูพต้นฉบับ Only You เพื่อทำเป็นรูปเล่มแปบ คือต้นฉบับเขียนเสร็จแล้ว เหลือพรูด รีไรท์บางฉาก แจ้งในเพจไปแล้ว ลองไปตามอ่านได้นะค้าาา ตอนนี้ก็ไปเรื่อยๆ ค่ะ รีบมากไปเดี๋ยวก็พลาดอีก 

 

เจอคำผิดบอกกันได้เช่นเคยค่าาา

ยังเจอกันตามปกตินะคะ ยังคงลงเนื้อหานิยายจนจบตอนหลักค่ะ

สำหรับการพรีออเดอร์หนังสือ สำหรับใครที่มีคำถาม อ่านคำชี้แจงหรือสอบถามได้ที่เพจนะคะ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-06-2016 07:41:20
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-06-2016 07:58:04
ช่วงนี้ให้วิคไปเป็นพ่อเถอะ ตามติดเป็นเหาฉลาม

แมทอยู่คนเดียวทีไร ซวยทุกที~
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-06-2016 09:16:41
เอาจริงตอนนี้ไม่รู้จะเข้าข้างใคร เข้าใจว่าแมทอึดอัดที่ต้องถูกคุมอยู่ในกรอบ แต่มันก็เพราะว่าถูกรักมากห่วงมาก เรื่องนี้ถ้าจะผิดก็คงผิดที่ยอมมาตั้งแต่ต้นแล้วมันก็เลยเถิดขาดการคุยขาดการเข้าใจกัน เห้อ..วิคเตอร์พบจิตแพทย์อย่างที่เพื่อนว่าจะดีมาก!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-06-2016 09:27:59
ถึงขนาดจะมาลากแมทออกจากบ้าน  :ling3: :ling3:
ไม่รู้ว่ามันจะมาลอบกัดตอนไหนอีก :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-06-2016 10:21:08
บางทีก็ขำแมทนะ บางทีก็สงสารและเห็นใจ ได้สามีทั้งทีก็ดูไม่ค่อยปกติ 5555555555 อิวิคเตอร์นี่อารมณ์ยิ่งกว่าพายุไซโคลน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-06-2016 16:21:42
อย่างน้อยแมทก็ได้คลายเครียดนอกบ้านบ้าง เพราะเวลาแมทอยู่กลางคนมากๆ ดูแมทเป็นตัวของตัวเองแล้วก็สดใสมาก แต่บางทีสดใสเกินไปก็กลายเป็นที่ต้องตาต้องใจของคนอื่นอีก ทีนี้ยักษ์ก็จะหวงหนักเข้าไปอีกล่ะนะ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2016 17:17:32
รู้สึกเหมือนระเบิดจะลง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 08-06-2016 18:21:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-06-2016 18:30:10
ปวดตับมั้ยละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-06-2016 19:19:33
อีวิคเตอร์กลับมา ระเบิดลงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 08-06-2016 19:35:46
พี่ยักษ์แผลงฤทธิ์แน่ๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 08-06-2016 22:02:13
ขอบคุณที่มาต่อค้า ไม่ได้อ่านหลายตอน
เลยอ่านรวดเลย

หนูแมทเข้มแข็งเหมือนเดิม o13 แต่ระวังอันตรายด้วย ป้าเป็นห่วง
อีว้คก็โหดหื่น  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-06-2016 23:53:43
อีชอนไชมันบ้าไปแล้ว เมื่อไรจะตายๆ ไป ช่วงนี้แมทควรตัวติดกับออสติน
สยองแทน ยักษ์ต้องฆ่าแมทแน่ รักมากหวงมากอึดอัดมาก อะไรที่ไม่พอดีอ่ะเนอะ
แต่มีคนรักก็ย่อมดีกว่าไม่มีนะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Apisitbuo ที่ 09-06-2016 01:46:18
บอกAustin ไปจับไอ่ชอนทำเมียเลย
จะได้สะใจ ไปจับมันทำเมียเลยบอดี้ปอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-06-2016 04:35:14
อ่านมาจนลืมไปแล้วว่าได้อ่านต้นเรื่องไป
เดี๋ยวจะกลับไปอ่านทวนอีกรอบ

วิคเตอร์ (ดันชื่อเหมือนลูกบ่าวข้อยเลย) นี่เป็น Control Freak สุดๆนางจะเอสไปถึงไหน?  ขนาดที่ควบคุมแม้กระทั่งว่าไม่ให้เมียสำเร็จความใคร่ ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจะเสร็จไป  เกิดวันไหนเมียท้องเสียนั่งส้วมนานนี่ไม่ต้องให้ออสตินมาไล่เคาะเรียกหรือ?  ตอนล่าสุดนี้เราโอเคเลยนะที่แมทเริ่มคิดเรื่องหาพื้นที่ส่วนตัว  แมทเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ  แถมเราว่าคนที่มีชนักติดหลังเยอะแยะอย่างวิคนี่เหมือนไม่เจียมที่พอเกิดเรื่องแต่ละเรื่องหรือเรื่องแดงออกมาแล้วมาทำเป็นโกรธไม่พอใจแมท  ทำแมทแรงๆ   เป็นการแสดงความรักที่บิดเบี้ยวมากๆค่ะ  แมทเองก็เหมือนพรมเช็ดเท้าเลยให้ตายสิ   เราชอบการบรรยายความไม่มั่นใจ ความเปราะบางทางจิตใจของแมทที่เกี่ยวกับความรักนะ  มาเจอแบบวิคเตอร์เข้าใครมันจะมั่นใจ  แถมตัวแมทเองก็คนธรรมดาเมื่อเข้ามาเทียบกับคนในแวดวงชีวิตของวิคเตอร์เข้าก็เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกด้อย  เทียบกับการไปเจอพี่แผ่นดินที่ทำให้แมทรู้สึกดีมากๆ  น่าจะเพราะเป็น element ที่คุ้นเคยมากกว่าแบบวิคเตอร์

ไอ้ชอนไชทำไมถึงไม่โดนตำรวจจับคะ? โดยเฉพาะแมทไปโรงพยาบาลนะคะ  โดนทำร้ายมาทางเจ้าหน้าที่ๆรพมีหน้าตามกฏหมายที่จะต้องแจ้งความค่ะ   ทำไมปล่อยให้ลอยนวลออกไป  ผิดปกติธรรมชาติของวิคเตอร์ค่ะแม้ว่าจะซ้อมไปแล้วก็ตาม  หรือว่า out on bail?

เราคันไม้คันมือยิกๆทุกครั้งที่มีบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ   โดยรวมถือว่าดี + โอเค  แต่ในบางส่วนผิดแกรมม่า  หรือบางที Native speakers จะพูดออกมาในแบบอื่นมากกว่า  จุดที่พลาดส่วนใหญ่จะเล็กๆน้อยๆ   ส่วนที่เป็นของแมทไม่แก้ก็โอเคค่ะเพราะแมทไม่ชำนาญแกรมม่า ฉะนั้นจะพูดผิดก็ไม่เป็นไร   แต่ของวิคเตอร์ไม่ควรผิดค่ะ
ยกตัวอย่าง -
อ้างถึง
Do you miss him? He misses you very much.
อ้างถึง
“Yes! The dad!
อ้างถึง
Yes. I think we have long distance for long time.(We've been apart for so long)
อ้างถึง
He will fucks you
Get dresses(ไปเอาชุดมา) - Get dressed (แต่งตัว)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 11-06-2016 00:32:33
เห็นด้วยกับเพื่อนยักษ์อ่ะ วิคเตอร์ควรเข้ารับการบำบัดอย่างจริงจังนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 11-06-2016 00:44:05
เห็นด้วยกับเบนและอังเดร วิคควรพบจิตแพทย์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.40 100%}:08.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-06-2016 00:50:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 13-06-2016 01:34:43


Only You EP.41 :: Give up. [50%]



หลังจากเหตุการณ์อันแสนระทึกและงงงวยว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ ใช่มั้ยผ่านไป ผมก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนอีกเด็ดขาด ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจ วิคเตอร์ไม่ได้วี้ดบึ้มใส่ในวันนั้นเพราะเขาติดงานอยู่ แต่พอตกดึกของวันถัดมาหลังจากไอ้ฌอณมาบุกถึงหน้าบ้าน วิคเตอร์ก็โทรบอกผมว่าเขาจะบินกลับมาถึงเย็นวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็คือวันนี้ ผมกำลังจะถามว่าแล้วงานพรีเมียร์ล่ะ เหมือนมันจะยังไม่เสร็จ แต่วิคเตอร์ก็บอกแค่ว่าค่อยกลับมาคุยกันที่บ้านอีกที ผมก็สมมุติฐานได้ว่าเขาคงหนีงานมาอีกแล้วแน่ๆ
   

เนี่ย แล้วก็ทำให้ผมกังวลถึงขั้นวิกลจริตอีกแล้ว เขาจะกลับมาพร้อมอารมณ์ไหน จะเหวี่ยงวีนใส่ผมแค่ไหนก็ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะที่คุยในโทรศัพท์เขาก็ปกติดี ไม่ได้มีน้ำเสียงเคืองใดๆ แต่อย่างนี้แหละน่ากลัวกว่า พวกคลื่นลมสงบมักจะพกความวิบัติมาด้วย
   

“ออสติน วันนี้ช่วยผมด้วยนะ” ผมว่าเสียงอ่อยพร้อมกับยิ้มแห้งประจบพ่อบอดี้การ์ดที่นั่งทานข้าวกลางวันบนโต๊ะหินอ่อนในครัวด้วยกัน อีกฝ่ายเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นแต่ไม่แสดงสีหน้าแตกต่างนอกจากหน้านิ่ง แบบว่าถ้าเขาไส้ติ่งแตกก็คงไม่รู้ว่าเจ็บหรือไม่เจ็บ
   

“ให้ช่วยอะไรครับ”
   

“ก็… ช่วยพูดให้วิคเตอร์เข้าใจว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ ไง แบบว่าผมปลอดภัยแล้ว”
   

“เขาก็ต้องเห็นอยู่แล้วละครับว่าคุณปลอดภัย เพราะไม่งั้นคุณคงอยู่โรงพยาบาลไม่ก็โบสถ์ไปแล้ว” ผมหน้างอแล้วจิ๊ปาก อันที่จริงออสตินพูดไปมันก็เท่านั้น ก็อย่างที่เขาว่านั่นแหละ สภาพผมปกติดี ไม่ได้เสียหายหรือชำรุด แต่คือผมแค่อยากให้เขาเป็นแบ็คอัพให้หน่อยถ้าเกิดว่าวิคเตอร์หงุดหงิดหรือพร้อมจะเหวี่ยงระเนระนาด
   

“คุณดูแลผมยังไง ทำไมถึงไม่คิดจะช่วยปกป้องผมเวลาโดนวิคเตอร์ดุเลย” ผมแหวหน้าตาหมั่นไส้ มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อในระดับเบื้องต้น (แบบเบาๆ) ออสตินไหวไหล่ทั้งสองข้างด้วยท่าทีสบายๆ
   

“ผมดูแลคุณ แต่คุณเรย์มอนด์ให้เงินผม” ผมมองเขาด้วยสายตาเข่นเขี้ยว ไอ้บอดี้ปอดทำเพียงยิ้มอ่อนเท่านั้น
   

“เห็นแก่เงินจริงๆ” เขาไม่โต้ตอบ แถมยังทำหน้าภาคภูมิใจว่าเป็นคนเห็นแก่เงินอีก 
   

“อ้อ อย่าลืมนะครับว่าเดี๋ยวเพื่อนผมจะมาหาคุณแมทที่บ้าน คุณเรย์มอนด์อนุญาตแล้ว” ผมทำหน้าบูดเมื่อนึกถึงเพื่อนออสตินที่เป็นตำรวจ ผมไม่เคยเจอเขามาก่อนนะ แต่ที่บูดเพราะเขาจะมาสอบปากคำผมกับเรื่องที่เกิดขึ้น คราวก่อนผมบอกไม่ให้แจ้ง เพราะไม่อยากวุ่นวาย มันทำร้ายร่างกายผมก็จริง แต่ผมคิดว่ามันอยู่ในเคสทะเลาะวิวาททั่วไปมากกว่า เลยไม่อยากต่อความให้มันยาวยืดเยื้อ แต่พอฌอณมันย้อนกลับมารอบที่สอง ออสตินก็เล็งเห็นแล้วว่าแค่ลำพังตัวเขามันไม่เพียงพอต่อการดูแลผม เขาคิดว่าฌอณคงไม่ยอมจบง่ายๆ เลยปรึกษากับวิคเตอร์ว่าให้แจ้งตำรวจไว้ดีกว่า จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาอีกแรง
   

“จริงๆ ไม่ต้องแจ้งก็ได้” ผมว่าเสียงอ่อยพลางเล็มๆ เลียๆ ทูน่า
   

“กระบวนการต่างๆ มันวุ่นวายพอๆ กับนิสัยคุณแมท คุณแมทคิดว่าผมรักคุณแมทมากจนอยากแจ้งเหรอครับ” เอ๊ะ! บักห่านี่มันเป็นคนยังไงนะ ผมกัดฟันแน่นแล้วถลึงตามองไอ้บอดี้ปอดอย่างหมั่นไส้ เจ้าตัวทำหน้าเฉยเมย ไม่รู้สึกรู้สารู้ห่าอะไรทั้งนั้น
   

“ก็ถ้ามันยุ่งยากมาก ก็ไม่ต้องแจ้งไง!” ผมแว้ดเสียง แต่ยังไม่ถึงขั้นเหวี่ยง
   

“ผมไม่อยากโดนเลิกจ้างเพียงเพราะว่าปล่อยให้เด็กสติเสียคนนึงโดนทำร้ายร่างกายซ้ำซ้อนนะครับ” โว้ย! บักห่ากิ๋น!
   

“เอ๊ะ?! นี่ผมเป็นแฟนของเจ้านายคุณนะ!”
   

“เพราะแบบนั้นผมถึงต้องให้ตำรวจเข้ามาช่วยดูแลคุณแมทไง ลองถ้าคุณแมทเป็นคนอื่น คิดว่าผมจะทำมั้ยล่ะครับ คุณแมทจบปริญญาแล้วนะ ผมว่าควรจะคิดได้” โอ๊ยยยย! ปวดหัว เถียงกับอีบอดี้ศพนี่ทีไรเป็นอันต้องงึดแล้วงึดอีก อยากจะยกเก้าอี้ฟาดหัวเกรียดให้เลือดอาบจริงๆ
   

ผมกำหมัดแน่นแล้วถลึงตามองไอ้บอดี้การ์ดปากกรรไกร ส่วนเขาลอยหน้าลอยตากินข้าวต่อไปจนหมด ผมหลับตาสะกดกั้นอารมณ์ตัวเองแล้วเอาถ้วยไปล้าง หยิบสตรอว์เบอร์รี่กับพริกเกลือที่ทำเองออกมาจากตู้เย็น แล้วถือเข้าไปในห้องนั่งเล่นหลบหน้าไอ้บอดี้ปอดปากหมาดีกว่า
   

นั่งกินไปได้เกือบสิบลูกพร้อมกับซีรีส์วิคเตอร์ฉายไปได้สองเบรก ผมก็ได้ยินเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ออสตินเดินไปเปิดประตู ได้ยินเสียงทักทายของชายหนุ่มสองคน แล้วสักพักออสตินก็เดินนำหนุ่มผิวสีตัวใหญ่ หน้าตาคมคายด้วยรูปหน้าชัดเจน แล้วยิ่งผิวเข้มเลยทำให้หน้าคมเข้าไปอีก หัวเกรียนไม่ต่างจากตัวเขาเข้ามาในห้อง ผมหันไปมองพลางขยับตัวให้นั่งตรงๆ
   

“คุณแมทครับ นี่โจชัว (Joshua) เรียกจอชก็ได้” ผมยิ้มกริ่มให้เพื่อนออสตินในชุดเครื่องแบบตำรวจสีน้ำเงินเข้มอันปริเปรี๊ยะจนตะเข็บจะแตกเพราะกล้ามเนื้อแน่นๆ เขายิ้มเพียงนิดแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กตามคำบอกของออสติน
   

“ออสตินติดต่อให้ผมมาช่วยดูแลคุณอีกแรง แต่ก่อนอื่นผมขอถามเรื่องราวระหว่างคุณกับนายฌอณหน่อยครับ” ผมเคี้ยวสตรอว์เบอร์รี่ในปากจนหมดแล้วเปิดปากเล่าที่ไปที่มากับการที่ไอ้ฌอณจงเกลียดจงชังผมเพียงเพราะผมเป็นเพศที่สาม ผมเล่าตั้งแต่เริ่มเจอมันในกองถ่ายเมื่อปีก่อน แล้วก็การกลับมาเจอกันอีกครั้งในกองถ่ายในปีนี้จนเกิดเรื่องขึ้น
   

“มันง่ายตรงที่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนมีชื่อเสียง ถ้าจะจับเขาก็สืบไม่ยาก คุณจะให้เราดำเนินคดีกับเขามั้ย” ผมกะพริบตาปริ๊บๆ แล้วนึกในใจว่า โอ้ ชีวิตเก้งสาว มีเรื่องราวเป็นคดีความเป็นทางการ
   

“ตะ… ต้อง ดำเนินคดีด้วยเหรอ” ผมอ้าปากหวอ ออสตินทำหน้าหน่าย ส่วนเพื่อนเขายิ้มขำเล็กน้อย
   

“คุณควรจะทำตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาทำร้ายร่างกายคุณแล้วครับ” ผมมองใบหน้าหล่อคมเข้มแบบฉบับหนุ่มผิวสีของเพื่อนออสตินแล้วคิดหนัก แต่เอาเข้าจริง มันไม่ต้องคิดอะไรหนักเลย มันควรต้องแจ้งตำรวจไงแมท เธอคิดว่าเธอจะต้องแจ้งมือปราบมารในโลกเวทมนตร์เหรอ
   

“งั้นก็ฝากด้วยนะครับ ถ้าจับเขาได้ ก็ฝากหาห้องขังให้เขาสักห้องก็แล้วกัน” จอชยิ้มเท่ ผมยิ้มเพลียๆ หยิบสตรอว์เบอร์รี่จิ้มพริกเกลืออีกลูกแล้วเอาเข้าปาก
   

“คุณมีรูปถ่ายตอนโดนทำร้ายร่างกายเก็บไว้มั้ย” ยังไม่ทันได้อ้าปากตอบ ก็มีคนตอบให้ก่อน
   

“ฉันมี แต่นายอาจแยกไม่ออกว่าอันไหนหน้าจริง อันไหนหน้าเละตอนโดนทำร้ายร่างกาย” ด้วยความงึดแรง ผมขว้างสตรอว์เบอร์รี่ในมือใส่ออสติน แต่เขาก็ตวัดมือขวาขึ้นมารับมันไว้ได้ทันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จอชหัวเราะเบาๆ ในมือถือปากกาจดยิกๆ ลงบนกระดาษสีขาวที่อยู่บนแผ่นคลิปบอร์ดสีดำ
   

“งั้นเดี๋ยวผมจะปล่อยให้คุณทานสตรอว์เบอร์รี่ต่อ ส่วนผมขอตัวออสตินไปคุยสักแปบนะครับ” ผมเคี้ยวสตรอว์เบอร์รี่แจ๊บๆ แล้วกลืนลงคอ
   

“เอาไปเลยครับ ถ้าจับฌอณไม่ได้ ผมขอเสนอให้จับเขาแทน” ออสตินยิ้มหึ ผมเบ้ปากแล้วหันไปมองทีวีต่อ ออสตินพาเพื่อนเขาออกไปจากห้องโถง ได้ยินเสียงคุยกันแว่วๆ ในห้องครัว แต่เสียงทีวีกลบจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็ไม่คิดหรี่เสียงทีวี เพราะเรื่องกฎหมายเผือกไปก็ไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี เอาเป็นว่าตอนนี้ไอ้ฌอณโดนออกหมายจับแล้ว
   

ไปนอนในคุกซะนะไอ้ชอนไชไส้หมาเน่า ถึงพื้นเพชีวิตแกจะน่าสงสาร แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างทำเลวกับคนอื่น 
   





หลังจากกินสตรอว์เบอร์รี่จนหมด ซีรีส์วิคเตอร์จบและเพื่อนออสตินก็กลับไปแล้ว ผมก็เปิดคอมนั่งเล่นโซเชียลกับเพื่อนๆ ที่เมืองไทย แต่ไม่ได้แชทกับมันทุกคน ตอนนี้ผมกำลังออนสไกป์คุยกับไอ้แชมป์แล้วก็แคท ที่ไทยตีหนึ่งแล้ว มันสองคนก็ยังคงทรหดไม่นอน ไอ้แชมป์มันทำงานที่บ้าน เลยไม่จำเป็นต้องรีบนอนรีบตื่น ส่วนแคทมันยังไม่ทำงาน แต่ก็รอเรียกสัมภาษณ์จากหลายๆ ที่อยู่ ช่วงที่ผมหน้าเละจากการโดนทำร้ายร่างกาย ผมเก็บตัวเงียบจากโซเชียล หน้าวอลเฟซบุ๊คมีอีพวกนี้แหละมาจิกกัดว่าผมกกผัวจนไม่ยอมโงหัวขึ้นมา
   

“เออ สรุปว่าแบมมันทำงานที่นั่นต่อมั้ย” ผมถามพลางดูดน้ำส้มจ๊วบๆ
   

“ทำค่ะ เงินดีขนาดนั้นมันก็เลยว่าจะอดทนทำสักสามเดือนก่อน นางบอกว่าเวลาผ่านไป หัวหน้ามนุษย์ป้าของนางอาจจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น” ผมพยักหน้าหงึกๆ หันไปมองไอ้แชมป์ที่กำลังนั่งจิ้มมือถือยิกๆ
   

“ทำอะไรอะ มีเมียใหม่แล้วเหรอไอ้แชมป์”
   

“เมียใหม่ห่าอะไรล่ะ ไอ้วอร์มกำลังจะแต่งงานโว้ย” น้ำส้มแทบจะพุ่งออกจากปากจนเกือบเปรอะหน้าจอแม็คบุ๊ค แต่ดีที่หุบปากไว้ได้มันเลยไหลย้อยเต็มปากผมแทน
   

“กรี๊ดดด ไม่เห็นมันพิมพ์ในกรุ๊ปไลน์เลย อะไรยังไง อีวอร์มอำรึเปล่า มันไม่มีวี่แววเลยนะ!” แคทสีหน้าตื่นแล้วคว้ามือถือมาไว้ในมือ ผมเองก็เช่นกัน รีบกดเข้าไปดูในกรุ๊ปไลน์ว่าตัวเองพลาดอะไรไปหรือเปล่า แต่ไอ้วอร์มก็ไม่เห็นพิมพ์อะไรเลย
   

“กูเค้นมันหลายรอบแล้ว มันบอกว่าเรื่องจริง มันส่งภาพเจ้าสาวมันมาให้ดูด้วย” ไอ้แชมป์ยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูรูปผู้หญิงคนหนึ่ง ผมขมวดคิ้วฉับเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น คือไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับอาชีพพริตตี้นะ แต่เธอคนนี้ดูเป็นแนวนั้น หน้าฉ่ำๆ ตัวขาวๆ อย่างกับแสงนีออน คอนแท็คเลนส์สีๆ
   

“ทำไมไม่เคยเห็น แล้วทำไมมันไม่บอกพวกเรา” แคทบอกเสียงตื่น ไอ้แชมป์ดันตัวเองลุกขึ้นแล้วเอาคอมวางไว้บนตัก เผยให้เห็นแผงอกกับซิกส์แพ็คขาวล่ำ แหม เพื่อนเราก็งานดีมากเลยนะเนี่ย
   

“เดี๋ยวมันกำลังจะบอก และที่พวกมึงไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ เพราะมันยังไม่ทันได้เป็นแฟนกัน แต่ผู้หญิงท้องก่อน เลยต้องแต่ง” ผมเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง  อีวอร์มผู้ใสซื่อแต่ไม่ซื่อเรื่องบนเตียงกำลังจะมีลูก อ้ากกก! มันยังไม่เบญจเพสเลยนะ!
   

“มันพิมพ์มาในไลน์กลุ่มแล้ว กูต้องรีบเผือกก่อน” แคทเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วพิมพ์ยิกๆ ผมกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาอ่าน แต่นึกได้ว่าถามไอ้แชมป์เอาก็ได้
   

“ลูกมันจริงเหรอแชมป์ เกิดขึ้นตอนไหน ได้ไงอะ” ไอ้แชมป์ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วส่ายหัวงงๆ
   

“มันบอกก็ไม่แน่ใจ แต่ช่วงระยะเวลาที่มันมีอะไรกับเขาแล้วเขาท้องมันลงตัวพอดี มันเลยรับ” ผมขมวดคิ้วบ้าง นึกสงสัยในใจว่าไอ้วอร์มมันรับเด็กในท้องเป็นลูกตัวเองง่ายจัง
   

“แล้วที่บ้านมันไม่ว่าอะไรเหรอ”
   

“มันบอกว่าเขาก็ตึงๆ ไปเหมือนกัน เพราะเขาอยากให้มันทำงานไปสักพักก่อน”
   

“มันแน่ใจได้ยังไงว่านั่นลูกมัน กูไม่ได้จะบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดี แต่บางทีมันก็รับง่ายไปอะ”
   

“ไม่ต้องคิดมากหรอก เขาก็ไม่ได้นิสัยดีจริงๆ นั่นแหละ” ผมมองหน้าไอ้แชมป์งงๆ มันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะว่าต่อ
   

“กูกับเขาเกือบเคยนอนด้วยกัน แต่กูจับได้ก่อนว่าเขามีแฟนแล้ว ไม่ดิ ผัวเลยดีกว่า กูเลยไม่เอา ทีนี้เขาเจอไอ้วอร์ม มึงก็รู้ว่าไอ้วอร์มมันไม่คิดเหี้ยไรมาก ให้เอามันก็เอา เหมือนกูแหละ แค่กูมีศีลธรรมมากกว่ามันหน่อย…” ผมโก่งคอทำท่าอ้วก ไอ้แชมป์ยกนิ้วกลางข้างขวาขึ้นด่าแล้วพูดต่อ


“…แต่พอผู้หญิงรู้ว่าไอ้วอร์มมีตังค์ คราวนี้เกาะไอ้วอร์มหนึบ แล้วก็ท้องด้วยกันนี่แหละ” ผมอ้าปากหวอแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ นึกถึงหน้าเพื่อนตัวเองแล้วก็อยากจะตบกะโหลกสักที ไอ้จะไปมีใครที่ไหนกับใครก็เป็นสิทธิ์ของมัน ตราบใดที่มันไม่นอกกายนอกใจแฟนตัวเอง
   

“มีอะไรกับใครก็จู๋มันนะ แต่ทำไมมันไม่ป้องกันอะ เกิดมันติดโรคขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย มึงก็เหมือนกันไอ้แชมป์ จะหงี่จะอยากขนาดไหน จะเอากับใครก็ป้องกันด้วย ชีวิตนี้กะไม่ใช้ควx อีกทั้งชีวิตแล้วใช่มั้ย” ผมบ่นยาวเหยียด ไอ้แชมป์นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ผมเลยถลึงตามองมันแล้วยกมือทำท่าจะตบ
   

“มาๆ บินมาตบกูที่ไทยนี่ คิดถึงมึงจริงๆ”
   

“เออ ฉันก็คิดถึงแกด้วยอีแมท…” แคทตะโกนแทรกขึ้นมา แต่สายตาก็ยังจ้องมือถือไว้ตลอด แล้วสักพักมันก็ทำหน้าเหวอ
   

“…อีดอก งานแต่งฟ้าแล่บเวอร์ อีกสองเดือนแต่งค่ะคุณพี่!” ผมทำปากรูปตัวโอตาโตด้วยความตกใจ อันที่จริงการแต่งงานมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมตื่นเต้นเพราะมันเป็นงานแต่งงานของคนใกล้ตัวมากๆ แล้วดันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จริงๆ ถ้าเธอคนนั้นจะท้องลูกแฝดสองแฝดสามแฝดสยามแฝดเอกมัย หรือท้องตอนไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมเคลือบแคลงใจกับวิถีการท้องของเธอมากกว่า ไม่ใช่เรื่องของผมก็จริง แต่วอร์มก็เป็นเพื่อนสนิทของผม
   

“ถ้ามันเลือกเขาแล้วก็ตามนั้น แต่บอกตรงๆ กูยังแอบตงิดใจเรื่องท้อง”
   

“ไม่ใช่แค่แกคนเดียวอีแมท ทั้งกลุ่มค่ะ ยกเว้นอีวอร์ม อีนี่มันจะซื่อมากไปละ ไม่ได้การค่ะ ต้องเรียกระดมเพื่อนสาวมาสืบเรื่องนี้!” แคททำหน้าตามุ่งมั่นจริงจัง มือก็กดยิกๆ ไม่หยุด
   

“เฮ้ยๆ อยากไปร่วมขบวนการด้วยอะ” ผมร้องบอกพลางกัดหลอดสีขาวเล่นเพลินๆ
   

“โถ่ ผัวมึงหวงชิบหายวายวอดขนาดนั้น มึงคงมาได้หรอกนะ” ไอ้แชมป์กัดผมด้วยสีหน้าหมั่นไส้ซะเต็มประดา แคทลุกเดินออกไปโทรศัพท์กับใครสักคน เดาว่าเป็นชะนีในแก๊งค์ อาจจะเป็นเหมียว
   

“คิดถึงพวกมึงจัง” ผมว่าหน้าตาเหงาหงอย ถึงพวกมันจะเริ่มทำการทำงานแล้ว แต่ถ้าผมยังอยู่ไทย ผมคงได้ไปเที่ยวเล่นกับพวกมันบ้างอยู่ดี
   

“ล่าสุดพวกกูเพิ่งนัดไปกินโออิชิมา ขาดมึงตัวเดียว” ผมเบะปาก นึกถึงบรรยากาศเสียงดังกับพวกมันแล้วก็ใจหวิวๆ
   

“มึงจะกลับไทยบ้างป่ะเนี่ย” ผมพยักหน้าหงึกๆ
   

“กลับๆ อาจจะกลางปีนี้แหละ”
   

“แล้วมึงจะบอกพ่อกับแม่มึงเรื่องผัวมึงเมื่อไหร่ พ่อมึงแอบโทรมาถามกูด้วยนะ” ผมอ้าปากหวอ รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง เอื้อมแขนไปวางแก้วน้ำส้มไว้บนโต๊ะ
   

“จริงอ้ะ?! แล้วมึงบอกเขาไปว่าอะไร” ไอ้แชมป์ยิ้มขำกับสีหน้าแตกตื่นของผม
   

“กูบอกว่า ผมไม่รู้เหมือนกันครับพ่อว่ามันมีแฟนจริงมั้ย แต่ผมอะผัวมัน”
   

“แอร๊ย อีแชมป์!!” ไอ้ตี๋ตาไม่ตี่หัวเราะดังลั่น นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะตีหัวแรงๆ เลยคอยดู มันทำหน้าลิงหลอกเจ้า ผมแยกเขี้ยวใส่มันไปทีแล้วถามด้วยความร้อนใจ
   

“เอาดีๆ มึงบอกพ่อกูว่าอะไร” มันพยายามหยุดหัวเราะให้ตัวเองนิ่งก่อนจะตอบ
   

“บอกว่ากูไม่รู้ แต่มึงอะไปทำงานกับวิคเตอร์จริงๆ ไอ้เรื่องความสัมพันธ์พ่อคงต้องรอถามแมทนะครับ แต่เขาบอกว่าถ้ามึงกลับมาไทยเมื่อไหร่ เขามีเรื่องให้กูช่วย” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
   

“ช่วยเรื่องอะไรอะ”
   

“มึงนี่ถามโง่ๆ ถ้ากูรู้ว่าช่วยเรื่องอะไร กูก็บอกมึงไปแล้วสิ”
   

“เอ๊ะ?! ไอ้แชมป์ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งเหรอ!” มันหัวเราะอารมณ์ดีอีกรอบ เห็นแล้วหมั่นไส้จริงๆ แต่ก็คิดถึงพวกมันด้วยเช่นกัน ผมหันไปมองตรงหน้าต่างวีดีโอของแคท มันหายไปจากหน้าจอแล้ว สงสัยคงกำลังเม้าท์ได้ที่เลย
   

ติ๊งหน่อง!
   

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ผมหันไปมองตามสัญชาตญาณทั้งที่มองจากตรงนี้ก็ไม่เห็นหรอกว่าใครมา แต่ผมเดาว่าน่าจะเป็นวิคเตอร์ สักพักก็เห็นออสตินเดินผ่านซุ้มประตูห้องโถงไปทางประตูบ้านพร้อมกับไมเคิล
   

“แชมป์ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ วิคเตอร์มาแล้ว”
   

“โห่ ผัวมาแล้วทิ้งเพื่อน มึงมันเหี้ย” ผมถลึงตาใส่มันที่ยิ้มทะเล้นอยู่
   

“มึงโกรธกูอะไรลายใหญ่ปานนั้น แค่นี้นะ ไอ้เหี้ยกว่า!”
   

“เฮ้ย...!” ผมไม่รอให้มันตอบกลับแต่รีบปิดหน้าต่างสไกป์แล้วพับหน้าจอแม็คบุ๊ค วางไว้บนโซฟาแล้วลุกขึ้นยืน แต่ก้าวได้สองก้าวผมก็หยุดอยู่กับที่เมื่อวิคเตอร์ในชุดเสื้อยืดสีเทา เสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ กางเกงยีนขาเดฟสีน้ำเงินเข้มกำลังยืนอยู่ตรงหน้า ผมมองเขาตาค้างแวบหนึ่ง เพราะรู้สึกเหมือนเขาจะหล่อขึ้น หรือเพราะผมไม่เจอเขาเกือบสองอาทิตย์แล้วก็ไม่รู้
   

“Hi.” ผมลองทักเสียงเบาๆ ต้องหยั่งเชิงก่อนว่าเขามีท่าทียังไง ไอ้ยักษ์ก็หน้านิ่งตามปกติ แต่ไม่ได้มีแววเครียดหรือโกรธเกรี้ยวร้ายแรง เขาเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ผมเองก็ก้าวเข้าไปหาเขาสองก้าวแล้วเราก็ถึงตัวกัน เขาโอบสองแขนรอบเอวผม ส่วนผมโอบสองแขนรอบคอของเขา วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาสำรวจอย่างอ่อนโยน หนวดเคราของเขาบางลงกว่าปกติ
   

“Giant.” ผมเรียกเขาเสียงเบา ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นของวิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งๆ อีกสักพักก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ ผมยกมือขวาขึ้นไปลูบแก้มซ้ายของเขา วิคเตอร์ยกมือซ้ายขึ้นมาจับมือผมไว้แล้วดึงไปจูบทั้งหน้ามือและหลังมือ
   


“เด็กดื้อ” เขาคำรามเบาๆ แล้วก็ยกสองมือมาล็อคหน้าผมไว้แล้วก็ก้มลงจูบริมฝีปาก เขาบดขยี้รุนแรง ทำเอาผมเริ่มหายใจหอบ สองมือเลื่อนลงไปจับเสื้อแจ๊คเก็ตหนังสีดำของเขาไว้แน่น พยายามตั้งรับจูบให้มั่นคงที่สุด
   

วิคเตอร์ส่งลิ้นเข้ามาในปากแล้วเริ่มกวาดลิ้นไปรอบโพรงปากอย่างมูมมาม ผมส่งลิ้นไปตอบรับ แม้ว่าจะจูบกันบ่อย แต่ผมก็จะรู้สึกขาดใจตายให้ได้เวลาเขาจูบตอนหงุดหงิด ตอนมันเขี้ยว หรือตอนรู้สึกโกรธ


แล้วตอนนี้ล่ะเขาจูบผมด้วยอารมณ์ไหนอยู่
   

“อือ… อ๊ะ…” เท้าผมค่อยๆ เดินถอยหลังไปตามแรงดันของคนตัวโตทั้งที่ปากเรายังไม่ขาดออกจากกัน แล้วไม่นานเราก็ล้มลงไปนอนบนโซฟาตัวใหญ่ที่เอาไว้นอนได้ด้วย เขาจับสองมือผมขึ้นมากดลงบนโซฟาแน่น ใช้เข่าแยกขาผมออกจากกันแล้วแทรกตัวตรงกลางระหว่างขาผม ก่อนที่จะหยุดจูบแล้วเปลี่ยนเป็นไซ้คอแทน
   

“อื้อ… อา… อ่า…” ผมแหงนคอให้เขาไซ้ได้เต็มที่ เปลือกตาผมปรือเพราะแรงอารมณ์วาบหวิวที่วิคเตอร์มอบให้ ขนผมลุกซู่ไปทั้งร่าง รู้สึกตัวเริ่มร้อนรุมๆ สมองโล่งๆ เบลอๆ
   

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ~
   

วิคเตอร์กดจูบแรงๆ ลงบนต้นคอ ไล่จูบไปเรื่อยไม่มีพัก จูบแล้วจูบอีก จูบซ้ำๆ ย้ำๆ และบางครั้งก็ฝังเขี้ยวไว้สักพักจนผมร้องครางฮือออกมาเขาถึงจะยอมหยุด ผมปล่อยให้เขาไซ้ ให้เขาจูบ ให้เขากัดจนอารมณ์ร้อนรุ่มสุมไปทั้งตัว ก่อนหน้านี้ผมอารมณ์ค้างเพราะโดนเขาแกล้งไว้ พอเขาทำแบบนี้มันเลยไปกระตุ้นอารมณ์นั้นให้ตื่นขึ้นมา และพอมันตื่นขึ้นมาสติผมก็เริ่มจะขาวโพลน ร่างกายเริ่มอ่อนระทวยไปกับความสยิว
   

“ดมนี่สิ” เขายื่นขวดสีชาเล็กๆ มาตรงจมูก ผมเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอดหนึ่งทีเพราะกำลังเบลอกับอารมณ์วาบหวิว มันคืออะไรไม่รู้ แต่มันไม่มีกลิ่น หมายถึงว่ากลิ่นมันสะอาดจนแทบไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร ผมดึงหน้าตัวเองออกห่างจากขวดเล็กๆ แล้วหันไปมองหน้าวิคเตอร์ทั้งที่สายตายังปรือๆ
   

“อะไรเหรอ” ผมถามเสียงเบาหวิว วิคเตอร์ไม่ตอบแต่ก้มลงไซ้คอฝั่งซ้ายต่อ มือขวายังคงถือขวดเล็กนั้นไว้ ผมยกสองมือขึ้นขยุ้มเส้นผมเขาไว้แน่น ปวดหนึบตรงแมทน้อย อยากจะปลดปล่อยออกมาให้โล่งตัวหลังจากอึดอัดมาหลายวัน
   

วิคเตอร์หยุดซุกไซ้ซอกคอในขณะที่ผมเริ่มรู้สึกต้องการมากขึ้น ข้างในมันร้อนระอุ สมองเริ่มตื้อๆ วิ้งๆ ไม่ได้ถึงขั้นสติหาย จังหวะลมหายใจของผมแรงขึ้นนิดหนึ่ง วิคเตอร์มองหน้าผมเหมือนกำลังสำรวจ ริมฝีปากผมเผยอขึ้น สองมือกำแล้วปล่อยช้าๆ เนื้อตัวภายนอกร้อนแผ่วๆ วิคเตอร์เลิกเสื้อผมขึ้นจนเห็นหน้าอกแล้วก็ก้มลงไปดูดยอดอกซ้ายแรงๆ หนึ่งทีจนผมแอ่นตัวกระตุกวูบ แล้วเหมือนที่เขาทำมันกระตุกอารมณ์ในตัวผมเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อทั้งตัวเริ่มอ่อนระทวย พอเขาผละออกไปผมก็ตัวสั่นเทิ้มเบาๆ เริ่มอยากให้เขาทำกับผมมากขึ้นๆ ไปอีก
   

“วิคเตอร์…” ผมครางเรียกชื่อเขา กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก มือเริ่มกำแน่นขึ้น เอื้อมมือไปจะดึงวิคเตอร์ให้มาสัมผัสตัวผมต่อ
   

“ทำต่อสิ ผม… ต้องการ…” วิคเตอร์คลี่ยิ้มร้ายกาจบนหน้าหล่อๆ สายตาผมเลื่อนไปมองขวดสีชาเล็กๆ ในมือเขาพร้อมกับหอบหายใจรุนแรง และตอนนั้นเองที่ผมรู้ว่าเขาให้ผมดมป็อปเปอร์ (ยาปลุกเซ็กส์)



 :katai5:

ออสติน ไม่เบานะเลาอะ ปากคอเราะร้าย เธอแอบชอบแมทใช่มั้ย แต่แบบว่าทำเป็นร้ายใส่กลบเกลื่อนงี้ จิกกัดเอเลี่ยนจนตัวพรุนหมดละ 55555

เอาล่ะ ฝากความหวังไว้ที่คุณพี่จอชผู้ล่ำสันจนเสื้อจะแตกว่าให้หาตัวไอ้ฌอณให้เจอแล้วเอามันไปเข้าคุกซะ คุณพี่จอชไม่ใช่หนุ่มในสต๊อกของน้องแมทนะคะ พี่จอชมาช่วยเหลือเรื่องไอ้ฌอณโดยเฉพาะ เอาจริงๆ หนุ่มในสต๊อกนังแมทมีสองคนเองนะ คือผัวนางกับเอิร์ท นอกนั้น นางก็นก 55555

แล้วเนี่ย ผัวนางจะเล่นอะไรอีกคะ เอายาปลุกให้เมียดม คือยังไงคะพี่ยักษ์ กลัวเมียไม่มีอารมณ์กับตัวเองเหรอ อิชั้นต้องแจ้งหมวดมั้ยคะว่า มีเรื่องแล้วค่ะหมวดดด

อีกสองตอนก็จิจบพาร์ท Only You แล้นนะคะ ใกล้ปิดพาร์ทล้าว

ลงจบแล้ว ตอมจะขอเบรกเรื่องนี้ไว้สักพัก ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย

แล้วก็ขอเบรกไปพรูพต้นฉบับ Only You เพื่อทำเป็นรูปเล่มแปบ คือต้นฉบับเขียนเสร็จแล้ว เหลือพรูพ รีไรท์บางฉาก แจ้งในเพจไปแล้ว ลองไปตามอ่านได้นะค้าาา

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-06-2016 04:07:30
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-06-2016 06:01:05
อะไรคือ give up....


ต้องรอเฉลยอีกนานม้ายยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-06-2016 06:28:19
ออสตินร้ายมากก ปากจัด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 13-06-2016 10:15:47
โดนลงโทษอีกแล้ว แมท กับแมทน้อย ต้องถูกทรมานด้วยความต้องการแน่

เฮ้อสงสารน้องแมทจริงๆ อยากมีผัวหล่อและรวยต้องอดทนมาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-06-2016 11:28:28
ตัดตอนได้ปวดจิตปวดตับมาก อ๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-06-2016 11:29:53
ออสติตปากร้ายขึ้นน่ะเรา อยู่กะนายทั้งสองมากไปเลยซึมซับมาเหรอ 5555

ว่าแต่อิสองผัวเมียเจอหน้ากันไม่มีถามไถ่สารทุกข์สุขดิบใดๆเลยเหรอ เห็นหน้าแล้วจัดหนักกันเลยว่างั้น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-06-2016 12:08:54
พี่ยักษ์ถึงขนาดใช้ยาปลุก คือแกกะรวบยอดช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกันผสมกับเรื่องไอ้ชอนไชใช่ไหมเนี่ย :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 13-06-2016 12:22:13
ออสตินร้ายกาจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: narakarr ที่ 13-06-2016 14:25:48
เห็นเขาว่าคนเงียบๆนี่พูดทีแทบร้องท่าจะจริง ออสตินนี่นายเก็บกดที่ไม่ได้พูดขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
 :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2016 19:42:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 13-06-2016 20:03:03
วิคเตอร์นี่ชอบเล่นแผลงๆกับแมทอยู่เรื่อย ถึงไม่ใช้ยาแมทก็คงเต็มใจอยู่แล้วนะ
แล้วก็ออสติน พูดมากขึ้นเยอะเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-06-2016 20:33:39
โดนยาซะงั้น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-06-2016 21:03:55
ยักษ์ใหญ่กับเอเลี่ยนน้อย
..สุขสม..

อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-06-2016 21:48:01
ไม่ต้องโดนป็อปเปอร์ก็แรงจะแย่อยู่แล้ว
จะให้ดมไปทำไมน้อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 13-06-2016 23:22:02
ออสตินยังไม่มีแฟนใช่มั้ย  :-[  แต่คิดว่าปากแบบนี้คงยัง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-06-2016 00:41:28
ผัวมาแล้ว พิเรนทร์อีก ให้เมียดมอะไร เดี๋ยวก็หมดเรี่ยวหมดแรง
ออสตินนี่ร้ายนะ เรียกว่าคู่กัดกันเลยอ่ะกับแมท

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: CattyMeawMeaw ที่ 14-06-2016 21:18:15
ต้องเตรียมทิชชู่ไว้ซับกำเดาสำหรับตอนหน้า  :jul1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 15-06-2016 00:25:24
3 วัน กว่าจะตามทัน......
วิคเตอร์ไปหาหมอก็ดีนะคะ จะได้เลิกมโนว่าเป็นผู้คุมนักโทษ ให้หนูแมทมีสเปซบ้าง นี่จริงจังนะ สงสารน้อง
เอ๊ะ หรือหนูแมทมันก็ชอบโดนขัง....รึยังไง....
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 15-06-2016 08:37:11
วิคเตอร์แม่งลงโทษแน่เลยเล้าโลม+ยาปลุกเซ็ก แต่ก็จะไม่ทำให้ ไม่ให้ช่วยตัวเองงี้ ~
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 15-06-2016 13:29:04
ออสตินแสบมาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 50%}:13.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 17-06-2016 18:20:51
วิคเตอร์แอบจิตนะ พบหมอด่วนน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-06-2016 00:18:37


Only You EP.41 [100%]




“Go to your sex-toy room, baby. (ไปห้องของเล่นของนายกันเถอะที่รัก)” เขาก้มลงมากระซิบข้างหูด้วยเสียงเบาหวิว แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมครางฮือ วิคเตอร์ลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยๆ ดึงผมให้ลุกขึ้นนั่งตามตัวตรงๆ แม้มันจะไม่ค่อยตรงแต่ก็ไม่ถึงขั้นจะล้มคว่ำ มันไม่ใช่ว่าไม่มีแรง แต่มันทำให้ร่างกายร้อนแรงกว่าเดิม สติผมยังอยู่ แต่มันคิดแต่เรื่องอย่างว่าเต็มไปหมด


“ให้ผมดมทำไม…” ผมถามเสียงแหบแห้ง มองวิคเตอร์ด้วยสายตาต้องการ เขาไม่ตอบ กลับยิ้มมุมปากแล้วก้มลงมาจูบริมฝีปากผมเบาๆ เล่นเอาผมครางฮือเสียงดัง อยากจะกระโจนเข้าหาเข้าแรงๆ และอยากให้เขาทำกับผมแรงๆ


“ดมอีกสิ นายค้างอยู่ไม่ใช่เหรอ” ผมหายใจเสียงหนัก สบดวงตาทรงอำนาจของวิคเตอร์และพยายามบ่ายเบี่ยงเจ้าสิ่งนั้น แต่เพียงเขาเอาขวดนั้นมาจ่อตรงหน้า ผมก็ก้มลงไปสูดดมเต็มจมูก ไอเย็นพร้อมกลิ่นสะอาดแล่นไปตามเส้นประสาท เกิดอาการมึนหัวเล็กๆ


“เด็กดี” เขาลูบหัวผมด้วยมือซ้ายเบาๆ ผมมองเขาตาปรือ รู้สึกต้องการอย่างแรงกล้า ในหัวรู้สึกเคลิ้มๆ รู้สึกอยากสนุกไปกับวิคเตอร์ เขาวางขวดยาลงบนโต๊ะกระจก ถอดเสื้อแจ๊คเก็ตออกแล้วโยนไปบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ เขาถอดเสื้อยืดออกตามจนเห็นหุ่นที่อัดแน่นไปด้วยกล้าม ผมเลื่อนสายตาหยาดเยิ้มของตัวเองไปมองรอยสักบนหน้าอกของเขา พอเห็นชื่อตัวเองบนนั้นก็ยิ้มเยิ้ม พอมองหุ่นเขาแล้วก็หายใจหอบแรงกว่าเดิม วิคเตอร์แลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างช้าๆ ปลดกระดุมกางเกงยีน รูดซิบลง ก่อนจะควักลูกชายตัวเองที่ตื่นตัวเต็มที่แล้วออกมา ผมมองยักษ์น้อยสลับกับมองหน้ายักษ์ใหญ่ เขายิ้มกว้างแล้วแลบลิ้นออกมาเลียขอบฟันล่างพร้อมกับยักคิ้วทั้งสองข้างให้ผมสองที


“มาสิ” ผมไม่ลังเลใดๆ พุ่งเข้าไปใช้ปากครอบครองความเป็นชายของวิคเตอร์ไว้ก่อนจะผงกหัวเข้าออกเร็วๆ จนวิคเตอร์ร้องเสียงเพี้ยน


บ๊วบ~ บ๊วบ~


“Good, baby. Good.” วิคเตอร์ใช้มือขวาลูบหัวผมเบาๆ เหมือนเป็นการชม เขานั่งคุกเข่านิ่งๆ ปล่อยให้ผมใช้ปากอมและใช้ลิ้นตวัดไปเรื่อยๆ สักพัก ก่อนที่เขาจะดึงของตัวเองออกจากปากผมอย่างเร็ว ใช้สองมือล็อคหน้าผมให้แหงนขึ้นแล้วก้มลงมาจูบแลกลิ้นอย่างรุนแรง


“อา… อา… อ๊ะ…แฮ่ก…” เขาผละออกจากปากผม น้ำลายยืดเป็นทางยาวแต่เขาไม่สนใจ ก้มลงมาแลกลิ้นอีกสองสามทีแล้วผลักผมนอนหงายหลังอย่างแรง เขาจัดการถอดกางเกงขาสั้นผมออกพร้อมกางเกงชั้นใน แมทน้อยชูชันแข็งปัก มันปวดหนึบ มันต้องการปลดปล่อยเต็มที


“พร้อมมากเลยนะ” เขากรีดยิ้มแล้วก้มลงใช้ปากครอบครองน้องชายของผมอย่างเชื่องช้าแต่สามารถสร้างความทรมานให้กับผมจนต้องบิดตัวไปมา ผมขมิบกล้ามเนื้อหูรูดตามจังหวะที่เขากดปากลง รู้สึกถึงความผ่อนคลายของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น สองมือของผมขยุ้มเส้นผมดกดำของเขาไว้เต็มมือ


“อ้า… อ๊ะ!” วิคเตอร์ใช้สองมือแบะขาผมให้กว้างกว่าเดิมแล้วใช้ลิ้นตวัดส่วนปลายสีชมพูของผมรัวๆ จนหน้าท้องหดเกร็งเร็วๆ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงไวๆ สองมือวิคเตอร์ค่อยๆ ลูบจากต้นขาของผมขึ้นมาจับที่เอวแล้วบีบเนื้อผมเบาๆ ผมรู้สึกมวนท้องกับการที่เขาตวัดลิ้นตรงยอดปลายอย่างต่อเนื่อง


“ฮึก… ฮ้า!” ผมรู้สึกว่าใกล้จะปลดปล่อยเต็มทน สองมือผมจิกทึ้งเส้นผมวิคเตอร์แน่นขึ้น หน้าท้องหดเกร็งอยู่กับที่พร้อมจะปลดปล่อย แต่พอถึงจุดที่จะพวยพุ่งออกมา วิคเตอร์ก็หยุดกะทันหันจนผมกรีดร้องด้วยความหงุดหงิด


“Fuckkk!!” ผมหายใจถี่รัว สองมือคลายออกจากเรือนผม วิคเตอร์ยกตัวขึ้นไปนั่งคุกเข่าแล้วดึงผมให้ลุกขึ้นนั่งตาม ผมครางเสียงสั่น ตัวสั่นน้อยๆ วิคเตอร์ถอดเสื้อยืดผมออกจนร่างกายผมเปลือยเปล่า ส่วนเขาเหลือกางเกงยีนที่มีลูกชายตั้งโด่โผล่ออกมาจากตรงเป้ากางเกงกับรองเท้าคอมแบทสีน้ำตาล


“ไปกันเถอะ” เขาลุกขึ้นยืน ผมจ้องมองวิคเตอร์น้อยแล้วยื่นมือขวาไปจับมันเอาไว้ก่อนจะใช้ปากครอบครองอีกครั้ง ผงกหัวเข้าออกอยู่สักพักวิคเตอร์ก็ดึงของตัวเองออก ทิ้งให้ผมอ้าปากหอบมองหน้าเขาด้วยสายตาต้องการผสมหงุดหงิด เขาเอื้อมแขนไปหยิบยาปลุกเซ็กส์ขึ้นมาไว้ในมือ


“ไม่ต้องรีบร้อน มันเป็นของนายอยู่แล้ว” ว่าเสร็จเขาก็ก้มลงอุ้มผมไปไว้ในวงแขน ผมใช้มือขวาขยุ้มเส้นผมของเขาไว้เต็มมือ มองหน้าเขาด้วยสายตาอ้อนวอน วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแล้วพาผมเดินออกจากห้องโถงไปขึ้นบันไดเพื่อไปห้องเซ็กส์ทอย


ระหว่างเดินขึ้นบันได เขาก็ไม่ยอมให้อารมณ์ผมตกลงด้วยการก้มลงมาจูบแลกลิ้นบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้นานมาก จูบสักพักก็ทิ้งให้ผมเคว้งต้องการจนบางครั้งครางออกมาอย่างหงุดหงิด พอเข้ามาในห้องผนังสีดำอันคุ้นเคยเขาก็ปล่อยผมให้ยืนบนพื้น แมทน้อยแข็งชูชัน อยากจะเอื้อมมือไปรูดรั้งเพื่อปลดปล่อยแต่ก็โดนไอ้ยักษ์ห้ามไม่ให้ทำ


ผมมองเขาถอดกางเกงยีนกับรองเท้าพลางหายใจหอบตลอดเวลา ตอนนี้วิคเตอร์เปลือยเปล่าเหมือนกับผมและความเป็นชายของเขาก็ชูชันไม่แพ้กัน เขาจับให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้สีเงินมีพนัก ผมนั่งมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งเวลาเขาสัมผัสลูบไล้ จูบลูบคลำผมเหมือนจะยิ่งกระตุ้นอารมณ์มากยิ่งขึ้น 


เขายื่นขวดยามาให้ผมดมอีกรอบพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงเชิญชวน มือซ้ายรูดรั้งแมทน้อยเบาๆ นั่นเลยทำให้ผมยอมดมอย่างง่ายดาย ยิ่งดมก็ยิ่งมีความต้องการทางเพศมากยิ่งขึ้น รู้สึกต้องการมากกว่าปกติ หัวใจเต้นแรงและรู้สึกเคลิ้มไหลลื่นไปเรื่อย อยากจะปลดปล่อย และผมต้องการปลดปล่อย เพราะตอนนี้มันอึดอัดเหมือนโดนอะไรรัดตัวเอาไว้ หงุดหงิดจนอยากจะอาละวาดแรงๆ


“Fuck me!” ผมตะโกนใส่หน้าวิคเตอร์ ไอ้ยักษ์กรีดยิ้มแล้วมองไปรอบห้องเซ็กส์ทอย ระหว่างนั้นผมก็เด้งตัวไปใช้ปากอมลูกชายเขาไว้ วิคเตอร์ก้มลงมองนิดหนึ่งแล้วยิ้มให้น้อยๆ ปล่อยให้ผมใช้ปากกับลิ้นหยอกล้อลูกชายเขาไปเรื่อย


“เอาอันนั้นแล้วกัน” เขาพึมพำเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง ผมผงกหัวเข้าออก ลิ้มรสเนื้อเอ็นอุ่นๆ ของแฟนตัวเองอย่างมูมมาม วิคเตอร์ครางด้วยความเสียวก่อนจะใช้สองมือดึงหน้าผมออก ผมมองหน้าเขาอย่างพร่ามั่ว มือขวากำยักษ์น้อยไว้แน่น


“มานี่มา” เขาดึงผมให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินไปตรงเตียงเอนสีดำที่มีลักษณะเดียวกับเตียงใช้ตรวจภายในผู้หญิง หรือที่ร้ายแรงหน่อยก็เหมือนเตียงที่เอาไว้ใช้ทำแท้ง แต่ผมเรียกเจ้านี่ว่าเก้าอี้อ้าขา


“ขึ้นไปสิ” เขามายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ก้มลงกระซิบแล้วก็กดจูบเบาๆ ลงบนไหล่ขวา ผมผ่อนลมหายใจยาวๆ เปลือกตาพริ้มรับกับสัมผัสนั้น สองเท้าค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดแผ่นเหล็กสามขั้นขึ้นไปบนเตียงนอน ผมค่อยๆ เอนหลังลงนอนกับเบาะบุนวมสีดำ วิคเตอร์ใช้เท้าดันบันไดออกไปข้างๆ แล้วเข้ามายืนตรงหน้าผม ผมมองร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ความแน่น และความใหญ่ยาวของเขาด้วยอารมณ์ร้อนรุ่ม รอยสักตัวอักษรสีดำเด่นหราอยู่บนอกซ้ายอวบอิ่ม ในหัวคิดแต่อยากจะโดนเขาเอาแรงๆ ทำยังไงก็ได้ให้ผมถึงสักที


“Hurry!” ผมเร่งเร้าเมื่อเขายังยืนมองผมนิ่ง วิคเตอร์ยิ้มมุมปากแล้วยกขาทั้งสองผมขึ้นไปวางบนแท่นวางขา เขาดึงตัวผมให้เลื่อนลงมาอีกเล็กน้อยเพื่อที่ขาจะได้ลงล็อคกับแท่นวางขาพอดี เขาลูบต้นขาด้านในของผมเบาๆ แต่ทำเอาผมเสียวสะท้านจนต้องเกร็งหน้าท้อง


“อื้อ…” ผมครางเบาๆ วิคเตอร์เลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นไปตามเนื้อขาผมแล้วจับหัวเข่าทั้งสองข้างไว้ ก่อนที่จะใช้เทปตีนตุ๊กแกสีดำล็อกขาทั้งสองข้างแน่นจนขยับไม่ได้


“วิคเตอร์ ทำสักทีเถอะ!” ผมบอกอย่างหงุดหงิด พยายามเอื้อมมือไปดึงเขาให้เข้ามาตัวเอง แต่ไอ้ยักษ์กลับหมุนตัวเดินหนีไปตรงตู้เก็บของสีดำตรงมุมห้องใกล้กับประตู เขาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบของมากมายออกมาวางไว้บนโต๊ะสีเงินทรงสี่เหลี่ยมตัวนึงที่เหมือนโต๊ะวางอุปกรณ์การแพทย์ในห้องผ่าตัด พอได้ของตามที่ต้องการ เขาก็เข็นโต๊ะตัวนั้นมาทางผม เอาโต๊ะวางไว้ใกล้ๆ ตัวเขา


ผมมองเขาหยิบกุญแจมือสีเงินอันหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะ ปล่อยให้เขาจัดการล็อคข้อมือผมไว้กับโครงเหล็กของเตียงเหนือหัว ผมโดนล็อกทั้งแขนทั้งขา ไม่สามารถขยับได้ ที่ขยับได้มากสุดคงเป็นหน้าท้องที่มีกล้ามท้องพอประมาณที่หดเกร็งเป็นระยะตามความรู้สึกเสียววูบ แมทน้อยตั้งตรงชูชัน อึดอัดปวดหนึบจนน่ารำคาญ อยากจะฟาดแขนฟาดขาใส่วิคเตอร์ที่ไม่ยอมเริ่มสักทีแต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว


“เสียวสุดยอดเลยละ” วิคเตอร์ชูแท่งเหล็กสีเงินวาววับหัวมนฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งมีห่วงเหล็กคล้องไว้ ความยาวประมาณหนึ่งไม้บรรทัด ผมมองแท่งเหล็กนั้นด้วยหัวใจเต้นระรัว จากที่มันเต้นเพราะตื่นตัวอยู่แล้ว พอเห็นแสงสะท้อนเหล็กจากไฟในห้อง มันก็ยิ่งทำให้ใจเต้นมากกว่าเดิม ผมหายใจหอบ ทั้งนึกอยากและนึกกลัวพร้อมกันจนสับสนในหัวไปหมด วิคเตอร์คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ยื่นขวดสีชาให้ผมดมอีกรอบ ผมสูดเข้าไปเต็มปอด อาการมึนหนักขึ้นแต่ในหัวเต็มไปด้วยภาพความสนุกระหว่างผมกับวิคเตอร์ ผมนอนหายใจหอบ มองวิคเตอร์เอื้อมมือไปหยิบหลอดเจลหล่อลื่นมาบีบใส่แมทน้อยจนเปียกเยิ้ม และบีบใส่แท่งเหล็กอันนั้นด้วย เจลใสๆ ไหลเยิ้มไปตามความยาวของแท่งเหล็กแล้วไหลหยดลงบนพื้นทีละหยดช้าๆ


“จะ… จะทำ… อะไร” ผมถามด้วยความตื่นเต้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรัวเร็ว หน้าท้องหดเกร็ง วิคเตอร์ยิ้มมีเลศนัย ก้าวเดินเข้ามาชิดตรงกลางระหว่างขาของผม มือซ้ายเอื้อมมารูดรั้งชายน้อยของผมเบาๆ ผมครางฮือตอนที่เขารูดขึ้นรูดลง เจลใสๆ ทำให้มือวิคเตอร์ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และมันทำให้ผมอ่อนระทวยยิ่งขึ้นเช่นกัน แล้วพอเขาใช้นิ้วโป้งกดลงร่องกลางส่วนปลาย ผมก็ผงกหัวขึ้นจะเด้งตัว แต่แขนก็ถูกรั้งไว้ด้วยกุญแจมือที่ติดกับโครงเหล็กเหนือหัว จะบิดขาปิดก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงแอ่นตัวขึ้นน้อยๆ


“Oh my god. Oh my god. Please. Please. Please!” ผมร้องเสียงหลงตอนโดนนิ้วโป้งเขากดแช่ไว้แน่น หน้าท้องหดตัวลงไป ผมยืดคอไปด้านหน้าแล้วเปล่งเสียงร้องเพี้ยนดังทั่วห้อง เปลือกตาปิดแน่นด้วยความเสียว


“อ๊า! อ๊า!” วิคเตอร์ปล่อยนิ้วโป้งออกจากตรงนั้น ผมทิ้งหัวลงบนเบาะแล้วหายใจหอบแรงๆ พยายามขยับแขนแต่ก็ทำไมได้ ได้ยินแต่เสียงโซ่กุญแจมือกับเหล็กเหนือหัวกระทบกัน


“Ready?” เขาถามพลางรูดแมทน้อยช้าๆ แล้วช้อนสายตามองผมพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ผมไม่ตอบ เอาแต่กัดริมฝีปากล่างไว้แน่น กำลังลุ้นระทึกว่าเขาจะทำอะไร ก็พอจะนึกภาพออกว่ามันต้องทำแบบไหน แต่ตอนนี้เหมือนมีกลองมาตีจังหวะมันส์ๆ อยู่ในหัว มันเคลิ้มๆ ชวนให้รู้สึกสนุก แต่ในขณะเดียวกัน ใจก็สั่นด้วยความกลัวเพราะไม่เคยทำ วิคเตอร์ใช้มือซ้ายโกยเจลหล่อลื่นที่ไหลไปกองบนท้องผมแล้วเทลงบนแมทน้อยตั้งแต่ส่วนปลายปล่อยให้เจลไหลอาบเยิ้มแกนเสียว แล้วสักพักเขาก็เอาปลายแท่งเหล็กสีเงินด้านที่ไม่มีห่วงมาจ่อตรงยอดปลายอ่อนไหวของผม ตอนนั้นเองที่ผมนึกภาพออกชัดเจนแล้วว่าเขาจะทำอะไรกับเจ้าเหล็กนั่น


“ไม่นะ! ไม่เอา… อย่า ผมกลัว…” ผมเริ่มดิ้นจนเตียงสั่นครืน แม้จะขยับแขนขาไม่ได้ แต่ก็พยายามขยับเท่าที่แรงจะมี วิคเตอร์ใช้มือซ้ายจับแกนกายของผมที่ยังคงชูชันเอาไว้แน่น


“อย่าดิ้นแรงสิ นายต้องนิ่งนะ รู้มั้ย” ผมส่ายหัวว่าไม่เอา วิคเตอร์จ้องตาผมนิ่ง มือซ้ายบีบกลางลำตัวผมไว้แน่นจนผมเริ่มไม่ชอบใจทั้งที่อารมณ์อยากจะปลดปล่อยล้นเต็มที่แล้ว 


“เชื่อฟังฉันหน่อยได้มั้ย จะต่อต้านไปทุกเรื่องเลยรึไง?!” วิคเตอร์ว่าเสียงห้วน สีหน้าฉุนเฉียว ผมส่ายหัวรัวๆ แล้วพูดเสียงดังแต่ก็สั่นปลาย


“ไม่! อย่านะ ไม่เอา!” ผมออกแรงดิ้น กระตุกแขนตัวเองแรงๆ จนรู้สึกเจ็บข้อมือเพราะโดนขอบกุญแจมือกดเข้าไปในเนื้อ


“นายต้องการปลดปล่อยนะแมท อย่าฝืนเลยน่า” วิคเตอร์พูดคล้ายจะปลอบโยนแต่ไม่ใช่ ความกลัวแบบเดียวกับวันที่เขาขืนใจผมเริ่มเกาะกุมใจ เขากำลังทำแบบนั้นอีกแล้ว แต่แค่เปลี่ยนวิธีใหม่เท่านั้นเอง


“ไม่ ฮ่ะ… ฮ่ะ… อย่า… ไม่เอาแบบนี้” วิคเตอร์ชักสีหน้าหงุดหงิด เขาปล่อยมือออกจากแก่นกายของผม หันไปหยิบไอ้ขวดสีชาเล็กๆ ขวดเดิมขึ้นมา ผมสั่นหน้าปฏิเสธรัวๆ และเริ่มออกแรงดิ้น จนข้อมือโดนขอบกุญแจมือบาด ขาสองข้างถูกมัดแน่นแต่ผมก็พยายามออกแรงถีบ


“ดม!” วิคเตอร์สั่งแล้วยื่นขวดนั้นเข้ามาใกล้จมูก ผมหันหน้าหนีแม้ว่าจะมีอารมณ์แค่ไหน แต่ผมไม่ได้โดนมันครอบงำจนทำอะไรไม่ได้ ผมอยาก แต่ผมก็รู้ว่าอยากแบบไหนและไม่อยากแบบไหน


“ไม่เอา เอาออกไป ปล่อยผม ปล่อยผมไป!” ผมจ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธจัด แต่สีหน้ายังคงแสดงออกถึงความต้องการทางเพศ ในหัวผมต้องการความสนุก ความเสียวจากสิ่งที่วิคเตอร์จะปรนเปรอให้ แต่ใจผมไม่เอา มันต่อต้านพอๆ กับความต้องการเรื่องอย่างว่าที่สมองสร้างขึ้นมา
   

วิคเตอร์จ้องหน้าผมสายตาแข็งกร้าว เขาขบกรามแน่น ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นที่ผมชอบมองแลมืดสนิท ใบหน้าหยาบกระด้างที่ผมไม่ชอบเวลาเขาโกรธปรากฏขึ้นมา สายตาของเขาคมวาว จ้องผมเหมือนโกรธกันมานาน ผมเริ่มน้ำตาคลอเมื่อเห็นสายตานั้น
   

นั่นไม่ใช่สายตาของคนที่บอกว่ารักกัน นั่นไม่ใช่คนที่บอกว่ารักผม
   

“รู้มั้ย?! ฉันทรมานแค่ไหน ตอนที่รู้ว่านายโดนทำร้ายถึงในบ้าน?!” ผมหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้มแล้วหันหน้าหนีใบหน้ากับสายตาน่ากลัว วิคเตอร์ตามมาจ้องหน้าผมจนผมเริ่มสะอื้นขึ้นมานิดๆ ด้วยความกลัว
   

“ไม่จริง…” ไม่จริงหรอก ไม่จริง เขาไม่ได้ห่วงอะไรผมเลย แต่เขาโกรธที่ผมไม่ทำตามคำสั่งของเขา เขาโกรธที่ผมแหกกฎและไม่ทำตามข้อห้ามของเขาทั้งหลายแหล่ 
   

“ฉันอยากให้นายรับรู้ความรู้สึกนั้นแมท ความรู้สึกทรมาน ใจจะขาด ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรอ!” เขาพูดเสียงรอดไรฟันข้างหูซ้าย ลมหายใจอุ่นจนร้อนของเขารดอยู่บนแก้ม ผมเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง ยังคงพยายามออกแรงดิ้นจนเลือดออกตรงข้อมือ ผมร้องไห้สะอื้น ไม่อยากฟัง ไม่อยากมองหน้าเขา ไม่อยากเข้าใกล้คนๆ นี้
   

“ไม่ ออกไป ไปซะ…” ผมหลับตาแล้วพูดเสียงเบาหวิว หัวใจคล้ายโดนมือที่มองไม่เห็นบีบแน่นจนอึดอัดและอาจจะรู้สึกทรมานได้ในที่สุด
   

“อยู่นิ่งๆ แล้วปล่อยให้ฉันจัดการนายซะ ดมเดี๋ยวนี้” เขากระซิบเสียงเข้ม ยื่นขวดสีชามาตรงหน้า ผมกัดปากล่างแน่น น้ำตาไหลอาบแก้มมากมาย เสียงสั่นเครือจากในลำคอเริ่มดังขึ้นทีละนิด ผมพยายามเบี่ยงหน้าหนี วิคเตอร์ส่งเสียงหงุดหงิดออกมาจากลำคอ เขาใช้มือขวาที่มีเหล็กยาวอันนั้นคาอยู่ในมือบีบคางผมไว้แน่น และพยายามยังคับให้ผมดมขวดนั่น ผมมองหน้าเขาทั้งน้ำตา มองด้วยความผิดหวังรุนแรง และตอนนั้นเองที่เส้นอารมณ์ผมขาดผึงแล้วกรีดร้องเสียงหลงดังลั่นห้อง
   

“ออกไป๊!!! ออกไปเดี๋ยวนี้!!! ถ้าทำแบบนี้ก็เลิกกันไปเลย เลิก!!! เราเลิกกัน พอแล้ว!!! ผมพอแล้ว!!!” ผมตะโกนโก่งคอกรีดร้องใส่หน้าเขา คล้ายว่าได้ปล่อยระเบิดออกมาจากในอก วิคเตอร์ผงะไปนิด เขาดูงงอยู่ครู่สั้นๆ แล้วสักพักเขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด เขาทิ้งขวดและเหล็กยาวอันนั้นลงพื้นอย่างรวดเร็ว
   

“ไม่… ไม่นะ…”
   

“ปล่อยผมไป!!! ผมไม่ใช่แฟนคุณอีกแล้ว!!! คุณจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้ ผมเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว!!! ปล่อยผม!!!” ผมตะโกนใส่หน้าเขาเสียงดังสุดขีดแบบที่ตัวเองไม่เคยทำกับเขามาก่อน มันเหมือนระเบิดเวลาที่นับถอยหลังด้วยเวลาอันมหาศาลแล้ววันหนึ่งเวลาก็ย่นลงอย่างเร็วจนถึงจุดระเบิด และตอนนี้มันก็คือจุดที่ผมไม่สารถกักเก็บอะไรไว้ได้อีก หน้าอกผมกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงด้วยความโกรธ ตอนนี้อารมณ์โกรธจัด อารมณ์เคืองมีมากกว่าอารมณ์อย่างว่าเพราะฤทธิ์ยาซะอีก
   

“ไม่!! ไม่นะแมท ฉันขอโทษ!!”
   

“ไม่เอา!!! ไม่เอาคำขอโทษอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ปล่อยผมไป!!!” วิคเตอร์เบิกตากว้าง สีหน้าเขาซีดเผือด ท่าทีเขาลนลาน ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น ยังคงไม่หยุดดึงแขนตัวเองจนเจ็บและแสบข้อมือ วิคเตอร์เหมือนจะพอตั้งสติได้บ้าง เขาเลยรีบหยิบกุญแจมาไขกุญแจข้อมือออกแล้วโยนมันทิ้งลงพื้น แขนผมร่วงหล่นลงมากองข้างตัวอย่างหมดแรง มันแดงเถือกและมีเลือด ผมนอนร้องไห้สะอึกสะอื้น มองวิคเตอร์ที่รีบแกะเทปตีนตุ๊กแกออกจากขาผมจนเป็นอิสระ
   

“แมท ไม่เป็นไรแล้ว” เขาใช้น้ำเสียงปลอบปะโลม เดินเข้ามาใช้สองมือลูบน้ำตาออกจากแก้ม ผมหันหน้าหนี ยิ่งได้สัมผัสจากเขาผมก็ยิ่งร้องไห้
   

“ฮึก… ฮือออ! ไปให้พ้น…” ผมพูดเสียงเบา ความกลัวโอบล้อมตัวไว้จนตัวสั่น แต่วิคเตอร์ไม่ยอม เขาพยายามประคองหน้าผมให้หันไปมองหน้าเขา ผมรู้สึกหงุดหงิดรุนแรงเลยหันไปตะคอกใส่หน้าเขาเสียงดัง
   

“…ไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับผม!!!” เขาค้างเติ่ง มองหน้าผมด้วยสายตาหวาดหวั่น ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นคู่สวยมีน้ำตาคลอ แต่ผมไม่สนใจ เพราะผมร้องไห้ยิ่งกว่าเขาอีก ผมหายใจหอบแรงๆ มองหน้าเขาอย่างโกรธเคือง มองด้วยสายตาหวาดกลัวและรู้สึกรังเกียจนิดๆ
   

“อย่า… อย่ามองฉันแบบนั้น…” เขาส่งเสียงอ้อนวอน หน้าตาเจ็บปวด ดวงตาเขาสั่นไหวระริก น้ำตาไหลออกจากดวงตาขวาเขาเงียบๆ สองมือประคองใบหน้าผมไว้อย่างแผ่วเบา ผิดกับเมื่อกี้นี้ลิบลับ
   

“ฉันขอโทษ… ขอโทษ…”
   

“คุณจะพูดคำนี้บ่อยอีกแค่ไหนถึงจะพอใจ?!!” ผมยังไม่หยุดอารมณ์ขึ้น ทั้งร้อนเพราะโกรธ ทั้งร้อนเพราะยาปลุก วิคเตอร์มองผมอย่างทรมาน ผมกัดฟันแน่นจ้องมองเขาอย่างนึกโมโหว่าเขาจะมาทรมานอะไร ผมสิควรทรมาน!
   

“ไปให้พ้นจากผม ไปเดี๋ยวนี้!!!” ผมตะโกนไล่เขา ยกมือขวาตบแก้มซ้ายเขาเต็มแรง วิคเตอร์หลับตาเพราะความตกใจ ใบหน้าเขาหันไปเพียงนิดเดียว ผมผลักหน้าเขาออกแล้วพยายามจะออกแรงลุกขึ้นแม้จะมีเหลือน้อยนิดก็ตาม จะแข็งโด่ ตั้งค้างยังไงตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว ผมอยากออกไปจากที่นี่ ออกไปจากตรงนี้ ไปให้ไกลจากผู้ชายคนนี้
   

“ไม่แมท ไม่! นายจะไปไหนไม่ได้ มานี่ มาหาฉัน” เขาเดินอ้อมมาด้านหน้าด้วยท่าทีลนลานเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาสลดลงมาก ดวงตาเศร้าหมองมองผมอย่างอ้อนวอนและขอร้อง เขาเข้ามากอดประคองผมที่เพิ่งลงจากเตียงแล้วยืนโงนเงน แต่ผมพยายามผลักเขาออกไป เพราะยิ่งเขาสัมผัสตัวผมมากเท่าไหร่ มันยิ่งอยากมากขึ้นเท่านั้น และในขณะเดียวกันคือผมกลัว
   

“อย่ามาแตะต้องผม ออกไปนะ!” ผมตะโกนเสียงดังและพยายามผลักเขา แต่ร่างแกร่งตัวสูงและหนากว่าผมกลับยืนนิ่งและช้อนตัวผมขึ้น ผมตัวสั่นเทิ้ม ส่งเสียงครางฮือ ตอนนี้อารมณ์อย่างว่ากับอารมณ์โกรธและกลัวตีกันมั่วไปหมด
   

วิคเตอร์พาผมเดินลงบันไดจากชั้นสามอย่างรวดเร็วแล้วพาผมกลับเข้าไปในห้องนอนของเรา อุ้มผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ พาเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำกระจกอีกที ผมยังคงครางเสียงสั่น น้ำตาไหลพราก แก่นกายชูชันไม่ยอมลงเพราะยาปลุก ผมนอนซุกอกอุ่น รู้สึกเหมือนใช้พลังงานไปเยอะหลังจากตะโกนใส่เขาจนหอบ วิคเตอร์โอบกอดผมแน่น เอื้อมมือขวาไปเปิดฝักบัว
   

วินาทีที่น้ำโดนตัว ผมก็ร้องฮือเสียงดัง เพราะมันปะทะกับความร้อนของร่างกายอย่างจัง วิคเตอร์ค่อยๆ นั่งลงบนพื้นห้องอาบน้ำ โดยมีผมนอนขดตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดเขา น้ำเย็นๆ ช่วยดับความร้อนในร่างกายได้ดีพอสมควร แต่ก็ยังไม่ได้หายไป ผมต้องได้ปลดปล่อยนั่นแหละถึงจะหายดี แต่ตอนนี้จิตใจจริงๆ ของผมไม่มีอารมณ์เลย แต่ฤทธิ์ยามันก็ไม่ใช่น้อยๆ เหมือนกัน
   

“เดี๋ยวก็หายนะ เดี๋ยวก็หาย…” วิคเตอร์ปลอบผมท่ามกลางเสียงน้ำจากฝักบัวรดตัวเราสองคนและกระทบลงพื้นกระเบื้อง ผมหายใจแรงๆ เพราะเขาใช้มือลูบแขนลูบตัวผมเพื่อให้ผมสงบ แต่เขาอาจลืมไปว่าผมโดนยาอยู่ ยิ่งสัมผัสมันก็ยิ่งต้องการ แม้จริงๆ จะไม่ต้องการเลยก็ตาม
   

“ปล่อยผม…” ผมเงยหน้าร้องบอกเสียงแหบ แต่วิคเตอร์ส่ายหัวสีหน้าหวาดกลัว สายตาหวาดหวั่นแล้วกระชับอ้อมแขนกอดผมแน่นขึ้น เขาเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากผม ยิ่งใกล้ชิดเขา ผมก็ยิ่งร้องครางฮือ
   

“พอแล้ว อย่าไล่ฉันอีก…” เขาบอกเสียงเจ็บปวดไม่แพ้สีหน้า ผมอ้าปากหอบแผ่วๆ เปลือกตากะพริบอ่อนแรง แล้วในที่สุดผมก็ต้านไม่อยู่
   

“ช่วยผม ช่วยผมที…” ผมไม่ไหวแล้ว ผมแหงนหน้ามองเขาอีกทีแล้วอ้อนวอนให้เขาช่วยปลดปล่อย วิคเตอร์พยักหน้ารัวๆ แล้วเอื้อมมือซ้ายไปจับแก่นกายผมไว้ ก่อนจะค่อยๆ ชักขึ้นลงให้ผมเบาๆ ท่ามกลางสายน้ำเย็นๆ จากฝักบัว
   

“อือ… อือ…” ผมนอนอ้าขาขวา ขาซ้ายยังคงพาดอยู่บนตักเขา ผมนอนตาปรือ มือขวาเหวี่ยงขึ้นไปจิกผมท้ายทอยวิคเตอร์แน่น มือซ้ายจิกลงบนแผ่นหลังเขา แขนขวาของเขาประคองหลังผมไว้ไม่ให้ผมหงายหลังลงบนพื้นห้องน้ำ มือซ้ายรูดขึ้นรูดลงให้ผมไปเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบจนกระทั่งผมปลดปล่อยออกมาอย่างมากมายจากการกักเก็บมาหลายวัน ผมตัวเกร็งกระตุก ครางอืออาไปเรื่อย ช่วงที่ปลดปล่อยในหัวสมองมันสุขสมมาก มันผ่อนคลาย รู้สึกสบายตัว เหมือนตัวลอยเบาหวิว วิคเตอร์หยุดมือตัวเอง ก้มลงมองผมด้วยสายตาปวดร้าวและทรมาน ผมมองเขาอย่างอ่อนแรงแล้วพูดเสียงแหบแห้ง
   

“ผมทรมานแล้ว พอใจมั้ย…” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว ความเจ็บปวดในดวงตาเพิ่มมากขึ้น เขากระชับอ้อมแขนกอดผมไว้ เอาหน้าผากกลับมาชนกับหน้าผากผมอีกครั้งแล้วเขาก็ร้องไห้สะอื้นเบาๆ ส่วนผมนอนเปลือกตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่
   

ผมนั่งอยู่ในอ้อมกอดเปลือยเปล่าของเขาด้วยอาการหมดแรง มีสายน้ำเย็นๆ จากฝักบัวชโลมดับความร้อนในร่างกาย วิคเตอร์กอดผมแน่นราวกับกลัวผมจะหายไปจากอ้อมกอด สายตาผมเลื่อนไปมองรอยสักบนอกซ้ายของเขาอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกเหนื่อยใจกับความรักอันมากล้นของเขาเหลือเกิน น้ำตาผมรื้นขึ้นมาที่ขอบตาก่อนจะพูดเสียงเบา
   

“เราเลิกกัน…”
   

“ไม่! ฉันไม่เลิก! ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว! แมท! อย่าทิ้งฉันไป! ไม่ทำแล้ว!” เขาร้องไห้สะอื้นเสียงสั่น น้ำเสียงที่ใช้พูดนั้นเพี้ยนเสียงหลงราวกับเขาเจ็บปวดจากการโดนทรมานจนต้องร้องออกมาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น


เขากอดร่างผมไว้แน่นและร้องไห้โฮเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งที่ตั้งรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ได้ ผมปล่อยให้เขากอดเอาไว้แบบนั้น กอดร่างผมที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและการยอมแพ้อย่างแท้จริง



 :katai1:

น้องแมทระเบิดตู้มมมม พี่ยักษ์ถึงกับช็อกกก อารมณ์หลุดเลยมั้ยพี่เจอเมียตัวเองในโหมดนี้ หึๆ น้องยอมแพ้แล้ว น้องไม่ไหวแล้ว แกทำตัวเองนะไอ้ยักษ์

จะยังไงต่อไป ก็เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนละกันเนอะ ยักษ์ไม่ยอมเลิก แต่แมทถึงจุดเดือดแล้วจริงๆ ปกติน้องก็เก็บๆ ไว้ตลอด พอเจอแบบนี้ก็บุ้งงง เป็นโกโกครั้นช์

เอาเป็นว่ารอดูกันต่อไปว่าจะอย่างไร เม้าท์สั้นลงเรื่อยๆ เนาะ 55555 ช่วงนี้ทำงานง่ะ ละก็เร่งทำหนังสือพาร์ท Only You อยู่ ตอนนี้ส่งต้นฉบับให้คนจัดหน้าหมดละค่ะ ตอนนี้ก็คือรอจัดหน้าให้เรียบร้อยยยย





อีกสองตอนก็จิจบพาร์ท Only You แล้นนะคะ ใกล้ปิดพาร์ทล้าว

ลงจบแล้ว ตอมจะขอเบรกเรื่องนี้ไว้สักพัก ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย


ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 20-06-2016 00:38:47
วิคโรคจิตไหม คือคิดอะไรแปลกๆ อยู่เรื่อย ที่แมททนมาถึงทุกวันนี้เราว่าสุดๆ ละ
มันมีความรักผสมแกล้งผสมมันเขี้ยวกับเมียตลอด คาดเดาไม่ได้ เหมือนพายุ
แมทมาอยู่ต่างเมืองแบบนี้ต้องใช้ความเข้มแข็งขนาดไหนถึงจะรับมือได้
ความสุขมากกว่าความทุกข์ไหม คนเราก็ต้องการความอบอุ่นอุ่นใจ ไม่ใช่ลมพัดตึ้งงงง ตึ้งงงๆๆๆๆ แบบนี้
น้ำตาซึมไปด้วย อีผัวก็ช็อคแหละ แต่ที่แกทำคนอ่านก็ช็อคมาก คือแค่มีห้องเซ็กทอยในบ้านนี่ก็จิตละ
ก็หวังว่าทั้งคู่จะหาจุดที่พอดีในความรักได้เนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: yingcnx1 ที่ 20-06-2016 01:24:39
 :katai1: :serius2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 20-06-2016 01:51:01
 :เฮ้อ: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2016 02:03:37
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-06-2016 06:06:37
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 20-06-2016 06:55:18
เข้าใจที่แมทระเบิดนะ คราวนี้มันเกินไปจริงๆ ที่ผ่านมาก็ยอมให้ตลอด พี่ยักษ์ก็คงเคยตัว ไม่ถนอมน้องเลย ถึงจะไม่อยากให้เลิกกัน แต่ถ้าแมทต้องอยู่อย่างอึดอัดทรมาน ก็ไม่อยากให้อยู่นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 20-06-2016 08:07:36
 :ling3:

จริงๆถ้าวิคขนาดมีห้องนี้ในบ้าน ทั้งสองคนควรจะจับเข่าคุยตั้งแต่เนิ่นๆนะว่า ให้ทำถึงขั้นไหน ของเล่นไหนที่ห้ามใช้

ตอนนี้งงกับแมท เป็นอะไรขึ้นมาถึงสติแตกได้ปานนี้?? ไม่เข้าใจ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-06-2016 10:50:00
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
จะเป็นยังไงต่อล่ะทีนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-06-2016 11:16:19
เลิกก็เจ็บไม่เลิกก็อึดอัด ไม่รู้จะทำไงดีเลยอ่ะ  คือแบบ...ทำไงดี ต้องทำไงถึงจะเรียกว่ารักกันจริงๆ 

วิกเตอร์ต้องการใครสักคนที่รักและเป็นบองตัวเองตริงๆเลยพยายามตีกรอบทำทุกอย่างเพื่อรักษาสิ่งนั่นไว้ ในขณะที่คนในกรอบเริ่มอึดอัดและทนไม่ไหวถึงขนาดหาทางออกจากรอบ...งานนี้ห่วงวิคเตอร์มากกว่าว่ะ ครั้งนั้นที่เกิดเรื่องนางก็ทรมารตนจนต้องนอนซมอยู่โรงบาล งานนี้แมทบอกเลิกนางไม่สติแตกทำร้ายตัวเองหนักไปอีกเหรอ ....เห้อ ถึงเวลาต้องพบแพทย์อย่างจริงจริงแล้วละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-06-2016 15:23:17
เข้าข้างแมท แบบนี้เลิกไปเลย เชิดใส่สวยๆ อย่าได้แคร์  วิคเตอร์ควรไปจิตบำบัดบ้างนะ อารมณ์แบบนี้ไม่ไหวหรอก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-06-2016 18:55:55
จิตขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 20-06-2016 18:58:43
อยู่ด้วยกันเดี๋ยวก็บ้ากันไปเอง o22
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: yingcnx1 ที่ 20-06-2016 21:37:01
 :serius2: :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 20-06-2016 21:45:53
เข้าใจทั้งคู่นะ

แมทมันก็กลัว หลอนเรื่องโดนทำร้ายแล้ว กะจะมาเอากับแฟนชิวๆ
อีวิคดันเอาของเล่นแปลกๆมาเล่น กะมันหรือจะแกล้งนางก็ไม่รู้
โทษฐานที่ปล่อยให้เป็นห่วงมาตลอด

เรารักคู่นี้นะ ถึงมันจะเป็นคู่ที่ประหลาดพิสดารกว่าใครเค้า
แม่งสามวันดีสี่วันไข้ เพลีย
แต่ก็เราว่ามันคงเกินคำว่ารักจนเข้าขั้นบ้าบอ เอ๊ะยังไง :katai1:

ดีกันได้แล้ว เข้าใจกันสักที บทเรียนของเธอทั้งคู่น่าจะเยอะพอแล้ว
มีความสุขกันสักทีเถอะ พลีส :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-06-2016 00:51:00
พลังงานที่ถูกเก็บสะสมไว้นาน
พอจะระเบิดออกมา..ก็ตู้มมมมมม

เละเลย
หุหุ

ไอ่ยักษ์สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 21-06-2016 08:26:41
เป็นตัวอย่างของ Unhealthy relationships ที่ชัดเจนมากๆ  ใช่มันมีความรักระหว่างสองคนนี้  แต่มันก็มีอย่างอื่นด้วย  วิคเตอร์มีความต้องการอย่างล้นเหลือที่จะควบคุมแมทมากเสียจนเหมือนกลายเป็นความจำเป็นไปเลย  ชีวิตคู่ควรจะเป็นการบาลานซ์ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน แต่ในกรณีของสองคนนี้วิคเตอร์มีอำนาจคอนโทรลมากกว่าแมท   แรกๆยังมองเป็น sex play ระหว่างคู่รักแต่หลังๆแล้วมันออกมาค่อนข้างรุนแรง กลายเป็น negative มากกว่า positive   เรามองว่าวิคใช้ sex เป็นตัวควบคุม  พยายามเปลี่ยนแมท   ในตอนนี้ชัดเลยว่าใช้ sex เป็นการลงโทษ   วิคพยายามพิสูจน์อะไร?  พิสูจน์ว่าแมทรักตัวเองมากพอที่จะทนไม่ว่าวิคจะทำยังไงงั้นหรือ?  เหมือนพยายามผลักดันให้แมทไปถึงขีดสุดของความอดทน   ถ้ายังไม่พยายามเปลี่ยนแปลงแก้ไขคบกันแบบนี้ต่อไปก็คือการกอดคอกันลงเหวหรือขาดกันไปเลย   เพราะว่ามันไม่ลงตัว  ไม่สมดุลย์  แถมต่างฝ่ายต่างรู้สึกเหนื่อยแทนเสียอีก

วิคกับแมทควรพากันไปหาจิตแพทย์เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด อยู่ด้วยกันไปก็ไร้ความหมายเพราะว่าความรักและความเข้าใจมันสื่อไปได้ไม่ถึงกัน   จุดที่แมทระเบิดเป็นซีนที่พีกมากๆสำหรับเรา  คือรอมานานแล้ว  ปัญหาก็คือวิคมันยังไม่เก็ตอีกว่าที่มันทำมันรุนแรงแค่ไหน   ทำไปแล้วก็ได้แต่มากอดมาขอโทษซ้ำๆกัน  แต่เหมือนมันไม่ได้เข้าใจเลยนะว่าทำไม   มี Aggression แบบนี้  แนวโน้มในการคอนโทรลตัวเองน้อยลงไปทุกที   ทำให้เรานึกถึงคู่ชีวิตที่ Abuse / DV อีกฝ่ายแล้วหลังจากนั้นก็มาขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็ยังทำอีก

เป็นตอนที่ปะทุอารมณ์มากๆค่ะ

ป.ล สำหรับคนที่อาจจะสนใจเรื่องของ Signs of Unhealthy relationships ลองไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ

https://www.psychologytoday.com/blog/in-practice/201502/51-signs-unhealthy-relationship
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-06-2016 11:49:44
 :a5: :a5: เราอ่านไปก้อรอวันที่แมทจะถึงจุด ๆ นั้นน่ะ ความรักไม่ใช่คำตอบทั้งหมดน่ะ มันต้องประกอบด้วยหลาย ๆ ส่วน วิคเตอร์ไม่รู้จักการแก้ปัญหาน่ะ เรียกว่า eq ต่ำสุด ๆ งานนี้ต้องหาคนมาเป็นตัวกลางแล้วล่ะ ไม่งั้นทั้งสองก้อจะวนเวียนกันแบบนี้ แล้วแมทก้อต้องใจแข็งจริง ๆ ที่จะยื่นเงื่อนไขให้กับวิคไปรักษาตัวซะ ไม่งั้นความสัมพันธ์ไปไม่รอดแน่ ๆ ไม่มีใครทนได้หรอก  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 21-06-2016 21:16:14
ยอมรับว่ารอตอนนี้มานาน จริงๆความรุนแรงนี้เกิดได้ไม่ใช่เพราะใครผิดฝ่ายเดียว คนที่กระทำ ผิดแน่นอนอยู่แล้ว
แต่คนที่ถูกกระทำ ก็ผิดไม่น้อยไปกว่า เพราะคุณปล่อยให้มันเกิดขึ้นซ้ำๆโดยไม่ได้บอกอีกคนว่าคุณไม่happy
ทุกครั้งที่เกิดความรุนแรงแล้วได้รับความพอใจฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงจะเกิดความเคยชินว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องและ
ได้ผลก็จะใช้แต่วิธีนี้เรื่อยๆไป การยอมให้แต่ฝ่ายเดียวที่แมททำจึงเป็นการยอมทนที่จุดจบคือ"ทนไม่ได้"
ก็คงต้องรอให้miracle of loveทำหน้าที่ของมัน เพื่อจะรักษารักของทั้งคู่ไว้ให้ได้ ติดตามอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 21-06-2016 21:32:40
ต้องอย่างนี้สิแมท ได้คุยกันจริงๆซะที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 22-06-2016 12:49:20
วิคเตอร์เหมือนเป็นโรคอะไรสักอย่่างสงสารแมทแล้วก็สงสารวิคเตอร์ด้วยสู้ๆนะคะ :hao4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Gato88 ที่ 24-06-2016 21:26:40
อ่านจนถึงตอนล่าสุดละ วิคเตอร์นี่เหมือนมีอะไรอีกเยอะที่ยังไม่ปล่อยไป ยังเก็บไว้จนทำร้ายแมทหลายรอบเกิน แต่พอตอนน่ารักก็น่ารักเกิน 
รออ่านต่อน้า   o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.41 100%}:20.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-06-2016 00:09:03
ถึงว่าทำไมต้องให้ดมยาปลุก

ทีนี้ก็ถึงคราวแมทคุมเกมบ้างล่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 26-06-2016 02:10:16



Only You EP.42 [35%]



Special Viewpoint from Victor.
   

แมทสงบลงแล้ว กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง เขาหลับตั้งแต่บ่ายสามเกือบบ่ายสี่จนตอนนี้สามทุ่มกว่าและผมเองก็นั่งเฝ้าเขาอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เขาหลับ ไม่กล้าลุกไปไหนเพราะกลัวเขาหนีหรือหายไป แม้กระทั่งจะเข้าห้องน้ำผมก็ยังกังวล รีบเข้ารีบออกมา ตอนที่ออกมาแล้วยังเจอเขานอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ผมรู้สึกโล่งอกมาจริงๆ
   

ผมนั่งมองหน้าเขาด้วยสายตารวดร้าว หัวใจยังคงเต้นตุบๆ อย่างเนิบนาบ ผมเอื้อมมือตัวเองไปจับมือเขาทั้งสองขึ้นมามองรอยแผลตรงข้อมือจากคมกุญแจมือ มันแดงเถือก มีเลือดคั่ง เป็นรอยขีดข่วนรอบข้อมือ ผมขบกรามแน่น น้ำตารื้นที่ขอบตาทั้งสองข้าง ผมโน้มหน้าลงไปจูบข้อมือเขาทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบาแล้ววางมือเขาไว้บนผ้านวม เอื้อมมือซ้ายไปลูบผมที่ปรกหน้าผากเขาอยู่ แมทผ่อนลมหายใจน้อยๆ ผมโน้มตัวไปจูบหน้าผากเขาหนึ่งทีและกดจมูกหอมหน้าผาก แช่ไว้สักพักก็ดึงตัวกลับไปนั่งมองเขาตามเดิม
   

ผมก้มลงมองรอยสักชื่อแมทบนอกซ้ายของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาอีกที ถ้าคนเราจะมีใครสักคนที่เรารู้สึกว่าเรารักแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน แมทนี่แหละคือคนนั้นของผม ความรักของเราสองคนมันไม่ได้เริ่มแบบจุดไฟติดทันที แล้วทุกวันนี้ผมยังไม่รู้ตัวเลยว่าไปรักแมทตอนไหน ต้องการเขาขนาดนี้เมื่อไหร่ รู้สึกขาดเขาไม่ได้จนจะตายขนาดนี้ตอนไหนก็ยังไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมมีเขาอยู่ในชีวิตแล้วผมมีความสุข ชีวิตผมสมบูรณ์แบบ
   

“อือ…” ผมขยับตัวตั้งตรงขึ้นอีกนิด มองแมทที่ค่อยๆ ลืมตา เขาหันมามองผมงงๆ สักแปบก่อนที่จะหลับตาลงอีกสักพักแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่
   

เรามองตากัน ผมมองเขาอย่างระแวดระวัง แมทมองผมเหมือนกำลังคิดพิจารณา ซึ่งผมกลัวความคิดในหัวของเขามาก ผมเลยลุกขึ้นยืนหลังค่อมน้อยๆ ถลกผ้านวมสีน้ำตาลเข้มแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้านวม ค่อยๆ ยกหัวแมทขึ้นมานอนบนอกตัวเอง แขนซ้ายโอบกอดร่างของเขาไว้ แมทนอนนิ่ง ไม่ได้กระเถิบเข้ามาใกล้ เป็นผมเองที่ต้องโอบให้เขาเข้ามาชิดกับผมไว้ให้มากๆ ผมก้มลงหอมกลางกระหม่อมเขาแบบที่ชอบทำ มือขวายกขึ้นมาลูบหัวเขาเบาๆ
   

“Are you alright? (โอเคไหม)” ผมถามเสียงกระซิบ แมทกระแอมคอนิดหน่อยก่อนตอบเสียงแหบแผ่วๆ
   

“I’m tired. (ผมเหนื่อย)” หัวใจผมกระตุกก่อนที่จะรู้สึกบีบรัด ผมหยุดลูบหัวเขา ใช้แขนขวากอดร่างของเขาไว้ในอ้อมกอดตัวเอง แมทยังคงนอนนิ่ง ผมเริ่มใจคอไม่ดี แต่ก็พยายามคุมสติตัวเองดีๆ ทั้งที่จริงๆ ในหัวมันรวนๆ แปรปรวนแปลกๆ ต่อมความรู้สึกก็คล้ายจะฝ่อ   
   

“นอนเถอะ เดี๋ยวก็จะดีขึ้นนะ” ผมกล่อมเขาเสียงสั่น กดจมูกลงบนหัวเขา สูดดมกลิ่นหอมของแชมพู ผมเหลือบสายตาไปมองข้อมือเขาที่เป็นแผลแล้วก็กลืนน้ำลายลงคออันแห้งผาก
   

“ปล่อยผมไปได้มั้ย”
   

“ไม่” ผมตอบทันที หัวใจเริ่มสะเทือน ในหัวมันวูบวาบเหมือนเพิ่งโดนเหวี่ยงไปมาแล้วกลับมายืนตรงๆ แบบเซๆ ผมกอดแมทไว้แน่น จนเขาร้องครางประท้วงแต่ผมไม่กล้าคลายอ้อมกอดออกจากตัวเขา ผมกลัวเขาจะหนีผมไป
   

“วิคเตอร์ ผมอึดอัด…” เขาครางอ้อนวอนเสียงอ่อน ผมย่นคิ้วนิดหนึ่ง ชั่งใจสักพักก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมแขนตัวเองที่โอบร่างของเขาเอาไว้ แมทผ่อนลมหายใจแผ่วเบา เขาไม่ได้ขยับหนีออกจากอก ผมเลยรู้สึกโล่งใจหน่อยๆ
   

“นอนเถอะนะ ตื่นมาเดี๋ยวหาอะไรอร่อยๆ กินกัน” เขาไม่ตอบรับอะไรกลับมา ได้แต่นอนหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจยาวๆ ผมแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้องนอนแล้วครุ่นคิด ในอกสั่นไหวไม่มั่นคง ผมไม่อยากได้ยินคำนั้นจากปากเขา ไม่ว่าจะพูดด้วยรูปประโยคไหนก็ตามแต่ถ้าความหมายคือจะไปจากผม อยากเลิก อยากพักเรื่องระหว่างเรา ผมไม่อยากได้ยินทั้งนั้น
   

แมทหลับไปอีกรอบแล้ว ผมใช้แขนซ้ายโอบเขาเอาไว้แน่นพอประมาณ ไม่กล้าหลับตาลงกลัวว่าเขาจะแอบหนีผมไปตอนผมหลับ ผมเลยลืมตาไว้ อันที่จริงผมไม่ง่วงเลยด้วยซ้ำ เพราะในหัวมันไม่สงบเลย ยิ่งในใจยิ่งไปกันใหญ่ แต่ผมแค่กลัวว่าจะเผลองีบเพราะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

   
   


ผมเผลอหลับไปแวบหนึ่งแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ก็ยังเห็นว่าแมทนอนอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน ผมเริ่มวางใจขึ้นนิดหนึ่ง เริ่มคิดน้อยลงเลยผ่อนคลายตัวเองด้วยการนอนหลับ แขนซ้ายโอบร่างแมทไว้แน่น เขาคงยังเพลียอยู่เลยงีบยาวซะนานขนาดนี้ แต่ดีแล้วละ เขาจะได้ไม่ไปไหน นอนอยู่บนเตียงด้วยกันนี่แหละ
   

ผมลืมตาตื่นอีกทีตอนหกโมงเช้า รู้สึกได้แทบจะทันทีว่าแขนซ้ายตัวเองโล่ง พอหันไปมองก็ไม่เห็นร่างของแมทแล้ว หัวใจผมหล่นวูบทันที ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง มองหาแมทรอบห้องด้วยสายตาตื่นตระหนก ผมสะบัดผ้านวมออกจากตัว เดินไปดูเขาในห้องน้ำก็ไม่เจอ ในห้องแต่งตัวก็ไม่เจอ นอกระเบียงก็ไม่มีแม้แต่เงาเขา
   

ผมเริ่มยืนหันรีหันขวาง ลมหายใจเริ่มกระชั้นชิดถี่ ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยายามคุมสติตัวเองดีๆ แล้วเข้าไปเช็กในห้องแต่งตัวอีกทีว่าเสื้อผ้าเขายังอยู่มั้ย มันทำให้ผมโล่งไปใจไปนิดเมื่อเสื้อผ้าเขายังอยู่ไม่ได้หายไปไหน ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ เดินออกจากห้องนอนลงไปชั้นล่าง เลี้ยวขวาเมื่อลงบันไดไปทางห้องนอนออสติน
   

ก๊อกๆ
   

ผมเคาะประตูห้องนอนออสติน ปกติเขาจะตื่นไม่เกินเจ็ดโมงเช้า ตอนนี้คงน่าจะตื่นแล้วแต่อาจจะยังไม่ออกมาจากห้อง ผมยืนรอไม่นานเขาก็เปิดประตูออกมาเจอผมด้วยสีหน้างงๆ ปนประหลาดใจ
   

“ครับคุณเรย์มอนด์”
   

“แมทหายไป” ออสตินไม่ได้มีอาการตกใจจนทำผมเสียสติไปด้วย แต่เขามีสติกว่าผมมาก เขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ไมเคิลเดินออกมาคลอเคลียที่ขา ผมก้มลงไปขยี้หัวมันเบาๆ แวบหนึ่ง
   

“ลองโทรหาเขารึยังครับ” ผมสั่นหัว มีสติพาตัวเองลงมาข้างล่างได้ผมว่าตัวเองก็เก่งมากแล้ว ออสตินกดมือถือแล้วเอาขึ้นแนบหู ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
   

“ปิดเครื่องครับ แบบนี้คงตามจากสัญญาณโทรศัพท์ยากด้วย” หัวใจผมเต้นแรงขึ้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ขมับทั้งสองข้างเต้นตุบๆ สองมือกำแน่น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงหนักๆ แล้วไม่ทันห้ามตัวเอง ผมก็ชกกำแพงไปเต็มทั้งสองหมัดและทำท่าจะชกอีกแต่ออสตินรีบยกมือห้ามไว้
   

“เอาเวลามาทำร้ายตัวเองไปตามหาคุณแมทดีกว่ามั้ยครับ” ผมหายใจหนักหน่วง ในหัวเหมือนมีอะไรถีบผนังหัวแรงๆ ข้างในอกก็รู้สึกเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงจนควบคุมยาก
   

“จะไปตามที่ไหน” ผมถามเสียงเครียด ไม่สนใจอาการเจ็บและแดงเถือกตรงมือของตัวเอง
   

“เดี๋ยวผมให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยหาอีกแรงครับ” ผมทำได้แต่เพียงพยักหน้ารับ ผ่อนลมหายใจออกทางปากและจมูกรัวๆ สักพักก่อนที่จะสูดเข้าปอดแรงๆ แล้วพ่นออกแรงๆ อีกหนึ่งที หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเพื่อนตัวเอง
   

“ฮัลโหล ไอ้เบน… แมทหายไป… ไม่รู้… อืม… ทะเลาะกัน… ก็แรง… เปล่า! ไม่ได้มีใคร!... เป็นเรื่องของฉันสองคนเท่านั้น ฉันไม่ได้มีชู้โว้ย!!!... เออ! หยุดด่าฉันแล้วช่วยเอาสมองของแกคิดตามหาแมทที!” ผมกำหมัดแน่น ยืนหายใจหอบเพราะโกรธที่โดนเพื่อนหาว่าแอบไปนอนกับใครอีก ไอ้เบนเงียบไม่ตอบโต้นั่นเลยทำให้ผมต้องดึงสติตัวเองกลับมาเร็วๆ
   

“ขอโทษ ฉันกำลังสติแตก ฉันเป็นห่วงเขา” ผมบอกเสียงอ่อน ไอ้เบนถอนหายใจเบาๆ
   

[พาสปอร์ตเขายังอยู่มั้ย] มันไม่ได้ต่อว่าแต่ถามกลับมาอย่างใจเย็น ผมเดินไปค้นตรงลิ้นชักข้างเตียงก็ยังเห็นพาสปอร์ตเขาอยู่ในนั้นไม่ได้ไปไหน
   

“อยู่ เสื้อผ้าเขาก็อยู่นะ คงหายไปชุดเดียวนั่นแหละ”
   

[งั้นแกก็วางใจได้ เขายังอยู่ในนิวยอร์กนี่แหละ]
   

“แกจะให้ฉันวางใจได้ยังไง ถ้าเกิดแมทไปเจอกับไอ้ฌอณล่ะ!” ผมว่าเสียงห้วนสะบัดกับการที่มันบอกให้ผมวางใจทั้งๆ ที่ตอนนี้แมทจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้
   

[ฉันหมายถึงให้วางใจว่าเขาไม่ได้หนีแกกลับไทยหรือหนีไปประเทศอื่น] ไอ้เบนว่าเสียงเหวี่ยงนิดๆ กลับมา ผมหลับตาลงแล้วถอนหายใจแผ่วๆ
   

“อืม” ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไร ผมกังวล ผมสับสน ผมเป็นห่วงเขา และในขณะเดียวกันผมก็โกรธเขามากด้วยที่หายไปแบบนี้
   

[ลองไปตามหาเขาที่บรู๊คลินดู บ้านที่เขาเคยมาพักตอนมาอเมริกาเมื่อปีก่อน เผื่อเขาจะกลับไปเยี่ยมบ้านนั้น] ผมรับปากมันว่าจะไปทั้งที่ในใจคิดว่าช่วงเวลานี้แมทคงไม่ไปเยี่ยมใครหรือเยี่ยมชมอะไรหรอก
   

[จริงๆ แล้วบางทีแกก็น่าจะลองปล่อยแมทไปก่อน เขาอาจจะอยากอยู่คนเดียวสักพัก]
   

“ไม่” ผมตอบอย่างดื้อดึง จะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวได้ไง ผมเป็นห่วงเขาจะตายห่าแล้ว
   

[งั้นลองไปดูที่นั่นก่อน แต่ถ้าไม่เจอ แกไม่ต้องไปตามหาเขาที่ไหนอีก ให้กลับไปรอที่บ้าน ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวแมทก็กลับมาเอง] ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเชื่อมั่นแบบนั้น
   

[พื้นที่ส่วนตัวน่ะ เข้าใจมั้ย] ไม่เข้าใจ ไม่พร้อมเข้าใจอะไรทั้งนั้น เริ่มรู้สึกว่าไอ้เบนพูดอะไรที่เข้าใจยากแบบแมทตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมตัดบทกดวางสายจากไอ้เบน เดินลงไปหาออสตินที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว
   

“ผมติดต่อเพื่อนตำรวจที่มาหาคุณแมทคราวก่อนแล้วนะครับ เขาบอกว่าถ้าเจอจะรีบติดต่อกลับมา” ผมกดหน้าลงนิดเดียว ขมับเต้นตุบๆ จนนึกรำคาญ
   

“นายอยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะออกไปดูบ้านที่เขาอยู่ตอนมาทำงานกับฉัน ถ้าเขากลับมาที่บ้าน โทรบอกฉันด่วน”
   

“ครับ คุณเรย์มอนด์” ผมเดินไปทางประตูบ้านด้วยอาการใจว้าวุ่นที่ไม่ยอมสงบลงง่ายๆ ถ้าไอ้เบนมันเชื่อว่าแมทจะกลับมาหาผมเอง ผมก็เชื่อว่าแมทไม่อยู่ที่บ้านหลังนั้น ช่วงเวลานี้เขาต้องพยายามหนีไปไหนก็ได้ที่ผมจะไม่สามารถตามเขาเจอได้ง่ายๆ
   

   
แล้วมันก็เป็นจริงตามนั้น ผมมาที่บ้านหลังนั้นในบรู๊คลิน ป้าเจ้าของบ้านจำแมทได้ แต่เธอบอกว่าแมทไม่ได้มาที่นี่ เธอยังประหลาดใจด้วยว่าแมทย้ายมาอยู่นิวยอร์กตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่ได้พูดอะไรยืดยาว รีบตัดบทสนทนาทันที เริ่มร้อนใจเข้าไปอีกเมื่อไม่เจอเขา และตอนนี้ผมเหมือนคนตาบอด มองไม่เห็นวี่แววเขาเลยสักนิด ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะไปตามหาแมทได้ที่ไหน นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขาควรจะไปอยู่ที่ไหนในเมืองใหญ่โตแบบนี้
   

ผมนั่งเอาหัวพิงพนักเบาะรถ สองมือกำพวงมาลัยรถแน่น จ้องมองถนนเบื้องหน้าด้วยความเครียด ยิ่งเครียดก็ยิ่งคิดไม่ออกว่าจะไปตามหาแมทที่ไหน ผมเลยระบายด้วยการทุบพวงมาลัยแรงๆ แล้วหันหมัดขวาไปชกกระจกรถแรงๆ หนึ่งที ผมนั่งก้มหน้าหายใจหอบ รู้สึกคล้ายว่าแกนสมองบิดเป็นเกลียวจนปวดหัวตุบๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองถนนอีกรอบแล้วบอกตัวเองให้กลับบ้าน แต่สักพักก็นึกถึงร้านจีอันนาขึ้นมา ผมเลยสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว
   

พอมาถึงร้านกาแฟจีอันนาในย่านเวสท์วิลเลจ ผมก็เดินเข้าไปด้านในอย่างเร็ว ไม่สนใจสายตาที่กำลังมองมาที่ตัวเองอย่างสนอกสนใจ ในหัวผมคิดอย่างเดียวว่าขอให้เจอแมทที่นี่ แต่คำตอบของจีอันนาก็ทำเอาใจที่แป้วอยู่แล้วแป้วเข้าไปอีกถึงขั้นหม่นหมอง
   

“เขาจะมาหาฉันทำไมกันล่ะวิคเตอร์” ผมกำหมัดแน่นแล้วทุบเค้าน์เตอร์ดังปัก! จนพนักงานเงยหน้าหน้าขึ้นมองตื่นๆ ผมขบกรามแน่น อยากจะอาละวาดให้ลั่นร้าน แต่ก็ยังพอจะยับยั้งตัวเองได้บ้างว่าไม่ควรอาละวาดที่นี่ทั้งที่ไม่มีใครทำอะไรให้ผม
   

“แล้วเขาหนีนายทำไมเนี่ย” จีอันน่าถามอย่างงงๆ ผมไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหัวจนเธอถอนหายใจเบาๆ
   

“ฉันไม่รู้เรื่องหรอกนะ แต่ถ้ารักเขามากขนาดนี้ ก็ช่วยรักและรักษาเขาให้ดีๆ ผู้ชายนี่เป็นอะไรกัน จะมาเห็นความสำคัญตอนหายไปเนี่ยเหรอ” เธอย่นคิ้วไม่เข้าใจ ผมทำหน้าเซ็ง แล้วตอบด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ
   

“ฉันไม่ใช่ไอ้ชาร์ลีนะ แฟนฉันสำคัญกับฉันเสมอ และฉันไม่ได้เพิ่งเห็นความสำคัญของเขา” จีอันน่ายิ้มมุมปากขวาหน่อยๆ แล้วว่าเสียงเรียบ
   

“เห็นความสำคัญของเขาให้ตลอดแล้วกันนะวิคเตอร์ อย่าเผลอลืมล่ะว่าเขาสำคัญกับนายขนาดไหน” ผมขมวดคิ้วมองเธออย่างไม่เข้าใจบ้าง จีอันน่ายิ้มเศร้าพอๆ กับแววตา เธอก้มหน้ากลับไปทำงานตามเดิม ผมมองเธอครู่หนึ่งแล้วก็กวาดสายตาไปมองรอบร้าน พอไม่เห็นวี่แววของแมทจริงๆ ผมก็เอ่ยลาจีอันน่า เธอเงยหน้ามองผมแวบเดียวแล้วก็พยักหน้าให้เท่านั้น
   

ผมเดินออกจากร้านจีอันน่ากลับไปที่รถตัวเอง รู้สึกหงุดหงิดไม่หายเลยระบายอีกทีด้วยการกระทืบตัวรถเต็มๆ เท้า แต่ดูท่าวัสดุรถมันจะดีจริง เพราะไม่ยุบไม่บุบ แค่เป็นรอยเปื้อนดำๆ ผมกวาดสายตามองรอบย่านเวสท์วิลเลจเผื่อจะเจอแมทเพราะเขาชอบย่านนี้ แต่ยิ่งมองก็ยิ่งเวียนหัว ช่วงเวลาเช้าๆ คนเดินกันเต็มไปหมด แล้วพอไม่เห็นวี่แววเขาผมก็ยิ่งหงุดหงิด ผมกระชากประตูรถเปิดออกแล้วกระแทกตัวลง ปิดประตูดังปัง! ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว
   

ผมกะว่าจะกลับบ้าน กลับไปรอที่นั่นอย่างที่ไอ้เบนบอก แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมขับรถไปสำนักงานของเอมิลี่ตอนเก้าโมง ผมไม่ได้ตั้งใจมาหาเธอ แต่ผมมาที่นี่เผื่อว่าจะเจอแมททั้งที่ในใจลึกๆ ของผมรู้ว่าแมทไม่มีทางมาที่นี่ มันง่ายเกินไปที่ผมจะพบตัวเขา
   

“นายทำอะไรแมทอีกเนี่ย” เอมิลี่บิดปากและกอดอกมองหน้าผมอยู่บนเก้าอี้ ผมนั่งหน้าเซ็งอยู่ตรงข้ามกับเธอ ไม่รู้จะพูดถึงประเด็นนี้ยังไงเลยเลือกที่จะส่ายหัวแทนคำตอบ เอมิลี่มองหน้าผมแล้วถอนหายใจ ผมเจอคนถอนหายใจใส่สามคนได้แล้วมั้ง รวมตัวเองก็เป็นสี่แล้วเนี่ย
   

“ฉันหมดหนทางจะแนะนำจริงๆ วิคเตอร์ บางทีนายอาจทำได้แค่รอให้แมทกลับมาเอง” พูดเหมือนไอ้เบนเป๊ะ แค่พูดคนละแบบ ผมรู้ว่าทุกคนก็จนปัญญาที่จะช่วย เพราะแมทหายไปเงียบๆ ไม่ติดต่อคนรอบข้างผมเลย แถมยังปิดการสื่อสารทุกอย่าง ผมลองยกมือถือขึ้นมากดโทรหาเขาอีกรอบอย่างมีความหวังแต่ความหวังก็ดับวูบอีกรอบเช่นกันเมื่อเขายังคงปิดเครื่อง
   

“ถ้าแมทมาที่นี่รีบติดต่อฉันด้วยแล้วกัน” เอมิลี่พยักหน้ารับน้อยๆ ผมลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องด้วยอาการร้อนใจที่ยังไม่ลดลง
   

ตอนนี้ผมอยากเห็นชื่อออสตินบนหน้าจอโทรศัพท์ที่สุด อยากให้เขาโทรบอกผมว่าแมทกลับไปที่บ้านแล้ว แต่ก็ไม่มีการติดต่อจากเขา ผมหลับตาแน่น ยกสองมือกุมหัวที่ปวดตุบๆ แล้วก้มหน้าลงกับพวงมาลัย ความรู้สึกกลัวจนหวั่นไหวในอกทำให้ผมร้องไห้ออกมาเงียบๆ ผมกลัวแมทหายไปแล้วไม่กลับมาหาผมอีก ผมกลัวเขาจะหนีผมไปไกลๆ จนผมตามเขากลับมาไม่ได้ ผมกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายอะไรหรือเปล่าตอนนี้ ผมกลัวมีคนทำร้ายเขาโดยเฉพาะไอ้ฌอณ
   

ผมกลัวไปหมด ผมกลัวเสียเขาไป


   

ผมขับรถตามหาแมทจนถึงบ่ายโมง แต่ก็ไม่พบเขาเลยจริงๆ ผมขับรถกลับบ้านในสภาพจิตล่องลอย ในอกผมกลวงโบ๋ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ที่ยังขยับได้ก็ขยับเหมือนขยับไปอย่างนั้นให้ร่างมันเดินไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย ผมไม่ได้หาเขาเอาเป็นเอาตาย เพราะผมแทบจะหมดหวังแล้ว ผมกลัวจนสติมันเบลอและชัทดาวน์ไปในที่สุด หัวสมองปิดกั้นความรู้สึกใดๆ นอกจากคิดถึงแมท ผมรู้แค่ว่าพบอยากหาเขาให้เจอ แต่ทำยังไงก็ไม่เจอ ยิ่งหา ก็ยิ่งกลัว ผมเลยพาตัวเองในสภาพนิ่งเงียบกลับมาที่บ้าน
   

ออสตินส่ายหัวด้วยใบหน้าเครียดๆ เป็นเชิงบอกว่าเขาก็ยังหาแมทไม่เจอเช่นกัน ผมไม่ตอบรับอะไรเขา เดินเอื่อยๆ ไปนอนบนโซฟาในห้องโถง นอนมองเพดานนิ่งๆ ปล่อยน้ำตาไหลเงียบๆ โดยไม่ได้เช็ดมัน ผมไม่มีแรงแม้กระทั่งจะสะอื้น
   

“ทานข้าวก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวจะหมดแรงตามหาคุณแมท” เสียงออสตินเหมือนลอยมาจากที่ไหนไกลๆ สักที่ ตอนแรกมันได้ยินค่อยๆ แล้วสักพักก็ได้ยินดังขึ้น ผมนอนนิ่งมองเพดาน กะพริบตาไล่น้ำตาสักพักก็พูดกับออสตินเสียงเบา
   

“นายว่าแมทจะกลับมาหาฉันมั้ย” ผมถามอย่างหมดหวัง ผมไม่รู้อะไรแล้ว ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ผมตาบอดไปแล้ว ผมมองไม่เห็นเลยว่าแมทอยู่ที่ไหนกับใครตอนนี้ และเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง
   

“กลับสิครับ เขารักคุณมากนะครับ” ผมแค่นยิ้ม อันนั้นผมรู้ แมทรักผม ผมรู้ว่าเขารักผม อาจจะไม่เหมือนที่ผมรักเขา แต่เขาก็รักผม และตอนนี้ผมก็ยังคิดว่าเขายังรักผมอยู่ แม้เขาจะหายไปก็ตาม ผมอาจจะมั่นใจมากไป แต่ความหวังเดียวของผมตอนนี้คือขอให้เขายังรักผมมากพอจนยอมที่จะกลับมาหาผม
   

“ฉันกลัวเขาเป็นอะไร” ผมหลับตาลง น้ำตาไหลอีกเป็นสาย ผมกลัวว่าเขาอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย กลัวเขาโดนใครทำร้ายร่างกาย ภาพที่เขาเจ็บตัวเพราะโดนไอ้เหี้ยฌอณทำร้ายยังติดตาผมอยู่ ผมกลัวว่าถ้าผมหาเขาไม่เจอ เขาจะมีสภาพที่เลวร้ายกว่านั้น แค่คิดผมก็ยิ่งกลัวจับใจเข้าไปอีก
   

“นายว่าฉันรักแมทมากมั้ย” ผมถามออสตินอย่างเลื่อนลอย สติยังมีอยู่แต่บอกได้เลยว่ามันไม่เต็มร้อยหรอก
   

“ไม่รู้หรอกครับ แต่คุณแมทก็ทำให้คุณจะเป็นจะตายแบบนี้ได้” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา ไม่ได้หันไปมองว่าออสตินทำหน้าตายังไง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมยิ้มได้ แม้จะมีน้ำตาติดมาด้วยก็เถอะ
   

“ใช่ ฉันเหมือนจะตายเลย” เพราะแมทก็เหมือนชีวิตผม ถ้าเขาหายไปหรือเป็นอะไรไป ผมคิดว่าก็เหมือนชีวิตผมจากไปแล้ว
   

เห็นความสำคัญของเขาให้ได้ตลอดนะ…
   

เสียงของจีอันนาดังขึ้นในหัว ทำให้คิ้วผมขมวดอีกครั้งกับประโยคนั้น มันไม่ได้ตีความยาก แต่เธออยากจะบอกอะไรผมงั้นเหรอ ผมดูจะให้ความสำคัญกับแมทไม่นานงั้นเหรอ
   

“ทานข้าวเถอะนะครับ คุณควรทานตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าคุณแมทรู้เขาคงงอนคุณอีก” ใช่ แมทไม่อยากให้ผมขาดอาหารเช้า เขาจะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ผมตามเวลาเสมอ เขาบอกว่าผมควรจะกินข้าวเช้าไม่เกินเก้าโมง เพราะกระเพาะคนเรากำลังรับอาหารมื้อเช้าได้ดี ถ้าผมงอแงไม่กินเขาก็จะงอน งอนเพราะเป็นห่วงผม
   

“ฉันอยากให้เขารู้จังว่าฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย” นายอยู่ไหนนะแมท…



 :mew5:

เมียหนีง่ะะะ แต่ก็เป็นไปตามสูตรพระเอกละเนาะพี่ยักษ์ แบบว่าเมียหนี แล้วต้องตามง้อ 555555 ไม่มีซีนนี้ไม่ได้ เดี๋ยวมิใช่นิยายยย  :hao7:

จะเจอหรือเปล่าอันนี้ต้องมาลุ้นกันอีกที เอาใจช่วยพี่ยักษ์กันไปปป

ชีวิตของทั้งสองก็สุขทุกข์สลับกันไปเนอะ แต่บางคนอาจบอกว่า แลจะทุกข์มากกว่าสุข 55555


อีกหนึ่งตอนก็จิจบพาร์ท Only You แล้นนะคะ ใกล้ปิดพาร์ทล้าว

ลงจบแล้ว ตอมจะขอเบรกเรื่องนี้ไว้สักพัก ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 26-06-2016 02:26:22
คิดให้ได้เร็วๆนะพี่ยักษ์ เปลี่ยนตัวเองหน่อย สงสารแมท ขอให้กลับมาหากันเร็วๆ หน่วง  :sad4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-06-2016 03:01:01
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 26-06-2016 03:13:02
วิคเตอร์ควรพบแพทย์ได้แล้วเนาะ อารมณ์รุนแรงเรื่อยๆ แล้วก็มาสำนึกผิดมาเสียใจที่หลัง
สงสารแมทน่อยจังเลย  :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 26-06-2016 06:03:34
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 26-06-2016 06:26:23
าเรื่องนี้จะจบแค่ในพาสนี้หรือมีต่อค่ะ  คนอ่านละเหนื่อยจะปรับอารมณ์ตาม รู้สึกว่าควรไปพบหมอพร้อมอิตายักษ์ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 26-06-2016 06:54:30
สงสารแมท รักก็รัก แต่วิคเตอร์เธอจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อแมทได้สักทีไหม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-06-2016 07:05:57
แมทไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะที่เอะอะอะไรก็ให้อยู่ในสายตาตลอด ไม่มีอิสระเลย รักแบบนี้ อึดอัดมาก สงสารแมท วิคใช้ความรุนแรงเกินไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-06-2016 07:45:16
รักจนจะตายจริงๆ วิค แต่วิคเหมือนเด็กที่รักเป็นแต่ดูแลรักษาไม่เป็น
รักมากจนพากันอึดอัด พื้นที่ส่วนตัวที่ทุกคนพูด นางจะเข้าใจได้ไหม
แมทอยู่ไหน ขอให้ปลอดภัยนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 26-06-2016 09:01:05
เครียดๆๆๆๆแทนไอ้ยักษ์ทำไมมมมมเป็นอะไรกันนนนไม่เข้าใจคู่นี้เลยจริงๆหาแมทให้เจอเร็วๆนะยักษ์ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: maicy ที่ 26-06-2016 10:20:52
อ่านแล้วสงสารนะ...แต่ทําตัวเองอ่ะแมธก็อยากมีอิสระบ้างไม่ใช่ถูกคุมเหมือนนักโทษ.เอาใจช่วยให้เจอน้องเร็วๆ
ปล. เป็นกําลังใจให้น้องตอมค่ะ บางตอนอ่านไปทั้งนํ้าตาอินมากๆรอที่เหลือค่ะรอบเก็บตกหนังสือบอกด้วยนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-06-2016 12:55:24
แมทก็คงอยากคิดอะไรเงียบๆคนเดียว คิดว่าจะทำไงต่อ แต่สุดท้ายก็หวังว่า จะไม่ตัดใจทิ้งยักษ์ไปหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-06-2016 17:33:07
จ้ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-06-2016 22:14:22
 :เฮ้อ: เราว่าต้องมีคนใดคนหนึ่งรู้แหละ เพราะแมทก้อไม่มีใครรู้จักในนิวยอร์คแล้วนอกจากเพื่อน ๆ ของวิคน่ะ แต่คงไม่มีใครบอกเจ้ายักษ์หรอก ต้องให้มันรู้สึกตัวเอง แต่คงจะยากน่ะ เพราะ เหมือนจิตใจไปจดจ่อกับแมทอย่างเดียวน่ะ เราว่าทางเดียวคือต้องหาใครที่วิคเตอร์จะเชื่อน่ะ แต่จะใครดีล่ะเนี่ย พาร์ทนี้คงจบแบบดราม่าแน่ ๆ และไปต่อเอาพาร์ทหน้า ที่เป็น You and I แหละ เหมือนกำลังอ่านชีวิตคู่ในชีวิตจริงเลยแฮะ เรียลลิตี้ชีวิตรักของแมทกับวิคเตอร์  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 26-06-2016 22:52:59
เคลียร์กันคราวนี้ แมทต้องให้ทำลายห้องเซ็กส์ทอยได้แล้วนะ วิค จะได้ไม่คิดว่าเซ็กซ์คือความรัก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 27-06-2016 18:36:54
วิคเตอร์ควรได้รับบทเรียรบ้าง คิดทบทวนใจตัวเองให้ดีก่อนนะ :ling3: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 30-06-2016 21:55:47
ครั้งนี้ต้องเข็ดหลาบนะยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 35%}:26.06.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 01-07-2016 21:19:14
เจอน้องแมท ยัง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-07-2016 19:46:27


Only You EP.42 [70%]



ผมนั่งรอนิ่งๆ อยู่ที่โซฟามาหลายชั่วโมง ตอนนี้หกโมงเย็น ฟ้ามืดแล้ว แมทก็ยังไม่กลับมา ภายนอกผมนิ่ง แต่ข้างในผมใจจะขาดแล้ว ผมรู้ว่าไม่ควรคิดอะไรในแง่ร้าย แต่ความคิดผมมันไปไกลแล้ว ผมทรมาน ทรมานเหมือนตอนที่อยู่สเปนแล้วรับรู้ว่าแมทถูกบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายถึงในบ้าน ตอนนั้นสติผมเตลิด จะกลับนิวยอร์กอย่างเดียว ผมโยนงานทิ้งแล้วสั่งบอดี้การ์ดจองตั๋วเครื่องบินโดยด่วน ผมไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น ผมทะเลาะกับเซล่ารุนแรง ทะเลาะกับทีมงานอย่างหนัก ผมไม่แคร์ใครจะด่าจะว่ายังไง ผมรู้แค่ว่าผมจะกลับไปหาแมท ทั้งเป็นห่วง ทั้งโกรธที่เขาไม่ระวังตัวเอง

           

 

“คุณเรย์มอนด์ครับ เพื่อนของเพื่อนตำรวจของผมพบคุณแมทอยู่ที่เซ็นทรัลปาร์คเมื่อยี่สิบนาทีก่อน” ผมมองหน้าออสตินอย่างมีความหวัง อย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าแมทยังอยู่ที่นิวยอร์กจริงๆ หัวใจผมที่เต้นเนิบนาบพลิกเป็นเต้นตุบตับกับสิ่งที่ได้ยินทันที

           

 

“เขาเป็นยังไงบ้าง” ผมถามเสียงแผ่วด้วยท่าทีกระตือรือร้นเท่าที่ร่างกายอันอ่อนล้าและจิตใจอันห่อเหี่ยวจะแสดงออกได้

           

 

“ไม่แน่ใจครับ แต่ท่าทางปกติดีเท่าที่เพื่อนผมสังเกตได้” เขาคงไม่โดนทำร้ายร่างกายใช่มั้ย ขอให้เขาปกติจริงๆ อย่างที่เพื่อนออสตินว่าเถอะ

           

 

“ให้ผมออกไปตามเขากลับมาเลยมั้ยครับ” ผมกำลังจะตอบรับกับคำถามนั้น แต่ก็นึกอะไรแทรกขึ้นมาได้ก่อนเลยโพล่งถามไปอย่างร้อนใจ

           

 

“แมทอยู่กับใคร”

           

 

“คนเดียวครับ” ผมรู้สึกโล่งอกที่เขาไม่ได้อยู่กับคนอื่น ทั้งที่จริงผมไม่ควรจะกังวลเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่าผมกลัวเขาออกไปใช้เวลาอยู่กับไอ้อดัมหรือใครสักคน

           

 

“ไปรับเขากลับมาเลย” ออสตินพยักหน้านิดหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องโถง ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างหลังจากได้ยินข่าวคราวของแมท ผมอยากไปรับเขาด้วยตัวเอง แต่ก็เผื่อว่าถ้าแมทกลับมาบ้านก่อน เขากับผมจะได้ไม่คลาดกัน

           

 

“คุณเรย์มอนด์” เสียงออสตินดังมาจากประตูบ้าน ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที พอเลี้ยวออกจากห้องโถงไปทางประตูผมก็ยืนนิ่ง เนื้อตัวเย็นเฉียบแล้วก็กลับมาอุ่นวาบอีกครั้ง แมทยืนนิ่งสงบอยู่ตรงประตูบ้าน ผมน้ำตาไหลด้วยความดีใจและโล่งใจ ก้าวเท้าเข้าไปหาเขาช้าๆ สำรวจร่างกายของเขาว่ามีร่องรอยบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แต่แมทปกติดี เขาไม่ได้โดนใครทำร้าย เขามองหน้าผมด้วยสายตาเศร้าๆ ใบหน้าเขาติดจะหมองเล็กน้อย ผมทั้งดีใจและโกรธเขาปนกันไปหมดในเวลานี้

           

 

“I’m sorry. (ผมขอโทษ)” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว น้ำตาคลอเบ้าตาทั้งสองข้างพร้อมกับก้าวเท้าเดินเข้ามาในบ้านสามสี่ก้าว ผมขบกรามแน่น มองเขาด้วยสายตาดุๆ ครู่หนึ่งก่อนจะยกหลังมือขวาขึ้นป้ายน้ำตาบนแก้มลวกๆ ออสตินผงกหัวให้ผมแล้วเดินเลี่ยงออกไปจากบริเวณนั้นพร้อมเจ้าไมเคิล

           

 

“Where have you been? I’m fucking worry about you. (หายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงนายมากนะแมท)” ผมกัดฟันพูดเพราะพยายามระงับความโกรธ ยืนจ้องหน้าเขาด้วยสายตาเจ็บปวด แมทก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด

           

 

“Do you really want to break up with me, huh? (นายอยากเลิกกับฉันจริงๆ เหรอ)” เขาเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาตระหนกเล็กๆ ทันที เขาส่ายหน้าพร้อมกับน้ำตา แล้วพูดเสียงสั่นเครือ

           

 

“No. No, I don’t. (ไม่ ไม่เลยครับ ผมไม่ได้อยากเลิกกับคุณเลย)”

           

 

“And why did you run away from me? (แล้วนายหนีฉันทำไม)” เขาเม้มปาก มองผมน้ำตาคลอ สีหน้ารู้สึกผิดปรากฏบนใบหน้าหม่นๆ ของเขา สองมือเขาซุกอยู่ในกระเป๋าข้างเสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีแดงเลือดหมู เขามองผมด้วยสายตาเหนื่อยล้า ผมมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ

           

 

“I just need my own space and my own time to think about us. (ผมแค่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวกับเวลาให้ตัวเองได้คิดเรื่องของเรา)” ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด หรืออาจจะเข้าใจ แต่เชื่อเถอะว่าผมเข้าใจไม่หมด

           

 

“What about us? (คิดอะไร)” ผมถามทั้งที่คิ้วยังขมวดไม่คลาย แมทยกสองมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้วกระแอมเบาๆ เขาคลี่ยิ้มบางๆ จนผมแอบงงว่าเขายิ้มทำไม

           

 

“We are a mental disorder. I think the way you show you love me is the way of psychosis; and I have a problem with my mental, because I love the way you love me. (เราสองคนเป็นโรคจิต ผมว่าการแสดงความรักของคุณมันดูจิตๆ แต่ผมก็ดันจิตตามคุณ เพราะผมชอบมากเลย)” แมทหัวเราะโดยที่มีน้ำตาคลอเบ้าตาด้วย ผมมองเขาอย่างงงๆ แต่ก็แอบยิ้มตามเขาไปด้วยนิดหนึ่ง เพราะอย่างน้อยเขาก็กลับมาแล้วมีรอยยิ้มมากกว่าความเศร้า

           

 

“Your love that you give me it’s more than the world can defined it. Many times it make me feel uncomfortable. (ความรักของคุณที่มีให้กับผมมันมากมายเหลือเกินวิคเตอร์ จนหลายครั้งผมคิดว่ามันมากเกินไปจนทำให้ผมอึดอัด)” แมทเหมือนจะยิ้มแต่ริมฝีปากเขาก็บิดเป็นเบะปากน้อยๆ ก่อนที่จะเม้มปาก เขามองผมด้วยสายตารู้สึกผิด คล้ายว่าจะรู้สึกผิดที่พูดออกมาแบบนั้น ผมมองเขาอย่างมึนๆ เอ๋อๆ ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกแบบไหนดี เลยถามออกไปอย่างงงๆ

           

 

“You don’t like it? (นายไม่ชอบเหรอ)” เขาส่ายหัวรัวๆ ผมไม่แน่ใจว่านั่นส่ายไม่ชอบหรือไม่ใช่กันแน่ แมทถอนหายใจเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะพูดต่อ

           

 

“That’s why I said I am a psychosis because I love the way you do. I have never had boyfriend. I have never been in relationship before. When you act you jealous me, you are passionate about me and care about me more. It was so good for me, even sometimes I act like I am so annoyed, but I actually like it. (ผมถึงได้บอกว่าผมเป็นโรคจิตไง เพราะผมชอบการแสดงความรักของคุณที่มีต่อผมมาก ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบกับใครมาก่อน ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่คุณหึง คุณหวง คุณห่วงใยผม ถึงบางทีผมจะแสดงออกว่าเบื่อ แต่จริงๆ ผมชอบมากเลยนะ)” เขายิ้มขำน้อยๆ สีหน้าที่หม่นหมองของเขาในตอนแรกเริ่มดีขึ้น ผมบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มขำนิดหนึ่ง

           

 

“But at the same time I think it’s too much. It make me feel unfree. So, sometimes I want to stay away from your love, but you’ve never let me free. You took my own space and my own time. And you are going to take my life to your life. It can’t be like that, Victor. (แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกว่ามันเยอะไป มันอัดแน่นจนผมอึดอัด จนบางครั้งอยากห่างจากความรักของคุณบ้าง แต่คุณก็ไม่เคยให้ผมได้พัก คุณเอาพื้นที่ส่วนตัวของผมไป คุณเอาเวลาส่วนตัวของผมไป คุณแทบจะเอาชีวิตของผมไปรวมกับคุณ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้วิคเตอร์)”

           

 

“Because you are my life. (เพราะนายคือชีวิตฉันนะแมท)” เขายิ้มอ่อนโยน แล้วก็มองผมด้วยสายตาอ่อนโยนมากเช่นกัน แต่ในแววตาคู่นั้นมีความสงสารปนอยู่ด้วย ผมไม่ชอบให้ใครมองผมด้วยสายตาอย่างนั้น เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตตัวเองด้อยค่าลงไปอีกจากที่ตัวเองรู้สึกอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นสายตาจากแมท ผมเลยคิดว่ามันคือด้านดีมากกว่าด้านลบ

           

 

“You make me worthy so much, but you also make me feel worthless. (คุณทำให้ผมมีค่ามากจริงๆ วิคเตอร์ แต่บางครั้งคุณก็ทำลายคุณค่าในตัวผมด้วยเหมือนกัน)” หัวใจผมกระตุกวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น ถ้าผมมองไม่ผิดเหมือนแมทจะน้อยใจอยู่ 

           

 

“I’m tired of our relationship, Victor. I have been telling myself to break with you because I’m afraid it will be terrible. But—I can’t. Because I love you. (ผมเหนื่อยกับความสัมพันธ์ของเราวิคเตอร์ ผมเคยบอกตัวเองหลายครั้งว่าให้เลิกกับคุณ เพราะผมกลัวว่ามันจะยิ่งแย่ แต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมรักคุณมาก)” ผมเดินก้าวเท้าอีกสามก้าวก็ถึงตัวแมท ผมก้มมองหน้าเขาครู่หนึ่งแล้วก้มลงจูบริมฝีปากเขาแผ่วเบา แมทตอบรับจูบนั้นช้าๆ เรายืนบดเบียดริมฝีปากกันครู่หนึ่งแล้วก็ผละออกจากกัน

           

 

“We have only love for each other which it is not enough. We should have understanding to each other which it is rare item in our relationship. I don’t want to break up with you. I want to live with you for long time—very longtime. (แต่แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอหรอกวิคเตอร์ เราต้องมีความเข้าใจให้กันด้วย ซึ่งเรามีให้กันน้อยมาก ผมไม่อยากเลิกกับคุณเลย ผมอยากจะอยู่กับคุณไปนานๆ อยากให้เรารักกันไปนานๆ)” แมทมองผมด้วยความรัก ผมเองก็มองเขาแบบนั้น เพราะผมก็รู้สึกไม่ต่างจากเขา

           

 

“Me, too. (ฉันก็เหมือนกัน)” ผมตอบพลางยกมือซ้ายขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ

           

 

“I am sorry for being a self-fish person. Thinking over. Distrustful. Believe other people than you. Sometimes I love myself than I love you. I’m scared of hurting from you and then I’m ignored your love that you give me more. (ผมขอโทษนะครับที่เห็นแก่ตัว ผมคิดมาก ขี้ระแวง เชื่อคนอื่นมากกว่า จนบางครั้งผมก็รักตัวเองมากกว่าคุณ ผมกลัวคุณจะทำผมเจ็บ จนบางทีผมละเลยความรักที่คุณมีให้ผมอย่างมากมายไป)” เขายิ้มเศร้าแล้วยกมือขวาขึ้นมาวางตรงหน้าอกซ้าย บริเวณที่มีรอยสักชื่อเขา

           

 

“You love me too much. Sometimes it make me fear. (ความรักที่คุณมีให้ผมมันมากไปจนบางทีทำให้ผมกลัว)” ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองดวงตาสุกใสของเขาที่มองผมอย่างหวาดๆ เล็กน้อย

           

 

“I’m sorry. I know you heard it often, but I am really sorry. (ฉันขอโทษ มันซ้ำซากฉันรู้ แต่ฉันขอโทษ)”

           

 

“Like I said, we are a psychosis. (เหมือนที่ผมบอกแหละ เรามันโรคจิตทั้งคู่)” เขายิ้มบางเบา สีหน้าดีขึ้นมาอีกนิด ผมยิ้มตามเขา เอาสองแขนโอบรอบเอวเขาไว้หลวมๆ

           

 

“Then we are the perfect match. (งั้นเราก็เหมาะกันแล้ว)” ผมก้มลงหอมหน้าผากเขาด้วยความชื่นใจ รู้สึกหัวใจสงบลงเมื่อได้เจอหน้าเขา รู้สึกอุ่นใจที่ได้โอบกอดเขาไว้แบบนี้ รู้สึกโล่งใจเมื่อได้รับรู้ว่าเขาปลอดภัยดีไม่มีอันตรายใดๆ

           

 

“I know after this we will fight again. We can’t change some temperaments of us. But what I am going to do is I will truly trust you. (ผมรู้ว่าหลังจากนี้เราจะต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันอีกแน่นอน คุณคงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ผมก็คงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมจะทำคือจะเชื่อใจคุณอย่างแท้จริง)” ผมยิ้ม ถึงจะเป็นเพียงคำพูด เป็นการเริ่มต้นที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผมต้องการจากแมทที่สุด อย่างน้อยเขาก็คิดจะทำ ผมอยากให้เขาเชื่อใจผมมากกว่าเชื่อคนอื่น

 

 

“Could you share this relationship to me? (แบ่งความสัมพันธ์นี้ให้ผมบ้างได้มั้ย)” ผมค่อยๆ หุบยิ้มแล้วขมวดคิ้วงงไม่เข้าใจ แมทก้มหน้าลงนิดหนึ่งพร้อมถอนหายใจก่อนจะเงยหน้ามองผมอีกครั้ง มองผมด้วยสายตาจริงจัง แต่ก็ไม่ได้เคร่งเครียด

 

 

“It seems it is only you who taking care of our relationship. It is only you who hold the relationship. You want me in the way you want. Why don’t you let me be myself? Let me love you in the way I am. (ผมรู้สึกว่าเป็นคุณคนเดียวที่ดูแลความสัมพันธ์นี้ เป็นคุณคนเดียวที่ถือความสัมพันธ์นี้ไว้ในมือ คุณพยายามทำให้ผมเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ ทำไมไม่ปล่อยให้ผมเป็นตัวของตัวเองแล้วรักคุณในแบบที่คุณเป็นและเป็นตัวผม)” ผมกะพริบตาปริบๆ รู้สึกมึนงงกับคำพูดของเขา หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

 

 

“I did not try to change you. I love you because you are my Matt, my little-alien. (ฉันไม่ได้พยายามจะเปลี่ยนนายนะ ฉันรักนายเพราะนายเป็นแมท เป็นเอเลี่ยนน้อยของฉัน)” แมทส่ายหัวน้อยๆ พร้อมยิ้มบางๆ แล้วว่าต่อ

 

 

“Why don’t we shared? Let it be our relationship. It should be yours and mine. You and me hold hand of each other and walk together. It should not be only you to hold my hand tightly and walk a head of me. (ทำไมเราไม่แบ่งปันความสัมพันธ์กันละครับ ให้มันเป็นความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน ก้าวไปพร้อมกัน ไม่ใช่แค่คุณที่จับมือผมไว้ซะแน่นและก้าวนำผม)” เอาตรงๆ ผมไม่ค่อยจะเข้าใจที่เขาพูด คือเข้าใจในบางส่วน เข้าใจในความต้องการของเขาอยู่แหละ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจละเอียดทะลุปรุโปร่ง แต่ผมก็ทำท่าว่าตัวเองเก็ทกับสิ่งที่เขาพูด ผมไม่อยากขัด ไม่อยากแทรก ผมกลัวเขาหนีไปอีก

 

 

“Is it really bad when you are with me? (มันแย่มากเลยเหรอเวลาอยู่กับฉัน)” เขามองหน้าผมนิ่งๆ ไม่ได้ตอบทันที ผมรู้สึกลุ้นนิดๆ ว่าเขาจะตอบว่าอะไร สายตาของแมทครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบเสียงเอื่อย

 

 

“A little bit. But it’s not more than I want to be with you. Where I like to live now is in your hug. But sometimes you hug me tightly. (มันก็มีบ้าง แต่ไม่ได้มากกว่าการที่ผมอยากอยู่ใกล้คุณเลย ที่ๆ ผมชอบที่สุดในตอนนี้คืออ้อมกอดของคุณ แต่บางทีคุณก็กอดผมแน่นเกินไป)” ผมทำหน้ามึน กะพริบตามึนๆ เข้าใจได้ว่าเขาคงหมายถึงตอนที่ผมกอดเขาบนเตียงก่อนที่เขาจะหายไป ที่เขาบอกว่าอึดอัดจนผมต้องคลายอ้อมกอดออก แมทมองผมแล้วยิ้มเพลีย แววตาของเขาแลจะหน่ายใจหน่อยๆ เขายกมือขวาขึ้นมาบีบจมูกผมเบาๆ หนึ่งที

 

 

“Numb-giant. (ไอ้ยักษ์หน้ามึน)” ผมยกมือซ้ายมาจับมือขวาของเขาไว้แล้วเอามาหอมทั้งหน้ามือหลังมือ แมทยิ้มละมุน ยกมือขวาขึ้นลูบหัวผมเบาๆ นอกจากแม่และย่าก็มีเขาเท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้กับผมได้

 

 

“ความรักของฉันที่มีให้นายมันแย่มากเลยเหรอ” แมทเลื่อนมือขวาลงมาลูบแก้มซ้ายผมเบาๆ

 

 

“ไม่แย่ครับ แค่บางครั้งมันมากไป แต่ผมก็ดันชอบมากกว่าไม่ชอบ รักผมมากไปดีกว่ารักผมน้อยไปนะ…” เขายิ้มอ่อนโยน ผมยิ้มบางๆ ตามเขา

 

 

“…แต่บางทีผมกลัว ผมกลัวว่าความรักมากมายที่คุณมีให้กับผม ถ้าวันนึงมันลดลง ผมคงเสียใจมาก คุณทำให้ผมเคยตัว จนบางทีผมก็เห็นแก่ตัวว่าไม่อยากให้มันลดลง แต่ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”

 

 

“มันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ”

 

 

“ใช่ แต่มันก็ยาก ยิ่งคบกันนานวัน เราอาจจะลืมอะไรไปจากใจของกันและกัน มันอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้เรามองข้ามกันไป” แมทยิ้มเศร้าๆ แววตาเขาดูออกเลยว่ากำลังคิดเยอะ

 

 

“นี่ไง คิดมากอีกแล้ว ไม่ไว้ใจฉันอีกแล้วเหรอ” แมทสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วระบายออกช้าๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ

 

 

“ผมขอโทษนะครับที่เกิดมาเป็นคนคิดมาก หวาดระแวง จนมันทำร้ายเราสองคน”

 

 

“ฉันมีส่วนให้นายเป็นแบบนั้น ฉันรู้” ผมยิ้มละมุนบ้าง แมทคลี่ยิ้ม เขาพยักหน้าน้อยๆ เป็นการตอบรับว่าที่ผมพูดนั้นจริง ผมหัวเราะหน่อยๆ

 

 

“เราลองรักกันแบบ น้อยๆ แต่นานๆ ดูมั้ย”

 

 

“ฉันรักแบบมากๆ และนานๆ ก็ได้นะ” แมทยิ้มน่ารักแล้วเอียงคอมองผมตาแป๋ว เห็นแล้วก็รู้สึกกระตุกวูบๆ ที่ท้องน้อย ผมเลยก้มลงไปหอมแกมเขาหนึ่งที

 

 

“สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเราอยู่ด้วยกันนะเอเลี่ยน” แมทยิ้มขำ เหมือนเขาคงนึกอะไรสักอย่างที่มันตลกอยู่ในใจเลยขำออกมา ผมมองเขาอย่างงงวย

 

 

“ไม่มีอะไรครับ คุณแค่พูดเหมือนเนื้อเพลงไทยที่ผมเคยฟัง” ผมไม่รู้จักเพลงไทยเพลงนั้นที่เขาว่า แต่มันคงเป็นเพลงดีๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ยิ้ม ผมก้มมองหน้าเขาแล้วคิดอะไรบางอย่าง

 

 

“นายหายไปไหนมา พอกลับมาก็พูดอะไรเยอะแยะเลย”

 

 

“ผมหายไปคิดทบทวนเรื่องของเราอย่างที่บอกไงครับ…” ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง จริงๆ อยากรู้ว่าเขาหายไปอยู่ไหนในนิวยอร์กมาบ้าง แต่ก็ไม่อยากคาดคั้นเขา เดี๋ยวจะเป็นประเด็นให้ทะเลาะกันอีก ฟีลดีๆ กำลังกลับมาได้ที่ ผมพยักหน้าแบบเงอะงะรับๆ คำเขาไปก่อน

 

 

“…ตอนในห้องเซ็กส์ทอย ผมช็อกมาก คุณทำเหมือนไม่รักผมเลย คุณทำเหมือนผมเป็นเครื่องระบายความโกรธ” แมทพูดอย่างตัดพ้อ น้ำเสียงน้อยใจ ผมสั่นหัวแรงๆ ทันที

 

 

“ฉันขอโทษที่ทำให้นายคิดแบบนั้น แต่อย่าคิดว่าฉันไม่รักนาย ฉันรักนายมาก…” ผมสะดุดกึก คิ้วขมวดฉับ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาสะกิดใจ ผมมองตาแป๋วๆ ของแมทแล้วก็ยักคิ้วหนึ่งที

 

 

“…เพราะมันมากไปสินะ” แมทพยักหน้าหนึ่งครั้ง

 

 

“อะไรที่มันมากไป บางครั้งมันก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดีอีก…” เขาสวมกอดผม เอาหน้าซุกกับอกผมไว้แล้วถูแก้มบนอกผมเบาๆ คล้ายว่าจะอ้อน ผมโอบสองแขนรอบตัวเขาตอบกลับไปและก้มลงสูดดมกลางกระหม่อมของเขา

 

 

“…เราค่อยๆ ปรับไปพร้อมกันนะ มันอาจต้องใช้เวลานาน แต่อย่าให้ผมเหนื่อยกับการที่ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับคุณอยู่ฝ่ายเดียวอีกเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเพลียๆ ท่าทางเขาคงเหนื่อยมากจริงๆ กับการที่ต้องรับฟังคำสั่งต่างๆ มากมายของผม ผมเหมือนจะรู้ตัวนะ แต่แมทตามใจผมจนบางทีผมเองก็ลืมตัวและเคยตัวไปในที่สุด

 

 

“ถ้าฉันทำไม่ได้ล่ะ ถ้าฉันยังคงรักนายเยอะๆ แบบนี้อยู่” แมทเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วอมยิ้ม

 

 

“ทำให้ได้จริงๆ เถอะ เราเพิ่งคบกันยังไม่ทันครบปีเลย ปีที่สิบคุณอาจจะเบื่อผมก็ได้” ผมบิดริมฝีปากแล้วยักคิ้วสองข้างแวบหนึ่ง

 

 

“ช่างอนาคตมันเถอะ…” ผมจ้องตาเขา จ้องมองด้วยความรักเท่าที่ผมจะส่งไปให้เขาได้ ผมรักเขา แม้ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ความรักที่มีให้กับเขานั้นมันเกิดขึ้นในใจผมจริงๆ

 

 

“…อย่าหนีฉันไปอีกนะ”

 

 

“อย่าทำให้ผมกลัวสิ” ผมยิ้มน้อยๆ แล้วแกล้งเบ้ปากเหมือนว่าไม่อยากรับปากเขา แมทจิ๊ปากแล้วมองผมเซ็งๆ ผมเลยยิ้มกว้างชอบใจ

 

 

ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนมาบ้าง แต่ดูท่าทางเขาคงได้ไปคิดอะไรมาเยอะแยะตามที่เขาบอกจริงๆ ผมไม่คิดอะไรเยอะแบบเขาเลยนะ ผมไม่คิดจะคิดด้วย ผมรู้แค่ว่าผมต้องการเขา ให้เขาอยู่ข้างๆ ผม อยู่ในชีวิตผมตลอดไป แต่ผมรู้ว่าคำว่าตลอดไปมันไม่ได้มีกันง่ายๆ

 



 :katai5:

และนี่ก็คือความหมายของคำว่า Only You ค่ะ เรื่องนี้เล่าความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคน มันเป็นความสัมพันธ์ที่วิคเตอร์ถือไว้คนเดียวไม่แบ่งให้แมท มีแค่วิคเตอร์ที่ดูแลแมท แต่ดูแลแบบในวิธีของเขา คือ ต้องเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์นั่นสิทธิ์นี่ในตัวแมททุกอย่าง แมทห้ามทำแบบนั้น ห้ามทำแบบนี้ที่เขาไม่ชอบ แต่เขาเองอยากทำอะไรก็ทำตามใจฉัน มันเป็นความสัมพันธ์ที่วิคเตอร์ต้องการควบคุมแมทไว้ในความสัมพันธ์ในรูปแบบของตัวเอง

และพาร์ทต่อไป เราก็ลิงก์ไว้ละเนอะว่า Yours and Mine ของเธอและของฉัน เขาทั้งสองจะแชร์ความสัมพันธ์กันละ แต่ไม่รู้ไอ้ยักษืจะแชร์ให้มากน้อยแค่ไหนนะ 55555 ค่อยๆ ปรับกันไปตามที่พี่แกว่า บอกตัวเองสินะวิคเตอร์

จริงๆ ตอนนี้ไม่ได้คิดให้แมทหนีไปไหนไกลอยู่แล้ว เหมือนที่เบนเนดิคท์บอกแหละค่ะว่าวิคเตอร์ต้องให้พื้นที่ส่วนตัวกับแมทบ้าง หลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แมทมีเวลาอยู่กับตัวเองก็จริง แต่อย่าลืมว่าแมทอยู่ในอาณาเขตวิคเตอร์อยู่ดี แต่คราวนี้แมทออกไปคนเดียว เหมือนนกที่ได้กางปีกเต็มที่เนอะ พบได้ใช้เวลาคิดหลายสิ่งกับตัวเองเงียบๆ นางก็กลับมา นางรักสามีนางพอๆ กะที่สามีนางรักนางแหละค่าาา

อีกตอนเดียวจะจบละอะ 55555 พาร์ทสองใกล้ดิเอ็นนนนละ พาร์ทสามอย่างที่เคยแจ้งไว้ เบรกสักแปบนะคะ ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-07-2016 19:55:30
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ดีนะที่แมทกลับมาคุยด้วย นึกว่าจะเตลิดเปิดเปิงไปที่อื่นเสียแล้ว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-07-2016 20:11:45
 :กอด1:

แมทน้อยมาละ

คู่นี้ใช้ออสตินเปลืองจริงๆ 55555  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-07-2016 20:17:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 05-07-2016 20:37:29
ดีจังที่คุยกันเข้าใจ พอห่างกันแล้วต่างคนก็ต่างมีเวลาคิดจริงด้วย แต่ไม่เอาแบบนี้แล้วนะ ใจจะวาย

จบแล้วเบรกไว้ก็ดี เพราะเราเบื่อแระ เบื่อที่ต้องมาติดยักษ์กะเอเลี่ยนจนต้องมาส่องเล้าทุกวัน ส่องเพจทุกชัวโมง 5555 ขอไปติดคุณนายจัญไร เอ้ย เรียวจันทร์สิ 555  ก็แหม๋เจอบทรักฉบับ sm ของแมทแล้วก็อยากรู้คุณนายเรียวเธอจะจับพี่เขี้ยวแสดงบทรักแบบไหน อิออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 05-07-2016 20:47:53
สต๊อคเรื่องนี้ด้วยมั้ย นี่แวะมารอทุกวันนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-07-2016 21:29:42
เฮ้อออ ดีใจ ที่สองคนพอจะปรับความเข้าใจกันได ยังไงก็รักกันมากๆๆ อยู่แล้ว
วิคต้องปรับตัวบ้าง ถ้าอยากมีรักที่ยืนยาว เคไหม

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-07-2016 21:44:24
ดีใจที่แมทกลับบ้านนะ แล้วก็หวังว่าทั้งคู่จะใช้ชีวิตด้วยกันต่อไปเหมือน Yours and Mine นะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 05-07-2016 22:36:24
ตอนแรกใจหายวาบๆเลย กลัวแมทจะเลิก ดีจังที่มาคุยกัน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 05-07-2016 23:02:42
ความรักชนะทุกสิ่ง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-07-2016 23:25:57
ปรับจิต แล้วก้อดี
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-07-2016 05:18:26
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 06-07-2016 13:22:07
 :mew1:อะไรที่คิดว่าจะแย่แต่พอใช้สติและทบทวนโดยมีพื้นฐานของความรัก อะไรมันก้อดูจะง่ายขึ้น แมทสู้ๆน่ะ นายดูจะมีสติที่สุดยังไงก้อช่วยรั้งๆเจ้ายักษ์ไว้และเอาสติประคองไว้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 06-07-2016 17:54:45
 :mew1: :mew1: :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-07-2016 23:43:28
เรื่องนั้นก็รออ่านอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 70%}:05.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 14-07-2016 17:20:52
หมั่นไส้วิคเตอร์รรรรร :katai4: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-07-2016 23:09:13



Only You EP.42 [100%]



เราพากันขึ้นมาอาบน้ำก่อนเข้านอนหลังจากยืนคุยกันพักใหญ่กลางบ้าน ไม่รู้ว่าเรียกว่าเป็นการปรับความเข้าใจกันมั้ย แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไประหว่างเราสองคน แมทบอกว่าพอได้อยู่ห่างจากผมบ้างมันเลยทำให้ความรู้สึกเขาที่ว้าวุ่นและวุ่นวายทั้งหลายได้ตกตะกอนเหมือนที่ผมเคยทำก่อนที่ผมจะบินตามเขาไปที่ไทย เขาได้คิด ได้วิเคราะห์ความนึกคิด ความรู้สึกของตัวเองที่เขาเก็บกดมันเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เหตุการณ์ในห้องเซ็กส์ทอยมันทำให้เขาตกใจมากจริงๆ เขาไม่ได้อยากเลิกกับผม แต่ตอนนั้นเขารวนจนทำอะไรไม่ถูก 


“แล้วตอนนั้นคุณก็เคยขืนใจผม ถึงครั้งนี้คุณจะไม่ได้บังคับตรงๆ แต่คุณก็บังคับผมทางอ้อม มันไม่ใช่เซ็กส์ที่มีความสุข มันเป็นเซ็กส์แก้แค้น” เขาว่าหน้างอ เอนตัวพิงอกผม เอียงหัวมาซบกับสันกรามด้านซ้ายผมไว้ สองมือเล็กๆ ของเขาตีน้ำในอ่างทรงกลมเล่นเหมือนเด็กเบาๆ ผมจูบขมับขวาเขาไปหนึ่งที


“ก็ฉันโกรธ” เขาสะบัดหน้ามามองผมตาขวาง


“อีกเรื่องที่คุณควรทำคือต้องหัดใจเย็น ไม่ใช่เอะอะก็อาละวาดใส่ผมอย่างเดียวเลย แฟนนะ ไม่ใช่กระสอบทรายนักมวย จะได้อัดเอาๆ ก้นผมจะพังหมดแล้ว” ผมหัวเราะเสียงทุ้ม เอามือขวาไปถูตรงรูก้นของแมทเบาๆ เอเลี่ยนน้อยแหงนหน้ามองผมตาแป๋ว ท่าทางประหม่าหน่อยๆ ผมยัดนิ้วกลางเข้าไปด้านใน ลมหายใจเจ้าตัวจ้อยสะดุด ด้านหลังของเขาตอบรับผมด้วยการบีบรัด ผมกดตรงผนังด้านบนสองสามทีแล้วก็ดึงนิ้วออก แมทผ่อนลมหายใจออกทางปากแผ่วเบา


“ก็ยังรัดดีนี่” เขามองค้อนขวับใส่ผมทันที


“วันนึงมันก็จะหลวม ถ้าคุณยังทำรุนแรงเพราะโกรธอยู่ ผมต้องขมิบทุกเช้า วันละสิบห้านาทีถึงยี่สิบนาทีเพื่อให้มันฟิตเนี่ย” พูดเองเขาก็หน้าแดงเอง ผมยิ้มกว้างแล้วก้มลงหอมแก้มขวาของเขาด้วยความมันเขี้ยว


“แล้วถ้าทำแรงๆ แบบปกติล่ะ” คราวนี้หน้าเขายิ่งแดงจัดกว่าเดิม แมทหลบสายตากรุ้มกริ่มของผมก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้ม


“ก็… เคยบอกแล้วไงว่าชอบ ทำแบบนั้นแล้วผมรู้สึกว่าคุณรักผมม๊ากมาก” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วมองเขาไม่วางตาจนเอเลี่ยนน้อยเขินหน้าแดงตัวแดง เขาทำจมูกบานกลั้นยิ้มเขิน สักพักเขาก็หัวเราะคิกคักแล้วยื่นหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งที ผมมองหน้าเขาแล้วคลี่ยิ้มกว้าง มองหน้าเขาแบบไม่ยอมละสายตา มองด้วยความรู้สึกดีใจจริงๆ


“ฉันดีใจที่นายกลับมา”


“ผมก็ไม่ได้คิดจะหายไปจริงๆ หรอก ตอนที่ผมบอกให้คุณปล่อยผมไป ผมก็ไม่คิดอยากไปจริงๆ ผมสับสน ผมเหนื่อย ผมกลัว…” เขาบิดตัวมาทางซ้ายครึ่งหนึ่งแล้วสายตาก็เลื่อนไปมองรอยสักบนอกซ้ายของผม


“…แต่พอผมได้อยู่กับตัวเอง ได้คิดอะไรคนเดียว คิดไปคิดมา ผมก็รู้ว่าผมโชคดีมากแล้วที่ได้ความรักจากคุณ” เขาหันตัวเข้าหาผมเต็มตัว แล้วกระเถิบขึ้นมานั่งคร่อมตักผมไว้ ผมเอนตัวพิงกับของอ่างเพื่อให้เขานั่งได้สะดวก เขายกสองแขนเขาโอบล้อมรอบคอผม สองแขนของผมโอบรอบบั้นท้ายเขาไว้


“ฉันก็โชคดีที่ได้ความรักจากนาย” ผมยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากเขาเบาๆ แมทคลี่ยิ้มน่ารักน่ามอง


“แม่ผมบอกว่าไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่สมบูรณ์แบบ ทุกวันนี้พ่อกับแม่ก็ชอบทะเลาะกัน แต่เขาก็ไม่เลิกกัน เพราะเขารักกันมากกว่าที่จะเลิก”


“เราจะเป็นแบบนั้นบ้าง” แมทยิ้มสดใสแล้วพยักหน้าหงึกๆ จนผมหน้าม้าเขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเหม่งน้อยๆ


“จะว่าไปผมเพิ่งรู้ตัวว่ามีพ่อกับแม่เป็นคู่รักตัวอย่าง ผมเคยพยายามมองหาคู่รักมากมายเพื่อเรียนรู้และชื่นชม แต่สุดท้ายเพิ่งรู้ตัววันนี้ว่ามีคู่รักที่ดีที่สุดในโลกให้เรียนรู้อยู่ใกล้ตัว” เขาพูดเสียงเจื้อยแจ้ว หน้าตาบ้องแบ๊ว มองแล้วก็ชื่นใจ เพราะนี่คือแมทของผมจริงๆ แมทน้อยผู้ร่าเริงสดใส มีแต่ความจิ้มลิ้มน่ามอง


“พ่อนายเอาแต่ใจเหมือนฉันมั้ย” แมททำปากเป็นรูปตัวโอและทำตาโตอย่างตกใจ


“รู้ตัวด้วย?!” ผมยิ้มกว้างขำกับท่าทางของเขา เห็นแล้วมันเขี้ยวจริงๆ ยักษ์น้อยค่อยๆ ขยายตัวอยู่ใต้น้ำ เขาทำท่าคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบ


“ไม่นะ แม่ผมมากกว่าที่เอาแต่ใจ พ่อตามใจบ้าง ไม่ตามใจบ้างแล้วแต่เรื่องไป…” พูดเสร็จเขาก็เอียงคอแล้วหรี่ตามองหน้าผม


“…คุณน่ะเอาแต่ใจเก่งที่สุดในโลกแล้ว อย่างตอนเรื่องอันเดรียนากับที่คุณขืนใจผม คุณก็เร่งแต่จะให้ผมหายดีๆ ให้ผมกลับมาเป็นปกติ ให้ผมกลับมาเหมือนเดิม ทั้งที่ผมโดนทำร้ายความรู้สึก เรื่องแบบนั้นมันต้องใช้เวลาเยียวยา ผมไม่อยากเลิกกับคุณ แต่ผมก็ทำใจเร็วตามที่คุณต้องการไม่ได้” เขาว่าไปเรื่อยเจื้อยแจ้ว มองผมด้วยสายตาจิกกัดอย่างหมั่นไส้ผมยิ้มมึนก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วหรี่ตามองเขากลับ


“แล้วตอนนี้ทำได้รึยัง” แมทเลิกคิ้วทำตาโต


“ได้แล้วสิ ไม่งั้นผมจะกลับมาเหรอ เพื่อนผมด่าตั้งเยอะตอนที่ผมทำตัวงี่เง่าใส่คุณ พวกนั้นบอกจะเลิกก็เลิก ไม่ใช่มาทำตัวค้างคา” เขาเบะปากทำหน้างอน อันนี้น่าจะงอนเพื่อนเขามากกว่านะ


“แต่นายก็ไม่เลิก” เขาเลื่อนสองมือมาประกบแก้มผมทั้งสองข้างแล้วบิดหน้าผมไปมาเบาๆ


“เลิกได้ไง แฟนผมทั้งหล่อ รวย ลีลาเด็ด น้องชายใหญ่ คิกๆ…” เขาหยุดหัวเราะแปบหนึ่ง เอาสองมือไปปิดปากตัวเองไว้เพื่อช่วยบดบังยิ้มเขิน ผมมองแล้วก็ยิ้มขำตามไปด้วย แมทกระแอมนิดหนึ่งแล้วเอามือออกจากปากมาวางไว้บนไหล่ทั้งสองข้างของผม


“…ความรักแบบที่คุณมอบให้ ไม่ได้หากันง่ายๆ แต่ก็อย่าเป็นแค่โปรโมชั่นแล้วกัน” ผมขมวดคิ้วงงไม่เข้าใจกับคำที่เขาพูด แมทอ้าปากเหน้าเหวอเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคงใช้คำศัพท์ที่ผมไม่เก็ท


“มันเป็นการเปรียบเทียบน่ะ ที่ไทย ผู้ชายจะจีบผู้หญิงคนนึงอย่างทุ่มเทมากในช่วงแรกๆ สักสามเดือน หกเดือนหรือปีนึง แต่หลังจากนั้นความรักความทุ่มเทที่เคยให้ก็น้อยลง เอ่อ แบบว่า เริ่มจากร้อยแล้วก็ค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์” แมทอธิบายราวกับกำลังบรรยายวิชาการ ผมอมยิ้มน้อยๆ แต่ก็ทำหน้าเข้าใจกับการอธิบายของเขา แต่ก็ยังไม่คลายคิ้วที่ขมวดไว้


“แล้วฉันเริ่มจากตรงไหนเนี่ย” แมทเลิกคิ้วขึ้นแล้วทำท่าคิด


“ร้อยล้านมั้ง ร้ายล้านก็ดี จะได้ไม่ลดลงเร็ว” ผมคลี่ยิ้มกว้าง แมทยกแขนคล้องคอผมไว้ตามเดิมแล้วก้มลงหอมแก้มขวาผมดังฟอด


“ตอนนี้ฉันเอาแต่ใจได้มั้ย อยากมากเลย” ผมเลื่อนสองมือไปบีบก้นเขาเบาๆ แมทกัดริมฝีปากล่างไว้แล้วหัวเราะคิกคักก่อนจะพยักหน้ารับเขินๆ ผมยิ้มกว้างถูกใจ อ้าขาให้ตั้งมั่นแล้วลุกขึ้นยืนโดยที่ยังโอบอุ้มก้นลิงเอเลี่ยนไว้เต็มสองมือ ส่วนเจ้าลิงตัวจ้อยเอาแขนคล้องคอผมไว้แน่น สองขาก็เกี่ยวเอวผมแน่นกันตัวเองร่วง


ผมค่อยๆ เดินออกจากอ่างอาบน้ำ ค่อยๆ พาเขาเดินออกไปในห้องนอน ระหว่างทางแมทก็ยื่นหน้ามาจุ๊บผมบ้างเป็นการสร้างอารมณ์ให้ผมแข็งต่อเนื่อง ตัวเราสองคนยังเปียกอยู่ ผมเลยพาเขาไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ทานข้าวในห้องนอนที่อยู่ใกล้กับประตูออกไประเบียง ผมนั่งลงบนเก้าอี้ มีเอเลี่ยนน้อยนั่งทับอยู่บนด้านบน ลูกชายผมตั้งโด่แข็งปักพร้อมรบ ส่วนลูกชายแมทก็ชูชันทิ่มท้องผมเช่นกัน ผมนั่งพิงพนักเก้าอี้ เงยหน้ามองหน้าเขาแล้วยิ้มเมา แมทยิ้มน่ารักน่ามันเขี้ยว สองมือผมลูบไปตามตัวเขาเบาๆ สลับกับบีบแรงๆ ตรงเอว ตรงแขน ตรงหน้าอกแบบที่ชอบทำ


“เจลอยู่ในลิ้นชัก หยิบมาเลยที่รัก” ผมบอกเสียงแผ่ว เขายิ้มกว้าง ก้มลงจูบผมเน้นๆ หนึ่งทีแล้วผละออก เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมปลายเตียงไปหยิบเจลหล่อลื่นตรงลิ้นชักฝั่งที่มีกรอบรูปแม่กับย่าตั้งอยู่ แมทเดินกลับมาพร้อมกับบีบเจลลงบนฝ่ามือ พอมาถึงตัวผมเขาก็เอามือซ้ายลูบของแข็งกลางตัวผมจนทั่วทั้งแท่ง ผมมองเขาตาเยิ้ม เอื้อมสองมือไปตีก้นเขาแรงๆ


ป้าบ!


“ทารูนายด้วย” แมทเอามือออกจากแก่นกายผม เขาทำท่าจะบีบเจลลงบนปลายนิ้ว แต่ผมแย่งหลอดเจลในมือเขามาก่อนแล้วบีบลงบนปลายนิ้วมือขวา


“มานั่งนี่ก่อนมา” ผมบุ้ยปากไปทางโต๊ะทรงกลมพร้อมกับบิดตัวไปทางโต๊ะ แมทเดินไปนั่งริมขอบโต๊ะ หันตัวมาทางผม เอนหลังลงนิดหนึ่งแล้วก็แยกขาให้กว้าง ส้นเท้าข้างซ้ายวางอยู่ขอบโต๊ะ ส่วนส้นเท้าขวาวางอยู่บนต้นขาซ้ายของผม


“ไม่ได้เจอกันกี่วันแล้วเนี่ย ฮึ” ผมก้มลงไปจูบตรงช่องทางรักของเขาดังจุ๊บ แมทหัวเราะเบาๆ ผมยัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางเข้าไปด้านในก้นเขาช้าๆ พอเงยหน้ามองแมท เขาก็เผยอริมฝีปากบนขึ้น เปลือกตาปรือน้อยๆ สองมือนั่งค้ำตัวเองอยู่บนโต๊ะ


“อ้า…” เขาครางเสียงกระเส่าตอนผมก้มหน้าลงดูดยอดปลายสีชมพู สองนิ้วผมที่สอดอยู่ด้านในกดผนังด้านบนของเขาไม่หยุด ลิ้นก็ตวัดส่วนปลายของเขาไปเรื่อยๆ จนแมทเริ่มบิดตัวไปซ้ายทีขวาที หน้าท้องหดเกร็งเป็นระยะ มือซ้ายของผมก็เอื้อมมาชักของตัวเองขึ้นลงเบาๆ


ก๊อกๆ


ผมหยุดใช้ลิ้นเลียจุดอ่อนไหวให้แมท แล้วหันไปมองทางประตูห้องนอน พอหันกลับมามองแมทก็เห็นเขานั่งหอบน้อยๆ มองผมด้วยสายตาต้องการ นิ้วที่อยู่ในตัวเขายังคงดันเข้าดันออกช้าๆ เพื่อไม่ให้อารมณ์ของที่รักผมขาดช่วง


“มีอะไรรึเปล่าออสติน?!” ผมหันไปตะโกนถามตรงประตู แมทดึงมือผมออกจากก้นเขาแล้วกระเถิบก้นลงจากโต๊ะ จับไหล่ผมให้หันกลับมานั่งหลังพิงพนักเก้าอี้ เขายืนค่อมตักผมไว้ ใช้มือขวาจับลูกชายผมให้ตั้งตรงๆ แล้วเขาก็ค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งบนแก่นกายผม ส่วนหัวของลูกชายผมถูกแมทกลืนกินพร้อมกับโดนบีบรัดจนเผลอร้องครางโอยๆ สองมือผมจับเอวเขาไว้เบาๆ แต่สายตาก็ยังเหลือบมองทางประตู ในใจเริ่มกังวลว่าตอนเข้าห้องมาได้ล็อคประตูห้องนอนหรือเปล่า


“คือว่า…”


“อ้า… โอ้ว… โอ้ว… แน่นมากเลย” เสียงร้องครางของแมทดึงความสนใจของผมไปหมด ผมหันมามองหน้าเขาที่กำลังได้ที่ เปลือกตาปิดพริ้ม ริมฝีปากอ้ากว้าง สีหน้าทรมานกับความคับแน่น


“มีอะไรว่ามาเลย!” ผมตะโกนบอกออสตินแต่สายตายังจับจ้องหน้าแมทอยู่ เขายกสองมือขึ้นไปจับตรงพนักพิงเก้าอี้ไว้แน่น แล้วเขาก็เริ่มโยกตัวเองช้าๆ ผมนั่งพิงพนักเก้าอี้ไว้นิ่งๆ สองมือจับเอวเขาหลวมๆ นั่งมองหน้าเขาแล้วยิ้มเพลินๆ สงสัยเขาจะอยากจัดเพราะไม่ได้ปลดปล่อยหลายวันเลยจัดการเองซะเลย


“พวกคุณเบนเนดิคท์อยู่หน้าห้องนอนครับตอนนี้และพวกเขากำลังจะเปิดประตูเข้าไป” ผมที่กำลังยิ้มมัวเมาเพราะกำลังเคลิ้มกับจังหวะโยกของแมทก็เบิกตากว้างแล้วรีบลุกขึ้นยืนอย่างเร็วโดยที่แมทยังนั่งคาลูกชายผมอยู่


“อ๊ะ! เสียว” แมทครางเสียงดังเมื่อส่วนปลายของผมกระแทกเข้ากับจุดเสียวของเขาแรงๆ ผมรีบดึงของตัวเองออกจากก้นแมท รีบถลกผ้านวมขึ้นก็เป็นจังหวะที่ได้ยินเสียงแกร๊กของประตูพอดี ผมรีบพาแมทล้มตัวลงนอนแล้วดึงผ้านวมคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของเราทั้งสองคน ตอนนั้นเองที่ไอ้เบนกับไอ้อันเดรก็เข้ามายืนจังก้าในห้องนอนด้วยสีหน้าตื่นๆ


“ออสตินบอกว่าแมทกลับมาแล้ว” ไอ้เบนพูดเสียงตื่นพอๆ กับสีหน้า ผมทำหน้าเหลอหลาก่อนจะยิ้มแล้วตอบเสียงสดชื่นเกินเหตุ


“ใช่ๆ กลับมาแล้ว นอนอยู่นี่ไง” ผมบุ้ยปากให้เห็นแมทที่นอนซุกอกฝั่งซ้ายผมอยู่ พอก้มลงไปมองก็เห็นว่าเขาหลับตาไปแล้ว ทำได้ดีมากเอเลี่ยน แอคติ้งหลับไปเลย ไม่เสียงแรงที่มีแฟนเป็นพระเอก


แต่มือใต้ผ้านวมช่วยอยู่นิ่งๆ ได้มั้ย บีบๆ จับๆ จนมันแข็งไม่ล้มแล้ว


“ไม่เห็นแกโทรบอกกันบ้างเลยวะ” ไอ้เบนว่าต่อ ส่วนไอ้อันเดรยืนขมวดคิ้วมองสีหน้าเสียวซี๊ดของผมอยู่ ก็ไอ้เอเลี่ยนเอานิ้วโป้งขยี้หัวลูกชายผมอยู่ ไม่ให้ซี๊ดได้ไงวะ


“พอดีปรับความเข้าใจกันอยู่ แมทกลับมาแล้วเพลีย เขาเลยนอนอยู่นี่ไง” ไอ้เบนถอนหายใจโล่งอก ผมเลื่อนสายตาไปมองออสติน เขาทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขารู้นั่นแหละว่าก่อนที่ไอ้สองคนนี้จะเข้ามาในห้องนอนผมกับแมททำอะไรกันอยู่


“เออ ดีแล้ว พวกฉันก็เป็นห่วง เอมิลี่บอกว่าถ้าเจอแมทแล้ว เดี๋ยวจะมาฉลองที่บ้านแก งั้นฉันโทรตามเลยนะ”


“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้…” แต่ไม่ทันแล้ว ไอ้เบนหมุนตัวออกไปจากห้องนอนพร้อมกับโทรศัพท์ ไอ้นี่ก็มาไวไปไวเหลือเกิน ผมเลื่อนสายตาไปมองไอ้อันเดรที่ยังคงมองผมอย่างสงสัย


“แกดูแปลกๆ นะไอ้วิคเตอร์” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วแกล้งทำหน้าตายให้แนบเนียนที่สุดทั้งที่จริงเสียวจะตายห่าแล้ว ไอ้เอเลี่ยนซนกับลูกชายผมใหญ่เลย ผมจะเสร็จแล้วเนี่ย เอานิ้วขยี้หัวอยู่ได้


“แปลกอะไรวะ ปกติดี แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ปกติแบบนี้หรอก แต่พอแมทกลับมาก็ปกติแล้ว อืม…” ผมขบกรามแน่น พยายามไม่ร้องเสียงเพี้ยนให้เพื่อนตัวเองนึกสงสัยไปมากกว่านี้


“เออ ไม่แปลกก็ไม่แปลก แล้วแมทเป็นไงมั่ง” ไอ้อันเดรว่าแล้วชะโงกหน้าดูแมทที่หลับตานิ่งสนิทแต่มือกำลังซนได้ที่


“ก็เพลียๆ เลยนอนพัก แกออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันตามลงไป ถ้าแมทตื่นจะพาลงไปด้วย” ผมหันไปมองออสตินแล้วพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกให้พาไอ้อันเดรออกไป


“แล้วแมทหายไปไหนมาวะ” ไอ้อันเดร! ถามซอกแซกอีกแล้ว! กูเสียวจะตายห่าละเนี่ย


“ไม่รู้ ยังไม่ตอบเหมือนกัน แต่เคลียร์กันแล้ว แกลง… โอย… ลงไปรอข้างล่างเถอะ” ใกล้จะแตกแล้ว ไอ้เอเลี่ยน! ไอ้ตัวดี โอ๊ย เสียวโว้ย!


“แกเป็นไรวะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ไอ้อันเดรยังคงถามด้วยความเป็นห่วง แต่ตอนนี้ผมอยากให้มันลงไปข้างล่าง


“เปล่า ไม่ได้เป็นไร” ผมขมวดคิ้วแน่นเมื่อใกล้จะปลดปล่อยเต็มที


“ก็แกร้องอะ” ผมกัดปากล่างแน่น


“แมทนอนทับแขนฉันอยู่ แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ผมพยักหน้าให้ออสตินอีกที เขาพยักหน้ากลับมา


“ไปข้างล่างกันเถอะครับคุณอันเดร” ไอ้อันเดรพยักหน้างงๆ มองผมกับแมทอย่างสงสัยใคร่รู้


“ทำไมดูไม่เหมือนคนทะเลาะกันเลย” มันพึมพำกับตัวเองแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอน ออสตินปิดประตูตามหลัง ผมถอนหายใจโล่งอก สะบัดผ้านวมออกก็เป็นจังหวะที่ผมปลดปล่อยออกมาเต็มหน้าท้องพอดีโดยฝีมือสะกิดยอดปลายจากไอ้เอเลี่ยนตัวแสบ


“Oh. Fuck. Fuck.” ผมครางเสียงเพี้ยน น้ำใคร่พุ่งออกมาติดๆ กัน ตัวกระตุกเกร็ง หน้าท้องเกร็งจนกล้ามขึ้นชัด แมทผงกหัวขึ้นมายิ้มขำยั่วๆ ผมมองหน้าเอเลี่ยนตัวแสบแล้วยิ้มเมา แลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างช้าๆ แมทเอื้อมมือซ้ายไปเกลี่ยน้ำสีขาวข้นบนท้องผมเล่น ก่อนจะป้ายติดนิ้วมือทั้งสี่มา แล้วเขาก็เอาเข้าปาก แลบลิ้นเลียน้ำของผมจนหมด เห็นแล้วมีอารมณ์มากจริงๆ


“ดีจัง” เขาว่าเสียงใสหลังจากเลียน้ำที่ปลายนิ้วตัวเองจนหมดแล้วก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มซ้ายผมดังฟอด ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง


“ผมรู้ว่าคุณทำอีกรอบไหว” พูดเสร็จเขาก็ลุกขึ้นนั่งคร่อมผมทันที ผมยิ้มเมา ยกมือขวาไปกดคอเขาลงมารับจูบอันรุนแรง พอจูบจนแมทแทบจะหายใจไม่ทันผมก็ปล่อยเขาออก ให้นั่งหอบเล่นๆ


“เดี๋ยวจะเอาให้น้ำหมดตัวเลย” แมทกัดปากล่างยิ้มยั่วแล้วพูดเสียงกระซิบกับผม


“รอมานานแล้ว” หึ! ปากดีจังนะเด็กน้อย จะเอาให้เห็นท้องฟ้าเป็นสีเหลืองไปสามวันเลยคอยดู



 :hao6:


กลับมาแล้วววว หายไปนาน ติดงานจริงๆ ค่ะ ตอนนี้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะลุยไฟนอลพรูพหนังสือได้เต็มที่แล้วค่ะ ขออภัยจริงๆ ที่ล่าช้าในการจัดทำหนังสือ แต่ตอนนี้งานที่ทำอยู่ เคลียรรร์

หลังจากทะเลาะตบตีกัน หนีกันไป สองผัวเมียเขาก็กลับเข้าสู่โหมดหวานแหวว และเร่าร้อน ให้เขาหน่อย ตึงๆ เครียดๆ กันมาหลายซีนเนาะ 55555

ตอนหน้าก็จบพาร์ท Only You แล้นนะคะ แต่อย่าเพิ่งใจหาย ยังงง ยังไม่จบเรื่อง เหลืออีกพาร์ทแน้คะ หุๆ

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่าาา  :mew1:



หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-07-2016 23:22:33
กราบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-07-2016 23:27:30
เฮ้อ เคลียร์กันไปอีกยก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 16-07-2016 23:28:32
 :ling1:

พี่เบนข๋า

มาไม่ถูกจังหวะเลยเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-07-2016 23:30:55
ผัวเมียคู่นี้ ไม่น่าไปดราม่ากับนางเลยนะเนี่ยะ
พอดีกันแล้วสวีทกันจนน่าหมั่นไส้จริงๆ  o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 16-07-2016 23:36:17
วันนี้พี่ไม่กำพระนาจา 55555555 สวีทกันสักทีพ่อยกรอมานาน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-07-2016 00:23:41
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 17-07-2016 00:29:15
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-07-2016 09:10:54
แมทกับพี่ยักษ์ปล่อยเพื่อนรอวนไปค่ะ :hao6: :hao6:
ขอเคลียร์กันให้เข้าใจก่อนเนาะ :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-07-2016 09:57:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-07-2016 14:58:30
หลายตอนมากที่ไม่ได้อ่านเพราะกลัวจะดราม่าหนักจนทำใจอ่านไม่ได้ พอเข้ามาอ่านอีกครั้งเนี่ยปรับความเข้าใจกันดีแล้วก็สบายใจมากๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 17-07-2016 19:06:33
เอเลี่ยนนนนนนน...พอคืนดีกันได้ละงานเสียวต้องมา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 17-07-2016 21:13:22
พอดีกันนี่หวานเชียววว :hao6: :hao6:รอตอนหน้าค่ะเติมถุงเลือดรอ :mew2: :jul1: :haun4: :pighaun: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-07-2016 05:32:33
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 19-07-2016 16:47:02
หวานๆ กันอีกแล้ว ดีจัง ชอบตอนไม่ทะเลาะกัน
แมทตอนสดใสๆ สี่โคตรน่ารักเลย ปั๋วรักปั๋วหลงสุดๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 19-07-2016 22:52:25
กาฉูด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 20-07-2016 15:11:53
ทิชชู่ซับด่วน. แมทนางยั่ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 20-07-2016 17:26:42
ยินดีกับแมทที่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองต้องจัดการเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ให้ไปกันรอด
ชอบที่ให้แมทเลือกแก้ไขปัญหาแทนการหนีไป เพราะแมทยังต้องการมีวิคอยู่ในชีวิต
ยอมรับว่าพาร์ทแรกอ่านยากมากกว่าทั้งคู่จะตกลงรักกันแมทเจ็บปวดจนแทบทนอ่านไม่ไหว
จึงคาดหวังว่าonly youจะเป็นความสวีทหวานที่ทั้งคู่แสดงต่อกัน
กลับกลายเป็นว่าป้าแปลความหมายผิดไปจากความหมายของคนแต่ง
พาร์ทนี้เลยอ่านยากกว่าพาร์ทแรกสุดๆอ่ะค่ะ
หวังว่าพาร์ทต่อไปเราจะพบความหวานจริงๆซะทีนะคะ^^



หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-07-2016 00:15:16
 :pighaun: เกิดอะไรขึ้นกับแมทระหว่างอยู่คนเดียวเนี่ย กลับมาทียั่วสุด ๆ เหมือนกับได้เห็นแสงแห่งสัจธรรมยังไงชอบกล  o13 อยากให้มีตอนพิเศษช่วงตอนแมทอยู่คนเดียวจัง คงมีในหนังสือเนอะ เหมือนกับพาร์ทที่แล้วที่มีตอนพิเศษของวิคเตอร์น่ะ  :กอด1:
เรื่องของผัวเมียเนี่ยต้องให้เขาจัดการกันเองจริง ๆ เพราะคนนอกย่อมไม่รู้เท่าคนในเนอะ  :hao3: กลับมาทีหวานกันจนคนอ่านอิจฉาเลยอ่ะ  :impress3: ขำตอนแมทยั่ววิคจริง ๆ ชักจะซึมซับความเป็นดาราของวิคเข้ามาเต็มตัวซะแล้ว พาร์ทหน้าเอาแบบวิคไม่ต้องมองคนอื่นเลยน่ะแมท นายช่างยั่วสุด ๆ อัพเลเวลตลอดเลยน่ะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.42 100%}:16.07.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 23-07-2016 20:06:18
ใครจะชนะกันนะ ระหว่างสองคู่นี้ :hao6: :pighaun: :haun4: :jul1:  ถุงเลือด+ทิชชู่ พร้อมม!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-08-2016 00:23:14



Only You EP.43 :: The ring in the graveyard. [50%]




งานพรีเมียร์ภาพยนตร์ของวิคเตอร์ที่ลอนดอนนั้นยิ่งใหญ่ตระการตาสมกับเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูด ผมไม่ได้อยากมา ไม่ได้เล่นตัวนะ คือนักข่าวเยอะ ช่างภาพแยะ เซเลบรีตี้ก็มากมาย แฟนคลับวิคเตอร์ล้นหลาม ผมกลัวโดนทึ้งหัวหากว่าพวกนั้นจับได้ว่าผมเป็นใคร หมายถึงว่าจับได้จริงๆ คาหนังคาเขาว่าเราสองคนคบกัน (ทำอย่างกับคบชู้กัน) แต่วิคเตอร์ก็ยืนยันจะให้มาให้ได้และสุดท้ายผมก็ต้องบินมาลอนดอนกับเขา ซึ่งเอาตรงๆ ผมก็ตื่นเต้นนะที่จะได้มาลอนดอน หนึ่งในเมืองยอดฮิตของนักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลก แต่มาได้สองวัน ผมก็อยู่แต่ในโรงแรม ได้มองวิวลอนดอนจากหน้าต่างห้องพักเท่านั้นเอง ไม่ต้องสืบให้ยาก ไอ้ยักษ์ไม่อยากให้ออกไปไหน
   

นี่มันเป็นการแชร์ความสัมพันธ์อย่างที่ขอไปตรงไหนเนี่ยห๊า ที่พูดไปยืดยาวหลังจากผมออกไปทบทวนอะไรมา ไอ้ยักษ์หน้าหนวดมันฟังบ้างมั้ย หรือถ้าฟังแล้วคิดตามหรือเปล่าเนี่ย แต่ก็ถือว่าดีกว่าเก่า เพราะคราวนี้เขาไม่บังคับ ใช้วิธีอ้อนไม่ให้ออกไปไหน แล้วก็พาผมออกกำลังกาย ไม่ใช่การออกกำลังกายบนเตียงนะ เขาพาผมเล่นโยคะ แล้วก็เต้น T25 โอ้โห ฟิตแรงมาก พอทำแค่สองอย่างนี้ ผมก็เหนื่อยเมื่อยล้าจนไม่อยากออกไปตะลอน แผนการไอ้ยักษ์ช่างล้ำลึกนัก
   

“ห้ามเขาออกสื่อเด็ดขาด” เซล่าสั่งหน้าเครียด วิคเตอร์ทำหน้ามึน ดูก็รู้ว่าเขาไม่ยอม แต่อันนี้ผมเห็นด้วยกับเธอ ไม่ใช่เพราะผมจะสวมบทนางเอกยุคดาวพระศุกร์ แต่ผมไม่ชิน ผมไม่รู้จะต้องทำตัวยังไงกับการอยู่ท่ามกลางแสงแฟลช ท่ามกลางเสียงร้องเรียกโวยวายจากช่างภาพและแฟนคลับ คือผมเคยอยู่จุดนั้นมาก่อนอะ จุดที่เป็นติ่งแล้วตะโกนเรียกดารานักแสดงอันเป็นที่รัก ปัจจุบันผมก็ยังเป็นนะ ถ้าผมเจอพี่อดัม มารูนไฟว์ที่นี่ ผมก็จะแหกปากแรงๆ เช่นกัน


แล้วถ้าผมออกไป ผมจะออกไปในฐานะอะไร ผมก็เป็นแฟนวิคเตอร์นั่นแหละ อันนี้เรารู้กัน คนใกล้ตัวรู้ สื่อระแคะระคายบ้าง แฟนคลับนึกสงสัยบ้าง แต่มันยังไม่มีอะไรชัดเจนที่มาการันตีความสัมพันธ์ของเราสองคนให้ภายนอกได้รู้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ มันเป็นฟีลว่าถ้าแฟนคลับที่รักวิคเตอร์มากๆ จะบอกว่าพวกเขาไม่เชื่อกับข่าวนี้ เขาก็จะยังพูดได้อยู่ไงว่า ไม่จริง ไม่เชื่อ แต่ถ้าผมปรากฏตัวออกไป ก็เท่ากับความความคิดนั้นจะสั่นคลอนทันที ผมไม่ได้เป็นห่วงพวกนางนะ แค่ลองยกสถานการณ์เฉยๆ แหม ผมเจอพวกนางด่าก็เยอะแยะ โดนแซะก็มากมาย แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ ไม่ตอบโต้ ทำเมินเฉยไม่สนใจ และผมเองก็เลือกที่จะรักกับวิคเตอร์เงียบๆ เอง ไอ้ยักษ์ก็ไม่ได้อยากประกาศ แต่วันนี้เขาอยากออกงานคู่ผมบ้าง


“ให้ผมเดินกับทีมงานก็ได้ นะๆ” ผมกระซิบกับเขาสองคนในห้องรับรองก่อนจะออกไปที่งานพรีเมียร์ด้านนอก ไอ้ยักษ์หันมามองแล้วขมวดคิ้ว


“มาเดินกับฉัน” เขาสั่งเสียงราบเรียบ ผมทำปากยื่นหน้างอหน่อยๆ


“ไหนบอกว่าจะฟังคำขอของผมมากขึ้นไง” ไอ้ยักษ์ทำตาปริบแล้วพูดหน้ามึน


“นี่ก็ฟังมากขึ้นแล้ว” ผมแยกเขี้ยวแล้วยกมือไปบิดจมูกเขาหนึ่งที


“คนละครึ่งทาง ผมจะออกไปเดินด้วย แต่ต้องให้ผมอยู่กับทีมงาน ถ้าไม่ให้ ผมไม่ออกไปไหนทั้งนั้น ผมจะกลับโรงแรม” วิคเตอร์หรี่ตามอง ปลายลิ้นดุนแนวฟันด้านล่างช้าๆ ผมเลิกคิ้วทั้งสองขึ้น มองเขาอย่างดื้อดึง


“ขู่เก่งขึ้นเยอะนะ เดี๋ยวจะโดนดี” ผมหันไปมองบรรยากาศรอบๆ ในห้องรับรอง ทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆ กำลังคุยกันอย่างชื่นมื่น ออสตินกับพี่การ์ดคนไทยสองคนยืนอยู่ด้านนอก ไม่ได้เข้ามาอยู่แล้ว


พอเห็นว่าไม่ได้มีใครสนใจเราสองคน ผมเลยเอื้อมมือขวาไปกุมเป้ากางเกงสแลคสีดำมันเงางามของเขาไว้ แล้วลูบวนเบาๆ ไอ้ยักษ์สะดุ้งนิดหน่อยแล้วหันไปมองรอบๆ สักพักก่อนจะหันกลับมามองผมแล้วขบกรามเบาๆ ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูขวาของเขาเบาๆ


“โดนของดีๆ แบบนี้ทำไมจะไม่อยากโดน ผมยอมให้ลงโทษหนักๆ เลย” ผมแลบลิ้นเลียติ่งหูของเขา วิคเตอร์คำรามในลำคอเสียงแหบ ยักษ์น้อยขยายใหญ่ขึ้นจนเป้ากางเกงตุง ผมดึงหน้าตัวเองออกห่างจากหน้าเขา วิคเตอร์หันมามองสายตาวาววับอย่างกับหมาป่าจ้องจะจับลูกแกะกินให้ได้


“ก็ได้ แต่ตอนนี้ไปห้องน้ำกัน” ผมยิ้มขำแล้วหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์ลุกขึ้นยืน เป้าเกางเกงเขาตุงจนมันโป่งพอง ผมเลยลุกขึ้นยืนตามแล้วเดินเอาตัวไปบังเป้าเขาไว้กันคนอื่นเห็น


“ไปไหนเหรอวิคเตอร์” ดีแลนผู้กำกับภาพยนตร์หันมาถาม เขามองผมด้วยสายตาไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ ตอนแรกผมแปลกใจ แต่เซล่าก็ไขข้อสงสัยให้ผมทราบว่า ทีมงานหลายๆ คน แอบโยนความผิดให้ผมนิดหนึ่งที่ทำให้วิคเตอร์ทิ้งงานพรีเมียร์คราวก่อนไปอย่างดื้อๆ ผมไม่รู้จะต้องทำยังไง หรือพูดว่าอะไร ในใจอยากขอโทษพวกเขาที่ทำให้วุ่นวาย แต่วิคเตอร์บอกว่าไม่ต้อง แค่อยู่เฉยๆ ก็พอ เขามองว่าปัญญาอ่อนมากที่จะมาโยนความผิดให้ผม ก็คิดแบบนั้นนะ แต่ก็แอบไม่สบายใจ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ผมกับทีมงานก็ไม่ค่อยได้ยุ่งสุงสิงกัน เพราะตัวติดอยู่กับวิคเตอร์ แต่ดีแลนดูจะไม่พอใจผมมากสุดรองจากมนุษย์ป้าเซล่า


“ไปห้องน้ำน่ะ” วิคเตอร์ตอบเสียงกดต่ำ เพราะผมแกล้งเขาด้วยการเอามือลูบเป้าเขาไม่หยุดจนมันแข็งไม่ยอมอ่อน


“ห้องน้ำในนี้ก็มีนะ” ดีแลนว่าพลางชี้ไปทางห้องน้ำในห้องรับรอง วิคเตอร์ยิ้มเครียดแล้วส่ายหัวน้อยๆ


“มันแคบไป ฉันจะเข้าพร้อมกันสองคน” ว่าเสร็จวิคเตอร์ก็ดันผมให้เดินออกไปทันที ผมอ้าปากค้างเพราะเห็นดีแลนเบิกตากว้างอย่างตกใจหน่อยๆ


เราเดินออกมาด้านนอก บอกพวกออสตินว่าจะไปห้องน้ำอย่างเร็วปรื๋อแล้วก็พากันเดินไปทางห้องน้ำอย่างว่องไว วิคเตอร์ผลักผมเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูตามหลังอย่างรวดเร็ว พอหันกลับมาหาผมเขาก็จู่โจมจูบผมอย่างมูมมามทันที


“อ้า… อือ… อะ…” วิคเตอร์ปลดกางเกงทรงกระบอกสีดำของผม ดึงลงอย่างง่ายด่าย ผมยกขาออกจากกางเกง ปล่อยให้มันกองอยู่บนพื้น วิคเตอร์หันไปปิดฝาชักโครก จับผมลงไปนั่ง ผมจัดการถอดเข็มขัด ปลดตะขอกางเกง ควักลูกชายของวิคเตอร์ออกมาจากกางเกงใน แล้วจัดการเกี่ยวตะขอกับรัดเข็มขัดไว้ดังเดิม มีเพียงความเป็นชายอันยาวใหญ่ของเขาเท่านั้นที่เปลือยออกมา


“หล่อจัง” ผมว่าเสียงแผ่ว มือซ้ายจับท่อนเอ็นเขาไว้และช้อนสายตามองหน้าหล่อๆ ที่ยิ้มเหี้ยม ผมแลบลิ้นตวัดส่วนปลายสีชมพูของวิคเตอร์เบาๆ แต่ก็ทำเอาเขาแอ่นตัวพร้อมกับครางเสียงสั่น


ก๊อกๆ


อารมณ์วาบหวิวของเราทั้งสองคนแทบกระเจิง แต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากไอติมแท่งโปรด วิคเตอร์ก้มลงมองผมพักหนึ่งแล้วก็หันกลับไปมองประตู เหมือนต้องการจะดูว่าจะมีเสียงเคาะต่อมั้ยหรือมีใครรออยู่ด้านนอกหรือเปล่า


“คุณเรย์มอนด์ ได้เวลางานพรีเมียร์แล้วครับ” เสียงออสตินดังอยู่หน้าประตูห้องน้ำ วิคเตอร์กัดฟันแน่นแล้วตอบกลับไป


“รู้แล้ว เดี๋ยวฉันไป”


“เซล่าบอกว่า เดี๋ยวนี้ครับ”


“เธอไม่ใช่แม่ฉัน!” วิคเตอร์ตอกกลับ และหันมาผงกหัวให้ผมเป็นเชิงบอกว่าให้ทำต่อ ผมก้มลงไปใช้ปากให้กับเขาต่ออย่างช้าๆ


“และตอนนี้เธอบอกว่า นักแสดงกับทีมงานทุกคนรอคุณแค่คนเดียวครับ” ผมได้ยินแบบนั้นก็หยุดใช้ปากให้เขา วิคเตอร์ขมวดคิ้วหงุดหงิด ส่ายหน้าว่าไม่ให้หยุด


“ไปเถอะ ผมไม่อยากให้คนอื่นมารอคุณ เดี๋ยวกลับไปทำกันที่โรงแรมก็ได้” ผมลุกขึ้นเดินไปหยิบกางเกงขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย เห็นเงาสะท้อนของวิคเตอร์ในกระจกกำลังหงุดหงิดได้ที่ ผมยิ้มขำ พอแต่งตัวเสร็จก็หันไปจัดการเก็บอาวุธคู่กายของวิคเตอร์เข้าไปในกางเกงตามเดิมทั้งที่มันยังแข็งอยู่ วิคเตอร์ขบกรามแน่น คำรามในลำคอฮื่อๆ เหมือนสิงโตขู่


“ใจเย็นๆ ก่อนนะพ่อราชสีห์” ผมยกสองมือขึ้นตบแก้มเขาเบาๆ หลังจากเก็บยักษ์น้อยเข้าไปในกางเกงเรียบร้อยแล้ว วิคเตอร์แหงนหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงเจ็บปวดที่ไม่ได้ปลดปล่อยออกมา


“อ้า!!! แม่ง!!” ผมยื่นหน้าไปจูบใต้คางเขาหนึ่งที วิคเตอร์ก้มหน้าลงมองผมอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ก้มลงมาจูบนัวเนียกับผมสักพักก่อนจะผละออก


“กว่าไอ้งานเวรๆ นี่จะเสร็จ” เขาบ่นเสียงเหวี่ยง ผมยิ้มกริ่ม เอื้อมมือไปเปิดประตูห้องน้ำ แล้วจูงมือเขาออกไปด้านนอก ออสตินกับบอดี้การ์ดคนไทยทั้งสองคนยืนรออยู่ด้วยท่าทีสงบ


“ไปกันเถอะออสติน” สามบอดี้การ์ดพยักหน้ารับพร้อมกัน แล้วปล่อยให้ผมจูงมือวิคเตอร์ที่กำลังงุ่นง่านเดินนำไปก่อน


“ถึงห้องแล้วขย่มให้ด้วยนะ” ผมยิ้มเพลีย ทำอย่างกับคุยว่าให้ช่วยเลือกเนกไทสวยๆ สักเส้นงั้นแหละ


“ถ้าไม่เล่นหูเล่นตากับผู้หญิงมากไป ผมจะทำให้” วิคเตอร์คำรามในลำคอฮึ่มๆ แล้วดึงมือตัวเองออกจากมือผม เอาแขนซ้ายคล้องคอผมไว้แล้วก้มลงจูบขมับขวาผมแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว


“ฉันจะหลับตาเดินทั้งงานเลย” ผมหัวเราะคิกๆ วิคเตอร์คำรามอีกทีพร้อมกับพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วก้มลงแช่จูบบนขมับขวาผมไว้ทั้งที่เท้าก็ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วย แขนซ้ายเขาคล้องคอผมแน่น ผมแกล้งเอามือขวาไปลูบเป้าเขาที่มันโป่งพองน้อยลงแล้ว วิคเตอร์ตัวกระตุกไปด้านหลังนิดหนึ่ง ผมหัวเราะเสียงดัง ไอ้ยักษ์ยิ้มกัดริมฝีปากล่าง มองผมอย่างคันเขี้ยว คงอยากจะฝังเขี้ยวลงบนคอผมจะแย่



บรรยากาศงานพรีเมียร์เป็นไปอย่างคึกคัก ผมเองที่ชอบงานเบื้องหลังอยู่แล้วก็คึกตักตามไปด้วย วิคเตอร์ปล่อยให้ผมเดินกับพวกทีมงาน ส่วนเขาต้องเดินกับกลุ่มนักแสดง แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นเดินคู่กับชารอน เนื่องจากกระแสจิ้นคู่นี้เขาแรง ผมกับชารอนทักทายกันแล้ว เธอไนซ์อย่างที่เห็นตามสื่อ เป็นผู้หญิงน่ารัก แต่เรายังไม่ค่อยได้ทำความรู้จักกันมาก เพราะชารอนต้องให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งจริงๆ วิคเตอร์ก็ต้องสัมภาษณ์ด้วย แต่เขาก็ทำมึนทิ้งให้นางเอกพูดคนเดียว ส่วนของเขาจะไปรอพูดทีเดียวตอนช่วงพรีเมียร์ เขาบอกว่าจะพูดทำไมซ้ำซ้อน แถมมีการว่าชารอนน้ำใจล้นหลามมากเกินไปอีกต่างหาก


ผมยังไม่ได้ดูหนัง ยังไม่เห็นว่าเคมีของทั้งสองคนเป็นยังไงบ้าง แต่จากกระแสก็มีคำชมมากกว่าคำด่า ผมกะจะไปดูในโรงกับวิคเตอร์ เขาหนีดูหนังรอบพรีเมียร์กลับที่พักก่อนหน้านี้ทุกที่เพราะจะรอดูพร้อมผม ส่วนพรีเมียร์ที่นี่ผมคิดว่าคงไม่ได้ดูหรอก เพราะวิคเตอร์อยากกลับห้องเร็วๆ


“วิคเตอร์! ชารอน! ทางนี้ๆ” เสียงตะโกนของช่างภาพจากหลายสำนักในอังกฤษและนอกเกาะอังกฤษตะโกนเรียกสองพระนางดังกระหึ่มไปทั่วงาน มีเสียงแฟนคลับส่งเสียงฮือฮาเป็นระยะ แสงแฟลช เสียงชัตเตอร์ดังรัวๆ แสงสีขาววูบวาบสว่างตา ผมยืนยกส้นเท้าเล่นบนพรมแดงอยู่ข้างๆ ออสติน พลางกวาดสายตามองไปรอบงาน แบ็คดรอปสีดำอันใหญ่ตัดกับพรมสีแดง บนแบ็คดรอปเป็นรูปโปสเตอร์ภาพยนตร์ขนาดใหญ่ มีนักแสดงสำคัญๆ ในภาคแรกครบทั้งหมด แต่ที่เด่นก็คือวิคเตอร์กับชารอน


“เฮ้ เป็นไงบ้าง” ผมหันไปมองทางต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นคุณทอมเจ้าของนิยายที่วิคเตอร์เล่นเป็นพระเอกในเวอร์ชั่นหนังก็ยิ้มกว้าง


“สวัสดีครับคุณทอม!” ผมพูดเสียงกระตือรือร้นพลางยื่นมือขวาไปเช็กแฮนด์กับเขา แล้วเดินเข้าไปกอดเขาตามแรงดึงของอีกฝ่ายวูบหนึ่งแล้วก็ผละออกตามมารยาทฝรั่ง


“เพิ่งเห็นนายมางานพรีเมียร์” คุณทอมถามท่ามกลางเสียงดังของช่างภาพ นักข่าว แฟนคลับและเสียงเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เปิดคลอเบาๆ ในงาน


“พอดีผมไม่สบายครับ เลยนอนพักที่บ้าน แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” คุณทอมพยักหน้าพร้อมยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะหันไปเรียกผู้หญิงคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลแก่ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาวมีกระ ตัวสูงชะลูดให้เขยิบมายืนใกล้ๆ เขา


“นี่ภรรยาของฉัน เดซี่” ผมเอ่ยทักทายภรรยาของคุณทอมด้วยความเป็นมิตร เธอเองก็เช่นกัน คุณเดซี่ยิ้มแย้มและดึงผมเข้าไปกอด ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าคุณทอมเล่าแล้วว่าผมชอบนิยายเขามากขนาดไหน และเธอยังเล่าด้วยว่า เธอเป็นคนช่วยสามีตัดสินใจในการเลือกวิคเตอร์ให้เป็นพระเอกเรื่องนี้ด้วย


“ฉันชอบเขาตั้งแต่ซีรีส์แล้วละ และฉันคิดว่าเขานี่แหละเหมาะจะเป็นพระเอกเรื่องนี้ก็ตอนที่เขาเตะต่อยได้เท่มาก” ผมยิ้มกว้าง รู้สึกภูมิใจแทนวิคเตอร์ที่มีคนมองเห็นความสามารถของเขามากกว่าใบหน้าหล่อๆ เพียงอย่างเดียว


“ขอบคุณมากนะครับ”


“เห็นเขาบอกว่า รับเล่นหนังเรื่องนี้ก็เพราะเธอชอบ” ผมยิ้มกว้างเขินๆ แล้วพยักหน้ารับหน่อยๆ สองสามีภรรยาหัวเราะเบาๆ


ผมยืนคุยกับทั้งสองคนอีกนาน คุยกันเรื่องนิยายของคุณทอมนั่นแหละ คุยกันจนคุณเดซี่ต้องขอตัวออกไปทักทายคนอื่นๆ บ้าง ผมเล่าให้คุณทอมฟังว่าชอบฉากไหน เพราะอะไรบ้าง และผมเดาเรื่องคุณทอมถูกแค่สองสามฉากเท่านั้นเอง นอกนั้นผิดหมด แต่เพราะแบบนั้นแหละนิยายเขาถึงสนุก


ยืนคุยกันสักพัก วิคเตอร์ก็เดินมาตามให้ผมเข้าไปด้านในโรงภาพยนตร์ เขาบอกว่าเข้าไปแค่แปบเดียว พอหนังจะเริ่มฉายก็ค่อยแยกตัวกลับ ตอนนั้นเองที่นักข่าวกับช่างภาพหันมาสนใจตรงผม แต่โชคยังดีที่มีคุณทอมยืนอยู่ด้วย พวกนั้นเลยไม่ได้โวยวายหรือตื่นตูมเท่าไหร่ ตอนเดินเข้าโรงหนังก็เดินไปพร้อมๆ กัน ผมเลยไม่ตกเป็นเป้าสายตามากนัก แต่ก็มีบางสำนักนะที่ตะโกนถามวิคเตอร์


“Victor! Is that him? A boy who is your boyfriend?!” ผมหันไปมองนักข่าวชายคนที่ถามแล้วอมยิ้มเล็กๆ วิคเตอร์หันไปยิ้มให้นักข่าวคนนั้นแล้วทำเพียงตะเบ๊ะสองนิ้วไวๆ ตอบกลับไป ช่างภาพก็รัวภาพเขากับผมกันใหญ่ แต่ก็อีกครั้งที่มีแต่ความเงียบตอบกลับไปในประเด็นนี้




 :hao7:

ตอนสุดท้ายของ Only You แล้วนะค้าาาา ปิดซีซั่นที่สองในตอนนี้แหละค่ะ แต่เดี๋ยวตอมจะลงตอนพิเศษจากในเล่มให้ได้อ่านหนึ่งตอนค่ะ เป็นน้ำย่อยเบาๆ สำหรับความคืบหน้าเรื่องหนังสือ อัพได้ที่เพจเลยนะคะ จะคอยบอกตลอดๆ ว่าไปถึงไหนแล้ว ไปละค่ะ ไปพรูพหนังสือต่อ จะได้สามีเป็นหนังสือแล้ว



สำหรับพาร์ทสาม เคยแจ้งไว้ว่า จะขอเบรกสักแปบนะคะ ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-08-2016 00:50:46
เหมือนทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้วสบายๆมากขึ้นนะคะ ดูเป็นธรรมชาติกว่าเดิม ซึ่งมันดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-08-2016 00:55:16
งื้ออออ...รู้สึกว่าแมทมีอำนาจต่อรองและสั่งการมากขึ้น  อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-08-2016 02:50:24
ดูแบบโล่งๆสบายๆไม่มีรังสีทะมึนแล้ว ดีใจด้วย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-08-2016 03:03:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-08-2016 03:21:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-08-2016 05:13:55
จ้ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-08-2016 05:29:13
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-08-2016 06:15:13
น่ารักกกก หวานออกสื่อเบาๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 01-08-2016 08:39:49
วิคเตอร์ ดีขึ้นเย้อออออออ รอพาร์ทต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-08-2016 08:57:39
รู้สึกว่าวิคทำตัวดีขึ้นเยอะเลย >< น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 01-08-2016 10:37:59
 :katai2-1: เวลาเข้าใจกันดี คนอ่านก็แฮปปี้มากเลย  :3123:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-08-2016 11:09:25
 :impress3: แมทร้ายน่ะเนี่ย อัพเลเวลแบบยักษ์หนีไปไหนไม่พ้นหลงหัวปักหัวปำเลยน่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: รออ่านเป็นเล่มอีกรอบ  :o8:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 01-08-2016 12:47:17
ไม่เปิดแต่ก็ไม่ปิดความสัมพันธ์ เคียงคู่กันเท่าที่ควร
แต่ความหื่นวิคยังคงเดิม ที่เพิ่มเติมคือน้องแมทเริ่มจะสูสี
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-08-2016 13:49:57
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-08-2016 16:09:09
พูดรู้เรื่องไม่เอาแต่ใจแล้ว แต่เอเลี่ยนก็แสบขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 50%}:01.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-08-2016 23:29:57
สำหรับวิคเตอร์ เมียมาอันดับ 1 เสมอ ผัวแห่งชาติค่ะ
ถ้าตัดเรื่องอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ นางก็รักแมทของพวกเรามากเลย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-08-2016 23:50:13



Only You EP.43 [100%]




“No… Mom… No! Dad?! Help me?!”


ผมผงกหัวงัวเงียขึ้นจากหมอนแบบง่วงๆ แต่ก็รีบหันไปเปิดโคมไฟเพื่อให้ความสว่างในห้อง พอหันกลับไปมองวิคเตอร์ก็เห็นว่าเขากำลังสะบัดหน้าไปมา เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก สีหน้าเขาทุรนทุราย ตัวเกร็งจนผมตกใจ ผมรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวเขา แต่เหมือนเขาจะตกใจเลยยกหลังมือสะบัดใส่แก้มผมเต็มแรง


“โอ๊ย!” ผมหน้าเหยเกเพราะหลังมือซ้ายฟาดเข้าเต็มแก้มซ้ายของผม แต่ผมก็พยายามจับมือเขาไว้ไม่ให้มันฟาดไปฟาดมา ผมใช้มือซ้ายกดสองมือเขาไว้แล้วใช้มือขวาจับไหล่ซ้ายเขาก่อนจะเขย่าแรงที่สุดเท่าที่จะได้


“วิคเตอร์! วิคเตอร์!” วิคเตอร์สะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกกว้าง เขาหอบหายใจรุนแรง ตาค้างมองเพดานสักพัก ใบหน้าและตัวเกร็ง หน้าท้องของเขาหดเกร็งขึ้นลง เขาหันมามองผมตาแข็ง แต่ไม่ได้เพราะโกรธ เหมือนเขายังตาค้างอยู่ ผมยกมือซ้ายไปตบท้องเขาเบาๆ


“ไม่เป็นไร ตื่นแล้ว คุณตื่นแล้ว ฝันจบไปแล้ว” ผมกระซิบอยู่ตรงหน้าเขา วิคเตอร์หายใจหอบอีกสักพักก่อนจะหลับตาลงแล้วค่อยๆ ปรับลมหายใจให้ช้าและเบาลง ผมยกมือลูบเหงื่อบนหน้าผากเขาเบาๆ วิคเตอร์ลืมตาขึ้นมองหน้าผมด้วยสายตาเหนื่อยล้า


“แมท…” ผมยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าให้เขา


“ครับ ผมเอง ผมอยู่นี่” เขายังหายใจแรงอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หอบตัวโยน กล้ามเนื้อที่เกร็งในตอนแรกก็ค่อยๆ คลายตัว ผมใช้สองมือบีบมือทั้งสองของเขาไว้ วิคเตอร์หายใจช้าลงจนเป็นปกติในที่สุด เปลือกตาเขาขยับขึ้นลงเชื่องช้า ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นมองผมไม่ยอมคลาดสายตา ผมยิ้มบางๆ วิคเตอร์ดึงมือตัวเองออก ยกแขนซ้ายโอบรอบตัวผมไว้ มือขวาจับมือซ้ายผมไว้หลวมๆ ผมล้มตัวลงนอนลงบนอกเขาใกล้ๆ กับรอยสัก วิคเตอร์กดจูบลงกลางกระหม่อมผมหนึ่งทีแล้วถอนหายใจเบาๆ


“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ” นานมากแล้วที่ผมไม่ได้เห็นเขามีอาการแบบนี้ตอนหลับ ครั้งแรกและเป็นครั้งล่าสุดก็เมื่อปีก่อนตอนที่ผมยังฝึกงานกับเขาอยู่


“อืม” ท่าทางจะหนักพอสมควร เพราะพูดน้อยเป็นวิคเตอร์เวอร์ชั่นสมัยก่อนคบกันเลย ผมยกแขนซ้ายกอดเอวเขาไว้หลวมๆ เพื่อให้เขาอุ่นใจว่าผมอยู่กับเขาตรงนี้


“ไม่อยากรู้เหรอ” ผมแหงนหน้าไปมองเขาที่กำลังมองผมนิ่งๆ ผมยิ้มนิดหน่อยแล้วตอบ


“อยากสิ แต่ผมเชื่อว่าเดี๋ยวคุณจะเล่า แค่ไม่ใช่ตอนนี้” วิคเตอร์ยิ้มอ่อนแรงแล้วพยักหน้ารับนิดหนึ่ง ผมกดหน้าลงนอนหนุนอกเขาต่อ วิคเตอร์ยกมือซ้ายลูบหัวผมเล่นเบาๆ มือขวาลูบแขนซ้ายผมอย่างเลื่อนลอย


ผ่านไปได้ห้านาที ผมก็ผล็อยหลับไปเพราะยังง่วงค้างจากเมื่อกี้นี้อยู่





ฟิ้ววว~ ฟิ้ววว~


ที่นี่เงียบสงบจนได้ยินเสียงลมในอากาศแล่นผ่านหูเลยทีเดียว ผมหันไปมองต้นไม้สีเขียวขจีรอบๆ ตัว ไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไร แต่ใบสีเขียวเข้ม ลำต้นสีน้ำตาล กิ่งก้านแตกขยายใหญ่ สมกับเป็นต้นไม้ที่เรียกได้ว่ามันคือต้นไม้แบบจินตนาการตอนเด็กของหลายๆ คนที่ต้นไม้จะมีลักษณะนี้ ท้องฟ้าก็คือฟ้าจริงๆ มีเมฆสีขาวบริสุทธิ์ตัดกันชัดเจน


ผมหันไปมองผู้ชายตัวโตข้างซ้ายมือตัวเอง เขากำลังยืนนิ่งสงบ ใบหน้าเรียบเฉย แววตาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ กำลังมองป้ายหลุมศพของใครคนหนึ่ง ผมหันไปมองตามสายตาเขาก็พบกับป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อไว้อย่างสละสลวยสวยงาม




Monika Albert Raymond
   

   

“ย่าครับ…” วิคเตอร์คลายความสงสัยของผมที่กำลังคิดอยู่ว่านี่คือแม่หรือย่าของเขา


“…ผมพาของขวัญจากพระเจ้าที่ย่าบอกมาหา” วิคเตอร์หันมามองผมพร้อมรอยยิ้ม ผมคลี่ยิ้มตอบ
   

“ผมไม่รู้ว่าพระเจ้าส่งเขามาอย่างที่ย่าเคยบอกหรือเปล่า แต่สำหรับผมตอนนี้ เขาเหมือนของขวัญสุดพิเศษจากพระเจ้าจริงๆ” ผมอมยิ้มอิ่มใจ เอื้อมมือซ้ายไปจับมือขวาเขาไว้ วิคเตอร์กุมมือผมไว้แน่นแบบพอดีๆ สายตาเขายังคงมองหลุมศพของย่า แววตาของเขาปกติ ไม่ได้เศร้าโศก ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงออกถึงความสูญเสียมากมาย
   

“ผมแค่จะมาบอกว่า ผมได้รับของขวัญชิ้นนั้นอย่างที่ย่าบอกแล้ว และผมจะดูแลของขวัญชิ้นนี้ให้เท่ากับตอนที่ย่ากับแม่ดูแลผมเลย” ผมไม่รู้หรอกว่าตอนท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ท่านดูแลวิคเตอร์ยังไง แต่คงเติมเต็มให้วิคเตอร์เต็มที่เนื่องจากเขาขาดความรักจากพ่อ พ่อที่อยู่ใกล้กับเขาแท้ๆ แต่ไม่เคยให้ความรักเขาเลย
   

“ช่วยผมดูแลเขาด้วยนะครับย่า อย่าให้เขาหนีผมไปไหนอีก” ผมคลี่ยิ้มขำแล้วหันไปมองหลุมศพของย่าวิคเตอร์ที่มีช่อดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าอมม่วงที่วิคเตอร์ซื้อมาให้วางอยู่บนหน้าหลุมศพ ผมมองชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารักมากแล้วก็คลี่ยิ้ม
   

“ขอบคุณมากนะครับที่รักและดูแลยักษ์ตัวนี้อย่างดี ตอนนี้ผมจะรักและดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ยังไงคุณย่าก็ช่วยบอกหลานชายตัวเองว่าอย่าเอาแต่ใจเกินไปนะครับ บางทีผมเหนื่อย ไม่รู้คุณย่ากับคุณแม่ทนมาได้ยังไง” วิคเตอร์คลี่ยิ้มแล้วยื่นหน้ามาจูบขมับซ้ายของผม
   

“คุณย่าอาจจะผิดหวังที่ของขวัญจากพระเจ้าชิ้นนี้ไม่ใช่ผู้หญิง ผมขอโทษนะครับ แต่ผมเชื่อว่าความรักที่ผมมีให้เขา ไม่ได้ทำให้ผมแพ้ผู้หญิงคนไหนเลย ถ้าแพ้ก็คงคุณย่ากับคุณแม่นี่แหละ” วิคเตอร์ยิ้มอ่อนโยน ยกมือขวาโอบไหล่ผมเอาไว้ ผมมองเห็นหลุมศพแล้วก็นึกใจหาย คิดถึงพ่อกับแม่ขึ้นมา แล้วจู่ๆ ก็คิดว่า คนเราจะมีชีวิตได้อีกนานเท่าไหร่ เมื่อไหร่ที่ผมกับครอบครัวจะประสานระยะห่างที่มีต่อกันได้สักที   
   

วิคเตอร์ร่ำลากับย่าอีกครู่สั้นๆ แล้วพาผมเดินไปทางขวามือ คือถ้าให้ผมเปรียบเทียบ ที่นี่แอบคล้ายสวนผักเหมือนกันนะที่ผักจะปลูกไว้เป็นแปลงๆ คือหลุมศพก็ตั้งเรียงรายแบบนั้น แต่แยกแปลง แยกพื้นที่ออกไป ส่วนต่อไปที่วิคเตอร์พาผมเดินมาไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก เดินอีกสิบกว่าก้าวก็มาถึง เป็นหลุมศพหินอ่อนสีดำ สลักตัวอักษรสีทอง อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีพวงหรีดดอกไม้สีขาวอันเล็กๆ วางอยู่ด้านหน้าหลุมศพ
   

“ไวโอล่าคงทำมาให้ แม่ชอบดอกคาเนชั่น เพราะพ่อให้แม่ตอนบอกว่าชอบแม่” เขายิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มเศร้า แต่ก็ไม่ถึงกับสลดโศกา
   

วิคเตอร์นั่งยองๆ แล้วยื่นดอกเยอมีร่า (Gerbera) สีแดงสลับส้มกับสีเหลืองช่อเล็กๆ วางลงบนหน้าหลุมศพของแม่เขา ผมมองชื่อแม่เขาแล้วก็สะดุดใจขึ้นมา
   



Jean Stela-Raymond
   


   

“Your middle name is your mother’s name? (ชื่อกลางของคุณคือชื่อแม่หรอกเหรอ)” ผมเพิ่งรู้วันนี้จริงๆ นะเนี่ย คือตอนเห็นชื่อกลางเขาก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้สงสัยว่ามาจากไหน คิดแค่ว่ามันก็คือชื่อกลางของฝรั่งแบบที่เขาจะมีกัน วิคเตอร์ลุกขึ้นยืนแล้วหันมายิ้มให้ผมก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ
   

“In fact, I don’t have the middle name, but I want to use her name. (จริงๆ ฉันไม่มีชื่อกลางหรอก แต่อยากใช้ชื่อแม่)” ผมพยักหน้ายิ้มๆ วิคเตอร์หันไปมองหลุมศพของแม่เขาแล้วคลี่ยิ้มหล่อ
   

“You said if I find someone who I wanted to spend the rest of my life with, you want to see that one. Do you remembered that, mom? Here he is, my half heart. (แม่ จำได้มั้ย แม่บอกว่าถ้าผมเจอคนที่ผมอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย ให้พามารู้จักกับแม่ ผมพามาแล้วนะอีกครึ่งของหัวใจผมอะ)” วิคเตอร์ยิ้มหล่อละมุน ส่วนผมนี่ยิ้มแก้มจะระเบิดกับประโยคที่เขาพูด
   

Spend the rest of my life with my half-heart…
   

“Why are you so sweet talker? Oh, you made me blush. (ทำไมพูดจาหวานขนาดนี้ โอ๊ย ผมเขินนะ)” ผมยิ้มตาหยี เม้มปากแน่น หัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดในร่างกายจนร้อนทั้งที่อากาศกำลังดี วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้มแล้วหันไปเลิกคิ้วกับหลุมศพของแม่
   

“Is he lovely, mom? He can’t have a baby. I hope you don’t mind about it, but even you mind I don’t care. I love him. He gives me the completely happiness. (เขาน่ารักใช่มั้ยล่ะแม่ เขามีลูกให้ผมไม่ได้ แม่คงไม่ว่าอะไรนะ และถึงแม่จะว่า ผมก็ไม่สนหรอก ผมรักเขา เขาให้ความสุขผมได้เต็มๆ เลย)” วิคเตอร์หันมาแล้วกดหัวผมลงไปให้ซุกอกของเขา
   

“แอ๊… วิคเตอร์” ไอ้ยักษ์ก้มลงหอมหัวผมรุนแรง สองแขนกอดรัดตัวผมแน่นไม่ให้ผมผละออก เขาใช้จมูกขยี้เรือนผมจนยุ่งเหยิงแล้วก็ปล่อย ผมหน้ายับ มองไอ้ยักษ์ที่หัวร่ออารมณ์ดี
   

“ไอ้ห่า” ผมด่าเป็นภาษาไทย วิคเตอร์ยิ้มขำแล้วหันไปมองหลุมศพแม่ตัวเอง
   

“เนี่ย เขาชมผมว่าน่ารักอีกแล้วแม่” ผมยกมือฟาดไหล่ขวาเขาไปหนึ่งที แล้วหันไปมองหลุมศพแม่วิคเตอร์ ใช้มือสางผมยุ่งของตัวเองให้กลับเข้าที่เข้าทาง
   

“ลูกชายคุณแม่ดื้อมากนะครับ คุณแม่ไม่น่าตามใจเลย” ไอ้ยักษ์ยักไหล่ทั้งสองข้าง ผมว่าดูท่าทางเขาจะสนิทกับแม่มาก หมายถึงว่ากับย่าเขาคงเคารพมาก กับแม่คงสนิทสไตล์วัยรุ่นๆ หน่อย
   

“เขาไม่ใช่ผู้หญิงก็จริง แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องบนเตียงเขาแซ่บโดนใจผมมาก นอกเตียงก็แซ่บนะแม่” ผมอ้าปากค้างหน้าเหวอหันไปมองไอ้ยักษ์ที่ยิ้มทะเล้น หน้าตากรุ้มกริ่ม
   

“ไม่อัดคลิปมาโชว์แม่คุณไปเลยล่ะฮะ?!” ไอ้ยักษ์เลิกสองคิ้วขึ้น ทำหน้านึกสักแปบก่อนจะยิ้มกริ่ม
   

“ก็ดีนะ เดี๋ยววันไหนคึกๆ อัดคลิปกันดีกว่า จะได้ไม่มีคนมายุ่งกับเราทั้งสองฝ่าย” ผมเบ้ปากย่นจมูก แล้วก็พาลนึกไปถึงคุณลุงแซ็คผู้หล่อล่ำน่าขย้ำ ถ้าเรื่องคลิปอาจจะต้องปรึกษาเขาว่าเอาไปขายในเว็บหนังโป๊ได้หรือเปล่า เอ๊ะ?! นี่ผมกำลังต่อยอดความคิดไอ้ยักษ์อยู่นะ ถือว่าผมก็มีหัวการค้าอยู่เหมือนกัน (หื้ม?)
   

“แล้วก็ แม่ช่วยบอกเขาทีว่าอย่าคิดเยอะ คิดเล็กคิดน้อย คิดมาก เขามีข้อเสียตรงนี้แหละ” ผมเบะปาก
   

“ลูกชายคุณแม่ทำตัวให้น่าคิด น่าสงสัยอยู่ตลอดเวลาเองครับ พฤติกรรมแบบเขาส่งไปให้เอฟบีไอตรวจสอบคงพบพิรุทธ์หลายอย่าง” วิคเตอร์หัวเราะสดใส ผมเบ้ปากนะ แต่ในใจดีใจมากเลยที่เห็นเขายิ้มแทนที่จะเศร้าสลดที่พาผมมาเจอย่ากับแม่เขา
   

“เป็นไงแม่ ลูกสะใภ้แม่ปากจัดเท่าแม่มั้ย เขาเหมือนแม่หลายอย่างเลยนะจริงๆ แล้วอะ” วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ผมยิ้มแก้มอิ่มตามเขา
   

“ผมจะพยายามทำให้ดีเท่าคุณแม่นะครับ ผมจะพยายามรับมือเขาให้ดีที่สุด” วิคเตอร์ยกแขนขวาคล้องคอผมไว้
   

“งั้นพร้อมที่จะรับมือฉันไปทั้งชีวิตรึยัง” ผมขมวดคิ้ว กำลังจะอ้าปากถาม หางตาก็หันไปเห็นความแวววาวของอะไรบางอย่างที่อยู่ในกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่วิคเตอร์ถือไว้ในมือขวา
   

“แหวน?!” ผมหันกลับไปถามวิคเตอร์อย่างเอ๋อๆ ไอ้ยักษ์ยักคิ้วขวาให้หนึ่งทีแล้วพยักหน้า
   

“ขอแต่งงานเหรอ” ผมถามซื่อๆ ไม่ได้คิดอะไรเป็นจริงเป็นจังแต่วิคเตอร์กลับพยักหน้ารับสีหน้าจริงจังจนผมเริ่มเบิกตากว้างมองหน้าเขา
   

“แต่งมั้ย? จริงๆ แต่งเถอะ มาเป็นของฉันเต็มๆ ซะที”
   

“แล้วถ้าแต่งไปมันจะต่างจากทุกวันนี้ยังไง” ผมถามพลางดึงกล่องแหวนมาดูแหวนที่อยู่ด้านใน เป็นแหวนสีเงิน มีเส้นสีเงินเล็กๆ บิดเป็นเกลียวคล้ายเถาวัลย์รอบแหวนแล้วไปขยุ้มชูช่อเป็นฐานเพชรสีขาวเม็ดเล็กๆ ที่ไม่ได้ใหญ่เวอร์วัง ใหญ่กว่าขี้ตามดขึ้นมาหน่อย ซึ่งผมไม่ได้น้อยอกน้อยใจกับการที่เพชรเม็ดเล็กเลยนะ ดีใจซะอีกที่เขาเลือกอะไรที่มันพอดีๆ ไม่อลังการมากไป
   

“ไม่ต่างหรอก ก็เหมือนเดิม แค่ชัดเจนขึ้นว่านายเป็นของฉันแล้ว จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับนายอีก” ผมทำปากจู๋และย่นจมูก หันไปมองใบหน้าเรียบตึงของแฟนตัวเอง
   

“เอาความมั่นใจว่าผมจะโดนแย่งไปมาจากไหนเนี่ย ดูหน้าผมด้วย”
   

“มันไม่ได้เกี่ยวกับหน้าแมท เพราะฉันเองยังไม่ได้ชอบนายเพราะหน้าเลย” เหมือนจะดูดีมาก เหมือนจะซาบซึ้งมาก แต่ไม่ใช่เลย ผมแยกเขี้ยวแล้วยกมือซ้ายไปหยิกหัวนมซ้ายของเขา
   

“โอยยย เสียวจะเสร็จแล้ว”
   

“ไอ้เวอร์!” วิคเตอร์หัวเราะยิ้มร่าแล้วหอมแก้มซ้ายผมไปหนึ่งฟอด ผมหันไปมองแหวนและสลับสายตาไปมองบริเวณรอบๆ ตัวเอง
   

“ให้ตายเหอะ คุณมาขอผมแต่งงานในสุสานเนี่ยนะ?!” เขามีบล็อกไหน เว็บไหนแนะนำงั้นเหรอว่าสุสานคือสถานที่โรแมนติกสำหรับขอแต่งงานอะ
   

“ก็แม่กับย่าฉันอยู่นี่ ฉันอยากให้เธอทั้งสองคนเห็นโมเม้นต์สำคัญของฉันกับนายไง” ตรรกะนี้คงสมเหตุสมผลอยู่ละมั้ง ถ้ามาจากวิคเตอร์มันก็คงสมเหตุสมผลที่สุดแล้วละ
   

“รีบๆ ตอบ จะได้สวมแหวนให้” ผมมองแหวนในมือที่อยู่ในกล่องอีกทีแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังโดนขอแต่งงานอยู่ แต่งงานเนี่ยนะ?! มันคือการแต่งงานเลยนะ!
   

“หมั้นไว้ก่อนได้มั้ย” ผมต่อรองอย่างตื่นเต้น รู้สึกใจเต้นอยู่เหมือนกันนะว่าไป เมื่อกี้ลืมตื่นเต้นนะเอาจริงๆ เหมือนมันโดนแอทแทคกะทันหันจนลืมความรู้สึกที่ควรจะเป็น ถึงจะอยู่ในสุสานท่ามกลางหลุมศพนับพันนับหมื่นก็เถอะ (พยานรู้เห็นเป็นใจเยอะมากจ้ะ)
   

วิคเตอร์กลอกตาเซ็ง แล้วดึงกล่องแหวนในมือไป เขาดึงแหวนวงนั้นออกมาจากกล่อง พับกล่องเก็บเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนสีน้ำเงิน ยื่นมือซ้ายมาจับมือซ้ายของผมไว้
   

“คิดมากอะไรอยู่ล่ะสิ แต่ฉันจะยอมตามใจนายไปก่อน แล้วปีหน้าค่อยแต่ง” ผมเบิกตากว้าง ก้มลงมองวินาที่สำคัญที่ฝ่ายชายจะสวมแหวนหมั้นให้ แต่ไอ้ยักษ์มันช่างไร้ความโรมานซ์ เพราะยัดทีเดียว วินาทีเดียวแล้วจบ พอแหวนลงล็อคกับนิ้วผม พี่แกก็ปล่อย เป็นอันเสร็จพิธี
   

“เรื่องพ่อกับแม่ผมก็ยังไม่เคลียร์ พ่อคุณก็ไม่ยอมรับผม เราจะเดินทางลัดกันแล้วรึไงเล่า” ผมแบหลังมือดูแหวนสีเงินมีเพชรเม็ดเล็กจิ๋วหลิวประดับแล้วคลี่ยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองไอ้ยักษ์ที่กำลังยิ้มมุมปากเท่ๆ อยู่
   

“เรื่องพ่อฉัน เลิกสนใจเขาได้แล้ว เขาไม่ใช่คนตัดสินใจอะไรในชีวิตฉันทั้งนั้น ที่ควรสนใจคือพ่อแม่นาย พาฉันไปพบพวกเขา” ผมมองหน้าวิคเตอร์ด้วยความปลื้มใจที่เขามีความกล้าจะเข้าไปหาครอบครัวผม และคงถึงคราวผมบ้างแล้วที่ต้องมีความกล้าพาเขาเข้าไปหาครอบครัวตัวเอง แม้จะยังมีเรื่องกังวลใจอยู่บ้าง
   

“แต่ผมยังไม่ทันประสบความสำเร็จในชีวิตให้เขาได้ชื่นชมเลย” ผมยิ้มแกนๆ วิคเตอร์เอื้อมมือขวามาจับมือซ้ายผมไว้
   

“งั้นก็ทำให้พวกเขาเห็น ว่าถึงนายจะคบกับฉัน แต่นายก็ประสบความสำเร็จได้ ทำให้เขายอมรับสองต่อไปเลย” ผมคลี่ยิ้มบางๆ พยักหน้ารับน้อยๆ วิคเตอร์หันไปมองหลุมศพแม่ตัวเองอีกที
   

“เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะแม่ ผมไม่รู้ว่าจะโดนพ่อกับแม่แมททำอะไรบ้าง ยังไงก็ช่วยให้ผมผ่านไปได้ด้วยดีก็แล้วกัน” ผมยิ้มอ่อนโยน เราบอกลาหลุมศพของแม่วิคเตอร์แล้วจูงมือกันเดินกลับไปที่รถท่ามกลางบรรยากาศอันสดใสเหมือนความรู้สึกในหัวใจเราสองคน แม้แบ็คกราวด์ของโลเกชั่นจะสงบจนวังเวงไปหน่อยก็เถอะ
   

ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ผมคงต้องทิ้งความขี้ขลาดตาขาว แล้วสู้เพื่อตัวตนของตัวเอง สู้เพื่อความรักของตัวเองกับวิคเตอร์จริงๆ สักที เพราะไม่งั้นผมก็อาจจะต้องหนีไปตลอด อย่างที่วิคเตอร์บอก ทำให้เขายอมรับทั้งสองอย่างพร้อมกันไปให้ได้ ทั้งตัวตนของผมที่ (ต้อง) ประสบความสำเร็จและความรักกับวิคเตอร์ที่เป็นไปได้ และเป็นไปอย่างมีความสุข
   

It’s time to share our relationship. It’s time to protect of each other. It’s time to walk forward together. This relationship is going to be yours and mine.
   

และเราจะช่วยกันดูแลกันและกัน
   

“ผมไม่มีตังค์ซื้อแหวนตอบแทนให้คุณเลยอะ”
   

“ขมิบก้นเพื่อความฟิตทุกวันต่อไปก็ตอบแทนฉันได้เยอะแล้ว”
   

“โอ้ยเน่าะ!” วิคเตอร์หัวเราะอารมณ์ดีแม้จะไม่เข้าใจว่าผมพูดว่าอะไรก็ตาม แต่เห็นสีหน้าหน่ายอกหน่ายใจก็คงพอจะเดาได้ว่าผมเพลียกับความหื่นของเขา


   Victor…
   

Thank you God to send this gift to me. I really appreciated it and I will not turn him to you. Do not ask him back.
   

        วิคเตอร์…
   

ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งของขวัญชิ้นนี้มาให้ผม ผมซาบซึ้งมากจากใจ และผมจะไม่มีวันส่งเขาคืนให้แน่ อย่ามาเรียกร้องเขาคืนจากผมนะ



See you in the final part: Yours and Mine


 
:bye2:


จบพาร์ท Only You แล้วค่าาาา แต่เรื่องยังไม่จบนะค้า ฮ่าๆๆ เหลืออีกหนึ่งพาร์ท อ้อ เดี๋ยวตอมจะอัพตอนพิเศษที่อยู่ในเล่มให้อ่านในเว็บหนึ่งตอนค่ะ

หมั้นกันแล้ว จริงๆ สองคนนี้ไม่หมั้นไม่แต่ง แมทก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนแล้วป่ะคะพี่ยักษ์ 55555 ทุกวันนี้จองจำนางได้อยู่หมัดแล้วนี่ แต่อย่าลืมดูตัวเองนะ เรื่องเมียตัวเองมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ แม้จะนิสัยเลวหน่อยก็เถอะ 55555

พาร์ท Yours and Mine ทั้งสองคนก็น่าจะโตขึ้นแล้วมั้งเนอะ เอางี้ดีกว่า ช่วยลุ้นให้อีพี่ยักษ์เลิกงอแงใส่แมทดีกว่า จะง่ายสุด ฮ่าๆๆ

ยังไงก็รอติตดามกันนะคะ ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอน แค่ขอเบรกสักแปบ ไปโฟกัสอีกเรื่อง อยากเขียนอีกเรื่องให้ได้สต็อกเยอะๆ ก่อน เรื่องพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนไม่ทิ้งห่างไปนานแน่นอนค่ะ

สำหรับหนังสือพาร์ท Only You ติดตามการอัพเดตได้ที่เพจหรือทวิตนะคะ แต่จริงๆ ที่เพจจะอัพเดตบ่อยมากกว่า



สำหรับพาร์ทสาม เคยแจ้งไว้ว่า จะขอเบรกสักแปบนะคะ ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 06-08-2016 00:46:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 06-08-2016 00:55:32
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-08-2016 01:09:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2016 01:11:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-08-2016 01:16:27
อ่านจบ   เฮ้ย!!!! มันจบแล้วหรือ จริงๆอะ ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-08-2016 01:41:08
 Part 3 แมทคงโตขึ้นทำงายทำการอย่างจริงจังมากขึ้น ก็หวังว่า วิคเตอร์คงไม่มัวแต่หึงหวงแมทจนไม่เป็นอันทำงานนะ ไม่งั้นคงไม่ได้แต่งซักที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 06-08-2016 02:50:14
โตขึ้นได้แล้วนะทั้งคู่ รักนะ จุ๊บๆ
รอคอยภาคต่อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 06-08-2016 06:00:34
โอ้ยยยยย ปรับปรุงนิสัยเสียๆจะดีมาก พี่ยักษ์ สงสารเอเลี่ยนน้อยจริงๆ แต่แอบหวานนะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-08-2016 07:03:34
 :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-08-2016 07:34:56
แมทน้อยยยยยยย


งานเข้าหนัก ทางฝั่งพ่อแม่แมทคงดราม่านะเนี่ย ลูกชายทั้งคน


หึหึ วิคจะไปเอาใจพ่อแม่แมทยังไงน้อ?
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-08-2016 12:38:22
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 06-08-2016 18:25:10
โอ้ยยยย...ควาสโรแมนติกมันถูกตัดอารมณ์เพราะความกาม 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-08-2016 20:23:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 07-08-2016 23:00:39
 :impress3: ว๊าวจบพาร์ทนี้ลงอย่างสวยงาม แบบดูแล้วน่ารักจริง ๆ อ่ะ  :mew1: พาร์ทหน้าคงได้เจอศึกพ่อตาแม่ยายแน่ ๆ นายยักษ์ และพ่อสุดเลวร้ายของนายยักษ์ที่แมทต้องรับมือ แต่ยายแม่เลี้ยงนั่นปล่อยไปตามยถากรรมความเลวต่อไป  :เฮ้อ: รอเล่มจ้าอ่านทวนอีกรอบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-08-2016 00:30:57
น่ารัก พามาหาย่ากับแม่ มีเถียงมีฟ้องแม่กันงุงงิงๆ ขอแต่งงานในสุสาน
ใครจะเก๋เท่าพระเอกชั้น ไม่มีค่ะ หื่นด้วยอะไรด้วยขอแค่ขมิบทุกวันก็พอ 5555 หมดกัน อารมณ์โรแมนซ์
รออ่านภาคต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.43 100%}:05.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-08-2016 01:24:51
จ้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษจับปิกาจู}:23.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-08-2016 19:50:44


โปเกม่อนกำลังฮิต สองผัวเมียยักษ์ใหญ่กับเอเลี่ยนก็มิพลาดที่จะอินเทรนด์จับโปเกม่อนกับเขาด้วยยย ตามไปอ่านได้ที่เพจเลยนะคะ คลิกตรงนี้เลยค่ะ > Catch Pikachu (https://www.facebook.com/notes/boys-love-story-by-%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89/%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99/1030270340402666)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษจับปิกาจู}:23.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-08-2016 20:37:28
แปลงร่างเป็น โปเกวิค
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษจับปิกาจู}:23.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-08-2016 21:04:08
สุขสันต์เนอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษจับปิกาจู}:23.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-08-2016 21:15:35
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษจับปิกาจู}:23.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iAlexiajang ที่ 23-08-2016 23:44:52
เอ้า ไหนตอนปิก้าจู้ง่า (• •  ) (  • •)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษจับปิกาจู}:23.08.59:
เริ่มหัวข้อโดย: sincere13 ที่ 27-08-2016 15:50:44
 :really2: วู้ฮู้อ่านทันแล้ววว รอพาร์ทสามน้าค้าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 10-09-2016 15:10:01



First fight of Father-in-law VS Son-in-law


“โอ๊ยยยย อีดอกกก! แหวนเพชรบนนิ้วเพื่อนค่ะ แหวนเพชรรร!” ผมอมยิ้มเม้มปากเขินจมูกบานในขณะที่พวกเพื่อนๆ ดึงมือผมไปทางนั้นทีทางนี้ทีเพื่อดูแหวนหมั้นบนนิ้วนางข้างซ้าย
   

“แม่งงง! เพื่อนกูมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วอ่ะ แบบของจริงอ่ะ ไอ้เหี้ย”
   

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ อีแชมป์ มึงอินอะไรขนาดนั้นอ่ะ อินเนอร์แรงไปนะ” ผมยกมือตีหัวไอ้ตี๋ไปหนึ่งป้าบ มันหดคอลงแล้วหัวเราะเสียงดังลั่นร้านจิ้มจุ่มแถวมอ
   

ทาดา! ผมกลับมาไทยได้สามวันแล้ว ยังไม่ทันได้พักเอาแรงจากการเดินทางหนึ่งวันเต็มๆ ผมก็โทรนัดเพื่อนๆ ให้มาเจอกันที่ร้านจิ้มจุ่มเจ้าประจำของพวกเราแถวมหาวิทยาลัย ผมคิดถึงพวกมันมาก ไม่ได้เจอกันมาครึ่งปี อีกสามเดือนจะสิ้นปีแล้ว และผมกำลังจะบวชต้นเดือนหน้า เลยกลับมาเตรียมตัวก่อน แต่พวกมันก็ไม่ได้มากันทุกคนหรอก ขาดไอ้วอร์มกับแบมไปสองคน ซึ่งไอ้สองคนนี้ติดงานจริงๆ ถึงเลิกงานแล้วก็เกรงว่าจะมาดึกไป เลยกะนัดเจอกันวันอื่นอีกที เพราะถ้ามัวแต่รอกันไปมา ผมก็อาจจะไม่ได้เจอใครเลย
   

“แล้วผัวมึงไปไหนล่ะ ทำไมไม่มาพร้อมกัน หนีไปกับชู้แล้วเรอะ?!” ผมกัดฟันแน่น หยิบผักกาดขาวจากจานขึ้นมาตีหัวไอ้แชมป์ไปหนึ่งฟาด มันก็ยังหน้าด้านหัวเราะเฮฮาอยู่
   

“เขาถ่ายหนังโว้ย จะให้เขามาได้ยังไง”
   

“หนังโป๊เหมือนกิ๊กมึงอะเหรอ”
   

“เอ๊ะ?! ไอ้แชมป์ ตีนมึงอะอยู่เฉยๆ บ้างเหอะ ไม่ต้องกวนบ่อย” มันสะทกสะท้านที่ไหน หัวเราะยิ้มกริ่ม ยื่นมือมาบีบแก้มผมเบาๆ จนผมต้องเอาผักตีหัวมันอีกที
   

“โห่ เสียดาย อยากเจอผัวแกอะ”
   

“เดี๋ยวๆ แคท เพื่อน นี่เพื่อนกลับมานะ คิดถึงเพื่อนก่อนผัวเพื่อนมั้ย ลองทำดู” ผมคีบหมูสามชั้นจุ่มลงไปในถ้วยน้ำจิ้มแล้วเอาใส่ปาก เคี้ยวกรุบๆ อย่างเอร็ดอร่อย
   

“เดี๋ยวเขาก็ตามมาอีแคท เขาต้องมาเจอพ่อแม่อีแมทไง เรายังมีหวัง” แคททำหน้าเห็นด้วยกับเหมียวแล้วยื่นมือไปแท็กกันสองคน ผมมองจิกพวกมันเล็กน้อยแต่ปากก็ไม่หยุดคีบหมูเข้าปาก
   

“เออ พูดถึงว่าเขามาเจอพ่อแม่แก แกเตรียมตัวเตรียมใจบอกเขาว่าไงอ่ะ” ผมทำหน้าจ๋อยไปนิด ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงดีให้ละมุนละม่อมที่สุด
   

“เฮ้ย คิดไรมากวะ มึงก็บอกไปสิว่ามึงคบกัน เพราะยังไงพ่อแม่มึงก็รู้อยู่แล้วว่ามึงเป็นลูกสาว” ผมหันไปตีไหล่ซ้ายไอ้แชมป์ มันสะดุ้งพร้อมทำหน้าตกใจ
   

“เอ๊า กูพูดไรผิดเนี่ย?!”
   

“ไม่ผิด!...” ผมถอนหายใจแรงๆ “…แต่ก็จริงอย่างที่มึงว่า ก็คงบอกเขาเลยแหละว่าคบกันอยู่” เพื่อนผมทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย มันก็คงไม่ได้มีหนทางไหนดีไปกว่าการบอกเขาไปตรงๆ ว่าผมกับวิคเตอร์คบกัน
   

“โห่ แล้วก็มาตีกูเฉย มาให้กูปล้ำเลยนะ” ผมกำลังจะยื่นมือไปหยิกหัวนมไอ้แชมป์ แต่เสียงกระแอมของพี่บอดี้การ์ดคนไทยทั้งสามคนที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังทำให้พวกเราชะงักและทุกคนก็หันไปมองก่อนจะหัวเราะกันครื้นเครง   
   

“เดี๋ยวมึงเจอปืนอีแชมป์” ผมทำหน้าเหนือกว่ามัน ไอ้แชมป์เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ก้มลงกระซิบเสียงรอดไรฟันให้ผมได้ยินชัดๆ
   

“เดี๋ยวมึงจะเจอปืนกูยัดปาก” มันไม่ได้พูดให้วาบหวิวด้วย แต่พูดด้วยความหมั่นล้วนๆ ผมขมวดคิ้ว ยกมือซ้ายวางบนหัวมันแล้วเอามือขวาตีหลังมือตัวเอง ส่งแรงสะเทือนไปให้มันอีกที
   

“โอ๊ย ไอ้เหี้ย…” แล้วมันก็หัวเราะเหมือนคนเสียสติ ผมปล่อยให้มันบ้าคนเดียวแล้วหันไปกินหมูต่อ


 “แล้วเดี๋ยวนี้ทั้งแกทั้งเขาช่วยกันดูแลตัวเองเหรอค้า ผัวก็หล่ออยู่แล้ว ก็ล๊อหล่อไปอีก อีเมียจากขี้เหร่ๆ เดี๋ยวนี้มีน้ำมีนวลน่ารักขึ้น” แคทพล่ามยาวพลางลวกหมูในหม้อไปด้วย ผมอมยิ้มเขินตัวบิดเล็กน้อยที่โดนชมว่าน่ารักขึ้น แต่ก็ต้องหน้าตึง ไหล่ตกวูบเมื่อเจอคำพูดอีแชมป์
   

“โอ๊ย คงโดนผัวเอาแทบทุกวัน น้ำแตกใส่หน้าจนหน้าเด้งขนาดนี้ไง” มึงนี่มันกวนตีนเกินมนุษย์ทุกคนที่กูรู้จักในชีวิตจริงๆ ผมกัดริมฝีปากล่างแล้วถลึงตามองไอ้ตี๋ปากดี มันยิ้มกว้างพร้อมหัวเราะ ผมยกมือขวาไปบิดหูซ้ายของมัน ไอ้แชมป์ทำท่าโน้มเข้ามาจะหอมแก้ม แต่ผมรีบปล่อยมือออกจากหูมันแล้วเบี่ยงหน้าหลบ


“อ๊ายยย อีแชมป์” เก้าส่งเสียงหวีดร้องพร้อมกับทำหน้าคล้ายคนกินของเปรี้ยวไปเต็มปาก แล้วสักพักมันก็พาคนอื่นหัวเราะเสียงดังลั่นร้าน ผมขมวดคิ้วมองไอ้แชมป์แล้วถลึงตาใส่อีกรอบ มันทำหน้าลิงหลอกเจ้าไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น
   

“อีแชมป์! ปากมึงนี่ยังคงรักษามาตรฐานหมาอวอร์ดได้ไม่หลุดเลยนะ!” ผมแหวใส่มัน และเริ่มเปลี่ยนมาเป็นหยิกไปตามแขนล่ำขาวๆ ของมันแทน ไอ้ตี๋ดิ้นหนียุกยิกแล้วใช้สองแขนรวบกอดผมไว้แน่น ไม่ให้ผมเอาคืนมันได้
   

“นี่ถ้าอีแมทเป็นผู้หญิง ฉันจะคิดว่านางกำลังท้อง” เหมียวเสริมพลางทำหน้าจริงจังกับความคิดนั้น ผมพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนไอ้แชมป์แต่ก็ไร้ประโยชน์
   

“ปล่อยได้มั้ยเนี่ย เจ๊าะแจ๊ะ!”
   

“โห่ ไรวะ เมื่อก่อนกูกอดมึง แทบจะปี้มึงก่อนผัวมึงอีก มึงยังไม่ว่าอะไรกูเลยนะ มีผัวแล้วเล่นตัวเหรอ ฮะๆๆ” มันว่าแล้วก็ระดมหอมแก้มผมไม่หยุด ชะนีสามนางที่เหลือก็หัวเราะเฮฮาไม่ได้คิดจะช่วยยับยั้ง นี่ดีนะออสตินอยู่นิวยอร์ก ไม่งั้นเขาคงส่งสายตาเย็นยะเยือกแทนเจ้านายตัวเองแล้ว
   

ใช่ ออสตินอยู่นิวยอร์ก แต่พี่การ์ดไทยทั้งสามนายอยู่นี่ไง ได้รับถ่ายทอดพลังทายาทอสูรจากออสตินมาเรียบร้อยแล้วด้วย
   

“เอ่อ คุณแมทครับ…” ผมกัดแขนหนาๆ ของไอ้แชมป์จนมันร้องเสียงหลงแล้วยอมปล่อยตัวผมออก ผมรีบหันไปหาพี่การ์ดทั้งสามคนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถือตะเกียบค้างอยู่ในมือ
   

“พี่ไม่ต้องห่วง แค่พี่ไม่บอกเรื่องนี้กับเขา เราก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข เนอะๆ” สามคนนั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
   

“กินต่อเถอะพี่ ร้านนี้อร่อยจริงๆ นะ” ทั้งสามคนยิ้มแกนๆ ท่าทางลำบากใจ
   

ผมกลอกตาหน้าเซ็ง “ไม่ต้องทำตัวเป็นออสตินทุกกระเบียดนิ้วก็ได้พี่”
   

นี่ถ้าพวกเขาเอาไปบอกวิคเตอร์ว่าไอ้แชมป์ทำกับผมแบบนี้ ระเบิดคงลงไม่ยั้ง และเลเวลความไม่ชอบไอ้แชมป์ก็จะเพิ่มมากขึ้นโดยที่ไอ้ตี๋มันไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลย วิคเตอร์ก็บ้าไปคนเดียว พวกพี่การ์ดคนไทยทั้งสามคนยังคงยิ้มไม่เต็มปาก แต่ก็พยักหน้ารับแบบงึกๆ งักๆ ผมฉีกยิ้มกว้างเป็นการขอบคุณแล้วหันกลับมาหาเพื่อนๆ ตามเดิม แคทยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม
   

“แกๆ บอดี้การ์ดแกหน้าตาก็ไม่ได้แย่เลยนะ แบบนี้ผัวไม่ว่าเหรอคะ” ผมไหวไหล่หนึ่งที
   

“ผัวเลือกมาให้เองอ่ะ แล้วก็ พี่ๆ พวกนี้นะ ไม่ใช่คนพูดเยอะ พูดมาก วิคเตอร์เลยชอบ” พวกมันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ (ยกเว้นไอ้แชมป์ที่นั่งกินเอาเป็นเอาตาย)


เป็นจริงอย่างที่ว่า พี่ๆ ทั้งสามคนไม่ใช่คนพูดมาก ไม่ใช่เป็นคนพูดน้อยแบบออสตินนะ สามคนนี้ถ้าชวนคุยเขาก็จะคุย แล้วคุยอย่างเป็นมิตรด้วย ผมเพิ่งเริ่มคุยกับพวกพี่เขาก็วันที่พี่ทั้งสามคนไปรับที่สนามบิน นั่งอยู่บนรถด้วยกันผมไม่อยากให้บรรยากาศเงียบเลยชวนคุย ก็เลยได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนนิ่งจนน่าอึดอัด คือถ้าคุยก็คือคุย ไม่มีหยิ่งถามคำตอบคำ และไม่ได้เกรงใจผมในฐานะแฟนเจ้านายพวกเขาจนเวอร์ด้วย ส่วนเรื่องที่ไม่พูดมาก ไม่ใช่คนปากโป้ง อันนี้ออสตินบอกมา และผมคิดว่าน่าจะจริง
   

“แล้ววิคเตอร์เขาจะบินมาเมื่อไหร่อะ” เก้าถามพลางตักน้ำซุปในถ้วยตัวเองเข้าปาก
   

“อาทิตย์หน้านี่แหละ แต่ยังไม่ได้บอกว่าวันไหน ระหว่างนี้เขาก็บอกให้ฉันเกริ่นกับพ่อกับแม่คร่าวๆ ไปก่อน…” ผมทำหน้าลำบากใจ ไอ้พูดน่ะพูดได้นะ แต่เริ่มเกริ่นนี่ย้ากยาก
   

“…เออ แชมป์ ที่พ่อบอกมีเรื่องจะให้ช่วย สรุปรู้ยัง” ไอ้แชมป์ย่นหน้าแล้วส่ายหัวทั้งที่อาหารยังเต็มปาก ผมกลอกตานึกไปมา แต่ก็นึกอะไรไม่ออกเลยปัดทิ้งไป แต่สักพักก็รีบกลืนเนื้อปลาหมึกลงคออย่างเร็วเพราะมีเรื่องแทรกเข้ามาในหัวพอดี
   

“เออๆ เรื่องไอ้วอร์มเป็นไงมั่ง สรุปว่าเคลียร์ลงตัวยัง” แคทถึงกับวางตะเกียบลงและทำท่าจริงจังขึ้นมา แสดงว่ามันต้องมีอะไรแซ่บๆ เด็ดๆ แน่นอน
   

“ลงตัวสิคะ ไม่ลงตัวได้ไง พวกฉันแหกหน้านางจนสิลิโคนจะทะลักออกจากจมูก!”
   

“ตอนแรกนางไม่ยอมรับว่าท้องกับคนอื่น คือประเด็นนี้อีวอร์มก็ทำพวกฉันลำบาก มันไม่จำห่าอะไรเลยว่าได้กับเขาช่วงไหนยังไงบ้าง พวกฉันเลยต้องทำตัวเป็นสต็อกเกอร์ ตามติดชีวิตนางอยู่เกือบอาทิตย์ สุดท้ายจับได้ว่านางไม่ได้มีอีวอร์มคนเดียวจ้า พวกฉันเข้าชาร์จเลยค่ะ ถ่ายคลิป ให้นางสารภาพทั้งหมด แต่นางเองก็ไม่มั่นใจจริงๆ ว่าท้องกับวอร์มหรือกับใคร เพราะนางคบซ้อนไง” เหมียวเล่ายืดยาว ใส่อารมณ์ในแต่ละท่อนอย่างเหมาะสม ผมทำหน้าตื่นเต้น พอจะนึกภาพออกกับปฏิบัติการตามล่าของเพื่อนสาวทั้งสี่นาง ไอ้แชมป์ทำตาปริบๆ ด้วยสีหน้าทึ่ง
   

“เฮ้ย พวกมึงไม่มีงานทำกันเหรอวะ ถึงได้มีเวลาไปสืบเรื่องพวกนี้อะ” สามนางยักคิ้วสวยๆ ท่าทางไม่ยี่หระจนผมขำ
   

“ก็แบ่งกันทำสิ เอาตารางงานมาดูว่าใครว่างวันไหน ช่วงไหนแล้วก็ไป” ไอ้แชมป์มองสามนางด้วยความทึ่งยิ่งกว่าเดิม ชะนีทั้งสามเชิดคางขึ้นเล็กน้อย สีหน้าภาคภูมิใจกับแผนการตัวเองเหลือเกิน ผมหัวเราะชอบใจแล้วปรบมือให้พวกนาง
   

“ดีอะ น่าสนุก เสียดายฉันมาไม่ได้”
   

“โอ๊ย เอาจริงไม่สนุกเลยค่ะ แต่เซ้นส์ชะนีมันไม่ไว้ใจนางอะเลยต้องแหกนางให้ถึงที่สุด ไม่งั้นอีวอร์มโดนดูดเลือดแน่ๆ” เหมียวเบะปากเล็กน้อยแล้วหยิบตะเกียบคีบอาหารทานต่อ
   

“แล้วไอ้วอร์มมันปลอดภัยมั้ย หมายถึงผู้หญิงคนนั้นคบซ้อนอะ แล้วมันดันมีอะไรกับเขาแบบไม่ป้องกันอีก” ผมถามด้วยความเป็นห่วง เหมียวยกมือขวาตบอกด้วยท่าทางภูมิใจ
   

“ไม่ต้องห่วง เจ๊พาไปตรวจเลือดมาแล้ว เพื่อนเรายังปลอดภัยค่ะ แล้วพวกฉันก็รุมเทศนามันไปแล้วด้วย ถ้าแกจะเทศน์มัน ถามพวกฉันก่อนนะว่าพูดอะไรไปแล้วบ้าง ประโยคจะได้ไม่ซ้ำกัน” ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพลางตักเห็ดเข็มทองพร้อมน้ำซุปเข้าปาก สามสาวยกนิ้วโป้งให้ผมแล้วพึมเพาเบาๆ ว่าเยี่ยมพร้อมกัน เล่นเอาไอ้แชมป์มองพวกเราอ้าปากหวอ
   

“โอ้โห ผู้หญิงแม่งน่ากลัวสัส”
   

“แม่มึงก็น่ากลัวด้วยงั้นสิไอ้แชมป์” ผมและอีกสองคนที่เหลือหัวเราะกับมุกแซะของแคท ไอ้แชมป์เองยังยิ้มขำไปด้วย มันอ้าปากด่าแคทว่าไอ้เหี้ยแบบไม่มีเสียง 
   

ผมคิดถึงบรรยากาศนี้กับเพื่อนๆ มาก วันนี้ผมได้กลับมาอยู่กับพวกมันแล้วแม้จะไม่ครบทุกคนก็เถอะ แต่ก็ได้มาเจอเพื่อนอะ ผมดีใจที่วิคเตอร์ให้อิสระผมมากขึ้น แม้จริงๆ กว่าจะให้อิสระต้องออดอ้อนกันอยู่นาน แต่อย่างน้อยเขาก็ให้ผมออกมาพบกับเพื่อน แม้จะต้องมีบอดี้การ์ดมาด้วยถึงสามคน ซึ่งไม่รู้ว่าจะเอามาทำไมเลยนะจริงๆ



   
ผมกำลังยืนดูหนังสือในร้านนายอินทร์ในสนามบินอยู่อย่างเพลิดเพลิน จริงๆ ร้านนี้เล็กมาก ไม่มีหนังสือให้เลือกเยอะนักหรอก แต่ผมมายืนดูฆ่าเวลา กว่าเที่ยวบินของวิคเตอร์จะลงจอดก็อีกตั้ง… อ้าว เครื่องลงจอดแล้วนี่ ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือในขณะที่กำลังจะมองว่าเหลือเวลาอีกกี่นาทีกว่าเครื่องจะลงก็เห็นว่าเลยเวลาเครื่องวิคเตอร์ลงจอดมาได้ห้านาทีแล้ว อยู่ในร้านหนังสือนานเหมือนกันแฮะ
   

ผมเลยวางหนังสือนิยายแนวสืบสวนสอบสวนเรื่องหนึ่งลงบนชั้นตามเดิม เดินออกจากร้านกลับไปยังจุดรอรับผู้โดยสารขาเข้าประเทศ พี่พิทักษ์ที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าการ์ดคนไทยยืนรออย่างสบายๆ อยู่ตรงข้ามกับเค้าน์เตอร์สำหรับกรอกขอใบรายชื่อยืนต้อนรับ
   

“อีกสักพักคงออกมาครับ” ผมยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกๆ
   

“พี่พิท เดี๋ยวแมทจะลองถามเขาก่อนนะว่าเจ็ทแล็กมากหรือเปล่า ถ้าไม่ พาแมทไปกินชาบูหน่อยนะ” ผมยิ้มร่า พี่พิทักษ์หรือพี่พิทที่ผมเรียกเอง (พี่เขาไม่มีชื่อเล่น ผมเลยตั้งให้) ทำหน้าประหลาดใจหน่อยๆ
   

“คุณแมทเพิ่งไปกินจิ้มจุ่มมาเมื่ออาทิตย์ก่อนเองนะ”
   

“หูย ยังกินไม่เต็มที่เลย มัวแต่เม้าท์กับเพื่อน วันนี้จะนั่งกินแบบเยอะๆ เลยอะ” พี่พิทยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้า
   

พี่พิทเป็นผู้ชายตัวสูง แต่เตี้ยกว่าวิคเตอร์นิดนึง แต่ก็ไม่ได้เตี้ยมาก ห่างสองสามเซ็นต์เอง พี่แกผิวคล้ำโดยกำเนิด ไม่ใช่คล้ำเพราะไปตากแดดตากลมจนคล้ำ รูปร่างผอม แต่ก็ไม่ได้เก้งก้าง แต่ก็ไม่ได้มีกล้ามใหญ่โตเช่นกัน ในบรรดาการ์ดทั้งสามคนพี่พิทอายุเยอะสุด เลยได้เป็นหัวหน้าการ์ดที่ไทย พี่แกอายุมากกว่าวิคเตอร์กับออสตินอีก แต่พี่พิทไม่ถือตัวเลย กลับให้ความเคารพวิคเตอร์กับออสตินในฐานะเจ้านายมาก
   

“พี่พิทได้กลับบ้านที่อุดรฯ มั่งป่ะครับ” เมื่ออยู่ว่างๆ เราก็ต้องเผือกเรื่องของคนอื่นเป็นการฆ่าเวลานี่แหละเพลินที่สุดแล้ว
   

“กลับครับ ช่วงที่คุณแมทอยู่นิวยอร์ก คุณวิคเตอร์ก็อนุญาตให้พวกเรากลับบ้านได้ ขอแค่อย่ากลับพร้อมกันเท่านั้นเอง โชคดีว่าบ้านพวกเราอยู่กันคนละจังหวัด” ผมทำหน้าว่าอ้อแล้วพยักหน้าหงึก
   

“พี่อีกสองคนเขาอยู่ที่ไหนเหรอ”
   

“ไอ้ทองเป็นคนกรุงเทพฯ ครับ ส่วนไอ้เคนเป็นคนสุราษฎร์ธานี” ผมทำตาวาว อ้าปากยิ้มหวอ
   

“คนใต้เหรอ?! ดีจัง ผมมีแพลนกับวิคเตอร์ว่าอยากไปเที่ยวใต้ มีไกด์ละ” ผมเปิดรูปให้ไอ้ยักษ์ดู เขาก็บอกว่าชอบ ผมเลยบอกว่าถ้าเขาว่างแบบตารางงานโล่งๆ เมื่อไหร่ จะพาไปเที่ยวทะเลใต้ของไทย เขาพร้อมไปตลอด แค่ให้ผมบอกว่าจะไปช่วงไหนแน่ๆ เขาจะได้จัดตารางไว้ล่วงหน้า 
   

“บอกมันได้เลยครับ มันเป็นหัวโจกทางใต้ ไปกับมันไม่ต้องกลัวอิทธิพล” ผมทำตาโตด้วยความทึ่ง อึ้งไปนิดเมื่อได้ยินคำว่าอิทธิพล พี่พิทยิ้มขำ
   

“จริงเหรอ?! พี่เคนอะนะ” ลุคส์พี่แกก็ให้อยู่นะ สูง ล่ำ รอยสัก ดูเถื่อนๆ แต่พี่เคนแกก็เป็นมิตรกับผมและคนอื่นๆ นะ แรกๆ อาจจะนิ่งน่ากลัวหน่อย แต่พอได้คุย เขาก็ดูไร้พิษภัยใดๆ แต่แบบว่าเฮ้ย มีการข้องเกี่ยวกับอิทธิพลด้วยอะ
   

“ผมล้อเล่น” อ้าว ที่นึกที่คิดเมื่อกี้คนเดียวฉากต่อฉากเป็นอันดับวูบ ผมเบ้ปากบึน พี่พิทหัวเราะเบาๆ พี่พิทนี่ก็สุภ๊าพสุภาพ
   

“เอ้อ พี่ๆ สามคนมีแฟนกันยังครับเนี่ย” จ้ะ เผือกเพลิดเพลินจำเริญใจจนลืมเบรกตัวเองแล้ว
   

“ผมลูกสองแล้วครับ ไอ้ทองมีแฟนแล้ว ไอ้เคนโสด”
   

“อ้อ…” ผมพยักหน้าหงึกๆ ไม่ได้แปลกใจอะไรกับใคร เพราะแค่ถามด้วยความเผือกล้วนๆ แบบว่าไม่เคยได้คุยกับบอดี้การ์ดตัวเองจริงจังสักที
   

“Excuse me. I’m seeking my little boyfriend. Do you see him? (ขอโทษนะครับ ผมกำลังมองหาแฟนตัวเล็กๆ ของผม เห็นเขาบ้างมั้ย)” ผมหันขวับไปมองเมื่อได้ยินเสียงสำเนียงเกาะอังกฤษอันคุ้นเคย พอหันไปก็เจอหน้าหนวดหล่อๆ อยู่ใต้หมวกแก็ปสีดำ ผมยิ้มกว้างแล้วหัวเราะคิกคัก พุ่งตัวเข้าไปกอดเขาไว้
   

“No! He ran away with his mistress. (ไม่เห็นหรอก เขาหนีไปกับชู้เขาแล้ว)” ผมได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอ พร้อมกับแรงบีบที่ก้นซ้ายตัวเองแรงๆ
   


“Oh, did he? If I see him I will spank him with horse riding crop. (งั้นเหรอ นี่ถ้าผมเจอเขา เดี๋ยวจะฟาดก้นด้วยแส้ฟาดม้าเลยคอยดู)” ผมแหงนหน้ามองเขาแล้วยิ้มแฉ่ง หัวเราะกิ๊กกั๊ก วิคเตอร์ยิ้มมุมปากอย่างเท่ มองผมด้วยสายตาเอ็นดู หน้าตาเขาดูเหนื่อยล้านิดๆ
   

“สวัสดีพิท” พี่พิทักษ์ยิ้มแล้วเหลือบมองผม ผมยิ้มกว้าง ยืนกอดเอววิคเตอร์ไว้หลวมๆ พี่พิทเดินเข้ามาเข็นรถกระเป๋าของวิคเตอร์แล้วเดินนำออกไปทางลิฟต์ เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่เราจอดรถเอาไว้ ผมไม่รีบพาเขาเดินออกจากจุดนั้นเพราะกลัวจะมีคนทันสังเกตว่าเป็นเขา
   

“นั่งเครื่องเหนื่อยมั้ยครับ” เขาส่ายหัวช้าๆ แขนซ้ายโอบรอบคอผมไว้ ผมยกมือซ้ายขึ้นจับมือซ้ายของเขาที่วางไว้บนไหล่ผมแล้วบีบเบาๆ 
   

“ไม่ล่ะ ทำไม จะไปไหนก่อนใช่มั้ย” ผมยิ้มแหะๆ ที่เขารู้ทัน ผมเลยบอกว่าอยากกินชาบู เขาก็ถามเหมือนพี่พิทว่ากินไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมก็ต้องตอบแบบเดิมว่าวันนั้นยังไม่หนำใจ
   

“กินแล้วออกกำลังกายบ้างมั้ย อุตส่าห์ออกกำลังกายมาได้ขนาดนี้แล้วนะ”
   

“ออกสิ นานๆ ผมถึงจะได้กินอาหารอย่างนี้นะ นอกนั้นก็อาหารคลีนเป็นหลัก”
   

“ห้ามลืมออกกำลังกายนะ เดี๋ยวรูไม่ฟิต” เขายิ้มแซว ผมยิ้มเบ้ปาก วิคเตอร์จับมือซ้ายที่มีแหวนอยู่บนนั้นขึ้นมาจุ๊บสองจุ๊บ ผมยื่นหน้าไปหอมอกซ้ายเขาผ่านเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวตัวบาง
   

“ดีใจอะ หนังคุณได้รายได้ทั่วโลกรวมกันตั้งสามร้อยกว่าล้าน” ตอนเห็นข่าวผมกรี๊ดดีใจประหนึ่งว่าตัวเองร่วมแสดงด้วย แต่ดีใจมากจริงๆ คือหนังไม่ขาดทุน นักแสดงก็โด่งดังกันอย่างมากมาย ดังในที่นี้คือเหมือนดาวรุ่งได้แจ้งเกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น วิคเตอร์มีชื่อเสียงอยู่แล้วประมาณหนึ่ง แต่พอหนังเรื่องนี้มันบูม ชื่อเสียงเขาก็ยิ่งกว้างขวางมากขึ้น ผมแฮปปี้กับเขามาก ทางค่ายหนังแฮปปี้ คนดูก็แฮปปี้ คำชมและคำวิจารณ์เป็นไปในทางบวกจนน่าชื่นใจ จนไม่สนใจแง่ลบต่างๆ
   

“ยังไม่เลิกดีใจอีกเหรอ จนแผ่นออก แล้วนายก็เปิดจนแผ่นแทบพังไปแล้วเนี่ยนะ” ผมแสร้งมองค้อน วิคเตอร์ยิ้มขำ ยกมือซ้ายขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ
   

“ดีใจสิ คุณไม่ดีใจรึไง สมัยนี้ใช่ว่าหนังทุกเรื่องจะทำรายได้ได้มากๆ ทุกเรื่องนะ แถมหนังยังได้รับคำชมว่าดีมากกว่าแย่อีก” หนังฮอลลีวูดหลายๆ เรื่องในสมัยนี้ทำรายได้กันเยอะอย่างง่ายๆ ก็จริง แต่จะมีสักกี่เรื่องที่ทำรายได้ถล่มทลายมหาศาลจนเกินต้นทุนขาดลอย แล้วไหนจะได้รับคำชมคำวิจารณ์ในแง่บวกมากกว่าแง่ลบ แต่ที่ผมปลื้มมากคือหนังเรื่องนี้สร้างโลกอีกโลกนึงให้คนดูอินได้สำเร็จ
   

“รายได้จากนายคนเดียวอยู่ในนั้นเป็นร้อยล้านแล้วมั้ง” ผมย่นจมูกน้อยๆ แล้วก็ขำตัวเอง พอนึกๆ ไปว่าช่วงที่หนังเขาเข้าฉาย ผมไปดูทุกอาทิตย์ ไม่ได้ดูทุกวันหรอก แต่ทุกอาทิตย์จริงๆ วิคเตอร์ไปดูกับผมแค่อาทิตย์แรก หลังจากนั้นเขาปล่อยให้ผมไปเอง แต่ให้ไปเฉพาะวันที่เขาไปทำงาน วันไหนเขาอยู่บ้าน ห้ามออกไปไหน นอกจากเขาจะพาไป
   

“หนังสนุกจริงๆ นะ คุณกับคุณชารอนก็เคมีดีมาก มีฉากจูบอยู่ฉากเดียว นอกนั้นแค่ใกล้ชิดกันเฉยๆ แต่ทำผมเขินมากเลย ที่สำคัญคุณหล่อมากด้วย ฮี่ๆ” วิคเตอร์ยิ้มกว้างขำขันแล้วยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมในระหว่างที่เรากำลังจะเดินถึงรถที่พี่พิทยืนรออยู่ก่อนแล้ว
   

“ในหนังกับตัวจริง อันไหนหล่อกว่ากัน” วิคเตอร์ถามพลางเปิดประตู ผมมุดตัวเข้าไปในรถก่อนแล้วเขาก็ตามเข้ามาและปิดประตูตามหลัง
   

“หล่อทั้งสอง แต่ผมชอบตัวจริงมากกว่า เพราะผมสัมผัสได้ คิกๆ” ผมยื่นมือไปจับกล้ามแขนซ้ายของเขาแล้วบีบปี๊บๆ วิคเตอร์หัวเราะหึๆ ยื่นแขนซ้ายมาคล้องคอผมแล้วโน้มผมเข้าไปหา ก้มลงกดจูบบนขมับขวาของผม
   

“คิดถึงนาย” เขายิ้มหล่อละมุน มองผมด้วยสายตาคิดถึงอย่างที่พูดจริงๆ ผมยิ้มหน้าแป้นแล้น
   

“มากมั้ย”
   

“ที่สุด” ผมหรี่ตามอง แต่มุมปากทั้งสองข้างก็ขยับยิ้มน้อยๆ
   

“เพิ่งห่างกันอาทิตย์เดียวเอง” วิคเตอร์ขมวดคิ้วน้อยๆ
   

“อาทิตย์เดียวที่ไหน ไม่ได้เจอกันตั้งสามเดือน”
   

“โถ่ ทำอย่างกับไม่ได้เจอกันเลยงั้นแหละ แล้วที่ผมบินไปหาที่แคนาดานั่นวิญญาณผมมั้ง” เขาหัวเราะเบาๆ นั่งโอบไหล่ผมไว้ เขาไปถ่ายหนังในแคนาดามาสี่เดือน แต่ก็ไม่ใช่คิวเขาตลอด อันนี้ผมบอกแบบรวมๆ ว่าหนังภาคสองถ่ายทำทั้งหมดสี่เดือน แต่ก็นะ เขาเป็นพระเอก วันหยุดของเขาเลยมีแค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น พอว่างก็จะบินกลับนิวยอร์ก แต่ช่วงเดือนสุดท้าย ผมไม่อยากให้เขาบินกลับมาหาผมบ่อยๆ ฝ่ายเดียว เลยบินไปอยู่กับเขาก่อนกลับไทยสองอาทิตย์
   

ผมชอบช่วงเวลาห่างกันนะ ไม่ใช่ว่าผมโรคจิต แต่ชอบเพราะมันทำให้เราได้ห่างกันบ้าง ไม่ใช่ตัวติดกันตลอดเวลา ได้ออกไปทำการทำงาน ช่วงที่เขาไปถ่ายหนัง ผมก็ยังคงเรียนเขียนบทกับเกวินและเดวิด ซีรีส์วิคเตอร์ปิดกล้องแล้ว และสรุปว่าซีรีส์นี้มีแค่สามซีซั่น ไม่มีต่อใดๆ อีก เนื่องจากเดวิดอยากจากไปแบบให้คนคิดถึง และแน่นอนว่าตัวผมก็คิดถึงด้วย เพราะกำลังเรียนรู้งานอยู่ดีๆ ดันจะไม่มีแหล่งให้เสพความรู้แล้ว วิคเตอร์เสนอให้เข้าไปในกองถ่ายหนังแทน แต่ผมเกร็งๆ ดีแลน ไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจผมจากเหตุการณ์วิคเตอร์หนีงานพรีเมียร์มากน้อยแค่ไหน   
   

“เลือกซีรีส์ให้ฉันได้รึยัง ไม่รีบตัดสินใจเดี๋ยวฉันไม่มีเงินเลี้ยงนะ” วิคเตอร์ว่ายิ้มๆ ผมทำปากจู๋แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูรูปบทซีรีส์เรื่องใหม่ของเขา ที่สองสถานีเสนอมาให้เขาเล่นและเขาให้ผมเป็นคนตัดสินใจเลือกแทน
   

“ชอบทั้งสองเรื่องเลย เรื่องนึงชอบเพราะเป็นแนวแฟนตาซีผสมด้วย ผมชอบเห็นคุณปล่อยพลัง อีกเรื่องชอบเพราะมันเป็นวรรณกรรมที่โด่งดังมากจริงๆ แต่ไม่ชอบตรงที่เลิฟซีนจะเร่าร้อนและเยอะไปไหน” ผมทำหน้าบูด วิคเตอร์ยิ้มขำน้อยๆ
   

“ฉันตามใจนายนะ ถ้าไม่สบายใจที่จะเห็นฉันเล่นเลิฟซีนก็เลือกอีกเรื่อง” อีกเรื่องก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่ก็น้อยกว่าเรื่องหลัง และร้อนแรงน้อยกว่ามาก เป็นเลิฟซีนแบบใสๆ ไม่เร่าร้อนเท่าอีกเรื่อง
   

“ในหนังฉันก็มีปล่อยพลังไม่ใช่รึไง ดูในหนังเอาก็ได้” ผมกัดริมฝีปากล่างแล้วถลึงตามองไอ้ยักษ์ที่ยิ้มทะเล้น
   

“อ๋อ อยากเล่นอีกเรื่องสินะ อยากโชว์เซ็กซี่มากนักใช่มั้ย?!” ผมยื่นมือซ้ายไปบิดจมูกเขาแรงๆ ไอ้ยักษ์ร้องโอดโอยแต่ไม่ถึงขั้นร้องเพี้ยนร้องหลง
   

“ก็เห็นนายตัดสินใจลำบากไง” เขายกมือขวาลูบจมูกป้อยๆ แต่ใบหน้ายังมีรอยยิ้มล้อเลียนติดอยู่ ผมส่ายหัวกับตัวเองแล้วเก็บมือถือเข้าไปในกางเกงขาสั้นตามเดิม
   

“ค่อยตัดสินใจแล้วกัน ตอนนี้มาเป็นกังวลเรื่องที่บ้านผมดีกว่า” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น มือซ้ายลูบหัวผมเบาๆ อย่างเพลินๆ
   

“กังวลอะไร ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล พูดความจริง แล้วค่อยดูท่าทีพวกเขาอีกที” ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ เอนหัวพิงกับไหล่เขาไว้ วิคเตอร์กดจูบลงกลางกระหม่อม ความคิดมากมายไหลวนในหัวอย่างรวดเร็ว ผมกังวลจนมันแล่นเร็วปรื๋อ หวังว่าพรุ่งนี้ตอนเจอพ่อกับแม่คงจะไม่ทำสติหายกลางคันนะ



 :hao7:

ฮูเร่! เอาตอนพิเศษจากในเล่มมาฝากค่ะ เป็นตัวอย่างสั้นๆ ใครที่สั่งหนังสือไว้ อดใจรออ่านในเล่มนะคะ หนังสือมาแล้ว ตอนนี้กำลังแพ็คของ เตรียมจัดส่งอยู่ค่า

ส่วนใครที่สนใจหนังสือ ติดตามการอัพเดตอีกครั้ง ตอมจะมีรอบสต็อกราวๆ 50 ชุด เดี๋ยวจิอัพเดตอีกทีค่ะ



เป็นตอนพิเศษที่บอกเลยว่า น่ารัก เขียนเองยังชอบ อะหุๆ ทั้งเจ็ดตอนที่มีในเล่ม เราจะไปร่วมให้กำลังใจพี่ยักษ์พิชิตใจพ่อตาแม่ยายกันค่ะ ไม่รู้ว่าจะต้องโดนอะไรบ้าง และพี่ยักษ์ใหญ่ของเราจะทนเพื่อเอเลี่ยนน้อยได้ขนาดไหน หื้มมมม เจอกันในเล่มนะคะ คริๆ  :hao3:

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-09-2016 15:37:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 10-09-2016 15:50:11
โอ้ยยย พี่วิคเตอร์ ทำไมร้สึกคิดถึงงง อยากอ่านภาค 3 น่ารักอ่ะคู่นี้ ตั้งแต่เค้าเข้าใจกันดี ปมทั้งหลายแหล่เคลียร์หมดก้ดูราบรื่น ไม่ระแวงกันมาก้เหมือนแต่ก่อนขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะลูกเขย จะได้ไปใช้ชีวิตคู่แบบจริงๆจังๆซักที  :z2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 10-09-2016 19:18:52
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-09-2016 21:41:52
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: sincere13 ที่ 10-09-2016 22:30:47
มาอัพตอนไหนเนี้ยฮื้อออ น่ารักมากกทั้งวิคทั้งแมททกลิ้งตัวว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-09-2016 15:42:03
ตอนพิเศษน่ารักมาก ๆ  ชอบอ่ะ ดีใจที่จะได้หนังสือแล้ว แต่ขอเรียงคิวการอ่านนิดนึงน่ะ  :impress3: :hao5: พี่ยักษ์ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะเลยน่ะ น้องแมทก้อดูแอบร้ายนิดนึง 5555 รอพาร์ทใหม่เลยน่ะ ว่าจะมีดราม่าให้หน่วงจิตอะไรอีกบ้าง  :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 17-09-2016 19:07:23
คู่รักเอสเอ็ม หรือโรคจิตกันนะ หลังๆมานี่แมทยั่วเก่งจัง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม}:10.09.59:
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 19-09-2016 14:13:58
น่ารักอ่ะ....เป็นการเขียนที่มีพัฒนาการให้ตัวละครในเรื่องที่น่าติดตามมาก ตอนเรียกเลือดก็เขินสุด ตอนอ้อนก็ตัวบิดเกลียว ตอนใส่อารมณ์ก็น้ำตาท่วม อ่านจนเกือบไม่ได้นอน5555 รอตอนต่อไปครัช
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 28-10-2016 20:20:10



เม้าท์เม้าท์เม้าท์พิเศษกะขุ่นเจ้

ครบรอบสองปีเรื่องราวของพี่ยักษ์และน้องเอเลี่ยน

28 ตุลาคม 2557 – 28 ตุลาคม 2559

 

 

 

               ก่อนหน้านี้ตอมเคยอัพเดตในเพจไปว่าจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านกันค่ะ แต่ยังปั่นไม่เสร็จ ตอมเลยขอเอาเม้าท์ฯ พิเศษมาจอยกับคนอ่านก่อน อยากพูดคุยกับคนอ่านด้วย อยากรำลึกความหลังงี้เนอะ หุๆ แต่ตอนพิเศษมาแน่ค่า แต่ขอผัดวันประกันพรุ่งก่อน ติดหนี้ไว้ก่อนเนาะ วันนี้เรามาเม้าท์กันก่อนแล้วกานนน

 

 

 

               ตอนพิเศษครบรอบหนึ่งปี ตอมเคยคุยถึงจุดเริ่มต้นที่ตอมเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ หลายคนได้อ่านไปแล้วเมื่อปีก่อน และหลายคนอาจจะยังไม่ได้อ่าน ใครยังไม่ได้อ่านตามไปอ่านได้ที่นี่เลยนะคะ > ตอนพิเศษครบรอบหนึ่งปี (https://www.facebook.com/notes/860315797398122/)

 

 

 

               สำหรับเม้าท์พิเศษรอบนี้ตอมก็อยากจะคุยกับคนอ่านของตอมหรือของขุ่นเจ้ แต่ก่อนอื่นมาพูดถึงนิยายเรื่องนี้กันสักนิดหนึ่งเนอะ นิยายเรื่องนี้ดำเนินมาอย่างยาวนานมากกกก ตอมเชื่อว่าในระยะเวลาสองปีเนี่ย คนเขียนคนอื่นสามารถสร้างสรรค์นิยายได้เป็นสิบเรื่องแล้วอะ 555555 แต่ตอมยังไม่จบเรื่องแรกเลย แม้จะมีเรื่องที่สองตามมาแล้ว แต่เรื่องแรกยังคงอยู่ไม่ไปไหน ยาวอะไรเช่นนี้ แต่มันเป็นไปตามพล็อต ตามตีมที่คิดมาแหละค่ะ เหลืออีกพาร์ทเดียวก็จะจบเรื่องราวของสองผัวเมีย ยักษ์ใหญ่กับเอเลี่ยนน้อย แล้ว

 

 

 

               คือตอมเป็นคนที่เขียนได้ช้ามาก และเป็นคนที่สามารถโฟกัสนิยายได้ทีละเรื่อง เพราะตอมจะตีกันเองในหัว คือคาแรคเตอร์ตอมจะเพี้ยน ไม่นิ่ง และหลุดกรอบจากเรื่องราวไปเลย ที่เขียนทีละเรื่องก็เพราะว่าตอมอยากรู้จักตัวละครให้ได้มากที่สุด คือสนิทกับเขาให้ได้มากที่สุดจะได้รู้ว่าเขาคิดหรือทำอย่างไรในแต่ละตอน แต่ละฉาก คือไม่อยากรู้จักตัวละครหลายตัวในหลายๆ เรื่อง แต่คือหยิบโหย่ง คาแรคเตอร์ไม่ชัดเจนเลยสักตัว ตอมเคยแล้วค่ะ เขียนสองเรื่องพร้อมกัน คือน้องแมทกับแม่เรียว ปรากฏว่าตอมทุ่มให้แมทมาก จนแม่เรียวจันทร์มีคาแรคเตอร์ไม่ชัดเจน แรกๆ นางแข็งและเพี้ยนมาก แต่ตอนนี้อยู่ตัวละ รู้จักนางมากขึ้น ทุ่มเทให้นางได้มากขึ้น สนุกไปกับนางตลอดเวลาที่เขียนนาง

 

 

 

               คนเขียนคนอื่นอาจทำได้นะคะ แยกสมองเก่ง เขียนได้หลายๆ เรื่อง แต่อีขุ่นเจ้คือทำไม่ได้เลยค่ะ จะงงตัวเอง แหละหลงไปหมด เลยเขียนทีละเรื่องดีกว่า นั่นเลยทำให้ตอมมีผลงานน้อยมาก เขียนนิยายมาสองปี มีสองเรื่อง และยังไม่จบด้วยนะ ฮ่าๆๆ

 

 

 

 

               มีหลายคนเข้าใจว่า นิยายเรื่องนี้จบแล้วที่พาร์ท Only You ยังนะคะ ยังไม่จบค่า ยังต้องดำเนินเรื่องราวต่อไปถึงพาร์ทสามหรือว่าพาร์ท Yours and Mine ซึ่งจะเป็นพาร์ทปิดเรื่องราวของทั้งสองคน สำหรับพาร์ทสเปเชียลที่เคยบอกไว้ ขอดูตอนจบพาร์ทสุดท้ายก่อนนะคะว่าจบออกมาแบบไหน ควรจะมีต่อไปมั้ยหรือว่าอย่างไร เพราะตอนนี้ ตอนจบของพี่ยักษ์และน้องเอเลี่ยนมีหลายแบบมากในใจคนเขียน

 

 

 

               ตอนเขียนนิยายเรื่องนี้ ตอมเริ่มต้นจากหนึ่ง คือนับหนึ่งมาเรื่อยๆ และคงจะนับไปเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจากหนึ่งเมื่อสองปีก่อนจะเพิ่มไปอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะตอมเคยบอกไว้ว่างานเขียนต้องพัฒนาอยู่เสมอ จิตนาการไม่มีที่สิ้นสุด และตอมมีจินตนาการอีกมากที่รอเสิรฟ์ให้คนอ่านของขุ่นเจ้ที่ยังติดตามกันอยู่

 

 

 

               สำหรับเม้าท์ฯ ครั้งนี้ ตอมอยากเห็นคนอ่านที่ตามกันมาตั้งแต่ต้น หรือติดตามกันมานาน หรือเพิ่งจะมาติดตามแต่ชอบนิยายเรื่องนี้ คืออยากทำความรู้จักกับคนอ่านของตอมที่ตามอ่านเรื่องวิคเตอร์กับแมทอยู่ เอาตั้งแต่เริ่มต้น หรือเริ่มอ่านตอนไหนก็ได้ค่ะ ไม่ต้องถึงขั้นทำความรู้จักกันเป็นจริงเป็นจัง แค่อยากรู้ว่า รู้จักนิยายเรื่องนี้ได้อย่างไร ตามนิยายเรื่องนี้มานานแค่ไหน รักอะไรในนิยายเรื่องนี้ มีความรู้สึกอย่างไรต่อนิยายเรื่องนี้บ้าง อยากอ่านคอมเม้นต์ค่ะ อยากเห็นว่าคนอ่านมีความรู้สึกอย่างไร ใครสะดวกเม้น เม้นคุยกันนะคะ เดี๋ยวจะตามตอบทุกเม้นเลย เยอะแค่ไหนก็จะตอบ เพราะสมัยแรกๆ ที่ตอมอัพนิยายเรื่องนี้ ตอมชอบโต้ตอบกับคนอ่านมาก แต่หลังๆ ก็แบบว่า ฮ็อตขึ้นนิดนึง 55555 เลยไม่ค่อยได้ตอบคอมเม้น เพราะบางทีเม้นเยอะ ซึ่งดีใจนะ ชอบ เชื่อว่าคนเขียนนิยาย ฟินสุดๆ ก็คืออัพแล้วเห็นคอมเม้นนี่แหละ

 

 

 

               มาคุยกันนะคะ ถือเป็นโอกาสพิเศษครบรอบสองปีของสองผัวเมียคู่แรกที่ตอมเขียนเขาขึ้นมา รักตัวละครตัวไหน คิดว่าเรื่องราวพาร์ทสามจะเป็นอย่างไร มาเม้าท์มอยกันค่ะ เผื่อบางทีตอมจะได้ไอเดียเก๋ๆ เพิ่มเติมจากคนอ่านด้วย มีช่วงที่เขียนไปอัพไป บางทีตันๆ อ่านคอมเม้นก็ได้ไอเดียอะไรหลายอย่างเลยละค่ะ

 

 

 

               หวังว่าจะได้อ่านคอมเม้นคนอ่านเน้อ ใครที่ไม่เคยเม้น สักครั้งมาเร้ว ฮ่าๆๆ หรือมีคนอ่านบางคน ไม่เคยเม้นในเว็บ รออ่านในเล่มอย่างเดียว แวะมาคุยกันก่อนได้นะ รูปเล่มพาร์ทสามคืออีกนานมากจริงๆ นู่นนน คิดว่าคงอัพไปเรื่อยๆ จนจบในเว็บแล้วค่อยทำเล่มแง่ะ

 

 

 

               สำหรับคนอ่านที่หายไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ไม่ชอบเนื้อเรื่องแล้ว ตัวละครไม่ถูกจริต หรือไม่พอใจอะไรสักอย่างในคนเขียน ตอมต้องขอขอบคุณมากนะคะที่เคยตามกันมา หากเลิกติดตามนิยายเรื่องนี้เพราะตอมทำอะไรไม่ถูกใจ เคยว่าใครตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ตอมต้องขอโทษด้วยนะคะ เคยเถียงใครแบบไม่ยอมแพ้ เถียงคอเป็นเอ็น ตอมก็ต้องขอโทษด้วย จะพยายามใจเย็น ปรับปรุงตัว อะไรที่ปล่อยผ่านได้ก็จะปล่อยผ่านไป ไม่เก็บเอามาเป็นอารมณ์เพื่อบรรยากาศดีๆ และเราจะอยู่ด้วยกันนานๆ เนอะ แต่ขอนิดนึงว่าคนอ่านคนไหนที่เห็นแก่ตัวกับตอมมากไป อันนั้นก็ขอเซย์กู๊ดบายค่ะ บางทีคนเขียนก็มีจิตใจเนาะ อยากเก็บกำลังใจดีๆ มากกว่าการบั่นทอนกำลังใจ แต่หากคนอ่านคนไหนที่มีอะไรแล้วมาบอกตอมด้วยความหวังดี คุยกันดีๆ อันนี้ตอมขอบคุณมากๆ ค่ะ ไม่โกรธเลย ดีใจด้วยที่มาเตือนว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ทำให้ได้รู้ตัวว่า เออ สิ่งไหนปล่อยได้ก็ปล่อย ดีกว่าทำให้มันเสียความรู้สึกมากขึ้นไปอีก

 

 

          มาคุยกันนะคะ สำหรับตอนพิเศษครบรอบสองปีมาแน่นอนค่ะ แต่วันนี้ขอเม้าท์ฯ กับคนอ่านก่อน ปั่นเสร็จแล้วจะนำมาเสิรฟ์ทันทีเลยค่า





          และสุดท้ายนี้ขอฝากพี่คมเขี้ยวกับแม่เรียวจันทร์ไว้ด้วยนะคะ ฮ่าๆๆๆ งานฝากร้านต้องมา ตอนนี้อัพเรื่อยๆ เลยค่ะ ไม่ค้าง ไม่ดองแล้ว ไปเรื่อยๆ ยันจบเลย แม่กำลังแซ่บได้ที่ แต่ใครที่จะไปอ่านเรื่องนี้ ใจต้องสตรองมากนะคะ เพราะนายเอกเราคือ ขุ่นแม่ เพราะว่าแม่ก็คือแม่ แม่สาว แซ่บ เปรี้ยว เยี่ยวราด ไม่มีกั๊ก ไม่มาดแมนใดๆ ใครไม่ชอบนายเอกสาวอาจจะเป็นลมได้



Works The Magic! ร่ายมนตร์รักกับดักนาง(ย)มาร
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50360.msg3241464#msg3241464[size=18pt)



ขุ่นเจ้    :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 28-10-2016 20:39:55
ก็ไม่รู้ว่าพิมพ์อะไร มันเขิน วุ้ยยยยยยยย    :ling1:      อยู่กับพี่ตอม แมท และออสตินมานาน 555 (ลืมพระเอกไปแล้ว) ต้องพูดเลยว่าเป็นนิยายที่สามารถหยิบขึ้นมาอ่านได้บ่อยๆ คือตอนนี้หนังสือได้กลายสภาพไปแล้วค่ะ   :katai1:   ตามพี่ตอมทั้งเฟสบุ๊ค แต่ไม่ค่อยได้คอมเม้นในเล้าสักเท่าไหร่ เพราะรออ่านเป็นเล่ม น้องกลัวจะลงแดงไปก่อนถ้าอ่าน  นี้น้องก็เพิ่งรู้ตัวว่าตามพี่ตอมมาครบ
2 ปีแล้วหู้ยยย มันเร็วมากเลยนะคะ จำได้ว่าเคยขอให้พี่ตอมแต่งตอนแมทท้องแล้วก็ได้อ่านจริงๆ มีความสุขมากเลยค่ะ ตอนนั้น ขอบคุณที่พี่ทุ่มเทกับนิยายเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่พี่ตอมที่รักแมทและอีพระเอก (ชื่ออะไรนะ55) แต่พวกเราคนอ่านก็รัก แมท รักตัวละครของพี่ตอมทุกตัว  :กอด1:   ด้วยสักขาวดำของสาววายรุ่นฮอโมนนนน ขอสัญญาว่าจะอุดหนุนนิยายทุกล่มค่ะ 555   
ป.ล  แต่ขอแทงพระเอกพี่ตอมสักแผลได้ไหมค่ะ  o18
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: oily61 ที่ 28-10-2016 20:54:57
รู้จักและตกหลุมรักแมทจากรีวิวของเพจนึง เลยเข้ามาตามอ่านในเล้า
เพียงแค่เริ่มอ่านได้1-2ตอนก็รู้แล้วว่าตกเป็นทาสเรื่องนี้ รีบออกตามหาเล่ม
ตามเพจคนแต่งเพราะอยากอ่านรวดเดียวจบ แต่กลับรู้ว่าปิดพรีไปแล้วกำลังเตรียมจัดส่ง  :m15:
เลยไปตามหาในกลุ่มวายเป็นนานแต่ก็ไม่มีคนยอมขาย จนในที่สุดก็มีรีฯจึงจองเลยค่ะ  :-[
ด้วยทนรอเล่มไม่ไหวจึงอ่านในเว็บจนถึงล่าสุด
ทั้งหมั่นไส้พี่ยักษ์แต่ก็เกลียดไม่ลงจนตอนนี้หลงหัวปักหัวปำแล้วจ้า
จะรอติดตามภาค3และภาคพิเศษแน่นอน :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-10-2016 21:35:57
ชอบเรื่องนี้มากกกก มาตามอ่านทีหลังแบบ หลังๆเลย เพราะมีคนแนะนำในกลุ่มสาววาย อ่านปุ๊บต้องขุดปั๊บ หลายครั้งที่หมั่นไส้พี่ยักษ์มากกก เพราะนางโรคจิต!!! อิอิ รอภาคต่ออย่างใจจดใจจ่อค่ะ
ส่วนขุ่นแม่เรียวววววว กรี๊ดนางที่สุด รักนางมากกกก น่ารักน่าฟัดตัลลอดดด 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 29-10-2016 00:28:37
 :mew1:จำไม่ได้ว่า ใครแนะนำให้อ่านน่ะ แต่คิดว่าคงไม่ได้เปิดเข้าไปอ่านเองน่ะ เพราะไม่ค่อยได้ไล่ตามอ่านนิยายเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาดังนั้นก้อจะเปิดแต่หัวข้อนิยายที่ตามอ่านอยู่เท่านั้น ก้อทำให้คงพลาดเรื่องดี ๆ ไปเยอะน่ะ แต่ก้ออย่างว่ามีแค่ 24 ช.ม.ทำงานก้อกินเวลาแทบหมดแล้วน่ะ คิดว่าน่าจะมีคนแนะนำให้อ่านในเฟซน่ะก้อเลยลองเข้ามาอ่านดู แล้วก้อติดใจเลย จำได้ว่าคุณตอมน่าจะเขียนไปได้หนึ่งในสามแล้วล่ะของพาร์ทแรกน่ะ ซึ่งก้อยังไม่เยอะมาก แต่ละตอนค่อนข้างยาวทีเดียว อ่านแล้วสะใจดีน่ะ เราชอบแมทน่ะ เป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก ๆ คือมีบุคลิกที่ชัดเจนและตรงใจตรงที่เป็นตัวละครที่ถึงจะแรด ๆ มีความเป็นตัวของตัวเองแต่ก้อไม่ได้มั่วรักใครรักจริง ดูจากที่เฝ้าตามรักคน ๆ นึงมานานมาก สุดท้ายก้ออกหัก มันโดนใจเราน่ะ และยิ่งอ่านก้อคิดว่าแมทนี่คือยอดหญิงอย่างแท้จริง จากที่เธอทั้งอึดทั้งทนกับนายยักษ์มาก ๆ ข้อนี้คือเสน่ห์ของแมทน่ะ ทำอะไรทุ่มสุดตัวมีความจริงใจกับสิ่งที่ทำ และสุดท้ายก้อไปโดนใจวิคเตอร์จนได้ เสน่ห์ที่ใครได้ใกล้ชิดก้อต้องหลงรักน่ะ และก้อมีคนมาหลงรักแมทมากมาย โดยที่เขาก้อไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะนั่นคือธรรมชาติของตัวเขาเลยน่ะ และลีลาการเขียนของคุณตอมที่ก้อโดนใจเราน่ะ มันลึกมากมีรายละเอียดยิบย่อยที่เราคาดไม่ถึง ไม่แปลกที่จะทำให้คุณตอมต้องโฟกัสกับเรื่องนี้เรื่องเดียว ถ้าเขียนได้สองเรื่องในเวลาเดียวกัน นี่คงเก่งเริ่ดมากเลยน่ะ  :katai3: อ่านแล้วทำให้เราอินไปกับเนื้อเรื่องมาก ๆ และบรรยากาศของเรื่องก้อชวนให้รู้สึกว่ากำลังดูหนังไม่ใช่อ่านหนังสือน่ะ คืออ่านไปมองเห็นภาพตามไปด้วย เราชอบตรงนี้ด้วย เพราะเรื่องเกิดขึ้นที่ ตปท.คุณตอมก้อสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก ๆ และตัวเราก้อเป็นคนชอบดูหนังด้วย ทำให้อินกับบทบาทของวิคเตอร์ในเรื่องที่เป็นนักแสดงด้วยน่ะ มันแบบอินไปกับแมทเลยน่ะ เหมือนแมทเป็นตัวแทนตัวเราน่ะ (เวอร์ไปไหม) และสำหรับวิคเตอร์เป็นตัวละครที่อยากจะเกลียดก้อเกลียดไม่ลงน่ะ คงเป็นเสน่ห์ของเขาที่มันล้นเหลือ ๆ เกิน ขนาดแมทที่โดนหนักขนาดนั้นยังอดหลงรักไม่ได้เลยน่ะ แล้วเราล่ะเป็นแค่คนอ่านก้อคงอดไม่ได้หรอก  :mew4: บุคลิกของเจ้ายักษ์ดูซับซ้อนแต่จับต้องได้น่ะ ไม่ได้ดูเวอร์หรือน้อยเกินไป
พอมาถึงพาร์ทที่สอง ที่เป็นอะไรที่เราเกลียดมากเลย (ไม่ใช่เกลียดนิยายน่ะ ) แต่เป็นการนอกใจน่ะ ถ้าคบกันแล้วยังนอกใจเนี่ย รับไม่ได้อย่างแรง แต่คุณตอมก้อทำให้เราต้องอ่านมันน่ะ เพราะ รักแมทไปแล้วนี่ก้อต้องตามอ่าน พาร์ทนี้มีอะไรที่ทำให้หัวใจเราซาบซ่านเยอะกับการกระทำของวิคเตอร์ที่ได้ใจเราไปเต็ม ๆ แต่ก้อมีหลายการกระทำที่เกลียดมาก ๆ นิยายของคุณตอมมักจะจบดราม่าแบบที่เราคาดไม่ถึงประจำน่ะ แต่มันก้อทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ไปด้วยน่ะ ไม่ใช่เลื่อนเปื้อนแบบไร้เหตุผล
โม้มาเยอะแหละ ยังไงจะรอติดตามพาร์ทสุดท้ายน่ะ ซึ่งอยากอ่านมาก ๆ ยอมรับว่าแม่เรียวยังไม่โดนใจเราเท่าไหร่ แต่ก้อจะพยายามน่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: lubynan ที่ 29-10-2016 02:02:59
ครั้งแรกที่อ่านคือมีคนแนะนำในทวิต พอได้มาอ่านรู้สึกประทับใจม้ากกกก เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดเยอะ เวลาอ่านเหมือนหลุดเข้าไปในฉากนั้นเลย ไม่ได้เว่อนะ5555 รักนิยายเรื่องนี้มากถึงขนาดไปบังคับเพื่อนให้อ่านจะได้เม้าท์มอน555 ชอบคาแร็กเตอร์แมท ชอบอิมเมจ จนทุกวันนี้เป็นติ่งวอนโฮ;__; กลับมาอ่านกี่รอบก็ยังอินเหมือนเดิม ขอบคุณไรท์เตอร์ เยิ้ฟฟฟ :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-10-2016 17:24:42
ก็ไม่รู้ว่าพิมพ์อะไร มันเขิน วุ้ยยยยยยยย    :ling1:      อยู่กับพี่ตอม แมท และออสตินมานาน 555 (ลืมพระเอกไปแล้ว) ต้องพูดเลยว่าเป็นนิยายที่สามารถหยิบขึ้นมาอ่านได้บ่อยๆ คือตอนนี้หนังสือได้กลายสภาพไปแล้วค่ะ   :katai1:   ตามพี่ตอมทั้งเฟสบุ๊ค แต่ไม่ค่อยได้คอมเม้นในเล้าสักเท่าไหร่ เพราะรออ่านเป็นเล่ม น้องกลัวจะลงแดงไปก่อนถ้าอ่าน  นี้น้องก็เพิ่งรู้ตัวว่าตามพี่ตอมมาครบ
2 ปีแล้วหู้ยยย มันเร็วมากเลยนะคะ จำได้ว่าเคยขอให้พี่ตอมแต่งตอนแมทท้องแล้วก็ได้อ่านจริงๆ มีความสุขมากเลยค่ะ ตอนนั้น ขอบคุณที่พี่ทุ่มเทกับนิยายเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่พี่ตอมที่รักแมทและอีพระเอก (ชื่ออะไรนะ55) แต่พวกเราคนอ่านก็รัก แมท รักตัวละครของพี่ตอมทุกตัว  :กอด1:   ด้วยสักขาวดำของสาววายรุ่นฮอโมนนนน ขอสัญญาว่าจะอุดหนุนนิยายทุกล่มค่ะ 555   
ป.ล  แต่ขอแทงพระเอกพี่ตอมสักแผลได้ไหมค่ะ  o18


และแค้นพระเอก  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-10-2016 17:26:03
รู้จักและตกหลุมรักแมทจากรีวิวของเพจนึง เลยเข้ามาตามอ่านในเล้า
เพียงแค่เริ่มอ่านได้1-2ตอนก็รู้แล้วว่าตกเป็นทาสเรื่องนี้ รีบออกตามหาเล่ม
ตามเพจคนแต่งเพราะอยากอ่านรวดเดียวจบ แต่กลับรู้ว่าปิดพรีไปแล้วกำลังเตรียมจัดส่ง  :m15:
เลยไปตามหาในกลุ่มวายเป็นนานแต่ก็ไม่มีคนยอมขาย จนในที่สุดก็มีรีฯจึงจองเลยค่ะ  :-[
ด้วยทนรอเล่มไม่ไหวจึงอ่านในเว็บจนถึงล่าสุด
ทั้งหมั่นไส้พี่ยักษ์แต่ก็เกลียดไม่ลงจนตอนนี้หลงหัวปักหัวปำแล้วจ้า
จะรอติดตามภาค3และภาคพิเศษแน่นอน :mew1:


ขอขอบคุณเพจนั้นที่นำพาเรามาเจอกันนนน  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-10-2016 17:26:58
ชอบเรื่องนี้มากกกก มาตามอ่านทีหลังแบบ หลังๆเลย เพราะมีคนแนะนำในกลุ่มสาววาย อ่านปุ๊บต้องขุดปั๊บ หลายครั้งที่หมั่นไส้พี่ยักษ์มากกก เพราะนางโรคจิต!!! อิอิ รอภาคต่ออย่างใจจดใจจ่อค่ะ
ส่วนขุ่นแม่เรียวววววว กรี๊ดนางที่สุด รักนางมากกกก น่ารักน่าฟัดตัลลอดดด 555



เรียวจันทร์ : ดีมากลูก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-10-2016 17:28:09
:mew1:จำไม่ได้ว่า ใครแนะนำให้อ่านน่ะ แต่คิดว่าคงไม่ได้เปิดเข้าไปอ่านเองน่ะ เพราะไม่ค่อยได้ไล่ตามอ่านนิยายเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาดังนั้นก้อจะเปิดแต่หัวข้อนิยายที่ตามอ่านอยู่เท่านั้น ก้อทำให้คงพลาดเรื่องดี ๆ ไปเยอะน่ะ แต่ก้ออย่างว่ามีแค่ 24 ช.ม.ทำงานก้อกินเวลาแทบหมดแล้วน่ะ คิดว่าน่าจะมีคนแนะนำให้อ่านในเฟซน่ะก้อเลยลองเข้ามาอ่านดู แล้วก้อติดใจเลย จำได้ว่าคุณตอมน่าจะเขียนไปได้หนึ่งในสามแล้วล่ะของพาร์ทแรกน่ะ ซึ่งก้อยังไม่เยอะมาก แต่ละตอนค่อนข้างยาวทีเดียว อ่านแล้วสะใจดีน่ะ เราชอบแมทน่ะ เป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก ๆ คือมีบุคลิกที่ชัดเจนและตรงใจตรงที่เป็นตัวละครที่ถึงจะแรด ๆ มีความเป็นตัวของตัวเองแต่ก้อไม่ได้มั่วรักใครรักจริง ดูจากที่เฝ้าตามรักคน ๆ นึงมานานมาก สุดท้ายก้ออกหัก มันโดนใจเราน่ะ และยิ่งอ่านก้อคิดว่าแมทนี่คือยอดหญิงอย่างแท้จริง จากที่เธอทั้งอึดทั้งทนกับนายยักษ์มาก ๆ ข้อนี้คือเสน่ห์ของแมทน่ะ ทำอะไรทุ่มสุดตัวมีความจริงใจกับสิ่งที่ทำ และสุดท้ายก้อไปโดนใจวิคเตอร์จนได้ เสน่ห์ที่ใครได้ใกล้ชิดก้อต้องหลงรักน่ะ และก้อมีคนมาหลงรักแมทมากมาย โดยที่เขาก้อไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะนั่นคือธรรมชาติของตัวเขาเลยน่ะ และลีลาการเขียนของคุณตอมที่ก้อโดนใจเราน่ะ มันลึกมากมีรายละเอียดยิบย่อยที่เราคาดไม่ถึง ไม่แปลกที่จะทำให้คุณตอมต้องโฟกัสกับเรื่องนี้เรื่องเดียว ถ้าเขียนได้สองเรื่องในเวลาเดียวกัน นี่คงเก่งเริ่ดมากเลยน่ะ  :katai3: อ่านแล้วทำให้เราอินไปกับเนื้อเรื่องมาก ๆ และบรรยากาศของเรื่องก้อชวนให้รู้สึกว่ากำลังดูหนังไม่ใช่อ่านหนังสือน่ะ คืออ่านไปมองเห็นภาพตามไปด้วย เราชอบตรงนี้ด้วย เพราะเรื่องเกิดขึ้นที่ ตปท.คุณตอมก้อสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก ๆ และตัวเราก้อเป็นคนชอบดูหนังด้วย ทำให้อินกับบทบาทของวิคเตอร์ในเรื่องที่เป็นนักแสดงด้วยน่ะ มันแบบอินไปกับแมทเลยน่ะ เหมือนแมทเป็นตัวแทนตัวเราน่ะ (เวอร์ไปไหม) และสำหรับวิคเตอร์เป็นตัวละครที่อยากจะเกลียดก้อเกลียดไม่ลงน่ะ คงเป็นเสน่ห์ของเขาที่มันล้นเหลือ ๆ เกิน ขนาดแมทที่โดนหนักขนาดนั้นยังอดหลงรักไม่ได้เลยน่ะ แล้วเราล่ะเป็นแค่คนอ่านก้อคงอดไม่ได้หรอก  :mew4: บุคลิกของเจ้ายักษ์ดูซับซ้อนแต่จับต้องได้น่ะ ไม่ได้ดูเวอร์หรือน้อยเกินไป
พอมาถึงพาร์ทที่สอง ที่เป็นอะไรที่เราเกลียดมากเลย (ไม่ใช่เกลียดนิยายน่ะ ) แต่เป็นการนอกใจน่ะ ถ้าคบกันแล้วยังนอกใจเนี่ย รับไม่ได้อย่างแรง แต่คุณตอมก้อทำให้เราต้องอ่านมันน่ะ เพราะ รักแมทไปแล้วนี่ก้อต้องตามอ่าน พาร์ทนี้มีอะไรที่ทำให้หัวใจเราซาบซ่านเยอะกับการกระทำของวิคเตอร์ที่ได้ใจเราไปเต็ม ๆ แต่ก้อมีหลายการกระทำที่เกลียดมาก ๆ นิยายของคุณตอมมักจะจบดราม่าแบบที่เราคาดไม่ถึงประจำน่ะ แต่มันก้อทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ไปด้วยน่ะ ไม่ใช่เลื่อนเปื้อนแบบไร้เหตุผล
โม้มาเยอะแหละ ยังไงจะรอติดตามพาร์ทสุดท้ายน่ะ ซึ่งอยากอ่านมาก ๆ ยอมรับว่าแม่เรียวยังไม่โดนใจเราเท่าไหร่ แต่ก้อจะพยายามน่ะ  :กอด1:


ขอบคุณมากนะคะที่มีอินเนอร์ร่วมกันมาาา ส่วนแม่เรียว ถ้ายังไม่โดนใจ หยุดอ่านได้นาาา 555555 เดี๋ยวจิฝืนจายยยย นางเปรี้ยวเกินนน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-10-2016 17:28:57
ครั้งแรกที่อ่านคือมีคนแนะนำในทวิต พอได้มาอ่านรู้สึกประทับใจม้ากกกก เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดเยอะ เวลาอ่านเหมือนหลุดเข้าไปในฉากนั้นเลย ไม่ได้เว่อนะ5555 รักนิยายเรื่องนี้มากถึงขนาดไปบังคับเพื่อนให้อ่านจะได้เม้าท์มอน555 ชอบคาแร็กเตอร์แมท ชอบอิมเมจ จนทุกวันนี้เป็นติ่งวอนโฮ;__; กลับมาอ่านกี่รอบก็ยังอินเหมือนเดิม ขอบคุณไรท์เตอร์ เยิ้ฟฟฟ :mew1:



ขอบคุณที่ไปบังคับเพื่อนมาให้อ่านเรื่องนี้ค่ะ ทำดีๆ  :hao7: :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {เม้าท์ฯ พิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:28.10.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-10-2016 17:50:37
จิ้มๆๆๆตามมาอ่าน^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 31-10-2016 23:57:51



ตอนพิเศษครบรอบ 2 ปี นิยาย Love, no boundaries

*เนื้อหาในตอนพิเศษจะไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก มีแค่เกี่ยวโยงกันนิดๆ หน่อยๆ ค่ะ*

           

           



“ห้ามไปเถลไถลที่ไหนนะแมท”

           

 

“คุณทำเหมือนผมเป็นเด็กที่เพิ่งจะเข้าอนุบาลงั้นแหละ” เอเลี่ยนน้อยทำหน้ายู่พลางจกขนมทองหยิบทองหยอดเข้าปากดังแจ๊บๆ ที่พ่อกับแม่เอามาฝากเมื่อเดือนก่อนตอนบินมาเยี่ยมที่นิวยอร์ก งานนี้พ่อยักษ์ใหญ่เอาหน้าด้วยการสนับสนุนทุกสิ่งให้พ่อตาแม่ยายอย่างเต็มที่

           

 

“นายก็พูดแบบนี้ตลอด แต่ก็ชอบออกไปแรดนอกบ้าน” แมทอ้าปากหวอตาโต

           

 

“โอ๊ะ! นี่คุณว่าผมแรดเหรอ ปากไมเคิลยังสุภาพกว่าปากคุณอีกนะ” เอเลี่ยนขมวดคิ้วหน้างอ แต่ปากก็ไม่ยอมหยุดหยิบขนมไทยใส่ปาก วิคเตอร์มองด้วยความมันเขี้ยว

           

 

“กินอยู่นั่นแหละ ที่ออกกำลังกายไปมันจะเสียเปล่านะ” วิคเตอร์ว่าเสียงดุ เดี๋ยวนี้ไอ้เอเลี่ยนออกกำลังกายบ้าง ไม่ออกบ้างตามแต่อารมณ์ แต่กินเนี่ยสม่ำเสมอสุดๆ กล้ามท้องที่เคยมีเริ่มย้อยทีละนิด

           

 

“ก็ผมบอกแล้วว่าให้มีเทรนเนอร์ จะได้มีแรงกระตุ้น คุณแซ็คลดราคาให้ตั้งครึ่งนึง คุณก็ไม่ยอม จะให้ผมมานั่งออกกำลังกายคนเดียว…”

           

 

“…ปล่อยให้ไอ้พระเอกหนังโป๊เอาไอ้จ้อนมาจ่อปากนายอย่างนั้นน่ะเหรอ?!” วิคเตอร์แทบจะระเบิดอารมณ์ใส่ไอ้ตัวดีที่ปากยังดีไม่เปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่วันแรกที่เจอกันยันทุกวันนี้ ปากเก่งๆ นั่นไม่เคยลดระดับลงเลย

           

 

แต่ก็ยังมีดีหน่อยที่อ้อนเป็น และรู้ว่าตรงไหนต้องยอม ต้องรีบหยุดเถียง หรือเรียกง่ายๆ ว่าพาแถออกนอกประเด็นที่กำลังเถียงกันอยู่เพื่อให้เขาเลิกเสียงดังใส่ อย่างตอนนี้ก็เช่นกัน

           

 

“โอ๋ๆ กินขนมๆ พ่อกับแม่หอบมาให้จากไทยเชียวนะ อ้ำๆ” ไอ้ตัวจ้อยรีบกระเถิบเข้าไปนั่งข้างคนตัวใหญ่ ยื่นขนมในมือไปจ่อที่ปากสีแดงหม่น ฉีกยิ้มกว้างพร้อมกะพริบตาปริบๆ

           

 

วิคเตอร์ขบกรามแน่น พ่นลมหายใจแรงๆ อ้าปากงับขนมเข้าไปในปาก เคี้ยวหงับๆ แต่สายตายังจ้องหน้าใสกิ๊งของแฟนตัวเอง

           

 

“แน่ะ ทำหน้าดุ ผมจะฟ้องพ่อนะ” แมทแกล้งขู่ วิคเตอร์ยิ้มเหี้ยม

           

 

“เอาพ่อมาข่มเหรอ ฮะ! ไอ้เอเลี่ยน!” วิคเตอร์รวบตัวแมทเอาไว้ทันก่อนที่คนตัวเตี้ยจะพลิกร่างหนี แมทหัวเราะคิกคัก โดนวิคเตอร์ข่มขืนด้วยการใช้หนวดขยี้แก้มและลามปามไปที่ลำคอ เอเลี่ยนหดคอหนีแต่ก็หนีไม่พ้น

           

 

“แอ๊ ฮะๆๆ ฮือออ ยักษ์อะ” แมทดันหน้าวิคเตอร์ออกห่าง และค่อยๆ ดีดขาให้นั่งคร่อมตักยักษ์ใหญ่ได้สะดวก เพราะตอนถูกดึงขึ้นมาบนตักขาสองข้างของเขาพับอยู่

           

 

“ฉันเป็นห่วง รู้มั่งมั้ยเนี่ย” วิคเตอร์ขยี้หัวแมทจนผมหน้าม้ายุ่ง

           

 

“รู้แล้ว แล้วก็ดีใจด้วยที่คุณห่วง…” แมทยกสองมือประกบหน้าวิคเตอร์ แต่เห็นว่ามือขวาเปื้อนขนมอยู่เลยจะยกขึ้นมาดูด แต่ไอ้ยักษ์ไวกว่า ผงกหัวจากพนักพิงโซฟาขึ้นมาดูดนิ้วเขาดังจ๊วบๆ จนสะอาด แมทยิ้มเขิน วางมือลงบนแก้มสากหนวดตามเดิม

           

 

“…แต่ก็อย่างเคร่งนักซี่ ผมไม่ดื้อหรอก คุณไปถ่ายหนังให้สบายใจเถอะนะ” แมทยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากวิคเตอร์ให้เขาใจเย็น ยักษ์ใหญ่มองหน้าเอเลี่ยนน้อยพักหนึ่งแล้วพ่นลมหายใจเบาๆ

           

 

“ตำรวจยังจับฌอณไม่ได้ เราต้องระวังตัวให้มาก” แมทพยักหน้าหงึกๆ

           

 

“แต่ช่วงนี้มันก็เงียบหายไปเลยนะ”

           

 

“มันเงียบหายน่ะน่ากลัวกว่าได้รู้ว่ามันเคลื่อนไหวนะแมท” แมทปล่อยให้วิคเตอร์ลูบหัวเบาๆ เขาเสยผมหน้าม้าของแมทขึ้นจนเห็นเหม่งน้อย คนตัวเล็กเอื้อมไปหยิบจานขนมขึ้นมาก้มหน้าก้มตากินแจ๊บๆ ต่อ

           

 

“พอแล้ว เดี๋ยวก็อ้วนหรอก”

           

 

“ถ้าอ้วนแล้วคุณจะเลิกรักผมเปล่า” แมทถามทั้งที่แก้มยังอูมด้วยขนม วิคเตอร์ยิ้มอ่อน เอามือลงจากหัวแมท ยื่นไปจับพุงน้อยๆ ของคนตัวจ้อย

           

 

“ไม่เลิก แต่ฉันจะจับนายรีดไขมันทั้งวัน เอาให้หนักกว่าตอนกินอีก” เขาไม่ยอมให้แมทมีเทรนเนอร์ เหตุผลง่ายๆ ก็คือหวง เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้พระเอกหนังอย่างว่ามันคิดอะไรกับแฟนเขาหรือเปล่า แต่เขาก็เป็นแบบนี้ ผู้ชายที่เขาให้เข้าใกล้แมทได้มากสุดคือออสตินกับพ่อตาเขานั่นแหละ

           

 

“ช่วงที่ฉันไม่อยู่ ออกกำลังกายด้วยนะ ถ้าจะไปวิ่งที่สวนสาธารณะ ก็บอกออสตินให้พาไป” แมทชอบไปวิ่งที่เซ็นทรัลปาร์ค เจ้าตัวจ้อยก็ไม่ได้ว่าขี้เกียจออกกำลังกายนักหรอก แต่ถ้าไม่กระตุ้นก็จะแกล้งลืม

           

 

“ไปถ่ายหนังก็ห้ามนอกลู่นอกทางนะไอ้ยักษ์” แมทกัดริมฝีปากล่างแน่น มองเขม่นเขาด้วยความหมั่นไส้ นักแสดงหนุ่มหัวเราะเบาๆ กับอาการหวงแบบน่ารักๆ

           

 

“จะไปทำงั้นได้ไง รอบนี้เธอไม่ได้ไปด้วย” แมทถลึงตาดุ ยกมือซ้ายฟาดเข้าที่อกขวาดังอั่ก! เล่นเอาวิคเตอร์จุกไปนิด

           

 

“หมายความว่าถ้าเธอไปก็จะทำใช่มั้ย ไอ้ครั้งก่อนๆ นั่นก็มีซัมติงแล้วสินะ!” แมททำหน้าเข่นเขี้ยว นึกอยากจะทุบๆ หน้าหล่อๆ ของสามีตัวเองหลายๆ ที แต่เอาเข้าจริงเขาไม่กล้าทำหรอก ก่อนจะทุบหน้าไอ้ยักษ์เสร็จ สมองเขาคงโดนทุบจนเละก่อน

           

 

“อ้าวๆ มาโบ้ยงี้ได้ไง ไม่มีอะไรเลยนะ อย่ามากล่าวหาฉันนะไอ้เอเลี่ยน” วิคเตอร์ชี้หน้าไอ้ตัวดีที่ทำท่าจะคิดไปไกลอีก

           

 

เธอที่ว่าคือหนึ่งในทีมโฆษกหรือทีมพีอาร์ของเขาที่เซล่าเพิ่งรับเข้ามาร่วมงานด้วย เนื่องจากเธอคนเดียวก็ทำไม่ไหว เพราะเธอก็ดูแลนักแสดงคนอื่นด้วยเช่นกัน เลยต้องจ้างลูกน้องเพิ่มอีกสามคน ผู้ชายหนึ่ง หญิงสอง หนึ่งในสองคนนั้นนั่นแหละที่มักทำให้แมทอยากทุบหน้าเขาบ่อยๆ

           

 

“บอกซิว่านี่ไม่ใช่แผนของเจ๊เซล่าอีก”

           

 

“ฉันว่าไม่น่าใช่ ก็คงรับเข้ามาทำงานตามปกตินั่นแหละ แต่แค่…” หน้าหล่อยิ้มแหะ คนตัวเล็กมองตาขวาง

           

 

“…แต่แค่เธอชอบคุณทั้งที่รู้ว่าคุณมีคนรักเป็นผู้ชาย”

           

 

“เธอบอกแค่ประทับใจฉันเฉยๆ” แมทเบ้ปากนิดหน่อย

           

 

“คนอย่างคุณมีอะไรให้น่าประทับใจเนี่ย”

           

 

“เฮ้ๆ พูดจาแบบนี้เดี๋ยวจะโดนขึงบนเตียง” วิคเตอร์แกล้งว่าแต่ใบหน้ายิ้มเมื่อยังเห็นว่าเอเลี่ยนน้อยนั่งหน้าบูดหน้าบึ้ง

           

 

เธอคนนั้นไม่ได้มีพฤติกรรมทำเกินหน้าที่แต่อย่างใด เธอก็อยู่ในขอบเขตของตัวเองกับการเป็นทีมพีอาร์ของเขาเท่านั้น และแน่นอนว่าตัวเขาเองก็ไม่คิดให้ขอบเขตนั้นพังลง แต่ก็ไม่ใช่จะให้เขานิ่งเงียบใส่เธอเหมือนที่ชอบทำกับเซล่าก็ใช่เรื่อง ทีมงานที่เซล่ารับเข้ามานั้นมีพฤติกรรมที่เขาไม่รู้ว่าดีหรือเปล่า แต่แค่ไม่วุ่นวายหรือก้าวก่ายชีวิตของเขา เท่านั้นเขาก็ไม่ไล่ตะเพิดแล้ว เขาก็คุยด้วยตามปกติ ทำตัวตามปกติ ไม่ได้คิดอะไร อีกฝ่ายจะคิดยังไง เขาห้ามความคิดเธอไม่ได้ แต่แมทก็คือแมท คิดมากไว้ก่อน แล้วก็ชอบเงียบใส่เขาเวลาเห็นเขาอยู่กับเธอคนนั้น ซึ่งเอาเข้าจริงเวลาที่คุยหรืออยู่ด้วย ส่วนมากก็เรื่องงานทั้งนั้นเลย 

           

 

แปะๆ

           

 

เขาดึงเสื้อยืดขึ้นมากองไว้เหนืออก ตีมือลงบนรอยสักตรงอกซ้ายของตัวเองเบาๆ พร้อมกับยิ้มกริ่มให้กับเอเลี่ยนหน้าบูดแต่ปากยังไม่หยุดกินขนม

           

 

“ไม่ได้ทำเล่นๆ นะเนี่ย ฮึ ไม่จริงจังไม่ทำนะ” จากหน้าบูดๆ ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นกลั้นยิ้มเขินจนรูจมูกบาน แล้วสุดท้ายก็กลั้นไม่ไหวจนต้องยิ้มกว้างและก้มหน้าลงซบอกแน่นๆ ของสามี

           

 

“หึๆ” วิคเตอร์ยกแขนขวาโอบตัวแมท กดจูบลงกลางกระหม่อมหอมๆ กลิ่นแชมพูเด็กของแมท

           

 

“ทำกันป่ะ พรุ่งนี้คุณก็ไปแล้ว” เจ้าเอเลี่ยนพูดเสียงงุ้งงิ้งๆ อยู่ตรงอก ไอ้ยักษ์ใหญ่ยิ้มขำ แมทยื่นมือซ้ายไปเกลี่ยหัวนม ทำเอาสะดุ้งเสียววาบ เขาก้มลงกระซิบข้างหู

           

 

“อืมมม รับคำชวน” แมทผงกหัวขึ้น ยิ้มเขินจนแก้มแดง วิคเตอร์ดึงจานขนมออกจากมืออีกฝ่าย วางไว้บนโซฟา ก่อนจะลุกขึ้นยืนทั้งที่แมทยังนั่งตักตัวเองอยู่ เขาใช้สองมืออุ้มก้นแน่นๆ ของคนตัวเล็กไว้และพาเดินขึ้นบันไดบ้านไปชั้นบน

           

 

ลับหลังทั้งสองคนไป ไมเคิลวิ่งกุกกักๆ เข้ามาในห้องโถงของบ้าน เขย่งตัวกินขนมที่เหลืออยู่ในจานจนหมดเกลี้ยง

 
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 31-10-2016 23:58:51


V
v
v


 ฮี่ๆ -V- ไอ้ยักษ์ไม่อยู่บ้านแล้ววว สามีไม่อยู่หนูก็ร่าเริง เพราะจะได้ออกไปหาความบันเทิงใจนอกบ้านได้สะดวกมากขึ้น

           

 

ใครว่า…

           

 

“คุณแมทครับ ผมไม่เข้าใจว่าจะฝืนคำสั่งของเจ้านายทำไมนักหนา หัดอยู่นิ่งๆ อยู่เฉยๆ ให้ดูเป็นคนปกติสักครั้งบ้างเถอะครับ”

           

 

“ก็แค่อยากออกไปเจอเพื่อนเองนะ!” ผมแว้ดใส่ออสตินที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงประตูบ้าน ราวกับจะประกาศให้รู้ว่าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากบ้านได้ง่ายๆ

           

 

“เพื่อนคนนั้นคุณเรย์มอนด์เขาไม่ให้คบไม่ใช่เหรอครับ”

           

 

“เขาไม่มีสิทธิ์มาห้ามผมไม่ให้คบใครเป็นเพื่อนนะ ผมบอกเขาแล้วด้วย!”         

           

 

“แล้วคุณเรย์มอนเขาว่ายังไงครับ” ผมอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรหลุดลอดออกมาเพราะไอ้ยักษ์มันจับผมอ้าขาแล้วเอาเครื่องสั่นมายัดก้นแทนคำตอบ

           

 

“ไม่ได้ว่า!” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม ไม่สบตาออสติน แต่ระดับนายทหารผู้เคยผ่านสงครามมาแล้วจะพลาดกับอาการเด็กน้อยกลบเกลื่อนแบบนี้เหรอ

           

 

“เป็นคนขี้โกหกยังไง ก็ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ” ผมจิ๊ปาก นั่งลูบหัวฟอกซ์เบาๆ มองออสตินที่ยังนิ่งอย่างขุ่นเคือง

           

 

“ออกไปเดินเล่นเซ็นทรัลปาร์คก็ได้!” ผมว่าอย่างเหลืออด ออสตินไหวไหล่สองข้างหนึ่งที ไม่ได้ห้ามหรือต่อต้านอะไร เพราะนี่คือสิ่งที่วิคเตอร์อนุญาตให้ผมทำได้

           

 

สุดท้ายผมก็พาไมเคิลออกมาเดินเล่นที่เซ็นทรัลปาร์ค ส่วนฟอกซ์มันขึ้นไปนอนอ้าขาบนดาดฟ้าแล้ว ช่วงเวลาใกล้เย็นผู้คนก็ออกมาสูดอากาศดีๆ กลางมหานครนิวยอร์กกันมากมาย ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศเลยดี๊ดี แจ่มใสไปทุกหย่อมย่าน ผมเดินไปซื้อฮอทดอกที่ร้านรถเข็นให้ตัวเอง ไมเคิลและเผื่อแผ่ไปถึงออสติน แต่เขาไม่เอา ผมเลยถือกินเองสองอันอย่างเอร็ดอร่อย

           

 

“แมท!” ผมหันหน้าไปมองทางต้นเสียงก็เจอกับเพื่อนที่ผมพยายามขอออสตินออกมาหา และเป็นคนเดียวกับที่วิคเตอร์บอกให้เลิกคบ

           

 

คือผมเพิ่งรู้จักกับเพื่อนคนนี้ได้เดือนเดียวเอง ยังไม่ทันสนิทสนมก็จะไม่ต้องเป็นเพื่อนกันอีกแล้วตามคำสั่งของสามี

           

 

“เอม่อน!” ผมร้องทักอย่างตื่นเต้นให้กับเด็กหนุ่มฝรั่งผมน้ำตาลแกมทอง ผิวขาว ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เอม่อนเป็นรุ่นน้องผมห้าปี เขาอายุแค่ยี่สิบเอ็ดเอง แต่ฝรั่งก็ไม่ได้มีคำนำหน้าว่าพี่ว่าน้องอะเนาะ เราเลยเรียกแค่ชื่อเล่นของกันและกัน เอม่อนเรียนจบไฮสคูลแล้ว แต่ยังไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเลย เขาบอกว่ายังไม่อยากเอาบ่วงที่เรียกว่านักศึกษามาคล้องคอ ตอนนี้เอม่อนเลยทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อยเปื่อย ผมไม่รู้หรอกว่าชีวิตเขาเป็นไงบ้าง ยังไม่ได้ซี้ขนาดนั้น

           

 

“นายไม่ทำงานเหรอ ฉันว่าจะไปหานายที่ร้านสักหน่อย” เอม่อนทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวทางใต้ของแมนแฮทตัน เป็นหนึ่งในงานของเขา หมอนี่ทำงานตั้งสามที่แน่ะ

           

 

“วันนี้หยุดน่ะ ฉันว่าจะไปปาร์ตี้” เอม่อนเหลือบสายตาขึ้นมองออสตินอย่างกุ้มกริ่ม แต่พ่อบอดี้การ์ดก็ทำหน้านิ่งตอบกลับได้อย่างสมเกียรติ

           

 

มองแบบนั้น แน่นอนว่าเอม่อนชอบผู้ชาย แต่ผมไม่รู้สถานะของเขาหรอกว่าเป็นแบบผมหรือเปล่า ก็ไม่เคยถามและไม่กล้าถาม ที่ผมรู้ก็เพราะเขาชมออสตินว่าหล่อนั่นแหละ แต่หน้าตาเอม่อนก็ดูไม่ออกหรอกนะว่าเป็นมีรสนิยมแบบนี้ เพราะเขาดูเป็นผู้ชายปกติ ตัวสูงกว่าผมสักสิบเซ็น มีกล้ามหน่อยๆ ไม่ใช่กล้ามล่ำแบบวิคเตอร์หรือออสติน แต่มีกล้ามมากกว่าผมแหละ

           

 

“ปาร์ตี้อะไรเหรอ” ผมถามด้วยความอยากรู้พลางงับฮอทดอกเข้าปากอีกคำ คือผมหมายถึงว่าปาร์ตี้วันเกิด ปาร์ตี้ขึ้นบ้านใหม่หรือปาร์ตี้ทั่วไปน่ะ

           

 

“สนุกกว่านั้นเยอะ นายอยากไปมั้ย” ผมจะอ้าปากตอบว่าอยากไป แต่จู่ๆ ก็ได้รับรังสีกดดันเพิ่มขึ้นจากคนตัวโตด้านหลังตัวเอง ผมเม้มปาก กะพริบตาแทนคำตอบ เอม่อนทำหน้างง ผมบุ้ยปากไปทางออสติน เขาเลยทำหน้าเก็ท

           

 

“เอ่อ คุณออสตินครับ ผมจะขอตัวแมทไปด้วยสักแปบได้มั้ย” ผมกัดฮอทดอกเข้าปากอีกคำ หันไปมองออสตินแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาไม่ได้แสดงอาการอะไรนอกจากนิ่งตามเดิม

           

 

“ไปไหนครับ” เอม่อนรู้แค่ว่าออสตินเป็นบอดี้การ์ดที่แฟนผมส่งมาดูแล แต่เขาไม่รู้ว่าแฟนผมคือใครเพราะผมไม่ได้เล่า และเขาเองก็ไม่ได้ถาม แค่ถามเฉยๆ ว่าออสตินเป็นใครทำไมเห็นตัวติดกับผมจนนึกว่าเป็นแฟนผมไปแล้ว

           

 

“ผมติดเลี้ยงอาหารแมทเขาอยู่หนึ่งมื้อ วันนี้ผมได้วันหยุด เลยอยากจะพาแมทไปเลี้ยงน่ะครับ” ออสตินมองฮอทดอกในมือของผมที่ยังเหลืออีกอันก่อนจะหันไปตอบเอม่อนอย่างเรียบง่าย

           

 

“คุณแมทกำลังจะกินฮอทดอกชิ้นที่สอง ผมว่าเดี๋ยวเขาคงจะอิ่ม” ผมทำตาโต ส่ายหัวหน้าตั้งทันที

           

 

“ใครอิ่ม ไม่อิ่มนะ กินได้อีก ของฟรียังไงก็ไหว” ผมตอบเร็วปรื๋อ ออสตินจ้องผมนิ่งราวกับจะกดดันให้ผมรู้สึกให้ได้ว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหน

           

 

“ถ้าคุณขอเจ้านายได้ ผมก็ไม่มีปัญหา” แน่ะ! เล่นมุกนี้อีกละ

           

 

“คุณไปกับเราสิครับออสติน เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณด้วยก็ได้” เอม่อนพูดแทรกขึ้น ออสตินที่ตอนแรกนิ่ง เปลี่ยนเป็นมีท่าอึกอักและแสดงออกถึงความลำบากใจ

           

 

“โอ้ว เอ่อ ไม่เป็นไรครับ อย่าเลย”

           

 

“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณไป ผมก็ต้องเลี้ยงคุณด้วย จะให้คุณนั่งดูเราสองคนเฉยๆ ได้ยังไง” ออสตินทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

           

 

“ถ้าคุณไม่ไป งั้นผมจะได้ฝากไมเคิลกลับบ้านด้วย หรือพามันไปเดินเล่นต่อก่อนก็ได้” ผมนั่งลง ยื่นฮอทดอกไปตรงหน้าไมเคิล มันมองของในมือผมตาเยิ้ม พวงหางโบกสะบัดไม่หยุด

           

 

“เห่าก่อน โฮ่ง!”

           

 

“โฮ่ง!!” ผมหัวเราะคิกๆ ยื่นฮอทดอกให้เจ้าโกลเด้นท์กิน มันงับเข้าปาก ค่อยๆ นอนลงและละเมียดละไมกินฮอทดอก ผมลุกขึ้นยืนและรีบพูดกับออสตินเร็วๆ

           

 

“ฝากดูไมเคิลด้วยนะ ผมไปล่ะ ตอนจะกลับผมจะโทรให้มารับ”

           

 

“คุณแมท!” ผมไม่รอให้ออสตินพูดท้วงอะไร เขาจะตามผมมาก็ไม่ได้เพราะไมเคิลยังนอนกินฮอทดอกไม่เสร็จ ผมเลยรีบดึงแขนเอม่อนไปตามทางออกอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ออสตินยืนละล้าละหลังทำตัวไม่ถูก

           

 

“แฟนนายให้เขาคุมขนาดนี้เลยเหรอ” อันนี้ลดลงแล้วนะ…

           

 

ผมได้แต่ยิ้มแห้งและบอกไปว่าเคยเกิดเรื่องบางอย่างกับผม เลยต้องดูแลใกล้ชิดกันนิดหน่อย ผมไมได้เล่ารายละเอียดให้ฟังมาก ถึงผมจะตื่นเต้นที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ในนิวยอร์กที่อายุใกล้ๆ กัน แต่ผมก็รู้ว่าเรายังไม่ได้สนิทถึงขั้นจะมาเล่าชีวิตส่วนตัวแบบลึกซึ้งให้อีกฝ่ายฟังได้

           

 

ผมรู้จักกับเอม่อนตอนไปกิน KFC สาขาใกล้ไทม์แสควร์ เขาทำงานที่นั่น วันนั้นเขาทำน้ำหกใส่ผมตอนที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะใกล้กับที่ผมนั่ง ผู้จัดการร้านมาขอโทษขอโพยยกใหญ่ เอม่อนเองก็เช่นกัน วันนั้นเขาเลยชดเชยให้ผมด้วยการแถมไก่ให้อีกเซ็ต และยังมานั่งคุยกับผมด้วย เขาบอกว่าผู้จัดการให้มา ตอนแรกผมก็คิดว่างั้น แต่พอรู้ว่าเขาสนใจออสติน ผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วเขามานั่งคุยด้วยทำไม

           

 

“กินอะไรก่อนแล้วกัน” ตอนนี้ห้าโมงจะหกโมงเย็นแล้ว แต่ฟ้ายังไม่มืดเท่าไหร่ จะมืดจริงจังก็ทุ่มสองทุ่มนู่นแหละ

           

 

เราเลือกกินอาหารแม็กซิกันอันแสดจัดจ้าน แต่ก็ยังไม่เท่าของไทยเราเท่าไหร่หรอก ความเผ็ดต้องยกให้อาหารไทยนี่แหละในความคิดผม ระหว่างนั่งกิน ผมก็ลุ้นนะว่าวิคเตอร์จะโทรมามั้ย แต่เขาก็ไม่โทรมา น่าจะเพราะออสตินยังไม่ได้โทรไปรายงาน ตอนที่เพิ่งสั่งอาหารผมส่งวอทสแอพขู่ออสตินว่าถ้าโทรบอกวิคเตอร์ เขาอาจจะบินกลับมาทันทีและนั่นจะทำให้เขาเสียงาน

           

 

“บ้านฉันอยู่ควีนส์นี่แหละ แต่ก็เข้ามาหางานทำในแมนแฮทตัน ไม่ค่อยอยากจะอยู่นักหรอก บ้านน่ะ” ผมหยิบทาโค (Taco) เข้าปากและยิ้มแหยหน่อยๆ ถ้าให้เดาก็คงจะมีปัญหากับทางบ้านด้วยล่ะมั้งนั่น

           

 

“ฉันอยากไปหางานที่อื่นทำนะ ฉันเล็งๆ LA ไว้” ผมพยักหน้าหงึกๆ พลางเขี้ยวอาหารในปาก

           

 

“นายล่ะ ทุกวันนี้ทำงานหรือว่าอยู่เฉยๆ” ผมกลืนแป้งทาโคลงคอก่อนตอบ

           

 

“ก็มีงานแหละ แต่ไม่ได้ทำทุกวัน คล้ายๆ งานอิสระน่ะ” ก็งานบ้านไง ทำแทนแม่บ้าน ตั้งแต่ผมไม่ได้เข้ากอง ผมก็กลับมาทำงานบ้าน ไม่ได้ทำทุกวันหรอก อาทิตย์นึงทำสองครั้ง บางทีก็ครั้งเดียว นอกนั้นก็นอนเปลี่ยว วิคเตอร์ไม่ได้ห้าม เขาแค่ขอให้ได้ข่าวว่าฌอณโดนจับก่อนเท่านั้นแล้วค่อยกลับไปเข้ากองถ่าย

           

 

“ดีจริง แฟนนายท่าทางจะรวยนะ”

           

 

“ก็ไม่หรอก มีกินมีใช้ตามปกติมากกว่า” เอเม่อนยิ้มเยาะหน่อยๆ

           

 

“มีเงินจ้างบอดี้การ์ดขนาดนั้น คงไม่ใช่แค่มีกินมีใช้หรอก นายนี่โชคดีจริง” อันนี้ไม่เถียง ยังรู้สึกขอบคุณบุญกุศลใดๆ ทั้งหลายแหล่ในชีวิต ที่ส่งผลให้ผมได้ผัวหล่อแถมพ่วงรวยมาด้วยแบบนี้

           

 

เรานั่งกินอาหารกันต่อจนหมด ระหว่างนั้นก็คุยเรื่องสัพเพเหระ ผมพยายามไม่หลุดเรื่องส่วนตัวให้เขาฟัง เล่าแค่ผิวเผินว่าผมจบอะไรมา อยากทำงานด้านไหน เขาถามด้วยว่าแฟนผมทำอาชีพอะไร ผมตอบแค่ว่าทำงานในกองถ่าย เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อยากรู้ต่อ เพราะเอม่อนไม่ได้สนใจทางด้านนี้

           

 

พอได้เวลาสักทุ่มครึ่ง เอม่อนก็โบกแท็กซี่ พาผมไปย่านเวสท์ วิลเลจ ย่านโปรดของผมในนิวยอร์ก แท็กซี่สีเหลืองพามาจอดหน้าตึกอิฐสีแดงตึกหนึ่ง บรรยากาศด้านหน้าติดไฟสีรุ้งสดใส ทอประกายวิบวับ มีคนต่อแถวค่อยๆ ทยอยเดินเข้าไปด้านใน โดยโชว์บัตรหรืออะไรสักอย่างให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้า

           

 

“ฉันจ่ายค่าบัตรให้” เมื่อกี้เขาไม่ได้เลี้ยงอาหารผมจริงๆ หรอก ซึ่งผมก็ไม่ได้ต้องการให้เขาเลี้ยง วิคเตอร์ให้เงินไว้ตั้งเยอะ เอาออกมาใช้บ้าง คิดว่าขนหน้าท้องเขาคงไม่ร่วงหรอก

           

 

เอม่อนจ่ายค่าบัตร หันมายื่นให้กับผมและบอกว่าให้เตรียมบัตรแสดงตนด้วย ผมเลยหยิบบัตรประชาชนขึ้นมา ระหว่างนั้นก็มองบัตรในมือและขมวดคิ้ว

           

 

‘The Dream Boys Team’

         

 

มันคือชื่อตีมปาร์ตี้อันนี้เหรอ แล้วผมแต่งตัวบอยพอรึยัง ดีนะเนี่ยแต่งตัวค่อนข้างดูดีออกจากบ้านไม่งั้นอาจโดนกันไม่ให้เข้าไปด้านใน ผมยื่นบัตรที่เอม่อนซื้อให้พร้อมบัตรประชาชน สตาฟตัวอ้วนใหญ่ยืนเช็กบัตร เช็กหน้าผมสักพักก็ปล่อยให้เดินเข้าไปด้านในพร้อมเอม่อน

           

 

พอเข้ามาด้านในก็เจอกับบรรยากาศครึกครื้น แสงหลายสีราวกับแสงรุ้งสาดไปรอบอาคาร เสียงเพลงดึกตึกๆ จนสะท้อนอยู่ในอก และพอมองดีๆ ในผับนี้มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเป็นสิบเท่าได้เลยมั้ง ผมอ้าปากหวอมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจระคนตื่นเต้น

           

 

“You gonna love this party. (แล้วนายจะรักปาร์ตี้นี้)” เอม่อนขยิบตาให้หลังจากก้มลงกระซิบบอก ผมกะพริบตามึนๆ มองไปรอบตัวด้วยความสับสน และอาการใจเต้นแปลกๆ

           

 

ในนี้ผู้ชายเยอะจริงๆ นะ ผู้หญิงมีถึงสิบคนมั้ยเนี่ย แล้วผู้ชายที่ว่าเนี่ย จะมาดแมนกันกี่คนเชียว เพราะดูท่าแล้ว เหล่าคุณแม่ ลูกสาวและเพื่อนสาวแลจะเยอะเหลือเกิน

           

 

แทนคำตอบในข้อสงสัยของผม บนเวทีดับไฟจนมืด เสียงกรีดร้องวู้วๆ ปะปนกับเสียงผิวปากดังขึ้นรอบห้อง ผมจ้องไปบนเวที เห็นเงาตะคุ่มๆ หลายสิบเงาเดินออกมายืนบนนั้น เสียงเพลงเงียบลงจนได้ยินเสียงกระซิบของผู้คน แล้วสักพักไฟก็สว่างขึ้นพร้อมเพลง ผมตาโตเมื่อเห็นเหล่าชายฉกรรจ์หน้าตาดีและท่าทางหุ่นจะดีมากด้วยในชุดนักดับเพลิงสีส้ม

           

 

“Keep your eyes on them! (อย่าละสายตาจากพวกเขาเชียวล่ะ!)” ผมหันไปยิ้มและพยักหน้ารับหงึกๆ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ออกมาหาความบันเทิงให้กับตัวเองบ้าง และดูท่าทางมันจะบันเทิงมากทีเดียว เพราะผู้ชายเหล่านั้นออกลีลาการเต้นได้น่ามองมากกก เอ้อ! เด้งเป้าเข้าไปสิ เด้งๆๆๆ อู้หูววว

           

 

พวกนี้ต้องได้รับการฝึกมาอย่างดี เพราะลายเต้นเป๊ะ เต้นพร้อมกันทุกจังหวะจริงๆ แถมสีหน้ายามเต้นก็ถึงใจถึงอารมณ์เหลือเกิน ไม่ใช่แค่สักแต่เต้นๆ ไปให้จบ ผมมองผู้ชายเหล่านั้นเต้นและเอ็นเตอร์เทนให้คนดูส่งเสียงกรี๊ดอย่างเพลินๆ แล้วก็ต้องตาโตพรึบเมื่อชุดนักดับเพลิงสีส้มถูกถอดออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นในตัวจิ๋วหลากสีที่ปิดไอ้จ้อนของแต่ละคนแทบไม่มิด

           

 

“โอ้มายก็อดดดด!” ไม่ใช่เสียงใคร เสียงผมเอง ผมร้องอย่างตื่นตะลึงพรึงเพริดกับภาพที่เห็น คือเพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้ก็ครั้งแรกเลยละ ปกติก็จะเห็นแต่ของสามีตัวเองไง แต่อันนี้คือมีเป็นสิบบบ โอ้ว ซี๊ดดด แต่ละคนหุ่นเนียนแน่นม๊ากกก และเป้าก็เด้งดี๊ดี

           

 

พ่อเจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย!

           

 

“ชอบมั้ย?!” เอม่อนตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลงและเสียงกรี๊ด ผมไม่กล้าพยักหน้าแรงหรือตอบรับชัดเจน เพราะจะดูกระดี๊กระด๊าเกินไป บางทีต้องเกรงใจแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายสักนิดหนึ่งด้วย ผมเลยได้แต่หันไปทำหน้าตื่นเต้นกับเพื่อนใหม่แทน แต่แค่นั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากเอม่อนได้แล้ว

           

 

“วู้ววว ทางนี้ๆ จ้า พ่อหนุ่ม!!” เหล่าคุณแม่คุณลูกทั้งหลายตะโกนเรียกนักเต้นหนุ่มที่เริ่มเดินลงมาด้านล่างเวที ผมหัวเราะอย่างตื่นเต้นที่เห็นหนุ่มๆ พวกนั้นเดินไปเลื้อยไล้ไซร้ซุกแขกในร้าน

           

 

“ที่นี่เขาเปิดแบบนี้ประจำเหรอ?!” ผมตะโกนถามเอม่อนที่กำลังยิ้มกับภาพที่นักเต้นหนุ่มนั่งคร่อมแขกคนหนึ่ง

           

 

“เปล่า พวกนี้เป็นนักเต้นโชว์จากที่อื่น ที่นี่จ้างมา ทีมนี้เป็นทีมเด่นเลยแหละ!” ผมส่งเสียงอู้วกับประสบการณ์ใหม่ แสดงว่าบัตรที่เอม่อนซื้อให้คือบัตรเข้าชมทำนองนั้นสินะ

           

 

“ฉันตามพวกเขามานานแล้วล่ะ แต่ละคนแซ่บถึงใจ แต่ที่ฉันชอบที่สุดคือคนที่ชื่อแพททริก และเขากำลังมาทางนี้!” ผมหันหน้าไปมองตามสายตาของเอม่อนก็เจอเข้ากับนักเต้นหนุ่มคนหนึ่งที่ตัวไม่สูงมาก แต่ตัวแน่นมากกก นมแน่น กล้ามท้องแน่นหนา วีเชฟบ๊ะๆๆ เป้าเปรี๊ยะเซี๊ยสุดๆ และหน้าตาหล่อแบบที่อย่าหาเหตุผลเยอะ คือหล่อ!

           

 

“Come here, Patrick, baby!” เอม่อนกวักมือเรียกพ่อหนุ่มคนนั้น ผมอ้าปากหวอด้วยความตะลึง คนอะไรทำไมมันตึงเปรี๊ยะไปหมดขนาดนี้ กางเกงลิงของเขาจะระเบิดมั้ยยย

           

 

“Take him on stage! It’s his first time to be here! (พาเขาไปบนเวทีเลย! นี่ครั้งแรกเลยนะที่เขามาที่นี่!)” เอม่อนตะโกนบอกกับหนุ่มนามว่าแพทริกที่ยิ้มเริงร่า ยื่นมือมาจับมือขวาผมแน่น ก้มลงจูบหลังมือผมเบาๆ พอเขาเงยหน้าขึ้นก็กระชากผมเข้าไปใกล้และหอมแก้มผมไปเน้นๆ ทั้งสองข้าง

 

 

ว้ากกก! ตัวเขาแน่นจริงๆ เป้าเบียดเสียหน้าท้องผมจนรับรู้ได้ถึงความอวบอูมนั้น เลือดลมแล่นสะบัดไปทั้งตัวแล้ววว



 :hao7:


ตอนพิเศษมาแว้ววว แต่ขอมาครึ่งเดียวก่อน แรงสมองปั่นได้เท่านี้จริงๆ ค่ะ 55555 เพราะเขียนแม่เรียวจันทร์ด้วย ใช้พลังสมองไปเยอะมาก เลยพาน้องแมทมาครึ่งนึงก่อน แต่แค่ครึ่งนึงก็นั่งเขียนค่อนวันเลยค่ะ ช่วงเช้าแม่เรียว ช่วงบ่ายน้องแมท โอ้ววว ไม่เหมาะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมกันจริงๆ พิสูจน์แล้วโดยไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญใดๆ

เนื้อเรื่องของตอนพิเศษตอนนี้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักของพาร์ทสามนะคะ มีที่เกี่ยวข้องบ้าง แต่จะไม่ทั้งหมดทั้งมวล มีแค่บางจุดสองจุดอะไรแบบนี้มากกว่า แต่โดยรวมแล้วคือจะไม่ไปข้องแวะกับเรื่องหลักเลย เอ๊ะ พูดเองงงเอง 55555 เอาเป็นว่า มีที่จะเจอในเรื่องหลักด้วยค่า แต่มิใช่ทั้งโหมดดด

น้องแมทใจแตกแล้วลูกเอ๊ยยย เคยเจอแต่ของสามี มาเจอแบบนี้น้องแมทเลือดลมพุ่งพล่านนน โอ้ววว ถ้าผัวหนูรู้ เลือดหนูจะพุ่งออกจากหัวแทนนะลูก ท้าทายอำนาจมืดมาก

เอม่อนไม่ใช่แฟนออสตินนะคะ 55555 อย่าโยงงง อย่าจับคู่ให้พ่อบอดี้การ์ดของเรา เขายังโสดอยู่ดีมีสุข ถ้ามีจังหวะ เอม่อนอาจจะได้เข้าไปอยู่ในเรื่องหลักด้วย แต่จากเส้นเรื่องที่มีตอนนี้ น้องหนูเอม่อนมาแทรกไม่ได้เลย 55555

ผลของการที่ไอ้ยักษ์ชอบขังเมียไว้ พอเมียได้ออกมาเจอเรื่องบันเทิงใจ มันก็บันเทิงจนแทบเตลิดเปิดเปิงจริงๆ จะกู่กลับมั้ยเอเลี่ยนน้อยยย พี่แพททริกก็เป้าอูมไม่แพ้ผัวหนูเลยนะลูกกก

 
ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังคงคิดถึงสองผัวเมียคู่นี้เสมอๆ วันนี้พาเขาทั้งสองคนมาเจอแก้คิดถึงก่อนค่ะ เพราะเนื้อหาพาร์ท Yours and Mine อีกนานกว่าจะมา ขอทุ่มให้แม่เรียวจันทร์ก่อนนะค้าาา

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 01-11-2016 00:20:46
ถ้าวิคเตอร์รู้ แกตายแน่ เจ้าแมท 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-11-2016 00:36:40
น้องแมทหนีเที่ยวอีกแล้ว ไอ้ตัวป่วน ต้องจับขึงให้เข็ด

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-11-2016 00:53:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2016 01:30:08
หาเรื่องได้ตลอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 01-11-2016 01:38:27
วิคเตอร์กลับมา เตียงต้องหนัก ฟ้าต้องเหลือง แมทเอ้ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-11-2016 06:46:03
นุ้งแมทหนีเที่ยวววว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-11-2016 07:03:25
เอิ้กกกกก

น้ำลายจะหยด

แมท แลกที่กัลลลลล
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-11-2016 08:23:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-11-2016 10:21:44
เตรียมตัวได้เลยแมท ไม่ตายดีแน่นอน งานนี้รับรองมีเลือดอาบ 5555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wannawanpa ที่ 01-11-2016 10:38:35
 :hao7:
ว้ายยยยย สมน้ำหน้านังแมท
ทำตัวเองงงงงงงง
ฮืออออ อยากเข้าไปดูด้วยง่ะ
ธีมนักดับเพลิงค่ะคู๊ณณณณ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 01-11-2016 16:11:08
แมทดื้อจิงอ่ะ  เด๋วเจอยักษ์หวงโหดอย่าบ่นนะ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-11-2016 16:35:07
แมทเอ้ยไปซะแล้ว ถ้าวิคเตอร์รู้ล่ะก็โดนขังแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-11-2016 18:05:00
ถ้าวิคเตอร์รู้ตายแน่ๆ แมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 02-11-2016 13:04:00
แมทหนีเที่ยวแบบนี้จะเป็นเรื่องไรไหมเนี่ย รออ่านตอนหน้า ด่วนๆ :call:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-11-2016 23:33:46
 :impress3:เอเลี่ยน เธอใจแตกแหละ อย่างว่าอยู่กับสามีตลอดไม่มีโอกาสได้ยลหนุ่มหล่อบึ๊กสักเท่าไหร่ แต่อย่างแมทถึงจะหวั่นไหวขนาดนั้นแต่ก้อไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่นอกใจวิคหรอก ออกจะเป็นหนุ่มรักเดียวใจเดียวขนาดนี้ แต่วิคจะเข้าใจไหมเนี่ย แอบจิ้นเรื่องของออสตินไปแล้วน่ะ  :mew4: นึกว่าเอม่อนจะมีบทบาทในพาร์ทสามด้วยซะอีก 555  :katai3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 04-11-2016 01:50:36
ตายแล้วแมทททท ไม่อยากจะคิดถึงตอนวิคเตอร์รู้
เลือดหัวพุ่งกระฉูดดดดด 5555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี}:01.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 04-11-2016 10:47:10
ตายแน่แมทตายแน่ 55555555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-11-2016 14:37:54



ตอนพิเศษครบรอบ 2 ปี [75%]




หน้าไอ้ยักษ์ลอยไปลอยมา และผมก็นึกภาพว่าระหว่างสภาพผมกับศพที่ตายครบเจ็ดวัน อันไหนจะเละกว่ากันหากไอ้ยักษ์รู้ว่าผมออกมาแรดอย่างที่เขาด่า

           

 

“โว้วว! มะ… ไม่เป็นไร ผมอยู่ข้างล่างก็ได้” ผมพยายามใช้สติอันพร่าเบลอฝืนตัวเองไว้ไม่ให้หนุ่มนักเต้นลากผมขึ้นไปบนเวทีได้ มีเสียงกรี๊ดและเสียงอังกอร์สนับสนุนให้ผมขึ้นไปบนเวทีเต็มที่

           

 

“มาเถอะน่าหนุ่มน้อย ผมอยากสนุกกับคุณนะ” รอยยิ้มนั้นช่างดูมีเล่ห์กลให้ดลใจ แล้วก็พูดปกติก็ได้พ่อแพททริก ไม่ต้องเบียดเป้าเข้าหาเรามาก แค่หุ่นของนายก็ทำเอาเรากลืนน้ำลายแล้ว

           

 

ไม๊! หุ่นไอ้ยักษ์แซ่บกว่า แม้จะไม่หนาน่าดูดดมเท่าพ่อคนนี้ก็เถอะ

           

 

หูย แต่หัวนมใหญ่น่าดูดกว่าของไอ้ยักษ์อีกอะ

           

 

“It’s fine. I can stand here—whoah! (ไม่เป็นไรครับ ผมยืนตรงนี้ก็ได้ เฮ้ย!)” เขาคงเห็นว่าผมพูดมากเกินไป เลยก้มตัวลงอุ้มตัวผมไว้ในอ้อมแขน ด้วยความกลัวตกผมเลยรีบยกแขนขวาคล้องคอเขาไว้ พอได้เสียดสีเนื้อของเขา ร่างกายผมก็วูบวาบ รู้สึกร้อนรุมๆ แถวหูกับลำคอ ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตระหนกท่ามกลางเสียงโห่แซว ผมพยายามหันไปมองเอม่อน เขาเอามือป้องปากและส่งเสียงร้องวู้วๆ แข่งกับคนอื่น ท่าทางสนับสนุนผมเต็มที่ ผมหันกลับมามองหน้าพ่อหนุ่มนักเต้นที่ยิ้มกว้าง

           

 

“เอ่อ…” ผมอ้าปากหวอ กะพริบตาปริ๊บๆ

           

 

“You look like a puppy and I love puppy! (คุณเหมือนลูกหมาเลย และผมก็รักลูกหมาซะด้วย!)” เขาก้มลงพูดให้ผมได้ยินจนปากเขาแทบจะแตะปากหวอๆ ตัวเอง ผมยิ้มแห้งแล้วก็หน้าเหวอเมื่อเขาก้าวเท้าฉับๆ กลับไปทางเวที หูผมอื้ออึงไปด้วยเสียงเพลงและเสียงกรี๊ด

           

 

แพทริกปล่อยผมลงบนเก้าอี้สีเงินตัวหนึ่ง ชวนให้นึกถึงเก้าอี้สีเงินโยกของไอ้ยักษ์ในห้องมหาสนุก ผมพยายามคุมสติและบอกตัวเองว่า แค่ขึ้นมาสนุกเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้ พอคิดได้แบบนี้ผมก็เริ่มผ่อนคลายจากอาการเกร็งมากขึ้น หันไปมองแพทริกที่เดินกลับมาพร้อมกับแก้วไวน์ที่ใส่ไวน์แดงไว้ครึ่งแก้ว ผมกลืนน้ำลายลงคอ ไม่ใช่เพราะอยากไวน์นะ แต่เพราะเป้าเขาต่างหาก เป็นผู้ชายที่ตัวสูงกว่าผมสักสิบเซ็นต์เองมั้ง แต่ตัวล่ำหนา และท่าทางแซ่บปรี๊ดจริงๆ

           

 

“Sip it before we are going to have fun together, puppy-boy.(ดื่มย้อมใจก่อนสิเจ้าหมาน้อย)” ผมทำท่าจะปฏิเสธ แต่เขาส่งสายตาอ้อน ไม่ใช่แค่แพทริกนะ ทีมนักเต้นเปลือยอีกเก้าคนยืนรุมผมไว้ และพยายามคะยั้นคะยอให้ผมดื่ม และยังมีเสียงเชียร์จากด้านล่างอีก

           

 

โอ๊ย รู้สึกเหมือนเป็นเจ๊ที่ชอบเปย์หนุ่มๆ เลย

           

 

แพทริกเอาแก้วไวน์มาจ่อที่ปาก ผมแหงนหน้าขึ้นนิดเพื่อรับไวน์เข้าปาก ตอนแรกกะจิบตามที่เขาบอกจริงๆ แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยให้ผมหนี จัดการเทไวน์ในแก้วใส่ปากให้ผมจนเกลี้ยง พอเขาดึงแก้วออกจากปาก ทุกคนก็ส่งเสียงเฮ แล้วดนตรีก็เพิ่มความสนุกและเร้าใจมากขึ้น และแพทริกก็เร้าใจเช่นกัน

           

 

เหลือนักเต้นเปลือยกายอยู่บนเวทีกับผมสามคน ซึ่งรวมแพทริกด้วย ที่เหลือไปเอ็นเตอร์เทนลูกค้ากันต่อ ผมนั่งมึนๆ บนเก้าอี้สักแปบ แพทริกก็จับใต้รักแร้ผมทั้งสองข้าง ยกผมขึ้นจนตัวลอยหวือ

           

 

“โอ๊ะ โว้ว” ผมอุทานหน้าตาตื่น สองมือจับไหล่หนาของเขาไว้แน่น

           

 

“เกี่ยวขาไว้ที่เอวผมสิ” ผมทำตาโตงงๆ แต่ยังไม่ทันได้อธิบายเพิ่ม เขาก็จับผมนอนหงายกลางอากาศ ผมรีบตวัดขาเข้ากับเอวหนาของเขา

           

 

“ว้ากกก!” เสียงกรี๊ดพร้อมเสียงผิวปากดังไปทั่ว ตอนนี้ผมอยู่ในท่านอนหงายกลางอากาศ สองขาเกี่ยวเอวพ่อหนุ่มเนื้อแน่น มีสองมือของเขาจับเอวผมไว้แน่นเพื่อกันผมตก และก่อนที่ผมจะหายเบลอกับการเหวี่ยงเมื่อกี้ เขาก็จับผมหมุนไปรอบ

           

 

“โอ้วววว” ผมร้องเสียงหลงหน้าเหวอ รู้สึกเสียวหลังหัว ตรงต้นคอวูบๆ เพราะกลัวหัวตัวเองหล่นกระแทก สองมือผมจับข้อมือแพทริกเอาไว้เพื่อเซฟตัวเอง สองขาเกี่ยวเอวหนาแน่นไม่ยอมปล่อย

           

 

โชคดีว่าเกาะเอวสามีตัวเองด้วยสองขาบ่อยๆ เลยพอจะชินกับท่านี้บ้าง

           

 

“สุดยอดมากเจ้าหมาน้อย!” แพทริกเอ่ยชมหลังจากผมเกาะเอวเขาไว้ไม่หล่นหายไปไหน ผมหอบแฮกเบาๆ แล้วสักพักก็เสียวท้องวาบ เมื่อเขาทิ้งก้นลงบนเก้าอี้อย่างแรงและใช้เท้าหมุนเก้าอี้ให้ผมหันไปด้านหน้าเวที ส่วนเขาหันหลังให้คนดูที่กำลังส่งเสียงโห่ร้องชอบใจ

           

 

“ยืนขึ้นนิดนึงสิ” เขาตะโกนบอก ผมทำตามงงๆ กำลังจะยืนเต็มตัวและก้าวถอยหลังออกไป แต่แพทริกจับเอวผมไว้แน่น และพอจังหวะเพลงเปลี่ยนเป็นตนตรีหนัก ดังตึ้บๆ ผมก็ต้องอ้าปากค้าง เอาสองมือยกขึ้นปกป้องและร้องเสียงเพี้ยน เมื่อพ่อหนุ่มหุ่นแน่นกระแทกเป้าเข้าหาผม

           

 

ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!

           

 

“ว้าวววว! วิ้ววว! วู้ฮู้ววว!” ข้างล่างก็เชียร์กันมันส์เลยจ้ะ ส่วนอีข้างบนน่ะเหรอ

           

 

 

“อื้อ! โอ้ว! อู้ว! เอ้อ! มายก็อดดด!!” เก้าอี้เริ่มไถลไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายแพทริกก็หล่นลงจากเก้าอี้ แต่พ่อหนุ่มก็สตรองเหลือเกิน เขาหล่นลงไปบนเวที แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยผมไปไหน จับเอวผมแน่นให้นั่งลงตรงเป้าเขา เด้งสะโพกกระแทกใส่ไม่หยุดดังปักๆๆ จนตัวผมสั่นตามแรงกระแทก

           

 

“อ้า! อ้า! อ้า! อ้า!” อันนี้ผมไม่ได้ร้องนะ คนดูข้างล่างมีน้ำใจทำเอ็ฟเฟ็กต์ให้ ส่วนผมนี่หลับตาปี๋สองมือปิดปากแน่น หัวโยกคลอนไปตามแรงกระแทก สักพักแพทริกก็หยุดใช้เป้ากระแทกก้นผม กำลังจะโล่งใจก็โดนเขาพลิกตัวให้นอนหงาย จับขาผมเกี่ยวเอวเขา ผมตาโตทันที อีกนิดคือจะเยกันบนนี้แล้วนะ

           

 

“ไม่! พอแล้ว! ไม่เอาแล้ว พอๆ!” ผมใช้สองมือดันอกแน่นหนาของเขา สั่นหัวว่าไม่เอา เพราะท่าทางมันเริ่มจะส่อเข้าไปมากทุกที แต่ด้วยความที่แพทริกคงเป็นนักเต้น นักสนุก เขาเลยทำเพียงยิ้มกว้าง และเลื้อยไปเลื้อยมาบนตัวผม ใช้เป้าถูกับตัวผมไปเรื่อยๆ คราวนี้ผมสัมผัสความตุงแน่นของเขาได้เต็มที่ และพอรับรู้ว่าของเขาแข็งผมเลยรีบผลักเขาออกไปข้างๆ พลิกตัวหนีและคลานลงจากเวทีอย่างรวดเร็วด้วยอาการใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

           

 

“Hey! I like you, puppy-boy! (นี่! ฉันชอบนายนะ เจ้าหมาน้อย!)” ผมหันกลับไปมองแพทริกที่ยืนยิ้มกว้าง และมีน้ำใจเด้งเป้าตุงๆ สีแดงของตัวเองให้ผมด้วย ผมยิ้มหน้าตื่น รีบเดินกลับไปหาเอม่อนที่ยืนหัวเราะชอบอกชอบใจ

           

 

“เป็นไง สุดเหวี่ยงมั้ย?!” โดนเหวี่ยงจนสุดน่ะสิ เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนมึน ผมกลืนน้ำลายลงคอ มึนๆ กับไวน์นิดหน่อย แต่ไม่ได้มากมาย นึกอยากกลับบ้านแล้ว ผมยกแขนขึ้นดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือกับแสงไฟแว้บๆ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าๆ แล้ว

           

 

“ฉันถ่ายวีดีโอไว้ด้วย เดี๋ยวส่งให้นะ!” เอม่อนยังคงยิ้มเริงร่าอารมณ์ดี ผมยิ้มแบบขอไปที รู้สึกเป็นกังวลว่าวิคเตอร์จะรู้สึกยังไงหากเห็นผมใจแตกแบบนี้ ผมหยิบมือถือขึ้นมากดดูว่ามีสายจากเขา หรือข้อความใดๆ จากเขาหรือเปล่า แต่ทุกอย่างนิ่งเงียบจนผมนึกแปลกใจและขมวดคิ้วงง

           

 

“เดี๋ยวฉันมานะ ออกไปโทรศัพท์ก่อน” ผมตะโกนบอกเอเม่อน เขาพยักหน้าและหันกลับไปดูโชว์ต่อ ผมหันไปมองทางเวทีแว้บหนึ่ง แพทริกหายไปจากตรงนั้นแล้ว แต่เพื่อนๆ นักเต้นของเขายังอยู่

           

 

ผมเดินออกมาด้านหน้าคลับ ระหว่างนั้นวีดีโอที่แพทริกส่งมาก็อัพโหลดเสร็จในโปรแกรมวอทสแอพพอดี ผมกดเข้าไปดูเพื่อให้มันหายขึ้นแจ้งเตือน กดเข้าไปดูโปรแกรมแชทวอทสแอพของวิคเตอร์ ขึ้นออนไลน์ครั้งล่าสุดคือตอนเกือบหนึ่งทุ่ม ผมย่นคิ้ว กดโทรหาวิคเตอร์ผ่านโปรแกรมวอทสแอพ

           

 

สัญญาณตัดไปหนึ่งครั้งเขาก็ยังไม่รับ ผมเลยลองกดโทรอีกรอบแต่เขาก็ยังไม่รับ เลยกดโทรหาเบอร์เขาที่ต่างประเทศที่เขาจะใช้ชั่วคราวเวลาไปถ่ายหนังในแต่ละที่แทน รอสัญญาณอยู่หนึ่งครั้งก็ยังไม่รับ จนผมเริ่มใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือโกรธอะไรผมหรือเปล่า เพราะเอาจริงๆ นี่เขาก็หายไปนานนะ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไทม์โซนของเราตอนนี้ต่างกัน ผมเลยเข้าไปดูเวลาประเทศที่เขาอยู่ ตอนนี้ที่นั่นน่าจะหกโมงหรือเจ็ดโมงเช้าแล้ว หรือเขาจะยังไม่ตื่น

           

 

ผมกดโทรหาเขาอีกรอบ คราวนี้รอสัญญาณได้ประมาณเสียงตู๊ดที่หก ก็มีคนรับสาย แต่ไม่ใช่วิคเตอร์

           

 

“สวัสดีค่ะ” ผมยืนนิ่งค้างสักแปบ นึกสงสัยว่าตัวเองโทรผิดหรือเปล่า แต่พอเช็กเบอร์ที่หน้าจอและทวนตัวเลขที่เขาเคยให้ มันก็ถูกต้องแล้ว

           

 

“คุณแมท ได้ยินมั้ยคะ” ผมกะพริบตาปริบๆ เธอเรียกชื่อผมแสดงว่าน่าจะเป็นทีมงานหรือคนใกล้ชิด ผมพยายามเค้นความจำว่าเสียงนี้คือเสียงใคร

           

 

“เอ่อ ได้ยินครับ ไม่ทราบว่านี้ใครกำลังพูดสายอยู่” ผมถามโดยที่ไม่ได้คิดมากไปในทางอื่น

           

 

“สเตฟานี่เองค่ะ” ผมอ้าปากหวอเล็กน้อย ใจกระตุกไปนิดหนึ่งเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังพูดสายกับผมคือทีมพีอาร์คนนั้นที่เธอชอบวิคเตอร์

           

 

ไหนไอ้ยักษ์บอกว่าเธอไม่ได้ไปด้วยไง

           

 

“แล้ววิคเตอร์อยู่ไหน” ผมถามเสียงเรียบ พยายามไม่โกรธ ไม่ขุ่นเคืองใดๆ

           

 

“เขายังไม่ตื่นเลยค่ะ เมื่อคืนมีปาร์ตี้เปิดกอง เขาดื่มหนักไปหน่อย พวกเราเลยพาเขากลับห้อง แต่พอกลับมาห้องเขาก็ชวนพวกเราดื่มต่อ คราวนี้เมาหนักเลย” เธอหัวเราะน้อยๆ แต่ผมไม่หัวเราะด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้คำว่าเรานั่นมีกี่คน เพราะที่ผมสนตอนนี้คือไอ้ยักษ์มันโกหกว่าเธอคนนี้ไม่ได้ไปด้วย

           

 

“อ๋อ ครับ ถ้างั้นบอกเขานะครับว่าผมโทรมา และให้เช็กข้อความในวอทสแอพด้วย” ผมกัดฟันกรอดๆ

           

 

“ได้ค่ะ ถ้าเขาตื่นแล้ว ฉันจะบอกเขานะคะ” ผมกล่าวขอบคุณ กดวางสายด้วยความหงุดหงิด แทบจะกระแทกหน้าจอโทรศัพท์บุบ ใจร้อนรุมๆ ด้วยความร้อนใจ

           

 

หน็อย! ไอ้ยักษ์ ปิดบังกันแบบนี้ หมายความว่ายังไง?!

           

 

“ได้!!” ผมสบถคนเดียว บอกตัวเองให้นิ่งและกดเข้าไปในวอทสแอพของเอม่อน กดดาวน์โหลดวีดีโอที่เขาส่งมาให้ก่อนหน้านี้ พอโหลดเสร็จผมก็กดไปในหน้าห้องแชทของวิคเตอร์ กดส่งวีดีโอนั้นไปให้เขา พร้อมกับข้อความว่า

           

 

‘It’s really fun to be here! I love it!’

           

 

พอส่งไปแล้วผมก็ยิ้มเหี้ยมคนเดียว หึๆ ไอ้ยักษ์ อกแตกตายไปเลย! กินเหล้าด้วยกันจนดึกดื่นงั้นเหรอ แหม๊!! ได้ใช้เวลาด้วยกันสินะ กะว่าห้าวันที่ไป คงจะสำเริงสำราญเลยละสิ

           

 

“เฮ้!” ในขณะที่ผมกำลังยืนทำปากขมุบขมิบราวกับท่องมนตร์ก็มีเสียงใครสักคนดังขึ้นด้านหลัง ผมหมุนตัวไปมองก็เจอกับแพทริก พ่อยอดล่ำสันที่ตอนนี้อยู่ในเสื้อกันหนาวมีฮู้ทสีเทาและกางเกงยีนสีดำ

           

 

“ฮะ… ฮาย” ผมตอบและยิ้มแกนๆ ก่อนจะรีบก้มหน้าพิมพ์วอทสแอพไปหาออสติน บอกให้เขามารับ

           

 

“นายเป็นคนเอเชียใช่มั้ย หน้าตาดูจะใช่นะ” ผมยัดโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกงและปั้นยิ้มให้ดีกว่าเก่า

           

 

“ใช่ครับ ผมมาจากประเทศไทย” เขาย่นคิ้ว ทำหน้าตาไม่เข้าใจ

           

 

“ใต้หวันเหรอ?” มาอีกหนึ่งคนที่คิดว่าประเทศไทยคือใต้หวัน มักจะเป็นแบบนี้บ่อยๆ สำหรับคนต่างชาติที่ไม่เคยได้ยินเรื่องของประเทศไทยมาก่อน

           

 

“ไม่ใช่ครับ แต่ก็ใกล้ๆ กัน” ผมเพิ่งสังเกตว่าเขามีรอยสักตรงต้นคอด้านขวาด้วย แพทริกตัดผมสั้นคล้ายทรงทหาร ตัวเขาสูงเลยผมไปไม่มากจริงๆ ด้วย เตี้ยกว่าวิคเตอร์กับออสตินอีก แต่อย่างที่บอกคือ หุ่นเขาแซ่บเน้นๆ แน่นๆ กว่าสองคนนั้นเยอะ (ผมยังไม่เคยเห็นออสตินถอดเสื้อนะ)

           

 

“อืม ไว้ฉันจะกูเกิ้ลหาประเทศนั้นแล้วกัน…” เขายิ้มแพรวพราว ไม่แน่ใจว่าติดจากการเป็นนักเต้นเอ็นเตอร์เทนแบบนี้หรือเปล่า

           

 

“…ที่ฉันบอกบนเวที ฉันพูดจริงนะ” ผมทำหน้างงแปบหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เขาตะโกนบอกชอบผมพร้อมกับเด้งเป้าให้ ผมยิ้มแหะ แล้วค่อยๆ ชูมือซ้ายที่มีแหวนแต่งงานอยู่บนนิ้วนาง แพทริกเลื่อนสายตามามองแล้วก็เบิกตากว้างขึ้นนิดหนึ่ง

           

 

“แต่งงานแล้วเหรอ??!!” เขาถามเสียงตกใจนิดหน่อย

           

 

“ยังหรอกครับ หมั้นกันไว้เฉยๆ” รีบแสดงตัวก่อนดีกว่าว่ามีเจ้าของแล้ว บนเวทีเขาทำแบบนั้นเพราะมันคืองาน คือช่วงเวลาโชว์ของเขา แต่นอกงานผมก็ไม่ได้คิดอยากให้เขามาทำแบบนั้นกับผมนะ

           

 

แพทริกมองผมด้วยความเสียดายที่ฉายชัดในดวงตาและสีหน้ามาก วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองมีมงกุฎมิกิโมโต้ มงกุฎมิสยูนิเวิร์สที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในบรรดาเวทีนางงามทุกเวที

           

 

“แต่ฉันยังคุยกับนายได้…” เขาหรี่ตามองผมพร้อมยิ้มน้อยๆ “…ใช่มั้ย?”

           

 

ผมยิ้มตอบและพยักหน้าหงึกๆ แพทริกยิ้มมีเสน่ห์มาก ไม่แปลกใจถ้าเขาจะฮ็อตที่สุดในบรรดาทีมเต้นอย่างที่เอม่อนว่า ไม่รู้ว่าเขามีรสนิยมทางเพศที่ชอบแบบผมอย่างเดียว หรือสามารถเอ็นจอยกับเพศหญิงได้ด้วย เพราะนักเต้นพวกนี้ส่วนมากก็เป็นชายแท้ๆ กันนี่แหละจากที่ผมเคยดูในหนังเรื่องนึงที่เกี่ยวกับนักเต้นชายเปลืองผ้า

           

 

“นายดูตื่นๆ เวที เพิ่งเคยมาดูโชว์แบบนี้หรือเปล่า”

           

 

“ใช่ครับ เคยดูในหนัง แต่ของจริงตื่นตาตื่นใจกว่าเยอะเลย” ผมหัวเราะแหะๆ

           

 

แพทริกยิ้มกว้าง เดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิดด้วยท่าทีเป็นมิตร เขาแค่ขยับเข้ามาใกล้ผมเท่านั้น ไม่ได้ทำเกินเลยไปมากกว่านี้ เหมือนเขาเขยิบมามองหน้าผมให้ชัดขึ้นอะไรแบบนั้น

           

 

“นายน่ารักดี” ผมอมยิ้มเขินๆ รู้สึกหัวใจพองโตนิดหน่อยที่มีคนชม ไม่บ่อยหรอกนะที่จะมีคนชมผม นึกถึงคำพูดไอ้แชมป์เลย

           

 

ผัวมันคงปล่อยน้ำแตกใส่หน้าบ่อย มันเลยเปล่งปลั่งจนตัวผู้มองมันมากขึ้นแหละกูว่า!

         

 

ไอ้เวร

           

 

“ขอบคุณครับ” ด้วยความเคยชินตามนิสัยคนไทย ผมยกมือไหว้ขอบคุณเขา แพทริกทำหน้างงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้ม

           

 

“ทำอะไรเหรอ”

           

 

“เป็นธรรมเนียมของบ้านผมน่ะ” เขาพยักหน้า แต่คิดว่าคงไม่เข้าใจหรอก

           

 

“ถ่ายรูปกันมั้ย ปกติฉันไม่ได้ให้ถ่ายรูปง่ายๆ นะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น มองเขาแล้วยิ้มขำ แหม่ะ อยากถ่ายรูปกับเราก็บอกกันดีๆ ก็ได้

           

 

“ถ่ายก็ได้” ผมรับมุกเขา หยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อก แพทริกหยิบไปจากมือผม กดเข้ากล้องเองเสร็จสรรพ เดินเข้ามาแนบชิดกับผมกดถ่าย รูปแรกเขาเอาแขนขวาโอบไหล่ผม รูปสองเขาเอียงหัวซบกับหัวผม รูปสามไปยืนซ้อนหลังและเอาแก้มแนบผมไว้

           

 

ผมรู้สึกว่ามากเกินไปเลยดึงหน้าตัวเองออกห่าง เริ่มรู้สึกอึดอัดที่เขาแนบชิดมากไปนิด พอกดรูปสุดท้ายเสร็จ ผมก็ถอยห่างออกจากเขาทันที แพทริกมองหน้าผมแล้วยิ้มบาง

           

 

“ไม่หวั่นไว้สักนิดเลยสินะ” ผมกะพริบตาปริบๆ เสมองไปทางอื่นแว้บหนึ่งแล้วก็กลับไปมองเขา ผมยื่นมือไปขอโทรศัพท์คืน กะว่าถึงบ้านแล้วจะลบรูปเขาทิ้ง เพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ทำอะไร

           

 

“ส่งรูปให้ฉันหน่อยสิ” ผมทำหน้างง

           

 

“ส่งยังไงครับ” เขายิ้ม ก้มลงกดมือถือผมสักแปบแล้วมือถืออีกเครื่องก็ดังขึ้น เขาหยิบของตัวเองขึ้นมากดจิ้มจึ้กๆ สักพัก

           

 

“ฉันมีวอทสแอพนายแล้ว นายไม่ต้องเมมฉันไว้ก็ได้ แค่ส่งรูปให้ก็พอ” เขายื่นมือถือคืนให้ ผมรับมาแบบเอ๋อๆ นิดหน่อยกับความรวดเร็วในการจัดการต่างๆ ของเขา ทำให้ผมนึกไปว่า เรื่องอย่างว่าเขาน่าจะเป็นพวกไวไฟ ได้เร็วและเลิกเร็วด้วยหรือเปล่า

           

 

มีข้อความวอทสแอพเด้ง แต่ไม่ใช่ของวิคเตอร์หรอก ของแพทริกนั่นแหละ เขาพิมพ์มาว่า ‘เจ้าหมาน้อย’ ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลามีหนวดเคราจางๆ กำลังคลี่ยิ้ม

           

 

“เดี๋ยวผมส่งให้เลยแล้วกันครับ” ผมกดส่งรูปให้เขาในวอทสแอพ ระหว่างนั้นหูก็ได้ยินเสียงรถกระทิงดุอันคุ้นเคย ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นรถของวิคเตอร์เข้ามาจอดเทียบท่าตรงริมฟุตบาทหน้าร้าน แพทริกหันไปมองรถคันหรูและหันกลับมามองผม ก่อนที่จะชี้ไปที่รถและสลับกับชี้มาที่ผมเป็นเชิงว่าเขามารับผมหรือเปล่า ผมเลยพยักหน้าแทนคำตอบ

           

 

“ผมส่งรูปให้หมดแล้วนะครับ” ผมตอบและก้มลงไปพิมพ์บอกเอม่อนในวอทสแอพว่ากำลังจะกลับแล้ว และถามว่าเขาจะเอายังไงต่อ

           

 

“นายชื่ออะไรเหรอลูกหมา”

           

 

“แมทครับ”

           

 

“หืม แมทเหรอ คล้องจองกับแพทริกดีนะ” หูย รุกแรงรุกดียิ่งกว่าเอิร์ท ในชีวิตผมมีคนมาแอ๊ว มาจีบโต้งๆ แบบนี้แค่สองคนเท่านั้นแหละ นับว่าเป็นบุญดีๆ บุญหนึ่งในชีวิต

           

 

เหงาหงอยมายี่สิบสี่ปี พอมีสามี ผู้ชายก็แวะเวียนมาหาตั้งสองคนแน่ะ เอาละ อีแมทพูดได้ละว่าชีวิตนี้ตัวเองก็ไม่ได้ขี้เหร่จนเกินไป

           

 

‘นายกลับก่อนเลย ฉันจะอยู่ดูโชว์เด็ดรอบดึก’

         

 

เอม่อนพิมพ์ตอบกลับ ผมพิมพ์กลับไปแค่ว่าโอเค เป็นอันรู้เรื่อง ผมหันไปเอ่ยลาแพทริก เดินอ้อมไปขึ้นรถที่ออสตินยังคงจอดนิ่งไว้โดยไม่ได้ออกมาโวยวายอะไร

           

 

“ใครเหรอครับ” ออสตินถามตอนที่รถออกตัวจากหน้าคลับ ผมเลื่อนสายตามองกระจกหลังเห็นแพทริกยืนล้วงกระเป่าเสื้อกันหนาวมองตามรถนิ่ง

           

 

“นักเต้นในคลับน่ะ” ออสตินเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง

           

 

“นี่คุณแมทมาดู ระบำเปลืองผ้างั้นเหรอ ถ้าเจ้านายรู้…” ผมเบ้ปากและชิงตอบทันที

           

 

“…เดี๋ยวเขาได้รู้แน่ เพราะผมส่งคลิปเด็ดไปให้เขาดูแล้ว!” ออสตินกะพริบตางงๆ ผมย่นจมูกใส่เขาและหันหน้าหนีไปอีกทาง

           

 

หึ! ทำให้ผมจิตตก พะว้าพะวงว่าจะหึงหรือไม่หึงดีนัก งั้นก็รู้สึกไปด้วยกันนี่แหละ

 





 :katai5:

ยังไม่จบบบ ตอมยังติดงานอยู่เลยค่ะ แว้บมาเขียนให้ มีเวลาว่างจากงานก็ดึกมากกก สมองทำงานมาทั้งวันก็จะเบลอๆ เหนื่อยๆ อยากจะเพิ่มความจุในสมองให้ตัวเองมากจริงๆ T__T

จริงๆ พี่ยักษ์อาจจะไม่รู้ แต่น้องแมทจัดการเองด้วยความหึงงึดๆ

อย่างที่บอกค่ะว่ามันคือตอนพิเศษ ถ้าเป็นตอนตามปกติ ออสตินไม่ปล่อยให้แมทอยู่นานขนาดนี้แน่นอน มาตามกลับตั้งแต่ยังไม่ทันซื้อตั๋วแล้วมั้ง -.,-

พี่แพทริกชอบน้องจริงเหรอออ *O* อ่อยน้องนะเนี่ยยย คริๆ

หากมีคนถามว่า แพทริกจะไปโผล่ในพาร์ทสามมั้ย อันนี้ต้องติดตามอย่าได้พลาดค่ะ หุๆ จะมีหรือไม่น้านนน มาลุ้นกันอีกที



เนื้อเรื่องของตอนพิเศษตอนนี้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักของพาร์ทสามนะคะ มีที่เกี่ยวข้องบ้าง แต่จะไม่ทั้งหมดทั้งมวล มีแค่บางจุดสองจุดอะไรแบบนี้มากกว่า แต่โดยรวมแล้วคือจะไม่ไปข้องแวะกับเรื่องหลักเลย เอ๊ะ พูดเองงงเอง 55555 เอาเป็นว่า มีที่จะเจอในเรื่องหลักด้วยค่า แต่มิใช่ทั้งโหมดดด

เอม่อนไม่ใช่แฟนออสตินนะคะ 55555 อย่าโยงงง อย่าจับคู่ให้พ่อบอดี้การ์ดของเรา เขายังโสดอยู่ดีมีสุข ถ้ามีจังหวะ เอม่อนอาจจะได้เข้าไปอยู่ในเรื่องหลักด้วย แต่จากเส้นเรื่องที่มีตอนนี้ น้องหนูเอม่อนมาแทรกไม่ได้เลย 55555





ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังคงคิดถึงสองผัวเมียคู่นี้เสมอๆ วันนี้พาเขาทั้งสองคนมาเจอแก้คิดถึงก่อนค่ะ เพราะเนื้อหาพาร์ท Yours and Mine อีกนานกว่าจะมา ขอทุ่มให้แม่เรียวจันทร์ก่อนนะค้าาา

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-11-2016 15:19:18
แมทน้อยหาเรื่องแล้วอ่า งานนี้ได้มีบ้านแตก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 06-11-2016 15:23:18
แซ่บบบบ ไม่เปลี่ยน 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-11-2016 16:54:24
แซ่บบบบลืมมมมม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 06-11-2016 17:03:37
หาเรื่องน่ะหมาน้อย ยับเยินแน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-11-2016 18:42:21
ถ้ายักษ์เห็นคลิป สงสัยรีบกลับบ้านทันทีแน่ๆ แมทผิดก็จริงนะ แต่วิคเตอร์ไม่น่าปล่อยให้ผู้หญิงมารับโทรศัพท์ส่วนตัวนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-11-2016 19:39:34
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 06-11-2016 20:35:56
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-11-2016 18:23:56
อีตาคนนี้รุกหนักมาก มาแบบตู้มๆๆ เลย ใจคอไม่ดีเลยค่ะ 555
วิคให้ใครมาอยู่ใกล้ๆ อีกละ อย่าเชียวนะอย่าาาา

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 75% :06.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-11-2016 19:54:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 09-11-2016 21:11:33



ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปีนิยาย [100%]



Victor Raymond

 

 

“เอเลี่ยน!!!”

           

 

ผมตะโกนเรียกไอ้ตัวดีทันทีหลังจากเท้าก้าวถึงในตัวบ้าน มีพวกทีมพีอาร์เดินตามเข้ามาด้านหลังพร้อมกับออสตินที่ออกไปรับผมที่สนามบิน

           

 

“แมท!!! ออกมานี่!” ผมว่าอย่างหงุดหงิด หัวใจบิดเบี้ยว คันไม้คันมืออยากฟาดไอ้ตัวดีหลายๆ ที ยิ่งคิดถึงคลิปที่ถูกส่งมา ก็ยิ่งนึกอยากจะเหวี่ยงแฟนตัวเองแรงๆ ผมต้องข่มใจมากถึงมากที่สุดที่จะไม่บินกลับมาสะสางซะตั้งแต่วันแรกที่เห็นคลิป โทรมาก็ไม่รับสาย หนีหน้าหายตาเหมือนกับจงใจแกล้งให้ผมสติไม่อยู่กับร่องกับรอย

           

 

หึ ดี! เดี๋ยวแม่งจะเอาแส้หวดม้าฟาดให้ก้นแตก

           

 

ผ่านไปไม่นาน ไอ้ตัวจ้อยก็เดินหน้านิ่งลงมาจากบันไดแล้วเดินเข้ามาในโซนครัว เขาเหลือบมองไปทางสเตฟานี่ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังด้วยสายตาเรียบเฉย ผมถอนหายใจ หน้าตาหงุดหงิด รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่สเตฟานี่กับทีมพีอาร์อีกสองคนอยู่ที่นี่เพราะผมบอกให้มา

           

 

“คุณแมทคะ พอดีเซล่าเธอเปลี่ยนแพลนกะทันหันเลยส่งฉันไปช่วยงานเขาน่ะค่ะ ตอนแรกฉันและคนอื่นๆ ไม่ได้ไปด้วย เพราะทีมงานแจ้งว่าจะมีคนคอยดูแลเขาอีกที แต่เกิดเหตุขัดข้องเรื่องคิวของทีมงาน เราเลยต้องไปด้วยค่ะ” เธอบอกอย่างใจเย็น ไม่ได้มีอาการร้อนรนหรือร้อนตัว

           

 

“ผมเข้าใจครับว่าคุณต้องทำหน้าที่ของคุณ” แมทตอบน้ำเสียงราบเรียบ ยิ้มมุมปากนิดหน่อยให้สเตฟานี่ก่อนที่จะตวัดสายตามามองผมอย่างขุ่นเคือง แต่ผมไม่งงหรอก พอจะเดาออกอยู่ว่าเคืองด้วยประเด็นไหน ผมเลยขึงตามองเขากลับ

           

 

“ขอบใจทุกคนมาก กลับไปพักผ่อนเถอะ” ผมหันไปมองพวกทีมพีอาร์ ทั้งสามคนเอ่ยลาผมและเดินออกจากประตูบ้านไป ผมให้มาแค่นี้แหละ ให้มาบอกไอ้เอเลี่ยนขี้ฟุ้ง ผมพูดคนเดียวก็หาว่าแก้ตัวอีก แต่ไม่รู้หรอกนะว่าจะได้ผลมั้ย เพราะดีไม่ดีไอ้เอเลี่ยนจะคิดว่าผมนัดแนะกับพวกนี้ไว้แล้ว ไอ้นี่ยิ่งคิดเองเก่งอยู่ด้วย

 

 

 ผมหันไปมองแมทที่เดินหนีเข้าไปในห้องโถงแล้วรีบเดินตามเขาไปทันที พอถึงตัวเขาได้ก็จับแขนลากให้เขาเดินกลับขึ้นบันไดไปห้องนอนด้วยกัน โดยที่แมทไม่ได้ขัดขืน เขาเดินตามผมมาอย่างว่าง่าย แต่หน้าตาก็ไม่เอาบุญเอาบาปอะไรทั้งนั้น พอเข้ามาในห้องผมก็พาเขาเดินไปนั่งโซฟาปลายเตียง จับเขานั่งตักและกอดตัวเขาไว้แน่น

 

 

“ไปไหนมา?!” ผมถามเสียงเข้มเกือบจะเป็นตะคอก แมทที่นั่งนิ่งอยู่บนตักผมตวัดสายตาโกรธเคืองมามอง

 

 

“ไปดูระบำเปลื้องผ้า ผู้ชายแซ่บมาก ดีมาก เป้าใหญ่ ไข่อูมทุกคน มีคน…” แมทว่าเสียงกระแทกแทบจะทุกคำราวกับจะย้ำให้ผมรู้ว่าเขาหนีไปเที่ยวมา ใจผมที่มันเตรียมปะทุก็ระเบิดพุ่งปลดปล่อยความเก็บกดนั้นออกมาด้วยการจับต้นคอเขาไว้แน่น แล้วขยี้จูบลงบนริมฝีปากเขาอย่างรุนแรง แมทพยายามลุกหนีเพราะหายใจไม่ทัน แต่ผมกดคอและรัดตัวเขาไว้แน่น ก่อนที่จะกัดริมฝีปากล่างเขาไปหนึ่งที ทิ้งรอยฟันไว้บนปาก

 

 

“อื้อ! ไอ้ยักษ์!” ตุบ!

 

 

เขาใช้กำปั้นทุบหลังผมจนผมเกือบหลังแอ่น มองผมอย่างหงุดหงิด พอๆ กับที่ผมมองเขาด้วยความหงุดหงิดเช่นกัน ผมกัดฟันแน่น อุ้มเขาขึ้นและเดินไปทุ่มเขาลงบนเตียง

 

 

“อย่าหนี อย่าลองดี!!” ผมชี้หน้าไอ้ตัวดีเมื่อเขาทำท่าจะคลานหนี แมทนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับที่ ผมเปิดลิ้นชัก หยิบเจลหล่อลื่นออกมา ดึงข้อเท้าเขาเข้ามาใกล้ กระชากกางเกงวอร์มที่เขาสวมอยู่ออก และตามด้วยกางเกงชั้นใน โดยที่เขาไม่ตอบโต้ หรือขัดขืน

 

 

ผมข่มใจไม่ให้โกรธไปมากกว่านี้ เทเจลลงบนปลายนิ้วมือซ้าย จับเขาแหวกขาอ้าออก แล้วก็ยัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่ชุ่มไปด้วยเจลเข้าไปในก้นเขา แมทย่นคิ้ว กัดริมฝีปากล่างแน่น สองมือค้ำร่างตัวเองเอาไว้ ผมดันนิ้วเข้าออกสักพักแล้วก็โน้มตัวลงหาเขา ใช้แขนขวาดันตัว แมทเผยอริมฝีปากขึ้น มองผมด้วยสายตาปรือเล็กน้อย ท่าทางพยายามกำลังกลั้นไม่ให้ร้องเสียงดัง แต่พอผมเริ่มใช้นิ้วกระตุ้นผนังอ่อนนุ่มของเขาแมทก็ร้องเสียงแผ่ว

 

 


“อ้า… อ้า… อ๊ะ…” พอเห็นว่าเขาตัวอ่อน ท่าทีอ่อนลง ผมก็ดึงนิ้วออก โน้มหน้าไปจูบเขา และพาเขาล้มลงนอนบนเตียง แมทยื่นมือขวามาลูบเป้าผมเบาๆ จนทำให้ลูกชายผมค่อยๆ ตื่นตัวขึ้นทีละนิด จังหวะที่แขนของแมทจะคล้องคอผมเต็มวงแขนของเขา ผมก็ดึงเขาขึ้น จัดการจับเขานั่งคร่อมตักทั้งที่เขายังเปลือยท่อนล่าง
 
 

“ให้มันเด้าซะแรงเลยนะ” ผมว่าหน้าดุ มือขวาเลื่อนลงไปบีบก้นเขาเต็มมือด้วยความหงุดหงิดและความมันเขี้ยว แมทที่หลุดจากอารมณ์วาบหวิว มองผมตาแป๋ว สีหน้าไม่ต่อต้านแบบตอนแรกที่เจอ
 
 

“ผมไม่ได้คล้อยตามเขาเลยนะ ซูมหน้าผมในคลิปสิ” แมทขยุ้มเส้นผมตรงท้ายทอยผมเบาๆ ผมขบกรามนิดหน่อย
           
 

“ที่ฉันไม่ได้บอกว่าสเตฟานี่ไปด้วย เพราะฉันตั้งใจจะบอกอีกวัน แต่นายดันเร็วกว่าฉัน…” ผมยิ้มหึ จ้องมองใบหน้าใสที่ท่าทางสลดลงนิด
           
 

“นายแค่เจอเธอรับสาย แต่ฉันเห็นคลิปนั้น แบบไหนแย่กว่ากัน” แมทเม้มปาก ทำหน้าหงอย ยื่นหน้ามากัดริมฝีปากล่างผมเบาๆ ผมเลื่อนนิ้วซ้ายที่ยังมีเจลหลงเหลืออยู่ไปทางง่ามก้นเขา แล้วค่อยๆ ยัดนิ้วเข้าไปในรูคับแคบ แมทส่งเสียงหอบน้อยๆ ริมฝีปากสีชมพูซีดเผยอขึ้น เปลือกตาทำท่าจะปิดไม่ปิดแหล่
           
 

“รู้มั้ยว่าฉันต้องคุมสติตัวเองมากแค่ไหนที่จะไม่บินกลับบ้านก่อนกำหนด” ผมถามเสียงเย็น ค่อยๆ ดึงนิ้วออกจากตรงนั้น แมทผ่อนลมหายใจผะแผ่ว แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากผมหนึ่งที กลางลำตัวของเขาแข็งดุนดันหน้าท้องผม


           

 

“แล้วไม่กลับมาล่ะ หรือเพราะปาร์ตี้กับเธอข้ามวันข้ามคืน” ผมตีมือขวาลงบนบั้นท้ายแมทไปหนึ่งที เจ้าตัวดีย่นคิ้ว

           

 

“ฉันทำงานหาเงินมาเลี้ยงนายไง จำไม่ได้เหรอ” แมทที่หลุดจากอารมณ์วาบหวิวอีกครั้ง ทำปากยื่นหน้าตางอนๆ

           

 

“ขอโทษครับที่ไม่คุมสติให้ดี” แมทก้มลงไซ้คอด้านซ้ายของผมเบาๆ ผมหลับตาลง ผ่อนลมหายใจยาวๆ กับสัมผัสนั้น มันช่วยให้ผมไม่ใจร้อนจนเกินไป

 

 

ผมร้อนไปแล้วหลายหนตอนอยู่กองถ่าย ผมตื่นขึ้นตอนสายๆ ของอีกวันหลังจากปาร์ตี้การถ่ายทำที่โลเคชั่นใหม่ เป็นเหมือนการสร้างกำลังใจให้ทีมงานในการทำงานมากกว่า เราเลยดื่มกันหลังจากเสร็จงานในวันแรก ผมโทรเช็กกับออสตินเหมือนเดิมว่าแมทอยู่ไหนทำอะไรอยู่ แต่พอเริ่มงานก็ทิ้งโทรศัพท์ไว้ ลากยาวไปจนถึงช่วงสังสรรค์ เลยไม่ได้ติดต่อเขาไป แต่พอตื่นมา สเตฟานี่บอกว่าแมทโทรหาและบอกให้เช็กวอทสแอพ เท่านั้นแหละ เจอของเด็ด

           

 

ผมนี่ปรี๊ด คลิปแค่สามสิบกว่าวิ แต่ทำเอาผมนั่งหน้าหงุดหงิดอยู่คนเดียวจนทีมงานไม่กล้าเข้ามาใกล้อยู่ครึ่งวัน อยากจะบินกลับแม่งตอนนั้น พอโทรกลับมาไอ้เอเลี่ยนก็กวนตีนไม่รับสาย เงียบหายไปสามสี่วัน ผมเลยโทรกำชับกับออสตินว่าห้ามเขาออกไปไหนเด็ดขาด พาไมเคิลก็ห้ามไป และสั่งออสตินว่าห้ามให้ไอ้เพื่อนคนนั้นของแมทเข้าใกล้เขา

           

 

“รู้มั้ยฉันแทบทำงานไม่ได้” แมทผละออกจากซอกคอผม มองหน้าผมด้วยใบหน้าง้ำนิดหน่อย

           

 

“ไม่รู้ เพราะขนาดคุณไปปาร์ตี้กับแม่พีอาร์ ผมยังไม่รู้เลย” ประชดประชันเก่งตามเคยนะ

           

 

“ฉันไม่ได้ปาร์ตี้กับเธอสองคนสักหน่อย มีคนอื่นอีกเยอะแยะ…” ผมจ้องตาเขาดุ แมททำปากยื่นปากยาว สองมือเลื่อนลงมาลูบบ่าผมเบาๆ

 

 

“…ปาร์ตี้ฉันไม่เด็ดเท่าของขายหรอก” แมทเริ่มทำหน้าอ้อน ยกสองมือมาพนมตรงอก แล้วก้มหน้าผากลงจรดกับสองมือนั้น

 

 

“ขอโทษ ผมไม่ดีเอง” เขากราบลงบนไหล่ซ้ายของผมอีกทีตามวัฒนธรรมของบ้านเขา ผมพ่นลมหายใจหนึ่งพรืด

           

 

“ฉันไม่ได้มีอะไรกับสเตฟานี่ แค่ฉันบอกว่าเธอไม่ได้ไปด้วย แต่สุดท้ายเธอไปเพราะงาน นายเลยต้องทำอย่างนี้ใช่มั้ย” แมทยกหัวขึ้นจากบ่ามามองหน้าผม เขาก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดและพูดเสียงอ้อมแอ้ม

           

 

“ก็เธอชอบคุณ ตอนแรกคุณบอกว่าเธอไม่ได้ไป แต่สักพักเธอมารับโทรศัพท์คุณซะงั้น คุณจะให้ผมคิดน้อยได้ไง คนอื่นก็มีทำไมไม่มารับสายคุณล่ะ แล้วโทรศัพท์คุณไปอยู่กับเธอได้ไง” ผมทำหน้าระอากับความคิดมากของแฟนตัวเอง เออ มันคิดเก่งจริงๆ

           

 

“นายจะไม่ให้มีเรื่องบังเอิญแบบว่าที่เธอเดินไปเจอมือถือฉันสั่นอยู่ด้านนอกห้องนอนอะไรแบบนี้เลยเหรอ…” แมทขมวดคิ้วหน้างอ

           

 

“…ฉันจะตั้งใจพาเธอไปด้วยทำไม ฉันไม่ได้อยากอยู่ใกล้เธอเหมือนที่เป็นกับนายนะ” ผมอดว่าเสียงดุไม่ได้ ยอมรับว่าผมรำคาญความคิดมากของเขา แต่ก็ไม่ใช้ชนวนชวนโมโหอะไรขนาดนั้น

           

 

แมทเม้มปาก มองผมอย่างชั่งใจ สายตาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าเด็กกว่าอายุจริงจะคลายลงเหมือนกับปลดปล่อยความคิดมากออกไป

           

 

“ผมขอโทษจริงๆ…” เขาว่าเสียงอ่อย โอบแขนกอดผมไว้ ใบหน้าซุกอยู่ที่ซอกคอผม เขาจูบลงบนต้นคอผมหนึ่งที ผมหลับตาลงข่มใจ พยายามปัดความขุ่นมัวทั้งหลายออก ถอนหายใจเบาๆ ยกมือซ้ายขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ

           

 

“…ผมแค่กังวล เธอชอบคุณ และเธอใกล้ชิดกับคุณ วันนึงมันอาจจะถลำลึก” เขาระบายความในใจเสียงแผ่ว ผมดันตัวเขาออกให้มามองหน้ากัน

           

 

“งั้นฉันจะให้เธอออกจากงาน โอเคมั้ย นายจะได้สบายใจ” แมทตาโตตกใจ ส่ายหัวปฏิเสธรัวๆ

           

 

“อย่าๆ อย่าทำแบบนั้น อย่าให้ความคิดมาก งี่เง่าของผมทำร้ายอาชีพเธอ” ผมเบ้ปากนิดหน่อย ยักคิ้วหนึ่งที แล้วก็ยิ้มอ่อนกับความใจดีของเขา ถึงจะไม่ชอบหรือเกลียดอะไร แต่แมทจะมีข้ออ้างมาเพื่อลบล้างความไม่ชอบนั้นออกไปได้เสมอ แล้วก็จะพยายามไม่มองใครในแง่ไม่ดีอีก ยกเว้นผมเนี่ยแหละ

           

 

“ฉันไม่ว่าถ้านายจะคิดมาก แต่ช่วยไว้ใจฉันมากหน่อย นึกว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ” แมททำปากจู๋น้อยๆ

           

 

“มันเป็นๆ หายๆ อะ” เขาว่าเสียงอ้อน หน้าตารู้สึกผิด ไอ้เรื่องความคิดมาก ขี้ระแวง และชอบสอดรู้สอดเห็นจนตัวเองรู้สึกแย่ไปเอง เป็นข้อเสียของเขาที่ตอนนี้ยังแก้ไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้เร่งให้เขาหาย คิดแค่ว่าอยู่กับนิสัยนี้ของแมทให้ได้ โดยที่เราต้องคุยกันให้เข้าใจว่าเราต้องการอะไรจากกัน ถ้าเขาคิดมากอะไรอยู่ ต้องหาสาเหตุนั้นให้เจอ และถามว่าเขาต้องการอะไรแบบไหน

           

 

“เลยประชดฉันด้วยการไปดูไอ้ผู้ชายเปลืองผ้านั่นใช่มั้ย” ผมกลับมาถามเสียงเรียบดุอีกครั้ง เขายิ้มเจื่อน

           

 

“เปล่า ตอนแรกไม่ได้จะประชดเลย แค่ไปดูเฉยๆ แบบว่า เปิดหูเปิดตาอะ…” เขาหัวเราะเสียงแห้งนำผมยิ้มเต็มที่ กะว่าผมจะยิ้มตามไปด้วย แต่เปล่า เขาเลยหุบยิ้มฉับ

           

 

“…เขามาชวนขึ้นไปเต้น ก็เลยไป แต่ไม่รู้ว่าจะเต้นแรงขนาดนั้น พอดีเอม่อนถ่ายคลิปไว้…”

           

 

“…ไอ้เพื่อนคนนี้อีกแล้วเหรอ?” ผมไม่ค่อยชอบใจเพื่อนแมทคนนี้ เขาจะคบใครเป็นเพื่อนผมไม่ได้คิดห้าม หรือกันเขาออกจากสังคมโดยสิ้นเชิง แต่บางทีถ้าเห็นแล้วมันแลไม่เข้าท่า ไม่น่าไว้ใจ ผมก็ไม่อยากให้เขาไปยุ่ง แล้วเป็นไงล่ะกับไอ้คนนี้ ยุ่งจนพาไปไอ้ตัวดีไปเจอของดีนี่ไง แล้วคิดเหรอว่าไอ้เอเลี่ยนมันจะไม่ชอบน่ะ!

           

 

“เขาก็เป็นคนนิสัยดีคนหนึ่งนะ” แมทว่าหน้าซื่อ ไอ้นิสัยดีไม่ดีผมไม่รู้หรอก เพราะไม่เคยเจอ เคยแต่ได้ยินชื่อ ครั้งก่อนพาแมทหายไปไหนบ้างไม่รู้จนมืดค่ำ จากครั้งนั้นผมก็ไม่ชอบเพื่อนคนนี้ ไม่ได้ถึงขั้นให้ออสตินไปสืบหาประวัติ แต่การที่พาแฟนผมหายไปดึกดื่น นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมพอใจ

           

 

“สำหรับฉันมันนิสัยไม่ดี เกิดคราวหน้าพานายไปถวายตัวให้ผู้ชายคนอื่นล่ะ”

           

 

“หูยยย ไม่หรอก ก็ผมถวายตัวเองให้คุณแล้วไง คิๆ” ทำมาเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน ผมกำลังจะหัวเราะด้วยแต่นึกถึงไอ้คลิปสยิวนั่นก็เลยหน้าขรึมตามเดิม

           

 

“ชอบมั้ย ไอ้นักเต้นนั่นน่ะ” ยังดีที่ในคลิปแมทดันมันออกและคลานหนีมัน ถ้านอนให้มันกระทำชำเราเฉยๆ ล่ะก็ ผมไม่สงบข่มใจได้ง่ายแบบนี้หรอก จะจับทรมานให้ระทวยคามือเลย

           

 

“ไม่ชอบสักหน่อย เขาต่างหากมาชอบผม” คิ้วผมกระตุกตึบๆ

           

 

“แสดงว่าผมเองก็หน้าตาน่ารักอยู่นะเนี่ย เอเลี่ยนของยักษ์น่ารักเนอะ” แมทยิ้มคล้ายว่าจะเอาใจ แต่ผมไม่ใจด้วย

           

 

“เดี๋ยวฉันจะกรีดหน้านาย” แมทอ้าปากหวอ หน้าตาตกใจ ยกมือขวาป้องปาก

           

 

“หูย! ทำไมใจยักษ์เหมือนหน้าอย่างนี้ล่ะ” เขาว่าเสียงแว้ดๆ ทำหน้าตาโกรธเคือง แต่ไม่ได้โกรธจริงหรอก แกล้งแอคติ้งไปงั้น

           

 

“หลงตัวเอง นายน่ะขี้เหร่ หน้าตาไม่ดี ชีวิตนี้มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นแหละที่เอานาย” แมทเบ้ปากแรงและขมุบขมิบปากเหมือนกำลังแช่งผมอยู่

           

 

“เอาโทรศัพท์นายมาดู” เช็กก่อน ว่ามีอะไรซ่อนเร้นรึเปล่า แมทชี้ไปที่หัวเตียง ผมหันไปมองก็เจอโทรศัพท์เขาวางอยู่บนหมอน เลยเอี้ยวตัวไปหยิบมา ก่อนที่ผมจะหยิบของตัวเองให้เขาบ้าง ผมไม่มีอะไรอยู่แล้ว มีแต่รูปเขาจนจะล้นเมมโมรี่นั่นแหละ

           

 

“อุ๊ย” แมททำหน้าตกใจเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาทำท่าจะเอื้อมมือมาคว้ามือถือตัวเองกลับคืน แต่ผมชักมือหนีและหรี่ตามอง ไอ้เอเลี่ยนหน้าซีดทันที

           

 

“แม้แต่จะคลาน นายก็จะทำไม่ไหวเลยคอยดู” ผมขู่ ขึงตามองแมทอย่างดุดัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าในมือถือมีอะไร แต่ใจผมระอุรอแล้ว มันเดือดปุดๆ เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ

           

 

ผมปลดล็อคมือถือแมทด้วยรหัสปีเกิดของเราสองคนผสมกัน เงยหน้ามองไอ้เอเลี่ยนตัวดีที่สีหน้าค่อยๆ ถอดสีทีละนิด ผมเข้าไปดูไฟล์รูปภาพเป็นอย่างแรก และก็ได้เจอของดีตั้งแต่นาทีแรกที่เลื่อนดูรูป ผมมองรูปพวกนั้นนิ่ง เงยหน้าขึ้นมองแมทที่ตาแดงเหมือนจะร้องไห้

           

 

“ลืมลบ…” แมทว่าเสียงสั่น

           

 

“มีถ่ายรูปนอกรอบด้วยงั้นเหรอ” ผมถามเสียงเย็น แมทกัดปากแน่น น้ำตาคลอ

           

 

“ผมบอกเขาแล้วนะวิคเตอร์ว่าผมหมั้นแล้ว ผมโชว์แหวน ฮึก ให้ดูด้วย” แมทสะอื้นน้ำตาไหลทันทีที่ผมบีบแขนเขาแน่นจนกระดูกเขาแทบจะแหลกคามือ ก่อนที่มือถือแมทจะลอยหวือไปกระแทกกับผนังห้องและแตกกระจาย

 

           
 :hao3:
 
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้

ยังไงปล่อยให้ผัวเมียเขาไปเคลียร์กันเองเนาะ -.,- ร่วมส่งกำลังใจให้น้องแมทยังคงมีแรงก้าวเดินต่อไปในชีวิต 55555

ก็เป็นตอนพิเศษครบรอบสองปีของนิยายเรื่องนี้ค่ะ ตอนพิเศษ เรื่องราวไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักนะคะ เขียนให้อ่านแบบพิเศษในวันครบรอบสองปีของนิยายเรื่องนี้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ตามอ่านนิยายเรื่องนี้กันมาอย่างยาวนานนะคะ ขอบคุณคนอ่านที่เริ่มต้นตามกันมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่สมัยที่ตอมยังไม่มีเพจเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์ หรือคนอ่านที่เพิ่งมาตามกลางเรื่อง ตามท้ายเรื่อง ตามตอนมีหนังสือแล้ว ตามช่วงใดๆ ก็ตาม ขอบคุณมากๆ ค่ะ

 ช่วงแรกๆ ตอมอัพเสร็จคืออัพเลย ไม่มีเพจแจ้ง เพราะไม่ได้ทำ แต่คนที่ตามอ่านกันมาก็คือตามกันแน่นหนึบจริงๆ คือเช็กการอัพเดตของหน้านิยายด้วยตนเองเลย

บอกตรงๆ ว่าคิดถึงบรรยากาศแบบนั้น คิดถึงที่คนอ่านมาบอกว่าอัพเถอะๆ หรือมีคนอ่านมาบอกว่า เนี่ย รีเฟรชบ่อยมาก เห็นแจ้งเตือนแล้วดีใจมาก คนเขียนก็ปลื้มใจ และพอคนอ่านอ่านแล้วก็คอมเม้นให้กันทุกตอน ทุกครั้งที่อัพ คิดถึงบรรยากาศนั้นจริงๆ ค่ะ มันอบอุ่นมากๆ เลย

แต่พอเรื่องนี้มีหนังสือ หลายคนก็เลือกที่จะรออ่านในเล่มมากกว่า และห่างหายไปจากหน้าเว็บ ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะคะ ดีใจค่ะที่มีคนสนับสนุนหนังสือด้วย แต่แค่คิดถึงบรรยากาศการอ่านนิยายในเว็บแบบช่วงแรกๆ ที่ตอมก็อัพไปเรื่อยๆ และคนอ่านก็รออ่านกันตลอดๆ พออัพทีก็กรีดร้องดีใจ ตอมก็ยิ้มหน้าบานนน ส่วนใครที่รอหนังสือออกทีเดียวอันนั้นตอมไม่ได้ตำหนิอะไรนะคะ แค่อยากจะเชิญชวนว่าพาร์ทหน้า พาร์ทสุดท้ายของเรื่อง มาอ่านในเว็บพร้อมกันก่อนมั้ย 55555 เพราะหนังสือก็คืออีกนานมาก คงลงในเว็บจนจบแหละค่ะ ถึงจะทำหนังสือ

อยากได้บรรยากาศแบบช่วงแรกๆ กลับมาในหน้านิยายเรื่องนี้ มันเป็นเสน่ห์หนึ่งของการอัพนิยายลงเว็บเลยนะ ที่คนเขียนก็เขียนแบบสดๆ อัพสดๆ และคนอ่านก็อ่านของสดใหม่นั่นแหละ ตอมกะจะทำแบบนั้นแหละค่ะ 55555

อีกอย่าง การอัพนิยายในเว็บ สิ่งที่ทำให้คนเขียนมีกำลังใจต่อไปกับการเขียนและการอัพ ก็คือคอมเม้นจากคนอ่านนี่แหละค่ะ เห็นเม้นแล้วก็ยิ้ม และมีกำลังใจเขียนต่อว่า เออ มีคนรออ่านเรื่องเราอยู่นะ ตื่นเต้นตลอดเวลาเห็นว่ามีคอมเม้นใหม่ๆ จากคนอ่าน เห้นยอดเม้นขึ้นไรงี้

ขอบคุณทุกคอมเม้นที่เป็นกำลังใจให้กันเสมอมา หลายคนแม้จะรอหนังสือออก แต่ก็มาคอยอ่านในเว็บและเม้นให้ตลอด ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้น คนอ่านทุกคน ทั้งที่อ่านในเว็บเวลาอัพทุกตอบ และคนที่ซื้อหนังสือไปอ่านด้วย เรื่องราวของวิคเตอร์กับแมทยังเหลืออีกพาร์ท ซึ่งจะเป็นบทสรุปของเรื่องราวของทั้งสองคน ยังไงเดี๋ยวพบกันนะคะ แต่ช่วงนี้ขอไปทุ่มเทให้แม่เรียวจันทร์กับพี่คมเขี้ยวก่อน พักน้องแมทกับพี่ยักษ์แปบนึงค่ะ เพราะตอมเป็นคนเขียนที่โฟกัสนิยายได้ทีละเรื่องจริงๆ ไม่งั้นสมองรวนนน





ขอบคุณทุกคนที่ยังคงคิดถึงสองผัวเมียคู่นี้เสมอๆ



ไปพบกับแม่เรียวจันทร์และพี่เขี้ยวก่อนได้ในระหว่างรอยักษ์กับเอเลี่ยนกลับมานะคะ แต่ใครที่จะไปอ่านเรื่องนี้ เลเวลทางใจต้องสตรอง เพราะนายเอกเรื่องนี้สาวมาก แซ่บมาก เชื่อว่าฉีกกฏนายเอกนิยายวายไปหลายหลา เพราะนางคือคุณแม่ นางคือตัวแม่ ที่ความสวย ความเปรี้ยวเยี่ยวราดไม่มีกั๊ก นางจัดหนัก จัดเต็ม สาวคือสาว ไม่มีแอ๊บแมน มีพี่ปาน ธนพรเป็นไอดอล ตบได้ตบ ไม่เสียเวลาเจรจา และตอนนี้ความพยายามของนางในการจับพี่คมเขี้ยว พระเอกของเรื่องก็เริ่มใกล้เข้ามา ไปร่วมลุ้นกับนางได้ที่ > Works The Magic! ร่ายมนตร์รักกับดักนางมาร  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50360.0)

อัพเรื่อยๆ เลยค่ะ ช่วงแรกๆ ตอมเขียนสองเรื่องพร้อมกัน เลยทำให้อัพช้า อัพขาดช่วงมาก แต่ตอนนี้โฟกัสคุณแม่เรื่องเดียว เลยเขียนได้เรื่อยๆ ไหลไปเรื่อย และอัพเรื่อยๆ ไม่ขาดหาย ไม่ดองแล้ว

ขอบคุณคนอ่านหลายๆ คนที่ตามไปอ่านจากเรื่องนี้นะคะ คุณสตรองมาก 55555 แต่เชื่อเถอะค่ะว่า อยู่ทีมแม่เรียวแล้ว แม่เรียวจะไม่ทำให้น้อง ต้องไปกราบใคร
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wannawanpa ที่ 09-11-2016 21:15:23
มาแว้วววววว
หนูกำลังจะเข้าเฟซไปเม้าเลย
แต่ยังไม่เห็นลง
เราจะมาเม้าในนี้แทน
ติดตามสัมเมอออออ
เมื่อกี้กด F5 มาเจอพอดี แทบกรีดร้องงงงงง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-11-2016 21:32:08
ก็ขี้หึงทั้งคู่ล่ะนะ ยังไงก็ค่อยๆคุยกันละกัน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 09-11-2016 21:40:04
น้องแมทขา เกือบจะดีอยู่แล้วเชียวววว ดันนนลืมลบรูปคู่อีก

พี่ยักษ์ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย มีเหตุผลเยอะขึ้น ชอบค่ะ คุยกันด้วยเหตุผล  o13

รอภาค3เน้อออออออ ระหว่างนี้ก้..ไปหาแม่เรียวจันทร์ก่อนน้า  :bye2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 09-11-2016 21:46:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-11-2016 22:39:33
อุ่ย เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีกแล้ว ใจเย็นนะคะทั้งคู่

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 09-11-2016 22:54:34
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-11-2016 22:56:49
ตลอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wonwon ที่ 09-11-2016 23:26:34
ขี้หึงทั้งคู่ แต่ยักษ์ช่วยลดความซาดิสนิดนึง แมทน้อยน่วมไปหมดแล้วอ่ะ

ขอบคุณที่ไร้ท์มาเขียนตอนพิเศษให้คนอ่านกระชุ่มกระช่วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 09-11-2016 23:56:01
น่าสงสารแมทเค้านะครับ 5555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-11-2016 07:31:12
ใจร้อนทั้งคู่ แมทก็ขี้ประชด วิคเตอร์ก็นะควบคุมความโกรธไม่ค่อยได้ แมทน้อยช้ำพอดี
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 10-11-2016 09:31:08
ถ้สบอกว่าแมทสมควรโดนจะผิดไหม  แหม๋...อิยักษ์มันก็หวงอ่ะเน๊อะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-11-2016 11:54:31
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {ตอนพิเศษ ครบรอบ 2 ปี} 100% :09.11.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-11-2016 19:52:01
แมท หาเรื่องตลอดเลย
คิดมาก คิดเอง เออเอง แล้วหาเรื่องประชดทันที
คราวนี้ตั้งใจหนีเที่ยวกับเอม่อน ได้เรื่องเลย
ทั้งๆที่รู้ว่า ยักษ์ ทั้งหึง ทั้งหื่นขนาดไหน
เอ....หรือว่าจริงๆ แมท ชอบการถูกลงโทษ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-12-2016 00:41:07


Love, no boundaries : Yours and Mine


PROLOGUE


The day of US. (วันที่มีเรา) [50%]







 หนึ่งปีที่แล้ว…

 

 

เสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้คนดังไปทั่วบริเวณใต้อาคารเรียน บ้างก็เดินขวักไขว่ไปมาให้วุ่นวาย บรรยากาศหนาแน่นไปด้วยช่อดอกไม้ มงกุฎดอกไม้ ตุ๊กตาหมี กล่องของขวัญ หรือสิ่งของอื่นๆ ที่ผู้คนจะหามาร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตในวันสำคัญเช่นนี้ แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวขนาดไหน แต่ใบหน้าของเหล่าผู้จบการศึกษา พ่อแม่ เพื่อนฝูง บรรดาญาติพี่น้องทั้งหลายต่างก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มมากกว่าจะนั่งบูดบึ้ง เพราะวันนี้วันดี วันที่ไม่ใช่แค่บัณฑิตเท่านั้นที่รอคอย แต่ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอีกขั้นของชีวิตก็รอคอยด้วยเช่นกัน

           

 

เหล่าบัณฑิตชายหญิงในชุดครุยสีดำสนิท ตัดกับฮู้ดสีขาวและแถบสีประจำคณะมนุษยศาสตร์กับสีประจำมหาวิทยาลัยจนหลายคนมีความคิดว่าเหมือนอยู่ในโรงเรียนพ่อมดแม่มด ฮอกวอตส์เวทมนตร์ศาสตร์ แต่ละคนกำลังมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งถ่ายรูป พูดคุย กิน แต่งหน้าเพิ่ม ซับหน้ามัน หรือนอนหลับ ซึ่งร่วมถึงร่างเล็กที่ตอนนี้เริ่มกลับมาอวบนิดหน่อยแต่ก็เป็นอวบแบบมีกล้ามเนื้อ กำลังนอนหลับปุ๋ยพิงอกแกร่งของฝรั่งร่างใหญ่อยู่บนโต๊ะนิ่งสนิท สองแขนกำยำในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนโอบกอดเจ้าตัวจ้อยของเขาไว้หลวมๆ กันหล่นลงจากโต๊ะ

           

 

“เตอร์ พัดให้แมทมันหน่อย พัด คูลๆ แมทมันฮ็อต” คนเป็นพ่อของบัณฑิตที่นั่งอยู่อีกฝั่งยื่นพัดสานจากงานฝีมือให้ลูกเขยตัวป่วน ทำท่าประกอบกับการพูดไปด้วยเพราะกลัวบักฝรั่งมันจะไม่เข้าใจ แต่จากการที่อยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง (และมักจะทะเลาะกันมากกว่าคุยปกติ) ก็ทำให้วิคเตอร์เก็ทได้บ้างว่าพ่อตาต้องการอะไร มือใหญ่ยื่นไปรับพัดแล้วเอามาโบกเบาๆ ให้แมทที่นอนหลับสนิทเนื่องจากอาการเพลีย

           

 

วิคเตอร์บินกลับมาไทยหลังจากกลับนิวยอร์กไปได้สามเดือน เพื่อมาร่วมหนึ่งงานสำคัญในชีวิตของแมท พ่อตาเขาไม่ยอมให้แมทบินกลับไปนิวยอร์กด้วยหลังจากเคลียร์เรื่องความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคน วิคเตอร์จะไม่กลับก็ไม่ได้อีกเพราะมีงานต้องรับผิดชอบ ที่ทำได้คืออาศัยช่องทางโซเชียลในการติดต่อกัน ก็ไม่ถึงกับทรมาน แต่เขาก็คิดถึงเอเลี่ยนน้อย ตกดึกก็ต้องนอนคนเดียว ถึงจะมีไมเคิลกับฟอกซ์มานอนด้วยแต่ความรู้สึกมันก็ต่างกัน ได้แค่เจอหน้ากันผ่านจอ นึกโกรธพ่อตาใจมารอยู่บ่อยๆ ที่กีดกันความรักคนอื่นเขาไปทั่ว แต่ถามว่ากล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้มั้ย ก็ไม่

           

 

“How long do we have to wait? (เราต้องรออีกนานเท่าไหร่เหรอ)” ใบหน้าหล่อที่ยิ่งหล่อเมื่อมีออพชั่นเสริมบนหน้าด้วยแว่นดำของแบรนดังอย่างเรย์แบนด์หันไปถามพวกเพื่อนสนิทของแมทที่กำลังนั่งคุยกันอยู่สองสามคน นอกนั้นหลับ

           

 

“I think in ten minute, we gonna move. (คิดว่าอีกสิบนาทีก็น่าจะไปแล้วแหละ)” วิคเตอร์พยักหน้ากับคำตอบของแชมป์ มือซ้ายโบกพัดเรียกลมให้แมทเบาๆ

           

 

พิธีรับปริญญาบัตรเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อช่วงเช้าสายๆ แต่ตอนนี้พวกแมทกำลังรอถ่ายรูปรวมคณะและก็รอถ่ายรูปหมู่ของกลุ่มพวกเขาเอง พ่อยักษ์ใหญ่มองไปรอบๆ มีหลายคนมองมาทางเขาบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มีใครบุกเข้ามาหาถึงตัวชัดเจน โต๊ะที่เขานั่งตั้งอยู่ตรงมุมตึก ถือว่าห่างไกลจากผู้คน และอยู่ในมุมอับพอสมควร แต่ก็ยังมีคนพยายามเดินมามองหน้าเขาด้วยการแกล้งมามองหาเพื่อนบ้าง เดินผ่านเฉยๆ บ้าง เดินมาคุยโทรศัพท์บ้าง ยักษ์ใหญ่ได้แต่ทำหน้านิ่งเฉย ไม่หือไม่อืออะไรกับใคร ขนาดกับญาติๆ แมทเขายังไม่ค่อยสร้างปฏิสัมพันธ์ด้วย พวกนั้นส่วนมากไม่รู้จักเขาหรอก ซึ่งเขามองว่ามันเป็นเรื่องดี ที่แสดงออกเลยเป็นอาการตื่นเต้นเมื่อเห็นฝรั่งตัวใหญ่หน้าตาหล่อมาร่วมงานด้วยซะมากกว่าเห็นดารานักแสดง

           

 

“When do you get back to NYC, Victor? (จะกลับนิวยอร์กเมื่อไหร่เหรอวิคเตอร์)” เพื่อนผู้หญิงของแมทคนหนึ่งซึ่งเขาก็ยังจำไม่แม่นอยู่ดีว่าใครเป็นใคร ชื่ออะไรบ้างถามขึ้นพลางส่องกระจกและใช้ทิชชูซับหน้าเบาๆ

           

 

“I will stay here, in Thailand, around two weeks. (น่าจะอยู่ไทยสักสองอาทิตย์แหละ)” แบมพยักหน้า แล้วชี้ไปทางแมทที่นอนเผยอริมปากบนน้อยๆ

           

 

“And you will take him back with you? (แล้วจะเอามันกลับไปด้วยเลยมั้ยคะ)” วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปากหล่อๆ นิดหนึ่งแล้วหันไปมองพ่อตาตัวเองที่กำลังนั่งถือขวดน้ำให้แม่ยายเขาใช้ดูดหลอดอยู่

           

 

“I’m gonna deal with him again. (เดี๋ยวเจรจากับพ่อตาอีกทีนะ)” แบม แชมป์ วอร์มหัวเราะกันนิดหน่อย เพราะรู้ดีว่าพ่อเพื่อนไม่ยอมให้แมทไปกับวิคเตอร์ง่ายๆ ถึงจะเข้าใจตรงกันแล้วว่าสถานะของทั้งสองคนคืออะไร

           

 

“We have plan to have a trip at the south of Thailand, Phuket, Krabi, Pangnga. If you don’t mine I want you to let Matt go with us. (เรามีแพลนว่าจะมีทริปไปเที่ยวใต้กันค่ะ ที่ภูเก็ต กระบี่ พังงาอะไรแบบนี้ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร อยากให้แมทไปด้วยค่ะ)”

           

 

“If I can go with him, then he can go. (ถ้าผมไปด้วยได้ แมทก็ได้ไป)” แบททำหน้าว่าหูว ก่อนจะหัวเราะเบาๆ

           

 

“We meant to ask you to go with us, but I have told them that you surely go if Matt don’t deny. (เราตั้งใจจะชวนคุณอยู่แล้วแหละ แต่ผมก็บอกพวกมันนะว่าคุณไปแน่ถ้าแมทมันไป)” วิคเตอร์ยักคิ้วพร้อมกับยักไหล่ขวากับคำพูดของไอ้ล่ามจำเป็นของเขาในช่วงหนึ่งที่ต้องผจญภัยกับพ่อตา

           

 

นั่งรอกันไม่เกินสิบนาทีตามที่แชมป์บอกก็มีเสียงประกาศเรียกดังไปทั่วตึกว่าให้บัณฑิตทุกเอกไปเตรียมพร้อมกันที่หน้าอาคารที่ใกล้กับหอประชุม ซึ่งต้องเดินย้อนกลับไปแต่ก็ไม่ได้ไกลมาก วิคเตอร์ปลุกแมทตามที่เพื่อนๆ บอก เจ้าตัวจ้อยตื่นขึ้นมาหน้างัวเงีย แม่ส่งผ้าเย็นให้เช็ดหน้าเช็ดตา วิคเตอร์รับมาจัดการแกะซองให้แล้วเช็ดหน้าให้แมทเบาๆ คนตัวจ้อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

           

 

“หิวมั้ย” วิคเตอร์ถามพลางช่วยจัดทรงผมด้านหลังที่เรียบแบนเพราะโดนกดทับนาน

           

 

 

“เดี๋ยวค่อยกินทีเดียว” วิคเตอร์พยักหน้า วางผ้าเย็นไว้บนโต๊ะ แมทลุกขึ้นยืนพร้อมเพื่อนคนอื่นๆ หันไปบอกวิคเตอร์ว่าให้นั่งรออยู่ตรงนี้กับพ่อและแม่ เพราะตรงนั้นคนเยอะ ถ่ายไม่นานก็กลับมา อันที่จริงถ่ายน่ะไม่นานหรอก แต่รอคิวถ่ายน่ะนาน

           

 

“ถ้าเหงาก็นั่งคุยกับพ่อกับแม่ไปก่อน”

           

 

“นั่งเงียบๆ น่าจะดีกว่าหรือเปล่า” แมทแกล้งมองค้อนก่อนจะขำกับคำเปรียบเปรยของวิคเตอร์ แล้วค่อยเดินออกจากโต๊ะไปพร้อมเพื่อนๆ ทิ้งให้สามพ่อแม่ลูก (เขย) นั่งอยู่ด้วยกัน พี่ตากล้องประจำกลุ่มสองคนที่จ้างมารีบลุกขึ้นเดินตามมาพร้อมผู้ช่วยอีกสองคน

           

 

พอมาถึงบริเวณลานถ่ายรูปรวมคณะ แมทกับเพื่อนๆ ก็ต้องมายืนรอต่อคิวต่อจากคณะอื่นๆ ก่อน ในระหว่างที่รอก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดแถวตามเอก เพื่อที่พอถึงเวลาเดินขึ้นอัฒจันทร์ถ่ายรูปจะได้รวดเร็ว โดยจะมีเจ้าหนี้ที่คอยบอกอีกทีว่าเอกไหนอยู่ชั้นไหน

           

 

จริงๆ แมทจะไม่เอารูปถ่ายรวมคณะอยู่แล้ว เอาแค่รูปรับปริญญาอย่างเดียว แต่เพื่อนๆ บอกว่ามันเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตก็ต้องเอาให้ครบ แมทเลยไหลตามกระแสเอาด้วย ระหว่างยืนรอถ่ายรูปรวม พี่ตากล้องทั้งสองคนที่ช่วยกันออกเงินจ้างมาก็กดถ่ายชัตเตอร์พวกเขาแทบทุกช็อต

           

 

 

พอถึงคิวคณะมนุษย์ฯ ทุกคนก็รีบเดินขึ้นไปบนอัฒจันทร์ ยืนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่คอยพูดไมค์บอกให้ขยับซ้าย ขยับขวาไปเรื่อย จนกระทั่งคงได้มุมที่เหมาะเจาะแล้วก็สั่งให้ยืนนิ่งและทำหน้าให้ดีที่สุดแม้รูปที่ออกมาจะเห็นเราเหมือนมดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งก็ตาม

           

 

สำหรับวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจในชีวิตของแมท และเชื่อว่าพ่อกับแม่เขาก็ภูมิใจ เป็นเรื่องหนึ่งที่เขาตั้งใจทำให้ทั้งสองคนเห็นว่าแม้เขาจะเป็นเช่นไร แต่เขาก็เรียนจบได้ แม้จะไม่ได้เกียรตินิยม แต่กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า เขาไม่เคยดรอป ไม่เคยเอฟวิชาไหนเลยสักวิชา และเกรดก็ออกมาในระดับที่น่าพึงพอใจ แม้กว่าจะเรียนจบจะปวดหัวและเบื่อหน่ายกับบางวิชา แต่สุดท้ายก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจ และแม้ว่าตามแพลนชีวิตที่คิดไว้จะพลิกผันด้วยการมีผัวแทรกเข้ามาก่อนจะสำเร็จการศึกษาและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ก็ถือว่าแพลนไม่ได้ผิดเพี้ยนมากมายอะไร แถมยังเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น มีผัวก่อนเรียนจบ และผัวดันช่วยซัพพอร์ตหน้าที่การงานได้

           

 

พอถ่ายรูปรวมคณะเสร็จ ทั้งหมดก็เดินกลับไปที่ตึกคณะ เพื่อไปเดินล่ามุมสวยๆ มุมดีๆ ในมอถ่ายภาพกลุ่ม จริงๆ ภาพกลุ่มก็ถ่ายกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่วันนี้เป็นการถ่ายภาพกลุ่มในวันพิเศษมากกว่า ก็เหมือนเราไปเที่ยวด้วยกันสักทริปนึง แล้วก็ถ่ายภาพความประทับใจทริปนั้นไว้ เก็บไว้เป็นไทม์ไลน์ในชีวิต

           

 

“พ่อกับแม่จะกลับก่อนเปล่า เดี๋ยวแมทจะไปถ่ายรูปกับเพื่อน อาจจะเดินรอบมอเลยอะ” เขาและเพื่อนทุกคนถ่ายรูปกับพ่อแม่และญาติพี่น้องของตัวเองกันไปตั้งแต่หลังออกจากหอประชุมแล้ว เพราะจะได้ไม่ชนกับการไล่ถ่ายภาพกับเพื่อนๆ

           

 

“งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่กลับโรงแรมก่อนละกัน” แมทพยักหน้า แล้วมองของขวัญกองพะเนินบนโต๊ะ

           

 

“ขนของไหวมั้ยอะ”

           

 

“ไหว มีตั้งหลายคน” พ่อบอกด้วยท่าทีสบายๆ แมทพยักหน้า แต่ก็แอบเห็นใจพ่อกับแม่ ของที่กองๆ อยู่นี่มาจากเหล่าน้องแฟนคลับที่ชื่นชอบเขากับวิคเตอร์ แม้จะดูออกว่าจะชอบวิคเตอร์มากกว่า แต่น้องก็มีน้ำใจเอาของมาให้ หรือจริงๆ น้องอยากมาเจอวิคเตอร์เลยมากันก็เป็นได้ ตอนนี้พวกน้องๆ ไปหาอะไรกิน จะกลับมาอีกทีก็ช่วงห้าโมงเย็น ตามเวลาที่เขานัดไว้เพื่อมาถ่ายรูปด้วยกัน

           

 

พ่อกับแม่และญาติๆ เขาเดินเข้ามาช่วยกันขนของ แม่เขาเตรียมพร้อมด้วยการพกถุงปุ๋ยลายน่ารักๆ ขนาดใหญ่มาสิบใบ จับของชิ้นเล็กๆ จนถึงขนาดกลางใส่ลงไป ส่วนพวกตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆ ค่อยให้คนแบกไปอีกที ทุกคนต้องขนของจากในมอและเดินกลับโรงแรมที่อยู่นอกมอ เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้นำรถเข้ามา

           

 

“ของพ่อกับแม่จะเก็บไว้หรือจะฝากกลับด้วย” แมทล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแลคสีดำ หยิบถุงกำมะหยี่สีแดงที่ในนั้นบรรจุสร้อยคอทองคำหนักหลายบาทออกมา

           

 

“เอากลับไปด้วย เดี๋ยวแมททำหาย” ถือว่าเป็นของขวัญวันรับปริญญาชิ้นใหญ่ที่สุด ส่วนของวิคเตอร์เป็นเงินสดก้อนหนึ่ง เพราะเจ้าตัวไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้แมทดี เลยให้เงินไปเลือกซื้อเอง ซึ่งแมทก็ยังไม่รู้เช่นกันว่าจะซื้ออะไรดี

           

 

พอส่งพ่อกับแม่และญาติๆ กลับโรงแรมไปแล้ว แมทกับเพื่อนๆ ก็เริ่มตระเวนหาที่ถ่ายรูป โดยมีวิคเตอร์คอยเดินตามด้วยท่าทีนิ่งๆ

           

 

“แคท พี่เคนจะมายังอะ” แมทถามถึงอดีตบอดี้การ์ดคนไทยของวิคเตอร์ที่ตอนนี้กำลังสานสัมพันธ์กับแคท เพื่อนสนิทของเขา เห็นว่าเริ่มคุยกันตั้งแต่หลังเจอกันตอนงานเลี้ยงวันเกิดของวิคเตอร์ปีล่าสุด พี่เคนสะดุดความสดใสเฮฮาปาจิงโกะของแคท แต่ก็ไม่ได้ว่าอย่างแรง เหมือนสนใจผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่วันนั้นแล้วก็ขอสานสัมพันธ์มาเรื่อยๆ

           

 

“กำลังมาแหละ ฉันโทรไปเร่งละว่าให้รีบมาอยู่กับอดีตเจ้านาย” แมทพยักหน้าแล้วหันไปตะโกนบอกวิคเตอร์ว่าพี่เคนกำลังมาที่นี่

           

 

วิคเตอร์เลิกจ้างพี่ๆ บอดี้การ์ดคนไทยตามความคิดเห็นของแมท เขามองว่าไม่จำเป็นต้องจ้างพวกพี่เขาต่อ เพราะตอนอยู่ไทย แมทก็อยู่กับพ่อกับแม่ ออสตินก็ต้องอยู่กับวิคเตอร์เป็นส่วนใหญ่ พี่คนไทยก็จะว่างงานเกินไป ก็ถ้าให้พูดตรงๆ คือมันเปลืองเงิน จ้างเขาแต่เขาได้ทำงานน้อยมาก วิคเตอร์เลยตัดสินใจเลิกจ้าง ทุกคนเข้าใจ ไม่มีใครว่าอะไร เพราะทั้งสามคนก็ได้จากวิคเตอร์ไปเยอะจนสามารถตั้งตัวใหม่ได้แล้ว และอันที่จริงพวกพี่ๆ เขาก็มีงานอื่นรอให้ทำอีกมากมาย และแม้จะเลิกจ้างไปแล้ว แมทก็ยังได้พบกับพวกพี่เขาอยู่บ้าง โดยเฉพาะพี่เคนที่กำลังตามจีบแคทอยู่

           

 

จากจุดหนึ่งก็ไปอีกจุดหนึ่ง กว่าจะถ่ายรูปในแต่ละจุดเสร็จก็เล่นไปหลายท่าหลายทาง ดูเหมือนการถ่ายรูปนั้นจะเป็นอะไรที่สบายๆ ไม่ได้ใช้พลังงานอะไรมาก แต่จริงๆ แล้วดูดพลังไปมากอย่างที่ว่าถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้ตัวเลยว่ามันทำให้เพลียเหลือเกิน

           

 

“เอิร์ท!!” แมทร้องด้วยความตกใจและดีใจผสมกันแบบเข้มข้นเมื่อตอนที่กำลังเดินไปสวนสาธารณะของมอแล้วเจอกับเอิร์ทและกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา

           

 

“โอ้ว เจ้าแม่!” เพื่อนเอิร์ทคนหนึ่งเอ่ยทักเสียงดัง แมทหัวเราะคิกและทักทายกับเพื่อนเอิร์ทไปรอบวงอย่างครื้นเครง

           

 

“เป็นไงมั่ง ไม่ได้เจอไม่ได้คุยกันนานมากจริงๆ” แมทไม่ได้เจอเอิร์ทหรือแม้กระทั่งพูดคุยกันในโลกโซเชียลมาเกือบครึ่งปี พอหลังจากเลิกคุยกันในแบบคนรัก ก็ได้พบกันหลังจากนั้นแค่สองสามครั้ง ล่าสุดคือตอนงานบวช ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันยาวจนกระทั่งมาเจอกันตอนนี้แทน

           

 

เอิร์ทยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบ “ก็ดี เดี๋ยวจะไปอิตาลี ไปลองงานที่นู่น”

           

 

แมทอ้าปากพร้อมกับทำตาเหมือนนกฮูก “โอ๊ะ! อิตาลี”

           

 

“ใช่ มีรุ่นพี่ที่เขาทำด้านออกแบบแนะนำมาเลยว่าจะไปลองสักสามเดือน ชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที”

           

 

“หูย ดีๆ แล้วคนอื่นไปทำงานที่ไหนยังไงมั่ง” แมทหันไปถามเพื่อนเอิร์ทคนอื่นๆ แต่ละคนก็บอกว่าทำที่นั่น ทำที่นี่ บางคนก็ยังว่างงานแต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร และก็มีคนที่มีแพลนอยากจะเปิดบริษัทเองด้วย แต่เห็นว่าก็ต้องศึกษาให้ดีก่อนเพราะบริษัทรับออกแบบก็ไม่ได้ว่ามีน้อยซะเมื่อไหร่

           

 

“ถ่ายรูปกันๆ” แมทเรียกให้พวกเอิร์ทเข้ามายืนใกล้กัน กวักมือเรียกพี่ช่างภาพให้มาถ่าย หันไปมองวิคเตอร์ที่ยืนอยู่กับพี่เคนแล้วทำหน้าอ้อนๆ ไอ้ยักษ์ทำตาดุใส่ แต่ก็ปล่อยไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นว่าเพิ่งมีโอกาสได้เจอกันและก็เป็นวันดี

           

 

พอถ่ายรูปหมู่เสร็จ แมทก็ขอถ่ายคู่กับเอิร์ท อีกฝ่ายขอให้ส่งรูปให้ด้วย เพราะตัวเขาไม่ได้จ้างช่างภาพ กดถ่ายกันเองไปเรื่อยเปื่อย เอิร์ทยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับแมทไปสี่รูป

           

 

“ยังอยู่ที่มออีกป่ะ หรือกลับบ้านเลย” แมทถามหลังจากถ่ายรูปคู่เสร็จ เอิร์ทยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนตอบ

           

 

“อยู่อีกสองวันแล้วเดี๋ยวกลับ”

           

 

“เออๆ ไว้นัดเจอกัน ไปกินข้าวกันอะไรแบบนี้นะ” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้น เลื่อนสายตาไปมองไอ้ฝรั่งที่แม้ปากจะพูดแต่ก็เหลือบมองมาทางนี้ไม่ขาดสาย

           

 

“ที่พูดนี่คือแน่ใจแล้วเหรอ” แมททำหน้ายู่

           

 

“แหม เดี๋ยวนี้วิคเตอร์ใจดีขึ้นเยอะ” เอิร์ทหัวเราะเบาๆ

           

 

“ก็ได้ นัดมาแล้วกัน เบอร์เดิม” แมทยิ้มแป้นและพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะเอ่ยลาเพื่อนๆ เอิร์ทและบอกว่าเดี๋ยวจะขอนัดเจอหลังจากนี้ ทุกคนตอบรับ ไม่รู้ว่าเออออห่อหมกไปก่อนหรือตอบรับจริงจัง

           

 

“กอดที” เอิร์ทบอกและอ้าแขนรอ แมทเดินเข้าไปกอดกับเอิร์ทด้วยความรู้สึกแบบเพื่อนกันจริงๆ

           

 

“เดี๋ยวเจอกันๆ” แมทตบหลังเอิร์ทเบาๆ ก่อนจะผละออก เอิร์ทยิ้มให้แล้วก้าวเดินไปหาเพื่อนๆ ที่รออยู่ แมทหันไปเรียกเพื่อนตัวเองให้เคลื่อนขบวนกันต่อ ส่วนตัวเองเดินย้อนกลับไปกอดเอววิคเตอร์ที่กำลังคุยกับพี่เคน พ่อยักษ์ยกแขนขวาโอบกอดตอบ

           

 

“เดี๋ยวบอกสองคนนั้น… อะไร” วิคเตอร์ก้มลงมองหน้าเอเลี่ยนตัวจ้อยด้วยสายตาดุหน่อยๆ แมทคลี่ยิ้มบาง เอียงคอน้อยๆ แล้วกะพริบตาปิ๊งๆ วิคเตอร์ถอนหายใจหน้าเซ็ง

           

 

“ฉันเกลียดหน้านี้จริงๆ”

           

 

“จริงเหรอ” แมทยิ้มล้อ วิคเตอร์มองด้วยความหมั่นไส้ เลื่อนมือขวาลงไปตีก้นคนตัวเล็กแรงๆ หนึ่งที

           

 

“ตอนนี้อนุโลมให้ กลับถึงบ้านก่อน เดี๋ยวว่ากัน” แมทย่นจมูก วิคเตอร์พยักพเยิดให้แมทเดินไปหาเพื่อนที่รออยู่ในจุดถ่ายรูปจุดใหม่ เอเลี่ยนน้อยมองหน้ายักษ์ใหญ่แบบกำลังพิจารณาว่าอีกฝ่ายไม่พอใจอยู่หรือเปล่า แต่จากเซ้นส์ที่สัมผัสได้ วิคเตอร์ไม่ได้ออกอาการฉุนเฉียวน่ากลัว เลยยอมผละออกจากเอวสอบและเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ







เม้าท์เมาท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao3:


หม่าบู๊ฮายยย หนีห่าววว เฮนโหลววว อิทส์มี


กลับมาแล้ววว สำหรับพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนในพาร์ทสุดท้าย พาร์ท Yous and Mine ซึ่งจะเป็นบทสรุปชีวิตรักของสองผัวเมียที่ชอบตีกันบ่อยๆ 55555 วันนี้พาบทนำของพาร์ทสามมาออเดิฟก่อนครึ่งนึง อุๆ


หลังจากหายไปนาน ตอนนี้เรื่องนี้จะเริ่มกลับมาอัพแล้วค่ะ แต่ต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้อัพถี่รัวๆ เพราะจะเป็นการเขียนสดอัพสดแบบในช่วงแรกที่ตอมเขียนนิยายเรื่องนี้ อยากอ่านคอมเม้นนน เพราะบางทีอ่านเม้นแล้วไอเดียบรรเจิดมากเลยก็มี อยากได้ฟีลลิ่งเก่าๆ ในการเขียนและอัพนิยายกลับมาาา


อีกอย่างปี 60 ตอมได้ทำการอาจหาญที่จะเขียนนิยายพร้อมกันถึงสามเรื่องเป็นอย่างต่ำ มากสุดคือสี่ โอ้ววว หล่อนไปเอาความมั่นนี้มาจากไหน เขียนทีละเรื่องยังจะตายแล้ววว ซึ่งถ้าใครตามอ่านงานตอมมานาน จะรู้เลยว่าตอมบอกเสมอว่าโฟกัสนิยายได้ทีละเรื่องจริงๆ


แต่คือแบบนี้ค่ะ แอบมีการแบ่งคิว 5555 (อยู่ในช่วงทดลองงาน) อย่างเรื่องน้องแมทกับพี่เตอร์เนี่ย จะเขียนสดวันนั้น อัพอีกวันอะไรแบบนี้ ส่วนแม่เรียวเนี่ย ตอนนี้สต็อกไปได้เยอะแล้ว และเรื่องใหม่ที่จะเปิดอย่างที่เคยแจ้งไปในเพจคือเรื่องพี่พระเอกคนที่สามของเซ็ท ซีรีส์พี่พระเอก อันนั้นก็จะค่อยๆ เขียนและอัพไปพร้อมน้องแมทเช่นกัน และถ้าแม่เรียวปิดต้นฉบับไปแล้ว ตอมก็จะเขียนฟิคเซฮุนกับลู่หาน กรี๊ดดด อยากเขียน รอบก่อนคือไม่ถนัดฟิคเลยยย มันไม่อินจีๆ แต่ตอนนี้เรามีวิธีอินของเราแล้วคือ ใช้แค่ฮุนกับลู่สองคน ตัวละครอื่นมโนเองทั้งหมดดด แบบนี้แหละเขียนไหลแน่ๆ คือแบบว่า ตัวพระนายชื่อฮุนกับชื่อลู่เลยค่ะ แต่ตัวละครรอบๆ ตัวก็จะชื่อแดง ชื่อดำ ชื่อเขียว เพราะถ้าชื่อคนในวงมาเขียน ตอมจะได้ฟีลไม่สุดดด


ก็จะประมาณนี้ค่ะ แต่ยังไม่รู้จะเป็นไปประมาณนี้มั้ย 5555 คือก็ลองดูอยู่ว่าตัวเองจะไหวหรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ฝืนตัวเองแน่นอน เพราะกลัวเขียนออกมาไม่ดี ถ้าเขียนได้เยอะแล้วเนื้อรเื่องมันตุปัดตุเป๋ ก็ขอกลับมาโฟกัสเรื่องเดียวแล้วทุ่มให้สุดๆ ไปเลยดีกว่า ส่วนใครที่รอรูปเล่มพาร์ทสามของพี่วิคเตอร์กับแมทคืออีกโคตรนานนน มาอ่านในเว็บก่อนเถอะจริงๆ 5555


ส่วนรีปริ้นนิยายเรื่องนี้ ทั้งภาค 1 และภาค 2 คือช่วงกลางเดือนมกราคมค่ะ ซึ่งตอมได้แจ้งในเพจไปแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่เห็นหรือเปล่า เลยมาแจ้งในนี้อีกที จะเปิดพรีออเดอร์วันแรกคือ 13 มกราคม และปิดพรีออเดอร์ 25 กุมภาพันธ์ ผู้ได๋อยากดั้ยหนังสือ ก็เตรียมไตไว้เด้อจ้า ไม่มีการลงชื่อใดๆ ทั้งสิ้น ใครพร้อมโอนแล้วแจ้งโอนผ่านอีเมล รายละเอียดจะมาแจ้งอีกทีนะค้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 24-12-2016 01:04:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-12-2016 01:12:07
 :impress3: ดีใจมาก ๆ จ้ะ กำลังคิดถึงน้องแมทกับพี่เตอร์อยู่พอดีเลย เริ่มต้นได้น่ารักมาก ๆ เลยอ่ะ  :กอด1: รออ่านตอนไปเที่ยวใต้กัน คงสนุกกันพิลึกเลยอ่ะ ชอบจัง รองานอีกสองเรื่องของคุณตอมจ้ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-12-2016 05:48:16
โย้ยยยยยยย คู่ผัวเมียคู่นี้ อย่าตีกันเยอะน้า พอแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 24-12-2016 07:45:43
โอ้ววว กรี๊ดดด พี่วิคเตอร์ นุ้งแมททททท ฮีคัมแบคแล้วค่าาา คิดถึงสุดด วิคเตอร์นี่ดูใจกว้างขึ้นเยอะเลย หลังจากหึงมหาโหดกันไปในภาคที่แล้ว แล้วเมื่อไหร่พ่อตาจะยอมให้พาลูกชายเค้ากลับนิวยอร์คละเนี้ย เห้อออ  :z3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2016 07:47:29
ดีใจไรท์ มาต่อ  :mew1: :mew1: :mew1:
วิคเตอร์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ดูวิคเตอร์ จะได้รับการยอมรับจากพ่อแม่แมท ในระดับหนึ่ง
ฮูู้ย......อะไรจะหวงลูกไม่ลดลงเลย
คนอ่านเลยรอ ร้อ รอ ฉากอย่างว่าซ้า  :ling1: :ling1: :ling1:
เอิร์ท ก็ได้มาเจอแมทได้ถ่ายรูปกันด้วย
มีจอมหวงมองตามตลอด
วิคเตอร์ จะได้ไปเที่ยวใต้กับแมทและ
ได้หวานกันห่างสายตาพ่อแม่แมทแล้ว :z1: :z1: :z1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 24-12-2016 08:58:44
ตอนนี้ตามอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ ขอแค่คนเขียนอัพนะ จะรีบอ่านทันที 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 24-12-2016 23:11:56
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-12-2016 00:54:37
นึกภาพวิคเตอร์มาเดินตามแฟนรับปริญญาต้อยๆ ร้อนก็ร้อน นางน่ารักมากเลยนะ
ตอนพัดให้ด้วย น่ารักดี อิจฉาคนมีผัวจีๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-12-2016 09:47:05
welcome back
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 25-12-2016 21:18:32
มาแล้ววววว :pig2:จริงอย่างที่คุณพี่ตอมว่าค่ะถ้าเอาชื่อศิลปินมาเขียนอาจจะฟินไม่สุด แต่เราชอบที่ให้จินตนาการอิมเมจเป็นศิลปินแต่เปลี่ยนชื่อเหมือนคุนแม๊ เรียว o13 o13 o13 o13 คุณพี่ตอมไม่สนใจการคัดตัวนักแสดง( มินฮยอก ชยอนู มอนสต้าเอ็กซ์เลยหรือ)<=เริ่มความชอบส่วนตัวล่ะ :katai4:แต่ยังไงก็ติดตามเรื่องนี้และรอเรื่องใหม่ตลอดค่ะ รอได้เสมอเมื่อไอเดียเทออแล่นมา :mew1: :z2:
ปล.ขออภัยหากไม่พอใจเรื่องเอาศิลปินตัวอย่างมาสังเวยการออดิชั่น :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Qualmy ที่ 25-12-2016 21:20:04
 :katai1:นไอ่วิคเต้ออออออ บ่ไหวละหน้ออ แค้นคั่กๆเดือปุดๆๆ ขอเอิร์ธแมทำได้ม้อยยย ลำไยมานนนนนน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 25-12-2016 21:36:49
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 25-12-2016 23:27:18
ปีใหม่นี้ขอพรให้ดราม่าจงหายไป สงนาง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 26-12-2016 04:52:59
คิดถึงแมทสุดๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 50% :24.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 27-12-2016 23:02:58
 o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-12-2016 00:29:57


Prologue [100%]



เดินจบเกือบทั่วมอ แต่ก็ได้ถ่ายรูปในจุดที่อยากได้สมใจอยาก ตะวันเริ่มจะลาลับขอบฟ้า แสงสีส้มอ่อนเริ่มแซมแบ็คกราวด์สีฟ้าของทองฟ้า ลมเย็นๆ พัดโชยมาให้ได้ชื่นใจบ้างเป็นระยะ หลังจากถ่ายรูปหมู่เสร็จ แมทก็มาถ่ายกับวิคเตอร์ต่อ ตอนแรกถ่ายไม่ถึงสิบรูปด้วยซ้ำเพราะวิคเตอร์ขี้เกียจ
   



“Giant! Grrr! (ไอ้ยักษ์! อ๊า!)” แมทกระทืบสองเท้าบนพื้นสนามหญ้าในสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยเหมือนเด็กๆ จนปลายชุดครุยสีดำกระเด้งตามจังกวะกระทืบเท้า
   



“โอ๊ย อ้อนผัวแต่อ้อนตีนกูเหลือเกิน!” ทุกคนหัวเราะกับการแซะของแชมป์ แมทหันไปเบ้ปาก ถลึงตาใส่และยกกำปั้นขึ้นทำท่าจะต่อยไอ้ตี๋ แต่ก็เอากำปั้นนั้นมาทุบแฟนตัวยักษ์ตรงอกดังปั้ก!
   



“What?! That’s hurt, you know?! (หู! เจ็บนะเนี่ย)” แมทเบะปากหน้างอ
   



“Take pictures! I don’t wear this dress every day! (ก็ถ่ายรูปสิ ไม่ได้ใส่ชุดนี้ทุกวันนะ!)” หน้าใสๆ แหงนหน้าแหวเสียงใสใส่ไอ้ฝรั่งตัวสูงที่ยืนยิ้มหล่อมองหน้าเอเลี่ยนน้อยผ่านแว่นสีดำด้วยความขำ
   



“We took more pictures with your parents, is that not enough? (ที่ถ่ายไปกับพ่อกับแม่นายนั่นยังไม่พอรึไง)” แมทใช้สองแขนรัดร่างหนาใหญ่ของวิคเตอร์ไว้เต็มแขน เอาคางเกยอกวิคเตอร์แล้วมองอย่างอ้อนๆ
   



“This time is for both of us! (ก็ถ่ายสองคนไงเล่า!)” แทบจะทุกช็อตทุกจังหวะที่แมทงอแงใส่วิคเตอร์ แล้วบักฝรั่งเอาแต่ขำนั้น ตากล้องกดแชะภาพรัวๆ ไว้เพียบ
   



“Okay. You want to take more pictures with a handsome one like me, right? (มาๆ ถ่ายๆ อยากถ่ายกับคนหล่อก็ไม่บอก)” รอยยิ้มแฉ่งปรากฏบนใบหน้าแมทพร้อมกับอ้อมแขนที่ปล่อยออก วิคเตอร์ยกมือขวาดันหน้าผากแมทด้วยความหมั่นไส้จนคนตัวเล็กหน้าหงายเงิบ
   



สุดท้ายแมทก็ได้ถ่ายรูปกับแฟนตัวเองในวันรับปริญญาสมใจ วิคเตอร์จัดการยก อุ้ม แบกเอเลี่ยนน้อยหรืออะไรก็ตามที่ตากล้องบอก เขาสามารถทำให้ได้หมดโดยที่เอเลี่ยนน้อยก็ตอบรับแอคชั่นนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถ่ายไปได้หลายสิบภาพจนแมทบ่นเหนื่อยเองนั่นแหละถึงได้พอ
   



หลังจากจบกระบวนการถ่ายรูปหมู่ รูปคู่ รูปขี้จนหมด แมทก็ต้องไปถ่ายกับกลุ่มแฟนคลับหลายสิบคนที่ยกโขยงมาร่วมแสดงความยินดี โชคดีที่น้องๆ เข้าใจว่าแมทเหนื่อยจริงๆ เลยเน้นถ่ายรูปหมู่ วิคเตอร์ไม่ขอถ่าย และแมทเองก็ไม่คิดบังคับถ่ายเช่นกัน
   



“คงเข้าใจเนาะว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน ยังไงก็อย่าเคืองกันนะ” แฟนคลับทุกคนตอบรับด้วยความเข้าใจว่าทั้งสองคนไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ที่มันเกือบจะเผยจนหมดก่อนหน้านี้ไปมากกว่านี้แล้ว อะไรที่เงียบได้ทั้งคู่ก็อยากเงียบ ไม่อยากให้มันเป็นจุดเด่นเป็นที่สนใจมากนัก แม้กระทั่งเพจคู่ของวิคเตอร์กับแมทที่มีคนไลค์หลายหมื่นคนก็มีการเปลี่ยนแปลง ทางทีมพีอาร์ของวิคเตอร์ส่งข้อความไปบอกแอดมินเพจว่าให้ปิดเพจนี้ แต่ถ้าอยากทำเพจให้วิคเตอร์ไม่ว่ากัน แต่ห้ามทำเพจคู่ ดังนั้นแอดมินจึงเลือกเปลี่ยนเพจเป็นชื่อวิคเตอร์คนเดียว โดยให้เหตุผลว่าความสัมพันธ์ของวิคเตอร์กับแมทไม่ได้มีอะไรชัดเจน ไม่มีการยืนยัน เลยขอไม่กระพือกระแสไปเอง ซึ่งแน่นอนว่าข้อความเหล่านั้น ทีมพีอาร์คิดมาให้เรียบร้อยแล้ว
   



“ขอบคุณมากนะครับที่มา ไว้เจอกันใหม่นะ” แมทโบกมือลาแฟนคลับที่ขอตัวกลับกันก่อน กลุ่มนี้ตามเขากับวิคเตอร์จนเริ่มจะจำหน้าได้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้จำเป๊ะไปหมด เพราะใช่ว่าจะเจอกันถี่ๆ ซะเมื่อไหร่ วิคเตอร์ไม่ได้มีงานให้ตาม เพราะเวลามาไทยก็คือมาอยู่กับเขา ออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ประกาศให้แฟนคลับรู้ บางทีวิคเตอร์บินมาไทยก็ไม่มีใครรู้ เก็บเงียบ บินกลับก็เก็บเงียบ เลยทำให้ตามยาก นับครั้งการตามได้ก็ไม่ถึงสิบครั้งเลย
   



“คืนนี้ไม่ไปไหนเนอะ” แมทถามเพื่อน ทุกคนสั่นหัว แม้หน้าตาจะไม่บ่งบอกถึงความเพลีย แต่ทุกคนที่ตื่นแต่ดึก หรือบางคนที่ไม่ได้นอนเลยก็อยากจะพักผ่อนยาวๆ อย่างเต็มที่แล้ว
   



“ไว้วันอื่นเถอะว่ะ กูหลับตรงนี้ยังได้เลยตอนนี้” ทุกคนหัวเราะน้อยๆ กับคำบอกของวอร์ม
   



“งั้นแยกย้าย ไว้เจอกัน” แมทโบกมือลาเพื่อนๆ ไม่ได้มีบรรยากาศความเศร้าสร้อยอะไร ทุกคนเคยคิดว่ามันจะต้องเศร้าเมื่อตอนเรียบจบ แต่จริงๆ มันแค่เคว้งที่จะไม่ได้มาเจอกันในชั่วโมงเรียนอีก แต่หลังจากเรียนจบ พวกเขาก็นัดเจอกันบ่อยๆ จนกลายเป็นว่าไม่ได้รู้สึกต่างจากตอนเรียนเท่าไหร่ แค่ไม่ได้เรียนด้วยกันเท่านั้นเอง
   



“พี่เคนๆ เดี๋ยวบอกแคทหน่อยว่ากุญแจห้องมันอยู่กับแม่แมท” แมทหันไปบอกเคนในขณะที่กำลังเดินจับมือกับวิคเตอร์ออกไปทางประตูหลังมอ พี่เคนพยักหน้าแล้วหันไปมองแคทที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนต่างคณะอยู่
   



“แคท กุญแจห้องอยู่กับแม่แมทนะ!” เคนตะโกนบอก แคทหันมามองแว้บหนึ่งแล้วหันกลับไปลาเพื่อนต่างคณะของตัวเอง รีบเดินตามสามคนข้างหน้าให้ทัน
   



“อะไรพี่เคน”
   



“กุญแจห้องพัก อยู่กับแม่แมท”
   



“อ๋อๆ โอเค” แคทพักโรงแรมเดียวกับแมท พ่อแม่แคทมาแสดงความยินดีไปแล้วเมื่อวันซ้อมใหญ่ วันจริงทั้งสองคนอยากให้ลูกใช้เวลากับเพื่อนฝูงให้เต็มที่เลยกลับไปก่อนแล้ว กลับกันกับพ่อแม่แมทที่อยากมาวันจริง เนื่องจากอยากมานั่งชื่นชมพระบารมีของผู้พระราชทานปริญญาบัตรให้กับลูกตนเอง แม้จะเห็นผ่านแค่จอทีวีที่ถ่ายทอดสดมาจากในหอประชุมก็ตาม
   




“What do you want to eat? (อยากกินอะไร)” วิคเตอร์ก้มหน้าลงถาม พลางเสียบแว่นลงบนปกเสื้อ ตอนนี้มืดแล้วคงไม่มีใครเห็นหน้าเขาชัดหรอก
   



“Pizza! We can order it to our room. (สั่งพิซซ่ามากินที่ห้องเถอะ เอาต้มยำๆ) แคทเอามั้ย” แคทหันไปถามว่าที่แฟนตัวเอง พี่เคนพยักหน้าว่าเอา
   



“เออ เดี๋ยวฉันไปกินที่ห้องแกละกัน ชวนอีพวกนั้นมะ” แมททำหน้าครุ่นคิดแปบหนึ่งแล้วก็พยักหน้า
   



“ลองชวนในกรุ๊ปไลน์ก่อน ถ้าพวกมันอยากนอนก็ให้นอนไป”
   



“พี่เคนๆ พิมพ์เข้าไปในกรุ๊ปไลน์แคทให้หน่อย ถามว่ามีใครอยากมาจอยมั้ย” หนุ่มรอยสักร่างสูงหยิบมือถือแคทขึ้นมาพิมพ์ตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วก็เก็บมือถือลงไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม เพราะคิดว่าอีกพักใหญ่ๆ เลยกว่าจะมีคนตอบ
   



เดินไปได้สักพักแมทก็บ่นปวดเท้า วิคเตอร์เลยเอาเจ้าตัวจ้อยขึ้นหลัง ส่วนแคทเป็นสาวสตรอง เดินเท้าเปล่าให้พี่เคนถือคัชชูให้ ใช้เวลาเดินจากในมอมาที่พักก็เกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเข้าห้องตัวเองแมทก็ไปเคาะถามพ่อกับแม่เรื่องอาหารเย็นและขอกุญแจให้แคท ทั้งสองคนสั่งจากข้างล่างขึ้นมากินเรียบร้อยแล้ว แมทเลยเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ถอดชุดครุยกับเนคไทออก เหลือเสื้อเชิ้ต กางเกงและถุงเท้า หยิบมือถือขึ้นมากดโทรสั่งพิซซ่า บอกเมนูที่ต้องการและสถานที่จัดส่งเสร็จสรรพก็ไปนอนเล่นมือถือรอบนเตียง หันไปมองวิคเตอร์ที่ถอดเสื้อใส่แต่บ็อกเซอร์แว้บหนึ่ง
   



“สั่งยัง” แมทหันไปพยักหน้าให้วิคเตอร์ที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่แล้วก็หันกลับมาดูมือถือต่อ
   



“อะ ของขวัญวันรับปริญญาของนาย” แมทหันขวับไปมองกล่องสี่เหลี่ยมสีดำทรงยาว
   



“โอ๊ะ เงินสดที่ให้มานั่นไม่พอเหรอ” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากและส่ายหน้าเบาๆ
   



“คนละอันกัน อันนี้ฉันสั่งพิเศษเลย” แมทกดล็อคมือถือแล้วลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ยื่นมือไปหยิบกล่องนั้นมาจากมือวิคเตอร์
   



“ไหนว่านึกไม่ออกไงว่าจะให้อะไรดี”
   



“เซอร์ไพรส์ไง” แมททำตาโตวูบหนึ่ง แล้วหรี่ตามองวิคเตอร์ ทำท่าเหมือนว่าไม่ไว้ใจอีกฝ่าย วิคเตอร์ยิ้มกว้างจนร่องแก้มขึ้น แมทแก้ปมริบบิ้นสีแดงที่พันกล่องไว้ แล้วก็เปิดฝากล่องออก พอเห็นของที่อยู่ข้างในก็อ้าปากกว้าง ตาโตยิ่งกว่านกฮูก หัวใจกระตุกวูบใหญ่แล้วก็ร้องเสียหลง
   



“อะโหย!” เอเลี่ยนน้อยเงยหน้าพรึ่บขึ้นมองไอ้ยักษ์ตัวโตที่ยิ้มกริ่มแล้วยักคิ้วขวาให้หนึ่งทีด้วยความเท่ แมทหุบปากฉับ ก้มลงมองของที่อยู่ในกล่องให้ชัดๆ อีกที
   



“คุ้นๆ มั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขวาลูบเป้านูนๆ ของตัวเองเบาๆ
   



“ดิลโด้ในวันรับปริญญา?! เอาจริงเหรอ?!” วิคเตอร์พยักหน้า ยิ้มอย่างชื่นมื่น ส่วนแมทมึนหน่อยๆ กับของขวัญชิ้นนี้ เคยมีใครให้ของแบบนี้ในวันที่สำเร็จการศึกษาบ้างมั้ยนะ
   



“ที่มีในห้องเซ็กส์ทอยนั่นไม่พอหรือไง” วิคเตอร์สั่นหัวเบาๆ
   



“ไม่ให้ใช้แล้ว ใช้อันนี้ดีกว่า…” แมทขมวดคิ้วงงไม่เข้าใจ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ดึงบ็อกเซอร์ลงไปข้างล่างลูกกลมกลึงสองลูก ยักษ์น้อยดีดตัวผงาดตั้งตรง แมทเผลอสะดุ้งนิดหน่อยเพราะไม่ได้เจอกันตั้งสามเดือน
   




“…ไม่คุ้นจริงเหรอ” แมทเอียงหน้าไม่เข้าใจ วิคเตอร์ส่งสายตาไปมองดิลโด้สีเนื้อโกโก้อ่อนในกล่องและสลับกับมองของตัวเอง แมทเบิกตากว้างขึ้น คว้าดิลโด้ในกล่องไปวางเทียบกับของวิคเตอร์ที่ตั้งตระหง่านอย่างกับหอคอย
   



“หูยยย นี่มันของคุณนี่ มีได้ไงอะ” แมทมองด้วยความตื่นตาตื่นใจและความตื่นเต้นที่เห็นยักษ์น้อยมีสองอัน อันที่เป็นโคลนนิ่งเหมือนอย่างกับแฝด สีผิวเดียวกัน ลายของเส้นเลือดยังเหมือน ส่วนหัวก็ไม่ผิดเพี้ยน ความใหญ่ ความยาว แม้กระทั่งขนาดใหญ่ของสองลูกกลมกลึงก็ไม่ต่างจากของจริง 
   



“ฉันสั่งทำเพื่อนาย…” วิคเตอร์บอกพลางรูดลูกชายตัวเองเบาๆ แมทกำดิลโด้โคลนนิ่งแน่น แล้วเลื่อนไปจับของจริง วิคเตอร์ปล่อยมือออกให้เจ้าตัวจ้อยจับได้อย่างสะดวก
   



“…มีอันเดียวในโลก เพราะฉันสั่งทำเพื่อนายโดยเฉพาะ เอาไว้ใช้ตอนที่นายอยากเวลาที่ฉันไปทำงานที่อื่น” แมทกำลังกำๆ จับๆ และลูบคลำของจริง สลับกับของโคลนนิ่งราวกับเด็กน้อยเพิ่งเรียนรู้โลก วิคเตอร์นั่งมองตากลมแป๋วที่นั่งจ้องของเขาราวกับไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วก็ยิ้มขำ
   



“แต่เอ๊ะ!” แมทปล่อยมือออกจากของจริง เด้งตัวนั่งตรง มองหน้าวิคเตอร์ด้วยความสงสัย
   



“แล้วไปทำมาได้ยังไง ทำไมถึงออกมาเหมือนขนาดนี้…” คิ้วเข้มอ่อนๆ ของแมทขมวดเข้าหากัน
   



“…คุณให้ใครจับมันรึเปล่า มันถึงได้เป๊ะขนาดนี้อะ!” จากที่ตื่นเต้น ตอนนี้แมทกำลังคิดเยอะคิดแยะ ตีกันวุ่นในหัวไปหมด วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง หน้าตายังสบายๆ อยู่ ไม่ได้ร้อนรนอะไร
   



“ฉันให้เซล่าติดต่อบริษัทที่รับผลิตของพวกนี้ นัดเขามาคุยและจับเซ็นสัญญาว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีพนักงานผู้ชายสองคนมาช่วย” แมทหรี่ตามองด้วยความไม่ไว้ใจ วิคเตอร์ยิ้มกว้าง
   



“โกหกรึเปล่าเนี่ย แล้วผู้ชายสองคนนั้นอะผู้ชายจริงมั้ย ทำไมทำอย่างงี้อะ ให้คนอื่นมาสัมผัสได้ไง” แมททำหน้าตางอแงเหมือนเด็กเบะปากจะร้องไห้ ยกดิลโด้ในมือตีหัววิคเตอร์ไปหนึ่งที วิคเตอร์สะดุ้งไปทีแล้วก็หัวเราะชอบใจ
   



“โกหกอะไรเล่า แล้วสองคนนั้นก็ผู้ชายจริงๆ ฉันคัดมาแล้วน่า…” แมททำหน้างอง้ำ ยกดิลโด้ขึ้นมาดู ไอ้จะดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ก็ไม่ชอบที่วิคเตอร์ให้ใครก็ไม่รู้มาจับ มาสัมผัสยักษ์น้อย
   



“…อย่าคิดมากน่า เหมือนทำงานนั่นแหละ ฉันดูคลิปเราสองคนนั่นแหละถึงแข็งจนทำเสร็จ” จะบอกว่ารู้สึกดีขึ้นก็พูดไม่เต็มปากอีก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่จนจะร้องไห้
   



“ไม่เห็นต้องทำอะไรอย่างนี้เลย ของจริงก็มี ถ้าคุณไม่อยู่ ผมใช้อันอื่นหรือไม่ทำก็ได้”
   



“ไม่ทำก็ดี แต่ฉันไม่อยากให้นายใช้อันอื่นแล้ว ฉันหวง อย่างน้อยถ้าอะไรจะเข้าไปในรูนายก็ให้มันเป็นร่างโคลนนิ่งฉันก็ยังดี” ตรรกะแปลกๆ แต่สมเหตุสมผลสำหรับวิคเตอร์ยังมีให้เห็นได้เสมอๆ
   



“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ฉันตั้งใจทำให้นายจริงๆ นี่บริษัทเดียวกันกับที่ไอ้พระเอกหนังโป๊นั่นทำเลยนะ” แมททำหน้าประหลาดใจ เลิกคิ้วขึ้นแล้วครุ่นคิดแปบสั้นๆ
   



“แซ็คอะเหรอ” วิคเตอร์พยักหน้าลง ดึงบ็อกเซอร์ขึ้นสวมทับลูกชายที่ค่อยๆ อ่อนตัวลง
   



“เขาเอาผลงานมาให้ฉันดู เลยเห็นว่ามีของหมอนั่นด้วย” แมทจิ๊ปากหนึ่งที ยกยักษ์น้อยโคลนนิ่งขึ้นมาดู มองสำรวจแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้พ่อยักษ์ใหญ่
   



“ขอบคุณนะครับ แม้จะไม่ชอบใจวิธีการที่ได้มาก็เถอะ…” วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ยื่นมือซ้ายไปดึงหัวแมทมาใกล้ๆ แล้วจูบหน้าผากไปหนึ่งที แมทก้มลงจุ๊บรอยสักบนอกซ้ายแน่นๆ ของวิคเตอร์
   




“…แน่ใจนะว่าไม่ได้ให้ผู้หญิงแตะของคุณ แล้วก็มีแค่อันเดียวอะ ไม่ใช่สองคนนั้นแอบเอาไซส์คุณไปผลิตล่ะ” วิคเตอร์ยิ้มขำกับเด็กขี้หวงที่นานๆ ทีจะแสดงออกให้เห็นชัดเจนแบบนี้
   



“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจับเซ็นสัญญาแล้ว ถ้าเรื่องรั่วไหล ก็ฟ้องร้องกันให้ล่มจมนั่นแหละ” แมทเชื่อว่าวิคเตอร์รอบคอบพอ… ไม่สิ จริงๆ ต้องบอกว่าเซล่ารอบคอบมากพอ ยัยป้านั่นไม่มีทางที่จะให้วิคเตอร์เสียชื่อหรือเสียภาพลักษณ์ง่ายๆ แน่นอน ดีไม่ดีอาจพยายามค้านแล้ว แต่วิคเตอร์คงไปขู่อะไรสักอย่างหล่อนถึงทำให้ เพราะคงคิดว่าจัดการเองดีกว่าปล่อยให้วิคเตอร์จัดการ
   



“ให้พักเหนื่อยจากงานนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวมาลองใช้กัน” วิคเตอร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม แมทเม้มปากยิ้มเขินๆ แล้วพยักหน้าดุ๊กดิ๊ก ก่อนที่จะหัวเราะคิกคักแล้วก็ซุกหน้าลงกับอกแน่นๆ ของวิคเตอร์ ยักษ์ใหญ่ยกมือซ้ายขึ้นลูบหลังเอเลี่ยนน้อยเบาๆ แล้วจูบกลางกระหม่อมไปหนึ่งที
   



“นี่ แล้วระวังเรื่องคลิปหลุดล่ะ ถ้าหลุดไปซวยกันน่าดูเลยนะ” แมทถามด้วยความกังวลใจเล็กๆ ก่อนจะบินกลับนิวยอร์กครั้งก่อน วิคเตอร์ถ่ายคลิปตอนมีอะไรกันไว้ เพราะอยากเก็บไว้ดูเวลาเปล่าเปลี่ยวในตอนที่ว่างไม่ตรงกันในการออนสไกป์ แมทก็แอบเห็นด้วย ให้เขาเกิดอารมณ์เพราะเราน่ะดีสุดแล้ว ให้เขาดูคลิปเราดีกว่าไปดูคลิปคนอื่น หรือที่แย่ที่สุดคือไปเอากับคนอื่น ถ้าเป็นแบบนั้นจะให้ถ่ายสักร้อยคลิปเลย
   



“ไม่ต้องห่วงน่า ถ้ามือถือพังฉันไม่เอาไปซ่อมอย่างที่นายบอกแน่นอน เก็บไว้ไม่ให้ใครยุ่งหรอก” แมทเตือนจากประสบการณ์ที่เห็นคลิปหลุดของดาราไทยทั้งหลายก็มาจากการส่งซ่อมนี่แหละ แล้วก็หลุดต่อๆ กันไป
   



“อย่าให้พ่อนายเห็นนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเอาปืนมายิงฉันอีก” วิคเตอร์เบ้ปากเมื่อพูดถึงพ่อตา แมทหัวเราะ ยกดิลโด้ขึ้นมาแล้วจุ๊บตรงปลายไปหนึ่งที
   



“จูบของจริงหน่อยสิ มันคิดถึงแม่มันจะแย่แล้ว” แมทห่อไหล่ยิ้มเขิน ยื่นมือไปล้วงเจ้ายักษ์น้อยที่แข็งตัวแบบอ่อนๆ ออกมาข้างนอกแล้วก้มลงจุ๊บปลายสีชมพูสดไปหนึ่งที
   



“I miss you, too, little giant. (คิดถึงเหมือนกันนะยักษ์น้อย)” วิคเตอร์ยิ้มกว้างแบบที่แมทชอบ ยิ้มจนมีร่องแก้ม แมทยื่นหน้าไปหอมแก้มวิคเตอร์หนึ่งที
   



“And I miss you very much my big giant. (แล้วก็คิดถึงยักษ์ใหญ่ม้ากมาก)” เจ้าตัวจ้อยยื่นหน้าไปถูปลายจมูกโด่งของคนตัวโต วิคเตอร์ยิ้มไม่หุบ แล้วจุ๊บปากแมทไปหนึ่งที
   



ครืด~ ครืด~
   



มือถือของแมทสั่นสะเทือน เจ้าตัวหันตัวไปหยิบขึ้นมากดรับ อีกฝ่ายคือพนักงานส่งพิซซ่าที่บอกว่าอยู่ด้านล่างโรงแรมแล้ว
   



“พิซซ่ามาแล้ววว!” แมทว่าด้วยความดีใจเหมือนเด็กตัวเล็กๆ
   



“เก็บยักษ์น้อยโคลนนิ่งดีๆ เดี๋ยวเพื่อนนายมาเห็นจะตกใจ” แมทยิ้มกว้างและพยักหน้า เก็บของขวัญของสามีหน้ายักษ์ลงกล่องอย่างดี
   



“แหวนเอาห้อยคอไว้อยู่ใช่มั้ย” แมทพยักหน้าอีกที แล้วเอามือขวาตบตรงอกที่แหวนห้อยกระทบเนื้ออยู่เบาๆ ส่วนของวิคเตอร์ใส่อยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายอยู่แล้ว
   



“ป่ะ ไปเอาพิซซ่ากัน” แมทลุกลงจากเตียง เอากล่องของขวัญของวิคเตอร์ไปวางไว้ในตู้เสื้อผ้า วิคเตอร์ลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อจากตู้มาสวมใส่ และหยิบกางเกงขาสั้นมาใส่ทับบ็อกเซอร์อีกที ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไปรับพิซซ่าที่ด้านล่าง
   



สรุปว่าของขวัญของพ่อกับแม่ที่ว่าใหญ่สุดในตอนแรก พอเจอของสามีตัวเองเข้าไป ดันใหญ่กว่าใครเลย ใหญ่แบบที่ อืม… ใหญ่จริงๆ







เม้าท์เมาท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:



ของขวัญวันรับปริญญาที่เชื่อว่าไม่เหมือนใคร 55555 พี่ยักษ์ควรให้น้องในวันวาเลนไทน์หรือวันเกิด วันครบรอบอะไรแบบนี้มั้ยคะ แต่อย่างว่านี่ใครค่ะ ยักษ์ใหญ่เองงงง ฮ่าๆๆๆ

ทำมาซะเหมือนด้วยนะ อะหุๆ -.,- เพียงเพราะไม่อยากให้สิ่งใดเข้าไปในรู เอ้ย ตัวน้องแมท พี่ยักษ์ก็ลงทุนมาก นี่ดีนะให้ผู้ชายมาทำให้ ถ้ามีชะนีมาเอี่ยวโดนตัวเจี๊ยวแน่ๆ ไอ้ย้ากกกก

เอาเป็นว่าก็ Congratulations กับน้องแมทนะคะลูก ชีวิตสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว สถานีต่อไปก็เดินตามฝันเนาะ ครุคริๆ

ก็ใสๆ เห็นมั้ยใครกลัวดราม่า มีแต่ความน่ารักน่าชังลอยอบอวลรอบตัวทั้งสองคน เย๊เยเย่! มาก

พบกันตอนหน้านะคะ แต่เรื่องระยะเวลาการอัพ ยังไงอ่านคำอธิบายด้านล่างก่อนเนอะ จะได้เข้าใจตรงกันนน

...

หลังจากหายไปนาน ตอนนี้เรื่องนี้จะเริ่มกลับมาอัพแล้วค่ะ แต่ต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้อัพถี่รัวๆ เพราะจะเป็นการเขียนสดอัพสดแบบในช่วงแรกที่ตอมเขียนนิยายเรื่องนี้ อยากอ่านคอมเม้นนน เพราะบางทีอ่านเม้นแล้วไอเดียบรรเจิดมากเลยก็มี อยากได้ฟีลลิ่งเก่าๆ ในการเขียนและอัพนิยายกลับมาาา

อีกอย่างปี 60 ตอมได้ทำการอาจหาญที่จะเขียนนิยายพร้อมกันถึงสามเรื่องเป็นอย่างต่ำ มากสุดคือสี่ โอ้ววว หล่อนไปเอาความมั่นนี้มาจากไหน เขียนทีละเรื่องยังจะตายแล้ววว ซึ่งถ้าใครตามอ่านงานตอมมานาน จะรู้เลยว่าตอมบอกเสมอว่าโฟกัสนิยายได้ทีละเรื่องจริงๆ

แต่คือแบบนี้ค่ะ แอบมีการแบ่งคิว 5555 (อยู่ในช่วงทดลองงาน) อย่างเรื่องน้องแมทกับพี่เตอร์เนี่ย จะเขียนสดวันนั้น อัพอีกวันอะไรแบบนี้ ส่วนแม่เรียวเนี่ย ตอนนี้สต็อกไปได้เยอะแล้ว และเรื่องใหม่ที่จะเปิดอย่างที่เคยแจ้งไปในเพจคือเรื่องพี่พระเอกคนที่สามของเซ็ท ซีรีส์พี่พระเอก อันนั้นก็จะค่อยๆ เขียนและอัพไปพร้อมน้องแมทเช่นกัน และถ้าแม่เรียวปิดต้นฉบับไปแล้ว ตอมก็จะเขียนฟิคเซฮุนกับลู่หาน กรี๊ดดด อยากเขียน รอบก่อนคือไม่ถนัดฟิคเลยยย มันไม่อินจีๆ แต่ตอนนี้เรามีวิธีอินของเราแล้วคือ ใช้แค่ฮุนกับลู่สองคน ตัวละครอื่นมโนเองทั้งหมดดด แบบนี้แหละเขียนไหลแน่ๆ คือแบบว่า ตัวพระนายชื่อฮุนกับชื่อลู่เลยค่ะ แต่ตัวละครรอบๆ ตัวก็จะชื่อแดง ชื่อดำ ชื่อเขียว เพราะถ้าชื่อคนในวงมาเขียน ตอมจะได้ฟีลไม่สุดดด

ก็จะประมาณนี้ค่ะ แต่ยังไม่รู้จะเป็นไปประมาณนี้มั้ย 5555 คือก็ลองดูอยู่ว่าตัวเองจะไหวหรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ฝืนตัวเองแน่นอน เพราะกลัวเขียนออกมาไม่ดี ถ้าเขียนได้เยอะแล้วเนื้อเรื่องมันตุปัดตุเป๋ ก็ขอกลับมาโฟกัสเรื่องเดียวแล้วทุ่มให้สุดๆ ไปเลยดีกว่า ส่วนใครที่รอรูปเล่มพาร์ทสามของพี่วิคเตอร์กับแมทคืออีกโคตรนานนน มาอ่านในเว็บก่อนเถอะจริงๆ 5555 แต่ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะที่ยังรอหนังสือกันอยู่เสมอๆ

ส่วนรีปริ้นนิยายเรื่องนี้ ทั้งภาค 1 และภาค 2 คือช่วงกลางเดือนมกราคมค่ะ ซึ่งตอมได้แจ้งในเพจไปแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่เห็นหรือเปล่า เลยมาแจ้งในนี้อีกที จะเปิดพรีออเดอร์วันแรกคือ 13 มกราคม และปิดพรีออเดอร์ 25 กุมภาพันธ์ ผู้ได๋อยากดั้ยหนังสือ ก็เตรียมไตไว้เด้อจ้า ไม่มีการลงชื่อใดๆ ทั้งสิ้น ใครพร้อมโอนแล้วแจ้งโอนผ่านอีเมล รายละเอียดจะมาแจ้งอีกทีนะค้า



แท็กในทวิตเตอร์ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 29-12-2016 00:43:17
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-12-2016 01:10:54
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-12-2016 02:56:07
ฉันล่ะหน่ายกับสองผัวเมียคู่นี้  :เฮ้อ:  แต่ก็สมกับเป็นพวกเขาละนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 29-12-2016 06:25:39
โอ้ย หวานจนมดเบืออ จริงๆอยากให้พอกะแม่น้องแมทยอมรับจริงๆจังๆซักทีเนอะ จะได้ย้ายไปอยู่นู่นเลย ไอ้ยักษ์ก้ดูอ่อนลงเยอะมากก หวานขึ้น ยอมแมทมากขึ้นน แต่ไอ้ความคิดของขวัญรับปริญญานี่ไม่มีใครเกินน ยอมให้คนอื่นมาจับได้ไงเนี้ยยยย ขออย่ามีดราม่าเล้ยย เบื่อมาม่าแล้วว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-12-2016 13:19:48
แบบว่า ทั้งอึ่ง ทึ่ง เสียว กับดิลโด้ลิตเทิ่ลไจแอ่นท์
ช่างคิดได้น้อ วิคเตอร์
ทั้งถ่ายคลิปของทั้งคู่  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เอาไว้ไปดูยามคิดถึงแมท
โฮ่ย......ช่างรักกันสุดๆไปเลย :ling1: :ling1: :ling1:
ค่อยหายคิดถึง วิค แมท หน่อย :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-12-2016 17:14:50
มีพี่ยักษ์นี่ล่ะ คิดได้ แบบนี้ 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: wannawanpa ที่ 29-12-2016 17:51:11
ติดสอบทำให้มาช้าไปตั้งหลายวัน อดอ่านตั้งแต่วันที่ลงเลย
หนูแมทก็น่ารักเหมือนเดิมเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 30-12-2016 01:36:54
 :impress3: น่ารักมุ้งมิ้งมาก ๆ สำหรับตอนนี้ เป็นลางว่าอนาคตคงจะหวานแหววแน่ ๆ 555 เจ้ายักษ์ดูจะพัฒนาอารมณ์ขึ้นได้เยอะเชียว ได้ของขวัญแบบสุดยอดมาก เธอคิดได้ไงเนี่ย แต่แมทก้อยังหาทางหึงจนได้  :mew4: รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-12-2016 07:45:54
เป็นของขวัญที่สมกับเป็นวิคเตอร์มาก 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-12-2016 12:43:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 30-12-2016 19:39:04
โถถถถถ อิชั้นล่ะอยากมีโมเม้นแบบนุ้งแมทค่ะ สามีรักสามีหลงงงงงงง. 55555 :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 31-12-2016 22:54:45
ช่างเป็นคนที่ไม่มีใครเหมือน ของขวัญเค้าก็นะ ลงทุนนะเออ
ชอบตอนแมทอ้อนให้ถ่ายรูปด้วยกัน มีความมีผัว

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| Prologue 100% :29.12.59:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-01-2017 23:50:47
ตายักษ์ก็ช่างกล้า เนอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-01-2017 00:49:41



Yours and Mine EP.1 :: Anniversary? (วันครบรอบงั้นเหรอ) [35%]





   

“ฮัลโหลพ่อ… ถึงสุวรรณภูมิแล้ว อื้อ… รอตรงประตูห้านะ ข้างนอกอะ…เอารถพ่อหรือรถวิคเตอร์มา…โอเค” ผมกดวางสายจากพ่อ ยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าเป้สีดำ หันไปมองฝรั่งตัวสูงร่างยักษ์ที่ตอนนี้ผมยาวประบ่า ตัวล่ำหนาขึ้นอีกนิด แต่ก็ไม่ได้ล่ำจนตัวจะแตก แค่ฟิตหุ่นให้หนาขึ้นตามไทม์ไลน์ของตัวละครในภาพยนตร์ และตัวละครใหม่ในซีรีส์ย้อนยุคที่วิคเตอร์รับเล่น (เพราะผมสกรีนให้) ก็เริ่มถ่ายทำไปเยอะแล้ว   
   


“Where is the old-father-in-law? (พ่อตาแก่ๆ อยู่ที่ไหนล่ะ)” ผมหรี่ตาปรือมองไอ้ยักษ์แว่นดำ ถ้าไม่ใช่แฟนคลับตัวยงของวิคเตอร์จริงๆ บอกเลยว่าจะไม่มีทางจำเขาได้ ผมยาวหยิกหน่อยๆ รกปรกกรอบหน้า ดวงตาปิดด้วยแว่นดำสนิทของเรย์แบรนเจ้าเดิมเจ้าโปรดของไอ้ยักษ์ แต่งตัวก็เซอร์จนเกือบมอซอ เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มเก่าๆ (แต่ราคาแพง) กางเกงยีนสีน้ำเงินขาดหลายจุด (แต่ราคามหาแพง) ดีที่รองเท้าไม่ได้มอซอร่วมด้วย บอกตามตรงในฐานะแฟน วิคเตอร์ไม่เข้ากับผมยาวเท่าไหร่ ออร่าเขาจางลงไปมากทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ขัดตานะ จะว่าชินก็ไม่ใช่ แต่เหมือนยอมรับกับสไตล์เขาได้มากกว่า ไอ้ยักษ์มีสไตล์ตายตัวที่ไหน อยากทำอะไรก็ทำ
   


“อยู่ข้างล่าง กำลังวนรถขึ้นมา ผมจะฟ้องพ่อว่าคุณด่าลับหลัง” ผมไม่รู้ว่าวิคเตอร์มองด้วยสายตายังไง แต่มุมปากเขายิ้มเหี้ยมนิดๆ
   


“โอ้ พออยู่ใกล้ตาแก่นั่นเอาใหญ่เลยนะ ฮึกเหิมเหรอ ฮึ?!”
   


“แอ๊!” วิคเตอร์ยกสองมือขึ้นประกบหน้าผมแล้วบีบแก้มแรงๆ จนแก้มผมตุ่ยปากยู่ ผมย่นคิ้วใส่ ยกสองมือขึ้น พยายามดึงมือเขาออกจากแก้มตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผล
   


“อ๊า… พอแล้ว” ผมทำหน้างอแงแล้วดึงมือวิคเตอร์ที่คลายออกกว่าเดิมออกจากแก้มตัวเอง ยกมือขวาขึ้นทุบต้นแขนขวาเขาหนึ่งที วิคเตอร์ดึงผมเข้าไปกอด แต่กอดแน่นมากกก แล้วยังเอาคางที่มีเคราหนาขยี้หัวผมแรงๆ อีก
   


“ไอ้เตอร์!” เจ้าของชื่อผลักผมออกอย่างแรง จนผมหัวหมุนมึนๆ นิดหน่อย ระดับการหยอกการเล่นไม่ได้เบาลงเลยแม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นมานาน ต่อไปคงจับผมทุ่มลงพื้นและกระทืบๆ แล้วก็ดึงเข้ามากอดโอ๋แล้วบอกว่าหนูวิ่งผ่านๆ เพื่อล่อความสนใจไม่ให้โฟกัสจุดที่เจ็บ
   


“พ่อนายเรียกคนเดียวก็พอแล้วมั้ง” ผมจือปากทำหน้าลิงหลอกเจ้าใส่เขา ไอ้ยักษ์จะหลอนๆ นิดหน่อยเวลาผมเรียกชื่อนี้เพราะเขาจะชอบนึกว่าพ่อผมมา
   


“ได้กลับถิ่นฐานบ้านเกิดล่ะคึกจังนะ” วิคเตอร์มองด้วยความหมั่นไส้ ผมยิ้มแป้นรับกับประโยคนั้น
   


ก็ผมไม่ได้กลับมาไทยเป็นปีแล้ว หลังจากรับปริญญาเสร็จเมื่อเกือบกลางปีก่อน อยู่ไทยได้สองอาทิตย์ ผมก็บินกลับนิวยอร์กพร้อมเขาเลย วิคเตอร์ไม่อยากให้กลับด้วยก็ส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลักๆ เลยคือผมกำลังไปได้ดีกับหน้าที่การงานที่นั่น ตอนนี้ผมได้ทำมากกว่าเรียนรู้งานคือได้ทำงานแล้วจริงๆ แต่ก็ยังต้องเรียนรู้อยู่ดีนั่นแหละ เพียงแต่สถานะเขยิบมากขึ้น เริ่มมีบทบาทในกองถ่ายมากกว่าแต่ก่อน
   


“ก็คิดถึงบ้านนี่นา” แต่ก็ใช่ว่าผมอยู่นิวยอร์กตลอดๆ หรือว่าไม่ได้เจอหน้าพ่อกับแม่เลย วิคเตอร์ผู้ใจป้ำออกค่าตั๋วเครื่องบินให้พ่อกับแม่นั่งมาหาผมที่นิวยอร์กเมื่อปลายปีที่แล้ว และวิคเตอร์ก็พาไปอังกฤษด้วย ไปเยี่ยมไวโอล่าที่เราต้องนัดออกมาเจอกันนอกบ้าน เพราะวิคเตอร์ไม่อยากให้ผมเจอกับพ่อเขาและลิซ่า (เมียเก่า) ก็ไปเที่ยวด้วยกัน ไปหาอะไรกินด้วยกัน ช้อปปิ้งด้วยกันและก็พากันไปดูบ้านใหม่ที่วิคเตอร์มีแพลนจะซื้อ แต่ก็ยังไม่ใช่การดูจริงจัง แค่ไปดูว่าชอบแนวไหน และชอบโซนไหนในอังกฤษ อันนี้ผมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจคนเดียว วิคเตอร์ให้ช่วยกันคิด เสนอไอเดียมา เพราะเขาบอกว่ามันคือบ้านของเรา ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ แต่พอเวลาทำงานผมก็จะลืมๆ ไปพักใหญ่
   


“แล้วไม่คิดถึงฉันรึไง” ผมขมวดคิ้วกับคำถามนั้น
   


“โอ๊ะ! ก็ยืนอยู่ด้วยกันเนี่ย” วิคเตอร์หัวเราะ เหมือนเขาจะรู้สึกดีที่ได้กวนประสาทผมเล็กๆ น้อยๆ เหมือนตอดไปเรื่อยให้ตัวเองผ่อนคลาย
   


“พ่อมาแล้ววว” ผมชี้ไปที่รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำคันงามที่คุ้นตา พ่อเปิดไฟเลี้ยวซ้าย หักพวงมาลัยเข้ามาใกล้กับจุดที่เรายืนอยู่ พอรถจอดนิ่ง วิคเตอร์ก็เข็นรถใส่กระเป๋าไปที่ด้านหลังรถ
   


“พ่อสวัสดี” ผมยกมือไหว้พ่อที่พยักหน้ากลับมาให้นิ่งๆ วิคเตอร์ที่กำลังจะยกกระเป๋าขึ้นหลังรถยกมือขึ้นพุ่มตรงอกและโค้งหัวลงแบบที่โค้งไปทั้งหลัง
   


“หวาดดีข่าบพ่อ”
   


“อะไรวะ ได้ลูกกูไป ทำไมยังพูดไทยไม่ได้อีก” ผมกลอกตากับการแซะของพ่อ วิคเตอร์กระพริบตาปริบๆ ทำหน้างง คือเขาจะฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้าง บางประโยคก็ฟังออกคำเดียว ซึ่งบางทีก็ไร้ความหมาย เพราะไม่รู้ทั้งประโยค แล้วยิ่งเพิ่งเครื่องลง มาเจอกับภาษาไทยที่นานน้านทีเราจะใช้กันตอนอยู่นิวยอร์ก หน้าเขายิ่งมึนไปอีก
   


“พ้อพูดลาย” วิคเตอร์ถามหน้าซื่อ พ่อผมย่นคิ้วแล้วทำมือปัดๆ ก่อนจะชี้ไปที่กระเป๋าเป็นสัญญาณบอกว่าให้ยกใส่หลังรถ ผมเข้าไปช่วยยกใบเล็กหนึ่งใบ เราไม่ได้ขนอะไรกันมาเยอะ เอากระเป๋าเดินทางมาสองใบ ใหญ่อันนึง เล็กอันนึงและมีเป้ของเราสองคน
   


“เดี๋ยวให้วิคเตอร์ขับก็ได้นะพ่อ”
   


“ให้มันขับได้ไง เพิ่งลงเครื่องมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวก็พากันไปตาย” ถึงจะพูดห้วนๆ ไปหน่อย แต่ก็ยังแอบมีความห่วงใยให้สัมผัสได้เล็กๆ แม้จะเล็กจนอาจเท่าลูกตามดแดงก็ตาม
   


“You wanna sit front or back? (อยากนั่งหน้าหรือหลัง)” ผมถามวิคเตอร์พลางชี้สลับที่เบาะหน้ากับเบาะหลัง
   


“Front. It’s fine. (ข้างหน้า ไม่เป็นไรหรอก)” ผมอมยิ้มขำกับท่าทียักไหล่แบบที่ไม่หวั่นไหวใดๆ ก็แน่ล่ะเขาคงเจออะไรที่มากกว่านี้มาแล้ว แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้นะว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง มีที่เจอด้วยกันครั้งเดียวก็ตอนพ่อถือปืนลูกซองนั่นแหละ นั่นน่ะสะพรึงขวัญสำหรับผมสุดละ
   


“มารอบนี้จะมาอยู่กี่วัน” พ่อถามหลังจากรถออกตัวมาได้สักพัก ผมเปิดกระเป๋าเป้หยิบปึกกระดาษบทหนังออกมาวางไว้บนตักพร้อมกับถือปากกาไว้ในมือ
   


“สองอาทิตย์ งานแต่งแคทเสร็จก็จะอยู่อีกพักนึงอะแหละ”
   


“เขาไปแต่งที่สุราษฎร์ฯ ด้วยเหรอ”
   


“อื้อ…” ผมพยักหน้าพลางเริ่มเปิดบทอ่าน เห็นวิคเตอร์หันมามองแว้บๆ
   


“…ก็บ้านพี่เคนอยู่นั่น แต่ที่สุราษฎร์ฯ เป็นเหมือนงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้มากกว่า พิธีอะไรต่างๆ ก็…” ผมเงียบไปแปบหนึ่งเมื่อสมองกำลังจดจ่ออยู่กับการอ่านบทในมือ กะว่าอ่านคำที่สะดุดสักแปบแล้วจะตอบพ่อต่อ แต่สักพักก็ขมวดคิ้วแล้วย้อนกลับขึ้นไปอ่านบรรทัดแรกๆ ใหม่อีกรอบ



อืม… ตรงนี้ตัวละครตัวนี้มันต้องพูดแบบนี้เหรอ



“แมท” เสียงเรียกเข้มๆ ดุๆ ของวิคเตอร์ดังขึ้น ผมเลิกคิ้วขึ้นแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่บท มือขวาก็ใช้ปากกาวงคำที่อยากจะแก้และเขียนคำที่คิดว่าควรใช้แทน



“แมท” เสียงเรียกเข้มและดุขึ้น ผมหยุดมือที่กำลังขยุกขยิกบนกระดาษแล้วเงยหน้าขึ้นมองวิคเตอร์ที่ถอดแว่นออกแล้วและกำลังใช้สายตาดุจ้องมาที่ผม



“หือ?” ผมถามงงๆ เพราะในหัวกำลังประมวลเรื่องงานอยู่ แต่พอเห็นว่าสายตาดุของวิคเตอร์เริ่มมีความไม่พอใจผสมด้วยผมเลยได้สติคืนมา



“What? (อะไรเหรอ)”



“Keep it all in your bag. (เก็บกระดาษพวกนั้นลงกระเป๋าไปซะ)” น้ำเสียงวิคเตอร์เข้มข้นมาก ผมทำหน้างอนิดหน่อย ปิดหน้าปกของหนังสือสคริปต์ เอาปากกาวางบนนั้นแต่ไม่ยอมเก็บลงกระเป๋า



“ไอ้เตอร์มันดุอะไร” พ่อถามด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีโกรธที่เห็นวิคเตอร์ทำสีหน้าและน้ำเสียงไม่ดีใส่ผม



“เปล่า เขาแค่บอกว่าให้ตอบคำถามพ่อให้จบ” ถึงจะไม่ได้แปลตรงตัว แต่ความหมายก็คล้ายๆ กันแหละ เพราะเดี๋ยวนี้วิคเตอร์ดุผมเรื่องที่ผมชอบตอบไม่จบแล้วหันไปโฟกัสอย่างอื่นแทนบ่อยๆ



วิคเตอร์ทิ้งสายตากำราบเล็กๆ ไว้ให้แล้วก็หันกลับไปมองถนนตรงหน้าต่อ ผมย่นจมูกนิดหนึ่งแล้วนึกว่าตัวเองพูดอะไรค้างไว้จากเมื่อกี้บ้าง



“เอ่อ… ก็ เอ่อ… งานแคท พวกพิธีสำคัญๆ เขาจัดที่กรุงเทพฯ แต่อาฟเตอร์ปาร์ตี้จัดที่บ้านพี่เคน ก็มีผูกข้อไม้ข้อมือโดยญาติผู้ใหญ่ มีพระมาพรมน้ำมนตร์ ประมาณนั้นมากกว่า” ผมตอบตามที่แคทบอกไว้ในกรุ๊ปไลน์และมันก็โทรมาย้ำอีกทีเพราะว่าผมไม่ค่อยโต้ตอบเพื่อนๆ ในไลน์เท่าไหร่ มันเลยกลัวว่าผมจะไม่มาร่วมงาน อีแชมป์เจ้าเดิมกัดผมว่าผมติดผัว ผมเลยด่ามันไปหนึ่งยกและอธิบายว่ากำลังเตรียมงานโว้ย



ทาดา! เซอร์ไพรส์ผมพอสมควรเลยแหละที่แคทจะแต่งงานแล้ว คืออีนี่ (อีแมทนี่แหละ) หมั้นก่อนใครในกลุ่ม ทำท่าว่าจะแต่งก่อนใคร แต่เพราะผมยังไม่พร้อม และวิคเตอร์ก็งานยุ่ง เลยยังไม่ได้แต่งกันสักทีทั้งที่มีแหวนการันตีบนนิ้วนางข้างซ้ายแล้ว แต่หลังๆ มาวิคเตอร์ใส่แหวนที่ผมให้บนนิ้วนางข้างขวานะ กันนักข่าวถามเยอะแยะ ถ้าใครถามก็ตอบแค่ว่าเป็นแหวนที่แม่ให้แล้วใส่ติดตัวไว้ตามปกติ คนถามก็จะเลิกถามไปเอง



แต่แม้จะมีแหวนแล้วก็เท่านั้น สู้แคทกับพี่เคน อดีตบอดี้การ์ดของวิคเตอร์ไม่ได้ ไม่ต้องมีแหวน ไม่ต้องหมั้น ขอแต่งงานกันลัดหน้าไปเลย ที่ทำให้ผมตื่นเต้นและตื่นกลัวแทนคือสองคนนั้นคบกันยังไม่ถึงปีดีเลย คบกันได้สิบหรือสิบเอ็ดเดือนเอง แต่แต่งงานแล้ววว ตอนแรกผมนึกว่ามันท้องก่อนแต่งแต่แคทมันบอกว่า




‘ต๊าย อีแมท แกคิดว่าเด็กเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองอย่างฉันจะพลาดท้องเหรอยะ ฉันฉลาดในตำราและในชีวิตจริงด้วยย่ะ…” อันนี้ผมเชื่อมันนะ แคทมันไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา มันไม่ใช่คนทันเล่ห์เหลี่ยมใคร เพราะตัวมันน่ะเล่ห์เหลี่ยมเยอะพออยู่แล้ว



“…แม้ฉันจะเสียตัวให้เขาก่อนแต่ง แต่ไม่ท้องนะคะ ฉันแค่ต้องการทดลองว่าเรื่องเซ็กส์เราเข้ากันได้มั้ย’



‘แล้วเข้ากันดีมั้ยล่ะ’



‘อีบ้า ใครเขาจะมาตอบ ทีแกยังไม่เคยตอบของแกเลย…’ ผมหัวเราะเสียงดัง กะว่าจะพูดประเด็นอื่น แต่แคทมันลืมตัวหรือมันส์ปากก็ไม่รู้ มันเลยฝอยต่อ



‘…แต่ฉันกับพี่เคนเป็นทีมเดียวกันได้อะแก ซึ่งทีมเรามันดีมาก ฉันสนองเขา เขาสนองฉัน เงือกสาวปังปังปังมากค่ะเพื่อน’ ผมอ้าปากกว้างสักพัก ฟังเสียงงุ้งงิ้งๆ ของมันแล้วก็หัวเราะชอบใจ



‘นี่แกแต่งงานกับเขาเพราะเขาแซ่บใช่มั้ย’



‘อือ ก็มีส่วน วะอ๊ะๆๆๆๆ’ แล้วมันก็หัวเราะของมันเอง พาผมหัวเราะเฮฮาไปด้วย แล้วมันก็ด่าผม หาว่าผมเป็นคนยุให้มันเผยไต๋ทั้งที่มันนั่นแหละพูดออกมาเอง

 




ก็ถ้านับแค่เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย แคทก็แต่งเป็นคนแรกของกลุ่มและเป็นคนแรกของเอกในรุ่นผมด้วย แต่แคทก็เชิญแค่พวกผมและเพื่อนในเอกที่มักคุ้นกันจริงๆ ไปร่วมงาน เพราะบางคนก็ไม่ได้สนิทด้วย แค่รู้จักกันผิวเผิน แต่ถามว่าแคทเป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตผมเลยมั้ยที่แต่งงาน ก็ต้องตอบว่าไม่ เพราะมีเพื่อนสมัยมอต้นมอปลายแต่งกันไปหลายคนแล้ว เอาจริงๆ เพื่อนสมัยมอต้นนี่แทบลืมเลือนกันไปละ มอปลายยังมีติดต่อกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวหรือนัดเจอกันเท่าไหร่ เจอกันบ่อยสุดก็ช่วงเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ แต่หลังจากนั้นได้แค่มาบอกว่าคิดถึง อยากเจอกันในกลุ่มไลน์ และสุดท้ายก็หายไป



“จะซื้ออะไรเข้าไปกินก่อนมั้ยหรือจะไปกินฝีมือแม่ทีเดียว” พ่อถามในตอนที่ขับรถมาได้ชั่วโมงนึง เหลืออีกชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงบ้าน



“You want to eat something special? (อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย)” ผมหันไปถามวิคเตอร์ เขาหันมามองและส่ายหน้า



“No, and gain, keep that papers! (ไม่ และอีกครั้งนะ เก็บกระดาษพวกนั้น!)” เขาถลึงตาใส่พร้อมกับเน้นเสียงใส่หน้า ผมย่นคิ้ว มองเขาด้วยอาการหงุดหงิดเล็กๆ แต่ก็ยอมปิดบท



ขัดอยู่ได้ คนแค่จะอ่านงานเพื่อแก้นิดๆ หน่อยๆ นี่ก็หนีงานมานะเนี่ย เขายิ่งมองว่าผมเป็นเด็กเส้นเพราะวิคเตอร์ฝากผมไปกับเดวิดและเดวิดก็ช่วยฝากงานให้ผมกับผู้กำกับที่เขารู้จักกัน อยู่ในช่วงเตรียมงานพรีโปรดัคชั่นแบบนี้ วุ่นวายจะตาย เอาจริงๆ ผมจะไม่มาด้วย แต่วิคเตอร์บังคับให้มา ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้คิดถึงเพื่อนหรือจะลืมเพื่อน แต่ทิ้งงานที่กำลังเตรียมงานไปมันก็ไม่ดีใช่มั้ยล่ะ




และสุดท้ายวิคเตอร์คงกลัวว่าผมจะเปิดงานอ่านอีกรอบ เขาเลยเอื้อมมือมาดึงปึกบทไปจากตักผมและเอาไปถือไว้เอง ผมร้องงอแงเบาๆ ยื่นมือไปจะดึงบทคืน แต่วิคเตอร์ยกมือขวาตีมือผมไปข้างละทีผมเลยชักมือกลับ



เพี๊ยะ!



“อย่าตีลูกกู” วิคเตอร์หน้าเหวอตอนที่โดนพ่อผมตีมือข้างที่เขาใช้ตีผมพร้อมกับมองดุ ไอ้ยักษ์ขมวดคิ้ว คงอยากใช้คำสบถหยาบๆ กับพ่อเต็มที



“What da heck!” และก็สบถไปแล้วหนึ่งยก ยังดีที่ไม่ได้ใช้รูปคำแบบเต็มๆ



“เดี๋ยวๆ มึงหลอกด่ากูเหรอไอ้เตอร์ เดี๋ยวมึงเจอปืนอีกหรอก”



“What did you say dad? Can you speak English? (พ่อพูดอะไรของพ่อเหรอครับ พูดอังกฤษได้มั้ย)” วิคเตอร์ถามเสียงกวนหน้ากวน (ตีน) พ่อมองด้วยความหมั่นไส้



“อันนี้กูฟังออกนะมึง กูบอกแล้วไงว่ามึงต้องพูดไทยกับกู คนห่าไรวะเกิดมาพูดไทยไม่ได้เนี่ย” เอ๊า! พ่อ



“I don’t understand what you said. พ๊อพูดลายคั๊บ ฝังม๊ายอ่อก” วิคเตอร์สั่นหัวเป็นการยืนยันด้วยว่าตัวเองฟังสิ่งที่พ่อผมพูดไม่ออก ผมยกมือเกาหัว หน้านิ่วคิ้วขมวดกับการเถียงของสองคนนี้



“มึงอะพูดอะไร พูดไทยก็ไม่ชัด”



“จะไปพูดชัดได้ไงล่ะพ่อก็ วิคเตอร์เป็นฝรั่ง มุกเดิมอีกละ” ใช้มุกนี้ข่มวิคเตอร์ตลอดว่าเขาพูดไทยไม่ชัด ถ้าพูดชัดก็แปลกแล้วมั้ยล่ะ ขนาดฝรั่งบางคนมาอยู่ไทยตั้งหลายสิบปี พูดไทยได้แต่สำเนียงยังไม่ชัดเลย



“I hit him because he likes to do his work during the conversation. (ผมตีเขาเพราะว่าชอบทำงานระหว่างคุยกัน)” วิคเตอร์ยังคงพยายามอธิบายให้พ่อได้เข้าใจว่าเมื่อกี้ตีผมทำไม พ่อทำหน้าไม่เข้าใจ ซึ่งผมได้แต่ยกมือกุมขมับ ผมก็อยากแปลให้ แต่เดี๋ยวแปลไปก็ทะเลาะกันอีก ขนาดไม่แปลยังทะเลาะกันได้เลย



“Shoot. Gun. Die. (ยิง ปืน มึงตาย)” เมื่อไม่สามารถพูดด่าได้เป็นประโยคยาวๆ ได้ พ่อจึงข่มขู่ด้วยการพูดคำศัพท์สั้นๆ แต่ได้ใจความ (ตาย) วิคเตอร์ทำหน้าขนลุกขนพอง แต่เป็นการทำเหมือนกวนบาทพ่อมากกว่า



“เดี๋ยวเถอะมึงๆ” พ่อชี้หน้าวิคเตอร์ด้วยความหมั่น ไอ้ยักษ์หันมาหาผมที่รีบเบ้ปากใส่เขาทันที อีกฝ่ายถลึงตามอง แต่คงไม่กล้าแสดงออกมากเพราะเขาคงขี้เกียจจะเถียงกับพ่อผมคนละภาษา ผมถอนหายใจหมุนปากกาในมือไปมา คันไม้คันมืออยากแก้ไขงาน รู้สึกคั่งค้างในใจที่ยังทำงานไม่เรียบร้อย





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :mew1:



เห่นโล่ววว บทที่ 1 ขอพาร์ท Yours and Mine มาแล้ววว หลังจากที่ลงบทนำไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วก็หายไปนานเชียว 55555 แต่อย่างที่ได้แจ้งไว้นะคะ ว่าคงไม่ได้มาอัพถี่ๆ รัวๆ เพราะตอมต้องทำงาน และเขียนนิยายเรื่องอื่นควบคู่ไปด้วย ตอนนี้กำลังพยายามที่จะฝึกตัวเองให้เขียนนิยายหลายเรื่องอยู่ค่ะ แบ่งคิว แบ่งตารางเอาไว้ ยังไม่รู้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าทำแล้วพัง เนื้อเรื่องทุกเรื่องเป๋ๆ ก็คงขอกลับมาวิถีเดิมคือโฟกัสทีละเรื่อง

สำหรับตอนแรกก็ยังชิลๆ บอกเล่าเรื่องราวของเขาทั้งสองคนตามปกติ ตามสไตล์นิยายเรื่องนี้ ลมฟ้าอากาศก็เล่า 55555 เนื้อหาจะเชื่อมต่อจากตอนพิเศษในหนังสือพาร์ท Only You เบาๆ ค่ะ ใครไม่ได้ซื้อ ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่งงแน่นอน ยังไงตอมก็เล่าเนื้อหาตามปกติ ไม่หาย ไม่หล่น แต่บางอย่างที่อยู่ในตอนพิเศษก็ขอเก็บไว้เป็นสิงพิเศษสำหรบัคนซื้อหนังสือจริงๆ แต่เส้นเรื่องหลักยังไงตอมก็เล่าอยู่แล้วค่า

หมั้นมาก่อนใครเพื่อน แต่ยังไม่ได้แต่ง แคทแต่งแล้วจ้าาา แต่งปาดหน้าสวยๆ อีแมทยังคงตบตีกับผัวต่อไป 55555 พี่ยักษ์มาในมาดเซอร์ เป็นไอ้หนุ่มผมยาว วู้ววว จริงๆ แมทมันคงอยากบอกว่าผัวนางซอมซ่อก็เป็นได้ ฮ่าๆๆ

เจอกับอีกครึ่งที่เหลือค่ะ ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ

ตอมลงตอนพิเศษต้อนรับปี 60 ให้อ่านกันในเพจ มาบอกย้ำอีกทีค่ะ เผื่อบางคนไม่ทราบเนอะ ตามไปอ่านได้ที่ลิงก์นี้เลยจ้า > ตอนพิเศษต้อนรับปี 60 (https://www.facebook.com/notes/%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-2560/1153926574703708)

ที่ไม่ได้ลงในหน้านิยายเลยเพราะไม่ได้มีแค่พี่เขี้ยวกับแม่เรียวค่ะ มีตัวละครจากเรื่องอื่นยั้วเยี้ยไปหมด เลยเอาไปลงที่เพจดีกว่าาา ตามไปอ่านได้น้อออ 



รีปริ้นนิยายเรื่องนี้ ทั้งภาค 1 และภาค 2 คือช่วงกลางเดือนมกราคมค่ะ ซึ่งตอมได้แจ้งในเพจไปแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่เห็นหรือเปล่า เลยมาแจ้งในนี้อีกที จะเปิดพรีออเดอร์วันแรกคือ 13 มกราคม และปิดพรีออเดอร์ 20 กุมภาพันธ์ แต่ตอมคงขอเปิดพรีออเดอร์ รีปริ้นพาร์ทสองพาร์ทเดียวก่อนแล้วกันเนอะ กันตัวตอมงง เสร็จแล้วค่อยเปิดรีพาร์ทแรกอีกทีค่ะ สำหรับราคาหนังสือพาร์ทสอง รวมค่าจัดส่งแบบ EMS แล้วคือ 1150 มีจัดส่งแบบเดียวค่ะ หนังสือมีสองเล่ม แถมที่คั่น และตอนพิเศษเจ็ดตอน อัดแน่นเน้นๆ

ผู้ได๋อยากดั้ยหนังสือ ก็เตรียมไตไว้เด้อจ้า ไม่มีการลงชื่อใดๆ ทั้งสิ้น ใครพร้อมโอนแล้วแจ้งโอนผ่านอีเมล รายละเอียดจะมาแจ้งอีกทีตอนเที่ยงคืนวันที่ 13 ค่าาา

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 07-01-2017 01:42:24
คุณพ่อตานี่หวงลูกสาว(?)สุดๆ
ลูกก็มีความกวนระดับ10 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-01-2017 02:01:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-01-2017 05:10:48
ตลกดีพ่อตาลูกเขยคู่นี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-01-2017 05:19:01
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-01-2017 06:42:39
ผัวเมียคู่นี้ ตีกันตลอดดด 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-01-2017 11:27:56
พ่อตากับลูกเขย มันดีจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 07-01-2017 15:55:32
 :laugh: ฮาต่อตาลูกเขย รักกันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-01-2017 17:51:21
ยักษ์น่ารักนะ
ส่วนแมทก็ต่อมทำงานกำเริบล่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2017 19:02:06
สนุกมาก ชอบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:
ขำอ่ะ พ่อตา กับลูกเขย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เถียงกัน ทะเลาะกัน น่ารัก
วิค พูดไทยได้เหน่อมักมาก
แมท ก็จอจ่อกับงานเกินไปมั้ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 07-01-2017 20:08:13
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 07-01-2017 20:52:30
โอ้ยยน่ารักจริงคู่นี้5555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 35% :07.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-01-2017 21:21:36
คือสรุปแมทมีพ่อสองคน ผัวก็เหมือนพ่อ แต่วิคก็ห้ามถูกนะ สนใจคนที่คุยด้วยก่อน งานเดี๋ยวค่อยทำ
แต่แมทก็เป็นคนตั้งใจแรงกบ้าเนอะ นางไฟแรงเสมอ พ่อตาลูกเขยน่ารักดีนะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 12-01-2017 00:21:56



Yours and Mine EP.1 (70%)



“แม่สวัสดี”


“หวาดดีขับแม๊” วิคเตอร์เอาปึกบทของผมแนบไว้ใต้รักแร้ซ้าย ยกมือไหว้แล้วโค้งไปทั้งตัวอีกเช่นเคย แม่ยิ้มขำนิดหน่อยแล้วยกมือรับไหว้เราสองคน พ่อเดินลากกระเป๋าใบเล็กตามเข้ามาทีหลัง


“ถ้าหิวก็พากันไปหาอะไรกิน แม่เตรียมไว้ให้แล้วในครัว แต่ถ้าอยากพักผ่อนก็พากันไปนอนก่อน”


“นอนคนละห้องนะ ให้ไอ้เตอร์มันไปนอนห้องเดิมตอนที่แมทบวช” ผมอ้าปากหวอหน้าเหวอ มองหน้าพ่อเพื่อต้องการรู้ว่าที่พ่อพูดนั้นเอาจริงแค่ไหน


“พ่อก็ แยกกันทำไมล่ะ นอนห้องแมทนั่นแหละ” พ่อทำฮึดฮัดนิดหน่อยที่โดนแม่ขัดแล้วก็เดินลากเอากระเป๋าไปวางไว้ตรงโซนดูทีวีด้านในที่ติดกับครัว


ถ้าถามว่าแม่ยอมรับกับเรื่องผมและวิคเตอร์ได้ทั้งใจมั้ย ผมก็ตอบไม่ได้ แต่แม่ก็ไม่ขัดไม่ขวาง ไม่แสดงอาการสิ้นหวังให้ผมเห็นอีกหลังจากที่ผมบวช และก็คอยปรามๆ พ่อด้วยซ้ำเวลาที่พ่อแสดงอาการไม้เบื่อไม้เมากับวิคเตอร์มากเกินไป ไอ้แชมป์เคยบอกว่า ไม่ใช่พ่อรับไม่ได้ พ่อคงแค่หมั่นไส้วิคเตอร์ เพราะวิคเตอร์ก็กวนประสาทพ่อบ่อยๆ ยังดีที่ว่าช่วงที่อยู่กันคนละประเทศได้สงบศึกต่อกันบ้าง แต่ตอนที่พ่อกับแม่ไปนิวยอร์กเมื่อปลายปีที่แล้ว สองคนนี้ก็ไปแซะกันข้ามทวีปที่นู่นนะ


“Hungry? (หิวมั้ย)” ผมหันไปถามไอ้ยักษ์ที่กำลังเปิดตู้ไอติมแล้วหยิบไอติมรสช็อคโกแล็ตชิพขึ้นมาหนึ่งถ้วย เขาชูถ้วยไอติมเป็นเชิงบอกว่าเอาแค่นี้ก็พอแล้ว


“เดี๋ยวนอนสักแปบละกันแม่ ตอนเย็นเดี๋ยวพวกแชมป์ก็มารับอีก”


“งั้นก็พาขึ้นไปนอน เดี๋ยวตอนเย็นก็ปาร์ตี้ยาว” ผมพยักหน้าให้แม่ หันไปมองพ่อที่นั่งมองทีวีใกล้กับเค้าน์เตอร์คิดเงินนิดหน่อย แล้วก็หันไปชวนวิคเตอร์ขึ้นข้างบนพร้อมกับลากกระเป๋าอันใหญ่ไปด้วย ไอ้ยักษ์ผู้มีน้ำใจก็ทำเพียงเดินตามและตักไอติมเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ยกระดับความมีน้ำใจขึ้นอีกนิดด้วยการหยิบกระเป๋าใบเล็กเดินตามผมขึ้นบันไดมา


คือตัวตูเล็กแต่แบกใบใหญ่ แต่ตัวเมิงใหญ่แต่แบกใบเล็ก ไอ้ห่าเอ๋ย


“อึ๊บ! อึ๊บ!” ผมออกแรงเฮือกสุดท้ายในการยกกระเป๋าขึ้นมาถึงพื้นบ้านชั้นสอง หยุดยืนหอบหน่อยๆ มองวิคเตอร์ที่เดินยกกระเป่าใบเล็กขึ้นบันไดมาชิลๆ


“หนักเหรอ” โอ้โห ถามมาเนาะ ผมเลยจิกตาใส่ไปหนึ่งที ไอ้ยักษ์ยิ้มทะเล้น


ผมลากกระเป๋าไปที่หน้าประตูห้องนอนตัวเอง เปิดประตูเข้าไป กดเปิดไฟ เปิดแอร์ แม่คงขึ้นมาทำความสะอาดและจัดการเรื่องปอกหมอนผ้าปูที่นอนไว้ให้ พวกสติชท์ ช้อปเปอร์และปิกาจูนอนกองอยู่ฝั่งนึงของหัวเตียง


“นี่แม่นายยังไม่เผาไอ้พวกนี้ทิ้งไปอีกเหรอ” วิคเตอร์ถามพลางปิดประตูตามหลัง ผมกัดปากล่างแล้วหันไปมองหน้านิ่ว ยกมือขึ้นทำท่าจะต่อยเขา ชอบว่าผมเรื่องนี้อยู่เรื่อย ก็มันน่ารักอะ ที่บ้านนิวยอร์กเขาไม่ยอมให้พวกมันอยู่บนเตียงเลยนะ เอาไปวางกองห้องนอนรับแรกหมดเลย เหลือให้ผมไว้นอนกอดสองตัวเอง


“สรุปเราต้องไปรับพวกออสตินมั้ย” วิคเตอร์วางปึกบทของผมลงบนโต๊ะทำงาน วางแว่นทับไว้บนนั้น และถอดเสื้อยืดออก เผยหุ่นล่ำแน่นและวีเชฟที่ชวนระทวยกว่าเดิม รอยสักนูนเด่นขึ้นเพราะอกเขาใหญ่ขึ้นกว่าเก่า


“ไม่ต้อง เดี๋ยวมันมากันเอง ออสตินมีกุญแจอพาร์ทเม้นต์อยู่แล้ว” เขาตอบชิลๆ แล้วโยนเสื้อยืดใส่หัวผม


“โอ๋ยยย!” ผมร้องโวยเมื่อภาพมืดไปแว้บหนึ่ง ยกมือขวาดึงเสื้อออก มองไปที่ไอ้ยักษ์ที่นั่งลงปลายเตียงและกำลังถอดถุงเท้า ถึงจะโวยไปนิดแต่ก็แอบยกเสื้อขึ้นสูดดมเบาๆ


อืม… กลิ่นตัวผัวหอมเหมือนเคย -.,-


“เอ้อ ลืม เดี๋ยวบาสไปรับนี่” วิคเตอร์โยนถุงเท้าใส่ตะกร้าผ้าได้อย่างแม่นยำ แล้วก็ยักไหล่สองข้าง หน้าตาไม่สนไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น


“คงงั้นมั้ง มันดูแลตัวเองกันได้น่า ตัวใหญ่ทั้งสามคนขนาดนั้น แค่ออสตินคนเดียวก็ปลอดภัยละ” สามคนนั้นเดินทางมาด้วยกัน แต่จะมาวันมะรืนก่อนงานเริ่มหนึ่งวัน ผมล่วงหน้ามาก่อนเพราะพวกแคทนัดปาร์ตี้สละโสดวันนี้ คือกะไม่ให้ผมพักเหนื่อยจากการเดินทางเลยกันทีเดียว


“คืนนี้ฉันไม่ไปนะ” ผมขมวดคิ้ว ทั้งแปลกใจทั้งรู้สึกแปลกๆ ที่เขาจะไม่ตามไปด้วย 


“ทำไมอะ ไม่ไปด้วยกันล่ะ” วิคเตอร์ย่นจมูกและสั่นหัว


“ขี้เกียจ ฉันรออยู่นี่แหละ แล้วเดี๋ยวสี่ทุ่มครึ่งฉันไปรับ” ผมที่กำลังทำหน้างอที่เขาเบี้ยวไม่ไปด้วยกันถึงกับเปลี่ยนเป็นหน้าตาถมึงทึงถลึงตาใส่ไอ้ยักษ์ผมยาวเครายาวทันที


“อะโห่ นานๆ ผมได้เจอกับเพื่อนนะ ทำไมมาจำกัดเวลากันอย่างงี้อะ”


“เด็กนอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพ” เขาว่าหน้ามึนตามสไตล์ยักษ์เอาแต่ใจ สองแขนค้ำตัวบึ้กๆ ไว้บนเตียง ยักคิ้วให้ผมสองที ผมจิ๊ปากแล้วเดินเข้าไปตีไหล่เขาดังปึ้ก


“ทีคุณเอาผมยันเช้าไม่เห็นพูดแบบนี้มั่ง!” ผมว่าด้วยความเข่นเขี้ยว ยิ่งช่วงไหนที่เขาต้องไปถ่ายต่างประเทศเป็นอาทิตย์ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าไปออกกองต่างประเทศก็ไปเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์นั่นแหละ พอกลับมาบ้านก็ฟัดผมข้ามวันข้ามคืน ผมเองก็คิดถึงเขาเลยไม่บ่ายเบี่ยง เพราะเวลากลับมาบ้านเขาก็จะได้พักอาทิตย์นึงแล้วก็กลับไปออกกองต่อ ช่วงที่เขาได้กลับมาหยุดที่บ้านเลยมักขลุกตัวด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ทั้งแบบที่มีกิจกรรมบนเตียงและไม่มี แต่ส่วนใหญ่คือมี เพราะบางทีต้องห่างกันเป็นเดือนเขาเลยตักตวง ยังดีมีช่วงพักเบรกด้วย ถ้าผมไม่ออกกำลังกายผมว่าผมคงแย่ แต่ก็มีสลบเกือบข้ามวันเช่นกัน ยังดีที่ไอ้ยักษ์ทำตัวน่ารักยกอาหารมาเสิร์ฟถึงเตียง แต่ใช่ว่าไม่มีทะเลาะตบตีนะ บางทีก็ตบตีกันเพราะเขาหงุดหงิดที่ผมคุยเรื่องงานกับเดวิดหรือเอางานมาทำ


“นายอวบขึ้น ฉันช่วยนายลดแคลเลอร์รี่ไง” ดู ดู! ข้อแก้ตัว แก้หน้ามึนๆ นี่แหละ


“ช่างมีน้ำใจเหลือเกินนะ” ผมมองจิกไปที วิคเตอร์ยิ้มทะเล้นหน้าเป็น



“ก็ไอ้พระเอกหนังโป๊เทรนเนอร์ของนายยังบอกเลยว่ามันช่วยได้จริง” เขาเอาแซ็คมาอ้าง ซึ่งอดีต (และปัจจุบันยังคงข้องเกี่ยวกับวงการหนังอย่างว่าอยู่) พระเอกหนังโป๊ก็คอนเฟิร์มว่าการมีเซ็กส์ช่วยทำให้น้ำหนักลดลงด้วย


อาจจะดูแปลกประหลาดว่าทำไมวิคเตอร์พูดถึงแซ็คได้โดยที่ไม่ฟาดงวงฟาดงา เพราะว่าตอนนี้แซ็คกลายมาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวของวิคเตอร์และผมแล้ว อะโฮ่ แต่กว่าจะมาเป็นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คิดเรอะว่าไอ้ยักษ์จะยอมแบบให้รู้สึกสบายใจ เพราะเคยตั้งป้อมเกลียดแซ็คไว้อย่างรุนแรง ผมหว่านล้อมอยู่นานมาก ไอ้ยักษ์ก็หงุดหงิดทะเลาะเบาะแว้งกันไปหลายที ที่ผมอยากให้แซ็คได้เป็นเทรนเนอร์ของวิคเตอร์ เพราะมันมีสถานการณ์ไม่ดีบางอย่างที่เกิดขึ้นกับแซ็คและผมรู้สึกไม่ชอบเท่าไหร่ เลยมาขอให้วิคเตอร์ช่วย ก็อย่างที่บอกตอนแรกเขาไม่เอาๆ จนต้องให้แซ็คมาเล่าให้เขาฟังเอง (เกือบต่อยกัน) สุดท้ายเขาก็ยอมให้แซ็คเป็นเทรนเนอร์ให้ทั้งเขาและตัวผม


ตอนนั้นผมดีใจและปลื้มใจมาก แต่ไม่ใช่เพราะได้แซ็คมาเป็นเทรนเนอร์แต่เป็นน้ำใจที่วิคเตอร์มอบให้คนที่กำลังเดือดร้อนต่างหาก


“เดี๋ยวนี้ซี้กันแล้วนี่” พอเริ่มรู้จักมักคุ้นกัน วิคเตอร์ก็ลดป้อมในใจที่มีต่อแซ็คลง และแซ็คก็แสดงชัดเจนว่าไม่ได้ชอบหรือคิดอะไรกับผมในเชิงชู้สาวเลย เรารู้จักกันในฐานะเพื่อน มากสุดก็พี่น้อง แต่เขายอมรับว่าเคยคิดชอบผม แต่อันนี้เขาไม่ได้บอกวิคเตอร์ คือตอนนั้นที่เขาคิดชอบเพราะเขาไม่รู้ว่าผมมีวิคเตอร์แล้ว แต่พอรู้ว่าผมมีไอ้ยักษ์เขาก็ไม่คิดลึกซึ้งหรือเดินหน้าต่อ ประเด็นนี้ต้องเก็บไว้ ป้องกันวิคเตอร์อาละวาด


“ก็เป็นเพื่อนที่ดี” วิคเตอร์ยักคิ้วหนึ่งที ผมเดินไปนั่งตักเขา ไอ้ยักษ์เด้งตัวขึ้นนั่งตรงและโอบสองแขนรอบเอวผมไว้


“คุณใจดีขึ้นเยอะเลย” ผมยิ้มแป้นหน้าบาน ดีใจที่เขาใจกว้างมากขึ้น (อีกนิดนึง) กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


“ก็ต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป ฉันไม่ใจดีทุกอย่างนะ” เขาว่าหน้านิ่งเป็นการเตือนว่าอย่าคิดว่าเขาจะยอมหรือใจดีให้ผมหมดทุกสิ่ง ผมยิ้มยิงฟันตาหยีแล้วทำเสียงแฮะๆ ในลำคอ วิคเตอร์ยื่นหน้ามากัดหูขวาผมไปที


“ผมก็ไม่ใจดีหรอกนะถ้าคุณไปมีชู้น่ะ” ผมว่าหน้าโหดเสียงโหด ส่วนไอ้ยักษ์ยิ้มทะเล้นทะลึ่งไปเรื่อย


“อะไรเนี่ย นึกว่าไว้ใจกันแล้วซะอีก” ผมเบ้ปาก ยกมือขวาจิกหัวเขา แต่ไม่ได้กระชาก แค่จิกค้างไว้แบบนั้น


วิคเตอร์ไม่มีชู้จริงๆ หรอก แต่เรื่องเจ้าชู้อะจริง ก็ไม่ได้ว่าจีบออกหน้าออกตา หรือสานสัมพันธ์ใดๆ กับใคร ก็มีแค่มองหน้ามองตากันแล้วยิ้มให้ คุยกรุ้มกริ่มกระหยิ่มใจไปเรื่อย หมาหยอกไก่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าผู้หญิงไม่เข้ามาเริ่มต้นก่อน เพราะวิคเตอร์ไม่จุดประกายใดๆ ให้ใครทั้งสิ้น กูอยู่ของกูไม่สนใจใคร แต่ถ้าใครสนใจกูก็เข้ามาหากูเอง ซึ่งมันก็ดูน่าสบายใจ๊สบายใจ แต่เผอิญมันก็มีผู้หญิงเข้าหาเขาไม่น้อยน่ะสิ ไม่ใช่ว่าผู้หญิงพวกนั้นพุ่งเข้าหา ตีลังกาแล้วอ้าขาให้เขานะ ก็ชวนคุย ชวนเล่น ให้เกิดโมเม้นต์ พ่อยักษ์ผู้น่ารักก็ตอบรับพวกหล่อนเป็นส่วนใหญ่ ที่โดนเขานิ่งใส่ก็หลายคนจนล่าถอยไปเอง ผู้หญิงที่มีทีท่าสนใจเขา เท่าที่จับสังเกตได้จะไม่รู้หรอกว่าวิคเตอร์มีผมอยู่ คือข่าวของผมกับเขามันขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเบลอจนนักข่าวจับใจความมาเล่นไม่ได้ตรงๆ สักที


“เลี้ยงนายคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว ไม่ชอบอะไรซับซ้อน” เป็นจริงดังนั้น เขาไม่ชอบความยุ่งยากวุ่นวาย ความซับซ้อนทางความสัมพันธ์ แต่ตัวเองเป็นคนซับซ้อนนะ


“ดีมาก เอาเงินมาปรนเปรอให้ผมคนเดียวพอ คิๆๆ” วิคเตอร์ยื่นหน้ามาฝังจมูกลงบนแก้มผมแล้วสูดดมอย่างแนบแน่น ผมหัวเราะคิกคัก พยายามเอนตัวหนีแต่เขาก็ตามมาหอมไม่หยุด


เขาคิดว่ามันเป็นการยุ่งยากในการที่จะคบใครหลายคนพร้อมกัน มันไม่สนุก มันไม่ใช่ทางของเขา วิคเตอร์ผ่านผู้หญิงมาเยอะ แต่นั่นแหละทำให้เขารู้ว่า การมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคนมันเป็นอะไรที่น่าปวดหัว และเขาก็หงุดหงิดง่ายเกินไปที่จะต้องดูแลเทคแคร์ผู้หญิงหลายๆ คนในเวลาเดียวกัน แต่ถ้ามีอะไรกับผู้หญิงสองคนขึ้นไปเขาทำได้นะ หึๆ


“นางเอกคนใหม่เป็นยังไง แซ่บบบมั้ยล่ะ” ผมถามถึงนางเอกซีรีส์คนใหม่ของเขาที่ต้องมีฉากเร่าร้อนด้วยกันค่อนข้างเยอะ ซีรีส์กำลังถ่ายทำ เหลืออีกไม่กี่คิวก็จะปิดกล้องและจะออกอากาศกลางปีนี้ ซีซั่นที่สองจะเกิดขึ้นหรือไม่ต้องรอดูกระแสซีซั่นแรกก่อน แต่จากภาพเบื้องหลังน่าดูมาก ไม่ใช่ฉากอย่างว่านะ เป็นฉากทั่วๆ ไปแต่โปรดัคชั่นเขาใหญ่จริงๆ อลังการมาก รู้สึกดีที่ให้วิคเตอร์เล่นเรื่องนี้ เพราะทางค่ายเขาทุ่มทุนจริงๆ เป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์มากๆ เลยแหละ


“She’s good. Not bad, but not close as much as Sharon. (ก็ดี ไม่ซี้เท่าชารอน แต่เธอก็ไม่เลวร้ายหรอก)” ผมเบ้ปาก


“Well, how could she’s going to be bad. She is a big-boobs! (แหม จะเลวร้ายได้ สวยอึ๋มขนาดนั้น)” วิคเตอร์หัวเราะ พาผมล้มลงนอนบนเตียง ให้ผมนอนทับเขาอยู่ข้างบนแล้วเขาก็เอาสองขารัดเอวผมไว้ พลิกร่างพาผมนอนตะแคงข้างให้ผมซุกหน้าอกดมกลิ่นเนื้ออุ่นบนตัวเขาที่ผมชอบ ผมยื่นหน้าไปหอมตรงรอยสักหนึ่งฟอด 


นางเอกคนใหม่ของเขาชื่อคลอเดีย (Claudia) สวยคมนมใหญ่บึ้ม ไม่ได้ลามกนะ แต่นมเธอใหญ่จริงๆ หุ่นผอมบางแต่มีกล้ามเนื้อ ผิวแทนสวยมาก ผมยังไม่เคยเจอตัวจริง เห็นแต่ในรูป ไม่เคยคุยด้วยเพราะผมไม่เคยไปกองนั้น เลยไม่รู้ว่าเธอเป็นคนยังไง แน่นอนว่าก็มีอาการหวั่นใจเล็กๆ เพราะเธอสะเด็ดจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ เธอไม่ใช่แนวสวยหวาน แต่เธอเป็นแนวสวยเผ็ด ดูเป็นผู้หญิงแรงๆ หน่อย แต่วิคเตอร์ก็แสดงอออกให้ผมเห็นเท่าที่เขาจะทำให้ผมสบายใจได้ว่าตัวเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอเกินเลย เวลาไปออกกองต่างประเทศ ซึ่งกองนี้ถ่ายต่างประเทศทั้งหมด เขาก็จะโทรหาผม วีดีโอคอลมาหาอยู่เสมอ ถ้าวันไหนเขาเหนื่อยก็คุยกันแปบเดียว


“We talk to each other after out of working—occasionally. She’s a bit haughty but she is a professional. (นอกเวลางานเราแทบไม่คุยกันเลย ฉันว่าเธอหยิ่งๆ หน่อย แต่ก็เป็นมืออาชีพดี)”


“How about sex scene? Does it very flow? (ฉากอย่างว่าไหลลื่นดีมั้ยล่ะ)” ผมไม่ค่อยถามรายละเอียดการทำงานของวิคเตอร์ในซีรีส์เรื่องนี้ ถ้าถามก็ถามนิดหน่อย เหมือนถามแบบทั่วๆ ไปว่าการทำงานในแต่ละวันเป็นยังไงบ้าง วิคเตอร์ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเป็นพิเศษ เล่าแค่ว่าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นในกองบ้าง ผมไม่เคยคิดถามเจาะลึกการทำงานของเขากับคลอเดีย มันคืองาน ถามไปเดี๋ยวก็พาลคิดมากอีก ไม่อยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังมากอะ ผมกะว่าพอซีรีส์ออนแอร์จะไม่ดูด้วยซ้ำ บทมันดี โปรดัคชั่นดี ฟอร์มซีรีส์ดีก็จริง แต่ก็ต้องแยกแยะ งานดีๆ โอกาสดีๆ ก็ต้องซัพพอร์ตเขา จะไปขัดเพียงเพราะเราไม่สบายใจก็กระไรอยู่ แต่จะให้มองแฟนตัวเองเสพสวาทกับหญิงอื่นแม้จะแค่ในทีวีมันก็รู้สึกแปลกๆ


“I covered my cock by sock. (ก็ใส่ถุงเท้าปิดไว้)” ผมแหงนหน้าขึ้นมองหน้าเขา รู้สึกจั๊กจี๋แปลกๆ ที่ถามเรื่องนี้


“Have you ever hard during shooting? (เคยเกิดอารมณ์มั่งมั้ยถามจริง)” ไอ้ยักษ์ย่นคิ้ว มองผมอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ตอบนะ


“Will you believe me if I told you NO. (ถ้าบอกว่าไม่เคยจะเชื่อมั้ย)”


“And is that real? (แล้วไม่เคยจริงเปล่าล่ะ)”


“You gonna say I’m a liar. (เดี๋ยวหาว่าฉันโม้อีก…)” ผมขมวดคิ้วและจิ๊ปาก ยกมือทุบอกเขาดังปึ้ก ไอ้ยักษ์หน้าจุกไปนิด ก่อนจะทำหน้าดุนิดหน่อย


“You are an expert of hitting? (ทุบเก่งจริงๆ นะ)” เขาเอาคางกดลงบนแก้มผมแล้วขยี้แรงๆ


“แอ๊!!” ผมยกมือดันหน้าเขา พยายามดันให้ห่างแต่ก็ไร้ผลเพราะเขาเกร็งหน้าขยี้แก้มผมจนแสบไปหมด


“ยักกกษ์!!!” ผมคำรามเป็นภาษาไทย เขาหัวเราะชอบใจแล้วหยุดแกล้ง ผมทำหน้ามุ่ย ยกมือขวาขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ


“Trying to avoid to answer. That made me think if you ever be hard. Tell the truth! (ตอบมาเลย บ่ายเบี่ยงแบบนี้แสดงว่าเคยแข็งใช่มั้ย)”


“ไม๊เคยโหวย!” กำลังหงุดหงิดๆ ถึงกับหลุดหัวเราะเมื่อเขาปฏิเสธเป็นภาษาไทยด้วยสำเนียงเพี้ยนแปล่ง ผมหัวเราะฮื่อๆ ในลำคอ มองหน้าเขาที่จะหงุดหงิดก็ไม่ใช่จะตลกก็ไม่เชิง แต่สักพักเขาก็หัวเราะด้วย


“จริงอ้ะ?!”


“ก็มันเป็นแค่งาน ยอมรับว่านมเธอสวย น้องสาวเธอสะอาดสะอ้านดี แต่ฉันแยกแยะได้น่าว่าเวลาทำงานก็ต้องรีบทำ ทีมงานมองเป็นสิบคน สิ่งที่คิดตอนนั้นคือรีบทำให้เสร็จจะได้เลิกกอง ไม่อยากถ่ายซ้ำซ้อน เข้าใจมั้ยไอ้เอเลี่ยน”


“เห็นจิ๊มิ๊เธอด้วยเหรอ” ผมถามตาโต


“อือ เธอถอดหมด แต่เธอเป็นคนรีเควสเองนะ ผู้กำกับบอกให้มุมกล้องหลอกได้แต่เธอไม่เอา”


“โอ่โห ใจเด็ดเชียว” วิคเตอร์ยักคิ้วหน้าตาไม่ยินดียินร้ายอะไร


“เห็นแรกๆ ก็ตื่นเต้นดี นานๆ ไปก็ไม่คิดไรแล้ว” วิคเตอร์เคยเล่าให้ฟังว่า ฉากอย่างว่าเขาจะเก็บไว้ถ่ายทีเดียวทั้งหมดแล้วค่อยปิดกอง มันเลยทำให้เขาเห็นของอีกฝ่ายบ่อยๆ


“จริงเหรอ เธอยั่วใช้ได้เลยนะ” เขายิ้มขำ ก้มลงหอมหน้าผากผมหนึ่งที


“ก็จริง แต่ใช่ว่าฉันเคยเห็นของเธอคนแรก” โอ๊ะ ลืมไปว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ชายที่ช่ำชองสรีระร่างกายสาวๆ เป็นที่สุดอยู่ คิดว่ายั่วกว่าคลอเดียวิคเตอร์ก็เคยเจอมาแล้วแหละ


ผมไม่ถามถึงประเด็นนั้นอีก เป็นอันว่าจบไป ที่ถามก็ไม่ได้ว่าจะจับผิด หรือชวนทะเลาะแต่เพราะไม่เคยถามเลยต่างหากเลยนึกอยากลองรู้สักนิดสักหน่อยบ้าง เพราะบางครั้งที่เขาอยู่กองและผมอยู่บ้านหรือไปออกกองตัวเอง ก็เคยคิดนะว่าเขาใช้ชีวิตเป็นยังไง นอกลู่นอกทางมั้ย หวั่นไหวหรือเปล่า มันก็แว้บมาแว้บไป จนเดวิดบอกว่ามีแฟนเป็นนักแสดงต้องใจกว้าง ต้องไม่คิดเล็กคิดน้อย ซึ่งข้อหลังสวนทางกับนิสัยผมไปมากทีเดียว


“อือ วิคเตอร์ ขอไปอ่านบทก่อนได้มั้ย นะๆ แก้แปบเดียวๆ” ผมเกือบเคลิ้มหลับ แต่ก็นึกขึ้นได้เลยดิ้นดุ๊กดิ๊กๆ ในอ้อมกอดเขา


“ไม่เอา ห้ามทำงาน ฉันห้ามนายแล้วนะว่าอย่าเอางานมาทำ ยังจะแบกมาอีก” เขามองผมตาดุ ผมยิ้มแห้ง เขาสั่งห้ามแล้วแหละ แต่ผมแอบยัดใส่กระเป๋าเป้มาด้วย พอขึ้นเครื่องผมก็หยิบมาอ่าน พอเขาเห็นแทบจะเผาทิ้งกลางเครื่องบิน


“โธ่ นิดเดียวเอง ไม่เยอะหรอก นะๆๆๆ”


“นิดเดียวของนายมันไม่เท่ากับของคนอื่น” ผมเบะปาก ทำหน้างอ ดีดขาดิ้นๆ ให้เขาปล่อย แต่ไอ้ยักษ์กอดรัดผมแน่นและหลับตาลง แล้วก็สยบด้วยความเงียบ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเป็นการบอกว่าหลับไปแล้ว


ผมทำหน้าเซ็ง ได้แต่นอนนิ่งในอ้อมกอดเขา งึ๊ดๆ ในใจอยู่พักใหญ่แล้วสุดท้ายก็ซุกตัวเข้าหาเขา วิคเตอร์กระชับอ้อมแขนขึ้นอีกนิด นอนกอดผมไว้เหมือนดักแด้ ผมเอาหน้าผากวางไว้บนอกเขา ขดตัวให้เขากอดเพิ่มไออุ่นปกป้องความเย็นจากแอร์ ผ่านไปสักพักผมก็หลับไปพร้อมไอ้ยักษ์ทั้งที่ในใจยังพะว้าพะวงเรื่องบทที่ค้าเอาไว้อยู่





 :hao6:

หม่าบู๊ฮายยย ก็ยังคงใสๆ หัวใจสองดวง ตบตีกันเป็นเรื่องปกติ เอเลี่ยนโดนยักษ์ดุก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ก็ไปเรื่อยๆ  คอนเซ็ปต์เดิมคือเล่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เล่าเรื่องราวความรักของเขาสองคน บางครั้งมันก็ดูเรื่อยๆ ดูไม่หวือหวา แต่เรื่องนี้ก็ไม่หวือหวานานละนะ 55555 เชื่อว่าคนที่ตามๆ กันมาตลอดคงเข้าถึงสไตล์ของตอมเนาะ

ความรักหวานฉ่ำชุ่มชื้นนนน ชื่นมื่อหัวใจ อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจก็ไม่ต้องไปยุ่งอะเนาะแมทเนาะ พี่ยักษ์มันก็แสดงออกว่าไม่เอาใคร ยังไงก็ไว้ใจพี่แกหน่อยน่าาา

คงไม่ได้มาอัพถี่มาก ตอนนี้งานยังไม่ยุ่งค่ะ แต่มันยุ่งแน่ๆ นี่เลิกงานมาก็ฝืนเขียน เพราะอยากเขียน ยังกลัวว่าเดี๋ยวต้องมีสักจังหวะที่เว้นยาวเกินแน่เลย T___T



เนื้อหาจะเชื่อมต่อจากตอนพิเศษในหนังสือพาร์ท Only You เบาๆ ค่ะ ใครไม่ได้ซื้อ ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่งงแน่นอน ยังไงตอมก็เล่าเนื้อหาตามปกติ ไม่หาย ไม่หล่น แต่บางอย่างที่อยู่ในตอนพิเศษก็ขอเก็บไว้เป็นสิ่งพิเศษสำหรับคนซื้อหนังสือจริงๆ แต่เส้นเรื่องหลักยังไงตอมก็เล่าอยู่แล้วค่า

วันที่ 13 นี้ จะเปิดพรีออเดอร์รีปริ้นนิยายพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนพาร์ท Only You ให้กับผู้ที่สนใจอยากได้หนังสือแล้วนะคะ จะอัพเดตรายละเอียดให้ทราบทั้งที่เพจและที่นี่เลยค่ะ

เจอกับอีกครึ่งที่เหลือค่ะ ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ

ตอมลงตอนพิเศษต้อนรับปี 60 ให้อ่านกันในเพจ มาบอกย้ำอีกทีค่ะ เผื่อบางคนไม่ทราบเนอะ ตามไปอ่านได้ที่ลิงก์นี้เลยจ้า > ตอนพิเศษต้อนรับปี 60

ที่ไม่ได้ลงในหน้านิยายเลยเพราะไม่ได้มีแค่พี่ยักษ์กับน้องแมทค่ะ มีตัวละครจากเรื่องอื่นยั้วเยี้ยไปหมด เลยเอาไปลงที่เพจดีกว่าาา ตามไปอ่านได้น้อออ 



รีปริ้นนิยายเรื่องนี้ ทั้งภาค 1 และภาค 2 คือช่วงกลางเดือนมกราคมค่ะ ซึ่งตอมได้แจ้งในเพจไปแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่เห็นหรือเปล่า เลยมาแจ้งในนี้อีกที จะเปิดพรีออเดอร์วันแรกคือ 13 มกราคม และปิดพรีออเดอร์ 20 กุมภาพันธ์ แต่ตอมคงขอเปิดพรีออเดอร์ รีปริ้นพาร์ทสองพาร์ทเดียวก่อนแล้วกันเนอะ กันตัวตอมงง เสร็จแล้วค่อยเปิดรีพาร์ทแรกอีกทีค่ะ สำหรับราคาหนังสือพาร์ทสอง รวมค่าจัดส่งแบบ EMS แล้วคือ 1150 มีจัดส่งแบบเดียวค่ะ หนังสือมีสองเล่ม แถมที่คั่น และตอนพิเศษเจ็ดตอน อัดแน่นเน้นๆ

ผู้ได๋อยากดั้ยหนังสือ ก็เตรียมไตไว้เด้อจ้า ไม่มีการลงชื่อใดๆ ทั้งสิ้น ใครพร้อมโอนแล้วแจ้งโอนผ่านอีเมล รายละเอียดจะมาแจ้งอีกทีตอนเที่ยงคืนวันที่ 13 ค่าาา

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-01-2017 00:33:02
คิดว่าจะรอซื้อเป็นเซทเลย อยากได้ทีเดียว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2017 01:09:47
หวานๆสบายๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-01-2017 03:22:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-01-2017 05:09:05
วิค แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เข้าใจการทำงานของวิค
แต่ก็เข้าใจแมท ความอึดอัดใจ
ที่รู้ว่าแฟนตัวเองกำลังถ่ายทำกับดาราสาวทรงอึ๋ม
เพราะวิค ไม่ใช่เกิดมาเป็นเกย์แท้ๆ
ก็นะ จะวางใจทีเดียวมันเป็นไปไม่ด้าย
แต่วิค ไม่เปลี่ยนไปก็สุดยอดละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-01-2017 07:09:00
แมทดูโตขึ้นนะ โตกว่า 2 ภาคแรกจริงๆ ไม่ขี้โวยวายแบบไร้เหตุผล วิคก็ดูใจเย็นขึ้น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 14-01-2017 15:42:59
ชอบวิคกับพ่อแมทตลกดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 14-01-2017 18:45:04
ภาคนี้ขอแบบเรื่อยๆน้าาาา
ก่อนหน้านั้นดราม่ามาเยอะแล้ว...จูบปากกันบ้าง..ตบตีกันบ้าง
อย่ามีมือที่ 3,4,5 เลยนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 70% :12.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-01-2017 01:13:41
 :z1: น่ารักจริง ๆ คู่นี้ มีสวีทมีกัดหยอกกันแบบให้ชีวิตดูมีสีสันไม่หวานจนเลี่ยน แต่ยังไงมีสามีเป็นดารานี่ก้อต้องทำใจอย่างแรง หวังว่าสาวสวยเผ็ดคนนี้จะไม่มีนัยยะสำคัญในภายหน้าน่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-01-2017 22:50:35


Yours and Mine EP.1 [100%]



“เฮ้!!!!” ผมยกขวด Smirnoff รสเลม่อนของโปรดขึ้นชนกับเหล้าเบียร์ของพวกเพื่อนๆ เสียงแก้ว เสียงขวดกระทบกันดังเกร๊งดังกริ๊ก และตามด้วยเสียงหัวเราะแข่งกับเสียงเพลงในร้าน


ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ร้านเหล้านั่งฟังเพลงสบายๆ (ในช่วงแรก ดึกๆ จะเป็นเพลงเต้น) แถวมหาวิทยาลัย เพราะว่าที่เจ้าสาวต้องการรำลึกความหลังเมื่อยังเป็นสาวนิสิตนักศึกษา แต่นางไม่คิดอำลาความเป็นวัยรุ่นความเปรี้ยวใดๆ ทั้งหลาย แค่อยากได้บรรยากาศเดิมๆ ในการเจอเพื่อนๆ


“แด่แคท สาวน้อยวัตถุไวไฟ คบไว ได้ไว แต่งไวโว้ยยย!!” ทุกคนหัวเราะดังลั่นกับประโยคของไอ้แชมป์ที่เอ่ยขึ้นหลังจากกระดกเบียร์ไปได้ครึ่งแก้ว


“อีแชมป์! หยาบคายค่ะ เขาเรียกผู้หญิงรู้จักรักษาสิทธิของตัวเอง!!”


“โอ๊ยยย!” เหมียวนำทัพในการโห่ใส่แคท เจ้าตัวนั่งหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ท่าทางโซพราวด์กับตัวเองไม่น้อย


“จนอีแคทแต่งงานแล้วอะ ฉันยังหาแฟนใหม่ไม่ได้สักที” เหมียวบ่นหน้างอง้ำ เพราะมันเลิกกับแฟนได้เกือบปีแล้ว เนื่องจากพอเข้าสู่วัยทำงาน เวลามันว่างไม่ตรงกัน ทำให้ความสัมพันธ์มันห่างเหินกันไป สุดท้ายก็เลิกกัน


“เดี๋ยวแกก็หาได้น่าอีเหมียว ไปยืนเยี่ยวข้างทางเดี๋ยวก็เจอ”


“ฮ่าๆๆๆ” พวกเพื่อนๆ หัวเราะกับมุกที่ผมแซวเหมียวกันยกใหญ่ เหมียวมันจิกตาใส่แล้วด่าผมด้วยคำด่าสุดฮิตอย่างดีออกกลับคำ


“จ้า แม่คนผัวรักผัวหลง” ผมทำท่าเชิดๆ ใส่ไอ้แชมป์ที่กัดด้วยความหมั่นไส้


“ก็สวยอะเนาะ ว่าไม่ได้”


“โฮ่ยยยยย!!!!” คราวนี้พวกมันโห่ดังยิ่งกว่าเดิม และโห่ด้วยอินเนอร์ที่แรงกล้า พร้อมกับฝ่ามือของไอ้สองมาร ไอ้แชมป์ไอ้วอร์มรุมตีที่หัวผมคนละป้าบ ผมมุ่ยหน้าใส่มันสองคนแล้วเอื้อมมือไปตบคืน ไอ้สองมารหัวเราะอย่างไม่สำนึก


“อีแคท แล้วกะจะมีน้องเลยมั้ย” เก้าถามพลางเทเบียร์ใส่แก้วของตัวเอง


“โนนะคะ ยอมรับนะว่าฉันคิดว่าลูกเป็นภาระ มันแล้วแต่คู่อะ แต่คู่ฉันยังไม่อยากหาภาระให้ตัวเอง ขอใช้ชีวิตทำงานเก็บเงินไปเที่ยวกันเองก่อน” แคทหยิบขนมขบเคี้ยวเข้าปาก ผมหยิบขนมปลาทาโร่ที่ซื้อมาจากข้างนอกขึ้นมากิน


“ดีแล้วแก ตักตวงความสุขให้ตัวเองก่อน ฉันก็ไม่แอนตี้การมีลูก แต่ฉันคิดว่าถ้าเรายังไม่พร้อมแล้วให้เขาเกิดมา มันเป็นการทรมานทั้งเขาและเรา” แบมบอกอย่างมีสาระ ยกกระดาษซับมันซับหน้าแผ่วเบา


“จริงมึง กูขอคอนเฟิร์ม ถ้าไม่พร้อมแม่งอย่างมี มันไม่สนุกอะ ของกูเขายังไม่เกิดมาก็จริง แต่ช่วงนั้นกูก็ทุกข์นะ เพราะกูรู้ตัวว่ายังอยากสนุกกับชีวิตก่อน” วอร์มผู้เคยผ่านประสบการณ์การเกือบมีลูกบอกอย่างรู้เช่นเห็นแจ้ง แม้ตอนนั้นมันจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นง่ายๆ แต่ในใจมันก็ไม่ได้พร้อมที่จะมีครอบครัวเต็มที่


“ฉันตกลงกับพี่เคนไว้ละว่าช่วงไหนที่จะปล่อยให้มี ตอนนี้ขอใช้ชีวิตกันสองคนก่อน” ผมนั่งเคี้ยวเส้นปลาทาโร่กวาดตามองเพื่อนตัวเอง แล้วก็รู้สึกว่าความหลังในช่วงวัยเรียนย้อนกลับเข้ามาและไหลย้อนออกไปสลับกับปัจจุบันของพวกเรา


“ไม่น่าเชื่อเนอะ ว่าเรากำลังนั่งคุยกันเรื่องมีครอบครัว มีลูกอะ” ผมเอ่ยด้วยสองอารมณ์ทั้งนึกขำและนึกใจหวิวที่เราโตขึ้นไปอีกสเต็ป


“ชีวิตคนเราก็ผันเปลี่ยนสิคะเพื่อนหลาว เราโตขึ้น สเต็ปในชีวิตเราก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนมากเปลี่ยนน้อยก็แล้วแต่เรื่องราวที่แต่ละคนได้พบเจอ” ผมพยักหน้าเบาๆ ให้กับคำพูดของแบม


“ทำไม ไม่อยากแก่เหรอวะ กลัวหูรูดเสื่อมแล้วผัวเอาไม่มันส์เหรอ”


“แอร๊ยยยย อีแชมป์ อีเชี่ยมมมม!” ผมหยิบปลาทาโร่ขึ้นมาเต็มกำมือแล้วปาใส่หน้ามัน อีแชมป์หัวเราะอารมณ์ดี มีอีวอร์มคู่ซี้คู่แสบของมันคอยจับคอยดึงผมไว้ พวกนีทั้งหลายขำเฮฮาภาษาพลาซ่า


“อีแชมป์ ปากดีไปเถอะ ระวังเด็กแกหูรูดเสื่อมมั่ง”


“เอออ! เอาดิไอ้เฮี้ยแชมป์ มึงพลาดแล้วให้ไอ้เหมียวรู้เรื่องอะ ฮ่าๆๆๆ” ผมทำหน้างง มองคนนั้นทีคนนี้ที อีวอร์มหัวเราะสะใจมาก อีแคทยิ้มเย้ยสุดใจ อีเจ้าตัวเงียบกริ๊บ ชัทอัพเม้าท์ไปเลย


“อะไรกันอะ อะไรกันเหรอ” ผมถามด้วยความเผือกที่พุ่งพรวดขึ้นอย่างเร็ว นี่ผมพลาดอะไรไปใช่มั้ย


“นี่แกเปิดอ่านไลน์ให้มันหายแจ้งเตือนเฉยๆ ใช่มะ” เก้าหันมาถามด้วยท่าทีเหนื่อยใจนิดๆ ผมฉีกยิ้มแห้งแทนคำตอบ


“มีเด็กที่หอพักมันมาติดไอ้แชมป์ เฮียแชมป์อย่างงั้น เฮียแชมป์อย่างงี้ ตอนแรกเล่นตัว สุดท้ายกลายเป็นผัวเด็กมันเฉย ฮ่าๆๆๆ” พออีวอร์มเล่าจบ ผมก็อ้าปากกว้างตาโต หัวใจเต้นตุบๆ


“อีแชมป์ได้เมียแล้วเหรอ?!!!” ผมถามด้วยความตื่นเต้น


“เมียมันเหมือนมึงเลย แต่น้องเขาหน้าตาน่ารักกว่านะ” ผมที่กำลังทำหน้าตื่นเต้น เปลี่ยนเป็นเขม่นใส่ไอ้วอร์ม


“กูก็น่ารัก ไม่งั้นแฟนกูไม่รักกูหรอก”


“โอ๊ยยย อันนี้กูขอตบเองค่า!” เหมียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามถึงกับโน้มตัวมาผลักหัวผมด้วยความหมั่นไส้ ผมหัวเราะเสียงดัง


“แล้วยังไงอะแชมป์ ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย” ปกติแชมป์มันชอบปรึกษาความรักกับผมนะ แต่ก็นานๆ ทีที่จะปรึกษา เพราะมันก็ไม่ใช่ว่ารักคนไปทั่ว คนไหนที่เป็นแค่คู่นอนมันก็ไม่ปรึกษาหรอก


“ไม่มีไรหรอกน่า ไอ้วอร์มก็พูดไปเรื่อย” ไอ้แชมป์ตัดบท ทำหน้ายุ่งนิดยุ่งหน่อย ยกเบียร์ขึ้นจิบ ท่าทางจะง้างปากยากซะละ


“โห่ มีไรไม่บอก อุตส่าห์อยากรู้นะเนี่ย”


“โอ๊ย ขอบคุณที่อยากรู้ ไอ้สาส”


“อุ๊ย หยาบคาย” ผมว่าแบบนั้นแต่ก็หัวเราะนะ ดูท่าไอ้แชมป์จะเขิน มันเลยกลบเกลื่อนด้วยการไม่พูดซะเลย ไม่รู้ว่าคนนี้จริงจังหรือเปล่า ไม่สิ ผมยังไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของมันกับเด็กคนนั้นไปถึงขั้นไหนแล้ว ไอ้วอร์มว่าได้เสียกันแล้ว แต่จริงรึเปล่าก็ไม่รู้


 “สนใจเรื่องไอ้แชมป์ แล้วเรื่องมึงล่ะ คบกันมานานแล้ว หมั้นก็แล้ว ไม่แต่งเหรอ” ผมหันไปมองไอ้วอร์มหน้ามึนๆ


“เออ เชื่อละว่ามึงกับผัวตัวติดกันจริง แค่ทำหน้างงยังมึนเหมือนกัน” แล้วไอ้แชมป์ก็นำทัพในการหัวเราะ ผมจิ๊ปากถลึงตาใส่มัน อีนี่ครองปากหมาอวอร์ดได้ยาวนานจริงๆ แล้วทำเนียนเปลี่ยนเรื่องเลยนะ


“ตอนนี้งานยุ่งอะ แล้วก็รอวิคเตอร์ย้ายกลับไปอยู่อังกฤษให้เรียบร้อย เขาอยากจดทะเบียน จะจดที่อเมริกามันก็ไม่มีผลต่อชีวิตไง ต้องจดบ้านเขา”


“แกคบกันมากี่ปีแล้วนะ”


“ก็…” ผมกำลังจะอ้าปากตอบคำถามของแคท แต่ก็สะดุดเพราะพอคิดดีๆ ผมไม่รู้ว่าจำนวนปีที่แน่นอนคือเท่าไหร่กันแน่


“แกเคยฉลองวันครบรอบ บอกแอนนิวาแซรี่กันมั่งมั้ย” ผมทำตาโต กะพริบตาปริบๆ กับคำถามต่อเนื่องของแคท ก่อนจะค่อยๆ ส่ายหน้าช้าๆ พวกน้องนีทำตาโต แต่สองมารแค่ทำหน้าประหลาดใจนิดหน่อย


“อย่าบอกนะว่าแกจำวันครบรอบที่แกสองคนคบกันไม่ได้” ผมกลอกตาไปมาแล้วทำหน้านึก คบกันเหรอ ผมกับวิคเตอร์คบกันตอนไหนนะ ตอนไหนที่เราคบกัน


“ไม่ได้อะ คือ ไม่เคยจำเลยดีกว่า” ผมพยักหน้าน้อยๆ กับตัวเองเป็นการยืนยันว่าจำวันที่ผมกับเขาตกลงปลงใจคบกันไม่ได้จริงๆ


“เฮ้ย แล้วผัวแกเขาไม่ว่าอะไรเหรอ” แบมถาม สีหน้ามันทึ่งอึ้งตกใจ ผมขมวดคิ้วงงว่ามันตกใจอะไร


“ไม่นะ วิคเตอร์ก็ไม่เคยพูดถึง ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้อะ”


“จริงดิ แกสองคนคบกันไปแบบไม่รู้วันรู้คืนป่ะเนี่ย” ผมยังคงขมวดคิ้ว หยิบขนมเข้าปากเคี้ยวแจ๊บๆ และพูดทั้งที่ขนมยังเต็มปากอยู่


“มันแปลกเหรอที่จำวันครบรอบไม่ได้”


“ก็ไม่แปลกหรอก แต่กูเป็นผู้ชาย กูยังจำวันครบรอบเดือนของแฟนได้เลย”


“โอ๊ย อีวอร์ม!” เหมียวแว้ดใส่ไอ้หน้าเข้ม มันหัวเราะทะเล้น ผมทำหน้านึกต่อก่อนจะส่ายหัวอีกที


“เออ จำไม่ได้จริงๆ อะ ถ้าไปถามวิคเตอร์ก็จำไม่ได้หรอก ก็คบกันตามปกติ ไม่ได้โฟกัสวันนั้นเลย คือมันควรมีการฉลองใช่ป่ะ” อันนี้ผมถามด้วยความสงสัยจริงๆ เพราะผมกับวิคเตอร์ไม่เคยพูดเรื่องนี้ ไม่เคยมีวันนี้ในชีวิตของเราเลย และผมก็ไม่คิดว่ามันไม่ใช่ประเด็นใหญ่ แต่วันเกิด วันวาเลนไทน์ก็มีตามปกติ วาเลนไทน์แรกของผมกับวิคเตอร์ผมตื่นเต้นมาก แต่สุดท้ายก็พัง


“สักนิดก็ยังดีแก ฉันกับพี่เคนครบสามวันที่คุยกันยังซื้อไปกินไอติมด้วยกันเลยค่ะ”


“อันเนี้ยก็ลายใหญ่ไปค่ะ” ผมหัวเราะเสียงดังการเบรกของเหมียว แล้วสายตาที่มันมองแคทคือเอือมระดับแรง แคทก็ทำแค่ยักไหล่ ยิ้มเล็กยิ้มน้อย


“ไม่รู้สิ วิคเตอร์ก็ชอบมีปาร์ตี้ตลอด จนรู้สึกว่าตัวเองก็ได้ฉลองอะไรเยอะแยะมาก”


“แต่กูว่า จำไม่ได้ก็ดีนะ บางทีมีแล้วพอใครคนนึงจำไม่ได้แม่งก็ทะเลาะกัน” ผมพยักหน้าเห็นด้วย หลายคู่ทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้เยอะนะ


แต่เอาจริงๆ พอคุยกับพวกเพื่อนๆ แล้วผมก็นึกสงสัยว่าวันครบรอบผมคือวันไหน แล้วผมคบกับวิคเตอร์มากี่ปีแล้ว ยังไม่ถึงสิบปีหรอก แต่วันที่บ่งบอกว่าเราคบกันมาเท่านี้ๆ ผมจำวันนั้นไม่ได้จริงๆ



หลังจากเต้นไปได้หกเพลงยังไม่ทันจบ สามีหน้ายักษ์ก็โทรมาบอกว่ารออยู่ด้านหน้าร้านแล้ว ผมมองเวลาบนจอมือถือแล้วก็รู้สึกดี (ประชด) ที่วิคเตอร์ใจดีเพิ่มเวลาให้ผมได้ปาร์ตี้ถึงห้าทุ่มจากตอนแรกที่บอกสี่ทุ่มครึ่ง นี่ยังดีนะต่อเวลาให้ก่อนร้านปิดหนึ่งชั่วโมง น้ำใจช่างเหลือล้น ผมบอกลาเพื่อนๆ พวกมันจะอยู่กันต่อจนร้านปิด และอาจจะไปหาอะไรกินกันต่อ ผมได้แต่เสียดายแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินออกไปนอกร้านและเดินไปขึ้นรถท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองผม แต่ไม่ได้มองเพราะจำผมได้  มองเพราะผมเดินไปขึ้นรถหรูต่างหาก


“ไม่หลงทางเลยเหรอ” ผมถามหลังจากปิดประตู ไอ้ยักษ์ที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งหันมายักคิ้วให้ที และหักพวงมาลัยออกไปตามถนน


“ที่บ้านเหลืออะไรกินบ้างอะ” ผมสะอึกไปอึกใหญ่ กลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งออกมาจางๆ


“วันนี้กินข้าวกี่มื้อแล้ว”


“สามมื้อ!” ผมตอบเสียงใส ยกมือขึ้นเป็นเลขสามและยิ้มแป้น วิคเตอร์จะช่วยผมเรื่องอาหารการกินด้วย เรากินข้าวกันวันละห้ามื้อ แต่จะกำหนดว่าตักข้าวได้แค่สองทัพพีต่อมื้อเท่านั้น กับข้าวก็ต้องคำนวณแคลฯ ให้ดี


“งั้นกินได้” ผมหัวเราะฮิๆ วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปากแล้วหันไปมองถนน


ผมนั่งมองถนนเบื้องหน้าสักพักแล้วก็นึกถึงสิ่งที่พูดกับเพื่อนๆ เรื่องวันครบรอบ ก็ไม่ถึงกับกวนใจเป็นจริงจัง แค่นึกสงสัยเฉยๆ ว่าผมกับวิคเตอร์คบกันวันไหน เดือนไหน คือก่อนหน้านี้เราไม่ได้สนใจประเด็นนี้กันจริงๆ นะ ผ่านไปหนึ่งปีเราก็แค่คิดว่า โอเค เปลี่ยน พ.ศ.ใหม่แล้วเท่านั้นเอง แต่พอได้พูดก็เลยว่า เออ คบกันตอนไหนวะ ตอนขอคบจำได้ว่าไม่ได้เอ่ยปากขอด้วยซ้ำ ทะเลาะกัน เอากัน รู้ตัวอีกทีเราก็เป็นแฟนกันแล้ว


“วิคเตอร์” ผมเรียกชื่อเขาอย่างลอยๆ สายตาเหม่อมองไปยังถนนเบื้องหน้าที่รถแล่นไปด้วยความเร็วสูง ปกติการเดินทางระหว่างบ้านผมกับมหาวิทยาลัยจะอยู่ที่ครึ่งชั่วโมง แต่นี่เพิ่งจะสิบนาทีกว่าๆ ก็ใกล้จะถึงบ้านละ วิคเตอร์เหยียบท้าทายกฎจราจรเมืองไทยมาก


“หือ?” วิคเตอร์ตอบรับแต่ก็ไม่ได้หันมา เขามองรถหลังเพื่อจะเข้าเลนขวาและจะได้กลับรถไปทางบ้านเรา


“เราคบกันวันไหนอะ คุณจำได้มั้ย”


“ฮะ?” เขาขมวดคิ้ว ตีไฟเลี้ยวแล้วเลี้ยวรถไปอีกเลน เสียงล้อบดถนนดังลั่น แต่เขาก็แค่เข้าเกียร์และเหยียบต่อไป


“วันที่เราคบกันอะ จำได้มั้ย” วิคเตอร์สั่นหัวหน้านิ่วคิ้วย่น เปิดไฟเลี้ยวอีกทีเพื่อเลี้ยวเข้าซอยบ้าน


“จำไม่ได้ ทำไม” เขาหันมามองและหันกลับไปมองถนน ก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าบ้านที่ประตูรั้วไม้เปิดรอไว้อยู่แล้ว


ผมไม่นึกแปลกใจหรือน้อยใจหรอก เพราะผมก็จำไม่ได้ เหมือนว่าวันนี้สำหรับเราสองคนมันหล่นหายไปในความสัมพันธ์ ซึ่งปกติเราควรมีวันครบรอบใช่มั้ย เพื่อเป็นการบอกว่าเราคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว


“อยู่ๆ ทำไมถึงถาม” วิคเตอร์ถามแล้วเดินไปปิดประตูรั้วไม้อันใหญ่ ส่วนผมเดินไปไขกุญแจประตูเหล็กบานใหญ่และดันขึ้น เรามุดเข้าไปในบ้าน วิคเตอร์ดันประตูเหล็กปิดลงและล็อคกุญแจ


“ก็วันนี้เพื่อนถาม แต่ผมตอบไม่ได้ เลยมาถามคุณ เผื่อคุณจำได้” วิคเตอร์หรี่ตามองกลับมา ผมเดินไปเปิดไฟในครัว เปิดตู้กับข้าว และยกอาหารในนั้นมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว วิคเตอร์ตักข้าวมาให้ผมสองทัพพีตามปริมาณที่กำหนด


“ฉันต้องเค้นความจำมั้ยเนี่ย” วิคเตอร์ถามสีหน้าเคร่งเครียดปนขยาดเล็กๆ ยังดีที่ไม่ขากถุยออกมาด้วย


“ไม่ต้องซีเรียสนะ ผมแค่ถามเฉยๆ อะ ไม่ได้กะว่าต้องจำได้หรอก เพราะผมก็จำไม่ได้ไง” ผมตอบเขาแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่ไข่เจียวกุ้งของโปรดวิคเตอร์ ตักใส่จานตัวเองและตักซอสพริกราดแล้วก็ตักเข้าปาก


“ถ้างั้นก็ปล่อยมันไปแล้วกัน อยู่มาขนาดนี้ วันครบรอบไม่จำเป็นแล้ว” เขาว่าสบายๆ เทน้ำใส่แก้วและกระดกอึกๆ ผมพยักหน้า และตักไข่เจียวเข้าปากอีก


ผมนั่งกินข้าวไม่นานก็หมด เพราะมีโควตากินได้แค่สองทัพพีทั้งที่จริงอยากกินต่ออีก แต่ก็ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ผมกลับมาอวบขึ้นเพราะตามใจปากมากไป แซ็คเลยให้ตารางการกินอาหารมากับวิคเตอร์ เพราะออกกำลังกายอย่างเดียวไม่พอ ต้องลดอาหารลงด้วย


“อาบน้ำเองได้ใช่มั้ย” ผมมองค้อนไอ้ยักษ์ที่ถอดเสื้อ ถอดกางเกงออกจนตัวเปลือยเปล่า


“อาบได้น่า” วิคเตอร์ยิ้มขำ ถลกผ้านวมขึ้น ล้มตัวลงนอนและดึงผ้านวมขึ้นห่มปิดส่วนล่างไว้ ผมถือแค่ผ้าเช็ดตัวไป เข้าห้องน้ำได้ก็ชำระล้างร่างกายจนสะอาดสะอ้าน ล้างทุกซอกทุกมุม ตัวกลับมาหอมสดชื่นด้วยกลิ่นน้ำนมอันคุ้นเคย พอเช็ดตัวจนแห้งก็พันผ้าขนหนูตรงอกเป็นกระโปรงสั้นแล้วเดินกลับห้องนอน วิคเตอร์ยังคงลืมตานอนรอผมอยู่บนเตียง ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมานั่งเช็ดหัวตรงปลายเตียง 


“Hey, you want to have the anniversary day? (นี่ แล้วนายอยากมีรึเปล่าวันครบรอบน่ะ)” ผมหันไปมองเขาด้วยความสงสัยปนงงกับคำถาม แต่พอเรียบเรียงได้ว่าเขาถามอะไรก็เลยสั่นหัวกลับไป


“We can live without that day. (ไม่มีเราก็อยู่กันได้นี่)” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ทำปากยื่นหน่อยๆ


“Good. Because birthday and valentine, these two day is a hard day for me. I have to think about the special thing on that day. (งั้นก็ดีแล้ว แค่วันเกิดกับวาเลนไทน์ฉันก็ขี้เกียจคิดละว่าจะต้องทำอะไรให้มันพิเศษบ้าง…)” ผมยิ้มขำ นึกว่ากำลังนั่งกำหนดวันครบรอบให้เราสองคนซะอีก


ผมเช็ดหัวจนแห้งหมาดๆ ถอดผ้าขนหนูที่พันตัวออกแล้วโยนใส่ตะกร้าพร้อมผ้าผืนเล็ก เดินเปลือยไปปิดไฟดวงใหญ่ในห้อง เหลือไฟบนหัวเตียง วิคเตอร์สะบัดผ้านวมออกให้ผมขึ้นนั่งคร่อมเขาไว้ ไอ้ยักษ์ยื่นสองมือมาจับเอวผม


“Just having you with me in every day. That’s fine for me. (…มีนายอยู่ด้วยทุกวันก็พอแล้ว)” ผมยิ้มเขิน ยื่นมือไปหยิกแก้มเขาเบาๆ


“Sweet talker again. (ปากหวานอีกละ)”


“I have another sweet thing. You know that. (อย่างอื่นก็หวาน นายรู้ดีนี่)” วิคเตอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ สองมือบีบเอวผมเบาๆ ผมกัดปากล่างแล้วยิ้มเขิน ยื่นมือไปจิ้มรอยสักบนอกของเขาเล่น


“And you? Do you want to have anniversary day? (แล้วคุณล่ะ อยากมีมั่งมั้ยวันครบรอบ)” ผมมึนเหล้าหรือมองโลกสวยเกินไปเนี่ยถึงได้ถามคำถามนี้ เพราะไอ้ยักษ์สั่นหน้าทันที


“No. I’m lazy to remember that. If I forget you gonna angry me. (ไม่เอาอะ ขี้เกียจจำ เดี๋ยวลืมก็โกรธกันอีก)”


“Let’s try this. Do you know how long we are in relationship? (เอางี้ คุณจำได้มั้ยว่าเราคบกันกี่ปีแล้ว)”


“And you? (แล้วนายล่ะจำได้มั้ย)” ผมสั่นหัว วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ผมเลยยิ้มกว้างตาม


ไม่ใช่ว่าลืม หรือจำไม่ได้เลย คือมันก็นับได้นั่นแหละว่ากี่ปีแล้วที่อยู่ด้วยกันมา แต่เหมือนเราไม่รู้วันเริ่มต้นที่เราคบกันเท่านั้นเอง


“I don’t care because you can’t leave from me. (กี่ปีก็ช่าง เพราะฉันไม่ให้นายไปไหนหรอก)” เขาจับผมพลิกลงไปอยู่ข้างล่าง ผมหัวเราะคิกคัก ยกสองขาเกี่ยวเอวของเขา สองมือรวบผมยาวหยิกน้อยๆ ขึ้นเพื่อโชว์หน้าหนวดหล่อๆ


“And you can’t leave from me. (ผมก็ไม่ให้คุณไปไหน…)” ผมหรี่ตาลงมองหน้าเขา ไอ้ยักษ์ยิ้มกริ่ม ผมใช้สองมือทัดเส้นผมยาวของเขาไว้ที่หลังหูทั้งสองข้าง


“Don’t leaving, right? Tell me, Giant. You won’t dump me, huh? (…ไม่ไปใช่มั้ย ฮะ? บอกซิไอ้ยักษ์ จะไปไหนมั้ย)” วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ยิ้มแบบที่ผมชอบ แม้ตอนนี้หนวดเคราจะดกครึ้มเหมือนป่าดงดิบ (วิคเตอร์รักหน้าตัวเองตอนนี้มาก) แต่ก็ยังน่ารักน่าหยิกเวลายิ้มแบบนี้


“หมั่ยไป๊ หร่ากเมียจ๋าโคนเดี๊ยว” ผมหัวเราะคิกคัก ยังรู้สึกขนลุกด้วยความตื้นตันใจทุกครั้งที่วิคเตอร์เรียกแบบนี้ ครั้งแรกที่เขาครางเรียกผมแบนี้ จำได้ว่าอ่อนระทวยไปทั้งร่าง อยากจะสิโรราบให้เขาคนเดียว


“เมียจ๋าก็รักเตอร์จ๋า” ผมพูดชัดๆ เน้นทีละคำให้เขาเข้าใจ ซึ่งคำประมาณนี้ หรือออกแนวทะลึ่งวิคเตอร์จะเข้าใจอย่างดีมาก เพราะได้ครูดีแบบไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มเป็นคนสอน


วิคเตอร์ยิ้ม ก้มลงจุ๊บหน้าผาก แก้มสองข้าง ปิดท้ายด้วยริมฝีปาก และล้มตัวลงนอนซ้อนหลังผม ดึงผ้านวมขึ้นมาห่มร่างเราสองคน กระชับอ้อมแขนตรงหน้าท้องผมแน่นขึ้น ดึงให้แผ่นหลังผมไปชิดด้านหน้าของเขา


“แน่ะ แข็งเหรอเตอร์” ผมถามเป็นภาษาไทย


“อื้อ หยั่กม๊าก” ผมหัวเราะ หันไปมองเขา ไอ้ยักษ์มองตาแป๋ว


“มั่ยหั้ยทำหรอก” เขาทำหน้าบูดใส่ผมทันที ผมยิ้มกว้าง พลิกตัวเข้าหาเขา หนุนหัวบนต้นแขนซ้ายล่ำๆ ยื่นมือซ้ายไปจับยักษ์น้อยที่ตื่นตัวเต็มที่ จับๆ บีบๆ และใช้นิ้วโป้งลูบหัวลูกชายเขาเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบ มือซ้ายวิคเตอร์ลูบหัวผมเบาๆ เปลือกตาเขาขยับเชื่องช้า ลมหายใจติดขัดเป็นระยะ


“นิไสเล้ว” ผมหัวเราะ ทำหน้าระรื่นใส่ไอ้ยักษ์ที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ทั้งเคืองและเสียวปนกันสิท่า


“เล้วแล้วรักมั้ย” ไอ้ยักษ์พยักหน้าทั้งที่คิ้วยังขมวด หน้าท้องก็หดเกร็ง


“หรั่กมาก” ผมหัวเราะฮิๆ ในลำคอ ยื่นหน้าไปจูบสันกรามที่เครากินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหน้า ปล่อยมือออกจากลูกยักษ์น้อย ยกขาซ้ายก่ายเขาไว้ กอดเขาไว้แน่น วิคเตอร์โอบสองแขนกอดร่างผม ก้มจูบหน้าผากผมไปหนึ่งฟอด และเราก็นอนซุกกันจนหลับไป ทิ้งให้ยักษ์น้อยค่อยๆ สงบลง



 :mew1:


มาอัพต่อแล้วววว ติดงานหนักมากค่า อาทิตย์นี้ทำงานเที่ยงวันยันเที่ยงคืน เวลาที่เหลือสลบ พองานเบาลงเลยรีบเอามาแปะไว้ก่อน

แต่อย่างที่เคยแจ้งไว้นะคะว่าพาร์ทสาม ตอมจะไม่ได้มาอัพถี่ๆ รัวๆ มากเท่าไหร่ เนื่องจากมีงานต้องทำ และแบ่งเวลาไปเขียนเรื่องอื่นด้วย เรื่องนี้ก็จะเขียนสดอัพสดแบบแรกๆ ที่เขียนนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ แต่สัญญาว่าจะไม่หายต๋อม ไม่ดองน้อออ เพราะบางทีทำงานอยู่ก็คิดถึงนิยายตัวเองเหลือเกินนน

สรุปสองผัวเมียคู่นี้เขาจำวันครบรอบตัวเองไม่ได้ แต่ไม่มีใครเครียด อยู่กันมาขนาดนี้ ไม่ต้องมีละม้างงง

ถ้าใครมีหนังสือพาร์ท Only You คงจำได้ว่าพี่ยักษเรียกแมทว่าเมียเป็นครั้งแรกในตอนพิเศษ ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ พี่ยักษ์ไม่เคยเรียกแมทแบบนี้ จนกระทั่งในตอนพิเศษพาร์ทสองนี่แหละเจ้าาา ขนลุกด้วยความสยิวแทนน้องแมทเลยค่ะตอนเขียน 555555

เจอกันตอนหน้านะคะ ถ้ามาช้าก็ต้องขออภัยไว้ก่อนนน



สำหรับใครที่สนใจหนังสือพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน พาร์ทสอง หรือ Only You ตอนนี้ตอมเปิดรีปริ้นรอบแรกแล้วค่ะ เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ > พรีออเดอร์รีปริ้น Only You  (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=96)

เนื้อหาจะเชื่อมต่อจากตอนพิเศษในหนังสือพาร์ท Only You เบาๆ ค่ะ ใครไม่ได้ซื้อ ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่งงแน่นอน ยังไงตอมก็เล่าเนื้อหาตามปกติ ไม่หาย ไม่หล่น แต่บางอย่างที่อยู่ในตอนพิเศษก็ขอเก็บไว้เป็นสิ่งพิเศษสำหรับคนซื้อหนังสือจริงๆ แต่เส้นเรื่องหลักยังไงตอมก็เล่าอยู่แล้วค่า



ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 21-01-2017 23:32:55
ดีออกนะ ไม่ต้องมานั่งจำวันนุ้นนี้เยอะแยะ 5555 ต่างคนต่างเข้าใจกันก้ดีแล้ว อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆแหละ  ดีจังที่วิคเตอร์เป็นเด็กดี ไม่ออกนอกลู่นอกทาง อย่าทำน้องแมทเสียใจนะคะ  :oo1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-01-2017 00:25:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 22-01-2017 00:34:49
ทำไมแมทเร๊ววว อย่างงี๊อ่ะ ค้างเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-01-2017 01:37:48
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2017 01:44:00
เขาหวานกันล่ะ~~~
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-01-2017 06:23:52
วันครบรอบไม่ต้อยลงมี วิคขี้เกีบจทำเซอร์ไพร์ส
ตอนพูดไทยกันน่ารักมาก เมียคนไทยก็ต้อวพูดได้บ้างเนอะ
ช่วงยลนี้หวานดี สบายใจ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-01-2017 06:31:37
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.1 100% :21.01.60:
เริ่มหัวข้อโดย: AnanyKaoLaD ที่ 29-01-2017 13:53:09
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-02-2017 22:22:59


Yours and Mine EP.2 :: Bad news. (ข่าวร้าย) [50%]


“แคทเป็นเพื่อนที่น่ารัก เป็นคนเรียนเก่งแบบที่ผมอิจฉาสมองมันมาก เพราะมันอ่านแปบเดียวก็เข้าใจได้ แต่ในขณะเดียวกันแคทก็ค่อนข้างแรดมาก…” แขกในงานหัวเราะอารมณ์ดีกับคำกล่าวของผมที่กล่าวถึงเจ้าสาวที่ยืนหัวเราะชอบใจในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง เจ้าบ่าวตัวสูงในชุดสูทสีดำทักสิโด้ยืนขำอย่างไม่ถือสากับคำที่ผมพูด

 

 

“…มีคำถามอยากถามพี่เคนครับว่า อะไรดลใจให้เลือกแคทเป็นเจ้าสาว”

 

 

“เดี๋ยวๆ แก คือเพื่อนเป็นคนดีไง เขาเลือกฉันด้วยใจเว่ยแก ไม่ได้มีอะไรดลใจเนาะ” ผมเอาไมค์ออกห่างจากปากแล้วหัวเราะอ้าปากกว้างเสียงดังกับการเถียงของแคท เสียงหัวเราะในงานดังครื้นเครงเป็นกันเอง

 

 

“ว่าไงครับเจ้าบ่าว อะไรดลใจ เอ้ย รักเจ้าสาวเพราะอะไรเหรอครับ” พิธีกรหนุ่มที่เป็นญาติแคท พูดจาคล่องแคล่วน้ำเสียงน่าฟังเหมาะกับการเป็นดีเจอยู่ที่คลื่นวิทยุแห่งหนึ่ง

 

 

“ก็… อยู่กับเขาแล้วอารมณ์ดีครับ เครียดบ้าง แต่เขาจะมองโลกสนุกสนานมากกว่า ทำให้บางทีเราเครียดๆ อยู่ก็เบาลงเพราะเขา”

 

 

“หู้ยยยย!!” ผมนำทัพเพื่อนๆ โห่ใส่แคทที่ยืนบิดเขินอาย ยกมือตีไหล่พี่เคนสองสามทีเป็นการแก้เขิน

 

 

“สวยมากกก นางเอกเกาหลีมากกก!!” เหมียวตะโกนขึ้นมาจากด้านล่างหน้าเวที แคทหันไปทำปากยื่นใส่เหมียวเลยทำให้คนในงานหลายร้อยคนหัวเราะกันเสียงดัง

 

 

“แต่ก็ดีใจกับเพื่อนครับ เพราะว่าเพื่อนก็เรียนจบแล้ว มีงานดีๆ ทำ ชีวิตนางก็พร้อมแล้วที่จะมีใครอีกคนเดินไปข้างๆ กัน ไม่ขอให้รักกันนานๆ ครับ เพราะเชื่อว่าเขาจะรักกันดีแน่นอน” เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากผมพูดจบ แคทยิ้มปลื้มใจและยกนิ้วโป้งให้ผมเป็นการชมและคงขอบคุณในเวลาเดียวกัน ผมยื่นไมค์คืนให้กับพิธีกรและเดินลงจากเวที

 

 

“แล้วตอนนี้นะฮะก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญของเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ต้องการสละโสดเป็นคิวถัดไป ใครอยากโดนขอแต่งงานไวๆ เร่เข้ามาหน้าเวทีเลยฮะ” ไม่ต้องมีการเรียกซ้ำ เหล่าชะนีมากหน้าหลายตาก็กรูกันเข้ามายืนหน้าเวทีราวกับฝูงอะไรสักอย่างที่รอขย้ำเหยื่อ แน่นอนว่าแม้ผมจะไม่ใช่นีแต่ผมก็ไปยืนเบียดเสียดกับพวกเพื่อนๆ แถวกลางเวทีด้วย ที่จริงไม่ได้อยากได้ช่อดอกไม้หรอก แต่เหมือนมันเป็นกระแสอะเลยต้องตามนิดนึง

 

 

“พร้อมนะ!!!” แคทเอี้ยวหน้ามาถามจากบนเวที ในมือถือช่อดอกไม้สีขาวช่อโตไว้ เตรียมพร้อมโยนกลับหลัง

 

 

“พร้อมเว่อ!!!” เหมียว เก้า แบมตะโกนตอบรับเสียงดังกว่าใคร ผมหัวเราะสนุกสนานรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย ทั้งที่จริงมันไม่ต้องตื่นเต้นมากก็ได้

 

 

“สาม สอง หนึ่ง โยนละนา!!!” ว่าจบแคทก็ออกแรงเหวี่ยงดอกไม้กลับหลังมาทางฝูงฮายีน่าที่จ้องช่อดอกไม้ตาเป็นมัน ผมกำลังจะยื่นมือไปแย่งรับบ้าง แต่พอเห็นหน้าอีเหมียวที่โคตรจริงจังอย่างกับกำลังแย่งทองคำก็เลยยืนขำมันแรงๆ หน้ามันเอาจริงเอาจังแบบว่า ใครแย่งกูมึงตายมาก

 

 

“มานี่! ของกูค่ะ มานี่ ว้ายยยย!!!” ในขณะที่เหมียวกำลังใช้กำลังภายในแย่งชิงช่อดอกไม้ที่เริ่มเละจากการกระเด้งกระดอนไปหลายมือ มันก็เกิดอาการหน้าจะคว่ำ ดีที่มีเก้ากับแบมรีบคว้าร่างมันไว้ และช่อดอกไม้ก็ปลิวมาทางผมที่ยืนหัวเราะด้วยความตลกอยู่ แต่พอดอกไม้หล่นตุ้บที่กลางอก สัญชาตญาณร่างกายก็ยกแขนโอบกอดเอาไว้ หน้าขำขันเมื่อกี้หายวับแล้วกลายเป็นยืนงงในดงกล้วยแทน

 

 

“อ้าว! ชายหนึ่งเดียวได้ไปแบบสวยๆ งงๆ” เสียงพิธีกรประกาศบนเวทีพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ เสียงปรบมือดังเปาะแปะๆ

 

 

“แอร๊ยยย!! อีแมท!! ทุกวันนี้มึงก็เหมือนแต่งงานแล้ว มึงจะมาแย่งดวงมีผัวกูทำม๊ายยย!!!” แล้วผมก็กลับมาหัวเราะกับการคร่ำครวญของเหมียวต่อ ฮ่าๆๆ อีเว่อ สวยๆ อย่างแกเดี๋ยวก็หาได้เองนั่นแหละ

 

 

หลังจากความชุลมุนตรงหน้าเวทีจบลง เหล่าฝูงฮายีน่าก็สลายตัวกลับรังใครรังมัน ผมเดินกลับไปโต๊ะพร้อมกับเหมียว แบมและเก้า อีเหมียวทำท่าจะแย่งช่อดอกไม้อันเละเทะไปจากมือผม แต่ผมแกล้งดึงหนี มันเลยเบ้ปากใส่ผมอย่างแรง

 

 

“หลังวาเลนไทน์… เฮ้ เก็บอะไรมากินน่ะ” วิคเตอร์ที่กำลังนั่งคุยกับพวกอันเดรหันมาหาผมพร้อมกับวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ เขาอ้าแขนรับให้ผมลงไปนั่งบนตัก กลิ่นเหล้าหึ่งออกมาจากตัว แก้มนี่แดงแจ๋เชียว

 

 

“ได้ช่อดอกไม้ จะแต่งงานแล้วนะ” ผมบอกแล้วหัวเราะคิกคัก ชูช่อดอกไม้ให้วิคเตอร์ดู เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มเมาๆ

 

 

“ฉันขอแต่งไปเป็นปีแล้วนะ” ผมย่นจมูก วิคเตอร์ยิ้มกว้างแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ หันกลับไปคุยกับพวกอันเดรตามเดิม ผมวางช่อดอกไม้ไว้บนโต๊ะ หันกลับมาดูสภาพวิคเตอร์ หูกระต่ายหลุดลุ่ย เสื้อเชิ้ตข้างในปลดกระดุมออกสองเม็ดจนเห็นแผงอกล่ำแพลมๆ ผมยาวที่ผมมัดจุกเป็นซาลาเปามาให้ยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่มันดันกลับทำให้วิคเตอร์ดูยั่วยวนชวนมองเหลือเกิน วัดได้จากสายตาจากผู้หญิงโต๊ะใกล้ๆ นี่ไง แอบมองกันไม่หยุดเลย

 

 

“What the fuck? I’m not. (เหี้ยไรนะ กูเปล่าโว้ย)” แล้วเขาก็หัวเราะกับพวกอันเดรเสียงดัง ไม่รู้ว่าคุยไรกันอยู่ เพราะผมหันไปมองวงดนตรีบนเวทีเพลินๆ วิคเตอร์ใช้แขนซ้ายกอดเอวผมไว้ แขนขวาก็คอยยื่นแก้วไปชนกับเพื่อนๆ ผมหันไปมองเพื่อนตัวเอง พวกมันกำลังนั่งคุยกัน ผมเลยกระเถิบก้นจะลงจากตักวิคเตอร์ เขากระชับแขนแน่นขึ้นทันที

 

 

“Going? (ไปไหน)” ผมชี้ไปทางพวกแชมป์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันนี่เอง พอเขาเห็นว่าจะไปหาเพื่อนเขาเลยยอมปล่อยให้ผมไป ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างใกล้กับไอ้แชมป์

 

 

“มึงจะอยู่ที่สุราษฎร์ฯ กันกี่วันอะ” ผมถามไอ้แชมป์กับคนอื่นๆ พลางตักข้าวผัดปูใส่จาน

 

 

“สามวัน กลับหลังวาเลนไทน์ ผัวมึงเขาอยากอยู่ เขาบอกว่าอยู่บ้านเดี๋ยวโดนพ่อมึงแกล้งไม่ให้อยู่ด้วยกันอีก” ผมทำปากว่าอ้อ ตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ

 

 

ปีก่อนตอนวาเลนไทน์ วิคเตอร์โดนไล่ให้กลับนิวยอร์ก พอเขาบอกจะไม่กลับ พ่อเลยขู่ว่างั้นไม่ต้องมาเจอผมอีก เขาเลยยอมกลับ แต่ก็กลับไปแบบเคียดแค้นๆ หน่อยนะ ดีที่ไม่ต่อยพ่อผม ปีนี้ก่อนมาเขาก็ระแวงว่าพ่อจะแกล้งอะไรอีก แต่ดีที่ว่างานเลี้ยงหลังแต่งงานของแคทใกล้วาเลนไทน์พอดี เขาเลยกะอยู่ยาว

 

 

“ปีนี้กะว่าจะได้อะไรจากผัวคะ” เก้าถามในขณะที่ตักอาหารเข้าปาก ผมเคี้ยวข้าวในปาก ทำหน้านึกไปด้วย

 

 

“ไม่รู้อะ ไม่ต้องเอาก็ได้” นึกไม่ออกว่าอยากได้อะไร แต่ก็แอบลุ้นนะว่าวิคเตอร์จะมีอะไรให้มั้ย แต่ถ้าไม่มีให้ผมก็ไม่ได้เครียด

 

 

“แล้วแกอยากได้อะไรจากวิคเตอร์” ผมสั่นหัวตามความรู้สึกจริง ไม่รู้จะอยากได้อะไรจริงๆ นะ สิ่งของเขาก็ให้บ่อยๆ อยู่แล้ว

 

 

“ผัวปรนเปรอขนาดนั้น มันจะไปอยากได้อะไรอีกวะ” ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้แชมป์ มันหัวเราะไม่สะทกสะท้าน

 

 

แต่จริงๆ สิ่งที่อยากได้จากวิคเตอร์ตอนนี้เหรอ คงเป็นความเข้าใจละมั้ง เข้าใจในเรื่องการทำงานของผมสักหน่อย เพราะเขาดุผมอยู่เรื่อย

 

 

บรรยากาศงานเป็นไปด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจอย่างที่งานแต่งงานควรจะเป็น เจ้าบ่าวเจ้าสาวสีหน้าแฮปปี้ตลอดงาน พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายยิ้มแย้มเข้ากันได้ดี พอตกดึกแขกหลายคนก็เริ่มขอตัวกลับ ในขณะที่พวกผมเริ่มคึกมากขึ้นเพราะวงดนตรีที่เจ้าภาพจ้างมาเล่นได้จังหวะถึงใจเหลือเกิน ปกติผมไม่ชอบดนตรีสด แต่วงนี้เป็นอีกวงในชีวิตที่ถือว่าเล่นได้ชวนเต้นดี วิคเตอร์เมาได้ที่แต่ยังมีสติอย่างสตรองอยู่เพราะเขากินแต่เหล้า ไม่ได้ผสมแอลกอฮอล์ชนิดอื่นเข้าไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็คึกมากกว่าเดิมแหละ

 

 

“โว้ววว แฟนใครวะ น่ารักจัง ฮึ ฮึ!” เขาจับผมที่กำลังเต้นอยู่กับเพื่อนเข้าไปกอดและก้มลงฟัดแก้มผมอย่างหนักหน่วง

 

 

“แอ๊!!” ผมร้องประท้วงแต่ก็หัวเราะฮิฮะชอบใจ วิคเตอร์ยิ้มกว้างยกมือขยี้หัวผมไปที

 

 

“ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย” เขาก้มลงบอกข้างหู ผมพยักหน้าหงึกๆ และปล่อยให้เขาเดินจูงมือออกไปทางประตูของห้องจัดเลี้ยง ตอนเดินผ่านโต๊ะสาวๆ ที่คอยแอบมองเขาตลอดเวลา สีหน้าพวกเธอแสดงออกถึงความเสียดาย ผมอมยิ้มขำ ส่วนวิคเตอร์เดินหน้ามึนไม่สนใจใคร ผมว่าคนจำเขาได้น้อยนะ เพราะสภาพเขาเซอร์เกินวิคเตอร์คนเดิม ซึ่งนี่แหละที่เขาชอบ ไม่มีคนมาวุ่นวายกับเขา

 

 

ในห้องน้ำไม่มีคนอยู่ ตอนแรกนึกว่าวิคเตอร์จะเดินไปฉี่ที่โถเลย แต่เขากลับพาผมเข้าไปในห้องน้ำริมสุด ปิดฝาชักโครกแล้วนั่งลง ดึงผมให้เดินไปนั่งคร่อมตักและยื่นหน้ามาจูบผมอย่างนัวเนีย ลิ้นของเราสองคนหยอกกันอย่างคุ้นเคย เสียงดูดลิ้นดังเจ๊าะแจ๊ะสักพักก่อนที่วิคเตอร์จะเปลี่ยนไปไซร้ซอกคอผมอย่างหนักหน่วง

 

 

“อือ… เตอร์ จะทำที่นี่เหรอ” ผมครางตาปรือ และพยายามดึงหน้าวิคเตอร์ออก เขายอมหยุด ดึงหน้าออกจากซอกคอผมและมามองหน้ากัน ผมยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ

 

 

“ไม่ได้มีอะไรกันมาเกือบเดือนแล้วนะ” ผมยิ้มน้อยๆ ยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากเขาหนึ่งที

 

 

“กลับบ้านก่อนได้มั้ย ในนี้มันแคบ” ไอ้ยักษ์ยิ้มกว้าง พยักหน้ารับกระตือรือร้นราวกับเด็กน้อย ผมหัวเราะชอบใจ ลุกขึ้นยืนให้วิคเตอร์ลุกขึ้นตาม เอื้อมมือไปจับเป้าของเขาที่ตุงเต็มกางเกง วิคเตอร์ก้มลงหอมกลางกระหม่อมผมเบาๆ

 

 

“กลับบ้านตอนนี้กันเลยมั้ย” ผมหัวเราะฮิๆ และปล่อยมือออกจากเป้ากางเกง หันไปเปิดประตูห้องน้ำจูงเขาเดินออกมานอกห้อง

 

 

“จะฉี่มั้ย” วิคเตอร์สั่นหัว

 

 

“ไม่ กะมาทำอย่างอื่น” ผมยิ้มเบ้ปาก วิคเตอร์ยิ้มทะเล้น แลบลิ้นออกมาจากปากและรัวปลายลิ้นเร็วๆ ผมหัวเราะแล้ววิคเตอร์ก็หัวเราะตาม ก่อนจะพากันเดินออกไปจากนอกห้องน้ำ ผมดึงหูกระต่ายออกจากคอเขามาเก็บไว้ในกางเกงสแล็คสีดำของตัวเอง วิคเตอร์ถอดสูทตัวนอกออกและยื่นมาให้ผมถือ ผมรับมาคล้องแขนขวาไว้ หัวใจเต้นหนุบหนับกับความฮ็อตของสามีตัวเองที่เหลือแต่กางเกงสแลคดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปที่เขาเพิ่งแหวกกระดุมเม็ดที่สามออกโชว์แผงอกล่ำ กล้ามแขนแน่นจนเสื้อตึง ใส่ชุดแบบนี้ทีไรใจผมแตกทุกที เขาเซ็กซี่ยิงกว่าตอนถอดเสื้อผ้าซะอีก

 

 

“อยากล่ะสิ” วิคเตอร์ยักคิ้วสองทีเป็นเชิงล้อเลียน ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ วิคเตอร์ยิ้มกว้างกวนๆ ก้มลงมากระซิบข้างหู

 

 

“ฉันรู้ นายมีอารมณ์กับฉันในชุดแบบนี้” แน่ะ! มารู้ดี

 

 

ผมแกล้งทำตาดุเพื่อกลบอาการที่เขาว่า วิคเตอร์ยิ้มแซว ผมเลยรีบจูงมือเขาเดินกลับเข้าไปในงาน มีผู้ชายสองคนเดินเปิดประตูห้องจัดงานออกมาพอดี เราเลยจะแทรกตัวเข้าไปด้านในแต่สองคนนั้นเอ่ยทักไว้ก่อน

 

 

“Are you Victor? (วิคเตอร์รึเปล่าครับ)” เราสองคนหยุดชะงักและหันมองหน้ากันงงๆ ก่อนที่วิคเตอร์จะหันกลับไปพยักหน้าให้กับผู้ชายตัวสูง ผิวขาว หุ่นล่ำสันพอประมาณ หน้าตาดูดีแต่ก็ไม่ได้ว่าหล่อสะกดใจ

 

 

“จำเราได้มั้ย เน?” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นงงๆ ผมเองก็ทำหน้างง ผู้ชายผิวขาวแต่ตัวเตี้ยกว่าคนถามทำหน้าไม่เข้าใจเช่นกัน แต่สายตามองวิคเตอร์วิบวับเชียว ผมไม่ใช่คนมีเรด้าร์หรอกนะ แต่บางคนก็แสดงออกให้เห็นเองอะ

 

 

“เน้?” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว ทำหน้านึกอยู่สักพักแต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า

 

 

“เราเคยเป็นเพื่อนกันตอนที่นายมาอยู่ไทย ที่เชียงรายอะ ย่านายกับย่าเราเป็นเพื่อนกันไง” วิคเตอร์ทำหน้าคิดอีกสักแปบก่อนที่จะทำหน้าอ๋อ

 

 

“อ้อออ ไม่เจอกันนานมาก” พอจำได้ว่าเป็นใคร วิคเตอร์ก็ยื่นมือซ้ายไปเช็คแฮนด์ เขาไม่ยอมปล่อยมือตัวเองออกจากมือผมเลยใช้อีกข้างยื่นไปแทน อีกฝ่ายเลยยื่นมือซ้ายมาจับแบบงงๆ แต่นี่แหละสามีผม ผู้ชายอินดี้ ทำตามใจตัวเอง

 

 

“มางานนี้ด้วยเหรอ ฉันหมายถึง นายรู้จักใครน่ะ” ผมยืนเงียบๆ ให้เพื่อนเก่าเขาได้คุยกัน จำได้ว่าวิคเตอร์เคยพูดถึงเพื่อนคนหนึ่งตอนมาอยู่ไทยกับย่า ซึ่งคงจะเป็นคนนี้แหละ

 

 

“เจ้าบ่าว เคนน่ะ เขาเป็นญาติเรา” วิคเตอร์ทำตาโต เช่นเดียวกับผมที่รู้สึกประหลาดใจมากเลยทีเดียว

 

 

“จริงเหรอ โอ้ โลกกลมดีนะ ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย” พี่เนยิ้มละมุน ดวงตาอบอุ่น ผมยิ้มไปด้วย แต่ดูเขาจะไม่ได้สนใจผมเท่าไหร่

 

 

“ดีใจนะที่ได้เจอนายอีก เจอกันอีกทีนายก็ดังซะแล้ว” วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ (หัวเราะง่ายเพราะเมา) ไม่ได้ขยายความตรงข้อนี้ เขาหันมามองผมและหันกลับไปมองเพื่อนเก่าตัวเอง

 

 

“นี่แมท แฟนฉันเอง อย่าประหลาดใจว่าทำไมแฟนฉันขี้เหร่แบบนี้ พอโตขึ้นฉันนิยมของแปลกน่ะ” พูดเองแล้วก็หัวเราะเอง เพื่อนพี่เนยิ้มขำไปด้วย ผมถลึงตาใส่ไอ้ยักษ์ไปทีก่อนจะหันกลับไปหาพี่เน

 

 

 “สวัสดีครับ” ผมได้แต่ก้มหัวเพราะยกมือขึ้นมาไหว้เขาไม่ได้ พี่เนมองผมนิ่งสักพักก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ และก้มหัวให้ผม

 

 

“พอจะเดาออกแหละ เห็นตัวติดกันตลอดเลย” ผมยิ้มแหะ พี่เนยิ้มให้ผมน้อยๆ แล้วหันไปหาวิคเตอร์ต่อ

 

 

“แล้วนี่นายไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่บ้านเจ้าบ่าวมั้ย”

 

 

“แน่นอนสิ” พี่เนยิ้มกว้าง ท่าทางดีใจ

 

 

“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอกันอีก” พี่เนยื่นมือซ้ายมาเช็คแฮนด์กับวิคเตอร์อีกรอบ

 

 

“เจอกัน” วิคเตอร์ปล่อยมือและยกขึ้นหนึ่งทีเป็นเชิงโบกมือลา พี่เนกับเพื่อนยิ้มให้ผมหนึ่งทีแล้วก็พากันเดินไปทางบันไดที่ลงไปข้างล่าง ผมสั่นหัวน้อยๆ กับความรู้สึกนึกคิดแปลกๆ มันคงแปลกตรงที่นี่เป็นการเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานนับสิบปีที่ธรรมดาปกติสุขมาก ราวกับไม่ได้เจอกันมาแค่สามสี่วัน

 

 

“คุณจำเขาได้จริงๆ รึเปล่า” วิคเตอร์สั่นหัวพร้อมตอบ

 

 

“หึ แต่พอหมอนั่นพูดถึงย่าก็เลยนึกออก แต่ฉันจำหน้าเขาไม่ได้หรอก สิบกว่าปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน ตอนรู้จักกันก็แค่สั้นๆ เอง” ผมพยักหน้าเออออห่อหมกไปเรื่อย และก็ไม่ค่อยแปลกใจกับการที่วิคเตอร์จะเพื่อนเก่าที่โคตรเก่าขนาดนั้นไม่ได้ ขนาดกิ๊กเก่าของเขาบางคนเขายังจำไม่ได้เลย (เยอะจัด)

 

 

เรากลับมาที่โต๊ะ วิคเตอร์นั่งลงข้างอันเดรตามเดิม ส่วนผมขอเขาไปเต้นกับเพื่อนที่ยืนโยกกันอย่างเมามันส์ ตอนนี้นักร้องบนเวทีร้องเพลงแนวเร็กเก้ เหล่าผู้ชายในงานก็โยกกันอย่างถูกอกถูกใจ เหล่าน้องนีก็ดิ้นไปดิ้นมาราวกับโดนน้ำร้อนลวกก้น ส่วนพวกฝรั่งทั้งสี่ที่ฟังเพลงภาษาไทยไม่ออกก็ได้แต่นั่งโยกหัวอยู่ที่โต๊ะ

 

 

เพียงเจอไอ้หนุ่มผมยาววว น้องสาวก็ลืมพี่หมดสิ้นนนน~

           

 

อีแคทเต้นได้ไม่แคร์ชุดกระโปรงลายลูกไม้ฟูฟ่องของมันเลยสักนิด สะบัดลายใหญ่ไม่สนใจร้านเช่าชุดว่าเขาจะคิดยังไงหากมันเต้นจนชุดแหก แต่นั่นแหละที่ทำให้เราสนุกกันได้เต็มที่ไม่มีกั๊ก พวกเราเต้นไปหัวเราะไป ดื่มก่ำกับบรรยากาศงานฉลองรักของเพื่อนสาวคนนี้

 
V
v
v
           
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-02-2017 22:23:46


V
v
v


กว่าจะเลิกงานก็ปาเข้าไปตีหนึ่ง ถ้าพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไม่เข้ามาบอกว่าวันมะรืนต้องบินไปใต้อีก ควรพักผ่อนเก็บแรงเอาไว้พวกเราอาจสนุกกันถึงยันเช้า เราเอ่ยลากัน แต่ก็ไม่ได้ว่าเป็นล่ำลาอาลัย เพราะเดี๋ยวก็เจอกันอีก แค่ยกมือบ๊ายบายตามปกติและแยกย้ายกลับไปขึ้นรถใครรถมัน รถผมอัดฝรั่งตัวใหญ่ไว้สี่คน ผู้ชายไทยร่างสูงอย่างบาสหนึ่งคนและเก้งเตี้ยตันอย่างผมหนึ่งคน แถมไอ้ฝรั่งเตอร์ยังเมาแอ๋ แต่ก็ไม่ได้ขาอ่อนแรงจนเดินไม่ได้ แค่เดินไม่ตรง ต้องคอยประคองเอาไว้ให้ดี แต่ที่ต้องประคองกว่าการเดินก็คือการลวนลามผมนี่แหละ พอเมากรึ่มได้ที่แบบนี้ทีไร ฮอร์โมนพุ่งพล่านหนักเหลือเกิน

           

 

“แมททท…” วิคเตอร์พูดเสียงยานคางและดึงผมให้นอนซุกอก ก้มลงหอมหัวผมดังฟอด มือขวาบีบก้นผมเน้นๆ ต้องคอยจับไม่ให้ลุ่มล่ามไปมากกว่านี้ 

           

 

“เฮ้ย ไอ้วิคเตอร์ ใจเย็นเว้ย” อันเดรแซวขำๆ ทั้งที่ตัวเองก็ตาเยิ้มหน้าแดงก่ำไม่แพ้กัน ผมเม้มปากกลั้นยิ้มขำผสมเขิน วิคเตอร์หัวเราะอ้อแอ้

           

 

“ไอ้อันเดร เมื่อไหร่แกจะมีแฟน แกไม่เงี่ยน เอ้ย เหงาเหรอเวลาอยู่คนเดียว” ในรถหัวเราะกันครื้นเครงกับคำถามของไอ้ยักษ์เตอร์ขี้เมา ไอ้คนถามมีการหัวเราะคิๆ อารมณ์ดีปิดท้ายด้วยนะ

           

 

“ฉันหาที่ระบายได้น่า” ผมทำตาโต สีหน้าสนใจ (เสือก) ขึ้นมาทันใด เพราะคุณอันเดรปิดเงียบเรื่องความรักของตัวเองมาก ไม่รู้ว่าปิดหรือไม่มี หรือยังไงก็ไม่แน่ใจ

           

 

“แน่ะ แกมีแฟนแล้วเหรอวะ ไม่เห็นพามาให้พวกฉันรู้จักเลย” อันเดรยิ้มเยิ้มๆ และสั่นหัวให้คุณเบน

           

 

“ไม่ใช่แฟน แค่เซ็กส์เฟรนด์”

           

 

“ฮู้ววว อุ๊บ!” ด้วยความขี้เผือกแบบเผลอตัว ผมเผลออุทานด้วยความตกใจก่อนจะรู้ตัวแล้วยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง คนอื่นๆ บนรถหัวเราะชอบอกชอบใจกันใหญ่

           

 

“เอเลี่ยนหน่ารั๊กจาง” วิคเตอร์ครางอ้อแอ้และยื่นหน้ามาหอมแก้มผมหนึ่งฟอด บาสหัวเราะลั่นกับภาษาไทยของวิคเตอร์ ผมได้แต่เม้มปากกลั้นเขิน

           

 

หลังจากนั้นคุณอันเดรก็ไม่พูดเรื่องตัวเองต่อ และเนียนพาเปลี่ยนไปเรื่องอื่น ผมรู้สึกพลาดมากที่เผือกไม่แนบเนียน ไม่งั้นได้รู้ไปแล้วว่าสาวคนไหนคือผู้พิชิตใจอันเดรได้ ไม่สิ ไม่เรียกพิชิตใจ เรียกว่าเผด็จศึกอันเดรบนเตียงได้ดีกว่า เอ๊ะ หรืออันเดรไปเผด็จเขานะ แล้วผมเป็นอะไร เรื่องคนอื่นทีไรสนใจมากกว่าเรื่องตัวเองทุกที

           

 

ออสตินใช้เวลาในการขับรถกลับมาที่อพาร์ทเม้นต์ของวิคเตอร์เกือบชั่วโมงจนไอ้ยักษ์หลับไปแล้ว พอจอดรถด้านหน้าได้ผมก็เปิดประตูลงไปยืนรอข้างล่างก่อนและก้มตัวลงสอดเข้าไปในรถปลุกวิคเตอร์ให้ตื่น เขาครางตอบรับ ปรือตาขึ้นแบบมึนๆ

           

 

“ถึงบ้านแล้ว ลงรถเร็ว”

           

 

“อื่อ… ขี้เกียจเดิน…” เขาพึมพำและทำท่าจะหลับต่อ ผมเลยยื่นไปเขย่าไหล่เขา ไอ้ยักษ์ทำงอแงจะไม่ยอมลุก ผมหันไปมองคนอื่นๆ ที่รออยู่ด้านหน้าทางเข้า ออสตินนั่งรอที่คนขับตามเดิมเพื่อจะขับรถไปจอดในช่องจอดรถของวิคเตอร์ ผมนิ่งคิดสักแปบแล้วก็ยื่นมือไปลูบเป้ากางเกงแสนตึงของวิคเตอร์พร้อมกับก้มกระซิบข้างหู

           

 

“Don’t you want to fuck me, baby? (ไม่อยากเอาผมเหรอที่รัก)”

           

 

“ฮึ?” วิคเตอร์ตอบรับ แต่เปลือกตายังปิดอยู่ ผมกัดปากล่างอย่างนึกสนุก ยื่นมือไปรูดซิบกางเกงของเขา ปลดกระดุมออก และใช้มือขวาบีบยักษ์น้อยแรงๆ วิคเตอร์ตัวกระตุก เปลือกตาลืมขึ้น สีหน้าเขางงๆ สักแปบก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจ

           

 

“โว้ว! เหี้ยไร…” สีหน้าเขาพร้อมจะด่า มือขวายกขึ้นเป็นกำปั้นพร้อมจะต่อย ทำเอาผมชะงักไปนิดนึงเหมือนกัน แต่พอเขาเห็นว่าเป็นผม เขาเลยถอนหายใจคล้ายโล่งอก ก่อนจะเปลี่ยนเลิกคิ้วขึ้นสูง

           

 

“ขึ้นห้องได้ยัง” ผมถามอีกที วิคเตอร์ยิ้มตาเยิ้ม ผมยิ้มตอบ ถอยหลังไปหนึ่งก้าวให้เขาก้าวมายืนบนพื้น ผมปิดประตูรถ ออสตินขับไปทางที่จอดรถ วิคเตอร์ยืนเซ ผมรีบไปยืนข้างๆ ประคองเขาไว้และช่วยจับกางเกงไม่ให้ร่วงลงไปกองที่ข้อเท้า 

           

 

“Are you okay, Matt? (แมท แบกมันไหวรึเปล่า)” อันเดรหันมาถามเมื่อเห็นว่าผมกอดเอววิคเตอร์ไว้แน่น แขนซ้ายวิคเตอร์คล้องคอผม และมีอาการยืนโยกเยกนิดหน่อย

           

 

“It’s fine. (สบายมากครับ)” สมัยที่เป็นแค่เด็กฝึกงาน วิคเตอร์ก็ใช่ว่าไม่เคยเมา ผมก็ต้องคอยแบกคอยหามเขาแบบนี้บ่อยๆ อาจจะทุลักทุเลซวนเซไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ไปรอด

           

 

“ใส่กางเกงก่อนมั้ย” ผมแหงนหน้าขึ้นไปถามวิคเตอร์ในขณะที่ก้าวเดินไปด้วยกัน

           

 

“ใส่ทำไม เดี๋ยวก็ถอดดด” ผมปรือตา ไอ้ยักษ์ยิ้มหวาน ก้มลงหอมหัวผมหนึ่งฟอดและใช้มือขวาดึงกางเกงตัวเองไว้ไม่ให้หลุด พวกอันเดรคอยหันมามองเป็นระยะว่าผมยังอยู่ดีหรือเปล่า แต่แม้ว่าวิคเตอร์จะเมาหนัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนคอพับขาอ่อนเดินไม่ไหวแค่ต้องคอยประคองชิดใกล้เท่านั้นเอง

           

 

“ค่อยๆ ก้าว อีกนิดเดียวจะถึงห้องแล้ว” ผมบอกอย่างใจเย็นและลุ้นกับการก้าวขึ้นบันไดของวิคเตอร์ แต่ก็ต้องยอมความเจ้าพ่อขี้เมาของเขา แม้จะเมาแต่ยังรู้ตัวหมด เดินเป๋ไปบ้างแต่สุดท้ายก็เดินมาถึงหน้าห้อง ผมยื่นกุญแจให้คุณเบนไปไขเปิดประตูห้อง ออสตินเดินตามขึ้นมาทันพอดี และเป็นคนปิดประตูตามหลัง

           

 

พวกเราแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน ผมพาวิคเตอร์เดินกลับเข้าห้องนอนใหญ่ พอปิดประตูได้ วิคเตอร์ก็ถอดกางเกงสแล็คพร้อมกับกางเกงชั้นในสีขาว โยนทักสิโด้ลงพื้น เดินเข้ามาหาผม และถอดกางเกงผมออก ผมปลดกระดุมเสื้อให้วิคเตอร์ แหวกออกจนเห็นรอยสักบนอก วิคเตอร์เดินไปนั่งปลายเตียง ผมปีนขึ้นไปนั่งคร่อมเขา สองแขนคล้องคอหนา จังหวะที่กำลังจะก้มลงจูบเสียงมือถือผมก็ดังขึ้น

           

 

“Fuck it. I want to fuck you now. (ปล่อยแม่ง ฉันเงี่ยxจะตายแล้ว)” ผมมองใบหน้าเหี้ยมของวิคเตอร์อย่างลังเล เวลาแบบนี้คนที่โทรมาต้องโทรมาจากนิวยอร์กแน่ๆ

           

 

“Just two minute. Please. (แค่สองนาที นะ)” วิคเตอร์ขบกรามแน่น ไม่ต่อว่าอะไรแต่แววตากระด้างขึ้น ผมเม้มปาก ท่าทางยังลังเลนิดหน่อย แต่ก็ก้าวขาลงจากตักเขา เดินไปหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา และเดินกลับไปนั่งคร่อมตักเขาตามเดิม วิคเตอร์ใช้สองมือบีบก้นผมเบาๆ

           

 

“Hello?”

           

 

“Matt. It’s me. (แมท ฉันเอง)”

           

 

“Oh. Yes. Hi, Pete. (โอ้ ครับ ว่าไงพีท)” ผมตอบรับกับโปรดิวเซอร์ของหนังที่ผมกำลังทำงานอยู่ด้วย (ที่วิคเตอร์ฝากเดวิดให้อีกทีนั่นแหละ) ส่วนวิคเตอร์ซุกไซ้คอผมอย่างเมามันส์ ผมตาปรือ รู้สึกหวิวช่วงท้องน้อยแต่ก็ต้องกลั้นไม่ให้เปล่งเสียงประหลาดออกไป มือขวาจิกเส้นผมวิคเตอร์ไว้แน่น

           

 

“สคริปต์ไปถึงไหนแล้ว เรียบร้อยดีมั้ย ฉันอยากเอามาเช็ก” ผมรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของพีทก็ไม่ค่อยพอใจหรอก แต่ก็พยายามเก็บอาการเพราะมันเคยมีเหตุการณ์ที่เขาหงุดหงิดใส่ผมและโดนผู้กำกับตำหนิ ยังดีที่หัวเรือใหญ่ของกองไม่ได้ตั้งอคติอะไรกับผม แต่ก็พูดตรงๆ ว่าถ้าในเมื่อเป็นเด็กฝากมาแล้วก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้มาก

           

 

“เอ่อ เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงผมส่งให้ได้มั้ยครับ อะ… คือ อืมมม…” ผมหลับตาแน่นตอนที่วิคเตอร์ก้มลงดูดหัวนมด้านซ้ายอย่างแรงจนเสียววูบ แต่ก็ต้องรีบดึงสติให้กลับมา

           

 

“…เดี๋ยวผมส่งให้นะครับ” ผมได้ยินพีทพ่นลมหายใจ ถ้าอยู่ต่อหน้ากันตอนนี้คงเห็นว่าเขาทำหน้าหงุดหงิดชัดเจนแน่ๆ ผมแอบหน้าเสียไปนิด แต่ก็ไม่เท่ากับหน้าเสียว เพราะวิคเตอร์ซุกไซ้คอผมไม่หยุด และเริ่มยกตัวผมขึ้น ปลายหัวของยักษ์น้อยเกลี่ยอยู่ตรงทางเข้าด้านหลังของผม

           

 

“ฉันจะรอแล้วกัน” ว่าเสร็จเขาก็กดวางสายไปทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่ส่วนปลายของยักษ์น้อยมุดเข้าไปด้านใน

           

 

“เตอร์จ๋าาา” ผมกระดกก้นขึ้นหนีหัวของยักษ์น้อย ยักษ์ใหญ่ดึงหน้าออกจากซอกคอผมแล้วมองตาวาวหน้าเหี้ยม ผมยิ้มแหย ยกสองมือประกบเคราครึ้มอย่างออดอ้อน

           

 

“ขอทำงานแปบเดียวนะ น้า”

           

 

“ไม่เอา ไม่ทำ นี่มันกี่โมงแล้ว อย่าให้ฉันโทรไปด่าที่กองนะ” ผมทำปากเบะ ยื่นหน้าไปหอมแก้มทั้งสองข้างแรงๆ เพื่อเป็นการร้องขอเพิ่มเติม แต่วิคเตอร์ก็ยังเสียงแข็ง

           

 

“ไม่ให้ทำ”

           

 

 

“ขอครึ่งชั่วโมง แค่เช็กบทไม่กี่บท นะๆๆๆ” ผมขย่มตักเขาเบาๆ จุ๊บหน้าผาก จุ๊บแก้มวนไปหลายที ไอ้ยักษ์ที่แม้จะเมาเยิ้มแต่ก็ยังคงความดุดันข่มขวัญได้เหมือนเคย

           

 

“อย่างนี้ทุกที สุดท้ายก็ปล่อยให้ฉันรอจนหลับ” เขาว่าเสียงหงุดหงิด ผมทำหน้ารู้สึกผิด จิตใจกระวนกระวาย ใจนึกห่วงงานเพราะทางนั้นก็คงอยากได้งานไปตรวจเร็วๆ ที่จริงช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมงาน เป็นช่วงที่ผมไม่ควรไปไหนมาไหน ควรอยู่กับทีมงานมากกว่า

           

 

“ขอทำงานก่อนนะวิคเตอร์ คุณก็น่าจะรู้ว่าการเตรียมพรีโปรดัคชั่นมันวุ่นวายแค่ไหน” วิคเตอร์มองหน้าผม มองแบบเมาๆ เปลือกตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่นั่นแหละ และสุดท้ายก็ทำหน้าเซ็ง ยกมือขวาเกาต้นคอและพยักหน้าขึ้นหนึ่งที ผมยิ้มแห้ง จุ๊บหน้าผากเขาไปที ลงจากตักเขา เดินไปถลกผ้านวมรอ วิคเตอร์เดินเปลือยท่อนล่าง ลูกชายแกว่งไกวไปมายามพ่อมันเดิน ท่อนบนใส่เสื้อเชิ้ตขาวแหวกอก เขาล้มตัวลงนอนหน้าตาบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดี ผมห่มผ้านวมให้เขา และเดินไปเปิดแอร์ ยืนมองเขาหลับตาหน้านิ่งสักพักแล้วก็เดินไปที่โต๊ะทำงานและหยิบงานขึ้นมาทำ

           

 

ผมนั่งอ่านบท แก้บท ตรวจบท เปิดอ่านสมุดโน้ตที่ผมจดคำสั่งของโปรดิวเซอร์กับผู้กำกับว่าสิ่งที่เขาต้องการอะไร และใส่ไปให้เขาเท่าที่จะทำได้ ผมนั่งทำงานไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็หกโมงเช้า ผมอ้าปากหาววอด พิมพ์แก้งานในคอมหน้าสุดท้าย กดเซฟด้วยรอยยิ้มเหนื่อยๆ จากนั้นเข้าอีเมล กดส่งงานไปให้พีท และทิ้งท้ายไว้ว่ามีอะไรโทรหาผมได้อีกทีตอนเช้าของนิวยอร์กก็แล้วกัน

           

 

ผมปิดโคมไฟตรงโต๊ะทำงาน ยืนบิดขี้เกียจสักแปบ อาศัยความสว่างยามเช้าเดินไปขึ้นเตียง วิคเตอร์นอนหลับปุ๋ย ริมฝีปากเผยอน้อยๆ ใบหน้าแดงก่ำมันนิดหน่อย ผมยาวยุ่งรุงรัง บวกกับหนวดเคราดำครึ้ม ถ้าไม่ใช่แฟนกันคงคิดว่าโจรแอบปีนขึ้นมานอนบนเตียง ผมยิ้มขำกับตัวเอง ถลกผ้านวมขึ้นและสอดตัวเข้าไปในนั้น กระเถิบเข้าไปนอนหนุนอกแน่นๆ ของสามี วิคเตอร์ครางแผ่วเบา

           

 

แม้จะทำท่างอนผมเหมือนทุกที แต่เขาก็วาดวงแขนโอบตัวผมไว้ และกดจมูกลงบนกลางกระหม่อมผมหนึ่งที ก่อนที่จะคาไว้แบบนั้น และเราก็หลับไปพร้อมๆ กัน

 

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao7:



หม่าบู๊ไฮ่!

มาแล้วววว ตอนแรกบอกไว้ในเพจว่าจะอัพเมื่อคืนนี้ แต่งานเลิกดึกมากค่ะ พอเสร็จงานก็เมื่อยร่างมากแล้วจริงๆ เลยขอสลบไปก่อน ตอนนี้ก็ยังทำงานอยู่ แต่ในส่วนของตอมมันพักเบรกอยู่เลยรีบแว้บมาอัพนิยายไว้ก่อน

ก็เป็นอีกหนึ่งวันของทั้งสองคน หวานกัน งอนกัน แต่ก็นอนกอดกันใสๆ อุอิๆ แต่เอเลี่ยน หนูจะปล่อยให้ไอ้ยักษ์มันอดอยากปากแห้งอย่างนี้ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวผัวอาละวาด -.,-

ได้ดอกไม้งานแต่ง ถึงไม่แต่งทุกวันนี้ก็เหมือนแต่งไปแล้ว ขาดก็แต่มดลูกเนาะแมทเนาะ ท้องได้นี่ลูกหัวปีท้ายปีเลยแหละ 

เขียนฉากแต่งงาน ตอมแอบใจหายนะ มันแบบ ตัวละครเขาโตขึ้นในระดับที่ต้องใช้ชีวิตจริงจังมากแล้ว เหมือนอยู่กับเขามาตั้งแต่สมัยสาวๆ หนุ่มๆ จนวันนี้ชีวิตพัฒนาไปอีกขั้นผ่าตัวละครแคทที่เรียนจบ มีงานทำและแต่งงานแล้ว นั่นหมายถึงวัยของพวกเขาก็โตขึ้น

แต่ถึงแม้จะโตขึ้น โดยส่วนตัวก็รู้สึกว่า พวกนี้ยังคงเหมือนเดิม รู้สึกวัยรุ่นเหมือนเดิม แค่ไม่ได้เรียนหนังสือแล้วเท่านั้นเอง ชีวิตของน้องแมทยังคงสนุสกนานสำเริงสำราญ

เจอกันอีกครึ่งที่เหลือนะคะ สำหรับเรื่อบนี้อย่างที่เคยแจ้งไปคือ จะไม่ได้อัพถี่ๆ แต่ไม่ดองแน่นอนค่ะ เพราะตอมมีงาน เขียนนิยายเรื่องอื่นด้วย ต้องแบ่งๆ เวลากันไปเนอะ



สำหรับใครที่สนใจหนังสือพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน พาร์ทสอง หรือ Only You ตอนนี้ตอมเปิดรีปริ้นรอบแรกแล้วค่ะ เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ > พรีออเดอร์รีปริ้น Only You  (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=96)

เนื้อหาจะเชื่อมต่อจากตอนพิเศษในหนังสือพาร์ท Only You เบาๆ ค่ะ ใครไม่ได้ซื้อ ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่งงแน่นอน ยังไงตอมก็เล่าเนื้อหาตามปกติ ไม่หาย ไม่หล่น แต่บางอย่างที่อยู่ในตอนพิเศษก็ขอเก็บไว้เป็นสิ่งพิเศษสำหรับคนซื้อหนังสือจริงๆ แต่เส้นเรื่องหลักยังไงตอมก็เล่าอยู่แล้ว



ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-02-2017 22:42:07
พี่เตอร์ต้องเข้าใจเอเลี่ยนน้อยหน่อยนะ เค้าต้องทำงาน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-02-2017 00:51:54
แมทเข้าข่ายพวกบ้างานเหมือนกันนะ
แอบสงสารยักษ์หน่อยๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-02-2017 01:38:14
ทำไมชื่อตอนดูไม่เป็นมงคลเลยอะ  :katai1: :katai1: :katai1:
ไม่เอาดราม่านะ ภาคนี้ขอซอฟๆเนาะๆๆๆๆๆ :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-02-2017 02:56:22
วิคเตอร์ใจดีขึ้นเยอะเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-02-2017 06:46:11
เหมือนจะได้กลิ่นมาม่า เรื่องงานก็ทำให้ทะเลาะกันได้นะ ^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-02-2017 07:24:40
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 03-02-2017 23:46:20
ตามอ่านจนถึง พาท3 และ สนุกมากเลย ตามต่อๆๆๆ จะตามทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 05-02-2017 20:30:17
 :impress3: หนูแมทงานนอกก้ออย่าให้บกพร่อง งานในก้ออย่าให้ตกหล่นน่ะจ้ะ ระวังจะโดนคนเสียบได้น่ะ เพื่อนเก่าวิคเตอร์ดูไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกลน่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-02-2017 20:37:34
ในที่สุดก็อ่านทันแล้ว เป็นนิยายที่ทำหัวใจกระเด้งกระดอนตลอดเวลา
หัวเราะแป้บๆ จิตตกกันอีกแระ อ่านไปๆบางทีก็แบบเลิกอ่านดีมั้ย แต่มันเลิกอ่านไม่ได้ไง เหมือนแบบเผือกเรื่องดารามาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเผือกให้ถึงที่สุด

ว่าแต่ว่าชื่อตอนล่าสุดนี่ทำหวาดระแวงจริงๆ ข่าวร้ายของใคร เค้ารึเรา :a5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 12-02-2017 00:51:40
หวานกันเยอะๆน้า อย่าดราม่าเลย ใจบ่ดี 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 50% :01.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 13-02-2017 19:17:21
มดเกาะจอคอมแล้ว!!! :ruready
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 100% :17.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-02-2017 00:59:55


Yours and Mine EP.2 [100%]



ผมตื่นนอนอีกทีก็ตอนหกโมงเย็น สิ่งแรกที่ทำคือหยิบมือถือขึ้นมาเช็กอีเมล ข้อความว้อทสแอพว่าพีทส่งคอมเม้นต์อะไรมาบ้างหรือเปล่า แต่ก็นอทติ้ง ไม่มีสายเรียกเข้าจากฝั่งนั่น ไม่มีคอมเม้นต์อะไรกลับมา ผมวางมือถือไว้บนหมอน ยกมือเกาหัว หน้าตามึนงง วิคเตอร์ไม่อยู่บนเตียง แต่ทิ้งเศษซากเสื้อผ้าไว้ตามพื้น ผมเลยลงจากเตียงและเดินตามเก็บไปใส่ตะกร้าให้แล้วก็พาตัวเองเข้าไปอาบน้ำเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับตัวเอง 
   

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินออกไปข้างนอก ห้องโถง ห้องครัว ชั้นลอยด้านบน ไม่มีใครอยู่เลยสักคน ผมยืนหันซ้ายหันขวางงๆ สักแปบว่าทำไมห้องมันว่างเปล่าแบบนี้ก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาวิคเตอร์ แต่โทรศัพท์ของเขาส่งเสียงดังอยู่ตรงหน้าทีวี ผมเลยกดวางสาย เดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรกิน
   

ผมต้มมาม่า ใส่หมูชิ้น ใส่ไข่ ใส่ผัก ขี้เกียจทำอาหารที่มันยุ่งยาก อีกอย่างไม่ได้กินมาม่านานมากแล้วด้วย ห่างหายมาม่าซองละห้าบาทหกบาทที่ไทยไปนาน เพราะที่นิวยอร์กไม่ใช่ราคานี้ ที่สำคัญคือหายากมากกก
   

แกร๊ก
   

เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งสูดเส้นมาม่า ผมชะโงกตัวไปดูก็เห็นพ่อยักษ์ผมยาวมัดเป็นจุกพาร่างโชกเหงื่อในชุดเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงขาสั้นสีแดงสำหรับออกกำลังกายเข้ามาในห้อง ด้านหลังของเขาคืออันเดรในสภาพไม่ต่างกัน แต่อันเดรสวมหูฟังแบบคาดหัวอยู่ด้วย
   

“Morninggg!” ผมเปล่งเสียงใสพร้อมยิ้มแฉ่ง แต่ที่ได้กลับมาคือความเงียบ อันเดรน่ะไม่ได้ยินเพราะใส่หูฟัง ส่วนไอ้ยักษ์น่ะได้ยินแต่ทำเมินมองผ่านผมไป รอยยิ้มผมเลยค่อยๆ แห้ง
   

“วิคเตอร์” ผมลองเรียกชื่อเขา ไอ้ยักษ์หันมามองหน้านิ่ง ผมฉีกยิ้มกว้าง แต่สักพักเขาก็หันกลับไป เดินไปหยิบมือถือจากหน้าทีวีขึ้นมาและพาร่างยักษ์ของตัวเองเข้าไปในห้องนอน
   

อ้าว ผัวตูเป็นไรวะ
   

“อ้าว แมท” อันเดรที่เพิ่งถอดหูฟังและเพิ่งจะสังเกตเห็นผมเอ่ยทักตอนที่เดินมาโซนห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ผมยิ้มแห้ง มือก็ยังไม่หยุดตักหมูกับน้ำมาม่าเข้าปาก
   

“ไปฟิตเนสกันมาเหรอครับ”
   

“ใช่ๆ มีออสตินไปด้วยอีกคน แต่รายนั้นยังฟิต ขอต่ออีกสักชั่วโมง ไอ้เบนกันแฟนมันไม่อยู่ ไปบ้านบาสเก็ตบอลน่ะ” อันเดรยกน้ำขึ้นดื่ม ผมพยักหน้ากับคำบอกเล่าของเขา ตอนนี้ในหัวมีแต่ภาพสีหน้าสามีเฉยเมยกับตัวเอง
   

“มีอะไรกินมั่งมั้ย”
   

“ไม่มีเลยครับ ขอโทษที ผมไม่ได้ทำอะไรไว้เลย” อันเดรยกมือขวาขึ้นโบก สีหน้าท่าทีสบายๆ
   

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
   

“คุณอยากกินอะไรครับ เดี๋ยวผมทำให้ ว่าจะทำให้วิคเตอร์กินอยู่แล้ว กลับมาจากฟิตเนสน่าจะหิว…” ผมตักไข่ต้มชิ้นสุดท้ายเข้าปากและวางช้อนลง ยิ้มแหะให้อันเดร


“…แต่เดี๋ยวผมขอไปหาวิคเตอร์ก่อนได้มั้ย แล้วเดี๋ยวออกมาทำให้” อันเดรหัวเราะเบาๆ
   

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ไปหาแฟนนายเถอะ หน้าบูดจนเกย์ๆ กับสาวๆ ในฟิตเนสไม่กล้ามองเลย” แสดงว่าผมไม่ได้คิดไปคนเดียว ผมยิ้มแห้งให้อันเดร ยกถ้วยไปเก็บไว้ในอ่างล้างจาน ล้างมือ เช็ดมือให้แห้ง เปิดตู้เย็น หยิบน้ำดื่มออกมาดื่มล้างปากแล้วก็รีบเดินกลับไปในห้องนอน
   

ตอนที่เดินเข้าไปในห้องนอน วิคเตอร์ก็เดินเปลือยท่อนบน ท่อนล่างมีผ้าขนหนูพันไว้หลวมๆ ออกมาจากห้องน้ำพอดี เขาเหลือบมองผมแว้บเดียวแล้วก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมรีบก้าวเท้าเข้าไปหาพ่อยักษ์ผมยาว
   

“เตอร์จ๋า” ผมเรียกเขาเป็นภาษาไทย เจ้ายักษ์ใหญ่ทำเมินเฉย ผมย่นคิ้วและทำปากยื่น มองไอ้ยักษ์ก้มหยิบกางเกงชั้นในสีขาวขึ้นมาถือไว้ในมือ ผมเดินเข้าไปใกล้เขา สองมือเกาะต้นแขนล่ำที่มักจะเป็นหมอนหนุนให้ผมเสมอ
   

“ยักษ์จ๋า ยักษ์” ผมอ้อนเป็นภาษาไทยต่อ วิคเตอร์หันมามอง ผมฉีกยิ้ม แต่วิคเตอร์กลับเดินหนี ผมหน้ามุ่ย ยื่นมือไปจับผ้าขนหนูสีขาวและดึงออก เลยกลายเป็นว่าตอนนี้วิคเตอร์เปลือยทั้งตัว แต่เขาก็แค่หันมามอง เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามประมาณว่า แล้วไงต่อ? ผมเดินเข้าไปกอดตัวล่ำหนาของเขาไว้
   

“How dare you ignore me, huh??!! (กล้าเมินผมงั้นเหรอ ห๊า??!!)” ผมแหงนหน้าถามเขาหน้าตายับย่น ยื่นหน้าไปกัดเนื้อตรงหน้าอกด้านขวาด้วยความมันเขี้ยว หยดน้ำตามตัวเขาทำให้รู้สึกเย็นเบาๆ วิคเตอร์ก้มมองผมนิ่ง
   

“Why don’t you say something?! (ทำไมไม่พูดอะไรบ้างล่ะ)”
   


“Out. (ออกไป)” ผมกัดปากล่างแน่น กระเถิบตัวออกห่างจากตัวเขาเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือขวาไปคว้าหมับไข่ใบโตของเขาเต็มมือแล้วบีบเต็มแรง
   

“Outch! (โอ๊ย!)” วิคเตอร์ตัวกระตุกไปด้านหลังพร้อมสีหน้าเหยเก ผมบีบสองลูกกลมกลึงและดึงให้มันตึง วิคเตอร์ปล่อยกางเกงในลงพื้นและยกสองมือขึ้นเป็นการยอมแพ้ สีหน้าตื่นตระหนกนิดหนึ่ง
   

“Calm down, baby. We can make a deal, eh? (ใจเย็นที่รัก เราคุยกันได้นี่ ใช่มั้ย?)” ผมย่นจมูก บีบมือเต็มแรง วิคเตอร์ส่งเสียงร้องครวญคราง หน้าท้องเกร็งจนกล้ามท้องชัดเป๊ะ
   

“ปล่อยมือก่อนน่า” วิคเตอร์เกลี้ยกล่อม ผมมองหน้าเขาอย่างเข่นเขี้ยวอีกแปบแล้วก็ยอมปล่อยมือ แต่พอมือหลุดออกจากตรงนั้นปุ๊บ วิคเตอร์ก็พุ่งเข้ามากอดรัดผมเต็มแรง
   

“แอ๊! แอ๊ะ!” ผมดิ้นอยู่ในอ้อมแขนวิคเตอร์ พยายามดันตัวเองให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผล วิคเตอร์ใช้แขนซ้ายรัดตัวผมแน่น มือขวาดึงกางเกงขาสั้นกับกางชั้นในผมออก ก่อนจะลากผมไปที่เตียง เขานั่งลงตรงขอบเตียงด้านข้าง พยายามจะจับผมนอนคว่ำหน้าบนตักเขา ผมดิ้นไปหัวเราะไป พยายามหนีจากตัวเขาแต่ก็ไม่สำเร็จ วิคเตอร์จับผมนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง แขนขวากดล็อคตัวผมไว้
   

“ไอ้เอเลี่ยนขี้ดื้อ” เพี๊ยะ!
   

“อ๊า!”
   

วิคเตอร์ฟาดมือซ้ายลงบนก้นขวาเต็มแรง ผมตีเท้าในอากาศเหมือนกำลังว่ายน้ำ สองมือพยายามแหวกว่ายมาตบตีกับวิคเตอร์แต่ก็ไปไม่ถึง ทำได้แค่ตีแปะๆ ตรงด้านข้างเขา
   

เพี๊ยะ! “แอ้!”
   

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
   

“แงงง!”
   

วิคเตอร์สลับตีก้นผมอย่างละข้าง ผมร้องงอแง พยายามพลิกตัวหนีแต่ก็สู้แรงเขาไม่ไหวเช่นเคย มือเขายังคงหนักคงเส้นคงวา ตีจนรู้สึกสะเทือนถึงมดลูก (มีเหรอ?) แสบและเจ็บแปล๊บไปทั้งก้น มือใหญ่พอๆ กับหน้าผม ฟาดมาทีเนื้อแทบแตก
   

“ดื้ออีกมั้ย” เพี๊ยะ!
   

“โน่ววว!” ผมร้องบอก
   

“No, what?”
   

“No, baby!” วิคเตอร์หยุดตีก้นผมพร้อมหัวเราะเสียงทุ้มหล่อ เขาเปลี่ยนเป็นใช้มือลูบก้นผมที่ตอนนี้คงแดงเถือกแทนการตี มือหนาลูบก้นกลมกลึงสองลูกแผ่วเบาจนทำเอาผมเคลิ้มนิดๆ
   

“Alien’s booty, the place where little giant love to live, you know that? (ก้นของเอเลี่ยน ที่ๆ ยักษ์น้อยมันชอบอยู่ รู้มั้ย?)” ผมกัดปากล่างแล้วยิ้ม วิคเตอร์ก้มลงจุ๊บก้นผมทั้งสองข้าง
   

“But it will be a month in three day that he can’t enter his hole, oh—I mean home. (แต่จะครบเดือนอีกสามวันแล้วนะที่ยักษ์น้อยไม่ได้กลับเข้ารู โอ้ ฉันหมายถึงบ้านน่ะ)” ผมหัวเราะคิกคักชอบใจ ค่อยๆ พลิกตัวนอนหงายและดันตัวขึ้นนั่งโดยมีวิคเตอร์ช่วย ผมลุกขึ้นยืนแบบย่อแล้วก็นั่งลงคร่อมตักวิคเตอร์ สองมือของเขาเลื่อนมาโอบอุ้มกอบกุมก้นผมทั้งสองข้างและบีบเบาๆ ใบหน้าของเราห่างกันเพียงปลายจมูกกั้น สายตาของวิคเตอร์ร้อนเร่า มองผมอย่างต้องการ ผมเองก็มองเขาอย่างพยายามห้ามใจ สองมือลูบแผ่นหลังของเขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
   

“Can you wait for Valentine’s? (รอให้ถึงวาเลนไทน์ก่อนได้มั้ย)” วิคเตอร์กลืนน้ำลายคอ ยื่นหน้ามาจูบผมแผ่วเบา
   

“Why? (ทำไม)” เขาถามเสียงแหบพร่า ผมยิ้ม จูบแก้มเขาหนึ่งที
   

“I don’t have anything for you and I believe you don’t have too. So, we will give what we don’t give to each other for a month. Is that okay? (ผมไม่มีอะไรจะให้คุณเลย และผมเชื่อว่าคุณเองก็ไม่มีเหมือนกัน งั้นเราจะให้สิ่งที่เราไม่ได้ให้กันมาเดือนนึง โอเคมั้ย)” ผมเอื้อมมือซ้ายไปจับยักษ์น้อยที่ตอนนี้กลายร่างเป็นยักษ์ใหญ่ ตั้งผงาดพร้อมทลายถ้ำผมเต็มที่ วิคเตอร์หรี่ตาอ้าปากน้อยๆ ผ่อนลมออกทางปากแผ่วเบา
   

“Oh, baby…” เขาครางหน้าเสียว ยื่นหน้ามาไซ้คอผมเบาๆ ผมปล่อยมือออกจากยักษ์น้อย จับหน้าเขาออกจากซอกคอผม
   

“Deal? (ตกลงมั้ย)” วิคเตอร์พยักหน้าลงรัวๆ สีหน้าและแววตามึนเมามึนมัว
   

“I will fuck you all day all night. I will fuck you till you can’t walk. (ฉันจะเย็x นายทั้งวันทั้งคืน เอาให้นายเดินไม่ได้เลย)” วิคเตอร์คำรามหน้าเหี้ยม ขบกรามแน่นจนกรามขึ้นชัด สองมือบีบก้นผมแรงและสลับกับฟาดอย่างรุนแรงจนผมสะดุ้ง
   

“อัก…” ผมเจ็บจนร้องเสียงขาดหาย สองมือจิกลงบนไหล่วิคเตอร์ วิคเตอร์ฟาดมือลงบนก้นผมทั้งสองข้างพร้อมกันเสียงดังลั่นห้อง
   

“อ้า!” ผมร้องเสียงดัง คิ้วขมวดเข้าหากันเพราะความเจ็บแสบ แต่พอมองหน้าและแววตาแสนหงุดหงิดของวิคเตอร์ที่จ้องมองผมอย่างกะว่าจะเอา (ผม) เป็นเอา (ผม) ตาย มันกลับทำให้ผมรู้สึก… ร้อน
   

“Why do a big giant is so mean? (ทำไมยักษ์ใหญ่ใจร้ายจังเลย)” ผมว่าเสียงแหบ ยื่นหน้าไปกัดริมฝีปากล่างของวิคเตอร์แล้วใช้ฟันครูดเบาๆ วิคเตอร์ผ่อนลมออกทางปากเบาหวิว
   

“Because little alien were mean to me first. (เพราะเอเลี่ยนน้อยใจร้ายกับยักษ์ก่อน)”
   

ป้าบ!!
   

“อ๊ะ!” ผมย่นคิ้ว กัดปากล่างแน่นเมื่อวิคเตอร์สะบัดมือขวาเข้าที่แก้มก้นจุดเดิม ความรู้สึกแสบแผ่ไปทั่วบริเวณ หัวใจผมเต้นตึกตักๆ กับสายตาพร้อมขย้ำของวิคเตอร์ มือขวาเขาบีบเนื้อตรงก้นผมอย่างรุนแรง
   

ผมมองสายตาแผดเผาเร่าร้อนของเขาแล้วก็อดใจไม่ไหวที่จะยื่นลิ้นไปหาเขา วิคเตอร์ดูดลิ้นผมดังจ๊วบ และยื่นลิ้นให้ผมดูดบ้าง ผมดูดลิ้นเขาอย่างอ่อนโยน และเราก็ใช้ปลายลิ้นเกลี่ยกันไปมา สลับกับดูดดึงราวกับดูดอมยิ้มอันโปรด กลางลำตัวของเราสองคนแข็งปัก ผมเองก็ไม่ได้ปลดปล่อยมานานเท่ากับวิคเตอร์นั่นแหละ
   

“อืม!” วิคเตอร์ถอนจูบ นั่งมองหน้าผมด้วยสายตาอยากจะเอาเต็มที่และเต็มแรง ผมใช้มือลูบหัวเขาเบาๆ และมองตาเขาอย่างต้องการเช่นกัน มือซ้ายผมกำยักษ์น้อยไว้แน่น มือขวาวิคเตอร์กำเอเลี่ยนขนาดย่อของผมไว้เต็มมือเช่นกัน เราบีบกันและกันเบาๆ สายตามองกันไม่ละไปไหน ยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากกันเป็นระยะ
   

“ฉันอยากเอาแล้ว ไม่ต้องรอวาเลนไทน์หรอก” ผมยิ้มกริ่ม ปล่อยมือออกจากยักษ์น้อย สองมือจับกรอบหน้าหล่อของสามีตัวเอง
   

“หมั่ยด้าย อดทนนะเตอร์”
   

“เตอร์เงี่ยน” ผมหัวเราะชอบใจกับภาษาไทยอันชัดแจ๋ว เรื่องแบบนี้เขาจะพูดชัดมากเพราะได้ครูดีแบบอีแชมป์อีวอร์มบวกกับตัวเขาถนัดเรื่องศาสตร์นี้เป็นพิเศษ ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหู
   

“แมทก็เงี่ยx” ผมกัดติ่งหูเขาเบาๆ ยักษ์ใหญ่หายใจแรงขึ้น
   

“เย็xกันๆ” ผมหัวเราะคิกคัก หอมแก้มวิคเตอร์ด้วยความมันเขี้ยว ไอ้ยักษ์ทำหน้ามึน สายตามัวเมา ท่าทางอยากเอาจริงๆ เห็นแล้วก็เลยฝังจมูกลงบนแก้มเขาแรงๆ ขยี้แก้มซ้ายเขาด้วยความคันเขี้ยว ผมกัดแก้มเขาไปหนึ่งที วิคเตอร์สอดนิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างซ้ายเข้าไปในรูก้นผมและกระทุ้งเบาๆ
   

“อ๊ะ เตอร์ หมั่ยด้ายน้า” ผมดึงมือเขาออกพร้อมหัวเราะ ไอ้ยักษ์คำรามฮึ่มฮั่ม ท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน สองมือบีบเนื้อผมผมไปทั่วตัวราวกับระบายความอัดอั้น
   

“ไอ่แมทเหี้ย” สะดุ้งเลยกู
   

“อุ๊ย! ไอ้แชมป์สอนมาใช่มั้ย”
   

“ชั่ย! บ่อกว้าด่าเหว่หล่าเมียดื้อ!” ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู หน้าตาวิคเตอร์น่ามันเขี้ยวมากกก หน้าตาเหมือนเด็กโดนขัดใจไม่ได้ของเล่นตามที่ต้องการและพร้อมจะงอแง แต่เดี๋ยวต้องไปเคลียร์กะไอ้แชมป์ยกใหญ่ละ อีห่านี่สอนผัวตูแต่ละอย่างนะ
   

“ห้าม ด่า เมีย อย่าง นั้น อีก หยาบคาย รู้มั้ยเตอร์ ไม่ เอา อีก นะ” ผมค่อยๆ พูดเป็นภาษาไทย ไอ้ยักษ์เตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจ วิคเตอร์ก็พอจะจับคำบางคำได้ ที่หน้าเป็นงี้เพราะมันหงุดหงิดใจกับบางคำที่จับความหมายได้นั่นแหละ แต่ไม่รู้ความหมายเขากับความหมายผมตรงกันเปล่านะ
   

“ถ่ำมัย”
   

“เมียหม่ายช้อบ ผัวพูดไม่เพราะเล้ย พูดไม่เพราะ ไม่ให้เอานะ โนฟัคนะ”
   

“โน้! เงี่ยนตายแล้วววว”
   

“ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ยักษ์เอาจมูกมาถูๆ ไซ้ๆ ซอกคอผมเป็นการอ้อน ผมลูบหัวเขาเบาๆ ก้มลงหอมบนเรือนผมนุ่มด้วยความมันเขี้ยว ขยี้จมูกบนหัวเขาแรงๆ ไปที
   

ก๊อกๆ
   

ในขณะที่เรากำลังนั่งกอด นั่งหอมแก้มกันไปมาแก้เงี่ย… เอ้ย แก้อยาก เสียงเคาะประตูก็ทำให้เราหยุดนัวเนียกัน วิคเตอร์ที่ยังคงแข็งพุ่งตรง เดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันเอว แต่ไอ้ยักษ์น้อยก็ยังชี้โด่ แต่เขาก็ไม่สนใจ เดินไปเปิดประตูตามปกติ ผมใช้ผ้านวมคลุมท่อนล่างตัวเองไว้ มองออสตินในชุดออกกำลังกายที่ยืนอยู่หน้าประตูเนียนๆ นิ่งๆ
   

“คอนเฟิร์มครับ” ออสตินพูดนิ่ง แต่ใบหน้าเคร่งขรึมจนผมงง ไอ้ยักษ์ยืนนิ่ง หันมามองผมด้วยสายตาอ่านไม่ออก วิคเตอร์หันกลับไปหาออสตินและพยักให้เข้ามาในห้อง ส่วนตัวเขาเดินกลับมาหาผม ถลกผ้านวมขึ้นและสอดตัวเข้ามานอนข้างๆ ผมมองสลับทั้งสองคนแบบไม่เข้าใจ วิคเตอร์กอดผมไว้และพูดเสียงราบเรียบ
   

“ไอ้ฌอณออกจากคุกแล้วนะ” วินาทีที่ได้ยินแบบนั้นตัวผมก็กระตุกอย่างห้ามไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าสีหน้าผมเป็นแบบไหนแต่วิคเตอร์รีบกระชับอ้อมกอดทันที
   

‘อย่าให้กูได้เจอมึงอีก’
   

เสียงประกาศเยือกเย็นแต่แข็งกร้าวของมันในวันที่ผมไปชี้ตัวและยืนยันกับตำรวจว่ามันเป็นคนทำร้ายร่างกายผมยังคงชัดเจน ความหวาดกลัวทำให้ผมตัวสั่น วิคเตอร์ก้มลงจูบขมับผมหนักๆ หนึ่งที
   

“อะ… ออกแล้วแล้วเหรอ” ผมถามแบบสติไม่อยู่กับร่องกับรอย คือก็รู้แหละว่าวันนึงมันต้องออกมา ผมยังไม่ตาย แค่โดนทำร้ายร่างกายอย่างหนัก แต่ผมแค่ตกใจที่มันจะออกมาใช้ชีวิตนอกกรงขังแล้ว
   

และผมก็คิดว่าถ้าจะหวังว่า ช่วงที่มันอยู่ในคุก มันคงปรับปรุงพฤติกรรม ปรับเปลี่ยนทัศนคติ ไม่รู้ผมจะหวังมากไปหรือเปล่า เพราะก่อนมันจะเข้า มันก็สู้เต็มที่ แต่วิคเตอร์ก็ไม่ยอม จ้างทนายมือดีมาถีบมันเข้าคุกไปจนได้ มันถึงได้พูดแบบนั้นไง แววตาน้ำเสียงของมันในวันนั้น ผมไม่เคยลืม
   

“ถึงมันจะออกมาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังจับตาดูมันอยู่ โจชัว เพื่อนผมจะเป็นคนติดตามพฤติกรรมของมัน” ผมพยักหน้าเพราะจำเพื่อนออสตินคนนั้นได้ ตำรวจหนุ่มผิวสี คนที่ดูแลคดีให้กับผม คนที่ช่วยตามจับไอ้ชอนไส้หมามาจนได้ และเป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญที่ทำให้ไอ้ฌอณเข้าไปนอนในคุกเป็นปี
   

มันอยู่ในคุกนานจนผมลืมนึกถึงมันไปแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้มันได้ออกมาข้างนอกแล้ว ออกมาให้ผมไม่ลืมมัน 
   

“อย่าดื้อกับฉัน อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว เข้าใจมั้ย” ผมพยักหน้าแบบงงๆ รับคำวิคเตอร์ไปเรื่อย ภาพในวันที่มันทำร้ายร่างกายผมจนเลือดตกยางออกยังคงชัดเจนในหัว ความรู้สึกหวาดกลัวย้อนกลับเข้ามาจนทำให้ตัวสั่นเบาๆ ดีที่มีวิคเตอร์คอยกอดปลอบอยู่แบบนี้
   

หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปสักพัก วิคเตอร์ก็พาผมไปพบนักจิตวิทยา เพื่อเช็กอาการทางจิตของผมว่ายังปกติ หรือเตลิดไปแล้วหรือไม่ ผลสรุปคือปกติดี ผมไม่ได้มีอาการหวาดผวาติดตัว ไม่ได้มีอาหารหวาดกลัวจนเป็นวิกลจริต แต่ก็มีบ้างที่จะรู้สึกกลัว หรือตกใจ เฉกเช่นตอนนี้
   

“I’m here, baby. I’m here. (ฉันอยู่นี่ที่รัก ฉันอยู่นี่)” วิคเตอร์ก้มลงจูบหน้าผากเมื่อเห็นว่าผมยังตัวสั่น ในความรู้สึกผมตอนนี้ มันไม่ใช่ว่ากลัว เป็นอาการกังวลใจแปลกๆ มากกว่า ไอ้ฌอณหายไปจากสารระบบชีวิตผมนานมาก พอได้ยินว่ามันจะกลับมาวนเวียนใกล้ๆ มันก็มีอาการใจสั่นบ้าง
   

“ผมว่าถ้าย้ายกลับอังกฤษให้เร็วขึ้นก็จะดี รึไม่ก็ย้ายไปบ้านที่แอลเอก่อน” ออสตินเสนอ
   

“ผมขอจบงานหนังเรื่องนี้ก่อนได้มั้ย” สองหนุ่มมองหน้ากันด้วยความลำบากใจ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หลับตาลง ตั้งสติและสลัดอาการหวาดกลัว อาการหวาดวิตกทั้งหลายออกไปจากใจและหัว
   

มันก็แค่ชั่ววูบเท่านั้นแหละ ผมไม่ได้กลัวมันขนาดนั้น มันจะต้องไม่ส่งผลอะไรกับชีวิตผมเด็ดขาด
   

“ผมจะไม่ดื้อ ผมจะอยู่กับคุณ ถ้าคุณไม่อยู่ ผมจะอยู่กับออสติน จะไม่ทิ้งตัวเองไว้คนเดียวให้เสี่ยงอันตราย” ผมมองหน้าวิคเตอร์ที่มองกลับมาอย่างเรียบเฉย แต่มือซ้ายลูบหัวผมไม่หยุด
   

“ผมไม่อยากให้มันส่งผลอะไรกับชีวิตเรา ผมไม่อยากให้มันต้องมาทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข เพราะนั่นคือสิ่งที่มันต้องการ และผมไม่ต้องการให้มันได้อย่างที่มันต้องการ” ผมพูดเสียงแน่วแน่ แววตาไม่ยอมแพ้ ผมรู้สึกว่าจะต้องไม่อ่อนแอเพื่อให้มันเข้มแข็งแล้วมาทำร้ายผมอีก
   

“มันเป็นข่าวร้ายที่ได้ยินว่าฌอณออกจากสถานที่ที่เหมาะสมกับเขา แต่มันก็จะเป็นแค่เรื่องๆ นึงที่ได้ยินในวันนี้ เรารู้ เราได้ยิน และเราก็ปล่อยมันไป” ผมบอกอย่างเรียบง่าย บอกด้วยความรู้สึกเฉยๆ เพราะมันจะเป็นแค่เรื่องๆ นึงเท่านั้นเอง
   

“และถ้ามันยังคงฝังใจกับความแค้นไร้สาระ ก็ช่างมัน” เรื่องของมึงเถอะอีฌอณ อีผีบ้า แค้นบ้าแค้นบอ
   

วิคเตอร์ยักคิ้วขึ้นหนึ่งทีแล้วหันไปมองออสตินที่สีหน้าดีขึ้น เขายักไหล่ให้บอดี้การ์ดคู่ใจตัวเอง “This is a new Matt. (นี่คือแมทคนใหม่)”
   

ออสตินยิ้มขำน้อยๆ ผมกระตุกยิ้ม วิคเตอร์หันกลับมามองหน้าผมและยิ้มมุมปากให้ ผมพ่นลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกหวาดกลัวในตอนแรกหายไปจนหมดสิ้น    
   

เอาสิไอ้ชอนไชไส้หมาเน่า อยากกลับเข้าคุกอีกรอบก็มา
   

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
   

“บอกโจชัวว่าช่วยสอนเทควันโด้ให้ผมด้วยแล้วกัน”
   

“ไม่ต้องออสติน เดี๋ยวมาหักแขนหักขาฉันทำไง” ออสตินกระตุกยิ้มมุมปากและเดินออกไปจากห้องนอนของเราสองคน ผมหัวเราะคิก หันตัวเข้าหาอกอุ่นของวิคเตอร์ ก้มลงหอมอกซ้ายเขาตรงรอยสัก วิคเตอร์ก้มลงหอมกลางกระหม่อมผมหนึ่งที
   

“ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายนาย”
   

“แต่เมื่อกี้คุณเพิ่งตีก้นผมจนแดงเลยนะ”
   

“ยกเว้นฉันไง” ผมหัวเราะหึๆ วิคเตอร์ยิ้มแป้น ก้มลงหอมแก้มผมหนึ่งฟอด
   

ถึงเขาจะตีก้นผมจนแดง แต่วิคเตอร์ก็ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย อบอุ่นใจเวลาอยู่ใกล้ แต่เวลาขึ้นสังเวียนเรื่องบนเตียง ไอ้ยักษ์ก็เป็นตัวอันตรายเช่นกัน แต่ก็เป็นอันตรายที่ผมพร้อมเสี่ยงด้วยนะ คริๆ




 :katai4:

ว้ากกก ได้อัพต่อสักที หลังจากเว้นมานานหลายวันมาก ติดงานถี่เลยค่ะ  ช่วงนี้นอนดึกมาก และตื่นเช้ามืดติดกันจนเพลีย เดี๋ยวอัพเสร็จต้องรีบนอนและรีบตื่นอีกแล้วค่ะ คือง่วงนะ แต่ก็อยากอัพนิยาย 55555 เลยแบบ ถ่างตาอีกนิดแล้วอัพดีกว่า เพราะเดี๋ยวกลัวลากยาว แล้วจะไม่ได้อัพง่ายๆ บอกเลยว่าหลายวันที่ผ่านมา คันอยากอัพมากกกก แต่งานก็ทำร่างกายเหนื่อยจริง เพราะตอนนี้เขียนสดอัพสดเลยข่าาาา

ข่าวร้าย แต่น้องแมทคนใหม่ก็สตรองมากพอที่จะไม่หนี งานนี้นางไฟต์ อีชอนมันเหมือนผู้คุมวิญญารในแฮร์รี่ พอตเตอร์เหมือนกันนะ คือ ถ้าเรายิ่งทุกข์มันยิ่งได้ใจ มันยิ่งแข็งแกร่งอะไรแบบนั้น

เรื่องการติดคุก ใครทราบข้อเท็จจริงทางกฏหมายแจ้งตอมได้เลยนะคะ ตอมก็คาดเดาบวกกับพาวเว่อร์ของสามีน้องแมทมาช่วยเลยให้มันติดคุกสักปีใสๆ แต่ถ้าใครมีข้อมูลที่แน่นกว่า บอกได้เลยค่าาา

รอวาเลนไทน์นะพี่เตอร์นะ น้องขอออ น้องเองก็อยาก แต่ต้องอดทน คริๆ

เดี๋ยวเจอกันตอนหน้าค่า เม้าท์สั้นๆ รีบไปนอนนน   



สำหรับใครที่สนใจหนังสือพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน พาร์ทสอง หรือ Only You ตอนนี้ตอมเปิดรีปริ้นรอบแรกแล้วค่ะ เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ > พรีออเดอร์รีปริ้น Only You

เนื้อหาจะเชื่อมต่อจากตอนพิเศษในหนังสือพาร์ท Only You เบาๆ ค่ะ ใครไม่ได้ซื้อ ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่งงแน่นอน ยังไงตอมก็เล่าเนื้อหาตามปกติ ไม่หาย ไม่หล่น แต่บางอย่างที่อยู่ในตอนพิเศษก็ขอเก็บไว้เป็นสิ่งพิเศษสำหรับคนซื้อหนังสือจริงๆ แต่เส้นเรื่องหลักยังไงตอมก็เล่าอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 100% :17.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 17-02-2017 01:39:13
กลัวนังฌอน นังจิตมันกลับมาแล้ว  :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 100% :17.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2017 02:44:15
เมียทั้งคน ต้องปกป้องกันได้สิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 100% :17.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-02-2017 06:26:10
 :mew5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 100% :17.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-02-2017 15:19:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 100% :17.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-02-2017 18:34:26
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 100% :17.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-02-2017 00:09:31
ฌอนออกมาแล้ว แมทระวังตัวให้มากๆนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.2 100% :17.02.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-02-2017 01:01:54
สมที่ยักษ์งอนแหละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 35% :04.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-03-2017 13:11:16


Yours and Mine EP.3 :: Baby don't rush. You can look but don't touch. (อย่ารีบร้อนสิที่รัก ดูแต่ตามืออย่าต้อง) [35%]




Baby don’t rush.
You can look but don’t touch...




Victor Raymond
   

ผมกำลังแกว่งยามดมใต้จมูกของเอเลี่ยนน้อย ไอ้ตัวจ้อยนอนหลับตาพิงเบาะหน้าตาซีดเซียวอยู่บนรถตู้ที่เพื่อนแมทส่งมารับพวกเราที่ท่าเรือ เมื่อเช้าก่อนขึ้นเครื่องเขาไม่ได้กินอะไรมาเลย แล้วก็ไปกินเครื่องดื่มบำรุงสายตาชนิดหนึ่งเลยยิ่งทำให้พะอืดพะอม อาการแย่ตั้งแต่เครื่องออกจากสนามบินได้ครึ่งชั่วโมง ให้กินอะไรบนเครื่องก็อ้วกออกมาหมดจนนึกว่าตั้งท้อง ยิ่งพอต้องลงเรือข้ามเกาะ โดนแรงกระแทกของคลื่นเข้าไป ไอ้เอเลี่ยนอ้วกจนหมดพลัง ขึ้นรถตู้มาได้ก็หลับตาเอาแรง
   

“อีแมท ตายไม่ได้นะ ฟูลมูนรอเราอยู่นะนังผี” เพื่อนผู้หญิงของแมทคนหนึ่งชะโงกหน้ามาจากเบาะข้างคนขับด้านหน้า ผมฟังออกแค่ฟูลมูน
   

“ไม๊ตายหลอก… อ่อก…” แมทหลับตาตอบเสียงแผ่ว เพื่อนแมทหัวเราะเบาๆ และหันกลับไปมองถนน ขนาดผมใส่แว่นดำยังรู้เลยว่าหน้าตาแฟนตัวเองซีดขนาดไหน
   

ผมจะจับเขานอนตัก แต่แมทส่ายหัว ทำท่าบอกว่าจะอ้วก ผมเลยยื่นถุงพลาสติกให้ เขาดึงไปถือไว้เตรียมพร้อม แต่ก็ไม่มีอะไรออกมาแค่ตัวกระตุก คอโก่งเหมือนจะอ้วกเท่านั้น แมทวางถุงลงบนตัก เอนหัวกับเบาะตามเดิม ดึงยามดมไปดมเอง
   

“Water? (น้ำมั้ย)” แมทพยักหน้าเบาๆ ผมเปิดฝาขวดน้ำและยื่นให้เขา แมทหยิบไปกระดกไปเกือบครึ่งและส่งคืนให้ผม
   

“Thank you teacher.” ผมกระตุกยิ้มขำ สภาพย้ำแย่แต่ยังมีอารมณ์เล่นมุกแสดงว่ายังไม่ถึงกับต้องส่งโรงพยาบาล
   

“ก็ไกลจากท่าเรือเหมือนกันนะ” ไอ้ล่ามแชมป์บ่นอะไรสักอย่าง ผมนั่งมองทางข้างหน้าไปเรื่อย ไม่รู้ว่ารถวิ่งมานานเท่าไหร่แล้วและอีกเมื่อไหร่จะถึง
   

“Victor, chocolate please. (วิคเตอร์ ขอช็อคโกแล็ตหน่อยสิ)” ผมหยิบช็อคโกแล็ตที่แวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อก่อนขึ้นรถตู้ออกมาจากถุง แกะห่อกระดาษฟรอยสีเงิน หักเป็นคำแล้วส่งให้ แมทรับไปกิน คำแรกที่เคี้ยวเข้าไปเหมือนจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ไอ้ตัวจ้อยพ่นลมหายใจยาวๆ และอมยิ้มน้อยๆ
   

“One more or two more please. (ขอเพิ่มอีกหนึ่งหรือสองเลยครับ)” ผมหักแบ่งออกเป็นคำๆ อีกสามชิ้น วางไว้บนมือและยื่นส่งให้เขา แมทหยิบเข้าปากชิ้นที่สอง และตามด้วยสาม ก่อนตามด้วยสี่ เขาเขี้ยวหงับๆ แก้มอูมน้อยๆ พอเคี้ยวหมดคำก็กระดกน้ำเปล่าเข้าปาก ทุกอิริยาบถเขาไม่ยอมลืมตามขึ้นมาเลย
   

“ทำไมไม่ลืมตาเลย” ผมถามอย่างข้องใจ มันเป็นเทคนิคอะไรรึเปล่า
   

“ไม่เอาอะ พอเห็นภาพข้างทางผ่านแบบเร็วๆ แล้วคลื่นไส้” ผมทำหน้าว่าอ้อ มองไอ้ตัวแสบของผมหลับตาพริ้มแล้วยิ้มน้อยๆ ปกติแมทไม่ใช่คนเมารถ เมาเครื่องบิน หรือเมาเรือง่ายๆ อาจเพราะเมื่อเช้าระหว่างทางไปสนามบินเขารีบอัดข้าวเข้าท้องแน่นเกินไป กระเพาะคงจะย่อยไม่ทันเลยทำให้พืดพะอม และอ้วกออกมาจนท้องแห้ง
   

รถขับมาได้อีกหลายนาทีก็มาจอดหน้ารีสอร์ทขนาดใหญ่โตกว้างขวางแห่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งของพื้นที่ที่เหลือก็กำลังก่อสร้างเพิ่มเติม ผมลงรถไปก่อน แมทค่อยๆ หลับตาคลำทางตามลงมา ผมจับมือเขา พยุงเขาไว้เมื่อยืนบนพื้น เอเลี่ยนน้อยลืมตาขึ้นมองผมแบบเบลอๆ หน้าตาเขายังคงดูเหมือนพร้อมอ้วกตลอดเวลา สีบนหน้าไม่มีเลยเหลือแต่ความซีดเซียว
   

“Champ, Would you mind to take our bag? (แชมป์ ช่วยถือกระเป๋าไปให้เราหน่อยได้มั้ย)” ไอ้ล่ามทำหน้างง ผมเลยขยายความ
   

“I’m gonna carry him to the room. (ฉันจะอุ้มเขาไปที่ห้อง)” ไอ้ล่ามทำหน้าเก็ททันที แมทมองหน้าผมงงๆ มึนๆ
   

“ได้ๆ ไม่มีปัญหา ไปเถอะครับพ่อคนรักเมีย เดี๋ยวเบ๊คนนี้จัดการให้” ผมฟังออกว่าไม่มีปัญหากับรักเมียแล้วก็ยิ้ม พวกเพื่อนแมททำหน้าตาหมั่นไส้ ส่งเสียงว่าอะไรกันหลายอย่าง ถ้าให้เดาคงจิกกัดแมทกันอยู่ แต่ผมรู้ว่าพวกนั้นไม่ได้จริงจัง ผมย่อตัวลงแล้วใช้แขนซ้ายช้อนก้นเขาไว้ อุ้มเหมือนอุ้มเด็ก แมทเอาแขนขวาคล้องคอ ตามด้วยแขนซ้าย ซุกหน้าเข้ากับซอกคอผม ไม่มีท่าอิดออด สงสัยจะหมดแรงจริงๆ เลยตอบรับการอุ้มสบายๆ
   

“เดี๋ยวออสตินก็ถึง นายให้เขาช่วยก็ได้” ออสตินกับพวกไอ้เบนขึ้นอีกคันตามหลังกันมา แต่พวกนั้นแวะร้านสะดวกซื้อกันนานมาก คันผมเลยออกมาก่อน
   

เพื่อนแมทพยักหน้ารับ เอเลี่ยนเหมือนจะหลับไปแล้ว ผมกระชับตัวเขาขึ้นอีกนิด ใช้แขนขวาช่วยแขนซ้ายอุ้มตัวเขา ความรู้สึกเหมือนมีลูกลิงมาเกาะ ผมเดินไปตามทางที่ลูกศรชี้ เพื่อนแมทบอกชื่อห้องพักของเราสองคนไว้แล้ว
   

“อ้าว คุณเรย์มอนด์” อดีตบอดี้การ์ดของผม ปัจจุบันเป็นสามีของเพื่อนแมทเอ่ยทักตอนที่เราเดินสวนกัน
   

“คุณแมทเป็นอะไรเหรอครับ”
   

“เมาพาหะนะทุกอย่างที่นั่งมาวันนี้” ผมตอบ เคนยิ้มขำน้อยๆ
   

“งั้นไปพักผ่อนเลยครับ ห้องคุณอยู่ตรงผาริมทะเลตามที่ขอ มีอาหารว่างให้นะครับ ส่วนอาหารหลักเดี๋ยวมาทานด้วยกัน”
   

“ขอบใจมาก” ผมยิ้มขอบคุณเขาอีกทีและเดินลงเนินถนนที่เป็นเนินลงเล็กๆ ข้างทางฝั่งซ้ายมือมีบ้านตั้งเรียงรายเห็นวิวทะเล พวกไอ้เบนพักแถบนี้ใกล้กันกับผมนี่แหละ ฝั่งขวาเป็นผาชันเล็กๆ ที่มีบ้านพักตั้งลดหลั่นไต่ระดับลงไปจนติดหาดทราย เดินขึ้นเนินสูงที่ไม่ใช่สูงชันจนปวดน่องก็เจอบ้านไม้สีน้ำตาลแก่ทรงตัวแอลหันหน้าเข้าหาทะเล เป็นบ้านเดี่ยวที่แยกตัวออกมาจากหลังอื่น แต่ก็ไม่ได้ห่างจากหลังอื่นถึงขั้นว่าโดดเดี่ยว แค่มันอยู่ในจุดที่วิวสวยที่สุด เรียกได้ว่าเป็นหลังพิเศษของที่รีสอร์ทแห่งนี้เลยก็ว่าได้
   

ประตูบ้านบานใหญ่ด้านนอกเปิดรออยู่แล้ว ผมเดินเข้าไปตามทางที่เทปูน มันเป็นอาณาจักรเล็กๆ ของบ้านหลังนี้ ซ้ายมือมีบาร์ทรงกลมสองชั้นมุงหลังคาจากตั้งอยู่ตรงมุมบ้านพอดี ใกล้กันเป็นที่อาบน้ำก่อนและลงสระว่ายน้ำ ถัดไปอีกจนติดสระว่ายน้ำและเกือบติดริมผาเป็นอ่างอาบน้ำสีขาวทรงสี่เหลี่ยมกลางแจ้งตั้งอยู่ในศาลาโปร่งเล็กๆ ด้านขวามือคือบ้านพักติดกระจกโปร่งใสทั่วด้านหน้าตัวบ้านเพื่อให้เห็นวิวท้องทะเลสีฟ้าได้ชัดเจน อันที่จริงพื้นที่ตรงนี้ทำเป็นบ้านพักที่สามารถพักได้หลายคน แต่เจ้าของเขาทำพิเศษเพื่อผมตามที่รีเควส


ผมถอดรองเท้าแตะของแมทออก โยนเบาๆ ไว้บนพื้น ตามด้วยถอดรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีขาวของตัวเองออก เลื่อนเปิดประตูกระจก เดินเข้าไปด้านในก็เจอโซนนั่งเล่นของบ้าน มีโซฟา มีทีวีพร้อม ขวามือเป็นครัวแบบฟูลออพชั่น เดินผ่านห้องนั่งเล่นไปก็เป็นห้องน้ำและห้องแต่งตัว เลี้ยวซ้ายไปก็เจอห้องนอนติดกับสระว่ายน้ำ มีระเบียงไม้กั้นให้นั่งเล่นริมน้ำ ด้านข้างติดกับห้องนอนเป็นระเบียงเทปูนทอดตัวยาวไปสุดหน้าผา มีเตียงนอนอาบแดดวางอยู่สองอัน ผ้าม่านสีขาวปลิวไหวไปตามลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามา
   

“อือ…” ผมค่อยๆ วางแมทลงบนพื้น เขายืนหน้าตาสลึมสลือ มองไปทั่วห้องอย่างงงๆ ผมถลกผ้านวมสีขาวออก เตรียมเตียงให้เขานอน
   

“จะนอนหรือจะกินอะไรก่อนมั้ย” ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้ว
   

“ไม่เอา นอนก่อน มานอนด้วยกันสิ ไม่อยากนอนคนเดียวอ้ะ” ผมยิ้มกับอาการอ้อนของเอเลี่ยนน้อย ก้มลงจุ๊บเหม่งเขาหนึ่งที ยืดตัวขึ้นถอดแว่นออกจากหน้าแล้ววางไว้บนหัวเตียง
   

“ไปปิดประตูบ้านก่อน” แมทพยักหน้าหงึกๆ ผมดึงยางมัดผมออก ปล่อยผมสยาย ถอดเสื้อยืดสีขาวออกและถือไว้ในมือ เดินไปเลื่อนปิดประตูบ้าน บิดล็อคกลอน แต่ไม่ได้ปิดผ้าม่าน พอเดินกลับเข้าไปในห้องนอน แมทก็ล้มตัวลงนอนรออยู่ก่อนแล้ว
   

“เปิดแอร์มั้ย หรือจะเอาแอร์ธรรมชาติ” แมทหลับตาเหมือนกำลังวัดความเย็นจากลมด้านนอก
   

“เอาลมทะเลก็ได้” ผมพยักหน้า ถอดกางเกงขาสั้น โยนไว้บนพื้นกับเสื้อ เหลือแต่กางเกงในสีขาว ผมคุกเข่าลงบนเตียงดึงแมทให้ลุกขึ้นนั่ง
   

“ถอดเสื้อผ้า จะได้สบายตัว” แมทชูแขนขึ้นให้ผมดึงเสื้อยืดสีขาวแบรนเดียวกับผมออกจากตัว เขาปลดกระดุมกางเกงขาสั้นสีเดียวกับของผม ผมช่วยดึงกางเกงออก โยนลงไปกองที่เดียวกับเสื้อผ้าผม หันกลับมาล้มตัวลงนอนพร้อมกัน แมทเขยิบเข้ามาใกล้ ผมเอาสองมือประสานไว้ใต้ท้ายทอย แมทนอนซบอก มือขวาผลุบเข้าไปในกางเกงในของผมและจับยักษ์น้อยไว้
   

“จะนอนจับมันเหรอ”ผมถามขำๆ แมทแหงนหน้าขึ้นมองผมและพยักหน้าเบาๆ
   

“อือ อยากจับ” ผมยิ้มกว้าง เลื่อนมือซ้ายไปถอดกางเกงในจนหลุดออกจากขา โยนลงไปบนพื้นอย่างไม่สนใจ ผมยกมือขวาออกจากท้ายทอย โอบหลังเอเลี่ยนน้อยไว้ มือซ้ายวางไว้ข้างตัว หลับตาพริ้มกับความเสียววูบน้อยๆ ที่ลูกชายโดนมือเขาจับ แมทลูบตามตัวยักษ์น้อยเบาๆ ในขณะที่เขาค่อยๆ หายใจสม่ำเสมอเป็นการบอกว่าเข้าสู่ห้วงแห่งการนอนไปแล้ว ผมลืมตาขึ้นมองวิวอีกสักแปบก่อนที่จะหอมกลางกระหม่อมแมทหนึ่งทีและหลับตามเขาไป
   

มะรืนนี้ก็วาเลนไทน์ละ หึๆ


   


ติ๊งหน่อง!
   

เสียงกริ่งใสดังขึ้นลั่นบ้าน ผมงัวเงียลืมตาตื่น แอบตกใจนิดหน่อยเมื่อท้องฟ้าที่ตอนมากระจ่างใสตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดงในบรรยากาศยามเย็น ในห้องมืดสนิทเพราะไม่ได้เปิดไฟไว้ ผมหันไปมองแมทก็เห็นเขานอนแผ่หลาอยู่ข้างตัว ผมลุกออกจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูสีขาวออกมาพันรอบเอว เดินตรงไปทางประตูบ้าน ระหว่างทางก็กดเปิดไฟให้ความสว่างในบ้านไปด้วย ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นร่างของคนที่กดกริ่งเมื่อครู่
   

“ไฮ วิคเตอร์” ผมเลิกคิ้วขึ้นตอนที่เปิดประตูและผู้ชายคนนั้นทัก ผมมองเขางงๆ ขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายที่ผมไม่คุ้นหน้ามายืนตรงนี้ได้
   

“ผมเอง เนเพื่อนคุณสมัยเด็ก เราเจอกันที่งานแต่งเคนในกรุงเทพฯ ไง” ผมยังคงขมวดคิ้วแต่ก็น้อยกว่าเดิม มองหน้าผู้ชายคนนั้นและพยายามเค้นความทรงจำของตัวเอง จำได้ลางๆ แต่ก็ไม่แม่นนัก
   

“เฮ้… ว่าไง มาได้ไงเนี่ย” ทักไว้ก่อนแล้วกัน จำได้นิดหน่อย แต่จำไม่แม่นหรอก
   

“หมายถึงมาไหน…” ผู้ชายคนนั้นยิ้มขำน้อยๆ ผมยิ้มแบบมึนๆ งงๆ
   

“…ถ้ามางานนี้คือเราเป็นญาติของเจ้าบ่าวไง แต่ถ้ามาที่ห้องนี้ญาติเราให้มาตามไปกินข้าวเย็นด้วยกัน” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงงปนประหลาดใจ เพิ่งตื่นนอนและยังจำหน้าคนนี้ไม่แม่นด้วยเลยเบลอไปหมด
   

“โอเค เดี๋ยวฉันปลุกแฟนแล้วตามไป”
   

“ได้ ที่บาร์ริมทะเลนะ” ผมพยักหน้าไปเรื่อย คิดว่าค่อยเดินตามลูกศรไปเดี๋ยวก็เจอ คนชื่อเนยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไปทางประตูรั้วใหญ่ของบ้าน ผมหมุนตัวจะกลับไปทางห้องนอน กะจะไปปลุกเอเลี่ยนขี้เซา แต่ก็สะดุ้งตกใจเมื่อเจอเขายืนดื่มน้ำตรงตู้เย็นในสภาพเปลือยเปล่า หน้าตายุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นนอน เดินออกมาตอนไหนวะ แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเห็นรึเปล่าน่ะ 
   

“เพื่อนเก่าคุณคนนั้นเหรอ” แมทกระดกน้ำผลไม้เข้าปากอึกๆ ก้มลงไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นออกมาวางไว้บนโต๊ะไม้กลางห้องครัว หยิบมะม่วงขึ้นมากินเต็มปากเต็มคำ 
   

“ฉันยังจำไม่ได้เลยว่าเพื่อนเก่าคนไหน ทำไมนายจำได้” ผมก้าวเท้าเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังเขา แมทหยิบแอปเปิ้ลป้อนผมหนึ่งชิ้น ผมรับเข้าปากแล้วเคี้ยว
   

“ผมจำได้เพราะเขาแปลกๆ อะ” แมทย่นคิ้ว หยิบแอปเปิ้ลเข้าปากตัวเองอีกชิ้นและหยิบให้ผมอีกชิ้นเช่นกัน แล้วเขาก็เปลี่ยนไปหยิบมะม่วงจิ้มพริกในถ้วยเล็กๆ ยัดเข้าปากเคี้ยวดังกรุบๆ
   

“แปลกยังไง” ผมถามหลังจากเคี้ยวแอปเปิ้ลจนหมดปาก แมทหันหน้านิ่วคิ้วย่นมามองผม ทำหน้าครุ่นคิดคิดมากแต่ปากไม่ยอมหยุดขยับ เคี้ยวจนแก้มป่องน่าหยิกแก้ม
   

“ก็แปลกๆ ไม่ค่อยน่าไว้ใจ” ผมเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกแปลกไปกับเขาด้วย ไม่รู้แปลกเพราะเพื่อนเก่าคนนั้นหรือแปลกเพราะแมทบอกว่ามันแปลก
   

“คิดมากอีกแล้วรึเปล่า” แมทย่นจมูก หยิบมะม่วงจิ้มพริกเข้าปากอีกชิ้น เคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางแบบนี้คงหายดีแล้ว ตื่นมาก็กินก่อนเป็นอย่างแรกตามนิสัย
   

“อาจจะมั้ง แรกๆ อาจแปลก แต่เดี๋ยวคงชิน…” แมทหันตัวมาหาผม ผมเลยยกตัวเขาขึ้นไปนั่งบนโต๊ะไม้ แขนขวาเขาคล้องคอผม ส่วนแขนซ้ายเอื้อมไปหยิบผลไม้มากินต่อ
   

“…คุณจะเป็นเพื่อนกับเขาต่อหรือเปล่า” ผมย่นคิ้ว ไม่ค่อยเก็ทกับคำถามเท่าไหร่ พยายามตีความให้ตัวเองเข้าใจง่ายที่สุด คงหมายถึงว่าจะเป็นเพื่อนกันเหมือนพวกไอ้เบนหรือเปล่าละมั้ง
   

“ก็คุยได้ แต่เดี๋ยวเราก็กลับนิวยอร์ก ไม่สนิทกันหรอก” ผมตอบสบายๆ ยกมือเขี่ยน้ำตาลตรงมุมปากออกให้เขา เอเลี่ยนตัวจ้อยมองหน้าผมอย่างขบคิดจนผมทำหน้างง
   

“ทำไม ไม่ชอบหมอนั่นเหรอ” แมทเอียงหน้าไปด้านขวาเล็กน้อย กลอกตาขึ้นบนแว้บหนึ่งและค่อยเลื่อนกลับมามองหน้าผมตามเดิม
   

“ยังไม่ถึงขั้นนั้น…” เขากระเถิบก้นลงจากโต๊ะ แหงนหน้ามองผม สองมือจับกรอบหน้าผมไว้ ดึงให้ลงไปประทับจูบแนบปากเขาพักหนึ่งแล้วปล่อยออก
   

“…อยากเล่นน้ำ” อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง ผมประหลาดใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่คิดจะพูดเรื่องคนอื่นให้เป็นสาระสำคัญหลักระหว่างเราสองคนอยู่แล้ว จำยังจำไม่แม่นเลย ผมเลิกคิ้วขึ้น หันไปมองสระว่ายน้ำด้านนอกที่ยังไม่ได้เปิดไฟในสระและหันกลับมายิ้มให้เขา เจ้าตัวจ้อยยิ้มแฉ่ง
   

“หายแพ้ท้องแล้วใช่มั้ย” แมทยิ้มย่นจมูก หัวเราะในลำคอเสียงเบา
   

“หายแล้ว ได้นอนจับยักษ์น้อยก็หายเลย คึๆ” แมทยิ้มน่ารัก ทำเหล่ลงมองตรงเป้าผม ผมหัวเราะเบาๆ ก้มลงหอมหน้าผากเขาหนึ่งที
   

“ไม่หิวข้าวรึไง”
   

“เดี๋ยวค่อยไปกินก็ได้ อยากเล่นน้ำ จะได้สดชื่น” เขาทำหน้าอ้อน เลื่อนมือลงไปปลดผ้าขนหนูผมออกและปล่อยลงกองกับพื้น ผมยิ้มตาวาว แมทยิ้มกรุ้มกริ่ม
   

“งั้นก็ไป” ผมย่อตัวลงอุ้มก้นเขาขึ้น แมทตวัดสองขาเกี่ยวเอวผมแน่น สองแขนคล้องคอผมหลวมๆ เขามองหน้าผมและยิ้มจิ้มลิ้มแก้มอิ่ม ผมอุ้มเขาไปทางประตูบ้าน แวะเปิดไฟด้านนอกบ้านกับสระว่ายน้ำเพื่อให้ความสว่าง แสงไฟสีส้มนวลตาสว่างไปรอบตัวบ้าน แสงไฟสีเหลืองใต้น้ำส่องสว่างตัดกับน้ำสีฟ้าในสระ เสียงคลื่นทะเลดังแว่วมาจากด้านล่างหน้าผา
   

“อาบน้ำก่อน” ผมพาเขาเดินเข้าไปห้องอาบน้ำฝักบัวก่อนและหลังลงสระว่ายน้ำ ไม่ถึงกับเป็นห้องมีประตูจริงจัง แค่ก่ออิฐขึ้นเป็นสี่เหลี่ยมทรงสูงที่มีทางเข้าเล็กๆ ด้านในมีฝักบัวอันเบ้อเริ่มอยู่บนหัว มีโต๊ะหินทรงสี่เหลี่ยมตั้งใกล้กับผนังด้านข้าง ผมจะวางแมทลงบนพื้น แต่เขาไม่เกี่ยวเอวผมแน่นไม่ยอมลงและยิ้มทะเล้น ผมยิ้มกว้าง บีบก้นเขาเต็มมือ พาเขาไปยืนใต้ฝักบัว เอื้อมมือขวาไปเปิดน้ำ
   

“ฮู้ววว ฮิๆ” แมทส่งเสียงเสียงเล็กเสียงน้อยตอนที่น้ำเย็นๆ รดโดนตัวเราสองคน เขาหลับตาแหงนรับน้ำจากฝักบัว ผมยื่นหน้าไปไซ้คอเขาอย่างหื่นกระหาย ดูดดึงเนื้อตรงคอเต็มปากเต็มคำ
   

“อ่ะ…” แมทครางเสียงแผ่ว ขยับคอคล้ายจะหนี แต่ก็หนีไม่พ้น
   

“เตอร์…” เขาครางเสียงสั่น ผมคำรามในลำคอ อารมณ์พุ่งพล่าน ดันหลังเขาติดกับผนังปูนเรียบด้านสีเทา ไซ้คอเขาหนักหน่วง สูดดมเนื้อที่คุ้นเคย ดูดลำคออย่างกระหาย สองมือแมทจิกผมด้านหลังผมแน่น
   

“…เตอร์จ๋า เล่นน้ำ” เขาครางเป็นภาษาไทย ผมกดจูบลงบนซอกคอฝั่งซ้ายของเขาและผละออก มองตาเขาด้วยอาการอยากฟัด แมทกัดปากล่างแล้วยิ้มยั่ว ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมไปที
   

“อีกสองวันนะเตอร์ คิๆ” ผมยิ้มเหี้ยม ร้ายนักนะไอ้เตี้ย เดี๋ยวถึงวันนั้นก่อนเถอะ ฮึ่ม!
   

“จะจับมัดมือมัดเท้าไม่ให้ลุกไปไหนเลยคอยดู” ผมว่าอย่างหงุดหงิด อยากจับเอเลี่ยนตีก้นให้เนื้อแตก ทั้งหมั่นไส้ ทั้งมันเขี้ยว อยากกัดเนื้อแน่นๆ ของเขาไปทั้งตัวเลย
   

แมทหัวเราะคิกคัก ผมคำรามเบาๆ บอกใจให้อดทนทั้งที่ลูกชายพุ่งตระหง่านพร้อมแทง เราอาบน้ำกันอีกสักพัก ผมก็อุ้มแมทออกมาตรงริมสระน้ำ ผมวางเขาลงบนพื้น
   

“เดี๋ยวนี้ยักษ์ใหญ่ใจดีกับเอเลี่ยนน้อยจังเลย น่ารักกก” แมทหัวเราะชอบอกชอบใจ แหงนหน้ามองผมแว้บหนึ่งก่อนจะยื่นหน้าไปจูบตรงรอยสัก มือขวาซุกซนด้วยการบีบยักษ์น้อยเต็มมือ
   

“ฉันก็ใจดีกับนายตลอด” แมทเอียงคอมองหน้าผมเหมือนเห็นของประหลาด มือขวารูดอาวุธกลางกายของผมเข้าออกเบาๆ
   

“กล้าพูด” ผมหัวเราะ แมทเดินนำผมไปตามขอบสระ มือขวาจับจูงลูกชายผมที่พุ่งตรงแข็งปัก ผมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เขาพาผมหมาหยุดอยู่ตรงริมผาของบ้านพักเรา
   

“วิวสวยเนอะ” วิวสวยน่ะเห็นด้วย แต่ยืนเฉยๆ ก็ได้ ยืนไปชักของผมไปแบบนี้เกิดเขื่อนแตกขึ้นมาพุ่งแหลมริมผาเลยนะ
   

“จะเล่นมั้ยน้ำน่ะ” แมทยิ้มตาหยี ปล่อยมือออกจากลูกผมและออกแรงผลักผมแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัวลงสระเสียงดังตู้ม น้ำกระจายเป็นวงกว้าง ผมมองไม่เห็นอะไรอยู่พักหนึ่งนอกจากน้ำลางๆ ก่อนจะดีดตัวโผล่ขึ้นจากน้ำแล้วลืมตาขึ้น สะบัดน้ำออกจากหน้ากับหัว มองไอ้เอเลี่ยนขี้ดื้อหัวเราะกิ๊กกั๊กอยู่บนฝั่ง ผมชี้หน้าเขา หน้าตาพร้อมลงโทษ แมทกระโดดตู้มตามลงมา ว่ายน้ำเหมือนท่าหมามาหาผม และใช้สองแขนเกาะคอผมไว้
   

“ฮึๆ” เขาหัวเราะสนุกสนาน ตีขาในน้ำแตกกระจาย ผมยืนเป็นเสาให้เขาเกาะ เดินวนในสระไปเรื่อยๆ
   

“ว่ายเหมือนหมายังไงก็ยังเหมือนหมาอย่างนั้น” แมททำปากยื่น ดีดขาในน้ำสนุกสนาน เขาเป็นคนว่ายน้ำไม่แข็ง คือว่ายได้ แต่ก็ว่ายแบบท่าหมาเมื่อกี้ ถ้าเกิดมีคนจมน้ำพร้อมเขา แมทจะสามารถเอาตัวรอดคนเดียวได้ แต่ไม่สามารถช่วยอีกคนนึงได้
   

“พูดถึงหมา ไมเคิลกับฟอกซ์เป็นไงมั่ง” เขาค่อยๆ ลดแรงดีดขา ผมกระเถิบถอยหลังไปยืนชิดขอบสระฝั่งติดหน้าผา ท้องฟ้าไม่เหลือแสงสีแดงสีส้มปนแล้ว กลายเป็นสีน้ำเงินเข้มที่มีดาววิบวับประดับอยู่บนนั้น
   

“สเตดูแลอย่างดี” แมทเม้มปาก หลบตาผมไปมองทางอื่นวูบหนึ่งแล้วก็กลับมามองต่อ ก่อนจะแค่นยิ้มน้อยๆ ผมย่นคิ้วหรี่ตามองอาการนั้น กำลังคิดอะไรไกลๆ อยู่แน่ๆ
   

“คิดถึงพวกมันเนอะ” ผมกระตุกยิ้ม ดึงเขาเข้ามาชิดติดกับตัว แมทยกสองมือขยุ้มเส้นผมยาวของผมเบาๆ
   

“เดี๋ยวก็ได้กลับไปหาพวกนั้นแล้ว” แมทยิ้มอ่อน ทำหน้านึกอะไรสักแปบก่อนเอ่ยถาม
   

“คุณได้ยินเสียงโทรศัพท์ผมบ้างมั้ย มันเงียบตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันตอนนี้เลยอะ” ผมตีหน้านิ่ง สองมือใต้น้ำลูบก้นเขาเบาๆ
   

“เปิดเครื่องให้แล้ว แต่ก็ไม่มีใครโทรมาหรือส่งอะไรมานะ” ผมก้มลงจูบรอยแดงตรงคอเขาที่ผมทำให้ไว้ก่อนลงสระน้ำ แมทย่นคิ้วหน้าตาสงสัย
   

“เหรอ แปลกจัง พีทไม่โทรมาจิก” ไม่แปลกหรอก ก็แค่ปิดเครื่องเขาตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันตอนนี้ พ่อกับแม่รู้ว่าอยู่กับผมก็ไม่โทรมากวนแล้ว ไอ้ที่โทรมากวนคือไอ้พวกกองถ่ายของแมทนั่นแหละ ถ้าเกิดเปิดโทรศัพท์ก็เท่ากับแมทต้องเปิดคอมด้วย และเขาก็จะนั่งจับเจ่าอยู่ตรงนั้นแทบไม่ลุกไปไหน
   

“งานก็คงผ่านแล้วนั่นแหละ” เขายังทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
   

“เดี๋ยวก่อนกินข้าวขอมือถือหน่อยนะ” ผมทำหน้าเซ็ง แมททำหน้าอ้อน
   

“ไม่นานหรอก จริงๆ” บอกไม่นานแบบนี้ตลอด แต่ก็นานตลอดทุกที
   

ผมทำหน้าระอา แมททำปากจู๋ ยื่นจมูกมาขยี้แก้มซ้ายผมเบาๆ เรามองหน้ากัน แมทยิ้มแฉ่ง ผมยังคงทำหน้าไร้อารมณ์ สักพักแมทก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็ดำลงไปในน้ำ ผมคิดว่าเขาจะดำน้ำเล่น แต่แล้วท้องผมก็หดเกร็งเพราะเอเลี่ยนน้อยกำลังใช้ปากให้กับผมอยู่ใต้น้ำ ผมก้มลงมองหัวสีดำที่เห็นลางๆ ใต้น้ำผงกเข้าผงกออก เป็นความรู้สึกแปลกใหม่และแปลกใจที่แมททำแบบนี้ ผมหลับตาพริ้ม สองแขนวางบนขอบสระด้วยท่วงท่าที่สบาย
   

บุ๋ง~
   

“ฮิๆ เอาอีกมั้ย” แมทผุดขึ้นมาจากน้ำ ส่งยิ้มขำขันมาให้ สองมือลูบน้ำออกจากหน้า ผมยิ้มเมา พยักหน้าน้อยๆ
   

“เอาอีก เอาเยอะๆ เลย แตกเลยก็ได้” แมทลอยหน้าลอยตาและส่ายหัว
   

“ยังแตกไม่ได้” ว่าจบเขาก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และดำลงไปในน้ำอีกรอบ ผมซี๊ดปากเบาๆ กับความเสียววูบใต้น้ำ แหงนหน้าหลับตาพริ้ม กลืนน้ำลายลงคอเป็นระยะ
   

“ไอ้วิคเตอร์!” ผมเปิดเปลือกตาพรึบ มองไปทางต้นเสียงก็เห็นไอ้อันเดร ไอ้เบนและแฟนไอ้เบนเดินดาหน้าเข้ามาพร้อมกันสามทหารเสือ ผมหน้าเหวออ้าปากค้างน้อยๆ ก้มลงมองหัวทุยๆ ของเอเลี่ยนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ
   

“อะ… เออ ว่าไง” ไม่รู้แมทดำน้ำได้นานแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ใช้ปากให้ผมเสียวได้ที่เลย หน้าท้องเกร็งไปหมดแล้ว
   

“ไปกินข้าวกัน” ผมย่นคิ้วเพราะเสียววาบกับความรู้สึกคับแน่นของปากแมท 
   

“เออ เดี๋ยวฉันตามไป พวกแกไปก่อนเลย” โอย เสียวหัวมาก ผมพยายามเก๊กหน้านิ่งไม่ให้มีพิรุธ แต่คนใต้น้ำก็ดูจะสนุกกับการอมของผมเหลือเกิน
   

“แล้วแมทไปไหน” คราวนี้ไอ้เบนถามบ้าง มันมองหาแมทไปรอบที่พัก ผมภาวนาว่าให้แฟนผมอดทนอีกนิดอย่าเพิ่งโผล่ขึ้นมา แต่คำภาวนาไม่เป็นผล เพราะคนที่ไอ้เบนกำลังมองหาอยู่ก็โผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำและหัวเราะสดใสอยู่คนเดียว
   

“เสียวมั้ย แปลกดีอะ แต่สนุกมาก อมจุ๊ดจู๋ในน้ำ” ผมอ้าปากพะงาบๆ อยากจะบอกให้ที่รักผมหยุดพูด แต่ก็ไม่ทันแล้ว ไอ้สามคนบนบกอ้าปากหวอกะพริบตาปริบๆ แมทเห็นผมทำหน้าค้างเลยหันไปมองข้างหลังอย่างชาญฉลาด แปบเดียวก็หันกลับมามองผมตาโต หน้าช็อคไปแล้ว
   

“ตายแล้ว” แมทอุทานเบาๆ และหลับตาปี๋ ไม่รู้จะทำหน้าทำตาแบบไหน ท่าทางเลิ่กลั่กสักแปบ และคงเพราะไม่รู้จะทำยังไงเขาเลยเข้ามากอดผม เอาหน้าซุกคอผมไว้ไม่ยอมหันไปมองสามคนนั้น ตอนแรกผมก็อึ้ง แต่ตอนนี้ผมขำไอ้ตัวจ้อยมาก นิ่งตัวแข็งทื่อไปเลย กอดคอผมแน่น หน้าซุกซอกคอผมนิ่ง
   

“แหม่ แมทกินมื้อเย็นก่อนใครเลยนี่หว่า” แฟนไอ้เบนพูดเป็นภาษาไทย ซึ่งน่าจะเป็นการแซวเพราะบาสอมยิ้มน้อยอมยิ้มใหญ่ ไอ้เบนอมยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นเกาจมูกเบาๆ ส่วนไอ้อันเดรอ้าปากหน้าค้างเติ่ง
   

“Ha! Now I see why you look horny oftentimes with him. He has many tricks for you. (โห มิน่า แกถึงหงี่กับแมทบ่อยๆ ลูกเล่นเยอะแบบนี้นี่เอง)” เบนกับบาสยิ้มขำ ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ ยักคิ้วให้ไอ้อันเดรไปที แมทยืนกองผมตัวแข็งทื่อ ผมลูบหลังเขาเบาๆ
   

“How was it? Did you cum? (เป็นไงวะ เสร็จยัง)” ไอ้อันเดรถามต่อ ไอ้นี่ถามอย่างสอดรู้สอดเห็นด้วยนะ ไม่ได้แกล้งถาม
   

“เออน่า พวกแกไปกินข้าวก่อนไป เดี๋ยวตามไป จองที่ให้ด้วย”
   

“เออ…” เบนเนดิคท์รับคำ ก่อนเลื่อนสายตามองแมทยิ้มๆ “…อมจนท่วมปากแล้ว ก็ตามไปนะแมท!”
   

“ฮื้อออ” แมทครางเสียงดังจนไอ้พวกนั้นขำ เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ดันตัวเองชิดติดกับผมกว่าเดิม ผมหัวเราะไปกับพวกไอ้อันเดรด้วย
   

“ตามมาแล้วกัน เดี๋ยวเก็บอาหารไว้ให้” อันเดรบอกและนำทัพทุกคนเดินออกไปจากบ้านพร้อมเสียงหัวเราะเฮฮาและคำแซวเอเลี่ยนของผมมากมาย คนโดนแซวยังซุกคอผมนิ่ง ไม่รู้วิญญาณหลุดออกจากร่างรึยัง นิ่งเหลือเกิน ผมหัวเราะในลำคอและหอมแก้มเขาไปทีด้วยความมันเขี้ยว ทิ้งไว้สักแปบให้หายช็อคก่อนแล้วกัน 
   
   
   
   
 :hao7:


มาแล้ววววว มาแล้วจ้ะ หนูกลับมาแล้วววว

หายไปเพราะติดงานค่ะ จริงๆ งานเสร็จไปสักพักนึงละ แต่ว่าพอเสร็จงาน ตอมก็เริ่มตรวจต้นฉบับเรื่องแม่เรียวจันทร์ต่อเลย ประเด็นคือพรูพคนเดียว เลยช้ามาก รอบนี้ไม่มีคนช่วย เพื่อนที่เคยช่วยพรูพไม่ว่างเลยยย ตอมก็เลย เอาวะ ทำเอง 55555 เลยอาจจะหายไปนาน แต่จริงๆ ถ้าเป็นเรื่องพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน มันบวกกับที่ตอมเขียนสดอัพสดด้วย คือเขียนอีกวัน อัพอีกวัน ไม่มีต้นฉบับในสต็อก เขียนเสร็จก็อัพ อย่างที่เคยแจ้งไปตั้งแต่ต้น เรื่องนี้อาจจะไมไ่ด้อัพถี่ๆ รัวๆ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่หายแน่นอน เขียนต่อแล้ว ตอมต้องเขียนให้จบอยู่แล้ววว

ช่วงนี้ถ้าเป็นสุดสัปดาห์ ตอมจะติดละครมากกก ติดเพลงพระนางอย่างแรง เลยอาจทำให้สมรรถภาพในการเขียนนิยายช้าลง เพราะมัวแต่ด่าอีทิพย์! 555555

ตอนนี้นะคะ ถ้าเปิดเพลง Zoom ของแม่ทาทายังไปด้วยจะช่วยเพิ่มอรรถรสการอ่าน 55555 แต่หาฟังยากมากกก อันนี้ตอมนึกเนื้อเพลงได้เลยเอามาตั้งเป็นชื่อตอน เหมาะกับแมทและวิคเตอร์ตอนนี้เลย มองได้แต่ตาอย่าต้อง แต่สำหรับแสองผัวเมียก็จะเป็น ต้องได้แต่ห้ามแตก ว้ายยยย คริๆ

เจอกันส่วนต่อไปค่าาา ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยนะคะที่ยังรออ่านนิยายเรื่องนี้เสมอ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่สัญญาว่าจะไม่ดองแน่นอน ไม่ทิ้งคนอ่านแน่ๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พาร์ทแรกจนพาร์ทสุดท้ายละเนอะ ^__^





ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ



แท็ก #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 35% :04.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 04-03-2017 16:19:03
 :z1: :z1: o18
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 35% :04.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 04-03-2017 16:29:50
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 35% :04.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-03-2017 20:48:41
แมท หายเมาทุกอย่าง ก็เมาน้องวิคเตอร์ ต่อ
ขำที่ดำน้ำ แล้วอมน้อง...อยู่เพื่อนๆก็มา
แมทโผล่มา แล้วพูดซะเพื่อนรู้หมด
“เสียวมั้ย แปลกดีอะ แต่สนุกมาก อมจุ๊ดจู๋ในน้ำ”  :ling1: :ling1: :ling1:
อังเดรยังย้ำอีก จนแมทตัวแข็ง
"โห มิน่า แกถึงหงี่กับแมทบ่อยๆ ลูกเล่นเยอะแบบนี้นี่เอง" อะจ๊ากกกก
เพื่อนยังรู้ว่าวิคเตอร์หื่น   o22 :z3:
แมท น่ารัก  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 35% :04.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 06-03-2017 01:34:57
ชอบตอนวิคเตอร์พูดไทย น่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 35% :04.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 11-03-2017 01:06:50
หายจากเล้าไปร่วมเดือน เพราะวุ่นวายกับการขุดสุสานกับดูซีรีส์ พอกลับมาก้อยังไปไม่ไกลเท่าไหร่  :mew2: แต่เรารอได้จ้าคุณตอม ไม่รีบจ้ะ สบาย ๆ เนอะ อ่านเรื่องของคู่นี้ทีไรต้องมีอาการเสียวประจำ กลัวเจอดราม่า  :mew6: ชีวิตต้องมีทั้งทุกข์ทั้งสุขเนอะ ไม่งั้นคงไร้รสชาติน่าดู แต่เพื่อนเก่าวิคเตอร์นี่ดูแปลก ๆ จริง ๆ น่ะ แต่ยังไม่รู้แปลกยังไง รอตามต่อ ในที่สุดไอ้ฌอนก้อออกจากคุกแหละ แต่ก้อไม่แปลกที่จะติดแค่นี้ เพราะเป็นแค่คดีทำร้ายร่างกาย แค่ได้ติดคุกก้อนับว่าเส้นใหญ่แล้ว มันคงแค้นมาก คุกต่างประเทศก้อน่ากลัวอยู่น่ะ อาจจะออกมาแบบแค้นฝังหุ่นเลยก้อได้ ยังไงหนูแมทก้ออย่าดื้อน่ะจ้ะ ไม่กลัวได้แต่ต้องรอบคอบน้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 35% :04.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 15-03-2017 12:06:51
หลังจากหลงเขี้ยวกุ้ด มาลงเจ้ายักษ์ต่อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-03-2017 21:14:37


Yours and Mine EP.3 [70%]




ใช้เวลาสักพักจนลูกชายผมสงบลง แมทก็เหมือนจะสงบตาม เขาหันไปมองรอบบ้านพักเพื่อความแน่ใจ พอเห็นว่าไม่มีใครแล้วจริงๆ ก็พ่นลมหายใจ หน้าตาโล่งอก เขาชวนผมเล่นน้ำต่อ ว่ายเป็นลูกหมาขาสั้นไปทั่วสระ ผมก็ว่ายไล่จับลูกหมามาฟัดแก้ม เสียงหัวเราะแมทดังคลอไปกับเสียงน้ำในสระแตกกระจาย ตอนที่เขาบ่นว่าหิวนั่นแหละถึงพากันขึ้นจากสระไปอาบน้ำล้างตัว ผมให้เขาขี่คอเข้าบ้าน ตรงไปห้องอาบน้ำด้านในบ้านที่แบ่งเป็นโซนปิดกับโซนเปิด โซนเปิดมีทั้งฝักบัวยืนอาบและมีอ่างอาบน้ำตั้งติดริมหน้าผา เปิดกว้างเห็นวิว ถ้ากลัวจะมีสายตาลอบมองก็เลื่อนบานไม้ปิดไว้ก็ได้

           

 

เราช่วยกันอาบน้ำให้กัน ไอ้เอเลี่ยนมันซนไม่หยุดจริงๆ ก่อกวนจนยักษ์น้อยตื่นขึ้นอีกรอบ ผมก็ได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่าน คำรามใส่ไอ้ตัวดีที่หัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจที่ผมทำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่กล้ากด ไม่กล้าจับไอ้เอเลี่ยนเอาก่อนวาเลนไทน์นะ แต่ผมกะจัดหนักจัดเต็มเอาให้เดินขาเปลี้ยขาเป๋อย่างที่บอกเลยต่างหาก หึๆ

           

 

ลูกล่อลูกเล่นท้าชนท้าทายเยอะดีนัก เดี๋ยวจะเอาให้ล้ม

           

 

ผมพาเอเลี่ยนน้อยที่ใส่หมวกสติชท์ที่ผมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อช่วงปีแรกที่คบกันมากินข้าวริมหาด มันเป็นร้านอาหารของทางรีสอร์ท มีบาร์เครื่องดื่ม มีดีเจเปิดเพลง แต่เคนกับแคทกันที่ไว้ให้เฉพาะแขกของตัวเอง พอแขกที่บ่าวสาวเชิญมารวมตัวกันก็มีจำนวนไม่น้อย ผมทักทายอดีตบอดี้การ์ดของตัวเองอีกสองคน คือพิทกับทอง ผมกับแมทยืนคุยกับสองคนสักพัก ไอ้ตัวจ้อยก็ซอกแซกชีวิตเขาตามประสาคนขี้สอด (อยากด่าว่าเสือกแต่อาจแรงไป) สอดจนได้รู้ว่าทั้งสองคนก็ยังคงทำงานในบริษัทบอดี้การ์ดเช่นเคย

           

 

“ไหนว่าหิว เดี๋ยวกุ้งก็หมดก่อนหรอก” ผมบอกเขา แมทเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าจะรีบมากินกุ้ง เขาหันไปบ๊ายบายให้อดีตบอดี้การ์ดและเดินลุยทรายนำหน้าผมไปตรงเรือไม้ยาวๆ ที่เอามาทำเป็นที่ใส่อาหารทะเล

           

 

“เอาอันนี้ อันนี้ อันนี้ วิคเตอร์กินไรอะ” เขาหันมาถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกาย

           

 

“เอาแบบนาย” แมทยิ้มกว้าง ยักคิ้วสองทีและหันไปบอกพ่อครัวในชุดสีขาวว่าขออย่างที่เขาสั่งไปสองชุด ผมอมยิ้มกับท่าทางมีความสุขในการกินของเขา

           

 

แมทเป็นคนกินเก่ง แล้วก็อ้วนด้วย ไม่ใช่คนที่กินเท่าไหร่แล้วก็ไม่อ้วน จริงๆ จะว่าอ้วนก็ไม่ถูกซะทีเดียว เขาเป็นประเภทอวบมากกว่า เขารู้ตัวนะ พอรู้ตัวก็จะออกกำลังกาย ตอนนี้มีไอ้เทรนเนอร์แซ็คคอยช่วยดูแลการออกกำลังกาย เขายิ่งได้ใจ บอกว่ากินไปเดี๋ยวแซ็คมันก็ช่วยเอาออกให้ ยังดีที่เขากินเก่งแล้วยังรู้จักรับผิดชอบออกกำลังกาย แต่เขาก็ไม่ใช่คนหุ่นดีมีกล้ามท้องหรอก เป็นประเภทเนื้อแน่นไปทั้งตัว ผมถึงได้อยากกัดเขาบ่อยๆ ไง โดยเฉพาะก้นกับนม ไอ้แซ็คมันทำหน้าที่ได้ดีที่รู้ว่าต้องเน้นช่วงไหนเพื่อผม

           

 

“โอ๊ย น่ารักมากค่า” แมทบึนปากใส่เพื่อนตัวเองที่ผมไม่รู้ว่าพูดอะไรใส่เจ้าตัว เขานั่งลงข้างไอ้ล่าม ผมนั่งลงข้างเขาฝั่งขวามืออีกที โต๊ะของเราอยู่ติดริมทะเล ได้ยินเสียงคลื่นซัดคลอกับเสียงเพลงจากดีเจ

           

 

“พวกแก…” แมทกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่พอเขาหันไปเห็นพวกไอ้อันเดรนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่เยื้องกันเขาเลยรีบหันมาซบอกผม เอาหน้ามุดจนนึกว่าจะขุดหลุม ผมหัวเราะ ไอพวกนั้นเลยหัวเราะตาม คนอื่นที่ไม่เข้าใจก็ทำหน้างง หันมามองแมทที่ตะกุยตะกายมานั่งบนตักผมและซุกหน้าเข้ากับคอผม หันหลังให้พวกอันเดร หมวกสติชท์หลุดออกจากหัวเขา ผมเลยดึงออกมาถือไว้

           

 

“It’s fine, Matt. We knew it but we just saw it with our two eyes. (เอาน่าแมท ใช่ว่าไม่รู้ แค่วันนี้ได้เห็นเต็มสองตา)” ไอ้เบนแซวแล้วผิวปากตาม แฟนมันและไอ้อันเดรผิวตามสมทบ ผมยิ้มขำ แมทหลับตาปี๋ ทำหน้าเหมือนกินของเปรี้ยวเข้าไปเต็มปากเต็มคำ

           

 

“What are you talking about? Can you share? (มีไรกันเหรอ อยากรู้อะ)” เจ้าสาวทำหน้าทำตาอยากรู้อยากเห็น พวกผมหัวเราะกับคำขอว่าให้แบ่งปันเรื่องราวกันบ้าง พอเห็นพวกผมไม่พูดอะไรก็เลยหันมาคาดคั้นเพื่อนตัวเองแทน

           

 

“อีแมท เท๊ลมี!”

           

 

“ไม่! ไม่เสือกสิ!” ผมเข้าใจคำว่าเสือกนะ เพราะพ่อตาด่าผมบ่อย ทั้งโต๊ะหัวเราะกับหน้าตาเหมือนเด็กดื้อของแมทที่หัวแข็งไม่ยอมบอกเพื่อน

           

 

“สามหาวอีผี! เดี๋ยวก็ไล่ออกจากรีสอร์ทซะหรอก”

           

 

“อย่าผยองอีแคท แค่เสียเงินมาเช่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของสักหน่อย”

           

 

“เอ๊า! ผัวแกไม่ได้บอกเหรอคะว่าฉันกับพี่เคนเป็นเจ้าของที่นี่” ประโยคมันยาวเกิน ผมจับใจความไม่ได้ แต่แมทหันมามองผมตาโตอย่างงๆ สลับกลับไปมองเคนและเคทที่ยิ้มกริ่ม

           

 

“จริงอ้ะ?!” แมทหันไปหาสองคนนั้น

           

 

“จริงครับ คุณวิคเตอร์ให้ผมยืมเงินมาลงทุนครึ่งนึง อีกครึ่งเป็นเงินผมเอง ห้องที่คุณแมทพักกับคุณวิคเตอร์ ก็เป็นคำขอบคุณจากผมและแคท เอาไว้วันไหนอยากมาพักผ่อนที่ใต้จะได้ไม่ต้องลำบากหาที่พัก” เคนร่ายยาวพร้อมรอยยิ้ม แมทที่ทำหน้าตะลึงอยู่แล้ว ยิ่งตะลึงมากกว่าเดิม เขาเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนตัวเองที่ยืดอกทำหน้าตาภาคภูมิใจ ก่อนจะหันกลับมามองผม

           

 

“Is that true? You gave money to him for making this resort. (จริงเหรอ คุณให้เงินพี่เคนสร้างรีสอร์ทนี้เหรอ)” อ้อ พูดเรื่องนี้กันนี่เอง ผมยักคิ้วขึ้นหนึ่งทีก่อนตอบ

           

 

“A half of it. (แค่ครึ่งเดียว)”

           

 

“โห…” เขาอุทานหน้าตาตื่นและมองไปรอบๆ รีสอร์ทอีกที แล้วก็หันกลับไปหาเจ้าของรีสอร์ททั้งสองคน

           

 

“แบบนี้แกก็ไล่ฉันออกไม่ได้ ถือว่าสามีฉันเป็นหุ้นส่วนครึ่งนึง” แมทว่าด้วยสีหน้าเหนือกว่านิดๆ พวกเพื่อนแมทขำผสมกับร้องโอดโอยเหมือนหมั่นไส้

           

 

สมัยที่เคนเป็นบอดี้การ์ด เขาเคยคุยกับผมเรื่องนี้ ว่าอยากจะกลับมาทำอะไรสักอย่างที่บ้านเกิดตัวเอง ผมไม่รู้จักบ้านเกิดเขาหรอก แต่เขาเล่าให้ฟังว่าบ้านเขาอยู่บนเกาะ ผมเลยแนะนำว่าลองทำรีสอร์ทมั้ย เคนบอกก็อยากทำอยู่แล้ว แต่เงินที่มีอยู่คงไม่พอ กำลังคิดเรื่องกู้ธนาคาร ผมเลยลองถามว่ามันต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เขาก็บอกตัวเลขมา ผมเห็นว่าตัวเองมีเงินที่จะช่วยเขาได้ ก็เลยอยากช่วย ตอนแรกเคนก็ปฏิเสธ แต่ผมบอกว่าไม่ได้ให้ฟรี ให้ยืม ทำเรื่องกู้เงินเป็นกิจจะลักษณะ ผมไม่คิดดอกเบี้ย แต่ต้องใช้เงินคืนให้หมดภายในห้าปี ผมแค่อยากช่วยคนที่เขาดีกับผมเท่านั้นเอง

           

 

“อะชนค่ะ แด่ความรักของอีแคทกับพี่เคน และแด่ความมีน้ำใจของผัวอีแมท” เพื่อนผู้หญิงของแมทที่จำได้ว่าชื่อเหมียวยกแก้วขึ้นและพูดอะไรสักอย่าง ไอ้ล่ามรีบแปลให้พวกฝรั่งอย่างผมเข้าใจ เราชนแก้วกันพร้อมส่งเสียงเฮฮา เชื่อว่าเราเป็นโต๊ะที่ครึกครื้นสุดแล้ว

 

V
v
v
 

           

           



       
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-03-2017 21:15:15


V
v
v



ประมาณสามทุ่มครึ่ง แคทกับเคนก็เดินออกไปทักทายแขกโต๊ะอื่น พวกเรานั่งคุยกันสนุกสนานที่โต๊ะ ผมยกแก้วดื่มและมีแมทคอยป้อนอาหารให้จนพวกไอ้อันเดรด่าว่าง่อยแต่ผมก็ไม่สนใจ ลอยหน้าลอยตารับอาหารจากแมทอย่างอร่อย เอเลี่ยนน้อยดูจะเฉยชากับความอายพวกไอ้อันเดรไปแล้ว เพราะเขานั่งเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ และคุยกับเพื่อนอย่างออกรส แก้มป่องของเขาอูมเพราะอาหารแทบจะตลอดเวลา

           

 

“ฉันจะไปห้องน้ำว่ะ มีใครไปมั้ย” เบนเนดิคท์บอก ผมพยักหน้าและวางแก้วเหล้าไว้บนโต๊ะ หันไปกระซิบบอกแมทที่กำลังตักข้าวผัดปูเข้าปากตุ้ยๆ

           

 

“ไปห้องน้ำก่อนนะ” แมทพยักหน้าหงึกๆ ผมลุกขึ้นเดินไปพร้อมไอ้เบน เดินลุยทรายไปทางร้านอาหารของรีสอร์ทที่เป็นพื้นที่เทปูนเดินเหินสะดวกกว่าพื้นทราย มีคนเดินเข้าเดินออกในห้องน้ำพอสมควร โถฉี่เต็มหมด ผมเลยเข้าไปฉี่ในห้องน้ำแทน พอจัดการตัวเองเสร็จก็เดินออกมาล้างมือตรงอ่างล้างมือ ไอ้เบนยังไม่ออกมา ผมเลยออกไปรอมันด้านหน้าห้องน้ำ

           

 

“เฮ้ วิคเตอร์” ผมหันไปมองคนเรียกก็เจอกับคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนเก่าสมัยเด็ก ผมยักคิ้วขึ้นนิดหนึ่งและยิ้มให้เขาน้อยๆ

           

 

“เฮ้”

           

 

“เป็นไงมั่ง สนุกมั้ย” ผมย่นคิ้วนิดหนึ่งที่ถูกถามแบบนั้น คือผมว่ามันเป็นคำถามเห่ยๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนไม่มีอะไรจะคุยแล้วเลยเลือกคำถามนี้ขึ้นมาใช้ แต่ก็เอาน่ะ มันเห่ยแต่มันก็ไม่ได้แย่ที่จะตอบหรอก

           

 

“สนุกดี ไม่หลับกลางงานก็ถือว่าใช้ได้” ผมยักไหล่สองข้าง ยักคิ้วหน้าตายแบบขอไปที เพื่อนเก่าคนนั้นยิ้มกริ่ม

           

 

“นายลองเครื่องดื่มสูตรพิเศษของบาร์รึยัง แจ่มมากเลยนะ” เขาทำหน้าตาบอกว่ามันเจ๋งจริงอย่างที่พูด ผมทำหน้ามึนๆ งงๆ สักพักไอ้เบนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

           

 

“โทษที ถ่ายหนักนิดหน่อย” ผมพยักหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ไอ้เบนหันไปมองเพื่อนเก่าของผมคนนั้นและยิ้มให้นิดหน่อย

           

 

“ผมชื่อเนครับ คุณคงเป็นเพื่อนวิคเตอร์ ผมเองก็เคยเป็นเพื่อนกับวิคเตอร์สมัยเด็กๆ” เบนเนดิคท์เลิกคิ้วขึ้นและหันมามองผมเป็นเชิงถาม

           

 

“ก็ไม่เด็กมาก ช่วงมอปลายเห็นจะได้ แต่รู้จักกันแค่อาทิตย์หรือสองอาทิตย์เอง” ไอ้เบนทำหน้าว่าอ้อ

           

 

“ลองไปชิมเหล้าสูตรพิเศษของบาร์มั้ย ไปด้วยกันมั้ยครับคุณ…”

           

 

“…เบนเนดิคท์ครับ”

           

 

“อ่า เบนเนดิคท์ ไปด้วยกันมั้ย ผมนำเสนอเลย พอดีผมช่วยเคนเขาคิดสูตรด้วยน่ะเลยอยากให้ลอง” ผมกับไอ้เบนมองหน้ากันนิดหนึ่งและตกลงกันทางสายตาว่าไปก็ไป เพราะยังไงก็ต้องเดินผ่านบาร์ที่ว่านั่นอยู่แล้ว

           

 

ผมกับไอ้เบนเดินตามเพื่อนเก่าที่ผมต้องถามชื่อเขาอีกรอบเพื่อความชัวร์ว่าชื่อเนอะไรนั่นถูกมั้ย เขาดูไม่ถือสาที่ผมจำชื่อเขาไม่แม่น ไม่ใช่ว่าผมลืมเขานะ แต่มันสิบกว่าปีเกือบยี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ผมจำช่วงเวลานั้นไม่แม่นด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนพูดเก่งแบบนี้หรือเปล่า เพราะตอนนี้เขาพูดไปเรื่อย ตอนแรกนึกว่าจะน่ารำคาญ แต่เขาเป็นคนพูดจาไม่ชวนหงุดหงิดดีนะ     

 

 

“ผมลองสูตรกับบาร์เทนเดอร์ของรีสอร์ท แล้วก็ให้หลายๆ คนช่วยกันชิม พอดีผมเคยทำงานบาร์มาบ้าง เคนเลยเรียกมาช่วย” เขาพูดจาคล่องแคล่วในขณะที่หันไปพูดกับบาร์เทนเดอร์ว่าต้องการอะไรแบบไหนยังไงบ้าง ผมกับไอ้เบนก็มีหน้าที่นั่งฟังและนั่งรอเครื่องดื่มสูตรพิเศษจากเขา

           

 

“พรุ่งนี้ตื่นนอนแล้วฉันว่าจะไปเล่น Slip N Fly สไลด์เดอร์น้ำอะ แกไปด้วยกันป่ะ” ไอ้เบนถามแทรกเสียงเพลงมันส์ๆ ของดีเจที่เปิดสร้างบรรยากาศคึกคักให้กับงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้เวดดิ้งของบ่าวสาว

           

 

“ไม่รู้ว่ะ ถ้าเอเลี่ยนไม่งอแงก็ไป นี่ฉันก็พยายามไม่ให้จับมือถืออยู่ เดี๋ยวแม่งกองถ่ายโทรหาก็เอาแต่คุยงานอีก” ผมว่าหน้าเซ็งๆ ไอ้เบนยิ้มขำหน่อยๆ

           

 

“เอาน่า ความฝันของแมท แกเคยบอกว่าจะซัพพอร์ตเขาไม่ใช่เหรอ” ผมพ่นลมหายใจเบาๆ

           

 

“มันก็ใช่ แต่ฉันรู้สึกว่าความทะเยอะทะยานของแมทมันมากไป” ผมว่าหน้าเครียดนิดหน่อย คิดมาสักพักแต่ก็ยังไม่ได้คิดให้มันเป็นประเด็นใหญ่โตมาก เพราะผมคิดว่ายังคอนโทรลได้ ไม่ใช่ปัญหา แต่อย่าคลาดสายตาเท่านั้นเอง

           

 

“แมทไม่ต้องมีอาชีพก็ได้ ฉันรู้ว่าแกเลี้ยงเขาได้ แต่เขาคงไม่คิดแบบฉัน แมทมีความฝัน ซึ่งฝันเขามันคือการทำมาหากิน”

           

 

“ผมชื่นชมคนมีฝันนะ แล้วจะยิ่งน่าชื่นชมถ้าเขาคนนั้นทำฝันให้เป็นจริงอย่างที่ตั้งใจ” ผมกำลังจะพูดกับไอ้เบนต่อแต่ก็หยุดพูดไปเพราะเนพูดขึ้นมาพร้อมกับยื่นแก้วค็อกเทลที่มีน้ำสีฟ้าไล่สีเข้มอ่อนจากล่างไปบนมาให้ผมกับไอ้อันเดร

           

 

“ขอโทษที พอดีได้ยินน่ะ เหมือนกำลังพูดถึงแฟนนายใช่มั้ย” ผมพยักหน้านิดหนึ่งและยกแก้วขึ้นดื่ม อืม… อร่อยดี เอเลี่ยนน้อยน่าจะชอบรสชาติแบบนี้

           

 

“ขออีกแก้วได้มั้ย จะเอาไปให้แฟน…” เพื่อนเก่าผมพยักหน้าด้วยความยินดีและหันไปสั่งบาร์เทนเดอร์อย่างรวดเร็วก่อนหันกลับมาหาผม

           

 

“…ไม่ได้เจอกันนาน แล้วนายมีแฟนรึเปล่า” เอาจริง ผมถามไปงั้นอะ มันคงเห่ยพอๆ กับที่เขาถามว่าสนุกมั้ยแหละมั้ง ก็เห็นว่าคุยเรื่องแฟนพอดีเลยถามให้มันเชื่อมกัน เนยิ้มอ่อน ไหวไหล่สองข้างหนึ่งทีแล้วส่ายหัว

           

 

“ไม่มีหรอก โสดมานานแล้ว” ผมยกหน้าขึ้นหนึ่งทีเป็นการบอกว่ารู้เรื่องกับสิ่งที่เขาบอก ยกแก้วขึ้นดื่มอีกสองอึก หันไปมองไอ้เบน มันก็ทำหน้าว่าชอบเครื่องดื่มอันนี้เหมือนกัน

           

 

“คิดสูตรเก่งนะครับ เมื่อกี้บอกว่าเคยทำงานบาร์ใช่มั้ย” ไอ้เบนถามพลางมองน้ำสีฟ้าเข้มสลับอ่อนในแก้ว

           

 

“ใช่ครับ เคยทำอยู่เกือบสามปี แรกๆ แค่อยากลอง แต่พอทำๆ ไปดันสนุก” ไอ้เบนยิ้มให้เนที่ยิ้มแย้มตลอดเวลาการพูด ผมกระตุกยิ้มเพียงนิด หันไปมองทางโต๊ะตัวเอง เห็นแมทมองมาทางนี้พอดี แต่พอเห็นผมมองตอบเขาก็หันหน้ากลับ ผมเลยหันกลับมามองว่าบาร์เทนเดอร์ทำของแมทเสร็จหรือยัง

           

 

“โห ขอไปแก้วเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไมทำเยอะจัง” ผมมองแก้วค็อกเทลแบบเดียวกับที่ผมถือและน้ำสีเดียวกันบนถาดสีน้ำตาลด้วยความตกใจเล็กๆ

           

 

“อ๋อ เอาไปเผื่อคนอื่นบนโต๊ะด้วยไง” ผมพยักหน้ากับเน ยื่นมือไปคว้ามาหนึ่งแก้ว

           

 

“ไอ้เบน ฉันจะเอาไปให้แมทก่อน”

           

 

“เออ ไปด้วย”

           

 

“เน ฝากหน่อยแล้วกันนะ” ผมว่าแค่นั้น เนพยักหน้าพร้อมยิ้มให้ ผมเดินออกจากบาร์ เดินกลับไปที่โต๊ะ ไอ้เบนเดินไปนั่งข้างแฟนมัน ผมเดินไปนั่งข้างแฟนผม สะกิดให้เขาขึ้นมานั่งบนตัก แมทเขยิบจากเก้าอี้ตัวเองมานั่งบนตักผม

           

 

“ไปทำอะไรมา” สติชท์น้อยถาม ผมยิ้มและยื่นแก้วน้ำสีฟ้าให้

           

 

“เพื่อนเก่าฉันคนนั้นเขาแนะนำเครื่องดื่มน่ะ อร่อยดีนะ ลองสิ” แมทยื่นมือมารับ ยกเข้าปากไปสองสามอึก เขาทำหน้าคิดแปบนึงก่อนจะพยักหน้าว่าชอบ

           

 

“อร่อยๆ” ผมยิ้มให้เด็กช่างกิน เขายกแก้วเข้าปากต่ออีกหลายอึกจนกระทั่งหมด ตอนนั้นเองที่เนเดินมาพร้อมผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่ง ทั้งสองคนถือถาดที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มสีฟ้าอันนั้น

           

 

“The blue wave, the special drink from resort. (เดอะบลูเวฟ เครื่องดื่มสูตรพิเศษจากรีสอร์ทครับ)” พวกเพื่อนๆ แมทส่งเสียงเฮฮาตอบรับ ไอ้ล่ามเป็นคนลุกขึ้นหยิบน้ำส่งให้ทุกคนบนโต๊ะ พอแจกจ่ายน้ำจนหมดเคนก็เลยแนะนำเนให้ทุกคนรู้จัก

           

 

“ทุกคน อันนี้เน ญาติฝั่งพ่อผมเองครับ” พวกคนไทยสวัสดีเนพร้อมเพรียงกัน แล้วเคนก็แนะนำเพื่อนผู้หญิงของเคนให้ได้รู้จักซึ่งผมมัวแต่วุ่นวายกับการป้อนอาหารให้สติชท์น้อยเลยไม่ได้สนใจ

           

 

“เอ่อ วิคเตอร์…” ผมที่กำลังเคี้ยวเนื้อกุ้งที่แมทแกะแล้วส่งให้เข้าปากชะโงกหน้าไปมองทางต้นเสียงก็เลยเห็นว่าเป็นไอ้ล่ามเรียก ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถามว่ามีอะไร

           

 

“…สาวๆ เพื่อนพี่เนเขาอยากถ่ายรูปกับคุณอะ ได้มั้ย” ผมแหงนหน้าไปมองหน้าแมทเป็นการขออนุญาตทันที แมทหันไปมองด้านหลังพักหนึ่งและหันกลับมาพยักหน้าให้ผม

           

 

“ถ่ายเถอะ” ผมยักคิ้วหนึ่งที แมทลุกขึ้นย้ายก้นกลับไปนั่งที่เดิม ผมลุกขึ้นยืน พอหันไปมองก็เห็นผู้หญิงสองคนกับผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินมาสมทบกับเนและเพื่อนผู้หญิงของเขา

           

 

“เทคอะโฟโต้หน่อยนะค้า” ผมยิ้มน้อยๆ ให้กับผู้หญิงที่ช่วยเนถือถาดมาเสิรฟ์น้ำที่โต๊ะ เธอเดินเข้ามาถ่ายกับผมคนแรก เธอใช้กล้องหน้าถ่าย ผมก้มหน้าลงให้เข้าไปในเฟรม ยิ้มมุมปากนิดหน่อย เธอกดแชะไปหลายช็อต สักพักเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้เนกดถ่ายกล้องหลังให้ ผมเอามือไพ่หลังไว้ เธอยืนชิดกับผมและยิ้มกว้าง ส่วนผมยิ้มเท่าเดิม

           

 

“โอเค คิวต่อไป” เนหันไปบอกกลุ่มคนที่รอถ่ายซึ่งผมคิดว่าคงเป็นเพื่อนเขา คนถัดมาเป็นผู้หญิง ผมก็ยืนท่าเดิม ยิ้มเท่าเดิม แต่ไม่มีเซลฟ์ฟี่แล้ว และพอคนต่อๆ ไปผมก็ยืนเหมือนเดิมหน้าเดิมจนถ่ายเสร็จนั่นแหละ

           

 

“Don’t you want to take a photo with me? (นายไม่อยากถ่ายกับฉันเหรอ)” ผมพูดแซวเนยิ้มๆ ในขณะที่เท้าก็ก้าวเดินกลับไปจะนั่งที่เดิม

           

 

“Yes. Yes. Let me take a photo with my old friend. (ถ่ายๆ ขอถ่ายกับเพื่อนเก่าหน่อย)” ผมหยุดยืนรออยู่ตรงข้างหลังแมท เนเดินเข้ามายืนข้างๆ ผมยกมือซ้ายโอบไหล่เขาและยิ้มมุมปากน้อยๆ เพื่อนเนกดถ่ายไปหลายช็อตจนพอใจก็ตะโกนบอกว่าโอเค

           

 

“Thank you, Victor. (ขอบใจมากนะวิคเตอร์)” เนยิ้มให้พร้อมกับตบไหล่ขวาผมเบาๆ ผมยิ้มกลับไป ยกนิ้วโป้งให้เขาและเดินก้าวอีกสามก้าวกลับมานั่งที่เดิม แมทหันไปมองด้านหลังที่เนยืนคุยกับเคนอยู่ เขาหันมามองผมและยิ้มให้นิดหน่อย ผมขมวดคิ้ว รู้สึกแคลงใจกับยิ้มของเขา

           

 

“เฮ้ เป็นอะไร” ผมยื่นหน้าไปถามเขาใกล้ๆ แมททำตาโตนิดหนึ่งแล้วส่ายหัว

           

 

“เปล่า จะให้เป็นอะไรเล่า” ผมหรี่ตามองหน้าเอเลี่ยน ไอ้ตัวจ้อยพยักหน้ายืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่ปากว่า ผมดึงให้เขาขึ้นมานั่งบนตัก แมทหยิบจานอาหารมาถือไว้ด้วย เขาจิ้มเนื้อปลาหมึกราดพริกให้ผมหนึ่งชิ้น ผมรับเข้าปากแล้วเคี้ยว

           

 

“ง่วงนอนรึยัง”

           

 

“ยังหรอก ก็อยู่คุยกับคนอื่นก่อนก็ได้ สนุกดี” ผมยิ้ม ดึงหมวกสติชท์ของเขามาใส่ แมทหัวเราะเบาๆ ช่วยผมจัดหมวกให้เข้าที่เข้าทาง

           

 

 



     เวลาล่วงเลยไปจนดึกกว่าเดิม พวกผู้ชายก็เริ่มกรึ่ม เริ่มเมากันมากขึ้น ผมด้วยก็เช่นกัน แต่ผมดื่มแค่เบียร์ ไม่ได้กินอย่างอื่นผสมเลยอยู่ได้สบายๆ แค่ร้อนหน้าร้อนคอและหน้าแดง มีอาการมึนๆ บ้างแต่ยังจูบเอเลี่ยนได้ตรงปาก แมทไม่ได้ดื่มเยอะ เขาดื่มแต่ไอ้น้ำสูตรพิเศษของเน แล้วก็สเมอร์นอฟรสเลม่อนของโปรด ไม่เมาแต่ก็คึกกว่าเดิม ยิ่งดีเจเปิดเพลงสนุก ก็ยิ่งเข้าทางเขาเลย ออกไปเต้นกับเพื่อนๆ อย่างเมามันส์ตรงลานว่างใกล้กับโต๊ะ เรื่องเต้นขอให้บอกเมียผมเถอะ

 

 

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง เอเลี่ยนน้อยก็เริ่มงัวเงียและงอแงไม่ยอมให้ผมหอมแก้มแล้วนั่นแหละ ผมเลยพาเขากลับห้อง พอมีคนเริ่มกลับ คนอื่นก็เลยขอกลับบ้าง สรุปปาร์ตี้จบตอนตีสองกว่า แล้วก็แยกย้ายใครแยกย้ายมัน ผมกับแมทกลับมาถึงห้องก็พากันไปแปรงฟันก่อนนอน ผมกลัวน้ำเย็นกับร่างกายร้อนๆ จะตีกันเลยไม่อาบน้ำและไม่ให้แมทอาบด้วย เราถอดเสื้อผ้าจนร่างกายเปลือยเปล่า สอดตัวเข้าไปในผ้านวม และแมทก็ใช้มือซ้ายจับลูกชายผมไว้ตามปกติก่อนนอนของเราสองคน ก่อนจะพากันหลับในเวลาไล่เลี่ยกัน

 

 

 

 







“ว้ากกก!!!!” ตู้ม!!!

 

 

“ฮ่าๆๆๆ” แมทพุ่งตัวขึ้นมาจากน้ำแล้วว่ายน้ำท่าหมาเข้าหาฝั่งท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ผมยื่นมือไปดึงมือเอเลี่ยนน้อยขึ้นมายืนบนฝั่ง เขาหัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อยชอบอกชอบใจ

 

 

“พอรึยัง” ผมถามพลางใช้ผ้าขนหนูคลุมร่างเปลือยท่อนบนของเขา เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ใส่เสื้อลงน้ำ เอเลี่ยนเลยต้องเปลือยโชว์หุ่นอวบเนื้อแน่นของเขา ผมก็รู้แหละว่ามันไม่มีใครมองจ้องจะกินเขาหรอก แต่ผมรู้ว่าแมทไม่ค่อยชอบถอดเสื้อต่อหน้าสาธารณชนเท่าไหร่ต่างหาก ถามว่าหวงมั้ย ก็หวงเหมือนเดิม แต่ก็อยู่ที่สภาพแวดล้อม ถ้าไปอยู่ในฝูงชนที่มีพวกชายรักชายด้วยกัน อันนั้นผมไม่ชอบ แต่ตอนนี้ดูแล้วมีแต่ผู้ชายทั่วไปตามปกติ

 

 

“พักก่อนแล้วขออีกรอบนะ” เขาบอกเสียงร่าเริง ผมยิ้มและผงกหัวขึ้น พาเขาเดินกลับไปนั่งที่นั่งของพวกเราตรงริมสระน้ำที่มีออสตินกับเบนเนดิคท์นั่งอยู่ ส่วนคนอื่นไปต่อคิวขึ้นสไลด์เดอร์รอบใหม่แล้ว

 

 

“คุณไม่เล่นบ้างเหรอ” เขาถามตอนที่นั่งลงบนเบาะสีน้ำเงิน ผมเสยผมเปียกที่ปรกหน้าผากอยู่ขึ้น

 

 

“ก็เล่นไปแล้วไง”

 

 

“เห็นเล่นไปสองรอบเอง ไม่หนุกเหรอ”

 

 

“ฉันรอสนุกเที่ยงคืนวันนี้ดีกว่า” ผมยักคิ้วและยิ้มมุมปาก แมทกลั้นยิ้มเขิน ยกมือขึ้นตีเป้าผมเบาๆ

 

 

“แหม จำแม่นเลยนะ” ผมไหวไหล่ นั่งลงข้างเขา มองคนส่งเสียงดังเวลาตัวลื่นไหลลงมาตามความยาวของสไลด์เดอร์สีน้ำเงินตัดสีขาวอันใหญ่ยักษ์ หลายคนก็มีท่าทางวงสวิงสวยงามตอนที่กำลังจะลงน้ำเพื่อใช้กล้องโปรโคเก็บแอคชั่นนั้นของตัวเอง เสียงน้ำแตกตู้มกระจายหลายรอบต่อๆ กัน เพราะคนไหลต่อเนื่องกันลงมาไม่ขาดสาย

 

 

“เดี๋ยวเสร็จจากที่นี่ ออสตินชวนเล่นบอลชายหาดที่รีสอร์ท แกสนใจป้ะ” ผมหันไปมองไอ้เบนที่ในมือมีขวดเบียร์ของแบรนไทยอยู่หนึ่งขวด

 

 

“เอาดิ ฉันเห็นหาดที่อยู่ข้างล่างที่พักฉันกว้างดี”

 

 

“เออ ตรงนั้นแหละที่จะไปเล่น” ผมพยักหน้าสองสามที หันไปมองแมทที่กำลังนั่งหัวเราะไอ้ล่ามที่กำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศในท่าแอ่นอกก่อนที่จะพุ่งตัวลงไปในน้ำอย่างสวยงาม

 

 

“พร้อมขึ้นไปรึยัง” แมทหันมาพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น เขาถอดผ้าขนหนูออกและวิ่งขึ้นไปตามขั้นบันไดที่พาไปสู่ทางขึ้นสไลด์เดอร์อย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกหนีสายตาผู้คนจะมองหุ่นเขา แมทจะอายพุงตัวเอง แต่ผมว่าเขาไม่ได้มีพุงย้อยแล้วนะ มันเป็นกล้ามเนื้อท้องมากกว่า แค่อาจจะไม่เฟิร์มเท่านั้นเอง แต่แบบนั้นแหละผมถึงอยากกัดเนื้อเขาทั้งตัว เวลาวิ่งดุ๊กๆ ตูดแน่นๆ นี่เด้งดีจริงเชียว

 

 

ผมนั่งรอดูแมทไถลตัวลงมาจากด้านบน สักพักก็เห็นคนชื่อเนเดินผ่านมาทางนี้กับเพื่อน เขาเอ่ยทัก ผมกระตุกมุมปากซ้ายพร้อมยักคิ้วให้เขาหนึ่งทีสั้นๆ

 

 

“ไม่เล่นเหรอ”

 

 

“เล่นไปแล้ว รู้ละว่ามันเป็นไง” เขายิ้มหัวเราะ เพื่อนผู้หญิงของเขาที่ถ่ายรูปกับผมไปเมื่อคืนโบกมือพร้อมยิ้มทักทายให้ ผมยิ้มตอบกลับไปน้อยๆ และพยายามมองลอดผ่านพวกเขาไปมองตรงสระ เห็นแว้บๆ ว่าแมทพุ่งตัวลงไปในสระพอดี เขาพุ่งตัวขึ้นมาจากน้ำพร้อมหัวเราะเริงร่า ก่อนจะว่ายท่าหมาเข้ามาทางฝั่งที่ผมนั่งอยู่ ผมเลยลุกขึ้นไปดึงเขาขึ้นมาจากน้ำ หูได้ยินพวกเนคุยอะไรกันสักอย่างเป็นภาษาไทยที่ผมจับใจความไม่แม่น แมทลูบน้ำออกจากหน้า สายตาเขามองทางกลุ่มเนนิ่งๆ และเลื่อนกลับมามองผม ผมทำหน้างง แต่ก็ดึงเขาไปนั่งที่เดิม ยกผ้าขนหนูเช็ดหัวให้เขา

 

 

“เดี๋ยวเจอกันนะวิคเตอร์” ผมหันไปยักคิ้วให้เนและหันกลับมาสนใจแมทต่อ พวกนั้นเดินไปทางขึ้นสไลด์เดอร์พร้อมส่งเสียงหัวเราะเฮฮา แมทย่นคิ้วตามหลังพวกนั้น หน้าตาไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่

 

 

“เป็นอะไรน่ะ” เขาทำหน้าคิดสักแปบ ก่อนจะปรับสีหน้าใหม่ แต่ก็ยังมีเค้าความไม่แน่ใจให้เห็นบนใบหน้า

 

 

“เปล่า หิวน้ำ” ผมมองเขาอย่างไม่เชื่อ แมทเลิกคิ้ว ตาโตมองผมเป็นเชิงถามว่ามีอะไรเหรอ ผมหรี่ตามองเขา แต่ก็ยื่นมือไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมสีน้ำเงินมาเปิดแล้วยื่นให้ แมทรับไปกระดกเข้าปากอึกๆ

 

 

“อยากกลับรึยัง”

 

 

“ผมยังไงก็ได้ ถามคนอื่นสิ” ผมหันไปถามไอ้เบนกับออสติน สองคนนั้นพร้อมกลับแล้ว เบนเนดิคท์เลยหันไปตะโกนถามพวกบาสที่ยืนอยู่ตรงสะพานปูนที่กั้นสระลึกเวลาไถลลงจากสไลด์เดอร์กับสระตื้นไว้ว่ายน้ำกับเล่นวอลเล่ย์บอลแข่งกับเสียงเพลงในสถานที่ตั้งสไลด์เดอร์

 

 

“Hey, you guys want to go back?! We have a plan to play football! (เฮ้ พวกนายอยากลับรึยัง เรามีแพลนจะเล่นฟุตบอลน่ะ!)” มีคนหันมามองบ้าง ถ้าเป็นพวกฝรั่งด้วยกันก็แค่มองและหันกลับไป ไม่ได้สนใจหรือมายุ่งเกี่ยวต่อกัน

 

 

“Okay!!” บาสเป็นคนตะโกนตอบแทนทุกคน พวกเราที่นั่งอยู่ตรงเบาะเลยลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเดินออกไป มีผู้หญิงต่างชาติสองคนเดินเข้ามาถามว่าใช่ผมมั้ย ผมตอบใช่ พวกเธอเลยขอถ่ายรูป ผมยื่นหน้าเข้าเฟรมกล้องพวกเธอเร็วๆ คนละทีและรีบพาแมทเดินออกไปจากบริเวณนั้น ไม่สนใจว่าภาพพวกเธอจะชัดหรือไม่

 

 

สงสัยต้องไว้ผม ไว้หนวดเคราให้รุงรังกว่านี้ จะได้ไม่มีใครจำได้แม่นๆ


 



           

           

           

           

เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :mew1:



มาแว้วววว มาต่อล้าวววว ขออภัยที่หายไปนาน แต่ตามสัญญาค่ะว่า ไม่ดองแน่น้อนนน / เสียงสูงทำไม

ตามสไตล์นิยายขุ่นเจ้เนาะ เรื่อยๆ ชิลๆ ไม่ได้มีเหตุตื่นเต้นมาเร้าระทึกใจมากนัก อ่านกันได้สบายๆ เป็นนิยายผ่อนคลายสวยๆ

แต่ก็มีความเชื่ออยู่อย่างนะ ว่าคนที่ตามอ่านกันมาจนถึงพาร์ทนี้แล้ว คงชินกับสไตล์การเขียนตอมแล้วแหละ คงชอบในแบบที่ตอมเขียนแล้วเนอะ 55555 เขียนแบบเอื่อยๆ เรื่อยๆ แต่รับรองว่าจะไม่พาวนค่ะ ก็เดินหน้ากันไปยาวๆ ไปตามเส้นเรื่องที่วางไว้เลย

พาร์ทนี้ไม่มีสต็อกนะคะ ตอมเขียนสดอัพสด ตอนนี้กำลังพรูพต้นฉบับแม่เรียวจันทร์อยู่ และเร่งเขียนตอนหลักให้จบพร้อมตอนพิเศษ เลยต้องแบ่งตารางดีๆ เดี๋ยวพอจบแม่เรียวแล้ว ตอมก็จะเปิดเรื่องใหม่ ใครชอบแอนด์ชิพเซฮุนกับลู่หานแบบตอม เตรียมตัวเจอกันค่า ฮี่ๆ พฤษภาน่าจะได้เจอกันนน กิ๊ๆ

ปีนี้อาจหาญชาญชัยมาก ตั้งเป้าว่าจะเขียนนิยายให้จบสามเรื่อง ไม่รวมแม่เรียวนะคะ หมายถึงเรื่องใหม่ในล็อตปีนี้ของตนเอง ก็มีเรื่องนี้ เรื่องของเซฮุนลู่หานที่ไม่ใช่ฟิคอะ เป็นนิยายปกติ แค่ใช้ชื่อ ฮุนกับลู่เท่านั้นเอง และใครที่รอพี่แซ็ค พี่พระเอกหนังสยิวอยู่ ปีนี้ตอมหมายมั่นว่าจะต้องปั้นพี่แซ็คให้แข็ง เอ้ย เขียนพี่แกออกมาให้ได้! ไม่ลัดคิว ไม่แซงคิวพี่แกละ



ตอนนี้นะคะ ถ้าเปิดเพลง Zoom ของแม่ทาทายังไปด้วยจะช่วยเพิ่มอรรถรสการอ่าน 55555 แต่หาฟังยากมากกก อันนี้ตอมนึกเนื้อเพลงได้เลยเอามาตั้งเป็นชื่อตอน เหมาะกับแมทและวิคเตอร์ตอนนี้เลย มองได้แต่ตาอย่าต้อง แต่สำหรับแสองผัวเมียก็จะเป็น ต้องได้แต่ห้ามแตก ว้ายยยย คริๆ

เจอกันส่วนต่อไปค่าาา ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยนะคะที่ยังรออ่านนิยายเรื่องนี้เสมอ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่สัญญาว่าจะไม่ดองแน่นอน ไม่ทิ้งคนอ่านแน่ๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พาร์ทแรกจนพาร์ทสุดท้ายละเนอะ ^__^





ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-03-2017 21:50:41
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-03-2017 23:03:35
สัญชาตญาณแมทกำลังส่งสัญญาณเตือน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 19-03-2017 23:25:55
รู้สึกแปลกกกกๆ กับคนชื่อเน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-03-2017 23:48:30
เนนี่ต้องมาไม่ดีแน่เลยอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-03-2017 01:35:45
อีเน นางจะทำอะไรอะ  :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 20-03-2017 05:02:15
อีเนกะชะนีกลุ่มนั้นต้อง เหยียด แมทน้อยแน่ๆ ไม่ก็เม้าท์อะไรเลวๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-03-2017 06:56:36
กลุ่มเน ต้องคุยอะไรซักอย่างที่ฟังแล้วไม่ดี
เกี่ยวพันถึงวิคเตอร์แน่ๆ
แต่วิคเตอร์ ยังไม่แข็งภาษาไทย จึงไม่เข้าใจ
แมท เลยออกอาการ
แต่แมท น่าจะพูดให้วิคฟังนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 20-03-2017 08:18:59
เน น่าสงสัย รักลิง รักยักษ์  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 70% :19.03.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-03-2017 10:39:26
 :z1:ลุ้นให้ถึงวันวาเลนไทน์เร็วๆ เห็นใจพ่อยักษ์อดอยากนาน :mew4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-04-2017 16:54:12


Yours and Mine EP.3 [100%]



เรากลับมาที่รีสอร์ท มียานพาหนะเป็นมอเตอร์ไซด์คู่ใจคนละคัน คันผมแมทเป็นคนขับ ผมเป็นคนซ้อน เขาขอขับเองเพราะขามาผมขับแล้ว ขากลับเขาเลยขอขับบ้าง ขับไปผมก็หวาดเสียวไป ไอ้เอเลี่ยนขับรถได้ แต่ขับรถไม่เป็น มองซ้ายมองขวาที่ไหน อยากไปคือไปเลย

 

 

“ใครเล่นมั่ง” ไอ้ล่ามถามตอนเรายืนรวมตัวกันอยู่บนชายหาดที่มีคนไม่มากนัก หาดตรงนี้อยู่ด้านล่างของที่พักผมกับแมท เป็นหาดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ถึงสิบคนกำลังนอนอาบแดดยามใกล้เย็น ผู้หญิงบางคนก็เปลือยท่อนบนไม่สนใจใคร ผู้ชายที่มาด้วยก็นอนอาบแดดเงียบๆ ฟังเสียงคลื่น รับลมทะเลเย็นๆ บ้างก็กำลังเล่นน้ำกันอยู่ในทะเล มีเด็กผมทองสองคนที่คงเป็นลูกใครสักคนกำลังวิ่งเล่นริมหาดอย่างสนุกสนาน ส่วนมากคนที่มาพักที่นี่มักไปนอนเล่นหาดที่อยู่ใกล้กับร้านอาหารเมื่อคืนนี้ เพราะมีขนาดกว้างและใหญ่กว่า ตรงนี้เลยจะสงบและออกแนวส่วนตัวมากหน่อย

 

 

“มึงอะออกไปเลย ไปนั่งให้กำลังใจผัวมึงที่เก้าอี้อาบแดดนู่นไป” หลังจากกวาดตามองและพึมพำนับจำนวนคนสักพัก ไอ้ล่ามก็โบกมือไล่แมทเป็นคนแรก บาสกับวอร์มที่ฟังออกหัวเราะชอบใจ แมทหน้ามุ่ยใส่เพื่อนตัวเอง

 

 

“ทำไมกูจะเล่นไม่ได้ ถ้ากูออกก็เหลือเจ็ดคน มึงก็ไม่พอดีหรอก” แมทเถียงเหมือนเด็กตัวเล็กที่ทำหน้าทำตาเย้ยหยัน ผมไม่รู้หรอกว่าเขาเถียงว่าไร แต่เห็นหน้าตาแล้วหมั่นไส้จนต้องยกมือขยี้หัวเขาเบาๆ

 

 

“มึงไม่ต้องครับ กูเจอคนแทนมึงละ พี่เคนๆ!!!” คนชื่อวอร์มหันไปตะโกนเรียกเคนที่กำลังเดินมาพร้อมแคทที่สองแขนหอบตัวตุ๊กตาห่วงยางลอยน้ำรูปเป็ดกับปลาโลมามาด้วย

 

 

“เล่นบอลมั้ยพี่?!” เขาตะโกนถามแข่งกับเสียงคลื่นซัดหาดและเสียงเด็กกรีดร้องชอบใจเมื่อยามโดนคลื่นสัดใส่ตัวเอง

 

 

“เล่นๆ!” เคนตะโกนตอบรับ ดูจากท่าทางน่าจะตอบว่าเล่นนะ พวกเรายืนรอเคนเดินเข้ามาหาสักแปบแล้วไอ้ล่ามก็พูดต่อ

 

 

“อะ ไอ้แมท กูให้หน้าที่สำคัญมึง มึงเลือกเลยอยากเห็นใครอยู่ด้วยกัน จิ้มเลือกเลยครับแม่” แมทยิ้มพอใจอะไรสักอย่างกับคำพูดของไอ้ล่าม เขากวาดตามองพวกผมทุกคนและยกมือขึ้น

 

 

“วิคเตอร์ มึง อันเดร พี่เคน อยู่ด้วยกัน และเบนเนดิคท์ บาส ไอ้วอร์ม ออสติน อยู่ด้วยกัน” ไอ้ล่ามหันมาแปลเป็นภาษาอังกฤษให้พวกผมฟังว่าแมทเลือกทีมให้แล้ว ทุกคนโอเคไม่มีปัญหา แต่สักพักปัญหาก็เกิดขึ้นเพราะไอ้เอเลี่ยนตัวป่วน

 

 

“You guys are all shirtless. It look like you all are together. One team should wear t-shirt, then we can know each team. And who is the loser of this game—will take off all your clothes, and run from here to the sea, run from the sea come back here. (ถอดเสื้อกันทุกคนเลยอะ ดูเป็นทีมเดียวกัน ใส่เสื้อทีมนึงสิ จะได้แยกถูก ทีมแพ้แก้ผ้าวิ่งลงน้ำ และวิ่งขึ้นจากน้ำกลับมานี่)” ไอ้เอเลี่ยนยิ้มอย่างกับคนโรคจิต มองพวกผมตาเป็นมัน

 

 

“ต๊ายยย อีแมท แผนเลิศมากกก!” แคทพูดอะไรสักอย่างแต่หน้าตาดูเห็นด้วยสุดใจ พวกเพื่อนผู้หญิงของแมทที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อาบแดดหัวเราะชอบใจและตะโกนเสียงดัง

 

 

“We could not agree more with him! (พวกเราเห็นด้วยกับอีแมทมากค้า!)” ชายหนุ่มอย่างพวกผมมองหน้ากัน แว้บแรกทุกคนมีท่าทีอึกอัก แต่สักพักก็พากันทำหน้าชิลๆ

 

 

“Okay. It’s fine. (ก็ได้ ไม่มีปัญหา)” ไอ้อันเดรตอบรับอย่างสบายอกสบายใจ ไอ้นี่มันมีปัญหากับการแก้ผ้าที่ไหน ในอินสตาแกรมมันมีตั้งหลายรูปที่ล่อเหยื่อให้มันได้ตั้งเยอะ ส่วนผมน่ะไม่มีปัญหาหรอก แก้ผ้ากับแมทบ่อย แต่ก็แก้กับแมทคนเดียวไง

 

 

“งั้นเอางี้ดีกว่า ไหนๆ ก็จะแก้แล้ว ไม่ต้องใส่เสื้อหรอก แบ่งทีมด้วยการทีมนึงใส่กางเกงขาสั้น อีกทีมใส่แต่กางเกงในแล้วกัน”

 

 

“เอ้อออ! อีแชมป์มันใจเด็ดเว้ยยย!” พวกฝรั่งทำหน้างง บาสเลยต้องแปลให้พวกผมฟังอีกที พอรู้ว่าไอ้ล่ามพูดว่าไร พวกเราก็หัวเราะกันเสียงดังลั่นหาด

 

 

“Yeah! I accept that! (เออ เอาก็เอา!)” ไอ้เบนดูสนุกขึ้นมา มันตอบรับคำท้านั้นอย่างสบาย

 

 

การตัดสินว่าใครจะต้องถอดกางเกงเหลือแต่กางเกงในคือการส่งตัวแทนเป่ายิงชุบสามครั้ง ชนะสองในสามคือต้องถอดกางเกง ทีมผมส่งไอ้ล่ามไปสู้กับออสติน และไอ้ล่ามดันเป่าเก่งจนชนะสามรอบรวด สรุปทีมผมต้องถอดกางเกง

 

 

“ฮิ้ววว กูจะได้เห็นไข่ผัวอีแมทเต็มตาละเว้ยยย!” แคทตะโกนอะไรสักอย่างแต่สร้างเสียงหัวเราะให้กับพวกคนไทยด้วยกัน แมทหัวเราะชอบอกชอบใจดูไม่หวงไม่ห่วงผมเลยที่ต้องเหลือแต่กางเกงในสีดำตัวเดียวแล้ววิ่งเตะบอลไปรอบหาด

 

 

ผม ไอ้อันเดร ไอ้ล่ามและเคน ถอดกางเกงขาสั้นผ้าร่มที่ใส่อยู่ออก เอากองไว้บนเก้าอี้อาบแดด พวกสาวๆ ส่งเสียงวี้ดวิ้วแซวกันยกใหญ่

 

 

“พี่เคนเซ็กซี่มาก สมกับเป็นผัวแคทค่ะ!” พวกแมทหัวเราะเฮฮากับคำพูดอะไรสักอย่างของแคท ไอ้ตัวจ้อยวิ่งมากอดคอผม เขย่งตัวขึ้นจุ๊บปากผมหนึ่งทีก่อนผมลงสนาม

 

 

“อย่าแพ้จนต้องแก้ผ้าล่ะ ฮิๆ” ผมยิ้มเหี้ยม มองเขาตาวาว แมททำหน้าทะเล้นใส่ผม วิ่งหนีกลับไปหาสาวๆ ส่วนเหล่าหนุ่มๆ ก็เดินลงสนามฟุตบอลชายหาด เราตกลงเล่นกันสิบประตู ใครได้สิบก่อนก็ชนะไปเลย พอแมทตะโกนบอกให้เริ่ม พวกเราก็เริ่มเล่นกันอย่างแข็งขัน ท่ามกลางสายตาเป็นประกายของสาวๆ เพื่อนแมทที่มองทีมผมตาเป็นมัน

.

.

.

.

 

“ปี๊ดดด! ทีมใส่กางเกงชนะ ทีมกางเกงในแพ้!!!” แมทตะโกนบอกเป็นภาษาไทยก่อนแล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกที พวกผมทีมกางเกงในล้มตัวลงนั่งบนหาดทรายด้วยอาการหอบ เราแพ้ไปสองแต้ม ทีมผมได้แปด ทีมไอ้เบนได้ครบสิบก่อน

 

 

“อะ มาค่า ถอดๆ ใครแพ้ก็ต้องถอดให้เป็นบุญตาค่า” แคทตะโกนบอกอย่างเฮฮาอารมณ์ดี แมทตะโกนบอกเป็นภาษาอังกฤษอีกรอบ พวกผมที่แพ้หันไปมองตรงด้านนึงของหาดก็เห็นคนยืนมองเยอะกว่าตอนเริ่มเล่นอีก เหมือนจำนวนคนจะเพิ่มขึ้นตอนเริ่มครึ่งหลัง ทั้งชายทั้งหญิงรวมกันก็สิบกว่าคนได้ มีทั้งไทยและเทศ

 

 

ทีมที่แพ้ลุกขึ้นยืนท่ามกลางเสียงกรีดร้องของพวกแมท ไอ้เอเลี่ยนมันดูถูกอกถูกใจที่สุดละ ชักเริ่มสงสัยว่ามันอยากเห็นคนอื่นถอดมากกว่าผมรึเปล่า

 

 

“เดี๋ยวพวกกูไปถอดในทะเลและวิ่งขึ้นมา”

 

 

“โน่! ไม่ได้ ถอดตรงนี้ และวิ่งไปที่ทะเลเว้ย” ผมยืนมองแฟนตัวเองที่บอกอะไรสักอย่างกับไอ้ล่ามด้วยท่าทางเอาเป็นเอาตาย

 

 

“โห่ ไอ้ห่าแมท แฟนมึงก็ต้องถอดด้วย มึงไม่หวงแฟนมึงเลยรึไง”

 

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูช่วยวิคเตอร์ถอด” แมทหัวเราะคิๆ และเดินเข้ามาใกล้ผม

 

 

“เดี๋ยวเถอะมึง ผัวเผลอมึงเจอกูแน่” ไอ้ล่ามชี้หน้าแมทพร้อมทำท่าขู่ แต่แมทลอยหน้าลอยตาไม่กลัวกลับไป ผมเห็นแล้วก็อมยิ้ม

 

 

ไอ้ล่าม ไอ้อันเดร ต้องใช้มือนึงกุมเป้าตัวเอง อีกมือก็ดึงขอบกางเกงในลง แล้วก็สลับมือที่กุมเป้าไปดึงกางเกงในอีกฝั่งจนกางเกงในหลุดออกจากขา ทั้งสองคนรีบเอามาปิดเป้าตัวเองไว้ ส่วนผมมีไอ้เอเลี่ยนช่วยถอดเลยใช้สองมือกุมเป้า ไม่ได้จะอวดหรอก แต่ก็เกือบกุมไม่มิดเหมือนกัน พอกางเกงในหลุดออกจากขา แมทก็ยื่นให้ผมปิดยักษ์น้อยไว้ 

 

 

“ผัวดิฉันถอดเสร็จแล้วค่ะ” แคทหันมาพูดกับแมทหลังจากช่วยเคนถอดเสร็จ

 

 

“Ready? Go!!” แมทตะโกนอย่างอารมณ์ดี พอเขาให้สัญญาณ พวกผมก็วิ่งไปทางทะเล โชคดีว่ามันไม่ได้ไกลกันมาก คนที่เคยยืนมองตอนเราแข่งสลายตัวแยกย้ายกันไปคนละทางแล้ว บนหาดมีคนเพิ่มขึ้นเพราะพากันมาดูพระอาทิตย์ตก แสงกำลังมัวๆ แบบนี้ไม่มีใครเห็นของพวกผมชัดนักหรอก พวกเราวิ่งเหยาะๆ ไปลงทะเล ไม่ได้รีบร้อนเขินอายอะไรมาก ถ้าจะอายก็อายกองเชียร์กันเองนี่แหละ แสงพระอาทิตย์ยามเย็นมันช่วยบดบังได้นะ แต่เสียงพวกกองเชียร์นี่สิเรียกความสนใจจากคนอื่นให้หันมามองกันใหญ่

 

 

“กลับมาๆ” แมทตะโกนบอกพร้อมกวักมือเรียกพวกผมหลังจากนั่งลงแช่น้ำทะเลโต้คลื่นปิดความเปลือยได้ไม่นาน แสงอาทิตย์สีส้มสลับสีน้ำเงินก็ทำให้บรรยากาศมันเริ่มมืด ถ้ามองไกลๆ ก็เห็นแต่เงาพวกผม ไอ้ล่ามเลยใจกล้าเปิดเป้า อ้าสองแขนออกและแอ่นเป้าไปข้างหน้า ไอ้อันเดรเอาบ้าง ผมกับเคนเดินไปหัวเราะไป พวกแมทกรีดร้องชอบอกชอบใจ ตะโกนอะไรหลายอย่างเป็นภาษาไทย ผมชิลกับเรื่องแก้ผ้านะ แต่วันนี้ไม่มีฟีลความบ้าบิ่นเท่าไหร่ เอาเท่าที่เป็นอยู่ก็บ้าพอแล้ว แก้ผ้าวิ่งไปวิ่งมาเนี่ย มันก็สนุกดี เพราะพวกเรากันเองก็หัวเราะกันสนุกสนาน แต่ผมหมั่นไส้ไอ้เอเลี่ยนที่สุดแล้ว อยากจับเย็xโชว์คนอื่นมันตรงหาดนี่แหละ ระริกระรี้ดีนัก

           

 

“ไอ้แชมป์ มึงก็ไม่ธรรมดานะเนี่ย”

           

 

“มึงเห็นเหรอ แดดย้อนแสงแยงตาขนาดนั้น” ไอ้ล่ามพูดกับแมทในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้อาบแดดโดยที่ยังใช้เพียงกางเกงชั้นในปิดตรงกลางลำตัวไว้อยู่

           

 

“เห็นซี่ ไม่เบานะเลาอะ” แล้วไอ้เอเลี่ยนก็หัวเราะคิกคัก ผมเดินไปนั่งข้างเขา ไอ้ตัวจ้อยกระเถิบก้นขึ้นมานั่งทับเป้าผมที่ยังมีกางเกงชั้นในวางปิดอยู่

           

 

“ไม่เบาก็มาเอากับกูนี่มา” ไอ้ล่ามกวักมือเรียกแมท ไอ้ตัวดีหัวร่อเสียงเล็กเสียงน้อย

           

 

“เดี๋ยวเถอะมึงๆ อาศัยว่าผัวภาษาไทยไม่แข็งแรง เล่นชู้กันซึ่งๆ หน้าเลยนะ” หนึ่งในเพื่อนแมทที่ผมยังจำไม่แม่นอยู่ดีว่าเธอชื่ออะไรพูดหน้าตาราวกับสาปแช่งใครอยู่

           

 

“แต่กูว่า ที่ไม่เบาอะ ผัวมึงนะอีแมท เชฟปังไรขนาดนั้นคะ กล้ามท้องนี่ อื้อหืมมม เห็นแล้วลุกฟูเลยนะ” แมทหัวเราะเสียงดัง ยกแขนขวากับแขนซ้ายโอบรอบคอผมและทำท่าหวง

           

 

“โห ไอ้แคท มึงนี่มันแรดไม่เกรงใจสามีเลยเนอะ” ไอ้ล่ามว่าอะไรสักอย่าง เคนหัวเราะยิ้มๆ

           

 

บรรยากาศตอนนี้แทบไม่เหลือแสงพระอาทิตย์แล้ว ความมืดเริ่มกลืนกินท้องฟ้า ไฟตามชายหาดเปิดให้ความสว่างแทนแสงแดด

           

 

“เล่นน้ำกันสักหน่อยมะก่อนไปฟูลมูน อีแคทนางอุตส่าห์แบกห่วงยางแฟนซีมาให้” เพื่อนแมทอีกคนที่น่าจะชื่อเหมียวชี้ไปทางห่วงยางเป็ดกับโลมาที่วางอยู่บนพื้นทราย

           

 

“ของฉันเป็นม้าโพนี่กับแตงโมแล้วก็มีนกฟามิงโก้ด้วย น่ารักกว่าอีก”    ไอ้ตัวเล็กแต่อวบบนตักผมบอกอย่างภูมิอกภูมิใจกับเรื่องอะไรสักอย่าง

           

 

“จ้า แม่คุณ ถ้ามีก็เอามาเล่นสิโว้ย” แฟนเคนตอบ

           

 

“เออๆ พรุ่งนี้เอามาเล่นกัน วันนี้เล่นแบบหอมปากหอมคอก่อน แล้วจะเจอกันกี่โมงอะ”

           

 

“สามทุ่มครับคุณแมท เดี๋ยวให้รถรีสอร์ทไปส่งพร้อมกันทั้งหมดเลย” แมทพยักหน้าให้เคน

           

 

ทุกคนตกลงว่าจะเล่นน้ำทะเลในช่วงหัวค่ำโดยอาศัยแสงไฟจากหลอดไฟบนหาดเป็นตัวให้แสงสว่างกันสักแปบก่อนจะแยกย้ายไปอาบน้ำ และเตรียมตัวไปงานฟูลมูนปาร์ตี้ค่ำนี้

           

 

ผมพาแมทลงเล่นน้ำทั้งที่ตัวเองไม่ได้ใส่อะไร ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว มีไอ้อันเดร ไอ้เบน ไอ้ล่ามและบาสร่วมขบวนการด้วย บ้ากันมาค่อนวันแล้ว ก็บ้ากันอีกนิดหน่อย เพราะยังไงตอนนี้ก็เหลือแต่พวกเรา ไร้ซึ่งความอายกันไปแล้วแหละ แมทเกาะเอวผมเหมือนลูกลิงเกาะท้องแม่ ใช้มือดันน้ำใส่เพื่อนสนุกสนาน พอสู้ไม่ได้ก็หันหน้าเข้าซุกกับคอผม

           

 

“อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เที่ยงคืนแล้วนะ พร้อมรึยัง” ผมกระซิบถามตอนอยู่ห่างจากคนอื่นๆ ในทะเล แมทยิ้มเขิน ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม เขายื่นหน้ามากัดริมฝีปากล่างของผมและลากเบาๆ เป็นการตอบ ผมยิ้มกริ่ม ยกมือขวาตีก้นเขาแรงๆ หนึ่งที

           

 

เราเล่นน้ำกันจนไม่หลงเหลือแสงสีส้มบนท้องฟ้าก็พากันขึ้นจากฝั่งและแยกย้ายกลับบ้านพักใครบ้านพักมัน เราแวะล้างตัวข้างนอกบ้านก่อนสักแปบ พอล้างตัวเสร็จก็เดินเข้าบ้านในสภาพเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ เข้าห้องน้ำได้ก็จัดการอาบน้ำตัวใครตัวมัน แต่ก็ยืนอยู่ข้างกันนี่แหละ

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-04-2017 16:54:37


V
v
v


“โทรศัพท์ผมอยู่ไหนเหรอ” ไอ้ตัวจ้อยแหงนหน้าถามพลางบีบโฟมล้างหน้าใส่มือ ผมทำหน้าเฉยและบีบโฟมล้างหน้าของตัวเองลงบนฝ่ามือเช่นกัน

           

 

“อยู่ไหนสักที่” ผมตอบแบบขอไปที แมทย่นคิ้วและใช้มือถูหน้าจนเกิดฟอง ผมถูของผมบ้าง พอล้างหน้าเสร็จเขาก็ยังไม่จบกับประเด็นมือถือ

           

 

“ขอเอามาเช็กงานหน่อยสิ”

           

 

“อาบน้ำให้เสร็จก่อนเถอะ” แมทพยักหน้า เราอาบน้ำต่อจนเสร็จ เช็ดตัวให้แห้ง แมทเป่าผมให้ตัวเองก่อนและค่อยช่วยเป่าให้ผมทีหลัง เขาอยู่กับเส้นผมยาวของผมมาจนคุ้นเคยกว่าตัวผมอีก เพราะบางทีผมก็เช็ดหรือเป่าไม่แห้ง ต้องให้เอเลี่ยนมาคอยเก็บกวาดให้ตลอด

           

 

พอตัวแห้งผมแห้งเราก็ออกมาแต่งตัว ผมใส่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงผ้าร่มขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม แมทใส่เสื้อกล้ามสีชมพูสะท้อนแสง ตัวเสื้อสกรีนว่า Six pack is coming soon กางเกงก็สีส้มสะท้อนแสงไม่แพ้เสื้อ เห็นบอกว่าก่อนเข้างานจะไปเพ้นท์สีเรืองแสงบนตัวอีกด้วย สะท้องแสงไปทั้งตัวแน่คืนนี้

           

 

“ขอเช็กงานแปบเดียวเอง นะๆ เผื่อพีททิ้งข้อความอะไรไว้” พอแต่งตัวเสร็จก็แบมือขอโทรศัพท์ทันที

           

 

“ไม่” ผมตอบเสียงเข้ม แมทเบะปาก เดินเข้ามาคลอเคลียกอดคออ้อน ผมหน้านิ่งขรึม นึกสบายใจที่เอาแม็คบุ๊คเขาไปซ่อนแล้ว

           

 

“แปบเดียวนะเตอร์ สัญญาว่าแค่อ่าน” ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกสี่สิบนาทีจะสามทุ่ม ผมพ่นลมหายใจ ล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นโทรศัพท์ให้เขา เอเลี่ยนยิ้มกว้าง คว้ามือถือได้ก็เปิดเครื่อง เดินไปนั่งบนเตียง ต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ปุ๊บก็จดจ่ออยู่กับมือถือหน้านิ่งไม่พูดไม่จากับผมอีก

           

 

“แม็คบุ๊คผมอยู่ไหนอะ…” เขาพึมพำทั้งที่ตายังไม่ละจากหน้าจอ นิ้วมือเลื่อนอ่านข้อความจากอีเมล ผมยืนกอดอกพิงขอบประตูกระจกปลายเตียงมองเขาอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์

           

 

“…เหลือแก้อีกตอนเดียวก็โอเคแล้ว… นัดประชุมทางสไกป์เหรอ… เริ่มถ่ายปลายเดือนนี้ อืม…” ผมกลอกตาเซ็ง โคตรไม่ชอบเวลาที่เขาทำเหมือนสิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างเดียวคืองาน แต่ทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่กับที่

           

 

“แมท ไปได้แล้ว” ผมว่าเสียงเข้มหน้าดุ แต่ไอ้เอเลี่ยนมันเงยขึ้นมามองที่ไหน ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดกับหน้าจออยู่เลย

           

 

“แปบนึงๆ”

           

 

“ไม่ ไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะกระทืบโทรศัพท์” ผมหงุดหงิดและเริ่มมีอาการฉุนเฉียว ยิ่งแมทตอบสนองด้วยการสนใจแต่หน้าจอและอ่านข้อความห่าเหวในมือถือก็ยิ่งฉุน ผมเดินไปกระชากโทรศัพท์ออกจากมือเขา แมทเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ

           

 

“จะไม่ไปฟูลมูนก็ได้นะ อยู่รอถึงเที่ยงคืนที่ห้อง” แมทขมวดคิ้วพร้อมกับพ่นลมหายใจด้วยความหน่ายนิดๆ

           

 

“คุณคิดแต่เรื่องนี้รึไง”

           

 

“เออ! เงี่ยน!…” แมทมองผมอย่างไม่พอใจ ผมเองก็เริ่มจะไม่พอใจเหมือนกัน และน่าจะไม่พอใจกว่าเขามากด้วย

           

 

“…หรือจะให้ไปเอาคนอื่น?!” ผมว่าประชด แมทกัดริมฝีปากล่าง จ้องผมตาแข็งสักพักแล้วก็หยิบหมอนหนุนขึ้นมาปาใส่หน้าผมเต็มแรง

           

 

“เอาก็เลิก!!” ผมโยนหมอนลงบนเตียง ยกมือชี้หน้าแมท มองเขาอย่างคาดโทษ

           

 

“อย่าปากดี” ผมว่าอย่างมีน้ำโห แมทก็มองกลับมาอย่างไม่ยอม

           

 

“แล้วปากดีก่อนทำไม พูดมาได้ไงว่าจะไปเอาคนอื่น” แมทพูดน้ำเสียงเหวี่ยง ผมมองหน้าเขานิ่ง แมทมองตอบกลับมาตาแทบขวาง ผมเสยเส้นผมขึ้นก่อนจะถอนหายใจ เดินไปนั่งลงบนเตียง ยื่นแขนไปกอดเขา แต่แมทไม่หันมามองหน้าผมเลย

           

 

“ไม่ได้คิดจะเอาไปใครจริงๆ สักหน่อย”

           

 

“ไม่ได้คิด แต่ก็ไม่ควรพูด มันเป็นเรื่องที่ควรพูดเหรอ ถ้าผมพูดบ้าง คุณจะรู้สึกยังไง”

           

 

“นายจะโดนขัง” ผมตอบหน้ามึน

           

 

“ใช่ ผมจะกลายเป็นนักโทษทันทีเพราะคำพูดเล่นๆ แบบนี้ แต่พอคุณพูด คุณก็แค่บอกว่าไม่ได้คิดจะทำจริงๆ แล้วพอผมจะโกรธบ้าง คุณก็จะโกรธกลับแรงกว่า” คราวนี้เขาหันมาขึงตาใส่ผม จ้องผมราวกับโกรธกันมานานหลายปี

           

 

“ก็ฉันพูดเล่นนั่นแหละ ประชดเฉยๆ จะไปเอาใคร” ผมบอกเสียงห้วน  แมทมองผมตาขวางอีกพักแล้วก็เลื่อนสายตาไปมทองทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าผม เขาขมวดคิ้วหน้าตาหงุดหงิดกับอะไรสักแปบแล้วก็พูดเสียงทื่อ

           

 

“ผมไม่มีอารมณ์ไปแล้ว” ผมผ่อนลมหายใจแผ่วเบา พยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้อ่อนลง มองหน้าเอเลี่ยนนิ่งๆ เพื่อให้รู้ว่านี่คือแฟนผมในสภาวะกำลังงอน ซึ่งงอนเพราะคำพูดผมตอนที่กำลังหงุดหงิด

           

 

“ไม่อยากไปเต้นรึไง” ผมถามเสียงนุ่ม เรียกให้ถูกคือข่มเสียงให้นุ่ม

           

 

“ไม่ไป คุณอยากไปก็ไป” เอ้า? อะไรวะ ผมย่นคิ้วหน้างงที่จู่ๆ เขาก็ดูจะฉุนเฉียวเหมือนมีอะไรไปสะกิดต่อมอารมณ์โกรธจนเดือดขึ้นมา

           

 

“นี่ ฉันพูดไปเพราะหงุดหงิด ไม่ได้คิดจะไปเอาใครแบบที่พูดนะ” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็นทั้งที่จริงอยากจับเขาฟาดก้นด้วยเข็มขัดแรงๆ แมทยังคงหน้าบึ้ง เขาตวัดสายตามองผมโกรธๆ

           

 

“ไม่อยากไป คุณอยากไปก็ไป ผมจะนอน” อ้าว เมียกูมีประจำเดือนตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย

           

 

ผมพ่นลมหายใจ ขบกรามแน่น รู้สึกเซ็ง ไม่ได้เซ็งที่ไม่ได้ไปปาร์ตี้ แต่ผมเซ็งที่จู่ๆ เราก็เข้าโหมดทะเลาะกันกะทันเฉยเลย เปลี่ยนฉากไวยิ่งกว่าหนังที่ผมเล่นอีก ผมปล่อยแขนออกจากตัวเขา นั่งมองหน้าบึ้งหน้าบูดของเอเลี่ยน

           

 

“ไม่ไปก็ไม่ไป เดี๋ยวฉันโทรบอกพวกนั้น” แมทไม่ตอบรับ เขานั่งนิ่ง ผมส่ายหัวเบาๆ ล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดหาเบอร์โทรศัพท์ไอ้ล่ามแล้วกดโทรออก รอสัญญาณอยู่สักพักมันก็รับสาย

           

 

“ฉันกับแมทไม่ไปนะ… ทะเลาะกัน หมดอารมณ์จะไป… ไม่ดีกว่า อย่าให้ฝืนไปเลย ไปก็ไม่สนุกอยู่ดี… ไปเหอะ เที่ยวให้สนุก…” ผมกดวางสายจากไอ้ล่ามทั้งที่มันยังไม่ทันตอบรับคำผมจบ ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียง ลุกขึ้นเดินออกไปทางครัว กะหาอะไรเย็นๆ ดื่มเพื่อดับความหงุดหงิด และกะหาไปให้แมทดื่มเพื่อให้เขาอารมณ์ดีขึ้นด้วย ไม่รู้จะช่วยได้รึเปล่า

           

 

ผมเดินกลับไปหาเขาในห้องนอน เขาถอดเสื้อผ้ากองไว้บนพื้น ส่วนตัวเขานอนหลับตาอยู่ใต้ผ้านวมบนเตียง ผมถอนหายใจด้วยความเซ็งและความหงุดหงิด จัดการกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสองอย่างจนหมดอย่างรวดเร็ว พอหมดแล้วก็เดินกลับไปในครัว วางขวดไว้บนโต๊ะไม้ เปิดตู้เย็นและหยิบเบียร์ออกมาสิบขวด มีกี่แบรนก็หยิบมาปนกันเป็นสิบนั่นแหละ ผมเอาไปวางบนโต๊ะไม้เล็กตรงโซนรับแขก เปิดทีวีจอใหญ่แล้วนั่งเอนหลังกับโซฟาดูทีวีไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับกระดกเบียร์ไปเรื่อยๆ

           

 

เดี๋ยวค่อยง้อแล้วกัน ง้อตอนนี้ผมว่าคงมีเดือดจนระเบิด

           

 

ติ๊งหน่อง~

           

 

ผมหันไปมองทางประตูก็เจอกับไอ้ล่าม ไอ้เบน บาส แล้วก็คนชื่อเนกับผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนที่มาขอถ่ายรูปกับผมมั้ง ผมลุกเดินไปเปิดประตูให้พวกนั้น

           

 

“You don’t go, seriously? (แกไม่ไป เอาจริงเหรอ)” ผมพยักหน้าให้ไอ้เบนพลางกระดกเบียร์จนหมดขวด

           

 

“We should go together we don’t come here every full moon day. (เราควรไปด้วยกันนะ เราไม่ได้มาฟูลมูนทุกวันนะเว้ย)” ผมยักไหล่

           

 

“Matt said no and if he does not go—I am not. (แมทไม่ไป ถ้าเขาไม่ไป ฉันก็ไม่)” ผมยักคิ้วแล้วกวาดตามองทุกคนแว้บหนึ่ง เนกับเพื่อนมองหน้ากันแบบเลิ่กลั่กแล้วก็หันกลับมามองผมตามเดิม

           

 

“Maybe we can talk to him. (ให้พวกเราลองคุยมั้ย)” บาสถาม ผมเลิกคิ้วขึ้นพักหนึ่งแล้วก็ผายมือให้เขาเข้ามาในบ้าน ผมเดินไปหยิบเบียร์อีกขวด และรีบเดินนำบาสเข้าไปในห้องนอน พอหันไปมองด้านหลังก็ตกใจไปนิดหนึ่งเพราะเล่นยกโขยงมากันจนหมด ผมเลยรีบเดินไปถึงเตียงก่อนใครเพื่อดูว่าแมทไม่ได้โป๊อยู่

           

 

“เฮ้ย แมท ไอ้เตี้ย” แมทลืมตาพรึบ แว้บแรกเขามีท่าทีบึ้งตึง แต่พอเห็นว่ามีหลายคนยืนอยู่ในห้องก็ตกใจ

           

 

“เข้ามากันทำไมเยอะแยะเนี่ย” แมทถลึงตาใส่เพื่อนตัวเองทั้งที่ยังนอนอยู่ เขาเลื่อนสายตาไปมองเนกับเพื่อนอย่างไร้อารมณ์และเลื่อนสายตาหนีไปมองหน้าคนอื่นอย่างเร็ว

           

 

“มึงไปด้วยกันเลย มึงอะตัวว้อนฟูลมูนสุด อย่างอแง” ผมกระดกเบียร์ไปครึ่งขวด ปล่อยให้ไอ้ล่ามจัดการเพื่อนตัวเอง แมทเบะปากและส่ายหัว

           

 

“ไม่ไป หมดความว้อนแล้ว”

           

 

“มึงแม่งเอาแต่ใจว่ะ” ผมนั่งลงปลายเตียง แมทขมวดคิ้วใส่ไอ้ล่าม แววตามีความไม่พอใจ ผมงงไปนิดที่เขาดูจะไม่พอใจเพื่อนตัวเองมาก ไอ้ล่ามแม่งพูดไรวะ เหมือนว่าแมทเอาแต่ใจหรือเปล่า

           

 

“เออ เอาแต่ใจ และก็จะเอากับผัวด้วย เดี๋ยวกูอารมณ์ดีเมื่อไหร่ ตามไปได้มะ” ทุกคนเว้นไอ้เบนและผมมีสีหน้าตกใจ แต่สักพักไอ้ล่ามกับบาสก็หัวเราะเบาๆ

           

 

“แหม เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวกูบอกพี่เคนให้ว่ามึงอึ๊บกับผัวเสร็จแล้วจะตามไป แต่ต้องตามไปนะมึง ไม่งั้นมึงโดน” แมทพยักหน้าแบบขอไปที

           

 

“ไปด้วยกันนะน้องแมท นานๆ มาที สนุกนะฟูลมูนที่นี่อะ” แมทหันไปยิ้มน้อยๆ ให้กับเนที่พูดอย่างยิ้มแย้ม

           

 

“ใช่จ้ะ ยังไงถ้าเรียบร้อยดีแล้ว ตามไปนะ ไปด้วยกันเยอะๆ สนุกออก” ผู้หญิงที่มากับเนยิ้มให้แมท เอเลี่ยนยิ้มตอบกลับไปน้อยๆ สักพักเธอก็หันมายิ้มให้ผม ผมเลยยิ้มยักคิ้วตอบกลับไป

           

 

“Follow us after you finish your sexercise, okay? (เสร็จกิจกรรมทางเพศแล้วก็ตามไปนะ โอเค๊)” ไอ้ล่ามหันมาถามผม ผมทำหน้างง แต่ก็พยักหน้ารับแบบมึนงง ไอ้ล่ามยกนิ้วโป้งให้ผมพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะชวนคนอื่นๆ ให้ออกไปจากบ้าน

           

 

ผมเดินตามทุกคนออกไปเพื่อปิดประตูบ้าน พวกไอ้เบนย้ำนักหนาว่าต้องตามไป ผมรับปากแบบมึนๆ มั่วๆ เพราะยังจับประเด็นที่แมทคุยเมื่อกี้ไม่ได้ ผมล็อคบ้าน เดินไปหยิบเบียร์ขวดใหม่ เปิดฝาได้ก็กระดกไปครึ่งหนึ่ง หยิบสเมอร์นอฟรสเลม่อนของโปรดแมทจากตู้เย็นติดมือมาหนึ่งขวดและเดินกลับไปทางห้องนอน เจอเอเลี่ยนนอนเปลือยก่ายหมอนข้างอยู่บนเตียง เขามองผมตาแข็ง ผมยื่นเครื่องดื่มให้เขา แมทมองผมเคืองๆ พักหนึ่งแล้วก็ยื่นมือมาดึงขวดแอลกอฮอล์ไปจากมือผม

           

 

“หายงอนได้แล้วน่า” แมทไม่ตอบ ผมนึกอะไรบางอย่างได้ก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าไว้ ตอนเดินกลับไปที่ห้องนอนแมทก็กำลังนอนกระดกเหล้าเข้าปากอยู่ ผมเดินไปด้านหลังของเขา กระดกเบียร์จนหมดขวด วางขวดไว้บนหัวเตียง ค่อยๆ เอนตัวนอนซ้อนหลังไอ้ตัวจ้อย เจ้าตัวไม่ได้มีท่าทีขัดขืนหรือฝืนอะไร ผมเลยดึงเขาเข้ามาชิดกับด้านหน้าตัวเอง

           

 

“You said something about sex with your friend, huh? (นายพูดเรื่องเอากับไอ้ล่ามใช่มั้ย ฮึ)” แมทหน้ามุ่ย และยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ผมก็ยัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางมือซ้ายที่เยิ้มไปด้วยเจลหล่อลื่นเข้าไปในก้นของเขา แมทเผยอริมฝีปากขึ้นพร้อมครางเสียงสั้นเบาๆ เขาหันมามองผมตาแป๋วแต่ก็แอบมีปรือเล็กๆ ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ใช้มือขวาหยิบขวดเหล้าออกจากมือเขาไปวางไว้บนหัวเตียง ขยับตัวขึ้นใช้ศอกขวาดันตัวไว้ แมทเขยิบตัวนอนตรงพร้อมกับยกขาขึ้นอย่างรู้งาน ผมกระทุ้งนิ้วขึ้นสองสามที ท้องน้อยแมทหดเกร็งพร้อมกับพ่นลมหายใจออกทางปากเสียงสั้นๆ เปลือกตาปรือน้อยๆ ริมฝีปากเผยอขึ้นชวนแลกลิ้น

           

 

“No… no… nothing.” แมทพูดเสียงกระท่อนกระแท่น พยายามดันนิ้วผมออก แต่ผมดันเข้าไปลึกกว่าเดิม หน้าท้องแมทเกร็งมากกว่าเดิม ใบหน้าแหงนขึ้นพร้อมกับครางเสียงสั่น ผมยิ้มตาวาว หันหน้าไปมองแมทน้อยที่ค่อยๆ ตื่นตัวขึ้นตามแรงอารมณ์แล้วก็กระตุกยิ้มตรงมุมปากทั้งสองข้าง

           

 

“I don’t have to wait for midnight anymore. (ฉันไม่ต้องรอเที่ยงคืนแล้วสินะ)”

 



     


 



           

           

           

เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :mew1:



งอนกัน ก็ง้อกัน แต่การง้อของพี่ยักษ์ก็เป็นสไตล์พี่เขานะคะ เข้าที่เข้าทางของตัวเอง ครุคริๆ

ฟูลมูนปาร์ตี้ ไม่รู้มีใครสงสัยรึเปล่า เพราะตอมยังไม่ได้ระบุสถานที่เนอะ ก็คือที่เกาะพะงันอันโด่งดังนี่แหละค่ะ ตอมไปมาแล้วสองรอบ นกทุกรอบ 555555 ถามว่าสนุกมั้ย รอบแรกสนุกสุดค่ะ เพราะเราไม่เคยไป ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเป็นยังไง พอได้ไปก็เซิ้งเต็มที่ รอบสองก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก แต่กับชายฝรั่งยังคงทำให้ตื่นเต้นเช่นเคยค่ะ ฮ่าๆๆๆ

ก็สบายๆ ไปก่อนเนอะ แต่จริงๆ ในสามตอนที่ผ่านมาเราก็แอบปูเรื่องไปด้วยแน้ ถ้าใครตามอ่านกันมานานต้องจับจุดตอมได้จิ ชิมิ ว่าตอมใส่ดีเทลบางประเด็นเข้าไปให้ แล้วก็อยากให้คนอ่านได้ซึมซับบรรยากาศของเรื่องราวนิยายไปด้วยกันค่ะ เขาไปเที่ยวก็อยากให้ได้ไปเที่ยวด้วยกัน อุๆ

ตอนหน้าพี่ยักษ์ก็ได้ปลดปล่อยความเหงียนของตัวเองแล้วมั้ง ทำไมมีมั้ง 555555

เจอกันตอนหน้าค่า เรื่องนี้เขียนสดอัพสดนะคะ ไม่ได้มีสต็อกเก็บไว้ เขียนเสร็จก็อัพเลยอะไรแบบนี้ เดี๋ยวตอมจะแจ้งเรื่องคิวนิยายให้ได้อ่านกันที่เพจเน้อ ว่ามีแพลนจะไดบ้างงงง





ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยนะคะที่ยังรออ่านนิยายเรื่องนี้เสมอ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่สัญญาว่าจะไม่ดองแน่นอน ไม่ทิ้งคนอ่านแน่ๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พาร์ทแรกจนพาร์ทสุดท้ายละเนอะ ^__^





ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ



แท็ก #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-04-2017 17:39:56
เมื่อไหร่อีเนกะเพื่อนจะแสดธาตุแท้ออกมาอะรอไม่ไหวละ เฉลยมาเหอะๆๆๆๆๆๆ ค้างคาใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 01-04-2017 18:12:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-04-2017 18:15:48
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-04-2017 20:38:16
แมท พอแตะโทรศัพท์ ก็สติหลุดโลก
มีแต่งานอย่างเดียว จนลืมวิคเตอร์
ไม่สนใจ ทั้งที่รับปากวิคเตอร์แล้ว แต่ทำไม่ได้
ทั้งที่มาเพื่อเที่ยวแท้ๆ พอพูดว่าก็โกรธ
สองคนนี่ต้องตกลงกันให้ดี งานก็งาน เที่ยวก็เที่ยว
ไม่งั้นสักวันต้องทะเลาะกัน จนความสัมพันธ์ร้าวฉาน
เข้าทางคนที่ต้องการเข้าหาวิคเตอร์
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเน
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-04-2017 00:03:14
อ่าน ๆ ไป ก้อชักสงสารพี่ยักษ์น่ะ แต่ก้อเข้าใจแมทด้วย นางอยากทำงานตามความฝันให้ออกมาดีที่สุดในเมื่อได้โอกาสแล้วแต่นายยักษ์ก้อตามประสาแหละ ชั้นต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ บางครั้งงานก้อมักจะเอาเวลาส่วนตัวเราไปเสมอ ยังไงทั้งสองคงต้องพยายามให้ลงตัวกับความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่น่ะ สู้ ๆ ผ่านอะไรมาตั้งมากมายมาเจอเรื่องงานก้อสู้ ๆ กันไปน่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 02-04-2017 01:42:26
เนกะเพื่อนนี่กะเคลมแน่ๆแต่เนมันจะรู้ไหมเนี่ยว่าพี่ยักษ์ไม่ได้เป็นเกย์นางเอาแค่แมท =_= สงสัยเล็งมานานแล้วล่ะสิ......
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-04-2017 07:33:14
งอนกันอีก ง้อกันนทั้งคืนเลยทีนี้  แผนแมทมั้ยอ่ะ อยากให้วิกง้อนานๆๆๆๆๆทั้งวันทั้งคืนงี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-04-2017 08:10:50
แมธบ้างานเกินไป ผัวเลยงอนไง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 03-04-2017 23:09:42
เข้าใจทั้งยักษ์ และ ลิง เลิกโกรธ เลิกงอนกนไวๆ นะ กลัวใจเนเข้ามาเป็นมือที่ 3 มือที่ 4 รักยักษ์ รักลิง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.3 100% :01.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 09-04-2017 08:54:46
ดันเข้ามาดัน :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 35% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 10-04-2017 17:24:25

Yours and Mine EP.4 :: On the beach. (บนชายหาด) [35%]



   

ควันสีขาวพวยพุ่งออกจากริมฝีปากสีแดงหม่นขึ้นไปในอากาศราวกับควันจากหัวจักรรถไฟ ร่างยักษ์ใหญ่ยืนเปลือยเปล่าปล่อยผมยาวสยายโชว์กล้ามเนื้อที่เน้นสัดส่วนชัดเจนอยู่บนระเบียงไม้ริมสระว่ายน้ำนอกห้องนอน ความเป็นชายที่ยังมีคราบสีขาวข้นเยิ้มติดอยู่พุ่งตรงราวกับลูกธนูพร้อมยิงจากคันศร ใบหน้าหล่อแหงนขึ้นพร้อมพ่นควันบุหรี่ออกจากปากเรื่อยๆ ดวงตาคมคู่สวยมองพระจันทร์สีเหลืองสดบนท้องฟ้าสีดำอย่างผ่อนคลาย 
   


“สูบอีกแล้ว ไหนว่าจะเลิกไง” เสียงงุ๊งงิ๊งมาพร้อมกับอ้อมกอดจากด้านหลัง วิคเตอร์พ่นควันออกจากปาก นิ้วยังคีบบุหรี่ที่เหลือไว้ เขาหันกลับมาหาเอเลี่ยนน้อยและก้มลงจูบกลางกระหม่อมหอมๆ ไปหนึ่งที
   


“มวนเดียวน่า” แมทแหงนหน้างอๆ มองใบหน้าหล่อที่เฟิ้มด้วยหนวดเคราสีดำจนแทบจะเป็นแฮกริดในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์แล้ว
   


“มวนเดียวแต่หลายเวลา” วิคเตอร์ยิ้มยกบุหรี่ขึ้นสูบอีกหนึ่งครั้ง พ่นควันสีขาวออกจากปากจนหมดและก้มลงจูบเหม่งของแมทไปหนึ่งที
   


“มีแรงลุกมาบ่นฉันแบบนี้สงสัยเอาเบาไป” แมทบู้ปาก ยกมือขวาตีแผ่นหลังที่อัดแน่นด้วยกล้ามของวิคเตอร์แรงๆ หนึ่งที
   


“นอนเหมือนคนพิการคาเตียงขนาดนั้นยังจะว่าเบาอีก” วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ สูบบุหรี่ที่เหลือจนหมดมวน ยื่นแขนเอาก้นบุหรี่จิ้มลงหัวถังขยะสีเงินนอกห้องนอน
   


“อ๊ะ…” แมทร้องตกใจเบาๆ เมื่อวิคเตอร์ใช้มือช้อนก้นตัวเองขึ้นอุ้ม สองขาตวัดรอบเอวสอบ สองแขนโอบรอบคอยักษ์ใหญ่ กลิ่นบุหรี่ผสมกลิ่นเบียร์ลอยคะคลุ้งจากตัววิคเตอร์ คนตัวใหญ่อุ้มคนตัวเล็กและพาเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะวางร่างเล็กไว้ปลายเตียง มือใหญ่หนาดึงแขนของแมทออกจากคอและใช้มือขวารวบข้อมือทั้งสองข้างไว้เหนือหัวของแมท มือซ้ายจับยักษ์น้อยที่พร้อมรบต่อในรอบที่สองแล้วหลังจากได้พักไปครู่ใหญ่ วิคเตอร์อาศัยน้ำสีขาวข้นที่ยังติดอยู่ที่แท่งเนื้อและในรูก้นแมทเป็นเจลหล่อลื่น ดันลูกชายตัวเองเข้าไปจนกลีบเนื้อของแมทกลืนกินเข้าไปเต็มคำ
   


“อ้า!” แมทครางลั่น วิคเตอร์ดันสะโพกเพื่อดันตัวแมทให้ไถลไปกองกลางเตียง จับสองขาแมทขึ้นพาดบ่าตัวเอง กางขาตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง แล้วก็ซอยสะโพกเข้าหาร่างเล็กอย่างแรงจนเตียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้ง
   


“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ เตอร์จ๋า…”
   


“จ๋า…” วิคเตอร์ตอบรับเป็นภาษาไทยเสียงหวานและส่งจูบให้แมทที่กัดปากตาหรี่ปรืออย่างเย้ายวนในสายตาของเตอร์ สะโพกสอบแสนจะแน่นเปรี๊ยะซอยอย่างเร็วและแรงจนแมทอ้าปากร้องดังลั่นเพราะความเสียวและความจุก
   


คืนนี้จะได้ไปฟูลมูนมั้ย…


   




เอเลี่ยนน้อยเอนตัวนอนไปด้านขวาบนอกของวิคเตอร์ หน้าผากแนบกับแก้มสากหนวดเฟิ้มของยักษ์ใหญ่ มือขวาลูบรอยสักสีดำบนอกซ้ายหนาแน่นอย่างเพลิดเพลิน มือขวาของวิคเตอร์ลูบขึ้นลูบลงจากก้นถึงกลางหลังของแมทอย่างเพลินมือ เปลือกตาหลับพริ้มสบายตัว ยักษ์น้อยนอนสงบอยู่บนหน้าท้องของเขา แต่ทิ้งความเลอะเปรอะเปื้อนไว้ในก้นและแก้มก้นของแมทเต็มไปหมด
   


“Will we go to see them? (เราจะไปหาเพื่อนๆ มั้ยอะ)” แมทถามเสียงเบาหวิว สายตายังจับจ้องที่รอยสักตัวอักษรสีดำแสนสวยบนอกของวิคเตอร์
   


“You wanna go? (นายอยากไปมั้ย)” วิคเตอร์ถามกลับเสียงทุ้ม
   


“Yes, I want to dance with them. (ก็อยาก อยากไปสนุกกับเพื่อน)”
   


“Then go. (ถ้าอยากก็ไป)” แมทผงกหัวขึ้นมองหน้าวิคเตอร์ที่ลืมตาขึ้นมองกลับมา
   


“But I don’t like your old friend. (แต่ผมไม่ชอบพวกเพื่อนเก่าคุณ)” วิคเตอร์ขมวดคิ้วทำหน้างง มือซ้ายเสยเส้นผมสีดำที่ปรกหน้าผากแมทขึ้นเบาๆ
   


“Which one? (เพื่อนเก่าไหน)”
   


“Nay and his friends. (คนชื่อเนกับพวกเพื่อนเขา)” วิคเตอร์คลายคิ้วออกแต่ยังคงทำหน้างง เลื่อนมือซ้ายไปซ้อนท้ายทอยตัวเอง
   


“Why? (ทำไมล่ะ)”
   


“I just don’t like them. Can you stay away from them? (ก็ไม่ชอบอะ คุณไม่ยุ่งกับพวกนั้นได้มั้ย)” ยักษ์หน้ามึนกะพริบตาปริบๆ มองหน้าบูดบึ้งน้อยๆ ของเอเลี่ยน แต่สุดท้ายก็ยักคิ้วหนึ่งที
   


“I can stay anywhere without them. (ฉันอยู่ไหนก็ได้ที่ไม่มีพวกนั้น)” วิคเตอร์ตอบสบายๆ ไม่ได้มีท่าทีคิดเยอะคิดมาก แมทคลี่ยิ้มแบบไม่เปิดปาก หน้าตาพึงพอใจ
   


“Really? (จริงอะ)”
   


“I’m not close to them and you don’t like them. And when do I need them in my life? (ฉันไม่ได้สนิท แล้วนายก็ไม่ชอบพวกนั้น และฉันจำเป็นต้องมีคนพวกนั้นในชีวิตเมื่อไหร่กัน)” วิคเตอร์ถามอย่างสบายๆ หมายความตามที่พูดจริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้แมทคิดว่าเขาถึงต้องมีคนพวกนั้นอยู่ในชีวิตด้วย แมทคลี่ยิ้มกว้างเห็นฟัน ยื่นหน้าไปหอมแก้มวิคเตอร์หนึ่งที ยักษ์ตัวโตคลี่ยิ้มกว้างกลับมา
   


“Good giant. (ดีมากยักษ์)”
   


“But, can I ask why? (แต่ถามได้มั้ยว่าทำไมไม่อยากให้ฉันยุ่ง)” แมทหน้ามุ่ย บุ้ยปากไปซ้ายทีขวาที
   


“What do you say if I don’t have the reason? (ถ้าไม่มีเหตุผลคุณจะว่ายังไง)” วิคเตอร์ยิ้มขำ ใช้มือขวากดท้ายทอยแมทลงมาจูบที่หน้าผากหนึ่งที
   


“Say nothing. You don’t like them. Don’t want to involve with them. I will do as you ask me, okay? (ไม่ว่ายังไง เอาเป็นว่านายไม่ชอบ ไม่อยากยุ่ง ฉันก็จะทำแบบนั้น โอเค๊)” แมทยิ้มเม้มปาก พยักหน้าหงึกๆ ยกมือขวาขึ้นทำท่าโอเค
   


“โอเคเบบี้” แมทพูดเป็นภาษาไทยพร้อมยิ้มสดใส วิคเตอร์ยิ้มกว้างและหัวเราะเบาๆ ยกมือซ้ายออกจากท้ายทอย ใช้นิ้วกลางแทงเข้าไปในรูนิ้วของแมท
   


“ปี้” แมทตาโต เลิกคิ้วขึ้นและยิ้มอย่างประหลาดใจ ช่องนิ้วที่มีนิ้วกลางวิคเตอร์คาอยู่บีบรัดแน่น เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเพราะเจ้าตัวอดขำไม่ได้กับรอยยิ้มตาใสเหมือนเด็กเพิ่งหัดเรียนรู้ของวิคเตอร์
   


“ไอ้แชมป์สอนอีกแล้วเหรอคำเนี้ย”
   


“ชั่ย” วิคเตอร์ขยับนิ้วกลางเข้าๆ ออกๆ รูนิ้วของแมทและยิ้มใสซื่ออย่างน่ามันเขี้ยว
   


“รู้เหรอว่าแปลว่าอะไร”
   


“หรู่ซี้ แปลว้าเยท” แมทหัวเราะเสียงดังอย่างชอบอกชอบใจ วิคเตอร์คลี่ยิ้มตาใส มองแมทหัวเราะตาเป็นประกาย ยักษ์ชอบเห็นเอเลี่ยนยิ้มและหัวเราะเสมอ
   


“คำพวกนี้ล่ะเก่งจังนะ” แมทยื่นหน้าไปขบเนื้อแก้มวิคเตอร์ด้วยความคันเขี้ยว วิคเตอร์หัวเราะ ดึงมือขวาของแมทมาหอมหลังมือและเอาไว้บนอกตามเดิม
   


“กี่โมงแล้วเนี่ย” แมทหยุดวุ่นวายกับการหอมแก้มวิคเตอร์ ยกตัวขึ้นมองหาโทรศัพท์บนหัวเตียง หยิบของวิคเตอร์มากดดูเวลาบนหน้าจอ
   


“ห้าทุ่มแล้ว”
   


“ไปอาบน้ำมั้ย จะได้ไปกัน” แมทพยักหน้า วางมือถือไว้บนหัวเตียงตามเดิม ลุกออกจากตัววิคเตอร์ เดินเข่าลงจากเตียงไปยืบบนพื้น วิคเตอร์ลุกตามลงมาจากเตียงมายืนซ้อนหลังและก้มลงอุ้มแมทในท่าเจ้าสาว พาเดินเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ
   


อาบน้ำเสร็จก็พากันออกมาแต่งตัวข้างนอก ก็เลือกที่จะใส่ชุดเดิมที่ถอดทิ้งไว้กันตามพื้นนั่นแหละ แมทเชิดคางขึ้นส่องกระจกในห้องแต่งตัว รอยจูบรอยดูดสีแดงเข้มผุดขึ้นตามซอกคอและหน้าอก มีรอยกัดเป็นห้อเลือดช้ำตรงหัวไหล่ขวา ดวงตาใสแป๋วยืนมองรอยพวกนั้นอย่างครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินตามวิคเตอร์ออกไปในห้องครัว วิคเตอร์ยืนยกขวดเบียร์ไซส์เล็กรออยู่ แมทมองขวดเบียร์เปล่าบนโต๊ะในโซนนั่งเล่นของบ้านพักก็เห็นว่างอยู่เป็นสิบขวด แต่พ่อยักษ์ใหญ่ก็ยังดูชิลๆ แค่หน้าแดงเข้มเท่านั้น
   


“มัดผมมั้ย” แมทถามพร้อมกับชูยางมัดผมสีดำที่รัดข้อมือขวาตัวเองอยู่ วิคเตอร์พยักหน้า เดินไปนั่งที่โซฟา แมทไปยืนด้านหลังพนักพิง จัดการรวบผมยาวหยักศกสลวยสวยสีดำเข้มขึ้นขึ้นมามัดเป็นจุดตรงกลางหัวอย่างชำนาญเพราะทำให้วิคเตอร์บ่อย แรกๆ ก็มัดผุๆ พังๆ แต่หลังๆ มาก็คล่องมือขึ้นเยอะ ไม่ต้องใช้หวีช่วยเลยด้วยซ้ำ
   


“เสร็จแล้ว” วิคเตอร์หันมายิ้มให้และลุกขึ้นยืนพลางวางขวดเบียร์ลงบนโต๊ะ ร่างสูงใหญ่เดินอ้อมจากโซฟามาหาแมท ยกมือลูบรอยสีแดงตามตัวแมทเบาๆ และก้มลงมองของตัวเอง เห็นรอยสีแดงอยู่ตรงอกที่โผล่พ้นขอบเสื้อขึ้นมา และมีอีกที่คือตรงหัวไหล่ซ้าย
   


“Wow, we have a mark on our skin. That’s cool. (แจ๋ว เรามีรอยจูบบนผิวเหมือนกัน เจ๋งสุดๆ)” วิคเตอร์ว่าอย่างครึกครื้นที่เห็นตัวเองและเมียมีรอยดูดสีแดงตามตัวเหมือนกัน แมทยิ้มกริ่ม ยกนิ้วจิ้มรอยสีแดงตรงใต้กรามด้านขวาของวิคเตอร์
   


“And this one, too. (แล้วก็มีตรงนี้ด้วย)” คนตัวใหญ่ยิ้มทะเล้น ไม่ได้มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจกับรอยดูดเหล่านั้นที่ทิ้งร่องรอยไว้บนตัวเอง
   


“You don’t have to pain your body at all. (นายไม่ต้องเพ้นท์ตัวแล้วแหละ)” แมทยิ้ม เปิดกระเป๋าผ้าคล้องคออันเล็ก ยัดโทรศัพท์กับเงินจำนวนหนึ่งเข้าไป และยื่นมือไปขอโทรศัพท์ของวิคเตอร์มายัดไว้ด้วยกัน วิคเตอร์หยิบขวดเบียร์ที่เหลืออีกสองขวดขึ้นมาจากโต๊ะและพากันเดินออกจากบ้านพัก พอล็อคประตูเสร็จ วิคเตอร์ก็ยื่นกุญแจให้แมทเก็บไว้ในกระเป๋า ยื่นมือไปจับมือซ้ายแมทและเดินจูงมือกันออกไปแถวข้างหน้าที่รีสอร์ทที่คาดว่ารถน่าจะจอดรออยู่ตรงนั้น
   


ตอนที่เดินมาถึงตรงเค้าน์เตอร์เช็กอินในกระโจมมุงจากอันใหญ่ แมทเดินไปแจ้งกับทางพนักงานว่าเป็นแขกของพี่เคน พนักงานวัยรุ่นที่รับคำสั่งเจ้านายไว้แล้วก็เก็ททันทีว่าต้องทำอะไร ยกโทรศัพท์กดโทรหาพนักงานขับรถของรีสอร์ท เรียกให้ออกมารับแขกที่ด้านหน้า
   


“สักครู่นะครับ พี่คนขับกำลังมา รถกระบะได้ใช่มั้ยครับ” แมทยิ้มอย่างเป็นมิตรและตอบเสียงใส
   


“สบายมากครับพี่ นั่งได้หมดแหละ แค่พาไปถึงอย่างปลอดภัยก็พอ” พนักงานหนุ่มผิวเข้มพยักหน้ายิ้ม แมทหันไปมองวิคเตอร์ที่เดินไปนั่งรอตรงเก้าอี้ไม้ยาวสีน้ำตาลแก่อย่างสบายๆ ยกเบียร์ที่หยิบติดมือมาจากห้องขึ้นกระดกเรื่อยๆ จนหมดไปหนึ่งขวดลำลังตามด้วยขวดที่สอง
   


“เอามั้ย” วิคเตอร์ยื่นขวดเบียร์ไปทางแมท
   


“ใจดีจัง ให้ผมกินแอลกอฮอล์ได้เหรอ” แมทยื่นมือไปรับขวดเบียร์มาจากมือวิคเตอร์และกระดกเบียร์เข้าปากไปหนึ่งอึก
   


“อันนี้อนุญาต งานปาร์ตี้ จะได้สนุก” แมทยักคิ้วหนึ่งที กระดกเบียร์อึกที่สองเข้าปาก จังหวะที่วางขวดเบียร์ลงบนตัก พนักงานหนุ่มคนนั้นก็ยกเครื่องดื่มของโปรดแมทมาเสิร์ฟให้พร้อมกับเบียร์แบรนเดียวกับในมือแมท
   


“รับมั้ยครับ พี่เคนบอกไว้ว่าคุณกับแฟนคุณชอบ” แมทยิ้มประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปหยิบเครื่องดื่มทั้งสองขวด
   


“ขอบคุณนะครับ” แมทยื่นเบียร์ให้วิคเตอร์ที่รับไปแบบงงๆ แต่พอแมทอธิบายว่าพนักงานนำมาให้ก็ยิ้มขอบคุณและกล่าวคำขอบคุณเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่ง พนักงานยิ้มให้และเดินกลับไปประจำที่ตามเดิม
   


ตอนที่แมทกระดกเบียร์หมดขวดก็เป็นจังหวะที่รถกระบะสีขาวคันใหญ่สี่ประตูคันหนึ่งขับมาจอดตรงพื้นที่ด้านหน้าของรีสอร์ท
   


“รถมาแล้วครับ” แมทพยักหน้าและพาวิคเตอร์เดินไปขึ้นรถ คนตัวใหญ่กระดกเบียร์ในมือจนหมดขวดและโยนใส่ถังขยะสีดำ แมททิ้งแต่ขวดเบียร์แต่สเมอร์นอฟเลม่อนยังคงเหลืออยู่เลยถือติดมือขึ้นรถมาด้วย
   


“สวัสดีค้าบ” คนขับเป็นคุณลุงผู้ชายสูงวัย ท่าทางใจดีและเป็นมิตร แมทเอ่ยทักทายตอบกลับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน วิคเตอร์ทำเพียงเซย์ฮัลโหลและนั่งเงียบๆ ไปตลอดทาง ส่วนแมทก็นั่งกระดกเครื่องดื่มจนหมดขวด รู้สึกร้อนวูบวาบนิดหน่อยแต่ยังไม่รู้สึกถึงความเมา ระหว่างทางไปแมทก็แชทถามเพื่อนว่ารออยู่ตรงร้านไหน รอพักใหญ่ๆ เพื่อนถึงตอบชื่อร้านกลับมา
   


ทางที่จะไปหาดริ้นสถานที่จัดปาร์ตี้ฟูลมูนสุดโด่งดังเป็นถนนเนินเขาที่ขึ้นสุดลงสุดชวนหวาดเสียว ถนนบางจุดติดกับหน้าผา ถ้าขับพลาดไปแม้แต่นิดมีสิทธิ์รถพุ่งตกผาได้ง่ายๆ และการขับรถของถนนเส้นนี้ต้องบีบแตรตลอดทาง เพราะบางเนินมันสูงหรือโค้งจนปิดไม่เห็นรถเบื้องหน้า ต้องบีบแตรให้อีกฝ่ายรู้ว่ามีเราอยู่ตรงนี้ จะได้ไม่พุ่งชนกัน
   


“ถ้าขับมอเตอร์ไซด์มาต้องข้อแข็งจริงๆ ครับ บิดอย่าได้หยุด ไม่งั้นไหลตกเนินไปอีก” คุณลุงคนขับบอก แมทมองเนินขึ้นสูง ลงต่ำและโค้งหวาดเสียวด้วยความรู้สึกกลัวๆ ความเร็วของรถที่ใช้ก็ต้องกะให้ดีด้วย เร็วมากไม่ได้ ช้ามากไปไม่ดี ยิ่งมากลางคืนยิ่งน่าหวาดเสียว
   


“Are you okay? (นายโอเคนะ)” วิคเตอร์ถามหลังจากเห็นว่าแมทดูตัวเกร็ง
   


“Yeah, good, but it’s adventurous. I think. (ครับ ก็ดี แต่ผมว่ามันหวาดเสียวอะ)” วิคเตอร์ยิ้มขำน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปปลอบ เพราะเชื่อว่าคนขับคงชำนาญทางมากพอ ไม่พาตกเหวแน่นอน
   


ใช้เวลาราวยี่สิบห้านาทีเหลื่อมล้ำกว่านั้นหน่อยรถกระบะก็มาจอดตรงเซเว่นแห่งหนึ่ง คนขับรถบอกกับแมทว่าจะมารับอีกทีตอนโทรไปตาม พอเดินลงจากรถก็เจอเข้ากับฝูงชนจำนวนมากที่หลั่งไหล่พากันเดินเข้าไปในบริเวณจัดงาน เสื้อหลากสีสันสะท้อนตา ชายชาวต่างชาติหลายคนถอดเสื้อและเพ้นท์บนตัวก็มีเยอะ ในมือทุกคนจะมีเครื่องดื่มติดมือคนละขวดสองขวด บางคนก็ถือถังหลากสีที่ในนั้นบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ ชาวต่างชาติดูจะมากกว่าคนไทย แต่ก็ยังมีคนไทยให้เห็นบ้างอย่างเช่นพนักงานเซเว่น
   


“ไปซื้อเครื่องดื่มที่หาดแล้วกันเนอะ หรือคุณอยากจะซื้อจากเซเว่นไปเลย” แมทถามแข่งกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจและเสียงเพลงดังกระหึ่มจากหาดมาถึงจุดที่ยืนอยู่
   


“เดินไปหาเพื่อนๆ ก่อนก็ได้” แมทพยักหน้า และพากันเดินไหลไปตามฝูงชน มีทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับเซเว่น แต่พวกไอ้แชมป์พิมพ์ในกลุ่มไลน์บอกว่าให้เดินมาเข้าอีกทางจะใกล้กับร้านที่พวกนั้นอยู่มากกว่า เลยพากันเดินไหลตามผู้คนมาทางถนนอีกเส้น
   


ด้วยความที่ชาวต่างชาติเยอะ วิคเตอร์เลยไม่ได้โดดเด่นมาก เพราะความสูงของผู้ชายต่างชาติคนอื่นก็ช่วยทำให้วิคเตอร์เนียนกลมกลืนไป อีกอย่างใบหน้าหนวดเครารกรุงรังและผมยาวมัดจุกแบบนี้เลยไม่ได้เป็นที่สนใจของใครมาก ถ้าไม่ถึงกับขนาดมาจ้องตา จ้องหน้าเก็บรายละเอียดก็คงจำวิคเตอร์ไม่ได้ คงคิดว่าฝรั่งคนหนึ่งทั่วไปเท่านั้น แต่ถ้าจะมีคนมองกล้ามแขนกับแผงอก และท่อนขามากกว่าหน้าก็ไม่แปลกใจ เพราะล่อสายตาได้มากทีเดียว
   


แต่พอแมทจ่ายค่าบัตรเข้างานคนละร้อยและเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณหาดจัดงาน ก็ได้สัจธรรมว่า วิคเตอร์ไม่ใช่คนเดียวที่ชวนมอง เพราะหนุ่มๆ ตาฟ้า ตาน้ำข้าว ตาเทา ตาน้ำตาลหลายคนก็มีหุ่นที่พาน้ำลายสอมากมายเหลือเกิน บางคนตัวไม่สูงมากแต่หุ่นอัดแน่นซะจนไม่สนใจความสูง เพราะแค่ความแซ่บชองหุ่นก็ชวนสนใจแล้ว ส่วนสาวๆ ต่างชาตินั้น… ละไว้ในฐานที่ไม่อยากจะเข้าใจก็แล้วกัน
   


ตึง! ตึง! ตึง! ตึงๆ!
   


“Where are they?! (พวกนั้นอยู่ไหน?!)” วิคเตอร์ก้มตัวลงตะโกนถามข้างหูแมทแข่งกับเสียงเพลงรอบหาด เสียงเพลงไม่ได้ดังร้านเดียว แต่ดังมาจากหลายร้าน เปิดดังๆ มันส์ๆ เพื่อเรียกลูกค้าให้ไปกองหน้าร้านตัวเองเยอะๆ ตอนนี้เที่ยงคืนคนยิ่งเยอะมากขึ้นไปอีก ถ้าไม่เดินจับมือกันไว้มีสิทธิ์พลัดหลงกัน
   


“Cactus!” แมทตะโกนบอกชื่อร้านและชี้ไปที่ร้านที่มีสัญลักษณ์ต้นกระบองเพชรสีเขียวประดับไฟ มีชายหญิงดีดดิ้นกันอยู่บนพื้นทรายและบนโต๊ะหน้าร้าน จากที่เดินผ่านมาสามสี่ร้านจนมาถึงร้านเป้าหมาย แมทรู้สึกว่าเพลงร้านนี้มันส์ที่สุดแล้ว จังหวะไม่ใช่ EDM สมัยใหม่จนเกินไปที่อารมณ์กำลังจะขึ้นแล้วก็พาอารมณ์ตกลงมาจนเซ็ง
   


แมทให้วิคเตอร์มองหาเพื่อนฝูงเพราะเขาตัวสูงกว่า มองหาสักพักวิคเตอร์ก็ชี้ไปที่โต๊ะไม้ตัวยาวตัวหนึ่งที่ไอ้แชมป์อันเดรและไอ้วอร์มกำลังถอดเสื้อยืนโยกอย่างสนุกสนาน มีอีแคทเป็นตัวแทนชะนีดีดดิ้นสู้ศึกกับอีเหมียว นอกนั้นเต้นอยู่ข้างล่างลักษณะคอยคุมเชิง พื้นที่บนโต๊ะครึ่งหนึ่งถูกแบ่งให้สาวๆ หนุ่มๆ ชาวต่างชาติยืนเต้นด้วย
   


“พวกมึงงง!!!” พอไปถึงโต๊ะฐานทัพของเพื่อนฝูง แมทก็ตะโกนเรียกสุดเสียงแข่งกับเสียงเพลง พวกเพื่อนๆ หันมามองแมท ก่อนจะโห่ร้องตะโกนยินดีต้อนรับจนคนอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหันมามอง แมทกับวิคเตอร์หัวเราะ เคนส่งกระติกสีแดงที่มีหลอดเสียบมากมายให้วิคเตอร์พร้อมยกนิ้วโป้งให้ แค่นั้นพ่อนักแสดงก็รู้แล้วว่าในนั้นคืออะไร มือใหญ่รับกระติกไปและดูดแอลกอฮอล์รสชาติอมหวานอมเปรี้ยวแต่ยังมีกลิ่นเหล้าติดอยู่เข้าไปหลายอึกก่อนจะส่งให้แมทดูดบ้าง
   


“อีแมท พร้อมขึ้นสังเวียนยังคะ??!!” เหมียวก้มตัวลงมาตะโกนถาม แมทดูดเหล้าเสร็จก็หันไปตอบเพื่อน
   


“ขอบิ๊วอีกแปบ เจอฉันแน่!!!”   
   


“เอ๊อออ ดีค่า!!!” เหมียวที่คงเมาได้ที่แล้วยกนิ้วโป้งขึ้นสองมือ แมทหัวเราะเสียงดัง หันไปดูดเหล้าในกระติกจากมือวิคเตอร์อีกรอบ
   


“ไอ้แมท!!! ได้เอากับพระสวามียังครับ?!” ไอ้แชมป์นั่งยองๆ และตะโกนถามหน้าตาอย่างกับจะหาเรื่องต่อยเพื่อน แมทกระเถิบหลังยืนชิดกับตัววิคเตอร์และเบ้ปาก
   


“จัดหนักจัดเต็ม!!!”
   


“วู้ยยย!!!” ไอ้แชมป์นำทัพโห่ใส่ อีเพื่อนคนอื่นไม่รู้หรอกว่ามันพูดอะไร แต่พอเห็นไอ้ตี๋โอปป้าโห่เลยโห่ตามเพราะคิดว่าคงด่าหรือแซวไอ้แมทนั่นแหละ
   


แมทยืนตัวติดกับวิคเตอร์ใกล้กับโต๊ะที่เพื่อนยึดเป็นฐานทัพ อันเดรเดินลงมาจากโต๊ะ มาตบไหล่เพื่อน วิคเตอร์ถามหาเบนเนดิคท์กับบาส คนถูกถามบอกว่าสองคนนั้นไปห้องน้ำ
   


“ไม่เต้นเหรอแมท??!!” อันเดรก้มหน้าก้มหัวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อถามแมทที่ยืนดูดเหล้าในกระติกสีแดงอยู่อย่างช้าๆ รสชาติมันไม่ขมจนเกินไป ออกหวานแบบนี้เลยยืนดูดเพลิน
   


“คุณอันเดรอยากเห็นเหรอ?!” อันเดรหัวเราะและพยักหน้า
   


“แน่นอนสิ ฉันยังจำสเต็ปนายได้ อยากเห็นอีก!” แมทยิ้มกว้าง ยักไหล่ขวาเขินๆ วิคเตอร์ดึงกระติกขึ้นไปดูดเหล้าบ้าง มือขวาของเขาโอบเอวแมทไว้หลวมๆ เอเลี่ยนน้อยเริ่มโยกตามจังหวะเพลงเบาๆ
   


“เฮ้!! มาแล้วเหรอ?!” แมทกับวิคเตอร์หันไปมองคนถามพร้อมกัน เนยืนอยู่กับเพื่อนผู้หญิงของตัวเองสองคนและผู้ชายต่างชาติผมทองอีกคน แมททำหน้านิ่งและหันไปมองทางอื่น
   


วิคเตอร์ยิ้มนิดหน่อยและพยักหน้าหนึ่งทีก่อนจะหันไปคุยกับอันเดรเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แมทเหลือบมองกลุ่มนั้น เนกับเพื่อนทำหน้างงที่เห็นรีแอคของวิคเตอร์ ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มกระซิบข้างหูเน ก่อนที่จะพากันเดินออกไปจากบริเวณนั้นพร้อมหนุ่มชาวต่างชาติที่พามาด้วย
   


แมทเบะปากเบาๆ ยกกระติกดูดเหล้าอีกหลายอึกเพื่อเพิ่มความคึกให้ตัวเอง เพราะตอนนี้เพลงของร้านคึกมากจริงๆ อีกไม่นานคงได้ขยับกล้ามเนื้อแน่นอน







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้    :hao7:



ในที่สุดพี่เตอร์ก็ได้ปลดปล่อยสมใจ ไมอยากบรรยายยาวมาก เพราะกลัวจะเบื่อลีลาพี่เตอร์แกซะก่อน 55555 แต่เอาจริงๆ ก็สลับๆ กันไปค่ะ แล้วแต่ซีน แล้วแต่อารมณ์เนอะ

ฟูลมูนปาร์ตี้เป็นอะไรที่สนุกมากค่ะ ถ้าไม่ได้พักบนหาดที่เขาจัดเราต้องขับรถหรือขึ้นรถกระบะไป ตอมมั่นมาก ไปครั้งแรก ไม่รู้อะไรเลย แต่ขับมอเตอร์ไซด์ไป หวาดเสียวม๊ากกกก ทางมันสูงจริงๆ ขับเร็วเกินช่วโค้งหน้าผามีสิทธิ์ร่วง เนินชัน รถบางคันก็บิดจนอืด ลุ้นว่าจะตกเขามั้ย กว่าจะถึงหาดริ้น แทบจะเป็นลมค่ะ สะพรึง

ชิลๆ สบายๆ กับเนื้อเรื่องไปเนอะ ไม่ต้องกลั๊วววว กับดราม่าาาา ไม่มี๊

ตอนนี้ก็อยู่ไทยกันไปก่อน พักผ่อนกันสักพัก ค่อยกลับไปลุยงานกันนน

เจอกันในส่วนถัดไปค่ะ เรื่องนี้เขียนสดอัพสดนะคะ ไม่ได้มีสต็อกเก็บไว้ เขียนเสร็จก็อัพเลยอะไรแบบนี้ แจ้งคิวนิยายไว้ที่เพจแล้ว ลองตามไปอ่านกันดูได้นาาาา





ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยนะคะที่ยังรออ่านนิยายเรื่องนี้เสมอ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่สัญญาว่าจะไม่ดองแน่นอน ไม่ทิ้งคนอ่านแน่ๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พาร์ทแรกจนพาร์ทสุดท้ายละเนอะ ^__^





ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ



แท็ก #LoveNoBoundaries

เม้าท์มอยหอยกาบรอบนอกกันได้ที่

Facebook page > ขุ่นเจ้

Twitter > tomisagiftofgod
   
   
   

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 35% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-04-2017 19:31:32
ยักษ์กับเอเลี่ยนน้อย ยังร้อนแรงเหมือนเดิม
ตอนหน้ารอดูแมทเต้นนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 35% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 10-04-2017 22:05:32
 :impress3: เย้ ในที่สุดพี่ยักษ์ของเราก้อได้ปลดปล่อยแหละ  :mew4: ก้อวินวินกันทั้งสองฝ่ายแล้วเนอะ  :mew1: แล้วตกลงเนนี่มีซัมทิงหรือเปล่าเนี่ย แต่ก้อเล่นเอางงไปเลยน่ะ เพราะ น้องแมทเตี๊ยมไว้แหละ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 35% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-04-2017 22:35:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 35% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 10-04-2017 22:38:16
พาทสุดท้ายขอหวานๆได้ม้ายยยย สองพาทแรกเหมือนพาขึ้นสวรรค์ละถีบลงนรกทันทีค่ะในบางตอน มีเรื่องมีราวได้ตลอด กว่าจะมาถึงวันนี้สุดๆจริงๆในความคิดเรา  :m15:

เอาพวกนังเนไปเก็บบบ :serius2: :serius2: :serius2:  :beat:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 35% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 16-04-2017 15:32:48
ไม่ไว้ใจพวกเนเลยแม้แต่นิดเดียว!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 35% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-04-2017 15:58:56
กะไส้แล้วว่าแมทน่าจะไม่ชอบเน แต่ว่าก็อยากรุ้สาเหตุเหมือนกันนะ พ่อเตอร์ช่างตามใจศรีภรรยาเหลือเกินน่าอืจฉา
หวังว่าพวกเนจะไม่มาปวนให้ทะเลาะกันอีกนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-04-2017 20:05:49


Yours and Mine EP.4 [70%]




วิคเตอร์ที่เริ่มกรึ่มแต่ยังยืนไหว ยืนโยกเบาๆ อยู่บนพื้นทรายกับเบนเนดิคท์ บาสและออสติน ในมือถือถังเหล้าที่เคนคอยเติมให้อยู่เรื่อยๆ สายตาคอยมองแมทที่ยืนเต้นอยู่บนโต๊ะกับเพื่อนๆ เป็นระยะ เอเลี่ยนตัวจ้อยเต้นสะบัดและเต้นได้โคตรสนุก วิคเตอร์ยิ้มหัวเราะตอนที่เห็นแมทเด้งก้นเป็นจังหวะตามเพลงและค่อยๆ ย่อเข่าลงจนติดพื้นโต๊ะและเด้งตัวขึ้นไปยืนใหม่ ก่อนจะยกแขนบิดเอวไปตามเสียเพลงกับพวกเพื่อนๆ ตัวเอง


“ไอ้อันเดรอยู่ไหนวะ??!!” เบนเนดิคท์ตะโกนถามวิคเตอร์ คนถูกถามหันไปมองรอบๆ บริเวณที่ยืนอยู่ สอดสายตามองหาอันเดรสักพักก็เจอมันยืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งใกล้กับบาร์ไม้สี่เหลี่ยมของร้านที่ตั้งไว้สำหรับขายเครื่องดื่มด้านนอก แต่อาจจะเป็นการคุยที่แนบชิดสนิทสนมมากไปสักหน่อยเพราะมีจูบปากกันด้วย
   

“นั่นไง” วิคเตอร์ยื่นคางไปทางอันเดรให้เบนเนดิคท์ดู พ่อหนุ่มผมทองเหมือนรวงข้าวมองตามไปแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง
   

“ตอนนี้มันโสดอยู่ใช่มั้ย?!” วิคเตอร์ย่นคิ้วนิดหน่อยเพราะไม่ค่อยได้ยินที่เพื่อนถาม สมองพยายามจับคำว่าไอ้เบนมันพูดว่าอะไร พอเริ่มจับใจความได้ก็เลยตะโกนตอบกลับไป
   

“เท่าที่เห็นคือมันทำตัวเป็นคนโสด!!” เบนเนดิคท์ไหวไหล่สองข้าง ก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปก้าวก่ายชีวิตเพื่อน ก็แค่หวังว่ามันจะไม่มีใครอยู่อีกคนและสนุกข้ามคืนกับคนอื่นไปเรื่อย อันเดรรักคนยาก แต่มันเอาไม่ยาก
   

It's going down, I'm yelling timber


***เพื่อความอินยิ่งขึ้นควรฟังและดูคลิปนี้ค่ะ***
TIMBER (https://www.youtube.com/watch?v=Ekfro-W_6Jc)


“อ้ากกกก!!!!” แมทกรีดร้องลั่น พวกเพื่อนๆ ส่งเสียงเฮเป็นแบ็คอัพเพราะรู้ว่าแมทชอบเพลงนี้ ถ้าเพลงนี้ขึ้นแมทจะลายใหญ่กว่าเดิมและเต้นสะบัดเป็นสเต็ปอย่างสนุกสนาน


Let’s make a night, you won’t remember. I'll be the one, you won't forget.


Woooah (timber), Woooah (timber), Woooah (timber)



แมทอ้าขาและย่อเข่าลงเล็กน้อย หมุนเอวลงตามจังหวะเสียงกู่ร้องของ Kesha และสะบัดหัวทุกครั้งตรงเสียงกระซิบคำว่า timber พอจังหวะเริ่มจะเข้าท่อนแร็พ แมทก็เด้งตัวตรงและเริ่มวาดลีลาอย่างช่ำชองกับเพลงนี้


The bigger they are, the harder they fall.
สองมือยกจับเอว สองเท้าแทงย่ำพื้นด้านหน้าซ้ายที ขวาสองที แอ่นก้นหักเอวสองมือแปะต้นขาและลาก…


This biggity boy’s a diggity dog.
…สองมือขึ้นไปเหนือหัว จับไว้เป็นเหมือนซุ้มโค้งและเหวี่ยงบนเหนือหัวพร้อมกระสะโพกซ้ายขึ้นหนึ่งที…


มีลงไปเล่นท่าล่าง กระดกก้นขึ้นและเต้นดุ๊กดิ๊ก ทุกท่วงท่าผ่านการโคเวอร์จากยูทูปมากอย่างเป๊ะปังเพราะชอบฟังและดูไลฟ์สดเพลงนี้ บางทีว่างๆ ก็เต้นโยกเบาๆ คนเดียว วิคเตอร์ยิ้มขำแต่ก็ชอบใจที่ได้เห็นลีลาของแมทสะบัดไม่เปลี่ยนแปลง


Swing your partner round and round
แมทหันหลังและสะบัดก้นกับสะโพกข้างละสองที สองเท้ายังคงย่ำ…


End of the night, it’s going down
…ตามจังหวะเพลง สะบัดสะโพกสับๆ ก่อนจะหมุนมาด้านขวา…


One more shot, another round
…และยกแขนขวาขึ้นตรงคำว่า One more shot ตามด้วยแขนซ้ายที่ยกขึ้นสูงกว่าเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนเอาลงและเหวี่ยงมือขวาสองที ยกแขนซ้ายกลับขึ้นมาเป็นแนวนอน และเหวี่ยง…


End of the night, it’s going down
…แขนขวาใกล้กับสะโพก ก่อนยกสองแขนขึ้นและย่อตัว…


Swing your partner round and round
…ลงไปกับพื้นและเด้งก้นกลับขึ้นมา สองมือวางบนหัวเข่ากระดกก้นสองทีตรงคำว่า round and round และยืดตัวตรงเหมือนเดิมก่อนจะ…


End of the night, it’s going down
…เดินย่ำเท้าคล้ายว่ากำลังเปลี่ยนโซน ใบหน้าของแมทยิ้มเริงร่าอย่างเมามันส์เหงื่อไหลท่วมหน้าท่วมตัวแต่ก็ยังคงเต้นต่อ


One more shot, another round
ร่างเล็กย่อตัวพร้อมกับใช้สองมือแบะขาแยกออกจากกัน ยกสะโพกขึ้นทั้งที่นั่งอยู่ข้างละทีอย่างสั้นๆ ก่อนจะสะบัดหัวอย่างแรงจนคอแทบหลุด เรียกเสียงกรี๊ดเชียร์อัพได้ดังได้อีกระลอก


แมทนั่งย่อขายองๆ อีกสักแปบก่อนจะค่อยๆ ใช้สองมือตบตั้งแต่หน้าขาขึ้นไปตามตัวตามจังหวะเพลง…
It’s going down…


และเหวี่ยงสองแขนเป็นวงกลมเหนือหัวแรงๆ อีกที
I’m yelling timber...



วิคเตอร์ส่งเสียงเชียร์เมียตัวเองอย่างสนุกสนานและยกถังเหล้าขึ้นดูดไปอีกหลายอึก จังหวะที่กำลังจะเดินไปรับแมทที่คงจะเดินลงมาพักร่างกายหลังจากเต้นมาประมาณสี่สิบนาทีอย่างต่อเนื่องก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินล้มมาซบอกวิคเตอร์ ไอ้ยักษ์ขมวดคิ้ว ก้มลงมองหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายว่าจะเมา แต่ยังคงส่งยิ้มเย้ายวนมาให้


 “Hi, Victor.” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มตาเยิ้มและพูดเสียงอ้อแอ้ หน้าอกโตๆ ของเธอเบียดช่วงท้องของวิคเตอร์ไปมาราวกับจงใจ


“ขอโทษทีวิคเตอร์ เพื่อนเราเมามากแล้ว” วิคเตอร์หันหน้าไปมองต้นเสียงที่ตะโกนมาก็เจอกับเนที่รีบเดินเข้ามาดึงผู้หญิงคนนี้ออกห่างจากตัวเขา วิคเตอร์ขมวดคิ้ว มองตาแข็งเล็กๆ เนยิ้มแหยและยกมือไหว้ขอโทษ วิคเตอร์เตอร์ถอนหายใจและส่ายหัวเป็นเชิงว่าช่างมันเถอะ


“วิคเตอร์…” เจ้าของชื่อหันไปมองแฟนตัวเองที่เดินหน้าแดงก่ำและเหงื่อท่วมหน้าเข้ามาหา แมทหันไปมองเนกับเพื่อนด้วยสีหน้ามึนๆ งงๆ เมาๆ วิคเตอร์ดึงแมทเข้ามากอดเอวไว้หลวมๆ และส่งถังเหล้าให้ดูด แมทก้มลงดูดน้ำหวานๆ เข้าปากด้วยความชื่นใจ


“ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะน้องแมท มันเมาอะ” แมทมองเนที่มีสีหน้ารู้สึกผิดตาเยิ้มและด้วยความรู้สึกเบลอๆ เอเลี่ยนน้อยยิ้มเยิ้มพอๆ กับตา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร แค่หันไปกอดวิคเตอร์และแหงนหน้าขึ้นมองพ่อยักษ์รูปหล่อ


“เตอร์! คิสๆๆๆ คิสมี คิสแมท!” วิคเตอร์ได้ยินชัดแจ๋วเลยยิ้มกว้าง ก้มลงจูบปากสีชมพูซีดของแมท และแช่ค้างไว้อย่างนั้นสักพักค่อยดึงออก


“เอาอีกมั้ย?” วิคเตอร์ถามด้วยรอยยิ้มล้อเลียน แม้จะได้ยินไม่ถนัดแต่แค่เห็นรอยยิ้มซุกซนก็รู้แล้วว่าตอนนี้เอเลี่ยนน้อยกำลังหัวเราะคิกคัก แมทกวักมือเรียกให้วิคเตอร์ก้มลงมาใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู


“เงี่ยx อยากโดนยักษ์น้อย(แฮป)ปี้จัง คิๆๆๆ” ไม่ว่าเปล่ายังส่งมือขวาไปบีบเป้าวิคเตอร์เต็มมือเล่นเอาคนตัวโตหัวเราะด้วยความชอบใจและประหลาดใจปนกัน


“กลับที่พักมั้ยล่ะ” แมทพยักหน้าหงึกๆ อย่างกระตือรือร้น วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ใกล้จะตีสามแล้ว เขาเลยพาแมทเดินไปถามเพื่อนคนอื่นๆ ว่ามีใครอยากกลับพร้อมกันเลยหรือเปล่า


โดยที่ไม่สนใจเนกับเพื่อนที่มองอย่างเงิบๆ และหน้าเสียกันไปทั้งสองคน



“เตอร์จ๋า” เสียงหวานๆ มาพร้อมกับการระดมหอมแก้มของเอเลี่ยนน้อยจนวิคเตอร์ต้องยิ่งโฟกัสทางเดินกลับบ้านพักของตัวเองให้ดี เพราะหอมจนอย่างกับจะกินเนื้อแก้มเขาเข้าไป


“จ๋า” แม้จะทุลักทุเลสักหน่อยกับการอุ้มเอเลี่ยนตัวจ้อยแบบที่ไอ้ตัวดีเอาขาเกี่ยวเอวและแขนคล้องคอเขาแน่นเหมือนลิงเกาะต้นไม้ ไหนจะเมาด้วยกันทั้งคู่ แต่วิคเตอร์ที่ถือว่ามีสติมากกว่าก็ยังตอบรับเสียงหวานกลับไป


“เย็xแมทหน่อย เย็xแมทหน่อยยยย” วิคเตอร์หัวเราะกับคำขอร้องออดอ้อนแบบแปลกๆ ของแมท สองมือที่โอบอุ้มก้นแมทบีบแรงๆ เป็นการตอบรับ


“เดี๋ยวโดนแน่ๆ” แมทหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์เอียงหน้าไปหอมแก้มแมทที่เอาจมูกซุกซอกคอเขาอยู่ด้วยความมันเขี้ยว ตลอดทางที่นั่งรถกลับมารีสอร์ท ไอ้เอเลี่ยนมือซนไม่หยุด ล้วงเป้า จับไข่ จับเค ของเขาจนมันแข็งสู้มือ แต่ก็ต้องจับเด็กน้อยให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยเพราะเพื่อนๆ ทุกคนกลับพร้อมกัน โชคดีที่เมาๆ กรึ่มๆ กันถ้วนหน้าเลยไม่ค่อยมีคนสนใจเขาสองคนเท่าไหร่ ไหนจะคนที่เมาน้อยกว่าต้องคอยดูแลคนเมามากกว่าที่อ้วกกันสามสี่คน


“เตอร์ร์ร์” แมทเรียกชื่อสามีตัวเองเสียงยานคางตอนที่วิคเตอร์เปิดไฟในบ้านเพื่อให้ความสว่าง วิคเตอร์วางแมทลงบนโซฟาตัวใหญ่สีเทา จัดการถอดเสื้อผ้าแมทออกจนหมด เอเลี่ยนน้อยตัวแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปทั้งตัว


“ไหน ใครหยั่กไหเตอร์เย็ท” วิคเตอร์ถามเป็นภาษาไทยเสียงแปร่ง แมทลืมตาแล้วยิ้มอ้อล้อก่อนจะยกสองมือขึ้นพร้อมกัน


“แมททท แมทเองงง” วิคเตอร์หัวเราะ เดินเข้าไปในโซนห้องนอน ขนผ้านวมสองผืน หมอนสองใบ และเจลหล่อลื่นที่ทิ้งไว้บนเตียงติดมือมา กะว่าเอากันจนหมดแรงจะได้นอนตรงนี้ไปเลย เขาวางผ้านวมกับหมอนไว้บนโซฟาเดี่ยว ถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือยเปล่า


“แมท ยักษ์น้อยอยู่นี่” วิคเตอร์นั่งบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับใช้มือขวารั้งรูดอาวุธตัวเอง แมทเด้งตัวลุกขึ้นนั่งมองยักษ์น้อยตาเป็นประกาย วิคเตอร์ยักคิ้วขวาให้สองที แมทคลี่ยยิ้มหวาน และคลานเข้าหาวิคเตอร์ ก่อนจะใช้ปากครอบครองยักษ์น้อยอย่างรวดเร็ว…



“อะ! อะ! เตอร์! เตอร์!” วิคเตอร์คำรามตอบรับกับเสียงกรีดร้องของแมท และเด้งเอวใส่แมทไม่ยั้งจนตัวแมทสั่นคลอนอย่างรุนแรง ใบหน้าแดงก่ำเพราะหล้าสะบัดไปมาอย่างมึนเมาและเสียวซ่าน


ปับ! ปับ! ปับ! ปับ!


“อ้า!!” แมทจิกแผ่นหลังวิคเตอร์และครูดเนื้อจนผิวเนื้อสีแทนของวิคเตอร์ขึ้นรอยเล็บแดง วิคเตอร์ร้องซี๊ดเพราะความเจ็บแต่ก็รู้ว่าแมทเล็บสั้น เนื้อไม่ถลอกติดซอกเล็บแมทแน่นอน


“อ่า!” วิคเตอร์หยุดกระแทกใส่แมท ร่างเล็กทิ้งสองแขนลงบนพื้นเหนือหัว นอนหอบหายใจจนอกกระเพื่อม วิคเตอร์ใช้สองแขนโอบร่างแมทไว้และค่อยๆ อุ้มให้ลุกขึ้นทั้งที่ด้านล่างยังไม่หลุดออกจากกัน แมทลุกขึ้นนั่งคร่อมตักวิคเตอร์อย่างเมาๆ แถมตอนนี้ยังโดนกระแทกจนหมดแรง เลยทิ้งหัวซบไหล่วิคเตอร์จนหัวห้อย แต่คิ้วก็ย่นน้อยๆ เพราะความอึดอัด คับแน่นและความเสียววูบตรงท้องน้อยที่โดนลูกชายวิคเตอร์ก่อกวนอยู่ด้านในจนต้องขยับเอวเบาๆ เพื่อผ่อนความเสียว


“แมท ขยับแรงๆ สิ” วิคเตอร์กระซิบข้างหูขวาของแมท สองมือลูบหลังแมทเบาๆ


“อื้อออ เตอร์ แมทเหนื่อยแล้ว” เอเลี่ยนน้อยครางอย่างอ้อนๆ ขยับหัวถูไหล่อ้อนเพิ่มด้วย วิคเตอร์กัดฟันแน่น เพราะกำลังได้ที่


“น่าแมท อย่าให้เตอร์ค้างสิ” วิคเตอร์จูบขมับแมทไปที มือขวายกลูบหัวแมทเบาๆ


“แมทม่ายหวายแล้ววว” แมทครางอ้อแอ้เป็นภาษาไทย แต่วิคเตอร์จับใจความได้ ยักษ์ใหญ่พ่นลมหายใจ กลอกตาเซ็งๆ นึกอยากจับไอ้เด็กอวดดีก่อนหน้านี้ตีก้นให้เนื้อแตก เรียกร้องจะเอา สุดท้ายทิ้งกันกลางทางซะงั้น


วิคเตอร์คำรามฮึ่มๆ อย่างหงุดหงิด และค่อยๆ ยกแมทขึ้นจนที่เชื่อมกันไว้หลุดออกจากกัน แมททำท่าจะทิ้งตัวหงายหลังลงพื้น วิคเตอร์รีบประคองไอ้ตัวจ้อยไว้ และลุกขึ้นยืนพร้อมแมทที่ยืนโงนเงนๆ วิคเตอร์พาแมทก้าวอีกสองก้าวเพื่อไปนั่งบนโซฟา ก่อนที่ตัวเขาจะรีบจัดการเอาผ้านวมปูกับพื้นหน้าโซฟา วางหมอนลงได้ก็อุ้มแมทลงมานอนข้างล่าง แมทนอนพลิกตัวไปมาบนผ้านวม วิคเตอร์ยืนเท้าเอวก้มมองแมทอย่างเซ็งๆ เลื่อนสายตามามองไอ้ยักษ์น้อยที่ตั้งโด่พร้อมรบแล้วส่ายหัว


“เตอร์…” แมทพึมพำ สองมือปัดป่ายไปรอบตัวราวกับกำลังหาหมอนข้างมีชีวิตประจำตัวอย่างวิคเตอร์ คนที่เพิ่งเซ็งเพราะอารมณ์ค้าง คลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะนั่งลงข้างๆ แมท


“ตื่นมาเมื่อไหร่โดนจนขนต้องคลานแทนเดินแน่ไอ้เอเลี่ยน”


“ฮื่อ… ฮึ? ฮึๆๆๆ” วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ กับรอยยิ้มแป้นแล้นทั้งที่ยังหลับตา ไม่รู้ว่าตอบรับหรือว่ายังไง แต่เขาถือว่าแมทรับรู้สิ่งที่เขาบอกแล้ว


วิคเตอร์ล้มตัวลงนอนบนหมอนอีกใบ ดึงแมทเข้ามาซ้อนด้านหน้าตัวเอง จูบขมับแมทไปหนึ่งทีและคำรามเบาๆ เพราะอารมณ์ที่คั่งค้าง แต่ก็ข่มใจให้นอนหลับ แขนขวากอดเอวแมทแน่น ลูกชายเขาตั้งตรงอยู่ตรงหว่างขาแมท อยากจะทำต่อให้เสร็จ แต่เขาก็อยากจะเสร็จเพราะเอเลี่ยนช่วยทำมากกว่า


กว่ายักษ์น้อยจะสงบได้ ยักษ์ใหญ่ก็หลับไปก่อนแล้ว





 :katai5:
พี่เตอร์เราค้างอีกละ 555555 นังแมท หล่อนอ้อนผัวแล้วหล่อนก็หนีเขา ทิ้งเขาไว้กลางทางนะยะ เดี๋ยวฉันก็ไปช่วยเองซะหรอก -.,-

นังเนกับเพื่อนนี่เกาะติดเหมือนเห็บหมานะ หล่อนมีจุดประสงค์อันใดกัน แต่ไม่ว่าจะจุดประสงค์ไหน หล่อนต้องโดนทุบสักทีค่ะ

ยังอยู่กันที่ทะเลอยู่เนาะ ขอเวลาให้สองผัวเมียเขาได้พักผ่อนก่อนจะไปเจอเรื่องหนักๆ หมายถึงงานค่าาา งานหนักไง ทั้งสองคนทำงานเย้อออออ / เสียงสู๊งงงง

เอาจริงๆ สร้างกระแสไปงั้น กลัวคนอ่านหาย 555555 เรื่องราวพาร์ทนี้จะไปเรื่อยๆ ตามคอนเส็ปต์นิยายของขุ่นเจ้นี่แหละค่า

ยังไงก็อยู่ด้วยกันไปจนจบก่อนเนาะ ใครรออ่านหนังสือก็อีกนานเลย เรื่องนี้เขียนสดอัพสด ไม่ได้สต็อกเรื่องไว้เลยค่ะ เขียนไปเรื่อยๆ จนจบแล้วค่อยทำหนังสือ แต่ต้องจบภายในปีนี้แหละ ยืดนานไปเดี๋ยวนานเกิน จะกลายเป็นย้วยซะก่อน เส้นเรื่องทุกอย่างล็อคไว้หมดแล้ว เหลือให้ตอมเขียนให้จบนี่แหละ 55555

มีใครยังจำพี่แซ็คได้มั้ย พี่แซ็คใกล้มาแล้ววววนะ ฮี่ๆ 



เจอกันในส่วนถัดไปค่ะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนเลยนะคะที่ยังรออ่านนิยายเรื่องนี้เสมอ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่สัญญาว่าจะไม่ดองแน่นอน ไม่ทิ้งคนอ่านแน่ๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่พาร์ทแรกจนพาร์ทสุดท้ายละเนอะ ^__^

ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกโหวตที่มีให้นิยายเรื่องนี้ ขอบคุณทุกการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตนและไม่แสดงตัวตน ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่รักนิยายเรื่องนี้ในแบบที่มันเป็นค่ะ



แท็ก #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 21-04-2017 20:20:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-04-2017 20:26:40
 อร๊ายยย อีแมท ทำแบบนี้กะเตอร์ได้ไง 5565
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 21-04-2017 20:38:46
ชอบบบ ไม่อยากให้ทะเลาะกันแล้ว ให้รักกันแบบนี้แหละ ฟินๆ

 o13 พี่เตอร์ยังคงหลงน้องแมทเสมอต้นเสมอปลายจ้าา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-04-2017 20:43:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 21-04-2017 22:12:35
ถถถถถ พ่อยักษ์ ค้างเติ่งเลยย เช้ามาจัดเต็ม!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 21-04-2017 23:07:26
 :mew3: แมทเมาไม่เป็นท่าเลย เล่นเอาพี่ยักษ์เราค้างอีกแล้ว 555  :mew4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-04-2017 23:37:51
อยากเห็นแมท เต้นเลยอ่ะ  :ling1: :ling1: :ling1:

แมท ทิ้งเตอร์ ซะและ  :hao3:
ปล่อยให้เตอร์ อารมณ์ค้าง
ไหนใครบอกเตอร์ว่า
“เย็xแมทหน่อย เย็xแมทหน่อยยยย”
“ไหน ใครหยั่กไหเตอร์เย็ท”

“แมททท แมทเองงง”
ชอบ ที่ทั้งแมท ทั้งเตอร์ เมิน เนกับเพื่อนสาว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-04-2017 07:03:47
 :ling1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-04-2017 23:09:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-04-2017 00:25:32
ชอบอีตรงพูดภาษาไทยกัน แต่ละคำก็นะ คนสอนก็ช่างสอน
เนกับเพื่อนดูแปลก ไม่โออ่ะ แมทเต้นเก่งเหมือนเดิม แต่เลเวลความยั่วผัวพัฒนาไปไกลมาก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 70% :21.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: manamon ที่ 28-04-2017 17:43:49
แหมม อียักษ์นี่บทจะดีก็ดี๊ดีจริง  o13
รอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 03-05-2017 21:19:25


Yours and Mine EP.4 [100%]




ร่างเล็กลืมตาขึ้นพร้อมกับอาการปวดขมับเบาๆ ทั้งแสงแดดจากนอกบ้านและแสงไฟจากในบ้านทำให้รอบตัวสว่างจ้าไปหมด หันหน้าไปด้านหลังก็เจอวิคเตอร์นอนหลับ แขนขวากอดเอวเปลือยเปล่าของตัวเอง แมทดึงแขนวิคเตอร์ออกจากเอว ค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง มองซ้ายมองขวาสักแปบ แล้วก็ลุกเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรดื่ม เจอกล่องน้ำส้มคั้นของยี่ห้อหนึ่งที่แมทรู้ว่ามันไม่อร่อย แต่ก็ต้องดื่มอันนี้เพราะไม่มีอย่างอื่นแล้ว เทใส่แก้วแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด หันไปมองวิคเตอร์ที่ยังหลับสนิทพักหนึ่งแล้วก็เปิดช่องฟรีช หยิบผ้าเย็นออกมาสองผืน แกะออกมาใช้ผืนนึง เช็ดหน้าตัวเองจนรู้สึกสดชื่น เดินกลับไปหาวิคเตอร์พร้อมกับฉีกซองผ้าเย็น ดึงงออกมาแล้วนั่งลงข้างร่างยักษ์ใหญ่ คลี่ผ้าออกแล้วโปะลงบนหน้าหล่อๆ ไอ้ยักษ์ขยับตัวนอนหงาย มือขวาดึงผ้าออกจากหน้ามากองตรงอก แมทหัวเราะคิกคัก สายตาเลื่อนไปมองยักษ์น้อยที่ตั้งตรงในยามเช้า


แมทเขยิบตัวไปใกล้ยักษ์น้อย มือขวาจับลูกชายวิคเตอร์ ก่อนจะใช้ปากครอบครองเนื้ออุ่นที่มีกลิ่นคาวของเมื่อคืนค้างอยู่ แมทผงกหัวขึ้นลง สลับกับใช้ลิ้นกวาดเลียส่วนหัววิคเตอร์อย่างอ้อยอิ่ง กล้ามท้องวิคเตอร์หดเกร็ง ใบหน้านิ่วคิ้ขมวด แมทยิ้มทั้งที่โพรงปากยังไม่ปล่อยเจ้ายักษ์เขื่อง


“อือ…” วิคเตอร์คราง ก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆ ลืมขึ้น เขางงๆ เบลอๆ อยู่สักพัก แต่ก็รับรู้ถึงความเสียวช่วงนั้น พอสติเริ่มเข้าที่เข้าทาง วิคเตอร์ก็เด้งตัวขึ้นครึ่งหนึ่งเพื่อมองว่าเกิดอะไรขึ้น


“เหี้…” วิคเตอร์กำลังจะสบถ ใบหน้าถมึงทึงเล็กๆ แต่พอแมทช้อนสายตาขึ้นมาสบตา ยักษ์ใหญ่ก็ผ่อนคลายกว่าเดิม ทิ้งตัวลงนอนบนหมอน ปล่อยให้แมทดูดกลืนแท่งเนื้อของตัวเอง มือใหญ่หนาคลำบนหน้าอกก็เจอกับผ้าเย็นเลยหยิบขึ้นมาเช็ดหน้า รู้สึกสดชื่นและตื่นกว่าเดิม หน้าท้องวิคเตอร์หดๆ เกร็งๆ กับความเสียวที่แมทปรนเปรอให้ เขาหยิบหมอนอีกใบขึ้นมาซ้อนหัวเพื่อจะได้มองเห็นแมทได้ถนัดขึ้น


“It’s the best good morning. (เป็นการทักทายยามเช้าที่ดีสุดๆ เลย)” แมทหยุดสักแปบ เงยหน้าขึ้นยิ้มให้วิคเตอร์ คนนอนอยู่ส่งจุ๊บให้หนึ่งที


“Keep going, baby. (ทำต่อเลยที่รัก)” แมทกลับไปใช้ปากต่อ วิคเตอร์สูดลมหายใจและผ่อนออกยาวๆ ด้วยความสบายอารมณ์


สงสัยเอเลี่ยนน้อยจะไถ่โทษที่ปล่อยให้เขาค้างเมื่อคืน


และเพราะจากที่คั่งค้างจากเมื่อคืนอยู่แล้ว ใช้เวลาอีกไม่นานวิคเตอร์ก็ปลดปล่อยออกมาเต็มปากแมทที่ไม่ยอมถอนปากออกไป ปล่อยให้น้ำสีขาวข้นของไอ้ยักษ์พวยพุ่งเข้าไปในปากจนสำลัก แต่ยังใช้ปากอุดไว้ไม่ยอมปล่อย


“อ้า… อ้า…” วิคเตอร์อ้าปากครางเสียงแผ่ว ใบหน้าเชิดขึ้นอีกนิด เปลือกตาปิดแน่น หน้าท้องหดเกร็งพร้อมกับจังหวะที่ลูกชายพ่นน้ำออกมา


“อุ๊ก… ขึกๆ” แมทส่งเสียงค่อกแค่กเพราะน้ำข้นเหนียวนองเต็มปาก สุดท้ายก็ยอมถอนปากออกไป กลืนกินส่วนที่อยู่ในปากจนหมด บางส่วนที่ไหลออกจากปากอาบเยิ้มอยู่บนท่อนเนื้อวิคเตอร์


“Wow.” วิคเตอร์ครางเบาๆ และยิ้มอารมณ์ดี มองแมทที่ใช้ลิ้นตวัดคราบน้ำสีขาวรอบปากอย่างยั่วยวน มือขวาวิคเตอร์ยกไปลูบหัวแมทเบาๆ ด้วยความเอ็นดู


“You are a very good boy. (เป็นเด็กดีมาก)” วิคเตอร์ชมเสียงทุ้ม ยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากแมทหนึ่งที เจ้าตัวจ้อยคลี่ยิ้มยั่วเล็กๆ วิคเตอร์ดึงแมทให้มานั่งคร่อมตักตัวเอง หยิบผ้าเย็นสีขาวมาเช็ดรอบปากให้แมทจนสะอาดเกลี้ยง


“เมียจ๋าหน่ารั๊ก” แมทกัดริมฝีปากล่างแล้วยิ้ม แลบลิ้นเลียริมฝีปากวิคเตอร์หนึ่งที บักฝรั่งยิ้มและแลบลิ้นเลียริมฝีปากแมทกลับเช่นกัน


“เตอร์จ๋าก็น่าร้าก” วิคเตอร์ยิ้มขำ ดูออกเลยว่าแมทยังมีอาการเมาค้างอยู่เลยพูดหยอกพูดหยอดง่ายกว่าปกติ วิคเตอร์ก้มลงซุกและไซ้คอแมทอย่างหิวกระหาย แมทแหงนหน้าให้พ่อยักษ์ตัวโตสูดดมเนื้อตัวเองด้วยความระทวย


“อื้อ เตอร์…”


“…จ๋าเมีย” แมทหัวเราะคิกคักกับภาษาไทยแสนน่ารัก สองมือจิกผมยาวๆ ของวิคเตอร์จนหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงกว่าเดิม


“Let’s take a shower. I wanna go to the beach. (ไปอาบน้ำกัน แมทอยากไปหาด)”


“Hmmm? Why? (หืม ไปทำไม)” วิคเตอร์ถามทั้งที่ยังขบเนื้อตรงคอแมทด้วยริมฝีปากเบาๆ แมทดึงวิคเตอร์ออกจากคอตัวเอง มองตากันสักพัก เอเลี่ยนน้อยยิ้มเขินๆ จนยักษ์ใหญ่ยิ้มเขินตาม


“I want to try on the beach. (ผมอยากลองบนชายหาดอะ)” แมทกระซิบตรงริมฝีปากวิคเตอร์ก่อนจะใช้ฟันกัดริมฝากล่างวิคเตอร์เบาๆ คนตัวโตยิ้ม ใช้ริมฝีปากบนและล่างตะครุบริมฝีปากล่างของคนตัวเล็กและดูดไปหนึ่งที


“Good idea. (เข้าท่า)” วิคเตอร์ใช้สองมือช้อนก้นแมทให้มั่นคงและยืนขึ้นเต็มความสูง เดินอุ้มแมทไปทางห้องน้ำ ระหว่างเดินก็จูบปากกันไม่หยุดจนเดินสะดุดไปที สร้างเสียงหัวเราะให้ทั้งสองคน


ระหว่างอาบน้ำก็พยายามไม่ปลุกเร้าหรือยั่วยวนกันเองมาก แม้จะชอบสลับกันจับของกันและกันอยู่เรื่อยจนมันแข็งสู้มือ แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พอได้อาบน้ำแมทก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม แต่คงเพราะฤทธิ์กระทิงแดงที่ผสมไปในเหล้าเมื่อคืนเลยทำให้ยังคึกคักกว่าปกติ แมทใส่กางเกงว่ายน้ำสีดำมันเงาและทับด้วยเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ของวิคเตอร์


“เตอร์ แมทไปเตรียมของก่อนนะ” วิคเตอร์ที่ยืนเลือกกางเกงอยู่หันมาพยักหน้า แมทวิ่งออกไปที่ครัว หยิบตะกร้าหวายบนเค้าน์เตอร์มาใส่ของที่คิดว่าควรจะใช้ตามความคิดตัวเอง ซึ่งรวมถึงกล่องไอติมตักด้วย


พอจัดของในตะกร้าเสร็จ ก็วิ่งปรู๊ดกลับไปเอาห่วงยางแฟนซีตัวม้าโพนี่ออกมาจัดการเป่าลมใส่เข้าไปโดยใช้ที่สูบลมแบบเดียวกับสูบลมรถจักรยาน ออกแรงปั๊มจนกล้ามแขนแทบขึ้นจนมันพองโตแล้วก็ปรบมือเปาะแปะด้วยความดีใจคนเดียว


“แมท เสร็จรึยัง” แมทที่อยู่นอกบ้านหันไปมองวิคเตอร์เปลือยท่อนบน ท่อนล่างมีผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่พันเอวเอาไว้ ผมยาวหยักศกเล็กๆ ของวิคเตอร์สยายพลิ้วไหวดูเซ็กซี่ 


“พร้อม!” เอเลี่ยนน้อยตอบเสียงใสให้ยักษ์ใหญ่ยิ้ม และเดินไปหยิบตะกร้าหวายตามที่เจ้าตัวชี้ๆ


แมทเดินแบกห่วงยางที่แทบจะบังตัวเองมิดไปตามทางอย่างอารมณ์ดี ในที่สุดก็จะได้ใช้สมใจหลังจากพยายามหาจังหวะหยิบออกมาเล่นตั้งแต่มาถึงแต่ยังไม่มี ระหว่างเดินลงไปหาดก็เจอบาสและเบนเนดิคท์ที่เดินอยู่กับแชมป์ตรงช่วงทางเดินแถวริมหน้าผาของบ้านพักโซนด้านบนที่สามคนนี้พักอยู่


“ไปไหนกันวะ” เบนเนดิคท์ถาม แมทโผล่หน้าออกมาจากม้าโพนี่และส่งยิ้มให้ เบนเนดิคท์ยิ้มขำน้อยๆ


“ไปเล่นน้ำที่ทะเล”


“อ้าวเหรอ พวกฉันว่าจะไปเล่นน้ำที่บ้านพักแกอะ” วิคเตอร์เหลือบสายตาไปมองแมทที่คุยอะไรสักอย่างกับไอ้ล่าม ก่อนที่จะยกม้าโพนี่ตีหัวเพื่อนตัวเอง


“ตามสบาย มีห่วงยางของแมทอีกอัน เป่าลมเอานะ แมทอยากเล่นทะเล”


“เอามาเล่นเลยครับ น้องฟามิงโก้จะได้ออกมาดูโลกบ้าง” แมทที่ได้ยินแว่วๆ เรื่องห่วงยางหันไปบอกเบนเนดิคท์ด้วยความระริกระรี้ที่ห่วงยางอีกอันจะได้เอาออกมาใช้ เบนเนดิคท์กับบาสหัวเราะ


“โห่ อีแรด” แมทหันกลับไปหาแชมป์และยกม้าโพนี่ตีหัวไอ้ตี๋อีกที แทนที่จะเคืองแต่มันดันหัวเราะด้วยความตลกแทน


“พวกฉันสั่งเครื่องดื่มมากินด้วยนะ” วิคเตอร์ไหวไหล่ ท่าทีสบายๆ


“ตามใจ” เบนเนดิคท์ยักคิ้วพร้อมกล่าวขอบคุณ คุยเสร็จวิคเตอร์ก็เดินไปดึงมือแมทให้เดินลงไปที่ชายหาดหลักของรีสอร์ทเพื่อเดินต่อไปยังอีกหาด มีผู้คนมานอนอาบแดดและเล่นทะเลประปราย ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ เพราะคนไทยไม่ถูกกับแดดร้อนๆ แบบนี้ แต่ต่างชาติชอบที่จะมานอนอาบแดดและท้าแสงของแดด


“เราจะไปตรงไหนเหรอ” แมทถามในขณะที่เดินมาถึงหาดที่เล่นฟุตบอลกันเมื่อวาน มีฝรั่งผู้ชายสามคนนอนคว่ำบนผ้าผืนใหญ่ แต่ทั้งสามไม่ได้มาด้วยกัน คนนึงนอนกับภรรยา อีกคนนอนกับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน และมีฝรั่งผู้หญิงนอนเปลือยอกอยู่บนเก้าอี้อาบแดดแบบที่ไม่แคร์เวิล์ดแคร์กาแล็กซี่ที่ไหน


“มุมส่วนตัว รับรองว่าไม่มีใครมาขัดเซ็กส์บนชายหาดของนายแน่” แมทหน้าแดง เริ่มคิดว่าก่อนหน้านี้ทำไมตัวเองถึงกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกไป แต่มันกำลังคึกเลยนึกสนุกไปเรื่อย


วิคเตอร์พาเดินมาตรงมุมของหาดที่มีหินจากหน้าผาบดบังหาดมุมนี้อยู่ ใต้หน้าผาเป็นเหมือนถ้ำขาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ลึกถึงขนาดจะเรียกถ้ำได้เต็มปาก คล้ายกับว่าหินโดนระเบิดจนเกิดเป็นโพรง ใต้โพรงเป็นผืนทรายกว้างขวางที่นอนอาบแดดได้สบายๆ สำหรับคนสองคนหรือมากสุดก็สามคน สุดทางหาดมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมให้ร่มเย็น มีต้นไม้หักลงมานอนพาดกับโขดหินสีน้ำตาลอ่อน บางอันก็หัวทิ่มลงไปในทะเล คลื่นตรงนี้ไม่แรงมาก เป็นคลื่นอ่อนๆ อาจเพราะมีโขดหินกั้นเอาไว้เลยพัดมาถึงส่วนของหาดแบบไม่รุนแรงนัก


“รู้จักตรงนี้ได้ไงอะ” แมทถามแล้วมองไปรอบๆ อย่างตะลึงเล็กๆ มันก็ไม่ได้ว่าหลุดตีมจากหาดหลัก เพียงแค่ไม่คิดว่าจะมีตรงนี้อยู่ เดินมาไกลจากตัวหาดหลักเหมือนกัน


“เคนบอก” แมททำหน้าว่าอ๋อ เดินไปวางม้าโพนี่ตัวสีขาวแต่หัวกับหางเป็นสีรุ้งลงบนชายหาดที่คลื่นซัดมาถึงเพื่อให้มันขยับดุ๊กดิ๊กเวลาโดนคลื่น แมทเดินไปเปิดตะกร้า หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดถ่ายรูป ปล่อยให้วิคเตอร์เป็นคนปูผ้า เอเลี่ยนน้อยนั่งหัวร่อคนเดียวตอนมองดูรูปห่วงยางเด้งดุ๊กดิ๊ก


“แมท เอาไอติมมาทำไม เดี๋ยวก็ละลายหรอก” แมทหันกลับไปมองวิคเตอร์ที่ยืนถือกล่องไอติมรสวานิลลาและทำหน้าตาสงสัย ใบหน้าใสๆ ของแมทแดงระเรื่อ เจ้าตัวเดินกลับมาหาวิคเตอร์ ก้มตัวถอดกางเกงว่ายน้ำออก ดึงชายเสื้อเชิ้ตขึ้นและหันก้นให้วิคเตอร์ คนตัวโตยังมองงงๆ แมทกัดริมฝีปากล่างแล้วเอี้ยวหน้าไปมองพ่อยักษ์ผิวแทนรูปหล่อ


“Do you want to eat ice-cream? (อยากกินไอติมมั้ย)” แมทมองอย่างเชิญชวน วิคเตอร์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจอยู่อีกพักก่อนที่จะคลี่ยิ้มเพราะเข้าใจความหมายของไอ้ตัวจ้อย


“Yes. (อยากสิ)” แมทยิ้มกว้างกว่าเดิม เอื้อมมือไปดึงผ้าขนหนูสีขาวจนหลุดแล้วก็ต้องร้อนวูบวาบ กะพริบตาปริบมองกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองตัวเล็กจิ๋วที่วิคเตอร์ใส่ มันรัดรูปได้ชวนอึดอัดใจและใจหายเหลือเกิน วิคเตอร์ยิ้มมุมปากและยักคิ้วขวาให้หนึ่งที แมทยื่นมือซ้ายไปลูบตามความยาวและความตุงของยักษ์น้อยที่แม้จะนอนสงบแต่ก็ดูอึดอัดเมื่ออยู่ในกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองตัวนั้น 


แมทย่อเข่าลงตรงหน้าเป้าตุงๆ ของวิคเตอร์ มือซ้ายยังคงลูบตรงช่วงนูนของกางเกง ช้อนตามองหน้าวิคเตอร์ที่ยิ้มกริ่มแล้วก็ยิ้มตอบ กางเกงว่ายน้ำสีเหลืองช่างตัดกับผิวแทนเข้มๆ ของไอ้ยักษ์เหลือเกิน


“มาสิ ฉันจะกินไอติม” วิคเตอร์นั่งลงตรงหน้าแมท ร่างเล็กยิ้ม และนอนหันหน้าไปทางทะเล โค้งก้นขึ้นให้วิคเตอร์ที่นั่งอยู่ด้านหลัง เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังเบาๆ ราวกับเสียงเพลงที่เปิดเป็นแบ็คกราวด์


“ต้องขอบคุณไอ้แช็คนะ” วิคเตอร์ว่าแล้วบีบก้นกลมกลึงเต่งตึงของแมทที่เดี๋ยวเด้งได้เด้งดีเพราะมีเทรนเนอร์ดีอย่างไอ้พระเอกหนังโป๊คนนั้น เขารีเควสมันไปเองว่าขอให้ก้นแมทแน่นๆ เหมาะกับรับแรงกระแทกจากเขา และเพื่อความปลอดภัยของแมทด้วย มันก็จัดให้สมใจ ไม่รู้เพราะมีประสบการณ์ในวงการหนังอย่างว่าเยอะรึเปล่าเลยรู้ว่าต้องทำยังไงให้ฝ่ายรองรับมีก้นที่สตรองที่สุด


แมทเอาข้อศอกเท้าตัวเองไว้ หายใจหอบเบาๆ เพราะรู้สึกลุ้นกับประสบการณ์ริมหาด แมทชอบให้วิคเตอร์ใช้ลิ้นกับตัวเอง ทุกครั้งเลยยังรู้สึกใจเต้นตึกๆ เสมอ อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้นกลัวว่าคนจะเดินมาเห็นมั้ยถึงมันจะเป็นมุมส่วนตัวก็เถอะ กำลังคิดอะไรเพลินๆ สักพักช่องทางด้านหลังก็เย็นฉ่ำด้วยไอติมที่โปะลงตรงรูเนื้อย่นยั วิคเตอร์ใช้นิ้วดันไอติมเข้าไปด้านในรูนั้น แมทหอบหายใจแรงขึ้นอีกนิดเพราะความตื่นเต้นกับการกระทำของวิคเตอร์ ไหนจะความเย็นอ่อนๆ ที่คั่งค้างอยู่ด้านใน ไอ้ยักษ์ไม่หยุดแค่นั้น ยังคงตักไอติมและยัดเข้าไปในรู มีไหลไปตรงช่วงเส้นเชื่อมกับฐานลูกกลมกลึงสองลูกบ้างตอน


“ตะ… เตอร์” แมทครางเป็นภาษาไทยเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงความอัดแน่นของไอติมที่ถูกยัดเข้าไปข้างใน


“แน่นเหรอ” แมทเอี้ยวหน้าไปพยักหน้า วิคตอร์ยิ้มชอบใจ วางช้อนลงในกล่องไอติม


“เบ่งออกมาสิ…” ลมหายใจแมทสะดุด เอี้ยวหน้ามองวิคเตอร์ด้วยความตกใจเล็กๆ “…น่า ตอนอาบน้ำเราทำความสะอาดกันอย่างดีแล้วนี่”


แมทกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆ ออกแรงเบ่งไอติมที่ถูกอัดเข้าไปด้านในออก วิคเตอร์ซุกหน้าลงตรงร่องกลางก้น และใช้ลิ้นเลียไอติมที่ไหลเยิ้มออกมาจากรูก้นของแมท สลับกับใช้ปากดูดเนื้อไอติมเข้าปาก


“Yeah. Good. Done? (เยี่ยม อร่อยมาก ยังเหลืออีกมั้ย…)” แมทออกแรงเบ่งเบาๆ ก้อนไอติมที่ยังไม่ทันละลายหลุดออกมา วิคเตอร์รีบใช้ลิ้นตวัดเข้าปากอย่างเร็ว เสียงดูดกลืนและเสียงเลียแผล่บทำให้แมทรู้สึกร้อนเร่าจนแมทน้อยตื่นเต็มตัว วิคเตอร์ใช้มือซ้ายจับและช่วยชักให้เบาๆ


“อ๊ะ…” แมทร้องเบาๆ ตอนวิคเตอร์แยงลิ้นเข้าไปในรูที่ฉ่ำไปด้วยไอติม ปลายแหลมของเรียวลิ้นทำให้รู้สึกเสียววาบแปลกๆ


“You like it, huh?” วิคเตอร์ถามพลางตักไอติมสีเปลือกไข่อ่อนๆ กรอกลงรูที่ปากทางเริ่มเปิดมากกว่าเดิม สองมือแมทขยุ้มผ้าปูสีดำจนยับย่น หน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อยตอนโดนนิ้วแยงลงไปเพื่อดันไอติมเข้าไปด้านใน พอยัดจนอัดแน่น วิคเตอร์ก็สั่งให้เบ่งออกเหมือนเดิมและใช้ลิ้นเก็บกวาดไอติมเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เสียงสูดไอติมเข้าปากทำให้แมทใจเต้นตึกตัก 


“Come on. I know you still have it inside. (มาน่า ฉันรู้ว่ายังเหลืออีก)” แมทดันตัวขึ้น ใช้สองมือยันตัวเอง และออกแรงขับไอติมที่เหลือออกมา ก้อนไอติมที่ใกล้ละลายไหลเยิ้มออกมา วิคเตอร์ใช้ลิ้นรองรับและตวัดเลียอย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่หยดลงพื้นหรือไหลเยิ้มลงไปหาแมทน้อย


“อู้ววว” แมทส่ายก้นเบาๆ เมื่อเจอวิคเตอร์ใช้เรียวลิ้นแยงเข้าไปในรูนั้น วิคเตอร์ผงกหัวเข้าออกอย่างว่องไว ลิ้นยาวๆ ของเขาทำให้ท้องน้อยแมทหดเกร็ง ในขณะที่แมทเกือบทนไม่ไหว วิคเตอร์ก็หยุดใช้ลิ้นแหย่ช่องทางสีชมพู เปลี่ยนเป็นเลียเก็บกวาดคราบไอติมที่ยังหลงเหลืออยู่แต่ก็ไม่ได้สะอาดหมดจด


“เตอร์ อืมมม” แมทหลับตาครางเสียงเพี้ยน วิคเตอร์หยุดใช้ลิ้นกวาดเลีย ดึงแมทให้ลุกขึ้นยืน ร่างเล็กยืนแบบงงๆ เพราะยังรู้สึกเสียวไส้เบาๆ


“เดินไปหาน้องโพนี่” วิคเตอร์ตีก้นแมท จังหวะที่เก้าเท้าขวาไปหนึ่งก้าว เสียงโทรศัพท์แมทก็ดังขึ้น เจ้าของโทรศัพท์หันควับกลับมามอง แต่วิคเตอร์ไวกว่า หยิบมือถือแมทขึ้นมา ลุกขึ้นยืนและพาแมทเดินไปตรงห่วงยางม้าโพนี่ จับแมทนอนหงายหลังบนห่วงยางตามแนวขวาง ก้นแมทเกินออกมาจากพื้นที่ห่วงยาง วิคเตอร์จับสองขาแมทกางออก สองเข่าคุกลงบนพื้นทรายจนจมลงไป มือซ้ายดึงยักษ์น้อยที่ตื่นตัวตัวนานแล้วออกมาจากกางเกงว่ายน้ำ ดึงขอบกางเกงด้านหน้าไปไว้ใต้ไข่กลมกลึงสองใบ


“Hello?” วิคเตอร์กดรับสาย ในขณะที่ค่อยๆ ดันแท่งเนื้อตัวเองเข้าไปในตัวแมท


[แมทเหรอ?] เสียงของไอ้พีท โปรดิวเซอร์ของกองถ่ายแมทที่เขาโคตรจะรำคาญมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ดังมาตามสาย


“เปล่า… ฉันเอง วิคเตอร์ แมทไม่ว่าง…” แมทดันตัวเองลุกขึ้น เอื้อมมือจะไปดึงโทรศัพท์ วิคเตอร์ยกโทรศัพท์ออกห่างจากตัว ใช้มือขวาผลักแมทให้นอนลงไปบนห่วงยางตามเดิม และเริ่มออกแรงขยับกระแทกเข้าหาแมทแรงๆ หนึ่งที จนแมททำหน้าจุก


“เฮ้… แมทอยู่…”


“พีท อื้อ!” แมทดันตัวเองลุกขึ้นทั้งที่ด้านล่างโดนวิคเตอร์เสียบคาเอาไว้ มือซ้ายแมทคล้องคอร่างสูง ไอ้ยักษ์เลยก้มหน้าลงจูบปากแมทและใช้ลิ้นกวาดไปรอบโพรงปากด้วยความหงุดหงิดจนแมทหายใจแทบไม่ทันและไม่ทันตั้งสติเลยกลายเป็นพยุงตัวขึ้นมาให้เขาจูบเต็มๆ ด้านล่างก็คาเอาไว้ไม่ยอมขยับจนแมทอึดอัด โทรศัพท์ก็อยากคุย


“อื้ม หม่ะ!...” วิคเตอร์ถอนปากออกจากปากแมท ทิ้งให้แมทแทบหมดแรงเพราะโดนจูบอย่างหนักหน่วงราวกับไอ้ยักษ์มันอดอยากมาแรมปี ตัวอ่อนหงายหลังลงไปนอนหอบหายใจหอบอย่างแรงบนตัวม้าโพนี่ วิคเตอร์เอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง มือขวาจับเอวแมทไว้และเริ่มขยับสะโพกเบาๆ


“แมทไม่ว่างคุย อาทิตย์หน้าแมทก็กลับนิวยอร์กแล้ว ไว้คุยกันตอนนั้นแล้วกัน” วิคเตอร์กดวางสาย และกดปิดเครื่อง โยนโทรศัพท์ไปบนผ้าปู


“วิคเตอร์อะ!” แมทหน้ามุ่ย ยกมือขวาตีหน้าอกวิคเตอร์เบาๆ ไอ้ยักษ์ดึงสองมือแมทมาจูบที่หลังมือ เน้นมือซ้ายตรงนิ้วข้างซ้ายที่แมทมักจะใส่แหวนหมั้นไว้เสมอ แต่ตอนนี้ถอดออกเพราะกลัวหล่นหาย แมทระทวยใจยวบยาบ ไม่ต่อต้านใดๆ วิคเตอร์โน้มตัวไปจูบปากแมทอีกทีด้วยความมูมมามและหงุดหงิดที่มีคนมาขัดขวาง


แรงกระแทกด้านล่างจึงรุนแรงจนแมทร้องเสียงหลงแข่งกับคลื่น สติแทบจะกระเด็นหลุดออกจากสมองตลอดเวลา… ได้แต่หวังว่าเสียงคลื่นจะดังพอกลบเสียงร้องอันเสียวซ่านของตัวเอง







“แฮ่ก… แฮ่ก… ตะ… เตอร์ แมทอยาก… อยากแตก” แมทบอกเสียงอ้อนแต่ก็ปะปนกับอาการเหนื่อยหลังจากวิคเตอร์ปลดปล่อยออกมามากมาย วิคเตอร์ไม่ยอมให้แมทถึง บีบแมทน้อยไว้ไม่ให้แตะจุดสุดยอด


เหงื่อไหลอาบผิวสีแทนเข้มของวิคเตอร์ไปทั่วลำตัวและแผ่นหลัง เขาหายใจหอบหน้าขรึม ค่อยๆ ดึงตัวเองออกจากก้นแมท น้ำสีขาวข้นไหลตามออกมาเป็นบางส่วน แมททิ้งตัวนอนตะแคงหอบเบาๆ บนหาดทรายข้างห่วงยาง พื้นทรายเป็นหลุมสี่หลุมจากการคุกเข่าของทั้งสองคนแต่คนละโพสิชั่น


“ไม่ได้ ลงโทษที่เอาเรื่องงานมาแทรกเรื่องส่วนตัว” วิคเตอร์ว่าพลางเก็บอาวุธเข้าไปในกางเกงว่ายน้ำ แมทยันตัวลุกขึ้นนั่ง ยกมือตีท้องวิคเตอร์ดังแปะ


“ผมยังไม่ได้คุยเลยสักแอะ เอามาแทรกตรงไหน”


“นายทำท่าอยากจะรับสายมัน” วิคเตอร์ว่าหน้าดุ


“ก็แค่จะคุยว่าต้องการอะไรเท่านั้นเอง” แมทบอกเสียงอ่อย วิคเตอร์ยกมือซ้ายชี้หน้าแมท แล้วโบกนิ้วเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ให้ ไม่เอา


“ไป อยากเล่นทะเลด้วยไม่ใช่เหรอ” แมทแลบลิ้นใส่วิคเตอร์ และดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างโงนเงน สองขาสั่นเหมือนโดนไฟช็อตอยู่พักหนึ่งจนวิคเตอร์ต้องลุกขึ้นยืนตามเพื่อประคองไม่ให้ไอ้เอเลี่ยนล้ม


“ดีขึ้นยัง” วิคเตอร์ถามแล้วนั่งยองๆ กับพื้นทราย สองมือบีบต้นขาและก้นแมทเร็วๆ เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ แมทหันไปมองพ่อยักษ์ผมยาวที่หน้าตาจริงจังกับการนวดแล้วก็อมยิ้ม


“ดีแล้ว” วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นแมทยิ้มก็เลยยิ้มตาม คนตัวโตลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้มหน้าลงจุ๊บหน้าผากคนตัวเล็กหนึ่งที ยื่นมือไปหยิบม้าโพนี่ของไอ้ตัวแสบมาถือไว้ อีกมือก็จับมือเจ้าของห่วงยาง


“จะไปใส่กางเกงว่ายน้ำก่อน”


“ลงไปทั้งอย่างนี้แหละ” สีหน้าแมทเบลอๆ ปล่อยให้วิคเตอร์พาเดินลงไปในทะเลอย่างง่ายดาย อันที่จริงแมทไม่มีแรงจะต้านมากกว่า โดนสูบพลังงานไปเยอะเหมือนเดิม


ทำท่างอนวิคเตอร์อยู่แค่พักเดียวเท่านั้นแหละ พอได้ลงทะเลก็หัวเราะเริงร่า ดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน มียักษ์ใหญ่คอยเป็นบอดี้การ์ดข้างๆ ห่วงยางโพนี่ลอยโต้คลื่นเอื่อยๆ อยู่ใกล้ทั้งสองคน


“อุ้มๆ อุ้มขึ้นม้าหน่อย” วิคเตอร์ยกตัวแมทให้ขึ้นไปนั่งบนห่วงยาง แมทตีขาตีมือในน้ำสนุกสนานราวกับเด็ก


“ฉันไปสูบบุหรี่ก่อน” แมทหน้าบึ้งทันที วิคเตอร์ยิ้มทะเล้นตอบ เดินกลับเข้าฝั่งแบบไม่เร่งรีบ พอขึ้นมาบนฝั่งก็เปิดตะกร้า หยิบบุหรี่กับไฟแช็คขึ้นมา ถึงจะบ่นว่าไม่ให้เขาสูบ แต่ไอ้เอเลี่ยนก็ยัดใส่ตะกร้ามาเฉย


วิคเตอร์นั่งสูบบุหรี่อยู่บนผ้าปู สายตาคอยมองแมทควบม้าโพนี่ในน้ำทะเลไปด้วย มองเจ้าตัวจ้อยหัวเราะกับการโต้คลื่นอยู่สักพัก เขาก็เอื้อมมือไปหยิบมือถือตัวเองออกมาจากตะกร้า หยิบมาเปิดกล้องและกดถ่ายแบบ Boomerang ในจังหวะที่ม้าโพนี่ของแมทกำลังโต้คลื่น เลยได้ภาพเคลื่อนไหวแบบขึ้นสูงลงต่ำตามคลื่น ดูแล้วตลกดี วิคเตอร์หัวเราะทั้งที่ปากยังคาบบุหรี่เอาไว้ จัดการกดอัพภาพในอินสตาแกรมแอคเค้าท์หลักของตัวเองที่มีคนติดตามเป็นล้านๆ แทนแอคเค้าท์ลับที่มีรูปฮาๆ รั่วๆ และน่ารักของแมทเต็มไปหมด


วิคเตอร์กดอัพรูปพร้อมกับแคปชั่น ค่อนข้างมั่นใจว่ามองเห็นแมทในระยะไกลมากๆ แล้ว ดูแทบไม่ออกว่าเป็นใครเพราะแมทนั่งหันหลัง แมทไม่ชอบให้อัพรูปคู่หรือเห็นหน้าตัวเองโดยตรง ความสัมพันธ์ของเขาสองคนยังไม่มีสื่อไหนที่เปิดเผยได้อย่างชัดเจน มีแค่เขียนเดาไปต่างๆ นาๆ เพราะเซล่าก็ยืนยันว่าแมทเป็นแค่น้องชายที่เป็นญาติกันเขาเท่านั้น เซล่าตอบคำถามดีกว่าเขาอีก ตอบแบบไม่มีอะไร ตอบแบบเนียนจนพวกนักข่าวไม่รู้จะล้วงแคะแกะเกาตรงไหน เธอบอกว่า เธอเองต้องเชื่อก่อนว่าแมทคือน้องชายเขาจริงๆ จะได้พูดเต็มปากเต็มคำ วิคเตอร์ก็ทำได้แค่ขำขัน ไม่คิดบังคับเธอ ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็ปล่อยเธอไป บวกกับข่าวคราวของเขากับสาวๆ ที่ยังมีมาเรื่อยๆ เลยทำให้คน (ที่ตามข่าว) ยังจับทางไม่ถูกว่าข่าวของเขาจะไปทางไหนกันแน่ พวกที่ด่าๆ แมทว่าไม่เหมาะสมกับเขา หรือไม่ควรคบกับเขาก็เริ่มเบาลงเพราะไม่มีอะไรการันตีสักทีว่านักแสดงของพวกเขาคบเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ จากประเทศไทยจริงรึเปล่า


วิคเตอร์มองรูปแมทบนหน้าจอมือถืออีกครั้ง ยิ้มขำกับแคปชั่นที่เชื่อว่าถ้าแมทเห็นจะต้องเข้าใจได้ไม่ยาก และคงได้เห็นหน้าใสแก้มป่องอวบๆ แดงระเรื่ออย่างแน่นอน


‘Happy Valentine’s day, ‘on the beach’.’




ได้อัพต่อแว้วววว

ตอนแรกจะอัพเมื่อวาน แต่คอมเดี้ยง เลยเอาไปล้างและลงโปรแกรมใหม่ ตอนนี้กำลังงงๆ กับอะไรหลายอย่างของโปรแกรมใหม่ คือไม่ได้ต่างจากเดิมมาก แต่ก็ไม่เหมือนเดิมเลย -_- งง ยังใช้แบบก่งก๊งอยู่

กลับมาที่เรื่องราว ขอเปลี่ยนชื่อตอนแน้คะ ชื่อนี้จะเหมาะกว่า เพราะเป็นพ้อยท์หลักของเอพิโสตนี้ ฮ่าๆๆๆ

เขาโจ๊ะพรึมพรึมกันบนหาดล่ะตั๊ววว ประสบการณ์ใหม่ ไฉไลมั่กๆ คริๆ พ้อยท์ที่พีคคือ อีน้องยั่วอีพี่ กรีสสสส อยากกินไอติมมั้ยย ว้ายยย ว้ายยย พี่ยักษ์ก็กินสิคะ

ตอนเขียนซีนนี้แอบจุ๊กกรู้วเหมือนกันนะ ไม่รู้หมายถึงอะไร แต่มัน จุ๊กกรู้วววอะ 55555 มันดูแนสตี้ๆ เนอะ (แบบว่าฉกปรกนิดๆ) แต่แบบก็ได้อารมณ์ดิบมากกกก / อ้าปากกว้างๆ แบบคนอยากกินของเปรี้ยว

แต่ไม่ต้องห่วง ทั้งสองคนเขารักษาความสะอาดอย่างดิบดีนะจ๊ะ เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร ฮิๆ  -..- 

เดี๋ยวเจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากที่ยังอยู่ด้วยกัน เชื่อว่ามีบางคนหายไปเพราะคิดว่าจบแล้วหรือลืมไปแล้วว่ามีเรื่องนี้ ฮ่าๆๆ หรือบางคนก็หายไปเพื่อรอหนังสือรวดเดียว จะพยายามเขียนให้ไวขึ้นนะคะ อิๆ

แต่ก็มีหลายคนที่ยังอยู่ด้วยกันแบบเรียลไทม์ ขอบคุณมากค่ะสำหรับการติดตามทั้งแบบแสดงตัวตน (คอมเม้นต์) และแบบไม่แสดงตัวตน (นักอ่านเงา) การติดตามและคอมเม้นของคนอ่านคือแรงขับเคลื่อนในการเขียนแต่ละตอนของคนเขียนเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่รักพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน อาจจะนานๆ ทีอัพ แต่ไม่หายแน่นอน ไม่ดองแน่นอนค่ะ พาร์ทสุดท้ายแล้ว ต้องจบแน่นอนจ้าาา

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-05-2017 22:48:53
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-05-2017 22:49:56
แมทน้อยยยย เดี๋ยวนี้ร้ายกาจจีๆ มีพกตงพกติม ฟินเฟ่อริมหาดกันไปปปป  ร้อนแรงจนแดดยังยอมแพ้อ่ะ
ภาพที่โพสต์น่ารักมากแน่ๆ เด็กน้อยบนห่วงยาง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2017 22:55:06
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 03-05-2017 23:19:36
แมทเวอร์ชั่นอัพเกรดไปไกลแล้วจ้าา า5555 พี่ยักษ์จะไปไหนรอด
น่ารักอ่ะ ถ่ายเอเลี่ยนตอนเล่นน้ำเหมือนเด็กเลย เลิฟฟ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-05-2017 00:12:01
แมท ตื่นมาก็ทำน่ารัก อ้อน ชดเชยวิค แบบประทับใจเลย

คู่รักคู่นี้ เซ็กส์กันสบึมสุดๆ แมท คงโคตรเสียวสุดๆเลย
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 15-05-2017 02:39:43
 :hao3:  เตอร์ก็พยายามปรับปรุงตัวดีนะ แต่แมทนี่ โคตรของโคตรดื้อจริงๆ บางครั้ง 

อยากจับตีก้นเหมือนที่เตอร์ทำจริงๆ   :katai3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-05-2017 21:06:04
คู่นี้เรียกเลือดทุกเวลาจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 18-05-2017 17:18:33
ขาย :haun4:สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.4 100% :03.05.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-05-2017 22:30:15
ขอสารภาพว่าเราเห็นเรื่องนี้ผ่านตามานานมาก แต่ก็ไม่เข้ามาอ่านสักที ได้แต่บุ๊กมาร์คไว้ แต่พอเข้ามาอ่านเท่านั้นแหล่ะค่าาาา ชอบมาก ติดมาก อ่านรวดทีเดียวตั้งแต่ตอนแรกยันตอนล่าสุด ติดแบบวางไม่ลงเลย 5555555
เราชอบความรักของแมทและวิคเตอร์ มันดูเรียลจริงๆ ได้เห็นพัฒนาการความรักของสองคน จากทีรักมากจนเกินพอดี ไม่เข้าใจ ไม่เชื่อใจกัน ผ่านเรื่องราวมามากมาย จนค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน เข้าใจกันมากขึ้น  แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้แมทจะจริงจังงานจนลืมวิคเตอร์ไปซะงั้น 5555 สู้ๆนะแมทวิคเตอร์ และก็จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-06-2017 20:57:54


Yours and Mine EP.5 :: Drunken Alien. [50%]



 “อึ… อา… อา…”

           

 

ปับๆๆๆๆ

           

 

“อะ…”

           

 

“ไม่ ที่รัก เอาแขนออกไป…” ร่างใหญ่ยักษ์บอกเสียงแหบพร่าทั้งที่ยังไม่หยุดเด้งเอวใส่ร่างเล็กเนื้อแน่น เจ้าเอเลี่ยนที่หน้าตาทรมานด้วยความเสียวยกสองแขนออกจากคอวิคเตอร์และวางไว้เหนือหัวตัวเองอย่างอ่อนแรง เสียงหอบหายใจของแมทดังกระเส่า วิคเตอร์ก้มลงดูดหัวนมฝั่งซ้ายของแมทแบบชิลๆ เสียงครางของเอเลี่ยนน้อยสั่นด้วยความทรมานยิ่งขึ้น สองแขนยกขึ้นจากพื้นทรายทำท่าจะมาคล้องคอวิคเตอร์อีกรอบ

           

 

“อย่า…” ยักษ์ใหญ่คำรามเสียงแหบ แมทกลืนน้ำลายลงคอและเอาแขนวางไว้เหนือหัวตามเดิม วิคเตอร์ขยับตัวขึ้น สองมือวางไว้บนพื้นทรายจนยุบลงไปตามแรงกด เด้งเอวเข้าหาคนด้านล่างที่แทบจะตั้งขารองรับแรงกระแทกไม่ไหว

           

 

“อ๊ะ! อื้อ!” แมทขมวดคิ้วแน่น ร้องเสียงเพี้ยน วิคเตอร์หยุดกระแทก ยื่นมือไปหยิบขวดเหล้ารสโปรดของแมทขึ้นมาและจับเทใส่ปากคนที่นอนอยู่ช้าๆ ไอ้ตัวจ้อยดื่มอึกๆ อย่างว่าง่ายไม่ขัดขืน เพราะตอนนี้เริ่มมึนๆ เมาๆ วิคเตอร์มอมเหล้าแมทไปห้าขวดซึ่งแมทไม่ใช่คนคอแข็ง เจอรสหวานๆ แบบนี้ก็กินเพลินจนมึนตึ้บ

           

 

“เตอร์ ขยับสิ” วิคเตอร์กรีดยิ้ม วางขวดเหล้าไว้บนผ้าปูสีดำ ก้มลงหอมแก้มแดงปลั่งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หนึ่งฟอดแล้วเริ่มขยับเอว แมทครางเสียงสั่นเป็นช่วงๆ ตามจังหวะกระแทกที่ไปโดนจุดกระตุ้น มือใหญ่หนายื่นมือไปหยิบกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองที่ตั้งใจใส่มายั่วคนตัวเล็กขึ้นมาจากผ้าปูและยัดปากแมทให้เจ้าตัวกัดไว้

           

 

“ร้องเยอะดีนัก” วิคเตอร์ยิ้มล้อ แมทปรือตามอง กัดกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองแน่น สองมือทำท่าจะยกขึ้นมา ยักษ์ใหญ่เลยยกมือตัวเองไปกดข้อมือเอเลี่ยนตัวเล็กไว้จนจมพื้นทราย คลื่นกระทบเข้าฝั่งยังไม่แรงเท่าแรงกระแทกตูดของไอ้ยักษ์เลย   

           

 

“I’m gonna cum. (ฉันจะแตกแล้ว)” พ่อพระเอกผมยาวกระซิบบอก แมทพยักหน้ามั่วซั่วไปหมด คนด้านบนก้มลงไปใกล้หน้าคนด้านล่างอีกนิดและกระซิบถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วขนลุกซู่

           

 

“Can I cum on your face? (แตกบนหน้านายได้มั้ย)”

           

 

“อื้อ” แมทตอบเสียงอู้อี้เพราะปากกัดกางเกงว่ายน้ำ ร่างใหญ่คลี่ยิ้มพอใจ แรงกระแทกเปลี่ยนเป็นถี่รัวอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่วิคเตอร์จะหลับตากัดฟันแน่นกับความเสียวที่พุ่งขึ้นมา พอรู้สึกจะปลดปล่อย วิคเตอร์ก็ดึงตัวเองออกจากตัวแมท ขมิบก้นให้แน่นเปรี๊ยะเพื่อชะลอการหลั่ง มือใหญ่หนาดึงต้นคอของแมทให้ลุกขึ้นนั่งทั้งที่เจ้าตัวจ้อยหายใจหอบหนักหน่วง วิคเตอร์ยืนคร่อมแมท ย่อเข่าลง มือขวาที่เปรอะทรายนิดหน่อยชักลูกชายตัวเองรัวๆ ค่อยๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อตรงก้นแน่นๆ แล้วยักษ์น้อยก็พ่นน้ำออกมาเลอะใบหน้าแมทที่เปลือกตาปิดสนิท ปากยังกัดกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองสด น้ำสีขาวข้นที่ไม่ข้นเท่ารอบแรกๆ หยดลงบนใบหน้าแมทและกางเกงว่ายน้ำ วิคเตอร์คำรามเสียงดุดันจนหยาดหยดสุดท้ายหยดลงบนแก้มแดงปลั่ง เขายืดตัวยืนผ่อนลมหายใจ สองมือเท้าเอว ก้มลงมองเอเลี่ยนน้อยที่หน้าเปรอะไปด้วยน้ำรักของเขาแล้วยิ้ม

           

 

“สุดยอดครีมทาหน้า” วิคเตอร์ว่าทะเล้น แมทเปิดเปลือกตา มองร่างยักษ์ใหญ่ไหล่กว้างหนาของสามีแบบเมาๆ วิคเตอร์ดึงกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองออกจากปากแมท แล้วใช้เช็ดคราบน้ำสีขาวบนหน้าแมทจนหมดไป ก่อนจะคลี่กางเกงออกใส่กลับเข้าไปใหม่ จัดระเบียบให้ลูกชายนอนสบายๆ ในกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองสดทรงสามเหลี่ยมตัวจิ๋ว แมทนั่งอ้าขาด้วยความอ่อนแรง สองแขนค้ำร่างตัวเองไว้ด้านหลัง แหงนหน้าไปด้านหลังเพราะคออ่อนด้วยแอลกอฮอล์ วิคเตอร์นั่งลงซ้อนหลังแมท ยกร่างแมทให้กระเถิบไปใกล้กับคลื่นทะเลมากขึ้น

           

 

“อื้อ เตอร์ เดี๋ยวทรายเข้าตูด” วิคเตอร์หัวเราะอารมณ์ดี ยื่นมือไปล้างทรายออกกับคลื่นที่ซัดเข้ามา

           

 

“เดี๋ยวล้างให้ ตอนนี้ให้แมทน้อยปล่อยน้ำก่อน” วิคเตอร์จับแมทเอนลงกับอกตัวเอง ผูกชายเสื้อเชิ้ตสีขาวคล้ายโบว์ไว้ตรงหน้าท้องแมท มือขวาจับแมทน้อยไว้ในมือและชักให้

           

 

“ดีมั้ย” วิคเตอร์กระซิบถามเอเลี่ยนน้อยที่นอนพิงไหล่เขาตาปรือ คนถูกถามพยักหน้าเบาๆ สีหน้ากำลังรู้สึกสบายกับการปรนเปรอของสามี

           

 

“อะ… โอ๊ย…” แมทครางเสียงแผ่ว หน้าท้องหดเกร็ง วิคเตอร์จูบแก้มใสแดงปลั่งหนึ่งที ก้มมองสีหน้าทรมานจะขาดใจของแมทด้วยสายตาวาววับ มือขวาก็รูดเข้ารูดออกให้แมทแบบไม่เร่งรีบ แต่กระตุ้นอารมณ์คนเมาได้ดีเหลือเกิน

           

 

“เตอร์จ๋า…” แมทครางเป็นภาษาไทยในขณะที่ร่างกายเริ่มบิดน้อยๆ สองมือจิกเส้นผมยาวของวิคเตอร์แน่น

           

 

“…จ๋า” พ่อฝรั่งตอบรับเป็นภาษาไทยชัดแจ๋วเพราะพูดคำนี้บ่อยกับแมท ร่างเล็กขมวดคิ้วแน่นกับความเสียวที่ทำให้รู้สึกมวลท้อง

           

 

“อ่า…” แมทครางตาปรือ วิคเตอร์ยิ้ม

           

 

“อ่า” แมทมองวิคเตอร์แล้วยิ้มเยิ้มกับการล้อเลียนของสามี ยักษ์ใหญ่ยิ้มกว้างทะเล้น มือขวายังคงชักไม่หยุด แมทกลืนน้ำลายลงคอ หลับตาแหงนคอ วิคเตอร์ก้มลงดูดต้นคอขาวที่มีรอยแดงขึ้นเยอะไปหมด

           

 

“อะ!” ริมฝีปากสีชมพูซีดเผยอขึ้น วิคเตอร์เลื่อนไปจูบปากแมทและแช่ค้างไว้ มือขวาเร่งเร้าให้แมท และในที่สุดลูกชายแมทก็พ่นน้ำพุ่งออกไปสู่คลื่นทะเล

           

 

“อื้ออออ!” แมทร้องครางเสียงอู้เพราะโดนวิคเตอร์จูบปิดปาก แมทน้อยพ่นน้ำแบบพุ่งตัวไปสี่ครั้ง ก่อนจะไหลเยิ้มเลอะมือวิคเตอร์ที่หยุดนิ่งแล้ว ร่างเล็กหายใจหอบรวยริน หน้าท้องหดๆ เกร็งๆ วิคเตอร์ก้มลงดูดลิ้นแมทเบาๆ คนในอ้อมแขนแลบลิ้นให้ดูดอย่างอ่อนแรง สองมือปล่อยเส้นผมยาววิคเตอร์ ไหลลงมากองข้างตัว

           

 

“ทรายเข้าตูดมั้ย” วิคเตอร์ถามด้วยรอยยิ้มล้อ แมทยิ้มเหนื่อย วิคเตอร์ยกมือที่เลอะน้ำสีขาวขุ่นแต่ไม่ข้นเท่าของตัวเองขึ้นมาดูดเลียไปหนึ่งนิ้วก่อนก้มลงจูบแลกลิ้นกับแมทจนรสชาติคาวเค็มเล็กๆ จางหายไป

           

 

“เดี๋ยวกลับไปล้างน้ำที่ห้องอีกที” วิคเตอร์พูดพลางหยิบขวดเหล้าสีขาวขึ้นเทใส่ตรงรูก้นแมท ใช้มือปัดๆ เศษทรายที่ติดอยู่ตรงบริเวณรอบนอกออก พอขวดนี้หมดก็หยิบขวดใหม่ขึ้นมาเปิดอีกขวด

           

 

 

“ข้างในมีมั้ย ลองขมิบซิ” แมททำตาม ในขณะที่วิคเตอร์ลุกออกจากด้านหลังแมทมานั่งคุกเข่าตรงด้านหน้าและดันก้นแมทขึ้นมาสำรวจ กลีบเนื้อย่นยับสีคล้ำไม่มีเศษทรายติดอยู่ โพรงสีแดงฉ่ำด้านในก็ดูสะอาดดี แต่เพื่อความสบายใจ เขาเลยเทเหล้าเข้าไปในรูนั้นจนน้ำเอ่อล้นออกมา

           

 

“ไม่น่ามี แต่เดี๋ยวถึงห้องล้างอีกรอบ” เขาวางขวดเหล้าลงบนพื้นทราย แมทพยักหน้า วิคเตอร์ค่อยๆ วางก้นแมทลง แต่ไม่ให้แตะพื้นทราย เขาออกแรงอุ้มร่างเล็ก พาไปนั่งบนโขดหิน แมทนั่งแบบเมาๆ มึนๆ คล้ายจะล้มแต่ก็ทรงตัวไหวอยู่ วิคเตอร์หยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาออสติน รอสัญญาณไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับสาย

           

 

“ฉันอยู่ตรงสุดหาดที่เราเล่นบอลกันเมื่อวาน แมทเมาเดินไม่ไหว ฉันจะอุ้มเขากลับ แต่ของเยอะ… โอเค” วิคเตอร์กดวางสาย เดินเข้าไปหาคนเมา แมทยิ้มฉ่ำ วิคเตอร์หัวเราะ เสยผมสีดำของแมทขึ้นแล้วก้มลงจูบเหม่งแมทไปที

           

 

“บอกแล้วไงว่าจะเอาให้เดินไม่ไหว” เมื่อกี้นี้คือรอบที่สี่ของวันนี้ ฉลองวาเลนไทน์กันหนำใจเขาเชียวแหละ รอบสองแมทยังยอม แต่รอบสามจะไม่ให้เอา เขาเลยจับมอมเหล้า แล้วก็ได้ลวนลามเอเลี่ยนน้อยจนมาถึงรอบสี่นี่แหละ

           

 

“ถ่ายรูปๆ” แมทบอกเสียงอ้อแอ้ วิคเตอร์ขำน้อยๆ กดเปิดกล้องในมือถือ เข้าไปยืนข้างคนเมา แมทดึงโทรศัพท์ไปจากมือเขา กอดเอวเขาแน่น เอาแก้มแนบอกเขาแล้วกดถ่าย

           

 

“ถ่ายอะไรน่ะ เห็นแต่ตัวฉัน” วิคเตอร์ถามกลั้วเสียงหัวเราะ ไม่รู้เพราะเมาหรืออะไร ถ่ายเห็นแค่ช่วงตัวเขาจนถึงอก แต่หัวขาด

           

 

“อยากถ่ายกับยักษ์น้อย” แมททำเสียงอ้อน วิคเตอร์หัวเราะ มองแมทดึงกางเกงว่ายน้ำลง ลูกชายเขาที่สงบลงแล้วเด้งออกมา แมทเอาหน้าเข้าไปใกล้แล้วกดถ่ายไปหลายแชะ มีช็อตเอาเข้าปากอมแล้วถ่ายด้วย เขายืนนิ่งให้แมททำตามใจอยาก คงเพราะเมาเลยคึกทำไปทั่ว

           

 

“วิคเตอร์” เสียงออสตินดังมาก่อนตัวเหมือนให้สัญญาณว่ามาแล้ว เจ้าของชื่อเก็บลูกชายเข้าไปในกางเกงว่ายน้ำ จับให้แมทนั่งดีๆ กำลังจะตอบรับ แต่พอหันไปเห็นว่าแมทเปลือยท่อนล่างอยู่ก็หน้าตื่น




“แปบนึงออสติน” เขาก้มลงหยิบผ้าขนหนูสีขาวที่ยัดอยู่ในตะกร้าขึ้นมา จับแมทลุกขึ้นแล้วพันผ้าขนหนูรอบเอว ไอ้ตัวจ้อยยืนโงนเงน มือเลื่อนดูภาพในมือถือแบบเมาๆ

           

 

“มาได้เลย” เมื่อปิดความโป๊ให้แมทเรียบร้อยก็ตะโกนบอกออสติน ร่างสูงใหญ่หัวเกรียนของบอดี้การ์ดในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงผ้าร่มขาสั้นสีดำโผล่เข้ามา ใบหน้านิ่งเหมือนเคย

           

 

“เดี๋ยวนายยกตะกร้ากับห่วงยางไปให้หน่อย ฉันจะอุ้มแมทกลับ”

           

 

“ครับ” ออสตินตอบรับสั้นๆ แล้วลงมือเก็บของลงในตะกร้าจนพื้นทรายสะอาด แมทส่งยิ้มหวานให้ออสตินที่แกล้งทำหน้ากลัวกลับมาให้ วิคเตอร์หัวเราะชอบใจ พอออสตินเดินไปหยิบห่วงยางม้าโพนี่ของแมทขึ้นมา วิคเตอร์ก็ก้มลงช้อนตัวแมทขึ้น เอเลี่ยนน้อยงึมงำๆ อะไรสักอย่างแล้วก็ซุกหน้าเข้ากับอกอุ่นสีแทนสุดเซ็กซี่

           

 

“จุ๊บๆ”

           

 

“เฮ้ๆ” วิคเตอร์ร้องเตือนเพราะไอ้เอเลี่ยนซนด้วยการดูดหัวนมด้านขวาของเขาเหมือนเด็กดูดจุกนมไม่มีผิด

           

 

“ฮิๆ” แมทหัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย วิคเตอร์กระตุกยิ้มขำ อุ้มร่างน้อยแต่เนื้อแน่นเดินกลับที่พักแบบชิลๆ มีออสตินเดินตามมาด้านหลัง โดยที่เขาไม่ได้สนใจเลยว่ามีกี่สายตาของหญิงสาวและหนุ่มออกสาวชาวไทยบางคนมองเขาตาเป็นมัน กับหุ่นเนื้อแน่นและกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองสามเหลี่ยมแนบเนื้อ

           

 

“พวกคุณเบนจัดปาร์ตี้ริมสระ เข้าไปอาจมีคนเยอะนะครับ” วิคเตอร์ยักคิ้วขึ้นหนึ่งที ไม่ได้มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจ จนกระทั่งเดินเข้าไปใกล้บ้านพักของตัวเอง ก็ได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มและเสียงเฮฮา เขาไม่ได้มีท่าทีตกอกตกใจ แค่อุ้มแมทเดินเข้าประตูบ้านไปตามปกติ

           
V
v
v
v
 

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-06-2017 20:58:20
V
v
v


“อ้าว ไอ้วิคเตอร์ หายไปซะนาน แล้วแมทเป็นไรน่ะ” อันเดรที่อยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำสีดำแต่ไม่รัดรูปเท่าวิคเตอร์เอ่ยถามด้วยท่าทีคึกคัก ข้างกายมีผู้หญิงสาวชาวไทยอกสะบึ้มคนหนึ่งในชุดบิกินี่สีแดง

           

 

วิคเตอร์ไม่ตอบ ทำแค่ยักคิ้วให้หนึ่งทีและทำหน้าว่าก็ตามนั้น อันเดรหัวเราะ แมทหัวเราะตาม อันเดรเลยยิ่งหัวเราะอีก

           

 

“พวกฉันไม่ได้เข้าไปยุ่งในบ้านนะ มีไปเข้าห้องน้ำบ้าง ใช้แต่พื้นที่ข้างนอก เคนพาบาร์เทนเดอร์มาดูแลเครื่องดื่มด้วย แกอยากดื่มไรไปสั่งเลย” อันเดรชี้นิ้วโป้งไปด้านหลังตัวเองที่เป็นบาร์มุงหลังคาจากสองชั้น มีบาร์เทนเดอร์กำลังจัดการชงเครื่องดื่มอยู่ด้านล่าง ด้านบนมีคนอยู่สามสี่คน ในสระว่ายน้ำมีคนว่ายน้ำสนุกสนานจำนวนหนึ่ง พวกเพื่อนๆ แมทยืนเต้นกันอยู่ริมสระ

           

 

“เดี๋ยวฉันพาแมทไปใส่กางเกงก่อน”

           

 

“เออ แกก็ควรเปลี่ยนด้วย โคตรล่อเป้า” อันเดรหัวเราะ วิคเตอร์เบะปากน้อยๆ ไม่ได้มีท่าทีใส่ใจ แต่พอก้มลงมองแมทก็ต้องใส่ใจกับคนนี้เพราะตอนนี้เอเลี่ยนน้อยหน้าบึ้งตึง มองไปทางสระว่ายน้ำด้วยสายตาไม่ชอบใจ พอมองตามไปก็เจอกับคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนเก่าเขากำลังมองมาทางนี้

           

 

วิคเตอร์ย่นคิ้ว ก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน ออสตินเดินเอาม้าโพนี่ไปวางไว้ริมสระ เขาอุ้มแมทที่หน้าตายังบึ้งน้อยๆ เข้ามาในห้องน้ำ ถอดผ้าขนหนูกับเสื้อเชิ้ตเปียกน้ำออก ส่วนเขาก็ถอดกางเกงว่ายน้ำสีเหลืองออกเช่นกัน เขาพาแมทเข้าไปอาบน้ำ

           

 

“เป็นอะไร” วิคเตอร์ถามคนหน้าบึ้ง แมทไม่บอกแค่เดินเข้ามากอด เขาเลยก้มลงจูบกลางกระหม่อมแมทไปที เปิดน้ำจากฝักบัว ดึงมาฉีดก้นแมท ก้มตัวลงใช้มือถูก้นงอนเด้งเบาๆ ใช้นิ้วล้วงเข้าไปด้านในรูพร้อมกับฉีดน้ำเข้าไป

           

 

“ไม่มีทรายใช่มั้ย” แมทขมิบก้นรัดนิ้ววิคเตอร์สองสามที นิ่งไปสักพักเหมือนสำรวจความรู้สึก พอแน่ใจว่าไม่รู้สึกระคายเคืองด้านในก้นก็พยักหน้าหงึกๆ ทั้งที่หน้ายังมุ่ยหน่อยๆ

           

 

วิคเตอร์ผลักแมทออกเบาๆ ย่อตัวลงมาให้เท่าแมทแล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยนเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่ง “เมียจ๋าเป่นรั้ย” 

           

 

แมทกระตุกยิ้มกับน้ำเสียงและตาแป๋วเหมือนเด็กของวิคเตอร์ พ่อฝรั่งผมยาวคลี่ยิ้มอ่อน แมทยื่นหน้าไปจุ๊บปากสีแดงหม่นหนึ่งที ก่อนตอบเสียงทะเล้น

           

 

“เป่นเมียเต้อออ” วิคเตอร์คลี่ยิ้มกว้าง ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเมื่อเห็นว่าแมทยิ้มได้แล้ว เขาจับแมทอาบน้ำให้เหมือนพ่ออาบน้ำให้ลูก พออาบเสร็จแมทก็ออกไปเช็ดตัวรอ ปล่อยให้วิคเตอร์อาบให้ตัวเองก่อนตามออกมาเช็ดตัวด้วยอีกคน

           

 

เมื่อแมทอยู่ในอาการเมาและมึน วิคเตอร์เลยไม่ได้เป่าผมให้แห้งสนิท ได้แต่เช็ดผมให้แห้งหมาดๆ ด้วยตัวเอง เขาเปลี่ยนเป็นกางเกงผ้าร่มขาสั้นสีน้ำเงินเข้มกับใส่เสื้อกล้ามสีดำ แมทใส่เสื้อยืดแขนกุดสีขาวกับกางเกงผ้าร่มขาสั้นสีชมพูสะท้อนแสง วิคเตอร์จูงมือแมทออกไปด้านนอก เดินไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ก่อน

           

 

“I would like to have—sex on the beach. You like that, Matt? (ฉันอยากได้ อืม… เซ็กส์ออนเดอะบีช นายชอบมั้ยแมท)” วิคเตอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์กับเอเลี่ยนน้อยที่หน้าแดงระเรื่อแล้วพยักหน้าตอบหนึ่งครั้ง พ่อพระเอกหัวเราะ หันไปสั่งม็อคเทลตามที่บอกสองแก้ว เสียงเพลงดังจากลำโพงสีดำขนาดใหญ่อันหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างริมสระน้ำ เปิดจากไอแพดใครสักคนที่เสียบต่อกับลำโพงไว้ แมทโบกมือให้เพื่อนๆ ที่ส่งเสียงทักทายมาให้

           

 

“อีแมท มาค่ะมา เต้นค่ะเต้น!” แคทตะโกนเสียงดังพร้อมกับกวักมือเรียกเพื่อน คนถูกเรียกหัวเราะเมาๆ 

           

 

“Here you go. Two sex on the beach!” บาร์เทนเดอร์หนุ่มผิวคล้ำบอกอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับยื่นแก้วไวน์ทรงกลมที่บรรจุน้ำสีแดงเสียบมะนาวกับสตรอว์เบอร์รี่ไว้บนน้ำแข็ง มีหลอดสีน้ำตาลปักไว้สำหรับดูด

           

 

“หาดในมือกับหาดข้างล่าง อันไหนอร่อยกว่ากัน” วิคเตอร์แกล้งถาม มองเอเลี่ยนน้อยตาวิบวับ ร่างเล็กจับเป้าวิคเตอร์แล้วขยำหนึ่งที

           

 

“อันนี้” วิคเตอร์หัวเราะดังแข่งกับเสียงเพลง ก้มลงจูบเหม่งน้อยของแมทดังฟอด แมทปล่อยมือออกจากเป้ากางเกงวิคเตอร์ สองมือถือแก้วใสดูดน้ำคล้ายน้ำลิ้นจี่ผสมแอลกอฮอล์ เท้าก้าวเดินไปริมสระพร้อมกับวิคเตอร์

           

 

“อ๊ายยย ผัวมึงหล่อจังวะอีแมททท” จู่ๆ แคทก็พูดขึ้นมา เล่นเอาทุกคนงงสักแปบก่อนจะหัวเราะลั่น

           

 

“อีแคท เกรงใจผัวมึงด้วยค่ะ อีนี่ มึงไม่เอา กูเอานะผัวมึงอะ” เหมียวที่ถือกล่องใสสี่เหลี่ยมใส่องุ่นม่วงแว้ดใส่แคทแล้วหยิบองุ่นเข้าปากเคี้ยวแจ๊บๆ

           

 

“ฉันก็แค่ชมผัวเพื่อน แต่ถึงยังไง ผัวฉันก็หล่อสำหรับฉันที่สุดดด!” ว่าแล้วก็ถลาไปหอมแก้มเคนที่หัวเราะเขินๆ เหมียวนำทัพโห่ ก่อนจะหยิบองุ่นปาใส่หัวแคทไปหนึ่งลูก

           

 

“แบมกะก้าวอะ” แมทถามเสียงอ้อแอ้ทั้งที่หลอดยังคาอยู่ในปาก

           

 

“มันไปสั่งอาหารอะ เดี๋ยวมา” วอร์มตอบแล้วมองหน้าแมทที่มึนๆ ง่วงๆ

           

 

“เฮ้ย มึงไปเล่นน้ำทะเลยังไงวะถึงเมามาได้เนี่ย”

           

 

“เล่นด้วยยยกินด้วยยย” แมทตอบเสียงยาน ดูดแอลกอฮอล์ในแก้วเรื่อยๆ หันมองวิคเตอร์ที่กำลังเดินไปหาเบนเนดิคท์กับบาสตรงเก้าอี้อาบแดดที่อยู่อีกฝั่ง แมทขมวดคิ้วตอนที่ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเนในชุดบิกินี่สีดำขึ้นจากสระน้ำแล้วเดินไปขวางทางวิคเตอร์ไว้

           

 

“เล่นน้ำกันมั้ยคะ” วิคเตอร์ไม่อาจห้ามสายตาไม่ให้มองหน้าอกทรงโตของเธอได้ เจ้าหล่อนยิ้มได้ใจ วิคเตอร์ขบกรามเบาๆ ตั้งสติดีๆ แล้วละสายตาจากหน้าอกกลมโตคู่นั้น ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

           

 

“ไม่เป็นไร ผมเพิ่งอาบน้ำมา” หญิงสาวยิ้ม วิคเตอร์เบี่ยงตัวจะเดินหนีไปหาเพื่อนแต่หล่อนก็เดินเข้าไปขวางหน้าไว้ราวกับอยากจะหยอกล้อ แต่วิคเตอร์ไม่หยอกด้วย ใบหน้าหล่อเริ่มบึ้ง และยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เขาก็ผลักหล่อนกลับลงไปในน้ำอย่างแรงแบบที่เจ้าหล่อนก็ยังไม่ทันตั้งตัว หน้าเหวอปากหวอตกน้ำดังตู้ม

           

 

“นี่ๆๆๆๆ” วิคเตอร์ที่กำลังจะเดินถึงตัวเพื่อนหันพรึบไปมองทางสระว่ายน้ำเมื่อได้ยินเสียงใสคุ้นหู เขาเบิกตากว้างตกใจเมื่อเห็นแมทกำลังเทผงซักฟอกสีขาวลงไปในสระว่ายน้ำที่พวกเนเล่นน้ำกันอยู่

           

 

“ว้ายยย” พวกเพื่อนผู้หญิงของเนร้องวี้ดว้ายตกใจ เบี่ยงหน้าหนีผงซักฟอกที่แมทจงใจสาดเข้าไปหาจนเกิดฟองฟอด ยิ่งพวกนั้นว่ายน้ำหนี แมทก็ยิ่งตาม และยิ่งว่ายฟองก็ยิ่งผุด

           

 

“เฮ้ย แมทเป็นไรวะน่ะ?!” เบนเนดิคท์ถามด้วยความตื่นตะลึง มองเอเลี่ยนน้อยของไอ้วิคเตอร์วิ่งดักเทผงซักฟอกใส่พวกญาติของเคน เสียงเพลงหยุดเงียบ ทุกคนในที่นั้นพุ่งสายตาไปตรงสระน้ำ เสียงโหวกเหวกโวยวายดังชัดเจนกว่าเดิม

           

 

“อีแชมมมมมป์ อีวอร์มมม อีทุกโคนนนน ดักมันนน ห้ามให้มานขึ้นนนน” แมทตะโกนบอกเพื่อนแบบมึนๆ มั่วๆ ผสมกับหัวเรากิ๊กกั๊ก พวกแชมป์งง แต่ด้วยอารมณ์ตกใจในขั้นแรกและเมากับเหล้าอยู่เล็กน้อย เลยสติเตลิดชั่วครู่ วิ่งเข้าไปดักพวกเนเอาไว้ไม่ให้ขึ้นจากสระน้ำ แมทวิ่งหัวเราะมาหาแล้วก็กำผงซักฟอกในถุงขึ้นมาหนึ่งกำมือ ขว้างใส่พวกนั้นที่ตัวเปียกน้ำ

           

 

“อ๊ายยย! น้อง! ทำไมทำแบบนี้ล่ะ?!”

           

 

“ปาร์ตี้โฟม โฟม โฟมมม” แมทเหมือนกำลังสติหลุด สนุกสนานกับการขว้างแฟ้บใส่คนกลุ่มนี้ที่พยายามหนีขึ้นจากสระน้ำฟองฟ่อด มีผู้ชายสองคนหนีขึ้นมาได้ก่อน ยืนฟองท่วมแทบจะทั้งตัว ส่วนหญิงสาวสามคนกับเนยังคงเวียนวายตายเกิดอยู่ในสระน้ำ โดนแมทกระหน่ำแฟ้บใส่ไม่ยั้ง

           

 

“ไอ้วิคเตอร์ แกไม่ห้ามแมทรึไงวะ ยืนหัวเราะอยู่ได้”

           

 

“ห้ามทำไมวะ ตลกดี แมทคงคลายเครียด”

           

 

“เฮ่ย!” เบนเนดิคท์หน้าเหวอ มันยืนมองแมทเล่นสนุกแล้วก็หัวเราะ แถมยังมีการพูดชิลๆ อีกว่าแฟนมันคงคลายเครียด

           

 

“อีแมท พอค่ะลูก แกเป็นไรเนี่ยยย ใครเอาอะไรให้เพื่อนตูกิ๊นนนน” แคทกับเหมียวที่ได้สติแบบตั้งตัวได้วิ่งเข้าไปช่วยกันดึงถุงแฟ้บออกจากมือเพื่อน แมทหัวเราะชอบอกชอบใจ

           

 

“อีแชมป์ อีวอร์ม ช่วยพวกพี่เขาขึ้นมาก่อน” แชมป์กับวอร์มหันไปมองพวกเนที่ฟองท่วมตัว ผู้หญิงคนที่ขึ้นไปดักวิคเตอร์เมื่อครู่ออกอาการหงุดหงิดกว่าใครเพื่อน

           

 

“อีเด็กเวร มึงทำอะไรเนี่ย มึงอยากโดนใช่มะ?!” หล่อนถามหน้าตาเอาเรื่อง แมทหัวเราะอารมณ์ดี หันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มตัวเองที่วางไว้แล้วจกน้ำแข็งปาไปที่พวกเน

           

 

“อ้าว อีเด็กนี่!”

           

 

วิคเตอร์ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจคำนั้นหรอก แต่เห็นท่าทางของหญิงสาวแล้วก็เดาๆ ได้ว่าคงกำลังด่าแมทอยู่ เบนเนดิคท์ยืนมองเหตุการณ์ด้วยความตกใจ บาสยืนตะลึงผสมตกใจ ยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อได้ยินแมทด่ากราดคนพวกนั้น บาสหันไปมองวิคเตอร์ที่ยืนมองเฉย เข้าใจว่าคงไม่เข้าใจว่าแมทกำลังพูดอะไร แต่พวกเพื่อนของแมทต่างมีสีหน้าตกใจไม่แพ้เขาเช่นกัน

           

 

“โอ๊ย มโนเองรึเปล่า พูดเองเออเองทั้งนั้นอะน้อง!” บาสมองคนชื่อเนที่กำลังเถียงกลับด้วยความไม่พอใจ แมทจกน้ำแข็งแล้วขว้างใส่คนพวกนั้นอีกรอบ ก่อนจะเปิดปากด่าแบบที่บาสไม่คิดว่าจะได้เห็นถ้าแมทไม่อยู่ในอาการมึนเมาแบบนี้

           

 

“กูเชื่อเพื่อนกู มันไม่เคยใส่ร้ายใคร ถ้ามึงจัญไรอย่างที่มันว่าจริง กูจะกระทืบพวกมึงเอง” แชมป์ด่าพวกนั้นหน้านิ่งหลังจากยืนฟังแมทด่าคนพวกนั้นมาสักพัก พวกเนตกใจไปนิดเมื่อเจอแชมป์ขู่แถมยังมีวอร์มมองพร้อมต่อยอีกคน พอเห็นว่าเพื่อนเข้าข้าง แมทก็ร้องไห้ วิคเตอร์ตกใจ รีบเดินข้ามฝั่งกลับมาหา ยิ่งเห็นวิคเตอร์เดินมาแมทก็ยิ่งร้องไห้ พอร่างยักษ์เข้ามาใกล้ แมทก็เดินเข้าไปกอดวิคเตอร์โดยที่คนตัวใหญ่กอดตอบปลอบโยนแม้จะยังไม่รู้ว่าแมทเป็นอะไร แต่แมทไม่ได้ร้องไห้โฮ แค่ร้องสะอึกสะอื้น วิคเตอร์อุ้มแมทขึ้นเหมือนพ่ออุ้มลูก แขนขวาอุ้มก้น แขนซ้ายยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้แมทเบาๆ

           

 

“หน้าด้านแค่ไหนก็พอเหอะ แม่งโคตรทุเรศเลยว่ะ” วอร์มหันไปพูดกับพวกเนนิ่ง ทุกสายตาจับจ้องทั้งสี่คนที่อยู่ในสระน้ำ

           

 

“เน พาเพื่อนออกไปก่อนไป” เคนพูดหน้าเครียดและไม่สู้ดี เนขบกรามแน่น มองแมทที่เอนหัวซบไหล่วิคเตอร์ตาขวางเล็กๆ ก่อนจะเดินนำเพื่อนขึ้นบันไดสระน้ำ แต่แทนที่จะก้าวเดินออกไปจากบ้านพักของวิคเตอร์ พวกนั้นกลับเดินเชิดๆ ไปเปิดน้ำล้างตัวตรงฝักบัวด้วยท่าทีไม่กลัวไม่แคร์สิ่งใด

           

 

“ตอนแรกกะไม่หมั่นแล้วนะ กูขอหมั่นหน่อยเถอะวะ!” ว่าจบแคทก็ทำท่าจะเดินเข้าไปเอาเรื่องแต่เคนดึงเอาไว้ พอแคทหันไปมองหน้าสามีก็สลดไปนิดเพราะพี่เคนมีท่าทีตึงๆ คงเพราะนั่นคือญาติตัวเอง

           

 

“พี่ไม่ได้จะว่าแคท” แคทพยักหน้าเข้าใจสามี พี่เคนคงเครียดที่ญาติตัวเองกับเพื่อนของญาติมีระบบความคิดและพฤติกรรมที่น่ารังเกียจพอสมควร

           

 

“เป็นอะไร บอกฉันซิ” วิคเตอร์ที่ไม่ได้สนใจคนพวกนั้นเลย อุ้มแมทกลับเข้าไปในบ้าน พามานั่งตรงโซฟาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง แมทส่ายหัวน้ำตาเปรอะแก้ม ท่าทียังมึนเมา ร่างเล็กกอดร่างใหญ่เอาไว้ วิคเตอร์ไม่ได้เร่งเร้าจะเอาคำตอบ เพราะตอนนี้แมทกำลังมึนแอลกอฮอล์ เขาเลยนั่งกอดตอบและลูบหลังแมทเบาๆ

           

 

“ฉันยกเลิกงานละ” เบนเนดิคท์ยืนบอกตรงประตูบ้านด้วยท่าทีเครียดๆ

           

 

“เออ โทษทีว่ะ สงสัยแมทจะมึนจัด” วิคเตอร์หันไปตอบ ด้านนอกคนที่มาปาร์ตี้ทยอยเดินออกไปจากบ้านพักของเขา จำนวนคนไม่ได้เยอะมาก ก็เป็นพวกที่มาอาฟเตอร์ปาร์ตี้งานเคนกับแคท

           

 

“ฉันอยู่ข้างนอกกับพวกเพื่อนแมทนะ ไอ้อันเดรกลับห้องไปพร้อมผู้หญิงคนนั้นละ” วิคเตอร์ยักคิ้วหนึ่งทีเป็นอันเข้าใจ เบนเนดิคท์หมุนตัวเดินไปหาพวกเพื่อนแมทที่นั่งพูดคุยกันด้วยท่าทีจริงจังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในมือแต่ละคนก็ไม่หยุดตักอาหารที่แบมกับเก้าเพิ่งยกมาเพิ่ม สวนทางกับพวกที่เดินออกจากปาร์ตี้เมื่อกี้นี้

           

 

“เป็นฉันก็โกรธวะ แกคิดว่าถ้าอีแมทไม่เมา เราจะได้รู้เหรอ นี่มันคงเก็บเงียบกับตัวเองไว้ พอเมาเลยได้ทีระเบิด” แบมที่เพิ่งฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเพื่อนจบออกความคิดเห็นอย่างไม่พอใจ

           

 

“ศีลธรรมของคนบางพวกนี่มันต่ำต้อยจริงๆ” เก้าส่ายหัวอ่อนใจแต่ในมือก็ตักปลาหมึกเข้าปาก

           

 

“แต่กูขำไอ้ห่าแมท บ่อน้ำตาแตกเฉย อินเนอร์กูอุตส่าห์มา” แชมป์หัวเราะ บรรยากาศตึงๆ ในตอนแรกคลายออกนิดหน่อยเพราะคนอื่นๆ ร่วมหัวเราะไปด้วย อาจจะเว้นเคนหน่อยที่ยังมีท่าทีไม่สบายใจนัก

           

 

“พี่เคน คิดมากได้นะ แต่อย่าคิดว่าพี่ผิด ไม่เกี่ยวกับพี่เลยค่ะจริงๆ” เหมียวที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่เกิดเรื่องพอจจะจับความรู้สึกของสามีเพื่อนได้เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ

           

 

“แต่เขาเป็นญาติพี่” เคนบอกอย่างไม่สบายใจ

           

 

“ก็แค่ญาติป้ะคะ ไม่ได้เกิดจากท้องแม่เดียวกัน อีกอย่างพี่กับญาติพี่เลเวลศีลธรรมต่างกันเลยค่ะ” เก้าบอกด้วยอารมณ์เผ็ดร้อนเบาๆ เคนแค่นยิ้ม

           

 

“สามีขา ด๊อนท์วอร์รี่นะคะ พี่ก็เห็นว่าสามีอีแมทเป็นยังไง ผลักชะนีตกน้ำดังตู้ม อีแมทถ้าไม่เมามันก็ปกติดี อันนี้มันเมาเลยเรื้อนไปสักหน่อย แต่เอวี่ติงอีสออลไรท์ค่ะ”

           

 

“โอ๊ย กว่าจะจบประโยค ดัดจริตทั้งประโยคเลยค่า” นั่งขำจากการที่แคทดัดเสียงสำเนียงไทยไม่ชัดสลับกับภาษาอังกฤษอยู่แล้ว พอเหมียวกระแทกเสียงขึ้นมาทุกคนเลยขำกันมากกว่าเดิม

           

 

“แต่เพิ่งเคยเห็นแมทเป็นแบบนี้เหมือนกัน” บาสพูดขึ้นมาเรียบๆ

           

 

“มันไม่ค่อยโกรธใครนะแมทอะ ไอ้อารมณ์หึงก็เห็นยาก เพราะมันไม่เคยมีแฟน ก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน” แชมป์บอกด้วยท่าทีติดตลกเล็กๆ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่ค่อยเห็นแมทแสดงอารมณ์ด้านนี้เท่าไหร่ ถ้าโกรธก็แค่เงียบ แต่ก็ไม่นาน เพราะมันกลัวอารมณ์ตัวเองดิ่งจนฉุดขึ้นยาก

           

 

เอเลี่ยนน้อยผู้ปิดปาร์ตี้และกำลังเป็นหัวข้อสนทนาของเพื่อนๆ นอนหลับปุ๋ยอยู่บนอกวิคเตอร์ที่นอนบนโซฟาแต่แปลงร่างเป็นที่นอนให้แมทอีกที วิคเตอร์ลูบหัวแมทเบาๆ เป็นการกล่อมและปลอบ เปลือกตาปิดพริ้มแต่ก็ยังไม่กลับ เพราะยังติดใจสีหน้าท่าทางที่แมทมีต่อคนพวกนั้นอยู่ รู้แหละว่าแมทด่าคนพวกนั้น แต่อยากรู้ว่าด่าว่าอะไรและทำไมถึงต้องด่า แต่ที่แมททำไป เขาเฉยๆ แต่ถ้าลองคนพวกนั้นมาทำอะไรเมียตัวเอง ไอ้ยักษ์ไม่เฉยแน่นอน




 :hao7: :hao3:
มาอัพต่อแว้ววว ขอโทษทีค่ะที่หายไปนาน เป็นเดือนเลยแอ่ะ มัวแต่ไปเก็บลายให้ขุ่นแม่เรียวจันทร์กับพ่อเขี้ยวมา แต่ตอนนี้ปิดต้นฉบับเรื่องนั้นเรียบร้อย เราก็จะมาทุ่มให้กับพี่ยักษ์และน้องเอเลี่ยนได้เต็มที่เหมือนเดิมมม คริๆ

          หายไปนานลืมฟีลลิ่งเรื่องไปหรือยัง มาค่ะ กลับมาๆ จากตอนที่แล้วจบบนหาด เราก็เลยต่อกันที่หาดก่อนเนาะ ยังไม่ไปไหน

          พี่ยักษ์มอมเหล้าเมียเพื่อตัวเอง แต่ก็ได้เรื่องเลยเนอะ แต่ไม่ห้ามเมียนะ เมียอยากคลายเครียด ปล่อย 5555555

          ใครที่หมั่นไส้พวกนังเนอยู่ หวังว่าน้องแมทจะทำให้หายหมั่นได้บ้างนะคะ เขวี้ยงแฟ้บใส่รัวๆ เหมือนเขวี้ยงข้าวสารเสก ชะนีนมโตน่าตบสุด พี่เคนไม่ควรห้ามแคทค่ะ

          ใครจะอะไรยังไงไม่รู้ แต่พี่ยักษ์ห่วงเอเลี่ยนที่สุดเสมอ อุ้มเหมือนลูกพร้อมเช็ดน้ำตาให้

          เพื่อนๆ แมทพร้อมตบมาก อาตี๋แชมป์ ผู้ชายที่ควรเสียตัวให้ค่ะ

          ดีใจมากค่ะที่ได้กลับมาต่อเรื่องนี้ และเมื่อจบแม่เรียวจันทร์แล้ว ขอบอกเลยว่าเรื่องใหม่กำลังจิมาาาา กรีสสส แต่จะเรื่องไหนรอติดตามอีกทีนะ ครุคริ อัพไปพร้อมเรื่องนี้เลยค่ะ

          ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังรอเรื่องนี้อยู่ ขอบคุณมากๆ ค่ะที่ไม่ลืมกัน ต่อจากนี้ไม่หายไปนานๆ อีกแล้วค่ะ อัพต่อยาวววๆ จนจบไตรภาคเบยค้าาาา

          พบกันอีกครึ่งที่เหลือนะคะ



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-06-2017 21:56:25
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 05-06-2017 22:17:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-06-2017 22:43:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-06-2017 22:53:48
 พี่ยักษ์สปอยเมียมากอ่ะ เมียด่าคยอื่นก็เฉยๆ แต่ลองคนอื่นทำร้ายเมียพี่ยักษ์คงเอาตาย โอ้ยยยยยยยย  วิคเตอร์ภาคแรกหายไปไหน ทำไมเหลือแต่พี่ยักษ์คนหลงเมียคะนิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-06-2017 23:32:52
พี่ยักษ์สปอยเมียมากอ่ะ เมียด่าคนอื่นก็เฉยๆ แต่ลองคนอื่นทำร้ายเมียพี่ยักษ์คงเอาตาย โอ้ยยยยยยยย  วิคเตอร์ภาคแรกหายไปไหน ทำไมเหลือแต่พี่ยักษ์คนหลงเมียคะนิ

พวกเน คงเลว ต่ำช้า จริงๆ
เพราะแมท ไม่ใช่คนที่อยู่ดีๆมาหาเรื่องคน
ปาร์ตี้โฟมสุดยอด พวกหวังกินผัวคนอื่น ก็ยังหน้าด้านต่อปาย

วิก แมท หื่นโคตร  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
     
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-06-2017 00:59:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-06-2017 01:34:25
แอบสะใจที่แมทเอาแฟ้บไปปาใส่พวกเน สมน้ำหน้า แต่ขนาดโดนแมทด่าไปมันยังเชิดหน้ากันได้อยู่เลย คนอะไรเลวจริงๆ วิคเตอร์โอ๋แมทด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 06-06-2017 15:02:55
อยากได้ผัวแบบนี้ค่ะ

แต่คิดอีกทีตอนร้าย

พี่เค้าก็ร้ายสุดใจเหมือนกันค่ะ

ร้ายจนน่าตบ

ตอนดีก็ดีเหลือเกินค่ะพี่ขา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 06-06-2017 16:47:48
 :katai1:  อยากรู้ว่าแมทด่าอะไรพวกเน ถึงกับร้อนตูดกันเป็นแถว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 18-06-2017 13:41:02
เรื่องนี้สนุกนิน่า ทำไมเราสิงอยู่ในนี้ตั้งนานแต่พลาดไปขนาดนี้นะ พึ่งอ่านอยู่ที่หน้า 6 ตอนแมทพรีเซ้นฝึกงานเอง ยาวซะใจมาก ติดตามนะ คนแต่งมาต่อเรื่อยๆนะ เราจะตามจนจบนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2017 02:21:34
เมียข้าใครอย่าแตะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 19-06-2017 07:03:25
หายไปนานพอกับคนเขียน มาอัพต่อรัวๆน่ะ เรื่องใหม่อยากอ่านเรื่องของแซค
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-06-2017 11:13:54
วิคเตอร์น่ารักมากกภาคนี้

ลืมไปเลยภาคที่วิคเตอร์เอาแต่ใจ  ตอนนี้แมทว่าไง วิคว่าตามนั้นนน่ารักมากก

ไม่ว่าจะหื่นจัดแค่ไหนถ้าเมียว่าไม่ก็รอ


ดีงามจริงๆ   รอแมทเล่าค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องสติแตกขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 25-06-2017 01:22:32
ม่ายยยยย เราพลาดแล้ว พลาดมาก เราเริ่มไม่โอตั้งแต่มันอึมครึมเมื่อเริ่มภาค2 แต่ก็ทนอ่าน แค่คิดว่า ไม่มีอุปสรรคจะรักกันได้ไง แต่ยิ่งอ่านยิ่งมองไม่เห็นทาง
เอาจริงเรื่องจริงให้ผัวหล่อ แซ่บ รวย กรวยใหญ่แค่ไหน
แต่แบบอิวิกเตอร์นี่ไม่ทนหรอก นอกจากเรื่องหญิง ยังเรื่องนิสัยมันอีก หญิงพวกนี้ก็มาจากนิสัยมันนั่นแหละ แล้วดูที่มันทำกับแมท นี่เมียหรือนักโทษ
อิแมทควรเจอผู้ชายดีๆกว่าอีวิกเตอร์
หล่อแต่แดรกแล้วเป็นพิษ
คนแต่งซาดิสไปแล้ว อีแมทมันไปทำอะไรให้คนแต่งเกลียด ถึงต้องให้มันเจอเรื่องเหี้ยๆของผัวได้ขนาดนี้ ม่ายยย  :serius2: :fire:
เราทนอ่านมาได้ยังไงถึงหน้า 45
เราควรอ่านแค่ภาคแรกแล้วจบลงแค่นั่น นี่มันบ้าบอมาก เราไม่ใช่สายดราม่า เราไม่สตรองพอสำหรับเรื่องนี้
แต่เมื่ออ่านไกลขนาดนี้แล้ว
เราข้ามไปอ่านภาค 3 เลยแล้วกัน ไม่ขอรู้ตรงนี้แล้ว
แต่ถ้าภาค3มาดราม่าแบบนี้อีก ก็ขอบายนะค่ะ
และแนะนำว่าเอาอีแมทไปอยู่รวมกับเหล่ายอดมนุษย์ DC เถอะค่ะ  ถ้ามันจะถึกทนขนาดนั้น
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 25-06-2017 01:24:56
อ่อ ลืมบอกว่ารอเรื่องแซคค่ะ นอกจากความแซ่บแล้ว นางดูน่าคบกว่าอีวิกเตอร์
แต่ก็กลัวใจคนแต่งเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 50% :05.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 25-06-2017 21:09:25
วิคเตอร์คนหลงเมียย ชอบมาก ภาคนี้ขออย่าได้มีแววว่าจะนอกกายอีกล่ะนะ คิคิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-06-2017 18:14:45


Yours and Mine EP.5 (100%)




ร่างเล็กสลึมสลือตื่นขึ้นมาในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังทอแสงสีทองสว่างเรืองรองไปทั่วท้องฟ้าสีเข้ม แมทกะพริบตาเอื่อยๆ ด้วยความง่วงนอน หันหัวมองไปรอบห้องนอนของตัวเองในบ้านพักรีสอร์ทด้วยอาการงง บนเตียงว่างเปล่า ในบ้านเงียบ ด้านนอกก็เหมือนจะเงียบเช่นกัน แมทก้าวเท้าลงจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำล้างหน้าตัวเองเพื่อให้ตื่น ยืนวักน้ำใส่หน้าอยู่สักพักจนรู้สึกตื่นเต็มตามากขึ้นก่อนจะเดินออกมาที่ครัว หาน้ำส้มคั้นดื่มเพื่อแก้อาการเมาค้างที่ยังตกค้างอยู่เล็กๆ ยืนดื่มอึกๆ พอรู้สึกดีขึ้นก็เริ่มเดินไปรอบบ้านเพื่อหาว่ามีใครอยู่มั้ย ด้านนอกเปิดไฟทิ้งไว้ เศษซากอาหารริมสระยังคงมี แต่สิ่งที่ทำให้แมทตกใจคือฟองสีขาวฟูฟ่องในสระน้ำว่ายน้ำ ถึงจะดูยุบๆ ลงไปบ้างแล้ว แต่ก็มีฟองลอยเอื่อยอยู่เต็มผิวน้ำ

           

 

“อะไรวะน่ะ” แมทขมวดคิ้ว พยายามนึกอะไรสักอย่างให้ออกว่าฟองพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไง มันคุ้นๆ ว่าเหมือนตัวเองจะเป็นคนทำ แต่ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่

           

 

แมทกำลังจะเดินออกไปจากบ้านพักด้วยอาการเบลอเล็กๆ แต่นึกขึ้นได้ว่าเอาโทรศัพท์มาโทรหาใครสักคนน่าจะง่ายกว่าที่เดินไปหาแบบล่องลอย แมทเดินไปหาโทรศัพท์ในบ้าน เดินหาอยู่พักใหญ่ก็ไม่เจอเลยตัดสินใจเดินออกไปจากบ้านแบบมึนๆ

 

 

รีสอร์ทเปิดไฟรับความมืดที่กำลังมาเยือน แมทเดินลงไปตามทางเดินดิน กะว่าจะเดินไปดูที่ลานกินอาหารของรีสอร์ทเผื่อว่าทุกคนจะอยู่ที่นั่น ตอนที่กำลังเดินผ่านหาดหลักของรีสอร์ท แมทหรี่ตามองเห็นพวกเนที่กำลังนั่งถ่ายรูปด้วยกันสนุกสนาน แล้วภาพฟองสีขาวที่ลอยอยู่ในสระว่ายน้ำก็ตัดแว้บเข้ามาในหัว นั่นเลยทำให้แมทนึกขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้ตกใจใหญ่โต มันเป็นแค่การแน่ใจเฉยๆ ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ

 

 

“มึงๆ เวลาร้องไห้เราต้องวิ่งเข้าหาผู้ชายนะคะ” แมทที่กำลังเดินนึกอะไรเรื่อยเปื่อยเพลินๆ ชะงักเท้าแล้วหันหน้าไปมองทางกลุ่มเนที่ดูก็รู้ว่าทำเป็นแกล้งคุยกันเองและหัวเราะสนุกสนานกับเรื่องที่ตัวเองแกล้งคุยกันเองนั่นแหละ แมททำหน้าเฉย เพื่อนผู้หญิงของเนคนหนึ่งเบะปากแต่ไม่มองมาทางเขา แมทกลอกตาบนหนึ่งที กำลังจะก้าวเท้าเดินต่อไป แต่พอเห็นว่าเนกำลังเดินมาทางตัวเองเลยหยุดยืนรอ

 

 

“จะไปหาแฟนเหรอน้องแมท” แมทย่นคิ้วนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้หน้าบูดบึ้งตึงอะไร แต่เห็นสีหน้ายิ้มของเนที่ดูคล้ายยิ้มเยาะก็เลยทำหน้าตึงๆ แทนที่จะทำหน้าเป็นมิตรแทน

 

 

“อืม ครับ”

           

 

“วิคเตอร์อะเป็นเพื่อนพี่มาก่อน พี่แค่ได้เจอกับเพื่อนเก่าคนนึงที่เคยสนิทกันมาก ก็เลยอยากจะมีเวลากับเพื่อนบ้างแค่นั้น” แมทอยากจะกลอกตาอีกสักทีเพื่อให้รู้ว่าไอ้ท่าทางและน้ำเสียงที่พูดออกมานั้น ต้องคนอีคิวต่ำไอคิวก็ต่ำเท่านั้นแหละถึงจะไม่รู้ว่ากำลังแซะอยู่

           

 

“คำว่าด้วยกันนี่คือพี่ถามวิคเตอร์แล้วเหรอ” แมทถามหน้าเรียบเฉย เนยังคงยิ้มเหมือนเดิม แมทเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ปรายตาไปมองทางเพื่อนเนที่กำลังมองมาทางนี้อย่างไร้ความรู้สึกก่อนกลับมามองเนตามเดิม

           

 

“คนที่มีพฤติกรรมแบบพวกพี่ไม่ใช่ว่าไม่มีอยู่จริง แต่ตัวผมเพิ่งเคยเจอ” หางตาของแมทเห็นเพื่อนของเนที่นมโตๆ ที่เดินไปดักวิคเตอร์ริมสระน้ำเดินมาทางนี้

           

 

“เน ไปเหอะ”

           

 

“วิคเตอร์อยู่ไหนนะมึง” เนแกล้งถามแล้วยิ้มเย้ยเล็กๆ แมทยังคงยืนหน้าไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม

           

 

“ก็นี่ไง กูจะชวนเดินไปหาเขานี่แหละ” แมทเบ้ปากน้อยๆ มองเพื่อนเนตั้งแต่หัวจรดเท้าและกลับขึ้นไปมองหน้าอีกครั้ง เพื่อนเนชักสีหน้าไม่พอใจทันที

           

 

“สูงส่งมาจากไหนถึงมามองคนอื่นแบบนี้” น้ำเสียงแหลมเหวี่ยงพอๆ กับหน้าตา

           

 

“แล้วพวกพี่ต่ำขนาดไหน ถึงได้คิดเรื่องอัปรีย์แบบนั้น” เพื่อนเนง้างมือซ้ายขึ้นแล้วเหวี่ยงแขนจะตบแมท แต่แมทสติตื่นตัวมากพอที่จะยกแขนขวาขึ้นกันแรงเหวี่ยงแขนของอีกฝ่ายก่อนถึงหน้าตัวเอง มือซ้ายยกผลักหน้าอกผู้หญิงคนนั้นอย่างแรงจนล้มก้นจ้ำเบ้า เนหันมามองแมทด้วยสายตาไม่พอใจ เหวี่ยงมัดขวาใส่แก้มแมท

           

 

“โอ๊ะ!” แมทมึนไปนิด แต่ก็ไม่ได้เจ็บร้าว เพราะเบี่ยงหน้าหลบได้นิดหน่อย หมัดเลยเฉี่ยวๆ หน้าไป เนทำทำท่าจะเข้ามาซ้ำแต่แค่แวบเดียวตัวเนก็ลอยกระเด็นไปนอนทับเพื่อนบนพื้น แมทเบิกตากว้างตกใจ หันไปมองวิคเตอร์ที่พุ่งตัวมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้แล้วผลักเนกระเด็น พอหันไปมองข้างหลังก็เห็นเก้ากับเหมียวเดินตามมาพอดี และพอหันกลับไปมองวิคเตอร์อีกทีแมทก็อ้าปากค้างตกใจ

           

 

“กรี๊ดดด!!!” เพื่อนเนกรีดร้องด้วยความตกใจ พวกที่เหลือรีบวิ่งเข้ามามุงเหตุการณ์

           

 

“อั่ก! โอ๊ย โอ๊ย!” วิคเตอร์กระชากคอเสื้อเนขึ้นมาแล้วต่อยตรงแก้มขวาเน้นๆ สองทีแต่ได้เลือด วิคเตอร์ปล่อยคอเสื้อเน ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงมองเนที่นอนเลือดไหลออกจากปากและร้องโอดโอยด้วยสายตาไม่รู้สึกรู้สาอะไร

           

 

“ทำไมทำแบบนี้อะ!” เพื่อนเนที่นั่งอยู่ข้างกันประคองเพื่อนที่น้ำตาไหลเลือดไหลและมองหน้าวิคเตอร์ด้วยสายตาโกรธจัด วิคเตอร์ที่ฟังไทยออกบ้างไม่ออกบ้างทำหน้าไม่สนใจ จูงมือแมทเดินออกไปจากตรงที่เกิดเรื่อง แมทก้มมองบนพื้น เห็นจานอาหารสีขาวสองใบตกคว่ำอยู่บนพื้น แมทมองเพื่อนสองคนด้วยความเบลอ เก้ามีสีหน้าอึ้งๆ งงๆ ส่วนเหมียวเบ้ปากด้วยความสะใจก่อนจะจูงมือเก้าเดินไปตามทางที่ห้องพักแมทกับวิคเตอร์ต่อ

           

 

“เป็นอะไรมั้ย” วิคเตอร์ถามหลังจากเดินมาได้สักพัก แมทสั่นหัว ตรงที่โดนหมัดเฉี่ยวไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดทรมานอะไรขนาดนั้น

           

 

“หายไปไหนมา” แมทแหงนหน้าถามคนตัวสูง

           

 

“มากินข้าว แล้วว่าจะเอากลับขึ้นไปให้นาย” แมทพยักหน้า ยังรู้สึกมึนๆ งงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วิคเตอร์ทำเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่ได้ไปต่อยใครมาจนเลือดเกือบท่วมปาก ยังคงทำตัวตามปกติจนกระทั่งเดินมาถึงลานกินข้าวของรีสอร์ทที่พวกเบนเนดิคท์กำลังนั่งกินนั่งคุยกันอยู่ ทุกคนทักทายแมทตามปกติ แมททักทายและปั้นยิ้มกลับไปให้ วิคเตอร์พาแมทนั่งลงบนเก้าอี้ว่าง

           

 

“วิคเตอร์…”

           

 

“…มันไม่ตายหรอกน่า”

           

 

“แต่นั่นเพื่อนเก่าคุณนะ” วิคเตอร์ยักไหล่ หยิบจานเนื้อปูที่แกะออกจากก้ามปูมาตักกินและส่งให้แมทกินบ้าง ร่างเล็กรับจานไปถือไว้ ตักน้ำจิ้มราดและตักเข้าปาก เคี้ยวอย่างอร่อย มองหน้าวิคเตอร์ที่ยังมีสีหน้าปกติ ท่าทีไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับสิ่งที่ทำลงไป

           

 

“พวกนั้นคิดจะเซ็กส์หมู่กับฉันเหรอ” วิคเตอร์หันมาถามแล้วจิบเบียร์เย็นๆ แมทกลืนเนื้อปู มีสีหน้าตกใจเบาๆ หันไปมองทางกลุ่มเพื่อนตัวเองกับพวกเบนเนดิคท์ที่กำลังเฮฮากันแล้วหันกลับมามองวิคเตอร์ด้วยสายตาทึ่งเล็กน้อย

           

 

“คุณรู้เหรอ” วิคเตอร์ยักคิ้วขึ้น ชี้ไปทางพวกแชมป์

           

 

“พวกนั้นบอก” แมทพยักหน้าหงึกๆ วิคเตอร์ยิ้มขำ

           

 

“ทั้งๆ ที่พวกนั้นรู้ว่าคุณมีแฟนแล้วแต่ก็ยังคิดจะทำเรื่องทุเรศๆ พวกนั้นคิดจะอัดคลิปเอาไปขายด้วยนะ อันนี้คุณรู้รึเปล่า” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น หน้าตาไม่ได้ตกอกตกใจอะไร

           

 

“เซ็กส์เทปกับดาราเงี้ยเหรอ” แมทพยักหน้าเบาๆ อีกที วิคเตอร์ยิ้มมุมปาก

           

 

“ต้องได้ราคาดีมากแน่ๆ เคยมีเว็บโป๊มาขอให้ฉันถ่ายคลิปขายด้วยนะ ให้ค่าตัวตั้งเยอะแน่ะ” ไอ้ยักษ์หัวร่ออารมณ์ดี แมททำหน้าเอือมน้อยๆ

           

 

“บอกให้ไปติดต่อลิซ่าสิ มีคลิปคุณตั้งเยอะนี่” แมทไม่ได้กัดหรือแขวะ แค่พูดขึ้นมาเฉยๆ เพราะแม่เลี้ยงวิคเตอร์เคยบอกว่ามีคลิปกับรูปภาพลับของพ่อพระเอก

           

 

“อันนั้นมันเก่าแล้ว ฉันหล่อกว่าเดิมตั้งเยอะ” แมทบู้ปาก พยักหน้าขึ้นสองสามที สีหน้าประมาณว่า อืมๆ เรื่องของมึงเถอะ วิคเตอร์ยื่นมือซ้ายไปยีหัวแมทจนยุ่งเหยิง

           

 

“แต่ทำไมพวกนั้นถึงคิดว่าฉันจะยอมนะ” วิคเตอร์พูดอย่างนึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้สงสัยจริงจังให้ตัวเองปวดหัว ผู้หญิงพวกนั้นนมโตกันหลายคน เห็นแล้วก็ใจวูบวาบเป็นธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดจะไปเล่นเซ็กส์หมู่หรือเซ็กส์เดี่ยวด้วย คิดว่ามาชวนเขา แล้วเขาก็จะไปเหมือนไปเดินเล่นตามชายหาดเงี้ยเหรอ

           

 

“พวกนั้นจะมอมยาคุณน่ะสิ ทุเรศอะ เพื่อนเก่าคุณน่ะตัวตั้งตัวตี ตั้งตัวเป็นตากล้องด้วยซ้ำ” วิคเตอร์ทำปากว่าอู้ว พยักหน้าไปเรื่อยแบบว่าหรอๆ

           

 

“แต่ชอบไม่ใช่เหรอนมโตๆ อะ ฮะ” แมทแกล้งจิกตาใส่ไอ้ยักษ์ที่นั่งหน้ามึนไม่หือไม่อือไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน แถมยังยิ้มระรื่นจนแมทหมั่นไส้

 

 

วิคเตอร์ก็แค่ชิน มันไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเขา ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนคิดกับตัวเองแบบนี้ และไม่ใช่คนแรกที่คิดกับตัวเองแค่เรื่องเซ็กส์ ชีวิตเขาผ่านอะไรมามากมาย ทั้งดีทั้งร้าย ทั้งหวือหวาและราบเรียบ ไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนต่อโลก

 

 

แต่ผู้ชายคนนี้มักอ่อนไหวและเหมือนคนอ่อนหัดกับเรื่องความรัก…

           

 

“ก็ชอบ แต่รักนายไง” วิคตอร์ยิ้มกว้างเอาใจ แมทเบ้ปากเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ ร่างสูงเอี้ยวตัวไปหอมเหม่งของแมทหนึ่งที

           

 

“คิดมากอยู่ตั้งนาน ทำไมไม่บอก” แมทถอนหายใจเบาๆ มองวิคเตอร์หยิบมะม่วงขึ้นมาเคี้ยวดังกรุบกรอบ

           

 

“ผมคิดว่าเดี๋ยวเรากับเขาก็ไม่เจอกันแล้ว ก็เลยกะปล่อยผ่านไป…” แมทตักเนื้อปูเข้าปากอีกคำแล้วเคี้ยวสักพักก่อนจะว่าต่อ

 

 

“…แต่พฤติกรรมพวกเขาคือจะเอาคุณจริงจังมาก” แมททำปากหยีเบาๆ

 

 

“ก็ฉันหล่อนี่” แมทถลึงตาใส่ วิคเตอร์หัวเราะ แมทยื่นมือไปตีกล้ามแขนแสนล่ำแน่นของสามีหนึ่งที

 

 

“นี่ถ้าคุณเผลอหรือพลาดท่าให้พวกนั้นจะตลกไม่ออกเหอะ ติดโรคขึ้นมาจะว่ายังไง” วิคเตอร์ยิ้มบาง ดึงแมทให้มานั่งตักตัวเองและกอดเอวร่างเล็กไว้หลวมๆ

 

 

“คิดว่าฉันจะโดนล่อลวงง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

 

“คิดว่าคุณเป็นคนง่ายกับเรื่องเซ็กส์ต่างหาก” พ่อหนุ่มผมยาวหัวเราะชอบอกชอบใจ หอมแก้มที่เคยป่องแต่ตอนนี้เข้ารูปมากกว่าแต่ก่อนไปหนึ่งที

 

 

“ฉันง่ายกับนายคนเดียวต่างหาก นายก็รู้ นายล่อลวงฉันบ่อยจะตาย”

 

 

“อะโหย พ่อใสซื่อบริสุทธิ์” วิคเตอร์หัวเราะเสียงดังจนพวกเพื่อนๆ หันมามอง แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้หันไปมองใคร นั่งมองหน้ากันและทำสีหน้าต่างกันให้กัน คนนึงยิ้มขำ อีกคนทำปากยื่นหน้าย่น จังหวะนั้นเก้ากับเหมียวเดินกลับมา สองนางก็รีบตั้งวงเม้าท์ทันที

 

 

“อีแมท พวกมันว่าจะแจ้งตำรวจ ไปโวยวายใส่พี่เคน แต่อีแคทด่าไม่เว้นช่องไฟเลยค่ะ” เก้าเม้าท์อย่างออกรสกับเหตุการณ์ที่ตัวเองไปเจอมาตอนเดินกลับมาที่นี่

 

 

“เฮ้ย อะไรอะ รู้ด้วยสิ!” แบมตะโกนมาจากอีกโต๊ะด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นที่ชัดเจน

 

 

“เดี๋ยวเม้าท์ค่ะ สักครู่…” เหมียวหันไปตอบเพื่อนและหันกลับมาหาแมทกับวิคเตอร์อีกรอบ

 

 

“…ผัวแกทำดีมากนะคะ ฉันหมั่นไส้ตั้งแต่ทำท่าทำทางไม่สนไม่แคร์ใครที่สระน้ำละ ตอแหลแถหน้าถลอกสุดฤทธิ์ ความคิดพวกมันอุบาทว์เชอร์มากอะ” เหมียว่าอย่างออกรสยิ่งกว่า

 

 

“เติมเออร์เข้าไปคือขั้นกว่าใช่มะอีเหมียว” เก้าหันไปถาม

 

 

“เยสๆ” สองสาวพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วย แมทหัวเราะเบาๆ กับท่าทางการเม้าท์ของพวกนาง

 

 

“แล้วเขาเป็นไงมั่งอะ”

 

 

“มันจะฟันหัก ปากฉีก หรือเป็นอะไรแกไม่ต้องไปสนใจหรอก สนใจผัวแกไว้ดีกว่า ฉันว่าหมาบางตัวยังมีมารยาทในการคาบไปแดกกว่าพวกมันอีก” เหมียวบอกหน้าตาจริงจังผสมความเกลียดชังเล็กๆ แมทกับเพื่อนมีสิ่งหนึ่งที่คล้ายกันมากคือเกลียดพวกที่ชอบยุ่งหรือคิดจะแย่งแฟนคนอื่นแบบหน้าด้านๆ มันคือพฤติกรรมที่คนบาปหนาเท่านั้นที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องผิด แล้วก็อ้างว่ามันคือความรัก ผิดก็แค่ว่าฉันมาทีหลัง

 

 

แมทมองหน้าวิคเตอร์ที่ยิ้มตอบกลับมา มือขวาของแมทยกขึ้นไปวางตรงหน้าอกด้านซ้ายของวิคเตอร์ รอยสักตัวอักษรสีดำโผล่แว้บๆ จากขอบเสื้อกล้าม

 

 

รอยสักนี้จะมีวันเลือนหายไปหรือเปล่านะถ้าวันนึงวิคเตอร์เจอแรงยั่วยุที่ไม่อาจต้านทานได้

 

 

“คิดมากอะไรอีกสิ” แมทเงยหน้าขึ้นสบหน้าดุๆ ของยักษ์ใหญ่ที่กำลังไม่พอใจเมื่อเห็นเอเลี่ยนน้อยทำท่าครุ่นคิดแบบคิดมาก

 

 

“ก็แค่คิด…”

 

 

“…ไม่ต้องคิด ถ้าคิดอะไรในทางไม่ดี ไม่ต้องคิดเลย กินๆ” วิคเตอร์หยิบจานเนื้อปูขึ้นมาถือ และตักให้แมทกินหนึ่งคำ เอเลี่ยนน้อยยิ้มอ้าปากรับเนื้อปูแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อมยิ้มจนแก้มอูม วิคเตอร์เห็นก็มันเขี้ยวเลยรั้งคอแมทลงมาจุ๊บปากหนึ่งที

 

 

“ให้เกียรติเพื่อนๆ ด้วยค่ะ” เหมียวที่กลับไปนั่งอีกโต๊ะส่งเสียงแซวพร้อมกับจิกหน้าจิกตาใส่ด้วยความหมั่น วิคเตอร์ฟังไม่ออกแต่เห็นแมทขำก็เลยยิ้มขำตามไปด้วย

           

 

แมทนึกอยากพูดอยากคุยประเด็นของเนกับเพื่อนสาวสยองขวัญกลุ่มนั้นต่อ แต่คิดไปคิดมาก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก เพราะวิคเตอร์ก็รู้แล้ว และวิคเตอร์เองก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้สนใจใคร่อยากจะไปร่วมขบวนการอุบาทว์นั้น เลยคิดว่าจบประเด็นนี้แค่นี้ดีกว่า แต่ก็แค่นึกสังเวชใจว่าคนเราทำไมมันถึงได้คิดอะไรตกต่ำขนาดนี้ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าในสังคมของโลกเราจะไม่มีคนประเภทที่มีความคิดวิปริตผิดมนุษย์ปกติอยู่ แค่ไม่คิดว่าวันนึงจะมาเจอกับตัวเอง ศีลธรรมในใจของใครหลายคนนับวันยิ่งตกต่ำไปเรื่อยๆ แบบที่ไม่สามารถหาอะไรมายกระดับได้แล้วจริงๆ
 


:katai5:   :katai2-1:


วื้ดดดดด มาเลี้ยวววว หายไปยี่สิบกว่าวันนนน โอยยยย ขุ่นแม่เรียวจันทร์ฉุดรั้งไว้ซะนาน คิดว่าจะเสร็จแล้ว แต่มีอะไรมาให้ต่ออยู่เรื่อยยย  แต่ตอนนี้น่าจะพูดได้เต็มปากแล้วว่าเสร็จจริงๆ ละ 555555                ใครที่สงสัยใคร่รู้ว่าน้องแมทรู้อะไรมาเกี่ยวกับพวกนังเน ตอนนี้รู้ละเนอะ อุบาทวววว์มากจริงๆ บาปหนามากกับความคิด นี่ถ้าเจอคุณนายเรียวจันทร์เข้าไป พวกนางเละไม่เหลือซาก น้องแมทควรฟ้องขุ่นแม่นะคะ รับรอง ตายยยย!!!

          ผ่านมาห้าตอนแล้ว เบาๆ เนาะ ไม่เครี้ยดดด ใสๆ พาร์ทสุดท้ายของเรื่องแล้ว กรุบๆ ค่ะ ไม่หนักน๊วงงง (เสียงสูงทำไม)

          เดี๋ยวมาต่อเรื่อยๆ แล้วค่ะจากนี้ไป จะไม่หายไปนานๆ ขนาดนี้ละ อาจจะมีแว้บไปทำงานหลักของตัวเองด้วย แต่จะมาเนจเวลาไม่ให้ตัวเองหายไปเกือบเดือนหรือเป็นเดือนแบบนี้อีก กลัวคนอ่านขาดตอนอะะะ

          เดี๋ยวตอมจะเปิดรีปริ้นพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนภาคแรกให้นะคะ (พาร์ท You and I) มีคนอ่านมาสอบถามเรื่อยๆ เป็นระยะเวลาสักพักแล้ว เลยจะเปิดให้ ก็เปิดให้สำหรับคนที่อยากได้จริงๆ จะได้ไม่ต้องไปซื้อมือสองที่ราคาแพงเว่อร์เกิน ตีพิมพ์ตามจำนวนที่พรีออเดอร์ค่ะ ถือว่าพิมพ์ให้คนที่อยากได้เนอะ ส่วนพาร์ทสองเดี๋ยวจะตามมาอีกทีนะคะ ขอพาร์ทแรกก่อนเด้อ รายละเอียดจะอัพเดตอีกทีค่ะ แต่จะเปิดพรีฯ พรุ่งนี้ (28 มิถุนายน) ถึงวันที่ 3 สิงหาคมนะคะ



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries


หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-06-2017 18:39:17
ว่าแล้ว แมท รู้ว่าพวกเนกับเพื่อนสาวนมโตเป็นขบวนการอุบาทว์
จะให้วิกเตอร์เล่นเซ็กส์หมู่ ใช้ยา ถ่ายคลิป
ทำทีเดียว ได้ประโยชน์หลายทางเลย
ที่แน่ ได้นอนกับดาราหล่อ ดัง ได้หน้าได้ตา แล้วดัง คนรู้จัก
ได้เงิน มีความสุขกับเซ็กส์ และได้เงินที่ขายคลิป

ดีที่วิกเตอร์ ก็รู้ทัน ไม่สนใจ
ทั้งที่ดูแล้ววิกเตอร์ น่าจะสนใจแม่สาวหุ่นสบึมส์
แบบแทว่าวิกเตอร์น่ะชอบเซ็กส์
แต่วิกเตอร์กลับบอก นมโตก็ชอบ แต่รักแมทมากกว่า จะปลื้มดีมั้ยเนี่ย
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  ก็หวั่นๆแทนแมทนะ เพราะวิกเตอร์น่ะเสือไบ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 27-06-2017 18:54:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 27-06-2017 19:23:23
โอ้ยย วิคเตอร์ทำดีมากกก รักเดียวใจเดียวขนาดนี้ น้องแมทเลิกคิดมากได้แล้วน้าาา เค้าหลงอยู่คนเดียว :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 27-06-2017 19:30:18
ดีต่อใจเอเลี่ยนน้อยกลับมาแล้ว
เมียค่าใครอย่าแตะ ยักษ์กล่าว
 :hao3:
 :beat: สำหรับกลุ่มของเน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-06-2017 20:11:06
ขอซอฟท์ๆนะ พาร์ทสุดท้ายไม่อยากมีน้ำตาแระ วิคเตอร์ใจแข็งไว้นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-06-2017 20:47:10
นังเน ต้องโดนหนักกว่านี้ ความคิดอุบาทว์มากกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-06-2017 21:13:50
โอ้โหหหหหหหหห พวกเนความคิดอุบาทว์มาก เลวมากอ่ะ ตอนแรกแค่คิดว่าจะแย่งไปเฉยๆ แต่ที่ไหนได้ แผนชั่วมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-06-2017 21:34:44
 o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-06-2017 13:06:35
จิงๆวิกเตอร์ชัดเจนมาตลอดนะว่าไม่สนใจ

เพียงแต่เหมือนโตขึ้นอะ ความมีมารยาทในสังคมทำให้ อือๆๆ อาๆไป แต่ไม่ได้รู้สึกสนิทสนม หรือสนิทใจอะไรหรอก


ลองเป็นภาคก่อนๆหน้านี้สิ แมร่งอาจจะชักสีหน้าใส่ ว่ามาทักทำไม ไม่สนิทสักหน่อย  แล้วก้ยื่นมือไปเช็คแฮนแบบงั้นๆ มากกกว่า



หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 29-06-2017 01:17:33
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 03-07-2017 18:04:46
สะใจกันไปเลยกับหมัดเด็ดของพ่อยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.5 100% :27.06.60:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-07-2017 19:50:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 40% :06.07.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-07-2017 22:04:55


Yours and Mine EP.6 :: Our home. (บ้านของเรา) [40%]




ผมกำลังนั่งอ่านข่าววิคเตอร์กับตัวเองจากสำนักข่าวกอซซิปเจ้าหนึ่งที่ทำตัวเหมือนอยู่ในตู้เสื้อผ้าบ้านดารานักแสดงบนหน้าจอแม็คบุ๊คของตัวเองด้วยความรู้สึกขำขันเล็กๆ เพราะข่าวเขียนเหมือนกำลังสืบคดีฆาตกรรม สำนักข่าวนี้กัดประเด็นเรืองวิคเตอร์เป็นเกย์ และวิคเตอร์มีแฟนเป็นเด็กผู้ชายไทยไม่ปล่อยจริงๆ ยังดีที่ข่าวไม่ได้ใช้คำพูดแย่ๆ แค่ตั้งข้อสงสัยและเขียนวิเคราะห์ชวนคิดกับสถานการณ์ต่างๆ ระหว่างผมกับวิคเตอร์ พาดหัวข่าวน่าสนใจ แต่เนื้อหาข่าวไม่เคยเขียนคอนเฟิร์มได้จริงจังเลยสักครั้ง

 

 

จริงๆ ถ้าสำนักนี้ไปถามน้องแฟนคลับของผมกับวิคเตอร์ที่ไทยคงได้อะไรไปเยอะ แต่เจ๊เซล่าก็คอนโทรลตรงนั้นได้อยู่หมัด (ผมคิดว่างั้นนะ) ถามว่ามันไม่มีคนสงสัยหรือระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของผมก็กับวิคเตอร์จริงเหรอ ผมว่ามี คือถ้าไม่นับนักข่าวที่ยังมีเขียนข่าววิคเตอร์อยู่เรื่อยๆ คนทั่วไปหรือเพจเม้าท์มอยข่าวบันเทิงทั่วไปก็คงเยอะพอสมควร แต่ผมก็ไม่ได้ไปสัมผัสหรือรับรู้ ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ แค่ไม่ได้อวดหรือโชว์ความรักกันแบบโจ่งแจ้ง รูปคู่ทุกวันนี้ไม่มีอัพลงโซเชียลเลย มีรูปเดียวก็ตั้งแต่ตอนนั้น ตอนที่วิคเตอร์ตามมาหาที่ไทยและไม่เคยลบ ทิ้งไว้อย่างนั้นเพราะเราคือพี่น้องกันตามที่เซล่าบอก นอกนั้นก็อัพลมฟ้าหมาแมวไปตามบรรยากาศรอบตัว ไอจีลับของวิคเตอร์ก็ไม่ได้อัพเดตแล้ว เขาไม่ใช่มนุษย์โซเชียล อินสตาแกรมหลักทุกวันนี้ผมก็อัพให้เป็นส่วนใหญ่ ที่ทำไปตอนแรกคือเห่อแฟนช่วงโปรโมชั่น

 

 

ถึงจะไม่ได้มีข่าววิคเตอร์กับผมตลอด แต่ในหนึ่งปี สำนักข่าวนี้และสำนักอื่นบางสำนักมักจะหยิบเรื่องของวิคเตอร์กับผมมาวิเคราะห์หากว่ามีร่องรอยอะไรที่จะสาวมาถึงตัวผมได้ อย่างรูปล่าสุดที่วิคเตอร์ลงในอินสตาแกรมตอนวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เป็นรูปผมนั่งอยู่บนม้าโพนี่ในทะเล เห็นไม่ชัดเลยนะว่าเป็นผม แต่ก็พยายามซูม และคาดเดาช่วงเวลาที่เราสองคนอยู่ที่ไทย สื่อไทยก็มีเอากับเขาด้วย เคยมีปาปาราซซี่ตามถ่ายรูปผมกับวิคเตอร์ตอนเดินห้างที่ไทย อันนั้นเกือบเป๋ไปเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราก็เลือกจะเงียบ ทำตัวตามปกติ ไม่มีใครพูดอะไร มันก็เลยกลายเป็นแค่ข่าว ทางฝั่งไทยเลยทำได้เพียงเม้าท์มอยกันเอง เรียกยอดไลก์ เรียกกระแสให้กับสำนักตัวเองไปวันๆ

 

 

ทุกวันนี้วิคเตอร์ก็ยังไม่เคยพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนกับสื่อไหน ถ้าโดนถามก็เงียบจนนักข่าวเกรงไปเองจนต้องเปลี่ยนคำถาม มันเลยกลายเป็นว่ามีแต่โฆษกส่วนตัวเขาพูดแล้วยังพูดน้อยแต่ต่อยหนักก็ทำให้มีอะไรมาฟันธงยาก และด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตของเราสองคนในที่สาธารณะ (ที่นิวยอร์กกับอังกฤษ) ก็ปกติ ไม่ได้จับมือถือแขนอะไรกัน มันเลยมัวๆ ไม่ชัดแจ้งสักที

           

 

วิคเตอร์ยังคงเป็นผู้ชายวัยสามสิบกว่าที่มีข่าวกับหญิงสาวอยู่เรื่อยๆ ทั้งคนในวงการที่ร่วมงานกันและไม่เคยร่วมงานกัน หรือร่วมงานกันแบบแค่ทำงานเดียวกันแต่ไม่เคยคุยกัน และยังมีแบบที่ไม่เคยร่วมงานกันก็ยังเป็นข่าว ซึ่งตรงนี้ทำให้ข่าวที่เขามีแฟนเป็นผู้ชายเล่นได้ไม่เต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีสาวคนไหนที่เป็นตัวจริงของพ่อหนุ่มอังกฤษที่มาอยู่นิวยอร์กนานจนคนเข้าใจผิดกันบ่อยๆ ว่าเขาเป็นนิวยอร์กเกอร์

           

 

ตอนนี้เขาเป็นผู้ชายโสดที่มีข่าวความรักคาราคาซังกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งแบบไม่จบสิ้น และยังมีข่าวกับสาวน้อยสาวใหญ่บ่อยครั้ง ด้วยลุคผู้ช้ายผู้ชายที่หน้ามักจะดุ หนวดเคราทำให้ดูดิบเถื่อนและชอบทำเคร่งขรึมยามอยู่ในที่สาธารณะ แต่เวลาอยู่ด้วยกันส่วนตัวน่ะเหรอ

           

 

“ไหนเห่าซิไมเคิล โฮ่ง! โฮ่ง!”

           

 

“โฮ่ง!!!”

           

 

“เจ๋งว่ะ วู้ววว! ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ยักษ์หัวฟูเพราะเพิ่งตื่นนอนยืนถือถ้วยสีขาวใส่นมกับซีเรียล ใส่กางเกงในสีขาวตัวเดียวเดินล่อนจ้อนสบายใจไม่แคร์สายตาหมาหัวเราะเสียงดังลั่นบ้าน ช่วงนี้ฝึกให้ไมเคิลเห่าได้เลยคึกเอาใหญ่ (หลังจากที่พยายามมานานกว่าที่ไมเคิลมันจะยอมเห่าให้) พอเจ้าโกลเด้นเห่าได้ก็จะให้ขนมเป็นสติ๊กสำหรับหมาหนึ่งอันเหมือนเป็นรางวัล และมีเผื่อแผ่ให้ฟ็อกซ์ด้วยถือว่าไมเคิลทำเพื่อน้อง

           

 

“ทำอะไรอะ ทำงานอีกแล้วเหรอ” แน่ะ! ยังไม่ทันได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดหน้าก็มุ่ยก่อนจะสดชื่นอีก

           

 

“เปล่า อ่านข่าวคุณเฉยๆ” ผมรีบกดปิดหน้าต่างงานบนจอแม็คบุ๊ค ขยายหน้าเว็บข่าวให้เต็มจอ วิคเตอร์เดินเข้ามาหาและก้มหน้าลงอ่านบนจอ ผมเห็นเขาทำหน้าเครียดเลยยื่นมือไปบีบไข่สองใบของเขาเล่น ไอ้ยักษ์คลายคิ้วที่ขมวดหันมายิ้มให้ นั่นทำให้ผมโล่งใจ

           

 

“ข่าวคู่หมั้นคุณหายไปแล้ว ตอนนี้คลอเดียมาแรงสุด ขนาดซีรีส์ยังไม่ออนแอร์นะเนี่ย” กลายเป็นว่าวิคเตอร์เป็นพระเอกเคมีสาธารณะที่จับคู่กับนักแสดงหญิงหรือนางแบบคนไหนก็ดูจะเข้ากันไปหมด คนก็จะรู้สึกเชียร์ รู้สึกฟิน กับคลอเดียนางเอกใหม่ของเขา ขนาดแค่มีภาพโปรโมตจากกองถ่ายยังมีกระแสชื่นชอบคู่นี้ และกลุ่มคู่จิ้นวิคเตอร์กับชารอนก็ไม่ค่อยพอใจ ชวนตบตีกัน บางทีลามปามมาหาผม ตอนนี้ผมปิดคอมเม้นในอินสตาแกรมไปแล้ว และปิดคนแท็กหาตัวเองด้วย กันความคิดมากของตัวเองไปในตัว

           

 

“ไปกองกับฉันมั้ย” ผมสั่นหัวเบาๆ

           

 

“ไปได้ไง ผมก็มีกองตัวเองต้องไปนะ” วิคเตอร์หน้าบึ้งอย่างเห็นได้ชัด ผมก็งง จะต้องไม่พอใจเชียวแหละเวลาผมบอกว่าตัวเองต้องทำงาน

           

 

“อีกอย่าง ไม่อยากไปดูคุณเลิฟซีนกับเธอหรอก”

           

 

“เลิฟซีนที่ไหน ไม่มีคิวคลอเดียแล้ว ฉากเอากับเธอฉันถ่ายไปหมดแล้วไง” ผมถลึงตาและเบะปากใส่เขานิดๆ วิคเตอร์ที่หน้าบึ้งหัวเราะ

           

 

“เสียดายล่ะสิที่หมดแล้วอะ” วิคเตอร์ทำปากยื่นและพยักหน้าเบาๆ

           

 

“ก็เสียดายนะ นมเธอนิ้มนิ่ม” ผมเบิกตากว้างกัดปากล่างแน่น ยกมือขวาตีกระทุ้งไข่เขาจนเขาสะดุ้งพร้อมร้องโอ๊ย วิคเตอร์ตัวงอเอามือขวากุมเป้าด้วยความเจ็บ หน้าตาบอกถึงความจุก

           

 

“ไอ้เอเลี่ยน!” หน้าสีแทนเปลี่ยนเป็นสีแดง ผมแลบลิ้นใส่เขา วิคเตอร์กัดฟันแน่น วางถ้วยซีเรียลลงบนโต๊ะหินอ่อนในครัว ผมเห็นท่าว่าเขาจะเดินเลยลุกขึ้นเตรียมจะเดินหนี แต่วิคเตอร์แค่ยืดแขนมาเท่านั้นแหละก็คว้าคอเสื้อผมได้เต็มมือและดึงรั้งผมไว้ไม่ให้หนีไปไหน

           

 

“แอะ! แอ๊!” ผมพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หันไปตามแรงของวิคเตอร์ที่พยายามจับผมหันเข้าหาเขา ผมหัวเราะฮื่อๆ ในลำคอ วิคเตอร์จับผมหันเข้าหาเขาได้สำเร็จก็จับผมขึ้นพาดบ่ากว้างด้านขวาของเขา แขนขวาล็อคข้อพับขาผมแน่น มือซ้ายยกขึ้นมาตีก้นผมอย่างแรง

           

 

ผับ!!! ผับ!!!

           

 

“อือ ฮือออ ขอโทษ ขอโทษษษ!” ไอ้ยักษ์ตีก้นผมอีกสองที ผมดีดขาไปมาก่อนจะพยายามเอื้อมมือตัวเองลงไปตีก้นแน่นๆ ของเขาบ้าง แต่ก็ด้วยความแขนสั้นเลยไปไม่ถึงก้น ได้แค่หลังช่วงล่าง แต่แค่นั้นก็เอา ผมรัวมือตีหลังเขาดังแปะๆ แต่ก็ตีไม่ค่อยโดนหรอกเพราะวิคเตอร์แอ่นอกหนีและระดมฟาดก้นผมป้าบๆๆ จนผมหยุดตีหลังเขาไปเอง

           

 

“ตีไข่สามีแบบนี้ได้ไง ชำรุดขึ้นมาแล้วจะเอาน้ำที่ไหนมาแตก!”

           

 

“แล้วคุณจะบอกว่านมคลอเดียนิ่มทำไมล่า??!!!” ผมดีดขา ยกกำปั้นทุบหลังวิคเตอร์ดังอึกๆ แต่เขายื่นนิ่งและตอบโต้ผมด้วยการดึงเกางเกงนอนขาวยาวผมลงและฟาดมือลงบนเนื้อก้นเน้นๆ

           

 

ป้าบ!

           

 

“ฮือออ” ผมไม่ได้ร้องไห้จริงหรอก แค่ครวญครางให้วิคเตอร์รู้สึกสงสารบ้าง (ถามหาความสงสารจากวิคเตอร์?)

           

 

“ก็นมเธอนิ่มจริงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากเอากับเธอจริงๆ สักหน่อยโว้ย” วิคเตอร์ตะโกนลั่น ไมเคิลที่นอนดมห่อขนมอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมองแปบหนึ่งและก้มกลับไปลงหาทางแงะสติ๊กออกจากซองต่อ

           

 

“รู้แล่ว!!!”

           

 

“รู้แล้วยังชอบคิด”

           

 

“ไม่ได้คิดดดด!” ผมไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ นะ ผมแค่พูดหาข้ออ้างในการตีไข่เขาเท่านั้นแหละ

           

 

“เออ ให้จริง!” วิคเตอร์ว่าเสียงห้าว และแทบจะทุ่มผมลงบนโต๊ะหินอ่อนกลางครัวของบ้าน ไมเคิลนอนกินขนมสติ๊กที่วิคเตอร์ทำหล่นบนพื้นโดยไม่สนใจเราสองคน

           

 

พอนั่งลงได้ผมก็นั่งหอบน้อยๆ ส่วนวิคเตอร์นั้นปกติดี ถึงผมจะออกกำลังกาย แต่ผมไม่ค่อยได้คาร์ดิโอ เน้นเล่นเวทให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากกว่า เพราะไอ้ยักษ์รีเควสกับแซ็ค ก็รีเควสแบบตรงๆ ว่าให้ผมแข็งแรงพอที่จะมีอะไรกับเขาได้เต็มที่ไม่มีกั๊ก เพราะเขาชอบเอาไม่ยั้ง

           

 

“I asked you many times to go to set with me. (บอกให้ไปกองกับฉันก็ไม่ไป)” ผมยิ้ม ยกสองแขนคล้องเขาหลวมๆ

           

 

“I trust you because you are a good boy. Eh? (ผมไว้ใจคุณไง คุณเป็นเด็กดีนี่ ใช่มั้ย)” ไอ้ยักษ์ผมยาวหยักศกเล็กๆ หนวดเครารุงรังมองผมตาใสและพยักหน้าหนึ่งที

           

 

“Yes, I am. (อื้อ ฉันเป็นเด็กดี)” ผมหัวเราะ เอ็นดูที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นเด็กดี หน้าตาตอนพูดเหมือนเด็กกำลังอ้อนว่าให้เชื่อผมเถอะนะอะไรแบบนั้นเลย ผมเลื่อนมือซ้ายลงไปสัมผัสไข่เขาเบาๆ วิคเตอร์เผลอสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยให้ผมจับ

           

 

“There. There. Are you hurt? Sorry my giant-beard. (โอ๋ๆ เจ็บเหรอ ขอโทษนะยักษ์หนวด)” ผมคลึงไข่เขาเบาๆ ยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากเขาหนึ่งที มองแนวหน้าผากของเขาแล้วรู้สึกว่าวิคเตอร์โชคดีมากเลยนะที่แนวหน้าผากไม่ได้สูงหรือกว้างตามมาตรฐานของหนุ่มอังกฤษที่มักจะมีพื้นที่หน้าผากกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น

           

 

“My dad, he wanted to see us. (พ่อฉันอยากเจอเราด้วย)” อาทิตย์หน้าเราจะไปอังกฤษ ไปดูบ้านที่วิคเตอร์จะซื้อ เขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อบ้านหลังไหนและตรงส่วนไหนของอังกฤษ ผมเองก็ชอบบ้านที่เขาเลือก ถ้าไปดูอีกครั้งแล้วไม่มีอะไรมาสะกิดให้เปลี่ยนใจจริงๆ วิคเตอร์ก็จะทำเรื่องซื้อเลย จะได้ย้ายกลับไปอยู่ที่นั่นอย่างเต็มตัว วิคเตอร์อยากกลับไปอยู่บ้านเกิดของตัวเอง ไม่ใช่ว่าเขากั๊กไม่ให้ผมกลับบ้านเกิดตัวเองบ้าง แต่ในเรื่องของกฎหมาย การที่เราอยู่อังกฤษ กฎหมายจะคุ้มครองการเป็นคู่ชีวิตของเราสองคนได้มีประสิทธภาพเมื่อเราจดทะเบียนกัน แต่ที่เมืองไทยไม่ใช่ กฎหมายคู่ชีวิตของคนเพศเดียวกันในเมืองไทยยังไม่กระเตื้องไปไหนเลย ผมรู้ว่ามันเหนื่อยเรื่องเดินทาง แต่ผมก็ปรึกษาพ่อกับแม่แล้ว ทั้งสองคนเห็นด้วยและไม่ได้ขัดขวางอะไร แค่ขอให้กลับมาไทยทุกปีและกลับมานานๆ

 

 

แล้วก็จะไปเยี่ยมไวโอล่าด้วย เพราะลิซ่า (เบะปากเล็กๆ) ส่งข่าวมาบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย วิคเตอร์ไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม เพราะเขารู้ว่าน้องสาวตัวเองชอบทำตัวว่าแข็งแรงและเข้มแข็ง ไวโอล่าชอบเก็บอาการตัวเอง ต้องไปเค้นและเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น

           

 

“เราต้องไปหาไวโอล่าอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องเจอเขารึเปล่า” วิคเตอร์พยักหน้า ท่าทีคล้ายจะเครียดแต่ก็ไม่ใช่ ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจมากกว่า

           

 

“ไม่รู้จะอยากเจอทำไมนักหนา มาสนใจฉันทำไมตอนนี้” วิคเตอร์พูดด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ในส่วนของเรื่องระหว่างเขากับพ่อ ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่กระจ่างนะ เรื่องแม่เขาก็ใช้ว่าจะเคลียร์ชัดเจน แต่ผมเห็นเขามีความสุขดี ผมเลยไม่อยากรื้อฟื้น วิคเตอร์ยิ่งเป็นพวกจมดิ่งกับอดีตได้ง่ายๆ อยู่ด้วย

           

 

“บางทีเขาอาจจะอยากใกล้ชิดกับคุณมากขึ้นไง” วิคเตอร์บึนปาก ทำหน้าเหมือนกำลังได้ยินเรื่องแปลกประหลาดใจที่สุดในชีวิต

 

 

และทุกวันนี้วิคเตอร์ก็ยังคงมีระยะห่างจากพ่อตัวเองไกลเหมือนเดิม ไม่มีกระเถิบเข้ามาใกล้กัน ไม่มีโมเม้นต์ดีๆ ของพ่อลูกให้เห็น เป็นสิ่งที่วิคเตอร์รู้สึกเฉยๆ ไม่คิดเศร้าเสียใจใดๆ ด้วยเพราะเขาไม่ได้ผูกพันกับพ่อมาตั้งแต่ต้น ผมเองก็ไม่คิดจะเป็นกาวใจให้ทั้งสองปรองดองกัน เพราะพ่อวิคเตอร์ไม่ชอบผม ก่อนจะทำตัวเป็นกาวให้ใคร ผมเป็นกาวให้ตัวเองเวลาหน้าร้าวตอนโดนเขาด่าตอกหน้าจะดีกว่า

           

 

“แม่เลี้ยงคุณมีเด็กใหม่อีกแล้วเหรอ ไวโอล่ากระซิบบอก” วิคเตอร์ยักไหล่สองข้างแล้วตามด้วยส่ายหัวสั้นๆ

           

 

“ไม่รู้เหมือนกัน” วิคเตอร์มีท่าทีอึดอัดที่พูดถึงลิซ่า ท่าทางของเขาดูไม่สบายตัวเหมือนโดนของ ผมเลยไม่คิดถามย้ำ จริงๆ ไม่คิดจะถามแต่ต้นหรอก แค่อยากแซวยัยแม่เลี้ยงผู้ชอบเลี้ยงต้อยเฉยๆ

           

 

“ไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะ ตื่นมาก็กินก่อนเลยเนี่ย” วิคเตอร์มองผมนิ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองแม็คบุ๊คตาแทบจะขวาง ราวกับว่าแม็คบุ๊คเป็นศัตรูของเขา

           

 

“จะทำก็รีบทำนะ ฉันลงมานายห้ามแตะไอ้เครื่องนี้อีก ไม่งั้นฉันจะโทรไปด่าไอ้พีท” ผมยิ้มหน้าอึน พยักหน้าหงึกๆ วิคเตอร์หมุนตัวเดินออกไปจากครัว ผมกระเถิบก้นลงจากโต๊ะหินอ่อน ดึงกางเกงขึ้นปิดก้น เดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม เปิดงานขึ้นมาอ่าน จริงๆ งานในส่วนของผมมันก็ไม่มีอะไรแล้วละ ส่งให้หมดแล้ว ผมแค่เปิดอ่านงานในส่วนอื่นๆ ทีนี้ก็เหลือเข้ากองแล้ว หลังจากกลับจากอังกฤษผมต้องเข้ากอง วิคเตอร์ก็รู้แล้วนะ แต่พอพูดถึงทีไรเขาจะมีความหงุดหงิดทุกที ตอนนี้ผมเลยพยายามเงียบๆ ไปก่อน กลับมาจากนู่นค่อยเตือนความจำเขาอีกทีว่าหมดหิมะเมื่อไหร่เขาต้องปล่อยผมไปทำงาน

           

 

RRrrr!

           

 

โทรศัพท์ของผมสั่นสะเทือนอยู่บนโต๊ะ ผมหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ เห็นเป็นชื่อคนที่วิคเตอร์เพิ่งบอกไปว่าจะโทรไปด่าหากผมทำงานให้เขาเห็น

           

 

“Hey, Pete. (ว่าไงครับพีท)” โทรมาแต่ละทีผมล่ะลุ้นตลอดว่าจะโยนงานอะไรมาให้ผมอีก

           

 

“เดี๋ยวฉันจะส่งลิสต์ของที่นายต้องซื้อไปให้ ช่วยออกไปซื้อให้หน่อย” น้ำเสียงยังปกติไม่ได้ดูหงุดหงิดเท่าไหร่ แต่ที่ผมสงสัยคือตอนนี้ตำแหน่งผมกลายเป็นเบ๊ประจำกองถ่ายเต็มตัวแล้วใช่มั้ย เหมือนโพสิชั่นไหนว่างก็อีแมทนี่แหละที่ต้องเติมให้เต็ม

           

 

“ได้ครับ” ผมตอบรับไปทั้งที่ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แล้วว่าระเบิดจะลงบ้านมั้ยถ้าไอ้ยักษ์รู้ วีคนี้เป็นวีคพักผ่อนของเขาด้วย ในส่วนของวิคเตอร์ เขาจะไม่ชอบพูดเรื่องงานในวันหยุดของตัวเอง และวันหยุดของเขาคือการอยู่กับผมสองคน และกับหมากับแมว นอนดูหนัง เล่นเกมอะไรไปเรื่อยเปื่อย คือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่งาน

           

 

“ออกเงินไปก่อน แล้วนายค่อยมาเบิกอีกที เก็บบิลไว้เคลียร์ด้วย”

           

 

“จำเป็นต้องวันนี้เลยเหรอครับ” ผมลองถามอีกที เผื่อว่าจะเปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้ได้ คือถ้าเป็นพรุ่งนี้ ผมยังสามารถพูดขอวิคเตอร์ให้ได้รับรู้ได้ไงว่าผมจะออกไปทำงานนะ

           

 

“ทำไม นายไม่สะดวกงั้นเหรอ อ๋อ ขอโทษที ฉันลืมไปว่านายมันแบ็คอัพดี นึกอยากจะทำงานหรือไม่ทำก็ได้ แต่ขอโทษนะ ตอนนี้นายอยู่ในช่วงทำงาน การที่เราเลื่อนกองถ่ายไม่ได้หมายความว่าฉันจะสั่งงานนายไม่ได้” อะโหย ถามแค่นิดเดียว ตอกกลับมาซะยาวเหยียด นี่ตอกกลับประโยคที่ผมพูดหรืออยากตอกใส่หน้าผมเป็นการส่วนตัวกันแน่เนี่ย

           

 

“ไม่ใช่ครับ คือ เอ่อ…” ผมไม่อยากจะเถียงให้มันมีความยาวยืด เพราะผมยังต้องการทำงาน ผมเลยถอนหายใจเบาๆ เก็บคำพูดที่จะพูดไว้ข้างใน

           

 

“…ได้ครับ เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้ ซื้อเสร็จแล้วเอาไปไว้ไหนครับ”

           

 

“เอามาให้ฉันที่ออฟฟิศ แวะมาบ้างก็ดีนะ คนอื่นเขาจะได้ไม่ลืมว่านายก็เป็นทีมงานเหมือนกัน” ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่

           

 

“ครับ เดี๋ยวผมเอาไปให้ที่ออฟฟิศ” ผมตอบเสียงทื่อ พีทกดวางสายไป ผมทำหน้าเซ็ง ไอ้เรื่องไปออฟฟิศคือปัญญาอ่อนมาก ก็ในเมื่องานมันยังไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่าที่เป็นอยู่ จะให้ไปนั่งที่ออฟฟิศทำไม ไปก็ไม่ได้ทำอะไร มันเป็นงานที่ทำอยู่บ้านก็ได้ คงไม่พอใจล่ะสิที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้มือใกล้เท้าเอาไว้จิกใช้งาน ที่จริงตอนนี้คือรอเปิดกล้องถ่ายทำนั่นแหละ นี่ดีนะว่าไม่ใช่หนังใหญ่อะไรมาก ไม่งั้นคงยุ่งเหยิงและผมคงโดนจิกกัดกว่านี้

           

 

ครืด!

           

 

ผมเปิดอ่านวอทสแอพ อ่านลิสต์รายการที่เขาฝากซื้อแล้วรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมของมันดูเป็นส่วนตัว มีทั้งของกิน ของใช้ ผมกำลังคิดว่าถ้าเขาเดินออกไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเองก็น่าจะได้เร็วกว่าให้ผมไปหาซื้อให้รึเปล่า นี่คือยังไง อยู่ใกล้จิกใช้ไม่ได้เลยโทรมาจิกใช้ให้ออกไปนอกบ้านเลยว่างั้น กลัวผมหนาวตายคาบ้านเหรอ ต้องหาอะไรให้ผมทำเพื่อให้ผมขยับร่างกายงี้

           

 

ผมกลอกตา วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ แอบนึกถึงช่วงที่ผมฝึกงานกับวิคเตอร์แล้วก็ชอบโดนเขาแกล้งเพื่อบีบให้ผมลาออกแบบเนี้ย แต่สุดท้ายผมก็ไม่ออก หน้าด้านหน้าทนทำงานจนได้เขาเป็นผัวนี่ไง แม้จะไม่พอใจค่อนข้างมาก แต่ผมก็บอกตัวเองว่าถ้าทนและผ่านวิคเตอร์มาได้ ก็ไม่มีอะไรยากไปกว่านั้นแล้วละ อีกอย่างผมต้องพิสูจน์ตัวเองว่าผมทำงานได้ ไม่ใช่ว่าโดนฝากมาแล้วง่อย ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นพวกเด็กมีอุดมคติสูง แต่ผมแค่อยากทำงานที่ผมรักเท่านั้นจริงๆ

           

 

“วิคเตอออร์ ออกไปซื้อขนมกันนะ” ผมรีบสลัดหน้าเซ็งทิ้ง และรีบวิ่งเข้าไปกอดเอวเขาไว้ วิคเตอร์ที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในครัวทำหน้างง

           

 

“ซื้อขนมอะไร ที่มีอยู่ในบ้านยังไม่พอเหรอ” ผมสั่นหัวพร้อมกับยิ้มประจบ

           

 

“มันก็ใกล้จะหมดแล้วนะ ไปซื้ออาหารสดมาตุนไว้ด้วยไง หมูเหลือไม่กี่ชิ้นเอง” อ้างไปเรื่อย แต่ก็พยายามอ้างให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด อาหารสดในตู้เย็นเหลือไม่มากจริงๆ

           

 

“ก็ได้ งั้นไปเปลี่ยนชุด เดี๋ยวไปซูเปอร์ฯ กัน” ผมฉีกยิ้มและพยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น ในอกรู้สึกโล่ง (ตอนนี้) ที่หลอกล่อให้วิคเตอร์ออกไปข้างนอกด้วยกันได้ แล้วเดี๋ยวค่อยไปแอ๊บเนียนว่าพีทเพิ่งฝากซื้อของพอดีก็แล้วกัน ตอนนั้นคงไม่มีระเบิดลงหรอก มากสุดก็น่าจะเป็นปืนอาก้าที่พร้อมยิงรัวๆ

           

 

หันหัวกระบอกปืนไปทางพีทดีกว่าถ้างั้น =.,=

               

           

 

 :hao7:



               แอร๊ยยยย ได้มาต่อแล้วววว ตอนแรกจะมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้วค่ะ แต่ทำงานดึกมากกกก เหนื่อยเพลีย หมดแรง หมดพลัง หมดแรงตัดพ้อออ มันถอดใจจจจ

               วันนี้มานั่งปั่นเพราะมีช่วงได้เบรคจากงาน แต่ก็ปั่นได้ครึ่งเดียว ตอนแรกกะว่าจะเขียนให้เสร็จตอนนึงแล้วลงรวด เป็นการไถ่โทษที่มาช้า แต่ไม่ไหวจริงค่ะ งานก็ต้องทำ สลับมาเขียนนิยาย สมองเหมือนหายไปครึ่ง

          แต่ถึงจะมาครึ่งเดียว แต่ก็มาแล้วนาาา ไม่อยากหายไปนานๆ พ้นกรกฎาคมนี้ไป งานตอมจะเบาลงแล้วค่ะ จะกลับมาอยู่กับนิยายได้อีกพักใหญ่จนกว่าจะมีงานที่ต้องทุ่มเทแรงกายให้ทำเข้ามาอีก

          ก็ยังเป็นตอนเบาๆ อยู่ เห็นม้ายยย ไม่มีอะไรหนักหนาเล้ยยย อ่อนๆ ชิลๆ ภาคจบแล้ว ละมุนละไมหัวใจเว่อ กรุบๆ กิ๊ๆๆๆ

          อาจจะดูโล่งๆ เปลือยๆ เนื้อหาสาระไม่ค่อยมี 55555 แต่จริงๆ ถ้าใครตามอ่านกันมานานจะรู้อยู่แล้วเนอะ ว่าตอมชอบซ่อนดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ไว้ในแต่ละตอน คนอ่านบางคนบอก หล่อนซ่อนดีมาก เพราะฉันหาไม่เจอ 55555 ไม่รับรู้ถึงดีเทลนั้น รับรู้แต่น้ำ ไม่มีเนื้ออออ ฮ่าาาา

          มันก็ไปเรื่อยๆ ตามสไตล์ขุ่นเจ้อะเนาะ เรื่องนี้มันก็เล่าเนิบๆ แต่ก็ไปเรื่อยๆ แบบอบอุ่น (หราาาา)

          ตอนนี้ตอมเปิดพรีออเดอร์รีปริ้นภาคแรกของนิยายเรื่องนี้อยู่นะคะ อาจจะดูเงียบๆ หน่อย แต่เปิดอยู่นะ รอบนี้ตอมก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมากมาย เพราะก็เปิดมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ครั้งที่ 6 แล้วมั้ง เปิดให้กับคนอ่านที่มาสอบถามอยู่บ่อยๆ จะได้ไม่ต้องไปตามหามือสองที่ราคามันแพงเว่อเกิน (เพราะราคาออริจินอลก็แพงอยู่แล้ว 555555) เปิดโอนเงินถึงวันที่ 5 สิงหาคมค่ะ เข้าไปอ่านรายะเอียดได้ที่ > คลิก (https://my.dek-d.com/missatomic/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=101)



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 40% :06.07.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-07-2017 23:00:31
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 40% :06.07.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-07-2017 06:54:49
ซื้อของส่วนตัวก็ซื้อเองดิ พีท!!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 40% :06.07.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-07-2017 07:35:01
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 40% :06.07.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-07-2017 14:04:45
ยักษ์รักเมียมากจริงๆๆๆๆ
แต่พีทนี่ยังไงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 40% :06.07.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2017 00:32:50
พีทกำลังหาทางแกล้งแมทอยู่รึป่าว?
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 40% :06.07.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-07-2017 10:41:50
เดี๋ยวยักษ์ก็ระเบิดลงอีก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-08-2017 16:39:23


Yours and Mine :: EP.6 [100%]




# United Kingdom

           

 

“ไม่เอาน่า มาดูรูปบ้านกันดีกว่า” วิคเตอร์ดึงแขนผมให้เขยิบเข้าไปนั่งใกล้กัน ผมหน้าบูดน้อยๆ หันไปมองหน้าไอ้ยักษ์ผมยาวที่กำลังมีสีหน้าไม่สบายใจ เห็นแบบนั้นผมก็เลยผ่อนลมหายใจเบาๆ และแบมือขอไอแพดจากเขามาถือไว้เอง

           

 

“ฉันผิดอะไรรึเปล่าเนี่ย” วิคเตอร์ถาม มีการหันไปมองออสตินที่กำลังขับรถเหมือนหาพวก ออสตินทำเพียงยักคิ้วสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป ผมถอนหายใจอีกทีและสั่นหัวเบาๆ

           

 

“ผมงี่เง่าเองแหละที่ใจไม่แข็งพอ” วิคเตอร์หอมหน้าผากผมไปที

           

 

“จะเปลี่ยนหลังใหม่ก็ได้ ถ้าไม่ชอบที่ลิซ่าบอก” ผมส่ายหัวพลางเลื่อนรูปบ้านในไอแพดที่ยัยแม่เลี้ยงถ่ายรูปส่งมาให้ ทั้งภาพนอกบ้าน รอบบ้าน และในบ้าน

           

 

“ก็คุณชอบหลังนี้มากไม่ใช่เหรอ”

           

 

“ฉันบอกว่าไง มันคือบ้านของเรา” วิคเตอร์เริ่มเสียงแข็ง ผมหันไปมองหน้าตาตึงเครียดของเขาแว้บหนึ่ง แล้วก้มลงมองไอแพดต่อ ไม่ได้อยากทำตัวเรื่องมาก หรือทำตัวเยอะสิ่ง เอาแต่ใจให้ผู้ชายตามใจอะไรแบบนั้น

           

 

“แล้วถ้าในเมื่อมันเป็นบ้านของเรา ผมก็เลยงงว่าทำไมถึงปล่อยให้ลิซ่ามีส่วนร่วมด้วย” ผมถามเรียบๆ เรียบทั้งสีหน้าและน้ำเสียง ไม่ได้หันไปมองเหวี่ยงหรือโกรธเคืองใส่วิคเตอร์

           

 

“ลิซ่ารู้จักคนแถวนั้นพอดี ฉันแค่ทำให้มันง่ายขึ้นเฉยๆ ให้เธอช่วยติดต่อคนรู้จักของเธอเลือกบ้านมาให้” ผมหันไปมองสีหน้าหงุดหงิดของวิคเตอร์ครู่สั้นๆ แล้วหันกลับมามองไอแพด

           

 

“ขอโทษครับ” ผมตัดบทจบ ยอมรับว่าประชดกับสีหน้าหงุดหงิดของเขาที่คล้ายว่าจะไม่พอใจกับการที่ผมเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้น

           

 

“แมท” วิคเตอร์เสียงเข้ม จากตอนแรกแค่บูดบึ้งนิดหน่อย ตอนนี้มันกลายเป็นอารมณ์ครุกรุ่นของเราสองคน

           

 

ก่อนหน้านี้เขาบอกว่ามีหลังที่ถูกใจไว้แล้วหลังจากมาเดินดูด้วยกันเมื่อคราวก่อน แต่ผมเพิ่งมารู้ตอนมาถึงอังกฤษเมื่อวันก่อนนี่แหละว่า ไอหลังที่เขาถูกใจคือหลังที่แม่เลี้ยงเขาหามาให้ ลิซ่าเป็นคนบอกผม ซึ่งจะตั้งใจหรือไม่ผมก็เลยมาถามไอ้ยักษ์เช้านี้ แล้วก็ได้คำตอบว่าจริงตามนั้น ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าตัวเองชอบหลังไหนบ้าง แต่ก็มีที่สนใจหลายหลังจากคราวก่อนที่มาเดินๆ ดู กะว่ารอบนี้มาเดินดูอีกครั้งแล้วก็อยากเลือกให้ได้เลย ถ้าหลังนั้นยังดึงดูดไว้ได้อยู่ก็จะลองคุยกับวิคเตอร์ดู แต่ดูท่าวิคเตอร์จะจดจ่อกับหลังที่ยัยแม่เลี้ยงบอกมาก คือถ้าเขาชอบด้วยตัวเองผมยินดีไม่มีอิดออด เพราะยังไงก็เงินเขา แต่การที่เขาบอกว่ามันคือบ้านของเรา แต่กลับปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นมีส่วนร่วมในการเลือกให้ ใจผมมันก็ทุเรศมากพอที่ไม่อยากจะอยู่

           

 

“โอเค ผมขอโทษที่ผมงี่เง่า” ผมกดปิดไอแพด ยื่นคืนให้เขา วิคเตอร์พ่นลมหายใจแรงๆ กระชากไอแพดกลับคืนไป ผมกระเถิบตัวถอยห่างจากเขาไปนั่งอีกเบาะ วิคเตอร์หันมองวิวด้านนอก ผมเองก็หันมองวิวด้านนอก คนที่น่าสงสารที่สุดคือออสตินที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนที่ชินกับสถานการณ์นี้ที่สุดแล้วเช่นกัน

           

 

ผมกำลังนั่งคิดกับตัวเองว่าคิดมากไปหรือเปล่ากับแค่การที่บ้านของตัวเองกับสามีมีคนอื่นร่วมเลือกด้วย นี่ผมพยายามไม่คิดต่อยอดอะไรไปมากกว่านี้นะว่าทำไมลิซ่าถึงมาช่วยเลือกได้ เขามีการนัดคุยนอกรอบหรือลับหลังผมกันงั้นเหรอ อาการไม่ชอบแม่เลี้ยงตัวเองของวิคเตอร์ไม่ได้แสดงให้เห็นนานแล้ว บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้ว และกลับมาคุยกันได้ตามปกติโดยที่ผมไม่รู้

           

 

นั่นแหละ ผมไม่รู้ไง แล้วผมยังไม่รู้อะไรอีกหรือเปล่า

           

 

“ออสติน กลับ ไม่ต้องไปแล้ว” วิคเตอร์พูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปพักใหญ่ ผมหันไปมองใบหน้าไร้อารมณ์ของเขาด้วยสายตาเอือม อาการเอาแต่ใจเริ่มกำเริบอีกแล้ว

           

 

“เราถึงวุร์สเตอร์ (Worcester) แล้วนะครับ อีกชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว” ออสตินบอกอย่างใจเย็น มันใกล้ถึงแล้วจริงๆ ถ้าจะให้เขาขับกลับมาอีกรอบ ออสตินก็พามาได้ แต่ครั้งนี้ที่คุยกันไว้คือเราหมายจะได้บ้านเลย เพราะเคยมาดูไปแล้วรอบนึง ก็ไม่อยากมาเพียงเพื่อมาดูแล้วดูอีก แต่ไม่ได้บ้านสักที อีกอย่าง ถ้าเกิดว่าบ้านหลังไหนที่เราถูกใจ ต้องดูว่าใครเป็นคนดูแล ถ้าไม่มีเจ้าของก่อนหน้าแล้วประกาศขายอยู่ ต้องมีกระบวนการส่งเรื่องไปทางรัฐฯ ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบ้าน แต่ถ้าเป็นบ้านของใครสักคน แล้วเขาประกาศขาย อันนั้นโชคดีไป เรื่องไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ แล้วก็แน่ะละว่า หลังไหนมีเจ้าของอยู่แล้ว และเขาไม่ได้จะขาย เราก็ซื้อไม่ได้ แม้จะอยากได้มากแค่ไหนก็ตาม และแม้จะได้บ้าน ซื้อขายถูกต้องตามกฏหมายแล้ว แต่กว่าจะรีโนเวทเสร็จอีกล่ะ

           

 

“ไม่ กลับเลย” วิคเตอร์บอกอย่างดื้อดึง น้ำเสียงห้วนสั้น หน้าตาไม่พอใจอะไรสักอย่างบนโลกนี้แม้กระทั่งผม ออสตินได้แต่พยักหน้ารับ ชลอความเร็วของรถเพื่อหาจุดกลับรถ

           

 

“ขับต่อไปเลยออสติน” ผมพูดแทรกขึ้นมา ออสตินมองสบตากับผมผ่านกระจกมองหลัง ผมพยักหน้ายืนยัน ออสตินมีท่าทางไม่แน่ใจเท่าไหร่

           

 

“ไม่ต้องไป”

           

 

“วิคเตอร์” ผมเสียงแข็งกลับบ้าง จะว่าผมงี่เง่าก็ได้ แต่ตอนนี้วิคเตอร์กำลังจะงี่เง่ากว่าผมแล้ว ไอ้ยักษ์หันมามองผมตาแทบขวาง ผมมองกลับอย่างไม่พอใจเช่นกัน

           

 

“ทำไม หรือผมหมดโอกาสที่จะได้เลือก บ้านของเรา แล้ว ผมไม่มีสิทธิ์เหมือนผู้หญิงคนนั้นเหรอ” ออสตินตัดสินใจขับรถต่อไป วิคเตอร์มองผมตาดุดัน ผมมองกลับนิ่งเฉย

           

 

“อย่ากวน” วิคเตอร์มีท่าทีอดทนอดกลั้น คงจะหงุดหงิดกับท่าทีนิ่งๆ ของผมเวลาโกรธกันตามเคย

           

 

“คุณโกรธผมเพราะผมโกรธคุณที่คุณปล่อยให้คนอื่นมาช่วยเราเลือกบ้าน ทั้งที่จริงคุณควรอธิบายว่าทำไมแม่เลี้ยงของคุณถึงมีส่วนร่วมครั้งนี้ได้ด้วย” วิคเตอร์หน้ายักษ์สมฉายา ผมมองเขากลับอย่างสงบเสงี่ยม ไม่อยากโมโหไปด้วยอีกคนเดี๋ยวจะยิ่งแย่กว่าที่เป็นอยู่

           

 

“ฉันจำได้ว่าเธอเคยบอกว่ามีคนรู้จักอยู่ที่นั่น” เขายอมรับเสียงห้วน หน้าตาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ผมกระตุกยิ้มมุมปาก

           

 

“ไม่ต่อต้านเธอแล้วเหรอ” วิคเตอร์กลอกตา ใบหน้าหน่ายเล็กๆ

           

 

“ฉันไม่คิดกลับไปหาเธอก็แล้วกัน” เขาว่าเสียงห้วนเหมือนเดิม มองผมด้วยความเอือม เขาก็คงเอือมความคิดมากของผมนั่นแหละ ซึ่งเอาจริงๆ ผมยังไม่คิดถึงประเด็นนั้น ประเด็นที่ผมคิดคือเรื่องบ้านของเรา บ้านที่เราสองคนควรช่วยกันเลือก ผมพยายามนึกว่าก่อนหน้านี้ผมทำตัวไม่อยากเลือกหรืออิดออดมั้ย ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ เพียงแต่ยังตัดสินใจไม่ได้จริงๆ ว่าจะเลือกหลังไหนในโซนไหนของเมืองนี้ แต่แล้ว ยัยแม่เลี้ยงก็ดันมามีส่วนร่วมเฉย ราวกับจะมาอยู่ด้วยกัน

           

 

“คุณเคยฝันอยากมีบ้านกับเธอที่นั่นใช่มั้ย” ผมไม่ได้เป็นนักอ่านใจหรอก แต่เป็นนักเดาอดีตมากกว่า สองคนนั้นผูกพักกันมาตั้งนาน ผ่านเรื่องราวอะไรด้วยกันมามากมายจนถึงขั้นแต่งงานกันแล้วด้วยซ้ำ

           

 

“แมท! จะทะเลาะกันให้ได้เลยเหรอ?!”

           

 

“ใช่มั้ย?!” ผมถามเสียงดังกลับ หน้าตาไม่พอใจกลับบ้าง วิคเตอร์เริ่มมีน้ำโหอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมก็ไม่อยากยอมเหมือนกัน

           

 

“เออ!!!”

           

 

“ก็แค่นั้นแหละ!” ผมกระแทกเสียง ยกสองแขนกอดอกและหันหน้าไปมองวิวตึกโทนสีน้ำตาลแก่ แต่อารมณ์นี้ไม่มีฟีลลิ่งจะซึมซับบรรยากาศสวยๆ คลาสสิคของเมืองผู้ดีเลย

           

 

“รู้แล้วไงต่อ? เปลี่ยนใจไปอยู่ที่อื่นมั้ยล่ะ ฉันให้สิทธิ์นายเลือกคนเดียวเต็มที่” ผมหันไปมองหน้าตาไม่ชอบใจกับการประชดของเขา ไอ้ยักษ์ยักคิ้วข้างซ้ายให้ ยิ้มกวนตีนกวนใจ ท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร

           

 

“งั้นผมเลือกกลับไปอยู่ไทย” ผมตอบด้วยอาการเหวี่ยงเล็กๆ มองวิคเตอร์ด้วยหางตาครู่สั้นๆ และหันไปมองถนนที่รถกำลังแล่นอยู่

           

 

“ไม่ให้กลับ” ผมขมวดคิ้ว หันกลับไปมองใบหน้ามึนตึงของวิคเตอร์

           

 

“แล้วจะให้เลือกทำไม ก็เลือกแล้วนี่ไง!”

           

 

“ถ้าจะเลือกแบบนี้ก็ไม่ต้องเลือก” วิคเตอร์ยกนิ้วชี้ขึ้นขู่ สีหน้าเอาเรื่องกับการประชดประชันของผม ไอ้ยักษ์ยื่นมือมาจับข้อมือขวาของผมและกระชากผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ บีบข้อมือผมแน่นจนผมเจ็บ แต่ผมก็ไม่ร้องสักแอะ นั่งนิ่งกัดฟันแน่นให้เขาบีบตามที่เขาอยากจะทำ

           

 

เลยกลายเป็นว่าเหมือนผมเป็นคนผิดที่ไม่พอใจเขาที่ให้คนอื่นมาช่วยเลือกบ้านของเราที่เขาพร่ำบอกนักหนาว่ามันคือบ้านของผมกับเขา แถมคนที่ช่วยเลือก ยังเป็นคนที่เขาเคยมีความฝันร่วมกันว่าอยากมีบ้านที่นี่อีก

           

 

“อยู่เฉยๆ!” วิคเตอร์ดุตอนที่ผมพยายามดึงข้อมืออกจากมือเขาเพราะเจ็บกับแรงบีบ ผมหน้ามุ่ยใส่เขา

           

 

“มันเจ็บ!” ผมตะคอกกลับเล็กๆ ตอนนี้ไม่นึกสงสารออสตินแล้วที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ผัวเมียตีกันอีกครั้ง ขอนึกสงสารตัวเองก่อนที่ต้องมาระวังอารมณ์ไอ้ยักษ์อีกแล้ว

           

 

“ปล่อยผมลงตรงนี้แหละ! ผมไม่ไปแล้ว คุณมีบ้านในฝันกับเมียเก่าอยู่แล้วก็เดินไปเลือกเองเลย แต่ผมไม่อยู่ด้วย!” วิคเตอร์เบิกตากว้างท่าทางอารมณ์ขึ้นสูงกว่าเดิม ผมจ้องตาเขาไม่ยอมเช่นกัน

           

 

เอี๊ยด!

           

 

ผมถลาไปข้างหน้าจนหัวชนกับหลังเบาะคนขับ แต่วิคเตอร์ก็ดึงข้อมือผมกลับมาให้กลับมานั่งตามเดิมโดยไม่สนใจเลยมั้งว่าผมจะเจ็บหรือเปล่า

           

 

“ขอโทษครับ แต่ว่าถึงแล้ว” ออสตินหันมาบอกอย่างสุภาพ ใบหน้านิ่งตามสไตล์ของเขาและหันกลับไปด้านหน้าต่อ ผมหน้าบึ้ง น้ำตาเริ่มจะคลอกับความเจ็บตรงข้อมือและรู้สึกแย่กับอารมณ์ฉุนเฉียวของวิคเตอร์

           

 

“ออสติน นายลงไปก่อน” บอดี้การ์ดหัวเกรียนพยักหน้านิ่งหนึ่งที เขาสตาร์ทรถทิ้งไว้ให้ เปิดประตูลงไปยืนบนถนนด้านนอก ปิดประตูรถตามหลังเบาๆ ผมหันหน้าหนีวิคเตอร์ น้ำตาคลอ ข้อมือแทบจะชาจนจะไร้ความรู้สึก

           

 

“หันหน้ามา” เขาสั่งเสียงเข้ม ผมย่นคิ้ว นึกสงสัยว่าผมผิดอะไรนักหนา ถ้าถามหาความผิด มันก็ไม่มีหรอก แต่สิ่งที่เขาทำ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบ

           

 

“แมท!” เขาตะคอกเสียงดังลั่นรถ ผมสะบัดหน้าไปมองเขาด้วยอารมณ์หงุดหงิด ยกมือซ้ายขึ้นจับสร้อยคอที่คล้องแหวนไว้และกระชากออก วิคเตอร์ตาวาววับ น้ำตาผมร่วงเผาะลงบนแก้มทั้งสองข้าง ทำท่าจะทิ้งแหวนลงบนพื้นรถ ยอมรับกับตัวเองได้เลยว่าทำไปเพราะอยากประชดแรงๆ

           

 

“อย่านะ!” เขาปล่อยข้อมือขวาของผมที่ตอนนี้แดงเถือก และใช้สองมือมาจับมือซ้ายของผมและดึงสร้อยกับแหวนออกไปจากมือ ผมน้ำตาไหลเงียบๆ สะบัดแขนออกจากมือเขาได้ก็หมุนตัวจะเปิดประตูรถหนีเขา แต่วิคเตอร์รวบตัวผมจากด้านหลังไว้แน่น  ผมไม่ได้พยายามดิ้นหนี เพราะทำไปก็เหนื่อยเปล่า เลยนั่งนิ่งให้เขากอดแน่นเหมือนงูรัด วิคเตอร์จับมือซ้ายผมขึ้นมา ดึงสร้อยสีเงินออกจากแหวน และพยายามจะยัดแหวนหมั้นลงนิ้วนางข้างซ้ายของผม แต่ผมกำมือแน่นไม่ยอม

           

 

“แบมือออกมา!” เขาพูดเสียงคำรามข้างหู ผมน้ำตาไหลพราก ก่อนจะร้องไห้โฮลั่นรถ แบบมือออกอย่างอ่อนแรง วิคเตอร์จับแหวนดันลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายเสร็จสรรพ แล้วก็กดจูบลงบนขมับผมอย่างแรงหนึ่งที เสียงหายใจของเขาดึงฟึดฟัดชัดเจน

           

 

“Good boy.(เด็กดี)” เขากดจูบแก้มผมแรงๆ หนึ่งทีและจับผมหันเข้าหาเขา ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่อยากมองหน้าเขาตอนเวลาเขาโกรธ

           

 

“ชู่ววว” วิคเตอร์ยกมือขวาลูบหัวผมและทำหน้าปลอบโยน ผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

           

 

“Hit me if you want, okay? (ตีฉันสิถ้านายอยากทำ)”

           

 

เพี๊ยะ!

           

 

ผมยกมือขวาตบแก้มซ้ายของเขาเต็มมือ วิคเตอร์ตกใจนิดหน่อย แล้วผมก็ยกมือขวาตบซ้ำที่เดิม วิคเตอร์หน้าเหยเกเล็กๆ แต่ก็ไม่ร้องหรือบ่น ผมเลยยกมือตบที่เดิมอีกรอบ คราวนี้เขาครางเบาๆ และปิดเปลือกตาแน่น สะบัดหน้าสองสามทีแล้วหันมามองหน้าผมที่กำลังนั่งสะอื้นเบาๆ

           

 

“I just asked her about the house. Now it’s our home. It’s our dream. You want to have house here, do you? (ฉันแค่ถามเธอเรื่องบ้าน ตอนนี้คือฝันของเราสองคน นายก็อยากมีบ้านที่นี่ไม่ใช่เหรอ)” เขาดึงผมเข้าไปกอด ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดและหมั่นไส้เขา ถ้าเขาอธิบายดีๆ แบบนี้แต่แรกมันก็จบแล้ว ผมเลยยกมือทุบหลังเขาดึงอักหลายทีติดๆ กัน จนวิคเตอร์ร้องครางด้วยความเจ็บ

           

 

“Fuck! Your hands is so heavy. (แม่ง มือนายโคตรหนัก)” ผมทุบด้วยความโมโห ด้วยความหงุดหงิด วิคเตอร์กอดผมนิ่ง แต่ก็มีร้องครางด้วยความเจ็บให้ได้ยิน

           

 

“Are you happy? (พอใจยัง)” เขาถามและลูบหลังผมเบาๆ ตอนนี้อารมณ์คงลงมาแล้วถึงได้ใจดี อารมณ์ที่เปลี่ยนไวไปมาของเขายังคงเส้นคงวา

           

 

“No! (ไม่!)” ผมกระแทกเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ก้มลงกัดไหล่เขาผ่านเสื้อยืดสีดำคอวี วิคเตอร์ร้องโอดครวญ แล้วเขาก็ยกมือซ้ายฟาดก้นผมรัวๆ จนผมรู้สึกเจ็บเลยหยุดกัดเขาและดันตัวเองออก ไอ้ยักษ์ย่นคิ้วด้วยความเจ็บ

           

 

“What do you want, eh? (ต้องการอะไรเนี่ย เฮอะ?)” เขาจับไหล่ผมแน่น ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น น้ำตาอาบแก้มแต่ไม่มีไหลมาเพิ่ม ยกมือขวาขึ้นทุบอกเขาดังอัก

           

 

“Shit! (โอ๊ย!)” วิคเตอร์ขมวดคิ้วแน่น มองผมด้วยสายตาปรามๆ ผมมองกลับอย่างขุ่นเคือง

           

 

“You were mad at me like you are hiding something wrong! (ทำมาโกรธผมแบบนี้เหมือนคุณกำลังซ่อนความผิดตัวเอง!)” วิคเตอร์งง มองผมด้วยความไม่เข้าใจ ผมมองกลับด้วยความขัดใจในความมึนของเขา

           

 

“What’s wrong with me?! (ฉันผิดอะไรเนี่ย?!)”

           

 

“You pretend to be mad like the man who have an affair, and I can catch you up with this truth! (คุณกลบเกลื่อนเหมือนพวกผู้ชายที่ถูกจับได้ว่ามีชู้ไง!)” วิคเตอร์กะพริบตาปริบๆ สีหน้ายังคงงงอยู่ เห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้

           

 

“Don’t act like you are stunned! You are stupid! (ไม่ต้องมางง ไอ้โง่!)” จากหน้างงเปลี่ยนเป็นหน้าเหวอ วิคเตอร์มองผมด้วยความตกใจเล็กๆ

           

 

“What?! What the fuck? (อ้าว อะไรวะ)”

           

 

“If you just explain for the first time I asked you. It’s clear! Why you have to be moody? You are always a hot-head when something displease you, and then I got hurt! (ถ้าอธิบายดีๆ แต่แรกก็จบแล้ว จะโมโหอะไรอะ พอไม่ได้ดั่งใจก็อารมณ์ขึ้นตลอด แล้วผมก็เจ็บตัวนี่ไง!)” ผมสูดจมูกดังฟืดหลายทีติดกัน

           

 

“And I did not get hurt, do I? (ฉันไม่เจ็บตัวเลยงั้นสิ)”

           

 

“You made me first! I feel so bad that you talked to her, and you made it worse. Just tell me. Don’t angry me. (ก็คุณทำผมเจ็บก่อน ผมรู้สึกแย่ที่คุณคุยกับลิซ่าอยู่แล้ว แต่คุณก็ยังจะทำให้ผมแย่กว่าเดิมอีก ก็บอกดีๆ สิ โมโหทำไม!)” ผมมองหน้าไอ้ยักษ์ด้วยสายตาโมโห วิคเตอร์ไม่ได้มีท่าทีสลดอะไรหรอก เขาก็แค่เลิกทำหน้าเข้ม หน้าดุเท่านั้นเอง รู้ตัวรึเปล่าเหอะว่าตัวเองเป็นคนโหมไฟเพิ่ม

           

 

“And why do you have to act like a cold-blood person, a sarcastic wacko? I hate these act of you. (แล้วนายทำไมจะต้องทำท่าทางที่ฉันไม่ชอบด้วย ฉันเกลียดจริงๆ ท่าทางเย็นชาเหมือนคนไม่มีเลือด แล้วก็ท่าทีช่างประชดเหมือนยัยแก่สมองไม่ดีนั่นน่ะ)” เขาบอกสีหน้าไม่สบอารมณ์ สายตาบอกว่าเกลียดพฤติกรรมนี้ของผมจริงๆ 

           

 

“I hate your furious act as well, and also hate you! (ผมก็เกลียดความขี้โมโหของคุณเหมือนกัน เกลียดคุณด้วย!)” ผมกระชากเสียงใส่เขา ยกมือทุบไหล่ซ้ายเขาแรงๆ หนึ่งที วิคเตอร์ยกมือขวาฟาดก้นผมเต็มมืออย่างรุนแรง

           

 

“โอ๊ย!”

           

 

“Don’t hate me! (ห้ามเกลียดฉัน!)” ว่าจบก็ใช้มือขวาล็อคคอผมให้อยู่นิ่งๆ และยื่นหน้ามาจูบปากผมอย่างหนักหน่วง บดขยี้จนผมรู้สึกเจ็บริมฝีปาก ผมพยายามหันหน้าหนีแต่ก็โดนเขากดหลังคอไว้ สักพักเขาก็เปิดปากผมและและดันลิ้นเข้าไป พอรู้สึกว่าผมจะกัดลิ้นเขากลับ เขาก็จิกเส้นผมตรงท้ายทอยผมให้ผมแหงนหน้าขึ้น และไซ้คอผมด้วยความรุนแรงจนผมรู้สึกเจ็บ

           

 

“วิคเตอร์… อะ!” ผมหลับตาแน่นและขมวดคิ้วตอนที่โดนเขากัดตรงซอกคอด้านซ้ายอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยปล่อย สองมือเขายกขึ้นมาจับกรอบหน้าผมและดึงหน้าผมเข้าไปแช่จูบตรงริมฝีปากอีกรอบ แช่ไว้แปบนึงก็ดึงออก

           

 

“ฉันคุยกับลิซ่าแค่เรื่องบ้าน ฉันโทรคุยกัน ใช่ แต่แค่เรื่องบ้าน สองครั้งแค่นั้น นอกนั้นวอทสแอพ นายจะเปิดดูก็ได้ ฉันไม่เคยลบ” แล้วเขาก็ดึงผมเข้าไปจูบริมฝีปากอีกรอบ แช่ค้างไว้นานๆ พอกับครั้งแรกและดึงออก ผมเริ่มหายใจหอบแรงขึ้น

           

 

“ฉันขอโทษที่โทรคุยกับเธอ แต่ฉันไม่ได้นอกลู่นอกทางอะไรกับเธอเลย” เขามองตาผมด้วยสายตาที่แข็งกระด้างน้อยลง ผมมองเขาด้วยความรู้สึกนิ่ง วิคเตอร์ดึงผมเข้าไปจูบอีกรอบ แช่ไว้อีกพักโดยไม่ไดล้วงล้ำเข้าไปด้านในแล้วดึงหน้าออก

           

 

“ฉันไม่ได้โกรธกลบเกลื่อน ฉันโกรธที่นายเย็นชากับฉัน นายก็รู้นี่” เขาเสียงอ่อนลง สีหน้าไม่หงุดหงิดแต่ยังมีความเข้มดุดันอยู่เล็กๆ เขาไม่ชอบท่าทีนี้ของผม เพราะเขารับมือไม่เก่ง เขาชอบให้ผมแสดงอารมณ์โกรธออกมา เขายังจะรับมือได้ง่ายกว่า แต่พอเวลาที่ผมนิ่งเฉยเฉยชากับเขา ไอ้ยักษ์จะเริ่มร้อนรุ่มและคุมสติไม่รอด

           

 

เรามองตากัน ดวงตาสีน้ำตาลของวิคเตอร์มองด้วยความเว้าวอนเล็กๆ ผมยอมเปิดปาก วิคเตอร์ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมอีกครั้ง ลิ้นของเราสองคนเกี่ยวกะวัดรัดกันเบาๆ วิคเตอร์เอนหลังกับเบาะรถ จับผมนั่งคร่อมตักเขาโดยที่ปากของเราสองคนยังเชื่อมต่อกัน ลิ้นของเราสองคนเกลี่ยไล้กันเบาๆ อยู่สักพักแล้ววิคเตอร์ก็ถอนจูบออก เลื่อนหน้ามาหอมหน้าผากผม และตามด้วยแก้มทั้งสองข้าง ผมหลับตาลง พยายามที่จะทำใจให้เข้มแข็ง

 

 

เขาแค่คุยกันเท่านั้น วิคเตอร์ไม่ใช่ผู้ชายประเภทขี้แถเพื่อเอาตัวรอดเรื่องคบชู้ ถึงเขาจะเคยเป็นชู้กับเมียใหม่พ่อตัวเองก็เถอะ  (ความสบายใจอยู่ตรงไหนกัน)

           

 

“คุณคุยกับเธอได้ ผมไม่ได้ห้าม แล้วก็ห้ามไม่ได้หรอก แต่การที่คุณพูดกรอกหูผมเสมอว่านี่คือบ้านของเรา แต่คุณกลับเอาเมียเก่าที่เคยมีความฝันเรื่องบ้านร่วมกันมาช่วยเลือก แบบนั้นคุณจะพูดทำไมว่ามันเป็นบ้านของคุณกับผม ตอนนี้เธอช่วยเลือกบ้าน วันนึงเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านด้วยเลยเหรอ” พอตั้งสติได้และได้เปิดใจพูดกัน ผมก็ต้องพูดสิ่งที่ตัวเองนึกคิดอยู่ มันดูคิดมาก ซึ่งใช่ มันคือการคิดมาก แต่ผมจะไม่คิดมากถ้าวิคเตอร์ไม่ทำแบบนี้ ฉะนั้นผมต้องบอกเขาว่ารู้สึกนึกคิดยังไง ไอ้ยักษ์จะได้คิดเยอะกว่านี้ เพราะผู้ชายคนนี้ทำอะไรสบายๆ ไม่คิดเยอะ อยากทำไรทำ บางทำไปไม่ได้คำนึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เขาจะมีความคิดปกป้องการกระทำตัวเองว่า ไม่มีอะไรหรอก เขาทำแค่นี้ ขอบเขตเขามีอยู่แล้ว

           

 

“อื้อ รู้แล้ว” เขาตอบรับเสียงอ่อย ผมมองหน้าเขา มองแก้มสีแทนที่มีรอยแดงห้าแถวสีเข้มแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ยกมือซ้ายขึ้นมาดูแหวน ทำท่าจะถอดออก

           

 

“อย่าถอดนะ!” วิคเตอร์ขู่อย่างเร็ว

           

 

“ผมจะถอดมาใส่สร้อย”

           

 

“ไม่เอา ใส่ไว้แบบนั้นนั่นแหละ ถ้าถอดออกฉันจะหักข้อมือนาย” เขามองจ้อง ท่าทางเอาจริงกับสิ่งที่พูด ผมเผลอทำหน้ากลัวนิดหน่อย รู้อยู่แหละว่าเขาเป็นคนอารมณ์แรง แต่จะถึงขั้นหักข้อมือกันเลยเหรอ เขาแค่ขู่ละมั้ง

           

 

“จะลงไปดูบ้านได้รึยัง” ผมถามหน้าตาเซ็งๆ วิคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวดมองหน้าผม

           

 

“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย” ผมถอนหายใจ ยิ้มแว้บหนึ่งแบบแว้บเร็วๆ โน้มตัวไปจะเปิดประตูรถแต่ก็โดนวิคเตอร์ดึงเอาไว้

           

 

“อะไรอีกเนี่ย จะไปดูบ้านก็ไปดู เดี๋ยวมืดค่ำกันพอดี” ผมว่าหน้ามุ่ย วิคเตอร์มองหน้าผมตาใส มีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเล็กๆ

           

 

“เอากันก่อนมั้ย” ผมเบิกตากว้าง มองเขาด้วยความเหลือเชื่อนิดหน่อย

           

 

“จะบ้าเหรอ มามีอารมณ์อะไรตอนนี้เนี่ย?!”

           

 

“เผื่อนายจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมไง”

           

 

“ไม่!” วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ผมเลื่อนสายตาหลบยิ้มนั้น แต่ยังสัมผัสได้ว่าเขายังยิ้มอยู่ ผมหันกลับไปมองหน้าเขา พยายามฝืนยิ้ม ยกมือซ้ายผลักหน้าเขาออกห่างจากหน้าตัวเอง แต่วิคเตอร์ก็หันกลับมายิ้มล้อออีกรอบอยู่ดี ผมทนไม่ไหวเลยหลุดหัวเราะออกมา

           

 

“โอ๊ย ไปได้แล้ว”

           

 

“ไม่เอาก่อนแน่เหรอ” ผมจิ๊ปากใส่ไอ้ยักษ์ที่เปลี่ยนอารมณ์มาเป็นยิ้มล้อ ผมหัวเราะแบบที่ห้ามตัวเองไม่ได้ เกลียดไอ้ยักษ์ที่ทำเนียนเปลี่ยนอารมณ์จากตบตีกันมาเป็นอี๋อ๋อเนี่ย

           
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-08-2017 16:40:42

V
v
v


กว่าจะได้ลงจากรถก็ยิ้มและหัวเราะกันอยู่เกือบสิบนาที วิคเตอร์ส่งผ้าพันคอสีแดงเลือดหมูให้ผม ไว้ทั้งกันอากาศเย็นๆ กับบังรอยกัด ส่วนเขาใส่แค่เสื้อกันหนาวขนเป็ดสีดำทับเสื้อยืดสีดำที่ฟิตกับรูปร่างเขาพอดี เราออกมายืนบนถนนในศูนย์กลางของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ออสตินยืนรออยู่ด้านนอกแบบที่ไม่แสดงอาการเบื่อหน่ายอะไรทั้งสิ้น ผมว่าเขาคงชิน และมันคืองานของเขาที่ทำแล้วได้ตังค์

           

 

“แม่เลี้ยงคุณเลือกที่นี่ให้เหรอ” ผมแกล้งหันไปถามอย่างประชดและมองด้วยอาการจิกกัด รอบที่แล้วเขาผ่านหมู่บ้านนี้เฉยๆ ไม่ได้เข้ามาสำรวจเป็นจริงเป็นจังด้วยซ้ำ วิคเตอร์กลอกตาเซ็งๆ

           

 

“ก็ตั้งต้นที่นี่ไง หรือนายมีหมู่บ้านในใจแล้ว” ผมหันไปมองหมู่บ้านยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่ว่าหากมาเที่ยวเมืองนี้จะต้องมาแชะแอนด์ชักภาพกับบรรยากาศคลาสสิคสวยๆ ของหมู่บ้านที่มีแม่น้ำ Windrush แม่น้ำที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน เลยทำให้บ้านทั้งสองฝั่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเก๋ๆ แต่ก็ไม่ใช่แม่น้ำไหลรุนแรง เป็นลำธารตื้นไม่ถึงเข่าเท่านั้นเอง เป็นหมู่บ้านที่ผสมผสานกันระหว่างความดั้งเดิมกับความสมัยใหม่ แต่ก็ไม่ได้แปลกแยกจากกันมากมาย

           

 

“คุณอยากได้บ้านสงบๆ ไม่ใช่เหรอ ที่นี่สงบก็จริง แต่นักท่องเที่ยวก็มากันบ่อยนะ แม่เลี้ยงคุณไม่ได้บอกรึไง” ผมเบะปากใส่เขาเล็กๆ วิคเตอร์ถลึงตามอง

           

 

“แล้วที่ไหนล่ะ” ผมถอนหายใจเบาๆ นึกภาพบ้านสร้างจากหินสีน้ำผึ้งท่ามกลางความเขียวขจีแล้วรู้สึกสดชื่นในปอด วิคเตอร์กับผมมีความคิดเหมือนกันอย่างหนึ่งคือหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็ไม่ต้องถึงขั้นจำศีล จริงอยู่ว่าเมืองนี้ไม่ค่อยวุ่นวายเท่าเมืองใหญ่ทั้งหลายอยู่แล้ว แต่หมู่บ้านที่วิคเตอร์พามานั้นมันอยู่ในโซนที่คนมาท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ ซึ่งผมว่าไม่น่าจะเหมาะกับคนขี้หงุดหงิดอย่างเขาหรอก

           

 

“เราอยู่กันสองคน…” ผมหันไปมองออสตินที่กำลังมองไปรอบหมู่บ้าน “…อาจจะมีออสตินด้วยอีกคน ถ้าคุณยังจ้างเขาอยู่”

           

 

“นับออสตินไปด้วย” วิคเตอร์บอกอย่างไม่ลังเล ผมว่าทุกวันนี้เขามองว่าออสตินเป็นน้องชายเขาไปแล้ว ไม่ได้มองว่าเป็นเพียงบอดี้การ์ดเท่านั้น

           

 

“ก็สามคน งั้นที่คุณหามาผมว่ามันก็ใหญ่เกินไปอยู่ดี”

           

 

“ฉันจะเอาไวโอล่ามาอยู่ด้วย”

           

 

“เป็นสี่คน ไมเคิลกับฟอกซ์อีกสองตัว ที่คุณหามามีห้าห้องนอน ผมโอเคกับจำนวนห้อง แต่ขนาดบ้านมันใหญ่เกินไปรึเปล่า และอย่างที่บอก อยู่ในย่านแหล่งท่องเที่ยวด้วย คุณชอบจริงๆ หรือคุณโดนยัยแม่เลี้ยงกล่อมมา” วิคเตอร์บิดปากเซ็ง

           

 

“นายเป็นนกเหรอถึงจิกฉันอยู่ได้” ผมเบะปากพร้อมยักคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ วิคเตอร์ยื่นมือขวาผลักหัวผมเบาๆ

           

 

“ถ้างั้นนายก็เลือกใหม่ ฉันอยู่หลังไหนก็ได้ที่มีนาย โอเคมั้ย”

           

 

“เชอะ ทำมาเป็นปากหวาน”

           

 

“คxxฉันก็หวาน นายรู้ดี” ผมย่นคิ้ว งงว่าเขาวกเข้าไปหาส่วนนั้นได้ยังไง แล้วมันก็ไม่ได้หวานตลอดด้วย ช่วงไหนเขากินเหล้ากินเบียร์หรือกินของกลิ่นแปลก กลิ่นหึ่งจะตาย อะ เอ่อ แล้วผมวกไปกับเขาทำไม

           

 

“ออสติน ขับไปหมู่บ้านอื่นได้มั้ย” ออสตินพยักหน้า เปิดประตูรถให้เราสองคนก่อน พอเราสองคนกลับขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังของรถเก๋งสีบลอนเงินของแบรนด์ตรีศูลสามง่ามโพไซดอนตามเดิม ออสตินก็ปิดประตูให้ตามหลังและกลับไปประจำที่ ผมมองวิวด้านนอกที่มีผู้คนเดินไปทางจตุรัสเมืองกันอย่างบางตา วันนี้วันธรรมดานักท่องเที่ยวเลยไม่เยอะมาก แต่ผมเคยเห็นในเว็บรีวิวท่องเที่ยว ถ้าเป็นช่วงสุดสัปดาห์ผมว่าวิคเตอร์คงประสาทกิน

           

 

Cotswold คือเมืองเล็กๆ แสนอบอุ่นและเก่าแก่ของสหราชอาณาจักร เกิดในช่วงยุคหนึ่งเก้าต่อท้ายด้วยเลขเยอะๆ สักหน่อยอะไรแบบนั้น เป็นเมืองที่ทางรัฐบาลอังกฤษสั่งให้อนุรักษ์ บ้านทุกหลังในทุกหมู่บ้านที่มีเกือบๆ แปดสิบหมู่บ้าน หากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามดัดแปลงใดๆ เด็ดขาด เพราะเขาต้องการให้คงความดั้งเดิมอันเป็นเสน่ห์ของที่นี่เอาไว้ บานที่นี่ถูกสร้างด้วยหินสีน้ำผึ้งเหมือนๆ กันหมด เพราะเป็นสิ่งที่หาได้จากเมืองนี้ในอดีต หลังคาก็ทำจากหิน แต่บ้านบางหลังในบางหมู่บ้านจะมุงหลังคาด้วยฟางอัดแน่นที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตพิเศษมาแล้ว

           

 

เมืองนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็นเมืองในนิทาน เพราะตัวบ้านและบรรยากาศของเมืองให้ความอบอุ่นเล็กๆ กระทัดรัด น่ารักๆ ตัวบ้านทำจากหิน มีดอกไม้หลากสีสันขึ้นแซมตามซอกหิน บ้างก็ขึ้นตามผนังบ้าน มีหญ้าสีเขียวๆ มีต้นไม้ บรรยากาศของแต่ละหมู่บ้านเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือนิทานภาพวาดที่เราเคยจินตนาการไว้ในวัยเด็ก ที่นี่อยู่ห่างจากกรุงลอนดอนราวแปดร้อยไมล์ และอยู่ห่างจากบ้านเกิดวิคเตอร์ในเมืองเชฟฟิลด์เกือบสองร้อยไมล์ ใช้เวลาเดินทางมาก็สองชั่วโมงกว่าๆ เป็นเมืองเล็กๆ ที่คนรีไทร์จากการทำงานของตัวเองแล้วชอบมาอยู่ เพราะมันเงียบสงบและอบอุ่น ไม่วุ่นวายวื่อวึง

           

 

วิคเตอร์ยังไม่รีไทร์จากวงการเร็วๆ นี้หรอก แต่เขาเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงแบบที่ว่าถ้าน้ำท่วมก็รอดตายแน่นอน เขาอยู่ในความวุ่นวาย อยู่ท่ามกลางแสงสีสันของวงการมานาน เวลาได้กลับบ้านเขาก็อยากกลับมาพักผ่อน บ้านที่นิวยอร์คเอาจริงๆ ก็วุ่นวายนะ เขาไม่คิดขายเพราะย่าซื้อให้ แต่ตอนนี้เขาตัดใจได้แล้ว ถ้าบ้านที่นี่เรียบร้อยเมื่อไหร่เขาจะขายบ้านนั้น ส่วนบ้านที่ LA ที่ออสตินเคยพูดถึง เขาซื้อไว้เรียบร้อยแล้ว อันนั้นเพื่อความสะดวกของเขาในการทำงานโดยเฉพาะ เพราะที่นั่นมีสตูดิโอ มีโรงถ่ายทำมากมาย แต่ที่นี่จะเป็นบ้านของเขา บ้านที่เราอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกัน

           

 

“ที่นี่ล่ะ เงียบเกินไปรึเปล่า ดังสุดก็คงเป็นเสียงแพะเสียงแกะ แบะๆ” ผมถามหลังจากเรายืนอยู่บนถนนหลักเส้นเล็กๆ เส้นหนึ่งของอีกหนึ่งหมู่บ้านในเมือง Cotswold ถนนเส้นหลักของหมู่บ้านนี้ เล็กจนนึกว่าเป็นถนนธรรมดาทั่วไป เพราะหมู่บ้านไม่ได้ใหญ่โตมาก มันก็คล้ายๆ ประเทศไทย ที่ในอำเภอนึงจะมีหมู่บ้านเต็มไปหมด ที่นี่ก็เช่นกัน เพียงแต่บรรยากาศต่างกัน

           

 

วิคเตอร์หันหน้าไปมองรอบๆ ตัวเอง ความเขียวขจีไกลสุดตามาก ต้นไม้ก็สะพรั่งงดงาม จำนวนบ้านก็ไม่ได้แออัดจนเกินไป เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีแม่น้ำที่ชื่อแม่น้ำ Eye ไหลผ่านเอื่อยๆ ซึ่งไหลมาจากหมู่บ้านที่อยู่ติดกันแต่มีขนาดใหญ่กว่า สองหมู่บ้านนี้ไม่ได้แตกต่างกันมาก แค่หมู่บ้านที่เรามาเลือกดูบ้านจะอยู่เหนือขึ้นมาจากหมู่บ้านนั้นเลยได้ชื่อว่า Upper Slaughter แต่ที่นี่ต้นไม้จะสดชื่นกว่า แล้วก็จะเฉอะแฉะกว่า เพราะชื่อ Slaughter เพี้ยนมาจาก Slohtre ที่แปบว่าดินโคลน

           

 

“มันดูเปียกชื้นตลอดเวลารึเปล่า” วิคเตอร์ย่นคิ้ว แต่ก็แค่วูบเดียว

           

 

“ก็ไม่ต่างกันรึเปล่า ยังไงที่อังกฤษก็ฝนตกบ่อยมากกว่าแดดออกอีก แต่ก็ดีกว่าที่ลอนดอนนะผมว่า” หมู่บ้านนี้ต้นไม้เยอะ ทุ่งหญ้าขจีเขียวสะพรึง เห็นทิวเขาโอบล้อมอย่างกับภาพวาด ไอดินกลิ่นดาวลอยฟุ้ง ฝนท่าจะตกปรอยๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่นี่แหละคืออังกฤษ

           

 

“นายว่าไงออสติน” วิคเตอร์หันไปถามพ่อบอดี้การ์ดที่ยืนนิ่งตามนิสัย

           

 

“สวยดีนะครับ ถ้าคุณไม่ชอบความวุ่นวาย ผมว่าที่นี่ก็ดี แต่บ้านในนี้ดูจะน้อยมาก มันจะมีว่างหรือเปล่า” ที่ออสตินพูดมาก็ถูก หมู่บ้านนี้บ้านแต่ละหลังสวยจัดจริงๆ ตั้งไม่ติดกันด้วย แต่จะว่างมั้ยนั้นแหละคือปัญหา จะมีสักหลังมั้ยที่กำลังประกาศขายอยู่

           

 

“นายว่าที่ฉันหามาใหญ่ไป ที่นี่ก็ใช่ว่าจะมีหลังเล็กให้”

           

 

“ก็ดูก่อนสิ เผื่อมันจะมี ไม่ต้องเอาสองชั้น สามชั้นหรอกนะ ชั้นเดียวดีกว่า แต่ขอพื้นที่กว้างๆ ให้ไมเคลิมันวิ่งเล่นได้อย่างที่คุณต้องการด้วย”

           

 

“งั้นเดี๋ยวบอกให้เซล่าดูให้ แต่นายอยากอยู่ที่นี่ใช่มั้ย” ผมพยักหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ

           

 

“โอเค มีหมู่บ้านอื่นที่อยากไปดูอีกรึเปล่า”

           

 

“ทีนี้เอาของคุณบ้าง เอาที่คุณอยากได้เอง ไม่ใช่เพราะคนอื่นแนะนำหรือบอกมา” วิคเตอร์นิ่งไปสักแปบ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูอะไรสักอย่างอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเงยหน้าบอกออสตินให้ออกรถไปหมู่บ้านถัดไป

           

 

วันนี้ผมกะว่ามาแล้วก็อยากจะได้บ้านเลย ไม่ได้ได้ในความหมายที่ว่าจ่ายสดแล้วรับบ้านปั๊บอะไรแบบนั้น แต่หมายถึงว่าได้บ้านสักหลังที่เราจำทำเรื่องซื้อจริงจังแล้วนะ มันคือไฟนอลแล้ว รอบที่แล้วเรามาเดินดูกันไปสิบกว่าหมู่บ้าน เลือกเอาจากที่วิคเตอร์จำความได้ หรือผมหาเจอในอินเตอร์เน็ต และถามคนแถวนี้เอานิดหน่อย ซึ่งหลังจากมาดูรอบที่แล้ว เราก็แค่คุยๆ กันว่าอันไหนสวย อันไหนดี ไม่ได้นั่งคุยจริงจัง แล้วไอ้ยักษ์ก็ไปปรึกษายัยแม่เลี้ยงเฉย แล้วก็มาบอกผมว่าได้บ้านถูกใจแล้ว ผมก็คิดว่าเขาได้เพราะตัวเขาเองเลยไม่คิดอะไร ตอนนั้นเขางานยุ่งๆ เลยพักเรื่องนี้ไป คือมีแพลนจะซื้อแหละ แต่ก็ยังเอ้อระเหยกันอยู่ จนพอมีข่าวว่าไอ้ฌอณถูกปล่อยตัวออกมาแล้วนั่นแหละ เขาเลยอยากรีบหาบ้านให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะได้ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ และพาผมมาจดทะเบียนเป็นเรื่องเป็นราว

           

 

“อันนี้รู้เองหรือใครบอก” ผมถามเขาหลังจากเรามาถึงหมู่บ้าน Chipping Campden ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ผมว่าอยู่ระหว่างกลางความดั้งเดิมกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว บรรยากาศมีความเป็นธรรมชาติอย่างพอดิบพอดี กลิ่นอายความเป็น Cotswold ก็ไม่เสื่อมสลายหายไปไหน คืออันที่ผมพาเขาไปเมื่อกี้มันชนบ้ทชนบทที่แท้ทรู เปิดหลังบ้านไปก็เจอแพะร้องแบะๆ แกะร้องแบะๆ แต่อันนี้มันมีความเป็นหมู่บ้านสมัยใหม่ขึ้นมาอีกนิดนึง แล้วมันดีตรงที่ว่าตัวบ้านแต่ละหลังก็ตั้งห่างกันในระดับที่พอเหมาะ ดูไม่วุ่นวายต่อกัน แต่เรื่องธรรมชาติอาจจะแพ้หมู่บ้านที่แล้วหน่อย   

           

 

“ย่าบอก”

           

 

“แล้วแทนที่จะเชื่อย่าแต่แรก ไปเชื่อยัยแม่เลี้ยงนั่นทำไม” อันนี้ผมนึกโกรธจริงๆ นะ ก็ถ้าในเมื่อย่าบอกไว้อยู่แล้ว ทำไมเขาทำเหมือนเชื่อฟังลิซ่ามากกว่าล่ะ

           

 

วิคเตอร์สีหน้าเหนื่อยใจ ยกมือไหว้จรดที่หน้าผาก ผมเกือบหลุดขำออกมาแต่ก็เก๊กหน้าได้ทัน “ขอโถดขาบเมี้ย ไม๊แซะแล้วด้ายม้าย”

           

 

แต่ในที่สุดก็หลุดหัวเราะจนได้ พูดภาษาไทยทีไรผมอดขำไม่ได้ทุกที มันทั้งน่ารักน่าเอ็นดู ถึงจะเป็นการพูดเอาตัวรอดก็เถอะ แต่ก็ทำได้ดีจนไม่นึกโกรธ

           

 

“รู้จักคำว่าแซะด้วยเหรอ”

           

 

“แฉมบ้อก” ไอ้แชมป์อีกแล้ว นี่มึงสอนอะไรผัวตูไปบ้างเนี่ย

           

 

ผมยิ้มด้วยความมันเขี้ยว วิคเตอร์ยิ้มหน้าซื่อตาใสยิ่งทำให้เขาดูน่ารัก ถึงหนวดเครารุงรังกับผมยาวมัดจุกกลางหัวจะทำให้ขัดกันไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็น่ารักจริงๆ

           

 

“ให้เซล่าดูที่นี่ด้วยก็แล้วกันเนอะ” วิคเตอร์พยักหน้า เราเดินจูงมือเดินดูตัวบ้านแต่ละหลังบนถนน Sheep street ดอกไม้ข้างกำแพงบานสะพรั่งสวยมาก บ้านถูกสร้างด้วยหินสีน้ำผึ้งเหมือนๆ กัน ตั้งห่างกันในระยะที่พอเหมาะ หรือมีบางช่วงที่ตั้งห่างกันมากๆ ไปเลย คือที่นี่จะแตกต่างจากหมู่บ้านที่แล้วตรงที่ความธรรมชาติเกิดจากฝีมือคนมากกว่าธรรมชาติสร้างขึ้นมาเอง ก็ไม่ได้เลวร้าย มันดี สวยงามตามท้องถิ่น มีเสน่ห์เหมือนกัน แค่อารมณ์ต่างกันหน่อยๆ แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือความเรียบง่าย อยู่สบาย อยู่อย่างสงบสุข แต่ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน และถึงแม้จะเป็นชนบท แต่ที่นี่ก็มีตัวเมืองที่เป็นแหล่งซื้อของใช้ในการดำรงชีวิตตามปกติ

           

 

“โทรบอกเซล่าเลยละกัน แล้วเราก็ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟแถวนี้” ผมหันไปมองเขาด้วยความตกใจเล็กๆ

           

 

“คุณจะเอาวันนี้เลยเหรอ”

           

 

“ถ้าได้เลยก็ดีไง จะได้ไม่ต้องกลับมาอีก”

           

 

“อืม… ผมว่ายังไงเราก็ต้องกลับมาอีกอยู่ดี มันไม่ใช่ว่ามีบ้านว่าง แล้วปุบปับจ่ายเงินเลยนะวิคเตอร์” ไอ้ยักษ์เลิกคิ้วขึ้นทำหน้าประมาณว่า เหรอ

           

 

“เดี๋ยวผมพามาอีกกี่รอบก็ได้ครับ เพราะยังไงผมก็ต้องมาอยู่บ้านนี้ด้วย” วิคเตอร์หัวไปหัวเราะกับออสติน ผมยิ้มขำ พ่อบอดี้การ์ดกระตุกยิ้มนิดหน่อย ไม่ใช่แค่จะได้มาอยู่บ้านด้วยกันนะ ออสตินยังอยู่เป็นอีกต่างหาก

           

 

เราเดินไปบนถนนลาดยางสีเข้มที่เปียกชื้นน้อยๆ เดินดูบ้านกันอีกพักหนึ่งแล้วผมก็เจอหลังหนึ่งที่สะดุดตา ตั้งอยู่สุดปลายถนน เรียกง่ายๆ ว่าหลังสุดท้ายนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้อยู่ตรงซอยตันนะ เลยบ้านไปก็มีซอยพาไปทะลุที่อื่นอีก เป็นบ้านชั้นเดียวแต่ตัวบ้านใหญ่มาก และบริเวณบ้านก็ใหญ่มโหฬารเลยละ จะว่าเป็นการสะดุดรักที่พักใจก็ว่าได้ เพราะผมมองเคลิ้มเลย รั้วบ้านเป็นรั้วหินสีน้ำผึ้งเตี้ยๆ มีพุ่มไม้สีเขียวกลืนรั้วไปบางส่วน ดอกไม้ที่ขึ้นตามรั้วมีทั้งสดสะพรั่งแล้วก็เหี่ยวเฉา รั้วบ้านมีเถาวัลย์สีน้ำตาลแก่เกี่ยวพันดูรกรุงรัง ตัวบ้านมีดอก English rose สีชมพูขึ้นไต่ตามกำแพงหินสีน้ำผึ้งหนาตา หลังคามีพุ่มสีเขียวของพืชพรรณอะไรสักอย่างสลับกับสีดำของหลังคาหิน มีพงหญ้าขึ้นบนหลังคาเรือนหลังเล็กข้างๆ บ้านจนนึกว่าเป็นบึงกบ มุมซ้ายมือจากฝั่งที่ผมยืนอยู่มีคุณลุงผมขาวแซมดำคนนึงปีนบันไดใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ของต้นไม้นอกรั้วบ้านหลังนั้น ผมหันไปยิ้มหวานให้วิคเตอร์ เขายิ้มตอบกลับมาแบบงงๆ ผมยกมือชี้ไปที่บ้านหลังนั้น

           

 

“Could it be our home? (หลังนั้นเป็นบ้านเราได้มั้ย)” วิคเตอร์หันไปมองตามสายตาของผม มองบ้านหลังใหญ่ชั้นเดียวที่คล้ายกับบ้านในนิทานปรัมปราแล้วก็คลี่ยิ้ม ก่อนหันกลับมายิ้มให้ผม เรายิ้มให้กัน ส่งผ่านความรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจผ่านสายตา ความอบอุ่นส่งผ่านมือที่เราจับกันอยู่สู้กับอากาสเย็นของที่นี่

           

 

“Yes, it’s our home, baby. (ใช่ มันคือบ้านของเรา ที่รัก)”




 :hao7:


  วืดดดดด กลับมาล้าววววว ครบเดือนพอดี๊!

                    คืองานหนักมาก ถ้าใครกดไลก์เพจ น่าจะเห็นโพสที่ตอมบ่นๆ เรื่องงาน และอัพเดตเรื่องหนังสือใดๆ ไปพร้อมกัน งานตัวเองก็ต้องทำ งานตรวจต้นฉบับอีกเรื่องก็ควบคู่กันไป เลยไม่ได้มาเขียนเรื่องนี้ต่อสักที แต่วันนี้ได้มาต่อแล้ววว เอามาให้จนจบไปเลย ไถ่โทษที่หายไปนาน

               อยากจะอัพตั้งแต่เมื่อวาน แต่ข้อมูลเรื่องบ้านของสองผัวเมียเขียนยากมากเนื่องจากตอมไม่เคยไปที่นั่น แต่ถามว่ารู้จักได้ยังไง รู้จักจากนักแสดงที่ตัวเองติดตามอยู่เขามีบ้านอยู่ที่นั่นค่ะ ตอมเลยนั่งหาข้อมูลของเมือง Cotswold ในอินเตอร์เน็ต แล้วก็เอามาเขียน แต่พยายามไม่เขียนเจาะข้อมูลเชิงลึกหรือที่เป็นข้อมูลเฉพาะของเมืองเขามาก กลัวจะผิด เอาแบบกว้างๆ เนอะ พยายามเขียนออกมาให้คนอ่านจินตนาการไปในทางเดียวกันให้ได้ เอาแบบว่าเห็นภาพบ้านของทั้งสองคนชัดเจนที่สุด ใครเคยไปมา มากระซิบบอกข้อมูลกันหลังไมค์ได้นะคะ คนรอบข้างตอมไปแต่ลอนดอน ช่วงที่ไปเรียนต่อนางไม่เคยไปเมืองนี้ มีการถามกลับว่ามีเมืองนี้ด้วยเหรอ

               แต่เมืองนี้สวยจริงๆ ค่ะ ชอบมาก ถ้าเสกสามีได้ จะขอสามีเป็นชาวอังกฤษ ชาวไอริชสักคนแล้วให้เขาซื้อบ้านที่นั่น ฮ่าๆๆๆ แต่ถ้าใครชอบความหวือหวาแสงสี อาจจะไม่ชอบ แต่สำหรับพี่ยักษ์เหมาะกับเขาเชียวแหละค่ะ นิสัยขี้หงุดหงิด ขี้รำคาญทั้งหลายต้องไปอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรแบบนี้แหละ

               เดี๋ยวจะปั่นตอนใหม่รอไว้เนอะ ไม่ดองแน่นอนค่ะ มันพาร์ทสุดท้ายแล้ว ควรจบแล้ว 55555 อยากเล่าเรื่องเขาทั้งสองคนให้ได้อ่านกันผ่านตัวอักษร ไม่อยากเก็บไว้นาน อึดอัดดด

               สำหรับเรื่องใหม่ เรื่องของพี่แซ็ค หนึ่งในซีรีส์พี่พระเอก สารภาพกันตรงๆ ว่ายังไม่เริ่มเขียนเลย ยังนั่งชำแหละนิสัยตัวละครอยู่เลยค่ะตอนนี้ เคยบอกว่าจะเปิดเรื่องเดือนนี้ แต่กลัวตัวเองจะทำพัง แต่เดี๋ยวลองเขียนไปก่อนค่ะ ถ้าเนื้อหาพร้อมจะอัพเลยยยย

               เรื่องหนังสือ You and I ปิดโอนไปแล้ว อันนี้ไม่ต้องรอพรูพใดๆ เลยค่ะ แต่ตอมกะว่าจะรอสั่งพิมพ์พร้อมขุ่นแม่เรียวจันทร์ จะได้มาพร้อมกันอะเนอะ อัพเดตที่เพจเสมอๆ นะค้า



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-08-2017 17:30:51
เลือกบ้านก็ยังงอแงใส่กันได้ พ่อยักษ์กับเอเลี่ยนน้อย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 07-08-2017 17:58:26
ตบตีกันแล้วก็เบาหวานขึ้นตา555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 07-08-2017 18:10:43
วิคเตอร์นี่น่าจะโดนกระทืบไปเลยหมั่นไส้แรงมาก ติดตามต่อนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 07-08-2017 18:53:09
 :serius2: อิพี่ยักษ์ชอบทำให้น้องแมทคิดมากก สมควรโดนตบซ้ายตบขวา ฮิฮิ ต้องรอให้มีน้ำตาก่อน ถึงตกลงกันได้ ในที่สุดก้ตัดสินใจได้แล้วว รักเรื่องนี้จังเล้ยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-08-2017 19:56:41
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
:mew1:  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-08-2017 20:02:32
ชอบบบบบ ยาวจุใจ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

วิกเตอร์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ไปดูบ้าน ซื้อบ้าน
แต่มันก็น่าโกรธอยู่นะ ให้คนอื่นเลือกบ้าน มีส่วนร่วมด้วย
มันจะเป็นบ้านของเราได้ยังไง แมทสมควรโกรธยักษ์

บ้านหลังสุดท้ายที่เลือก ลงตัวจริงๆ
เห็นภาพเลย ทั้งสวย ทั้งสงบ
ใหญ่ไปหน่อย แต่คนอยู่ก็หลายคน ดีเลย
มีที่ให้หมาวิ่งเล่นสบายเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-08-2017 20:28:09
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-08-2017 20:51:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-08-2017 21:04:28
รุ้สึกว่าแมทงี่เง่านิดหน่อย แต่ก็ดีตรงที่เป็นคนแรงๆกันทะเลาะกันให้เคลียร์ไป แป๊บๆหวานใส่กันได้อีก
คู่ระกไพโบล่าของแท้ :angry2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 07-08-2017 21:45:03
กลับมาแล้ว เราเข้าใจแมทนะ จริงๆ

555+ เป็นเรา เราก็ทำ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-08-2017 00:28:20
กว่าจะได้บ้านก็ตบตีกันไปพอหอมปากหอมคอ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 08-08-2017 02:36:11
เอาจริงๆนะ  ถ้าเราเป็นแมทเราก็โมโห ตบหน้ารัวๆเหมือนกัน

ให้เมียเก่า ที่หวังจะรีเทิร์นกับตัวเองมาเลือกบ้านให้เนี้ยนะ

คิดกลับกันถ้าคนแนะนำบ้านเป็นเฟิร์ทคิสแมท มาเลือกบ้านให้ คุยกับแมทสนิทสนมลับหลัง แกจะโกรธไหมวิกเตอร์

รู้ว่าทำประชดแต่ก็แอบสะใจตอนแมทกระชากแหวนออก วิคเตอร์มันจะมารุ้สึกจริงๆก็ต่อเมื่อมันจะเสียไปเท่านั้นแหละ

ถ้าแมทไม่ทำแบบนี้บ่งทีวิคเตอร์เองก็คงลืมสำนึกไป โมโหแทนแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-08-2017 10:43:04
เพลียกับไอ้ 2 คนนี่จริงๆ ตีกันตลอด

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 08-08-2017 14:38:51
วิคเตอร์นายซื่อบื้อมากรู้สึกเหนื่อยใจแทนแมทจริงๆ ในที่สุดก้อได้บ้านของเราแล้ว ดีใจด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-08-2017 16:43:12
มีความตื่นเต้น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.6 100% :07.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-08-2017 23:41:03
เปิดเรื่องมาก็มาหาบ้านใหม่กันเลย ก็ยังมีเรื่องทะเลาะกันเหมือนเดิมนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 12-08-2017 19:38:21


Yours and Mine EP.7 :: Surprised! (โอ๊ว มาย กอด...) [50%]




           "ไม่ต้องมายุ่ง ผมไม่ได้ขอเงินพ่อ!" เสียงวิคเตอร์ตวาดดังลั่นบ้าน ผมสะดุ้งหน้าตื่นตกใจ ชะงักเท้าที่กำลังจะเดินออกจากห้องนอนวิคเตอร์ ยืนตัวเล็กลีบแอบฟังเขาคุยกันแบบไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ เรียกว่าเผือกโดยสัญชาตญาณและเป็นธรรมชาติ

           

 

“เออ ฉันรู้ แต่แกเสียสติอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้วเหรอวิคเตอร์ แกจะมีครอบครัวกับผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ?!” คุณลุคถามเสียงสะบัด สีหน้าคงกำลังโมโหจัดพอสมควร

           

 

“ใช่!” คือถ้าแปลแบบหยาบๆ วิคเตอร์คงตอบว่า เออ! ใส่หน้าพ่อเขา

           

 

“แกคิดให้ดีๆ นะ ครอบครัวบ้าบออะไรของแก มันวิปริต!” พ่อวิคเตอร์เองก็ไม่ยอม สวนกลับเสียงดังพอกัน และแลจะใส่อารมณ์มากกว่าด้วย ขนาดผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้า ยังรู้สึกถึงแรงเกลียดชังที่ส่งออกมาผ่านน้ำเสียงเหล่านั้น เขาอาจจะไม่ได้เกลียดผมหรอกถ้าไม่มาคบกับลูกชายเขา 

           

 

“ไม่ต้องออกความคิดเห็น ผมไม่ได้ขอ!” นี่ ไอ้ยักษ์มันยอมที่ไหนล่ะ

           

 

“เด็กคนนั้นจะทำให้ชีวิตแกพัง”

           

 

“ไม่มีใครทำชีวิตผมพังได้เท่าพ่ออีกแล้วละ”

           

 

“ไอ้วิคเตอร์!!” หัวใจผมเต้นตึกๆ กับเสียงทะเลาะกันของสองพ่อลูก ใช่ว่าผมไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่ อ๋อ ชินแล้ว เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเองอะไรแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่บั่นทอนความรู้สึก แล้วเรื่องที่เขาทะเลาะกันมักมีประเด็นของผมอยู่ด้วย ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้าที่จะมีผมเข้ามา เขาทะเลาะและเถียงกันเรื่องอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ผมเป็นทอปปิคเด่นเลยละ

           

 

“พ่อใส่ใจชีวิตผมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ผมขบริมฝีปากล่างเบาๆ ยืนฟังว่าพ่อวิคเตอร์จะพูดอะไรต่อมั้ย แต่ทางนั้นก็เงียบไม่พูดอะไรต่อ แต่กลายเป็นว่ามีเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามา

           

 

“อะไรกัน สองพ่อลูกทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ” ผมย่นคิ้วก่อนในแว้บแรก แต่พอความทรงจำในส่วนของเสียงนึกได้ว่านั่นคือเสียงใครก็กลอกตาพร้อมเบะปากเล็กๆ

           

 

“มันไปซื้อบ้านให้ไอ้เด็กนั่นอยู่ด้วยกัน” เกิดความเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ยัยแม่เลี้ยงจะพูดประโยคต่อมาที่ทำให้ผมหน้าเอ๋อ

           

 

“อ๋อ ที่เธอมาถามฉันข้อมูลเรื่องบ้าน เธอจะไปอยู่กับเด็กคนนั้นน่ะเหรอ” น้ำเสียงลิซ่าฟังดูแปลกๆ จะว่าเหวี่ยงก็ไม่ใช่จะว่าน้อยใจก็ไม่เชิง

           

 

“แล้วคิดว่าฉันจะไปอยู่กับใครล่ะ กับเธองั้นเหรอ” วิคเตอร์ไม่ได้ตะคอกหรือเสียงดังกลับแบบที่ชอบทำใส่ลิซ่า เป็นการพูดกลับแบบปกติสุขมาก แต่คงทำให้ลิซ่าจุกมากเช่นกัน

           

 

แต่เดี๋ยวก่อนนะ สถานการณ์นี้คือสามคนนั้นยืนอยู่ด้วยกัน เคยมีประเด็นรักสามเส้าด้วยกัน เป็นพ่อลูก เป็นเมียใหม่พ่อ เป็นเมียคนแรกของลูก และเป็นเมียเก่าทั้งของพ่อของลูก เขารียูเนี่ยนกันเหรอ

           

 

“เฮ้ วิคเตอร์จะย้ายบ้านเหรอ” ผมขมวดคิ้วกับเสียงผู้หญิงอีกคนที่ผมไม่คุ้นหูเลย

           

 

“เหี้ยไรเนี่ย…” วิคเตอร์ครางเสียงเอื่อยแปลกๆ

           

 

“ฉันมีนัดกับแคโรไลน์ แล้วหล่อนอยากแวะมาหาเธอน่ะ” ลิซ่าตอบ น้ำเสียงดีขึ้นกว่าเมื่อกี้นี้ ผมขมวดคิ้วงง กำลังชั่งใจกับตัวเองว่าควรเดินออกไปตอนนี้ดีมั้ย ถ้าเดินออกไปผมจะโดนสายตาทิ่มแทงจากพ่อวิคเตอร์และลิซ่าแรงมากแค่ไหนกัน

           

 

“เธอมีธุระกับฉันหรือกับไอ้วิคเตอร์” เหมือนคุณลุคจะหันไปถามลิซ่า

           

 

“ก็ทั้งสองคน แต่ขอคุยกับวิคเตอร์ก่อนก็แล้วกัน” อะโหย เลือกคุยกับผัว (เก่า) คนลูกก่อนงั้นเหรอ แบบนี้ต้องแสดงตัวสักหน่อย อยู่เงียบๆ ไม่ได้ คิดได้แบบนั้นผมก็ก้าวเท้าออกจากห้องนอนวิคเตอร์ที่อยู่ชั้นล่างของบ้าน เดินเข้าไปในโซนที่ทุกคนยืนกันอยู่ พ่อของวิคเตอร์เห็นผมก่อนลูกตัวเองด้วยซ้ำ เขาหันมามองด้วยสายตาไม่ชอบอย่างชัดเจน ส่วนยัยแม่เลี้ยงมองผมด้วยสายตาไม่ต่างจากพ่อวิคเตอร์นัก แต่ก็ดีกว่านิดหน่อย

           

 

“Who’s that? (ใครน่ะ)” ผมหันไปมองผู้หญิงอีกคนในห้องนี้ เธอเป็นหญิงสาวมีอายุที่น่าจะพอๆ กับลิซ่าหรืออาจจะน้อยกว่าสองสามปี ผมยาวสีแดงเปล่งประกาย ใบหน้าขาวผ่องแต่คมคายด้วยสันกรามและชีคโบน สวยสะพรั่ง ดูแซ่บกว่าลิซ่า เป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองดีมาก ไม่ว่าหน้าเธอจะตึงด้วยโบท็อกซ์หรือมีสูตรอะไรส่วนตัว แต่เธอเป๊ะ

           

 

ก่อนจะมีใครตอบคำถามของผู้หญิงคนนั้น คุณลุคก็ยิ้มเหยียดใส่ผมและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ผมไม่ได้ทำท่าหวาดกลัวหรือต่อต้านเขา ก็แค่ทำเฉย วิคเตอร์ดูเกร็งๆ เครียดๆ

           

 

“Go to get Viola. (ออกไปรับไวโอล่ากัน)” เขาเดินเข้ามาหาผมและถามด้วยน้ำเสียงอึดอัด ผมหันไปมองลิซ่ากับผู้หญิงคนนั้นและหันกลับมามองเขา

           

 

“Yeah, okay. (ไปสิ)” วิคเตอร์ยกมือเสยผมยาวของตัวเองด้วยท่าทีเครียด ใบหน้าเขาไม่ผ่อนคลายเลย เขาดูเกร็งเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง โดยมีสายตาของผู้หญิงสองคนนั้นมองตามเขาอยู่ ผมขมวดคิ้ว

           

 

“Wait, Victor. Are you really gonna move? Are you going to let Luke lives alone? (เดี๋ยวสิวิคเตอร์ เธอจะย้ายบ้านจริงๆ เหรอ จะปล่อยให้ลุคอยู่คนเดียวรึไง)” คิดว่าลิซ่าน่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าวิคเตอร์จะซื้อบ้านใหม่ แต่ไอ้ยักษ์คงไม่ได้บอกว่าบ้านใหม่หลังนี้จะอยู่กับใคร ยัยแม่เลี้ยงคงเข้าใจว่าวิคเตอร์อยากซื้อบ้านไว้อีกหลังเฉยๆ หรือเปล่า

           

 

“He has bodyguards, his secretary, you, and he will has the new girl surely. How could he lives alone? (พ่อมีบอดี้การ์ด มีเลขา มีเธอ แล้วเดี๋ยวก็มีผู้หญิงมาอยู่ด้วย คนเดียวที่ไหน)” พ่อหนุ่มผมยาวหันไปตอบด้วยทีท่าและน้ำเสียงเรื่อยเปื่อย ลิซ่ามองกลับมาด้วยสายตาเคว้งคว้าง ผมยืนกลอกตามองคนนั้นทีคนนี้ที เอาจากใจเลยว่าไม่ได้รู้สึกหึง มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นมากกว่า

           

 

“Moving from the place that you have a lot of memories, do you? (ย้ายออกจากบ้านที่เธอมีความทรงจำมากมายได้จริงๆ เหรอ)” อันนี้หึงนิดๆ แหม พูดแบบนี้ก็หมายถึงตัวเองด้วยน่ะสิ

           

 

“We have to move on, Lisa. (คนเราต้องเดินหน้านะลิซ่า)” อู้หูว เพิ่งเคยได้ยินวิคเตอร์เรียกชื่อเมียเก่าตัวเองแบบเพราะๆ แต่การพูดเพราะครั้งนี้ วิคเตอร์เหมือนต้องการสื่อสารกับอีกฝ่ายตามความหมายของประโยคนั้น เพราะเขามองลิซ่านิ่ง คนถูกมองดูสลดหมดหวัง

           

 

อ๋อ นี่เธอหวังให้เขาเดินกลับหลังไปหาเธอสินะ

           

 

“Matt, that woman is Cal or Caroline. I used to sleep with her, in a threesome way. (แมท คนนั้นชื่อแคล หรือแคโรไลน์ ฉันเคยมีเซ็กส์กับเธอแบบทรีซัม)” กำลังคิดอะไรไหลเอื่อยๆ จู่ๆ ไอ้ยักษ์ก็พูดขึ้น เล่นเอาผมหน้าเหวอ มีความตกตะลึงพรึงเพริดเบาๆ มองเธอคนนั้นที่ดูจะเหวอไม่แพ้กัน ลิซ่าเองยังดูมีทีท่าตกใจ

           

 

“That’s mean, errr? (มะ… หมายถึง เอ่อ…)” ผมนึกออกนะ แค่อยากให้ชัดเจนจากปากเขา

           

 

“They are close friend. In one year of my birthday, Lisa took her to surprised me because I have told her that I want to fuck Cal. And we all fuck together. (สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนวันเกิดฉันปีนึง ลิซ่าพาแคลมาเซอร์ไพรส์ เพราะฉันเคยบอกว่าอยากลองกับแคล เราเลยมีอะไรกันสามคน)” โอ้ววว โอ้ โอ้ยยยย วู้ววว ผมอ้าปากค้างแมลงวันบินเข้าไปแล้ววว

           

 

“เฮาะ…” ผมอุทานได้แค่นั้น จากสีหน้าเครียดๆ ในตอนแรก ไอ้ยักษ์ดูโล่งใจมากที่ได้พูดออกมา เขาพยักหน้าเบาๆ เป็นการยืนยัน ยังดีที่สีหน้าเขาไม่ได้ชื่นมื่นกับสิ่งที่บอก แต่คิดว่าตอนนั้นที่เขาทรีซั่มกัน ไอ้ยักษ์คงชื่นมื่นน่าดู แสดงว่ายัยสองสาวที่เขาเคยเอามาที่บ้านไม่ใช่การสองรุมหนึ่งครั้งแรกของเขาสินะ

           

 

“And Cal, this is my boyfriend. I believe Lisa is already told you and no matter how she told you, but he is my one and only. (และแคล คนนี้แฟนฉัน ลิซ่าคงเล่าให้เธอฟังแล้ว ไม่ว่าเธอจะพูดว่ายังไง แต่แมทคือคนที่ฉันรัก)” แคโรไลน์ตาโตปากจู๋นิดหน่อย ก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้าหงึกๆ

           

 

“It’s really long time that we have no see each other, Victor. (เราไม่ได้เจอกันนานจริงๆ นั่นแหละนะวิคเตอร์)” ไฮ๊ยะ รูปประโยคมันแลกำกวม มีลับลมคมในแปลกๆ สิ่งที่ผมขัดใจคือมันทำให้ผมสอดรู้ได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นไร เค้นถามจากพ่อผัวตัวดีเอาก็ได้

           

 

“ตามสบาย เธอรู้จักบ้านนี้อยู่แล้ว…” วิคเตอร์บอกด้วยท่าทีไม่อินังขังขอบใดๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ บ้านนี้แทบไม่เหลืออะไรที่เกี่ยวกับเขาและแม่กับย่าที่เขารัก เขาขนไปนิวยอร์กด้วยแทบหมดแล้ว เหลือไม่กี่อย่างหรอก แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่เขาจำเป็นต้องมีไว้ในครอบครอง ที่บ่งบอกร่องรอยว่าเขาเคยอยู่บ้านหลังนี้ก็ห้องนอนของเขานั่นแหละ

           

 

“…ส่วนเธอ มีธุระอะไรจะคุยกับฉันงั้นเหรอ” เขาหันไปถามลิซ่า จากตอนแรกที่เขาพยายามพาผมออกไปข้างนอก กลายเป็นว่าพอเขาได้บอกสิ่งที่ทำเขาอึดอัด แต่พอเห็นว่ามันมีช่องว่างในการพูดคุยกัน เขาเลยพูดออกมา คงอยากเคลียร์ตรงนี้ให้จบๆ ไปละมั้ง

           

 

ลิซ่ามองวิคเตอร์ด้วยสายตาผิดหวัง สายตาแห่งความเสียใจ เธอเม้มปาก กะพริบตาสองสามทีก่อนจะเอ่ยปากพูดเสียงแผ่วเบา ราวกับคนอ่อนแรง “ไม่มีแล้ว”

           

 

วิคเตอร์พยักหน้าตอบรับ ยื่นมือขวามาจับมือซ้ายของผมและพาเดินออกไปจากจุดนี้ ผมเดินตามเขาต้อยๆ วิคเตอร์หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาออสติน บอกแค่เพียงว่ารออยู่ด้านหน้าของบ้านก็กดวางสายไป หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาทีเต็ม ออสตินก็ปรากฎตัวในชุดที่ดูดีกว่าเจ้านายอย่างวิคเตอร์อีก

           

 

“ฉันจะเล่าให้ฟังแน่นอน คิดคำถามไว้ก็แล้วกัน” ยังไม่ทันอ้าปากถามเลย ไอ้ยักษ์ก็พูดแทรกขึ้นมาเอง ช่างรู้ใจจริงๆ ว่าผมกำลังอยากเสือก

           

 

เราเดินขึ้นรถคันเดิมที่ขับไปดูบ้านกันมา เป็น (หนึ่งใน) รถของพ่อวิคเตอร์ ทะเลาะตบตีกันนะ แต่เอารถเขามาขับ เพราะวิคเตอร์ไม่มีรถขับสำหรับที่นี่ แต่ถ้าย้านบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาก็ต้องหาซื้อสักคัน ส่วนแลมเบอร์กินี่คันนั้น เขาก็ไม่คิดขาย จะเอากลับมาด้วย

           

 

‘He is my first car from my grand ma, and it is the first place that I have fucked you after I try to fuck you. (มันเป็นรถคันแรกที่ย่าซื้อให้ฉัน และเป็นที่แรกที่ฉันได้เ_ดนายหลังที่ฉันพยายามจะเ_ดนายมาหลายครั้ง)’

           

 

นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมขาย ตอนแรกเขาจะไม่ยอมขายบ้านหรอก ผมก็ไม่ได้คิดบังคับ แต่เขาคงไปทบทวนกับตัวเองมาและตัดใจได้ในที่สุด ก็เลยจะขาย

           

 
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 12-08-2017 19:39:05

V
v
v


“อันนี้เราจะไปไหนกันครับ” ออสตินถามหลังจากที่เลี้ยวรถออกจากบ้านที่เกือบจะเป็นคฤหาสน์ของวิคเตอร์

           

 

“ไป Carluccio’s” ออสตินพยักหน้าและขับรถไปตามเส้นทาง เขารู้เกือบหมดแหละว่าที่ไหนต้องไปยังไงบ้าง ว่างๆ เขาก็ชอบขับรถออกไปสำรวจเส้นทาง ผมยังเคยคิดว่าถ้าไม่มีออสตินชีวิตเราสองคนคงเหมือนคนพิการ เคยถามออสตินแล้วว่าอยากได้ผู้ช่วยอีกคนมั้ย เขาก็บอกว่าเขาทำได้ แต่วิคเตอร์กำลังคิดๆ หาบอดี้การ์ดที่ไว้ใจได้อีกคนมาคอยช่วยเหลือออสติน

           

 

“แล้วไม่ไปรับไวโอล่าเหรอ”

           

 

“เดี๋ยวให้เธอมาหาที่ร้านก็ได้ เรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยนะ”

           

 

“แน่ใจเหรอว่าเธอมาได้”

           

 

“เมื่อเช้าเธอก็ไปเอง วีชอบไปเองไม่รบกวนใครหรอก เธอไม่อยากให้ใครไปนั่งรอนานๆ ด้วย” ผมทำหน้าว่าอ้อ หันไปมองวิวข้างทางที่เป็นตึกทรงเหลี่ยมกับต้นไม้บางหย่อมก่อนหันกลับมาหาวิคเตอร์ที่มองผมก่อนอยู่แล้ว

           

 

“ตอนนั้นฉันสิบแปดเกือบสิบเก้า เจอกับแคลที่บ้าน รู้จักกันเฉยๆ แต่ฉันเริ่มมีความคิดแนวนั้นกับเธอ เพราะเธอยั่วฉันก่อน เราเกือบมีอะไรกัน แต่ฉันคิดว่าควรมาถามลิซ่า เธอไม่โกรธ แต่ก็ไม่ตอบรับอะไร พอวันเกิดฉัน เธอก็พาแคลมาที่บ้าน แล้วเราก็ออกมาฉลองวันเกิดฉันที่โรงแรม” ผมกะพริบตาปริบๆ รู้สึกหัวหมุนตึบๆ กับเรื่องราวจากประโยคยาวๆ ของเขา ผมตั้งใจจะถามอยู่แล้วแหละ เพราะอยากรู้ แต่พอเขาเล่าเองเพียงเพราะเราเงียบและหันไปมอง แบบนี้เขาดูผมถูกมากว่าผมพร้อมสอดแล้ว

           

 

“กี่ครั้ง” ผมไม่รู้จะต้องพูดต้องถามอะไรมั่ง เลยหลุดปากออกมาแค่นั้นก่อน

           

 

“สองครั้ง…” ผมกำลังจะพยักหน้า แต่ก็ชะงักกึกเพราะประโยคถัดมา “…ในวันนั้น แต่หลังจากนั้นเราอยู่ด้วยกันสามคนอีกเป็นเดือน แต่พอพ้นเดือนไป จบก็คือจบจริงๆ”

           

 

โอ๊ว มาย กอด…

           

 

“หะ… ฮะ” อาการของผมตอนนี้เขาเรียกว่าช็อคไปรึยังนะ

           

 

“เธอเต็มใจ ลิซ่าก็เต็มใจ…”

           

 

“…และคุณก็เต็มใจมาก” วิคเตอร์เริ่มกลับมามีสีหน้าเครียดเบาๆ อีกครั้ง เขาพยักหน้าลงกับประโยคนั้นก่อนจะพ่นลมหายใจยาวๆ     

           

 

“มันสุดเหวี่ยง ใช่ ฉันรู้ แต่… มันคือเรื่องในอดีต โอเค๊” เต็มเหนี่ยวไปเลยพี่ เต็มที่ไปเลยเธอออ

           

 

“ยังมีผู้หญิงในอดีตคนไหนของคุณอีกมั้ยที่จะตามมาหาผมเร็วๆ นี้” วิคเตอร์กระตุกยิ้ม จะโกรธก็ใช่เรื่อง ในเมื่อมันเป็นเรื่องในอดีตจริงๆ และตอนนั้นผมยังเป็นเด็กมอต้นหัวเกรียนอยู่เลยมั้ง เพิ่งเริ่มเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาในตำราด้วยเหอะ แต่วิคเตอร์คือล้ำไปด้วยการศึกษาจากของจริงไปแล้ว!

           

 

“ฉันไม่พามาแน่ๆ แต่ไม่รู้ใครหรืออะไรจะพามาอีกหรือเปล่า อย่างวันนี้ฉันก็คิดว่าลิซ่าจงใจพาแคลมา เพราะเธอรู้ว่านายอยู่” ผมเลิกคิ้วขึ้น นึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ประหลาดใจอะไรมาก

           

 

“กะว่าพามาให้ผมเขวแล้วทะเลาะกับคุณงี้อะเหรอ”

           

 

“ลิซ่าเป็นพวกชอบเอาชนะ บางทีเธอก็ทำไปเพราะนึกสนุก” ผมจือปาก ทำหน้าสยองหน่อยๆ วิคเตอร์ยิ้มอ่อน

           

 

“เมียเก่าคุณใจกว้างมาก…” ผมตวัดสายตามองหน้าไอ้หนวดเครารุงรังพอๆ กับผม ไอ้ยักษ์สะดุ้งนิดหนึ่ง

           

 

“…แต่ผมไม่ใจกว้างแบบเธอหรอกนะ” ผมมองตาแทบขวางแล้วยักคิ้ว วิคเตอร์ผิวปากเบาๆ แล้วแกล้งกลืนน้ำลายลงคอแสร้งทำว่ากลัว ผมหมั่นไส้ เลยยื่นมือขวาไปตบแก้มเขา ที่เดิมกับที่โดนตบไปเมื่อวันก่อนตอนไปเลือกบ้านนั่นแหละ

           

 

“โอ้โห เฮ้ย” วิคเตอร์หน้าตื่น ถ้าง่วงนอนอยู่คงตื่นเต็มตา

           

 

“ไม่ต้องมาแอคติ้ง ตอนนั้นคุณอยากทำเพราะอะไรผมไม่รู้ แต่ตอนนี้คุณแก่แล้ว ถ้ายังอยากรู้อยากลองอะไรอีก เชิญตามสบาย แต่ต้องเลิกกับผมก่อน เพราะผมเป็นปัจจุบันของคุณ โอเค๊” ผมพูดทำหน้าว่าเอาไง วิคเตอร์ยกมือไหว้จรดตรงหน้าผาก ไอ้ท่าทางนี้เห็นแล้วอดขำไม่ได้ ไปเรียนรู้จากไหนมา

           

 

“ไม๊ทัมแหล่วขาบ” ผมหัวเราะ มองไอ้ยักษ์ผมยาวหนวดเคราโสโครก (ไม่ได้ด่าใช่มั้ย?) ทำหน้าซื่ออ้อนวอน ผมยกมือซ้ายไปหยิกแก้มเขาเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว

           

 

“Does Champ taught you about this? (แชมป์สอนเหรอไอ้ท่านี้อะ)” ผมยกมือขึ้นทำตามอย่างที่เขาทำ

           

 

“พ๊อซ้อนตอนเม๊า” ผมทำหน้างง

           

 

“Dad? My dad? (พ่อ? พ่อผมอะนะ)” วิคเตอร์พยักหน้าหนึ่งที

           

 

“อื้อ ตาแก๊นั้นแหละ ซ้อนต่อนเมา”

           

 

“Aha, he taught you in drinking time. (อ๋อ สอนตอนกินเหล้าด้วยกัน)” วิคเตอร์พยักหน้าหงึกๆ ผมทำปากจู๋แล้วพยักหน้าอืมๆ ถึงจะชอบทะเลาะกัน แต่ถ้าได้ก๊งเหล้ากัน สองคนนี้ก็อยู่ด้วยกันได้นะ ถามว่าคุยกันยังไง พ่อก็รัวภาษาไทยนั่นแหละ วิคเตอร์ฟังออกมั่งไม่ออกมั่ง แต่ก็พูดภาษาอังกฤษกลับ ผมว่าตลกดี

           

 

“ถามจริงๆ คุณเคยเกลียดแม่เลี้ยงคุณมั้ย แล้วตอนนี้รู้สึกยังไงกับเธอกันแน่” วิคเตอร์ทำหน้าคิด แต่ยังไม่ทันได้ตอบ ออสตินก็จอดรถตรงหน้าร้านอาหารตึกสีน้ำตาล ป้ายร้านสีน้ำเงิน ด้านหน้าเป็นบานกระจกขอบไม้ขาวตัดกับสีตึก มีคนนั่งอยู่ด้านหน้าร้านสามโต๊ะ เราลงจากรถ วิคเตอร์มีท่าทีผ่อนคลาย เพราะคนที่นี่ไม่ได้ตื่นเต้นกับการมาของเขา หรืออีกนัยคือจำเขาไม่ได้ เพราะสภาพของเขาเหมือนคนไร้บ้าน (เกลียดแฟนตัวเองหรือเปล่า?)

           

 

“What do you want to eat? (อยากกินอะไร)” วิคเตอร์ถามตอนที่เรากำลังเดินตรงไปทางตรงเค้าน์เตอร์บาร์ช่วงกลางร้าน แต่ก็เลือกนั่งริม ผมหยิบเมนูขึ้นมาดู มีบริการสั่งอาหารล่วงหน้าด้วย แต่เรามัวแต่คุยกันมาตลอดทางเลยไม่ได้ทำ อาหารของที่นี่ก็เป็นสไตล์อาหารเช้าของชาวตะวันตก แต่ก็ไม่ใช่ว่ามีแค่ไข่ดาว ฮอทดอก แฮม ขนมปัง แค่นั้น มีเมนูอย่างอื่นด้วยจำพวกกสลัด เบคอนพันหมู เบคอนรมควันพันไส้กรอกอะไรแบบนั้น

           

 

“Breakfast set, add the pizza, and grilled bacons. Hot chocolate. (ชุดอาหารเช้า เพิ่มพิซซ่ากับเบคอนย่าง ช็อคโกแล็ตร้อนด้วย)” วิคเตอร์มองเมนูอีกพักหนึ่งก่อนจะยกมือเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ เขาสั่งของผมก่อนแล้วตามด้วยของเขา

           

 

“Grilled salmon and breads set. And I need strawberry jam, for him. (แซลม่อนย่างกับชุดขนมปัง แล้วก็ขอแยมสตรอว์เบอร์รี่ให้เขา)” พนักงานหนุ่มร่างผอมผมแดงจิ้มไอแพดจึ้กๆ บนหน้าเขามีกระจางๆ เขาไม่ได้มีทีท่าตื่นเต้นอะไรกับการอยู่ตรงหน้าวิคเตอร์ ผมพลิกเมนูไปมาในระหว่างที่พนักงานหนุ่มทวนเมนูอีกรอบ พอวิคเตอร์ยกนิ้วโป้งให้ เขาก็หมุนตัวเดินออกไปจากตรงที่เรานั่ง

           

 

“ฉันเฉยๆ…” วิคเตอร์หันมาพูด ผมมองเขางงๆ พ่อผมยาวแสนเซอร์ยักไหล่สองข้างหนึ่งที

           

 

“…กับลิซ่า ตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันรำคาญ ไม่ถึงขั้นเกลียดหรอก ตอนนี้ก็มีรำคาญนิดๆ แต่ฉันพลาดไป ยิ่งเธออยากเอาชนะ แล้วฉันทำท่าต่อต้าน เธอเลยยิ่งชอบ…” พนักงานคนเดิมเดินเอาขนมปังมาเสิร์ฟพร้อมกาแฟหนึ่งแก้วที่อยู่ในเซ็ทนั้น มีสลัดผักถ้วยเล็กๆ แถมมาให้ ผมหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ รสชาติมันขมไปหน่อยผมเลยวางลงที่เดิม วิคเตอร์ทาแยมสตรอว์เบอร์รี่บนขนมปังปิ้งหนึ่งแผ่นแล้วยื่นมาให้ ผมยื่นมือไปรับมากิน

 

 

“…แต่พอฉันทำเฉยๆ คุยกับเธอตามปกติ ฉันว่าเธอพยายามเข้าหาฉันน้อยลง” วิคเตอร์เคี้ยวขนมปั้งปิ้งดังแกรบๆ และตามด้วยตักแยมเข้าปาก

 

 

“ทำไมจู่ๆ ถึงฉลาด” ผมแกล้งทำหน้ามึน วิคเตอร์ยกมือขวาตีหัวผมเบาๆ

 

 

“ฉันเหนื่อยจะด่าเธอ” ผมเคี้ยวขนมปังไหม้เกรียมอย่างเอร็ดอร่อย

 

 

“อันนี้ผมสงสัยมากเลยนะ จากคนที่รักกันขนาดยอมเป็นชู้กัน ทำไมถึงกลายเป็นว่ามาด่ากันล่ะ” ความคาใจในประเด็นนี้จะผุดขึ้นมาเป็นบางเวลา

 

 

“ไม่รู้สิ รู้ตัวอีกทีก็ด่าเธอแล้ว” ผมย่นคิ้วอ้าปากหวอเล็กน้อย ด่าเขาบ่อยจนจำไม่ได้เลยว่าเริ่มด่าเขาจากตรงไหน

 

 

“ไม่ใช่ว่าวันนึงมาด่าผมแบบนั้นบ้างล่ะ” วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ เป็นจังหวะที่พนักงานคนเดิมเดินเอาออเดอร์ของผมมาเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องปรุงพิซซ่า ผมเทซอสพริกใส่ฮอทดอกแล้วจิ้มเข้าปากเป็นอย่างแรก ก่อนจะตามด้วยตักไข่ดาวเข้าปาก

 

 

“ด่าได้ไง รักขนาดนี้” ผมเบ้ปาก แต่มือก็ไม่หยุดจิ้มเบคอนย่างเข้าปาก เคี้ยวหงับๆ สักพักก่อนจะว่า

 

 

“คุณก็รักแม่เลี้ยงคุณมาก่อน”

 

 

“รักตอนนั้นกับรักตอนนี้ไม่เหมือนกันสักหน่อย” ผมเคี้ยวหงับๆ มองไอ้ยักษ์ด้วยสายตาว่างเปล่า เพราะกำลังอินกับความอร่อยของอาหารอยู่ วิคเตอร์ยกกาแฟขึ้นดื่มอีกหนึ่งอึก มองหน้าผมเหมือนกำลังสำรวจ พอผมพยักหน้าเขาก็ยักคิ้วหนึ่งที

 

 

ออสตินตามมาสมทบในตอนที่แซลม่อนย่างของวิคเตอร์มาเสิรฟ์ ผมแบ่งพิซซ่าให้เขากิน ออสตินหยิบกินไปชิ้นเดียวแล้วก็สั่งสเต็กไก่มากิน นั่งกินกันสักพักไวโอล่าก็โทรหาวิคเตอร์และบอกว่ากลับไปที่บ้านแล้ว เราเลยนั่งกินกันชิลๆ ไปเรื่อยเปื่อยจนอาหารของทุกคนหมดแล้วก็พากันกลับบ้าน

 

 

เมือง Sheffield บ้านเกิดของวิคเตอร์เป็นหนึ่งในแปดเมืองใหญ่ของอังกฤษ เป็นเมืองเก่าแก่ที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก ออกนวเงียบๆ แต่ก็ไม่ใช่เมืองผ่าน คือมันไม่มีอะไรไปจุดเด่นของเมืองที่จะเอาชูได้ชัดเจน แต่อันนี้ผมก็พูดในมุมมองของคนที่อยู่แต่บ้านวิคเตอร์กับระแวกบ้านเขา มันอาจจะมีอะไรมากกว่านี้แต่ผมยังไม่ได้ไปสำรวจ พวกสตาปัตยกรรมต่างๆ ก็ไม่ได้ต่างจากลอนดอน ผมว่าคล้ายกันนะ เป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยเยอะ ดังบ้างไม่ดังบ้างปนกันไป มีโซนธรรมชาติ แต่ก็ไม่สดชื่นเท่าเมืองที่เราจะซื้อบ้านกัน ถึงแม้ว่าสุสานของแม่และย่าเขาจะอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ทำใจได้ที่จะย้ายไปอยู่อีกเมือง

 

 

วิคเตอร์เดินหน้าได้อย่างที่บอกลิซ่าจริงๆ นั่นแหละ

 

 

“เฮ้ วี” วิคเตอร์ตะโกนหาน้องสาวตัวเองตอนกลับมาถึงบ้าน เราไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากเธอ เพราะที่บ้านก็มีของให้กินมากมาย ผมมองหาพวกคุณลุค แต่เหมือนบ้านจะเงียบๆ สงสัยพากันออกไปข้างนอกแล้วมั้ง

 

 

“เธอโอเคนะ” วิคเตอร์ถามน้องสาวที่เดินลงมาจากบันไดบ้านด้วยท่าทางแจ่มใสตามปกติ ผมยิ้มให้เธอ เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมารินใส่แก้ว ยืนดื่มตรงโต๊ะทำอาหารกลางครัว

 

 

“โอเคสิ หมอชมฉันด้วยที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น” ดวงตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกาย ใบหน้าเธอผ่องใสขึ้นกว่าเดิม เป็นสัญญาณดีๆ ที่บ่งบอกว่าร่างกายเธอแข็งแรงดี 

 

 

“กินอะไรรึยังล่ะน่ะ” วิคเตอร์ถามไวโอล่าด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ผมอมยิ้มนิดหน่อยกับมุมพี่ชายของเขา

 

 

“เรียบร้อย” วิคเตอร์พยักหน้า โทรศัพท์เขาส่งเสียงดัง เขาหยิบขึ้นมาดูหน้าจอและหันมาให้ผมเห็นด้วยว่าเป็นชื่อใคร

 

 

“เซล่าโทรมา เรื่องบ้านมั้ง” ผมพยักหน้าหงึกๆ วิคเตอร์กดรับสายแล้วเดินออกไปคุยตรงชานระเบียงของห้องนั่งเล่นที่ยื่นเข้าไปในสวนหลังบ้าน ไวโอล่ามองหลังพี่ชายครู่หนึ่งก่อนหันกลับมามองผม

 

 

“แมท ฉันมีเรื่องจะบอกให้เธอรู้ แต่สัญญาไดมั้ยว่าอย่าเพิ่งบอกพี่” ผมกะพริบตาปริบๆ หันไปมองวิคเตอร์ที่ยืนคุยโทรศัพท์เสียงดังเข้ามาในบ้านเพราะไม่ได้ปิดประตูกระจก

 

 

“อะ.. อะไรเหรอ” ตื่นเต้นเลย ทำท่าทางมีลับลมคมใน แถมมีกับวิคเตอร์ซะด้วย ตื่นเต้นคูณสองคูณสามคูณสี่

 

 

“ฉันบอกเธอ เพราะฉันไว้ใจ…” ให้ความรู้สึกเหมือนผู้กำชะตาโลกเลยแฮะ

 

 

“…ฉันไว้ใจเธอได้ใช่มั้ย” อะโห เล่นพูดมาแบบนี้ก็เหมือนดักทางการรั่วไหลของข้อมูลเลยอะ คือถ้าผมพูดเรื่องที่เธอกำลังจะบอก อีแมทจะกลายเป็นนังสารเลวปากโป้งทันที

 

 

“ได้สิ” ถึงจะเป็นคนขี้เผือก แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองเก็บความลับได้ วัดจากการที่เก็บความลับเรื่องของไอ้แชมป์ไอ้วอร์มได้ดีจนถึงทุกวันนี้ ไวโอล่าคงอยากหาใครสักคนระบายเรื่องนี้ด้วย ถ้าเขาไว้ใจเราแล้ว ผมก็ควรเป็นผู้ฟังที่ดี

 

 

“ฉันท้อง”

 

 

“อ๋อ… ฮะ?!” ผมอุทานเสียงเกือบดังแต่ยกมือขึ้นปิดปากทัน ผมตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน ไวโอล่าโล่งใจที่ผมปิดปากก่อนที่เสียงจะแผดไปมากกว่านั้น วิคเตอร์หันมามองเพราะคงได้ยินเสียงผมเมื่อกี้ ผมเลยรีบเนียนด้วยการเอามือออกจากปากแล้วแกล้งหัวเราะกับไวโอล่าราวกับเพิ่งคุยเรื่องตลกกันไป ไอ้ยักษ์ยิ้มแล้วกลับไปสนใจโทรศัพท์ตัวเองต่อ

 

 

ผมหยุดหัวเราะฉับ หันมองไวโอล่าที่มีท่าทีตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวว่าพี่ชายตัวเองจะจับสังเกตได้ คราวนี้ผมตั้งสติได้ก็มองเธอด้วยความรู้สึกประหลาดใจ คำถามมากมายไหลวนในหัว และความรู้สึกกลัวก็ก่อตัวขึ้นในใจ ถ้าไม่อยากให้วิคเตอร์รู้แสดงว่าเธอท้องกับ…

 

 

“กับแฟนเธอเหรอ” ผมกระซิบ พอไวโอล่าพยักหน้าเท่านั้นแหละ ผมก็เหมือนโดนไฟช็อตจนร่างชาทันที

 

 

พ่อวิคเตอร์ไม่ชอบผม ส่วนวิคเตอร์ไม่ชอบแฟนไวโอล่า หมุนวนเป็นกงเกวียนกำเกวียนกันอยู่อยู่นี่แหละ

 







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้



               มาค่าาา มาต่อแล้วววว ตอนใหม่นี้ไม่ต้องดองไว้เป็นเดือนละนะ คิๆ คนเขียนเองก็อิ่มเอมมากค่ะที่ได้อัพให้คนอ่านได้อ่าน เพราะอยากเขียนเรื่องนี้ให้จบแล้ว เรื่องของทั้งสองคนมันอบอวลเวียนวนอยู่ในหัวนานเกินไป มันควรจิปิดไตรภาคนี้สักที 555555 ยาวพอๆ กับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์แล้วมั้ง

               ก็เป็นตอนเซอร์ไพรส์แมทเต็มๆ อ้าปากค้างกันไปค่อนวันละสำหรับตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ ไอ้ยักษ์ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง เล่นเอาน้องแมทกลายเป็นเด็กใสๆ ไปอีกครั้ง

               และอ้าปากค้างต่อด้วยข่าวดีของไวโอล่า แต่ไม่รู้ดีได้เต็มที่รึเปล่า เพราะไอ้ยักษ์ยังไม่รู้ ซึ่งไม่รู้ว่าถ้ารู้แล้วจะเป็นยังไง

               ใครที่เคยอ่านตอนพิเศษตอนนึงในเพจที่เป็นตอนครบรอบของการเขียนนิยายเรื่องนี้ คงจะมีสะดุดใจอะไรบางอย่างแล้วแน่ๆ หุๆ

          กำลังจะผ่านไปเจ็ดตอนแล้วสำหรับพาร์ทนี้ คลื่นลมสงบดีเห็นมั้ยคะ กลัวอะไร๊ -..-

          สำหรับเรื่องของพี่แซ็ค พี่พระเอกคนที่สองของเซ็ทพี่พระเอก ตอมตบๆ เส้นเรื่องอยู่ค่ะ เพราะบางเส้นเรื่องตอมว่ามันไหลไปไกลเกิน พยายามดึงเข้ามาอยู่ ชำแหละนิสัยตัวละครด้วย พร้อมแล้วเดี๋ยวเจอกันแน่ มาแน่ๆ พี่แซ็คแกมาแน่ค้าาา



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-08-2017 20:10:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 12-08-2017 20:10:55
โอ้วโหววววววววววววว วิคเตอร์ อดีตของแกนี่มัน.... สุดยอดไปเลยลวกเพ่

คือรำคาญลิซ่ามาก แบบไม่ยอมจบจริงๆ กับวิคเตอร์เนี่ย ยังพาอดีตอันโสมมของไอยักษ์มาให้น้องแมทรับรู้อีก

ดีที่วิคเตอร์กล้าพูดทุกอย่าง ไม่ปล่อยให้มันยาวจนเหมือนรู้สึกว่านังลิซ่าจะสามารถกุมจุดอ่อนได้อีก

ยอมใจแมทด้วยที่ยอมรับอะไรได้หลายๆอย่าง แบบอืมม ก้อดีตเนาะ คนเรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ทำปัจจุบันให้ดี เพื่ออนาคตที่ดีกว่า เราเดินไปข้างหน้ากันแล้วเนอะ อย่างที่วิคเตอร์บอก

อ่านพาร์ท yours and mine แล้วรู้สึกว่าได้ว่าทุกคนโตขึ้นมากๆ แมทมีเหตุผลมากขึ้น วิคเตอร์กล้าเปิดใจทุกอย่างกับแมท ผูกพันยังไงไม่รู้แฮะ ไม่อยากให้จบเลยง่า คือเราอ่านเรื่องนี้ซ้ำกี่รอบก้ยังชอบบ อ่านวนไปวนมาก้ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งอ่านใหม่ทุกครั้งเลย 55555 รักมากๆ รอเป็นหนังสือเลยพาร์ทนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 12-08-2017 20:52:21
จำแฟนไวโอล่าไม่ได้อ่ะ นาน เกิน สมองปลาทอง เรื่องเริ่มวุ่นๆแหละ วิคเตอร์นี่สุดสุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-08-2017 22:11:20
 :a5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2017 22:24:25
สนุกมากกกกก ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
วิกเตอร์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ตอนนี้เหมือนแมท ได้ถามคำถามคาใจเกี่ยวกับลิซ่า
รักสามเส้า แปลกๆ มี 3p ด้วย
ชีวิตที่โลดโผนสุดเหวี่ยงของยักษ์
ที่ตกตะกอนแล้ว คำตอบที่ดูเงิบ เหวอเลย  o22  o22  o22
“ฉันเฉยๆ……กับลิซ่า ตอนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว...."
 
“ฉันเหนื่อยจะด่าเธอ” 
.
.
 “ไม่รู้สิ รู้ตัวอีกทีก็ด่าเธอแล้ว”
กร๊ากกกกก  :laugh: :laugh: :laugh:
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 12-08-2017 22:30:58
ถ้าให้ปะติดปะต่อเรื่อง
แมทคงได้เลี้ยงลูกของไวโอล่าแน่แน่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-08-2017 08:31:16
ถ้าจะบอกว่าจำไม้ได้ว่าใครคือแฟนไวโอล่า นึกไม่ออกจริงๆ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-08-2017 20:43:18
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 50% :12.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 14-08-2017 23:53:50
หูวววววววววววววว

แซ่บ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 18-08-2017 21:31:15



Yours and Mine EP.7 [100%]




‘ไปท้องกับเขาได้ยังไง…’ ไวโอล่าเลิกคิ้วขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนถามว่าจะให้พูดจริงเหรอ ผมหลับตา สะบัดหัวหนึ่งที ยกมือขวาตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ตื่นเต้นจนเบลอไปหมด


‘…หมายความว่า ตั้งใจหรือผิดพลาด หรือยังไง’
   

‘อือ…’ ไวโอล่าไม่ได้มีท่าทีคิดมาก หรือมีท่าทีดราม่า เธอเลิกคิ้วขึ้นทำท่าคิดคำตอบสบายๆ
   

‘…ฉันยังไม่คิดจะมีลูกหรอก ก็ไม่ได้ตั้งใจว่าเขาจะเกิดมา แต่ฉันก็ไม่เสียใจเหมือนกันที่เขาอยู่ในท้องฉันตอนนี้’ เธอยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่บอกว่าเธอไม่เสียใจจริงๆ ผมมองรูปร่างของเธอ ไวโอล่าอวบขึ้น มิน่าล่ะเธอถึงบอกว่าคุณหมอชมว่าน้ำหนักเธอเพิ่ม เพราะเธอมีลูกนี่ไง
   

‘แล้วพ่อเด็กรู้รึยัง’ แฟนไวโอล่าชื่อคริสเตียน เป็นผู้ชายวัยรุ่นรุ่นพี่ของเธอ ผมเคยเห็นรูปที่ไวโอล่าโชว์ให้ดู หน้าตาดีตาสีเทาอ่อน ออร่าเจ้าชู้ยู้ฮูมาก หน้าตาแบดบอยเลยแหละ และนิสัยก็แบดตามหน้าตาด้วยจากการบอกเล่าของวิคเตอร์ที่ผมแน่ใจว่าไม่ได้ใส่สีตีไข่จนเกินไป
   

‘ยัง เราเลิกกันแล้ว’
   

‘ฮะ? เลิกกันอีกแล้วเหรอ’ ที่ถามแบบนี้เพราะไวโอล่ากับแฟนรักๆ เลิกๆ กันบ่อยมาก เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้วิคเตอร์ไม่ชอบคริสเตียน แต่อันนี้จะโทษฝ่ายนั้นทั้งหมดก็ไม่ได้ บางทีไวโอล่าก็ชอบตีมึน (เหมือนพี่ชาย) ใส่ฝ่ายชาย ผมก็ไม่เข้าใจแนวทางการคบของสองคนนี้สักเท่าไหร่ เพราะขนาดความสัมพันธ์ของตัวเองผมยังไม่ค่อยจะเข้าใจ
   

‘ใช่ เลิกกันอีกแล้ว…’ ไวโอล่าถอนหายใจ ใบหน้ามีแววเหนื่อยล้า แววตาของเธอเศร้าสร้อยวูบหนึ่งแล้วก็กลับมาปกติตามเดิม


‘…เขาเสพยาแล้วก็มีแนวโน้มว่าจะขายด้วย’ ผมอ้าปากพะงาบๆ ไม่แน่ใจว่าปัญหายาเสพติดของที่นี่มันรุนแรงมากน้อยแค่ไหน สำหรับที่ไทยมันคือปัญหาระดับชาติที่แก้ไขกันมาจะชาตินึงแล้วแต่ก็ยังวนลูปเดิมๆ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่น้อยแค่ไหน ตอนนี้คือคริสเตียนกำลังพัวพันกับสิ่งไม่ดี


‘แล้วเธอจะไม่ให้เขารับผิดชอบอะไรเลยเหรอ’ ไวโอล่าส่ายหน้า


‘ฉันว่าให้เขารับผิดชอบชีวิตเขาให้ดีก่อนจะดีกว่า’


‘เธอจะเป็นซิงเกิลมัมนะแบบนั้นน่ะ’ เธอส่ายหน้าอีกครั้งแต่ครั้งนี้มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าด้วย


‘ไม่ซิงเกิลสิ มีเธอเป็นแม่อีกคนไง’ ผมหน้าเหลอหลาพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มเก้อกับมุกตลกของเธอ ไวโอล่ายิ้มกว้าง ผมมองเธอด้วยความรู้สึกนึกทึ่งเล็กๆ ที่เธอยิ้มแย้มได้ตามปกติ ไม่มีทีท่าวิกลจริตหรือจิตตก สิ่งเดียวที่เธอดูวิตกกังวลคือการไม่อยากให้วิคเตอร์รู้เรื่องนี้


‘จะไม่บอกวิคเตอร์จริงๆ เหรอ’


‘บอกสิ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้…’ ไวโอล่ามองผมด้วยสายตาขอร้อง ‘…อย่าเพิ่งบอกพี่นะแมท ฉันไม่อยากให้พี่ตามล่าคริสเตียนให้มารับผิดชอบฉัน ถ้าเขาต้องอยู่เพราะโดนบังคับ อย่าให้เขามาเลย’


ผมมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกที่แบ่งแยกไม่ชัดเจนว่าจะต้องรู้สึกยังไง ถ้าเธอร้องไห้เสียใจ ผมยังรู้สึกได้ว่าต้องปลอบเธอ แต่อันนี้เธอดูปกติมาก ที่เล่าให้ผมฟัง อาจเพราะไม่อยากแบกเรื่องนี้ไว้คนเดียว อยากหาคนมาแชร์ตอนวิคเตอร์ระเบิดลงด้วย เอ่อ ไม่ใช่ อยากแชร์เพราะไว้ใจต่างหาก


‘พร้อมแล้วก็บอกนะ ฉันเชื่อว่าถ้าวิคเตอร์รู้ เขาจะดูแลเธออย่างดี อาจจะมีหงุดหงิด โมโหก่อนพอเป็นพิธี แต่สุดท้ายแล้วเขาก็จะไม่ใจร้ายกับเธอหรอก’ เพราะเขาจะมาใจร้ายใส่ฉันแทน…


‘ขอบคุณนะแมท’ ผมพยักหน้า


‘ตอนนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ ทำร่างกายให้แข็งแรง และทำจิตใจให้ผ่อนคลาย เด็กจะได้เกิดมาอารมณ์ดี ไม่ขี้หงุดหงิดแบบวิคเตอร์’ ผมหัวเราะคิกคัก ไวโอล่ายิ้มขำ


ถ้าวิคเตอร์รู้เรายังจะขำกันออกอยู่มั้ยนะ ขอให้ไวโอล่าพร้อมบอกไวๆ นี้เถอะ กลัวตัวเองเผลอพูดจริงๆ







ผมนอนลืมตามองเพดานสีขาวในห้องนอนของวิคเตอร์ ไม่ถึงกับคิดมากเรื่องไวโอล่า แต่ก็คิดสลับกับหยุดเป็นช่วงๆ แล้วมีเรื่องอื่นมาแทนที่ ตอนนี้สิ่งที่ผมคิดคือ ไวโอล่าเป็นโรคเกี่ยวกับเลือดอะไรสักอย่าง ซึ่งจำได้ว่าเป็นโรคที่ทำให้มีลูกยาก หรือถ้ามีจะเป็นการเสี่ยงมากทั้งแม่และลูก ผมนึกเป็นห่วงเธอ แต่ไม่อยากพูดให้เธอเป็นกังวล เพราะเธอดูจะมีความสุขกับการที่ตัวเองกำลังจะมีลูก ผมว่าลึกๆ เธอก็รู้ตัวในเรื่องนี้ แต่ในเมื่อเด็กกำลังก่อตัวเป็นวุ้นอยู่ในท้อง เธอก็ต้องดูแลเด็กให้ดีที่สุดนั่นแหละนะ


“แมท…” เสียงคุ้นๆ เหมือนคนที่เพิ่งแอบนินทาไปเมื่อตอนกลางวัน


“…แมท!” ผมขยับหัวซ้ายทีขวาที ก่อนจะเลื่อนสายตาไปทางปลายเตียง ไอ้ยักษ์ยืนเปลือยมีผ้าขนหนูสีขาวคล้องคอ ผมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะสั่นหัวตาม แกล้งทำท่าทางง่วงๆ นิดหน่อย


“เป็นอะไร”


“ง่วงนอนเฉยๆ เช็ดหัวมั้ย” วิคเตอร์ดึงเก้าอี้ไม้สีขาวตัวเก่ามานั่ง ผมลุกออกจากเตียงเดินไปหาเขา วิคเตอร์ดึงกางเกงขาสั้นผมลง ผมยกขาขึ้นออกจากกางเกงแล้ววางทิ้งไว้ตรงพื้น วิคเตอร์ดึงผมลงไปนั่งคร่อมตัก ผมเอียงคอมองเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ ไอ้ยักษ์กัดริมฝีปากล่างแน่น มองผมด้วยสายตาพรอมขย้ำ ผมหัวเราะคิกคัก ย่นคอห่อไหล่ยกสองมือมากำใต้คาง ยิ้มกว้างตาหยี วิคเตอร์ยกสองมือฟาดลงบนก้นผมแรงๆ หนึ่งทีดัง ป้าบ!


“โอ๊ะ!”


“แซ็คมันปั้นก้นนายเก่งจริงๆ” เขาว่าไปก็ขยำก้นผมไปด้วย วิคเตอร์โซพราวด์กับก้นของผมตอนนี้มาก เพราะเขาขยำได้เต็มไม้เต็มมือ แล้วมันก็เด้งดึ๋งพอสมควร บางทีมือเขาว่างก็เอามาจับมาลูบก้นผมนี่แหละ 



“กว่าจะได้มาเหนื่อยมากรู้รึเปล่า…” ผมทำปากจู๋ ใช้สองมือจับผ้าขนหนูเช็ดผมให้เขาเบาๆ ไอ้ยักษ์มองหน้าผมแล้วยิ้มตาพริ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมชอบ ยิ้มกว้างๆ จนร่องแก้มขึ้น ผมเลยยิ้มตอบ


“…ฉะนั้นก็ใช้มันถนอมๆ หน่อย” วิคเตอร์หัวเราะ ก้มหัวลงนิดนึงให้ผมเช็ดหัวให้ อีกสักพักคงจะยาวถึงตูดเขาแล้วมั้ง ทุกวันนี้ก็อยู่ประบ่าแล้ว เขาชอบด้วยนะ แฮปปี้กับลุคซ์นี้มาก ลุคซ์รุงรังทั้งหัวทั้งหน้า ถ้าหนังหน้าไม่ดีคือโสโครก อีกพักใหญ่เลยแหละกว่าที่เขาจะกลับมาผมสั้น เพราะบทหนังยังอยู่ในช่วงไทม์ไลน์ผมยาวอยู่ ประจวบเหมาะกับซีรีส์ที่เขาต้องเป็นลุคซ์นี้พอดี พ่อนักรบซกมก


“ผมคิดว่าชีวิตนี้คงเจอไซซ์เล็กกว่านี้ไม่ได้แล้วละ ก้นผมมันชินขนาดของคุณแล้ว เจอเล็กกว่านี้คงไม่พอดีกัน” วิคเตอร์บีบเอวผมแน่น เลื่อนสองมือขึ้นดันเสื้อผมจนเห็นอกเต่งตึง ก่อนที่ผมจะเจ็บจี๊ดตรงหัวนมด้านซ้ายเพราะโดนเขากัด


“เอ้าช์!”


“อยากจะหาคxxใหม่เหรอ ฮึ” เขาว่าหน้าเหี้ยมเสียงโหด ก่อนจะก้มลงไปกัดหัวนมอีกข้างของผมด้วยแรงกัดอันเท่าเทียมกัน


“อ๊า!” ผมหน้าเหยเกแต่ก็เสียวด้วย ผมจิกผมเขาให้แหงนหน้าขึ้นแล้วก้มลงกัดซอกคอเขา แต่ไอ้ยักษ์มันไม่อุทานเจ็บหรอก มันครางแทน


“อา…” วิคเตอร์เป็นพวกชอบเซ็กส์รุนแรงที่แท้จริง กัดเอย ตบตีเอย ฟาดเอย กระแทกหนักๆ เอย โอ๊ย ของชอบ แต่ไอ้กัดนี่ต้องกัดในจุดสร้างอารมณ์นะ ถ้ากัดแขนกัดขากัดหน้าอะไรพวกนี้ มีชกกลับ


“แค่พูดให้ฟัง ไม่ได้จะไปหาใหม่สักหน่อย หน้าแบบผมใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ นะ” ทำอย่างกับแค่ผมขยิบตายิ้มให้ผู้ชายคนไหน คนนั้นก็จะเข้ามาหาผมทันทีงั้นแหละ ถ้าเป็นงั้นจริง มีผัวไปเป็นสิบแล้วโว้ย


“ใช่ อย่างนายหาไม่ได้อีกแล้ว มีฉันคนเดียวเท่านั้นแหละที่เอานาย” ผมเบ้ปาก ขยี้ผมเขาด้วยความหมั่นไส้ วิคเตอร์หันไปมองทางประตูห้องนอนแว้บหนึ่ง แล้วก็หันไปทางโต๊ะสีขาวเซ็ทเดียวกับเก้าอี้ตรงเยื้องปลายเตียง เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเป้สีดำใบใหญ่ของเขาเอามาวางไว้ข้างเก้าอี้ มือซ้ายล้วงเข้าไปด้านใน หยิบเจลหล่อลื่นออกมาจากกระเป๋า


“จะเดือนนึงแล้ว” เขาพูดไปพลางทาเจลตรงลูกชายตัวเองแล้วก็เอามาทางตรงด้านหลังของผม



“เดือนนึงอะไร สามอาทิตย์เอง แหม” ถึงจะบ่น แต่ผมก็ใช้มือขวาจับหัวยักษ์น้อยเข้าก้นตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงจนกลืนกินความใหญ่ยาวของวิคเตอร์จนมิด ผมอ้าปากกว้าง ผ่อนลมหายใจเบา วิคเตอร์ยื่นเข้าเข้ามาจูบนัวเนีย ลิ้นของเราสองคนเล็มเลียกันและกันอย่างแนบชิดจนเกิดเสียงแลกน้ำลาย


กึก กึก กึก~


เสียงเก้าอี้กระทบกับพื้นห้องเบาๆ ตอนที่ผมเด้งตัวไปข้างหน้าไปข้างหลัง วิคเตอร์ถกเสื้อผมขึ้นถึงช่วงอกแล้วก็ก้มลงดูดดึงหัวนมด้านซ้ายของผมอย่างเชื่องช้าแต่ว่าเสียวจนร้องคราง


“อะ… อา”


“อืม จุ๊บ จั๊บ อือ” วิคเตอร์ดึงหัวเองออกจากอกผมและดึงเสื้อยืดสีน้ำเงินซีดของผมลงตามเดิม ในขณะที่ผมกำลังบดร่อนเอวใส่ลูกชายของสามี หัวใจผมก็หล่นวูบด้วยความตกใจเพราะเสียงของใครบางคน


“Ooh, sex time, huh?” ผมหันควับไปมอง เบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นลิซ่ายืนพิงกรอบประตูอยู่ ผมหยุดขยับ ความรู้สึกวาบหวิวก่อนหน้านี้หดหาย ผมจะเด้งตัวลุกขึ้นยืน แต่วิคเตอร์จับเอวผมแน่น บังคับให้นั่งไว้ตามเดิม และพาผมลุกขึ้นยืนทั้งที่ผมยังนั่งคร่อมเขาอยู่ ผมหน้าเหวอตกใจ สองแขนกอดคอ สองขาเกี่ยวเอวเขาแน่น วิคเตอร์เดินช้าๆ เพื่อไม่ให้ตรงนั้นหลุดออกจากกัน แต่มันทำให้ผมหน้ากระตุกเพราะความเสียว เขาเดินไปตรงประตูที่ลิซ่ายืนอยู่


เออ วิคเตอร์ คุณหน้าด้านจริงๆ อะ


“จะมาชวนฉันไปร่วมวงด้วยเหรอ” โห โอ้โห ผมแทบจะถลึงตาใส่เมียเก่าวิคเตอร์ แต่ก็เพียงปรายตามองเธอด้วยจริตไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง วิคเตอร์ก้มลงมองผม เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยิ้มทะเล้น เขาอุ้มผมนิ่งทำอย่างกับว่าอุ้มหมอนข้างไว้งั้นแหละ


“ไอ้เตอร์…” ผมพูดภาษาไทย ถลึงตาดุใส่เขา วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ ผมหันไปหาลิซ่าที่ยืนมองผมด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง และอีกไม่นานเธอจะต้องขุดอดีตของตัวเองกับวิคเตอร์มาข่มขวัญแน่ๆ


“…ผมไม่มีความจำเป็นต้องมีสามคน ขอความเป็นส่วนตัวด้วย” ผมพูดเสียงแข็งและพยายามมองตาแข็งใส่ยัยลิซ่า แต่ไอ้ยักษ์ผู้หน้าด้านหน้าทนหน้ามึน สถานการณ์แบบนี้ยังขยับเอวได้เนาะ ผมกัดฟันแน่น พยายามไม่แสดงสีหน้า คือพยายามคีพลุคคูลๆ ผมเริ่มเมื่อยแขนที่เกี่ยวคอวิคเตอร์ไว้ เลยใช้มือซ้ายดันประตูเพื่อจะปิด ลิซ่ามองวิคเตอร์ด้วยสายตาครุ่นคิดสักแปบก่อนเปลี่ยนสายตาโหยหา เธอถอยหลังออกไปจากประตูผมดันประตูปิดดังปังแล้วกดล็อค


“ไอ้เตอร์!” ผมยกมือขวาทุบหลังเขาดังอัก วิคเตอร์ไม่สะทกสะท้านกลับหัวเราะชอบอกชอบใจ เขาปล่อยให้ผมยืนบนพื้น ลูกชายเขายังตั้งตระหง่าน เขาเดินเข้ามากอดผมและพาเดินไปที่เตียง ก่อนจะล้มลงนอนทับผม จับขาผมแยกออกและเสียบอาวุธเข้าไปในก้นผมอีกรอบ


“ไม่เห็นด่าเธอเลย ทีกับฉันจิกกัดสารพัด” ผมตาปรือเพราะความเสียวที่แสนปั่นป่วน


“อารมณ์นี้ให้ด่าอะไรล่ะ… อื้อ” วิคเตอร์ยิ้ม รัวเอวใส่แบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ เขาจับสองแขนผมขึ้นเหนือหัว ดึงเสื้อยืดขึ้นไว้ตรงระดับตา ทำให้ผมมองอะไรไม่ชัดเจน รับรู้แต่เพียงแรงกระแทกและเสียงเนื้อกระทบกัน ตัวผมเคลื่อนขึ้นเคลื่อนลงตามแรงอัดของวิคเตอร์ ผมลืมตามองก็เห็นกล้ามอกกล้ามท้องของวิคเตอร์ลอดตรงช่องเสื้อที่มีให้เห็นเพราะสันจมูกดันไว้ ผมมองรอยสักสีดำบนอกซ้ายแล้วก็หัวใจพองโต กล้ามเนื้อตรงอกของเขาเป็นมัดๆ แน่นและแต่งตึง ทำให้รอยสักยิ่งชัดเจน คิดอะไรเพลินๆ อยู่สักพัก วิคเตอร์ก็ดึงตัวเองออก เดินขึ้นมานั่งคร่อมตรงหน้าและชักลูกชายให้ลูกชายเขาปล่อยน้ำสีขาวข้นเข้มลงบนใบหน้าผม ผมหลับตาอ้าปากรับน้ำรสชาติกลมกล่อมผสมคาวเล็กๆ วิคเตอร์คำรามเสียงดังอย่างกับสิงโต ผมแลบลิ้นเลียน้ำสีขาวรอบๆ ปาก สักพักวิคเตอร์ก็สงบลง เขาเอาความเป็นชายที่แข็งตัวอ่อนๆ มาจ่อปากผมและให้ผมเลียส่วนปลายสีชมพู


“ง่วงนอนยัง อยากเอาอีกรอบ” ผมดูดส่วนปลายของเขาอีกทีแล้วเบี่ยงหน้าไปทางซ้ายทั้งที่ยังมองเห็นอะไรไม่ชัดและหน้ากับอกก็เลอะน้ำของวิคเตอร์


“พรุ่งนี้บินกลับไฟล์ทเช้า ขอพักผ่อนนะยักษ์นะ” วิคเตอร์พ่นลมหายใจเบาๆ คงเซ็งหน่อยๆ แต่ก็ไม่ดื้อไม่บังคับ เขาลุกขึ้นยืน เดินลงจากเตียงและฉุดผมให้ลุกขึ้นนั่งตรงขอบเตียง ดึงเสื้อยืดผมออกจากหัว ก้มลงมาจูบผมอย่างดูดดื่ม กลิ่นคาวลื่นลิ้นส่งผ่านลิ้นเราทั้งสองคน วิคเตอร์ผละออกไป นั่งยองๆ ลงกับพื้น จับขาผมแยกออกและก้มลงใช้ปากให้ผม


“อึ๊…” ผมบิดตัวยามที่ลิ้นสีแดงสดของเขารัวละเลงใส่ส่วนหัวแมทน้อย มือซ้ายผมจิกเส้นผมเขาไว้ วิคเตอร์อมของผมเข้าไปในปากและดูดกลืนอย่างคุ้นเคย ผมครางเสียงแผ่ว เด้งเอวเข้าหาเขาเบาๆ ในตอนที่ใกล้จะถึงจุดปลดปล่อย ขาสองข้างผมสั่นผับ พยายามหนีบเข้าหากันแต่วิคเตอร์จับกดไว้บนเตียง สองมือผมขยุ้มผ้านวมบนเตียงแน่น วิคเตอร์รัวลิ้นใส่ผมจนในที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมา วิคเตอร์ใช้มือช่วยชักอีกแรง ผมยิ่งรู้สึกเสียวใจจะขาด ลำตัวบิดซ้ายทีขวาที พอจะใช้มือดึงมือวิคเตอร์ออกก็โดนเขาปัดออกอย่างแรง


“วิคเตอร์!” ผมกรีดร้องชื่อเขา ไอ้ยักษ์ยิ้มกว้าง มือขวาชักให้ผมไม่หยุดจนผมแอ่นเอวและพยายามบิดตัวหนี แต่ก็โดนเขากดไว้


“อ๊า อ๊า! พอแล้ว พอออ!” ผมยกมือไปตบแก้มขวาเขารัวๆ วิคเตอร์หน้าเหยเกเล็กน้อยและร้องครางเสียงสั้นๆ ปล่อยมือออกจากลูกชายผม อุ้มผมตัวลอยและดันหลังผมกระแทกกับกำแพงจนผมหยีหน้าเพราะเจ็บ แล้วก็ต้องหน้าเหวอต่อเพราะวิคเตอร์จับลูกชายเขาเสียบเข้าไปในก้นผมอีกรอบ


“ตบฉันเหรอ คืนนี้ไม่ต้องนอน” วิคเตอร์คำรามเสียงแหบ หน้าตาเหี้ยมโหด กระแทกผมจนตัวผมกระเด้ง


“อ๊ะ!!” ผมส่งเสียงร้องเพราะความจุก วิคเตอร์บีบต้นขาผมแน่น บีบจนเจ็บ ผมยกมือขวาตบแก้มเขาอีกสามสี่ทีจนผมเขากระเซิง วิคเตอร์คำรามในลำคอ กัดฟันแน่นหน้าเหี้ยมโหด สายตาของเขาลุกโชน ผมหายใจหอบด้วยความตื่นเต้น ก้มลงจูบปากเขาแล้วแลกลิ้นกันอย่างมูมมาม ก่อนที่วิคเตอร์จะเลียไปทั่วหน้าผมที่ยังมีน้ำสีขาวติดค้างอยู่จากรอบก่อน


“เตอร์จ๋า อึ อึ เบาๆ หน่อย” ผมครางอ้อนวอน แต่วิคเตอร์ไม่เบาให้ เขาอัดแรงกระแทกใส่ผมด้วยความชอบใจ ไซ้คอผมอย่างรุนแรง สุดท้ายผมก็แพ้อารมณ์หวิวแสนดิบเถื่อนที่เขาส่งมาให้ ปล่อยหัวใจและร่างกายไปกับเขา


เพิ่งบอกว่าให้ถนอมๆ กันหน่อยไง








“ดูแลตัวเอง มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอด” วิคเตอร์โอบกอดน้องสาวตรงหน้าบ้าน ออสตินกำลังขนของขึ้นรถ Uber ที่เรียกให้มารับที่บ้านเพื่อไปส่งสนามบิน ผมยืนหาวมาพักใหญ่แล้ว เมื่อคืนสองรอบ แต่รอบที่สองคือเ_ดวัวตายควายล้ม เล่นเอาผมจะเป็นลม หมดแรง นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงตอนช่วงตีสอง แล้วต้องตื่นตอนหกโมงเพื่อไปขึ้นเครื่องตอนเก้าโมง


“แล้วเดี๋ยวฉันจะบินไปหาที่นิวยอร์กนะ” วิคเตอร์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน


“จะมาก็บอกก่อน จะได้ซื้อตั๋วให้”


“แน่นอน” วิคเตอร์หอมหน้าผากไวโอล่าหนึ่งที คนเป็นน้องยิ้มเขินเล็กน้อย คงเพราะทั้งคู่ทิ้งระยะห่างความสัมพันธ์พี่น้องไปสองสามปี พอกลับมาสนิทกันอีกครั้งเลยอาจจะมีเก้อเขินกันบ้าง ผมคลี่ยิ้มก่อนรอยยิ้มจะหุบลงเมื่อคุณลุคเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับใบหน้านิ่งสนิท


“ไดอาน่าจะไปหาแกที่นิวยอร์ก”


“เธอจะไปหาเองหรือพ่อส่งเธอไป”


“เธอจะไปพอดี ฉันเลยบอกให้ไปหาแก” คุณลุคแกก็ตีมึนเก่งพอๆ กับลูกชายนะ ผมยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ยังพูดถึงผู้ญิงที่เขาหมายมั่นจะให้เป็นเมียลูกชายได้อย่างหน้าตาเฉย


“อยากไปก็ไป แต่จะเจอผมรึเปล่า อันนี้ไม่รู้นะ” คุณลุคขบกรามเบาๆ วิคเตอร์หันมามองผมและพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกให้ไป ผมพยักหน้าตอบรับนิดหนึ่ง หันไปมองไวโอล่า ส่งสายตาคุยกันสักพักเธอก็เดินเข้ามาหาผม


“ขอฉันคุยกับแมทแปบนึงนะ” เธอหันไปบอกวิคเตอร์ เขาพยักหน้าแล้วเดินลงบันไดไม้หน้าบ้านไปขึ้นรถ ผมเหลือบมองประมุขของบ้านเรย์มอนด์ เขาไม่ได้มองมาทางผมเลยแม้แต่นิด ผมเลยปล่อยผ่านไป


“ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับครรภ์ เธอต้องปรึกษาหมอทันที เธอโทรมาหาฉันได้ตลอดถ้าอยากจะคุย มีอะไรห้ามเก็บไว้คนเดียว” ถึงจะมีคุณลุคอยู่ด้วย แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเขาดูแลไวโอล่าดีมากน้อยแค่ไหน แต่วิคเตอร์เคยบอกว่า พ่อเขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลไวโอล่าดีขึ้นแล้ว จากที่ไม่ค่อยสนใจ ตอนนี้ก็ดูแลเอาใจใส่ลูกสาวคนเล็กมากขึ้น


“ถ้ารู้เพศเมื่อไหร่ ฉันจะรีบบอกทันที” ผมยิ้ม มองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเป็นห่วง เธอจะเหงามั้ยนะ คนเป็นแม่ต้องการอะไรบ้างในช่วงที่ท้องอยู่


“ใช้ชีวิตระมัดระวังด้วยนะไวโอล่า ตอนนี้เธอมีวุ้นอยู่ในท้อง”


“วุ้น?” เธอหัวเราะเสียงใส ชอบใจกับคำเปรียบเปรยนั้น ผมยิ้มกว้าง พยักหน้าหลายที


“ที่สำคัญคือทำจิตใจให้เบิกบาน ความสุขจะได้ส่งไปถึงเด็กเยอะๆ”


“แน่นอนจ้ะ” เราสวมกอดกัน คุณลุคเหลือบมองผมด้วยความนิ่ง ผมหลบสายตาเขา ผละออกจากไวโอล่า ผมลูบไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ


“วี” วิคเตอร์ตะโกนเรียกน้องสาว ไวโอล่าเดินลงมาที่หน้าต่างฝั่งผม ก้มลงคุยกับพี่ชายตัวเอง


“พาพ่อไปตรวจสุขภาพบ้างนะ” ไวโอล่ายิ้ม ผมเองก็ยิ้ม วิคเตอร์ยังคงทำเฉย ไวโอล่ายกมือขึ้นทำท่าโอเค กระจกเลื่อนขึ้น ไวโอล่าเดินกลับไปหาพ่อ คุณลุคโอบกอดลูกสาวไว้ ทั้งสองคนมองตามรถสีดำที่แล่นออกไปจากหน้าบ้าน ไวโอล่าโบกมือลาเราสองคนอีกครั้ง ผมโบกมือตอบกลับไปแม้เธอจะไม่เห็น


“ไม่โกรธพ่อฉันเหรอ” ผมหันกลับมามองวิคเตอร์ ยักคิ้วขึ้นหนึ่งที


“ไม่ว่าผมจะทำยังไงเขาก็ไม่ชอบผมอยู่ดี โกรธเขา เขาก็ไม่สนใจผมหรอก” ผมไม่ได้จะสวมบทนางเอก แต่มันเป็นเรื่องจริง ผมเคยไฟท์กับเขาไปแล้วรอบนึง ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เขาลดอคติต่อผมน้อยลง และไม่ได้ทำให้เขาเห็นว่าผมกับวิคเตอร์รักกันจริงๆ 


“แต่ฉันสนใจนายนะ” ผมยิ้ม เบ้ปากใส่เขาด้วยความหมั่น พ่อยักษ์ผมยาวหนวดเครารุงรังยิ้มกว้าง วันนี้เขาแต่งตัวดี เสื้อยืดคอวีสีดำแล้วก็ใส่แจ็คเก็ตสีน้ำตาลเข้มทับ กางเกงยีนสีเดียวกับเสื้อ รองเท้าสีน้ำตาลเข้มที่เป็นทรงเดียวกับรองเท้าคอมแบท ปล่อยผมเซอร์ยาวประบ่า ดูไม่ไร้ค่า ไม่ไร้บ้านแบบเมื่อวานนี้


“แล้วถ้าไดอาน่ามา คุณจะไปเจอเธอรึเปล่า”


“เธอมา แต่เธอไม่มาหาฉันหรอก เราเคยคุยกันแล้ว เธอไม่ได้ชอบฉันเลย และฉันก็ไม่ได้ชอบเธอ ที่เธอมาคือเธอมีแฟนอยู่ที่นิวยอร์กต่างหาก” ผมตาโตประหลาดใจ


“เธอมีแฟนอยู่ที่นิวยอร์กเหรอ” วิคเตอร์ยิ้มกริ่มแล้วยักคิ้วขึ้น เขาหันไปมองทางออสตินที่นั่งนิ่ง


“ใช่มั้ยออสติน” ผมมองสองคนงงๆ


“ยังไม่ใช่แฟนครับ แค่คุยกันเฉยๆ” ผมอ้าปากหวอเล็กน้อย วิคเตอร์คลี่ยิ้มกริ่ม


“ออสตินกับไดอาน่า…”


“…ใช่” ผมหันควับไปมองออสตินที่ยังคงนิ่ง ผมเลยชะโงกหน้าไปมองหน้าเขาเลยได้เห็นว่าพ่อหัวเกรียนหน้านิ่งมีริ้วสีแดงจางๆ บนแก้ม ผมจ้องเขาด้วยความสนใจ จนเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นออสตินมีท่าทีอึกๆ อักๆ จากการโดนมอง


“ตอนไหนอะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ผมว่าผมเป็นคนสอดรู้สอดเห็นระดับนึงเลยนะ” พลาดไปได้ยังกัน พลาดตรงไหน เขาคุยกันตอนไหนเหรอ


“ช่วงนี้นายสอดรู้สอดเห็นกับงานมากจนไม่ได้สนใจชีวิตคนอื่นยังไงล่ะ” วิคเตอร์ว่าอย่างประชด ผมดึงตัวกลับไปนั่งพิงเบาะตามเดิมโดยมีสายตาจิกกัดของวิคเตอร์มองมา ผมย่นคิ้ว


“เหรอ แต่ก็ไม่น่าพลาดอะ ออสตินอยู่กับเราแทบจะตลอดเลยนะ” อ้ากกก ทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้นะ ออสตินนิ่งมาก นิ่งเงียบเชียบ


“เลิกทำงานสิ จะได้มีเวลามาใส่ใจชีวิตคนอื่นเหมือนเดิม” ผมกำลังทำหน้านิ่วคิ้วย่นก็ถึงกับคลายสีหน้านั้น หันไปมองวิเตอร์ที่กำลังยิ้มเหมือนตะล่อมเด็ก ผมทำปากยื่นและสั่นหัวทันที


“ไม่ ผมจะทำงาน” วิคเตอร์กลอกตาเซ็ง ผมรีบอ้อนด้วยการทิ้งหัวลงนอนบนตักเขา จะได้ไม่ทะเลาะกันเรื่องงานอีก วิคเตอร์ยกมือขยี้หัวผมแรงๆ หนึ่งทีและปล่อยให้ผมนอนโดยที่ไม่กวน


ออสตินกับไดอาน่าคุยกัน เรื่องนี้ผมพลาดมากจริงๆ วั้ยตัยแล้ววว   




 :hao7:

วั้ยตัยล้าวววว ออสตินไม่โสดแล้วนะคะสาวๆ ใครที่อยากพลีกายให้ผู้ชายหน้านิ่งคนนี้ โดนสอยไปแล้นนะคะ นกจ้านกกก

แต่พี่หัวเกรียนของเราเขาก็บอกอยู่เนาะว่า แค่คุยกันเฉยๆ ครับ ยังไม่เป็นแฟนนนน กิ๊วๆ

ในส่วนของความหน้าด้านของพี่ยักษ์ ก็ไม่ค่อยแปลกใจที่เอากันต่อหน้าคนอื่นได้อย่างเฉยเมย เป็นพวกชอบโชว์โดยนิสัย

ฉากจ้ำบ๊ะกันเริ่มสั้นลง พูดแบบโลกสวย แบบดูดีคือ เรื่องราวของทั้งสองคนมันมีอย่างอื่นต้องโฟกัสมากกว่าเรื่องพวกนี้แล้วอะเนอะ แต่ถ้าพูดแบบหยาบๆ คือ คนเขียนตัน 5555555 

ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ สำหรับตอม เรื่องของคอมเม้นมันเป็นสิ่งดีๆ ที่เป็นกำลังใจให้คนเขียน แต่ตอมไม่อยากคาดหวัง หรือเรียกร้องมาก คือถึงบางครั้งเปิดมาแล้วคอมเม้นมันอาจจะน้อย ไม่ได้มากมาย แต่ตอมก็เชื่อว่ามีคนอ่านติดตามกันอยู่ อาจจะซุ่มหรือาจจะรอเม้นตอนที่เนื้อหามันน่าเม้นไรงี้เนอะ แต่คนที่คอยเม้นให้ตลอด ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ขอบคุณมากๆ เม้นสั้นๆ แต่ก็เม้นให้ เป็นกำลังใจดีๆ ในการเขียนงานจริงๆ ขอบคุณค้าาาา

แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 18-08-2017 22:07:08
กรี๊ดดด

กลับมาแล้วว

คิดถึงค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 18-08-2017 22:09:48
โอ้ย อิพี่ยักษ์ดุเดือดมากกกก ชอบเหลือกันเซ็กส์แบบนี้เนี่ย ตบจูบ ตอนนี้ทรงผมหนวดเคราก้ให้เล่นบทโจรห้าร้อยอยู่นะ 5555555555
ลิซ่านางไม่เลิกเนาะ รำนางมากกก วิคเตอร์ชัดเจนขนาดนี้ยังด้านคิดเข้าข้างตัวเองได้อีก  :z6: นิสัยพอๆกะลุคส์เลย มึนเนียนไปพร้อมๆกัน
หวังว่าตอนที่วิคเตอร์รู้ว่าวีท้อง จะไม่อาละวาดด รับลูกวีเป็นลูกบุญธรรมเล้ยยยย จะได้มีลูกกกกกะนุ้งแมท  o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2017 23:57:04
 :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 19-08-2017 00:28:57
เตอร์นี่แน่ใจนะว่าถนอมแมทแล้ว จัดแต่ละทีนี่รุนแรงตลอดๆ แต่แมทก็ชอบใช่มั้ยล่ะ สมกันจริงๆอิคู่นี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-08-2017 00:46:03
ลูกแฝดของเตอร์กะแมทแน่ๆเลย ใช่ป่าวววว  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-08-2017 07:42:44
อุ้ยตายแล้ว austin มีแฟน ไม่น่าเชื่อเลย^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 19-08-2017 10:28:20
 :katai1: :katai1: :katai1: Topic ในตอนนี้คือ ออสตินมีแฟน!!!(คนคุย) ฮืออออ ขอให้เลิกกันไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.7 100% :18.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-08-2017 16:10:13
โถ่~ ออสตินมีคนคุยด้วยแล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 26-08-2017 23:05:13


Yours and Mine EP.8 :: So it begins. (เริ่มแล้ว) [50%]



“They will be here at 6 and they will…”

           

 

“Matt!” ผมชะงักหน้าเหวอ หันหน้าจากทีมงานฝ่ายผู้ช่วยกองถ่ายอีกคนไปมองทางพีทที่กวักมือเรียก ผมพยักหน้าตอบอย่างเร็วและหันกลับมาหาสาวผมทองหน้าตาฝรั่งจ๋าไม่มีผิดเพี้ยน

           

 

“Okay, let me know if they are here. (โอเค บอกฉันนะถ้าพวกเขามาที่นี่แล้ว)” เธอตอบรับสั้นๆ และยิ้มให้ ผมรีบวิ่งเข้าไปหาพีท อุ้มกระดานไม้สีน้ำตาลสำหรับหนีบกระดาษราวกับอุ้มลูก อุ้มแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว

           

 

“Yes. (ครับ)”

 

 

“Go to supermarket. (ไปซูเปอร์มาร์เก็ต)” ไม่ใช่ประโยคคำถาม ไม่ใช่ประโยคร้องขอ แต่เป็นประโยคคำสั่ง พีทหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า นับอยู่พักนึงแล้วยื่นแบงค์เขียวๆ มาให้ผมห้าใบ ผมยื่นมือไปรับพร้อมกับถาม

           

 

“What do you want? (ต้องการอะไรเหรอครับ)”

           

 

“The actor, he wants to eat snack. (พระเอกน่ะ เขาอยากกินขนม)”

           

 

“But we have a lot of it. (แต่เรามีขนมเพียบเลยนะ)”

           

 

“We don’t have what he want. (แต่เราไม่มีสิ่งที่เขาอยากกิน)” พีทตอบกลับแบบนิ่งๆ ท่าทีไม่สนใจว่าผมจะคิด จะรู้สึกยังไง ผมพยักหน้าหงึกๆ

           

 

“Okay, what does he want? (ครับ เขาต้องการอะไรล่ะ)” พีทบอกรายการขนมที่พระเอกของเรื่องอยากจะกิน ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย คือบางอันผมจำได้ว่ามี แค่ไม่มีรสชาติที่เขาอยากจะกิน หรือบางอันเคยมีแต่หมดไปแล้ว เพิ่งเปิดกองมาได้สามวัน ขนมหมดไปครึ่งนึงแล้วเหรอนี่

           

 

ผมไม่อยากเถียงหรือสร้างประเด็นให้ตัวเองกับพีทไปมากกว่าที่มีอยู่ เลยเดินไปซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้เซ็นทรัลปาร์คที่สุด เข้าไปถึงก็กว้านขนมที่ออเดอร์มาใส่ตะกร้า ซื้อเสร็จก็เดินกลับเอาไปให้พระเอกที่กอง พ่อพระเอกผมหยิก หน้าตาไม่ได้หล่อเหลาแต่มีเสน่ห์มหาศาลตามความเชื่อผู้กำกับกล่าวขอบคุณผมด้วยความซึ้งใจก่อนหยิบขนมแท่งๆ ไปกิน ผมก็ยิ้มและบอกเต็มใจให้บริการเด้อจ้า

           

 

“Matt!”

           

 

“Yes!” คราวนี้เป็นผู้กำกับเรียก ผมวิ่งเข้าไปหาเขา ตั้งสติรับคำสั่งให้ผมไปจัดการเรื่องรถของตากล้องคนหนึ่งที่จอดในที่ห้ามจอดและโดนล็อคล้อไปแล้ว ผมอ้าปากค้างเล็กน้อยกับคำสั่งนั้น

           

 

คือไม่ใช่รถตูมั้ย

           

 

“He can’t go by himself so I send you to clear with the police, and then you come back here. And please come back in 30 minutes. (เขาไปด้วยตัวเองไม่ได้ ฉันเลยส่งเธอไปเคลียร์กับตำรวจ แล้วเธอก็กลับมานี่ แล้วก็กลับมาภายใน 30 นาทีล่ะ)” ว้อททท?

           

 

ผมทำหน้าเอ๋ออยู่พักหนึ่งจนผู้กำกับต้องยกมือตบไหล่พร้อมกับยื่นกุญแจรถให้และย้ำให้รีบไปรีบมา คำถามผุดขึ้นในหัวผมทันทีว่ากูจะไปพูดอะไรได้ละเหวย เจ้าของรถมั้ย ก็ไม่ใช่ เอกสารอะไรมีมั้ย ก็ไม่มี ผมพยายามเข้าใจทุกคนว่ากำลังโฟกัสหน้างาน แต่การที่ให้ผมไปจัดการธุระที่ไม่ใช่เรื่องของผมโดยตรงแบบนี้ มันยากนะ

           

 

แต่ผมก็ไป ไปแบบไม่รู้ตาสีตาสายัยมีขายหอยยายมอยขายหมีอะไรทั้งนั้น ผมเลยเลือกโทรหาออสตินให้เขาช่วยคิดหาทางออกในเรื่องนี้ เพราะเขามีเพื่อนเป็นตำรวจ น่าจะยังพอแนะนำอะไรผมได้ วิคเตอร์ไปถ่ายภาพนิ่งให้กับแบรนด์น้ำหอมที่เขากำลังจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผมเลยไม่อยากรบกวนเขา

           

 

“ไปรอที่รถครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้โจชัวไปพบคุณแมทที่นั่น คุณจำเขาได้ใช่มั้ย” ผมนึกหน้าโจชัวสักแปบ แล้วภาพเสื้อปริจะแตกขาดกับความล่ำของพี่โจชัวผิวเข้มก็พุ่งเข้ามา

           

 

“อ้า อ้อๆ จำได้ๆ”

           

 

“เดี๋ยวให้มันช่วยจัดการให้” ผมเดินไปตรงรถที่โดนล็อคล้อไว้ มีใบสั่งแปะอยู่บนหน้ากระจกรถ ผมยืนเกาหัว นึกสงสัยว่าอีตากล้องคนนั้นไม่ใช่คนนิวยอร์กหรือไม่เคยมานิวยอร์กเหรอ ถึงได้มาจอดระแวกวงเวียนโคลัมบัส ไม่ได้แวะซื้อสตาร์บัคแล้วไปนะ มาถ่ายหนังแทบทั้งวัน

           

 

ครืดดด~

           

 

“ฮัลโหล… ผมออกมาจัดการธุระให้ผู้กำกับครับ… อ้อ โอเค” ผมกดวางสายจากพีท จะโทรมาใช้อะไรอีกแน่ ดีนะว่านี่คือคำสั่งผู้กำกับ พี่แกเลยไม่วื่อวึงต่อ ผมหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกม ตอนนี้คงไม่มีใครว่าอะไรผมมั้ง ก็มันโล่งไม่มีอะไรทำ ผมยืนลากนิ้วไปบนหน้าจอกับเกมฝ่าด่านใสๆ ของตัวเอง เกมยิง เกมสู้กันผมไม่ถนัดเท่าไหร่ ยืนกดจนฝ่าด่านไปได้เกือบสิบด่าน เพื่อนของออสตินก็มาพร้อมกับตำรวจหนุ่มหุ่นดีพอๆ กัน แต่เป็นหนุ่มอเมกันผิวขาวเนื้อแน่น

           

 

ตำรวจที่นี่เขาฟิตกันจริงๆ

           

 

“จริงๆ ผมไม่สามารถทำแบบนี้ได้นะครับ” คนที่มากับโจชัวที่ผมไม่เห็นสีตาของเขาเพราะเขาใส่แว่นดำพูดเสียงแข็ง ถึงจะไม่เห็นว่ามองผมยังไง แต่หน้าตาเขาไม่พอใจมาก ผมหันไปหาโจชัวที่ยิ้มเท่แล้วยักไหล่สองข้าง คืออยากจะบอกว่านี่ไม่ใช่รถหนูจ้าพี่

           

 

“มีกุญแจรถมั้ยครับ” โจชัวถาม ผมได้สติแล้วยื่นกุญแจสีดำให้เขา เพื่อนของเขาปลดล็อคล้อทั้งสี่ออก เดินถือไอ้เหล็กล็อคล้อไปใส่รถตำรวจที่จอดอยู่ด้านหลังรถตากล้อง

           

 

“คุณขับรถเป็นมั้ย” ผมสั่นหัวแล้วยิ้มแห้ง โจชัวยิ้มตอบกลับมาอย่างใจดี

           

 

“งั้นเดี๋ยวผมพาขับไปจอดในที่จอดได้ แล้วค่อยแยกกัน โอเคมั้ยครับ”

           

 

“โอเคครับ” เพื่อนผิวสีหน้าหล่อของออสตินบอกว่าจะขับรถไปจอดตรงร้านอาหารแถวเซ็นทรัลปาร์ค เอาแบบเดินกลับมาหาง่ายๆ และเพื่อที่ผมจะได้อธิบายให้ตากล้องคนนั้นเข้าใจง่ายๆ ด้วยว่ารถเขาอยู่ตรงไหน ผมนั่งมองวงเวียนโคมลัมบัสจากในรถและนึกในใจว่ามันเหมือนวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยฯ ที่เมืองไทยเหมือนกันนะ

           

 

“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้…” ผมตัวชาวาบ สะบัดหน้าหันไปมองในฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ กวาดตามองเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้คิดหรือรู้สึกไปเองอีกที

           

 

“…มีอะไรเหรอครับ” โจชัวถามนิ่ง ใบหน้าของเขาเข้าโหมดตามอาชีพตัวเองยามสอบสวนคน ผมหันกลับมามองเขาแล้วพ่นลมหายใจเบาๆ

           

 

“ไม่มีอะไรครับ…” ผมมองหน้าเขา นึกอยากถามอะไรบางอย่างที่ในตอนแรกไม่คิดถาม เพราะเลิกกังวลไปนานแล้ว แต่ความรู้สึกเสียวสันหลัววาบเมื่อกี้ทำให้ผมอยากถาม

           

 

“…ทำไมฌอณถึงถูกปล่อยตัวเหรอครับ” โจชัวพ่นลมหายใจ

           

 

“มีคนช่วยมันออกไป จริงๆ มันจะออกตั้งแต่เดือนแรกๆ แล้วละ ผมยื้อมันไว้ แต่แบคอัพของมันก็ไม่ยอมเหมือนกัน”

           

 

“แต่ออสตินบอกเพราะคดีความของเขาไม่ใช่เรื่องร้ายแรง”

           

 

“นั่นก็ด้วยครับ คดีทำร้ายร่างกายหนักสุดก็จำคุก เสียค่าปรับ ควบคุมความประพฤติแหละครับ จริงๆ ฌอณมีประวัติทำร้ายร่างกายก่อนหน้านั้นด้วย และยังพัวพันกับยาเสพติด ผมเลยไม่อยากปล่อยมันไปง่ายๆ” ผมรู้สึกจะหมดแรง พยักหน้าแบบหงอยๆ

           

 

“มันมาป่วนคุณเหรอ” ผมส่ายหัว

           

 

“ไม่มีครับ และผมหวังว่าจะไม่มีไปตลอด” โทรศัพท์มือถือผมสั่น เรียกสติผมได้มาเกือบเต็ม ผมหยิบขึ้นมาดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นพีทโทรมา ผมเงยหน้าขึ้นหาหนุ่มผิวเข้มในชุดสีน้ำเงินเข้มที่คล้ายจะปริแตกเพราะกล้ามเนื้อแน่นๆ

           

 

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ขอโทษด้วยที่ทำตัวใช้เส้นสายแบบนี้ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ”

           

 

“วันนี้ก่อนเลิกกองก็สอนกฎหมายให้ทุกคนก็ดีครับ บางคนอาจลืม” ผมยิ้มขำนิดหน่อย

           

 

“ไปแล้วนะครับ” โจชัวพยักหน้า ผมเผลอยกมือไหว้ขอบคุณเขา โจชัวทำหน้างง ผมยิ้มเก้อแล้วเปลี่ยนเป็นโบกมือแทน โจชัวโบกมือตอบกลับ ผมหมุนตัวเดินฉับๆ กลับไปทางเซ็นทรัลปาร์คพร้อมกับกดรับสายของพีท หางตาเห็นผมแดงๆ ก็รีบหันขวับไปมองด้วยความระแวง หูผมฟังเสียงพีทสั่งนั่นสั่งนี่ แต่สายตามองไปรอบตัวด้วยความตระหนก ผมเห็นแผ่นหลังโจชัวเดินจากไปไกลลิบๆ หัวใจผมเต้นตึกๆ ตัวสั่นเทิ้มเหมือนคนหนาวสั่น

           

 

“แมท!” ผมดึงสติกลับมาอยู่ที่การคุยกับพีท พยายามคุมตัวไม่ให้สั่น พยายามตั้งสติให้นิ่งและให้มั่นคง

           

 

“ครับ”

           

 

“กลับมาเร็วๆ!”  นี่คือสิ่งที่ผมควรโฟกัสตอนนี้







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:



               วันนี้มาสั้นๆ แต่เดี๋ยวรีบมาต่อนะคะ พอดีเคลียร์เรื่องจัดหนังสือ Works the magic! อยู่เลยมาช้า เพราะเดี่ยวต้องกลับไปลุยงานต่อ เลยอาจจะติดๆ ขัดๆ

               น้องแมทก็ได้ทำงานสมใจอยาก แต่ดูลำบากนะคะ กลับไปให้ผัวเลี้ยงเหมือนเดิมดีมั้ย 555555 อยู่บ้านเฉยๆ ก็ดีอยู่แล้ว สามีเปย์ให้ทุกสิ่งอย่าง แต่เนี่ยแหละค่ะ คือตัวละครนางเอก มันต้องมีนิสัยแบบนี้ ไม่มีไม่ได้ 555555 นางเอกมันต้องแบบ ดื้อๆ อยากทำงาน แม้สามีจะเลี้ยงดููปูเสื่ออย่างดี ให้ดูทระนงเล็กๆ แต่เชื่อเลยว่าถ้าใครได้อ่านขุ่นแม่เรียวจันทร์ คงรู้ใช่มั้ยคะว่าถ้าเป็นรายนั้น นางจะทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปหมด 5555555 แมทควรแลกที่กับขุ่นแม่ค่ะ

               ตั้งแผงหนังสือในนี้แปบ พอดีพรีออเดอร์พี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนภาคแรกรอบล่าสุด มีหนังสือเหลืออยู่กับตอม 3 ชุดนะคะตอนนี้ คนอ่านคนไหนสนใจ ติดต่อสอบถามได้ที่เพจเฟซบุ๊คเลยค่า รายละเอียดอ่านได้ที่โพสปักหมุดของเพจนะคะ

               แล้วเดี๋ยวพบกับอีกครึ่งที่เหลือค่ะ

               ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ

ปล. ข้อมูลเรื่องกฎหมาย หากผิดพลาด บอกกล่าวกันได้นะคะ ตอมจะได้แก้ให้ถูกต้องค่าาา



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 26-08-2017 23:37:19
พีทนี่ยังไงๆ ชักจะหมั่นไส้ละนะ เด๋วรอน้องแมททนไม่ไหวก่อนนนเจอดีแน่  :z6: ช่วงนี้พี่วิคเตอร์เครางามบทบาทน้อยย  ว่าแต่ที่แมทระแวงๆ ไม่ใช่ว่าชอนไชมันจะตามมาทำร้ายอะไรอีกหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-08-2017 23:41:21
แมทจะเป็นไรไหมนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-08-2017 01:04:38
หวังว่าไอปลาช่อนนั่นจะไม่มาทำร้ายแมทนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-08-2017 01:11:03
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-08-2017 02:12:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-08-2017 02:30:51
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-08-2017 06:42:36
ทำงานอย่างกับเป็นคนใช้เค้า ถถถถถ เอเลี่ยนน้อย
ส่วนมากฝรั่งไม่น่าใช้งานอะไรที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่นะ ฝึกงานก็ไม่ใช่ ยิ่งแมธขับรถไม่ได้  ยิ่งไม่ควร วิ่งซื้อขนมแบบนี้ไม่น่าใช้งานคนพร่ำเพรื่อ กองถ่ายกองนี้ไม่น่าทำงานด้สยเลย พีทเป็นคนที่นิสัยแย่มาก ผู้กำกับก็ไม่โอเคอ่ะ 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-08-2017 08:31:16
ฌอน กลับมาอีกละ จะจองเวรแมทไปไหนนี่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 27-08-2017 10:30:26
ยิ่งกว่าเบ๊ประจำกองถ่ายอีกค่ะคุณขาาา กลับไปปรนนิบัติสามีเถอะนะแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-08-2017 12:33:13
ไอ้ฌอนตัวร้ายจะกลับมารังควานแมทอีกเหรอ ถ้ามีเรื่องคราวนี้สงสัยแมทคงถูกบังคับให้ออกจากงานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 50% :26.08.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2017 20:32:19
ว่ากันตามจริง กองถ่ายฝรั่งเขามีทีมงานยิบย่อย
คนนั้น คนนี้ ทำหน้าที่ต่างๆกัน แค่คนกำกับยังมีคนช่วยกำกับหลายคน

แต่ดูกองถ่ายที่แมททำ มันห่วย ไม่มีระบบ
ใช้งานฟังดูประหลาด แปลกมากกกกกกกกกกกก
ดูมันประสาทนักทั้งผู้กำกับทั้งพีท 
ยิ่งแมท ทำให้ได้มันยิ่งใช้งานบ้าๆบอๆมากขึ้นอีกนะสิ

คิดว่าวันนึงแมทคงระเบิดปั้งแน่ๆ แต่ชอบนะ
ก็มันใช้งานไม่เหมาะสมนี่หว่า :fire: :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-09-2017 21:54:50


Yours and Mine EP.8 [100%]



“Be quiet. 3 2 1 action! (ขอเงียบนะ สาม สอง หนึ่ง แอคชั่น!)” นักแสดงขยับปากพูดบทของตัวเอง ทีมงานทุกคนยืนเงียบ ผมยืนมองหน้าจอมอนิเตอร์จนเกือบจะลืมกะพริบตา เพราะต้องการดูว่าภาพที่เห็นในจอมอนิเตอร์เป็นยังไง ซีนนี้เราถ่ายในเซ็นทรัลปาร์คยามค่ำคืนที่แสงไฟของเมืองนิวยอร์กส่องสว่างแบบที่แสงจันทร์ไร้ค่าไปเลย เลือกมุมที่เสียงผู้คนจะรบกวนน้อยที่สุด มันเป็นการยากมากที่จะไม่ให้สถานที่แห่งนี้ไม่มีเสียง ไม่ให้ที่แห่งนี้ไร้ผู้คนถ้างบกองถ่ายยังเบี้ยน้อยหอยน้อยแบบนี้

           

 

RRrrr!

           

 

โทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อ Mr.Handsome ของผมโทรมา ผมมองลาดเลาแล้วว่าน่าจะยังไม่ถ่ายเสร็จทันทีหรอก รีบพูดรีบวางก็น่าจะทัน ผมเดินออกห่างจากจอมอนิเตอร์ เพื่อไม่ให้เสียงตัวเองรบกวนคนอื่นตอนคุย

           

 

“ฮัลโหล” ผมพูดเสียงเบา

           

 

[ทำอะไรอยู่] เสียงตะโกนสั่งคัทดังอยู่ด้านหลัง ผมหันไปมองหน้าเหวอเล็กน้อย สั่งคัทเพราะถ่ายเสร็จแล้วหรือมีอะไรมารบกวนหรือเปล่า ผมมองสถานการณ์ตรงหน้าเซ็ท ผู้กำกับตัวสูงหัวสีขาวลุกขึ้นยืน หันมาคุยกับทีมงานคนอื่นที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเองด้วยท่าทีจริงจัง

           

 

[แมท อยู่รึเปล่า] เสียงเข้มๆ ของวิคเตอร์ทำให้ผมดึงสติกลับมาอยู่กับโทรศัพท์อีกครั้ง

           

 

“อยู่ๆ ผมถ่ายอยู่ที่เซ็นทรัลปาร์ค” ผมเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาอีกนิด กะว่าจะรีบตัดบทให้จบทันที 

           

 

[เลิกกองกี่โมง]

           

 

“ตามคิวก็เลิกสามทุ่ม แต่นี่สองทุ่มครึ่งแล้ว ยังเหลืออีกสามซีน”

           

 

[ถ้าเลิกสามทุ่ม เสร็จไม่เสร็จก็เดินออกมา] ไม่ต้องอยู่ตรงหน้าผมก็รู้ว่าตอนนี้ไอ้ยักษ์คงหงุดหงิดน่าดู น้ำเสียงเหวี่ยงอย่างไม่ต้องพิจารณาให้มากความ 

           

 

“จะบ้าเหรอ ทำงั้นได้ไง”

           

 

“แมท!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังลั่นทำเอาผมสะดุ้งนิดหน่อย ผมหน้าเหลอกหลาด้วยความตกใจ หันไปมองก็เห็นพีทยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างผู้กำกับรุ่นพ่อผม

           

 

“แค่นี้ก่อนนะวิคเตอร์” ผมกดตัดสายจากวิคเตอร์ทันทีแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปหาทุกคน

           

 

“นายไม่ควรคุยโทรศัพท์ในเวลางานรึเปล่า” พีทจิกผมนิ่งๆ ผมก้มหน้าลงนิดหน่อย

           

 

“ขอโทษครับ มีอะไรให้ผมทำเหรอ”

           

 

“มีแน่ ไม่งั้นจะเรียกมาทำไม” ผมไม่อยากแสดงสีหน้าท่าทางไม่ดีถึงแม้ว่าพีทจะมีทีท่าไม่ดีกับผม ที่ทำได้คือเก็บความขุ่นเคืองไว้ข้างในให้มิดชิดที่สุด

           

 

“อย่าเพิ่งดุกันเลย ฉันแค่จะเรียกนายมาถามว่าซีนต่อไปคืออะไร” ผมรีบพลิกกระดาษตารางการถ่ายทำส่วนตัวที่ทำเอาไว้ให้เข้าใจแค่ตัวผมเองอย่างรวดเร็ว

           

 

“ซีน 10 ครับ ถ่ายฉากเดินคุยกันที่จะต่อเนื่องไปถึงตอนเช้า”

           

 

“โอเค ขอบใจมาก และที่ฉันอยากบอกคือ โทรศัพท์คุยได้ แต่คุยตอนเบรคจะดีกว่าคุยตอนที่งานกำลังเดินนะ” ผู้กำกับตัวสูงร่างผอมตาสีเทาขุ่นมองผมด้วยสายตาปรามเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นดุหรือขุ่มขู่แบบพีท ผมหน้าเสียไปนิดและพยักหน้ารับคำของเขา

           

 

“ขอโทษครับ ผมแค่จะบอกที่บ้านว่า เอ่อ ช่างมันเถอะครับ ผมขอโทษที่ทิ้งหน้างานไป” ผมก้มหัวลงในขณะที่โทรศัพท์สั่นอยู่ในมืออีกครั้ง ผู้กำกับยิ้มให้ผมและเดินออกไปจากตรงจอมอนิเตอร์

           

 

“ไปช่วยคนอื่นยกของสิ หวังว่าคงจะไม่หนีไปคุยโทรศัพท์หรือยืนเฉยๆ นะ” ผมอยากจะกลอกตาใส่พีทพร้อมกับเบ้ปากแรงๆ แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับและหมุนตัวเดินไปช่วยคนอื่นๆ ย้ายเซ็ทไปตรงที่ใหม่ ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่เห็นเป็นชื่อวิคเตอร์โทรเข้ามา ผมจำใจตัดสายทิ้งและตั้งโหมดห้ามรบกวน

           

 

เราย้ายเซ็ทมาตรงซุ้มต้นไม้ที่ผมกับวิคเตอร์เคยมาเดินฟังเพลงด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยต้นรักเริ่มก่อตัวในหัวใจ ช่วงเวลานี้ผู้คนไม่ได้ล้นหลาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะห้ามไม่ให้เดินผ่านกล้อง ฉะนั้นทีมงานที่ไม่จำเป็นต้องจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ตลอดเวลาแบบผมเลยต้องไปคอยยืนกันผู้คนให้เดินไปทางอื่นในช่วงที่ถ่ายทำอยู่

           

 

“หรือถ้าเขาจะเดินเข้ามา บอกเขาว่าอย่ามองกล้องหรือมองนักแสดง ให้เดินตามปกติได้เลย” ผู้กำกับบอกพวกเราชาวกั้นคนก่อนที่จะปล่อยให้พวกผมหกคนชายสี่หญิงสองเดินไปประจำจุดที่คนน่าจะเดินฝ่าเข้ามา พอนักแสดงเดินออกมาประจำที่ผู้คนก็เริ่มหยุดมุงดู และพอมีคนหยุดดูมันก็มีมาต่อเรื่อยๆ ใครบอกว่ามีแต่ไทยมุง นิวยอร์กก็มุงเป็นเหมือนกัน 

           

 

นักแสดงที่มาแสดงเรื่องนี้เป็นพระนางที่มีชื่อเสียงพอตัว ทั้งคู่เป็นมิตร ไม่เรื่องมาก เอ่อ จริงๆ ก็มีบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย ทำงานด้วยไม่ยาก รู้จักวิคเตอร์ด้วย แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เหมือนเคยเจอกันตามงานมากกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ฟอร์มยักษ์ เป็นฟอร์มขนาดกลางจนเกือบจะเล็ก งบเกินหนังอินดี้มาเฉียดฉิว แต่เนื้อหาหนังดี ส่งเสริมคนมีฝันในด้านดนตรี และแน่นอนว่าต้องมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง จากการอ่านบทและได้เขียนแก้บทนิดหน่อยผมว่าเนื้อหามันดี ไม่รู้ว่าพอถ่ายทอดออกมาเป็นภาพและการตัดต่อจะเป็นยังไงบ้าง แต่ผู้กำกับคนนี้ก็ละเอียดพอสมควรเลยนะ ผมว่าหนังมันต้องดีแหละ

           

 

“Oh, sorry. Can you walk in another way please? We are shooting now.” ผมบอกหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมผิวขาวคนหนึ่งที่กำลังจะเดินผ่าไปทางเซ็ทที่กำลังถ่ายทำอยู่ หน้าตาของเธอถมึงทึงไม่สนโลก ไม่สนดาวดวงไหนในกาแล็คซี่นี้ 

           

 

“I pay the tax for this city I can walk in every way. (ฉันจ่ายภาษีให้กับเมืองนี้ ฉันเดินทุกเส้นทางนั่นแหละย่ะ)” ผมเกือบจะหน้าม้าม หน้าชาแล้ว แต่ความหน้าด้านมันมีมากกว่าเลยพยายามกั้นเธอเอาไว้สุดชีวิต

           

 

“Please. (ได้โปรดเถอะครับ)” แต่เธอหาได้สนใจการอ้อนวอนของผมไม่ เธอเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี ไม่สนใจ แต่นับว่าเป็นโชคดีที่เธอไม่มองกล้อง ไม่สนใจนักแสดง ก็เดินไปเรื่อยของเธอ ผมลุ้นมากว่าจะมีการสั่งคัทมั้ย แต่ผู้กำกับก็เงียบ ผมเลยพ่นลมหายใจเบาๆ หันไปมองฝูงชนบางตาที่ยืนมองการถ่ายทำ หลายคนเข้าใจการทำงานเลยเลือกจะยืนมองจากตรงนี้และยกมือถือมาถ่ายรูป ผมทวนในหัวตัวเองว่ามีการห้ามถ่ายรูปมั้ย แต่ก็จำได้ว่าไม่มีการเน้นประเด็นนี้ เลยไม่ได้ห้าม

           

 

“ห้ามพวกเขาถ่ายรูป ทำไมนายไม่บอก” กำลังสบายใจๆ ก็ต้องหน้าเหวอจนจะเป็นคนเอ๋ออยู่แล้วเมื่อพีทเดินเข้ามาสะกิดหลังผมอย่างเร็วพร้อมกับทำหน้าตาอย่างกับโกรธผมมานับศตวรรษ

           

 

“ผมนึกว่าถ่ายได้ ไม่เห็นมีใครบอกผมนี่ครับ” ผมไม่ได้พูดในเชิงเถียง ก็แค่พูดตามความเป็นจริงว่าไม่มีใครบอกผมเรื่องห้ามถ่ายรูป

           

 

“คอมมอนเซ้นส์ของนายไม่มีเลยรึไง” ผมหน้าเสียไปนิด ก้มหัวลงให้พีทหนึ่งที

           

 

“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะบอกพวกเขา” พีทส่ายหัว หน้าตาไม่สบอารมณ์ ผมเองก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์นักหรอก ก็มันไม่มีใครบอกจริงๆ อะ ถ้าต้องการปิดเป็นความลับควรบอกป้ะวะ

           

 

“Sorry. You can’t take any photos. Thank you. No. No, you can’t. And if someone already did, don’t share it please.” เออ อยากไปอีกอะ บางคนแชร์ลงโซเชียลไปแล้วมั้ง มาถ่ายกลางที่สาธารณะอย่างนี้ แม่งยากจะตายห่าที่จะไม่ให้คนถ่ายรูป นั่นดารานะโว้ย ถึงจะดังน้อยหน่อย แต่ก็มีคนรู้จักไง ผมเคยเข้าใจเมื่อช่วงสมัยมาฝึกงานกับวิคเตอร์ว่าคนต่างชาติจะไม่ค่อยเห่อดารานักแสดงสักเท่าไหร่ ผมว่าผมน่าจะเข้าใจผิด เรื่องแบบนี้พูดยาก เจอคนชอบก็คือชอบ เจอคนเฉยก็แค่มองๆ แล้วจากไป หรือไม่ได้ชอบ ไม่เฉย แต่แค่เห็นว่าเป็นดารา เป็นการถ่ายทำ ก็อยากมีส่วนร่วมในการถ่ายรูปไง

           

 

“What is the name of movie? (หนังชื่ออะไรเหรอ)” ชายหนุ่มรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ใส่หมวกแก๊ปสีดำถามพลางทำท่าจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ผมรีบโบกมือทำท่าว่าถ่ายไม่ได้ เขาทำหน้าเก็ทและเก็บมือถือลงไป

           

 

“I want to tell you but I am not allowed to do that. (ผมอยากบอกนะครับ แต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้บอก)” ถึงจะไม่มีใครห้าม แต่ก็ต้องใช้คอมมอนเซ้นส์ตามที่พีทเขาบอกละน่ะ

           

 

“Oh, okay.” ชายหนุ่มคนนั้นทำหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อย ผมแอบกลอกตาเร็วๆ แกจะมาเบื่อหน่ายอะไรล่ะ ก็กูบอกไม่ได้จริงๆ โหวย บอกไปเดี๋ยวไอ้พีทมันก็มาด่าว่างั่งอีกอะ

           

 

ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากให้ทางค่ายหนังเพิ่มงบถ่ายทำ หรือจ้างโปรดิวเซอร์คนใหม่กันแน่

           

 

การถ่ายทำดำเนินไปจนเกินคิวสามทุ่มอย่างที่ตั้งใจกันไว้ แต่ก็เหลืออีกสองซีน จริงๆ มันไม่ใช่ซีนยากมากมาย แต่ผู้กำกับเขาคงไม่ได้มุม ไม่ได้อารมณ์ที่เขาอยากได้สักทีเลยหลายเทคไปนิด (ไม่น่าจะนิด) แต่ในขณะเดียวกันผู้กำกับก็เริ่มเครียดเพราะกลัวว่ามันจะดึกเกินไปมากกว่านี้ และค่าโอทีทีมงานจะบานเบอะ อันที่จริงการทำงานของโปรดัคชั่นฝรั่งเคร่งเรื่องเวลามาก เริ่มเท่านั้น ก็ต้องจบเท่านี้ตามที่คุยกันไว้ ถ้าเกินแม้จะชั่วโมงเดียวก็ต้องจ่าย แต่ถ้าเกินสิบยี่สิบนาทียังพออลุ่มอล่วยกันได้แต่อันนี้เกินมาจะครบชั่วโมงแล้ว ซึ่งผมอยากให้เคร่งเรื่อง (เพิ่ม) เงินและเรื่องโพสิชั่นงานในกองด้วยจัง

 

 

ผมเริ่มหาววอด ตาเริ่มลายเพราะหาวบ่อยเกิน ตอนที่กำลังเดินกลับไปตรงหน้าเซ็ทหลังจากผู้กำกับสั่งคัทซีนรองสุดท้าย ผมก็เหลือบไปเห็นออสตินยืนอยู่ในหมู่ฝูงชน เขามองนิ่งสงบมาที่ผม จากที่ง่วงๆ ก็ตื่นตัวขึ้นนิดหน่อย ผมรีบเดินไปตรงหน้าจอมอนิเตอร์ ใจเต้นตุ้มต่อมกลัวว่าวิคเตอร์จะส่งเขามาอุ้มผมกลับบ้านทั้งที่งานยังไม่เสร็จ

 

 

“ถ่ายฉาก 15 ฉากนั่งเก้าอี้ มีวงดนตรีด้วยครับ” ผมบอกผู้กำกับว่าต้องทำอะไรต่อไป ซีนนี้เป็นซีนสุดท้ายก็จริง แต่เป็นซีนใหญ่ของวันนี้ ผมมองไปทางวงดนตรีที่ถูกจ้างมาเข้าฉาก พวกเขาเป็นนักดนตรีที่ร้องตามผับตามบาร์ พีทให้ผมไปตามหาทั้งที่ผมไม่ใช่คนนิวยอร์ก โชคดีว่าวิคเตอร์ช่วยเรื่องนี้ได้เพราะเขาสังสรรค์บ่อย

 

 

“คุณแมทครับ” ผมหายใจเข้าดังเฮือกด้วยความตกใจ ตกใจจริงไม่ได้แอคติ้ง เพราะกำลังยืนง่วงและแอบอู้เล็กน้อยที่ไม่ได้เข้าไปช่วยเขาจัดหน้าเซ็ท แต่เอาจริงๆ ผมจะช่วยตรงไหนในเมื่อนักดนตรีเขาจัดการโยงสายนั่นนี่อย่างคล่องแคล่ว

 

 

“คุณเรย์มอนด์ให้มารับคุณกลับบ้าน” ออสตินหาได้สนใจอาการตกใจของผมไม่ เขาพูดต่อหน้าตาเฉย ผมย่นคิ้วใส่เขา

 

 

“ไม่เห็นรึไงว่าผมทำงานอยู่ จะกลับได้ไงเนี่ย” ผมทำตาโตใส่เขา รู้ทั้งรู้แหละว่าทำไปก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ในหัวของออสตินมีแต่คำสั่งของวิคเตอร์

 

 

“เห็นครับ แต่คุณบอกเขาว่าคุณเลิกสามทุ่ม ซึ่งตอนนี้มันเกินมาชั่วโมงนึงแล้ว” ผมทำหน้าเหลือเชื่อ ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดหรอก ไอ้ยักษ์ส่งพ่อหัวเกรียนตาสีเทาอ่อนมารับผมกลับบ้านจริงๆ ด้วย

 

 

“ไม่ได้…” ผมพูดเสียงกระซิบ แต่ก็ใช่ว่าไม่ได้ยิน “…งานผมยังไม่เสร็จจะกลับได้ไง”

 

 

“ผมเอารถมารับครับ” ผมอ้าปากหวอเล้กน้อย ก่อนจะหุบปากฉับแล้วทำหน้าเอือม

 

 

“ไม่ได้หมายความจะกลับยังไง แต่งานผมยังไม่เสร็จ ผมยังกลับไม่ได้”

 

 

“งั้นคุณต้องบอกคุณเรย์มอนด์เอง คุณปิดเครื่องหนีเขา เขาเลยให้ผมมาตามคุณที่นี่” ฮาโลววว ผัวหวงอีกแล้ววว

 

 

ผมกลอกตา กำลังจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาวิคเตอร์ แต่ก็มีเสียงเรียกให้ผมไปหน้าเซ็ท ผมหันมองออสตินด้วยท่าทีงงๆ สักแปบก่อนจะชี้ไม้ชี้มือว่าให้เขาอยู่ตรงนี้แล้ววิ่งไปหาผู้กำกับ

 

 

“พรุ่งนี้เรามีทำฉากอะไรบ้าง” ผมยกปึกกระดาษขึ้นมาเปิดดูตารางการถ่ายทำสำหรับวันพรุ่งนี้ กำลังพลิกๆ อยู่ก็มีมือถือยื่นมาตรงหน้าผม

 

 

 “คุณแมทครับ วิคเตอร์จะคุยด้วย” ผมขมวดคิ้วฉับ หันไปมองออสตินที่ยื่นมือถือมาให้ ผมคลายคิ้วอ้าปากหวอหันไปมองหน้าผู้กำกับที่เลิกคิ้วขึ้น ผมรีบดึงมือออกสตินมากดตัดสายวิคเตอร์แล้วถือยึดไว้

 

 

“อ่า… มีฉาก…”

 

 

ครืดดด ครืดดด

 

 

ผมกดปิดหน้าจอ ก้มลงมองกระดาษในมือแล้วบอกผู้กำกับว่าพรุ่งนี้มีถ่ายทำฉากไหนบ้าง พอบอกเสร็จเขาก็หันไปคุยกับพวกนักดนตรีเรื่องการถ่ายทำวันพรุ่งนี้ ผมหันไปมองออสตินที่ยืนนิ่งด้วยอาการหัวเสียนิดๆ ทั้งเจ้านายและลูกน้องปรองดองกันมึนมาก

 

 

“อีกฉากเดียวจะเสร็จแล้ว ใจเย็นได้มั้ยเนี่ย” ออสตินไหวไหล่ขวาเบาๆ สักพักมือถือเขาก็สั่นอีกรอบ ผมพ่นลมหายใจแล้วกดรับสาย

 

 

“ฮัลโหล”

 

 

[ปิดเครื่อง ตัดสายทิ้ง ไม่รับสาย นายอยากมีเรื่องกับฉันเหรอแมท] โอ๊ยยย ใครจะไปมีเรื่องกับแก๊ไอ้ยักษ์

 

 

“วิคเตอร์ ผมทำงาน คุณควรเข้าใจผมที่สุดสิเพราะคุณก็อยู่หน้าเซ็ทนะ” ผมว่าอย่างหัวเสีย สายตายังพยายามโฟกัสทุกคนหน้ากองไว้เผื่อมีใครเรียก โดยเฉพาะพีท เดี๋ยวมาจิกผมอีก

 

 

[ไม่เข้าใจ] ผมหน้าเอ๋อแดกไปละกับน้ำเสียงห้วนสั้นด้วยอารมณ์โกรธของวิคเตอร์ ผมว่าเขาเข้าใจ แต่เขากำลังหงุดหงิดที่ผมไม่รับสายเขา

 

 

“งั้นเดี๋ยวไปเคลียร์กันให้เข้าใจที่บ้าน แค่นี้ก่อนนะผมทำงาน”

 

 

[แมท!] ผมกดตัดสาย ปิดเครื่องให้ออสตินเรียบร้อยและยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง หันไปหาออสิตนที่ยืนนิ่งตามเดิม

 

 

“เคลียร์เรียบร้อย ทำงานเสร็จค่อยกลับบ้าน โอเค๊”

 

 

“นิวเคลียร์พร้อมยิงใส่คุณแน่ๆ เมื่อคุณถึงบ้าน” ผมถลึงตาใส่ออสติน ชอบเป็นอย่างเงี้ย ชอบตัดกำลังใจแล้วก็ข่มผมแทนเจ้านายตัวเอง นิสัยไม่ดี

 

 

“แมท หลบ จะถ่าย!” ผมหันไปมองพีท เขาตะโกนลั่นพร้อมกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหาตรงหลังจอมอนิเตอร์ เพราะตอนนี้ผมกับออสตินยืนจังก้าอยู่หน้าจอแบบที่แย่งซีนนักแสดงไปมากแล้ว ผมรีบดึงมือออสตินออกไปจากบริเวณนั้นทันที

 

 

 

 

กว่าจะเลิกก็เกือบห้าทุ่ม ซีนสุดท้ายแทบจะถ่ายวนแล้ววนอีก นักดนตรีก็เล่นกันสนุกสนาน นักร้องเสียงจะแหบแล้วมั้ง ผู้กำกับเขาขอหลายมุมมากจนผมคิดว่าถ้าขึ้นไปตั้งกล้องบนท้องฟ้าได้เขาอาจจะทำ เรื่องถ่ายเรื่องแสดงไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาตอนหลังคือว่าคนที่มุงไม่ใช่คนเดิมแล้วภาพมันโดด เลยต้องจ้างเอ็กซ์ตร้ากันสดๆ ตรงนั้นอะ ถามว่าใครติดต่อล่ะ กู๊ อีแมทนี่ไง แต่หลายคนก็ทำนะ จะไม่ได้ทำได้ไงล่ะ ยืนมุงๆ มองๆ ชั่วโมงเดียวก็ได้ไปหนึ่งร้อยดอลล่าห์เก๋ๆ จ้างเอ็กซ์ตร้าแต่แรกก็จบแล้ว เลยต้องได้ถ่ายใหม่อีกหลายฉากเลย เวลาเลยยืดเยื้อ ได้ค่าโอทีก็จริง แต่ก็เหนื่อยสายตัวจะขาด ผมนั่งรถกลับบ้านอย่างสลึมสลือ ไม่หือไม่อืออะไรกับออสติน 

 

 

ฮ้าววว

 

 

“มานี่!” อะโหย เพิ่งจะเดินละล่องเข้ามาในบ้านได้แปบนึงก็มีเสียงเข้มๆ ต้อนรับแล้ว เสียงไม่เท่าไหร่ หน้าตาเหมือนยักษ์สมฉายายิ่งตอกย้ำความพิโรธของไอ้ผนุ่มผมยาวได้ดี แต่ผมแทบจะหมดพลังไฟท์ด้วยแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปหาเขาอย่างเนือยๆ

 

 

“บ่นพรุ่งนี้ได้มั้ยอ้า…” ผมตาจะปิดแล้ว แต่พอนึกอะไรขึ้นได้ก็เปิดเปลือกตากว้างขึ้นอีกนิด

 

 

“…แต่เป็นตอนค่ำๆ นะ รอเลิกกองก่อน”

 

 

“ไม่ต้องไปทำแล้ว!” โวะ! อันนี้ตื่นแทบจะเต็มตาเลย ผมมองหน้าดำคร่ำเครียดของวิคเตอร์ด้วยความตะลึงเบาๆ

 

 

“ได้ไง?!”

 

 

“ได้สิ ไม่ต้องไปทำ แบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนมาอยู่ด้วยกัน” วิคเตอร์เสียงแข็งพอๆ กับดวงตา ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ เขา แต่พอนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเพราะใกล้มือเขาไปก็เลยทำท่าจะลุก แต่วิคเตอร์ใช้แข้งดันอกผมให้หลังติดกับพนักพิงโซฟา

 

 

ขอบคุณนะที่ยังไม่ใช้ตีน

 

 

“วิคเตอร์ มันก็เป็นแค่ช่วงนี้…”

 

 

“…สามเดือนต่อจากนี้น่ะเหรอที่นายจะใช้ชีวิตแบบนี้”

 

 

“ผมก็มีวันหยุด ใช่ว่าจะถ่ายทุกวัน” ผมยกมือตีหน้าแข้งที่เต็มไปด้วยขนของเขา วิคเตอร์เอาขาออกจากคอผมไปวางบนพื้น ผมอ้าปากหาววอด มองใบหน้าถมึงทึงของไอ้ยักษ์ด้วยความเพลีย ไม่ได้เพลียที่เห็นหน้าเขานะ เพลียเพราะเหนื่อยล้วนๆ

 

 

“ไหนลองนับเดย์ออฟมาซิ” เขาพูดด้วยความหงุดหงิด ส่วนผมตาจะปิดแล้ว

 

 

“ก็…” ผมนั่งนึกในหัว ถ่ายสามเดือน หยุดวันไหนบ้างนะ เอ่อ โอย งง ง่วง

 

 

“…หยุดทุกเสาร์อาทิตย์” ผมอ้าปากหาวอีกทีจนน้ำตาเริ่มไหลออกทางหางตา

 

 

“สามเดือน นายได้หยุดยี่สิบสี่วัน และแน่ใจเหรอว่าจะหยุดจริงๆ” ผมย่นคิ้ว มองไอ้ยักษ์หนวดผมรกรุงรังหน้าตาโมโหโกรธา

 

 

“ก็ต้องหยุดสิ นี่ วิคเตอร์ ผมง่วงนอนแล้วอะ ขอไปนอนก่อนไม่ได้เหรอ พรุ่งนี้ผมต้องไปถึงกองถ่ายเจ็ดโมงเช้าเลยนะ” ผมยกมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วอ้าปากหาวอีกรอบ

 

 

วิคเตอร์นิ่งเงียบ ผมตาปรือมองเขาเห็นเขาขบกรามแน่นแล้วพ่นลมหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาก้มตัวลงช้อนตัวผมขึ้น ผมยิ้มเพลีย นอนซุกเข้ากับอกเปลือยของเขา ดมกลิ่นเนื้ออุ่นเข้าเต็มปอด

 

 

“ไม่อาบน้ำได้มั้ยอะ” ผมถามเสียงแง๊วๆ เหมือนเด็กน้อย เพราะสมองเรียกร้องการนอนเต็มที่แล้วจริงๆ

 

 

“โสโครก” วิคเตอร์ว่าเสียงห้วนในขณะที่พาผมเดินขึ้นบันไดบ้านไปยังห้องนอน

 

 

“งั้นอย่ามานอนกอดผมนะ” ผมว่าเสียงละเหี่ยเพลียกาย แต่ขยับหัวซุกอกวิคเตอร์ราวกับหัวถึงหมอนแล้ว

 

 

วิคเตอร์ไม่พูดอะไร สติผมตัดแล้ว น้ำก็ไม่อาบ ฟันก็ไม่แปรง แต่ผมหมดแรงจริงๆ ยืนทั้งวันปวดเท้ามาก แล้วไหนจะวิ่งหาคนนั้นทีคนนี้ที ผมรู้สึกแน่นตัวเหมือนโดนรัดในตอนที่หลับสนิทไปแล้ว

 







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:



               ครบค่าาา ครบแบบมึนๆ มั่วๆ ปวดหัวกับการงาน อยากจะแบ่งเวลาให้เป็น เดือนหน้าก็อยากจะอัพเรื่องของแซ็คแล้ว แต่ต้นฉบับยังไม่กระดึ๊บเลย โถถถถ

               มีคนมาถามหาหนังสือภาคสามของเรื่องนี้แล้ว กรีสสส ปลาบปลื้ม แต่ใจเย็นเด้อออ ยังเขียนไม่ถึงไหนเลยยย มาอ่านที่นี่ มาให้กำลังใจคนเขียนที่นี่กันไปก่อนนาาา หนังสือมาแล้วจิแจ้ง ยังไงหนังสือมาแน่ๆ ค่ะ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเร่งสมองตัวเองได้แค่ไหน ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ยังรอตอนจบของคู่นี้ ภาคนี้จบแท้แน่นอนค่ะ ตั้งใจว่าอยากให้จบเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้เมื่อสองปีก่อน มันจะได้ครบสามปีพอดี ไม่อยากให้อายุนิยายเรื่องนี้มันมากไปกว่านี้แล้ว 55555 ขุ่นแม่เรียวจันทร์มาทีหลัง นางจับผัวแฮปปี้เอนดิ้งไปแล้ววว น้องแมทช้าไม่ได้แล้วนะลู๊กกก

               มีคนอ่านกังวลกับชื่อตอน 555555 ทำม๊ายยยย ชื่อตอนเฉยๆ เด๊หนิ ไม่มีอะไรเล้ยยย (เสียงสูงอีกละ)

               ขอบคุณคนอ่านที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ และขอต้อนรับคนอ่านหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งมาตามเรื่องนี้ค่ะ คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เปิดเรื่อง ปัจจุบันก็หายหน้าหายตากันไปเยอะอยู่ 555555 สงสัยนานเกินนน แต่ที่ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้เราก็ยังจำได้แน้

               เจอกันตอนหน้านะคะ

               

               ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ

     ปล. ข้อมูลเรื่องกฎหมาย หากผิดพลาด บอกกล่าวกันได้นะคะ ตอมจะได้แก้ให้ถูกต้องค่าาา



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 02-09-2017 22:09:09
 :sad4: โอ้ย ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานแบบแมทนี่ลาออกละนะ ดูจะจงเกลียดจงชังละเกิ๊นนน

พี่วิคเตอร์ก้เข้าใจแมทบ้างไรบ้าง  :เฮ้อ: เนี้ยบเสมอต้นเสมอปลาย ถ้ายังขัดคำสั่งมากกว่านี้แมทโดนให้ออกแน่  :z2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-09-2017 22:30:35
ก็ว่าฝรั่งเคร่งครัดกับเวลา
ทำไม่ทำงาน เกินเวลาเป็นสองชั่วโมง

แล้วการเจรจาในกองถ่ายทำไมดูไม่ให้เกียรติ
ใช้งานนอกเหนือหน้าที่ หน้าที่ตังเองปะ นิสัยก็เลวววววว  :fire: :fire: :fire:

ห้ามคนเดินไม่บอกให้รู้ก่อน
พอไม่ห้าม ที่จริงห้ามแล้ว แต่นางบอกนางจ่ายภาษี นางมีสิทธิ์เดิน ก็จริงนะ
แต่อีนังพีทพูดว่าแมทซะ หาว่าไม่มีคอมม่อนเซนส์
มันเหมือนรังคัดรังแค เฉพาะแมท
ขนาดผู้กำกับยังไม่เท่าอีนังพีทเลย
อิจฉาแมท หรือเปล่าที่ได้วิคเตอร์เป็นแฟน

อยากให้แมท แสดงอิทธิฤทธิ์ใส่นังพีทโคตรๆ  :z6: :z6: :z6:
รอตอนใหม่  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-09-2017 03:05:37
อยากกระโดดถีบอีพีท ลากไปตบกลางห้าแยกลาดพร้าว.  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 03-09-2017 06:41:35
ทำไม แมทถึงอดทนทำงานกับฝรั่งแบบพีท
พีทสันดานเลวโดยแท้ ไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน ดูถูกขนาดนี้ แมทไม่ลองหากองอื่นทำอ่ะ วิคเตอร์เข้ามาแสดงอิทฤทธิ์ซักที อิพีทจะหยุดกร่างมั้ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 03-09-2017 09:18:39
พีทนี่ก็จะอะไรกับแมทนักหนา พูดกันดีๆก็ได้มั้ย ตะคอกกันอยู่ได้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 03-09-2017 09:45:29
 :m16: :m16: อิพีทนี่ใช้เเมทอย่างกับเป็นเบ๊ประจำกองแบบอเนกประสงค์เลยนะ  :z6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-09-2017 10:23:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-09-2017 11:13:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: khunchoq ที่ 04-09-2017 16:40:30
วิคเตอร์ต้องไปเคลียร์ให้แล้วละ แรงงานทาสหรอ?
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.8 100% :02.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-09-2017 20:07:18
แมททำงานหนักมากเพราะโดนคนในกองเอาเปรียบเนี่ยแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 11-09-2017 20:34:10


Yours and Mine EP.9 :: A little bit. (ทีละนิด) [50%]




ฉากที่จะถ่ายวันจันทร์เป็นซีนบ้านพระเอกหมดเลย ถ่ายทั้งภายนอกภายใน สิ่งที่ต้องใช้มีพวกอุปกรณ์ดนตรี รถยนต์คันเก่า รีเควสว่าต้องเป็นในยุค 90 ด้วย มีใครติดต่อไปหรือยังนะ

 

 

“ฉันว่าจะบินไปอังกฤษต้นเดือนหน้า ไปดูรอบบ้าน…” ต่อกๆๆๆ แต่กๆๆๆ เสิร์จหาข้อมูลไว้ก่อนดีกว่า

 

 

“…ระหว่างหนีบนิ้วนายให้หักกับกระทืบแม็คบุ๊คให้พัง จะเอาแบบไหน?!” พรึบ!

 

 

ผมเงยหน้าขึ้นมองวิคเตอร์ที่กำลังหงุดหงิดเต็มทีและคงกำลังจะเต็มทน แต่ผมก็คลี่ยิ้ม มันเป็นไปตามกลไกการประจบโดยอัตโนมัติ เพราะสมองมันรับรู้แว่วๆ ว่าภัยกำลังมาถึงตัว

 

 

“อะไรเหรอ” ผมถามเสียงอ่อนเสียงหวาน มือวางคาแป้นพิมพ์สีดำ พยายามไม่เหลือบสายตาไปมองหน้าจอ พยายามล็อคให้มันมองหน้าไอ้ยักษ์ไว้ แต่ก็มีแอบกดพิมพ์อักษรตัวสุดท้ายของคำที่พิมพ์ค้างไว้ให้เสร็จเพื่อจะได้ไม่ค้างคา

 

 

“ไหนบอกว่าวันหยุดจะอยู่กับฉันไง” วิคเตอร์ถามเสียงเหวี่ยง หน้าพร้อมระเบิดใส่ผมมากถ้าหากเถียงอะไรไม่เข้าหูเขา

 

 

“ก็นี่งายยย อยู่ด้วยกันตรงนี้เนี่ย ไม่ได้ไปไหนเลยนะ” วิคเตอร์ขึงตาใส่ผม สันกรามขึ้นชัดเพราะขบไว้แน่น เขาจ้องไปที่แม็คบุ๊คเป็นการสื่อความหมายพยาบาท ผมยิ้มแห้ง เลื่อนโน้ตบุ๊คไปวางข้างตัว แต่ก็ไม่ได้ห่างจากตัวมาก

 

 

“ก็มันต้องมีการเตรียมงานบ้างนี่นา” ผมแก้ตัวเสียงอ่อย ในใจพะว้าพะวงอยากพิมพ์งานของตัวเองให้เสร็จ จะได้หมดห่วงไป

 

 

“ไม่ให้เตรียม” เขาว่าหน้าตาเฉย ผมหน้าเหวอ

 

 

“เอ๊า ไม่ให้เตรียมไม่ได้ ต้องเตรียมงานสิ วันจันทร์ผมต้องกลับไปทำงานต่อนะ” วิคเตอร์ทำหน้าอดทนอดกลั้น คิดว่าคงกำลังข่มตัวเองไม่ให้เข้ามาถีบผมหน้าหงายด้วยความโมโหอยู่

 

 

“แต่นายบอกว่ามันเป็นวันหยุด นายก็ควรหยุดทำงาน แล้วอยู่กับฉัน นายอยู่กับงานไปห้าวันแล้วนะแมท” วิคเตอร์แทบจะตะโกน แต่ก็ไม่ถึงขั้นนั้น แต่เสียงของเขาก็ดุและน่ากลัวอยู่ดี

 

 

“วิคเตอร์อ้ะ คุณน่าจะรู้นี่ว่าการออกกองมันเป็นยังไง” ผมหน้ามุ่ยเล็กๆ ไม่กล้ามุ่ยใหญ่ เดี๋ยวโดนยักษ์ใหญ่ระเบิดใส่แล้วจะเละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

 

“รู้ ถึงไม่อยากให้นายทำงานนี้ไง!” คราวนี้เขาตะคอกจนผมสะดุ้ง หน้าตาเขาบึ้งมาก อารมณ์เขาเสียมาก จะซ่อมยากลำบากมั้ย

 

 

“อ๊า ทำๆ ทำต่อสิ ไม่ทำไม่ได้ ให้ทำนะ นะๆ” ผมเอื้อมมือไปฉุดเขาให้ลงมานั่งด้วยกัน วิคเตอร์ทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาว หน้าตายังคงบิดเบี้ยวด้วยความอารมณ์ไม่ดี ทำไมเขาเป็นคนขี้หงุดหงิดง่ายขนาดนี้นะ คนอะไรจะหัวร้อนได้แทบทุกขณะของชีวิตขนาดนี้ ผมอยู่กับเขามานานขนาดนี้ได้ไง นับถือใจตัวเอง

 

 

“วันนี้กับพรุ่งนี้ห้ามทำงาน ไม่งั้นไม่ต้องทำต่อ” ผมทำปากยื่น วิคเตอร์ยื่นมือมาดึงปากผมด้วยสีหน้าที่โมโหปนหมั่นไส้แรงๆ หนึ่งทีแล้วปล่อย

 

 

“โอ๊ย!”

 

 

“ไม่ติดว่ารักฉันจะต่อยหน้านายให้ฟันหักเลย” ผมยกมือลูบปากเบาๆ มองค้อนไอ้ยักษ์เล้กน้อย ขนาดว่ารักนะ ถ้าไม่รักผมคงได้หล่อฟันปลอมเป็นสิบๆ อัน

 

 

“ขอบคุณความรักนั้น” ผมว่าพลางจิกตาใส่ไอ้ยักษ์ผมยาวที่มองกลับมาด้วยสายตาตรงข้ามกับคำว่ารักที่เพิ่งบอกไป ผมหันไปปิดแม็คบุ๊คแล้วเอาวางไว้บนโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ ที่ผมซื้อมาจากวอลมาร์ท เอามาไว้นั่งทำงานบนพื้น ตอนที่กำลังจะเด้งตัวกลับไปนั่ง โทรศัพท์ผมก็ส่งเสียงดังและสั่นไหวอยู่บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อน แต่เจ้าของโทรศัพท์อย่างผมกลับไวสู้สามีตัวเองไม่ได้

 

 

“ฮัลโหล?!... แมทไม่ว่าง… ก็ไม่ว่างไง ถามทำไม เรื่องส่วนตัว วันนี้วันหยุด แกจะโทรมาสั่งงานอะไรแมทอีกไม่ได้…” ผมอ้าปากพะงาบๆ ยื่นมือไปจะดึงโทรศัพท์ตัวเองคืนมาแต่วิคเตอร์เบี่ยงตัวหนี และใช้แขนซ้ายล็อคผมไว้

 

 

“แกก็หัดจัดการเองบ้างสิวะบางเรื่องน่ะ จะใช้แมททุกเรื่องเลยรึไง… อันที่จริงฉันฝากแมทไปทำงานกับผู้กำกับนะ แต่ทำไมดูแกจะออกคำสั่งกับแมทมากกว่า… ถ้าไอ้ผู้กำกับมันอยากให้แมททำอะไร ให้มันโทรมาเอง!” ผมแทบจะช็อคและช็อตไปกับสิ่งที่วิคเตอร์พูด คือเรื่องช่วงวัยสำหรับสังคมตะวันตกมันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่อย่างน้อยนะไอ้เตอร์ ผู้กำกับนั่นรุ่นพ่อแกนะเหวย

 

 

“วิคเตอร์!”

 

 

“อะไร?! ฉันวางสายมันไปแล้ว และไม่ต้องถามว่ามันสั่งอะไร เพราะฉันไม่ให้นายทำ ฉันสั่งให้มันไปทำเองแล้ว” ผมยกมือตีแขนเขารัวๆ เพื่อให้เขาปล่อย วิคเตอร์ยอมปล่อยแบบนึกอยากปล่อยก็ปล่อย ผมเด้งตัวแล้วหันหน้าเข้าหาวิคเตอร์หน้าตื่น

 

 

“เขาบอกว่าไรเหรอ บอกผมหน่อย” เรื่องรถรึเปล่าหรือเรื่องอะไร ผมพะว้าพะวงไปหมดแล้วเนี่ย

 

 

“ไม่!” วิคเตอร์ว่าอย่างดื้อดึง ผมย่นคิ้วเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากับอาการดื้อด้านของเขา

 

 

“วิคเตอร์ คุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะ แล้วคุณพูดกับพีทไปแบบนั้น เขาก็จะยิ่งไม่ชอบหน้าผม มองผมในแง่ร้ายกว่าเดิมสิ”

 

 

“ช่างมันสิ แคร์มันทำไม” วิคเตอร์ว่าหน้ามึนแววตาดื้อดึงเหมือนเด็ก ผมเบิกตากว้างมองหน้าเขา นึกอยากจิกผมเขาแล้วตบๆๆ

 

 

“คุณก็พูดได้สิ คุณไม่ได้โดนพีทด่าหรือไม่ชอบหน้าอะ” ผมพูดด้วยความอารมณ์ขึ้นเล็กๆ มันง่ายสำหรับเขาอยู่แล้วกับการเมินเฉยต่อสายตาหรือความคิดคนอื่น แต่กับผมไม่ใช่ไง

 

 

“กลัวไร ในกองก็มีคนไม่ชอบฉัน ฉันยังอยู่ได้เลย” โอ๊ยยย  ผมหยิบหมอนบนโซฟาตีหัววิคเตอร์ ไอ้ยักษ์จ้องตาดุกลับมา แต่ผมกำลังอารมณ์ขึ้นเลยไม่นึกกลัว

 

 

“สถานะของคุณกับผมต่างกันนะ ตำแหน่งคุณใครๆ ก็ง้อ ของผมเขาไม่ง้อ เขาหาคนอื่นมาแทนได้ เข้าใจมั้ยเนี่ย?!”

 

 

“ก็ให้คนอื่นมาแทนไปนายไปดิ นายก็ไม่ต้องทำ” ผมกัดฟันแน่น มองไอ้ยักษ์หนวดเคราครึ้มด้วยความหงุดหงิด

 

 

“ไอ้เตอร์!!!” ผมกระแทกเสียงเป็นภาษาไทยใส่หน้าเขา วิคเตอร์สะดุ้งนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ก่อนจะยักคิ้วให้ผมหนึ่งทีแบบไม่สะทกสะท้านกับการที่ผมจะตกงาน

 

 

“ฝองต่าแก้นั่นอีกสิ” หน็อย มันยอกย้อนท้าทายเป็นภาษาไทย

 

 

“เออ จะฟ้องแน่ ให้พ่อเอาปืนมายิงยักษ์!” ผมด่าเป็นภาษาไทยเสียงแหลม หงุดหงิดนะ แต่ก็รู้ตัวว่ายังไม่ถึงขั้นจะระเบิด แค่เหนื่อยใจกับระบบความคิดไอ้ยักษ์เรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานของเราสองคน

 

 

“มั้ยมาหลอก งกข่าตั๊ว” โอ๊ย ห้ามขำนะอีแมท แต่ไอ้ยักษ์มันตลกอะ แอคติ้งสีหน้าคือเรียลมากว่าพ่อผมงกค่าตั๋วมานิวยอร์กจริงๆ แล้วด้วยสกิลการพูดไทยไม่ชัดแต่พยายามออกเสียงให้ชัดมันเลยตลก

 

 

“ยักษ์เลว! เลว” กลั้นขำด้วยการด่านี่แหละ

 

 

“เลว แต๊ เปน พั๊ว มึ้ง!” อีแชมป์ มึงสอนผัวกูอีกรึเปล่าประโยคนี้ หรือสกิลผัวกูอัพเกรดเองอัตโนมัติ

 

 

สุดท้ายก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่

 

 

“อะๆๆๆๆ” ผมหลุดหัวเราะดังลั่นบ้าน ไอ้ยักษ์ก็หลุดมาดเข้มมาดขรึม เสียงวิ่งกุกกักๆ ดังมาจากทางห้องนอนออสติน ไมเคิลวิ่งเข้ามากระโดดโลดเต้นตรงหน้าเราสองคนแล้วเห่าดังลั่นบ้าน ไอ้หมาตัวนี้มันได้ยินเสียงหัวเราะแล้วจะคึกตามไปด้วย

 

 

“I really hate you! (ผมเกลียดคุณจริงๆ เลย!)”

 

 

“จิงหลอ” ไอ้ยักษ์ยิ้มน่ารัก ผมเบ้ปากใส่

 

 

โฮ่ง!! โฮ่ง!!

 

 

“เออๆ ครับๆ หัวเราะๆ ด้วย” ไมคเคิลโบกหางเป็นพวงของมันและมองหน้าผมสองคนด้วยความอารมณ์ดี ผมยิ้มให้ไมเคิลแต่พอหันไปเห็นไอ้ยักษ์ก็เบ้หน้าใส่ ไอ้หนุ่มผมยาวหัวเราะเบาๆ

 

 

“แฉม บ่อก ว๊า…”

 

 

“…ไหนๆ มันบอกว่าไร ไหนพูด เลือกครูสอนภาษาไทยถูกคนด้วยนะ” สอนแต่เรื่องจัญไรไปสักครึ่งอะอีแชมป์เนี่ย

 

 

“ยิ้ง เกียด เถ่อ ยิ้ง เจอ ลัก” โอ๊ตาย อีแชมป์ อีเสี่ยว อีวิ่งเปรี้ยว มึงสอนอะไรผัวตูเนี่ย น้ำเน่ามาก ผมถึงกับรู้สึกหนักใจและเป็นกังวลใจมากเลยทีเดียว

 

 

“Stop learning Thai from him. Please. (ไม่ต้องไปเรียนภาษาไทยกับมันละนะ ผมขอเถอะ)” วิคเตอร์ขมวดคิ้วหน้างง

 

 

“Why? (ทำไมล่ะ)”

 

 

“It’s good but less than bad. (มันก็สอนดี แต่ไม่ดีมากกว่า)” สิ่งหนึ่งที่ผมแอบกลัว (มาก) คือการที่วิคเตอร์จะซึมซับพฤติกรรมบางอย่างของสังคมผู้ชายไทยเข้าไป ซึ่งไม่ได้หมายความผู้ชายตะวันตก ตะวันออก ตะวันไหนๆ จะไม่เป็นนะ ผมเชื่อเสมอว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา หรือแม้กระทั่งหน้าตา มันอยู่ที่สันดานล้วนๆ แต่ด้วยความที่ผมอยู่ในสังคมไทยที่มักจะเห็นกระทู้ข่าวเรื่องผัวนอกใจเมียอยู่บ่อยครั้งเลยนึกกังวล

 

 

 ไอ้เรื่องโปรยเสน่ห์ เจ้าชู้ เหล่สาว ไม่ต้องสอนเขา อันนี้เขาเป็นอยู่แล้ว เป็นตัวพ่อด้วยมั้ง แต่ไอ้เรื่องการเลี้ยงต้อย การมีกิ๊ก หรือเลี้ยงอีหนูเนี่ยน่ากลัว ถึงนิสัยวิคเตอร์จะไม่ชอบความซับซ้อนของการคบซ้อนเพราะมันยุ่งยาก ต้องแบ่งเวลา ต้องจัดสรรเวลา มีแต่ความวุ่นวาย ไม่ใช่ทางคนทื่อๆ ตรงๆ แบบเขา แต่ใครจะรู้ล่ะ เกิดโดนสอนโดนยุเข้าบ่อยๆ เขาก็อาจเปลี่ยนใจ โชคยังดีที่เพื่อนผู้ชายไทยของวิคเตอร์มีแค่ พี่เคน อีแชมป์ ไอ้วอร์ม แล้วก็บาส ซึ่งไม่ใช่คนที่มีพฤติกรรมแบบนั้น แต่ที่อีแชมป์สอนมานี่มุกเสี่ยวเกี้ยวสาวมาก

 

 

“Okay.” วิคเตอร์ยักคิ้วด้วยท่าทีสบายๆ เขาไม่เรื่องมากหรอก เขาไม่ได้คิดจะเรียนภาษาไทยอยู่แล้ว แต่ที่ต้องเรียนเพราะพ่อผมบอกให้เรียน เพราะพ่อไม่คิดเรียนภาษาอังกฤษมาพูดกับเขานอกจากตอนเมา แล้วมันก็ใช่ว่าเขาจะได้เรียนภาษาไทยกับไอ้แชมป์เป็นจริงเป็นจัง ถ้ากลับไทยแล้วได้เจอกันนั่นแหละก็ได้เรียนรู้และพูดคุยภาษาไทยกันไป

 

 

“เดือนหน้าว่าจะไปไหนนะ” ทำเป็นสนใจเขาก่อน เดี๋ยวเขาหลับหรือเผลอค่อยแอบมาทำงานต่อให้เสร็จ แล้วค่อยโทรกลับไปหาพีท

 

 

“ไปดูบ้าน เซล่าจะจ่ายตังค์แล้วนะ”

 

 

“สรุปได้หลังนั้นจริงๆ เหรอ” วิคเตอร์หน้าเข้มขึ้นมาทันที ผมถึงกับงงว่าเข้มทำไม

 

 

“ฉันพูดไปแล้วก็ไม่สนใจ มัวแต่สนใจงาน ก็บอกอยู่ว่าหลังที่นายอยากได้เขาขายพอดี ฉันเลยสั่งให้พวกเซล่าไปดำเนินการให้แล้ว” วิคเตอร์เสียงดุมาก มีการยกมือผลักหัวผมด้วยความโมโหจนผมเกือบหงายหลังแต่ผมก็รีบเด้งตัวกลับมา ผมตาโต ดวงตาคงเปล่งประกายกับข่าวใหม่ (ที่จริงๆ ไม่ใหม่แล้ว) หัวใจเต้นตุบๆ ด้วยความดีใจ

 

 

“จริงๆ น่ะเหรอ ได้หลังนั้น หลังที่ผมชี้อะนะ” หลังที่แลห่างไกลผู้คนแต่ก็ไม่ใช่โดดเดี่ยวในดงกล้วย แต่ก็เป็นส่วนตัวและเรียบง่ายตามแบบฉบับผู้ชายวิคเตอร์ 

 

 

“จริง” ผมเด้งตัวเข้าไปกอดวิคเตอร์ด้วยความดีใจ เขานอนราบไปกับโซฟาเตียงเพื่อให้ผมนอนบนตัวเขาถนัดๆ ไอ้ยักษ์ยกแขนสองข้างกอดผมตอบ

 

 

“แต่อีกนานกว่าจะเป็นเรื่องเป็นราว ต้องขออนุญาตรีโนเวทบางจุดของบ้าน แล้วก็รั้วบ้านฉันอยากขอเขาทำให้สูงขึ้นอีกนิด” บ้านที่นั่นมีกฎว่าห้ามปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลง ซึ่งจริงๆ กฎหมายนี้ในอังกฤษเป็นกันทุกเมือง ไม่เหมือนเมืองไทยที่บ้านใครก็สิทธิ์คนนั้น อยากปรับอยากเปลี่ยนตรงไหนทำได้เลย ขอแค่มีเงินพร้อมทำ แต่ที่นั่นไม่ใช่ ต้องทำเรื่องขออนุญาตเป็นจริงเป็นจัง และถ้าการเปลี่ยนแปลงมากไปหรือกระทบกับพื้นที่ของเมืองหรือสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เขาจะไม่อนุญาตและถ้าฝ่าฝืนก็คือโดนจับ แต่กับเมือง Cotswold ที่เราจะไปอยู่กัน มันเป็นเมืองอนุรักษ์ ขั้นตอนจะขอยากและวุ่นวายกว่าที่อื่น

 

 

“เขาขายให้เท่าไหร่เหรอ”

 

 

“1.75 ล้านปอนด์” ผมอ้าปากค้างด้วยความตะลึง คือคิดมาก่อนหน้านี้แล้วละว่าบ้านมันคงไม่ใช่สิบล้านยี่สิบล้าน เพราะมันอยู่ในเมืองเก่า เมืองอนุรักษ์และอยู่ในประเทศที่ค่าครองชีพสูงมหาศาล แต่พอคิดๆ เป็นเงินไทยก็ หูว!

 

 

“ประมาณแปดสิบล้าน!” วิคเตอร์พยักหน้าแบบสบายๆ สองมือล้วงเข้าไปในกางเกงขาสั้นแล้วบีบก้นผมเบาๆ เออสบายเขาสิ เขามีตังค์ แต่ผมไม่มี หมายถึงว่าก็มีตังค์ แต่มีไม่เท่าเขา ทั้งบ้านผมรวมกันยังไม่เท่าบ้านเขาที่นิวยอร์กเลย

 

 

“ยังไม่รวมค่าตกแต่ง ค่าทำบ้านใหม่บางจุด มีสนามเทนนิสด้วยนะ” ยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากบ้านหลังนี้ มีสนามเทนนิสเป็นของตัวเอง ตอนที่ไปดูรอบที่แล้วผมไม่ได้คิดว่านั่นคือสนามเทนนิส คือเห็นกรงรั้วแหละ แต่หญ้ากับต้นไม้ขึ้นบังไว้เลยคิดว่าเป็นรั้วเหล็กเก่าๆ กั้นบ้านเฉยๆ

 

 

“ตื่นเต้นจัง” ผมทำท่าตื่นเต้นหน้าสั่น วิคเตอร์หัวเราะในลำคอ ผมแหวกเสื้อกล้ามเขาออก ก้มลงจูบรอยสักบนอกซ้ายของเขาแล้วก็เงยหน้าส่งยิ้มให้วิคเตอร์ ปฏิเสธยากนะว่าการมีสามีรวยเป็นเรื่องดี ฮิๆ

 

 

“รีบไปก่อนหนังจะเริ่มถ่าย นายก็ต้องไปด้วย” ผมทำปากจู๋ กะพริบตาปริบๆ รู้สึกอึกอักแต่ก็ต้องพูด

 

 

“ยังไม่รับปากได้มั้ยอ่า ผมก็น่าจะถ่ายไง มันยังอยู่ในช่วงถ่ายอยู่เลย” วิคเตอร์ที่กำลังอารมณ์ดี เปลี่ยนสีหน้าเป็นอารมณ์ไม่ดีทันที มือที่ลูบและบีบก้นผมเบาๆ เปลี่ยนเป็นบีบแน่น น้ำเสียงที่พูดก็เด็ดขาด

 

 

“บอกให้ไปก็ไป”

 

 

“วิคเตอร์อะ ผมทำงานนะ…” ผมพยายามดึงมือเขาออกจากก้นเพราะรู้สึกเจ็บ แต่เขากลับถลกกางเกงผมลงไปใต้ก้น และยกมือซ้ายฟาดก้นผมเต็มมือ

 

 

ป้าบ!

 

 

“…โอ้ย!”

 

 

“จะไปไม่ไป” เขาถามเสียงห้วน มือซ้ายยกขึ้นขู่จะตีอีกรอบ ผมทำหน้าระแวง ยกมือขวาจับมือซ้ายเขาไว้ ไมเคิลนอนมองเราสองคนด้วยอาการเหมือนอยากจะเล่นด้วย มันโบกพวงหางเบาๆ

 

 

“ไปวันไหนล่ะ ถ้าวันธรรมดาก็ไปไม่ได้ไง ผมทำงาน ผมช่วยคุณหาเงินจ่ายค่าบ้านนะเนี่ย ช่วยกันแชร์อะ ฮะ เข้าใจมั้ย” ผมจับมือซ้ายเขามาวางไว้บนอกเขาเองและกุมมันเอาไว้ไม่ให้มันทำร้ายก้นผมได้อีก

 

 

เพี๊ย!

 

 

“เอ้า!” แต่ลืมเก็บมือขวาไปด้วย

 

 

“งั้นแชร์มาครึ่งนึง เอาสี่สิบล้าน” วิคเตอร์พูดหน้านิ่งเสียงนิ่ง ผมหน้าช็อคแว้บหนึ่งก่อนจะยื่นจมูกไปคลอเคลียกับแก้มเขาที่ทุกวันนี้เหลือพื้นที่แก้มให้หอมน้อยมาก

 

 

“ก็นี่ไง ต้องทำงาน” ผมพูดเสียงอ้อน ยิ้มแฉ่งประจบเขา วิคเตอร์ยิ้มเหี้ยม

 

 

“ขอภายในเดือนนึง หามาให้ได้” ผมยังยิ้ม ทำเป็นยิ้มล้อเขา แต่วิคเตอร์ก็ยังหน้านิ่ง ผมเลยหุบยิ้ม

 

 

“พูดจริงอะ อำเล่นรึเปล่า”

 

 

“ไม่ พูดจริง หามาให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็เลิกทำงาน” ผมทำหน้ามู่ทู่ จะให้ผมเลิกทำงานให้ได้เลย ทำไมนะ ทำไม วิคเตอร์อยากมีคู่ชีวิตที่นั่งกินนอนกินไปวันๆ งั้นเหรอ มันเก๋เหรอหรือยังไง ไหนลองอภิปรายซิ

 

 

“ทำไมถึงอยากให้ผมอยู่เฉยๆ จัง ทั้งๆ ที่ผมพยายามทำตัวมีประโยชน์เนี่ย” วิคเตอร์นิ่งเงียบ มองหน้าผมเหมือนกำลังคิดพิจารณาอะไรสักอย่างก่อนจะเปิดปากพูด

 

 

“เพราะฉันเลี้ยงนายได้ ฉันดูแลนายได้แมท ฉันบอกแล้วไงว่าชีวิตนายก็เหมือนชีวิตฉัน” ผมยิ้มเขินแล้วก็หัวเราะคิกคักเสียงเล็กเสียงน้อย

 

 

“ก็รู้แล้ว แต่ว่า…” งงตัวเอง ทำไมต้องเสียงสอง ปรับเสียงก่อน อะแฮ่ม “…คือว่า ผมดีใจที่คุณอยากดูแลผมอย่างเต็มที่ แต่ผมก็อยากทำงาน ผมมีความฝัน ผมอยากทำตามฝันอะวิคเตอร์ ให้โอกาสผมหน่อยนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวผมหยุดเอง แล้วจะมาเกาะคุณกินไปทั้งชีวิตเลย”

 

 

วิคเตอร์พ่นลมหายใจ หน้าตาเขาดูเครียดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นหน้าตึงขึงขังจริงจังมากมาย เขามองหน้าผมเหมือนอยากพูดอะไรต่อ ผมทำหน้าอ้อน จับมือขวาเขาขึ้นมาจูบตรงแหวนที่ผมเก็บตังค์ซื้อให้เพื่อตอบแทนที่เขาให้แหวนกับผม

 

 

“ความฝันกับความเป็นจริงมันไม่เหมือนกันหรอกนะแมท บางครั้งนายอาจต้องละทิ้งความฝันเพื่ออยู่กับความเป็นจริง”

 

 

“แต่ถ้าผมทำฝันให้เป็นจริง มันจะไม่ดีกว่าเหรอ” วิคเตอร์มองผมนิ่งแบบที่ผมเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ผมมีความรู้สึกว่าที่เขาพูดก่อนหน้านี้เรื่องที่เขาเลี้ยงดูผมได้ เขาไม่ได้อยากพูดแบบนนั้นแต่แรก

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:



               มาค่าาา ตามสัญญาที่บอกไว้ในเพจว่าจะมาวันจันทร์ มาแว้ววว

               เมื่อวันอาทิตย์ได้มีโอกาสพบคนอ่านบางส่วน เพราะมีนัดรับหนังสือพ่อเขี้ยวแม่เรียว ได้พูดคุยกับหลายๆ คนเลยค่ะ มีความสุขมากกก เป็นการเพิ่มเติมกำลังใจให้กับคนเขียนได้เยอะมาก ได้สอบถามพูดคุยถึงเรื่องการติดตามกันมา ส่วนใหญ่ก็ตามกันต่อจากเรื่องนี้ไปเรื่องนั้น มีบางคนเพิ่งมาตามขุ่นแม่เพราะชอบความเปรี้ยวเยี่ยวราดของนาง

               แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันคือการได้เพิ่มกำลังใจให้ตอมมากจริงๆ ค่ะ ได้พูดคุย ได้พบปะ สนุกมากๆ ดีใจที่ได้เจอนะคะ

               ได้มีโอกาสนั่งคุยกับคนอ่านที่บังเอิญติดฝนเป็นชั่วโมงๆ เราแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองดีๆ ด้วยกันเยอะมาก รู้สึกดีที่ได้คุยกันค่ะ มันทำให้ตอมรู้เลยว่า อยู่กับที่เขารักเราและผลงานของเราจะแฮปปี้มาก โฟกัสแค่ตรงนี้ดีกว่า มีคนอ่านที่รักและหวังดีกับเราอยู่นะ อะไรที่เขาเตือนมา เพราะเขาห่วงใย ปลื้มใจมากๆ เลยค่ะ

          ยังคิดอยู่เลยว่า เดี๋ยวหนังสือภาคสุดท้ายของพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยน จะมีนัดรับอีก การได้เจอกับคนอ่าน มันคือการได้เจอคนที่เขาติดตามและชื่นชอบผลงานของเราอยู่ รู้สึกดีมากจริงๆ ค่ะ ทุกคนที่มาน่ารักมาก

               ขอบคุณคนอ่านที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ และขอต้อนรับคนอ่านหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งมาตามเรื่องนี้ค่ะ คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เปิดเรื่อง ปัจจุบันหลายๆ คนก็รอให้จบก่อนค่อยอ่านรวดเดียว อยากจะชวนมาเรียลไทม์ด้วยกัน มันส์กว่านะ อิๆ

               เจอกันตอนหน้านะคะ

               

               ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ

     ปล. ข้อมูลเรื่องเงินปอนด์กับเงินไทย ถ้าตอมเขียนผิด แจ้งได้นะคะ



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 11-09-2017 21:04:24
ผัวหล่อรวยขนาดนี้เป็นเราจะไม่ให้คลาดสายตา5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 11-09-2017 21:15:43
 :เฮ้อ: แมทดื้อจนดันทุรังหง่ะ เหนื่อยแทน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-09-2017 21:24:17
 :z1:  เป็นเราจะไม่ทำงานไรเลย นั่งกินนอนกิน กะช๊อปปิ้งอย่างเดียวกัน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-09-2017 21:25:57
คือไงเ เริ่มรำคาญพี่ยักษ์ล่ะ ก็เข้าใจว่าหวงอ่ะ รวย เลี้ยงเมียได้ แต่ ทำไมต้องฌมโห เหมือนคนเป็นวัยทอง หงุดหงิดตลอดเวย์ แมทเองก็วันหยุดทำไมเอางานมาทำ จัดเวลาไม่ได้เหรอ อ่านแลเวหมั่นไส้ อยากจะตีทั้งคู่เลย ขัดใจที่สุด!!!! แมทกับวิคเตอร์เนี่ย อารมณ์ร้อนซัดใส่กะน มันก็พังน่ะสิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 11-09-2017 21:33:58
บางทีแมทก้ควรแบ่งเวลาให้ถูกเน้อ เรื่องนี้เข้าข้างวิคเตอร์ เป็นเราคงหงุดหงิด คนที่แยกแยะว่าอันไหนเวลางานอันไหนพักผ่อน พีทก้าวก่ายมาก สมควรที่โดนพี่ยักษ์ด่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-09-2017 21:51:25
เข้าใจนะว่าอยากทำตามฝัน แต่ก็เข้าใจเตอร์ด้วยว่าอยากมีเวลาอยู่ด้วยกัน เรื่องนี้มันพูดยากจริงๆ ยิ่งเตอร์ร้อนเป็นไฟอย่างงี้ แมทลำบากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 11-09-2017 23:50:46
ช่วงนี้ไม่ค่อยสวีตกันเลยเนอะ  :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-09-2017 00:03:52
แมทเป็นพวกบ้างานนี่นะ แก้ยาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 50% :11.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2017 16:30:14
แมท........แมท รักงาน บ้างานมากไปแล้วววววว  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

วันหยุดวิกเตอร์  ก็อยากพักผ่อนกับคนรัก แต่แมทก็จ้องแต่หน้าจอ ทั้งที่เป็นวันหยุด
ไม่อยากให้ดราม่าเล้ย เพราะคนนึงหยุด อีกคนไม่หยุด มันจะเจอกันยังไง
แล้วแบบนี้เห็นเลิกกันหลายคู่แล้วเพราะไม่มีเวลาให้กัน   กลัวยักษ์ เอเลี่ยน เป็นแบบนั้น

ขำมากกกก หัวเราะก๊ากกกกก เลย   สไตล์ยักษ์พูดไทย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
“ฝองต่าแก้นั่นอีกสิ”
“เออ จะฟ้องแน่ ให้พ่อเอาปืนมายิงยักษ์!”
“มั้ยมาหลอก งกข่าตั๊ว”

“เลว แต๊ เปน พั๊ว มึ้ง!”

“ยิ้ง เกียด เถ่อ ยิ้ง เจอ ลัก”
โอย.......ยักษ์ น่ารัก ไมเคิล ก็คึกคักเวลาสองคนหัวเราะ
เห็นปะ รักกันดีกว่าทะเลาะกันเป็นไหนๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-09-2017 18:39:50


Yours & Mine EP.9 (100%)



#สามสิบหกวันผ่านไป

 

 

“แมททท!”

 

 

ผมอยากเปลี่ยนชื่อ อยากแจ้งทะเบียนราษฎร์ให้ชื่อนี้หล่นหายไป

 

 

ระยะเวลาที่ผ่านมา ถ้าเป็นชื่อคนดัง ชื่อผมคงถูกเสิร์จมากที่สุดในโลก ทั้งกองเรียกหาผมจนผมมานั่งทบทวนกับตัวเองแบบตั้งสติดีๆ ว่าตกลงผมมีตำแหน่งหน้าที่อะไร ตอนวิคเตอร์ฝากมา เขาก็บอกแค่ว่าฝากผมมาทำงานกับผู้กำกับ บอกแค่ว่าผมเขียนบทได้ แต่ตอนนั้นบทมันเสร็จแล้ว ที่ผมได้คือเอามาพรูพ เอามาตรวจว่าตรงไหนควรปรับเปลี่ยนมั้ยและถามความเห็นของผู้กำกับ ซึ่งก็ได้รับการปรับเปลี่ยนอยู่หลายจุด

 

 

 ตอนแรกๆ ก็เหมือนจะขึ้นกับผู้กำกับโดยตรง และมีหน้าที่เดียวคือดูบท แต่ทีนี้พอบทมันเสร็จ มันก็มีการเตรียมงานก่อนเปิดกอง แล้วพอกองเปิด ผมก็เลยไม่มีหน้าที่ ผู้กำกับเลยบอกให้ผมมาช่วยงานพีทผู้ซึ่งดูจะไม่ชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่ ผมก็มาช่วย แล้วพีทก็ให้ช่วยอย่างเต็มที่ ทำนั่นทำนี่แบบเต็มกำลัง แรกๆ ผมบอกกับตัวเองว่า กองนี้มันกองเล็กๆ ไม่ใช่กองหนังใหญ่ ฉะนั้นทีมงานมันจะไม่ได้เยอะ มีอะไรที่เราช่วยได้ก็ควรช่วยไปก่อน

 

 

แต่ผมว่าตอนนี้หลายๆ คนเหมือนจะจำที่พีทบอกแม่น ว่ามีอะไรจะใช้ผม ก็เรียกใช้ได้เลย เหมือนตอนนี้ทุกคนกำลังคิดว่าผมเนรมิตรให้ได้ตามที่ปรารถนา ผมทำให้ได้ เพราะมันคืองาน ผมถือว่าเราคือทีมงานเดียวกัน บางคนเขายุ่งจริงๆ ผมก็เลยช่วยแบ่งเบาภาระ แค่มีแอบคิดว่า ผมควรได้เงินเพิ่มนะ แต่ตอนนี้ผมขอเวลานั่งพักบ้าง ซึ่งมีได้น้อยเหลือเกิน พอเลิกกอง ผมจะเหลือพลังในการใช้ชีวิตหลังจากนั้นน้อยมาก ถึงบ้านคือสลบ ไม่สู้รบปรบมือตบตีกับวิคเตอร์ที่หงุดหงิดใส่ผมมาหลายวันแล้ว

 

 

ครืดดด ครืดดด~

 

 

บ่นถึงก็โทรมา ผมมองหน้าจอมือถือที่ปรากฎเป็นชื่อวิคเตอร์ด้วยความรู้สึกอึนๆ เพราะเพิ่งไปช่วยคนอื่นๆ ยกของหน้าเซ็ท อีกซีนเดียวจะเลิกกองแล้ว ผมปิดเสียงไม่รับสายของเขา กะว่าถึงบ้านค่อยคุย ผมไม่อยากทะเลาะกันทางโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าที่มันแย่จากคราวก่อนอยู่แล้ว จะยิ่งแย่ไปอีก วันนี้เลิกกองหนึ่งทุ่ม กะว่าจะนั่งเคลียร์ใจให้หายค้างคาเช่นกัน

 

 

อันที่จริงผมไม่ได้ค้งคาอะไรเลย ผมตื่นเช้า เข้ากอง เลิกดึงถึงบ้านก็สลบ น้ำอาบบ้างไม่อาบบ้างเป็นบางวัน พอวิคเตอร์เริ่มด่าไปได้สักแปบผมก็จะหลับหนี นั่นเลยทำให้เขายิ่งหงุดหงิด โมโห ผมแทบจะรู้แพทเทิร์นการด่าของเขาแล้วว่าจะพูดเรื่องอะไรบ้าง ด้วยความโกรธและเสียความรู้สึกจากครั้งก่อนอยู่ผมเลยไม่อยากพูดกับเขา ทั้งเหนื่อยทั้งยังนอยด์ๆ เหตุการณ์นั้นอยู่เลยไม่อยากพูดด้วย แต่ตื่นมาพวกจานข้าวแตกไปหลายใบแล้วละ อาทิตย์ที่ผ่านมาน่าจะเกือบสองโหลได้แล้วมั้ง ออสตินบอกว่าวิคเตอร์เอามาปากับผนังห้องระบายอารมณ์

 

 

“แมท มีบท…” ผมยื่นบทสำหรับการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้ให้กับผู้ช่วยกองถ่ายผู้ชายหน้าตาเนิร์ดเหมาะกับแว่นหนาเตอะ แต่จริงๆ ไม่ได้เอ๋อหรือเนิร์ด แต่ทำงานโคตรช้า จนหลายครั้งผมต้องทำแทน เพราะผมกลัวเต่าจะแซงเขาเหลือเกิน นี่เลยอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คนอื่นคิดว่าผมช่วยด้วย เพราะผมชอบสาระแนทำแทนบางคนอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่สำคัญของสำคัญมากๆ หรือกองนี้ไม่ใช่หนังใหญ่ ได้งบมาก็ประมาณหนึ่ง แล้วดันตึ๋งหนืดกับการจ้างบุคลาการในกองถ่ายมาไว้ใช้งาน โลเคชั่นบางที่ยังให้ผมเข้าไปขอถ่ายฟรีแบบหน้าด้านๆ หน้าหนาๆ นี่แหละ งัดกลยุทธุ์มัดใจเจ้าของที่เต็มกำลัง

 

 

มีร้านอาหารอยู่ที่นึง ซึ่งเป็นประเด็นทำให้ผมกับวิคเตอร์ตึงใส่กันจนถึงวันนี้ ผู้กำกับเลิฟมาก อยากได้เป็นโลเคชั่นหลัก แต่ค่าเช่าที่แพง แต่เขาบังเอิญไปเห็นว่าในร้านมีโปสเตอร์รูปหน้าวิคเตอร์เลยให้ผมไปเกลี้ยกล่อม และบอกว่าจะพาวิคเตอร์มามีทแอนด์กรีทที่ร้าน การกล่อมเจ้าของร้านกลายเป็นเรื่องง่ายทันทีเมื่อผมต้องไปกล่อมให้วิคเตอร์ยอมมา เขาด่า เน้นว่าด่า ไม่ใช่บ่น

 

 

 

‘โง่ ยอมให้มันแบบนี้ ต่อไปมันก็มาเรียกร้องเอาผลประโยชน์จากนายอีกสิ ไอ้เอเลี่ยนโง่!’

 

‘ผมโง่ก็ได้ แต่คุณไปให้ผมหน่อยนะ ถ้าคุณไป ผมจะทำงานง่ายขึ้นมากเลยแหละ’ วิคเตอร์ชักสีหน้า หน้าตาโคตรจะหงุดหงิด และเขาก็ตอกย้ำความหงุดหงิดนั้นด้วยการถีบเก้าอี้ในห้องครัวล้มจนผมสะดุ้งตกใจ

 

‘นายทุ่มเทให้มัน แล้วมันให้ใจนายบ้างรึเปล่า อย่างมงายกับงานมากแมท!’ ผมพยายามอดทนอดกลั้น กลั้นใจพูดกับวิคเตอร์ให้จบๆ ไป

 

‘วิคเตอร์ จะด่าผม เดี๋ยวมาด่าต่อได้ แต่ไปที่ร้านให้ผมก่อน แล้วก็ยิ้มหล่อๆ ให้หน่อยเถอะนะ’ สุดท้ายเขายอมไป เขาไม่ด่าต่อ แต่จ้องหน้าผมแบบที่อารมณ์คงถึงขีดสุดจริงๆ และมันทำให้เขายิ้มยากมากเมื่อไปถึงร้าน บรรยากาศไม่อภิรมย์เอาซะเลย ผมได้แต่สวดภาวนาว่าขอให้วิคเตอร์ผ่อนคลายสักนิด แต่สักนิดก็ไม่มี เขาให้แค่ถ่ายรูป พูดคุยไม่เกินห้านาทีแล้วก็ไป สาวผมแดงร่างผอมเจ้าของร้านดูจะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ยอมให้ถ่าย ผมโคตรโล่งอก แต่ก็ต้องมาตุ้มๆ ต่อมๆ อีกครั้งเพราะวิคเตอร์จะลากผมกลับบ้าน

 

‘วิคเตอร์งานผมยังไม่เสร็จ’ ผมครางเสียงอ้อนวอน ย่นคิ้วเพราะความเจ็บที่ข้อมือ

 

‘ถ้านายไม่กลับ ฉันจะอาละวาดให้เละเลย’ เขาขู่เสียงเข้ม ผมเม้มปากแน่น หันไปมองทีมงานคนอื่นที่มองมา มีทั้งมองด้วยความสงสัยเพราะบางคนไม่รู้ว่าผมเป็นแฟนวิคเตอร์ และบางสายตามองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

‘นิสัยแย่จริงๆ’ ผมว่าเสียงเข้มอย่างเสียความรู้สึกที่วิคเตอร์ทำแบบนี้

 

‘ไม่เป็นไรแมท กลับไปก่อนก็ได้’ ผู้กำกับเดินเข้ามาบอก วิคเตอร์ยิ้มเยาะ มองผู้กำกับด้วยสายตาคล้ายว่าจะสมเพช ผมมองหน้าผู้กำกับด้วยความรู้สึกผิด

 

‘ขอโทษครับ พรุ่งนี้พบกัน’ ผมยอมกลับไปกับวิคเตอร์ด้วยความรู้สึกที่แย่สุดๆ กับการกระทำของเขา


 

 

 

แต่ตั้งแต่วันนั้นผมไม่อยากจะคุยกับเขาเลย จนกระทั่งมาถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองอาทิตย์กว่าๆ แล้วที่อยู่ในสภาพเจอกันวันละนิดวันละหน่อยแล้วยังไม่ค่อยจะพูดกันอีก แถมไอ้ตอนเจอแบบนิดๆ หน่อยๆ ก็หน้าบึ้ง หน้าตึงกันทั้งคู่

 

 

“See you tomorrow, guys!” ทุกคนปรบมือท่ามกลางแสงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าในช่วงเวลาหนึ่งทุ่ม ผมช่วยทีมงานคนอื่นๆ เก็บของ ทำไปก็มีความคิดไม่ดีแว้บเข้ามาในหัวว่าผมทุ่มเทให้งานมากไปหรือเปล่า ค่าตัวก็ใช่ว่าได้มากกว่าผู้กำกับหรือโปรดิวเซอร์อย่างพีท ได้น้อยกว่า แต่ทำไมผมทำงานมากกว่า และก็ดันพลาดไปฝังหัวทุกคนในกองแล้วว่าผมทำให้ได้ถ้าขอให้ช่วย

 

 

แต่พอคิดไปสักพักก็จะได้คำตอบว่า เพราะผมอยากเป็นนั่นเป็นนี่ไง อยากทำแบบนั้น อยากทำแบบนี้ อยากพิสูจน์ตัวเอง แต่ทุกวันนี้ผมแทบไม่ค่อยได้คุยกับคนที่ผมอยากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยเลย ผมหยุดทำงาน หยืบมือถือขึ้นมาดูหน้าจอ กำลังอยากจะกดโทรหาพ่อ สักพักนึกขึ้นได้ว่า โทรไปคุยอะไรดีล่ะ คิดหัวข้อคุยกับพ่อและแม่อยู่นานสุดท้ายก็ไม่ได้โทร

 

 

ถึงจะเปิดอกเปิดใจรับรู้ความเป็นไปในชีวิตของผมแล้ว แต่ด้วยความที่มันฝังลึกมาเป็นยี่สิบกว่าปี ผมเลยไม่ชินกับการที่จู่ๆ จะโทรไปเซย์ไฮกับพ่อกับแม่แล้วนั่งเล่าชีวิตประจำวันให้พวกเขาฟังแบบใสๆ

 

 

“แมท ไปรับค่าตัวงวดแรก” พีทเดินมาบอกผม วินาทีที่พูดถึงเรื่องค่าตัว ความเหนื่อยเมื่อยล้าที่แบกไว้บนบ่าก็เหมือนทุเลาลง ผมขยับปากยิ้มน้อยๆ เดินตัวปลิวตามพีทไปที่โต๊ะทำงานของเขาที่ตั้งอยู่นอกอพาร์ทเม้นต์อันเป็นโลเคชั่นบ้านของพระเอก

 

 

“ก้อนสุดท้ายรับตอนปิดกล้อง” พีทยื่นซองสีน้ำตาลให้ ผมรับมาตาวาว เปิดซองดูก็เห็นแบงค์สีเทาเข้ม ผมเงยหน้ามองพีทแล้วยิ้ม พ่อหนุ่มร่างผอมตัวสูง ผิวขาวเหลือง ผมดกดำตาดำมองผมนิ่ง แต่ผมไม่สนใจความนิ่งนั้นหรอก

 

 

“ฉันให้นายเต็มๆ ยังไม่ได้หักอะไรทั้งนั้น” ผมอ้าปากเป็นรอยยิ้มน้อยๆ แล้วก็พยักหน้าขอบคุณเขาแรงๆ พีทยักคิ้วให้และหันกลับไปทำงานต่อ ผมหมุนตัวเดินออกมาจากตรงนั้น กอดซองเงินแน่นด้วยความดีใจ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เรียกได้ว่าผมหาเงินได้จากการทำงานจริงๆ ที่คิดเหนื่อย คิดล้า เลิก! หายแล้ว!

 

 

“คุณแมทครับ” ถึงจะตึงใส่กันอยู่ แต่วิคเตอร์ก็ส่งออสตินมารับผมเหมือนเดิม ผมยิ้มกว้าง วิ่งเข้าไปกอดออสตินด้วยความสุขใจ ผมเงยหน้ามองบอดี้การ์ดหัวเกรียนที่ทำหน้างง ผมผละออกจากตัวเขา แหวกซองเงินแล้วหยิบเงินในนั้นให้เขาหนึ่งใบ

 

 

“ให้!” ออสตินเลิกคิ้วขึ้น

 

 

“ให้ผมทำไมครับ”

 

 

“ผมเพิ่งได้เงินก้อนแรกมาเมื่อกี้นี้ ผมแบ่งให้คุณ ถือเป็นค่าจ้างที่ดูแลผมกับวิคเตอร์” ออสตินเลื่อนสายตามองเงินในมือผมแล้วกระตุกยิ้มขำ แต่เขาก็หยิบเงินนั้นไปใส่กระเป๋าเสื้อไว้

 

 

“อย่าคิดว่าผมจะไม่เอา” ผมยิ้มกว้างอารมณ์ดี ที่รู้สึกหนักๆ ก่อนหน้านี้ เบา โล่ง สบาย!

 

 

“กลับบ้านกัน” ผมวิ่งนำออสตินไปที่แลมเบอร์กินีสีเทาที่จอดรออยู่อย่างเท่ ก่อนขึ้นรถผมก็ก้มกอดรถไปหนึ่งที แล้วค่อยมุดตัวเข้าไปด้านใน

 

 

ระหว่างทางผมหยิบเงินออกมานับ ตัวเลขที่ได้ทำเอาชื่นใจมากกก ปริ่มมากกก

 

 

พอมาถึงบ้าน ผมวิ่งลงจากรถ กดกริ่งหน้าบ้านสองครั้งติดกัน รอสักแปบประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ยักษ์ของวิคเตอร์ที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน ด้านล่างใส่กางเกงขาสั้น ผมพุ่งตัวเข้ากอดเขา แบบที่ลืมเรื่องตึงใส่กันได้อย่างสนิทใจ

 

 

“เตออออร์!!!” ผมกระโดดขึ้นเอาขาเกี่ยวเอวเขา วิคเตอร์หน้างง

 

 

“โว้ว อะไรเนี่ย” ไมเคิลวิ่งกุกกักๆ มาหาเราสองคน กระโดดเห่าไปรอบตัววิคเตอร์ ออสตินเดินตามเข้ามาในบ้านพร้อมกับปิดประตูตามหลัง เขาเรียกไมเคิลให้เดินตามกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับอุ้มฟอกซ์ไปด้วย วิคเตอร์เดินอุ้มก้นผมไปที่ห้องโถงของบ้าน ผมกอดเขา เอาคางเกยไหล่ขวาใหญ่หนา วิคเตอร์นั่งลงบนโซฟาตัวยาวตรงข้ามกับเตาผิง ผมผละหน้าออกจากไหล่เขาแล้วยิ้มแป้นแล้น

 

 

“อะไร” วิคเตอร์ถามเสียงห้วน หน้าตายังบูดบึ้ง แต่ผมก็ยังคงยิ้มพร้อมกับชูซองใส่เงินให้เขาเห็น

 

 

“นี่! เงินค่าตัวครึ่งแรก!” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว เลื่อนสายตาไปมองซองสีน้ำตาล ก่อนหันกลับมามองผมแล้วคลายคิ้วเข้มที่ขมวดกันไว้ออก

 

 

“ทำงานอีกสี่สิบห้าวันก็ปิดกองแล้วสิ…” เขาเลิกคิ้วขึ้น ทำปากขมุบขมิบสักแปบ

 

 

“…ไม่สิ อีกแค่สามสิบกว่าวันสินะ ดี” ผมจิ๊ปาก มองค้อนเขาไปหนึ่งที แต่ด้วยความอารมณ์ดีเลยไม่อยากจะโกรธเคืองใดๆ

 

 

“งั้นก็ปล่อยให้ผมทำงานได้อย่างสบายใจสักทีนะ อีกเดือนกว่าๆ อดทนได้มะ” วิคเตอร์หน้าบูดทันที บูดเหมือนเด็กเอาแต่ใจ เขาไม่ใช่เด็ก แต่เขาก็เอาแต่ใจ และดูจะหนักกว่าเด็กด้วย

 

 

“งั้นเราต้องคุยกันหน่อย นายทำงานแบบนี้ ค่าตัวที่ได้มายังไงก็ไม่คุ้ม” ผมขมวดคิ้วแล้วก็ตามด้วยอ้าปากหาววอด พอเขาเริ่มจะบ่น ก็เริ่มรู้สึกง่วงทุกที

 

 

“ทำงันแบบหนัย” ผมพูดจางึมงำ เพราะเริ่มงัวเงีย วิคเตอร์มองด้วยสายตาดุน้อยๆ

 

 

“นายมีหน้าที่อะไร ก็ทำอันนั้น รับผิดชอบงานตัวเองพอ ไม่ต้องไปห่วงกองถ่ายมันมาก ไม่ต้องรักมันมากขนาดนั้น” ผมหาวอีกที เริ่มมองวิคเตอร์ด้วยความรู้สึกเฉื่อยชา สมองล้าและกำลังเรียกร้องการพักผ่อน

 

 

“ผมก็แค่อยากทำให้ดี…” ผมว่าเสียงแผ่ว กอดวิคเตอร์ไว้เหมือนเดิม เอาคางเกยบนไหล่เขา กลิ่นเนื้ออุ่นๆ ที่คุ้นเคยลอยแตะจมูก

 

 

“…ผมอยากให้งานออกมาดี อือ” หนังตาผมเริ่มย้อยต่ำลงเรื่อยๆ ผมเอียงหน้าไปทางซ้าย เริ่มเอาแก้มวางบนไหล่วิคเตอร์มากขึ้น

 

 

“ถึงมันดี มันก็ไม่ใช่เพราะว่านายทำงานเหมือนทาสแบบนี้หรอก” ผมย่นคิ้ว ยกมือขวาตีหลังเขาดังแปะหนึ่งที

 

 

“ใจร้ายจริงๆ ไอ้ยักษ์…” แล้วผมก็เริ่มรับรู้อะไรได้น้อยลง เสียงของวิคเตอร์เหมือนเสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ตอนเรานอน ได้ยินแต่ไม่รู้ว่ามันคือรายการหรือละครเรื่องอะไร

 

 

ผมรู้สึกตัวว่าตัวเองลอยขึ้นและเคลื่อนไหวเหมือนเหาะได้ กลิ่นเนื้อหอมอุ่นของวิคเตอร์เหมือนเป็นกลิ่นกล่อมประสาทให้หลับสบายมากขึ้น

 

 

“…ตังค์คุณแมทครับ เขาให้ผมมาบอกว่าเป็นค่าจ้างที่ดูแลคุณกับเขา / รวยจริงๆ ไอ้ตัวดี / ฝากคืนเขาด้วยนะครับ”

 

 

ใครคุยอะไรกันเหรอ แจ๊บๆ


 

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:



               ตอนแรกเขางอนกัน แต่น้องแมทได้ตังค์แล้ว อารมณ์ดีแล้วค่ะ หายเป็นปลิดทิ้ง แต่พอสามีจะเริ่มบ่นก็หลับหนี เป็นเทคนิคส่วนตัว 555555

               มีคนอ่านบอก ไม่ค่อยหวานกันเลย อยากให้หวาน แต่ช่วงนี้ก็หวานยากจัง ถ้าแมทยังเป็นแบบนี้อยู่ หนูจะได้จู๋จี๋กับผัวมั้ยคะลู๊กกกก ใครก็ได้ ไปดึงนางออกจากกองถ่ายที เหมือนจะคิดได้แล้ว แต่ได้เงิน เลิกคิดอีกนังผี 555555

               ไฟในตัวนังเอเลี่ยนกำลังแรงค่ะ ลุกโชน โชนแสงมาก จนแทบจะเป็นไฟไหม้ แต่แมทก็พร้อมไปต่อ ยังไงก็ดูหน้าพ่อทูลหัวตัวเองบ้างนะลูกนะ



               เจอกันตอนหน้านะคะ

               

               ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ

     ปล. ข้อมูลเรื่องเงินปอนด์กับเงินไทย ถ้าตอมเขียนผิด แจ้งได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 16-09-2017 19:43:17
รู้สึกรำคาญกับความบ้างานและทุ่มเทให้กับงานของแมทเหลือเกินนน ถ้าเตอร์ไปมีกิ้กเราจะสมน้ำหน้าให้! ขยันทำงานอ่ะมันก็ดี แต่มีลิมิตมีขอบเขตบ้างก็ได้นะหนูวววววววว  :hao3: :hao3:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-09-2017 20:02:09
 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 16-09-2017 20:04:14
เกือบละ เหมือนเกือบจะคิดได้ แต่ก้คิดไม่ได้ ที่วิคเตอร์พุดก้ถูก เราควรรับผิดชอบแค่งานของเรา ส่วนไหนที่ไม่ใช่งานเรา แต่แค่พอช่วยได้โดยที่ไม่เดือดร้อนจนเกินงามแบบนี้ แต่ก้พอเข้าใจแมทที่อยากทุ่มเท ทำแล้วทำให้สุด แต่คนเราต้องรู้จักลิมิตเนอะ ไม่อยากให้เป็นปัญหามากไปกว่านี้ นี่วิคเตอร์ก้อ่อนข้อให้สุดๆละนะ ถ้าขืนยังทำตัวไม่แคร์วิคเตอร์อีก ถ้าต่อไปเค้าไม่สนใจแบบนี้แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังละกันเน้อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-09-2017 20:04:59
อาละวาดเลย!!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 16-09-2017 20:35:35
โดนกดขี่อยู่ทุกวัน เตอร์ก็รู้ใช่ว่าไม่รู้ แต่เตอร์ยังทำอะไรไม่เต็มที่เพราะยังรักแมท อ่อนข้อแบบสุดๆ เห็นแมทมีความสุขกับการทำงาน แต่ก็คงทนได้ไม่นานหรอก ใช่ไหมเตอร์  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-09-2017 21:29:38
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2017 21:31:56
แมท ทุ่มเทงานมากเกินตัว เกินหน้าที่
พอทำให้ได้ พวกนั้นก็ทำไม่เต็มที่ เพราะแมท ใจดี เอื้อเขาเกินไป
แต่คนที่เอาเปรียบก็มี เห็นแก่ตัว ปล่อยให้แมททำส่วนของตัวเอง

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแมทไฟแรงด้วย อยากทำงานทุกอย่าง
ทั้งที่จริงๆ แแค่งานเขียนบท ไปๆมาๆเป็นเบ๊ประจำกอง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เพราะอยากให้งานออกมาดี อยากให้งานเสร็จเร็วๆ
ผู้จัด ก็เอาเปรียบมาก จ่ายน้อย แต่จะเอางานเต็มร้อย
แมทไม่คิดบ้างหรือว่าที่แมททำได้สำเร็จ บางส่วนมาจากบารมีวิคเตอร์นะ

แล้วแมททำงานแบบนี้ มันกระทบไปถึงชีวิตรักของยักษ์ด้วย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อยากเห็นแมทระเบิดซักที เอเลี่ยนตัวนี้พลังระเบิดจะเป็นยังไง
แต่ยักษ์ คงไประเบิดเองซะก่อนละม้าง  :z3: :z3: :z3:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-09-2017 22:20:55
วิธีที่ให้แมทเลิกทำงานคงต้องหาลูกมาให้มาเลี้ยงแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.9 100% :16.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-09-2017 23:06:28
จริงนะ คิดว่าแมททำมากเกินไปจริงๆ งานมันดีแต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องทำไปซะทุกอย่าง ณ จุดนี้เข้าใจเตอร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-09-2017 19:39:05


Yours and Mine EP.10 :: Extended. (ขยาย) [50%]
 



ผมค่อยๆ กะพริบเปิดเปลือกตา แสงแดดลอดผ้าม่านเข้ามาจางๆ ผมสลึมสลืออยู่พักหนึ่งแล้วก็ตื่นลืมตาเต็มที่ นอนนิ่งอีกสักพักเพื่อให้สติประกอบตัวเป็นรูปเป็นร่างในหัว สายตาเหลือบไปเห็นซองเงินสีน้ำตาลวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ผมมองมันนิ่งสักพักก่อนจะสะดุ้งเด้งตัวขึ้นมา หันซ้ายหันขวาเพื่อหาโทรศัพท์มือถือแต่ก็หาไม่เจอ ผมเลยลุกออกจากเตียง เดินไปดูนาฬิกาดิจิตอลบนตู้เก็บของความทรงจำต่างๆ ของวิคเตอร์ นาฬิกาบอกเวลาว่าอีกสิบกว่านาทีจะเก้าโมงเช้า ผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจและใจหล่นตุ้บ ผมหันกลับไปมองบนเตียงที่ไม่ได้สังเกตเมื่อกี้ บนเตียงว่างเปล่า ไม่มีร่างของวิคเตอร์ แต่ผมตัดประเด็นนั้นทิ้ง รีบวิ่งไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีก่อนที่จะโดนด่าอะไรไปมากกว่านี้ เพราะผมสายมาจะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

           

 

ผมจัดการตัวเองเสร็จภายในสิบนาที อาบน้ำเหมือนอาบให้สดชื่นเฉยๆ แล้วรีบเช็ดตัวให้แห้ง เช็ดหัวหมาดๆ ผมยังคงไม่เจอโทรศัพท์มือถือ ค้นในกระเป๋าสะพายข้างส่วนตัวก็ไม่มี แต่คิดว่าพลิกหาในห้องนอนจนทั่วแล้วเลยรีบวิ่งลงไปข้างล่าง พอโผล่มาที่ครัวก็เจอออสตินนั่งกินอาหารเช้าสบายใจเฉิบ

           

 

“ออสติน ไปส่งที” ออสตินพยักหน้า วางขนมปังปิ้งลงในจานแล้วเอาจานไปเก็บไว้ในตู้ไม้ ผมรีบเดินนำออกไปก่อน วันนี้มีถ่ายที่ทางตอนใต้ของริมแม่น้ำฮัดสัน จากบ้านไปก็ยี่สิบนาที ถ้าออสตินเหยียบหนักๆ หน่อยก็อาจจะสิบนาทีติ่งๆ

           

 

“เหยียบเต็มที่…” ผมชะงักเมื่อเดินลงมาจากบันไดขึ้นหน้าบ้านแล้วไม่เจอเจ้ากระทิงดุสีเทามันวาว ผมหันไปมองออสตินที่ยังทำหน้านิ่ง

           

 

“…รถไปไหน” ในขณะที่ผมร้อนรนแทบตาย แต่ออสตินกลับนิ่งสงบ

           

 

“คุณเรย์มอนด์เอาไปครับ” ผมจะโกรธไอ้ยักษ์ก็ไม่ได้ นั่นมันรถเขา แต่ก็หงุดหงิดนิดหน่อยที่เขาไม่คิดแม้แต่จะปลุกผมให้ออกไปพร้อมกัน

           

 

“แล้วก็ไม่บอกนะ” ผมจิกตาใส่ออสติน แหม บอกให้ไปส่งมีการพยักหน้าด้วย ผมพุ่งตัวไปยืนริมถนนชะเง้อหาแท็กซี่สีเหลือง แต่ตรงนี้ก็นานน้านทีจะมีผ่านมา ใจผมร้อนรุ่ม มือถือก็หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าตอนนี้มีใครโทรหาผมไปแล้วบ้าง

           

 

“มันคงแปลกที่จะถาม แต่ว่าคุณเห็นโทรศัพท์ผมมั้ย”

           

 

“คุณเรย์มอนด์ยึดไปครับ เขาไม่อยากให้คุณโดนกองถ่ายโทรตาม เขาอยากให้คุณพักผ่อนให้เต็มที่” ผมอ้าปากหวอ กะพริบตาปริบๆ ด้วยความทึ่งเล็กๆ

           

 

“อะ… ฮะ” ผมไม่รู้จะต้องทำหน้ายังไงดีให้สาสมกับความมึนของไอ้ยักษ์นี้

           

 

“แล้วตอนนี้เขาไปไหน” ออสตินเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งพร้อมกับทำหน้าประหลาดใจ

           

 

“ไปทำงานสิครับ” ผมย่นคิ้ว วิคเตอร์ไปทำงานอะไร หนังหรือซีรีส์ของเขาละมั้ง แต่ซีรีส์เพิ่งออกอากาศไปนี่ อ้อ สงสัยจะเป็นหนังแล้วละอย่างงั้น เอ๊ะ หรืองานพรีเซ็นเตอร์ ถ่ายแบบอะไรรึเปล่า เออ ช่างก่อนเถอะ

           

 

“ออสติน เรียกอูเบอร์ให้หน่อย หาแท็กซี่ไม่ได้เลยเนี่ย” ผมว่าด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ออสตินยืนเฉย ผมกำลังจะชักสีหน้า แต่รถตู้สีขาวคันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้าผมกับออสติน ผมขมวดคิ้วงงๆ พอกระจกรถลดลงผมก็ต้องทำหน้าประหลาดใจ

           

 

“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักทายคนขับรถตู้ของกองถ่าย เขาเป็นคุณลุงผมขาว รูปร่างสูงยาว เป็นคนขับรถตู้คอยบริการทีมงานและนักแสดง

           

 

ทีมงาน… ใช่ ทีมงาน ผมเป็นทีมงาน

           

 

“ขึ้นมาเลยไอ้หนุ่ม” เหมือนผมเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ในขณะที่เดินล่องลอยไปขึ้นรถโดยมีออสตินตามมาด้วย

           

 

“ออสติน ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวผมไปกับลุงเขาเอง”

           

 

“ถ้าไม่ต้องไปกับคุณแมท ผมคงไปอยู่กับคุณเรย์มอนด์แล้วครับตอนนี้” ผมพ่นลมหายใจ ตอนนี้ขี้เกียจเปิดปากเถียงกับเขา ออสตินเลื่อนปิดประตูรถ ลุงคนขับออกรถไปตามถนน

           

 

ผมไม่เคยได้นั่งรถที่มีไว้บริการทีมงานแบบนี้เลย พีทสั่งให้ผมไปนั่นไปนี่ แต่ไม่เคยให้ผมเอารถไปใช้ พูดตรงๆ ว่าผมลืม แรกๆ มีคิด แต่หลังๆ ผมคิดว่าก็ถ่ายในนิวยอร์กเอง คุ้นเคยอยู่แล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก เดินทางเองได้ เลยไม่ได้เรียกร้อง แต่ตอนนี้ผมงงว่าลุงเขามาถึงที่นี่ได้ยังไง

           

 

“ทำไมคุณลุงมารับผมได้ละครับ”

           

 

“พีทบอกให้มารับ” คุณลุงตอบอย่างเป็นมิตร ผมย่นคิ้ว รู้สึกประหลาดใจและโคตรแปลกใจ กำลังทบทวนกับตัวเองว่าชื่อที่ได้ยินจากปากลุงนั้นคือชื่อพีทจริงๆ ใช่มั้ย ไม่ใช่คิดไปเองใช่หรือเปล่า

           

 

เกิดอะไรขึ้นกับพีท ทำไมถึงใจดีส่งคนขับรถมารับ ผมหันไปมองออสตินราวกับจะหาคำตอบจากเขา แต่ออสตินก็หน้านิ่งตอบกลับมา ซึ่งนั่นแหละคือคำตอบแล้ว และเป็นการบอกผมกลายๆ ด้วยว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก

           

 

“ที่กองถ่ายเป็นไงบ้างครับ” ผมถามด้วยความรู้สึกแปลกๆ ผมเป็นทีมงาน และเป็นทีมงานที่ไปทำงานสายด้วย แต่มีรถมารับถึงที่ ราวกับรู้เวลาว่าต้องมารับผมตอนนี้ การถามแบบนี้เหมือนผมกำลังทำตัวเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของกองถ่ายเลย ซึ่งผมไม่ค่อยชอบความรู้สึกนี้เท่าไหร่

           

 

“ก็ถ่ายทำกันอยู่นั่นแหละนะ” ผมพยักหน้า นั่นสิ จะให้กองถ่ายเป็นอะไรไปได้อีกล่ะนอกจากกองถ่ายทำภาพยนตร์ ในเมื่อมันมีไว้สำหรับถ่ายหนัง มันคงไม่ได้มีไว้แอโรบิคหรอกนะ

           

 

แต่ผมกำลังจิตตก มือถือไม่มี ผมไม่สามารถโทรหาใครได้ และไม่มีใครสามารถโทรหาผมได้เช่นกัน ไม่รู้ว่าตอนนี้พีทกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเป็นปกติอย่างน้อยยังรู้ว่าเขาจะโทรมาด่าและตามจิกไปทำงานแน่ๆ แต่นี่คือไร้สัญญาณใดๆ ผมเริ่มกลัวว่าจะต้องทำตัวยังไงกับการไปสายหลังจากเมื่อวานนี้เพิ่งได้รับค่าตัวครึ่งแรก

 

 

 คิดแล้วก็อยากจะทุบหน้าไอ้ยักษ์แรงๆ ที่หยิบมือถือผมไป แถมไม่มีน้ำใจปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาทำงานด้วย เมื่อไหร่เขาจะคิดได้สักทีนะว่าผมเป็นแค่ทีมงานเล็กๆ คนนึงที่แม้เขาจะฝากงานให้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจะทำอะไรตามใจได้อย่างที่เขาชอบทำ ผมไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำได้ ถ้าผมทำแบบนั้น เขาก็ไม่จ้างผมแล้วหาคนใหม่มาทำงานแทนแค่นั้นเอง ผมพยายามไม่ขมวดคิ้ว ไม่เครียดให้รู้สึกตึงหัวคิ้วกับใบหน้า แต่ก็ทำไม่ได้เลย

 

 

ตอนที่รถจอดหน้ากองถ่าย ผมพ่นลมหายใจสักแปบแล้วเดินลงไป ทีมงานก็เดินกันขวักไขว่ตามปกติ ตอนนี้เหมือนกำลังเซ็ทฉากใหม่อยู่ ผมมองไปรอบๆ ด้วยความระแวงเล็กๆ ทุกคนดูปกติใช่มั้ยนะ ผมเดินผ่านทีมงานผู้ชายผมสีน้ำตาลแก่ที่เป็นทีมตากล้องคนหนึ่งแล้วยกยิ้มให้ เขาก็ยิ้มตอบกลับมาและทักทายผมปกติดี ผมสลัดความกังวลออกแล้วรีบเดินไปหน้าจอมอนิเตอร์ ผู้กำกับหัวสีขาวนั่งอ่านบทเงียบๆ อยู่คนเดียว

 

 

“เอ่อ สวัสดีครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วก็ยกยิ้มให้นิดหนึ่ง

 

 

“มาแล้วเหรอ ตามสบายนะ” พูดจบก็ก้มหน้าอ่านบทต่อ ผมรู้สึกโหวงๆ กับประโยคนั้น การบอกให้ผมทำตัวตามสบายคืออะไรกัน ผมรู้สึกเหมือนโดนทิ้งไว้กลางความเวิ้งว้าง

 

 

“ขอโทษนะครับที่มาสาย ผมไม่ได้ตั้งปลุก ผมไม่รอบคอบเอง”

 

 

“คนเรามันก็พลาดกันได้ ฉันเองก็เคยลืมตั้งปลุกบ่อยๆ” ถึงเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจหรือโกรธอะไร แต่ทำไมผมกลับรู้สึกไม่ดี

 

 

“มีอะไรให้ผมทำมั้ยครับ” ผู้กำกับสูงวัยมองไปรอบกองสักแปบ ก่อนชี้ไปที่เต็นท์สีขาวที่มีพวกพีทนั่งอยู่ในนั้น

 

 

“ลองไปถามหางานจากพีทดู” ผมพยักหน้า เดินไปทางเต็นท์สีขาวที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ริมแม่น้ำ มีทีมงานนั่งกันอยู่สามสี่คน ทุกคนกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเลยเดินเข้าไปหาพีทก่อน โชคดีที่เขาเงยหน้ามองผมพอดี ผมเลยไม่ต้องเอ่ยปากพูดอะไร

 

 

“โอ้ว มีบอดี้การ์ดมาด้วยเหรอเนี่ย” เขาพูดด้วยท่าทีประหลาดใจพอๆ กับน้ำเสียงที่ผมรู้สึกว่ามันฟังประดิษฐ์ซะเหลือเกินแต่ก็เลือกจะเมินผ่านไป ผมหันไปมองออสติน ผมส่งสายตาขอร้องให้เขาออกไป ออสตินยอมเดินออกไปจากเต็นท์ ผมหันกลับมาหาพีทที่ทำหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาสีดำเข้มมองผมอย่างนิ่งเฉย

 

 

“ขอโทษที่มาสายครับ” พีทยักไหล่ ยกมุมปากเล็กน้อย ผมรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มเยาะซะมากกว่า

 

 

“รับเงินไปแล้วนี่ จะมาสายสักวันจะเป็นไรไป” ผมรู้สึกสะอึกไปนิดหนึ่ง เหตุการณ์มันช่างเหมาะเจาะดีจริงเชียว

 

 

“มันไม่ใช่ว่าผมรับเงินไปแล้ว…” ผมหยุดพูดเพราะพีทยกมือซ้ายขึ้นห้ามไม่ให้พูด ทีมงานชายหญิงคนอื่นที่ทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมองแว้บหนึ่งแล้วกลับไปก้มหน้าทำงานกันต่อ

 

 

“…นายอาจจะผิด แต่สำหรับพวกฉัน นายต้องถูกเสมอ” ผมย่นคิ้ว พีทยิ้มหึอย่างดูถูก

 

 

“อะไรนะ” พีทยิ้มหยันเล็กๆ ผมไม่ค่อยชอบรอยยิ้มนั้นเท่าไหร่ แต่ก็ข่มใจไม่ให้ตัวเองหงุดหงิดหรือโมโหไปมากกว่าที่เป็นอยู่

 

 

“ฉันนี่มัน…” เขาทำสีหน้าครุ่นคิดผสมกับทีท่าลำบากใจปลอมๆ นั่นสักแปบ “…ช่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัว”

 

 

ผมนึกถึงภาพพีทที่ยิ้มให้ผมเมื่อวานหลังจากจ่ายเงินให้ผม ภาพนั้นถูกทดแทนด้วยลักษณะนิสัยเดิมๆ ของเขาที่มีต่อผมคนเดียว

 

 

“คุณสื่อมาตรงๆ เลยดีกว่า” ผมเริ่มเสียงแข็ง มองเขาด้วยความไม่พอใจ พีททำตาโตเล็กน้อยก่อนยกสองมือขึ้นข้างลำตัว

 

 

“อุ อู้ว ฉันเผลอเล่นคนเส้นใหญ่ซะแล้วสิเนี่ย” ผมกัดฟันแน่น มองใบหน้าขาวคมของพีทด้วยความอดทนอดกลั้น ผมละเกลียดท่าทีนี้ของเขาจริงๆ

 

 

“มีงานอะไรให้ผมทำบ้าง” ผมตัดสินใจปัดเรื่องที่เขากระแนะกระแหนทิ้ง คิดซะว่ามันคือปกติของเขา แค่อาจจะเพิ่มเลเวลขึ้นมาเท่านั้นเอง

 

 

“เลือกเอาตามสบายเลยว่าอยากทำอะไร ฉันไม่กล้าใช่นายแล้วละ” ผมอ้าปากขึ้นนิด ยิ้มขัดเล็กน้อย กะพริบตาสองสามทีมองหน้าคนพูด

 

 

“หลังจากที่ใช้ผมเหมือนว่าผมเป็นทีมงานในกองคนเดียวมาตลอดน่ะเหรอ” ผมไม่ได้เหวี่ยง แต่น้ำเสียงก็ไม่ดี คนที่อยู่ในเต็นท์หยุดทำงานแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมที่กำลังมองหน้าพีทด้วยสายตาหมั่นไส้กับท่าทีของเขา

 

 

“ขอโทษก็แล้วกันนะ…”

 

 

“…ไม่ต้องมาขอโทษ ผมมาทำงาน คุณมีสิทธิ์สั่งผมอยู่แล้ว วันนี้ผมผิดที่มาสาย ผมยอมรับ แต่มารยาทที่คุณแสดงต่อผมมันแย่มาก ทั้งๆ ที่ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณชอบแสดงนิสัยแย่ๆ กับผม แต่ไม่คิดว่ามันจะแย่ได้อีก” ผมพยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นน้ำเสียงเรียบๆ นิ่งๆ ไม่อยากอาละวาดวีนแตก ตะโกนเสียงดังใส่หน้าเขา เพราะจะทำให้เราเป็นจุดเด่นมากกว่าเดิม

 

 

“ถ้างั้นก็ไปบอกแฟนนายผู้ยิ่งใหญ่ด้วยนะว่านายเต็มใจทำ ไม่ใช่เพราะฉันบังคับ” พีทเถียงกลับเสียงแข็งตาแข็ง ท่าทางเขาดูเบื่อหน่ายและสุดจะทน ผมย่นคิ้วเล็กน้อยแต่ก็คลายออกอย่างรวดเร็ว

 

 

“เขาเกี่ยวอะไรด้วย” ผมเลือกจะไม่พูดชื่อวิคเตอร์ เพราะไม่ใช่เธอหรือเขาทุกคนที่รู้เรื่องของผมกับพ่อพระเอกหนวดเครารุงรัง รู้อยู่ไม่กี่คน และผมขอบคุณมากที่คนที่รู้ไม่พูดหรือเม้าท์ต่อ

 

 

หนึ่งในนั้นก็คือพีท เห็นแบบนี้แต่เขาไม่เคยพูดหรือนินทาเรื่องผมกับวิคเตอร์เลย หรืออาจจะเคยแต่ผมไม่รู้ก็ได้มั้ง

 

 

 

“He is such a good boyfriend, doesn’t he? (เขาเป็นแฟนที่โคตรดีเลยว่ามั้ย)” พีทยิ้มเยาะอีกทีแล้วเดินจากไป ทิ้งความไม่เข้าใจและความไม่พอใจไว้ให้กับผม ที่ไม่พอใจมากๆ คือการทิ้งปริศนาบ้าบออะไรไว้แบบนี้ มันทำให้คนขี้เผือกอย่างผมอึดอัดโว้ย!

 

 

ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ตรงนั้นสักพัก หันไปมองออสตินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลางก้มกดมือถือด้วยสายตาหงุดหงิด คือปกติพีทก็ไม่ได้ดีอะไรกับผมนักหรอก มีเมื่อวานนั่นแหละที่ดูเหมือนระว่างเราสองคนดูจะเข้าใกล้คำว่าเพื่อนร่วมงานกันมากที่สุดจากคำว่านายกับทาส แต่วันนี้มันกระเถิบออกห่างเหมือนเดิมอีกละ ไม่รู้ไปโดนตัวไหนมาถึงได้ออกอาการแขวะอีกรอบ

 

 

“มีอะไรให้ทำมั้ย” เมื่อไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรต่อ ผมเลยเดินกลับเข้าไปในเต็นท์และถามพวกทีมงานคนอื่น ทุกคนส่ายหน้าพร้อมกัน

 

 

“พีทบอกว่านายไม่ต้องทำอะไร” ผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลที่มีตำแหน่งเป็นการเงินของกองถ่ายเอ่ยบอก จังหวะนั้นมีทีมงานผู้ชายหัวหยิกตัวผอมคนหนึ่งลุกขึ้นเดินออกไปจากเต็นท์

 

 

“อ้าว ผมไม่ต้องทำอะไร คือยังไงเหรอ” เธอทำตาโตแล้วยักไหล่สองข้างประมาณว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมมองทีมงานอีกสองคนที่เป็นผู้หญิงกับผู้ชาย สองคนนั้นมองหน้าผมแล้วยิ้มแกนๆ กลับมาให้ก่อนก้มลงไปทำงานต่อ ผมขบกรามแน่น หมุนตัวเดินออกจากเต็นท์ เดินกลับไปหาผู้กำกับที่กำลังจะลุกเดินไปทางอื่น

 

 

“เจมส์…” ชื่อผู้กำกับที่ผมเรียกเขาอยู่ไม่กี่ครั้งหรอก

 

 

“…พีทเป็นอะไรรึเปล่า และคุณเองก็เป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมผมถึงไม่ต้องทำงานอะไรและทำไมถึงสามารถทำตัวตามสบายได้” ผมถามอย่างอดทนไม่ให้ตัวเองปล่อยอารมณ์พุ่งปรี๊ด เจมส์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง

 

 

“นายทำงานหนักเกินไป และฉันต้องขออภัยด้วยที่ไม่ระบุตำแหน่งงานของนายให้ชัดเจน”

 

 

“ถ้าจะบอกว่าผมเป็นคนเขียนบท ก็ไม่ใช่แล้วครับ เพราะผมแค่เอาไปแก้ ไม่ได้เขียนเปลี่ยนใหม่อะไรเลย” ผู้กำกับมองหน้าผมนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วเขาก็ถามกลับมาให้ผมคิด แต่เป็นการให้คิดที่ตลกมาก

 

 

“แล้วตอนนี้เธออยากทำหน้าที่อะไรในกองถ่ายล่ะ” ผมอ้าปากหวอ ถามแบบนี้หมายความว่าไงกัน เขาถามเหมือนผมมาสมัครงานใหม่ในกองถ่ายงงั้นแหละ ผมอยู่กับเขามาครึ่งทางแล้วนะ อีกเดือนกว่าๆ หนังก็จะถ่ายจบแล้ว

 

 

“แล้วทุกวันนี้ผมทำอะไรล่ะครับ”

 

 

“ฉันว่าตำแหน่งเธอมันยังไม่ชัดเจน เธออยากเป็นตำแหน่งไหนล่ะ บอกมาเลย” ผมเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจ ถึงเขาจะไม่มีท่าทีประชดหรือกระแนะกระแหน แต่เขาก็แอบกวนตีนเล็กๆ

 

 

“วันนี้มันอะไรกัน บอกผมหน่อยได้มั้ย มีใครมาพูดอะไรงั้นเหรอ” มันต้องมีซัมติงสิ ไม่มีไม่ทำตัวประหลาดกันขนาดนี้หรอก

 

 

เจมส์ยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบ “ฉันกับพีทโดนวิคเตอร์จวกเละเลยละ”

 

 

คิ้วผมย่นเข้าหากันนิดๆ ริมฝีปากอ้าค้างหน่อยๆ มองชายสูงวัยร่างผอมท่าทางกระฉับกระเฉงด้วยความรู้สึกงุนงงปนใจหวิวแปลกๆ

 

 

“วะ… วิคเตอร์มาที่นี่เหรอ” ผมถามเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความกลัวในอก ขนผมตั้งชันจนนึกว่ามีผีมาวนเวียนอยู่แถวนี้

 

 

“ใช่ เขาก็… ไม่ได้อาละวาดอะไรนักหนาหรอก แต่ก็ทำเอาทีมงานสองสามคนที่บังเอิญอยู่กับฉันและพีทช็อคไปพักใหญ่” ผมรู้สึกเหนื่อยใจเหนื่อยกายขึ้นมาทันทีทั้งที่ยังไม่รู้ว่าวิคเตอร์พูดอะไรไปบ้าง แต่ผมพอจะนึกถึงสีหน้าและบรรยากาศในตอนที่เขาพูดได้ แค่ไม่รู้ว่าเลเวลไหน

 

 

“ผมขอโทษแทนเขาด้วยครับ คือ… เขาพูดอะไรก็ตาม แต่ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่ที่ผม” เจมส์ยิ้มเยาะ คราวนี้เขาเยาะจริงๆ แบบไม่มีปิดบัง

 

 

“ฉันว่าไม่ใช่” เขายกมือขึ้นตบบ่าผมแล้วเดินจากไป ทิ้งความหนักอึ้ง ความไม่สบายใจให้ผมไว้เต็มอก หัวสมองผมตื้อ ไม่รู้จะสั่งการตัวเองยังไงดี และไม่รู้แล้วว่าจะต้องรู้สึกเบื่อกับเอือมพฤติกรรมวางอำนาจของวิคเตอร์ได้อีกเท่าไหร่

 

 

 








เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               อะ อีพี่ยักษ์ Make a trouble (เมคอะทรบเบิล) สร้างปัญหาให้น้องอีกแล้วค่ะ

              เหมือนตอนนี้ทั้งสองคนหันหลังคุยกัน แล้วเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นในฝั่งตัวเองให้อีกคนฟัง อีผัวก็หวังดี อีเมียก็อยากให้เข้าใจ ตอนนี้มันไม่ไปด้วยกัน เหมือนสะกัดขากันอยู่อะเนาะ ทุกปัญหามีทางออกและทุกทางออกก็มีปัญหานะคะทั้งสองคน

               มาสั้นๆ หน่อยเน้อ แต่ก็เน้นๆ เนื้อหาโนะ (เหรอยะ?) พาร์ทสามเนี่ย เท่าที่สังเกตการเขียนของตัวเอง แต่ละตอนเนื้อหาจะไม่ได้ยาวเฟื้อยแบบแต่ก่อนแล้ว แต่ก็ฟันธงไม่ได้ ต้นฉบับยังไม่จบ ตอนต่อๆ ไปอาจยาว 555555

               ก็ยังขาดหวาน เติมน้ำตาลกันสักช้อนสองช้อนมั้ยคะสองสามีภรรยาคู่นี้ คนอ่านอิฉันจะเป็นโรคขาดน้ำตาลแล้ว / เสียงตะโกนมาว่ามันขึ้นอยู่กับมึงแหละอีคนเขียนนนน

               ใครที่รอพี่แซ็คอยู่ ตอนแรกของพี่แซ็คจะลงหลังจากอัพตอนที่ 12 ของเรื่องนี้จบแล้วค่ะ แต่ตอมเปิดลิงก์เรื่องไว้แล้ว ยังไม่มีเนื้อหาอะไรค่ะ เป็นลิงก์สำหรับลงเรื่องเฉยๆ แต่ก็ตกแต่งไปแล้วนิดหน่อยยย

               เจอกับอีกครึ่งที่เหลือนะคะ

               

               ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ

     

แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-09-2017 19:49:34
เดี๋ยวได้ทะเลาะกันอีก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 22-09-2017 19:59:24
ทำไมเรารู้สึกว่าวิคเตอร์ทำถูกแล้ว  o13 คนในกองถ่ายทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง แล้วฝากแมทมาทำตำแหน่งไหนกันแน่ งงใจ แมทก้นะ เข้าใจว่าอยากทำงานแบบไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่เราเชื่อว่าต่อให้วิคเตอร์ไม่ทำแบบนี้ก้ยังมีปัญหาเรื่องอื่นๆแน่ล่ะ ดูจากนิสัยคนในกองแล้ว  :z6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-09-2017 20:00:29
เราว่า วิคเตอร์ก็ทำถูกนะ กองถ่ายอะไร อีตาพีทนี่ใช้งานแมทเหมือนแกล้ง ซื้อของ ขับรถ แก้บท ยกของ อะไรสาระพัด เหยียดๆ อักต่างหาก แต่ พอวิคเตอร์ไปพูดก็ประชดเหรอ ตกลงจ้างแมทมาทำหน้าที้อะไรกันแน่ วันหยุดก็โทรหา มันเกินไปจริงๆอ่ะ
แต่ สำหรับแมท มันคงเป็นปัญหาใหญ่แน่
เดี๋ยวก็ตีกันอีก สองผัวเมีย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-09-2017 20:27:19
ลาออกไปโล้ด ถ้าไม่อยากให้ทำงานอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-09-2017 21:01:37
เฮ้อออ เด้ยวก็ทะเลาะกันอีก น่าเบื่ออะ เราว่ามันเริ่มน่าเบื่อแล้วนะ ทะเลาะกันปัญหาเดิมไหม แมทก็ยอมเป็นเบ๊เขาตลอด เหมือนคนไม่มีความสามารถอะไรเลย ให้ฝรั่งเหยีด จิกหัวใช้ไปวันๆ แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ เป็นวิกเตอร์เราก็ไม่ยอมนะ เฮ้ออ โกรธคนแต่งด้วยอะ  ทำให้แมทไม่เห็นคุณค่าตัวเองเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 23-09-2017 00:47:02
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 23-09-2017 00:52:25
สรุปอิยักษ์ผิด?? ขนาดมาทำงานตัวเองยังไม่รู้ตำแหน่งตัวเองเลยอะแมท ยังทำงานงกๆ ต้องการจะพัฒนาตัวเอง อยากเป็นนักเขียนบท อยากยืนด้วยขาตัวเอง ไหนละได้พัฒนาอะไร ก็เห็นเป็นเบ๊เค้าตลอดนิ จริงๆคู่นี้มันก็มีปัญหาตลอดอยู่แล้วเนอะ ไม่อยากไปอินมาก เดี๋ยวก็อิหรอบเดิม เดี๋ยวก็ดีกัน จริงๆชอบเรื่องนี้มาก แต่ตอนนี้เราว่ามันเริ่มน่าเบื่อแล้วอะ ขอโทษคนเขียนด้วยนะ เหมือนต้องมาอ่านผัวเมียทะเลาะกัน ดีกัน วนลูปอย่างงี้อะ เข้าใจว่าชีวิตคู่ แต่สองคนนี้ปรับตัวหากันอะไรยังไง มองไม่ค่อยชัดเลย นอกจากsexที่เข้ากันได้ดี (มากกกก)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-09-2017 03:30:14
เราว่า วิคเตอร์ก็ทำถูกนะ กองถ่ายอะไร อีตาพีทนี่ใช้งานแมทเหมือนแกล้ง ซื้อของ ขับรถ แก้บท ยกของ อะไรสาระพัด เหยียดๆ อักต่างหาก แต่ พอวิคเตอร์ไปพูดก็ประชดเหรอ ตกลงจ้างแมทมาทำหน้าที้อะไรกันแน่ วันหยุดก็โทรหา มันเกินไปจริงๆอ่ะ
แต่ สำหรับแมท มันคงเป็นปัญหาใหญ่แน่
เดี๋ยวก็ตีกันอีก สองผัวเมีย

ทำไมเรารู้สึกว่าวิคเตอร์ทำถูกแล้ว  o13 คนในกองถ่ายทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง แล้วฝากแมทมาทำตำแหน่งไหนกันแน่ งงใจ แมทก็นะ เข้าใจว่าอยากทำงานแบบไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่เราเชื่อว่าต่อให้วิคเตอร์ไม่ทำแบบนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องอื่นๆแน่ล่ะ ดูจากนิสัยคนในกองแล้ว  :z6:

คิดเหมือนนะ
วิคเตอร์ ทำถูกแล้ว  ที่ไปบรีฟกองถ่าย
แต่คนที่กองถ่ายก็แย่ นิสัยเสีย แบบไม่รู้ตัวเองว่าเลว
ใช้งานแมทหัวปักหัวปำ โดยเฉพาะอีพีท
ผู้กำกับก็เหมือนกัน แมทใช้ได้ก็ใไช้ใหญ่ มีเบ๊มาประเคนตัวเองให้ใช้นี่

คนผิดที่สุดคือแมท ผ่างงงงงงง
ไปทำตัวยอมเป็นเบ๊เขา เพราะอยากเรียนรู้งาน เพราะความไฟแรงของตัวเอง
จนมันตกอยู่ในสภาพที่ลามไปถึงวิคเตอร์ เพราะแมทบ้างานพักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาให้วิคเตอร์

เชื่อได้ว่าแมท ยังไม่รู้ความผิดของตัวเอง  :hao3:
กลับไปอาละวาดกับยักษ์แน่ :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 50% :22.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-09-2017 08:26:25
ทะเลาะกันบ้านแตกแน่ๆ
ผิดกันทั้งคู่ละนะ แมทก็ทำงานมากไป สนใจคนที่ต้องการให้สนใจน้อยลง
เตอร์ก็ก่าวก่ายงานแมทเกินไปละมั้ง
งานนี้เคลียร์กันยาวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-09-2017 17:11:20


Yours and Mine EP.10 [100%]



เป็นการออกกองที่อึดอัดและน่าเบื่อหน่ายที่สุด ตลอดเวลาที่อยู่ในกองถ่ายวันนี้ ไม่มีใครใช้ผมเลยสักคน จากที่เคยเรียกหา เรียกใช้ ทุกคนเปลี่ยนไป ย้ำว่าทุกคน ถึงจะไม่ใช่ทุกคนในกองถ่าย แต่คนที่เคยใช้ผม ไหว้วานผม ไม่มีเลยสักคนที่จะนึกถึงอีแมทคนนี้ ผมไม่รู้ว่าใครได้ยินสิ่งที่วิคเตอร์มาพูดบ้าง แต่พีทดักทุกคนที่กำลังจะเข้ามาใช้ผม หรือเรียกหาผม เขาจะแทรกด้วยอาการแขวะทันที

 

 

‘โอ้ว ม่าย ไม่ อย่าใช้เขาเลย เธอไม่อยากมีปัญหาทีหลังหรอกนะ’

 

 

เขาพูดทำนองนี้กับทุกคนที่คิดจะให้ผมทำงานให้ เลยกลายเป็นว่าผมต้องเสนอตัวไปช่วยเอง บางคนก็ให้ผมทำ บางคนก็ไม่ แต่ยังดีของดีมากที่ไม่ได้มีใครแสดงท่าทีแอนตี้หรือเหยียดใส่ผมแบบที่พีททำ

 

 

ผมอยู่ในกองวันนี้ด้วยความอึดอัดและไม่สบายใจ ผมอยากโทรหาวิคเตอร์ แต่ก็เกรงว่าจะยิ่งอารมณ์เสีย เลยเลือกจะรอจนกระทั่งเลิกกอง เลิกไปแบบเหงาๆ เพราะอารมณ์ผมหม่นหมองมาก

 

 

“Thank you.” ออสตินจ่ายตังค์ให้คนขับอูเบอร์ที่เขาเรียกมาให้มารับที่กอง ผมถอนหายใจทิ้งไปกับอากาศยามเย็นตรงหน้าบ้านแล้วเดินขึ้นบันไดบ้านไปแบบเฉื่อยๆ วิคเตอร์กลับมาแล้ว เห็นได้จากรถที่จอดอยู่ด้านหน้า จะว่าไม่อยากเจอหน้าเขาก็ไม่ใช่ มันเป็นอารมณ์ไม่พร้อมจะเห็น ไม่พร้อมจะเจอมากกว่า เออ ก็ไม่อยากเจอนั่นแหละ

 

 

ทำไมนะ แทนที่เขาจะเป็นคนซัพพอร์ตผมที่สุด แต่กลับทำให้ผมสะดุดที่สุดแล้วตอนเนี้ย

 

 

“เฮ้…” ผมกลอกตาเล็กๆ ในขณะที่กำลังยืนดื่มน้ำส้มอยู่ในครัว วิคเตอร์ในสภาพใส่เสื้อยืดสีขาว ท่อนล่างใส่กางเกงขาสั้นผ้าร่มสีดำ บนหัวมัดผมเป็นจุก เดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทีปกติ

 

 

“…วันนี้เลิกเร็วดีนี่” เขายิ้ม แต่ผมยิ้มไม่ออก ผมกำแก้วน้ำสีใสแน่น มองเขาด้วยความเคืองในระดับที่บอกไม่ได้ว่าเคืองระดับไหน แต่ในใจใจคือเต้นตุ๊บๆ

 

 

“เป็นอะไร” เขาย่นคิ้วด้วยความสงสัย ผมถอนหายใจ วางแก้วลงบนโต๊ะหินอ่อน เม้มปากเบาๆ และคุมสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ให้อารมณ์ขุ่นมัวมาดึงความรู้สึกให้เป็นพิโรธ

 

 

“คุณไปที่กองมาเหรอ” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งเหมือนกำลังคิด

 

 

“กองฉัน? ใช่ ฉันไปมา วันนี้มีอ่านบท” ผมทำปากยื่นนิดๆ

 

 

“เปล่า หมายถึงกองถ่ายของผม คุณไปที่กอถง่ายที่ผมทำงานอยู่มาเหรอ” ผมขยายความด้วยความรู้สึกอดทนอดกลั้น รู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีไม่รู้เรื่องรู้ราวของเขาซะเหลือเกิน

 

 

“อ้อ...” วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปาก แล้วยักไหล่สองข้าง ออสตินเดินเข้ามาในบ้าน เราสองคนหันไปมองเขา

 

 

“ผมจะขอตัวออกไปหาไดอาน่าสักชั่วโมงครับ” ออสตินพูดด้วยท่าทีปกติ เหมือนขอไปซื้อกับข้าวที่ตลาดอะไรแบบนั้น ผมหยิบแก้วไปวางไว้ในอ่างล้างจาน

 

 

“ไปเถอะ กี่ชั่วโมงก็ได้ ฝากทักทายไดอาน่าด้วยนะ เอารถฉันไปได้เลย ฉันไม่ได้ใช้” วิคเตอร์หยิบกุญจบนเค้าน์เตอร์บาร์แล้วโยนให้ออสติน พ่อบอดี้การ์ดรยกมือรับอย่างแม่นยำก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากนอกบ้าน ทิ้งให้เราเหลือกันสองคน

 

 

“เย็นนี้กินอะไรดี” วิคเตอร์หันกลับมาถาม ซึ่งเป็นการถามแบบเปลี่ยนไปเรื่องอื่นทั้งที่เรื่องนั้นยังไม่เคลียร์ ทำเอาผมรู้สึกเพลียกับอาการตีมึนของเขา

 

 

“ตอบผมก่อนมั้ยว่าไปทำอะไรที่กองผมมา” วิคเตอร์เดินมานั่งบนเก้าอี้ไม้ทรงสูงสีน้ำตาล เอาศอกวางค้ำร่างตัวเองบนโต๊ะหินอ่อนด้วยท่าทีสบายๆ

 

 

“ฉันไปคุยกับไอ้พีทแล้วก็ไอ้ผู้กำกับมา”

 

 

“คุณไปคุยว่าอะไร” วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปาก แสร้งมองผมด้วยสายตาเป็นเครื่องหมายคำถาม

 

 

“นายรู้อยู่แล้วมั้ง ไม่งั้นไม่มีท่าทางแบบนี้ใส่ฉันหรอก” ผมพ่นลมหายใจ ชั่วขณะหนึ่งผมไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไงดีกับท่าทีนี้

 

 

“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณไปพูดอะไร เพราะคนที่กองแทบไม่อยากจะพูดกับผมเลย…” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น เอามือซ้ายลูบใต้คางเบาๆ ผมเห็นแล้วอยากกระตุกเคราทั้งแผงให้หลุดออกจากหน้า

 

 

“…ไม่ว่าคุณจะไปคุยกับพวกเขาว่าอะไร แต่มันส่งผลถึงผม…” วิคเตอร์ยักคิ้วหนึ่งที ผมรีบอ้าปากพูดต่อทันที

 

 

“…ผลเสียนะ ไม่ใช่ผลดี” วิคเตอร์ยิ้มทะเล้น มีหัวเราะในลำคอเบาๆ ด้วย

 

 

“แต่ถ้าฉันไม่พูด นายก็ได้ผลเสียเหมือนกันนั่นแหละ”

 

 

“ผลเสียอะไรของคุณ ผมทำงานตามปกติ แต่พอคุณไปคุยกับพวกนั้น ผมแทบไม่ได้ทำงานอะไรเลย” น้ำเสียงผมเริ่มเหวี่ยงนิดๆ ตอนแรกจะไม่หงุดหงิดเท่านี้หรอกถ้าท่าทีของวิคเตอร์ไม่ชิลแบบนี้ ดูเขาไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยกับผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ดูสิ เขาไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรจริงๆ นั่นแหละ และผมเชื่อด้วยว่าเขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำไปจะส่งผลยังไง แต่นี่คือวิคเตอร์ คนที่นึกอยากทำอะไรก็ทำ

 

 

“ก็ดีแล้วไง” ผมหน้านิ่ง ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นในอกมากขึ้น

 

 

“วิคเตอร์ มันไม่ดี มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่เป็นแบบนี้ ผมคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วรึเปล่าว่าผมต้องการอะไร”

 

 

“นายรู้เรื่องอยู่คนเดียวมากกว่า” จากน้ำเสียงสบายๆ ไม่ได้มีทีท่าอารมณ์เสียหรือเกรี้ยวกราดมาก่อนก็เปลี่ยนเป็นเสียงแข็งขึ้นมาทันที เล่นเอาผมสะดุ้งไปนิดนึงเหมือนกัน

 

 

“ก็…”

 

 

“…ฉันแทบไม่อยากรู้ห่าเหวอะไรกับความฝัน ความต้องการของนาย!” อะไรวะ ขึ้นเสียงใส่ผมเฉย ไม่ได้ตะคอกก็จริง แต่เสียงดุอีกแล้ว ได้ยินเสียงแนวนี้บ่อยมากเรื่อยเนี่ยช่วงนี้

 

 

“วิคเตอร์!” ยังคิดประโยคยาวๆ ไม่ออก แต่ขอเสียงดังสู้กลับไว้ก่อน เรียกชื่อมันนี่แหละวะ

 

 

“ทุกวันนี้นายทำงานเหมือนคนโง่ โง่ให้มันใช้นายทั้งที่บางอย่างมันไม่ใช่สิ่งที่นายต้องทำ แล้วนายก็ยอมทำแบบโง่ๆ ด้วย!” เฮ่ย! เมื่อกี้ยังชิล ยังมีท่าทีไม่เดือดไม่ร้อนอะไร ทำไมตอนนี้ถมึงทึงหน้าตึงแบบนี้ล่ะ

 

 

“ผมเต็มใจทำ ไม่ได้ทำเพราะผมโง่!” ผมเสียงแข็งกลับบ้าง มาหาว่าโง่กันง่ายๆ อย่างนี้ได้ยังไง คนกำลังสู้กับงาน ทำไมถึงพูดจาแบบนี้นะ

 

 

“นายถึงเป็นเหมือนพรมเช็ดเท้าประจำกอง ทุกคนจะเหยียบนายตายหมดแล้ว!” ผมย่นคิ้วฉับ

 

 

“ไม่ใช่!” ผมเริ่มเถียงเหมือนเด็กๆ ที่เริ่มจะเถียงในรูปแบบแถ

 

 

“อยากรู้ใช่มั้ยฉันไปบอกมันว่าไง ฉันบอกไอ้ผู้กำกับไปว่า หน้าที่แฟนกูคืออะไรสั่งให้ชัดเจน มึงอย่าทำงานมั่ว ส่วนไอ้พีท ฉันบอกมันว่า เลิกอิจฉานายได้แล้ว” วิคเตอร์ไม่ได้ตะคอกเลยสักนิด แต่เสียงเขากระด้าง แววตาลุกวาว แววตาที่จ้องผมทำเอาผมกลัวอย่างไม่อาจหนีความจริงข้อนี้ได้

 

 

เขายังน่ากลัวเสมอเวลาที่เขาไม่พอใจ

 

 

“อิจฉาอะไร พีทมาอิจฉาอะไรผม” ผมถามเสียงที่พยายามไม่ให้สั่น วิคเตอร์ยกมือชี้หน้าผม หน้าตาเหมือนจะเน้นย้ำกับประโยคที่จะพูด

 

 

“อิจฉาที่นายเป็นเมียฉันไง…” แล้วเขาก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แว้บแรกผมอ้าปากหวอนึกว่าพีทชอบวิคเตอร์ แต่เปล่า

 

 

“…ไอ้พีทมันเกลียดพวกเด็กเส้น ที่สำคัญคือมันมันเกลียดฉัน แล้วนายดันเป็นแฟนฉันที่ฉันฝากนายเข้าไปทำงาน” คล้ายว่าจะซับซ้อนแต่พอแยกประโยคออกจากกันดีๆ ก็พอจะเข้าใจได้

 

 

ผมยืนเบลออยู่พักนึง รู้สึกเหมือนสมองเป็นเหน็บชาไปชั่วขณะ

 

 

“ต่อให้ฉันไม่พูด ไอ้พีทมันก็จะยังไม่ชอบนายไปตลอดนั่นแหละ ไม่ต้องไปพิสูจน์อะไรกับมันหรอก เพราะมันจะไม่มีวันมองนายในแง่อื่น!”

 

 

“ไม่จริงอะ เมื่อวานเขามีท่าทีดีกับผมขึ้นเยอะมาก แต่พอคุณไปพูดนั่นแหละ วันนี้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว และมันลามปามไปถึงคนอื่นๆ ด้วย!” ผมไม่อาจทำเสียงเรียบแต่ยังคงดุและทรงอำนาจได้เหมือนเขา ผมเลยพูดเสียงดังลั่นห้องครัว แต่ก็ยังไม่ถึงกับลั่นบ้าน

 

 

“งั้นก็เลิกทำงาน ถ้าในเมื่อไม่มีใครให้งานนายทำ ก็ไม่ต้องทำ ออกมาซะ” ผมมองวิคเตอร์ด้วยความเสียใจ รู้สึกน้อยใจที่เขาดูจะไม่เข้าใจอะไรเลย

 

 

“ทำไมอะ คุณควรเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุดว่าระบบการทำงานมันเป็นยังไง…”

 

 

“…ฉันเข้าใจว่างานมันเป็นยังไง แต่นายกำลังตะเกียกตะกายเกินเหตุ!”

 

 

“ก็แล้วจะทำไมล่ะ!!” ผมเพิ่มเลเวลเสียงของตัวเอง และที่เพิ่มมาด้วยคือน้ำตาคลอเบ้าตา ไอ้ยักษ์ยังคงเรียบเฉย แต่รังสีอำมหิตแผ่รอบตัวอย่างน่ากลัว

 

 

“ผมอยากทำ ผมเต็มใจทำ ถึงมีบางครั้งผมจะเหนื่อยมาก คิดว่ามันไม่ยุติธรรม แต่ผมก็ยังอยากทำ คุณควรเข้าใจผมสิ!” ผมยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาข้างขวา

 

 

“เพราะฉันเข้าใจนายไง ฉันถึงไม่อยากให้นายทำ” วิคเตอร์มองผมตานิ่งสนิทไม่มีกระพริบ มันคือการมองแบบที่กำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ในดวงตาสีน้ำผึ้งข้นคู่นั้น

 

 

“เข้าใจแต่ไม่อยากให้ทำ ตรรกะอะไร?!...” ผมถามด้วยความเดือดเล็กๆ พูดอะไรของเขา แถมเดี๋ยวนี้รู้จักทำตัวมีลับลมคมใน มีอะไรซ่อนไว้ในอกไม่ยอมยกออกมาบอกกันหรอกนะ

 

 

“…คุณทำให้ช่องหว่างระหว่างผมกับเพื่อนร่วมงานมีมากขึ้น รู้บ้างรึเปล่า”

 

 

“แล้วระหว่างเราล่ะ นายรู้บ้างรึเปล่า?” ผมขมวดคิ้ว มองใบหน้าตึงดวงตาคมกริบด้วยความหงุดหงิด

 

 

“ระหว่างเราก็นี่ไง ผมอยู่กับคุณ คุณอยู่กับผม” วิคเตอร์ยิ้มหึ มองผมด้วยสายตาที่อ่อนลง แต่ไม่ใช่เพราะอ่อนโยน แต่เหมือนเขากำลังหมดหวัง

 

 

“ต้นเดือนที่ผ่านมา จำได้มั้ยว่าเราต้องไปไหน” ผมยังคงย่นคิ้วมองเขา กำลังพยายามนึกว่าจะไปไหนกัน แต่ยังไม่ทันนึกออกวิคเตอร์ก็หมุนตัวลุกเดินไปหยิบกระดาษสองสามแผ่นจากเค้าน์เตอร์บาร์มาและกลับมานั่งที่เดิม

 

 

“ฉันแคนเซิลตั๋วไปอังกฤษแล้ว นายไม่เคยพูดถึงมันเลย ลืมบ้านหลังนั้นแล้วใช่มั้ย” วิคเตอร์พูดเสียงดุเหมือนเดิมแล้วโยนกระดาษมาทางผม กระดาษแยกออกจากกันแล้วปลิวลอยคว้างในอากาศอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงบนพื้นโต๊ะหินอ่อน ผมมองกระดาษพวกนั้นแว้บหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

 

 

“ตอนนี้นายสนใจอะไรบ้างในชีวิตนอกจากคำสั่งจากคนพวกนั้นกับหน้าที่ที่เกินตัวของนาย” วิคเตอร์ยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่คล้ายจะสมเพชผมเล็กๆ นั่นเลยทำให้ผมยังคงไม่พอใจอย่างต่อเนื่อง แม้เมื่อกี้จะรู้สึผิดไปวูบหนึ่งก็ตาม

 

 

“ผมทำงานนะวิคเตอร์”

 

 

“เออ! ทำงาน ใช่ นายทำงาน ฉันรู้แล้ว เพราะฉันเห็นมันมาตลอดเดือน ไม่ต้องพูดย้ำๆ ซ้ำๆ รำคาญ!” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น มองเขาผ่านม่านน้ำตาที่ก่อตัวขึ้น วิคเตอร์คล้ายคนใกล้จะฟิวส์ขาดเข้าไปทุกที เสียงเมื่อกี้ทำเอาผมใจหวิวไปทั้งอก

 

 

“งั้นถ้ารู้แล้วก็อย่าทำแบบนี้สิ ปล่อยให้ผมทำงานไป คุณบอกคุณเข้าใจ งั้นคุณต้องเข้าใจจริงๆ สิว่าผมทำงาน คุณอย่ามาระรานหน้าที่ผมได้มั้ย” ผมสะอื้น ทั้งโกรธ ทั้งกลัวเขาในเวลาเดียวกัน วิคเตอร์มองผมด้วยความหงุดหงิดแบบที่ผมรับรู้ได้

 

 

“ฉันกลายเป็นคนอันธพาลเพียงเพราะฉันหวังดีใช่มั้ย” เขาถามเสียงเรียบอารมณ์ ผมที่กำลังขุ่นมัวกับอารมณ์และการกระทำของเขาเลยไม่อยากใส่ใจไตร่ตรองมากมาย

 

 

“คุณทำให้ผมใช้ชีวิตในกองลำบาก” ผมพูดทั้งน้ำตา แต่ก็ไม่ได้ฟูมฟาย มันเหมือนร้องไห้ปลดปล่อยความเหนื่อยกับนิสัยของเขามากกว่า

 

 

วิคเตอร์กระตุกยิ้มหนึ่งทีแล้วลุกขึ้นยืน เขาหยิบเก้าอี้ที่เขานั่งขึ้นมาแล้วฟาดลงบนขอบโต๊ะหินอ่อน ผมหลับตาปี๋ ลำตัวสะดุ้งด้วยความตกใจกลัว พอลืมตาขึ้นก็เห็นเก้าอี้หักเป็นสองท่อน ส่วนฐานนั่งไถลมาตรงหน้าผม ส่วนขาตั้งหักคามือวิคเตอร์ ขอบโต๊ะหินอ่อนแหว่งเพราะแรงกระแทก ผมไม่กล้ามองหน้าวิคเตอร์เพราะกลัว แต่รับรู้ได้ว่าเขาโคตรโกรธ

 

 

“เหี้ยเอ๊ย!” ผมหลับตาปี๋อีกครั้งเมื่อวิคเตอร์ง้างแขนขึ้นแล้วฟาดขาเก้าอี้ลงพื้นบ้านเสียงดังโครมคราม ผมกลั้นสะอื้นเพราะกลัวเสียงร้องตัวเองจะทำให้เขาหงุดหงิด วิคเตอร์หมุนตัวเดินออกไปจากครัว ทิ้งให้ผมยืนกลัวตัวสั่นคนเดียว

 

 

ตอนนี้ไม่รู้ว่าความรู้สึกกลัวหรือโกรธอันไหนมากกว่ากัน

           

 

ผมค่อยๆ ขยับร่างกาย ยกสองมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม รู้สึกว่าตัวสั่นเล็กๆ แต่ก็พยายามคุมตัวเองให้เดินออกไปจากครัวอย่างสงบนิ่ง ทิ้งซากความโมโหร้ายของวิคเตอร์ไว้เบื้องหลังอย่างไม่สนใจ ผมเดินผ่านห้องโถงของบ้านขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าวิคเตอร์นั่งอยู่ในนั้นหรือว่าไปไหนแต่ผมไม่อยากสนใจเขา

           

 

ตกเย็นผมไม่ได้กินข้าวและไม่ได้ทำอะไรให้วิคเตอร์กินด้วย ผมอยู่ในห้องคนเดียว นอนเปิดแม็คบุ๊คทำงานและเล่นอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยเปื่อย พอสักสามทุ่มก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมตัวนอน วิคเตอร์กลับเข้ามาในห้องในสภาพเดิมตอนสี่ทุ่มกว่าๆ เราไม่พูดกัน เขาอาบน้ำ เดินเปลือยออกมาจากห้องน้ำในสภาพผมเปียกหมาดๆ และมาล้มตัวลงนอนฝั่งตัวเอง

           

 

เขาทำเหมือนว่าผมไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย ผมมองเส้นผมของเขาแล้วก็อ่อนใจ ชอบเช็ดผมไม่แห้งอยู่เรื่อย แต่ก็ใจแข็งไม่ยอมเช็ดให้เขา ปล่อยให้เขาหลับนำไปก่อนแล้วก็ค่อยหลับตาม

           

 


คืนนั้นทั้งคืนเขาไม่กอดผม ไม่มีแม้กระทั่งโดนเผลอหรือละเมอมากอด

 

 

 








เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               ขอวิ่งไปหลบในหลุมภัยค่ะ ช่วงนี้คนอ่านเกียมปาระเบิดใส่เยอะมาก

               แต่อยากจะฝากบอกว่า จับมือไว้แล้วไปด้วยกันค่ะทู้กคน

               เหมือนได้ย้อนไปสมัยที่เขียนพาร์ทแรกเลยในความรู้สึก 555555

               เพลงเดิมกลับมาค่ะ... อดทนเวลาที่ฝนนนนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่างงงง เมื่อวันเวลาที่ฝนจางงงง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจจจจ

               ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังสตรองอยู่ด้วยกัน

               ใครที่รอพี่แซ็คอยู่ ตอนแรกของพี่แซ็คจะลงหลังจากอัพตอนที่ 12 ของเรื่องนี้จบแล้วค่ะ แต่ตอมเปิดลิงก์เรื่องไว้แล้ว ยังไม่มีเนื้อหาอะไรค่ะ เป็นลิงก์สำหรับลงเรื่องเฉยๆ แต่ก็ตกแต่งไปแล้วนิดหน่อยยย

               เจอกันตอนต่อไปนะคะ

               

               ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-09-2017 17:26:49
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-09-2017 17:51:50
พีทเป็นฝรั่งประเภททำงานด้วยยาก นิสัยขี้อิจฉาออกนอกหน้าส่วนมากจะเป็นในเอเชียมากกว่ากว่า ส่วนแมท ยิ่งอ่านยิ่ง งง ทำไมนางต้องแคร์คนรอบข้างขนาดนั้น ทำเกินหน้าที่ รองมือรองเท้าแบบนี้ เฮียยักษ์ถึงไม่ยอมไง แต่เฮียก็ไม่ค่อยมีเหตุผลอ่ะ สองคนนี้เคยคุยกันด้วยเหตุผลมั้ยเนี่ย ทั้งสองฝ่ายสนใจแต่เหตุผลของตัวเอง ทะเลาะกันแต่เรื่องเดิมๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-09-2017 18:12:56
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: แมท ก็ยังไม่เข้าใจสถานภาพอยู่นั่นแหละ
วิกเตอร์ พูดออกชัดเจน แต่แมท ก็ยังแถ

แมท บอกเราก็อยู่ด้วยกัน แมทอยู่กับยักษ์ ยักษ์อยู่กับแมท
อยู่แบบแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กัน
แมท กลับถึงบ้าน ก็เหนื่อยหนักสาหัสง่วงหลับแบบไม่รู้เรื่อง
ไม่ได้คุยไรๆกับยักษ์เลย
กลายเป็นแมท ใส่ใจแต่กองถ่ายบ้างาน
ที่จริงปกติแมทก็เป็นคนบ้างานอยู่แล้ว
นี่เหมือนแมทอยากพิสูจน์ให้คนยอมรับฝีมือตัวเอง
แล้วถ้าคนจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ
แต่ถ้าครอบครัวพัง แมทยังยินดีกับผลงานอีกหรือ
หรือเมื่อคิดได้ก็สายไปแล้ว
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-09-2017 18:43:05
เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 27-09-2017 20:59:59
เพลียกับยัยแมท
ทำงานลืมผัวลืมบ้าน
แกเอ้ยยย คราวนี้ชั้นทีมพี่ยักษ์จ้าา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-09-2017 21:13:12
อ่อนใจแทนยักษ์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 27-09-2017 21:20:26
 :m16: จะดันทุรังให้ในกองถ่ายมันยกย่องว่ามีฝีมือ แล้วยังงัยต่อ ชีวิตคู่พัง เพราะไม่เข้าใจกัน
    แมทคงจะพอใจกับงานนี้ คงภูมิใจด้วยสินะ ดื้อจริงๆ
คนหวังดีกลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่วิกเตอร์พยายามจะอธิบาย
แมทก็พยายามพูดซ้ำๆ เหมือนเทปกลอกลับว่า เขาต้องทำงาน
วิกเตอร์ก็ทำงานเหมือนกัน ตอนนี้แมทเห็นแก่ตัวสุดๆ ไม่มองคนรอบข้าง
แต่มุ่งไปมองที่งานของตัวเอง เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ถ้าวิกเตอร์เดินจากก็คงเพราะทำตัวเอง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-09-2017 21:22:15
เข้าใจทั้งคู่นะ จะมีอะไรบ้างนะที่ทำให้ทั้งคู่ยอมถอยกันคนละก้าว แล้วหันหน้ามาคุยกันดีๆ คงต้องหาเด็กให้แมทเลี้ยงซะละมั้ง อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: amisezmin ที่ 27-09-2017 21:48:59
งานทำลายชีวิต :z3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-09-2017 22:09:48
ว่าแล้วสุดท้ายก็ทะเลาะกัน หมางเมินกันละทีนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 28-09-2017 23:45:13
รำคาญแมท ทำงานจนไม่มีเวลา คนแบบนี้ไม่รู้จักคิด ต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่ดีขึ้นหรอก มีแต่จะแย่งลง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 29-09-2017 07:48:31
ทีมยักษ์.  :o12:  :mew6:  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-09-2017 09:36:31
เฮ้อออ ทะเลาะกันอีกจนได้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.10 100% :27.09.60:
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 29-09-2017 22:54:20
เตอร์ไปคนเดียวเลย ปล่อยอิแมทไว้คนเดียวนั่นแหละ อยากทำห่าอะไรก็ทำไปเลย ดูสิจะรู้สึกตัวเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 30-09-2017 23:57:27


Yours and Mine EP.11 :: Silence. (ความเงียบ) [50%]



  ตอนที่ผมตื่นในเช้าวันต่อมา ผมก็ไม่เจอวิคเตอร์แล้ว แต่ผมเจอโทรศัพท์มือถือวางไว้บนฝั่งที่เขานอน ผมหยิบขึ้นมาเปิดเครื่อง มีการแจ้งเตือนจากโซเชียล แต่ไม่มีการแจ้งเตือนเรื่องสายไม่ได้รับ ผมนั่งนิ่งอยู่บนเตียงสักพักด้วยความรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ แต่ก็ทำเชิดลุกเดินไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พอเดินลงมาด้านล่างก็ไม่เจอวิคเตอร์ เจอออสตินกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะหินอ่อน ซากเก้าอี้หักเมื่อวานหายไปแล้ว แต่ร่องรอยความโมโหร้ายของวิคเตอร์ก็ทิ้งรอยแหว่งไว้ให้โต๊ะหินอ่อน

           

 

“คุณเรย์มอนด์ไปทำงานแล้วครับ” ผมพยักหน้ากับคำบอกของออสติน หยิบขนมปังกับนมจืดไปกินและออกจากบ้านไปทำงานพร้อมกับเขา พอเปิดประตูก็เจอกับรถตู้คันเดียวกับเมื่อวานจอดรออยู่ ผมชักสีหน้ากับตัวเองเล็กน้อย ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เหมือนกำลังโดนประชด แต่ลุงเขาขับมารับถึงที่นี่แล้วผมก็ต้องไป

           

 

ระหว่างทางผมไม่ได้พูดคุยกับใคร โทรศัพท์เงียบ มีแต่โปรแกรมกลุ่มแชทของเพื่อนๆ ที่เด้ง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร พูดคุยกันสนุกสนานไปเรื่อยเท่านั้น พอมาถึงกองถ่ายที่วันนี้ถ่ายกันใต้สะพานบรู๊คลิน ผมก็ลงไปแบบเอื่อยๆ ทักทายกับทีมงานบางคนเท่านั้น แน่นอนว่าพีททำเหมือนผมเป็นลมที่พัดผ่านมาและผ่านไป ผู้กำกับก็ทำเพียงยิ้มให้แต่ก็ไม่สั่งงานอะไร ผมได้แต่ถอนหายใจ เดินไปหาผู้ช่วยกองถ่ายที่เป็นผู้หญิงอีกคนแทน

           

 

“มีอะไรให้ฉันทำมั้ย” สาวหัวทองอ่อนๆ รูปร่างท้วมหันซ้ายแลขวาอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะส่ายหัว

           

 

“ไม่มีหรอก ส่วนมากก็เตรียมงานเสร็จไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ผมค้างเติ่งไปนิดหนึ่ง

           

 

“เตรียมไปแล้วเหรอ” เธอยิ้มและพยักหน้าหงึกๆ

           

 

“ใช่ พีทให้พวกเราจัดการเสร็จไปแล้วละ ฉันก็ถามนะว่าให้ตามเธอมั้ย แต่เขาบอกไม่ต้อง” ผมยิ้มเหนื่อยและพยักหน้านิดหน่อย ก็รู้แหละว่าโดนกันออกมาแล้ว

           

 

“งั้นตอนถ่ายจะให้ฉันทำอะไร เรียกได้เลยนะ” เธอทำหน้างงนิดหน่อย แต่ก็พยักหน้ารับ

           

 

ผมหันไปมองออสตินที่ยินสงบนิ่งแล้วนึกเบื่อ เห็นหน้าเขาแล้วพาลให้นึกถึงวิคเตอร์ไปด้วย ผมเลยเดินออกจากเต็นท์ ความรู้สึกสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อคุ้นว่าแถวนี้มันใกล้บ้านป้าแมร์รี่ที่ผมเคยมาอยู่เมื่อตอนมาฝึกงาน

           

 

“ผมจะไปหาคุณป้าที่ผมเคยมาเช่าบ้านเธออยู่” ออสตินพยักหน้าและผายมือให้ผมเดินนำไปก่อน ผมหันไปมองกองถ่าย ทุกคนหยิบจับนั่นนี่ยกไปทางนั้นทีทางนี้ที ดูยังไม่เร่งรีบมาก ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินไปพร้อมกับออสติน

           

 

บ้านหลังสีขาวตัดสลับสีน้ำตาลอ่อนหลังเล็กน่ารักของป้าแมร์รี่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย มีแค่ต้นไม้ดอกไม้ที่ดูจะมากขึ้น สนามหญ้าเล็กๆ เขียวชอุ่มชุ่มชื่น บ้านยังคงน่าอยู่ น่ามองเช่นเคย ผมยิ้มเมื่อมองเห็นระเบียงห้องนอนของตัวเองที่เคยรีเควสป้าแกไว้แต่แทบไม่เคยได้ออกมายืนหรือนั่งระเบียงนั้นเลย ชิงช้าที่ผมเคยนั่งกับเอิร์ทยังคงอยู่ที่เดิม สีเดิม สภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผมเอื้อมมือไปกดออดตรงรั้วบ้าน รออยู่พักหนึ่งป้าแมร์รี่คนเดิมก็เดินออกมาด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย เธอเพ่งมองผมในตอนที่อยู่บนชานหน้าบ้าน ก่อนจะก้าวเท้าเดินมาทางนี้ ผมยกยิ้มกว้างขึ้น

           

 

“สวัสดีครับป้าแมร์รี่” เธอทำหน้างงจนกระทั่งเดินมาถึงตรงหน้าประตู้รั้วไม้อันสูง หญิงร่างท้วมสูงวัยใช้สายตามองหน้าผมด้วยความพิจารณาผ่านช่องรั้วไม้

           

 

“จำผมได้มั้ยครับ ผมชื่อแมท เคยมาเช่าบ้านป้าอยู่ตอนที่ผมมาเวิร์คแอนด์ทราเวิล สักสามหรือสี่ปีก่อน” ป้าแมร์รี่ทำหน้านึกอยู่ครู่หนึ่ง และก็ไม่ได้อ๋อทันที แต่ก็มีสีหน้าที่พยายามทำความเข้าใจ

           

 

“แมทเหรอ” เธอทำหน้านึกเล็กน้อย น่าจะจำได้เลือนลางๆ ละมั้ง

           

 

“ใช่ครับ ผมมาจากเมืองไทย ตอนนั้นเด็กไทยมาเช่าบ้านป้าหลายคนเลย แต่ผมจะเป็นคนที่ป้าเห็นหน้าน้อยที่สุด ยิ่งช่วงก่อนกลับป้าไม่ค่อยเห็นผมเลยแหละ”

           

 

“เคยมีเด็กไทยมาเช่าบ้านเยอะเหมือนกัน ฉันน่าจะจำเธอได้แหละ แต่ขอเวลาคิดหน่อยนะ คนแก่ก็แบบนี้” เธอหัวเราะน้อยๆ สายตาเลื่อนไปมองออสตินด้วยความสงสัยหน่อยๆ

           

 

“พอดีผมมีโอกาสได้กลับมาทำงานที่นี่ครับ วันนี้มาทำงานแถวนี้พอดีเลยอยากแวะมาเยี่ยม”

           

 

“โอ้ งั้นเหรอ เข้ามาก่อนสิ” ผมยิ้มอ่อน เธอยังใจดีแบบที่เคยเป็น มืออวบเหี่ยวย่นดึงกลอนล็อคประตูออกและเปิดให้ผมกับออสตินเข้าไป

           

 

“ผมขอนั่งรอที่ชิงช้าได้มั้ยครับ”

           

 

“เอาเลยจ้ะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้” เธอยิ้มให้อย่างใจดี ผมยิ้มตอบและเดินไปนั่งชิงช้า ปล่อยให้เธอเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมใช้เท้าดันพื้นเพื่อให้ชิงช้าเคลื่อนไหวเบาๆ หันไปมองตัวบ้านอีกครั้งแล้วก็ยิ้มเมื่อนึกถึงความทรงจำในตอนนั้น

           

 

“นั่งก่อนก็ได้ออสติน” พ่อหัวเกรียนพยักหน้า เดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวริมรั้วข้างบ้าง ผมใช้เท้าดันให้ชิงช้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้าด้านหลังแบบเพลินๆ หยิบมือถือขึ้นมาดูก็ไร้สัญญาณการเรียกหาใดๆ ทั้งจากงานและจากแฟน

           

 

“น้ำจ้ะ” ผมหันไปมองป้าแมร์รี่ที่ถือถาดสีดำออกมาพร้อมกับแก้วใส่น้ำองุ่นสองแก้ว ผมกล่าวขอบคุณเธอและยื่นมือไปรับ ออสตินลุกเดินขึ้นมาหยิบแก้วไปจากถาดด้วยตัวเองแล้วก็กลับไปนั่งที่เดิม

           

 

“ฉันพอจะนึกออกละ สักเกือบสี่ปีก่อน มีเด็กคนนึงรีเควสห้องมีระเบียง และปีนั้นเด็กไทยเยอะมาก” ผมพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับยิ้มกว้าง

           

 

“ใช่แล้วครับ ผมเอง”

           

 

“เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ” ผมยิ้มน้อยๆ รู้สึกอย่างที่ป้าแกพูดว่าเวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ นึกย้อนไปก็… นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมกับวิคเตอร์ได้พบกัน และคบกันมาจนถึงทุกวันนี้

           

 

วันครบรอบที่เราไม่เคยจำ มันเกือบสี่ปีแล้วเหรอเนี่ย

           

 

“ปีนี้มีเด็กไทยมาเช่าเยอะมั้ยครับ”

           

 

“ปีนี้ที่กำลังจะมามีสองคนเท่านั้นแหละ ตอนนี้ก็มีคนไทยเช่าอยู่นะ แต่ไม่ใช่นักศึกษาหรอก เขามาเที่ยวน่ะ” ผมยิ้มน้อยๆ และพยักหน้า ป้าแมร์รี่ทำหน้าตกใจนิดหน่อย

           

 

“แย่จริงๆ ฉันว่าจะเอาคุกกี้มาให้ด้วย เดี๋ยวรอแปบนะจ๊ะ”

           

 

“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว ผมแค่อยากมาดูบ้านที่เคยอยู่น่ะครับ” ป้าแมร์รี่มีท่าทีลังเล หันไปมองออสตินที่นั่งตัวตรง ท่าทางนิ่งสงบแล้วหันกลับมามองผมอีกที ผมว่าลึกๆ เธอคงสงสัยว่าออสตินเป็นใคร (ดีไม่ดียังสงสัยผมด้วยว่าผมเป็นใคร แต่แกล้งตอบว่าจำได้ไปก่อน) แต่ด้วยนิสัยของป้าแกที่ไม่ยุ่งกับเรื่องส่วนตัวใคร แกเลยไม่ถาม

           

 

“เอางั้นเหรอ”

           

 

“ผมขอนั่งตรงนี้สักพัก แล้วเดี๋ยวก็กลับไปทำงานแล้วครับ” เธอพยักหน้าพร้อมยิ้ม ก่อนบอกให้ผมทำตัวตามสบายแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมเอาแก้วน้ำวางไว้บนชิงช้าอีกอัน สายตามองไปทางแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปด้วยความโล่ง เหมือนได้ปลดปล่อยความหนักอึ้งออกไปจากหัวและตัว

           

 

Rrrr!

           

 

ผมยกมือถือขึ้นมาดูหน้าจอ แว้บแรกคิดว่าจะเป็นที่กองถ่ายโทรมาแต่ไม่ใช่ เป็นไวโอล่าโทรมาหา ผมยกยิ้มขึ้นแล้วกดรับสายเธอ

           

 

“Hello. (ฮัลโหล)”

           

 

[Do you have time to talk with me than one minute? (วันนี้จะคุยได้มากกว่าหนึ่งนาทีมั้ย)] เธอเคยโทรมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นผมกำลังยุ่งมาก เราเลยได้คุยกันแบบสั้นๆ แบบที่สั้นมาก แล้วผมก็รีวางสายไป และเธอก็โทรมาอีกครั้งแต่ครั้งนั้นผมไม่ได้รับ แล้วก็ลืมโทรกลับหาเธอ

           

 

“I can talk with you for hour. We don’t start work yet. (คุยได้เป็นชั่วโมงเลยละ ยังไม่เริ่มงานน่ะ)” ไม่รู้จะมีงานให้เริ่มรึเปล่า…

           

 

[It seem you have a heavy job. (เธอทำงานหนักไปรึเปล่า)] พูดเหมือนไปฟังใครพูดอะไรมา วิคเตอร์โทรไปเล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าเนี่ย

           

 

“Nah. (ไม่หรอก)” ผมยิ้มน้อยๆ พลางใช้เท้าดันชิงช้าเบาๆ

           

 

[I call you because of the child. (ฉันจะโทรมาบอกเรื่องลูกน่ะ)] ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อนึกถึงเด็กตัวเล็กๆ ที่ตอนนี้กำลังอาศัยอยู่ในท้องไวโอล่า หัวใจผมเต้นตุบๆ ด้วยความตื่นเต้นก่อนหันไปมองออสตินที่นั่งก้มมองมือถืออยู่ ผมลุกขึ้นยืนเนียนๆ และเดินไปทางริมรั้วไม้สูงระดับเอว

           

 

“How is it going? (เป็นยังไงบ้าง)”

           

 

[They are the boy. (พวกเขาเป็นผู้ชาย)] ผมย่นคิ้ว

           

 

“The boy? Wow, but THEY? (เด็กผู้ชายเหรอ ว้าว แต่ว่า พวกเขางั้นเหรอ)”

           

 

[The twins! (แฝดผู้ชายล่ะ)] ไวโอล่าบอกด้วยความตื่นเต้น ผมอ้าปากค้างน้อยๆ รู้สึกตื่นเต้นไปกับเธอด้วย

           

 

“Twins? (แฝดงั้นเหรอ)” ไวโอล่าหัวเราะน้อยๆ

           

 

[The marauder twins! (ฝาแฝดจอมกวน!)] ผมหัวเราะ ความหม่นหมองหมองเศร้าแทบจะสลายหายไปในอากาศ รู้สึกปริ่มเปรมไปกับคุณแม่คนใหม่ และรู้สึกชอบชื่อที่ไวโอล่าเรียกเจ้าสองแฝดที่ดัดแปลงมาจากคำศัพท์ในเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์

           

 

ผมหันไปมองออสติน เขายกน้ำองุ่นขึ้นจิบ ไม่มีทีท่าดักฟัง ซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาอยู่แล้วด้วยละ ผมหันกลับไปมองแม่น้ำต่อ ระบายยิ้มอ่อนบนใบหน้า

           

 

“Congratulations, V.” ผมบอกเสียงเบาด้วยความปลื้มใจกับเด็กน้อยสองคนที่กำลังจะเกิดมาลืมตาดูโลก

 

           

[เตรียมคิดชื่อไว้ด้วยนะ ฉันให้สิทธิ์นี้กับแม่ทูลหัว] ผมหัวเราะ หัวเราะทั้งที่น้ำตาคลอ มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกกับการได้ยินเรื่องดีๆ น่ารักๆ แบบนี้ ประหนึ่งว่าตั้งท้องเอง

           

 

“แล้วตัวเธอสบายดีนะ”

           

 

[สุขสบายที่สุด ตอนนี้พ่อก็ยังไม่รู้เลย] ไวโอล่าหัวเราะคิกคัก ผมรู้สึกทึ่งหน่อยๆ แต่อาจเป็นเพราะเธอตัวเล็ก และมันเพิ่งจะสองเดือนกว่าเท่านั้นเอง

           

 

“แล้วจะบอกเขามั้ย”

           

 

[คิดว่าต้องบอกเร็วๆ นี้แหละ คงปิดได้ไม่นานหรอก ส่วนพี่ รอให้เด็กๆ แข็งแรงกว่านี้แล้วค่อยบอก จะได้รับเสียงตะคอกเขาได้] ผมหัวเราะชอบใจกับการพูดถึงวิคเตอร์แบบนั้น เป็นการพูดที่ถูกต้องและชัดเจนที่สุด

           

 

“ฝึกเด็กๆ ให้พูดตั้งแต่ในท้องเลยได้มั้ย จะได้เถียงพี่ชายเธอตั้งแต่เนิ่นๆ” ไวโอล่าหัวเราะเบาๆ ผมยิ้มขำน้อยๆ กับตัวเอง

           

 

[แล้วพี่อยู่บ้านเหรอ] รอยยิ้มผมหุบลงทีละนิด ความรู้สึกอึกอักกลับเข้ามา แต่ก็ตอบคำถามของไวโอล่าตามปกติ

           

 

“ไปทำงานแต่เช้าแล้วละ”

           

 

[ฉันดูซีรีส์เรื่องใหม่ของเขาแล้วนะ ฝากบอกเขาทีว่าเป็นนักรบที่สกปรกมาก]

           

 

“ฉันยังไม่ได้ดูเลย” ผมจำได้ว่าเริ่มออกอากาศไปแล้ว แต่จำวันไม่ได้ว่าวันไหนและออนแอร์กี่ตอนก็ยังไม่รู้เลย

           

 

[ออนแอร์ไปสองตอนแล้วนะ เธอน่าจะหาเวลาดูผลงานเขาบ้าง แต่อีพีสอง ใจแข็งหน่อยก็แล้วกัน] ผมย่นคิ้วพร้อมกับยิ้มงงๆ

           

 

“ทำไมล่ะ”

           

 

[ก็ฉากเซ็กซี่น่ะถึงพริกถึงขิงมาก] ผมทำหน้าว่าอ๋อแล้วหัวเราะน้อยๆ ไวโอล่าเองก็หัวเราะ ผมรู้สึกดีใจที่เธออารมณ์ดีไม่เครียด เพราะมันจะส่งผลถึงเด็กทั้งสองคน

           

 

เราคุยกันอีกสักพักผมก็มองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เวลาผ่านมาจะชั่วโมงตั้งแต่มาที่นี่ ผมเลยขอวางสายจากเธอและเข้าไปลาป้าแมร์รี่ ก่อนเดินออกจากบ้านพร้อมออสตินเพื่อเดินกลับไปที่กอง ตอนที่ไปถึงผมก็เห็นว่าการถ่ายทำเริ่มดำเนินไปแล้ว ผมได้แต่บอกให้ตัวเองทำใจ เดินเข้ากองด้วยความปกติ ผมไปยืนตรงหน้าจอมอนิเตอร์ พีทหันมามองผมอย่างเฉยเมยแล้วหันกลับไปยืนมองจอเหมือนเดิม นักแสดงกำลังถ่ายทำกันไปตามบทบาทที่ได้รับ

           

 

“OK!” เจมส์ตะโกนบอกนักแสดง แล้วสักพักเขาก็หันมาหาพีทและพยักหน้า ผมยืนถือบอร์ดไม้กระดานของตัวเองไว้ กะว่าจะเดินเข้าไปบอกเขาว่าถ่ายทำฉากอะไร แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้เพราะพีทลุกขึ้นยืน

           

 

“ช่วยกันขนเครื่องดนตรีเข้าฉากหน่อยนะ!” แล้วพอหันไปทางผู้กำกับอีกทีเขาก็เดินไปหน้าเซ็ทแล้ว ทุกคนเริ่มทยอยเดินไปทางเครื่องดนตรีที่วางเอาไว้บนพื้น ผมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วเดินเข้าไปช่วยทุกคนยกของ เห็นเขาเอาไปวางตรงไหนก็เดินตามเขาไป ผมยกอันแรกเสร็จก็เดินกลับไปยกอันที่สองจนกระทั่งเครื่องดนตรีถูกจับเอาไปเซ็ทเพื่อเตรียมถ่ายฉากต่อไป พีทคุยอะไรกับผู้ช่วยกองถ่ายที่เป็นผู้หญิงอยู่สักพักก่อนที่เธอจะวิ่งไปทางนักดนตรีแล้วคุยกับพวกเขา ผมชั่งใจอยู่พักนึงว่าควรเดินเข้าไปมั้ย และสุดท้ายผมก็เดินเข้าไป

           

 

“มีอะไรให้ช่วยมั้ย”

           

 

“ยังหรอก ก็แค่บรีฟน่ะว่าพวกเขาต้องทำอะไรบ้าง” เธอยิ้มเล็กน้อย ผมกระตุกยิ้มนิดหน่อยและยืนฟังเธอบรีฟงานกับนักดนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ผมต้องเป็นคนทำ และมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมต้องทำ แต่มาตอนนี้คือผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ผมเลยหันไปมองรอบกองเผื่อว่าใครจะมีอะไรให้ช่วย แต่ก็ไม่มี คือเอาเข้าจริงๆ ตำแหน่งผู้ช่วยกองถ่ายกับวิ่งหน้ากองเขาก็มีแล้วละ แต่ก่อนหน้านั้นหน้าที่นั้นไม่ค่อยถูกเรียกใช้เท่าผมที่มีหน้าที่จับฉ่าย

           

 

ผมยืนเคว้งอยู่กับที่สักพัก ยกมือเกาหัวตัวเองด้วยความงงว่าควรจะยังไงดี ผมก้าวเท้าเดินกลับไปทางหน้าจอมอนิเตอร์ แล้วยืนรอให้ทุกคนกลับมาตรงนี้ พีทเดินกลับมาคนแรก เขาไม่มอง ไม่สนใจผมเลย

           

 

“พีท คุณมีอะไรให้ผมทำ คุณบอกได้นะ” ผมลองพูดตะล่อม พีทหันมามองผมด้วยความนิ่ง

           

 

“ไม่มี” แล้วเขาก็หันกลับไป ผมกลอกตาเบาๆ วันนี้เลิกกองหกโมงเย็น เดี๋ยวผมจะอยู่รอก่อน เผื่อทุกคนจะมีเตรียมงานล่วงหน้าสำหรับสัปดาห์ถัดไป เพราะพรุ่งนี้วันหยุด ไม่มีถ่าย ผู้กำกับวิ่งกลับมานั่งที่เดิม เขายักคิ้วให้ผมแบบสั้นๆ แบบที่สั้นมากแล้วก็นั่งประจำที่ก่อนสั่งแอคชั่นเสียงดังลั่นกอง

           

 

โอเค รังศีผัวตูคงมาแผ่บารมีไว้อย่างแรงกล้าจริงๆ

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               มาต่ออย่างว่องไว กลัวจะค้างคาใจกันนานว่าเอเลี่ยนโดนยักษ์บีบคอกลางดึกไปหรือเปล่า

               นางยังอยู่รอดปลอดภัย และยังเสนอหน้าไปหางานทำเหมือนเดิม 555555

               เด็กกกกๆ แฝดน้อยกลอยใจ กิ๊ๆ ใครอ่านตอนพิเศษในเพจที่เคยลงไว้เมื่อปีหรือสองปีก่อนจะร้องอ๋อแหละตอมว่า

               มาทำงานต่างจังหวัดค่ะ แบกโน้ตบุ๊คมาอัพนิยายด้วย พรุ่งนี้ก็กลับละ งานด่วนมาด่วนกลับไว เหนื่อยกายยยย มีนิยายนี่แหละที่ช่วยเยียวยาได้ จะรู้สึกมีแรงใจทุกครั้งเวลาได้อ่านคอมเม้นของคนอ่านที่ตามอ่านเรื่องเราอยู่ 

               ใครที่รอพี่แซ็คอยู่ ตอนแรกของพี่แซ็คจะลงหลังจากอัพตอนที่ 12 ของเรื่องนี้จบแล้วค่ะ แต่ตอมเปิดลิงก์เรื่องไว้แล้ว ยังไม่มีเนื้อหาอะไรค่ะ เป็นลิงก์สำหรับลงเรื่องเฉยๆ แต่ก็ตกแต่งไปแล้วนิดหน่อยยย

               เจอกันอีกครึ่งที่เหลือนะคะ

               

               ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะ ทุกวันนี้ได้เห็นคอมเม้นทุกครั้งที่อัพก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ จำนวนมันอาจไม่ได้ไหลหลั่ง แต่ก็ยังมีคนเม้นให้ ขอบคุณจริงๆ นะคะ มันเป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนเลยละค่ะ ส่วนใครที่ซุ่มติดตามเงียบๆ อ่านแล้วจากไป ฮ่าๆๆๆ ก็ขอบคุณเช่นกันค่าาา อย่างน้อยก็มาเพิ่มวิวให้ อุๆ

     

แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: bowbeauty ที่ 01-10-2017 00:14:28
แมททำให้เราเหนื่อยใจ เหมือนแมนทะเยอทะยานมากเกินไป จนความรักของวิคเตอร์มันไร้ค่า ทั้งๆที่คัวเองผิด ยังไม่รู้สึก. ... เหนื่อยใจวิคเตอร์จริงๆ เปลี่ยนนายเองได้ไหม จะบอกรำคาญก็ไม่เชิง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 01-10-2017 00:35:11
 team MATT

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-10-2017 01:03:11
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-10-2017 01:17:44
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-10-2017 02:00:08
 :เฮ้อ: ใช้ไอ้ตัวนี้บ่อยเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-10-2017 05:49:52
ผัวเมียคู่นี้สุดโต่งทั้งคู่  แมทต้องการการทำงาน ต้องการการยอมรับมากขนาดยอมถูกกดขี่ วิคเตอร์ก็เจ้าอารมย์จนเหมือนคนไม่มีเหตุผล
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-10-2017 05:59:54
รอแมท รู้ตัวซะที  :hao3:
ว่าทำให้ชีวิตคู่มีปัญหาเพราะตัวเอง  :fire: :fire: :fire:

กองถ่ายเขาอยู่กันได้ แม้ไม่มีแมท
แมท ยังไม่เข้าใจอีกหรือ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-10-2017 15:09:04
สงสารแมทนะ แต่ก็สงสารเตอร์ด้วย เมินกันอย่างนี้เมื่อไหร่จะเข้าใจกัน
เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 01-10-2017 20:54:09
 :เฮ้อ: วิคเตอร์เป็นผู้อยู่ในวงการนี้ น่าจะรู้ดีว่าใครเป็นงัย ส่วนแมทบางครั้งน่าจะฟังวิคเตอร์บ้าง ขนาดซีรี่ย์ที่วิคเตอร์เล่นยังไม่รู้ว่าออนแอร์แล้วกี่ตอน น่าจะเริ่มพิจารณาตัวเองบ้างนะแมท  :m16:

ต่ะก่อนไม่ค่อยชอบวิคเตอร์ที่เอาแต่ใจ ตอนนี้กลายเป็นไม่ค่อยชอบแมทที่ดื้อ และเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 03-10-2017 14:46:55
อยากรู้ว่าแมทจะจัดการกับพวกกองถ่ายยังไง
ไม่มีใครรู้สึกบ้างเหรอว่าที่ผ่าน มา พีท ใช้แมทเกินหน้าที่จริงๆตั้งแต่แก้บทแล้วละ
พอวิค มาทักท้วงยังไม่สำนึกอีก พาลมาปฏิบัติกับแมทแบบนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 50% :01.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 03-10-2017 15:05:56
คือแมทควรรู้สึกผิด ไม่ใช่หยิ่งในอีโก้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-10-2017 20:17:54


Yours&Mine EP.11 [100%]




“See you next week!”

           

 

สิ้นเสียงผู้กำกับตะโกนบอกทุกคนในกองก็ปรบมือ ผมนั่งปรบมือหงอยๆ ไปกับเขาด้วย จากที่เคยวิ่งวุ่น แทบไม่ได้หยุด ถ้าตอนแดดจ้าๆ มียุงผมคงนั่งตบยุงตายเทียบเท่ากองเชียร์แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับลิเวอร์พูลปะทะกันไปแล้วละ แทบไม่มีใครเรียกใช้ผม เอางี้ดีกว่า อย่าใช้คำว่าแทบ ไม่มีเลยเถอะ ผมต้องคอยมองเอง พอเห็นใครกำลังยกของหรือวุ่นวายกับงานผมก็ไปเลียบๆ เคียงๆ ขอเขาช่วย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก เพราะมันก็นิดๆ หน่อยๆ

           

 

ระหว่างที่นั่งว่างงาน เอาเข้าจริง ผมก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าที่ผ่านๆ มา คำสั่งทั้งหลายที่มาจากพีทนั้นคือเขาแกล้งนั่นแหละ อาจจะไม่ใช่แกล้งแบบเด็กน้อยแกล้งกัน แต่มันก็เป็นการสั่งด้วยความหมั่นไส้ อยากให้ทำ ทั้งที่บางเรื่องมันไม่ใช่หน้าที่ของผมหรอก แต่เขาก็สั่งเพราะเขาอยากให้ผมทำ งานมันเลยยุ่ง พอตอนนี้เขาไม่สั่งมันเลยไม่ยุ่ง ซึ่งเอาเข้าจริง การทำงานหน้ากองมันไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นหรอก ที่ยุ่งจริงๆ คือตอนพรีโปรดัคชั่นต่างหาก พอโพสโปรดัคชั่นไปแล้วคราวนี้ก็ไม่เกี่ยวกับผมละ

           

 

“กลับบ้านมั้ยครับคุณแมท”

           

 

“แปบนึงนะออสติน” ผมลุกขึ้นเดินไปหาทีมงานผู้หญิงที่เป็นผู้ช่วยกองถ่าย เธอกำลังเก็บของลงลัง

           

 

“มีนัดคุยงานหรือเตรียมงานหลังจากนี้หรือเปล่า” เธอทำหน้านึกสักแปบก่อนส่ายหน้า

           

 

“ไม่มีนะ พีทยังไม่เห็นบอกอะไรเลย” ผมกระตุกยิ้มนิดหน่อย

           

 

“ถ้ามีอะไร โทรตามฉันได้เลยนะ” เธอพยักหน้าแล้วยิ้ม ผมหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม ระหว่างทางเจอพีทกำลังเดินมาทางนี้พอดี ผมเลยไปยืนดักหน้าเขาไว้

           

 

“คุณสั่งงานผมได้เหมือนเดิมนะ มีอะไรคุณควรเรียกผมให้รับรู้ด้วย” พีทเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง

           

 

“เหรอ ขอบใจ ไว้ฉันหายกลัวอิทธิพลแฟนนายเมื่อไหร่ ฉันจะเรียกนะ” แล้วเขาก็เดินผ่านผมไปอย่างเร็ว ทิ้งให้ผมสะกดอารมณ์โมโหเอาไว้ให้นิ่งแล้วเดินกลับไปหาออสตินก่อนจะชวนเขากลับบ้าน

           

 

ระหว่างที่อยู่บนรถอูเบอร์ ผมกดโทรศัพท์หาแม่ ที่ไทยเพิ่งจะเช้าตรู่ แต่แม่ตื่นเช้าอยู่แล้วคงไม่เป็นอะไร รอบแรกโทรไปไม่รับ มารับรอบที่สอง

           

 

[ว่าไง]

           

 

“ไปตักบาตรมาเหรอ”

           

 

[อือ ไปกับพ่อนั่นแหละ มีปัญหาอะไรรึเปล่าถึงโทรมา] ผมเลยกลายเป็นดูแย่ไปเลย เพราะเวลาปกติไม่ค่อยจะโทรหาพ่อกับแม่ ไม่ใช่ว่าผมลืมนะ แต่ไม่รู้จะคุยอะไรด้วยจริงๆ ถึงความสัมพันธ์พวกเราจะกระชับขึ้นแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่ได้ใช้ชีวิตสไตล์บอกเล่าทุกอย่างให้หันฟังมาเนิ่นนาน มันเลยชิน แต่ผมก็โทรไปถามสารทุกข์สุขดิบนะ แต่ก็เดือนละสองสามครั้ง แต่เดือนที่ผ่านมาคือไม่ได้คุยกันเลย

           

 

“ก็โทรมาหาด้วย แล้วก็ อืม… มีปัญหานั่นแหละ” ผมเชื่อว่าออสตินที่นั่งอยู่ข้างกันฟังไม่ออกหรอก

           

 

[ปัญหาอะไร งานหรือกับเตอร์] ถ้าบอกทั้งสองอย่างจะดูหนักไปรึเปล่านะ เลือกบอกอย่างเดียวแล้วกัน

           

 

“กับเตอร์นิดหน่อย ไม่ได้รุนแรง” แค่เก้าอี้พังไปหนึ่งตัวกับโต๊ะแหว่งไปหนึ่งฝั่ง

           

 

[ถ้าไม่ได้รุนแรงก็รีบคุยกันก่อนที่มันจะรุนแรง] ผมบุ้ยปากไปมา

           

 

“ก็… ไม่อยากคุยอะ”

           

 

[งั้นถ้ายังไม่คุยแต่ก็ต้องทำกับข้าวให้เตอร์มันกินนะ] ผมขมวดคิ้วงงไม่เข้าใจคำพูดของแม่

           

 

“เกี่ยวอะไรกับทำกับข้าวอะแม่”

           

 

[แม่ไม่รู้หรอกว่าประเด็นคืออะไร แต่แม่กับพ่อทะเลาะกันยังไง ไม่ว่าเรื่องไหน แม่จะทำกับข้าวให้พ่อกินทุกมื้อตามปกติ] ผมอ้าปากหวอน้อยๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นะเอาจริงๆ

           

 

[มันดูไม่สำคัญหรือไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อย่าละเลย อย่าปล่อยให้เขาหากินเอง โกรธแค่ไหนแต่แม่ก็ไม่อยากให้พ่อเขาอดจนต้องหากินเอง แม่เคย เขาน้อยใจมากนะ] ผมได้ยินเสียงกุกกักๆ อะไรอยู่สักพักก่อนเสียงจะกลับมาชัดเหมือนเดิม

           

 

“แต่เราโกรธกันอยู่นะแม่”

           

 

[โกรธก็ทำกับข้าวได้ โกรธมันทำให้เรารู้สึกแย่กันอยู่แล้ว อย่าให้มันยิ่งแย่ไปอีก]

           

 

“แต่เตอร์มันก็หากินเองได้ แบบสั่งมากินไรเงี้ย”

           

 

[แม่ว่ามันเหมือนเด็กอนุบาลทะเลาะกันกับเพื่อนอีกคนแล้วบอกให้เพื่อนอีกคนไม่ต้องคุยกับคนนั้น บางทีเขาอาจจะรออาหารจากเราอยู่ แต่พอเราโกรธ เราก็เลยพาลไม่ทำ เขาก็รอเก้อ] ผมคิดตามที่แม่บอก คือมันก็เป็นการแนะนำที่แปลกเหมือนกันนะ อย่าลืมทำกับข้าวให้เขากินแม้ว่าจะโกรธหรือเคืองกันอยู่ มันดูไม่สัมพันธ์กันอะ แต่สำหรับพ่อกับแม่อาจไปด้วยกันได้ เพราะพ่อชอบกินอาหารฝีมือแม่ที่สุดแล้ว พอไม่ทำให้ พ่อเลยอาจจะน้อยใจ

           

 

“อือ จะจำไว้” ผมตอบรับอย่างเนือยๆ ในหัวกำลังคิดว่ากลับไปจะทำอะไรให้เขากินดี

           

 

[คุยกับพ่อมั้ย]

           

 

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวพ่อรู้ก็ด่าเตอร์อีก แม่ก็ไม่ต้องเล่าหมดนะ”

           

 

[เล่าอะไรล่ะ แมทยังไม่ได้บอกอะไรแม่เลย]

           

 

“อาๆ แค่นั้นแหละ เดี่ยวกลับไปทำกับข้าวให้เตอร์กิน” แม่ตอบรับสั้นๆ แล้วเราก็วางสายกันไป จะบอกว่าวิคเตอร์เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของผมกับคนในบ้านก็ไม่ผิดนัก ถึงจะไม่ได้หวานชื่น หอมแก้มกันคิกขุ แต่ดีกว่าแต่ก่อนเยอะมากจริงๆ

           

 

“ถึงแล้วครับคุณแมท” ผมหันไปมองออสตินงงๆ แปบหนึ่ง ก่อนจะเข้าใจว่าถึงบ้านแล้ว ออสตินจ่ายเงินให้คนขับ ผมเปิดประตูลงจากรถออกไปเจอกับอากาศในช่วงเย็นของฤดูใบไม้ผลิที่เย็นสบาย ผมก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดหน้าบ้านพร้อมกับออสติน ในหัวคิดเมนูอร่อยๆ ที่ตัวเองทำได้ แต่พอเปิดประตูเข้าไปที่คิดไว้ก็ระเบิดปุ้งเหมือนลูกโป่งแตก

           

 

วิคเตอร์กำลังนั่งกินพิซซ่ากับไมเคิลอย่างสบายใจเฉิบ

           

 

ไหนแม่บอกว่ามันจะน้อยใจเพราะรอกินอาหารฝีมือเราไง แม่มองไอ้เตอร์ผิดไปแล้วแม่

           

 

“กินพิซซ่ามั้ยออสติน” แน่ะ มีการทำเมินมองข้ามนะ ด้วยความที่ผมแอบนอยด์หน่อยๆ ที่เขาสั่งอาหารมากินก่อนผมกลับมา ผมเลยเดินผ่านเขาไปทางห้องโถงแบบไม่สนใจ เอากระเป๋ากับแผ่นบอร์ดเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินกลับมาที่ห้องครัวที่สองหนุ่มกำลังนั่งกินพิซซ่ากับอีกหนึ่งตัว ส่วนฟอกซ์นอนหลับพุ้งพลุ้ยอยู่บนเค้าน์เตอร์

           

 

“คุณแมทไม่กินเหรอครับ” ผมสั่นหัวพลางเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำส้มคั้นออกมาเทใส่แก้ว

           

 

“เดี๋ยวผมจะทำอาหารกินเอง” ผมกระตุกยิ้มสั้นๆ ให้ออสติน เหล่มองไปทางวิคเตอร์ที่นั่งกินพิซซ่าแบบอร่อยเหาะ ก็ไม่ได้ว่าแอคติ้งหรอก เขาเคี้ยวหงับๆ ท่าทางอร่อยจริงๆ ผมกลอกตาหนึ่งที หันตัวเข้าหาตู้เย็น เอาน้ำส้มเก็บไว้ที่เดิมและมองหาอาหาร ก่อนจะเจอหมูสามชั้นสไลด์ ผมหยิบออกมาวางด้านนอก รอให้มันละลายสักแปบ ระหว่างนั้นก็หยิบมาม่าจากเมืองไทยออกมาสองห่อ วันนี้กินมาม่าคลุกหมูย่างแล้วกัน เป็นสูตรที่ผมทำมั่วๆ เองแต่ดันอร่อย

           

 

“พรุ่งนี้ฉันมีงานเลี้ยง นายขับรถให้ฉันที”

           

 

“ได้ครับ” ผมแอบเบ้ปากเล็กน้อย ทำมาเป็นเมินกันนะ แต่ผมก็นิ่ง เลือกที่จะไม่แสดงออก แล้วเตรียมของทำอาหารของตัวเองไป

           

 

ว่าแต่งานเลี้ยงอะไร ไปกับใครบ้างน่ะ

           

 

ผมเกือบจะหันไปถามเขาแล้ว แต่ก็เบรกตัวเองทันแล้วหันกลับมาตะเตรียมอาหารของตัวเอง ผมจัดการตั้งตะแกรงไว้บนเตาแก็ซ ใช้ตะเกียบคีบหมูสไลด์มาไว้บนตะแกรงเหล็กสีเงิน ด้านหลังของผมเงียบไม่มีเสียงพูดคุย มีแต่เสียงเคี้ยวอาหารของวิคเตอร์ แล้วก็เสียงฮึ่กฮั่กๆ ของไมเคิลที่คงจะรออาหารจากพ่อมันอยู่ ผมยืนปิ้งหมูเสร็จไปสองชิ้นก็หยิบใส่จาน ยืนทำเงียบๆ ไม่เกี่ยวกับใคร รู้สึกอึดอัดบ้างเล็กๆ ที่มีแต่ความเงียบแบบนี้ แต่มันคือวิถีของการไม่คุยกัน

           

 

“ไป ไมเคิล” ผมไม่ได้หันไปมอง ก็แค่ยืนพลิกหมูตัวเองต่อไปจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน ผมถึงหันไปมอง อสตินกำลังเก็บกล่องพิซซ่า

           

 

“กินที่ผมกำลังจะทำด้วยมั้ย”

           

 

“ไม่เป็นไรครับ” ผมพยักหน้า ออสตินไม่ยุ่งกับใครที่แท้จริง ผมไม่ถามก็ไม่เปิดปากพูดว่าวิคเตอร์ไปไหน เขาคงรู้สถานการณ์แหละ แต่คงถือว่าเป็นเรื่องของผมสองคน

           

 

“ผมอยู่ในห้องนะครับ” ผมพยักหน้าให้คำบอกของเขาแล้วหันมาจัดการธุระตัวเองต่อ

           

 

ผมย่างหมูได้สิบแผ่นก็หยุดย่างแล้วจัดการลวกเส้นมาม่า ทำน้ำพริกราด เป็นสูตรมั่วๆ ของผมเองที่หยิบนั่นหยิบนี่มาใส่แล้วกินได้ ผมพอจะจำได้ก็เลยทำอีกครั้ง และครั้งนี้มันก็กินได้เหมือนเดิม ผมนั่งคลุกทุกอย่างให้เข้ากันแล้วนั่งกินเงียบๆ คนเดียวในครัว ไม่มีเสียงอื่นปะปน ไม่มีผู้คน ผู้หมา แต่ยังดีมีผู้แมวนอนหลับปุ๋ยเป็นเพื่อน ผมเคี้ยวเส้นมาม่ากับหมูสามชั้นสไลด์ที่ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นพอดีคำอย่างเชื่องช้า สายตาเหม่อมองอะไรไปเรื่อยแบบที่ไม่ได้โฟกัสจุดไหน แล้วสักพักในหัวผมก็นึกอะไรขึ้นได้เลยหยิบมือถือขึ้นมากดวอทสแอพไปหาแซ็ค

           

 

“พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปออกกำลังกาย คุณว่างมั้ย?” ผมพิมพ์เสร็จก็วางมือถือไว้ตรงหน้า ใช้ตะเกียบคีบเส้นกับหมูเข้าปากอีกหนึ่งคำ รอไม่เกินห้านาทีโทรศัพท์ก็สั่น ผมหยิบขึ้นเปิดดูข้อความที่เขาส่งกลับมา

           

 

(ว่าง มาได้เลย เจอกันเก้าโมงเช้านะ)

           

 

“โอเคครับ” ผมพิมพ์ตอบและถือโทรศัพท์ค้างไว้ในมือเพราะเห็นว่าเขากำลังพิมพ์ตอบกลับมา

           

 

(มากับวิคเตอร์เหรอ?) ผมวางตะเกียบไว้ในถ้วย ใช้สองมือพิมพ์ตอบกลับไป

           

 

“ไปคนเดียวครับ” แซ็คยังไม่ได้ตอบทันที ผมเลยคีบอาหารเข้าปากอีก ระหว่างนั้นผมก็เลื่อนไปดูอินสตาแกรม วิคเตอร์อัพรูปถนนแถวบ้านที่มีไมเคิลเดินนำทางเขาอยู่เมื่อสิบห้านาทีก่อน คงพาไมเคิลออกวิ่งเล่น

           

 

(โอเค เจอกันนะ) ข้อความวอทสแอพจากแซ็คเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ผมส่งอีโมชั่นยิ้มกลับไปให้ วางมือถือลงบนโต๊ะหินอ่อนและนั่งกินมาม่าหมูสไลด์ราดน้ำจิ้มสูตรมั่วของตัวเองต่อไปเงียบๆ คนเดียว

           

 

           

วิคเตอร์กลับเข้ามาในบ้านตอนประมาณสามทุ่ม ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ลงมานั่งเล่นแม็คบุ๊คในห้องโถงคนเดียว ผมได้ยินเสียงกุกกักๆ ในครัว เขาคงกำลังหาน้ำกิน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขาไปวิ่งมาจะหิวหรือเปล่าผมเลยชะเง้อคอมองทางซุ้มประตูห้องโถงทั้งที่ไม่เห็นอะไรในครัวหรอก แต่ก็มองด้วยความรู้สึกกังวลเล็กๆ ว่าเขาจะหิวมากหรือเปล่า

           

 

“เฮ้ ไมเคิล” ผมเอ่ยทักเจ้าหมาโกลเด้นท์ตัวโตที่เดินโบกหางเป็นพวงของมันเข้ามาหาผม และมานอนบนพื้นใกล้กับโซฟาที่ผมนั่ง วิคเตอร์เดินผ่านห้องโถงไป ในมือถือนมหนึ่งขวด เขาหันมองผมแว้บเดียวแล้วก็เลี้ยวเดินขึ้นบันไดบ้านไปแบบเงียบๆ ผมมองตามด้วยความรู้สึกพะว้าพะวงเล็กๆ มีนมอยู่ในมือแล้วก็คงไม่หิวอะไรละมั้ง

           

 

ผมหันกลับมาสนใจแม็คบุ๊คต่อ นั่งอ่านบทหนังไปเรื่อย พอไม่ได้ประชุม ไม่มีคนบอกงานว่าจะถ่าย จะทำอะไรบ้าง ผมก็ทำตารางการถ่ายทำไม่ถูก ซึ่งผมคิดว่าพีทคงทำไปแล้วละ เมื่อตอนกินข้าวเสร็จผมโทรหาเขา ก็ไม่รับสาย โทรหาผู้ช่วยกองถ่ายคนนั้นเธอก็บอกว่าทุกคนแยกย้ายกันกลับหมดแล้วเพราะมันเป็นวันศุกร์ ผมว่าก็น่าจะจริงแหละ

           

 

‘เธอหวรหาเวลาดูได้แล้วนะ…’ เสียงไวโอล่าดังแว่วเข้ามาในหัวเกี่ยวกับเรื่องซีรีส์วิคเตอร์ ผมนั่งงงอยู่พักนึงว่าจะไปหาย้อนดูได้ที่ไหน เน็ทฟลิกซ์ก็คงยังไม่ซื้อลิขสิทธิ์มาไวขนาดนั้น ผมเลยลองเสิร์จในกูเกิ้ล เลือกเว็บไซต์ที่มันถูกกฎหมายที่ให้เราเสียเงิน แต่ก็ค้นพบว่าไม่มี ผมเลยจำใจเลือกเว็บเถื่อนที่แปลซับไทยเรียบร้อยแล้ว แหม่ ชัดเลยว่ามาจากประเทศไหน

           

 

เปิดฉากซีรีส์มาวิคเตอร์ก็ฆ่าคนตายไปแล้วสักสิบศพ สภาพของเขาสกปรกรุงรังจริงๆ ผมมองแล้วก็หัวเราะเบาๆ นักรบอะไรทำไมคลุกฝุ่นคลุกดินขนาดนั้น ตอนแรกถือว่าดีเลยนะ ตีหัวคนดูเข้าบ้านได้เก่งเลยแหละ เห็นแววว่าเรทติ้งจะดีแล้วก็ฮิตได้ไม่ยาก ถึงจะดูสกปรกไปหน่อย แต่มันก็เป็นแค่ซีนออกรบ พอกลับไปอาบน้ำอาบท่าที่ปราสาทเขาก็กลับมาหล่อออร่าอยู่นะ แค่ฉากอาบน้ำก็ตีหัวผู้หญิงเข้าปราสาทได้ร้อยคนแล้วมั้ง สยิวกิ้ววาบหวิวเชียว มันโป๊นะ แต่ไม่อนาจาร ดูสวยงามด้วยกล้ามเนื้อมัดกล้ามของวิคเตอร์

           

 

“พ่อแกเซ็กซี่น่าดูเลยไมเคิล” ผมหันหน้าจอไปหาไมเคิลที่ลิ้นห้อย โบกหางไปมาเป็นการตอบรับ ผมยิ้มขำแล้วหันหน้าจอแม็คบุ๊คกลับมาดูซีรีส์ต่อ ดูไปเรื่อยจนจบอีพีแรก หนึ่งอีพีเล่นแค่สี่สิบห้านาทีเอง แต่น้ำน้อยมาก เนื้อเน้นๆ อีพีสองยังไม่มีการอัปโหลด สงสัยคงต้องรอ ผมปิดเว็บดูซีรีส์ พับแม็คบุ๊คลง เดินปิดไฟในบ้าน เหลือตรงห้องโถงไว้ให้ไมเคิล แล้วเดินขึ้นบันไดขึ้นไปบนบ้าน

           

 

ตอนที่ถึงหน้าห้องนอนผมต้องยืนถอนหายใจสักแปบจนงงตัวเองว่าจะอะไรขนาดนี้ ก็แค่เดินเข้าห้องไปนอนแค่นั้นเอง พอเปิดประตูเข้าไปผมก็เจอวิคเตอร์นอนห่มผ้านวม สายตากำลังมองไอแพด มือซ้ายถือ มือขวาใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอไปมา เขามัดจุกผมไว้หนึ่งจุก และปล่อยบางส่วนสยายลง เขาไม่ได้ชำเลืองมองผมเลยแม้แต่นิด ผมเดินอ้อมไปฝั่งตัวเอง วางมือถือไว้บนโต๊ะหัวเตียง สอดตัวเข้าไปในผ้านวมสีเทาผืนหนา ผมนอนตะแคง สีหน้าครุ่นคิดว่าจะยังไงดี ควรคุยกับเขาหรือว่าหลับไปเฉยๆ ได้เลย ในขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะหันไปนอนกอดเขาแบบเนียนๆ โทรศัพท์มือถือเขาก็ดังพอดี

           

 

“ฮัลโหล… อยู่บ้าน… ที่เดิมเหรอ… ได้ เดี๋ยวฉันออกไป… นอนแล้ว เดี๋ยวฉันไปคนเดียว” ผมตัวเย็นวาบวูบหนึ่ง เตียงยวบยาบตอนที่เขาลงจากเตียง ผมยกหัวขึ้นมอง วิคเตอร์เดินเปลือยเข้าไปในห้องแต่งตัว ผมรู้สึกเคว้งและเวิ้งว้างจนกระทั่งเขาเดินออกมาในชุดเสื้อยืดสีดำกับเกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม ปล่อยผมยาวเซอร์ เขาเห็นนะว่าผมมองเขาอยู่ แต่เขาก็ดูไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ หยิบมือถือกับกระเป๋าเงินได้เขาก็เดินออกไปจากห้องนอนเลย ผมมองตามด้วยความเหวอเล็กๆ

           

 

เมื่อคืนไม่ได้นอนกอดกัน คืนนี้คือไม่ได้นอนด้วยกันเลยสินะ


 



 


เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               คราวนี้อีพี่ยักษ์มาแปลก ไม่เหวี่ยง ไม่วีน แต่เลือกไม่พูดอะไรเลย 55555 เอออ เอาซี้ พี่แกมีวิธีมาปราบเมียแบบใหม่นะ เป็นแต่ก่อนคือเละะะ อ๋อ เละไปแล้วไงเมื่อคืนก่อน โต๊ะกับเก้าอี้เละไปเลย

               ภาวนาว่าขอให้แมทจงมีสติ ดึงสติกลับมา / เสียงแม่เกดในเดอะเฟซ

               มีหลังไมค์มาในเพจยุให้อีพี่ยักษ์มีเมียน้อย เพราะหมั่นไส้อีแมท 555555

               จริงๆ ตอมจะมีช่วงนึงคือ เม้าท์จากเม้นนอกรอบ แต่ตอนที่แล้วคือบับ ด่ากระหน่ำ จนเลือกไม่ถูก -.,- แต่เดี่ยวตอนนี้จะเลือกคอมเม้นที่โดนจุยยย ไปเม้าท์กันต่อนอกรอบบบเนาะ

               วิธีที่แม่แมทแนะนำ ตอมเอามาจากพ่อกับแม่ตอมเองค่ะ เวลาเขาทะเลาะกัน ไม่จะหนักจะเบา แต่ที่แม่ไม่เคยละเลยเลยคือการทำกับข้าวให้พ่อกิน และเรียกพ่อกินเหมือนไม่ได้โกรธกัน ตอมว่าน่ารักมาก

               อัพตอนหน้าจบ ก็จะอัพเรื่องของพี่แซ็ค พี่พระเอกคนที่สองของซีรีส์พี่พระเอกแล้นค่าาา แต่ก่อนจะอัพเรื่องลง เดี๋ยวมีสกู๊ปพิเศษสักสองสามอันคุยกันก่อนอ่านที่เพจเฟซบุ๊ค ตอนนี้เปิดลิงก์เรื่องไว้แล้วนะคะ เข้าไปปักหมุดกันได้ค่า

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-10-2017 20:49:44
เตอร์บางทีก็ชอบทำเหมือนแมท อยู่ในอาณัติ ประชดประชันแบบอะไรก็ไม่รู้ เด็กน้อยน่ะ การกดดันด้วยการไม่พูดกัน เราว่า ไม่โอเคสำหรับผัวเมียนะ แมทก็หัวรั้น ชอบเอาชนะ เตอร์ก็ขี้โมโห คิดว่า โลกหมุนรอบตัวเอง ไม่เห็นศักดิ์ศรีความเป็นคนของแมทเลย นี่คนรักกันเหรอ??
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-10-2017 21:22:42
อึดอัดแท้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 04-10-2017 21:37:04
i team Matt นะ แบบไม่ว่าคนเราจะอยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบไหน แต่ในความเป็นตัวตนของตนเองก็ต้องมีมั่งใช่ป่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมั่่นหน้ารึดื้อด้านอะไรนะ ก็แบบว่า I’m proud of being me
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-10-2017 21:44:14
แมทเหวอเลย โดนยักษ์เมินละ  o22 o22 o22

แมท ยังไม่รีบๆง้อยักษ์อีก
ก่อนหน้านี้งานยุ่ง ทำงานหัวหมุน งานหนัก
กลับบ้านก็มืด ก็เหนื่อย ง่วง อยากพักผ่อน

ตอนนี้ ไม่เหนื่อย ไม่มีงานว่าง ไม่ง่วง
ทำไมไม่ทำกิจกรรมกับยักษ์ล่ะ
แมทนี่ ซื่อบื้อป่ะ นี้หรอผมก็อยู่กับคุณ คุณก็อยู่กับผม
แบบนี้เรียกว่าอยู่แบบสามีภรรยาเหรอ
 
แล้วนี่ยักษ์ออกไปเที่ยวข้างนอก เมินแมทและ
แมท ต้องโหวง หน่วงแน่ๆ  :hao5: :hao5: :hao5:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-10-2017 23:14:28
สมน้ำหน้าแมท คริคริ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 05-10-2017 00:02:19
 :เฮ้อ: นี่งัยแมท สิ่งที่วิคเตอร์กำลังจะสื่อเหมือนเมื่อครั้งที่แมททำแต่งาน คนที่พยายามเข้าใจและดูแลแมทคือวิคเตอร์ ไม่ใช่พีทและกองถ่าย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 05-10-2017 03:21:37
ก็พอกันทั้งคู่นะ
แต่ก็ยังทีมเตอร์ แบบก่อนหน้านี้เตอร์จะรู้สึกยังไง แมทไม่มีเวลาเลย
แคร์กองถ่าย แคร์ทุกคน แต่ไม่แคร์เตอร์เลย

งานสำเร็จ แต่ครอบครัวพัง

ควรพอดีๆ เน้อ
คุยกันได้แล่ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.11 100% :10.04.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-10-2017 22:00:06
ทำสงครามเย็นกันเหรอน่าอึดอัดชมัด ทิฐิแต่ละคนนั่นแหล่ะ ต่างคนต่างคิดว่าตัวไม่ผิด เดี๋ยวก็เป็นอย่างที่แม่ว่ากลายเป็นปัญหารุนแรงจนได้ เฮ้อ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 11-10-2017 18:49:53


Yours and Mine EP.12 :: Connected. (เชื่อมต่อ) [50%]



เช้าวันถัดมา ผมตื่นตอนเจ็ดโมง ข้างตัวว่างเปล่าไม่มีร่างของวิคเตอร์ ผมนั่งหวิวโหวงในช่องท้อง ชะโงกหน้าไปดูโซฟาปลายเตียงเผื่อว่าเขาจะนอนอยู่บนนั้นแต่ก็ไม่มี ผมมึนๆ อึนๆ อยู่สักพัก เพราะเพิ่งตื่นและนึกงงว่าเขาหายไหน หายไปทั้งคืนเลยหรือเปล่านะ ผมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาเขา แต่เขาไม่รับสาย ผมสะบัดผ้านวมแล้วเดินไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ ระหว่างที่แปรงฟันผมก็ยืนคิดว่าวิคเตอร์ไปไหน ทำอะไรอยู่ เมื่อคืนนี้ออกไปกับพวกคุณเบนหรือเปล่า แต่ตอนนี้คุณเบนอยู่ไทยเพราะไปหาบาส งั้นไปกับอันเดรเหรอหรือชาร์ลี ผมถอนหายใจ ปกติเขาจะบอกผมหมดว่าไปไหน ไปกับใคร แต่อันนี้เงียบใส่ และดูจะจงใจเงียบใส่แบบเมินๆ อีกต่างหาก พอคิดแล้วก็นึกหมั่นไส้

 

 

“อียักษ์ๆๆๆ” ผมพึมพำด้วยความหมั่น ก้มหน้าล้างหน้าในอ่าง พอเสร็จแล้วก็เดินลงบันไดไปข้างล่าง ตอนที่ถึงมุมโค้งเชื่อมต่อของบันได ผมก็มองเห็นร่างยักษ์ใหญ่นอนหมดสภาพอยู่บนโซฟาเตียงในห้องโถง ผมถอนหายใจโล่งอกที่เขากลับมานอนที่บ้าน

           

 

ผมเดินลงไปข้างล่าง เดินเข้าไปดูเขาก่อน วิคเตอร์นอนคว่ำหน้า สภาพไม่น่าจะเมาเละ อาจจะกรึ่มๆ แก้มแดงเล็กน้อย ผมเพ้ายุ่งเหยิง อยู่ในชุดเดิมที่ใส่ออกไปนอกบ้านเมื่อคืนนี้ มือถือเขาตกอยู่บนพื้น ผมก้มหยิบขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ และพยายามพลิกตัวเขาให้นอนหงายเพื่อจะได้หายใจสะดวก

           

 

“ฮึบ…” ผมพยายามดันร่างเขาให้พลิกนอนหงาย แต่ก็ยากลำบากเกินคนตัวเล็กอย่างผม วิคเตอร์ครางงึมงำพักหนึ่งก่อนที่เปลือกตาเขาจะเปิดขึ้น ผมชะงักอยู่กับที่ เรามองตากัน ผมมองด้วยอาการตื่นเล็กๆ ส่วนวิคเตอร์มองด้วยความงัวเงีย เขาไม่พูดอะไรแค่มองผมแบบเบลอๆ ไว้อย่างนั้น

           

 

“จะพลิกตัวให้ นอนทับปอดไม่ดี” ผมพูดเสียงเบา วิคเตอร์หลับตาลงแล้วถอนหายใจยาว ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายด้วยตัวเอง ผมยืนมองเขาด้วยความสับสน วิคเตอร์เหมือนจะรู้ว่าผมยังยืนอยู่เลยลืมตาขึ้นมอง แต่ก็มองแบบงงๆ ไม่รู้ว่างงที่เห็นผมยืนอยู่หรืองงเพราะเมาค้าง

           

 

“What?” เขาถามเสียงแหบพร่า เปลือกตาปิดลงหลับต่อแล้วก็เงียบไป ผมเห็นแบบนั้นเลยถอนหายใจเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินออกมาจากห้องโถงปล่อยให้เขานอนหลับต่อ ผมเดินไปในครัว จัดการทำอาหารเช้าให้ตัวเองและเขา ส่วนออสตินที่ตอนนี้คงพาไมเคิลออกไปนอกบ้านแล้วมักออกไปกินอาหารเช้านอกบ้านบ่อยๆ แต่ผมก็ทำไว้เยอะมาก ทั้งเผื่อวิคเตอร์กินจุและเผื่อออสตินจะกินบ้าง

           

 

ผมเลือกทำเป็นเบรคฟาสต์ง่ายๆ ไข่ดาว ฮ็อตดอก แฮม ขนมปังปิ้ง มีกล้วยเตรียมไว้ให้ด้วย ผมใช้พลาสติกซีนอาหาร วางไว้บนโต๊ะหินอ่อนแล้วนั่งกินของตัวเอง จัดการตัวเองเสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับไปยิม เปิดแอพเรียกอูเบอร์ให้มารับที่บ้าน ตอนที่ลงมาวิคเตอร์ก็ยังนอนอยู่ในสภาพเดิม ผมเดินออกไปจากบ้าน ล็อคบ้านเรียบร้อยก็พอดีกับที่อูเบอร์มาถึง

           

 

ผมยืนลังเลอยู่สักพักว่าควรบอกหรือทิ้งโน้ตไว้ให้วิคเตอร์รู้หรือเปล่าว่าผมออกไปข้างนอก แต่เหมือนความคิดมันวิ่งของมันไปเรื่อย วิ่งแบบไม่หยุด และท้ายที่สุดผมก็เดินขึ้นรถแบบมึนๆ งงๆ มีความรู้สึกค้างคาใจ แต่ก็ไม่ได้คิดจะทำให้มันหายค้างคา ก็นั่งเบลอๆ อึนๆ ไปตลอดทาง แต่ความคิดก็โดดโลดแล่นสนุกสนานเลย มันคิดหลายอย่างจัดจนบางทีไม่รู้จะจัดระเบียบความคิดยังไง

           

 

ฟิตเนสที่แซ็คทำงาน อยู่ในแมนแฮตตันนี่แหละ ไม่ได้ไปไหนไกล อยู่ทางตอนใต้ ห่างจากบ้านวิคเตอร์ก็เหมือนขั้วตรงข้ามกัน นั่งรถไปก็ไม่ได้ไกล ยี่สิบนาทีถึง ผมก็นั่งไปเพลินๆ ไม่ได้รีบร้อน ตอนมาถึงหน้าตึกเลทไปห้านาที ผมเดินเข้าไปด้านใน เอาบัตรไปสแกน ประตูปลดล็อค ผมดันประเหล็กกั้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน เลี้ยวไปทางซ้าย เอากระเป๋าไปเก็บที่ล็อคเกอร์ หยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องล็อคเกอร์ก็เจอกับแซ็คพอดี

           

 

“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ผมยิ้มอ่อนแล้วเดินเข้าไปกอดเขาสั้นๆ ก่อนผละออก

           

 

“ก่อนหน้านี้กลับไทยกับไปอังกฤษมาครับ พอกลับมาผมได้งาน เลยยุ่งๆ หน่อย” แซ็คยิ้ม เขาตัดผมสั้น ซึ่งคงตัดมาสักระยะนึงแล้วหรือาจจะเพิ่งตัดก็ไม่อาจรู้ได้ หนวดเคราครึ้มอ่อนๆ ไม่รกเหมือนวิคเตอร์

           

 

“เลยปล่อยให้วิคเตอร์มาคนเดียวสินะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยด้วยความประหลาดใจ

           

 

“วิคเตอร์มาออกกำลังกายเหรอครับ” แซ็คพยักหน้า หรี่ตามองผมเล็กน้อยด้วยความสงสัย

           

 

“อยู่บ้านเดียวกันแน่ใช่มั้ย ถามเหมือนไม่รู้ว่าเขาไปไหนมาไหนบ้าง” ผมเหมือนโดนแซ็คตบหน้าจนหน้าเอ๋อ ผมมองเขาด้วยความเหลอหลา ยิ้มแบบไม่เต็มปาก เขาไม่ได้อ่านใจใครออกหรอก ที่ผมพูดไปก็น่าสงสัยอย่างนั้นจริงๆ

           

 

“ช่วงนี้วิคเตอร์อุ้มผมไปนอนที่เตียงบ่อยกว่าผมเดินไปนอนเองอีก” ผมพูดให้ดูขำขันแบบสบายๆ แซ็คหัวเราะตามเบาๆ

           

 

“ถึงเวลาพักผ่อนก็ควรพักนะ ทำงานหนักไม่ได้หมายความจะประสบความสำเร็จเร็วขึ้น” แซ็คพูดธรรมดาๆ เลยนะ ไม่ได้พูดเชิงสอนเป็นปรัชญา พูดแบบพูดไปเรื่อย แต่กลับทำให้ผมจึ้กในอก ผมยิ้มแหย พยักหน้าหงึกๆ ไปก่อน

           

 

“เดี๋ยวไปชั่งน้ำหนักกับวัดมวลร่างกายก่อน แต่จากที่ดู นายกลับมาอวบอีกแล้วนะ” ผมยิ้มน้อยๆ เดินตามเขาไปตรงจุดชั่งน้ำหนัก วัดความดัน วัดมวลกล้ามเนื้อของร่างกาย จัดการตามขั้นตอนแบบที่เคยทำ แซ็คจะทำแบบนี้กับผมและวิคเตอร์เดือนละครั้ง เป็นประจำทุกสิ้นเดือน เพื่อดูว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน เขาจะได้ปรับรูปแบบการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับผมและวิคเตอร์ ช่วงที่วิคเตอร์ต้องฟิตเพื่อซีรีส์กับหนัง โปรแกรมของไอ้ยักษ์จะหนักกว่าผมมาก ของผมเหมือนเล่นโดดยาง เอาแบบสบายๆ แต่เน้นก้นเป็นหลักและสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพราะวิคเตอร์บอกแซ็คตรงๆ เลยว่าเพื่อให้ผมมีเซ็กส์กับเขาได้อย่างสตรอง

           

 

“ไขมันเพิ่มขึ้น แต่ยังดีที่มวลกล้ามเนื้อไม่เปลี่ยนแปลง น้ำหนักขึ้นมาสองกิโลนะ แต่นายเป็นคนที่อวบแล้วจะชัดเจน” แซ็คใช้แม็คเย็บกระดาษแผ่นยาวๆ ที่ปริ้นออกมาจากเครื่องติดเข้าไปในประวัติการออกกำลังกายของผมและเดินนำผมไปที่ลู่วิ่งก่อนเป็นอันแรก

           

 

“วอร์มร่างกายก่อนสักสิบนาที” ผมขึ้นไปยืนบนลู่วิ่ง แซ็คจัดการกดระดับความต้านกับระดับการวิ่ง ผมเริ่มจากเดินช้าๆ ไปเดินเร็วๆ และเปลี่ยนเป็นวิ่งในนาทีที่ห้า แล้วก็วิ่งยาวอีกห้านาทีที่เหลือ มันเป็นการวิ่งเพื่อให้ร่างกายตื่นตัวมากกว่าจะเอาไขมันออก

           

 

“ช่วงนี้นอนวันละกี่ชั่วโมง” แซ็คถามในตอนที่ผมกำลังเดินคูลดาวน์ ผมหอบนิดหน่อย เพราะห่างจากการวิ่งมาพักใหญ่

           

 

“แล้วแต่วันครับ สลับกันไป” แซ็คพยักหน้า เขาเป็นเทรนเนอร์ที่ดีมาก เขาถามถึงกิจวัตรประจำวันต่างๆ ไม่ใช่เพราะเขาอยากรู้อยากเห็น แต่มันเป็นการบอกได้ว่าเขาจะต้องทำยังไงกับการออกกำลังกายของแต่ละคน

           

 

“ป่ะ วันนี้เล่นช่วงบน แล้วปิดท้ายด้วยช่วงก้นเหมือนเดิม” แซ็คยิ้มแซว ผมยิ้มเขินเล็กๆ เรื่องเพศสำหรับแซ็คไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ หรือเรื่องน่าอาย เพราะเขาผ่านมาอย่างโชกโชน ผมแอบเชื่อด้วยว่าเซียนกว่าวิคเตอร์อีกมั้ง ดีไม่ดีหนังของแซ็คอาจจะมากกว่าหนังกับซีรีส์ของวิคเตอร์รวมกันอีก ผมเองก็ยังไม่เคยมานั่งถามเขาเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาของเขาว่าเป็นยังไงบ้าง การทำงานในวงการนั้น การใช้ชีวิตก่อนจะมาเป็นแซ็คแบบที่ผมรู้จักในทุกวันนี้

           

 

“เมื่อกี้นี้ฉันเห็นรถที่มาส่ง เหมือนไม่ใช่รถวิคเตอร์” แซ็คชวนคุยระหว่างที่นั่งพักหลังจากที่ผมเล่นเครื่องกระชับบ่ากับไหล่ไปได้หนึ่งเซ็ท

           

 

“ผมนั่งอูเบอร์มาครับ วิคเตอร์ เอ่อ ไปทำงาน” ผมยิ้มไม่เต็มปาก แซ็คเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะดึงบาร์สีดำลงมาให้ผมใช้มือสองข้างจับริมๆ ไว้

           

 

“ดูแปลกๆ นะ” ผมยิ้มไม่เห็นฟัน ออกแรงดึงบาร์สีดำลงมาที่อกสลับกับปล่อยขึ้นไป ทำแบบนั้นยี่สิบครั้งแล้วก็หยุดพักเพื่อรอเซ็ทที่สาม ซึ่งเป็นเซ็ทสุดท้าย

           

 

“ไม่แปลกหรอกครับ ผมก็แค่ไม่ได้มาออกกำลังกายนาน นึกขึ้นได้ก็เลยมา แค่นั้นเอง”

           

 

“นั่นแหละแปลก ถ้าไม่มีวิคเตอร์มาด้วย ก็ต้องมีออสตินมาเป็นเพื่อน” พอรูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปนิดเดียว เลยกลายเป็นที่สังเกตได้ง่ายๆ ของคนรอบข้าง ตอนนี้แซ็คก็เหมือนเพื่อนวิคเตอร์อีกคน ถึงจะอายุเยอะกว่าไอ้ยักษ์สองปี แต่เขาก็นับถือว่าเป็นเพื่อนกัน

           

 

“ออสตินไปกับวิคเตอร์” ผมรู้สึกว่ายิ่งพูดก็ยิ่งแย่ แย่ในที่นี้ไม่ใช่ความรู้สึกผม แต่เป็นการโกหกได้แย่มาก ผมนึกสงสัยว่าตัวเองเคยโกหกใครได้เนียนบ้าง

           

 

“ทะเลาะกันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันหรอก ไม่ต้องพยายามปกปิดก็ได้ ฉันไม่ถามหรอกน่า” ผมตาโต ส่ายหัวรัวๆ

           

 

“ผมไม่ได้คิดว่าคุณจะมาสอดแนมหรือวุ่นวายแบบนั้นนะครับ…” แซ็คยิ้มใจดี ผมทำปากยื่น รู้สึกอึนๆ ในอก

           

 

“…ก็แค่คิดว่า มันอาจเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับคุณ” แซ็คจับบาร์ลงมาให้ผมจับอีกครั้ง ผมเริ่มดึงอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน

           

 

“ฉันชอบคู่นายนะ มันทำให้คนแบบฉันรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ แต่ยังไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งดึงครบเซ็ทตามที่กำหนด ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ปล่อยบาร์สีดำให้ลอยอยู่ด้านบนแล้วหันไปมองเทรนเนอร์สุดแซ่บของตัวเอง เขายักคิ้วและบิดปากเล็กน้อย

           

 

“คนแบบคุณ แบบไหน ยังไงเหรอ” สิ่งที่บำบัดอาการนอยด์ของผมได้ดีมากคือการยุ่งเรื่องชาวบ้าน เพราะมันได้ถ่ายโอนความรู้สึกของตัวเองไปโฟกัสเรื่องอื่นแทนเรื่องตัวเอง

           

 

แซ็คยักไหล่ เลิกคิ้วขึ้นทำหน้านึก เหมือนกำลังนึกว่าจะตอบผมแบบไหนดี “เรียกว่าเป็นคนไม่เอาถ่านกับความรักละมั้ง” ผมอ้าปากหวอ คิ้วขมวดเข้าหากัน สีหน้างุนงงและสงสัย ในใจพร้อมเสือกมาก แซ็คหันกลับมามองผมแล้วยิ้มขำน้อยๆ กับสีหน้าที่ผมแสดงออก

           

 

“ไม่เอาถ่านกับความรักเหรอ มันเป็นยังไงอะ หมายถึงว่าไม่ดี ไม่รอด ประมาณนั้นรึเปล่าครับ” แซ็คชี้ให้ผมนั่งลงบนเบาะบนเครื่องออกกำลังตรงช่วงอกหลังจากที่เขาเซ็ทน้ำหนักให้ผมเสร็จแล้ว ผมนั่งลงตามที่เขาชี้ กางแขนออก ใช้สองมือจับตรงที่จับไว้แล้วบีบเข้าหากัน เทรนเนอร์ร่างใหญ่สุดแซ่บของผมถอนหายใจเบาๆ

           

 

“ฉันไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาในความรัก…” ผมทำหน้าประหลาดใจ นึกถึงวิคเตอร์เลย เขาก็เคยบอกว่าไม่เชื่อในรักหวานแหวว เคยด่าที่ผมชอบฟังเพลงรักด้วย

           

 

“…วิคเตอร์ก็เคยบอกฉันเหมือนกันว่าเขาไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ จนมาเจอนาย” ผมค้างเติ่งไปนิด เกือบหยุดบีบแขนเข้าหากัน หัวใจเต้นตึกตักเบาๆ

           

 

“เขา… เขาพูดกับคุณเหรอ” แซ็คยักคิ้วสองข้างหนึ่งที

           

 

“ใช่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาคิดแบบนั้น แต่สำหรับฉัน มันก็…” เขาแค่นยิ้ม ดูเป็นรอยยิ้มขื่น ผมทำครบจำนวนที่เคยทำแล้วก็หยุด เอามือวางไว้บนตัก ได้ยินเสียงเหล็กถ่วงกระทบกันจากเครื่องเล่นอื่นที่ลูกค้าคนอื่นๆ กำลังใช้บริการ

           

 

“…แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยเชื่อนะ ฉันเคยเชื่อ แต่พอถึงจุดที่ทำให้ไม่เชื่อ ฉันก็หมดศรัทธากับมันไปน่ะ” แซ็คพูดด้วยท่าทางปกติ ไม่ได้ดูหม่นหมองใดๆ เขากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

           

 

“ฉันยังไม่ได้ด้านชาหรือตายด้าน เรื่องมันนานมาแล้ว เวลาผ่านไป ความรู้สึกก็เริ่มชินกับการที่ตัวเองคิดและรู้สึกแบบนี้” เขาทำท่าให้ผมบีบแขนเข้าหาตัวกันเป็นเซ็ทที่สอง ผมทำตามที่เขาสั่งและก็สอดเรื่องเขาไปด้วย เราจะมาหยุดอยู่ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ไม่ได้ เผือกให้สุดแล้วหยุดที่รู้เรื่องทุกสิ่ง

           

 

“แล้วตอนนี้คุณยังรู้สึกแบบนั้นอยู่มั้ย หรือกลับมาเชื่อในความรักบ้างแล้วรึเปล่า” ผมย่นหน้าเล็กน้อยตอนที่เริ่มรู้สึกล้าช่วงต้นแขน แต่ก็ยังไม่หยุดทำ

           

 

แซ็คถอนหายใจเบาๆ ยกสองแขนกอดอก นั่นยิ่งทำให้กล้ามแขนของเขาล่ำชัดมากขึ้น รอยสักบนเต้นแขนทำให้เขาดูเท่เพิ่มไปอีก “อย่ารีบ…” เขาเตือนเมื่อเห็นผมเผลเร่งจังหวะตัวเอง

           

 

“…ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันรู้สึกยังไงก็ยังไม่แน่ใจ” ผมบีบเข้าหากันครั้งสุดท้ายแล้วหยุด สมองตอนนี้ไม่สนใจเรื่องออกกำลังกายละ สนใจแต่เรื่องของแซ็คเนี่ย

           

 

“คุณ เอ่อ เคยรักใครมั้ย” แซ็คคลี่ยิ้ม เป็นยิ้มแปลกๆ ที่เขาคงรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร

           

 

“ไม่เคยหรอก…” ผมอ้าปากค้างน้อยๆ กำลังพิจารณาว่าจริงหรือตอบเอาให้แปลกไม่เหมือนใคร

           

 

“…เพราะฉันกำลังรักเขาอยู่ในตอนนี้” ผมกะพริบตาปริบๆ สักแปบก่อนจะอ๋อ แต่สักพักก็

           

 

“ฮะ? เขาเหรอ?” แซ็คพยักหน้ายิ้มๆ ผมตาโตทันที แซ็คทำท่าให้ผมออกกำลังกาย ผมยกสองมือขึ้นเบรคเขา

           

 

“เดี๋ยวๆ ก่อน คนที่คุณรักเป็นผู้ชายเหรอ” เขายักคิ้วหนึ่งที ริมฝีปากขยับเป็นรอยยิ้มเขินเล็กๆ

           

 

“ใช่ ผู้ชายไทยแบบนายด้วย” อุ๊ตะ!

           

 

“ถามจริง?” เขาเลิกคิ้วขึ้น พยักหน้าลงช้าๆ หนึ่งทีเหมือนเป็นการย้ำให้ชัดเจนว่าตามนั้น ผมคลี่ยิ้มกว้าง ยกสองมือป้องปากด้วยความรู้สึกเขิน ผมรู้จักกับเขามาสองปีได้ แต่ผมไม่เคยถามหรือรู้เรื่องนี้เลย เพราะแซ็คทำตัวปกติ เหมือนคนที่มีสถานะโสด

           

 

เออ ใช่เขาทำตัวแบบนั้นอะ

           

 

“แต่คุณเคยบอกว่า คิดจะจีบผมด้วย คนนั้นเขาไม่ว่าเหรอ” ผมเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัยเหมือนเวลาไมเคิลมองวิคเตอร์ตอนเขาด่ามัน

           

 

“ไม่ว่า แต่ไม่พูดกับฉันไปสามวัน” ผมหลุดหัวเราะเสียงดัง เป็นการหัวเราะดังมากในช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ แซ็คหัวเราะเบาๆ

           

 

“เขารู้มั้ยว่าคุณฮ็อตมาก ผู้หญิงอยากเทรนกับคุณเยอะแยะ” แซ็คคิวฮ็อตมาก แต่ไม่ใช่ว่าฮ็อตข้ามปีข้ามชาตินะ คือเขาเล่าให้ฟังว่ามีอีเมลเข้ามาหาว่าอยากให้เขาเป็นเทรนเนอร์ให้ มีหลากหลายเพศ แรกๆ ที่เขาเริ่มทำอาชีพนี้ ผมไม่รู้ว่าเขามีวิธีการรับงาน การทำงานยังไง แต่ตั้งแต่เขามาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้วิคเตอร์ เขาคัดลูกค้ามากขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาดังแล้วหยิ่ง แต่เขาก็ต้องระวังตัว เพราะพอบางคนรู้ว่าเขาเคยเป็นนักแสดงหนังผู้ใหญ่มาก่อน มันก็จะมีการคาดหวังมากกว่าเทรน

           

 

“รู้ เขารู้ด้วยว่าฉันสนองความต้องการของผู้หญิงบางคน”

           

 

“โอ้” ผมอ้าปากหวอกว้างเลยทีนี้ แล้วสักพักก็หุบปากลง เบิกตากว้าง ยื่นคอไปข้างหน้านิดหนึ่ง มองเขาด้วยความทึ่งและสับสน

           

ความสัมพันธ์นี้ช่างน่าเสือกยิ่งนัก รู้สึกผ่อนคลายยิ่งนักเมื่อมีเรื่องคนอื่นมาให้โฟกัสแทนเรื่องตัวเอง

 




เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao3:


               การบำบัดของแมทน่าสนใจดีนะคะ ถ่ายโอนความรู้สึกของตัวเองไปยุ่งกับเรื่องคนอื่น จะทำให้ลืมปัญหาของตัวเองไปได้ เออ เริ่ด

               แต่พ้อยท์คือ เรื่องของพี่แซ็คค่ะ ซี๊ดดดด >..< ถ้าเป็นภาษาที่ตอมคุยกับเพื่อนจะพูดว่า ความสัมพันธ์ฮี(+) อะไรของมึงเนี่ย 5555555

               ว่าจะอัพตั้งแต่เมื่อวานตามที่บอกไว้ในเพจค่ะ แต่น็อคหลังจากเคลียร์งานด่วนที่บอกไปเสร็จ คือเบลอไปเลย อยากทิ้งหัวลงหมอนลูกเดียว

               ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากคนอ่านทุกคนที่คอมเม้นให้กันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มันเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนมากๆ มันคือแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการเขียนมากเลยค่ะ รู้ว่ามีคนรออ่านและรอมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยกันทุกครั้งที่ลงเนื้อเรื่องก็ปริ่มใจ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณโหวตที่มอบให้ด้วยค่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่พอได้ก็ดีใจ ฮ่าาา และขอบคุณยอดวิวจากนักอ่านเงานะคะ  :mew1:

               อัพตอนนี้จบ ก็จะอัพเรื่องของพี่แซ็ค พี่พระเอกคนที่สองของซีรีส์พี่พระเอกแล้นค่าาา แต่ก่อนจะอัพเรื่องลง เดี๋ยวมีสกู๊ปพิเศษสักสองสามอันคุยกันก่อนอ่านที่เพจเฟซบุ๊ค ซึ่งสกู๊ปพิเศษตอนแรกลงไปแล้ว ตามไปย้อนอ่านกันได้ที่เพจนะคะ เดี๋ยวสกู๊ปตอนที่สองกำลังจะตามมาค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2017 19:23:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-10-2017 19:39:33
นุ้งแมทนะ นุ้งแมท สรใจเรื่องจองพี่แซคซะแล้ว ถถถถ
นุ้งแมทกับวิคเตอร์เหมือนปรับตัวเข้ากันไม่ได้เลยอ่ะ ต่างคนต่างทิฐิ เมื่อไหร่จะได้ดีกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 11-10-2017 20:07:23
แมทนี่ชอบเผือกจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Minoru88 ที่ 11-10-2017 20:35:05
แมทค่ะ ควรไปเคลียร์กะวิกเตอร์ก่อนมั้ย
5555
มีเรื่องแช็ค มาให้เผือกแทน 55
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-10-2017 21:15:56
ดีกันได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-10-2017 23:12:17
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 12-10-2017 00:51:33
มาอัพแล้ววว

รีบๆดีกันน้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 50% :11.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 13-10-2017 16:38:55
ไม่ได้เข้ามานานมากๆ คิดถึงคู่นี้ รอบนี้ทีมวิคเตอร์

วิคเตอร์งานเยอะ งานยุ่ง ทำไมยังหาเวลามาอยู่กับแมทได้ล่ะ

แมทมีความฝัน เตอร์ก็เข้าใจนะ พอปล่อยให้ทำงานไป

แต่แมทไม่รู้จักความพอดี ไม่รู้จักแบ่งเวลา

ตอบตรงๆแทบจะลืมไปแล้วว่าแมทอยากทำงานเขียนบท

ทุกวันนี้โดนใช้ยิ่งกว่าทาส ซึ่งวิคเตอร์ก็เห็น

มันมากไปมันไม่ก้าวหน้านะ เรียกว่าดันทุรัง

คนที่กองว่าเพราะแซะได้ แต่เตอร์ว่าบางทีคือหวังดี แมทไม่ยอมซะงั้น

คนรักกันต้องปรับเข้าหากัน ไม่ใช่ให้ฝ่ายนึงเข้าหาคนเดียว

วิคเตอร์เป็นคนอารมณ์ร้อน บางทีทำอะไรอาจแข็งกระด้างไปบ้าง

แต่เชื่อว่าแมทคนเก่าจะมองจุดประสงค์ของวิคเตอร์ออกง่ายๆ

 ไม่ใช่แมทคนใหม่ที่สนใจแต่งานแล้วลืมคนรอบข้างแบบนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 18-10-2017 19:03:50


Yours&Mine :: EP.12 [100%]




“เขารู้หมดแหละ เพราะฉันบอกเอง และเขาก็อนุญาต”
   


“ฮะ?!” ผมกลับมาอ้าปากค้างอีกครั้ง มองแซ็คด้วยความตะลึง และรู้สึกตะลึงไปถึงผู้ชายคนนั้นของแซ็คด้วย
   


“เขาเป็นแฟนคุณ คุณเป็นแฟนเขาใช่มั้ยอะ” ผมถามเสียงเบา แต่ไม่หวิว ด้วยความสงสัย อีกความรู้สึกคือทึ่งปนแปลกใจจนระดับเสียงลดลงมาเอง เอาแบบนี้ดีกว่า กราฟความรู้สึกอยากเสือกพุ่งสูงมากตอนนี้



แซ็คยักไหล่สองข้างท่าทางสบายๆ “เรายังไม่ได้คบกันเป็นคู่แบบนายกับวิคเตอร์หรอก”



“อ้อ…” ผมรู้สึกโล่งใจ แต่แปบเดียวก็ขมวดคิ้ว “…แต่คุณบอกว่าคุณรักเขานี่นา แล้วทำไมถึง…”



“…ถึงมีอะไรกับคนอื่นน่ะเหรอ” ผมพยักหน้ารัวๆ แซ็คระบายยิ้มอ่อนบนใบหน้า



“ทำเซ็ทที่สามให้ครบก่อน” โอ้โห รีบเลย ผมยกมือขึ้นจับแฮนด์ของเครื่องออกกำลังกายส่วนอกอย่างไว พยายามเบรกความรีบร้อนในการทำให้เสร็จเร็วๆ ของตัวเอง เพราะไม่งั้นเดี๋ยวแซ็คให้เริ่มใหม่ เขายืนยิ้มขำที่เห็นผมรีบออกกำลังกายให้เสร็จเพราะอยากฟังเขาเล่าต่อ



“ครบแล้วครับ!” ผมบอกอย่างไว แซ็คกระดิกนิ้วให้ผมลุกขึ้นเดินตามไปที่เครื่องออกกำลังกายอันใหม่ ผมนั่งลงบนเบาะของเครื่องออกกำลังส่วนสะบักหลัง



“เขาอยู่กับฉันตั้งแต่สมัยที่ฉันยังทำงานในวงการหนังผู้ใหญ่ เขาเห็นฉันร่วมเพศกับผู้หญิงจนคุ้นเคย แต่กว่าจะคุ้นเคย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย…” โอ๊ะตายละ ยิ่งพูดยิ่งน่าสนใจใคร่รู้ชวนเอาใจใส่ต่อเรื่องราวของเขามาก



“…และนั่นมันเลยส่งผลมาจนถึงตอนนี้ ทำให้เราไม่ได้คบกันจริงจังสักที”



“แล้วคุณอยากคบกับเขามั้ย” แซ็คย่นจมูก แยกเขี้ยว ยักคิ้วหนึ่งที แล้วยักไหล่ แต่รวมๆ ผมแปลเอาเองว่ามันน่าจะแปลประมาณว่า แหงอยู่แล้ว ส่วนผมทำหน้าไม่เข้าใจ ไม่รู้ไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองแปลหรือไม่เข้าใจกับความสัมพันธ์ของแซ็ค



“ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ เริ่มต้น ดำเนิน และจบลงแตกต่างกันออกไป อย่างของฉันก็…” แซ็คปั่นมือขวาในอากาศ เหมือนกำลังนึกถึงประโยคของตัวเองที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วยิ้มขำน้อยๆ ก่อนจะส่ายหัวหน่อยๆ มันคงหาคำจัดความยากน่าดูสินะ



“…หมอนั่นเป็นคนมีความคิดแปลกๆ หน่อย อย่างเรื่องที่ฉันนอนกับผู้หญิงคนอื่นเขาจะเฉยๆ แต่เขาไม่ชอบให้ฉันยุ่งกับผู้ชายคนอื่น นอกจากเขาคนเดียว หมายถึงแบบที่ฉันยุ่งกับผู้หญิงน่ะ” เออ แปลกจริง เฮ่ย เป็นมุมมองที่เก๋…. เหรอวะ?



“แล้ว… แล้ว… แล้วคุณจะคบกับเขามั้ย แบบคุณเองก็อยากคบ แต่จะคบกับเขาจริงๆ ใช่มั้ยอะ” แซ็คสูดลมหายใจเขาปอดลึกๆ แล้วพ่นออกมายาวๆ



“มันต้องมีวันนั้นแหละแมท แค่ฉันไม่รู้ว่าจะวันไหน”



“เขาไม่เสียใจจริงๆ เหรอที่คุณทำแบบนั้น” แซ็คหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะแค่นยิ้ม คราวนี้เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่ขำขันหรือสนุสกนาน มันเป็นรอยยิ้มแห่งความเจ็บปวด



โห อีแมท มึงมองทะลุมาก มองอะไรได้ขาดขนาดนั้นอะ



“เพราะเขาเสียใจ วันนี้เขาเลยไม่เสียใจ และฉันกลัวว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเหลือเกิน” จากที่ขำๆ ขันๆ ตลกๆ ทำไมมันดาวน์ลงมาแบบนี้ไปได้ล่ะ ผมเห็นแววตาวิตกกังวลของแซ็คแล้วก็รู้สึกไม่ดี



“ก็… งั้นก็คุณก็ต้องทำให้เขามั่นใจสิว่าเขาจะเป็นคนเดียวของคุณ คุณต้องรีบกู้ความรู้สึกคืนมา อย่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป” แล้วแซ็คก็ยิ้ม คราวนี้เขายิ้มกริ่มจนผมขมวดคิ้วงง



“บอกตัวเองแบบนี้แบบที่บอกกับฉันด้วยนะ…” ผมคลายคิ้วออก กะพริบตาปริบๆ “…อย่าปล่อยให้มันเป็นแบบที่มันกำลังเป็นอยู่”



สาบบานจริงๆ นะว่าแซ็คไม่ได้รู้เรื่องสถานการณ์ของผมกับวิคเตอร์ตอนนี้เลย และเขาก็แค่พูดธรรมดาๆ ไม่ได้เปิดคลาสปรัชญาใดๆ ด้วย



“นายกับวิคเตอร์เป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้ฉันไม่ยอมแพ้ที่จะเอาหมอนั่นกลับมาหาฉัน…” แซ็คยิ้ม หยิบมือถือขึ้นมากดเปิดอะไรสักอย่างอยู่แปบนึงแล้วก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม



“…พวกนายเป็นไอดอลฉัน ฉะนั้นไอดอลต้องเป็นแบบอย่างที่ดีรู้รึเปล่า” ผมยิ้มกว้างด้วยความตลกก่อนจะก้มลงมองภาพในมือถือ เป็นภาพของแซ็คกับผู้ชายเอเชียคนหนึ่ง ผิวขาวสว่างมาก ใบหน้าเรียวคมสมส่วน จะบอกว่าสวยก็ไม่ขนาดนั้น แต่หน้าก็ละมุนมากเลย ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อยืดสีขาว ด้านล่างเปลือยเปล่าเห็นก้นขาวงอนเด้ง ยืนอยู่ในอ้อมกอดแซ็คที่ท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์หุ่นล่ำที่ยังไม่บึ้กมากเท่าปัจจุบัน ท่อนล่างเป็นกางเกงว่ายน้ำสีเขียวทรงสามเหลี่ยมรัดติ้วสุดแซ่บ โอ้ว เอ่อ สติ ส่วนหน้าผากของผู้ชายคนนั้นซบกับสันกรามใบหน้าหล่อของแซ็ค ยิ้มกว้างให้กับกล้อง ฉากหลังของทั้งสองคนคือทะเล



“เป็นรูปแรกที่เราถ่ายคู่กัน ส่วนทุกวันนี้เราไม่มีรูปคู่กันเลย” แซ็คว่าขำๆ ไม่ได้ดูซีเรียสหรือดราม่า



“เขาน่ารักนะครับ” แซ็คกลอกตา หน้าเซ็ง ส่ายหัวเบาๆ



“ตอนนี้น่ารักกว่าเดิม ดึงดูดตัวผู้เข้าหาได้เยอะเชียวละ” เขายิ้มเยาะ แต่สีหน้ามีแววไม่พอใจ ผมยิ้มขำ



“เขาชื่ออะไรเหรอ”



“ไอติม” ผมยิ้มกว้างกับชื่อนั้น



“ชื่อก็น่ารัก”



“ใช่ ฉันชอบกินไอติมมากเลยละ” แซ็คยิ้มกรุ้มกริ่ม ยักคิ้วหนึ่งที ผมห่อไหล่ด้วยความเขิน ยิ้มกว้างด้วยความอาย ก่อนจะส่งเสียงกรี๊ดในลำคอเบาๆ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา



“เอาล่ะ ออกกำลังกายต่อ เดี๋ยววิคเตอร์จะหาว่าฉันเอาเวลามาจีบนายอีก” ผมหัวเราะเบาๆ พยักหน้าหงึกๆ แล้วเริ่มออกกำลังกายต่อจากที่ค้างเอาไว้



คุยกับแซ็คแล้วรีบอยากกลับไปคุยกับวิคเตอร์เลย เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมกับไอ้ยักษ์เงียบใส่กันนานขนาดนี้ สามวันแห่งความสงบ ไม่สนุกเท่าไหร่เลยแฮะ








ผมออกกำลังกายเสร็จก็เกือบบ่าย แซ็คเทรนให้ผมสองชั่วโมง เวลาที่เหลือผมก็ไปวิ่งแล้วก็เต้นซุมบ่า อโลฮ่ามาก สนุกมากคลาสนี้ ได้เต้นแล้วก็รู้สึกปลดปล่อยดี ปล่อยความคิดไปกับเสียงเพลงและท่าเต้นที่แสนจะริมทะเล ผมเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ออกมาเปลี่ยนชุดตรงโซนล็อคเกอร์ ไม่มีสายเรียกเข้าจากไอ้ยักษ์หรือออสติน หน็อย เงียบทั้งนายทั้งลูกน้องเลยนะ รวมหัวกันบอยค็อทผมล่ะสิ



“ไว้เจอกันนะครับแซ็ค” ผมโบกมือให้แซ็คตรงเค้าน์เตอร์รับลูกค้าที่เขากำลังยืนอยู่กับแม่สาวผมยาวสีทอง หน้าท้องเป็นกล้ามสวยงาม เธอยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แซ็คทำท่าตะเบ๊ะตอบกลับมา ผมเดินออกจากตึกฟิตเนสไปขึ้นอูเบอร์ที่เรียกไว้ก่อนหน้านี้ ได้รถสีดำทั้งขาไปขากลับเลยแฮะ



“Could you drop me at supermarket and wait me for a half an hour?  (เดี๋ยวจอดรอผมที่ซูเปอร์มาร์เก็ตซักครึ่งชั่วโมงได้มั้ยครับ)” คนขับที่เป็นผู้ชายผมขาว แต่หน้าตาไม่ได้ดูแก่เลยพยักหน้ารับ ไม่รับได้ไงล่ะ จอดรอก็ได้ตังค์เพิ่ม



ระหว่างทางผมนั่งอ่านแชทของเพื่อนๆ ในกลุ่มไลน์ แจ้งเตือนเป็นร้อยเฉพาะกลุ่มเดียว ผมไล่อ่านแบบคร่าวๆ ไอ้วอร์มส่งรูปอีแชมป์กับเด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มคนนึงมาในกลุ่ม เป็นภาพที่ไอ้ตี๋ขาวกำลังกอดเอวเด็กคนนั้นในผับแล้วกำลังก้มคุยกับน้องเขา ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ยิ้มงงๆ นิดหน่อย



(อีแชมป์ไม่เห็นเล่าให้ฟังมั่งอะ)



ผมพิมพ์ข้อความเข้าไปในกลุ่ม เงียบไปสักพัก อีแชมป์ที่ไม่ได้ตอบอะไรก่อนหน้านี้ โยนประเด็นมาให้ผมรับแทนทันที จากที่ตัวมันกำลังเป็นประเด็น มันเล่นผมแทนแล้ว



(มึงไม่ต้องเลย กูโทรไปไม่รับ บางทีรับก็รีบวางสาย ไอ้ห่า เวลามึงกับของกูเหมือนกันมั้ย ก็ไม่ ไลน์ก็ชอบดอง ในกลุ่มคุยกัน มีวันเนี้ยแหละที่มึงมาพิมพ์ตอบ ไหน บอกมาดิ๊ว่ามึงจะอยู่แต่กับผัวใช่มั้ย)



(อ้าว อีห่า กูทำงานโว้ย ไม่ได้ติดผัวนะ)



(เออ งั้นสมแล้วที่ผัวมึงจะโกรธ)



(อะไร วิคเตอร์คุยกับมึงเหรอ)



(ถ้าแอบเป็นชู้กับกูได้ มันคงทำไปละ กูโทรไปหาผัวมึงเพราะมึงไม่รับสาย เขาเลยระบายให้กูฟัง)



ผมจิ๊ปาก ย่นคิ้วใส่หน้าจอโทรศัพท์ อะไรกันนี่ อะไรกันหนอ แต่ดูท่าจะมีแต่อีแชมป์ที่รู้เรื่อง เพราะคนอื่นๆ ถามกันมาใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าพวกมันไม่นอนกันเหรอ แต่พอนึกวันได้ก็เลยไม่แปลกใจ วันหยุดมัน จะนอนตีห้ามันก็ทำกันได้ ผมเห็นเพื่อนๆ รุมถาม รุมคุยเรื่องของผมแทนเรื่องไอ้แชมป์เยอะเกินเลยแกล้งทำมึนไม่ตอบ ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นความสำคัญของเพื่อน แต่ผมแค่คิดว่า เวลาเราดราม่า เราจะเล่าอะไรได้มากมายเพื่อเป็นการระบาย แต่พอเราดีกันแล้วล่ะ เรามักไม่ค่อยอัพเดตหรอก แต่ถ้าสักพักเราดราม่าอีก เราก็เล่าอีก พอดีกันเล่าก็ไม่เล่าอีก มันเป็นการซ้ำซ้อน ผมว่าวันนึงเพื่อนจะเบื่อและเริ่มรู้สึกว่า ปล่อยมัน มันก็เป็นแบบนี้



อูเบอร์จอดหน้าซูเปอร์มาร์เก็ต Morton Williams ที่อยู่ในแมนแฮตตัน ผมรีบเดินเข้าไปด้านใน พุ่งดิ่งไปตรงของสด ระหว่างทางผมลิสต์มาในหัวแล้วว่าอยากได้อะไรบ้าง เลยหยิบลงตะกร้าได้อย่างง่ายดาย ปกติจะต้องมีออสตินไม่ก็วิคเตอร์ในชุดปกติแบบที่ไม่กลัวปาปาราซซี่มาช่วยถือ มีภาพแอบถ่ายเราสองคนในซูเปอร์มาร์เก็ตไปสามเซ็ทแล้วมั้ง ผมไม่มีโอกาสได้พูดอยู่แล้ว แต่ครั้งนึงวิคเตอร์เคยตอบสื่อไปว่า พาน้องชายไปซื้อกับข้าวมันผิดด้วยเหรอ ทีตอนเขาออกไปกับน้องสาว (ไวโอล่า) ที่อังกฤษไม่เห็นมีคนถ่ายมาบ้าง



“Thank you.” ผมกล่าวขอบคุณพนักงานคิดเงินหลังจากจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อย ผมถือถุงพลาสติกกลับไปที่รถ ใช้เวลาไปแค่สิบห้านาทีน้อยกว่าที่บอกเขาไว้ คนขับรถออกรถไปตามเส้นทางในเมืองใหญ่ ตอนนี้บ่ายสามแล้ว วิคเตอร์น่าจะตื่นแล้วละมั้ง



แต่ครั้งนี้ไอ้ยักษ์มันเล่นงี้เลยเนอะ เงียบ เมิน ไม่ใส่ใจจริงจัง ไม่โทรจิก ไม่โทรตาม นี่ถ้าผมโดนไอ้ฌอนดักตีหัว กว่าจะรู้ตัวผมคงนอนอยู่โรงพยาบาลแล้วมั้ง ไอ้ยักษ์เวอร์ชั่นโกรธแบบสงครามเงียบแบบนี้เพิ่งเคยเจอเหมือนกัน



“Have a good day.” ผมบอกคนขับอูเบอร์ตอนที่เขามาจอดตรงหน้าบ้านและจัดการให้เขาตัดค่าโดยสารจากบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว ผมแบกของทุกอย่างลงจากรถ รถวิคเตอร์ไม่อยู่ไม่รู้ไปไหน ผมมองที่จอดรถอันว่างเปล่าด้วยความสงสัยแปบหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นบันไดหน้าบ้าน วางของลงข้างนึง ล้วงกุญแจออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วไขประตูบ้านเข้าไป ด้านในเงียบสงบ ผมใช้เท้าปิดประตู เอาของไปวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน อาหารที่ผมทำให้ไว้เมื่อเช้าหายไป จานวางอยู่ในอ่างล้างจาน ผมกำลังจะเดินไปดูในห้องโถง แต่ไมเคิลก็เดินเตาะแตะๆ ออกมาหาผมก่อน



“เฮ้” เจ้าโกลเด้นท์ตัวจ้ำม่ำ โบกหางไปมา นั่งสองขาให้ผมลูบหัว ผมหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาวิคเตอร์ แต่เป็นครั้งที่สองของวันที่เขาไม่รับสาย ผมเลยโทรหาออสตินแทน สัญญาณดังแค่สองครั้งเขาก็กดรับสาย



[คุณเรย์มอนด์มาเตรียมตัวไปงานเลี้ยงครับ]



“โอ้ว เอ่อ ต้องไปตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ” ยังไม่ทันสี่โมงเย็นเลย พระอาทิตย์ยังไม่เริ่มตกเลยสักนิด



[ชุดออกงานวันนี้เป็นของสปอนเซอร์ เขาเลยต้องมาลองก่อน คุณเอมิลี่ก็มาครับ] ได้ยินชื่อเอมิลี่ผมก็เบาใจ แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจเรื่องอาหารเย็น



“ผมโทรไปแล้วเขาไม่รับ คุณถามเขาให้หน่อยแล้วกันว่าจะกินอะไรมั้ย หรืออยากจะอิ่มมากจากที่งานเลี้ยงเลย”



[เดี๋ยวถ้าเขาออกมาแล้ว ผมจะถามให้ครับ] ผมกล่าวขอบคุณสั้นๆ กับออสตินแล้ววางสายไป หันไปมองของสลับกับมองไมเคิลที่นั่งลิ้นห้อย



“ทำไว้ก่อนก็แล้วกันเนอะ” ผมไม่รู้ว่าคำตอบจะเป็นยังไง แต่ผมก็คิดว่าเตรียมไว้ก็แล้วกัน เหมือนที่แม่บอก จะโกรธ จะงอนกันยังไงแต่ไม่ควรละเลยมื้ออาหาร







‘เขาบอกว่าแล้วแต่คุณแมท’



นั่นคือข้อความที่ออสตินส่งมาบอกในระหว่างที่ผมกำลังทำอาหาร ตอนนั้นผมคิดว่าก็ไม่ศูนย์เปล่าแล้วละที่ทำไว้ กลับมาเขาคงกิน แต่ตั้งแต่บ่ายสามตอนนั้น จนตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว วิคเตอร์ยังไม่กลับบ้าน ผมเลยคิดว่าเขาคงไม่น่าจะหิว งานเลี้ยงคงมีอาหารเยอะแยะ (ซึ่งผมยังไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นงานเลี้ยงอะไร) เขาคงกินจนอิ่มแล้วละมั้ง ผมเลยได้แต่ยืนมองจานอาหารที่ซีนพลาสติกไว้ด้วยความเซ็ง ไว้อุ่นพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน



“ไปนอนกันเถอะไมเคิล” ผมปิดไฟในครัว เปิดไฟตรงมุมซุ้มทางเข้าห้องโถงไว้เพื่อไม่ให้บ้านมืดตอนที่สองคนนั้นกลับมา ผมอุ้มฟอกซ์ขึ้นไปบนห้องนอนด้วย ตอนที่เข้ามาถึงในห้องนอน เปิดแอร์ หรี่ไฟสลัวเรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้ยินเสียงเจ้ากระทิงดุมาตามถนน ผมวางฟอกซ์ไว้บนโซฟาปลายเตียง ไมเคิลนอนบนพรมด้านล่างหน้าโซฟา ผมเปิดประตูระเบียงออกไปดู ชะโงกหน้าไปด้านล่าง วิคเตอร์ในชุดสูทสีดำเรียบหรูใส่หูกระต่าย มัดผมจุดไว้บนหัวเดินออกจากรถมาพร้อมออสติน แล้วก็หายเข้าไปตรงบันไดหน้าบ้าน ผมยืนชั่งใจสักพักแล้วก็ตัดสินใจว่าไม่ลงไปดู อยู่ที่งานนานขนาดนั้น คงกินอะไรไปเยอะ อาหารผมก็เป็นหม้ายอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ



ลึกๆ ก็น้อยใจนะ แต่จะว่าเขาก็ไม่ได้ เพราะเขาก็บอกแล้วว่าวันนี้เขามีงานเลี้ยง ผมดันสะเออะอยากทำอาหารง้อสามีผิดมื้อไปหน่อย เก็บไว้ใช้เป็นมื้อเช้าก็แล้วกัน



ผมปิดประตูระเบียงแล้วเดินไปที่เตียง สอดตัวเข้าผ้านวมแล้วนอนตะแคงลืมตาในความสลัวของไฟสีส้มนวลตา เปิดเอาไว้ให้วิคเตอร์ จะได้ไม่เข้ามาแบบมืดๆ ไม่รู้ว่าวันนี้จะขึ้นมานอนข้างบนหรือเปล่า ผมนอนคิดแบบเหงาๆ นอยด์ๆ พยายามหลับตาเพื่อให้หลับไปตามตาปิด แต่ความคิดที่วกวนในหัวก็เป็นตัวต่อต้านชั้นดีไม่ให้หลับง่ายๆ ผมพ่นลมหายใจ นอนมองไปข้างหน้าแบบไร้จุดหมายอย่างเหงาๆ



กริ๊ก~



เสียงเปิดประตูแบบเบาๆ ดังขึ้นในความเงียบ ผมหลับตา แกล้งทำเป็นนอนหลับไปแล้ว ได้ยินเสียงไมเคิลส่งเสียงแฮ่กๆ ตอบรับคนเข้ามาในห้อง ผมได้ยินเสียงเท้าเขาเดินแบบเบาๆ ไปทางห้องน้ำ แล้วสักพักไฟในห้องน้ำก็สว่างขึ้น ผมยกหัวขึ้นมอง เขาไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำเลยไดยินเสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื้นชัดเจน ผมทิ้งหัวลงนอนตามเดิม พ่นลมหายใจอีกทีและพยายามข่มตาหลับ แต่ความรู้สึกก็ไม่ได้หลับตามไปด้วย



ผ่านไปหลายนาทีซึ่งคิดว่าคงเป็นสิบนาทีกว่าแล้ว ผมก็เริ่มที่จะมีอาการเหวี่ยงวึบเหวี่ยงวึบแบบที่ว่าใกล้จะเข้าสู่ห้วงแห่งการนอนเต็มทีแล้ว แต่ความรู้สึกก็หลุดหายวับไปเมื่อตอนที่เตียงยุบยวบยาบและตามมาด้วยแรงรัดตรงช่วงท้องของท่อนแขนอันแข็งแกร่ง ผมลืมตาขึ้นง่วงๆ หันไปมองก็เจอใบหน้าหล่อผมยาวปกหน้าหนวดเคราดกครึ้มของวิคเตอร์กำลังมองผมด้วยสายตาเรียบนิ่งอยู่



“Thank you for shrimp omelet. (ขอบคุณสำหรับไข่เจียวกุ้ง)” เขาพูดเสียงทุ้มเบาๆ แต่ทำเอาผมรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งตัว



“ไม่ได้กินจากที่งานมาเหรอ” ผมพลิกตัวนอนตรง วิคเตอร์เอาแขนขวายันหัวตัวเองไว้ให้ตัวนอนตะแคงคุยกับผม



“กินแต่น้ำเปล่า รอมากินอาหารฝีมือนาย” ผมกะพริบตามองเขานิ่งๆ สักแปบก่อนจะเริ่มรู้สึกร้อนที่ใบหน้า ริมฝีปากทำท่าจะขยับเป็นรอยยิ้มเขิน แต่ผมก็เม้มปากกลั้นเอาไว้



“โกหกรึเปล่า” วิคเตอร์ส่ายหน้าสองที



“ฉันกินหมดไปแล้วก่อนขึ้นมา จับพุงฉันสิ” ผมมองใบหน้านิ่งไร้แววล้อเล่นของเขาแล้วก็คลี่ยิ้มอ่อน



“ถ้าเกิดผมไม่ได้ทำไว้ให้ คุณไม่อดตายหรอกเหรอ”



“เพราะฉันรู้ว่านายจะทำไว้ให้” ผมขยับยิ้มกว้าง เขาอาจจะเห็นจากเมื่อเช้าที่ผมทำไว้ให้ เลยคิดว่ายังไงตอนเย็นผมก็ต้องทำให้อีก



“วิคเตอร์ ผมขอโทษ…” ผมยกมือขวาขึ้นจับกรอบหน้าเขาเบาๆ “…ผมอยากคุยให้เราเข้าใจกัน”



วิคเตอร์ถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าเขาออกอาการเซ็งนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดหรือทำท่าจะโมโหใหญ่โต ผมลดมือลงวางบนอกตัวเอง



“อีกเดือนนิดๆ ผมก็จะจบงานแล้ว ผมขอทำต่อได้มั้ย แล้ว…” ผมเม้มปาก ก่อนจะตั้งจิตให้มั่นแล้วพูดออกไป



“…เสาร์อาทิตย์ผมจะไม่เอางานขึ้นมาทำอีก” วิคเตอร์เงียบ เขามองหน้าผมด้วยสายตาสงบ ผมยกมือขวาจับท้ายทอยเขาให้ลงมารับจูบริมฝีปากของผมหนึ่งทีแล้วปล่อย



“นะ ผมจะแบ่งเวลาให้ดีกว่านี้ จะไม่เข้าไปยุ่งหน้าที่คนอื่นอีก”



“ฉันไม่อยากให้นายทำ ฉันยังยืนความคิดเดิม” ผมทำหน้าอ้อน และรู้ว่าเขานอนในสภาพเปลือย ผมเลยเลื่อนมือขวาเข้าไปในผ้านวม จับลูกชายของเขาที่นอนห้อยหัวสงบ แล้วลูบเบาๆ



“ขอผมทำเถอะนะ แต่ผมจะไม่ทำงานแบบเดิม โอเคมั้ย ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วง ผมขอโทษที่มองข้ามมันไป” ผมบีบๆ กำๆ ตรงส่วนนั้นของวิคเตอร์เบาๆ รับรู้ได้ถึงการขยายตัวของยักษ์น้อยทีละนิด



วิคเตอร์มองผมนิ่ง ผมเอียงคอมองเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ แววตาสีน้ำผึ้งข้นเปลี่ยนเป็นวาววับ มือขวาผมที่จับลูกชายเขาอยู่ก็ยังบีบสลับกับลูบไล้อย่างเอาใจ



“ถอดกางเกง” เขาบอกเสียงแหบพร่า ผมปล่อยมือออกจากกลางลำตัวของเขา ใช้สองมือดึงกางเกงนอนขายาวของตัวเองออก ทิ้งลงไปกองบนพื้น วิคเตอร์ดึงผ้านวมออกจากตัวเราสองคน เขาเอื้อมแขนไปหยิบเจลหล่อลื่นตรงลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงฝั่งผมนอน ผมอ้าขาตั้งฉากให้อย่างเคยคุ้น วิคเตอร์ดันตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่า อาวุธของเขาพุ่งตรงพร้อมรบ เขาบีบเจลใส่ปลายนิ้ว แล้วเอามาทาตรงบริเวณกลีบเนื้อด้านหลังของผม ก่อนจะใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางมือซ้ายดันเข้าไปด้านในเพื่อเปิดทาง เขาวางหลอดเจลไว้บนเตียงฝั่งตัวเอง ใช้มือขวาวางค้ำร่างตัวเองไว้ข้างเอวผมและก้มลงมาจูบ ผมแลบลิ้นเลียกับลิ้นเขาเบาๆ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันตอนที่วิคเตอร์กระทุ้งนิ้วขึ้นลงด้านในโดนจุดเสียววาบ วิคเตอร์ดึงนิ้วออก ถอนจูบออกไป จับอาวุธของตัวเองแทงเข้ามาด้านในตัวผมแบบเชื่องช้า ผมเผยอริมฝีปากขึ้น เปลือกตาหรี่ปรือ



“อะ… อ้า… อื้ม” วิคเตอร์ก้มลงมาประกบปากกับผมอีกรอบและใช้ลิ้นกวาดในโพรงปากผมอย่างช้าๆ แต่ว่าเน้นๆ มันทำให้ผมลืมโฟกัสความเสียวตรงจุดนั้นไปชั่วขณะ ผมยกสองมือลูบแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา วิคเตอร์ถอนจูบ ยังคงแช่อาวุธไว้ด้านในตัวผมแต่ก็ไม่ยอมขยับ เขาซุกไซ้คอผมด้วยความกระหาย จูบเน้นตรงเนื้อคอบางจุดเพื่อทิ้งร่องรอยไว้



“อา… เตอร์…” ผมครางด้วยความรู้สึกหวิวโหวงไปทั้งตัว ตรงท้องน้อยเสียววูบวาบทั้งจากการไซ้ของเขาและการที่เขายังคาความใหญ่ยาวของเขาเอาไว้อยู่



“ทำกองนี้เสร็จ ไม่ต้องทำอีกแล้ว โอเคมั้ย” วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นจากซอกคอ มองหน้าผมด้วยแววตาเหมือนเด็ก ผมคลี่ยิ้มเอ็นดู แกล้งหยอกเขาด้วยการขมิบก้นรัดความเป็นชายเขาสามสี่ที่ วิคเตอร์สูดลมเข้าปากพลางขมวดคิ้วอ่อนๆ



“กองนี้จบก่อนค่อยคุยกันอีกทีได้มั้ย” ผมทำปากยื่นอ้อนๆ มองเขาด้วยความเว้าวอน สองขายกขึ้นเกี่ยวเอวเขาและบังคับให้บั้นท้ายเขาขยับ วิคเตอร์กลอกตาหน้าเซ็งๆ ก้มลงจูบปากผมดังจุ๊บหนึ่งทีแล้วดันตัวขึ้นด้วยสองแขน ก่อนที่จะเริ่มขยับเอวให้ผมต้องตาปรือเชิดคางขึ้นด้วยความเสียวและจุก



“อะ! ฮ้า!” ผมบิดหน้าหันไปมองนาฬิกาบนตู้โชว์ เวลาบอกว่าเป็นเที่ยงคืน ผมกลืนน้ำลายลงคอ สองมือจิกหมอนแน่น วิคเตอร์ก้มลงหอมแก้มซ้ายผมหนึ่งทีแล้วเลียเบาๆ หนึ่งครั้ง



“อ่า…”



เงียบใส่กันมาสามวัน วันนี้คงได้ส่งเสียงใส่กันทั้งคืน…









เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               เขาดีกันล้าววววว ดีกันด้วยไข่เจียว 5555555 ชีวิตคู่ ถึงแม้จะแต่งงานกันไปแล้วก็ยังมีทะเลาะมีไม่เข้าใจกัน มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อให้ใช้ชีวิตกันมานานนับยี่สิบสามปีก็ยังต้องเรียนรู้เรื่องความคิด และอารมณ์กันไปในตัว มันมีทั้งที่ทะเลาะกันแล้วยิ่งเข้าใจกัน กับทะเลาะกันแล้วสะสมกลายเป็นเหินห่างต่อกัน สำหรับแมทกับวิคเตอร์คงเป็นอย่างแรกมากกว่า คู่นี้เขาตบตีกันเพื่อให้รักกันดีกันมากขึ้น 55555

               ส่วนเรื่องของพี่แซ็ค เดี๋ยวเจอกันค่ะ เปิดลิงก์ไว้เรียบร้อย อย่างที่บอกไปในเพจว่าถ้าจบตอนนี้ของพี่ยักษ์ ก็จะอัพเรื่องพี่แซ็คต่ออออ

               ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากคนอ่านทุกคนที่คอมเม้นให้กันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มันเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนมากๆ มันคือแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการเขียนมากเลยค่ะ รู้ว่ามีคนรออ่านและรอมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยกันทุกครั้งที่ลงเนื้อเรื่องก็ปริ่มใจ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณโหวตที่มอบให้ด้วยค่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่พอได้ก็ดีใจ ฮ่าาา และขอบคุณยอดวิวจากนักอ่านเงานะคะ



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 18-10-2017 19:27:19
 :o8: :o8: ตอนนี้เป็นตอนที่โล่งใจได้สักที ในที่สุดก็คุยกัน ยอมถอยๆคนละสิบก้าวบ้างก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 18-10-2017 19:33:18
โอ้ยยย

แค่นี้ก็ง้อสำเร็จแล้วเหรอ หมั่นไส้จังค่ะ

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-10-2017 19:39:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-10-2017 19:49:42
ดีกันแล้วก็นะ อย่าทำกันแบบเดิมๆอีกล่ะ มันเหมือนไม่ใส่ใจกันเลย บอกตรงๆ แมทเอง สัญญาเท่าไหร่แล้วว่า จะแบ่งเรื่องงานให้อยู่แต่ที่ทำงาน อิพี่ยักษ์ก็ขี้โมโหง่าย จับตีก้นทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-10-2017 20:19:33
แมท ได้วิธีประนีประนอมจากแม่ เลยทำออมเล็ตกุ้งให้วิคเตอร์
ได้วิธีย้อนกลับจากที่แนะนำแซ็ค
“ก็… งั้นก็คุณก็ต้องทำให้เขามั่นใจสิว่าเขาจะเป็นคนเดียวของคุณ
คุณต้องรีบกู้ความรู้สึกคืนมา อย่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป”


ผลจากที่สามวันก่อนเงียบ ไม่มีเสียง
คราวนี้เสียงครางดังทั้งคืน  :o8: :-[ :impress2:
ง้ออย่างอื่นช้า ไม่เข้าใจ ง้อบนเตียงง่ายกว่านะ
แค่แมท บีบๆ จับๆ ลูบๆ คลำๆ  น้องยักษ์
ก็สำเร๊จ  "ถอดกางเกง" อั๋ยยะะะะะ  :z1: :pighaun: :haun4:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 18-10-2017 22:32:20
แซ่บค่ะขุ่นแม่ขา :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-10-2017 23:29:19
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-10-2017 23:39:34
วิธีคืนดีกัน แหมๆๆๆ กินกันอิ่มมั้ยล่ะอาหารมื้อนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-10-2017 23:48:57
ในที่สุดก็ดีกันนะ ^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-10-2017 02:42:50
ดีกันสักทีนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 20-10-2017 10:08:10
เฮ่อออออ ดีกันละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.12 100% :18.10.60:
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 21-10-2017 00:07:06
ดีกันแล้วววว :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-11-2017 21:14:57


ํYours and Mine EP.13 :: Frighten. (หวาดกลัว) [50%]





“We are already done! (ปิดกล้อง!)”

           

 

“วู้ววว!” เสียงปรบมือและเสียงกรีดร้องดีใจดังระงมไปทั่วสะพานบรู๊คลินที่เรามาใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีนสุดท้ายในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก ผมฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจเหมือนกับทีมงานคนอื่นๆ ที่เหนื่อยมาด้วยกันสามเดือน วันนี้มันจบลงแล้ว นอกจากจะดีใจที่งานเสร็จสิ้น ผมยังรู้สึกดีใจมากเหลือเกินที่ผมยังยืนอยู่ตรงนี้ ดีใจเหลือเกินที่ตัวเองไม่ยอมแพ้ถอยหนีไปก่อน ดีใจที่ได้ร่วมเดินทางมากับทีมงานทุกคน แม้ช่วงนึงจะเหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง แต่ด้วยความหน้าด้านหน้าทนของผม ทำให้ผมได้กลับมาร่วมทางเดินกับทุกคนอีกครั้ง

           

 

หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ผมร้างงานในกองถ่าย ผมก็รู้สึกเคว้งเวลาจะกลับเข้ากอง มันเหมือนยืนอยู่บนแผ่นดินเดียวกับทุกคน แต่ทุกคนเทไปยืนอีกฝั่ง ทิ้งให้ผมยืนอยู่อีกฝั่งตัวคนเดียว ถึงแม้เอาจริงๆ จะไม่ใช่ทุกคน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่วิคเตอร์ทำ มันสร้างช่องว่างให้ผมกับเพื่อนร่วมงานที่ทราบเรื่องนี้ พอผมกลับเข้ามาทำงานในกอง ผมไม่ถูกใครสั่งให้ทำอะไรเลย ก็ใจเสียไปบ้าง แต่ผมคิดแค่ว่าถ้าเขาไม่สั่ง ก็ไปขอทำ ผมเห็นหน้าที่ไหนว่างก็ไปช่วยเขาทำ ใครทำอีกอย่างแล้วไม่ว่างทำอีกอย่างผมก็ไปช่วย 

           

 

พีทไม่สนใจผมอีกเลย เขาไม่โทรตาม ไม่ออกคำสั่ง และไม่ได้เป็นอยู่แค่แปบเดียว เขาเป็นแบบนั้นตลอดจนกระทั่งปิดกล้องวันนี้ ส่วนผู้กำกับมีเผลอสั่ง สักพักก็เริ่มกลับมาสั่ง มาถามงานผมเหมือนเดิม และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนเรียกใช้งานผม แต่คราวนี้มันเข้าที่เข้าทางกว่าเดิม ผมไม่ได้ถูกใช้ไปทำงานที่ไม่สมควรทำ ทำตามขอบเขตของตัวเอง พอเป็นแบบนั้นผมก็รู้สึกว่า เออ ไม่เหนื่อยดีว่ะ แล้วก็เป็นแบบนั้นมาตลอดจนจบงาน

           

 

ในจุดๆ นี้ก็คงต้องขอบคุณสามีที่มาอาละวาดไว้ให้ และขอบคุณความใจสู้ของตัวเอง ใจสู้หรือเปล่า บอกเลยว่าสู้มาก / เงยหน้ามองฟ้าแล้วปาดน้ำตาช้าๆ

           

 

ผมยืนมองบรรยากาศกองถ่ายในยามเย็น ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มแห่งการหายเหนื่อย ทุกคนต่างมีความเหนื่อยที่แตกต่างกันออกไป แต่วันนี้ความเหนื่อยนั้นจบลง อาจจะไปเหนื่อยลุ้นอีกทีตอนหนังออกฉายว่ารายรับจะเป็นยังไง ผู้กำกับเคยบอกผมว่า เขาขอแค่ไม่ขาดทุน แต่สิ่งที่อยากได้มากกว่ารายได้คือคำวิจารณ์ดีๆ ทั้งจากคนดูทั่วไปและเหล่านักวิจารณ์หนัง

           

 

ปิก้าปี้ ปิก๊าจู๊ ปิก้าปีก๊า ปิ๊กะ ปิก่าจู๊~

           

 

เสียงร้องของปิกาจูตัวสีเหลืองดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่น ผมหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงมัน เดี๋ยวนี้ไอ้ตัวสีเหลืองชอบช็อตไฟฟ้ากลายเป็นการ์ตูนตัวโปรดของผมเหมือนสติชท์กับชอปเปอร์อีกตัว วิคเตอร์จิกผมว่าปัญญาอ่อนตอนที่ผมซื้อตุ๊กตาปิกาจูกลับบ้าน

           

 

[ยู้ฮู ปิดกล้องแล้วใช่มั้ย] ผมเบะปากน้อยๆ เป๊ะยิ่งกว่าเวลาเลิกงานผมก็ความจำไอ้ยักษ์นี่แหละ เป๊ะทั้งวันและเวลาเลยนะ ผมบอกว่าวันสุดท้ายถ่ายเสร็จหกโมงเย็น เลยไปแค่สี่นาทีเองโทรมาเชียวแหละ

           

 

“ปิดแล้ว จำแม่นเชียวนะ”

           

 

[หึๆ] ผมกลอกตานิดๆ หันไปมองออสตินที่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้ที่ตัวเล็กกว่าตัวเขา

           

 

“ปิดซอยเลี้ยงฉลองเลยสิ”

           

 

[ปิดนิวยอร์กฉลองเลยดีกว่า]

           

 

“โอ๊ย จ้า พ่อรูปหล่อพ่อรวย” วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม ผมยิ้มขำหน่อยๆ

           

 

“แมท…” ผมหันไปมองพ่อทีมงานหนุ่มเนิร์ดที่เดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม ผมบอกให้วิคเตอร์ถือสายแล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง

           

 

“…เราจะไปฉลองเลี้ยงปิดกล้องกันวันนี้ ไปด้วยกันมั้ย” หัวใจผมเต้นตึกตัก รู้สึกดีที่เพื่อนร่วมงานไม่ลืมกัน ผมคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะว่า

           

 

“ไปวันนี้เลยเหรอ เร็วจัง”

           

 

“กลัวจะนัดกันยากน่ะ เลยไปวันนี้ทีเดียวเลย ไปมั้ย” ผมกำลังจะพยักหน้าแรงๆ ด้วยความดีใจ แต่สายตาเหลือบมองไอโฟนสีดำของตัวเองแว้บหนึ่ง

           

 

“เดี๋ยวบอกได้มั้ย ขอบอกที่บ้านก่อน”

           

 

“ได้สิ” หนุ่มเนิร์ดพยักหน้า อันที่จริงเขามีชื่อนะ แต่ผมชอบเรียกเขาว่าเนิร์ดจนติดไปแล้ว และทุกวันนี้พ่อหนุ่มเนิร์ดก็ยังไม่รู้ว่าผมเป็นแฟนวิคเตอร์ มีในกองรู้ไม่ถึงสิบคน แล้วก็เรื่องที่วิคเตอร์มาด่าพีทกับผู้กำกับที่กองก็ไม่ได้ถูกเม้าท์ต่อเป็นวงกว้างแต่อย่างใด นั่นเลยทำให้ผมยังอยู่ได้ไม่ลำบากนัก แม้หลังจากนั้นอาทิตย์นึงเลยก็เถอะที่กว่าผมจะถูกดึงไปช่วยทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน

           

 

“วิคเตอร์ ได้ยินแล้วแน่ๆ ผมไปได้มั้ย”

           

 

[เอาออสตินไปด้วย] ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจอย่างมากก่อนจะคลี่ยิ้มงง

           

 

“จริงอ้ะ? ให้ไปง่ายจัง จะแอบเอาใครเข้าบ้านรึเปล่าเนี่ย” ถามเหมือนเล่นๆ นะ แต่เสี้ยวนึงของใจก็แอบคิดนิดหน่อย

           

 

[ก็ง่ายแค่ครั้งนี้แหละ] ผมบู้ปาก แต่ก็แค่แปบเดียวก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้ม อย่างน้อยเขาก็ใจดีให้ไปฉลองกับเพื่อนร่วมงานของผมแหละนะ หลังจากวันนั้น วันที่เราดีกัน เขาก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานผมอีก และผมก็ไม่ได้เอางานมาปะปนกับวันหยุด แม้ในวันธรรมดาเราจะแทบไม่ได้ใช้เวลาด้วยกัน เพราะผมเลิกกองดึก หรือบางทีวิคเตอร์มีไปทำงานก็ยิ่งไม่ได้เจอกัน เดี๋ยวต้นสัปดาห์หน้าวิคเตอร์ก็น่าจะเริ่มถ่ายหนังภาคสามตามคิวที่ให้ไว้กับกองถ่าย ทีนี้ก็จะเป็นผมแทนละที่หงอย เพราะผมคงไม่ได้มีงานต่อเนื่องทันทีหรอก

           

 

“ถ้าหิวก็หาอะไรง่ายๆ กินไปก่อน”

           

 

[ไม่อะ ฉันรอนายกลับมาทำให้] ผมย่นคิ้วตาปรือ

           

 

“มันต่างจากไม่ให้ผมไปตรงไหนเนี่ย”

           

 

[ก็ให้ไปแล้วไง แค่ต้องรีบกลับมาทำอาหารให้ฉันกิน ไม่งั้นฉันจะอดตายนะ] อียักษ์ผี!

           

 

“วิคเตอร์ ถ้าจะทำแบบนี้ไม่ต้องให้ผมไปเลยดีกว่า” ผมพูดด้วยความอารมณ์บ่อจอย สีหน้าคงระอาเขามากโข เพราะทีมตากล้องเดินผ่านมาแล้วหันมามองด้วยความงงปนตกใจกับสีหน้านั้น

           

 

[อ๋อ ได้สิ ไม่ต้องไป ก็กลับบ้าน]

           

 

“ไม่เอา จะไป”

           

 

[ก็ไปไง ฉันจะรอกินอาหารฝีมือนายนะ] ผมทำปากยื่นและย่นจมูกจนรูจมูกบาน

           

 

“เดี๋ยวจะทำยำขี้ให้กิน”

           

 

[ราดมายองเนสด้วยแล้วกัน] ไอ้ยักษ์ว่าน้ำเสียงอารมณ์ดี

           

 

“วุ้!!” ผมกดวางสาย เดินลิ่วๆ เข้าไปหาออสตินที่นั่งนิ่งเฉย ผมละนึกสงสารเขาเหลือเกินที่ต้องมาอยู่เฉยๆ แบบนี้ทั้งวี่ทั้งวัน แต่เขาได้ตังค์ เขาเลยทำได้สบายมาก เขาบอกแบบนั้น

           

 

“ออสติน เดี๋ยวผมจะไปงานเลี้ยงปิดกล้องกับคนอื่นๆ นะ”

           

 

“ได้ครับ” น่ะ มีปัญหาที่ไหนล่ะ บอกให้ไปไหนก็ไป ให้ทำอะไรก็ทำ เขาใช้ชีวิตแบบนี้ได้ยังไง บางทีผมก็นึกสงสารไดอาน่าที่มาคบกับเขา

           

 

“ไม่ไปหาไดอาน่าบ้างเหรอ คุรควรมีเวลาให้เธอบ้างนะ”

           

 

“เธออยู่อังกฤษ คุณแมทจะให้ผมบินไปหาเธอเหรอ” เขาตอบหน้านิ่ง ผมทำหน้านึกขึ้นได้ แต่ก็พร้อมแถ

           

 

“ก็หมายถึงว่าบินไปหาเธอบ้างก็ได้ พักเบรกจากงานบ้าง ไม่ต้องมาอยู่กับผมกับวิคเตอร์บ่อยนักหรอก”

           

 

“ไดอาน่าเธอเข้าใจครับ เธอไม่เหมือนคุณแมทที่ชอบงอแงใส่คุณเรย์มอนด์เวลาเขาไม่มีเวลาให้ แต่พอตัวเองทำบ้างกลับทำเฉย” ผมเบิกตากว้างด้วยความเหวอและตกใจ มองไอ้บอดี้การ์ดตาสีเทาอ่อนหน้านิ่งหน้าตาย ผมอ้าปากพะงาบๆ

           

 

“อะไรอะ หืม ปาก!”

           

 

“ครับ ปาก” ผมเบะปากใส่ออสติน เพราะผมไม่อยากเถียงเขา รู้ตัวว่าเถียงเขาไปสุดท้ายคนที่ประสาทจะเสียก็ผมเองเนี่ยแหละ เถียงพ่ายเขาตลอด ผมจิกตาใส่เขาหนึ่งทีแล้วก็เดินหนีไปช่วยคนอื่นๆ เก็บของแทน

           

 

เราไม่ได้ไปฉลองกันตามผับตามบาร์ เรามาเหมาร้านอาหารร้านนึงในย่านบรู๊คลิน เป็นร้านอาหารใต้ตึกอพาร์ทเม้นต์ เก่าๆ โทรมๆ หน่อย แต่มีทีมงานหลายคนยืนยันยืนกรานว่าอาหารอร่อยมาก ผมเป็นคนติดต่อจองร้านอาหารเอง เจ้าของคุยง่าย ผมคิดว่าก็ต้องง่ายแหละ เหมาทีเดียวได้ลูกค้าสามสิบกว่าคน 

 

 

“ฉันก็อดทนไม่ถามมาตลอดสามเดือน แต่ เธอกับวิคเตอร์ เรย์มอนด์นี่ยังไงเหรอ” ผู้ช่วยกองถ่ายสาวเจ้าเดิมเอ่ยถามผมหลังจากดื่มเบียร์ไปหนึ่งแก้วใหญ่ เธอไม่ได้มีทีท่าสงสัย แต่ก็ดูอยากรู้อยากเห็นพอสมควร ผมคิดว่าจริงๆ เธอคงไม่ได้เผือกนักหรอก แต่คงอัดอั้นมาสามเดือนแล้ว

 

 

“จริงๆ ฉันเป็นคนดูแลเขาอีกคนน่ะ แต่เขารักฉันเหมือนน้องชาย” ผมคิดเสมอว่าถ้ามีใครที่ไม่รู้เรื่องแล้วสงสัย เฉกเช่นนักข่าวมาถาม ผมจะตอบแบบนี้ละ จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ อะไรที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วในอดีต ก็ไม่ต้องพูดถึง พูดแค่นี้พอ

 

 

“งั้นเหรอ ฉันเห็นข่าวชอบเล่นว่าเธอเป็นแฟนเขาบ่อยมาก” ผมยิ้มพลางจิ้มไก่ย่างเข้าปากแล้วเคี้ยว

 

 

“ก็สื่อนี่นะ ทำอะไรได้มากกว่านั้นล่ะ อ้างแต่คนในคนนั้นคนนี้ บอกว่าแบบนั้น บอกว่าแบบนี้ แต่ไม่เคยเห็นหน้าอินไซด์เดอร์คนนั้นสักที” อันนี้เรื่องจริง มีสำนักนึงบอกว่า คนในบอกกับเราว่า เขาทั้งสอง บลาๆ วิคเตอร์ไปเค้นถามพวกเซล่า แต่พวกนั้นไม่พูดหรอก ยิ่งเซล่ายิ่งไม่อยากให้เรื่องผมกับวิคเตอร์รั่วไหลเลยแหละ เอมิลี่ยิ่งปลอดภัยกว่า เธอไม่ทำร้ายเพื่อนตัวเอง พวกคุณเบนก็ไม่ใช่คนขี้เม้าท์ สรุป คนวงในคนนั้น อาจจะเป็นไมเคิลที่ไปเห่าหน้าสำนักงานของสื่อนี้ก็เป็นได้

 

 

“แต่เขาส่งบอดี้การ์ดมาดูแลเธอนะ” บางทีก็ไม่ใช่ฝรั่งทุกคนหรอกนะที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แต่ผมไม่อยากจะว่าใครในประเด็นี้ เพราะผมเป็นคนที่มีต่อมเสือกเรื่องคนอื่นใหญ่มาก

 

 

“วิคเตอร์เขารวยน่ะ จ้างบอดี้การ์ดดูแลทีมงานตัวเองทุกคนเลย” แม่สาว PA ประจำกองถ่ายอ้าปากค้างแล้วส่งเสียงโหด้วยความอึ้งน้อยๆ เธอมองผมด้วยความทึ่ง ผมยิ้มเป็นเชิงบอกว่า ก็เป็นแบบนี้แหละ

 

 

เป๊งๆๆ

 

 

เสียงเคาะแก้วดังขึ้นเบาๆ ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งกินนั่งดื่มและนั่งพูดกันอยู่ เราทุกคนหันไปมองทางหัวโต๊ะที่เป็นผู้กำกับนั่ง วันนี้มีแต่ทีมงาน ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีคนทางค่ายหนังมาร่วมแจมใดๆ

           

 

“ขอบคุณทุกคนมาก หลังจากนี้ อาจจะได้เจอกับบางคน หรือบางคนอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว แต่ขอบคุณมากๆ” ผู้กำกับยืนขึ้นกล่าวขอบคุณทุกคนหลังจากนั่งกินกันไปได้สักพัก เขาชูแก้วไวน์ขึ้น ทุกคนชูตาม ผมยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นบ้างแล้วกระดกไปหนึ่งอึกพอเป็นพิธี

           

 

“ขอให้หนังของเราทำรายได้ถึงเป้า หรือจะเกินเป้าก็ได้ เราอาจจะได้กลับมาเลี้ยงฉลองกันแบบนี้อีกครั้ง แต่งานจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม” ทุกคนหัวเราะเสียงครืน ผู้กำกับยิ้มขำแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม หลังจากนี้ ก็เป็นหน้าที่ของผู้กำกับ กับคนตัดต่อและคนเขียนบทคนแรกของเรื่องที่จะดำเนินกระบวนการการตัดต่อ สำหรับคนที่เข้ามาแก้บทนิดๆ หน่อยๆ อย่างผมไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งในส่วนนั้นก็ได้ ซึ่งใจผมอยากไปดูนะ จะได้ความรู้เพิ่ม แต่ก็ยังไม่ได้ลองคุยว่าเข้าไปเกี่ยวข้องได้มากน้อยแค่ไหน

           

 

ปิก้าปี้ ปิก๊าจู๊ ปิก้าปีก๊า ปิ๊กะ ปิก่าจู๊~

           

 

ผมวางน่องไก่ลงในจานสีขาวของตัวเอง หยิบผ้าสีขาวมาเช็ดมือจนรู้สึกสะอาดก็ค่อยหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า เป็นวิคเตอร์โทรมา ผมเลยลุกขึ้นออกจากโต๊ะ แวะบอกออสตินที่นั่งดื่มอยู่กับพวกทีมกล้องแปบนึง

           

 

“วิคเตอร์โทรมา ผมออกไปคุยข้างหน้าร้านนะ” ออสตินมองตามไปทางหน้าร้านที่เป็นประตูกระจก เขาพยักหน้าเมื่อเห็นว่าจากตรงนี้เห็นผมง่าย ผมเดินไปผลักประตูแล้วเดินออกไปนอกร้านในยามค่ำ มีผู้คนเดินกันบนท้องถนนบางตา

           

 

“ฮัลโหล ยังกินไม่อิ่มเลย”

           

 

[หิว] น่ะ บอกให้หาอะไรกินไปก่อน แล้วก็เป็นอย่างเงี้ย

           

 

“ก็กินอะไรรองท้องไปก่อนสิ ผมนั่งยังไม่ครบชั่วโมงเลยนะ” เท้าผมขยับไปบนพื้นอัตโนมัตเหมือนกำลังเพลิน

           

 

[ไม่เอา ฉันจะรอนายกลับมาทำให้กิน]

           

 

“ยักษ์เอาแต่ใจ”

           

 

[เอาแต่นายด้วย] ผมยิ้มเบ้ปาก เขาจะปากหวานเป็นพิเศษตอนตัวไม่ติดกัน เหมือนอ้อนให้รีบกลับไปอยู่ด้วยกันอะไรแบบนั้น ผมเดินถอยหน้าถอยหลังไปมา ผมคิดว่าหลายคนเป็นเหมือนผมนะที่เวลาคุยโทรศัพท์จะชอบเดิน ชอบนั่ง ชอบลุกคุย

           

 

[เดี๋ยวพวกเซล่าจะมาหาที่บ้าน มาคุยเรื่องกองถ่ายหนัง]

           

 

“ทำไมเหรอ”

           

 

[น่าจะเกี่ยวกับที่ชารอนประสบอุบัติเหตุจากอีกเรื่อง อาจจะมีการเบรกชั่วคราว] ผมรู้สึกตกใจกับข่าวที่ได้ยิน

           

 

“ชารอนเป็นอะไรมากรึเปล่า”

           

 

[ไม่รู้] โอเค แม้จะถ่ายหนังมาด้วยกันสองภาคแล้ว แต่ความใส่ใจที่วิคเตอร์มีต่อเพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่

           

 

“ไม่รู้ แล้วรู้ข่าวนี้ได้ไง”

           

 

[เซล่าบอก]

           

 

“ถ้าไม่มีเซล่า ชีวิตนี้คุณจะเป็นยังไงเนี่ยวิคเตอร์”

           

 

[เปลี่ยนทีมโฆษกใหม่ไง] ขอบคุณค่ะ

           

 

[รีบกลับมานะ หิวแล้ว] แล้วเขาก็วางสายไปแบบไม่ให้ผมพูดอะไร ทำแบบนี้เพราะเขารู้ว่าผมมีนิสัยนางเอก เป็นห่วงพระเอกไง

           

 

ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์ แล้วก็นึกตกใจกับตัวเองที่เดินเลยหน้าร้านมาหลายก้าวเหมือนกัน ผมเลยหมุนตัวก้าวเดินกลับไปทางหน้าร้าน แต่ก้าวไปได้เกือบสี่ก้าวเต็ม ผมก็ต้องใจหายวาบ หัวใจแทบหยุดเต้น เท้าก้าวถอยหลังอัตโนมัตด้วยความระแวง

           

 

“ฌอน…”

 







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao7:


               วู้ยยยย ฌอณอีสแบ็คคคค กรีสสสส

               ในที่สุด นังเอเลี่ยนก็จบงานและจะได้กลับไปอยู่กับสามีแบบเต็มที่เต็มทางสักที นางก็อดทนสู้ฟันฝ่า ดั่งยืนอยู่กลางลมฝน รถชนตายห่า ปลิวล่องลอยถลา เหมือนหมาโดนเตะ

               แต่ว่าฌอณมาาาา  ชีวิตนุ้งแมทจะปลอดภัยมั้ยล่ะพี่จ๊ะพี่จ๋า

               ตามกันต่อในส่วนที่เหลือนาค้า

               ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากคนอ่านทุกคนที่คอมเม้นให้กันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มันเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนมากๆ มันคือแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการเขียนมากเลยค่ะ รู้ว่ามีคนรออ่านและรอมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยกันทุกครั้งที่ลงเนื้อเรื่องก็ปริ่มใจ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณโหวตที่มอบให้ด้วยค่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่พอได้ก็ดีใจ ฮ่าาา และขอบคุณยอดวิวจากนักอ่านเงานะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-11-2017 21:32:45
 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-11-2017 21:36:57
นึกละ  ว่าไอ้ที่แมทเดินไป คุยไป ต้องออกมาไกล
แล้วต้องมีอะไรแน่ๆ แบบหกล้ม โดนชน โดนล้วงกระเป๋า
ไม่ก็ศัตรูตัวร้ายเหยียดเพศกลับมา
แล้วก็มาจริงๆ  :z3: :z3: :z3:

นังพีท ยังไม่สำนึกความเลวของตัวเองอีกนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-11-2017 22:03:32
อีผีฌอนมาแล้ว โอ้ยย คราวนี้มันจะทำอะไรอีกมั้ย กลัวแทน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-11-2017 22:15:11
ไอ้ฌอนโผล่มาอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-11-2017 22:17:34
ค้างๆๆๆ ตอนตัวร้ายโผล่มาพอดี ออสตินจะมาช่วยทันมั่ยนี่ อียักษ์อาละวาดอีกแน่
เพิ่งจะหวานกันแท้ๆเชียว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-11-2017 23:29:03
โอ้ย อิผีปลาช่อนมันมาแล้ว มันสะกดรอยตามแมทมาด้วยรึป่าว ออสตินจะมาช่วยทันไหมเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 02-11-2017 13:58:56
 :katai1: มาวางระเบิด แล้วเดินกลับไปนั่งรอสวยๆ รอกดรีโมท ...คนเราาาาาาาา  :ruready
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 50% :01.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 02-11-2017 14:10:50
จะหวานกันง่ายๆได้ไง มันต้องมีอุปสรรคหน่อย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 100% :07.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-11-2017 00:52:26


Yours and Mine EP.13  [100%]




ผมรู้สึกว่าลำคอตัวเองแห้ง ดวงตาสีเขียวอมน้ำตาลของฌอนมองผมอย่างสงสัย ผมสีแดงของเขาตัดสั้นกุด ใบหน้าของเขาดูเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ผมจำสภาพเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว นอกจากความดุร้ายในดวงตาเวลาที่จ้องมอง และความป่าเถื่อนตอนที่ทำร้ายร่างกายผม พอนึกได้แบบนั้นผมก็ตัวสั่นน้อยๆ มองเขาด้วยความหวาดกลัว

           

 

“กลัวฉันเหรอ” เขาถามด้วยท่าทีตื่นกลัว ก่อนจะขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าว นั่นทำให้ผมเผลอสะดุ้ง ก่อนจะย่นคิ้วมองเขาด้วยความสับสนเล็กๆ ที่เริ่มเกิดขึ้นในหัว

           

 

“ฉันขอโทษที ถ้าทำให้นายกลัว แต่…” เขาขมวดคิ้ว ท่าทางกำลังนึกตรึกตรอง

           

 

“…ฉันรู้สึกคุ้นหน้านาย คุ้นว่าน่าจะรู้จักนายน่ะ เลยจะเข้ามาทักทาย” ผมคลายคิ้วออก เปลือกตาขยับกว้างขึ้นอีกนิด มองฌอณด้วยความรู้สึกตกใจเล็กๆ

           

 

“คุณ…” ผมกลืนน้ำลายลงคอเพื่อให้อาการคอแห้งดีขึ้น “…คุณชื่ออะไร”

           

 

เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมจะไม่มีทางได้เห็นตอนก่อนหน้านี้เด็ดขาด “ฉันชื่อฌอณ”

           

 

คิ้วผมกลับมาขมวดอีกครั้ง และมองเขาด้วยความหวาดระแวงและระวังตัว เขาก็รู้ชื่อเขานี่ แต่ทำไมทีท่าของเขาถึงเหมือนคนจำอะไรไม่ได้

           

 

“คุณมีอะไรรึเปล่า” ผมลองถามหยั่งเชิง ฌอณคลี่ยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขวาขึ้นลูบหัวตัวเองด้วยทีท่าเขินๆ ผมยิ่งขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก

           

 

“ฉันแค่อยากเข้ามาดูหน้านายชัดๆ มันติดอยู่ในความทรงจำ นายชื่ออะไรเหรอ” นี่ถ้าไม่เคยมีเรื่องราวกันมาก่อนหน้านี้ ผมจะคิดว่าเขาจีบผมอยู่

           

 

“แมท ผมชื่อแมท” ฌอณกะพริบตาปริบๆ ทำหน้านึก แล้วสักแปบเขาก็ขมวดคิ้วก่อนที่หน้าจะเหยเก มือขวายกขึ้นกุมหัวตัวเอง ผมเบิกตากว้างมองเขาด้วยความตกใจ อยากจะกระเถิบเข้าไปดูเขาใกล้ๆ แต่ก็ไม่กล้า

           

 

“คุณเป็นอะไรมั้ย” ผมถามเสียงเบา ฌอณส่ายหัวน้อยๆ และเหมือนกำลังพยายามคุมสติตัวเองให้อยู่กับที่ ผมยังคงมองเขาด้วยความสับสน เห็นท่าทางปวดหัวจนตัวงอแบบนั้นก็นึกสงสาร แต่ผมก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้เขามากอยู่ดี

           

 

“คุณแมท!” เสียงออสตินดังมาพร้อมกับที่เจ้าตัววิ่งมาทางผมอย่างว่องไว ออสตินดึงปืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาวที่สวมใส่อยู่ ผมอ้าปากค้าง รีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที

           

 

“ไม่! ออสติน อย่า อย่าทำเขา!” ผมดันแขนขวาของออสตินลง ผมหันไปมองฌอณที่กระเถิบถอยหนีด้วยความหวาดกลัว เขายกสองมือขึ้นด้วยท่าทางว่ายอม ผมเห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกตระหนกมากกว่าเดิม เลยรีบหันกลับไปหาออสติน

           

 

“ออสติน เก็บปืนก่อน”

           

 

“แน่ใจเหรอครับ”

           

 

“ถ้าเขาจะทำร้ายผมจริงๆ ผมคงไม่ยืนอยู่แบบนี้” ออสตินมองฌอณตาแข็ง แต่ก็ยอมเก็บปืนกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ผมหันกลับไปมองฌอณอีกครั้ง เขามีท่าทีตื่นตกใจไม่ต่างจากผม สองมือของเขายังคงยกขึ้นค้างไว้แบบนั้น

           

 

“ไม่มีอะไรแล้วฌอณ เอามือลงเถอะ” กลายเป็นฌอณที่มองผมกลับมาด้วยสายตาระแวดระวังจนผมสับสน เขาค่อยๆ ลดแขนลงข้างตัว ผมมองรูปร่างของเขา ฌอณอวบขึ้น แต่ก็ไม่ได้อ้วน เรียกว่ามีน้ำมีนวล เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ใช่ว่าอัตคัด ดูปกติดี เอาจริง ผมนึกว่าเขาจะตกต่ำไปแล้ว

           

 

“ฉันขอโทษ ถ้าฉันทำให้นายกลัว” เขามองผมด้วยสายตาสลด ผมหันไปมองออสติน ขนาดออสตินยังขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

           

 

“ไม่หรอก คือผม แค่ตกใจ…” ผมบอกติดๆ ขัดๆ ก่อนจะพยายามคลี่ยิ้มให้เขา

           

 

“…ยินดีที่ได้รู้จักนะฌอณ” จากที่มีทีท่าหวาดกลัวนิดๆ ฌอณเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มดีใจ

           

 

“ยินดีที่ได้รู้จักนะแมท” ผมยิ้มตอบ แต่ก็ยังเป็นยิ้มที่ไม่เต็มที่นัก ภาพสายตาแข็งกร้าวในตอนนั้น กับสายตาอ่อนโยนในตอนนี้มันช่างคอนทราสกันเหลือเกิน

           

 

“แล้วคุณมาที่นี่ได้ยังไงฌอณ”

           

 

“ฉันมากับพ่อน่ะ” ผมขมวดคิ้ว ถ้าจำไม่ผิด พ่อของฌอณแยกทางกับแม่ไปแล้วรึเปล่านะ แต่ผมก็ใช่ว่าจะสนิทกับชีวิตเขาขนาดนั้น

           

 

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะฌอณ กลับบ้านดีๆ ล่ะ” ฌอณยิ้ม ยกมือบ๊ายบาย ผมยกมือโบกตอบ หนุ่มผมแดงเดินผ่านเราสองคนไปโดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง ผมมองตามด้วยความรู้สึกไม่สบายใจและแปลกใจ

           

 

“มันไม่ได้ทำอะไรคุณแมทแน่ๆ ใช่มั้ยครับ” ผมหันกลับไปมองออสตินแล้วสั่นหัว

           

 

“เปล่าเลย ตอนแรกผมคิดแบบนั้นแหละ แต่เขาแค่เข้ามาทักทาย…” ผมยกสองแขนกอดอก ขมวดคิ้วเพราะกำลังใช้ความคิด

           

 

“…เขาดูจำอะไรไม่ได้เลย เขาถามชื่อผม แต่เขาจำชื่อตัวเองได้นะ และอย่างที่คุณได้ยิน เขาบอกว่ายินดีที่ได้รู้จัก ผมงงอะ” ออสตินหน้านิ่ง แต่แววตากำลังคิดคำนวณ

           

 

“มันโผล่มาที่นี่ได้ยังไง อันนี้น่าสงสัยมากกว่านะครับ”

           

 

“เขาก็บอกอยู่ไงว่ามากับพ่อ” ออสตินหรี่ตาลงแว้บหนึ่ง

           

 

“มากับพ่อ แต่มาในจังหวะที่คุณแมทอยู่ที่นี่พอดี” ผมเม้มปาก คิดตามที่ออสตินพูด ก็จริงของเขานะ แต่ว่า ท่าทางฌอณผิดกับแต่ก่อนเยอะมาก มันมากเกินไป จากคนแข็งกระด้าง กลายเป็นอ่อนยวบเลยนะนั่น

           

 

“อาจจะบังเอิญก็ได้นะ…” ออสตินยังคงมีสีหน้าไม่ไว้ใจทาง ไม่วางใจคนไหนทั้งนั้น

           

 

“…เขาก็ไม่ได้ทำร้ายผมนะออสติน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไว้ใจเขา หรืออยากอยู่ใกล้เขานะ”

           

 

“ดีแล้วครับ” ผมพยักหน้าเบาๆ

           

 

“อ้อ ไม่ต้องบอกวิคเตอร์ได้มั้ยเนี่ยเรื่องเนี้ย” ออสตินทำหน้าเซ็งนิดๆ

           

 

“คุณแมท คุณขอแบบนี้ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง แต่ผมก็บอกทุกครั้ง มันคือหน้าที่ของผม เมื่อไหร่…” ผมยกสองมือขึ้นเบรคออสติน

           

 

“…โอเค บอกก็ได้” ผมยิ้มแว้บหนึ่งแล้วก็ทำหน้าบึ้งตึง ก่อนจะหมุนตัวเดินนำออสตินกลับที่ร้านตามเดิม

           

 

ภาพแววตาใสซื่อของฌอณค้างอยู่ในสมองของผมไปแล้ว

 

 

 

 

ผมกลับมาถึงบ้านตอนอีกสิบกว่านาทีจะสามทุ่ม ไฟหน้าบ้านเปิดสว่างทำให้ตัวบ้านสว่างสวยงาม ผมเดินขึ้นบันไดหน้าบ้าน กดกริ่งหนึ่งครั้งเพื่อกะจะพุ่งตัวเข้าไปกอดวิคเตอร์ แต่พอประตูเปิดออกผมก็ชะงักตัวที่กำลังจะพุ่งเข้าไปหา เพราะว่าคนที่มาเปิดประตูคือสเตฟาเนีย หนึ่งในทีมโฆษกของวิคเตอร์

           

 

ที่ผมถามวิคเตอร์เล่นๆ ว่าจะแอบเอาใครเข้าบ้านหรือเปล่า ในใจผมนึกถึงคนนี้แหละ

           

 

“สวัสดีค่ะคุณแมท” เธอยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงตัวสวย ผมกระตุกยิ้มแหยนิดหน่อย สเตฟาเนียเป็นผู้หญิงสวย แบบที่เป็นสไตล์ฝรั่งชอบ ชีคโบนชัด กรอบหน้าชัด จมูกสวย ตาสีดำสุกใส ผมสีดำยาวสลวยดุจแพรไหม ลักษณะท่าทางของเธอสง่าผ่าเผย ผมยังเคยคิดเลยว่าเธอสวยขนาดนี้ ทำไมไม่ไปเป็นนางแบบหรือนางงาม และเธอก็ไม่ทำให้ความคิดผมผิดหวัง สเตฟาเนียเคยเป็นนางงามในรัฐๆ หนึ่งของสหรัฐอเมริกามาก่อนเมื่อสมัยผมยังเป็นเด็กหัวโปกวัยประถม แน่นอนว่านานขนาดนั้นอายุเธอไม่ใช่เพิ่งยี่สิบปลายๆ หรือสามสิบต้นๆ

           

 

“สวัสดีครับเซฟ” เธอพยักหน้า ผมมองหน้าเธอแล้วยิ้มนิดหน่อยก่อนก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน อายุขนาดนี้แต่เธอยังดูแลตัวเองดีมาก

           

 

“ฉันแวะมาคุยงานกับเซล่าน่ะค่ะ” ผมส่งเสียงอ้อเบาๆ แล้วยิ้ม เธอเป็นคนสุภาพมาก พูดจาดี พูดจาไพเราะ

           

 

“อยู่ในห้องโถงกันใช่มั้ยครับ”

           

 

“ใช่ค่ะ เดินเข้าไปได้เลย” ผมยิ้มรับนิดหน่อยแล้วก็เดินไปห้องโถง ได้ยินออสตินกับเสตฟาเนียทักทายกันที่ด้านหลัง ผมเดินเข้าด้านในห้องโถง เซล่ากำลังนั่งคุยอยู่กับวิคเตอร์ ไอ้ยักษ์คลี่ยิ้ม

           

 

“สวัสดีครับเซล่า” เธอปรายตามองผมเล็กน้อยแล้วก็ยกยิ้มให้แบบเสียมิได้ วิคเตอร์เบะปากใส่เธอทันที เซล่าทันเห็น เธอเลยกลอกตาน้อยๆ ทุกวันนี้ยัยป้านี่ก็ยังไม่ญาติดีกับผม

           

 

“ไปทำอาหารรอเถอะ เดี๋ยวฉันก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องทำเผื่อเซล่านะ เธอไม่อยู่กินหรอก”

           

 

“ย่ะ!” เซล่ากระแทกเสียง ก้มหน้าลงเลื่อนไอแพดต่อ ผมยิ้มขำ วางกระเป๋ากับบอร์ดไม้และซองเงินค่าตัวครึ่งสุดท้าย ไว้บนโซฟา เดินออกไปนอกห้องโถง ออสตินเดินกลับไปทางห้องนอนตัวเองพร้อมไมเคิลที่ลุกวิ่งตามเขาไป

           

 

“ไปไหนเหรอคะคุณแมท”

           

 

“อ๋อ เอ่อ ผมจะไปทำอาหารให้วิคเตอร์กินอะครับ”

           

 

“ให้ฉันช่วยมั้ยคะ” ผมสั่นหัว

           

 

“ไม่เป็นไรครับ คุณไปคุยงานกับเขาต่อเถอะ” สเตฟาเนียยิ้ม เดินกลับเข้าไปนั่งคุยกับสองคนนั้น ผมหันไปมองก็เห็นวิคเตอร์หันมายิ้มให้เธอและหันกลับไปคุยกับเซล่าต่อ ผมสลัดความคิดมากออกไปและเดินไปทำอาหารในครัว

           

 

ระหว่างที่ทำอาหารผมก็คิดถึงตอนที่เจอกับฌอณ จะว่าเขาเปลี่ยนไปมันก็ใช่เลย ท่าทาง แววตา สีหน้า มันคนละคนกับที่ผมเคยรู้จักและเคยทำร้ายผม ท่าทีที่ดูซอฟต์ลงเมื่อมีสีพาสเทลทำให้เขาเป็นผู้ชายละมุนนุ่มนิ่มไปเลย แต่ผมกำลังนึกสงสัยว่า มันคือการเสแสร้งแกล้งทำมั้ยหรือยังไง ระหว่างที่ไม่เจอกัน เขาได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองหรือเปล่านะ เลยทำให้ความทรงจำของเขาไม่เหมือนเดิม

           

 

ถ้าเขาจำไม่ได้จริงๆ ผมว่ามันก็เป็นเรื่องดีต่อตัวผมที่เขาจะไม่คิดทำร้ายผมอีก

           

 

ปิก้าปี้ ปิก๊าจู๊ ปิก้าปีก๊า ปิ๊กะ ปิก่าจู๊~

           

 

ผมหันไปล้างมือแล้วเช็ดผ้าให้แห้ง ก่อนจะหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมมองด้วยความงงปนประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเป็นพีทโทรมา

           

 

“ฮัลโหล” ผมรับสายด้วยความไม่มั่นใจว่าใช่เขาแน่มั้ย

           

 

[เจมส์บอกฉันว่าถ้านายอยากมาดูการตัดต่อก็มาได้] ผมอ้าปากค้างนิดหน่อย ก่อนจะรีบตอบรับเขา

           

 

“โอเคครับ ขอบคุณมาก” พีทตอบรับสั้นๆ แล้ววางสายไป ผมยังคงรู้สึกงงๆ อยู่สักแปบก่อนจะวางมือถือไว้บนโต๊ะหินอ่อน แล้วกลับไปทำอาหารต่อ ผมนึกถึงบทสนทนาของผมกับผู้กำกับก่อนจะแยกกันที่ร้านอาหาร

 

 

            “ขอบใจนายมาก ฉันนับถือในความอดทนและความตั้งใจของนายจริงๆ” ผมคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

           

 

“ขอบคุณคุณมากเช่นกันครับเจมส์ที่ช่วยสอนงาน ช่วยสอนอะไรหลายๆ อย่างให้ผม” เจมส์หัวเราะเบาๆ ยกมือขวาตบบ่าขวาของผมดังตุบๆ เขาค่อยๆ หุบยิ้มแล้วพ่นลมหายใจออกยาวๆ มองผมด้วยสายตามีแววกังวลเล็กๆ

           

 

“เดวิดเคยบอกฉันก่อนที่จะฝากนายมาทำงานด้วยว่าเด็กคนนี้เป็นคนทะเยอทะยานมาก” ผมอมยิ้ม นึกถึงเดวิดแล้วก็อยากจะไปขอบคุณเขาอีกทีที่ทำให้ผมได้เดินมาเส้นทางนี้อย่างที่หวัง

           

 

“แต่เดวิดฝากความกังวลมาถึงนาย” ผมคลี่ยิ้มประหลาดใจเล็กน้อย

           

 

“เขาฝากบอกว่าอะไรเหรอครับ” เจมส์ยิ้มนิดหน่อยก่อนจะว่าต่อเสียงห้าวปนแหบ

 

 

“สิ่งที่นายมีในตัว มันดีมากสำหรับคนทำงาน แต่ว่านะ…” เขาปล่อยมือออกจากบ่าผม ยืดตัวขึ้นตรงอีกนิด ท่าทางของเขาทำเอาระทึกไปด้วยเลย

           

 

“…รับมือกับความทะเยอทะยานของตัวเองให้ดี”


 

           

 

ผมพยายามแปลความหมายประโยคนั้นตั้งแต่นั่งอูเบอร์กลับมาบ้านจนกระทั่งถึงตอนนี้ มีเมื่อกี้ที่เลิกคิดไปแปบนึง เดวิดต้องการจะฝากบอกว่าอะไรกันแน่ แล้วเจมส์หมายถึงอะไรกับประโยคนั้น มันคงเป็นการเตือนอะไรสักอย่างนั่นแหละ แต่ผมก็คิดว่ามันมีอะไรตรงไหนเสียหายงั้นเหรอ

           

 

“กลับก่อนนะคะ” ผมหลุดจากห้วงความคิดของตัวเองแล้วหันไปมองด้านหลัง สเตฟาเนียส่งยิ้มมาให้ เซล่าเดินนำไปที่ประตู วิคเตอร์เดินตามหลังทั้งสองคน

           

 

“ไว้เจอกัน” วิคเตอร์โบกมือให้สเตฟาเนียหนึ่งทีก่อนจะปิดประตูแล้วเดินมาทางผมที่กำลังเตรียมอาหารใกล้เสร็จแล้ว

           

 

“ทำอะไรน่ะ” เขาถามอย่างอารมณ์ดี ความคิดชั่วร้ายผมเริ่มทำงานทันทีว่าเขาอารมณ์ดีด้วยเหตุใด เพราะผมทำอาหารให้หรือเพราะเพิ่งได้เจอกับสเตฟาเนีย

           

 

“ผัดกะเพราะกุ้ง” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะคลี่ยิ้มและพยักหน้าหงึกๆ ผมพ่นลมหายใจ บอกตัวเองให้เลิกคิดไม่ดีระหว่างเขากับโฆษกสาวอายุคราวแม่คนนั้น เดี๋ยวมันจะทำให้การทำงานของเขาลำบาก

           

 

“วิคเตอร์ ฌอณออกจากวงการไปเลยเหรอหลังจากเกิดเรื่อง”

           

 

“ถามทำไม” เขาเลิกคิ้วขึ้นงงๆ

           

 

“ผมอยากรู้อะ ว่าเขาไปทำอะไรที่ไหนอยู่”

           

 

“ตอนอยู่ในคุกมันก็ไม่ได้ทำงานหรอก พอออกมาก็ไม่มีใครจ้าง เขาแบนมันกันทั้งนั้นละ”

           

 

“แล้วเขาใช้ชีวิตยังไงต่อ” วิคเตอร์ยกไหล่ทั้งสองข้างขึ้น ท่าทางไม่สนใจ

           

 

“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้ตามข่าวมัน” ผมชั่งใจอยู่สักพักว่าจะเล่าให้เขาฟังดีมั้ย แต่ออสตินบอกว่ายังไงเขาก็ต้องบอกเรื่องนี้กับวิคเตอร์

           

 

“วันนี้ผมเจอเขา” สีหน้าวิคเตอร์เปลี่ยนเป็นเข้มเครียดทันที แววตาสบายๆ เมื่อกี้เปลี่ยนเป็นแววตากระด้าง

           

 

“มันทำอะไรนายรึเปล่า” น้ำเสียงของเขาแข็งกว่าเมื่อกี้นี้มาก ผมยิ้มน้อยๆ แล้วสั่นหัวเบาๆ พลางตักกะเพราะกุ้งตัวใหญ่ใส่จาน

           

 

“เปล่า ออสตินอยู่ด้วย ผมคิดว่าเขาน่าจะความจำเสื่อม” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว

           

 

“ความจำเสื่อมเหรอ” ผมพยักหน้า วางจานกุ้งไว้บนโต๊ะ หันไปตักข้าวที่เหลือจากเมื่อเช้าใส่จานให้เขา พอหันกลับไปมองก็เห็นเขากำลังเอามือลูบคางท่าทางครุ่นคิด

           

 

“แน่ใจมั้ยว่ามันความจำเสื่อม มันไม่ได้แกล้งใช่รึเปล่า” ผมเดินถือจานข้าวไปวางบนโต๊ะ แล้วกระเถิบก้นขึ้นนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่เยื้องกับเขา

           

 

“เขาเป็นอีกคนไปเลย ท่าทางหวาดกลัวง่าย จำผมไม่ได้ ถามชื่อผม และบอกกับผมว่ายินดีที่ได้รู้จัก”

           

 

“มันจำนายไม่ได้แล้วมันเข้ามาทักนายได้ไง” วิคเตอร์ถามเสียงห้วน ยังไม่ยอมตักข้าวเข้าปาก

           

 

“เขาบอกว่าเขาไปแถวบรูคลินกับพ่อพอดี แล้วพอเห็นผมเลยเข้ามาทัก เขาบอกเขาคุ้นหน้าผม”

           

 

“อะไรของมัน” วิคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวด

           

 

“นั่นสิ อะไรของเขา ผมก็งง แต่ท่าทีเขาเปลี่ยนไปจริงๆ นะ ไม่ใช่ฌอณคนเดิมคนนั้นเลย” วิคเตอร์เงียบ ใบหน้าเขาเครียด แววตากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด ผมยื่นมือไปแตะแขนเขาเบาๆ

           

 

“ผมปลอดภัย เขาไม่ได้ทำร้ายอะไรผมเลย ตอนออสตินยกปืนขู่ เขายกมือขึ้นยอมแบบกลัวๆ ด้วย” วิคตอร์หันมามองผมทั้งที่คิ้วยังขมวดเข้าหากัน

           

 

“เกิดอะไรขึ้นกับมัน” ผมเอามือออกจากต้นแขนเขาแล้วส่ายหัว

           

 

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ผมคิดว่ามันก็ดีนะ ถ้าเขาลืมไปแล้วจริงๆ เขาจะได้ไม่มาวุ่นวายกับผมอีก”

           

 

“แมท มันจะดีกว่านี้ ถ้ามันไม่บอกว่ามันรู้สึกคุ้นหน้านาย คนเราถ้าคุ้นหน้าใครสักคน ไม่คุ้นเพราะชอบก็คุ้นเพราะเกลียดจนฝังกระดูกดำ” จากที่ผมมองโลกสวยมาก ผมเริ่มใจไม่ดีมากละ

           

 

“เอ๊า แล้วจะพูดให้กลัวทำไมล่ะ!” ผมงอแงใส่เขา วิคเตอร์ที่กำลังหน้าเครียดเปลี่ยนเป็นหัวเราะ

           

 

“โอ๋ กลัวเหรอ มานี่มา” เขาดึงให้ผมเข้าไปหา ผมลงจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในหว่างขาของเขา วิคเตอร์จูบหน้าผากผมหนึ่งทีแล้วเอาแขนขวาโอบเอวผม

           

 

“ฉันไม่ให้มันทำอะไรนายได้หรอกน่า นายก็รู้” ผมทำปากยื่น แล้วก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาหนึ่งที วิคเตอร์ยิ้มจนร่องแก้มขึ้น

           

 

“ผมขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ”

           

 

“ล้างก้นด้วยนะ” ผมแลบลิ้นใส่เขา

           

 

“ฉลองที่นายจบงานสักที คืนนี้จะเอายันเช้าเลย” เขายกมือขวาตีก้นผมเน้นๆ หนึ่งที ผมย่นจมูก แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ก็นับจากวันที่กลับมาคุยกัน ก็ครบเดือนแล้วที่ยักษ์น้อยไม่ได้ออกรบ

           

 

ให้เขาหน่อยละกัน ตัวผมก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก อืมๆ

 

           

 


 

 

เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao7:


               ฌอณเปลี๊ยนไป๋ ทำเอาตกอกตกใจ แต่ฌอณจำไม่ล่ายยยย อะไรยังไงคะนี่ อู๊ว มายยยย

              น้องแมทปลอดภัยดีก๊าาา บุญรักษานะลูกนะ ไม่โดนอีฌอณดักทุบ แต่ก็ทำเอาใจหล่นไปตาตุ่มกันเลยทีเดียว

               พี่ยักษ์ก็ปลื้มใจที่เอเลี่ยนจะไม่มีงานทำ 555555 มีผัวรวยมันดีงี้อะเนาะ ไม่ต้องลำบากทำงาน ผัวจ้างอยู่บ้าน เออ เริ่ดดด

               บางคน อ่านๆ ไป อาจจะรู้สึกว่า อีเรื่องนี้มันจะไม่มีหวาน มีฉ่ำๆ บ้างเลยเหรอ 5555 คืออย่างที่เคยบอกไปเนิ่นนานนนว่าเรื่องนี้ก็พยายามอิงชีวิตจริงเข้ามา สลับสับเปลี่ยนกันไปเนอะ หวานบ้าง ขมบ้าง รสชาติชีวิตที่แท้ทรู ความหวานยังไงต้องมา จะมาขมต่อเนื่องไม่ด้ายยยย ติดตามกันต่อน้ออออ

               ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากคนอ่านทุกคนที่คอมเม้นให้กันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มันเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนมากๆ มันคือแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการเขียนมากเลยค่ะ รู้ว่ามีคนรออ่านและรอมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยกันทุกครั้งที่ลงเนื้อเรื่องก็ปริ่มใจ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณโหวตที่มอบให้ด้วยค่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่พอได้ก็ดีใจ ฮ่าาา และขอบคุณยอดวิวจากนักอ่านเงานะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 100% :07.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-11-2017 01:26:01
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 100% :07.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-11-2017 05:49:22
ฌอนต้องโดยอะไรแน่ๆ ระหว่างติดคุก ???
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 100% :07.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-11-2017 06:56:21
ให้คิดว่าฌอน มีอะไรกระทบกระเทือนทางสมองหรือเปล่า
หรือถูกสะกดจิต กับที่ฌอนทำท่ารังเกียจแมท
เพื่อกลบความรู้สึกจริงๆที่ชอบแมท

แมทอาจไปอยู่ในด้านที่ฌอนแอนตี้เรื่องรักเพศเดียวกัน เรื่องผิวสี
แต่สิ่งที่ฌอนรังเกียจแมท มันทั้งรังเกียจทั้งชอบ
หรือแท้จริงฌอนไม่รู้ตัวว่าเขาก็ชอบเพศเดียวกัน

แล้วพีท ที่บอกแมทเรื่องการตัดต่อ เพื่ออะไร
ปกติก็ทำท่าไม่ข้องแวะกับแมทมาตลอด
ไม่ใช่เกิดชอบแมท ขึ้นมานะ  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 100% :07.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 07-11-2017 07:57:28
แต่ก็สงสารณอนนะ แต่ถ้าลืมไปแล้วมันก็จะดีกับณอนเอง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 100% :07.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-11-2017 22:13:55
ตกลงจะเลิกกังวลกะฌอนได้ยังเนี่ยะ ถึงจะเปลี่ยนไปแต่ก็แอบระแวงๆอยู่ดี
แล้วเรื่องคำเตือนนี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะเนียะ
เอาเป็นว่าช่างมันก่อน ดูคู่รักเค้ารักกันก่อนแล้วกัน ค่ำคืนนี้ยาวๆกันไป :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.13 100% :07.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-11-2017 23:28:37
การที่ฌอนจำไม่ได้มันก็แปลกๆนะ แต่ก็ขอให้มันเป็นไปในทางที่ดีละกัน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-11-2017 21:56:24


Yours and Mine EP.14 :: Not yet. (ยัง ยังอีก) [50%]



“เดี๋ยวผมไปแท็กซี่…” วิคเตอร์ชักสีหน้าทันที ผมรีบเข้าไปกอดอ้อน

           

 

“…ไม่มีอะไรหรอก คุณก็เห็นสภาพฌอณแล้วนี่ เขาไม่มาทำอะไรผมหรอกน่า ผมอยากย้อนวันวาน ตอนนั่งแท็กซี่ไปหาคุณเอมิลี่ครั้งแรกอะ” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว

           

 

“ตลก”

           

 

“ฮะๆๆๆๆ” ผมหัวเราะเสียงดัง วิคเตอร์ทำหน้างง

           

 

“หัวเราะอะไร”

           

 

“ก็คุณบอกตลก” วิคเตอร์กลอกตา ผลักผมออกจากตัวแล้วยกมือขวาตีหัวผมเบาๆ หนึ่งที

           

 

“ฉันไปคุยงานแถวนั้นอยู่แล้ว ติดรถฉันไปนั่นแหละ” ผมทำปากยื่น แต่ก็พยักหน้าตอบรับ หมุนตัวเดินนำเขาออกไปจากบ้าน ลงบันไดหน้าบ้านไปขึ้นรถ ออสตินอยู่เฝ้าบ้านกับไมเคิลและฟอกซ์

           

 

“เรื่องฌอณ เห็นแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะไว้ใจมันได้” วิคเตอร์บอกตอนที่หย่อนตัวเข้ามานั่งในรถ ผมปิดประตูเบาๆ

           

 

“ทำไมล่ะ เขาจำคุณในฐานะเพื่อนร่วมงานไม่ได้ด้วยซ้ำ ท่าทางเขาก็เอื่อยๆ เฉื่อยๆ” อาทิตย์ก่อนผมเจอกับฌอณอีกครั้งหลังจากเจอกันไปอาทิตย์ก่อนหน้านี้ ไปเจอที่ร้านกาแฟของจีอันนา วิคเตอร์แวะไปหาชาร์ลี อันเดรและอีริค เป็นมีทติ้งเล็กๆ ของเพื่อนฝูง ผมประหลาดใจมากที่เจอเขาที่นั่น

           

 

 

“เขามักจะมากับผู้ชายมีอายุคนนึงที่ยังดูดี ซึ่งน่าจะเป็นพ่อเขา กับผู้หญิงที่ดูคล้ายจะเป็นพี่สาวของเขาบ่อยๆ มีวันนึงเขามาถามว่ารับสมัครพนักงานเพิ่มมั้ย เขาชอบชงกาแฟ ฉันจำเขาได้จากซีรีส์ที่เล่นกับวิคเตอร์นั่นแหละ ฉันถามเขาว่าคุณไม่รับการแสดงแล้วเหรอ เขาทำหน้างง…” จีอันน่าเล่าให้ฟังที่โต๊ะของพวกเราที่อยู่ติดกับประตูทางออก ผมหันไปมองฌอณ เขาดูมีทีท่าสงบเสงี่ยม พอหันไปมองวิคเตอร์ ไอ้ยักษ์กำลังมองฌอณอย่างแน่วแน่

           

 

“…ดูเขาจะจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยเป็นนักแสดงมาก่อน เขาบอกว่าเขาชอบชงกาแฟ เขาทำได้ ฉันเลยทำให้เขาทำ ซึ่งมันอร่อยมากเลยนะฝีมือเขา ฉันเลยรับเขามาเนี่ยแหละ” ผมย่นคิ้ว จะว่าฌอณตกอับก็ไม่ใช่ เพราะจากที่จีอันน่าบอก สองคนที่มากับฌอณ ดูภูมิฐาน มีฐานะ ไม่ได้ดูซอมซ่อ

           

 

“เขามีแผลอะไรบนหัวมั้ยจีอันน่า” เธอทำหน้านึกก่อนจะพยักหน้าหนึ่งที

           

 

“มี เป็นรอยเย็บตรงข้างหัวฝั่งซ้าย” เขาไปโดนอะไรมา แต่ไม่ว่าเขาจะโดนอะไร ผมคิดว่านั่นคือสาเหตุทำให้เขาเป็นแบบนี้

           

 

“เขาทำงานดีมั้ยครับ” จีอันน่าพยักหน้ารัวๆ

           

 

“ทำดีนะ เป็นมิตรกับลูกค้า” ผมเม้มปาก ไม่แน่ใจว่าควรถามต่อมั้ย แต่ผมก็อยากรู้ข้อนี้

           

 

“กับลูกค้าเพศที่สาม เขามีปฏิกิริยายังไงเหรอครับ” เธอเลิกคิ้วขึ้นราวกับกำลังนึกหาคำตอบในสิ่งที่ผมถาม

           

 

“เขาปฏิบัติกับทุกคนเหมือนกันหมดเลยนะ พูดจายิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนที่นายเห็นตอนนี้แหละ” ผมหันไปมองฌอณอีกรอบ เขายิ้มให้ลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งอย่างเป็นมิตร เขาไม่เหมือนฌอณคนเดิม

           

 

“วิคเตอร์…” ผมสะกิดวิคเตอร์ที่กำลังมองฌอณอย่างพินิจพิจารณา จนเจ้าตัวเริ่มมีท่าทีอึกอักกับสายตาของวิคเตอร์ผมขมวดคิ้วด้วยความข้องใจ ว่าเขาพลิกนิสัยตัวเองได้ขนาดนี้เชียวเหรอ

           

 

“…จ้องอะไรขนาดนั้น” วิคเตอร์ละสายตากลับมาหาผม ท่าทีของเขาเครียดๆ จนเพื่อนเขางง แต่เขาก็ไม่ได้หันไปอธิบายอะไรให้ใครฟัง

           

 

“มันแปลกและมันก็เปลี่ยนไป”

           

 

“จีอันน่าบอกว่า เขามีแผลบนหัวด้วย ผมว่าเขาคงเกิดอุบัติแล้วความจำเสื่อม” วิคเตอร์มีสีหน้าประหลาดใจนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้า

           

 

“แต่ยังไงก็อย่าอยู่ใกล้มันบ่อย ถ้ามันความจำเสื่อมไปตลอดก็ดี แต่ถ้าวันนึงมันเกิดจำได้ ไม่ดีแน่” ผมพยักหน้า เลื่อนสายตาไปมองฌอณที่กำลังมองมาทางเราอย่างใสซื่อ ผมคลี่ยิ้ม เขายิ้มตอบกลับมา


           

           

 

“ฉันไม่ให้ยุ่งกับมัน แค่นั้นแหละ ไม่ต้องถามว่าทำไม” ผมย่นจมูกใส่เขา

           

 

“ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะยุ่ง”

           

 

“คนใจอ่อน ใจดีกับคนอื่นยกเว้นฉันอย่างนาย อะไรก็เกิดขึ้นได้” เอ๊ะ?!

           

 

“ใช่ ยกเว้นคุณ” วิคเตอร์ยกมือขวามาผลักหัวผมจนผมหน้าหงาย เมื่อกี้ก็ตีหัว ตอนนี้ก็ผลักหัว สักวันสมองผมคงไหลออกจากรูหู ผมแลบลิ้นใส่เขาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมใสๆ ไม่เน้นความรุนแรง เป็นเกมผ่านด่านแบ๊วๆ

           

 

วันนี้ผมจะไปช่วยงานคุณเอมิลี่ ผมโทรไปของานเธอทำเองแหละ ผมว่างงานมาเกือบสองอาทิตย์ อยู่บ้านก็คิดฟุ้งซ่านมากมาย เลยต้องหาอะไรทำ คุณเอมิลี่เลยให้ไปช่วยดูแลนายแบบนางแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมควรทำตอนมาฝึกงาน แต่ดันถูกส่งมาดูแลไอ้ยักษ์หน้าหล่อคนเดียว ซึ่งเหมือนดูแลคนร้อยคน แล้วสุดท้ายก็ได้เขามาเป็นสามี สวมแหวนเพชรสะท้อนแสงวูบวาบบนนิ้วนางข้างซ้ายสวยๆ

 

 

 เงินที่ได้มาจากการทำงานออกกอง ผมให้พ่อกับแม่ไปครึ่งนึง แลกเป็นเงินไทยก็สะพรั่งสะพรึงพอสมควร พ่อกับแม่ปลาบปลื้มมาก มันทำให้ผมรู้สึกภูมิใจมากจริงๆ

 

 

“ขอบใจมากลูก” หัวใจผมพองโตตอนที่พ่อพูดแบบนั้นกับผม พ่อบอกว่าแม่ร้องไห้ด้วย ผมก็เกือบร้องเหมือนกัน ถึงมันจะยังพิสูจน์อะไรมากไม่ได้ แต่ผมก็จะทำต่อไป

 

 

“แมทอาจจะไม่ได้ออกกองบ่อย แต่ถ้าได้ออกอีก มันก็จะได้เงินเยอะ แล้วแมทจะส่งให้อีกนะ” ผมพูดด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต ดีใจกับตัวเองที่ทำให้เขาเห็นได้แล้วว่า ผมก็หาเงินได้จริงๆ แม้ไม่ใช่ชายจริงหญิงแท้ แต่ผมก็หาเงินดูแลเขาได้

 

 

“อย่าหักโหมมาก ทำอะไรแต่พอดี ไม่งั้นเงินที่ได้มาก็ต้องเอาไปจ่ายให้โรงพยาบาลแทน”

 

 

อาทิตย์ที่แล้วผมมีความสุขแบบเบิกบานทั้งอาทิตย์ จนวิคเตอร์พาลไปอิจฉาพ่อผม

 

 

“ไอ้บ้า อิจฉาอะไรพ่อผมเนี่ย”

 

 

“ตาแก่!”

 

 

“อะโห ด่าชัดขึ้นทุกวันเลยนะ!” ไอ้ยักษ์มันไม่ได้กล้าแค่ลับหลังพ่อผมด้วยนะ ต่อหน้ามันก็ด่าแล้วก็เนียนว่ามันไม่รู้ความหมาย อ้อนขอโทษนิดหน่อยแม่ก็ปกป้องมันแล้ว ไอ้ยักษ์เจ้าเล่ห์


 

 

 

เงินอีกครึ่งผมเก็บไว้กับตัวเอง แบ่งให้วิคเตอร์ด้วยส่วนหนึ่ง ถือว่าเป็นการขอบคุณเขาที่เลี้ยงดูผมมา แม้มันจะเป็นแค่เศษเงินสำหรับเขา แต่ผมก็อยากให้ เขาเก็บมันไว้ในลิ้นชักข้างเตียง ส่วนที่เหลือผมเอาเข้าธนาคารทั้งหมด แล้วก็ใช้บัตรเครดิตวิคเตอร์ตามปกติ

 

 

คิๆ

 

 

“เอมิลี่บอกฉันแล้วว่าเลิกงานดึก ฉันจะกลับไปรอที่บ้าน โทรมาก็แล้วกัน”

 

 

“โอ๊เข่” ผมยกมือขึ้นตะเบ๊ะ วิคเตอร์กระตุกยิ้ม ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมหนึ่งที ผมเลยหอมแก้มเขากลับไปหนึ่งที

 

 

“อย่าให้ใครจีบนะ!”

 

 

“โอ๊ย” ผมถลึงตาใส่เขา หันไปเปิดประตูแล้วลงไปจากรถ ยกมือบ๊ายบายเขาผ่านกระจก วิคเตอร์ขับรถออก เจ้ากระทิงดุสีเทาเงินวาววับส่งเสียงกระหึ่มไปตามท้องถนน ผมส่ายหัวระอา หวงอย่างกับผมฮ็อตมาก ชีวิตนี้มีเอิร์ทกับเขาเท่านั้นนะเอาจริง ยังดีนะที่เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้มาช่วยเอมิลี่ เพราะเขาเชื่อใจว่าเอมิลี่จะเป็นหูเป็นตาให้เขาได้

 

 

ผมหันหน้าไปมองตึกอิฐสีน้ำตาลสี่ชั้นแล้วยิ้มกว้างด้วยความคิดถึง ผมกลับมายืนอยู่ในจุดเดิมกับเมื่อเกือบสี่ปีก่อน ที่ๆ เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมไปเจอกับวิคเตอร์ จุดเริ่มต้นในที่นี้คือจุดเริ่มต้นจริงๆ เพราะผมนั่งรถจากที่นี่ไปบ้านวิคเตอร์ไง

 

 

“Hello.” ผมเอ่ยทักทายตึกเบาๆ มันเหมือนเดิมกับตอนนั้นเลย ทำให้หวนนึกถึงความรู้สึกครั้งแรกที่มาที่นี่ได้อย่างเต็มเปี่ยม ผมกดหน้าลงมองประตูกระจกที่ผมเคยโดนชน นึกได้แล้วก็หัวเราะกับตัวเองก่อนจะก้าวเท้าเดินไปกดกริ่งหน้าสำนักงาน รอสักแปบก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูให้ พอผมเห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูผมก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

 

 

“อดัม!”

 

 

“เฮ้ แมท!” อดัมเองก็ยิ้มกว้าง เราพุ่งตัวเข้าไปกอดกัน ผมไม่ได้เจอเขานานมากกก เจอครั้งล่าสุดตอนไหนผมยังจำแทบไม่ได้เลย รู้แต่ว่ามันนานมากจริงๆ ไหนจะเฟซบุ๊คเขาที่โดนวิคเตอร์ลบออกไปอีก

 

 

“ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ นะ เป็นยังไงบ้าง” อดัมถามด้วยความสนใจ ผมหันไปมองประตูที่ปิดสนิทแล้วก่อนหันกลับมามองเขา ยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น

 

 

“แฮปปี้ดีครับ คุณล่ะ ผมต้องขอโทษมากๆ ที่ไม่ได้ติดต่อคุณเลย เฟซบุ๊คผมก็ไม่ค่อยได้เล่น”

 

 

“นายลบเฟซบุ๊คฉัน” อดัมยิ้มขำ ผมยิ้มแหย

 

 

“ผมถูกบังคับให้ลบต่างหาก”

 

 

“อ้า วิคเตอร์สินะ” ผมแสร้งทำหน้าหวาดกลัว อดัมหัวเราะ ผมยิ้มกว้างมองเขา โอ้ มายก็อด เขายังคงเป็นผู้ชายในฝันของผมจริงๆ กล้ามเนื้อแน่นเปรี๊ยะเหมือนเดิม รอยสักที่แสนจะเท่ สันกรามที่ทำให้รูปหน้าชัดเจนนั้นช่างน่าเลีย เอ้ย ลูบซะจริง เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้นรึยังนะ ถอดแหวนหมั้นเก็บไว้ก่อนดีมั้ย

 

 

“ตอนนั้นเขาสติเสียไปหน่อย แต่ผมก็ดันลืมแอดคุณกลับไป เพราะผมไม่ค่อยได้เล่นจริงๆ ครับ เฟซบุ๊คร้างเป็นบ้านผีสิงไปแล้ว” อดัมหัวเราะน้อยๆ ผมยิ้มกว้างเขินๆ พยายามไม่มองเขาด้วยสายตาเคลิ้ม อยากมองผัวตัวเองให้ได้เคลิ้มแบบนี้บ้างจัง

 

 

“อ้อ เกือบลืม…” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างปรหลาดใจ อดัมชูสามนิ้วขึ้นแล้วเอามาแตะตรงริมฝีปาก่อนจะปล่อยออก ผมคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม ดีใจที่เขายังจำได้

 

 

อย่าไปทำแบบนี้ในแคปิตอลนะอดัม

 

 

“…เขินจัง” ผมหัวเราะ ที่บอกว่าเขินไม่ได้พูดเพราะว่าอายกับท่าสามนิ้วนั้น ผมเขินเขานี่แหละ

 

 

“แล้ว นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย”

 

 

“อ๋อ ผมมาช่วยงานคุณเอมิลี่ครับ ผมโทรมาของานเธอทำ เธอเลยให้มาช่วย คุณล่ะ”

 

 

“มาเป็นตากล้องนั่นแหละ มาถ่ายภาพพอร์ตเทรตกับวีดีโอให้นายแบบนางแบบของเอ็ม” ผมยิ้มตาเป็นประกาย

 

 

“งานเดียวกันแน่เลย!” กรี๊ดดด ผมจะได้ทำงานร่วมกับอดัมเป็นอาทิตย์เลยเหรอ

 

 

“สงสัยจะใช่ เพราะวีคนี้ก็มีอยู่งานนี้งานเดียวเนี่ยแหละ” เขาหัวเราะ โอ๊ยตายละ รอยยิ้มของเขาดูแบด ดูยั่วมาก ทำไมถึงได้เท่ละลายใจแบบนี้นะ รู้สึกว่าแหวนที่นิ้วนางมันหลวมๆ ยังไงไม่รู้ ควรถอดเก็บมั้ย

 

 

“คุณเป็นไงบ้างครับ” อดัมไหวไหล่ทั้งสองข้างอย่างสบายๆ และยิ้มมุมปากเท่ๆ

 

 

กรี๊ดดด! ได้! อดัม ทำให้ใจผมเต้นหนักมากนะ

 

 

“ไม่เจ็บป่วยอะไร ปีที่ผ่านมาฉันเอาแต่เที่ยว ท่องเที่ยวเพื่อถ่ายภาพน่ะ ฉันเปิดแอคเค้าท์สำหรับลงรูปท่องเที่ยวในอินสตาแกรม” ผมคลี่ยิ้ม ทำไมรู้สึกว่ายิ้มมากกว่าตอนอยู่กับผัวอีกนะ

 

 

“เปลี่ยนจากถ่ายคนมาถ่ายวิวแทนแล้วเหรอ”

 

 

“ก็ไม่หรอก ฝึกถ่ายไว้หลายๆ แบบไง จะได้มีคนจ้างเยอะๆ ก็ได้ผลนะ มีคนจ้างให้ฉันเที่ยวเยอะพอสมควร”

 

 

“ดีจังเลยนะครับ ได้เที่ยว แถมยังได้ตังค์อีก”

 

 

“แต่ตอนนี้ฉันก็เบรกตรงนั้นไว้ กลับมาถ่ายคนก่อน เดี๋ยวจะลืมซะหมด” ผมยิ้มกริ่ม พยักหน้าดุ๊กๆ อย่างกระตือรือร้น เป็นคนสดใส ชื่นมื่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

 

“ขึ้นไปข้างบนมั้ย เอ็มอยู่บนนั้นแหละ กำลังวุ่นวายจัดการลูกๆ เธออยู่”

 

 

“ไปกันครับ” แมท ทำไมเธอต้องทำตัวกระตือรือร้นเกินเบอร์ประหยัดไฟขนาดนี้ ถ้าผัวรู้ โดนตีสมองไหลแน่ๆ

 

 

ผมเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับอดัม เดินไปคุยกันไป ขึ้นมาถึงชั้นสองเพิ่งนึกได้ว่ามีลิฟต์ ที่จะใช้ทำงานวันนี้อยู่ชั้นสามแต่อีกชั้นเดียวและกำลังคุยกันเพลินเลยพากันเดินต่อ พอขึ้นมาด้านบนผมก็เจอกับเอมิลี่ที่กำลังเช็กความเรียบร้อยของนางแบบสองคนที่จะมาถ่ายพอร์ตเทรตในวันนี้อยู่

 

 

“คุณเอมิลี่!” เธอหันมายิ้มสดใส ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกาย ผมเดินเข้าไปกอดเธอ เอมิลี่ผมยาวแล้ว ยาวถึงกลางหลังเลย ผมว่าแบบนี้ทำให้เธอดูสวยแบบผู้หญิงทำงานเก่งๆ

 

 

“ฉันดีใจนะที่วิคเตอร์ยอมปล่อยเธอให้ออกมาจากกรงขังของเขา” เอมิลี่กลอกตาพร้อมกับบึนปาก ผมหัวเราะชอบใจ อดัมเองก็ยิ้มขำไปด้วย ผมเกือบจะเคลิ้มไปกับรอยยิ้มของอดัมอีกแล้ว

 

 

“วันนี้จะให้ผมทำอะไรบ้างครับ”

 

 

“ง่ายๆ เลย มันเป็นงานที่จริงๆ เธอควรจะต้องทำตั้งแต่สมัยฝึกงาน แต่โดนวิคเตอร์ดึงตัวไป” ผมยิ้มและฟังเธออธิบายงานว่าวันนี้ผมต้องคอยเช็กนายแบบนางแบบในสังกัดของเอมิลี่ เป็นหน้าใหม่ทั้งหมด พอร์ตเทรตที่จะถ่ายคือเอาไว้สำหรับยื่นไปตามงานต่างๆ มีทั้งถ่ายชุดธรรมดา ชุดแฟชั่นเป็นเซ็ทและชุดว่ายน้ำ ช่างหน้าช่างผมมี แต่บางทีอาจจะต้องคอยช่วยเขาบ้าง แล้วก็มีไปช่วยคอสตูมนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่เตรียมไว้หมดแล้ว ก็เหมือนให้ผมมาเป็นผู้ช่วยกองถ่ายแฟชั่นอีกที

 

 

“ได้ครับ อันนี้คือเราจะเริ่มถ่ายเลยรึเปล่า”

 

 

“ใช่แล้ว เดี๋ยวถ่ายนางแบบก่อน มีเวลาชั่วโมงเดียวสำหรับสองคนนี้” เธอชี้ไปที่สาวผิวสีหัวหยิกตัวสูง โครงหน้าชัดไปหมดทุกส่วน กับสาวผิวขาวซีด มีกระบนใบหน้า ทั้งคู่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีน ผมยิ้มให้กับทั้งสองคน พวกเธอยิ้มตอบกลับมา เราทักทายกันเล็กน้อยแล้วก็เริ่มงานเลย

 

 

อดัมเป็นตากล้องที่หล่อมาก เอ่อ ไม่ใช่ เป็นตากล้องที่เก่ง จริงๆ ผมมองว่าการถ่ายภาพมันไม่ได้แตกต่างกัน มันคือการกดถ่ายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยกล้องแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้นเอง แต่พวกตากล้องที่ร่ำเรียนมาเขาคงรู้มุม รู้องศา รู้แสงในการถ่ายภาพ ถ้าเป็นเราๆ ก็กดถ่ายไปเรื่อย เห็นสว่างหน่อยก็ถ่ายได้แล้ว แต่อดัมต้องจัดแสง ส่องกล้อง กดถ่าย แล้วหันไปเช็กในจอแม็คบุ๊ค ให้นางแบบขยับมุมนั้นมุมนี้

 

 

“แมทเข้าไปจัดผมนางแบบให้ยุ่งๆ แบบเพิ่งตื่นนอนหน่อย” อดัมชี้ไปที่นางแบบสาวผิวซีดที่ตอนนี้กำลังถ่ายเดี่ยวคนแรกอยู่ ผมหันไปกวักมือเรียกช่างผมที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมฟูใส่แว่นตากรอบสีดำ เธอเดินเข้ามาหน้ากล้องพร้อมกับหวีและสเปรย์ ผมอธิบายให้เธอฟัง แล้วเราก็ช่วยกันทำผมให้นางแบบดูเหมือนเพิ่งตื่นนอน พออดัมยกมือว่าโอเคเราก็เดินออกไปให้พ้นเฟรม

 

 

“Smile. That’s good. Chin up a little bit. (ยิ้ม ดีมาก เชิดหน้าขึ้นหน่อย)” อดัมกดถ่ายภาพรัวๆ ก่อนจะหันไปเช็กภาพในแม็คบุ๊ค แล้วก็หันไปมองเอมิลี่ พอเธอพยักหน้าให้ เขาก็บอกให้นางแบบไปเปลี่ยนชุด

 

 

เซ็ทต่อมาก็เป็นชุดแฟชั่น ผมแต่งหน้าทำผมไม่เป็น เลยรอช่วยฝ่ายเสื้อผ้าแทน ระหว่างที่รอนางแบบอีกคนเปลี่ยนเป็นเซ็ทแฟชั่น อดัมก็เรียกให้อีกคนที่อยู่ในลุคซ์ธรรมดาๆ มาถ่ายภาพก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา สาวคนนี้เป็นสาวผิวสี ผมหยิกโดยธรรมชาติ อดัมปล่อยให้เป็นไปตามนั้น เธอสูงมากแล้วก็สวยมากในแบบฉบับสาวผิวสี ทรวดทรงองค์เอวคือเผ็ด แล้วการโพสท่าของเธอก็ดูโปรมากๆ แม้จะเป็นนางแบบหน้าใหม่ก็ตาม

 

 

“Okay.” เธอไปแต่งหน้าสำหรับเซ็ทถัดไป อดัมยืนเช็กภาพบนจอแม็คบุ๊ค ผมเลยไปยืนดูด้วยเพื่อเป็นความรู้ เขาก็สอนเรื่องการตกกระทบของแสง การถ่ายภาพคนต้องดูตัวคนเป็นหลักว่าเขามีรูปหน้าแบบไหน รูปร่างยังไง

 

 

“แล้วนายจะมาช่วยเอ็มทำงานตลอดเลยรึเปล่า” ผมส่ายหน้าน้อยๆ

 

 

“คงเป็นแค่ช่วงนี้แหละครับ ผมว่างงานอยู่ เพิ่งถ่ายหนังเสร็จหนึ่งเรื่อง ยังไม่มีเรื่องใหม่ให้ทำเลย” อดัมยิ้มแปลกใจ

 

 

“นายทำหนังเหรอ”

 

 

“เป็นเบื้องหลังแหละครับ”

 

 

“ทำหน้าที่อะไรล่ะ”

 

 

“ได้เขียนบทนิดหน่อย จริงๆ มันเป็นแค่การปรับบทมากกว่า หลังจากนั้นผมก็เป็นผู้ช่วยในกองถ่ายนี่แหละครับ ตอนนี้ก็ว่าง แต่ผมก็จะพยายามหากองใหม่ๆ” อดัมทำหน้าครุ่นคิด มือขวาลูบใต้คางเบาๆ

 

 

“รู้จักผู้กำกับที่ชื่ออเล็กซ์มั้ย” ผมย่นคิ้ว เค้นความคิด ด้วยความที่ชื่อเขาไม่ใช่ดารานักแสดง มันเลยอาจจะต้องใช้เวลานิดนึง

 

 

“อเล็กซ์ วินโกลด์” ผมตาวาวเมื่อชื่อเต็มหลุดออกจากปากอดัม ผมอ้าปากค้างแล้วพยักหน้ารัวๆ

 

 

“รู้จักครับ ผมชื่นชอบเขามาก ผมตามดูหนังเขาทุกเรื่อง!” อดัมยิ้มขำ

 

 

“เขากำลังจะทำหนังใหม่ ฉันเคยไปเป็นตากล้องเบื้องหลังให้เขา นายลองไปทำงานกับเขาดูสิ” มันคงคล้ายๆ กับความรู้สึกในการเป็นติ่งพี่อดัม มารูนไฟว์แล้วได้เจอเขา (แต่ผมยังไม่ได้เจอ) แบบตัวเป็นๆ ใกล้ๆ แต่มันมากขึ้นมากกว่านั้นอีกนิด

 

 

“ผมไปได้จริงเหรอ แล้วเขาจะรับผมมั้ยอะ”

 

 

“วิคเตอร์น่าจะช่วยนายได้นะเรื่องนี้” หัวใจที่กำลังพองโต ค่อยๆ ฟีบลงๆ รอยยิ้มบนใบหน้าหดลงเหลือนิดเดียว

 

 

“เขาไม่ได้มีเปิดรับสมัครเหรอครับ” อดัมหัวเราะเบาๆ

 

 

“ไม่มีหรอก เขาก็มีทีมงานของเขานั่นแหละ ของแบบนี้นะแมท บางทีมันต้องมีเส้นสายบ้าง ไม่งั้นก็เข้าไม่ถึงตัวเขา ยิ่งกับอเล็กซ์ ตำนานแห่งวงการแผ่นฟิล์ม มันคงไม่ง่ายนักหรอกฉันว่า” อ้าว หุบแล้วหุบอีกเลยทีนี้

 

 

มันเป็นอย่างที่อดัมว่า อเล็กซ์ วินโกลด์ คือตำนาน ไม่ได้หมายความว่าเขาเก่าแก่ต้องดึงทึ้งทั้งตัวอะไรแบบนั้น แต่เขาเป็นผู้กำกับที่มีฝีมือมากกก หนังที่เขากำกับเองมีแค่สิบสี่เรื่องจนถึงปัจจุบันทั้งหนังสั้นหนังยาว แต่แทบทุกเรื่องได้รับความนิยมหมด ทั้งเรื่องรายรับและคำวิจารณ์ มีแป้กบ้างสามสี่เรื่อง แต่ช่วงปีให้หลังมานี้ เขาเน้นงานหนังชิงรางวัลมากกว่าหนังบล็อกบัสเตอร์ แต่กระนั้นก็ยังได้รับความนิยมอย่างดี ช่วงที่เขาไม่ได้กำกับหนัง เขาก็นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์แทน เขาเป็นผู้กำกับวัยสี่สิบเฉียดห้าสิบที่ดูดีมาก เคยแต่งงานมีครอบครัว แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด เพราะความติสท์ของเขา และเพราะเขาติสท์นี่แหละ เลยเป็นที่มาของคำว่าไม่ง่าย

 

 

แต่สิ่งที่ไม่ง่ายยิ่งกว่าคือการขอให้วิคเตอร์ช่วยให้ผมได้ทำงานกับอเล็กซ์

 

 

“อันนี้เอ็กซ์คลูซีฟมากเลยนะครับ ผมยังไม่เห็นข่าวเรื่องนี้เลย”

 

 

“ชื่อเรื่องยังไม่มีเลย แต่เขาจะถ่ายทำในปีนี้แหละ ฉันรู้มาจากทีมงานที่เคยทำด้วยกัน ถ้านายชื่นชอบเขาจริง ลองดูสิ แต่เขาเนี้ยบน่าดูเลยนะ”

 

 

“เขาดุเหรอครับ” อดัมขมวดคิ้วนิดหนึ่ง

 

 

“มันก็แล้วแต่คนจะมอง บางคนบอกว่าเขาดุ บางคนบอกไม่ บอกคนบอกเขาใจร้ายก็มี ฉันก็บอกไม่ถูกว่าเขาเป็นแบบไหน แต่งานเขาดีจริง” อันนี้ผมเชื่อ งานเขาดีจริง ทำมาสิบกว่าเรื่อง แนวไม่ซ้ำกันเลย เป็นผู้กำกับที่ทำหนังออกมาได้มีเสน่ห์มาก

 

 

“เรื่องดุผมไม่ค่อยกังวล” กลัวแค่เขาจะเหมือนพีทที่หมั่นไส้ผม ถ้าเกิดผมให้วิคเตอร์เป็นคนผลักดันเข้าไปหาเขา

 

 

“นายน่าจะรับมือเขาได้แหละ ลองไปสมัครดู ถ้าได้ทำกับอเล็กซ์ ฉันว่านายได้อะไรเยอะ” ยกเว้นน้ำตาได้มั้ย

 

 

“โอเค พร้อมแล้ว!!” เอมิลี่ตะโกนมาพร้อมกับพาตัวนางแบบกลับมาที่หน้ากล้อง เราเลยหยุดคุยกันประเด็นนี้ไว้ก่อน

 

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao7:


               ฮัลโหลววว กลับมาแล้วววว

               เทศกาลนางงามจักรวาลทีไร อีขุ่นเจ้ชอบหายเงียบไปกับนิยายทุกที 55555

               แต่จริงๆ ในส่วนหนึ่งคือเตรียมเรื่องหนังสือของพาร์ทนี้อยู่ค่ะ ครุคริๆ อะไรยังไงนะ เดี๋ยวรออัปเดตที่หน้าเพจเฟซบุ๊คของขุ่นเจ้ได้เลยนะค้าาา

               น้องแมทได้กลับมาเจอพี่อดัมอีกครั้ง ทำให้ลืมผัวตัวเองไปอย่างสนิทใจ เคยแรดกับอดัมอย่างไรก็แรดอยู่อย่างนั้น เห้ออออ

               อดัมก็ได้ชี้เป้าในการล่าฝันของเอเลี่ยนอีกแล้ววว อดัมพลาดแล้วค่ะ ช่วยด้วยยยยย

               หลายคนอ่านตอนนี้คงแบบ อีแมท มึง มึงจะเอาอีกแล้ว จะเล่นใช่มั้ย?!

               เจอกันอีกครึ่งที่เหลือค่า ตอนใหม่พี่แซ็คก็อัปแล้วนะ ใครตามอ่านอยู่ ไปอ่านกันด้ายยยย

               



ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากคนอ่านทุกคนที่คอมเม้นให้กันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มันเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนมากๆ มันคือแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการเขียนมากเลยค่ะ รู้ว่ามีคนรออ่านและรอมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยกันทุกครั้งที่ลงเนื้อเรื่องก็ปริ่มใจ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณโหวตที่มอบให้ด้วยค่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่พอได้ก็ดีใจ ฮ่าาา และขอบคุณยอดวิวจากนักอ่านเงานะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-11-2017 22:20:33
นุ้งแมทจะได้ทำเหรอ ผัวยักษ์นี่หวงยังกะอะไรดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-11-2017 22:23:47
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-11-2017 22:30:04
เหมือนหาเรื่องไฟท์กันอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 15-11-2017 22:43:35
  :katai5:

 โอ่ยยย  แวววมาคุ๊..มาคุ

  ถึงจะดื้อๆมึนๆแต่ก็ทีมแมทนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 15-11-2017 22:54:52
งุ้ยยยย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-11-2017 04:39:36
โอ๊ย ........ขำแมท  :laugh: :laugh: :laugh:
พอเจออดัม นี่สดใส อารมณ์ดีสุดๆ กระดี๊ กระด๊า หมั่นไส้นางจริงๆ
เดี๋ยวจะถอดแหวนเก็บ เดี๋ยวแหวนหลวมๆ ฮึ้ยยยย
แต่ไม่วายนึกถึงยักษ์ไปด้วย ไม่ใช่แบบคิดถึงคะนึงหาซะด้วย
เป็นแบบถ้ายักษ์รู้ว่ากรี๊ดกร๊าดกับอดัม ยักษ์ต้องตบแมทสมองไหล ตายๆๆๆ :z3: :z3: :z3:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 16-11-2017 13:58:45
แมทนี่ประเภท ชอบลองของ  :hao6: ตลอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 16-11-2017 21:04:13
ยักษหวงงงง อด.     :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-11-2017 23:10:51
เหมือนแมทจะหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว เดวก็ได้ทะเงาะกันอีก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 50% :15.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-11-2017 22:40:02
จะทะเลาะกันอีกไหมเนี่ยแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-11-2017 20:07:44


Yours and Mine EP.14 (100%)



ผมหอบสตาร์บัคกลับมาที่ออฟฟิศทั้งหมดแปดแก้ว วางในแผงใส่แก้วและใส่ถุงอีกที แล้วก็มีอาหารฟาสต์ฟูดสามถุงใหญ่ๆ สำหรับทีมงานทุกคน มีหอบผ้าพันคอจากแอร์เมสมาด้วยสามถุง แล้วก็มีกางเกงในจากแบรนด์คาลวิน ไคลน์ที่วิคเตอร์เคยเป็นนายแบบให้ เอาไว้สำหรับนายแบบในรอบบ่าย เหล่านางแบบถ่ายรอบเช้าไปกันหมดแล้ว ค่อนข้างทุกลักทุเลนิดหน่อย แต่พอได้ทำแล้วนึกถึงตอนที่ได้เจอกับวิคเตอร์แรกๆ เลย แกล้งใช้ผมไปซื้อนั่นซื้อนี่แบบเนี้ย เอาให้เยอะๆ อีเอเลี่ยนตัวเตี้ยๆ คนนี้ก็แบกไปสิ แบกจนท่วมตัว

 

 

ติ๊ดติ๊ด

 

 

เสียงระบบเปิดประตูดังขึ้นตอนที่ผมใช้ปากคาบคีย์การ์ดแตะลงไป แต่ปัญหาคือผมดึงประตูไม่ได้ พอยังไม่ดึงสักทีประตูมันเลยล็อคอีกรอบ ก็เลยต้องยื่นหน้าเอาคีย์การ์ดในปากไปแตะอีกรอบ พอจะดึงให้เปิดอีกรอบก็ไม่ทันมันเพราะแขนพะรุงพะรังไปหมด เลยต้องแตะรอบที่สาม แต่เพราะรีบร้อนไม่เตรียมแขนให้พร้อมมันเลยล็อคอีก ผมคำรามเบาๆ แล้วกำลังจะวางของลงบนพื้นแต่ก็ชะงักไว้เพราะเสียงของหนุ่มๆ

 

 

“เฮ้ แตะอีกทีสิ เดี๋ยวฉันเปิดให้” ผมหันไปมอง เป็นกลุ่มผู้ชายหน้าและหุ่นนายแบบสามคน ซึ่งทั้งสามคนหล่อลากมดลูก ตะลึงเกือบปล่อยคีย์การ์ดออกจากปาก หนึ่งในนั้นหัวเราะน้อยๆ ผมได้สติก็รีบหันไปแตะคีย์การ์ด พ่อหนุ่มผมสีน้ำตาลแก่แซมทองนิดๆ เป็นคนดึงให้ ผมรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน ทั้งสามคนเดินตามมา ผมปล่อยคีย์การ์ดอออกจากปาก ให้มันห้อยคล้องคอตามเดิม

 

 

“ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณพร้อมกับยิ้ม หนุ่มผมสีน้ำตาลแก่แซมทองอ่อนๆ ยกยิ้มตอบกลับมา

 

 

“ให้พวกฉันช่วยมั้ย”

 

 

“ไม่เป็นไร พวกคุณคงมาถ่ายงานของเอมิลี่ใช่มั้ย”

 

 

“ใช่ๆ นายเป็นทีมงานเหรอ” หนุ่มตาฟ้าอ่อน ผมสีน้ำตาลอ่อนและหยิกน้อยๆ เป็นคนเอ่ยถาม

 

 

“ครับ เชิญชั้นสามเลย” หนุ่มตาฟ้ายื่นมือไปกดลิฟต์ พอลิฟต์เปิดออก พวกเขาก็ผายมือให้ผมเข้าไปก่อน หนุ่มอีกคนที่ยังไม่มีบทพูดเป็นผู้ชายหัวเกรียนแต่ไม่ใช่แบบออสติน ตัดหัวเกรียนแบบนักเรียนเตรียมทหารในไทย ตาสีดำปกติ ดูมีเชื้อละตินเล็กๆ

 

 

“What’s your name? (นายชื่ออะไรเหรอ)” หนุ่มตาสีน้ำตาลเข้ม ผมน้ำตาลแก่แซมทองอ่อนๆ ที่ช่วยผมเปิดประตูเอ่ยถามในขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัว

 

 

“I’m Matt. And you? (ผมแมทครับ แล้วคุณล่ะ)”

 

 

“I’m Sebastian. The blue eyes is Louis. The black eyes is Loic. (ฉันชื่อเซบาสเตียน คนตาฟ้าชื่อลูอิส คนตาดำๆ นั่นชื่อโลอิค)” อีกสองคนที่เหลือพยักหน้าให้ผมพร้อมกับยิ้มให้น้อยๆ ก็เป็นจังหวะที่ลิฟต์เปิดออกพอดี พวกเราเดินออกมาพร้อมกัน ทั้งสามคนเดินไปทักทายเอมิลี่ อดัมรีบเข้ามาช่วยผมยกของไปวางบนโต๊ะแล้วก็กลับไปทำงานตัวเองต่อ ผมจัดการเอาถุงผ้าพันคอกับถุงกางเกงชั้นในไปให้ฝ่ายคอสตูมทันที

 

 

“Thank you, Matt.”

 

 

“You’re welcome.” ผมยิ้มให้เธอทั้งสองคนแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะที่มีอาหาร จัดการแจกสตาร์บัคให้ทุกคนตามออเดอร์ของตัวเอง

 

 

“No for me? (ไม่มีให้ฉันเหรอ)” เซบาสเตียนหันมาถาม ผมหน้าเหวอเล็กน้อย

 

 

“Kidding. (ล้อเล่น)” แล้วเขาก็ยิ้มทะเล้น ผมยิ้มกว้างตามรอยยิ้มของเขา เป็นผู้ชายที่รูปหน้าหล่อชัดเจนเชียวละ โหนกแก้ม สันกราม แต่ไม่ใช่สันกรามเหลี่ยมแบบลุงหม่ำ แก๊งค์สามช่านะ จมูกโด่ง ตาสองชั้นเรียวสวย ริมฝีปากกระจับน่าจับน่าจูบ

 

 

“You guys want it? I can walk to Starbucks again if you want. (พวกคุณเอามั่งมั้ยล่ะ เดี๋ยวผมเดินกลับไปสตาร์บัคให้อีกก็ได้)” กับผู้ชายเราต้องบริการให้ดีและเต็มที่ ให้เหมือนที่เราบริการสามี

 

 

“No. No. Don’t worry. It’s fine. Relax, Matt. (เปล่า เปล่า ไม่ต้องกังวลนะ ไม่เป็นไร ใจเย็นแมท)” เซบาสเตียนหัวเราะอ่อนๆ ผมอ้าปากหวอกะพริบตาปริบๆ คือตูงงว่าตูใจร้อนอะไรวะ ผมแค่นยิ้มและพยักหน้าแบบมึนๆ

 

 

“Okay.” แล้วผมก็เดินไปหาเอมิลี่ ถามงานจากเธอว่าผมต้องทำอะไรต่อ

 

 

“ผู้ชายไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่ เธอสแตนด์บายไว้ก็แล้วกัน” ผมพยักหน้าและยิ้ม เดินกลับไปหาอดัมที่กำลังนั่งดูหน้าจอสลับกับจดยุกยิกในสมุดโน้ต

 

 

ตอนที่ถ่ายชุดว่ายน้ำของนางแบบผู้หญิง อดัมดูชินชาและเฉยมาก ซึ่งเขาก็บอกว่า เขาเห็นหุ่นผู้หญิงมาหลายรูปแบบ เห็นแบบเปลือยเปล่าก็เคยมาแล้ว แรกๆ เขาก็ประหม่า ตาลุกวาว แต่พออยู่ๆ ไปมันก็เริ่มรู้สึกเฉยๆ เพราะมันคือการทำงาน เขาเล่าว่าเรื่องนอนกับนางแบบที่ร่วมงานด้วยเคยเกิดขึ้นอยู่สามเกือบสี่ครั้ง ครั้งที่สี่ยังไม่ทันได้นอนก็ทะเลาะกันซะก่อน

 

 

“กินอะไรก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”

 

 

“ก็ดีนะ” ผมเดินกลับไปที่โต๊ะวางของกินไว้ หยิบแฮมเบอร์เกอร์ออกมาราดซอสให้เขา และหยิบไก่ทอดมาให้เขาด้วยหนึ่งกล่อง ผมยื่นให้เขา อดัมอ้าปากเป็นสัญญาณให้ป้อน ผมแอบยิ้มกรุ้มกริ่มคนเดียวแล้วก็ถือแฮมเบอร์เกอร์ป้อนเขา รู้สึกชนะอย่างบอกไม่ถูก ฮี่ๆ

 

 

“อดัม ถ้าเธอพร้อมแล้วเริ่มได้เลย” อดัมเงยหน้าขึ้นมองเอมิลี่ทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก เขาพยักหน้าหงึก ชูมือซ้ายขึ้นทำท่าว่าโอเค เขากลืนแฮมเบอร์เกอร์ลงคอจนหมด หยิบน้ำดื่มในขวดมากระดกจนหมดไปครึ่ง ผมใช้กระดาษห่อแฮมเบอร์เกอร์ห่อไว้ตามเดิมและวางไว้บนโต๊ะใกล้กับแม็คบุ๊คของอดัม และไปยืนสแตนด์บายรอ คนแรกที่ถ่ายคือเซบาสเตียนในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนที่เขาใส่มานั่นแหละ แค่ทำผมให้ดูเป็นทรงมากขึ้น

 

 

“ถอดเสื้อ” เซบาสเตียนถอดเสื้อยืดออก ผมเดินเข้าไปรับเสื้อของเขา เซบาสเตียนยิ้มให้ ผมเลยยิ้มตอบและเดินออกไปยืนใกล้กับอดัมตามเดิม อดัมสั่งให้เขายืนตรง หมุนตัวจนครบสี่ทิศ ถ่ายทิศละหลายๆ ช็อต ก่อนจะให้หันกลับมายืนหน้าตรงอีกรอบ

 

 

“ไปเปลี่ยนเป็นกางเกงชั้นในได้เลย” เซบาสเตียนเดินออกไปจากฉากหลังสีขาว เอมิลี่กวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไป ผมเดินถือเสื้อเซบาสเตียนเข้าไปหาเธอ โดยมีเจ้าของเสื้อยืนอยู่ใกล้กัน

 

 

“เดี๋ยวพอเขาเปลี่ยนเป็นคาลวิน ไคลน์เสร็จ เธอใช้สีเพ้นท์ตัวเขียนบนอกเป็นชื่อเขาทีนะ ใช้สีดำนะจ๊ะ”

 

 

“โอเคครับ” ผมหันไปมองเซบาสเตียน คลี่ยิ้มหนึ่งทีแล้วพาเขาไปทางห้องแต่งตัว ฝ่ายคอสตูมไม่ได้ยื่นอะไรให้มากนอกจากกางเกงชั้นในสีดำทรงสามเหลี่ยมของแบรนด์ดัง

 

 

“ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า…”

 

 

“…ไม่ต้องหรอก เปลี่ยนตรงนี้ก็ได้” ผมค้างเติ่ง เซบาสเตียนจัดการปลดกระดุมกางเกงยีน แบะเป้าออกแล้วก็รูดลงไปกองที่ข้อเท้า เขาเตะกางเกงยีนออก ผมก้มลงเก็บกางเกงยีนเขาขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องรีบก้มหน้าลงเพราะเขาถอดบ็อกเซอร์ที่ใส่มาออกจนร่างเขาเปลือยไปทั้งตัว ผมก้มหน้าลงแล้วยื่นกางเกงชั้นในให้เขา

 

 

“เขินเหรอ” ผมอมยิ้ม แล้วก็ยืนขึ้น หันหลังให้เขา ทำเนียนพับเสื้อผ้าให้เขาไปพลางๆ ซึ่งอยากบอกว่าจริงๆ คือเขิน แต่ที่จริงๆ มากกว่าคืออยากจ้องมองให้เต็มตาไปเลย

 

 

“เสร็จแล้ว นายต้องเพ้นท์ให้ฉันนี่” ผมหันกลับไปมองเขา เรื่องหุ่นผู้ชายมันก็ไม่ใช่ว่าจะชินกันง่ายๆ เนาะ เพราะหุ่นแต่ละคนไม่เหมือนกัน ที่สำคัญผมเห็นแต่หุ่นผัวตัวเองมาตลอด พอได้เห็นหุ่นผู้ชายคนอื่นบ้างก็ชื่นใจ เอ้ย ก็ตื่นตกใจเล็กๆ วีเชฟเซบาสเตียนลายคมชัดเชียว

 

 

“แปบนึงนะ ผมไปเอาสีก่อน” เขายักคิ้ว ผมหมุนตัวเดินไปถามหาสีกับฝ่ายคอสตูม หนึ่งในนั้นยื่นมาให้ผม เป็นขวดสีเล็กๆ สีดำกับพู่กันเบอร์สิบกว่าหนึ่งอัน ผมเดินกลับไปหาเซบาสเตียนที่ยืนเปลือยแบบสบายๆ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก

 

 

“ขออนุญาตนะครับ” เขากางแขนออกและแอนอกขึ้นนิดหน่อย

 

 

“เอาเลย ร่างกายฉันเป็นของนายแล้ว” ผมคลี่ยิ้มขำ นี่ถ้าไอ้ยักษ์รู้ว่างานที่ผมต้องมาช่วยเอมิลี่เป็นแบบนี้นะ มันต้องไม่ให้ผมมาอีกแน่ๆ ซึ่งผมจะสูญเสียจุดนี้ไปไม่ได้ ผมจะไม่บอกไอ้ยักษ์เด็ดขาดและจะกำชับเอมิลี่ด้วย

 

 

“S-E-B-A-S-T-I-A-N, right?”

 

 

“That’s right, baby.” ผมกระตุกยิ้มวูบหนึ่ง มันคือการพูดเล่นแซวเล่นของฝรั่งแหละ

 

 

ผมยืนมองแผงอกสีผสมขาวกับแทนของเขา หาจุดเริ่มต้นในการเขียนตัวอักษรให้ออกมาสวยๆ สมาธิผมโฟกัสการเขียนให้ออกมาไม่เละมากกว่าแผงอกล่ำหนาของเขา

 

 

“Oh, are you engaged? (โอ้ว นายหมั้นแล้วเหรอ)” เขาถามผมในตอนที่ผมเริ่มเขียนตัวเอสบนอกฝั่งขวาของเขา ผมแหงนหน้ามองเขานิดหนึ่งแล้วยิ้มอ่อน

 

 

“Yes, two years almost three years. (ครับ หมั้นไว้สองจะสามปีแล้วละ)” ผมจำพวกช่วงเวลาวันครบรอบ วันหมั้นอะไรไม่แม่นเลย ดีนะที่วิคเตอร์ก็ไม่ใช่คนลงดีเทลกับเรื่องแบบนี้ ซึ่งวิคเตอร์เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วด้วยแหละ

 

 

“You just broke my heart, aren’t you? (ฉันอกหักเหรอเนี่ย)” ผมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มขำกับเขา เซบาสเตียนแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด เอามือซ้ายมากุมหัวใจอย่างมีลีลา ผมหัวเราะน้อยๆ แต่ก็พยายามเขียนตัวบีให้เสร็จ

 

 

“Can I ask your age? (ถามได้มั้ยว่านายอายุเท่าไหร่)” ผมเริ่มเขียนตัวเอต่อจากตัวบี เขียนหางฝั่งซ้ายได้ก็หยุดตอบคำถามเขาก่อน

 

 

“26” เซบาสเตียนเบ้ปากเล็กๆ แต่ไม่ใช่เบ้แบบดูถูก เขายิ้มแบบไม่เห็นฟัน ผมยิ้มตามแล้วเขียนตัวเอให้เสร็จเรียบร้อย

 

 

“นายอายุมากกว่าฉันห้าปีเลยเหรอเนี่ย” มือที่กำลังจะเขียนตัวเอสชะงัก ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความทึ่งเล็กๆ

 

 

“คุณอายุ 21 เหรอ” เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มมุมปากเท่ๆ โอ๊ว มายก็อด เด็กอายุยี่สิบเอ็ดอะไรทำไมมันล่ำและตัวโตขนาดนี้ แต่อย่าตื่นเต้นไปนังแมท ใช่ว่าเพิ่งเคยเจอเซบาสเตียนคนแรก เซบาสเตียนหน้าไม่แก่เลยนะ มองดีๆ หน้าเขาก็สมวัยในความเป็นฝรั่ง ไม่มีรอยเหี่ยวย่น แต่ด้วยความตัวใหญ่ หุ่นล่ำลีน ผมเลยตกใจน่ะว่าอายุเขาเท่านี้ แต่หุ่นเขาทำให้รู้สึกว่าอายุจะมากกว่านี้

 

 

“นายหน้าเด็กมากเลยนะแมท” ผมยิ้มเขินเล็กๆ จัดการเขียนตัวเอสให้เสร็จแล้วเริ่มตัวทีต่อ มีความรู้สึกว่าเซบาสเตียนกำลังจ้องมองผม แต่มันคือเรื่องปกติที่เขาจะมองคนๆ หนึ่งที่กำลังเขียนตัวอักษรบนอกเขา

 

 

“เรียบร้อยแล้ว ไปได้เลย” ผมมองผลงานบนอกเขาแล้วก็ยิ้ม ออกมาสวยเป็นระเบียบมาก ดีที่ไม่เละ ไม่เบี้ยว ตัวอักษรอาจจะไม่เท่ากันไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ทุเรศนักหรอก

 

 

“ขอบใจ แมท” ผมพยักหน้า เซบาสเตียนมองผมแล้วทิ้งสายตามีเลศนัยไว้ให้ เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมย่นคิ้วนิดหน่อย แต่พอนายแบบคนต่อไปเดินมาทางนี้ ผมก็ยิ้มแล้วจัดการเพ้นท์อกให้เขา

 

 

กับนายแบบไม่ยุ่งยากอย่างที่อเมิลี่บอกจริงๆ มันแปบเดียวมาก นั่นเลยทำให้เธอโทรตามนายแบบมาที่ออฟฟิศอีกสามคน เพื่อที่จะได้ลดวันทำงานลงมา พวกเซบาสเตียนที่มาก่อน หลังจากถ่ายเสร็จก็ยังไม่กลับ อยู่กินขนมและนั่งคุยกันไปเรื่อยจนกระทั่งถึงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่เหลือนายแบบนางแบบของวันนี้อีกแล้ว

 

 

"เหลือพรุ่งนี้อีกวัน แต่พรุ่งนี้ไม่เยอะหรอก” เอมิลี่บอกตอนที่เริ่มเก็บของ ผมพยักหน้ารับ ทำงานแบบนี้สนุกและสบายดี ไม่หนักหน่วงมาก แต่ผมก็ยังชอบออกกองหนังอยู่ดีนั่นแหละ

 

 

“มีอะไรให้ช่วยอีกมั้ยครับคุณเอมิลี่” ผมถามเธอตอนที่จัดของเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว

 

 

“หมดแล้วล่ะ พรุ่งนี้เวลาเดิมนะ”

 

 

“โอเคครับ” ผมเดินไปหาอดัมที่กำลังดูรูปที่ถ่ายไป

 

 

“เป็นไงบ้างอดัม”

 

 

“ฉันพอใจกับผลงานตัวเองนะ เดี๋ยวเอมิลี่ก็จะเลือกรูปเองอีกที”

 

 

“คุณจะกลับเลยรึเปล่าครับ”

 

 

“ยังหรอก นายกลับก่อนก็ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะ” อดัมทำท่าเดิมตอนเจอกัน ผมยิ้มเขินและทำตอบกลับ ผมเดินไปกดลิฟต์ รอแปบเดียวลิฟต์ก็ขึ้นมา

 

 

“Bye. See you tomorrow.” ผมบอกลาทีมงานฝ่ายเมคอัพและคอสตูม เธอยิ้มให้และโบกมือลา ผมเดินเข้าไปในลิฟต์ จังหวะที่ลิฟต์กำลังจะปิด เซบาสเตียนก็พุ่งตัวเข้ามา เล่นอาผมตกใจ

 

 

“จะกลับแล้วเหรอ” เขาถามแล้วหันไปกดลิฟต์ให้ ผมพยักหน้า

 

 

“เสร็จงานแล้ว ก็เลยจะกลับบ้านน่ะ” วิคเตอร์กำลังมาที่นี่ อีกสักพักก็คงถึง

 

 

“ฉันไปส่งมั้ย” ผมหันไปมองหนุ่มน้อยวัยยี่สิบเอ็ดหน้าหล่อด้วยความฉงน

 

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวที่บ้านมารับ”

 

 

“คนที่ให้แหวนกับนายน่ะเหรอ” ผมคลี่ยิ้มบางๆ

 

 

“ใช่แล้ว” เซบาสเตียนยักคิ้วซ้ายหนึ่งทีอย่างเท่ ลิฟต์เปิดออก ผมเดินออกไป มีเซบาสเตียนเดินตาม ผมกดเปิดประตู ดึงค้างไว้เพื่อให้เซบาสเตียนออกมาด้วย

 

 

“คุณก็จะกลับบ้านเหรอ เพื่อนๆ คุณล่ะ”

 

 

“เดี๋ยวพวกนั้นตามลงมา แต่ฉันลงมาก่อน…” ผมพยักหน้างงๆ

 

 

“…ฉันมาส่งนาย” คราวนี้ผมไม่งง แต่ผมมึน และเริ่มฉุกคิดนิดหน่อย แต่ก็ไม่กล้าคอนเฟิร์มกับตัวเองว่าเซบาสเตียนจะมีความรู้สึกไปในทิศทางนั้น เพราะจากประโยคของเขาก็ยังไม่มีคำไหนที่ระบุชัดเจน

 

 

“โอ้ ขอบคุณมาก ใจดีจังนะ” ผมหัวเราะ เขาก็หัวเราะตาม เรายืนมองตากัน แล้วก็เป็นผมที่หลบสายตาเขาไปมองทางอื่น เพราะเขามองแบบได้เรื่อยๆ เหมือนไม่ซีเรียสที่จะมอง

 

 

“กลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย” ผมหาเรื่องคุยกับเขาบ้างเพื่อไม่ให้เกิดความอึดอัด

 

 

“แท็กซี่น่ะ”

 

 

“อ๋อ” ผมพยักหน้า และเริ่มมองหารถของวิคเตอร์ ไม่ได้อยากทำสวยเล่นตัวนะ แต่มันทำตัวไม่ถูกอะ ไอ้สถานการณ์แนวนี้มันห่างหายไปนานมากแล้ว

 

 

“บ้านนายอยู่ตรงไหนเหรอ” เขาถามผมต่อ

 

 

“อยู่ Upper east side น่ะ นายล่ะ” ทำตัวให้เป็นปกติ อย่ากระโตกกระตาก เกิดเขาแค่แอ๊วเอินเล่นๆ เดี๋ยวมีเงิบ

 

 

“อ้าว อยู่ใกล้กัน ฉันอยู่อพาร์ทเม้นต์” ผมทำตาโตและยิ้มด้วยความประหลาดใจเล็กๆ กำลังจะอ้าปากตอบก็ได้ยินเสียงบีบแตรเรียกจากเจ้ากระทิงดุสีเทามันวาวที่จอดอยู่ด้านหลังตัวเอง

 

 

“กลับก่อนนะ ไว้มีโอกาสคงเจอกัน บ๊ายบายเซบาสเตียน” ผมโบกมือให้หนุ่มน้อย อีกฝ่ายโบกมือตอบกลับมา ผมวิ่งไปขึ้นรถ วิคเตอร์เขม้นมองเซบาสเตียนแว้บหนึ่งแล้วก็หักพวงมาลัยออกไปบนท้องถนน

 

 

“ใครน่ะ”

 

 

“นายแบบของเอมิลี่”

 

 

“แล้วมันมายืนทำอะไรกับนาย”

 

 

“เขาลงมาสูบบุหรี่พอดี เลยยืนคุยกันอะ” ผมนึกชมตัวเองที่ตีเนียนได้ดีมาก ไม่หลุดเอ๊อะอ๊ะ ไม่หลุดแอคติ้ง เพราะเอาเข้าจริง มันก็เป็นไปตามนั้น แค่เขาไม่ได้ลงมาสูบบุหรี่เท่านั้นเอง

 

 

“มันรู้ใช่มั้ยว่านายมีผัวแล้ว” ผมหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์หันมามองเอื่อยๆ

 

 

“รู้สิ แหวนเพชรสะท้อนแสงขนาดนี้”

 

 

“ดี ห้ามถอด ฉันให้มาทำงานได้ แต่ถ้ามีตัวผู้มายุ่งกับนาย ฉันจะไม่ให้ทำอีก” อู๊ย เมียคิงสวยแต้ๆ เน๊าะอีป้อ

 

 

“ผมน่ารัก มันก็อาจจะยากหน่อยนะ โอะ โอ๊ย!” โดนผลักหัวอีกละ สมองได้ไหลจริงๆ สักวันนี่แหละ

 

 

“ใครบอก นายทุเรศ ขี้เหร่ หน้าตาอัปลักษณ์…”

 

 

“…พอ! ชีวิตนี้มีคุณเอาผมคนเดียว” ผมเบ้ปากใส่เขา ไอ้ยักษ์ยักคิ้วหน้าตาย

 

 

ผัวหวงก็ดีกว่าผัวเฉยเมยล่ะวะ ฮึกเหิมขนาด ป้อจายหึงกะด้อกะเดี้ย

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao7:


               อุ๊ต๊ะ! นังเอเลี่ยนมีหนุ่มใหม่มาติดเหรอออ ต๊ายยย สวยไปอีกกก

          ที่สำคัญคือเด็กกว่า กรุบกริบกรุบกรอบมาก เซบาสเตียนหนุ่มน้อย หญ้าอ่อนอยากให้โคแก่กินล่ะสิ คริๆ

          ว่าแต่ว่าเซบาสเตียนเขาเป็นใครหนอ เขามาจากไหน เขามาทำอะไร เขามีใจให้นังแมทของพี่ยักษ์ได้ไงเนี่ยยย การมาช่วยงานเอมิลี่ครั้งนี้ถือเป็นการเบิกบุญเลยนะคะนังแมท รับแสงสีทองไปเต็มๆ

          ถือโอกาสนี้แจ้งเรื่องเปิดพรีออเดอร์หนังสือของพาร์ทสาม พาร์ท Yours&Mine ด้วยนะคะ แต่คงไม่ได้แจ้งในนี้ ตอมอัปเดตรายละเอียดคร่าวๆ และการคุยกันก่อนเปิดพรีออเดอร์ไว้แล้วที่เพจขุ่นเจ้ ใครยังไม่ได้รับข่าวสารในจุดนี้ คลิกเข้าไปอ่านได้ที่เพจเลยค่ะ เลื่อนๆ ลงไปเดี๋ยวก็เจอข่าวสารเรื่องการเปิดพรีหนังสือพาร์ทสุดท้ายของพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนค่ะ อยากให้คนอ่านที่สนใจหนังสือพาร์ทสุดท้ายของเรื่องนี้ได้อ่านทั้งการคุยกันคร่าวๆ และการคุยกันก่อนพรี จะได้มีความเข้าใจตรงกันเนอะ

          แล้วเจอกันในตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-11-2017 21:13:16
อูยยยย.....แมท มีป้อจายมาแอ่ว
ใจคงกระดี๊ กระด๊าสุดๆ
นี่ขนาดเห็นแหวนหมั้นแล้วนะเนี่ย
ก็คงได้แต่น้ำลายไหลแหล่ะ
เพราะยักษ์หวงเมียสุดๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 21-11-2017 21:35:50
ว้ายๆๆๆ

นุ้งแมทมีหนุ่มกรุบกริบมาแอ๊วเอิน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-11-2017 21:36:42
มีปู้จายมาติดระวังพี่ยักษ์หึงโหดนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-11-2017 22:27:53
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-11-2017 22:28:06
งานจะเข้าแมทอีกซะละม้าง อิยักษ์รุ้นี่ท่าทางจะโดนขังไว้ในบ้านแหงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2017 00:01:34
เสน่ห์แรงจริง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-11-2017 04:55:58
อ่านรวดเดียวอาทิตย์หนึ่งเต็ม ๆ ยักษ์ที่เกรี้ยวกราดมาก ๆ ตั้งแต่ต้น จนตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 23-11-2017 06:53:15
หญ้าอ่อน กรุบกริบ  o18 o18
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.14 100% :21.11.60:
เริ่มหัวข้อโดย: corn_rain ที่ 23-11-2017 08:43:17
ถถถถถ  พ่อคนงาม งามปะล้ำปะเหลือ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 30-11-2017 23:58:25


Yours and Mine EP.15 :: Seducing. (เล่ห์เอเลี่ยน) [70%]




“เดี๋ยวผมตามขึ้นไปนะ” วิคเตอร์หันใบหน้าโทรมเหงื่อมาพยักหน้ากับผม เขาถอดเสื้อสำหรับออกกำลังกาย ออกกองไว้บนพื้น ถอดกางเกงทั้งกางเกงนอกและกางเกงในกองไว้กับพื้น ตามด้วยถุงเท้าและรองเท้า กระเป๋าสำหรับใส่ของไปฟิตเนสก็กองไว้บนพื้นด้วย แล้วถามว่าใครเก็บ ก็อีแมทที่กำลังยืนดื่มน้ำส้มอึกๆ อยู่ในครัวนี่ไง แรกๆ ผมก็บ่นๆ หลังๆ บ่นไปไอ้ยักษ์ก็ทำเหมือนเดิม ผมเลยปล่อยเลยตามเลย ให้พี่แกถอดตามใจ พอดื่มน้ำส้มหมดแก้วที่สองผมก็ตามเก็บซากเสื้อผ้าของเขาไปไว้ในห้องซักรีดแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง แต่ยังไม่ได้กลับเข้าห้องนอนทันที
   

ผมเดินขึ้นไปบนชั้นสามของบ้าน ตรงไปที่ห้องมหาสนุกของวิคเตอร์ เปิดเข้าไปด้านในห้องสีดำทะมึนด้วยบุนวมเก็บเสียงแล้วเปิดไฟให้สว่าง ของทุกอย่างสะอาดสะอ้าน เพราะผมเพิ่งขึ้นมาความสะอาดไปให้เมื่ออาทิตย์ก่อน สมัยที่เขาเป็นหนุ่มโสดและพาสาวๆ มาเหาะเหินเดินอากาศด้วยที่นี่เขาจ้างแม่บ้านทำนะ เป็นแม่บ้านที่เอมิลี่หามาให้และเขาไว้ใจ แต่ตอนนี้คุณป้าเขาสบายละ ผมเป็นคนทำให้เอง
   

ผมเดินไปเปิดลิ้นชักตู้สีดำทรงสี่เหลี่ยมอันใหญ่สำหรับเก็บอุปกรณ์หรรษาของเขา หยิบดิลโด้ยักษ์น้อยที่เขาให้เป็นของขวัญวันรับปริญญา แท่งเหล็กสีเงินเรียว มีห่วงสีเงินคล้องเหล็กอยู่อีกฝั่ง พอได้ของตามที่ต้องการผมก็ปิดลิ้นชักปิดไฟและเดินออกจากห้องพร้อมดึงประตูปิดตามหลัง เดินกลับไปที่ชั้นสอง ผมเดินไปเปิดประตูห้องนอน ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวตกกระทบกับพื้นเพราะวิคเตอร์ไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำ ผมปิดประตูตามหลัง วางของที่เอามาลงบนเตียง เปิดลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงฝั่งวิคเตอร์ หยิบเจลหล่อลื่นออกมาวางไว้กับของ ผมถอดเสื้อผ้าออกจากตัวจนเปลือยเปล่า หยิบของทั้งสามอย่างเข้าไปด้านในห้องน้ำ
   

วิคเตอร์ยืนอยู่ใต้ฝักบัวในห้องอาบน้ำ ผมวางของไว้บนอ่างล้างหน้า ก้าวเท้าเดินไปตรงห้องอาบน้ำตู้กระจก เขาหันมามองพร้อมกับเสยผมยาวของเขาขึ้น หัวใจผมเต้นตุบๆ กับสายตาสีน้ำผึ้งข้นที่มองผมอย่างเฉียบคม ผมมองรอยสักบนอกอันนูนแน่น สักพักวิคเตอร์ก็ดึงผมเข้าไปหาแล้วใช้แขนแข็งแรงทั้งสองข้างอุ้มผมขึ้น ผมตวัดสองขาเกี่ยวเอวเขา สองมือวิคเตอร์เลื่อนลงไปจับก้นผมทั้งสองข้าง ผมหลับตาปริบๆ เพราะน้ำรดหัวเต็มหน้าเต็มตา
   

 “ขอทำความสะอาดก่อนนะ” ผมบอกพลางยกมือซ้ายลูบหน้า วิคเตอร์คลี่ยิ้มแล้วปล่อยผมลงบนพื้น วิคเตอร์อาบอีกสักแปบก็เดินออกไปด้านนอก เขาหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดตัวเช็ดหัว ผมล้างครีมอาบน้ำออกจากตัวเสร็จก็จัดการใช้ฝักบัวล้างก้นทั้งนอกทั้งใน
   

“เฮ้ นายเอาของพวกนี้มาเหรอ” วิคเตอร์หันมาขมวดคิ้วแต่ริมฝีปากก็ขยับเป็นรอยยิ้ม ผมเงียบยังไม่ตอบเพราะกำลังล้วงควักก้นตัวเอง พอรู้สึกว่ามันเข้าที่ผมก็ปิดน้ำและเดินออกไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้ากับตัว
   

“ผมอยากรู้ว่าถ้าใช้อันนี้…” ผมหยิบแท่งเหล็กสีเงินขึ้นมา “…มันจะรู้สึกยังไง”
   

“แต่ครั้งที่แล้วนายกลัวจนร้องเลยนะ” วิคเตอร์ว่าหน้านิ่วน้อยๆ
   

“ก็อันนั้นคุณบังคับ แต่อันนี้ผมอยากรู้ด้วยตัวเอง” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นด้วยทีท่าประหลาดใจ เขามองผมคล้ายว่ากำลังพิจารณาสิ่งที่ผมพูดและมองหาความผิดปกติบางอย่างในตัวผม
   

“นึกยังไงถึงอยากลอง” ผมเม้มปากน้อยๆ ตีหน้าแบ๊วใสเข้าไว้
   

“ก็อยากลอง คุณบอกว่ามันฟิน…” วิคเตอร์ยังคงมองผมด้วยความสงสัย ผมกระเถิบเข้าไปใกล้เขาแล้วเขย่งเท้าจูบคางที่ดกครึ้มไปด้วยเครา
   

“…คุณเคยลองเหรอ” วิคเตอร์ไหวไหล่เบาๆ
   

“สมัยหัดช่วยตัวเองใหม่ๆ”
   

“แล้วคุณหัดช่วยตัวเองตอนอายุเท่าไหร่”
   

“สิบสี่” ผมอ้าปากค้างน้อยๆ สิบสี่ผมยังเลือกหมู่ลูกเสือสำรองอยู่เลย ยังไม่เคยหยิบจับขยับของตัวเองด้วยมือเลยเถอะ ไอ้ยักษ์มันลองแต่เล็กแต่น้อยเลยเนาะ
   

“คุณเอาไอ้เหล็กนั่นจิ้มจู๋ตั้งแต่สิบสี่เนี่ยนะ” วิคเตอร์หยิบเหล็กจากมือผมไปดู พลิกมันไปมาสักแปบ
   

“อือ อยากรู้เลยลอง แรกๆ เจ็บ แต่สักพักโคตรเคลิ้ม แต่ฉันทำไม่บ่อยหรอก เพราะ…”
   

“…คุณเจอของจริงหลังจากนั้น” วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ผมเบ้ปากนิดหน่อย เขาหันไปหยิบดิลโด้กับเจลหล่อลื่นขึ้นมาแล้วใช้มือขวาคว้ามือผมไว้
   

“ใช้อีกอันดีกว่า อันนี้เรียบไป ใช้อันเป็นเกลียวๆ เสียวกว่านี้อีก” โอ้โห ช่ำชองจริงๆ พ่อคุณ เขาพาผมเดินออกจากห้องน้ำ เดินเลยเตียงนอนไปทางประตูห้อง
   

“ไปไหนอะ”
   

“ไปบนห้องมหาสนุกของนายไง ได้บรรยากาศกว่า เราไม่ได้ขึ้นไปห้องนั้นนานแล้ว” ผมก้าวเท้าเดินตามเขาไป ร่างกายเราสองคนเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าขนหนูพาดบ่าคนละผืน ผมวิคเตอร์ยังคงเปียกหมาดๆ ผมมองมัดกล้ามของเขาด้วยความรู้สึกอุ่นๆ ในอก กล้ามเนื้อเขาไม่ได้แข็งปัก มันเป็นมัดกล้ามที่ลีนเนียน น่าสัมผัส ผมไม่ชอบคนมีกล้ามที่เหมือนหินอ่อนที่ดูแข็ง เส้นเลือดขึ้นอะไรแบบนั้น มันดูดีดูเท่นะ แต่ไม่ใช่แนวผมเท่าไหร่ ของวิคเตอร์เห็นแล้วอยากเลีย
   

“ไปนั่งรอบนเตียง” เขาบอกหลังจากเปิดไฟเปิดแอร์ ผมเดินไปนั่งรอบนเตียงโครงเหล็กสีดำ ตัวเบาะนอนเป็นเตียงหนังสีดำแบบไม่ปูผ้าปูที่นอน วิคเตอร์หันตัวกลับมาหาผม ยักษ์น้อยค่อยๆ ผงกหัว ผมรู้สึกตื่นเต้น ไม่ใช่ว่าไม่เคย แต่เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมจะเป็นคนเรียกร้อง ผมมองตามวิคเตอร์ที่ใช้เข่าเดินมานั่งด้านหลังผม เขาดึงให้ผมเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างขาของเขาโดยมียักษ์น้อยตั้งตระหง่านแนบหลังผมอยู่
   

“ยกสองมือขึ้นมา” เขากระซิบแผ่วเบา ผมทำตาม มือซ้ายวิคเตอร์ถือกุญแจมือสีเงินวาบวับขึ้นมาแล้วใช้มันล็อคตรงข้อมือทั้งสองข้างของผม ลมหายใจผมหนักหน่วงขึ้น วิคเตอร์จับแขนผมยกขึ้นไปด้านหลัง แล้วเขาก็มุดเข้ามาในวงแขนก่อนจะยกคอขึ้นตั้งตรงทำให้สองแขนผมตึงติดอยู่กับหลังคอเขา
   

“ฮา…” ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ด้วยความระทึกเล็กๆ อกผมแอ่นขึ้นเพราะแขนตึง รู้สึกปวดต้นแขนหน่อยๆ แต่ก็พอทนได้ ผมเอนหัวซบลงใต้สันกรามกรอบหน้าเขา กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำนมเด็กกลิ่นเดียวกับที่ผมใช้ลอยแตะจมูก ผมเบี่ยงหน้าไปจุ๊บสันกรามที่เต็มไปด้วยเคราสีดำ วิคเตอร์ดึงหน้าขึ้นเล็กน้อยทำให้แขนผมตึงอีกนิด เขาจูบปาก ผมหนึ่งทีแล้วกดหน้าลงมาตามเดิม เขากระเถิบถอยหลังไปนั่งพิงกับหัวเตียง ตัวผมถลาไปตามเขาอัตโนมัติเพราะแขนคล้องล็อคกับคอเขาอยู่ มือใหญ่หนาจับขาผมแหวกออก ปลายนิ้วผมจับเส้นผมเปียกหมาดของเขาเพลินๆ
   

“ไม่ต้องเกร็งนะ” เขากระซิบบอก ผมกลืนน้ำลายลงคอ อกกระเพื่อมเล็กๆ เพราะลมหายใจหนักขึ้น ยิ่งพอเขางอขาขึ้นมาระดับเดียวกับของผมและก้มตัวลงไปก่อนใช้เทปกาวตีนตุ๊กแกสีดำพันข้อเท้าเขากับข้อเท้าผมติดไว้ด้วยกันก็ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้น ตรงกลางลำตัวของผมตื่นตัวขึ้นเต็มที่ วิคเตอร์จูบขมับผมหนึ่งทีตอนที่พันข้อเท้าเราติดกันทั้งสองข้างแล้ว เขายืดตัวตรงตามเดิม ยืดขาเหยียดตึงทำให้ขาผมตึงไปด้วย ตัวผมตึงแนบไปกับตัววิคเตอร์
   

“จูบที” ผมบอกเขา วิคเตอร์ใช้มือซ้ายจับหน้าผมให้เอียงในองศาที่พอเหมาะ บีบแก้มผมเพื่อให้ผมเปิดปาก ผมแลบลิ้นออกมา วิคเตอร์ก้มลงดูดเรียวลิ้นของผมแผ่วเบา แต่สร้างความสยิวขนลุกซู่ไปทั้งตัว มือขวาของเขาเลื่อนไปกำกลางลำตัวของผมและชักขึ้นลงช้าๆ
   

“อะ… แอะ…” วิคเตอร์ดูดจนเกิดเสียงจุ๊บจั๊บเหมือนกำลังอมลูกอม จนกระทั่งผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นผมก็หดลิ้นเข้าไปในปาก และจูบริมฝีปากกับเขาอีกสามสี่ครั้ง วิคเตอร์ปล่อยมือออกจากกรอบหน้า ผมหันหน้ากลับไปมองมือขวาของเขาที่กำลังรูดของผมอยู่ ผมหลับตาลงด้วยความผ่อนคลาย ลืมตาขึ้นอีกทีตอนที่วิคเตอร์บีบเจลใส่ตรงส่วนนั้นและใช้สองมือรูดขึ้นช้าๆ จนมันตั้งแข็งตระหง่าน ยักษ์น้อยที่แนบอยู่ด้านหลังผมก็ตั้งไม่ยอมล้มเลยแม้แต่นิด
   

“พร้อมนะ” ผมพยักหน้าใต้กรอบหน้าของเขา ส่งเสียงอืออาเบาๆ มือซ้ายวิคเตอร์หยิบแท่งเหล็กเหมือนที่ผมหยิบลงไปให้ขึ้นมา แต่อันนี้ส่วนปลายบิดเป็นเกลียวบางๆ ผมเห็นแล้วก็ใจเต้นตุบๆ วิคเตอร์บีบเจลลงบนแท่งเหล็ก มีหยดลงบนหน้าท้องเขาก็ปาดไปทาตรงส่วนหัวสีชมพูของแมทน้อย
   

“อะ… เตอร์…” ผมครางตอนที่เขาจ่อปลายเหล็กหัวมนสีเงินตรงส่วนยอดปลาย ผมหลับตาลงฟังเสียงลมหายใจอุ่นๆ ของวิคเตอร์ แล้วสักพักผมก็กำมือแน่นตอนที่ส่วนหัวของเหล็กแทงเข้าไปตรงรูเล็กๆ ของยอดปลายตรงนั้น
   

“อ๊ะ! อ๊า!” ผมกรีดร้องตอนที่วิคเตอร์ค่อยๆ ดันเหล็กเข้าไปทีละนิด ผมรั้งแขนที่ล็อคกับเขาอยู่จนเจ็บข้อมือ วิคเตอร์คำรามเบาๆ สองขาผมพยายามดิ้นแต่ก็โดนขาวิคเตอร์ที่ผูกติดกันเกร็งแน่นอยู่กับที่
   

“อ๊ะ! เตอร์! พอก่อน เตอร์พอก่อน!” ผมร้องครวญคราง แต่วิคเตอร์กลับมีท่าทีพอใจ ผมพยายามดิ้นแต่ก็ถูกวิคเตอร์เกร็งร่างใส่เลยทำให้แขนขาตึง ผมเลยพยายามแอ่นตัวขึ้น แต่พอรู้สึกเจ็บตรงนั้นที่มีเหล็กเสียบคาอยู่ผมเลยกดตัวเองลงตามเดิม
   

“เดี๋ยวก็ดีแล้ว ฮึ” วิคเตอร์จูบขมับผมหนึ่งที ผมอ้าปากผ่อนลมหายใจ มือขวาของเขายังคงพยายามดันเหล็กนั้นลงไปในความเป็นชายของผมอย่างช้าๆ มือซ้ายกดลงบนหน้าท้องผมเพื่อไม่ให้ผมเด้งตัวได้อีก ผมหายใจหนักหน่วง ร้องครางเสียงสั่น จนกระทั่งแท่งเหล็กจมเข้าไปในนั้น โผล่ขึ้นมาแต่ส่วนหัวเหมือนดาบที่ปักลงบนโขดหิน วิคเตอร์ค่อยๆ ปล่อยมือออกจากบริเวณนั้น
   

“You did it!” เขากล่าวชมอย่างอารมณ์ดี สองมือลูบไปตามตัวผมเบาๆ สลับกับบีบนวดเล็กๆ ผมเหลือบตามองแมทน้อยที่กลืนกินแท่งเหล็กสีเงินเข้าไปจนเหลือแต่ส่วนหัวที่มีห่วงไว้ให้ดึงด้วยความรู้สึกแปลกใหม่
   

“ฉันจะขยับไปเรื่อยๆ จนนายแตก” วิคเตอร์กระซิบข้างหู ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือซ้ายวิคเตอร์เลื่อนไปกอบกุมลูกกลมกลึงสองใบ มือขวาเลื่อนไปจับส่วนหัวของแท่งเหล็กที่เหลืออยู่ แล้วเขาก็ดึงมันขึ้น ผมหายใจดังเฮือก หน้าท้องหดเกร็ง ความรู้สึกเสียวจี๊ดแล่นไปทั่วร่าง สักพักเขาก็ดันมันลงไปใหม่
   

“เอ๊อ…” ผมตาเหลือกด้วยความเสียว ร้องเสียงเพี้ยนระงม วิคเตอร์ส่งเสียงชอบใจออกมาจากลำคอ แขนผมถูกคอเขาดึงให้ตึง ขาก็ถูกขาของเขาเหยียดให้ตรงจนตึงขยับไม่ได้ ที่ขยับได้ตอนนี้ก็คือหน้ากับหน้าท้อง ผมสะบัดหน้าไปซ้ายทีขวาทีตามความเสียงวูบตรงช่วงนั้น
   

“โอเครึยัง” วิคเตอร์ถามเสียงแหบพร่า ผมส่งเสียงอืออา จับความรู้สึกตัวได้ไม่ชัดเจนว่ามันโอเคหรือเปล่า รู้แต่ว่าเสียวจนจะขาดใจตอนที่เหล็กมันขยับ ยิ่งตรงที่มันบิดเป็นเกลียวรูดกับผนังอ่อนด้านในของแก่นกาย ยิ่งรู้สึกเสียวจะตายให้ได้
   

“เตอร์ อื้อ…”
   

“…จ๋า” วิคเตอร์ตอบรับเป็นภาษาไทย ผมครางอืออา ไอ้ยักษ์จับเหล็กขึ้นลงช้าๆ แบบไม่รีบร้อน มีหมุนไปตามเข็มนาฬิกาให้ผมดิ้นพล่านเป็นระยะเพราะโดนไอส่วนเกลียวบิดเล่นงานจนแทบทนไม่ไหว
   

“พอแล้วได้มั้ยอะ” ผมอ้อนเสียงแหบ วิคเตอร์หัวเราะหึๆ ยืดตัวขึ้นให้ตรงอีกรอบทำให้ผมตัวตึงกว่าเดิม มือขวาของเขาก็ยังไม่หยุดทรมานส่วนนั้น ผมพยายามขยับขาแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่จิกปลายเท้ากับอากาศ วิคเตอร์เริ่มดึงสูงขึ้น ให้ผมรู้สึกโล่งตรงจุดนั้นได้สักพัก ก่อนจะกดแท่งเหล็กลงไปให้ผมรู้สึกแน่นและเสียวท้องน้อยจนร้องครางออกมาเสียงดังด้วยความอึดอัด
   

“อ้า!! อื้อ!” แล้วความรู้สึกนั้นมันก็มาหลังจากวิคเตอร์ทำแบบนี้อีกหลายๆ ครั้ง ความรู้สึกเสียวท้องน้อยและเหมือนถูกคลื่นอะไรสักอย่างดันขึ้นมาตามท่อของแก่นกาย ขาผมสั่นผับๆ วิคเตอร์เลยดึงแท่งเหล็กอันนั้นออกช้าๆ น้ำสีขาวขุ่นพวยพุ่งตามออกมาเหมือนไอติมลาวาที่ผมเคยกิน มันไหลอาบเยิ้มแมทน้อย ผมครางเสียงสั่นใต้คางวิคเตอร์
   

“ว้าว” ไอ้ยักษ์ท่าทางอารมณ์ดี เขากดจูบลงบนหน้าผากของผม แมทน้อยพ่นน้ำออกมาเองโดยที่ผมไม่ต้องพยายามเบ่งหรือเร่งมัน มันไหลออกมาเหมือนมีใครไปปลดล็อคมัน ผมนอนหอบโรยริน รู้สึกหมดแรงทั้งที่ไม่ได้ออกแรงหรือกำลังเลย คงเพราะเกร็งและตื่นเต้นจนรู้สึกเหนื่อย วิคเตอร์ใช้นิ้วชี้ปาดน้ำสีขาวแล้วใช้ปากดูดดังจุ๊บ เขาแลบลิ้นดังแจ๊บเหมือนกำลังลิ้มรสอาหารทั่วไป
   

“หวานมัน ยืมเอาไปใส่ในกาแฟหน่อยสิ” ผมหัวเราะแบบอ่อนแรง วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม ผมเลื่อนสายตาไปมองแมทน้อยที่สงบลงแล้ว ตอนแรกผมนึกว่าจะมีเลือดติดออกมาด้วย แต่ไม่มีเลย เอาจริงๆ วิคเตอร์ทำเบานะ แต่ด้วยความที่ผมไม่เคย ผมเลยรู้สึกเจ็บ แต่ก็เจ็บแค่ช่วงแรก หลังๆ เสียวจนเบลอ
   

“ให้พักแปบนึง” เขาบอกพลางใช้ดอกกุญแจไขกุญแจมือให้ผม แขนผมร่วงลงมากองบนตัว รู้สึกปวดต้นแขนทั้งสองข้าง วิคเตอร์ก้มตัวลงไปแกะเทปกาวตีนตุ๊กแกออก ผมยกขาขึ้นทันทีเพราะรู้สึกตึงเกินไป วิคเตอร์ช่วยผมนวดตามแขนตามขา หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดน้ำสีขาวบนท้องผมที่ตอนนี้ยังเรียกไม่ชัดเจนว่ามันคือพุงหรือกล้ามท้อง
   

วิคเตอร์จับผมให้นั่งตัวตรง ผมหันไปมองยักษ์น้อยของเขาที่ตั้งตระหง่าน ผมยื่นมือซ้ายไปรูดเบาๆ วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปาก ผมกระเถิบเข้าไปหาเขา วิคเตอร์อ้าขาให้กว้าง สองแขนเหยียดไปตามความยาวของโครงเหล็กหัวเตียง มือใหญ่หนากำเข้ากับเหล็กสีดำ ผมหยิบเจลมาบีบใส่มือแล้วเอารูดถูไถกับความใหญ่ยาวของวิคเตอร์จนมันลื่นมือ ผมลุกขึ้นนั่งยองๆ คร่อมเขา ใช้มือที่เปื้อนเจลอยู่นิดหน่อยป้ายตรงช่วงกลีบก้นของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ นั่งทับกระบองของยักษ์ใหญ่ มีขัดๆ ฝืดๆ บ้างเพราะห่างกันไปสองอาทิตย์ แต่สุดท้ายกระบอกของยักษ์ก็อุดถ้ำได้สำเร็จ
   

“อุ…” ผมผ่อนลมหายใจออกทางปากเบาๆ สองขาอ้ากว้าง สองมือลูบตัววิคเตอร์ตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงกล้ามท้อง และวนลูบขึ้นไปที่หัวนมเบาๆ วิคเตอร์ซี๊ดเสียงแผ่ว ผมยาวปรกหน้าเขา ผมเลยยกสองมือเกลี่ยผมเขาไปทัดหูทั้งสองข้างแล้วก้มลงจูบริมฝีปากเขาหนึ่งที ก่อนจะบดเอวไปตามเข็มนาฬิกาเบาๆ ให้เขาหลับตาพริ้ม ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มขวาเขาหนึ่งที วางมือลงบนไหล่ทั้งสองข้างของเขา ขยับขาตั้งมั่นแล้วก็ขย่มตัวขึ้นลงช้าๆ
   

ตับ ตับ ตับ ตับ
   

เสียงเนื้อกระทบกันดังแบบพอดีๆ ไม่ได้รุนแรงจนเกินไป วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยสายตาเหมือนเหยี่ยวจ้องเหยื่อจนผมรู้สึกเขิน ผมเม้มปากยิ้นอายๆ วิคเตอร์คลี่ยิ้มกว้างแล้วแลบลิ้นออกมา ผมก้มลงไปดูดเรียวลิ้นของเขา
   

“ตร๊อก ตรุบ” ผมดูดเหมือนกำลังดูดไอติม สองมือจับกรอบหน้าของเขา ด้านล่างก็ไม่หยุดขย่ม ผมดึงหน้าออกจากลิ้นวิคเตอร์จนน้ำลายยืด รู้สึกเสียววาบไปถึงไส้ ความอึดอัดด้านในก่อกวนจนผมต้องนิ่วหน้า วิคเตอร์เลื่อนสองมือมาจับเอวผมและบีบเบาๆ สองแขนผมคล้องคอเขาไว้ เราแช่ริมฝีปากใส่กันครู่สั้นๆ แล้วปล่อยออก วิคเตอร์กัดริมฝีปากล่างเบาๆ สีหน้าของเขานั้นพริ้มสุขใจ
   

ตอนนี้แหละ
   

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-12-2017 00:00:59

V
v
v

“เตอร์จ๋า” ผมหยุดขย่มฉับพลัน วิคเตอร์หน้าเหวอไปนิด เขาขยับเปลือกตาขึ้นงงๆ
   

“Hey, hey. What? Why? Don’t stop, baby. (เฮ้ เฮ้ อะไรเนี่ย ทำไมล่ะ อย่าหยุดสิที่รัก)” เขากระซิบเสียงพร่า สองมือลูบขึ้นลูบลงตรงเอวผมอย่างเอาใจ ผมยิ้มแย้ม ออกแรงขมิบก้นใส่ลูกชายเขา วิคเตอร์ครางเสียงสั่น เขายื่นหน้าเข้ามาจูบมาหอมผมไปทั่วหน้า
   

“Please. Keep riding it. (ขอร้องล่ะ ขย่มต่อเถอะนะ)” ผมหัวเราะคิกคัก ลดขาลงเอาหน้าแข้งวางนาบกับเตียง นั่งแช่อยู่อย่างนั้น ผมกัดริมฝีปากล่างกับความเสียวเพราะยักษ์น้อยตั้งคาอยู่ด้านในของตัวเอง ผมยกมือขวาลูบหัวเขาแล้วก้มลงจูบหน้าผาก ไล่ลงมาที่ปาก วิคเตอร์ซุกหน้าเข้ากับซอกคอผมแล้วสูดดมซุกไซ้ ผมแหงนคอขึ้นเล็กน้อย
   

“เตอร์ แมทอยากทำงานกับอเล็กซ์ วินด์โกลด์ เตอร์ช่วยหน่อยได้มั้ยครับ” ผมพูดเสียงอ้อน วิคเตอร์หยุดไซ้คอผมและดึงหน้าออกมามองหน้าผมด้วยสีหน้ามึนงง
   

“อะไรนะ ทำงานอีกแล้วเหรอ” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ผมเลยโยกหน้าโยกหลังเบาๆ วิคเตอร์คลายคิ้วออก สูดปากเสียงแผ่ว
   

“น้าเตอร์น้า แมทรู้มาว่าเขากำลังจะทำหนังเรื่องใหม่ แมทอยากทำงานกับเขา แมทชอบผลงานเขา” วิคเตอร์จิ๊ปากหน้าเซ็ง ผมยกขาขึ้นตามเดิมและนั่งขย่มเบาๆ วิคเตอร์กลืนน้ำลายลงคอ เปลือกตาขยับพริ้ม สองมือจับเอวผมไว้หลวมๆ
   

“ช่วยแมทหน่อยนะเตอร์ อ๊ะ” ผมกัดริมฝีปากล่างตอนที่โดนส่วนหัวของวิคเตอร์กระแทกจุดเสียว วิคเตอร์เหมือนกำลังแยกความรู้สึกไม่ออกว่าจะหน้านิ่วหรือหน้าพริ้มดี
   

“ไม่ต้องไปทำหรอก โอ้ย อา…” ผมยื่นหน้าไปเลียแก้มเขาหนึ่งทีทั้งที่ยังขย่มตอของเขาไปเรื่อยๆ
   

“เถอะนะ เขาเก่ง แมทอยากทำงานกับเขา เตอร์ช่วยแมทหน่อย…” ผมหยุดขย่ม นั่งหอบเล็กๆ วิคเตอร์หายใจฟืดฟาด ลืมตามองด้วยสายตาเคลิ้ม
   

“…แมทไม่ทำงานแบบเดิมแล้ว แมทรู้หน้าที่ แมทปรับปรุงแล้วไง เตอร์ก็เห็น” ผมว่าเสียงอ้อนหน้าอ้อน ยกสองมือประกบหน้าเขา บีบแก้มเขาให้เขาเปิดปากแล้วก้มลงไปใช้ลิ้นกวาดในโพรงปากเขาเบาๆ วิคเตอร์ตอบรับกลับมา เขาดันตัวลุกขึ้น สองมือประคองหลังผมไว้ ค่อยๆ พาผมนอนลงไปกับเตียงทั้งที่เรายังจูบกันอยู่ ด้านล่างก็ยังเชื่อมต่อกันไม่หลุด พอหลังนอนเต็มเตียงผมก็ถอนจูบออก ยกสองแขนคล้องคอเขา สองเขาเกี่ยวบั้นท้ายเขาไว้
   

“นะๆ” วิคเตอร์กลอกตา จับแขนผมออกจากคอแล้วกดลงบนเตียง ผมคลายขาออกจากบั้นท้ายเขา เอาวางไว้บนต้นขาแข็งแรง วิคเตอร์กดข้อมือผมแน่นแล้วก้มลงมาไซ้คอผมอย่างรุนแรง ผมแหงนหน้าขึ้นพร้อมกับหลับตาพริ้ม
   

“อ้า…” ผมครางเสียงอ่อน เพราะรู้สึกเสียววาบ สักพักก็ร้องดังด้วยความเจ็บและตกใจตอนที่วิคเตอร์ฝังเขี้ยวลงตรงคอ
   

“อะ อะ อื้อ เตอร์อะ” วิคเตอร์กัดคาไว้สักพักก็ปล่อย แล้วก็เลื่อนหน้าลงไปข้างล่าง ลงไปดูดเลียหัวนมด้านซ้าย ผมแอ่นอกขึ้นด้วยความเสียววูบไปถึงใต้รักแร้ แล้วสักพักเขาก็กัดหัวนมหนึ่งทีจนผมสะดุ้งเฮือก วิคเตอร์ดันตัวขึ้น สองมือยังกดข้อมือผมไว้กับเตียง แล้วเขาก็เริ่มขยับเอวเข้าหาผมอย่างรุนแรง
   

ปักๆๆๆๆๆ
   

“อะๆๆๆๆๆ” ผมขมวดคิ้วแล้วร้องเสียงสั่น วิคเตอร์คำรามในลำคอ ผมกัดริมฝีปากล่าง มองใบหน้าหล่อขบกรามแน่น ผมสีดำยาวของเขาหล่นห้อยลงมา เขามองตาผมด้วยดวงตาดุร้ายพอๆ กับแรงกระแทกด้านล่างที่ทำเอาผมใจจะขาด มันเสียวถึงอกถึงใจเหลือเกิน
   

“แตกบนหน้านะ” วิคเตอร์ว่าเสียงทุ้ม ผมพยักหน้า สักพักเขาก็ชักลูกชายเขาออกจากด้านหลังผม เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินมานั่งคร่อมตัวผมอย่างเร็ว ก่อนจะคำรามเสียงดังราวกับสิงโตเจ้าป่าพร้อมกับปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นข้นลงบนหน้าผม
   

“Fuck!” วิคเตอร์สบถเสียงดัง ผมหลับตาอยู่พักนึงจนแน่ใจว่าวิคเตอร์พ่นออกมาหมดแล้วก็ลืมตาขึ้น ยกมือซ้ายไปจับยักษ์น้อยแล้วผงกหัวขึ้นอมส่วนปลายเพื่อทำความสะอาดให้เขา วิคเตอร์ปิดเปลือกตาและกลืนน้ำลาย บนอกเขาที่เริ่มมีขนอุยๆ กลับมามีเหงื่อออกบางๆ ผมดูดกลืนสักพักก็ปล่อย วิคเตอร์เอี้ยวตัวไปหยิบผ้าขนหนูมาโปะลงบนหน้าผมแล้วช่วยเช็ดคราบน้ำสีขาวบนใบหน้าแบบที่นึกว่าจะฆ่ากันตาย
   

“โอ๊ย โอ๊ย โฮ้ยยย” สองมือผมยกขึ้นปัดป่ายอัตโนมัติเพราะไอ้ยักษ์มันกดผ้าลงบนหน้าเหมือนต้องการจะให้ผมขาดอากาศหายใจตาย
   

“รู้ตัวมั่งมั้ยว่าเวลานายทำงาน นายไม่สนใจใครเลย นายสนแต่ตัวเอง ไอ้เอลี่ยนตัวเตี้ย!” ผมดึงผ้าขนหนูออกจากหน้า วิคเตอร์นั่งอยู่ข้างๆ ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าอีกทีแล้วพลิกตัวขึ้นไปนั่งคร่อมตักเขา วิคเตอร์ยื่นหน้ามาเลียตรงสันกรามผมหนึ่งทีแล้วเก็บลิ้นเข้าไปในปาก ทันเห็นว่ามีหยดสีขาวติดปลายลิ้นเขาอยู่
   

“ก็คนทำงานนี่ แต่นอกเวลางานผมก็สนใจคุณนะ” วิคเตอร์จับตัวผมพลิกให้นอนคว่ำบนตักเขาจนผมหน้าเหวอ เขาใช้แขนซ้ายกดหลังผมไว้และใช้มือขวาฟาดก้นผมเต็มแรง
   

เพี๊ยะ!
   

“โอ๊ย!”
   

เพี๊ยะ!
   

“โอ๊ย!”
   

เพี๊ยะๆๆๆ
   

“โอ๊ยๆๆๆ” ผมยู่หน้าด้วยความเจ็บ วิคเตอร์หยุดตีและจับผมให้นอนหงายบนตักเขา แขนซ้ายช้อนคอผมขึ้นมา ผมหดคอห่อไหล่ กะพริบตาปริบๆ ไอ้ยักษ์ทำหน้าเหี้ยม
   

“แล้วเรื่องบ้านล่ะ เรื่องแต่งงาน ไหนจะเรื่องทะเบียน นายต้องทำเรื่องย้ายทะเบียนราษฎร์ไปอยู่อังกฤษนะอย่าลืม” ผมทำปากยื่นอ้อน ยกหัวขึ้นไปจูบรอยสักเขาเบาๆ แล้วทิ้งหัวลงบนแขนเขาตามเดิม
   

“ทำงานก็ทำเรื่องพวกนี้ได้นี่นา” วิคเตอร์ถลึงตามองผม
   

“พอนายทำงาน นายก็ไม่สนใจห่าอะไรแล้ว ทิ้งทุกอย่าง เวลาว่างก็ชอบเอางานมาทำจนมันไม่ใช่เวลาว่าง” ผมตาโต ส่ายหัวหน้าสั่น
   

“เคยเป็น แต่คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าผมไม่ได้ทำแบบนั้นแล้ว” หลังจากที่เขาเงียบใส่ผมไปสามวันรอบนั้น ผมก็ไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วนะ แต่อาจเป็นเพราะเขาไปวีนมาให้ผมด้วยแหละ งานที่มันเกินจำเป็น เกินหน้าที่เลยไม่ถูกส่งมาหาผมอีก
   

“จะว่าไปตอนคุณไปอาละวาดใส่ที่กองถ่ายให้ ผมก็เหนื่อยน้อยลงเยอะเลย” ผมยิ้มกริ่มตาใส เอียงคอมองหน้าแล้วกะพริบตาปริบๆ ไอ้ยักษ์กัดปากล่างแน่นแล้วก้มลงมาขยี้แก้มผม
   

“คิๆๆๆ” ผมหัวเราะ พยายามหดคอหนีเขาเพราะจั๊กจี๋หนวดเคราดกครึ้ม พอเขาหยุดขยี้แก้ม ผมก็ยืดคอเหมือนเดิมอย่างกับเต่าที่รู้สึกปลอดภัยแล้ว ผมยิ้มกว้างแล้วหัวเราะฮื่อๆ ในลำคอ มองเขาอย่างระวังว่าจะลงมาขยี้แก้มผมอีกหรือไม่ ไอ้ยักษ์แกล้งทำท่าจะพุ่งเข้ามาอีก ผมรีบบิดหน้าหนีซุกอกเขา
   

“ตอนนี้หนังฉันเลื่อนถ่าย ชารอนแขนหักจริงจัง ซีรีส์กว่าจะถ่ายซีซั่นใหม่ก็คงอีกเป็นเดือน ฉันกำลังงานไม่ยุ่งมาก ฉันอยากให้เราไปดูแลบ้านด้วยกัน ให้เราไปใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษด้วยกันเยอะๆ มันมีผลต่อทะเบียนของเรานะแมท” ผมกะพริบตาปริบ ยิ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่เขาใส่ใจในเรื่องนี้
   

“เรื่องการย้ายทะเบียนของนายจากไทยไปอังกฤษ เรายังไม่รู้เลยว่ามันจะวุ่นวายแค่ไหน เพราะเราเป็นผู้ชายกันทั้งคู่” ก็จริงอย่างที่เขาว่า มันเลือกได้ว่าเราจะย้ายทะเบียนก่อนหรือจดทะเบียนก่อน ซึ่งเราคงเลือกย้ายก่อน
   

“และนายยังต้องเทส Life in UK อีกนะ มันไม่ใช่ว่าซื้อบ้านแล้วจบ เราคบกัน มีแหวน มีงานแต่ง กระบวนการมันอาจจะไม่ชักช้าอืดอาด แต่เอาเวลาที่นายไปทำงานมาเตรียมตัวไม่ดีกว่าเหรอ” ผมคลี่ยิ้ม ยกมือซ้ายขึ้นไปจับแก้มเขา วิคเตอร์หันปากมาจูบมือผมเบาๆ
   

“ผมรู้ และผมจะแบ่งเวลาให้ดีกว่าเดิม ผมสัญญา ถ้ามีอะไรที่ผมลืม คุณเตือนผมก็ได้ ผมว่าการที่ผมมีการมีงานทำ มันช่วยให้เราดำเนินการง่ายขึ้น แล้วอีกอย่างนะวิคเตอร์…” ผมลดมือลง เอื้อมไปหยิบมือขวาของเขาที่มีแหวนสีเงินเกลี้ยงเกลาอยู่บนนิ้วนาง
   

“…ผมภูมิใจมากและดีใจมากตอนที่พ่อกับแม่ได้รับเงินจากผม แม่ร้องไห้ พ่อไม่เคยพูดขอบคุณอะไรผมเลยตั้งแต่รู้ว่าผมเป็นอะไร เขาเคยพูดว่า ผมเป็นแบบนี้ผมจะเอาตัวรอดได้ยังไง แต่เขาก็มั่นใจขึ้นเมื่อผมมีคุณ…” ผมจูบบนหลังแหวนสีเงินของเขาหนึ่งจุ๊บแล้วคลี่ยิ้ม เจ้ายักษ์หนวดกระตุกยิ้มเบาๆ


“…และตอนนี้พวกเขาเริ่มมองเห็นแล้วว่าผมทำอะไรได้บ้างแม้ว่าผมจะเป็นแบบนี้ก็ตาม แต่ผมหาเงินเลี้ยงดูตัวเองและพวกเขาได้ มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการทำให้พ่อกับแม่เห็นมาตลอด ถ้าผมอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ต่อให้คุณเลี้ยงผมอย่างดี พวกเขาก็จะมองไม่ออกอยู่ดีว่าชีวิตผมมีความสามารถเหนือสถานะทางเพศตัวเอง” วิคเตอร์พ่นลมหายใจเบาๆ


“คุณก็เคยทำให้ย่ากับแม่คุณภูมิใจ คุณคงเข้าใจความรู้สึกนั้นดี”


“ฉันรู้…” เขาก้มลงจูบหน้าผากผม ผมหลับตารับความรู้สึกอุ่นๆ


“…นายเป็นคนตั้งใจ เป็นคนมีความพยายาม มันเป็นเรื่องที่ดีแมท แต่นายต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง รู้จักแบ่งเวลาให้เป็น” ผมพยักหน้าหงึกๆ


“ผมก็บอกแล้วไง ว่าผมรู้ตัวแล้ว” วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาเดียวกับวันนั้น สายตาที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไร แต่ไม่ได้พูดออกมา


“คุณอยากพูดอะไรรึเปล่า” วิคเตอร์ขยับริมฝีปากอ่อนๆ ก่อนจะเปิดปากพูด


“วินด์โกลด์ทำงานเก่ง แต่ชีวิตคู่เขาไม่ประสบความสำเร็จ…” วิคเตอร์บิดปากเล็กน้อย


“…แล้วนายจะไปทำงานกับหมอนั่นน่ะเหรอ” ผมหัวเราะเบาๆ หันหน้าไปหอมอกเขาตรงรอยสักด้วยความชื่นใจ


“ผมไปทำงานกับเขานะ ไม่ได้ไปเรียนรู้ชีวิตคู่เขาสักหน่อย ผมชื่นชมฝีมือเขาจริงๆ นะวิคเตอร์ ผมก็แค่อยากทำงานกับคนเก่งๆ และยังเป็นไอดอลของผมด้วยเท่านั้นเอง” วิคเตอร์ถอนหายใจ หน้าตาของเขามันคือคำว่าไม่ให้ ไม่เอา แต่เพราะเราเพิ่งเสพสุขด้วยกันมาเขาเลยไม่ได้อารมณ์ขึ้นพร้อมเหวี่ยงวีน


“ฉันจะหาทางให้นายเข้าไปคุยกับวินด์โกลด์ แต่เขาจะรับหรือไม่รับ ฉันบังคับเขาไม่ได้ ถ้าได้ก็คือได้ ถ้าไม่ได้ นายห้ามเรียกร้องทำงานอะไรอีก ตกลงมั้ย” ผมอ้าปากเตรียมตอบด้วยความดีใจ แต่ก็หุบฉับลงอย่างเร็ว


“โอ๊ะโอ่…” ผมทำปากจู๋ คือถ้าเขาไม่รับผมก็จบอะสิ ไม่มีโอกาสทำงานอื่นอีกต่างหาก


“…ผมก็ว่างงานอะเหรอ” ผมถามเสียงอ่อย


“ไปช่วยงานเอมิลี่เหมือนอาทิตย์ก่อนก็ได้ ทำกับไอ้อดัมเชียวนะ ไม่เอารึไง” โอ๊โห ถึงขั้นเอาอดัมมาล่อ แต่ก็มองจิกผมด้วยความอาฆาตไม่เบา เขารู้หลังจากวันแรกที่กลับมานั่นแหละ เพราะผมหลุดปากพูดถึงช่างภาพ ไอ้ยักษ์แทบจะบีบคอผมตาย แต่เขาก็ไม่ห้ามนะ ยังให้ไปทำงานตามปกติ ไม่รู้อะไรสิงถึงใจดีขึ้นมา แต่เขาไม่มีทีท่าระแวงเลย น่าร้ากน่ารักยักษ์เตอร์ของแมท


“จะตกลงรึเปล่า ถ้าไม่ตกลง ฉันจะไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว” วิคเตอร์กดหน้ามองต่ำ สายตาข่มเบาๆ ผมทำปากยื่นนิดหน่อย แต่คิดดีๆ มันก็ดีเหมือนกัน เกิดให้วิคเตอร์ฝากให้แบบคราวก่อน เดี๋ยวมีข้อครหาหมั่นไส้หมั่นตับกันอีก เข้าไปพูดคุยของานด้วยตัวเองยังสบายใจกว่า ได้ก็ได้เพราะตัวเรา อย่างน้อยวิคเตอร์ก็เปิดทางให้เยอะแล้วแหละ


“โอเค ตามนั้น แต่ถ้าผมได้ คุณห้ามเข้ามาวุ่นวายนะ ผมสัญญาว่าจะแบ่งเวลาให้ถูกต้อง ได้รับหน้าที่อะไรมา ก็จะทำหน้าที่นั้น ไม่ทำเกิน”


“ดี ทำให้ได้ตามนี้ อย่าเผลอให้ความทะเยอทะยานบงการนายได้ล่ะ” ผมขมวดคิ้ว พูดเหมือนที่เดวิดฝากเจมส์มาบอกเลย แต่ยังไม่ทันคิดอะไรเป็นสาระ ผมก็โดนจับให้นอนคว่ำบนเตียงดังตุบ วิคเตอร์ขยับตัวไปด้านหลังผม จับขาผมแยกออก เอาเจลมาบีบลงตรงร่องก้นแล้วใช้นิ้วเกลี่ยบริเวณตรงรู ยัดนิ้วชี้เข้าไปสามสี่ทีแล้วปล่อยออก ก่อนแทนที่ด้วยลูกชายของวิคเตอร์ที่ตื่นตัวแล้ว ผมใช้ศอกดันตัวเองขึ้นแต่ช่วงล่างแนบติดกับเตียง ผมเอียงหน้าไปจูบแลกลิ้นกับเขา สองขาวิคเตอร์ดันขาผมให้กว้างอีกนิดและล็อคไว้ในท่านั้น ก่อนจะเริ่มซอยสะโพกเข้าหา ผมดึงหน้าออกจากจูบวิคเตอร์ ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกเสียววูบวาบ


“อะ อะ อะ” ผมเชิดหน้าขึ้นพร้อมกลืนน้ำลาย วิคเตอร์ก้มลงจูบไหล่ผมเบาๆ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากระแทกใส่ผมแบบไม่รีบร้อน แต่ก็ทำผมร้องระงมด้วยความรู้สึกสยิวกับท่วงท่านี้ที่แทงลึกถึงจุดดีเหลือเกิน


“ขอบคุณนะเตอร์” ผมหันไปกระซิบข้างหูเขาและหอมด้านข้างเขาไปหนึ่งที วิคเตอร์ใช้มือซ้ายกดหัวผมลง แก้มข้างซ้ายนอนแนบไปกับเบาะ แขนสองข้างผมปล่อยแนบลำตัว ช่วงก้นแอ่นขึ้นเพื่อตั้งรับแรงซอยของวิคเตอร์


“ขอให้ไม่ได้งาน” เขาก้มลงมากดจูบบนแก้มขวาของผมแรงๆ พักหนึ่งแล้วปล่อย ผมขมวดคิ้วหน้าเกยเกเพราะความเสียวและจุก มือซ้ายวิคเตอร์กดหัวผมไว้แน่นจนรู้สึกเหมือนหัวจะจมไปกับเตียง


“ฮึ่ม!” วิคเตอร์คำรามเบาๆ กระแทกใส่ผมแบบเน้นๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังตับดังตับ ผมร้องครางเป็นระยะ รู้สึกหัวสมองโล่งๆ แต่ตรงท้องน้อยนั้นแสนจะปั่นป่วนกับการโดนยักษ์น้อยก่อกวน


กดหัวแรงขนาดนี้ อียักษ์มันระบายอารมณ์ที่ผมขอไปทำงานใช่มั้ย







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao7:


          วั้ยยย เดี๋ยวนี้หัดล่อลวงสามีนะยะหล่อน รู้ว่าหลัวจะอ่อนระทวยให้ตอนไหนก็เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ คิๆ แหมๆ  :hao3:

          พี่ยักษ์ก็เกือบตกหลุมพรางของเมียไปเหมือนกัน พี่แกก็ช่วยเต็มที่แล้ว เอาเท่าที่ช่วยได้ นอกนั้นให้เมียลุยเอง จะได้งานไม่ได้งาน หลัวไม่เกี่ยว

          แล้วถ้าได้งานนี่จะยังไงกันต่อ ทะเลาะเบาะแว้งฟันแทงกันบ้านพังอีกมั้ยคะ?

          ก็ต้องมารอดูกันว่าจะยังไง หลายคนวิเคราะห์เรื่องนี้ไปในหลากหลายแบบ ตอมชอบอ่านคอมเม้นบแบวิเคราะห์แบบนี้นะคะ อ่านแล้วตื่นเต้นว่าคนอ่านคิดยังไง ดีใจที่อ่านแล้วไม่ใช่จบบบ แต่มีอะไรมาให้ชวนขบคิสสสส

          ตอนนี้ตอมเปิดพรีออเดอร์หนังสือภาคสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ รายละเอียดของหนังสือและรายละเอียดการพรีออเดอร์ตามไปอ่านได้ที่ > พรีออเดอร์ Yours&Mine (https://my.dek-d.com/missatomic/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=111)  :hao6:

          แล้วเจอกันในส่วนที่เหลือค่ะ

               

          ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากคนอ่านทุกคนที่คอมเม้นให้กันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มันเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนมากๆ มันคือแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการเขียนมากเลยค่ะ รู้ว่ามีคนรออ่านและรอมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยกันทุกครั้งที่ลงเนื้อเรื่องก็ปริ่มใจ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณโหวตที่มอบให้ด้วยค่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่พอได้ก็ดีใจ ฮ่าาา และขอบคุณยอดวิวจากนักอ่านเงานะคะ

#LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-12-2017 00:34:56
เลือดแทบจะหมดตัวแล้ว  :jul1:

ทำแล้ว  :oo1: มันดี มันได้งาน ทำไปเถอะหลาน  o18
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-12-2017 01:23:36
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-12-2017 01:46:51
 :oo1: แรงดีตลอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-12-2017 04:43:49
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-12-2017 06:51:31
ปัวเมียคู่นี้ ง้อกันบรเตียงตลอด พี่ยักษ์นี่แบบโดนเมียล่อลวงมากกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 01-12-2017 11:24:53
แผนน้องนี่แซ่บจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-12-2017 20:59:25
เดี๋ยวนี้หัดต่อรองกันบนเตียงนะแมท ยังไงก็ขอให้ได้งานนะ อย่างน้อยเป็นประสบการณ์ก่อนไปอยู่บ้านเลี้ยงลูก 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 70% :01.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 01-12-2017 22:07:50
ขอให้ลิงน้อยได้งาน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-12-2017 19:46:34


Yours&Mine EP.15 [100%]



ผมนอนเล่นมือถืออยู่ในอ้อมกอดพ่อยักษ์ใหญ่ที่นอนกอดผมอยู่ด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆ ของยักษ์ตัวโตรดตรงต้นคอผมใกล้กับรอยกัดที่เขาทำไว้ ผมนอนเล่นเกมมือถือรอไวโอล่าโทรกลับมาหลังจากผมโทรคุยกับเธอเรื่องลูกแล้วเธอต้องเข้าไปพบหมอตามนัด เธอเริ่มตั้งท้องช่วงปลายฤดูหนาว ตอนนี้หน้าร้อน นับได้ก็จะครบหกเดือนเต็มแล้ว วันนี้เธอมีนัดกับหมอ ทั้งหมอที่ดูแลครรภ์และหมอประจำตัวเธอ ผมอัปเดตกับเธอตลอด ทั้งโทรถาม ทั้งแชทคุยและวีดีโอคอลคุย แต่ทั้งหมดนี้ต้องทำแบบแอบๆ พ่อยักษ์ผมยาวที่นอนกอดผมอยู่

 

 

แต่ต่อไปนี้เราจะไม่ต้องแอบคุยกันอีกแล้ว เพราะวันนี้ไวโอล่าตัดสินใจจะบอกข่าวดีนี้กับพี่ชายตัวเองด้วยตัวเองเหมือนที่เธอบอกคุณลุคไปก่อนหน้านี้ ฝั่งคุณตาช็อคไปนิดหน่อย แต่พอรู้ว่าเป็นเด็กผู้ชายและแฝดก็ปลื้มใจ ดูแลไวโอล่าอย่างดี วันนี้ก็จะเป็นการบอกคนที่ขี้โมโหที่สุดในบ้านเรย์มอนด์ให้ได้ทราบ ผมเป็นคนนัดช่วงเวลากับไวโอล่าเองแหละ กะให้เขาอารมณ์ดีก่อน ซึ่งปลดปล่อยไปแล้วสามน้ำ น่าจะโมโหแบบอ่อนๆ ไม่รุนแรงมาก

 

 

(ฉันกำลังกลับบ้าน เดี๋ยวถึงแล้วฉันจะคอลสไกป์ไปนะ) เธอส่งวอทสแอพมาบอก ผมส่งอีโมชั่นมือว่าโอเคกลับไป

 

 

ผมหันหน้าไปหอมปลายจมูกโด่งของไอ้ยักษ์แล้วยิ้ม เชื่อว่าเขาน่าจะใจดีกับไวโอล่า แล้วค่อยมาใจร้ายใส่ผมอีกทีที่ปิดเรื่องนี้ไว้ สบายใจเนอะ

 

 

อุ๊ย ข้อความอินสตาแกรมเด้ง มีคนส่งข้อความมาด่าอีกรึเปล่าเนี่ย ผมกดเข้าไปดูแบบเอื่อยเฉื่อย

 

 

(ไอค่อนรูปโปรไฟล์) Hey, Matt.

 

 

ผมขมวดคิ้วแล้วนึกกับตัวเองว่าใครวะ พออ่านชื่อเจ้าของข้อความดีๆ ก็ตาโตโอ้โหตกใจ ผมคลิกเข้าไปดูแอคเค้าท์เพื่อความแน่ใจ แล้วก็เป็นอย่างที่ใจคิดเมื่อเลื่อนดูรูปในแอคเค้าท์นั้น เซบาสเตียนทักผมมา

 

 

แต่ผมไม่ตอบกลับ เปิดอ่านแล้วจบ ผมไม่คิดสร้างปัญหาให้ตัวเอง เราไม่มีเบอร์ ไม่มีช่องทางการติดต่อกันอย่างอื่น เขาคงไปเห็นอินสตาแกรมผมจากที่ใดสักที่ ผมกดเข้าเกมทายคำศัพท์คล้ายเกมครอสเวิร์ด นอนเล่นเพลินๆ ไอ้ยักษ์ก็หลับสนิทไม่กระดุกกระดิก ผมเล่นไปได้สี่ด่าน ไวโอล่าก็ทักมาว่าให้ออนสไกป์ ผมกดออกจากเกม เข้าออนสไกป์ รอประมาณสองนาทีเธอก็คอลมา

 

 

[Hellooo, whoah, oops! (ฮัลโลววว อุ้ย อุ๊บส์!)] เธอปิดปากตาโตที่เห็นวิคเตอร์นอนอยู่ด้านหลัง ผมหัวเราะน้อยๆ ไวโอล่าปล่อยมือออกจากปาก เลื่อนกล้องไปที่ท้องนูนๆ ของเธอ ผมยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นและยกมือทักทายเจ้าแฝด

 

 

“Hi, the marauder twins! (ฮายยย เจ้าแฝดตัวกวนนน)” ผมกระซิบเบาๆ ไวโอล่ายกกล้องขึ้นไปบนหน้าเธออีกรอบ

 

 

[Okay, wake him up. I’m ready to talk with the grouchy man! (โอเค ปลุกเขาเลย ฉันพร้อมจะคุยกับผู้ชายขี้หงุดหงิดแล้ว)] ผมหัวเราะ หันตัวนอนตรงๆ ชูแขนขวาขึ้นให้โทรศัพท์อยู่สูงๆ

 

 

“เตอร์ เตอร์ๆๆๆ” ผมเรียกสำเนียงภาษาไทย แขนซ้ายยกไปสะกิดเขาเหมือนหมาสะกิดคน ไอ้ยักษ์พ่นลมดังฟึดฟัดเล็กน้อย

 

 

[Hey! Brother!] ไวโอล่าช่วยเรียก ผมสะกิดยิกๆ อีกสักพักเขาก็ลืมตาขึ้นแบบง่วงๆ ตาสีขาวของเขาแดงเล็กน้อย ไอ้ยักษ์ใหญ่มองผมแบบมึนงง ดวงตาลอยเพราะเพิ่งตื่น

 

 

“วิคเตอร์ ดูๆ ใครอยู่ในโทรศัพท์” ผมยื่นปากไปทางโทรศัพท์ที่อยู่ด้านบน วิคเตอร์ขมวดคิ้วแล้วหันหน้าไปมองทางที่ผมบอก ไวโอล่ายกมือโบกให้ วิคเตอร์หรี่ตามอง เหมือนกำลังงงว่าใคร

 

 

“ใคร… อ๋อ ไวโอล่า” เขาหลับตาลงแล้วสูดลมเข้าปอดก่อนพ่นออกยาวๆ บิดขี้เกียจแล้วหันตัวนอนตรงๆ ผมเอียงหัวซบกับไหล่เขา

 

 

“เป็นไง” ไอ้ยักษ์อ้าปากหาว ยกมือซ้ายลูบหน้าหนึ่งที และใช้ฝ่ามือลูบเปลือกตาเบาๆ ผมเหลือบมองหน้าจอกับหน้าไอ้ยักษ์แบบล่อกแล่กๆ รู้สึกลุ้นกับปฏิกิริยาไอ้ยักษ์เรื่องหลานมาก

 

 

[ก็กินเยอะหน่อย เด็กสองคนนี่นะ แย่งกันกิน จนฉันต้องกินเยอะมาก] ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าไวโอล่าจะตัดเข้าเรื่องเลย นึกว่าจะมีเกริ่นสักนิดสักหน่อย แต่เธอตอบต่อยอดคำถามแบบเพิ่งตื่นของพี่ชายตัวเอง

 

 

“ฮึ? เด็กไหน” วิคเตอร์หรี่ตาขมวดคิ้วมองน้องสาวตัวเองแบบไม่เข้าใจ ไวโอล่าเลื่อนกล้องลงไปที่ท้องนูนๆ ของตัวเอง

 

 

[เด็กที่นี่ไง] เธอใช้อีกมือชี้ไปบนท้อง ผมขยับแขนที่ถือโทรศัพท์เล็กน้อยเพราะรู้สึกเมื่อย วิคเตอร์กะพริบตาปริบๆ มองท้องนูนของไวโอล่าด้วยสายตางงงวย แต่พอไวโอล่าลูบท้องตัวเอง วิคเตอร์ก็เหมือนได้สติ

 

 

“เธอท้องเหรอ” ไวโอล่าดึงกล้องกลับขึ้นไปบนหน้าตัวเองแล้วพยักหน้ารัวๆ เป็นการตอบคำถามนั้น ดวงตาสีฟ้าของเธอทอประกายสดใส ใบหน้าอวบอิ่มขาวผ่องน่ามอง คนเป็นพี่ชายขมวดคิ้วอีกนิดแล้วก้มลงมองหน้าผมที่นอนยิ้มกริ่มอยู่ เขาดึงโทรศัพท์ออกจากมือผมและดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ผมนอนขดอยู่ข้างตัวเขาเหมือนเดิม

 

 

“คลอดเมื่อไหร่” วิคเตอร์ถามเสียงนิ่ง ตอนนี้ผมยังเดาอารมณ์เขาไม่ออกว่าจะไปในทางไหน แต่ดูเขายังสับสนงงๆ อยู่นะ ก็คงต้องเป็นงี้แหละ เพิ่งตื่นนอน ตื่นมาน้องสาวบอกว่าท้องเฉย

 

 

[หมอบอกว่าเจ้าแฝดตัวกวนจะออกมาวันที่ 22 ตุลาคม] วิคเตอร์เบิกตากว้างแต่ใบหน้าส่วนอื่นนิ่ง ผมยิ้มขำกับสีหน้าของเขา

 

 

“สองคนเลยเหรอ คนเดียวยุ่งไม่พอรึไง ผู้หญิงผู้ชายเนี่ย” ไวโอล่าหัวเราะคิกคัก เธอหยิบลูกพรุนขึ้นมากิน ผมไปหาข้อมูลมาว่ามันจะช่วยเรื่องเลือดได้ แต่ให้เอาไปถามหมอเพื่อความชัวร์ พอหมอยืนยันตามนั้นไวโอล่าเลยกิน เนื่องจากเธอมีปัญหาเรื่องโลหิตจาง

 

 

[พี่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งค์ก็คราวนี้แหละ] ผมหัวเราะ เพราะวิคเตอร์ที่มึนอยู่แล้วคราวนี้มึนเข้าไปอีก เขานั่งกะพริบตาปริบๆ เหมือนไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี

 

 

[ฉันจะให้พี่เป็นพ่อทูลหัวของเขาคู่กับแมทที่เป็นแม่ทูลหัว] วิคเตอร์กดหน้าลงมองผมที่นอนยิ้มยิงฟัน

 

 

“นายรู้เรื่องนี้ด้วยรึเปล่า” ผมพยักหน้าและหดคอลงตอนที่เขาถลึงตาใส่

 

 

[ห้ามว่าแมทนะ ฉันขอแมทเองว่าไม่ให้บอกพี่ แล้วที่ฉันเลือกบอกพี่ตอนนี้เพราะเด็กๆ เริ่มรับรู้แล้ว พี่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีตั้งแต่ตอนนี้นะ อย่าให้พวกแกซึมซับพฤติกรรมไม่ดีไป]

 

 

“อิๆๆ” ผมกลั้นขำจนตัวสั่น วิคเตอร์ยกมือขวาตีหัวผมไปหนึ่งที

 

 

“ไอ้คริสเตียนล่ะ” ไวโอล่าย่นคิ้ว

 

 

[ฉันเลิกยุ่งกับหมอนั่นไปแล้ว พี่ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาล่ะ พี่ไม่อยากให้เจ้าแฝดตัวกวนมีพ่อติดยาหรอก ฉันรู้] ผมเลิกคิ้วขึ้น ผมมองหน้าวิคเตอร์ที่มีทีท่าสลดลงนิด

 

 

“มันไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอ” ไวโอล่าไหวไหล่สบายๆ

 

 

[จะรู้หรือไม่ ฉันว่าไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือฉันมีพี่ มีพ่อแล้วก็แมทที่เข้าใจก็พอ]

 

 

“แหม ดักคอพี่เลยนะ” ไวโอล่าขำ วิคเตอร์มองน้องสาวด้วยสายตาเอือมสักแปบก่อนจะเปลี่ยนเป็นมองด้วยความห่วงใย

 

 

“พ่อรู้แล้วใช่มั้ย…” เธอพยักหน้าพลางเคี้ยวลูกพรุน “…ดูแลตัวเอง ถ้าบ้านใหม่เสร็จเดี๋ยวย้ายไปอยู่ด้วยกัน”

 

 

[พี่จะทิ้งพ่อไว้คนเดียวเหรอ] วิคเตอร์เงียบ ผมมองเขาด้วยความเป็นห่วง

 

 

“เขายังมีญาติคนอื่น ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีใครเลย” ไวโอล่ายิ้มแกนๆ ผมเห็นว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง

 

 

“นี่ ไวโอล่า ฉันคิดชื่อเจ้าสองแฝดได้แล้วนะ” คุณแม่มือใหม่ตาโตแล้วยิ้มดีใจ

 

 

[จริงเหรอ ชื่ออะไรอะ บอกได้มั้ย] ผมแหงนหน้ามองวิคเตอร์ เขามองกลับมาแบบว่าอะไรเหรอ ผมหันไปยิ้มกับไวโอล่า

 

 

“ออกมาคนแรกชื่อแฮคเตอร์ ออกมาคนที่สองชื่อเฮคเตอร์ ตระกูลเตอร์เหมือนคนนี้” ผมชี้ไปที่วิคเตอร์ที่นั่งหน้ามึนผมยุ่งเหยิง เขาตาโตและขมวดคิ้วแบบว่าอะไรของมึง

 

 

[ฉันชอบๆ ฉันจะบอกชื่อนี้กับหมอ]

 

 

“อย่ามาชื่อเหมือนฉันได้มั้ยเนี่ย” วิคเตอร์กลอกตาเซ็ง ผมกับไวโอล่าหัวเราะ วิคเตอร์ยื่นโทรศัพท์คืนผมแล้วก็เลื่อนตัวลงมานอนกอดผมตามเดิม ผมเลยนอนตะแคงข้างให้เขากอด

 

 

“งั้นเดี๋ยวฉันไปกินอาหารเย็นก่อนนะ ถ้าว่างแล้วเดี๋ยวจะไปหาแน่ๆ”

 

 

[จ้ะ แล้วเจอกันนะ] เราสองคนยกมือบ๊ายบายให้กัน วิคเตอร์มองหน้าจอด้วยสายตาหงอยแปลกๆ แต่เขาก็ยกมือโบกตอบน้องสาวกลับไป ไวโอล่ากดปิดวีดีโอคอล ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วหันหน้าไปหาวิคเตอร์

 

 

“ผมนึกว่าคุณจะโกรธ” วิคเตอร์ผ่อนลมหายใจเบาๆ

 

 

“วีกำลังท้อง เธอคงต้องการเรื่องดีๆ มากกว่า” ผมคลี่ยิ้ม หอมแก้มเขาไปหนึ่งฟอดด้วยความชื่นใจที่เขาไม่ของขึ้น แต่กลับมีความเข้าใจในสถานการณ์ ผมพลิกตัวหันหน้าเข้าหาเขา

 

 

“อย่าโกรธนะถ้าฉันจะพูด…” ผมพยักหน้า วิคเตอร์พ่นลมหายใจเบาๆ

 

 

“…มันทำให้ฉันนึกถึงตอนลิซ่าท้อง ทำให้ฉันนึกถึงลูกที่ฉันเลี้ยงเขาได้แค่หกเดือน” วิคเตอร์หลับตาลง สีหน้าของเขาเจ็บปวดและหวาดกลัว ผมกุมมือขวาของเขาไว้หลวมๆ

 

 

“วีสุขภาพไม่ดี หมอเคยบอกว่าเธอไม่เหมาะที่จะมีลูก เพราะเธอตัวเล็ก เป็นโรคเลือด แค่เด็กคนเดียวยังเสี่ยง แต่นี่มีตั้งสองคน” ความรู้สึกของเขาคงหลากหลาย ไหนจะในอดีตที่ตัวเองมีลูกแต่ลูกตาย น้องสาวร่างกายไม่แข็งแรงแต่กำลังท้องเด็กแฝด ถ้าจะบอกว่าไวโอล่าคือคนในครอบครัวคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ก็ไม่ผิดนัก เพราะกับพ่อ เขาก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

 

 

“คุณเห็นไวโอล่าในสไกป์เมื่อกี้มั้ย เธออิ่มเอิบ สดใส และดูแข็งแรง” เขาเงียบพลิกตัวนอนตรง สายตาเหม่อมองเพดานสักพักก่อนจะเปิดปากพูดเสียงเอื่อย

 

 

“ไวโอล่าได้บอกรึเปล่าว่าเด็กเกิดจากความรักหรือความผิดพลาด”

 

 

“เธอก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมีพวกเขานะ แต่พอมีแล้ว เธอก็ยินดีและดีใจที่เด็กๆ กำลังกลิ้งอยู่ในท้องเธอ” วิคเตอร์พ่นลมหายใจยาวๆ เขาหลับตาลงสักพักแล้วก็ลืมขึ้น

 

 

“ฉันเกลียดพ่อเด็ก”

 

 

“แต่คุณจะไม่เกลียดเด็กๆ ใช่มั้ย”

 

 

“ไม่ ฉันไม่อยากให้เด็กสองคนนั้นรู้สึกเหมือนฉัน” ผมดันตัวลุกขึ้นนั่งมองหน้าเขาด้วยความตะลึงเล็กๆ

 

 

เขากำลังจะพูดงั้นเหรอ

 

 

“ฉันไม่ได้เกิดจากความรักของพ่อ พ่อข่มขืนแม่จนท้อง ย่าบังคับให้พ่อรับผิดชอบ พ่อไม่เคยอุ้มฉันเลย แม้กระทั่งฉันนั่งร้องไห้ตรงหน้าเขา และ…” วิคเตอร์ตัวสั่น เขาหลับตา ผมยื่นมือขวาไปลูบกรอบหน้าเขาเบาๆ

 

 

“ยักษ์ใหญ่ เอเลี่ยนอยู่นี่” วิคเตอร์ลืมตามองหน้าผมแล้วกระเถิบเข้ามาหา ผมลุกขึ้นนั่งดีๆ แล้วจับหัวเขานอนบนตัก ก้มลงจุ๊บหน้าผากเขาหนึ่งที

 

 

“…พ่อชอบทุบตีฉัน เขาทำเหมือนฉันไม่ใช่ลูก” ผมลูบหัวเขาเบาๆ มองเขาด้วยความเห็นใจ การถูกบุพการีทำแบบนั้นใส่ มันคงเป็นอะไรที่เจ็บปวดน่าดูสำหรับเด็ก

 

 

“แม่กับย่าเลยให้ฉันเต็มที่ ฉันมีความสุขดี แต่พ่อก็ชอบทำลายมัน”

 

 

“ทำไมนะ” ผมพึมพำอย่างล่องลอย นึกสงสัยว่าทำไม เพราะอะไรพ่อวิคเตอร์ถึงมีพฤติกรรมแบบนั้นกับลูกชายตัวเอง

 

 

“เพราะพ่อเสพยา” ลมหายใจผมสะดุด ริมฝีปากอ้าหวอ

 

 

“โอ้ว”

 

 

“เขาเป็นคนอารมณ์รุนแรงอยู่แล้ว พอเสพยามากเข้าก็ยิ่งหนัก สุดท้ายย่าต้องส่งเขาไปบำบัดเป็นปีๆ”

 

 

“คุณเลยไม่ค่อยชอบแฟนไวโอล่าสินะ” เขาพยักหน้า

 

 

“ก็ส่วนหนึ่ง” แสดงว่ามีอีกหลายส่วนที่ทำให้เขาไม่ชอบ แต่เอาเป็นว่าอันนี้น่าจะเป็นข้อใหญ่สุด เพราะแฟนไวโอล่าดันมีพฤติกรรมเหมือนพ่อเขาที่เคยสร้างบาดแผลในใจให้เขาตอนเด็กๆ

 

 

“คุณไม่ต้องกังวลหรอก ไวโอล่าเข้มแข็ง คุณก็เคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเธอเป็นคนเข้มแข็งมาก ผมว่าเธอสู้เพื่อลูกเต็มที่ และเธอจะไม่ยอมเป็นอะไรง่ายๆ หรอก เธอต้องอยู่เลี้ยงเจ้าแฝดตัวกวนสองคนนั้นอีกนาน” ผมเชื่อแบบนั้นนะ แม้กายจะเจ็บป่วย แต่ใจไวโอล่าสตรองจริงๆ ผู้หญิงคนนี้มองโลกในแง่ดีเก่งมาก

 

 

“คุณจะไม่รำคาญเด็กๆ ใช่มั้ยเนี่ย” ผมถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

 

 

“ถ้าว่านอนสอนง่าย ฉันก็จะรัก แต่ถ้าไม่ เราจะเป็นศัตรูกัน” ผมหัวเราะ สองมือบีบแก้มเขาเบาๆ เด็กยังไม่ทันลืมตามาดูโลกเลยก็มีศัตรูตัวใหญ่ยักษ์รอทะเลาะด้วยแล้ว

 

 

“ว่าแต่… คิดว่าฉันจะลืมเหรอว่านายเงียบไม่ยอมบอกฉัน” ผมตาโตพรึ่บ

 

 

“ก็ไวโอล่าบอกแล้วไงว่าเธอขอให้ผมไม่พูดอะ” วิคเตอร์ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองผมด้วยสายตาวิบวับ ผมยิ้มตื่นเต้นแล้วก็พลิกตัวเตรียมจะหนี แต่ก็โดนเขารวบตัวเอาไว้

 

 

“แอ๊ แอะ!” ผมพยายามดิ้นหนีออกจากตัวเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ วิ่งเตอร์ยกผ้านวมคุมโปงเราสองคน ผมหัวเราะคิกคัก แล้วสักพักก็เปลี่ยนเป็นเสียงกระเส่าเพราะความเร้าใจที่เขามอบให้

 

 

รอสองนักรบของผมเกิดก่อนเถอะไอ้ยักษ์ ผมจะให้สองคนนั้นมาช่วยรุมคุณ

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao3:


               อะ พี่ยักษ์รู้ความจริงละ ไม่โกรธไม่โวยวาย แถมยังทำท่าจะใจดีต่อหลานอีก เชื่อได้แค่ไหนคะว่าจะไม่ตบตีกับสองแฝดในอนาคต 

               แมทเอาตัวเข้าแลกและเพื่อให้ผัวสงบไม่ตบตีกับใคร ใช้ได้นะคะลูกสาว รู้ว่าทำแบบไหนผัวจะไม่ปรี๊ดก็ใช้จุดนั้นให้เกิดประโยชน์ อยู่มานานก็เลยอยู่เป็น

               วันนี้เอเลี่ยนก็ได้รู้ความหลังของพี่ยักษ์อีกหนึ่งเรื่อง เป็นอีกหนึ่งดราม่าในชีวิตที่ผ่านพ้นมาแล้วแต่ก็เป็นแผลในใจของพ่อยักษ์ใหญ่เขามานาน เมียปลอบไปแล้ว เราก็คงได้ส่งกำลังใจอย่างห่างๆ และห่วงๆ

          ตอนนี้ตอมเปิดพรีออเดอร์หนังสือภาคสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ รายละเอียดของหนังสือและรายละเอียดการพรีออเดอร์ตามไปอ่านได้ที่ > พรีออเดอร์ Yours&Mine (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=111)

          เจอกันตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-12-2017 22:01:27
เตอร์น่ารัก กำลังจะรักเด็กอีกอย่าง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 06-12-2017 22:15:49
น่ารักจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 06-12-2017 22:31:54
ชีวิตวัยเด็กของเตอร์น่าสงสาร
ชีวิตบั้นปลายก็น่าสงสารต้องรบกับนักรบของเอเลี่ยน อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-12-2017 22:41:24
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-12-2017 22:55:48
ต่อไปวิคเตอร์จะหึงแมทกับหลานมั้ยนิ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-12-2017 22:59:34
 :pighaun:

ชีวิตเตอร์น่าสงสารนะ แต่แหมดราม่าแป้บๆ หื่นอีกแระ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-12-2017 23:00:51
แมท ตั้งชื่อให้เด็กแฝดด้วย แฮคเตอร์ กับ เฮคเตอร์
มีแววว่าแมท จะได้เลี้ยงดูเด็กแฝดซะด้วย

พ่อวิคเตอร์ ทำไม่ดีกับลูก แล้วยังอยากให้วิกเตอร์ทำอะไรเพื่อเขาด้วย ประหลาดจริง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-12-2017 23:48:39
ถ้าได้มาอยู่ด้วยกัน คงเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์และน่าอิจฉาแน่ ๆ เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-12-2017 05:48:51
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 07-12-2017 13:45:22
ว้ายยย นี่อยากเจอสองแฝดแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2017 19:31:20
เตอร์ใจเย็นดีมากเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.15 100% :06.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-12-2017 01:30:54
ตอนแรกคิดไว้ว่าถ้าวิคเตอร์รู้จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟซะอีก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-12-2017 19:40:55


Yours and Mine EP.16 :: Reward. (รางวัล) [50%]



ผมกำลังนั่งรอด้วยความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องกระจกที่มีมู่ลี่บังภายในห้อง เป็นเวลาเกือบยี่สิบนาทีแล้วที่ผมนั่งรออยู่ตรงนี้ จากตื่นเต้นมากๆ ก็กลายเป็นตื่นเต้นอ่อนๆ จนผมคิดว่าอีกสักพักน่าจะนิ่งสนิท ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้จะบ่ายสองตามเวลาท้องถิ่นของลอสแองเจลิสละ ไม่รู้จะได้เข้าไปในห้องนั้นตอนไหน วิคเตอร์ขับรถวนรอบฮอลลีวูดแล้วมั้ง

 

 

“แมท…” หญิงสาวผมยาวสีแดงใส่แว่นรูปร่างท้วมคนหนึ่งเปิดประตูสีน้ำตาลของห้อง สายตามองหาสักแปบก่อนจะมาหยุดที่ผม 

 

 

“…อ้อ โอเค เชิญเลยจ้ะ” เธอส่งยิ้มให้ก่อนเชิญผมเข้าไปในห้อง ผมยิ้มตอบแล้วลุกขึ้นยืน พ่นลมหายใจออกทางปากหนึ่งทีและเดินเข้าไปในห้องนั้นอย่างพยายามสงบสติอารมณ์

 

 

“Hello.” ชายหนุ่มมีอายุ ผมดอกเลาแซมผมดำ แต่หน้าตาดี รูปร่างล่ำสันสมส่วนเอ่ยทักผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นมิตร ผมกระตุกยิ้มตอบ มองสำรวจหน้าเขาอีกนิด ผิวหน้าเขาไม่ได้แก่ย่น แต่ก็ไม่ใช่หนุ่มใสวัยรุ่น และแม้พื้นที่บนหัวจะเลยเถิดไปพอสมควร แต่องค์รวมของผู้ชายคนนี้คือยังดูดีมากสำหรับคนอายุเฉียดห้าสิบ ดวงตาสีน้ำตาลมองผมอย่างสำรวจ ผมเดินเข้าไปยืนตรงหน้าเขา

 

 

“May I sit here? (ผมนั่งได้มั้ยครับ)” ผมชี้ไปที่เก้าอี้ไม้มีเบาะฝังไว้ตรงกลาง เขาพยักหน้าและผายมือให้ผมนั่งลง ผมยกมือไหว้เขา ทั้งเป็นการสวัสดีและขอบคุณ เขาทำเพียงมองผมเรียบนิ่ง ก่อนจะเปิดปากพูดทันที

 

 

“ฉันไม่เคยร่วมงานกับวิคเตอร์ และพูดตรงๆ ฉันแทบไม่รู้จักเขา เพราะฉันไม่ค่อยได้ติดตามใครนักหรอก ฉันเพิ่งมาหาข้อมูลเขาก็ตอนที่เขาให้คนติดต่อเรื่องเธอมา” ผมเกือบจะอ้าปากค้าง แต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแบบไม่เห็นฟันอย่างทันท่วงที

 

 

“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้จักดารานักแสดงทุกคนในวงการฮอลลีวูด”

 

 

“วิคเตอร์ไม่ใช่คนอเมริกันนี่”

 

 

“ครับ เขาเป็นคนอังกฤษ”

 

 

“แต่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก?”

 

 

“ไปๆ กลับๆ ครับ ก็เป็นไปตามข้อกำหนดของวีซ่า แรกๆ ที่เขาอยู่ที่นี่เพราะเขาได้เซ็นสัญญากับเอเจนซี่ที่นิวยอร์ก สักพักเขาก็ได้มีโอกาเข้าสู่ด้านการแสดง เลยอยู่ยาว แต่ก็อยู่เพื่อหน้าที่การงานมากกว่า” คนตรงข้ามผมพยักหน้าเบาๆ เหมือนเป็นการบอกว่าเข้าใจ ผมยิ้ม ความตื่นเต้นเริ่มลดลงและเริ่มจะรู้สึกอยู่ตัวมากขึ้น

 

 

“So, what do you want? (แล้ว… เธอต้องการอะไร)”

 

 

“I want to work with you. I want to be a part of your new project. (ผมอยากทำงานกับคุณ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็คท์ใหม่ของคุณ)” ดวงตาสีน้ำตาลมองผมนิ่ง เขาหรี่ตาลงแว้บหนึ่งแล้วก็มองผมนิ่งตามเดิม

 

 

“And who are you? (แล้วนายเป็นใคร)” ผมเผยอปากด้วยความทึ่งเล็กน้อย กำลังประมวลว่าคำถามนี้เขาต้องการสื่อแบบไหน คือนั่งคุยกันไปก็ระยะหนึ่ง และทีมงานวิคเตอร์ก็ส่งเรื่องเข้ามาแล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่เปิดโอกาสให้ผมได้มาเจอหรอกเขายื่นมือไปหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาวางตรงหน้าและทำท่าจะเปิดกางออก ผมรีบขยับปากทันที

 

 

“I am the one who have a dream and you are my role model. (ผมเป็นคนนึงที่มีฝันและอยากทำงานกับบุคคลที่เป็นต้นแบบของผม…)” เขาเปิดหนังสือพิมพ์ ท่าทางไม่ได้สนใจผมเท่าที่ควรจะสนใจ ผมขมวดคิ้ว

 

 

“…I want to work with you because I want to be like you. (ผมอยากทำงานกับคุณ เพราะผมอยากเป็นเหมือนคุณ)” มือที่กำลังเปิดหนังสือพิมพ์หน้าใหม่ชะงัก ใบหน้าดูดีตามวัยเงยขึ้นมองผม ดวงตาลึกโตคู่นั้นมองผมแบบไม่กะพริบจนผมเกือบจะหลบตาเอง แต่ผมก็สั่งให้ตัวเองมองตาเขาต่อไปเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ

 

 

“I have been sent my resume to you and I believe you already read it. I have working on production, but not much. But I have intention, more intention. I want to work with someone like you. (ผมยื่นเรซูเม่มาแล้ว และผมเชื่อว่าคุณคงได้อ่านแล้ว ผมเคยผ่านงานเบื้องหลังภาพยนตร์มาไม่มาก แต่ผมมีความตั้งใจ มีความปรารถนาที่อยากจะทำงานกับคนเก่งๆ แบบคุณ)” เขาปล่อยมือออกจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ สองมือของเขายกมาวางใต้คาง มองผมอย่างต่อเนื่อง

 

 

“You were wrong. I did not read it. (เธอคิดผิด ฉันไม่ได้อ่าน)” ผมรู้สึกหน้าร้าว รู้สึกเก้อ นึกในใจว่าไปเอาความเชื่อมั่นนั้นมาจากไหน เขามองหน้าผมนิ่ง ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วตั้งสติขยับปากก่อนที่เขาจะหันไปสนใจอย่างอื่นแทน

 

 

“ผมชื่อแมท เรียกผมแมทได้เลย ผมเป็นคนไทย จบคณะมนุษยศาสตร์ฯ เอกภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยที่ไทย ผมเรียนโทจิตวิทยา ผมเคยเรียนด้านนิเทศศาสตร์ แต่สุดท้ายผมก็รู้ตัวว่าผมชอบที่จะเรียนรู้จากของจริงมากกว่าตำรา ผมเลยออกมาเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นประโยชน์กับผมอย่างมากในตอนนี้ ในการทำงานอุตสาหกรรมภาพยนตร์”

 

 

“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่เธอคิดว่าเรียนจากของจริงจะดีกว่าตำรา”

 

 

“เพราะจากที่ได้ทำงานมา ผมเลยรู้ว่าที่ผมคิดมันจริง”

 

 

“ไม่ ฉันหมายถึงในตอนนั้นว่าทำไมเธอถึงคิดว่าไม่ต้องเรียนรู้อะไรในตำรา แต่ก้าวผ่านมาเรียนของจริงได้เลย” เขายังมองผมอย่างสงบ เขาเหมือนราชสีห์ผู้น่าเกรงขามที่กำลังจ้องมองเหยื่อที่หลงเข้ามาในรังของตัวเอง

 

 

“เพราะผมรู้สึกแบบนั้น” เขาเลิกคิ้วดอกสีเลาขึ้น

 

 

“เธอรู้สึกแบบนั้น?” ผมเม้มปาก รู้สึกหัวใจสั่นกลัวแต่ก็พยักหน้าลงเบาๆ

 

 

“ครับ ผมรู้สึกแบบนั้น ผมคิดว่ามันเป็นแบบนั้น และพอได้มาทำงานจริง ยิ่งรู้สึกเลยว่าที่คิดไว้มันจริง” เขาพยักหน้าสองสามที

 

 

“คิดว่าฉันจำเป็นต้องรับเธอเข้ามาทำงานด้วยมั้ย”

 

 

ไม่จำเป็นครับ แต่คุณต้องรับผม เพราะผมมีความตั้งใจ ผมพูดได้เต็มปากเพราะผมตั้งใจกับงานที่ผ่านมา และผมพร้อมจะเรียนรู้ประสบการณ์ดีๆ จากคุณ ผมเชื่อว่าตัวเองจะได้อะไรมากมายจากการทำงานกับคุณ”

 

 

“เธออยากเป็นเหมือนฉัน?” ผมพยักหน้าหงึกๆ เม้มปากด้วยความประหม่าเล็กๆ อเล็กซ์ วินด์โกลด์ค่อยๆ กระตุกยิ้มมุมปากซ้าย ผมคลี่ยิ้มสู้

 

 

“ความฝันของเธอคืออะไร”

 

 

“ผมอยากเป็นผู้กำกับ อยากมีหนังเป็นของตัวเอง” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยื่นมาตรงหน้า ผมมองเขาสลับกับโทรศัพท์งงๆ

 

 

“มีอินสตาแกรมมั้ย” ผมพยักหน้าหงึกๆ เขาสั่นมือถือเป็นเชิงบอกให้ผมรับไปกด

 

 

“เดี๋ยวผมเปิดจากโทรศัพท์ตัวเองให้ดูก็ได้ครับ” เขาพยักหน้าหนึ่งที ดึงโทรศัพท์กลับไปวางบนโต๊ะ มองผมด้วยความเฝ้ารอ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเข้าแอพพลิเคชั่นอินสตาแกรมก่อนส่งให้เขาดู เขารับไปเลื่อนดูอยู่พักใหญ่ ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง หัวใจเต้นตุบๆ เขาเลื่อนดูแบบไม่รีบร้อน จนผ่านไปได้ห้าหรืออาจจะเจ็ดนาทีแห่งความเงียบ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งโทรศัพท์คืนผม

 

 

“เธอเป็นผู้กำกับไม่ได้หรอก” ผมอ้าปากค้าง อเล็กซ์ วินด์โกลด์พูดแบบปกติ เหมือนกำลังบอกเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ผมก็ยิ้ม

 

 

“เรื่องจะเป็นได้หรือไม่ได้ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่านะครับ เราสองคนเพิ่งคุยกันได้สิบกว่านาทีเท่านั้นเอง…” ผมมองกลับอย่างสงบ อเล็กซ์กระตุกยิ้มมุมปาก

 

 

“…ผมต้องขอสารภาพว่าผมไม่ได้ดูผลงานของคุณทุกเรื่อง แต่ทุกเรื่องที่ผมดู ผมชอบมาก ผมชอบสไตล์การทำหนังของคุณ ผมเลยอยากทำงานกับคุณครับ” ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นธรรมชาติยังไงก็ไม่รู้ ผมกำลังสำรวจตัวเองอย่างเร็วๆ ว่า เราแหลเกินไปรึเปล่า ทำไมคำพูดคำจาดูประดิษฐ์ไปหมด แต่คิดอีกทีมันคือการมาสัมภาษณ์งาน ก็น่าจะต้องคุยประมาณนี้รึเปล่า และตัวคนสัมภาษณ์เองก็ดูไม่ใช่แนวขี้เล่นเป็นกันเองเท่าไหร่ด้วย

 

 

“เธอมาจากไทยใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารัวๆ อเล็กซ์ยักคิ้วหนึ่งที เบี่ยงตัวไปหยิบกระดาษหนึ่งปึกที่วางไว้บนโต๊ะด้านข้างของเขา ผมกำลังรู้สึกสับสน

 

 

“เรื่องราวของหนังจะมีเกิดขึ้นที่ประเทศไทยด้วย…” ผมตาโตแล้วยิ้มปลื้มใจ มองหน้าปกของกระดาษปึกนั้นที่เป็นชื่อหนังด้วยความรู้สึกดี

 

 

“…บทเขียนเสร็จแล้ว เธอเอาไปอ่าน แล้วทำราคาออกมาว่าหนังเรื่องนี้ต้องใช้งบเท่าไหร่ ส่งข้อมูลมาให้ฉันภายในวีคนี้ เหลืออีกห้าวันน่าจะทำทันนะ” ผมอ้าปากค้าง หัวใจเต้นตึกๆ

 

 

“ผมได้งานแล้วเหรอ” อเล็กซ์วางสองแขนไว้บนโต๊ะ ไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางผิดแปลกใดๆ

 

 

“ฉันให้เธอเป็นไลน์โปรดิวเซอร์” เขาตอบตามปกติ ตอบง่ายๆ ผมที่กำลังอ้าปากค้างก็ขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มด้วยความดีใจ หัวใจเต้นตึกตักอย่างตื่นเต้น แต่สติที่เหลืออยู่น้อยนิดก็สะกิดเตือนอะไรบางอย่าง

 

 

“ไลน์โปรดิวเซอร์เลยเหรอครับ คือผมไม่เคยทำมาก่อน ผมเคยแค่เขียนบทกับทำตำแหน่งผู้ช่วยกองถ่าย”

 

 

“ไม่เคยทำก็ได้ทำกับฉันนี่ไง” เขาตอบอย่างสบายๆ ไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นหรือหนักใจอะไรทั้งสิ้น ผมซะอีกที่เกิดความหนักใจขึ้นมา

 

 

“แต่มันเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากเลยนะครับ”

 

 

“ทุกตำแหน่งสำคัญเหมือนกันหมด ผู้ช่วยกองถ่ายที่เธอเคยทำ ถ้าไม่มีพวกเขา กองถ่ายก็ลำบาก”

 

 

“ผมไม่ได้หมายความว่าจะดูถูกตำแหน่งไหนครับ คือ… ผมแค่คิดว่า ผมยังมือใหม่มากสำหรับตำแหน่งนี้” ผมมองเขาด้วยความไม่แน่ใจ กำลังคิดว่าเขาล้อผมเล่นรึเปล่าที่ให้ผมเริ่มต้นด้วยตำแหน่งนี้ เขาเอาอะไรมาไว้ใจในตัวผม และเอาอะไรมาการันตีงั้นเหรอว่าผมจะทำหน้าที่ได้รอด ไหนจะท่าทีที่เหมือนจะไม่เอาผมไปทำงานด้วยอีก

 

 

“ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ไม่ใช่มือใหม่” เออ เขาก็ว่าง่ายดีเนอะ

 

 

“สรุป ผมได้ทำงานกับคุณแล้วเหรอ”

 

 

“ก็ฉันมอบหมายหน้าที่ให้เธอไปแล้วไง” ผมมองหน้าเขา มองเพื่อความแน่ใจ อเล็กซ์ก็มองหน้าผมไม่หลบสายตา พอเริ่มแน่ใจกับตัวเองว่า เขาไม่ได้ปฏิเสธ ผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วชูสองแขนขึ้นด้วยความดีใจ

 

 

“เย้!” ผมยิ้มกว้าง อเล็กซ์ยกยิ้มเพียงเล็กน้อย ผมหยิบบทขึ้นมากอดแนบอก หัวใจเต้นโครมคราม สภาวะตึงๆ ก่อนหน้ามลายหายวับไปแทนที่ด้วยความปลื้มใจ

 

 

“ส่งอีเมลกลับมาให้ฉันเมื่อทำเสร็จแล้ว” เขายื่นกระดาษแข็งสีขาวอันนึงมาให้ผม คล้ายว่าจะเป็นนามบัตร แต่ก็เป็นแค่กระดาษธรรมดา แล้วมีเขียนอีเมลของเขาไว้เท่านั้น ผมยื่นมือไปรับ เบรกความดีใจสักแปบ ก้มหน้าลงมองปึกบทหนังแล้วเงยหน้ามองอเล็กซ์อีกครั้ง

 

 

“รายละเอียดอื่นๆ ของหนังล่ะครับ”

 

 

“ทำอย่างแรกที่ฉันสั่งให้เสร็จก่อน”

 

 

“อะ… อ๋อ โอเคครับ” ถึงจะดีใจ แต่สัมผัสได้ว่าความเครียดกำลังคืบคลานเข้ามา ผมไม่เคยทำจริงๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิธีคิดงบ คิดเงินทำหนังแบบนี้มันต้องทำยังไง เขาให้ผมทำตำแหน่งใหญ่ไปรึเปล่า ผมกะมาเป็นผู้ช่วยกองถ่ายไม่ก็เขียนบทก็ยังดี เพราะอย่างน้อยผมก็เคยเขียนมา

 

 

“คุณจะสอนผมหน่อยมั้ยครับว่ามันต้องทำยังไง” อเล็กซ์ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปิดหนังสือพิมพ์

 

 

“ไปลองทำมาก่อน” เขาพูดจบก็เดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมา แล้วก็เดินผ่านผมไปแบบไม่สนใจ ทิ้งให้ผมเหวอและเอ๋ออยู่ที่เดิม ผมมองประตูสีน้ำตาลที่ค่อยๆ ไหลปิดลง ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นอีกสักพักก็เดินกอดบทปึกนั้นออกไปจากห้อง พอเดินออกมาข้างนอกผมก็ไม่พบเขา ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ผมเดินไปตามทางเดิมที่เดินมา แล้วก็เจอเขายืนชงกาแฟอยู่ตรงมุมเครื่องดื่ม เขาเงยหน้ามองผมแว้บหนึ่งแล้วก็กลับไปชงกาแฟต่อ

 

 

อันนี้คือตูได้งานแล้วแน่ใช่มั้ย มันต้องยังไงต่อ ผมต้องกลับบ้านใช่รึเปล่า ผมยืนงงสักแปบก่อนเดินเข้าไปหาเขา

 

 

“ผมกลับได้เลยใช่มั้ยครับ”

 

 

“เธอจะอยู่ดูดาวก็แล้วแต่” ผมหน้าเหวอไปมาก เลยได้แต่พยักหน้าเงอะงะแล้วหมุนตัวเดินออกไปทางประตูออฟฟิศของเขา พอออกมาเจออากาศอุ่นๆ ด้านนอก ผมก็ยืนนิ่งรับอากาศอีกสักแปบก่อนที่จะคลี่ยิ้มด้วยความดีใจอีกรอบ ผมก้มหน้าลงกรี๊ดกับปึกบท

 

 

“แอร้ยยยย แอร้ย! แอร้ย!”

 

 

“เสร็จแล้วใช่มั้ย…”

 

 

“….เฮ่ย!” ผมเงยหน้าด้วยความสะดุ้ง กำลังกรี๊ดฟินๆ ก็มีเสียงเหมือนคนพร้อมต่อยมาขัด ใบหน้าบูดบึ้งของไอ้ยักษ์ผมยาวพลิ้วไหวตามสายลมปรากฎชัดเต็มสายตา

 

 

“มารอนานรึยังเนี่ย”

 

 

“นาน” น้ำเสียงและหน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่านานตามที่พูด แต่นานของวิคเตอร์แค่สิบนาทีก็คือนานแล้วนะ ห้านาทีก็คือเริ่มหงุดหงิดละ

 

 

“แหม ก็บอกแล้วว่าจะโทรบอก” วิคเตอร์ชี้ไปที่รถเก๋งสีดำแบรนด์วงกลมสามวงคล้องกันที่พวกเซล่าจัดการเตรียมไว้ให้ก่อนบินมา เนื่องจากบ้านที่ซื้อไว้ไม่ใช่บ้านที่เราจะใช้ชีวิต วิคเตอร์ซื้อบ้านใน LA เพราะเอาไว้พักตอนมาทำงาน ส่วนมากงานหนังมันก็ทำที่นี่แหละ เพราะที่นี่คือฮอลลีวู้ด วูด วูดดดด ดินแดนแห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ซีรีส์ มูฟวี่ ความบันเทิงต่างๆ คืออยู่ในเมืองนี้เยอะมาก ผมยังเคยคิดช่วงแรกๆ ที่รู้จักวิคเตอร์ว่าเขาควรมีบ้านที่นี่มากกว่านิวยอร์ก แต่ตอนนั้นเขามาในฐานะนายแบบ การอยู่นิวยอร์กจะสะดวกมากกว่า และอีกอย่างบ้านหลังนั้นเป็นมรดกของย่าที่เขารักมาก แต่อีกไม่นานเราก็จะขายบ้านหลังนั้นทิ้งไปแล้ว คิดๆ ไปก็แอบใจหายเหมือนกัน วิคเตอร์บอกว่า ขายคือขาย จบไป ไม่อยู่แล้ว ที่เขามาอยู่ที่นี่เพราะอยากห่างจากพ่อ รำคาญพ่อตัวเอง แต่ตอนนี้มีผม อยากมีบ้านเป็นครอบครัวของตัวเอง

 

 

คริๆ พูดแล้วก็เขิน

 

 

“เป็นไงล่ะ สมใจมั้ย” เขาถามหลังจากหักพวกมาลัยออกจากบ้านหลังชั้นเดียวหลังใหญ่ที่แบ่งโซนนึงเป็นสำนักงาน รถสามห่วงแล่นไปตามถนนใน LA ที่ด้านหลังเป็นภูเขา Hollywood อันเป็นเอกลักษณ์โด่งดังไปทั่วโลก

 

 

“ไม่มีพลาด!” ผมตอบด้วยความภาคภูมิใจ วิคเตอร์แบะปาก ยกมือขวามาผลักหัวผมหนึ่งทีจนผมหัวคว่ำไปด้านขวาตัวเอง ผมกัดปากล่างแน่น ยกมือขวาขึ้นขู่ทำท่าจะตีเขา แต่ไม่กล้าตีจริงหรอก กลัวโดนต่อย

 

 

 “เขาให้ผมเป็นไลน์โปรดิวเซอร์เลยอะวิคเตอร์” ผมทำปากยื่นพลางยกมือลูบผมม้าด้านหน้าที่ยุ่งเพราะโดนผลักเมื่อกี้ วิคเตอร์ที่กำลังมองทางหันมามองผมแล้วย่นคิ้ว สีหน้าเขาตกใจเล็กๆ ผมพยักหน้ายืนยันคำพูดตัวเอง

 

 

“นายทำเป็นรึไง” ผมสั่นหัวทันทีแล้วชูปึกบทที่อเล็กซ์ให้มา

 

 

“เขาให้เป็นตำแหน่งนี้เลยอะ ผมบอกไปแล้วนะว่าไม่เคยทำ”

 

 

“มันคิดว่านายฉลาดมากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถลึงตา เบะปากใส่เขา นึกอยากจะทำร้ายร่างกายเขาบ้างนะ แต่ทำร้ายเขาไปก็เหมือนทำร้ายตัวเอง ไม่ใช่เพราะว่ารักล้นปรี่ รักตายแทนกันได้ แต่เพราะเขาจะทำผมกลับแบบหนักยิ่งกว่าเดิม

 

 

“เดี๋ยวผมก็ทำได้!...” ผมเชิดปากขึ้น วิคเตอร์เบะปาก มองอย่างหมั่นไส้กลับมา ผมย่นจมูกแล้วหันไปมองข้างทางตามเนินเขาซึ่งเป็นทางขึ้นบ้านของเรา บ้านหลังนี้อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของเมือง Los Angeles ราวสิบแปดนาที บ้านที่วิคเตอร์ซื้ออยู่บนเขา วิวหลังบ้านสวยมากเลยละ มองเห็นวิวเมืองแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงของโลกได้กว้างไกลสุดสายตา แม้ว่ามันจะเป็นเมืองแห้งแล้งไปสักหน่อย แต่ภูเขาโล้นสลับเขียวกับต้นปาล์มอันเป็นเอกลักษณ์ก็ช่วยทำให้มันดูน่ามองนะ เสน่ห์ของเมืองนี้คงเป็นเรื่องสีสันของต้นกำเนิดความบันเทิงนี่แหละ มันคือนครแห่ง (ดวง) ดารา

 

 

มองวิวทางขึ้นบ้านเพลินๆ สลับกับกังวลเรื่องการทำงบจากบทที่ได้มา ผมก็นึกอะไรบางอย่างได้ แม้ว่าดูจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ “…เตอออร์!...” ผมยิ้มหวาน เจ้าของชื่อหันมามองด้วยความระแวงทันที

 

 

“…คุณช่วยสอนผมหน่อยสิ” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว จังหวะนั้นเขาตีไฟเลี้ยวเข้าเนินถนนเส้นเล็กที่นำไปสู่หน้าประตูบ้าน

 

 

“ฉันทำเป็นที่ไหนล่ะ” ผมทำปากยื่น หน้าตาจะร้องไห้ วิคเตอร์ไม่ได้โกหกหรอก ก็เขาไม่ใช่เบื้องหลัง แต่ผมลองถามดู เผื่อมีความหวัง

 

 

“ทำไงดีอะ T^T” วิคเตอร์ยิ้มเย้ยแล้วดับเครื่องยนต์ก่อนจะดึงเบรกมือ ผมเปิดประตูรถ ออกไปยืนบนพื้นถนนหน้าบ้านด้วยความเศร้า ประตูไม้เลื่อนขนาดใหญ่ค่อยๆ เลื่อนออกด้วยระบบอัตโนมัติ และมีอัตโนมือของออสตินช่วยให้เร็วขึ้น ไมเคิลที่เราพกขึ้นเครื่องบินเจ็ทมาด้วยวิ่งดุ๊กๆ ออกมากระโดดโลดเต้น มันดูแฮปปี้มากที่ได้มาที่นี่ ก็แหงล่ะ สนามหญ้ารอบบ้านที่มี มันวิ่งวนจนเบิร์นไปได้หลายหมื่นแคลแล้วมั้ง ส่วนฟอกซ์ก็ได้ที่ประจำใหม่คือหลังบ้าน มันชอบไปกลิ้งตรงเนินเขาหลังบ้าน ผมล่ะกลัวมันกลิ้งตกเขาเป็นที่สุด

 

 

“ผมเตรียมของสำหรับทำอาหารไว้ให้แล้วนะครับ” ผมเอาปึกบทหนีบใต้แขนซ้ายแล้วยกมือพนมขึ้นเหนือหัว

 

 

“แต้งกิวเวรี่มัช” นอกจากจะเป็นบอดี้การ์ด เป็นคนเลี้ยงหมาแล้ว ตอนนี้ออสตินเริ่มจะกลายมาเป็นพ่อบ้านอีกตำแหน่ง จริงๆ เขาก็เป็นหลายตำแหน่งมานานแล้วละ อย่างว่า ค่าจ้างแพง ต้องใช้ให้คุ้ม

 

 

“แล้วผมจะทำไงดีอะ” ผมเบะปากจะร้องไห้ตอนเดินเข้ามาภายในบ้านอันกว้างขวางตรงโซนลีฟวิ่งรูม วิคเตอร์หันมาทำหน้ามึนใส่แล้วยักไหล่สองที

 

 

“ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ” ผมจิ๊ปากและมองค้อนไปหนึ่งที วิคเตอร์เดินหนีไปทางครัว ทิ้งให้ผมยืนเกาหัวงุนงง มองปึกบทที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนขนาดเตี้ยที่ไว้สำหรับวางของและของกินเวลานั่งดูทีวีหรือนั่งเล่นในนี้ ผมเห็นวิคเตอร์เดินออกจากประตูกระจกตรงครัวไปสูบบุหรี่ที่สนามหญ้าด้านนอกของฝั่งนั้น ผมมองเขาสักพักก็ยิ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่น เดินข้ามจากห้องเอกเขนกไปที่ครัว ซึ่งเดินไกลอยู่เหมือนกันสำหรับการเดินในบ้าน คือบ้านนี้เป็นลักษณะแนวยาวเหมือนตัวแอลนอนหงาย ลากยาวตั้งแต่ห้องนอนขนาดใหญ่อยู่ตรงริมสุดและวิวดีสุดๆ จะให้เจ้าของบ้านนอนหรือแขกนอนก็แล้วแต่สะดวก (แต่ตอนนี้ออสตินครองไปแล้ว) แล้วก็ไปยกสูงเป็นสองชั้นตรงฝั่งโซนนอนกับใช้ชีวิตส่วนตัวผัวเมียละเหี่ยใจ ผิดกับบ้านที่นิวยอร์กที่แคบเล็กๆ

 

 

“เตอร์…” ผมเดินเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลัง วิคเตอร์เอี้ยวตัวมามอง ผมยกยิ้ม วิคเตอร์ดึงบุหรี่ออกจากปากแล้วถือไว้ในมือ เขาหันตัวมาหาผมและก้มลงหอมหน้าผากผมหนึ่งที

 

 

“ออกมาทำไม เหม็นบุหรี่”

 

 

“รู้ว่าเหม็นก็เลิกสูบสิ ขอมานานแล้วนะบุหรี่เนี่ย” ลดลงก็จริง แต่ถ้าเลิกได้เลยจะดีกว่า

 

 

“อาทิตย์นี้เพิ่งตัวที่สอง” ผมกลอกตา มันก็วันล่ะมวนนั่นแหละ พรุ่งนี้มวน มะรืนมวน ครอบอาทิตย์ก็เจ็ดมวนพอดี แต่เรื่องบุหรี่พักไว้ก่อนแล้วกัน

 

 

“ขอบคุณนะ” มือซ้ายเขาลูบท้ายทอยผมเบาๆ ผมปลดกระดุมเสื้อลายดอกที่เหมาะกับบรรยากาศเมืองลอสแองเจลิสของเขาออกแล้วแหวกเสื้อให้เห็นรอยสักก่อนจะยื่นหน้าไปจูบเนินอกซ้ายเขาหนึ่งที พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเขาคลี่ยิ้มกว้างแบบที่ผมชอบ ยิ้มจนร่อมแก้มขึ้น ผมยาวของเขาปลิวไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาแบบเอื่อยๆ เรื่อยๆ ตามประสาบ้านที่อยู่บนเนินเขาสูง

 

 

“Thank you my dear husband. (ขอบคุณคุณสามีที่รัก)” ผมยกมือซ้ายขึ้นไปลูบอกเนินอกที่มีรอยสักสีดำ แหวนเพชรบนนิ้วนางข้างซ้ายทอประกายวิบวับกับแสดงแดดเป็นช่วงๆ

 

 

“I am so glad that I have you. (ผมดีใจที่มีคุณ…)” ผมเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเขินให้เขา วิคเตอร์ยักคิ้วหนึ่งที ผมปล่อยมือซ้ายออกจากอกแล้วเอาสองมือประกบแก้มตัวเอง

 

 

“Because you are a millionaire. (…เพราะคุณรวยมาก)” แล้วผมก็ยิ้มยิงฟันหัวเราะร่วน วิคเตอร์คลี่ยิ้ม ยกบุหรี่ในมือขวาขึ้นสูบยาวๆ หนึ่งทีแล้วพ่นควันออกมา ควันสีขาวลอยไหลไปตามแรงลม วิคเตอร์บี้บุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุรี่ที่วางไว้บนโต๊ะข้างเก้าอี้นอนมองวิวสีดำตัวยาวโค้งเป็นคลื่น

 

 

“Let’s fuck. (เย็xกันเถอะ)” เขาถอดเสื้อออกจนเห็นหุ่นยั่วยวนที่ผมคุ้นตา ผมยิ้มกริ่มและตอบเสียงใส

 

 

“Okay.”

 






เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao6:


              เอเลี่ยนได้งานแล้วข่าคู๊นนน โดยมีสามีหน้ายักษ์เป็นสปอนเซอร์หลักอีกเช่นเคย และเมื่อได้งานแล้วก็ต้องมีการขอบคุณสปอนเซอร์นะคะ คิๆ

               ตอนแรกจะอัปเมื่อวานนี้พร้อมพี่แซ็คตามที่แจ้งไว้ในเพจ แต่เข้าใจผิดคิดว่าฉากจุ๊กกรู้วอยู่ในช่วงนี้เลยขี้คร้านแยกไปบล็อก เพราะเมื่อวานอยู่ในจุดที่อินเตอร์เน็ตเหียกมาก เลยไม่อยากรอมันหมุนวน แต่กลับมาบ้านแล้วอ่านทวนเลยได้รู้ว่าเข้าใจผิด แต่ก็มาอัปแล้วนะก๊ะวันนี้

               ช่วงนี้เปิดพรีฯ อยู่ก็จริง แต่ตอมก็อัปนิยายตามปกติ แต่ห้า-หกตอนสุดท้าย จะยังไม่อัปจนกว่าหนังสือจะถูกจัดส่งจนหมดตามที่แจ้งไว้ในรายละเอียดการพรีออเดอร์ค่ะ

          เปิดพรีออเดอร์หนังสือภาคสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ รายละเอียดของหนังสือและรายละเอียดการพรีออเดอร์ตามไปอ่านได้ที่ > พรีออเดอร์ Yours&Mine (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=111)

          เจอกันอีกครึ่งที่เหลือค่ะ

               

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นจากคนอ่านทุกคนที่คอมเม้นให้กันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มันเป็นกำลังใจดีๆ สำหรับคนเขียนมากๆ มันคือแรงขับเคลื่อนและกำลังใจในการเขียนมากเลยค่ะ รู้ว่ามีคนรออ่านและรอมีอินเนอร์ร่วมไปด้วยกันทุกครั้งที่ลงเนื้อเรื่องก็ปริ่มใจ ขอบคุณค่ะ และขอบคุณโหวตที่มอบให้ด้วยค่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร แต่พอได้ก็ดีใจ ฮ่าาา และขอบคุณยอดวิวจากนักอ่านเงานะคะ

แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 16-12-2017 19:56:47
ว้อยยยยยยย อิเตอร์ชวนเยเหมือนชวนกินน้ำปั่นอะ
ตลกกกก5555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-12-2017 20:00:58
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-12-2017 20:03:04
ิยินดีด้วยที่ได้งาน พ่อคนผัวรวย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 16-12-2017 20:37:35
 :o8:  :-[ ดีกันแล้วโลกสดใส เข้าใจกันก็อุ่นๆ ดีงาม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 16-12-2017 20:41:24
โอ้ แมทกะผัวยักษ์นางหวานชื่นมื่นกันดี รักก้รุ่ง งานก้ปัง จะน่าอิจฉาใครมากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ววว

ทีนี้ก้อย่าทำงานจนลืมผัวเน้ออ งานนี้ผู้อุตส่าห์เปิดทางให้ได้งานนน แบ่งเวลาดีๆล่ะ :ruready
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 17-12-2017 22:05:52
เนี่ยๆๆๆ รักความรวยของเค้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2017 22:56:48
ชอบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:

แมท สมใจอยากแล้ว ได้งานอย่างที่หวัง
เป็นงานที่แมท ลุยเอง แม้วิคเตอร์เหมือนจะกรุยทางให้
แต่ดูไม่ได้ช่วยเลย เพราะผกก. ไม่รู้จักเตอร์

วิคเตอร์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ชอบบบบบ   ตอนวิคเตอร์ กับแมท รักกัน มีความสุขกัน :sad4:
ยิ้มหวาน มุ้งมิ้ง อ่อนโยนใส่กัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 50% :16.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 23-12-2017 19:57:33
รวยทุกอย่างแม้กระทั่งห่อหมก 55555555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-12-2017 18:18:58
Yours and Mine EP.16 [100%]



“อ่า… อ่า… อ่า…” ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ!


“อ๊ะ…” ผมย่นคิ้วแปบหนึ่งเพราะความมือหนักของไอ้คนตัวใหญ่ เอี้ยวหน้าหันไปมองยักษ์ผมยาวหน้าเหี้ยมและเสี้ยนในอารมณ์ ผมยิ้มกัดปากล่าง สายตาวิคเตอร์วาววับ ผมยาวถึงบ่ากับหนวดเคราดกครึ้มเหมือนป่าดงดิบยิ่งทำให้เขาดูดิบเถื่อนและเร่าร้อนมากขึ้น เขาไขว้สองมือไว้ด้านหลัง คุกเข่านิ่งและปล่อยให้ผมเด้งก้นเข้าหาเขาเอง วิคเตอร์หลับตา สีหน้าบ่งบอกถึงความสบาย เห็นแบบนั้นผมก็อยากทำให้เขาเสียวต่อนะ แต่ผมเป็นฝ่ายกระแทกเข้าหามาพักใหญ่แล้วก็เริ่มเมื่อย และเหมือนวิคเตอร์จะรู้ เขาเลยลืมตาขึ้น สองมือเลื่อนมาจับเอวผมและกระแทกเข้ามาจนเนื้อกระทบกันดังลั่น ผมใช้ศอกดันกับเสื่อโยคะสีฟ้าที่เอามาปูบนพื้นปูนใกล้กับสระว่ายน้ำ เชิดหน้าขึ้นมองวิวภูเขาเขียวสลับน้ำตาลแห้งและท้องฟ้าสีฟ้าทีมีเมฆสีขาวลอยเอื่อยๆ


“อึ อะ…” ผมใช้มือดันตัวขึ้น วิคเตอร์ก้มตัวลงมาคร่อมผมไว้ สองแขนแข็งแกร่งและอัดแน่นด้วยมัดกล้ามค้ำตัวเขาได้อย่างสบาย ผมหันหน้าไปด้านซ้าย วิคเตอร์แลบลิ้นออกมาผมเลยแลบลิ้นไปเลียกับลิ้นเขา เรารัวลิ้นใส่กันในขณะที่วิคเตอร์ก็รัวสะโพกใส่ผมไม่หยุด ผมดูดลิ้นเขาแล้วเขาก็ดูดลิ้นผม เนื้ออกที่แนบกับแผ่นหลังทำให้รู้สึกอุ่นร้อนในแบบอบอุ่น อกของยักษ์ใหญ่อุ่นใจเสมอเมื่อได้อยู่ใกล้


“แอ…” ผมแลบลิ้นให้เขาดูดกลืนจนเกิดเสียงสวบสาบอยู่พักนึงเขาก็หยุด เขาหอมแก้มผมไปหนึ่งทีแล้วเด้งตัวกลับไป ผมพยายามพลิกตัวนอนหงายเขาเลยหยุดกระแทกแปบนึง ผมพลิกตัวนอนหงาย อ้าขาออก วิคเตอร์เขยิบเข้ามาใช้หน้าขาช่วงต้นรองหลังต้นขาผมไว้จนขาผมลอย ผมใช้ข้อศอกทั้งสองข้างดันช่วงตัวครึ่งบนขึ้น วิคเตอร์วางสองมือไว้ข้างเอวผม ก้มลงดูดริมฝีปากผมสามสี่ทีแล้วปล่อย ก่อนจะเริ่มกระแทกเรื่อยๆ อีกรอบ ผมยกมือขวาไปลูบกล้ามท้องของเขาขึ้นลง วิคเตอร์ก้มหอมขมับผมหนึ่งที ผมปล่อยมือออกจากหน้าท้องเอามาเสยผมเขาขึ้นและจับค้างไว้แบบนั้น ผมมองแก้มแดงก่ำของเขาแล้วนึกหมั่นเขี้ยวเลยยื่นหน้าไปกัดริมฝีปากล่างเขาหนึ่งทีก่อนจะทิ้งตัวลงนอนราบไปกับเสื้อโยคะ ยกสองแขนชูขึ้นเหนือหัว นอนนิ่งให้เขาเด้งเอวใส่ด้วยความสุขและความเสียวที่คุ้นเคย แต่ไม่ว่าจะเคยคุ้นยังไง โดนครั้งไหน ไม่ว่าท่าไหนก็สุขเสียวซ่านเสมอ ผมมองหน้าเขาแล้วยิ้มเขิน วิคเตอร์ยิ้มกว้างตอบ เขาหยุดขยับสะโพกแล้วก้มตัวลงมา สองมือเลื่อนไปจับมือผม ประสานนิ้วเข้าหากัน ผมบีบมือเขาตอบ ยกสองขาขึ้นเกี่ยวบั้นท้ายเขา


“Thank you. I love you. (ขอบคุณนะ ผมรักคุณ)” แม้จะหยุดขยับแต่ยักษ์น้อยก็ยังเสียบอยู่ในรูแน่นไม่อ่อนลง ปลายจมูกเราสองคนเกลี่ยกัน ผมยกหัวขึ้นหอมแก้มเขาหนึ่งที


“To reward me—you have to be a good boy, okay? (เพื่อตอบแทนฉัน ต้องเป็นเด็กดี โอเคมั้ย)” ผมพยักหน้าหงึกๆ และยิ้มกว้าง


“Promise? (สัญญามั้ย)” ผมมองตาเขาแล้วยิ้มทะเล้น วิคเตอร์มองสำรวจผม ก้มลงจูบริมฝีปากผมหนึ่งทีและกลับมามองผมด้วยสายตาสำรวจอีกรอบ พอเห็นผมไม่ตอบเขาเลยกระแทกเข้ามาเต็มเหนี่ยว


ปัก!


“อ้า!!” ผมกรีดร้องลั่น วิคเตอร์กระแทกเข้ามาด้วยแรงอัดเท่าเดิม ผมกรีดร้องอีกครั้งแต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มยั่วเขาเท่าที่ตัวเองคิดว่ายั่วที่สุด วิคเตอร์กัดริมฝีปากล่างแล้วยิ้ม เขาขยับเอวน้อยๆ ผมหัวเราะและหันไปมองข้างๆ ทั้งสองข้างโดยสัญชาตญาณว่ากลัวคนจะได้ยิน แต่พอนึกได้ว่าบ้านวิคเตอร์ตั้งอยู่เนินสูงสุด แทบจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านหลังเดี่ยวก็ว่าได้ถ้าไม่นับหลังที่อยู่ห่างกันออกไปเป็นกิโลก็หันกลับมามองหน้าเขา


“I’m always your good boy. (ผมก็เป็นเด็กดีของคุณตลอดอยู่แล้ว)” ผมว่าอย่างทะเล้น วิคเตอร์กระตุกยิ้มเหี้ยมแล้วปล่อยมือออกจากมือผม ดันตัวขึ้นตั้งตระหง่าน มือขวายกเสยผมที่หล่นมาปรกหน้าเมื่อกี้ ผมยกสองมือขึ้นไปลูบอกลูบกล้ามท้องของเขา วิคเตอร์ขยับเอวไปได้แปบเดียวก็ได้ยินเสียงโวยวายมาจากทางสนามหญ้าฝั่งห้องนอนที่ออสตินใช้นอน


“ไมเคิล!! มานี่!!” ผมกับวิคเตอร์หันไปมอง เห็นออสตินวิ่งหน้าตั้งมาตามสนามหญ้าสีเขียวที่ลากยาว มีไมเคิลตัวอ้วนจ้ำม่ำวิ่งนำหน้าตั้ง วิคเตอร์รีบก้มลงคร่อมผมไว้ตามเดิมเพื่อปิดความโป๊เปลือยให้ผม มือซ้ายผมยื่นไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่มาคลุมตัววิคเตอร์ไว้


“โฮ่ง!! โฮ่ง!!” ไมเคิลมันวิ่งมาถึงเราสองคนก็กระโดดเห่าไปรอบตัว ออสตินที่วิ่งตามมาอย่างเร็วโดยที่ไม่ได้ใส่รองเท้าก็ทำหน้าลำบากใจในสภาพของเราสองคนที่คร่อมกันอยู่ริมสระว่ายน้ำ


“ขอโทษครับ พอดี เอ่อ ไมเคิลมันได้ยินเสียงคุณแมท…” ออสตินตะกุกตะกักสักพักแต่ก็พูดคำสุดท้ายออกมา


“…คราง เอ่อ ร้อง” ผมรู้สึกร้อนแก้มทั้งสองข้างที่ไม่ใช่เพราะแดดยามบ่ายสาดส่องหลังบ้าน ไอ้ยักษ์ยิ้มขำอารมณ์ดีไม่มีความอาย ยังคงหน้าด้านเหมือนเดิม เป็นออสตินซะอีกที่ต้องแสร้งหันไปมองวิวเมืองลอสแองเจลิสในมุมสูงจากหลังบ้านเรา ไมเคิลมานอนหมอบข้างๆ ผม มันย่นคิ้วย่นหน้ามองผมเหมือนกำลังกังวลว่าผมเป็นอะไรรึเปล่า


“I’m good, Michael. I’m good. (ฉันสบายดี ไมเคิล ฉันสบายดีนะ)” ผมยกมือขวาไปขยี้หัวมันเบาๆ มนส่งเสียงแหะๆ และโบกหางตอบรับ ใบหน้าคลายความนิ่วคิ้วย่น


“ไมเคิล มานี่เร็ว” เจ้าหมาตัวโตแหงนหน้าไปมองออสตินที่วางสายตาไม่ถูกที่ถูกทาง จะมองมาทางไมเคิลเต็มๆ เลยก็ไม่สะดวกเพราะวิคเตอร์นอนคร่อมและเสียบคาผมอยู่แบบที่ลูกชายเขาไม่ได้อ่อนตัวลงเลย สายตาออสติก็หมุนไปรอบกระบอกตา เขาทำท่าจะหมุนตัวเดินหนี แต่ก็ชะงักกลับมา เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นออสตินมีท่าทีเงอะงะตัดสินใจไปไม่ถูกสักทาง เห็นแบบนั้นผมเลยหลุดยิ้มขำ


“ให้มันอยู่นี่ก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก” วิคเตอร์บอกพลางขยับช่วงล่างเข้าออกแบบช้าๆ ผมเบิกตากว้างตกใจ ไอ้ยักษ์นี่มันหน้าด้านหน้าทนจริงๆ


“เอ่อ เอางั้นเหรอครับ”


“มันไม่รู้หรอกว่าฉันกับแมททำอะไรอยู่” ออสตินอ้าปากค้าง นิ่งชะงักไปพักนึงก่อนจะพยักหน้าและรีบหมุนตัวเดินหนีไปจากจุดที่ทำให้เขาอึดอัด


“ออสติน เดี๋ยวไดอาน่ามาฉันไม่ว่านะถ้าจะทำบ้าง!” วิคเตอร์ตะโกนบอกแล้วหัวเราะขำๆ ออสตินไม่ได้หันกลับมามองแต่เขาชูมือขึ้นแล้วทำท่าโอเค ผมหัวเราะกรี๊ดด้วยความเขิน โล่งใจแทนออสตินที่อย่างน้อยถ้ารู้สึกอึดอัดก็ไม่ต้องใช้มือ รอแฟนตัวเองมาช่วยก็ได้


“ไง เป็นห่วงแม่แกเหรอ” วิคเตอร์บอกพลางเริ่มขยับเอวให้ผมย่นคิ้วน้อยๆ ไมเคิลที่เอาคางนอนราบไปกับพื้นโบกหางไปมาเบาๆ วิคเตอร์ยิ้มแล้วกดจมูกลงบนแก้มผมอย่างแรง ฝังจมูกลงไปและสูดดมเสียงดังฟึดฟัด ไมเคิลยกหัวขึ้น มองด้วยความสงสัย ผมอดหัวเราะกับหน้าตาของไมเคิลไม่ได้ วิคเตอร์หยุดหอมแก้มผมและดันตัวขึ้นพร้อมกับดึงแขนผมให้ลุกตาม เขาเป็นฝ่ายเอนหลังลง แต่ก็ไม่ได้นอนเอนไปทั้งหลัง พอผมนั่งคร่อมอยู่ด้านบนแบบเข้าที่เข้าทาง เขาก็ดันตัวลุกขึ้นมาหา ผมปล่อยขาลงด้านข้างสบายๆ สองแขนโอบรอบคอเขา สองมือวิคเตอร์ลูบแผ่นหลังผมขึ้นลง ผมใช้สองมือเสยผมของเขาขึ้นแล้วยื่นหน้าไปจูบปากเขาก่อนจะแลบปลายลิ้นออกมาเกลี่ยกันรัว


วี้ดดดด


เสียงผิวปากดังมาจากอีกฝั่งของบ้าน ไมเคิลผงกหัวขึ้นแล้วลุกขึ้นตามลำดับก่อนจะหมุนตัววิ่งกลับไปทางเดิมที่วิ่งหน้าตั้งมาเมื่อกี้นี้ เราทั้งคู่ยิ้ม แล้วผมก็เริ่มออกแรงขย่ม พอนั่งท่านี้ก็รู้สึกเสียวท้องน้อยเสียวไส้ใจจะขาดกับความยาวที่เสียบแทงอยู่ด้านใน ผมแหงนหน้าขึ้น วิคเตอร์ใช้ริมฝีปากดูดลำคอผมขึ้นลง มือขวาของเขาเลื่อนมาชักแมทน้อยที่แข็งตัวอีกรอบ


“ซึ๊ด…” ผมครางเสียงสั่น ปั่นป่วนท้องน้อยทั้งเพราะของวิคเตอร์เสียบอยู่และมือที่เขาช่วยชักให้ และในที่สุดผมก็พ่นน้ำใส่ตัวเขา


“อือ อือ…” มือขวาผมจิกหัวเขาแน่น วิคเตอร์กัดลำคอผมอย่างแรงตอนที่เขาปลดปล่อยตามมาติดๆ ผมร้องซี๊ดเพราะความเจ็บตรงคอกับความเสียวตรงนั้น น้ำอุ่นๆ พ่นเข้าไปเต็มโพรง ผมหยุดขย่ม นั่งหายใจหอบคาตักวิคเตอร์ทั้งที่ตรงนั้นยังเสียบคาอยู่ มือขวาปล่อยออกจากเส้นผมของเขา วิคเตอร์หยุดกัดคอผม ผมยกตัวขึ้นออกจากกระบองยักษ์ใหญ่ น้ำอุ่นข้นไหลเยิ้มตามออกมา ผมนั่งยองๆ สักแปบแล้วเอานิ้วไปแตะน้ำตรงนั้น ยกขึ้นมาดูดกลืน วิคเตอร์ทำบ้าง เขาก้มหน้าลง ใช้นิ้วขวาป้ายน้ำของผมบนหน้าท้องเขาขึ้นมาดูดจนเกลี้ยง ผมนั่งลงบนตักเขาแล้วหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์ยิ้มกว้าง เราจูบปากกันหนึ่งที ผมยกสองแขนโอบคอเขา หอมแก้มเขาหนึ่งฟอด


“I love this sound. It makes me horny. (ฉันชอบเสียงนี้ มันทำให้ฉันเงี่ยx)” ผมหยุดหัวเราะ ตาโตอ้าปากหวอ วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม ก่อนจะแก้ใหม่


“I mean lively. (ฉันหมายถึงสดชื่น)” ผมเบะปากน้อยๆ วิคเตอร์หันไปหยิบกระป๋องเบียร์ที่แช่อยู่ในถังสีน้ำเงินบนโต๊ะไม้เล็กๆ สำหรับปิคนิกนอกบ้าน เขาดึงมาเปิดแล้วกระดกเข้าปาก ผมหอมแก้มเขาอีกทีแล้วเอาคางเกยไว้บนบ่าซ้ายของเขา แขนซ้ายวิคเตอร์โอบหลังผมไว้ ผมมองตัวบ้านสีน้ำตาลอ่อนฝั่งสองชั้น เหม่อลอยเล็กๆ ก่อนเลื่อนสายตามามองสระว่ายน้ำรูปทรงโค้งคล้ายหัวใจแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ผมยังไม่รู้จะนิยามรูปทรงสระว่ายน้ำของบ้านว่ายังไงเหมือนกัน บนยอดมันที่คล้ายหยักลงของหัวใจเป็นสระเล็กคล้ายจากุซซี่


ต้นไม้ที่บ้านนี้ขึ้นหนาทึบแต่ก็ไม่ใช่ป่าดงดิบ เป็นต้นไม้ที่พวกนายหน้าเขาปลูกเอาไว้แล้ว เป็นต้นไม้ต้นใหญ่ๆ ทั้งนั้น บริเวณหลังบ้านปลูกห่างกันสามคนตัวใหญ่ๆ อย่างวิคเตอร์กับออสตินกางแขน ฝั่งซ้ายมือของผมที่ใกล้กับสระว่ายน้ำคือลานที่นั่งผิงไฟ ย่างบาร์บีคิว หรือปาร์ตีต่างๆ ตรงนี้อยู่ใกล้กับส่วนครัวเรือนกระจก เดินเข้าเดินออกยกอาหารเครื่องดื่มสะดวกมากเลยละ หรือจะจัดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำก็ได้ โซนนี้คือเป็นโซนรีแล็กซ์ของบ้าน ผมชอบมานั่งอ่านหนังสือตรงนี้ วิวสวยและลมเย็นดี ต้นไม้ก็ขึ้นปกคลุมแบบพอดีๆ


“ลงสระกัน” ผมหยุดเหม่อมองบ้าน ดึงหน้าออกจากบ่ากว้าง พยักหน้าให้วิคเตอร์ เขากระดกเบียร์จนหมดกระป๋องแล้ววางไว้บนพื้นปูนสีเทาละเอียดรอบสระว่ายน้ำ ลาดแบ่งเขตกับสนามหญ้าที่ลากยาวมาตั้งแต่ต้นบ้านและวนเกือบรอบบ้าน


“เสร็จแล้วไปเตรียมบาร์บีคิววว” ผมว่าอย่างกระตือรือร้น วันนี้จะมีคนมาบ้านเยอะแยะเลย เบนเนดิกท์ อันเดร เอริค โจนาธานที่นานทีๆ จะได้เจอกัน ไดอาน่า และก็มีบาสด้วย บินมาพร้อมกับคุณเบนจากรอบก่อนที่คุณเบนไปหา ผมอยากให้ไวโอล่ามาด้วยแต่กลัวไอ้แฝดตัวป่วนหลุดออกจากท้องเธอซะก่อน


“พวกเซล่ามาด้วยนะ” วิคเตอร์บอกตอนที่เราลงมาในสระว่ายน้ำแล้ว ผมเกาะขอบสระยกเท้าตีน้ำบุ๋งๆ


“เธอจะมากินบาร์บีคิวหรือมากินหัวผมล่ะ” เซล่าอยู่ที่นี่อยู่แล้วเธอเลยสะดวกมา ซึ่งเอเจนซี่หลักของวิคเตอร์ก็อยู่ที่นี่ วิคเตอร์หมดสัญญากับเอมิลี่นานแล้ว แต่ทุกงานที่เป็นของเอมิลี่คือทำด้วยใจ เอมิลี่เองก็มาดูแลเขาเพราะเป็นเพื่อนกันมานาน ตอนนี้เซล่าดูแลวิคเตอร์โดยตรง ถ้าย้ายกลับไปอยู่อังกฤษก็จะเป็นทางนั้นดูแล แต่เวลาวิคเตอร์มาที่นี่ก็เธอนี่แหละมาดูแล


“ไม่ต้องห่วงน่า เซล่าก็เหมือนซอมบี้แหละ กินสมองคน นายไม่โดนกินหรอก” ผมย่นคิ้ว เอ๊ะ?!


“โถ พ่อสมองอิ่ม” วิคเตอร์หัวเราะ ยกมือซ้ายตีก้นผมที่ลอยเหนือน้ำดังป้าบ


“อยากย้ายมาอยู่ที่นี่ก่อนมั้ย จะได้ขายบ้านที่นิวยอร์กเลย เดี๋ยวนายก็ต้องมาทำงานที่นี่เป็นหลัก” ผมหันไปมองหน้าเขาแบบครุ่นคิดสักแปบ


“ก็ดีนะ สะดวกกว่า บ้านนี้ก็กว้างกว่าตั้งเยอะ ไมเคิลคงอยากอยู่ที่นี่มากกว่า อีกอย่างขายแล้วได้ตังค์มาเก็บไว้ก็ดี” บ้านวิคเตอร์ที่นิวยอร์กขายได้ราคาแพงอยู่แล้ว เพราะอยู่ในย่านหรูหรา เดินไปเซ็นทรัลปาร์คแค่สิบห้านาทีเอง ตรงโซนนั้นคือมีแต่อพาร์ทเมนท์ แมนชั่น เพนเฮ้าส์หรูๆ ทั้งนั้น บ้านในโซนนั้นก็มีแต่ระดับไฮเอนท์สมกับราคาแพงๆ ผมถึงได้เริ่มยอมรับกับตัวเองมากขึ้นว่ามีผัวรวยนี่มันดีต่อชีวิตจริงๆ


“ฉันจะได้ให้เซล่าทำเรื่องประกาศขายเป็นเรื่องเป็นราว”


“เจ๊เซล่านี่ก็ทำได้ทุกอย่างจริงๆ” แล้วทำได้จริงด้วยนะ อยากได้อะไรยกเว้นที่มันนอกโลก เจ๊แกจัดให้ได้จริง แม้จะเจ้าระเบียบ ขี้บ่นและชอบจับผิดผมมากไปหน่อยก็เถอะ แต่ในเรื่องการทำงานนางทำดีจริง ต้องยอม


“ของในห้องมหาสนุกล่ะ”


“นายเลือกเอาว่าอยากเก็บอันไหนไว้ จะได้ขนมาที่นี่ก่อน ที่เหลือก็ขายทิ้งในอีเบย์ เดี๋ยวก็มีคนมาซื้อเองแหละ” ผมอมยิ้มแล้วทำจมูกบาน มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกเอาของไปขายในอีเบย์อะ กางเกงในนักกล้ามยังมีเลย แต่การเอาของเล่นชิ้นใหญ่ที่เราเคยใช้ในกิจกรรมอย่างว่าไปขายในเว็บแบบนั้นมันก็จั๊กจี๋นิดๆ นี่ถ้าบอกว่าเป็นของวิคเตอร์ ผมว่าคงหมดเร็วแน่ๆ


“กลับไปเดี๋ยวไปเลือก” จริงๆ เราจะอยู่นี่เป็นเดือนๆ ก็ยังได้ แต่เดี๋ยวต้องกลับอังกฤษบ้าง อยู่นานเกินเดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่านี่คือบ้านเกิดวิคเตอร์ ถือโอกาสกลับไปเยี่ยมไวโอล่าด้วย ส่วนบ้านที่นิวยอร์กอีกไม่นานคงต้องบอกลากัน นึกแล้วก็ยังใจหายทุกครั้ง ที่นั่นคือจุดเริ่มต้นของเราสองคน ผมได้เจอเขาครั้งแรกที่นั่น และได้เรียนรู้ รู้จักกันในบ้านหลังนั้นเป็นส่วนใหญ่


“คุณไม่รู้สึกอะไรจริงๆ เหรอที่จะขายบ้านหลังนั้น” ผมถามเขาในขณะที่ยังต้องเกาะขอบสระไว้อยู่ ปล่อยมือไม่ได้ ปล่อยปุ๊บเห็นแค่หัวคิ้วผมขึ้นไปเท่านั้น สร้างซะลึกเชียว


“ถามอีกละ” ผมย่นคิ้ว ยื่นมือขวาไปดึงผมเขาหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้


“ก็ตอบอีกสิ”


“เราเจอกันที่นั่น ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องสร้างครอบครั้วอยู่ที่นั่นสักหน่อย ฉันอยากไปสร้างครอบครัวกับนายที่อังกฤษ…” ผมห่อไหล่ยิ้มเขิน ไถลตัวเข้าไปเกาะคอเขา วิคเตอร์เลื่อนแขนที่วางบนขอบสระลงไปในน้ำ เอาสองมืออุ้มก้นผมไว้


“…นายกรอกหูฉันตลอดเรื่องการใช้เงิน พอฉันจะตัดสิ่งไม่จำเป็น มาทำลังเล”


“ก็บ้านหลังนั้นย่าซื้อให้คุณ”


“ย่าซื้อให้เพราะให้ฉันหนีพ่อ ตอนนี้ฉันมีที่หนีใหม่แล้ว ย่าไม่ว่าหรอก” ผมยิ้มกว้างแล้วหัวเราะฮึๆ ในลำคอ วิคเตอร์ก้าวเท้าเดินห่างจากริมสระน้ำ พาผมไปยืนตรงกลาง ขนาดว่าวิคเตอร์ตัวสูงยังจมถึงคอ ผมพยายามดันตัวขึ้นเพื่อให้หน้าอยู่เหนือน้ำ ผมหัวเราะกรี๊ดกร๊าดที่วิคเตอร์พยายามพาผมลงไปในน้ำ สุดท้ายเขาก็โยนผมลงน้ำดังตู้ม น้ำกระจายเป็นวงกว้างกระเด็นขึ้นไปบนพื้นปูน ผมรีบแหวกว่ายโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ตีขารัวเพื่อพยุงตัวเอง ผมหัวเราะในลำคอฮือๆ ดันตัวเองเข้าไปหาวิคเตอร์ที่เดินถอยหลังหนีผมไปเรื่อย 


“แอ๊!” ผมร้องกรี๊ดด้วยความหวาดเสียวตอนที่มือจะถึงตัวเขาแต่เขาก็เบี่ยงหนีทัน ผมนึกขอบคุณที่เราไม่มีเพื่อนบ้านแบบรั้วชนรั้ว และคิดว่าไม่น่าจะมี เพราะวิคเตอร์ซื้อที่ดินรอบข้างไปด้วย แต่บ้านที่อยู่ลดหลั่นต่อจากภูเขาที่เราอยู่ลงไปนั้นมี แต่เขาเงยขึ้นมาก็เห็นแค่หลังบ้านลิบๆ เท่านั้นแหละ ตรงนี้วิวดีสุดแล้ว ตอนวิคเตอร์พามาดูผมก็ชอบนะ แค่รู้สึกว่าบรรยากาศมันแห้งๆ ไปหน่อยตามสภาพเมือง ยังดีที่ในบ้านต้นไม้แน่นหนาให้ความร่มรื่นทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ต้นไม้ดอกไม้ปลูกยาวตั้งแต่ถนนเข้าบ้านยันถึงโรงรถด้านนอก แต่ที่นี่ไม่ใช่ว่าแห้งแล้งแบบทุ่งกุลาร้องไห้ที่เมืองไทยนะ คือมันแห้งเพราะมันเป็นเมืองร้อน เมืองอุ่น มีฝนตามช่วงฤดูกาลเป็นปกติ แต่เน้นร้อนกับอุ่น อย่างช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิอากาศก็จะดี๊ดี


“แต่อยู่ที่นี่ ตากล้อง ช่างภาพเยอะมากเลยอะ” หลังจากแหวกว่ายไล่จับกันมาพักนึงผมก็กอดคอเขาไว้ได้เหมือนเดิม วิคเตอร์พาผมกลับมายืนริมสระอีกฝั่ง


“ทำอย่างกับนิวยอร์กไม่มี” เขาว่าพลางบีบก้นผมเป็นจังหวะช้าๆ ผมยกมือเสยผมเปียกของเขาให้ขึ้นไปด้านบน โชว์ใบหน้าหล่อละมุนที่เต็มไปด้วยหนวดและเคราครึ้ม สามารถรับลูกชายรูบีอัส แฮกริดได้แล้วนะตอนนี้


“ก็จริง แต่ถ้าเปรียบเทียบจากแสงแฟลช ที่นี่แสบตากว่า” ที่นิวยอร์กมีตากล้องคอยถ่ายภาพดาราเซเล็บที่ออกมาเดินนอกบ้านมากมาย ก็ไม่ได้ต่างจากที่นี่ แต่ที่แอลเอความรุมความตามติดมีมากกว่านิวยอร์ก ช่างภาพสำนักนึงมีเยอะ เพราะศิลปินดาราอยู่ที่นี่เยอะ ทั้งอยู่ถาวร อยู่แบบชั่วคราว หรือแวะเวียนมาทำงานแปบๆ เลยต้องแบ่งๆ กันไปถ่ายเอามาทำข่าว


“รอบนี้พวกนั้นยังไม่ได้รูปเลย ถ่ายให้มันเอาไปทำข่าวกันหน่อย” ผมตาโต วิคเตอร์พาผมเดินกลับไปจากริมสระฝั่งใกล้กับผนังกระจกฐานเป็นอิฐสีน้ำตาลที่เป็นส่วนยื่นขยายของโซนห้องครัวออกมา ด้านนอกมีเก้าอี้สีดำทรงโค้งเป็นคลื่นสำหรับนอนอาบแดดหรือนอนดูวิววางอยู่บนส่วนพื้นปูนที่เทเชื่อมต่อกับพื้นรอบสระน้ำทั้งหมดสี่ตัว ช่วงดินเนอร์ยกอาหารออกมากินด้านนอกพร้อมกับดูพระอาทิตย์ตกก็แสนจะเก๋


“Your cock is hard again. (ยักษ์น้อยแข็งอีกแล้วอะ)”


“You touch it like you know he is getting up. (นายจับมันเหมือนรู้งั้นแหละว่ามันกำลังแข็ง)” ผมยิ้มกว้างแล้วหัวเราะฮิๆ มือซ้ายบีบความเป็นชายของเขาเบาๆ วิคเตอร์ใช้มือดันตัวเองขึ้นไปยืนบนสระ อาวุธกลางลำตัวของเขาพุ่งตรงแข็งปักราวกับดอกธนูพร้อมยิง เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์มาจิ้มๆ สักแปบก่อนจะส่งให้ผม


“ถ่ายรูปฉัน” ผมรับโทรศัพท์สีดำของเขามาถือไว้ วิคเตอร์เดินไปยืนตรงช่วงขอบพื้นปูนที่ตัดกับพื้นหญ้าแล้วกางแขนขึ้น ผมหัวเราะพลางยกมือถือขึ้นดูมุมกล้อง พระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำลงตามเวลาเกือบจะช่วงเย็นทำให้เห็นวิคเตอร์เป็นเงา ผมเกาะขอบสระและพาตัวเองถอยหลังไปจนถึงขอบสระฝั่งบ้านทรงสูงสองชั้นที่เป็นพื้นที่ของเราสองคน วิคเตอร์หันหน้ามามอง


“ถ่ายรึยัง”


“จะถ่ายแล้ว หันไปๆ” เขาหันกลับไปตามเดิม ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูมุมอีกครั้ง ผมเอียงโทรศัพท์ให้เป็นแนวนอนจะได้เห็นวิวกว้างๆ ผมหัวเราะคิกคักกับภาพที่เห็น ถ้าไม่ได้อาทิตย์เจิดจ้าย้อนแสงกลับมา ภาพนี้จะนู้ดมาก ก้นวิคเตอร์แน่นเว่อร์ กล้ามเนื้อตามแผ่นหลังก็เป็นมัดๆ เขาคงไม่อายหรอก ในซีรีส์จัดเต็มจะตาย


“เสร็จแล้ว!” วิคเตอร์หันเดินกลับมา ลูกชายเขาเด้งเบาๆ เวลาพ่อมันเดิน ผมกระดึ๊บๆ กลับไปที่เดิม ยื่นโทรศัพท์ให้วิคเตอร์ เขารับไปดูพร้อมกับพยักหน้าและกวักมือให้ผมขึ้นจากสระ ผมดันตัวเองขึ้นไปยืนตรงหน้าเขา วิคเตอร์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะปิคนิคตัวเล็ก เอาโทรศัพท์พิงกับกระป๋องเบียร์ที่พิงถังน้ำแข็งไว้อีกที


“ไปยืนที่ฉันยืนเมื่อกี้” ผมเดินตามรอยน้ำหยดไปหยุดยืนตรงจุดที่เขายืน วิคเตอร์ก้มตัวจิ้มมือถือสักแปบก่อนจะก้าวมาห้าเกือบหกก้าวก็ถึงตัวผม เขาเดินเข้ามากอดผมจากทางด้านหลัง ก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมหนึ่งฟอด ค้างไว้สักแปบ พอได้ยินเสียงชัตเตอร์เขาก็ปล่อยแล้วเดินกลับไปที่โทรศัพท์ ผมหันไปมองเขาแล้วยิ้ม ไม่ค่อยได้เห็นมุมบ้าถ่ายรูป บ้าจะลงรูปในโซเชียลของเขาแบบนี้เท่าไหร่ เขาก้มดูภาพในโทรศัพท์สักแปบก่อนจะยักคิ้วแล้วยิ้มกริ่ม


“It’s okay. I like it. (ก็โอเค ฉันชอบ)” และถ้าเขาบอกว่าชอบ นั่นหมายถึงว่าเขาจะอัพ ห้ามไม่ได้ด้วย เขายืนก้มหน้าจิ้มโทรศํพท์ ผมเห็นหน้าตาเขามีความสุขเลยเดินไปคุกเข่าตรงหน้าเขาแล้วใช้ปากอมยักษ์น้อย วิคเตอร์เบี่ยงโทรศัพท์ออกจากตรงหน้า สีหน้าประหลาดใจแว้บหนึ่งก่อนจะยิ้มมุมปาก ก้มตัวลงมาหอมหน้าผากผมหนึ่งทีแล้วยืดตัวตรงเหมือนเดิม


“Keep going. Keep going. (ทำต่อเลย ทำต่อ)” เขาว่าพลางกลับไปจิ้มโทรศัพท์ต่อ ผมใช้มือขวาจับตรงส่วนโคน แลบลิ้นเลียตรงส่วนปลายสีชมพูระรัว วิคเตอร์ครางเบาๆ ในขณะที่กำลังจิ้มโทรศัพท์ ผมดูดอมส่วนปลายเป็นพิเศษราวกับตรงนั้นคืออมยิ้มรสเลิศ วิคเตอร์จิ้มอีกสามสี่ทีก่อนกดล็อคโทรศัพท์ สองมือเท้าเอว ก้มหน้ามองผมแล้วยิ้มให้ ผมยิ้มตอบในขณะที่ลิ้นยังเลียตรงส่วนหัวสีชมพูอย่างเพลิดเพลิน เขายกมือขวาขึ้นเสยผมเปียก ก่อนเลื่อนมือมาลูบหัวผมเบาๆ


“Good boy. (เด็กดี)” เขายืนนิ่งให้ผมดูดเลีย มือขวาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู สักพักโทรศัพท์เขาก็สั่น เขากดรับตามปกติ


“ว่าไง… เออ อยู่บ้านแล้วสิ… อยู่กันกี่คน…” วิคเตอร์อ้าปากครางแบบเบาๆ เปลือกตาหลับพริ้ม เด้งสะโพกเข้าหาปากผมน้อยๆ สองมือผมจับสะโพกเขาไว้และเด้งปากตอบรับสะโพกของเขาด้วยความเข้ากัน


“… อา… เปล่า ไม่ได้คราง… จิ๊ รู้ดี เออ เดี๋ยวให้ออสตินไปรับ… แค่นี้นะ… เปล่า ดูดให้อยู่ริมสระน้ำ แค่นี้แหละ” ว่าเสร็จก็กดวางสาย ท่าทางเขาดูสบายๆ ไม่ได้หงุดหงิด เขาจิ้มโทรศัพท์อีกแปบแล้วก็ยกขึ้นข้างหู รอไม่นานอีกฝั่งก็รับสาย


“ออสติน ไปรับพวกไอ้เบนที่สนามบินที… แต่ไม่น่าจะพอ อาจต้องไปรับสักสองรอบ… อ้า โอ้ว… ไม่งั้นก็หาแท็กซี่ให้คนที่เหลือนั่งมา… โอเค อ่า เท่านี้ละ” เขาวางสาย เอี้ยวตัวไปด้านซ้าย เอาโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะไม้ พอหันกลับมาก็จับหัวผมให้อยู่กับที่ ผมอ้าปากรอ วิคเตอร์เด้งเด้าสะโพกเข้าปากผม ลูกชายเขาสวนเข้าสวนออกในปากอย่างรวดเร็ว


“อั่ก… อ่อก… แอ่ก…” ผมสำลักน้ำลายจนไหลออกจากปากแต่วิคเตอร์ก็ไม่หยุด เขาขบกรามแน่น กระแทกเข้ามารัวๆ แรงๆ จนผมต้องเป็นฝ่ายดันเขาออก


“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” ผมนั่งหอบหายใจหนักมาก ยังไม่ทันหายใจเต็มอิ่ม วิคเตอร์ก็อุ้มผมขึ้นพาดบ่าแล้วหมุนตัวเดินไปทางตัวบ้านโซนพื้นที่ส่วนตัวของผมกับเขา มือขวาตีก้นผมอย่างแรงติดๆ กันหลายทีจนเสียงดังลั่น


“อ๊า!” ผมกรีดร้อง และยกกำปั้นทุบหลังเขาดังตุบๆๆๆ วิคเตอร์ตีตอบโต้กลับมา ผมก็ทุบหลังเขาอย่างไม่ยอม ยังไม่ทันได้เปิดประตูบ้าน เขาก็วางผมลง จับผมหันเข้าหากำแพงแล้วก็ดันส่วนหัวแทงเข้ามาด้านหลังของผม


“อ๊ะ!” เขาจิกหัวผมให้แหงนหน้าขึ้น มือซ้ายยกขึ้นมาตบแก้มผมดังแปะๆ แต่ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดเบาๆ


“You want to fight me, eh, baby? (จะสู้ฉันเหรอ ฮะ ที่รัก)” เขาถามเสียงทุ้มต่ำแล้วขบกรามแน่น แรงกระแทกก็อัดเข้ามาอย่างแรงจนตัวผมเด้งสั่นสะเทือน ผมกัดฟันแน่นแล้วยกมือซ้ายขึ้นจิกหัวเขา วิคเตอร์หยุดกระแทก เล่นเอาผมหายใจหอบหนัก มือซ้ายเขาบีบแก้มผม เขามองหน้าผมด้วยสายตาเหี้ยมก่อนจะก้มลงมาแลกลิ้นกับผมอย่างฟาดฟัน ผมพยายามสู้แต่ก็สู้ไม่ได้ เขาดูดลิ้นผมหนักๆ ทิ้งท้าย และดึงลูกชายเขาออกจากด้านหลัง จับผมหันเข้าหาตัวอีกครั้งแล้วอุ้มผมขึ้นพาดบ่าตามเดิม เขาเปิดประตูสีดำบานใหญ่เข้าไปด้านในบ้านและยกมือตีก้นผมที่แดงเถือกไปแล้วด้วยความแรงกว่าเดิม


“Fuckkk! อ๊า อ๊า!” ผมทั้งจิกทั้งทึ้งผมเขา วิคเตอร์วางผมลง จับผมขึงกับกำแพงแล้วไซ้คอผมราวกับคนตะกละ ผมหายใจหอบ เปลือกตาหรี่ปรือ แหงนคอให้เขาไซ้ด้วยความร้อนระอุในร่างกาย ข้อมือถูกกดแน่นกับกำแพง วิคเตอร์ทั้งไซ้ทั้งดูดเนื้อคอผมจนอารมณ์ผมกระกระเจิง


“Oh.. oh…” ผมร้องครางเสียงสั่น นึกในใจว่าเบียร์แค่สองประป๋องทำเขาคึกอะไรขนาดนี้เนี่ย…










เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :hao3:


              เขามอบรางวัลกันหนักหน่วงจังเลยค่ะคุณแม่ ไม่สตรองจริงมีขาพับขาอ่อนนะคะ แต่กว่าจะสตรองแบบนี้ เอเลี่ยนของเราก็ผ่านการล้มลุกคลุกคลานกับพื้นมาแล้วในระหว่างโดนพี่ยักษ์กระทำชำเรา ต้องขอบคุณลุงแซ็คค่ะในจุนนี้ ซึ่งเรื่องลุงแซ็คยังไม่ได้อัปสักทีเพราะมัวแต่ปั่นเรื่องนี้ให้เสร็จทำรูปเล่ม มีอัปเดตอยู่ที่เพจนะคะสำหรับเรื่องต้นฉบับของเรื่องนี้ ตามไปอ่านอัปเดตกันได้จ้า

          ไมเคิลหวังดี ไมเคิลเป็นห่วงเจ้านาย ไมเคลิไม่รู้ว่าเสียงร้องนั้นเป็นเสียงแห่งความสุขมิใช่การโดนทรมาน ออสตินเจอซีนเด็ดอีกแล้ว เหมือนจะชิน แต่พี่หัวเกรียนของเราก็ไม่ใช่คนหน้าด้านแบบอีพี่ยักษ์อะเนอะ 55555

              ผัวใครคะ รวยจัง มีบ้านสามหลังเลยนะคะ เมื่อก่อนแมทอาจจะมีคิดเยอะคิดแยะเรื่องมีสามีรวย แต่ตอนนี้ไม่แล้วนะคะ ยอมรับได้แล้วค่ะว่ามันคือเรื่องดี

               ช่วงนี้เปิดพรีฯ อยู่ก็จริง แต่ตอมก็อัปนิยายตามปกติ แต่ห้า-หกตอนสุดท้าย จะยังไม่อัปจนกว่าหนังสือจะถูกจัดส่งจนหมดตามที่แจ้งไว้ในรายละเอียดการพรีออเดอร์ค่ะ

          เปิดพรีออเดอร์หนังสือภาคสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ รายละเอียดของหนังสือและรายละเอียดการพรีออเดอร์ตามไปอ่านได้ที่ > พรีออเดอร์ Yours&Mine (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=111)

          เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-12-2017 19:19:58
พี่ยักษ์นี่จะรวยไปมั้ยยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 24-12-2017 19:34:29
เตอร์นี่ผัวแห่งชาติสุดอะ
หล่อ รวย สายเปย์ เยเก่ง
อุ้วววว เผ็จมั่ก!!!
งานนี้แมทต้องมีช้ำในพูดเลอออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-12-2017 19:48:08
แหม.... อ่านตอนอากาศหนาวนี้มันดีจริง ๆ เลย  ทั้งหน้า ทั้งตัวนี้มันอุ่นขึ้นมาโดยไม่ต้องพึ่งเสื้อกันหนาวเลย ฟินนนนน  :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2017 20:38:24
ยักษ์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หื่นกันเต็มเหนี่ยว สุดๆ ท้าแดด ท้าลม  :z1: :pighaun: :haun4:
ไมเคิล น่ารัก ห่วงแมท เพราะได้ยินแมท ร้อง เอ่อ......คราง อะจ๊ากกกกก

ว่าไป สองคนนี่รักกันนานมาก เคมีความหื่นต้องกัน
ไม่น่าเชื่อว่ายักษ์จะหลงเอเลี่ยนแมทได้ยาวนานขนาดนี้
ทั้งที่ดั้งเดิม ยักษ์ชอบหญิงแท้ๆ
แมท ต้องน่ารัก ดึงดูดใจยักษ์มากๆเลย   :o8: :-[  :impress2:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-12-2017 20:52:18
เครื่องในพัง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 24-12-2017 23:21:55
เสียวแทนแมทเลย เขิน อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-12-2017 00:04:09
 :hao6: :hao6: :hao6: :o8:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 27-12-2017 19:37:23
เตอร์แรงดีไม่เคยตกเลย 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.16 100% :24.12.60:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-12-2017 22:03:21
เตอร์กับแมทนี่เผ็ดร้อนตลอดเลย  :pighaun:

แมทได้งานแล้วก็ได้แต่หวังว่าจะไม่บ้างานมากจนทะเลาะกันอีกนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-01-2018 18:52:50
Yours and Mine EP.17 :: Make it clear. (เคลียร์นะ) [50%]



เสียงเพลงดังคลอกับบรรยากาศปิ้งบาร์บีคิว ตรงโซนปิ้งย่างของบ้านใกล้กับสระน้ำที่มีลักษณะเป็นวงกลมเหมือนมีให้ลูกเสือและเนตรนารีพร้อมรำรอบกองไฟ บริเวณนั้นยกพื้นขึ้นแบบมีบันไดให้เดินขึ้นสี่ขั้น แสงไฟสีขาวทำให้รอบบ้านสว่าง ตามกิ่งต้นไม้มีไฟกะพริบสีส้มห้อยอย่างเป็นระเบียบ จังหวะไฟติดดับตามระบบที่ตั้งไว้ ตรงโซนปิ้งย่างมีไฟสลัวๆ ให้แสงสว่าง ตรงนั้นพวกวิคเตอร์กำลังปิ้งบาร์บีคิวกับหมูกินกัน ครัวในบ้านก็มีเซล่า สเตฟาเนีย กับแบรนดอน โฆษกผู้ชายในทีมอีกคนกำลังช่วยกันทำหมูทำไก่เอาไปปิ้งเอาไปย่าง ส่วนผมปลีกวิเวกมานั่งตรงเก้าอี้อาบแดดทรงคลื่นโค้งสีดำที่อยู่ด้านนอกตรงส่วนของเรือนกระจกที่เป็นโซนเดียวกับครัวแต่ยื่นออกมาให้เท่ากับแนวหลังบ้าน เอาบทหนังของอเล็กซ์มานั่งอ่านทำความเข้าใจก่อนหนึ่งรอบและนึกภาพในหัวว่ามันต้องมีอะไรบ้าง อันไหนควรจดก็ยึกๆ ยือๆ ไว้ในสมุดโน้ต ซึ่งอ่านมาได้เกือบครึ่งปึกก็ค้นพบว่า ผมไม่รู้จะทำงบยังไงจริงๆ
           

 

“หนีมานั่งทำอะไรคนเดียวเนี่ย” บาสเดินเข้ามาพร้อมถือจานใส่บาร์บีคิว ใส่หมูย่างพร้อมน้ำจิ้มในถ้วยเล็กมาให้ อยู่แอลเอแต่กินแบบไทยแท้มาก ผมทำน้ำพริกอันนี้เองเลยเพราะเปรี้ยวปากอยากกิน แต่กินไปได้นิดเดียวก็ปลีกตัวเองมานั่งตรงนี้พร้อมกับโค้กหนึ่งกระป๋อง

           

 

“เอาบทหนังมานั่งอ่านดูอะ พยายามทำความเข้าใจอยู่ วิคเตอร์เมายัง” ผมถามพลางมองไปทางวิคเตอร์ที่กำลังนั่งหัวเราะกับเพื่อนๆ อย่างอารมณ์ดี

           

 

“น่าจะยังมั้ง” ผมพยักหน้าหงึกๆ ใช้ส้อมจิ้มเนื้อหมูจุ่มน้ำจิ้มแล้วเอาเข้าปาก อร่อยนุ่มลิ้นมากจริงๆ

           

 

“เอิร์ทเป็นไงบ้าง” บาสขยับแว่นพลางเคี้ยวหมูที่เพิ่งเอาเข้าปากไป

           

 

“ก็ทำงานเป็นนักออกแบบภายในที่ไทยแหละ กลับมาจากอิตาลีมันก็มาเปิดบริษัทเอง ไปได้ดีด้วยนะ” ผมยิ้ม ดีใจกับเอิร์ทที่หน้าที่การงานก้าวหน้า

           

 

“แมทไม่ได้คุยด้วยเลย วิคเตอร์ห้ามแรกๆ สักพักก็หายกันไปเลยอะ เลยไม่ได้ข่าว เฟซบุ๊คเอิร์ทก็ไม่อัปเดตอะไรเลยอะ”

           

 

“มันเลิกเล่นแล้ว ในอินสตาแกรมก็อัปแต่รูปงานมัน”

           

 

“เออใช่ๆ…” ผมพยักหน้าเพราะเห็นในอินสตาแกรมเอิร์ทตามที่บาสว่าจริงๆ

 

 

“…เอิร์ทมีแฟนยังอะ” บาสขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนตอบ

           

 

“มันไม่เห็นเล่าว่าอะไร แต่มันเคยพาน้องผู้ชายคนนึงมาดูหนังด้วยตอนนัดเจอกัน” ผมตาโตเล็กน้อย ยิ้มด้วยความตื่นเต้นเล็กๆ

           

 

“เหรอ แฟนรึเปล่า”

           

 

“มันบอกแค่ว่าก็ดูกันไป น้องเขามาจีบมันอะ แต่หน้าตามาทางแมทเลยนะ”

           

 

“หน้าตาน่ารักอะเหรอ” บาสกำลังจะยัดหมูชิ้นใหม่เข้าปากถึงกับชะงักและเบิกตากว้าง แสร้งทำหน้าตกใจตื่นกลัว ผมหัวเราะคิกคัก

           

 

“แล้วบาสกับคุณเบนล่ะ เป็นยังไงบ้าง” บาสเคี้ยวหมูในปากตุ้ยๆ ไหวไหล่สองข้างก่อนตอบแบบสบายๆ

           

 

“ก็เรื่อยๆ ที่บ้านก็คุ้นเคยกับเบนแล้วแหละ แรกๆ พ่อบาสก็เหมือนมึนๆ งงๆ อะ ต้องให้น้องช่วยอธิบายอยู่นาน” ด้วยความเสือกส่วนตัว ผมมองหาแหวนบนนิ้วมือของบาสแต่ก็ไม่เจอ

           

 

“ได้คุยเรื่องอนาคตกันมั่งมั้ย” บาสย่นคิ้วเล็กน้อย

           

 

“ยังหรอก ตอนนี้ก็สบายใจดี มีแค่คุยกันคร่าวๆ ว่าสุดท้ายแล้วเราจะอยู่ไหนให้เป็นหลักเป็นแหล่ง ที่ไทยเบนมันก็กังวลเรื่องกฎหมายรับรองการแต่งงาน สถานะคู่รักอะไรแบบเนี้ย” ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

           

 

“ใช่ๆ แมทก็เลยเลือกจะอยู่อังกฤษกับวิคเตอร์นี่แหละ แล้วบินกลับไทยทุกปีเอา ที่ไทยเปิดกว้างจริง แต่กฎหมายและสิทธิต่างๆ มันยังไม่คุ้มครองคู่รักเพศเดียวกัน แมทอยากให้ผ่าน แต่ความหวังก็ตั้งมาหลายปีจนจะล้มลงแล้ว”

           

 

“เดี๋ยวบาสกับเบนคงคุยกันจริงจังมากขึ้น มันต้องคิดกันยาวๆ” ผมบุ้ยปากทางซ้ายทีขวาทีก่อนจะตัดสินใจถาม

           

 

“บาสกับคุณเบนอยากมีลูกป่ะ” บาสเลิกคิ้วขึ้นแล้วก็หัวเราะน้อยๆ ก่อนตอบ

           

 

“ถ้าจะให้ท้องเองก็คงไม่ได้ แต่ทางเลือกสมัยนี้มันก็เยอะ บาสอยากมี เบนก็อยากมี ก็คุยกันว่าถ้าอนาคตเรามั่นคงแล้วจริงๆ คงใช้วิธีวิทยาศาสตร์ อย่างน้อยก็ให้เด็กมาจากเชื้อเราจริงๆ” ผมถอนหายใจเบาๆ หน้าตาเนือยเล็กน้อย

           

 

“แมทกลัวว่าวันนึงวิคเตอร์อยากมีลูก แต่ไม่ใช่ทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นทางธรรมชาติ”

           

 

“ยังไม่เลิกกลัวว่าวิคเตอร์จะนอกใจอีกเหรอ” จากที่หน้าเนือยๆ ผมตาโตเบะปากทันทีจนบาสขำ

           

 

“เลิกกลัวได้ที่ไหน วิคเตอร์มันแพรวพราวจะตาย มันดูนิ่ง ดูไม่สนโลก แต่ตะครุบเหยื่อเก่ง แล้ววิคเตอร์เป็นผู้ชายในไทป์ที่ผู้หญิงสนใจง่ายมากอะ แมทไม่รู้ว่าวันนึงมันจะหวนคิดถึงนมคิดถึงหอยขึ้นมาวันไหน”

           

 

“ใช้ชีวิตมีความสุขเหรอแบบนี้” บาสหัวเราะ ผมทำปากยื่น วางปึกบทไว้บนโต๊ะวางอาหาร หันข้างไปทางบาสเพื่อคุยได้ถนัดมากขึ้น

           

 

“มันก็ไม่ใช่ว่ามาทุกวันหรอก พอมันมีแรงกระทบอะไรเข้ามาก็จะทำให้คิดอะ แต่แมทมีความสุขนะ…” ผมยิ้ม เหลือบมองไปทางวิคเตอร์ที่นั่งกระดกเบียร์อึกๆ แล้วกลับมามองบาสตามเดิม

           

 

“…อียักษ์มันขี้หวง ขี้หึง ขี้โมโหแล้วก็โมโหร้ายถ้าใครมายุ่งกับแมท แรกๆ แมทก็อึดอัด แต่ตอนนี้แมทอยู่กับความรู้สึกนั้นได้ อยู่แบบรู้สึกดีด้วย อียักษ์พร้อมทำลายล้างทุกอย่าง แต่มันก็พร้อมโอบอุ้มแมทไว้คนเดียว”

           

 

พรวด!

           

 

วืดดด! กำลังยิ้มเคลิ้มถึงกับรอยยิ้มหด มองบาสที่พ่นชิ้นหมูออกมาจากปากจนหล่นลงบนพื้นปูน

           

 

“เฮ้ย ขอโทษๆ เหมือนเจอก้อนหินในหมูเลยรีบพ่นออกมา” พ่นจังหวะดีเชียว ให้ความรู้สึกเหมือนบาสอ้วกใส่เรื่องราวความรักของผมเลย ผมหยิบโค้กขึ้นมากระดก บาสใช้ทิชชูเก็บเศษหมูขึ้นมาแล้วปาลงถังขยะใบใหญ่ที่วางอยู่บนสนามหญ้า

           

 

“แล้วถ้าวิคเตอร์ขอมีลูกขึ้นมา แมทจะทำไงวะ” บาสถามพลางหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบ

           

 

“วิคเตอร์เคยบอกว่าเราจะไปปรึกษาหมอด้วยกัน ก็คงเป็นแนวเดียวกับบาสแหละ แต่ตอนนี้น้องสาววิคเตอร์กำลังท้อง บางทีเขาอาจจะไม่อยากปวดหัวเพิ่มแล้ว เพราะเราคงต้องช่วยกันเลี้ยง” พูดแล้วก็ตื่นเต้นอีกละ เจ้าแฝดตัวป่วนป่านนี้คงซ้อมตบตีกับลุงยักษ์ของตัวเองในท้องอยู่ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงกลายๆ กำลังจะเข้าหน้าหนาวผมก็จะได้เจอเจ้าสองคนนั้นแล้วละ

           

 

“ก็ดีนี่ เด็กคนนี้อาจจะเกิดมาเพื่อเป็นลูกแมทกับวิคเตอร์ก็ได้” ผมยิ้มกว้าง พยักหน้าแรงๆ ด้วยความปลื้มใจ สักพักบาสก็แหงนหน้าขึ้นมองอะไรที่ด้านหลังผม ผมบิดคอแหงนมองตามก็เจอกับเซล่าที่กำลังถือไอแพดอยู่ในมือ เธอกระตุกยิ้มให้ผมและเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้อาบแดดตัวที่สาม ผมเหวี่ยงขาลงบนพื้นและนั่งในท่าปกติ

           

 

“What’s wrong? (มีอะไรเหรอครับ)” เธอเลื่อนสายตาไปทางบาส ผมไม่ได้หันไปมอง แต่พูดกับบาสเป็นภาษาไทยว่าไม่ต้องลุกไปไหน ให้นั่งกินหมูอยู่ที่เดิม บาสตอบแค่อือกลับมาเหมือนรู้กัน

           

 

“He can’t speaking or listening English. You can speak with me. (เขาพูดหรือฟังภาษาอังกฤษไม่ออก คุณพูดกับผมได้เลย)” เซล่าโยกคอน้อยๆ พร้อมกับกลอกตาว่าไม่เชื่อ แต่เธอก็ไม่ได้คิดผลักไสไล่ส่งบาสให้ไปไหนไกล

           

 

“I just want to make it clear with you about the status of Victor. (ฉันแค่อยากจะเคลียร์เรื่องสถานะของวิคเตอร์ให้เข้าใจตรงกัน)” ผมพยักหน้า เธอไม่ได้พูดประเด็นนี้บ่อยนะ หลังจากตอนนู้นนที่ไฟต์กันไป เธอก็ไม่ได้มาก้าวก่ายอะไรอีก แค่มีเตือนๆ มา หากอะไรที่มันดูมากไป แรกๆ ผมก็มีรำคาญ แต่พอเห็นว่าเธอเองทำเพราะต้องการปกป้องสถานะพระเอกของวิคเตอร์ ผมก็เลยไม่คิดรำคาญและพยายามให้ความร่วมมือเท่าที่จะทำได้

           

 

“รูปที่วิคเตอร์อัปลงอินสตาแกรมวันนี้กำลังเป็นหัวข้อข่าวในหลายสำนัก” เธอยื่นไอแพดมาให้ผมดู ในรูปเป็นเว็บข่าวของสำนักข่าวบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งลงรูปที่วิคเตอร์ลงในอินสตาแกรม เขาลงไปรูปเดียวคือรูปที่หันหลังถ่ายกับผม ในรูปเห็นแค่หัวผมลิบๆ กับขายืนซ้อนเขาด้านหน้า มองไม่ออกเลยว่าเป็นใคร ที่เป็นประเด็นคือเรื่องความเซ็กซี่ของวิคเตอร์กับใครคือคนในอ้อมกอดเขา และตอนนี้ใครที่ติดตามข่าวนี้อยู่ก็รู้แล้วว่าเขาอยู่ LA

           

 

“เรื่องเธอกับเขามันยังไม่กระจ่างมากพอที่ใครจะเอามาเล่นข่าวได้ตรงๆ แต่ทุกคน ในที่นี่ฉันหมายถึงคนที่ติดตามข่าวเธอสองคนอยู่…” ผมพยักหน้าหนึ่งทีพร้อมกับยื่นไอแพดคืนเธอ เซล่ารับไปวางไว้ข้างตัว

           

 

“…ทุกคนจับจ้องเธอมากว่าใช่คนรักของเขาหรือเปล่า ข้ออ้างว่าเป็นน้องชายของญาติอะไรก็ตามแต่ บอกตรงๆ ว่ามันช่วยได้ไม่นานหรอก จะบอกว่าเป็นผู้ติดตามก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเธอตัวติดกับเขาตลอด ทั้งภาพหมู่หรือภาพคู่ที่ถ่ายมา ในนั้นมีเธอเสมอ วิคเตอร์เก่งที่นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ ทำให้สื่อไม่ขุดคุ้ย ไม่ก้าวก่าย เนื่องด้วยไม่มีหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากพอ…” เซล่ายืดตัวตรงนั่งอย่างผ่าเผย เธอหยิบไอแพดมาวางไว้บนตัก

           

 

“…ถึงแม้รูปนี้จะบอกอะไรไม่ได้ แต่มันก็เป็นการประกาศว่าวิคเตอร์กำลังคบกับใครสักคนอยู่ ไหนจะภาพที่เมืองไทยที่เขาถ่ายเธอกลางทะเล ซึ่งเธอก็เป็นคนไทย ฉะนั้นการเชื่อมโยงจะกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น”

           

 

“วิคเตอร์ก็แค่อยากอัปรูปบ้าง ส่วนตัวผมเคยอัปเกี่ยวกับเขาแค่รูปเดียวเท่านั้น คือรูปผมนอนบนรอยสักตอนวันเกิดผม”

           

 

“ฉันห้ามพวกเธอเรื่องโซเชียลไม่ได้หรอก แต่สิ่งที่ฉันอยากจะให้เธอเข้าใจนะแมท…” เธอพ่นลมหายใจ ยกขาขวาขึ้นไหว่ห้างอย่างมีมาด

           

 

“…เธออาจจะคิดว่าวงการนี้ ที่นี่ มีฝีมือก็เพียงพอแล้ว เรื่องรสนิยมอะไรไม่เกี่ยวกัน ใช่ มันเป็นแบบนั้น แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่กระทบอะไรกับเขาเลย” ผมกลืนน้ำลายลงคอและพยักหน้าน้อยๆ เธอมองบนแว้บหนึ่งแล้วยักไหล่ทั้งสองข้างท่าทางปลงๆ

           

 

“…” เหมือนจะอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมก็พูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา

           

 

“ซีรีส์เรื่องใหม่ของเขากำลังไปได้สวย เรทติ้งดี กระแสดี และตัวเขาได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ฉากเซ็กส์ของเขากับคลอเดียเป็นที่พูดถึงอย่างมาก เพราะคนดูอินกับเคมีของทั้งสองคน ทุกคนลืมสนใจไปเลยว่าผู้ชายคนนี้มีกระแสเรื่องมีคู่รักเป็นผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉัน…” เซล่ากระตุกยิ้มมุมปาก ผมยิ้มแห้งๆ

           

 

“…ฉันไม่ได้มาบอกให้เธอเลิกกับเขา หรือให้เขาเลิกกับเธอ ฉันแค่ต้องการให้เข้าใจว่าสิ่งที่ฉันต้องการนั้นคืออะไร”

           

 

“ครับ” ผมได้แต่รับฟัง ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกแย่ ก็แค่รู้สึกไม่ดีนิดหน่อย

           

 

“มันจะดีกว่ามั้ยถ้าไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวของเขาไปมากกว่านี้ ฉันเตือนเขา เขาไม่ฟังหรอก นอกจากเธอคนเดียว…” ผมเกือบจะหลุดยิ้มแต่ก็ต้องเก๊กหน้านิ่งไว้

           

 

“…ทุกคนกำลังโฟกัสวิคเตอร์ที่ความหล่อ เท่ ดิบ เถื่อน เป็นผู้ชายสายสตรอง มาทั้งจากชีวิตจริงของเขาและในหนัง ซีรีส์ โฆษณา หรือถ่ายแบบ ฉันไม่อยากให้เรื่องของเธอมาทำลายโฟกัสนั้น ทุกคนกำลังอินวิคเตอร์ในแบบที่เขาเป็น หรืออย่างน้อยคนเหล่านั้นก็เชื่อว่าเขาเป็นแบบที่สายตาตัวเองเห็น ตอนนี้ทุกคนยังไม่เห็นเธอชัดเจน มันอาจจะเลือนลาง คลุมเครือ แต่ทุกคนก็จะยังคงปักใจเชื่อในสิ่งที่เห็นจากตัววิคเตอร์คนเดียวมากกว่า” ผมเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ เธอไม่ได้บังคับตรงบังคับอ้อมใดๆ ทั้งสิ้นว่าให้เราสองคนเลิกกัน แค่ขอให้ช่วยรักษาสถานภาพผู้ชายแบบที่ไม่มีแฟนผู้ชายเอาไว้ให้หน่อย

           

 

“วิคเตอร์อาจจะไม่แคร์ แต่ฉันและทีมงานทุกคนแคร์ เพราะมันหมายถึงอนาคตของเขา ใช่ว่าถ้าเปิดเรื่องเธอชัดเจน เขาจะไม่มีงาน ไม่มีเงิน แต่สถานภาพทางการแสดงของเขาจะเปลี่ยนไป มันจะถูกลดทอน ลดบทบาทลงมาทันที ฉันเชื่อว่าเขาจะยังได้รับโอกาสดีๆ อยู่ แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมนักหรอก เธออาจจะไม่รู้ว่าตอนนี้วิคเตอร์เขาเป็นที่ต้องการของค่ายหนัง ของผู้กำกับมากมายขนาดไหน โอกาสมากมายรออยู่ตรงหน้า ฉะนั้นฉันต้องกังวลและกลัวไว้ก่อน” ผมพ่นลมหายใจเบาๆ หันไปมองด้านหลังก็ยังคงเจอบาสอยู่ที่เดิมแต่เปลี่ยนเป็นนอนเล่นเกมในมือถือแทนกินหมู ผมหันกลับมามองเซล่า เธอยังคงมีทีท่าสงบเยือกเย็น

           

 

“ผมจะระมัดระวังมากขึ้น แต่เรื่องการใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ผมคงห้ามพวกนักข่าวไม่ได้” เซล่าโบกมือขวาขึ้นหนึ่งทีพร้อมกับยิ้มแบบไร้กังวล

           

 

“อย่าเป็นห่วงตรงนั้นไป ฉันว่ามันกลายเป็นภาพธรรมดาไปแล้วที่จะเห็นเธอกับวิคเตอร์อยู่ด้วยกันในฐานะพี่ชายน้องชายตามที่เขาบอกไปครั้งแรก แม้มันจะเชื่อยาก แต่มันก็เป็นภาพชินตา ดีไม่ดีคงคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในทีมฉันแล้วก็ได้ ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน ทำให้เห็นเป็นปกติ คนจะได้ไม่โฟกัสความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามาก แต่ถ้าให้ฉันแนะนำก็เอาออสตินไปด้วย หรือจะให้แบรนดอนหรือสเตไปด้วยก็ได้” ผมพยักหน้าเบาๆ เซล่ายิ้มน้อยๆ เหมือนเป็นการขอบคุณ เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านผ่านประตูกระจกบานเลื่อนของเรือนกระจก ผมพ่นลมหายใจยาว เหวี่ยงขาขึ้นมายืดบนเก้าอี้อาบแดดตามเดิม มองเลยผ่านบาสไปก็เห็นวิคเตอร์กำลังเล่นสนุกสนานกับเพื่อนๆ ด้วยการแข่งกันดื่มเบียร์จากถัง

           

 

“มีแฟนเป็นซูเปอร์สตาร์รู้สึกยังไงบ้างครับคุณแมท” บาสหันหน้ามาแซว ผมยิ้มแล้วตอบชิลๆ

           

 

“เอ็กซ์คลูซีฟ” ผมหัวเราะ บาสหัวเราะตามก่อนกดปิดเกมบนมือถือไป ผมเอนหัวนอนบนหัวของเก้าอี้ที่ยกสูงเป็นคลื่นขึ้นมา เห็นดวงดาววิบวับเล็กน้อยบนท้องฟ้าสีดำ

           

 

“เคยคิดจะถอยให้วิคเตอร์เดินหน้าไปกับอาชีพตัวเองป่ะ” ผมย่นคิ้วครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนจะสั่นหัว

           

 

“ไม่นะ เพราะอยู่กับแมทก็ก้าวหน้าได้” บาสหัวเราะ

           

 

“อันนี้ยังไม่คิดมากเลย แล้วทำไมไปคิดมากเรื่องวิคเตอร์จะมีคนอื่น” ผมบู้ปาก

           

 

“มันไม่เหมือนกันอะ”

           

 

“เรื่องแบบนี้แม่งก็ตอบยากว่ะเอาจริง กับเบน บาสก็เคยคิด แต่คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา บาสว่าสิ่งสำคัญคือปัจจุบัน กังวลแต่อนาคต ชีวิตแม่งพัง” ผมเด้งตัวลุกขึ้น หยิบช้อนส้อมมาจิ้มหมูเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ

           

 

“เออ ไม่คิดมากละ กินดีกว่า หิวอะ” เอาจริงๆ ทุกวันนี้มันก็มาแบบแว้บๆ ไม่ได้ฝังหัว มีแว้บมาแว้บไป แต่ไม่ใช่เรื่องเตือนใจขนาดนั้น ยิ่งทุกวันนี้ยอมรับความจริงที่ว่าการมีผัวรวยเป็นเรื่องดี ต้องกอบโกยทุกโมเม้นต์ อ๋อ ไม่ใช่ แบบนี้ไม่นางเอกเลยอะ

           

 

“เอเลี่ยนนนน!!!!” ผมที่กำลังเคี้ยวหมูตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อยและบาสที่กำลังนอนเล่นเกมถึงกับสะดุ้งหันไปมองตรงสระน้ำที่ไอ้ยักษ์ผมยาวกำลังยืนมองซ้ายมองขวาแบบมึนๆ อยู่

           

 

“ตามหาแล้ว ไปหาก่อนไป” ผมวางจานหมูลงบนโต๊ะ ยกกระป๋องโค้กที่เริ่มหายเย็นขึ้นดื่มจนหมดก่อนวิ่งเหยาะๆ ไปหาวิคเตอร์ที่หันมาเจอผมก็ยิ้มกว้าง เขาอ้าแขนรับผมเข้าไปในอ้อมกอด

           

 

“หายไปไหนมา” เสียงอ้อแอ้ หน้าแดงก่ำ แบบนี้คือกรึ่มละ สักพักเดี๋ยวจะคึกมากกว่าเดิม ยิ่งเพลงดังๆ มันส์ๆ แบบนี้ด้วย ยิ่งเป็นแรงยุชั้นดี

           

 

“นั่งอ่านบทกินหมูอยู่นู่น” ผมยิ้มแฉ่ง วิคเตอร์หัวเราะอ้อแอ้และก้มลงหอมแก้มผมหนึ่งฟอด เส้นผมของเขาปลิวไปตามลมยามค่ำ พลิ้วไหวยิ่งกว่าพรีเซ็นเตอร์แชมพูแบรนด์ใดๆ

           

 

“มีอะไรรึเปล่า” เขายิ้มเมา เริ่มพาผมโยกตามจังหวะเพลง เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ เขาดังอยู่ด้านหลังตรงโซนปาร์ตี้ปิ้งย่าง

           

 

“อยากกอด หายไปนาน ฉันเหงา” ผมย่นคิ้วแล้วยิ้มขำ ไอ้ยักษ์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมกะพริบตาปริบๆ มองด้วยความงง ไอ้ยักษ์ยักคิ้วกลับมาสองทีแล้วคลี่ยิ้มกว้างจนร่องแก้มขึ้น ผมมองแก้มแดงปลั่งและตาเยิ้มของเขาแล้วก็ยิ้มเขินเก้อๆ

           

 

“อะไรล่ะ” ผมถามด้วยความรู้สึกเขิน วิคเตอร์มองผมตาเยิ้มเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นและทำหน้าหยอก

           

 

“เมียจ๋าาา” เขาพูดเป็นเสียงลม อ้าปากกว้างและทำคอยึกยักแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นในเวลาปกติ ผมหัวเราะชอบใจ สองมือยกขึ้นลูบแขนล่ำของเขาที่โผล่พ้นจากเสื้อกล้ามสีขาว

 

 

คืนนี้มีลางว่าจะไม่ได้นอนยังไงก็ไม่รู้ ไม่ใช่เพราะไอ้ยักษ์นะ เพราะผมนี่แหละ เขารู้ว่าผมรู้สึกยังไงเวลาเขาเมาแล้วมาทำอ้อแอ้อ้อนแอ้นใส่แบบนี้

 

 

“เตอร์อ้ะ!” ผมพูดเป็นภาษาไทยเสียงสอง ก้มหน้าด้วยความเขิน แต่สองมือบีบแขนล่ำของเขาด้วยความมันเขี้ยว

 

 

“อะ อะ อะ อะ” เขาอ้าปากกว้างเป็นยิ้มทะเล้นผสมเจ้าเล่ห์แล้วทำเสียงร้องครางล้อเลียน ผมหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์จับตัวผมไว้แล้วเด้งเป้าเข้าชนตัวผมหลายๆ ทีติดกันจนผมหัวเราะเสียงดังด้วยความสนุกสนาน

 

 

ถึงจะมีความเจ้าชู้อยู่ในตัวเยอะ แต่ความรักที่ไอ้ยักษ์มีให้ผมนั้นเยอะกว่า คิกๆ

 







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


              สวัสดีปีใหม่ค่าทุกคนที่ตามกันอยู่ในเว็บเล้าเป็ดนี้นะคะ ซึ่งจริงๆ ก็ได้ทำการสวัสดีปีใหม่คนอ่านของขุ่นเจ้ไปแล้วในเพจเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ แต่มาสวัสดีในนี้อีกที

               เรื่องราวช่วงนี้ก็เป็นการเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ อะเนาะว่าชีวิตทั้งสองคนเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันอาจจะดูเรียบๆ ชิลๆ ไปหน่อย แต่จริงๆ เรื่องนี้มันก็ไม่หวือหวามาตั้งแต่แรกแล้วอะเนาะ ก็ถือว่ามาอ่านไดอารี่ 555555 ซึ่งใครยังตามอ่านในเว็บอยู่ ขอบคุณมากกกๆ คือโซเชียลมูปเม้นที่แท้จริง

               เรื่องความกลัวในใจแมทมันก็น่าจะเอาออกยากด้วยพฤติกรรมของวิคเตอร์และความคิดเยอะของแมทเอง แต่ก็อย่างที่นางว่าปิดท้ายตอนนี่แหละค่ะ ความรักที่ผัวนางมีให้มันเยอะกว่าความเจ้าชู้นั้น และใช่ค่ะ เรารู้สึกหมั่นไส้

               ชีวิตดีนักใช่มั้ยยะ หึๆ เดี๋ยวเจอกัน / ยิ้มอ่อน

               ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงภาคจบมากๆ ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันในทุกๆ ช่องทาง บางทีด้วยความที่เรื่องมันก็นานแล้ว เลยอาจจะทำให้คนอ่านหายไปเพราะนึกว่าสตาร์วอร์ 55555 นานเกิ๊นนน แต่ภาคนี้ก็จะปิดไตรภาคที่แท้ทรูแล้วนะคะ จำนวนตอนจบยังฟันธงไม่ลงว่าจะ 35 หรือ 36 รึจะเกินก็ยังไม่รู้ 55555 แต่จบที่ตรงนี้ และเซย์กู๊ดบายกันในอีกไม่กี่เดือน อย่าเพิ่งรีบใจหาย ยังค่ะ อีกพักใหญ่ๆ ค่อยใจหาย จะมีคนใจหายกับฉันมั้ย 555555

             ช่วงนี้เปิดพรีฯ อยู่ก็จริง แต่ตอมก็อัปนิยายตามปกติ แต่ห้า-หกตอนสุดท้าย จะยังไม่อัปจนกว่าหนังสือจะถูกจัดส่งจนหมดตามที่แจ้งไว้ในรายละเอียดการพรีออเดอร์ค่ะ

          เปิดพรีออเดอร์หนังสือภาคสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ รายละเอียดของหนังสือและรายละเอียดการพรีออเดอร์ตามไปอ่านได้ที่ > พรีออเดอร์ Yours&Mine (https://my.dek-d.com/missatomic/writer/view.php?id=1249884)

         

       แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-01-2018 19:45:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-01-2018 20:15:08
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-01-2018 22:06:47
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ

วิกเตอร์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ในใจแมท ยังระแวงว่าวันหนึ่งเตอร์จะกลับไปหานม หาหอย อยากมีลูก
มันก็น่ากลัวอยูนะ อ่านๆมาก็เคยเจอเรื่องแบบนี้
แล้วให้รู้สึกสงสารฝ่ายที่ถูกทิ้ง เศร้า อิน ตามไปด้วย
มันเหมือนหักหลังกัน แทงกันข้างหลังชัดๆ
ทั้งที่ก่อนนี้ก็รักกัน หลงกันจะเป้นจะตาย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่คิดแบบบาส ก็ถูกนะอยู่กันปัจจุบันดีกว่า ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ดีกว่าไปกังวลเรื่องในอนาคต ที่ไม่แน่ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด
แต่ที่แน่ๆ คนคิดไม่มีความสุขที่ควรจะมีไปแล้ว  :z3: :z3: :z3:
         :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-01-2018 22:37:56
ยักษ์น่ารักจะตายไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-01-2018 23:01:54
ดีใจด้วยที่ชีวิตคู่ไปได้ด้วยดี สุขสงบดีแล้วนะ เป็นอย่างนี้ตลอดไปเลยนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-01-2018 23:17:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 03-01-2018 01:31:34
สวัสดีปีใหม่ค้าาา

ขอให้คู่นี้รักกันนานๆนะคะ

ให้คนเขียนสุขภาพแข็งแรง แฮปปี้ๆ แต่งเรื่องสนุก อย่างนี้ให้เรานะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 03-01-2018 10:33:10
ดูราบรื่น ลมสงบนะ จะไม่มีไรตามมาใช่มะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 50% :02.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Mynamehoneyy ที่ 04-01-2018 00:19:34
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-01-2018 19:17:11

Yours and Mine EP.17 [100%]



ผมบินกลับมานิวยอร์กกับออสตินก่อน ส่วนวิคเตอร์ต้องอยู่ทำงานต่อที่แอลเอ แต่มีคุณเบนกับบาสอยู่เป็นเพื่อนเกือบเดือน เพราะบาสมาเที่ยว ผมอยากไปเที่ยวด้วยแต่ก็ต้องกลับมาทำงาน เพราะอเล็กซ์ให้ผมพาผู้ช่วยผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มาดูโลเคชั่นที่นิวยอร์กที่จะใช้เป็นส่วนหนึ่งในหนัง ไม่ใช่ทั้งเรื่องหรอก มีอยู่หกเจ็ดซีนเอง หนังเรื่องนี้มีถ่ายที่นิวยอร์ก ที่เซ้าท์แอฟฟริกา แล้วก็ปิดท้ายที่ไทย ซึ่งที่ไทยผมต้องรับผิดชอบ อันที่จริงผมก็ต้องรับผิดชอบหมดนั่นแหละ เพราะตำแหน่งผมคือหัวสมองของกองถ่าย ซึ่งสมองจริงๆ ผมเล็กมาก ไม่รู้ว่าอเล็กซ์คิดยังไง ให้คิดงบผมคิดอยู่ห้าวันเต็มที่เขาให้เวลานั่นแหละ มีวิคเตอร์ช่วยงึมงำๆ แบบที่ก็พอช่วยได้อยู่บ้าง ผมต้องโทรไปขอความรู้จากเดวิด อยากจะขอจากพีทอยู่นะ แต่จบเรื่องนั้นแล้ว ก็คิดว่าพอเท่านี้ดีกว่า สุดท้ายก็คิดได้แบบมั่วซั่วมาก และอเล็กซ์ก็มาบอกตอนหลังว่าจริงๆ งบคิดเสร็จหมดแล้ว แค่อยากเห็นว่าผมจะทำงานออกมาเป็นยังไง ซึ่งก็

 

 

‘ไม่เป็นไร ตอนฉันทำครั้งแรกก็ห่วยแตกแบบนี้แหละ’ มันคล้ายว่าจะให้กำลังใจนะ แต่ก็เป็นประโยคด่าไปในตัว ผมก็ได้แต่ยิ้มรับ และรับงานที่อเล็กซ์กับโปรดิวเซอร์คนที่ผมพามานิวยอร์กทำไว้หมดแล้วมาศึกษา ผมโคตรรู้สึกอึดอัดในตอนแรกที่ผมเด็กกว่าแล้วต้องมาเป็นผู้นำคนแก่กว่า แต่โปรดิวเซอร์ใจดีมาก เป็นคุณลุงลุคซ์ยังหนุ่มอารมณ์ดี คุยกับผมเป็นมิตรมาก แล้วก็ช่วยสอนงานผมไปในตัว ส่วนผู้ช่วยก็นิสัยดี แต่อาจจะเงียบๆ สักหน่อย

 

 

“อย่าคิดมาก เราคือทีมเดียวกัน แค่มีตำแหน่งนำหน้าเฉยๆ” เขาบอกตอนที่ผมพามานั่งร้านจีอันนาหลังจากเดินดูโลเคชั่นเสร็จแล้ว เขาจะบินกลับแอลเอวันมะรืน มีกำหนดดูโลแค่สามวัน

 

 

“ขอบคุณนะครับ ผมจะพยายามกังวลให้น้อยลง”

 

 

“ช่วงนี้งานยังไม่หนักก็ตักตวงความรู้ไปก่อน แต่ฉันจะไม่บอกว่าอเล็กซ์ใจดีหรอกนะ” ผมหัวเราะกับมุกตลกของเขา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปเห็นฌอณในเวอร์ชั่นใหม่ที่กำลังเสิรฟ์เครื่องดื่มให้ลูกค้า เขามองมาทางผมแล้วยิ้มให้ ผมยิ้มตอบกลับไป แต่หัวใจก็สั่นด้วยความกลัวเล็กน้อยด้วยความที่ภาพที่เขาเคยทำร้ายร่างกายผมย้อนเข้ามา เขาเดินผ่านผมไปตามปกติ กลับไปยืนประจำที่เดิมของเขาหลังเค้าน์เตอร์ ผมพ่นลมหายใจเบาๆ และตั้งสติให้กลับมาคุยงานตามเดิมกับโปรดิวเซอร์และผู้ช่วยผู้กำกับ

 

 

“ฉันว่าวันนี้เราพอแค่นี้แหละ แยกย้ายกันได้ เลิกงาน จบงานเท่านี้พอ” ผมนึกประหลาดใจปนดีใจเล็กๆ ที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินหรอก บอกเลิกกอง แต่อีแมทกลับเหนื่อยจนจะไปกองกับพื้น

 

 

“เดี๋ยวผมไปส่ง…”

 

 

“…ไม่ ไม่ ฉันกลับกันเองได้น่า นายจะไปหาเพื่อนก็ไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน” ทั้งสองคนลุกขึ้นพลางส่งยิ้มให้ ผมยิ้มด้วยความสบายใจกลับไป เขาทิ้งเงินค่าอาหารไว้ให้แล้วหมุนตัวเดินออกไปพร้อมกัน ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้บ่ายสามโมง ผมมีนัดกับเอมิลี่ว่าจะไปช่วยงาน แต่ครั้งนี้เธอรีเควสมาเองเพราะว่าคนขาดกะทันหัน ผมลุกขึ้นเดินไปตรงเค้าน์เตอร์ ส่งยิ้มให้กับฌอณเวอร์ชั่นเบาๆ

 

 

“จะไปแล้วเหรอ” ผมพยักหน้าสองสามที

 

 

“มีงานต่อน่ะ คุณสบายดีมั้ย” ฌอณยิ้ม ยื่นมือมารับเงินจากมือผมไป แล้วกดเครื่องคิดเงินอย่างคล่องแคล่ว ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

 

 

“สบายดี” ผมกระตุกยิ้ม มองภาพที่เขากำลังคิดเงินด้วยความไม่คุ้นตา เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขานะ ถึงทำให้เขาพลิกเป็นอีกคนได้ขนาดนี้ ฌอณเลื่อนสายตามามองผมที่กำลังมองเขาแบบครุ่นคิด เขามองตอบกลับมา ชั่วแว้บหนึ่งผมสะดุ้งตกใจเพราะเหมือนเห็นสายตาแข็งกร้าวที่เคยมองผมในอดีต แต่พอตั้งสติดีๆ ก็เห็นแค่ว่าเขามองผมนิ่งๆ ด้วยความสงสัยเฉยๆ

 

 

“ขอโทษทีครับ มองหน้าคุณแล้วกำลังคิดอะไรเพลิน” ฌอณยิ้ม ยื่นตังค์ทอนให้ผมและมองผมด้วยสายตาสำรวจ คิ้วของเขาย่นเข้าหากันเล็กน้อย

 

 

“ฉันคุ้นหน้านายจริงๆ นะ ฉันรู้สึกคุ้นกับนาย” ผมยิ้มแห้ง อยากจะแก้คำเขาเหลือเกินว่าไม่ใช่คุ้นแต่เป็นเคียดแค้น

 

 

“ความรู้สึกคุ้นเคยกับใครสักคนทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนก็เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดาแหละครับ” ฌอณทำหน้าประมาณว่างั้นเหรอ ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับกับประโยคนั้นของผม

 

 

“แล้วเจอกันนะ ฉันชอบที่ได้เจอนาย มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะได้อะไรกลับคืนมา” ผมนิ่งค้าง มองเขาด้วยความใจหายวาบ รู้สึกไม่ดีแปลกๆ การได้กลับคืนมาของเขาคือความทรงจำที่หายไป และถ้าเขาจำได้ ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะเกลียดผมต่อเนื่องจากความรู้สึกที่หล่นหายไปหรือเปล่า ผมอยากให้เขาจำอะไรไม่ได้แบบนี้ต่อไป

 

 

“เอ่อ… ไว้เจอกันนะครับ” ผมยิ้ม ยกมือบายเขาสองที ฌอณยิ้มตอบกลับและยกมือโบกตอบกลับมาหนึ่งที ผมหมุนตัวเดินออกไปทางประตูร้าน รอยยิ้มค่อยๆ หุบลง รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“ออสติน ไปหาเอมิลี่กัน” ออสตินก็อยู่เนี่ย นั่งอยู่หน้าร้านไม่ไปไหน บอกให้อยู่บ้านก็ไม่เอา สงสัยจะเหงา เพราะไมเคิลกับฟอกซ์อยู่แอลเอ

 

 

“เชิญครับ” ออสตินผายมือไปทางกระทิงดุสีเทามันวาว เราเดินไปที่รถพร้อมกัน ออสตินปลดล็อครถ ผมเปิดประตูเองและก้าวเข้าไปนั่ง ดึงประตูให้ปิดลงมา พอออสตินประจำที่ได้ก็ขับออกไป

 

 

“คุณคิดว่าฌอณเขาจะกลับมาทำร้ายผมมั้ย” ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับวิคเตอร์ เพราะเขาไม่ไว้ใจ ไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ฌอณอยู่แล้ว แต่ลึกๆ ผมก็โรคจิต นึกอยากพิสูจน์ว่าอาการของฌอณนั้นแย่แค่ไหน

 

 

“ถ้ามันนึกขึ้นได้ มันก็กลับมาอยู่แล้วแหละครับ อย่าให้ความเกลียดชังปลุกมันคนเดิมขึ้นมาได้ก็แล้วกัน” ส่วนหนึ่งที่เขามานั่งเฝ้าผมที่นี่ด้วยเพราะฌอณอยู่ ออสตินไม่ไว้ใจฌอณพอๆ กับวิคเตอร์ จะด้วยสัญชาตญาณบอดี้การ์ดหรืออะไรก็ตาม แต่ออสตินจ้องมองฌอณด้วยความพินิจพิจารณาจนผมต้องบอกให้เขาหยุดเพราะเห็นว่าฌอณมีท่าทีอึดอัดและหวาดกลัว ผมว่าฌอณต้องเจออะไรที่รุนแรงจนทำให้จิตใจเขาบอบบางลงได้ขนาดนี้มาแน่ ไหนจะความจำที่หายไปอีก

 

 

“บางทีผมก็อยากรู้ว่าความจำเขาหายไปมากน้อยแค่ไหน”

 

 

“คุณแมทควรลดอาการอยากรู้อยากเห็นนะครับ ชีวิตจะได้ไม่เป็นภัย” ผมหันไปถลึงตาพร้อมกับเบ้ปากใส่ออสติน แต่พ่อหัวเกรียนเขาก็นิ่งตามสไตล์เขาตอบกลับมา อยากตะบันหน้าสักที

 

 

“แทนที่จะสงสัยฌอณ อยู่ให้ห่างจากเขาแทนจะดีกว่า เกิดสมมุติวันนึงเขาจำได้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นระหว่างตัวเองกับคุณแมท เขาอาจจะจู่โจมทันทีก็เป็นได้”

 

 

“ผมก็ไม่ได้คิดจะไปสนิทกับเขาสักหน่อย”

 

 

“คุณแมทใจอ่อนเกินไป ความใจอ่อนของคุณแมทจะพาภัยมาหาตัว”

 

 

“เขาเรียกว่าคนใจดีหรอก”

 

 

“ผมว่าไม่น่าใช่” ผมจิกตาใส่ออสติน ส่วนเขาก็ทำนิ่งมองทางข้างหน้า คุยกับหมอนี่ทีไรเหมือนประสาทจะล่มให้ได้ ไม่คุยด้วยละ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูโซเชียลแบบเงียบๆ ของตัวเอง กดเข้าไปในอินสตาแกรมก็เห็นว่าวิคเตอร์แท็กรูปมาหาให้รู้สึกใจหายวาบ มิน่าคนมาขอฟอโล่วไอจีเต็มเลย แต่ใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะเขาแท็กคุณเบนที่เป็นคนถ่ายรูปให้ด้วย ดีที่คุยกันแล้วว่าเราจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในการโพสต์

 

 

“ฮะๆๆ” ผมหัวเราะกับหน้าตาไอ้ยักษ์ และรู้สึกขำที่ไอ้ยักษ์ตัวโตไปดิสนีย์แลนด์! ไอ้คนหน้ายักษ์ไปดิสนีย์แลนด์ ฮือ อยากไปด้วย ในรูปเขาใส่เสื้อยืดดำ แว่นตาดำคาดอยู่บนหัว ผมยาวมัดจุก ถ่ายกับตุ๊กตาสติชท์สีฟ้า ทำแลบลิ้นปลิ้นตาคล้ายสติชท์ พร้อมแคปชั่นว่า Who loves stitch? กรี๊ด ไอ้ยักษ์ไปดิสนีย์แลนด์ แบ๊วเฟ่อ

 

 

‘Me!’ ผมไปเม้นตอบสั้นๆ แล้วกดเข้าไปดูแอคเค้าท์วิคเตอร์ ตอนนี้คนฟอโล่วเขาสิบล้านแล้ว Verified badge ได้ตั้งแต่ช่วงผมฝึกงานกับเขา เขาติดตามคนแค่ยี่สิบแปดคนเอง หยิ่งน่าดู ลงรูปทีคนกดไลก์เป็นแสนๆ ผู้ชายขายดีเว่อ แต่จำนวนรูปในแอคเค้าท์มีแค่ร้อยกว่ารูปนะ เขาไม่ค่อยอัพ ช่วงฝึกงานผมอัพให้ ไม่มีผมคือไม่อัพ แต่พักหลังมานี้เริ่มอัพเองมากขึ้น แต่ก็ไม่ถี่อยู่ดี เดือนละครั้งได้ รูปที่อัพแต่ละครั้งก็ผีบ้าผีบอ ถ่ายหนอนมั่ง ถ่ายหมาขี้มั่ง ถ่ายแมวเลียไข่มั่ง ถ่ายต้นไม้ใบหญ้าล่ะชอบนัก นานน้านทีจะมีรูปตัวเองแบบนี้ รูปคู่กับผมรูปแรกและรูปเดียวในอินสตาแกรมก็ยังอยู่ ไม่ได้ลบหายไปไหนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

 

 

“ถึงแล้วครับ” ผมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ แหงนมองตึกสำนักงานของเอมิลี่

 

 

“คุณกลับไปรอที่บ้านก่อน อยู่กับเอมิลี่ ผมปลอดภัย” ออสตินพยักหน้า ถ้าเป็นเอมิลี่จะทำให้สองหนุ่มเจ้านายลูกน้องคู่นี้ยอมได้ง่ายขึ้น บางทีผมอยากให้ออสตินมีเวลาอยู่กับแฟนเขาบ้าง ตอนไดอาน่ามาแอลเอผมเห็นเขาอยู่กันแบบสงบ คบกันดูเป็นผู้ใหญ่มาก ผิดกับผมกับไอ้ยักษ์ อย่างกับเด็กตีกัน เห็นว่าพ่อไดอาน่าไม่โอเคที่ลูกสาวจะมาคบกับบอดี้การ์ดแบบนี้ ใครว่าเรื่องชนชั้นวรรณะฐานะของคนรักกันมีแต่ในไทย เมืองนอกก็มี แค่เราไม่ได้มาใช้ชีวิตในสังคมเขาเท่านั้นแหละ

 

 

“คุณเอมิลี่!”

 

 

“เฮ้ ขอบคุณมากที่เธอมา พนักงานฉันท้องเสียน่ะ เลยขาดคนจริงๆ โชคดีมากที่เธออยู่นิวยอร์ก” ผมยิ้มกว้าง

 

 

“ยินดีมาช่วยครับ วันนี้จะให้ผมทำอะไรบ้าง”

 

 

“วันนี้ฉันมีถ่ายวีดีโอให้นายแบบสำหรับเอาไว้ใช้แคสติ้งงาน นายพอจะถ่ายวีดีโอได้มั้ย” ผมตาวาววิบวับ นึกในใจว่ามันก็คล้ายๆ กับการกำกับใช่มั้ย

 

 

“มันไม่ยากหรอก แค่ให้พวกนายแบบแนะนำตัว ให้เดินสั้นๆ ถอดเสื้อโชว์หุ่น วันนี้มีสี่คน เพราะฉันทำๆ ไปก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เดี๋ยวฉันต้องไปดูแลนางแบบที่จะถ่ายแบบลงนิตยสารน่ะ ฉันเลยจะฝากเธอไว้ เดี๋ยวอดัมจะมาช่วยด้วย” ว้ายตายแล้ว อดัมก็มา คิดถูกแล้วแหละที่มาช่วยเอมิลี่

 

 

“โอเคครับ เริ่มเลยมั้ยครับหรือว่ายังไง”

 

 

“เดี๋ยวรออดัมมาก่อน เขาใกล้จะถึงแล้ว เธอจะไปหาอะไรกินก่อนมั้ย…” ว่าเสร็จเธอก็หยิบเงินมาให้ปึกหนึ่ง

 

“…เต็มที่เลย เดี๋ยววิคเตอร์หาว่าฉันเลี้ยงนายไม่ดี” ผมยิ้มขำ ยื่นมือไปรับเงินมาจากมือเอมิลี่

 

 

“คุณจะกินอะไรมั้ยครับ” เธอโบกมือเป็นการปฏิเสธ และหันไปเก็บของลงกล่องใสต่อ ผมเดินไปกดลิฟต์ รอแปบเดียวลิฟต์ก็เด้งขึ้นมาชั้นสามที่ผมอยู่ ผมกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์แต่ก็ชะงักเอาไว้เพราะมีคนข้างในกำลังจะเดินออกมา ผมเบี่ยงตัวหลบและเดินเข้าไปด้านใน ประตูลิฟต์กำลังจะปิดแต่ก็โดนคนที่เพิ่งออกไปข้างนอกใช้มือแทรกไว้ทำให้ประตูเปิดอีกรอบ

 

 

“เฮ้” ผมมองหน้าผู้ชายหน้าหล่อ ผมสีน้ำตาลแซมทองคล้ายรวงข้าว สักพักเขาก็ก้าวเข้ามาในลิฟต์และกดปิดลิฟต์ให้เสร็จสรรพ ผมหันไปมองเขางงๆ

 

 

“จำฉันได้มั้ย” ผมย่นคิ้ว มองหน้าเขาแล้วทวนความจำ ก่อนจะพอนึกออกได้แบบเลือนลาง ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่งพอดี ผมก้าวเท้าเดินออกไป มีเขาเดินตามออกมา

 

 

“คุณเป็นนายแบบของเอมิลี่”

 

 

“ใช่ เซบาสเตียนไงที่นายเคยเขียนชื่อฉันบนอก” เขายกมือซ้ายขึ้นมาทำท่าเขียนเป็นตัวอักษรบนหน้าอกของเขา ตอนนั้นเองที่ผมยิ้มกว้างเพราะจำได้แม่นขึ้นว่าเป็นเขา

 

 

“อ๋อ นึกออกแล้ว” เขายิ้มน้อยๆ มองหน้าผมด้วยสายตาเหมือนกำลังพิจารณา ผมยิ้มแห้งๆ ก่อนจะชี้ไปที่ประตู

 

 

“เดี๋ยวผมขอออกไปซื้อสตาร์บัคก่อนนะครับ”

 

 

“ฉันไปด้วยสิ” ผมอ้าปากค้างเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ารับ

 

 

“เชิญครับ” ผมหมุนตัวเดินไปกดเปิดประตู ก้าวเท้าเดินออกไปสู่อากาศเย็นสบายของนิวยอร์กพร้อมกับเซบาสเตียนนายแบบหนุ่มหล่อที่แสดงออกชัดเจนว่าจะเต๊าะผมทั้งที่ก็รู้ว่าผมมีผัวแล้ว แหม ไม่สวยทำไม่ได้นะ

 

 

“นายไม่ค่อยตอบแชทฉันในอินสตาแกรมเลย” ผมหน้าเหวอนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มเงอะงะ

 

 

“ผมไม่ค่อยว่างน่ะครับ” จริงๆ ผมอยากตอบว่าผมอยู่กับแฟน แฟนไม่ให้คุยอะไรแบบนี้นะ แต่ในเมื่อเขายังไม่เปิดปากพูดเองว่าเขาคิดจะจีบผม เราก็ยังไม่อยากพูดเอง คิดมันคิดได้เพราะเขาไม่รู้ แต่ให้พูดเลย เกิดเขาสวนกลับมาก็หน้าแหกสิ

 

 

“ไม่ใช่ว่าอยู่กับแฟนเหรอ” อ้าว ก็รู้หนิ

 

 

“ใช่ครับ นั่นก็ด้วย เวลาอยู่ด้วยกัน เขาไม่ชอบให้ผมเล่นโทรศัพท์”

 

 

“แล้วเวลาที่ไม่อยู่ด้วยกันไม่มีเลยเหรอ” ผมขยับเปลือกตากว้างด้วยความตกใจหนึ่งที หันไปมองเขาแล้วยิ้มแหย

 

 

“ก็มีครับ แต่ตอนนั้นผมก็ต้องทำงานไง”

 

 

“นายไม่อยากตอบฉันรึเปล่า” ผมพยักหน้าอย่างเร็วก่อนจะสะดุ้งตกใจที่ตัวเองตอบโต้เร็วหน่อย แต่ก็กู้ไม่ทันแล้ว ผมเลยปล่อยเลยตามเลย ไม่ใช่สวยเลือกได้นะ แต่ผมไมได้อยากเลือกอีก ก็มีเป็นตัวเป็นตนแล้ว มันไม่ใช่ว่าความจงรักภักดิ์ดีอะไรขนาดนั้น แต่มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ก็มีแล้ว จะให้มีอีกเหรอ ก็ไม่ใช่

 

 

“ว้าว เข้าใจง่ายดี” เขายิ้มกว้างและยักไหล่ ผมฉีกยิ้มตอบแบบไม่แน่ใจนัก ผมไม่ได้จะผลักไสไล่ส่งหรือต่อต้านไม่รับไมตรีเขา ถ้ามาในแบบเพื่อน น้องชาย พี่ชาย ผมก็แฮปปี้ แต่พอเจตนาเขามาแบบชู้สาว มันก็เลยอาจจะแปลกๆ หน่อย คือถ้าผมโสดผมไม่ลังเลหรอก กิน เอ้ย คุยได้เลย สเป็กมั้ยก็ไม่รู้จะตอบยังไง เอาเป็นว่าหน้าเขาดีแบบนี้ ผมว่ามีคนปฏิเสธเขายากนะ ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ผมไม่ได้โสดไง เมื่อกี้ผัวก็เพิ่งแท็กรูปมาเนาะ

 

 

“กินอะไรมั้ยครับ” ผมหันไปถามเขาตอนที่ใกล้จะเดินถึงเค้าน์เตอร์ เขามองบอร์ดเมนูสีเขียวพักนึง

 

 

“คาปูชิโนก็แล้วกัน” ผมพยักหน้าแล้วเดินไปหน้าเค้าน์เตอร์ จัดการสั่งช็อคโกแล็ตให้ตัวเองและคาปูฯ ให้เซบาสเตียน

 

 

“นายจะแต่งงานเมื่อไหร่เหรอ” ผมทำหน้าครุ่นคิดสักแปบก่อนจะไหวไหล่

 

 

“ยังไม่ได้กำหนดวันครับ” เขาเงียบและจ้องมองผมราวกับจะสะกดจิต ผมเลยหันหนีเขาไปยิ้มให้กับแคชเชียร์สาวร่างท้วม เธอผายมือไปทางจุดรอออเดอร์ ผมเดินไขว้ขาเล่นเหมือนเด็กไปจนถึงปลายขอบเค้าน์เตอร์สีดำ ผมหยิบขวดผงช็อคโกแล็ตขึ้นมาดู กะเล่นๆ ว่าจะใส่สักครึ่งขวด

 

 

“Have you ever been cheating on him? (นายเคยนอกใจแฟนรึเปล่า)” ผมเบิกตากว้างแล้วหันไปมองคนถาม ก่อนจะย่นคิ้วใส่เขา ผมชักจะไม่ชอบใจกับการซักถามของเขาเท่าไหร่แล้ว

 

 

“No. (ไม่เคย)” ผมตอบห้วนๆ และหันหน้าหนี ไม่ได้โกรธจนจะต้องด่านะ แต่ก็ไม่พอใจกับคำถาม เหมือนโดนดูถูก

 

 

“Hey, I just want to say that is good. I did not meant to insult you. (เฮ้ ฉันแค่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ฉันไม่ได้จะดูถูกนะ)” ผมหันไปมองเขาที่ยิ้มมุมปากน้อยๆ ผมเม้มปากขมุบขมิบก่อนจะพ่นลมหายใจหนึ่งที พยักหน้าสองครั้งเป็นการตอบรับ

 

 

“Your boyfriend is so lucky. (แฟนนายโชคดี)”

 

 

“Me as well. (ผมก็โชคดีเหมือนกันครับ)” เซบาสเตียนยิ้ม ดูเป็นยิ้มที่ละมุนขึ้น ผมเลยยอมยิ้มตอบแบบดีๆ กลับไป พนักงานยื่นออเดอร์ของเราสองคนมาให้ ผมจัดการเทผงช็อคโกแล็ตลงไปห้าเหยาะแล้วเสียบหลอดดูด

 

 

“วันนี้คุณมาถ่ายวีดีโอแนะนำตัวใช่มั้ย” ผมถามหลังจากที่เราเดินออกมาจากร้าน มุ่งหน้ากลับไปที่สำนักงานของเอมิลี่

 

 

“ใช่ ที่จริงฉันถ่ายไปแล้วละ แต่ไฟล์รอบที่แล้วของฉันหาย เลยต้องมาถ่ายอีกรอบ แต่ฉันถือว่าโชคดีนะ เพราะรอบนี้ได้เจอนายด้วย” ผมยิ้มเขินเล็กๆ เขาก็เดินหน้าดีเนอะ เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่โดนจีบตรงๆ แบบนี้

 

 

“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง” เขายื่นแก้วคาปูชิโนมาทำท่าขอชน ผมเลยยื่นแก้วช็อคโกแล็ตไปชนกับเขา เราเดินกลับไปยังตึกสำนักงานโดยที่ระหว่างทางเขาไม่ได้ถามคำถามที่ชวนอึดอัดใจอะไรอีก มีแต่คำถามที่ชวนคุย แต่ไม่ใช่ในเรื่องส่วนตัว ผมรู้สึกอึดอัดใจกับเขาน้อยลงเลยคุยกับเขาได้อย่างไม่รู้สึกแปลก

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-01-2018 19:17:58
V
v
v

“อดัม!”ผมร้องทักตากล้องที่หล่อแสนหล่อ และแซ่บแสนแซ่บกว่านายแบบ เขาหันมามองผมแล้วส่งยิ้มกว้างให้ก่อนก้าวเดินเข้ามากอด ผมยกแขนกอดตอบด้วยความเต็มใจ

 

 

อ่า… ฟิน

 

 

“เจอกันอีกแล้ว” เขาผลักผมออกเบาๆ ผมยิ้มกว้างและหัวเราะในลำคอคิกคักแบบมีจริตเล็กๆ

“ดีใจมากๆ ครับที่ได้เจอคุณอีก” อดัมหัวเราะอารมณ์ดี ผมหันไปมองรอบชั้น เอมิลี่ไม่อยู่แล้ว และตอนนี้มีนายแบบอีกสามคนมานั่งรอ เซบาสเตียนเดินไปนั่งกับพวกเพื่อนนายแบบ มีทีมงานผู้หญิงของเอมิลี่อยู่ช่วยเราสองคนแค่คนเดียว แต่ผมลองคิดๆ ดูแล้วมันไม่น่ายากอะ

 

 

“เอาล่ะ งานวันนี้คืออัดคลิปแคสงานให้หนุ่มๆ พวกนั้น เอมิลี่ขอคนละสองนาที ข้อมูลที่จะบอกในคลิปก็มีแค่ข้อมูลส่วนตัวสั้นๆ ไม่ยาก แต่คนตัดต่ออย่างฉันเนี่ยยาก” อดัมหัวเราะ ผมหัวเราะตาม เขาว่าไง ผมก็ว่าตามนั้นแหละ

 

 

“นายเป็นผู้ช่วยฉันเหมือนเดิม”

 

 

“โอเค!” ผมยกมือขวาตะเบ๊ะ อดัมยิ้มหล่อ เล่นเอาหัวใจกระตุก อู๊ยยย

 

 

“งั้นเริ่มงานกัน” บางทีผมก็อยากเปลี่ยนความฝันมาอยากเป็นช่างกล้อง และให้อดัมสอนงานให้อะไรแบบนั้น ฮืมมม เปลี่ยนฝันไม่ทันซะละ

 

 

เราเริ่มงานกัน ซึ่งมันไม่ยากอย่างที่พูดกันจริงๆ นั่นแหละ จนบางทีผมยังคิดว่าเอมิลี่ให้พวกนายแบบถ่ายเองก็ได้นะ แต่อดัมบอกว่าเอมิลี่อยากได้เป็นเซ็ทเดียวกัน ให้รู้ว่ามาจากโมเดลลิ่งนี้ อีกอย่างนัดมาทำพร้อมกันเลยดีกว่า เพราะถ้ารอให้ทำทีละคนกว่าจะครบก็นาน อดัมใช้กล้องถ่ายรูปนั่นแหละ แต่ใช้เป็นโหมดวิดีโอ เป็นมุมกล้องง่ายๆ ไม่มีเทคนิคอะไร แค่ถ่ายถอยหลังให้เห็นมูฟเม้นการเดินของนายแบบ ผมมีหน้าที่คอยกำกับขยับซ้ายขวา ทำหน้ายังไง แค่นั้นผมก็ฟินละ อย่างน้อยยังรู้สึกว่าได้กำกับ

 

 

“Sebastian, can you—. (เซบาสเตียน คุณช่วย…)”

 

 

“You can call me Seb, Matty. (เรียกฉันว่าเซ็บก็ได้ แมทตี้)” ผมยิ้มขำกับชื่อที่เขาเรียกก่อนจะพยักหน้า

 

 

“Can you walk to in front of the camera,  then push your hair up. And make yourself handsome. (เดี๋ยวคุณเดินมาข้างหน้า เสยผมขึ้น แล้วก็มองกล้องหล่อๆ นะ)”

 

 

“Do I need more handsome? (ฉันต้องหล่อเพิ่มกว่านี้อีกเหรอ)”

 

 

“Yes, handsome. (ใช่จ้ะพ่อรูปหล่อ)” เซบาสเตียนหัวเราะ ทีมงานสาวก็หัวเราะตามไปด้วย อดัมขำๆ พลางเซ็ทกล้อง ส่วนนายแบบคนอื่นที่กำลังยืนรอลิฟต์ลงไปด้านล่างก็หันมาขำด้วย ตอนนี้ก็เหลือแค่เซบาสเตียนคนเดียวเนี่ยแหละ ถ่ายช็อตเขาแนะนำตัวก็เสร็จแล้ว

 

 

“Hello, I am Sebastian. I am 21 year old. I come from New York.” เขาขยิบตาให้กล้องและเอาสองมือล้วงกระเป๋า ยืนเท่ๆ โชว์หุ่นเปลือยล่ำท่อนบน อดัมยกกล้องถ่ายหมุนรอบตัวเขา ก่อนมาจบที่หน้าอีกที เนี่ย สั้นๆ แบบเนี้ยแหละ ผมนึกอยากเติมอะไรเข้าไป แต่อดัมบอกว่าส่งแคสงาน เขาไม่ได้อยากรู้ประวัติละเอียด อยากรู้แค่นี้แหละ

 

 

“Okay. Done. (โอเค เรียบร้อย)” อดัมบอกพลางวางกล้องไว้บนโต๊ะข้างแม็คบุ๊ค เซบาสเตียนสวมเสื้อยืดตัวเดิมกลับเข้าไป ผมหันไปคุยกับทีมงานผู้หญิง

 

 

“เรียบร้อยแล้วละ ฉันส่งรูปเบื้องหลังให้เอ็มดู ถ้าเธอโอเค เดี๋ยวอดัมจะส่งคลิปที่เสร็จแล้วให้เธออีกที”

 

 

“โอเค งั้นวันนี้เรียบร้อยแล้วนะครับ” เธอพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม ผมหันไปมองอดัม เขากำลังนั่งโหลดไฟล์วีดีโอของเซบาสเตียนเข้าเครื่อง และเช็กวิดีโอคนอื่นที่แยกไฟล์ไว้เรียบร้อยไปด้วย

 

 

“คุณจะกลับเลยมั้ยครับ”

 

 

“ว่าจะอยู่ตัดต่อให้เสร็จไปเลย”

 

 

“ผมอยู่ช่วยมั้ยครับ”

 

 

“ไม่ต้องหรอก ไม่ได้ยากอะไร ทำจนชินแล้ว” ผมพยักหน้าหงึกๆ และส่งยิ้มให้ อดัมยิ้มตอบ

 

 

“งั้นผมกลับเลยนะครับ ไว้เจอกันคราวหน้า” อดัมลุกขึ้นยืนแล้วกอดผม โอ้ ฟิน แบบนี้ต้องกอดตอบแน่นๆ กับคนนี้ยินดีจะกอดนานๆ ตัวอดัมหอมและเนื้อแน่นดีเหลือเกิน โอ๊ย ใจไม่ดีเลยนะฮะ

 

 

“เอ… หรือจะไปกินข้าวด้วยกันก่อนดีล่ะ” เขายิ้มแซว ผมไม่รู้ว่าอดัมรู้รึเปล่าว่าผมแอบปลื้มเขา แต่ทำแบบนี้ผมพร้อมเผลอตัวเผลอใจนะ

 

 

“ดะ…”

 

 

ปิก้าปี้ ปิก๊าจู๊ ปิก้าปีก๊า ปิ๊กะ ปิก่าจู๊~

 

 

ผมกำลังจะตอบรับ แต่ปิกาจูดันร้องออกมาก่อน ผมเลยล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีน หยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นวิคเตอร์โทรมา ผมตาโตตกใจ ราวกับไอ้ยักษ์มันรู้! รู้ว่าจังหวะไหนควรโทรมา อ้ากกกก

 

 

“ฮัลโหล… อ่า อ๋อ เสร็จแล้ว…” ผมยิ้มแหะ แว้บหนึ่งคิดจะโกหก แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา ผมคิดว่าอย่าลองดีกับไอ้ยักษ์จะดีกว่า

 

 

[I buy a new stitch for you, a big one. (ฉันซื้อสติชท์ตัวใหม่มาให้ ตัวใหญ่ด้วย)] ผมฉีกยิ้มวิ้ง ตาคงเป็นประกายกับสิ่งที่ได้ยิน ไอ้ยักษ์ซื้อตุ๊กตาให้!

 

 

“Can I have a Pikachu? (เอาปิกาจูด้วยได้มั้ยอะ)”

 

 

[It’s Disney land! (ที่นี่มันดิสนีย์แลนด์!)] โวะ ละจะเสียงดังทำไม รู้สึกว่าขี้หูสะเทือนไปเลย

 

 

“Oh, I forget. Okay. Thank you. I’m coming home. (โอ๊ะ ผมลืม แต่ก็ ขอบคุณนะ ผมกำลังกลับบ้านละ)” ทั้งที่จริงก็ยังไม่อยากกลับหรอก

 

 

[Good. Call skype to me when you are home. (ดี ถึงบ้านแล้วสไกป์มา)]

 

 

“Okay. Bye.” ผมกดวางสายวิคเตอร์ แล้วก็ทำหน้าเสียดายกับตัวเองแว้บหนึ่งก่อนจะหันไปยิ้มให้กับอดัมที่ยืนยิ้มรอเหมือนรู้อยู่แล้ว หางตาผมหันไปเห็นเซบาสเตียนที่ยังยืนอยู่ไม่ไปไหนด้วยความตกใจเล็กๆ แล้วรีบหันมาหาอดัมตามเดิม

 

 

“นี่นายโดนฝังชิพติดตามตัวรึเปล่าเนี่ย” อดัมว่าขำๆ ผมยิ้มเซ็งๆ แล้วสักพักก็รู้สึกเหมือนโดนวิคเตอร์ตีหัวเลยเลิกยิ้มหมดอาลัยตายอยากทันที

 

 

“ไว้คราวหน้านะครับอดัม เราต้องได้ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ” อดัมยิ้มกว้าง ยกมือขวาขึ้นมาทำท่าขอแท็ก ผมแท็กมือเขาหนึ่งที เราหัวเราะให้กัน ผมหันไปมองเซบาสเตียน แต่เขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว มองไปรอบๆ ก็ไม่เจอ เจอแต่ทีมงานผู้หญิงกำลังนั่งเปิดแม็คบุ๊คทำงานอยู่

 

 

“โชคดี” ผมยกมือบ๊ายบายเขา และหันไปบ๊ายบายทีมงานผู้หญิงด้วย เธอโบกมือตอบกลับมาพร้อมส่งยิ้มให้ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาออสตินระหว่างเดินไปกดลิฟต์ เขาตัดสายทิ้ง เป็นอันว่ารู้กัน ประตูลิฟต์เปิดออก มีผู้ชายผิวขาวตัวผอมสูงคนหนึ่งเดินออกมา เรายิ้มให้กัน ผมเดินเข้าไปในลิฟต์ ผู้ชายคนนั้นเดินเอาแฟ้มไปให้อดัมและคุยงานกัน ผมกดปิดประตูลิฟต์ ระหว่างนั้นก็ก้มหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมกดปฏิเสธคนที่มาขอฟอโล่วอินสตาแกรมทิ้ง รู้แหละว่าเดี๋ยวก็คงโดนเกลียด แต่ทำยังไงผมก็โดนพวกแฟนคลับวิคเตอร์ แฟนคลับคู่จิ้นของเขาตามด่าอยู่ดี งั้นผมจะเก็บพวกนั้นไว้ใกล้ตัวทำไมล่ะ

 

 

“อุ้ย” ผมตกใจเพราะมัวแต่ก้มหน้าเลยเดินชนประตูดังปัก พนักงานผู้หญิงผมทองคนนึงวิ่งมากดเปิดประตูให้ ผมหันไปยิ้มและกล่าวขอบคุณเธอ น่าอายจริงๆ เดินชนแล้วยังโดนมองว่าบ้านนอกเปิดประตูไม่เป็นอีก

 

 

“อ้าว ยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมทักเซบาสเตียนที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านหน้าสำนักงาน เขาหันมามองแล้วพ่นควันสีขาวออกไปในอากาศ

 

 

“ฉันอยากรอขอโอกาสจากนาย” ผมย่นคิ้วงง

 

 

“โอกาสอะไรเหรอ”

 

 

“เราลองมาคบกันมั้ย” ผมตาโตตกใจ

 

 

“เฮ่ย! เป็นอะไรเนี่ย” ผมถามเสียงหลง เขากระตุกยิ้ม เดินมาตรงหน้า ผมเลื่อนสายตาไปมองต้นไม้ที่กำลังผลัดใบเปลี่ยนสีตรงหน้าสำนักงานด้วยความเลิ่กลั่ก

 

 

“ฉันรู้ว่านายมีแฟนแล้ว แต่แค่ลองคุยกัน”

 

 

“ไม่ล่ะ ผมไม่นิยมแบบนั้น ผมมีความสุขดี” เซบาสเตียนนิ่ง เขาหรี่ตามองผมเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มเหี้ยมจนผมกลัว ผมกระเถิบหนีเขาห่างไปหนึ่งก้าวใหญ่ๆ เซบาสเตียนยืนนิ่งอยู่กับที่ เอาจริงๆ ผมว่าถ้าเขาเดินตามเข้ามามันจะยังไม่น่ากลัวเท่ากับที่เขายืนมองผมด้วยสายตาลุกโชนแบบนั้นหรอก ผมหันไปมองประตูตึกสำนักงาน กะว่าถ้ามีการฉุดกระชากอะไรล่ะก็ กูจะวิ่งชนประตูกระจกนั้นแรงๆ

 

 

“หึๆ ชักสนุกแล้วสิ…” นั่นไง! มันมีซัมติง เขาหล่อมั้ย เขาหล่อ เขาหุ่นดีมั้ย เขาหุ่นดี แต่แบบนี้มันครีพปี้นะ

 

 

“…นายคงไม่คิดว่าฉันจะทำอะไรนายตรงนี้ใช่มั้ย ฉันไม่ชอบเอ้าท์ดอร์หรอกนะ” ผมย่นคิ้ว มองเขาด้วยความระแวง เซบาสเตียนยิ้มขำที่เห็นผมมองเขาด้วยความไม่ไว้ใจ เออ ขำไปคนเดียวเหอะ เจอแบบนี้จะให้ยิ้มระรื่นหน้าชื่นตาบานเหรอ พร้อมอ้าขาให้โดนงี้เหรอ ไม่ต้องมาคิดพรากบริสุทธิ์เพราะทุกวันนี้ไม่บริสุทธิ์แล้ว นี่มันละครไทยน้ำเน่าเอามารีเมคที่นิวยอร์กชัดๆ ตัวร้ายจ้องจะข่มขืนนางเอกเงี้ยเหรอ เฮ้ย ฝรั่ง เฮ้ย

 

 

“ฉันไปล่ะ อยากขอคอนแทคนาย ก็คงไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร” ไอ้เด็กคนนี้มันแปลก

 

 

เขายิ้มให้พร้อมยกมือโบกลา ผมมองเขาอย่างไม่แน่ใจ ทำได้เพียงพยักเพยิดหน้าประมาณว่า เออๆ มึงไปเถอะ เซบาสเตียนหัวเราะ ดูจะชอบใจที่ได้เห็นผมอยู่ในท่าทางระแวงเขาแบบนี้ มันตลกอะไรนักเนี่ย ผมหลุดโฟกัสไปที่รถเก๋งสีดำคันหนึ่งที่วิ่งมาจอดตรงหน้าสำนักงาน และก่อนจะไหวตัวทัน เซบาสเตียนก็เดินเข้ามากอดผมและก้มลงหอมแก้มผมหนึ่งทีก่อนจะผละตัวเองออก เขายกสองนิ้วขึ้นจุ๊บริมฝีปากและยกขึ้นบ๊ายบายให้ผมในขณะที่ก้าวไปขึ้นรถสีดำคันนั้นที่เข้ามาจอดเมื่อกี้ ผมยืนกะพริบตาด้วยความตะลึงปริบๆ มองเขาเปิดประตูขึ้นรถจนกระทั่งรถคันนั้นแล่นออกไปจากหน้าสำนักงานของเอมิลี่

 

 

“อะไรวะ” ผมพึมพำกับตัวเอง ยกแขนซ้ายขึ้นแล้วก้มหน้าลงเอาแก้มถูกับแขนเสื้อเบาๆ

 

 

ผมย่นคิ้ว ครุ่นคิดด้วยความระแวง คือเขาก็คงจะจีบ แต่การจะจีบทั้งที่รู้ว่าผมมีแฟน มีแหวนอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายแบบนี้ ผมว่ามันเกินพอดี ไม่ถึงกับโรคจิต แต่มันเกินไป เหมือนเขาจะเอาชนะมากกว่าที่จะมีความรู้สึกดีๆ กับผม อันนี้ไม่ใช่เรื่องของความสวยละ อาจจะเป็นซวยที่ดันไปถูกตาต้องใจคนชอบแย่ง


 

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


              ฮายค่าาา มาพร้อมกับผู้คนใหม่ของแมทเหรอ??? หรือยังไงจ๊ะหนู??

               แต่ไม่ว่าจะอยากเป็นผู้ใหม่ของหนูแค่ไหน แม่คิดว่ายากนะจ๊ะ ผัวหนูดุยิ่งกว่า หรือผู้หญ้าอ่อนคนนี้คิดจะสู้กับยักษ์เหรอ เฮ้ยยยย สวยไปอีกค่าลูกกกก

               ต้องเรียกว่านานทีปีหนนะคะสำหรับแมท ที่จะมีชายอื่นมาหมายปองนางออกหน้าออกตาขนาดนี้ พ้นจากเอิร์ทไปนางก็ร้างนานอยู่นะว่าไป จนมาเจอเซบาสเตียนที่ดูจะกินลูกสาวเราให้ได้ นี่ถ้าเป็นคุณแม่เรียวจันทร์เซบาสเตียนไม่รอดตั้งแต่วันแรกแล้วค่ะ เอ๊ะ โยงไปหาขุ่นแม่แกได้ยังไง

               อะไรคือความสนุกคะเซบาสเตียน เธอชอบแย่งเหรอ มาแย่งเจ้มั้ย เจ้ฟรีรีรีรีรีรีรี ไม่มีใครจับจองนะ

               เคยอัปอิมเมจเซบาสเตียนให้ดูในเพจไปแล้ว ตามไปเสาะหาได้นะจ๊ะ สำหรับบางคนที่อยากเห็นหน้าอิมเมจตัวละคร เผื่อจะได้ช่วยจินตนาการได้ดีขึ้นตอนอ่าน

               ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงภาคจบมากๆ ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันในทุกๆ ช่องทาง บางทีด้วยความที่เรื่องมันก็นานแล้ว เลยอาจจะทำให้คนอ่านหายไปเพราะนึกว่าสตาร์วอร์ 55555 นานเกิ๊นนน แต่ภาคนี้ก็จะปิดไตรภาคที่แท้ทรูแล้วนะคะ จำนวนตอนจบยังฟันธงไม่ลงว่าจะ 35 หรือ 36 รึจะเกินก็ยังไม่รู้ 55555 แต่จบที่ตรงนี้ และเซย์กู๊ดบายกันในอีกไม่กี่เดือน อย่าเพิ่งรีบใจหาย ยังค่ะ อีกพักใหญ่ๆ ค่อยใจหาย จะมีคนใจหายกับฉันมั้ย 555555





               ช่วงนี้เปิดพรีฯ อยู่ก็จริง แต่ตอมก็อัปนิยายตามปกติ แต่ห้า-หกตอนสุดท้าย จะยังไม่อัปจนกว่าหนังสือจะถูกจัดส่งจนหมดตามที่แจ้งไว้ในรายละเอียดการพรีออเดอร์ค่ะ

          เปิดพรีออเดอร์หนังสือภาคสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ รายละเอียดของหนังสือและรายละเอียดการพรีออเดอร์ตามไปอ่านได้ที่ > พรีออเดอร์ Yours&Mine (https://my.dek-d.com/missatomic/writer/viewlongc.php?id=1249884&chapter=111)
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-01-2018 20:41:12
ระแวงเซบาสเตียน มีไรแปลกๆนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-01-2018 20:53:39
แมทน่ารัก เลยมีแต่คนมารักไงคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2018 21:29:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 06-01-2018 21:33:11
ขำตอนอยู่กับอดัม แต่เจอเซบาสเตียนไปหวาดหวั่นดูจิตๆ งานน่าจะราบรื่นนะ เอเลี่ยนสู้ๆ หวานๆ กันไปกับยักษ์
 o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-01-2018 23:25:03
เซบาสเตียนดูน่ากลัวอ่ะ อยู่ห่างๆไว้ก็ดีนะแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-01-2018 01:11:45
 :hao3: :hao3:  สวยมากนังแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-01-2018 04:26:17
พฤติกรรมนายท่าเตียน น่าสงสัย  ไอ้รถสีดำก็น่าสงสัย จะมีการแอบถ่ายรูปจุ๊บแมทส่งไปให้เตอร์ป่าวหว่า หวังว่าในอดีตเตอร์คงไม่ได้ไปฟันญาตินายท่าเตียนไว้นะ  :ruready
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2018 13:08:07
อูยยยย..........แมท เสน่ห์แรง  o18
เซบาสเตียนรู้ทั้งรูว่าแมทมีแฟนแล้ว
ลองจีบก็แล้ว แมทไม่หือไม่อิือ
ลองๆแย็บๆว่าแมทเคยนอกใจแฟนไหม
ก็ทำท่าว่าเข้าใจแล้ว ว่าแมทซื่อสัตย์ไม่นอกใจแฟน

แต่เสน่ห์แมท เกินห้ามใจ เซตามมาขอโอกาสอีก เอ๊ะๆ......ยังไงกัน  :hao3: :hao3: :hao3:
ทำท่าเหมือนโรคจิตข่มขู่ แถมขโมยกอด ขโมยหอมแมทซะอีก
นี่ถ้าเซ เจอ ฌอน จับคู่ เข้ากันพอดีเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: เอฟเอฟ ที่ 11-01-2018 21:46:39
มารอแมทคนสวย  :-[
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.17 100% :06.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: jaevin ที่ 11-01-2018 21:51:36
แมทสวยมาก5555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 50% :14.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 14-01-2018 20:41:16


Yours and Mine EP.18 :: Seriously? (เอาจริงดิ) [50%]



ผมกำลังนั่งอ่านตารางการใช้จ่ายของกองถ่ายด้วยความพยายามที่จะละเอียด เกลียดตัวเลข แต่ดันต้องมาทำงานเกี่ยวกับตัวเลข ชีวิตหนอ ไม่ต้องตรงกับสำนวนที่ว่าเกลียดสิ่งใดได้สิ่งนั้นมากก็ได้ คือถ้าทำผิดไปตัวเดียว มันคือหายนะเลยนะ เงินที่ใช้จ่ายในกองถ่ายจะมีพิรุททันทีเพราะอีนี่ทำเพี้ยน ฮือออ คิดเกี่ยวกับตัวเลขทีไรสมองล้าไวทุกที ช่วยให้เกียรติคนที่ผ่านศูนย์วิชาคณิตศาสตร์ตอนมอปลายด้วยการประจบอาจารย์มาด้วยเถอะ

           

 

“แมท เซ็นอันนี้ให้หน่อย” ผมยกมือขึ้นเบรคใครก็ไม่รู้ที่มาพูดอยู่ตรงหน้าและหยิบปากกามาจดบรรทัดตารางในเอ็กซ์เซลเอาไว้ก่อนว่าผมดูถึงไหนแล้ว ผมหลีกเลี่ยงอีโปรแกรมนี้มาตลอด เพราะใช้มันไม่เก่ง แต่ทุกวันนี้ผมต้องจำสูตรในการใช้มันให้ได้มากที่สุด

           

 

“ว่าไงนะ” ผมเงยหน้าขึ้นถามทีมงานผู้ชายหัวหยิกหยอยคนหนึ่ง เขายื่นกระดาษเบิกเงินมาให้ผมพร้อมกับที่ด้านหลังมีบิลรายจ่ายที่เสียไป ผมนั่งอ่านกระดาษสองแผ่นคู่กันอย่างละเอียดเท่าที่จะละเอียดได้

           

 

“แมท ถนนกับตึกที่ไทยที่เราขอถ่ายทำมีปัญหา ทางโปรดัคชั่นทีมไทยโทรมาบอก” ผมเงยหน้าพรึ่บ สติที่จดจ่อกับข้อมูลการเบิกเงินเมื่อกี้นี้หลุดหายไปแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมองหนุ่มร่างหมี หน้าตาดี หนวดเคราดกครึ้มที่มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการกองถ่าย เขายักไหล่ยักคิ้วประมาณว่าเอาไงดี

           

 

เออ เฮอะ ฮะๆ เอาไงดี เดี๋ยว ตั้งสติก่อน

           

 

ปิก้าปี้ ปิก๊าจู๊ ปิก้าปีก๊า ปิ๊กะ ปิก่าจู๊~

           

 

ผมสะดุ้งตอนที่เสียงเจ้าตัวเหลืองๆ ชอบปล่อยกระแสไฟฟ้าร้องแบบเบาๆ เพราะผมลดเสียงไว้ ผมมองหน้าจอก็เห็นว่าเป็นชื่อวิคเตอร์ ผมวางกระดาษและยื่นมือไปรับทั้งที่มีทีมงานสองคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า ผมเห็นสองคนนั้นมองหน้ากันแบบงงๆ ผมยิ้มแห้งแล้วกดรับโทรศัพท์

           

 

“ฮัลโหล” ผมพูดเสียงกระซิบจนนึกงงตัวเองว่าจะกระซิบทำไม ตอนนี้เบรกอยู่

           

 

[ทำอะไรอยู่] วิคเตอร์ถามเสียงปกติ ผมมองทีมงานสองคนนั้นที่กำลังยืนรอแบบงงๆ ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับมา

           

 

“ถือสายรอแปบนะ ไม่ต้องวาง” วิคเตอร์ตอบรับอย่างว่าง่าย ผมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานตัวเอง และสำรวจกระดาษเบิกเงินอันนั้นอีกทีก่อนที่จะส่งไปให้ฝ่ายบัญชี พอตรวจสอบจนแน่ใจว่าเป็นบิลจริง ราคาจริง ไม่มีมุบมิบผมก็เซ็นชื่อตัวเองลงไปในช่องของตำแหน่งตัวเองเป็นอันว่ารับรู้ ผมยื่นคืนให้หนุ่มหัวหยิก และหันไปมองผู้จัดการกองถ่ายต่อ

           

 

“โอเค ขอโทษครับ ทางนั้นเขาบอกว่าอะไรบ้าง”

           

 

“เอาถนนก่อน ถ้าจะถ่ายต้องเพิ่มเงิน แล้วเขาจะปิดถนนให้เป็นของเราเองเลย แต่ถ้าไม่เพิ่ม เราต้องไปสู้กับพวกแม่ค้าเจ้าถิ่นที่พร้อมจะวีนเหวี่ยงเราทุกเมื่อ…” ผมว่าตัวเองคงหน้าเอ๋อไปแล้ว เพราะผู้จัดการกองยกมือโบกตรงหน้าผม พอเห็นว่าผมพยักหน้าเขาก็พูดต่อ

           

 

“…ส่วนตึกที่ผู้กำกับอยากได้ เจ้าของเขาไม่ยอม เพราะก่อนหน้านั้นมีกองถ่ายเข้าไปถ่ายหนังและสร้างความเสียหายไว้ เขากลัวว่าจะเป็นแบบนั้นอีก” ฮึ?! ผมหลับตาลง ยกมือลูบหัวคิ้วทั้งสองข้างเบาๆ และพยักหน้าเป็นการรับรู้ก่อนจะคลี่ยิ้มเหมือนเป็นการให้กำลังใจตัวเอง

           

 

“โอเคครับ เดี๋ยวผมขอปรึกษาอเล็กซ์ เจสันก่อน แล้วเดี๋ยวผมจะติดต่อทางโปรดัคชั่นไทยไปอีกที” หนุ่มร่างหมียิ้มน่ารักและยกมือขึ้นทำท่าว่าโอเคก่อนจะเดินจากไป ผมพ่นลมหายใจเบาๆ กองนี้ดีตรงที่ทุกคนไม่แอนตี้ ไม่ได้มีท่าทีกิริยาไม่ดีกับผมที่อายุน้อยที่สุดในตำแหน่งใหญ่ของกองแบบนี้ มันเลยทำให้ผมไม่เกร็ง ไม่ลนลานและสบายใจในการทำงานมาก

           

 

ผมรู้สึกงงๆ สักแปบ มองบนโต๊ะทำงานตัวเองที่ตั้งอยู่ตรงมุมรับแขกของบ้านป้าแมร์รี่ที่ผมเสนอใช้ให้เป็นที่ถ่ายทำสำหรับฉากที่นิวยอร์ก และทีมงานก็พักที่นี่กันด้วย ป้าแมร์รี่อำนวยความสะดวกดีมาก

           

 

“โอ๊ะ ตาย วิคเตอร์…” ผมที่กำลังจะกลับไปนั่งดูหน้าจอแม็คบุ๊คกับตารางตัวเลขต่อ แต่หางตาเหลือเห็นโทรศัพท์พอดีเลยนึกขึ้นได้

           

 

“…ฮัลโหล ขอโทษที พอดีมีงานแทรกเข้ามา คุณว่ายังไงนะ”

           

 

[ไม่ได้ว่าอะไรเลย แค่ถามว่าทำอะไรอยู่]

           

 

“อ่อ… อ๋อ ทำงานไง เอ่อ หมายถึงนั่งดูงบอะ แล้วก็เดี๋ยวต้องไปจัดการเรื่องโลเคชั่นที่ไทยอีก” ว่าไปมือก็หยิบดินสอมาเขียนบนกระดาษเอสี่เตือนความจำตัวเองเรื่องโทรหาทีมไทย

           

 

[ฉันกลับมาบ้านแล้วนะ] ผมตาโตคลี่ยิ้มแบบไม่เต็มปาก เพราะกำลังเขียนอยู่ แต่สมองรับรู้แล้วนะว่าเขาบอกว่าอะไร อารมณ์ดีใจก็มา แต่ยังไม่เต็มที่ พอเขียนเสร็จนั่นแหละถึงได้เบนสติตัวเองมาดีใจเต็มที่

           

 

“เวลคัมโฮมคุณสามี ซีรีส์ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ” วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ

           

 

[เสร็จอะไรล่ะ ฉันเพิ่งเริ่มถ่ายได้สามอาทิตย์ อาทิตย์นี้เขาให้พักไง ลืมอีกแล้วนะ] ผมหลับตาย่นคิ้ว ในหัวหมุนวิ้งๆ

           

 

“ขอโทษที ผมไม่ได้ตั้งใจลืม แล้วหนังล่ะ”

           

 

[เริ่มถ่ายหลังฉันถ่ายซีรีส์จบ นายก็ลืมอีกแล้วเอเลี่ยน] ผมยกมือตีหน้าผากตัวเอง จากน้ำเสียงเขา ผมยังสัมผัสความโกรธไม่ได้ เขายังดูสบายๆ อยู่ แต่ผมก็ไม่สบายใจ

           

 

เพราะเหตุการณ์คราวก่อนนั่นแหละ มันเลยทำให้ผมกังวลไปหมด

           

 

“แล้วตอนนี้คุณอยู่บ้านแล้วใช่มั้ย”

           

 

[ใช่ นายเลิกกองกี่โมง] ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสอง วันนี้เลิกกองทุ่มนึงแน่ะ

           

 

“หนึ่งทุ่ม คุณจะรอผมกลับไปทำกับข้าวให้มั้ย”

           

 

[ถ้าฉันรอแล้วฉันจะได้กินรึเปล่าล่ะ] ผมยิ้มเพลีย กลอกตากับตัวเองน้อยๆ

           

 

“ได้กินสิ แหม”

           

 

[ถ้านายว่าแบบนั้น ฉันก็จะรอ]

           

 

“โอเค รอผมนะ” วิคเตอร์รับคำและกดวางสายไป ผมพ่นลมหายใจออกทางปาก กดเข้าไปเช็กวอทสแอพที่มีการแจ้งเตือน ไวโอล่าส่งรูปอัตตราซาวด์ของเจ้าแฝดตัวป่วนมาให้ดู พอเห็นแล้วผมก็ใจเต้นตึกๆ รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า ในภาพเป็นตัวเป็นหัวของเจ้าสองแฝดกำลังกุมมือกันอยู่ ผมหัวเราะน้อยๆ มองด้วยความเอ็นดูของเจ้าเด็กสองคนที่หลับตาจับมือกัน อีกสองเดือนก็จะได้เจอกันแล้ว ผมเซฟรูปแล้วกดส่งไปให้วิคเตอร์ รอไม่นานเขาก็เปิดอ่านและส่งข้อความกลับมาบอกว่า

           

 

‘Disaster twins. (แฝดพินาศ)’

           

 

ผมย่นจมูกและพิมพ์กลับไปว่าพวกเขาคือแฝดจอมป่วนต่างหาก วิคเตอร์ส่งอีโมชั่นกลอกตาบนกลับมาและเงียบหายไป ผมมองหน้าจอมือถือสลับกับมองแผ่นกระดาษที่จดเตือนความจำตัวเองไว้ มองนิ่งอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจวางโทรศัพท์ไว้บนกระดาษแผ่นนั้นแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว มองหาป้าแมร์รี่สักแปบแต่ก็ไม่เจอ เลยเดินไปที่ห้องนอนของเธอ เคาะประตูสองครั้งก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก

           

 

“ว่าไงจ๊ะ” เธอถามกลับมาอย่างเป็นมิตร ผมยิ้มแฉ่งและชี้ไปทางครัว

           

 

“ผมขอยืมครัวแล้วก็วัตถุดิบในตู้เย็นทำอาหารได้มั้ยครับ แล้วเดี๋ยวผมจะซื้อกลับมาคืนให้” เธอทำหน้างง ก่อนจะพยักหน้าแบบงงๆ

           

 

“ทำให้ทีมงานเหรอจ๊ะ” ผมยิ้มแหะๆ เม้มปากแล้วส่ายหัวเบาๆ แต่ก็ไม่ยอมตอบคำถามของเธอจนป้าแมร์รี่ยกยิ้มและพยักหน้า

           

 

“ตามสบายเถอะ เธอคุ้นเคยอยู่แล้วนะ” ผมยิ้มกว้างแล้วก็พยักหน้าเต็มแรงก่อนจะก้าวเท้าเดินกลับไปที่ห้องครัว จัดการเปิดตู้เย็น หยิบของสดที่หาได้ออกมาวางบนโต๊ะ ยืนมองสักแปบก่อนจะตัดสินใจทำข้าวผัดกุ้งผสมแฮมใส่ถั่วลันเตาและไข่เจียวหนึ่งฟอง

           

 

ผมจัดการทำตามวิธีที่คุ้นเคย ที่ด้านนอกบ้าน กองถ่ายเริ่มถ่ายทำแล้ว แต่ผมอยู่ในบ้านฉะนั้นไม่ส่งผลอะไรกับด้านนอก ผมยืนทำให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระหว่างที่เขาถ่าย แต่พอได้ยินเสียงอเล็กซ์พูดว่าโอเคเมื่อไหร่ ผมก็จะออกแรงหนักๆ กับกะทะ พอเสร็จเรียบร้อยก็ไปหากล่องใส่อาหารของกองถ่ายมาตักข้าวใส่และโปะไข่เจียวไว้ด้านบน ผมจัดการเก็บกวาดล้างอุปกรณ์และเก็บเข้าที่ให้ป้าแมร์รี่ เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง หยิบกระดาษโน้ตออกมาเขียนและแปะลงบนหน้ากล่อง ผมหยิบถุงผ้าสปันบอนด์สีดำที่พกติดตัวมาด้วยออกมาใส่กล่องข้าว เดินถือออกไปนอกบ้าน แอบใช้อำนาจในตำแหน่งที่ใหญ่กว่าของตัวเองเล็กๆ ให้ผู้ช่วยกองถ่ายทำงานให้

           

 

“ช่วยเอาไปส่งที่บ้าน xxx ตรงอัพเพอร์อีทส์ไซด์ให้หน่อยสิ กดกริ่งหนึ่งทีก็พอนะ อย่ากดเยอะ เดี๋ยวโดนกินหัว” หนุ่มหัวหยิกหยอยที่มาขอลายเซ็นต์ผมไปเบิกเงินเมื่อกี้พยักหน้า รับถุงจากมือผมไปแล้วก้าวเท้าเดินออกไปจากบ้าน ผมบอกให้เขามาเบิกค่าแท็กซี่หรืออูเบอร์ตอนกลับมาแล้ว ผมยืนยิ้มด้วยความรู้สึกสบายใจ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่ามีงานค้างก็รีบเดินกลับเข้าไปในบ้าน และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาทีมงานฝั่งไทยที่ผมติดต่อไว้

           

 

“ฮัลโหล… ครับ แมทเอง… ได้คุยแล้วครับ… คือเรื่องเพิ่มเงินปิดถนนเดี๋ยวแมทจะคุยกับทีมทางนี้ก่อน แต่เรื่องโรงแรมนี่เราแก้ไขอะไรไม่ได้จริงๆ เหรอ… โห ยากเลยอะ ผู้กำกับเขาต้องการที่นั่น… แล้วพอจะมีเส้นสายอะไรมั้ยครับ… ฮะ? กำลังจะเปลี่ยนเจ้าของใหม่ด้วย… เป็นคนต่างชาติ… เขาเป็นคนชาติอะไรอะ… อเมริกันเหรอ… พี่บอกข้อมูลแมทหน่อย” ผมหยิบกระดาษขึ้นมาอีกแผ่นแล้วจดรายละเอียดที่ทีมงานไทยบอกมาอย่างยึกยือ แต่ตัวเองเข้าใจว่าใครคือใคร

           

 

“โอเค เดี๋ยวแมทจะลองถามคนในกองฝั่งนี้ก่อนว่ามีใครรู้จักมั้ย”

           

 

[น้องแมทรีบคอนเฟิร์มเรื่องปิดถนนด้วยนะคะ อาทิตย์หน้าพี่จะเข้าไปทำเรื่องให้ เจ้าหน้าที่เขาจะได้มาอำนวยความสะดวกให้เราในวันถ่ายทำ]

           

 

“ได้ครับพี่ต่าย แล้วเดี๋ยวแมทจะรีบคอนเฟิร์มกลับไป” ผมกดวางสายจากพี่ต่าย พี่เจ้าของโปรดัคชั่นเฮ้าส์ในไทยที่ผมได้รับการแนะนำมาจากพี่ที่ผมเคยไปฝึกงานในกองถ่ายตอนสมัยเรียนมาให้อีกที ผมรู้สึกว่าค่อนข้างโชคดี เพราะพี่ต่ายแกทำงานเป็นและทำงานดี ฝากฝังเรื่องอะไรที่ไทยไว้มีความคืบหน้ามาให้ทราบตลอด และสแตนด์บายพร้อมคุยเสมอด้วย

           

 

“แมท!” เจสัน โปรดิวเซอร์ของกองที่ผมพามาดูโลเคชั่นที่นิวยอร์กเมื่อเกือบสองเดือนที่แล้วกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา ผมหยิบกระดาษที่จดรายละเอียดเรื่องที่จะคุยกับเขาและเรื่องเจ้าของตึกนั้นด้วย

           

 

“ว่าไงครับ”

           

 

“สะดวกที่จะไปดูสะพานกับฉันที่จะถ่ายทำในช่วงเย็นมั้ย”

           

 

“อ๋อๆ ได้ครับ ไปได้ๆ” เจสันยิ้มใจดี

           

 

“เอ่อ เจสัน ผมรู้ว่ามันยากที่จะเป็นไปได้ แต่คุณรู้จักคนนี้มั้ย เขากำลังจะเป็นเจ้าของตึกที่เราอยากไปถ่ายทำกันที่ประเทศไทย” ผมยื่นกระดาษจดชื่อให้เขาดู เจสันรับไปดู เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวช้าๆ

           

 

“ไม่รู้จักเลย และคิดว่าในกองนี้ก็คงไม่รู้ แต่เราช่วยกันหาข้อมูลเขาได้นี่” ผมอ้าปากหวอเบาๆ ยกมือขวากุมหน้าผากตัวเองด้วยความเครียดเล็กๆ

           

 

“จริงสิ เราหาข้อมูลเขาได้ ทำไมนึกไม่ออกนะ” เจสันหัวเราะน้อยๆ

           

 

“เอาน่า คนเราทุกคนมีโอกาสมองข้ามจุดเล็กๆ กันทั้งนั้นแหละ แต่บางทีจุดเล็กที่มองข้ามนั่นแหละที่เป็นกุญแจสำคัญ” ผมยิ้มขอบคุณ ถ้าไม่มีเจสันผมคงลำบากมาก อเล็กซ์ก็สอนงานนะ แต่ความรู้สึกของผมคือไม่เท่าที่เจสันสอน ผมเลยชอบมาขอความรู้จากเจสันมากกว่า

           

 

“อ้อ อีกเรื่อง ผมขอพูดเลยแล้วกัน เดี๋ยวผมลืม ทางทีมไทยต้องการของบเพิ่มสำหรับปิดถนน ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเพราะตั้งใจมาถามคุณกับอเล็กซ์ก่อน” เจสันพยักหน้า

           

 

“ไปคุยกันต่อที่สะพาน เดี๋ยวฉันช่วยจำไว้ ตอนนี้เราต้องรีบไปก่อน อีกชั่วโมงเราจะย้ายกองแล้ว” ผมพยักหน้าเร็วๆ หมุนตัววิ่งกลับไปเอาโทรศัพท์ วางกระดาษไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งกลับไปหาเจสัน โทรศัพท์ดังขึ้นตอนที่ผมกำลังเดินออกไปหน้าบ้านที่มีกล้องสองตัวตั้งอยู่และไฟสามดวง กับอุปกรณ์มากมาย

           

 

“ฮัลโหล ได้ข้าวแล้วเหรอ” ผมยิ้มตอนที่รับสาย

           

 

[เอาเวลาไหนไปทำ หรือเอาข้าวกองถ่ายมาให้ฉันกิน] ผมบู้ปากกับคำสบประมาทขำๆ ของไอ้ยักษ์

           

 

“กินแล้วเดี๋ยวก็รู้เองแหละน่าว่าฝีมือผมเอง ผมทำตอนช่วงเบรกอะ ทำไว้ก่อน ผมกลัวกลับดึก ถ้าหิวก็กินอันนี้ไปก่อนนะยักษ์หนวด” ผมบอกด้วยความเป็นกังวลเล็กๆ

           

 

[แล้วทำไมจะต้องกลับดึก คิดจะไปต่อไหน] ผมตาโตพลางก้าวเดินไปพร้อมกับเจสัน

           

 

“ต่อไหนล่ะ เผื่อต้องเคลียร์งาน คุยงานอีกแปบที่กองไง” วิคเตอร์พ่นลมหายใจหนึ่งที

           

 

[เสร็จงานแล้วก็ควรกลับนะแมท อย่า…]

           

 

“…อย่าทุ่มเทเกิน ผมรู้น่า เดือนนึงที่ผ่านมาผมว่าผมก็แบ่งเวลาได้ดีนะ” ผมบอกอย่างภูมิใจเล็กๆ

           

 

[แน่ใจ๊?] ผมหุบยิ้มฉับ หน้าบูดน้อยๆ

           

 

“ทำไมอะ ไม่ควรแน่ใจเหรอ” วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้มต่ำอย่างมีเลศนัย ผมถลึงตาทั้งที่เขาไม่ได้อยู่ตรงหน้า แต่กลายเป็นเจสันหันมาพอดีแล้วเขาก็แกล้งทำหน้าตกใจที่ผมถลึงตา

           

 

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้จะทำใส่คุณ…” เจสันหัวเราะ ผมหัวเราะตามไปด้วย

           

 

[คุยกับผู้ชายคนอื่นเหรอ] วิคเตอร์ถามเสียงเข้ม ไม่รู้แกล้งหรือจริง เริ่มแยกไม่ออก สมองช่วงนี้ยิ่งเบลอๆ อยู่ด้วย

           

 

“โอ๊ย เขาเป็นเพื่อนพ่อคุณได้เลยเถอะ” เจสันหน้าตาดีในแบบคนมีอายุ หุ่นสมส่วน กองนี้นอกจากจะใจดีแล้วนะ หน้าตายังดีเป็นส่วนใหญ่ ผู้กำกับก็แม้ว่าหัวจะล้าน แต่หน้าดี โปรวดิวเซอร์แก่มีลูกมีเมียแล้วแต่ก็หล่ออบอุ่นมาก เอาแค่สองคนนี้ก็ดี๊ดีละ

           

 

[พ่อฉันหน้าตาดีนะ ดูได้จากฉัน]

           

 

“หะ ฮะ?!” ผมไม่ได้อำหรือแกล้งตกใจนะ แต่สมองกำลังจดจ่ออยู่กับการเดินให้ทันเจสัน และพยายามฟังที่เขาพึมพำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการถ่ายทำเย็นนี้

           

 

“โห เออ จ้า พ่อรูปหล่อ” วิคเตอร์ส่งเสียงหึๆ จนผมงงว่าจะทำเสียงทุ้มมีลับลมคมในทำไม

           

 

[เสร็จแล้วโทรมาบอก จะให้ออสตินไปรับ]

           

 

“โอเคๆ แค่นี้ก่อนนะ” ผมกดวางสายจากวิคเตอร์และดึงสติมาโฟกัสสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเพียงอย่างเดียว

 








เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


              หม่าบู๊ไฮฮฮ มาอัปกันต่อเด๊อค่าาา

               แม้ว่างานจะยุ่ง แต่แมทก็พยายามที่มาเนจเวลาให้ดีที่สุด แบ่งให้งานแบ่งให้หลัว แม้ว่าจะมึนๆ งงๆ หน่อย แต่คงต้องค่อยเป็นค่อยไปเนาะ มือใหม่หัดแบ่งเวลา แว้บจากงานมาทำอาหารให้หลัวกิน นางก็พัฒนาอยู่เด๊ออะไรเด๊อ

               ต้องขอบคุณพี่ยักษ์ด้วยนะคะที่ไม่วีนเหวี่ยงอาละวาด

               เอ๊ะ หรือว่ามันคือการก่อตัวของพายุ?

               จริงๆ ไม่มีอะไรเลย อีคนเขียนสร้างกระแสอีกตามเคย 555555

               ช่วงนี้อาจจะดูเงียบๆ ไปหน่อย พอดีปั่นต้นฉบับเรื่องนี้อยู่ค่ะ อยากเสร็จภายในเดือนนี้อย่างที่แจ้งไว้ในเพจ เพราะก็ปิดโอนเงินไปแล้ว ไม่อยากให้รอกันนาน ตอนนี้เลยทุ่มสมองปั่นๆๆๆ

               ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงภาคจบมากๆ ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันในทุกๆ ช่องทาง บางทีด้วยความที่เรื่องมันก็นานแล้ว เลยอาจจะทำให้คนอ่านหายไปเพราะนึกว่าสตาร์วอร์ 55555 นานเกิ๊นนน แต่ภาคนี้ก็จะปิดไตรภาคที่แท้ทรูแล้วนะคะ จำนวนตอนจบยังฟันธงไม่ลงว่าจะ 35 หรือ 36 รึจะเกินก็ยังไม่รู้ 55555 แต่จบที่ตรงนี้ และเซย์กู๊ดบายกันในอีกไม่กี่เดือน อย่าเพิ่งรีบใจหาย ยังค่ะ อีกพักใหญ่ๆ ค่อยใจหาย จะมีคนใจหายกับฉันมั้ย 555555




แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 50% :14.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 14-01-2018 21:22:21
แมทเอ๊ยยย อย่าให้เหตุการณ์ซ้ำรอยนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 50% :14.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2018 21:44:50
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 50% :14.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 14-01-2018 22:50:55
ตอนนี้แมทดูเอ๋อ ยักษ์ดูใจดี งานดี ความรักก็ดี :katai3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 50% :14.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-01-2018 23:38:42
รู้สึกว่าเตอร์จะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิมนะ สุขุมขึ้นเยอะเลย แต่..... จะเป็นตอนนี้ตอนเดียวหรือป่าวหว่า  :confuse:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 50% :14.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-01-2018 07:45:11
แมทนี่ ถ้าคนร่วมงานดี ไม่มีคนเรื่องมากใส่
แมทก็ทำงานอย่างฉลุยเลย

เตอร์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เตอร์ ดูใจเย็น คงอยากดูว่าแมทจะแบ่งเวลาเป็นจริงมั้ย 
ไม่ทุ่มเทสุดโต่ง เหมือนงานเก่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-01-2018 20:21:16


Yours and Mine EP.18 [100%]



“ฮ้าวววว” ผมเดินหาวมาตามทางฟุตปาทในช่วงเวลายามค่ำของนิวยอร์ก อากาศเย็นในช่วงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ช่างดี๊ดี แม้จะง่วงนอนจนน้ำตาไหลเพราะหาวแล้วหาวอีก แต่ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดินกลับบ้าน ไหล่ซ้ายคล้องกระเป๋าผ้าใส่แม็คบุ๊คและเอกสารไว้มากมาย มือซ้ายถือสมุดโน้ตส่วนตัวที่ยัดกระดาษไว้เกือบสิบแผ่นละมีปากกาหนีบตรงมุมสันสมุดโน้ตสีน้ำตาล มือขวาถือช็อคโกแล็ตเย็นที่แวะซื้อตรงร้านหัวมุมก่อนเข้าบ้าน เจสันแวะมาส่งผมเพราะผ่านทางนี้พอดี ผมเลยติดรถมากับเขา ผมขอลงตรงร้านเครื่องดื่มและเบเกอร์รี่เพื่อแวะซื้อช็อคโกแล็ตร้อนๆ มาดื่มและเดินเตาะแตะๆ มาเรื่อยๆ ในช่วงเพิ่งจะหัวค่ำแบบนี้เลยยังมีผู้คนวิ่งออกกำลังกายกันอยู่ประปราย ทั้งที่กำลังมุ่งหน้าไปเซ็นทรัลปาร์คที่ตอนนนี้สีสดงดงามมาก และที่มุ่งหน้ากลับมาจากสวนใหญ่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก

           

 

ตุบ!

           

 

“อุ๊ย”

           

 

“Oh, I’ m sorry.” คนที่วิ่งชนแขนผมจนสมุดโน้ตกระเด็นหลุดจากมือและกระดาษก็กระจายรีบหมุนตัวกลับมาขอโทษ เขากำลังจะก้มลงเก็บของคืนให้ แต่สักพักเขาก็ชะงัก

           

 

“เฮ้!” ผมตัวกระตุกด้วยความตกใจแบบที่ไม่ทันตั้งตัว เพราะกำลังมึนงง ผมกะพริบตาปริบๆ มองคนตรงหน้าที่มีเหงื่อชุ่มและหน้าแดงจัดแบบคนสุขภาพดีที่ออกกำลังกาย

           

 

“เซอร์ไพรส์ นายมาทำอะไรแถวนี้เนี่ย” ผมกะพริบตาปริ๊บๆ

           

 

“กลับบ้าน” ผมตอบสั้นๆ ยังรู้สึกงงๆ อยู่ ไม่ใช่ว่าหยิ่งใส่ แต่สมองผมกำลังประมวลผลอยู่ ซึ่งช้ามาก แต่ก็ไม่ถึงกับอืดเป็นคอมพิวเตอร์ยุคแรกอะไรแบบนั้น

           

 

“อ้อ ที่นายเคยบอกว่าบ้านอยู่แถวนี้” ผมพยักหน้าสามทีแบบงงๆ ก่อนจะขมวดคิ้วที่เจอเขาที่นี่ นี่แหละ สมองผมเพิ่งจะประมวลเข้าที่เข้าทางว่าผมเจอเซบาสเตียนโดยบังเอิญ

           

 

“เราอยู่ใกล้กันจริงๆ ด้วย” ผมอ้าปากค้าง มองร่างสูงหุ่นล่ำลีนก้มลงเก็บกระดาษและสมุดโน้ตที่กระจายอยู่บนพื้น พอเก็บเสร็จเขาก็ยืนขึ้นเต็มความสูง ขณะที่เขากำลังจะยื่นคืนให้และผมยกมือเตรียมรับของคืนแล้ว เขาก็ชะงักดึงมือกลับไป ก้มลงมองกระดาษแผ่นบนสุดด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนเงยหน้าขึ้นมองผม

           

 

“นายมีนัดกับลุงฉันเหรอ” ผมเบิกตากว้าง สลับมองหน้าหล่อ โหนกแก้มสันกรามของเขากับกระดาษในมือที่เขาถืออยู่ แม้จะรู้สึกงงๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นโง่ว่าจะไม่เก็ทกับสิ่งที่เขาพูด

           

 

“ลุงของคุณงั้นเหรอ” เซบาสเตียนยกแขนเสื้อด้านขวาเช็ดหน้าแล้วพยักหน้าให้ผมสามสี่ทีพร้อมกับชูสมุดโน้ตและปึกกระดาษให้ผมดู

           

 

“ก็ถ้านายหมายถึงมิสเตอร์คราวน์ที่แปลว่ามงกุฎของพวกพระราชาอะไรแบบนั้น แล้วก็เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็นั่นแหละลุงฉัน” ผมเหมือนโดนช็อตไปชั่วขณะ รู้สึกเอ๋ออ๋าเด๋อด๋าเหมือนสั่งการสมองไม่ถูก

           

 

ล้อเล่นมั้ยเนี่ยคุณโชคชะตา คุณจะนำพาไปแบบนี้จริงๆ เหรอ เอาจริงดิ?!

           

 

“เคย์เดน คราวน์ นั่นคือลุงของคุณใช่มั้ย?!” เซบาสเตียนขมวดคิ้ว มองหน้าผมด้วยสายตาเป็นคำถามประมาณว่าอะไรของมึงเนี่ย แต่ก็พยักหน้าหนึ่งที

           

 

“ใช่…” เขายกมือชี้ไปทางด้านหลังตัวเอง “…เขาอยู่อพาร์ทเม้นต์แถวเซ็นทรัลปาร์ค อยู่กับฉันแล้วก็พ่อฉันนี่แหละ”

           

 

ผมอ้าปากหวอ ลืมช็อคโกแล็ตร้อนไปแล้ว ป่านนี้มันคงจะเย็นแล้วละ ผมมองหน้าเซบาสเตียนที่เลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงงพร้อมกับยื่นสมุดโน้ตคืนมาให้ ผมยื่นมือซ้ายไปรับมาถือไว้และได้แต่คิดในหัวว่าโลกมันไม่เบี้ยวจริงๆ สินะ

           

 

“โอเค ผมมีธุระกับลุงคุณจริง แต่เดี๋ยวผมขอปรึกษากับทีมงานด้วยกันก่อนว่าจะเอายังไง เอ่อ…” บ่ายเบี่ยงเล่นตัวมาพักนึง สุดท้ายผมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากสินะ

           

 

“…ขอคอนแทคคุณหน่อย” และแน่นอน เป็นอย่างที่คิด ไอ้เด็กหนุ่มเซบาสเตียนยิ้มกริ่ม ยิ้มโยงโย่โยงโหย่ะ (?) น่าดูเลยละ เขายื่นมือมาตรงหน้าผมพร้อมกับยิ้มกว้างทรงเสน่ห์

           

 

“And finally…” ผมล่ะเกลียดรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องของเด็กมันซะจริง ผมขบกรามเบาๆ จิ๊ปากหนึ่งที รู้แหละว่ามือที่ยื่นมาจะขอโทรศัพท์ผม แต่ผมเลือกจะยื่นสมุดโน้ตพร้อมกระดาษแผ่นนั้นที่เขียนชื่อลุงเขาไว้

           

 

“เขียนเบอร์โทรศัพท์คุณมา หรือจะให้ดีกว่านั้นเอาเบอร์ลุงคุณมาจะดีกว่า เดี๋ยวผมติดต่อไปหาเขาเอง” เซบาสเตียนไม่ดื้อ ไม่เถียงอะไร แค่ดึงของในมือผมไปแล้วดึงปากกาที่เสียบกับสมุดโน้ตออกมาเขียนยึกยือๆ ลงบนนั้น

           

 

“เรื่องอะไรฉันจะให้นายโทรหาลุงโดยตรง ต้องโทรหาฉันก่อน” ผมเบะปากเล็กๆ จิกตามองเขาเล็กน้อยและดึงสมุดโน้ตกลับมาถือไว้อย่างมีมารยาท เซบาสเตียนยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะด้วยความสุขใจ

           

 

“ฉันบอกแล้วไงว่ามันน่าสนุกจริงๆ” เอาอีกละ ไม่มีใครสนุกด้วยหรอกนะ เดี๋ยวผัวยิงทิ้ง

           

 

“ขอบคุณ แล้วเดี๋ยวจะติดต่อไปเอง” ผมพูดอย่างเสียมิได้ ให้ตายสิวะ เหมาะเจาะเหมาะเหม็งจริงจริ้ง ตึกมีเป็นล้านๆ ตึกในไทย ผู้กำกับดันอยากได้ตึกร้างตึกนั้น และดันเป็นตึกที่กำลังจะเปลี่ยนมือเจ้าของคนใหม่ ซึ่งเจ้าของคนใหม่ดันเป็นลุงของไอ้เด็กที่คิดเป็นชู้กับผม อินเซฟชั่นยังแพ้นะแบบนี้

           

 

“เดี๋ยวฉันเดินไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน” ไอ้เด็กน้อยมันว่าท่าทางคึกครื้น ผมย่นคิ้วใส่มันด้วยความรำคาญใจเล็กๆ

           

 

“ไม่ต้อง ไปวิ่งต่อเถอะ เบรกนานๆ ไม่ดีต่อปอดนะ” อันนี้มั่ว

           

 

“ไม่เป็นไร งั้นฉันวิ่งจ้อกกิ้งไปส่งนายก็ได้” โอ๊ย กูไปสวยโดนใจอะไรมึงเนี่ย?!

           

 

“เซบาสเตียน…”

           

 

“…เรียกเซบสิ” ผมกลอกตาหนึ่งที

           

 

“นี่ไอ้เศษเล็บ…” ผมพูดเป็นภาษาไทยด้วยความหงุดหงิด เจ้าของชื่อทำหน้างง

 

 

“…นายอายุน้อยกว่าฉันมาก และฉันก็มีคู่หมั้นแล้ว ซึ่งฉันบอกนายไปแล้วและนายควรจำให้ได้” อันนี้ผมพูดเป็นภาษาอังกฤษ เซบาสเตียนไหวไหล่สองข้างท่าทีสบายๆ

 

 

“ฉันต้องคิดหนักมากเลยล่ะว่าจะคุยกับลุงยังไงดี”

 

 

“เออ! เดินไปส่งก็ได้!” หน็อย! นี่ไง นี่ไง! สิ่งที่ผมกลัวว่ามันจะเอาลุงตัวเองมาต่อรองเพื่อความคึกคะนองของตัวเอง ผมเดินผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว เดินฉับๆ อีกเจ็ดนาทีก็ถึงบ้านแล้ว

 

 

“นายอยากคุยกับลุงฉันเรื่องอะไรเหรอ” เออ ถ้าถามเรื่องนี้ยังพอจะอยากคุยด้วยหน่อย

 

 

“เรื่องงานน่ะ ฉันอยากจะขอยืมสถานที่ของลุงนายในการถ่ายทำหนัง” เซบาสเตียนที่เดินกอดอก เลิกคิ้วขึ้นพร้อมพยักหน้าเอื่อยๆ

 

 

“ฉันสัญญาว่านายจะได้ตามที่ต้องการ…” ผมหันไปมองด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

 

 

“…ถ้านายยอมออกเดตกับฉัน” วูบบบ หัวใจเลิกตื่นเต้นทันที ผมแบะปากเล็กๆ นึกอยากจะสาดช็อคโกแล็ตในแก้วใส่หน้าของไอ้เด็กคนนี้สักที

 

 

“ไม่เป็นไร ให้ฉันเข้าไปคุยกับลุงนายเองดีกว่า” ผมว่าพลางเร่งฝีเท้า ผ่านอีกสี่หลังก็คือถึงบ้านแล้ว

 

 

“ลุงฉันเป็นพวกผู้ชายสายเย็นชานะ ไม่ได้คุยด้วยง่ายๆ” แน่ะ มีการข่มขู่นะ

 

 

“ก็ไม่เป็นไร ให้ฉันได้คุยเอง” ผมยักไหล่ขวา ทำท่าทางว่าแอมฟาย แต่ไม่แต้งกิ้วแอนด์ยู เซบาสเตียนไม่ตอบ ทำเพียงยิ้มเบะปากและแบสองมือออกพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้าง ท่าทางมันช่างจิ๊กโก๋ซะจริง ผมเหลือบมองด้วยความจิกหนึ่งทีแล้วหยุดตรงขั้นบันไดหน้าบ้าน ไอ้หนุ่มรุ่นน้องแหงนหน้ามองบ้านวิคเตอร์ด้วยความสนใจ

 

 

“ฉันไม่รู้เลยว่าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ฉันจะเดินมาหานายทุกวัน”

 

 

“ไม่ต้องอะ ขอบใจที่เดินมาส่งทั้งที่ไม่ได้ขอ” ผมไม่ชอบฟีลนี้เลยจริงๆ มันเหมือนพวกผู้หญิงทำตัวสะดิ้งแสร้งสตรองว่าฉันโอเคที่จะโสด ไม่ต้องมาจีบฉันหรอก ฉันมีความเล่นตัวนะ ทั้งที่จริงในใจก็ระริกระรี้อยากได้ชาย แต่ของผมคือผมเป็นผู้ชายและมีสามีแล้ว มันเลยไม่ได้สะดิ้งหรือแสร้งต่อต้านอะไรทั้งนั้นอะ คือกูไม่อยากมีปัญหากับผัวกู๊

 

 

“นายจะใจร้ายกับฉันได้อีกไม่นานหรอกแมทตี้” ผมพ่นลมหายใจยาวด้วยความหน่าย ผู้ชายคนนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมชอบผู้ชายแบบวิคเตอร์มากกว่า

 

 

“แมท” ผมหันไปมองด้านหลัง คนที่ผมเพิ่งรำลึกถึงออกมายืนมองเหตุการณ์หน้าบ้านงงๆ ผมใจหายวาบ ตอนแรกเขาก็งง แต่พอหันไปมองเซบาสเตียน วิคเตอร์ก็มองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรทันทีแบบที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดต่อ ผมรีบเดินขึ้นบันไดบ้านไปหาเขา

 

 

“สวัสดีครับคุณนักรบ” เซบาสเตียนยกมือตะเบ๊ะให้วิคเตอร์หนึ่งที ไอ้ยักษ์ขมวดคิ้วมองด้วยความไม่ชอบใจ

 

 

“ใคร”

 

 

“เอ่อ…” ที่ติดอ่างอยู่นี่ไม่ใช่เพราะกลัวเรื่องชู้นะ แต่จะบอกไงดี บอกว่าเป็นนายแบบของเอมิลี่เดี๋ยวไอ้ยักษ์ก็ไปจุกจิกกับเธออีก

 

 

“…เขาชื่อเซบาสเตียน เป็นหลานของคนที่ผมต้องไปเช่าสถานที่เขาถ่ายทำอะ” วิคเตอร์หันไปมองเซบาสเตียน ไอ้หัวน้ำตาลทองรวงข้าวยิ้มกว้าง

 

 

“ขอตัวก่อน แล้วเจอกัน” พูดจบก็วิ่งเหยาะๆ ออกไปจากหน้าบ้านเราสองคน วิคเตอร์คลายคิ้วที่ขมวดอยู่ออก หันมามองผมแบบครุ่นคิด และผมพอจะเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

 

“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขา” วิคเตอร์จ้องผมตาดุจนผมหดคอ

 

 

“ลองคิดสิ”

 

 

“งั้นก็ไว้ใจได้เลย ผมไม่คิด คุณไม่เกิดอารมณ์ทางเพศกับคลอเดียยังไง ผมก็ไม่คิดอะไรกับเซบาสเตียนเช่นเดียวกัน” วิคเตอร์ยิ้มเย้ยเล็กๆ

 

 

“ถึงฉันเกิดอารมณ์กับเธอจริงๆ เรื่องอะไรฉันจะบอก” ผมกัดริมฝีปากล่าง ถลึงตามองไอ้ยักษ์ ยัดสมุดโน้ตลงกระเป๋าผ้าแบบลวกๆ แล้วเหวี่ยงมือซ้ายไปตีไข่เขาเต็มแรงจนวิคเตอร์สะดุ้งโหยง

 

 

“Fuck!” ผมเบิกตากว้าง กัดฟันแน่นมองหน้าเขาด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะสะบัดตัวเปิดประตูบ้าน ก้าวเท้าเดินเข้าไปในครัว เอากระเป๋ากับแก้วช็อคโกแล็ตร้อนวางบนโต๊ะหินอ่อนที่ปัจจุบันมันก็แหว่งอยู่เหมือนเดิม

 

 

 “รู้จักกับมันนานแค่ไหนแล้ว” ผมยกน้ำดื่มที่เพิ่งหยิบออกมาจากตู้เย็นขึ้นดื่มไปครึ่งขวดก่อนตอบคำถามเขา

 

 

“อย่าเรียกว่ารู้จักกันเลยดีกว่า ผมเจอเขาอยู่…” ผมกลอกตานึกจำนวนที่เคยเจอเซบาสเตียน หนึ่ง สอง สาม สี่ ถึงสี่มั้ยนะ

 

 

“…สามครั้งเองมั้ง ก็คุยกันแค่ในครั้งที่เจอกันนั่นแหละ อันเนี้ยคือครั้งที่สาม”

 

 

“เจอกับมันที่ไหน ไปเจอกันได้ยังไง” วิคเตอร์ถามเสียงห้วน ผมหันไปมองหน้าเคราครึ้มและผมจุกของเขา ดูเป็นคนไร้บ้านอีกละ พอกลับไปถ่ายซีรีส์เนี่ย

 

 

ผมถอนหายใจ นึกขอโทษเอมิลี่ในใจ “เจอกันตอนไปช่วยงานเอมิลี่ เขาเป็นนายแบบของเธอ”

 

 

“ไม่ต้องไปช่วยเอมิลี่อีก เข้าใจมั้ย” บ๊ะ เดาทางหวยได้แบบนี้คงถูกรวมๆ กันเป็นล้านๆ

 

 

“ก็ไม่ไปแล้วไง เอาเวลาไหนไปเนี่ย”

 

 

“หมายถึงถ้านายว่าง ไม่ต้องไปช่วยเอ็มอีก เดี๋ยวฉันคุยกับเธอเอง” ผมแลบลิ้นใส่เขา หันเอาขวดน้ำเก็บในตู้เย็น ก่อนหันกลับไปมองเขาตามเดิม

 

 

“แล้งน้ำใจจริงๆ” วิคเตอร์เบิกตามองผมดุๆ

 

 

“ทำไม อยากไปเจอไอ้เด็กนั่นอีกเหรอ” ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือ หยิบแก้วช็อคโกแล็ตลงถังขยะ

 

 

“ล้อเล่น ขึ้นนอนกันเถอะ นะๆ ผมเริ่มคิดอะไรไม่ออกแล้ว” อันนี้ผมไม่ได้เอาตัวรอดนะ แต่ผมใช้สมองมาทั้งวันเลย ใช้ไปกับตัวเลขที่ผมแสนจะเกลียด เพ่งกับมันจนเวียนหัว เหมือนเราใช้มันเต็มที่คราวนี้ก็วิ้งเลยสิ ยิ่งตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้วด้วย สมองยิ่งสั่งการแต่ว่าพักผ่อนๆ สมองผมขี้เกียจเถียงขี้เกียจแย้งอะไรกับวิคเตอร์อีกแล้ว

 

 

“ไม่กินข้าวรึไง” ผมสั่นหัว พยายามเปิดเปลือกตาคุยกับเขาให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

“แต่คุณกินที่ผมทำมาให้แล้วใช่มั้ย” วิคเตอร์พยักหน้า ผมพยักหน้าสามที และกระตุกแขนเขาเป็นสัญญาณว่าขึ้นไปนอนกันดีกว่า วิคเตอร์มองผมอย่างระอาและส่ายหัวเบาๆ เขาหมุนตัวพาผมเดินออกไปจากครัว ผมกอดแขนล่ำของเขา ทิ้งตัวลงบนแขน ให้เขาออกแรงพาผมเดินขึ้นห้อง แต่เขาคงหนักไม่ก็รำคาญเลยดันผมออกและอุ้มผมขึ้น ผมยิ้มกริ่ม ซุกหน้ากับอกอุ่นของเขาผ่านเสื้อยืดสีขาวเนื้อนุ่ม

 

 

“แปรงฟันก่อนนะ ห้ามนอนแบบนี้ เหม็นปาก” ผมทำปากยื่นแต่ก็ยกมือขึ้นมาทำท่าว่าโอเคตอบรับ

 

 

ผมชมตัวเองหน่อยได้มั้ยว่าสมองน้อยๆ ของผมนั้นทำหน้าที่ของมันได้ดีเหลือเกิน


 

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


              โอ๊ลาาาา สวัสดีค่า มาอัปกันต่อจนจบบบ

               โลกนั้นช่างกลมแสนกลม โลกนั้นช่างเข้าทางพ่อหนุ่มเซบาสเตียนเขาเหลือเกิน ละแบบนี้แมทจะยังไงต่อ นี่หล่อนจะโดนต่อยท้อง ลากเข้าห้องปล้ำรึเปล่าแมทททท กรีสสสส

               แมทต้องเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า เพลงมา เจ็บ ต้องทำ... บาแผลเรื่องธรรมดา เพื่อดาวววว ดวงนั้นนน

               555555555 แต่จริงๆ ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ อีพี่ยักษ์หูตาไวยิ่งกว่ากล้อง CCTV ได้ยินเสียงเมียปุ๋บ ออกมาดูปั๊บ แบบนี้ไม่น่าเล็ดลอดสายตาพี่ยักษ์ไปได้ อีกอย่างแมทคงไม่อยากหาเรื่องปวดหัวให้ตัวเองมั้งคะลูกสาว ไม่งั้นยุ่งเหยิงกว่าเดิมเนาะ

               ร่วมส่งแรงใจให้น้องแมทได้ โดยการส่ง SMS ไปที่หมาย 483484888888

               ช่วงนี้ปั่นต้นฉบับเรื่องนี้อยู่ค่ะ อยากเสร็จภายในเดือนนี้อย่างที่แจ้งไว้ในเพจ เพราะก็ปิดโอนเงินไปแล้ว ไม่อยากให้รอกันนาน ตอนนี้เลยทุ่มสมองปั่นๆๆๆ แต่ก็ไม่อยากฝืน กลัวจะล้าแล้วทำงานลวก แต่ก็อยากให้เสร็จ คืองงตัวเองมาก จะเอาไง ช่วยด้วยยย

               ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงภาคจบมากๆ ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันในทุกๆ ช่องทาง บางทีด้วยความที่เรื่องมันก็นานแล้ว เลยอาจจะทำให้คนอ่านหายไปเพราะนึกว่าสตาร์วอร์ 55555 นานเกิ๊นนน แต่ภาคนี้ก็จะปิดไตรภาคที่แท้ทรูแล้วนะคะ จำนวนตอนจบยังฟันธงไม่ลงว่าจะ 35 หรือ 36 รึจะเกินก็ยังไม่รู้ 55555 แต่จบที่ตรงนี้ และเซย์กู๊ดบายกันในอีกไม่กี่เดือน อย่าเพิ่งรีบใจหาย ยังค่ะ อีกพักใหญ่ๆ ค่อยใจหาย จะมีคนใจหายกับฉันมั้ย 555555



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-01-2018 21:07:15
แมทต้องพยายามหลีกเซบาสเตียนให้มากหน่อย ถึงจะเป็นเรื่องอยากไปทำความรู้จักลุงเค้าก็เถอะ งานส่วนงาน ส่วนตัวคือ ส่วนตัว เดี๋ยวก็ทะเลาะกับผัวอีก วุ้ย!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2018 21:31:32
สวยมากกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-01-2018 21:44:49
นังเตียนเอ่ย เล่นกับเมียใครไม่เล่น ไปเล่นกับเมียเตอร์  เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย  o18
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-01-2018 22:05:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 19-01-2018 23:45:19
 :mew1: :mew1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 20-01-2018 00:52:42
งานกำลังเข้าสินะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-01-2018 08:57:37
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.18 100% :19.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-01-2018 19:10:47
เซ หลงเสน่ห์แมท  :ling1: :ling1: :ling1:
ทั้งที่แมท ไม่ได้อ่อย ให้ความหวังเลยแท้ๆ
มันคงไปกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะของเซสินะ

แต่เตอร์ จะเช้าใจที่แมทต้องติดต่อลุงเซมั้ยนะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อยากให้งานแมทผ่านไปด้วยดี  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 26-01-2018 22:35:32


Yours and Mine EP.19 :: Distract. (วอกแวก) [35%]



Special from Victor Raymond

           

 

ผมกำลังจะสูญเสียแมทไป…

           

 

สูญเสียแมทคนเดิมที่เคยเป็นเอเลี่ยนน้อยผู้สดใสและร่าเริงของผม และได้แมทคนใหม่ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีแต่ความจริงจังขึงขังในหน้าที่การงาน และส่งผลมายังชีวิตปกติของตัวเอง

           

 

ผมรู้ว่าครั้งนี้แมทพยายามมาก พยายามอย่างหนักที่จะแบ่งเวลาให้เป็น แบ่งเวลาให้ถูกต้อง แยกงานกับชีวิตส่วนตัวออกจากกันให้ได้หลังจากที่เคยเอามันมาปนกันมั่วไปหมด ผมรับรู้ความพยายามนั้น และผมดีใจที่แมทพยายามไม่เอามันมาปนกัน แต่เพราะแมทต้องพยายามอย่างมาก เลยทำให้เขาใช้พลังงานในชีวิตเยอะจนทำให้ความสุข ความสดใสที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของเขาค่อยๆ หายไป

           

 

คนที่ผมรักทั้งใจกำลังจะจากผมไปและทิ้งแมทคนใหม่ที่ผมไม่ต้องการไว้แทน

           

 

RRrr!

           

 

โทรศัพท์สั่นตอนที่ผมออกกำลังกายอยู่ในเทรลเลอร์คาร์ของตัวเองในช่วงค่ำหลังเลิกกอง ผมหยุดโหนบาร์เหล็ก ยืนหอบหายใจครู่สั้นๆ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู แมทคอลสไกป์มาหา ผมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกดรับ ใบหน้าโทรมคล้ำไม่ผ่องใสและดูเบลอๆ แทบจะตลอดเวลาปรากฎบนหน้าจอ แมทยิ้มกว้าง เป็นยิ้มกว้างที่ดูเหนื่อยล้าซะเหลือเกิน

           

 

“นอนบ้างรึยังเนี่ย”

           

 

[นอนไปสามชั่วโมงแน่ะ] แมทยิ้มเพลียๆ ง่วงๆ ผมมองหน้าเขาแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ทั้งเป็นห่วงเขาและรู้สึกเหนื่อย…

           

 

ไม่รู้ว่าเหนื่อยแทนเขา หรือเหนื่อยที่ต้องทนเห็นเขาเป็นสภาพนี้

           

 

“ออกไปเที่ยวเคปทาวน์บ้างรึยังเนี่ย” แมทส่ายหัวก่อนจะเปลี่ยนเป็นพยักหน้าแต่ก็ดูเหมือนส่ายหัวอยู่ดี ผมขำน้อยๆ กับความเบลอของเขา

           

 

[ก็ได้ออกไปตอนดูโลเคชั่นแหละ]

           

 

“แบบนั้นเขาไม่ได้เรียกว่าเที่ยวหรอก อเล็กซ์มันคงไม่ใจร้ายห้ามเที่ยวหรอกมั้ง ออกไปเที่ยวบ้างก็ได้” แมทขยับตัวนั่งตรงๆ บนเตียงนอนสีขาว เขายกมือขวาขยี้ตาก่อนจะพูดต่อ

           

 

[ก็ได้ถ่ายรูปแหละน่า มีเป็นสิบๆ รูปเลย]

           

 

“ถ่ายเพราะงานอีกสิ” แมทอ้าปากหาววอด

           

 

[ก็ด้วย] เขาพูดเสียงงึมงำๆ มองผมตาปรือๆ ไม่ได้ว่าเซ็กซี่นะ แต่เพราะเขาง่วง

           

 

[คุณล่ะ ไปเที่ยวที่ไหนของเอกวาดอร์มาแล้วบ้าง]

           

 

“ฉันได้เที่ยวแบบที่เที่ยวจริงๆ มากกว่านายก็แล้วกัน…” แมททำปากยื่น ยกมือเกาหัวเบาๆ

           

 

“…ส่งรูปไปให้ดูได้ดูมั่งรึเปล่าเนี่ย” เขาทำตาโต ปรับทีท่าให้ดูกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

           

 

[ดูซี่ ดูๆ ผมเห็นอยู่ เมืองติดทะเลสวยมากเลย] ผมทำหน้าระอา ส่ายหัวช้าๆ ด้วยความอ่อนใจกับการพยายามเอาใจผมที่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ในแบบที่เขาเคยเป็น

           

 

เขากำลังประดิษฐ์ความเอาใจใส่นั้นเพื่อพยายามกลบเกลื่อนการที่เขาทุ่มเทให้กับงานมากกว่า นั่นเลยทำให้เขาเหนื่อยเกินไป

           

 

[วิคเตอร์อะ อย่าทำแบบนั้น] เขาหน้างอคล้ายว่าจะงอนแต่ก็ไม่ใช่

           

 

“นายรู้อยู่แล้วนะว่าฉันดูแลนายได้ กลับมาใช้ชีวิตให้สนุกเหมือนเดิมเถอะ” แมทฉีกยิ้มกว้าง เขาจะรู้ตัวมั้ยว่าเขาดูพยายามไปหมดแทบจะทุกอิริยาบท

           

 

[ผมมีความสุขเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีความสุขกับงานเพิ่มขึ้น] ผมรู้ว่าเขามีความสุขกับงานแม้ว่าเขาจะเหนื่อยมาก แต่ที่บอกว่าเขาเหมือนเดิม เขาไม่รู้ตัวหรอกว่ามันไม่จริง

           

 

“นายจำได้รึเปล่าว่าบ้านใหม่เราไปถึงไหนแล้ว” มันดูเป็นคำถามที่จะถามทำไม แต่กับแมทมันเป็นคำถามที่ควรถามอย่างมากเลยละ เพราะตอนนี้หน้าเขามึนงงไปหมด

           

 

[รีโนเวทในบ้านอยู่ไง แล้วก็กำลังทำสวนหลังบ้าน ผมเลือกต้นไม้ด้วยเหอะ] ผมยิ้มเยาะมุมปากเล็กๆ

           

 

“ที่นายว่ามาเราทำเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่รั้วรอบบ้าน ก่อนไวโอล่าคลอดเราก็เข้าไปอยู่ได้แล้ว นายจำวันที่ไวโอล่าคลอดได้รึเปล่า” ถ้าเป็นการ์ตูน ผมคงเห็นดวงตากลมโตหมุนเป็นก้นหอยด้วยความมึนไปแล้ว แมทหันซ้ายแลขวาเหมือนหาตัวช่วยก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้ม

           

 

[22 ตุลาคมไง] ผมยิ้มเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

           

 

“ยังดีที่จำได้นะ” แมททำหน้าโล่งอก นั่นคือความธรรมชาติของเขาที่นานๆ ทีจะโผล่มาให้เห็น และผมคิดถึงแมทคนนั้นมาก

           

[แต่บ้านเราไวขนาดนั้นเลยเหรอ ผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยอะ]

           

 

“เตรียมตัวได้ก็แปลก ทุกวันนี้นายแยกร่างมาคุยกับฉันได้ ฉันก็ขอบคุณมากแล้ว” ผมไม่อยากทะเลาะกันใหญ่โตแบบที่ผ่านมา เพราะอย่างที่บอกว่าครั้งนี้แมทก็พยายามมากจริงๆ ที่จะไม่ทิ้งผมไว้แล้วเอาแต่งาน และการทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิม ผมว่าจะยิ่งช้ำยิ่งซ้ำกันเข้าไปอีก ไม่ใช่ว่าผมคิดได้ แต่ผมเบื่อที่จะคิดที่จะทะเลาะกับเขาในแบบที่เรารู้กันอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ตอนนี้ที่ผมทำคือ…

           

 

ภาวนาให้แมทเห็นตัวเองสักทีว่าตอนนี้ตัวเองเป็นยังไง บอกตรงๆ ผมก็เหนื่อยที่จะเตือนจะดึงเขามาแล้ว

           

 

[วิคเตอร์ จะโกรธเหรอ ผมขอโทษ] แมทมองอย่างรู้สึกผิด ผมถอนหายใจ รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่เขามองด้วยความเป็นกังวล อันนี้แหละที่ทำให้ผมยังมีความหวังกับเขาอยู่

           

 

“ไปพักผ่อนเถอะไป เดี๋ยวค่อยคุยกัน” แมทกะพริบตามองผมด้วยความพะว้าพะวง เขามองผมอย่างหงอยๆ ผมเห็นสายตาลูกหมาของเขาแล้วก็ยิ้ม

           

 

ผมยังมีหวังว่าแมทคนเดิมของผมจะไม่หายสาบสูญไปซะทีเดียวอยู่สินะ

           

 

[ช่วยตัวเองบ้างรึเปล่า] ผมส่ายหัวหน้านิ่ง แมทมีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที ผมไม่อยากจะพูดให้เขารู้สึกแย่เลยว่า ทุกวันนี้ผมแทบไม่มีอารมณ์กับเขา เพราะเขาหม่นเขาหมองแบบนี้ไง ความสดใสที่ดึงดูดผมเข้าหาเขาเสมอมันหายไป ผมเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าสรีระร่างกายของเขามันไม่ใช่ตัวจุดอารมณ์ เพราะเขาเป็นผู้ชาย แต่ความลูกล่อลูกชน ความก๋ากั๋น สดใสของเขาต่างหากที่ทำให้ผมมันเขี้ยวอยากกดเขา ผมพูดตรงๆ เพราะบางเรื่องมันอ้อมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจกันยาก

           

 

“อย่ากังวล ไปพักผ่อนไป” แมทเม้มปาก มองผมด้วยสายตาว้าวุ่น ผมยิ้มบางๆ และพยักหน้ายืนยันตามที่บอก แมทลังเลอยู่สักพักก่อนจะยกมือขึ้นบ๊ายบายแล้วก็กดปิดวีดีโอไป ผมถือโทรศัพท์ค้างไว้สักแปบแล้วพ่นลมหายใจออกมา

           

 

ก๊อกๆ

           

 

เสียงเคาะประตูรถเทรลเลอร์ของผมดังขึ้น ผมลุกขึ้นยืนพลางยกมือขวาเสยผมขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู พอเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ย่นคิ้วแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร

           

 

“คลอเดีย” เธอยืนอยู่ในเสื้อคลุมผ้ามันลายดอก ใบหน้าสวยคมของเธอถูกแต่งแต้มอ่อนๆ ผมสีดำสยายเต็มแผ่นหลัง

           

 

“ฉันเข้าไปได้มั้ย” เธอถาพลางมองตัวผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ สายตาของเธอหยุดอยู่ตรงรอยสักบนอกซ้าย

           

 

“มีอะไร คุยกันตรงนี้ก็ได้” ผมว่าเสียงราบเรียบ แต่สักพักก็ตาโตตกใจเพราะคลอเดียแกะผ้าผูกเอวออกแล้วก็แหวกเสื้อคลุมเผยให้เห็นอกสวยเต่งตึงและหุ่นสุดเฟิร์มในแบบผู้หญิง

           

 

“เธอทำอะไรน่ะ?!” เธอยิ้มน้อยๆ

           

 

“ก็ยืนคุยตรงนี้ไง คุยแบบนี้แหละ” ผมขบกรามแน่น สอดส่องสายตามองหาคนอื่นๆ แต่ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาพักผ่อนและใกล้เข้านอนแล้วคนเลยไม่ได้เดินขวักไขว่กัน

           

 

“ใส่เสื้อคลุมซะ” ผมสั่งเธอเสียงเข้ม แต่เธอกลับยิ้มด้วยความสนุก

           

 

“ไม่ ฉันจะถอดจนหมดถ้าเธอไม่ให้ฉันเข้าไปด้านใน” ผมยืนเงียบ มองเธออย่างเฉยเมย คลอเดียยักคิ้วซ้ายหนึ่งทีแล้วก็ถอดเสื้อคลุมออกจนหมดจริงๆ ผมที่เข้าฉากเซ็กส์กับเธอบ่อยก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ถามว่ามีใจกระตุกมั้ย ไม่ปฏิเสธเลยว่ามี

           

 

“อะ งั้นอยากคุยอะไรก็ว่ามา” ในเมื่อเธอกล้า ผมก็กล้าคุยกับเธอแบบนี้เหมือนกัน คลอเดียถอดผ้าคลุมผืนมันออกแล้วถือไว้ด้วยมือขวา เธอเขยิบก้าวขึ้นมาบนบันไดรถของผมหนึ่งขั้น ทำให้เรายืนห่างกันเพียงคืบ

           

 

“ฉันไม่อยากมีเซ็กส์กับเธอแค่ในจออีกแล้ว” ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง มองเธอด้วยความทึ่งเล็กๆ กับความกล้าของเธอ

           

 

“เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมกับเธอเกือบจะใช้คำว่าไม่ถูกกันก็ได้ เพราะเราไม่ยุ่งไม่วุ่นวายต่อกันเลย คลอเดียชอบทำเชิดใส่ผมจนผมก็ปล่อยผ่านไป แล้วแต่เธอ แต่วันนี้จู่ๆ มาขอเอากันเนี่ยนะ

           

 

เธอยกมือวาขึ้นจับแก้มผมเบาๆ มองด้วยสายตาเว้าวอน “เธอไม่รู้อะไร ฉันต้องฝืนใจทำไม่สนใจเธอเพื่อให้เธอมาสนใจฉัน แต่เธอกลับไม่…”

 

 

ผมเลื่อนสายตาไปมองตรงหัวมุมของเต็นท์สีขาว ทีมงานผู้ชายสองคนกำลังเดินมา ผมเลยฉุดเธอเข้ามาด้านในและปิดประตูตามหลัง พอเข้ามาอยู่ด้านในแล้วคลอเดียก็จู่โจมผมทันทีราวกับเธออดอยากมานาน เธอรุกจูบปากผมและดันผมลงไปนอนบนเตียง ผมไม่ได้ทำทีต่อต้านอะไร แค่ดันเธอออกตามปกติ ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอนั่งคร่อมผมอยู่บนเตียง หน้าอกโตๆ และเด้งดึ๋งของเธอตั้งตระหง่านตรงหน้าผม

           

 

“เธอแค่อยากมีอะไรกับฉัน หรือเธอคิดอย่างอื่นด้วย” คลอเดียเลื่อนสายตามามองรอยสักบนอกผมอีกที เธอยกมือขวาแตะรอยสักนั้นแล้วสลับกับยกไปแตะที่แผลเป็นของเธอที่อยู่ข้างเต้านมฝั่งขวามือ แล้วยังมีรอยบุหรี่จี้บางจุดบนหลังเธอด้วย ผมสังเกตเห็นนานแล้ว ตั้งแต่เข้าฉากเซ็กส์ด้วยกันครั้งแรก แต่ไม่เคยถามหรือทักท้วงเพราะถือว่าเป็นเรื่องของเธอ ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับการกระทำนั้น

           

 

“ถ้าแค่อยากมีอะไรกัน ฉันอาจจะตอบสนองให้ได้ แต่ถ้าคิดเกินเลยกว่านั้นด้วย ฉันให้ไม่ได้ ฉันมีคนรักอยู่แล้ว” ที่กองนี้ไม่รู้เลยนะว่าผมเป็นแฟนกับแมท คือบางคนมีเห็นข่าวนั่นแหละ แต่ผมไม่เคยพูดอะไรเพิ่มเติม ก็เลยทำกันได้แค่เสพตามที่สื่อเขียน

           

 

“รักฉันไม่ได้เหรอ” ผมส่ายหน้า คลอเดียมองผมอย่างผิดหวัง ผมไม่เข้าใจความเศร้านั้น และผมไม่คิดจะทำความเข้าใจของเธอว่าเธอต้องการอะไรมากกว่าอยากเอากับผมมั้ย เพราะใจผมเองก็เป็นสีเทาอยู่แล้ว และที่สำคัญแต่อาจจะดูไม่สำคัญในความรู้สึกใคร คือผมกับแมทไม่ได้มีอะไรกันมาจะสามเดือน แม้กระทั่งจูบก็ไม่มี กอดก็แทบนับครั้งได้ เพราะเราทำงานกันทั้งคู่ แต่สิ่งที่เป็นพ้อยท์ของผมกับแมทคือ แต่ก่อน ผมทำงานคนเดียว แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรกับเขาเลย แต่สิ่งที่ผมได้คือความอ้อน ความงอแงคิดถึงผม และความยั่วยวนแบบเด็กๆ มันเลยทำให้ผมอยู่ได้ เพราะความรู้สึกของเราไม่ห่างกันแม้ตัวจะห่างกันก็ตาม

           

 

“งั้นแค่นอนด้วยกันก็ได้” ว่าจบเธอก็จับสองมือผมไปลูบคลึงหน้าอกเธอ สัมผัสก็ไม่ได้ต่างจากตอนที่เราเข้าฉากด้วยกันหรอก แค่ความรู้สึกในการสัมผัสมันต่างกันออกไป ผมขยำบีบคลึงหน้าอกของเธอเต็มมือก่อนเลื่อนลงลูบไปตามส่วนโค้งเว้า คลอเดียตาปรือ ผมลุกขึ้นนั่งแล้วก้มลงดูดหัวนมข้างขวาของเธอหลายทีติดกันจนอารมณ์ผมขึ้นจริงจัง ผมผละออกจากหน้าอกของเธอแล้วไซ้ลำคอหอมกรุ่น คลอเดียยกมือจิกหัวผมเต็มสองมือ ผมไล่ไซ้จากซอกคอขึ้นไปตามแก้มและประกบริมฝีปากกับเธอ สองมือลูบแผ่นหลังของคนด้านบน ในขณะที่ลิ้นของเราเริ่มเกลี่ยกัน










เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้  :katai1:


              มีฉากสัมผัสเนื้อต้องตัวกัน แต่มันนิ้ดเดียวเลยไม่ได้ตัดออก กลัวอารมณ์ไม่ต่อเนื่องด้วย ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่โดนแบน เพราะอย่างที่เคยบอกหลายครั้ง เคยเจอในนิยายชายหญิงบางเรื่องมากกว่าเรื่องตัวเองอี๊กกก ถ้าโดนแบนก็จะล้องห้ายยย

               วอกแวกจนได้ แต่น้องแมทเองก็ห่างเหินกับสามีไปแบบไม่รู้ตัว แต่นางก็พยายามแล้วนะ ฮ้ออออ TT^TT

               แล้วจะยังไงต่อ ล่อกันยันเช้างี้เหรอ แบบนี้ต้องทุบ ทุบอีคนเขียนก่อนเลยที่มาสั้นแบบนี้

               หลายคนคงคิด กูว่าแล้ว กูกะไว้แล้ว กูคิดไว้แล้ว มันต้องเป็นจั่งซี้ ! หลายคนก็ ไม่แปลกใจ และแอบเชียร์ให้อียักษ์ทำตัวแบบนี้สักทีก็มี (แอบเห็นในเพจนะยะ)

               เดี๋ยวเจอกันต่อนะคะ ขอไปปั่นต้นฉบับต่อละะะ อย่าเพิ่งหยิบปืนมายิงคนเขียนนะคะ ใจเย็นนนน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 26-01-2018 22:44:57
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2018 22:57:28
อ้าววว อียักษ์เอาอีกแระ แต่แมทก็นะ จะบ้างานไปเพื่ออะไร เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 26-01-2018 23:01:20
คนเขียนคะ เราหวังอย่างยิ่งว่าคุณจะตอบหรือผ่านไปก็ได้ค่ะเม้นนี้

คือคุณไม่มีอะไรจะเขียนหรือหาทางลงให้เรื่องนี้ไม่ได้หรือว่ายังไงคะ เราไม่มายเลยว่าจะจบเเบบแบดหรือแฮปปี้ แต่ที่ติดใจสงสัยคือ ทำไมมันต้องวนลูปเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาคะ คุณไม่เบื่อที่จะเขียนหรือคะ มันก็คงผิดที่เราเองทำไมไม่เลิกอ่านไปเงียบๆ แต่คือก็อยากรู้ตอนจบ แต่เปิดอ่านมาทีไรเหมือนมันวนๆๆ มีแต่ปัญหาๆๆ ส่วนมากก็เรื่องเดิมๆตลอด ขนาดตัวคุณเองยังรู้เลยว่าทุกคนจะคิดยังไงกะอะไรที่แบบ ว่าล่ะ ต้องแบบนี้ ถามจริงไม่เบื่อหรอ แค่สงสัย สงสัยมากๆด้วยว่าทำไมมันวนๆๆตลอด เอาจริงนะถ้าเรื่องนี้จบแบบแบดจะไม่อะไรเลย ปัญหาเยอะเกิ้น มีอะไรที่เข้ากันได้ไหมอ่ะสองคนนี้ นอกจากsex ถามอีกครั้งนะคะ ทำไมมันถึงวนๆคะ หาทางลงไม่ได้หรอ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-01-2018 23:29:43
หวังว่า วิคเตอร์จะไม่ทำผิดกับแมทนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 26-01-2018 23:38:11
วิคเตอร์แกต้องไม่ไขว้เขว /กระชากหัว/ แมทยังซื่อสัตย์กับแกเลย ถึงแม้จะวอกแวกไปกับชายมีรอยสักก็เถอะ แกก็รู้ว่าแมทรับเรื่องนอกกายนี้ไม่ได้ แต่ว่าก็ว่าเถอะ ทำไมอิเตอร์ถึงไม่มีอารมณ์กะเมียตัวเอง ตามหลักความเป็นจริงนี่มันอาการของคนหมดรักไหมอะ ไม่อย่างนั้น เราก็ต้องมองคนรักเราเซ็กซี่ที่หนึ่งอยู่ดี พระเอกเรื่องนี้แม่งเอาหัวล่างคิดอย่างเดียวเลย ขัดใจ ฉันจะไม่โทษเรื่องความบ้างานของแมทเด็ดขาด วันๆจะคิดแต่เย..  แล้วกกกันอยู่บนเตียงเหรอ มันก็ต้องเดินไปข้างหน้า หาอะไรทำไหมล่ะชีวิต อย่าคิดจะนอกใจแมทเชียวนะ ฉันทีมแมท :katai3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 26-01-2018 23:47:43
นึกว่างานจะไปทางแมท ไหงมาทางยักษ์อ่ะ ยักษ์มีไรกับคนอื่นนนนน เป็นไปได้ไง.  :serius2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: amisezmin ที่ 27-01-2018 00:05:57
อ่าว :angry2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-01-2018 00:33:17
อ้าว..... เฮ้ย........ ไงหวยมาออกที่เตอร์ล่ะ  บ่นแมทอยู่แหม็บ ๆ เป็นซะเอง  :m31:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: pink_king ที่ 27-01-2018 06:34:12
ขอโทษสำหรับคนเขียนนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะเราขอบอกว่านิยายเรื่องนี้ดีค่ะดีมาก แต่ภาคนี้มันทำให้เราผิดหวังมากค่ะ คนแม่งเขียนมาแต่บทเดิม ปัญหาเดิมๆ ซึ่งเราอ่านแล้วดูมันค่อนข้างที่จะน่าเบื่อ เราเข้าใจว่าอยากจะแต่งให้ตัวละครดูโตขึ้น รู้พอขึ้นแจ้งเตือนเรื่องนี้ขึ้นเราไม่อยากจะเปิดมาอ่านนิยายของคุณเรื่องเพราะว่ามันเริ่มที่จะน่าเบื่อมาตั้งแต่ต้นเรื่องเลย เราสงสารวิคเตอร์มากนะ ถ้าเค้าจะมีอะไรกับคนอื่นเราไม่ว่าเค้า เพราะจุดดึงดูดในตัวแมทกันไม่มีแล้ว นี่เป็นปัญหาสำหรับการนอกกาย เราอยากบอกเพื่อมันจะเป็นประโยชน์ต่อนิยายคุณบ้าง ขอบคุณค่ะ
ปล.อย่าด่าค่ะ นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
ปล.รอน้องไอติมอยู่จ้ะ
ปล.หวังว่าคนเขียนคงจะได้เห็นความคิดเห็นของเรา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-01-2018 06:47:44
แมทบ้างานเกินไป แต่พี่ยักษ์ก็ต้องรู้ดิ คนที่กำลังตั้งตัวน่ะมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ จะมาเรียกร้องแมทคนเดิมตอนเป็น นักศึกษาฝึกงานได้ไง เด็กทุกคนต้องโตเป็นผู่ใหญ่นะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Qualmy ที่ 27-01-2018 13:35:01
 :เฮ้อ:ทเอาจริงๆ นี่เข้าข้างวิคเตอร์หน่อยๆนะ เราเข้าใจแมทอย่างนึงตรงที่แมทเป็นคนทะเยอทะยานนั่นแหละ เข้าใจไฟจบใหม่นะเราก็เป็นอบบอยากเอาสิ่งที่อุตส่าห์ร่พเรียนมาทุ่มกับความฝันประมานนี้ แล้วคือว่าน้องก็ไม่ผิดนะ แต่ก็เข้าใจยักษ์มันด้วยแหละ คนมันเคยของมันทุกวันบ่อยๆงี้หายไปสามเดืนมันก็นะ...นี่แหละทำไมผช.ถึงชอบนอกใจนัด ฮรึก ขอให้แมทเลิกบ้างานไวๆเด้อ เดี๋ยวก้ได้เลิกกัรจริงๆคราวนี้ล่ะแม่เอ้ยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-01-2018 14:02:17
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-01-2018 21:47:36
ว่าแล้ว ต้องมีเหตุจนได้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 29-01-2018 11:27:27
ส่วนตัวเราไม่ได้มองว่าแมทผิดมากนะ พอเราโตขึ้นมีงานมีการทำมีหน้าที่ๆต้องรับผิดชอบแล้ว

การคบใครสักคนนานๆ นอกจากการปรับตัวเข้าหากัน สิ่งที่สำคัญในการคบกันคือ ความเข้าใจกัน ความซื่อสัตย์

ระยะทางกับเวลา..ไม่ใช่ตัวทำลายความสัมพันธ์
แต่ช่วยให้คัดกรองอะไรได้หลายๆอย่างด้วยซ้ำ
อยู่ที่ใจว่ามีความเข้าใจและซื่อสัตย์ต่อกันมากแค่ไหน

#จริงๆแค่นัวเนียกับคนอื่นก็นับว่า
เป็นการนอกใจแล้วนะไม่ต้องรอสอดใส่

ถ้าคนรักกันต่อให้มีร้อยพันหนทางให้นอกใจ
เขาจะไม่ทำนะวิคเตอร์
#แต่ถ้าคนไม่รักกันจริงล่ะไม่แน่

ความซื่อสัตย์เป็นของขวัญราคาแพง
อย่าหวังว่าจะได้จากคนราคาถูก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 35% :26.01.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 30-01-2018 15:37:37
 :hao5: ต้องโทษใครดี กำลังจะมีมาม่าสำหรับชีวิตคู่อีกรอบ มันจะผ่านไปด้วยดีใช่ไม๊
ความมุ่งมั่นเป็นสิ่งดีจ้านู๋แมท แต่ลืมคิดว่าคนที่เป็นสามีที่รอเค้ามีนิสัยเป็นอย่างไรหรือยังไงกับตอนนี้
แต่วิค นายหมั้นแล้วจะนอกกายแบบนี้มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการคลางแคลงและเลิกราในอนาคตได้เน้อ
นี่ลุ้นทุกตอนนะเอาใจช่วยคนเขียนจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 31-01-2018 23:58:25


Yours and Mine EP.19 [100%]



โทรศัพท์ผมก็สั่นจนโต๊ะสะเทือน ผมผละออกจากคลอเดีย เราหอบหายใจทั้งคู่ ผมมองตาเธอด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เธอเองก็เช่นกัน ผมตัดสินใจเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มาดู พอเห็นว่าหน้าจอเป็นแมทโทรเข้ามาโดยใช้วอทสแอพหัวใจผมก็กระตุก

           

 

“ฮัลโหล”

           

 

[ยักษ์…] เสียงเล็กๆ ดังมาตามสาย หัวใจผมกระหน่ำเต้น คลอเดียยังคงนั่งอยู่บนตักผมเหมือนเดิม ผมหันไปมองหน้าเธอและส่งสายตาปรามให้เธออยู่นิ่งๆ

           

 

[…คุณไปนอนกับผู้หญิงสักคนมั้ย] หัวใจผมเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะแล้วก็กลับมาเต้นใหม่

           

 

“ว่าไงนะ” ผมถามพลางดันคลอเดียออกจากตัวและลุกขึ้นเดินไปนั่งเก้าอี้ ทิ้งให้เธอนั่งเคว้งอยู่บนเตียง

           

 

[ถ้าคุณอยาก ผมไม่ว่านะ แต่ขออย่าผูกพันธ์หรือสานต่อกับคนนั้นได้มั้ย] ผมรู้สึกสับสน เริ่มงงกับอาการนี้ของแมท เขาเป็นคนแอนตี้เรื่องพวกนี้มาก แล้วก็ไม่ยอมรับง่ายๆ ด้วย

           

 

“ทำไมพูดแบบนั้น” ผมถามและมองไปทางคลอเดียที่นั่งน้ำตาคลอพลางใส่เสื้อคลุมทับร่างกายเธอไว้ตามเดิม

 

 

            [ผมไม่อยากเห็นแก่ตัว ผมว่าผมน่าจะดูแลคุณไม่ดี ทั้งที่ผมพยายามแบ่งเวลาแล้ว แต่ก็ดูแย่อยู่ดี] แมทหัวเราะเบาๆ แต่ก็ได้ยินเสียงสะอื้นที่เขาคงพยายามกลั้นแล้วตามมา ผมยกมือลูบหน้า รู้สึกปวดหัวใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ คลอเดียลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปจากที่พักผมเองโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปาก ผมหลับตาขมวดคิ้ว นึกหงุดหงิดตัวเองที่เกือบบรรเลงเพลงรักกับคลอเดียไปเต็มที่

           

 

“แมท ทำใจให้สบาย” ผมยังไม่กล้าสารภาพตอนนี้ เพราะเดี๋ยวเขาจะยิ่งแย่

           

 

ใช่ เขาแย่อยู่แล้ว และผมเกือบทำให้เขาแย่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่อีก หรือจริงๆ ผมอาจทำไปแล้วแต่แค่เขายังไม่รู้

           

 

[ผมไม่ห้ามนะวิคเตอร์ ผมพยายามทำใจมาตลอดว่าวันนึงคุณอาจคิดถึงผู้หญิง คุณกลับไปหาได้นะ แต่อย่าทิ้งผมได้มั้ย อย่าให้ใจใครนอกจากผม แต่ร่างกายให้เธอได้] ผมรู้สึกจุกอก ถึงเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีเสียงร้องไห้ปนมา แต่น้ำเสียงเขาก็ไม่ใช่น้ำเสียงสดใสจากที่ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจะสดใสอยู่แล้ว ผมหลับตาแน่น ผ่อนลมหายใจยาวๆ

           

 

“ไม่ แมท ฉันมีนายคนเดียวก็พอแล้ว” แมทเงียบพักหนึ่งก่อนจะว่าต่อ

           

 

[ผมเปิดทางให้แล้ว คุณไม่ไปเอง มาขอเปิดอีกทีไม่ให้แล้วนะ] เขาหัวเราะเสียงเบา ผมพอจะยิ้มได้บ้าง แต่ในใจรู้สึกทุกข์และหมองหม่น อาจจะหม่นกว่าสีหน้าแมทที่ผมเห็นไปแล้วด้วย

           

 

“ฉันขอโทษนะ…” ผมบอกเสียงเบา ไม่รู้ว่าขอโทษประเด็นไหน ระหว่างที่ผมคงแสดงออกอะไรให้เขาคิดมาก กับการที่ผมเกือบฟัดกับผู้หญิงคนนึงสำเร็จก่อนที่เขาจะโทรมาบอกว่าให้ผมไปนอนกับใครอื่นก็ได้

           

 

[ขอโทษทำไม ทำผิดไปแล้วเหรอ] ผมแค่นยิ้ม หัวใจหน่วงตุบๆ

           

 

“ยังหรอก”

           

 

[ถ้าทำไปแล้วไม่ต้องกลัวว่าผมจะโกรธแล้วขอเลิกนะ ผมบอกว่าโอเค คือผมโอเคจริงๆ] ผมกลืนน้ำลายลงคอ เกิดความรู้สึกจุกที่คอหอยแต่ก็พยายามพูดต่อ

           

 

“ก็มีวอกแวกบ้าง แต่วกกลับมาได้” ผมยังไม่อยากบอกว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น แมทบอกโอเค แต่ตอนนี้สภาพเขาไม่โอเค เขาเหนื่อยกับการพยายามแบ่งเวลาให้งานและผมมามากแล้ว

           

 

[หาซื้อถุงยางไว้ด้วยนะ เพราะคุณไม่ได้พกมันนานแล้ว]

           

 

“แมท นายเหนื่อยอยู่นะ ทำไมไม่นอนพัก เดี๋ยวเดือนหน้าเราก็เจอกันแล้ว แล้วเราก็จะไปไทยด้วยกันไง” เดี๋ยวผมกลับไปอยู่บ้านที่นิวยอร์กก่อน แล้วก็รอเขากลับตามมา และหลังจากนั้นเราจะบินไปไทยด้วยกันเพราะแมทไปปิดกล้องที่โน่น ส่วนผมอยู่ได้แค่อาทิตย์เดียวก็ต้องบินกลับมาถ่ายหนังภาคใหม่ต่อยาวไปจนถึงต้นปีหน้าเพราะถ่ายแบบสองภาคต่อเนื่องกัน

           

 

[โอเค งั้นผมไปนอนก่อนนะ]

           

 

“คิดถึงนายนะรู้มั้ย”

           

 

[ผมก็เหมือนกัน] แมทส่งเสียงจุ๊บให้ผมแล้ววางสายไป ผมถือโทรศัพท์ค้างไว้ข้างหู หลับตาลงด้วยความรู้สึกเจ็บใจกับตัวเองและรู้สึกปวดใจที่รู้ว่าแมทกำลังแย่ เขาคงหายไปคิดมากและคิดทบทวนอยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้าพูดแบบนี้ ถ้าเกิดเขาไม่โทรมา ผมคงได้ทำไปก่อนที่เขาจะอนุญาตแน่นอน ผมผ่อนลมหายใจออกทางจมูกและปากยาวๆ เอนตัวกับพนักพิงเก้าอี้ ยกมือซ้ายขึ้นนวดขมับเบาๆ แล้วลืมตาขึ้นมองเพดานรถเทรลเลอร์ด้วยอาการเหม่อลอย

           

 

สิ่งที่ผมควรทำคือเอาแมทคนเดิมกลับมา ผมยังคงภาวนาว่าให้แมทรู้ตัวเร็วๆ ว่าเขาคนเดิมกำลังจะหายไป ผมอยากให้เอเลี่ยนน้อยขี้ดื้อกลับมาอยู่กับผม ซึ่งผมยังไม่รู้วิธีที่ดีที่สุดหรอก ถ้าแค่ให้พูดให้เตือนก็เคยทำกันมาแล้ว แต่แมททะเยอะทะยานเกินไป มุมานะมากไปจนไม่ได้สนใจว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียตัวตนที่ตัวเองเป็น นี่แหละคือเหตุผลที่ผมไม่อยากให้เขาทำงาน เพราะเขาจะเข้าไปอยู่อีกโลกนึงและดึงตัวตนอีกโหมดนึงของตัวเองออกมาจนซ่อนอีกตัวตนของเขา

           

 

ผมเลื่อนดูข้อความวอทสแอพที่คุยกับแมทแบบเหม่อๆ จนไปเจอรูปอัตตราซาวด์ไอ้เด็กแฝดพินาศ แล้วก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ว่าแม่ผมหยุดทำงานและมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก

           

 

‘สำหรับแม่ ลูกคือสิ่งสำคัญที่สุดจ้ะ’

 

 

‘ฉันให้แมทเป็นแม่ทูลหัวของเจ้าแฝดจอมป่วน’

           

 

‘ผมตั้งชื่อว่าแฮคเตอร์กับเฮคเตอร์’

           

 

ผมมองรูปเจ้าเด็กแฝดจับมือกันจากในท้องไวโอล่านิ่งสงบ ความคิดไหลไปอย่างไม่มีสะดุด ผมลดโทรศัพท์ลงวางไว้บนตัก รู้สึกเซ็งๆ นิดหน่อยที่ต้องใช้วิธีนี้ แต่ก็ต้องยอม (ยอมกับตัวเอง) เพราะน่าจะดีที่สุดเท่าที่จะหาแผนได้







เช้าวันต่อมาเราเริ่มถ่ายทำกันตอนเจ็ดโมง เป็นฉากในปราสาท ทั้งส่วนนอกและส่วนในของตึกที่ใช้เป็นซีนปราสาทหลักของเรื่อง ผมเจอคลอเดียในตอนกินข้าวเช้า เราสบตากันด้วยความรู้สึกที่ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคือแบบไหน แต่มันก็ไม่ได้กระอักกระอ่วนหรือชวนอึดอัด ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ ถ่ายทำในส่วนของตัวเอง เรามีเข้าฉากด้วยกัน มีทั้งฉากธรรมดาและฉากบนเตียง ผมจัดการเอารองพื้นมาทารอยสักบนอกก่อนจะถ่ายฉากบนเตียง ไม่ได้จะปกปิดหรือปิดบัง แต่ตัวละครตัวนี้ไม่มีรอยสัก แรกๆ ก็เป็นช่างแต่งหน้าแหละทำให้ ก็คงเห็น แต่คงไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และไม่มีใครถาม หลังๆ ผมทำเองเป็นก็เลยทาๆ ลูบๆ โดยไม่รอใคร

           

 

“เป็นฉากก่อนจากกัน…” ผู้กำกับหัวหงอกผสมหัวดำอธิบายให้เราสองคนที่นั่งอยู่บนเตียงว่าต้องการเห็นอะไรจากการจ้ำจี้กันครั้งนี้ เราพยักหน้ารับ ความกดดัน ความอึดอัดในการถ่ายฉากแบบนี้ไม่เหลือระหว่างเราสองคนแล้ว เพราะตอนซีซั่นแรกถึงจะไม่ได้มีฉากนี้มากมาย แต่ก็เราก็ถ่ายเข้าขากันได้ดีไม่มีสะดุด

           

 

“…โหยหา อาวรณ์ โอเคนะ พร้อมแล้วบอก” ผู้กำกับเดินกลับไปหน้าจอมอนิเตอร์ ทีมงานบางส่วนถูกกันออกไปด้านนอกห้องนอน เหลือไว้ไม่ถึงสิบคน ผมดึงผ้าขนหนูที่ใส่อยู่ออกแต่ตรงของลับมีถุงเท้าสวมปิดบังอยู่ ส่วนคลอเดียเปลือยหมด ทีมงานวิ่งเข้ามาเก็บผ้าขนหนูไปจากพื้น พอบรรยากาศเริ่มเงียบ ผู้กำกับก็สั่งเดินหน้าถ่ายทำ

           

 

ผมเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าคลอเดียที่นั่งอ้าขาแอ่นอกรออยู่ก่อนแล้ว ผมปล่อยไปตามอารมณ์ของตัวละครที่ถูกสมองกล่อมมาแล้วว่าผมคือตัวละครตัวนั้น ผมยกสองมือขึ้นลูบตัวเธอและลากขึ้นไปจับหน้าอกสองเต้าอย่างเบามือ คลอเดียค่อยๆ เอนตัวลงนอนบนเตียง ผมโน้มตัวตามลงไป ไล่จูบจากหน้าท้องเธอขึ้นมาอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งถึงหน้าอกผมก็ดูดยอดอกของเธออย่างอ่อนโยน คลอเดียร้องครางเสียงสั่น ผมเลื่อนตัวขึ้นไปคร่อมเธอ ทำท่าจับลูกชายตัวเองยัดเข้าไป คลอเดียก็รับส่งอารมณ์เหมือนว่าถูกเสียบเข้าไปแล้ว แล้วหลังจากนั้นเราก็ปล่อยให้ไหลไปตามอารมณ์ของตัวละครท่ามกลางความเงียบของทีมงาน

           

 

“อะ อ่า…” คลอเดียยกสองมือครูดแผ่นหลังผมราวกับโดนผมเอาอยู่จริงๆ พอเธอส่งอารมณ์มาแบบนั้นผมก็เลยอารมณ์ขึ้นตามเฉยทั้งที่ไม่เคย แต่ครั้งนี้เธอส่งมาแรงกว่าครั้งก่อนๆ ที่เคยถ่ายด้วยกัน เธอลืมตาขึ้นเพราะคงสัมผัสได้ว่าลูกชายผมแข็งตัวนาบกับหน้าท้องเธอ ผมกลืนน้ำลายลงคอและพยายามประคองอารมณ์ตัวเองให้อยู่กับตัวละครไม่ใช่ตัวเอง คลอเดียส่งสายตาเชิญชวนอย่างเย้ายวน ผมจิกมือลงบนผ้าปูที่นอน ขยับช่วงเอวเสมือนจริง

           

 

“คัท!” ผมหยุดขยับเอวและเด้งตัวออกห่างจากเธอ ทีมงานวิ่งเอาผ้าขนหนูมาให้ผมปิดกลางลำตัวไว้ และส่งให้คลอเดียอีกผืน

           

 

“วิคเตอร์ วันนี้ดูเกร็งๆ ปกติพลิ้วกว่านี้นี่” ผู้กำกับเอ่ยแซว ผมยิ้มมุมปากขำๆ และฟังผู้กำกับว่าเขาอยากขอถ่ายอีกรอบแต่ไม่ใช่ตั้งแต่เริ่ม อินเสิร์ทบางช่วงเท่านั้นและขอเพิ่มมูฟเม้นต์กับโมเม้นต์ของคู่รักมากกว่าเดิมหน่อย

           

 

“พร้อมนะ” ผมพยักหน้า คลอเดียดึงผ้าขนหนูออก ผมส่งผ้าขนหนูให้ทีมงาน ลูกชายผมอ่อนตัวลงบ้างแล้ว ผมนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ และพอได้ยินเสียงผู้กำกับสั่งเดินหน้าถ่ายทำ คลอเดียก็ยกมือซ้ายมาเกี่ยวคอผมให้โน้มลงไปรับจูบเธอ ผมตั้งรับจูบนั้นทัน แต่ที่เกือบเผลอหยุดถ่ายทำกลางคันเพราะเธอใช้ลิ้น ผมยกมือจับเอวของเธอเป็นการเตือนแบบเนียนๆ แต่ไม่แน่ใจว่าคลอเดียกำลังอินกับบทหรือยังไงเพราะเธอดำเนินไปต่อเนื่อง สุดท้ายผมเลยตามน้ำ เล่นให้จบแบบผ่านไป ผมตอบโต้พอเป็นพิธี ก่อนจะสลัดเธอจนหลุดและจับเธอนอนตะแคงข้าง และทำท่าสอดใส่เข้าไปด้านในของเธอ ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักใส่กัน คลอเดียหันหน้ามามองผม ส่งสายตาเร่าร้อนและอ้อนวอนมาให้ ผมยกมือซ้ายขึ้นบีบหน้าอกของเธอเต็มมือ และก้มลงจูบปากเธอแบบแค่จูบริมฝีปาก เสียงหายใจหอบของเราสองคนที่สร้างขึ้นมาดังระงมไปทั่วห้อง

           

 

“โอเค!” ผมค่อยๆ หยุดขยับร่างกาย คลอเดียหันมาสบตากับผม เรามองตากัน เธอมองผมแบบที่มีความท้าทายเล็กๆ ส่วนผมมองเธอดุๆ ผมดันตัวลุกออกจากตัวเธอ รับผ้าขนหนูจากทีมงานมาพันเอวและลุกออกจากเตียงไปอย่างเร็ว ไปยืนมองหน้าจอมอนิเตอร์กับผู้กำกับ

           

 

“ฉากจูบเซ็กซี่มาก ดูแล้วอินเหมือนคู่รักกำลังนัวเนียกันจริงๆ”

           

 

“ผ่านแล้วใช่มั้ย” ผู้กำกับยกนิ้วโป้งให้ ผมเลยเดินออกไปจากฉากห้องนอนโดยไม่หันไปสนใจใครคนไหน ผมเดินกลับไปที่เต็นท์นั่งพักส่วนตัวของตัวเอง แหวกม่านผ้าสีขาวที่เป็นเหมือนประตูเข้าไปด้านใน ผมนั่งลงบนเก้าอี้ หลับตาลงด้วยความเครียดเล็กๆ ยกมือขวาลูบหน้าหนึ่งทีแล้วเอาไปจับไอ้ลูกชายที่แข็งตัวแบบอ่อนๆ

           

 

“เธอไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองหรอก” ผมหันไปมองคลอเดียที่เดินตามเข้ามาในเต็นท์พร้อมกับดึงผ้าขนหนูที่พันอกเธอออกจนเห็นร่างเปลือยเปล่า

           

 

“ออกไป” ผมว่านิ่งๆ คลอเดียยกยิ้มมุมปาก และเดินมานั่งบนโต๊ะตรงหน้าผมแบบที่ไม่มีความอายเลยสักนิด ก็แน่ล่ะ เห็นกันหมดตั้งแต่ในฉากนอกฉากแล้วนี่

           

 

“แน่ใจเหรอว่าอยากให้ฉันออกไป” เธออ้าขากว้างขึ้นและใช้มือขวาลูบส่วนลับของเธออย่างช้าๆ ผมขมวดคิ้วมองเธอด้วยความไม่สบอารมณ์

           

 

“ที่ฉันคิดว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทแรด ฉันคิดผิดเหรอ” ผมพูดจริงๆ ผมไม่เคยมองเธอในแง่นั้นเลย เพราะเธอดูเชิด ดูทำงานเก่ง ดูเป็นผู้หญิงเก่งที่ไม่ต้องพึ่งพาหรือง้อใคร

           

 

“ก็ถ้าฉันจะเป็นแบบนั้น ฉันก็คงเป็นกับเธอคนแรก วิคเตอร์” แม้จะทำท่าว่าเชิด แต่แววตาของเธอก็ดูโศกเศร้าอยู่ดี เห็นตั้งแต่เมื่อคืนละไอ้สายตาแบบนี้

           

 

“งั้นเอางี้ โทรไปขอแฟนฉันให้หน่อย ถ้าเขาอนุญาต ฉันจะมีอะไรกับเธออย่างที่เธอต้องการ” คลอเดียขมวดคิ้ว

           

 

“เขาเหรอ?”

           

 

“ใช่ เขา” คลอเดียคล้ายว่าจะตะลึง เธอมองผมด้วยสายตาอึ้ง

           

 

“เธอเป็นเกย์เหรอวิคเตอร์” ผมไหวไหล่ทั้งสองข้างสีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร คลอเดียหยุดลูบไล้ร่างกายตัวเอง สีหน้าเธอสลดลงกว่าเดิม

           

 

“ฉันเป็นได้หมดแหละ แล้วแต่ใครจะกำหนดให้ฉันเป็นแบบไหน” เธอเดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันร่างกายไว้ ยืนมองผมด้วยสายตาผิดหวังและเสียใจ ผมพ่นลมหายใจยาวๆ

           

 

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอเป็นอะไร และทำไมถึงอยากมีอะไรกับฉันนัก เธอเป็นคนสวยนะคลอเดีย เธอไม่เหมาะที่จะทำตัวแบบนี้หรอก” แล้วน้ำตาเธอก็ไหลออกมา เธอดูมีเรื่องให้คิดมากและเศร้าสร้อยจริงๆ นั่นแหละ แต่ผมก็ไม่ได้เข้าไปปลอบใจ ก็ยืนมองเธอจากจุดเดิมที่ยืนอยู่

           

 

“ฉันอยากได้ความรักของเธอที่เธอมีให้คนนั้น…” ผมยืนเงียบ ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางอะไร คลอเดียยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม

           

 

“…ใครที่ได้รับความรักจากเธอ เป็นคนโชคดี…” เธอเลื่อนสายตาไปมองทางอื่น สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความเจ็บปวด

           

 

“…ฉันอยากมีบ้าง” ผมขมวดคิ้วกับสีหน้าเจ็บปวดของคลอเดีย ผมสงสัยว่าทำไมเธอถึงมีความรู้สึกและพฤติกรรมแบบนี้ต่อผม เหมือนเธอไปเจอแรงกระตุ้นอะไรมาสักอย่าง แต่ผมไม่คิดถาม ไม่อยากรู้ความจริงความเป็นไปอะไรของใครทั้งนั้น รู้ไปเอาไปทำอะไรได้ ผมไม่คิดจะเข้าใจเธอมากกว่านี้หรอก

           

 

“คนอย่างเธอเดี๋ยวก็มี อาจจะมีดีกว่าฉันอีก ฉันไม่ได้ดีนักหรอกนะ” เธอยิ้มทั้งน้ำตา

           

 

“ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนดี แต่ในเรื่องความรัก เธอดีมากจริงๆ นะวิคเตอร์ รู้ตัวรึเปล่า” ผมยืนเฉย ไม่รู้จะตอบว่าไงเลยได้แต่แค่นยิ้ม คลอเดียถอนหายใจพลางยกมือขวาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม อย่างนึงที่ผมรู้คือคลอเดียกำลังมีดราม่าในชีวิต แต่ไม่รู้ว่าเพราะประเด็นไหน

           

 

“สู้กับมัน อย่ายอมแพ้” ให้กำลังใจสักนิดก็แล้วกัน

           

 

“เธอไม่รู้หรอกว่าฉันกำลังสู้อยู่กับอะไร” เธอแค่นยิ้ม เป็นรอยยิ้มขื่นขมระทมพอๆ กับแววตาและสีหน้า เธอมองผมด้วยความรู้สึกจะรียกว่าดีก็ไม่ใช่ เรียกว่าไม่ดีก็ไม่เชิงก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากเต็นท์ของผมในสภาพนั้น ไม่รู้จะมีใครเห็นแล้วเอาไปพูดกันจนเป็นประเด็นรึเปล่า แต่แบบนี้เซล่าชอบนัก กลบกระแสเรื่องแมทได้เนี่ย ผมว่าก็ดี ไอ้พวกนักข่าวคงสับสนมึนงงน่าดู ไม่รู้จะให้ผมเป็นเพศไหนดี

           

           

 

 

หลังจากปิดกล้องซีรีส์ซีซั่นสองผมก็กลับมานิวยอร์ก หลังจากวันนั้นผมกับคลอเดียก็กลับสู่สภาวะเดิมคือเมินเฉยต่อกัน แต่ก็ร่วมงานกันจนจบเรื่อง เวลางานก็คือทำงาน นอกงานก็คือไม่ยุ่งต่อกัน ส่วนประเด็นระหว่างเธอกับผมก็หลุดถึงหูนักข่าวจนได้ แต่ก็เกือบปิดกล้องเลยแหละที่กระแสข่าวนี้ผุดขึ้นมา สงสัยดีเลย์ไปหน่อย ไม่มีรายละเอียดอะไรมากหรอก เป็นแค่ข่าวกอซสิปสีสันวงการ แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าแมทเห็นข่าวนี้แล้ว ผมยอมรับกับเขาไปแล้วว่ามันเกือบเกิดขึ้นจริง แมทไม่เงียบ ไม่โกรธ แต่เหมือนเขาไปไม่เป็น สีหน้าเขาในสไกป์คือเหมือนคนหลงทาง และหลังจากอาทิตย์ก่อนที่วีดีโอคอลคุยกันไป เขาก็ไม่ยอมให้ผมเห็นหน้าอีกเลย ทำแค่เพียงส่งวอทสแอพคุยกัน และนัดกันว่าจะมาคุยกันที่บ้าน ผมปิดกล้องก่อนเขาเลยกลับมารอที่นี่ก่อน

 

 

“เออ เดี๋ยวเจอกัน” ผมกดวางสายจากไอ้ชาร์ลีที่มันโทรมาช่วนออกไปดริ๊งกับอันเดรและโจนาธาน ไอ้เบนอยู่ซานฟรานฯ เดี๋ยวจะบินมาหาอาทิตย์หน้า ผมกดโทรศัพท์หาแมทตอนที่กำลังเดินลงบันไดหน้าบ้านมาที่รถ แต่เขาก็ไม่รับสายเหมือนเดิมจนผมถอนหายใจอีกครั้งของวัน เขาส่งวอทสแอพกลับมาบอกว่ากำลังถ่าย ไม่สะดวกคุย

 

 

ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขากำลังพยายามทำใจอยู่ เขาคงกำลังสู้กับตัวเองว่าจะเอายังไงดี เพราะเขาก็เอ่ยปากมาด้วยว่าอนุญาตให้ผมไปมีอะไรกับคนอื่น แต่พอรู้ว่าผมเกือบมีอะไรกับคนอื่นจริงๆ ผมว่าเขาก็ช็อค ไม่เกี่ยวกับว่าคำอนุญาตนั้นจะมาก่อนหรือมาหลังหรอก ตอนนี้แม้กระทั่งเสียงผมเขาก็คงไม่อยากได้ยิน ครั้งนี้ผมยอมรับผิดเต็มๆ เพราะผมคิดจะมีอะไรกับคลอเดีย ผมเกือบปล่อยอารมณ์เงี่ยxครอบงำ ผมเลยไม่ทุรนทุรายแก้ตัว เพราะไม่มีอะไรให้แก้นอกจากผ้า มองแบบโลกสวยหน่อยก็ยังดีที่แมทวอทสแอพคุยกับผม ไม่ได้ว่าโกรธเก็บตัวเงียบ

 

 

Rrrr!

 

 

“ฮัลโหล แมท!” โทรศัพท์ยังไม่ทันสั่นครบครั้งเลยมั้งผมก็รีบกดรับสายจากเขาทันที

 

 

[เอ้า เอ่อ ผมกดผิด แค่นี้ก่อนนะ]

 

 

“เดี๋ยว!” ตู๊ดๆๆๆ

 

 

ผมขมวดคิ้ว หงุดหงิดเล็กน้อยที่เขารีบวางสายไปแบบนี้ ผมกดโทรกลับไปแต่เขากลับไม่รับสาย รอจนสัญญาณหลุดหายไปเอง ผมพ่นลมหายใจแรงๆ กำโทรศัพท์แน่นด้วยความหงุดหงิด เดินไปทางด้านหน้ารถเพื่อไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ผมเหลือบมองรถคันนึงกำลังจะขับผ่านมาทางนี้แว้บหนึ่งแล้วหันกลับมามองรถตัวเอง ตอนที่กำลังจะดึงประตู ผมก็ชะงักไปแปบแล้วก็ขมวดคิ้วมองรอยข่วนบนรถ

 

 

“What the fuck.” ผมพึมพำเบาๆ พลางมองรอยนั้นให้ดีอีกทีก่อนจะเห็นชัดเจนว่ามันไม่ใช่แค่รอยขีดข่วนยาวๆ แต่มันคือรอยกรีดจากมีดที่คงกรีดด้วยความรุนแรงถึงขั้นทำให้ไอ้กระทิงดุของผมที่ได้รับการประกันว่าไม่เป็นรอยง่ายๆ แต่ตอนนี้เป็นรอยยาวลึก แล้วสักพักประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับร่างของออสตินที่โผล่พรวดออกมา ผมทำหน้างงที่เห็นเขาวิ่งลงมาพร้อมกับปืน จังหวะนั้นโทรศัพท์ผมสั่นอีกรอบ ผมก้มดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นแมท ผมคลี่ยิ้มแล้วกดรับ

 

 

“ฮัลโหล เฮ้ย?!”

 

 

ฟึด! เสียงอะไรบางอย่างพุ่งผ่านอากาศมา เป็นจังหวะที่ผมโดนออสตินผลักไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

 

 

“เหี้ย!” โทรศัพท์กระเด็นหลุดจากมือผมเพราะความเจ็บจี๊ดที่ต้นแขนซ้าย ผมอ้าปากกว้างร้องครางด้วยความเจ็บปวด ความปวดแสบปวดร้อนลุกไปทั่วต้นแขน ตัวผมสั่นด้วยความตกใจ ผมมองออสตินที่วิ่งไล่ยิงรถเก๋งคันนึงที่ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ตามไม่ทัน ผมปากสั่น รู้สึกตัวชาๆ มึนๆ ผมหันไปมองโทรศัพท์ที่นอนนิ่งอยู่ตรงหัวรถ ผมอยากจะเข้าคลานเข้าไปหยิบ แต่มันชาจนแทบไม่รู้สึกอะไร ออสตินวิ่งกลับมาหาผมอย่างรวดเร็ว

 

 

“แมท… แมทโทร…” ผมกลืนน้ำลายลงคอ ออสตินหันไปมองโทรศัพท์ของผม เขาหยิบขึ้นมาแนบหู

 

 

“คุณเรย์มอนด์ถูกลอบยิง ผมกำลังจะพาเขาไปโรงพยาบาล...เดี๋ยวผมแจ้งความคืบหน้า แค่นี้ก่อนนะครับ” ออสตินเข้ามาประคองผมให้ลุกขึ้นยืน ผมหายใจหอบ กระสุนที่ฝังอยู่ในต้นแขนสร้างความแสบร้อนจนเหมือนโดนไฟไหม้ตลอดเวลา ผมนั่งเอาหัวพิงเบาะ เหงื่อผุดเต็มกรอบหน้า มันชาจนแม้แต่จะกะพริบตายังยากลำบาก


 

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao7:


               ครบจบตอนค้าาา

               ตอนแรกจะลงแบบท่อนต่อท่อน แต่คือมันเหลือแบบอย่างละท่อนน้อยๆ เลยลงทีเดียวจนหมดเลย คือมันสั้นกระหย่อมมาก -_- ตอมก็เลย เออ ลงหมดเลย เพราะถ้าลงแบบอีกท่อนอีกท่อนต่อกัน มันสั้นเกิน เดี๋ยวจะเสียอรรถรสการอ่านไปสักหน่อยสำหรับตอนนี้

               ท้ายที่สุด ก็มีระฆังมาเรียกสติอีเตอร์ไว้ แอ้กกกก ออกตัวก่อน เดี๋ยวจะมีคนหาว่าเพราะมีคนเฟียซใส่จากล่าสุดที่อัปไปเลยกลับลำเขียนแบบนี้รึเปล่า โน๊ โน่ว 55555 ต้นฉบับตอนหลักเสร็จไปแล้ว ส่งไปจัดหน้านานมากแล้วค่ะตอนนี้ อยู่ในไฟล์เล่มหนังสือแล้วเด้อ 55555 ไม่ได้มีการเปลี่ยนเนื้อเรื่องใดๆ เด๊จ้ะ ไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครเงิบด้วย คือเขียนมาแบบนี้จริงๆ 5555

              แต่ถึงจะไม่มีอะไรกัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าวิคเตอร์ทำถูกหรือวิคเตอร์กลายเป็นพระเอกที่ดี ซึ่งไอ้ยักษ์ห่างไกลคำนี้มาตั้งแต่ภาคแรกแล้วละตอมว่า 555555

             ก็ตามชื่อตอนเลยค่ะว่าวอกแวก แต่ไม่ได้แหกคอกจนพัง มันเป็นอารมณ์ไม่นิ่งของมนุษย์ในช่วงที่จิตใจกำลังเกิดช่องว่างจากคนรัก อารมณ์ประมาณนั้นละมั้ง ฮ่าาาา

             อียักษ์โดนยิงค่ะเจ๊!!! โดนยิงได้ไง ใครมายิงคะเจ๊ แต่มองอีกที คนปากอย่างอียักษ์ก็อาจพลาดไปหมาใส่ใครไว้รึเปล่า แต่มีหลายคนอาจมีแอบสะใจแบบว่า ดี!! สม!! 55555

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโดพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 

               ขอบคุณทุกคอมเม้น ขอบคุณทุกอินเนอร์ค่าาา ขอบคุณกำลังใจดีๆ ที่คอยให้กำลังใจกันในทุกๆ กรณีเลย แล้วก็ขอบคุณโหวต ที่มีให้บ้างไม่มีบ้าง ฮ่าาๆๆ แต่ก็ขอบคุณมากๆ ค่าาา เจอกันตอนหน้าแน้จ๊ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 01-02-2018 00:10:50
ใครยิงไอ้ยักษ์กันนะ ??
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 01-02-2018 00:24:37
จริงๆแล้วคนยิงไอ้เตอร์ก็แมทนี่แหละไม่ใช่ใครอื่น5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-02-2018 00:29:01
เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นได้นะ ขอให้ทั้งคู่เข้มแข็งนะ ปล.รอแฝดมาอย่างใจจดจ่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-02-2018 00:55:53
อ้าววว ใครยิงอียักษ์ละเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-02-2018 01:04:11
มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคู่ของเตอร์กับแมท ปีชงหรือป่าว แก้ไขด่วน ๆ ทำบุญสะเดาะเคราะห์ดีไหม  :z3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2018 05:33:41
จะอยู่กันตลอดรอดฝั่งไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 01-02-2018 06:39:03
 :เฮ้อ: เกือบไปละเตอร์ โทรศัพท์ช่วยชีวิต คนยิงเดาว่าคือคนที่ชอบแมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-02-2018 06:52:06
แมท ทำผิดกับตัวเอง และกับยักษ์ อีกแล้ว
ทุ่มเทให้งาน จนพักผ่อนน้อยไม่มีเวลาให้ยักษ์เต็มที่
จนมีแต่ความความหม่นหมองทรุดโทรมทั้งร่างกายและจิตใจ
แมท เป็นประเภททำทีเดียวสองอย่างไม่ได้จริงๆ
เพราะใจทะเยอทะยาน ถ้าแมทไม่มีเตอร์ มันก็แล้วไป  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

เกือบแล้ว เตอร์ก็เกือบมีอะไรกับคลอเดีย  :z3: :z3: :z3:
ไม่แปลกเลยเพราะเตอร์ หื่นมาก ไม่ใช่เกย์แท้ด้วย
ก่อนมีแมทก็คั่วหญิงมาตลอด
ยิ่งไม่ได้ปลดปล่อยก็เป็นปกติที่จะขึ้นง่ายๆ   แมทรู้ตัวเร็วๆนะ  :ling1: :ling1: :ling1:

ว่าแต่ใครมาลอบยิงเตอร์   :katai1:
แฟนของคลอเดียหรือเปล่า เพราะจับได้ว่าคลอเดียมาชอบเตอร์  :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-02-2018 07:18:04
วิคเตอร์เรียกร้องเกินไปหรือเปล่า อะไรอะไรก็แมทคนเดิม เห้ยย แมทต้องโตนะ ช่วงวัยที่ทำลังสร้างเนื้อสร้างตัวไง ไม่เคยผ่านเหรอ แมทอาจจะโหมงานเกินไป แต่มันก็เป็นปกตินะ ของคนเพิ่งเริ่มทำงานน่ะ ตีตายเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 01-02-2018 07:19:09
สงสารแมท เตอร์ใจร้าย เกือบไปละ แต่หวังว่าแมทจะกลับมาเป็นเอเลี่ยนน้อยสุดแซ่บได้อีก สำหรับเตอร์นั้น ก็เข้าใจนะ แต่ก็โมโหด้วย โดนยิงเลย สม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-02-2018 09:44:41
อ้าว ใครยิงเตอร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 01-02-2018 09:47:48
ที่แมทเงียบๆไม่คุยคงไม่ใช่คิดจะเลิกนะนั่น แต่อย่างว่าวิคก็โดนหนักจริงๆงวดนี้ นี่สงสัยว่าจะเกี่ยวกะคลอเดียป่าวหว่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 01-02-2018 12:30:26
เกี่ยวกับบักเซรึเปล่า แบบอยากได้นุ้งแมทงี้อ่ะ  555+ มีความมโนสูง  :z2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 01-02-2018 13:11:39
ผัวอิเจ๊คลอเดียยิง มั่วไม่เข้าเรื่อง โดนซะบ้าง อ่านฉาก 35% ยังไม่หมั่นใส้อิพระเอกขนาดเท่าตอนนี้ ถ้าอิเตอร์เป็นพระเอกที่ดี ก็ไม่มีพระเอกเรื่องไหนเลวละ ทำกับแมทสารพัด อย่านึกว่าลืม ลำคาน ไปแมทลูก หาผัวใหม่ ไม่ต้องง้อมัน เอาอิเตอร์ไปให้อิเจ๊คลอเดียเลย จะได้รู้ซึ้งฤทธิ์บ้ามัน สงสารแมทจะทำงานทำการผัวยังไม่เข้าใจ แมทไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บ้านรถ ของอิเตอร์หมดไม่ใช่เหรอ ไหนเค้าต้องทำงานเอาเงินให้พ่อแม่เค้าอีก โอ่ยยย อ่านแล้วเครียด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Opolniscute ที่ 01-02-2018 13:51:13
อยากให้แฝดคลอดออกมาเร็วๆ แมทจะได้เป็นแม่บ้านเต็มตัว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 01-02-2018 15:23:43
ไม่ว่าใครจะยิง แต่ใจเราติดลบกับวิคเตอร์เรียบร้อย
แมทรู้ แมทอาจจะรับได้ แต่ข้างในใจแมทนี่พังแน่นอน

ปล.ตอนอ่านจบครึ่งแรกนี่เดินไปกอดแฟนแก้หน่วงหนึ่งที
ละบอกไปว่าโดนขุ่นเจ้ทำร้ายจิตใจมา 5555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-02-2018 16:21:44
แฟนคลับคลอเดียล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-02-2018 20:47:54
แมทรีบมาดูใจเตอร์เร็ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.19 100% :01.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-02-2018 23:25:36
เอ้า ไม่รุ้จะเครียดฝั่งไหนก่อนดีเลย ทำไมชอบมีเรื่องพร้อมๆกันนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 10-02-2018 20:15:50


Yours and Mine EP.20 :: Almost. (เกือบไป) [50%]



ผมเปิดประตูรถอูเบอร์ที่เรียกให้ไปรับที่สนามบินออกแล้วก้าวเท้าลงจากรถอย่างเร็ว หันไปแบกกระเป๋าเป้กับกระเป๋าลากลงจากรถอย่างทุลักทุเล ไม่สนใจว่าคนขับจะมาช่วยหรือไม่ พอลากกระเป๋าใบใหญ่ลงมาอยู่บนพื้นถนนได้สำเร็จ ผมก็ปิดประตูรถ ก้าวเท้าเร็วๆ ไปทางบันได ออกแรงยกกระเป๋าลากสีดำลอยพื้นเพื่อความเร็วในการขึ้นบันไดหน้าบ้าน พอมาถึงหน้าประตูผมก็กดกริ่งรัวสามทีติดกัน ยืนรอแบบกระสับกระส่ายสักแปบประตูก็เปิดออก

           

 

“ออสติน!” ผมพยายามหยุดอาการหัวหมุนและการคิดอะไรรวดเร็วจนทำให้รวนเร ตั้งมั่นสมาธิให้อยู่กับที่และชี้ไปที่กระเป๋าเดินทาง ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ออสตินจัดการแบกกระเป๋าเข้ามา ผมเดินไปห้องโถงของบ้าน เห็นร่างใหญ่ยักษ์ของวิคเตอร์นอนถอดเสื้อดูทีวี มือขวาหยิบแอปเปิ้ลเข้าปาก เขาหันมามองผมด้วยสายตาแปลกใจ ปากที่กำลังเคี้ยวแอปเปิ้ลหยุดนิ่ง

           

 

“แมท” ผมน้ำตาร่วงทันทีที่เขาเรียกชื่อผมเบาๆ ทั้งรู้สึกใจเสียและรู้สึกโล่งใจ ผมเดินเข้าไปหาเขา วิคเตอร์ยืนขึ้นรับผมเข้าไปในอ้อมกอด ผมซุกตัวกับเนื้ออุ่นๆ ของเขา กลิ่นอันคุ้นเคยนั้นชัดเจนในโสตประสาท หัวใจที่อกซ้ายเต้นตุบๆ นั่นแสดงว่าเขายังอยู่ เขายังหายใจไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง

           

 

“เฮ้…” ผมแหงนหน้ามองเขาทั้งน้ำตา สำรวจใบหน้าของเขาว่าเป็นยังไง สีหน้าเขาปกติดี มีเลือดฝาดบนแก้มจางๆ ไม่ซีดเผือด ผมไล่สายตาสำรวจร่างกายในส่วนอื่นของเขา แล้วก็เห็นว่าแขนซ้ายมีผ้าก็อตพันแผลสีขาวพันรอบต้นแขนหนาอยู่ น้ำตาร่วงออกมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อคิดว่าเขาเพิ่งโดนยิงมา โดนยิงตรงหน้าบ้านตัวเอง ภัยคุกคามมาหาเขาถึงที่ ผมยกมือซ้ายขึ้นจับกรอบหน้าเขาที่หนวดเครายังคงกินพื้นที่ไปเยอะเหมือนเคยแม้จะไม่ได้เจอหน้ากันแบบตัวต่อตัวเป็นเดือนๆ

           

 

“หมอเขาไม่ให้…ฮึก… นอนโรง… ฮึก… บาลเหรอ” ผมสะอื้นฮึกๆ วิคเตอร์คลี่ยิ้ม ยกมือขวาขึ้นเช็ดน้ำตาที่อาบสองแก้มของผมก่อนจะเลื่อนไปจับมือซ้ายผมและดึงไปจูบหลังแหวนนิ้วนางข้างซ้าย

           

 

“ฉันนอนวันเดียวก็พอแล้ว เพิ่งออกมาเมื่อเช้านี้ไง” มันมีความสับสนวุ่นวายในหัวเยอะมากตอนที่รู้ว่าเขาถูกยิง ความรู้สึกหนึ่งคือรู้สึกเหมือนฝัน รู้สึกว่ามันเกินจริงกับการถูกยิงในเมืองนิวยอร์ก แล้วเป็นการยิงโดยมือปืนที่น่าจะถูกจ้างมาด้วย มันแบบว่าเฮ้ย อะไรนะ กับนักแสดงคนนึงเนี่ยเหรอ ไอ้ยักษ์ไปทำอะไรให้ ทำไมถึงคิดแผนการจริงจังขนาดนี้

           

 

เพราะผมเหมือนเป็นไบโพล่าว่าอยากคุยกับเขาดีหรือไม่ดี โทรหาเขาแล้วก็กดวางสายหนีไปครั้งนึง สักพักใจอยากคุยก็เลยโทรไปอีกรอบแล้วถึงได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ผีบ้าผีบอนี้ขึ้น สมองดับวูบไปเลยตอนออสตินบอกว่าเขาโดนยิง ไม่ได้เป็นลมล้มพับนะ แต่ผมนิ่งไม่ขยับเลยเพราะช็อคจนร่างชา ทีมงานคนอื่นเข้ามาสอบถาม ปลอบโยนจนผมดีขึ้น แล้วผมก็ร้องไห้ เล่าให้เจสันฟังแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างว่าวิคเตอร์โดนยิง เขาปลอบผมอยู่นานจนผมตั้งสติได้ และคุยกันว่าผมจะบินกลับมานิวยอร์กก่อน ทิ้งงานให้เจสันทำไปในระหว่างที่ผมกลับมาหาวิคเตอร์ วันรุ่งขึ้นผมก็เก็บของ หาซื้อตั๋วแบบฉุกละหุกแล้วก็ได้ไฟลท์เย็น ผมก็ต้องยอมเพราะมันไม่มีเร็วกว่านั้นแล้ว ใจจะขาดให้ได้ตอนรอให้ถึงเวลาบิน

           

 

“ทำไมโดนยิงได้ โดนยิงในนิวยอร์กเนี่ยเหรอ” วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ และพาผมนั่งลงบนโซฟา เขายกมือขวาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มผมให้อีกที

           

 

“ที่ไหนก็โดนยิงได้ทั้งนั้นแหละ” ผมทำหน้าสับสน ความรู้สึกคือมันไม่อยากจะเชื่อ แต่พอมองต้นแขนซ้ายของเขาที่มีผ้าพันแผลบวกกับเสียงของออสตินที่บอกว่าเขาโดนยิงยังก้องหู มันก็ต้องเชื่อ

           

 

“แต่ในนิวยอร์กเนี่ยนะ…” ผมเม้มปาก นึกภาพการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในเมืองนี้แล้วก็พ่นลมหายใจเบาๆ คือตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไง ที่รู้มาก็เป็นประเภทโจรปล้น ดักทำร้ายร่างกาย ซื้อขายยาเสพติด อาชญากรรมทั่วไป แต่การลอบยิงแบบส่งมือปืนมาจริงจังคือมึงกะว่ามันขลังเหรอหรือยังไงถึงได้ทำแบบนี้ มือปืนลอบยิงเนี่ยนะ นึกว่าประธานาธิบดีเหอะ

           

 

“…แล้วทำไมคุณถึงโดน คุณไปมีเรื่องอะไรกับใครมา” วิคเตอร์เลื่อนสายตาไปมองตรงทางเข้าห้องโถง ผมหันไปมองตาม ออสตินยืนอยู่ตรงนั้นก่อนเปิดปากอธิบาย

           

 

“โจชัวรับเรื่องนี้ไปแล้ว กำลังตามสืบอยู่ครับ เดี๋ยวเราคงได้รู้กันว่าทำไมมันถึงมายิงคุณเรย์มอนด์” ผมหันกลับมามองวิคเตอร์ มองใบหน้าหนวดเคราครึ้มของเขา ผมเพ้าเขายุ่งเหยิง วิคเตอร์มองหน้าผมตาใสเหมือนเด็ก ผมเลื่อนสายตาไปมองผ้าพันแผลสีขาวแล้วรู้สึกทั้งใจชื้นและแปลกใจ คืออีคนส่งมือปืนมามึงดูละครไทยใช่มั้ยมึงถึงทำแบบนี้

           

 

“แล้วคนแถวนี้เขาไม่แตกตื่นกันหมดเหรอ” ผมพูดขึ้น มองหน้าวิคเตอร์ทีและหันไปมองออสตินทีก่อนจะกวักมือให้ออสตินมานั่งบนโซฟาตัวเล็กที่อยู่เยื้องๆ กัน เขาเดินมานั่งอย่างว่าง่าย

           

 

“ปืนเก็บเสียงครับ มีคนเห็นเหมือนกัน แต่ผมรีบพาคุณเรย์มอนด์ขึ้นรถไปโรงพยาบาลก่อนที่จะมีคนมามุง” ผมดีใจนะที่วิคเตอร์ปลอดภัยแล้ว แต่มันยังไม่หมดห่วง เพราะเราไม่รู้ว่าใครทำนี่แหละ เหมือนเราอยู่ในที่แจ้งแล้วมันอยู่ในที่มืดคอยมองเราตลอดเวลา จะกลับมาทำอีกเมื่อไหร่ก็ได้

           

 

“มันเกิดขึ้นได้ยังไงวิคเตอร์…” ผมมองเขาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงและเป็นกังวล ผมไม่ได้จะมาจี้ถามเอาความ แต่ผมแค่อยากรู้ต้นสายปลายเหตุ วิคเตอร์ทำหน้ามึนตอบกลับมา

           

 

“…มีเรื่องไรเกิดขึ้นเหรอ” วิคเตอร์เบะปากแล้วสั่นหัว หน้าตาบอกว่าไม่รู้จริงๆ ผมรู้สึกเป็นกังวล ยิ่งเขาไม่รู้แบบนี้คือยิ่งน่ากังวล วิคเตอร์ยกแขนขวามาโอบตัวผมไปนอนบนอกเขา ผมหันไปมองออสตินอย่างต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมว่าเรื่องราวมันยังไงกันแน่

           

 

“คือจู่ๆ พวกนั้นก็มายิงวิคเตอร์เนี่ยนะ”

           

 

“เรากำลังตามสืบอยู่ครับคุณแมท ว่ามันเป็นใครและมีเจตนาอะไร” ผมรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ นี่มันคือการยิงกันอะ มันคือการเอาอุปกรณ์ที่เรียกว่าปืนมาปล่อยกระสุนใส่คนๆ นึงโดยมีมือปืนเป็นจริงเป็นจัง มันอาจไม่ใช่มือปืนมืออาชีพ แต่มันก็ถือปืนมายิงคนอื่นไง

           

 

“ผมไม่ได้จะดูถูกนะ แต่คิดว่าจะเจอตัวมันมั้ย มันยิงคนกลางมหานครใหญ่โตขนาดนี้ ผมว่ามันต้องไม่ธรรมดา”

           

 

“ถ้ามันไม่ได้มาจากนอกโลก ผมว่ามันก็คนเหมือนเรานี่แหละครับ” ออสตินว่านิ่งๆ ผมได้ยินวิคเตอร์หัวเราะเบาๆ พอหันไปมองเขากำลังยิ้มด้วยความพึงพอใจอยู่ ผมหันกลับหาออสตินอีกทีแล้วกระตุกยิ้มน้อยๆ

           

 

“ผมเชื่อใจคุณ ผมแค่กังวลว่ามันจะย้อนกลับมาอีก”

           

 

“ย้อนกลับมาก็ดีสิครับ จะได้จับมันได้เลย” ผมนอนซบอกเปลือยของวิคเตอร์ กลิ่นเนื้ออุ่นที่คุ้นเคยลอยเตะจมูกอ่อนๆ วิคเตอร์ใช้มือขวาลูบแขนผมเบาๆ

           

 

“จะใช่พวกฌอณรึเปล่า” ผมเอ่ยอย่างเลื่อนลอย ทั้งที่ก็ไม่มั่นใจ เพราะนึกถึงฌอณเวอร์ชั่นใหม่ก็รู้สึกว่าเขาห่างไกลกับการกระทำนี้มาก แล้วถ้าจะทำจริง ทำไมถึงทิ้งระยะเวลานาน แรงแค้นขนาดนั้น ไม่น่าปล่อยพวกผมมานานขนาดนี้

           

 

“เดี๋ยวเราจะได้รู้กันครับว่าเป็นใคร” ผมพยักหน้าน้อยๆ ออสตินก้มหัวลงให้หนึ่งทีแล้วเดินออกไปจากห้องโถง เสียงทีวีดังเลยทำให้ห้องไม่เงียบจนเกินไป ผมยกหัวตัวเองออกจากอกวิคเตอร์มองหน้าเขาอีกที ไอ้ยักษ์หน้ามึนแต่ดวงตาเขาเปล่งประกาย ผมมองหน้าเขาและบอกตัวเองว่าวิคเตอร์ปลอดภัยแล้วจริงๆ

           

 

“ไม่เจ็บเลยเหรอ” วิคเตอร์ยกแขนขึ้นนิดหนึ่งพร้อมกับก้มลงมองก่อนเงยหน้ามามองผมตามเดิม

           

 

“ก็เจ็บ แต่ก็ไม่ใช่เจ็บจนทนไม่ไหว ตอนแรกฉันเข้าใจว่ามันฝันลึก แต่คงเพราะออสตินผลักฉันทัน มันเลยฝังไม่ถึงเนื้อชั้นใน ฉันเลยยังไม่ตาย” ผมขมวดคิ้วแล้วน้ำตาก็คลอ ยกกำปั้นซ้ายทุบแขนขวาเขาดังอั้กจนวิคเตอร์มีสีหน้าตกใจ

           

 

“เอ้า อะไรเนี่ย?!”

           

 

“พูดว่าตายได้ยังไง คนไทยถือนะ ถึงคุณไม่ใช่คนไทย แต่เมียคุณเป็นคนไทยคุณก็ต้องถือด้วย ห้ามพูดสิ รู้มั้ยเนี่ยว่าใจไม่ดีขนาดไหน” ผมพูดเสียงสั่น น้ำตาไหลแหมะๆ วิคเตอร์คลี่ยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะขำขันแล้วดึงผมเข้าไปกอด ผมสะอื้นไห้ฮึกๆ เพราะนึกไปไกลว่าถ้าออสตินไม่เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดว่าวิคเตอร์ไม่ไปสักที เขาอาจจะไม่ลงมาและมาผลักวิคเตอร์ไม่ทัน ดูแล้วมันเล็งที่หัวใจชัดๆ ถ้าออสตินไม่ช่วยไว้ ป่านนี้ไอ้ยักษ์คงไม่มานั่งหัวเราะอยู่แบบนี้

           

 

“โอ๋ๆ ขอโทษน่า ไม่ตายหรอก ฉันยังต้องอยู่เลี้ยงเอเลี่ยนน้อยให้ตัวโตกว่านี้…” เขาผลักผมออกเบาๆ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วยกคิ้วข้างขวาขึ้นกวนๆ

           

 

“…หรือว่านี่คือโตเต็มที่แล้ว” เขาทำหน้าล้อ ผมยกมือซ้ายผลักหน้าเขาและยกมือขวาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มตัวเอง เขาหัวเราะเบาๆ แม้จะร้องไห้แต่ผมก็ดีใจที่ผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะ

           

 

“ต้องเป็นใครสักคนที่เกลียดคุณมากแน่ๆ ผมบอกแล้วไงว่าให้ทำตัวดีๆ กับคนรอบข้าง” ผมสูดจมูกฟึดๆ หลังจากเช็ดน้ำตาจนหมดแก้ม วิคเตอร์เบะปาก ลอยหน้าลอยตาว่าไม่สนใจ ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ยกมือซ้ายไปดึงผมเขาแรงๆ หนึ่งที ไอ้ยักษ์ร้องโอ๊ยแบบเสแสร้ง

           

 

“เพราะแบบเนี้ยแหละ นี่ถ้าพ่อรู้ พ่อคงเอาปืนมาช่วยยิงด้วย”

           

 

“ต่าแก๊นั่นอีกแล้วหลอ สวกจริงๆ” ผมตาโตใส่เขา ไอยักษ์ส่ายหัวทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ไม่ติดว่าเพิ่งโดนยิงมาจะทุบให้แรงกว่านี้ วิคเตอร์เปลี่ยนเป็นยิ้มทะเล้น ดึงผมไปนอนบนอกเปลือยเปล่า นี่ถ้าไม่ได้ไฟในเตาผิงช่วย เขาคงหนาวตายในบ้านไปละมั้ง อากาศเริ่มเย็นแล้วยังมาเปลือยอีก

           

 

“หิวมั้ย” ผมถามเขาพลางยกมือขวาลูบรอยสักบนอกเขาเบาๆ วางลงบนหัวใจของเขาเพื่อเช็กให้ชัวร์อีกทีว่าเขายังมีลมหายใจ ยังมีร่างกายให้ผมกอดจริงๆ ไม่ใช่ฝัน

           

 

“ไม่…” วิคเตอร์ก้มลงหอมกลางกระหม่อมของผมสามสี่ทีก่อนจะยกมือขวาลูบหัวผมเบาๆ

           

 

“…เรื่องคลอเดีย ถ้าฉันขอโทษอีก มันจะซ้ำซากไปมั้ย” ผมนิ่งไป ไม่ใช่เพราะเคืองหรือปลง แต่ผมลืมเรื่องนี้ไปเลยตั้งแต่รู้ว่าเขาถูกยิง

           

 

“ผมก็อนุญาตแล้วไง”

           

 

“แต่ฉันทำก่อนที่นายจะอนุญาต” ผมพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ ดันตัวเองออกจากอกของเขา เรามองตากัน สายตาและสีหน้าของวิคเตอร์คล้ายคนอมทุกข์หนักมานานปี

           

 

“คุณรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มั้ย เอาตรงๆ” วิคเตอร์เงียบ หลุบตาลงต่ำมองพื้นครู่หนึ่งก่อนจะกลับมามองผมตามเดิม

           

 

“ตอนนั้นฉันอยากมีอะไรกับเธอจริงๆ แต่แค่อยากมีอะไรด้วยแล้วก็จบ…” ผมกลืนน้ำลายลงคอ มันจุกอกนิดๆ นะ แต่ในกรณีนี้มันมีปัจจัยที่มาจากตัวผมด้วย จะโกรธจะเกลียดเคียดแค้นเขา ความรู้สึกมันก็ไปไม่ถึงขนาดนั้น มันครึ่งๆ กลางๆ อยู่ในอก

           

 

“…มันไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีอะไรเลยตอนนั้น” เขายอมรับด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความอึดอัด ผมเองก็อึดอัดนะ ถึงจะไม่ร้องไห้ ไม่โศกาฟูมฟาย แต่การที่มานั่งฟังสามีตัวเองเล่าว่าเกือบเอากับคนอื่นมันคงน่าชื่นตาบานไม่ได้ เลเวลผมไม่อาจเท่าแฟนแซ็คจริงๆ

           

 

“ถ้าเกิดตอนนั้นมันถลำลึกไป คุณก็จะไม่ใช้ถุงยางกับเธอน่ะเหรอ” วิคเตอร์ก้มหน้า ใบหน้าเขาสลดลง ผมหลับตาพร้อมกับพ่นลมหายใจเบาๆ ประเด็นนี้ต่างหากที่ผมรู้สึกแย่ได้เต็มที่จริงๆ

           

 

“เกิดคุณเอากับเธอ จริงอยู่ว่าเอาเสร็จมันก็จบ แต่คุณไม่ป้องกัน ถ้ามันไม่จบเพราะเธอท้องล่ะ…” วิคเตอร์ยังคงนั่งก้มหน้า เขาเหมือนเด็กทำผิดที่กำลังก้มหน้ารับฟังคำสอนของผู้ใหญ่

           

 

“…ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เบื่อผมแล้ว คิดถึงผู้หญิง ผมดูแลคุณไม่ดีพอ แต่ผมไม่รู้ว่าอนาคตคุณจะอยากไปมีอะไรกับใครอีกมั้ย” ผมเริ่มปากสั่นน้อยๆ ความรู้สึกจุกขยับขึ้นมาอยู่ตรงคอหอย

           

 

“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอมากไปกว่าอยากปลดปล่อยจริงๆ นะ”

           

 

“คุณควรคิดให้มากกว่านั้น อยากปลดปล่อยแต่ไม่ป้องกัน ไม่ลูกก็โรคติดต่อที่ผมจะได้เป็นของแถมมาจากผู้หญิงที่คุณไปนอนด้วย…” น้ำตาผมเอ่อคลอเบ้าตา ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกไม่ดีวิคเตอร์ หรือโกรธเคืองเขานะ แต่ผมแค่กลัวว่าความรักของเรามันจะไปได้อีกนานแค่ไหน

           

 

“…ป้องกันนะวิคเตอร์ ผมไม่รู้ว่าจะใจกว้างได้มากขนาดไหน แต่ป้องกันเถอะนะ เพื่อตัวคุณเอง” น้ำตาผมร่วงเผาะ วิคเตอร์ยื่นมือขวามาจับมือซ้ายผมไว้ ผมยิ้มทั้งน้ำตา ก้มหน้าหลบสายตาของเขา ผมยกมือเช็ดน้ำตาออก พอเหลือบมองเขาก็เห็นว่าวิคเตอร์เองก็ร้องไห้แบบเงียบๆ ไม่สะอึกสะอื้น แต่น้ำตาไหลอาบแก้ม

           

 

“ฉันรักนายคนเดียวนะแมท” ผมเม้มปาก หลับตาลงด้วยความเจ็บปวดเล็กๆ น้ำตาไหลออกมาราวกับเม็ดฝน

           

 

“ผมรู้ ผมรู้ข้อนี้ดีที่สุด ผมสัมผัสความรักนั้นได้เสมอ คุณให้ผมเต็มที่จริงๆ และผมดีใจ…” เสียงผมหายเข้าไปในลำคอเพราะก้อนสะอื้น วิคเตอร์เขยิบตัวมาใกล้ผม ดึงผมเข้าไปกอด ผมกอดตอบเขา วิคเตอร์ยกมือขวาลูบหัวผมเบาๆ

           

 

“ฉันผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะไม่มีอีก” ผมสูดจมูกฟึดฟัด กลืนน้ำลายลงคอ มองผนังห้องโถงอย่างเหม่อลอย

           

 

“ถ้างั้นอย่าสัญญาอะไรอีก คุณไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ไปจากคุณ ถ้าคุณไม่ทิ้งผมก่อน” เพราะผมไม่คิดทิ้งหรือหนีเขาไปไหน เพราะผมรักเขา อยากใช้เวลากับเขาให้คุ้มค่าที่สุด คนเราจะตายวันตายพรุ่งไม่รู้เลย มันทำให้ผมอยากตักตวงปัจจุบันเอาไว้ให้เยอะๆ

 

 

เพราะผมละทิ้งปัจจุบันของตัวเองกับวิคเตอร์ไปช่วงนึงจนเกือบเสียอนาคตร่วมกันไป ทั้งแบบเสียเป็นและเสียตาย

           

 

“ทิ้งนายฉันก็โดนตาแก่นั่นยิงทิ้งสิ…” ผมหัวเราะทั้งน้ำตาอีกครั้ง วิคเตอร์ดันตัวผมออก เราสองคนน้ำตาไหลอาบแก้มกันทั้งคู่ วิคเตอร์มองผมด้วยดวงตาที่เศร้าเหลือเกิน

           

 

“…ฉันยอมรับว่านายกลายเป็นคนน่าเบื่อเพราะทำงาน เห็นแล้วรู้สึกแห้งเหี่ยวไม่มีชีวิตชีวา ฉันเลยคิดหาที่ระบาย” ผมหน้านิ่งและพยักหน้าอย่างยอมรับ

           

 

“ผมขอโทษ”

           

 

“ฉันก็ขอโทษ ขอโทษมากกว่า เพราะความผิดฉันร้ายแรงกว่า” ผมยกมือขวาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มจนหมดไป กระแอมคอให้โล่งและว่าต่อ

           

 

“ต่อไป ถ้าผมน่าเบื่อยังไง บอกผมได้มั้ย ผมอาจจะลืมตัว ผมอาจจะมองข้ามอะไรไป ถ้าผมดื้อ ผมไม่เปิดใจ ดุผม ตักเตือนผมนะ ผมจะได้รู้ว่าควรทำตัวยังไง” น้ำตาวิคเตอร์ทะลักออกมา เขาหลับตาลง สีหน้าเจ็บปวด ผมยกมือซ้ายไปเช็ดน้ำตาให้เขา

           

 

“เป็นเอเลี่ยนน้อยของฉันนั่นแหละ…” เขาลืมตาขึ้น ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นมองผมด้วยความอ่อนโยน

           

 

“…ฉันรู้ว่านายมีความฝัน แต่พอนายอยู่กับฝัน นายทิ้งฉันทุกที ฉันรู้ว่าครั้งนี้นายพยายามมากที่จะอยู่กับฉันและงาน แต่มันทำให้นายเหนื่อยเกินไปรึเปล่าแมท ทั้งฝันของนาย และฉัน” ผมรู้สึกกลวงโบ๋ในอก มองใบหน้าน้อยใจของวิคเตอร์ด้วยความรู้สึกหวิวๆ

           

 

“ผมควรเลือกใช่มั้ย” วิคเตอร์ผ่อนลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ

           

 

“ฉันอยากให้นายมีความสุขกับความฝันของนาย…” เขากระตุกยิ้มเศร้าพอๆ กับดวงตา

           

 

“…แต่ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันมากกว่า…” ผมยิ้มบาง ยื่นมือซ้ายไปจับมือขวาของเขาแล้วบีบเบาๆ

           

 

“…ฉันคิดถึงเอเลี่ยนน้อยคนเดิม ฉันรู้ว่าคนเราต้องโตขึ้น แต่ฉันก็อยากให้นายโตขึ้นนิดเดียว” ผมหัวเราะเบาๆ เอ็นดูกับพูดคำจาของเขาที่สรรหามาพูด วิคเตอร์คลี่ยิ้มละมุน ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มเขา วิคเตอร์หลับตาลงสีหน้าผ่อนคลาย ผมเลื่อนขึ้นไปจูบหน้าผากเขาอีกทีด้วย วิคเตอร์คลี่ยิ้ม

           

 

“ผมขอจบงานนี้ แล้วผมจะไม่ทำงานอีกแล้ว” เขากะพริบตาปริบๆ มองผมด้วยความเป็นกังวล ผมกระตุกยิ้มและพยักหน้าเบาๆ

           

 

“แล้วความฝันนายล่ะ”

           

 

“บางครั้งความฝันกับความเป็นจริงมันก็ต่างกัน ถ้าต้องเลือก ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมก่อนและอยู่กับผมมานานแล้ว…” วิคเตอร์ยิ้มดีใจ ผมยิ้มอ่อนตอบกลับไป

           

 

“…ผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะมีคนใหม่…” ผมย่นคิ้ว “…ก็กลัวแหละ แต่ที่กลัวกว่าคือผมจะใช้ชีวิตกับคุณไม่คุ้มค่า ผมกลัวมากรู้มั้ยตอนคุณถูกยิง ชีวิตคนเราจะหายไปจากร่างเราตอนไหนไม่รู้”

           

 

“ถ้ารู้อนาคตล่วงหน้าได้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันจะจ้างมือปืนมายิงตัวเองเร็วๆ” ผมย่นคิ้ว ยกมือตีแขนเขาเบาๆ

           

 

“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะวิคเตอร์ นี่มันชีวิตคุณนะ” วิคเตอร์หัวเราะ ยกสองแขนมาอุ้มผมไปนั่งบนตัก เขาย่นคิ้วตอนที่แขนซ้ายยกขึ้นสูง ผมเลยช่วยขยับตัวเองให้นั่งดีๆ บนตักเขา

           

 

“ฉันปล่อยนายไปไม่ได้หรอก นายผลาญเงินฉันกับการกิน ไอ้สติชท์ ไอ้ปิกาจู ไอ้ชอปเปอร์ไปตั้งเยอะ แบบนี้ทิ้งไม่ได้ ต้องจับเอาไว้ใช้หนี้” เขากดจมูกลงบนแก้มผมแล้วหอมดังฟอดยาวๆ ผมยิ้มกว้าง ยกสองแขนกอดเขา มือขวาลูบแผ่นหลังเขาเบาๆ

           

 

“งั้นคงต้องใช้ทั้งชีวิต เพราะหนี้ผมเยอะมาก”

           

 

“ใช่ ทั้งชีวิตนายเลย” ผมยิ้มบาง อบอุ่นตัวและหัวใจเหมือนเช่นทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้

           

 

ไม่ใช่ผมไม่คิดเรื่องที่เขาเผลอใจทำผิดพลาดไป แต่ผมดีใจที่ผมยังได้กอดเขาตัวเป็นๆ แบบนี้มากกว่า

 






เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               มาแว้วววว ช่วงนี้ดูเงียบหาย เพราะปั่นต้นฉบับอยู่ค่ะ สมองวกวนอยู่กับสิ่งนั้นติดกันมาหลายวัน ซึ่งก็ใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทีละนิดแล้ว TT__TT

               แต่ก็มาต่อแล้นนนน ฮี่ๆ พี่ยักษ์ยังไม่ตายค่า พี่แกยังอยู่ยงคงกระพันให้คนรุมด่าพี่แกต่อไปอีกนาน 55555

               ทางที่แมทจะเลือก ก็เป็นทางเลือกที่พี่ยักษ์เองก็คาดหวังไว้มาตั้งแต่ต้น แต่จะตัดใจเด็ดเลยมั้ยต้องคีพว้อทชิ่งน้องแมทกันต่อไป  แต่ตอนนี้ได้กลับมากอดพี่ยักษ์ นางก็อุ่นใจที่หลัวยังไม่ตาย หลัวยังอยู่เปย์ให้นาง อ้าว 555555

               สำหรับใครที่ตามอ่านพี่แซ็คอยู่ พรุ่งนี้เจอกันแล้วนะคะ กรี๊ดดดด  :sad4: ไฟนอลลี่ก็คัมแบ็ค คือถ้าใครตามเพจขุ่นเจ้อยู่จะรู้ว่าหาข้อมูลอยู่ค่ะ ซึ่งได้มาแล้วววว จากคนอ่านที่เคยไปเที่ยวแอลเอและที่อยู่แอลเอเลยก็มี รู้สึกมีบุญบารมีม้ากกก ทูมอร์โร่วพบกันกับพี่แซ็คนะคะ

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโดพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 

               ขอบคุณทุกคอมเม้น ขอบคุณทุกอินเนอร์ค่าาา ขอบคุณกำลังใจดีๆ ที่คอยให้กำลังใจกันในทุกๆ กรณีเลย แล้วก็ขอบคุณโหวตที่มีให้บ้างไม่มีบ้าง แต่ก็ขอบคุณมากๆ ค่าาา เจอกันครึ่งหน้าแน้จ๊ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-02-2018 21:00:59
เข้าใจทั้งคู่นะ แต่ต้องยอมรับเลยว่าเวลาแมทอยู่กับวิคเตอร์มันน่าดูกว่าจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 10-02-2018 21:05:44
 :hao7:นข​89
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-02-2018 21:06:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-02-2018 21:23:36
ค่อยยังชั่ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2018 21:39:47
เตอร์ แมท เข้าใจ ดีกันแล้ว ยอดมากกกกกกกกกกก

เตอร์ พูดได้ทั้งจริง ทั้งตรงดีมาก
 “…ฉันยอมรับว่านายกลายเป็นคนน่าเบื่อเพราะทำงาน
เห็นแล้วรู้สึกแห้งเหี่ยวไม่มีชีวิตชีวา ฉันเลยคิดหาที่ระบาย”

“…ฉันรู้ว่านายมีความฝัน แต่พอนายอยู่กับฝัน นายทิ้งฉันทุกที
ฉันรู้ว่าครั้งนี้นายพยายามมากที่จะอยู่กับฉันและงาน
แต่มันทำให้นายเหนื่อยเกินไปรึเปล่าแมท ทั้งฝันของนาย และฉัน”

 
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  ชอบแมท ที่ยอมรับว่าเอาปัจจุบันดีกว่าตามความฝันที่ไม่รู้แน่นอน
“บางครั้งความฝันกับความเป็นจริงมันก็ต่างกัน
ถ้าต้องเลือก ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมก่อนและอยู่กับผมมานานแล้ว…”

“…ผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะมีคนใหม่…”
“…ก็กลัวแหละ แต่ที่กลัวกว่าคือผมจะใช้ชีวิตกับคุณไม่คุ้มค่า
ผมกลัวมากรู้มั้ยตอนคุณถูกยิง ชีวิตคนเราจะหายไปจากร่างเราตอนไหนไม่รู้”

เตอร์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-02-2018 22:45:48
อย่าแยกกันอีกเลยนะ คนอ่านใจหายตาม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-02-2018 00:17:55
อินอ่ะ จะร้องไห้ตามแมทกับเตอร์แล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: worlddark ที่ 11-02-2018 00:32:20
ความคิดแมทเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจริงๆกลับกันกับวิคเตอร์ที่ใช้แต่อารมณ์ความอยาก​ คืออยากมากๆขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เอาหมดไม่สนอะไรทั้งนั้น​ เข้าใจว่าเป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์แต่ด้วยวัยวุฒิแล้วค่อนข้างละเหี่ยใจกับวิคเตอร์มาก​ ผิดซ้ำผิดซ้อนกับคนรักแบบแมทซ้ำๆถึงแมทปากบอกแบบนั้นแต่ใจจริงๆละไม่รู้วิคเตอร์จะไปทำสันดาน(ขอเรียกสันดานเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่นิสัยที่แก้ได้​  เอ่ยปากสัญญาเองแท้ๆ)​ แบบนั้นอีกเมื่อไหร่​  ถ้าไม่มีจุดที่คนแต่งเขียนถึงการปรับปรุงสัน.... ในส่วนนี้ของวิคเตอร์​  เราคงรู้สึกแย่มากกับตัวละครตัวนี้​ เพราะแมทจากที่เคยรับไม่ได้กับเรื่องนี้เลยยังพัฒนาความรู้สึกตัวเองเพื่อความสุขของวิคเตอร์​   แต่วิคเตอร์ย่ำอยู่กับที่เหมือนรักแต่ตัวเองสนใจความสุขของตัวเองก่อนตลอด​ พอทำผิดมาทำหน้าเศร้า​ ​ร้องไห้​ ส่วนตัวไม่รู้สึกอินกับอารมณ์ตรงนี้คะ​ มันดูขัดแย้งกับอารมณ์ตอนกระทำของวิคเตอร์อยู่พอสมควร​ เราก็แค่ความเห็นเล็กๆที่อยากฝากถึงคนแต่งว่าอยากเห็นพัฒนาการทางอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครทั้งแมทและวิคเตอร์คะ​ เพราะตอนนี้เห็นแค่แมทและยังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะสามารถประคับประคองกันต่อไปได้ไหม  วิคเตอร์ทำให้เราไม่มีความเชื่อมั่นและเชื่อใจ​​ แต่ถ้าคนแต่งจะบอกว่าตัวละครสมบูรณ์แล้วเราก็จะเคารพการตัดสินใจเพราะเราเป็นแค่ความคิดเห็นที่แตกต่างคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 11-02-2018 02:25:47
นี่คือวิคเตอร์สารภาพเรื่องคลอเดียแล้วหรอ

เหมือนแมทรู้อยู่แล้วเลยอะ แมทพยายามเข้าใจเตอร์สุดๆ สงสารอะ

เตอร์ก็หน้ามืดบ๊อยบ่อย หาหมอบ้างนะลุง

ปล.เล่นๆ ถ้าคนที่จ้างยิงวิคเตอร์คือแมทนะ โอ้โห พีคในพีค 55555
แต่คิดว่าน่าจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคลอเดีย ไม่ก็คลอเดียเองนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-02-2018 06:51:55
วิคเตอร์ขี้งอแงแท้ รอดมาได้ก็ดีล่ะ โล่งอก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 11-02-2018 16:09:00
คือปกติอะ วิคเตอร์ก็เซ็กส์จัดอยู่แล้ว.... แล้วตอนแมทยังไม่ทำงาน มันก็นะ พอทำงานแล้ว เวลาอย่างว่าก็หายไป แล้ววิคเตอร์ คือวิคเตอร์ ถึงจะปรับไปหลายส่วนแล้ว แต่วิคเตอร์อะ ไม่โทษเลยนะ เรื่องยัยคลอเดีย เซ็กส์ที่ขาดไปนานกับภาพเปลือยตรงหน้า วูบนึงคนเราก็ต้องหลงผิด แต่คิดว่าโชคดีจริงๆอะที่แมทโทรเข้ามา แล้วสรุปคือเตอร์กลับมาแข็งใจ ตรงนี้ถือว่าเตอร์ทำได้ดี พยายามรักษาความสัมพันธ์ได้ดีอะ ส่วนเรื่องแมท ควรจะเลิกทำตามความฝันอะอย่างที่แมทเลือกนั่นละ  เพราะการที่แมททุ่มไป แมทดูทุ่มมากจนคนที่อยู่ด้วยกันรูู้สึกเหมือนโดนทิ้ง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะในแต่ละวันสำหรับครอบครัวก็หาย การกินข้าวด้วยกันก็น้อยลง อะไรแบบนี้อะ คิดถูกแล้วละ

ออกตัวก่อนว่า นี่ความเห็นส่วนตัวเด้อออ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 11-02-2018 16:55:36
กอดๆ ให้กำลังใจทั้งคู่ แล้วก็คนเขียนด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 50% :10.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 03:48:07
มันผู้ใดที่ยิงเตอร์ฟ่ะ ยิงทำไม ยิงเพื่ออะไร  เกี่ยวกับสมบัติ มรดก หนัง ผู้หญิง หรือแมท  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-02-2018 20:35:42



Yours and Mine EP.20 (100%)




ผมเดินไปตามถนนในย่านเวสต์วิลเลจที่เป็นทางไปร้านของจีอันนาหลังจากลงจากรถอูเบอร์ที่เรียกให้ไปรับที่บ้านและขับมาส่งที่นี่ เป็นครั้งที่สองที่ผมได้ออกมาข้างนอกคนเดียวโดยที่เดินตัวปลิวไม่มีใครตาม ครั้งแรกก็ตอนหนีวิคเตอร์ไปทบทวนตัวเอง จริงๆ รอบนี้วิคเตอร์ก็ขัดไม่อยากให้มา แต่เพราะเขาเองก็มีความผิดติดตัวอยู่ เขาเลยไม่กล้าขัดใจผมมาก ผมเลยถือโอกาสนี้ใช้สิทธิ์ในการออกมาเดินทอดน่องล่องลอยคนเดียว แกล้งขู่เขาว่าไม่งั้นจะโกรธย้อนหลัง เขาก็ปล่อยผมมาแบบหน้างอๆ

           

 

ผมเอามือซุกในเสื้อกันหนาวสีเทามีฮู้ด แหงนหน้ามองต้นไม้ริมสองทางที่คล้ายกับซอยบ้านวิคเตอร์ นิวยอร์กช่วงผลัดใบใกล้เข้าสู่ใบไม้ร่วงนี่มันช่างสวยจริงๆ สีสันใบไม้งดงามมาก มันตัดกับสีตึกสีน้ำตาลสีขาวที่ตั้งขนาบข้างสองฝั่งอย่างลงตัว มันเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบสุดๆ ละ ตระการตาดี ถ่ายรูปสวยแทบทุกมุม ระหว่างเดินไปร้านจีอันน่าผมก็เก็บไปได้หลายรูปแล้ว

 

 

ผมมาที่นี่เพราะความขี้เผือกกำเริบ อยากจะสาระแนทำตัวเป็นนักสืบตัวอวบเพื่อหาความจริงเรื่องที่ว่าฌอณไม่ใช่เป็นคนทำจริงๆ ใช่มั้ย ออสตินกำลังสืบอยู่ก็จริง แต่ผมคิดว่าถ้าผมมาสืบเองอาจได้เห็นปฏิกิริยาพิเศษบางอย่างจากเขาหรือเปล่า อันนี้ผมไม่ได้บอกวิคเตอร์หรอกนะ ผมบอกแค่ว่าจะมาร้านจีอันนา

 

 

ปิก้าปี้ ปิก๊าจู๊ ปิก้าปีก๊า ปิ๊กะ ปิก่าจู๊~

 

 

ผมหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายข้างออกมาดูก็เห็นว่าเป็นเจสันโทรมา ในขณะที่กำลังจะกดรับผมก็สะดุ้งตกใจกับใครบางคนที่ยืนอยู่บนสเก็ตบอร์ดที่ไหลผ่านหน้าผมไป หมอนั่นยิ้มให้อย่างทะเล้นพร้อมกับโบกมือทักทายอย่างมีสไตล์

 

 

“อะไรเนี่ย?!” ผมถลึงตาใส่เซบาสเตียนที่วันนี้ใส่หมวกไหมพรมสีเทามาด้วย เขาใช้เท้าเบรกสเก็ตบอร์ดและหยุดรอผมให้เดินไปตรงที่เขายืนอยู่

 

 

นึกว่าผีเถอะ โผล่ไปแทบจะทุกที่ ดีนะไม่โผล่ไปที่เคปทาวน์ตอนผมถ่ายหนังด้วย

 

 

“ฮัลโหล” ผมตัดสินใจกดรับสายเจสันก่อนเพราะเดี๋ยวเขาจะรอนาน สายตาเหลือบมองไอ้เด็กกวนสตินั่นอย่างระแวง

 

 

[เป็นไงบ้าง]

 

 

“ขอโทษทีครับที่ไม่ได้โทรไปบอก ผมลืมคิดไปเลย แต่วิคเตอร์ปลอดภัยแล้วครับ” ผมทำตาโตใส่เซบาสเตียนที่ไถลสเก็ตบอร์ดมาใกล้ๆ

 

 

[โล่งอกไปนะ ฉันจะโทรมาบอกว่า ไม่ต้องกลับมาที่เคปทาวน์แล้ว นายดูแลวิคเตอร์ไปเถอะ ให้นายไปเจอกันที่ไทยแลนด์ได้เลย] ผมรู้สึกผิดและเป็นกังวลที่ทิ้งงานมา แต่จะให้ทิ้งวิคเตอร์นอนเจ็บผมจะยิ่งรู้สึกแย่มากกว่า

 

 

“ขอโทษนะครับ และขอบคุณมากๆ ที่คุณช่วยรับงานต่อจากผม ถ้ามีอะไรสงสัยหรือเป็นปัญหาโทรหาผมได้ตลอด”

 

 

[อย่ากังวลเลย ชีวิตคนมีค่ามากกว่างานนะ] ผมยิ้มด้วยความรู้สึกดี แม้ว่าอเล็กซ์จะติสท์แตก ให้กำลังใจผมแบบแดกดันเป็นบางครั้ง แต่ผมก็ไม่เก็บมาคิดมาก เพราะทีมงานคนอื่นดีกับผมแบบนี้ อย่างเจสันคือเห็นชัดว่าทำให้ผมสบายใจกับกองนี้จริงๆ

 

 

“ขอบคุณมากนะครับ เรื่องเตรียมงานที่ไทยไม่ต้องเป็นห่วง เขารอเราไปเท่านั้นเอง เดี๋ยวผมบินไปรอก่อนสักสามวัน”

 

 

[แล้วไว้คุยกันนะ นายยังเป็นทีมงานเราเหมือนเดิม] ผมยิ้มปลื้มใจแต่พอหันไปเห็นว่าเซบาสเตียนกำลังก้มหน้ามองผมอยู่จากด้านหลัง ผมก็หุบยิ้มและกระเถิบตัวหนีเขา

 

 

“โอเคครับ ขอบคุณมากๆ แล้วเดี๋ยวเจอกัน” ผมกดวางสายเจสันแล้วหันไปมองเซบาสเตียนที่ขยับหมวกไหมพรมไปด้านหลัง

 

 

“นายมาได้ยังไงเนี่ย”

 

 

“ไถลสเก็ตบอร์ดมาเรื่อย” ผมย่นคิ้ว มองด้วยความไม่ไว้ใจ เขาหัวเราะอารมณ์ดี

 

 

“ตามฉันมาเหรอ” เขายักไหล่ทั้งสองข้างท่าทางสบายๆ

 

 

“จะว่างั้นก็ได้ ฉันตามมาเอาคำขอบคุณและคำสัญญาที่ฉันช่วยให้นายได้ตึกนั้นไปถ่ายทำ” ผมอยากจะกลอกตาและชักสีหน้า แต่ก็เกรงว่าจะเสียมารยาทกับความช่วยเหลือที่เขามอบให้เมื่อคราวก่อน

 

 

เรื่องตึกนั้นที่ว่าลุงเขาเป็นเจ้าของคือเรื่องจริง ไม่ได้ติงนัง โอ้ว มาย ก้อด โลกมันกลมอย่างแท้ทรู เซบาสเตียนพาผมไปพบลุงเขาตามที่บอก วินาทีแรกที่ผมเจอลุงของเซบาสเตียน อยากจะถามให้แน่ใจว่านี่คือลุงเขาจริงๆ เหรอ เพราะคุณเคย์เดนหล่อมากกก เขาไม่ใช่ไม่แก่เลยนะ คือเขามีอายุของเขานั่นแหละ แต่เขาดูหล่อมากกก ผมไม่อยากใช้แค่คำว่าดูดี เพราะเขาหล่อแบบทะลุออกมาเลย อย่างวิคเตอร์ผัวตัวเองมันยังมีความรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนหล่อจัดเต็มแต่มีเสน่ห์มีความเท่ความดิบเถื่อนเป็นตัวดึงดูดเหนือความหล่อ แต่กับคุณเคย์เดนผมเต็มปากเต็มคำจริงๆ ว่าเขาหล่อ ตาสีฟ้าสดของเขาร้อนแรงมากยามที่อยู่ในมาดขรึม ผมตะลึงในความหล่อของลุงเซบาสเตียนจริงๆ เขาตัวสูง หุ่นสมาร์ท บ่งบอกเลยว่าเขาดูหนุ่มเพราะเขาดูแลสุขภาพตัวเอง เขาเป็นผู้ชายแนว DILF (Dad I would like to fuck) แนวแดดดี้อบอุ่น ที่สำคัญเขาโสดดด อายุสี่สิบกว่าแล้วแต่โสด แก่กว่าอเล็กซ์ แต่อเล็กซ์ดูแก่กว่าไปทันทีเมื่อเจอคุณเคย์เดนคนนี้

 

 

“ก็ขอบคุณไปแล้วไง” เซบาสเตียนเอียงคอและยิ้มกวนๆ

 

 

“แต่นายยังไม่ได้ไปกินข้าวกับฉันสักมื้อเลยนะ” ผมขมวดคิ้วทำปากขมุบขมิบ คือวันนั้นก่อนพบคุณเคย์เดนผมก็เป็นกังวลเนาะว่าแกจะไม่ให้ เลยบอกเซเบาสเตียนว่าช่วยผมพูดด้วย ไปถึงไอ้เด็กนี่ก็ช่วยเต็มที่จนลุงเขายอม แต่ผมพลาดตรงที่ไปสัญญาว่าถ้าช่วยพูดให้จะไปกินข้าวด้วยตามที่บอก ปรากฎว่าคุณเคย์เดนใจดีมากกก ผมนึกว่าเขาจะหวง แต่เขากลับมองว่าเป็นการดีที่เขาจะได้โปรโมตธรุกิจตัวเองผ่านหนังก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แล้วผมก็ดันพลาดไปสัญญาแล้ว โชคดีที่ไปถ่ายหนังที่เซ้าท์แอฟริกาก่อน เลยหนีเขาได้ นี่ไม่รู้มารู้ได้ไงเนี่ยว่าผมกลับมานิวยอร์ก

 

 

“ก็ได้ ฉันกำลังจะไปร้านอาหารของเพื่อนพอดี” เซบาสเตียนเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มงงๆ

 

 

“ทำไมยอมง่ายจัง” ผมมองบนแว้บหนึ่งพร้อมกับพ่นลมหายใจ

 

 

“ฉันกลัวโดนสะกดรอยตามอีก กินให้มันจบๆ ไป” เซบาสเตียนทำปากยื่น แสร้งตีหน้าเศร้า

 

 

“ใจร้ายจัง รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมตาโตสั่นหัวรัวๆ ด้วยความตกใจ ความคิดที่ว่าตัวเองออกแสดงว่ารังเกียจเขามีด้วยเหรอ

 

 

“ไม่ได้รังเกียจนะ…” ไอ้เด็กสเก็ตบอร์ดยิ้มล้อ ผมเลยทำหน้าบูด “…แต่รำคาญอะจริง ฉันกำลังจะแต่งงานนะ”

 

 

“วู้ววว! ย้ำอยู่ได้ รู้แล้วน่า แต่ฉันไม่ได้แต่งด้วยสักหน่อย” เนี่ย มันเป็นซะอย่างเนี้ย

 

 

ผมขี้เกียจเถียงแล้ว เพราะยืดเยื้อไปเดี๋ยวจะเป็นโมเม้นต์คู่กัดกลายเป็นคู่จิ้น ผมเลยกวักมือให้เขาเดินตามมา เซบาสเตียนยิ้มกว้าง ใช้เท้าดีดสเก็ตบอร์ดให้ลอยขึ้นและยื่นมือคว้าดึงไปไว้ข้างลำตัว เขาก้าวเท้ามาเดินข้างๆ ผม

 

 

“นายจะบินไปที่ไทยเมื่อไหร่” ชวนคุยตามปกติ อันนี้คุยได้

 

 

“อาทิตย์หน้ามั้ง” เขายักคิ้วหนึ่งทีก่อนว่าเสียงระรื่น

 

 

“เจอกันที่นู่น” ผมอ้าปากหวอด้วยความตกใจ

 

 

“นายไปด้วยเหรอ?!”

 

 

“อ้าว ก็ต้องไปสิครับ”

 

 

“ไปทำไมเนี่ย” เซบาสเตียนหัวเราะ เหมือนกำลังสนุกที่เห็นผมหน้านิ่วคิ้วย่นใส่ตัวเอง

 

 

“ลุงผมไปดูตึกตัวเอง ผมก็จะไปดูงานกับลุง ผมผิดอะไรเนี่ย” ผมจิกตาใส่เขา จะพูดเต็มปากก็ไม่ได้ว่าหมอนี่มีเจตนาตามเราไป เดี๋ยวจะหาว่าเราหลงตัวเอง

 

 

“อยากเป็นนักธุรกิจว่างั้น” เซบาสเตียนแบมือซ้ายออกแล้วยักไหล่กวนๆ อยากหยิบสเก็ตบอร์ดมาฟาดหน้าเขาซะจริง แต่ที่ทำได้จริงคือเงียบและเดินต่อไปไม่พูดไม่จาอะไร แม้จะหงุดหงิดกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของไอ้เด็กนี่ก็ตาม

 

 

ปิก้าปี้ ปิก๊าจู๊ ปิก้าปีก๊า ปิ๊กะ ปิก่าจู๊~

 

 

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นวิคเตอร์โทรมา ผมกดรับสายเขาตามปกติ “ฮัลโหล”

 

 

[อยู่ไหนแล้ว]

 

 

“อีกห้านาทีก็ถึงร้านจีอันน่าแล้ว ผมเดินชมเมืองเพลินไปหน่อย”

 

 

[ฉันหิว]

 

 

“อาหารอยู่บนโต๊ะในครัวไง”

 

 

[ไม่เอา อยากกินอย่างอื่น] ผมขมวดคิ้วอ่อนๆ งงนิดหน่อยกับความเอาแต่ใจของเขาในตอนนี้

 

 

“อยากกินอะไรอะ ให้ออสตินออกไปซื้อก่อนได้มั้ย”

 

 

[ออสตินไม่อยู่ เดี๋ยวฉันรอนายกลับมาทำให้] แน่ะ โกหกชัดๆ ช่วงเวลาแบบนี้ออสตินไม่ออกไปไหนหรอก อยู่คุ้มกันเจ้านายตัวเองอย่างดี ผมนึกหน้าตอนนี้เขาออกเลยว่าคงพูดมึนๆ ปล่อยให้ออกมาก็จริง แต่ก็ชอบเล่นแง่แบบเนี้ยแหละ

 

 

“งั้นก็รอไปก่อน เสร็จแล้วผมถึงจะกลับไป”

 

 

[อือ นานแค่ไหนก็รอ ฉันจะกินฝีมือนายคนเดียว] หืมมม ปากหวาน แต่มีแผนการซ่อนอยู่ รู้หรอกน่ะว่าจะให้กลับเร็วๆ ไม่ให้อยู่ข้างนอกนาน

 

 

“อะ โอเคๆ เดี๋ยวผมรีบกลับ”

 

 

[ฉันต้องกินยาด้วย แต่เป็นยาหลังอาหาร และฉันยังไม่ได้กินอะไร] อู๊ยยยย ใช้แผนนี้ทุกทีแหละเวลาตัวเองอยู่บ้านแล้วไม่ได้ออกไปไหนกับผม

 

 

“ครับๆ เดี๋ยวรีบกลับไป” ผมว่าอย่างอ่อนใจ แต่ก็ยิ้มขำก่อนจะกดวางสาย พอหันไปด้านขวาตัวเองก็ต้องสะดุ้งตกใจ เพราะลืมไปแล้วว่าเซบาสเตียนอยู่ด้วย

 

 

“คุยกับฉันแบบนี้บ้างสิ” เขาพูดแบบหน้าซื่อ ผมไม่อยากว่าหน้ามึนเดี๋ยวเหมือนไอ้ยักษ์

 

 

“ไม่” ผมว่าห้วนๆ และผายมือไปทางร้านจีอันน่าที่มีคนเดินเข้าออกอย่างบางตา แต่ก็ไม่ใช่โล่งโหวงเหวง เซบาสเตียนหันไปมองร้านนั้นและเดินนำหน้าผมเข้าไปในเขตรั้วร้านด้านนอก ผมเดินตามเขาไปด้านใน เห็นจีอันนายืนอยู่ตรงเค้าน์เตอร์กำลังก้มทำอะไรสักอย่าง เธอเลิกเป็นนางแบบถาวรแล้ว เพราะกิจการร้านไปได้ดีและเธอก็มีความสุขกับมันมาก ส่วนกับชาร์ลีเธอใจแข็งใจเด็ดจริงๆ ที่ไม่ยอมกลับไปคืนดีกับเขา ทุกวันนี้เธอชิลมาก ส่วนชาร์ลีก็แห้ว แต่ก็เดินหน้าต่อได้แล้ว

 

 

“อ้าว ตามสบายเลยนะ” ผมยิ้มให้เธอที่เงยหน้าขึ้นมาทักทาย ผมสอดส่องมองหาฌอณแต็ไม่เห็นเขา

 

 

“ฌอณไม่มาเหรอครับ”

 

 

“มาสิ อยู่หลังร้านน่ะ เขามีอาการปวดหัว ฉันเลยให้เขาไปพักก่อน”

 

 

“ประมาณสามวันที่แล้ว ที่ร้านเลิกงานตามปกติมั้ยครับ” จีอันน่าทำหน้านึกก่อนจะพยักหน้าแบบไม่แน่นอนแต่ก็คงแน่นอนในความรู้สึกเธอ

 

 

“ปิดร้านห้าทุ่มตามปกตินะ”

 

 

“ทุกคนเลิกงานพร้อมกันใช่มั้ยครับ”

 

 

“ใช่สิ เลิกพร้อมกันเหมือนเดิมนั่นแหละ” จีอันน่ามองหน้าผมอย่างสงสัย

 

 

“ผมไม่ได้จะจีบฌอณนะ”

 

 

“โอ้ แน่ล่ะ อย่าหาเรื่องให้วิคเตอร์มาถล่มร้านฉันเลย” ผมหัวเราะเบาๆ จีอันนาทำหน้าแหยง ก่อนจะผายมือไปทางโต๊ะว่างใกล้กับเค้าน์เตอร์ ผมสะกิดเซบาสเตียนที่กำลังยืนมองไปรอบร้านให้เดินไปนั่งด้วยกัน

 

 

“สั่งได้เลยนะ สั่งช็อคโกแล็ตเย็นให้ฉันด้วย” ผมบอกหลังจากเซบาสเตียนนั่งลงบนเก้าอี้

 

 

“อ้าว แล้วนายไม่สั่งเหรอ”

 

 

“ไปหลังร้านแปบนึง เดี๋ยวกลับมา” เซบาสเตียนพยักหน้า ผมเดินผ่านเค้าน์เตอร์ไปหลังร้านด้วยความคุ้นเคย พนักงานในร้านที่จำกันได้ส่งยิ้มให้ ผมแหวกผ้าดำที่กั้นประตูเชื่อมหลังร้านแล้วเดินทะลุเข้าไปด้านใน เจอครัวก่อนเป็นด่านแรก เดินเข้าไปเรื่อยๆ จะเป็นที่พักและห้องน้ำของพนักงาน มีลานโล่งหลังร้าน สำหรับนั่งพักผ่อน สูบบุหรี่และวางของบางอย่าง ที่ห้องพนักงานไม่มีฌอณอยู่ ผมเลยเดินไปต่อที่ลานโล่งหลังร้านก็เจอกับฌอณกำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้นิ่งๆ

 

 

“ฌอณ…” ผมเอ่ยเรียกเขา เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับลืมตาขึ้น เขาขมวดคิ้วมองผมน้อยๆ ก่อนที่จะคลายคิ้วออก

 

 

“นายนั่นเอง”

 

 

“เป็นอะไรรึเปล่า” ผมถามพลางสำรวจสีหน้าและท่าที เขาดูมึนๆ งงๆ คล้ายคนอ่อนแรง

 

 

“ฉันพยายามใช้ความคิดมากเกินไปน่ะ เลยปวดหัว” เขายกมือขึ้นลูบหัวด้านบนวันไปตามเข็มนาฬิกาเบาๆ ผมเห็นรอยแผลเป็นแนวยาวบนหนังศรีษะของเขาฝั่งซ้ายมือ เป็นรอยเป็นที่เกิดจากรอยเย็บ ผมมองท่าทีของเขาแล้วครุ่นคิดด้วยความสับสน

 

 

“คุณรู้จักวิคเตอร์มั้ย” ฌอณหันมามองผมงงๆ เขาทำหน้าพยายามนึกก่อนจะส่ายหัวช้าๆ

 

 

“ชื่อคุ้นๆ แต่ไม่แน่ใจว่ารู้จักมั้ย” ผมว่าผมมั่นใจได้นะว่าฌอณไม่ได้เป็นคนทำร้ายวิคเตอร์ หรือไม่ใช่คนที่ไปสั่งการให้ใครมาทำร้าย สถานภาพของเขาตอนนี้มันต่างจากตอนนั้นมากจริงๆ และผมคิดว่าเขาไม่แอคติ้งอะไรได้นานขนาดนี้หรอก แค่ผมเป็นเพศที่สามเขายังโกรธเกลียดผมจนจะเอาถึงตาย แต่นี่เขามีความแค้นใจต่อผมกับวิคเตอร์เป็นเรื่องเป็นราว เขาคงไม่ปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยแล้วมายืนปั่นกาแฟแบบนี้หรอก

 

 

“เขาเป็นนักแสดงน่ะ คุณเลยอาจจะคุ้น” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดจิ้มๆ หารูปวิคเตอร์ในกูเกิ้ลสักแปบก็หันโทรศัพท์ให้ฌอณดู เขารับไปดูรูปวิคเตอร์ก่อนจะขมวดคิ้วแช่ไว้นานมาก และจ้องหน้าจอโทรศัพท์นานมากจนผมงง

 

 

“ฌอณ…” ผมยกมือโบกตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับผมช้าๆ “…คุณโอเคมั้ย”

 

 

เขาไม่ตอบแต่จ้องมองผมนิ่ง แล้วสักพักแววตาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสายตาของฌอณคนเดิม ผมชะงักกึก รู้สึกกลัวขึ้นมาแต่ก็ทำนิ่งทำเนียนไม่กระโตกกระตาก เขายื่นมือถือคืนมาให้ ผมยื่นมือไปหยิบมาจากมือเขา แต่ตอนที่กำลังจะชักมือกลับเขากลับคว้าข้อมือผมแน่นจนผมตกใจ

 

 

“แมท” เสียงของเขาห้วนสั้น แววตากระด้างกระเดื่อง ผมเบิกตากว้าง หัวใจเต้นรัวฉับพลับ รู้สึกเลือดในตัวเย็นลงกับแววตาและน้ำเสียงของเขา

 

 

“ฮะ… เฮ้”

 

 

“ฉัน… ฉันรู้สึก…” เขาย่นคิ้ว ยกมือขวาขึ้นจับหัว สีหน้าของเขาเจ็บปวด ผมมองเขาด้วยความตกตะลึง พยายามควบคุมลมหายใจตัวเองให้อยู่ในระดับปกติ แต่สักพักก็ต้องช็อคเพราะฌอณจ้องผมตาขวาง มือขวาพุ่งเข้ามาบีบคางผมอย่างแรง

 

 

“คะ… คุณ…”

 

 

“ฉันเคยทำแบบนี้” เขาพูดเสียงต่ำ น้ำตาผมเอ่อคลอด้วยความกลัว ฌอณบีบคางผมไว้และจ้องหน้าผมด้วยดวงตาก้าวร้าว ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น ไม่กล้าต่อสู้หรือต่อต้าน เพราะกลัวว่าจะยิ่งกระตุ้นความทรงจำเขา ตอนนี้เขาคงกำลังต่อสู้กับความจำตัวเองอยู่

 

 

“เฮ้!!” เสียงดังขึ้นด้านหลังของผมก่อนที่เซบาสเตียนจะพุ่งเข้าผลักฌอณออกจนเขาล้มลงบนพื้น ผมหายใจหอบเพราะเมื่อกี้แทบจะกลั้นหายใจ พอมองไปทางฌอณก็เห็นเขานั่งกุมหัวตัวเอง เซบาสเตียนยืนประคองผมไว้และมองฌอณตาแข็ง

 

 

“ฉะ…. ฉัน… ฉันขอโทษ” ผมกลืนน้ำลายลงคอ ควบคุมสติตัวเองให้นิ่งแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเขา

 

 

“ไม่เป็นไรครับ อย่าพยายามนึกอะไรอีกเลยนะ” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาผม ดวงตาเมื่อกี้หายไปเหลือแต่แววตาสับสนและดูเศร้าสร้อย เขาคงหงุดหงิดที่ตัวเองอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ เหมือนไปไม่สุดสักทางกับชีวิต

 

 

“ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร” เขาน้ำตาคลอ มองผมอย่างอ้อนวอน เหมือนอ้อนวอนว่าให้เห็นใจเขา ผมพยักหน้า ส่งยิ้มให้เขาสบายใจ

 

 

“ช่างมันเถอะ อยู่กับปัจจุบันดีกว่านะ” แววตาเขาสลด เขาพยักหน้าเบาๆ ผมจับแขนเขาแล้วพาเขาลุกขึ้นยืนช้าๆ ฌอณหันไปมองเซบาสเตียนที่ยืนจ้องเขม็งอยู่

 

 

“ขอโทษครับ พอดีผมมีปัญหาด้านอารมณ์กับสมอง” เซบาสเตียนขมวดคิ้ว มองฌอณอย่างไม่ไว้ใจ ผมปล่อยมือออกจากแขนฌอณ

 

 

“ถ้าดีขึ้นแล้ว คุณก็กลับไปทำกาแฟต่อนะ ลูกค้าคงรอกินฝีมือคุณอยู่เยอะเลย” ฌอณยิ้มและพยักหน้า ผมยิ้มตอบบางเบา หมุนตัวพาเซบาสเตียนเดินกลับเข้าไปด้านใน ผมหันไปมองเขาอีกที ฌอณลุกขึ้นยืนสีหน้างุนงงก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม เอาจริงๆ ท่าทางเขาน่าสงสารมาก เหมือนเขากำลังหลงทางกับอารมณ์ของตัวเอง ผมถอนหายใจแล้วปล่อยให้ฌอณอยู่กับตัวเองต่อไปตามที่เขาต้องการ

 

 

“มันทำร้ายนายอะ” ผมสั่นหัวในขณะที่เดินผ่านครัวออกไปในส่วนของร้าน

 

 

“เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำ เขามีปัญหาอย่างที่เขาบอกจริงๆ” ผมพูดพลางเดินไปนั่งบนเก้าอี้ บนโต๊ะตอนนี้มีของมาวางเต็มแล้ว

 

 

“ไบโพล่าเงี้ยเหรอ” เขาว่าพลางนั่งลงตรงข้าม ผมครุ่นคิดตามที่เขาบอกก่อนจะพยักหน้า

 

 

“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น” เซบาสเตียนทำหน้าไม่เข้าใจเท่าไหร่แล้วก็หยิบขนมปังปิ้งไปกิน

 

 

“อาหารมานานแล้ว ฉันเห็นนายหายไปนานเลยไปตาม กินสิ” ผมพ่นลมหายใจเบาๆ หยิบเฟรนฟรายจิ้มซอสมะเขือเทศแล้วยัดเข้าปาก กินๆ ไปจะได้จบสัญญาผีนั่นสักที

 

 

ส่วนเรื่องฌอณ สำหรับผม ผมว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับการที่วิคเตอร์โดนยิง แต่ก็ต้องรอดูที่ออสตินสืบมาได้ด้วยว่าจะเป็นยังไง จากที่ผมเห็นเขา ฌอณไม่น่าสั่งการใครได้ ขนาดตัวเองเขายังสั่งไม่ได้เลยตอนนี้

 

 

ถ้าไม่ใช่ฌอณจริงๆ แล้วไอ้ยักษ์มีเรื่องกับใคร เดายากด้วยเพราะสามีตัวเองน่าจะมีศัตรูเยอะจากการเป็นคนเอาแต่ใจแบบนั้น ดีไม่ดีคนที่กองรวมเงินกันจ้างมือปืนรึเปล่าเนี่ยห๊า


 

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               มาแว้วววว

               ด้วยความเผือกที่พรั่งพรูอยู่ในหัวจิตหัวใจจึงพาหัวใจนังแมทไปหาบุคคลต้องสงสัยคนแรกในชีวิตของตัวเอง ความเสือกเกือบพาตายมั้ยคะแม่นาง ดีนะรอดมาได้

               แล้วก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ฌอณ นกอุ่นๆ บินกลับรังกรุบๆ จุ๊บๆ จิ๊บๆ เอ๊ะหรือใช่ แล้วโดนหลอกรึเปล่านังแมท

               ปั่นกระแสที่สุดคือใครคะ อีเจ้ค่ะ

               อันนี้ต้องขอบคุณเซบาสเตียนแบบน้อยๆ แต่พองามที่เข้ามาช่วยแม่นางเอเลี่ยนเอาไว้ได้ ไม่งั้นอาจโดนบีบคอตาย

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโดพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 

               ขอบคุณทุกคอมเม้น ขอบคุณทุกอินเนอร์ค่าาา ขอบคุณกำลังใจดีๆ ที่คอยให้กำลังใจกันในทุกๆ กรณีเลย แล้วก็ขอบคุณโหวตที่มีให้บ้างไม่มีบ้าง 55555 ที่โหวตให้กันมาก็ขอบคุณมากๆ เด๊อ เจอกันตอนหน้านาค้าาาา ^___^

#LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-02-2018 20:57:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-02-2018 21:04:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-02-2018 21:36:23
แมท เสน่ห์แรงกับเซบาสเตียนจริง
แต่ทำม้าย.....ไม่มีเสน่ห์กับฌอนซะเลย

เตอร์ ก็อ้อนแมทซะจริงๆ แต่ก็น่ารักนะยักษ์
เตอร์  แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-02-2018 23:38:49
โชคดีที่วิคเนอร์ไม่เป็นอะไรมากแล้วในที่สุดแมทก็รุ้ว่าควรอยู่กับอะไร ถึงมันจะเลือกยาก แต่คนที่เรารัดทำให้เรามีความสุขใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ
แต่ใครยิงนะอยากจะรุ้ แอบสงสัยพ่อหนุ่มที่มาจีบแมทได้มะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-02-2018 23:39:14
ใครทำวิคเตอร์น้อ อยากรู้เร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-02-2018 02:22:42
เดาไม่ออกแฮะ ว่าใครทำร้ายเตอร์ เป็นพวกผู้หญิงที่เตอร์ได้แล้วทิ้งป่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-02-2018 06:57:47
แมทนี่น่าจะปล่อยวางเรื่องฌอนนะ ความอยากรู้อยากเห็นแบบนี้ทำให้ตัวเองอยู่ในอันตรายมาหลายครั้งแล้วมั้ยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-02-2018 09:04:58
แอบระแวงเซบาสเตียนเบาๆว่าเป็นคนสั่งยิงรึป่าว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-02-2018 13:10:02
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 17-02-2018 14:01:24
นี่คิดว่าเป็นผู้ชายของคลอเดีย เพราะรอยบุหรี่จี้บนหลังนั่นละ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-02-2018 15:11:44
แมทนี่ก็เหมือนหาเรื้องใส่ตัวนะ 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.20 100% :16.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 17-02-2018 18:26:59
 :hao3: รอตอนต่อไปเพราะตอนนี้ไม่รู้จะระแวงใครดี
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 50% :21.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-02-2018 20:15:32


Yours and Mine EP.21 :: Good bye. (ลาก่อน) [50%]




[จะขยับทีก็ร้าวไปทั้งตัว ฉันเลยได้แต่นอนนิ่งๆ รู้สึกเหมือนเป็นคนพิการเลย] ผมมองหน้าไวโอล่าที่ซีดเซียว เธอนอนเหยียดตัวนิ่งๆ อยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ท้องของเธอโตเกินตัวมากจนแอบรู้สึกน่ากลัว

           

 

“ถ้าลิซ่าไม่บอกวิคเตอร์ เธอก็จะเงียบไม่บอกพวกเราจริงๆ น่ะเหรอ”

           

 

[พี่ก็งานยุ่ง เธอก็งานยุ่ง แล้วจะให้ฉันพูดได้ยังไง ถ้าฉันบอกไปแล้ว เธอจะทิ้งงานมาหาฉันเหรอ] ผมอ้าปากจะพูด แต่พอคิดได้ว่าพูดไปก็วกเข้ามาแว้งกัดตัวเองอยู่ดีเลยเงียบและพ่นลมหายใจแทน

           

 

“วิคเตอร์”

           

 

[อะไร] เสียงห้วนๆ พร้อมกับที่หน้าจอไอแพดหันไปหาผู้ชายหน้ายักษ์ผมเผ้ารุงรังกำลังกินแซนด์วิชเป็นอาหารเช้าอยู่

           

 

“ไวโอล่ากินข้าวยังเนี่ย” ไอ้ยักษ์ขมวดคิ้วมุ่นพลางเคี้ยวแซนด์วิชตุ้ยๆ

           

 

[กินแล้วสิ ไอ้แฝดหายนะมันกินเก่งจะตาย ฉันยังนึกสงสัยว่ามันกินไส้วีไปด้วยรึเปล่า] ไวโอล่าขำ สักพักเธอก็ร้องโอ๊ยเบาๆ ผมตาตื่นตกใจ วิคเตอร์หันควับไปมองน้องสาวตัวเองทันที

           

 

[ไม่เป็นอะไร ฉันขำแล้วมันสะเทือนน่ะ] ผมพ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก หูได้ยินเสียงแว่วความวุ่นวายของกองถ่าย

           

 

“เด็กแฝดก็แบบนี้แหละ กินเก่ง” ผมหาข้อมูลทั้งจากหนังสือและอินเตอร์เน็ตเอาที่แบบเน้นประสบการณ์จริงจากคุณแม่ท้องแฝดทั้งหลายว่ามันมีอาการยังไง และยังไปตั้งกระทู้ถามด้วย มีคุณหมอมาตอบอาการของไวโอล่าให้ผมใจหวิวเล่นๆ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นความหวาดกลัวขั้นสูงสุด

           

 

คุณหมอท่านนั้นบอกว่าเด็กแฝดในคุณแม่ที่ตัวเล็กแบบไวโอล่าจะน่าเป็นห่วงในเรื่องของการคลอด เพราะเชิงกรานเล็ก การท้องเด็กแฝด คุณแม่ยิ่งต้องอัดอาหารเข้าไปให้ลูกทั้งสองคน เนื่องจากเด็กแฝดจะแย่งกันกิน แต่ยิ่งกินก็ยิ่งตัวใหญ่ และไวโอล่าตัวเล็ก แบบนี้จะยิ่งมีสิทธิคลอดก่อนกำหนดเพราะท้องคุณแม่อาจจะรับไม่ไหว แค่คนเดียวในคุณแม่ตัวเล็กๆแบบนี้ยังน่าห่วงเรื่องการขยายตัวของเด็กเลย แต่นี่เด็กแฝดและกินเก่งมากยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ไวโอล่าไม่ยอมบอกเราเรื่องที่มีอาการหน้ามืด ปวดเนื้อปวดตัวทุกครั้งที่ขยับ แล้วก็รู้สึกอึดอัดในท้อง เธอเลยมักจะนอนนิ่ง แทบจะขยับไม่ได้มาเป็นเดือนแล้ว พยาบาลที่คุณลุคจ้างมาดูแลเธอต้องคอยเช็ดฉี่เช็ดอึให้

 

 

เรามารู้เพราะลิซ่าโทรมาบอกวิคเตอร์ว่าไวโอล่าอาการแย่ ตอนนั้นผมไม่เคืองอะไรเธอเลยนะ ขอบคุณเธอด้วยซ้ำ ถามว่าผมไม่รู้เหรอ หลังๆ มาไวโอล่าเลือกโทรหาผมแทนการวิดีโอคอล ผมก็เลยไม่เห็นสภาพเธอ และเราก็ไม่ได้คุยกันบ่อยเพราะเธอบ่นง่วงนอนตลอด เลยมักจะชอบหลับเป็นกิจวัตร อันนี้ก็เห็นว่าเป็นอาการหนึ่งของคนท้องว่าต้องพักผ่อนเยอะๆ สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงน้องสาว วิคเตอร์เลยขอบินไปอังกฤษแทนมาเมืองไทยกับผม เพื่อไปดูแลน้องที่จะคลอดตอนไหนไม่รู้ หมอบอกว่าเด็กพร้อมไหลออกมาได้ทุกเมื่อเลยจับเธอไปนอนโรงพยาบาล จะได้ดูแลกันอย่างใกล้ชิด ผมใจไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็แสดงออกว่าเข้มแข็งเพื่อให้เธอไม่จิตตก แต่ไวโอล่าเป็นพวกใจสู้ เป็นพวกมองโลกในแง่ดี เธอเลยสบายๆ แม้ว่าร่างกายเธอจะไม่สบายก็ตาม

 

 

“ฉันกลับไปทันเธอคลอดแน่นอน แต่ถ้าคลอดก่อนกำหนดไม่เป็นไรนะ ปล่อยให้เด็กไหลออกมาเลย”

 

 

[แมท ได้โปรด อย่าทำให้ฉันขำ] ผมกลั้นยิ้ม ไวโอล่านอนเกร็งหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองหัวเราะ วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ ยื่นมือซ้ายไปขยี้หัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู ไอ้ยักษ์เองก็ยังเจ็บอยู่แต่ก็ไม่ได้สาหัสจนใช้ชีวิตไม่ได้

 

 

“ห้ามลืมกินยาแก้อักเสบด้วยนะ” ไอ้ยักษ์พยักหน้าพลางยัดแซนด์วิชคำสุดท้ายเข้าปาก ผมหันไปมองไวโอล่า เธอยกยิ้มให้

 

 

[อย่าคิดอี๋อ๋อกับไอ้เด็กนั่นนะ ฉันจ้างไอ้ล่ามตามนายไว้แล้ว] วิคเตอร์ชี้หน้าขู่ผม สายตามองแบบข่มขู่เป็นการย้ำเตือน ผมเบะปากใส่เขา ออสตินบินไปอังกฤษด้วย ผมเลยมาไทยคนเดียว แต่ไอ้ยักษ์มันก็ไม่ปล่อยให้ผมใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปได้ง่ายๆ หรอก ลงทุนจ้างไอ้แชมป์มาตามเฝ้าผมในกองถ่ายที่ภูเก็ต เพราะกลัวผมเผลอใจไปกับเซบาสเตียนที่ตีเนียนตามมาไทยพร้อมกับลุงตัวเองด้วย

 

 

“ผมไม่เหมือนคุณหรอก” เงียบ… ไอ้ยักษ์ถึงกับหน้ามึนกว่าเดิมจากที่มึนเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว ผมเบ้ปากเยาะเย้ยเขานิดๆ

 

 

[วี คุยกับแมทมั้ย] แหม เกิดเป็นปลาไหลตอนไหนก็ไม่รู้ ไหลลื่นเชียว ไวโอล่ายิ้มขำและหยิบไอแพดจากมือวิคเตอร์ไปวางไว้บนอก

 

 

[ไม่ต้องห่วงนะแมท เจ้าแฝดตัวป่วนพร้อมเป็นหูเป็นตาให้]

 

 

[ไอ้แฝดผี!] วิคเตอร์ตะโกนเข้ามา ผมหัวเราะกับน้ำเสียงต่อต้านของเขา ที่เคยบอกว่าจะไม่เกลียดเด็กสองคนนี้ จะจริงมั้ยเนี่ย

 

 

“ไม่เป็นไรไวโอล่า ถ้าเขานอกลู่นอกทาง ตอนนี้ฉันก็มีทางอื่นให้ไปเหมือนกัน” ไอแพดหลุดลอยออกจากมือไวโอล่าแล้วหน้าถมึงทึงของวิคเตอร์ก็กลับมาเต็มจอ ผมทำลอยหน้าลอยตากลับไป ไอ้ยักษ์เบิกตากว้างมองผมดุๆ

 

 

[จะเล่นใช่มั้ย?] ผมทำตาโตแล้วยักไหล่ขึ้นช้าๆ พร้อมกับทำปากเป็ด หน้าวิคเตอร์หงุดหงิดงุ่นง่านมากที่จับผมไปฟาดก้นไม่ได้ ผมลอยหน้าลอยตาแกล้งให้เขาโมโหเล่นๆ เพราะยังไงตอนนี้เขาก็ทำอะไรผมไม่ได้

 

 

[ไอ้เอเลี่ยน!]

 

 

[พี่อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวแฝดตกใจ] วิคเตอร์ย่นคิ้ว หันไปมองน้องสาวตัวเองแล้วพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนหันกลับมาหาผม

 

 

[ห้ามนอกลู่นอกทางนะ] ผมมองเขาด้วยความหมั่นไส้ กับคนอื่นล่ะกำชับนัก ทีกับตัวเองปล่อยปะละเลย

 

 

“รู้แล้วน่ะ ผมไม่คิดเอาคุณเป็นเยี่ยงอย่างหรอก” วิคเตอร์ทำหน้าเซ็ง เขาวางไอแพดพิงกับขอบปลายเตียงแล้วยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัว

 

 

[พ๊อเถอะ เจบป๊วด] ผมหัวเราะเสียงดังอย่างลืมตัวก่อนรีบยกมืออุดปาก ไอ้ยักษ์พนมมือไว้ตรงอกแล้วมองผมตาใส สีหน้าอ้อนวอนตามที่พูด

 

 

“ดูแลไวโอล่าให้ดีนะ อย่าให้คลาดสายตาล่ะ”

 

 

[ขับพ๊ม!] วิคเตอร์ยกมือขวาตะเบ๊ะหนึ่งที ผมยิ้มกว้าง วิคเตอร์ยกไอแพดหันเข้าหาไวโอล่า เปลือกตาเธอกำลังปรือได้ที่ แต่พอเห็นว่าไอแพดหันมาทางตัวเองเธอก็เปิดเปลือกตาขึ้น

 

 

“หลับเถอะไวโอล่า พักผ่อนเยอะๆ” ไวโอล่ายิ้มเพลียและพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะปิดเปลือกตา วิคเตอร์หันไอแพดเข้าหาตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปทางระเบียงห้องพักของไวโอล่า เปิดประตูระเบียงออกมาคุยกับผมด้านนอก

 

 

[เสร็จงานแล้วบินมาอังกฤษล่ะ ไม่ใช่กลับไปนิวยอร์ก ไม่มีบ้านให้อยู่แล้วนะ] พูดแล้วก็ใจหาย บ้านวิคเตอร์ในนิวยอร์กประกาศขายไปแล้ว และขายได้เร็วมาก อาทิตย์เดียวมีคนวางมัดจำมาเลย เห็นว่าเซล่าไปเกริ่นๆ ไว้ในตลาดอสังหาริมทรัพย์มาพักนึง พอวิคเตอร์กับผมเคลียร์ของในบ้านเสร็จก่อนผมบินมาไทยก็เคาะวันประกาศขายที่แน่นอนเลย ตอนนี้ในบ้านไม่เหลือของที่เป็นของส่วนตัวของเราสองคนแล้ว ของเล่นในห้องมหาสนุกก็ถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ที่บ้านในแอลเอบางส่วน อีกบางส่วนก็ถูกนำไปขายต่อ เซล่าถึงกับตกใจที่รู้ว่าวิคเตอร์มีของพวกนี้ด้วย

 

 

“รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันเนอะ” มันแปลกจริงๆ นะ จากที่ต้องบินไปกลับนิวยอร์กกับไทย ตอนนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางใหม่ ช่วงนี้นิวยอร์กกำลังสวยเลย สีสันดอกไม้จับใจมาก แต่บ้านเราที่อังกฤษก็สวยไม่แพ้กัน วิคเตอร์ถ่ายรูปส่งมาให้ดูเรื่อยๆ เพราะเขาไปดูแลเรื่องการปรับปรุงบ้าน ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วแหละ เหลือแค่เก็บรายละเอียดบางส่วน อีกสามวันผมก็จบงานหนังของอเล็กซ์แล้ว อยู่ไทยกับพ่อกับแม่อีกอาทิตย์ก็บินกลับ ใกล้กับไวโอล่าคลอดพอดี วิคเตอร์จะเปิดบ้านรับเจ้าแฝดตัวป่วน แต่ปัญหาที่ป่วนกว่าเจ้าแฝดคือพ่อวิคเตอร์

 

 

“พ่อคุณจะยอมปล่อยให้ไวโอล่ากับเด็กๆ ไปอยู่กับเราจริงเหรอ เขาก็ดูแลไวโอล่ามานะ” คุณลุคประกาศชัดแล้วว่าเขาจะเลี้ยงลูกกับหลานเอง แต่วิคเตอร์ก็ไม่ยอม ตอนนี้ศึกชิงเจ้าแฝดเริ่มมาคุในบ้านเรย์มอนด์

 

 

[พ่อก็ไม่เคยยอมอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่ปัญหาใหญ่] วิคเตอร์พูดชิลๆ พลางนั่งลงบนเก้าอี้ริมระเบียงของห้องพักไวโอล่าในโรงพยาบาล

 

 

“แล้วถ้าเกิดเราเอาไวโอล่ากับเจ้าแฝดมาอยู่ด้วย พ่อคุณจะไม่เหงาเหรอวิคเตอร์” วิคเตอร์เงียบ เขามองผมนิ่งไปเกือบนาทีได้ก่อนจะเปิดปากพูด

 

 

[ถ้าเขาเหงาก็ให้เขามาหาเราที่บ้าน ใช่ว่าเขาไม่เคยอยู่คนเดียว] ผมไม่ได้คิดจะเป็นกาวใจระหว่างสองพ่อลูก แต่นึกถึงตามความเป็นจริง คุณลุคก็อายุเยอะแล้ว บ้านก็ใช่ว่าหลังเล็ก แกคงอยากมีเด็กไปวิ่งเล่นรอบบ้าน ผมไม่รู้ว่าเขาขี้เหงาหรือเปล่า ผมแค่ลองเดาดู

 

 

“ระวังอย่าให้น้ำเข้าแผลนะ”

 

 

[ตั้งแต่นายไม่อยู่ฉันก็อาบน้ำลำบากมากเลย…] ผมยิ้มเบ้ปากกับการเริ่มอ้อนของเขา

 

 

[…ทำอะไรก็ไม่ค่อยถนัด ใจก็ห่อเหี่ยว]

 

 

“โอ๊ย” ผมพยายามกลั้นยิ้มจนจมูกบาน วิคเตอร์มีการแกล้งทำไอค่อกแค่กเบาๆ

 

 

[กลับมาเลยไม่ได้เหรอ ไม่ต้องไปอยู่กับตาแก่นั่นหรอก]

 

 

“วิคเตอร์ ให้ผมได้เจอหน้าพ่อกับแม่บ้าง” วิคเตอร์ขมวดคิ้วสีหน้าขัดใจ

 

 

[ตอนต้นปีก็เจอไปแล้วไง]

 

 

“จะให้เจอแค่นั้นเรอะ”

 

 

[อือ] ผมย่นจมูกกับความหน้ามึนของเขา สายตามองผ้าพันแผลที่แขนเขาแล้วก็นึกถึงที่ออสตินว่า

 

 

“ออสตินจะคอนเฟิร์มอาทิตย์หน้าใช่มั้ยว่าใครเป็นคนทำ” วิคเตอร์พยักหน้า

 

 

[แต่ไม่ใช่ไอ้ฌอณหรือพวกมันแน่นอน] อันนี้ผมก็เห็นด้วย จากการที่สาระแนไปสืบมาเอง แค่ประคองอารมณ์ตัวเองผมว่าก็ยากสำหรับฌอณแล้วละตอนนี้

 

 

“เดี๋ยวผมไปทำงานก่อนนะ…” วิคเตอร์หน้าบูด ผมจิ๊ปาก วิคเตอร์มองบน ตั้งแต่โดนยิงดูเพี้ยนไปเยอะ

 

 

“…จบงานนี้ผมก็ไม่ได้ทำงานไหนต่อแล้วน่า” ไอ้ยักษ์ยิ้มกริ่ม หน้าตาพออกพอใจ ผมมองด้วยความหมั่นไส้ ช่วงนี้ไม่ดื้อมาก ว่านอนสอนง่ายเพราะความผิดยังติดตัวอยู่ แต่จริงๆ ผมไม่ได้โฟกัสตรงนั้นแล้วละ แต่แกล้งทำเป็นว่ายังจำอยู่ เอาไว้ข่มไอ้ยักษ์เวลามันดื้อ

 

 

[ถ้าทำอะไรไม่ดี ไอ้ล่ามจะรายงานฉันทันทีนะ] แน่ะ มีการขู่ อยากรู้จริงเชียวว่าไอ้แชมป์มันได้ค่าจ้างเท่าไหร่ถึงยอมทิ้งหอพักของมันมาตามเฝ้าผมแทนผัวผมเนี่ย คงเยอะน่าดูสินะ ไม่งั้นมันไม่มาหรอก เที่ยวก็ได้เที่ยวแถมไม่เสียเงินเลยสักบาท

 

 

“คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ อยู่ใกล้ถ่านไฟเก่าก็อย่าให้มันติดไฟขึ้นมาอีกล่ะ” ผมจิกตาใส่เขา วิคเตอร์ขมวดคิ้ว

 

 

[ฉันยังไม่ได้เจอลิซ่าเลยเหอะ]

 

 

“แหม คิดว่าเธอจะปล่อยให้คุณอยู่บ้านเปล่าเปลี่ยวงั้นเหรอ เดี๋ยวก็แวะมาเยี่ยมจนได้นั่นแหละ” ถึงแม้หลังจากที่ไปบ้านวิคเตอร์คราวนั้นเธอจะเงียบหายไปจากชีวิตเราเลย จนผมนึกสงสัยว่าเธอหายไปไหน แต่ไวโอล่าเม้าท์ว่าคงกำลังแฮปปี้กับเด็กหนุ่มคนใหม่อยู่ สเป๊กนางก็ชัดเจนดีนะ ชอบคนอายุน้อยกว่า ตัวนางเองก็แซ่บ พวกผู้ชายที่ชอบสาวอายุมากกว่าก็คงหลงนางได้ไม่ยาก แต่ถึงนางจะเงียบหายไปจากวิคเตอร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอลืมวิคเตอร์แล้วสักหน่อย ดีไม่ดีเดี๋ยวก็มาอ่อยถึงบ้าน

 

 

“แค่นี้แล้วจริงๆ นะ ผมจะไปทำงานแล้ว” วิคเตอร์ทำหน้าเซ็งๆ บางทีผมก็คิดนะว่าเขาจะติดผมอะไรขนาดนั้น มันก็ดีแหละ แต่เวลาแง๊วๆ งอแงอยากอยู่ด้วยกันมันไม่เข้ากับลุคซ์เถื่อนๆ ของเขาตอนนี้เลย

 

 

[เสร็จแล้วโทรหาฉันด้วย] ผมยกมือขึ้นว่าโอเค วิคเตอร์โบกมือบ๊ายบายแล้วกดปิดหน้าจอไป ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้พลาสติกที่นั่งอยู่ตรงบนชายหาด มองซ้ายมองขวาสักแปบก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่หน้าเซ็ท ยืนมองนักแสดงกำลังซักซ้อมคิวไปแบบเรื่อยเปื่อย

 

 

“เฮ้”

 

 

“อุ๊ย!” ผมสะดุ้งตกใจพร้อมกับหันไปมองเซบาสเตียนที่อยู่ในชุดเสื้อสีฟ้าลายดอกสีขาว บนดั้งมีแว่นดำทรงสี่เหลี่ยมปกปิดดวงตาจากแสงแดดในยามบ่าย

 

 

“ฉันนั่งรอนายคุยกับแฟนตั้งนาน”

 

 

“แล้วฉันบอกให้นายนั่งรอเหรอ” มาป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่นี่แหละ ผมจะไล่เขาแรงๆ ก็ไม่ได้ เกรงใจคุณเคย์เดนที่มาด้วย คุณเคย์เดนมาเรื่องธุรกิจของตัวเอง ส่วนไอ้หลานตัวดีตีเนียนว่ามาทำงานกับลุง แต่ผมไม่เห็นมันอยู่กับลุงตัวเองเลยเถอะ มาอยู่แต่กับผม นี่ถ้าออสตินมาด้วยผมคงโดนวิคเตอร์ด่าไม่หยุด ไอ้แชมป์มันยังดีที่เข้าใจว่าผมไม่ได้เป็นคนเข้าหา มันเลยช่วยพูดกับวิคเตอร์ให้

 

 

“เลิกกองแล้วฉันจะชวนไปกินข้าว” ผมส่ายหัว ไม่ได้นึกรำคาญเขานะ เซบาสเตียนเป็นเด็กกวนๆ ช่างตื้อแล้วดื้อหน่อยๆ แต่เขาไม่มีออร่าของความน่ารำคาญ แต่ให้ตามใจตามที่เขาขอมาผมก็ไม่

 

 

“ฉันจะกินข้าวกับทีมงาน ถ้าอยากจะกินด้วยกันก็กินของกองถ่าย” ก็ไม่อยากใจร้ายใส่ เพราะที่ได้มาถ่ายทำกันเนี่ยก็เพราะเขาช่วยส่วนนึงด้วยนั่นแหละ

 

 

“โอเค ก็ได้” เขาบิดปากเล็กน้อย ก็ยังดีที่ว่านอนสอนง่าย ผมไม่ได้มีความคิดอะไรกับเขามากไปกว่าน้องชาย ตอนนี้ก็เหมือนกับเอ็นดู วิคเตอร์ก็รู้แล้วว่ามีคนมาเต๊าะ แต่ครั้งนี้เขาไม่อาละวาด ด้วยเพราะเขายังมีความผิดและผมก็แสดงออกแบบเหนื่อยใจมากพอที่จะให้เขารู้ว่าเขาควรไว้ใจผม แต่ก็สไตล์ไอ้ยักษ์อะ ยอมแบบไม่อยากยอม ลองตัวเขาไม่ได้ทำอะไรผิดก่อนหน้านี้สิ ไม่ง่ายแบบนี้หรอก

 

 

“ไปเที่ยวในเมืองกันมั้ย”

 

 

“ไม่ไป”

 

 

“ทำไมไม่ไป”

 

 

“ก็ไม่อยากไป”

 

 

“แล้วทำไงถึงจะอยากไป”

 

 

“ไม่ต้องทำอะไร อยากไปเดี๋ยวไปเอง” เซบาสเตียนหน้านิ่งก่อนจะแลบลิ้นหนึ่งทีเร็วๆ เขามองผมโดยที่ผมไม่รู้ว่าใช้สายตาแบบไหนเพราะแว่นมันบังตาเขาอยู่

 

 

“เอาใจยากจัง”

 

 

“ก็ไม่ต้องทำสิ” เซบาสเตียนยักไหล่สองข้างหนึ่งทีแล้วยกสองแขนกอดอกเอาไว้ หน้าเซ็ทดำเนินงานกันต่อไปตามคำสั่งของอเล็กซ์

 

 

“เสร็จงานแล้วนายกลับนิวยอร์กเลยรึเปล่า” ผมส่ายหน้าช้าๆ

 

 

“ฉันไม่กลับไปแล้ว” ไอ้เด็กช่างตื๊อชะงักกึกและขมวดคิ้ว ตอนนี้คงมองผมด้วยความงุนงงผ่านแว่นกันแดดสีดำอยู่

 

 

“หมายความว่าไงไม่กลับไปแล้ว” ผมเบิกเปลือกตากว้างพร้อมกับเอียงหัวไปด้านขวาหนึ่งทีก่อนตอบคำถามของเขา

 

 

“ฉันขายบ้านหลังนั้นไปแล้วน่ะสิ” เซบาสเตียนอ้าปากหวอแล้วถอดแว่นออกมองผมด้วยความตะลึง ผมพยักหน้าเป็นเชิงยืนยันคำตอบของตัวเอง

 

 

“ล้อเล่นรึเปล่า อาทิตย์ก่อนฉันเพิ่งเจอนายหน้าบ้านเองนะ”

 

 

“ไม่ล้อเล่น ขายแล้วจริงๆ”

 

 

“แล้วนายจะไปอยู่ไหน…” ผมทำตาปรือด้วยความรู้สึกเอือมเล็กๆ นี่เขาโดนเจ้าหนูจำไมเข้าสิงร่างรึเปล่าเนี่ย

 

 

“…กลับไปอยู่อังกฤษกับวิคเตอร์สินะ” ผมทำตาโต มองเซบาสเตียนด้วยความประหลาดใจ เขาชะงักไปนิดหนึ่งแต่ก็กลับมาทำหน้ากวนเหมือนเดิม

 

 

“รู้ได้ไง?”

 

 

“กูเกิ้ลก็มีประวัติแฟนนาย เป็นคนอังกฤษนี่ แต่มาอยู่นิวยอร์กเพราะต้องทำงาน” ผมยิ่งรู้สึกประหลาดใจเข้าไปอีก

 

 

“นายกูเกิ้ลประวัติแฟนฉันเนี่ยนะ คิดอะไรกับวิคเตอร์รึเปล่าเนี่ย”

 

 

“กับวิคเตอร์ไม่คิด แต่กับนายฉันคิด” เอาล่ะ นับตั้งแต่ทำท่ามาเต๊าะมาแต๊ะผม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดออกมาตรงๆ ว่าเขาคิดอะไรกับผมจริงๆ ผมมองใบหน้าจริงจังของเซบาสเตียนแล้วก็กระตุกยิ้มก่อนจะมองบนหนึ่งที

 

 

“ฉันห้ามความคิดนายไม่ได้ แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนาย” เซบาสเตียนพ่นลมหายใจ ผมเลยพ่นบ้าง เอาให้รู้ว่าตูก็เหนื่อยแทน ผมยิ้มแบบไม่เห็นฟันสั้นๆ แล้วยักคิ้วสองข้างหนึ่งที เซบาสเตียนทำปากยื่นเหมือนเด็กโดนขัดใจ เขาก็เหมือนเด็กที่อยากได้ของเล่นนั่นแหละ เพียงแต่ของเล่นชิ้นนี้ไม่ยอมเล่นด้วย

 

 

“ถ้าฉันข่มขืนนาย จะเปลี่ยนความคิดนายได้มั้ย” ผมถลึงตามองเขา หันซ้ายหันขวาหาอะไรสักอย่างที่มันถนัดมือ แต่ก็ไม่เจออะไร ผมรีบหันกลับมาแล้วยกมือขวาตีเข้ากลางหัวเขาดังตุบ หาของมาฟาดเขาไม่เจอสักที แต่ก็กลัวอารมณ์อยากตีเขาจะหายไปเลยใช้มือตัวเองนี่แหละ

 

 

“โอ๊ย!”

 

 

“เดี๋ยวเจอยิงไม่รู้ตัวหรอก” เป็นครั้งแรกเลยที่ผมอยากให้ออสตินอยู่ที่นี่และยกปืนขึ้นมาขู่คน เซบาสเตียนมุ่ยหน้ายกมือขวาลูบหัวป้อยๆ

 

 

“งั้นนายก็ยอมฉันสิ ฉันจะได้ไม่ต้องข่มขืนนาย” เอ๊?! ไอ้เด็กคนนี้ มันเป็นคนยังไงวะ ผมมองเขาด้วยความหงุดหงิด ก็พอดีกับที่อเล็กซ์ตะโกนสั่งคัทและเตรียมฉากถัดไป ผมเลยเลือกจะเดินหนีหายเข้าไปกลางฝูงชน ไปช่วยคนอื่นทำงานหน้ากอง ดีกว่ามายืนให้ไอ้เด็กผีมองหน้าทำท่าจะข่มขืนผมจริงๆ

 




เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               อู้วววๆ เอเลี่ยนจะโดนปล้ำค้า ช่วยด้วย ช่วยด้วยยย ใครจะโดนปล้ำ เดี๋ยวก่อน แมทหรือเจ้ หรือเจ้อยากโดนเซบาสเตียนข่มขืน ไหนพูด

               โดนอีแมทโบกหัวไปซะพ่อรูปหล่อ เดี๋ยวโดน (ผัว) อีแมทล่านะคะ ยิ่งกว่ามธุสรอีกนะงานนี้

               เอเนี่เวย์ มีการพูดคุยถึงน้องแฝด กรุบๆ จุบๆ มาก น้องจะมาแล้วเหรอ ว้ายตายล้าว อียักษ์ตั้งตนเป็นปรปักษ์เรียบร้อย 555555

               หลังจากนี้ใครกลัวดราม่า ค่อนข้างจะแน่ใจว่าไม่มีแล้วนะคะ เอ๊ะ นี่นิยายฉันรึเปล่า ทำไมพูดจาเหมือนไม่แน่ใจ

               อย่างไรก็ตาม คีพรีดดิ้งกันต่อไป คิๆ ใครที่ยังก้าวไปพร้อมกัน สัญญาว่าจะได้เจอฟ้าหลังฝนอันสดใสอย่างมากมายยย

               ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นนะค้า ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจที่ดีจริงๆ ค่ะ

               ใครตามพี่แซ็คอยู่ พรุ่งนี้อัปต่อแล้วนะ กรี๊ดดดดๆ

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโดพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 50% :21.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-02-2018 21:00:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 50% :21.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-02-2018 21:02:23
เตอร์ อ้อนแมทมาก  มีความผิดติดตัวอยู่ด้วย

ขำเตอร์ พูดไทย ไม่ลืมด้วยน่ารัก  :mew1:

น่าสงสารวี  แมทได้เลี้ยงแฝดแน่ :z3:

เซบาสเตียน ติดแมทมากจริงๆ เพราะอยากเอาชนะด้วยซินะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 50% :21.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 21-02-2018 21:14:55
ชอบความรุนแรงเหมือนกันใช่ไหมเซป! ฟาดเข้าไปแมท ไม่ก็จับให้แชมป์ไปเลย 55555555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 50% :21.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 21-02-2018 21:22:58
 :-[ :-[ อิเตอร์พูดไทยทีไร รู้สึกตกหลุมรักทุกที น่ารักมากกก ช่วงนี้โวยวายอะไรไม่ได้เลยมีความผิดติดตัว //ต่อไปนี้งานหลักของแมทคือพี่เลี้ยงเด็ก งานรองคืองานกองถ่ายแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 50% :21.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-02-2018 21:34:43
ชอบเวลาเตอร์งอแงอ้อนแมท มันคงตลกปนน่ารักอ่ะ 555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 50% :21.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-02-2018 02:34:27
เรื่องข่มปัวนี่ แมทถนัดนักแล  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 50% :21.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 22-02-2018 03:00:26
แมทสวยมาก เลยมีผู้ชายมาติดเยอะแยะ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 24-02-2018 01:07:57


Yours and Mine EP.21 [100%]



เราเลิกกองกันตอนสองทุ่ม แล้วก็มานั่งกินข้าวกันริมหาดหน้ารีสอร์ทที่เราพัก เป็นอาหารที่แม่ครัวคนไทยทำให้ พวกโปรดัคชั่นฝั่งไทยหามาให้ ฝรั่งมังค่าถูกอกใจกันมาก ก็มีบางคนที่กินเผ็ดไม่ได้ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะแม่ครัวเราแทบจะเอวี่ติงชีแคนดูมาก รีเควสอะไรไป จัดให้ได้ตลอด แต่ก็มีบางวันที่เหล่าฝรั่งนึกหิวเบอร์เกอร์ พิซซ่า ก็ให้ผู้ช่วยกองถ่ายฝั่งไทยไปซื้อให้ โชคดีว่าภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวเลยไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาอาหารแบบนี้

 

 

“แชมป์ แล้วน้องอาราเล่ไปไหนแล้วละ” ผมถามไอ้แชมป์ที่กำลังจิ้มกุ้งเผาเข้าปากราวกับตายอดตายยากมาจากไหน

 

 

“นอน มันไม่หิว แต่เดี๋ยวกูต้องแบกขึ้นไปให้มันอีกเนี่ย แม่ง” ผมกะพริบตาปริบๆ มองไอตี๋ คือเห็นมึงบ่นตลอด แต่มึงก็ทำให้น้องเขาแทบทุกอย่างที่เขาบอก

 

 

“แล้วน้องเขาไม่เรียนเหรอวะ” ไอ้แชมป์สั่นหัว พลางดูดนิ้วโป้งดังจ๊วบๆ

 

 

“มันโดดมาเฝ้ากูที่มาเฝ้ามึง” ผมยิ้มขำ ไอ้แชมป์เบ้ปากเล็กน้อย แต่ท่าทางมันก็เขินอยู่นะ

 

 

“แล้วมึงยังไงกะน้องเขา” ไอ้แชมป์ตักข้าวผัดปูเข้าปากแล้วเคี้ยวงับๆ อีนี่กินเก่งมาก แต่มันไม่เห็นอวบง่ายแบบผมมั่ง

 

 

“ก็อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ” ผมหัวเราะคิก ไอ้แชมป์กลอกตานิดหน่อย ผมไม่ได้แปลกใจอะไรกับการที่คนใสซื่อ แต่มากหญิงอย่างมันจะมามีแฟนเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง น้องเขาก็น่ารักนะ เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาแบ๊วๆ เลยอะ เหมือนพวกตุ๊กตากระเบื้องอะไรแบบนั้น ใส่แว่นกลมๆ โตๆ จนผมเรียกน้องเขาว่าอาราเล่ เห็นว่าน้องชอบไอ้แชมป์ก่อน แล้วก็ตามตะครุบไอ้แชมป์เช้าเย็น

 

 

“แล้วป๊ามึงรู้ยังเนี่ย” ไอ้แชมป์ทำหน้าขยาดแล้วสั่นหัวรัวๆ

 

 

“รู้ก็พิการดิ กูไม่รู้จะพูดกับป๊ายังไงเลยว่ะ…” ไอ้แชมป์หยุดขยับปากแล้วถอนหายใจเบาๆ

 

 

“…ไหนจะที่น้องมันเป็นลูกเพื่อนป๊า แล้วยังเป็นผู้ชายอีก ป๊ากูอยากอุ้มหลานจะตายห่า” ผมมองมันด้วยความเห็นใจ ประเด็นนี้กับความรักของชายรักชายมันเปราะบางมาก และใช่ว่าครอบครัวของทุกคนจะก้าวข้ามผ่านจุดนี้ไปได้ ยิ่งครอบครัวไอ้แชมป์เป็นคนจีนที่หวังกับลูกชายคนเดียวมากแบบนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย

 

 

“แต่มึงจะเก็บน้องเขาไว้เงียบๆ แบบนี้ไม่ได้นะ” ไอ้แชมป์พยักหน้า

 

 

“กูรู้ กูคุยกันแล้วละ โชคดีที่มันเข้าใจ” ผมยิ้มให้กำลังใจมัน ไอ้แชมป์ยักคิ้วหนึ่งทีแล้วกินต่อ ผมเห็นว่าอาหารผมจะหมดแล้วเลยลุกเดินไปตักใส่จานเพิ่มตรงโต๊ะยาวที่วางอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ไว้

 

 

“หลังจากจบงานนี้ คิดว่าจะทำอะไรต่อล่ะ” ผมหันควับไปมองด้วยความตกใจเบาๆ อเล็กซ์กำลังยืนตักอาหารใส่จานตัวเอง ผมกระตุกยิ้มเกร็ง คือเราสองคนใช่ว่าจะคุยกันบ่อยนะ ส่วนใหญ่คุยกันเรื่องงาน นอกงานนานๆ ทีมาก ผมคุยกับเจสันมากกว่าเขาอีกทั้งที่ตำแหน่งผมควรปฏิสัมพันธ์กับเขามากที่สุด

 

 

“เอ่อ ก็กลับไปอยู่อังกฤษครับ” ผมว่าพลางตักยำปลาหมึกใส่ริมๆ จานเพราะอาหารในจานล้นมากแล้ว

 

 

“งั้นเหรอ ฉันว่าจะชวนเธอทำโปรเจ็คต์ต่อไปสักหน่อย” ผมหันไปมองด้วยความรู้สึกตื่นเต้น มองเขาอย่างสงสัย อเล็กซ์มองตอบกลับมานิ่ง แล้วยิ้มมุมปากอ่อนๆ หัวใจผมเต้นตึกๆ รู้สึกลิงโลดที่โอกาสใหม่จะมาหาถึงที่

 

 

“ไปนั่งคุยหน่อยมั้ย” ผมพยักหน้า ถือจานอาหารเดินตามเขาไปตรงโต๊ะว่างที่อยู่ห่างจากโต๊ะอื่นมาหลายก้าว แต่ก็ไม่ได้เปล่าเปลี่ยวเอกาอะไร เพราะมีทีมงานกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นทะเลยามดึกกันอยู่

 

 

“ฉันจะมีโปรเจ็คต์ใหม่กลางปีหน้า แต่คงต้องเตรียมงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ…” ผมมองหน้าเขาด้วยความตื่นเต้น มือขวาเลื่อนไปจิ้มปลาหมึกเข้าปากแล้วเคี้ยวแบบล่องลอย อเล็กซ์ยกแก้วน้ำอัดลมของตัวเองขึ้นดื่มหนึ่งอึกก่อนจะว่าต่อ

 

 

“...เธออยากทำด้วยรึเปล่า” ผมเม้มปาก ความคิดตีกันมันส์หยดในหัวหลังจากคำเชิญชวนของเขา

 

 

“คุณนึกยังไงมาชวนผม”

 

 

“ก็แค่คิดว่าเธอทำงานดี ฉันเลยอยากชวนเธอไปเป็นผู้ช่วยฉัน” ผมอ้าปากค้าง หัวใจเต้นโครมครามราวกับถูกเขาบอกรักหลังจากแอบรักเขามานานแสนนาน มันก็คือความรักเหมือนกัน แต่มันเป็นความรักในความฝันที่มันใกล้เข้าไปทุกที ผมมองอเล็กซ์ราวกับต้องการหาคำตอบว่าเขาล้อเล่นหรือไม่ และเหมือนเขาจะรู้เขาเลยพยักหน้าหนึ่งครั้งเป็นการยืนยัน

 

 

“เอิ่ม…” ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยายามห้ามหัวใจที่เต้นตุบๆ จนจะทะลุอกออกมา

 

 

“...เอ่อ” แต่ผมก็ยังหาคำพูดที่อยากจะพูดออกไปไม่ได้ มันตื่นเต้น มันดีใจจนนึกว่าตัวเองเสพยาขนาดหนักแล้วทำให้คึก

 

 

“และถ้าเธอทำได้ดี งานชิ้นต่อไป ฉันจะช่วยผลักดันให้เธอได้เป็นในสิ่งที่เธอต้องการ” ผู้กำกับ…

 

 

ผมอ้าปากค้าง น้ำตารื้นที่ขอบตาด้วยความดีใจและปลื้มใจ มันเหนือฝันของผมไปอีก มันใกล้เข้ามาแบบมากๆ แบบที่เรียกได้ว่าเขามาประเคนให้ถึงที่ โดยที่ผมไม่ต้องเหนื่อยดิ้นรนอะไรหลายขั้นหลายตอนเลย

 

 

“คุณพูดจริงๆ เหรอ” ผมถามย้ำอีก อเล็กซ์กระตุกยิ้มมุมปาก

 

 

“ฉันไม่ชวนเธอมานั่งคุยกันสองคนเป็นการส่วนตัวแบบนี้เพื่อพูดเล่นหรอกนะ” ผมยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอ ความฝันที่ผมรอจะให้เป็นจริงมันใกล้ซะยิ่งกว่าใกล้ มันไม่ต้องเดินทางไกลไปมากกว่าที่ผมคิดอีกแล้ว หัวใจผมเบ่งบานกับการเชิญชวนนี้ ผมคลี่ยิ้มอ่อน หัวใจเต้นตุบๆ

 

 

มันเร้าใจผมให้เต้นหนักและลิงโลดเหลือเกิน จากที่ผมเคยคิดว่าต้องดิ้นรนจนกว่าจะได้มา แต่ตอนนี้โอกาสนั้นมาวางอยู่ตรงหน้าแบบง่ายๆ มันช่างยั่วยวนใจจริงๆ

 

 

“ผมดีใจมากนะครับที่คุณคิดจะให้โอกาสนั้นกับผม…” น้ำตาผมหยดลงบนแก้มข้างละหยด ผมหัวเราะเบาๆ แล้วเช็ดน้ำตาออกก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วพ่นออกมายาวๆ

 

 

พร้อมกับตัดใจเจ็บ

 

 

“…แต่ผมจะเลิกเดินตามทางแห่งความฝันนี้แล้ว” อเล็กซ์ไม่ได้มีทีท่าประหลาดใจอะไร เขาแค่มองหน้าผมนิ่ง

 

 

“ทำไมล่ะ เกิดท้อขึ้นมาเหรอ” ผมยิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหัวเบาๆ

 

 

“ผมอยากอยู่กับคนที่ผมรัก…” หน้าวิคเตอร์ลอยเข้ามา ผมกระตุกยิ้ม

 

 

“…ถ้าผมเลือกทางนี้ ผมต้องทิ้งเขาไว้คนเดียวอีกแน่ๆ และผมไม่อยากทำแบบนั้น เพราะผมไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ด้วยกันอีกนานแค่ไหน” ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่เขาถูกยิงและยังไม่รู้ตัวคนยิงที่ชัดเจน ผมก็ระแวงและกลัวว่าจะเสียเขาไปโดยที่ไม่ใส่ใจเขา

 

 

“นายพูดอย่างกับปลงชีวิตแล้ว” ผมหัวเราะเบาๆ

 

 

“ยังหรอกครับ ผมแค่เกิดขี้ขลาดขึ้นมา กลัวว่าตัวเองจะต้องเป็นหม้าย เขายังไม่ทันทำพินัยกรรมไว้ให้ผมเลย” อเล็กซ์ขำในลำคอเบาๆ

 

 

“เป็นอันว่านายจะละทิ้งฝัน” ผมเม้มปาก มองสายตานิ่งสงบของอเล็กซ์ด้วยความลังเลใจ มันคือครึ่งต่อครึ่งในใจผมตอนนี้เลยที่ทั้งอยากปฏิเสธและรับไว้ แต่สุดท้ายผมก็พ่นลมหายใจเบาๆ

 

 

“ผมไม่อยากทิ้งเขาไว้ข้างหลังอีกแล้ว”

 

 

“นายก็เดินไปพร้อมกับเขา และทำความฝันนายไปได้ด้วยนี่” ผมยิ้มอ่อนแล้วสั่นหัวเบาๆ

 

 

“คนอื่นอาจจะทำได้ แต่ผมทำไม่ได้ ผมเลยขอเลือกโฟกัสอย่างใดอย่างนึงดีกว่า”

 

 

“นายเลยเลือกโฟกัสความรักมากกว่าความฝัน?”

 

 

“ในความรักนั้นก็มีความฝันของเราอยู่ด้วยกัน ไม่เหมือนฝันนี้ที่เป็นของผมแค่คนเดียว” อเล็กซ์มองผมนิ่งสักพัก ผมมองเขากลับไปแบบไม่หลบสายตา ไม่ได้จะท้าทาย แต่ผมลืมเลื่อนสายตาหนีเขา ผ่านไปนาทีนึงได้มั้งเขาก็ยิ้มบาง

 

 

“วันแรกที่เราเจอกัน เธอบอกว่าอยากเป็นเหมือนฉัน…” ผมยิ้มน้อยๆ อเล็กซ์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหนึ่งอึกแล้วว่าต่อ

 

 

“…ตอนนั้นฉันคิดว่า ไอ้เด็กคนนี้มันรู้เหรอว่าการเป็นเหมือนฉันมันเป็นยังไง พอเธอเข้ามาทำงาน และฉันเห็นว่าความรักเธอเริ่มระส่ำ ฉันนึกแช่งให้มันพัง แต่สุดท้ายเธอก็ประคองมันจนรอด” ผมรู้สึกอึ้งไปนิดกับสิ่งที่เขาคิด การที่อยากให้ความรักผมพัง คือเกลียดกันมาจากไหนเหรอ

 

 

“เอ่อ เกลียดผมขนาดนั้นเลยเหรอ” อเล็กซ์หัวเราะ

 

 

“เปล่า หมั่นไส้ หมั่นไส้ที่เธอพยายามทำทั้งสองอย่างไปให้รอด ทั้งที่จริงเธอทำไม่ได้หรอก เธอเป็นคนสนุกสนานกับชีวิตนะแมท เธอไม่เหมาะกับความเคร่งเครียดแบบนี้ เธออาจจะมองว่าอาชีพนี้มันง่าย แต่เปล่าเลย” ผมคิดตามที่เขาพูดสักแปบก่อนจะเปิดปากลองถามดู

 

 

“คุณเลยเลือกจะทิ้งครอบครัว… เอ่อ…” ผมยิ้มแห้ง อเล็กซ์ยิ้มมุมปากนิดหน่อย

 

 

“ใช่ เพราะฉันอยู่ตรงไหน ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ แต่เธอไม่ เธอมีสองคาแรคเตอร์ตอนนอกงานกับในงาน แต่เธอมักเอาคาแรคเตอร์ในงานไปปนกับคาแรคเตอร์นอกงาน ซึ่งมันไม่เวิร์ค”

 

 

“ก็คงจะจริง”

 

 

“ฉันต้องขอชมนะที่นายเลือกความสุขของคู่ชีวิตมากกว่าความสุขตัวเอง”

 

 

“เพราะผมรักเขา ไม่รู้ว่ามากรึเปล่า แต่ตอนที่เขาโดนยิง ตอนนั้นผมรู้ซึ้งเลยว่าความทรมานใจมันเป็นยังไง นาทีชีวิตที่เขาจะอยู่หรือไป แต่ผมกลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น…” ร่างกายผมเย็นชั่ววูบ

 

 

“…ผมเกือบเสียเขาไปโดยไม่ได้คุยกันสักคำ”

 

 

“สุดท้ายนายก็ไม่เหมือนฉัน แล้วไม่ต้องไปอยากเหมือนใครอีกล่ะ” ผมยิ้ม อเล็กซ์ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือมาตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบริเวณนั่งกินข้าว ผมนั่งพิจารณาความรู้สึกตัวเองสักพักว่ามันกำลังรู้สึกอย่างไร มันเสียดาย เสียดายมาก แต่ผมไม่เสียใจที่ปฏิเสธไป เพราะผมจะเสียใจกว่านี้ถ้าผมตอบรับมัน

 

 

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาวิคเตอร์ แต่ว่าเขาไม่รับสาย ผมเลยกดวางและลุกขึ้นยืน ถือจานอาหารตัวเองกลับเข้าไปที่นั่งที่เดิมของตัวเองที่ไอ้แชมป์ยังนั่งกินไม่หยุด

 

 

“ไปไหนมา”

 

 

“คุยกับผู้กำกับ…” ไอ้แชมป์ทำหน้าว่าอ๋อก่อนจะกินต่อ

 

 

“…หมดจานนี้กูว่าจะกลับห้องละ มึงยังไง”

 

 

“เออๆ หมดจานนี้ก็ไปละ” ผมพยักหน้า โทรศัพท์สั่นอยู่ในมือ ผมก้มหน้ามองเห็นเป็นข้อความจากไวโอล่าในวอทสแอพ เธอส่งรูปวิคเตอร์กำลังนอนอยู่บนโซฟา สภาพผมเพ้ายุ่งเหยิง ผมเลยเก็ทว่าทำไมเขาถึงไม่รับสาย สักพักไวโอล่าก็ถ่ายคลิปหน้าท้องเธอที่กำลังเต้นตุบๆ เหมือนถูกดัน หัวใจผมเต้นตุบๆ ด้วยความดีใจ ด้วยความรู้สึกดี อีกไม่กี่วันก็จะได้เจอเจ้าแฝดตัวป่วนแล้ว ขนาดอยู่ในท้องยังฉายแววดื้อแววซน ผมว่ามาชนกับวิคเตอร์สนุกแน่

 

 

“ป่ะมึง กูอิ่มละ” ผมเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ มองไอ้แชมป์ด้วยความทึ่ง มันทำหน้างงแต่ก็พยักหน้า

 

 

“มึงกินหมดแล้ว?” เมื่อกี้ที่เห็นคือครึ่งจานใหญ่ๆ เลยนะ ไอ้แชมป์พยักหน้าเงอะเงอะหน้าตางุนงง

 

 

“เออดิ ไม่หมดกูจะชวนมึงกลับเรอะ”

 

 

“มึงกินหรือมึงสูบเนี่ย” ไอ้แชมป์ยักไหล่สองข้าง ทำหน้าชิล ผมตักข้าวผัดเข้าปากอีกคำและตามด้วยปลาหมึกอีกชิ้นก่อนจะลุกขึ้นพร้อมไอ้แชมป์ มันถือจานอาหารอีกจานที่ซีนพลาสติกมาด้วย เอาไปให้น้องอาราเล่นั่นแหละ

 

 

ผมสองคนเดินขึ้นชั้นสามของโรงแรม ห้องเราอยู่ติดกัน ผมจัดให้เองแหละ ใช้อำนาจส่วนตัวในการจัด จะให้มานอนด้วยกันอียักษ์ไม่ยอมหรอก แต่ถึงวิคเตอร์จะให้ ไอ้แชมป์ก็ไม่คิดเอาน้องเขามานอนกับผมเป็นสามพีหรอกนะ ห้องผมอะเงินกองถ่าย แต่ห้องอีแชมป์อะเงินวิคเตอร์ ดูความลงทุนของผัวเถอะ

 

 

“มีอะไรแหกปากเรียกดังๆ เดี๋ยวกูวิ่งไปหา”

 

 

“เออๆ ไปหาน้องเขาไป” ผมว่าพลางเสียบเสียบกุญแจไขประตู พอประตูเปิดได้ผมก็โบกมือให้อีแชมป์หนึ่งที ซึ่งมันทำเพียงพยักหน้าขึ้น ผมเสียบคีย์การ์ดในช่องข้างประตู ไฟและแอร์เปิดทำงานอัตโนมัติ ผมเอาโทรศัพท์ไปวางที่เตียง และเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ กำลังจะแปรงฟันก็ได้ยินเสียงเคาะห้อง ผมเลยเช็ดมือกับผ้าขนหนูผืนเล็กและเดินไปส่องตรงตาแมว เห็นเป็นเซบาสเตียนยืนอยู่ ผมพ่นลมหายใจเบาๆ อีหร็อบนี้มึงมาข่มขืนกูใช่มั้ย ผมเลยเดินไปหยิบมือถือกดโทรหาอีแชมป์ แปบเดียวมันก็รับ

 

 

“อีแชมป์ เดี๋ยจะมีคนมาข่มขืนกู… เออ ฟังไม่ผิดหรอก กูไม่ได้มั่ว หน้าเมามาเลย เดี๋ยวมึงปีนมาระเบียงห้องกูหน่อย กูจะปลดล็อคไว้ให้… มึงจะมาไม่มา ไม่มากูฟ้องผัวกูนะ… เออ ก็แค่เนี้ย!” ผมกดวางสายจากมัน ลุกไปปลดล็อคประตูกระจก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง ผมรีบเดินกลับไปเปิดประตู เซเบาสเตียนที่หน้าแดงก่ำ กลิ่นเหล้าฟุ้งพุ่งตัวพรวดเข้ามาในห้องและปิดประตูตามหลังอย่างเร็ว ก่อนจะดันผมไปที่เตียงแล้วผลักผมลงนอนบนเตียงทันที ทำตามสเต็ปเป๊ะคือกดข้อมือผมไว้ แล้วก็จ้องหน้าผมนิ่ง ผมก็จ้องหน้าเขากลับนิ่งๆ สักพักเขาก็ขมวดคิ้ว

 

 

“ไม่กลัวเลยเหรอ”

 

 

“กลัว แต่ให้ทำไง กดฉันขนาดนี้อะ”

 

 

“ร้องให้คนช่วยสิ” ผมสั่นหัว

 

 

“ใครจะมาช่วย” เซบาสเตียนมองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงไซ้คอผมทั้งสองข้าง ผมนอนนิ่งจนเขาหยุดแล้วดันหน้าขึ้นมองผมงงๆ

 

 

“นิ่งไปรึเปล่า”

 

 

 

“ถามจริงเหอะ ไอ้การข่มขืนเนี่ย มันมีอารมณ์จริงๆ เหรอ” ทื่อบื้อขนาดนี้ มันจะไปยังไงต่อล่ะ ผมว่าไม่ใช่เขาไม่เก่งหรอก แต่เซบาสเตียนไม่ใช่คนแบบนั้น เด็กคนนี้ก็ช่ำชองเรื่องอย่างว่าแหละผมว่านะ แต่ไอ้มาขืนใจ ผมรู้สึกว่าไม่ใช่แนวเขาเลย

 

 

“งั้นไม่ข่มขืน แต่…”

 

 

ครืด!!

 

 

“…เฮ้ย!!!” เซบาสเตียนที่หันควับไปมองตอนประตูกระจกริมระเบียงเลื่อนเปิดถึงกับร้องลั่นและเด้งตัวออกจากผมอย่างรวดเร็ว กลิ้งไปบนเตียงจนตกเตียงอีกฝั่ง ผมดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองไอ้แชมป์ที่ยืนเต๊ะท่ามาดนิ่งอยู่

 

 

“มึงจะทำอะไรเพื่อนกู” นี่! เสียงเข้มเว้ย ผมแอบหลุดขำเล็กๆ

 

 

“มาได้ไงเนี่ย?!”

 

 

“ปีนระเบียงมา ว่าไง จะข่มขืนเพื่อนกูเหรอ มันมีผัวแล้ว มึงไม่ไปหาคนอื่นวะ” เซบาสเตียนลุกขึ้นยืนเต็มตัว หน้าตาเขาบ่งบอกถึงความหงุดหงิดเล็กๆ

 

 

“ไม่ ฉันจะเอาคนนี้” ผมเบิกตากว้าง หันไปมองไอ้แชมป์ที่หน้าอึ้งไปนิด

 

 

กูสวยแท้ล่ะ

 

 

“หน้าเหี้ยอย่างเพื่อนกูเนี่ยนะ มึงจะเอาเหรอ” เฮ้ยๆ ไอ้แชมป์ กูว่ามันแปลกๆ

 

 

“นายชอบฉันจริง หรือทำไปเพราะแค่นึกสนุกอย่างที่นายว่า แยกให้ดีๆ อย่าเพ้อเจ้อนะเซบาสเตียน” เขาเงียบ ผมไม่ได้มองคนออกหรอก ก็เขาพูดอยู่ตั้งสองสามครั้งว่ามันน่าสนุก เขาคงคึกคะนองเฉยๆ เนี่ยแหละ กะว่าแย่งผมมาจากวิคเตอร์ได้แล้วคงฟิน มันมีจริงๆ นะคนประเภทนี้

 

 

“มึงออกไปเหอะ แต่ถ้ามึงไม่ออกก็ไม่เป็นไร ให้แมทมันไปนอนห้องกูก็ได้” เซบาสเตียนฮึดฮัด แต่ไม่ได้ลายใหญ่มาก เขาหมุนตัวเดินไปเปิดประตูห้องแล้วออกไปโดยที่ไม่ได้ปิดประตูให้ด้วยนะ

 

 

“มึงรู้ได้ไงว่ามันจะมาข่มขืน”

 

 

“ก็เขาเคยพูดเมื่อตอนเย็น แล้วตอนกูเห็นหน้าแดงๆ หน้าห้อง กับเวลาที่มาเคาะประตูหลังจากกูเข้าห้องมา กูก็เลยโยงเหตุการณ์เอง” ไอ้แชมป์ขมวดคิ้ว

 

 

“เออ เพ้อเจ้อดีว่ะ” ผมถลึงตาใส่มัน ก่อนจะหยิบหมอนขึ้นมาปาใส่หน้ามันเต็มๆ

 

 

“เฮ้ย กูมาช่วยมึงนะเนี่ย ไม่มีกู ป่านนี้มึงเสียตูดให้ชายอื่นนอกจากผัวมึงไปแล้วนะ”

 

 

“เออจ้า กูสำนึกในบุญคุณมึงหลายเติบ ออกไปได้แล้ว” ไอ้แชมป์ขว้างหมอนกลับมาหา ผมรีบใช้สองแขนคว้าไว้แล้วกอดหมอนแน่น

 

 

“ปากดีขึ้นมาเชียวนะมึง” ผมแลบลิ้นปลิ้นตา ไอ้แชมป์เดินเข้ามาล็อคคอผมแล้วยกมือยีหัวผมแรงๆ

 

 

“โอ้ยยย อีตี๋!”

 

 

“เฮียแชมป์อ้ะ!!!” เราสองคนหยุดกึก หันไปมองเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ใส่แว่นตากลมๆ กำลังหน้าบูดหน้าบึ้งมองผมสองคนอยู่ในท่ากอดรัดฟัดเหวี่ยง

 

 

“อะไร อย่างอแง”

 

 

“ทำไมต้องกอดพี่แมทด้วยล่ะ” ผมขำกับความงอแงแบบเด็กๆ ของแฟนไอ้แชมป์ น้องเขาปีสองแล้วนะ แต่เหมือนว่าจะชอบทำอ้อนเวลาอยู่กับไอ้ตี๋

 

 

“ก่อนกูมีมึง กูก็กอดกับมัน” น้องอาราเล่อ้าปากค้างพร้อมกับทำตาโต

 

 

“อะไรนะ?! กอดกันบ่อยเหรอ” น้องเขาเหมือนตัวการ์ตูนจริงๆ นะ

 

 

“เออ ไปๆ ไปกินข้าว” ไอ้แชมป์ผละจากผมไปหาน้องเขา

 

 

“เฮียแชมป์กว่าจะกอดน้องได้ น้องต้องอ้อนตั้งนาน กับพี่แมทเอะอะกอดตลอดเลยเหรอ ไม่ยุติธรรมเลยอะ” ไอ้แชมป์พยายามดึงน้องเขาออกจากห้อง ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู นึกแล้วก็แปลกๆ วันนึงต้องมายืนมองคนอายุน้อยกว่าตัวเองแล้วบอกว่าเอ็นดูเขาในฐานะคนอายุน้อยกว่า วันเวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ

 

 

“คืนนี้กอดน้องเยอะๆ ด้วย”

 

 

“จ้ะๆ เดี๋ยวกูกอดยันเช้าเลย”

 

 

“ฮิๆ จริงนะ” สองคนนั้นออกจากห้องผมไป ผมมองตามแล้วยิ้มกว้าง ปิดประตูตามหลังทั้งสองคน ก่อนจะเดินกลับไปล็อคประตูกระจก เดินกลับมานั่งบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาวิคเตอร์

 

 

‘คุณต้องขอบคุณผมครั้งใหญ่มากนะไอ้ยักษ์’

 

 

ผมกดส่งไปในวอทสแอพ รอเขาตื่นขึ้นมาอ่านก่อน คงเฝ้าน้องจนเหนื่อย เดี๋ยวหลังไวโอล่าคลอดเขาก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว และตารางเขาจะแน่นมาก เพราะหนังเลื่อนถ่ายมาพักใหญ่เนื่องจากชารอนประสบอุบัติเหตุ แต่ก็พร้อมแล้วที่จะกลับมาถ่ายหนังสองภาคติดกัน ผมถลกผ้านวมแล้วสอดตัวเข้าไปนอน ทิ้งหัวลงบนหมอน นอนมองคลิปของไวโอล่าด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจ

 

 

ผมเลือกปัจจุบันที่มันมีอยู่จริง และละทิ้งสิ่งที่ต้องพยายามทำให้เป็นจริงขึ้นมา

 

 

ลาก่อนนะความฝัน ฉันจะไม่เคยลืมว่าเคยมีเธออยู่ด้วยกันมานานแค่ไหน…




 


:hao3:


  อะ มาปล้ำจริงด้วย อีแมทสวยไปอีก 555555 สวยสมมงเว้อค้าาาา

               แชมป์น่าจะน่าสงสารสุด เกิดปีนพลาด ตกระเบียงไปทำไง 55555 เซบาสเตียนก็แบบ เออ เดินมาเพื่อปล้ำ มาเคาะประตูห้องเพื่อขอปล้ำ หนูลูกกกก ทำไมไม่ดักอุดปากเขางี้ละคะ

               มีคนกังวลเรื่องชื่อตอนลาก่อน ก็เป็นเช่นนั้น เซย์กู๊ดบายทูความฝันแล้วเด้ออออ ถึงเวลาต้องตัดใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ตอนที่ถูกผู้กำกับชวนไปร่วมงาน มันเป็นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบไปแล้วครึ่งทาง แต่สุดท้ายก็ต้องบอกปัดทางนั้น และก้าวไปพร้อมกบัสามีอันเป็นที่รัก

               และในตอนนี้ก็แอบเปิดตัวแฟนแชมป์แบบเนียนๆ 5555 เนียนเหรอ? แต่น้องนางถูกพูดถึงตั้งแต่ตอนแรกๆ ของพาร์ทนี้แล้วเนอะ เพิ่งโผล่มานี้แหละะ เฮียแชมมมป์มีเมียแล้วววว

               ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจ เป็นพลังใจที่ดีต่อคนเขียนจริงๆ ค่ะ อ่านคอมเม้นต์แล้วก็ปลื้มมม เห็นคะแนนโหวตแล้วก็เปรมมม

           

               

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโดพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 

               

               



แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-02-2018 01:28:20
ตอนนี้ยกให้แชมป์ เก่งมากลูกเรื่องปีนระเบียง  o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 24-02-2018 02:14:55
 :hao7: :hao7: เป็นการข่มขืนที่ฮามากอ่ะ ชีแมทวางพอร์ทเอง โทรเรียกพระรองพร้อมแผนการช่วยเอง อย่างงี้พระเอกก็ไม่จำเป็นแล้วดิ 5555 ปล่อยอิเตอร์นอนหลับไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-02-2018 02:26:13
 :L1: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-02-2018 05:19:35
แมท ดีมาก เก่งมากกกกกกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ตัดใจจากความฝันได้จริงๆ ไม่เต้นไปตามคำชวนของปีศาจฝัน  :angry2:

ยักษ์ นายเยี่ยมมาก  :katai2-1:
แมท รักนายสุดๆ  ถึงได้ยอมละทิ้งฝันของตัวเองเพื่อความรักของตัวเอง  :L1:

บทจบของเซบาสเตียนก็มาถึง  :laugh:
พร้อมเปิดตัวคนรักของแชมป์ อาราเล่ น่ารักจริงๆ  :mew1:
เตอร์ แมท  :กอด1:  :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-02-2018 11:26:41
แมทนางสวยเลิศ มีคนตบตีแย่งกันใหญ่ เดี๋ยวจะได้เจอหน้าแฝดแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-02-2018 07:27:05
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 25-02-2018 10:52:21
ถึงจะเสียดายโอกาสแทนแมท แต่เราว่าแมทตัดสินใจถูกแล้ว เพราะงานมันไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต ครอบครัวต่างหากที่อยู่กับเราตลอด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.21 100% :24.02.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 02-03-2018 09:37:15
 :katai2-1: รออีกนิดครอบครัวก็จะสมบูรณ์มีเด็กๆมาป่วนวิคแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 50% :04.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 04-03-2018 19:25:38


Yours and Mine EP.22 :: Welcome. (ยินดีต้อนรับ) [50%]




ตื่อดื๊อดืดดด ตื๊อดื่อดืดดด~ (เสียงสไกป์)

           

 

ผมลืมตาตื่นขึ้นแบบงัวเงียและงงๆ เอื้อมมือไปบนหัวเตียง เปิดไฟรอบหัวเตียงเพื่อให้ห้องสว่าง ผมหรี่ตาปรือมองหาโทรศัพท์ก็พบว่ามันตกอยู่บนพรมพื้นห้อง ผมเลยโรยตัวจากเตียงครึ่งตัวหยิบมือถือขึ้นมาดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นวิคเตอร์คอลมา ผมเลื่อนสายตามองเวลาบนมุมหน้าจอโทรศัพท์ก็เห็นว่าเป็นเวลาตีสี่ ผมย่นคิ้วสักแปบ ก้มหัวจนติดพื้นห้องอยู่พักหนึ่งจนคิดว่าจะหลับยาวเลยผงกหัวขึ้น ดึงตัวขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วกดรับวิดีโอคอลของวิคเตอร์

           

 

“โหลลล” ผมว่าเสียงยานคาง หน้าจอปรากฎหน้าหล่อแต่ตอนนี้รกรุงรังด้วยหนวดเคราอย่างกับป่าดงพงไพร

           

 

[ไอ้แฝดออกมาแล้ว] วิคเตอร์บอกทื่อๆ หน้ามึนๆ ตามสไตล์ ในปากเคี้ยวหมากฝรั่งหงับๆ ผมที่โดนปลุกจากการนอนใกล้รุ่งสางก็มึนพอกัน ผมหลับตาแล้วรวบสติดีๆ

           

 

แฝดออก…

           

 

“หือ… คือยังไง แฝดออกไปไหน” ผมลืมตา แต่ก็ยังไม่เต็มที่นัก แต่ก็พยายามตื่นให้เต็มที่ ผมกระเถิบตัวนั่งพิงกับหัวเตียง

           

 

[ไม่ได้ออกไปไหน ออกมาจากท้องไวโอล่าแล้ว ตัวอย่างกับยักษ์เด็ก] คือด้วยความที่ผมกำลังนอนหลับลึกแล้วโดนปลุกขึ้นมา และเป็นวิคเตอร์เล่าเรื่องด้วย ความตื่นเต้นผมเลยจุดไม่ติดสักที แต่สติผมรับรู้แล้วนะว่าไวโอล่าคลอดแล้ว

           

 

“จริงเหรอ?!” ผมตื่นเต็มตากว่าเดิม และเริ่มมีสติมากขึ้น วิคเตอร์ทำหน้าชิลๆ และพยักหน้าขึ้นหนึ่งที ไอ้นี่มันไม่ตื่นเต้นกับหลานตัวเองเลยเหรอ

           

 

“ไหนๆ ขอดูหน้าหน่อยยย” ผมว่าด้วยความกระตือรือร้น วิคเตอร์หันตัวไปทางห้องกระจกที่มีตู้อบสีใสอยู่ในนั้น และในตู้อบนั้นก็คือเด็กตัวเล็กๆ สองคนกำลังนอนหลับปุ๋ยจับมือกันอยู่ และมีเสี้ยวหน้าของไอ้ยักษ์ติดหน้าจอมาด้วยจนผมที่กำลังยิ้มด้วยความตื่นเต้นต้องหุบยิ้มลง

           

 

“ไอ้ยักษ์! เอาหน้าตัวเองออกไปสิ มาบังทำไมเนี่ย?!” วิคเตอร์มองผมตาดุ ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้วเอาหน้าจอมาจับหน้าตัวเองเต็มๆ อีกครั้ง

           

 

[ไม่ได้ ยังไม่ทันได้เจอหน้าก็เห็นไอ้สองคนนั้นสำคัญกว่าฉันแล้วเหรอ?!] ผมย่นคิ้ว อ้าปากหวอด้วยความงง

           

 

“ไอ้บ้า แค่อยากเห็นหน้าหลานชัดๆ เนี่ย ยังไม่ได้คิดเรื่องใครสำคัญกว่าใครเลยนะ”

           

 

[เห็นมันสองคน ก็ต้องเห็นฉันด้วย] ผมกลอกตา จากที่ง่วงงัวเงียกลายเป็นประสาทจะเสีย

           

 

“วิคเตอร์ ขอดูหน้าหลานหน่อย ไม่งั้น…” ผมเลิกคิ้วขึ้นขู่ วิคเตอร์รู้ว่าผมจะเอาเรื่องที่เขาไปเล่นชู้กับคลอเดียมาข่ม เขาเลยทำหน้าทำตากวนตีนก่อนจะยอมหันกล้องหน้าถ่ายเจ้าแฝดสองคนนั้นให้เห็นเต็มตา ผมคลี่ยิ้มกว้างกับภาพสองแฝดตัวจ้ำม่ำ นอนหลับตาสนิทและจับมือกันอยู่ด้วยความน่าเอ็นดู ผมยกมือขวาปิดปากด้วยความตื้นตันใจ น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตา ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ เจ้าแฝดน่ารักมาก เนื้อแน่นน่ากัด

           

 

“ไวโอล่าล่ะ”

           

 

[หลับ ปลอดภัยดี] วิคเตอร์กดให้กล้องกลับมาอยู่ด้านหน้า และเอาตัวเองยืนบังเจ้าแฝดไว้

           

 

“คลอดก่อนกำหนดตั้งเกือบสองอาทิตย์แน่ะ”

           

 

[หมอบอกเด็กตัวใหญ่ เดี๋ยวจะอึดอัดทั้งแม่และลูก แล้วทุกอย่างปลอดภัยดี ก็เลยควักสองคนนั้นออกมา] การใช้คำว่าควักกับเด็กมันคือเรื่องปกติของวิคเตอร์สินะ

           

 

“เฮยยย ตื่นเต้นๆ แฝดออกมาแล้ว” วิคเตอร์หน้าบึ้ง

           

 

[ตื่นเต้นไร ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้น เดี๋ยวฉันจะเอาไอ้แฝดพินาศไปโยนทิ้ง]

           

 

“วิคเตอร์! ดูพูดเข้า นั่นหลานคุณนะ และผมก็เป็นแม่ทูลหัวของแฮคเตอร์กับเฮคเตอร์ด้วย!” วิคเตอร์แลบลิ้นปลิ้นตาอย่างกับเด็กที่ไม่พอใจ

           

 

[ไอ้แฝดขี้ก้อป มาก้อปชื่อฉัน] ป๊าด ขนาดเป็นลุงคนแล้วนะเนี่ย

           

 

“แฝดไม่ได้ก้อป ผมก้อปมาให้”

           

 

[ปกป้องมันดีจังนะ ฉันจะเอามันไปให้แมวเลี้ยง] วิคเตอร์ว่าหน้ามึน และมีการกระเถิบไปยืนบังแฝดน้อยทั้งสองคนให้เห็นแต่หน้าตัวเองชัดๆ ผมย่นคิ้วอ้าปากหวอกับความเด็กน้อยนี้ของไอ้ยักษ์

           

 

“เพี้ยนหรือบ้าเนี่ย เป็นอะไรฮะไอ้ยักษ์” ไอ้ยักษ์ตีหน้ามึน ผมพ่นลมหายใจด้วยความหน่ายใจ

           

 

“คลอดตอนไหนเนี่ย” ผมขี้เกียจเถียงหรือดุเขาละ เพราะไอ้ยักษ์มันจะตีมึนแบบนี้ไปเรื่อยแหละ

           

 

[สองทุ่มกว่า]

           

 

“แล้วเอาไว้ในตู้อบเพราะอะไรเหรอ”

           

 

[ปรับอุณหถูมิร่างกายอะไรก็ไม่รู้ นายไม่ต้องกลัวมันเจ็บป่วยหรอก อ้วนอย่างกับลูกหมูขนาดนั้น มีแต่ไขมันเต็มตัวแต่เกิด ไอ้พวกอ้วน] จากที่หน่ายใจ ผมเริ่มจะขำกับความอาละวาดของเขา มันไม่ใช่เหมือนเด็กละ เหมือนคนแก่นี่แหละ คนแก่ที่ขี้น้อยใจ แต่คือเจ้าแฝดมันยังไม่ทันทำอะไรให้แกเล้ยไอ้ยักษ์ มันเพิ่งเกิดมามั้ยล่ะ

           

 

“โกรธอะไรเด็กสองคนนั้นเนี่ย ฮะ?!” ก็ยังหน้ามึนเหมือนเดิม

           

 

[ห้ามรักมันมากกว่าฉันนะ] ผมยิ้มกว้างแล้วก็หัวเราะเพราะความตลกเขาล้วนๆ โอ๊ย เนาะ ลุงยักษ์ของแฝด

           

 

“ก็ทำตัวดีๆ สิ เป็นยักษ์ดี เอเลี่ยนก็จะรักมากๆๆ” วิคเตอร์หน้าบูด ผมยิ้มขำ ค่อยๆ ไหลตัวลงนอนไปกับเตียง ความคิดอะไรหลายอย่างที่หายไปเพราะเพิ่งตื่นและตื่นเต้นแบบฉับพลันตอนเห็นหน้าเด็กแฝดค่อยๆ ไหลเข้ามาในหัว

           

 

“งงเหมือนกันเนอะ เพิ่งจะคุยกันไป แฝดตัวป่วนก็ออกมาเจอโลกแล้ว” วิคเตอร์ยกมือถือให้ผมเห็นตู้อบแว้บๆ แล้วก็ลดลงมาไว้ตรงอกก่อนที่เขาจะเดินไปเรื่อยๆ แล้วนั่งลงบนม้านั่งยาวตามทางเดินโรงพยาบาล

           

 

[หมอมาตรวจตลอดเลย เอาอะไรก็ไม่รู้มาคาดหน้าท้องวี สักพักก็บอกว่าไอ้แฝดจะมาแล้ว] จริงๆ จากอาการที่ไวโอล่าเล่า ผมว่าเจ้าแฝดก็พร้อมจะตื่นมาดื้อกับลุงยักษ์ของตัวเองแล้วละ เพียงแต่ยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะ โชคดีมากที่เธออยู่โรงพยาบาล หมอก็คือหมอ มองว่าเด็กใกล้จะออกมาแล้วเลยเอามาไว้ใกล้ตัวจะดีกว่า

           

 

“เดี๋ยวตอนเช้าทั้งสามคนก็จะได้เจอกันใช่มั้ย”

           

 

[มั้ง ถ้าวีฟื้น เดี๋ยวเขาคงอุ้มไอ้แฝดไปหาเอง]

           

 

“คอลวิดีโอมาหน่อยนะ” วิคเตอร์เบะปาก ผมทำหน้าเอือมใส่

           

 

[ไม่]

           

 

“ผมลืมโกรธเรื่องคลอเดียไปใช่มั้ยนะ” ผมแกล้งทำสีหน้าสงสัย ไอ้ยักษ์ชะงักกึกแล้วตีหน้ามึน

           

 

[เดี๋ยวฉันคอลไป] หึ! ต้องให้ขู่อยู่เรื่อย ทั้งที่จริงไม่ได้อยากเอามาขู่เลยนะ

           

 

“พ่อคุณรู้รึยัง”

           

 

[เดี๋ยวมาพรุ่งนี้] พูดถึงพ่อเขาแล้วความหนักอกหนักใจทั้งที่ไม่มีเต้านมโตๆ ก็ถาโถมเข้ามา ศึกชิงแฝดมันจะต้องเกิดขึ้น วิคเตอร์ไม่ได้ว่ารักเจ้าแฝดจ้ำม่ำนั่นนักหนาหรอก แต่เขาอยากเอาน้องสาวมาดูแล และเขาไม่ถูกกับพ่อตัวเอง ส่วนพ่อเขาก็ต้องอยากให้หลานชายสองคนอยู่กับตัวเองอยู่แล้ว คุณลุคเองก็เลี้ยงสองแฝดกับไวโอล่านั่นได้สบายๆ

           

 

“พ่อคุณเกลียดผม เขาคงไม่ยอมให้เจ้าแฝดมาอยู่กับเรา” วิคเตอร์เบ้ปากเล็กๆ

           

 

[ก็ถ้าวีเอ่ยปากว่าจะไป เขาก็ทำอะไรไม่ได้]

           

 

“ไวโอล่าจะยอมให้คุณลุคอยู่คนเดียวเหรอ”

           

 

[คนเดียวที่ไหน เมียใหม่พ่อก็มี ลูกน้องพ่อก็เยอะแยะ อย่าไปห่วงเขานักเลยแมท เชื่อฉันเถอะว่าพ่ออยู่ได้สบายมาก] จะว่าวิคเตอร์ไม่แคร์พ่อตัวเองเลยก็ไม่น่าใช่ เขาก็ยังมีห่วงๆ บ้าง แต่ที่พูดแบบนี้เพราะน่าจะรู้จักพ่อตัวเองดีจริงๆ

           

 

“เขามีเมียใหม่แล้วเหรอ”

           

 

[เขาก็มีเรื่อยๆ ว่ากันตามตรง พ่อฉันก็หล่อแล้วยังรวย เหมือนฉันนั่นแหละ] ผมกำลังจะพยักหน้าละ ดีนะเบรกตัวเองให้เบะปากทัน ไอ้ยักษ์ยิ้มเท่แล้วยักคิ้วสองที

            “

 

อือ จริง” แต่ก็ไม่ปฏิเสธเขาหรอก ก็มันเรื่องจริง ผมยอมรับแล้วจริงๆ ว่าการที่ได้วิคเตอร์มาเป็นผัว มันเป็นศรีแก่ตัวมากๆ

           

 

[เขาอยู่ได้ คนพร้อมดูแลเขาเยอะแยะ ฉันก็อยากให้พ่อมีใครสักคนที่จะใช้ชีวิตต่อไปด้วย แล้วก็มีลูกเป็นของตัวเองซะ จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับวีแล้วก็ไอ้แฝดอ้วนสองคนนั้น] เหมือนจะปกป้อง แต่ก็แซะเด็กตัวเล็กๆ สองคนที่เพิ่งเกิดได้ในเวลาเดียวกัน

           

 

“พูดอย่างกับคุณไม่ใช่ลูกเขางั้นอะ”

           

 

[ฉันก็เป็นลูกอีกเจเนอเรชั่นนึง ไอ้คนที่จะเกิดใหม่ก็เป็นเจนไง] โอเค สำหรับวิคเตอร์ความคิดนี้คือโอเคแล้วละ

           

 

ผมอ้าปากหาววอด ยื่นนิ้วไปแตะตรงหน้าจอเพื่อดูเวลา จะตีห้าแล้ว กองถ่ายนัดเจ็ดโมงเช้า มีเวลานอนอีกชั่วโมง ของีบสักหน่อยเถอะ

           

 

“วิคเตอร์ ขอนอนก่อนนะ คุณก็ไปนอนเฝ้าไวโอล่าได้แล้ว”

           

 

[ไอ้หญ้าอ่อนนั่นมาเจ๊าะแจ๊ะนายรึเปล่า] ถ้าบอกว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมันตามเข้ามาปล้ำในห้อง คิดว่าวิคเตอร์พร้อมตีตั๋วมาเมืองไทยทันทีนะ เขาจะอ้างว่าไวโอล่าคลอดแล้วและปลอดภัยแล้ว

           

 

“ไม่มีอะ ผมทำงานนะ ไม่ได้มาให้ใครจีบ แต่เสร็จงานแล้วค่อยว่ากัน” ผมแลบลิ้นปลิ้นตา ไอ้ยักษ์เบิกตากว้าง เรื่องนี้จริงจังตลอด ล้อเล่นไม่เคยได้หรอก

           

 

[ไอ้เอเลี่ยน ถ้านอกลู่นอกทางฉันจะจับไอ้แฝดมหันตภัยมัดรวมกันแล้วเอามันไปลอยน้ำ] ผมย่นคิ้วอ้าปากค้าง ทึ่งกับความคิดวิเคราะห์ของผู้ชายวัยสามสิบกว่าคนนี้มาก เขาประมวลผลว่าตัวเองเป็นเด็กอยู่เหรอ

           

 

“นิสัยไม่ดีจริงๆ กับเด็กที่เพิ่งลืมตาดูโลก คุณก็ใจบาปหยาบช้าจะทำร้ายเขาได้ลงคอเนาะ” ไอ้ยักษ์เบะปาก สายตามองไปทางห้องตู้อบ ไอ้นี่มันจริงจังกับการตั้งตัวเป็นศัตรูกับเด็กสองคนนั้นจริงเหรอ เด็กมันไปทำอะไรห้ายยย

           

 

[มันจะมาแย่งนายกินแน่ๆ ไอ้แฝดลูกหมู] เออ อันนี้ยังค่อยน่ารักหน่อย

           

 

“ไหนบอกกับผมว่าจะไม่เกลียดเจ้าแฝดไง ยังไม่ทันได้ใกล้ชิดกันทำไมต่อต้านขนาดนี้เนี่ย ห๊า”

           

 

[หมั่นไส้ เด็กอะไรกินจนวีผอม แล้วดูมันสองคนสิ ออกมาอ้วนขนาดนั้น หมอบอกว่ามันหนักคนละเกือบสี่กิโล ลูกคนหรือลูกช้างวะ] เดี๋ยวหมู เดี๋ยวช้าง แฝดมันมีหลายสายพันธุ์จังวะ

           

 

“ผมรู้ว่าคุณบ้านะ แต่อย่าบ้าใส่เด็กนักสิ” วิคเตอร์ยกนิ้วชี้หน้าผม ทำหน้าทำตาขู่ ผมแลบลิ้น ลอยหน้าลอยตาไม่กลัว ก็จะกลัวอะไรล่ะ อยู่คนละทวีปขนาดนี้

           

 

[กลับมาจะเอาดิลโด้ยัดปากสามวันสามคืนเลยคอยดู]

           

 

“โอ๊ะ พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ห้องมหาสนุกในบ้านใหม่ไปถึงไหนแล้วละ” นอกจากห้องนอนของเราสองคนแล้ว ก็ห้องนี้แหละที่วิคเตอร์ใช้เวลาอยู่กับมันมากที่สุด สั่งของเล่นต่างๆ มาเรียบร้อย เหมือนสั่งของใช้ทั่วไปเข้าบ้าน ผมยังไม่เห็นว่ามีอะไรใหม่ๆ มาให้เล่นมั่ง แต่วิคเตอร์ดูสนุกกับห้องนี้เหลือเกิน ซึ่งห้องนี้ติดกับห้องนอนเรานั่นแหละ มีประตูเชื่อมหากันด้วย

           

 

[นายต้องรักห้องนี้ที่สุดในบ้าน] วิคเตอร์ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ผมยิ้มขำกับความภูมิใจของเขา แต่ก็ไม่ได้ขำเพราะความตลกเยาะเย้ย ขำเพราะวิคเตอร์แทบจะยกห้องของเล่นมหาสนุกเป็นมาสเตอร์พีชของบ้านไปแล้ว ผมเลือกของเล่นจากบ้านเก่าที่นิวยอร์กมาไม่ถึงสิบชิ้น เอาที่มีความทรงจำเด่นๆ ของเราสองคนมามากกว่า

 

 

“ห้องนอนล่ะ” ผมได้ช่วยออกแบบห้องนอนครึ่งนึง ผมเห็นรูปแล้วละ แค่รูปยังสวยเลยอะ ข้างห้องนอนเรามีสนามหญ้ากับสวนเล็กๆ ส่วนตัวด้วย

 

 

[ใกล้เสร็จแล้ว นายอยากเติมอะไรก็ไปเติมเอา ส่วนอื่นๆ ของบ้านด้วย] โอเวอร์ออลของบ้านวิคเตอร์ดูแลมากกว่า แล้วเขาดูแลออกมาได้ดีด้วยนะ ก็เพิ่งรู้ว่าสามีตัวเองมีหัวทางด้านการตกแต่งก็ตอนซื้อบ้านใหม่นี่แหละ

 

 

ผมยิ้มด้วยความอบอุ่นใจ ถึงผมจะหยุดเดินตามความฝันไป แต่สิ่งที่ผมได้มาก็คือคำว่า ครอบครัว

 

 

“แค่คิดผมก็มีความสุขจัง” วิคเตอร์ยิ้มละมุน

 

 

[ขอบใจนะที่เลือกจะเดินไปพร้อมฉัน ไม่ใช่เดินไปพร้อมความฝัน] ผมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วคลี่ยิ้มอ่อน

 

 

“เพราะคุณคือความจริง”

 

 

[ใช่ ฉันหล่อจริงๆ] ผมแสร้งทำหน้าจะอ้วก วิคเตอร์ไม่ดุไม่ด่า แต่หัวเราะอารมณ์ดี ก็ต้องดีสิ ผมเลือกมาเป็นแม่บ้าน มาเกาะเขากินเต็มตัวแล้ว ก็ดีเหมือนกัน จะสูบเลือดสูบเนื้อให้เต็มอิ่มเลย

 

 

“ฮ้าววว ไปนอนจริงๆ ละ ดูแลไวโอล่าแล้วก็แฮคเตอร์กับเฮคเตอร์ด้วยนะ” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว

 

 

[วู้ววว ชื่อเหมือนกันซะจริง แค่มันเป็นแฝดก็สับสนพอแล้ว]

 

 

“เอ๊ วิคเตอร์นี่ เป็นคนยังไงกันเนี่ยห๊า หาเรื่องเด็กอยู่ได้ ก็เด็กมันเป็นแฝด ชื่อก็ต้องแนวนี้แหละ” ดูมันทำนะ มาทำขมุบขมิบขยิบปากคล้ายว่ากำลังเถียงเงียบๆ เดี๋ยวนี้จริตน่าตบจริงๆ

 

 

[ไปๆ ไปนอน เดี๋ยวฉันก็จะไปนอนละ ลุ้นไอ้แฝดหายนะแหวกออกจากท้องไวโอล่าจนตัวเกร็งไปหมด] ผมหัวเราะเบาๆ แล้วยกมือบ๊ายบายให้เขา วิคเตอร์ส่งจุ๊บมาหนึ่งที ผมก็ส่งจุ๊บกลับไป หน้าจอสไกป์ดับวูบเหลือแต่หน้าจอโทรศัพท์ ผมพ่นลมหายใจยาวๆ วางมือถือไว้บนเตียง นอนหลับตาพริ้มและยิ้มด้วยความสุขใจ แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาสำคัญ แต่ผมก็ดีใจที่สุดแล้วที่ทั้งแม่และลูกปลอดภัย

 

 

Welcome to the world my marauder twins.

 







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้    :hao3:


               นุ้งแฝดมาล้าววว ลงมาจุติบนโลกใบนี้เพื่อสู้กับยักษ์ให้อยู่ในความสงบ 55555

               เซย์กู๊ดบายความฝันไป แมทก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว

               ต่อไปนี้บ้านเรย์มอนด์จะถึงสามเตอร์ด้วยกัน

               ฝากน้องแฝดตัวน้อยๆ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ น้องเป็นเด็กใหม่ น้องอาจจะก่งก๊งงงๆ ไปบ้าง แต่น้องมาดีค่ะ

               ตอนนี้ต้นฉบับเรื่องนี้เขียนจบครบทุกตอนแล้ว ระหว่างเขียนมีใจสั่นไหว นั่งร้องไห้คนเดียวก็มี แต่ยังบอกอะไรมากไม่ได้ รออัปจบก่อน แล้วจะมีเล่าสู่กันฟังอีกที

               ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจ เป็นพลังใจที่ดีต่อคนเขียนจริงๆ ค่ะ อ่านคอมเม้นต์แล้วก็ปลื้มมม เห็นคะแนนโหวตแล้วก็เปรมมม

           

               

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโดพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 

               

               
แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 50% :04.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-03-2018 20:12:58
ว้าววว แฝดออกมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 50% :04.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-03-2018 00:04:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 50% :04.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-03-2018 01:08:56
รอให้แมทเจอแฝดนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 50% :04.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-03-2018 01:17:49
แมทต้องเจอกับ 3 เตอร์ น่วมแน่ ๆ แมทเอย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 50% :04.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-03-2018 01:48:26
เตอร์งอแงเหมือนเด็กขี้น้อยใจเลย 555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 50% :04.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 05-03-2018 18:38:17
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: อยากได้หนังสือค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 100% :09.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 09-03-2018 20:27:07


Yours and Mime EP.22 [100%]


วันสุดท้ายของการถ่ายทำ

 

 

 ผมดีใจและภูมิใจมากๆ ที่ครั้งหนึ่งของชีวิตได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับที่เป็นแบบอย่างของตัวเองมานานอย่างอเล็กซ์ วินโกลด์ และยังได้รับการชวนจากเขาให้ไปร่วมงานด้วยกันในครั้งต่อไปอีก มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนตัวอวบๆ อย่างผมแต่มีฝันที่ยิ่งใหญ่ที่การเข้าใกล้ความฝันนั้นดูจะไม่ต้องรอนานมากนัก แต่สุดท้ายผมก็เลือกครอบครัวของตัวเอง

 

 

ผมยืนมองบรรยากาศกองถ่ายที่วันนี้ยกกองมาถ่ายทำในตึกร้างของคุณเคย์เดนที่อีกไม่นานจะถูกเนรมิตรขึ้นมาใหม่ อันเป็นซีนสุดท้ายของการถ่ายทำสำหรับวันนี้ด้วยความอิ่มเอมใจ ผมไม่ได้ขว้างฝันตัวเองทิ้ง แค่เก็บมันเอาไว้ให้เป็นฝันต่อไปแล้วเลือกอยู่กับความจริงของชีวิต มันก็เศร้านิดๆ นะ บางทีผมก็คิดว่าเราจะเลือกเดินทั้งสองเส้นทางไปด้วยกันไม่ได้เหรอ แต่ก็นั่นแหละความคิดกับรูปธรรมมันต่างกัน

 

 

“แมท สรุปพรุ่งนี้พ่อมึงมารับที่สนามบินใช่ป่ะ” ผมหันไปพยักให้ไอ้แชมป์

 

 

“กลับพร้อมกูนั่นแหละ เดี๋ยวไปส่ง”

 

 

“กูกลับอยู่แล้ว ถามเพื่อความชัวร์” ผมพยักหน้าขึ้นหนึ่งที มันมีแพลนกับน้องอาราเล่มันต่อนั่นแหละเลยมาถามเพื่อจะได้วางแพลนของตัวมันถูก

 

 

เสร็จงานวันนี้ พรุ่งนี้ช่วงบ่ายผมบินกลับเลย มีทีมงานบางส่วนบินกลับอเมริกาเลยเช่นกัน แต่ก็มีบางส่วนอยู่เที่ยวต่อ ใครที่บินกลับพรุ่งนี้ ผมอาสาส่งกลับบ้านเอง ส่วนคนอยู่เที่ยวต่อ ตกลงกันแล้วว่าต้องดูแลตัวเอง เพราะถือว่าเสร็จสิ้นสัญญางานแล้ว

 

 

“ขอกาแฟให้ฉันหน่อย” อเล็กซ์หันมากระซิบกับผมตอนที่กำลังเซ็ทฉากใหม่ ผมพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินไปหาฝ่ายสวัสดิการที่อยู่ด้านนอกตึก ตอนที่กำลังจะเดินพ้นบันไดวนลงมาจากด้านบนไป ผมก็ชะงักแอบอยู่ตรงกำแพงที่กั้นเป็นฉากบังบันไดไว้ เพราะได้ยินเสียงเซบาสเตียนคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ก็ตามเคย เสือกเรื่องคนอื่น

 

 

“ฉันไม่สนุกละ หมอนั่นมันไม่ง่ายเลยว่ะ… มันรักไอ้วิคเตอร์ห่าเหวนั่นชิบ แม่ง… แย่งอาหารหมาตำรวจยังง่ายกว่าอีก…” ผมย่นคิ้ว คือกล่าวถึงผมแน่ๆ แต่การที่เซบาสเตียนจะกินอาหารหมานี่มันใช่เหรอ

 

 

“…ก็ชอบ แต่ก็เซ็ง… ไม่ไหวหรอก ยาก ถ้าทำได้ เสร็จไปนานแล้ว…” ผมมองค้อนเขาผ่านกำแพง แหม ไอ้พ่อรูปหล่อ เออ หล่อจริง แต่มั่นหน้าเชียวนะ

 

 

ผมรอจังหวะดีๆ กะว่าเขาไม่ได้หันมามองทางนี้ก็รีบเดินลิ่วๆ ออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ ตรงดิ่งไปที่สวัสดิการของกองถ่าย มีหันหลังกลับไปมองบ้างเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ไม่เห็นมีใครตามมา

 

 

“เอากาแฟ ใส่น้ำตาลสามช้อน แล้วก็ใส่นมหนึ่งช้อนครับ” ผมคลี่ยิ้มให้กับพี่ผู้หญิงฝ่ายสวัสดิการ เธอถามกลับมาว่าของผู้กำกับใช่มั้ย ผมพยักหน้าตอบรับ เธอจัดการชงให้อย่างคุ้นเคย

 

 

“เมื่อกี้นายแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์รึเปล่า” ผมสะดุ้งแล้วหันไปมอง เซบาสเตียนหรี่ตามองผมอย่างจับผิด เห็นแบบนั้นผมก็เลยเชิดหน้าขึ้นสู้

 

 

“ไม่ได้แอบฟัง พูดดังขนาดนั้น เดินผ่านเลยได้ยิน”

 

 

“เสียมารยาท” ผมเลิกคิ้วขึ้น บิดปากเล็กน้อยแล้วก็ยักไหล่สองข้างหนึ่งทีแบบว่าไม่แคร์

 

 

“อยากด่าก็ด่าไปเลย ยังไงฉันก็ดีลีทความทรงจำไม่ได้ทันทีหรอก” เซบาสเตียนหน้าบึ้ง ไม่รู้ว่าไม่พอใจอะไรกันแน่ ปล้ำผมไม่สำเร็จ แย่งผมไม่ได้ หรือโกรธที่ผมได้ยินที่เขาคุยกับเพื่อน

 

 

หลังจากวันนั้นเขาก็ยังมาป้วนเปี้ยนกับผมอยู่นะ แต่ก็ไม่ได้รุ่มร่ามมากเพราะมีไอ้แชมป์กับน้องอาราเล่คอยกันท่าให้ เขาเลยเข้าไม่ถึงตัวผมจังๆ สักที มีอยู่ไม่กี่ทีหรอก แต่ก็ไม่ได้ว่าจะเข้ามาปล้ำอีกรอบ ผมไม่ได้โกรธเขาเลยตอนที่เขาจะปล้ำผม เพราะผมชอบ เอ่อ ไม่ใช่ เพราะผมรู้ว่าเขาไม่ทำจริงหรอก ถึงจะไม่ได้สนิทถึงขั้นรู้ใจ แต่ผมก็พอจะรู้ว่า ผู้ชายอย่างเซบาสเตียนไม่เหมาะกับการทำอะไรแนวนั้น เขาไม่เหมาะกับสไตล์จำเลยรักเลยสักนิด

 

 

“กาแฟได้แล้วจ้า” ผมหันกลับไปยิ้มกับพี่สวัสดิการพร้อมกับยื่นมือไปรับกาแฟเย็นใส่กระบอกน้ำพลาสติกสีใส

 

 

 

“ขอบคุณนะครับ” ผมหันกลับมาก็ยังคงเห็นหน้าเซบาสเตียนหน้าบึ้งอยู่ ผมเบิกตากว้างแล้วคลี่ยิ้มมุมปากเร็วๆ ก่อนจะเดินผ่านเข้าไป มุ่งตรงกลับไปยังหน้าเซ็ท เอากาแฟกลับไปให้อเล็กซ์

 

 

“ถ่ายจบแล้วพาฉันเที่ยวหน่อยได้มั้ย” ผมสั่นหัวรัวๆ ตอนที่เขาเดินตามมาถาม

 

 

“ไม่ได้ ฉันยังต้องเลื่อนไฟล์ทกลับอังกฤษเลย” ตอนแรกว่าจะอยู่กับพ่อกับแม่สักอาทิตย์ แต่พอสองแฝดออกมาแล้วผมก็อยากจะรีบกลับไปช่วยไวโอล่าดูแล เลยกลับไปอยู่บ้านได้สองวันก็จะบินกลับอังกฤษ พ่อกับแม่ไม่ได้งอนหรือน้อยใจ เพราะเดี๋ยวช่วงปีใหม่ผมก็กลับมาไทยอีกรอบ

 

 

“แมท…” ผมพ่นลมหายใจ หยุดเดินอยู่บนขั้นบันไดที่เหนือกว่าเขาหนึ่งขั้น

 

 

“…เซบ นายพูดกับเพื่อนในโทรศัพท์เองนะว่าฉันรักวิคเตอร์มาก ไม่ง่ายเลยที่จะแย่งฉันไป ฉะนั้นฉันว่านายพอแค่นี้เถอะ เราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันได้ แต่เป็นมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว จริงๆ” เรามองตากัน เซบาสเตียนมองผมนิ่ง สักพักเขาก็พ่นลมหายใจเบาๆ แล้วหลุบตาลงต่ำมองพื้นแว้บหนึ่งก่อนกลับมามองตาผมตามเดิม ผมยื่นมือซ้ายไปตบบ่าเขาปุๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปชั้นดาดฟ้าของตึกที่กำลังถ่ายทำอยู่ โดยมีเขาเดินตามขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว

 

 

 

“Thank you Mr.Cayden for your kindness. (ขอบคุณมากนะครับคุณเคย์เดนสำหรับความใจดีครั้งนี้)” ผมยกมือไหว้ขอบคุณคุณเคย์เดน หนุ่มฝรั่งสูงอายุตาฟ้าสดใสและมีใบหน้าหล่อเหลาแบบที่พูดอีกครั้งก็ยังบอกว่านี่แหละคือหน้าหล่อ

           

 

“That’s fine. (ไม่เป็นไร)” เขายิ้มน้อย เป็นยิ้มน้อยที่พอดี ดูแล้วอบอุ่นแต่ให้ฟีลลิ่งแฉะได้ด้วยในเวลาเดียวกัน เป็นคนมีอายุที่น่ากินมาก แหวนทำท่าจะหลุดออกจากนิ้วนางข้าซ้ายอีกแล้วให้ตายสิ

           

 

“And how long you will be in Thailand? (แล้วคุณจะอยู่ที่ไทยต่ออีกนานแค่ไหนครับ)”

           

 

“One week. (อาทิตย์เดียวเท่านั้นละ)” ผมยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าหงึกๆ คุณเคย์เดนยิ้มมุมปาก รอยยิ้มเขากระชากมดลูกหลุดลุ่ยเลยนะเอาจริงๆ เสียดายที่ผมไม่มี ไม่งั้นหลุดลงไปกองกับพื้นตอนเขายิ้มนี่แหละ

           

 

“Have fun. (ขอให้สนุกนะครับ)” เขาก้มหัวลงนิดหนึ่งก่อนจะขอตัวเดินไปคุยกับอเล็กซ์ ผมก็มองด้วยความปลื้มใจ ใครได้เขาไปเป็นสามีขอดีใจล่วงหน้าแทน แค่แฟคเตอร์หล่อและรวยก็สามารถทำโครงการอวดผัวได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว แล้วถ้ายิ่งนิสัยอบอุ่นนุ่มลึกล่ะก็ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องแต้มบุญหนามากจริงๆ

           

 

“มึง ไปในเมืองกันป่ะ พรุ่งนี้เราก็กลับแล้วอะ” ไอ้แชมป์เดินมาชวนพลางบีบปีโป้เข้าปาก ผมหันไปมองกองถ่าย ตอนนี้ปิดกล้องอย่างแท้จริงละ ผมยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาจากนาฬิกาอันเดิมที่วิคเตอร์เคยให้

           

 

“ไปดิ แต่เดี๋ยวกูไปบอกเจสันก่อน” ไอ้ตี๋หมีพยักหน้า ผมเดินไปหาเจสันที่กำลังยืนคุยกับพวกทีมกล้อง เขาคงเห็นผมทางหางตาเลยหันมายิ้มให้

           

 

“เจสัน มีอะไรให้ทำอีกมั้ยครับ”           

           

 

“ตอนนี้ก็หมดแล้ว เดี๋ยวเราก็ไปผจญภัยกับตัวเลขกัน” แค่คิดก็จะอ้วก บอกเลยว่าผมผ่านมาได้เพราะเขาล้วนๆ ผมคิดอยากแบ่งค่าตัวให้เขาครึ่งนึงเลย

           

 

“พอดีผมจะเข้าไปในตัวเมือง…”

           

 

“…โอ้ว โอเค ไปได้เลย ตรงนี้หมดแล้ว ค่อยกลับมาเคลียร์งานเราต่อก็ได้” ผมยิ้มกว้าง เจสันยักคิ้วให้ เขาใจดีเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

           

 

“ขอบคุณนะครับ คุณเอาไรมั้ย เดี๋ยวซื้อมาฝาก”

           

 

“ไม่ล่ะ” เรายิ้มให้กันก่อนที่ผมจะหมุนตัวเดินกลับไปหาไอ้แชมป์แล้วพากันเดินลงไปจากตึก

           

 

“น้องอาราเล่ไปด้วยมั้ย”

           

 

“ตัวตั้งตัวตี ไลน์ถามกูยิกๆ” ผมหัวเราะเบาๆ ไอ้แชมป์มันห้าวน้อยลงนะตั้งแต่มีน้องเขาเนี่ย แต่ก็ไม่ใช่ว่านุ่มนิ่ม ที่ผมเคยบอกว่ามันเป็นคนใส มันใสซื่อจริงนะในเรื่องความรัก ใกล้เคียงกับวิคเตอร์ คือเรื่องรักอาจมีชะงัก แต่เรื่องเยไม่มีพักแม้ว่าจะคิดถึงคิทแคทแล้วก็ตาม

           

 

“สาวๆ ของมึงรู้เรื่องที่มึงมีแฟนเป็นผู้ชายมั่งยังเนี่ย” ไอ้แชมป์ทำท่านึกก่อนจะแยกเขี้ยวหนึ่งที

           

 

“รู้เป็นบางคน แล้วคนที่รู้แม่งเสือกเป็นตัวจี๊ดด้วย อาราเล่ของมึงพุ่งชนหลายรอบแล้ว”

           

 

“หูย มึงโดนมอมยาอะไรรึเปล่าเนี่ย” อันนี้เป็นอีกจุดนึงเลยนะที่อีแชมป์มันใสซื่อ มันกะล่อนจริง แต่มันไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกับใคร

           

 

“พูดแล้วเหมือนละคร แต่แม่งมีจริงว่ะ กูแทบแย่ แต่ได้น้องเล่มึงเล่นกลับจนสะบักสะบอมเหมือนกัน” ไอ้แชมป์หัวเราะเบาๆ ผมตาโต ต่อมการรับรู้เต้นตุบๆ พร้อมเปิดรับข้อมูลใหม่มากๆ

           

 

“กูไม่บอกหรอก” ดับวูบ ที่เต้นตุบๆ เมื่อกี้ดับวูบเลย

           

 

“อ้าว อีแชมป์ กูเตรียมออกสตาร์ทแล้ว มึงมาเบรกงี้ได้ไงเนี่ย” มันทำคอยึกยักและทำหน้ากวนตีน ผมแสร้งมองมันตาขวาง ยกมือขวาขึ้นขู่ทำท่าจะตีมัน อีแชมป์แกล้งทำท่าหวาดกลัวได้ปลอมมาก

           

           

           

 

“ซี๊ดดด โอยยย” ผมหน้าเหยเก เดินกะเผลกขึ้นบันไดหน้าโรงแรมหลังจากกลับมาจากในตัวเมืองภูเก็ต มีไอ้แชมป์กับน้องอาราเล่ประคองขึ้นบันไดหน้าโรงแรมอย่างระมัดระวัง

           

 

“กูขอโทษนะแชมป์ที่ทำให้มึงกับน้องหมดสนุก” ผมเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด

           

 

“เออน่ะ มันกินอิ่ม มันก็ไม่งอแงละ” ผมหันไปมองน้องอาราเล่ น้องเขาพยักหน้าแรงๆ เสริมคำพูดของไอ้แชมป์ ผมเชื่อแล้วละ เพราะในปากน้องเขายังอูมด้วยลูกชิ้นปิ้งอยู่เลย

           

 

“ทำไมมันเจ็บแบบนี้อะ” ผมร้องครางหน้าจี๊ดสุดขีดตอนที่ลงน้ำหนักขาซ้ายแล้วความรวดร้าวก็พุ่งไปที่ก้น

           

 

“ใจเด็ดจริงโว้ยเพื่อนกู ให้ผู้ชายจับตูด” ไอ้แชมป์หัวเราะถูกอกถูกใจในขณะที่เอื้อมมือไปกดลิฟต์ ให้เดินขึ้นก็ไม่ไหว ไม่งั้นระบมตายห่าคาบันไดแน่ๆ แค่บันไดหน้าโรงแรมก็จะร้องขอชีวิตไม่ไหวอยู่แล้ว

           

 

“กูรู้นะว่ามันเจ็บ แต่ไม่คิดว่ามันจะซี๊ดขนาดนี้”

           

 

“เพื่อผัวน่า” ลิฟต์เปิดออก สองคนข้างกายผมก็พยุงผมเข้าไปด้านใน น้องอาราเล่กดเลขชั้นสาม ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนจะไม่สบายเลย สงสัยเป็นอาการหลังเสร็จ นอนพักน่าจะดีขึ้น แต่คืนนี้จะได้นอนมั้ยเนี่ย เคลียร์งานกันยาว ดีนะผมเคลียร์วันต่อวันก่อนหน้านั้นแล้ว วันนี้ก็แค่สรุปข้อมูลทั้งหมดที่ผมกับเจสันทำไว้ ขออย่าให้นานเลยเถอะ

           

 

“กูต้องอุ้มมั้ยเนี่ย”

           

 

“อ๊า ไม่เอานะ ถึงจะไว้ใจพี่แมท แต่น้องไม่ให้อุ้ม” น้องแว่นตากลมพูดแทรกขึ้นทั้งที่เคี้ยวลูกชิ้นอยู่เต็มปาก ไอ้แชมป์ยื่นมือไปผลักหัวเด็กมันเบาๆ ตอนที่กำลังเดินไปห้องผม

           

 

“ขี้หวงไม่เข้าเรื่อง”

           

 

“งั้นเปาจะไปให้มิสเตอร์เคย์เดนอุ้มบ้าง”

           

 

“เดี๋ยวมึงโดน” แม้จะเจ็บอยู่แต่ผมก็หันไปทำหน้าฉงนสนใจกับเด็กไอ้แชมป์

           

 

“เคย์เดนทำไมเหรอ”

           

 

“มันชอบ อวยยันโคนควxแล้วมั้ง”

           

 

“อู๊ย ไม่แปลกหรอกแชมป์ กูยังชอบเขาเลย”

           

 

ป้าบ!!!

           

 

“เหี้ยยยย!!!!!” ผมกรีดร้องลั่นตรงทางเดินของโรงแรมแบบไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งนั้นเมื่อไอ้แชมป์ฟาดมือลงบนก้นผมที่เจ็บอยู่เต็มแรง น้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าตอนกำลังโดน มันสะเทือนสะท้านไปทั้งร่าง ความปวดแล่นจับใจเต็มๆ

           

 

“อีเหี้ยแชมป์ อีเหี้ยๆๆ เจ็บบบ” ผมไม่รู้จะด่าว่าอะไร ทำได้แค่หยาบคายใส่มันเพื่อระบายความเจ็บแค้นตรงก้นที่โดนมันฟาด ไอ้แชมป์หัวเราะเสียงทุ้มแต่โคตรสะใจ ส่วนเด็กมันก็พยายามกลั้นหัวเราะ แต่ก็กลั้นไม่ดีนักหรอก

           

 

“เดี๋ยวกูจะฟ้องผัวมึงให้ฟาดซ้ำ ฟ้องว่ามึงไปนอนให้ผู้ชายจับตูดมาด้วย มึงโดนแน่” มันว่าในขณะที่ผลักประตูห้องผมเข้าไปหลังจากไขเสร็จ ผมเดินกะเผลกเข้าไปด้านในพร้อมเด็กมัน ไฟในห้องสว่างขึ้นหลังจากไอ้ตี๋เสียบคีย์การ์ด ผมเดินไปนั่งบนเตียง ค่อยๆ ทิ้งตัวเอนนอน น้องอาราเล่ส่งผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

           

 

“เฮียแชมป์ทำพี่แมทร้องไห้อะ”

           

 

“เดี๋ยวมึงจะร้องด้วยอีกคน สนใจมันนักนะไอ้แก่นั่นอะ”

           

 

“เขาแก่แต่เขาหล่อมากเลยน้าเฮีย” ไอ้แชมป์ถลึงตาใส่เด็กมัน

           

 

“ยังอีก” คนอายุน้อยกว่าแลบลิ้นใส่ไอ้ตี๋ก่อนจะยัดลูกชิ้นเข้าปากอีกลูก ผมมองไอ้แชมป์ด้วยความเข่นเคี้ยว ก่อนจะปาผ้าขนหนูใส่หน้ามันเต็มแรง

           

 

“อีผี!!” นึกคำด่ามันไม่ออกจริงๆ เจ็บใจเจ็บก้นนัก!

           

 

“อยากฟ้องผัวมึงก็ฟ้องเลย” ไอ้แชมป์โยนผ้าขนหนูใส่หัวผม ผมดึงออกมาวางไว้บนตัก

           

 

“กูไปละ มีอะไรก็เรียกแล้วกัน” ไอ้แชมป์จูงมือเด็กมันออกไปจากห้อง ผมพลิกตัวนอนตะแคงไปด้านขวาเพื่อให้ก้นซ้ายลอย ความปวดหนึบๆ ยังยุบยิบอยู่เลย

           

 

ตื่อดื๊อดืดดด ตื๊อดื่อดืดดด~ (เสียงสไกป์)

           

 

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงฝั่งซ้ายอย่างระมัดระวัง ไม่เสียเวลาเดาก็รู้ว่าเป็นวิคเตอร์คอลมา ผมกดรับตามปกติ บนหน้าจอเห็นหน้าเขาสว่างเพราะแสงแดดสักพัก ก่อนที่เขาจะสลับเป็นกล้องหน้าให้ ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมคลี่ยิ้มกว้างโดยอัตโนมัต เป็นภาพของไอ้แฝดตัวป่วนกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของไวโอล่า คุณแม่มือใหม่ยิ้มแย้มหน้าตาสดใส ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกาย ผมยกมือโบกทักทาย ไวโอล่าหัวเราะเบาๆ และโยกหัวตอบรับแทนการโบกมือ วิคเตอร์กดหน้าจอให้เห็นเจ้าสองแฝดแก้มยุ้ย เหมือนยางมิชลินเลยอะ จ้ำม่ำอะไรขนาดนั้นลูกกก

           

 

“ออกจากตู้อบไวจัง” ผมหมายจะได้คำตอบจากไวโอล่านะ แต่มีคนตอบแทนละ

           

 

“โอ๊ย อ้วนเหมือนหมูขนาดนี้ อยู่ตู้อบคืนเดียวก็พอแล้ว เอาอะไรมาอ่อนแอ” ไวโอล่าหัวเราะ

           

 

“แหมพี่ก็ หลานออกมาแข็งแรงไม่ดีใจเหรอ”

           

 

“มันต้องกินเยอะแน่ๆ…” ว่าจบก็กดหน้าจอกลับไปเป็นจอด้านหน้าให้เห็นหน้าตัวเองคนเดียว

           

 

“…เห็นแค่นั้นพอ” ผมกลอกตาเซ็ง ยกผ้าขนหนูเช็ดน้ำตาที่ไหลออกจากทางหางตา

           

 

“ร้องไห้เหรอ ร้องทำไม?!” วิคเตอร์ถามหน้านิ่วคิ้วย่น

           

 

“มีผู้ชายมาขย้ำตูดผม” วิคเตอร์กะพริบตาปริบๆ

           

 

“คนตาบอดรึเปล่า” ผมมองค้อนเขาหนึ่งทีและทำปากขมุบขมิบราวกับกำลังสาปแช่ง ไอ้ยักษ์เดินออกไปนอกระเบียงห้องพักของไวโอล่า หน้าเขายิ่งสว่างเพราะแดดยามสายของที่เชฟฟิลด์

           

 

ผมขี้เกียตอบคำถามเขา เลยดึงกางเกงลงไปครึ่งตูดแล้วเอนตัวนอนตะแคงข้าง ส่งโทรศัพท์จากมือขวาไปมือซ้าย แล้วเลื่อนกล้องหน้าไปตรงแก้มก้นด้านซ้ายของตัวเอง ผมบิดคอมองหน้าจอ วิคเตอร์กำลังเพ่งมองสิ่งที่ผมถ่ายให้เห็น

           

 

“มองไม่ชัด อะไรน่ะ” ผมยืดแขนอีกนิดและบิดตัวอีกหน่อย เล็งกล้องหน้าให้โฟกัสสิ่งที่ผมอยากให้เขาเห็น

           

 

“เห็นยัง” วิคเตอร์เงียบไป ผมบิดคอเหลือบมอง และจับกล้องให้นิ่ง ให้โฟกัสก้นตัวเองดีๆ

           

 

“เฮ้ย!” ผมยิ้มกว้าง เขาคงเห็นแล้ว ผมเลื่อนโทรศัพท์มาไว้ตรงหน้า ไอ้ยักษ์หน้าตาขมุกขมัวจนผมงง

           

 

“อะไรอะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

           

 

“ให้ช่างผู้ชายสักเหรอ ทำไมไม่ใหผู้หญิง ฮะ ไอ้เอเลี่ยน?!” ผมหน้าเหวอ มองเขาด้วยความเอ๋อเล็กน้อย ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว

           

 

“อะไรเนี่ย โฟกัสรอยสักสิ ไปโฟกัสช่างทำไม”

           

 

“มันจับก้นนายรึเปล่า”

           

 

“เอ๊า สักที่ก้นก็ต้องจับก้นสิ ให้ไปจับที่ไหน…” ไอ้ยักษ์ย่นคิ้วมองผมเหมือนเด็กโดนขัดใจ

           

 

“…เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ น่า ไม่สนใจผมหรอก อย่างี่เง่านะวิคเตอร์ ให้ดูอีกอย่าง ไปคิดถึงถึงอีกอย่าง ไม่งั้นผมไปลบรอยสักทิ้งนะ”

           

 

“ไม่ต้อง ฉันชอบ” ผมยิ้ม ส่วนไอ้ยักษ์ก็หน้ามึน ก็ดีกว่าหน้าเมื่อกี้แหละ

           

 

“คุณสักอกซ้าย ผมสักก้นซ้าย”

           

 

“ทำไมไม่สักแล้วมาเซอร์ไพร์สวันเกิดฉันล่ะ”

           

 

“ผมเดินเจอร้านพอดี แล้วมีแต่คนคอนเฟิร์มว่าร้านนี้ดีและดังมาก ผมเลยเข้าไปสักเลย” วิคเตอร์บิดปากนิดๆ แล้วพยักหน้าสองสามที

           

 

“กลับมาเดี๋ยวเลียให้” ผมหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม

           

 

“เลียอะไรเหรอ” ผมแกล้งถามหน้าตางงๆ

           

 

“เลียรอยสักไง จะได้หายเจ็บ” ถึงจะบอกว่ารอยสักแต่รอยยิ้มและดวงตาสื่อมากว่าไม่ใช่รอยสัก

           

 

“ชอบจริงเหรอ”

           

 

“จริง เท่ดี เห็นแล้วเกิดอารมณ์” ผมย่นคิ้วงง

           

 

“เกิดอารมณ์ง่ายไปรึเปล่าเนี่ย”

           

 

“จะสี่เดือนแล้วนะที่ฉันไม่ได้ยัดxxxใส่ตูดนาย น้ำฉันคั่งอยู่ในจู๋เป็นตันๆ” ผมเม้มปากกลั้นยิ้มจนจมูกบาน

           

 

กลับไปได้มีการจัดหนักจัดเต็มแน่ๆ ว่าไปก็คิดถึงยักษ์น้อยเนอะ

           

 

“ก็… เดี๋ยวกลับไป เอาออกให้” วิคเตอร์คลี่ยิ้มอัตโนมัติราวกับตั้งโปรแกรมไว้กับประโยคแนวนี้ เขามองผมตาวาว ผมเม้มปากเขินๆ ก่อนจะพยายามเก๊กหน้านิ่งไว้

           

 

“ขอคุยกับแฝดหน่อยสิ” รอยยิ้มเขาหุบฉับราวกับตั้งโปรแกรมไว้สำหรับประโยคแนวนี้เช่นกัน

           

 

“มันพูดได้ที่ไหนล่ะ ตอนนี้ก็หลับอยู่ วู้ว บ้ารึเปล่า คุยกับเด็กเพิ่งเกิดเนี่ย” ผมขมวดคิ้ว รู้สึกเอ๋อๆ งงๆ กับเขา

           

 

“เฮ่ย…” ผมยกมือเกาหัว รู้สึกเหนื่อยใจเล็กๆ กับเด็กโข่งตรงหน้า

           

 

“…เออ ไม่คุยก็ด้ะ เดี๋ยวกลับไปก็ได้คุย”

           

 

“ไม่ได้คุยหรอก ฉันจะเอามันไปลอยน้ำแล้ว” พูดสามรอบได้ละมั้งเรื่องจะเอาไปลอยน้ำ คิดจริงจังอยู่รึเปล่าเนี่ย ความคิดไอ้ยักษ์ยิ่งประหลาดๆ อยู่

           

 

“ไอ้ยักษ์บ้า งั้นแค่นี้แหละ ดูแลไวโอล่ากับแฝดด้วยนะ อีกสี่วันเจอกัน”

           

 

“ห้ามช่วยตัวเองนะ เก็บน้ำไว้มาแตกด้วยกัน” ผมแยกเขี้ยวใส่เขา

           

 

“รู้แล้วน่า แค่นี้นะ ผมต้องไปเคลียร์บิลอีก” ผมส่งจุ๊บให้เขา วิคเตอร์ลาด้วยการชูสองนิ้วหันเข้าหาตัวเองแล้วรัวลิ้นใส่ร่องกลางระหว่างนิ้วทั้งสองก่อนจะปิดวิดีโอไป ผมหัวเราะกับความลากมกของเขา วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะหัวเตียง บิดคอหันไปมองรอยสักสีดำบนแก้มก้นซ้ายของตัวเองแล้วยิ้ม ยื่นมือซ้ายหมายจะลูบเบาๆ แต่แค่ปลายนิ้วสัมผัสก็ระบมไปทั้งก้นจนหน้านิ่วคิ้วย่นด้วยความเจ็บปวด

           

 

โอยยย…

 

 







เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               นังแมทไปสักมาเหรอคะ O.o? ต๊าย เอาใจหลัวสุดอะไรสุด

               เนี่ย เห็นม้ายยย เรื่องราวมีแต่เฮฮาปัญญาอ่อนแล้ว (ยักษ์ปัญญาอ่อนสุด) ดราม่าอะไรไม่มี้ !

               เสียงสูงอีกละ

               คือดูจากสถานการณ์ นุ้งแฝดออกมา ก็สมใจยักษ์แล้วที่จะเอามารั้งขุ่นแม่แมทไว้ไม่ให้ไปทำงาน แมทก็ทำตัวเข้าทางไอ้ยักษ์เลยคือรักลูกทูลหัวมาก รักมากไม่นอกใจด้วย

               ครอบครัวสุขสันต์กำลังรอเราอยู่

               ฮะ?

               อย่างที่เคยบอก ใครผ่านความหนักหน่วง ความป่วงใจใดๆ มา หัวใจกำลังจิเบิกบานนน

               ตอนนี้ต้นฉบับเรื่องนี้เขียนจบครบทุกตอนแล้ว ระหว่างเขียนมีใจสั่นไหว นั่งร้องไห้คนเดียวก็มี แต่ยังบอกอะไรมากไม่ได้ รออัปจบก่อน แล้วจะมีเล่าสู่กันฟังอีกที

               ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจ เป็นพลังใจที่ดีต่อคนเขียนจริงๆ ค่ะ อ่านคอมเม้นต์แล้วก็ปลื้มมม เห็นคะแนนโหวตแล้วก็เปรมมม

           

               

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโดพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 100% :09.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-03-2018 21:19:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 100% :09.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-03-2018 22:07:55
อยากรู้ว่าแมทสักอะไร  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 100% :09.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 10-03-2018 00:30:08
โอยยยย หวานจิ๊งงงงคู่นี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 100% :09.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-03-2018 01:07:20
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 100% :09.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-03-2018 02:15:59
อย่าบอกนะว่าสักหน้าเตอร์  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 100% :09.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-03-2018 09:04:47
แมทสักอะไเนี่ยะ อยากรุ้ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.22 100% :09.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 15-03-2018 19:41:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 50% :16.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-03-2018 20:04:57


Yours and Mine EP.23 :: Alien God Mother. (เอเลี่ยนแม่ทูลหัว) [50%]





“อยากกินบอนชอนก่อนกลับอะ ที่อังกฤษไม่มีให้กิน” ผมบอกไอ้แชมป์ที่ยังคงทำหน้าที่ผู้ดูแลผมได้สมกับค่าจ้าง เอ้ย สมกับความไว้ใจที่วิคเตอร์มีให้ วันนี้มันรับหน้าที่มาส่งผมกลับอังกฤษ พ่อกับแม่ไม่ได้ติดภารกิจอะไร เราลากันปกติ ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้เศร้าใจ แม่ให้น้ำพริกปลาร้า พ่อให้หมูหยองกับแคปหมูมาก็ส่งกันเสร็จละ

           

 

“น้องอาราเล่ไปไหนอะ”

           

 

“ไปซื้อน้ำอ้อยอะไรของมันก็ไม่รู้” ผมตาโตแล้วกวักมือตรงหน้าไอ้แชมป์รัวๆ ตอนที่หย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ในร้านบอนชอนในสนามบิน

           

 

“ฝากซื้อด้วยๆ น้ำอ้อยแฟมิลี่มาร์ทใช่มั้ย เอาแก้วนึงๆ” ไอ้แชมป์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาน้องเขา

           

 

“อั่งเปา…” ชื่อเล่นเด็กไอ้แชมป์มัน

 

 

“…เฮียฝากซื้อน้ำอ้อยให้พี่แมทเขาหน่อย… เฮียไม่เอา… แค่นี้แหละ” ผมอมยิ้มจนไอ้แชมป์ทำหน้างงด้วยความสงสัย ไอ้ตี๋เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

 

 

“เดี๋ยวนี้มียศนำหน้าว่าเหี้ย เอ้ย เฮียนี่ดูภูมิฐานขึ้นนะ” ไอ้แชมป์ยิ้มเหี้ยมแล้วยื่นมือมาผลักหัวผมจนผมหน้าหงาย ผมดึงหน้ากลับมาแล้วถลึงตาใส่มัน

 

 

“กูภูมิฐานมานานแล้วโว้ย”

 

 

“แหวะ ฐานต่ำอะดิ… โอะ โอ๊ย!” ผมโดนมันผลักหัวสองทีติดกัน ไอ้แชมป์ลุกหนีไปสั่งอาหารตรงเค้าน์เตอร์ทันควัน ผมทันเอื้อมมือไปตีไหล่มันหนึ่งทีพอดีกับที่โทรศัพท์ผมสั่น ผมหยิบออกมาจากกระเป๋าเป้ เห็นเป็นวิคเตอร์คอลสไกป์มา

 

 

“ฮัลโหลลล” ไอ้ยักษ์กระตุกยิ้มเพียงนิดแล้วก็กลับไปหน้าตึงๆ

 

 

“เป็นอะไรน่ะ” ผมถามเขาพลางหยิบหูฟังสีขาวออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วเสียบเข้ากับตูดโทรศัพท์ จับหูฟังด้านขวาเสียบเข้าไปในรูหู เสียบสองรูเดี๋ยวพูดดังแบบไม่รู้ตัว

 

 

[ทำอะไรอยู่เหรอ] มาแปลก มีปัญหาหนักใจขนาดไหนล่ะคราวนี้ เผลอไปนอนกะสาวที่ไหนมาอีกรึเปล่าเนี่ย

 

 

“กินข้าว เครื่องออกตอนบ่ายโมง ถึงฮีทโธรว์ก็ห้าหกโมงเย็นที่ลอนดอนแหละ…” ไอ้ยักษ์พยักหน้า สีหน้าไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด ผมเงยหน้ามองไอ้แชมป์ที่เดินถือถาดอาหารกลับมาที่โต๊ะ ขมวดคิ้วนิดหน่อยกับความไวในอาการได้อาหาร มันอ้าปากพูดเป็นคำว่า กูหล่อ ซึ่งไม่ได้เข้ากันเลย ก่อนก้มกลับไปมองพ่อรูปหล่อของผม

 

 

“…ว่าไง เกิดอะไรขึ้น” วิคเตอร์ถอนหายใจยาวพลางขยับตัวบนเตียงนอนในห้องนอนเขาที่บ้านพ่อ ส่วนบ้านเราก็จะได้เข้าไปอยู่อาทิตย์หน้าแล้ว

 

 

[สามีคลอเดียส่งคนมายิงฉัน เพราะฉันเกือบไปนอนกับเมียมัน] ผมชะงักแล้วก็มึนตึ้บ ถึงกับหยิบจับทำอะไรไม่ถูกปล่อยให้ไอ้แชมป์เป็นคนจัดการทำทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย

 

 

[ฉันก็เพิ่งรู้เธอมีสามีแล้ว ออสตินตามสืบจนแน่ใจ] สีหน้าของเขามันปนกันทั้งเครียดและแค้น

 

 

“เขาเป็นพวกผู้มีอิทธิพลเหรอ” วิคเตอร์เบะปากเล็กน้อย

 

 

[มั้ง เห็นว่าเป็นไอ้แก่มีธุรกิจมากมาย] ผมมึนอีกสักแปบก่อนที่จะเบ้ปากใส่ไอ้ยักษ์จนเขางง

 

 

“You deserve it! You almost become a ghost because you are going to sleep with another woman! (สมน้ำหน้า เกือบตายเพราะเป็นชู้กับเมียคนอื่น)” ไอ้แชมป์ที่กำลังแทะไก่เงยหน้าขึ้นพรึบ เป็นจังหวะที่น้องอาราเล่เดินกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบแล้วยื่นมือไปรับน้ำอ้อยจากน้องเขา

 

 

[Whoah?! Why did you say like that? (อะไรวะ ทำไมมาสมน้ำหน้ากันแบบนี้ล่ะ)] ยังมีหน้ามาถาม ผมหุบยิ้มเมื่อกี้ฉับพลัน แล้วหน้าบึ้งใส่เขา ยื่นมือไปหยิบน่องไก่ขึ้นมากินด้วยความโมโหเล็กๆ

 

 

“So keep it in your mind—do not do this again. A super womanizer! A super bad giant! (จะได้จำ ว่าไม่ควรทำตัวแบบนี้อีก เจ้าชู้ดีนัก ไอ้ยักษ์เลว)” ไอ้เลวที่ผมด่าทำหน้าเหวออ้าปากหวอ

 

 

[What?! You have been cried for me because you afraid I’m gonna die. (เฮ้ย ก่อนหน้านี้นายยังร้องไห้กลัวฉันตายอยู่เลยนะ)] ผมถลึงตามองเขาและเคี้ยวไก่งับๆ ด้วยความหงุดหงิด

 

 

“You still alive! (ก็ไม่ตายแล้วนี่!)” ผมกระแทกเสียงพร้อมกับถลึงตามองเขาด้วยความครุกรุ่น แต่ก็ยังพอเหลือสติไม่ให้ตะโกน ไอ้แชมป์กับน้องอั่งเปามองผมด้วยความงงปนตกใจ

 

 

[Alien! (ไอ้เอเลี่ยน!)]

 

 

“NO! Don’t shout to me! How lucky you are that you can talk to me right now! What a pity that the gunman did not shoot your dick! (อย่านะ! ไม่ต้องมาขึ้นเสียงเลย รอดตายมาก็ดีแล้ว เสียดายจริงจริ้งที่มือปืนมันยิงไม่โดนเป้าคุณ)” ยิ่งพูดยิ่งโมโห คือผมโมโหเพราะอีความเจ้าชู้ของเขานี่แหละ นำพาความซวยมาให้จนเกือบถึงชีวิต เกือบตายเพราะความหงี่แท้ๆ

 

 

[When you come back I will let you know how much you gonna pay for me. (กลับมาเดี๋ยวรู้กันว่านายจะเจออะไรบ้าง)] ผมเบ้ปากพลางหยิบน้ำอ้อยที่ฝากน้องอั่งเปาซื้อขึ้นมาดูดจ๊วบๆ อร่อยก็อร่อย โมโหก็โมโห นี่ผมจ่ายเงินน้องเขารึยังเนี่ย

 

 

“And then again, keep it in your mind that you should not play around with any girls. If you was shot again I will shoot you twice! (แล้วก็จำไว้เลยว่าอย่าไปเจ้าชู้เรี่ยราดใส่ใครอีก โดนยิงขึ้นมาคราวนี้ ผมจะยิงซ้ำ!)” โชคดีอยู่นิดหน่อยที่ผมนั่งอยู่ในสุดของร้าน และผู้คนก็กำลังคุยกันจ้อกแจ้กจอแจ มันอาจจะมีบางคนได้ยินบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ตะโกนชัดถ้อยชัดคำแบบไร้มารยาทแม้จะโมโหแค่ไหนก็ตามเถอะ

 

 

[Are you really going to shoot me? Don’t you love me anymore? (ไม่รักฉันแล้วใช่มั้ย จะมายิงฉันทิ้งเนี่ย)] ไอ้ยักษ์ตีหน้าดุ แต่ผมทำตาดุสู้กลับ

 

 

“If you are going to do it again and again. I will not love you anymore. (ก็ถ้ายังทำตัวแบบนี้อยู่ ก็จะไม่รักแล้ว)” ไอ้ยักษ์จ้องผมตาดุแล้วเด้งตัวลุกขึ้นจนเห็นหุ่นเปลือยท่อนบน เขาวางโทรศัพท์ไว้บนต้นขา แล้วสักพักเขาก็ยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัว

 

 

[ขอโท่ดข่าบเมี๊ย พั๊วผิดไปแล้วจิ่งจิ้ง] หน็อย มาทำหน้าอ้อน ผมมองด้วยความเข่นเขี้ยว ปากก็เคี้ยวไก่หงับๆ ความอร่อยนี่มันเต็มปากดีจริงๆ แต่หงุดหงิดก็หงุดหงิดจริง ยิ่งหงุดหงิดก็ยิ่งต้องกินนี่แหละ

 

 

“We will talk this topic again. Take care Viola, okay?! (เดี๋ยวกลับบ้านไปคุยกัน ดูแลไวโอล่าด้วยนะ!)” ไอ้ยักษ์ทำหน้าหงอย

 

 

[ข่าบแม๊] ผมถลึงตาใส่ไอ้ยักษ์ มันยิ้มทะเล้นหน้าเป็นกลับมาแล้วชิงปิดวิดีโอหนี ผมพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วทิ้งกระดูกไก่ลงกระป๋อง ยกนิ้วมือซ้ายขึ้นดูดซอสไก่แรงๆ ดังจุ๊บจั๊บ

 

 

“อะไรวะมึง” ไอ้แชมป์ถามหน้างงๆ ผมถอดหูฟังออก ดันโทรศัพท์ไว้ติดกับกำแพง สะบัดตามองไอ้แชมป์พรึ่บจนมันผงะไปนิด

 

 

“มึงอย่าเจ้าชู้ให้มากนะไอ้ตี๋ มีน้องเขาแล้วก็อย่าวอกแวก” อั่งเปากะพริบตาปริบๆ ปากอ้าหวอด้วยความอึ้ง ไอ้แชมป์เองก็หน้างงกับความวีนเหวี่ยงนี้ ผมจิ๊ปาก หยิบไก่เข้าปากแล้วเคี้ยวงับๆ

 

 

“ผัวมึงทำอะไรให้หงุดหงิดเนี่ยเลยพาลมาหากูสองคน” ผมเคี้ยวไก่ในปากจนหมดก่อนว่าต่อ

 

 

“มึงก็ใช่ย่อยเถอะ” ไอ้แชมป์เบิกตากว้าง หันมองอั่งเปาที่พยักหน้าเห็นด้วยกับผมทันที

 

 

“อ้าวเฮ้ย อย่าหางานให้กู”

 

 

“ถึงพี่แมทไม่หา เฮียก็มีงานอยู่ละ เชอะ ชอบปล่อยให้ผู้หญิงอ่อยอยู่เรื่อย” ไอ้แชมป์ถลึงตามองน้องอาราเล่ที่แลบลิ้นใส่แล้วกลับไปแทะไก่ต่อ

 

 

“ไอ้ห่าแมท ปากดี เดี๋ยวกูจูบปากแม่ง” ไอ้แชมป์ทำหน้าว่าเดี๋ยวเถอะๆ ผมเบ้ปากเยาะเย้ยมัน

 

 

“เนี่ยๆๆๆ” อั่งเปาส่งเสียงแหวขึ้นมา หันไปทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับเฮียแชมป์ของตัวเอง ส่วนไอ้เฮียหน้างงหลงทางไปไม่ถูกแล้ว ผมยิ้มได้บ้าง อารมณ์ดีขึ้นมานิดหลังจากทำให้คนอื่นมีแววทะเลาะกัน

 

 

“ไอ้พวกผู้ชายสายรุกนะ มันจะต้องมีวอกมีแวกเชียวละ” ผมจิกตาใส่ไอ้แชมป์ มันขยับปากด่าผมเป็นอวัยวะเพศชายแบบไร้เสียง ผมเลยด่ากลับไปเป็นอวัยเพศหญิงแบบไร้เสียงเช่นกัน ไอ้ตี๋นี่ก็ตัวดี หญิงเยอะเหลือเกิน

 

 

“กว่าเปาจะจับเฮียได้ ร้องไห้ไปตั้งเยอะแน่ะพี่แมท”

 

 

“มึงอย่านับรวมที่ตอแหลร้องไห้นะไอ้อั่ง” น้องอาราเล่หัวเราะคิๆ ถึงจะทำเป็นมองดุแต่มันก็ยิ้มเอ็นดูเด็กมัน เห็นภาพหวานๆ ดีๆ แบบนี้ ค่อยรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาหน่อย

 

 

“แล้วไปอารมณ์เสียอะไรกับผัวมึง” ไอ้แชมป์หันมาถามพลางแกะเนื้อไก่ส่งเข้าปากน้องอั่งเปาที่นั่งก้มหน้าเล่นเกมโทรศัพท์

           

 

ผมพ่นลมหายใจสั้นๆ หนึ่งที หยิบทิชชูมาเช็ดมือจนสะอาด “มันเจ้าชู้ไปเรื่อยของมันแล้วเกือบซวย”

           

 

ไอ้แชมป์หัวเราะพลางส่งไก่เข้าปากคนข้างกายของมันต่อ “เขาเจ้าชู้แต่เขาก็ไม่ได้ไปเป็นชู้กับใครนี่หว่า”

           

 

ผมเกือบจะเบ้ปากแรง แต่ยั้งตัวเองทัน ไม่ได้เป็น แต่ก็เกือบเป็นไปละ แถมยังเกือบเป็นศพด้วยอีกต่างหาก ที่ผมโกรธแล้วก็หงุดหงิดมันเป็นเพราะความหงี่ ความเจ้าชู้ของเขาทำเขาเกือบตาย ไอ้โกรธที่เขาทำท่าจะนอกใจมันก็มีแหละ แต่น้อยกว่าจุดนี้ ถ้าเป็นประเด็นนี้ผมบอกเลยว่า ไม่ว่าชนชาติไหนๆ แม่งก็ส่งคนมายิงได้ ของกู เมียกู ใครอย่ายุ่ง ขนาดตัวเขาเองยังหึงยังหวงผมอย่างรุนแรง แล้วถ้าจะเจอคนที่แรงกว่าเขาก็ไม่แปลกหรอก

           

 

“เออ ก็หวังว่า” ไอ้แชมป์ยิ้มขำ ป้อนไก่ชิ้นสุดท้ายเข้าปากแฟนมัน

           

 

“เจ็บตูดอยู่ป้ะเนี่ย” ผมเลื่อนมือซ้ายไปจับๆ ตรงแก้มก้นที่ไปสักมา ทำหน้านึกสักแปบก่อนจะตอบไอ้แชมป์

           

 

“ดีขึ้นเยอะนะ วันแรกกับวันที่สองระบมสุดละ หลังจากนั้นมันก็ชิลๆ แล้วอะ”

           

 

“มึงน่าจะสักหน้าวิคเตอร์ไปเลย” ผมทำตาเหลือกพร้อมกับสูดซุปจากช้อนเข้าปาก

           

 

“หือ กับแค่ตัวอักษรกูก็จะตายละ” ผมร้องแหกปากลั่นร้านสักแบบสุดๆ คือตอนเริ่มต้น หลังจากนั้นก็กัดผ้าขนหนูเอาไว้จนกระทั่งเสร็จ พอสักเสร็จผมถึงขั้นต้องเข้าร้านนวดต่อ เพราะผมเกร็งไปทั้งตัวจนกล้ามเนื้อยึด

           

 

“มึงสักแบบไม่มีโอกาสพิเศษอะไรใช่มั้ย” ผมสั่นหัว

           

 

“ไม่อะ เดินผ่านแล้วก็ปิ๊งไอเดียพอดี ความอยากยังมีอยู่กูต้องรีบสัก ถ้าหลังจากนั้นก็ป๊อดแล้ว” ผมไม่ได้มีแพลน หรือคิดมาก่อนล่วงหน้าเลยว่าจะสัก คือไปเดินเที่ยวในตัวเมืองภูเก็ตเรื่อยเปื่อยแล้วเดินผ่านร้านสัก เห็นแล้วว้าบเข้าหัวเลยว่าอยากสัก ก็เลยรีบพาตัวเองเข้าไปด้านใน บอกประโยคอยากสักเสร็จก็นอนคว่ำให้พี่ช่างสุดเท่จัดการจับก้นผมอยู่เป็นชั่วโมง

           

 

“เออ แล้วไอ้ฝรั่งหญ้าอ่อนนั่นล่ะ มันกลับไปยังวะ” ผมตักซุปเข้าปากก่อนตอบคำถามมัน

           

 

“อยู่เที่ยวต่อกับลุงเขามั้ง” หลังจากตอนนั้นที่เราคุยกันก่อนกองถ่ายจะเลิก ผมก็ไม่ได้คุยกับเซบาสเตียนอีกเลยจนกระทั่งก่อนจะบินกลับผมก็ไม่เจอเขา แล้วจากนั้นก็เงียบหายไป เขาคงน่าจะไตร่ครองดีแล้วมั้งว่าทำไปก็เปลี่ยนใจผมไม่ได้

 

 

“มันพยายามเอามึงอะไรขนาดนั้นวะ” ไอ้แชมป์เสนอความเห็นขึ้น ผมพยักหน้าหงึกๆ

           

 

“คิดเหมือนกู เว่อไปอะ กูไม่ได้ชอบเลยนะ มาพยายามแย่งกูเนี่ย แหวนก็เห็นแล้ว รู้จักวิคเตอร์ก็รู้จัก เคยเจอแล้วด้วย แต่ก็ยังจะแย่งกูเกินเบอร์มาก ไม่ได้ภูมิใจเลยเหอะ” ผมตักข้าวสวยเข้าปากแล้วตามด้วยซุปน้ำต้มยำเข้มข้น

           

 

“ไม่ คือกูคิดว่ามึงไม่สวยหรือหน้าตาดีอะ ทำไมมันจะต้องอยากได้มึงขนาดนั้น มันหาคนดีๆ กว่ามึงไม่ได้แล้วเหรอ” ไอ้แชมป์หัวเราะขำขัน ผมหยิบขวดน้ำเปล่าของทางร้านขึ้นมาตีหัวมันหนึ่งที

           

 

“ปากหมาอีห่าแชมป์ ไม่สวย ผัวกูไม่รักไม่หลงขนาดนี้หรอก” ผมเชิดหน้าขึ้น ไอ้แชมป์ทำท่าโก่งคออ้วก

           

 

“กูว่าวิคเตอร์ดวงตกอะตอนคิดเอามึงเป็นเมีย”

           

 

“อีเชี่ยมแชมป์” ไอ้แชมป์หัวเราะ น้องอั่งเปาร่วมหัวเราะด้วยแม้จะก้มหน้าเล่นเกมอยู่ก็ตาม

           

 

“เดี๋ยวรอแปบนะ กูให้ที่บ้านเอาพระมาฝากมึงไปให้วิคเตอร์ก่อน เขาจะได้หลุดพ้นจากมึง”

           

 

“ปากดี อีตี๋หิด!”

           

 

“เออ หิดของไอ้เปานี่ไง”

           

 

“ว้ายยย” ผมอ้าปากกว้าง หัวเราะเขินอายกับประโยคจู่โจมของมัน อั่งเปาหันควับไปมองไอ้แชมป์แล้วแก้มก็แดง ไอ้แชมป์มองเด็กมันแล้วคลี่ยิ้ม น้องอาราเล่เอนหัวไปซบแขนล่ำของไอ้ตี๋ปากหมา

           

 

“เฮียแชมป์อะ!” ไอ้แชมป์ก้มลงหอมหน้าผากเด็กมัน ผมยกมือปิดปากแล้วกรี๊ดเบาๆ ด้วยความเขิน

           

 

“เหี้ยแชมมมป์…” ผมแกล้งแซว ไอ้เฮียของน้องอาราเล่ขยับปากเป็นคำว่าจระเข้ตัวเล็กแบบไร้เสียง ผมหัวเราะคิๆ

 

 

“…น้องอาราเล่ เพื่อนพี่มันขี้หงี่มั้ย” อั่งเปายิ้มเขินแล้วกดหน้าลงช้าๆ แก้มสีขาวแดงแจ๊ด

           

 

“ใช้ได้เลยพี่แมท” น้องอั่งเปาพูดเสียงอ้อแอ้ ไอ้แชมป์เบ้ปากแล้วสั่นหัวรัวๆ

           

 

“มึงบอกด้วย บางทีกูนอนอยู่ก็ขึ้นคร่อมปลุกกู”

           

 

“ฮึ้ยยย” ผมยิ้มตาหยีแล้วห่อไหล่ขึ้นด้วยความเขิน ไม่ใช่ว่าผมหน้าบาง เพราะตัวเองก็มีเรื่องแบบนี้ แต่เวลาได้ยินเรื่องน่ารักๆ ของคนรักกันแบบนี้มันชวนยิ้มจริงๆ นะ

           

 

ต่อให้มีผิดพลาดและสร้างความเจ็บปวดได้ในหลายๆ ครั้ง แต่ความรักมันก็ยังสวยงามจริงๆ นั่นแหละ

 









เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               และใช่ค่ะ อย่างที่หลายๆ คนน่าจะกำลังคิดอยู่ เป็นตอนแอบโปรโมตตอนของแชมป์กรุบๆ  ทำอย่างกับจะเขียนเร็วๆ นี้ ฮึ้ฮึ้ฮึ้ เบนบาส บาสเบน ยังไม่รู้เหนือรู้ใต้เลย แชมป์กับเปาจะแซงได้อย่างไร ถือบัตรคิวไว้ก่อนเนาะ กิ๊ๆๆๆ

               ก็ตามนั้นจ้ะ ผัวคลอเดียส่งคนมายิงอียักษ์โทษฐานไปยุ่งกับเมียเขา เห็นหลายคนเดากันถูก แต่จริงๆ อยากพลิกเรื่องเป็นให้แมทจ้างคนมายิงผัวตัวเองเหมือนกันนะ ข้อหาหมั่นไส้ 555555

               เอเลี่ยนจิกลับอังกฤษแล้น กลับไปสู่ชีวิตเอเลี่ยนน้อยในกรงทองตามเดิม แต่เพิ่มเติมคือมีสองแฝดมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย อิๆ

               จริงๆ แฝดเคยออกมาแล้วนะคะในตอนพิเศษครบรบสักปีของนิยายเรื่องนี้ ตอนนั้นเขียนไว้ในเพจ มีหลายคนได้อ่านไปแล้ว หลายคนก็ยังไม่ได้อ่าน ตามไปอ่านได้ในโน้ตเพจนะคะสำหรับคนที่ยังไม่เคยเจอแฝดในตอนโน้นนน

               ตอนนี้ต้นฉบับเรื่องนี้เขียนจบครบทุกตอนแล้ว ระหว่างเขียนมีใจสั่นไหว นั่งร้องไห้คนเดียวก็มี แต่ยังบอกอะไรมากไม่ได้ รออัปจบก่อน แล้วจะมีเล่าสู่กันฟังอีกที

               ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจ เป็นพลังใจที่ดีต่อคนเขียนจริงๆ ค่ะ อ่านคอมเม้นต์แล้วก็ปลื้มมม เห็นคะแนนโหวตแล้วก็เปรมมม

           

               

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 

               

               แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 50% :16.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-03-2018 20:58:52
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 50% :16.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-03-2018 21:08:44
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 50% :16.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-03-2018 21:15:29
ต่อไปเตอร์จะเป็นซุปตาร์ที่ดังยาวนานชัวส์ ก็เคารพเมียออกอย่างนี้   o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 50% :16.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-03-2018 21:16:30
โป๊ะ ที่คลอเดียจนได้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 50% :16.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-03-2018 22:09:51
จะตายเพราะความหงี่แท้ๆเลยนะวิคเตอร์ แต่ขำตอนไหว้ง้อเมีย 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 50% :16.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 17-03-2018 10:01:34
น่ารักอ่ะเต้อ  “ขอโท่ดข่าบเมี๊ย” 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-03-2018 19:51:29


Yours and Mine EP.23 [100%]




ผมถึงลอนดอนตอนหกโมงเย็น ผ่านด่านต่างๆ และรับกระเป๋าเรียบร้อยก็ออกมาเจอกับออสตินที่มารอรับอยู่ก่อนแล้ว เขาพาผมไปขึ้นเจ้ากระทิงดุสีเทาเงินวาววับที่ถูกขนย้ายมาจากนิวยอร์กด้วยการจ้างเครื่องบินที่ราคาแพงจนผมรู้สึกตัวเบาแทนวิคเตอร์ ผมไม่ได้ขนของอะไรจากเมืองไทยมาเยอะเพราะตอนไปจากนิวยอร์กก็เอาไปนิดเดียว ก็อาศัยว่าเป็นบ้านตัวเองมันเลยสะดวก ขากลับมาก็มีแค่เป้กับกระเป๋าลากใบเล็กที่ในนั้นใส่วัตถุดิบสำหรับทำอาหารจากไทยที่สามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้มากกว่า

           

 

คิดถึงนิวยอร์กจัง ไม่ใช่ว่าอังกฤษไม่ดี แต่ผมก็อยู่นิวยอร์กมาจนชินแล้ว คงต้องปรับตัวกันไป ยังไงซะฤดูใบไม้ร่วงที่ที่นี่ก็ไม่แพ้ที่นู่นหรอก

           

 

“คิดถึงจังออสติน” ผมแกล้งแซวเขาตอนที่รถออกตัวมาได้สักพัก พ่อบอดี้การ์ดหน้านิ่งหันมามองผมตามคาแรคเตอร์

           

 

“ผมกลัวแล้วครับ” ผมหุบยิ้มแล้วหน้าบึ้ง แต่ออสตินก็นิ่งมึนอย่างนั้นต่อไป ผมจิกตาใส่เขาหนึ่งทีแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกม เดี๋ยวเราจะแวะไปโรงพยาบาลกันก่อนเพื่อไปหาไวโอล่าและเจ้าสองแฝดตัวอ้วนนน

           

 

ไวโอล่าเลือกคลอดโรงพยาบาลที่เธอมักจะต้องมาพบคุณหมอประจำตัวเป็นประจำ ผมเป็นกังวลเรื่องสุขภาพของเธอมากตอนรู้ว่าเธอท้อง เพราะเธอเป็นโรคเกี่ยวกับเลือดจาง ด้วยความไม่รู้ก็มโนไปไกล แต่ไวโอล่ายืนยันว่าทุกอย่างปกติดี เธอโลหิตจางจริง แต่เป็นแค่พาหะ ไม่ใช่ตัวเต็ม เลยไม่เป็นอันตราย ถ้าเป็นอันตรายจริงเธอไม่ทิ้งให้เจ้าแฝดอยู่รอดมานานขนาดนี้ เนื่องจากถ้าเป็นแบบตัวเต็ม จะส่งผลเสียต่อเด็กมากกว่าผลดี และถึงแม้เด็กจะเกิดมาปกติ แต่ในอนาคตเด็กจะได้รับมรดกโรคเลือดนี้ไปอยู่ดี ไวโอล่าปรึกษาคุณหมอแล้ว สิ่งเดียวที่หมอเตือนคือเธอต้องผ่าคลอดเท่านั้น คลอดแบบธรรมชาติไม่น่าไหวเพราะเธอตัวเล็ก

 

 

ไวโอล่าบอกว่าเด็กๆ ช่วยให้เธอรู้สึกแข็งแรงขึ้นด้วยซ้ำ น่าจะเป็นเพราะลูกแฝด เด็กแย่งกันกิน เธอเลยกินเยอะมาก แต่ผมก็ได้รู้มาอย่างนึงซึ่งเป็นเรื่องที่ผมก็ประหลาดใจเยอะอยู่ คือจริงๆ แล้วการท้องเด็กแฝดมันเป็นเรื่องผิดปกติในทางการแพทย์ ผมคิดว่ามันคือความโชคดีซะอีก ตอนที่ไวโอล่ามีอาการขยับตัวไม่ได้ ผมก็ใจไม่ดี แต่สุดท้าย สามแม่ลูกนั้นก็ปลอดภัยหายห่วงแล้ว

           

 

ใช้เวลาสองชั่วโมงในการมาถึงโรงพยาบาลในเมืองเกิดของวิคเตอร์ เราขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ไวโอล่าพัก เป็นห้องพิเศษใหญ่โตที่สนับสนุนโดยคุณลุคคุณปู่หล่อของเจ้าแฝดตัวป่วน ตอนที่ผมเดินออกจากลิฟต์ หัวใจผมเต้นตึกๆๆ ด้วยความตื่นเต้น ยังไม่ทันเจอหน้าเจ้าแฝด ผมก็ยิ้มกว้างรอไว้ตั้งแต่ยังไม่ถึงหน้าประตู หัวใจผมเต้นกระหน่ำ ความรู้สึกตื้นตันเต็มอกจนนึกว่าคลอดลูกเอง ออสตินทำหน้ากลัวผมนิดๆ ตอนที่เห็นผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

           

 

แอดดด

           

 

เสียงประตูเกิดขึ้นเบาๆ ตอนที่ผมดันประตูเข้าไปในห้อง วินาทีที่ผมเห็นเด็กผิวขาวผมสีน้ำตาลเข้มนอนดูดนมจากเต้าของไวโอล่าอยู่อย่างสงบ รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างกว่าเดิม น้ำตาผมไหลพรวดออกมาด้วยความดีใจ

           

 

“ฮาโลววว แฝดน้อยยย” ไวโอล่าเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับส่งยิ้มกว้างมาให้ เธอสดใสเปล่งปลั่ง ดูผ่อนคลายมาก เจ้าสองแฝดนอนดูดนมแม่ตัวเองจุ๊บๆ ริมฝีปากขยับน่ามันเขี้ยวมาก ผมเข้าไปยืนติดขอบเตียง หัวเราะเบาๆ และยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา มองสองหนุ่มตัวจ้ำม่ำที่โดนผ้าสีขาวห่อตัวด้วยความดีใจ เหมือนยางมิชลินจริงๆ ด้วยยย

           

 

“น่ารัก เอ้ย แม่ฉันบอกว่าต้องบอกว่าน่าเกลียดน่าชัง” ไวโอล่ากะพริบตาปริบๆ

           

 

“ทำไมล่ะ”

           

 

“คนไทยมีความเชื่อว่าถ้าบอกว่าน่ารักเดี๋ยวจะมีคนมาขโมยเด็กไป” คุณแม่มือใหม่มีท่าทีสนใจในตำนานเรื่องเล่าของชาวไทย

           

 

“จริงเหรอ คยไทยเชื่ออะไรประหลาดจัง” เหมือนโดนด่า แต่ว่าช่างเถอะ

           

 

“แก้มยุ้ยเชียว…” ฟอด ผมที่กำลังยิ้มแย้มกับแฝดปุ๊กลุ๊กทั้งสองคนหันไปมองคุณลุงหน้ายักษ์ของเจ้าแฝดที่เดินเข้ามาหอมแก้มผมและยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง จากที่กำลังยิ้มผมหุบยิ้มฉับ

           

 

“อ้าว ไอ้เอเลี่ยน” วิคเตอร์ถลึงตาใส่ ผมถลึงตาสู้กลับ ก่อนหันกลับไปยิ้มให้กับสองแฝดที่ดูดนมจุ๊บๆ ได้น่าเอ็นดูมาก

           

 

“อ้วนจังเลยอะ มันเขี้ยว” ไวโอล่าหัวเราะเบาๆ

           

 

“อุ้มมั้ย” ผมทำตาโต รู้สึกตื่นเต้น

           

 

“แต่เขากินนมกันอยู่นะ”

           

 

“เดี๋ยวก็พอแล้ว ดูดเกินโควต้าแล้วละ” ผมพยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น เผลอหันไปมองวิคเตอร์ทั้งที่กำลังยิ้ม แต่ก็หุบยิ้มทันก่อนหันกลับมายิ้มให้แฝดอีกที วิคเตอร์ยกมือผลักหัวผมเบาๆ

           

 

“คนไหนแฮคเตอร์ คนไหนเฮคเตอร์อะ” ผมถามดวงตาเป็นประกาย มองลูกชายทูลหัวของตัวเองด้วยความตื้นตันใจ

           

 

“คนขวาเฮคเตอร์เป็นพี่ ออกมาจากท้องก่อนสักสามสิบวิได้มั้ง คนซ้ายแฮคเตอร์เป็นน้อง แต่จริงๆ คุณหมอบอกว่าเท่าเทียมกัน แต่ความเป็นพี่น้องให้ตามลำดับที่ออกมาจากท้องฉันก่อนหลังน่ะ” ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู

           

 

“มันจับมือกันด้วยตอนก่อนจะคลอดอะ” ผมหันไปมองพ่อยักษ์หนวดผมยาว เขาพยักหน้ายืนยันตามที่พูด ผมหันกลับไปมองไวโอล่าที่คลี่ยิ้มอยู่

           

 

“หมอบอกว่าเฮคเตอร์ไม่ยอมปล่อยมือน้องตอนดึงเขาออกมา แกะอยู่พักนึงเลย สงสัยอยากออกมาพร้อมกัน”

           

 

“โอ๊ยยย ลูกกก” ผมยิ้มตาหยี ก้มลงลูบหัวเฮคเตอร์เบาๆ จังหวะนั้นเองที่เจ้าแฝดคนพี่ปล่อยปากออกจากหน่มน๊มของไวโอล่าแล้วส่งเสียงร้องราวกับทักทายหรือกำลังจะบอกว่ารำคาญก็ไม่รู้

           

 

“แอ๊ แอ๊ะ” เราทั้งสี่คนหัวเราะ แม้กระทั่งออสตินที่นิ่งมากยังหัวเราะไปด้วย ผมยิ้มกว้างและมองหน้าไวโอล่าเป็นการขออนุญาต เธอพยักหน้าอย่างเต็มใจพลางใช้มือขวาดันเสื้อสีฟ้าเข้ามาปิดเต้านมขวา ผมก้มตัวลงช้อนเฮคเตอร์ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนตัวเองด้วยความระมัดระวัง เจ้าตัวน้อยลืมตาขึ้นมองผมอย่างง่วงๆ

           

 

“ว้าววว ตาสีฟ้า” โตขึ้นสีตาต้องแจ่มกว่านี้แน่นอน ขนาดตอนนี้ยังมองออกเลยว่าสีตาสวยมาก ผมยกมือซ้ายลูบหัวหลานเบาๆ ผมสีน้ำตาลเข้มนั้นเป็นสีเด่นและแอบมีสีทองแซมอ่อนๆ ผมว่าเส้นผมสีนี้ของฝรั่งสวยดีนะ

           

 

“ไอ้ลูกหมู” ผมหันไปมองไอ้หมูตัวพ่อที่ย่นจมูกใส่เฮคเตอร์ ผมเบ้ปากสู้แทนหลาน

           

 

“หมูแต่ก็น่ารักเถอะ” วิคเตอร์กลอกตายักไหล่ มือขวาเลื่อนมาจับเอวผมไว้

           

 

“แอ้ แอะ” เราเลื่อนสายตาไปมองที่แฮคเตอร์ เจ้าแฝดคนน้องที่ปล่อยปากออกจากเต้าคุณแม่แล้ว

           

 

“สงสัยอยากให้แม่ทูลหัวอุ้มด้วย” ไวโอล่าว่ายิ้มๆ ผมยิ้มเขิน แต่ก็ตื่นกลัวในเวลาเดียวกัน

           

 

“อุ้มยังไงอะ สองคนเลย ฉันกลัวทำหล่นอะ”

           

 

“ไม่หล่นหรอก ใจเย็นน่า” ไวโอล่าปลอบใจพลางอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมา ผมค่อยๆ ขยับเฮคเตอร์ไว้บนแขนซ้ายโดยมีวิคเตอร์ช่วยประคองไว้อีกที ออสตินเดินเข้ามาช่วยรับแฮคเตอร์ขึ้นมาแล้ววางไว้บนแขนขวาของผม

           

 

“อ๊า ฮะๆ ตื่นเต้นจัง แฝด แฝดดดด” ผมยิ้มอ้าปากกว้าง งอข้อศอกในองศาที่พอเหมาะแก่การให้เด็กสองคนนอนบนนี้ได้ ผมยืนชิดติดเตียง กะว่าถ้าหล่นก็หล่นลงบนเตียงนี่แหละ

           

 

“หน้าเหมือนกันเลยอะ แยกแทบไม่ออก” ผมมองสลับหน้าทั้งสองคน ตาสีเดียวกันเป๊ะ หน้าก็พิมพ์เดียวกัน แต่สีผมของแฮคเตอร์ดูจะอ่อนกว่าของคนพี่

           

 

“โตขึ้นเดี๋ยวก็ดูออกเองแหละ” วิคเตอร์ว่า พลางมองสองแฝดหน้ามึน กำลังคายตะขาบความมึนให้หลานอยู่ใช่มั้ยเนี่ย

           

 

“แอะๆ แอ๊ะ” ผมหันกลับมามองเจ้าแฝดที่กำมือกันเบาๆ ทั้งสองคน สายตาจ้องมองหน้าผมจนแทบจะเลือกไม่ถูกว่าจะมองคนไหนก่อนดี

           

 

“ว่ายังไงค้าบ พี่เฮคเตอร์ น้องแฮคเตอร์” เออ ชื่อมันเหมือนกันจริง แต่ไม่เป็นไร ผมชอบชื่อนี้

           

 

“อยากถ่ายรูปอ้ะ ถ่ายให้หน่อย” ผมหันไปบอกวิคเตอร์ เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วยื่นให้ออสติน

           

 

“ถ่ายให้ทีสิออสติน” ว่าเสร็จเขาก็เข้ามายืนซ้อนหลังผม สองแขนโอบเอวผมไว้หลวมๆ

           

 

“ผมจะถ่ายกับแฝด ไม่เอาคุณอยู่ในเฟรมสิ”

           

 

“ไม่ ฉันจะอยู่ด้วย ไม่งั้นก็ไม่ต้องถ่าย” เขาว่าหน้ามึน มีการแลบลิ้นใส่แฮคเตอร์ที่แลบลิ้นคาปากไว้ คือเด็กมันทำตามธรรมชาติมั้ยล่ะ

           

 

“ก็ได้ รูปหน้าผมขอถ่ายกับแฝดสามคน” วิคเตอร์ขมวดคิ้วหน้าตาขัดใจ ผมทำตาโตใส่ เขาเลยยอม เราหันมองกล้องแล้วฉีกยิ้มกว้าง พอถ่ายเสร็จผมก็ดันเขาออกไป วิคเตอร์ผลักหัวผมเบาๆ หนึ่งที แต่ผมไม่สนใจ อุ้มเจ้าแฝดไว้แล้วฉีกยิ้มกว้าง

           

 

“เรียบร้อยครับ”

           

 

“ถ่ายกับไวโอล่าด้วย” ผมเขยิบเข้าไปใกล้เตียงอีกนิด ไวโอล่าเอียงตัวเข้ามาในเฟรม เราสองคนฉีกยิ้มกว้าง ส่วนเจ้าแฝดนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของผม สักพักวิคเตอร์ก็กลับเข้ามาอยู่ในเฟรมด้วย ออสตินกดถ่ายรัวๆ จนผมคิดว่าเมมจะเต็มแล้วนั่นแหละเขาเลยหยุด

           

 

“คืนนี้แฝดนอนไหน”

           

 

“เดี๋ยวพยาบาลพาไปนอนที่ห้องเด็กอ่อนก่อนน่ะ” ผมพยักหน้า ก้มลงมองสองแฝดที่ตอนนี้หลับตาพริ้มไปแล้ว ราวกับรู้หน้าที่ว่าเมื่อกี้ต้องลืมตาถ่ายรูป

           

 

“เดี๋ยวพี่กลับไปเอาเสื้อผ้าแล้วจะกลับมานอนเฝ้า” ไวโอล่ายิ้มรับ ผมโยกตัวเบาๆ เป็นการกล่อมแฝดหมู

           

 

“คุณลุคมามั่งยังเนี่ย”

           

 

“มาแล้วละ แต่ก็อยู่ไม่นานหรอก” ไวโอล่าเหลือบไปมองวิคเตอร์ที่เอานิ้วจิ้มจมูกเฮคเตอร์เบาๆ ผมพยักหน้าเข้าใจทันทีว่าเธอสื่อถึงอะไร

           

 

หลังจากยืนกล่อมเจ้าแฝดหลับสนิทไปได้เกือบสิบนาที ก็มีนางพยาบาลสามคนเดินเข้ามาในห้อง สองคนมาอุ้มเจ้าแฝดตัวอ้วนออกไปจากห้องเพื่อพาไปนอนยังห้องเด็กอ่อน เป็นการปกป้องเด็กจากเชื้อโรค จะถูกอุ้มออกมาอีกทีตอนที่คุณแม่ต้องให้นม ส่วนพยาบาลอีกคนมาเพื่อชำระล้างร่างกายให้คุณแม่

           

 

“ออสติน เดี๋ยวนายอยู่เป็นเพื่อนไวโอล่าก่อน เดี๋ยวฉันกับแมทกลับมาเปลี่ยน” บอดี้การ์ดหัวเกรียนพยักหน้าหนึ่งครั้ง

           

 

“ได้ครับ”

           

 

“ออสตินนอนไหนอะ”

           

 

“บ้านใหม่”

           

 

“หูย ได้เข้าไปนอนก่อนใครเลยนะ” พ่อบอดี้การ์ดยักคิ้วให้ผมหนึ่งที แต่ก็ยอมใจเขานะ ขับรถกลับบ้านใหม่อีกตั้งสองชั่วโมง วิคเตอร์คงส่งเขาไปเฝ้าบ้านไว้ เพราะตอนนี้ของมีราคาก็เต็มบ้านแล้ว ส่วนที่บ้านพ่อวิคเตอร์ มีบอดี้การ์ดของคุณลุคเฝ้าอยู่แล้วเลยไม่น่าห่วง เห็นว่าบอดี้การ์ดคุณลุคนี่ฝีมือระดับพระกาฬเลยนะ ฆ่าได้ฆ่า ใครตายช่างมัน

           

 

“ไวโอล่าจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่” ผมถามตอนที่เราเดินออกมาจากลิฟต์แล้วก้าวเท้าเดินออกจากตัวตึกโรงพยาบาลไปยังลานจอดรถ

           

 

“ฉันขอหมอให้วีออกอาทิตย์หน้า จะได้ย้ายเข้าบ้านใหม่เลย”

           

 

“พ่อคุณจะยอมง่ายๆ จริงเหรอ”

           

 

“ไม่ง่ายหรอก แต่เขาก็ต้องยอม” ว่าชิลๆ อีกละ ผมไม่เห็นความชิลในหัวข้อนี้เลยเถอะ ถึงแม้ว่าผมยังไม่เจอพายุของคุณลุคเรื่องสองแฝดตรงๆ แต่ที่รับฟังมาเรื่อยๆ ก็พอจะบอกได้แล้วละว่าเขาไม่ยอมง่ายๆ แบบที่วิคเตอร์ว่า

           

 

“นั่นพ่อคุณนะ”

           

 

“ใช่ ก็พอฉันน่ะสิ” วิคเตอร์กดรีโมตปลดล็อครถ ตาของเจ้ากระทิงดุส่องสว่างวาบแว้บๆ ประตูรถเลื่อนขึ้นอัตโนมัติ ผมดันฝั่งตัวเองขึ้นอีกนิดแล้วหย่อนตัวเข้าไปนั่งพร้อมวิคเตอร์ ประตูรถเลื่อนลงปิดช้าๆ ผมมองบรรยากาศยามค่ำข้างนอกรถด้วยความรู้สึกแปลกที่แปลกทาง ถ้าไอ้กระทิงดุสีเทาเงินมันวาวตัวนี้มีความรู้สึก ผมอยากถามมันนะว่าชินกับอังกฤษรึยังหลังจากอยู่นิวยอร์กมาเกือบสิบปี

           

 

แต่ว่าตอนนี้ทำไมกระทิงไม่ขยับ ผมหันไปมองซ้ายมือตัวเอง วิคเตอร์กำลังนั่งมองหน้าผมเงียบๆ

           

 

“มีอะไรอะ ไม่กลับบ้านรึไง” วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปาก ทิ้งสายตามีเลศนัยไว้ก่อนหันกลับไปมองด้านหน้าพร้อมกับสตาร์ทรถแล้วก็เหยียบคันเร่งให้รถออกตัว ผมย่นคิ้วงงกับท่าทีของเขา แต่ก็ไม่ได้นึกอยากถามต่อ สักพักเขาก็ยื่นมือขวามากุมมือซ้ายของผมไว้ ผมเลื่อนสายตามองหน้าเขา สายตาวิคเตอร์กำลังมองถนนแต่ริมฝีปากของเขายิ้มกรุ้มกริ่มละมุนละไมจนผมต้องคลี่ยิ้มตามแบบงงๆ

           

 

“อะไร” เขาหันมามองผมทั้งที่ยังยิ้มแบบนั้นอยู่ ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เขายกหลังมือซ้ายผมไปจูบหนึ่งทีแล้วเอาวางไว้บนตักเขา กุมไว้ตามเดิม และใช้มือซ้ายบังคับพวงมาลัยไปเรื่อยๆ ผมคลี่ยิ้ม หันกลับไปมองถนน เอนหัวกับเบาะรถ นั่งปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรู้สึกอบอุ่นที่ส่งผ่านกันทางมือ แหวนหมั้นของเราสองคนไขว้เคียงคู่กันอย่างน่ามอง

           

 

เราสองคนนั่งกุมมือกันเงียบๆ ไปตลอดทางที่กลับบ้าน และวิคเตอร์ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตลอดทางเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าเขายิ้มเพราะอะไร แต่พักเรื่องที่หงุดหงิดเขาก่อนหน้านี้ไว้ก่อนก็ได้ ค่อยหาจังหวะหงุดหงิดอีกที

           

 

เอ๊ะ หรือทำเนียนกลบเกลื่อนเรื่องราวนะ ยักษ์ยิ่งตีมึนเก่งอยู่ด้วย ทำไม่พูดถึงแล้วหลอกให้ผมลืมแน่ๆ ถนัดนักเรื่องการกลบเกลื่อนความชั่วร้ายของตัวเองเนี่ย

           

 

แฝดอย่าติดนิสัยนี้ของลุงหนูมานะลูก


 

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               แฝดหมูหมาแล้วววว อ้วนท้วมสมบูรณ์ และพร้อมจะแย่งความรักแมทจากวิคเตอร์ไปครอง อ้าว

               โถ่ ลุงยักษ์ กลัวเมียรักหลานมากกว่า น่าสงจุง

               กับเด็กขอให้บอก ไอ้ยักษ์เก่งด้วยเสมอ ไม่มีทางสู้ยิ่งชอบ 555555

               ฝากประชาสัมพันธ์เนียนๆ (เนียนเหรอ) ในนี้แล้วกันว่า เดือนหน้าอัปพี่แซ็คต่อค่า ตอนนี้ต้นฉบับเรื่องนี้เสร็จหมดแล้ว มีเวลาให้ลุงแซ็คแกเต็มที่แล้วววว

               ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจ เป็นพลังใจที่ดีต่อคนเขียนจริงๆ ค่ะ อ่านคอมเม้นต์แล้วก็ปลื้มมม เห็นคะแนนโหวตแล้วก็เปรมมม

           

               

            สำหรับใครที่พรีออเดอร์หนังสือพาร์ทนี้ไว้ อ่านความคืบหน้าและคำอธิบายล่าสุดได้ที่เพจขุ่นเจ้เลยนะคะ ปักหมุดโพสต์นั้นไว้ให้เรียบร้อยค้าาา 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: mxb ที่ 22-03-2018 20:22:43
เตรียมทิชชู่รอแล้วววววว  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-03-2018 22:35:03
หลงรักฝาแฝด
แต่วิคเตอร์มีแผนอะไรแน่เลยใช่มะ เกียมกระดาษทิชชู่ซับเลือด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 22-03-2018 23:29:03
เอเลียนกลับมาแล้วดูทุกคนมีชีวิต ชีวาขึ้น ไม่ว่าจะวิคเตอร์ ออสติน คุณแม่และลูกหมู เอเลี่ยนกลับไทยคงเหงาน่าดู
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-03-2018 23:39:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-03-2018 23:52:32
แมท ตื่นเต้นสุดๆกับการเป็นแม่ทูนหัว   :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 23-03-2018 00:16:09
แปลกๆนะวิคเตอร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 01:12:08
อิเตอร์กะมอมเอเลี่ยนให้หลงให้ลืมสิ้นทุกปัญหาเลยสิท่า  o18
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: cookie12ck ที่ 23-03-2018 02:44:31
เจอดีแน่แมค :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkping ที่ 23-03-2018 05:14:23
วิคเตอร์​อยากพาสำรวจบ้าน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-03-2018 09:29:06
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 23-03-2018 09:47:36
 น้องแมทน่าจะยังไม่รู้ตัวว่าอิวิคยิ้มทำไม  เดาว่านางกำลังอารมณ์ดีที่เมียกลับบ้าน คึคึ :z1: รออ่านตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.23 100% :22.03.61:
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-03-2018 17:31:26
เด็กแฝดน่ารักมากมายย หลงน้องงง
ยักษ์วางแผนอะไรอยู่ แมทโดนดีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-04-2018 19:39:53


Yours and Mine EP.24 :: It's a small world. (โลกมันกลม) [60%]




เช้าวันถัดมาตอนเกือบเก้าโมงเช้าออสตินก็มารับเราสองคนกลับบ้าน นับถือใจออสตินยิ่งนัก เมื่อคืนขับกลับไปนอนบ้านใหม่ เช้าอีกวันก็ต้องขับกลับมารับเราสองคนที่โรงพยาบาล และก็ตามเคย เขาชิล เขาทำได้ เพราะเขาได้ตังค์ ตอนที่เรากำลังจะกลับ พยาบาลก็อุ้มสองแฝดตัวจ้ำม่ำเข้ามาในห้องเพื่อให้เจ้าตัวน้อยได้มาดูดหน่มน้มคุณแม่ ผมเลยอ้อยอิ่งต่ออีกแปบ

           

 

“สองคนนี้เป็นนักร้องนำประจำห้องพักเลยละค่ะ” ผมทำหน้าประหลาดใจตอนที่พยาบาลร่างท้วมบอกด้วยรอยยิ้มขำขัน

           

 

“ยังไงเหรอครับ”

           

 

“ถ้าหนึ่งในสองคนร้อง อีกคนจะร้องตาม แล้วสักพัก เด็กในห้องพักเด็กอ่อนก็จะร้องตามเขาทั้งสองคน” ผมกับไวโอล่าหัวเราะ มองเจ้าสองแฝดที่ดูดนมจ๊วบๆ แบบไม่สนใจคำนินทาของพวกเรา

           

 

“ขอโทษด้วยนะครับ” พยาบาลรุ่นแม่ยกมือโบกหนึ่งที สีหน้าของเธอไม่ได้เครียดหรือรำคาญ

           

 

“เป็นเรื่องปกติสำหรับพวกฉันมาก ยังดีที่สองหนุ่มเขาเปิดการแสดงร้องประสานเสียงไม่เกินสิบห้านาที” ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู ยกมือลูบหัวสองหนุ่มน้อยคนละที ดูดนมท่าทางเอร็ดอร่อยเชียว จะว่าไปไวโอล่าก็ให้นมลูกชิลมากเลยนะ ไม่อายพี่ ไม่อายบอดี้การ์ดของพี่ชายเลย

           

 

“วันนี้จะมีขลิปอวัยวะเพศให้ทั้งสองคนนะคะ” ชั่วขณะหนึ่งผมลืมตัวว่ามันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายเลยเผลอทำตาโตตกใจ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เคยทำเลยเปลี่ยนเป็นยิ้มแทน

           

 

“จะเจ็บมั้ยคะ” ไวโอล่าถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่ก็ไม่ใช่ว่าเครียด เหมือนเธอไม่รู้ขั้นตอนการขลิปมากกว่าเลยอาจเป็นเรื่องน่ากังวลใจสำหรับเธอ

           

 

“ทำตั้งแต่ตอนนี้แหละดีแล้ว ไปทำตอนโตจะเจ็บกว่า เพราะมันเริ่มจับความรู้สึกเป็น” วิคเตอร์ที่นอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟาพูดขึ้นมาลอยๆ เขานอนแบบนั้นตั้งแต่พยาบาลเดินเข้ามา นอนอืดเหมือนเป็นบ้านตัวเอง

           

 

“เพื่อความสะอาดน่ะไวโอล่า” ผมยิ้มแช่มชื่นให้เธอคลายกังวล ไวโอล่าพยักหน้าแบบไม่ค่อยมั่นใจนัก ผมว่าเธอคงห่วงว่าลูกยังเล็กมากก็จะโดนมีดหมอกรีดลงบนร่างกายแล้ว

           

 

“ช่าย เพื่อความสะอาด แมทรู้ดีว่าถ้าของสะอาดก็จะทำให้ง่ายต่อการคลุกคลีมากขึ้น”

           

 

“ชะ…” ผมที่กำลังยิ้มแย้มและกำลังจะไหลตอบรับคำไอ้ยักษ์ถึงกับชะงักเพราะสติเตือนทันว่าเขาพูดอะไร ผมหันควับไปมองไอ้ผมยาวที่คลี่ยิ้มทะเล้น ผมเบิกตากว้างมองเขาเป็นเชิงปราม แต่ถามว่าไอ้ยักษ์มันรู้สึกอะไรมั้ยเหรอ หึ นอนยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่นั่นไง ผมหันกลับมามองพยาบาล เธอกำลังพยายามกลั้นยิ้มขำ

           

 

“ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ” ผมตีเนียนเปลี่ยนประเด็น เธอรับคำและเดินยิ้มออกไปจากห้อง ออสตินนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ชิลๆ ขานั้นเขาคุ้นเคยกับความลามกของเจ้านายตัวเองดี ส่วนไวโอล่าก็อมยิ้มกรุ้มกริ่มแต่ก็ไม่ได้ล้อเลียนอะไร

           

 

“งั้นเดี๋ยวฉันกับวิคเตอร์กลับบ้านก่อนนะ แล้วตอนเย็นจะกลับมาใหม่” ไวโอล่าเงยหน้าขึ้นมอง เธอเลื่อนสายตาไปมองพี่ชายตัวเองที่ดันตัวลุกขึ้นนั่งเตรียมรอกลับบ้าน

           

 

“นี่พี่ไม่มีงานทำจริงๆ เหรอ สองอาทิตย์แล้วนะที่พี่มานอนเฝ้าฉันเนี่ย”

           

 

“เฮ้ๆ ใจเย็น พูดซะอย่างกับฉันตกงาน ช่วงนี้ก็ช่วงพักฉันบ้างสิ” ไวโอล่าเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันมามองผมเป็นเชิงถามว่าจริงมั้ย ผมพยักหน้าหงึกๆ

           

 

“เดี๋ยวเดือนหน้าเขาก็กลับไปถ่ายหนังแล้ว คราวนี้ยาวข้ามปีเลยละ ปั๊มเงินเพื่อแฝดไง” ผมยิ้มปริ่มใจแต่สักพักยิ้มก็หุบวืด

           

 

“ใครบอก ฉันเลี้ยงแค่ตัวเองกับนายแค่นั้นแหละ” ผมหันควับไปมองไอ้ยักษ์ที่ลุกเดินมายืนซ้อนด้านหลังผมแล้วยื่นสองมือไปขยี้หัวสองแฝดจนเจ้าแฝดที่กำลังเพลินกับการดูดนมแม่อยู่ถึงกับหยุดแล้วร้องไห้

           

 

“แอว๊ แอว๊ แอ๊”

           

 

“ไอ้ยักษ์!!” ผมหันไปดุไอ้หนวดดกครึ้มอย่างกับคนไร้บ้าน เขาเลิกคิ้วขึ้นและตีหน้ามึนตามเคย ผมหันกลับไปมองสองแฝดที่แหกปากร้องราวกับจะด่าลุงตัวเองว่าสาระแนนัก (คิดเอง)

           

 

“โอ๋ๆ เอานมปิดปากได้มั้ย” ไวโอล่าก็เอาแต่ยิ้มขำ ออสตินก็ให้เกียรติไวโอล่าด้วยการไม่เงยหน้าขึ้นมอง มีแต่ผมนี่แหละที่ตื่นตระหนกตกใจ ผมช่วยไวโอล่ายกสองแฝดให้ปากไปอยู่ในระดับเดียวกับเต้านม พอจุกหน่มน้มเข้าปาก เจ้าลูกหมูทั้งสองตัวก็เงียบกริบ ผมถอนหายใจโล่งอก หันไปมองไอ้ยักษ์ตาขวาง

           

 

“นิสัย!! กับเด็กก็ยังแกล้งได้ สร้างศัตรูไว้สองคนเลยนะ!”

           

 

“สองคนนั้นไม่เท่าไหร่ ไอ้คนนี้ที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดต่างหากที่โอเวอร์ยิ่งกว่า ฉันแค่ลูบหัวเอง”

           

 

“ก็ลูบเบาๆ สิ ลูบอย่างกับจะกระชากหัวเด็กอย่างงั้นแหละ เด็กนะไม่ใช่เครื่องทุ่นแรง” วิคเตอร์มองผมด้วยความหมั่นไส้ เขาตาโตใส่ผม สักพักก็ยกมือขวาขึ้นขยี้หัวผมแรงๆ ก่อนกดมือไว้บนหัว และยกมือซ้ายขึ้นตีหลังมือเขาเองจนสะเทือนมาถึงหัวผม

           

 

“โอ๊ยยย อียักษ์!”

           

 

“ปกป้องมันจังนะ เดี๋ยวเถอะ ฉันจะเอามันสองคนใส่ตะกร้าไปทิ้งไว้บนยอดเขา” คราวก่อนก็จะเอาหลานไปลอยน้ำ คราวนี้ถึงขั้นจะเอาไปทิ้งไว้บนยอดเขา โอ๊ย เนาะอีพ่อเอ๊ย

           

 

“ฉันว่าแฮคเตอร์กับเฮคเตอร์ชอบให้เธอสองคนทะเลาะกันนะ ดูสิ เงียบกริบเหมือนกำลังแอบฟังอยู่เลย” ผมมองแฝดตัวจ้ำม่ำที่นอนดูดนมแม่อย่างเรียบร้อยแล้วคลี่ยิ้มเอ็นดู

           

 

“แผนสูงนักนะไอ้แฝดผี คิดจะยุให้ฉันสองคนแตกกันละสิ” เพี้ยนไม่เพี้ยนคิดดู ออสตินที่นิ่งๆ ยังหลุดขำพรืด ไวโอล่าอยากจะหัวเราะแรงๆ แต่คงกลัวนมกระฉอกออกจากปากลูก ผมหันไปทำหน้าเอือมใส่ไอ้ยักษ์ เด็กเกิดมายังไม่ทันครบอาทิตย์ มันตั้งตัวเป็นปรปักษ์ด้วยแล้ว

           

 

ผมจะเทรนสองแฝดให้มาต่อกรกับอียักษ์ให้ได้ เอาให้ไอ้ลุงนี่หงายเงิบวันละหลายเวลา

           

 

“ไอ้ยักษ์ผี” วิคเตอร์เบิกตากว้างใส่ผม ยกมือขวาบีบหัวผมไว้

           

 

“องครักษ์พิทักษ์แฝดผีงั้นเหรอ เฮอะ?” วิคเตอร์ว่าพลางบีบหัวผมแรงๆ

           

 

“โอ๊ย วิคเตอร์อะ ไอ้บ้านี่” ผมขมวดคิ้วและพยายามดึงมือวิคเตอร์ออกจากหัวตัวเอง ได้ยินเสียงไวโอล่าหัวเราะแบบที่พยายามไม่หัวเราะแรงๆ

           

 

“นี่ๆ จะกลับบ้านก็กลับกันได้แล้ว เวลาที่ทะเลาะกันไปคือใกล้ถึงบ้านแล้วนะ” วิคเตอร์ยอมปล่อยมือออกจากหัวผม และเพียงแค่นั้นออสตินก็ลุกขึ้นเตรียมพร้อมทันที ผมหันไปมองเจ้าแฝดที่ยังคงดูดนมจุ๊บๆ ไม่หยุดด้วยความเอ็นดู ไม่แปลกใจว่าทำไมออกมาเหมือนยางมิชลินขนาดนี้

           

 

“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยไวโอล่า”

           

 

“ไม่ล่ะ อาหารโรงพยาบาลอร่อยมากจริงๆ นะ” เธอยักคิ้วหลิ่วตา ผมยิ้มกว้าง ยื่นมือแตะปลายจมูกจิ้มลิ้มของสองแฝดคนละที

           

 

“เดี๋ยวเจอกันนะแฮคและเฮคเตอร์” ผมหันไปพยักหน้าให้เตอร์ตัวพ่อ เขาไม่ได้พูดอะไรกับน้องสาวและหลานชาย พาผมเดินออกไปจากห้องโดยมีออสตินเดินตามหลังมา

           

 

“แวะกินอาหารเช้าก่อนแล้วกัน” ผมพยักหน้า จริงๆ ผมแอบง่วงนอนด้วย อยากนอนสักงีบก่อนกลับมาที่โรงพยาบาล เมื่อคืนผมกังวลเป็นห่วงสองแฝดกับไวโอล่า กว่าจะได้นอนก็ปาไปจะตีสามแล้ว ส่วนไอ้ยักษ์หลับปุ๋ย คงคุ้นเคยกับโซฟาโรงพยาบาลเป็นอย่างดี

           

 

“ออสติน ไปหาไดอาน่ามั้ย” ผมหันไปถามพ่อหัวเกรียนหน้าเฉย เขาทำหน้าที่ตัวเองดีแบบดีมาก จนบางทีผมนึกอยากให้เขามีเวลาส่วนตัวกับคนรักบ้าง

           

 

“โทรคุยกันไปแล้วครับ เดี๋ยวเธอจะแวะมาเยี่ยมไวโลอ่าตอนที่เรากลับมาถึง”

           

 

“พ่อไดอาน่ายังขัดขวางอยู่มั้ยอะ” ออสตินไม่ได้มีท่าทีเศร้าหรือท่าทีหนักใจอะไรเลย เขาแค่กะพริบตาปริบๆ สองสามที

           

 

“ผมไม่แน่ใจ” ผมยิ้มกว้างขำขัน หันกลับไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขาหน้านิ่วคิ้วย่นก้มมองโทรศัพท์ในมือขวาตัวเอง ส่วนมือซ้ายก็กำลังคล้องคอผมอยู่ ผมยื่นหน้าไปดูหน้าจอมือถือของเขา เห็นเขากำลังเปิดเว็บเว็บนึงที่มีรูปรถเข็นเด็ก

           

 

“รถเข็นเด็กเหรอ” เขาหันมามองผมทั้งที่คิ้วยังย่นอยู่ สักพักเหมือนเขานึกได้ว่าโดนจับได้อะไรประมาณนั้น เขาก็คลายคิ้วออกและทำหน้าเหวอนิดหน่อย

           

 

“เปิดเจอพอดี ก็เลยจะลองหาให้ไอ้แฝดผี” ผมอมยิ้ม มองใบหน้าอึกอักของลุงยักษ์รูปหล่ออย่างแซวๆ

           

 

“แหม จะซื้อของขวัญให้หลานล่ะซี่” วิคเตอร์มองคล้ายว่ากำลังจิกตาใส่ผมอยู่ เขากดล็อคมือถือ เก็บมันไว้ในกระเป๋ากางเกง และทำเนียนเดินนิ่งต่อไป ผมหัวเราะอุอิ แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นร้องอุ้ยหน้าเหวอเพราะวิคเตอร์ยกมือตีหัวผมแรงมาก

           

 

“เดี๋ยวฉันจะสั่งวีลแชร์มาให้นายนั่ง” หยุดแซวก่อนละกัน ยังไม่อยากนั่งวีลแชร์

 

 

 

           

            เราแวะกินอาหารเช้าที่ร้านอาหารเช้าก่อนเข้าบ้าน เป็นร้านอาหารที่เปิดถึงแค่สิบเอ็ดโมงเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะปิดร้าน เลยเรียกแบบตรงตัวว่าร้านอาหารเช้า เพราะไม่มีอาหารมื้อเที่ยง มื้อเย็นหรือมื้อไหนๆ ให้กินแล้ว เรายังคงต้องอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อวิคเตอร์อีกสักสามหรือสี่วัน ที่จริงวิคเตอร์ก็จะเลือกออกไปเช่าโรงแรมนอนระหว่างรอบ้านเสร็จเพื่อตัดปัญหาการทะเลาะกับพ่อ แต่เนื่องด้วยปัญหาของการชิงตัวแฝดยังไม่จบสิ้นดี วิคเตอร์เลยเลือกอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าทะเลาะอะไรกันจะได้ทะเลาะกันทันท่วงที

           

 

ถึงจะชอบขู่เอาไปลอยน้ำบ้าง เอาไปวางทิ้งบนเขาบ้าง แต่เขาก็ไฟต์เพื่อจะเอาหลานไปอยู่ด้วย ผมก็ได้แต่หวังว่าที่เขาทำไปไม่ใช่เพียงเพราะอยากเอาชนะพ่อตัวเองเท่านั้น ซึ่งจริงๆ มันก็คงมีความอยากเอาชนะปนอยู่ด้วยนั่นแหละ

           

 

“พ่อคุณจะออกไปจากบ้านยัง” ผมหันไปกระซิบถามเขาตอนที่เรากำลังจะเดินขึ้นบันไดหน้ามุกของบ้าน วิคเตอร์ยักไหล่และยกฮอทดอกที่เหลือจากอาหารเช้าที่ร้านขึ้นมากิน เป็นคำตอบที่รู้กันว่าถามไปก็เท่านั้น ที่ผมถามเพราะผมจะได้ไม่ไปเฉียดโซนที่เขาอยู่

           

 

“โอ๊ะ…” ถามถึงพ่อวิคเตอร์ แต่พอเปิดประตูเข้าไปด้านในดันเจอกับเมียเก่าไอ้ยักษ์นั่งจิบชากินคุกกี้อย่างเพลิดเพลินที่โซนรับแขกโซนแรกของบ้าน เธอส่งยิ้มมาให้หลังจากจิบชาไปหนึ่งจิบ ผมกลอกตาแล้วหันไปหาวิคเตอร์ เป็นจังหวะที่เขาเดินเข้ามาถึงตัวผมพอดีและมีออสตินเดินผ่านเลยพวกเราไป เขากำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างแต่พอหันไปเห็นลิซ่าเขาก็เงียบและมองเธอแบบงงๆ

           

 

“ฉันแวะมา ไม่ต้องไล่หรอก เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว” เหมือนแวะมาดื่มชากับกินคุกกี้ฟรีงี้ป่ะ แต่จะว่าเธอก็ไม่ได้ เธอคุ้นเคยบ้านหลังนี้มากกว่าผมอีก

           

 

“ตามสบาย อยากอยู่ก็อยู่” วิคเตอร์พูดแค่นั้นและดันผมให้เดินไปด้านหน้าพร้อมกัน ผมก้าวเท้าเดินไปตามแรงดันไม่หันไปสนใจลิซ่า

           

 

“เอาขนมในตู้เย็นก่อน เดี๋ยวตามเข้าไปในห้องนะ”

           

 

“เอาไวน์ให้ฉันด้วย” ผมพยักหน้าและแยกเดินไปทางครัวและบาร์เล็กที่เอาไว้สำหรับทำเครื่องดื่มและอาหารว่างให้สำหรับแขกหรือคนในบ้านที่มานั่งดูทีวีชิลๆ ตรงโซนนี้ มันเป็นโซนบรรยากาศดี มีชานระเบียงยื่นออกไปข้างนอกเห็นวิวภูเขากับทุ่งหญ้ากว้าง

           

 

“เธอสบายดีนะ” ลิซ่าถามขึ้นมาตอนที่ผมกำลังมองหาขนมหวานๆ ในตู้เย็น ผมเลือกหยิบช็อกโกแล็คจากสวิสเซอร์แลนด์ที่คุณลุคซื้อมาแล้วไม่กินสักที แต่ผมแอบกินจนจะหมดแล้ว

           

 

“แฮปปี้ดีครับ”

           

 

“เห็นว่าก่อนหน้านี้มีปัญหากับวิคเตอร์เรื่องงานเหรอ” ผมย่นคิ้วตอนที่แกะฟลอยด์สีเงินที่ห่อช็อคโกแล็ตออกและจับก้อนสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลเข้มเข้าปากพร้อมกับหันไปมองลิซ่า เธอยิ้มมุมปากน้อยๆ แล้วหยิบคุกกี้ขึ้นมากิน

           

 

“วิคเตอร์เล่าให้คุณฟังเหรอ” ผมถามทั้งที่ยังเคี้ยวช็อคโกแล็ตในปากหงุบหงับๆ และหยิบชิ้นที่สองมาแกะรอ เธอส่ายหัวน้อยๆ และมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า จังหวะที่ผมยัดชิ้นที่สองเข้าปาก ประตูชานระเบียงก็เปิดกว้าง ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาด้านในให้สั่นนิดหน่อย ผมมองร่างสูงใหญ่หนาของผู้ชายผิวสีเข้มที่ใส่เสื้อกันหนาวสีเขียวขี้ม้าคนหนึ่งด้วยความคุ้นตา

           

 

“It’s lovely! (สวยดี!)” เขายิ้มให้ลิซ่า เธอแหงนหน้าไปรับจูบจากผู้ชายคนนั้น

           

 

“I told you. (ฉันบอกแล้วเธอจะต้องชอบ)” ผมย่นคิ้ว มองผู้ชายคนนั้นด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนจากคุ้นตามาเป็นคล้ายว่าจะคุ้นเคย แต่คงเคยแบบสั้นๆ

           

 

“That’s him. (เขาไง)” ลิซ่ายกคางมาทางผม ผู้ชายผิวเข้มหน้าตาคมเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้

           

 

“Hey, remember me? (เฮ้ จำฉันได้มั้ย)” นั่นไง! เราต้องเคยเจอกันหรือรู้จักกันมาก่อน แต่ผมยังนึกไม่ออกทันทีว่าไปรู้จักผู้ชายคนนี้จากที่ไหน

           

 

“I just thinking. (ผมกำลังนึกอยู่)” นึกไปด้วยกินช็อคโกแล็ตไปด้วย น่าจะช่วยได้

           

 

“I’m friend of Sebastian. We met at Emily office. I’m Loic. (ฉันเป็นเพื่อนกับเซบาสเตียนไง เราเคยเจอกันที่ตึกของเอมิลี่… โลอิค)” ผมอ้าปากค้างทั้งที่ยังเคี้ยวช็อคโกแล็ตไม่หมด ผู้ชายคนนั้นยิ้มขำ ผมมองหน้าเขาแบบค้างไว้และเรียกความทรงจำกลับคืนมาแบบรวดเร็วก่อนที่ผมจะ

           

 

“Ahhh, I got it. (อ๋อออ ผมจำได้แล้ว)” เขาคือนายแบบของเอมิลี่ที่มาพร้อมกับเซบาสเตียนในวันแรกที่เรารู้จักกัน เหตุการณ์เพิ่งผ่านมาได้สามสี่เดือนเอง แต่เองที่ว่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมนึกถึงเขาในทันทีจนเขาต้องแนะนำตัวทวนความจำผมนั่นแหละ

           

 

“And, how did you come here? (อ้าว แล้วคุณมาอยู่นี่…)” ผมกำลังจะถามต่อ แต่หัวสมองก็รีรันภาพที่สองคนนั้นจูบกันขึ้นมาทันที ผมเลยทำหน้าอ้อเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่เรื่องแบบนี้เข้าใจแล้วก็ต้องถามนะ

           

 

“Are you her cushion, oh, I mean are you guys in relationship? (…คุณกิ๊กกับลิซ่า เอ่อ ผมหมายถึงว่าคุณคบกันเหรอ)” ผมมองทั้งสองคนสลับกันไปมา ลิซ่ายิ้มขำมุมปาก ยังคงวางมาดสง่าเหมือนเดิม

           

 

ชิ งามสง่า งามเฒ่า!

           

 

“Are we? (เราคบกันมั้ย)” โลอิคหันไปถามลิซ่าด้วยท่าทางขำๆ เธอไหวไหล่พร้อมกับยักคิ้วสวยๆ หนึ่งที เห็นทำท่าทำทางน่าตบแบบนี้ก็คงกิ๊กกันจริงแล้วละ

           

 

“โอ่…” ผมอ้าปากหวอ จะว่าอึ้งก็ไม่เต็มอึ้งนักเพราะก็รู้กันอยู่แล้วว่ายัยแม่เลี้ยงของสามีผมชอบกินเด็ก และเด็กคนแรกที่เขากินคือใครล่ะ ผัวตูนี่ไง แต่พ้อยท์ในตอนนี้คือ โลอิคอายุน่าจะเท่ากับเซบาสเตียนและลิซ่าก็สี่สิบติ่งๆ แล้ว โอ้ว มายก็อช! โคแก่กินหญ้าอ่อนที่แท้ทรู นางต้องฟิตและมีของดีของเด็ดแน่ๆ เด็กขนาดโลอิคถึงติดใจนางแบบนี้

           

 

“How long? (…นานยังอะ)” เอาละ ผมเผลอถามไป ก็แอบตกใจกับตัวเองนิดหน่อย แต่ในเมื่อหลุดปากถามไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น โลอิคเอามือยันกับขอบโซฟาไว้แล้วหัวเราะเบาๆ

           

 

“Eight month. Maybe. (แปดเดือนได้แล้วมั้ง)” หูย ยัยลิซ่าทรงเสน่ห์มาก แต่ที่เริ่ดกว่าเสน่ห์ของนางคงต้องบอกว่าคือช่องคลอด อายุปานนี้แต่นางมัดใจเด็กหนุ่มรุ่นลูกรุ่นหลานได้อยู่หมัด แว้บหนึ่งผมคิดไปถึงช่วงที่เธอคบกับวิคเตอร์ เธอคงเด็ดดวงมากอะ ไม่งั้นวิคเตอร์ไม่หลงอยู่เป็นปีสองปี แถมยังวกกลับมาหาอีก

 

 

บางทีก็นึกอยากดูคลิปที่นางถ่ายไว้กับวิคเตอร์นะว่าเด็ดปานใดถึงไปมัดใจเด็กรุ่นลูกคนนั้นคนนี้ได้

 

 

“แฮะๆ ประหลาดใจเหมือนกันนะที่นายมาคบกับ เอ่อ คนใกล้ตัวของพ่อของแฟนฉัน” ใช้คำนี้แล้วกัน ดูห่างเหินนิดๆ แต่ก็ไม่มากไป และดูไม่ได้เผยเรื่องราวอะไรเยอะไป ผมแอบจิกตาใส่ยัยลิซ่าที่ทำท่ายิ้มเยาะอ่อนๆ

 

 

“ตอนฉันรู้ว่านายเป็นแฟนกับวิคเตอร์ลูกเลี้ยงของลิซ่า ฉันก็ว่าโลกมันกลมดี…” โลอิคยิ้ม ผมขมวดคิ้ว เขาว่าเขารู้ เออ ใช่ เขาไม่ได้มีท่าทีแปลกใจหรือประหลาดใจเลยตอนเจอผมยืนกินช็อคโกแล็ตอยู่ในบ้าน เขาทักทายตามปกติมากเถอะ

 

 

“…ไอ้เซบมันมัดใจนายไม่สำเร็จจริงๆ สินะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นและยักไหล่ขวาขึ้นหนึ่งที

 

 

“ทั้งเพื่อนนายและตัวนายเองก็รู้ว่าฉันมีแฟน แล้วมันจะสำเร็จได้ยังไง…” ผมเลื่อนสายตาไปมองลิซ่าที่นั่งจิบชาชิลๆ ผมรู้นะว่าที่นี่ก็เป็นบ้านของเธอเมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แต่เกลียดการชิลลี่ของนางมาก

 

 

“..ฉันไม่ใช่คนแบขาให้ใครง่ายๆ แบบนั้นนะ” ผมเน้นเสียงและลากเสียง โดยเฉพาะตรงคำว่าแบบนั้นที่เน้นสายตามองแม่กระดังงาลนไฟเป็นพิเศษ ยัยแม่เลี้ยงตวัดตามามอง ผมยิ้มบาง ทำตาใสแจ๋ว

 

 

อยากกัดมากนานละ ขอนิดนึงเถอะ ได้ทีต้องรีบขี่แพะไล่ฟาด

 

 

“เพื่อนฉันก็เลยอกหักและ…” พ่อหนุ่มผิวสีหน้าหล่อเก๋หันไปยิ้มขำกับแฟนสาว (เหลือน้อย) ของตัวเอง ลิซ่าเบ้ปากเบาๆ และยักไหล่ขวาอย่างมีลีลา (น่าโดนตบ) โลอิคหันกลับมามองผมและส่ายหัวเบาๆ

 

 

“…ล้มเหลว” ผมขมวดคิ้ว มองทั้งสองคนด้วยความข้องใจ พูดแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน พูดแบบรู้กันเอง มันทำให้ต่อมเสือกถูกกระตุ้นนะ แล้วมาทำท่ามีซัมติงอีก เสียมารยาทจริงๆ ทิ้งให้คนอื่นอยากรู้แล้วจากไปเนี่ย

 

 

“น่าเสียดาย” ผมหันไปมองยัยลิซ่าตาขวางเล็กๆ กับสีหน้าท่าทางของเธอที่ดูจะเสียดายตามที่พูดจริงๆ ไม่รู้ว่าหล่อนเสียดายอะไร แต่เอาไว้เสียดายชีวิตหล่อนเองเถอะ

 

 

วันนี้เกรี้ยวกราดเว้อ ขอวันนึงละกัน ก่อนหน้านั้นไม่เคยได้ตั้งตัวเลย ยิ่งพอนึกถึงว่านางชอบส่งรูปส่งคลิปเรื่องราวเก่าๆ มาหาวิคเตอร์ยิ่งรู้สึกกับตัวเองว่า สมควรแล้วที่เกรี้ยวกราดแบบนี้

 

 

“ไม่สำเร็จ ไอ้เซบคงเข็ดผู้ชายไปอีกนาน” โลอิคหัวเราะพลางลงไปนั่งข้างเมียแก่ของตัวเอง เห็นแล้วหงุดหงิดใจนัก ไม่ได้อิจฉานะ แต่เกลียดท่าทางเรารู้กัน รู้เลยนะว่าทำแบบนี้เพราะอยากให้ผมค้างคากับการเสือกไม่สุด

 

 

“แมท ทำอะไรอยู่” ผมหันไปมองไอ้ยัษที่เดินหัวฟูออกมา เขาหันไปมองทางลิซ่ากับโลอิคแปบหนึ่งก่อนจะหันกลับมามองผมแบบหน้ามึนๆ

 

 

“มัวแต่กิน ฉันรอไวน์เหงือกแห้งแล้ว” เขาย่นคิ้วแล้วเปิดตู้เย็นหยิบไวน์ขวดสีเขียวอ่อนออกมาหนึ่งขวด เอื้อมแขนซ้ายไปหยิบแก้วสำหรับดื่มไวน์บนชั้นวางแก้ว

 

 

“ไป เข้าห้อง จะไปอาบน้ำ ไปนอนก็เร็วๆ เดี๋ยวต้องกลับไปโรงพยาบาลอีก” วิคเตอร์เดินออกไปก่อนโดยที่เขาไม่หันไปสนใจลิซ่ากับหญ้าอ่อนของนางเลย ผมเห็นว่ายัยแม่เลี้ยงมีสีหน้าหมองก็เลยยิ้มสะใจเล็กๆ

 

 

“เอาละ คำถามสุดท้าย คุณแวะมาจิบชากับกินคุ้กกี้และชมวิวรอบบ้านแค่นั้นจริงเหรอ” โลอิคยิ้มชิล ลิซ่าทำเป็นพ่นลมหายใจเบาๆ

 

 

“ฉันก็เคยอยู่ที่นี่ ก็แค่คิดถึง อยากกลับมาหา” เธอมองผมตาวาวด้วยความร้ายกาจที่สัมผัสได้ ผมยิ้มกริ่มพลางยัดช็อคโกแล็ตเข้าปากหนึ่งก้อนก่อนพูด

 

 

“งั้นก็จงคิดถึงไปอีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่เลยนะ” ผมฉีกยิ้มให้ยัยแม่เลี้ยงที่หน้าตึงมองผมตาขวาง ผมเดินหอบช็อคโกแล็ตตัวปลิวกลับเข้าไปกินในห้องด้วยความสบายใจและสะใจ

 

 

ขอบคุณที่มาให้แซะถึงที่ เหมือนได้ปลดปล่อยหลังจากที่คาใจคาปากอยากแซะนางมานาน








เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao3:


               แฝดเหมือนรู้ว่าใครอุ้มแล้วไม่ปลอดภัยกับตัวเอง 55555 ไม่ถูกกันตั้งแต่ยังไม่ถึงเดือนเลยนะคะลุงยักษ์ ศึกนี้ยิ่งใหญ่นัก ศึกกับเด็กอายุสามสี่วัน

               หลังจากคันปากมานาน นุ้งแมทก็ได้กัดแซะยัยแม่เลีย้ง เมียเก่าผัวตัวเอง ปากคอเราะร้าย ไม่เบานะยะนังเอเลี่ยน แมทจะทุบ ทุบ ทุบ! ลิซ่าเลยโดนทุบหลังดังอัก อยู่ๆ ก็มานั่งให้เขากัดถึงบ้าน

               โลกกลม แต่ไม่พรมลิขิต ก็เป็นความงงและสงเสือก เอ้ย สงสัยของเอเลี่ยนว่ามันยังไงกัน สองคนนั้นพูดแบบนี้ ใจร้ายกับแมทมาก นางเสือกไม่สุด

               ใครพรีฯ หนังสือไว้ ติดตามการอัปเดตได้ที่เพจตลอดๆ เด้อ ตอนนี้ต้นฉบับเสร็จแล้ว รอคนจัดหน้าแก้อีกนิดนึง ก็จิส่งโรงพิมพ์แล้นแน้ คุคริๆ

               ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจ เป็นพลังใจที่ดีต่อคนเขียนจริงๆ ค่ะ อ่านคอมเม้นต์แล้วก็ปลื้มมม เห็นคะแนนโหวตแล้วก็เปรมมม

           

               
แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-04-2018 20:01:35
ตกลง นังเตียนมันทำเพราะนังลิซ่าสั่งหรอ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-04-2018 00:58:23
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-04-2018 02:22:34
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-04-2018 02:53:18
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-04-2018 06:24:38
ชิส์........รำ นางลิซ่า   :z6:
ขนาดมีเด็กให้กินแล้ว ยังไม่วายยุ่งขิงกับแมท
คงอยากให้ยักษ์ทะเลาะกับแมทแล้วเลิกกัน
ตัวเองก็หวนมางาบยักษ์ต่อ
ทั้งสะใจได้แกล้งแมท
แสดงว่าเตอร์สะแด่วแห้ว จนนางลืมไม่ลง  :z3:

แฝดน่ารัก บอกอนาคตเป็นนักร้องนำจริงๆใช่มั้ย
ยักษ์ปากเสียแกล้งแฝด
เพื่อปิดบังความรัก ความเอ็นดูหลานสินะ   :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 02-04-2018 13:45:42
นุ้งแมทค่ะต่อหน้าเมียเก่าอิเตอร์ต้องคีฟคูลไว้ลูก  อย่าเต้นไปกับมันค่ะลูก  สู้ๆ จ้าน้องแมท สู้ๆ จ้า คนเขียน o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 02-04-2018 14:59:21
มีแผนสินะ ถึงจีบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 60% :01.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Airrieeirrie ที่ 03-04-2018 10:26:55
คือติดมากมายเลยเรื่องนี้ สนุกมากๆ  รอมาต่อนะ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 09-04-2018 19:22:54

Yours and Mine EP.24 [100%]



“จะอาบน้ำหรือจะนอน” วิคเตอร์ถามพลางยกไวน์ขึ้นจิบแล้วหันกลับไปมองจอแม็คบุ๊คของผมที่เขากำลังเปิดหนังจาก Netflix ดูอยู่ มีลำโพงเล็กจิ๋วสีฟ้าแต่เสียงสะพรึงหนึ่งอันวางข้างกันเพื่อเพิ่มความกระหึ่มของเสียง

           

 

“นอนก่อนได้มั้ยอะ” ผมคลานเข่าเข้าไปนอนข้างเขา เอาหัวเกยอกไว้ วิคเตอร์ยกแขนซ้ายโอบเอวผม ก้มลงหอมกลางกระหม่อมผมหนึ่งที ผมหยิบช็อคโกแล็ตเข้าปากอีกก้อน

           

 

“ผู้ชายของลิซ่าเป็นเพื่อนกับเซบาสเตียนแหละ” ผมพูดพลางเคี้ยวช็อคโกแล็ตหงับๆ

           

 

“ไอ้ที่มันมาเจ๊าะแจ๊ะกับนายน่ะเหรอ” ผมพยักหน้าหงึกๆ สายตาก็มองหนังบู๊บนหน้าจอแม็คบุ๊คของตัวเองไปด้วย วิคเตอร์ไม่ได้ถามหรือตอบอะไรต่อ เพราะเขาสบายใจของเขาแล้วที่ผมจะไม่ได้อยู่ใกล้เซบาสเตียนอีกต่อไป นี่ไม่รู้ว่าโอนเงินค่าจ้างไปให้ให้แชมป์รึยังที่ไปเฝ้าผมถึงภูเก็ตเป็นอาทิตย์

           

 

“อาบน้ำก่อนดีกว่า…” ผมเปลี่ยนใจ แม้ว่าอากาศช่วงนี้จะเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว แต่มันก็ยังสามารถอาบน้ำได้อยู่ ไว้หิมะตกเมื่อไหร่จะอาบอาทิตย์ละครั้งตามวัฒนธรรมฝรั่งแล้วกันนะ

           

 

“…คุณอาบมั้ย” ผมหันไปถามไอ้หนุ่มผมยาวที่นอนจิบไวน์ดูหนังแบบเพลินๆ เขาสั่นหัวทั้งที่สายตายังจับจ้องมองหน้าจอที่วางอยู่ปลายเตียง ผมพยักหน้าหงึกๆ ลุกคลานลงจากเตียง เอาช็อคโกแล็ตวางทิ้งไว้ข้างวิคเตอร์เผื่อเขาอยากจะกิน ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าเดินทางขึ้นมาวางเตรียมไว้ตรงปลายเตียง ถอดเสื้อผ้ากองไว้ด้านนอกแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

           

 

ผมเช็กอุณหภูมิน้ำ วิคเตอร์ปรับให้อยู่ในองศาที่เหมาะกับการอาบน้ำในช่วงของฤดูใบไม้ร่วงที่มีลมหนาวพัดโชยมาแล้ว ผมล้างหน้า โกนหนวด แปรงฟัน ทำความสะอาดทุกส่วนของร่างกาย และแม้จะไม่รู้ว่าจะโดนยักษ์น้อยมุดถ้ำหรือไม่ แต่ผมก็ทำความสะอาดรอไว้เหมือนเช่นเคยทุกครั้ง ยิ่งห่างหายไปเป็นสามเดือนสี่เดือนแบบนี้ ยิ่งต้องเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์และทุกสถานที่

 

 

นี่คือหน้าที่ของคนเป็นเมียในฐานะฝ่ายรับ ผัวจะอยากตอนไหนไม่รู้ แต่เราต้องพร้อม ต้องสะอาดตลอดเวลา ยิ่งได้ผัวอย่างวิคเตอร์ยิ่งต้องมีมาตรฐานเรื่องรูของตัวเองสูง

 

 

“อ้าว ไปไหน…” ผมออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเตียงว่างเปล่า หนังถูกเปิดทิ้งไว้ ขวดไวน์ตั้งอยู่ในถังน้ำแข็ง แก้วไวน์ตั้งอยู่บนหัวเตียง ผมเดินไปเปิดประตู ชะโงกหน้าดูลาดเลาก่อน ยัยแม่เลี้ยงกับกิ๊กเด็กหายไป ผมสอดส่องมองหาวิคเตอร์ เอาผ้าขนหนูพันตัวไว้หลวมๆ แล้วเดินออกไปนอกห้อง พอเดินมาถึงตรงบาร์รับแขกก็เห็นวิคเตอร์ยืนคุยกับพ่อเขาอยู่ตรงชานระเบียง พอเห็นแบบนั้นผมเลยวกกลับเข้าห้อง ปล่อยให้สองพ่อลูกเขาคุยกัน ผมดึงผ้าขนหนูออกออกจากตัว คลานขึ้นเตียงไปนอนดูหนังพลางเช็ดหัวด้วยผ้าขนหนูไปด้วย ผมกดสายตาลงมองรอยสักของตัวเอง ยกมือลูบเบาๆ สัมผัสกับความนูนนิดๆ แล้วปล่อย

 

 

“Are you tempting me? (นอนอ่อยฉันเหรอ)” ผมบิดคอไปมองวิคเตอร์ที่เดินกลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าปกติ ไม่มีโกรธ ไม่มีเหวี่ยงหรือเคร่งเครียด เขาขึ้นมาบนเตียงมานอนซ้อนด้านหลังผม สอดแขนขวาเข้าใต้ท้ายทอย ผมยกหัวขึ้นแล้วทิ้งหัวลงไปบนท่อนแขนของเขา เขาก้มลงหอมแก้มผมหนึ่งที มือซ้ายลูบก้นผมเบาๆ สายตาเขามองรอยสักบนแก้มก้นซ้ายของผมแล้วก็คลี่ยิ้มกว้าง

 

 

“I like it. (ฉันชอบ)” เขาเลื่อนสายตามามองหน้าผม เรายิ้มให้กัน วิคเตอร์ก้มลงจุ๊บปากผมหนึ่งที

 

 

“Yeah, this tight booty is mine. (อาฮะ ตูดแน่นๆ นี่ของฉัน)” เขาฟาดมือลงบนก้นซ้ายผมหนึ่งที มือขวาจับคางผมแหงนขึ้นแล้วก้มลงมาดูดคอผมอย่างรุนแรง มือซ้ายเลื่อนลงไปตรงร่องก้นแล้วใช้นิ้วกลางรูดขึ้นลงเบาๆ ผ่านช่องกลีบเนื้อตรงนั้น ผมหลับตาพริ้ม รู้สึกอ่อนระทวยกับความเสียวสยิวกับจังหวะดูดคอ เขาเคลื่อนริมฝีปากไปทั่วเนื้อลำคอซีกซ้าย ผมหายใจหอบเบาๆ แมทน้อยค่อยๆ ขยายตัวขึ้น วิคเตอร์ยกมือซ้ายมากำแมทน้อยทั้งที่ยังคงดูดดมคอของผมไม่หยุด

 

 

“I miss you, baby. (คิดถึงจังที่รัก)” วิคเตอร์พึมพำในขณะที่สูดจมูกดมเนื้อคอของผม ขนผมลุกตั้งชันกับน้ำเสียงทุ้มแหบพร่านั้นและความปรนเปรอที่เขามอบให้ทั้งตรงคอและตรงค…

 

 

“I’m here, baby. (ผมอยู่นี่แล้วที่รัก)” ผมกระซิบตอบคลอกับเสียงหอบ วิคเตอร์คำรามเบาๆ เขาใช้ลิ้นเลียทุกจุดที่เขาดูดไป มือขวาผมจิกหมอนแน่น มือซ้ายยกขึ้นจิกผมเขาเบาๆ ผมบิดตัวด้วยความเสียวตอนที่เขาใช้นิ้วชี้วนส่วนปลายของแก่นกาย เปลือกตาหลับพริ้มตอนที่เขาใช้ลิ้นเลียรูหู ผมครางอื้ออ้าเบาๆ แล้วสักพักวิคเตอร์ก็หยุดทำทุกอย่าง ทิ้งให้ผมอารมณ์ค้าง

 

 

“What?” ผมถามเสียงครางสีหน้างุนงง วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นงงๆ เช่นกัน ผมปล่อยมือออกจากหัวเขา พลิกตัวนอนหงายเพื่อสบตากับเขาได้ตรงๆ

 

 

“What? (อะไรล่ะ)” เขาทำหน้างงสงสัย มือซ้ายลูบหน้าท้องผมเอื่อยๆ ผมยกขาสองข้างขึ้นตั้งฉาก จับมือซ้ายของเขาไปจับแมทน้อย เขาก็ทำตามและใช้มือลูบวนไข่กลมกลึงสองลูกเบาๆ แต่ก็ไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น

 

 

“Keep going. (ทำต่อสิ)” วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง ผมยกมือขวาดันเส้นผมที่ตกลงมาทัดหูเขาไว้

 

 

“What do you want? (นายต้องการอะไรล่ะ)” เขาถามเสียงทุ้มอบอุ่น มือขวายกลูบหน้าผากผมเบาๆ คล้ายกำลังกล่อมให้หลับ

 

 

“I want you to fuck me. (ผมอยากให้คุณอึ๊บผม)” ผมกระซิบตอบเสียงแผ่ว รู้สึกสบายตัวกับการที่เขาลูบลูกกลมกลึงด้านล่างนั้นเบาๆ

 

 

“How? (ยังไง)” ผมกัดริมฝีปากล่าง มองตาเขาด้วยแรงอารมณ์ที่ตีรวนรุนแรงอยู่ในอก ผมยกมือขวาขึ้นตบหน้าเขาดังลั่น วิคเตอร์หลับตาลงและขบกรามแน่น แหงนหน้าขึ้นจนกล้ามเนื้อที่คอตึง ผมยกมือตบเต็มแรงอีกที วิคเตอร์ลืมตามองผมด้วยสายตาวาววับน่ากลัว ผมบีบปากเขาแน่นและดึงหน้าเขาลงมาใกล้ตัวเอง ผมออกแรงบีบปากเขาเพื่อให้เขาเปิดปาก วิคเตอร์อ้าปากและแลบลิ้นสีแดงสดออกมา ผมดูดลิ้นเขาเสียงดับจุ๊บจั๊บ

 

 

“อา” วิคเตอร์ครางเบาๆ แต่มือซ้ายข้างล่างเริ่มบีบจุดที่เขาคลึงเมื่อกี้หนักขึ้น จนผมนิ่วหน้า ผมหยุดดูดลิ้นเขา ปล่อยมือออกจากปาก วิคเตอร์ก้มหน้าลงไซ้คอผมอย่างแรง ผมแหงนหน้าขึ้นให้เขาไซ้เต็มที่ วิคเตอร์ไซ้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงหน้าอก เขาใช้ลิ้นเลียหัวนมด้านซ้ายรัวๆ จนผมตัวกระตุกด้วยความเสียว

 

 

“อา… อะ… อ๊า!” ผมกรีดร้องเบาๆ ตอนที่เขากัดหัวนมผมเต็มแรงหนึ่งทีแล้วปล่อย ก่อนจะกลับมามองหน้าผมตามเดิมด้วยสายตาดุดัน

 

 

“I’m not finish with wine yet. (ฉันยังดื่มไวน์ไม่หมด)” เขาเด้งตัวลุกขึ้น ถอดเสื้อยืดโยนไปบนพื้นห้อง ปลดตะขอกางเกงขาสั้นสามส่วนออก ดึงออกจากขาแล้วโยนตามเสื้อไป เหลือแต่กางเกงในสีขาวที่ลูกชายของเขาดันตัวตุงเบี่ยงขวาเต็มที่ แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้มันออกมาหายใจ ปล่อยไว้ให้มันตุงแน่นกางเกงในสีขาวไว้แบบนั้น เขากระตุกยิ้มร้าย เขารู้ว่าผมชอบมองภาพเขาเป้าตุงตอนใส่กางเกงใน มันยิ่งทำให้ผมเกิดอารมณ์

 

 

“Up!” เขาพูดพลางดันก้นผมขึ้นให้ลอยขึ้นไปอยู่ตรงหน้าเขา ตั้งฉากกับพื้นเตียงสี่สิบห้าองศา ผมอ้าขาออก วิคเตอร์มองรูก้นผมด้วยสายตาวิววับและคลี่ยิ้มซุกซนคนเดียว ผมยิ้มตามรอยยิ้มของเขา รู้สึกตื่นเต้นเพราะห่างหายจากกันไปนาน วินาทีที่เขาใช้ลิ้นลากมาตามร่องก้นจากด้านหลังและมาหยุดวนตรงกลีบเนื้อ ขนผมก็ลุกซู่จนต้องส่งเสียงครางหวิวออกมา ผมได้ยินเสียงขวดแก้วกระทบกับถังในระหว่างที่วิคเตอร์วนลิ้นใส่รูผมอยู่ ผมผ่อนลมหายใจสบายๆ สักพักก็รู้สึกเย็นฉ่ำตรงรูตัวเอง ผมลืมตามองก็เห็นว่าวิคเตอร์กำลังเอาก้อนน้ำแข็งมาวนตรงรูนั้น ท่าทางของเขาเหมือนเด็กที่กำลังได้ทดลองสิ่งใหม่

 

 

“Do you want to put it in? (เอาเข้าไปมั้ย)” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นแล้วสั่นหัวรัวๆ แต่การสั่นหัวสำหรับวิคเตอร์คือการบอกว่าใช่ ทำได้เลย เขาค่อยๆ ยัดก้อนน้ำแข็งเข้าไปในรูก้นผม

 

 

“โอ้ววว เอ้า” ผมครางเสียงยานเสียงสั่น ความเย็นจากก้อนน้ำแข็งกระจายทั่วด้านในของก้น มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ เป็นความเย็นในรูปแบบใหม่ที่ทำให้ก้นเย็นฉ่ำ แต่สักพักก็รู้สึกหน่วงตุบๆ เพราะมันเย็นเกิน ผมเลยเบ่งน้ำแข็งออกมา แต่คงเบ่งแรงไปหน่อยเลยเด้งไปโดนหน้าวิคเตอร์

 

 

“ฮะๆๆ” เขาหัวเราะเสียงดัง พาผมหัวเราะผสมความอายไปด้วย วิคเตอร์หัวเราะจนร่องแก้มขึ้น ผมหัวเราะฮื่อๆ ไอ้ยักษ์ก้มลงจุ๊บรูนั้นหนึ่งทีและยื่นมือไปคว้าแก้วไวน์จากหัวเตียงมาถือไว้ ผมเริ่มรู้สึกเมื่อยเลยยกสองมือไปเกี่ยวตรงข้อพับขาตัวเอง วิคเตอร์ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางแหย่ลงไปในรูของผม

 

 

“Oh, we haven’t fuck for long time. It looks fit and firm again. (โอ้ ไม่ได้อึ๊บกันนาน กลับมาฟิตอีกแล้วสินะ)” ผมกัดริมฝีปากล่างแล้วยิ้มเขินๆ วิคเตอร์กระตุกยิ้มมุมปากเท่ เห็นแล้วรู้สึกหัวใจกระตุกวูบ ถึงจะผมเผ้ารก หนวดเคราดก แต่เขาก็ยังหล่อที่สุดในสายตาของผม พ่อยักษ์ไร้บ้านของเอเลี่ยนน้อย

 

 

“Keep it inside. (อั้นไว้นะ)” เขาบอกเสียงเบาตอนที่เริ่มเทไวน์ขาวจากในแก้วลงไปในรู ผมอ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้น พยายามเบ่งรูรับไวน์ แต่เทไปได้ไม่เยอะมันก็ล้นออกมา วิคเตอร์เลยรีบก้มลงดูดดื่มเสียงดังสวบสาบ เขาทั้งดูดทั้งเลียจนมันเกลี้ยงรู แล้วก็เทล็อตใหม่ลงไปอีกครั้งก่อนจะก้มลงดูดและเลียไวน์ที่มันไหลเกินรูของผมออกมา ผมนอนหัวเราะคิกคัก แมทน้อยแข็งโด่ไม่ยอมลง วิคเตอร์ยิ้มสนุกสนานกับการดื่มไวน์ผ่านรูก้นผม จนกระทั่งหมดแก้ว เขาก็หยุดและช่วยเลียทำความสะอาดไปทั่วก้น เน้นเลียตรงรอยสักหลายทีหน่อย ก่อนจะเลื่อนมาเลียลูกกลมกลึงของผมรัวๆ พักนึงแล้วก็หยุด

 

 

“It’s good. (อร่อยจัง)” ผมยิ้มกริ่ม วิคเตอร์ดึงก้นผมลงไปนอนบนเตียงตามเดิม สองมือลูบตัวผมเบาๆ ราวกับจะช่วยให้ผ่อนคลายจากการยกก้นเมื่อกี้ ผมมองเป้าตุงของเขาแล้วหัวใจก็วาบหวิว มันแน่นดีจัง เห็นกี่ครั้งก็ยังเกิดอารมณ์

 

 

“You want my cock, baby? (อยากได้คxxฉันมั้ยที่รัก)” ผมพยักหน้าหงึกๆ

 

 

“Yes, baby.” วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ปล่อยมือออกจากตัวผม เขาเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางไว้ใกล้แม็คบุ๊คที่ยังคงเล่นหนังจาก Netflix ต่อไป

 

 

“Show me the tattoo. (หันรอยสักมา)” ผมแกล้งยกขาซ้ายไปเตะคอเขาเบาๆ วิคเตอร์หัวเราะและจับขาผมออกจากคอตัวเอง ผมเบี่ยงตัวไปด้านซ้าย หันแก้มก้นซ้ายให้เขาเห็นรอยสักชัดๆ วิคเตอร์ยกโทรศัพท์ขึ้นเหนือก้นผม ทำท่าจะกดถ่ายภาพ แต่สักพักเขาก็หยุดแล้วหันไปใช้มือซ้ายหยิบแม็คบุ๊คขึ้นมา

 

 

“Hold this in front of your face. (ถืออันนี้บังหน้านายไว้)” ผมทำตามที่เขาว่า เอาแม็คบุ๊ควางไว้บนอกและให้บังหน้าตัวเองไว้ วิคเตอร์หยิบถังไวน์สีเงินที่มีขวดไวน์สีเขียวอ่อนวางอยู่ในนั้นมาวางไว้ข้างผม เดี๋ยวนี้รู้จักจัดวางพร็อพนะ ผมนอนบิดตัวนิ่งๆ อยู่สักแปบแล้ววิคเตอร์ก็ยกแม็คบุ๊คออกจากตัวผมเอาไปวางไว้ที่เดิม ยกถังไวน์ไปวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง เขาเลื่อนตัวมานอนข้างผมโดยให้ผมเห็นจอมือถือด้วย ผมยื่นมือขวาไปจับเป้าตุงของเขาตามความยาวที่พาดเบี่ยงด้านขวาอยู่

 

 

“You like it? (ชอบมั้ย)” เขายื่นรูปให้ดูหลังจากเขาปรับแต่งสีเรียบร้อย สีมันทึมๆ แบบอาร์ตๆ ดูเป็นภาพตามเว็บของต่างชาติดีนะ เป็นภาพผมนอนเบี่ยงตัว บิดแก้มก้นซ้ายโชว์รอยสัก มีแม็คบุ๊ควางอยู่บนอก ปิดหน้าปิดนมไม่รู้ว่าผู้หญิงหรือชาย มีถังไวน์วางอยู่ติดกับแผ่นหลัง พื้นภาพคือสีขาวของเตียง เห็นภาพแล้วรู้สึกขอบคุณก้นตัวเองที่งอนสวยงาม เลยทำให้รอยสักเด่นมากขึ้น

 

 

“Yes.” ผมว่าพลางบีบแกนกายใหญ่ยาวของวิคเตอร์เบาๆ วิคเตอร์ยิ้ม หันหน้ามาหอมหน้าผากผมหนึ่งที แล้วหันกลับไปอัปรูปนั้นพร้อมกับใส่แคปชั่นสั้นๆ

 

 

‘Netflix and chill’

 

 

 “Cayla is going to dislike this pic. (เซล่าต้องไม่ชอบภาพนี้แน่ๆ)” วิคเตอร์เบ้ปากเบาๆ และยักคิ้วหนึ่งยัก ผมกัดริมฝีปากล่าง มองเขาด้วยสายตาเคลิ้มๆ วิคเตอร์ที่กำลังมองหน้าจอแม็คบุ๊คอยู่หันกลับมามองผมแล้วยิ้มขำ

 

 

“What?”

 

 

“We have been watching Netflix, but we don’t have the ‘chill’ yet. (เรามีเน็ตฟลิกซ์แล้ว แต่เรายังไม่ได้ ‘ชิล’ กันเลยนะ)” วิคเตอร์กัดริมฝีปากล่างแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมกระเถิบขึ้นไปนอนบนอกของเขา วิคเตอร์ยกแขนขวาโอบตัวผมไว้ ก้มหน้าลงมองผมด้วยสายตาเป็นประกาย

 

 

“And what makes you chill, baby? (แล้วอะไรทำให้นายรู้สึกชิลล่ะที่รัก)” ผมดึงกางเกงในเขาลงไปกองใต้ลูกกลมกลึงสองลูกใหญ่ ยักษ์น้อยเด้งผงาดขึ้นมา วิคเตอร์ยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเบาๆ

 

 

“This dick. (แท่งนี้)” วิคเตอร์หอมหน้าผากผมอีกหลายที และส่งเสียงฮึ่มฮั่มราวกับกำลังมันเขี้ยว

 

 

“You are not my little-alien. You are a little-slutty. (นี่ไม่ใช่เอเลี่ยนน้อยของฉัน นี่มันไอ้ร่านตัวแสบต่างหาก)” วิคเตอร์ดึงกางเกงในออกจากขาสองข้างแล้วเอามายัดใส่ปากผมไว้ ผมดึงออกมาคลี่ออกแล้วสูดดมตรงเป้าและมองตาเขา วิคเตอร์มองด้วยสายตาลุกโชน

 

 

“Yes. I’m your slut. (ใช่ ผมเป็นนังร่านของคุณ)” วิคเตอร์กรีดยิ้มร้ายกาจ หัวใจผมเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น อะดรีนาลีนแล่นไปทั่วร่าง

 

 

รู้สึกเหมือนกำลังจะเสียบริสุทธิ์ ทั้งที่ไม่เหลือความบริสุทธิ์ให้เสียแล้ว…


 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               แล้วเขาก็ทำการเน็กฟลิกซ์แอนด์ชิลกันแล้วเจ้าค่ะ คึๆ

               หลังจากไปจิกกัดเมียเก่าหลัวมาดั่งไก่บ้านไก่เมือง นังแมทก็ขึ้นยั่วผัวบนเตียงนอน ช่างซ่านดีซะเหลือเกินนะคะ หลัวชอบบบ

               เดี๋ยวไปเน็กฟลิกซ์แอนด์ชิลกับทั้งสองคนต่อในตอนหน้านะคะ ฮิๆ

               ตอนนี้ตอมเริ่มเขียนนิยายใหม่สองเรื่องแล้นนะคะ

               เรื่องแรกเป็นเรื่องของพระเอกที่มารับไม้ต่อจากวิคเตอร์ใน ซีรีส์พี่พระเอก ที่จะมีทั้งหมดห้าคน วิคเตอร์เป็นคนแรก และคนที่สองก็ลงให้อ่านไปแล้วห้าตอน เป็นเรื่องของพี่แซ็ค เทรนเนอร์ส่วนตัวของไอ้ยักษ์กับน้องแมทนั่นเอง ก่อนหน้านี้มาีการดองเกิดขึ้น เพราะต้องมาปั่นต้นฉบับพี่ยักษ์ให้เสร็จ แต่ตอนนี้พี่ยักษ์จบหมดแล้ว พี่แซ็คก็จะคีพโกอิ้งต่อไป ไม่ดองแล้น

               ลิงก์เรื่องของพี่แซ็ค ตามไปได้ที่ > Fall in lust ประสบกามประสบรัก (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63415)



                เรื่องที่สอง ตอมไม่แน่ใจว่าอัปที่เว็บเล้าเป็ดได้หรือไม่ เลยลงในเด็กดีที่เดียวก่อน เพราะอันนี้เป็นแฟนฟิคเกาหลี หรือที่คนส่วนมากจะเรียกสั้นๆ ว่าฟิค คือการเอาศิลปินเกาหลีของวงๆ หนึ่งมาเขียนเป็นเรื่องราว ตอมเลยยังลังเลใจอยู่ ซึ่งจริงๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิิลปินมากสุดคือชื่อกับรูปร่าง ถ้าใครตามตอมมาประมาณหนึ่ง น่าจะเคยเห็นตอมหวีดร้องและบอกเสมอๆ ว่าอยากเขียนฟิคเกี่ยวกับ เซฮุน สมาชิกวง EXO กับลู่หาน อดีตสมาชิกของวงนี้ เพราะตอมชิปและชอบคู่ ฮุนฮาน มากกรุบบบ แต่จริงๆ ความเป็นฟิคก็แค่การเอาชื่อกับรูปร่างแค่ของเซฮุนกับลู่หานมาใช้เท่านั้น ตัวละครอื่นๆ คือสร้างขึ้นเองหมด เรื่องราวก็เป็นนิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง ตัวละครเขาเรียกกันว่า ลู่ กับ ฮุน  ตอมใช้ชื่อกับรูปลักษณ์พวกเขามาสร้างนิยาย แต่นิสัยหรือเรื่องราวก็ มโนตัวเองล้วนๆ มิจำเป็นต้องชิฟคู่นี้ ตอมว่าก็น่าจิอ่านกันได้

                    ลิงก์เรื่องของฮุนฮาน ตามไปได้ที่ > มังกรซ่อนลายหงส์ (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1792826)

                    ใครพรีฯ หนังสือไว้ ติดตามการอัปเดตได้ที่เพจตลอดๆ เด้อ ตอนนี้ต้นฉบับเสร็จแล้ว รอคนจัดหน้าแก้อีกนิดนึง ก็จิส่งโรงพิมพ์แล้นแน้ คุคริๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-04-2018 19:33:53
อ่านแล้ว หมดแรง  :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-04-2018 22:24:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-04-2018 02:10:36
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-04-2018 07:17:09
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-04-2018 19:22:09
บ้าไปแล้วววว คนอ่านนี่ล่ะจะบ้าไปแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 11-04-2018 10:25:24
เค้ารอตอนต่อไปอยู่นะ  กำลังได้ที่เลยเชียว :oo1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 11-04-2018 16:39:17
 :pighaun: :jul1: :haun4:
ยั่วหลัวด้วย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 11-04-2018 17:18:04
 :haun4: เลือดไหลไปหมดแร้ววว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-04-2018 23:19:29
แมทกับวิคนี่เรียกนี่เรียกเลือดได้ตลอดเวลาจริงๆ :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-04-2018 23:28:05
 :z6: :a5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.24 100% :09.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 17-04-2018 09:56:10
 :haun4: เป็นวิธีกินไวน์ได้แซ่บเว่อร์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 50% :17.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 17-04-2018 18:47:43
Yours and Mine EP.25 :: My family. (ครอบครัวของผม) [50%]




Victor Raymond
   

ผมได้แมทคนเดิมกลับมาแล้ว…
   

ผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากยิ้มรับกับความสุขของตัวเอง
   

เป็นความสุขที่ทำให้หัวใจผมพองโตจนรู้สึกราวกับว่ามันจะดันตัวออกมาจากข้างในอก มันเป็นความรู้สึกสบายใจ เบาใจและสุขใจที่ได้เขากลับมาอยู่ด้วยกันเต็มๆ แบบที่ไม่ต้องมีอะไรมาแบ่งเวลาของเขาไปจากผมอีก
   

ผมกำลังนั่งมองเอเลี่ยนน้อยนั่งอ้าขา สองมือวางบนหน้าท้องผมและออกแรงขย่มขึ้นลงแบบที่นับหนึ่ง สอง สาม สี่ได้เรื่อยๆ เสียงก้นของเขากระทบกับต้นขาของผมดังตับ ดังตับเน้นๆ กลบเสียงหนังที่เปิดทิ้งไว้ไปเลย
   

“อะ… อะ… อะ…” แมทหลับตาพริ้ม อ้าปากครางเสียงเบา ใบหน้าบิดเบี้ยวเป็นพักๆ
   

“Good, baby, good.” ผมเอ่ยชมพลางยื่นมือซ้ายไปจับเอเลี่ยนน้อยสีชมพูที่แข็งพุ่งชี้หน้าและบีบเบาๆ ใช้นิ้วชี้แตะน้ำใสๆ เหนียวๆ แล้วเอามาแตะที่ปลายลิ้น ผมแลบลิ้นรอ แมทลืมตาขึ้นมองแล้วโน้มหน้ามาดูดลิ้นผมอยู่พักหนึ่งก่อนดึงตัวกลับไปตามเดิม ผมยิ้มกว้าง แมทยิ้มน่ารัก สองมือของเขาเลื่อนขึ้นลูบวนหน้าอกผมเบาๆ
   

“My alien.” ผมกระซิบเสียงแผ่วแล้วยกสองมือไปวางท้ายทอย เอนหัวพิงกับผนังเหนือหัวเตียง นั่งมองเขาขย่มขึ้นลงอย่างเพลินตา และฟังเสียงอื้ออ้าใสๆ ของเขาอย่างเพลินหู
   

จริงๆ ผมอยากกระแทกเขาแรงๆ เอาให้หายคิดถึง ว่าแบบตรงๆ ก็เอาให้หายเงี่ย… แต่ผมก็อยากจะเล็มเลียความสุขชิลๆ ไปเรื่อยๆ แบบนี้ ไม่อยากเร่งรีบหรือเร่งรัด อยากฟัดเขานานหน่อย เลยปล่อยให้เขาคุมเกมเองตามใจชอบ จะช้า จะชัก หรือจะชะงักหยุดพักผมก็ไม่คิดว่า
   

RRrr!
   

ผมยื่นมือขวาไปหยิบโทรศัพท์จากหมอนอีกใบขึ้นมาดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นไอ้อันเดรโทรมา ผมหันไปหาแมท ยกนิ้วชี้ซ้ายขึ้นแตะปากและส่งเสียงชู่วเบาๆ เป็นสัญญาณให้เขาเงียบ แมทกัดริมฝีปากล่างแน่นและขย่มต่อไป ตอนนี้ไอ้อันเดรอยู่บ้านผมที่ LA ผมให้มันไปนอนเองแหละ เพราะบ้านจะได้ไม่ร้าง
   

“ฮัล… เฮ้ย เหี้ย!” ผมตาโตตกใจและใจหายวูบ เมื่อสติที่กำลังเคลิ้มกับแรงขย่มของแมทถูกดึงกลับมาเต็มที่แล้วรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดคิดว่าไอ้อันเดรแค่โทรมา แต่จริงๆ แล้วมันวิดีโอคอลมาต่างหาก
   

[โว้ววว ว้าววว] เสียงไอ้อันเดรดังออกมาจากโทรศัพท์ ผมรีบกดวาง แมทหยุดขย่มและกะพริบตาปริบๆ มองผม
   

“ใครอะ” ผมหน้าเครียด แต่ไม่ใช่เครียดจริงจัง แค่เครียดว่า ทำไมเวลาผมเอากับแมททีไร ไอ้อันเดรจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมสอดแนมแบบนี้แทบทุกครั้ง
   

“ไอ้อันเดร” แมทอ้าปากหวอ ผมยิ้มขำ
   

“อันเดรอีกละเหรอ” แมทอ้าปากกว้างขึ้นและขมวดคิ้ว ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม หวังว่าไอ้อันเดรมันจะไม่โทรกลับมาอีกรอบ ผมยื่นสองมือไปจับเอวแมทไว้ และดันตัวลุกขึ้นนั่งชันเข่า
   

“อ๊ะ…” แมทย่นคิ้วตอนที่ผมเด้งตัวขึ้นและทำให้ลูกชายผมถูกดันเข้าไปด้านใน ผมพาเขาพลิกตัวนอนข้างโดยที่ไม่ให้ลูกชายผมหลุดออกจากถ้ำของแม่มัน ผมประคองแมทให้นอนลงบนต้นแขนขวา มือซ้ายลูบหน้าท้องของเขาเบาๆ และเริ่มกระแทกเข้าแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ แมทนอนหนีบขาเลยยิ่งทำให้รูเขาแน่นขึ้น เขานอนหลับตาย่นคิ้วนอนครางเสียงเบาอยู่ในอ้อมแขนของผม มือซ้ายเขาเลื่อนลงไปชักให้ตัวเอง แต่ผมดึงออกและจับไว้ไม่ให้เขาช่วยตัวเอง ผมก้มลงดูดนมฝั่งซ้ายของเขาแรงๆ
   

“อื้อ เตอร์ อยากแตก” เขาครางเป็นภาษาไทยแต่ผมเข้าใจคำนั้น ผมเลียหัวนมเขาให้เขาครางเสียงอ่อนอีกสักพักก็หยุด แล้วยกหน้าไปหอมแก้มเขาค้างไว้ สูดดมเนื้อนิ่มกลิ่นน้ำนมอ่อนๆ
   

เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด
   

เสียงขาเตียงดังเบาๆ ผมยกมือขวาลูบผมที่ปรกหน้าผากแมทออกแล้วก้มจูบค้างไว้สักแปบก่อนจะเลื่อนจูบไปทั่วใบหน้าเขา และกระแทกด้านล่างเข้าหาเขาไม่หยุด พอมาหยุดตรงปากแมทก็แลบลิ้นให้ ผมดูดเรียวลิ้นสีชมพูของเขาอย่างอ่อนโยน
   

“ตร๊อก… กร๊อก…” ผมดึงหน้าออก ปล่อยมือออกจากมือซ้ายของเขา เลื่อนลงไปจับเอวเขาไว้แล้วกระแทกรัว แมทยกขาซ้ายขึ้น ผมเลื่อนมือซ้ายไปจับใต้ข้อพับขาของเขาแล้วช่วยยกขึ้น แมทบิดหน้ามาหา ผมก้มลงจูบปากเขาหนึ่งทีและรัวเอวใส่เขาเร็วขึ้น
   

ตับๆ ๆ ๆ
   

“อา อา อา เตอร์จ๋า…” แมทครางเสียงหวาน ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบแก้มซ้ายของผม ปลายนิ้วหนีบเส้นผมที่ปรกหน้าผมอยู่
   

“เมียจ๋า ชักหั้ยน๊อย” ผมพูดเป็นภาษาไทย แมทคลี่ยิ้มเคลิ้ม ผมหยุดกระแทกและดึงอาวุธตัวเองออกจากรูเขา แมทดันตัวขึ้น ผมขยับตัวนอนตรง เอเลี่ยนน้อยแกล้งผมด้วยการนั่งอ้าขาทับหน้าผมไว้ ผมหัวเราะอารมณ์ดี สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และหอมง่ามก้นเขาหนึ่งฟอด แมทหัวเราะคิกคัก เขายืนขึ้นแบบไม่เต็มขาแปบเดียวแล้วย่อลงเหนือลูกชายผม ใช้มือขวาจับมันไว้และนั่งลงมิดลำ เขาอ้าปากหายใจหอบหนึ่งเฮือกก่อนโน้มตัวมาหา เขาหอมหน้าผมไปทั่วหน้า ผมอมยิ้ม ยกสองมือลูบแผ่นหลังเขาเบาๆ
   

“ให้เตอร์น้อยเอาแมทอีกแปบนึงสิ แมทคิดถึงเตอร์น้อย” ผมหัวเราะเบาๆ ยกขาตั้งฉาก สองมือเลื่อนไปจับก้นเขาแล้วกระแทกเข้าหาแมทอย่างเร็วจนตัวเขาสั่นคลอน
   

“อ๊ะๆๆๆๆ” แมททิ้งหัวลงตรงซอกคอผม เสียงครางเขาชัดเจนในแก้วหูพอๆ กับเสียงเนื้อของเราสองคนกระทบกัน อ้อนขอแบบนี้ผมก็ชอบสิ เขายกหัวขึ้นมาแล้วก้มลงจูบแลกลิ้นกับผม เขาร้องครางอื้ออ้าในปาก ผมเด้งก้นกระแทกรูเขาด้วยความเมามันส์ ความรู้สึกเสียวหน่วงๆ แล่นไปตามแก่นกายและหน้าท้อง ผมรู้ตัวเลยว่ามันต้องออกมาล้นมากแน่ๆ เพราะผมไม่ได้มีอะไรกับเขาและไม่ได้ช่วยตัวเองมาเกือบสี่เดือนเต็ม
   

ปึก!!
   

ผมกระแทกส่งท้ายจนตัวแมทเด้งขึ้นสูงทำให้สิ่งที่เชื่อมเราสองคนอยู่เกือบหลุดออกจากกัน เขานอนครางหงิงๆ เหมือนลูกหมาอยู่ข้างหู ผมยกมือขวาขึ้นลูบหัวเขา กดจูบลงบนหัวเขาไปเรื่อย มือซ้ายบีบก้นกลมกลึงสองข้างของเขาด้วยความมันเขี้ยว เขาค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นมามองหน้าผม ใบหน้าน่ารักในสายตาผมคนเดียวดูคล้ายคนหมดแรง
   

“ยักษ์เย็xเก่งจัง” ผมหัวเราะกับคำชม แมทยกนิ้วชี้จิ้มจมูกผมหนึ่งทีและก้มลงหอมแก้มขวาผมหนึ่งฟอด ผมมองเขาด้วยความเอ็นดู มองเขาด้วยความคิดถึง เอเลี่ยนน้อยคลี่ยิ้มน่ารัก เห็นแล้วอยากฟัดทั้งวันทั้งคืน แต่คืนนี้คงไม่ได้ ต้องไปเฝ้าไวโอล่ากับไอ้สองแฝดผี
   

“Can you help me to cum baby? (ช่วยเตอร์แตกหน่อยได้มั้ยครับที่รัก)” ผมถามเสียงอ้อน เจ้าตัวจ้อยห่อไหล่หัวเราะน่ารักและเลื่อนตัวลงมานั่งข้างผม แมทหันไปหยิบแก้วไวน์ที่มีไวน์ขาวเหลืออยู่ในแก้วครึ่งหนึ่ง เขาหันกลับมา มือซ้ายจับลูกชายผม มือขวาถือแก้วไวน์และค่อยๆ เทไวน์ลงไป มือซ้ายเขาทั้งรูดและลูบไวน์ที่ไหลลงมาจากแก้วให้เปียกชุ่มไปทั้งลำ ผมยกสองมือมาวางไว้ใต้ท้ายทอย นอนมองเอเลี่ยนน้อยเล่นของเล่นของตัวเองด้วยความเพลิน
   

เขาเทไวน์จนเกือบหมดแก้วแล้วก็หยุด เอาแก้วไวน์ไปวางไว้ที่เดิม กลับมานั่งลูบนั่งรูดลูกชายผมที่เปียกชุ่มไปด้วยไวน์ต่ออีกสักพักก่อนจะก้มหน้าลงใช้ปากให้ เขากดคอตัวเองลง พยายามอมเข้าไปให้หมด
   

“ซี๊ดอ้า ซี๊ด ซี๊ดอ้า อ้า” ผมร้องครางด้วยความเสียววาบๆ ส่วนหัวของลูกชายสัมผัสกับความอุ่นร้อนในลำคอแมท หน้าผมกระตุกเป็นระยะ หน้าท้องหดเกร็ง อาการเสียวหน่วงๆ พร้อมจะปล่อยแล่นไปตามเส้นเอ็น แมทพยายามดันของผมเข้าไปในปากให้หมด เขาทำได้อยู่แปบเดียวก็ปล่อยออก มีสำลักนิดหน่อยแต่ก็ไม่หยุดใช้มือขวาชักให้ เขาก้มลงดูดส่วนหัวสีชพูสดเหมือนดูดอมยิ้ม ผมขมวดคิ้ว สองมือกำแน่น ริมฝีปากกระตุกแยกเขี้ยว หน้าท้องหดเกร็ง
   

“I’m coming. Fuck! I’m cumming! (จะแตกแล้ว โอ๊ย จะแตกแล้ว)” ผมร้องเสียงเพี้ยน แมทกระเถิบขึ้นมานอนข้างผม มือขวาของเขาชักไม่หยุดและในที่สุดผมก็คำรามเสียงดังลั่นห้องพร้อมกับปลดปล่อยน้ำที่กักเก็บไว้เกินเก้าสิบวันออกมาเต็มหน้าท้อง
   

“ว้าววว สุดยอดเลยอะวิคเตอร์” ผมคำรามเสียงสั่น หน้าท้องเกร็งจนกล้ามขึ้นชัด มันไม่ได้พุ่งออกมารุนแรง แต่มันไหลปะทุออกมาอย่างกับลาวาที่ไหลออกจากปล่องภูเขาไฟ น้ำสีขาวเหมือนนมข้นหวานไหลออกมาเรื่อยๆ ราวกับจะไม่หยุด โดยมีแมทช่วยชักให้เบาๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วลืมตาขึ้น แมทแหงนหน้ามามองผมพอดี เขายิ้มด้วยความตื่นเต้น ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ ทั้งที่ลูกชายยังปล่อยน้ำไหลออกมาเรื่อยๆ ยิ่งแมทชักไม่หยุดมันก็ยิ่งเหมือนไปกระตุ้น ตอนนี้หน้าท้องผมเจิ่งนองด้วยน้ำสีขาวขุ่นข้น เหมือนน้ำท่วมขังถนนอย่างไรอย่างนั้น
   

“พอก่อน…” ผมกระซิบบอกแมท เขาปล่อยมือออกจากลูกชายผม มันยังคงตั้งโด่และปล่อยน้ำออกมาตามธรรมชาติของมัน แมทเด้งตัวขึ้นแล้วก้มลงดูดส่วนปลายที่ยังมีน้ำผุดขึ้นมา
   

“โอ้ย เมียจ๋า ผัวเสี้ยว” ผมบอกเป็นภาษาไทย ใบหน้ายับย่นเหยเก แมทดูดกลืนน้ำที่ไหลออกมาจนหมดแล้วก็หยุดไหลไปเอง ผมลืมตาขึ้นพร้อมกับผ่อนลมหายใจยาวๆ แมทใช้มือขวาจับของผมไว้แล้วใช้ลิ้นเลียน้ำสีขาวที่อาบเยิ้มตามความใหญ่ยาว ผมกระตุกยิ้ม มองลีลาการตวัดลิ้นของเขาด้วยความรู้สึกเงี่ย… มันเงี่ย… จริงๆ นะ เห็นแล้วอารมณ์ไม่ยอมลดลงเลย
   

“เยอะมากเลยอะ” พอเขาเลียตรงลูกชายของผมจนหมดตั้งแต่โคนยันปลาย เขาก็แลบลิ้นเลียไปรอบปากเพื่อทำความสะอาด แมทกำลังมองน้ำสีขาวที่นองอยู่บนกล้ามท้องผมด้วยสายตาตื่นเต้น ผมยิ้มเอ็นดูกับท่าทางเหมือนเด็กน้อยของเขา
   

“อันนี้ยอมแพ้ เลียไม่หมด เช็ดเอานะ” ผมหัวเราะเบาๆ และพยักหน้า แมทหยิบผ้าขนหนูที่เขาใช้เช็ดตัวมาจากปลายเตียง และเอามาเช็ดหน้าท้องให้ผมจนสะอาด แมทก้มลงจูบกล้ามท้องผมหนึ่งทีก่อนหันไปมองยักษ์น้อยที่ยังตั้งโด่ราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้ปล่อยน้ำอะไรออกมาเลย
   

“มันยังแข็งอยู่เลยอะเตอร์” แมทหันมามองผมด้วยความตื่นเต้น ผมยิ้มกริ่มแล้วดันตัวลุกขึ้นนั่ง ใช้สองมือตีตรงหน้าขาตัวเองสามสี่ที แมทยิ้มกว้าง เอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นข้างแม็คบุ๊คมาบีบใส่มือพร้อมกับลุกขึ้นยืน เขาย่อขาลง เอามือไปป้ายเจลตรงรูก้นตัวเองก่อนจะนั่งลงประจำที่อย่างง่ายดายเพราะได้ตัวช่วยอย่างเจล สองมือของแมทลูบหัวไหล่ทั้งสองข้างผมไปมาเหมือนหาที่ระบายความอึดอัดด้านล่าง ผมมองรอยแดงที่มีแทบจะรอบคอของเขาแล้วก้มลงดูดซ้ำตามรอยเดิม แมทแหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงร้องอืออาแผ่วๆ
   

“เมียจ๋ายังไหม่แต้ก”
   

“เตอร์จ๋าทำให้หน่อย” แมทวางสองมือลงบนเตียงตรงหว่างขาของผมเพื่อยันตัวไว้ เขาร่อนเอววนตามเข็มนาฬิกาช้าๆ ให้ทั้งผมและเขาเสียวไปพร้อมกัน ผมใช้มือขวาชักให้เขารัวๆ ไม่นานเดี๋ยวก็แตก เพราะแมทน้อยมันแข็งตัวตลอดเลยตอนที่เราเอากัน เขาเองก็ห่างหายจากกิจกรรมนี้ไปเท่ากับผมนั่นแหละ
   

“อึ๊ อ๊า” แมทหยุดร่อนเอวใส่ผม เขาจิกปลายเท้าลงบนเตียง หน้าท้องของเขาหดลง ผมเร่งมือชักให้ เมื่อเห็นท่าทีเขาใกล้จะปลดปล่อยออกมา และยังไม่ทันร้องสุดเสียง แมทน้อยก็พ่นน้ำพุ่งมาติดเคราด้านซ้ายของผมหนึ่งกระจุก ผมยิ้มขำ มือขวายังคงไม่หยุดชักให้เขา แมทหนีบสองขาเข้ากับลำตัวผมแน่น สีหน้าของเขาบิดเบี้ยว เขายกมือซ้ายมาจับมือขวาผมไว้
   

“พอแล้ว พอแล้วเตอร์” เขาหอบเล็กน้อย ผมยกมือขวาออกจากกลางลำตัวของเขา ยกมือขึ้นเลียน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะติดมือ น้ำเขาก็ออกมาไม่น้อย เปรอะเต็มหน้าท้องเขาเลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับเจิ่งนองเท่าผม แมทค่อยๆ ดันตัวขึ้น สองแขนเขาคล้องคอผมไว้ เราจูบปากกันหลายที แล้วเขาก็เอาคางเกยไหล่ขวาของผม โดยที่เขายังมีลูกชายผมเสียบคาอยู่ในก้น ผมกลัวเขาจะหลับหนีเลยลุกชันเข่าและพาเขานอนลงบนเตียง แมทปล่อยแขนออกจากคอผม หน้าตาเขาเริ่มเพลียแล้ว ผมรวบสองมือของเขาขึ้นไปไว้เหนือหัวแล้วใช้สองมือกดข้อมือเขาจมเตียง ผมแบะขาออกให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นก็เด้าเร้าอารมณ์ใส่เขารัวๆ จนเตียงสั่น
   

“อะๆๆๆ” แมทครางเบาๆ หน้าตาบิดเบี้ยว แม็คบุ๊คที่อยู่เยื้องกับหัวของเขาสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก เสียงเตียงดั่งลั่นเอี๊ยดๆ เสียงหนังที่ใกล้จบแล้วก็ยังคงดังต่อไป
   

ก๊อกๆ
   

เราทั้งคู่หันไปมองประตู แต่ผมก็ยังไม่หยุดกระแทกใส่แมท กลับเร่งจังหวะขึ้นอีกจนแมทหน้าตาบิดเบี้ยวและแดงแจ๋ เขาอ้าปากกว้าง มีเสียงอึ๊อ๊ะเล็ดลอดออกมา ผมก้มลงไซ้คอเขาอย่างหนักหน่วง ไม่สนใจว่าใครจะเคาะประตู ตอนนี้ความรู้สึกมันกำลังได้ที่
   

“เบาๆ หน่อย อ๊ะ…” แมทร้องบอกแต่ผมกลับกระแทกเข้าหาเขาเน้นๆ จนเสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่น แมทพยายามบิดข้อมือออก ผมก็ยิ่งกดแน่นขึ้น แมทเด้งหัวขึ้นมากัดไหล่ซ้ายของผมเต็มเขี้ยว ผมสูดปากด้วยความเจ็บและเสียว ปล่อยให้เขากัดอยู่แบบนั้น
   

“อยากกัด กัดไปเลย ฮึ!” ผมก้มกระซิบเสียงแหบข้างหูเขา แมทร้องอื้ออ้า ผมซี๊ดปากกับความคมของฟันแมท ไอ้ตัวจ้อยมีการยกส้นเท้ากระแทกลงบั้นท้ายผมดังอักๆ เพื่อเป็นการสู้กลับ แมทปล่อยไหล่ผมและทิ้งหัวลงนอนตามเดิม ผมดันตัวขึ้น ส่งยิ้มเหี้ยมสะใจให้เขา แมทพยายามบิดข้อมือออก แต่ผมก็ไม่ยอม พอสู้ไม่ได้เขาก็แยกเขี้ยวคำราม ผมยิ้มสะใจ แมทกำมือแน่น เขาบิดตัวไปมาเพื่อพยายามหนี ผมรัวเอวใส่เขาเร็วขึ้นจนตัวแมทเด้งขึ้นเด้งลงเป็นจังหวะชัดเจน สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ นอนครางเสียงหลงให้ผมจัดการเขา แต่เพียงไม่นานผมก็คำรามลั่นห้อง ผมปล่อยมือจากข้อมือแมท ดึงลูกชายออกจากรู จังหวะที่ดึงออกมา ยักษ์น้อยก็พ่นน้ำใส่หน้าแมทพอดี เขาหลับตาลงอย่างรู้งาน ขนาดว่าปล่อยไปแล้วรอบนึง รอบนี้ยังพุ่งใส่หน้าแมทจนขาวเยิ้มเต็มหน้า
   

“อ้า! อ้า!”
   

ผมร้องคำราม หน้าท้องหดเกร็ง ยกสองมือวางไว้ท้ายทอย นั่งคุกเข่าปล่อยให้ลูกชายพ่นน้ำจนเริ่มรู้สึกเบาตัว พอลืมขึ้นก็เห็นว่าหน้าแมทเลอะน้ำผมเต็มไปหมดจนผมอดขำไม่ได้ เอเลี่ยนน้อยนอนหมดแรง ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา ผมก้มลงมองรูของเขา มันกลวงโบ๋และแดงฉ่ำ ผมยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจกับผลงานการขุดเจาะถ้ำของมนุษย์ต่างดาวตัวจ้อย
   

“ชอบมาร์คหน้าอันนี้มั้ยที่รัก” ผมถามแซว แมทยื่นมือไปควานหาผ้าขนหนู ผมเอื้อมหยิบมาวางไว้บนหน้าและปล่อยให้เขาจัดการเช็ดเอง ผมก้มมองลูกชายตัวเอง มันยังแข็งตัวแบบอ่อนๆ อยู่ ผมเลยจับมันเสียบเข้าไปในรูแดงฉ่ำของแมทอีกรอบ แล้วก็ดึงออก เสียบเข้า เสียบออกเล่นๆ ด้วยความเพลิน
   

“อื้อ เตอร์อะ” แมทดึงผ้าขนหนูออกจากหน้าแล้วเอามาเช็ดหน้าท้อง ผมหัวเราะและหยุดเสียบเข้าเสียบออกก้นเขา นั่งคุกเข่ามองเขาทำความสะอาดร่างกายแทน พอเสร็จแล้วเขาก็ดันตัวลุกขึ้น เอาแขนดันตัวเองไว้ ผมโน้มหน้าไปจูบปากเขาหนึ่งทีแล้วเด้งตัวนั่งตัวตรงตามเดิม ผมยกมือขวาเสยผมขึ้น แมทยื่นมือขวามาบีบยักษ์น้อยเบาๆ สามสี่ทีแล้วปล่อย ผมยิ้มขำกับท่าทางของเขา เหมือนจับเช็กของละมั้ง
   

“เมื่อกี้ใครเคาะประตูอะ”
   

“เคาะแล้วไม่รบกวนต่อน่าจะเป็นออสติน” ผมดึงเขาขึ้นมาและพานอนข้างกัน แมทเอียงตัวเข้าหาผมและยกขาซ้ายขึ้นวางบนหน้าท้อง เขาจูบรอยสักผมหนึ่งทีและเอาแก้มแนบกับอกผมไว้ เลื่อนมือซ้ายไปตามเอวและแก้มก้นเขาแบบเพลินๆ มือขวาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาออสติน รอไม่นานเขาก็รับสาย
   

“เมื่อกี้นายมาเคาะประตูห้องรึเปล่า… อ๋อ ได้ ไปได้เลย ถ้าฉันจะออกไปโรงพยาบาลแล้วเดี๋ยวโทรหา… โอเค” ผมกดวางสาย ก้มลงมองแมทกำลังมองหน้าจอแม็คบุ๊คตาแป๋ว
   

“ออสตินจะออกไปหาไดอาน่า…” เขาพยักหน้ารับรู้ วางมือซ้ายลงบนตัวผมและนอนนิ่ง ผมกดโทรศัพท์หาไอ้อันเดร ก้มลงมองแมทอีกทีคือเขาหลับไปแล้ว
   

“…เออ แกโทรมาว่าไง” ก่อนจะได้พูดอะไร มันส่งเสียงหัวเราะมาก่อนเป็นอย่างแรก
   

[ฉันจะวิดีโอคอลให้แกคุยกับไมเคิลแล้วก็ฟอกซ์ มันน่าจะคิดถึงแกสองคน แต่ดูแกสองคนไม่น่าคิดถึงพวกมันนะ] แล้วมันก็หัวเราะสนุกสนานของมัน ผมทำหน้าเอือม ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบแขนเอเลี่ยนน้อยเบาๆ เป็นการกล่อมให้เขานอนหลับสบาย
   

“แกดูแลพวกมันดีรึเปล่า”
   

[อิ่มหนำสำราญทุกวัน นี่เดี๋ยวไอ้เบนกับแฟนมันก็จะแวะมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย]
   

“ดี ฝากหน่อย อาทิตย์หน้าแกค่อยพาพวกมันมาอังกฤษ”
   

[วีกับลูกเป็นไงมั่ง แกไม่เห็นอัปเดตไรเลย]
   

“ลืม”


[มัวแต่เอาแมทอยู่อะดิ]


“ในรอบสี่เดือนโว้ย” ไอ้อันเดรหัวเราะ พวกมันรู้แล้วละว่าวีคลอดลูกแล้ว แต่ยังไม่ได้เห็นหน้าไอ้แฝดผี เพราะผมยังไม่ได้อัปเดตอะไรเลย เดี๋ยวอาทิตย์หน้ามันจะบินมาอังกฤษพร้อมไมเคิลกับฟอกซ์ และไอ้เบนกับบาส ไม่แน่ใจว่าจะมีใครอยากมาด้วยอีกมั้ย แต่ผมฝากมันกระจายข่าวแล้ว ไอ้พวกเพื่อนๆ ผมมันก็รู้จักไวโอล่ากันทั้งนั้น


[สรุปลูกไวโอล่าชื่ออะไร]


“แฮคเตอร์กับเฮคเตอร์” ผมกดจูบลงบนหน้าผากแมทเบาๆ หนึ่งทีตอนทีเขาขยับหัว


[นี่มันลูกแกรึเปล่าเนี่ย]


“แมทตั้งให้ ฉันไม่ได้บริจาคชื่อให้มันสักหน่อย” ไอ้อันเดรหัวเราะ นี่มันสูบกัญชามารึเปล่า หัวเราะง่ายอะไรขนาดนั้น


[มีลุงอย่างแกโคตรน่าเป็นห่วง] ผมย่นคิ้ว ก็ว่าจะไม่เกลียดมันหรอก แต่เห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ อยู่กับแมทนี่เป็นเด็กเรียบร้อยเชียว ผมยังไม่ทันอุ้มก็แหกปากร้องจ้าละ


“หาซื้อของมารับขวัญหลานฉันด้วย อย่ามาตัวเปล่า บ้านก็ให้อยู่ฟรีๆ”


[โหเฮ้ย โคตรมัดมือชก]


“แค่นี้ เดี๋ยวฉันกับแมทต้องไปโรงพยาบาล”


[ทำไม เอากันจนต้องไปหาหมอเลยเหรอ]


“ไปเลียก้นไมเคิลไปไอ้อันเดร” ผมทันได้ยินมันหัวเราะก่อนจะกดวางสาย ผมเช็กการแจ้งเตือนต่างๆ อินสตาแกรมไหลจนตาลาย ผมเลยปล่อยผ่าน ผมกดเข้าไปดูวอทสแอพ เซล่าแคปรูปที่ผมลงในอินสตาแกรมส่งมาและข้อความบ่นยาวเหยียด ผมอ่านจบแล้วปล่อยไว้งั้น ไม่ตอบไม่ลบ เดี๋ยวค่อยคุย ก็เดาทางได้อยู่แล้วว่าเซล่าจะมาแนวไหน


ผมวางมือถือลงข้างตัว ยื่นเท้าไปพับหน้าจอแม็คบุ๊คลง ใช้เท้าเขี่ยผ้านวมที่กองอยู่ตรงปลายเตียงฝั่งแมทนอนขึ้นมาคลุมตัวเราสองคน เสียน้ำไปเยอะ นอนหลับเอาแรงก่อน ตื่นมาต้องไปฟังไอ้แฝดผีร้องเพลงอีก







 :hao7:


               อุ๊ตะ ดูเน็ตฟลิกซ์กันเพลินเลยนะคะสองผัวเมียละเหี่ยใจ -.,- เลือกหมวดหมู่หนังเป็นแนวทริลเล่อร์รึเปล่าคะ เตียงสั่นสะนั่นจอมาก มีแวะเบรกโฆษณาโดยอันเดรด้วย

               ได้เอเลี่ยนกลับมาก็จัดหนักจัดเต็มมาก หายอยากเลยสินะคะพี่ยักษ์ หื้มมม ฉ่ำๆ จัมโบ้เอ คริๆ ต้องให้พี่เขาหน่อยค่ะ ร้างมานานจนวอกแวกไปที แล้วก็เกือบเสียชีวิตเพราะอีความวอกแวก

               ก็อย่างที่อีพี่ยักษ์มันว่า เอเลี่ยนนางเด็ดตรงมีลูกเล่นลูกล่อผัว พอมัวแต่โฟกัสเรื่องงานเลยกลายเป็นน่าเบื่อ จืดชืดไปเลย แต่ตอนนี้ได้เมียคืนมาแล้วนะเจ้าคะคุณพี่ยักษ์



               ตอนนี้ตอมเริ่มเขียนนิยายใหม่สองเรื่องแล้นนะคะ

               เรื่องแรกเป็นเรื่องของพระเอกที่มารับไม้ต่อจากวิคเตอร์ใน ซีรีส์พี่พระเอก ที่จะมีทั้งหมดห้าคนหลักๆ วิคเตอร์เป็นคนแรก และคนที่สองก็ทยอยลงให้อ่านแล้ว จากที่เคยดองไว้ ตอนนี้ไม่ดองแล้วนะคะ ก็จะมาทุกเดือนๆ อย่างแน่นอน เป็นเรื่องของพี่แซ็ค เทรนเนอร์ส่วนตัวของไอ้ยักษ์กับน้องแมทนั่นเอง ก่อนหน้านี้มีกาดองเกิดขึ้น เพราะต้องมาปั่นต้นฉบับพี่ยักษ์ให้เสร็จ แต่ตอนนี้พี่ยักษ์จบหมดแล้ว พี่แซ็คก็จะคีพโกอิ้งต่อไป ไม่ดองแล้น

               ลิงก์เรื่องของพี่แซ็ค ตามไปได้ที่ > Fall in lust ประสบกามประสบรัก (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63415)



                เรื่องที่สอง อันนี้เป็นแฟนฟิคเกาหลี หรือที่คนส่วนมากจะเรียกสั้นๆ ว่าฟิค คือการเอาศิลปินเกาหลีของวงๆ หนึ่งมาเขียนเป็นเรื่องราว ซึ่งถ้าใครตามตอมมาประมาณหนึ่ง น่าจะเคยเห็นตอมหวีดร้องและบอกเสมอๆ ว่าอยากเขียนฟิคเกี่ยวกับ เซฮุน สมาชิกวง EXO กับลู่หาน อดีตสมาชิกของวงนี้ เพราะตอมชิปและชอบคู่ ฮุนฮาน มากกรุบบบ แต่จริงๆ ความเป็นฟิคก็แค่การเอาชื่อกับรูปร่างแค่ของเซฮุนกับลู่หานมาใช้เท่านั้นตัวละครอื่นๆ คือสร้างขึ้นเองหมด เรื่องราวก็เป็นนิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง ตัวละครเขาเรียกกันว่า ลู่ กับ ฮุน  ตอมใช้ชื่อกับรูปลักษณ์พวกเขามาสร้างนิยาย แต่นิสัยและเรื่องราวก็ มโนตัวเองล้วนๆ มิจำเป็นต้องชิฟคู่นี้ ตอมว่าก็น่าจิอ่านกันได้ เพราะมันก็เป็นนิยายเรื่องหนึ่งงง

                    ลิงก์เรื่องของฮุนฮาน ตามไปได้ที่ > มังกรซ่อนลายหงส์ (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1792826)

                   

                    ใครพรีฯ หนังสือไว้ ติดตามการอัปเดตได้ที่เพจตลอดๆ เด้อ ตอนนี้ต้นฉบับเสร็จแล้ว รอคนจัดหน้าแก้อีกนิดนึงค่ะ ช่วงสงกรานต์เขาออนทัวร์เลยไม่มีเวลาแก้ แต่ตอมเร่งเขาไปแล้ววว

               ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและคอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ ขอบคุณมากๆ เป็นกำลังใจ เป็นพลังใจที่ดีต่อคนเขียนจริงๆ ค่ะ อ่านคอมเม้นต์แล้วก็ปลื้มมม เห็นคะแนนโหวตแล้วก็เปรมมม

           

แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 50% :17.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-04-2018 19:07:31
  :ling1:
:hao5:
:sad4:
:heaven
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 50% :17.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-04-2018 19:43:55
อ่านแล้ว ขอตายอย่างสงบ  :heaven
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 50% :17.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 17-04-2018 22:22:24
เป็นตอนพักเบรคเลย เบรคแล้วไปต่อไม่ถูกเลย 555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 50% :17.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 18-04-2018 12:33:18
 :pighaun: :jul1: ฆ่าฉันให้ตายเสียเถิด :laugh: :ling1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 50% :17.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 23-04-2018 11:33:39
 :haun4:  :haun4: นพ่ะทแรนารสำวำราะแมปวสกนก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 50% :17.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-04-2018 17:54:53
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 23-04-2018 19:49:28


Yours and Mine EP.25 [100%]




แมทตื่นก่อนผม ตื่นมาเขาก็นั่งกินข้าวอยู่ข้างเตียงพร้อมกับนั่งดูหนังตาแป๋ว เขาทำมาเผื่อผมด้วย เป็นข้าวกับปลาแซลม่อนย่าง เรานั่งกินข้าวไปดูหนัง (เรื่องใหม่) ไป พอกินเสร็จก็พากันเข้าไปอาบน้ำ ออกมาแต่งตัวในห้องนอน ตอนที่เราทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาหกโมงเย็น ออสตินกลับมารอรับพวกเราก่อนจะโทรไปตาม

 

 

ออสตินพาเรามาส่งที่โรงพยาบาล ผมให้เขากลับไปบ้านใหม่ได้เลยจะได้พักผ่อนยาวๆ ผมยังคงต้องให้แมทนั่งตักไปก่อนเวลาไปไหนมาไหนเพราะรถมีแค่สองที่นั่ง แมทก็บอกแล้วว่าถ้าซื้อรถใหม่ได้ก็จะดี เดี๋ยวมีไวโอล่ากับไอ้แฝดลูกหมาลูกแมวมาอยู่ด้วย จะได้ไปไหนมาไหนสะดวก

 

 

“วันนี้แฝดอึกันเยอะมาก พยาบาลบอกว่าเด็กๆ ขับของเสียออกจากร่างกายน่ะ” ไวโอล่านอนเล่าให้เราฟัง เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังจะกินอาหารที่พยาบาลเอามาให้

 

 

“อ๋อ คนไทยเรียกอึขี้เถ้าอะ” ไอ้ตัวจ้อยว่า ผมย่นคิ้ว ไม่เข้าใจอะไรด้วยหรอก ส่วนไวโอล่าก็สอบถามความรู้ใหม่ของเรื่องเด็กอ่อน ดูไอ้เอเลี่ยนจะรู้มากกว่าคนเป็นแม่แท้ๆ ซะอีก

 

 

“ถ้าแฝดตัวเหลืองอย่าตกใจนะ เด็กกำลังปรับสภาพร่างกาย แต่ถ้าไม่เหลืองก็แสดงว่าเจ้าแฝดแข็งแรงมากกก”

 

 

“แล้วถ้าตัวเหลืองต้องทำยังไงเหรอ”

 

 

“เอาเข้าตู้อบ” ไวโอล่าพยักหน้าหงึกๆ ผมนั่งมองสองคนนั้นคุยกันเงียบๆ

 

 

“…ก็ต้องบำรุงเลือดกันหนักหน่อย”

 

 

“ดูแลตัวเองให้เต็มที่ ฉันจะช่วยดูแลแฝดเอง” ผมเอนตัวนอนบนโซฟาที่ประจำ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตารางงานที่เซล่าส่งมาให้แบบว่างเปล่า ดูแบบไม่จดจำอะไรทั้งสิ้น ค่อยให้แมทเตือนอีกที

 

 

“พี่… วิคเตอร์… เฮ้” ผมหลุดจากความมึนของตัวเองหันไปมอง ไวโอล่ากำลังมองมาทางผม ส่วนแมทกำลังกินอาหารของคุณแม่ลูกแฝด ผมย่นคิ้วให้กับความตะกละของไอ้เอเลี่ยนที่ทำอย่างกับผมเลี้ยงดูมันไม่ดีงั้นแหละ

 

 

“ว่าไง”

 

 

“เรื่องพ่อ…”

 

 

“…ชิล คุยเรียบร้อย ออกจากโรงพยาบาล เธอกับไอ้แฝดลูกหมูไปอยู่กับพี่กับแมท เขาจะไปเยี่ยมเธอที่บ้านพี่เอง” ไวโอล่าทำหน้าประหลาดใจ แมทที่กำลังเคี้ยวอาหารเต็มปากยังมองด้วยความทึ่งเล็กๆ

 

 

“จริงๆ น่ะเหรอ” ไวโอล่าถามย้ำ มือซ้ายยกไปจะหยิบอะไรสักอย่างมากิน แต่เธอกลับคว้าความว่างเปล่าในจานแทน ผมเดาว่าไอ้เอเลี่ยนหยิบไปกินแล้ว ทำไมถึงตะกละได้ขนาดนี้วะ

 

 

“จริง… ไอ้เอเลี่ยน แย่งวีกินทำไมน่ะ”

 

 

“อ่าวแอ่งอักหน่อย ไวโออ้าอิ่มแอ้ว” เกลียดการพยายามพูดทั้งที่อาหารเต็มปากจริงๆ ไวโอล่าหันไปขำแมทก่อนหันกลับมาหาผม

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกินไปตั้งเยอะแล้ว” ผมส่ายหัวอ่อนใจ ถ้าก่อนหน้าที่จะมาไม่ได้กินอะไรมาเลยจะไม่แปลกใจ แต่คือมันกินมาแล้ว แถมตอนนี้กำลังกินอาหารของคนท้องอีก อาหารรสจืดๆ มันอร่อยตรงไหน

 

 

“เมียใหม่พ่อท้อง ฉันขอบคุณแม่กับย่ามาก ฉันไปขอพวกเขามา” ทั้งสองคนอ้าปากหวอแล้วหันมองหน้ากันก่อนหันกลับมามองผมอีกที ผมยักคิ้วพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้าง

 

 

“ผมยังไม่เคยเห็นแฟนใหม่พ่อคุณเลยอะ”

 

“อายุเท่าเธอเลย” แมท (ที่อาหารเต็มปาก) อ้าปากค้างสีหน้าตกใจหลังจากได้ยินที่ไวโอล่าบอก ไวโอล่าหันกลับมามองผมด้วยใบหน้ายุ่งยากนิดๆ

 

 

“เด็กคนนั้นถือว่าเป็นน้องสาวหรืออาจจะน้องชายของเรา และ เอ่อ เป็นน้องของแฝดด้วยมั้ยเนี่ย”

 

 

“แล้วแต่พ่อเขาเถอะว่าจะกำหนดให้เป็นญาติฝ่ายไหน” ผมไม่สนใจลำดับวงศาคณาญาติหรอก เพราะตอนนี้เราอาจจะไม่นับญาติกันอยู่ก็ได้

 

 

“แฟนใหม่พ่อคุณท้องกี่เดือนแล้วอะวิคเตอร์”

 

 

“ไม่ถึงเดือน ฉันเลยถือโอกาสนี้บอกให้เขาดูแลลูกคนใหม่ไปเถอะ อีกอย่างเขากำลังเห่อเมียใหม่คนนี้ด้วย”

 

 

“คบกันนานเท่าไหร่แล้ว”

 

 

“สองเดือนกว่า” ทั้งแมททั้งไวโอล่าอ้าปากหวอ

 

 

“โอ้ว วัตถุไวไฟก็สู้ไม่ได้” ไอ้เอเลี่ยนเอ่ยเสียงเบา สีหน้าทึ่ง ผมเห็นแล้วก็ขำกับหน้าเอ๋อๆ และคำเปรียบเปรยของเขา

 

 

“ก็ดีนะ พ่อจะได้ไม่เหงา” ผมไหวไหล่ ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไร ตอนเขามาบอกผมดีใจที่เขาจะมีสิ่งอื่นให้สนใจมากกว่าการมาขวางทางชีวิตผมมากกว่า เขารู้อยู่แล้วว่าขวางผมไม่ได้หรอก เขาแค่อยากเอาชนะ แต่พอมีเด็กคนนั้น มันเลยทำให้ความสนใจของเขาหลุดจากตรงนี้ไป

 

 

เรานอนคุยเรื่องพ่อกับเมียใหม่ของเขาอย่างเอามันส์ อันที่จริงเรียกว่ามันส์แค่แมทกับไวโอล่าดีกว่า เพราะผมเป็นฝ่ายบอกข้อมูลที่สองคนนั้นถามเฉยๆ ไม่ได้ร่วมวงเม้าท์ตามประสาสาวๆ แต่ผมก็บอกได้แค่ตามที่ผมรู้ เพราะผมไม่เคยถามหรือคิดอยากจะรู้เรื่องของพ่อ

 

 

คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่เรามานอนเป็นเพื่อนไวโอล่า

 

 

และมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่อีกห้าวันที่ผมกับแมทใช้ชีวิตระหว่างบ้านและโรงพยาบาล ไอ้แฝดหมูมีอาการตัวเหลืองอย่างที่แมทว่าเลยต้องเข้าตู้อบในวันที่ห้าของการอยู่โรงพยาบาล แต่การตัวเหลืองไม่ได้ส่งผลกับความอ้วนของมันสองคนเลยสักนิด เข้าตู้อบไปได้วันเดียว วันต่อมาก็กลับมาเป็นปกติ หมออธิบายว่าเป็นธรรมดาที่เด็กจะยังไม่ชินกับสภาพอากาศภายนอกท้องแม่ หมอว่าดีแล้วที่ไอ้แฝดตัวเหลืองและอึบ่อยๆ ถือเป็นการเอาสิ่งไม่ดีออกจากร่างกายไป

 

 

วันที่ครบหนึ่งอาทิตย์ที่ไอ้แฝดผีเกิดมา แมทจัดงานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆ ในห้องพักของไวโอล่า มีคนมาร่วมงานปาร์ตี้อยู่เจ็ดคน มีผม แมท ไวโอล่า ออสติน ไดอาน่า แล้วก็พยาบาลที่ช่วยดูแลไอ้แฝดลูกหมูสองคน ในงานก็มีอาหาร มีขนม เปิดเพลงฟังกันเบาๆ ผมด่าว่าเว่อร์แต่แมทบอกว่ามันเป็นการฝึกให้เด็กมีสุขภาพจิตที่ดีตั้งแต่เนิ่นๆ เดี๋ยวพอย้ายเข้าบ้านเขาก็จะจัดอีก เพราะตอนนั้นมีพวกไอ้อันเดรมาด้วย แมทอยากโชว์เจ้าสองคนนี้ให้พ่อกับแม่ตัวเองดู แต่ก็เลือกจะอดใจไว้ตอนพาเจ้าสองคนนี้ไปเมืองไทยดีกว่า (ไวโอล่ายินดีมาก)

 

 

และไอ้แฝดผีมันก็น่าหมั่นไส้อย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด ใครอุ้มร้องหมด ยกเว้นไวโอล่ากับแมท ไม่นับรวมพยาบาลเพราะเป็นหน้าที่ ยิ่งพอเป็นผมอุ้มนะ

 

 

“แอว๊!! แอว๊!!”

 

 

มันแหกปากร้องดังลั่นห้องจนคนอื่นขำ ผมมองตาสีฟ้าของมันสองคนด้วยความหมั่นไส้ ตอนที่ส่งคืนให้ไวโอล่ากับแมท มันเงียบกริ๊บ เหอะ ไม่อุ้มก็ได้โว้ย

 

 

 

จนกระทั่งถึงวันที่เราจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่ของผมกับแมท ผมก็มีของขวัญให้กับแมทตามที่เขาขอ คือรถแบบที่นั่งกันได้หลายคน ไม่ถึงสิบคน แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่แค่สองที่นั่ง เป็นครอสโอเวอร์คาร์ (Crossover car) รถสี่ประตูคันใหญ่สีดำของแบรนด์ดังและเป็นที่นิยม ออสตินขับมารอรับทุกคนถึงหน้าตึก ไอ้เอเลี่ยนเห็นก็ยิ้มแป้นและหอมแก้มผมไปหลายที เขาดี๊ด๊าดีใจกับรถคันใหม่มาก

 

 

“It makes me feel like we are a big family! (ให้ความรู้สึกว่าเราเป็นครอบครัวใหญ่!)”

 

 

“Yes, it is. Look at the piggy twins. (ใช่ ใหญ่จริง ดูไอ้แฝดลูกหมูนั่นสิ)” ไอ้เอเลี่ยนหันมามองค้อน ก่อนรีบไปช่วยไวโอล่าประคองสองแฝดผีขึ้นไปนั่งบนรถคันใหม่ ผมนั่งกับออสตินด้านหน้า วีกับแมทนั่งด้านหลัง อุ้มเจ้าแฝดในชุดเสื้อไหมพรมสีเลือดหมู ถักตัวอักษร H สีขาวตรงกลางอกรับลมหนาวในฤดูใบไม้ร่วง และมีหมวกไหมพรมสีแดงขาวสวมให้อย่างน่ารัก

 

 

แหวะ น่ารักตรงไหนวะ เหมือนหมูใส่เสื้อผ้าเลย

 

 

“What about Andre and the others? (แล้วอันเดรกับคนอื่นๆ ล่ะ)”

 

 

“Uber. (อูเบอร์)” แมทพยักหน้าแล้วก็ก้มหน้าไปหยอกไอ้แฝดพี่หรือแฝดน้องก็ไม่รู้ ใส่เสื้อผ้าเหมือนกันผมยิ่งแยกไม่ออก งงไปหมดว่าใครเป็นใคร

 

 

“We are going to our home. You have to thank you uncle giant, okay? (เรากำลังจะไปบ้านของเรากันนะ หนูต้องขอบคุณลุงยักษ์ โอเคมั้ยครับ)” แมทพูดเสียงเล็กเสียงน้อยกับไอ้แฝดทั้งสองคน มันส่งเสียงเอ๊าะแอ๊ะ ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ ไม่ได้เอ็นดูมันนะ ผมถือว่านั่นคือคำขอบคุณในบุญคุณที่ผมมีให้พวกมันตั้งแต่แรกเกิด

 

 

มีลุงรวยก็ดีแบบนี้แหละโว้ยไอ้แฝด

 

 

ใช้เวลาสองชั่วโมงก็มาถึงบ้านใหม่ของเราสองคน แมทที่ยังไม่เคยเห็นบ้านใหม่ผ่านสายตาตัวเองจริงๆ ก็ยืนมองบ้านตาเป็นประกายและยิ้มกว้าง ท่าทางของเขาตื่นเต้นและดีใจมาก ผมเห็นแล้วก็ดีใจตามไปด้วย

 

 

“It’s so beautiful, Victor. (สวยจังเลยวิคเตอร์)” ผมยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เขา พวกเรายืนมองบ้านหลังใหญ่ที่ถูกปรับแต่งใหม่ให้สวยขึ้นจากเดิมที่ปล่อยร้างทิ้งไว้รอให้เจ้าของใหม่มารับไปดูแล

 

 

“It’s our home. (บ้านของเรา)” ผมก้มลงบอกเขา แมทยิ้มทั้งน้ำตา ผมเลื่อนสายตาไปมองไวโอล่า เธอมองผมด้วยสายตาซาบซึ้งและอบอุ่น

 

 

“Thank you brother. (ขอบคุณนะพี่ชาย)” ผมคลี่ยิ้ม ยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้น แมทกับไวโอล่าส่งไอ้แฝดลูกหมูมาให้ ผมเบ้ปากและสั่นหัวรัวๆ

 

 

“They want to say thank you their uncle. (พวกเขาอยากขอบคุณลุงตัวเองนะ)”

 

 

“How do you know? (รู้ได้ไง)”

 

 

“I can speak with the child. (ผมพูดกับเด็กได้)” แมทบอกหน้าตาย ไวโอล่ายิ้มขำ ผมย่อตัวรับไอ้แฝดลูกหมูมาไว้ในอ้อมแขนทั้งสองข้าง มันมองหน้าผมตาแป๋ว สองมือเล็กชูโบกไปมา

 

 

“Well, do you have something to tell me? (ไง มีอะไรจะบอกฉันมั้ย)” เงียบ มีแต่การมองหน้า ผมถือว่าการที่มันไม่ร้องไห้ใส่ผมเหมือนทุกครั้งที่ผมอุ้มมัน นั่นคือการขอบคุณ

 

 

“Okay. Welcome to our home. (ก็ดี ยินดีต้อนรับสู้บ้านของเรา)”

 

 

ครอบครัวผมอยู่นี่แล้ว


 

 


เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้    :hao3:


               แฝดดด พอรู้ว่าลุงรวย หนูไม่ร้องไห้เลยนะคะ ก่อนหนา้นี้ลุงแตะนิดแตะหน่อย ร้องแอว๊ๆ แหม่ะ พอถึงบ้านของลุงเขา เป็นเด็กดีเลยน้ะ ดีเลยน้ะ

               ถ้าเปรียบกับหนังสือ ตอนนี้คือจบเล่มหนึ่งแล้วค่ะ เรากำลังจะขึ้นเล่มสองกันแล้ววว หลังจากนี้ไม่แน่ใจว่ามันจะมีเหตุการณ์ตื่นเต้นอะไรอีกมั้ย คือจากนี้จะเน้นชีวิตครอบครัว การสร้างครอบครัวอะไรแบบนี้แล้ว แต่จริงๆ นิยายเรื่องนี้มันก็มาเรื่อยๆ เรียงๆ ตลอด 55555 เหตุตื่นเต้นไม่ค่อยมี

 ตอนหน้าเป็นต้นไป อัปแบบเต็ม 100% ทุกตอน ยังไงอ่านแล้วก็คอมเม้นเป็นฟีดแบ็คให้กำลังใจกันหน่อยแล้วกันเนอะ

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-04-2018 20:11:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-04-2018 20:12:41
อีเตอร์จะได้เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วซินะ เอ๊ะ หรือไม่ใช่   o17
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 23-04-2018 21:18:46
ดีใจกับแม่ด้วยที่ได้บ้านใหม่ และมีครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้น
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-04-2018 21:48:44
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 23-04-2018 22:06:32
ครอบครัวสุขสันต์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 23-04-2018 22:32:20
อบอุ่นหัวใจดีจัง :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 24-04-2018 10:11:07
อิยักษ์มีครอบครัวแล้ว  ดูแลทุกคนให้ดีๆนะจ๊ะ  ขอบคุณนักเขียน ชอบเรื่องนี้มาก ขอบคุณค่ะ  จะรอตอนต่อไปนะค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 24-04-2018 11:19:27
 :hao7: ติดตามค่ะ สนุกดี จะเป็นยังไงต่อไปนะ หนุ่มน้อยของเรา
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries.Part: You and I||::Chapter4::17.06.58::PG.1หน้าเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 24-04-2018 13:14:49
ใครอ่ะ แม่? หรือเมียน้อยพ่อ? หรือแฟน? ที่ทำให้วิคเตอร์เป็นแบบนี้ :m28:
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 24-04-2018 14:50:23
 :a5: เอ่อไม่ใช่ว่ายัยคุณลิซ่านี่ก็เคยเคลมวิคเตอร์มาแล้วนะ

แล้วเอิร์ธนี่ยังไงนะ  :confuse:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkping ที่ 24-04-2018 17:53:46
แฝดน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-04-2018 17:37:28
จะว่าดีก็ดี แต่ว่าไม่ดีก็ไม่ดี แง้ ถนอมน้องหน่อยวิค~

น้องยิ่งตัวเล็กๆ แมทจะไหวไหมเนี่ย หื่นเกิ๊นขนาดหมอสั่งงดเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-04-2018 00:27:52
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.25 100%}:28.01.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-04-2018 15:04:35
 :laugh: เขาร้องเพลงหรอ เขาร้องเพลงอะไรให้เราฟัง 5555

:pigha2: ถึงกับลั่น 55555555 พระได้ยินนี่จะทำหน้ายังไงนะ

5555555 พระสวดมนต์คิดว่าพระร้องเพลง โอ้ย ต่างชาติอ่ะนะ

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 50%}:05.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-04-2018 18:17:37
กรี๊ดดดด  :z3: ว่าแล้ววว ลิซ่าต้องมีอะไรมากกว่าแม่เลี้ยง

เธอคือเมียเก่าหรอ หรือยังไง อมก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-04-2018 18:31:02
โอ้โห  เจอคำว่าลูกชั้นกับเธอนี่ใจกระตุกยังกับตัวเองคือแมทอ่ะ

เจ็บแปล้บๆที่ใจ โห มันแบบ o22 ....
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.25 100% :23.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 27-04-2018 13:42:59
 :เฮ้อ: เกือบสี่วันเต็มๆ ที่ตามอ่านเรื่องนี้ ยาวสะใจมากค่ะ

ตอนนี้แฝดน่าร้ากกก รอวันอิลุงหลงแฝดค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-04-2018 20:57:57
Yours and Mine EP.26 :: Aunty Alien and Uncle Giant. (คุณป้าเอเลี่ยนกับคุณลุงยักษ์) [100%]





“วะฮะฮะฮะ อันแน่ แอ้”

           

 

“แออออ แอ๊ะ แอะๆๆ” เฮคเตอร์ยิ้มเริงร่าตอบโต้กับการหยอกล้อของผม

           

 

“แอออออ แอ๊ แอ๊ แอว๊” แต่แฮคเตอร์กำลังร้องไห้จ้า ผมหันขวับไปมอง ยกมือลูบหัวเฮคเตอร์ที่กำลังนอนยิ้มอารมณ์ดีบนฟูกนอนสีฟ้าของตัวเอง

 

 

ผมกระเถิบตัวไปทางด้านขวามือและก้มลงอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมานอนในอ้อมกอดแล้วออกแรงเหวี่ยงแขนเบาๆ ก้มลงหอมหน้าผากมนของลูกหมูตัวที่สองอย่างอ่อนโยน กล่อมกันสักพักแฮคเตอร์ก็เงียบและมองผมตาแป๋ว ผมยิ้มกว้าง และทำหน้าหยอกล้อ แฮคเตอร์ขยับยิ้ม ผมใช้มือซ้ายเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้เขา

 

 

“แงงงง แง๊ แง๊” อ้าว ไอ้ลูกหมูตัวที่หนึ่งร้องขึ้นมาซะงั้น ผมสะบัดหน้าไปมองพรึ่บ ยื่นมือซ้ายตัวเองไปจับมือซ้ายของเขา และราวกับมือไปโดนปุ่มลดเสียง เพราะเฮคเตอร์ค่อยๆ หยุดร้องและนอนมองผมตาแป๋วราวกับเมื่อกี้ไม่ได้ร้องไห้ ผมขมวดคิ้วขำ มองไอ้เด็กจอมอำ ไอ้ลูกหมูคนพี่นี่มีแววลุงมันเยอะเชียว แต่เล็กแต่น้อยเลยนะ

 

 

“มีใครหิวนมมั้ยยย” ผมมองสลับสองพี่น้อง ไม่มีใครตอบได้หรอก แต่อาศัยท่าทางเอาแล้วก็เดาจากความห่างของเวลาที่เพิ่งกินนมไป ซึ่งผมเดาว่าตอนนี้สองยางมิชลินคงหิวแล้วละมั้ง อารมณ์ถึงขึ้นๆ ลงๆ ผมวางแฮคเตอร์ลงบนที่นอนสีเดียวกันกับของพี่ชาย ไมเคิลที่นอนเหยียดตัวอยู่ใกล้ๆ มองน้องหน้านิ่วคิ้วขมวด แม้จะอยู่ด้วยกันมาจะครบสองเดือนแล้ว แต่เหมือนไมเคิลยังคงฉงนสงสัยกับสิ่งมีชีวิตตัวกลมๆ สองตัวนี้

           

 

“ไม่ร้องละนะ แมทเหนื่อยอะเตอร์น้อยทั้งสอง” ผมส่งยิ้มให้ทั้งสองคนที่นอนดีดแขนดีดขาอันป้อมๆ น่ามันเขี้ยวของตัวเองไปมาในอากาศ ตาสีฟ้าเปล่งประกายตั้งแต่วัยใกล้สองเดือนเต็ม ตาแฝดมิชลินสวยมากกก ตามที่ไวโอล่าบอกคือสองหนุ่มได้แม่ได้พ่อมาอย่างละครึ่ง มันเลยเป็นตาสีฟ้าอมเทานิดๆ

           

 

ผมหันไปมองผ้าดิบอย่างดีสีขาวขนาดใหญ่ที่ขึงตึงไว้บนผนังเหนือเตาผิงหินน้ำผึ้ง เอาไว้สำหรับเป็นจอดูความบันเทิงต่างๆ ในแฟมิลี่รูมแห่งนี้ ผมคลานเข่าไปตรงโต๊ะวางไอแพดที่เสียบเชื่อมกับระบบหน้าจอและลำโพงของห้อง เลือกการ์ตูนแอนิเมชั่นน่ารักๆ จากในเครื่องให้เจ้าสองแฝดดูระหว่างที่ผมจะไปเอานมไวโอล่าที่คั้นไว้มาให้แฝดกิน เด็กสองคนนี้ชอบฟังเพลง ชอบดูการ์ตูน เพราะไวโอล่าร้องเพลงให้ฟังตั้งแต่ตั้งท้องเดือนแรกๆ กับตัวเธอชอบเปิดการ์ตูนดูคลายเครียด พอคลอดออกมาแฝดมิชลินเลยชื่นชอบการฟังเพลงและการดูการ์ตูน หรือบางทีก็หนังแต่ไม่ใช่หนังแนวเลือดสาดอะไรแบบนั้นนะ

           

 

“ดูมินเนี่ยนกันไปก่อน เดี๋ยวแมทมานะ” ผมก้มลงหอมหน้าผากแฝดทั้งสองคนในชุดบอดี้สูทสีชมพูลายหมีน่ารัก ดึงผ้าห่มผืนเล็กห่มให้ทั้งสองคนด้วยเพื่อกันหนาว แม้ในห้องจะอุ่นด้วยไฟจากเตาผิงแล้วก็ตาม แต่ผมก็กลัวว่าเด็กตัวเล็กแบบนี้จะหนาวกว่าคนปกติ

           

 

“ไมเคิลเฝ้าน้องก่อนนะ” เจ้าโกลเด้นท์เงยหน้ามองผมที่ลุกขึ้นยืนแล้วก็ก้มลงมองสองแฝดต่อ ผมเดินไปเปิดประตูออกจากห้องแฟมิลี่ของบ้าน เป็นห้องที่ผมชอบมาขลุกมากตั้งแต่ย้ายบ้านมา แทบจะนอนที่นี่แทนห้องนอนตัวเองกับวิคเตอร์ด้วยซ้ำ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองดี ยิ่งเวลารวมตัวกันเยอะๆ ผมยิ่งชอบ ห้องนี้เป็นเหมือนยอดปราสาทย่อยๆที่แยกออกมาจากยอดปราสาทใหญ่อีกที เป็นทรงกระบอกมีก้นทรงหกเหลี่ยม ตรงช่วงพื้นที่ทรงกระบอกสี่เหลี่ยมเป็นผนังสีทึบ ส่วนตรงโซนหกเหลี่ยมติดกระจกบานใหญ่ล้อมรอบให้ความรู้สึกโล่งและสว่าง ด้านนอกเห็นเป็นวิวสวนสวย วิคเตอร์ขู่จะระเบิดห้องนี้ทิ้งตอนที่ผมงอแงจะนอนที่นี่แทนห้องนอน

           

 

แต่ตอนนี้เขาระเบิดอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะเขาไปทำงาน ฮิๆ ไปถ่ายหนังที่จอร์แดนเป็นเดือนละ เดี๋ยวเขาจะได้เบรกช่วงเทศกาลคริสต์มาสจนถึงปีใหม่แล้วก็จะกลับไปถ่ายต่อ แต่คราวนี้ย้ายไปถ่ายกันที่บูดาเปส แล้วเดี๋ยวไปจบในสตูดิโอที่ LA เป็นการถ่ายแบบสองภาคติดต่อกัน ส่วนภาคสุดท้ายก็ค่อยถ่ายอีกที เพราะเขาจะแยกเป็นสองภาคแบบที่กำลังฮิตกันในหนังภาคต่อ

           

 

“คุณแมทครับ คุณเรย์มอนด์วิดีโอคอลไปสองรอบแล้ว” ผมหันไปมองออสตินในชุดเสื้อไหมพรมสีเทาตัวเดียวก็อยู่หมัด หนังหนาซะจริง

           

 

“เดี๋ยวผมกลับไปรับ ผมมาเอานมให้แฝดอะ เออ ฝากไปดูแฝดแปบสิ” ออสตินพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากโซนครัวที่ผมกำลังยืนเทนมจากถุงซิปล็อคใส่ขวดอยู่ ผมจัดการเทนมที่ไวโอล่าคั้นสดๆ จากเต้าตัวเองไว้ให้เทใส่ขวดสีใสสองขวด ขอบจุกคนละสี คนพี่สีฟ้า คนน้องสีแดง แต่เนื่องจากไวโอล่าเป็นคนตัวเล็ก น้ำนมเลยไม่ได้เยอะมาก ก็มีบางช่วงที่แฝดขาดแคลนนมแม่ จนต้องไปพึ่งนมอย่างอื่นที่หมอแนะนำมาแทน ไวโอล่าก็เครียดเพราะกลัวลูกจะไม่ได้ภูมิคุ้มกันที่ดีมากพอ ผมก็คอยปลอบใจเธอเพราะกลัวว่ายิ่งเครียดเดี๋ยวน้ำนมจะยิ่งไม่ออก ไม่รู้ทฤษฎีไหน แต่กลัวไว้ก่อน

           

 

“หน่มน้มมาแล้วววว อุ๊ย!” ผมพึมพำเบาๆ ตอนเดินกลับเข้าไปในแฟมิลี่รูม สะดุ้งตกใจตอนหันไปเห็นออสตินยืนตัวตรงอยู่หลังโซฟา เอามือกุมกันไว้ด้านหน้า และมองแฝดที่นอนจับมือกัน ดวงตากลมๆ มองไปรอบห้อง

           

 

 ไม่ทิ้งมาดบอดี้การ์ดแม้ยามเฝ้าเด็ก

           

 

“ให้ผมอยู่ช่วยอะไรอีกมั้ยครับ” ผมส่ายหัวพลางนั่งปลายเตียงนอนน้อยๆ ของแฝดตัวอ้วนๆ

           

 

“ไปพักผ่อนเถอะ อ้อ เย็นนี้ฝากทำอาหารได้มั้ยอ้า ผมไม่เรื่องมากหรอก เอาแค่อิ่มท้อง ไวโอล่าไม่น่าจะทำไหว”

           

 

“ได้ครับ เดี๋ยวผมทำเผื่อ” ผมยิ้มกว้าง

           

 

“ขอบใจนะ” ออสตินพยักหน้าแล้วก้าวเท้าเดินออกไปจากห้อง ผมกำลังจะเอาขวดนมใส่ปากแฝดมิชลิน เสียงสไกป์ก็ดังขึ้น ผมเลยวางขวดนมไว้ก่อน ตัดสินใจไม่ได้ในทันทีว่าจะเลือกรับจากโทรศัพท์หรือแม็คบุ๊คดี แต่พอมองแฝดแล้วก็เลยคิดว่าให้เห็นหน้าลุงยักษ์ชัดๆ ดีกว่า ผมเลยหยิบแม็คบุ๊คขึ้นมาเปิดฝาพับขึ้น รอสักแปบสไกป์ก็เด้งขึ้นมา ผมกดรับวิดีโอคอลจากไอ้หนุ่มผมยาวสุดเซอร์ ที่ตอนนี้ผมยาวสลวยสวยเก๋กว่าเดิมอีก ไปแอบทำทรีทเม้นต์มารึเปล่าก็ไม่รู้

           

 

“ไปเอานมให้แฝดมา” ผมว่าพลางเอื้อมไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กมาวางตรงปลายฟูกนอนของแฝดและวางแม็คบุ๊คไว้บนนั้น กดหน้าจอลงให้ลุงยักษ์เห็นหลานตัวเองชัดๆ

           

 

[ไอ้พวกอ้วน] เสียงวิคเตอร์ดังแข่งกับกับมิเนี่ยนตัวเหลืองๆ ที่กำลังร้องกุงก้าๆ สองแฝดที่กำลังมองแบบไร้จุดหมายหยุดนิ่งบนเตียงนอน ผมเห็นแล้วก็ยิ้มกว้างด้วยความตลกก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งเหนือหัวของสองแฝด ให้วิคเตอร์เห็นหน้าผมชัดๆ ด้วย

           

 

“ใครอะแฝด ใครอะ” ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่สองแฝดได้คุยกับลุงตัวเองผ่านวิดีโอคอล แต่ด้วยความเป็นเด็กหนึ่งเดือนกับอีกสามอาทิตย์ เขาก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร

           

 

[มองหน้าทำไมไอ้แฝดลูกหมู] ผมหัวเราะ แฝดไม่ได้มองหน้าวิคเตอร์หรอก ผมว่ากำลังมองหามากกว่าว่าวิคเตอร์อยู่ไหน ผมเลยชี้ไปทางหน้าจอ ซึ่งสองแฝดเขาก็หมุนลูกตารอบกระบอกตาแล้วละ

           

 

“ลุงยักษ์อยู่นั่นๆ” สองพี่น้องแหงนหน้าและเหลือกตามามองผมที่นั่งอยู่ด้านบน ผมเห็นแล้วก็อดขำกับท่าทางนั้นไม่ได้ สองหนุ่มมองตาแป๋ว มองแบบงงๆ น่ามันเขี้ยวเชียว

           

 

[เด็กอะไรทำไมไม่ฉลาดเลย] ผมย่นคิ้วใส่วิคเตอร์ วิดีโอคอลมาทีไรต้องมากัดแฝดมิชลินของผมตลอด แซะเด็กเก่งเหลือเกินพ่อคุณ

           

 

“แอะ แอะ แอ๊” ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อเฮคเตอร์เหวี่ยงมือไปมาและส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนกำลังเถียงลุงตัวเอง ไอ้ลุงก็ชอบแซะหลาน แต่เหมือนหลานสองคนจะรู้ว่านั่นคือศัตรูเลยเถียงอ้อๆ แอ้ๆ ตามประสาเด็กตัวเล็กๆ ที่ยังสื่อสารมากไม่ได้โดยเฉพาะเฮคเตอร์นี่ตัวนำทัพน้องชายเลย

           

 

[พูดไม่ได้ยังจะปากเก่ง]

           

 

“จ้ะ ลุงยักษ์ผู้เก่งกับหลานวัยเกือบสองเดือน” ผมจิกตาใส่ไอ้ยักษ์ผิวเข้ม ตอนนี้ผิวเขาแทนมากเพราะถ่ายกลางแดดเยอะ จากผิวน้ำผึ้ง พอโดนแดดมากๆ เลยกลายเป็นน้ำผึ้งเข้ม สีผิวของเขาตอนนี้น่าเลียมาก

           

 

[ไวโอล่าล่ะ]

           

 

“หลับ เมื่อคืนแฝดร้องไห้ เพราะนมไม่พอ ทั้งเครียดทั้งเหนื่อย ผมเลยให้ไปหลับ”

           

 

[พากันไปหาหมอรึยัง] วิคเตอร์ถามพลางเอนตัวกับเก้าอี้สนาม มีทีมงานเดินมายื่นน้ำให้เขาหนึ่งขวดแล้วเดินจากไป

           

 

“ไปแล้ว หมอก็แนะนำนมอื่นมาแทนไง เพราะยังไงไวโอล่าก็ผลิตนมได้ไม่พอตามที่แฝดต้องการหรอก”

           

 

[ตะกละจริงๆ] ผมย่นคิ้วใส่ไอ้ยักษ์และหยิบขวดนมมาใส่ปากแฝด พอจุกนมเข้าปากสองแฝดก็อ้าปากคว้าหมับและดูดจ๊วบๆ อย่างน่าเอ็นดู

           

 

“ตอนเด็กคุณอาจจะกินเยอะกว่าแฝดก็ได้”

           

 

[แม่บอกว่าฉันเป็นเด็กผู้ดี กินน้อย]

           

 

“แม่คุณโกหกให้คุณสบายใจเท่านั้นแหละ”

           

 

[อยู่ห่างกันทีไรปากดีทุกทีนะไอ้เอเลี่ยน] วิคเตอร์ยกนิ้วขึ้นชี้หน้า ผมแลบลิ้นลอยหน้าลอยตา สองมือจับขวดนมให้แฝดดูดจ๊วบๆ แก้มนี่ยุ้ยกันทั้งสองพี่น้อง

           

 

[ไม่มีน้ำนมก็ซื้อนมอย่างอื่นได้ ไม่ต้องเครียดหรอก]

           

 

“ไวโอล่าอยากให้ลูกได้กินนมแม่ไง นี่หมอก็บอกว่าให้ลุ้นหลังครบสามเดือนว่าน้ำนมจะอยู่มั้ย ถ้าไม่ก็คือไม่ หายหมดเลย ตอนนี้ก็กินอาหารที่หมอแนะนำกับน้ำเยอะมาก รอวันที่น้ำนมกลับคืนมาอยู่ เพราะแฝดดูจะชอบนมแม่มากกว่า” แฝดกินนมผงที่คุณหมอแนะนำก็จริง แต่ผมสังเกตว่าจะกินได้ไม่เยอะเท่านมของแม่ โชคยังดีว่าที่ช่วงหนึ่งเดือนเต็มแรก น้ำนมไวโอล่าออกดีมาก แฝดเลยกินได้เต็มที่ สร้างภูมิคุ้มกันได้ดีในช่วงแรกเกิด แต่อาทิตย์ที่ผ่านมากับอาทิตย์นี้น้ำนมไวโอล่าเริ่มลดลงจนไม่เพียงพอ เลยต้องพึ่งนมผงนี่แหละ แต่แฝดก็กินน้อยกว่านมแม่อย่างเห็นได้ชัดจริงๆ

           

 

[วู้ว เรื่องมากจังไอ้หมูตอนสองตัวนี้] ลุงยักษ์บ่น แต่ก็ไม่ได้บ่นจริงจัง ส่วนหมูสองตัวที่โดนบ่นกำลังฟินกับนมและตาก็ดูมิเนี่ยนบนจอผ้าดิบยักษ์ ซึ่งไม่รู้ว่าจริงๆ มองมิเนี่ยนหรือมองอะไรไปเรื่อย

           

 

“ขี้บ่นจังลุง” ไอ้ยักษ์หน้ามึน สายตากำลังมองสองแฝดดูดนมในขวดที่ใกล้จะหมดแล้ว

           

 

[มันแข่งกันอ้วนเหรอ]

           

 

“น่ารักออก อ้วนจ้ำม่ำ”

           

 

[โตมาไม่หล่อแน่ๆ ไอ้อ้วน]

           

 

“ใครบอก เด็กอ้วนหลายคนพอโตขึ้นหล่อจะตาย”

           

 

[ไม่ใช่ไอ้หมูสองตัวนี้แน่]

           

 

“กันซีนหลานตัวเองเว่อนะไอ้ยักษ์” วิคเตอร์เบะปากและยักคิ้ว เห็นแล้วหมั่นไส้จริง อยู่ต่อหน้า แม่จะดึงหนวดให้หลุดเลย (จินตนาการ เรื่องจริงไม่กล้าทำ)

           

 

[คิดถึงฉันมั่งมั้ยเนี่ย]

           

 

“ไม่ ลืมไปเลยว่าตัวเองมีสามีแล้ว”

           

 

[อ๋อ เพราะไอ้แฝดผีนี่ใช่มั้ย]

           

 

“ใช่” ผมแลบลิ้นให้เขา วิคเตอร์ถลึงตามอง เป็นจังหวะเดียวกับที่สองแฝดกินนมหมดพร้อมกัน ผมดึงขวดนมออกจากปากทั้งสองคน สองแฝดยกมือขึ้นกำๆ ในอากาศสักพักก่อนที่แฮคเตอร์จะเรออกมาก่อน สร้างเสียหัวเราะให้ผมเบาๆ สักพักเฮคเตอร์ก็เรอตามมา

           

 

[น่าเกลียดจริงๆ เด็กอะไรไม่มีมารยาท]

           

 

“แหมๆๆ อีลุงยักษ์ ทีตัวเองเดินมาเรอใส่หน้าผมหลังกินเสร็จผมยังไม่ว่าเลยนะ เหม็นสุดจะทนขนาดนั้นอะ”

           

 

[โตแล้วทำได้ เด็กๆ ห้ามทำ]

           

 

“แอ๊ะ!! / แอ้ๆ” ผมก้มลงมองสองแฝดแล้วก็หัวเราะเสียงดังเมื่อทั้งสองคนขมวดคิ้วใส่ลุงตัวเอง ราวกับเป็นการสู้กลับและเป็นการบอกว่าลุงอย่างมายุ่งกับหนู

           

 

[เถียงเหรอไอ้แฝดผี เดี๋ยวโดนไล่ออกจากบ้านหรอก] วิคเตอร์ทำตาโตใส่แฝด สองแฝดคลายคิ้วออกแล้วแหงนหน้าขึ้นมองผมเหมือนหากำลังเสริม ผมหัวเราะด้วยความตลก มิชลินน้อยคงอยากเถียง แต่ยังโตไม่มากพอในการสู้กับลุง แต่เท่านี้ก็ถือว่าใจเด็ดมากแล้วแฝดเอ๊ย ฮ่าๆ

           

 

“มาๆ แมทอุ้มๆ” ผมอุ้มเฮคเตอร์ขึ้นมานั่งบนตักฝั่งขวามือตัวเอง พอจะอุ้มแฮคเตอร์อีกคนก็ดูทุลักทุเลไปสักหน่อย ผมเลยจับเฮคเตอร์นั่งตรงกลางก่อน แล้วก็โน้มตัวไปอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมาเกยกันสักแปบก่อนจะจัดให้สองลูกหมูของลุงยักษ์นั่งตักคนละฝั่ง เอนหัวพิงกับต้นแขนผมคนละข้าง และใช้แขนโอบไว้ไม่ให้กลิ้งตกลงพื้น

           

 

[อ้วน]

           

 

“แอ่อ่อ่อ่” ผมหัวเราะลั่นจนไมเคิลสะดุ้งตื่น พอวิคเตอร์พูดว่าอ้วน ไม่รู้ว่าสองแฝดมันนัดกันมาหรือว่ายังไงถึงได้เรอออกมาพร้อมกันราวกับรวมพลังกันสู้ ขนาดไอ้ยักษ์ที่ทำหน้าดุยังยิ้มขำ ผมก้มหน้าลงมองสองแฝด ทั้งสองคนกำลังทำหน้ามึนเหมือนลุงตัวเองไม่มีผิด ผมหัวเราะจนตัวสั่น สองมิชลินแหงนหน้าขึ้นมองผมแบบงงๆ แต่เพราะคงเห็นผมยิ้มอยู่เลยยิ้มตามแล้วก็ส่งเสียงแอ๊ๆ เหมือนอยากร่วมหัวเราะด้วย

           

 

“องครักษ์ของแมทเก่งมาก สู้ยักษ์ได้ด้วย” ผมก้มลงหอมกลางกระหม่อมเด็กๆ คนละที สักพักเฮคเตอร์ก็ร้องเหมือนกำลังรำคาญอะไรสักอย่าง ผมเลื่อนมือไปจับก้นอวบๆ เพราะแพมเพิส ผมจับให้แฮคเตอร์นอนลงบนฟูกนอนก่อน แล้วก็จับเฮคเตอร์ถอดเสื้อแล้วปลดแพมเพิสออกก็เห็นว่ามีอึติดมา

           

 

[เฮ้ย ขี้แตก วู้ว ขี้แตก] ผมขำเอือมๆ กับไอ้ลุงที่ช่างล้อหลานเหลือเกิน

           

 

“ขี้อะดีแล้ว วันนี้เพิ่งสามรอบ ผมรออีกสามรอบเนี่ย ถ้าครบหกก็ถือว่าแฝดอิ่มหนำสำราญดี” แต่บางวันก็ไม่ครบหกหรอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีอะไรผิดปกติ สังเกตดูว่าวันไหนที่กินนมแม่ วันนั้นจะอึจะฉี่ดีมาก

           

 

[ไปกินอะไรมาเนี่ย ทำไมฉลาดจัง] ผมจิกตาใส่วิคเตอร์ที่ยิ้มล้ออยู่

           

 

“อ่านหนังสือสิ มีสมอง” ผมกระแทกเสียงตรงคำว่าสมอง ไอ้ยักษ์ยิ้มขำ ผมมองหน้าเข้มๆ ที่เกือบจะดำด้วยสายตาจิกกัดก่อนก้มลงจัดการทำความสะอาดให้เฮคเตอร์อย่างเร็ว เพราะเดี๋ยวอีกสักพักแฮคเตอร์ก็จะตามมาด้วยแน่นอน สองพี่น้องมีสิ่งที่ดีมากอยู่อย่างคือเป็นอะไรจะไล่เลี่ยกัน บางทีก็พร้อมกัน มันเลยทำให้สังเกตง่าย

           

 

“เช็ดก้น ทาแป้งแล้ว สบายตัวมั้ยครับ” เฮคเตอร์ที่ทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้วและเปลี่ยนชุดใหม่เป็นชุดเสื้อไหมพรมสีขาวปักตัวอักษร H สีดำกลางอกกับกางเกงสีแดงและหมวกไหมพรมสีแดงนอนบิดตัวไปมาบนฟูกนอนของตัวเองราวกับจะสื่อสารว่าผมสบายตัวแล้วครับ

           

 

[เปลี่ยนชุดอีกละ]

           

 

“แน่นอนสิ ลุงแฝดเขารวย” ผมยิ้มอารมณ์ดีและจัดการถอดเสื้อผ้ากับแพมเพิสของแฮคเตอร์ออก สองแฝดมีเสื้อผ้าเยอะแยะมาก มีทั้งสั่งทำและสั่งซื้อ ถามว่าใครซื้อเหรอ ผมเองแหละ และถามว่าเงินใครล่ะ เงินผัว คิๆ

           

 

[ฉันต้องทำงานอีกกี่ปีเนี่ยถึงจะพอเลี้ยงไอ้ลูกหมูสองตัว] ผมสะบัดสายตามองค้อนไอ้ยักษ์ที่ทำหน้างง

           

 

“ไม่ต้องบ่นเลยนะ ผมจะช่วยทำงานแบ่งเบาภาระก็ไม่ให้ทำเอง ทีนี้แหละ ปั๊มเงินไปคนเดียวเลย” ผมว่าฉอดๆ พลางเช็ดก้นให้แฮคเตอร์ด้วยทิชชูเปียก

           

 

[ถ้านายไปทำงาน แล้วใครจะมาช่วยวีดูแลไอ้แฝดผีแบบนี้ล่ะ นายต้องมาดูแลลูกวีไง] แหม เสียงอ่อนเสียงหวาน ได้ทีล่ะเอาใหญ่ มันช่างลงจังหวะประจวบเหมาะซะจริง แต่มันก็อย่างที่เขาว่าแหละ ไวโอล่าดูแลคนเดียวคงหนักมาก มีผมมาช่วยเลี้ยงอีกคน เธอเลยได้พักผ่อนบ้าง การเลี้ยงเด็กสองคนมันคืองานที่หนักงานนึงเลยนะ

           

 

“ฉะนั้นก็ห้ามบ่น แฝดขอไรต้องให้” ผมยิ้มอย่างเหนือกว่า หน้าจอวิคเตอร์เริ่มกลายเป็นจอแบบโมเสจ ความเอชดีหายไปแบบไม่บอกไม่กล่าว สงสัยสัญญาณไม่ดีอีกแล้ว

           

 

[แฝดขอหรือแม่ทูลหัวมันขอ] ผมจึ๊ปากหนึ่งที

           

 

“ก็ขอมาให้แฝดแหละน่า” ผมสวมหมวกไหมพรมสีขาวให้แฮคเตอร์ สีชุดของคนน้องจะสลับกันพี่ เสื้อเป็นสีแดง กางเกงเป็นสีเดียวกับหมวกไหมพรม

           

 

[เออ ค่อยแยกออกหน่อยว่าใครเป็นใคร] วิคเตอร์มีปัญหาในการจำหลานตัวเอง เขาจำไม่ได้ว่าคนไหนแฮคเตอร์ คนไหนเฮคเตอร์ ถึงแม้ผมจะบอกให้ดูที่สีผม แต่คนอย่างไอ้ยักษ์ก็คือไอ้ยักษ์ ไม่ดูไม่สนสีผมหรือสีอะไรทั้งนั้น พอจำไม่ได้ก็ไม่คิดจำต่อ

           

 

“วิคเตอร์หน้าคุณลายอีกแล้วอะ” สัญญาณเริ่มถอยถดหดหายเหมือนเช่นเคยทุกครั้ง อีกสักพักเสียงของเขาจะเริ่มกลายเป็นเสียงต่างดาวส่งสัญญาณมายังโลกมนุษย์

           

 

[งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อน จะคอลไปใหม่] ผมพยักหน้าทั้งที่ไม่แน่ใจว่าเขาเห็นมั้ย ผมจับมือสองแฝดโบกหยอยๆ แต่ใบหน้ากลมๆ แก้มยุ้ยนั้นหันไปมองคนละทิศคนละทาง

           

 

“ตั้งใจทำงานนะครับลุงยักษ์ เอาเงินมาซื้อขนมให้ผมสองคนเยอะๆ นะ” ผมบีบเสียงพูด ไม่รู้ว่าวิคเตอร์ได้ยินมั้ย เพราะหน้าจอค้างไปแล้ว สักพักสัญญาณก็หายไป ผมก้มมองลงแฝดแล้วยิ้ม หนังตาของเจ้าตัวน้อยเริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ผมกดหน้าจอแม็คบุ๊คลง ลุกขึ้นเดินไปหยิบฟืนในตะกร้าข้างเตาผิงใส่เข้าไปในกองไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น มีฮีตเตอร์นะ แต่ผมรู้สึกว่าเตาผิงให้ไออุ่นได้ดีกว่าเยอะ เลยคอยเติมเชื้อเพลิงให้ตลอด อยู่ในนี้มันอบอุ่นดีจริงๆ แหละ

           

 

“อะ หลับแล้ว” พอหันกลับมาดูสองพี่น้องอีกทีก็หลับปุ๋ยกันแล้ว ผมคลี่ยิ้มกว้าง เดินไปหยุดการ์ตูนไว้ชั่วคราว ตื่นมาเดี๋ยวเปิดให้ดูอีกรอบ พอภาพบนผ้าสีขาวดับไป ผมก็เดินมาห่มผ้าห่มให้สองแฝดเพื่อเพิ่มความอุ่นให้ร่างกายอ้วนๆ ไมเคิลที่นอนอยู่ข้างน้องก็หงายท้องหลับสบายใจ ผมที่เมื่อคืนก็อดหลับอดนอนพอๆ กับไวโอล่าเลยถือโอกาสอ้าปากหาว แล้วไปที่โซฟาตัวยาวที่เอาไว้สำหรับนอนดูหนังและนอนเล่น คลี่ผ้านวมสีขาวห่มตัวเอง นอนตะแคงมองแฝดสักแปบก่อนที่จะหลับตามไปท่ามกลางเสียงฟืนใหม่ที่ถูกไฟไหม้ดังปุๆ ในเตาผิง
V
v
v
 

 

           
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-04-2018 20:58:18
V
v
v


“เขามาเยี่ยมหลานใช่มั้ย ไม่ได้มาเหยียดฉันใช่ป่ะ” ผมถามไวโอล่าอย่างขำๆ ตอนกำลังกินอาหารมื้อเช้าของเราสองคน หลังจากปลุกปล้ำกับแฝดมิชลินจนหลับปุ๋ยไปสักชั่วโมงนึงแล้ว รออีกสักสองสามชั่วโมงค่อยไปสู้รบปรบมือกันใหม่

           

 

“เขาอาจจะอยากมาดูงานเลี้ยงลูกน่ะ แฟนใหม่ แม่เลี้ยงฉันที่อายุเท่าเธอก็จะมาด้วย” ผมฉีกยิ้มแบบยิงปากหนึ่งทีแล้วยกชากุหลาบขึ้นดื่ม ที่อังกฤษกินอะไรมักจะต้องมีชาเคียงข้างเสมอ มันคือวิถีคลาสสิค

           

 

“กินทุกอย่างตามที่หมอบอกแล้ว รู้สึกถึงน้ำนมมั่งมั้ย” ไวโอล่าทำหน้าไม่แน่ใจก่อนจะตอบ

           

 

“ฉันว่าฉี่เยอะกว่าน้ำนม ยิ่งช่วงนี้อากาศหนาวด้วย กินน้ำเยอะ ฉี่เลยเยอะตาม”

           

 

“แต่ถือว่าดีขึ้นใช่มั้ย”

           

 

“ฉันยังไม่รู้สึกนะ อาจเพราะเพิ่งเริ่มทำได้อาทิตย์เดียวเอง คงต้องรอดูอีกสักพัก” ผมพยักหน้าและยิ้มให้กำลังใจเธอ ไวโอล่าเองก็เครียดเรื่องน้ำนมไม่พอให้ลูก อะไรที่หมอบอกว่ากินแล้วจะช่วยได้ เธอก็กินหมด อย่างกินน้ำในหน้าหนาว ซึ่งหนาวของที่อังกฤษกับเมืองไทยไม่เหมือนกัน มันส่งผลให้น้ำพวกนั้นขับออกมาทางปัสสาวะซะเยอะ ไม่รู้ไปช่วยเรื่องผลิตน้ำนมมั่งหรือเปล่า

           

 

“ถ้านมเธอไม่พอ ขอนมจากแม่เลี้ยงเธอสิ จากที่เห็นเธอค่อนข้าง…” ผมเอาสองมือวนตรงอกเป็นรูปกลมกลึงและยกนิ้วโป้งทั้งสองมือขึ้นว่าเยี่ยม ไวโอล่าเก็ตและขำพรืด ใจผมจริงๆ คือจะชมนะ ว่าเธอน่าจะน้ำนมเยอะ แต่เรื่องแบบนี้พูดยังไงก็ดูออกจะเฉไปทางคิดลึกอยู่เรื่อย

           

 

จะว่าไปแล้ว ครอบครัวนี้ก็มีแม่เลี้ยงแบบอินเซ็บชั่นซับซ้อนดีเหลือเกิน แม่วิคเตอร์เป็นแม่เลี้ยงไวโอล่า ยัยลิซ่าเป็นแม่เลี้ยงวิคเตอร์แล้วยังควบตำแหน่งเมียวิคเตอร์อีก และตอนนี้วิคเตอร์กับไวโอล่ากำลังจะมีแม่เลี้ยงคนเดียวกัน ซึ่งแม่เลี้ยงคนนั้นอายุเท่าผม เท่ากับว่าเป็นน้องวิคเตอร์อีกทีด้วยนะ ซับในซับในซับ

           

 

และวันนี้แม่เลี้ยงคนนั้นก็กำลังจะมาเยี่ยมเราสองคนกับแฝดพร้อมกับคุณลุค ตอนนี้เธอคนนั้นท้องได้จะสองเดือนแล้ว ผมเคยเจอครั้งเดียวตอนที่เธอมาเยี่ยมไวโอล่าก่อนวันออกจากโรงพยาบาลหนึ่งวัน ท่าทางเธอดูเป็นผู้หญิงเรียบๆ ไม่หวือหวา แต่ว่าดูเป็นมิตร อันนี้เลยทำให้เธอน่าคบค้าสมาคมอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญผมว่าเธอดูไม่ตะเกียกตะกายด้วย ดูใช้ชีวิตปกติสุขดี อันนี้ผมก็คิดเองจากการเจอเธอครั้งแรกและครั้งเดียว ถ้าได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ผมอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้

           

 

“เดี๋ยวฉันเข้าไปนอนรอกับแฝดนะ พ่อมาถึงคงพอดีกับที่แฝดตื่น” ผมพยักหน้าและยกมือขึ้นว่าโอเค ไวโอล่าลุกขึ้นเดินออกไปจากโซนห้องกินข้าวที่อยู่เชื่อมกับห้องครัวใหญ่ของบ้าน ผมยังกินอาหารไม่หมดเพราะค่อยๆ กินไปดูโซเชียลที่นานๆ ครั้งจะได้มาเล่นแบบนี้ ตอนนี้ผมกำลังย้อนดูข่าวเรื่องรูปภาพในอินสตาแกรมของวิคเตอร์ ภาพวันที่เรานอนดูเน็ตฟลิกซ์และชิลด้วยกัน

           

 

ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรอก ผมแค่ย้อนอ่านสไตล์เขียนข่าวของแต่ละสำนักเฉยๆ ก็เดากันไปต่างๆ นาๆ เช่นเคย พอลองนั่งดูการสะกดรอยตาม การทายต่างๆ ของเหล่านักข่าวและชาวเน็ตผมว่าก็สนุกดีนะ เจอคอมเม้นไหนร้ายๆ หน่อยก็เบ้ปากเอา แต่น่าจะเป็นความโชคดีและแต้มบุญสูงของผมหน่อยที่ส่วนมากเจอคนคอมเม้นในเชิงบวกมากกว่า ไม่รู้ว่าเพราะยังไม่รู้ว่าผมเป็นใครชัวร์ๆ หรือสนับสนุนความรักทุกรูปแบบหรือยังไง แต่อ่านแล้วก็ดีต่อใจแหละ

           

 

ข่าวในไทยดูคึกคักดี ผมว่านักสืบเว็บบอร์ดของไทยมาเป็นคู่แข่งเชอล็อกโฮมได้เลย ย้อนไปแคปรูปในอินสตาแกรมวิคเตอร์ เอามาเรียบเรียงไทม์ไลน์กันเอง บางคนที่แคปรูปผมนอนแนบอกวิคเตอร์ตรงรอยสักไว้ได้สมัยที่ผมยังไม่ล็อคไอจีก็เอามาเทียบกันต่างๆ สนุกสนานมาก ครั้งนี้การสืบมันจริงจังขึ้นเพราะรูปที่วิคเตอร์ลงล่าสุดมันค่อนข้างล่อแหลมและเหมือนจะเป็นสัญญาณการเปิดตัวผมมากขึ้น คือเปิดตัวจริงๆ เพราะไม่เปิดหน้า คนที่เก่งเรื่องสระรีระและบวกกับข้อมูลของคนจำพวกเก่งเรื่องปรับสีภาพก็ฟันธงว่าเป็นผู้ชายแน่นอน แต่ก็นั่นแหละ มันมีแค่การสืบกันเองไง ยังไม่มีอะไรออกจากปากวิคเตอร์เลย แถมรอยสักบนอกเขาก็ยังไม่เคยมีสื่อไหนจับภาพได้ด้วย อันนี้อัศจรรย์มากที่พวกปาปาราซซี่จับช็อตที่สามารถเผยเรื่องราวไม่ได้สักที แต่สามีผมถ้าอยู่ในที่สาธารณะก็หวงเนื้อหวงตัวพอสมควรนะ ใส่เสื้อปกปิดมิดชิด

 

 

เขาชอบแก้ผ้าก็จริง แต่ผมว่าลึกๆ เขารู้แหละว่าถ้าอยู่ในโซนตาแมวตาเหยี่ยวทั้งหลายต้องทำตัวยังไงในการไม่เผยเนื้อในตัวเอง

           

 

“โฮ่ง!” ผมหยุดอ่านโซเชียลบนจอมือถือแล้วหันไปมองไมเคิลที่เดินมานั่งใกล้ๆ ผมยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นลูบหัวมัน พอเงยหน้าขึ้นก็เจอกับออสตินที่แบกถุงสีน้ำตาลมาเต็มสองแขนล่ำๆ ผมลุกขึ้นไปช่วยเขาเอาของลงบนโต๊ะใหญ่ในครัว

           

 

“ไมเคิลเหมือนจะเจอสาวที่ถูกใจครับ” ผมเลิกคิ้วขึ้นในขณะที่เอาถุงใส่กับข้าวและเครื่องปรุงต่างๆ ที่ออสตินออกไปซื้อมาสำหรับเก็บไว้ตุนวางเรียงบนโต๊ะ

           

 

“หมายถึงปิ๊งหมาตัวเมียอะเหรอ” ออสตินพยักหน้านิ่ง ผมหันไปมองไมเคิลที่ไปนอนแผ่ตัวอยู่ตรงประตูเรือนกระจกในห้องโถงใหญ่ของบ้านที่เดินออกไปจะเป็นสวนแล้วหันกลับมามองออสตินอีกที

           

 

“แล้วมันได้เข้าไปทำความรู้จักกับสาวคนนั้นมั้ย”

           

 

“เข้าไปครับ มันยืนดมกันอยู่นานมาก ผมเลยได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของ เขายินดีให้ทับนะครับถ้าคุณแมทกับคุณเรย์มอนด์ต้องการ” ผมตาโตเป็นประกาย หันไปมองไมเคิลอีกที มันกำลังนอนหงายท้องสบายอารมณ์

           

 

“ไมเคิลจะมีเมียแล้ววว”

           

 

“พวกเขาอยู่อีกหมู่บ้านนึง บอกว่าถ้าอยากให้มันจู๋จี๋กันไปหาที่บ้านได้ พวกเขาให้นามบัตรผมมาด้วย” กับการใช้คำว่าจู๋จี๋นั้น ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกินพ่อบอดี้การ์ดหน้านิ่ง

           

 

“แล้วพวกเขาจะแบ่งลูกๆ ไมเคิลกับหมาผู้หญิงตัวนั้นกับเราเหรอ”

           

 

“ครับ ก็ดูตามจำนวนอีกที เขากับภรรยาก็อยากได้ลูกมันเหมือนกัน” ออสตินยื่นนามบัตรที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวสีดำมาให้ ผมรับมาอ่าน ชื่อบนบัตรเป็นชื่อของผู้ชายคนหนึ่ง

           

 

“เขาอายุเท่าไหร่เหรอเจ้าของหมาอะ” ออสตินสั่นหัว

           

 

“ไม่ทราบครับ แต่ถ้าให้เดาคงรุ่นเดียวกับคุณเรย์มอนด์ละมั้งครับ” ผมทำปากว่าอ้อและพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะอมยิ้มเขินที่ไมเคิลตกหลุมรัก ตอนอยู่นิวยอร์กมันก็มีดมๆ สนใจๆ ตัวเมียนะ แต่ก็ไม่ได้ไล่ตามหรือจ้องจะทับเขา อันนี้ยืนคลอเคลียกันนานตามคำบอกของออสตินผู้ไม่เคยโกหกก็คงจะปิ๊งรักแล้วละ

           

 

ผมกับออสตินช่วยกันจัดของใส่ตู้ ทั้งตู้กับข้าวและตู้เย็นจนเสร็จเรียบร้อย บ้านเราจะซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารทุกอาทิตย์ ซื้อมาทีก็ตุนไว้ให้พอสำหรับหนึ่งอาทิตย์ สิ่งไหนเหลือก็เก็บเอาไว้ใช้ในครั้งต่อไปได้ คนทำกับข้าวของบ้านก็เป็นผมกับออสตินสลับกันไป มีไวโอล่าทำด้วยบางครั้ง แต่ผมไม่อยากรบกวนเธอเท่าไหร่ เพราะเลี้ยงลูกก็เหนื่อยแล้ว

           

 

“เดี๋ยวพ่อวิคเตอร์จะมา แต่เผื่อผมไม่รู้ว่าเขามา ผมกับไวโอล่าอยู่ในแฟมิลี่รูมนะ” ออสตินพยักหน้าแล้วเดินกลับไปทางห้องนอนตัวเอง ห้องนอนของออสตินอยู่ใกล้กับประตูหน้าบ้านและห้องรับรองแขก ใครไปใครมาเจอเขาก่อนเลย ห้องกว้างมาก วิคเตอร์จัดให้น้องชายต่างสายเลือดสุดพลัง เพราะห้องนอนที่นิวยอร์กมันเล็กสำหรับคนตัวใหญ่อย่างออสติน พอมาบ้านใหม่วิคเตอร์เลยจัดฟูลออพชั่นในห้องนั้น ให้มีความเป็นส่วนตัวสำหรับบอดี้การ์ดคนเก่งของบ้านเรา น่าจะยกเว้นแค่ครัวที่ไม่ได้ยกเข้าไปไว้ให้

           

 

ผมแวะไปห้องสมุดของบ้านที่มีทั้งหนังสือไทยหนังสือเทศ อภินันทนาการโดยสามีหน้ายักษ์สุดที่รัก หนังสือภาษาไทยก็ใช้ให้ไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มไปหาซื้อมาให้ตามลิสต์ของผมแล้วส่งตรงมาจากเมืองไทย เทสต์การทำห้องสมุดของวิคเตอร์ดีมากเลยแหละ ก็คงรูปแบบของห้องไว้เหมือนเดิมคือหินสีน้ำผึ้ง แต่เพิ่มหน้าต่างเพื่อให้ความโล่งและสว่างเข้าไป เพราะห้องเดิมเป็นห้องสี่เหลี่ยมทรงยาวทึบๆ มีหน้าต่างกระจกสี่เหลี่ยมบานใหญ่ที่มองเห็นวิวทุ่งหญ้าสีเขียวของบ้านด้านนอก ตรงนั้นมีโซฟาสำหรับนั่งและนอนอ่านหนังสือ อยากพักสายตาก็เงยหน้ามองความเขียวขจีของหญ้าและสีสันของดอกไม้ตามขอบสนามหญ้า มุมนี้จะอ่านหนังสือเพลินแบบลืมวันและเวลามากๆ

 

 

ตู้หนังสือสีน้ำตาลอ่อนตัดกับผนังหินสีเข้มถูกติดตั้งไว้เต็มผนังจนเกือบติดเพดานจะเว้นช่องประตูกับช่องหน้าต่างไว้ แต่เขาก็เข้าใจจัดให้มีลูกเล่นด้วยการเว้นบางช่องแล้วใส่ของประดับแทนหนังสือเพื่อไม่ให้รู้สึกแอดอัดจนเกินไป พื้นด้านล่างก็เป็นพื้นปูนเปลือยปูพรมสีขาวนุ่มนิ่มให้สำหรับนั่งและนอนอ่านหนังสือได้อีกโซน ในห้องมีโต๊ะเขียนหนังสือตรงข้ามกับหน้าต่างบานใหญ่

 

 

นี่ก็เป็นอีกห้องที่ผมชอบมาขลุก แต่ก็ไม่บ่อยเท่าแฟมิลี่รูม ผมเลือกหยิบนิยายแฟนตาซีของนักเขียนไทยมาหนึ่งเล่มแล้วเดินออกจากห้องอ่านหนังสือ พอเข้าไปที่ห้องประจำของสองแฝดก็เห็นสามแม่ลูกหลับปุ๋ย บรรยากาศห้องนี้มันชวนหลับจริง ขนาดออสตินยังเคยเผลอหลับในห้องนี้ตอนมาเฝ้าแฝดแทนผมเลย

           

 

สองแฝดยังไม่มีห้องนอนของตัวเอง อาศัยนอนกับไวโอล่าไปก่อน แต่ก็มีคอกกันกระแทกสีฟ้าขาวสำหรับเด็กเป็นเตียงนอนสำหรับสองแฝด ช่วงที่วิคเตอร์อยู่ผมก็ใช้วิธีการแวะไปหาเอา แต่พอวิคเตอร์ไปทำงาน ผมก็ไปนอนห้องไวโอล่าบ้าง หรือบางทีถ้าไวโอล่าเหนื่อยจัดๆ ผมก็เอาสองแฝดมานอนที่ห้องตัวเอง ยกคอกอันนั้นมาแล้วผมก็ลงไปนอนด้วย

           

 

ครืดดด

           

 

โทรศัพท์สั่นตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาคนละฝั่งกับที่ไวโอล่านอน ผมหยิบขึ้นมาดูก็เป็นวิคเตอร์ส่งรูปหน้าเขาโชกเลือดมาให้ ผมใจหายวาบ รีบกดโทรหาเขาในวอทสแอพทันที รอไม่นานวิคเตอร์ก็กดรับ

           

 

“เป็นอะไรน่ะ?!” ผมลุกออกจากโซฟา เดินออกไปข้างนอกแล้วเลื่อนปิดประตูตามหลัง

           

 

[เลือดออก]

           

 

“รู้แล้ว แต่ทำไมเลือดออก ไปทำอะไรมา เป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย”

           

 

[โดนช่างเอฟเฟ็กต์เอาเลือดปลอมเทใส่หัว] ผมชะงักไปแปบก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเขาอำ เลยกลอกตาเอือมๆ แต่ก็โล่งใจในเวลาเดียวกัน

           

 

“ไอ้ยักษ์เลี้ยงแกะ เดี๋ยวครั้งหน้าเป็นจริงขึ้นมาจะปล่อยให้เลือดไหลหมดตัว”

           

 

[นายไม่ทำแบบนั้นหรอก]

           

 

“อ๋อ ใช่ เพราะถ้าคุณตายไป ผมจะไม่ได้อะไรเลย รีบกลับมาทำพินัยกรรมให้ก่อน”

           

 

[กลับไปเมื่อไหร่ฉันจะเอาเข็มขัดฟาดก้นนายตามความปากดี]

           

 

“แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่ขู่เท่านั้นแหละ แค่นี้นะ ไอ้ยักษ์!” ผมกดวางสาย เขาไม่โทรกลับมาหรอก เหมือนเขาเหงา เขาว่างเลยต้องหาเรื่องให้ผมตื่นเต้นเล่นๆ เดี๋ยวก่อนผมนอนเขาถึงจะคอลมา บางวันไม่รู้จะคุยอะไรกันก็มองหน้ากันจนผมหลับเขาถึงวางสายไป วันไหนที่ผมนอนกับแฝดเขาก็ทะเลาะกับแฝดและทิ้งให้ผมหลับไป

           

 

ผมกำลังจะเดินกลับเข้าห้องก็เห็นออสตินเดินมาพอดี เขาพยักหน้าหนึ่งครั้ง ตอนแรกผมงงว่าเรียกผมเหรอ แต่สักพักก็นึกได้ว่าผมบอกเขาให้เตือนเรื่องคุณลุค ผมพยักหน้าหงึกๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องแฟมิลี่ ย่องเบาผ่านแฝดที่กำลังหลับปุ๋ยใต้ผ้านวมไปสะกิดไวโอล่า เธอลืมตาขึ้นแบบงงๆ

           

 

“พ่อเธอมาแล้ว”

           

 

“อ๋อ” ผมเดินนำออกไปก่อน หยิบเสื้อกันหนาวมาสวมทับเสื้อลองจอนสีเทาของตัวเองอีกชั้น ออสตินเดินพาคุณลุคกับภรรยาคนใหม่ของเขาเดินเข้ามาในบ้าน ตรงมาที่โซนนั่งเล่นและเป็นโซนรับแขกของบ้านชั้นนอก ไวโอล่าเดินเข้าไปกอดทักทายพ่อตัวเอง ส่วนผมยืนเงียบๆ ในมุมของตัวเอง ยังดีที่ภรรยาของคุณลุคหันมายิ้มให้ผมเลยได้ขยับยิ้มตอบกลับไป

           

 

“สองแฝดนั่นล่ะ”

           

 

“หลับค่ะ พ่ออยู่กินอาหารเย็นกับเราสิ เดี๋ยวแฝดคงตื่น” คุณลุคเหลือบสายตามามองผมอย่างไร้อารมณ์ ผมก็ทำหน้าไร้อารมณ์ตอบกลับเขาไป

           

 

“ก็ดี ตีน่ามีเรื่องจะถามเกี่ยวกับเด็กด้วย” ไวโอล่าหันไปยิ้มให้กับแม่เลี้ยงที่อายุน้อยกว่าตัวเอง ก่อนหันมามองทางผมพร้อมชี้มือมาทางนี้

           

 

“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงดูถามแมทได้เลยค่ะ แมทดูแฝดได้ดีกว่าฉันซะอีก” แม่เลี้ยงของไวโอล่าหันมายิ้มด้วยความประหลาดใจ

           

 

“จริงเหรอคะ” ผมยิ้มแห้งๆ ก่อนตอบ

           

 

“ผมถามแม่ผมมาอีกทีน่ะครับ ก็จำๆ มาใช้กับแฝด” แม่กับพ่อผมรู้เรื่องแฝดแล้ว เพราะผมโทรไปขอความรู้เรื่องการเลี้ยงเด็กบ่อยมากจนเขานึกสงสัย ผมเลยเล่าให้ฟัง ผมเคยส่งรูปแฝดไปให้เขาดูแล้วทางไลน์ สองตายายกรี๊ดแฝดมิชลินมาก

           

 

“ทำไมเธอไม่เลี้ยงเองล่ะไวโอล่า เด็กๆ จะได้ซึมซับสิ่งที่ถูกที่ควรจากคนเป็นแม่จริงๆ” บรรยากาศแทบจะกริบทันควัน ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ในใจคืออยากกลอกตาและทำหน้าเบื่อโลกแรงๆ กับการจิกกัดแบบเดิมๆ

           

 

“แมทเป็นแม่ทูลหัวของแฝดค่ะพ่อ หนูยกตำแหน่งนี้ให้เอง” คุณลุคเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มเยาะน้อยๆ

           

 

“เรียกใครสักคนว่าแม่ คนๆ นั้นต้องเป็นผู้หญิงรึเปล่า”

           

 

“คุณลุคคะ…” ตีน่ามีสีหน้าอึดอัดใจ อย่างหนึ่งที่ผมน่าจะแน่ใจได้ในตอนนี้แล้วคือภรรยาคนนี้ของพ่อวิคเตอร์ไม่ใช่คนก๋ากั๋นจัดจ้าน

           

 

“มันควรจะเป็นไปในแบบที่ธรรมชาติสร้างมา เกิดเด็กซึมซับพฤติกรรมที่ไม่ถูกไม่ควรของคนเลี้ยงเข้าไปจะทำยังไง”

           

 

“พ่อคะ ถ้าพ่อจะมาเพื่อว่าแมท หนูว่าไม่โอเค” ไวโอล่ามีสีหน้าไม่พอใจ คุณลุคไหวไหล่ขึ้นทั้งสองข้าง ผมเห็นแบบนั้นก็อดว่ากลับไม่ได้

           

 

“เช่นพฤติกรรมความก้าวร้าวที่วิคเตอร์เคยมีรึเปล่าครับ…” ไม่ได้คิดเอาผัวมาอ้างหรอก ไม่ได้จนตรอกด้วย แต่ผมต้องตอกหน้าเขาด้วยความเป็นจริงที่เขาเคยผ่านมาแล้ว

           

 

และอันที่จริงพฤติกรรมนั้นของผัวก็ไม่ได้เคยมีนะ ปัจจุบันก็ยังมีอยู่

           

 

“…บางครั้งอะไรที่ธรรมชาติสร้างมาก็ถูกธรรมชาตินั่นแหละทำลายจนพังย่อยยับ” พ่อของวิคเตอร์มองผมตาลุกวาว ตีน่ามีท่าทีลำบากใจ ไวโอล่าสีหน้าไม่สบายใจนัก ผมไม่ได้อยากให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ แต่จะให้ผมยืนนิ่งและปล่อยให้เขาด่างี้เหรอ ไม่ได้สิ นี่แมทนะ ไม่ใช่พิมพ์ไม่สู้คนค่ะ

           

 

“พ่อไม่อยากให้ไอ้คนนี้เลี้ยงหลาน เกิดเด็กสองคนนั้นเป็นแบบมันขึ้นมาจะทำยังไง” เขาเริ่มก้าวร้าวขึ้น เนี่ยๆๆ พูดไม่ทันพ้นห้านาทีเลย แสดงพฤติกรรมนั้นออกมาแล้ว

           

 

“พ่อคะ สิ่งที่แมทเป็นไม่ใช่โรคติดต่อ ไม่ใช่พันธุกรรมใดๆ ด้วย และไม่ใช่สิ่งผิดปกติ แมทใช้ชีวิตตามปกติ และแฝดก็มีความสุขมากด้วยที่ได้แมทคอยดูแล”

           

 

“เธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลยจริงๆ โดนพี่ชายเธอล้างสมองไปอีกคนแล้วงั้นเหรอ” ไวโอล่าพ่นลมหายใจ หน้าตาเหนื่อยหน่ายกับพ่อตัวเอง

           

 

“งั้นมั้งคะ…” เธอทำตาโตแล้วตามด้วยกลอกตาเซ็งๆ

 

 

“…และหนูอาจจะโดนล้างหนักมากด้วย เพราะหนูคิดว่าจะยกแฝดให้เป็นลูกของพี่กับแมท” คุณลุคตะลึง และไม่ใช่แค่คุณลุคหรอก ผมก็ด้วย ตีน่าเองยังอ้าปากค้างเบาๆ เลย ผมหันไปมองไวโอล่า เธอไม่ได้มีทีท่าล้อเล่น แต่ผมกำลังคิดว่าเธอกำลังประชดพ่อตัวเองอยู่หรือเปล่า

 

 

“เธอจะยกให้มันได้ยังไง เธอเป็นแม่ของเด็กนะ” คุณลุคว่าหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมรู้สึกงงๆ เอ๋อๆ มองไวโอล่าที่ยักไหล่สบายๆ ก่อนตอบชิลๆ

 

 

“หนูพอใจจะยกให้” อันนี้ผมว่าเธอน่าจะประชดพ่อแล้วละ

 

 

ลูกคนนะไวโอล่า ไม่ใช่ลูกไมเคิลนะนี่

 

 

 

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้   :hao7:


               ก็จะชิลๆ อยู่บ้านเลี้ยงหลาน ผัวก็เปย์ไปค่ะ ชีวิตคุณนายเอเลี่ยนก็จะดีนิดนึง แต่ก็อาจจะดูไม่มีอะไร แบบโล่งๆ 55555 อย่างที่บอกไปตอนที่แล้วว่า หลังจากนี้มันจะเล่าเรื่องการใช้ชีวิตครอบครัวของทั้งสองคน เล่าเรื่องครอบครัวของทั้งสองคนแล้วน่ะค่ะ อาจจะเรื่อยๆ ชิลๆ ไม่แน่ใจว่าเหตุการร์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปมันจะมีอะไรตื่นเต้นอีกมั้ย แต่ถือว่าช่วยแมทเลี้ยงหลานแล้วกันเนอะ คริๆ

               ตอนนี้เป็นต้นไป จะอัปแบบเต็ม 100% ทุกตอนไปยันจบแล้วค่ะ ยังไงอ่านแล้วก็คอมเม้นเป็นฟีดแบ็คให้กำลังใจกันหน่อยแล้วกันเนอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-04-2018 21:25:48
อู้วววว ไวโอล่าผู้แสนดื้อรั้น อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-04-2018 21:44:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 27-04-2018 21:54:34
ชิลๆ ครอบครัวสุขสันต์อะไรทำนองนี้
อีเลี่ยนเปลี่ยนสถานะเป็นคุณนายมีผัวสายเปย์
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-04-2018 04:15:33
หมั่นไส้อีตาพ่อเตอร์มาก ๆ เลย กลับไปกกเมียตัวเองที่บ้านไป  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-04-2018 08:15:58
แมทเลี้ยงเด็กได้น่ารักมาก ดูแลเอาใจใส่ดีมาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-04-2018 08:43:32
รำคาญลุคมากกกกกกกกกกกกกก  :z6:
จุ้นจ้าน วุ่นวาย เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแมทตลอด  :fire:

ขำยักษ์ กัด แซะแฝดตลอด
แฝดน่ารักมากกกกกกกกกกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
เตอร์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-04-2018 16:01:30
แฝดน่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.26 100% :27.04.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 02-05-2018 13:26:37
อิพ่อนิก็เนาะ ไม่จบไม่สิ้น  :m16:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-05-2018 21:05:17

Yours and Mine EP.27 :: Everybody sees the world differently. (ต่างคนต่างความคิด)  [100%]




“ใช่ ฉันประชดพ่อ แต่ฉันก็มีความคิดแบบนั้นจริงๆ ด้วย” ผมย่นคิ้วอ้าปากหวอ มองหน้าเธอด้วยความไม่แน่ใจ

         

 

“เธอจะไปทำอย่างงั้นได้ไงไวโอล่า เธอเป็นแม่นะ แล้วก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วย จะยกให้ฉันสองคนได้ไง”

         

 

“ได้สิ ฉันถามอาทนายประจำบ้านแล้ว เขาบอกว่าทำเรื่องยกให้ได้ ไม่มีปัญหา” ผมกะพริบตาปริบๆ มองไวโอล่าด้วยความไม่เข้าใจ ก็ต้องไม่เข้าใจน่ะสิ เธอเป็นแม่แฝด อยู่ด้วยกัน ป้อนนมกันทุกวัน แต่จะมายกลูกให้ ผมก็ต้องงงสิ

         

 

“ฉันแน่ใจว่ามันไม่มีปัญหา แต่ประเด็นคือเราอยู่ด้วยกันไงไวโอล่า” ไวโอล่าที่กำลังนั่งดื่มน้ำขิงบนโซฟาในแฟมิลี่รูมพ่นลมหายใจเบาๆ แล้ววางแก้วน้ำขิงไว้บนโต๊ะไม้หลังโซฟา

         

 

“มันไม่เหมือนกันหรอกแมท ฉันอยากให้เธอกับพี่มีสิทธิ์ในตัวแฝดได้อย่างเต็มที่”

         

 

“ไวโอล่า แค่เราได้เลี้ยงดูเธอกับแฝดนั่นก็เป็นสิทธิ์ที่ดีมากแล้ว ไม่ต้องยกให้ฉันกับวิคเตอร์หรอก ทุกวันนี้เราก็อยู่กันแบบครอบครัวอยู่แล้ว” ไวโอล่ายิ้มอ่อน เธอเหลือบมองสองแฝดที่กำลังนอนดูการ์ตูนบนจอผ้าขนาดยักษ์หลังจากตื่นมาดูดหน่มน้มของแม่ในช่วงค่ำ

         

 

“ฉันไม่ใช่คนแข็งแรงนะแมท…” ผมกะพริบตาปริบๆ มองหน้าเธอแบบสับสน

         

 

“…ฉันกลัวว่าวันนึงจะไม่ได้อยู่ดูแฝดโต” ผมใจหายวาบ แม้ไวโอล่าจะพูดด้วยสีหน้าปกติมาก แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี

         

 

“ไวโอล่า อย่าพูดแบบนั้น”

         

 

“มันเป็นความจริงแมท เธอเองก็เห็นอาการฉันชัดเจนทุกอย่างอยู่แล้ว”

         



"ใช่ ฉันเห็น แต่มันไม่ได้เป็นอาการหนักหนาอะไรหรอกน่า”

         

 

“แล้วถ้าวันนึงมันหนักล่ะ” ผมย่นคิ้ว รู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ที่เธอดูจะแช่งตัวเองเหลือเกิน ผมเคยมโนอาการเธอไปไกลมาก แต่พอได้เห็นว่าช่วงเธอท้องและหลังคลอด เธอดูสตรองดี ผมเลยดับมโนนั้น แล้วจู่ๆ เธอก็มาจุดมันขึ้นมาซะงั้น

         

 

“เธอก็จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด เธอต้องกินอาหารตามที่หมอสั่ง มันอาจจะเหนื่อยเป็นสองเท่าที่ต้องกินทั้งเพื่อตัวเธอและตัวแฝด แต่ทำเถอะนะ…” ไวโอล่ายิ้มพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้าง ผมไม่ชอบท่าทางนี้เลย เหมือนเธอเตรียมพร้อมกับการลาจาก…

 

 

“…แล้วอย่าคิดหรือพูดอะไรแบบนี้อีก ไม่ต้องยกให้ เพราะทุกวันนี้ฉันเต็มใจดูแลแฝดด้วยตัวฉันเองอยู่แล้ว”

 

 

“ฉันแค่อยากให้เธอกับพี่มีสิทธิ์เต็มที่น่ะ”

 

 

“แต่ถ้าเธอยกให้ เท่ากับว่าเธอไม่มีสิทธิ์ในตัวลูกแล้วนะ ไม่เอาหรอก เหมือนพรากแม่พรากลูกเลย”

 

 

“ก็เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเราอยู่บ้านเดียวกัน ฉันยกให้เธอ แต่ฉันก็ยังอยู่ด้วยไง” ผมสั่นหัว ผมรู้ว่าไวโอล่าหวังดีอยากให้ผมกับวิคเตอร์ได้ดูแลแฝดเต็มที่ แต่ในฐานะคนไทยที่ยังมีมีความเชื่อเรื่องลางอะไรต่างๆ อยู่ ผมไม่คิดรับ ถ้าผมรับเหมือนผมร่วมแช่งเธอไปด้วย

 

 

“เอาเป็นว่าเธอพูดประชดพ่อก็พอ”

 

 

 

“แอะ… แอะ…” ผมนอนตะแคงมองสองแฝดพยายามยกคอขึ้นอยู่ในคอกกันกระแทกตอนยามค่ำแบบเพลินสายตา ในหัวคิดถึงตอนคุยกับไวโอล่าหลังจากคุณลุคกลับไป ผมมองสองแฝดมิชลินแล้วก็นึกเป็นกังวลไปถึงไวโอล่า การพูดแบบนั้นมันไม่ได้ทำให้คนฟังสบายใจหรอก

 

 

“แอ๊ะๆๆ” ผมหลุดออกจากภวังค์แล้วมองแฮคเตอร์ที่ยกคอขึ้นได้อยู่พักนึงก่อนจะกลับไปนอนคว่ำหน้าตามเดิมแล้วเอียงหน้ามองผมเหมือนกำลังเรียกร้องความสนใจ ผมยิ้มกว้าง ใช้แขนซ้ายโอบเขาเข้ามานอนใกล้ๆ จับเขานอนหงายใกล้ตัวแล้วก้มลงหอมหัวเขาหนึ่งที

 

 

“เก่งมากครับมิชลินเบอร์สอง” แฮคเตอร์ขยับตัวดุ๊กดิ๊กและนอนอยู่ข้างผม ส่วนเฮคเตอร์กำลังนอนคว่ำหน้ามองมาทางผมกับน้องชายตัวเองอยู่ ผมยิ้มขำแล้วยื่นมือไปลูบหัวคนพี่เบาๆ

 

 

“มิชลินเบอร์หนึ่งก็เก่งงง” เฮคเตอร์ยิ้มหวาน ผมมองด้วยความเอ็นดู ดันตัวลุกขึ้นแบบครึ่งตัวแล้วจับให้เฮคเตอร์นอนหงาย เพราะนอนคว่ำมาพักใหญ่แล้วกลัวจะหายใจไม่ออก แต่ที่ปล่อยให้นอนเพราะว่าอยากให้เด็กๆ ฝึกยกคอ

 

 

ชุดสีชมพูเหมือนเนื้อหมูยิ่งตอกย้ำความอ้วนได้ดีจริงๆ เดี๋ยววิคเตอร์วิดีโอคอลมาต้องล้อแน่ๆ

 

 

“คืนนี้นอนกับแมทนะครับ คุณแม่เหนื่อย ให้คุณแม่พักผ่อนเยอะๆ” สองแฝดส่งเสียงออแอๆ คิดว่าไม่น่าจะตอบรับผมหรอก อาจจะกำลังสื่อสารกันเอง ฮ่าๆ

 

 

ผมไม่อยากให้ไวโอล่าต้องตื่นมากลางดึก มาดูแลลูกตอนร้องไห้ ต้องป้อนนม และบางครั้งต้องกล่อมลูกทั้งสองคนจนเกือบรุ่งสาง ไวโอล่าเป็นโรคเกี่ยวกับเลือด การพักผ่อนน้อยเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่จะทำให้เธออาการแย่ ผมเลยอยากช่วยแบ่งเบาเธอ ถึงจะนอนน้อยและเหนื่อย แต่วันๆ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว เลยถือว่าการเลี้ยงแฝดคืองานประจำของผมไป ไวโอล่าจะปั๊มนมแช่เย็นไว้ให้เรียบร้อย แม้จะไม่แน่ใจว่าจะพอต่อความต้องการของแฝดมั้ยก็ตาม แต่ก็เตรียมไว้ให้เท่าที่เธอจะบีบออกมาได้ แต่ดึกๆ แฝดกินไม่เยอะหรอก จะชอบให้เล่นด้วยจนกว่าจะหลับไปมากกว่า

 

 

ตื่อดื๊อดืดดด ตื๊อดื่อดืดดด~ (เสียงสไกป์)

 

 

“อะ ลุงยักษ์มาแล้วๆ” ก่อนจะกดรับผมก็หัวเราะเสียงดังกับการที่แฮคเตอร์สะดุ้งกับเสียงสไกป์ แล้วหันหน้ามากะพริบตาหน้ามึนๆ มองผม

 

 

“ฮาโล่ววว สวัสดีครับลุงยักษ์” มิชลินเบอร์สองเลื่อนสายตามองจอแบบงงๆ เขานอนมองหน้าวิคเตอร์ที่เต็มจอและปล่อยผมสยายอยู่สักพักก่อนจะอ้าปาก

 

 

“แอ๊อ๊อ๊” แฮคเตอร์ส่งเสียงทักทายแล้วมองหน้าวิคเตอร์ในจอตาแป๋ว วิคเตอร์แกล้งทำตาโตใส่หลาน แต่หลานมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก ผมหันจอไปทางเฮคเตอร์ที่กำลังทำปากแจ๊บๆ และมองเพดานห้องไม่สนใจใคร

 

 

[ใครให้มานอนนี่อะไอ้พวกลูกหมู] ผมกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ก็หันไปยิ้มค้างเตรียมขำกับท่าทางของเฮคเตอร์ที่พอได้ยินเสียงวิคเตอร์พูดก็ชะงักกึกและกลอกตามองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาคนพูด แต่มองเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

 

 

[หยิ่งเหรอ ถามไม่ตอบอะ] แฮคเตอร์แหงนหน้าขึ้นมองผมราวกับจะถามว่าอะไรเหรอ ผมหัวเราะยิ่งกว่าดูตลก ทำท่าทางน่าฟัดจริงๆ

 

 

“ไวโอล่าไม่ค่อยสบาย ผมเลยเอาแฝดมานอนด้วย” วิคเตอร์ขมวดคิ้วพลางขยับตัวนอนบนเตียงนอนในเทรลเล่อร์คาร์ของเขา

 

 

[ไปหาหมอรึยัง]

 

 

“ยังหรอก เธอพักผ่อนน้อยน่ะ เลยเพลียๆ” วิคเตอร์พยักหน้าหนึ่งที เขาเป็นห่วงน้องแหละ แต่ถ้าบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก หรือบอกว่าไปหาหมอแล้ว เขาก็จะไม่เซ้าซี้อะไรต่อ เพราะจริงๆ เขาเองก็รู้ว่าน้องสาวพบหมอเป็นประจำไม่เคยขาดอยู่แล้ว

 

 

“วันนี้พ่อคุณมาที่บ้าน มากินข้าวเย็นด้วย ทะเลาะกันนิดหน่อย แต่ภรรยาใหม่ของเขาช่วยกู้บรรยากาศไว้” ตีน่าช่วยได้จริงแหละ เธอไม่ได้พยายามสร้างความปรองดองอะไรทำนองนั้นหรอก แค่ชวนผมคุยเรื่องเลี้ยงเด็กๆ จนเพลิดเพลิน เลยลืมสนใจคุณลุคกันไปเลย

 

 

[แค่แวะมาเฉยๆ น่ะเหรอ]

 

 

“แวะมาเยี่ยมนั่นแหละ แล้วก็มาเหยียดผมตามเคย แต่สบายมาก” วิคเตอร์ยกนิ้วโป้งขึ้นเป็นการชม ผมยิ้มรับ กดสายตาลงมองสองแฝดที่ยังคงนอนฟังผมคุยกับลุงยักษ์อยู่

 

 

[มีหนังเรื่องใหม่ติดต่อมา] ผมเงยหน้าขึ้นมองจอโทรศัพท์ พลางเอื้อมมือไปจับพุงเฮคเตอร์ที่ป่องออกมา อีกสักพักเดี๋ยวต้องอึแน่ๆ

 

 

“เป็นหนังแนวไหน”

 

 

[หนังรัก มีฉากเนื้อแนบเนื้อ ฉันยังไม่ได้รับ ให้นายสกรีนก่อน] นี่เป็นอีกข้อที่เป็นความน่ารักของไอ้ยักษ์ เวลามีงานอะไร ส่วนใหญ่เขาจะให้ผมสกรีนให้ ถ้าผมให้ทำ เขาถึงจะทำ แต่ถ้าผมบอกว่าไม่ เขาก็ไม่เอา ซึ่งส่วนใหญ่ผมไม่เคยปฏิเสธงานให้เขาเลย ด้วยเพราะงานดีจริงและไม่อยากทำตัวเป็นคนบงการชีวิตเขา คือบางงานเขาอาจจะอยากทำ แต่ผมดันปฎิเสธไปงี้ ก็ไม่ดีอีก เราก็จะคุยกันทุกครั้ง บางงานผมชอบ แต่ถ้าเขาไม่ชอบ ผมก็ไม่รับให้ บางงานเขาอาจจะชอบ แต่ถ้าผมรู้สึกไม่สบายใจที่เขาจะต้องไปทำ ด้วยเพราะคอนเซ็ปต์งาน กระบวนการการทำงาน สถานที่ในการทำงาน เขาก็จะไม่ไป เราต้องแบ่งกันคนละครึ่งทาง

 

 

“ส่งบทมาสิ”

 

 

[เดี๋ยวให้เซล่าส่งให้] ผมยกมือซ้ายขึ้นว่าโอเคแล้วเอากลับไปดันหัวตัวเองไว้ตามเดิม

 

 

“เล่นกับใครเหรอ”

 

 

[นางเอกใหม่ เซล่าว่าเป็นดาวรุ่ง แต่ฉันไม่รู้จัก เซล่าคงหาประวัติเธอส่งให้นายดูได้] เปิดเผยดี๊ดี ไม่มีปิดบัง แต่สามีผมนี่ชอบได้รับการติดต่อให้เล่นหนังแนวเซ็กซี่เยอะเหมือนกันนะ ปฏิเสธไปหลายเรื่องอยู่ ไม่ใช่ว่าผมหวง แต่แกนเรื่องมันไม่น่าสนใจเท่าฉากอย่างนั้น ผมให้เขาเล่นได้ เพราะถือว่ามันเป็นการแสดง มันเป็นงานที่สร้างเงิน แต่นอกเหนือจากฉากอย่างว่าต้องมีอะไรให้เขาได้เล่นด้วย ผมว่ามันเป็นการสร้างโปรไฟล์ดีๆ ให้วิคเตอร์ บางงานมันอาจเป็นมาสเตอร์พีซของเขาที่ทำให้ชื่อเขาถูกจดจำไปอีกนาน

 

 

“หนังภาคเดียวใช่มั้ย”

 

 

[ภาคเดียว ฉันไม่อยากเล่นหนังภาคต่อแล้ว] วิคเตอร์เหนื่อยหน่ายกับบทบาทเดิมๆ และเหนื่อยกับการถ่ายหนังเรื่องเดียวกัน เขาบอกว่าเหมือนไม่จบสิ้นสักที ไอ้หนังไซไฟที่ถ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็รับไว้ตั้งแต่สมัยเรายังไม่ได้กัน แต่เรื่องนี้สนุกจริงนะ สนุกตั้งแต่เป็นนิยายแล้ว แล้วพอเอามาทำเป็นหนัง ในฐานะแฟนนิยายผมว่าทีมงานเขาทำดีเลยนะ ถึงมันจะเป็นตัวละครตัวเดิมจากเรื่องเดียว แต่มันมีการพัฒนาของเส้นเรื่องและตัวละครในทุกๆ ภาค

 

 

หนังเรื่องนี้ฮ็อตมาก ด้วยเพราะฐานแฟนนิยายเยอะ แล้วหนังทำออกมารักษานิยายไว้ได้และเพิ่มอรรถรสความเป็นหนังเข้ามาได้อย่างลงตัวเลยทำให้สองภาคที่ผ่านมารายได้เป็นที่น่าพอใจ มันอาจจะไม่ได้ถล่มถลายฟ้าดินสลาย แต่มันได้กำไรเกินทุนเกินครี่งก็ทำให้ค่ายหนังยิ้มร่าแล้ว วิคเตอร์ก็ฮ็อตฉ่าและมีชื่อเสียงเป็นวงกว้างมากขึ้นก็เพราะเรื่องนี้แหละ กระแสในตัวเขาก็ได้จากการเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ผมชอบมากๆ คือ เขามีภาพจำเป็นคาแรคเตอร์ละครตัวนี้ไปแล้ว เวลาที่มีข่าวเขียนถึงเขาจะเอ่ยถึงตัวละครที่เขาแสดงในการขึ้นต้นข่าวเสมอ ผมว่าเท่ดีนะ ผมเคยอ่านข่าวพวกนักแสดงคนอื่น อย่างคริส อีแวนที่เวลามีข่าวเขียนถึง ก็จะมีคำว่ากัปตันอเมริกาติดมาด้วยตลอด เป็นเอกลักษณ์ที่คนจดจำอะ

 

 

“เดี๋ยวสแกนให้ ถ้าโชว์เยอะไป ไม่ให้เล่น” ผมทำหน้าทำจิกแบบหวงๆ วิคเตอร์กระตุกยิ้มพลางเสยผมขึ้น ช็อตนั้นคือเท่เถิดเทิงมาก

 

 

“แต่คุณก็อย่าลืมเอาไปอ่านด้วยล่ะ ถ้าชอบก็ต้องบอกผมนะ แต่ต้องบอกให้ได้ว่าชอบเพราะอะไร ถ้ามาบอกว่าชอบเพราะได้เล่นฉากอย่างว่า ผมจะเอายางรัดจู๋คุณ”

 

 

[เก่งเหลือเกินนะไอ้เอเลี่ยนตัวเตี้ย] ผมเบะปากหนึ่งทีแล้วก้มลงหอมหน้าผากแฮคเตอร์เบาๆ มือซ้ายก็ยื่นไปลูบหัวเฮคเตอร์ที่ดีดขาไปมา ขาป้อมมากลูกเอ๊ย เห็นแล้วอยากกัด

 

 

[หอมมันทำไมอะ] ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอ ไอ้ยักษ์ย่นคิ้วหน้าตาไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่

 

 

“อยากหอมอะ รักเด็ก”

 

 

[ไม่ให้รัก รักฉันคนเดียวพอ]

 

 

“โวะ…”

 

 

“…แอ๊ะ” ผมก้มลงมองแฮคเตอร์ เจ้าตัวเล็กยกมือขวาป้อมๆ ขึ้นราวกับพยายามจะชี้วิคเตอร์ในจอมือถือ ผมหัวเราะ มองแฮคเตอร์ดีดขาแล้วยิ้มกว้าง พอเงยหน้าขึ้นมองวิคเตอร์ก็เห็นเขากำลังมองแฝดคนน้องด้วยสายตามึนๆ

 

 

[อะไร]

 

 

“หนูจะเอาอะไรครับแฮคเตอร์ ฮึ” ผมก้มลงหอมหัวเจ้าตัวเล็กอีกที และต้องยื่นมือซ้ายไปลูบหัวเฮคเตอร์ที่นอนชูมือขวาขึ้นอากาศอยู่ด้วยเพื่อความเท่าเทียม

 

 

“อือ อา อือออ” แฮคเตอร์ยิ้มหวานให้ลุงยักษ์และชูกำปั้นซ้ายขึ้น ผมมองลุงกับหลานมองตากันแล้วก็ขำ หลานยิ้มว้านหวาน ไอ้ลุงก็มึ้นมึน

 

 

[อยู่กับเอเลี่ยนมากจนพูดภาษามนุษย์ไม่ได้แล้วสินะไอ้ลูกหมู] ผมมองจิกวิคเตอร์หนึ่งที ก่อนที่จะหันไปมองเฮคเตอร์ที่ร้องงอแงขึ้นมา ผมดันตัวลุกขึ้นแล้ววางโทรศัพท์พิงกับรั้วกันกระแทก คลานเข้าไปหาเฮคเตอร์แล้วจับเขาอุ้มขึ้นมาไว้บนบ่าและตบหลังเบาๆ เจ้ามิชลินเบอร์หนึ่งเงียบเสียงลง ผมแหวกพมเพิสดูก็เห็นอึเลอะอยู่

 

 

“ผมเปลี่ยนแพมเพิสแปบนึง” วิคเตอร์ไม่ได้ตอบรับอะไรแค่มองผมนิ่งๆ แต่มันแปลว่าเขารับรู้แล้วแหละ

 

 

ผมจัดการถอดแพมเพิสอันเก่าของเฮคเตอร์ออก ยกก้นเขาขึ้นแล้วใช้ทิชชูเปียกทำความสะอาด เขาร้องงอแงเวลาโดนทิชชูเช็ดผิวคงเพราะรู้สึกเย็นก้น พอเช็ดจนสะอาดผมก็ใช้แป้งเด็กทาก้นให้หอมฟุ้งแล้วเปลี่ยนแพมเพิสอันใหม่ แต่ใส่เสื้อคอเต่าแขนยาวสีเทาตัวเดิม พอรู้สึกสบายตัวเฮคเตอร์ก็ไม่ร้องงอแง นอนนิ่งอย่างสงบ แต่ดวงตายังคงมองไปเรื่อย

 

 

[อีกคนไม่เปลี่ยนเหรอ]

 

 

“เขายังไม่ร้องอะ แต่เดี๋ยวแอบดูก่อน…” ผมอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมาไว้บนไหล่ เปิดแพมเพิสดูก็เห็นว่าเขายังไม่อึ

 

 

“…ยังสะอาดอยู่ แต่ไม่เกินยี่สิบนาทีหรอกเดี๋ยวก็อึ สองคนนี้ชอบขับถ่ายไล่ๆ กัน” ผมอุ้มแฮคเตอร์และนั่งโยกเบาๆ มือขวาก็เอื้อมไปลูบพุงของเฮคเตอร์ให้รู้สึกอารมณ์ดีไปด้วย

 

 

“แอ แอ อือออ” เฮคเตอร์เหวี่ยงมือขวามากำนิ้วโป้งผมตามสัญชาตญาณของเด็กที่ช่วงนี้เอาอะไรยัดใส่มือหรือจับอะไรได้ก็จะชอบกำไว้

 

 

“ให้แมทอุ้มเหรอเฮคเตอร์”

 

 

“แอ แอ” สองขาดีดดิ้นเบาๆ ให้ผมอมยิ้ม ผมดึงนิ้วออกจากมือป้อมๆ และหันมาประคองให้แฮคเตอร์นั่งบนตักตัวเอง โน้มตัวไปอุ้มเอคเตอร์ขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้วเอามานั่งบนช่วงหัวเข่าด้านขวา แฮคเตอร์แหงนหน้าไปมองพี่ชาย ส่วนเฮคเตอร์ก็ก้มหน้ามองน้อง ผมหัวเราะขำขันเพราะสองแฝดกำลังทำหน้างง

 

 

“ใครวะ ทำไมหน้าตาเหมือนเราเลยอะ…” ขำมาก เหมือนคนกำลังนั่งมองกระจกแล้วเห็นเงาสะท้อนตัวเองอะไรแบบนั้นเลย

 

 

“…ไหน ถามลุงยักษ์ซิครับว่าใครเป็นใคร นู่นๆ ลุงยักษ์อยู่นู่น” ผมทำปากยื่นไปทางโทรศัพท์ที่ตั้งพิงรั้วคอกอยู่ สองแฝดหันไปมองตามแบบงงๆ เด็กอายุช่วงนี้การมองเห็นจะพัฒนาดีขึ้น ก็ยังโฟกัสไม่เป็นหรอก แต่ก็จะชอบจ้อง อย่างจ้องผม จ้องหน้าไวโอล่า ออสติน ไมเคิลแล้วก็วิคเตอร์ผ่านหน้าจอนี่แหละ

 

 

[เฮ้ย] วิคเตอร์ส่งเสียงเรียก สองแฝดชะงักกึก และหันหน้าซ้ายขวา ดวงตามองไปรอบคอก ผมยกมือซ้ายชี้ไปที่จอโทรศัพท์ สายตาของสองแฝดมองตามและจ้องมองหน้าลุงยักษ์ในจอโทรศัพท์เครื่องยักษ์ ผมอยากขยับเข้าไปใกล้กว่านี้ แต่แฝดตรึงกำลังไว้บนตักผมหมดแล้ว

 

 

[นั่งตักเมียคนอื่นอะขอยัง] แล้วผมก็ขำเสียงดังเมื่อสองแฝดย่นคิ้วอ่อนๆ และหันมองหน้ากันแบบสับสนปนงง ขนาดวิคเตอร์ที่ทำดุยังหลุดขำเสียงทุ้ม เขาไม่ได้ขมวดคิ้วนานแบบผู้ใหญ่หรอก ทำแปบเดียว ผมเห็นสองรอบแล้ว และจะทำเฉพาะเวลาเจอวิคเตอร์แซะด้วยนะ

 

 

“ลุงยักษ์ไม่อยู่พวกผมจะทำอะไรก็ได้ครับ” ผมดัดเสียงเล็กๆ แล้วพูดกับแฝดทั้งสอง ตอนนี้ก็จะสามทุ่มแล้วนะ แต่ยังอ้อแอ้ๆ กันอยู่เลย

 

 

[เดี๋ยวฉันต้องไปถ่ายต่ออีกสามคิว นายนอนเถอะ] ผมพยักหน้า และยกมือสองแฝดโบกให้วิคเตอร์ด้วย

 

 

“คิดถึงคุณนะ แฝดก็คิดถึงคุณ ใช่มั้ยครับ” ผมก้มลงถามแฝดทั้งสองคนที่ไม่ตอบอะไร เอาแต่นั่งก้มมองพื้นไปเรื่อย ผมกลัวจะเมื่อยคอเลยวางเฮคเตอร์ลงบนพื้นคอก แล้วตามด้วยอุ้มแฮคเตอร์นอนข้างกัน ต้องกล่อมให้นอนละ นอนดึกมากไม่ดี

 

 

[แค่นี้นะ] ผมหันไปมองวิคเตอร์แล้วส่งจูบให้ เขายักคิ้วหนึ่งทีแล้วหน้าจอก็ดับไป ผมหันกลับมาจัดการเอาหมอนสำหรับเด็กหนุนให้สองแฝด ตรวจดูแพมเพิสของแฮคเตอร์ก็เจออึพอดี เลยจัดการทำความสะอาดและเปลี่ยนอันใหม่ให้ ผมห่มผ้าห่มผืนหนาให้ทั้งสองคน ใส่ถุงเท้าเพิ่มความอบอุ่น ใส่ถุงมือเพื่อกันแฝดเอามือไปเกาหน้าตัวเอง หมวกไหมพรมก็ต้องมา เป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้

 

 

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายเซลฟ์ฟี่ตัวเองกับแฝดหนึ่งรูปแล้วส่งไปให้วิคเตอร์ทางวอทสแอพพร้อมกับข้อความให้กำลังใจเขาในการทำงาน

 

 

“Always miss you, our bank account!”

V
v
v
 

 

 

 

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 02-05-2018 21:06:05

V
v
v


ผมตื่นแบบมึนๆ เบลอๆ ในตอนหกโมงเช้าที่อากาศโคตรจะหนาว เปิดหน้าต่างแว้บเดียวหนาวสะท้านไปถึงกระดูก ผมใส่โค้ทสีดำตัวใหญ่ของวิคเตอร์ ผ้าพันคอผืนหนา กางเกงขายาวและหมวกไหมพรมในการทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนชุดให้แฝด ก่อนจะส่งต่อให้ไวโอล่าไปดูดหน่มน้มกันแบบส่วนตัวในห้องนอนของเธอ

 

 

BamBoObie : อีแมทมันเห็นยังเหอะ มัวแต่เลี้ยงลูกรึเปล่า

 

 

ผมไม่ได้เปิดการแจ้งเตือนข้อความไลน์ไว้ ตอนที่คลิกเข้าไปเช็กจากยอดการแจ้งเตือนก็เลยได้เห็นข้อความจากห้องแชทของเพื่อนที่ส่งมาค้างไว้ที่ประโยคนี้พอดี ผมคลิกเข้าไปดูแล้วย้อนอ่าน แบมส่งลิงก์ข่าวมาให้ในกลุ่มแล้วพวกเพื่อนๆ ก็คุยกันถึงทอปปิคข่าวนั้น แต่ก็ไม่ได้คุยเชิงจริงจังหรือดราม่า ผมคลิกลิงก์นั้น มันเด้งไปที่หน้าเว็บข่าว หัวข้อข่าวเขียนถึงนักแสดงหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นใครผมยังงงอยู่ กำลังสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญยังไง เห็นรูปแล้วก็ยังไม่อ๋อด้วย

 

 

‘And who is the actor that she was mention in her discriminate tweet?’ (แล้วใครคือพระเอกคนนั้นที่เธอเหยียดผ่านทวีตกัน)

 

 

ท่อนนึงของหัวข้อข่าวมีประโยคนี้ ผมอ่านไปย่นคิ้วไป ใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม เนื้อหาข่าวเขียนถึงนักแสดงหญิงคนนี้และมีภาพแคปทวีตจากทวิตเตอร์ของเธอว่า

 

 

‘นักแสดงชายที่ในชีวิตจริงเป็นเกย์ แต่ต้องมาเล่นเป็นผู้ชายที่อยากจะเอาชะนี เขาอินกับจิ๋มจริงเหรอ ฉันยังรู้สึกไม่อินแทนเลยอะ ฝืนใจเปล่าๆ ป่ะพ่อหนุ่ม?’

 

 

ผมอ่านแล้วแปลในหัวตัวเองก็มีความงงและแอบฉุนเล็กๆ กับประโยคที่นางทวีต คือมันเหยียดเพศชัดเจนมาก แล้วพอดูใบหน้าอันแสนลอยหน้าลอยตาของนางในเว็บข่าวก็ยิ่งรู้สึกยี้นางแปลกๆ คนรีเป็นหมื่น ไลก์อีกสองหมื่น โห อีคนหมื่นพวกนี้คือก็เหยียดเพศแบบเนียนๆ ด้วยสินะ

 

 

MATTLE : ใครอะแก

 

 

ผมกดออกจากเว็บข่าวแล้วพิมพ์เข้าไปในกลุ่ม เปิดห้องแชทค้างไว้งั้นแหละ รออ่านว่านางเป็นใคร ผมเห็นมีคนอ่านแล้วแต่ไม่รู้ว่าใคร ในระหว่างรอข้อความตอบกลับผมก็จิ้มฮ็อตดอกจิ้มซอสมะเขือเทศเข้าปาก รออยู่เกือบห้านาทีแบมก็พิมพ์กลับมายาวพอสมควร

 

 

BamBoObie : นางเป็นนางเอกหน้าใหม่กำลังมาแรง กำลังจะแสดงหนังกับผัวแกไง แกไม่รู้เหรอ

 

 

ผมเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง นึกภาพหน้าของนางจากรูปในเว็บเมื่อกี้ คือรูปที่เอามาลงมันเป็นรูปเดินพรมแดงแล้วนางเชิดหน้ามั่นห้ามั่นสิบมาก

 

 

MATTLE : หึ เพิ่งรู้เนี่ย คนนี้เหรอ วิคเตอร์ก็ยังไม่รู้เลยว่าคนนี้

 

 

เมื่อคืนเขายังหน้ามึนๆ งงๆ อยู่เลยว่านางเอกที่จะต้องเล่นหนังเรื่องใหม่ด้วยเป็นใคร

 

 

MATTLE : แล้วคือนางด่าวิคเตอร์เหรอ ทวีตอันนี้อะ

 

 

ผมหยิบน้ำส้มมาดูดเข้าปาก นั่งมองจอรอแบมพิมพ์กลับมาสักแปบ

 

 

BamBoObie : ฉันคิดว่างั้นนะ เพราะนางกำลังจะเล่นหนังกับวิคเตอร์ คือ วิคเตอร์ก็มีประเด็นเรื่องแกอยู่ นางอาจจะรู้เลยทวีต นางชอบเคลมว่านางเป็นคนตรงๆ แต่ฉันว่านางเป็นคนไม่มีมารยาทมากกว่า

 

 

ผมเห็นด้วยมาก ส่วนตัวผมรำคาญคนที่ชอบพรีเซ้นต์ตัวเองว่าเป็นคนพูดตรงๆ ผมว่าคนพูดตรงคือคนแบบวิคเตอร์ คือไม่ชอบไม่พอใจอะไรที่มันไม่ถูกไม่ควรก็จะบอก แต่ไม่ใช่นึกอยากพูดก็พูดอะไรก็ได้ให้ดูแรงดูแซ่บ หรือนึกอยากแหกหน้าใครก็จะแหกตามใจฉัน แบบนั้นมันคนไร้มารยาทมากกว่าตรงนะ

 

 

Champion : คนตรงหรือคนปากหมาวะแบบนี้

 

 

ผมอมยิ้มกับประโยคของไอ้แชมป์ คิดว่ามันคงโกรธแทนวิคเตอร์นิดๆ นะ เพราะวิคเตอร์ก็เหมือนพี่ชายมันไปแล้ว แถมยังจ่ายค่าจ้างในการติดตามผมให้อย่างงามอีก

 

 

KattyKitty : ฉันเข้าไปอ่านรีพลายทวีตนางมา มีทั้งคนด่าและคนเห็นด้วยกับนาง ประเด็นคือนางโต้รีพลายที่ไม่เห็นด้วยแทบจะทุกอันอะ นางไฟท์เวอร์

 

 

BamBoObie : นางอายุยี่สิบเอ็ด จะว่าเด็กก็ไม่เด็กแล้วนะ แต่อาจจะยังไม่โตมากพอ

 

 

MATTLE : แอดติจูดแบบนี้ยังมีคนอยากร่วมงานด้วยเหรอเนี่ย

 

 

Champion : มึงไม่ต้องไปตอบโต้ล่ะ

 

 

MATTLE : ไม่เอาหรอก กูไม่อยากพิมพ์โต้ เดี๋ยวกูโป๊ะแตกเรื่องแกรมม่า

 

 

BamBoObie : นางก็เพิ่งเริ่มดังได้ไม่นานเอง แต่จะดับตัวเองละ นางสตรองด้วยนะ ไม่ลบทวีตนั้นทิ้ง แต่คิดว่านางคงไม่แคร์ เพราะบ้างนางมีตังค์

 

 

ผมเบะปากย่นคิ้ว งงกับตรรกะในการมีเงินแล้วเข้าวงการการแสดงเนี่ยนะ ซึ่งวงการนี้ไม่ได้เกี่ยวกับมีเงินไม่มีเงินเลยนะ หลายคนเขาก็มีเงินมาก่อน แต่เขาก็ยังอยู่ในวงการได้เพราะเขามีมารยาทและทัศนคติที่ดี

 

 

NineNineNine : งั้นก็กลับบ้านไปนับเงินเถอะค่า

 

 

พวกเพื่อนๆ ผมจะโกรธก็ไม่น่าแปลก เพราะทุกคนรู้จักวิคเตอร์หมด แรกๆ อาจจะเกร็ง แต่มันก็สี่ปีแล้วที่ทุกคนรู้จักวิคเตอร์ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเขาคือนักแสดงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ตอนนี้เขาคือพี่ชายพวกนั้น

 

 

ผมคุยกับเพื่อนในไลน์อีกสิบนาทีก็ขอตัวไปช่วยไวโอล่าดูแลเด็กๆ ผมไม่ได้คิดมาก แต่ก็ยอมรับว่าไม่พอใจนางเอกคนนั้น อีกประเด็นนึงคือเท่ากับนางแฉวิคเตอร์เลยนะ เหมือนเป็นการทำให้ความไม่ชัดเจนในตัววิคเตอร์ถูกคลี่คลายเพราะทวีตที่นางพิมพ์เลย อาจจะยังมีคนรู้ไม่มากเรื่องที่นางจะเล่นหนังกับวิคเตอร์ แต่ตอนนี้คิดว่าหลายสำนักคงตามสืบและอีกไม่เกินพรุ่งนี้หรอกก็จะรู้แล้วว่าพระเอกคนนั้นคือใคร

 

 

“เป็นอะไรเหรอ” ไวโอล่าถามพลางนั่งตบพุงแฮคเตอร์เบาๆ ส่วนผมก็จับสองแขนอวบๆ ของเฮคเตอร์ชูขึ้นไปมา

 

 

“มีข่าวเกี่ยวกับวิคเตอร์น่ะ”

 

 

“ข่าวไม่ดีเหรอ” ผมสั่นหัว สักพักเปลี่ยนเป็นพยักหน้าแบบงงๆ

 

 

“มันไม่ดีไม่ใช่เพราะเขานะ แต่เป็นคนอื่นโยนขี้ใส่เขางี้อะ…” ผมเล่าให้ไวโอล่าฟังเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงอ้อแอ้ของแฝดที่เหมือนอยากมีส่วนร่วมด้วย

 

 

“…วิคเตอร์น่าจะยังไม่รู้ข่าวนี้ หรือรู้แล้วแต่ไม่สนใจ แต่เซล่าไม่น่าพลาด ป่านนี้คงหาทางจัดการอยู่มั้ง” ยัยป้านั่นรวดเร็วมากเรื่องการปกป้องวิคเตอร์จากข้อครหาต่างๆ อย่างที่ผมคิดในหลายๆ ครั้งแหละว่า ถึงเซล่าจะจู้จี้และมีแอดติจูดที่ต่อต้านความรักของผมกับวิคเตอร์ แต่เรื่องการทำงานเธอยอดเยี่ยมจริงๆ

 

 

“เธอโกรธมั้ย” ผมย่นคิ้วนิดหน่อย ขยับตัวนั่งพิงโซฟาและจับเฮคเตอร์นอนเอนพิงตัวผมอย่างสบายๆ

 

 

“ก็ไม่พอใจนะ แต่ก็ไม่ได้แค้น หรือคิดจะไปตอบโต้ด้วย” ไวโอล่ายิ้ม ดวงตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกาย

 

 

“ฉันว่าชีวิตเธอมีความสุขดีแล้ว อย่าไปเอาอะไรที่ทำให้ชีวิตดีๆ เสียหายมาอยู่ในชีวิตเลย มันก็เป็นความคิดของคนหนึ่งคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้” ผมมองเตาผิงที่มีไฟลุกโชนและพยักหน้าอย่างล่องลอยแล้วหันไปมองเธอพร้อมกับพูดเสียงเบา

 

 

“เหมือนพ่อของเธอ” ไวโอล่ายิ้มขำและพยักหน้า

 

 

“และเราก็ไม่เคยเปลี่ยนความคิดเขาได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เช่นกัน ต่อให้เราพยายามพูดยังไง แต่ถ้าเขาเชื่อในความคิดนั้นไปแล้ว เราก็ดึงพวกเขาออกมายาก” ไวโอล่ายิ้มแหยหนึ่งที ผมยิ้มแหยแบบยิงฟันกว้างๆ หนึ่งแว้บ แล้วเราก็หัวเราะ

 

 

“แอ๊ / แอะ” สองแฝดส่งเสียงโต้กัน ผมก้มลงมองเฮคเตอร์ มิชลินเบอร์หนึ่งยิ้มน่ารัก ส่วนมิชลินเบอร์สองเหวี่ยงแขนดีดดิ้นราวกับดีใจ ผมก้มลงหอมแก้มยุ้ยๆ ของเฮคเตอร์ด้วยความมันเขี้ยว

 

 

เราเปิดการ์ตูนให้แฝดดู มินเนี่ยนเป็นตัวละครที่แฝดดูจะชอบมาก เปิดทีไรมองตาแป๋วทุกที แต่ก็ไม่เคยดูจนจบหรอกหลับก่อน ผมนี่นั่งดูจบแทนไปหลายรอบแล้ว ไวโอล่านอนหลับบนโซฟา ผมก็กำลังเคลิ้มๆ จะหลับแต่สักพักวิคเตอร์ก็วิดีโอคอลมาหา ไม่ใช่ว่าผมเล่นตัวไม่คอลหาเขาก่อนนะ แต่ผมกลัวไปรบกวนเวลาทำงานของเขา เราเลยตกลงกันว่าถ้าเขาว่าง แล้วอยากคุยด้วยก็ให้คอลมา

 

 

[ไปไหนกันหมด]

 

 

“สามแม่ลูกหลับอยู่ในห้องแฟมิลี่ ออสตินพาไมเคิลหาไปหาสาว” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นงงๆ หน้าตาเขาช้ำเลือดช้ำนองจากการแต่งหน้า

 

 

[ไมเคิลเหรอ] ผมพยักหน้าหงึกๆ

 

 

“ไมเคิลไปจีบสาว เขาเจอกันตอนออสตินพาไปในดาวน์ทาวน์” วิคเตอร์ทำหน้าว่าอ้อ ตอนนี้เขาอยู่ท่ามกลางโขดหินโขดดินสีแดง อะไรมันจะกลางดินกินกลางทรายขนาดนั้น ต้องขอบคุณคนที่พกพ็อคเก็ตวายฟายไปนะ

 

 

“วิคเตอร์เห็นข่าวรึยัง”

 

 

[ข่าวที่นางเอกคนนั้นทวีตด่าฉันน่ะเหรอ] ผมพยักหน้าแรงๆ ก็แสดงว่าเขารู้แล้ว แต่ไม่ได้สนใจหรืออาจจะใส่ใจ แต่ก็เป็นไปตามสไตล์วิคเตอร์

 

 

[ฉันไม่ชอบที่บอกว่าฉันไม่อินกับน้องสาวพวกเธอ ฉันอินนะ ไม่ฝืนใจด้วย] ผมเบ้ปากและมองจิกแรงไอ้ผัวตัวดี ไอ้ยักษ์ยิ้มทะเล้น

 

 

“คิดถึงเซบาสเตียนจัง เฮ้อออ” วิคเตอร์หุบยิ้ม หน้าเปลี่ยนเป็นหน้าเหี้ยม ผมยิ้มกรุ้มกริ่มและแกล้งทำลอยหน้าลอยตาให้เขาหมั่นไส้เล่นๆ

 

 

[เดี๋ยวฉันจะโทรบอกออสตินให้ล่ามนายไว้กับเตียงจนกว่าฉันจะกลับ] ผมแลบลิ้น วิคเตอร์ตาโตมองผมเป็นเชิงปราม อีเรื่องนิสัยดุร้าย และหึงแม้กระทั่งพูดเล่นนี่ไม่เคยหายไป แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ลึกๆ ผมก็ชอบโดนเขาหวงแหละ ฮิๆ

 

 

“แล้วเจ๊เซล่าว่ายังไงล่ะ”

 

 

[บอกแค่ให้อยู่นิ่งๆ และควรรับเล่นหนังเรื่องนั้น]

 

 

“ผมยังไม่ได้อ่านบทเลย”

 

 

[เซล่าบอกว่าส่งให้นายแล้ว และฝากมาบอกว่าควรเคาะให้เล่น] ผมอ้าปากหวอหน้าตาตะลึงเล็กๆ

 

 

“แหม พูดขนาดนี้ก็รับเล่นเถอะ”

 

 

[ไปอ่านก่อน เดี๋ยวมาอ่านทีหลังแล้วไม่ถูกใจตัวเองก็คิดมากอีก] ผมบุ้ยปากไปมา หน้าตางอง้ำเล็กๆ แต่ไม่ได้งอนอะไร ทำไปงั้นอยากให้ผัวง้อ

 

 

“แล้วจะเล่นกับนางเอกคนนี้จริงเหรอ”

 

 

[ไม่รู้ ถ้าเล่นด้วยกันก็ดี จะได้รู้ว่าตอนเจอหน้าฉันจะว่ายังไงบ้าง ถ้าไม่ชอบฉัน ฉันจะอยู่ไม่ให้ชอบต่อไป] อะ กวนเท้าที่แท้ทรู แต่ก็ชวนขำนะ คือเรื่องทำมึน ทำเฉยกับคนไม่ชอบตัวเอง วิคเตอร์ทำมานานมากจนเป็นเรื่องชิลและเรื่องถนัดไปแล้ว เขาไม่ได้ฝืนใจอะไรเลย คนไหนไม่ชอบเขา คนนั้นอะจะแย่เอง เพราะวิคเตอร์ไม่โต้ตอบ ไม่ชอบกลับ แต่ทำเฉย ทำนิ่ง ไม่สุงสิงด้วยจนคนที่ไม่ชอบเขาดิ้นเร่าๆ เผาใจตัวเอง

 

 

“ยักษ์เลวมาก”

 

 

[เลวแล้วรักมั้ย] ผมพยักหน้าและคลี่ยิ้มกว้าง ไอ้ยักษ์ขำเบาๆ ผมส่งจุ๊บให้เขาหนึ่งที อยู่แบบวิคเตอร์ก็สบายใจดีนะ ไม่คิด ไม่เดือด ไม่ร้อนอะไร ไม่ใส่ใจความคิดคนอื่น ใครอยากคิดกับตัวเองยังไงก็แล้วแต่ เขาไม่เคยไปบังคับความคิดคนพวกนั้น เขาเป็นพวกสายชิล มีไม่ชิลครั้งนึงก็ตอนที่จะฟ้องร้องพวกนักเลงคีย์บอร์ดในไทยที่มาด่าผมตอนที่มีกระแสข่าวเรื่องเขากับผมแรกๆ แบบแรงๆ แต่อันนั้นเป็นเพราะเขาไม่เคยเจอเกรียนคีย์บอร์ดแห่งไทยแลนด์มากกว่า เขาเลยอาจไม่ชิน ไม่คุ้นเคยกับการที่มีคนมาขุดคุ้ยเรื่องผมและขุดรูปผมมาคอมเม้น

 

 

“ผมไม่ได้เกลียดเธอนะ แต่ถ้าได้ร่วมงานกันจริงฝากหักนิ้วเธอข้างนึงสิ” ผมพูดเล่น แต่วิคเตอร์จะคิดจริงจังมั้ย ไม่ใช่ไปหักนิ้วยัยคนนั้นขึ้นมานะ

 

 

[ต่อให้ตัดนิ้วพวกนั้นทิ้งไม่ให้มันพิมพ์ได้ มันก็มีปากในการสั่งพิมพ์ เดี๋ยวนี้แม่งมีเทคโนโลยีล้ำไปขนาดนั้นแล้ว มันไม่เกี่ยวกับนิ้วหรือกับปาก มันอยู่ที่การหล่อหลอมจิตใจของคนๆ นั้นว่าผ่านความเลวร้ายอะไรมาบ้าง] โอเค ไม่คิดทำจริง และเหมือนจะพูดธรรมดาๆ แต่ก็เป็นการด่าได้ในขณะเดียวกัน

 

 

ถึงจะตัดหัวไป แต่ความเชื่อในแบบของแต่ละคนก็จะยังคงอยู่อยู่ดีแหละนะ

 

 

 



จากการทวีตของนักแสดงหญิงคนนั้น มันกลายเป็นข่าวคึกโครมในวงการการแสดงของฝั่งฮอลลีวูดกับอังกฤษและเกือบจะทั่วโลก ทุกคนที่ตามข่าวนี้ก็ได้รู้ว่าพระเอกคนนั้นที่เธอหมายถึงคือวิคเตอร์ เธอถูกปลดออกจากภาพยนตร์เรื่องนั้นเพราะผู้กำกับหญิงและควบตำแหน่งผู้สร้างเป็นเกย์เช่นกัน วิคเตอร์ไม่ได้ออกมาตอบโต้ เพราะแค่เพียงคำพูดของผู้กำกับที่บอกว่า

 

 

‘ฉันคิดว่าเราควรหานักแสดงใหม่ในทันทีเมื่อเธอบอกว่าไม่อินแทนพระเอก เพราะฉันรู้สึกว่าแค่นี้ก็ไม่มีเคมีระหว่างเขาทั้งสองคนแล้ว เราควรให้โอกาสเธอในการไปอินกับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของฉัน’

 

 

ก็เป็นการตอกหน้าเธอกลับแรงพอสมควร แถมยังมีเพื่อนนักแสดงของวิคเตอร์หรือคนที่เคยร่วมงานกับเขาออกมาช่วยพูดปกป้องเขาอีกมากมาย วิคเตอร์ก็ชิลไป แถมยังได้โฆษณาแบรนด์เสื้อผ้าตัวใหม่อีกด้วย และมีอีกหลายงานที่ติดต่อเขามา ตบหน้ายัยนางเอกคนนั้นปั๊วๆ นางอาจจะไม่แคร์และมีงานอื่นให้ทำอีก แต่ก็หลายงานแหละที่ไม่คิดจ้างนาง มันไม่ใช่การเปิดตัวเขาก็จริง และเขาก็ยังไม่ได้มีการเปิดตัวใดๆ แต่การที่วิคเตอร์ถูกเหยียดด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนี้ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่อีกหลายๆ คนจะยอมรับได้ อย่างน้อยเขาก็มีเครดิตการันตีว่าเป็นขวัญใจของคนทั่วโลกจากบทบาทภาพยนตร์ไซไฟที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาไปแล้ว

 

 

ผมก็อยากจะคิดให้มากแบบที่เคยเป็น แต่ผมก็จะต้องคิดมากแบบนี้อีกหลายหนเพราะหลายคนแน่นอน เพราะความคิดแนวเหยียดเพศแบบนี้ มันไม่ได้ฝังอยู่แค่ในตัวคุณลุค ฌอณ (คนเก่า) หรือผู้หญิงคนนั้น มันยังมีอีกหลายล้านคนที่คิดกับความรักของเพศอย่างผมในทางที่ไม่ดี

 

 

ตราบใดที่ยังใช้ชีวิตด้วยกันอยู่บนโลกใบนี้ ผมก็ยังต้องเจอกับความคิดพวกนี้ไปเรื่อยๆ เพราะทุกคนมองโลกในมุมมองตัวเอง เป็นเราเองที่ต้องเปลี่ยนความคิดเพื่อให้เราอยู่อย่างมีความสุข

 

 

ตีมึนแบบวิคเตอร์ก็น่าจะเข้าท่ามากกว่านะ

 

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               เรื่องพัฒนาการของแฝดนี่เป็นอะไรที่ตอมกังวลใจมากว่าเขียนถูช่วงเดือนหรือยัง ถามเพื่อนที่มีลูกก็ ต่างคนต่างสไตล์การเลี้ยง และต่างพัฒนาการกันไป ไหนจะตำราตามหนังสือและอินเตอร์เน็ต ตอมเลยเขียนให้แฝดมีพัฒนาการคืบหน้าไปในแบบที่เปอร์เซ็นต์สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปขัดกับความเป็นจริงของเด็กวัยนี้บ้านไหนบ้างรึเปล่า แต่เพื่อนตอมคนนึง ตอนที่ตอมเขียนตอนนี้ ลูกนางอายุเท่าแฝดเลยค่ะ นางก็บอกว่าพัฒนาการนี้เด็กก็มีได้ แต่ละคนมีไม่เท่ากันหรอก ตอมเลย เออ เอางี้แหละ แฝดมันเด็กฉลาด ต้องมาฟาดกับลุงยักษ์ จะพัฒนาช้าไม่ได้ 555555

               ตอนนี้เป็นต้นไป จะอัปแบบเต็ม 100% ทุกตอนไปยันจบแล้วค่ะ ยังไงอ่านแล้วก็คอมเม้นเป็นฟีดแบ็คให้กำลังใจกันหน่อยแล้วกันเนอะ

               ใครที่พรีฯ หนังสือไว้ ดูการอัปเดตได้ที่เพจตลอดๆ เลยนะคะ ตอนนี้หนังสืออยู่ในกระบวนการการพิมพ์นะคะ ใกล้จิเสร็จแล้ว เพิ่งอัปเดตที่เพจไปเด้อ

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-05-2018 21:45:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 02-05-2018 22:46:10
ใช้ชีวิตแบบ victor ก็ดีเหมือนกันนะ ไม่สน ไม่แคร์แล้วแต่มันจะเป็นยังไงปล่อยใหเรื่องของมันผ่านไป อยู่นิ่งๆก็พอไม่ต้องไปดิ้นเร่าๆให้เสียพลังงาน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-05-2018 00:32:39
คิดแบบเตอร์ได้ก็ดีนะ ใครเกลียดก็ไม่ต้องสนใจ หรือเกลียดนักใช่ไหม งั้นฉันจะอยู่ใกล้ๆ ให้ดิ้นตายไปเลย 55555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-05-2018 01:54:39
เตอร์ ฉลาดมาก ๆ เลย อยู่เฉย ๆ ดีแล้ว เด๋วเรื่องก็จบไปเอง  o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkping ที่ 03-05-2018 05:52:03
กำลังไปได้สวย อยากเห็นวิคเตอร์​กับมาหาแมทแล้วสิ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 03-05-2018 07:36:53
 :laugh: :laugh: สะใจยัยนางเอกดาวร่วงจริงๆ ใช้ชีวิตโนสนโนแคร์แบบอิยักษ์ก็ดีนะแมท

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-05-2018 10:46:30
คิดแบบเตอร์ได้ก็ดีนะ ใครเกลียดก็ไม่ต้องสนใจ หรือเกลียดนักใช่ไหม งั้นฉันจะอยู่ใกล้ๆ ให้ดิ้นตายไปเลย 55555555

เตอร์ ตีมึนดี เก่งมากกกกกกกกก
 :angry2:   แต่ก็เหมือนนางพูดท้าทายเตอร์แฝงอยู่นะ คือแอบสนเตอร์น่ะสิ 
ชอบแฝด   :mew1: :mew1: :mew1:
ยัหษ์  แมท    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 03-05-2018 12:02:47
อิวิคกับนุ้งแมทสตรองกันจริงๆ สู้ๆ ต่อไป เอาใจช่วยทั้งแมททั้งอิวิคนะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.ร27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-05-2018 22:43:53
รุ้สึกถึงความอบอุ่นในครอบครัวเลย จากนี้ไปจะมีความวุ่นวายของแฝดเพิ่มมาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 04-05-2018 14:41:01
นี่รอความแสบของแฝดมาสู้กับลุงยักษ์ อยากจะให้ถึงวันที่ลุงเหวอ  :katai2-1:  :katai2-1: และก็แอบสมน้ำหน้ายัยนางเอกสมองบวม น่าจะโดนแบนในวงการไปเลย  :beat:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.27 100% :02.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-05-2018 20:35:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-05-2018 21:09:31

Yours and Mine EP.28 :: Cockcolate. (ค็อกโกแล็ต) [100%]



กลางดึกคืนหนึ่งผมตื่นขึ้นมาดูว่าแฝดอึหรือฉี่โดยที่ยังหลับอยู่หรือเปล่า กลัวเขาจะไม่สบายตัว แต่สองมิชลินนอนหลับปุ๋ยแก้มยุ้ยอย่างสบายใจ ไม่มีอึหรือฉี่ออกมาเลอะเทอะ ผมลุกออกจากคอกกันกระแทกอย่างระมัดระวังเพื่อไปเข้าห้องน้ำ พอฉี่เสร็จผมก็เดินกลับมาจะเข้าคอก แต่ได้ยินเสียงกุกกักๆ ด้านนอกห้องเลยเดินไปเปิดประตูแบบที่ไม่คิดระวังระแวงใดๆ ผมเจอไมเคิลกำลังเดินดมพื้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันไปหยุดตรงหน้าต่างบานหนึ่งฝั่งสนามหญ้า เจ้าโกลเด้นท์กระโดดขึ้นเกาะขอบหน้าต่างไม้ก่อนจะเห่าเสียงดัง

 

 

“โฮ่ง! โฮ่งๆๆๆ” ผมย่นคิ้วแล้วเดินไปหามัน อาศัยแสงจันทร์บนท้องฟ้าที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างในการมองฝ่าความมืด ผมไปยืนตรงที่ไมเคิลมันเห่า มองออกไปนอกสนามหญ้าของบ้านและเห็นสนามเทนนิสที่เปิดไฟในสนามไว้หนึ่งดวงเล็กๆ ผมก้มลงมองไมเคิลด้วยความงง แต่พอเงยหน้ามองขึ้นอีกครั้งผมก็ต้องเบิกตากว้างเพราะเห็นคนวิ่งตัดสนามหญ้าผ่านไปทางรั้วหน้าบ้าน ผมรีบทรุดตัวลงนั่งด้วยอาการใจเต้นตุ้มต่อม

 

 

“ชู่วๆ ไมเคิล มานี่” ผมพยายามดึงไมเคิลลงมา แต่มันก็ดิ้นขลุกขลักๆ พยายามจะตะกุยตะกายขึ้นไปเกาะหน้าต่างเหมือนเดิม

 

 

แปะ

 

 

เฮือก!

 

 

ผมสะดุ้งตกใจและใจก็หล่นว้าบตอนที่ไหล่โดนแตะเบาๆ พอหันไปมองก็เจอออสตินกำลังโน้มตัวลงมาพร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าบอกให้เงียบ ผมพ่นลมหายใจด้วยความโล่งใจที่เป็นเขา พยายามดึงไมเคิลให้ลงมานอนบนตักด้วยกันจนได้

 

 

 “โจรเหรอ” ผมกระซิบถามออสตินในความเงียบ ออสตินนิ่งไม่ตอบ เขายืนแนบตัวกับกำแพงและเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่างฝั่งรั้วหน้าบ้านอยู่พักใหญ่ หัวใจผมเต้นตุบๆ อยู่ในความมืด นึกเป็นห่วงแฝดขึ้นมา เมื่อกี้ไม่ได้ล็อคห้องนอนก่อนออกมาด้วย

 

 

“ผมจะออกไปเดินดูรอบบ้าน คุณแมทกลับเข้าไปอยู่ในห้อง ล็อคห้องให้เรียบร้อยนะครับ” ผมพยักหน้ารัวๆ ดึงให้ไมเคิลลุกออกจากตัก มันลุกเดินตามออสตินไป ผมลุกขึ้นเดินกลับไปทางห้องนอน พอเข้าไปในห้อง ผมก็เดินไปดูแฝดที่ยังคงหลับปุ๋ย แล้วก็ตรวจเช็กทุกซอกทุกมุมของห้องแม้กระทั้งเพดานก็มอง พอแน่ใจว่าปลอดภัยก็หยิบกุญแจห้องติดมือมา จัดการล็อคห้องและปิดประตูอย่างเบามือ ผมเดินไปตรงฝั่งห้องนอนของไวโอล่า ตอนที่กำลังจะเคาะประตูห้อง ผมก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น

 

 

“ไวโอ…!” ผมยกมือปิดปากอย่างเร็วด้วยความตกใจ เพราะนึกขึ้นได้ว่าถ้าเกิดไอ้โจรเมื่อกี้ที่ผมเห็นกำลังอยู่ในห้องเธอล่ะ ถ้ามันได้ยินเสียงผมแล้วทำร้ายไวโอล่า มันจะยิ่งแย่ ผมรู้สึกจะเสียสติอยู่ตรงหน้าประตู สมองสั่งให้ก้าวเท้าเดินออกไปจากหน้าห้องนอนของเธออย่างเร็ว เดินสับๆ ยิ่งกว่านางแบบรันเวย์ไปหยิบมีดปลายแหลมในครัวติดมือมาและกลับไปที่หน้าห้องเธอด้วยความเร็วพอๆ กับแสง ผมถอยหลังติดกำแพง เตรียมตัวและเตรียมใจในการถีบประตูไม้เต็มตีน แม้จะไม่แน่ใจว่าแรงของตัวเองจะสามารถพังเข้าไปได้รึไม่ เพราะประตูบ้านนี้แข็งแรงทุกบานจริงๆ

 

 

ปัง!

 

 

แล้วก็ต้องเฟลเมื่อประตูไม่กระดิกเลย แค่ส่งเสียงตึงและสะเทือนเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่สะเทือนแรงจนเจ็บคืนตีนผมนี่แหละ ผมหน้าแหยและกระโดดขาซ้ายขาเดียวเร่าๆ ด้วยความเจ็บเท้าข้างขวา ทำแบบนี้ไอ้โจรรู้ตัวแล้วละ กลายเป็นว่าผมทำไวโอล่าซวยหนักกว่าเดิมอีก จะให้รอออสตินก็ไม่ไหวอีก เขาก็กำลังสำรวจรอบบ้านอยู่

 

 

แกรก~

 

 

“แมท ทำอะไรน่ะ…” ผมเงยหน้าแหยของตัวเองขึ้นมองไวโอล่าที่ออกมายืนมองผมงงๆ สายตาเธอเลื่อนไปมองมีดในมือผมแล้วก็เบิกตากว้างตกใจ

 

 

“…เอามีดมาทำไม” ผมลดมีลดลงข้างตัว

 

 

“มีใครอยู่ในห้องเธอรึเปล่า” ไวโอล่าทำหน้างง แล้วหันกลับไปมองในห้องนอนตัวเองสักแปบก่อนจะหันกลับมาสั่นหัวกับผมแบบไม่เข้าใจ

 

 

“ไม่มี จะมีใครได้ยังไง เธอทำให้ฉันกลัวนะเนี่ย”

 

 

“ขอโทษที พอดี เอ่อ…” ผมคิดว่าถ้าเธอกลัวอยู่ก็ยังไม่น่าจะพูดว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งเห็นคนแวะมาวิ่งเล่นในสนามหญ้าของบ้านเรา พอคิดได้แบบนี้ก็รู้สึกว่าเราใจดีไปสินะที่ไม่ติดลวดหนามตามรั้วของบ้าน 

 

 

“…เมื่อกี้ฉันได้ยินเธอร้องไห้” ไวโอล่าชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะตีหน้าเรียบเฉย

 

 

“ฉัน ฉัน… แค่ฝันร้ายน่ะ” ผมย่นคิ้ว รู้สึงสงสัย (เสือก) ว่าฝันร้ายอะไรทำไมถึงกับร้องไห้ หรือเธอจะเหงาอยากนอนกับลูกรึเปล่า

 

 

“อยากเอาแฝดมานอนด้วยมั้ย เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น” เธอสั่นหัวรัวๆ

 

 

“ไม่ ไม่ ให้แฝดนอนกับเธอแหละ ฉัน… ฉันกลัวเหนื่อยน่ะ” ผมรู้สึกงงๆ กับท่าทีกระอักกระอ่วนของเธอ แต่พอเห็นว่าเธอมีท่าทีไม่ผ่อนคลายเท่าไหร่ ผมเลยไม่อยากเซ้าซี้หรือจี้ถามต่อ

 

 

“สรุปเธอโอเคนะ” ไวโอล่ายิ้มและพยักหน้ารัวๆ

 

 

“เธอไปนอนเถอะ เดี๋ยวแฝดไม่เห็นแม่ทูลหัวจะร้องไห้” ผมยิ้มบางแล้วพยักหน้าหนึ่งที ก่อนจะเดินออกมาจากหน้าห้องนอนของไวโอล่า ได้ยินเสียงปิดประตูตามหลัง ผมเดินเอามีดไปเก็บในครัวใหญ่ ตอนที่เดินออกมากำลังจะกลับห้องนอน ผมก็เจอกับออสตินที่เดินกลับเข้ามาพร้อมไมเคิลพอดี

 

 

“อ้าว คุณแมท ออกมาทำไม”

 

 

“ผมแวะไปดูไวโอล่ามาน่ะ เป็นไงมั่ง” แล้วเราก็ไม่เปิดไฟคุยกันเนอะ ดีนะวันนี้พระจันทร์ส่องแสงสว่างมากพอ

 

 

“มันคงหนีไปไกลแล้วละครับ”

 

 

“แล้วเราจะรู้ได้รึเปล่าว่ามันเป็นใคร”

 

 

“ผมจะลองสืบจากกล้องวงจรปิดตามถนนของหมู่บ้านดูก่อน เพราะบ้านเรายังไม่ได้ติดกล้องวงจร อาจจะได้หรืออาจจะไม่ ผมก็ยังตอบไม่ได้” ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ว่ากันตามตรงเราก็เป็นสมาชิกใหม่ของหมู่บ้านนี้ เราไม่รู้เลยว่าอะไรที่เราต้องการมันจะตามหายากหรือง่าย

 

 

“ตอนเช้าค่อยดูอีกทีว่ามีอะไรหายหรือเสียหายมั้ย”

 

 

“เท่าที่ผมเช็กรอบบ้านเมื่อกี้ มีแค่กระถางต้นไม้ใกล้ห้องนอนไวโอล่าแตกไปสองอัน” ผมตาโตด้วยความตกใจ

 

 

“มันจงใจเข้าหาไวโอล่าเหรอ”

 

 

“อาจเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ผมคิดว่ามันวนหาเป้าหมายมันมากกว่า ซึ่งเราไม่รู้ว่าเป้าหมายของมันคือมาทำอะไร” ผมหน้าเสีย รู้สึกใจไม่ดีเลย

 

 

“น่ากลัวอ้ะ ต้องอยู่แบบระแวงงี้เหรอ”

 

 

“ผมขอคุยกับคนแถวนี้ก่อนว่ามีประวัติเรื่องโจรรึเปล่า เราอาจจะได้อะไรมากขึ้น” ผมพยักหน้าน้อยๆ รู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องอยู่แบบที่รู้ทั้งรู้ว่ามีคนพยายามจะทำร้ายบ้านเรา แต่ไม่รู้ว่าไอ้คนที่จะทำร้ายนั้นคือใคร เหมือนเราอยู่ในที่สว่างแล้วมันก็อยู่ในที่มืด ไม่ยุติธรรมเลยอะ อยากเอาสปอร์ตไลท์ส่องตามันให้บอดไปเลยจริงๆ

 

 

“เดี๋ยวผมบอกเรื่องนี้กับวิคเตอร์เองแล้วกันนะ” ออสตินพยักหน้านิ่ง คนนี้ก็นิ่งทุกสถานการณ์จริงๆ แล้วก็กล๊ากล้านะ ออกไปเดินสำรวจข้างนอกคนเดียวกับหมาหนึ่งตัว เกิดมันพาพวกมาด้วยก็สนุกเลยทีนี้

 

 

“ไปนอนเถอะครับ” ผมพยักหน้าแบบนอยด์ๆ แล้วเดินกลับไปทางห้องนอนตัวเองด้วยความรู้สึกทั้งกลัว ทั้งระแวงและแปลกประหลาด

 

 

คือเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็คิดจะมีคนมาบุกรุกมาปล้นแล้วเรอะ ทำไมเล็งบ้านนี้อะ หรือเพราะรู้ว่าบ้านนี้เป็นบ้านใครงี้เหรอ เลยคิดว่าถ้าปล้นบ้านนี้น่าจะได้อะไรมากกว่าบ้านอื่น ผมกำลังพยายามไม่คิดไปถึงสิ่งที่เรามองไม่เห็น มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น เพราะบ้านหลังนี้ซื้อมาแพงนะโว้ย จะมาหลอกหลอนเพื่อไล่ออกไปเหรอ แต่พูดถึงตามความเป็นจริงมันก็เป็นคนนี่แหละ เพราะนอนหลับสบาย ไร้สิ่งลี้ลับใดๆ มากวนตัวกวนใจสองเดือนแล้ว

 

 

แต่ถ้าถามว่าคนน่ากลัวกว่าผีมั้ย สำหรับผมบอกเลยว่าไม่ น่ากลัวพอกัน สุภาษิตที่ว่าคนน่ากลัวกว่าผีผมไม่ค่อยอิน เพราะผมกลัวหมด ทั้งผี ทั้งคนเลว

 

 

 



Christmas time

 

“แออออ!”

           

 

“อ๊า แอะๆๆ” เสียงแฝดหัวเราะสนุกสนานกับการที่คุณอาออสตินผู้แข็งแรงอุ้มด้วยแขนทั้งสองข้างและพาบินรอบแฟมิลี่รูม และมีไมเคิลคอยเห่าเป็นอังกอร์อีกทีในขณะที่ผม ไวโอล่าและไดอาน่าแฟนออสตินกำลังช่วยกันจัดต้นคริสต์มาส (ตัดมาจากข้างบ้าน) ตรงมุมห้องใกล้กับเตาผิงเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน

           

 

“วิคเตอร์กลับวันไหนเหรอ” ไดอาน่าถามพลางแขวนแท่งน้ำแข็งเอลซ่าบนกิ่งต้นคริสต์มาส ผมมองฟอกซ์ที่กำลังนั่งมองเปลวไฟในเตาผิงราวกับมันเป็นอาหารและพร้อมจะพุ่งเข้าไปกินตลอดเวลา

           

 

“เขาบอกว่าวันที่ 21 ครับ” ผมหยิบผ้าพันคอสีขาวแดงมาพันคอให้กับกวางเรนเดียร์ที่ทำจากท่อนไม้แล้วน้ำมาประกอบกัน ซึ่งผมนั่งประกอบอยู่ครึ่งชั่วโมงได้ แต่ออสตินก็ทำลายความพยายามของผมด้วยการบอกว่าหลังจากหมดเทศกาล  มันก็จะไปอยู่ในเตาผิง

           

 

“เธอสองคนไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วนะ สองเดือนรึเปล่า” ผมคลี่ยิ้มแล้วสั่นหัวเบาๆ

           

 

“ยังไม่ถึงหรอกครับ หนึ่งเดือนกับอีกสองอาทิตย์” ไดอาน่าอ้าปากร้องอ๋า หน้าตาเธอดูแปลกใจและสนอกสนใจในคราวเดียวกัน

           

 

“คิดถึงกันแย่เลย”

           

 

“ก็มีบ้างครับ แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เราห่างกันแบบนี้” ผมว่าการห่างกันมันเป็นเรื่องที่ดีอย่างนึงสำหรับคู่เรา เพราะบางทีเราสองคนตัวติดกันเกินไป ผมกลัวจะเกิดความเคยชิน จนมองมองข้ามอะไรหลายๆ อย่างและเกิดความหน่ายต่อกัน จริงๆ มันก็แล้วแต่คนแล้วแต่คู่แหละ อย่างผมกับวิคเตอร์พอได้กลับมาเจอกันหลังจากห่างกันไป มันก็ทำให้ใจเต้นดีนะถึงแม้ว่าเราจะวิดีโอคุยกันตลอดๆ ก็ตาม ให้อารมณ์เหมือนเราได้เจอตัวจริงของดาราหลังจากมองผ่านจอมาตลอดงี้อะ

           

 

“ฉันดีใจนะที่พวกเธอย้ายมาอยู่ที่นี่” ไดอาน่ายิ้มและเหลือบมองไปทางออสตินที่กำลังนั่งหยอกล้อกับแฝดอยู่บนโซฟาหลังจากพาบินมาหลายนาทีแล้ว

           

 

ผมยิ้มและพยักหน้า ไวโอล่าอมยิ้ม ผมพอจะเข้าใจไดอาน่า ช่วงที่ออสตินต้องอยู่นิวยอร์กกับแอลเอ นั่นเท่ากับว่าทั้งสองคนต้องห่างกัน แล้วออสตินเป็นพวกเงียบ ไม่ค่อยพูดหรือแสดงความรู้สึก มันก็คงยิ่งทำให้ไดอาน่ารู้สึกคิดถึงเขามากกว่าเดิม ใช่แต่ผมนะที่ต้องทำเรื่องย้ายมาอยู่นี่ ออสตินเองก็ต้องทำเช่นกัน แต่ยังไม่ยุ่งยากเท่าผมหรอก ก็มาในฐานะลูกจ้างของวิคเตอร์ แต่ถ้าเขาจะแต่งงานกับไดอาน่าจริงๆ ก็คงต้องมีการทำเรื่องย้ายถิ่นฐานมาที่นี่

           

 

ติ๊งหน่อง~

           

 

“ไม่เป็นไรออสติน อยู่กับแฝดไปเถอะ” บอดี้การ์ดหัวเกรียนพยักหน้า นั่งอุ้มแฝดไว้บนตักตามเดิม ผมลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง กระชับเสื้อกันหนาวสีแดงเลือดหมูตัวหนาของพ่อที่ขโมยมาจากเมืองไทย มันใส่ดีจริงๆ นะ ผมคิดว่าพ่อไม่น่าจะมีโอกาสได้ใส่บ่อยเท่าผมเลยหยิบติดมือมา ซึ่งพ่อเพิ่งรู้ว่าเสื้อหายไปเมื่อไม่กี่วันนี่เอง

 

 

ผมเดินผ่านเค้าน์เตอร์บาร์กับโถงนั่งเล่นนอนเล่นกลางบ้านออกไปทางด้านหน้า พยายามมองผ่านกระจกตรงบานประตูว่าใครมา แต่ก็โดนพวงมาลัยวันคริสต์มาสอันใหญ่บังไว้เลยมองไม่ถนัด แต่เห็นแล้วละว่ามีคนยืนอยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปรายอ่อนๆ

           

 

“Hi…” ผมดึงประตูสีน้ำตาลแก่เข้ามาในบ้าน ลมหนาวที่พัดเข้ามาเล่นเอาสั่นสะท้าน ผู้ชายตัวสูงใหญ่ในโค้ทสีดำหันมาพร้อมกับเปิดฮู้ดออกจากหัว ผมอ้าปากค้าง หน้าตาสับสนปนงง

           

 

“…อ้าว”

           

 

จุ๊บ~ จุ๊บ~

           

 

ผมกะพริบตางงๆ หลังจากโดนจูบที่ปากและหน้าผากไปอย่างละที วิคเตอร์ยกกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายข้างและลากกระเป๋าเดินทางสีดำใบขนาดกลางเข้ามาด้านในพร้อมกับปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย ผมมองเขาตั้งแต่หัวจรดตัว ผมเขายาวเท่าเดิม หนวดเคราเฟิ้มน้อยลงคงเพราะต้องตัดแต่งให้เข้ากับไทม์ไลน์ของหนัง เกล็ดหิมะติดตามเสื้อสีดำของเขาไปทั้งตัว วิคเตอร์คลี่ยิ้มขำตอนที่หันมาหาผม

           

 

“What?”

           

 

“Hey, handsome. (ไง พ่อรูปหล่อ)” ผมพูดด้วยความรู้สึกล่องลอยหน่อยๆ แต่ก็คลี่ยิ้มดีใจที่ได้เจอเขา วิคเตอร์ยิ้มกว้างจนร่องแก้มขึ้นและเดินเข้ามาหอมแก้มผมข้างละที ผมมองใบหน้าหล่อคมเข้มที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเข้มจริงๆ ผิวเขาเข้มขึ้นเยอะมาก จากผิวผงโกโก้ผสมนมจืดของเขากลายเป็นโกโก้ครั้นชระเบิดบุ้งในทุ่งขาวสาลี

           

 

“Hey, Mattle. (ไง แมทน้อย)” ผมยิ้มกับเสียงทุ้มนุ่มหูนั้น ถึงจะได้ยินแทบทุกวันในช่วงห่างกันผ่านวิดีโอ แต่การได้ยินต่อหน้าตัวเองมันรู้สึกอิ่มใจมากกว่า

           

 

“ต้องกลับอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอ” วิคเตอร์ยิ้มพลางเสยผมขึ้น

 

 

อื้อออ ช็อตเสยผมคือดีย์ย์ย์

           

 

“ฉันหนีกลับมาก่อน” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

           

 

“จริงรึเปล่าเนี่ย?!” วิคเตอร์ยิ้มขำ

           

 

“ถ้าจริง นายจะโทรไปฟ้องที่กองถ่ายหรือเซล่ารึเปล่า” ผมกะพริบตาหน้านิ่งสักแปบก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างและเดินเข้าไปกอดเขา

           

 

“ไม่!” วิคเตอร์ยกสองแขนกอดตอบแล้วก้มลงหอมกลางกระหม่อมผมหนึ่งที ผมแหงนหน้าขึ้นแล้วยื่นหน้าไปจุ๊บใต้คางเขาหนึ่งจุ๊บ

           

 

“ดูในกล้องก็ไม่เท่าไหร่ ทำไมตัวจริงตั้งตัวเป็นหัวหน้าทีมไอ้ลูกหมูสองตัวนั่นล่ะ” ผมย่นจูกและทำหน้างอ วิคเตอร์ยิ้มขำ ผมไม่ได้เสียเซลฟ์ที่เขาทักว่าผมอ้วนขึ้นหรอก เพราะผมยอมรับความจริงกับตัวเองตั้งแต่ส่องกระจกแล้ว แต่มันก็แค่อวบเหอะ!

           

 

“แหม วันๆ ผมก็เลี้ยงแต่แฝด พอแฝดหลับก็กิน ถ้าผมทำงานก็คง…”

           

 

“…ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อยากกินก็กินไปสิ” ผมยิ้มเบ้ปากอย่างมีชัย ไม่ได้จะเอามาข่มมาขู่เขาหรอกเรื่องนี้ ก็หาเรื่องพูดไปงั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะปล่อยตัวให้อ้วนไปมากกว่านี้เพียงเพราะเขาบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ต้องดูแลตัวเอง ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องดูแลตัวเองให้สวย แต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อยให้ตัวเองอ้วนเป็นถังแก๊ซ

           

 

“แต่ต้องไม่กินจนแน่นไปนะ เดี๋ยวยักษ์น้อยมุดบ้านไม่ได้เพราะหน้าบ้านเนื้อเบียด” ผมหัวเราะกับมุกตลกของเขาด้วยความอารมณ์ดี วิคเตอร์ยิ้มขำ เรากอดกันอีกพักก่อนที่ผมจะผละออกจากตัวเขาและช่วยเขาหอบกระเป๋าเป้ไปวางตรงห้องโถงของบ้านทั้งที่ยังหัวเราะเบาๆ กับมุกตลกของเขาอยู่

           

 

“แล้วมายังไงอะ”

           

 

“อูเบอร์ ให้สเตจัดการจองไว้ให้”

           

 

“ออสตินต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ” พ่อบอดี้การ์ดเขาจะรู้สึกว่าตัวเองทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ ถึงแม้วิคเตอร์จะชิลและบอกไม่เป็นไร แต่ผมเข้าใจออสตินมาก เพราะตอนที่ผมทำงาน ถ้าอะไรที่มันคือหน้าที่เราแต่เจ้านายทำเสร็จไปแล้วด้วยตัวเอง มันจะรู้สึกว่าเราขาดๆ อย่างบอกไม่ถูก

           

 

“อยู่ไหนกันหมดล่ะ”

           

 

“แฟมิลี่รูม จัดต้นคริสต์มาสกันอยู่”

           

 

“ไม่มาทำที่ห้องโถงบ้างเหรอ”

           

 

“มาสิ แต่ทำที่ห้องนั้นเสร็จก่อนไง” ตั้งใจไว้ว่าจะตั้งต้นคริสต์มาสไว้สี่จุดของบ้าน คือห้องแฟมิลี่ ห้องโถงกลางบ้าน ตั้งไว้ตรงกลางทางเดินเลย ห้องโถงรับแขกด้านหน้าบ้านที่เชื่อมกับระเบียงด้านนอก แล้วก็ห้องอ่านหนังสือ เป็นการกระจายสีสันให้ทั่วบ้าน เหมือนกระจายความเจริญ

           

 

“เฮ้ ใครมาแน่ะ” ผมโผล่หน้าเข้าไปในแฟมิลี่รูม ทุกคนหันมามองผมยกเว้นสองแฝดที่นอนดูมินเนี่ยน (อีกแล้ว) อยู่บนฟูกนอนที่ประจำ

           

 

“คุณเรย์มอนด์ ทำไมไม่โทรบอกผมล่ะครับ” นั่นไง ออสตินยืนตัวตรงแหน่วและมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างที่คิดจริงด้วย

           

 

“อย่าซีเรียสน่า ฉันตั้งใจมาแบบนี้อยู่แล้ว” ออสตินจะพยักหน้าก็พยักไม่เต็ม วิคเตอร์เลยเดินเข้าไปตบบ่าเขาเบาๆ ก่อนที่จะหันไปโบกมือทักทายให้กับไดอาน่า แล้วก็อ้าแขนรับน้องสาวเข้าไปในอ้อมกอด

           

 

“มาเซอร์ไพร์สแมทเหรอ”

           

 

“มาแอบดูพฤติกรรมมากกว่า” ไวโอล่ายิ้มขำ ผมทำปากยู่ วิคเตอร์หันมองสองแฝดที่นอนหล่ออยู่ในชุดเอี๊ยมสุดน่ารัก

           

 

“เฮ้ย หมู” แล้วผมก็ต้องขำกับสีหน้าของแฝดเวลาได้ยินเสียงลุงยักษ์เหมือนเดิม สายตาที่กำลังมองจอบ้าง มองนั่นมองนี่บ้างหยุดชะงักและนิ่งเหมือนกำลังพยายามรับรู้ว่านั่นคืออะไร สองแฝดขยับหัวเบาๆ และช้าๆ ก่อนจะกลับไปมองจอกันตามเดิมเพราะเป็นฉากเจ้าตัวเหลืองกำลังร้องโหวกเหวกโวยวาย

           

 

“หนาวขนาดนี้ยังตัวพองอีกนะ” วิคเตอร์ว่าพลางนั่งลงบนโซฟาด้านข้างอีกฝั่งที่ไม่ใช่โซฟาเตียงนอน เขายื่นมือขวาไปหาเฮคเตอร์ เจ้ามิชลินเบอร์หนึ่งคว้านิ้วชี้ลุงยักษ์ได้ก็กำไว้แน่นตามสัญชาตญาณของเด็ก

           

 

“แอะ…”

           

 

“โอ๋ หนูทักทายลุงยักษ์เหรอครับ” ผมยืนมองจากทางด้านหลังของวิคเตอร์ ออสตินเลื่อนประตูห้องปิดเบาๆ

           

 

“ไปหาแฮคเตอร์บ้างสิวิคเตอร์” สามเตอร์มารวมตัวกัน คราวนี้เตอร์กันทั้งวัน

           

 

วิคเตอร์ค่อยดึงๆ มือออกจากคนพี่ และพยายามโน้มตัวไปหาแฝดคนน้อง แต่ก็ไปไม่ถึง เขาเลยลงไปนั่งคุกเข่าด้านล่างแล้วยื่นมือไปให้แฮคเตอร์จับ มิชลินเบอร์สองคว้านิ้วลุงยักษ์ไว้และกำแน่นตามสัญชาตญาณเช่นกัน แต่แฮคเตอร์ใช้วิธีการหันมามองด้วยความงุนงงเป็นการทักทายคุณลุงตัวเอง ผมไม่เห็นว่าวิคเตอร์ทำหน้ายังไง แต่ก็ขำที่เจ้าคนน้องทำหน้าสงสัยใคร่รู้ บางทีผมก็อยากรู้ว่าแฝดจำลุงตัวเองได้มั้ย ก่อนหน้าวิคเตอร์จะไปทำงานก็ได้อยู่ด้วยกันอาทิตย์เดียวเอง นอกนั้นก็วิดีโอคอลตลอด กลับมาเจอหน้ากันจังๆ อีกครั้งไม่รู้ว่าภาพลุงผมยาวติดตาไปรึยัง

           

 

“จำกันไม่ได้ไล่ออกจากบ้านนะเว้ย” วิคเตอร์แซวหลานทั้งสองคน ทุกคนในห้องหัวเราะ ตอนที่วิคตอร์ดึงมือออกจากแฮคเตอร์แล้วกลับขึ้นมานั่งบนโซฟา สองแฝดก็ยิ้มหวาน แต่ตาไม่ได้มองลุงเตอร์หรอก มองตัวสีเหลืองๆ ที่วิ่งดุ๊กดิ๊กไปมาอยู่บนจอ พอยิ้มเสร็จก็พากันหันมามองลุงเตอร์และทำหน้าฉงนสงสัยด้วยกันทั้งคู่ เป็นโมเม้นต์น่ารักๆ ที่ผมเห็นว่าไดอาน่าถ่ายรูปกับวิดีโอเก็บไว้พอดี

           

 

“แล้วนี่พี่มาได้กี่วัน ต้องกลับไปอีกทีตอนไหน”

           

 

“กลางเดือนหน้า”

           

 

“พี่ดำขึ้นนะเนี่ย”

           

 

“เขาเรียกผิวแทน” ไวโอล่ายักไหล่แล้วเดินกลับไปตกแต่งต้นคริสต์มาสต่อ ฟอกซ์ที่ไม่รู้ว่าเพิ่งจำเจ้านายได้หรือเพิ่งจะสนใจว่าเจ้านายมาแล้วเดินมาคลอเคลียขาวิคเตอร์ เขายื่นมือลงไปลูบหัวมันเบาๆ

           

 

“ไมเคิลล่ะ ไปหาสาวอีกรึเปล่า”

           

 

“นอนอยู่ในห้องผมครับ” วิคเตอร์พยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจสักแปบ

           

 

 

“ขอไปนอนก่อนแล้วกัน”

           

 

“ไม่กินอะไรก่อนเหรอ” ผมถามเขา วิคเตอร์สั่นหัว

           

 

“นอนก่อน ตื่นมาค่อยกิน” เขาพยักหน้าให้ผมหนึ่งที ผมทำหน้างงๆ เขาย่นคิ้วและจึ๊ปากท่าทางเซ็งๆ ผมย่นคิ้วกลับ รับรู้ได้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร วิคเตอร์กลอกตาหนึ่งที

           

 

“แค่อยากนอนกอดน่า” ผมทำหน้าว่าอ๋อ วิคเตอร์เดินอ้อมโซฟาออกมาหาผม

           

 

“เดี๋ยวขอตัวแมทไปนอนด้วยก่อนนะ” สองสาวยิ้มกรุ้มกริ่มและพยักหน้ารับรู้ ออสตินเลื่อนเปิดประตูให้เจ้านาย วิคเตอร์พาผมเดินออกไปนอกห้อง

           

 

“แค่นอนกอดจริงอะ?!”

           

 

“ยังเหนื่อยอยู่ ขอพักสักวัน เดี๋ยวซานต้าเตอร์จัดของขวัญให้เอเลี่ยนเอง” ผมแกล้งทำหน้ายี้ แต่ริมฝีปากก็ฉีกเป็นรอยยิ้มกว้าง

           

 

“ซานต้าแก่แล้ว ซานต้าพักเถอะ” วิคเตอร์ผลักหัวผมหนึ่งทีแต่ก็เป็นหนึ่งทีที่ผมเกือบหงายหลัง ผมคิดว่าในจุดนี้เราต้องมีการคุยกันจริงจังแล้วมั้ง ผลักกี่ครั้งคือแรงตลอด หัวจะหลุดออกจากบ่าวันไหนเนี่ย

           

 

เราเดินเข้ามาในห้องนอน ผมเดินไปเปิดฮีทเตอร์ให้ความอบอุ่นในห้อง เดินไปปิดม่านหน้าต่างทั้งสองบานที่อยู่ใกล้กับเตียงนอน วิคเตอร์ถอดเสื้อโค้ทออกพาดไว้ที่ปลายเตียง เหลือแต่เสื้อไหมพรมสีดำตัวหนากับกางเกงยีน เขาขึ้นไปนอนรอบนเตียงก่อน ผมหยิบเสื้อโค้ทเขาไปแขวนไว้ที่ตะขอแขวนเสื้อตรงผนังห้องแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปนอนข้างเขา วิคเตอร์ดึงผมเข้าไปกอดชิดกับด้านหน้าตัวเอง ผมดึงผ้านวมสองชั้นขึ้นมาห่มร่างกายเราสองคน วิคเตอร์กดจมูกลงบนขมับซ้ายผมหนึ่งทีแล้วเขาก็หลับนำผมไปก่อน

 

 

สงสัยจะเพลียจริง อายุเยอะแล้วก็เงี้ยอะเนอะ

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 05-05-2018 21:10:00
V
v
v

“Piggy shitty! (ไอ้หมูขี้แตก!)”

 

 

“Can you stop nagging them and come to help me? (มัวแต่ยืนด่าเด็กอยู่ได้ มาช่วยกันหน่อยได้มั้ยล่ะ)”

 

 

“No. I don’t like shit of piggy, two piggy. (ไม่เอาหรอก เหม็นขี้หมู หมูสองตัวด้วย)” ผมมองจิกใส่ไอ้ยักษ์ที่นั่งกินอาหารเช้าและดูทีวีจอยักษ์อย่างสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟาในห้องโถงใหญ่ของบ้านที่ตอนนี้มีต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางทางเชื่อมฝั่งนั่งเล่นกับฝั่งห้องอเนกประสงค์ของบ้านที่ตอนนี้ใช้เป็นฟิตเนสอยู่ เสียงแฝดร้องแข่งกับทีวีเพราะเพิ่งอึเลอะออกมาพร้อมกัน ครั้งนี้แฝดร้องดังกว่าครั้งอื่นๆ น่าจะเพราะเสียงทีวี ผมหันไปมองวิคเตอร์ด้วยความหงุดหงิด

 

 

“Turn down the sound! (เบาเสียงทีวีก่อน!)” ผมกระแทกเสียงใส่เขาในขณะที่กำลังใช้ทิชชูเปียกเช็ดก้นให้เฮคเตอร์ แต่เสียงทีวีกลับไม่ลดลง ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองจิกวิคเตอร์อีกที เขากลอกตาเซ็งและหยิบรีโมตกดเบาเสียงลงจนได้ยินเสียงแฝดร้องไห้ชัดเจน

 

 

“And I have to listen their noisy voice. (แล้วฉันก็ต้องมานั่งฟังเสียงงอแงของพวกมัน)”

 

 

“Yes, you have to! (ใช่ ฟังไป!)”

 

 

“Can you do it faster? (ทำเร็วๆ หน่อยได้มั้ย)” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความไม่พอใจ วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นและตามด้วยยักไหล่สองข้างขึ้นช้าๆ

 

 

“Move to another room. (ย้ายไปห้องอื่นสิ)” ผมพูดเสียงเรียบและก้มหน้าจัดการเปลี่ยนแพมเพิสอันใหม่ให้เฮคเตอร์ แฝดคนพี่หยุดร้องและมองผมตาแป๋วให้ผมคลี่ยิ้มได้

 

 

“Are you mad at me? (นายโกรธฉันเหรอ)” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาและมองตาขวางเล็กๆ ไอ้ยักษ์ยิ้มทะเล้นหน้าเป็น ผมก้มลงไปจัดการทำความสะอาดให้เจ้าตัวเล็กคนน้องให้รู้สึกสบายตัวตามคนพี่ไป พอทาแป้งเด็กตรงก้นและเปลี่ยนแพมเพิสอันใหม่ให้ แฮคเตอร์ก็สงบตามพี่ชายและนอนดีดขาชูแขนเล่นกับอากาศอุ่นๆ จากเตาผิงอันใหญ่ในบ้าน

 

 

“เดี๋ยวคุณแม่ก็กลับนะครับ คุณแม่ไปหาหมอเนาะ” ผมพูดเป็นภาษาไทยกับสองแฝด สองหนุ่มส่งเสียงออแอในลำคอ

 

 

“Sit with me. (มานั่งกับฉันสิ)” ผมเงียบไม่ตอบ และก้มเกาคางของแฝด สองหนุ่มน้อยยิ้มกว้าง ดวงตากะพริบเอื่อยๆ ราวกับกำลังเพลิดเพลิน

 

 

“Okay.” ผมเห็นแบบไม่เต็มตาว่าวิคเตอร์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมมาด้านหลัง ก่อนจะอุ้มผมขึ้นในท่าอุ้มเด็ก ผมทำหน้าเรียบเฉยใส่เขา ไอ้ยักษ์ผมยาวยิ้มขำ

 

 

“แม่หมูงอน” ผมยกมือขวาตีหัวเขาหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ วิคเตอร์หลับตาปี๋แล้วหัวเราะ

 

 

“แอ้!” ผมก้มมองสองแฝดที่กำลังยิ้มและมองมาทางผมกับวิคเตอร์ สองมือชูขึ้นกำๆ แบๆ แบบไม่สุด วิคเตอร์ปล่อยผมลงยืนบนพื้น ผมนั่งคุกเข่าแล้วอุ้มเฮคเตอร์ขึ้นมา ก่อนจะหันไปหาไอ้เตอร์ตัวพ่อ

 

 

“อุ้มแฮคเตอร์สิ” วิคเตอร์ทำตาโตแล้วสั่นหัว ผมทำหน้านิ่งและถลึงตาใส่ วิคเตอร์กลอกตาหน้าเซ็งแล้วก็โน้มตัวลงอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นในท่าเดียวกับที่อุ้มผมเมื่อกี้ ผมยืนขึ้นเขย่าตัวเฮคเตอร์เบาๆ เป็นการกล่อม พอมองแฮคเตอร์ที่กำลังมองวิคเตอร์ด้วยความฉงนแล้วก็ขำ

 

 

“อะไรไอ้หมู คนนี้พี่หรือน้องเนี่ย”

 

 

“น้อง แฮคเตอร์ไง” มิชลินเบอร์สองมองลุงยักษ์ด้วยดวงตาโตๆ แบบงงๆ และน่าจะยังคงไม่คุ้นเคย สักพักเขาก็หันหน้ามามองผมก่อนที่จะส่งเสียงร้องแอ๊ะ และเริ่มเบะปาก

 

 

“โอ๋ มานี่มาๆ”

 

 

“ไปเลย ไปเลย” ผมเดินอ้าแขนซ้ายรับแฮคเตอร์ที่เริ่มร้องไห้มาอุ้มไว้ พอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดผมเขาก็หยุดร้องและหันไปมองวิคเตอร์ด้วยสายตาสนอกสนใจ ผมเห็นแล้วก็หัวเราะต่ออีกที มันคือสายตาใสซื่อของเด็กที่มองอย่างงงๆ ว่านั่นใคร ส่วนเฮคเตอร์กำลังหันไปมองหิมะด้านนอกผ่านประตูเชื่อมห้องโถงกับสวนสำหรับจิบน้ำชาหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งภายในครอบครัว ซึ่งมีสะพานเชื่อมต่อไปยังสระว่ายน้ำที่ตอนนี้แข็งเป็นขั้วโลกเหนือไปแล้ว

           

 

“แก๊งค์ลูกหมูสามตัว” ดูความมึนของไอ้ยักษ์นะ มันนั่งกระดิกเท้ามองผมสามคนแล้วก็ขำของมันคนเดียว ผมมองค้อนควักไปหนึ่งค้อน

           

 

“แฝด แฝดด่าลุงยักษ์เร็ว ลุงยักษ์มันว่าเรา” สองแฝดงึมงำๆ อยู่ข้างหูผม หนูสื่อสารกับแม่ซื้ออยู่เหรอลูกเอ๊ย

           

 

“หมู หมู หมู”

           

 

“แอ๊!!”

           

 

“ดีมากเฮคเตอร์” ผมหัวเราะคิกคัก เฮคเตอร์ส่งเสียงและชี้กำปั้นป้อมๆ กลมๆ ไปทางวิคเตอร์ ส่วนแฮคเตอร์กำลังมองลุงตัวเองด้วยความฉงนอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้วหนึ่งที สร้างเสียงหัวเราะให้กับผมดังลั่นบ้านจนไมเคิลเห่าตาม และสร้างความอารมณ์เสียให้กับไอ้ยักษ์ที่ไม่มีใครอยู่ข้างตัวเองเลย

 

 

 







“คืนวันคริสต์มาสนี้มีลุงยักษ์นอนด้วยนะครับ”

 

 

“เดี๋ยวฉันร้องเพลงกล่อมก็จะไปแล้วละ” ผมหันไปยิ้มให้ไวโอล่าที่ใส่มาส์กปิดหน้าเอาไว้เพราะไม่สบายตั้งแต่เมื่อวาน เธอกลัวว่าลูกจะติดไข้เลยขอรบกวนฝากแฝดมานอนด้วยก่อนหลังจากกลับไปนอนกับแม่มาได้เกือบอาทิตย์หลังจากลุงยักษ์กลับมาบ้าน

 

 

ว่าแต่ลุงยักษ์หายไปไหนก็ไม่รู้

 

 

“มาสิๆ ฉันก็ชอบฟังเธอร้องนะ” เสียงไวโอล่าจะเล็กๆ ใสๆ ไม่ถึงกับขั้นไปเป็นนักร้องอาชีพหรอก แต่เสียงก็ดีกว่าเสียงผมที่เหมือนวัวร้องครางตอนคลอดลูก

 

 

ไวโอล่าก้าวเท้าเข้ามานั่งในคอกด้วยกัน ผมแหวกทางให้เธอ คลานไปนั่งพิงผนังคอก นั่งมองเธอที่นั่งอยู่ตรงหน้าแฝดแล้วก็เปิดมาสก์ออก จมูกไวโอล่าแดงแจ๋เลย

 

 

“Do you want to hear our song my little twins? (อยากฟังเพลงของพวกเรามั้ยเจ้าแฝดน้อย)” ไวโอล่าร้องเพลงกล่อมแฝดมิชลินตั้งแต่เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างคน พอคลอดออกมาก็จะชอบร้องให้ลูกฟังตอนลูกงอแง หรือตอนที่แฝดไม่ยอมหลับสักทีอย่างเช่นตอนนี้ที่ไม่รู้ไปกินกาแฟกันมารึเปล่าถึงตาแข็งเชียว

 

 

“แอ… แอ…”

 

 

“Oh, you want to hear mama voices? (โอ๋ หนูอยากได้ยินเสียงแม่เหรอคะ)”

 

 

“แอ้ เอิ้กๆ” สองแฝดส่งเสียงอ้อแอ้และยิ้มหวานให้กับแม่ ผมยิ้มกว้างยามมองภาพน่ารักๆ นั้น

 

 

“Okay, let’s start!” ไวโอล่าปรบมือแปะๆ ผมร่วมปรบมือไปด้วย แฝดดีดดิ้นขาป้อมๆ กันใหญ่ ไวโอล่ากระแอมคอสักแปบก่อนที่จะเริ่มเปล่งเสียงของเธอออกมา แม้ในยามที่ป่วยเสียงของเธอก็ยังไม่ได้น่าเกลียดเท่าเสียงผมยามร้องเพลงเลยจริงๆ

 

 

“Lullaby, and good night, in the skies stars are bright…” ผมนั่งยิ้มมองสองแฝดที่มองแม่ตัวเองตาแป๋วและริมฝีปากขยับคล้ายจะยิ้มตลอดเวลา ไวโอล่ายิ้มกว้างให้กับลูกชายทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน

 

 

“…May the moon's, silvery beams, bring you sweet dreams…” ไวโอล่าก้มลงกระซิบตรงกลางข้างหูคนละข้างของทั้งสองแฝดตรงคำว่า sweet dreams

 

 

“…Close your eyes, now and rest, may these hours be blessed…” ไวโอล่ายื่นมือไปแตะจมูกลูกทั้งสองคนเบาๆ สองแฝดยิ้มอ้อแอ้อย่างน่าเอ็นดู

 

 

“…Till the sky's bright with dawn, when you wake with a yawn”

 

 

“Lullaby, and good night, you are mother's delight…” ไวโอล่าเน้นเสียงคำว่าเสียง delight เบาๆ เหมือนเป็นการบอกว่าลูกทั้งสองคนคือความยินดีและดีใจของตัวเองจริงๆ เธอยิ้มให้สองหนุ่มอันเป็นแก้วตาดวงใจของเธอ สองแฝดมองแม่ตัวเองตาเยิ้มแต่ก็ยังมีรอยยิ้มจนผมขำด้วยความเอ็นดู

 

 

“…I'll protect you from harm, but you'll wake in your god mother arms…” ไวโอล่าหันมายิ้มพร้อมกับผายมือมาทางผม สองแฝดไม่ได้หันมามองตามเพราะหนังตากำลังเริ่มย้อย ผมทำท่าโค้งโน้มตัวรับ ไวโอล่าหัวเราะเบาๆ

 

 

“…Sleepyhead, close your eyes, for I'm right beside you” 

 

 

“Lullaby, and sleep tight, my darling sleeping…” สองหนุ่มส่งเสียงแอ้เบาๆ ก่อนที่หนังตาจะค่อยๆ ปิด แต่ก็ยังปิดไม่สนิท ผมสองคนพยายามกลั้นขำเพื่อไม่ให้แฝดสะดุ้งตื่น

 

 

“…On sheets white as cream, with the head full of dreams”

 

 

“Sleepyhead, close your eyes, I'm right beside you…” สองมือไวโอล่าลูบหัวลูกน้อยอย่างแผ่วเบา ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกอิ่มใจ

 

 

“…Lay thee down, now and rest…” สองแฝดหลับตาลง ไวโอล่าลูบหัวต่อเบาๆ แล้วยื่นหน้าไปหอมหน้าผากลูกทั้งสองคนก่อนจะเปล่งเสียงแผ่วเบาครั้งสุดท้าย

 

 

“…may your slumber be blessed.” ผมนั่งมองไวโอล่ามองสองแฝดด้วยสายตาแห่งความรัก ผมยิ้มตามภาพนั้นแล้วแว้บหนึ่งผมก็หุบยิ้มลงเมื่อผมคิดว่าเห็นไวโอล่ามีสายตาที่สั่นระริกคล้ายคนจะร้องไห้ แต่สุดท้ายเธอก็กลับมายิ้มตามเดิมแล้วค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง

 

 

“ขอโทษนะที่พาแฝดมาขัดขวางเธอกับพี่”

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ให้ไอ้ยักษ์มันโดนสองแฝดผู้พิทักษ์ของฉันป่วนประสาททั้งคืนไปเลย” ไวโอล่ายิ้มขำแล้วก็ใส่มาส์กตามเดิม ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วก้าวออกจากคอก เธอหันมาโบกมือบ๊ายบายให้ผมแล้วก็เดินย่องออกไปจากห้องนอนผมกับวิคเตอร์ ผมขยับผ้าห่มให้สองแฝดดีๆ และเริ่มมองหาว่าไอ้ยักษ์มันหายไปไหน ไปดริ๊งและเม้าท์กับออสตินอยู่รึเปล่าเนี่ย

 

 

“โฮะโฮะโฮะ โฮ…”

 

 

“…ชู่ววว!” ผมหันไปจุ๊ปากใส่ไอ้… เอ้ย

 

 

“ไอ้ยักษ์ทำไรอะ” ผมกระซิบถามพลางค่อยๆ ก้าวขาขวาออกจากคอก แล้วไปยืนมองไอ้ยักษ์ตัวเข้มในชุดซานตาสีแดงตัดกับสีผิว ชุดซานต้ามีความเซ็กซี่ตรงที่แหวกให้เห็นแผงอกแล้วมีเข็มสีดำรัดตรงเอว มีหมวกพร้อม หนาดเคราสีขาวก็มีพร้อม กล่องของขวัญกล่องใหญ่ก็ถือมาพร้อม

 

 

“ซานต้าเอาของขวัญมาให้เอเลี่ยนไง” ไอ้ยักษ์กระซิบ ผมเงยหน้ามองเขาแล้วก็กลั้นขำ ช่างไปสรรหามาเนาะไอ้หนวดเคราสีขาวเนี่ย

 

 

“อ๋อ ที่หายไปคือไปแต่งตัวมาว่างั้น” ไอ้ยักษ์หนวดขาวเลิกคิ้วเข้มๆ ขึ้น

 

 

“ใช่น่ะสิ” ผมยิ้มเอือม แต่ก็ขำกับความคิขุนี้ของเขา ช่างหาวิธีการเอาใจเนาะ ไอ้มุมทะเล้น มุมน่ารักแบบนี้ได้เห็นแต่ในบ้านเท่านั้น ซึ่งผมว่าก็เอ็กซ์คลูซีฟดีแหละ

 

 

“ไหน ซานต้าเตอร์มีของขวัญอะไรมาให้” ไอ้ซานต้าตาเฒ่าเตอร์คลี่ยิ่มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเปิดกล่องของขวัญที่ถือไว้อยู่ออก ผมก้มลงมองแล้วก็อ้าปากหวอก่อนจะเงยหน้ามองหน้าเขาพรึ่บ

 

 

“อู…” ผมส่งเสียงร้องเบาๆ ไอ้ยักษ์ยิ้มร่า มิน่าล่ะมันถึงถือกล่องของขวัญไว้ตรงระดับเป้าตลอด เพราะในกล่องของขวัญสีแดงที่มันห่อและติดโบว์ขาวมา มันคือไอ้จ้อนของเขาที่แข็งตัวเต็มที่อยู่

 

 

“ฉันหากล่องมาใส่ยากมาก เพราะของฉันมันใหญ่” ผมมองด้วยความหมั่นไส้ ไอ้ยักษ์ยักคิ้ว ผมก้มลงมองอีกทีแล้วก็ยิ้มเขิน แต่มือขวาล้วงลงไปบีบแล้วนะ

 

 

“และเพิ่มความพิเศษด้วย…” วิคเตอร์ขยิบตาซ้ายหนึ่งที ล้วงขวดสำหรับใส่พวกของเหลวแล้วเอาไว้บีบออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมอ้าปากด้วยความตื่นเต้นที่เห็นช็อคโกแล็ตอัดแน่นอยู่ในขวด ผมหันมองซานต้าเตอร์ที่ยิ้มกริ่ม

 

 

“Yes! Cockcolate!”

 

 

ซานต้าคนนี้มีอวัยวะเพศให้ ซานต้าคนใดก็ให้ของขวัญแบบนี้ไม่ได้

           

 

 


เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               กลับมาก็มาทะเลากับหลานเลยนะคะลุง

           เอ็นดูความใส่คอสตูมและพร็อพอันพร้อมเพรียงของไอ้ยักษ์ 55555 ต้องทุ่มเทเพื่อให้เมียประทับใจแค่ไหนกันกับของขวัญชิ้นนี้ มีท็อปปิ้งเป็นช็อคโกแล็ตเพิ่มด้วยนะคะ ธรรมดาที่ไหนกัน เอเลี่ยนอร่อยเพลินค่ะงานนี้

            เพิ่งย้ายเข้าบ้านก็จะเจอดีแล้วเหรอสองผัวเมีย ลืมทำบุญขึ้นบ้านใหม่รึเปล่าเธอ แต่ผัวกลับมาแล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัวว่าผัวเธอแล้วแหละแมท

               ตอนนี้เป็นต้นไป จะอัปแบบเต็ม 100% ทุกตอนไปยันจบแล้วค่ะ ยังไงอ่านแล้วก็คอมเม้นเป็นฟีดแบ็คให้กำลังใจกันหน่อยแล้วกันเนอะ

               ใครที่พรีฯ หนังสือไว้ ดูการอัปเดตได้ที่เพจตลอดๆ เลยนะคะ ตอนนี้หนังสืออยู่ในกระบวนการการพิมพ์นะคะ ใกล้จิเสร็จแล้ว เพิ่งอัปเดตที่เพจไปเด้อ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-05-2018 21:47:26
กลับมาท่าทางยักษ์จะเก็บกด 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: atitayalnw ที่ 05-05-2018 22:10:25
ทำไมรู้สึกว่าคลื่นลมที่สงบพายุกำลังจะเข้า
คนที่ลอบเข้าบ้านใช่พ่อแฝดรึเปล่า ไวโอล่าจะไม่เป็นไรใช่มั้ย
ใจคอไม่ดีเลย ฮืออ มันเป็นลางเหมือนไวโอล่ากำลังสั่งเสียยังไงไม่รู้ :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-05-2018 22:50:27
ไวโอล่ามีปัญหาแน่
ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นเลย เป็นครอบครัวแสนสุข สุดน่ารักไปนานๆเถอะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-05-2018 23:03:31
ไวโอล่าจะทำอะไรหรือยังไงนะ ดูแปลกๆอ่ะ
แต่ตอนนี้สนใจซานต้าราดชอคโกแลตก่อนแล้วกัน :haun4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 05-05-2018 23:47:07
ยอมยักษ์จริงๆ แล้วก็อิจฉาเอเลี่ยนน้อย ได้ Cockcolate อันงาม :serius2: :haun4: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-05-2018 00:06:24
รู้สึกเป็นห่วงไวโอล่ามาก คนที่แอบเข้ามาเป็นพ่อแฝดใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-05-2018 02:26:39
ใครหว่า ที่ปีนเข้าห้องน้องไวฯ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-05-2018 03:36:57
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 06-05-2018 11:41:51
ชอบแนวความคิดของตัวละคร ไม่จำเป็นต้องร้อนรนตามสิ่งยั่วยุรอบตัว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-05-2018 13:06:15
เตอร์ น่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 06-05-2018 14:56:21
ไวโอล่า มีปัญหาแน่เลย รีบยกลูกให้เตอน๊าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 07-05-2018 12:44:24
 :mew2: คนร้ายจะใช่สามีของไวโอล่าหรือเปล่าน๊อ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุให้ไวโอล่าอยากยกลูกๆให้แมทกับเตอร์หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-05-2018 11:40:56
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.28 100% :05.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-05-2018 18:58:35
อ่านมาหลายวันมากเลยค่ะ ไม่อ่านเรื่องอื่นเลย ติดมาก
แมทโตขึ้น เรียนรู้และเข้าใจมากขึ้น ต้องขอบคุณที่วิคเตอร์ถูกยิงนะ
วิคเตอร์ก็อารมณ์ดิ่งมากจริงๆ แต่พอเวลาผ่านไป และแมทเม้งบ้าง
ก็ดีขึ้น ยอมอะไรหลายอย่าง เพราะอยากให้แมทคนเดิมกลับมา

ออสตินคือที่สุดมาก แชมป์ก็อารมณ์เดียวกัน ความกวนไม่ต่างกัน
แค่กวนหน้าซื่อ กับกวนออกอาการ

เพื่อนแมทกับวิคเตอร์ น่ารักทุกคนเลยค่ะ รักเพื่อนฝูงดี

หลานหมูก็จะทำให้ลุงยักษ์เคืองหน่อยๆ ด้วยความอิจฉา
แต่ดูน่าฟัดมากเลย และแมทก็ติดมากด้วย เป็นแม่บ้านเลย
ไวโอล่าเป็นอะไร ดูอาการไม่ดี แต่ใจหรือกายที่หนักกว่ากัน

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-05-2018 18:35:08

Yours and Mine EP.29 :: Happy Boxing Day. (สุขสันต์วันเปิดกล่องของขวัญ)



ผมบีบช็อคโกแล็ตลงบนลูกชายของวิคเตอร์ตั้งแต่ส่วนหัวลากยาวถึงส่วนโคนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและแปลกใหม่กับการกินช็อคโกแล็ตของโปรดในรูปแบบที่เคยนึกเล่นๆ แต่ก็ไม่เคยคิดทำจริงจัง พอได้ทำก็ใจเต้นตึกตัก รู้สึกวาบหวามในอก ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้ใจตื่นเต้นมาก ผมบีบไปยิ้มไป ช็อคโกแล็ตเข้มข้นตรงส่วนปลายสีชมพูสดทำท่าไหลย้อยลงพื้นจะผมเลยตวัดลิ้นปาดหนึ่งที
   

“อู้ววว” วิคเตอร์ในคราบซานตาคลอสสุดเซ็กซี่ที่ใส่เสื้อคลุมสีแดงแถบขนสีขาวแหวกแผงอกและแหวกจนมาถึงข้างล่าง มีเข็มขัดสีดำอันใหญ่คาดอยู่ตรงเอวยืนครางเสียงสั่น ผมแหงนหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้ม ซานต้าเตอร์สูดปากเบาๆ และยกมือขวาขึ้นลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ผมดูดช็อคโกแล็ตตรงส่วนปลายคล้ายหัวเห็ดดังจุ๊บจั๊บ แล้วยกมือขวาขึ้นบีบไข่กลมกลึงสองลูกเบาๆ
   

“It’s good. (อร่อย)”
   

“Yeah. You like Santa’s stuff? (อ่าฮ่า ชอบของซานต้ามั้ยล่ะ)” ซานต้ารูปหล่อผิวเข้มเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยิ้มทะเล้น ผมยิ้มกว้างและบีบไข่เขาเบาๆ
   

“I love it! Thank you Santa! (ผมรักมันเลยละ ขอบคุณครับซานต้า!)”
   

“Good boy deserves a big gift. (เด็กดีสมควรได้รางวัลใหญ่)” ผมหัวเราะเบาๆ แล้วนั่งคุกเข่าบนเตียงสีดำในห้องของเล่นมหาสนุก ผมกลัวแฝดจะตื่นเพราะเสียงเราสองคนเลยพาซานตาคลอสมาห้องนี้ แต่ก็เปิดประตูเชื่อมห้องนอนเราไว้ด้วย เผื่อแฝดร้องจะได้ได้ยิน
   

ผมใช้ลิ้นเลียช็อคโกแล็ตตามความยาวของลูกชายวิคเตอร์จนเกือบเกลี้ยงแล้วก็ตวัดลิ้นเข้าปาก ดูดกลืนช็อคโกแล็ตรสหวานมันอย่างเอร็ดอร่อย หยิบขวดขึ้นมาบีบช็อคโกแล็ตราดไอ้จ้อนของวิคเตอร์จนเยิ้มอีกรอบ คราวนี้ช็อคแล็ตไหลหยดติ๋งๆ ลงข้างล่าง ผมอ้าปากหัวเราะแล้วรีบก้มลงใต้ความใหญ่ยาวและใช้ลิ้นตวัดตามหยดย้อยช็อคโกแล็ตที่ไหลลงมาอย่างกับหินย้อยในถ้ำ ผมไล่ตวัดลิ้นเลียหยดช็อคโกแล็ตทั้งสองฝั่งอย่างสนุกสนานจนกระทั่งหมด ก่อนที่จะดันหัวขึ้นมาแล้วอมของวิคเตอร์เข้าปาก ดูดและรูดช็อคโกแล็ตจากหัวถึงกลางลำ ผมดึงปากออกแล้วเลียลิ้นรอบปากตัวเอง วิคเตอร์ก้มลงมาดูดลิ้นผมสองสามทีก่อนยืดตัวขึ้นเหมือนเดิม
   

“มานี่มา” วิคเตอร์ดึงผมลุกออกจากเตียง ก้มตัวลงถอดกางเกงขาวยาวสีเทาที่ผมใส่อยู่ลงไปกองกับพื้น ผมดึงขาออกจากกางเกงแล้วปล่อยมันไว้บนพื้น หันไปหยิบขวดบีบช็อคโกแล็ตติดมือมาในตอนที่วิคเตอร์ดึงผมไปที่โซฟาสีแดงเลือดหมูที่ผมเลือกเก็บไว้จากห้องเซ็กส์ทอยที่บ้านนิวยอร์ก วิคเตอร์นั่งอ้าขา สองแขนวางพาดกับพนักพิงอย่างสบายใจ ผมนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเขา ก้มลงเลียช็อคโกแล็ตตรงช่วงโคนเคที่เหลือจากเมื่อกี้จนบางตาลงแล้วหยิบขวดใส่ช็อคโกแล็ตขึ้นมาบีบลงบนยอดสีชมพู ปล่อยให้ไหลอาบไปตามความยาวจนถึงไข่กลมกลึงสองลูก ผมยื่นขวดให้วิคเตอร์ถือแล้วก้มหัวดูดส่วนปลายหลายทีจนช็อคโกแล็ตหมดแล้วก็ก้มลงไปดูดลูกกลมๆ ทั้งสองลูก
   

“อุ อู้ววว อ่าาา….” วิคเตอร์ครางเสียงสั่นหวิว ดวงตาหลับพริ้มยามที่ลิ้นผมกวาดไปตามผิวหนังหยาบของไข่ (ยักษ์) ทั้งสองใบ ผมใช้ลิ้นเลียลูกกลมๆ นั้นแบบดันขึ้นติดๆ กัน หน้าท้องของซานตาคลอสหดเกร็งอ่อนๆ ผมยกมือขวาลูบกล้ามท้องหกลูกแน่นๆ นั้นอย่างเพลินมือ ตอนนี้ผิวของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับช็อคโกแล็ตบนลูกชายเขาที่ผมกำลังไล่เลียเก็บกวาดอยู่ มันเข้มแบบชวนเกิดอารมณ์ ยิ่งใส่ชุดสีแดงแบบนี้ยิ่งตัดกันชัดเจน
   

อืมมม เซ็กซี่จัง
   

ผมดูดเลียความเป็นชายของวิคเตอร์ที่อาบด้วยช็อคโกแล็ตจนเหลือแค่คราบเพียงเล็กน้อย หยุดพักเลียทำความสะอาดรอบปากตัวเองสักแปบ ระหว่างนั้นวิคเตอร์ก็บีบช็อคโกแล็ตลงตรงช่วงท้องน้อยและลากเป็นทางยาวตรงไปหยุดตรงกลางอก ผมคลี่ยิ้มขำ ห่อไหล่ด้วยความเขิน วิคตอร์ยิ้มกว้างและยักคิ้วขวาหนึ่งที นั่งอ้าแขนรอผมด้วยท่าทีสบาย ผมเลียปากจนพอใจก็ดันตัวขึ้นแล้วก้มลงใช้ลิ้นเลียกวาดช็อคโกแล็ตจากท้องน้อยเขา ลากยาวขึ้นไปเรื่อยๆ พอถึงตรงสะดือก็ตวัดช็อคโกแล็ตที่ติดอยู่เต็มลิ้นเข้าปากแล้วก็กลืนลงคอ พอกลืนจนหมดก็ก้มลงใช้ปลายลิ้นวนตรงสะดือให้วิคเตอร์หดกล้ามท้องเล่นๆ สักพักก่อนจะลากลิ้นไปตามเส้นทางช็อคโกแล็ตจนกระทั่งถึงกลางอก ผมไม่ได้กลืนทันที แต่ยืดตัวและยื่นหน้าเข้าไปหาวิคเตอร์ เขายื่นหน้ามาดูดช็อคโกแล็ตจากปลายลิ้นผมอย่างเบาๆ เกิดเสียงจุ๊บจั๊บยามที่เขาดูด
   

“Hmmm. Sweet. (อืม หวานดีจัง)” วิคเตอร์ครางเสียงแหบพร่า หนวดสีขาวของซานต้าเปรอะช็อคโกแล็ตนิดๆ ผมกัดริมฝีปากล่างแล้วยิ้ม ค่อยๆ ล่นตัวกลับลงไปนั่งคุกเข่าตามเดิม มือขวาชักยักษ์น้อยที่ยังมีช็อคโกแล็ตเลอะอยู่นิดหน่อยอย่างช้าๆ วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาร้อนเร่า ผมสบตาเขาแล้วคลี่ยิ้มอ่อนๆ วิคเตอร์สูดปากแผ่วเบา นั่งมองผมชักให้เขาเรื่อยๆ
   

“Santa’s cock is so sweet. (จู๋ซานต้าหวานดีจัง)”
   

“Keep eating it. (กินมันต่อสิ)” ผมก้มลงใช้ฟันขบยอดปลายสีชมพู วิคเตอร์ตัวกระตุกหน้าท้องหดเกร็ง ผมหลุดหัวเราะ ซานต้าเตอร์ขำเสียงทุ้มในลำคอ ผมบีบของวิคเตอร์ด้วยสองมือและหรี่ตามองเขา
   

“ถ้าเอาไปให้คนอื่นกิน ผมจะกัดจนขาดเลย” วิคเตอร์ยกยิ้มมุมปาก มือขวาขยับหมวดสีแดงพวงหางสีขาวเหมือนก้นกระต่าย
   

“It’s only yours. (ของนายคนเดียวเลย)” ผมยิ้มเบ้ปาก ก่อนก้มลงอมส่วนปลายสีชมพูแล้วดูดเลียเหมือนอมยิ้มอย่างเพลิดเพลิน ไม่เร่งรีบหรือรีบร้อนใดๆ 
   

“แอ… แอะ!” ผมหยุดชะงัก เงยหน้ามองวิคเตอร์ที่ทำหน้างง
   

“เสียงแฝดร้อง” ผมดันตัวลุกขึ้นยืนพรึบ และเงี่ยหูฟังดีๆ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอีก แต่เมื่อกี้ผมว่าแฝดร้องแน่นอน
   

“ไม่ใช่หรอกน่า มาทำต่อเร็ว”
   

“ใช่สิ ขอไปดูก่อน” วิคเตอร์หน้าเหวอ ผมวิ่งกลับไปหยิบกางเกงมาสวมใส่แล้วเดินเร็วๆ ออกไปจากห้องเซ็กส์ทอยมหาสนุก ทะลุกลับเข้าไปในห้องนอน เดินตรงดิ่งไปที่คอกกั้นกระแทกที่อยู่ตรงกลางห้อง พอก้มลงมองก็เห็นเฮคเตอร์กำลังบิดขี้เกียจ เปลือกตาปรือด้วยความง่วงนอน ผมย่อตัวนั่งคุกเข่า เกาะขอบคอกมองด้วยความลุ้นว่ามิชลินเบอร์หนึ่งจะตื่นขึ้นมาหรือไม่อยู่ สักพักหางตาก็เห็นไอ้จ้อนอันใหญ่ ผมแหงนหน้าขึ้นมอง ซานตาคลอสของผมกำลังมีสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ และชี้นิ้วมาที่ของเด็ดของซานต้า
   

“เอาตรงนี้นะ เผื่อแฝดร้อง” ผมกระซิบ วิคเตอร์กลอกตาและทำหน้าอย่างเสียมิได้
   

“อย่าครางดังก็แล้วกัน” วิคเตอร์กระซิบเสียงแหบ
   

“คุณก็อย่ากระแทกแรงนักล่ะ เดี๋ยวเสียงเนื้อมันดังเกิน” วิคเตอร์ทำหน้าเอือม ผมยิ้มแห้ง ซานต้าเตอร์นั่งพิงคอก อาวุธของซานต้าตั้งตรงแหน่ว เขาหยิบหลอดเจลที่หยิบมาจากห้องเซ็กส์ทอยขึ้นมาบีบเจลสีใสลงบนอาวุธส่วนตัว ผมถอดกางเกงออก คลานเข้าไปนั่งคร่อมเขา วิคเตอร์จับยักษ์น้อยให้ตั้งตรงกับรูของผม พอผมสัมผัสส่วนหัวของซานต้าได้ ผมก็ค่อยๆ กดตัวนั่งทับลงไป
   

“อา…”
   

“…ชู่ววว” วิคเตอร์ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากและทำตาดุ ผมย่นคิ้วและกัดริมฝีปากล่างแน่น วิคเตอร์ขบกรามจนสันกรามขึ้น สีหน้าอึดอัดทรมาน
   




คืนนั้นซานต้าก็จัดของขวัญพิเศษให้ผมไปหนึ่งรอบ เป็นหนึ่งรอบที่ชุดใหญ่ไฟคริสต์มาสกะพริบมาก


แต่ก็เม้มปากกันจนปากชาเลยละ เพราะกลัวเสียงดังรบกวนแฝด พอจังหวะที่เสียงเนื้อเริ่มกระทบกันดังก็จะค่อยๆ เบาลงจนเราสองคนหลุดขำ แล้วก็ต้องขำแบบเบาๆ ด้วย


“ถือว่าเป็นการประกาศศึกเลเวลแรกนะไอ้แฝดหมู…” ลุงยักษ์กล่าวหลังจากเสร็จกิจกามในคืนคริสต์มาส


“ใส่ร้ายแฝดอีกแล้ว” ผมว่าเหนื่อยๆ พลางขยับหัวนอนบนอกซานต้าที่ตอนนี้เข็มขัดกับหนวดปลอมหลุดลุ่ยหายไป เหลือแต่เสื้อคลุมกับหมวก


“มันต้องตั้งใจขัดขวางฉันแน่ๆ” วิคเตอร์นอนอ้าขาอ้าซ่า ลูกชายนอนสงบอยู่บนกล้ามท้อง ผมแหงนหน้ามอง เขากำลังมีสีหน้าที่สุขพริ้ม เลยตีความได้ว่าประโยคนั้นคือการติ๊ต่างใส่แฝดเอาเอง เรื่องเก่งกับเด็กขอให้บอก


“พรุ่งนี้ฉันมีของขวัญวันเกิดให้” ผมย่นคิ้ว


“อะไรอะ รีบบอกทำไมเนี่ย ไม่เซอร์ไพรส์เลย” วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม กดจูบลงกลางหน้าผากผมหนึ่งทีแล้วนอนกอดผมไว้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอสักแปบก่อนจะหลับไปด้วยสีหน้าฟินซะเหลือเกิน ผมมองไปที่คอกกันกระแทก นิ่งเงียบฟังเสียงแฝดสักพัก พอแน่ใจว่าแฝดน่าจะหลับยาวแล้วในคืนนี้ก็เลยหลับตาและค่อยๆ ปล่อยให้ความง่วงครอบงำไปในที่สุด







ผมตื่นนอนก่อนวิคเตอร์เพราะต้องตื่นขึ้นมาดูแฝด ซานต้าเตอร์นอนอยู่ในชุดเดิมไม่มีเพิ่มเติมใดๆ แถมด้านล่างยังโล่งโปร่งเปลือยอีกด้วย พอตื่นมาเจ้าสองมิชลินก็นอนตาแป๋ว ดีดขาเล่นไปมา พอผมยิ้มให้ก็ยิ้มตอบ ผมสำรวจแพมเพิสก็เจอของเสียเหมือนทุกเช้า เลยจัดการทำความสะอาดร่างกายให้ทีละคนโดยการอุ้มไปในห้องน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวให้สองหนุ่มน้อย ทาแป้งเด็กหอมฟุ้งแล้วก็ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ วันนี้มาในตีมคริสต์มาส แต่งเป็นซานต้าตัวน้อย ชุดคล้ายของลุงยักษ์ แต่รัดกุมกว่า ไม่ได้โชว์ความเซ็กซี่ของสองแฝด อิๆ ใส่แล้วเหมือนลูกแอบเปิ้ลเลยอะ ผิวขาวๆ ชุดแดงๆ ตัวกลมๆ ฮ่าๆ


 และเนื่องจากยังไม่มีเวลาไปหาซื้อรถเข็นจริงจังสักที บวกกับอากาศหนาวที่ทำให้ไม่ค่อยอยากออกจากบ้าน ผมเลยใช้ตะกร้าหวายสีน้ำตาลในการเคลื่อนย้ายแฝดไปมาในบ้าน จับทั้งสองคนอุ้มใส่ตะกร้าที่ปูผ้าปูที่นอนให้อย่างดีแล้วถือ (ถือ?) ตะกร้าทั้งสองอันเข้าไปวางไว้บนโต๊ะหินอ่อนสีเข้มในครัวหลัก เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบถุงซิปล็อคที่ใส่นมไวโอล่าไว้มาทิ้งไว้ให้หายเย็นสักแปบ หันไปจัดการตั้งหม้อต้มน้ำอุ่น


“แอออ”


“ใจเย็นก่อนแฝด แมทกำลังเตรียมนมให้อยู่” ผมเอาขวดนมออกมาตั้งรอไว้ เดินไปจับถุงซิปล็อคที่ความเย็นเหมือนจะยังไม่ค่อยลดลงเท่าไหร่ ผมเดินกลับไปดูน้ำในหม้อก็ยังไม่เดือดทันที เลยหันกลับไปดูแฝดที่นอนบิดแขนบิดตัวไปมา สองหนุ่มเอามือปาดหน้าตัวเองราวกับจะบอกว่าหิวจนหงุดหงิดแล้ว


“ใจร้อนกว่าน้ำร้อนอีกนะพ่อหนุ่ม” ผมใช้นิ้วเกลี่ยแก้มทั้งสองคนเบาๆ พอเงยหน้ามองที่หม้ออีกทีก็เห็นควันลอยขึ้น เลยเดินไปปิดแก๊ซ หยิบถุงซิปล็อคใส่นมไวโอล่ามาตัดทีละถุงและเทใส่ขวดทีละขวดจนครบทั้งสองขวดแล้วก็นำขวดนมไปแช่ในน้ำอุ่น ยืนรออุ่นนมท่ามกลางเสียงร้องประท้วงของแฝดอยู่เกือบสิบนาทีถึงได้หยิบออกมาจากหม้อน้ำ


“Breakfast for you. (อาหารเช้าของเด็กๆ ครับ)” สองแฝดซานตาคลอสส่งเสียงเอ๊าะแอ๊ะ สองมือชูกำปั้นป้อมๆ ขึ้น พอจุกนมเข้าปากก็ดูดหมับๆ แก้มนี่ยุ้ยน่าฟัด ผมยืนยิ้มด้วยความเอ็นดู สองมือช่วยแฝดถือขวดนมด้วยความคุ้นเคย มองแก้มแดงระเรื่อที่กำลังขยับอูมๆ แล้วก็ขำเบาๆ


น่ารักน่าชังซะจริง ถ้าพาไปหาพ่อกับแม่ สองคนนั้นต้องหลงมากแน่ๆ


“Good morning, Austin.” ผมทักทายพ่อบอดี้การ์ดหัวเกรียนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกับเสื้อโค้ทสีครีมตัวใหญ่เหมือนกำลังจะออกไปไหน


“Going somewhere? (ไปไหนเหรอ)”


“Picking up someone. (ไปรับคนน่ะครับ)” ผมเลิกคิ้วขึ้นงงๆ


“Who? (ใครเหรอ)”


“Mr.Raymond’s guest. (แขกของคุณเรย์มอนด์น่ะครับ)” ผมย่นคิ้ว ยังคงรู้สึกงง และที่เพิ่มเข้ามาคือความสงสัย


“Do I know that guest? (ผมรู้จักแขกคนนั้นมั้ย)” ออสตินทำหน้านึกสักแปบก่อนจะตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่


“Maybe or not. (อาจจะหรือไม่เลย)” อะไรวะ?


ผมรู้สึกงง และสีหน้าคงงงมาก แต่ก็ไม่คิดถามต่อ ไม่ใช่ว่าผมเลิกนิสัยขี้เผือกแล้ว แต่เดี๋ยวก็ได้เจอแขกคนนั้น ค่อยงง และค่อยหายงงตอนที่เจอแขกคนนั้นอีกที


“แล้วเรื่องโจรล่ะ เป็นยังไงบ้าง” ประเด็นนี้ยังไม่เคลียร์ ถึงแม้ช่วงวันที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ระทึกยามดึกนั้นขึ้นจะไม่มีใครบุกเข้ามาอีก (หรือผมไม่รู้เรื่องเอง) แต่ผมก็ยังต้องการรู้อยู่ดีว่าคนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไรจากโลกใบนี้


“เดี๋ยวรู้กันเร็วๆ นี้ครับ” ผมเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกตะลึงนิดๆ


“สืบได้แล้วเหรอ” ออสตินชี้มือมาทางสองแฝด ผมหันไปมองก็เห็นว่าสองแฝดดูดนมจนหมดขวดแล้ว ผมดึงขวดนมออกจากปากสองหนุ่ม หูได้ยินเสียงก๊อกแก๊กอยู่พักนึง พอหันไปมองอีกทีก็เห็นออสตินเดินออกไปจากครัวแล้ว ผมได้แต่มองตามแบบเอ๋อๆ งงๆ คือทิ้งปมปริศนาเณรน้อยเจ้าปัญญาไว้แล้วก็จากไปงี้เหรอ แวะมาเอาแซนด์วิชแล้วก็ไปงี้เหรอ


“เฮ้…” ผมหันไปมองตามเสียงก็เจอไวโอล่าในสภาพตาบวมๆ ในมือมีมาส์กปิดจมูกมาด้วย


“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีมั้ย” ไวโอล่านิ่งไปสักแปบก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ ใบหน้าเนือยๆ เหนื่อยๆ


“หายใจไม่ค่อยออกน่ะ” ว่าจบเธอก็หยิบมาส์กในมือมาสวมทับปิดจมูกแดงๆ ของตัวเอง เธอเดินมาทักทายลูกชายทั้งสองคนด้วยความสดใส


“พาแฝดไปแฟมิลี่รูมมั้ย เดี๋ยวฉันทำอะไรไปให้กิน” ไวโอล่าพยักหน้าก่อนจะใช้สองมือถือตะกร้าที่ใส่แฝดเอาไว้เดินไปทางห้องแฟมิลี่ ห้องประจำของพวกเรา ผมรู้สึกคาใจประหลาดใจกับสีหน้าช่วงนี้ของไวโอล่านิดหน่อย มันก็เกือบๆ ข้องใจ แต่ก็เป็นความเข้าใจได้ว่า เธออยู่ในช่วงไม่สบาย หน้าตาจะสดใสมันก็น่าจะยากอยู่


ผมทำอาหารเช้าให้ทุกคนทาน ไม่ได้ทำอะไรยากมาก ทำก๋วยเตี๋ยวหมูสามชั้นสไลด์ ใส่ลูกชิ้นและโอเด้งและผักสีเขียวกับเห็ดเข็มทองใส่หม้อใหญ่ๆ ไว้ วัตถุดิบทั้งหลายได้มาจากไชน่าทาวน์ที่ลอนดอน ฝากออสตินกับไดอาน่าไปตะลอนซื้อมาให้ ทุกคนเคยกินแล้วครั้งนึง วิคเตอร์เคยกินก่อนใคร ฉะนั้นผมเลยหมดห่วงเรื่องจะไม่ถูกปากคนในบ้าน ผมติดโน้ตสีเขียวสะท้อนแสงไว้บนหม้อเพื่อบอกวิคเตอร์ว่าอาหารอยู่ที่นี่แล้วก็เดินถือถ้วยใส่ก๋วยเตี๋ยวไปห้องแฟมิลี่ที่อยู่ใกล้กับครัวหลักเพื่อความสะดวกสบายในการหาอะไรกิน


“ก๋วยเตี๋ยวกับซุปร้อนๆ ช่วยคลายหนาว” ผมยื่นถ้วยก๋วยเตี๋ยวทั้งสองให้ไวโอล่าที่นั่งอยู่บนโซฟา สองแฝดนอนอยู่บนฟูกประจำของตัวเองด้านล่าง สายตากำลังมองการ์ตูนโดเรม่อนภาคภาษาไทยที่ผมโหลดมา ผมเดินไปยกโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กสำหรับเอาไว้วางอาหารมากางบนเหนือหัวแฝด


“ลืมหยิบเครื่องปรุงมา เดี๋ยวมานะ” ผมเดินออกไปจากห้องกลับไปที่ครัว หยิบชุดเครื่องปรุงติดมือมา ขณะที่กำลังจะเดินกลับไปแฟมิลี่รูม ก็เจอกับวิคเตอร์ในสภาพเดิม เพิ่มเติมมีผ้าขนหนูสีขาวพันเอวอยู่


“อ้าว ตื่นพอดี ผมทำก๋วยเตี๋ยวไว้ให้อะ ตักกินเอานะ ผมไปกินกับไวโอล่าก่อน” วิคเตอร์พยักหน้าง่วงๆ ยกมือขวาถูตาสองสามที ผมเดินกลับไปทางเดิม ไวโอล่ากำลังนั่งซดน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว อันที่จริงเครื่องปรุงที่เอามา มีผมคนเดียวนี่แหละที่ชอบเติมตามนิสัยคนไทย


“อร่อยป่ะ” ผมถามไวโอล่าที่กำลังใช้ช้อนหั่นเส้นก๋วยเตี๋ยวให้ขาด เธอยกนิ้วโป้งขึ้นเป็นการบอกว่าเยี่ยม ผมคลี่ยิ้ม ตักน้ำซุปเข้าปากหนึ่งช้อน สายตายังคงมองหน้าซีดเซียวและดวงตาบวมของไวโอล่า


“เธอโอเคมั้ย อยากไปหาหมอหรือเปล่า” ไวโอล่าเงยหน้าขึ้นมองผม ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ


“ก็แค่ไม่สบายที่อาจจะหายช้าหน่อยเพราะอากาศเป็นแบบนี้” เธอผายมือขวาไปด้านหลังที่เป็นกระจกบานใหญ่ เห็นความขาวโพลนของหิมะตามขอบหน้าต่าง ตามยอดไม้ ยอดหญ้า ยอดใดๆ ที่ทิ้งไว้เป็นของขวัญคืนวันคริสต์มาสที่ผ่านมา


ผมรู้ว่าร่างกายเธอไม่สบาย แต่เหมือนใจเธอก็จะไม่สบายด้วย


“เธอลบรูปแฝดออกจากอินสตาแกรมหมดเลยเหรอ” อันนี้ผมว่าก็ไม่ได้เสือกมากเท่าไหร่ คือผมเลื่อนฟีดอินสตาแกรมอยู่ เห็นของไวโอล่าเด้งมาพอดีก็เลยคลิกเข้าไปดูแบบไม่มีอะไรทำ แล้วก็พบว่า รูปสองมิชลินที่เธอเคยลงๆ ไว้หายเกลี้ยงหมดเลย ไม่มีเหลือแม้แต่รูปเดียว


ไวโอล่านิ่งชะงักไปพักหนึ่งหลังจากผมถามก่อนจะพยักหน้า “ฉันอยากให้ลูกมีความเป็นส่วนตัวน่ะ”


ผมอ้าปากค้างด้วยความงงหน่อยๆ กำลังคิดดีๆ ว่ามันมันคือประโยคสื่อออกมาตรงๆ หรือสื่อแบบมีความหมายอะไรหรือเปล่า คือการให้เด็กมีความเป็นส่วนตัวนี่มันคล้ายกับของวิคเตอร์มั้ยนะ


“ฉันก็อัปรูปแฝดไปหนึ่งรูป ควรลบมั้ยอะ” ไวโอล่ายิ้มและสั่นหัวรัวๆ


“ไม่ต้องหรอก อย่าเพี้ยนตามฉันเลยน่า” ผมลงรูปที่ถ่ายกับแฝดวันแรกที่เจอกันในโรงพยาบาลนั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้ลงอีกเลย แต่ผมถ่ายรูปกับถ่ายคลิปสองมิชลินเก็บไว้ในเครื่องเยอะเลยนะ แต่ยังไม่ได้ลงในโซเชียลใดๆ นอกจากส่งให้เพื่อนกับพ่อแม่ดูในไลน์


“เธอมีอะไร เอ่อ บอกฉันได้นะ” ผมถามแบบไม่ค่อยจะแน่ใจนัก โดยส่วนมากของความปกติ ไวโอล่ามีอะไรก็จะบอกผมเอง


เธอนั่งเงียบ เลิกคิ้วขึ้นแล้วก็พ่นลมหายใจเบาๆ สายตามองไปทางลูกชายทั้งสองคนด้วยสายตานิ่งสงบแบบที่เดาไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไร ผมมองตามแบบไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่คิดเร่งเร้าให้เธอพูดนั่นพูดนี่ออกมา


“วันนี้วันเกิดเธอนี่” ผมหน้าเหวอไปนิดที่จู่ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องอย่างเร็วแล้วหันมายิ้มตื่นเต้นให้ ผมคลี่ยิ้มแห้งแบบงงๆ และพยักหน้าหงึกๆ


เป็นอันว่าเธอคงไม่อยากพูด ก็เหมือนพี่ชายเธอแหละ อยากพูดเดี๋ยวพูดเอง


“ฉันยังไม่มีของขวัญวันเกิดให้เธอเลย มีแต่ของคริสต์มาส” เธอยื่นปากไปทางใต้ต้นคริสต์มาสใกล้กับเตาผิงที่ปูพรมสีขาวไว้สำหรับวางกล่องของขวัญ มีไม่ถึงสิบกล่องหรอก เล่นกันอยู่สี่คน ยังไม่ได้รวมวิคเตอร์ ไม่รู้เขาจะเล่นด้วยมั้ย


“ไม่เป็นอะไรหรอก แฝดนี่ไง ของขวัญวันเกิดฉัน”


“เหมือนกันที่ไหนล่ะ วันนี้เราชวนพี่ออกไปช้อปปิ้งกันเถอะ” ท่าทาของเธอดูตื่นเต้น ผมที่เห็นว่าช่วงนี้เธอป่วย แถมหน้าตาไม่ค่อยจะผ่องใสเท่าไหร่ก็เลยไม่คิดขัด


“ก็ได้ รอออสตินกลับมาแล้วไปกัน” ไวโอล่าคลี่ยิ้มและพยักหน้าหลายที เห็นแบบนั้นผมก็ใจชื้นขึ้นมาบ้างว่าเธอดูสดใสอย่างที่เป็นแล้ว


“พี่แต่งตัวอะไรน่ะ” ผมหันไปมองตามสายตาไวโอล่าก็เห็นวิคเตอร์ในสภาพที่เจอกันในครัวเมื่อกี้เดินถือถ้วยก๋วยเตี๋ยวเข้ามาในห้องแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาตัวโค้งอย่างสบายใจ


“ซานต้าไง” เขาตอบพลางตักเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากแต่มันกลับไหลหนีช้อนลงไปในถ้วยจนหมดเลยได้ซดแต่น้ำซุปแทน


“เป็นซานต้าที่ประหลาดที่สุดในโลกเลย” ไวโอล่าขมวดคิ้วมองพี่ชาย ส่วนคนพี่ก็ยักไหล่ชิลๆ ท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ผมหัวเราะเบาๆ พลางซดน้ำซุปเข้าปาก


“ไอ้ตัวสีฟ้าหัวกลมๆ นี่มันอะไรกัน” เขาย่นคิ้วและชี้ไปบนจอผ้าดิบสีขาวอันยักษ์


“เขาชื่อโดเรม่อน เปิดให้แฝดดู แฝดชอบการ์ตูน”


“วู้ว โตจนจะสามเดือนเต็มแล้วยังดูการ์ตูนอยู่อีก” ผมอ้าปากหวอเล็กน้อย



“เอ๊ะ แล้วคุณจะให้แฝดดูหนังสงครามรึไงล่ะห๊า” เขาไม่ตอบผม แต่ดูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ สายตามองไปที่สองแฝดก่อนจะพูดเสียงห้าว


“เฮ้ย แกอยากดูอะไรกันไอ้ลูกหมู หนังโป๊มั้ย” ผมขมวดคิ้ว ไวโอล่านั่งหัวเราะ ผมหยิบหมอนข้างอันเล็กของแฝดขึ้นมาขว้างใส่เขา วิคเตอร์สะดุ้งนิดหน่อย


“อย่าสอนหลานให้เหมือนคุณสิ!”


“โตขึ้นยังไงมันก็ต้องดู ก็หัดให้ดูตั้งแต่ตอนนี้ไปเลย” ผมอ้าปากค้างกับตรรกะความคิดของเขาที่ท่าทางจะคิดจริงจังอยู่ด้วยแน่ๆ


“ไอ้เตอร์!” ผมกระแทกเสียงเป็นภาษาไทย ไอ้เตอร์นั่งหน้ามึนกินก๋วยเตี๋ยวชิลๆ ต่อไป


ซานต้าคนนี้หน้าด้านไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 16-05-2018 18:35:29
V
v
v

ผมกับวิคเตอร์กลับเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนด้วยกัน เปิดน้ำแบบอุ่นสุดๆ จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากอาบกันหรอก แต่เมื่อคืนมีกิจกามร่วมกันมาเลยต้องชำระล้างร่างกายกันสักหน่อย อีกอย่างวิคเตอร์บอกให้แต่งตัวให้ดูดีเพื่อต้อนรับแขกที่ออสตินกำลังไปรับมา


“คนนั้นคือใครเนี่ย ชู้คุณรึเปล่า” ผมถามตอนที่กำลังนั่งอยู่บนตัวเปลือยเปล่าของวิคเตอร์และตัวผมเองก็เปลือยเปล่า สองมือใช้ผ้าขนหนูขย้ำเส้นผมเปียกหมาดของตัวเอง สองมือวิคเตอร์จับๆ บีบๆ ตรงสะโพกกับเอวของผมไปเรื่อยเหมือนเขากำลังเพลินมือ ผมช่วยเป่าผมเขาจนแห้งสลวยสวยเก๋เรียบร้อย


“ไปรับชู้มาหาเมียตัวจริงเหรอ ก็เข้าท่าอยู่นะ…” ผมมองจิกไปหนี่งที วิคเตอร์ยิ้มขำ


“…นอกจากแม่ ย่า แล้วก็นาย ฉันไม่เคยอ้อนวอนใคร แต่คนนี้ฉันจำเป็นต้อนอ้อนวอนจริงๆ” ผมย่นคิ้ว จากที่ไม่ได้สงสัยมากมาย ตอนนี้คือสงสัยมากว่าเป็นใคร แล้วเขาไม่ได้พูดโดยใช้คำระบุเพศด้วยนะว่าฮีหรือชี เลยยิ่งชวนสงสัยใคร่รู้


“ใครเนี่ย” ผมว่าหน้าบึ้ง วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ และไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกอะไรเพิ่มเติม สร้างความหงุดหงิดให้ผมยิ่งนัก เพราะมันคืออาการเผือกครึ่งๆ กลางๆ อีกแล้ว !


ผมเช็ดหัวจนแห้ง พอดึงผ้าขนหนูออกจากหัว วิคเตอร์ก็พลิกให้ผมลงไปนอนข้างล่างแล้วก็ซุกไซ้ซอกคอผมอย่างอ่อนโยนให้ผมรู้สึกระทวยไปทั้งร่าง ผมแหงนหน้าขึ้นให้เขาไซ้ไปรอบคออย่างไหลลื่น ผมหลับตาพริ้ม สองมือยื่นไปลูบก้นแน่นๆ ของเขาแล้วลากขึ้นมาถึงแผ่นหลัง ลูบขึ้นลูบลงเบาๆ


ไอ้เตอออออร์! ไอ้เตอออออร์! ไอ้เตอออออร์!


“ผมเกลียดเสียงเรียกเข้าคุณจริงๆ” มันคือเสียงพ่อผมที่เขาแอบอัดเอาไว้ตอนที่พ่อด่าเขาแล้วเขาก็เอามาแปลงเสียงเป็น EDM ซะมันส์หยด


“เกลียดพ่อตัวเองเหรอ ใช่ ฉันก็เกลียดพ่อนายด้วย” วิคเตอร์ยิ้มขำพลางยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูหน้าจอ ผมกดสายตาลงไปมองกลางลำตัวของเขา มันแข็งแบบอ่อนๆ ผมเอื้อมมือไปจับเล่นในขณะที่วิคเตอร์คุยโทรศัพท์


“ว่าไง… โอเค เดี๋ยวฉันออกไป… ที่ห้องโถงแหละ” เขากดวางสาย วางมือถือไว้บนเตียงและก้มลงมองผมด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมชอบ


“ไปแต่งตัวกัน” ผมปล่อยมือออกจากลูกชายเขาที่แข็งตัวไม่เกรงกลัวอากาศหนาวแล้วยกสองแขนขึ้นคล้องคอเขา


“พาไปที” วิคเตอร์ยิ้ม ก้มลงจูบหน้าผากผมหนึ่งทีก่อนก้มช้อนตัวผมขึ้นจากเตียง ผมยกสองขาเกี่ยวเอวเขาแน่นและปล่อยให้เขาอุ้มพาไปทางห้องแต่งตัวในห้องนอน ผมหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์ตีก้นผมไปสองที


ผมเลือกใส่เชิ้ตสีชมพูอ่อน ส่วนวิคเตอร์ใส่เชิ้ตสีฟ้าอ่อนแล้วก็ใส่กางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มเหมือนกัน พอแต่งตัวเสร็จเราก็ออกไปจากห้องนอนพร้อมกัน ผมเปิดมือถือเช็กข้อความต่างๆ พ่อถ่ายรูปว่าไปทำบุญวันเกิดให้ผมที่วัดมา และส่งข้อความมาอวยพร เดี๋ยวนี้เขาไฮเทค ผมดีใจมากที่พ่อไม่ใช่แนวสวัสดีวันจันทร์ วันอังคารอะไรแบบนั้น ส่วนแม่ไม่ใช่คนเล่นอะไรแบบนี้ ชอบที่จะโทรมากกว่า ซึ่งเดี๋ยวคงโทรมาอวยพรตามปกติ


“สวัสดีครับคุณอา”


“แกทำให้ฉันวุ่นวายมากนะเจ้าวิคเตอร์!” ผมมองหน้าหนุ่มวัยกลางคนในชุดสูทสีน้ำตาล ผิวขาวแต่เป็นขาวขุ่นๆ โครงหน้าดี หน้าตาดี รูปร่างท้วม แต่ไม่ถึงกับอ้วน ตัวเตี้ยกว่าวิคเตอร์แต่ก็สูงกว่าผม เขาสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ท่าทางดูเซ็งๆ เบื่อๆ วิคเตอร์เดินเข้าไปกอดเขา และแม้ว่าจะบ่นวิคเตอร์ไปหนึ่งชุดเขาก็ยกมือขึ้นตบหลังไอ้ยักษ์เบาๆ หรือจริงๆ อาจจะยากตบจนหลังหักก็เป็นได้


“ผมขอบคุณมากครับที่อาช่วยจนสำเร็จ”


“ค่าจ้างที่แกให้ฉันมาบอกเลยว่าไม่คุ้มกับการที่ฉันวิ่งเต้นให้แกเป็นเดือนๆ” วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ ผมมองสถานการณ์ตรงหน้าแบบงงๆ พอหันไปมองออสตินเขาก็ทำหน้านิ่งไม่สนขิงข่าใดๆ


“แล้วไหนล่ะแฟนแก” วิคเตอร์หันหลังมากวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา ผมยกยิ้มแบบเก้ๆ กังๆ ให้ผู้ชายคนนั้น เขามองสำรวจผมอย่างรวดเร็ว


“แฟนแกหรือลูกเลี้ยงแกเนี่ย หน้าเด็กกว่าแกจัง” วิคเตอร์ทำตาโตและทำคอยึกยัก ผมยิ้มอีกที มือขวาเงอะงะว่าควรยื่นไปทักทายเขาดีมั้ย สุดท้ายเขาคงเห็นว่าผมทำท่าจะเช็กแฮนด์ เขาเลยยื่นมือมาแล้วยิ้มให้


“สวัสดีครับ ผมชื่อแมท”


“ฉันดอร์ม ดอมินิค เรียกชื่อฉันไปเลย นามสกุลอย่าไปสนใจมัน” ผมหัวเราะแหะๆ และปล่อยมือออกจากมือเขา


“คุณดอร์มเป็นอาของวิคเตอร์เหรอครับ” ดอมินิคยักไหล่ทั้งสองข้าง หน้าตาไม่ยินดียินร้ายอะไร


“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละนะ เจอมันตั้งแต่เล็กๆ มรดกทุกชิ้นที่มันได้เนี่ย ก็เพราะฉันจัดการให้นี่แหละ” ผมอ้าปากว่าอ้อ และสามารถติ๊ต่างได้ว่าเขามีอาชีพเป็นทนาย และน่าจะเป็นทนายประจำตระกูลของวิคเตอร์ด้วย


“วันนี้คุณจะเอามรดกมาให้เขาอีกเหรอครับ” ผมถามแบบงงๆ สร้างเสียงหัวเราะให้วิคเตอร์กับดอมินิค ทนายหนุ่ม (สูงวัย) ยกนิ้วชี้มาที่ผม


“ฉันชอบแฟนแกนะวิคเตอร์”


“อาชอบไม่ได้ คนนี้แฟนผม” ดอมินิคยิ้ม หมุนตัวเดินไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวในห้องโถง วิคเตอร์จูงมือผมผ่านต้นคริสต์มาสต้นใหญ่กลางบ้านที่ตกแต่งจัดเต็มไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ผมมองดอมินิคเปิดประเป๋าเอกสารแบบงงๆ หันไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขายิ้มละมุนอยู่


“หรือคุณจะทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ผมเหรอ” ผมแกล้งถามตาเป็นประกาย วิคเตอร์ยิ้มมุมปากก่อนตอบ


“ผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ นายอยากได้อะไรก็เอาไปเลย” ผมทำตาโตด้วยความทึ่ง นี่เขาเอาจริงเหรอเนี่ย สมบัติเขาเยอะมากนะ กรี๊ด จะรวยแล้ววว


“มันยากมาก แต่ยังดีที่แกติดต่อมาล่วงหน้าเป็นเดือน ฉันเลยมีเวลาเตรียมการ และเป็นการดีมากที่แฟนแกผ่านทุกอย่างอย่างที่ควรจะผ่านตามกฎหมายของอังกฤษแล้ว ฉะนั้น วันนี้ ขั้นตอนสุดท้ายที่แกต้องการ…” คุณดอมินิคเลื่อนกระดาษสีครีมมีลายพิมพ์สีเขียวมาตรงหน้าเราสองคน ผมย่นคิ้วมองงงๆ และหันไปมองวิคเตอร์ที่กำลังคลี่ยิ้มกว้าง


“Happy birth day.” ผมกะพริบตางงๆ วิคเตอร์บุ้ยปากไปทางกระดาษแผ่นนั้น ผมหยิบขึ้นมากวาดตาดูข้อมูล ก่อนจะสะดุดกับชื่อตัวเองบนกระดาษ แต่ที่สะดุดยิ่งกว่าชื่อตัวเอง คือนามสกุลที่ต่อท้าย


Matt Raymond


ผมอ้าปากค้าง หัวใจที่เต้นตามปกติจู่ๆ ก็เต้นรัวจนนึกกลัวหัวใจตัวเอง


“นี่มัน…” ผมพูดเสียงเบา หันไปมองวิคเตอร์ที่ยิ้มอบอุ่น ก่อนหันกลับไปมองคุณดอมินิคที่ยิ้มอย่างยินดีและพูดเสียงสดใสว่า


“ใบทะเบียนสมรสของนายกับวิคเตอร์” ผมรู้สึกว่าตัวเย็น ไม่ได้เย็นเพราะอากาศเย็นด้านนอก จะว่าตื่นเต้นมันก็ใช่ แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะกรี๊ดหรืออะไร เหมือนตอนนี้ผมช็อกไปชั่วขณะกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้ แต่เป็นการช็อกในแบบที่ดีนะ


“ทะเบียน… เอ่อ… ทะเบียน… คนเป็นคู่” ผมนึกคำศัพท์ไม่ออกทั้งที่อยากจะพูดหลายคำ แต่ตอนนี้ใจมันเต้นแรงมาก ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นเต้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับด้วยความดีใจ รอยยิ้มหุบๆ อ้าๆ หันมองวิคเตอร์ด้วยความตื้นตัน แล้วสักพักน้ำตาผมก็ไหลออกมาด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ยกมือเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างเบามือ


“Thank you. Thank you.” ผมพึมพำกับเขา แล้วสักพักก็หัวเราะทั้งน้ำตา


มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะหาคำบรรยายมาบอกว่าผมมีความสุขมากแค่ไหนกับของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ที่เขามอบให้


“But how did you get this paper? It’s a boxing day. This is very holiday for your country, doesn’t it? (แต่คุณได้มาได้ยังไง มันเป็นวันบ็อกซ์ซิ่งเดย์นี่ มันคือวันหยุดของประเทศคุณไม่ใช่เหรอ)” ผมถามไปพลางเช็ดน้ำตาไปด้วย


“Because this is me. (เพราะนี่คือฉัน)” วิคเตอร์ตอบชิลๆ ผมยิ้มขำ หันมองกระดาษแผ่นนั้นด้วยความตื้นตันใจอีกที


“และเพราะมันบังคับฉันให้ดำเนินเรื่องให้มัน นายถึงได้ถือกระดาษแผ่นนี้อยู่” ผมเลื่อนสายตามองดอมินิคทั้งที่ยังยิ้มอยู่


“เขาบอกว่าเขาอ้อนวอนคุณ” ดอมินิคทำหน้าสยอง ผมหัวเราะ


“คนอย่างวิคเตอร์เนี่ยนะจะมาขอร้องฉัน ถึงจะขอร้องจริงๆ แต่ก็แกมบังคับอยู่ดี” ผมหันไปมองวิคเตอร์ เขายักคิ้วและเบ้ปากเล็กๆ ผมหันกลับไปมองดอมินิคอีกที


“ขอบคุณมากนะครับ มันต้องไม่ง่ายแน่ๆ ที่ต้องทำเรื่องนี้ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวแบบนี้” ดอมินิคทำหน้าคล้ายแขยงของแสลงอะไรสักอย่าง


“ไม่ง่ายเลยสักนิด ใครจะอยากทำงานให้ในวันหยุดตัวเองล่ะ แต่อย่างที่ฉันบอก วิคเตอร์ติดต่อฉันมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว ฉันเลยพอมีเวลาในการเข้าไปคุย ก็นะ มีเส้นสายไว้มันก็ดีด้วยละ แต่ต้องขอบคุณนาย ที่ไปทำเรื่องต่างๆ ไว้จนเสร็จแล้ว มันเลยลดความยากให้ฉันลงเยอะ” เขาคงหมายถึงเรื่องที่ผมเข้าไปย้ายทะเบียนบ้าน และทดสอบต่างๆ ตามที่รัฐบาลกำหนดเรื่องกฎหมายชีวิตคู่มาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องนามสกุล ผมไม่ได้จัดการเอง วิคเตอร์บอกจะจัดการให้ แล้วก็เงียบหายไป จนผมมาเห็นว่านามสกุลตัวเองเปลี่ยนไปแล้วเนี่ยแหละ


“เซ็นชื่อเธอสองคนลงบนนั้น ของขวัญวันเกิดที่วิคเตอร์ตั้งใจให้นายจะได้สมบูรณ์” ดอมินิคยิ้มอย่างใจดี ผมไม่เคยเจอเขา ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยได้ยินเรื่องเขามาก่อน แต่ในการเจอกันครั้งแรกนี้ ผมไม่รู้สึกแย่หรือรู้สึกไม่ดีอะไรกับเขาเลย


ผมวางกระดาษแผ่นนั้นลงบนโต๊ะหิน ยกสองมือเช็ดน้ำตาจนแห้ง ดอมินิคยื่นปากกาสีเงินวาวมาให้ ผมรับมาพร้อมกับยิ้มกว้าง พอหันไปมองวิคเตอร์เขาก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้และพยักหน้าลงหนึ่งที ผมจรดปากกาลงบนช่องเซ็นชื่อตัวเอง ยิ้มด้วยความสุขอันล้นใจตอนที่ลากลายเซ็นตัวเองลงบนช่องนั้น


มันเป็นของขวัญวันเกิดที่พิเศษที่สุดจริงๆ


แน่สิ วันนี้วันหยุด เป็นวันหยุดของชาวตะวันตกที่พวกเขาจริงจังมากว่าจะต้องไม่มีงานมาปน แต่ไอ้ยักษ์ก็เนรมิตรของขวัญชิ้นนี้มาให้จนได้ ซอรี่นะยักษ์ที่ผมดันเกิดตรงกับวันหยุด


“ในที่สุดฉันก็จับตัวเองใส่กรงอย่างสมบูรณ์แบบสินะ” วิคเตอร์ว่าหลังจากเซ็นชื่อตัวเองเสร็จ ผมหันไปมองค้อนเล็กๆ ดอมินิคนั่งขำเราสองคน


“ฉันก็ขอเป็นพยาน และ โอ้ คุณบอดี้การ์ดด้วยอีกคนสินะ…”


“…เออ ถ้าหาพยาน ผมขอให้มีอีกสามคนได้มั้ยครับ” ดอมินิคทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้า ผมยิ้มกว้าง หันไปมองวิคเตอร์ที่ทำหน้ารู้ทัน ผมลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถง วิ่งไปทางห้องแฟมิลี่ เปิดประตูเข้าไปก็เห็นไวโอล่ากำลังนั่งเล่นกับแฝดอยู่


“ไวโอล่า ฉันมีเรื่องให้เธอกับแฝดช่วยแน่ะ” ไวโอล่าทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้ารับ ผมเข้าไปอุ้มเฮคเตอร์และบอกให้ไวโอล่าอุ้มแฮคเตอร์ตามมาด้วยกัน เราพาสองหนุ่มในชุดซานต้าสีแดงออกมาที่ห้องโถง


“โว้ววว ฝาแฝดซานต้าเหรอเนี่ย เฮ้ ไวโอล่า”


“อ้าว คุณอา” ไวโอล่าดูตกใจแต่ก็ยิ้มค้างด้วยความดีใจเช่นกัน เธอเดินเข้าไปหอมแก้มดอมินิคหนึ่งที


“ได้ยินว่าเธอคลอดลูกแฝด แต่ไม่คิดว่าจะตัวกลมกันขนาดนี้”


“มันคือลูกหมู ไม่ใช่ลูกคน” แน่นอนว่าประโยคขี้แซะแบบนี้มีคนเดียวแหละ


“คุณอามาทำอะไรคะ” ดอมินิคผายมือมาทางทะเบียนสมรสของผมกับวิคเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ไวโอล่ามองตาม และผมคิดว่าเธอคงคุ้นเคยกับของที่เป็นบ้านเมืองเธออยู่แล้ว เธอเลยอ้าปากค้างและเบิกตากว้าง ก่อนจะมองเราสองคนและยิ้มให้ด้วยความดีใจ


“Congratulations!” ผมยิ้มกว้าง วิคเตอร์ยิ้มอ่อนให้น้องสาว ไวโอล่ายกมือป้อมๆ ของซานต้าแฮคเตอร์ขึ้นโบกไปมา ส่วนเจ้าซานต้าก็นั่งตัวพองแก้มยุ้ยน่าฟัดอยู่ในอ้อมแขนแม่


“ฉันเลยอยากให้เธอและแฝดมาอยู่เป็นพยานในครั้งนี้ด้วย” ไวโอล่าพยักหน้าด้วยความดีใจ เธอเดินเอาแฮคเตอร์มาให้พี่ชายอุ้มไว้


“โอ้ย หนัก ขาฉันจะต้องหักแน่ๆ”


“เว่อร์น่าวิคเตอร์”


“แอ… แอ…” ผมยิ้มขำ มองซานต้าตัวกลมที่แหงนหน้ามองลุงยักษ์ผมยาวของตัวเอง


“ใช่มั้ยครับแฮคเตอร์ ลุงยักษ์เว่อร์เนอะ หนูออกจะตัวเบา”


“แอออ๊!” ผมก้มลงมองเฮคเตอร์ที่ดีดขาไปมา ราวกับจะตอบรับว่าใช่ๆ พวกหนูตัวเบา เสียงหัวเราะครืนๆ ดังไปทั่วห้องโถง


“เอาละ ไม่ต้องเป็นพิธีการมากละนะ คนกันเองทั้งนั้น เอาเป็นว่า ฉัน ไวโอล่า คุณบอดี้การ์ด และเจ้าฝาแฝดซานตาคลอส ขอเป็นพยานในความรักของนายสองคนในครั้งนี้ ว่าตอนนี้นายกลายมาเป็นคนครอบครัวเดียวกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะเป็นผู้ชายกับผู้ชาย แต่แล้วไงล่ะ นายสองคนรักกันนี่ และฉันยินดีด้วยจากใจจริง” ผมว่าผมคิดไม่ผิดที่รู้สึกดีกับดอมินิคตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ


“ยินดีด้วยอีกครั้งนะพี่ชาย และแม่ทูลหัวของแฝด” ไวโอล่ายิ้มกว้าง ผมดีใจมากที่ได้เห็นเธอยิ้มเต็มปากแบบนี้


“ยินดีด้วยนะครับคุณเรย์มอนด์ทั้งสอง”


“ขอบใจนะออสติน” บอดี้การ์ดหัวเกรียนยิ้มนิดๆ นี่ถ้าผมรู้ล่วงหน้าผมจะวิดีโอคอลหาพ่อกับแม่ให้มาร่วมเป็นพยานด้วย แต่เอาละ แค่นี้ก็อิ่มใจ พ่อกับแม่ค่อยบอกอีกทีแล้วกัน


“แอออ้!!” สองแฝดส่งเสียงหลังจากออสตินอวยพรเสร็จ ผมหัวเราะอ้าปากกว้าง มันทำให้ผมรู้สึกว่าเจ้าแฝดเขาอยากจะร่วมยินดีด้วย แม้จริงๆ แล้วที่สองหนุ่มส่งเสียงขึ้นมานั้นเป็นเพราะพยายามส่งมือป้อมอ้วนหากัน แล้วก็อาจจะสื่อสารกันเองและอาจจะสื่อสารกับแม่ซื้ออยู่ก็เป็นได้


แม่ซื้อมาอีกแล้ว แม่ซื้อไม่เคยได้พัก


“แล้วงานแต่งงานล่ะ จะมีกันรึเปล่า” ดอมินิคถาม


“เสร็จงานแล้วเดี๋ยวจะคุยกันอีกทีแหละครับอา” วิคเตอร์ว่าพลางเขย่าขา ทำให้ตัวแฮคเตอร์เด้งดึ๋งๆ มิชลินเบอร์สองดูเพลินมาก พอลุงยักษ์หยุดก็แหงนหน้ามองเป็นการบอกว่าทำต่อสิ ลุงยักษ์เลยต้องสั่นขาต่อ


“นี่ถ้าพ่อแกรู้ว่าฉันจัดการเรื่องนี้ให้แกนะ อาละวาดสำนักงานฉันแตกแน่ๆ” ดอมินิคว่า แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีซีเรียสหรือกลัว เหมือนเขาพูดขำๆ มากกว่า


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมสร้างสำนักงานให้อาใหม่เอง” ดอมินิคส่ายหัวอ่อนใจแต่ปากก็ขยับเป็นรอยยิ้ม


“ถ่ายรูปมั้ย” ไวโอล่าเสนอขึ้นมา ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและยื่นมือถือให้ไวโอล่าเก็บภาพเราสี่คนก่อน ผมกับวิคเตอร์เขยิบเข้าไปใกล้กัน แขนซ้ายผมคล้องเฮคเตอร์ มือขวาถือทะเบียนสมรส ส่วนวิคเตอร์ใช้แขนขวาคล้องตัวแฮคเตอร์ไว้ และใช้มือซ้ายจับทะเบียนสมรสร่วมกันกับผม


“ยิ้มกว้างๆ หน่อยค่า อะ แฝดยิ้มหน่อย หนึ่ง สอง สาม ชีสสส!”


เป็นวันเกิดอีกปีที่ผมมีความสุขมาก


ขอให้มีความสุขในทุกๆ วัน ถึงจะไม่มากหรือท่วมท้นเท่าวันนี้ แต่ก็ขอให้มีความสุขมากกว่าทุกข์


จะเป็นไปได้มั้ยครับซานต้าลูกหมูทั้งสอง


“แอ๊ะๆ!”


ฮ่าๆๆ









เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               ของขวัญชิ้นนี้พิเศษที่แท้จริง เพราะบังคับให้เขาเอามาให้ ถ้าไม่ใช่ไอ้ยักษ์ก็ไม่มีใครนิสัยแย่ได้แบบนี้แล้วแหละ อ้าว 555555

               ณ จุดๆ นี้ หน่องแมทก็เป็น คุณนายเรย์มอนด์เต็มตัวแล้นนะจ๊ะ กิ๊ๆ คุณนายแห่งมืองผู้ดี หุๆ

               น้องแฝดก็มาเป็นพยานให้สองผัวเมียละเหี่ยใจในชุดซานต้าสุดน่ารัก เขียนเองยังมันเขี้ยวน้องเลยอะ แง่มๆ

               ตอนนี้เป็นต้นไป จะอัปแบบเต็ม 100% ทุกตอนไปยันจบแล้วค่ะ ยังไงอ่านแล้วก็คอมเม้นเป็นฟีดแบ็คให้กำลังใจกันหน่อยแล้วกันเนอะ

               ใครที่พรีฯ หนังสือไว้ ดูการอัปเดตได้ที่เพจตลอดๆ เลยนะคะ ตอนนี้เริ่มแพ็คหนังสือแล้นแน้จ๊า ฮิ้วววววว

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-05-2018 19:53:05
แมทเป็นคุณนายเรย์มอนด์แล้ว
ยักษ์ทำดี   :mew1:

ยักษ์ แมท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-05-2018 20:28:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  โอ๊ยยยย อิจฉา อยากได้แบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-05-2018 20:33:07
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-05-2018 20:49:29
พูดได้เต็มปากเสียทีว่า "หลัวข้าใครอย่าแตะ"  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-05-2018 22:15:43
ดีใจกัยแมทด้วย ยักษ์นี่ทำดีจริงๆ แต่มันฟินไม่สุดอ่ะ ข้องใจกับไวโอล่านี่แหล่ะ ไม่ใช่ป่วยหนักใกล้ตายไรงี้นะ ม่ายๆฟ :serius2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-05-2018 23:21:09
เป็นห่วงไวโอล่าจัง
สงสัยมีประเด็นอะไรรออยู่อีก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 16-05-2018 23:59:07
ดีต่อใจ.  :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 17-05-2018 00:24:37
วิคเตอร์ก็แอบโรแมนติกนะ เอาทะบียนสมรสมาเป็นของขวัญวันเกิดซ้าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-05-2018 01:51:54
ในที่สุดก็ถึงวันที่ทั้งสองคนได้จดทะเบียนกันแล้ว ดีใจด้วยนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 17-05-2018 10:28:47
มาร่วมยินดีกับคู่นี้ด้วยคนจ้า  :L2:  :L2:  ขอความสุขแบบนี้มาเรื่อยๆก็พอกลัวเห็นความเศร้าล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-05-2018 01:50:20
5555 เดี๋ยวคุณสามียอมคุณภรรยาไปหมดนะคะ
ตรงนั้น ตรงนี้ ตรงไหนได้หมด รักแฝดมากล่ะสิ

แฝดอ้วนน่ารักมากเลยค่ะ อยากมีส่วนร่วมด้วยใช่ไหม
แมทน่ารักเยอะเลย ติดแฝดมากและดูแลดีมาก
แต่ก็ไม่เคยทิ้งความเป็นแม่บ้าน ดูแลวิคเตอร์และคนในบ้าน

วิคเตอร์ ของขวัญนี้ โรแมนติคนะคนเรา ตอนแรกคิดว่าพาพ่อแม่มา
แต่อันนี้เซอร์ไพรส์กว่า น่ารักที่สุดค่ะ เป็นมิสเตอร์เรย์มอนด์ตัวจิ๋วละนะ แมท

ยังงงใจกับไวโอล่า พ่อแฝดกลับมากวนใช่ไหม
แล้วตลกออสติน ทำให้แมทอยากแล้วจากไป
บอกแบบนี้ รู้ตัวคนแล้วแน่นอน

ยินดีกับครอบครัวที่สมบูรณ์นะวิคเตอร์แมท
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-05-2018 14:00:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.29 100% :16.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 20-05-2018 14:34:08
ต่อไปจะเรียก แมทเฉยๆไม่ได้แล้ว ต้องเรียกว่า  "คุณนายเรย์มอนด์"
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-05-2018 20:13:02

Yours and Mine EP.30 :: We [have to] live with that. (เราก็ [ต้อง] ยอมรับมันแหละ)



 “Wowww! The Michelin twins already has their own stroller! (ว้าววว ในที่สุด แฝดมิชลินก็มีรถเข็นเป็นของตัวเองแล้ววว)” ผมนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นห้าง ส่งยิ้มกว้างให้สองแฝดที่ตอนนี้นอนอยู่ในรถเข็นคันใหม่แบบฟูลออพชั่นที่สุดเท่าที่ผมเลือกมาแล้วว่าดีที่สุด ใช้คุ้มสุดและใช้ได้ทนนานที่สุด และแพงสุด เพราะเป็นเงินของหลัว

 

 

“You don’t have to stay in the basket anymore. (หนูไม่ต้องอาศัยอยู่ในตะกร้าอีกละเนอะ)” ผมยิ้มกว้างล้อแฝดอ้อแอ้ มองเด็กน้อยจ้ำม่ำในชุดซานตาคลอสสีแดงที่กำลังชูมือขึ้นเหวี่ยงเล่นไปมา ผมเลือกให้เฮคเตอร์เป็นสีน้ำเงินดำ ของแฮคเตอร์เป็นสีแดงดำ ทั้งสองคันมีหลังคาเลื่อนปิดเปิดอัตโนมือได้ด้วย จะปรับให้เป็นนอนเหยียดขายาวก็ได้ หรือจะปรับให้เป็นแบบนั่งก็สบายมาก

 

 

“And you have the GPS on your car! (แล้วก็ยังมีระบบ GPS บนรถอีกด้วยนะ)”

 

 

“แอ๊อออ” เฮคเตอร์ยิ้มตาหยีราวกับกำลังบอกว่าถูกใจของขวัญชิ้นใหม่เหลือเกิน ส่วนแฮคเตอร์กำลังนอนพ่นน้ำลายบุ๋งๆ ผมเลยยกผ้าอ้อมไปเช็ดน้ำลายให้เขา

 

 

“You have to say thank you to our big bankkkkkk! (ต้องขอบคุณธนาคารใหญ่ของเราาา)” ผมผายมือไปทางไอ้ยักษ์ที่มัดผมจุก ใส่แว่นดำและกำลังก้มลงมองสองแฝดนิ่ง ถึงจะทำนิ่งแบบนี้แต่ก็จ่ายให้หลานทั้งสองคนแบบไม่มีอิดออด แถมยังเป็นคนเสนอไอเดียเรื่อง GPS ติดบนรถด้วย เผื่อเอาไว้ฉุกเฉินใดๆ เดี๋ยวนี้ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการเลี้ยงลูกด้วย แต่ก็ต้องปรับใช้ให้พอเหมาะพอควร

 

 

“แฮ แฮ่ะ” แฮคเตอร์อ้าปากยิ้มและยกกำปั้นป้อมๆ ข้างขวาขึ้นชูโบกไปมาตรงหน้า ผมอ้าปากหัวเราะเบาๆ

 

 

“อ๊า อะๆๆ มิชลินเบอร์สองขอบคุณลุงยักษ์เหรอครับ” ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ยังหน้านิ่งหน้ามึนแล้วก็หัวเราะเพราะความคอนทราสกันของลุงกับหลาน ผมแหงนหน้ามองไวโอล่าที่กำลังถ่ายวิดีโอพวกเราไว้อยู่ ผมยกมือแฮคเตอร์ขึ้นโบกให้กล้อง

 

 

“Did you like it, mother? (ชอบมั้ยครับคุณแม่)”

 

 

“Yeah, it’s free. (ชอบสิ ของฟรีนี่)” ผมหัวเราะ ก้มลงฟัดแก้มสองแฝดคนละที เฮคเตอร์ส่งเสียงฮื่อๆ เหมือนเป็นการขู่ ผมหัวเราะจนรู้สึกคอจะแห้ง

 

 

“จะทำอะไรกันต่อ” วิคเตอร์ถามแบบอึนๆ ผมหันมองไวโอล่า เธอหยุดกดถ่ายวิดีโอ เก็บมือถือไว้ในกระเป๋าใบเล็ก

 

 

“ฉันว่าจะพาแมทไปซื้อของขวัญวันเกิด พี่ไปด้วยกันมั้ย”

 

 

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวไปหาที่นั่งรอแล้วกัน”

 

 

“เอาแฝดไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”

 

 

“อยู่คนเดียวน่าจะดีกว่า” ไวโอล่ายิ้มขำ ผมมองค้อนวิคเตอร์ไปที เราออกมากันแค่ห้าคน ออสตินขับรถไปส่งอาดอมินิก แล้วเดี๋ยวต้องกลับไปเฝ้าบ้าน เขาอาสาเอง เพราะเป็นห่วงบ้านเนื่องจากเพิ่งเกิดเหตุการณ์ไอ้เงาดำบุกบ้านมาหมาดๆ

 

 

“งั้นคุณไปหาร้านนั่งก่อน เสร็จแล้วผมจะโทรหานะ” วิคเตอร์พยักหน้าหนึ่งทีก่อนจะหมุนตัวเดินไปแบบชิลๆ ดูเขาจะผ่อนคลายกว่าตอนอยู่นิวยอร์กเยอะเลย หรืออีกนัยหนึ่งคือคนจำเขาได้น้อยมาก เขาเลยดูไม่กังวลอะไรเท่าไหร่

 

 

“จริงๆ เธอควรไปซื้อแล้วมาเซอร์ไพร์สฉันนะ จะได้ตื่นเต้นไง”

 

 

“ไม่เอาหรอก ฉันอยากให้เธอเลือกเอง จะได้ถูกใจสุดๆ” ผมคลี่ยิ้มและพยักหน้าหงึกๆ หน้าตาไวโอล่าสดใสขึ้นเพราะเครื่องสำอาง พอโบกลงไปก็ทำให้เธอดูฉ่ำไม่หน้าช้ำแบบที่เห็นกันเมื่อเช้า แต่ก็ไม่ได้โบกลงแน่น เธอแต่งแนวลุคซ์ธรรมชาติพิงค์ๆ ส้มๆ อะไรแบบนั้น ทำให้หน้าเธอดูสดใสขึ้นดีนะ

 

 

“งั้นฉันจะเลือกของที่แพงที่สุดในห้างนี้แล้วกัน” ไวโอล่าทำตาโต เพราะเงินที่จะซื้อเป็นเงินเก็บของเธอเอง ผมหัวเราะ

 

 

“อะๆ แอๆๆ” ผมก้มลงมองสองแฝด สองหนุ่มยิ้มและหัวเราะเสียงเล็กๆ น่ารัก เห็นแล้วก็ยิ่งทำให้หัวเราะตามไปด้วย

 

 

“อยากมีส่วนร่วมเหรอครับ ฮึ”

 

 

“แอออ๊” ผมหัวเราะเสียงดังแต่ก็ไม่ใช่ดังลั่นแบบที่ทั้งห้างจะหันมามอง

 

 

“สงสัยจะคึกที่ได้ออกนอกบ้าน ไม่ยอมนอนเลย คืนนี้หลับปุ๋ยแน่ๆ” ไวโอล่าว่าพลางก้มลงขยับหมวกซานต้าให้เฮคเตอร์

 

 

“ไปกัน ปล่อยพี่ชายเธออยู่คนเดียวนานๆ เดี๋ยวคนอื่นไม่ปลอดภัย” ไวโอล่ายิ้มขำ เข็นรถของแฮคเตอร์เดินนำไปก่อน ผมเข็นรถเฮคเตอร์เดินตามหลังเธอไปแบบที่ยังไม่รู้ว่าจะไปซื้ออะไรที่ร้านไหนดี เพราะผมเพิ่งเคยมาห้างนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่อังกฤษ

 

 

Westfield เป็นห้างขนาดใหญ่ในใจกลางลอนดอน ก็ไม่ถึงกับกลางมาก แฉลบออกมาข้างๆ นิดหน่อย (มันเป็นยังไง?) แต่คือก็อยู่ในโซนลอนดอน แบบใจกลางเมืองหลวงเนี่ยแหละ เป็นห้างตัวอักษรสีแดง ตัวห้างใหญ่มาก มีทุกอย่างเลยรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยมา แต่ห้างใหญ่มากๆ ขนาดนี้ ผมว่าของน่าจะเยอะและน่าจะครบครันในทุกๆ ด้านของชีวิต ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า หน้าผมต่างๆ ขาช้อปน่าจะถูกใจที่นี่ไม่ยาก

 

 

เราเดินเข็นรถของแฝดไปเรื่อยๆ แบบที่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าอยากได้อะไร ไม่ใช่ว่ามีครบทุกอย่างแล้ว แต่มันคิดไม่ทัน ไวโอล่าบอกตอนเช้า พอจัดการธุระเรื่องทะเบียนสมรสและกินข้าวกับอาดอมินิกเสร็จ เราก็พากันออกมา ซึ่งระหว่างทางก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะอยากได้อะไร ในหัวตอนนี้มีของตีกันวุ่นว่าเอาอะไรดี เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับสำหรับผมดูจะเชยไปแล้วในการเลือกเป็นของขวัญ เพราะมันซื้อได้ในชีวิตประจำวันแบบไม่ต้องมีเทศกาลก็ได้

 

 

“หรือเราจะออกไปเดินดูตลาดข้างนอกมั้ย เธออาจจะปิ๊งไอเดียของที่อยากได้” ไวโอล่าบอกหลังจากเราเดินเข็นสองแฝดมาจนทั่วชั้นที่เราอยู่ ผมหันไปยิ้มขำแห้งๆ แล้วก็นึกแบบล่องลอย ลอยไปเรื่อยจนกระทั่งสะดุดกับภาพตลาดแห่งนึงในหัว

 

 

“ฉันอยากไปตลาด Notting hill อะ”

 

 

“อ๋อ ตลาด Portobello Road Market อะเหรอ”

 

 

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน เรียกชื่อนี้ตามหนังจนติดปากไปแล้ว”

 

 

“ได้สิ ของน่ารักๆ เยอะแยะเลย”

 

 

“ฉันนึกถึงของพวกวินเทจอะไรแบบนี้ น่าจะเข้าทางฉันมากกว่าของหรูในห้าง คือก็ชอบของในห้าง แต่คิดว่าถ้าจะหาของแนวนั้นน่าจะต้องไปพวกตลาดหรือเปล่า” ผมกำลังนึกถึงของที่ทำจากไม้หอมๆ สีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้มจำพวกนั้น

 

 

“จากตรงนี้เดินไปก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้านั่งรถก็สักสิบห้านาที แต่เราจะบอกพี่มั้ย”

 

 

“บอกตรงๆ แหละ มารู้ทีหลังว่าโกหก ฉันซวยอีก” ผมทำหน้าขยาด ไวโอล่าขำ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก หยิบขึ้นมากดโทรหาวิคเตอร์ แค่สัญญาณเดียวเขาก็รับสายแล้ว

 

 

“ยักษ์ อยากไปตลาดที่ถ่ายหนัง Notting Hill อะ… ไม่ๆ ยักษ์นั่งรออยู่นี่ก็ได้นะ เดี๋ยวเราว่าจะเดินไปกัน ผมอยากชมลอนดอนด้วยอะ… จริงเหรอ หูย ใจดีจัง…”

 

 

[ให้แค่วันนี้วันเดียว วันเกิดนาย พ้นเที่ยงคืนไปก็ห้ามดื้อกับฉันอีก เดี๋ยวฉันแวะไปซื้อของสดเข้าบ้านให้แล้วจะตามไป ส่งลิสต์มาในวอทสแอพแล้วกัน] ผมทำปากยื่น แต่อย่างน้อยเขาก็ปล่อยให้อิสระตั้งวันนึง ซึ่งจริงๆ เดี๋ยวนี้วิคเตอร์ไม่ค่อยคอนโทรลอะไรผมมากแล้วนะ เพราะผมชินกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว เลยไม่คิดดื้อคิดดิ้นรนอีกเลย ถือว่าไอ้ยักษ์ฉลาด บังคับจนผมติดเป็นนิสัย เอ๊ะ ไม่ฉลาดสิ เขาเรียกว่าบ้าอำนาจ

 

 

“ก็ยังดี งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”

 

 

[ไม่เจอก็ไม่เป็นไร ดูจีพีเอสจากไอ้ลูกหมูสองตัวนั่นก็ได้]

 

 

“โอ๊เข่!” ผมกดสายจากวิคเตอร์แล้วหันไปพยักหน้ายิ้มกริ่มให้กับไวโอล่า เธอทำหน้าประหลาดใจ ผมยักไหล่สองข้างและแสร้งทำหน้าเบื่อหน่ายเล็กๆ

 

 

“วันเกิดฉันน่ะ เขาเลยใจดี”

 

 

“เข้าใจละ” เราสองคนหัวเราะ ก่อนจะเข็นรถของสองแฝดไปทางบันไดเลื่อนเพื่อลงไปตรงประตูหน้าห้างแล้วจะได้เดินออกไปตามถนนหนทางในลอนดอน ผมว่าการเดินมันก็ไกลมากแหละ แต่การเดินครึ่งชั่วโมงในลอนดอนที่อากาศเย็น (มาก) แบบนี้ กับเดินในไทยด้วยระยะเวลาเท่านี้แล้วอากาศร้อน (มหาศาล) แบบนั้น น่าจะไม่เหมือนกัน อันนี้อาจจะหนาวหน่อย แต่พอเอาลอนดอนที่หิมะไม่ค่อยตกไปเทียบกับบ้านนอกของเราที่ตกจนขาวสว่างแล้วนั้น ผมว่าพอใส่เสื้อกันหนาวมาแบบฟูลออพชั่นแบบนี้ ก็น่าจะสู้ไหวอยู่ ถ้าขาแข็งขึ้นมาจริงๆ ก็แท็กซี่แล้วกันนะ

 

 

ก่อนออกจากห้างเราจัดการห่มผ้าห่มที่เตรียมมาให้แฝดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้สองหนุ่ม พอเดินออกมานอกตัวห้าง อากาศเย็นแบบที่ไม่ใช่เย็นเพราะลมก็ถาโถมเข้ามา ช่วงสักเกือบสิบนาทีแรกคืออยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้างมาก แต่พอเดินไปสักพักมันก็เริ่มอยู่ได้ และเดินไปได้เรื่อยๆ ระหว่างที่เดินผมก็ส่งลิสต์ของที่จะซื้อเข้าบ้านไปให้วิคเตอร์ ฝากไวโอล่าเข็นรถคนเดียวก่อนสักพัก

 

 

“ฉันเองก็ไม่ได้มาเดินในลอนดอนนานแล้วนะเนี่ย” ผมได้ยินเสียงไวโอล่าพึมพำแต่ยังไม่ได้ตอบโต้ทันที เพราะกำลังพิมพ์หาวิคเตอร์อยู่ จนพอพิมพ์ของอย่างสุดท้ายเสร็จก็ปิดวอทสแอพแล้วเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า

 

 

“ครั้งล่าสุดมาเมื่อไหร่เหรอ” ผมถามพลางคว้ารถเข็นของเฮคเตอร์มาเข็นต่อ ไวโอล่านิ่งเงียบไปพักนึงก่อนตอบเสียงเรียบ

 

 

“ก่อนจะรู้ว่าท้องน่ะ” ผมหันไปมองเธอ ไวโอล่ากระตุกยิ้มอ่อน แต่เป็นยิ้มอ่อนออกไปทางเศร้าจนผมนึกงงในแว้บแรก แต่สักพักก็เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นตอนที่เธอยังคบกับแฟนอยู่

 

 

เอาเป็นว่าไม่ถาม ไม่พูดถึงแล้วกัน เราจะไม่ดันกระทู้นี้ขึ้นมาอีก

 

 

“อ้อ ถ้าเดินตลาดนอทติ้งฮิลล์แล้วยังไม่เจอของถูกใจ วันนี้มีตลาดที่ลอนดอนบริดจ์ด้วยนะ เผื่อเธออยากจะไปเดิน ฉันว่าตอบโจทย์เธอทั้งสองที่” ไวโอล่าสลัดท่าทีหมองๆ นั้นออกไปแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใสตอนที่แนะนำเรื่องตลาดอีกแห่งให้ฟัง ผมยิ้มกว้าง พยักหน้าตอบรับกับคำแนะนำอันกระตือรือร้นนั้น

 

 

ลอนดอนคือเมืองที่เจริญแล้วและอังกฤษก็คือประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นเมืองที่เจ.เค.โรว์ลิ่งใช้เป็นโลเคชั่นหลักในการเขียนนิยายอมตะเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ เป็นเมืองแห่งความน่าเที่ยวมาก มันสวยงามด้วยบรรยากาศ ด้วยอากาศช่วงปลายปี และยิ่งพอเรามาช่วงเทศกาลคริสต์มาส โอ้ว พระเจ้า แทบจะทุกซอกทุกมุมทุกหลืบทุกรูของเมืองนี้ อินกับคริสต์มาสมากกก มันรื่นเริง ครื้นเครงไปหมด มองไปทางไหนแลมีแต่ความสนุกสุขสันต์ ตึกรามบ้านช่องจากที่สวยคลาสสิคด้วยสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่อยู่แล้ว พอประดับประดาความคริสต์มาสเข้าไป มันยิ่งรู้สึกฟินซะเหลือเกิน ถ้าจะเทียบกับเทศกาลบ้านเรา ผมว่าคล้ายๆ กับสงกรานต์นะ ที่ผู้คนจะมีแต่ความสุขสนุกเฮฮา บรรยากาศทั่วประเทศคือมีสีสันและความชุ่มฉ่ำ

 

 

“มีเทศกาลฤดูหนาวช่วงกลางคืนด้วยนะ เป็นสวนสนุกมาเปิดในลอนดอน มีร้านขายของกินเยอะแยะมาก ฉันเคยมาปีก่อน สนุกดี แต่คนเยอะ”

 

 

“พี่ชายเธอจะยอมอยู่รึเปล่า”

 

 

“มันยังอยู่ในช่วงวันเกิดเธออยู่นี่ ฉันว่าพี่ยอม” ก็เป็นไปได้ เพราะเขาก็พูดเองว่าถ้าพ้นเที่ยงคืนไปผมต้องกลับเข้าสู่โหมดเชื่อฟังเขาตามเดิม เทศกาลคงไม่เริ่มตอนเที่ยงคืนหรอกนะ

 

 

“งั้นอยู่กันเถอะ ฉันอยากเห็น เนอะแฝดเนอะ” ผมก้มลงไปมองสองแฝด แฮคเตอร์หนังตาย้อยแล้ว ส่วนเฮคเตอร์ยังคงมองไปเรื่อยเปื่อย ตลอดทางที่เดินมาสองหนุ่มฮ็อตมากเลยนะ คนส่งยิ้มให้แทบไม่ขาดสาย

 

 

เราเดินกินลม (หนาว) ชมวิวสวยๆ ทั้งจากบรรยากาศโดยปกติของลอนดอนและบรรยากาศที่ตกแต่งขึ้นมาในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส ผมถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์บ้างเป็นบางจุด ถ่ายลงสตอรี่อินสตาแกรมไปสามอัน ไม่อยากถ่ายเยอะจนกลายเป็นตะเข็บผ้า

 

 

“นึกออกรึยังล่ะว่าอยากได้อะไร” ไวโอล่าถามตอนที่เราเดินผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่มีต้นคริสต์มาสต้นใหญ่มากตั้งอยู่ใกล้ริมรั้วและถูกประดับประดาอย่างสวยงาม

 

 

“ฉันอยากได้กล่องดนตรีไม้แหละ แต่อยากได้เสียงเพลงที่เธอร้องกล่อมแฝดนอนอะ เผื่อวันไหนเธอหลับก่อนหรือไม่สะดวกมาร้อง ฉันจะได้เปิดกล่องดนตรีแทนเสียงเธอ”

 

 

“เพลง Braham lullaby อะเหรอ” ผมพยักหน้ารัวๆ ไวโอล่าคลี่ยิ้มและมีสีหน้าสนใจร่วมด้วย

 

 

“เก๋ดี ฉันคิดว่าสั่งทำได้นะ” พอเจ้าถิ่นอังกฤษว่าแบบนั้นผมก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะผมขี้เกียจคิดแล้วว่าอยากจะได้อะไร

 

 

เราเดินเข็นรถของสองหนุ่มที่ตอนนี้หลับไปแล้วไปต่อตามทางที่ไวโอล่าพอจะจำได้ กะว่าจะพามาเดินชมบรรยากาศในลอนดอนสักหน่อย นึกว่าวันนี้จะไม่หลับแล้วนะ สงสัยเจออากาศเย็นๆ เลยอยากหลับมากกว่ามองวิว

 

 

แล้วพอครบครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงทางเข้าตลาด Notting Hill มันเป็นตรอกตรอกหนึ่งที่ตรงกลางตรอกจะมีร้านค้าตั้งเรียงรายยาวไปจนสุดตรอกได้เลยมั้งนั่น สองข้างตรอกก็จะเป็นร้านต่างๆ ที่อยู่ใต้ตึก ทั้งขายของ ขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม ผมมองบรรยากาศชิลๆ ของตลาดแล้วก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น ตึกสองข้างทาสีสันสดใส จำพวกสีน้ำเงิน เหลือง ชมพู แบบนี้ ทาสลับกันไป บวกกับเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสยิ่งทำให้ดูมีสีสันกว่าเดิมอีก

 
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-05-2018 20:13:27

V
v
v

“สวยจัง” ผมพึมพำเบาๆ และยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งแนวตั้งแนวนอน และถ่ายลงสตอรี่ในอินสตาแกรมอีกหนึ่งอันของวันนี้ พอโทรศัพท์เก็บบรรยากาศเสร็จ ไวโอล่าก็พาเดินเข้าไปด้านใน ให้ความรู้สึกเหมือนแฮร์รี่ไปเดินตรอกไดแอกอนครั้งแรกอะไรแบบนั้นเลย ผมมองซ้ายมองขวา ร้านมันก็ไม่ได้ตกแต่งอะไรกันเยอะนะ แต่พอมันตั้งเป็นแถวเรียงตัวกันตรงกลางตรอกยาวไปเรื่อยๆ มันก็ดูมีอะไรขึ้นมา บวกบรรยากาศของตึกสองข้างข้าง บรรยากาศเลยน่าเดินเพลินๆ ดูเป็นบรรยากาศเฉพาะของที่แห่งนี้

 

 

“ฉันไม่แน่ใจว่าร้านกล่องดนตรีอยู่ตรงไหน เราคงจะต้องลองเดินดูกันก่อน” ผมพยักหน้า ก้มลงมองสองแฝดที่ตอนนี้หลับปุ๋ยไปแบบไม่สนใจเสียงจอแจของผู้คนที่ออกมาเดินช้อปปิ้งในวันบ็อกซ์ซิ่งเดย์ที่ตลาดแห่งนี้เลย หญิงชายหลายคนก้มลงมองแฝดแล้วก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู ผมสองคนก็เข็นไปเรื่อยๆ เลือกเดินฝั่งซ้ายมือเราก่อน มีแวะดูของตามร้านค้าที่เดินผ่าน ของที่นี่เน้นเป็นของตกแต่งบ้าน ของเก่า ของมือสอง พวกเสื้อผ้าหรือของใช้อื่นๆ ก็มีปะปนกันไป เป็นแนวเสื้อผ้าที่เหมาะจะอยู่ในที่ชิคๆ และติสท์ๆ แบบนี้ ของขายที่นี่ผมว่าก็ให้ความรู้สึกถึงจตุจักรสาขาลอนดอนเหมือนกันนะ

 

 

อย่างนึงที่ผมคิดว่าเป็นเสน่ห์ของตลาดแห่งนี้คือ ไม่มาซื้อของแต่ก็มาดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายๆ ได้ ความสบายในที่นี้คือ บรรยากาศดูอบอุ่น แสงสีนวลตาจากหลอดไฟที่เปิดให้ความสว่างในช่วงยามเย็น มันให้ความรู้สึกชวนฝัน เดินได้เรื่อยๆ เสพบรรยากาศแบบฟินๆ ซึ่งผมคิดว่าจะฟินกว่านี้ถ้าเรามากันเองแบบไม่มีเด็กให้กังวลใจ

 

 

“ฉันว่าไม่น่าจะมี” ผมตะโกนบอกไวโอล่าที่เดินนำหน้าอยู่ด้วยเสียงดังแบบอ่อนๆ เธอหันมาทำหน้าแหยแล้วหันกลับไปมองด้านหน้าต่อ คือตอนนี้เราเดินวนมาอีกฝั่งจะถึงครึ่งทางแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววกล่องดนตรีในมโนของผม เจอแต่ของน่ารักๆ อย่างอื่นที่ชวนเสียเงินแทน แต่ก็ไม่ได้เสียให้หรอก เพราะผมเริ่มเป็นห่วงแฝดแล้วที่ต้องมาหลับในที่สาธารณะแบบนี้ เมื่อกี้เฮคเตอร์ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะมีเสียงคนตะโกนคุยกัน แต่ก็เหมือนสะดุ้งตกใจเฉยๆ แล้วก็หลับต่อ

 

 

“อาจจะต้องไปดูที่ตลาดอื่น” ไวโอล่าหันมาบอก ผมพยักหน้าหงึกๆ เข็นรถตามไวโอล่าไปติดๆ เริ่มมีคนกวนแฝดมากขึ้นแล้ว ก็เข้าใจว่าเอ็นดู แต่บางคนก็เหมือนไม่เห็นเนาะว่าเด็กหลับอยู่

 

 

“โทรหาพี่สิ” ผมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาวิคเตอร์ รอสองสัญญาณเขาก็รับสาย

 

 

“วิคเตอร์ ไม่มีอะ”

 

 

[ไม่มีอะไร]

 

 

“กล่องดนตรีที่อยากได้ ไวโอล่าจะซื้อให้เป็นของขวัญ”

 

 

[เมื่อกี้ฉันเจอร้านกล่องดนตรีในห้าง ไม่ได้แวะไปดูกันเหรอ]

 

 

“อ้าว มีด้วยเหรอ ก็คิดว่าในห้างไม่น่ามีอะไรแบบนั้น”

 

 

[มันเป็นลานขายของเกี่ยวกับวันคริสต์มาสโดยเฉพาะ เนี่ย ช่วงนี้กินปลาน้อยอีกแล้วสิ] ผมเบิกตากว้างมองค้อน ซึ่งมองค้อนไปเขาก็ไม่เห็น แต่หมั่นไส้พ่อคนฉลาดซะจริงๆ

 

 

“รบกวนพ่อคนไม่เคยโง่มารับที่ตลาดนอทติ้งฮิลที!”

 

 

[ฉันรู้น่าว่าฉันฉลาด] วิคเตอร์กดวางสายไป ผมถลึงตาใส่มือถือแล้วเก็บใส่กระเป๋า เงยหน้าอีกทีก็คือเดินถึงจุดไหนสักจุดที่ไม่คุ้นตา แต่ที่ผมเห็นตอนนี้คือเป็นตึกสีครีมเรียงตัวยาว ด้านล่างเปิดเป็นร้านขายของจำพวกเสื้อผ้า ไวโอล่ากวักมือเรียกผมให้เดินไปรอตรงตู้โทรศัพท์สีแดงที่อยู่ใกล้รั้วต้นไม้สีเขียว มีถนนคั่นกลางระหว่างฝั่งนี้กับอีกฝั่ง ซึ่งฝั่งตรงข้ามเราเป็นร้านขายหมวก มีคนขายผู้ชายนั่งก้มเล่นโทรศัพท์อยู่

 

 

“วี…” ผมที่กำลังก้มดูสองแฝดหลับปุ๋ยเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียงแหบห้าวของผู้ชายคนหนึ่งแบบงงๆ พอหันไปมองไวโอล่าเธอก็หน้าตื่น และยืนนิ่งจนเกือบจะเป็นแข็งทื่อ ผมรีบหันกลับไปมองผู้ชายคนนั้น ดวงตาสีเทาเข้มกำลังมองไวโอล่าแบบที่ผมไม่รู้อารมณ์ ใบหน้าของเขาซูบผอม ขอบตาดำคล้ำ รูปร่างสูงโปร่ง ผมสีทองแดงยุ่งเหยิงและดูแห้งกรัง

 

 

“มาคนเดียวเหรอ” ผู้ชายคนนั้นถามเสียงแห้ง ผมมองเขาด้วยความงง และตื่นกลัวนิดๆ พอเลื่อนสายตามองด้านหลังก็เห็นผู้ชายอีกสองคน คนนึงตัวสูงใหญ่หัวล้านหน้าตาดุๆ อีกคนตัวเตี้ยสุดในสามคน ตาสีเทาแต่ไม่เข้มเท่าคนที่ทักไวโอล่า ผมสีดำด้านหน้าฝั่งซ้ายกลืนกินพื้นที่หัวเข้าไปจะครึ่งนึงแล้วกำลังนั่งอยู่บนแท่นปูน

 

 

“เปล่า มากับ…” ไวโอล่าหันมามองผมด้วยสายตาสั่นระริก ผมดึงมือให้เธอเข้ามายืนใกล้กัน ผู้ชายคนที่ทักไวโอล่าเลื่อนสายตามามองผมคล้ายคนง่วงนอน

 

 

“ใครน่ะ” เขาถาม ย่นคิ้วและเพ่งมองหน้าผม

 

 

“แฟนพี่ชายฉันเอง” พอไวโอล่าพูดแบบนั้น ผู้ชายสองคนด้านหลังก็มองผมเป็นตาเดียวจนผมรู้สึกอึดอัด ผมเห็นว่าผู้ชายคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มยกยิ้มมุมปาก มันไม่ได้ดูเท่เลย ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่น่าขยะแขยง

 

 

“พวกตุ๊ดว่ะ” หมอนั่นพูดแล้วหันไปยิ้มขำกับไอ้ตัวโตหัวล้านที่ยิ้มตอบและมองผมด้วยสายตาวาววับ ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ก็รู้แหละว่าฝรั่งก็คือคน มีทั้งสุภาพและหยาบคาย แต่พอเจอฝรั่งหยาบคายในเมืองที่ถูกเรียกว่าเมืองผู้ดีก็ประหลาดใจเล็กน้อย ไอ้สองคนนี้ไม่ผู้ดีตามเมืองเลยสักนิด

 

 

“อ๋อ ชื่ออะไรนะ” ผู้ชายคนที่ทักไวโอล่าไม่ได้หันไปสนใจเพื่อนข้างหลังเลย เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกำลังนึก แต่สักพักสายตาเขาก็สะดุดที่สองแฝดที่กำลังนอนหลับอยู่ในรถเข็น เขามองนิ่ง และก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ก่อนก้มหน้าลงมองแฝดมิชลิน ผมกับไวโอล่าขยับเข้าไปติดรถเข็นมากขึ้น ผมมองหนุ่มผมสีทองแดงด้วยความระแวง เขากำลังมองเด็กทั้งสองคนด้วยสายตาไร้อารมณ์

 

 

“นี่… เด็กสองคนนี้…” เขาพึมพำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไวโอล่าที่เชิดหน้าสู้แม้ว่าดวงตาจะหวาดหวั่นมากก็ตาม

 

 

“…ใช่พวกเขามั้ย” ไวโอล่ากลืนน้ำลายลงคอ สีหน้าอึดอัดและไม่สบายเท่าไหร่ เธอพ่นลมหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ยอมตอบคำถามนั้น ผู้ชายคนนั้นก้มลงไปมองสองแฝดตามเดิมและกระตุกยิ้มหนึ่งที

 

 

“เธอมาทำอะไร” ไวโอล่าถามเสียงเรียบ

 

 

“ฉันตามเธอมา ฉันรู้ว่าเธอเข้ามาลอนดอน ฉันอยากเจอลูก” ผมอ้าปากค้าง มองผู้ชายหน้าซูบผอมโทรมคนนั้นด้วยความตะลึง และสลับกับมองไวโอล่าที่กำลังเม้มปากสีหน้าอึดอัดใจ

 

 

“ฉันเป็นคนอยากมีลูกนะวี เธอก็รู้ว่าฉันดีใจแค่ไหนพอรู้ว่าเธอท้อง เธอไม่ควรทำแบบนี้” ดวงตาสีเทาของเขามองไวโอล่าอย่างท้าทายเล็กๆ

 

 

แฟนไวโอล่า พ่อของแฝด

 

 

“อย่ายุ่งกับเด็กๆ เธอกับเพื่อนไปได้แล้ว พี่กำลังมาที่นี่ เธอคงไม่อยากเจอเขาหรอก” คริสเตียนกระตุกยิ้มเหี้ยม ดวงตาสีเทาออกอาการขุ่นเคืองให้เห็น

 

 

“อยากเจอสิ ฉันเจอมันได้”

 

 

“เธอแน่ใจเหรอ” ไวโอล่าถามหน้าเหวี่ยงเล็กๆ ยกยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย ผมหันไปมองโดยรอบ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมองบ้างเป็นบางคน ผู้ชายคนขายหมวกที่อยู่ตรงข้ามเรา เงยหน้ามองเป็นระยะ แต่ด้วยความที่สถานการณ์ตอนนี้มันดูปกติดี เหมือนคนยืนคุยกันธรรมดาๆ ก็เลยไม่ได้มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายด้วย

 

 

“เธอคิดว่าฉันกลัวมันเหรอ”

 

 

“ไม่ได้คิด เธอกลัววิคเตอร์จริงๆ” คริสเตียนมองหน้าไวโอล่าตาขวาง ผมมองเลยผ่านไปด้านหลัง ไอ้สองคนนั้นหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ไอ้เตี้ยสุดในกลุ่มแต่ก็ยังสูงกว่าผมกำลังมองผมด้วยรอยยิ้มสนุกซุกซน ไปซนที่บ้านแกเถอะ

 

 

“ไม่เห็นเหรอว่ามีเด็ก หยุดสูบบุหรี่ได้มั้ย” ผมบอกสองคนนั้น แต่มันกลับหัวเราะครื้นเครง ไม่รู้มันเป็นญาติกับโหน่งเท่งนักเลงภูเขาทองรึเปล่าถึงได้เส้นตื้นซะเหลือเกิน

 

 

“น่าเอาไปเล่นด้วย” ผมอยากให้ออสตินอยู่ด้วยจริงๆ แม่จะหยิบปืนออกมาจ่อหน้าให้ ที่ผมโมโหตอนนี้คือการที่มันสูบบุหรี่แบบไม่เกรงใจเด็กที่กำลังหลับ ผมเลยขยับรถเข็นของสองแฝดออกห่างจากไอ้พวกนั้น

 

 

“แมท พาแฝดไปฝั่งนู้นเลย” ผมมองเธอด้วยความลังเลใจ

 

 

“เธอไปด้วยกันสิ”

 

 

“ฉันจะอุ้มลูก”

 

 

“ไม่! แมท พาแฝดไป” ไวโอล่ากระเถิบเข้าไปยืนขวาง แฮคเตอร์บิดตัวแล้วร้องไห้งอแง ผมเลยมองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าถนนว่างก็รีบเข็นรถแฝดไปตรงร้านขายหมวก

 

 

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ”

 

 

“เอ่อ ผมขอยืนรอรถมารับตรงนี้ได้มั้ย” คนขายหมวกพยักหน้าแบบงงๆ ผมก้มตัวลงอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมาอุ้มปลอบให้เงียบ เจ้าตัวเล็กสะอึกสะอื้น น่าจะตกใจเสียงทะเลาะกันเลยตื่นขึ้นมา ผมยืนมองสถานการณ์ตรงข้ามถนนด้วยความไม่สบายใจ เลิกสนใจอีผีสองคนนั้นที่กำลังมองผมแล้วซุบซิบๆ

 

 

อี๋ อีฝรั่งขี้นินทา อยากให้ผัวมาตรงนี้เร็วๆ

 

 

“ฮัลโหล ถึงไหนแล้วอะวิคเตอร์… โอเค ดีเลย แฟนไวโอล่าอยู่นี่ด้วยอะ… เนี่ย ยืนคุยกันอยู่ แต่ไวโอล่าดูไม่อยากคุยเลย… มีเพื่อนมันมาอีกสองคน เพื่อนมันสองคนมองผมแล้วก็ยิ้มจิตๆ หน่อย… ผมอยู่ฝั่งตรงข้ามกับไวโอล่า ดูแฝดอยู่ ไอ้เพื่อนสองคนนั้นของแฟนไวโอล่ามันสูบบุหรี่เลยต้องพามาอยู่อีกฝั่ง… โอเค เดี๋ยวเจอกัน”

 

 

นี่ ฟ้องผัวเรียบร้อย ท่าทางคริสเตียนจะไม่ชอบวิคเตอร์เหมือนที่วิคเตอร์ไม่ชอบเขานั่นแหละ แต่คำพูดของไวโอล่าเหมือนกำลังบอกว่าคริสเตียนกลัววิคเตอร์ ผมเชื่อไวโอล่านะ เพราะเธอเคยคบกับคริสเตียนมาก่อน ผมลูบหลังแฮคเตอร์เบาๆ แต่สายตาก็มองฝั่งตรงข้ามไว้ตลอด ไวโอล่ากับคริสเตียนกำลังคุยกัน ผมกำลังสงสัยปนงงว่าผู้ชายคนนั้นอยากมีลูกเหรอ อยากมีลูกแล้วทำไมทำตัวแย่แบบนั้นอะ คนจะเป็นพ่อคนต้องพร้อมเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกไม่ใช่เหรอ

 

 

“ไวโอล่า!” ผมตะโกนเรียก เธอหันมามอง ผมกวักมือเรียกให้เธอมาหา เธอพยักหน้าแล้วหันกลับไปคุยกับคริสเตียน แล้วมันก็มีตัวเสือกคืออีสองคนนั้น มันทำท่าจะเดินข้ามมา ผมยกนิ้วกลางให้มัน และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด่าสักที

 

 

“Get away from me, dick head, two dick head!! (ไปให้พ้น ไอ้หัวควx สองหัวควxด้วย!!)” ผมใช้มือขวาตบหลังเฮคเตอร์เบาๆ พอหันไปมองคนขายหมวกก็เห็นเขาทำหน้าตกใจ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นก็หันมองสลับสองฝั่ง แต่ก็ไม่มีใครหยุดยืนดูเป็นเรื่องเป็นราว ด้วยบรรยากาศยามเย็นที่กำลังนวลตาแบบนี้ หลายคนคงไม่คิดว่าจะมีคนมายืนทะเลาะกันข้ามฝั่งแบบนี้หรอกมั้ง

 

 

“Sorry. They are super bastard. (โทษทีครับ คือพวกนั้นมันสุดยอดความเหี้ย)” ผมพูดกับคนขายหมวกแล้วหันกลับไปมองไอ้สองผี ไอ้เตี้ยกำลังหัวเราะ ส่วนไอ้ล้านทำหน้าเหี้ยมและชี้มาทางผมเหมือนจะเอาเรื่อง ผมทำหน้าว่าแล้วไงพร้อมกับเบะปาก ตอนที่มันทำท่าจะข้ามมาจริงๆ หางตาผมก็เห็นรถสีดำคันใหญ่ที่คุ้นเคยแล่นฉิวมาทางนี้ ผมยกแขนซ้ายขึ้นโบกรัวๆ ครอสโอเวอร์คาร์คันใหญ่เปิดไฟเลี้ยวสองฝั่งเป็นสัญญาณว่าจอดแบบฉุกเฉิน รถคันหลังเลยเบี่ยงแซงขวาขึ้นไป ประตูฝั่งคนขับเปิดออก วิคเตอร์ที่ใส่แว่นดำลงมาแบบนิ่งๆ ไม่ลนลาน

 

 

“พาสองคนนี้ขึ้นไปบนรถก่อน” วิคเตอร์ว่าจบก็เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งอย่างสบายๆ ไม่ได้มีทีท่าหวาดกลัวใดๆ ตอนนั้นเองที่ผมเห็นแฟนไวโอล่าชะงักกึกและเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว วิคเตอร์จับมือน้องสาวไว้ก่อนชี้หน้าคริสเตียนกับพรรคพวก ผมไม่ได้ยินว่าวิคเตอร์พูดอะไร ได้ยินอีกทีคือตอนไอ้เตี้ยมันพูดเสียงดัง คือมันก็ไม่ได้ว่าตะโกนลั่นหรอก แต่ด้วยความที่สองฝั่งมันก็ไม่ได้ว่าไกลเกิน พอพูดดังขึ้นหน่อยก็จะได้ยินชัด

 

 

“ทำไมพวกกูต้องฟังมึงด้วยวะ?!” ผมมองไอ้เตี้ยสุดในกลุ่มด้วยความหมั่นไส้ คือมันกวนตีนแบบอยากด่าว่าไอ้สัตว์แรงๆ วิคเตอร์ถอดแว่นออกแล้วจ้องไอ้เตี้ยตัวนั้นด้วยสายตาที่ผมเดาว่าคงเป็นสายตาเรียบๆ แต่ดุ แล้วเขาก็หันไปพูดกับคริสเตียนแบบไม่โหวกเหวกโวยวาย แต่ก็ทำให้อดีตแฟนไวโอล่าขบกรามแน่น หน้าตาแสดงออกถึงความโกรธเคือง

 

 

“โถ่ ไอ้พวกตุ๊ด!” ผมได้คำตอบเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วละว่า ไอ้สองคนนี้น่าจะเป็นพวกแอนตี้เพศที่สาม แต่จัดอยู่คนละประเภทกับฌอณที่รายนั้นจะออกแนวหัวรุนแรงและแสดงออกด้วยความเกลียดชัง แต่อีสองคนนี้มันเป็นประเภทชอบล้อเลียนให้เขาโกรธ พอเขาโกรธก็จะได้มีเรื่องทะเลาะกันอย่างที่มันต้องการ ซึ่งอีประเภทนี้ไม่ควรแค่ความจำเสื่อมแบบฌอณ แต่ควรสมองเสื่อมตายไปเลย

 

 

“คริสเตียน เพื่อนเธอนี่ต่ำไม่เปลี่ยนเลยนะ!” เป็นไวโอล่าที่เดือดแทนพี่ชาย ในขณะที่พี่ชายนิ่งสงบและดึงน้องสาวเดินข้ามถนนกลับมาก่อนที่จะมีคนเข้าไปมุงเป็นจริงเป็นจัง

 

 

“เธอโอเคมั้ยไวโอล่า” เธอพยักหน้าแล้วก้มลงอุ้มเฮคเตอร์ขึ้นมากอดไว้ แฝดคนโตเปิดเปลือกตาแบบง่วงๆ มองแม่ที่หอมหัวตัวเองงงๆ วิคเตอร์จัดการยกรถเข็นขึ้นหลังรถอย่างชิลๆ คนขายหมวกมีน้ำใจช่วยยกอีกคันตามไปส่งให้ที่ท้ายรถ มีเสียงตะโกนล้อเลียนและแซวอย่างหยาบคายของเพื่อนคริสเตียนเป็นระยะๆ คือมันพูดไปหัวเราะไป มันเลยดูไม่รุนแรง แต่ก็ถือเป็นความต่ำชนิดหนึ่ง

 

 

แต่วิคเตอร์ก็ไม่สนใจ เขาเก็บรถเข็นใส่รถเสร็จก็ปิดท้ายรถแบบไม่รีบร้อน แถมยังเหมาหมวกไหมพรม หมวกแก๊ปจากร้านขายหมวกไปเป็นสิบใบ ผมหงุดหงิดอีสองคนนั้นมาก อยากวิ่งไปตบมันสักทีแต่ก็ปล่อยผ่าน อุ้มแฮคเตอร์เข้าไปนอนบนฟูกในรถ ไวโอล่าขึ้นไปนั่งรออยู่อีกฝั่งโดยมีเฮคเตอร์นอนหลับปุ๋ยอยู่บนตัก ผมลูบหัวแฮคเตอร์สามสี่ทีก่อนยืดตัวขึ้นหันมองโดยรอบว่ามีคนถ่ายคลิปไว้หรือไม่ เท่าที่มองตอนนี้คือไม่มี แต่ก่อนหน้านี้อาจจะมีไปแล้ว ซึ่งเราก็คงทำอะไรไม่ได้

 

 

“แมท ขึ้นรถ” วิคเตอร์พูดแบบปกติ ท่าทีไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร แม้จะมีเสียงวู้ว เสียงว่าดังมากจากฝั่งตรงข้ามเป็นระยะ ผมหันไปยิ้มให้คนขายหมวกและโค้งตัวลง เขายิ้มตอบกลับมา อย่างน้อยผมก็เจอคนที่เหมาะกับเมืองผู้ดีหนึ่งคนในตอนนี้

 

 

“Have a good day.” ผมบอกคนขายหมวกแล้ววิ่งอ้อมหน้ารถไปขึ้นฝั่งตัวเอง

 

 

“น้องสาว สนใจมาสาวไอ้จ้อนให้ฉันมั้ยจ๊ะ?!” ผมขมวดคิ้ว จากหงุดหงิดกลายเป็นขำกับการล้อเลียนของมัน คือสไตล์นี้มันคือเด็กแว้นซ์ เด็กขาดการอบรมที่เมืองไทยเลยอะ เออ ไม่คิดว่าจะมาเจอที่นี่ คือผมก็ไม่ได้คิดว่ามันจะไม่มีหรอกนะ ประเทศไหนก็เป็นคนเหมือนกัน เพียงแต่พอเจอเข้าจริงๆ ผมก็นึกตลก เพราะพอเจอแล้ว มันก็ทำให้รู้ว่า ไอ้พวกล้อเลียนเพศ เหยียดเพศมันมีอยู่ทุกมุมโลกอย่างแท้จริง ต่อให้ไปประเทศที่เจริญแล้วแค่ไหน แต่คนที่มันไม่ได้เจริญตามประเทศไปด้วยมันก็ฝังตัวอยู่ในความเจริญนั้นอยู่ดี

 

 

จิตใจของคนบางกลุ่มไม่สามารถพัฒนาตามเทคโนโลยีหรือวิวัฒนาการดีๆ ของโลกนี้ได้จริงๆ

 

 

 “บังเอิญเจอมันเหรอ” วิคเตอร์ถามเสียงปกติหลังจากขับรถออกมาจากจุดนั้นได้สักพักหนึ่ง ผมหันไปมองไวโอล่า เธอกำลังนั่งก้มหน้ามองเฮคเตอร์ด้วยสีหน้าหม่นหมอง

 

 

“เขาบอกว่าตามฉันมา” ไวโอล่าพูดเสียงเรียบ วิคเตอร์ขมวดคิ้วอ่อนๆ

 

 

“มันตามมาได้ยังไง” ไวโอล่าถอนหายใจ เธอเงยหน้าขึ้นก่อนตอบเสียงเนือยพอๆ กับสีหน้า

 

 

“อาจจะเห็นรูปที่ฉันลงในอินสตาแกรมมั้ง”

 

 

“เธอยังไม่บล็อกมันอีกรึไง” วิคเตอร์ถามแบบเรื่อยๆ สายตาก็มองถนนไปด้วย ท่าทางที่ไม่ร้อน ไม่เดือดแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจไปด้วย

 

 

“แหมพี่ก็ บล็อกอันนึง เขาก็สร้างอีกอันนึงมาได้ ขนาดฉันเปลี่ยนอินสตาแกรม เขายังตามหาจนเจอ” วิคเตอร์ขมวดคิ้วหนักขึ้น หน้าเขาดูไม่เข้าใจเท่าไหร่

 

 

“ความพยายามของมันถ้าเอาไปใช้เรื่องดีๆ คงมีประโยชน์กับโลกใบนี้นะ” ไวโอล่ายิ้มขำ ผมเองก็ยังขำไปด้วย วิคเตอร์ดูสงบจริงๆ นะ ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาคงกระทืบคนพวกนั้นไปแล้ว แต่เอาจริงๆ ไอ้เรื่องไม่สนใจคำพูดคำด่าคำว่าของใครเขาเป็นมานานแล้ว แต่เป็นมาในแบบมึนๆ ไม่ใช่เป็นในแบบใจเย็นอย่างนี้

 

 

“คริสเตียนบอกว่าอยากเจอแฝดเลยตามมา” ผมพูดตามที่ได้ยินและหันไปมองไวโอล่า เธอพยักหน้าตามนั้น

 

 

“กลับไปดูแลตัวมันเองก่อนเถอะ” วิคเตอร์ว่าแค่นั้น ซึ่งผมก็เห็นด้วย ผมไม่ได้คิดจะกีดกันพ่อลูกหรอกนะ แต่สภาพคริสเตียนก็น่ากลัวเกินกว่าจะไว้ใจให้อยู่ใกล้เด็กๆ อะ

 

 

“ขอบคุณนะคะพี่” วิคเตอร์นิ่งไม่ตอบอะไร ไวโอล่ายิ้มอ่อนโยน ผมเอี้ยวตัวมองสองแฝดที่คนนึงหลับปุ๋ย อีกคนกำลังนอนลืมตาและบิดแขนไปมาในอากาศ

 

 

“ถ้าเขาขอโอกาสกลับมา เธอจะให้มั้ย” ผมถาม ไวโอล่าพ่นลมหายใจแล้วส่ายหัวช้าๆ

 

 

“เขาอยู่ในที่ที่เหมาะสมกับเขาแล้ว” ไวโอล่าพูดเสียงสั่น เธอหันมองนอกกระจกรถ ผมมองเธอด้วยความเป็นห่วง ไวโอล่านั่งลูบหัวลูกอย่างช้าๆ แล้วน้ำตาเธอก็ไหลออกมา

 

 

ผมว่า… ไม่ว่าจะยังไง แต่นั่นคือคนที่เธอเคยรัก เป็นแฟน เป็นสามี เป็นพ่อของลูก มันคงไม่ง่ายนักหรอกจะให้ตัดใจไปเลยทีเดียว ก็คงต้องให้เวลาเธอ (มาก) หน่อย





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้

วันนี้เม้าท์ได้น้อยหน่อย ต้องรีบกลับไปแพ็คหนังสือต่อ ฝากคนเม้าท์กันด้วยนะคะ ต้องกลับไปโรงงานรกแล้นนนน เจอกันตอนหน้าค่าาา
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 22-05-2018 20:23:27
 :pig4:
  อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ..รู้สึกว่าแมทโตขึ้นมากจริงๆ ..ก็นะ มีปั๊วแล้วมั้ย
 ในขณะที่ อิยักษ์ก็ง๊องแง๊งงง น่ารักไปเรื่อย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-05-2018 21:03:39
พ่อแฝด เจอครั้งหน้า ตายยยยยยยย  :m16:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2018 21:13:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-05-2018 21:35:36
แฟนสภาพขี้ยาขนาดนั้น กลับไปก็ไม่เจริญหรอก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-05-2018 21:56:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: LAFIA ที่ 23-05-2018 00:53:20
ตอนนี้ไอยักษ์หล่อมากกกกก ชอบที่แกดูสุขุมขึ้นนะ มานิ่งๆโหดๆ สยบทุกความเคลื่อนไหว :o8:
อย่าไปดิ้นตามคำด่า มันจะได้ใจ ทำถูกกันแล้วล่ะ
แต่อีกใจก็อยากจะบินไปตบอี2หัวขวดนั่นให้หน้าสะบัด เห้อ  :m16:
สู้ๆนะวี  :hao5:  สู้ๆนะขุ่นเจ้  :man1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.30 100% :22.05.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 23-05-2018 14:01:17
ทำไมรู้สึกอิยักษ์ดูน่ารักขึ้นเพิ่มขึ้นตั้งแต่แฝดมา 555555555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-06-2018 23:30:14

Yours and Mine EP.31 :: It could be and it could not be. (เป็นไปได้และไม่ได้) [100%]


   

ไอ้ประโยคที่บอกว่า ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้าง มันคือประโยคอมตะนิรันดร์การอย่างแท้จริง คาดการณ์หรือระแวงอะไรไปล่วงหน้า ทู้กถูก ถูกยิ่งกว่าของเซลล์ช่วงปลายปีต้นปีซะอีก

           

 

มีคนถ่ายคลิปเหตุการณ์ที่ตลาดนอทติ้งฮิลล์เอาไว้ แต่บุญกุศลยังพอมีเลยช่วยให้คลิปนั้นไม่ใช่คลิปเต็มทั้งหมด และเป็นคลิปที่ถ่ายจากมุมข้างไกลๆ ที่ซูมเข้าไปแบบชัดเจนจนอยากไปถามเจ้าของโทรศัพท์ว่าใช้รุ่นอะไรเหรอ

           

 

“ผมก็ไม่ได้คิดว่ามันจะไม่มีหรอก เหตุการณ์โดดเด่นซะขนาดนั้น แต่พอมันมีจริงๆ มันก็เป็นกังวลอ่า” ผมคุยกับวิคเตอร์พลางตักฮอทดอกใส่จานให้เขา เรากำลังนั่งกินอาหารกันอยู่ในครัวบนโต๊ะหินอ่อนกันสองคน ทอดไข่ดาว ทอดฮอทดอก ปิ้งหมู ปิ้งเนื้อกันสดๆ สุกๆ บนโต๊ะนี่แหละ

           

 

“ในคลิปเราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี” วิคเตอร์ว่าสบายๆ พลางจิบไวน์แดงตามชิ้นเนื้อที่เพิ่งจิ้มเข้าปากไป มันก็จริงอย่างที่เขาว่า คลิปมันเริ่มตั้งแต่ตอนวิคเตอร์มองหน้าคริสเตียนคล้ายว่าจะหาเรื่องแต่สุดท้ายก็หมุนตัวเดินข้ามถนนข้ามกลับไปอีกฝั่งพร้อมไวโอล่า แล้วก็เป็นเหตุการณ์หลังจากนั้นจนกระทั่งรถเราแล่นออกไปจากหน้าร้านขายหมวก

           

 

“แต่ในคลิปก็เห็นชัดอยู่นะว่าเป็นคุณ…” ผมเคี้ยวไข่ดาวช้าๆ มองหน้าวิคเตอร์ที่นิ่งเฉยและสายตาก็มองชิ้นเนื้อในกระทะย่างอยู่

           

 

“…มันจะไม่กระทบกับงานคุณเหรอ” ไอ้ยักษ์ขมวดคิ้วนิดๆ

           

 

“แล้วมันจะกระทบยังไง ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

           

 

“มันก็เหมือนเป็นการบอกกลายๆ ว่าคุณ เอ่อ มีผม”

           

 

“ก็ใช่ไง ฉันมีนาย” วิคเตอร์ทำหน้างงๆ พลางจิ้มฮอทดอกเข้าปาก  ผมดึงที่ดูดควันลงมา กดค้างไว้เหนือกระทะย่าง

           

 

“แต่คลิปนั้นมันบอกชัดเจนขึ้น แล้วผมว่ามันอาจจะส่งผลถึงหน้าที่การงานคุณรึเปล่า”

           

 

“ฉันมีนายเป็นเมียนะ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ก่อการร้าย ไม่ได้ไปคุกคามทางเพศใคร มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเลยแมท แล้ววงการบันเทิงก็ไม่ได้ใจแคบด้วย…” วิคเตอร์เคี้ยวฮอทดอกหงับๆ ยกไวน์ขึ้นจิบตามต่อก่อนจะยักไหล่ขวาหนึ่งที

           

 

“…แต่ถ้าจะมีคนใจแคบปนอยู่ด้วย ฉันก็แค่ไม่ไปยุ่งกับคนพวกนั้น และคนพวกนั้นก็คงไม่คิดมายุ่งกับฉัน” ผมปล่อยที่ดูดควันขึ้นไปไว้ด้านบนตามเดิม บุ้ยปากไปซ้ายทีขวาทีก่อนพ่นลมหายใจเบาๆ

           

 

คิดได้อย่างวิคเตอร์ก็สบายใจดี

           

 

“อย่าไปกังวลเลยน่า ไม่มีงาน แต่ยังมีมรดกของย่า หมดตัวเมื่อไหร่ก็ไปเกาะตาแก่กับแม่นายที่ไทยกินกันก็ได้” ผมทำปากยื่นแล้วกลอกตา วิคเตอร์หัวเราะเบาๆ

           

 

มันยังไม่มีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นหรอก เพราะคลิปนั้นเพิ่งเป็นข่าวได้สองวันหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมไม่เข้าไปอ่านคอมเม้น เห็นพวกไอ้แชมป์บอกว่ากระแสชมวิคเตอร์ค่อนข้างมากที่เขานิ่ง ไม่ตอบโต้ ทำตัวตามปกติ ในขณะที่อีกฝั่งดูจะตะเกียกตะกายซะเหลือเกิน ข่าวมันก็บอกชัดเจนแหละว่าคนในคลิปคือวิคเตอร์ ก็มีคนสนใจประเด็นที่ว่าคนพวกนั้นเหยียดเพศวิคเตอร์เพราะเขาเป็นหรือเพราะเห็นข่าวหรือเพราะอะไร แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ที่วิคเตอร์เฉยใส่คนพวกนั้นคือความฉลาดและความสมาร์ท ยิ่งพวกนั้นดิ้นยิ่งเห็นความต่างของระดับจิตใจ

           

 

เอาแบบเข้าใจง่ายๆ มันก็เหมือนเป็นการเปิดตัวของผมกับวิคเตอร์ที่ชัดขึ้นหลังจากที่ข่าวคลุมเคลือมานาน แต่ก็ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่า วิคเตอร์เป็นแฟนกับไวโอล่ารึเปล่า และแฝดก็เป็นลูกของเขาทั้งสองคน และคนที่ตะโกนด่าอาจจะว่าผมคนเดียวก็ได้อะไรแบบนี้ ก็เป็นไปตามประสาชาวเน็ต

           

 

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี

           

 

“เซล่าโทรมาหารึยัง”

           

 

“โทรมาละ ก็หลอนๆ เหมือนเคย บอกให้ฉันอยู่นิ่งๆ…” วิคเตอร์กระดกไวน์จนหมดแก้วแล้วหยิบขวดไวน์มาเทเพิ่มจนเกือบเต็มแก้ว

           

 

“…แต่ฉันก็ไม่คิดทำอะไรอยู่แล้ว ทำไมฉันต้องทำ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”

           

 

“แต่มีคนมองว่าผิด” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว หน้าตาไม่พอใจเท่าไหร่

           

 

“และนายกำลังคิดผิดที่เอาแต่พูดซ้ำๆ ย้ำๆ ใครมันจะคิดยังไงสนใจทำไมนักหนา นั่นคือปัญหาของพวกมัน ถ้าพวกมันไม่พอใจ ไม่ชอบใจก็เรื่องของมัน ฉันไปขอยืมชีวิตพวกมันใช้รึไง” ผมหน้าบึ้งกับน้ำเสียงหงุดหงิดของเขา

           

 

“ก็รู้แล้วอ้า! ผมแค่เป็นห่วงคุณ ไม่เห็นจะต้องขึ้นเสียงเลย”

           

 

“ขึ้นเสียงอะไร?! ขึ้นเสียงมันต้องแบบนี้!!” ผมตกใจตาโตกับน้ำเสียงเข้มห้าวที่ดังลั่นครัว

           

 

“ไอ้ยักษ์!!!” ผมกระแทกเสียงกลับ วิคเตอร์มองผมตาดุ ผมจิ๊ปาก มองเขาด้วยความงงนิดหน่อยว่าจะอารมณ์ขึ้นทำไม คนเป็นห่วงก็คิดวิตกกลังวลไปเรื่อยสิ

           

 

“อิ่มแล้ว” ผมว่าสั้นๆ ห้วนๆ แล้วลุกขึ้นยืนและหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมากระดกจนหมดเกลี้ยง วิคเตอร์ช้อนตามองผมดุๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร ผมวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะหินอ่อน เดินออกจากห้องครัวด้วยอาการงอน งอนที่เขาเสียงดังใส่ และที่ทำหน้าดุเพราะผมกำลังวิกลจริตกับเรื่องที่เกิดขึ้น

           

 

“อย่ามางอนปัญญาอ่อนนะแมท” เขาพูดเสียงตามหลังมา

           

 

“ไม่ได้ปัญญาอ่อน!” ผมหันกลับไปพูดเร็วๆ ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินหนีไปทางแฟมิลี่รูมอย่างรวดเร็ว พอเปิดประตูเข้ามาในห้องผมก็เปลี่ยนโหมดเป็นสดใสเพราะเห็นแฝดกำลังนอนดูการ์ตูนตาแป๋วอยู่

           

 

“ฮื่อๆ แอร๊ แอออออ้”

           

 

“ทำไมครับๆ” ผมยิ้มล้อสองแฝดที่ดีดดิ้นและยิ้มหวานกันทั้งสองคน สองมิชลินอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวเนื้อนิ่ม ไวโอล่านั่งยิ้มอยู่บนโซฟา สายตามองแฝดนอนตื่นเต้นอยู่บนฟูกนอนที่ได้เจอผม

           

 

“แอะ” เฮคเตอร์มองหน้าผมและยิ้มเหมือนเขิน ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู ก่อนหันไปมองแฮคเตอร์ เจ้าตัวเล็กกำลังกลอกตามองไปมา พอผมยื่นมือไปโบกตรงหน้า เขาก็มองมือผมแล้วยิ้มพร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

           

 

“เพิ่งตื่นได้สักเกือบสิบนาที” ผมเงยหน้ามองไวโอล่าที่ใบหน้ายังคงซีดเซียวและดูอิดโรยทั้งๆ ที่ตอนกลางคืนแฝดก็มานอนกับผมและวิคเตอร์ แต่ทำไมเธอยังดูเหมือนคนนอนน้อย

           

 

“วันนี้คั้นนมได้เยอะมั้ย” เธอส่ายหน้าเบาๆ

           

 

“สองถุงเอง ฉัน…” เธอพ่นลมหายใจแผ่วเบา ใบหน้าตึงเครียด “…แฝดจะแข็งแรงรึเปล่า”

           

 

ผมคลี่ยิ้มก่อนจะตอบเธอ “โอ๊ย ดูตัวสิ อ้วนจนลุงมันว่าเป็นหมูทุกวันเลย”

           

 

ไวโอล่ายิ้มอ่อน มองแฝดด้วยสายตาเป็นห่วงแบบที่สัมผัสได้ชัดเจน “ฉันขอให้แฝดแข็งแรงแล้วก็ปลอดภัย”

           

 

ผมมองหน้าเธอด้วยความไม่แน่ใจ แต่ก็ลองเปิดปากพูด “คริสเตียนเหรอ”

           

 

ไวโอล่านิ่ง ไม่ตอบสนองใดๆ ทั้งสีหน้าหรือคำพูด แต่แววตาเธอก็สลดลง ผมวางมือลงบนพุงของสองมิชลินและเขย่าเบาๆ สองแฝดยิ้มชอบอกชอบใจ

           

 

“นี่ เขาเป็นคนอยากมีลูกจริงเหรอ” ผมอยากถามตั้งแต่กลับมาวันนั้น แต่ด้วยสภาพไวโอล่าก็คิดว่าไม่เหมาะไม่ควร

           

 

“ใช่ เขาอยาก แต่พอมีขึ้นมาจริงๆ เขากลับไม่คิดจะทำหน้าที่พ่อให้ดี ก็อย่างที่เห็น เขาเป็นพ่อใครไม่ได้หรอก…” ไวโอล่าเม้มปาก แววตาสั่นระริก

           

 

“…ฉันไม่อยากให้แฝดมีสภาพแวดล้อมเลวร้าย ฉันเลยขอเลิกกับเขา แต่เขากลับ…” ไวโอล่าหลับตาลงแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา ผมชะงักกึก ปล่อยมือออกจากพุงแฝดแล้วก็ลุกขึ้นไปนั่งข้างเธอ ไวโอล่าเช็ดน้ำตาออกจากแก้มแล้วลืมตามองผม

           

 

“…ยังไม่ได้ให้กล่องดนตรีที่เธออยากได้เลย” ถึงจะเหวอนิดหน่อยกับการที่เธอเปลี่ยนเรื่องพูด แต่ก็เข้าใจได้ว่าเธอคงไม่อยากพูดถึงคริสเตียนอีก ผมก็ไม่อยากจะไปจี้หรือกระตุ้นมากเลยปล่อยผ่านแล้วยิ้มเบาๆ

           

 

“ไม่เป็นไรน่า ซื้อวันอื่นก็ได้ ใช่ว่าเราจะไม่เข้าลอนดอนกันอีก ดีไม่ดีแถวบ้านเราอาจจะมีก็ได้นะ” ไวโอล่าพยักหน้ายิ้มๆ ผมคลี่ยิ้มอ่อนโยนตอบ มองเธอด้วยความเป็นห่วง อยากชวนคุยให้เธอระบายออกมาเผื่อจะสบายใจ แต่ก็ไม่อยากขุดให้เธอร้องไห้อีก เลยยื่นมือไปจับมือซ้ายเธอไว้ ไวโอล่ายกมือขวามาวางบนมือผมอีกที

           

 

“อย่าคิดอะไรมาก…” ผมชะงักกึกไปแปบหนึ่งกับคำพูดตัวเองก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดต่อ

 

 

“…แฝดเป็นห่วงคุณแม่นะ” ไวโอล่ายิ้มขำน้อยๆ ใบหน้าของเธอดูไม่สดชื่น นี่ถ้าอยู่เมืองไทยต้องโดนทักว่าโดนของแล้วแน่ๆ และอาจมีการพาไปอาบน้ำมนต์ต่างๆ

 

 

RRRRRRR!

 

 

โทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมล้วงหยิบออกมาดูหน้าจอ ก็เห็นเป็นเบอร์ไม่คุ้นตา ผมมองด้วยความระแวงสักแปบก่อนจะกดรับแบบไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่ว่าตัดสินใจถูกต้องหรือเปล่า

 

 

[เฮ้ ฉันอดัมเองนะ] ผมอ้าปากหวอหน้าเหวอด้วยความตกใจเบาๆ

 

 

“อดัมเหรอ?!” ผมถามอีกทีเพื่อความมั่นใจว่าไม่ใช่ใครโทรมาอำกันเล่นๆ ปลายสายหัวเราะเสียงหล่อ ไวโอล่ามองหน้าผมแล้วก็ยิ้มขำกับท่าทางที่ผมกำลังแสดงออก

 

 

[ใช่ ถ้านายหมายถึงอดัมที่เป็นตากล้องน่ะนะ] โอ้วมายก๊อดดด

 

 

ตัดสินใจถูกต้องมากที่รับสายยย

 

 

“ว่าไงครับอดัม โทรหาผมได้ยังไงเนี่ย เอ่อ หมายถึงเอาเบอร์ผมมาจากไหนเหรอ” มาอยู่อังกฤษ ผมก็ต้องมีการเปลี่ยนซิมโทรศัพท์ ซึ่งหมายเลขนี้มีคนรู้อยู่ประมาณยี่สิบคนเพราะวิคเตอร์ไม่ให้บอกใคร เขาเช็กลิสต์คนที่ควรรู้เบอร์ผมเองกับมือและกับตาตัวเองเรียบร้อย

 

 

[เอมิลี่ให้เบอร์นายมาน่ะ พอดีฉันมีธุระอยากคุยกับนาย] โทรมาบอกรักรึเปล่านะ -.,-

 

 

“มีอะไรเหรอครับ”

 

 

[ฉันเห็นข่าวเรื่องคลิปแล้วนะ คลิปที่กำลังเป็นประเด็นตอนนี้น่ะ] ตอนแรกผมเกือบงงแต่พอเขาขยายความผมเลยเข้าใจ

 

 

“อ๋อ ครับ แล้ว เอ่อ”

 

 

[แล้วฉันก็เกิดไอเดียน่ะ ซึ่งจริงๆ ฉันมีไอเดียนี้มาสักพักแล้ว แต่พอดีมีข่าวนายกับวิคเตอร์ขึ้นมาพอดี ฉันเลยอยากทำให้ไอเดียนี้มันเกิดขึ้นจริงจัง] ผมทำหน้าประหลาดใจ มองแฮคเตอร์ที่เหวี่ยงมือซ้ายไปฟาดหน้าพี่ชายตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจ แล้วเจ้าพี่ชายก็ชะงักกึกหน้าสั่นชวนหัวเราะ ผมกลั้นขำเพื่อไม่ให้อดัมเสียอรรถรสในการพูด

 

 

“ไอเดียอะไรเหรอรับ”

 

 

[ฉันกำลังจะจัดนิทรรศการภาพถ่ายในตีม Love has no boundaries น่ะ] ผมเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มผุดขึ้นแบบไม่รู้ตัว

 

 

“Love has no boundaries?” ผมทวนชื่อตีมด้วยความสนใจ สายตากำลังมองเฮคเตอร์ที่ยังคงงงๆ กับการโดนตีหน้าเมื่อกี้นี้อยู่ด้วยความตลก

 

 

[ใช่ มันก็เป็นการต่อต้านหน่อยๆ เอ่อ จริงๆ ก็ไม่หน่อยหรอก คือฉันอยากต่อต้านพวกแอนตี้เพศที่สามน่ะ แต่จะให้ไปตะโกนด่าพวกนั้นก็คงจะกลายเป็นประเภทเดียวกันไป ซึ่งฉันก็ไม่อยากถูกจัดรวมอยู่ในกลุ่มนั้นเท่าไหร่…] ผมหัวเราะน้อยๆ เลื่อนสายตาไปมองไวโอล่าที่ใส่หูฟังนอนหลับตาอยู่บนโซฟาสำหรับนอนก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปแบบเบาๆ เลื่อนประตูปิดตามหลังแล้วก็ยืนคุยตรงหน้าห้อง

 

 

 […ฉันเลยอยากถ่ายภาพคู่รักเพศเดียวกันพร้อมกับบทสัมภาษณ์สั้นๆ เป็นการรณรงค์อีกทางและสนับสนุนความรักของพวกนาย ให้พวกนั้นมันเห็นว่าโลกเขามีแต่เดินหน้าไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่แบบชีวิตพวกมัน] ผมยิ้ม คราวนี้ยิ้มด้วยความประทับใจกับความมีน้ำใจของอดัม เขาเป็นขั้วตรงข้ามกับคนอย่างพวกฌอณและเพื่อนคริสเตียน

 

 

“คุณใจดีจังเลยอดัม” ผมชมเขาด้วยความจริงใจไม่ใช่เพราะเสน่หาส่วนตัว

 

 

เอ๊ะ หรือใช่

 

 

อดัมหัวเราะเสียงหล่อน่าจับหอมแก้มก่อนจะว่าต่อ [ฉันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะสำเร็จหรอก เพราะบางคนก็อาจจะมีความหยาบคายในชีวิตเกินไปที่เข้าใจอะไรที่มันสวยงาม]

 

 

“แล้วผมต้องทำยังไงบ้างครับ ต้องบินไปหาคุณที่นิวยอร์กมั้ย”

 

 

[โอ้ ไม่ต้องหรอก อยู่ที่อังกฤษนั่นแหละ เดี๋ยวฉันบินไปหาเอง ฉันว่าจะตามหาคู่รักไปเรื่อยๆ ก่อนหน้านั้นที่ฉันไปเที่ยวมา ฉันก็ถ่ายมาหลายคู่เลย]

 

 

“โอเค คุณจะมาเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันนะ”

 

 

[ฉันอยากให้นายคุยกับวิคเตอร์ก่อนว่าหมอนั่นโอเครึเปล่า ตอนนี้เอมิลี่ก็น่าจะกำลังโทรไปคุยอยู่ แต่ฉันอยากให้นายสองคนคุยกันด้วยว่าสะดวกที่จะร่วมโปรเจ็คต์นี้จริงๆ มั้ย]

 

 

“ได้ครับ เดี๋ยวผมคุยกับเขาก่อน จริงๆ ก็คงจะต้องคุยกับทีมโฆษกเขาด้วย เพราะทางนั้นก็เคร่งครัดน่าดู”

 

 

[ไม่ต้องกดดันตัวเองนะ ถ้าไม่สะดวกฉันก็เข้าใจ แต่ฉันก็คงเสียดาย เพราะคู่นายฉันอยากให้เป็นไฮไลท์ของนิทรรศการเลย]

 

 

“ผมจะพยายามครับ ขอบคุณมากนะครับอดัม”

 

 

รักนะ อยากแสดงออก แต่ก็กลัวตาย (คาเตียง)

 

 

[มันคงเปลี่ยนแปลงโลกไม่ได้ แต่ก็น่าจะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นด้วยความรักของคนที่รักกัน แบบที่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม]

 

 

ถ้านักแสดงหญิงคนที่ทวีตแขวะวิคเตอร์มองโลกในแบบแคบๆ และใจก็แคบตามการมองโลก อดัมก็คือคนตรงข้ามกับเธอที่ใจกว้าง โลกกว้าง และไหล่กว้างน่าซบ

 

 

อันหลังไม่น่าเกี่ยว…

 

 

“แล้วผมจะติดต่อกลับไปอีกทีนะครับ”

 

 

[ได้ แล้วฉันจะรอคำตอบนะ] เราเซย์กู๊ดบายกันสั้นๆ ก่อนกดวางสาย ผมกระตุกยิ้มด้วยความอบอุ่นหัวใจ อันนี้ไม่ใช่เพราะได้คุยกับอดัมหนุ่มในสเป็กของตัวเอง แต่มันเป็นเพราะได้คุยกับคนที่เขามีทัศนคติที่ดีกับโลกและชีวิต เหมือนเราได้รับพลังบวกมาสู่ชีวิต

 

 

ผมเปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง สองแฝดยังคงนอนเล่นกัน ตอนนี้เริ่มมีความพยายามพลิกตัวกันบ้างแล้วทั้งที่ยังไม่ถึงช่วงเดือนที่เด็กควรจะพลิกตัว แต่ก็เป็นแค่พลิกเหมือนหมูกลิ้งมากกว่า พลิกไม่สุดทางไหนสักที ผมยิ้มขำไหลสั่น นั่งลงแล้วหยิบจุกนมในตะกร้าใส่ของแฝดขึ้นมา ดันเข้าปากสองหนุ่มให้ดูดจ๊วบๆ จะได้ไม่ส่งเสียงรบกวนคุณแม่ ดูดเพลินๆ กันสักแปบเดี๋ยวก็หลับ ผมลูบหัวทั้งสองคนพักนึงก่อนยืนขึ้นไปเลื่อนผ้าห่มให้ไวโอล่า แล้วเดินออกจากห้องไปอีกรอบ กะว่าจะไปคุยกับวิคเตอร์ให้จบเรื่องนี้ไปวันนี้เลย

 

 

อย่าไปคิดอะไรมาก

 

 

ผมนึกถึงคำที่ตัวเองบอกกับไวโอล่าในระหว่างเดินตามหาวิคเตอร์ภายในบ้าน มันเป็นคำง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนหรือเข้าใจยาก แต่มันก็เป็นคำที่ผมควรใช้กับตัวเองมากที่สุดและเป็นคำที่วิคเตอร์ใช้บอกผมหลายครั้งแล้วเวลาที่มีคนอื่นมาวิจารณ์ความสัมพันธ์ของเราสองคน

 

 

แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกด้วยความสุภาพแบบนี้นะ

 

 

“ยักษ์” ผมเปล่งเสียงเรียกเขาภายในห้องครัว แต่ก็ไม่มีวี่แวว ของทุกอย่างที่เราใช้ทำมื้อกลางวันกินกันสองคนถูกเอาวางไว้ในอ่างล้างจาน พอเห็นแบบนั้นผมเลยเดินไปทางห้องนอนของเราสองคน ผ่านห้องอ่านหนังสือสุดที่รักของผมก็โผล่หน้าแว้บเข้าไปดูสักหน่อยเผื่อไอ้ยักษ์จะคึกมานั่งอ่านหนังสือ เห็นแบบนั้นไอ้ยักษ์อ่านหนังสือเป็นนะ (เอ๊ะ?) แต่ไม่ใช่หนอนหนังสือหรอก มีอ่านเล่นบ้าง แต่กว่าจะจบคือสามสี่เดือน ขนาดนิยายที่เอามาสร้างหนังที่ตัวเองเล่น เขาก็อ่านด้วยระยะเวลานี้แหละ

 

 

“ไม่อยู่” ผมพึมพำกับตัวเอง แล้วก็เลื่อนประตูไม้สีน้ำตาลปิดเบาๆ ก้าวเท้าวิ่งย่องๆ ไปทางห้องนอน พอถึงประตูห้องนอนผมก็เปิดดันพรวดเข้าไป แล้วก็เจอกับไอ้ยักษ์ผิวเข้มผมยาวกำลังนอนเปลือยดูหนังบนจอทีวีที่ติดอยู่บนผนังห้องเยื้องกับเตียง เป็นหนังที่เขาเล่นเองนั่นแหละ

 

 

“ดูทำไมอะ”

 

 

“ฉันรู้สึกว่าแอคติ้งตัวเองเพี้ยนๆ เลยมาย้อนดูว่าตัวเองเล่นไว้ยังไง” ผมเดินไปหาเขาพลางหันไปมองทีวี เป็นฉากเขากำลังโดนอีกฝั่งไล่ล่าแล้วเขาก็ปล่อยพลังระเบิดตู้ม!!

 

 

“แล้วเพี้ยนมั้ย”

 

 

“ไม่ หล่อดี” ผมบึนปาก มองเขาด้วยความหมั่นไส้ เดินเข้าไปนั่งข้างเขาบนเตียง ยื่นมือขวาไปบีบยักษ์น้อย

 

 

“ปี๊บๆ ฮิๆ คิๆ” ไอ้ยักษ์หันมามองหน้าผมแทนหน้าจอแล้วยกยิ้มมุมปาก ผมปล่อยมือออกจากกลางลำตัวเขา วิคเตอร์ดึงผมให้ขึ้นไปนั่งคร่อมเขาไว้

 

 

“หายงอนแล้วรึไง” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

 

 

“ไม่ได้งอนสักหน่อย”

 

 

“หึๆ” ผมแกล้งมองจิกไปที ยกมือตีอกเขาเหมือนตีกลองเบาๆ

 

 

“คุยกับเอมิลี่แล้วใช่มั้ย”

 

 

“นายก็คุยกับไอ้อดัมแล้วสิ” ผมทำยิ้มเขินพร้อมกับห่อไหล่ แต่ทำได้แปบเดียวก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะโดนมือซ้ายไอ้ยักษ์ตบเข้ากลางหัว

 

 

“อุ้ย”

 

 

“ฉันตอบตกลงไปแล้ว” ผมเบิกตากว้างและยิ้มดีใจแม้จะยังมึนๆ อยู่

 

 

“จริงเหรอ แล้วเซล่าล่ะ” วิคเตอร์ยักคิ้วหนึ่งที หน้าตาไม่ยินดียินร้ายอะไร

 

 

“เธอไม่สนับสนุนให้เราเปิดเผยความรักกับใครอยู่แล้ว ถามไปก็ได้คำตอบที่นายก็รู้ ฉันเลยไม่ถาม”

 

 

“แล้วเราจะทำโดยไม่บอกเธอน่ะเหรอ”

 

 

“บอก แต่บอกตอนทำเสร็จแล้ว” ผมอ้าปากค้างแว้บหนึ่งก่อนหุบลง เจ๊เซล่าวีนแตกแน่ๆ แต่ครั้งนี้ผมก็ไม่อยากโน้มน้าวให้วิคเตอร์ไปคุยกับเจ๊แกก่อนเลย เพราะผมสนใจโปรเจ็คต์นี้ของอดัมเวรี่มัช ผมอยากทำ ผมว่ามันเป็นการตอบโต้ที่ดูแพงดี

 

 

“แต่ถ้าถ่ายไปแล้ว เรื่องเราก็จะไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไปแล้วนะ” วิคเตอร์มองหน้าผมนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดสักแปบ

 

 

เขาไม่คิดปิดเรื่องความสัมพันธ์ของเรา แต่เขาก็ไม่อยากเปิดเผยให้มันโจ่งแจ้งเพราะเขาเป็นพวกชอบความเป็นส่วนตัวสูง ผมแค่กลัวว่า ถ้าทำแล้วจะมีความวุ่นวายตามมามั้ย จะมีคนมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเรามากขึ้นรึเปล่า ผมอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่เขาเป็นคนสาธารณะ พบปะสื่อบ่อย อาจจะโดนถามมากมายจนเขารำคาญและรู้สึกว่ามันไม่ส่วนตัว

 

 

“ยังไงคนอื่นก็ไม่รู้เรื่องเราครบยี่สิบสี่ชั่วโมงในแต่ละวันหรอก” ผมเลิกคิ้วเบิกตากว้าง ก่อนจะค่อยๆ กดหน้าลง พอความคิดเข้าที่เข้าทางว่าเขาหมายถึงอะไรก็กดหน้าลงแบบทันที

 

 

“จำคำฉันไว้ เราไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่คิดว่าผิดก็เป็นปัญหาชีวิตของมันไป”

 

 

“คุณพูดจาดีมีสาระก็ได้ด้วยเหรอเนี่ย นานๆ ทีจะมีให้ได้ยิน” ผมหัวเราะห่อไหล่ วิคเตอร์กัดริมฝีปากล่าง มองผมตาลุกวาว ผมยิ้มประจบ ดึงมือขวาของเขาที่มีแหวนสีเงินตรงนิ้วนางขึ้นมาจูบจุ๊บๆ หลายที

 

 

“ผมไปเล่นกับแฝดก่อนนะ” เผื่อยังไม่หลับ แต่ดูดจุกนมทีไรก็คล้อยหลับทุกที

 

 

วิคเตอร์เบ้ปากหน้าบึ้ง “ติดมันจังนะไอ้ลูกหมูสองตัวนั้นอะ”

 

 

“เอ้า ก็แฝดน่ารักอะ คุณไม่รักหลานเหรอ…” วิคเตอร์เบ้ปากแรงกว่าเดิม ผมย่นคิ้วทำท่าครุ่นคิด

 

 

“…จะว่าไปคุณอุ้มหลานอยู่สองสามครั้งเองนะ”

 

 

“ไม่อยากอุ้ม กลัวแขนหัก มันอ้วน”

 

 

“น่ารักจะตาย ตัวกลมดุ๊กดิ๊ก” ผมทำท่าโอบกอดตัวเองและทำหน้าฟิน วิคเตอร์เด้งตัวขึ้นมาแล้วกอดผมแน่นพร้อมกับทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ

 

 

“แอ๊! แฮ่ะ! แฮะๆๆๆ” ผมหัวเราะด้วยความจั๊กจี๋ พยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดเขา เพราะวิคเตอร์ใช้เคราถูตามแก้มและลำคอผม เขากดตัวเข้ามาแน่นเลยทำให้ผมดึงมือออกมาสู้ไม่ได้ ผมเลยพยายามหดคอลง เขาก็เอาหนวดถูไปตามหน้าที่เหลือพื้นที่ให้ถู

 

 

“อะ…” ผมหัวเราะแบบไม่มีเสียง มาแต่เสียงลมแบบคนใจจะขาด พยายามหันหน้าหนีแต่ก็หนีไม่พ้น ยืดหน้าหดหน้าคือโดนหมด จนสุดท้ายผมไอออกมาวิคเตอร์เลยยอมหยุด

 

 

“แอ่กๆๆๆ” วิคเตอร์ปล่อยแขนออกจากตัว ปล่อยให้ผมไอโครกจนน้ำตาคลอ ผมยกมือขึ้นตบแก้มขวาเขาหนึ่งทีด้วยความโมโห เขาหลับตาด้วยความตกใจและทำหน้าเหยเกหน่อยๆ

 

 

“ไอ้ห่านี่!”

 

 

“ชมฉันว่าน่ารักเหรอ” เขายิ้มทะเล้น ผมค่อยๆ หยุดไอ ยกสองมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา ก่อนใช้มือซ้ายผลักหน้าเขาจนหงายหลังไปนอนบนหมอน ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินถอยหลังไปยืนข้างล่างเตียง

 

 

“นี่!” ผมยื่นมือขวาไปบีบไข่เขาเต็มแรง วิคเตอร์หน้าหยีอย่างเจ็บปวด

 

 

“โอ๊ยยยยย!!!!” เขายื่นมือมาจะจับมือผม แต่ผมชักมือออกมาก่อนที่เขาจะคว้ามือผมได้ เขานอนตัวงอกุมเป้า ผมหมุนตัววิ่งหนีออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เขาร้องครวญครางอยู่ด้านหลัง

 

 

“กลับมานี่ไอ้เอเลี่ยน!!” โวะ! บ้ารึเปล่า ใครจะวิ่งกลับไปให้โดนตี

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-06-2018 23:30:32
V
v
v


ตกดึกศึกสงบ ไม่มีการรบตบตีเกิดขึ้น เพราะช่วงหัวค่ำก่อนแฝดเข้ามานอนด้วยก็กระหน่ำกันจนเตียงแทบพัง ไม่ได้มีอะไรกันนะ ตีกันสองคนอยู่ในห้องด้วยหมอน ตีจนเหนื่อยก็พากันไปอาบน้ำแล้วก็ไปรับแฝดมานอนด้วย ตามเคยว่าวิคเตอร์ไม่อุ้มแฝด ไม่รู้จะขี้เกียจอะไรนักหนา ดีนะมีรถแล้ว เลยจับใส่รถเข็นจากห้องคุณแม่มาห้องนอนตัวเอง

           


“แมทร้องเพลงไม่เป็นนะแฝด”

           

 

“อือ อือ แหะ” แฮคเตอร์ทำปากบุ๋งๆ น่าเอ็นดู ผมยิ้มขำ ยื่นมือไปหยิกแก้มเจ้าตัวอ้วนเบาๆ

           

 

“แออออ๊!!” ผมหันไปมองเฮคเตอร์ที่กำลังย่นคิ้ว สายตามองด้านบนของตัวเอง ผมมองตามสายตาของมิชลินเบอร์หนึ่งก็เจอลุงยักษ์กำลังเกาะคอกมองหน้ามึน

           

 

“ไล่เหรอ นี่เจ้าของบ้านโว้ย” เฮคเตอร์คลายคิ้วแล้วมองหน้าวิคเตอร์ด้วยความสนใจ มืออ้วนป้อมชูขึ้นและกำๆ แบๆ แบบแบบไม่สุด ผมหอมแก้มแฮคเตอร์หนึ่งที ขยับตัวขึ้นนั่งมองหลานคนโตคุยกับลุงยักษ์ผ่านสายตา

           


“ระวังหน้ามึนเหมือนลุงยักษ์นะเฮคเตอร์” วิคเตอร์ยื่นนิ้วชี้ข้างขวาไปให้เฮคเตอร์จับ เจ้าตัวเล็กจับแล้วก็หันหน้ามามองผมเหมือนกำลังจะบอกว่าหนูจับมือลุงยักษ์อยู่ พอผมยิ้มขำ เฮคเตอร์ก็ยิ้มหวานแล้วส่งเสียงร้องอ้อแอ้

           

 

“แออออ้” พอได้ยินพี่ชายส่งเสียงร้อง เจ้าน้องชายก็ส่งเสียงตอบกลับ ผมขยับเฮคเตอร์มานอนใกล้น้องชาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกับคลิปเก็บไว้

           

 

“อ๊า น่ารักอ้า” ผมครางเสียงสองเมื่อน้องชายหันไปหาพี่ชายแล้วปากชนแก้มของอีกคนพอดี เป็นโมเม้นต์น่ารักตามจริตและธรรมชาติของเด็กอันไร้การปรุงแต่ง อยากอัปลงโซเชียล แต่ก็รู้สึกเกรงใจไวโอล่า เพราะตอนนี้เธอไม่ลงรูปลูกๆ เลย

           

 

“วิคเตอร์ ถ่ายรูปกับแฝดหน่อยสิ”

           

 

“ไม่”

           

 

“ไม่ถ่าย ไม่จับยักษ์น้อยนะคืนนี้อะ” วิคเตอร์ย่นคิ้วแว้บหนึ่งพร้อมกับจิ๊ปาก ก่อนจะลุกขึ้นปีนเข้ามาในคอกแล้วนอนตะแคงใกล้กับเฮคเตอร์ ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรงๆ ตั้งกล้องเป็นแนวนอนแล้วกดถ่ายภาพลุงยักษ์กับหลานๆ ไปหลายภาพ

           

 

“ลุงยักษ์ยิ้มหน่อย” ผมเปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายวิดีโอ ไอ้ยักษ์ผมยาวสลวยย่นคิ้วมองมาที่กล้องเหมือนกำลังจ้องหาเรื่อง

           

 

“เรียกลุงเดี๋ยวยึดบัตรเครดิตหรอก” ผมหัวเราะคิกคัก

           

 

“AaaChaaa!”

           

 

“Oh no.” แฮคเตอร์จามตัวสั่น เฮคเตอร์สะดุ้งตกใจเสียงน้องชายจามดังอัชช่า! เลยอุทาน Oh no ออกมาเสียงเล็กๆ เบาๆ น่ารัก สองแฝดหันมองผมตาแป๋วสีหน้างงงวยเหมือนไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ผมหัวเราะลั่นด้วยความขำ วิคเตอร์ยังขำไปด้วย เด็กวัยนี้กับการพูด Oh no นั้นช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

           

 

“You guys are so cute, piggy twins. (พวกหนูน่ารักมาก แฝดลูกหมู)”

 

 

“นายสอนมันพูดกันเหรอ” ผมสั่นหัวทั้งที่ยังคงขำไม่หยุด

 

 

“สงสัยได้ยินผมพูดบ่อย แล้วคงตกใจเลยพูดออกมาได้” ผมมองสองแฝดที่กำลังทำหน้ามึนเหมือนลุงไม่มีผิด วิคเตอร์ยิ้มขำก้มลงมองสองแฝดที่กำลังมองไปเรื่อยแบบไม่ได้โฟกัสที่ไหน ผมกดให้หน้าจอกล้องมาอยู่ด้านหน้าแล้วถ่ายให้เห็นหน้าตัวเองกับแบ็คกราวด์ยักษ์สามตนด้านหลัง มียักษ์ใหญ่กับยักษ์จิ๋วสองตนนอนพยายามกลิ้งตัวไปมาเบาๆ สักพักวิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมองกล้องแบบหน้ามึนๆ ผมแกล้งทำตาโตตกใจแต่ก็ไม่พูดอะไร

           

 

“ต่อยตาแตก” ผมหัวเราะร่วน ลดมือถือลงแล้วก็กดปิดเลิกบันทึกวิดีโอ

           

 

“คุณร้องเพลงเป็นมั้ยอะ แฝดอาจจะนอนรอฟังเพลงอยู่”

           

 

“โอ้ย ร้องไม่เป็นหรอก” ผมทำหน้าบู้ มองแฝดที่ยังนอนตาแป๋ว นมกินแล้ว อึไปแล้ว ตอนนี้กำลังสบายตัวเลย สงสัยต้องใช้จุกนมล่อลวงให้หลับอีกครั้ง

           

 

“งั้นคุณไปนอนก่อน เดี๋ยวพอแฝดหลับผมจะตามไป” วิคเตอร์ไม่ตอบอะไรแต่ดันตัวลุกขึ้นแล้วปีนออกจากคอก เดินอ้อยอิ่งไปที่เตียง ผมเอื้อมมือไปหยิบจุกนมในตะกร้ามาให้แฝดดูดจุ๊บๆ พอจุกนมเข้าปากก็มองผมตาแป๋ว ผมยกมือลูบหัวทั้งสองคน แล้วก็พึมพำทำนองเพลงที่ไวโอล่าชอบร้องให้สองแฝดฟังก่อนนอนเบาๆ แบบที่ไม่ใช่การร้องเพราะพริ้งอะไร แค่จะกล่อมให้แฝดคล้อยหลับบ้างเท่านั้นเอง

 

 

“Sleepyhead, close your eyes, for I'm right beside you…” สองมิชลินหันหน้ามามองผมแล้วนอนนิ่งราวกับจะฟังต่อ ผมคลี่ยิ้มบางเบา เสียงเราคงไม่แย่มากละมั้ง 

 

 

“Lullaby, and sleep tight, my darling sleeping…” สองแฝดมองผมตาแป๋ว ผมคิดว่าพาเขาหลับได้อยู่นะ

 

 

“…On sheets white as cream, with the head full of dreams. Sleepyhead, close your eyes, I'm right beside you…” สองแฝดนิ่งราวกับโดนมนต์สะกด สงสัยจะชอบฟังเพลงนี้ก่อนนอนจริงๆ แต่ด้วยความเป็นเด็กคงยังแยกไม่ค่อยออกละมั้งว่าอันไหนเสียงเพราะอันไหนเสียงพังอย่างผม นึกแล้วก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับปากร้องต่ออย่างเชื่องช้า

 

 

“…Lay thee down, now and rest. May your slumber be blessed…” แล้วผมก็ลืมเนื้อร้อง เลยฮึมฮัมเป็นจังหวะของเพลงแทน สองมือก็ลูบหัวแฝดไปด้วยเบาๆ แล้วก็วนร้องท่อนที่จำได้อีกครั้งนึงแบบช้าๆ ด้วยเสียงกระซิบอีกสองรอบ แฝดก็หลับตาปุ๋ย จุกนมคาปาก ผมยิ้มด้วยความเอ็นดู ค่อยๆ ดึงจุกนมของทั้งสองคนออกเอาไปวางไว้ในตะกร้า จัดการขยับร่างตัวอ้วนป้อมทั้งสองร่างนอนบนหมอนใครหมอนมัน ก่อนจะปีนออกจากคอกอย่างเงียบเชียบ

 

 

ผมเดินไปปิดไฟในห้องนอน เหลือแต่ไฟในเตาผิงให้ความสว่างในโทนอบอุ่น ยิ่งห้องนอนเป็นหินสีน้ำผึ้งยิ่งเข้ากัน ผมเดินไปที่เตียงไม้สีน้ำตาลเก่าแก่แต่ราคาไม่ได้เก่าตาม เป็นเตียงไม้ที่แข็งแรงมาก วัดได้จากเวลามีอะไรกันบนเตียง สงบนิ่ง ไม่ไหวติง แข็งแรงสุดอะไรสุด ผมดึงผ้านวมสีขาวขึ้น กำลังจะสอดตัวเข้าไปนอน แต่รู้สึกได้ว่าตัวเองปวดฉี่ เลยหมุนตัวเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน

 

 

ตึก!

 

 

หัวใจผมกระตุกวาบเมื่อคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงเหมือนของหนักหล่นลงพื้นอย่างแรง ผมชะงักมือที่กำลังจะกดชักโครก รอฟังว่าจะมีเสียงอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พอเสียงเงียบลงผมก็กดชักโครกแล้วรีบวิ่งออกไป แต่ก็วิ่งไปแบบย่องเบากันแฝดตื่นขึ้นมา

 

 

“วิคเตอร์… วิคเตอร์…” ผมกระซิบข้างหูเจ้าของชื่อพร้อมกับเขย่า เขาลืมตาขึ้นมองแบบงงๆ

 

 

“อะไร”

 

 

“ชู่…” ผมยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก หัวใจยังคงเต้นตึกตัก

 

 

“…ผมคิดว่ามีคนเข้ามาในบ้านเราอีกแล้ว” วิคเตอร์นิ่งเงียบ ดันตัวลุกขึ้นช้าๆ เขาไม่ถามผมซ้ำ แต่หันไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียงฝั่งเขาขึ้นมา ผมเห็นว่าเขากำลังกดโทรหาออสติน ฝ่ายนั้นตัดสายทิ้งเหมือนกับรู้

 

 

“ล็อคห้องให้ดี” ผมพยักหน้า วิคเตอร์ลงจากเตียงเดินผ่านคอกนอนแฝดไปที่ประตู เปิดออกไปอย่างเงียบๆ ผมลุกตามไปใส่กลอนด้วยอาการใจเต้นตุ้มต่อม ไม่มีกะจิตกะใจจะนอนเลยทีนี้ เลยเลือกจะเดินวนอยู่บริเวณประตู เดินวนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผมเห็นแสงไฟลอดเข้ามาจากใต้ประตูผมจึงหยุดนิ่งด้วยอาการใจเต้น ผมเดินไปดูแฝดก่อนว่าสะดุ้งตื่นขึ้นมารึเปล่า แต่สองหนุ่มก็หลับปุ๋ยสบายกายดี

 

 

ก๊อกๆ

 

 

เสียงประตูถูกเคาะเบาๆ ผมมองประตูด้วยความไม่แน่ใจ ครึ่งนึงคิดว่าวิคเตอร์แหละ อีกครึ่งก็คิดว่าวิคเตอร์ถูกใครบังคับให้มาเคาะประตูเรียกรึเปล่า ผมหันซ้ายหันขวาสักแปบ ก่อนเดินไปหยิบไม้ฟืนหนึ่งอันที่จับถนัดมือมาจากตะกร้าใส่ฟืน แล้วเดินกลับไปที่ประตู ตั้งสติว่าถ้าเห็นใครถือปืนหรือมีดจี้วิคเตอร์อยู่ ฟาดหัวมันให้แบะอย่ายั้งมือ พอรวบรวมความกล้าได้ ผมก็ดึงกลอนออกแล้วดึงประตูเข้ามา ใบหน้านิ่งของวิคเตอร์ปรากฎอยู่ตรงหน้า ผมมองเขาด้วยความรู้สึกตื่นๆ จนเขาทำหน้างง

 

 

“เป็นอะไร” ผมยื่นหน้าออกไปมองซ้ายมองขวาแต่ว่าไม่เห็นใครอื่นอีก

 

 

“ไม่ได้มีใครบังคับคุณอยู่ใช่มั้ย” วิคเตอร์มองหน้าผมประมาณว่าอะไรของมึงก่อนจะสั่นหัว

 

 

“เอากุญแจห้องออกมา ล็อคห้องให้เรียบร้อย” ถึงจะยังงงๆ อยู่แต่ผมก็หยิบกุญแจห้องนอนที่แขวนอยู่ข้างประตูมาใส่กระเป๋ากางเกง วางไม้ฟืนไว้บนหลังตู้โชว์ เดินออกไปนอกห้องแล้วปิดประตูตามหลังเบาๆ

 

 

ผมเดินตามวิคเตอร์ไปทางห้องโถงใหญ่ตรงกลางบ้าน ผมเห็นไวโอล่ายืนร้องไห้ก็ตกใจ พอเลื่อนสายตาไปมองบนพื้นห้องโถงผมก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจกว่าเดิม

 

 

“คริสเตียน…” ใบหน้าตอบซูบผอมและโทรมหันมามองผมนิ่ง ออสตินยืนคุมเชิงอยู่ตรงเตาผิง คริสเตียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น หน้าตาไร้อารมณ์ใดๆ

 

 

“…ทำไมเขามาอยู่นี่”

 

 

“เงาที่นายเห็นตอนนั้น คือไอ้คริสเตียน” ผมเบิกตากว้างตะลึง มองคริสเตียนด้วยความงง หันไปมองไวโอล่า เธอก็กำลังน้ำตาไหลพราก

 

 

“ออสติน โทรหาตำรวจ” ผมหน้าตื่นตกใจ ไวโอล่าเดินเข้ามาหาพี่ชาย

 

 

“พี่ อย่า ฉันขอร้อง ปล่อยคริสเตียนไป…” ไวโอล่ามองด้วยสายตาอ้อนวอน วิคเตอร์มองตอบนิ่ง ไวโอล่ามีสีหน้าอึดอัดเหมือนไม่อยากพูด แต่สุดท้ายก็พูดออกมาเพราะโดนสายตานิ่งของพี่ชายมองอย่างกดดัน

 

 

“…เขาแค่อยากมาหาลูก”

 

 

“และเธอก็ยังติดต่อกับมันอยู่ตลอดใช่มั้ย” ไวโอล่าเม้มปาก น้ำตาคลอมองพี่ชายด้วยสายตาหวาดกลัว แม้วิคเตอร์จะไม่ได้ทำหน้าดุหรือหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่การที่เขามีสีหน้าเรียบเฉยมันอาจจะสร้างความกดดันให้ไวโอล่าได้

 

 

“ไม่ตลอด… แต่ก็…” เธอพูดติดๆ ขัดๆ น้ำตาหยดลงบนแก้ม ผมเริ่มพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมช่วงนี้เธอดูอิดโรย ดูเหนื่อยๆ

 

 

“…คริสเตียนอยากเจอลูก แต่ฉันไม่อยากและ…” ไวโอล่าสะอื้น ผมมองเธอด้วยความเห็นใจ วิคเตอร์ยังคงมองน้องตัวเองนิ่ง

 

 

“…อยากให้เขาเจอ”

 

 

ฉันไม่อยากให้ลูกมีสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย

 

 

เสียงของเธอดังก้องอยู่ในหัวของผม ต่อให้เธอจะมองโลกในแง่ดีขนาดไหน เป็นคนเข้มแข็งยังไง แต่เรื่องหัวใจมันก็คงไม่ง่ายนักที่จะตัดคนที่เรารักทิ้ง ผมไม่รู้ว่าไวโอล่ารักคริสเตียนมากจนเป็นแบบนี้ หรือเพราะสงสารเขาที่อยากเจอลูกจนต้องแอบเข้ามาหา หรือจะเพราะอย่างอื่นผมก็ไม่อาจจะรู้ได้

 

 

“วี มันติดยา ค้ายา และตอนนี้มันมีแก๊งอันธพาลของมัน ทำงานผิดกฎหมาย มีนายจ้างเส้นใหญ่ เธออยากให้ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของลูกเธอเหรอ” ไวโอล่าส่ายหน้า สีหน้าของเธอเจ็บปวด ผมว่าเธอคงขัดแย้งกับตัวเองจนแทบจะจิตตกแล้วมั้ง

 

 

“เขาบอกว่าแค่อยากอุ้มลูก” ไวโอล่าน้ำตาไหล ผมน้ำตาคลอตามไปด้วย ผมเลื่อนสายตามองคริสเตียนที่นั่งเงียบ ผมมองใบหน้าซูบโทรมของเขาและยังคงตั้งคำถามเหมือนเดิมว่าผู้ชายคนนี้อยากมีลูกจริงๆ เหรอ

 

 

แต่พอได้ยินคำว่า แค่อยากอุ้มลูก ผมรู้สึกใจอ่อนแทนไวโอล่าเลย

 

 

“วิคเตอร์ เป็นไปได้มั้ยที่จะให้เขาอยู่นี่ก่อน รอตอนเช้าให้แฝดตื่นแล้วค่อยให้พวกเขาพบกัน” วิคเตอร์หันมามองผมนิ่ง ผมพยักหน้ายืนยันด้วยความรู้สึกเศร้าในอก ยิ่งมองไวโอล่าที่กำลังร้องไห้เงียบๆ ก็ยิ่งรู้สึกเศร้า

 

 

“แกมาคนเดียวใช่มั้ย” วิคเตอร์ก้มลงถามคริสเตียน

 

 

“เพื่อนฉันมาส่ง แต่ป่านนี้คงเผ่นไปแล้ว” คริสเตียนตอบอย่างเรื่อยเปื่อย วิคเตอร์ขบกรามแน่นก่อนเงยหน้าขึ้นมองออสติน

 

 

“ออสติน เฝ้ามันไว้” ผมคลี่ยิ้มด้วยความดีใจ ไวโอล่ายิ้มทั้งน้ำตาแล้วโผกอดพี่ชาย ผมไม่รู้ว่ามันจะช่วยไวโอล่าได้มั้ย แต่ถ้ามันปลดความสับสนและความขัดแย้งในใจเธอได้ก็น่าจะลองดู ถ้าเธอเห็นภาพคริสเตียนกอดเด็กๆ แล้วเธออาจจะสบายใจมากขึ้น ไม่คิดว้าวุ่นไปมาจนสภาพย่ำแย่แบบนี้

 

 

“พี่คงปล่อยให้เธอนอนกับมันสองต่อสองไม่ได้ ไม่อยากให้ไอ้แฝดลูกหมูมีน้องตอนนี้” ไวโอล่าหัวเราะน้ำตาไหล ผมขำน้ำตาคลอ ไวโอล่าพยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะก้มลงนั่งตรงหน้าคริสเตียน ทั้งสองคนมองหน้ากัน ดวงตาสีเทากับสีฟ้าประสานกันสักพักก่อนที่ไวโอล่าจะคลี่ยิ้ม คริสเตียนกระตุกยิ้มเพียงเล็กน้อย ไวโอล่ายื่นมือซ้ายไปจับมือขวาคริสเตียนไว้

 

 

“นอนที่นี่ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอลูกนะ” คริสเตียนพยักหน้า ไวโอล่ายื่นหน้าไปจูบหน้าผากคริสเตียนหนึ่งที ผมน้ำตาร่วงกับภาพที่เห็น มันทั้งซาบซึ้งใจ ดีใจและเศร้าใจไปกับทั้งสองคน

 

 

ไม่ใช่แค่วิคเตอร์หรอกที่ไม่อยากให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ตัวไวโอล่าเองก็ต้องใจแข็งตัดคริสเตียนออกไปจากชีวิตให้ได้เพื่อลูก

 

 

“นอนที่ห้องโถงนี่แหละ ฝากด้วยนะออสติน” พ่อบอดี้การ์ดพยักหน้า วิคเตอร์หันมาพยักหน้าให้ผมเดินตามเขาไป ผมมองไวโอล่ากับคริสเตียนนั่งคุยกันสักแปบก่อนที่จะเดินตามวิคเตอร์กลับไปทางห้องนอน

 

 

“เตอร์ของแมทใจดีที่สุด” คนใจดีที่ผมชมกลอกตาหน้าเซ็งๆ ผมยิ้มกว้าง เข้าไปควงแขนขวาของเขาแล้วเดินกลับไปทางห้องนอนพร้อมกัน

 

 

ไอ้ยักษ์ขี้โมโหคนนั้นหายสาบสูญไปแล้ว…

 

 

…หายไปกับคนอื่นนะ แต่กับผม… เหมือนเดิม

 

 

           

 

 

เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               แว้บมาอัปอีกวัน ต้องไปจมกองหนังสือต่อแล้นค่ะ แต่ก็ใกล้จะเสร็จแล้ววว ยงไงฝากคนอ่านเม้าท์กันอีกสักตอนสองตอนเนาะ เดี๋ยวมาเม้าท์โด้ยยย ขอบคุณมากๆ ลเยนะคะสำหรับคอมเม้น จะมากจะน้อยแค่ก็ขอบคุณคนที่เม้นให้มากๆ ค่ะ เป็นกำลังใจดีๆ ของคนเขียนในยามนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-06-2018 00:04:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ยักษ์ใจดี ยกเว้นกะแมท 55555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 02-06-2018 00:48:14
 :pig4:
 เหมือนๆจะแฮปปี้ ก็ดันมีอุปสรรค
 หวังว่าพ่อของหมูแฝดคงไม่เพิ่มความยุ่งยากวุ่นวายให้ยักษ์กะเอเลี่ยนนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-06-2018 02:24:52
ตกใจอ่ะ ยักษ์ขึ้นเสียงใส่เอเลี่ยนด้วย  o22
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2018 02:47:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-06-2018 03:29:23
สับสนไปกับไวโอล่าด้วยเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-06-2018 06:38:49
วีต้องตัดใจนะ ค้ายา ติดยา เป็นพ่อที่ดีของลูกไม่ได้หรอก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-06-2018 10:02:35
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 02-06-2018 10:10:55
ไวโอร่า สู้ๆ ผ่านไปให้ได้
ยักษ์ใหญ่ใจดี บรรยากาศรอบๆ ตัวของเตอร์เปลี่ยนไปเยอะจากภาคแรกๆ ดูเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่วมเงาคนรอบข้างได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkping ที่ 02-06-2018 13:44:28
  หนังสือยังสั่งได้ไหมคะ อยากได้อ่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-06-2018 23:12:21
นึกว่าจะมีเรื่องซะแล้ว ค่อยนังชั่วใจหายใจคว่ำหมดเลน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 03-06-2018 15:02:17
  :sad11: :เฮ้อ: :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.31 100% :01.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 05-06-2018 08:12:50
อิเตอร์ใจดีมากกกกกกกกกก ใจดีกับคนอื่นก็เป็นเนาะ :z2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-06-2018 23:04:11


Yours and Mine EP.32 :: Instinct. (สัญชาตญาณ) [100%]




 เช้าวันถัดมาผมตื่นก่อนวิคเตอร์เช่นเคยเพราะต้องมาดูแฝด แล้วก็เป็นเหมือนในแทบทุกเช้าที่จะเจอสองแฝดนอนตาแป๋วรออยู่ก่อนแล้ว ก็จะมีบางวันที่ผมต้องปลุกสองหนุ่ม แต่ส่วนมากตื่นมารอก่อนทั้งนั้นแหละ ผมยิ้มหยอกล้อกับทั้งสองคนสักแปบ ให้ได้ส่งเสียงอ้อแอ้ทักทายกันสักนิดสักหน่อย

           

 

“แอ แอ / แอออ๊ ฮื่อๆๆ” ผมหัวเราะตอนที่เฮคเตอร์บิดตัวเข้าหาน้องชายแล้วยิ้มเขิน ผมยื่นมือไปเกลี่ยแก้มยุ้ยสีแดงระเรื่อของสองหนุ่ม

           

 

“อ๊า แอออ๊ะ!”

           

 

“หนูเขินเหรอคับบบ” ผมยิ้มล้อ สองหนุ่มดีดแขนดีดขาเหมือนกำลังครึกครื้น ซึ่งตอนนี้น่าจะนอนทับอึกันอยู่

           

 

“เฮ้ย เสียงดังรบกวนคนอื่นทำไมวะ” สองแฝดชะงักหยุดนิ่ง สายตาเลื่อนไปเลื่อนมาแบบไม่มีโฟกัส ผมหันไปมองไอ้ยักษ์ที่นั่งอยู่บนเตียงหน้าตาสลึมสลือแล้วหันกลับมายิ้มขำกับแฝดที่ยังคงวนลูกตามองหาต้นตอของเสียงไปเรื่อย

           

 

“ยักษ์มาๆ แฝดสู้ยักษ์เร็ว” ผมกระซิบบอก หางตาเห็นไอ้ยักษ์ลุกออกจากเตียงเดินมายืนเกาะขอบคอกกันกระแทก

           

 

“ทำหน้าที่แทนนกเหรอฮะ” สองแฝดกะพริบตาปริบๆ สายตาจ้องมองไปทางวิคเตอร์ แต่ไม่แน่ใจว่าโฟกัสที่ลุงตัวเองหรือเปล่า หรือมองผ่านเลยไป แต่ผมคิดว่าเด็กสามเดือนน่าจะเริ่มมองเห็นอะไรชัดแล้วนะ

           

 

“อะ ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ช่วยผมทำความสะอาดให้แฝดหน่อย” แน่นอนว่าไอ้ยักษ์สั่นหัวรัวๆ ทันที ผมเบิกตากว้าง ไอ้ยักษ์ตีหน้ามึนแล้วเดินกลับไปที่เตียง ทิ้งตัวลงนอนบนนั้นนิ่งๆ แล้วก็เงียบหายไปเลย

           

 

ดีนะที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้น้ำใจจากเขามาก

           

 

ผมไม่คิดไปวอแวให้เขามาช่วย จัดการพาแฝดเข้าห้องน้ำเองและทำความสะอาดให้สองหนุ่มด้วยตัวเองเหมือนที่เคยทำ วันนี้แต่งตัวด้วยกางเกงขายาวสีฟ้า เสื้อยืดสีขาวสกรีนชื่อของสองหนุ่ม แล้วก็ห่อตัวด้วยผ่าห่มเพิ่มความอุ่น พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็อุ้มทั้งสองคนใส่รถเข็นประจำตัว ปล่อยให้ไอ้ลุงยักษ์นอนอืดต่อไป

           

 

“อูอูอู~” แฝดส่งเสียงร้องอื้ออึงตอนที่เข็นทั้งสองคนเข้ามาในครัว ราวกับรู้ว่ากำลังจะได้กินนมของคุณแม่ ผมก็พยายามสลับทั้งนมแม่นมผงที่คุณหมอแนะนำ เพื่อที่จะได้แบ่งเบาภาระน้ำนมคุณแม่ลงบ้าง ซึ่งตอนนี้ครบสามเดือนแล้ว ลุ้นกันอยู่ว่าน้ำนมไวโอล่าจะมีต่อหรือไม่ คือแฝดก็กินนมผงได้นะ แต่ผมรู้สึกว่าเขาชอบนมแม่มากกว่า

           

 

“หม่ำๆ ครับ…” ผมชะงัก ยืดตัวขึ้นมองออสตินและคริสเตียนที่กำลังยืนมองผมให้นมแฝดอยู่ตรงซุ้มโค้งทางเข้าครัว

           

 

“เฮ้…” ผมทักทายเขาเบาๆ ออสตินพยักหน้าหนึ่งทีแล้วค่อยๆ เฟดตัวออกไปจากบริเวณห้องครัว พ่อของแฝดเลื่อนสายตามองผมหน้านิ่ง ผมแค่นยิ้มแห้งๆ ด้วยความรู้สึกกลัวเขานิดหน่อย คือเขาเป็นคนหล่อนะ แต่น่าจะเพราะเสพยาเลยทำให้เขาคล้ำโทรมไม่มีออร่าเลย คิดว่าก่อนหน้านี้คงหล่อเปล่งประกายมากๆ

           

 

“…เอ่อ หิวมั้ย” ผมถามอย่างนอบน้อม คริสเตียนส่ายหน้าเบาๆ

           

 

“พวกเขาแข็งแรงดีมั้ย” สายตาของคริสเตียนมองลูกชายตัวเองทั้งสองคนแบบที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

           

 

“แข็งแรงดี ฉีดวัคซีนเบื้องต้นไปแล้ว แล้วเดี๋ยวก็จะไปฉีดอีกตามตารางที่คุณหมอให้มา” ผมบอกข้อมูลที่คิดว่าเขาควรรู้ เหมือนเป็นการอัปเดตให้พ่อเด็กๆ ฟังว่าลูกชายตัวเองเป็นยังไงบ้าง คริสเตียนไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา เขายืนมองลูกชายทั้งสองคนนิ่ง ผมเม้มปาก ครุ่นคิดสักแปบก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างไม่แน่ใจ

           

 

“ป้อนนมแฝดมั้ย” เขาเลื่อนสายตามามองผมแบบงงๆ สักแปบก่อนจะนิ่งไป ราวกับกำลังคิดตามคำพูดของผมอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวมากน้อยแค่ไหน แต่ที่เขาดูเอื่อยเฉื่อยแบบนี้น่าจะเพราะเสพยานี่แหละ

           

 

“ได้เหรอ” เขาถามเสียงลอยๆ ผมคลี่ยิ้มบาง พยักหน้าลงหนึ่งที

           

 

“ได้สิ” ผมชูขวดนมสองขวดขึ้น คริสเตียนมองขวดนมตาลอยสักแปบก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเดินเข้ามาหาผมแล้วหยิบขวดนมไป ผมกระตุกยิ้ม คริสเตียนย่อตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้ารถเข็นของแฝด มองสองหนุ่มที่ดีดแขนดีดขาไปมาและมองหน้าเขาตาแป๋ว

           

 

คริสเตียนมองเด็กสองคนนิ่ง สบตากันและกันสักพักก่อนที่เขาจะยื่นขวดนมไปตรงปากแฝด วินาทีที่จุกนมจ่อปาก สองมิชลินก็เปิดปากคว้ามับแล้วดูดนมตุ้ยๆ

           

 

“ยกสูงอีกนิด” ผมกระซิบบอกคริสเตียน เขาทำตาม สายตายังคงมองลูกชายราวกับจะจดจำภาพนี้ไว้ให้นานที่สุด พอคิดแบบนั้นผมก็คลี่ยิ้มบางและน้ำตาคลอ ผมอยากให้แฝดได้อยู่กับพ่อกับแม่ แต่มันดูเป็นไปไม่ได้เลย

           

 

“คุณมีแผนจะกลับมาอยู่กับไวโอล่ามั้ย…” คริสเตียนเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยใบหน้าเดิม

           

 

“…คือถ้าคุณได้กลับมาอยู่ด้วยกันก็คงดี แฝดคงดีใจที่ได้อยู่กับพ่อและแม่” คริสเตียนนิ่งไม่ตอบ หันกลับไปมองแฝด ผมไม่คิดเซ้าซี้เขา ผมถามแบบไม่ได้คาดหวัง

           

 

“ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้น…” เขาพึมพำ ผมกระตุกยิ้ม อย่างน้อยเขาก็มีความคิดที่อยากจะกลับมาอยู่กันเป็นครอบครัว

           

 

“…ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วย” เขาหันมามอง ผมทำปากยื่น ยักคิ้วและยักไหล่ ทำหน้าแบบจำยอม

           

 

“ก็หวังว่าคุณจะไม่ต้องมาขอโทษแทนเพื่อนคุณอีก” มีความสงสัยอยากจะถามเขาว่าทำไมถึงเลือกคบเพื่อนแบบนั้น มันมีอะไรดีงั้นเหรอ หรือมีผลประโยชน์อะไรร่วมกัน แต่คิดอีกตลบก็พบว่า อย่าไปให้สาระกับพวกมันนักเลย

           

 

“มันดีกับฉันน่ะ แต่นิสัยมันก็ไม่ใช่คนดีนักหรอก” ผมยักคิ้วอีกที คริสเตียนหันกลับไปมองแฝดที่ดูดนมจนแก้มพอง สายตาผมเหลือบเห็นคนเดินเข้ามาในครัว พอเงยหน้ามองก็เจอไวโอล่าเดินมาหยุดดูคริสเตียนป้อนนมลูกแบบเงียบๆ คริสเตียนหันมามองผมก่อนจะหันไปมองตามสายตาผมอีกที

           

 

“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปในลอนดอน เธอจะกลับพร้อมฉันเลยมั้ย”

           

 

“เธอไปทำอะไรที่ลอนดอน”

           

 

“เรื่องส่วนตัวน่ะ” ไวโอล่าตอบปกติธรรมดา ไมได้เหวี่ยงหรือจิกกัด

           

 

“ได้สิ” ไวโอล่าพยักหน้า ผมก็อยากจะขอสาระแนตามไปด้วยนะ แต่คิดว่าควรให้เวลาเขาสองคนอยู่ด้วยกันจะดีกว่า

           

 

“แล้วเธอไปยังไงไวโอล่า ให้ออสตินไปส่งมั้ย”

           

 

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันเรียกอูเบอร์ดีกว่า ฝากแฝดด้วยนะ” ผมยิ้มและพยักหน้า ไวโอล่าหันไปมองคริสเตียน ก่อนจะเดินเข้ามาดูใกล้ๆ

           

 

“นมหมดแล้ว เอาขวดนมออกสิ” คริสเตียนหันมองแฝด ดึงขวดนมออกจากปากทั้งสองหนุ่ม

           

 

“แล้วกินแค่นี้เหรอ”

           

 

“ครบหกเดือนเมื่อไหร่จะเริ่มให้กินอาหารควบคู่กับนมแล้วละ” ผมมองสองพ่อแม่คุยกันเรื่องลูกแล้วก็คลี่ยิ้มด้วยความอบอุ่นหัวใจ

           

 

“ไวโอล่า พาคริสเตียนไปนั่งรอห้องโถงก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันทำอาหารแล้วยกไปให้ คริสเตียน เข็นรถแฝดไปสิ” คริสเตียนมองผมแล้วหันมองไวโอล่าเหมือนขอความเห็น พอเธอพยักหน้า เขาจึงลุกขึ้นเดินไปด้านหลังรถเข็นแฝดแล้วเข็นรถออกไปจากห้องครัวพร้อมไวโอล่า

           

 

ผมยิ้มด้วยความรู้สึกอุ่นๆ ในอก ผมไม่แน่ใจว่าลูกจะสามารถดึงคริสเตียนให้กลับมาเส้นทางดีๆ ได้หรือไม่ แต่ถ้าได้ก็จะดีมากจริงๆ

           

 

ผมทำข้าวไข่เจียวกุ้งให้ทุกคน เน้นเร็ว สะดวกแต่ยังคงอร่อย จัดใส่จานแยกเป็นคนๆ เรียบร้อย ของไอ้ยักษ์ก็ใช้ฝาชีสานจากเมืองไทยครอบเก็บไว้ให้ก่อน ผมเรียกให้ออสตินมาช่วยยกอาหารไปให้ทุกคนที่ห้องโถงกลางบ้าน คริสเตียนกำลังนั่งมองแฝดนอนบิดบิดตัวดีดขาเล่นอยู่บนฟูกนอนนิ่งๆ เห็นแล้วก็เอ็นดูคนพ่อด้วย คงเพราะด้วยความไม่เคยเจอลูกใกล้ๆ แบบนี้เลยนั่งมองตาแทบไม่กะพริบเลย

           

 

“พี่ยังไม่ตื่นเหรอ” ไวโอล่าถามตอนที่ผมยื่นจานข้าวให้

           

 

“ตื่นมาดุแฝดแปบนึงแล้วก็กลับไปนอนต่อ” ผมยื่นจานข้าวให้ออสตินแล้วปิดท้ายที่คริสเตียน ก่อนเดินไปนั่งบนโซฟา

           

 

“แต่ก็ดีแล้วละ อย่าเพิ่งให้ตื่นเลย” ไวโอล่าพยักเพยิดไปทางคริสเตียน ผมพยักหน้าเข้าใจว่าเธอคงไม่อยากให้วิคเตอร์กับคริสเตียนปะทะกัน เมื่อคืนเขาอาจจะยอมปล่อยไป แต่ไม่รู้เลยว่าวันนี้เขาจะคิดยังไง

           

 

“ไม่ให้ออสตินไปส่งจริงเหรอ”

           

 

”ไดอาน่าน่ะ” ผมอ้าปากอ้อทันที มิน่าถึงไม่อยากรบกวนออสติน ก็คงเหตุผลเดียวกับที่ผมไม่อยากเจ๋อตามไวโอล่าไปลอนดอนด้วยนั่นแหละ

           

 

เรานั่งกินข้าวไป ดูทีวีไป วันนี้ที่บ้านมีหิมะโปรยปรายลงมาอ่อนๆ จากแต่ก่อนที่อยู่ไทยผมเคยอยากให้บ้านเรามีหิมะตกบ้าง แต่พอได้มาเจอจริงๆ ผมเริ่มขอบคุณที่ประเทศไทยไม่มีหิมะ ไม่ใช่ว่าผมเกลียด แต่ผมว่ามันเกินไป หนาวเกิน สระว่ายน้ำในบ้านสามารถชวนหมีขาวมาเล่นสไลด์เดอร์ได้เลย ยิ่งถ้าวันไหนหิมะตกแบบหนาเตอะ อย่าได้ออกจากบ้านเลยเถอะ หมกตัวให้ใกล้เตาผิงไม่ก็ฮีตเตอร์ให้ได้มากที่สุดจะดีกว่า คือถ้าประเทศไทยมีหิมะหนาๆ แบบนี้นะ เราจะไม่สามารถออกไปกินปิ้งย่าง ก๋วยเตี๋ยวเรือ หรือส้มตำใดๆ ได้เลย ไม่รู้โยงมาได้ยังไง แต่ผมว่ามันก็เกี่ยวดองกันอยู่ (เหรอ)

           

 

“ถ่ายรูปพ่อแม่ลูกมั้ย” ผมถามไวโอล่าตอนที่กินข้าวไข่เจียวตัวเองหมดแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามด้วยความกระตือรือร้นนักหรอก ถามแบบหยั่งเชิงเฉยๆ

           

 

“ไม่ต้องก็ได้” ไวโอล่าแค่นยิ้ม

           

 

“ฉันอยากถ่าย” คริสเตียนหันมามองเราสองคน ผมอ้าปากค้างแปบหนึ่งก่อนเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มแล้วหันไปมองไวโอล่า เธอพ่นมลมหายใจเบาๆ ก่อนจะไหวไหล่ทั้งสองข้างเป็นเชิงว่าก็ตามนั้น ผมยิ้มกว้าง หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมพร้อม

           

 

“อุ้มแฝดสิๆ” ผมบอกทั้งสองคนอย่างกระตือรือร้น ไวโอล่าลงไปนั่งบนพื้นใกล้กับคริสเตียน ผมลุกเดินไปนั่งตรงหน้าทั้งสองคน กดถ่ายวิดีโอตอนที่ไวโอล่ากำลังสอนให้คริสเตียนอุ้มแฮคเตอร์ในท่าทางที่ถูกต้อง

           

 

“ลูกยังตั้งคอได้ไม่แข็งแรง ให้เขาพิงตัวเธอไว้” คริสเตียนจับแฮคเตอร์เอนหลังพิงตัวเขา สองแฝดไม่ร้อง ไม่ตกใจกับคนแปลกหน้าเลย ไม่รู้ด้วยเพราะสายใยพ่อลูกรึเปล่า

           

 

“Hi.” คริสเตียนก้มลงมองแฮคเตอร์ที่แหงนหน้ามองเขาแล้วเอ่ยทักทายเจ้าตัวเล็ก ผมคลี่ยิ้มและยังคงบันทึกวิดีโอครอบครัวของแฝดเก็บไว้

           

 

“คนนั้นแฮคเตอร์ คนนี้เฮคเตอร์” คริสเตียนเลื่อนสายตาไปมองมิชลินเบอร์หนึ่งแล้วยื่นมือไปให้เขาจับ เฮคเตอร์คว้านิ้วโป้งของพ่อตามสัญชาติญานเด็ก และเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยยิ้มกว้างของคริสเตียน แม้จะเป็นการเพิ่มความกว้างด้วยการกระตุกมุมปากเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยก็ตาม

           

 

“Thank you.” คริสเตียนเอ่ยเสียงเบาและมองหน้าไวโอล่า เธอยิ้มบาง เอามือลูบหัวเฮคเตอร์เบาๆ ผมน้ำตาคลอกับภาพที่เห็นทั้งผ่านสายตาตัวเองและผ่านหน้าจอ มันเป็นภาพที่ดีมากจริงๆ แฝดได้อยู่กับพ่อกับแม่พร้อมหน้าพร้อมตา ผมกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาให้หายไปจากเบ้าตาก่อนจะเอ่ย

           

 

“เอาล่ะ พร้อมนะ” ผมเปลี่ยนโหมดจากกล้องวิดีโอเป็นภาพถ่าย สองพ่อแม่มองกล้อง ส่วนสองแฝดมองไปเรื่อย ผมกดถ่ายไปหลายช็อต

           

 

“ออสติน มาล่อแฝดให้มองกล้องหน่อยสิ” พ่อบอดี้การ์ดลุกจากโซฟามานั่งข้างผม หยิบกระดิ่งมาสั่นตรงหน้าแฝด สองหนุ่มมองตาม แต่ก็ไม่มองกล้องอยู่ดี แต่ก็ดีกว่ารอบที่แล้วที่มองไปเรื่อยเปื่อย ผมรีบกดภาพไว้ มีบางภาพที่แฝดมองกล้อง แต่ก็มองแบบงงๆ สงสัย ก็น่ารักตามวัยเขาละนะ

           

 

“ทำไรกันน่ะ” พวกเราทุกคนหันไปมองวิคเตอร์สภาพหัวฟูที่กำลังตักข้าวจากจานในมือเข้าปากก่อนเคี้ยวหงับๆ

           

 

“ถ่ายรูปครอบครัวให้แฝด” วิคเตอร์ตวัดสายตามองคริสเตียนนิ่ง ส่วนคริสเตียนก็นิ่งตอบ ไอ้ยักษ์เดินมานั่งบนโซฟาลายดอกไม้สีวินเทจตัวใหญ่ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงนั่งกินข้าวเงียบๆ แล้วก็ดูทีวี ผมกับไวโอล่ามองหน้ากันด้วยความโล่งอก

           

 

“เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน” ไวโอล่าอุ้มเฮคเตอร์ให้คริสเตียน เขาแหวกขาออกเพื่อให้เฮคเตอร์ได้มีที่นั่งข้างน้องชาย สองหนุ่มเอนตัวพิงพ่อสบายใจเฉิบ ไวโอล่าลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถง ผมเลื่อนสายตาไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขากำลังมองคริสเตียนตาแข็งหน่อยๆ ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนไม่ถูกกันระดับไหน แต่คิดว่าไม่น่าจะรุนแรง ไม่งั้นวิคเตอร์คงไม่ปล่อยให้คริสเตียนนั่งอยู่ในบ้านแบบนี้หรอก

           

 

“ออสติน ออกไปหาไดอาน่าเลยก็ได้” ออสตินมีสีหน้าเงอะงะ

           

 

“เอ่อ เธอโทรหาคุณเหรอครับ” วิคเตอร์สั่นหัว

           

 

“เปล่า ส่งวอทสแอพมาบอกว่าวันนี้ขอคิวนาย ฉันให้ไปแล้วละ” ออสตินมีท่าทีอึดอัด ผมว่าพ่อหัวเกรียนเขามีปัญหาเรื่องการจัดแบ่งงานกับความรักนะ เขาเป็นคนทำงานดี ทำงานเก่งและรับผิดชอบดีมาก แต่แลจะละเลยเรื่องความรัก

           

 

“งั้นผมขอตัวก่อน” วิคเตอร์พยักหน้า ออสตินลุกเดินออกไปจากห้องโถง ตรงไปทางห้องนอนตัวเอง

           

 

“แกเลิกยุ่งกับยาเสพติดรึยัง” จู่ๆ วิคเตอร์ก็ถามขึ้นมา ผมหันไปมองเขาด้วยความตกใจเล็กๆ วิคเตอร์กำลังมองคริสเตียนที่นั่งเล่นกับแฝดอยู่ คริสเตียนหันข้างไปมองวิคเตอร์อย่างเรียบเฉยแล้วก็หันกลับเลี่ยงไม่ตอบ คนถามก็เลยยิ้มเยาะ

           

 

“งั้นแกควรรู้ตัวนะว่าต้องอยู่ใกล้หรือไกลเด็กสองคนนี้” ผมอ้าปากค้างน้อยๆ มองสลับวิคเตอร์กับคริสเตียน ไอ้คนพูดน่ะพูดชิลๆ แต่คนฟังก็นั่งขบกรามแน่น ผมไม่เถียงหรอกว่าที่วิคเตอร์พูดน่ะถูก เพราะผมก็คิดว่าถ้าคริสเตียนยังเลิกยุ่งกับของพวกนั้นไม่ได้ ก็ไม่สมควรจะอยู่กับเด็กๆ แต่ประเด็นคือไอ้ยักษ์ก็โพล่งตรงเกิน มันเป็นประโยคกีดกันกลายๆ เลยนะ

           

 

“ฉันรู้” คริสเตียนตอบสั้นๆ แต่สีหน้าก็แสดงออกว่าไม่พอใจ วิคเตอร์ไม่สนใจสีหน้านั้น

           

 

“ดูแลเพื่อนของแกด้วยก็ดี อย่าให้ไปอันธพาลที่ไหนอีก เป็นเพื่อนกัน ก็เตือนกันหน่อย ไม่ได้โชคดีรอดคุกบ่อยๆ หรอกนะ” วิคเตอร์หลอกให้คริสเตียนนอนนี่เพื่อลวงมาด่าแบบนี้รึเปล่าเนี่ย

           

 

คริสเตียนนั่งก้มหน้ามองแฝดนิ่ง แต่ก็เห็นความไม่พอใจของเขาบนหน้านั่นแหละ ประโยคมันจริง มันเป็นอย่างที่วิคเตอร์ว่า แต่ด้วยความที่ทั้งสองคนไม่ค่อยจะถูกกัน มันเลยกลายเป็นประโยคที่สร้างความไม่พึงใจให้กับคนฟังได้อย่างง่ายดาย และประโยคนั้นยังเป็นการขู่กลายๆ อีกด้วย

           

 

“คงจะไม่แจ้งตำรวจจับพวกฉันใช่มั้ย”

           

 

“ถ้าฉันแจ้ง ป่านนี้แกไม่ได้มานั่งเล่นกับหลานฉันหรอก” แม้จะไม่ใช่สถานการณ์ที่ควร แต่ผมก็ห้ามความรู้สึกดีที่ได้ยินวิคเตอร์เรียกแฝดว่าหลานไม่ได้ ผมเกือบหลุดยิ้ม แต่ก็ด้วยความเกรงใจคริสเตียนเลยทำนิ่งแทน

           

 

“ขอบใจ” คริสเตียนพูดสั้นๆ แบบไม่หันไปมองหน้าวิคเตอร์ ผมมองเขาแล้วก็ถอนหายใจ ผมก็อยากให้เขาอยู่กับแฝดนะ อยากชวนมาอยู่ด้วยกัน แฝดจะได้มีครบทั้งพ่อและแม่ แต่ด้วยสภาพคริสเตียนตอนนี้ วิคเตอร์คงไม่ไว้ใจให้อยู่ในบ้านตัวเองหรอก ณ ตอนนี้ผมสงสารเขาก็จริง แต่ใครจะการันตีกับผมได้ล่ะว่าวันนึงเขาจะไม่กลายร่างเป็นงูพิษแล้วแว้งกัดผม ขนาดไวโอล่ายังบอกเลยว่าเขาไม่พร้อมเป็นพ่อของใคร ไม่อยากให้ลูกอยู่กับพ่อที่มีสภาพแวดล้อมอันตรายแบบนั้น

           

 

“แฮฮฮ” แฮคเตอร์แหงนหน้ามองคริสเตียนตาแป๋ว คนพ่อก้มลงมองแล้วกระตุกยิ้ม ผมเองก็ยิ้มตาม ส่วนเฮคเตอร์นั่งมองมือพ่อด้วยความสงสัยใคร่รู้ หนูหาจุลินทรีย์เหรอลูก

           

 

“มีอีกมั้ย” วิคเตอร์ถามพลางชูจานเปล่าขึ้น ผมอ้าปากค้างกับความกินจุของเขา คือไข่เจียวเขาสองฟองด้วยนะ ข้าวก็ตั้งสี่ทัพพี

           

 

“ไม่มีอะ อยากกินอะไรเพิ่มมั้ย เดี๋ยวผมหาให้” วิคเตอร์กำลังจะพยักหน้า แต่สักพักเขาก็เลื่อนมองคริสเตียนก่อนโบกมือขวาหนึ่งที

           

 

“ไม่ต้อง เดี๋ยวไปหาเอง” แล้วเขาก็ลุกเดินออกไปจากห้องโถง คริสเตียนเงยหน้าแล้วบิดคอไปมอง ก่อนหันกลับมามองผม

           

 

“ฉันมีเรื่องรบกวน”

 

 

“ฮึ?” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

 

 

ควรตอบรับหรือควรระแวงเนี่ย

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 07-06-2018 23:04:33

V
v
v

“บ๊ายบาย เดี๋ยวเจอกันนะครับแม่” ผมยกมือสองแฝดที่นั่งอยู่ในรถเข็นขึ้นโบกมือให้ไวโอล่าที่กำลังจะขึ้นรถเก๋งสีดำไปกับคริสเตียน

 

 

“ฉันใส่ถุงนมล่าสุดไว้ให้ในตู้เย็นแล้วนะ” ไวโอล่าบอก ถ้าผมไม่คิดโลกสวยเกินไป ผมว่าเธอดูสดใสและมีความสุขขึ้น ก็คงสามารถพูดได้ว่าเพราะเธอได้เจอกับคริสเตียน คืออย่างน้อยมันก็ทำให้หัวใจของเธอชุ่มฉ่ำบ้าง

 

 

เวลาเจ็บก็แสนเจ็บ เวลาสุขก็แสนสุข ความรักหนอความรัก

 

 

“ขากลับโทรให้ออสตินไปรับนะ” วิคเตอร์ที่ยืนกอดอกพิงรั้วประตูหน้าบ้านบอกหน้ามึน ผมล่ะเกลียดความไม่หนาวของเขา ใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงนอนและพันผ้าพันคอออกมาส่งน้องสาวเท่านั้น

 

 

“แอว๊! แอว้!! แอ้!!” จู่ๆ สองแฝดก็ร้องไห้ขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน จนพวกเราทุกคนตกใจ ไวโอล่าเดินกลับมานั่งตรงหน้ารถเข็นของลูกหน้าตื่น มีคริสเตียนเดินตามมามองแบบงงๆ

 

 

“โอ๋ๆ ลูกชายแม่เป็นอะไรครับ” ไวโอล่าเลือกจะอุ้มเฮคเตอร์ขึ้นมาก่อน ผมเลยช่วยอุ้มแฮคเตอร์ตามขึ้นมา สองแฝดร้องไห้จ้า หน้าแดงก่ำ น้ำตาไหลพรากๆ

 

 

“ฮืออออ อืออออ” ทั้งสองคนหันหน้าซุกเข้ากับซอกคอของผมกับไวโอล่า เราสองคนเขย่าตัวสองหนุ่มเบาๆ และลูบหลังเป็นการปลอบ

 

 

“เป็นอะไรเนี่ย ฮึ แฝด” ผมพูดพึมพำเบาๆ พลางลูบหลังให้เจ้าตัวเล็กสงบ คริสเตียนยืนมองแบบลอยๆ ส่วนไอ้ยักษ์ก็เดินเข้ามาก้มดูหลานสองคนสีหน้างุนงง

 

 

“คุณแม่ไปแปบเดียวค่ะ เดี๋ยวกลับมานะคะ” ไวโอล่าบอกเฮคเตอร์และยื่นมือมาลูบหัวแฮคเตอร์ด้วยความอ่อนโยน

 

 

“หิวรึเปล่า” ผมหันมองวิคเตอร์ที่พูดแบบมึนๆ งงๆ

 

 

“น่าจะใช่ นี่ก็เที่ยงแล้ว” กระเพาะตรงเวลาดี๊ดีเนาะลูกเนาะ

 

 

“อาจจะหนาวด้วย พาแฝดเข้าบ้านเถอะแมท” ผมพยักหน้าให้ไวโอล่า เธอกดจูบลงบนหัวเฮคเตอร์ที่ยังติดสะอื้นอยู่ ก่อนจะยื่นหน้ามาหอมหัวแฮคเตอร์ที่ยังร้องฮือๆ แต่ก็ไม่ใช่ร้องจ้าเสียงดัง ไวโอล่าส่งเฮคเตอร์มาให้ ผมใช้อีกแขนรับไว้ ทั้งสองคนซบหน้าลงกับไหล่ผม เสียงงอแงหายไป เหลือแต่เสียงอู้อี้ของเด็กน้อย

 

 

“วิคเตอร์เอารถเข็นเข้าบ้านด้วยนะ” แทนการตอบรับ ไอ้ยักษ์ยกรถเข็นเข้าบ้านด้วยสองแขนนำไปก่อน

 

 

“กลับมาทันกินข้าวเย็นมั้ย”

 

 

“คิดว่าทันนะ” ผมพยักหน้า ไวโอล่าลูบหัวแฝดคนละทีแล้วก็หมุนตัวเดินไปขึ้นรถ คริสเตียนยืนมองหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปากพูดสั้นๆ

 

 

“Thanks.” ผมพยักหน้า คริสเตียนตามเข้าไปนั่งด้านหลังรถกับไวโอล่าแล้วรถก็แล่นออกไป ผมมองตามรถจนกระทั่งเลี้ยวออกไปจากถนนของซอยบ้านเราแล้วก็หมุนตัวพาแฝดเข้าไปด้านในบ้านเพื่อหลีกอากาศหนาว

           

 

“วิคเตอร์ หยิบตะกร้าขวดนมกับนมแฝดให้หน่อย” ผมตะโกนบอกตอนที่เดินอุ้มสองมิชลินที่นอนซุกซอกคอผมและส่งเสียงเอาะแอ๊ะๆ อยู่ข้างหู ผมพาแฝดไปนอนบนฟูกนอนบนพื้นห้องโถง ไมเคิลเดินเตาะแตะมายืนข้างน้อง ดมๆ สักแปบก็เดินไปนอนใกล้กับเตาผิง สองแฝดนอนเหยียดตัวอยู่บนฟูก ดวงตามองล่อกแล่กไปทั่ว ผมใช้ผ้าอ้อมเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มยุ้ยสีแดงอย่างเบามือ สองแฝดเลื่อนสายตามามองผมตากลมบ๊อก ผมคลี่ยิ้มให้สองมิชลิน สองหนุ่มกะพริบตาเชื่องช้าก่อนจะยิ้มน้อยๆ

           

 

“แฮ / อืออออ” ผมขำเสียงเบา สองมิชลินทำปากหยับๆ ดวงตาสีฟ้าอมเทากะพริบเอื่อยๆ

           

 

“กินทั้งวัน หมูๆๆๆ” วิคเตอร์ที่ยังสวมผ้าพันคอและปล่อยผมยาวสลวยยกตะกร้าใส่พวกขวดนมของแฝดมาวางไว้ข้างผม ในนั้นมีถุงซิปล็อคใส่น้ำนมของไวโอล่าสองถุงที่ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่

           

 

“วิคเตอร์ขอน้ำอุ่นหม้อนึงสิ” ไอ้ยักษ์ทำหน้าเหม็นเบื่อทันที ผมทำหน้าเอือมและบิดปากแรงๆ

           

 

“ถ้าขี้เกียจนักก็ไปนอนไป” ผมลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าจะเดินออกไปที่ครัวเอง แต่วิคเตอร์ก็ดันตัวผมไว้

           

 

“โกรธเหรอ” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ท่าทีสงสัยอย่างที่ถาม ผมย่นคิ้วและชักสีหน้าด้วยความรำคาญเล็กๆ

           

 

“ครั้งสุดท้ายแหละ ผมจะไม่รบกวนคุณเรื่องแฝดอีกแล้วกัน” ผมปัดมือเขาที่จับไหล่ผมอยู่ออก แล้วเดินออกไปจากห้องโถง โดยมีไอ้ยักษ์เดินตามมาก่อกวนติดๆ

           

 

“เฮ้ ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วย” ผมหันไปทำหน้าเหลือเชื่อใส่เขาในขณะที่กำลังเดินไปห้องครัว

           

 

“ผมขอโทษนะถ้ารบกวนคุณเกิน คุณอาจจะเหนื่อยที่ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงดูพวกเรา” ผมเดินฉับๆ มาจนถึงห้องครัว วิคเตอร์พยายามดึงผมให้หยุดกับที่ แต่ผมสะบัดเขาออก

           

 

“วิคเตอร์! แฝดรอกินนมอยู่ อย่ามาทะเลาะตอนนี้นะ!”

           

 

“ห้ามพูดประชดฉันอีก”

           

 

“ไม่ และอย่ามาวอแวได้มะ ถ้าไม่คิดจะช่วยอะไรก็ไปนอนเลย” ผมหยิบหม้อสีเงินออกมา เปิดน้ำจากก๊อกใส่ครึ่งหนึ่งของหม้อแล้วก็เอาตั้งเตา เปิดแก๊สติดไฟเรียบร้อย

           

 

“ไปนั่งรอ เดี๋ยวฉันยกไปให้” เสียงห้วนบอก ผมหันไปมองก็เห็นหน้าตาตึงๆ ของอีกคน ผมมองสะบัดเขาหนึ่งทีแล้วก็เดินกลับไปทางห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว แฝดนอนนิ่ง แต่หัวขยับดุ๊กดิ๊กไปมา จากที่อารมณ์กำลังขุ่นๆ ก็กลับมายิ้มได้ ผมนั่งลงข้างแฝด จัดการเทนมใส่ขวดของสองหนุ่ม ฟอกซ์เดินมายืนมองแฝดสักแปบแล้วก็เดินอาดๆ ไปนอนใกล้พี่ชายตัวเอง

           

 

“เอ้า น้ำร้อน” วิคเตอร์โค้งตัวลงวางหม้อน้ำไว้ข้างผม แล้วก็เดินมานั่งข้างกัน ผมหยิบขวดนมไปแช่ไว้ในหม้อ ปล่อยให้มันลอยอยู่แบบนั้น

           

 

“นายจะรักไอ้ลูกหมูสองตัวมากกว่าฉันแล้วนะ” ผมหันไปขมวดคิ้วใส่ให้กับใบหน้าบึ้งตึงของไอ้ยักษ์ผมยาว

           

 

“ใช่ เพราะแฝดเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่มึน ไม่ขี้เกียจ”

           

 

“รู้ได้ไง พอมันโต เดี๋ยวมันก็เป็นอย่างที่นายว่าเองนั่นแหละ”

           

 

“ไม่ ผมจะเลี้ยงพวกเขาไม่ให้เหมือนคุณเด็ดขาด” ไอ้ยักษ์เบิกตากว้างมองดุ ผมเบะปาก ยื่นมือไปจับขวดนมในน้ำอุ่นก่อนจะปล่อยมันลอยอีกสักแปบ

           

 

“อ๋อ จะตั้งกองทัพตัวเองใช่มั้ย”

           

 

“ใช่!” ผมกระแทกเสียง ล้วงมือหยิบขวดนมที่ตอนนี้อุ่นแล้วขึ้นมาจากหม้อ หันไปใช้ชายเสื้อยืดไอ้ยักษ์นั่นแหละเช็ดน้ำให้แห้ง

           

 

บางทีก็รู้สึกว่าคู่ตัวเองออกแนวปัญญาไม่ค่อยจะแข็งแรง ไอ้ยักษ์นั่นแหละชอบพาไปในทางนั้น ตั้งแต่คิดจะเอาแฝดไปลอยน้ำ ทิ้งบนเขาอะไรนั่นละ แล้วก็เอามาเถียงกันเกือบจะจริงจัง แต่ก็ให้พี่แกหน่อย อยู่นอกบ้านคงเหนื่อยงานและไม่ค่อยมีคนเล่นด้วยแบบนี้

           

 

“นึกว่าจะใจดี เห็นให้ไวโอล่าไปกับคริสเตียน ที่ไหนได้ ก็ยังคงใจดำ” ผมยื่นขวดนมให้แฝดดูด พอจุกหนุ่มเข้าปากสองหนุ่มก็คว้าหมับและดูดนมมื้อเที่ยงตุ้ยๆ

           

 

“ฉันให้ไป เพราะฉันจะไม่ให้เจอกันอีกแล้ว คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้วีไปกับมันชิลๆ” ผมหันควับไปมองวิคเตอร์ด้วยความระแวดระวัง พอเห็นเขายักคิ้วและทำหน้ามึนผมก็อ้าปากค้างทันที

           

 

“คุณให้ออสตินตามไวโอล่าไปเหรอ” ไอ้ยักษ์ไหวไหล่สองข้าง และทำหน้าประมาณว่าไม่รู้ไม่ชี้

           

 

“ออสตินไปลอนดอนพอดี ก็แค่ให้แวะไปดู”

           

 

“ไอ้ยักษ์ ออสตินไปสวีทกับแฟนเขานะ ยังจะให้เขาทำงานอีก”

           

 

“แล้วจะให้ฉันไว้ใจไอ้คริสเตียนง่ายๆ เหรอ” ผมกำลังจะอ้าปากเถียง แต่พอคิดตามคำพูดเขามันก็จริง ผมไม่ได้คิดจะมองคริสเตียนเลวขนาดนั้น แต่ปลอดภัยไว้ก่อนก็ดีกว่าจริงๆ นั่นแหละ

           

 

‘ฉันก็คงทำหน้าที่พ่อให้พวกเขาได้เท่านี้’

 

 

เสียงของคริสเตียนที่คุยกับผมเมื่อช่วงเช้าดังขึ้นในหัว นึกแล้วก็ถอนหายใจ ผมพอจะนึกอารมณ์ไวโอล่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมาได้แล้วว่าทำไมเธอถึงดูสับสนและดูอมทุกข์ ใจนึงก็อยากให้พ่อเด็กกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่อีกใจก็ไม่อยากให้กลับมาเพราะวิถีชีวิตของคนเป็นพ่อไม่ได้ดีนัก

 

 

“ถ้าเขาจะกลับมาคบกับไวโอล่า คุณก็ไม่ยอมใช่มั้ย” วิคเตอร์มองผมนิ่งสักแปบก่อนจะพ่นลมหายใจยาวๆ

 

 

“ถ้ามันไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก” เราคิดเหมือนกันสินะ

 

 

ผมถือว่าวิคเตอร์ใจดีในระดับที่มากแล้วนะที่ไม่ไล่ตะเพิดคริสเตียนหรือเรียกตำรวจมาจับเขา และไม่ได้จัดการลากโคตรกลุ่มคริสเตียน เพราะวิคเตอร์เกลียดยาเสพติดมาก มันเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อเขาร้ายกาจกับเขากว่าเดิมจากที่เป็นอยู่แล้ว ต้องสตรองพอตัวที่ยอมให้คนที่ตัวเองไม่ชอบแล้วพัวพันกับสิ่งที่ตัวเองเกลียดมาอยู่ใกล้ครอบครัวตัวเองขนาดนี้

 

 

ว่าแต่เราดีกันแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวนี้ทะเลาะกันก็งงๆ ดีกันก็ดีแบบงงๆ เนียนๆ

 

 

“ป้อนไอ้ลูกหมูเสร็จแล้ว ทำมาม่าให้ฉันกินด้วย” ผมพยักหน้าสองสามที ไอ้ยักษ์ลุกขึ้นไปนอนบนโซฟา หยิบรีโมตกดเปิดทีวี เข้า Netflix แล้วก็เปิดการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนึงของดิสนีย์ดู

 

 

“ดีมาก แฝดจะได้ดูด้วย”

 

 

“ฉันยังไม่ได้ดู และถ้าฉันจะดูหนังโป๊ ไอ้ลูกหมูมันก็ต้องดูด้วย” ผมจิ๊ปากและจิกตาใส่ไอ้ยักษ์ที่นอนมึนดูทีวีแบบไม่สนข่าสนขิงใดๆ ในโลกใบนี้ก่อนเลื่อนสายตากลับมามองแฝดตามเดิม แฮคเตอร์ดูดนมจนหมดแล้ว ส่วนเฮคเตอร์เหลืออีกนิด ผมดึงขวดนมของคนน้องออกมาวางบนพื้นก่อน พอได้กินนมแล้วก็ดูจะอารมณ์ดีดี๊ด๊า พอเฮคเตอร์ดูดนมจนหมดขวดผมก็ดึงออกจากปากเขา สองหนุ่มส่งเสียงอ้อแอ้ ลำตัวดุ๊กดิ๊กกระดิกน้อยๆ พุงนี่ป่องน่าฟัดที่สุด

 

 

“วิคเตอร์ คิดว่าแฝดพร้อมขึ้นเครื่องบินเมื่อไหร่เหรอ พ่อกับแม่อยากเจอ” ผมถามพลางเช็กอึเช็กฉี่ให้แฝด แต่ว่ายังไม่มีปล่อยออกมา

 

 

“ก็ให้ตาแก่กับแม่นายบินมาที่นี่สิ”

 

 

“พ่อกับแม่กลัววีซ่าไม่ผ่าน”

 

 

“มีของอเมริกาแล้ว ไม่ยากหรอก เดี๋ยวฉันยืนยันให้”

 

 

“ออกตั๋วให้ด้วยเปล่า” วิคเตอร์บิดปากเล็กน้อย

 

 

“ก็ต้องเอาใจตาแก่กันหน่อยสินะ” ผมไม่รู้จะยิ้มหรือควรมองค้อนดี

 

 

“แหม อยู่ต่อหน้าพ่อปากเก่งให้ได้แบบนี้สิ” พ่อกับแม่รู้เรื่องที่เราจดทะเบียนกันแล้ว ผมบอกตอนที่แม่โทรมาอวยพรวันเกิด ทั้งสองก็มีอึ้งๆ งงๆ ตกใจนิดหน่อย แต่สักพักก็เข้าใจตรงกันว่า ยังไงวันนึงก็ต้องเกิดขึ้น แค่มันเกิดขึ้นก่อนที่เขาคิดไว้เท่านั้น พ่อกับแม่ก็อวยพรในทางที่ดี ให้มีความสุข แล้วพ่อก็ค่อยแยกมาด่าและจิกกัดวิคเตอร์เป็นภาษาไทยอีกที ให้ไอ้ยักษ์หน้ามึนหน้างงเล่นๆ

 

 

“ไม่เอาหรอก ถ้าพ่อนายได้ยินก็จะโกรธ แล้วความดันก็จะขึ้นสูง ฉันไม่อยากทำร้ายคนแก่”

 

 

นี่ขนาดไม่อยากนะ เรียกพ่อผมด้วยความเคารพมาก

 

 

 

 

มันคือชีวิตแม่บ้านที่แท้จริง นั่ง กิน นอน ดูทีวี ทำอาหารหรืออะไรก็ได้ที่หาทำได้ภายในบ้านตัวเอง อยู่แบบนี้ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตกดินอีกรอบ นี่ถ้าไม่มีแฝดให้เลี้ยงชีวิตผมคงโคตรน่าเบื่อ และคงไปจดจ่ออยู่กับการหางานนอกบ้านทำ แต่พอมีภาระต้องช่วยไวโอล่าดูแลแฝด ผมก็คอยเอาแต่ห่วงและโฟกัสที่สองมิชลิน แต่ถ้าวิคเตอร์อยู่ด้วยก็ต้องโฟกัสเขาอีกคน ไม่งั้นก็จะผีเข้าผีออกงอแงยิ่งกว่าเด็กสามเดือน

 

 

“วิคเตอร์ แฝดอึมั้ย ดูให้หน่อย” ผมตะโกนบอกจากห้องครัวใหญ่ในขณะที่กำลังตัดหมูที่เพิ่งย่างเสร็จใส่ถ้วยมาม่าแห้งที่ลวกเส้นไว้รอเรียบร้อยแล้ว เมื่อกลางวันก็กิน ตอนเย็นจะกินอีก แต่ขอเพิ่มทอปปิ้งเป็นหมูกับแฮม

 

 

“ไม่เอา เหม็น”

 

 

“ไอ้เตอร์!!!” ผมตะโกนว่า ตาก็กำลังจ้องมองชิ้นหมูที่ร่วงใส่ถ้วยทีละชิ้นๆ

 

 

“ไม่ขี้!!!” เขาตะโกนตอบกลับมา

 

 

“ดูให้จริงรึเปล่าเนี่ย??!!”

 

 

“จริงโว้ยยย!!”

 

 

“โกหกคืนนี้นอนนอกห้องคนเดียวนะ!!!” ผมตัดหมูใส่ถ้วยทั้งสองเสร็จแล้วก็จัดการเทน้ำจิ้มสูตรมั่วของตัวเองใส่ถ้วยก่อนคลุกเคล้าให้เข้ากัน

 

 

“เออ ขี้!!!” หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเขาก็ตะโกนกลับมา

 

 

“เปลี่ยนผ้าอ้อมเลย!! แล้วไม่ต้องบ่ายเบี่ยง ไม่งั้นก็ไม่ต้องกินมาม่าเนี่ย!!!”

 

 

“วู้ววว!!!” ตะโกนคุยกันขนาดนี้ แฝดสะดุ้งไปกี่ทีแล้วเนี่ย ผมก็ลืมคิดไป มัวแต่จดจ่ออยู่กับมาม่า เสียงไอ้ยักษ์เงียบหายไป คิดว่าน่าจะกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้แฝดอยู่

 

 

“เช็ดให้สะ…”

 

 

“…แมท!!!” วิคเตอร์ตะโกนแทรกขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังว่าเดิม เป็นดังแบบตกใจ ผมเงยหน้าขึ้นตกใจตามไปด้วยก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องโถงเผื่อว่าเกิดอะไรที่วิคเตอร์ทำไม่เป็นหรือทำไม่ถูก แต่พอไปถึงสิ่งที่ผมเห็นคือหน้าวิคเตอร์ถอดสี ดวงตาเบิกกว้างและมีแววหวาดกลัวอยู่ในนั้นจนผมใจหล่นวูบ

 

 

“วิคเตอร์ เป็นอะไร?!” ผมเดินเข้าไปใกล้เขา วิคเตอร์คล้ายคนมีอาการช็อก มือขวาที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นจนต้องยื่นมือไปจับมือเขาไว้

 

 

“ไวโอล่าถูกยิง” ตัวผมเย็นเฉียบ หูสองข้างดับปิดกั้นการรับรู้เสียงรอบตัวจนได้ยินเสียงคล้ายเครื่องแสดงอัตราการเต้นของหัวใจดัง ตื๊ด ยาวๆ

 

 

แม้แต่เสียงแฝดร้องไห้ยังได้ยินราวกับมาจากที่อันไกลโพ้น

 

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               แว้บมาอัปอีกวัน กลับไปจมกองหนังสือต่อ แต่แพ็คเสร็จแล้ววว เหลือแพ็คแก้วที่เป็นของแถมของคนอ่านบางส่วน ก็จะได้ส่งแล้นนนข่าาา ส่วนใครที่ตามอ่านในเว็บอยู่ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ ตอมลงให้จนจบ แล้วก็ไม่ได้ลบเรื่อง แต่ตอนพิเศษและภาคพิเศษ 16 ตอนในเล่ม ไม่ได้ลงให้นะค้า จะมีแค่ตัวอย่างสั้นๆ หนึ่งตอนมาลงให้เท่านั้นจ้า แต่อ่านในเว็บจบก็รู้เรื่องเช่นกันจ้า

               ใครที่ถามเรื่องหนังสือมา เดี๋ยวขอจัดส่งรอบแรกหมดก่อน แล้วก็เคลียร์ใดๆ เรียบร้อยตามระยะเวลาที่จะแจ้งอีกครั้ง แล้วจะมาทำแบบสอบถามอีกทีนะคะว่ามีคนต้องการกี่คน

ปล. อยากจะกดเป็ดให้คนอ่านทุกคน แต่กดไม่ด้ายยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2018 01:28:00
กังวลอยู่แล้วเชียวเห็นแฝดร้องไห้ตามเหมือนเป็นลางคิดว่าอาจจะรถคว่ำอะไรแบบนี้ไม่นึกว่าจะถูกยิง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-06-2018 01:58:12
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 08-06-2018 02:11:06
  :pig4:

 what the heck ...ไวโอล่าโดนยิง !??
 
 ทำไม อะไร ใครต้องฆ่าเธอด้วยล่ะ
   ไวโอล่าเธอป่วยอยู่ ร่างกายไม่แข็งแรงนี่นา ก็เดี๋ยวเธอก็ต้องตายอยู่แล้ว ไม่ใช่เร๊อะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-06-2018 03:02:04
โบราณว่าจิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้าน นี่ลูกหมู 2 ตัวร้อง ก็คิดว่าเป็นลางอยู่แล้วเชียว ว่าแต่ใครยิงฟ่ะ ไม่ใช่จะยิงนังคริส แต่พลาดมาโดนไวโอล่าเข้าล่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-06-2018 03:55:16
เพราะไวโอล่าจะถูกยิง แฝดเลยร้องไห้ตามแม่เหรอ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-06-2018 05:07:37
แฝด มีญาณรับรู้เรื่องการจะสูญเสียได้ก่อนล่วงหน้า   o22 o22 o22
คริสเตียน หรือเพื่อนยิงไวโอล่า  :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-06-2018 05:32:14
อ้าวว วี!!! มิน่าแฝดร้องไห้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 08-06-2018 11:20:39
เอาใจช่วยวีให้ผ่านมันไปได้ อิยักษ์กับน้องแมทสู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-06-2018 23:40:07
เอ้าใครยิง ถึงจะอยากให้แฝดเป็นลูกแมทแต่แบบนี้มันไม่ใช่ๆๆๆๆ สงสารไวโอล่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-06-2018 23:54:55
ระแวงอยู่เชียว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 09-06-2018 14:27:55
 :ling3:  โอ้ยยยยย ไม่ร้ายแรงมากใช่ไม๊ อย่าให้ถึงกับแฝดกำพร้าแม่เลยนะ(ถึงจะมีแม่แมทแล้วก็ตามเห่อะ)  :call:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-06-2018 09:04:02
ใครมายิงวี โอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-06-2018 17:39:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.32 100% :07.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 10-06-2018 21:39:36
 :serius2: ไม่นะ ไวโอร่า เทอต้องไม่เป็นอะไร ต้องอยู่กับสองแฝดไปนานๆนะ ตอนแรกนึกว่าสองแฝดฉี่ใส่วิกเตอร์ แต่พอได้ยินว่าไวโอร่าถูกยิง ตกใจเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 11-06-2018 19:13:21


Yours and Mine EP.33 :: Last hug. (กอดสุดท้าย) [100%]




    ผมเข็นรถของฝาแฝดเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกที่… หายไป

 

 

ผมจับความรู้สึกตัวเองไม่ได้ว่าตัวเองกำลังเป็นยังไงบ้าง หัวใจหยุดเต้นไปหรือยัง ความกลัวก่อนหน้านี้ที่ทำให้สติไม่อยู่กับร่องกับรอยมลายหายไป หัวใจที่สั่นไปด้วยความกลัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้นิ่งสนิทจนคิดว่ามันหยุดเต้นตามคนที่จากไปแล้ว… 

 

 

‘เธอทนพิษบาดแผลไม่ไหวครับ’

 

 

ประโยคสั้นๆ และไม่ได้สื่อออกมาตรงๆ แต่ก็ก้องอยู่ในหัว และเข้าใจได้ว่า… ไวโอล่าจากเราไปแล้ว

 

 

วิคเตอร์ต้องจอดรถข้างทางในระหว่างที่รีบขับเข้ามาในลอนดอน เขาสั่นไปทั้งตัว แววตาที่หวาดกลัวมาตลอดทาง แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า ผมนั่งร้องไห้เงียบๆ ยื่นมือซ้ายไปกุมมือขวาเขาไว้ วิคเตอร์บีบมือตอบ นั่งเหม่อลอยมองทางด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย แม้ไม่มีน้ำตา แต่แววตาและสีหน้าของเขาก็ราวกับคนไม่ชีวิตไปเลย

 

 

“เราจะพาแฝดไปหาแม่ของพวกเขา” หางเสียงผมสั่น ผมหันไปมองสองมิชลินที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในคาร์ซีทสีขาวตัดน้ำตาลสำหรับเด็กแรกเกิดอย่างปลอดภัย

 

 

ไวโอล่าคงอยากกอดลูกเป็นครั้งสุดท้าย แม้เธอจะไม่มีลมหายใจแล้ว

 

 

วิคเตอร์ตั้งสติเท่าที่จะทำได้ แล้วขับรถมาจนถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย ตลอดทางที่นั่งมามีแต่ความเงียบระหว่างเราสองคน ไม่มีคำพูดใดๆ ผมนั่งน้ำตาไหลเงียบๆ คิดถึงภาพเมื่อตอนเที่ยงก็ยิ่งสั่นเทิ้ม ภาพที่เธอจูบลูกชาย ใครจะไปรู้ว่านั่นจะเป็นจูบสุดท้าย…

 

 

 เราเดินเข้ามาพร้อมกัน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองแทบไม่มีเรี่ยวแรงก็ตอนเท้าแตะพื้น รู้สึกคล้ายจะเป็นลมแต่ก็ยังประคองตัวเองไว้ได้ วิคเตอร์นิ่งเงียบ เดินอยู่ข้างกันราวกับไม่มีตัวตน ดวงตาของเขาว่างเปล่าตั้งแต่ตอนนั้นจนมาถึงตอนนี้ สีหน้าราบเรียบไม่มีการตอบสนองใดๆ

 

 

ผมกำลังเป็นห่วงเขา เพราะชีวิตเขากำลังเผชิญกับการสูญเสียอีกครั้ง ความตายพรากคนที่เขารักจากไปอีกคน

 

 

“Hold my hand. (จับมือผมหน่อยสิ)” ผมยื่นซ้ายไปให้เขา มือขวาก็เข็นรถของแฝด วิคเตอร์หันมามองอย่างว่างเปล่า แต่ก็ยื่นมือขวามาจับมือผมไว้ ผมส่งยิ้มให้เขา วิคเตอร์ขยับมุมปากเพียงนิดเดียวจนแทบไม่เห็นว่าเป็นรอยยิ้ม

 

 

เราเดินมาจนถึงหน้าห้องห้องหนึ่งที่ออสตินกับไดอาน่ายืนรออยู่ ผมเห็นเสื้อยืดสีน้ำตาลของออสตินเปื้อนเลือด ใบหน้าของเขานิ่ง แต่ตาสีขาวแดงจางๆ ไดอาน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ พยายามยิ้มให้แม้ใบหน้าของเธอจะแสดงออกถึงว่ากำลังจะร้องไห้ก็ตาม

 

 

“I’m sorry. I could not help her in time. (ขอโทษครับ ผมช่วยเธอไว้ไม่ทัน)” ออสตินก้มหน้าลง วิคเตอร์ยกมือซ้ายตบไหล่ขวาออสตินเบาๆ และกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาออกไป

 

 

“It’s not your fault. (ไม่ใช่ความผิดนาย)” ผมหันไปมองหน้าห้องนั้น ห้องที่ทำให้ผมใจหายจนรู้สึกตัวเองจะไม่หายใจ

 

 

“Is she sleeps in there? (เธอนอนหลับอยู่ในนั้นใช่มั้ย)” ผมถามเสียงเบาหวิวจนแทบจะไม่มี น้ำตาที่หยุดไหลไปรื้นขึ้นมาที่ขอบตาแต่ผมก็พยายามห้ามมันไว้ ออสตินกับไดอาน่าพยักหน้า ผมปล่อยมือออกจากมือวิคเตอร์ ออสตินผลักประตูให้ผมเข็นรถแฝดเข้าไปด้านในห้องพร้อมกับวิคเตอร์

 

 

ความเย็นยะเยือกแล่นเข้าจับใจทันทีที่เข้ามาด้านใน ผมอาจจะเคยตัวสั่น ปากสั่น มือสั่น แต่มันไม่ใช่ในสถานการณ์ของการลาจากแบบนี้ ทุกย่างก้าวที่ก้าวไปมันคือการไปเจอกับความเป็นจริงที่เราต้องยอมรับกับการจากไปของใครคนหนึ่งที่เรารัก

 

 

“ฮึก…”  ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่คอ แล้วน้ำตาก็ทะลักออกมาเมื่อเห็นร่างของไวโอล่านอนอยู่บนเตียงเหล็กสีเงิน มีผ้าสีเขียวเข้มคลุมตั้งแต่ช่วงอกลงไป ผมเข็นรถแฝดมาหยุดตรงข้างเตียงของเธอ ใบหน้าไวโอล่าซีดเซียว ริมฝีปากเขียวคล้ำ ผมหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด

 

 

“ไว… ไว” ผมพูดตะกุกตะกัก ริมฝีปากล่างสั่น น้ำตาไหลพราก ผมยกมือขวาที่แสนสั่นเทาขึ้นลูบหัวเธอ ก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา น้ำตาผมไหลเปรอะหน้าตา และไม่อาจห้ามความเสียใจที่กำลังถล่มใจผมอยู่

 

 

“แฝดมาด้วยนะ…” เสียงผมหายไปในลำคอเพราะก้อนสะอื้น ผมยืดตัวขึ้น ใช้มือเช็ดน้ำตาที่ไหลเปรอะหน้าของเธออย่างอ่อนโยนแล้วหันไปอุ้มเฮคเตอร์ที่นอนมองตาแป๋วขึ้นมา ไดอาน่าที่น้ำตาไหลอาบแก้มช่วยอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมาอีกคน ผมเงยหน้าขึ้นมองวิคเตอร์ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกัน เขาเอาแต่ก้มมองหน้าน้องสาว ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ แบบที่ไม่ได้ยกมือมาเช็ด

 

 

เขาคงกำลังจดจำใบหน้าน้องสาวเอาไว้ ก่อนที่จะไม่ได้เห็นกันไปตลาดกาล

 

 

“Mommy is sleeping.” ผมกระซิบบอกเด็กน้อยและวางเฮคเตอร์ลงข้างๆ ร่างไวโอล่าฝั่งซ้ายมือของเธอ ไดอาน่าเดินอ้อมเตียงไปวางแฮคเตอร์ฝั่งขวามือของไวโอล่าและประคองเจ้าตัวน้อยไว้ สองแฝดจ้องมองผู้เป็นแม่ที่นอนหลับใหลอย่างไม่มีวันตื่นอย่างใสซื่อ ผมถือวิสาสะยกแขนที่เย็นเฉียบของไวโอล่าและประคองให้แฝดนอนลงข้างแม่ตัวเองก่อนที่จะเอาแขนเธอโอบกอดลูกน้อยของตัวเองไว้ ไดอาน่าทำแบบเดียวกับผม สองแฝดนอนซุกอกแม่ก่อนจะส่งเสียงอ้อแอ้เบาๆ เด็กน้อยทั้งสองยื่นมือไปจับหน้าอกของแม่และกำมือตามประสาเด็ก ทั้งสองคนขยับปากส่งเสียงงึมงำๆ ผมยืนร้องไห้ตัวสั่นกับภาพนั้น

 

 

เด็กๆ จำได้ด้วยความคุ้นเคยว่านั่นคือที่ที่ให้น้ำนมแสนอร่อยกับพวกเขา

 

 

“คุณแมทครับ…” ผมหันไปมองออสตินทั้งน้ำตา เขายื่นบางสิ่งบางอย่างมาให้ บางสิ่งที่ทำให้หัวใจผมร้าวมากกว่าเดิม

 

 

“…ไวโอล่าคงอยากตั้งใจจะให้คุณ”

 

 

‘ฉันอยากได้กล่องดนตรีที่มีเสียงเพลงที่เธอร้องให้แฝดฟัง…’

 

 

‘ฉันอยากให้เธอถูกใจของขวัญที่สุด…’

 

 

ผมร้องไห้โฮ ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กอดกล่องดนตรีไม้สีน้ำตาลไว้แน่น หัวใจเต้นเป็นจังหวะโดดไปโดดมาจนรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดทำงาน ผมส่งเสียงร้องไห้ออกมาแบบไม่สนใจใคร ยิ่งมองภาพแฝดที่กำลังพยายามดึงผ้าลงจากอกแม่เพื่อจะดูดนมก็ยิ่งทำให้หัวใจของผมแตกสลาย

 

 

ความตายของคนที่เรารักมันร้ายกาจแบบนี้นี่เอง

 

 

“แมท… ชู่ววว” วิคเตอร์เดินมาหาผมตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตอนที่เขาดึงผมเข้าไปกอด ผมกรีดร้องออกมาเพื่อระบายความเจ็บปวด สองแขนกอดกล่องดนตรีที่ไวโอล่าหามาให้ และเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอให้ผม

 

 

“มันเพราะผมรึเปล่า มันเพราะผมรึเปล่า” ผมกรีดร้องถามออกมาทั้งน้ำตา ถ้าเธอไม่ต้องไปซื้อกล่องดนตรีและอยู่บ้านกับแฝด เธอก็จะไม่จากไป

 

 

“ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่” วิคเตอร์กระซิบบอกและยกมือลูบหัวผมเบาๆ ผมร้องไห้จนรู้สึกหัวตื้อ สะอึกสะอื้นจนหายใจทางจมูกไม่ทัน เลยต้องอ้าปากช่วยหายใจ ผมรู้สึกหมดแรง ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกองกับพื้น วิคเตอร์นั่งลงตาม ประคองผมไว้ในอ้อมกอด ผมซุกหน้าเข้ากับอกวิคเตอร์ นั่งครางฮือเสียงเบา ปล่อยน้ำตาไหลออกมาแบบไม่สนใจใดๆ

 

 

“ไม่เกี่ยวกับคุณแมทหรอกครับ มีกลุ่มเจ้าหน้าที่บุกจับกุมพวกกลุ่มคริสเตียน แต่พวกนั้นสู้ ไวโอล่าอยู่กับคริสเตียนพอดี พวกนั้นเลยใช้เธอเป็นตัวประกัน” เสียงออสตินเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

 

“แล้วไอ้คริสเตียนละ”

 

 

“นอนอยู่เตียงถัดไปจากไวโอล่า…” วิคเตอร์นิ่งเงียบ ผมดึงหน้าออกจากอกวิคเตอร์ แหงนหน้ามองออสตินด้วยความตะลึง

 

 

“…เขาพยายามปกป้องไวโอล่า” ผมมองหน้าออสตินอย่างเลื่อนลอย หัวใจเหมือนโดนกรีดจนด้านชา ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืน หันมองสองแฝดที่ยังนอนอยู่ข้างร่างของแม่ที่ไร้ลมหายใจ ผมวางกล่องดนตรีลงข้างเตียง ค่อยๆ อุ้มเฮคเตอร์ขึ้นมา ไดอาน่าเดินไปอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมาเช่นกัน ผมสะอื้นฮัก มองไปยังเตียงถัดไปของไวโอล่าก็เห็นผ้าสีเขียวเข้มคลุมร่างร่างนึงอยู่ ออสตินเดินนำไปทางเตียงนั้นแล้วร่นผ้าลงมาครึ่งอก ผมจัดการเก็บแขนทั้งสองข้างของไวโอล่าไว้ข้างตัวตามเดิม อุ้มแฝดเดินไปตรงเตียงเหล็กสีเงินของคริสเตียน ใบหน้าซูบผอมที่ผมเพิ่งเห็นเมื่อเช้านี้หลับสนิท บนหน้ามีบาดแผลจากการต่อสู้

 

 

เขาเพิ่งได้อยู่กับลูกชายทั้งสองคนเมื่อตอนพระอาทิตย์ของวันใหม่ขึ้น แต่เขาก็จากไปพร้อมกับพระอาทิตย์ที่หายไปของวันเดียวกัน และจากไปแบบไม่มีวันกลับมา

 

 

“Do you remember daddy? (จำคุณพ่อได้มั้ยครับ)” ผมหันไปมองเฮคเตอร์ และแฮคเตอร์ในอ้อมแขนไดอาน่าทั้งน้ำตา เฮคเตอร์มองหน้าผมด้วยความสงสัย เขายื่นมือมาแตะหน้าผมแปะๆ ราวกับจะเช็ดน้ำตาให้ ผมคลี่ยิ้มอย่างทรมานใจ

 

 

อย่างน้อยคริสเตียนก็ได้ป้อนนมลูกและได้กอดลูกชายทั้งสองของตัวเอง

 

 

“Do you want to hug daddy? (อยากกอดคุณพ่อมั้ยครับ)” ผมลูบหัวเฮคเตอร์หนึ่งทีแล้วก็ยื่นมือไปลูบหัวแฮคเตอร์อีกที แฮคเตอร์ทำท่าจะโผเข้ามาหา ผมเลยยกแขนซ้ายรับเขามาจากไดอาน่า สองหนุ่มหันหน้าซุกเข้ากับซอกคอผมและส่งเสียงออๆ แอๆ ตามประสาเด็ก ผมหลับตาลงพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา

 

 

“แล้วพวกเพื่อนของคริสเตียนล่ะ” วิคเตอร์ถามพลางเช็ดน้ำตา

 

 

“มีทั้งที่จับได้และหนีไปได้ครับ” ผมมองหน้าคริสเตียนแล้วก็นึกถึงตอนที่เราคุยกันเมื่อเช้านี้ พอคิดแบบนั้นผมก็ยิ่งรู้สึกหัวใจแกว่งไกว รู้สึกใจสั้นสะท้าน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำ ตอนเช้าทุกอย่างสดใสและดูเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ไวโอล่าแจ่มใสเพราะได้เจอกับคนที่เธอรัก คริสเตียนได้เจอกับลูกแบบปกติหลังจากที่ต้องแอบย่องเข้าบ้านเพื่อมาหาลูก

 

 

มันเหมือนกับว่าเหตุการณ์นั้นไม่เคยมีอยู่จริง เป็นสิ่งที่ผมจินตนาการและสร้างขึ้นมาเท่านั้น

 

 

ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจคำว่าชีวิตมันไม่แน่นอนมากพอรึยัง มันเกิดขึ้นแบบที่เราไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในชีวิต ผมไม่คิด ไม่เคยคิด และไม่คิดที่จะคิด ผมรู้ว่าทุกชีวิตต้องมีวันจากไป แต่การจากไปแบบที่เราคุยกันว่าเดี๋ยวเย็นนี้ก็เจอกันตอนดินเนอร์ มันเป็นอะไรที่ล้มแล้วแทบยืนไม่ได้ อาการหัวใจล้มเหลวเป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนี้ใจผมมันแย่เหลือเกิน

 

 

“ถ้าคุณพร้อมนะวิคเตอร์ ออกไปจัดการเรื่องศพนะ” คำว่าศพที่ออกมาจากปากไดอาน่ายิ่งทำให้ผมตัวสั่นเทิ้มน้ำตาไหลพราก ผมเขย่าตัวแฝดเบาๆ แหงนหน้าหลับตา น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ความทรงจำระหว่างผมกับไวโอล่าแล่นไหลอยู่ในหัว

 

 

‘ฉันอยากให้แฝดได้กินนมฉันครบหกเดือน แฝดจะได้แข็งแรง’ เธอพูดด้วยรอยยิ้มสดใสตอนที่กำลังอุ้มแฝดไว้ในอ้อมแขนและให้สองหนุ่มดูดนมดังจุ๊บๆ

 

 

แฝดได้กินนมเธอแค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง…

 

 

“แมท วางเด็กๆ ลงก่อนมั้ย” ไดอาน่าเดินเข้ามาบอก ผมพยักหน้าทั้งที่น้ำตายังไหลพราก เธอช่วยอุ้มแฮคเตอร์ไปวางในรถเข็น ผมก้มตัวลงวางคนพี่ตามไป ยืดตัวขึ้นแล้วหันกลับไปมองใบหน้าซีดเซียวของไวโอล่า น้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง วิคเตอร์เดินอ้อมไปฝั่งเดิม ยกมือซ้ายลูบหัวน้องสาวอย่างอ่อนโยนก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา

 

 

“Good bye, sister. (ลาก่อนนะน้องสาว)” น้ำตาของพี่ชายไหลเงียบๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ

 

 

“I will tell the twins how pretty of their mother are. (ฉันจะบอกแฝดว่าแม่พวกเขาน่ารักแค่ไหน)” ผมจับแก้มที่เย็นซีดเบาๆ มีมือซ้ายวิคเตอร์จับหัวเธอไว้

 

 

ผมอยากบอกว่าไม่จริง ไม่อยากยอมรับ แต่น้ำตาที่ไหลออกมามากมายมันก็ทำให้เราหลอกตัวเองไม่ได้จริงๆ

 

 

“วิคเตอร์ ดูแลคริสเตียนด้วยได้มั้ย” ผมเงยหน้ามอง เขาหันไปมองร่างคริสเตียนแล้วหันกลับมาพยักหน้า ผมพยักหน้าเบาๆ สองสามที แม้จะไม่แน่ใจว่าวิคเตอร์จะทำเรื่องให้คริสเตียนได้หรือไม่เพราะไม่ใช่ญาติกัน

 

 

เราเดินออกมาจากห้องเก็บร่างผู้เสียชีวิตของโรงพยาบาล ผมร้องไห้จนตาบวมตุ่ย แม้ไม่ส่องกระจกแต่ก็รู้ได้ด้วยตัวเอง ผมเดินกอดกล่องดนตรีอย่างเหม่อลอย มีไดอาน่าเข็นรถแฝดให้ วิคเตอร์กับออสตินไปจัดการเรื่องศพของทั้งสองคน ไดอาน่าพาผมมานั่งตรงโซฟาหน้าเค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล

 

 

“เธอเอานมเด็กๆ มามั้ย” ผมหันไปมองหน้าไดอาน่าแล้วส่ายหัวเบาๆ เธอเองก็ตาช้ำเช่นกัน

 

 

“งั้นเสร็จแล้วเธอต้องกลับบ้านนะแมท พาเด็กๆ กลับไปกินนม พวกเขาคงหิว” ด้วยความที่ตอนนั้นสติหลุดๆ หายๆ ผมเลยไม่ได้หยิบตะกร้าขวดนมติดมือมาด้วย คว้าได้แต่จุกนมหลอกเด็กมาเท่านั้น ผมพยักหน้าเอื่อยๆ มองสองแฝดน้อยที่ตอนนี้ยังนอนตาใส ยังไม่งอแงหิวนม แต่เดี๋ยวก็ต้องร้อง เพราะกินไปตอนล่าสุดคือตอนก่อนรู้เรื่องประมาณหนึ่งชั่วโมง

 

 

ผมก้มลงมองกล่องดนตรีไม้ที่ไวโอล่าไปซื้อมาให้ มันเป็นทรงกลม บนฐานทรงกลมมีบ้านเดี่ยวหลังเล็กหนึ่งหลัง ลักษณะคล้ายบ้านของพวกเรา ข้างบ้านมีต้นคริสต์มาสสีทอง บนยอดประดับดวงดาวสีเดียวกับต้น ใต้ต้นคริสต์มาสมีกล่องของขวัญหลากสีวางเรียงราย ตรงกลางฐานวงกลมมีไม้กระดก ฝั่งนึงเป็นหมูสีชมพูตัวใหญ่ อีกฝั่งเป็นลูกหมูสีชมพูตัวเล็กๆ ที่มีลูกโป่งผูกติดกับขดหาง ถัดมาด้านหน้าสุดคือรั้วไม้เตี้ยๆ ที่มีดอกไม้ขึ้นหลากสีสัน สองริมรั้วมีเสาไฟทรงสูงตั้งอยู่

 

 

มันคือครอบครัวลูกหมู ที่นี่คือบ้านของลูกหมู

 

 

ผมขำทั้งน้ำตากับความช่างคิดของไวโอล่า สองมือค่อยๆ ยกกล่องดนตรีขึ้น  มือซ้ายจับฐานวงกลมไว้ มือขวาคลำหาปุ่มเปิดกล่องดนตรี เจออยู่ใกล้กับบ้านหลังน้อยสามปุ่ม ผมกดปุ่มแรก เสาไฟตรงรั้วบ้าน ไฟต้นคริสต์มาสสว่างขึ้นพร้อมกัน ผมกดปุ่มที่สอง ไม้กระดกที่ลูกหมูกับแม่หมูนั่งอยู่เลื่อนขึ้นลงแบบสลับฝั่งช้าๆ พอกดปุ่มที่สามเสียงเพลงก็ดังขึ้นมา และนั่นทำให้ผมชะงัก

 

 

มันเป็นเพลงที่เธอใช้กล่อมแฝดนอนทุกคืน เป็นเพลงที่ผมบอกว่าอยากได้มาเป็นเสียงกล่องดนตรี เอาไว้เปิดให้แฝดฟังเวลาที่เธอไม่สะดวกมาร้องเพลงกล่อมลูกตัวเอง

 

 

“แอ…” แฮคเตอร์ส่งเสียงร้องเบาๆ และขยับหัวหันมองมาทางผมที่กำลังนั่งฟังเสียงใสกริ๊งของกล่องดนตรีอย่างเหม่อลอย ผมขยับยิ้มน้อยๆ เลื่อนตัวลงจากโซฟา นั่งคุกเข่าตรงหน้าสองแฝด ถือกล่องดนตรีขึ้นมาตรงหน้าเขาทั้งสองคน สองหนุ่มมองกล่องดนตรีด้วยความสนใจ

 

 

“แอะๆ” เฮคเตอร์ส่งเสียงพร้อมกับชูกำปั้นอวบๆ ขึ้น ราวกับจะบอกว่าเพลงของพวกหนู ผมยิ้มด้วยความเอ็นดูทั้งน้ำตา ยิ่งนึกถึงตอนที่ไวโอล่ากล่อมลูกน้อยด้วยเพลงนี้ก็ยิ่งเจ็บปวดหัวใจไม่หยุดเสียที

 

 

“Your good night song, huh?” ผมกระซิบกับแฝด สองหนุ่มมองผมตาแป๋ว ขยับตัวดุ๊กดิ๊กในรถเข็น ท่าทางดูเพลิดเพลินกับเสียงพริ้งๆ ของกล่องดนตรีในเพลงราตรีสวัสดิ์ของตัวเอง ผมมองไฟต้นคริสต์มาสที่มีลูกเล่นตรงการเปลี่ยนการกะพริบของไฟอย่างล่องลอย เสียงเพลงจากกล่องดนตรีที่นิ่มนวลยิ่งทำให้ผมรู้สึกล่องลอยกว่าเดิม

 

 

‘เดี๋ยวคุณแม่กลับมานะคะ…’

           

 

เสียงสุดท้ายที่เธอพูดกับลูกชายก่อนจะไม่กลับมาหาพวกเขาอีกแล้ว

V
v
v

           

           

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 11-06-2018 19:15:15

V
v
v


เรากลับบ้านหลังจากวิคเตอร์จัดการเรื่องต่างๆ เสร็จ สำหรับศพของคริสเตียนค่อนข้างเป็นเรื่องยากเพราะทางโรงพยาบาลไม่ปล่อยให้เราดำเนินการโดยที่ไม่มีหลักฐานแสดงความเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ตาย สิ่งที่วิคเตอร์ทำได้ดีที่สุดคือบอกกับทางโรงพยาบาลว่าถ้าไม่มีญาติเขาติดต่อมา ให้ติดต่อเขากลับไป เขาพร้อมจะทำเรื่องให้ถูกต้อง เพราะเขาต้องการฝังร่างทั้งสองคนไว้ใกล้กัน ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าคริสเตียนมีญาติพี่น้องอยู่ที่ไหนอีกหรือไม่ เพราะก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ได้แต่หวังว่าจะมีคนมาจัดการเรื่องให้เขาในเร็ววันนี้

           

 

“ค้างที่นี่เถอะไดอาน่า ค่อยกลับพรุ่งนี้เช้า” วิคเตอร์เอ่ยชวนเธอตอนที่เราเดินเข้ามาถึงห้องโถงของบ้าง ไดอาน่าพยักหน้ารับและมองมาที่ผมที่กำลังอุ้มแฝดออกจากรถเข็นลงนอนบนฟูกนอน สองหนุ่มหลับปุ๋ย วิคเตอร์วางถุงเสื้อผ้าของไวโอล่าลงบนโซฟา ออสตินเอากล่องดนตรีมาวางไว้ข้างแฝด

           

 

“ทุกคน วันนี้นอนด้วยกันที่นี่มั้ย” ผมเอ่ยชวนเสียงเบา ตัวก็คล้ายจะเบาไปด้วย ผมรู้สึกเคว้งคว้างอ้างว้าง อยากอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะๆ ไม่ใช่ผมไม่อุ่นใจที่มีวิคเตอร์อยู่ด้วย ผมแค่อยากให้มีคนอื่นเพิ่มเข้ามาในบรรยากาศโดยรอบของตัวเองในขณะนี้ ยิ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเข้านอนแบบนี้ที่ผมต้องเจอกับไวโอล่าทุกคืนนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกันก่อนแยกกันไปนอน ผมยิ่งรู้สึกเคว้งในอก

           

 

“เดี๋ยวผมกับไดอาน่ามานอนด้วยก็แล้วกันนะครับ” ผมยิ้มอ่อน พยักหน้าให้ออสตินกับไดอาน่า ทั้งสองคนหมุนตัวเดินกลับไปทางห้องนอนออสติน ผมหันไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขากำลังมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง

           

 

“หิวรึเปล่า” ผมส่ายหัว ยังไม่ทันได้คิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันน้ำตาก็ไหลออกมาจนต้องยกมือเช็ดออกจากแก้ม

           

 

“ผมคิดถึงไวโอล่า” วิคเตอร์น้ำตารื้น ย่อตัวลงนั่งข้างผม ยื่นมือซ้ายมาลูบหัวผมเบาๆ

           

 

“ฉันก็เหมือนกัน” ผมหลับตาและพยักหน้า เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นเนื่องจากกลัวจะทำให้แฝดตกใจตื่นขึ้นมา

           

 

“ตอนที่คุณไม่อยู่ เราอยู่ด้วยกัน ผมตื่นมาก็เจอเธอ ก่อนนอนก็บอกฝันดีกัน” ผมเบะปาก หลับตาลงด้วยความสะเทือนใจ น้ำตาไหลออกมาแบบที่เกินจะห้ามจริงๆ

           

 

ผมยอมรับความจริงแล้วว่าเธอจากไป แต่ผมก็ยังทำใจไม่ได้ ตอนเช้าเราคุยกัน เราบอกว่าจะเจอกันตอนเย็น แต่นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เราจะไม่ได้คุยโต้ตอบกันอีกแล้ว คำว่าตาย มันยอมรับได้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจกับมัน

           

 

“เดี๋ยวฉันไปหยิบหมอนกับผ้านวมก่อน” ผมพยักหน้า วิคเตอร์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องโถง ตรงไปทางห้องนอนของเรา ผมหันมองแฝดที่หลับปุ๋ยแก้มยุ้ยแล้วก็รู้สึกทั้งเอ็นดูและสงสาร ทั้งคู่เสียพ่อกับแม่ไปในเวลาเดียวกัน ถ้ามีแง่ดีให้คิดก็คือทั้งสองจากลูกๆ ตัวเองไปในตอนที่เขายังจำความอะไรไม่ได้ เด็กๆ ก็ไม่เสียใจมาก เด็กๆ ไม่ต้องมารับความรู้สึกสูญเสีย ต่อจากนี้คือหน้าที่ของคนอยู่ในการอธิบายว่าพ่อแม่พวกเขาไปไหน

           

 

ผมคลานเข่าไปตรงโซฟา หยิบเสื้อโค้ทที่ไวโอล่าใส่ไปเมื่อเช้าออกมาจากถุง ผมคลี่โค้ทสีชมพูอ่อน มองแล้วก็น้ำตารื้นไม่หยุด ผมคลานเข่ากลับมาหาแฝด ใช้โค้ทห่มร่างสองหนุ่มเอาไว้เพื่อกันอากาศหนาว

           

 

และให้รู้สึกเสมือนว่ามีคุณแม่กอดทั้งคู่อยู่ คุณแม่กลับบ้านมาตามที่บอก

           

 

ผมมองสองหนุ่มนอนหลับด้วยความรู้สึกเหงาหัวใจ นั่งมองพวกเขานิ่งเงียบ น้ำตาหยุดไหลแล้ว ตอนนี้คงทิ้งร่องรอยความบวมปูดให้ดูต่างหน้า นั่งมองหน้าแฝดแบบเอื่อยเฉื่อย ความคิดที่ว่าผมจะเลี้ยงเขาได้มั้ย ผมจะเลี้ยงเขาได้ดีหรือเปล่าอะไรทำนองนี้ก็ไหลเข้ามาในหัว ตอนมีไวโอล่า มันยังไม่ใช่งานที่หนักมาก เพราะเราสองคนช่วยกันดูแล แบ่งเวลากันว่าใครจะเลี้ยงแฝดช่วงไหน และหลายครั้งก็ดูแลพร้อมๆ กัน แต่ตอนนี้มีแค่ผมคนเดียว สองหนุ่มใหญ่ในบ้านก็ใช่ว่าจะโปรด้านการเลี้ยงเด็ก

           

 

“ไม่เปิดไฟต้นคริสต์มาสล่ะ” วิคเตอร์วางผ้านวมสีขาวกับหมอนสีเดียวกันลงบนพื้น ผมนั่งอึนไม่ตอบเขา วิคเตอร์เลยเดินไปเปิดไฟคริสต์มาสต้นใหญ่กลางห้องโถงเอง เขาจัดการปูผ้านวมลงบนพื้นใกล้กับต้นคริสต์มาส จัดการวางหมอนไว้ให้เรียบร้อย พื้นที่ฝั่งใกล้กับประตูกระจกที่ออกไปสวนคงเป็นของออสตินกับไดอาน่า ส่วนสองแฝดนอนคั่นตรงกลาง

           

 

“มานอนมา” ผมพ่นลมหายใจยาวๆ เป็นการระบายความอัดอั้นทั้งหลายที่อยู่ในอกออกมา แม้จะรู้ว่าก็แค่แปบเดียวแต่ก็รู้สึกดีที่ได้ทำ ผมคลานเข่าไปบนที่นอนชั่วคราวของเราสองคนแล้วล้มตัวลงนอน วิคเตอร์ดึงผมเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง ผมเอาแขนขวาเกยแขนขวาของเขาและจับมือเขาไว้ สายตามองแฝดที่นอนอยู่บนฟูกนอนของตัวเอง

           

 

“ตอนที่เสียแม่และย่าไป มันเจ็บปวดขนาดไหนเหรอวิคเตอร์” ผมกระซิบถามในความมืดที่มีแสงสว่างจากไฟกะพริบของต้นคริสต์มาสลางๆ ลมหายใจอุ่นๆ ของวิคเตอร์รดลงกลางกระหม่อมของผม เขานิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบเสียงทุ้ม

           

 

“มันไม่เจ็บปวด แต่มันคือการที่โลกทั้งใบของฉันพังลง…” ผมบีบมือเขาแน่น วิคเตอร์สูดจมูกสองสามทีแล้วพูดต่อ

           

 

“…ใจฉันชา เหมือนไม่มีความรู้สึก แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างทรมาน”

           

 

“คุณก้าวผ่านมันมาได้เก่งมาก”

           

 

“ไม่ ไม่เลย ฉันเกือบจะตายตามพวกเขาไป ไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นจิตใจ” ผมจำที่เอมิลี่กับเบนเนดิคท์บอกได้ว่าจิตใจของเขาโดนทำลายจนเปราะบางเพราะสูญเสียคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิตไปไล่เลี่ยกัน ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้ว่าแม่เขาเสียชีวิตได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดถาม เพราะบางเรื่องเราก็ไม่ต้องรู้ก็ได้ถ้าเจ้าตัวเขาไม่สบายใจที่จะบอก

           

 

“ก่อนหน้านั้นฉันเสียลูกไป ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่มันก็เริ่มสร้างความกลัวให้ฉันกับเรื่องของความตาย…” วิคเตอร์พ่นลมหายใจสั้นๆ หนึ่งที ผมมองแฮคเตอร์ที่กำลังบิดตัวน้อยๆ ก่อนจะกลับต่อ

           

 

“…ลูกตายในอ้อมกอดฉัน” เหมือนผมถูกดึงสติที่กำลังล่องลอยกลับมา ผมบิดหน้าไปมองเขา วิคเตอร์กำลังมองไปที่แฝด ผมไม่แน่ใจว่าช่วงเวลานี้ควรถามหรือควรพูดเรื่องนี้มั้ย จะยิ่งทำให้เขาเศร้าใจหนักกว่าเดิมหรือเปล่า ผมเลยเลือกที่จะเงียบ และคิดว่าถ้าเขาอยากจะเล่าเขาคงพูดต่อเอง

           

 

วิคเตอร์เงียบไปพักใหญ่เหมือนกำลังคิดว่าจะเล่าหรือไม่ ผมรอจนแน่ใจว่าเขาเลือกที่จะไม่พูดเลยหันหน้ากลับไปทางเดิมแบบที่ไม่คิดรบเร้าเขา

           

 

‘วิคเตอร์อุ้มแฝดให้หน่อย’ เขาสั่นหัวหน้าตั้งทันที

           

 

“เพราะแบบนี้หรือเปล่าคุณเลยไม่ค่อยอุ้มแฝด” มันอาจจะเป็นภาพเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่ทำให้เขาฝังใจกับการอุ้มเด็ก

           

 

“ก็ด้วย…” เขาตอบเสียงเบา กดจูบลงบนหัวผมหนึ่งที

           

 

“…แต่เพราะไอ้ลูกหมูสองตัวมันอ้วน ฉันหนัก” ผมขำเบาๆ วิคเตอร์ขำในลำคอเสียงทุ้ม

           

 

“ผมจะผ่านความรู้สึกนี้ไปได้ยังไง”

           

 

“ฉันก็ตอบไม่ได้ แต่วีคงอยากให้นายดูแลสองลูกหมูแทนเธอ วีไว้ใจนายที่สุดนะ”

           

 

‘แมทเลี้ยงลูกได้ดีกว่าฉันอีกค่ะ…’ เสียงที่เธอตอบตีน่า ภรรยาใหม่ของคุณลุคดังขึ้นมาในหัว มันเป็นปกติหรือเปล่านะที่เมื่อคนที่เรารักจากไป ความทรงจำดีๆ มากมายก็จะไหลเข้ามาหาคนที่ยังมีชีวิตอยู่เรื่อยๆ

           

 

ผมคิดว่านั่นคือเรื่องปกติ เพราะเมื่อตัวเขาจากไป สิ่งที่ทิ้งไว้ให้คือความทรงจำ

           

 

“ตอนนี้แฝดไม่มีทั้งพ่อและแม่”

           

 

“เอาไว้ให้งานศพไวโอล่าผ่านไปก่อน…” วิคเตอร์พ่นลมหายใจแผ่วเบา

           

 

“…ฉันจะทำเรื่องรับสองคนนี้เป็นลูกของเรา” ผมบิดหน้าไปมองเขาอีกที ก่อนจะบิดทั้งตัวหันไปหาเขา

           

 

“วิคเตอร์…” ผมมองหน้าเขาด้วยความดีใจปนประหลาดใจ วิคเตอร์พยักหน้าหนึ่งทีเป็นการยืนยันคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้

           

 

“…มันจะผ่านไปด้วยดีใช่มั้ย”

           

 

“อาดอมคงช่วยได้…” ผมยิ้มบางด้วยความดีใจ รู้สึกตื้นตันใจกับความใจดีของเขา วิคเตอร์พ่นลมหายใจและยักคิ้วขึ้นหนึ่งที

           

 

“…ไอ้ลูกหมูเหลือแต่เราสองคน และฉันคิดว่านายคงไม่อยากให้ไปอยู่กับพ่อฉัน”

           

 

“อย่าเลย เดี๋ยวคุณลุคก็มีลูกเป็นของตัวเอง ให้เขาดูแลลูกเขาให้เต็มที่เถอะ” วิคเตอร์เลื่อนสายตามองผม เราประสานสายตากัน เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ แล้วก็ยื่นหน้ามาจูบหน้าผากผมหนึ่งที ผมขยับตัวซุกอกเขา วิคเตอร์กอดผมไว้ ความอบอุ่นแล่นไปตามร่างกายและหัวใจอันสั่นสะท้าน

           

 

“จุดไฟในเตาผิงมั้ยครับ” เสียงออสตินดังขึ้น ผมยกหัวขึ้นมอง ออสตินถือหมอนมาสองใบ ไดอาน่าเดินหอบผ้านวมไปตรงพื้นที่อีกฝั่ง

           

 

“จุดก็ได้” วิคเตอร์บอก ออสตินเดินเอาหมอนไปยื่นให้ไดอาน่า แล้วเดินกลับไปจัดการจุดไฟในเตาผิงที่ผมไม่ได้สนใจเลยตอนเดินเข้ามา ไมเคิลเดินผ่านพวกเราไปนอนบนโซฟาตัวยาว ส่วนฟอกซ์น้องชายของมันคงไปนอนห้องใต้หลังคาไม่ก็บนหลังคาบ้าน

           

 

“นอนกันเป็นคู่ๆ เลยสินะ” ไดอาน่าว่ายิ้มๆ พลางจัดการปูที่นอน ผมหันไปยิ้มให้เธอ ไดอาน่าเป็นไฮโซที่ไม่ทำตัวสูงส่งอะไรเลย ตระกูลของเธอโด่งดังมากในอังกฤษ ก็คล้ายๆ กับไฮโซบ้านเราที่ดังๆ นั่นแหละ แต่การกระทำของไดอาน่าคือปกติสามัญชนไม่ถือตัวเลยแม้แต่นิด ผมจะยินดีที่สุดหากทั้งสองคนแต่งงานกัน ตอนนี้ก็เอาใจช่วยให้ที่บ้านไดอาน่าตอบรับออสตินอยู่

           

 

“พรุ่งนี้คุณมานอนด้วยกันอีกก็ได้นะไดอาน่า” ผมเอ่ยชวน ไม่รู้เกี่ยวกันมั้ย แต่บรรยากาศคนเยอะแบบนี้ มันทำให้ผมไม่เหงาใจจนเกินไป มันช่วยทำให้ความคิดถึงไวโอล่าไม่เตลิดไปมากกว่านี้

           

 

“เดี๋ยวฉันจะหนีที่บ้านมาแล้วกันนะ” ผมกระตุกยิ้มและพยักหน้าน้อยๆ ออสตินที่จุดไฟในเตาผิงเสร็จแล้วเดินไปนอนข้างไดอาน่าโดยที่ไม่ได้กอดหรือใกล้ชิดกันแบบที่ผมกับวิคเตอร์ทำ ผมแอบขำที่ออสตินดูจะเป็นสุภาพบุรุษซะเหลือเกิน

           

 

“Good night.” ผมพูดกับทั้งสองคนแล้วพลิกตัวกลับมาทางเดิมเพื่อที่จะได้นอนมองแฝด แสงไฟคริสต์มาสส่องสว่างวูบวาบในความมืดของห้องโถง ผมนอนมองแฝดและยังคงคิดถึงไวโอล่า

           

 

หลับให้สบายนะไวโอล่า เพราะแฝดเองก็นอนหลับสบายดี

 

 

           

 

“แอ…” เสียงอ้อแอ้ของเด็กดังมาจากที่ไกลๆ ที่ไหนสักแห่ง แมทค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นแบบงัวเงีย ภาพตรงหน้าเลือนลาง มองเห็นแบบไม่ชัด หญิงสาวผมยาวสีทองที่คุ้นตาคนหนึ่งกำลังนั่งยิ้มแย้มอยู่เหนือฝาแฝด

           

 

“ไวโอล่า…” แมทพึมพำ เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มสดใสมาให้ แมทเปิดเปลือกตากว้างขึ้น แล้วค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง มองคนที่เพิ่งจากไปด้วยสายตาหวั่นไหว

           

 

“ฝากแฝดด้วยนะ…” หญิงสาวยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกาย

 

 

“…ฉันสบายใจทุกครั้งที่แฝดอยู่กับเธอ” น้ำตาไหลอาบแก้มแมท แฝดน้อยยิ้มอ้อแอ้กับผู้เป็นแม่ แมทมองไวโอล่าก้มลงหยอกล้อกับลูกชายที่หัวเราะน่าเอ็นดู

 

 

“Good bye my marauder twins. I love you so much. Mama loves you so much baby. (ลาก่อนเจ้าแฝดตัวป่วนของแม่ แม่รักหนูมาก แม่รักหนูมากนะคะเจ้าตัวน้อย)” แมทนั่งน้ำตาไหลพราก หัวใจที่สงบไปในยามนอนสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ ไวโอล่ายืดตัวขึ้นมองแมทและส่งยิ้มสุดท้ายให้ก่อนจะหายไปพร้อมกับที่แมทสะดุ้งตื่นขึ้นมา

 

 

 

 

ร่างเล็กเด้งตัวตื่นขึ้นมากลางดึก หันมองรอบตัวอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบกับคนที่กำลังคิดถึง แมทค่อยๆ ผ่อนลมหายใจให้อยู่ในระดับปกติ ก่อนจะคลานเข่าไปดูแฝด แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อแฝดกำลังลืมตาและยิ้มอ้อแอ้เหมือนที่เห็นในฝันเมื่อกี้นี้ แมทเงยหน้ามองรอบๆ ตัว น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความอ้างว้าง มือขวายื่นไปวางบนเสื้อโค้ทเพื่อกล่อมแฝด แต่ก็ต้องสะดุดกับบางอย่างในกระเป่าเสื้อโค้ทของไวโอล่า แมทเปิดกระเป๋าข้างของเสื้อดูก็เจอกับการ์ดหนึ่งใบ หน้าปกการ์ดเป็นรูปของตัวเองกับแฝดที่ไวโอล่าถ่ายไว้ให้มีประโยคสีขาวเขียนไว้หน้าการ์ดว่า

 

 

‘Happy Birth Day to God mother of twins!’

 

 

แมทเม้มปาก ยกการ์ดขึ้นมาแนบอก เงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เสียงร้องแอะๆ ของแฝดทำให้ก้มลงไปมอง สองหนุ่มขยับปากแจบๆ เป็นสัญญาณบอกว่าหิวนม แมทคลี่ยิ้มปากสั่น เอื้อมมือไปหยิบตะกร้านมของแฝดก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถงเงียบๆ คนเดียว

 

 

พอเดินมาถึงครัว แมทก็หยิบถุงซิปล็อคใส่นมไวโอล่าออกมาวางไว้ด้านนอกสองถุง จัดการเอาน้ำใส่หม้อแล้วต้มน้ำให้เดือด รอไม่เกินห้านาทีน้ำก็เดือดเป็นฟอง แมทหันไปจัดการเทนมใส่ขวดด้วยความคล่องแคล่วแล้วก็เอาทั้งสองขวดแช่ลงไปในหม้อน้ำร้อน ระหว่างที่รอก็เปิดอ่านการ์ดที่ไวโอล่าทำให้

 

 

ถึงแมท แม่ทูลหัวของลูกชายฝาแฝดของฉัน

 

 

นี่เป็นวันเกิดแรกของเธอที่ฉันได้ให้ของขวัญกับเธออย่างเป็นทางการ ฉันอยากให้เธอมากเลยละ เพราะฉันไม่ค่อยได้ให้ของขวัญใครนักหรอก แม้แต่กับพี่ เพราะฉันไม่รู้จะให้อะไรเขา เนื่องจากพี่มีแทบทุกอย่างที่เขาอยากจะมีแล้ว มันเป็นเรื่องยากเหมือนกันนะ หรือแม้แต่กับแฟนฉัน ฉันยังเคยให้เขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ จากนั้นก็ไม่เคยให้อะไรกันอีกเลย แน่นอนว่ากับพ่ออย่าพูดถึง นอกเหนือจากคริสต์มาสก็ไม่เคยให้อะไรกันทั้งนั้นแหละ


 

 

แมทหยุดขำ น้ำตาเอ่อคลอตรงขอบตา รับรู้ความรู้สึกของเธอตอนเขียนการ์ดได้เลยว่าคงกำลังนั่งยิ้มขำอยู่คนเดียว

           

 

เรารู้จักกันไม่นานก็จริง แต่การที่ได้รู้จักเธอ ฉันก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่รักเธอมาก ทำไมผู้ชายที่เคยคบผู้หญิงมาไม่กี่คนแต่นอนกับผู้หญิงมาหลายคนอย่างเขาจะรักเธอหัวปักหัวปำขนาดนี้ (อาจจะเว่อร์ แต่ฉันว่าจริงนะ) ฉันคิดว่าฉันเข้าใจเขาได้ เพราะฉันก็รักเธอ แต่ไม่ได้รักแบบพี่หรอกนะ รักแบบนั้นฉันคงโดนเขาโกงมรดกแน่ๆ

         

 

ไม่รู้สิ ฉันไว้ใจเธอ ฉันสบายใจที่ได้อยู่กับเธอนะแมท มันเป็นความโล่งอกโล่งใจอย่างหนึ่งของชีวิตเลยละเวลาที่อยู่กับเธอ ฉะนั้นพอฉันมีลูก ฉันเลยไม่ลังเลใจเลยถ้าลูกฉันจะอยู่ใกล้เธอ มีเธอคอยช่วยดูแล

 

 

และจริงๆ ฉันมีความลับอะไรจะบอกละ ก่อนแฝดจะเกิด พี่มาบอกว่าให้เธอช่วยดูแลแฝด ดึงเธอมาช่วยเลี้ยงแฝดให้ได้ เพราะเขาไม่อยากให้เธอทำงานนอกบ้าน ฉันก็ขำเขานะ แต่ฉันก็เห็นด้วยว่าถ้าได้เธอมาช่วยเลี้ยงฉันคงสบายใจมากแน่ๆ ฉันก็เลยตอบตกลงเขา และในที่สุดพี่ก็สมหวัง

         

 

เธอบอกว่าแฝดเป็นของขวัญวันเกิดของเธอ ฉันดีใจนะที่เธอรักแฝด และฉันก็ดีใจมากที่เธอกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา สุขสันต์วันอายุครบ 28 นะพี่สะใภ้!

         

 

Xoxo

         

 

Viola.

 

           

 

น้ำตาหยดลงบนการ์ดจนแมทต้องยกการ์ดหนีเพื่อไม่ให้น้ำตาตัวเองทำให้หมึกปากกาละลาย แมทปิดการ์ดใบนั้นและเอามันแนบกับอก เขายืนหลับตา ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้แบบไม่คิดห้ามปราม หัวใจดวงน้อยสั่นสะท้านและรู้สึกร้าวรานกับการสูญเสียที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรกในชีวิต เขาเคยคิดว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน และเมื่อได้เจอกับมันจริงๆ มันก็เจ็บปวดกว่าที่คิดไว้มากจริงๆ

           

 

ขอบคุณนะไวโอล่า ขอบคุณความรักที่มีให้กัน

 

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               R.I.P. Viola...
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 11-06-2018 19:31:29
  :pig4:

 :hao5:   สำหรับวีที่นานๆจะปรากฎตัวสักที จะต้องโศกขนาดนี้เลย

   "เดี๋ยว - ก็กลับมาแล้ว.." .. มันเป็นประโยคบอกเล่าที่สะเทือนใจ
 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-06-2018 19:45:43
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-06-2018 20:24:30
Nothing to say. Goodbye Viola
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-06-2018 21:03:41
 :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-06-2018 21:37:34
 :m15:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-06-2018 22:12:13
น้ำตาท่วมมม แง้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 11-06-2018 22:44:20
คิดอยู่แล้วว่าต้องมีเหตุให้วีไม่ได้กลับมา เพราะคำว่า แล้วเจอกัน แต่ไม่คิดว่า จะเศร้าได้ขนาดนี้ หวังว่า แฝดจะเป็นกำลังใจให้แมทอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็งนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-06-2018 23:01:48
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 12-06-2018 00:14:38
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-06-2018 00:58:40
แอบกลัวว่าวีจะจากไปตั้งแต่ที่บอกจะยกแฝดให้แมทแรกๆแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าวีจะจากไปแบบนี้ สะเทือนใจมากเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-06-2018 01:43:24
ร้องไห้ตามแมทไปเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 12-06-2018 08:33:32
สู้ต่อไปแมท และสู้ต่อไปคนอ่าน  :z3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-06-2018 10:13:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Wipers ที่ 12-06-2018 16:52:25
 :hao5: :mew4:การสูญเสียไม่ว่าจะสูญเสียอะไรมันก็ทำให้เราเศร้าได้ทุกที
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 15-06-2018 11:10:24

 :monkeysad:   :monkeysad:  มันมากกว่าคำว่าเสียใจ เป็นตอนที่อ่านแล้วร้องให้ไม่หยุด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 15-06-2018 11:30:40
 :a5: o22 ช็อคมากเลยอ่ะ ทุกอย่างกำลังจะดีมีความสุขแต่สุดท้ายก็ต้องแลกกับความสูญเสียอีกครั้งของวิคเตอร์ ขอให้มีความสุขเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 19-06-2018 15:48:59
ดันๆ เข้ามาดัน  รอนะค่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.33 100% :11.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2018 16:38:29
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2018 18:54:57

Yours and Mine EP.34 :: In the memory of love. (ในความทรงจำแห่งรัก) [100%]



   ผมผ่านพ้นวันแห่งความเศร้ามาได้สองวันแบบเหงาใจ และยังคงรู้สึกเคว้งคว้างอ้างว้างในหลายๆ เวลา ถ้านิ่งเงียบนานๆ เมื่อไหร่ก็จะเริ่มน้ำตาคลอ ผมก็อยากจะหาอะไรทำให้ตัวเองไม่นิ่งไม่ว่าง แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำมากกว่า งานกวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ซักผ้า งานบ้านจำพวกนี้ก็ใช่ว่ามันเป็นงานที่ต้องทำตลอด ก็มีการเลี้ยงแฝดนี่แหละที่ดูจะเป็นที่ต้องทำเกือบตลอด ได้พักนิ่งๆ สักสองสามชั่วโมง แล้วเอาเข้าจริงๆ ผมก็รู้แหละว่าถ้าหาอะไรทำให้ตัวเองไม่ว่างแบบนั้น มันก็เหมือนหลอกตัวเอง ก็เลยพยายามเยียวยาตัวเองแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ การปล่อยให้เวลารักษาใจเราไปตามกาลเวลาของมันน่าจะดีกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่สู้เพื่อตัวเองเลย ผมคิดว่าร้องไห้ได้ เสียใจได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกช่วงเวลา เราต้องช่วยเวลารักษาตัวเราด้วย ปล่อยให้เวลาเป็นสิ่งเดียวที่รักษา ผมว่าก็อาจจะไม่พอ

           

 

“แอ แอ๊ แอ๊ แอออออ้”

           

 

“อัยยยย แอออออ แออออ๊”

           

 

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมคลายเศร้า คลายความเหงาใจไปได้คือสองแฝดมิชลิน ความใสซื่อและความน่ารักของเด็กน้อยตัวจ้ำม่ำทั้งสองคนทำให้หัวใจผมหายห่อเหี่ยว ซึ่งตอนนี้สองหนุ่มกำลังนอนชูคออยู่บนผ้านวมในห้องโถงและกำลังสื่อสารกันสองคนในภาษาที่เข้าใจกันเอง ช่วงนี้ชูคอได้นานก็แข่งกันโชว์สกิลให้ผมดูกันใหญ่ คิดว่าตอนนี้คงกำลังเบ่งกันอยู่หรือเปล่าว่าฉันชูได้นานกว่าแก แกชูได้น้อยกว่าฉัน

           

 

“แฝดคุยอะไรกัน แมทคุยด้วยได้ไหมครับ” ผมนอนคว่ำหน้าบนผ้านวมตรงหน้าแฝด สองมิชลินมองผมตาแป๋วสักแปบก่อนจะคลี่ยิ้ม

           

 

“แอออ๊ / แอออ แอออ” ผมหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

           

 

“อ๋อ แมทคุยด้วยได้เหรอ มีคำแปลมั้ยครับ” สองแฝดหันมองหน้ากันราวกับจะสื่อสารกันว่าทำยังไงดี ผมนอนขำกับตาโตๆ หน้าตื่นๆ ของทั้งสองคน

           

 

“แอว๊ แอออ๊ๆๆ” เฮคเตอร์ยื่นมือไปจับหัวน้องชายและปัดไปปัดมาก่อนจะคว่ำหน้าลงไปบนผ้านวม ผมขำไม่หยุด ดูท่าทางคงไม่อยากแพ้ เลยพยายามกดหัวน้องลงมาพร้อมกัน ไอ้คนพี่นี่แวววิคเตอร์สุดแล้ว

           

 

“เฮคเตอร์ หนูจะเหมือนลุงยักษ์แต่เด็กแบบนี้ไม่ได้นะลูก มันอันตราย” ผมลูบหัวสีน้ำตาลแซมทองของแฝดพี่เบาๆ

           

 

“คุยไรกันวะไอ้ลูกหมู” พูดถึงก็มาพอดี วิคเตอร์ออกไปจัดการเรื่องพิธีงานศพมา ทั้งเรื่องการจองโบสถ์ เรื่องหลุมฝังศพ และอื่นๆ ตามศาสนาของทางคริสต์ที่ศาสนาพุทธอย่างผมก็ไม่ได้รู้ละเอียดมาก ปล่อยให้วิคเตอร์เป็นคนจัดการ สำหรับคริสเตียน พ่อเขาติดต่อมาแล้ว วิคเตอร์คุยกับทางนั้นให้เข้าใจตรงกันว่าอยากจะขอให้ร่างของทั้งสองคนฝังใกล้กัน ทางฝั่งพ่อคริสเตียนไม่ติดขัดอะไร และยินดีที่จะให้ทำพิธีทั้งคู่พร้อมกันด้วย

           

 

‘I know he loves this girl so much. (ผมรู้ว่าเขารักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน)’

           

 

ผมเพิ่งรู้ (แน่ละว่าต้องเพิ่งรู้) ว่าครอบครัวคริสเตียนไม่ได้มีฐานะเท่าไหร่ แม่เขาเสียไปแล้ว เขาอยู่กับพ่อแค่สองคน และตอนนี้พ่อเขาก็อายุมากด้วย ผมยังนึกเป็นห่วงเลยว่าเขาจะอยู่ได้ยังไง แต่วิคเตอร์บอกว่าทางพ่อคริสเตียนดูจะโอเคกับการอยู่คนเดียว ผมคิดว่าเขาคงเสียใจมากกว่าผมอยู่แล้ว ยิ่งคิดว่าจากที่เขาเคยมีลูกชาย แต่ตอนนี้เขาไม่เหลือใคร เขาจะเป็นยังไงบ้าง จะเหงาและเคว้งคว้างมากกว่าผมแค่ไหนกัน ผมภาวนาว่าอย่างน้อยขอให้เขายังมีญาติห่างๆ หรือเพื่อนบ้านคอยดูแลเขาแทนลูกชาย

           

 

“ฉันจะตั้งศพแค่พรุ่งนี้วันเดียว…” วิคเตอร์นั่งลงบนโซฟา ผมดันตัวลุกขึ้นนั่ง มองหน้าเขาด้วยความสงสัยนิดหน่อย วิคเตอร์ถอนหายใจก่อนจะว่าต่อ

           

 

“…มะรืนนี้ก็ปีใหม่แล้ว ฉันไม่อยากให้เราเริ่มต้นปีด้วยความเศร้าไปมากกว่านี้ วีก็คงคิดแบบฉัน” ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เป็นการส่งท้ายปีที่เศร้าเหลือเกิน

           

 

“แล้วพ่อคุณล่ะ”

           

 

“เขาก็โทษเราสองคนว่าทำให้วีตาย ฉันอธิบายไปแล้ว แต่ดูเขาจะไม่สนใจ ฉันเลยไม่อยากพูดอีก เขาจะมาเอาไอ้ลูกหมูกลับไปอยู่ด้วยให้ได้ เขากลัวว่าเราจะทำให้เด็กๆ ตามแม่ไป” ผมขมวดคิ้ว สัญชาตญาณความผูกพักและความหวงพุ่งขึ้นมาทันที

           

 

“ไม่ได้ ผมไม่ให้ ครั้งนี้ผมไม่ยอมพ่อคุณจริงๆ นะ” ไวโอล่าไว้ใจให้ผมดูแลลูกเธอแล้ว ผมจะทำลายความไว้ใจนั้นด้วยการยกให้คนอื่นได้ยังไง แม้คนๆ นั้นจะเป็นปู่ของแฝดก็เถอะ

           

 

“แล้วฉันจะรับไอ้ลูกหมูสองตัวนี้เป็นลูกบุญธรรมเราไปทำไมล่ะ” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ผมยังคงหน้าบึ้งนิดๆ

           

 

“อาดอมก็บอกแล้วว่าข้อความในการ์ดใช้เป็นการยืนยันในการรับแฝดเป็นลูกเราได้ พ่อคุณเอาแฝดไปไม่ได้หรอก” ผมให้วิคเตอร์อ่านการ์ดใบนั้น แล้วเขาก็เอาไปปรึกษากับดอมินิกเรื่องการรับแฝดเป็นลูกบุญธรรม เพื่อที่เราจะได้มีสิทธิ์ในตัวแฝดเต็มที่ อาดอมบอกว่าข้อความที่ไวโอล่าเขียนถือว่าใช้ได้ในการยื่นทำเรื่องดูแลแฝด เพราะข้อความระบุไปในทางที่ว่าคนเป็นแม่ไว้ใจ และยินยอมกลายๆ หากผมจะเป็นคนดูแลแฝดทั้งสองคน ซึ่งเดี๋ยวจะต้องมีการพิสูจน์อย่างอื่นอีก ผมก็ไม่วอรี่ ทะเบียนผมก็จดกับวิคเตอร์เรียบร้อยแล้ว ถามเรื่องอะไรเกี่ยวกับแฝดผมก็พร้อมตอบ

           

 

“หวงมันจังนะ หวงมากกว่าฉันอีกเนี่ยตอนเนี้ย” วิคเตอร์มองผมด้วยความหมั่นไส้ ผมมุ่ยหน้า ยังคงรู้สึกไม่พอใจพ่อวิคเตอร์อยู่นิดๆ

           

 

“แอออ้!” คิ้วที่ขมวดกันอยู่คลายออกจากกันเมื่อแฮคเตอร์ตั้งคอขึ้นแล้วส่งเสียงร้องพร้อมกับมองไปทางวิคเตอร์ ผมหลุดหัวเราะทันที

           

 

“อะไรไอ้หมู” แฮคเตอร์ชูคอมองหน้าลุงยักษ์สักแปบก่อนจะหันกลับมามองผมแบบงงๆ

           

 

“ลุงยักษ์เขาว่าหนูอยู่ครับ” แฮคเตอร์ขยับปากแหงบๆ แล้วหันไปมองพี่ชายก่อนจะส่งเสียงเรียกพี่ตัวเอง

           

 

“แออออ๊ แอ๊ววว” แล้วผมก็ต้องหัวเราะต่อเนื่องเพราะเฮคเตอร์ผงกหัวขึ้นฟึบมองหน้าน้องชาย แล้วที่ทำเอาผมขำเสียงดังมากในรอบสามวันที่ผ่านมาคือการที่แฮคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนกำลังดุพี่ชายว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย

           

 

“อืออๆ อือออ แอะๆ” สามวันก่อนผมร้องไห้ด้วยความเสียใจ รู้สึกปวดใจ แต่ตอนนี้ผมกำลังน้ำตาไหลด้วยความตลกและเอ็นดูแฝดลูกหมูของลุงยักษ์

           

 

“ฮื่อออๆ ฮื่อออ!”

           

 

“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะที่เฮคเตอร์คำรามและยกสองมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม

           

 

“ขู่เก่งนักนะ เดี๋ยวจะโดนเตะ” วิคเตอร์เลื่อนตัวลงมานั่งข้างล่าง เขาอุ้มเฮคเตอร์ให้ยืนขึ้น สองมือจับใต้รักแร้ของมิชลินเบอร์หนึ่งเอาไว้ ผมขยับตัวไปอุ้มให้แฮคเตอร์ขึ้นมายืนบ้าง ด้วยความที่ยังไม่ถึงวัยตั้งไข่ แฝดเลยทำท่าจะล้มลงอยู่ตลอด จึงต้องประคองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น

           

 

“อยากโดนไล่ออกจากบ้านเหรอ”

           

 

“อั๊ยๆๆๆ” ผมหัวเราะต่อเนื่องไปยาวๆ เมื่อเฮคเตอร์ส่งเสียงเถียงลุงยักษ์ ไอ้ยักษ์มัดผมจุกเบิกตากว้างมองหลาน

           

 

“อะโห ปากเก่งแต่เด็ก เก็บไว้ไม่ได้แล้วมั้ง”

           

 

“แอ๊ะ!” แฮคเตอร์ช่วยพี่ชายเถียง ผมจับใต้รักแร้เขาไว้เบาๆ ทั้งที่นั่งขำจนตัวสั่น สองแฝดดีดขาไปมา เด้งตัวโยงโย่โยงโหยะแบบเด็กที่ขายังไม่แข็งแรงแม้แต่จะตั้งไข่ได้

           

 

“คิดผิดซะแล้วมั้งที่จะรับแกสองคนเป็นลูกฉันกับเมียฉันเนี่ย” วิคเตอร์หรี่ตามองแฝดทั้งสองคน สองลูกหมูของลุงยักษ์กะพริบตาปริบๆ และหันมองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนจะสื่อสารกันเองอีกรอบ

           

 

“แอ๊วววๆ อิ้ววว / อ้าาา อึมมมๆๆ” ผมหยุดหัวเราะไม่ได้ น้ำตาก็ไหลไม่หยุด ขำยิ่งกว่าดูตลกสิบคณะรวมกันได้แล้วมั้งตอนนี้ คิดไม่ผิดเลยที่แต่งตั้งให้แฝดเป็นองครักษ์พิทักษ์ผม

           

 

“คิดจะสองรุมหนึ่งงั้นเหรอ ฉันไม่กลัวพวกแกหรอกนะ” เฮคเตอร์ทำท่าโผเข้าหาวิคเตอร์ แต่เขาดันตัวหลานเอาไว้ไม่ให้เข้าไปหา เฮคเตอร์เลยร้องไห้จ้าขึ้นมา แต่พอลุงยักษ์พลิกตัวหันหลังแล้วพานั่งตัก เจ้าตัวดีก็เงียบทันทีแล้วก็แหงนหน้าขึ้นมองลุงยักษ์ด้วยความฉงนสงสัย

           

 

“เด็กขี้โกหก” ผมเอาแฮคเตอร์นั่งตักบ้าง คนน้องดูไม่เฮี้ยวเท่าคนพี่ แต่ก็พร้อมเป็นกำลังเสริมหรือตัวยุตลอดเวลา ก็น่าจะพอกัน แค่แสบคนละสไตล์ โตขึ้นลุงยักษ์จะต้านไหวรึเปล่าเถอะ

           

 

“มันกินนมกันรึยังเนี่ย” วิคเตอร์ถามพลางปล่อยให้หลานกำนิ้วมือตัวเอง เฮคเตอร์พิงตัวลุงยักษ์เเอ้งเม้งอย่างสบายใจ

           

 

“กินแล้ว…” ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาเพราะหัวเราะหนักมากเมื่อกี้ทิ้งก่อนจะยิ้มอย่างเศร้าสร้อย หัวใจที่เบิกบานเมื่อครู่แทบจะกลับมาห่อเหี่ยวทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

           

 

“…นมไวโอล่าสองถุงสุดท้ายเพิ่งหมดไปเมื่อเช้า ไม่มีนมเธอเหลืออีกแล้ว” หัวใจผมกระตุกวาบแล้วก็กลับมาเต้นในจังหวะที่ไม่ค่อยจะปกติ

           

 

แฝดเพิ่งดูดนมแม่สองถุงสุดท้ายไปเมื่อเช้า ผมนั่งป้อนไปร้องไห้ไป เพราะความใจหายที่หลังจากนี้จะไม่มีนมแม่ที่แฝดโปรดปรานให้พวกเขาได้กินกันอีก ไม่มีใครมานั่งคั้นตุนไว้ในตู้เย็นให้อีกแล้ว บวกกับความคิดถึงที่คงไม่หายไปจากความคิดและความรู้สึกก็ยิ่งทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา ถึงแม้ผมกับไวโอล่าจะฝึกให้แฝดกินนมผงแล้ว แต่ผมยังคงความรู้สึกเดิมที่ว่าแฝดดูจะชอบนมแม่มากกว่านมผง แต่จากนี้ไปคงต้องช่วยแฝดปรับตัวให้กินนมผงให้ได้เหมือนที่กินนมแม่ ผมเป็นกังวลกลัวว่าถ้านมไม่ถูกปากน้ำหนักจะลดลงแล้วป่วยหรือเปล่า ได้แต่คิดในแง่ดีว่า สามเดือนที่ได้รับนมแม่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์นั้นจะทำให้แฝดสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี

           

 

“แต่กินนมอย่างอื่นได้นี่”

           

 

“กินได้ แต่ก็คงไม่เหมือนนมแม่…” ผมเอ่ยด้วยความรู้สึกเศร้าใจ ยกมือลูบหัวแฮคเตอร์เบาๆ

           

 

“…ผมอยากไปขอนมแม่ลูกอ่อนมาสักคนด้วยซ้ำ ผมอยากให้แฝดได้รับนมแม่ครบหกเดือนอย่างที่ไวโอล่าตั้งใจเอาไว้” วิคเตอร์ขมวดคิ้วพลางเขย่าขาให้ตัวเฮคเตอร์เด้งดึ๋งๆ มิชลินเบอร์หนึ่งนั่งแก้มยุ้ยให้ลุงยักษ์เขย่าตัวเอง

           

 

“แล้วจะไปหานมแม่นั้นมาจากไหนล่ะ แถวนี้เราก็ไม่รู้จักใคร คนใกล้ตัวพวกเราก็ไม่มีใครท้องเลยสักคน” ผมถอนหายใจเบาๆ ด้วยความรู้สึกเศร้าๆ นอยด์ๆ ที่แฝดจะไม่ได้กินนมแม่ ผมก็รู้แหละว่านมผงที่หมอแนะนำมานั้นก็ดีแล้ว แต่เหมือนตอนนี้ผมเอาความรู้สึกไวโอล่ามาฝังในตัวไปแล้วว่าอยากให้แฝดได้กินนมแม่ครบหกเดือน

           

 

“ถ้าไม่มีก็คงต้องปรับให้แฝดกินนมผงจนคุ้นเคย”

           

 

“เชื่อฉันสิ ไอ้ลูกหมูมันกินได้สบายมาก” ผมพยักหน้าเบาๆ ทำหน้ายอมรับอย่างจำใจด้วยความจำยอม เพราะก็ไม่รู้จะไปเสาะหานมคุณแม่ลูกอ่อนจากที่ไหนมาให้แฝดกินจริงๆ

           

 

“พวกคุณเบนเดินทางมาถึงแล้วนะครับ แต่พวกเขาจะนั่งรถกันมาเอง” ผมหันไปมองออสตินที่เดินเข้ามายืนเอามือกุมกันไว้ด้านหน้าแบบที่ไม่หลุดมาดบอดี้การ์ด

           

 

“ไอ้อันเดรคงนำทางมาได้” ออสตินหันมามองทางผมแล้วก็มีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อยจนผมประหลาดใจ

           

 

“มีอะไรเหรอออสติน”

           

 

“ผมขอโทษที่เสียมารยาท แต่ผมได้ยินเรื่องหานมแม่ให้แฝดกินน่ะครับ…” ผมทำปากว่าอ๋อและพยักหน้าหงึกๆ

 

 

“…พอดีภรรยาของเจ้าของหมาที่ไมเคิลชอบอยู่ เขาเพิ่งคลอดลูก ผมเลยคิดว่าอาจจะลองถามเขาให้ดูได้น่ะครับ” ผมอ้าปากค้างด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

           

 

“จริงเหรอ?!”

           

 

“ผมไม่รับปากนะครับ แต่ผมจะลองถามเขาดูก่อน” ผมพยักหน้าแรงๆ ด้วยความดีใจ มีความหวังแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

           

 

“ฝากถามเขาหน่อยนะ ถ้าเขาไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร…” แต่ใจผมก็หวังให้เขาสะดวกแหละ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าคุณแม่คนนั้นจะผลิตน้ำนมได้เยอะมากแค่ไหน ถึงผลิตได้เยอะเธอก็อาจจะอยากเก็บเอาไว้ให้ลูกตัวเองก็ได้

           

 

“…แล้วไมเคิลกับสาวตัวนั้นล่ะเป็นไงบ้าง”

           

 

“ก่อนที่ไวโอล่าจะ เอ่อ…” เขาก้มหน้าลง สีหน้าอึกอัก

           

 

“ไม่เป็นไรหรอก” ผมยิ้มบางให้เขา ออสตินพ่นลมหายใจเบาๆ

 

 

“ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นผมพาไมเคิลไปหาเธอมา ทั้งคู่ก็มีปฏิสัมพันธ์กันไปแล้ว” ผมคลี่ยิ้มขำกับการเลือกใช้คำของออสติน ใช้คำสุภาพเชียว ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ไหวไหล่กลับมาแบบชิลๆ

 

 

“ขอบใจมากออสตินที่หาเมียให้ไมเคิลมันจนได้” วิคเตอร์ว่ายิ้มๆ พ่อบอดี้การ์ดหัวเกรียนกระตุกยิ้มน้อยๆ

 

 

“คุณก็อย่าน้อยหน้านะ ไดอาน่ารออยู่” เป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นออสตินหน้าแดง เขาไม่ตอบอะไร ทำเพียงก้มหน้าลงนิดหนึ่งก่อนจะเดินผ่านเราสองคนไปทางครัว ผมมองเขาแล้วยิ้มตาม อีกใจก็นึกหมั่นไส้ ต่อหน้าวิคเตอร์ล่ะไม่มีจิกกัดผมสักแอะ ลับหลังกัดจนแหวะไปหมด แต่อย่าคิดฟ้องไอ้ยักษ์เลย เข้าข้างน้องชายต่างสายเลือดอยู่ดีแหละ

 

 

“อ้าว หลับ” วิคเตอร์ก้มลงมองเฮคเตอร์ที่ตอนนี้นั่งเอนหลังหลับอยู่บนตัวลุงเตอร์แบบสบายกายจ้ำม่ำๆ นั่นเหลือเกิน เห็นแก้มแดงๆ ย้อยจนยุ้ยแล้วก็มันเขี้ยว

 

 

“ค่อยๆ อุ้มเขาออกมานอนนะ” วิคเตอร์ค่อยๆ ใช้สองมือยกตัวอ้วนๆ ของมิชลินเบอร์หนึ่งออกจากตักตัวเอง ผมดึงฟูกนอนของเฮคเตอร์มาให้ วิคเตอร์วางเจ้าตัวเล็กที่หลับปุ๋ยลงบนนั้น ผมก้มลงมองแฮคเตอร์ ขานี้ยังนั่งเล่นน้ำลายสนุกสนานอยู่

 

 

“คุณหลับบ้างมั้ย ออกจากบ้านไปแต่เช้าเลย” วิคเตอร์พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นชันเข่าแล้วบิดขี้เกียจ เขาคลานเข่าขึ้นไปนอนบนโซฟา ผมหยิบฟูกอีกอันมาวางไว้ตรงหน้าแล้วอุ้มแฮคเตอร์ให้นอนลงบนนั้น อีกสักพักเดี๋ยวก็หลับตามพี่ชายไปเอง ผมมองหากล่องดนตรีที่ไวโอล่าซื้อให้ มันวางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นข้างโซฟาที่วิคเตอร์นอนอยู่ ผมหยิบมากดเปิดให้แฝดฟังเพื่อขับกล่อมให้นอน (กลางวัน) หลับสบาย เสมือนว่ามีไวโอล่ามาขับกล่อมอยู่ข้างๆ กัน

 

 

“It may not beautiful as mommy voice as you hear every night, but I think it’s okay, hmmm? (มันอาจไม่เพราะเท่าเสียงคุณแม่ที่หนูได้ยินทุกคืน แต่แมทคิดว่ามันก็โอเคนะ หื้มมม)”

 

 

“อ้อววว แอววว” ผมคลี่ยิ้มพลางลูบหัวมิชลินเบอร์สองที่ยังนอนมองผมตากลมแล้วก็คลี่ยิ้มหวาน ผมโน้มตัวลงหอมแก้มยุ้ยสีแดงอย่างแผ่วเบา

 

 

“I miss your mommy so much.” ผมกระซิบ แฮคเตอร์ดีดแขนในอากาศ เปลือกตาขยับอ่อนๆ กระบอกตาผมร้อนผ่าว เสียงลมหายใจเริ่มสั่นเบาๆ พอกะพริบตาหนึ่งครั้งน้ำตาก็หยดลงบนพุงเสื้อยืดสีขาวของแฮคเตอร์ ผมรีบยกมือซ้ายเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม นั่งก้มหน้าลูบหัวแฮคเตอร์เพื่อกล่อมให้เขาหลับ สายตาผมเหม่อไปเรื่อย ในหัวคิดถึงแต่ไวโอล่าแล้วก็มีคริสเตียนแทรกเข้ามาบ้าง

 

 

‘ฉันมีเรื่องจะให้ช่วย’

 

 

ผมนึกถึงสิ่งที่คริสเตียนเอ่ยปากขอให้ช่วยก่อนจะจากไป นิ่งครุ่นคิดสักแปบว่าจะทำยังไงดี เดี๋ยววิคเตอร์ตื่นแล้วคงต้องปรึกษากัน มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรือลึกลับ แค่มันเกินกำลังผมเท่านั้นเอง

 V
v
v

 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 21-06-2018 18:56:57
V
v
v

 “เธอและเขาได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้า…”  เสียงของหลวงพ่อพูดปิดท้ายอย่างนุ่มทุ้มอยู่ตรงหน้าหลุมศพสองหลุม

 

 

ผมยืนอุ้มเฮคเตอร์ในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวกับเอี๊ยมสียีนและมีเสื้อกันหนาวคลุมอีกชั้น ไดอาน่าอุ้มแฮคเตอร์ในชุดที่เหมือนกัน สองหนุ่มมองเหตุการณ์ตรงหน้าแบบงงๆ ผมยืนมองพวกวิคเตอร์ช่วยกันนำโลงศพสีดำของไวโอล่าลงไปในหลุมช้าๆ ด้วยน้ำตา ขอบตาผมบวมแล้วบวมเล่า ตาสีขาวแดงก่ำเพราะร้องไห้ติดกันหลายชั่วโมง

 

 

“อือ” เฮคเตอร์หันมามองผม ตาสีฟ้าอมเทาของเขาเลื่อนขึ้นเลื่อนลงมองผมงงๆ ผมกระตุกยิ้มขำ เจ้าตัวน้อยยื่นนิ้วชี้ขวามาแตะแก้มผมเบาๆ ผมหลับตาแล้วยิ้ม

 

 

“Thank you.” ผมหอมแก้มเขาหนึ่งทีแล้วยกมือซ้ายขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ

 

 

“No. Matt can’t hold both of you at the same time. (ไม่จ้ะ แมทอุ้มหนูสองคนในเวลาเดียวกันไม่ไหวหรอกนะ)”

 

 

“อื้ออ อือออ!” ผมหันไปมองไดอาน่าในชุดเดรสสีดำเรียบหรู แฮคเตอร์เบะหน้าจะร้องไห้ ยื่นมือซ้ายป้อมๆ มากำตรงหน้า

 

 

“It’s okay, Diana. (ไม่เป็นไรไดอาน่า)” ผมเบี่ยงตัวไปด้านซ้าย แฮคเตอร์กางสองแขนออกแล้วโผตัวเข้ามาหา ผมอ้าแขนซ้ายรับตัวเขาเข้ามาอุ้มไว้ แม้จะหนักเหมือนเคย แต่ผมก็อยากให้แฝดรู้สึกอุ่นใจในเวลานี้ ตอนแรกผมอุ้มไว้ด้วยกันแหละ แต่สักพักก็เริ่มล้าเลยให้ไดอาน่าช่วยอุ้ม

 

 

“Sleep tight, Viola.” ผมพึมพำพลางมองดินที่ถูกโกยลงหลุม เสียงดินกระทบกับแผ่นฝาโลงศพนั้นทำให้ใจผมสั่นคลอน ผมยืนน้ำตาไหลเงียบๆ วิคเตอร์ในชุดสุทสีดำเรียบร้อยเดินกลับมาหาผม เขาเองก็ตาแดงจางๆ แฮคเตอร์ที่เห็นลุงยักษ์ก็หันไปมอง ผมเลยส่งเจ้าคนน้องให้เขาไปช่วยอุ้ม เจ้าหน้าที่ของโบสถ์ช่วยกันโกยดินใส่หลุมทั้งสองจนเสร็จเรียบร้อย ผมมองป้ายหินสีขาวทั้งสองอันบนหลุมศพด้วยความรู้สึกมึนชา

 

 

วันนี้มีคนไม่เยอะมาก มีพวกเบนเนดิคท์มาร่วมงานทุกคน เพราะทุกคนรู้จักไวโอล่าหมด อาดอมินิกก็มากับภรรยา เพราะทั้งคู่เห็นไวโอล่ามาตั้งแต่เด็ก เพื่อนไวโอล่าก็มา ซึ่งผมเพิ่งเคยพบเพื่อนเธอก็วันนี้ เธอมีเพื่อนสนิทอยู่สามคนเท่านั้น แต่ก็คงจะเป็นเพื่อนแท้ของเธอ และวันนี้ผมก็ได้เห็นพ่อคริสเตียน เขาอายุมากแล้ว แต่ท่าทางยังดูแข็งแรงอยู่ เขามากับผู้ชายอายุน้อยกว่าผม ทราบว่าเป็นเด็กข้างบ้านที่ชอบมาเล่นกับเขาตั้งแต่เด็กและนับถือเขาเป็นคุณลุงคนหนึ่ง รู้แบบนั้นผมก็สบายใจ

 

 

และแน่นอนว่าคุณลุคกับตีน่าก็มา ลิซ่าก็มาด้วย แต่เราไม่ได้คุยกันหรอก มีแค่ตีน่าที่ท้องนูนขึ้นเยอะเข้ามาทักทายและเล่นกับแฝด ผมเองก็ไม่ได้ปรารถนาจะคุยกับสองคนนั้น

 

 

ทุกคนที่มาเป็นคนที่รู้จักและรักไวโอล่า ทุกอย่างเรียบง่ายแต่ก็อบอุ่น

 

 

“Flowers. (ดอกไม้ครับ)” ออสตินเดินเอาดอกกุหลาบสีแดงที่เลาะหนามออกแล้วมายื่นให้วิคเตอร์กับผม เรารับมาถือไว้ในมือ แบ่งให้แฝดถือคนละดอก เด็กน้อยก็กำตามสัญชาตญาณโดยไม่รู้หรอกว่านั่นคือดอกไม้ให้ผู้เป็นแม่

 

 

“Give it to mommy. (ยื่นดอกไม้ให้คุณแม่สิครับ)” ผมนั่งคุกเข่า อุ้มแฝดในท่าช้อนก้น แขนซ้ายโอบตัวเขาไว้กันหล่น เฮคเตอร์เหวี่ยงดอกไม้ขึ้นลง

 

 

“อั๊ย อั๊ย อั๊ย” ผมหัวเราะทั้งน้ำตากับเสียงร้องของเด็กวัยสามเดือน ทั้งตลกและทั้งเศร้ากับความบริสุทธิ์ของเจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าแม่ของตัวเองนอนหลับไหลไปตลอดกาลอยู่ใต้พื้นดินอันเย็นเยือกนี้

 

 

“It’s your mommy favorite flower. (ดอกไม้ที่คุณแม่ชอบไงครับ)” ไวโอล่าชอบดอกกุหลาบสีแดง ผมเคยถามว่าทำไม เธอบอกว่าเป็นดอกไม้ดอกแรกที่คริสเตียนมอบให้ตอนออกเดทกัน ตอนนั้นเธอมองว่ามันเห่ยมากกับดอกไม้ชนิดนี้ แต่รู้ตัวอีกทีเธอก็ชอบไอ้ดอกไม้แสนเห่ยนี้ไปซะแล้ว

 

 

“Put it down, piggy. (วางลงสิลูกหมู)” วิคเตอร์บอกแฮคเตอร์ที่ยื่นดอกไม้มาข้างหน้าอย่างกับจะเอามาตีพี่ชายตัวเอง

 

 

“Say ‘Mommy I love you’. (บอกคุณแม่ซิครับว่าผมรักแม่)” ผมกระซิบบอกเฮคเตอร์ มิชลินเบอร์หนึ่งปล่อยดอกกุหลาบแหมะลงบนฐานแผ่นป้ายหินเหนือหลุมศพที่มีเศษหิมะติดอยู่ แล้วพอเห็นพี่ชายปล่อยแหมะ เจ้าน้องชายก็เลยปล่อยลงบ้างเช่นกัน ผู้คนที่ยืนดูอยู่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ

 

 

“งึมมมๆ อึมมมมๆๆๆ / อ๊ะ!” สองแฝดทำท่าโผเข้าไปหาแผ่นหิน ผมกับวิคเตอร์เลยอุ้มทั้งสองเข้าไปใกล้ๆ สองหนุ่มตีแผ่นหินดังแปะๆ และยิ้มเอิ๊กอ้ากกันสองคน ผมยกแขนซ้ายขึ้น ก้มหน้าลงเช็ดน้ำตากับชุดสูทสีดำ พอเห็นว่าแฝดเริ่มนิ่งแล้วก็วางดอกไม้ของตัวเองตามลงไปก่อนจะอุ้มแฝดไปที่หลุมศพของคริสเตียนที่อยู่ข้างกัน

 

 

“Dady is here, too. (คุณพ่อก็อยู่นี่นะครับ)”

 

 

“ฮึ” เฮคเตอร์แหงนหน้าขึ้นมองผมงงๆ ผมยิ้มขำกับน้ำเสียงที่ทำอย่างกับผู้ใหญ่ ผมยัดดอกไม้ใส่มือเฮคเตอร์ วิคเตอร์ก็ทำแบบนั้น คราวนี้ไม่เสียเวลาเหวี่ยงเล่น กำไว้แปบเดียวสองหนุ่มก็ปล่อยแหมะลงบนฐานป้ายหินทันที แล้วก็ส่งเสียงงึมงำๆ กันสองคนในลำคอ สงสัยสื่อสารกับพ่ออยู่

 

 

“Take care twin’s angel for us please. (ดูแลนางฟ้าของแฝดให้พวกเราด้วยนะ)” ผมกระซิบบอกเหนือหลุมศพคริสเตียนพร้อมกับวางดอกกุหลาบลงบนนั้น วิคเตอร์อุ้มแฮคเตอร์ขึ้นเดินนำออกไปก่อน ผมค่อยๆ ลุกขึ้นตาม ยืนมองหลุมศพทั้งสองที่อยู่ใกล้กันด้วยความคิดถึงจับใจ แล้วก็หมุนตัวเดินออกมาเพื่อให้คนอื่นได้วางดอกไม้เช่นกัน

 

 

ผมจับสองหนุ่มกลับลงไปในรถเข็น เพื่อจะได้ไม่ต้องปะทะกับอากาศเย็นจัดนาน ก่อนจะเริ่มพิธีฝัง มีหิมะตกลงมาบางๆ ดีที่ว่าตอนนั้นเราทำพิธีอยู่ตรงบริเวณโบสถ์กันอยู่เลยมีที่หลบ ผมไม่ใช่คริสต์ แต่ก็หันไปภาวนากับพระเจ้าในโบสถ์ว่าขอให้หิมะหยุดตกสักแปบเพื่อความสะดวกในการทำพิธี แม้มันจะดูสวยดีที่ฝังศพท่ามกลางหิมะ แต่มันก็ไม่สะดวกเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าท่านช่วยหรือหิมะมันตกลงมาแค่นั้น ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงมันก็หยุดเอง

 

 

“We are going to have new year party, okay? (เราจะมีงานเลี้ยงปีใหม่นะ โอเคมั้ย)” วิคเตอร์หันมาบอก ผมพ่นลมหายใจยาวๆ แล้วพยักหน้า

 

 

“But not too much. No alcohol please. (แต่อย่าเยอะไปนะ แล้วก็ไม่มีเหล้าเถอะ)” วิคเตอร์พยักหน้า เขาคงไม่อยากให้บรรยากาศมันเศร้าไปมากกว่านี้ และตอนนี้เพื่อนๆ ทุกคนก็อยู่กันครบ เขาก็คงอยากจะจัดปาร์ตี้ข้ามปี มันเร็วไป แต่พี่ชายที่รู้จักน้องสาวดีอย่างวิคเตอร์ก็บอกว่า ไวโอล่าไม่คิดขัดขวางหรือน้อยใจหรอก ถ้าสื่อสารกันได้ เธอคงบอกให้จัดตามสบายได้เลย

 

 

ผมยืนมองคนอื่นๆ ไปวางดอกไม้ไว้อาลัยให้กับไวโอล่าและคริสเตียน ส่วนมากก็เป็นดอกกุหลาบ แล้วก็มีดอกลิลลี่สีขาวปนมาบ้าง เพื่อนสนิทของไวโอล่ากอดคอกันร้องไห้อยู่ตรงหน้าหลุมศพของเธอ คุณลุคที่แม้จะเจ้าอารมณ์ แต่วันนี้ก็มีทีท่าที่สงบลง ผมไม่รู้ว่าตอนเขารู้ข่าวเขามีปฏิกิริยายังไง ก็คงเสียใจตามประสาคนเป็นพ่ออยู่แหละ

 

 

“วิคเตอร์ คริสเตียนเขาฝากให้ช่วยบางเรื่องก่อนเขาจะจากไป” ผมพูดขึ้นมาทันทีที่นึกขึ้นได้ วิคเตอร์หันมามองงงๆ

 

 

“ไปคุยกันตอนไหน”

 

 

“ก่อนเขาจะออกไปจากบ้านพร้อมไวโอล่าสักพัก ตอนที่คุณไม่อยู่”

 

 

“มันมีอะไรให้ช่วย” ผมกระแอมคอเบาๆ แล้วค่อยพูด

 

 

“คริสเตียนถูกเพื่อนโกงเงินไป เงินอันนั้นเขาตั้งใจทำงานเก็บไว้ให้แฝด เขาพยายามตามหาเพื่อนคนนั้นแล้วทวงเงินคืน แต่ก็ยังไม่สำเร็จ เขาเลยคิดว่าคุณน่าจะช่วยได้” วิคเตอร์ขมวดคิ้ว

 

 

“เงินที่มันได้มาจากการขายยาน่ะเหรอ”

 

 

“แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตั้งใจหาเงินเพื่อแฝดนะ เขาบอกว่านอกจากแบ่งให้พ่อเขาใช้แล้ว เขาก็แบ่งให้แฝดด้วย”

 

 

“นี่ ฉันไม่ได้จะใส่ร้าย หรือมองมันในแง่ร้ายหรอกนะ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเงินนั้นน่ะของมันจริงๆ เกิดมันเป็นเงินที่เป็นปัญหาระหว่างมันกับเพื่อนเอง แต่ใช้ไอ้ลูกหมูมาอ้างเพื่อให้เราช่วยมันได้เงินคืน เราไม่แย่หรอกเหรอ”

 

 

“แต่คุณก็น่าจะเห็นแล้วนะว่าคริสเตียนเขาไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น”

 

 

“เราก็รู้ในส่วนที่เรารู้ แต่ในสิ่งที่เราไม่รู้ล่ะแมท อีกอย่างนะ เงินนั้นน่ะ ได้มาอย่างผิดกฎหมาย ต่อให้เจตนามันดี ทำเพื่อลูกจริงๆ แต่สิ่งที่ทำให้มันได้เงินมาก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี…” ผมไม่ได้รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจกับสิ่งที่วิคเตอร์พูด ผมแค่รู้สึกเหมือนโดนกระเทาะเปลือกที่หุ้มความจริงเอาไว้อยู่

 

 

“…แต่ผมสัญญากับเขาไว้ว่าเงินนั้นจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาแฝดอย่างที่เขาตั้งใจ” วิคเตอร์สั่นหัวช้าๆ สีหน้าเขาดูเอือมเล็กน้อย

 

 

“เราเลี้ยงไอ้ลูกหมูได้ แค่มรดกจากไวโอล่าก็น่าจะมากกว่าเงินที่คริสเตียนหามาแล้ว ฉันไม่ได้ดูถูก แต่มันคือเรื่องจริง เงินนั้นน่ะมันเป็นเงินอันตราย ต่อให้มันไม่ได้มีเจตนาแอบแฝง เป็นเงินที่ทำเพื่อลูกมันจริงๆ แต่เราก็ไม่ควรไปยุ่ง” ผมคิดได้นะตอนที่คุยกับคริสเตียน แต่ตอนนั้นผมกำลังหวั่นไหวกับความรักที่เขามีให้ลูก ผมเลยตอบตกลงเขาไป

 

 

“จะไม่เป็นไรใช่มั้ยถ้าผมผิดสัญญากับเขา”

 

 

“มันไม่ลุกขึ้นจากหลุมมาหักคอนายหรอกน่ะ ถ้ามันรักลูกจริง มันต้องเห็นสิว่าไอ้ลูกหมูอยู่กับเราก็ไม่ได้ลำบากอะไรที่จะไม่ใช้เงินมัน” ผมพ่นลมหายใจแล้วพยักหน้ายอมรับ ที่วิคเตอร์ว่าก็จริงหมด พูดเป็นภาษาไทยก็เรียกได้ว่ามันเป็นเงินร้อน จับแล้วไม่เดือดร้อนก็อยู่อย่างไม่สงบร่มเย็นแน่ๆ

 

 

“คริสเตียนมันคงอยากมีส่วนร่วมในการดูแลลูกบ้าง ฉันรู้ แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้…” ผมพยักหน้าเบาๆ วิคเตอร์หันกลับไปมองทางหลุมศพ ทุกคนกำลังยืนคุยกัน บนป้ายหลุมศพมีดอกไม้วางไปจนถึงครึ่งของป้ายหิน

 

 

“…แค่มันพยายามปกป้องไวโอล่าจนตายตามไปด้วย แค่นั้นฉันก็นับถือน้ำใจมันมากแล้วล่ะ”

 

 

 

 

 เป็นอีกช่วงเวลาที่ทำให้ผมคลายเศร้าได้เมื่อมีคนรวมตัวกันอยู่เยอะๆ แบบนี้ พวกเราทุกคนช่วยกันทำอาหารและเครื่องดื่มผลไม้สำหรับปาร์ตี้ปีใหม่ที่จัดกันอย่างเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวาหรือรื่นเริงใดๆ มีเสียงเพลงอคูสติคเปิดคลอเบาๆ ฟังสบายๆ ไม่รบกวนการพูดคุยของทุกคน เป็นบรรยากาศอบอุ่นที่เกิดขึ้นภายในบ้าน (นอกบ้านจัดไม่ได้ หิมะตก) สองแฝดนอนอยู่บนฟูกที่ประจำของตัวเอง มีเบนเนดิคท์กับอันเดรคอยมาเล่นด้วยเหมือนกับผลัดเวรกันไป สองแฝดดูจะชอบเพื่อนคุณลุงสองคนนี้ เห็นหัวเราะอ้อแอ้อยู่เรื่อยๆ

 

 

“อ่านอะไรอยู่น่ะแมท สีหน้าไม่ดีเลย” เอมิลี่ที่นั่งดื่มน้ำพันช์อยู่ข้างๆ ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

 

“อ่านข่าวเด็กอายุสิบสี่ที่เป็นเกย์ แต่โดนเพื่อนรังแกบ่อยๆ จนฆ่าตัวตายน่ะครับ…” ผมระบายลมหายใจเบาๆ พลางวางไอแพดลงบนตัก รู้สึกสงสารเด็กน้อยที่จิตใจอาจไม่สตรองมากพอจึงต้องจบชีวิตตัวเองลง ด้วยความที่ผมเพิ่งผ่านการสูญเสียมา ผมเลยยิ่งรู้สึกดิ่งกับการจากไปของเด็กคนนี้

 

 

“…อ่านที่คุณพ่อเขาออกมาเขียนในเฟซบุ๊ค แล้วรู้สึกเสียใจไปกับครอบครัวของเขามาก น้องเป็นเด็กเรียนเก่ง เป็นเด็กกิจกรรม เขาดูมีอนาคตที่ดีน่ะครับ” เอมิลี่มองผมอย่างเข้าใจ

 

 

“ฉันถึงคิดว่าโปรเจ็คต์อดัมเป็นโปรเจ็คต์ที่ดีมาก รายได้จากการเข้าชมภาพถ่ายของเขา หักค่าใช้จ่ายแล้ว เขาก็จะยกให้องค์กรการกุศลสำหรับกลุ่ม LGBT หมดเลย” ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ

 

 

“ผมก็อยากจะช่วยเหลือพวกเขา เพราะผมก็เคยโดนคนพวกนี้ทำร้ายมาก่อน” ผมเคยคิดจะเปิดองค์กรช่วยเหลืออะไรทำนองนี้เหมือนกันนะ แต่ตอนนี้แค่ดูแลแฝดก็น่าจะเหนื่อยมากแล้ว ซึ่งผมได้พิสูจน์มาแล้วว่าผมไม่สามารถทำอะไรสองอย่างและหลายอย่างพร้อมกันได้ ถ้าแฝดโตขึ้นดูแลตัวเองได้ในระดับที่หายห่วง ความคิดนี้อาจจะกลับมาอีกครั้ง

 

 

“ยังมีเพศที่สามอีกหลายคนที่ยังโดนคุกคาม โดนทำร้ายอีกมากมาย ฉันไม่เข้าใจเลยว่าจะจงเกลียดจงชังอะไรกันนักหนา”

 

 

“ผมก็ไม่เคยเข้าใจ พยายามเข้าใจแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี…” ผมพ่นลมหายใจ นอกจากน้องผู้ชายอายุสิบสี่คนนี้แล้ว ยังมีเพศอย่างผมอีกหลายคนที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกที่อาจจะกำลังเผชิญกับความเลวร้ายของการโดนคุกคามและล้อเลียนนี้อยู่

 

 

“…ไวโอล่าเคยบอกผมนะว่าทำยังไงเราก็เปลี่ยนความคิดคนพวกนี้ไม่ได้ ผมก็ไม่คิดเปลี่ยนหรอก และไม่คิดไปยุ่ง แต่ดูคนพวกนี้จะอยากยุ่งกับพวกเราซะเหลือเกิน” เมื่อรู้ตัวว่าไม่ชอบ ทำไมถึงยังอยากจะเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นเขานักนะ ปล่อยให้เราใช้ชีวิตกันไปในแบบที่เรามีความสุขไม่ได้เหรอ ถ้าเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วจะมาเป็นเดือดเป็นร้อนกับการเป็นตัวตนของเราทำไมกัน

 

 

“ระบบสมองกับระบบจิตใจของพวกนั้นอาจมีการขัดแย้งกันอยู่ละมั้ง” ผมเลิกคิ้วขึ้นแว้บหนึ่ง รู้สึกเหนื่อยและท้อขึ้นมาซะงั้น

 

 

“ต่อให้เราเก่งและมีความสามารถมากแค่ไหน แต่หลายคนกลับเลือกที่จะมองว่าเราเป็นอะไรมากกว่าเราทำอะไรได้” ผมพูดด้วยความเศร้าใจ

 

 

มันเป็นแบบนั้นจริงๆ นะ มันคือสิ่งที่ยากที่สุดในการคอนโทรลความคิดคนอื่น เพราะขนาดเรายังไม่อยากให้ใครมาคอนโทรลความคิดเราเลย คอมเม้นหยาบคาย คำพูดร้ายๆ ที่มีต่อเพศอย่างผมนั้นไม่เคยหมดไปแม้ว่าเพศอย่างผมหลายๆ คนจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากมาย แต่สุดท้ายเขาก็มองว่าเราไม่ใช่ผู้ชายปกติ เราผิดแปลก เราแตกแยก เราไม่ถูกต้องตามธรรมชาติ

 

 

“รูปปั้นบางอัน สวยงามมาก สง่างามมาก แบบที่เรียกได้ว่าไร้ที่ติ ปั้นด้วยช่างที่มีฝีมือดีที่สุดของโลก แต่ก็จะต้องมีคนที่บอกว่า สวยแค่ไหน แต่รูปปั้นนี้ก็พูดไม่ได้” ผมแค่นยิ้ม แต่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

 

“แมท แฝดอึ” เบนเนดิคท์ที่เล่นอยู่กับหลานเงยหน้าขึ้นบอกพลางทำจมูกฟุดฟิดๆ ผมยิ้มขำ วางไอแพดไว้บนโซฟา เลื่อนตัวลงไปจัดการเก็บกวาดให้แฝด

 

 

ขอให้เพศอย่างผมทุกคนที่กำลังเผชิญหน้ากับคนเลวร้ายและความเลวร้ายจากคนเหล่านั้นมีความสุขในชีวิตมากพอที่จะเป็นภูมิคุ้มกันต้านมันออกไปจากชีวิตแบบที่ผมมี

 

 

เราต้องไม่ให้ใครมาทำลายชีวิตของเราเพียงเพราะคนเหล่านั้นไม่ชอบในสิ่งที่เราเป็นเด็ดขาด

 

 

 


เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               You will be in our memory forever, Viola.

               เคลียร์หนังสือเสร็จเรียบร้อย (เหลือรอคนที่ไม่ได้ไปรอบนัดรับติดต่อกลับมาและคนที่หนังสือตีกลับมาหาคนเขียนติดต่อกลับมา) จะกลับมาเขียนพี่แซ็คกับน้องฮุนต่อแล้ว ช่วงก่อนหน้านี้ตอมบ่นในเพจและทวิตบ่อยๆ ว่า ค่อนข้างเครียดกับการแพ็คหนังสือเลยไม่มีสมาธิในการเขียนนิยาย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ พ้นช่วงเวลารับแจ้งปัญหาแล้ว จะขอกลับมาโฟกัสการเขียนนิยายต่อ ก่อนหน้านี้โฟกัสหนังสือจนไม่อยากหยิบจับทำอะไรเลย ใครรอพี่แซ็คกับน้องฮุนอยู่ จะกลับมาเจอกันแล้วนะคะ พี่แซ็คอาจจะมาวันพรุ่งไม่ก็มะรืน ต้องดูก่อนว่าเขียนเสร็จวันไหน แต่ถ้าเสร็จแล้วจะมาต่อแน่นอนค่ะ และน้องฮุนก็จะตามมาค่า

               ส่วนพี่ยักษ์ คนที่ได้รับหนังสือแล้ว ส่วนมากคงอ่านจบไปเรียบร้อย ส่วนใครที่ไม่ได้พรีฯ หนังสือ ในเว็บลงจนจบเรื่องตามปกติเลยนะคะ เว้นตอนพิเศษสิบตอน กับภาคพิเศษหกตอนค่า สำหรับหนังสือพาร์ทนี้ ขอพักก่อนนะคะ ยังไม่เปิดพรีฯ ใดๆ พักกายพักใจแปบ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-06-2018 19:52:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-06-2018 21:17:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 21-06-2018 22:50:34
เสียใจกับการจากไปของไวโอลา หวังว่าลุงยักษ์จะประคับประคองแมทกับแฝดไปได้อย่างมีความสุขที่สุดนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-06-2018 22:53:57
เศร้าจัง ไวโอล่ทไม่น่าตายเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-06-2018 03:42:13
 :sad12: บาย นางฟ้าของแฝด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 02-07-2018 14:08:34
เข้ามาดัน  และรอน้องแมท :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-07-2018 00:01:33
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-07-2018 00:27:46
Yours and Mine EP.35 :: Mommy Matt and Daddy Tor. (แม่แมทกับพ่อเตอร์) [100%]







ผ่านพ้นงานศพไวโอล่ามาได้เกือบสองอาทิตย์ วิคเตอร์ก็ต้องกลับไปทำงานต่อ ผมก็รู้สึกใจหาย รู้สึกเคว้งเปล่าเปลี่ยว เพราะปกติถ้าเขาไม่อยู่ ผมก็จะมีไวโอล่าอยู่ด้วย ถึงแม้จะมีออสตินคอยอยู่ดูแลด้วยก็ตาม แต่ออสตินกับไวโอล่าก็คนละคน และมีนิสัยคนละขั้วเลย ไม่ใช่ว่าออสตินไม่ดี และไม่ใช่ว่าผมทำตัวรู้สึกแปลกกับออสติน เพราะก่อนหน้าจะย้ายมาอยู่อังกฤษ ผมก็เคยอยู่กับออสตินสองคนออกจะบ่อย เพียงแต่พอมีไวโอล่ากับแฝดเพิ่มเข้ามาในชีวิต มันก็เลยเป็นความรู้สึกที่เพิ่มขึ้น แต่พอไม่มีไวโอล่ามันเหมือนลดลง ไม่ชินแปลกๆ

           

 

[ถ้าพ่อมาพูดอะไร เลือกอยู่เฉยๆ ปล่อยให้อาดอมจัดการ เขาเอาพ่ออยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก] วิคเตอร์พูดถึงเรื่องที่คุณลุคจะเอาแฝดไปเลี้ยงดูด้วยตัวเอง ไม่ยอมให้ผมกับวิคเตอร์เลี้ยงดูต่อ อาดอมกำลังช่วยพูดอยู่ ผมก็นึกเป็นห่วงว่าเขาจะผิดใจกันนะ แต่พอนึกว่าเพื่อให้แฝดอยู่ด้วยกัน ผมเลยไม่คิดช่วยพูดให้ใครใจเย็นทั้งนั้น เพราะผมหัวร้อนกับเรื่องนี้มาก

           

 

“พ่อคุณเขาไม่ได้อยากแฝดไปเลี้ยงจริงๆ หรอก เขาแค่อยากเอาชนะเรา แล้วเอาไวโอล่ามาอ้าง” พูดกันตามตรง คุณลุคแกก็แพ้เราสองคนระเนระนาดอยู่เหมือนกัน พยายามจับคู่วิคเตอร์กับไดอาน่า แต่กลายเป็นทำให้ไดอาน่ากับออสตินได้เจอกันแล้วมาคบกัน แทนลูกชายตัวเอง ขัดขวางไม่ให้ผมกับวิคเตอร์รักกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ จนมาเรื่องที่ไวโอล่ากับแฝดจะมาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ยอม แต่ก็ไม่สำเร็จ ผมว่าเขาก็คงแค้นใจหน่อยๆ ทำอะไรผมสองคนไม่ได้สักที เลยจะมาเล่นเรื่องแฝดแทน แต่ขอโทษเถอะ งานนี้ผมก็มั่นใจอีกว่า เขาต้องแพ้เหมือนเดิม

           

 

[ฉันขอแค่พ่ออย่าฟ้องศาลให้มันวุ่นวายไปมากกว่านี้ ฉันขี้เกียจบินไปๆ กลับๆ] วิคเตอร์ทำหน้าเซ็ง ผมก็เซ็งด้วย คือถ้าเขาเล่นถึงขั้นนั้น ผมว่าต้องพิจารณาความเป็นพ่อลูกระหว่างคุณลุคกับวิคเตอร์แล้วละว่ามันแย่แค่ไหน

           

 

“ถึงฟ้องไปเขาก็แพ้ ฐานะเรา เอ่อ คุณคนเดียวดีกว่า คือไม่ได้แย่ ดูแลเด็กเป็นทีมฟุตบอลยังได้”

           

 

[แค่ไอ้ลูกหมูสองตัวนี้ก็เหมือนทีมฟุตบอลแล้ว] ผมก้มลงมองสองลูกหมูที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนพื้นห้องแฟมิลี่ ตัวยังคงกลมตุ๊ต๊ะ เจ้าของหมาที่ไมเคิลไปติดพันธุ์ใจดีมากกก เธอแบ่งนมให้แฝดทุกอาทิตย์เลย แต่ผมก็พยายามสลับกับนมผงเพื่อให้แฝดชิน จะได้ไม่รบกวนเธอเยอะจนเกินไป แม้ผมจะเห็นแล้วละว่าวันๆ นึงเธอคั้นนมออกมาได้มากกว่าไวโอล่าคั้นสองวันรวมกันซะอีก

           

 

“I love them. (ผมรักพวกเขา)” ผมพูดเสียงแผ่วเบา ความรู้สึกรักอบอวบอยู่ในอก

           

 

[Not more than me. (ห้ามมากกว่าฉัน)] วิคเตอร์มองตาดุ ผมทำหน้าเอือมแต่ก็ขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มขำน้อยๆ

           

 

“It’s different. You know that. (ผมรักคนละแบบน่า คุณก็รู้อยู่แล้ว)”

           

 

[It must be different, but not than me anyway. I’m gonna donate them to charity if you love them more than me. (รักคนละแบบ ก็ห้ามมากกว่าฉัน ไม่งั้นฉันจะเอาไอ้ลูกหมูสองตัวไปบริจาคให้การกุศล)] ผมขมวดคิ้วอ้าปากหวอกับการใช้คำว่าบริจาคกับเด็กสองคน

           

 

“Don’t be cruel. (อย่าใจร้ายกับลูกสิ)…” ไอ้ยักษ์กลอกตา ผมขำเบาๆ

           

 

“…Let them call you daddy, okay? (ให้เด็กๆ เรียกคุณว่าพ่อนะ)”

           

 

[And call you mommy? (แล้วเรียกนายว่าแม่งั้นเหรอ)] ผมส่ายหัวช้าๆ

           

 

“They have only one mommy, which is Viola. I want them to call you dad because I want them have a feeling of a son and daddy. (พวกเขามีแม่คนเดียวคือไวโอล่า ที่ผมอยากให้พวกเขาเรียกคุณว่าพ่อ เพราะอยากให้แฝดได้มีความรู้สึกความเป็นพ่อลูกบ้าง)”

           

 

[What about Christian? (แล้วไอ้คริสเตียนล่ะ)]

           

 

“He is still dad of twins, but I think it’s okay to call you daddy. (เขาก็ยังเป็นพ่อแฝดนั่นแหละ แต่ผมว่ามันก็โอเคที่จะเรียกคุณว่าพ่อนะ)” วิคเตอร์ขมวดคิ้วหน้าตายังไม่เข้าใจ

           

 

[But you are close with them than me. (แต่นายใกล้ชิดไอ้ลูกหมูมากกว่าฉันนะ)]

           

 

“Yes, I am their god mother. They don’t need to call me mother. Just call my name, but let them feel that I am their mother from their feeling. Is it going to be weird if they call me mother or mommy, huh? (ก็ใช่ ผมก็เป็นแม่ทูลหัวพวกเขาไง พวกเขาไม่ต้องเรียกผมว่าแม่หรอก เรียกชื่อผมเอาก็ได้ แต่ให้พวกเขารู้สึกว่าผมเป็นแม่จากข้างในเอา มันไม่แปลกเหรอถ้าพวกเขาจะเรียกผมว่าแม่อะ)”

           

 

[I call you wife. (ฉันยังเรียกนายว่าเมียเลย)] ผมเอียงคอไปด้านขวา มองบนแปบหนึ่งแล้วก็กลับไปมองหน้าเขาในจอโทรศัพท์ต่อ

           

 

[And if they call your name—are they going to feel with you just being a mommy, huh? (แล้วถ้าพวกนั้นเรียกชื่อนาย มันจะรู้สึกกับนายแค่การเป็นแม่ใช่มั้ย)] ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะอ้าปากน้อยๆ เมื่อคิดได้ว่าเขาคิดยังไง

           

 

“They are not like you and your Lisa. (พวกเขาไม่เหมือนคุณกับยัยลิซ่าของคุณนะ)” วิคเตอร์ทำหน้าดื้อเหมือนเด็กขึ้นมาทันที

           

 

“How do you know? Everything is unsure! (รู้ได้ไง ทุกอย่างมันแน่นอนที่ไหนล่ะ)”

           

 

“Stop your fantasy now. (หยุดมโนได้แล้ว)” ไอ้ยักษ์มุ่ยหน้า

           

 

“Victor, I love them as our son. I love you as my husband, okay baby? (วิคเตอร์ ผมรักพวกเขาแบบลูกชาย รักคุณในแบบสามี โอเคมั้ยที่รัก)” ไอ้ยักษ์ผมยาวทำปากยื่น ก่อนจะยักคิ้วขึ้นหนึ่งที และทำหน้าประมาณว่าก็โอเคแบบน่ายื่นมือทะลุโทรศัพท์ไปตบสักที

           

 

[เหงามั้ย] ผมพยักหน้าแบบไม่ลังเล

           

 

“ผมคิดถึงไวโอล่า สามเดือนเกือบสี่เดือนที่ผ่านมา ผมใช้ชีวิตอยู่กับเธอตลอด พอไม่มีเธอแล้ว มันก็…” ผมพ่นลมหายใจด้วยความรู้สึกอ้างว้าง ดวงตาสีน้ำผึ้งของวิคเตอร์มองผมตาใสหน้าซื่อจนผมต้องกระตุกยิ้ม

           

 

“…แต่เพราะผมมีคุณ มีแฝด มีออสติน ไมเคิล ฟอกซ์ แล้วก็พ่อแม่ และก็เพื่อนๆ ผมเลยค่อยๆ ผ่านมันไป”

           

 

[เยอะจัง แค่ฉันคนเดียวไม่ได้เหรอ]

           

 

“ก็ช่วยๆ กันไง แต่คุณก็เป็นหลัก” ไอ้ยักษ์เบะปาก ผมขำน้อยๆ ได้ยินเสียงเรียกชื่อวิคเตอร์ดังเข้ามาในโทรศัพท์ เขาหันไปมองก่อนหันกลับมามองผม

           

 

[เสร็จงานแล้วจะวิดีโอคอลไปหา เรื่องนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่อาดอมเขา ไม่ต้องเครียด] ผมพยักหน้าเบาๆ วิคเตอร์ส่งจูบให้ ผมใช้มือจุ๊บปากแล้วส่งจูบกลับไปก่อนที่หน้าจอจะดับ ผมวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว นั่งมองแฝดหลับตัวกลมแล้วก็ยิ้ม เพิ่งพาไปฉีดวัคซีนตามนัดเมื่อตอนครบสี่เดือนมา คุณหมอปรามๆ เรื่องกิน กลัวจะอ้วนเกิน จริงๆ ผมก็ค่อยๆ ลดนมลงเป็นสามหรือสี่มื้อแทนทุกสี่หรือหกชั่วโมงแบบแต่ก่อนแล้วละ กลัวจะส่งผลเรื่องสุขภาพของแฝดเหมือนกัน แล้วก็กลัวจะอุ้มสองคนพร้อมกันไม่ไหวด้วย คือถ้าอุ้มคนใดคนหนึ่ง อีกคนจะเรียกร้องความสนใจให้อุ้มด้วยทันที

           

 

“คุณแมท ไดอาน่ากำลังจะมาที่นี่ เอาอะไรมั้ยครับ” ผมหันไปมองออสตินที่โผล่หน้าเข้ามาในห้อง ผมทำท่านึกสักแปบก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

           

 

“ผมคิดว่าตอนนี้บ้านเราไม่น่าจะขาดอะไร วันนี้เธอนอนนี่มั้ย” ออสตินพยักหน้า ผมยิ้มดีใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนมานอนด้วยเพิ่มอีกคน ไดอาน่าก็จะไปๆ มาๆ แบบนี้แหละ บางทีก็ออสตินไปหา ไปรับมาบ้าง แล้วแต่โอกาส

           

 

“คุณลุคก็จะมาที่นี่ด้วยนะครับ เขาบอกว่าจะมาเยี่ยมเด็กๆ” ผมเบะปากเล็กๆ แต่ก่อนผมก็ไม่คิดสู้ ไม่คิดเถียงเขาขนาดนี้หรอก แต่พอมีเรื่องแฝดเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็รู้สึกว่าต้องยืนหยัดและต่อต้านให้ถึงที่สุด และผมก็เริ่มรู้สึกรำคาญเขาเล็กๆ ว่าเขาจะอะไรกับผมและวิคเตอร์นักหนา แก่จนมีลูกคนที่สามแล้วควรปล่อยวางได้แล้วมั้ง

           

 

“ปิดบ้านหนีเขาได้มั้ยเนี่ย” ออสตินทำตาโตก่อนจะเลื่อนประตูปิด จังหวะนั้นโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดู เบอร์ที่ปรากฎบนหน้าจอเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย แต่ผมก็กดรับสาย เพราะใครสักคนอาจจะได้เบอร์ผมมาจากใครอีกคนแบบที่อดัมได้จากเอมิลี่

           

 

[แมท ฉันเอง ตีน่า]

           

 

“อ้อ ว่าไงตีน่า” ผมออกจะแปลกใจนิดหน่อยที่เธอโทรมา แล้วนึกงงๆ ว่าเธอได้เบอร์ผมมาจากไหน แต่คิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือลึกลับอะไรขนาดนั้นหรอก

           

 

[เรื่องที่ลุคจะไปที่บ้านเธอวันนี้น่ะ ฉันเบรกเขาให้แล้วละ ไม่ต้องรอต้อนรับเขาที่หน้าประตูบ้านหรอกนะ] ผมคิดว่าตีน่าน่าจะประชดแบบขำๆ ผมเลยขำตามเธอไปด้วย

           

 

“ขอบใจนะ ฉันเดาไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเขาจะมาทำไม” เสียงตีน่าถอนหายใจยาวๆ

           

 

[ฉันนั่งคุยกับเขาจริงจังว่าเขาควรพอ ควรหยุดทุกอย่างได้แล้ว เด็กที่เขาควรโฟกัสคือลูกเขา ไม่ใช่ลูกคนอื่น ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยกล้าแสดงอารมณ์กับเขา แต่ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าเขาเองก็เกรงใจฉันอยู่เหมือนกัน] เธอหัวเราะเบาๆ ได้ยินเสียงเธอแล้วก็ทำให้นึกไวโอล่า ไม่ใช่ว่าเสียงเธอเหมือนกันหรอก แต่ด้วยสถานการณ์ที่เธอกำลังท้องและโทรมาเม้าท์มอยต่างหากที่ทำให้ผมหวนนึกถึง

           

 

“เธอทำดีแล้ว” ผมยิ้มขำน้อยๆ

           

 

[ฉันคิดว่าหลังจากนี้เขาน่าจะมีสติกว่าเดิม ฉันเตือนเขาไปแล้วเรื่องอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ของเขา คนเราจะวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นมากอะไรขนาดนั้นกันเชียว ฉันไม่เข้าใจเลย]

           

 

“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…” แต่การที่ฉันสอดเสือกเรื่องคนอื่น ฉันแค่อยากรู้ให้หายคลายสงสัยเท่านั้นนะตีน่า ไม่คิดเข้าไปยุ่งวุ่นวายแบบที่พ่อวิคเตอร์ทำแน่ๆ

 

 

“….และฉันก็หวังแบบที่เธอบอก ฉันไม่คิดจะมีปัญหาอะไรกับเขาเลย แฝดยังเป็นหลานเขาเหมือนเดิม เขาน่าจะดีใจสิที่ฉันกับวิคเตอร์จะแบ่งเบาภาระ”

           

 

[ฉันพูดแบบนี้แหละ แต่เพิ่มความหงุดหงิดนิดหน่อย เขาก็เลยจ๋อยๆ ไป] ผมทำตาโต นึกอยากเห็นคุณลุคผู้ดุดันและวางมาดวางอำนาจแทบจะตลอดเวลาอยู่ในอาการที่ตีน่าว่าจริงๆ

           

 

“ยังไงฉันก็ขอบคุณเธอมากเลยนะที่ช่วยพูดให้ แล้วตอนนี้อาการเธอเป็นยังไงบ้าง”

           

 

[ก็ดีจ้ะ เด็กแข็งแรงดี แล้วฉันก็ดูแลตัวเองตามที่หมอบอก คลอดเมื่อไหร่คงต้องขอคำปรึกษาเธอเยอะเลย] ยิ่งคุยกันก็ยิ่งนึกถึงไวโอล่าช่วงตั้งท้องแรกๆ จริงๆ

           

 

“ถ้าคุณลุคไม่ว่าอะไรนะ”

           

 

[ถ้าเขาจะว่า เดี๋ยวฉันแกล้งทำหงุดหงิดใส่เอง] เราสองคนหัวเราะ ผมคิดว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่รู้สึกว่าเธอใช้ได้ ไม่ใช่ผู้หญิงสไตล์แรงๆ และคิดว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดีในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวดองการเป็นเครือข่ายตระกูลเดียวกัน ตีน่าทำให้ผมคิดถึงไวโอล่า แต่ก็ไม่ใช่คิดถึงแบบดราม่า เป็นการคิดถึงในแง่ความรู้สึกดีๆ มากกว่า

 

 

           

อิทธิฤทธิ์ของตีน่าและคำภาวนาของเราสองคนได้ผล บวกกับที่อาดอมช่วยพูด เสริมด้วยการ์ดที่ไวโอล่าเขียนให้ผม ก็ทำให้คุณลุคถอยทัพกลับไปเอง ซึ่งผมโล่งอกมาก เพราะจะได้มาวุ่นวายแค่เรื่องการขอรับแฝดเป็นบุตรบุญธรรมเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องคอยปวดหัวกับเรื่องคุณลุคมาวอแวจะแย่งแฝดไปดูแลด้วย

           

 

“เชื่อฉันสิว่าไม่ยากหรอก สถานะและฐานะของเธอสองคนดูแลเด็กสองคนนี้ได้สบาย การ์ดใบนั้นมีส่วนสำคัญมาก” อาดอมบอกในวันที่มาคุยกับผมในเรื่องการเตรียมตัวไปคุยกับทางราชการในส่วนต่างๆ ที่รับผิดชอบเรื่องนี้

           

 

วิคเตอร์ต้องบินกลับมาแสดงตัวแสดงตนอยู่ราวสามวันกว่าจะเสร็จเรื่อง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะพอเขากลับไปหลังจากนั้นได้หนึ่งอาทิตย์ ทางการก็รับรองเรื่องการรับสองแฝดมิชลินเป็นบุตรของเราสองคนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารรับรองต่างๆ อย่างถูกต้อง

           

 

เราสองคนมีสิทธิ์ดูแลแฝดอย่างเต็มที่ในฐานะพ่อแม่บุญธรรม

           

 

“แฝดดีใจมั้ยครับ แมทกับพ่อเตอร์ได้ดูแลหนูอย่างเต็มที่แล้วนะ”

           

 

“แออออ แออออ๊ะ / แอ๊ะ แอ่ๆๆ”

           

 

“อะดีใจเหรอ ฮ่าๆ แมทก็ดีใจ งึ่มๆ” ผมก้มลงฟัดพุงของทั้งสองคน มิชลินหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี วันเวลาผ่านพ้นมาจนกระทั่งสองหนุ่มมีอายุครบห้าเดือนแล้ว ร่างกายยังคงอ้วนท้วมสมบูรณ์ดี และเริ่มกินนมผงได้มากขึ้น แต่ผมก็ยังสลับกับนมแม่เจ้าของแฟนไมเคิลอยู่ เพราะอยากให้แฝดได้รับสารอาหารในน้ำนมแม่มากๆ ตามที่ไวโอล่าต้องการ

           

 

“แมทรักแฝดนะครับ”

           

 

“มะ มะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อเฮคเตอร์มองหน้าผมแล้วส่งเสียงเล็กๆ ออกมา

           

 

“เรียกแมทเหรอ นี่แมท นี่แมทครับ”

           

 

“มะ” ผมคลี่ยิ้มขำ หันไปมองแฮคเตอร์ที่กำลังพยายามพลิกตัวไปด้านซ้าย แต่ด้วยความที่อ้วนหรือยังพลิกไม่แข็งแรงมากพอก็ไม่แน่ใจเลยทำให้พลิกไม่ถึงเป้าหมายสักที

           

 

จากที่เจอคุณหมอล่าสุด หมอบอกว่าแฝดถือว่าเป็นเด็กที่มีพัฒนาการที่ดีและเร็วมาก เพราะพูดอ้อแอ้ได้ตั้งแต่สองสามเดือนแรก แสดงสีหน้าเก่งแต่เล็กแต่น้อย ยิ่งพอถึงวัยที่จะเริ่มออกเสียงพูดตามพ่อแม่หรือคนเลี้ยง และเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้สิ่งรอบตัว ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาหมูๆ ของลูกหมูทั้งสอง หมอเอ็นดูเวลาแฝดทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยความไม่มีลูกผมก็ไม่คิดว่ามันแปลก แต่หมอบอกจริงๆ เด็กจะเริ่มทำแบบนั้นได้ก็เป็นช่วงวัยห้าเดือนนี้แหละ แต่มิชลินทั้งสองกลับทำเป็นก่อน แสดงว่ามีตัวกระตุ้นดี ซึ่งวินาทีนั้นผมนึกถึงใครไม่ออกเลยนอกจากไอ้ยักษ์ หัดให้หลานแอคติ้งเก่งตั้งแต่ช่วงใกล้สามเดือน

           

 

“แฮคเตอร์เก่งครับ เก่งๆ” ผมเอ่ยชมเมื่อเจ้าตัวเล็กคนน้องพลิกตัวนอนคว่ำหน้าได้สำเร็จ พอผมเอ่ยชม เจ้าตัวเล็กก็กะพริบตาเจ้าชู้และยิ้มหวาน ผมยื่นมือซ้ายไปลูบผมสีน้ำตาลเข้มเบาๆ

           

 

“มะๆ” ผมก้มลงมองเฮคเตอร์  เจ้าคนพี่ชูแขนสองข้างขึ้น เหมือนกำลังเรียกร้องให้อุ้ม ผมจับเฮคเตอร์ลุกขึ้นยืน มิชลินเบอร์หนึ่งมองหน้าผมแล้วยื่นมือมาจับแก้มผมเบาๆ โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งทำท่าคีบ ผมคลี่ยิ้ม เฮคเตอร์อ้าปากยิ้มตาม ดวงตาสีฟ้าแซมเทาอ่อนๆ มองผมอย่างสนอกสนใจ

           

 

“อันนี้แมทครับ แมท”

           

 

“มะ” ผมหัวเราะ พอเห็นผมหัวเราะ เฮคเตอร์ก็หัวเราะตาม และสิ่งที่ตามมาคือเสียงกรีดร้องอิ๊อ๊าจากคนน้องก็ดังขึ้น ผมเลื่อนสายตาไปมองก็เห็นแฮคเตอร์กำลังแหงนหน้า และทำตาโตมองมาที่ผม สองแขนยื่นมาข้างหน้าเหมือนซูเปอร์แมน สองมือป้อมๆ กำยุบยิบ

           

 

“แฮคเตอร์อยากให้แมทอุ้มเหรอ”

           

 

“อั้ยยย” ผมยิ้มกว้าง จัดการจับเฮคเตอร์นั่งพิงกับโซฟา เจ้าคนพี่นั่งพิงขอบโซฟาจนพุงพลุ้ย ผมเห็นแล้วก็ขำ เฮคเตอร์ยิ้มหวานและส่งเสียงหัวเราะแฮๆ ผมโน้มตัวไปอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมายืนตรงหน้า มิชลินเบอร์สองดีดขาตื่นเต้นยกใหญ่แล้วก็หัวเราะเริงร่าคนเดียว สักพักก็กะพริบตามองหน้าผม

           

 

“แมทครับ คนนี้แฮคเตอร์ คนนี้แมท” แฮคเตอร์ยิ้มแก้มยุ้ย แล้วก็ดีดตัวด้วยท่าทีเขินอายจนผมขำ

           

 

“ถ่ายรูปคู่กันหน่อยๆ” ผมจับแฮคเตอร์นั่งข้างๆ พี่ชายที่กำลังนั่งทำหน้างงๆ วันนี้มิชลินทั้งสองใส่ชุดบอดี้สูทฮู้ดหมีสีน้ำตาล น่ามันเขี้ยวที่สุด ผมดึงฮู้ดสวมให้ทั้งสองคน แล้วเตรียมจะถ่ายรูป แต่เฮคเตอร์ก็ดึงออกจากหัวแล้วก็มองหน้าผมแบบงงงวย ผมขำอยู่คนเดียว จับฮู้ดใส่ให้คนพี่อีกรอบ คราวนี้เขานั่งเฉยๆ ผมยกมือถือขึ้นเตรียมถ่ายรูป หลอกล่อให้สองแฝดยิ้ม

           

 

“ยิ้มหวานหน่อยคร้าบ อุๆๆๆ”

           

 

“อูๆๆๆ”

           

 

“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะเสียงดังเพราะสองแฝดทำเสียงตามผม พอเห็นผมหัวเราะ คราวนี้สองหนุ่มก็เลยหัวเราะตาม ผมเลยได้ช็อตที่น่ารักน่าเอ็นดู แชะไปหลายช็อตจนพอใจก็ถอดฮู้ดหมีออกให้แล้วก็จับกลับมานอนบนเตียงเดี่ยวอันใหญ่ที่ซื้อมาใหม่ให้เหมาะกับช่วงเดือนการพร้อมกลิ้ง พร้อมดิ้นแรงกว่าเดิม

           

 

“ส่งไปให้คุณตาคุณยาย ส่งไปให้น้าๆ อาๆ ลุงๆ ป้าๆ ทั้งหลายดูเนาะ อ้อ ส่งให้พ่อยักษ์ดูด้วย” ผมจัดการส่งรูปให้วิคเตอร์ก่อนคนแรก แล้วก็ตามด้วยพ่อกับแม่ สองตายายเคยวิดีโอคอลมาคุยกับหลานแล้ว แค่เจอผ่านรูปกับวิดีโอคอลก็หลง บ่นอยากเจออยากมาหา รึไม่ก็ให้พาไปหาที่เมืองไทยบ้าง แต่ตอนนั้นสภาพจิตใจผมก็ไม่ค่อยจะดีเลยบอกว่าพร้อมแล้วเดี๋ยวจะพาไปเจอหรือไม่ก็ให้มาเจอกันที่นี่ พ่อกับแม่เข้าใจแล้วก็คอยให้กำลังใจผมเรื่องไวโอล่าอยู่บ่อยๆ คอยถามถึงสภาพจิตใจของผมทุกครั้งที่ได้คุยกัน ก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ทำให้ผมเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางมากขึ้น

           

 

BamBoObie : น่ารักมากกกก โอ๊ย อยากเจออะ

           

 

MATTLE : เรื่องรับรองบุตร ผ่านเรียบร้อยแล้วนะ ตอนนี้วิคเตอร์กับฉันมีสิทธิ์ดูแลแฝดเต็มร้อยแล้ว

           

 

ผมหันไปมองสองหนุ่มที่กำลังฝึกพลิกตัวกันสนุกสนาน พลิกคว่ำหน้าคว่ำหลังกันอยู่นี่แหละ เหมือนหมูหันเลยอะ

           

 

KattyKitty : เออ แม่เขาหมดห่วงจริงๆ แล้วแหละทีนี้

           

 

Champion : แล้วมึงจะพามาไทยเมื่อไหร่อะ ไอ้เปาเห็นรูปแล้วดิ้นจะเจอลูกมึงให้ได้

           

 

WarmUP : กูอยากให้เมียกูมีลูกแฝดว่ะ

           

 

MATTLE : รอวิคเตอร์เคลียร์งานเสร็จแหละ เดี๋ยวคงพาไปเมืองไทย

           

 

BamBoObie : ปรึกษาหมอได้นะอีวอร์ม

           

 

NineNineNine : เอ็นดูววววว ลู๊กกกกก

           

 

ผมออกจากห้องแชท ปล่อยให้ข้อความเด้งไปสักแปบค่อยไปไล่อ่านแล้วก็ไล่ตอบ ผมอยากอัปรูปลงโซเชียลมีเดียนะ แต่ไอ้ยักษ์เตือนว่าไม่ควร เห็นชอบแซะลูกแบบนั้นแต่เขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของแฝดมาก เขากลัวว่าอัปลงโซเชียลแล้วจะเป็นอันตรายต่อเด็กไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตัดความกังวลใจไปด้วยการไม่ลงดีที่สุด ใช้วิธีส่งหาคนสนิทๆ แบบนี้แทนถ้าอยากจะโชว์ความคิ้วท์ของแฝด ถึงอย่างนั้นผมก็ถ่ายภาพถ่ายคลิปแฝดไว้เต็มเครื่อง ถือเป็นการเก็บพัฒนาการของเด็กๆ ไว้เป็นความทรงจำด้วย

           

 

“ฟิตเนสในบ้านก็มี ออกกำลังกายบ้างไอ้ลูกหมู”

 

 

ข้อความวอทสแอพจากวิคเตอร์เด้งขึ้นมาหลังจากส่งรูปไปให้ดูสักพัก

           

 

‘แฝดเป็นลูกเราแล้วนะยักษ์ พ่อต้องไม่แซะลูกนะ’

         

 

“รูปที่ไอ้อดัมมาถ่าย จะได้ดูเมื่อไหร่”

 

 

ก่อนวิคเตอร์บินกลับไปทำงาน อดัมแวะมาหาพวกเราที่บ้าน มาถ่ายรูปเราไปใช้ในโปรเจ็คต์การแสดงภาพถ่ายของเขาที่เคยติดต่อมาก่อนหน้านี้ แล้วเขาก็ถือโอกาสนี้มาเก็บภาพถ่ายคู่รักเพศเดียวกันคู่อื่นๆ ที่เขาจะสามารถพบเจอในอังกฤษได้ไปด้วย หลายคู่ยินยอม ยิ่งบอกว่าเอาไปใช้ทำอะไร ทุกคนก็ไม่มีปฏิเสธ พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านความรุนแรง และต่อต้านคนที่ต่อต้านความรักของกลุ่ม LGBT 

 

 

อดัมถ่ายทั้งรูปคู่ของเราสองคน แล้วก็มีรูปที่ถ่ายกับแฝดเป็นครอบครัวด้วย วิคเตอร์ยินดีที่จะให้ใช้รูปแฝดได้ถ้ามันจะทำให้โปรเจ็คต์นี้อิมแพ็คมากขึ้น แต่ขอไม่ให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ ของแฝด ซึ่งอดัมเขาก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับแฝดมากไปกว่าการเป็นลูกของไวโอล่าแล้วล่ะ และคิดว่าเขาคงไม่ไปบอกใครว่าให้มาจับเด็กสองคนนี้ไปขายหรอกนะ

 

 

‘ไม่รู้สิ เขาบอกเขาต้องการสามร้อยคู่ ไม่รู้ได้ถึงไหนแล้ว เขาบอกว่าถ้านิทรรศการพร้อมเมื่อไหร่จะบอกอีกที’ มันขึ้นว่าวิคเตอร์อ่านแล้ว และไม่ได้มีการพิมพ์อะไรตอบกลับมา ผมเลยพิมพ์ต่อ

 

 

‘คุณเตรียมตอบคำถามกับสื่อเถอะ ครั้งนี้เป็นการเปิดเรื่องราวของเราสองคนแบบชัดเจน’ หลังจากที่คลุมเคลือมานาน ไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน มีแต่ให้สื่อตีประเด็นกันไปเองจากภาพ จากคำบอกเล่าต่างๆ คราวนี้ถือว่าวิคเตอร์ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับทุกคนที่ติดตามประเด็นนี้อยู่ผ่านนิทรรศการภาพถ่ายของอดัม ตอนที่มีประเด็นเรื่องคลิปกับพวกเพื่อนคริสเตียน อันนั้นก็เป็นที่สนใจอย่างมาก ข่าวเล่นกันโครมๆ วิคเตอร์ก็เงียบขรึมๆ ตามสไตล์ ไม่ตอบ ไม่ออกสื่อ แต่ภาพถ่ายนี้ก็จะแบบว่า ตู้ม หายสงสัย เลิกตั้งคำถามต่างๆ กันสักที

 

 

“ถ้าฉันไม่ตอบ โลกจะวุ่นวายมั้ย หรือก๊าซเรือนกระจกจะเพิ่มขึ้นรึเปล่า” ผมถลึงตาใส่หน้าจอโทรศัพท์กับความกวนตีนนี้

 

 

‘ถามพ่อคุณดูสิ’ มันขึ้นว่าอ่าน แล้วตามด้วยกำลังขึ้นพิมพ์ สักพักข้อความก็เด้งขึ้นมา

 

 

“โอเค เดี๋ยวจะลองโทรถามเขาดู” โอ๊ย เบื่อผัว

 

 

ผมหยุดคุย ปิดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ มองไปที่แฝดอีกทีก็นอนหงายท้องหลับปุ๋ยคู่กัน โชคดีของผมอย่างนึงคือเด็กสองคนนี้เลี้ยงไม่ยาก ไม่ใช่เด็กชอบงอแง อารมณ์ดีมากกว่าอารมณ์เสีย นี่คงเป็นข้อดีที่เราทุ่มเทเวลาให้เขาได้เต็มที่ ไม่มีหน้าที่การงานอื่นๆ มาแทรก แต่ก็ใช่ว่าไม่ร้องงอแงหรือไม่เอาแต่ใจเลย ซึ่งถ้าไฟท์ขึ้นมา ก็พายุลมบ้าลูกหมูสองลูกย่อมๆ เลยละ

 

 

มิชลินของแม่แมท ลูกหมูของพ่อยักษ์

 

 

ของขวัญจากพ่อคริสเตียนและแม่ไวโอล่า

         

           

เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้



               โอยยยย มีงานด่วน งานเร่งแทรกเข้ามาค่ะ แทนที่จะได้เขียนนิยายแบบสุขกายสบายใจ กลายเป็นว่า หมดแรงไปกลับการทำงาน  อยากจะถ่างตาสู้เขียน แต่ไม่ไหวจริงๆ เพลียร่างมาก กว่าจะเสร็จก็เกือบปลายเดือนกรกฎาคม จากที่บอกจะไม่ดองพี่แซ็คกับน้องฮุน ตอนนี้กลายเป็นจะดองเค็มแล้ว แต่ยังดีที่วันนี้เราก็ได้กลับมาอัปพี่แซ็คแล้ว กรี๊ดดดด ส่วนน้องฮุนเดี๋ยวตามๆ กันมานะคะ T^T เจ้งานยุ่งเหยิงจีๆ สมองรับมิหวายยยย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 06-07-2018 00:52:18
คิดถึงครอบครัวนี้มากกกกก ทำงานเยอะเลยเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-07-2018 00:53:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-07-2018 01:08:15
ลูกหมูน่ารัก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-07-2018 01:23:17
 o13 ให้กำลังใจกับทุกๆคนนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-07-2018 02:05:04
พากลับไทยเลย ๆ หาตายาย ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkping ที่ 06-07-2018 13:39:15
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-07-2018 14:46:39
แฝดมิชลินน่ารัก  อยากฟัดๆเลย   :z3:
พ่อยักษ์อยากเอาแฝดไปเลี้ยงเอง
ทั้งที่เมียตัวเองก็จะคลอดลูกแท้ๆ
หาเหาใส่หัว และทำให้แฝดทุกช์ทรมานน่ะสิ   :serius2:

ยักษ์  แมท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-07-2018 21:48:12
แมทเริ่มเข้าสู่การเป็นคุณแม่ และการเลี้ยงลูกอย่างเต็มตัว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-07-2018 14:24:55
ความเป้นแม่มาเต็มมาก ครอบครัวสมบูรณ์สุดพ่อแม่ลูก แม้ว่าพ่อจะขี้อิจฉาไปซักหน่อยก็เหอะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-07-2018 09:17:56
แฝดน่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 09-07-2018 14:12:21
 :hao5: จากน้ำตาที่ท่วมจอไปตอนที่แล้ว ได้ความน่ารักของแฝดมาเยียวยาจิตทำไมน่ารักจุง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-07-2018 16:38:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: zoiesty ที่ 12-07-2018 21:59:23
แฝดน่ารักมากกกกกกก  ฟัดสักทีได้มั้ย :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-07-2018 19:15:14

Yours and Mine EP.36 :: The proposal. (ขอแต่งงาน) [100%]






“Heyyy, Are you excited twins, it’s the first time on the plane?! (เฮฮฮ ตื่นเต้นมั้ยครับแฝด จะได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก!)” ผมมองแฝดตัวน้อยๆ ในชุดเสื้อไหมพรมประจำตัวที่ปักตัวอักษร H บนอก ด้านล่างใส่แค่แพมเพิสแต่มีผ้าห่มคลุมความโป๊เอาไว้ ด้วยสายตาตื่นเต้นเพื่อให้แฝดอารมณ์ดี
   

“แอ๊ อื๊ออออ แอ๊ะๆ แมะๆ”
   

“Oh,  are you Hector? Oh yeah, that smile is so lovely. (เฮคเตอร์ตื่นเต้นเหรอครับ อ้า ยิ้มหวานเชียวนะ)” เจ้าตัวเล็กดีดดิ้นและหัวเราะแฮ่ๆ ในลำคอ
   

“อูมม อูมม อูมม” ผมหันไปมองแฮคเตอร์ที่ทำปากคล้ายปากจู๋และส่งเสียงงึมงำๆ หน้านิ่วคิ้วขมวดน้อยๆ ผมหัวเราะให้มิชลินเบอร์สองที่ไม่รู้ว่านั่นคือคำตอบหรือเปล่าว่าหนูไม่อยากขึ้นเครื่องบิน
   

“Why? Your giant-daddy takes all first class seats for both of you, you don’t like it? (ทำไมล่ะ พ่อยักษ์เหมาที่นั่งชั้นหนึ่งเพื่อหนูสองคนเลยนะ ไม่ชอบเหรอครับ)”
   

“ฮืมมมมๆ” ผมหัวเราะเบาๆ แฮคเตอร์ยกมือขึ้นดูดแล้วส่งเสียงในลำคอ ผมดึงมือป้อมๆ ออกจากปากเจ้าตัวเล็ก ใช้ผ้าอ้อมเช็ดน้ำลายทั้งที่มือและปากให้
   

“ไม่อยากขึ้นก็กลับไปเฝ้าบ้านแทนออสตินเลย” ไอ้ยักษ์ผมยาวที่ใส่แว่นดำโน้มตัวจากเก้าอี้ลงมองสองลูกชาย (บุญธรรม) ของตัวเอง แฮคเตอร์ในวัยหกเดือนที่แสดงสีหน้าแอคติ้งเก่งยิ่งกว่าเดิมย่นคิ้วใส่คุณพ่ออย่างน่าเอ็นดู ส่วนเฮคเตอร์กะพริบตาปริบๆ มองพ่อแบบงุนงงสงสัย
   

“บอกคุณพ่อซิครับว่าผมอยากขึ้น ผมแค่ไม่เคย” ผมกระซิบบอกแฝดพลางดึงมือแฮคเตอร์ออกจากปากอีกครั้ง เฮคเตอร์อ้าปากแล้วส่งเสียงอ้อแอ้
   

“อึม อึม งึมๆๆ” ผมยิ้มขำ หันไปมองวิคเตอร์ที่นั่งมองลูกนิ่ง มีออสตินนั่งอยู่ข้างๆ
   

“เนี่ย ลูกบอกว่าอยากขึ้น”
   

“นายเอาวุ้นแปลภาษาของโดเรม่อนให้ไอ้ลูกหมูกินรึไง ถึงได้รู้ว่ามันพูดอะไร” วิคเตอร์จะรู้จักโดเรม่อนก็ไม่แปลก เพราะผมชอบเปิดให้แฝดดูบ่อยๆ เขาเลยรู้จักไปด้วย ไอ้ฝรั่งมันชอบว่าผมเรื่องให้แฝดดูการ์ตูน แต่ตัวเองจำได้หมดนะ
   

“ขี้บ่นจริงๆ เลย” ผมยกมือขวาไปตีแขนเขาด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ไอ้ยักษ์ยกมือซ้ายผลักหัวผมกลับเบาๆ ผมหันกลับไปมองแฝด สองหนุ่มมองไปรอบสนามบินแบบที่ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นการสำรวจความแปลกที่แปลกทาง
   

เรากำลังจะบินไปนิวยอร์ก เพื่อไปร่วมเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายของอดัมที่เป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อยแล้ว ตอนเขาโทรมาบอกก็ตื่นเต้นและดีใจไปกับเขามาก เขาตามถ่ายรูปคู่รักครบทั้งสามร้อยคู่จากทั่วโลกอย่างที่ตั้งใจไว้จนสำเร็จ คือมันก็อาจจะไม่ได้ทั่วโลก รอบโลกทุกซอกมุม แต่ก็ถือว่าเป็นการรวบรวมคู่รักเพศเดียวกัน เพศทางเลือกต่างๆ มาได้เยอะที่สุดเท่าที่จะหาได้จากหลายๆ ประเทศในโลกนี้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่ผู้ชายลุคซ์แบดบอยคนหนึ่งเห็นถึงความสวยงามของความรักของคนในเพศนี้ และคิดที่จะถ่ายมันออกมาให้คนอื่นๆ ได้รับชมกัน


งานจัดที่แกลเลอรี่แห่งหนึ่งแถบชานเมืองแมนแฮทตัน อดัมบอกว่าเป็นแกลเลอรี่ที่ไม่ได้ดังมาก เขาอยากจะช่วยเหลือให้ที่นี่บูมขึ้นมาเลยเลือกที่นี่เป็นที่แสดงงานตัวเอง เป็นผู้ชายที่ดี๊ดีมีน้ำใจ และคิดถึงคนอื่น เหมาะแล้วจริงๆ ที่เป็นชายในฝันของผม


“โอะ โอ๊ย!” จู่ๆ ภาพฟุ้งๆ หวานๆ ก็ดับวูบและมีความมึนงงวิ้งๆ เข้ามาในหัวแทน ผมหันไปมองด้านข้างตัวเองงงๆ ก็เจอกับไอ้ยักษ์ตีหน้ายักษ์หน้าเหี้ยมใส่


“หน้านี่แสดงออกชัดเชียวนะว่ากำลังคิดเพ้อถึงไอ้อดัม” ผมกะพริบตาปริบๆ ด้วยความทึ่งเล็กๆ ก่อนจะทำตาโตแล้วยิ้มยิงฟัน


“โอเค ครั้งหน้าจะทำให้เนียนกว่านี้” วิคเตอร์ยกแขนซ้ายดึงคอผมเข้าไปใกล้แล้วใช้มือขวาขยี้หัวผมแรงๆ


“โอ๊ยยยย ปล่อยยยนะ เจ็บบบ” ผมยกมือซ้ายขึ้นตีแบบมั่วซั่วกะให้โดนวิคเตอร์สักช็อค แต่ก็ดูจะสะเปะสะปะตีไม่ตรงส่วนใดเลย


“แอออออ้!!!! แอ้ๆๆ”


“เอ้อๆ เอิวววว แอะ แอะ” สองแฝดโวยวายเสียงดังขึ้นมา ทำให้วิคเตอร์หยุดความรุนแรงที่กำลังกระทำอยู่ ผมดึงแขนวิคเตอร์ออกจากคอแล้วเด้งตัวขึ้นนั่ง สองแฝดตีมือกับราวจับรถเข็นด้านหน้าของตัวเองเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรอยู่


“โวยวายอะไรไอ้ลูกหมู” วิคเตอร์ล็อคคอผมอีกรอบ คราวนี้แฝดดิ้น ทั้งตีมือและทำท่ากระทืบเท้า แล้วก็ส่งเสียงวอแว


“แอ๊ะ!” แฮคเตอร์ยกมือชี้มาทางวิคเตอร์กับผม ทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังสวดมนต์ไล่


“ฮื่อ ฮื่อ!” เฮคเตอร์มองผมกับวิคเตอร์ตาโตและส่งเสียงขู่ฮึ่มๆ ในลำคอ ผมอ้าปากกว้างเป็นรอยยิ้ม มองสองแฝดด้วยความตลกขบขัน


“สงสัยเด็กๆ คงกำลังไม่พอใจที่คุณแมทโดนแกล้ง” ออสตินพูดยิ้มๆ มองแฝดทั้งสองคนด้วยสายตาอ่อนโยน ขนาดออสตินผู้แข็งทื่อยังใจอ่อนกับแฝดเลย มีไอ้ยักษ์นี่แหละที่ใจยักษ์ใจมารกับลูก


“แฝดช่วยด้วยๆ” ผมแกล้งทำเป็นโดนกดหัวแต่ก็แอบมองสองหนุ่มที่จ้องมาทางผมตาแทบไม่กะพริบ


“แย๊ยๆๆๆ”


“มะๆๆ”


ทั้งสองคนส่งเสียงโวยวายและทำท่าจะโผเข้ามาหา ผมยกแขนวิคเตอร์ออกจากคอแล้วก็หัวเราะ ทั้งตลกและเอ็นดู ผมดึงรถเข็นแฝดให้เข้ามาใกล้ตัวเองอีกนิด ก้มตัวลงหัวเราะกับสองหนุ่มที่มองผมกันเป็นตาเดียว


“ออววว องครักษ์ของแมท” ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มสองมิชลินคนละข้าง แล้วก็ก้มหน้าให้ทั้งสองยื่นมือมาจับเหมือนปลอบใจ ผมยิ้มกว้าง ยกมือลูบหัวทั้งสองคนที่ตอนนี้ผมหนาขึ้น ยิ่งจำง่ายกว่าเดิมด้วยสีผมที่แม้จะเหมือนกันแต่ก็มีความต่างตรงที่สีผมอีกสีแซมอยู่ในผมสีน้ำตาลเข้มอันเป็นสีผมหลักของทั้งคู่ ไม่รู้ว่าโตขึ้นจะกลายเป็นหัวสีน้ำตาลล้วนเลยหรือจะมีสีอื่นแทรกปนกันมาแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้


“ไหน แกจะทำอะไรฉันได้ไอ้ลูกหมู” วิคเตอร์ล็อคคอผมแล้วดึงไปนอนซบไหล่ ผมแกล้งทำท่ายื่นมือขอความช่วยเหลือ สองแฝดมองผมตาแป๋ว สองมือเริ่มตีราวกั้นรถเข็น


“อื้อ! อื้อ! อื้อ! แออออ!!” แฮคเตอร์โวยวายหน้าตาจริงจังจนผมต้องกลั้นขำ


“แออออ๊ แอออ แออออ!” เฮคเตอร์ขมวดคิ้ว และเริ่มมีอาการหงุดหงิด สักพักก็เบะปาก น้ำตาคลอก่อนจะร้องไห้


“แออออออ่!!! แออออ้!” ผมตาโตตกใจ ยกแขนวิคเตอร์ออกจากคอแล้วโน้มตัวไปอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาปลอบ


“โอ๋ๆ โอ๋ แมทไม่เป็นไรครับ แมทไม่เป็นไรแล้ว” เฮคเตอร์ร้องฮือในลำคอ ผมคุกเข่าตรงหน้ารถเข็น ยื่นมือซ้ายไปลูบหัวแฮคเตอร์ที่กำลังมองอย่างงงๆ กลัวว่าเขาจะร้องไห้ขึ้นมาอีกคน


“ร้องไห้สู้เหรอวะ ฮะ” ผมหันไปจิ๊ปากและจิกตาใส่ไอ้ยักษ์ พึมพำปลอบโยนเฮคเตอร์จนมิชลินเบอร์หนึ่งสงบลง ส่วนมิชลินเบอร์สองก็กำลังเพลินที่โดนลูบหัว


“ผมว่าได้เวลาแล้วละครับ” ผมดึงมือออกจากหัวแฮคเตอร์ ลูบหลังเฮคเตอร์อีกสักแปบก็จับเขานอนในรถเข็นตามเดิม ใช้ผ้าอ้อมเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มแดงระเรื่อ ผมมองทั้งสองคนแล้วก็ยิ้มเอ็นดู แก้มยุ้ยพุงพลุ้ยน่ามันเขี้ยวมาก


“พาไดอาน่ามานอนเป็นเพื่อนได้นะ หรืออยากจะพาเพื่อนบอดี้การ์ดมาที่บ้านก็ได้” วิคเตอร์หันไปคุยกับออสติน พ่อบอดี้การ์ดทำเพียงพยักหน้า


“อยู่กับลูกๆ ไมเคิลก็คงจะไม่เหงาแล้วละ คงวุ่นวายแทน” เขากระตุกยิ้มน้อยๆ ผมโบกมือลาบ๊ายบายให้ เขาทำเพียงพยักหน้ากลับมาอย่างเรียบเฉย


แฝดอายุแค่หกเดือน ยังแสดงสีหน้าได้มากกว่าออสตินอีก



ผมอุ้มสองแฝดเข้ามาในส่วนของที่นั่งชั้นหนึ่งโดยมีวิคเตอร์เดินตามเข้ามาพร้อมกับถือกระเป๋า สองแฝดไม่ยอมให้วิคเตอร์หรือแอร์ฯ ช่วยอุ้ม โผเข้าหาผมทั้งสองคน ผมเลยต้องอุ้มลูกหมูของพ่อยักษ์มาเต็มสองแขน เห็นว่าเป็นระยะทางไม่ไกลผมเลยอุ้มมาเอง ที่นั่งของพวกเรามีแต่พวกเราสี่คนเท่านั้น วิคเตอร์เหมาโซนนี้ทั้งหมด เขาไม่ได้คิดจะประกาศความร่ำรวยของตัวเองแต่อย่างใด แต่เพื่อความสบายใจและสบายหูของผู้โดยสารคนอื่น เราเลยเลือกทำแบบนี้เผื่อในกรณีที่แฝดไม่ชินกับเครื่องบิน ร้องไห้งอแงเสียงดังขึ้นมาจะได้ไม่มีใครมานั่งรำคาญพวกเรา ได้แต่หวังว่าแอร์ที่ดูแลโซนนี้จะไม่กินหัวแฝดซะก่อน ตอนแรกจะเช่าเครื่องบินเจ็ทบินไปกัน แต่หาไม่ได้ เลยเอาวิธีนี้แทน ราคาก็ช็อคหัวจิตหัวใจมาก ผมลมจับตอนเขาจ่ายเงิน วิคเตอร์เองก็มีเหงื่อตกเหมือนกัน แต่คิดว่าเราคงไม่ได้พาแฝดบินไปต่างประเทศบ่อยๆ นักหรอก หรือถ้าไปครั้งหน้าก็ต้องรอให้โตกว่านี้ แพลนที่จะไปเมืองไทย คงต้องเบรกไว้ก่อน น่าจะเป็นพ่อกับแม่ที่บินมาหาแล้วละ ผมกลัวแฝดไปงอแงใส่คนอื่น แต่ถ้าทริปนี้สองหนุ่มสงบเสงี่ยมเรียบร้อยดี ก็มีลุ้นบินไปไทยกันเอง


“นั่งกับคุณพ่อนะครับ” ผมอุ้มแฮคเตอร์ให้วิคเตอร์รับไปดูแล ไอ้ยักษ์ถอดแว่นดำเหน็บไว้กับปกเสื้อ ยื่นแขนข้ามรั้วกั้นที่นั่งรับลูกหมูตัวที่สองไปนั่งบนตักแบบหันหน้าเข้าหาตัวเอง คนลูกแหงนหน้าขึ้นมองคนพ่อที่หนวดเคราครึ้ม


“ไง หรืออยากไปนั่งคนเดียว เลือกเอาเลยว่าอยากจะนั่งตรงไหน” แฮคเตอร์กะพริบตาปริบๆ มองพ่อสักแปบก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยตากลมๆ โตๆ พักหนึ่งแล้วก็หันกลับไปมองวิคเตอร์ต่อ แล้วก็ยกมือซ้ายขึ้น ใช้นิ้วชี้สั้นป้อมชี้ไปที่หน้าวิคเตอร์


“อู”


“เออ ฉันเอง” แฮคเตอร์กะพริบตาปริบๆ มองสำรวจหน้าคุณพ่อแบบช้าๆ


“อูมมม” แล้วเจ้าตัวเล็กก็ใช้สองมือตีๆ ตามตัววิคเตอร์และส่งเสียมงึมงำในลำคอราวกับสวดคาถาบูชายัญ ผมยิ้มขำ จับเฮคเตอร์ให้นอนพิงตัวผมอย่างสบายๆ ผมกดปรับให้เบาะช่วงล่างยกขึ้นมาเพื่อให้ขาตัวเองเหยียดได้เต็มที่


“แก้แค้นเมื่อกี้รึไง ไอ้ลูกหมู”


“ที่คุณเรียกลูกหมูๆ เพราะว่าจำชื่อลูกไม่ได้ใช่มั้ย” วิคเตอร์หันมามองผมหน้ามึน แล้วก็ทำเนียนไม่ตอบ บอกให้มองเส้นผม แต่วิคเตอร์ชอบเลือกมองหน้าแล้วก็สับสนเอง เขาปรับเบาะแบบที่ผมทำ จับแฮคเตอร์นั่งหันหลังเอนพิงตัวเขา เจ้าตัวเล็กนอนพิงตัวคุณพ่อจนคอหาย อ้วนจุมปุ๊กเชียว


“ดูการ์ตูนมั้ยครับ มีมินเนี่ยนมั้ยน้า” ผมใช้รีโมตกดเปิดจอทีวีของตัวเอง เลือกหาหมวดหมู่การ์ตูนแอนนิเมชั่น แล้วก็เจอกับเจ้าตัวสีเหลืองตัวโปรดของแฝด ผมจัดการสวมหูฟังให้มิชลินเบอร์หนึ่ง หรี่เสียงในระดับเบาที่สุด พอหนังเล่นไปได้สักพัก เหมือนเฮคเตอร์จะจำได้ก็เหวี่ยงแขนขึ้นลงด้วยความดีใจและส่งเสียงหัวร่อแฮ่ๆ


“วิคเตอร์ เปิดมินเนี่ยนให้แฮคเตอร์ดูสิ” ผมหันไปบอกสามีหน้ายักษ์ที่กำลังกดเลือกหมวดหมู่หนัง พี่แกสวมหูฟังให้ลูกเรียบร้อย สักพักผมก็อ้าปากค้างเมื่อเขากดเลือกหนังเรื่อง Captain America Civil war ให้แฮคเตอร์ดู


“ไอ้ยักษ์ ให้เด็กดูหนังอะไรเนี่ย?!”


“หนังซูเปอร์ฮีโร่ไง ไฟล์ทนี้ไม่มีหนังฉัน ว่าจะเปิดให้ดูความหล่อฉันสักหน่อย” ผมย่นคิ้วอ้าปากหวอ มองหน้าพี่คริส อีแวนส์ในจอด้วยความก่งก๊ง


“แต่ลูกยังเด็กอยู่นะ ควรให้ดูอะไรที่เหมาะกับวัยก่อนสิ”


“มันมีอะไรรุนแรงที่ไหนเล่า หนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลสดใสจะตาย เด็กดูได้สบายน่า” ผมเลื่อนสายตามองแฮคเตอร์ที่มองหน้าจอตาแป๋ว


“ไม่เอาอะ เปิดการ์ตูนเลยนะ เดี๋ยวลูกซึมซับความรุนแรง” วิคเตอร์ทำหน้าว่าอะไรของมึงกลับมา


“มันมีอะไรรุนแรงที่ไหนล่ะ ดีไม่ดีไอ้ลูกหมูอาจจะอยากเป็นฮีโร่ด้วยก็ได้” ไม่ทันขาดคำ แฮคเตอร์ก็สะดุ้งกับฉากระเบิดในเรื่อง ส่วนเฮคเตอร์กำลังนั่งมองไอ้ตัวเหลืองๆ ตาใสอย่างสบายใจ


“วิคเตอร์ เปลี่ยนเรื่องเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวถึงวัยเขาแล้วผมจะให้เขาดูเองแหละ เดี๋ยวจะให้เลือกด้วยว่าอยากเป็นกัปตันหรือไอร่อนแมน” ไอ้ยักษ์ตีหน้ามึน ผมยื่นมือซ้ายไปจับไหล่เขา ไอ้หนุ่มผมยาวหันมามองแล้วก็กลอกตาเซ็ง ก่อนจะยอมกดเปลี่ยนเป็นการ์ตูนตัวสีเหลืองให้ลูกดู


“เบาเสียงรึยัง”


“เบากว่านี้ก็ปิดเสียงไปเถอะ” เขาประชดหน้าเอือม ผมทำตาโตใส่เขา ยื่นมือไปจับคางเขาแล้วบิดหน้าเขามาหาตัวเอง


“ไหนยื่นหน้ามาซิ” ไอ้ยักษ์ที่หน้างอนๆ ยื่นหน้าเข้ามา ผมยื่นหน้าไปกดจูบบนริมฝีปากเขาค้างไว้สักพักก็ดึงออก


“My good big boy.” วิคเตอร์กะพริบตาสองสามทีก่อนที่จะมีสีหน้าพึงพอใจมากขึ้น


“We don’t fuck for three months. (เราไม่ได้เอากันสามเดือนแล้วนะ)” ตั้งแต่ไวโอล่าเสียเราก็ไม่ได้มีอะไรกันเลย มันไม่มีอารมณ์นั้นอยู่ในหัวเลยแม้แต่นิด แค่นอนกอดกันผมก็มีความสุขแล้วในตอนนั้น แล้วพอวิคเตอร์กลับไปทำงานเราก็ยิ่งไม่ได้ทำอะไรกันเลยนอกจากคุย วาเลนไทน์ที่ผ่านมาก็ดินเนอร์กันผ่านวิดีโอคอล เป็นการสวีทกันในวันวาเลนไทน์อีกหนึ่งรูปแบบ อาหารที่กินก็ไม่มีอะไรยาก ไข่เจียวกุ้งของโปรดวิคเตอร์นั่นแหละ


“Make it happen in New York. (ที่นิวยอร์กแล้วกัน)” วิคเตอร์คลี่ยิ้ม ยื่นหน้ามาจูบปากผมอีกรอบก่อนจะกลับไปนั่งตัวตรงตามเดิม ผมก้มลงมองเฮคเตอร์ ก็เห็นเจ้าตัวเล็กกำลังพยายามดึงหูฟังออก แต่ดันไปติดตรงซอกคอเป็นชั้นของตัวเอง ผมเลยช่วยดึงออกให้


“Why? Are you bored? (ทำไมล่ะ หนูเบื่อเหรอ)” ผมหันไปมองแฮคเตอร์ ขานั้นนอนพิงคุณพ่อแอ้งแม้งสบายใจเฉิบ แต่หูฟังไม่อยู่ตรงแก้มนะ ไม่ใช่ตรงหู


“อะ! แอ!” เฮคเตอร์เริ่มทำท่าจะงอแงในขณะที่เครื่องกำลังจะเทคออฟ ผมจับเขาลุกขึ้นยืน แหวกแพมเพิสดูก็ไม่เจออึหรือฉี่


“หิวเหรอครับ” ผมว่าพลางหยิบวดนมที่ในนั้นมีนมเตรียมพร้อมเรียบร้อยขึ้นมา เป็นนมอภินันทนาการจากคุณแม่ของแฟนไมเคิล เธอปั๊มนมได้เยอะมากกก คือการที่เยอะจนมีเผื่อมาถึงเด็กอีกสองคนนอกจากลูกตัวเอง ก็คือเยอะมากที่แท้ทรู หลังจากนมไวโอล่าหมดไป ก็ได้เธอคนนี้มาช่วยต่อแต้มบุญในส่วนนี้ให้ เธอทำให้แฝดได้รับนมแม่ครบหกเดือนอย่างที่ไวโอล่าตั้งใจไว้จริงๆ ขึ้นอายุเจ็ดเดือนเมื่อไหร่ก็จะเป็นนมผงล้วนๆ แล้ว


“ขอให้ไอ้ลูกหมูตัวที่สองหน่อย มองปากตัวที่หนึ่งอยู่เนี่ย” ผมหันไปมองแฮคเตอร์ เจ้าคนน้องชะเง้อมองพี่ชายนอนดูดนมตาละห้อย เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ผมหยิบขวดนมออกมาส่งให้วิคเตอร์ เขาถอดหูฟังที่ไม่ได้ฟังออกให้แฮคเตอร์ จับตัวนอนบนตัวเขาแล้วส่งขวดนมให้ ช่วงนี้ผมพยายามฝึกให้แฝดถือขวดนมเองอยู่ แต่ก็ยังไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้


“เงียบๆ ไปตลอดแปดชั่วโมงเลยจะดีมาก รู้เปล่า” วิคเตอร์ก้มลงคุยกับลูกในขณะที่มือขวาก็ถือขวดนมให้ แฮคเตอร์ไม่หือไม่อือ นอนพุงพลุ้ยกินนมบนตัวพ่ออย่างเอร็ดอร่อย ผมมองสองหนุ่มแล้วยิ้มดีใจที่เห็นทั้งคู่ได้กินนมแม่ตามที่ไวโอล่าต้องการ ถ้าเธอรับรู้ได้ เธอต้องสบายใจมากแน่ๆ




และแล้วแฝดก็ทำได้ ตลอดแปดชั่วโมงกว่าๆ บนเครื่อง ทั้งสองคนไม่โหวกเหวกโวยวาย ไม่เสียงดังรบกวนแอร์ฯ มีงอแงตอนไม่สบายตัวเพราะฉี่กับอึ แล้วก็ตอนหิวนม เอาแต่ใจบ้างเล็กน้อย แต่ก็ปลอบกันอยู่หมัด ผมกังวลเรื่องหูอื้อ เรื่องเมาเครื่อง แต่แฝดดูกลมกลืนกับการขึ้นเครื่องบิน ก่อนเครื่องจะลงจอดก็หลับตัวกลมปุ๊ก ผมกับวิคเตอร์อุ้มสองหนุ่มมาขึ้นรถด้านหน้าสนามบิน JFK โจชัวเพื่อนออสตินและเพื่อนโจชัวอีกสองคนรับหน้าที่ดูแลเราสองคนระหว่างที่อยู่ในนิวยอร์ก เขาพาเราไปขึ้นรถครอสโอเวอร์คาร์แบบที่บ้านเรามีแต่คนละแบรนด์ มีช่างภาพที่ไม่รู้ไปรู้มาได้ยังไงว่าวิคเตอร์มาไฟล์ทนี้ตามมาถ่ายรูป แต่ก็ถูกโจชัวกับเพื่อนกันเอาไว้ เพราะวิคเตอร์ไม่โอเคถ้าจะถ่ายแฝดติดไปด้วย หน้าที่ขู่เลยเป็นของพวกโจชัวไปว่าถ้ามีรูปเด็กๆ หลุดไปแม้แต่สำนักเดียว ฟ้องกระจาย


“How are you doing? (เป็นไงบ้างครับ)” ผมถามโจชัวที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เขาหันกลับมายิ้มก่อนตอบ


“Good. Glad to see both of you. And the little pig. (ก็ดีครับ ดีใจที่ได้เจอคุณสองคน แล้วก็ลูกหมูตัวน้อย)” ผมหัวเราะเบาๆ ก้มลงมองเฮคเตอร์ที่นอนหลับอยู่บนตัก ส่วนแฮคเตอร์หลับอยู่บนตักคุณพ่อ


“You see? Everyone think about pig when they see them because they are fat. (เห็นมั้ย ทุกคนที่เจอสองคนนี้คิดถึงหมูทั้งนั้นแหละ เพราะมันอ้วน)”


“Why do you like to bully your kids? (ทำไมชอบบูลี่ลูกตัวเองเนี่ย)” วิคเตอร์ไหวไหล่ เดี๋ยวจะตั้งแคมเปญหยุดบูลี่เด็กวัยหกเดือนบ้างดีกว่า


เราจะมาอยู่นิวยอร์กแค่สองคืนสามวัน มันก็แปลกนิดหน่อยที่คราวนี้มาแล้วต้องมาอยู่ในห้องพักของโรงแรม จากปกติที่จะมีบ้านอยู่ที่นี่ เราเอาแฝดมาด้วยเพราะไม่มีใครดูแลแฝดให้ จะไปฝากคนอื่นหรือจ้างใครมาเลี้ยงผมก็ไม่ไว้ใจ จะฝากออสตินเลี้ยงคนเดียวก็ไม่ไหวแน่ๆ ทั้งลูกคนลูกหมา ไดอาน่าก็มีงานต้องทำ ใช่ว่าจะมาดูแลให้ได้ตลอด ตอนแรกผมขอไม่มาเพราะมีแฝดต้องดูแล แต่วิคเตอร์บอกว่าอยากให้ไปร่วมงานด้วยกัน มันเป็นเหมือนงานคู่ เปิ้นว่าจะอั้น น้องก่อเลยมา และทางปี้อดัมเองก็อยากให้พาทั้งตัวน้องและแฝดมาร่วมงานโตย เลยกระเตงๆ กันมาจะอี๊


“เดี๋ยวตอนเย็นเราจะมารับคุณสองคนไปร่วมงานนะครับ” โจชัวบอกตอนที่เดินมาส่งพวกเราถึงห้องพัก เรามาถึงนิวยอร์กช่วงเที่ยง อากาศอบอุ่น ต้นไม้สีเขียวชอุ่ม รู้สึกขอบคุณอดัมมากที่ไม่จัดงานช่วงฤดูหนาว อาจเป็นได้ว่าที่เขาเลือกจัดงานช่วงนี้นอกจากงานจะเสร็จช่วงนี้พอดีแล้ว คงเลือกช่วงอากาศดีๆ ด้วย


“Giant, hungry? (ยักษ์ หิวมั้ย)” ผมถามหลังจากวางแฝดลงบนเตียงนอนแบบปูพื้นที่รีเควสมาเพื่อแฝด วิคเตอร์ส่ายหัวพลางวางแว่นไว้บนโต๊ะข้างเตียง


“So, you want to sleep or take a shower? (งั้นจะนอนมั้ย หรืออยากอาบน้ำ)” ช่วงหิมะที่ผ่านมา เรารู้จักคำว่าอาบน้ำน้อยมาก ซึ่งปัจจุบันที่บ้านเราก็ยังรู้จักคำนี้น้อยอยู่เนื่องจากยังมีหิมะโปรยปรายกรุยกรายอยู่เลย ฉะนั้นที่นิวยอร์กกำลังอากาศแจ่มใส มีโอกาสอาบน้ำต้องคว้าไว้


“I want to go to bathroom, but I don’t want to take a shower. (อยากเข้าห้องน้ำ แต่ไม่ได้อยากอาบน้ำ)” ผมห่มผ้าให้แฝดเสร็จก็หันไปมองเขางงๆ สักแปบ พอเห็นดวงตาวิบวับกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขาและการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจากตัวผมก็รู้สึกร้อนที่ใบหน้า ผมหลุบสายตาลงต่ำด้วยความรู้สึกเขิน ได้ยินเสียงเขาถอดกางเกงยีนออกจากขาก็หัวใจกระตุกวูบวาบ พอเขาเดินมานั่งยองๆ ตรงหน้าผมก็เริ่มรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก อย่างกับกำลังโดนจีบ แต่เป็นการจีบไปได้เสียกัน


“Piggy is sleeping now. Would a piggy’s mother go to make out with their father? (ลูกหมูกำลังหลับ แม่หมูแว้บไปจู๋จี๋กับพ่อหมูได้มั้ย)” ผมกัดริมฝีปากล่างกลั้นเขิน วิคเตอร์ยื่นมือมาจับมือซ้ายของผมให้ไปจับเป้าของเขา ผมวางฝ่ามือลงบนกางเกงชั้นในสีขาว สัมผัสความตุงที่ชัดยิ่งกว่าโฮโลแกรมแล้วก็พยักหน้า


รู้ตัวแหละว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว แต่ทุกครั้งที่ห่างกายกันไปนานก็ชอบรู้สึกว่ากำลังจะเสียสาวตลอดเลย
   
V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 20-07-2018 19:16:16
V
v
v

วิคเตอร์ช่วยผมถอดเสื้อผ้าออกจนตัวเปลือยเปล่า ส่วนเขาเหลือกางเกงชั้นในสีขาวตัวเดียว วิคเตอร์เดินไปหยิบครีมอาบน้ำนมขวดเล็กที่สำหรับเอาขึ้นเครื่องได้ออกมาจากกระเป๋าเดินทาง แล้วก็จูงมือผมเข้าไปในห้องน้ำ ผมหันไปมองแฝดที่นอนอยู่บนฟูกแว้บหนึ่ง พอเห็นว่าทั้งคู่หลับปุ๋ยก็ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้น


“ทำความสะอาดสิ” ผมพยักหน้า เดินไปนั่งชักโครก หยิบสายฉีดก้นมาจะจัดการตัวเอง แต่ก็ชะงักกึกเมื่อเจอกับสายตาเป็นประกายและรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของวิคเตอร์


“อย่ามองสิ…” ผมพูดเสียงเบาหวิว กะพริบตาปริบๆ ด้วยความอาย ใบหน้าที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งเพิ่มอุณหภูมิเข้าไปอีก วิคเตอร์ยกสองแขนกอดอกอยู่ตรงกำแพง ยืนทิ้งสะโพกไปด้านซ้ายอย่างสบายๆ ยืนมองผมอย่างกับดูรายการวาไรตี้


“…วิคเตอร์ หันไปทางอื่น”


“ทำไมล่ะ ใช่ว่าฉันไม่เคยเห็น” ผมย่นคิ้ว เลือกไม่ถูกว่าจะวางสายตาตัวเองไว้ตรงไหนของเขา หน้าก็กรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ แผงอกและท่อนแขนก็แน่น เป้าก็ตุงบวม ลำขาก็แข็งแรงแบบที่เตะก้านคอคนสลบ วางสายตาตรงไหนก็ใจหวิวไปหมดเลย


“หึๆ” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นเมื่อเขาเลื่อนสายตามองแมทน้อยที่ขยายตัวขึ้นแบบที่ผมไม่อาจห้ามปรามมันได้ ผมขมวดคิ้ว รู้สึกโกรธลูกชายตัวเองที่ตั้งตัวง่ายซะเหลือเกิน ไม่คิดจะลำบาก ฝ่าฟันอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น มีผัวรวยปุ๊บตั้งตัวได้เร็วปั๊บ


“วิคเตอร์อ้ะ!” ผมย่นคิ้วบึนปากเมื่อไอ้ยักษ์ยังคงมองผมนั่งอยู่บนชักโครกตาเป็นมัน เห็นแบบนั้นผมก็งึดเล็กๆ แต่สักพักผมก็คลายคิ้วออกแล้วเปลี่ยนเป็นกะพริบตาปริบพร้อมกับเอียงคอไปด้านซ้าย มองเขาแบบงงๆ ปนสงสัย ใบหน้ากรุ้มกริ่มหายไปแทนที่ด้วยการขบกรามแน่น แววตาล้อเปลี่ยนเป็นแววตาลุกโชน รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแทนที่ด้วยการแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างช้าๆ


“Oh, you dare? (โอ้ ท้าท้ายเหรอ)” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ผมเบ้ปากกลับแล้วข่มใจให้หยุดเขินอาย จัดการทำความสะอาดก้นตัวเองให้เรียบร้อย พอมั่นใจและรู้สึกตามสัญชาตญาณของการเป็นรับว่าสะอาดพร้อมสู้แล้ว ก็เสียบที่ฉีดก้นกลับเข้าไปไว้ที่เดิม วิคเตอร์เดินเข้ามาแล้วฉุดผมขึ้นยืน ก่อนจะก้มหน้าลงมาไซ้คอผมอย่างหนักหน่วง มือขวาเขาดึงมือซ้ายผมไปจับเป้าของเขาที่ตอนนี้ตุงแน่นจนอึดอัดแทนยักษ์น้อย ผมหลับตาพริ้ม มือซ้ายบีบความเป็นชายของวิคเตอร์แน่น


“อา…” ผมครางเสียงเบา วิคเตอร์ดันผมเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ ในขณะที่เขาไซ้คอผมไม่หยุด ผมก้าวเท้าตามแรงที่เขาดันมาจนกระทั่งก้นติดกับของอ่างล้างหน้า สองมือผมวางค้ำกับขอบอ่าง แหงนคอให้วิคเตอร์ไซ้ได้ตามใจ เปลือกตาผมปิดลงด้วยความรู้สึกวูบวาบและเสียววาบไปทั้งตัว ขนลุกชันไปเกือบทั้งร่างยามที่โดนเขาดูดเนื้อตรงลำคอ


วิคเตอร์ยื่นมือซ้ายมาจับแมทน้อยไว้แล้วรูดเข้ารูดออกเบาๆ ผมครางเสียงสั่นไหว ยกสองมือขึ้นบีบไหล่กว้างและเต็มไปด้วยมัดกล้าม ก่อนจะเลื่อนมือลงไปตามกล้ามเนื้อแผ่นหลังที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเน้นๆ ลากสองมือลงไปเรื่อยจนถึงช่วงบั้นท้าย ผมดันสองมือเข้าไปในกางเกงชั้นในของเขา บีบก้นที่แน่นไม่แพ้กล้ามเนื้อส่วนอื่นเต็มสองมือ วิคเตอร์ไล่จูบขึ้นจากซอกคอมาที่แก้ม ผมหลับตาพริ้ม สองมือบีบก้นเขาค้างไว้เบาๆ วิคเตอร์ดึงหน้าออก ก้มลงมองผมด้วยดวงตาสีน้ำผึ้งข้นอย่างอ่อนโยนแต่ก็ดูเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน ผมปล่อยมือออกจากก้นเขา เขยิบตัวขึ้นนั่งบนอ่างล้างหน้า วิคเตอร์วางขวดครีมอาบน้ำลงบนขอบอ่างแล้วนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ผมยกสองขาขึ้น กระเถิบและยกก้นขึ้นอีกนิด ใช้สองแขนเกี่ยวไว้ใต้ข้อพับขา วิคเตอร์สบตากับผมแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ สองมือลูบวนก้นกลมๆ ของผมเบาๆ


“Hello.” วิคเตอร์กระซิบเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าซุกลงตรงซอกก้นของผมแล้วสูดลมหายใจแรงๆ หัวใจผมแทบหยุดเต้นตอนที่รู้สึกถึงแรงดึงดูดจากจมูกของเขาที่สูดดมตรงรูสีเนื้ออมชมพูคล้ำอ่อนๆ


“Excited? (ตื่นเต้นรึไง)” วิคเตอร์ยิ้มล้อ พลางเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางบนอ่างล้างหน้ามาเช็ดน้ำบนก้นผมเบาๆ


“A little bit. (นิดหน่อย)” ผมตอบแล้วพ่นลมออกทางจมูกด้วยความตื่นเต้น วิคเตอร์ยิ้มมุมปาก แววตาวิบวับชวนตื่นเต้นมากกว่าเดิม มือซ้ายใช้ผ้าขนหนูเช็ดก้นให้ผมจนแห้งสนิท เขาวางผ้าขนหนูไว้ข้างตัวผมแล้วก้มหน้าลงซุกซอกก้นผมอีกที คราวนี้เขาขยี้จมูกขึ้นลง สูดดมเสียงฟึดฟัด ผมหัวเราะคิกคัก ทั้งรู้สึกจั๊กจี๋และเขินกับการสูดดมของเขาราวกับกำลังหอมแก้มผมอยู่ วิคเตอร์มองหน้าผมแล้วหรี่ตาลงมองจนผมเลิกคิ้วขึ้นงงๆ


“You don’t have to go to the event this evening. (นายไม่ต้องไปงานเย็นนี้แล้วนะ)” ผมทำหน้าเหลอหลา งงกับสิ่งที่เขาพูด


“Why? (ทำไมล่ะ)” วิคเตอร์สั่นหัวเบาๆ พลางแหย่นิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างซ้ายเข้ามาในรูก้นผมจนอัดเต็มรู ผมหดท้องลงด้วยความเสียววูบ


“I don’t have a ‘because’ for this ‘why’ . I want you to stay here with piggy. If they have an after party I will pick you up again. (ฉันไม่มีคำตอบให้ ฉันอยากให้อยู่ที่โรงแรมกับไอ้ลูกหมู ถ้ามีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เดี๋ยวฉันมารับอีกที)” ผมย่นคิ้วงงๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นย่นคิ้วเพราะความเสียวตอนเขากระตุกสองนิ้วขึ้นแรงๆ หลายทีติดกัน


“อา… อ้า” ผมครางเสียงสั่น ตาเหลือกน้อยๆ ด้วยความปั่นป่วนด้านใน วิคเตอร์ยืนขึ้นแล้วโน้มตัวลงมาใช้ปากครอบครองแมทน้อยไว้ในขณะที่สองนิ้วนั้นก็ยังคาอยู่ด้านใน วิคเตอร์ดูดส่วนหัวของลูกชายผมเสียงดังจุบจับ ปลายลิ้นของเขาวนที่ด้านบนนั้นอย่างอ่อนโยนจนผมรู้สึกว่าทั้งร่างกำลังหลอมละลาย


“Deal? (ตกลงมั้ย)” วิคเตอร์หยุดกลางคัน เงยหน้าขึ้นสบตากับผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น ผมมองเขาแบบเบลอๆ


“Deal what? (ตกลงอะไรเหรอ)”


“Stay here with piggy. (อยู่ที่นี่กับไอ้ลูกหมู)” ผมกำลังจะอ้าปากถามว่าทำไม แต่เมื่อกี้เขาก็บอกแล้วว่าไม่มีคำตอบให้สำหรับคำถามนี้ ผมเลยพยักหน้ารับแบบงงๆ ถามว่าอยากไปมั้ย ก็อยากไป แต่ผมก็ขี้เกียจเซ้าซี้ อีกอย่างผมก็กังวลว่าแฝดจะไปร้องงอแงกลางงานเขารึเปล่า ไว้ไปแสดงความยินดีกับอดัมหลังเลิกงานก็น่าจะได้อยู่


“Tell Adam for me why I can’t go. (บอกอดัมให้ผมด้วยว่าทำไมผมไปไม่ได้)” วิคเตอร์กระตุกยิ้มร้าย ดึงกางเกงในสีขาวลงไปอยู่ใต้ไข่กลมกลึงของเขา ยักษ์น้อยผงาดประกาศศักดากลางอากาศ ผมเห็นแล้วก็หัวใจเต้นรัว


เราไม่บริสุทธิ์แล้ว เราไม่บริสุทธิ์แล้ว ของคุ้นเคยทั้งนั้น


“Because you were fucked by me till you can’t walk. (เพราะนายถูกฉันเอาจนนายเดินไม่ไหว)”


พูดเล่นสักครั้งก็ได้นะยักษ์ ไม่ต้องจริงใจตลอดก็ได้




“อื้อ… โอ่ย…” ผมนอนคว่ำหน้าหมดแรงอยู่บนเตียง วิคเตอร์ไล่จูบจากต้นคอผมไปตามแผ่นหลังจนกระทั่งถึงก้น เขาจูบแก้มก้นทั้งสองค้างดังจุ๊บหลายที จูบค้างตรงรอยสักไว้สักพักก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างผมแล้วดึงผมเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง เขาใช้มือขวาพลิกหน้าผมให้ไปรับจูบ ลิ้นของเราสองคนเกลี่ยไล้กันไปมา มือซ้ายวิคเตอร์ลูบก้นผมเบาๆ


“It’s mine like you written on it. (มันเป็นของฉันเหมือนที่นายสักไว้)” วิคเตอร์บีบก้นผมเบาๆ แล้วเขย่าแรงๆ หลายที ผมกะพริบตาปริบๆ วิคเตอร์ขบกราม เลื่อนมือซ้ายขึ้นมาจับกรามผมแน่นแล้วก้มลงจูบผมอย่างมูมมาม ผมพยายามตอบโต้เขาเท่าที่ไหวแต่ก็สู้ความจูบตะกละตะกลามของอียักษ์ไม่เคยได้สักที พอจูบจนเหมือนสูบวิญญาณผมออกไปจากร่างเสร็จแล้ว เขาก็หยุด มองหน้าผมนิ่งแล้วกัดริมฝีปากล่างแน่น วิคเตอร์คำรามในคอฮึ่มๆ ก้มลงหอมแก้มผมหนึ่งทีเน้นๆ ผมคลี่ยิ้มกว้างแบบงงๆ แต่ก็ตลกที่เขาทำเหมือนผมเวลาที่มันเขี้ยวแฝด


“It’s yours. (ก็ของคุณแหละ)”


“อยู่กับไอ้ลูกหมูในนี้ ห้ามออกไปไหน โอเค๊” ผมย่นคิ้วน้อยๆ


“ทำไมอะ มีคนดักตีผมอยู่เหรอ”


“เปล่า บอกให้อยู่ก็อยู่สิ” ผมหรี่ตาจับผิด


“หรือจะแอบไปหาชู้ ซุกเมียน้อยไว้ที่นี่ใช่มั้ย” เขาคลี่ยิ้มขำ ผมเบ้ปากเบาๆ มองเขาด้วยความหมั่นไส้


“ให้คนเห็นแค่ในรูปก็พอแล้ว จะออกไปให้วุ่นวายทำไม” ผมยกมือดึงผมของเขาด้วยความหมั่นหนึ่งที วิคเตอร์หัวเราะอารมณ์ดี


“เซล่าทำใจได้รึยังเนี่ยที่คุณมางานวันนี้” ก็ตามสเต็ปของเซล่า คือแทบจะบ้าเมื่อตอนรู้ว่าวิคเตอร์ร่วมแคมเปญของอดัม ตอนแรกเราก็ปิดเงียบได้ สักพักไม่รู้ว่าเธอไปรู้มาได้ยังไง มาวี้ดๆ ยิ่งพอรู้ว่าจะมาร่วมงานที่มีนักข่าวมาทำข่าวเยอะแยะมากมาย เธอคัดค้านต่างๆ เท่าที่พลังจะมี แต่สุดท้ายพลังใดก็มิอาจต้านทานพลังแห่งความมึนของไอ้ยักษ์ได้


“ฉันบอกให้พวกสเตพาเธอไปพบจิตแพทย์แล้ว…” ผมทำตาโตเหมือนนกฮูก วิคเตอร์เบาะปากน้อยๆ พร้อมกับไหวไหล่ซ้ายนิดๆ


“…ฉันบอกว่าฉันรักษาที่ไทยแล้วหาย ถ้าอยากไปจะแนะนำหมอให้”


“อุ๊ย คิๆ” ที่ผมขำเพราะนึกหน้าเซล่าออกว่าคงหงุดหงิดแค่ไหนที่โดนวิคเตอร์กวนประสาท เธอเหมือนจะชินแต่ก็ไม่ชินสักทีหรอก ไอ้ยักษ์มันกวนตีนหน้ามึน มันน่าโมโหจริงๆ นะบางที


ตอนที่วิคเตอร์มีปัญหาเรื่องอาการทางจิตในการควบคุมอารมณ์ของตัวเองจนเสี่ยงจะเป็นโรคซึมเศร้าในขั้นต้น ก็ได้หมอที่ไทยนี่แหละช่วยเยียวยาเขาไว้ ผมถึงเคยบอกว่าโชคดีมากที่วิคเตอร์แสดงอาการออกมาให้เราได้เห็นชัด เลยดักไว้ทัน ผมไม่เคยบอกเขาสู้ๆ หรือบอกให้เขาลืมปัญหาอะไร คือตามใจเขาเอาที่เขาอยากทำ แต่ก็นั่นแหละ วิคเตอร์เพิ่งเริ่มต้น ไม่ได้เป็นหนัก ผมยังคิดถึงทุกวันนี้ว่าถ้าอาการเขาถลำลึกเข้าไปมากกว่าที่เป็น ผมจะต้องวางตัวกับเขายังไง


“นายพร้อมจะแต่งงานรึยัง” ผมหันไปมองเขาแบบเอ๋อๆ แปบหนึ่งก่อนจะเข้าใจว่าเขาถามถึงเรื่องแต่งงาน


“จริงๆ ผมอยากแต่งวันเกิดแฝด ฉลองที่แฝดได้หนึ่งขวบด้วย” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น มือซ้ายยกเสยผมไปด้านหลัง เขาเบ้ปากเบาๆ


“พ่อกับแม่นายบอกว่าอยากให้แต่งเดือนเมษายน” ผมขมวดคิ้วอ้าปากค้างเอ๋ออ๋า


“ไปบอกกันตอนไหน”


“ให้ไอ้ล่ามไปคุยให้ แล้วเขาก็ไปหาอะไรนะ วันดีๆ ตามความเชื่อของคนไทยมาน่ะ” เขาน่าจะหมายถึงฤกษ์งามยามดีอะไรแบบนั้น


“หลังวันสงกรานต์ที่ไทยน่ะ แต่ฉันบอกไปแล้วละว่างานจะจัดที่บ้านเรา ฉันว่าก็ดีนะ เมษายนอากาศไม่หนาวมาก ดอกไม้บานเยอะดี จะได้ไม่เปลืองค่าดอกไม้จัดงานด้วย ให้ดอกไม้ในสวนมันบานกันเอง” ผมยิ้มขำน้อยๆ กับความคิดเขา และที่จริงเขาไม่ได้จะประหยัดอะไรหรอก การจัดดอกไม้อะไรแบบนั้นมันไม่ใช่เทสต์วิคเตอร์


“ก็โอเค บรรยากาศคงสวยมาก…” วิคเตอร์มีสีหน้าโล่งอก เขายิ้มออกมาด้วยความสบายใจ


“..ทำไมล่ะ”


“ตาแก่นั่นต้องการให้เราแต่งเดือนนั้นน่ะสิ บอกว่าถ้านายไม่ยอมแต่งเดือนนี้ก็ไม่ให้แต่งอีกเลย”


“ถึงไม่แต่ง แต่ก็จดทะเบียนไปแล้วอยู่ดี” วิคเตอร์ยกมือซ้ายตบแก้มขวาผมเบาๆ


“ตาแก่กับแม่นาย มีนายเป็นลูกคนเดียว เขาก็อยากให้ฉันจัดงานเป็นเรื่องเป็นราว…” เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยเหมือนกำลังนึกคำพูดอยู่


“…แบบว่าให้เกียรตินายน่ะ อันนี้ไอ้ล่ามแปลมาให้ฟังอีกที ฉันก็คิดจะจัดอยู่แล้ว ฉันน่ะวันไหนก็ได้ แต่ตาแก่ไม่ใช่”


“ทำไมเรียกพ่อหยาบคาย เรียกแม่ซะเพราะเลย…” วิคเตอร์บึนปากหน้ามึน ผมจิกตาใส่เขาหนึ่งที


“…ก็เอาตามนั้นแหละ พ่อกับแม่จะได้สบายใจ”


“มันแน่อยู่แล้ว เดี๋ยวหาเรื่องมาแกล้งฉันอีก” วิคเตอร์ทำหน้าเบื่อ ผมขำน้อยๆ กับการเป็นไม้เบื่อไม้เมาของพ่อตาและลูกเขยฝรั่งคู่นี้ เวลาอยู่ด้วยกันเขาทะเลาะกันแบบน่ารักๆ แหละ ไม่เคยจริงจัง วิคเตอร์ก็ปากร้ายใส่พ่อไปงั้น แต่เขาก็เคารพพ่อผมมากเลย ไม่งั้นผมคงไม่ปล่อยให้ตัวเองขำเป็นเรื่องตลกงี้หรอก


“แล้วจะมีเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานมั้ย” ผมยิ้มกว้าง ถึงจะเคยโดนขอไปแล้วในสุสาน แต่ก็อยากให้เขาขออีกทีแบบที่เห็นตามคลิปในเฟซบุ๊คอะไรอย่างเงี้ย


“หึ ขี้เกียจคิด นี่แหละขอแล้ว ที่เหลือรอเตรียมงาน” ผมหุบยิ้มวืด และรู้เลยว่าคำว่า หึ ของวิคเตอร์ คือไม่จริงๆ ไม่มีซ่อนเร้น ไม่มีแอบไปทำอะไรใดๆ เพื่อเซอร์ไพรส์ ไม่คือไม่ และนี่คือบทสนทนาสำหรับการขอแต่งงานไปแล้วด้วย


“ไม่ต้องมามองค้อน ขอต่อหน้าแม่น่ะเซอร์ไพรส์สุดแล้ว แต่นายเล่นตัวเอง”


“ในสุสานเนี่ยนะ?!”


“ใช่…” เขาเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าผมเป็นเชิงถามว่าทำไมเหรอ


“…นายคิดว่าจะมีใครขอแต่งงานได้เท่กว่าฉันอีกมั้ยล่ะ ไม่มีหรอกนะขอแฟนแต่งงานในสุสาน ฉันน่ะเจ๋งสุดแล้ว” ผมเบ้ปาก มองเขาด้วยหางตาด้วยความงึด คนๆ นึงมันจะมั่นหน้ามั่นใจอะไรได้ขนาดนี้


เอาละ ผิดเองนะแมทที่หล่อนเล่นตัวไม่ตอบรับเขาในสุสานแห่งนั้น เพราะนั่นน่ะคือเซอร์ไพรส์สุดแล้ว วิญญาณมากมายร่วมเป็นพยาน


“ฉันหงี่อีกแล้ว” ผมตาโตตกใจ


“สามรอบที่แล้วไม่พอเหรอ”


“จบไปแล้วก็จบไปสิ” วิคเตอร์ดันตัวขึ้นเตรียมตัวจะคร่อมผม แต่สักพักเราสองคนก็ต้องชะงัก


“แอะ…” ผมตาโตเมื่อได้ยินเสียงแฝดร้องเบาๆ วิคเตอร์ตาโตกลับและสั่นหัวรัวๆ


“…แอ๊!” ผมดันวิคเตอร์ออกจากตัวเมื่อเสียงแฝดเริ่มออกไปทางงอแง ผมลุกคลานไปที่ขอบเตียงฝั่งใกล้กับหน้าต่าง ก้าวขาลงจากเตียงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าแฝด สองหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาแบบงัวเงียๆ เฮคเตอร์บิดตัวหน้ามุ่ย แฮคเตอร์อ้าปากหวอและกะพริบตาปริบๆ


“ตื่นแล้วเหรอครับ…” ผมทำท่าหยอกล้อกับทั้งสองคน สองหนุ่มเลื่อนสายตามามองผมเป็นตาเดียว มองนิ่งอยู่สักพักก่อนจะคลี่ยิ้ม


“…นอนจนพุงพลุ้ยเลย”


“เดี๋ยวฉันจะเอายานอนหลับใส่นมให้มันกิน” ผมหันไปมองไอ้ยักษ์ที่นอนพิงหัวเตียง อ้าขาอ้าซาโชว์ลูกชายที่กำลังแข็งตัวอ่อนๆ นอนราบอยู่บนกล้ามท้อง


“ใจดำจริงๆ มาช่วยกันอุ้มแฝดไปเปลี่ยนแพมเพิสหน่อย” วิคเตอร์ย่นคิ้ว


“อะไรวะ จะเอาเมียก็ไม่ได้เอา ยังต้องมาเช็ดขี้ให้ไอ้ตัวขัดขวางอีก”


“ไอ้เตอร์” ผมพูดเป็นภาษาไทย ก้มหน้าลงมองเขาด้วยสายตาดุ วิคเตอร์กลอกตาเซ็งแล้วขยับตัวออกจากหัวเตียง ผมคลี่ยิ้มด้วยความพอใจ พอเขาลงมานั่งข้างกันผมก็หอมแก้มคนหน้าบึ้งไปหนึ่งที ไอ้ยักษ์หันมามองหน้าเซ็ง ผมยิ้มขำ ยื่นมือซ้ายไปบีบกระบองของเขาเบาๆ แล้วขำคิกคัก ไอ้ยักษ์พ่นลมหายใจ หันมาหอมหน้าผากผมไปทีแล้วก็ทำตัวเป็นสามีที่ดีในการช่วยเลี้ยงลูก


อิๆ น่าร้าก






เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้



               กรี๊ดดดด งานเร่งงานด่วนเสร็จแล้วววว กลับมาแล้นค่าาา

               เราจะไปต่อกับนิยายยาวๆ พี่แซ็คที่ค้างอยู่ เดี๋ยวเราจะไปต่อกันแบบลื่นๆ ไม่สะดุดแล้ว (แน่ใจ?) ส่วนน้องฮุน T_T ถ้านับไม่ผิดตอนนี้สามเดือนแล้วมั้งที่ทิ้งมา คนอ่านหายหมดแล้วแน่เลย TTOTT แต่ก็จะยังเขียนต่อไป ฮึกๆ T.T

               ส่วนพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนไร้ปัญหาค่ะ เพราะต้นฉบับเสร็จครบจบหมดแล้ว หนังสือส่งไปหมดแล้ว เฮ้

หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-07-2018 19:36:58
อยากให้เตอร์เจอกับพ่อตาจังเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2018 20:31:06
แฝด น่ารักมีปกป้องแมทด้วย  :mew1: :mew1: :mew1:

ยักษ์  แมท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-07-2018 20:32:34
 o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-07-2018 20:36:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 20-07-2018 23:28:49
นี่คือขอแต่งงานฉบับวิคเตอร์ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 21-07-2018 10:12:14
ยักษ์หวงนั่นเอง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-07-2018 23:25:45


Yours and Mine EP.37 :: It's all about love. (ทั้งหมดทั้งมวลคือรัก)




Special POV from Victor Raymond

         

          ผมยืนสูบบุหรี่รอไอ้เบนกับแฟนมันอยู่ด้านข้างตึกแกลเลอรีที่เป็นสถานที่จัดงานแสดงภาพถ่ายของไอ้อดัม งานเริ่มไปได้สักพัก แต่ผมยังไม่เข้า กะรอเข้าไปพร้อมสองคนนั้น เซล่าส่งสเตฟาเนียมาดูแลผมที่งานนี้แม้จริงๆ เธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ แต่เพราะมีนักข่าวมาด้วยเธอเลยส่งคนมาคุมผมนี่แหละ

           

 

“แอบคุณแมทสูบเหรอคะ” สเตฟาเนียยิ้มล้อ ผมกระตุกยิ้มและยกนิ้วขึ้นทำจุ๊ปาก

           

 

“เดือนนี้แมทให้สูบสามครั้งเอง”

           

 

“คุณเลยเพิ่มครั้งที่สี่เอง” ผมสั่นหัวเบาๆ

           

 

“หกแล้ว” สเตฟาเนียยักคิ้ว ผมยิ้มขำ

           

 

เอเลี่ยนยังไม่ได้สั่งให้เลิกเด็ดขาดหรอก แต่ไอ้นี่ก็ทำฉลาดเนียนๆ ด้วยการลดจำนวนการสูบต่อเดือนไปทีละนิดทีละหน่อย อยู่ต่อหน้าเขาผมก็ไม่สูบหรอก แต่พอห่างกันหรือไม่ได้อยู่ด้วยกันก็มีเกินโควต้าแหละ ให้ความรู้สึกเด็กไฮสคูลแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำโดยที่ครูคนนั้นคือเมียตัวเอง คือถ้าผมจะเข้าใกล้เขาหรือไอ้ลูกหมูแล้วเขาได้กลิ่น ผมจะโดนถีบกระเด็นให้ไปอยู่ไกลๆ ทันที

           

 

“รู้มั้ยคะว่าแมทเป็นคนที่น่าอิจฉา…” ผมพ่นควันสีขาวออกจากปากและมองสเตฟาเนียแบบอึนๆ

           

 

“…ความรักที่คุณมีให้เขา ฉันว่ามันน่าอิจฉามาก” ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงก็เลยยักคิ้วหนึ่งที

           

 

“แต่แมทก็ร้องไห้เพราะฉันบ่อยนะ”

           

 

“อันนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าอิจฉาค่ะ เป็นเรื่องที่น่าสงสาร ซึ่งยังดีนะคะที่คุณเองก็รู้ตัวว่าทำนิสัยไม่ดีกับเขา”

           

 

“รู้สึกเหมือนโดนด่า” สเตฟาเนียทำตาโตและสั่นหัวรัวๆ จนผมขำ

           

 

“เปล่านะคะ คือผู้ชายบางคนก็ไม่รู้ตัวน่ะค่ะว่าทำให้คนที่เรารักเสียใจ” ผมพ่นลมหายใจและพยักหน้า ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากจมูกฟุ้งอยู่ในอากาศ

           

 

“ฉันจะพยายามรู้ตัวไว้ตลอด”

           

 

“ไม่ต้องพยายามหรอกค่ะ แค่ใช้ความรักที่คุณมีให้กับแมท คุณก็จะไม่อยากทำให้เขาเสียใจ” สเตฟาเนียไม่รู้เรื่องส่วนตัวผมหรอก แต่เหมือนผมกำลังโดนเธอสั่งสอนแบบหลอกด่า และให้ความรู้สึกว่าแมทฝากเธอมาด่าผมยังไงก็ไม่รู้

           

 

“และความรักที่แมทมีให้คุณ ก็น่าอิจฉามากๆ เช่นกัน ฉันประทับใจเขามากเลยนะคะที่เขาเลือกคุณมากกว่าความฝันตัวเอง นั่นแสดงว่าเขารักคุณมากจริงๆ” ผมคลี่ยิ้มด้วยความภูมิใจ ประเด็นนี้มักทำให้ใจผมพองโต

           

 

“ยินดีด้วยนะคะที่คุณสองคนจดทะเบียนกันแล้ว” สเตฟาเนียยิ้มอย่างจริงใจ ผมยิ้มตอบกลับไป

           

 

“ขอบใจนะ”

           

 

ไอ้เตอออออร์! ไอ้เตอออออร์! ไอ้เตอออออร์!

         

 

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน หยิบขึ้นมาดูหน้าจอก็เห็นเป็นไอ้เบนโทรมา

           

 

“ว่าไง… อยู่ข้างตึก… ฉันเห็นแกละ” ผมกดวางสายแล้วชูมือเรียกไอ้เบนกับบาสเก็ตบอล ทั้งสองคนใส่เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายเดียวกับที่ผมใส่ เป็นเสื้อที่ไอ้อดัมส่งมาให้ เป็นลายการ์ตูนผู้หญิงผู้ชายหัวกลมๆ แบบที่ชอบติดตามหน้าห้องน้ำ ยืนจับมือกันเป็นคู่ๆ ทั้งคู่ผู้ชายกับผู้หญิง คู่ผู้ชายกับผู้ชาย และคู่ผู้หญิงกับผู้หญิง ทั้งหมดยืนอยู่ในระนาบเดียวกัน

           

 

“สวัสดีบาสเก็ตบอล” ผมทักทายแฟนไอ้เบนพลางบี้บุหรี่ลงบนหัวถังขยะที่ใส่ทรายไว้จนมอดแล้วทิ้งลงในถัง

           

 

“ไอ้อันเดร เอริค โจนาธาน ตามมาอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ชาร์ลีไม่มา อยู่บาหลี” ผมพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีให้ไอ้เบน พวกเราทุกคนพากันไปทางประตูทางเข้างาน โจชัวเพื่อนออสตินเดินตามประกบหลังกับสเตฟาเนีย

           

 

พอเข้ามาด้านในตึกก็เจอกับฝูงชนมากมาย ผมพ่นลมหายใจเซ็งๆ กับการที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนมากๆ แบบนี้ มีช่างภาพหันมาถ่ายรูปผมสามสี่คน แสงแฟลชรัวใส่จนมึนไปแปบนึงก่อนจะเดินต่อได้ ผมยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรในงานนี้บ้าง แต่อันที่ผมเพิ่งรู้จากสเตฟาเนียคือมีการขายภาพเดี่ยวของพวกดาราศิลปินพร้อมลายเซ็น และพบปะกันแบบส่วนตัวตลอดช่วงการจัดงาน จะมีตารางของแต่ละคนเลยว่าใครมาวันไหนบ้าง ผมว่าเป็นการโปรโมตที่ยิ่งใหญ่ดี ก็ต้องยอมรับแหละว่าชื่อเสียงของคนเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดให้คนมาร่วมงานและเป็นแรงจูงใจในการบริจาคได้ด้วย

           

 

“พอพิธีกรเชิญ นายก็ขึ้นไปได้เลย” เอมิลี่ไม่มีทักทายใดๆ เห็นหน้าผมปุ๊บก็บอกเลยว่าผมต้องทำอะไรยังไงบ้าง ผมทำเพียงพยักหน้ารับ ยืนรออยู่ด้านหลังเวที จากลิสต์ที่สเตฟาเนียให้ดูตอนช่วงยืนรอไอ้เบน วันนี้มีนักแสดงกับศิลปินมาร่วมงานอยู่สามคน รวมผมด้วยก็เป็นสี่ สองในสี่ไม่ได้มีแฟนหรือคู่ชีวิตเป็นเพศเดียวกัน แต่รณรงค์เรื่องความเท่าเทียมกันมาตลอด เลยมาร่วมงานนี้ด้วยแบบฟรีๆ ผมว่าทุกคนมาฟรีแหละ มาด้วยใจกันทั้งนั้น

           

 

“แล้วแมทไปไหน ทำไมไม่มาด้วยล่ะ”

           

 

“เออ ฉันก็คิดว่าแมทจะตามเข้ามา ไม่มาเหรอ” ผมสั่นหัวให้เอมิลี่กับไอ้เบน

           

 

“ไม่มา เลี้ยงลูก” เอมิลี่ย่นคิ้วน้อยๆ

           

 

“แมทบอกกับฉันว่าจะมา จะพาแฝดมาด้วย เปลี่ยนใจเหรอ หรือแฝดงอแง”

           

 

“เปล่า ฉันหวง ไม่อยากให้เขาออกงาน” ผมตอบหน้ามึน ยักคิ้วสมทบคำตอบตัวเองอีกที สามคนที่ยืนฟังอยู่หันมองหน้ากันแบบสับสนปนงง

           

 

“ก็ตอนแรกแกจะให้เขามาไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้เบนถามสีหน้าสับสน

           

 

“ตอนเอากันอยู่แมทมันทำตัวน่าหวง ฉันเลยไม่ให้มา” เอมิลี่อ้าปากค้างก่อนจะใช้นิ้วนวดขมับเบาๆ บาสเก็ตบอลเองก็หน้าเหวอไปเช่นกัน ไอ้เบนยกมือเกาหัวแกรกๆ

           

 

“แกกลัวคนอื่นมาเอาแมทกลางงานรึไง” ผมยักไหล่สองข้าง หน้าตาไม่หือไม่อือ หน้ามึนแบบที่แมทชอบด่า

           

 

“อีกอย่าง ฉันไม่อยากให้ไอ้ลูกหมูสองตัวนั้นออกสื่อเยอะด้วย แค่ให้ถ่ายภาพก็พอแล้ว”

           

 

“แล้วเธอจะเอาพวกเขามานิวยอร์กด้วยทำไมเนี่ย น่าจะให้เขาอยู่บ้าน” เอมิลี่ถลึงตาใส่ผม

           

 

“ก็ตอนแรกว่าจะให้มา แต่…” ผมย่นจมูกย่นคิ้ว “…ก็นั่นแหละ เปลี่ยนใจ ไม่อยากให้มาแล้ว แต่เดี๋ยวอาฟเตอร์ปาร์ตี้ฉันจะไปรับสามคนนั้นมาร่วมงานด้วย”

           

 

บาสเก็ตบอลขำเบาๆ ผมยักคิ้วให้เขาหนึ่งที เอมิลี่ที่ดูจะชินกับผมที่สุดก็ทำเพียงกลอกตามองบนและทำหน้าประมาณว่าเรื่องของมึงเถอะ

           

 

“And now I would like to invite…” ผมหันไปมองเอมิลี่ เธอผายมือให้ผมไปทางเวที ผมก้าวเดินไปข้างหน้า เจอกับเพื่อนนักแสดงชายคนหนึ่งที่เราไม่เคยร่วมงานกันแต่ก็รู้จักกันผ่านสื่อตรงบันไดเวที เราทักทายกันสั้นๆ แล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนพร้อมกัน แสงแฟลชสาดแสงสว่างไปทั่วงาน เสียงดนตรีรื่นเริงดังคลอแบบไม่น่ารำคาญ พอขึ้นมาบนเวทีก็เห็นว่าคนมาเยอะกว่าที่คิดไว้มาก แต่ทุกคนที่มาก็ไม่ได้ว่ามายืนออกันตรงนี้หรอก มีอีกหลายคนที่กำลังเลือกเดินชมผลงานไอ้อดัมแทนมาดูพวกเรา

           

 

“Hi everyone. (สวัสดีทุกคน)…” พิธีกรหญิงที่มีชื่อเสียงมากจากรายการทอล์คโชว์ในอเมริกาทักทายพวกเราอย่างเป็นกันเอง ผมเคยไปออกรายการเธออยู่ครั้งนึงตอนโปรโมตหนังคู่กับชารอน เธอเอ็นเตอร์เทนเก่ง พูดจาน่าฟัง และมีแฟนเป็นผู้หญิง

           

 

“…ฉันต้องถามอะไรพวกเขาบ้างเนี่ย” มีเสียงหัวเราะดังครืนๆ ไอ้อดัมขวัญใจแมทนั่งอยู่ข้างพิธีกรหญิง ผมว่าคิดถูกแล้วที่ไม่ให้แมทมา วันนี้ไอ้ช่างภาพพ่องาน ใส่เสื้อแบบเดียวกับผมแต่ตัดแขนเสื้อออกโชว์รอยสักทั้งสองแขน นี่ถ้าไอ้เอเลี่ยนมาคงนั่งตาเยิ้มหน้าเคลิ้ม ลืมลูกลืมผัว อาฟเตอร์ปาร์ตี้ไม่ให้มาซะดีมั้ง

           

 

“ใครมีรูปโชว์อยู่ในงานนี้” เราทั้งสี่คนยกมือ แล้วก็มีเสียงหัวเราะ ผมงงว่ามันจะอารมณ์ดีอะไรนักหนา เลยทำเพียงกระตุกยิ้มพอ ถ้าแมทอยู่ผมคงโดนหยิก

           

 

“ฉันก็เหมือนกัน ใครได้ถ่ายคู่แบบฉันบ้างล่ะ…” เป็นผมกับศิลปินหญิงผมบลอนด์คนหนึ่งยกมือขึ้นพร้อมกัน เธอหันมาจับมือกับผมและเช็กแฮนด์กันเบาๆ

           

 

“…งั้นฉันคงต้องถามคนที่ฉันเซอร์ไพรส์ที่สุดก่อน” เธอมองมาทางผมและยิ้มกว้าง ผมเลิกคิ้วขึ้นงงๆ และชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง พิธีกรหันไปมองคนล่างเวทีที่นั่งเก้าอี้ดูพวกเราอยู่แบบขำๆ ก่อนหันกลับมาหาผมอีกที

           

 

“ผมเหรอ” เกิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง จนผมเริ่มคิดแล้วว่าไอ้อดัมมันปล่อยแก๊สหัวเราะในงานรึเปล่า

           

 

“ฉันมองคุณจนจะกลืนกินไปทั้งตัวขนาดนี้ เป็นใครไปไม่ได้แล้วละ…” และก็มีเสียงหัวเราะอีกครั้ง ผมยิ้มขำน้อยๆ แล้วพยักหน้าหนึ่งที

           

 

“…เราได้ยินข่าวของคุณกับหนุ่มน้อยคนนั้น อ้อใช่ เขาหน้าเด็กมากจนฉันไม่คิดว่าเขาเป็นแฟนคุณ แต่คิดว่าเขาเป็นลูกคุณแทน” ผมกระตุกยิ้ม สามคนที่เหลือก็หัวเราะ ด้านล่างก็ครื้นเครงกันใหญ่

 

 

            “Then I am a daddy and he is my step son. (งั้นผมก็เป็นพ่อเขาและเขาก็คือลูกชายบุญธรรมผม)”

           

 

“Awww, is that a plot of porn or something? (อ่อววว นั่นเป็นพล็อตหนังโป๊หรือยังไง)” เสียงหัวเราะดังกว่าเดิม ผมเลิกแปลกใจไปตั้งแต่ตอนไปออกรายการเธอแล้วละว่าทำไมเรทติ้งรายการเธอถึงดีนักหนา

           

 

“It’s gonna be lovely when he call you daddy. (มันต้องน่ารักมากแน่เวลาที่เขาเรียกคุณว่าแด๊ดดี้)” ผมหันไปมองเพื่อนนักแสดงชายคนข้างๆ แล้วยกมือซ้ายขึ้นชี้เขาพร้อมกับยิ้มเบ้ปากนิดๆ และพยักหน้าหน่อยๆ

           

 

“On the bed. (บนเตียง)” เพื่อนนักแสดงหนุ่มผิวขาวตัวสูงล่ำพอๆ กับผมหัวเราะอารมณ์ดีก่อนที่จะยกมือแท็กกับผมหนึ่งที

           

 

“We can’t go far than this point. We have to come back. (เราไปไกลจากจุดนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องกลับมา)” พิธีกรหญิงทำหน้าตาคล้ายว่าลำบากใจ แต่ก็เข้าใจว่าเธอกำลังแกล้งทำ ในงานหัวเราะกันครื้นเครงเฮฮา

           

 

“We have been hearing about you and him for long time. And you never say anything. But you make it clear through this campaign. (เราได้ยินเรื่องของคุณกับเขามานาน คุณไม่พูดอะไรเลย แต่คุณทำให้มันกระจ่างโดยผ่านแคมเปญนี้)”

           

 

“I have to say that I didn’t mean to hide or fear to tell. But I just don’t know what to say. We are good. We just live our life, that’s all. And we are still the same. Nothing change. We are in this campaign because it is a very good campaign. (ผมต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลบซ่อนหรือกลัวที่จะบอกใคร ผมแค่ไม่รู้จะพูดอะไร คือเราก็ปกติกันดี ใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไป และเราก็ยังเป็นแบบนั้น ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน ที่เราร่วมแคมเปญนี้เพราะมันเป็นแคมเปญที่ดีจริงๆ)” ผมยกนิ้วโป้งให้อดัม หมอนั่นพยักหน้ารับหนึ่งที ผมอ้าปากค้างทำท่าจะพูดแต่ก็กำลังประมวลและเรียบเรียงคำพูดตัวอยู่ เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองต้องพูดเยอะพูดยาวมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิตเลยก็เป็นได้

 

 

“I just want to tell the world that love is not about what gender you are or who you are. It is about your heart. When you love someone I think it comes from your feeling, your heart, and your soul. I have to accept that I was very confuse for the first time when I know I have a thing for him. But at the end, I just accept with myself that I am so happy when I have him beside. And yeah, I love the guy not the girl. (ผมแค่อยากจะบอกกับโลกนี้ว่า ความรักมันไม่เกี่ยวเลยว่าคุณเป็นเพศอะไร หรือคุณเป็นใคร มันเป็นเรื่องของหัวใจ เวลาที่คุณรักใครสักคน ผมคิดว่ามันมาจากความรู้สึก จากหัวใจ และจิตวิญญาณ ก็ต้องยอมรับนะว่าตอนแรกๆ ผมสับสนกับตัวเองมากพอรู้ว่าผมมีความรู้สึกดีๆ ให้เขา แต่สุดท้ายผมก็แค่ยอมรับกับตัวเองว่า ผมมีความสุขมากเวลามีเขาอยู่ข้างกัน ก็นั่นแหละครับ ผมรักผู้ชาย ไม่ได้รักผู้หญิง)” มีเสียงหัวเราะเบาๆ ผมยิ้มน้อยๆ แล้วพูดต่อ

 

 

“Actually, the point is not about gender as equal as he makes me so happy. He accept everything about me. I can really be me when I am with him. And he makes my world so bright. (ซึ่งจริงๆ เรื่องเพศไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับการที่เขาทำให้ผมมีความสุข เขารับตัวตนของผมได้ทุกอย่าง ผมเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่เวลาอยู่กับเขา แล้วเขาก็ทำให้โลกผมสดใส)” เป็นครั้งแรกที่ตัวเองพูดเยอะและยาวที่สุดกับคนอื่นนอกจากแมท แต่คิดอีกทีเพราะมันเกี่ยวกับแมทนี่แหละเลยพูดได้ยาว

 

 

“Awww.” มีเสียงครางคล้ายกำลังเขินเบาๆ จากคนดู ผมยิ้มขำเขินๆ มันเลี่ยนแหละผมรู้ แต่ผมก็พูดตามที่รู้สึก

 

 

“I couldn’t agree more with you. When we found someone who can accept who we are—that’s really amazing. That is the most happiness in life. Really. (ฉันเห็นด้วยกับคุณมากๆ เวลาที่เราเจอใครสักคนที่รับตัวตนของเราได้ มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก มันเป็นความสุขอย่างมากในชีวิต จริงๆ นะ)” นักร้องสาวผมบลอนด์หันมาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ผมพยักหน้าตอบกลับไป

 

 

“Yeah. I see that happiness from my brother when he is with his boyfriend. (ใช่ ผมก็เห็นความสุขนั้นจากน้องชายผมเหมือนกันเวลาที่เขาอยู่กับแฟน)” เพื่อนนักแสดงชายข้างผมยกไมค์ขึ้นพูดสมทบอีกคน นักแสดงหญิงผมสีน้ำตาลแดงพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

“Most of people think in a different way. They think you are gay. They focus only gay word. (หลายคนคิดอีกแบบ พวกเขาคิดว่าคุณคือเกย์ พวกเขาสนใจแค่คำว่าเกย์)” พิธีกรพูดต่อ ผมไม่ได้รู้สึกว่าเธอจี้หรือเสียมารยาท เพราะเธอเองก็เป็นเลสเบี้ยน เธอก็แค่พูดความจริงของคนเหล่านั้นให้ฟังว่ามันคิดกันแบบนี้จริงๆ

 

 

“I can’t control anybody though. And I have never been thinking to control it or try to do it. I am happy. My family is happy—that’s all. What they want to think about me, what gender they want to define me, what status they want to give me—It’s depend on them. I don’t have any problems with it. I am still a man who is happy with another man. You can call me gay, and faggot or something you want to. It’s just a vocabulary of gender. Love is the feeling between me and him. (ผมบังคับความคิดใครไม่ได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะไปบังคับ และไม่คิดพยายามที่จะบังคับด้วย ผมมีความสุข ครอบครัวผมมีความสุข ก็จบ เขาจะคิดยังไงกับผม เขาจะกำหนดเพศให้ผม จะกำหนดสถานะอะไรให้ผม ก็แล้วแต่พวกเขา ผมยังเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่มีความสุขกับผู้ชายอีกคน จะเรียกผมเกย์ กะเทย หรืออะไรก็ตามแต่เถอะ มันก็แค่คำศัพท์ที่ใช้แยกเพศ แต่ความรักมันมาจากความรู้สึกของผมกับเขา)” เสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้องทั้งจากคนบนเวทีและด้านล่างเวที ผมหันไปยิ้มให้กับคนดูด้านล่าง มีคนผิวปากให้อยู่สามสี่ครั้งเป็นการประกอบเสียงปรบมือ บางคนก็ส่งเสียงร้องวู้วๆ เป็นการซัพพอร์ต

 

 

“That’s true. My brother is my inspiration to join this campaign. When people know that he is in relationship with a guy, he became a gay immediately. But I am still see him as a normal man. He is a big boy, tall, muscle and strong. He just has a boyfriend. When he has boyfriend, many people judge him in another way. Just because he is gay it doesn’t mean he can’t be a man. I think he is a real man more than some man who have been insulting him.” (เรื่องจริงเลย น้องชายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเข้าร่วมแคมเปญนี้ พอมีคนรู้ว่าเขาคบกับผู้ชายคนหนึ่ง เขากลายเป็นเกย์ทันที แต่ผมยังรู้สึกว่าเขาก็เป็นผู้ชายปกติคนนึงนี่แหละ เขาเป็นผู้ชายตัวโต สูง ล่ำ และแข็งแรง ก็แค่มีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วพอเขามีแฟนเป็นผู้ชาย คนก็ตัดสินเขาไปอีกแบบนึง แค่เพียงเพราะเขาเป็นเกย์ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นลูกผู้ชายไม่ได้ ผมว่าน้องผมแมนกว่าพวกผู้ชายที่ชอบดูถูกเขาอีก)”

 

 

“I really don’t understand why some people always judge gay as something weird. They are people like us. I have been hearing that they say Gay is unnatural. I wonder if they were born from vagina or tree roots! (ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมบางคนถึงชอบตัดสินว่าคนเป็นเกย์ไม่ปกติตลอด พวกเขาก็เป็นมุนษย์เหมือนเราอะ ฉันได้ยินมาตลอดเลยนะไอ้เรื่องที่มีคนพูดว่าเกย์ผิดธรรมชาติ ฉันสงสัยมากเลยว่าคนพวกนั้นเกิดจากช่องคลอดหรือรากต้นไม้)”

 

 

“Whoah! That is the quote of today, right? (เฮ้ย นั่นเป็นคำคมประจำวันนี้เลยรึเปล่าเนี่ย)” ไอ้อดัมเอ่ยแซวพร้อมยิ้มกว้างขำขัน พวกเราทุกคนขำไปคำพูดของนักแสดงหญิงร่างเล็กอีกคนที่นิ่งเงียบฟังพวกเราพูดมานาน แต่พอพูดออกมาทีคือเอาไทม์มิ่งไปครองที่ตัวเองคนเดียวเพรียวๆ คนในงานปรบมือกันกึกก้อง โห่ร้องด้วยความชอบอกชอบใจ บวกกับดนตรีที่มีจังหวะสนุกสนานเลยยิ่งทำให้ครื้นเครงบรรเลงกันคึกคัก ผมอ้าปากหัวเราะเสียงดัง ถึงกับต้องยื่นมือไปจับมือเธอแล้วเช็กแฮนด์แรงๆ เป็นการบอกว่าถูกใจคำพูดของเธอเหลือเกิน

 

 

“I got it now why they cling to ‘Natural’ word so much. Because of they were born from underground. (มิน่าล่ะ พวกเขาถึงยึดติดกับคำว่าธรรมชาติเหลือเกิน เกิดจากใต้ดินนี่เอง)” พิธีกรพูดต่อแล้วก็ขำมุกของตัวเอง ทุกคนในงานก็ขำตามกันยกใหญ่

 

 

“My brother was bullied because they think he is uncommon. He tried to commit suicide many times because he surrounded by people who were born from the dump. I think they will be happy if my brother dies but I won’t let it happen. I took him back to the good life. I told him that if they are not happy with who you are, then let them suffer from seeing you are happy in the way you are. (น้องชายฉันโดนรังแกเพราะเขาเป็นเกย์ พวกที่แกล้งเขาคิดว่าเขาไม่ปกติ น้องฉันพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งเพราะเขาอยู่ท่ามกลางคนที่เกิดจากขยะ และคนเหล่านั้นดูจะยินดีมากถ้าน้องฉันตายไป แต่ฉันไม่ยอมหรอกค่ะ ฉันพาเขากลับมามีชีวิตที่ดีจนได้ ฉันบอกกับน้องว่า ใครที่มันไม่มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น ก็ให้มันทุกข์ทรมานกับการเห็นเรามีความสุขไปนั่นแหละ)” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง และผมก็ร่วมปรบมือชื่นชมกับการสอนของเธอที่มีต่อน้องชายด้วย ตอนพูดเธอไม่มีทีท่าอ่อนแอหรือเศร้าใจอะไรเลย เธอดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก

 

 

“Don’t divided the love by gender. Love could happen to everyone, every gender and every age. Everyone has privilege to love. It’s going to be a happy ending or not. It’s not your problem to solve. The civilized person won’t insult the love of other people. (อย่าแบ่งแยกความรักด้วยเพศ ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเพศและทุกวัย คนทุกคนมีสิทธิ์จะมีความรัก จะสมหวังหรือไม่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของคุณ คนที่เจริญแล้วจะไม่ดูถูกความรักของคนอื่น)” นักร้องหญิงคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังสมกับที่เป็นนักร้อง พวกเราทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

จากตอนแรกที่ผมอึดอัดที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางคนมากมายเหล่านี้ ตอนนี้กลายเป็นว่าผมรู้สึกสบายตัวสบายใจกับการที่ได้มาอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่สนับสนุนความรักทุกรูปแบบของมนุษย์ มันไม่ใช่ความโลกสวยอะไรทั้งนั้นแหละ มันก็แค่คนดีๆ มีการศึกษา มีระบบความคิดที่ดีมารวมตัวกันเท่านั้นเอง วันนี้ฟ้าโปร่งสะอาดตา ไม่มีฝนตก ไม่มีขี้หมูไหล ไม่มีคนจัญไรมาพบกัน

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 29-07-2018 23:26:43
V
v
v

หลังจากพูดคุยกันบนเวทีร่วมหนึ่งชั่วโมงเสร็จ พวกเราก็ถ่ายรูปด้วยกัน มีการประมูลภาพถ่ายภาพแรกเป็นภาพของเพื่อนนักแสดงชายที่ผมเพิ่งรู้จักมักคุ้นกันวันนี้แหละ แฟนคลับสาวๆ ก็ประมูลกันไปหลายร้อยดอลล่าห์ รายได้ทั้งหมด หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วก็จะมอบให้กับองค์กรการกุศล ที่เอาไว้สำหรับช่วยเหลือเพศที่สามในหลายๆ เรื่อง

 

 

เราแยกย้ายกันเดินดูงานภาพถ่ายของไอ้อดัม ผมคิดว่าไม่น่าจะมีสื่อมาสัมภาษณ์อะไรเพิ่มเติมแล้ว เพราะเราก็คุยกันบนเวทีไปกันเยอะมาก แต่ผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับแมทให้ฟังหรอก อย่างเจอกันที่ไหน เจอกันยังไง คบกันแล้วเป็นไงบ้าง เนื่องจากผมไม่อยากพูด และดูจะไม่ตรงกับจุดประสงค์ของงานนี้เท่าไหร่

 

 

“ขอโทษนะคะวิคเตอร์…” ผมหันไปมองสเตฟาเนียในขณะที่กำลังยืนดูภาพถ่ายของคู่รักผู้หญิงกับผู้หญิงคู่หนึ่งที่มีคำบรรยายใต้ภาพว่าเป็นคู่รักจากประเทศหนึ่งในประเทศเขตอเมริกาเหนือ

 

 

“…มีนักข่าวจะสัมภาษณ์คุณน่ะค่ะ แต่ฉันมาถามก่อนว่าอนุญาตมั้ย ฉันสกรีนให้แล้ว เขาจะถามอัปเดตเรื่องงานแล้วก็ความรักไม่เกินสามคำถาม”

 

 

“ผมให้คำถามเดียวเกี่ยวกับความรัก เพราะผมพูดไปเยอะแล้ว” สเตฟาเนียพยักหน้าแล้วหันกลับไปคุยกับผู้ชายสองคน หนึ่งในนั้นที่ดูหนุ่มกว่าพยักหน้า สเตฟาเนียหันมาพยักหน้ากับผมและปล่อยให้สองคนนั้นเดินเข้ามา ผมยื่นมือไปเช็กแฮนด์ทักทายแล้วเราก็เริ่มบทสัมภาษณ์ด้วยคำถามเกี่ยวกับงาน ถามว่าผมมีผลงานอะไรให้ติดตาม การถ่ายทำภาพยนตร์ การถ่ายทำซีรีส์เป็นยังไง มีอะไรยากในแต่ละบทมั้ย และผลงานด้านการแสดงชิ้นต่อไปหลังจากนี้จะมีอะไร ผมก็อัปเดตตามตารางานของตัวเองนั่นแหละ ไม่รู้จำถูกบ้างรึเปล่า

 

 

“แล้วตอนนี้ความรักของคุณกับคู่รักเป็นยังไงบ้างครับ”

 

 

“มีความสุขดี เราเพิ่งจดทะเบียนกัน เดี๋ยวจะมีงานแต่งงานอีกสองเดือนข้างหน้า”

 

 

“ยินดีด้วยนะครับ” ผมยิ้มให้กับนักข่าวคนนั้น เขายื่นมือมาเช็กแฮนด์กับผมแล้วก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมแบบเร็วๆ ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างรู้งาน ผมอ้าปาก ขมวดคิ้วงง รู้สึกเคืองเล็กๆ ที่โดนขโมยหอมแก้มไปแบบหน้าตาเฉย

 

 

“เขาคงชื่นชมคุณน่ะค่ะ” สเตฟาเนียหัวเราะเบาๆ ผมส่ายหัว จะว่าไม่พอใจมันก็ไม่นั่นแหละ แต่จะให้วิ่งไปต่อยคืนก็ไม่ทำ ผมแค่งงๆ ปนตกใจว่ามันนึกอยากทำก็ทำเลยงี้เหรอ ความรู้สึกเหมือนเวลาผมอยากหอมแก้มแมทก็หอมมันซะดื้อๆ แบบนั้นอะนะ

 

 

“ต่อไปสกรีนให้ด้วยนะว่านักข่าวผู้ชายแต่เขาดูท่าทางจะชอบผู้ชายด้วยรึเปล่า” สเตฟาเนียหัวเราะพร้อมกับพยักหน้า ผมหันกลับไปมองรูปถ่ายต่อ แล้วก็เดินดูต่อไปเรื่อยๆ จนเจอกับไอ้เบนและบาสเก็ตบอล เราสามคนเลยไปเดินดูภาพด้วยกัน มีภาพมันสองคนด้วย เป็นภาพยืนจับมือกันอยู่บนสะพานโกลด์เด้นท์บริดจ์ในซานฟรานซิสโก

 

 

“ฉันว่าอดัมแม่งถ่ายรูปสวยดีนะ ฉันก็ไม่เก่งเรื่องถ่ายภาพ แต่ฉันรู้สึกว่าภาพสวยดี”

 

 

“บางอันผมว่าก็เท่ เหมือนเขาถ่ายสื่ออารมณ์ของคู่รักในภาพ” บาสพูดเสริมจากไอ้เบนพลางมองสำรวจรูปถ่ายของคู่ตัวเอง

 

 

“แกเห็นรูปแกยังวะ” ผมส่ายหัว

 

 

“เพิ่งเดินดูได้สองแถวเอง”

 

 

“อดัมบอกว่ารูปคุณคือไฮไลท์ไม่ใช่เหรอ น่าจะอยู่ในจุดที่เด่นๆ หน่อย” ผมสั่นหัวมึนๆ ให้บาสเก็ตบอล ไอ้สองคนนั้นพาผมเดินซอกถัดไป แล้วผมก็เจอรูปครอบครัวตัวเอง ไอ้ที่ว่าเด่นก็ดูจะเด่นจริง ไอ้อดัมเล่นซะใหญ่เลย ใหญ่ในที่นี้คือขนาดภาพ สูงเท่าตัวแมทได้ ยังดีนะมีภาพคู่ของดารานักร้องคนอื่นที่ไซซ์ขนาดเท่ากันติดอยู่ด้วย ไม่ได้เป็นภาพโดดเดี่ยวเดียวดาย

 

 

“ดูดีนี่หว่า” ไอ้เบนว่าพลางมองภาพด้วยความชื่นชม ผมเองพอมองแล้วก็ยิ้มตาม วันนั้นถ่ายไปหลายช็อต ไอ้อดัมบอกว่าเดี๋ยวเลือกช็อตเอง ซึ่งช็อตที่เลือกมาผมว่าก็น่ารักดี เป็นภาพผมกับแมทนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวในแฟมิลี่รูม ตอนถ่ายผมคิดว่าภาพมันน่าจะย้อนแสง แต่อดัมมันก็สมกับเป็นช่างภาพนะ ทำภาพออกมาซะสวย

 

 

ไอ้ลูกหมูสองตัวนั่งอยู่บนตักแมทที่นั่งพิงโซฟาอีกที ให้ความรู้สึกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตตัวกลมๆ มากกว่าจะบอกว่าเป็นเด็ก กำลังอ้าปากหัวเราะเริงร่าดวงตาเป็นประกายพอๆ กับลูกหมูตัวแม่ที่หัวเราะอ้าปากกว้าง แต่ลูกหมูตัวแม่อาจจะมีริ้วรอยตามวัย ยิ้มทีหางตาย่นเป็นริ้วเชียว เห็นแล้วก็ขำพรืด แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมโปรดปรานอย่างหนึ่งในตัวเขา ส่วนผมนั่งพิงโซฟาอยู่ข้างเขาฝั่งซ้ายมือ หันหน้ามองเขาหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ มือขวากุมมือซ้ายของเขาไว้

 

 

“หลานฉันมีแววเป็นนายแบบโว้ย” ไอ้เบนมองภาพครอบครัวผมแล้วก็ยิ้มขำ บาสเก็ตบอลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

 

“จริงนะ ถ้าเป็นที่เมืองไทยคนคงติดต่อแฝดไปเป็นพรีเซ็นเตอร์เยอะแยะ”

 

 

“ออกงานนี้งานเดียวพอแล้ว เดี๋ยวเด่นกว่าฉัน” สองคนนั้นหัวเราะ ผมยืนมองภาพตัวเองแล้วก็คลี่ยิ้มอ่อน ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้เบนว่าไอ้อดัมมันเลือกภาพตามอารมณ์และความรู้สึกของคู่รักแต่ละคู่ ของผมก็คงสื่อถึงความสุข เพราะมองแล้วรู้สึกแบบนั้น

 

 

“คนก็มากันเยอะดีว่ะ” ไอ้เบนพูดพลางหันไปมองรอบๆ ที่ผู้คนกำลังเดินชมภาพถ่ายตามจุดต่างๆ ที่จัดวางเอาไว้ หรือติดไว้ตามบนผนัง ผมหันมองตาม สักพักสายตาก็หยุดอยู่ที่เจ้าของฝีมือภาพถ่ายหลายร้อยรูปในงานนี้กำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับผู้หญิงผมดำคนหนึ่ง ในมือหมอนั่นถือกรอบรูปขนาดใหญ่มาด้วย

 

 

“ขอบคุณมากนะที่มา ถึงจะเสียดายหน่อยๆ ที่แมทกับแฝดไม่ได้มาด้วย”

 

 

“ถ้าไอ้ลูกหมูสองตัวนั้นไม่หลับก่อน อาฟเตอร์ปาร์ตี้จะไปรับ” ขอให้หลับ แมทจะได้ไม่ต้องมากรี๊ดรอยสักของไอ้อดัม

 

 

“หวังว่าจะได้เจอกัน…” อดัมยกกรอบรูปขึ้นมา

 

 

“…ฉันมีของขวัญวันแต่งงานล่วงหน้ามาให้” ผมมองกรอบรูปขนาดใหญ่แต่ไม่เท่าที่ติดบนผนังขึ้นมาจากพื้น พอพลิกด้านหน้ามาให้ดูผมก็เบิกตากว้างแล้วคลี่ยิ้ม

 

 

“ว้าว มีถ่ายเซ็กซี่ด้วยเหรอวะเนี่ย” เสียงไอ้เบนร้องอยู่ด้านหลัง รูปที่อดัมเอามาให้เป็นรูปผมกับแมทเปลือยท่อนบน ใส่กางเกงยีนคนละตัวและคนละสี ผมสีดำ แมทสีน้ำเงิน เอเลี่ยนยืนหลับตาซบอกซ้ายผมข้างรอยสัก มือซ้ายของแมทวางลงบนอกขวาของผม โชว์ให้เห็นแหวนเพชรทอประกายชัดเจน ขอบกางเกงยีนของแมทล่นลงไปเกือบครึ่งก้นเพื่อให้เห็นรอยสักบนก้น มีมือซ้ายของผมโอบบั้นท้ายปิดร่องก้นของเขาไว้ แต่ก็ยังเห็นแหวนสีเงินที่แมทซื้อให้บนนิ้วนาง มือขวาล้วงกระเป๋ากางเกงยีน ยืนก้มหน้าหอมหน้าผากแมท ยิ่งได้ฉากสีเทาและการแต่งภาพสีเข้มทึมๆ เลยยิ่งทำให้ภาพดูเย้ายวนชวนสยิว

 

 

“สวยดี ขอบใจนะ” ผมยื่นมือไปรับภาพมาถือไว้ ก้มลงมองสำรวจภาพนั้นอีกทีด้วยรอยยิ้ม

 

 

“แมทไปสักมาเหรอเนี่ย ไม่ธรรมดาเว้ย” ผมหันไปยิ้มขำกับบาสเก็ตบอลที่กำลังมองรอยสักแมทด้วยความทึ่ง

 

 

“’S Victor  โอ่โห ของวิคเตอร์  เอเลี่ยนน้อยมันร้าย” ไอ้เบนเบ้ปากน้อยๆ และพยักหน้าเบาๆ เป็นการเห็นด้วยกับความคิดตัวเอง ผมยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต ผมเงยหน้าขึ้นมองอดัมกับผู้หญิงอีกคนที่ทั้งคู่กำลังคลี่ยิ้มให้

 

 

“นี่มิลลี่ แฟนฉัน” ผมทำปากว่าอ้อ ยื่นมือขวาเช็กแฮนด์กับเธอเป็นการแสดงความรู้จัก

 

 

“รูปครอบครัวคุณน่ารักมากเลยนะคะ ฉันอยากเจอแฝดมากเลยละค่ะ” ผมปล่อยมือออกจากเธอแล้วยิ้มน้อยๆ

 

 

“เดี๋ยวพามาแล้วกันนะครับ น่าจะยังไม่หลับ” แฟนไอ้อดัมยิ้มตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ผมกระตุกยิ้มมุมปาก

 

 

“เดี๋ยวเจอกันที่อาฟเตอร์ปาร์ตี้นะ” ผมพยักหน้าให้อดัม ทั้งสองคนเดินผ่านพวกเราไปเดินดูงานตามจุดต่างๆ ผมหันกลับไปหาไอ้เบนกับแฟนมัน

 

 

“หลังจากถ่ายรูปนี้เสร็จ แกขึ้นเตียงกันต่อหรือว่ายังไง” ผมย่นคิ้ว

 

 

“แค่แมทหยุดร้องไห้จากเรื่องวีได้ ฉันก็ดีใจจะตายละ” ผมว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาแมท รอไม่นานเขาก็กดรับสาย

 

 

“กำลังจะไปรับมาอาฟเตอร์ปาร์ตี้นะ… ก็ยังมีคนดูภาพถ่ายอยู่แหละ แต่เราก็เข้าไปรอในงานเลี้ยงก็ได้… ไอ้ลูกหมูจะหลับรึยัง มีแต่คนอยากเจอมันเนี่ย… ได้ เดี๋ยวเจอกัน เตรียมตัวให้พร้อม”

 

 

[คุณยอมให้ผมไปได้แน่เหรอ] ผมคลี่ยิ้มขำ

 

 

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ อดัมกับแฟนมันอยากเจอนายแล้วก็ไอ้ลูกหมูจะแย่”

 

 

[ฮะ?! อดัมมีแฟนแล้วเหรอ เอาเวลาไหนไปมีอะ]

 

 

“น้อยๆ หน่อยไอ้เอเลี่ยน เดี๋ยวเถอะๆ”

 

 

[หูย ไม่อยากไปแล้วอะ หมดกำลังใจจะไป] ผมทำตาโต ไอ้เบนกับบาสที่ไม่รู้หรอกว่าผมคุยอะไรกับแมท แต่มันก็ขำกันสองคนเพราะเห็นสีหน้าผมเหมือนอยากจะจับไอ้เอเลี่ยนมาฟาดก้นแรงๆ

 

 

“ฉันเป็นผัวนายนะ ให้เกียรติกันหน่อย” แน่ะ ดูมันทำ ส่งเสียงกระฟัดกระเฟียด

 

 

[เออ ก็ได้ จะมารับก็มาสิ เฮ้อ ทำไมพรหมลิขิตไม่พาผมไปฝึกงานกับอดัมนะ]

 

 

“ไอ้เอเลี่ยน!!!” ตื๊ดๆๆๆ

 

 

โห ปีกกล้าขาแข็ง ตัดสายทิ้ง เดี๋ยวต้องมีการอบรมบ่มนิสัยกันใหม่แล้ว

 

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               หายไปเป็นติ่งมาค่ะ ขอสารภาพบาป 555555 หวีดลูกสาวไม่หยุดหย่อน

               แต่นอกจากจะไปติ่งมาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกหมดไฟ หมดกำลังใจในการเขียนนิยาย (ดีที่เรื่องนี้เขียนเสร็จแล้ว) อาจเพราะใช้แรงกับงานเร่งงานด่วนก่อนหน้านี้จนรู้สึกเหนื่อย พอเสร็จงานเลยเป็นฟีลลิ่งแบ็ตหมดรึเปล่าไม่แน่ใจ เลยไปพักชาร์จแบตด้วยการติ่งนี่แหละ แต่อาจจะชาร์ตนานไปหน่อย เกือบพักยาวววว

               ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่มันเหนื่อยๆ ล้าๆ จริง แต่ก็ไม่คิดทิ้งอะไรนะ ไม่ขนาดนั้นนน ยังคงรักการเขียนเหมือนเดิม ยังคงอยากมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเม้นจากคนอ่าน แต่มโนอาจไม่รุนแรงช่วงนึงเท่านั้นเองงง

               มีคนถามถึงเรื่องรีปริ้นหนังสือภาคสุดท้ายของเรื่องนี้อยู่บ้าง ไม่ได้เยอะมาก ประมาณหนึ่ง ก็เดี๋ยวจะทำการสำรวจจำนวนคนอยากได้อีกทีนะคะ เดี๋ยวเอาลิงก์ลงชื่อมาแปะให้ ขอดูจำนวนคนอยากได้ก่อนค่อยตัดสินใจอีกทีเน้อ

               เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-07-2018 00:21:40
ตั้งแต่เริ่มเรื่องมา Victor พูดมากที่สุดก็ตอนนี้ 5555
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-07-2018 02:28:46
จะได้เจอครอบครัวหมู ๆ ตอนหน้าแล้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-07-2018 03:09:31
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2018 11:01:47
แมท แกล้งแหย่ยักษ์
เหอะ....โดนยักษ์เอาคืนแน่ๆ  :o8: :-[ :impress2:

ยักษ์  แมท       :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-07-2018 12:20:24
ปลื้มมาก ยักษ์ตอนนี้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 31-07-2018 20:08:04
ครอบครัวที่น่ารัก ยักษ์รู้ทันและขี้หวง ส่วนเอเลียนก็รู้ว่าถูกหวงแต่ขี้แกล้ง
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-08-2018 21:04:35

Yours and Mine EP.38 :: New husband. (สามีคนใหม่) [100%]



“ไหนๆ หลานพ่ออยู่ไหน” มือที่กำลังยกเพื่อจะสวัสดีพ่อกับแม่ค้างกลางอากาศเมื่อทั้งสองคนสนใจผมอยู่เสี้ยววิแล้วก็สอดส่องมองหาแฝด ผมมองบนแว้บหนึ่งด้วยความขำแล้วก็ชี้ไปทางแฟมิลี่รูม
   

“อยู่ในห้องนั้นอะ นอนดูการ์ตูนอยู่” ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่เดินตามเข้ามาด้วยใบหน้ามึนๆ จนผมขำ น่าจะโดนพอจิกกัดมาตั้งแต่สนามบินจนกลับมาถึงบ้าน แต่อาจด้วยความฟังภาษาไทยไม่ออกทุกคำเลยทำมึนใส่แทน
   

“แชมป์ เก้า แล้วก็แบมล่ะ”
   

“ถ่ายรูปอยู่ข้างนอกเดี๋ยวตามเข้ามา เอ้อ พี่กล้าเขาไม่ว่าง แต่เขาบอกว่าถ้ากลับไทยเมื่อไหร่ ให้ไปบ้านเขา จะทำอาหารเลี้ยงมื้อใหญ่”


“อ่าวเหรอ เสียดายอะ วิคเตอร์อยากเจอพี่กล้า”


“มันจะต่อยกับเขาอีกรึไง” ผมหัวเราะเบาๆ เดินตามพ่อกับแม่ที่เดินไปแบบไม่รู้ทิศรู้ทางของบ้าน
   

“มาทางนี้” ผมเรียกสองคนนั้นที่กำลังจะเดินไปทางห้องกินข้าว สองตายายเปลี่ยนเส้นทางมาเดินตามผมไปที่แฟมิลี่รูม มาถึงหน้าห้องผมก็เปิดประตูห้องเข้าไปด้านใน สองหนุ่มที่ตอนนี้เริ่มนั่งแบบใช้มือค้ำตัวได้แล้วหันมามองผมแล้วยิ้มหวานให้
   

“ฮู้ย จ้ำม่ำจังเลยลูก” แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ดวงตากลมโตมองพ่อกับแม่ผมแบบงงๆ ผมนั่งลงตรงหน้าสองหนุ่มที่กำลังนั่งรุมฟาดมินเนี่ยนจนมันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้วส่งยิ้มให้ แฝดมิชลินมองหน้าผมแบบงงๆ แล้วก็หันกลับไปมองพ่อกับแม่ที่นั่งข้างผม
   

“Your grandpa and grandma. อันนี้คุณตากับคุณยายครับแฝด”
   

“ตาอุ้มได้มั้ยลูก” พ่อผมทำเสียงสองและท่าทางหยอกล้อล่อเด็ก แล้วผมก็ต้องยิ้มอ้าปากกว้างแล้วร้องเสียงสองในลำคอด้วยความเอ็นดูปนแปลกใจเมื่อแฮคเตอร์ยกสองมือชูขึ้นทำท่าจะให้คุณตาอุ้ม พ่อผมยิ้มกว้างพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแล้วก้มลงอุ้มแฝดคนน้องขึ้นมา พอพ่อพลิกตัวเขาให้หันหน้าเข้าหาตัวเอง แฮคเตอร์ก็มองหน้าพ่อผมสลับกับมองผมแบบงุนงงสงสัย แล้วสักพักก็หันไปมองวิคเตอร์ที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วก็หันกลับมามองพ่อผมอีกที
   

“มีคางสองชั้นเลยเหรอลูก ฮ้า…” พ่อผมยิ้มหยอก แฮคเตอร์หันมามองผมตาแป๋ว พอผมยิ้มกว้างให้ก็หันกลับไปมองพ่อผมก่อนจะยิ้มจนสองตายายส่งเสียงร้องด้วยความเอ็นดู


“…คนนี้ชื่ออะไรนะ” พ่อถามพลางยกมือบีบพุงเจ้าตัวเล็กเบาๆ


“แมะๆ” ผมหันไปมองเฮคเตอร์ที่หยุดทำร้ายร่างกายมินเนี่ยนแล้วชูแขนขึ้นทำท่าจะให้ผมอุ้ม
   

“ที่พ่ออุ้มชื่อแฮคเตอร์ คนนี้ชื่อเฮคเตอร์” ผมนั่งลงกับพื้น อุ้มเฮคเตอร์ขึ้นมานั่งบนตัก แม่ผมก้มหน้าลงมาหยอกล้อกับมิชลินเบอร์หนึ่ง เจ้าตัวเล็กเบิกตากว้างจ้องหน้าแม่ผมด้วยความสงสัยจนผมขำ
   

“คุณยายครับ คนนี้คุณยาย” เฮคเตอร์แหงนหน้าขึ้นมองผมแล้วกะพริบตาหนึ่งทีก่อนก้มลงกลับไปมองหน้าแม่ด้วยความสงสัย แล้วสักพักก็หันหน้าหนีไปทางอื่นไม่สนใจแม่ผมอีก
   

“ไม่คุ้นเหรอลูก” แม่ผมแซวขำๆ ยื่นมือมาจับแก้มเฮคเตอร์เบาๆ
   

“เฮคเตอร์เหมือนนู่น…” ผมบุ้ยปากไปทางไอ้ยักษ์ที่กำลังนั่งมองการ์ตูนบนจอผ้าสีขาวหน้ามึนแบบไม่สนใจใคร ผมยิ้มขำ แม่หัวเราะเบาๆ
   

“…แฮคเตอร์จะเข้ากับคนง่ายกว่า แต่ถ้างอแงขึ้นมาก็หนักกว่าคนนี้เยอะ” สองแฝดเหมือนแบ่งความเป็นวิคเตอร์มาไว้ในตัวคนละอย่างสองอย่าง เฮคเตอร์จะนิ่งๆ มึนๆ ไม่เอาใคร น้อยคนจะเข้าใกล้ได้ ส่วนแฮคเตอร์อารมณ์จะฉอเลาะกว่า แต่ถ้าเอาแต่ใจขึ้นมาก็ไอ้ยักษ์สมัยช่วงคบกันแรกๆ ดีๆ นี่เอง
   

“อย่าไปเหมือนพ่อหนูกันมากนะลูก” พ่อผมว่าพลางเขย่าตัวแฮคเตอร์เบาๆ คนโดนจิกมองการ์ตูนไม่หือไม่อือกับใคร
   

“ยายอุ้มมั่งได้มั้ยครับ” แม่ยื่นสองมือไปข้างหน้า แฮคเตอร์มองสำรวจหน้าแม่แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา พ่อเลยส่งเจ้าตัวเล็กแม่ไปอุ้ม แฮคเตอร์มองหน้าคุณยายแล้วหันมองหน้าผมเหมืนกำลังขอความเห็น ผมยิ้มให้เขา เจ้าตัวน้อยเลยไม่งอแง ปล่อยให้คุณยายอุ้มได้สบาย
   

“คนนี้ไม่ให้ใครอุ้มเลยเหรอ” พ่อหันมาถามเฮคเตอร์ เจ้าคนพี่ยกมือชี้หน้าพ่อผม พอพ่อยื่นมือจะจับก็ชักมือหนีเอามาซุกไว้ข้างพุงตัวเอง พ่อผมหัวเราะด้วยความชอบใจ
   

ครืด~
   

“อ๊ายยย แกกกก๊ ลูกแกน่ารักอ้า” แบมพุ่งพรวดเข้ามาในห้องพร้อมกับเก้าและไอ้แชมป์ สองสาวเดินมานั่งบนพื้นเพื่อเล่นกับสองหนุ่ม ส่วนไอ้แชมป์เดินไปนั่งข้างวิคเตอร์แล้วมองพวกเรา
   

“คนไหนแฮคเตอร์คนไหนเฮคเตอร์นะ หน้าเหมือนกันเลยอะ”
   

“แกดูสีผม จะต่างกันนิดนึง” ผมอธิบายให้ทุกคนฟังพร้อมกันอีกทีว่ามีวิธีแยกแฝดยังไง แต่สำหรับผมด้วยความที่เลี้ยงกันมานาน ผมแยกออกด้วยความคุ้นเคยมากกว่าแยกด้วยสีผม
   

“น่ารัก อุ๊ย ต้องพูดว่าน่าชังใช่มะ ผีที่อังกฤษมันจะมาแอบขโมยเด็กรึเปล่าอะ” เก้าทำตาโต ทุกคนยกเว้นไอ้ยักษ์ยิ้มขำ
   

“พูดไปเถอะ ผีที่ไหนก็ไม่กล้ามาขโมยหรอก ดูหน้าพ่อมันด้วย” ผมพยักเพยิดไปทางไอ้ยักษ์ เขาเลื่อนสายตามามองผมพอดีเลยเลิกคิ้วขึ้นงงๆ ทุกคนขำกับรีแอคของเขา ผมยิ้มกว้าง ไอ้ยักษ์ยักคิ้วแล้วหันไปหาไอ้แชมป์ก่อนจะนั่งคุยกันตามประสาหนุ่มๆ
   

“ไอ้เตอร์…” วิคเตอร์ที่กำลังคุยกับไอ้แชมป์หันมามองพ่อผมแบบงงๆ


“…มึงจะตัดผม โกนหนวดเมื่อไหร่ อย่าบอกนะว่ามึงจะแต่งงานในสภาพนี้” วิคเตอร์มองหน้าผมแบบงงๆ ไอ้แชมป์ที่อยู่ข้างกันเลยช่วยแปลให้ว่าพ่อพูดอะไร วิคเตอร์ทำหน้าว่าอ้อ


“พุ้งหนี่คับ” ไอ้ยักษ์ยิ้มแป้นที่พูดภาษาไทยกับพ่อ ผมยิ้มขำด้วยความเอ็นดู


“วิคเตอร์เขานัดช่างตัดผม ช่างแว็กซ์ขนมาที่บ้าน”


“เอาช่างแว็กซ์ขนมาด้วยเรอะ” ผมพยักหน้าให้พ่อแล้วก็บุ้ยปากไปทางเก้ากับแบม


“สาวๆ เขาอยากทำสวย เลยขอให้วิคเตอร์พามาด้วย”


“ไม่ใช่แค่หนูสองคนนะคะพ่อกับแม่ เหมียวกับแคทมันก็อยากทำค่ะ ไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มก็จะตัดผมด้วย มันอยากให้ช่างผมอังกฤษตัดให้” แบมทำหน้าว่าเชื่อหนูๆ พ่อกับแม่ยิ้มขำ ผมก้มลงมองเก้าพยายามตะล่อมเล่นกับเฮคเตอร์ แต่มิชลินเบอร์หนึ่งก็เอาแต่เบี่ยงหน้าหนีไม่ยอมเล่นด้วย


อีกสามวันก็จะถึงงานแต่งงานของผมกับวิคเตอร์ พ่อกับแม่และเพื่อนๆ บางส่วนก็ทยอยบินกันมาเตรียมตัวก่อน พวกที่ยังไม่มาคือยังติดเล่นสงกรานต์อยู่ที่สุราษฎร์ฯ บ้านพี่เคน แต่เดี๋ยวพอสาดน้ำเสร็จก็จะขึ้นเครื่องมาพร้อมกันคืนนี้ บินจากที่นู่นมาสุวรรณภูมิแล้วก็ต่อเครื่องมาอังกฤษ ก็คงถึงช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้ที่ลอนดอน


ทุกคนตื่นเต้นมั้ยผมก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนบอกไปมันก็กระตือรือร้นเรื่องชุด เรื่องลุคซ์ในวันงานกันนะ ที่ผมคิดว่าพวกมันอาจจะไม่ตื่นเต้นอะไรกันเพราะผมกับวิคเตอร์ก็อยู่กินกันเป็นครอบครัวมาเกินปีแล้ว แต่พอบอกวันไป เหล่าชะนีก็ถามตีมผมทันทีเพื่อที่จะได้นัดกันไปตัดชุดเพื่อนเจ้าบ่าวที่เป็นสาวอย่างผมได้ถูกต้อง ส่วนไอ้สองหนุ่มก็ไม่ยุ่งยาก ได้สีมาก็ไปสั่งตัดชุดสูทเท่านั้นเอง


เรื่องตีมงานผมก็คิดง่ายๆ เลยว่าจัดในสวนก็จะนึกถึงสีเขียว แต่ก็แอบใส่ความเยอะและยากให้เหล่าเพื่อนสาวและเพื่อนหนุ่มทั้งสองคนไปอีกนิดหน่อยด้วยการรีเควสสีผ้าเป็นสีเขียว medium aquamarine สีไม่จัดและไม่จืดเกินไป สองหนุ่มจะได้ใส่สบายๆ ไม่รู้สึกเคอะเขินด้วย สาวๆ ใส่ก็พอดีกับผิวพวกนาง แม้จะหาสียากหน่อย แต่ความอยากสวยของชะนีก็ทำให้เจอจนได้ และพวกนางยังมีน้ำใจช่วยสองหนุ่มหาร้านตัดสูทที่สามารถหาผ้าสีนี้มาตัดเป็นชุดได้จนเจอด้วย


ฝั่งวิคเตอร์ก็สบายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างแท้จริง เขากำหนดให้เพื่อนๆ ใส่ชุดสูทสีน้ำเงินนาวีอันเป็นสีโปรดของเขา ตอนแรกเขาจะเอาสีดำ แต่พ่อขอสีสว่างก็นี้สักหน่อย เขาเลยขยับมาเป็นสีนี้ ซึ่งก็สว่างขึ้นมาหน่อยจริงๆ ส่วนแขกที่เชิญมาร่วมงาน ซึ่งมีไม่ถึงร้อยคนนั้นก็เลือกเอาว่าอยากจะใส่สีอะไรระหว่างเขียวกับน้ำเงิน แต่ไม่ได้กำหนดเฉดหรือโค้ดให้เท่าเพื่อนเจ้าบ่าวออกสาวกับเจ้าบ่าวจริงๆ


“สถานที่ใกล้เสร็จยังมึง ให้พวกกูช่วยทำอะไรเปล่า”


“แหม่ ถามเองนะแชมป์…” ผมยิ้มขำพลางลูบหัวเฮคเตอร์เบาๆ


“…ถ้างั้นพรุ่งนี้มึงกับไอ้วอร์มไปช่วยพ่อ ออสตินแล้วก็วิคเตอร์จัดเก้าอี้ ตีเสา แล้วก็จัดไฟในสวนได้เลย” เนื่องจากงานของเราเป็นงานเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่มาก เราเลยเลือกจะจัดงานกันเอง มันเป็นตีมงานแต่งในสวนที่ไม่ได้ยุ่งยากมากมาย ใช้สนามหญ้าบ้านเรานั่นแหละทำเป็นสวน ซึ่งจริงๆ บ้านเรามีสวนดอกไม้โดยเฉพาะ แต่กลัวจะอึดอัดกันเลยมาใช้สนามหญ้าที่มีพื้นที่กว้างกว่า แต่ในสนามหญ้าก็มีดอกไม้ขึ้นตามขอบรั้วอะไรแบบนี้นะ


มีที่ต้องจ้างทำก็พวกซุ้ม งานไม้ที่ใช้ประดับในงาน แบ็คดร็อปงาน ทั้งด้านหน้าสำหรับถ่ายรูปและด้านในตรงส่วนของการทำพิธี พวกของประดับตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ผมก็ช่วยทำกับไดอาน่ามาสักพักแล้ว มีตีน่าที่คุณลุคซ์ไม่ค่อยอยากจะให้มามาช่วยทำบ้างบางวัน ไม่มีวงดนตรี มีแต่ดีเจที่เป็นเพื่อนนักแสดงชาวเอเชียของวิคเตอร์มาช่วยเปิดเพลงขับกล่อมบรรยากาศในงานให้


วิคเตอร์กับผมคุยกันว่า ให้ทุกคนที่เรารักและรักเรามารวมตัวกันในวันพิเศษของเราสองคนกันมากกว่า ไม่มีใส่ซองเพราะไม่ใช่ธรรมเนียมของที่นี่ เราเชิญทุกคนมากินเลี้ยงร่วมกัน เราบอกทุกคนที่มาร่วมงานว่าไม่ต้องเอาของขวัญใดๆ มาให้ ขอแค่ให้มาอยู่ในงานสำคัญอีกหนึ่งงานของชีวิตเราสองคนได้ก็เป็นของขวัญที่ดีแล้ว


“งั้นวันนี้มีอะไรทำมั่งป่ะ” แบมถาม


“พ่อเอามาใช่เปล่า…” ผมหันไปถามพ่อที่กำลังพาแฮคเตอร์เล่นซูเปอร์แมนจนเจ้าตัวเล็กหัวเราะชอบอกชอบใจ พ่อหันมาพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะ ส่วนมิชลินคนพี่นั่งมองแต่ก็ไม่ยอมให้ใครแตะเนื้อต้องตัวอยู่ดี


“….เดี๋ยวช่วยกันทำของชำร่วยอะ ไม่เยอะหรอกสี่สิบกว่าชิ้นเอง พ่อเอามาจากไทยให้”


“ฝรั่งเขาให้ของชำร่วยกันด้วยเหรอวะแก” เก้าถามอย่างงงๆ ผมสั่นหัว



“ไม่หรอก อยากทำให้ เป็นคำขอบคุณอะไรแบบเนี้ย”


“แกให้อะไรอะ”


“หิน Rose Quartz” เก้าทำปากว่าอ้อแล้วพยักหน้าหงึกๆ


“งั้นเอามาทำเลยป่ะ กำลังขยัน เดี๋ยวกูขี้เกียจก่อน” ไอ้แชมป์ว่าพลางทำท่าบิดขี้เกียจ


“ไม่เจ็ทแล็กกันเรอะ” ทุกคนดูกระปรี้กระเปร่ามาก แม่กับพ่อก็เล่นกับหลานเพลินเลย


“ฉันไม่อะ ฉันตื่นเต้น ครั้งแรกที่มาอังกฤษเลยนะ แล้วบ้านแกก็สวยมากกก” แบมว่าด้วยความตื่นเต้นอย่างที่มันพูด ผมยิ้มขำน้อยๆ


“งั้นก็ได้ พ่อเอาไว้ไหนอะ เดี๋ยวแมทเอามานั่งทำกับเพื่อน”


“อยู่ในกระเป๋าเดินทาง เปิดกระเป๋าจะเจอกล่องวางอยู่ตรงมุมๆ เลย”


“เดี๋ยวแชมป์ไปหยิบให้ก็ได้ครับ” พ่อพยักหน้า ไอ้แชมป์ลุกเดินออกไปจากห้อง


“ขออุ้มหน่อยสิคนเนี้ย”


ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ


ผมหัวเราะเมื่อเฮคเตอร์ส่ายหัวให้แบมที่จะเข้ามาขออุ้ม เจ้าตัวเล็กเบี่ยงตัวหนีมือแบมสุดฤทธิ์ แบมทำหน้าเสียใจ แต่เฮคเตอร์ก็หาได้สนใจไม่


“ตัวแค่เนี้ยปฏิเสธเก๊งเก่ง” แม่ผมแซวด้วยรอยยิ้ม เฮคเตอร์ผู้เหมือนพ่อนั่งนิ่งพิงตัวผมไม่สนใจใคร


“นางให้ใครอุ้มมั่งเนี่ย”


“ก็มีฉัน วิคเตอร์ ออสตินแล้วแต่อารมณ์ แฟนออสตินก็แล้วอารมณ์ คนน้องนั่นไม่หวงตัว แต่ต้องเห็นหน้าฉันด้วยตอนที่คนอื่นอุ้ม ถ้าไม่เห็นก็อาละวาดหนักอยู่”


“ฮู้ย หนูติดแม่หนูขนาดเลยนะคะ ใช่มั้ยก๊ะ” แบมก้มหน้าลงพูดกับเฮคเตอร์ เจ้าตัวเล็กมองๆ สักแปบแล้วก็เมินจนทุกคนขำ


“หูววว อะไรวะเนี่ยเฮ้ย โฮ้ววว” เสียงไอ้แชมป์ร้องโวยวายมาจากข้างนอก พอมันเดินมาที่หน้าห้อง เหล่าลูกๆ ของไมเคิลทั้งสามตัวในวัยสามเดือนกว่าๆ ก็กำลังพันขามันยั้วเยี้ย


“โอ่โห หมาใครน่ะ” แม่ถามด้วยความตะลึงเล็กๆ


“หมาที่บ้านแหละ เอามันไปผสมกับตัวแม่บ้านอื่นมา ลูกมันเกิดมาหกตัว ก็เลยแบ่งกันคนละสาม”


“ตัวผู้ตัวเมีย”


“ตัวผู้สอง ตัวเมียหนึ่ง ฝั่งนู้นได้ตัวผู้หนึ่งตัวเมียสอง” วิธีเลือกของเราคือ ตัวไหนเดินเข้ามาหาเราครบสามตัวก่อนก็อุ้มกลับบ้าน ซึ่งนั่งอยู่นานเหมือนกันกว่ามันจะเดินมาทางบ้านเราครบ เดี๋ยวขาดเดี๋ยวเกินวนอยู่อย่างนั้นสักพัก


“ชื่อไรมั่งอะแก น่ารักอ้า” เก้ามองหมาด้วยดวงตาอ่อนโยนและพูดด้วยเสียงสอง


“ปีโป้ โปเต้ แล้วก็เอลซ่า ตัวเมียหนึ่งเดียว”


“เจ้าหญิงหิมะ” เก้าลุกขึ้นเดินไปหาเหล่าลูกของไมเคิลแล้วก็เล่นกับพวกมันทำให้ไอ้แชมป์หลุดจากวงโคจรพันขายั้วเยี้ย เหล่าลูกของไมเคิลส่ายหางด้วยความตื่นเต้นใส่แคทกันยกใหญ่ พวกมันเป็นหมาที่อเลิร์ทและพลังงานเยอะมาก เจอใครก็ตื่นเต้นและดีใจไปหมด


“มึงจะให้ทำอะไรกับของ” ไอ้แชมป์ว่าพลางวางกล่องลงบนพื้นพร้อมกับค่อยๆ แกะเทปกาวออก


“Victor, give me the net bag please? (วิคเตอร์หยิบถุงตาข่ายให้หน่อยสิ)”


“Where? (อยู่ไหน)”


“Our bedroom, on the table near the door. (ในห้องนอนเราอะ บนโต๊ะใกล้ประตู)” วิคเตอร์พยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ลูกๆ ไมเคิลที่นอนกองกันอยู่หน้าประตูลุกขึ้นเดินตามเจ้านายของมันไปอย่างระริกระรี้


“หูย หลัวแกใช้งานง่ายมากค่ะ” แบมแซวด้วยรอยยิ้มขำพลางหยิบหินสีชมพูใสขึ้นมาดู


“ลองใช้เยอะกว่านี้สิ” ผมแกล้งทำหน้าสยอง เฮคเตอร์มองหินในมือแบมด้วยความสนใจ


“อยากได้เหรอคะ อยากได้ต้องให้อุ้มก่อน” แบมยื่นหินมาตรงหน้าเฮคเตอร์ เจ้าตัวเล็กมองหินสลับกับมองหน้าแบมที่ทำหน้าหลอกล่อและยื่นมือทำท่าจะขออุ้ม เฮคเตอร์ยื่นมือป้อมๆ อ้วนๆ ไปหมายจะคว้าหินสีชมพู แต่แบมดึงกลับและทำท่าขออุ้ม เฮคเตอร์มองหน้าแบมนิ่ง สักพักก็ขมวดคิ้ว สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนที่เห็น


“เด็กคนนี้นี่ น่าตีจริง อั๊ยยย” แบมยื่นมือมาหยิกแก้มเฮคเตอร์เบาๆ เจ้าตัวเล็กนอนพิงผมแก้มย้อยนิ่งๆ ไม่ยอมให้แบมอุ้มตามที่ขอ


“แอะ แมะ” ผมเงยหน้าขึ้นมอง แฮคเตอร์ชูสองแขนขึ้นและทำท่าโผจะเข้ามาหา


“ไปนั่งยังไงล่ะลูก พี่หนูนั่งตักแมทเต็มพื้นที่อยู่น่ะ” พ่อผมที่อุ้มอยู่บอกเจ้าตัวเล็ก แฮคเตอร์เริ่มมีทีท่าหงุดหงิด มือขวายกถูหัวแรงๆ


“แอ๊ อึ แมะ” แล้วสักพักเจ้าตัวเล็กก็เบะปากสีหน้าร้องไห้ ทุกคนส่งเสียงโอ๋พร้อมกัน พ่อส่งแฮคเตอร์มาให้ ผมอ้าขาให้กว้าง ปล่อยให้พ่อวางแฮคเตอร์ลงข้างพี่ชาย แต่แฮคเตอร์บิดตัวเข้าหาผมทำท่าจะให้อุ้ม ผมเลยต้องใช้แขนขวาอุ้มเขาไว้และยกมือซ้ายลูบหัวเบาๆ


“อิจฉาพี่ที่ได้นั่งตักแมทล่ะซี้” แม่ผมแซวเจ้าตัวเล็กยิ้มๆ ผมหอมหน้าผากเจ้าตัวเล็กไปที หน้าตาหงุดหงิดงอแงแบบนี้ง่วงนอนแล้วแน่นอน จังหวะนั้นวิคเตอร์ก็เดินเข้าห้องมาพอดีพร้อมกับลังใส่ของสีน้ำตาลในมือ


“วิคเตอร์ เอาลูกไปนอนในห้องที” ไออ้ยักษ์ทำตาโต ผมทำตาโตกลับ เขากล่อมเด็กๆ ไม่เป็น กล่อมไปบ่นไป แฝดก็ไม่หลับสักที


“ไปด้วยกันสิ”


“ไปได้ไงเล่า ผมจะทำของขวัญ” ผมจิ๊ปากและย่นคิ้ว ไอ้ยักษ์วางกล่องลงบนพื้นห้อง


“แกพาลูกไปนอนก่อน ลูกหลับค่อยกลับมาช่วย” ผมหันมองเก้า มันพยักหน้ายืนยัน ผมพ่นลมหายใจเบาๆ


“งั้นแกทำกันไปก่อน ไม่ยากหรอก เอาหินใส่ถุงตาข่ายแล้วก็ผูกโบ ระวังอย่าให้หินแตกนะ พ่อน่าจะเอามาพอดีป่ะ” ผมหันไปถามพ่อ


“เอามาเกินอยู่สิบอัน เผื่อไว้” ผมพยักหน้า ก่อนแหงนหน้ามองไอ้ยักษ์ที่ยืนหน้ามึนอยู่ตรงนั้น


“วิคเตอร์ มาอุ้มเฮคเตอร์ไปหน่อย…” ไอ้ยักษ์เดินเข้ามาอย่างว่าง่าย


“…พ่อกับแม่ไปนอนมั้ย แมทเตรียมห้องไว้ให้แล้ว”


“แม่ว่าจะออกไปเดินเล่นกับพ่อ”


“ไปได้ แต่อย่าหลงนะ ช่วยกันจำทางด้วยล่ะสองตายายอะ”


“ถ้าหลงเดี๋ยวโทรศัพท์หาแล้วกันว่ากลับทางไหน” ผมพยักหน้าหงึกๆ วิคเตอร์อุ้มเฮคเตอร์ขึ้นไป มิชลินเบอร์หนึ่งพลิกตัวเข้ากอดคอพ่ออย่างคุ้นเคยแม้ว่าจะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่


“เดี๋ยวพวกฉันนั่งทำกันไปก่อน มีอะไรให้ทำนอกเหนือจากนี้ป่ะ” ผมทำท่านึกสักแปบก่อนจะตอบคำถามของแบม


“มีทำสมุดโน้ตอวยพร ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำไง”


“เอามาๆ เดี๋ยวพวกฉันช่วยคิด”


“แกเดินไปหยิบได้เลย วางอยู่ในห้องโถง เมื่อคืนว่าจะเอาไปนั่งทำตรงนั้น แต่ก็นึกไม่ออก” แบมลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ผมกับวิคเตอร์พาสองหนุ่มตามออกไปแต่เดินไปคนละทาง เราพากันเดินไปทางห้องนอน วิคเตอร์ถามถึงพ่อกับแม่ ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวสองคนนั้นจะออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน


“ให้ออสตินพาไปมั้ย”


“ไม่ต้องหรอก เขาคงอยากไปสวีทกันสองคน” วิคเตอร์พยักหน้า เราพาสองหนุ่มเข้ามาในห้องนอน ทั้งสองคนยังคงนอนกับเรา แต่ก็นอนในคอกกันกระแทกตามเดิม ไอ้ยักษ์ออกอาการเซ็งทุกครั้งที่แฝดงอแง แล้วก็จะเจอผมดุ พอผมดุก็จะมาช่วยอุ้มช่วยปลอบแฝดตามสไตล์ตัวเอง ทำดีบ้างไม่ดีบ้าง ใครว่าเวลาจะช่วยทำให้เขากลายเป็นพ่อที่ดี ผมว่ามันอาจเป็นไปได้ แต่อาจเกือบถึงชาติหน้า


“ไม่เอานมให้มันกินกันรึไง” วิคเตอร์ขมวดคิ้วพลางก้าวเท้าเข้าไปนั่งในคอก ดึงยางมัดผมออก ปล่อยให้ผมยาวสยายจนถึงบ่า หนังกับซีรีส์ถ่ายจบไปละ ไม่รู้จะอินเลิฟกับความผมยาวนี้อะไรนัก หรือมีงานพรีเซ็นเตอร์แชมพูติดต่อมาเหรอ


“กินไปแล้ว” ผมตอบพลางบีบพุงแฝดเบาๆ เฮคเตอร์นอนดีดขาไปมาอย่างอารมณ์ดี ส่วนแฮคเตอร์อ้าปากหาววอด ยกมือขวามาถูตรงขมับตัวเอง


“แบบนี้ก็หลับช้าสิ” ไอ้ยักษ์จะมีนิสัยเสียที่ผมมันเขี้ยวแล้วอดทุบหลังไม่ได้คือพอลูกงอแงก็จะเอาแต่ยัดนมใส่ปากให้ลูกเงียบ แต่บางทีมันไม่ใช่ไง


“นิสัยเนี่ยนะ” ผมขมวดคิ้ว ไอ้ยักษ์ไม่สนใจ เอนตัวนอนลงบนพื้นคอกสบายใจเฉิบ


“แย่งลูกนอนทำไมเนี่ย”


“ที่ตั้งเยอะ อย่างกน่า” เขายกขาซ้ายวางบนขาขวาแล้วกระดิกเท้านอนสบายใจ ผมมองจิกไปที ชอบทำท่าว่าลูก แต่ก็ชอบนอนใกล้ลูกนะ แหม ไอ้ปากแข็ง


“กล่องดนตรีไวโอล่าล่ะ” ผมดูแลรักษาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงขั้นหวงเลยแหละ นอกจากวิคเตอร์กับออสติน ผมก็ไม่อยากให้ใครแตะ ผมเปิดให้แฝดฟังเกือบทุกคืน บางทีก็เปิดในช่วงกลางวันเวลาแฝดจะนอน มันทำให้ทั้งหายคิดถึงและคิดถึงเธอในเวลาเดียวกัน


“บนเตียงมั้ง” ผมหันไปมองทางเตียงก็เห็นกล่องดนตรีของไวโอล่าวางอยู่บนโต๊ะไม้ข้างเตียงฝั่งที่ผมนอน ผมออกจากคอกเดินไปหยิบกลับมาเปิดให้แฝดฟัง วางไว้บนเหนือหัวพวกเขา เสียงเพลงใสๆ กุ๊งกิ๊งดังคลออย่างสบายหู สองหนุ่มนอนข้างคุณพ่อที่นอนหลับตาไปก่อนแล้ว เวลาเปิดเพลงหรือร้องเพลงนี้ให้ฟัง แฝดจะเหมือนต้องมนต์ จะนอนนิ่งๆ ราวกับได้ยินเสียงคุณแม่มาร้องเพลงให้ฟังดังที่เคยเป็น แล้วสักพักหนังตาก็จะค่อยๆ คล้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งปิดแล้วก็หลับปุ๋ย แต่ก็ใช่ว่าได้ผลทุกครั้ง ถ้างอแงขึ้นมาจริงๆ กี่กล่องดนตรีก็ต้านไม่อยู่ แล้วจะยิ่งน่าปวดหัวมากขึ้นถ้าไอ้เตอร์ตัวพ่อเหนื่อยจากงานและต้องการจู๋จี๋กับผมแต่ไม่ได้ดังใจก็จะร่วมงอแงด้วย


“เดี๋ยวหลับกับคุณพ่อนะครับ” สองแฝดมองหน้าผมแล้วยิ้มอ้อแอ้ วิคเตอร์หลับไปแล้วแบบจริงจัง ไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอก หลับหนีพ่อผมกับหลับอู้งาน


ผมยืนมองแฝดอยู่พักนึงจนกระทั่งทั้งสองคนหลับตามพ่อยักษ์ไป ผมมองภาพสามพ่อลูกนอนเรียงกันแล้วก็ยิ้มขำ แอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้ สักวันคงได้อัปรูปน่ารักๆ เหล่านี้ให้ใครหลายคนได้ชื่นชมความน่ารักบ้าง แฝดเขาดังนะ หลังจากไปถ่ายรูปออกงานของอดัมมา มีหลายคนถามหาว่าจะติดตามได้ที่ไหน แล้วก็ชมว่าลูกผมกับวิคเตอร์น่ารัก แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าแฝดเกิดมาได้ยังไง


“ยักษ์ ยักษ์…” ผมกระซิบจากอีกฝั่งของคอก แต่ไอ้คนโดนเรียกก็นอนหลับตาแบบไม่ตอบสนอง คนอะไรมันจะมาหลับเร็วขนาดนั้น ผมเลื่อนสายตามองแฝดแล้วก็ขำ ไม่เข้าใจว่าจะฝืนเปลือกตาตัวเองทำไม อยากหลับก็หลับไปสิลูกกก


“…วิคเตอร์” ผมเดินมาฝั่งที่เขานอนอยู่ ยื่นมือไปสะกิดไหล่เขาเบาๆ


“อือ” เขาคำรามในคอเบาๆ ทั้งที่ยังหลับตา


“ลูกร้อง ดูลูกด้วยนะ” วิคเตอร์ตอบรับอืมๆ ผมยกกำปั้นขึ้นทำท่าจะต่อยเขา ไอ้ยักษ์ยกนิ้วชี้หน้าผมทั้งที่ยังหลับตา ผมเบะปากก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอนเพื่อไปช่วยเพื่อนๆ ทำของ ปล่อยให้สามพ่อลูกเขานอนปรองดองกันในฝันไปก่อน

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 06-08-2018 21:06:02
V
v
v

วันต่อมาที่บ้านเราวุ่นวายตั้งแต่เช้า เพราะหนุ่มๆ เริ่มช่วยกันจัดการสถานที่ ตอนแรกก็มีแค่พ่อ วิคเตอร์ ออสติน ไอ้แชมป์ช่วยกันอยู่สี่คน มีสาวๆ คอยช่วยในส่วนที่มันไม่ต้องใช้แรงเยอะมาก พอตอนบ่ายๆ คุณเบนกับบาสและอันเดรมาถึงเราเลยมีกำลังแรงงานคนมากขึ้น ส่วนผมห่างแฝดไม่ได้ แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่แฝดไม่เหนื่อยเลย คึกคักน่ารักเวลาลงเล่นมาก สงสัยตื่นเต้นเห็นคนมาบ้านเยอะ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้นะ ขนาดลุงเบนที่รอบที่แล้วเหมือนจะคุ้นเคยกันที่สุดยังกลายเป็นคนแปลกหน้า


“แมท กินข้าวมั้ย เดี๋ยวแม่ตักให้” ผมหันไปมองแม่ที่เดินมาถามผมที่นั่งอยู่ในห้องโถงกับสองหนุ่มและเปิดการ์ตูนดูกัน แต่จริงๆ การ์ตูนน่าจะดูเรามากกว่า เพราะว่าสองแฝดนั่งทุบตีมินเนี่ยนกันอีกแล้ว หนูไม่รักมินเนี่ยนกันแล้วเหรอ


“เอาก็ได้แม่”


“แอ๊ะ!” แฮคเตอร์เงยหน้าขึ้นมองคุณยายแล้วส่งเสียงทักทาย แม่ผมยิ้มแล้วนั่งลงเล่นกับหลาน


“หนูจะเอาด้วยเหรอครับ ฮึ หนูจะกินข้าวด้วยเหรอ” แม่ผมยื่นหน้ามาหอมแก้มเจ้าตัวเล็ก แฮคเตอร์ยิ้มหวาน แต่พอแม่ขออุ้มก็หดสองแขนเข้าข้างลำตัวเป็นการบอกว่าไม่ให้อุ้มจนเราสองคนขำ


“มันเขี้ยวแท้ๆ หมูเนี่ยหมู” แม่ผมยื่นมือไปบีบพุงแฮคเตอร์ เจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคักแต่ก็พยายามดันมือแม่ออก เฮคเตอร์นั่งมองน้องตัวเองโดนหยอกหน้านิ่ง เห็นแล้วผมก็ต้องหัวเราะ ช่างเหมือนพ่อจริงๆ


“แม่เสียใจที่น้องไวโอล่าเขาจากไป…” แม่ผมยกมือลูบหัวแฮคเตอร์และถอนหายใจเบาๆ


“…และแม่ก็ขอบคุณเขามากที่ให้สองคนนี้เกิดมา” ผมพยักหน้าหงอยๆ ผมไม่ได้คิดถึงเธอตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่เคยลืมไวโอล่า


“แม่คิดว่าไวโอล่าเขาเกิดมาเพื่อ เอ่อ มีลูกให้แมทมั้ย” บางทีผมก็คิด และบางครั้งก็หลายทีที่คิดว่าไวโอล่าเหมือนเกิดมามีชะตาเพื่อเป็นผู้ให้กำเนิดสองแฝดแล้วก็ต้องจากไป มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานหัวใจเหมือนกันนะ จะขอบคุณดีใจก็ใช่เรื่อง จะเสียใจจนชีวิตมืดมนก็ไม่ควร


“ถ้างั้นแมทต้องดูแลลูกให้ดี เป็นการขอบคุณน้องไวโอล่าเขาที่มีน้ำใจมากขนาดนี้” ผมพยักหน้าด้วยความจริงจัง


“โตขึ้นแมทจะบอกแฝดเองว่าแม่เขาเป็นคนดีขนาดไหน” แม่ผมพยักหน้า หันไปลูบหัวเฮคเตอร์เบาๆ


“แต่แม่ดีใจนะที่แมทมีหลานให้แม่…” แม่กระตุกยิ้มน้อยๆ ผมคลี่ยิ้มบาง รู้ว่าแม่อยากมีหลานขนาดไหน ตอนที่ยังไม่ดีกันแบบนี้ก็หาวิธีพูดสารพัด


“…พร้อมแล้วก็พาไปเที่ยวที่ไทยบ้างละ เด็กจะได้รู้จักวัฒนธรรมบ้านเราด้วย”


“ก็เนี่ยแหละ เสร็จจากงานแต่ง อาจจะกลับไปพร้อมพ่อกับแม่เลย เดี๋ยวคุยกับวิคเตอร์ก่อน” แม่พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถง


สักประมาณบ่ายสาม ช่างตัดผม ช่างแว็กซ์ขนที่วิคเตอร์นัดไว้ก็มาถึงบ้าน พวกนี้เป็นกลุ่มที่วิคเตอร์รู้จักอยู่แล้วเขาเลยยอมให้มาถึงบ้าน และกลุ่มนี้ก็จะมาร่วมงานแต่งของเราด้วย ช่างตัดผมผู้ชายคนนี้ วิคเตอร์เคยตัดด้วยตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ช่วงนึงที่ย้ายไปอยู่อเมริกา เขาก็ยังกลับมาตัดผมกับช่างคนนี้บ่อยๆ


“วันสำคัญของนาย ฉันจะทำให้นายหล่อที่สุด” เขาเป็นช่างตัดผมมีอายุ ท่าทางน่าจะเป็นเกย์ แต่เป็นเกย์แมนๆ ดูสุภาพไม่ก๋ากั๋น เขาตั้งโต๊ะตัดผมกลางห้องโถงนั่นแหละ ผมเลยอพยพแฝดไปในห้องนอน ทางด้านทีมแว็กซ์ขนก็นำทีมด้วยเก้งสาวและสาวๆ อีกสามคน


“มาจ้ะ ใครพร้อมกำจัดหญ้าพื้นน้อยแล้วก็เข้ามาได้เลย” แบมกับเก้าหัวเราะคิกคัก พวกนางเข้าไปจัดการขนจุดต่างๆ ของร่างกายกันสองคนก่อน


“มึงแว็กซ์กับเขาด้วยป่ะเนี่ย” ไอ้แชมป์ถาม ในมือมันยังถือค้อนอยู่เลย


“กูไม่ค่อยมีขนอะ หนวดก็โกนเอาก็ได้” อีกอย่าง ผมว่ายังไงมันก็โดนเสื้อผ้าปกปิดอยู่ดีแหละ แต่เหล่าน้องนีนางแว็กซ์เพราะบางคนก็มีเปิดอกเปิดหลัง แหวกหน้าแหวกหลังเลยต้องเอาขนออกไปเพื่อความมั่นใจ เดี๋ยวอีกไม่กี่ชั่วโมง พวกแคทก็จะตามมาแว็กซ์ด้วย


ผมพาแฝดมานอนในคอกในห้องนอน ห่างจากผู้คนน่าจะลดความคึกลงไปได้ สองหนุ่มสามารถนั่งแบบเอาแขนค้ำตัวเองไว้ได้คล่องแล้ว และดูท่าว่ากำลังจะเริ่มนั่งได้ด้วยตนเองอีกไม่นานนี้ แต่ช่วงนี้ก็ยังเป็นตุ๊กตาล้มลุกอยู่ ปล่อยปุ๊บก็จะล้มกลิ้งอย่างกับลูกบอล มีเริ่มออกอาการอยากคลานแล้ว แต่ก็ได้แค่ออกอาการแหละ 


“แมะๆ”


“ครับๆ” เฮคเตอร์แหงนหน้ามองผมแล้วยิ้มหวาน ผมก้มหน้าลงไปหา เฮคเตอร์ดันหน้าเข้ามาหอมแก้มผมหนึ่งที ผมคลี่ยิ้มกว้างแล้วหอมเขากลับ


“มูมมมๆๆ” แฮคเตอร์ทำท่าจะคลานเข้ามาหา ยื่นหน้ามาทำท่าว่าจะหอมบ้าง ผมเลยยื่นหน้าไปให้เขาหอมหนึ่งทีแล้วก็หอมเขากลับอย่างเท่าเทียม


“กินนมมั้ยครับ เดี๋ยวแมทเอาให้ หม่ำๆ มั้ย หม่ำๆ”


“ปับบบๆๆ” แทนคำตอบว่าอยากหม่ำ สองหนุ่มทำปากหงับๆ ผมหัวเราะเบาๆ ลุกออกจากคอกไปตรงประตูห้องนอน เดินออกไปชงนมให้แฝดในครัว ตอนนี้กินนมผงอย่างเต็มตัวแล้ว ผมก็เลือกอันที่ดีที่สุดตั้งแต่สมัยฝึกให้กินพร้อมนมไวโอล่าแหละ แฝดปรับตัวกับนมผงได้ พิสูจน์จากขนาดลำตัวที่ยังถูกพ่อยักษ์ล้อว่าเป็นหมูไม่เสื่อมคลาย


“Doing something? (ทำอะไรน่ะ)” เสียงวิคเตอร์ดังมากจากทางด้านหลังในขณะที่ผมกำลังเทนมจากแก้วชงนมลงขวด


“Making some milk for… (ชงนมให้…)” ผมชะงักกึกเมื่อเห็นสภาพเขาตอนนี้ วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นงงๆ


“…You look, oh, handsome. (คุณดู โอ้ หล่อจัง)” ผมกระซิบเสียงเบาหวิว วิคเตอร์ที่เลิกคิ้วงงๆ ในตอนแรกเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มขำ ผมมองสำรวจผมทรงใหม่ของเขาแล้วก็ใจสั่น


ผมยาวสลวยสวยเก๋ดังผมหญิงสาวหายไป เหลือเพียงผมสั้นทรงอันเดอร์คัท เห็นหนังศีรษะเกือบครึ่ง ด้านบนซอยสั้น ด้านหน้าตัดออกเปิดให้เห็นใบหน้าหล่อคมเข้มที่ยังมีหนวดเคราครึ้มอย่างชัดเจน เขาดูสะอาดตา ดูสบายตากว่าตอนที่ไว้ผมยาว ใช้ว่าเขาไม่เคยไว้ผมสั้น มันเป็นทรงที่เห็นตั้งแต่ยังไม่คบกันอีก แต่ด้วยความที่เขาไว้ผมยาวมาเป็นปีๆ พอตัดผมอีกที ความรู้สึกมันเหมือนกับ…


“I feel like I have a new husband. (ผมรู้สึกเหมือนได้สามีใหม่เลย)” ผมกัดริมฝีปากแล้วยิ้ม วิคเตอร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ยกมือกอดอก พิงสะโพกกับขอบโต๊ะหินอ่อนอันใหญ่ในครัว


“But you need to shave your beard. (แต่คุณต้องโกนหนวดด้วยนะ)”


“Could you do it for me? (ทำให้ฉันหน่อยได้มั้ย)” ผมมองสบตากับเขา ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นมองผมด้วยสายตาคมกริบและเปล่งประกาย เขาแลบลิ้นเลียออกมาเลียริมฝีปากล่างก่อนหุบเข้าไปแล้วเปลี่ยนเป็นใช้ฟันขบริมฝีปากไว้เบาๆ ลมหายใจผมแปลกไป ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วคลี่ยิ้ม


“Yeah, after the twins sleep. (ได้สิ รอแฝดหลับก่อนนะ)” ผมชูขวดนมสองขวดในมือ วิคเตอร์กระตุกยิ้ม


“I will be waiting you in restroom. (ฉันจะรอในห้องน้ำก็แล้วกัน)” ผมพยักหน้าหงึกๆ วิคเตอร์มองอย่างชวนร้อนไปทั้งตัวก่อนที่จะหมุนตัวเดินนำออกไปจากครัวก่อน ผมพ่นลมออกทางปากเบาๆ สองสามที หัวใจเต้นตึกตัก พอดึงสติกลับมาได้ ผมก็เดินออกไปจากครัวกลับไปที่ห้องนอน เปิดประตูเข้าไปในห้องก็เจอกับกองเสื้อผ้าวิคเตอร์วางอยู่บนพื้น ผมเดินเลยผ่านไปหาแฝดที่ตอนนี้นอนแอ้งแม้งไปคนละทิศละทาง


ผมก้าวเท้าเข้าไปด้านในคอก จับสองหนุ่มให้นอนบนหมอนดีๆ แล้วก็ยกขวดนมใส่ปาก แฝดมิชลินอ้าปากคว้าขวดนมเข้าปากทันทีแล้วก็ดูหมวบๆ สองแฝดถือขวดนมเองได้แล้ว แต่ก็ต้องมีคนคอยดูอยู่ดี เพราะจะเห่อถือแรกๆ สักพักก็ปล่อยให้ร่วง ต้องคอยจับเอาไว้ให้ แต่ผมก็พยายามฝึกให้จับกันเอง จะได้คุ้นเคย ซึ่งตอนนี้ก็ทำได้ดีมากแล้วละ


“แฝด เดี๋ยวแมทจะขอไปช่วยคุณพ่อโกนหนวดก่อนนะ คุณพ่อหนวดเย้อเยอะ เดี๋ยววันแต่งงานคุณพ่อจะไม่หล่อนะกั๊บ” สองแฝดไม่สนใจใดๆ ถือขวดนมดูดจ๊วบๆ ผมดูปริมาณนมในขวดก็เห็นว่าลดลงไปเกือบครึ่งแล้ว แต่ก็นั่งรอดูอีกสักพักเผื่อแฝดจะปล่อยมือออกจากขวดนม ผมเอื้อมมือไปหยิบกล่องดนตรีตรงมุมคอกมากดเปิดเพลงเพื่อขับกล่อมให้ลูกหมูพ่อยักษ์เคลิ้ม


“ไวโอล่า กล่อมลูกแทนฉันทีนะ พี่ชายเธอต้องโกนหนวดน่ะ เขาจะได้เป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดไง” ผมเม้มปากจมูกบาน รู้สึกหมั่นไส้กับความแรดของตัวเองที่ทำเป็นเนียนจะไปช่วยผัวโกนหนวด


ผมนั่งเฝ้าแฝดอยู่อีกพักใหญ่จนกระทั่งสองหนุ่มเริ่มปล่อยขวดนมและหนังตาเริ่มคล้อย ผมดึงขวดนมที่ยังเหลือนมอยู่นิดหน่อยออกจากมือทั้งคู่ นั่งมองทั้งสองคนหลับ พอแน่ใจว่าลูกชายทั้งสองหลับสนิทแล้ว ก็ค่อยๆ ย่องออกจากคอกช้าๆ แล้วเดินไปทางห้องน้ำในห้องนอนของเราเร็วๆ


พอเข้ามาด้านในห้องน้ำ ผมก็เห็นวิคเตอร์กำลังยืนอาบน้ำอยู่ในห้องอาบน้ำ ห้องน้ำและห้องนอนของเรา วิคเตอร์ไม่ได้รีโนเวทเยอะเหมือนห้องอื่นๆ เน้นผนังหินน้ำผึ้งเดิมของบ้านไว้ แล้วเพิ่มการตกแต่งให้เข้ากับสีผนัง อย่างในห้องน้ำก็มีปูกระเบื้อง ติดกระจก มีอ่างอาบน้ำตามปกติ แต่ผนังเป็นหินสีน้ำผึ้งดั้งเดิม


“You need some help? (ให้ช่วยมั้ย)” ผมชะโงกหน้าเข้าไปถามในห้องอาบน้ำ วิคเตอร์ที่กำลังล้างแชมพูออกจากหัวหันมามอง


“Yeah, come on.” ผมถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือยเปล่าแล้วเดินเข้าไปใต้ฝักบัว ยื่นมือขึ้นไปบนหัวเขาแล้วช่วยล้างแชมพูออกจนหมดเกลี้ยง


“Sit down.” วิคเตอร์นั่งลงตามที่บอก ผมปิดน้ำ หยิบแชมพูมาบีบใส่หัวของเขาแล้วใช้สองมือขยุ้มเส้นผมของเขาอีกรอบ ช่วยสระและช่วยนวดหัวให้เขาไปในตัว วิคเตอร์นั่งนิ่งให้ผมสระผมและนวดหัวให้เหมือนเด็ก ผมคลี่ยิ้มกว้าง ดูเป็นเด็กดี๊เด็กดี แต่อย่าให้กลายเป็นเด็กผีนะ น่าจับลงหม้อแล้วเอาไปถ่วงน้ำ


“Close your eyes.” ผมหันไปหยิบฝักบัวออกมาจากที่เสียบ บิดเปิดน้ำให้ไหลลงบนหัววิคเตอร์ ใช้มือขวาช่วยไล่ฟองออกจากหัวเขาจนมันสะอาด ก่อนจะใช้ฝักบัวฉีดตามตัวของเขาที่มีฟองติดอยู่ ผมหันไปปิดน้ำแล้วเสียบฝักบัวไว้ที่เดิม พอหันกลับมาก็ถูกวิคเตอร์ดึงลงไปนั่งบนตัก ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊าก วิคเตอร์ยิ้มมัวเมา ก้มลงมาจูบปากผมหลายทีติดกันก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นเลีย ผมแลบลิ้นออกมาเลียลิ้นเขากลับ เราใช้ลิ้นเกี่ยวรัดกันสักพักก่อนจะปล่อย


“Am I really handsome? (ฉันหล่อจริงเหรอ)” ผมยิ้มกริ่มและพยักหน้าหงึกๆ


“Yes. You are only my Mister Handsome. (ใช่ คุณคือพ่อรูปหล่อของผมคนเดียว)” วิคเตอร์ยิ้มกว้าง ผมใช้มือขวาดึงคอเขาลงมาจูบปากกัน เราจุ๊บกันอยู่สามสี่ทีก่อนที่จะอ้าปากแลกเรียวลิ้น วิคเตอร์รัวลิ้นไปรอบโพรงปากผมจนผมหายใจไม่ค่อยสะดวก


“อา… อา…” ผมเบี่ยงหน้าหนี วิคเตอร์ตามมาหอมแก้มผมดังฟอด แล้วเขาก็บิดหน้าไปมองตรงกลางลำตัวของผม มือซ้ายลูบตรงส่วนกลมกลึงสองลูก ก้มลงมองพักนึงก่อนหันกลับมามองผม


“You need to shave too. (นายก็ต้องโกนด้วย)” ผมเลิกคิ้วขึ้นงงๆ วิคเตอร์บีบฐานแมทน้อยเบาๆ ผมอ้าปากค้าง


“There? (ตรงนั้นเหรอ)” ไอ้ยักษ์ยิ้มตาเยิ้มและพยักหน้า


“I will do it. (เดี๋ยวฉันทำให้)” เขาดันตัวผมให้ลุกขึ้นยืน ผมยืนขึ้นเต็มความสูง วิคเตอร์ยืนตามขึ้นมา


เราพากันเดินออกมาด้านนอกห้องอาบน้ำ ผมหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่แขวนอยู่บนราวเหล็กหน้าห้องอาบน้ำส่งให้เขา และหยิบมาเผื่อตัวเองหนึ่งผืน ผมไม่ค่อยเปียกมากเลยเช็ดแปบเดียวก็พอ ผมเดินเข้าไปช่วยวิคเตอร์เช็ดหัว เขาก้มหัวลงมาให้ผมเช็ด ผมขยุ้มเส้นผมของเขาอย่างเบามือ


“โกนหมดเลยได้มั้ย งานเดียว นะๆ อยากเห็นยักษ์ไม่มีหนวดบ้าง” ผมอ้อนพลางดึงผ้าขนหนูออกจากหัวเขา ผมที่เปียกหมาดๆ ตั้งชี้อย่างเป็นธรรมชาติ และมันทำให้วิคเตอร์ดูเซ็กซี่แบบละมุนตา เห็นแล้วอยากกัด


“ไม่เอา โกนธรรมดาพอ” ผมทำหน้าบู้ ไอ้ยักษ์ยิ้มขำ จนแล้วจนแรดก็ไม่เคยเห็นหน้าใสๆ ไร้หนวดเคราของเขาสักที


เรามายืนกันตรงหน้าอ่างล้างหน้า วิคเตอร์เอาผ้าขนหนูคล้องคอไว้ ผมเปิดลิ้นชักด้านล่างอ่าง หยิบแบตเตอร์เลี่ยนสีเงินกับหัวแบตเตอร์เลี่ยนเบอร์สอง เสียบปลั๊กแบตเตอร์เลี่ยนกับเต้าเสียบตรงขอบอ่าง หยิบผ้ารองเศษหนวดสีขาวมาถือไว้ ก่อนเขยิบก้นขึ้นนั่งบนขอบอ่าง อ้าขาให้วิคเตอร์มายืนตรงกลางระหว่างขา ปูผ้าไว้บนตักอย่างคุ้นเคย


“เอาล่ะนะ” ผมยิ้มตื่นเต้น ไม่ได้โกนหนวดให้เขานานมากแล้ว ครั้งนี้ง่ายกว่าครั้งก่อนๆ หน่อยตรงที่ถูได้เลยแบบไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวแบตเตอร์เลี่ยนมันจะจัดการให้ เหลือไว้เพียงเคราครึ้มอ่อนๆ


“ฮิๆ” ผมหัวเราะด้วยความตื่นเต้นในขณะที่ถูแบตเตอร์เลี่ยนจากแก้มขวาไปที่คางและขึ้นไปที่แก้มด้านซ้าย ก่อนจะปิดท้ายด้วยหนวดเหนือริมฝีปาก


“โอเค ฝีมือยังไม่ตก” วิคเตอร์เอ่ยชมพลางสำรวจหน้าตัวเองในกระจก พลิกซ้ายพลิกขวาตรวจดูความเรียบร้อย ผมมองเขาแล้วก็ยิ้ม สามีผมหล่อจริงๆ นะ ตัดผม โกนหนวดโกนเคราแล้วดูคลีนมากเลย


“หล่อจังงง” ผมพูดเป็นภาษาไทย วิคเตอร์ที่เข้าใจก็ยิ้มกว้าง ผมก้มลงจูบรอยสักของเขาแล้วก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์ก้มลงจูบกลางกระหม่อมผมหนึ่งที


“มา ตานายแล้ว” วิคเตอร์รวบผ้าที่รองเศษหนวดเคราของเขาไปวางไว้บนอ่าง มีตกลงบนพื้นบ้างบางส่วนซึ่งเดี๋ยวค่อยกวาด เขาดึงปลั๊กแบตเตอร์เลี่ยนออก เปิดลิ้นชักเก็บไว้ที่เดิมแล้วหมุนตัวไปหยิบเก้าอี้บุนมสีดำมานั่ง


“นอนลงสิ” ผมเอนหลังลงนอนกับพื้นอ่างล้างหน้า อ้าขาขึ้นแล้วใช้สองแขนสอดไว้ใต้ข้อพับ วิคเตอร์เปิดลิ้นชักหยิบโฟมโกนหนวดกับมีดโกนสีเงินออกมา หัวใจผมเต้นตึกๆ เราเคยทำกันแบบนี้อยู่ไม่กี่ครั้งเอง


“วิคเตอร์ จริงๆ ไม่ต้องโกนก็ได้ ไม่มีใครเห็นหรอก”


“ฉันนี่ไงเห็น โกนเถอะน่า ฉันอยากโกนให้” เขายิ้มมุมปาก แววตาเจ้าเล่ห์ ผมเม้มปากยิ้มเขินและพยักหน้า วิคเตอร์หยิบโฟมขึ้นมาบีบใส่มือแล้วทาลงบนลูกกลมกลึงของผม ลากยาวไปตามขอบร่องก้นที่มีขนบางๆ ขึ้นอยู่ ผมกระเถิบตัวลงอีกนิดเพื่อให้เขาทำถึงด้านหลังของร่องก้นได้ด้วย


“เหมือนสตรอว์เบอร์รี่เคลือบช็อกโกแล็ต ได้กินตั้งสองอย่างพร้อมกันแน่ะ” วิคเตอร์ยิ้มล้อ ผมยิ้มกว้างขำขัน


เมื่อก่อนมันก็สีชมพูอมสีเนื้อแหละ สดใสสุขภาพดี เปล่งปลั่ง คิๆ พูดแล้วเขิน พูดถึงก้นเหมือนพูดถึงพวงแก้มเลยอะ แต่พอเวลาผ่านไปมันก็มีการเปลี่ยนแปลง ใบไม้ยังเปลี่ยนสี หนัง… ก็เช่นกัน คึๆ ก็แหม มีสามีไซซ์วิคเตอร์ บวกกับพลังรักอันรุนแรงเยี่ยงเขา มันไม่เปลี่ยนสีสิแปลก


“พร้อมมั้ย” เขาเงยหน้าขึ้นยักคิ้ว ผมพยักหน้าให้เขาหลายที วิคเตอร์ค่อยๆ วางที่โกนหนวดลงบนก้นผมแล้วลากเบาๆ อย่างอ่อนโยน ผมยิ้มอย่างตื่นเต้น ลากไปได้สักพักเขาก็เปิดก๊อกน้ำล้างมีดโกน ก่อนเอากลับไปถูตรงก้นผมต่อ ผมมองสีหน้าตั้งอกตั้งใจของเขาแล้วก็ยิ้มกว้าง


“เกลี้ยงเกลา!” เขาคลี่ยิ้มหล่อ ยื่นที่โกนหนวดไปล้างน้ำอีกรอบหลังจากจัดการรอบขอบร่องก้นเสร็จทั้งสองฝั่ง คราวนี้เขาเปลี่ยนมาเป็นโกนตรงไข่ไก่ของแมทน้อย ผมอ้าปากหวอ มองตาแทบไม่กะพริบด้วยความตื่นเต้นรัวๆ หัวใจนี่เต้นตึกๆ แต่วิคเตอร์ก็ทำอย่างเบามือ ไม่รู้สึกว่าน่ากลัว แม้จะมีเสียวท้องน้อยเป็นระยะ เขาล้างมีดโกนอีกรอบ แล้วคราวนี้ก็โกนรอบๆ โคนแก่นกายจนขนสีดำหายไป กลายเป็นสะอาดตา


“อ้า น่ามองจริงๆ” เขาพึมพำ ยื่นที่โกนหนวดไปล้างเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวางมันไว้บนอ่าง เขาใช้มือขวารองน้ำจากก๊อกมาล้างคราบโฟมโกนหนวดให้ผมอยู่หลายรอบแล้วก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดให้ ตอนนั้นเองที่แมทน้อยผมขยายตัวเต็มที่ พอวิคเตอร์เช็ดจนแห้ง เขาก็เขยิบเก้าอี้เข้ามาใกล้แล้วก้มลงใช้ลิ้นเลียไข่กลมกลึงข้างละที


“อ่า…” หน้าท้องผมหดเกร็งเมื่อวิคเตอร์อมลูกกลมกลึงด้านซ้ายราวกับอมลูกอมไว้ในปากแล้วปล่อย เปลี่ยนมาอมอีกข้างแล้วก็ปล่อย ผมรู้สึกว่าร่างกายอ่อนยวบ ยิ่งพอเขาลากปลายลิ้นไปตามเนื้อหยาบและสากตรงบริเวณนั้นจนทั่วก็ยิ่งรู้สึกราวกับเนื้อทั้งร่างกำลังจะยุ่ยสลายเหมือนเนื้อหมูที่โดนต้มจนเปื่อย สักพักเขาก็ลากปลายลิ้นขึ้นมาตามเส้นตรงบางๆ จากส่วนโคนมาถึงยอดปลายสีชมพูแล้วก็ใช้ลิ้นวนช้าๆ


“อือ…” ผมครางเบาๆ ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง มือซ้ายยันร่างตัวเองไว้ มือขวาเลื่อนไปลูบหัววิคเตอร์


รัวๆๆๆ


“อ้อว!” ผมร้องเสียงเพี้ยน หน้าท้องหดเกร็งตอนที่เขาใช้ปลายลิ้นแยงรัวๆ ตรงกลางร่องของส่วนหัวสีชมพู สองมือของเขาจับหน้าขาผมแน่นไม่ยอมให้ขยับเขยื้อน


“อะ อ๊ะ! อ๊า!” ผมออกแรงดันหัวเขาออกห่างจากของตัวเอง นั่งหายใจหอบด้วยความเสียวและตื่นเต้นสักพักก่อนที่จะจับหัวเขากลับลงไปที่เดิม วิคเตอร์ใช้ปากดูดส่วนปลายอย่างละมุนก่อนจะก้มลงอมไว้จนมิดแท่ง เขาค้างไว้สักแปบให้ท้องผมหดค้างตาม พอตอนที่เท้าผมเกร็งจนตะคริวจะกิน เขาก็ผงกหัวขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง ผมจิกสองมือลงบนเส้นผมเขา นั่งหน้าท้องหดเกร็งอยู่บนอ่างล้างหน้า ลมหายใจหอบกระเส่า ใบหน้าบิดเบี้ยวตามแรงอารมณ์


“วิคเตอร์… จะแตก…” ผมครางบอก วิคเตอร์ปล่อยปากออกจากตรงนั้นแล้วใช้มือขวาชักให้ผมเร็วๆ จนในที่สุดน้ำสีขาวข้นก็พวยพุ่งไปติดบนหน้าเขาสี่ห้าหย่อม ผมปล่อยมือออกจากผมของเขา วางลงบนพื้นอ่างล้างหน้า นั่งคอพับคออ่อนและหายใจอย่างอ่อนแรง


“Come. (มานี่มา)” วิคเตอร์บอกพลางใช้ผ้าขนหนูที่คล้องคออยู่เช็ดน้ำสีขาวออกจากหน้า เขาเขยิบเก้าอี้ออกไปราวหนึ่งช่วงแขน ผมกระเถิบลงจากอ่างด้วยความรู้สึกเบาหวิว ระหว่างนั้นวิคเตอร์ก็ถมน้ำลายใส่ลูกชายเขาอยู่หลายทีจนส่วนหัวเปียกชุ่ม ผมเดินเข้าไปยืนคร่อมเขา ค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงบนแท่นประหารตับไต้ไส้พุง


ตอนที่ส่วนหัวหลุดเข้าไปด้านใน เปลือกตาผมก็หลับพริ้ม สองมือวิคเตอร์ช่วยลูบตามตัวผมขึ้นลงเป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ผมขย่มตอเขาเบาๆ เพื่อช่วยให้เกิดแรงดันลงไป ทำอยู่ประมาณสองนาทีได้มั้ง ยักษ์น้อยก็มุดถ้ำผมไปทั้งตัว


“โอ้ว…” ผมครางเสียงแหบพร่า ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นไปทั้งตัว วิคเตอร์ยื่นหน้ามาหอมแก้มขวาผมหนึ่งฟอด


“Are you ready to ride it, baby? (พร้อมจะขย่มมันรึยังที่รัก)” ผมนั่งหลับตา และพยายามผ่อนคลายตัวเอง สองมือวิคเตอร์บีบๆ ลูบคลำไปทั่วลำตัวของผม


“อือ อือฮึ” ผมพยักหน้าเมื่อรู้สึกเข้าที่เข้าทางกับอาวุธของสามีมากขึ้น ผมลืมตาขึ้นมองเขา ไอ้ยักษ์อ้าปากยิ้ม ยักคิ้วให้ผมหนึ่งทีเป็นเชิงล้อ ผมยิ้มกว้างและหัวเราะคิกคัก ไอ้ยักษ์กัดริมฝีปากล่าง ยกสองมือฟาดลงแก้มก้นผมดังสนั่นห้องน้ำจนผมย่นคิ้วด้วยความเจ็บ


“Go. Alien go!” คึกจริงพ่อคุณเอ๊ย


ถึงตัดผมแล้วจะเหมือนได้สามีใหม่ แต่การเอากันนี่แหละที่บอกว่า ผัวผมก็ยังเป็นยักษ์คนเก่าที่เรื่องเอาเก่งกว่าการเลี้ยงลูก


“อู๊ อู๊ อู๊!”


“เสียงแม่หมูร้อง อู๊ดๆ”


โวะ จะหมดอารมณ์ก็เพราะอย่างเงี้ยแหละนะไอ้ห่ายักษ์








เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               แมทมีผัวใหม่จ้าาา เอ๊ะ หรือจะต้องเรียกว่า ผัวเก่าคัมแบ็คกันนะ

               เขียนเองรู้สึกมันเขี้ยวแฝดเองอะ อ้วนๆ หมูๆ แล้วตอนนี้ลูกชายเพื่อนตอมอายุเดือนเท่ากับแฝดเลย ตัวอ้วนๆ หมูๆ มิชลินแบบนี้เลย ยิ่งมันเขี้ยวววๆๆๆ

               เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-08-2018 22:41:47
แม่เจ้าโว้ย!!!!
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-08-2018 23:01:53
ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 06-08-2018 23:20:21
แต่งแล้ว แต่งแล้ว ดีใจ เด็กๆ น่ารัก น่าฟัดที่สุดดด
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-08-2018 23:21:18
ชอบแฝด  น่ารัก  :mew1: :mew1: :mew1:

ยักษ์ แมท   :pighaun: :haun4: :jul1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-08-2018 00:04:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkping ที่ 07-08-2018 00:52:52
 :hao6:
จะแต่งงานแย้ววว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-08-2018 04:08:21
มีฉลองก่อนแต่งงานด้วย  :hao6: :mc4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-08-2018 09:43:48
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-08-2018 12:11:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 11-08-2018 08:22:39
หูยยยย อ่านทีไรทำเอาเลือดวิ่งได้ตลอด  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: zoiesty ที่ 12-08-2018 21:54:24
เค้าซ้อมเข้าเรือนหอกันด้วยอ่า :haun4:
ลูกหมูทั้ง2ก็น่าหมั่นเขี้ยว :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.38 100% :06.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-08-2018 13:47:32
ยังไม่เฮนไนท์เลยนะ รีบไปไหน
วิคเตอร์กวนประสาทมาก กับลูกก็ไม่เว้น
แมทก็ข่มใจไปเหอะ ยังไงก็ต้องง้ออยู่ดี 5555

ลูกหมูน่ารักมากค่ะ ติดแมทมากเลย ก็เค้าดูแลมาอะเนาะ

ว้าวววว รอวันแต่งงานค่ะ แฮปปี้ล่วงหน้าแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-08-2018 18:53:09
Yours and Mine EP.39 :: The big tree. (ต้นไม้ใหญ่) [100%]



#LittleAlienOvercomesBigGiant

 

 

“แฮชแท็กงานแต่งมึงยาวจังวะ” ผมหันไปมองไอ้วอร์มทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับหน้าจอมือถือของมันด้วยความสนใจแว้บสั้นๆ แล้วก็หันกลับมาเช็กความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจกต่อ ผมจัดเน็กไทสีขาวให้เป็นระเบียบ แล้วก็ติดกระดุมเสื้อกั๊กสีเทาตัวนอกทั้งสามเม็ดให้เรียบร้อย ใช้มือลูบเบาๆ เป็นการทำให้รู้สึกว่ามันเรียบร้อยดี ทั้งที่จริงมันถูกรีดมาอย่างเนี้ยบและกริ๊บมากๆ ทั้งเสื้อกั๊กและเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คสีขาว

 

 

“มึงอย่าบ่นอีวอร์ม ‘เอเลี่ยนสยบยักษ์ใหญ่’ แฮชแท็กออกจะน่ารักออก พวกกูช่วยกันคิดหัวแทบแตกนะ” เหมียวบ่นพลางส่องกระจกแล้วเติมปากของมันด้วยลิปกลอสที่ผมเห็นมันเติมมาสามรอบแล้วภายในหนึ่งชั่วโมงที่อยู่ในห้องนี้มา

 

 

“แตกยังอะ ถ้าแตกจะได้พาไปเย็บ”

 

 

“เดี๋ยวหัวมึงจะแตกก่อนเลยค่ะ!” ผมขำก๊ากกับหน้าตาท่าทางและน้ำเสียงของเหมียว คือจังหวะมันคอเมดี้มาก มันกำลังทาลิปสวยๆ อยู่ แต่พอไอ้วอร์มพูด เหมียวมันหันมาว้ากใส่อย่างเร็ว และปรับสีหน้าจากละมุนนีเป็นชะนีเหวี่ยงผัวได้เนียนมาก ไอ้วอร์มก็ขำเฮฮาตามประสาของมัน ส่วนเหมียวก็หันกลับไปทำสวยต่อ

 

 

“แล้ววิคเตอร์เขาก็โอเคใช่ป้ะวะ” ผมเบ้ปาก สั่นหัวรัวๆ

 

 

“มันจะกบฎใช้แฮชแท็กอีกอันที่คิดเอง” ไอ้วอร์มหัวเราะหน้าตาเหลือเชื่อ ตอนผมบอกเรื่องแฮชแท็ก ไอ้ยักษ์บอกไม่เอาไม่ชอบ ผมก็ยืนยันว่าจะใช้อันนี้ มันก็ตีมึนใช้อีกอันมาสู้ หน็อยแน่ะ

 

 

“เออ อันนี้เก๋ว่ะ…” แคทหยิบผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีขาวบางๆ แบบไม่มีลวดลายใดๆ ขึ้นมา ผมมองผ้าแล้วก็ขำ ผมเป็นคนเลือกมาเอง เห็นมันเก๋อย่างที่แคทบอกเลยหยิบติดมือมา เป็นผ้าสีขาวระบายเป็นชั้นๆ ด้านหลัง ตัวหวีเสียบผมก็เป็นรูปมงกุฎพระราชาสีเงินขนาดเล็ก

 

 

“…ต๊าย ดีนะเพื่อนผมยาวพร้อมเป็นเจ้าสาวเลยเสียบได้” แคทแซวพลางช่วยผมเสียบมงกุฎสีเงินที่เข้ากับเสื้อกั๊กไว้กลางหัว แต่ยังไม่ดึงผ้าลงมาปิดหน้า

 

 

“เฮ้ยมันเก๋” แคทว่าด้วยสีหน้าชื่นชม มองผมตาเป็นประกาย สองมือประกันไว้ตรงอกอย่างปลาบปลื้ม ผมยิ้มขำแล้วห่อไหล่แก้เขิน

 

 

“เออ ดูดีที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมาละ” ผมจิกตาใส่ไอ้วอร์ม มันหัวเราะไม่สะทกสะท้าน

 

 

“พร้อมยังคะ” แคทยิ้มตื่นเต้น ผมพยักหน้า สามคนที่มาอยู่เป็นเพื่อนผมเดินออกไปจากห้องนอนของไวโอล่าที่เราเอาใช้เป็นห้องแต่งตัวชั่วคราว

 

 

ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่สนามหญ้านอกบ้านกันหมด ในบ้านก็ใช่ว่าจะโล่ง ห้องโถงนี่มีกระเป๋าเดินทางวางเรียงรายเต็ม เพราะหลายคนก็มานอนกองรวมกันตรงนี้ เนื่องจากห้องนอนสำหรับแขกไม่พอ ห้องนึงพ่อกับแม่เอาไป เหลืออีกห้องก็เป็นเหล่าเพื่อนสาวเอาไปครอง ส่วนห้องไวโอล่าก็กลายเป็นห้องเก็บชุด เก็บอุปกรณ์ต่างๆ ไปชั่วคราวเลยไม่มีใครเข้ามานอน เลยอพยพไปนอนกันในห้องโถงอันกว้างขวาง บ้างก็ไปนอนในแฟมิลี่รูม

 

 

“ตื่นเต้นมั้ยแก” ผมพยักหน้ายอมรับกับเหมียวในขณะที่กำลังเดินข้ามสะพานจากสวนดอกไม้ฝั่งติดกับบ้านไปสวนใหญ่ที่เป็นสถานที่จัดงาน

 

 

แม้จะอยู่กินด้วยกันมานานแล้ว ผมก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้ มันคืองานแต่งงาน คืองานแห่งความสุขความสมหวัง แล้วก็เป็นงานที่บอกว่า หลังจากนี้ชีวิตคู่ของเราจะเริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างแท้จริง แต่สำหรับผมกับวิคเตอร์ที่เริ่มต้นชีวิตคู่ก่อนแต่งงาน ก็คงไม่ได้มีอะไรต่างไปจากที่เป็นอยู่เยอะนัก งานนี้จัดขึ้นมาเหมือนเป็นการประกาศและการยืนยันว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันโดยสมบูรณ์แล้ว

 

 

“ฉันก็ตื่นเต้น ตื่นเต้นว่าเพื่อนผัวแกจะมีแซ่บๆ มาให้คว้ากลับไทยมั่งมั้ย” เหมียวห่อไหล่อย่างขวยเขิน วันนี้มันใส่ชุดราตรีเกาะอกสีเขียวที่ผมรีเควส มวยผมต่ำดูเป็นธรรมชาติ เหล่าสาวๆ ทำผมทรงนี้กันทุกคน แต่ดีเทลจะไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าใครจะดีไซน์ยังไง แต่เมนหลักจะเป็นมวยต่ำแล้วก็มีดอกไม้เสียบประดับกรุยกราย ในส่วนของชุด สีเดียวกัน แต่รูปแบบจะต่างกันไป อย่างแคทก็จะเป็นราตรีเก๋ ตัดออกมาเป็นพาดไหล่ขวาข้างเดียว ข้างหน้าก็แหวกเบาๆ ยามลมพัดมาก็พลิ้วไหวไปตามลม

 

 

“แกก็เจอหมดละป่ะ อันเดร เอริค โจนาธาน แล้วก็ชาร์ลี เบนนั่นแฟนบาส” เหมียวทำหน้าบู้ ไอ้วอร์มหัวเราะคิกคัก

 

 

“โอ๋ยแก ถ้าหนึ่งในนั้นจะจีบฉันจริงนะ จีบตั้งแต่เจอกันที่ไทยไปแล้ว มีอีตาชาร์ลีที่เจอกันหลังงานแต่งอีแคทมาทำแอ๊ว แต่ฉันว่ามันเจ้าชู้

 

 

“เจ้าชู้จริง ฉันยังไม่เคยเห็นแฟนใหม่เขาเลยตั้งแต่โดนจีอันน่า แฟนเก่าทิ้งไป” วันนี้เธอก็มาด้วยนะ ไม่รู้ว่าเจอกับชาร์ลีแล้วจะเป็นยังไง เธอคงชิลๆ แหละ เพราะเธอชิลมานานแล้ว

 

 

“ฉันเลยจะมามองหาหนุ่มใหม่ๆ”

 

 

“ไม่แน่ใจนะว่าวิคเตอร์เพื่อนเยอะขนาดนั้นรึเปล่า มีเพื่อนนักแสดงเขามาด้วย แกต้องลองไปดูเองละ” เหมียวยิ้มหวาน

 

 

“แหม อีเหมียวคะ อยู่ไทยคนมาจีบเยอะแยะไม่เอา ดัดจริตจะมาเอาหนุ่มเมืองนอก” แคทหันมาจิกใส่เพื่อนสาวด้วยความหมั่น เหมียวเชิดหน้าเชิดตา ยกไหล่ขวาสวยๆ แล้วเดินนวยนาดต่อไปอย่างไม่แคร์คำพูดของแคท

 

 

“ขอถีบสักทีซิคะ” ผมหัวเราะ แคทมันมองเหมียวด้วยความหมั่นไส้ อีคนโดนว่าฟูลเทิร์นโชว์ไปอีก

 

 

เราเดินผ่านสระว่ายน้ำและลานปาร์ตี้ของบ้านไปตรงสนามหญ้าที่เป็นสถานที่จัดงาน ตอนแรกผมนึกภาพยังไม่ออกว่าออกมาจัดสนามหญ้าหรือสวนใหญ่จะเป็นยังไง มันไม่เหมือนสวนเล็กที่นึกภาพออกเพราะมันมีพื้นที่ที่พอดีของมันแล้วก็มีดอกไม้ขึ้นเป็นฉากโดยธรรมชาติ แต่พอเห็นจากมุมที่เรายืนอยู่มันก็ใช้ได้เลยละ โซนจัดงานอยู่ติดกับรั้วฝั่งเนินเขาที่ผมชอบอุ้มแฝดไปดูแกะกับแพะของชาวบ้านแถวนี้ออกมากินหญ้า มีต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านอยู่เหนือโซนงาน เราสี่คนเดินลัดสนามหญ้าไป โซนจัดงานอยู่ตรงกับข้ามบ้านเลยนี่แหละ เดินกันไม่ไกลมาก

 

 

 “โอ๊ย อีแมทมาแล้ว ลูกชายแกร้องหาแกอยู่น่ะ” แบมทำหน้าโล่งใจตอนที่ผมเดินไปถึงหน้างาน

 

 

ที่หน้างานมีแบ็คดร็อปหญ้า (จริง) สีเขียวสดประดับดอกไม้สีขาวสลับสีชมพูอ่อนตามกรอบแบ็คดร็อปหญ้า มีตัวอักษรสีทองเขียนอยู่ด้านบนว่า ‘Welcome To Love Zone’  ด้วยอักษรแบบตัวเขียนคล้ายลายมือคน พื้นด้านหน้าแบ็คดร็อปมีกระดานไม้สีน้ำตาลกว้างเท่าแบ็คดร็อปวางไว้สำหรับให้คนยืนถ่ายรูป ห่างออกไปด้านขวามือของแบ็คดร็อปประมาณสองช่วงแขน (เดาเอง) มีเสาท่อนซุงสีน้ำตาลขนาดใหญ่ฝังอยู่ในหลุมสองอัน ด้านบนมีคานสำหรับแขวนชิงช้าม้านั่งไม้ที่ประดับด้วยเถาวัลย์ดอกกุหลาบสีขาวอย่างสวยงามไปจนสุดเชือกที่ใช้แขวนตัวชิงช้า คนทำตาไม่แตกแต่มือแทบแตกแทนเพราะต้องขุดหลุมฝังเสาสองอันนั้น กระเถิบมาด้านหน้าแบ็คดร็อปมีโต๊ะยาวปูผ้าสีขาวประดับดอกตามขอบโต๊ะวางตั้งในแนวเฉียงกับซุ้มประตูงาน ไว้สำหรับให้แบม เก้า แชมป์นั่งรับแขกกันสามหน่อ บนโต๊ะมีตะกร้าของชำร่วยกับของขวัญที่แขกเอามาให้วางอยู่แล้วก็สมุดโน้ตอวยพรเล่มใหญ่เปิดค้างไว้ที่สักหน้าหนึ่ง

 

 

“แฝดอยู่ไหนอะ” ผมทำท่าจะเดินแหวกผ่านซุ้มประตูไม้ทรงสี่เหลี่ยมที่มีขนาดสูงเกินตัววิคเตอร์ มีพวงเถาวัลย์ดอกไม้หลากสี ทั้งสีส้ม สีม่วง สีแดง สีขาว สีชมพูและใบไม้สีเขียวแซมอย่างน่ารักเลื้อยประดับจากฐานเสาขึ้นไปด้านบน ด้านล่างฐานเสาทั้งสองมีฐานไม้รองรับ สะดวกแก่การเคลื่อนย้าย

 

 

“มึงอยู่นี่ๆ เดี๋ยวกูให้พ่อกับแม่อุ้มออกมาให้” ไอ้แชมป์เดินแหวกผ้าม่านสีขาวที่ใช้ปิดด้านในงานเข้าไปด้านใน ข้างๆ ซุ้มทั้งสองกั้นโซนงานด้านในไว้ด้วยฉากระแนงไม้ท่อนซุงที่ใช้เชือกมัดติดกัน เป็นงานฝีมืออย่างแท้จริง เพราะอีแชมป์กับอีวอร์มที่เป็นคนทำ ทำจนมือพุพองเหมือนฝี หน้าระแนงไม้กั้นฉากฝั่งตรงข้ามกับเก้าอี้ทำเป็นมุมถ่ายรูปน่ารักๆ ด้วยการปักพลั่วจิ้มไว้ในดิน บนพลั่วติดป้ายไม้สีน้ำตาลเข้มรูปทรงลูกศรชี้เข้าไปในงาน มีตัวอักษรสีขาวเขียนว่า ‘GIANT & ALIEN’S WEDDING’  มีก้อนอิฐสีน้ำตาลขนาดใหญ่วางรอบๆ พลั่วเป็นพื้นที่ยืนถ่ายรูปเล็กๆ บนพื้นอิฐมีกระป๋องรดน้ำต้นไม้แบบสังกะสีไซซ์ต่างกันสี่อัน ในกระป๋องมีดอกไม้หลากสี ซึ่งน่าจะโทนสีเดียวกับตรงซุ้มประตูเสียบประดับอย่างน่ารัก

 

 

“แขกมาครบละป่ะ” เก้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะเปิดสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ ที่มีลิสต์แขกอยู่ในนั้น

 

 

“ครบแล้วนะ ก็จะเว้น พ่อวิคเตอร์ แล้วก็แม่เลี้ยงเขาอะแหละ…” เก้าเงยหน้าขึ้นมามองผม

 

 

“…แฟนใหม่พ่อวิคเตอร์เขาบอกตอนเซ็นอวยพรให้แกอะ” ผมพยักหน้า ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะมาหรอก ชวนก็ชวนเป็นมารยาท ส่วนคุณลุคก็ไม่รู้ติดงานจริงๆ หรือใจเด็ดเผ็ดร้อนไม่มาร่วมงานเอง ส่งภรรยาที่กำลังท้องกับบอดี้การ์ดมาร่วมงานแทน

 

 

“แม่แมทอยู่นี่ครับ แม่แมทอยู่นี่” ผมหันไปมอง พ่อกับไอ้แชมป์อุ้มแฝดในชุดสูทสีดำผูกหูกระต่ายน่ารักน่าเอ็นดูออกมาจากประตูเข้างาน สองหนุ่มร้องไห้น้ำตาเปรอะเปื้อนแก้มยุ้ย ท่าทางยังสะอึกสะอื้นแบบที่เพิ่งผ่านการงอแงมา ผมยิ้มเอ็นดูกับความน่ารักของทั้งสองหนุ่มในชุดสูทที่สั่งตัดมาเพื่อสองมิชลินของผม

 

 

“โอ๋  มิชลินคิดถึงแมทเหรอครับ” ผมพูดเป็นภาษาไทย สองแฝดบิดตัวจากพ่อและแชมป์ชูสองแขนโผเข้าหาผมพร้อมกัน ผมรับทั้งสองคนมาไว้ในอ้อมแขนด้วยความคุ้นเคยแม้ว่าจะหนักมากก็ตาม ดีที่ว่าเล่นเวทออกกำลังกายบ้างเลยอุ้มลูกหมูของพ่อยักษ์ไหว

 

 

“โอ่โห เงียบกริ๊บ” ไอ้แชมป์ว่าพลางมองแฝดด้วยความเหลือเชื่อ สองหนุ่มมองหน้าผมด้วยความประหลาดใจ คงงงๆ ที่วันนี้เห็นผมมีพร็อบแปลกๆ บนหัว

 

 

“พ่อๆ เช็ดน้ำตาให้หลานหน่อย” พ่อคลำกระเป๋าเสื้อสูทสีดำก่อนเลื่อนลงไปคลำที่กระเป๋ากางเกงล้วงผ้าอ้อมของแฝดออกมาแล้วเดินเข้ามาเช็ดน้ำตาให้แฝดจนสะอาด

 

 

“วิคเตอร์ล่ะ” ผมถามพ่อพลางเขย่าตัวแฝดเบาๆ

 

 

“อุ้มไปละ แต่ก็ร้องหาแต่แมะๆ” ผมพยักหน้า พลางหยอกล้อกับสองหนุ่มที่เริ่มอารมณ์ดีมากขึ้น

 

 

“แล้วยังไงเนี่ย ไม่ยอมอยู่กับใครเลย เอานมให้กินก็ไม่เอา” ผมยังคงเขย่าตัวสองหนุ่มเบาๆ ทั้งสองคนเริ่มยิ้มและส่งเสียงอ้อแอ้คุยกันสองคน เป็นการสื่อสารในภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้

 

 

“แอยๆๆ / แอะๆๆๆ” ผมหัวเราะเบาๆ คนอื่นก็หัวเราะกันอย่างตลก สองหนุ่มหันมองทุกคนงงๆ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มเขินพร้อมกับส่งเสียงอิ๊อ๊ะน่ามันเขี้ยว

 

 

“ก็อุ้มเข้าไปพร้อมแมทนี่แหละ”

 

 

“โห อีแมท หนักนะน่ะ” เหมียวพูดด้วยความตะลึง

 

 

“เดี๋ยวให้พ่ออุ้มแฮคเตอร์ ฉันอยู่ด้วยไม่ร้องหรอก” พ่อต้องเดินไปส่งตัวผมให้วิคเตอร์อยู่แล้วตามธรรมเนียมและตามพิธีที่คุยกันมา แต่คราวนี้แค่เพิ่มสองตัวป่วนเข้าไปด้วย

 

 

“ฮู้ยยย ใส่ชุดสูทผูกหูกระต่ายคือแท้ๆ เนาะหลานป้า” แคทกัดปากล่างด้วยความมันเขี้ยวแล้วยื่นหน้ามาหอมแก้มสองหนุ่มคนละที มันเป็นคนเดียวที่ไม่แคร์ว่าลูกผมจะร้องงอแงแค่ไหน มันอยากฟัดก็คือฟัดเลย แฝดก็จะงงๆ อึ้งๆ หน่อย แต่จริงๆ แคทมันยังไม่เคยเจอโมเม้นต์ที่แฝดแข่งกันร้องไห้ อันนั้นน่ะกินยาพาราหนึ่งกระปุกยังเอาไม่อยู่

 

 

เรายืนรอกันอีกสักพักเสียงเพลงก็ดังขึ้นแทนที่เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจากด้านในงาน แคทเดินเข้ามาดึงผ้าสีขาวปิดหน้าผมไว้ พ่อเข้ามาอุ้มแฮคเตอร์แล้วก็ยืนข้างกันเพื่อไม่ให้เจ้าตัวเล็กร้องไห้

 

 

“พ่อครับ พาแมทเข้าไปได้เลย” ไอ้แชมป์หันมาบอกจากทางประตู

 

 

“ว้ายๆ กูตื่นเต้นนน”

 

 

“อีเหมียว ตั้งสติ งานแต่งเพื่อน ไม่ใช่ของหล่อน” ผมยิ้มขำที่อีคู่นี้กัดกันได้ทุกสถานการณ์จริงๆ ผมเดินไปยืนตรงหน้าประตูกับพ่อ สองแฝดยังคงส่งเสียงคุยกันสองคน ผมโล่งใจที่แฮคเตอร์ไม่ได้งอแงจะให้ผมอุ้มด้วยอีกคน พวกเพื่อนผมทั้งหกคนไปยืนต่อท้ายผมกับพ่อแถวละสามคน

 

 

♪~What would I do without your smart mouth? Drawing me in, and you kicking me out~♬

 

 

ผมอ้าปากหวอตาโตด้วยความตกใจเล็กๆ เมื่อได้ยินเสียงเพลงดังขึ้น แต่เป็นในแบบฉบับโคเว่อร์ เสียงคนร้องนั้นช่างแสนคุ้นหู แล้วพอฟังไปอีกสักสามท่อนผมก็ยิ้มกว้างด้วยความขำ

 

 

“เสียงไอ้เตอร์!” ผมหันไปมองหน้าพ่อที่ทำหน้าตื่นๆ พอหันไปมองเพื่อนทุกคน พวกนั้นก็ยิ้มขำกันงงๆ

 

 

“ออโต้จูนหนักมากแน่ๆ” ผมแซว ทั้งที่ตอนนี้น้ำตาผมเอ่อคลอจะเต็มเบ้าตาแล้ว

 

 

“งั้นประเดิมด้วยเพลงที่ผมชอบก็แล้วกัน”

 

 

“น้ำเน่า”

 

 

ผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เราเดินฟังเพลงด้วยกันในเซ็นทรัลปาร์คที่นิวยอร์กแล้วผมเปิดเพลงนี้เป็นเพลงแรกจากไอพอดของผม ตอนนั้นเขาบอกว่าเพลงพวกนี้ปัญญาอ่อน และเพ้อเจ้อ พอได้ฟังเพลงนี้ก็ว่ามันน้ำเน่า แต่สุดท้ายเขาเลือกใช้เพลงน้ำเน่าเพลงนี้ในวันสำคัญของเราสองคน และที่สำคัญเป็นเสียงของเขาเองด้วย แม้อาจจะผ่านการดัดแปลงเสียงมาแล้วก็ตาม แต่มันก็เพราะจริงๆ ฮ่าๆ

 

 

♪~'Cause all of me. Loves all of you…

 

 

ผมกับพ่อก้าวเท้าเดินเข้าไปในงานพร้อมกัน ด้านในโซนงานจัดวางเก้าอี้เป็นสองฝั่ง แหวกตรงกลางไว้เป็นทางเดิน เก้าอี้ที่เราจัดไว้ให้สำหรับแขกที่เชิญมาถูกนั่งเกือบเต็มทั้งหมด ด้านหลังแบ็คดร็อปม่านดอกไม้สีขาวล้วนตรงเวทีพิธีมีต้นไม้ต้นใหญ่ในเขตรั้วบ้านเราโน้มแผ่กิ่งก้านมาทางด้านหน้าให้ร่มเงาแห่งธรรมชาติแก่ทุกคน เป็นของประดับงานจากธรรมชาติมอบให้มา ด้านบนของกิ่งต้นไม้มีตะเกียงห้อยต่างระดับกันอยู่หลายอัน

 

 

♬~You're my downfall, you're my muse. My worst distraction, my rhythm and blues…

 

 

ผมคลี่ยิ้มกว้างให้วิคเตอร์ที่มองมางทางผมอย่างไม่วอกแวก แล้วหันมองไปรอบสถานที่จัดงานอีกที เห็นด้านข้างทั้งสองฝั่งมีเสาไม้กลมๆ ตอกเว้นระยะห่างจากกัน ไม้พวกนั้นมีช่อดอกไม้ผูกประดับตามยอดเสา มีเชือกป่านสีน้ำตาลเส้นใหญ่ผูกร้อยห้อยต่องแต่งด้านล่างสองเส้นซ้อนแบบเว้นระยะห่างกันเส้นล่างกับเส้นบน ช่วงกลางของเสามีเชือกเส้นเล็กๆ ผูกอยู่เป็นแนวยาวและมีไฟหยดน้ำห้อยเป็นม่านบางๆ ไหวไปตามลม

 

 

ผมเลื่อนสายตากลับไปมองบนเวทีแล้วก็ต้องประหลาดใจแบบที่ผสมความดีใจมากกว่าเมื่อกี้ เมื่อเห็นวิคเตอร์ในชุดสูทสีดำผูกหูกระต่ายสีเดียวกับสูทตัวนอกกำลังยืนถือไมค์ร้องเพลงอยู่บนนั้น ผมอ้าปากยิ้มกว้างแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาด้วยความปลื้มปิติ

 

 

'Cause I give you all of me. And you give me all of you…

 

 

วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาอ่อนโยนในขณะที่กำลังขยับปากร้องเพลงด้วยมาดสุขุม เขามองมาที่ผมคนเดียวโดยที่ไม่ได้ขยับสายตาไปมองใครคนอื่นเลย ผมฉีกยิ้มกว้าง หันมองไปรอบตัว ทุกคนมองมาทางผมกับพ่อและแฝดแล้วคลี่ยิ้ม ผมก้มลงมองเฮคเตอร์ เจ้าตัวเล็กมองไปรอบๆ แบบงงๆ พอมองแฮคเตอร์ก็เห็นเขากำลังมองตรงไปทางพ่อแบบสนอกสนใจ

 

 

“You're my end and my beginning. Even when I lose I'm winning. 'Cause I give you all of me. And you give me all of you…”

 

 

วิคเตอร์ยื่นมือซ้ายมาหาผมตอนที่เดินถึงเวทีไม้สีน้ำตาลเข้มเตี้ยติดดิน ผมยื่นมือซ้ายไปจับมือเขา ก้าวเดินขึ้นไปบนเวทีในขณะที่เขายังร้องเพลงขับกล่อมผมและคนในงาน เขาหันไปโค้งตัวให้พ่อที่เดินมาส่ง พ่อยักไหล่สองข้าง ส่งแฮคเตอร์มาให้ผมอุ้มก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปนั่งกับแม่ที่เก้าอี้แถวหน้า พวกเพื่อนๆ ผมเดินขึ้นมายืนอยู่ฝั่งผมเหมือนที่พวกเพื่อนวิคเตอร์ยืนอยู่ฝั่งเขา ผมหันไปยิ้มให้กับวิคเตอร์ เขาใช้มือซ้ายดึงผ้าคลุมหน้าสีขาวขึ้นไปด้านบน ผมยิ้มกว้าง น้ำตาไหลพรากออกมาด้วยความดีใจและอบอุ่นหัวใจ ยิ่งได้ยินเสียงเขาร้องเพลงสดๆ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่คบกันมาผมก็ยิ่งอิ่มใจ ผมหันไปมองพ่อกับแม่ พ่อนั่งตาแดงๆ ส่วนแม่นั่งร้องไห้เงียบๆ พอหันไปมองพวกเพื่อนๆ เหล่าน้องนีก็ร้องไห้กันทุกคน ผมหันกลับมามองวิคเตอร์ก่อนก้มลงมองแฝดที่มองพ่อร้องเพลงตาแป๋วแล้วก็ยิ่งร้องไห้หนักเพราะผมคิดถึงไวโอล่า

 

 

“…I give you all of me. And you give me all of you, oh oh.”

 

 

*All of me – John Legend

 

 

แปะๆๆๆ

 

 

เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากวิคเตอร์ร้องเพลงจบ ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา ทั้งสุขใจและคิดถึงคนที่จากไป

 

 

วิคเตอร์ยื่นไมค์ให้อันเดรรับไป เขาก้มลงมาจูบปากผมท่ามกลางเสียงปรบมือที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงผิวปากดังวี้ดวิ้วไปทั่วงาน คลอไปกับเสียงดนตรีที่ยังคงเปิดประกอบบรรยากาศ

 

 

“ร้องไห้ทำไม” วิคเตอร์ยิ้มพลางใช้สองมือเช็ดน้ำตาให้ผม

 

 

“เสียงคุณน่ากลัว” ผมหัวเราะ น้ำตาทะลักออกมาอีกครั้ง วิคเตอร์ยิ้มขำก่อนก้มลงมองสองหนุ่มที่อยู่ในอ้อมแขนผม

 

 

“ไอ้ลูกหมู” เขาอุ้มแฮคเตอร์ไปไว้ในอ้อมแขน เราหันไปมองทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเรา ผมยิ้มด้วยความปลื้มใจ และในใจก็ไม่เคยลืมไวโอล่า ถ้าเธออยู่ เธอจะเป็นคนที่ร้องไห้หนักที่สุดแน่นอน

 

 

“โอเค เอาล่ะ อย่างที่เรารู้กันนะคะว่าไม่มีพิธีให้คำมั่นสัญญาอะไรทั้งนั้น เพราะเจ้าบ่าวของเราทำไม่ได้…” เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อเอมิลี่พูดออกไมค์ วิคเตอร์กลอกตามองบน ผมยิ้มขำกับพิธีงานของเราสองคนที่ไม่ได้ทำตามพิธีใดๆ เลือกทำตามใจกันซะมากกว่า แต่มันก็เป็นเพราะเราจดทะเบียนไปแล้วด้วยแหละ

 

 

“…แต่เราทุกคนจะมาร่วมเป็นสักขีพยานความรัก ความรักที่ไร้พรมแดนของเขาทั้งสองคน…” เอมิลี่เสียงสั่น แต่เธอก็มีรอยยิ้ม ผมคลี่ยิ้ม เธอยิ้มตอบกลับมา เสียงชัตเตอร์ดังรัวๆ ช่างภาพวันนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากอดัมสุดหล่อของผม

 

 

“…ฉันเห็นเขาทั้งคู่ตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอกัน วันนั้นสองคนนี้ไม่มีใครยอมใคร และเพราะแบบนั้นฉันเลยจับให้เขาทำงานด้วยกัน เพราะฉันคิดว่าแมทจะเอาวิคเตอร์ได้อยู่หมัด แล้วเขาก็ทำได้จริงๆ…” ผมหัวเราะพลางกระชับอ้อมแขนที่อุ้มเฮคเตอร์อยู่ให้สบายมากขึ้น

 

 

“…คนสองคน อยู่ไกลกันคนละฟากฟ้า แต่พวกเขาก็มาพบกันจนได้ แล้ววันนี้พวกเขาก็มาอยู่ใกล้กัน และอยู่ด้วยกัน” เอมิลี่ยิ้ม เสียงปรบมือดังขึ้น เธอเดินเอาไมค์ไปยื่นให้พ่อผม พ่อนิ่งสักพักก่อนจะยกไมค์ขึ้นพูด

 

 

“ไอ้เตอร์…” พวกเพื่อนผมหัวเราะกันเสียงดัง

 

 

“…กูรู้นะว่ามึงทำให้ลูกกูเสียใจบ่อยๆ แต่ลูกกูเขาก็ปกป้องมึงตลอด ฉะนั้นมึงต้องปกป้องลูกกูให้ดี กูกับแม่เลี้ยงแมทมา กูรัก กูถนอมของกูมาอย่างดี…” ไอ้แชมป์เดินเข้ามาแปลให้วิคเตอร์ฟัง เขาพยักหน้าแล้วมองหน้าผม

 

 

“…กูรู้มึงก็รักลูกกูมาก ตอนนี้มึงก็เป็นลูกชายกูอีกคน ดูแลกันให้ดี กูหวังแค่ว่ามึงจะยังเป็นไอ้เตอร์คนนี้ เพราะถ้ากูกับแม่เป็นอะไรไป กูก็จะจากไปอย่างหมดห่วงว่าลูกกูมีคนดูแลอย่างดีแล้ว” ผมร้องไห้อีกครั้ง ส่งยิ้มให้ทั้งสองคน แม่ผมร้องไห้ตาแดงจมูกแดงแต่ก็ยิ้มตอบกลับมา ผมมองคนสองคนที่ทำให้ผมมีชีวิตและมายืนอยู่ตรงนี้ แม้ในหลายปีของชีวิตที่ผ่านมาเราจะไม่เข้าใจกัน เราต่างคนต่างอยู่ แต่ตั้งแต่วันที่เราเข้าใจกันจนกระทั่งวันนี้ ผมดีใจและมีความสุขเหลือเกิน

 

 

“ไม๊ต๋องฮวง” ฝั่งคนไทยหัวเราะกับการพูดภาษาไทยของวิคเตอร์ ตอนนั้นเองที่ผมเห็นเอิร์ทนั่งอยู่กับบาสหลังสุดฝั่งเดียวกับพ่อแม่ผม ผมยกมือโบกทักทายเขา เอิร์ทโบกมือตอบกลับมา

 

 

หลังจากพ่อพูดจบและแม่ไม่มีอะไรพูดต่อ ออสตินที่อุ้มฟอกซ์ไว้ในมือซ้ายก็เดินมาตรงกลางทางเดินโดยมีไมเคิลกับลูกๆ เดินนำ คุณพ่อลูกดกคาบตะกร้าสีน้ำตาลมาด้วย ในนั้นมีกล่องไม้ใส่แหวนวางอยู่ เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะดังครืนๆ

 

 

“มูๆๆ / แอ๊ะๆๆ” สองหนุ่มส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดเมื่อเจอลูกๆ ของไมเคิล เจ้าสามตัวนั้นกระโดดโลดเต้นจะเล่นกับแฝด สองหนุ่มส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างน่าเอ็นดู เกิดความชุลมุนเล็กๆ เพราะครอบครัวไมเคิลพันแข้งขาเราสองคนไม่หยุดและเห่าใส่แฝดกันยกใหญ่ ตอนที่วิคเตอร์ก้มลงหยิบกล่องไม้สองอันขึ้นมา แม่นางเอลซ่าก็ทำท่าจะเข้าไปเลียหน้าแฮคเตอร์ เจ้าตัวเล็กหัวเราะคิก ดีที่ว่าวิคเตอร์ยืดตัวขึ้นมาก่อนที่ ออสตินผิวปากเรียกเหล่าไมเคิลให้เดินตามกลับไปยืนทางด้านหลังสุดของแถวเก้าอี้

 

 

“พ่อๆ มาอุ้มหลานให้ก่อน แม่ด้วยก็ได้” สองตายายลุกขึ้นเดินมาตรงเวที ผมส่งเฮคเตอร์ให้พ่อ ส่วนวิคเตอร์ส่งแฮคเตอร์ให้แม่ แล้วทั้งคู่ก็มายืนตรงกลางระหว่างเรา อาดอมขึ้นมายืนตรงหน้าพวกเรา แล้วก็กล่าวด้วยเสียงอันดังก้องว่า

 

 

“ทั้งสองคนจดทะเบียนกันไปแล้ว คงไม่ต้องถามแล้วละว่าทั้งคู่จะรับอีกคนเป็นคู่ชีวิตของกันและกันรึเปล่า…” ทุกคนยิ้มแย้ม

 

 

“…วันนั้นมีพยานในการจดทะเบียนอยู่ห้าคน รวมถึงเจ้าตัวเล็กทั้งสองคน แต่วันนี้หนึ่งในนั้นไม่สามารถมาร่วมงานได้ เนื่องจากเธอได้กลับไปสู่อ้อมกอดของพระเจ้า…” ผมยิ้มบาง น้ำตาคลอเมื่อพูดถึงคนที่จากไป แต่ริมฝีปากก็ขยับเป็นรอยยิ้มเมื่อคิดถึงวันแห่งความสุขในวันนั้นที่อย่างน้อยไวโอล่าก็ได้อยู่ในเหตุการณ์สำคัญกับเราสองคน

 

 

“…แต่ผมเชื่อว่าเธอจะมองลงมาจากบนฟ้าด้วยความยินดีและดีใจที่คนที่เธอรักทั้งสองคนมีความสุข ผมขอให้พวกเรายืนขึ้นไว้อาลัยให้กับไวโอล่า คนสำคัญของทั้งสองคน” ทุกคนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เสียงเพลงเบาลง ทุกคนยืนก้มหน้า และเมื่อครบหนึ่งนาทีก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ตอนนั้นเองที่อาดอมปรากาศว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการสวมแหวน

 

 

ไม่ได้มีพิธีรีตรองใดๆ มากในการสวมแหวน เราแค่สวมแหวนที่ซื้อมาใหม่ให้กันและกัน เป็นแหวนสีเงินเนื้อเดียวกัน ของผมคล้ายกับของเดิมที่วิคเตอร์ใช้ขอหมั้น คือตัวแหวนบิดเป็นเกลียวชูช่อยอดเพชรเม็ดเล็ก แต่ราคาอันนี้แพงกว่า อิๆ ส่วนของวิคเตอร์ก็จะวงหนากว่าของผม มีเพชรเม็ดเล็กกว่าของผมประดับตรงกลางแหวน พอเราแลกแหวนให้กันเสร็จวิคเตอร์ก็ก้มลงจูบปากผม ตอนนั้นเองที่เสียงร้องของแฝดดังขึ้น

 

 

“แออออ๊!!!!”

 

 

“ฮื่อๆๆ!!!” เราสองคนหันไปมอง สองหนุ่มขมวดคิ้วมองเราสองคนและทำท่าโผจะเข้ามาหาผมให้ได้ ทุกคนในงานหัวเราะเพราะดูท่าสองหนุ่มจะไม่พอใจที่เห็นวิคเตอร์จูบผม

 

 

“อะไร ฉันจูบก่อนแกเกิดอีก”

 

 

“นาๆๆๆ / ตาๆๆๆ” ผมตาโตด้วยความดีใจและประหลาดใจที่มิชลินพูดได้อีกคนละคำโดยที่ผมไม่ได้สอน ทั้งงานหัวเราะขำกับความงอแงของเจ้าตัวเล็กทั้งสองคน

 

 

“อะ ไปเลยลูกๆ ตาให้ไป” พ่อผมอุ้มเฮคเตอร์คืนมาให้ก่อน ตามด้วยหันไปอุ้มแฮคเตอร์มาจากแม่แล้วส่งให้ผม พอสองหนุ่มอยู่ในอ้อมแขนผมก็หันไปมองวิคเตอร์แบบจับตามองทันที วิคเตอร์มองด้วยความหมั่นไส้แล้วก็ก้มลงมาหอมแก้มผมค้างไว้

 

 

“แออออ๊!!!”

 

 

“อูมมมๆๆๆ” ทั้งสองคนโวยวายเสียงดังและยื่นมือไปรุมดันวิคเตอร์ให้ออกห่างจากผม เสียงหัวเราะดังอย่างต่อเนื่อง พอวิคเตอร์ผละออกไป สองมิชลินก็หันมาหาผมและยื่นหน้ามาทำท่าขอหอมแก้ม ผมเลยก้มหน้าให้สองหนุ่มหอมแก้มผมคนละข้าง

 

 

“Awww.” เสียงร้องด้วยความเอ็นดูดังไปทั่วงาน ผมหัวเราะ สองพี่น้องมองหน้าผมแล้วหันไปมองวิคเตอร์อีกที ไอ้เตอร์ตัวพ่อก้มลงมาจุ๊บปากผม แฝดร้องโวยวาย แต่พอวิคเตอร์ออกไปก็หยุด

 

 

“แกจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันจริงๆ ใช่มั้ยไอ้ลูกหมู”

 

 

“นาๆๆๆ” ผมหัวเราะอ้าปากกว้าง ทุกคนในงานขำกันจนกลบเสียงเพลง สามพ่อลูกเถียงกันเรื่องผมอยู่อย่างนั้น วิคเตอร์ทำท่าจะเข้ามาจูบผมอีก สองแฝดรีบร่วมใจกันกอดคอผมไว้แน่นราวกับจะปกป้องผมไม่ให้ถูกวิคเตอร์รุกรานได้

 

 

“ทำดีมากหลานตา”

 

 

“พ๊มลู้เหลื่องนะพ้อ”

V
v
v
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 15-08-2018 18:53:44
V
v
v

ผมหัวเราะ ดูท่ายกนี้ไอ้ยักษ์จะแพ้ เพราะโดนรุมถึงสามคน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและมีความสุข ได้ยินเสียงเอมิลี่ประกาศว่าเดี๋ยวจะมีโยนดอกไม้ เสร็จแล้วก็จะเป็นอาหารเย็น แม้ว่าตอนนี้แสงแดดจะค่อนข้างสว่างอยู่ แต่เดี๋ยวนั่งๆ กันไปอีกไม่เกินสองชั่วโมง ก็จะกลายเป็นอาหารเย็นที่แท้จริงไปเองโดยอัตโนมัติ ถ้าเป็นที่ไทยเวลานี้ คือพระอาทิตย์สีส้มสาดเต็มท้องฟ้าแล้ว ที่นี่ก็เพิ่งจะเริ่มเห็นสีส้มอ่อนๆ

 

 

“Ready?” ผมเอี้ยวหน้าไปถามเหล่าบรรดาสาวๆ หนุ่มๆ ที่ยืนออกันอยู่ด้านหน้าเวที ทุกคนมาเล่นกันสนุกๆ ทั้งนั้นแหละ ไม่ได้จริงจังหรอก จะมีก็แต่เหมียว

 

 

“Go!!!” มันตะโกนเสียงดังสุด พวกเพื่อนผมหัวเราะกับท่าทางจริงจังของมัน ผมหันหลังให้ทุกคนแล้วก็โยนดอกไม้ขึ้นสูง ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นอยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้ยินเสียงเฮดังขึ้นแทน พอหันไปมองก็เห็นบาสชูดอกไม้ในมือขึ้นโชว์ ผมยิ้มกว้างหัวเราะด้วยความสนุก ยกมือขึ้นปรบมือเสียงดัง หันมองเหมียวก็ตลกหน้าเซ็งๆ ของมันที่ไม่ได้ดอกไม้ คนในงานบางส่วนเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับเราสองคน แฝดมิชลินอยู่ในความดูแลของออสตินและไดอาน่า โดยมีลูกๆ ของไมเคิลและฟอกซ์อยู่เป็นเพื่อนด้วย เลยเป็นเหตุผลที่ทั้งสองคนไม่งอแง เพราะกำลังสื่อสารกับลูกไมเคิลอยู่




“ยินดีด้วย” พวกอันเดรเดินเข้ามากอดเราสองคน วันนี้หนุ่มๆ อยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินนาวี เป็นแก๊งค์เพื่อนเจ้าบ่าวที่ดูดีมาก ซึ่งสีชุดฝั่งผมกับฝั่งวิคเตอร์คือไปกันคนละทางเลย

 

 

“เดี๋ยวคุณก็จะตามผมมาแล้วนะ” ผมแซวเบนเนดิคท์ เขายิ้มเบ้ปากและยักคิ้วหนึ่งที ผมหันไปยิ้มให้อดัมที่ทำหน้าที่ตากล้องอย่างดีมาก เก็บทุกช็อตทุกโมเม้นต์เลยมั้งนั่น ซึ่งผมบอกไปแล้วนะว่าไม่ต้องเอาทุกซีนก็ได้เพราะเขาเป็นตากล้องคนเดียว ผมกลัวเขาจะเหนื่อยเกิน

 

 

“เอิร์ททท” ผมเดินเข้าไปกอดเอิร์ทที่ใส่ชุดสูทสีน้ำเงินมาร่วมงาน เขากอดผมตอบ เรากอดกันพักนึงแล้วก็ผละออกจากกัน ผมยิ้มกว้างดีใจที่เห็นเขา

 

 

“ดีใจนะที่ได้มาร่วมงานแมทด้วย ไม่คิดว่าไอ้ฝรั่งมันจะยอมให้มา” ผมหัวเราะเบาๆ หันไปมองวิคเตอร์ที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนตัวเองอยู่ทั้งกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนในวงการที่หนึ่งในนั้นมีชารอนอยู่ด้วย

 

 

“พี่แกมั่นใจในตัวเองน่ะเลยให้เอิร์ทมา” เอิร์ทเบะปากเล็กน้อย เขาหล่อขึ้น แต่น่าจะผอมลง หรือเท่าเดิมผมก็ไม่แน่ใจ ไม่ได้เจอกันนานจนจำไม่ได้

 

 

“งานน่ารักดีนะแมท คนไม่เยอะเกินไปด้วย”

 

 

“เอาไปเป็นไอเดียได้นะบาส” หนุ่มแว่นหัวเราะเบาๆ

 

 

“เอิร์ท คืนนี้นอนที่บ้านนะ นอนกับบาสเนี่ย”

 

 

“โอ๊ย มันขนเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้ว” ผมปรบมือเปาะแปะดีใจ ตั้งแต่ไวโอล่าจากไป ผมคิดว่าผมกลายเป็นคนชอบอยู่กับคนหมู่มาก แต่ก็ต้องเป็นคนที่เรารู้จักดีด้วยนะ

 

 

“ดีเลย จะได้ปาร์ตี้ให้เต็มที่ เอ้อ โสดหรือมีคู่เนี่ยตอนเนี้ย” เอิร์ทกระตุกยิ้ม

 

 

“ก็คุยๆ อยู่” ผมคลี่ยิ้มดีใจแทนเขา

 

 

“แมทดีใจกับเอิร์ทจริงๆ นะ” มองหน้าเขาแล้วก็คิดถึงตอนที่เราอยู่นิวยอร์กด้วยกัน วันเวลาเหล่านั้นมันผ่านมาแบบที่เรียกได้ว่าหลายปีแล้ว

 

 

“เดี๋ยวแมทไปคุยกับคนอื่นก่อนนะ ตามสบายเลย อาหารน่าจะมาเสิร์ฟแล้วล่ะ” เอิร์ทยิ้มให้และเดินออกไปด้านนอกกับบาส ผมเดินทักทายกับแขกคนอื่นๆ แขกทางฝั่งวิคเตอร์ผมก็ไม่ได้รู้จักทุกคนแต่ก็ขอบคุณเขาที่มากัน ผมเข้าไปคุยกับตีน่าที่ตอนนี้ท้องโตมากแล้ว

 

 

“เขาติดงานจริงๆ แต่ก็นะ ถ้าเขาอยากมาจริงๆ เขาก็มาได้นั่นแหละ” ตีน่าฉีกยิ้มแหยและทำหน้าเบื่อ ผมขำด้วยความเข้าใจและบอกให้เธอทำตัวตามสบาย

           

 

ผมเดินเข้าไปหาวิคเตอร์ที่ยืนคุยกับเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าว ฝั่งพวกเพื่อนผมตอนนี้กำลังถ่ายรูปเล่นกัน หอบชุดที่สั่งตัดข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงอังกฤษ ก็ต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ระหว่างนั้นออสตินกับพ่อและพวกเชฟที่เราจ้างมาก็เริ่มยกเก้าอี้บางส่วนไปจัดคู่กับโต๊ะนั่งทานอาหาร ไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มเห็นพ่อกำลังทำงานก็เลยเดินตามไปสมทบ

 

 

“อ้าวเฮ้ย พวกแกไปช่วยพ่อตาฉันหน่อย” พวกอันเดรกรูกันเข้าไปช่วยพ่อผมยกเก้าอี้ และช่วยเอาซุ้มประตูกับฉากระแนงไม้ออกจากจุดที่วางอยู่ วิคเตอร์บอกให้เอาระแนงไม้ไปวางสองฝั่งข้างของแบ็คดร็อปม่านดอกไม้ตรงเวที แล้วเอาซุ้มประตูไปวางไว้ด้านหลังแท่นดีเจ ตอนนั้นเองที่ผมเห็นเพื่อนนักแสดงชายของเขาที่เป็นคนเอเชียแบบชัดๆ

 

 

“เพื่อนคุณที่เป็นดีเจเขามาจากประเทศอะไรในเอเชียนะ”

 

 

“ไต้หวัน แต่มันเป็นลูกครึ่ง อเมริกันกับเอเชีย เฮ้ ไทเลอร์!” วิคเตอร์ตะโกนเรียกเพื่อน นี่คบกันเพราะหนวดเครารึเปล่าเนี่ย แต่คนนี้เคราดูสะอาดสะอ้านมากกว่าวิคเตอร์ ดีเจรูปหล่อหน้าคมคายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มมันเลื่อมเดินจากแท่นดีเจมาหาเราสองคน เขายิ้มกว้างมาแต่ไกล โอ่โห ขนาดอยู่ไกลรอยยิ้มยังสว่างจ้ามาถึงนี่ คนอะไรมันจะยิ้มน่ารักน่ามองขนาดนั้น

 

 

“ยินดีด้วยอีกที” เพื่อนวิคเตอร์ที่ชื่อไทเลอร์ยื่นมือมาเช็กแฮนด์แสดงความยินดีกับเราสองคน ผมยิ้มตอบกลับไป รอยยิ้มของเขานุ่มละมุนมากเลยอ่า

 

 

“มันช่วยฉันเรื่องร้องเพลง” วิคเตอร์ยักคิ้ว ผมทำปากว่าอ้อและยิ้มกว้างเป็นการขอบคุณเขา นี่สูงกว่าวิคเตอร์อีกนะ แล้วไม่ได้สูงกว่าเล็กน้อยด้วย วิคเตอร์กลายเป็นสูงแค่คอผู้ชายคนนี้เลย เป็นผู้ชายเอเชียที่ตัวสูงมาก และหล่อมาก

 

 

ป้าบ!

 

 

“โอ๊ย!” ผมยกมือกุมหลังหัวที่โดนฝ่ามือฟาดเข้ามาเกือบเต็มแรง ไอ้ยักษ์มองผมด้วยสายเข่นเขี้ยว คุณดีเจหัวเราะจนเกือบจะตาหยี

 

 

“เพิ่งแต่งงาน เพิ่งแต่งงาน” วิคเตอร์ถลึงตามอง ผมมุ่ยหน้า หันมองดูความหล่อของความอเมริกันและความเอเชียที่แสนจะลงตัวของคุณไทเลอร์ด้วยความชื่นชม

 

 

“อาหารมาแล้ว อย่าเปิดเพลงเพลินจนลืมกิน” คุณดีเจยักคิ้วและยิ้มมุมปาก วิคเตอร์จูงมือผมไปคุยกับแขกคนอื่น ซึ่งตอนนี้ทุกคนเริ่มทยอยออกมานั่งที่โต๊ะทานอาหารกันแล้ว ผมออกแบบให้จัดโต๊ะเป็นรูปตัวยูซ้อนกันสองชั้น ลานตรงกลางของตัวยูและที่หน้าเวทีมีไว้สำหรับออกมาเต้นแร้งเต้นกา ไม่มีการเต้นรำสวยงาม มีแต่เต้นเกินลายเท่านั้นสำหรับงานนี้

 

 

“เดี๋ยวเอาของแจกทุกคนด้วยเลย” ผมเดินไปหยิบตะกร้าของชำร่วย เหล่าเชฟผู้มากฝีมือกำลังเดินเสิร์ฟอาหารให้ทุกคน วิคเตอร์ไปจ้างมาจากโรงแรมในลอนดอนเลย อาหารอร่อย ไม่เลี่ยนจนเกินไป มีอาหารไทยฝีมือแม่ผมร่วมแจมด้วยนิดหน่อย

 

 

“Okay, everyone.” ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองเราสองคน วิคเตอร์ถือขวดไวน์แบบมีจุกขึ้นมาถือไว้ ผมมองไปทางแฝดที่อยู่ตรงกลางกับพ่อกับแม่ผม สองหนุ่มมองมาที่ผมกับวิคเตอร์ตาแป๋ว

 

 

“Thank you very much. Thank you for loving us. Thank you love that bring us here. (ขอบคุณมาก ขอบคุณที่รักเรา ขอบคุณที่รักนำพาเราทุกคนมาที่นี่)” ทุกคนปรบมือ วิคเตอร์เขย่าขวดแชมเปญแรงๆ ก่อนจะดีดจุกไม้ออก เครื่องดื่มสีขาวเหลือง (เหมือนฉี่เลยแฮะ) พวยพุ่งลงพื้นหญ้า อันเดรรีบยื่นแก้วมารองรับอยู่สามแก้ว ผมยืนยิ้มปรบมือเปาะแปะ พวกเพื่อนสีเขียวของผมยืนอยู่ด้านหลังของแถวหลังสุด พวกมันโบกไม้โบกมือให้อย่างเริงร่า เสียงเพลงจากดีเจไทเลอร์ขับกล่อมอย่างเบาสบาย

 

 

“Cheers!” วิคเตอร์ชูแก้วขึ้น ทุกคนขานรับคำเดียวกันพร้อมกับชูแก้วขึ้นก่อนจะยกขึ้นดื่ม เป็นการเปิดฉากงานปาร์ตี้ยามเย็นที่ยังไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่เมื่อวัดจากแสงอาทิตย์

 

 

ผมเดินแจกของชำร่วยให้กับทุกคนในงานพร้อมกับพูดคุยกับคนนั้นนิดคนนี้หน่อย วิคเตอร์ดึงเก้าอี้สองตัวไปไว้ฝั่งตรงข้ามกับพ่อกับแม่ผม ก็คือรอบนอกด้านในของตัวยู พอผมแจกของชำร่วยให้กับทุกคนในงานเสร็จก็เดินไปนั่งกับวิคเตอร์และรับแฝดมานั่งบนตักตัวเองกับวิคเตอร์ สองหนุ่มยังกินอาหารแบบคนโตไม่ได้ แต่ผมก็เตรียมอาหารอ่อนและนมมาพร้อม เลยหมดกังวลว่าแฝดจะงอแงไป เรานั่งกินอาหารกันท่ามกลางอากาศเย็นสบาย เสียงเพลงเพราะๆ และเสียงหัวเราะที่ดังเป็นระยะ

 

 

บรรยากาศนี้ช่างอบอุ่นหัวใจ

 

 

พอถึงช่วงเวลาที่พระอาทิตย์หายไปจากท้องฟ้า ตะเกียงที่ห้อยบนต้นไม้ก็ส่องแสงสว่างไปทั่วงาน และเนื่องจากห้อยไว้เยอะจนนึกว่าเป็นผลมะม่วง มันเลยให้แสงสว่างแบบเต็มสตรีมมาก ม่านไฟหยดน้ำที่ห้อยแต่งแต่งส่องแสงสีเหลืองนวลตาเป็นกำลังเสริม ออสตินเดินไปเปิดไฟในตัวบ้านและรอบๆ บ้าน ทำให้บรรยากาศกลับมาครึกครื้นเพิ่มเติม เสียงเพลงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเพลงตื๊ดๆ คนที่กรึ่มได้ที่ก็เริ่มวาดลวดลาย สร้างสีสันให้กับงาน ผมเห็นพวกเพื่อนๆ ตัวเองและฝั่งเพื่อนเจ้าบ่าวออกไปจุดไฟเย็นกันด้านหลังโต๊ะแล้วก็โบกไปมาพร้อมกับโยกเต้นไปกับจังหวะเพลง ผมนั่งมองบรรยากาศที่แสนสนุกสนานแล้วก็ยิ้ม แฝดที่ดูจะชอบเสียงเพลงก็นั่งโยกตัวอย่างน่าเอ็นดูบนตักผมกับวิคเตอร์ พอผมยิ้มให้ก็ยิ้มหวานตอบ

 

 

“อีแมทๆ ไฟเย็นๆ เอามาเผื่อ มีอีกเพียบ!” แคทเดินเอาไฟเย็นขนาดใหญ่เข้ามาให้ผม วิคเตอร์เอาไฟแช็คมาจุดไฟให้ พอประกายไฟติด แฝดก็ส่งเสียงร้องตื่นเต้น

 

 

“ตาๆๆๆ” มือป้อมน้อยๆ ยื่นมาจะจับด้ามไฟ ผมยัดใส่มือเฮคเตอร์แต่ก็คอยระวังไว้ วิคเตอร์ถือให้แฮคเตอร์นั่งมองตาแป๋ว อดัมมานั่งยองๆ ตรงหน้าเราสี่คนแล้วกดถ่ายรูป ผมกับวิคเตอร์ฉีกยิ้มกว้างท่ามกลางประกายไฟเย็น

 

 

“จูบกันหน่อย” อดัมบอก ผมหันไปจูบปากกับวิคเตอร์ที่ตอนนี้หน้าแดงน้อยๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ พอรู้สึกว่าอดัมน่าจะได้ไปหลายภาพก็หันกลับไปมอง เขายกมือขึ้นว่าโอเคแล้วก็เดินไปถ่ายรูปต่อ ตรงลานกลางตัวยูมีเหมียวกำลังออกสเต็ปกับอันเดรสองคนโดยมีเพื่อนคนอื่นคอยเชียร์ ผมมองแล้วก็นั่งหัวเราะ

 

 

“มะ มะ” ผมก้มลงมอง เฮคเตอร์แหงนหน้ามองผมอยู่ ผมเห็นว่าไฟเย็นดับแล้วเลยจุดให้เขาอีกอัน พอเห็นว่าไฟกลับมาติดอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กก็หัวเราะอารมณ์ดี ส่วนเจ้าคนน้องกำลังนั่งปรบมือแปะๆ สายตามองป้าๆ ลุงๆ ออกสเต็ปเต้นกันสนุกสนาน

 

 

“สรุปเราใช้แฮชแท็กไหน” วิคเตอร์ถามพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม

 

 

“แฮชแท็กผมสิ ของคุณอะไรก็ไม่รู้”

 

 

“#GiantIsTheGodOfAlien เท่ออก”

 

 

“ไม่เอา ใช้ของผม”

 

 

“ไม่ ฉันบอกเพื่อนไปแล้วว่าให้ใช้อันนี้”

 

 

“นี่งานแต่งของเราสองคนรึเปล่า =_=”

 

 

“ใช่สิ แค่คนละแฮชแท็ก ฉันไม่ใช้อันนั้นหรอก เดี๋ยวคนหาว่าฉันกลัวเมีย” ผมถลึงตาใส่เขา

 

 

“แหม ทำเก่ง ไม่กลัว”

 

 

“ใช่ ไม่กลัว ฉันกลัวที่ไหนกัน” ผมยกมือซ้ายดึงหูเขาเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ ไอ้ยักษ์ยกมือขวามาผลักหัวผมแรงกว่าอีก!

 

 

“แอะๆๆๆ” ผมก้มลงมองสองหนุ่มที่ขมวดคิ้วใส่พ่อด้วยท่าทีไม่พอใจแล้วก็หัวเราะ ก่อนก้มลงหอมหัวเจ้าตัวน้อยทั้งสองคนคนละที

 

 

“จะทำร้ายผมอะคิดดีๆ ก่อนนะ เดี๋ยวโดนองครักษ์ผมเล่นหรอก”

 

 

“เดี๋ยวฉันจะส่งมันไปอยู่ไทยกับพ่อแม่นาย จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวาย”

 

 

“งั้นผมจะไปด้วย คุณก็อยู่อังกฤษไปคนเดียวละกัน”

 

 

“พูดเล่น” ไอ้ยักษ์ว่าหน้ามึน ผมยิ้มคิกคัก ไอ้ยักษ์ทำหน้าเซ็ง ยกไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว นั่งมองเพื่อนๆ เต้นกันอย่างคึกคักและลายใหญ่มากอยู่ด้านหน้าเวที ให้ความรู้สึกถึงคอนเสิร์ตหมอลำบ้านเราเหมือนกัน

 

 

“บอกเพื่อนคุณด้วยว่าใช้แฮชแท็กไหน” วิคเตอร์หันมามองผมหน้าเซ็งๆ ก่อนจะหันกลับไปมองพวกเพื่อนตัวเองที่กำลังเซิ้ง เอ้ย แดนซ์สนุกสนาน

 

 

“เฮ้ย! เวลาแกลงรูปอะ ใช้แฮชแท็กแมทนะ!!”

 

 

“อ้าว ไหนแกว่าจะต่อต้านให้ถึงที่สุดไงวะ?!” อันเดรหันมาถามด้วยอาการเมาๆ แต่ก็มีรอยยิ้มสนุกสนานอยู่บนใบหน้า วิคเตอร์หน้าบึ้งก่อนตอบ

 

 

“ตามใจไอ้เอเลี่ยนมัน แค่วันนี้วันเดียวแหละ” พวกอันเดรหัวเราะกันเสียงดัง

 

 

“โว้ย ไอ้วิคเตอร์ แกโดนเอเลี่ยนบัญชามาละสิ” คุณเบนหันมาพูดอย่างรู้ทัน นั่นเลยทำให้ไอ้ยักษ์เงียบแล้วตีมึนใส่ พวกเพื่อนเขาเห็นแบบนั้นก็ส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง สร้างความครึกครื้นให้กับงานไปอีกขั้น

 

 

“ทำดีแล้วค่าวิคเตอร์ เชื่อเมีย บีลีฟอินไวฟ์อะ ชีวิตจะเจริญ แฮฟอะกู๊ดไลฟ์นะ ไม่เชื่อถามพี่เคนสิคะ” แคทส่งเสียงเจื้อยแจ้ว พี่เคนยกนิ้วโป้งขึ้นเป็นเชิงบอกว่าจริง

 

 

“ลูกกูว่าไง ก็ว่าตามนั้นแหละไอ้เตอร์” ผมหันไปมองพ่อที่ยื่นมือมาสะกิดวิคเตอร์ ไอ้ยักษ์หันไปมองพ่อกับแม่ก่อนจะยกมือไหว้ขึ้นจรดหน้าผาก

 

 

“ข่าบพ่อ ข่าบแม่” ผมกับเพื่อนๆ หัวเราะลั่น ไม่แน่ใจว่าวิคเตอร์ฟังที่พ่อว่าออกมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ขำที่เขาตอบรับอย่างน่าเอ็นดู

 

 

“เจ้อ…” ผมก้มลงมองเฮคเตอร์ด้วยความประหลาดใจ เจ้าตัวเล็กยิ้มหวาน พ่อกับแม่ผมหัวเราะ มองหลานคนโตตาโตพร้อมกับอ้าปากเป็นรอยยิ้มกว้าง

 

 

“เนอะ ใช่มั้ยครับหลานตา” เฮคเตอร์หัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย มีน้องชายปรบมือให้เป็นกำลังเสริม

 

 

“เรียกชื่อพ่อเหรอครับ” พอจะให้พูดอีกรอบคราวนี้พูดไม่ได้แล้ว เฮคเตอร์หัวร่อเสียงใส พอเห็นพี่ชายหัวเราะ เจ้าน้องชายก็หัวเราะตาม ผมมองแฝดด้วยความรักและเอ็นดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองวิคเตอร์ เขามองผมอยู่ก่อนแล้ว เราคลี่ยิ้มให้กันแล้วก็ยื่นหน้าจุ๊บปากกันหนึ่งที

 

 

“Love you.”

 

 

“Love you, too.”

 

 

-LOVE-

 

 


เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               ถ้าใครที่ติดตามเพจตอมอยู่ แล้วเห็นโพสต์ผ่าน ๆ ตาว่าตอมเคยบอกว่า เขียนไปร้องไห้ไป มันจะมีตอนของไวโอล่ากับตอนนี้แหละค่ะ ตอนนี้คือเขียนก็รู้สึกใจหาย เพราะตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วค่ะ 

               ตอมจะลงตอนพิเศษจากในเล่มให้ได้อ่านกันหนึ่งตอนหลังจากลงตอนสุดท้ายไปแล้ว และจากนั้นก็คือจบแล้วกับเรื่องนี้

               เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 15-08-2018 19:55:14
อบอุ่นมาก ดีต่อใจ งานน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 15-08-2018 20:22:09
อ่านแล้วร้องไห้​ อบอุ่นมากกกกครับ​  ขอบคุณ​ครับ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-08-2018 21:01:26
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-08-2018 21:09:29
 :L2: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 15-08-2018 21:12:41
เป็นตอนที่มีความสุขแต่ก็ซึ้งมากเลยค่ะพี่ตอม น้ำตาซึมเลยตอนอาดอมพูดถึงไวโอล่า  :mew6: :mew6: ทั้งยักษ์ทั้งเอเลี่ยนกว่าจะมาถึงจุดนี้ ยิ่งเปิด All of me คลอไปด้วยแบบตื้นตันใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-08-2018 22:45:39
เป็นงานแต่งงานที่น่าประทับใจมากมาย ^^
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-08-2018 23:37:25
ยินดีด้วย  :mc4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-08-2018 23:56:11
อบอวลไปด้วยความสุข
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 16-08-2018 00:41:34
ยินดีด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยกับทั้งคู่น้า
แต่จะจบแล้วหรอ.. ใจหายจัง  :m15:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-08-2018 05:17:09
แฝด น่ารัก ติดแมท
มีหวงแมท เวลายักษ์หอม ยักษ์จูบด้วย   :mew1:
งานแต่งงาน ยักษ์ร้องเพลงเองด้วย ตาจ้องแต่แมท น่ารัก  :impress2:
ชอบเวลายักษ์พูดไทยโต้ตอบพ่อ   :katai2-1:

ยักษ์ แมท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มากกกกกก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-08-2018 03:59:20
น่ารักมากค่ะ อบอุ่นแบบกวนๆ
วิคเตอร์แมทไม่ทิ้งความเป็นตัวเอง

ถึงจะจดทะเบียนแล้ว แต่งานแต่งเหมือนเปิดตัวและฉลอง

แฝดลูก หวงแมทใช่ไหมคะ แหมมม ใกล้นิดไม่ได้เลยนะ

ตลกทีมเพื่อนแมท อะไรจะรั่วกันขนาดนั้น
ว้าวววว เบนบาสเป็นคิวต่อไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-08-2018 20:49:28
เป็นบรรายากาศงานแต่งที่อบอวลไปด้วยความสุขจริงๆเลย อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-08-2018 00:39:07
ใจหาย จะจบซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 28-08-2018 16:27:33
:katai2-1:  :katai2-1: ยินดีกับทั้งคู่ มาถึงตอนนี้ก็อยากจะให้มีต่อไปเรื่อยๆ ชอบความครอบครัวในตอนนี้จัง
ส่งกอดไปให้คุณขุ่นเจ้ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.39 100% :15.08.61:
เริ่มหัวข้อโดย: zoiesty ที่ 31-08-2018 20:22:00
ยังไม่อยากให้จบเลย สนุกมากๆๆ :m15:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 01-09-2018 19:17:44

The last wish from the gift of god.
พรข้อสุดท้ายจากของขวัญของพระเจ้า






Epilogue.

บทส่งท้าย

 

 

          “แฝด มานี่เร้ว นี่ๆ แมทอยู่นี่” แมทกวักมือเรียกลูกชายวัยสิบเดือนทั้งสองคนที่อยู่ในท่าคลาน สองหนุ่มยิ้มหวานแล้วก็ออกตัวคลานพร้อมกันนั่นเลยทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เมื่อหัวรถหมูชนกันตุ้บ สองหนุ่มน้อยหันมองหน้ากันงงๆ แล้วก็หันมองแม่แมทที่นั่งขำท้องแข็งอย่างงงงวย

           

 

“ตาๆๆๆ” แฮคเตอร์บ่นใส่พี่ชาย คนพี่ที่โดนบ่นถึงกับนั่งลงจุมปุ๊กตัวกลมแล้วเถียงน้องชายกลับ

           

 

“นาๆๆๆ ตาๆ” แฮคเตอร์นั่งลงบ้าง มีการยืดตัวขึ้นข่มพี่ชาย แมทนั่งขำจนคอแห้ง มิชลินคนน้องหันมองแม่แมทแล้วก็คลานหนีพี่ชายเข้าไปหาคุณแม่ เจ้าพี่ชายไม่ยอม คลานตามมานั่งบนตักแมทอีกคนและพยายามดันน้องชายออกไปจากตักแม่แมท คนน้องเลยร้องงอแงไม่ยอม

           

 

“แอ่ะๆ ไม่เอานะๆ รักกันสิครับ รักกัน แมทรักมิชลินทั้งสองคนเลย…” แมทแสร้งทำหน้าดุ สองแฝดนิ่งมองหน้ากันแล้วก็แหงนหน้ามองแมท คนที่อยู่ในสถานะแม่แม้ร่างกายจะเป็นผู้ชายก้มลงหอมหน้าผากลูกชายทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกัน

           

 

“…จุ๊บๆ กัน ดีกันๆ ไม่ตีกันนะครับ” สองแฝดตาฟ้าอมเทาอ่อนๆ มองหน้ากันสักแปบแล้วก็ยื่นหน้าหอมแก้มกัน แมทหัวเราะเบาๆ ก้มลงจุ๊บหน้าผากสองหนุ่มเป็นของรางวัล มิชลินทั้งสองยิ้มหวานและหัวเราะแฮ่ๆ

           

 

“เด็กดีของแมท ไหนเรียกแมทซิ แมท”

           

 

“แม! / แมมมๆๆ!” แมทหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับความพยายามเรียกชื่อตัวเองของสองแฝด เมื่อเห็นแมทหัวเราะสองหนุ่มแก้มยุ้ยก็หัวเราะร่วมด้วย

           

 

“อีกสองเดือนก็จะได้ไปเมืองไทยแล้ว แฝดตื่นเต้นมั้ยครับ”

           

 

“ฮืมมมๆ” เฮคเตอร์ส่งเสียงและเด้งตัวขึ้นลง แฮคเตอร์แหงนหน้ามองแมทแล้วส่งเสียงเอ๊อะอ๊ะพร้อมกับยิ้มหวาน

           

 

“อะตื่นเต้นเหรอครับ ฮึ คุณตาคุณยายก็ตื่นเต้นมาก เดี๋ยวเราต้องซ้อมไหว้นะครับ”

           

 

“ต๊ะๆๆ” แฮคเตอร์ส่งเสียงเริงร่าและปรบมือเปาะแปะ นั่งขย่มโยงโย่โยงโหย่ะอยู่บันตักฝั่งซ้ายของแมท

           

 

“แอวววว แออออ อูมววว” เฮคเตอร์บิดตัวไปทางซ้ายไปทางขวาอย่างคึกคัก สองแฝดยิ้มโชว์ฟันซี่น้อยๆ ทั้งล่างทั้งบน ตอนที่ฟันขึ้นมาครั้งแรก สองแฝดร้องไห้ทรมานเพราะอาการฟันแทงเหงือกจนคนเป็นแม่ในร่างพ่อร้องไห้เพราะสงสารลูก แต่คุณหมอก็แนะนำแค่ว่ามันจะผ่านไป มันเป็นอาการปกติของเด็กตอนฟันน้ำนมขึ้น กว่าจะผ่านมาได้ก็ใจจะขาดไปกับน้ำตาลูก

           

 

ปรี๊นนนๆ

           

 

สองแฝดที่กำลังนั่งคึกคักอยู่บนตักแม่แมทหยุดชะงักแล้วมองหน้ากันราวกับกำลังหารือกันผ่านทางสายตาว่านั่นเสียงอะไร

           

 

“อุ๊ย เสียงแตรรถใครครับ พ่อยักษ์รึเปล่า” สองแฝดหันรีหันขวางมองหาต้นกำเนิดของเสียงไปรอบห้องโถงแบบงุนงง แมทหัวเราะเบาๆ ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านเข้ามา แล้วสักพักสองแฝดก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด

           

 

“เฮ้ย นั่งบนพื้นไม่ได้รึไงไอ้ลูกหมู” แมทอุ้มลูกลงจากตัก เฮคเตอร์คลานดุ่มๆ ไปหาพ่อก่อน ตามด้วยคนน้องที่คลานตามไปติดๆ เห็นแล้วก็รู้สึกดุ๊กดิ๊กๆ

           

 

“มาทำไมกัน ฉันไม่อุ้มหรอก”

           

 

“อ๊าาาาาา แอวววว ตาๆๆๆ” เฮคเตอร์เริ่มโวยวายก่อน ในขณะที่คนน้องดึงขากางเกงสแล็คสีดำของคุณพ่อแน่น สุดท้ายพ่อยักษ์ก็นั่งลงบนพื้นแล้วจับสองหนุ่มขึ้นอุ้มเต็มสองแขน แมทยิ้มกว้างก่อนเลื่อนสายตามองออสตินที่เดินตามเข้ามาพร้อมกับเหล่าลูกๆ ของไมเคิลที่เข้ามาหาแฝดด้วยความตื่นเต้น

           

 

“ออสติน ผมทำลอดช่อง ขนมหวานไทยของโปรดคุณไว้ให้ด้วยนะ อยู่ในครัวตักกินได้เลย” บอดี้การ์ดหัวเกรียนพยักหน้า กำลังจะก้าวเท้าเดินไปในครัวแต่ก็ต้องชะงักเพราะแฮคเตอร์เห็นเขาพอดี

           

 

“ฟู่ๆๆๆ ฟู่วววว” เจ้าตัวเล็กยกมือขวาป้อมๆ ขึ้นทำท่าบิน ออสตินเห็นก็ยิ้มกว้าง

           

 

“อะ ให้น้าออสตินพาบินให้สมใจเลย” วิคเตอร์ยกมิชลินเบอร์สองให้ออสตินที่ก้มตัวลงมาอุ้มหลานชายขึ้นไปไว้ในอ้อมแขน

           

 

“จะเป็นซูเปอร์แมนเหรอครับ” ออสตินถามหลานที่มองตาแป๋ว สักพักเจ้าตัวเล็กก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นเมื่อคุณน้าพาบินเหมือนซูเปอร์แมน

           

 

“แออออ๊ แอ๊ๆๆ” แมทนั่งยิ้มกับความสนุกของลูกชาย ออสตินพาแฮคเตอร์ออกไปจากห้องโถงตรงไปทางห้องครัว ลูกๆ ของไมเคิลเดินส่ายหางไปดมฟอกซ์ที่นอนอยู่บนโซฟาและทำท่าพร้อมตะปบหน้าทุกตัว เฮคเตอร์กำลังนั่งจับเคราพ่อราวกับเป็นของแปลกใหม่

           

 

“รู้เปล่าว่าแม่แกได้จับหนวดข้างล่างของฉันแทบทุกคืนเลย” รอยยิ้มแมทหุบวืด วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมองแมทแล้วยิ้มทะเล้น

           

 

“ไอ้ยักษ์ มันควรพูดต่อหน้าลูกเหรอห๊า?!” วิคเตอร์หัวเราะ เฮคเตอร์หันมามองแม่ก่อนจะหัวเราะคิกคักตามพ่อ แถมยังทำท่าทีเขินอาย แมทอ้าปากหน้าเหวอ

           

 

“เฮคเตอร์ หนูจะเข้าใจอะไรแบบนี้ง่ายๆ ไม่ได้นะ” เจ้าตัวเล็กหัวร่ออารมณ์ดี คนเป็นพ่อยกมือซ้ายขึ้นทำท่าขอไฮไฟว์ เจ้าตัวเล็กตีมือพ่อกลับแปะๆ แมทยิ่งอ้าปากค้างด้วยความเหวอ

           

 

“ปล่อยให้อยู่กันสามคนพ่อลูกไม่ได้ละ อันตรายต่อเด็กจริงๆ”

           

 

“ฉันก็ไม่คิดอยู่กับไอ้ลูกหมูตามลำพังหรอก หาความสงบไม่เจอ” แมทถลึงตาใส่ไอ้สามีตัวดี ว่ากันตามความจริงก็ไม่มีโอกาสจะได้อยู่กันตามภาษาพ่อลูกสามคนหรอก เพราะแมทไม่ได้ทำงาน ชีวิตประจำวันก็คืออยู่บ้านเลี้ยงลูกและทำงานบ้านต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว

           

 

“หิวรึยัง ได้กินอะไรมาจากงานพรีเมียร์รึเปล่า” วิคเตอร์ปล่อยให้ลูกชายคลานกลับไปหาคุณภรรยา แล้วนึกสักแปบก่อนจะตอบ

           

 

“วันนี้มีแต่เครื่องดื่ม” วิคเตอร์เพิ่งกลับจากงานพรีเมียร์ภาพยนตร์ภาคที่สามของตัวเองที่จัดในลอนดอนเป็นที่สุดท้าย อาทิตย์ที่แล้วก็มีทัวร์โปรโมตหนังในหลายประเทศโดยที่แมทไม่ได้ไปด้วยเพราะติดเลี้ยงลูก จะฝากคนอื่นเลี้ยงแมทก็ไม่ไว้ใจ จะให้พ่อกับแม่บินมาหาอังกฤษก็เกรงใจ เลยอยู่บ้านเลี้ยงลูกเอง อีกอย่างตั้งแต่ประกาศตัวว่าคบกันและมีภาพงานแต่งงานบางส่วนของทั้งคู่ออกไปสู่โลกโซเชียล สื่อหลายเจ้าก็อยากจะทำความรู้จักกับแมท แต่เจ้าตัวไม่ต้องการและวิคเตอร์เองก็ไม่คิดบังคับ

           

 

“งั้นอยากกินอะไร”

           

 

“ไข่เจียวกุ้ง”

           

 

“งั้นดูลูก เดี๋ยวไปทำให้” วิคเตอร์กวักมือเรียกเจ้าตัวเล็กให้เข้าไปหา เฮคเตอร์คลานกลับไปหาพ่ออย่างว่าง่าย แมทลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถง สวนทางกับออสตินที่อุ้มแฮคเตอร์กลับมา

           

 

“เมื่อกี้ผมบิองุ่นม่วงให้เขากินนะครับ พอดีเขางอแงจะกินลอดช่อง ผมเลยให้กินองุ่นแทน” แมทพยักหน้าพร้อมกับยิ้มก่อนจะเดินไปทางครัวเพื่อทำอาหารเย็นให้สองหนุ่มใหญ่ในบ้านทาน

           

 

ชีวิตแม่บ้านอังกฤษ

 

 

 

 

แมทมองสองหนุ่มน้อยตัวจ้ำม่ำนอนหลับทั้งที่ขวดนมยังคงคาปากอยู่ด้วยความเอ็นดูก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดนมออกจากปากมิชลินทั้งสอง ถือเดินออกไปนอกห้องนอน เอาไปล้างทำความสะอาดในครัวให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมเผื่อมีรอบกลางดึกที่ต้องตื่นมาชงนม ตอนที่เดินกลับเข้ามาในห้อง วิคเตอร์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า มีผ้าขนหนูสีขาวคล้องคอผืนเดียว เขาแวะก้มลงมองลูกชายทั้งสองในคอกกันกระแทกแปบหนึ่งแล้วก็เดินไปนั่งเช็ดหัวบนเตียง

           

 

“จะแยกห้องนอนไอ้ลูกหมูเมื่อไหร่” วิคเตอร์ไม่ได้คิดจะผลักไสไล่ส่ง เออ ก็มีบ้างแหละ เขาอยากมีเวลาส่วนตัวกับแมท แต่อีกเหตุผลคือเขากลัวลูกจะติดแมทมากไปจนลำบากในการแยกห้องนอนในอนาคต เพราะทุกวันนี้ไอ้สองแฝดก็ติดแมทจนบางทีเขาแทบจะไม่ได้เข้าใกล้เมียตัวเอง และแมทก็เริ่มบ่นปวดแขนเพราะเวลาอุ้มต้องอุ้มสองคน อุ้มคนใดคนนึงอีกคนก็จะงอแงให้อุ้มด้วย

           

 

“กลับมาจากเมืองไทยก่อนแล้วกัน” แมทตอบพลางขึ้นไปนั่งหลังวิคเตอร์บนเตียงและช่วยเขาเช็ดหัวที่เปียกหมาดๆ

           

 

“ให้นอนห้องวีด้วยกันไปก่อน ขึ้นไฮสคูลเมื่อไหร่ค่อยถามความสมัครใจอีกทีว่าจะแยกห้องนอนมั้ย” พอพูดถึงชื่อคนที่จากไป แมทก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วหยุดเช็ดหัวให้วิคเตอร์ ร่างเล็กดึงผ้าขนหนูออกจากหัวร่างสูง เอาวางไว้บนเตียงก่อนจะกอดคอสามีจากทางด้านหลัง เอาคางเกยไหล่ซ้ายวิคเตอร์ไว้

           

 

“คิดถึงไวโอล่า…” แมทบอกเสียงเบาหวิว วิคเตอร์ยกมือซ้ายขึ้นจับแขนซ้ายแมทไว้ แหวนสีเงินทอกับแสงไฟตรงกำแพงใกล้เตียงวิบวับ

           

 

“เราต่างก็คิดถึงเธอ…” วิคเตอร์เลื่อนมือขึ้นไปลูบหัวแมทเบาๆ

           

 

“…เธอคือคนเติมเต็มให้ครอบครัวเรา” ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้วิคเตอร์จะไม่เคยคิดเรื่องมีลูก ไม่เคยอยากมี เพราะคิดจะอยู่กับแมทแค่สองคน แต่เมื่อต้องการดึงแมทให้ออกจากเส้นทางการทำงาน เขาก็ต้องยอมรับว่าไอ้ลูกหมูสองตัวเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เขาหายเหนื่อยเมื่อกลับจากการทำงานมาแล้วเจอแมทอยู่บ้านกับลูกๆ ไม่ใช่กลับมาแล้วเจอความว่างเปล่าเพราะแมทยังไม่กลับจากที่ทำงาน

           

 

“เธอคือของขวัญพระเจ้าอย่างแท้จริง” แมทพึมพำ วิคเตอร์กระตุกยิ้ม ตอนนั้นเองที่เขานึกอะไรขึ้นได้

           

 

“ยังเหลือพรจากนายอีกข้อนึงที่ฉันยังไม่ได้ขอ…” แมทดันตัวเองออกจากตัววิคเตอร์ คนตัวโตหมุนตัวมานั่งขัดสมาธิตรงหน้าแมท มองหน้าคนตัวเล็กด้วยสายตาเป็นประกาย

           

 

“…ฉันจะขออะไรดี” แมทคลี่ยิ้มน่ารัก กระเถิบตัวขึ้นไปนั่งคร่อมตักวิคเตอร์ สองแขนคล้องคอเขาหลวมๆ คนตัวโตโอบสองแขนไว้รอบบั้นท้ายของคนตัวเล็ก

           

 

“ข้อสุดท้ายแล้วนะ จะขออะไรต้องคิดให้ดี” แมทยิ้มกรุ้มกริ่ม วิคเตอร์หรี่ตามองหน้าแมทและทำท่าครุ่นคิดสักแปบ ก่อนจะเปิดเปลือกตากว้างขึ้นแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆ

           

 

“ขอให้เพิ่มคำขอพรแบบไม่มีที่สิ้นสุด” แมทตาโตอ้าปากหวอ

           

 

“อะไรนะ แบบจะขอต่อไปเรื่อยๆ เงี้ยเหรอ” วิคเตอร์พยักหน้าและยักคิ้วขวาสองที แมทย่นคิ้วสีหน้างงงวย

           

 

“ได้ไง แบบนี้ก็ได้เหรอ”

           

 

“ได้สิ ให้ฉันนะ” แมทหรี่ตามองไอ้ยักษ์หน้าหนวดอย่างไม่ไว้ใจ

           

 

“แสดงว่ามีแววจะทำผิดอีกมากในอนาคต” พ่อรูปหล่อของเอเลี่ยนหัวเราะอารมณ์ดีแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเอเลี่ยนหน้าบูด

           

 

“เราไม่รู้อนาคตหรอก…” แมทมองตาแทบขวาง ยักษ์ใหญ่ยิ้มกว้างตลกขบขัน

           

 

“…ฉันไม่มีเหตุผลที่ขอแบบนี้ ฉันแค่อยากได้พรเยอะๆ จากนาย เพราะฉันรู้สึกว่าพรนายศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” อาจจะงมงายเหมือนพวกเชื่อลัทธิอะไรสักอย่าง ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นวิคเตอร์ก็คืองมงายลัทธิเมียตัวเอง เขายังจำได้กับการที่แมทอวยพรให้เขาได้เล่นหนัง เขาก็ได้ตามที่บอก พรข้อที่สองที่ขอไป แมทก็ให้จริงๆ บอกจะมอบชีวิตให้เขาดูแล ก็ให้อย่างที่ปากว่าและทำตามที่พูดด้วย ไม่เคยทิ้ง ไม่เคยหนีไปไหน

           

 

“แหม ทำมาปากหวาน ที่จริงจะมาขอให้ผมให้อภัยเวลามีชู้ละสิ” แมทพูดไปถลึงตามองไปให้วิคเตอร์หัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจกับปฏิกิริยาที่เอเลี่ยนมี

           

 

“ให้มั้ยพรเนี้ย” แมทพ่นลมหายใจเบาๆ

           

 

“รู้จักขออย่างมีลิมิตล่ะ”

 

 

“แจ๋ว!” วิคเตอร์ชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศอย่างมีชัย สีหน้าฟินซะเหลือเกินกับสิ่งที่ได้มา แมทมองด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะยกมือขวาตีหัวผัวไปหนึ่งที คนตัวโตยกมือขวาจับกลางหัวที่โดนตีแล้วหัวเราะอย่างไม่สนใจความเจ็บ

 

 

“แต่ไม่ได้หมายความว่าขอทุกเรื่องแล้วจะสมหวังทุกเรื่องนะ!” วิคเตอร์ยิ้มทะเล้น มือซ้ายล้วงเข้าไปในกางเกงนอนของแมทแล้วใช้นิ้วกลางลูบตรงร่องก้นเบาๆ

 

 

“งั้นอันนี้จะสมหวังรึเปล่า” วิคเตอร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม แมทเม้มปากกลั้นเขินแล้วก็พยักหน้าหนึ่งที

 

 

“อันนี้ได้ ให้” คนตัวเล็กหัวเราะคิกคัก วิคเตอร์ยิ้มกว้างจนร่องแก้มขึ้น จับร่างที่นั่งอยู่บนตักตัวเองนอนลงบนเตียง สองมือถอดกางเกงนอนของแมทออกแล้วโยนไปด้านล่าง แมทตั้งขาสองข้างขึ้น วิคเตอร์แทรกตัวลงไปตรงกลางระหว่างขาของแมท ก้มหน้าลงไซ้ซอกคอหอมกลิ่นน้ำนมอย่างนุ่มนวลไม่รุนแรง

 

 

ในขณะที่อารมณ์ของทั้งสองคนกำลังค่อยๆ ไต่ระดับขึ้น ก็ต้องมีอันสะดุดเพราะเสียงนี้

 

 

“แอออ้!!” วิคเตอร์หันควับไปมองทางคอกกันกระแทก สิ่งที่เห็นคือมือป้อมๆ สี่มือเกาะขอบกันกระแทก และเห็นใบหน้าครึ่งบนของสองพี่น้องที่มองมาทางเขากับแมท

 

 

“ไอ้ลูกหมู” วิคเตอร์คำราม

 

 

“อูๆๆๆ / นาๆๆๆ” สองแฝดส่ายหัวไปมา สักพักก็หายวับไปจากขอบกันกระแทก แต่เสียงอ้อแอ้ยังคงดังอย่างต่อเนื่องราวกับกำลังร้องเรียกให้พ่อกับแม่ไปหา วิคเตอร์กลอกตาหน้าเซ็ง แมทหัวเราะขำขัน

 

 

“ผมน่ะให้ได้ แต่คนพิจารณาคำขอพรน่ะอยู่นู่น” แมทชี้ไปทางคอกนอนของสองแฝด

 

 

“แมมมม!” แมทหัวเราะแล้วดันตัววิคเตอร์ออกก่อนลุกขึ้นลงจากเตียงเดินไปดูแฝดที่ร้องเรียกตัวเอง ส่วนคนตัวโตล้มลงนอนบนเตียงด้วยอาการหงุดหงิด อยากจับเด็กมาเหวี่ยงแรงๆ

 

 

ศัตรูตัวฉกาจของพ่อยักษ์ก็คือลูกยักษ์นี่แหละ

 

 

“คิๆ / อ๋าาาา”

 

 

มันหัวเราะเยาะเย้ย!

 

 

 

-THANK YOU FOR YOUR LOVE-

 

 

 




เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               และแล้วเราก็ต้องเอ่ยลากันกับเรื่องนี้ หลังจากอยู่ด้วยกันมาเกือบสี่ปีเต็ม :)

               คงได้แต่เอ่ยคำขอบคุณคนอ่านทุกๆ คนเลยค่ะที่ตามอ่านเรื่องนี้กันมา ขอบคุณคนอ่านมากๆ ที่เป็นกำลังแรงใจสำคัญของขุ่นเจ้ในการเขียน ไม่ว่าคนอ่านคนไหนจะเริ่มอ่านตั้งแต่ตอนไหน แต่ขอบคุณมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนจบของเรื่องนี้

               ตอมเคยบอกเสมอๆ ตั้งแต่พาร์ทแรกว่า ถ้าอดทนไปด้วยกัน ก้าวผ่านช่วงเวลาฝนพรำของเขาทั้งคู่ไปด้วยกัน แล้ววันนึงจะได้เจอกับความสดใส วันนี้ชีวิตของพวกเขาสดใสเต็มที่แล้วนะคะ ต่อจากนี้ไปจะมีฝนพรำอีกหรือไม่ ขอให้เขาทั้งสองคนเป็นคนจัดการกันเอง เพราะเราจะปล่อยให้เขาทั้งสองคนใช้ชีวิตคู่ ใช้ชีวิตครอบครัวของเขาโดยเขาทั้งสองคนแล้วค่ะ ขุ่นเจ้มาส่งเขาตรงนี้ก็พอแล้ว :)

               ใจหายมาก ต้องบอกว่ามากจริงๆ เพราะตอมเขียนเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน อยู่ด้วยกันมานานจนผูกพันธ์กับตัวละครทุกตัวที่เราสร้างขึ้น เริ่มแรกเขาก็เป็นเพยีงตัวละครในนิยายของเรา แต่พออยู่ด้วยกันนานๆ ไป เริ่มหลอนว่าเขามีตัวตนในชีวิตจริงๆ ไปแล้ว 555555

               ตอมเคยคิดว่าเมื่อถึงตอนจบของเรื่องนี้ ตอมคงอยากกล่าวอะไรมากมายกับคนอ่าน แต่พอเอาเข้าจริงๆ นึกอะไรไม่ค่อยออกเท่าไหร่ นอกจากคำว่าขอบคุณจริงๆ ค่ะ

               ขอบคุณนิยายเรื่องนี้ที่ทำให้ขุ่นเจ้ได้รู้จักกับคนอ่านหลายๆ คน ขอบคุณทุกคนที่ได้มารู้จักกันผ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ ก็หวังว่าจะยังคงอยู่ด้วยกันในเรื่องอื่นๆ ด้วยเนอะ

               เขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในบรรดานิยายของตัวเองทั้งสองเรื่อง (เยอะมาก 555555) แต่เรื่องนี้จบเป็นเรื่องที่สอง ส่วนคุณนายเรียวจันทร์เกิดทีหลังแต่จบก่อนจ้า นางแหกโค้งไปแล้ววว

               ดีใจนะคะที่นิยายเรื่องนี้ได้สร้างความสุขให้กับใครหลายคน แม้บางช่วงจะมีทุกข์บ้าง 55555 แต่ไฟนอลลี่ เราก็แฮปปี้เอนดิ้งไปด้วยกันแล้วเนอะ

               ขอบคุณความรักอันไร้ขอบเขตและไร้พรมแดนของทุกคนค่ะ   :กอด1:

               

               

               แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-09-2018 19:44:03
โอ้ยยย น่ารักทั้งคู่เลยยย เด็กแฝด อยากเห็นเด็กๆตอนโต 555
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-09-2018 19:59:11
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2018 20:08:44
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 01-09-2018 20:31:21
 :pig4: ขอบคุณคุณตอมสำหรับนิยายดีๆ
 :mew1: รักครอบครัวอบอุ่นครอบครัวนี้
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-09-2018 20:31:54
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายดีๆค่ะ
ถึงแม้ว่า จะมีบางช่วงที่อ่านแล้วปวดใจ แต่เราก็อ่านจนจบ จนมีแฝดเกิดมา ก็คิดว่า ชีวิตแมทคงจะสมบูรณ์มากขึ้น
แล้วแมทก็เป็นแม่ของลูกแล้วก็เมียของยักษ์ได้อน่างน่ารักจริงๆ
อยากเห็นแฝดโตอีกซักนิดนะคะ อยากรู้ว่า จะแสบขนาดไหน เราจะมีโอกาสนั้นมั้ยคะคนเขียน  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-09-2018 21:24:48
 :กอด1:   :pig4:  :pig4:  o13  o13  o13  ผ่านทุกข์ผ่านโศกมาด้วยกันอย่างยาวยนาน ใจหายนิดๆนะคะ แต่ก็ดีใจด้วยกับความสุขและรอยยิ้มที่มีกับทุกๆคน
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-09-2018 02:40:09
จบแล้วววว จะมีเรื่องแฝดตอนโตไหม อยากอ่านอ่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: bookie ที่ 02-09-2018 14:04:46
 :L1:  :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: jj ที่ 02-09-2018 23:03:50
จบแล้ววว
สนุกมากกกกกก
ขอบคุณค่ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Lyralyn ที่ 03-09-2018 04:49:35
รู้สึกใจหาย เหมือนเราได้เห็นชีวิตของทั้งคู่ พัฒนาการต่างๆมาโดยตลอดด(ถึงนี้จะเป็นเม้นแรกก็ตาม5555)
ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องราวดีๆมาให้เราอ่าน :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 09-09-2018 17:12:49
ยาวมากกกจุใจไปเลยเรื่องนี้อ่านมาหลายวันมาก
แมทต้องคอยประคองความรักตอนแรกอินไปกะแมทสงสารนางมากถูกวิคเตอร์ทำให้เสียใจตอนหลังวิคเตอร์น่ารักขึ้นกว่าจะมีความสุขผ่านอะไรมาเยอะมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-09-2018 21:55:42
จบแล้ว ใจหายเหมิอนกันนะอยู่กับแมทมานาน หลังๆนี้เพื่มมิชลินเข้ามาอีก ต้องคิดถึงแน่ๆเลย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 11-09-2018 01:54:21
ครอบครัวสุขสันต์ น่ารักเลยคับ
ถ้ามีโอกาสอยากอ่านสองแสบตอนโตว่าจะตีกับวิคเตอร์ขนาดไหน 555
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-09-2018 20:17:53
 o7 ในที่สุดก็ตามอ่านจนถึงตอนจบจนได้ บอกเลยว่าอ่านไปลุ้นไปมากลุ้นกับพฤติกรรมของวิคเตอร์นี่แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไหนจะเรื่องนอกลู่นอกทางอีกกลัวใจมากจริงๆ แต่พอเขาแต่งงานกันก็โล่งเลย คู่แฝดน่ารักมากอยากจะจับฟัดจริงๆ น่าเอ็นดูน่าบีบแก้มมากลูกเอ้ย ส่วนเรื่องไวโอเล็ตกับแฟนนี่เราเพิ่งอ่านตอนนั้นไปเมื่อคืนนอนน้ำตาไหลพรากเลยจริงๆ  รู้สึกเศร้ากับการจากไปของทั้งคู่มาก
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 12-09-2018 13:49:53
เขียนสนุก ภาษาดี เรื่องยาววววสะใจมาก อ่านอยู่หลายวัน ยาวขนาดนี้แต่มีอะไรให้ลุ้นอยู่เรื่อยๆไม่มีว่าอ่านแล้วง่วงเลย ตัวละครดูสมจริง แต่ละคนมีทั้งส่วนดีและส่วนที่ไม่น่ารัก แต่ก็พยายามปรับตัวเข้าหากันเพราะรักอีกฝ่าย จบแฮปปี้ดี ชอบค่ะ^^
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 14-09-2018 01:40:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Opolniscute ที่ 15-09-2018 00:50:45
 ขอบคุณนักเขียนมากเลยนะคะ นี่ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบแล้วก็อ่านตอนจบไป3รอบ ชอบแฝดมาก อยากให้ทำตอนพิเศษที่แฝดโตขึ้นวัยแกร่นเฟี้ยวมาทะเลาะกับวิคเตอร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Goldenfishja ที่ 21-09-2018 22:23:33
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมากกกกกกกก ตอนอ่านช่วงแรกๆ ต้องทำใจอยู่เหมือนกันเพราะออกจะฮาร์ดคอไปหน่อย แต่ก็ติดตามมาจนจบ ชอบแนวการเขียนนะคะ ชอบที่แทรกภาษาอังกฤษมาให้ฝึกอ่าน อยากให้มีอีกเยอะๆ เลยด้วย รอติดตามภาคต่อของน้องแฝดอยู่นะคะ จะมีโอกาสได้อ่านมั้ยหนออออออออ  จะรอนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: shironeko ที่ 22-09-2018 11:57:34
ชอบคู่แมทกับวิคเตอร์มาก สนุกมากค่ะ พ่อยักษ์เวลาร้ายก็น่ากลัว แต่เมื่อรู้ว่ารักแมทก็แบบปรับตัว ขอบคุณคนเขียนมากเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: The Last Wish From The Gift Of God. [END] 01.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 22-09-2018 16:02:23
ว้ายยยยไม่นึกว่าจะมีมาอีก   o13  ขอบคุณคุณขุ่นเจ้อีกรอบนะคะสำหรับตอนนี้ มาได้เรื่อยๆก็จะเป็นพระคุณและยินดีมากๆ
รู้สึกอยากจะรู้ไปจนกว่าแฝดจะเข้า รร เลย 555555 (โลภที่สุด :mew2:)
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-09-2018 19:19:48

 Our Story 1.
           







“สวัสดีคร้าบคุณตากับคุณยายก่อน  How do we practice to say hello in Thai, twins? (เราฝึกสวัสดีแบบไทยยังไงครับแฝด)” ผมย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงกลางระหว่างแฝดที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้านของผมที่ประเทศไทย สองหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อโปโลสีแดงขับผิวกับกางเกงยีนขาสั้นและรองเท้าผ้าใบคู่จ้อย ตาสีฟ้าอมเทาที่ตอนนี้สีเทาอ่อนลงกว่าช่วงแรกเกิดกำลังมองพ่อกับแม่ผมด้วยความงุนงง สองหนุ่มแก้มยุ้มผมสีน้ำตาลหันมามองผมพร้อมกัน ผมหันไปยิ้มขำให้ทั้งคู่

           

 

“Look at your dad. (ดูพ่อหนูนะ)” ผมชี้ไปทางวิคเตอร์ที่หยิบไอติมแท่งในถังแช่ขึ้นมากิน วิคเตอร์พนมมือแล้วยกขึ้นจรดหน้าผาก

           

 

“หวาดดี๊ข่าบ” ผมหัวเราะตลกขบขัน วิคเตอร์กัดไอติมเข้าปากต่อ มองมาทางลูกชายที่แต่งตัวเหมือนตัวเองเป๊ะ สองแฝดหันมองผมแล้วยิ้มที่ได้ยินเสียงหัวเราะ

           

 

“โห อะไรเนี่ย ไม่เจอกันสี่เดือนลืมกันละเหรอ” พ่อผมนั่งลงตรงหน้าสองแฝดและทำท่าหยอกล้อล่อเด็ก แต่เด็กกลับกระเถิบตัวเข้ามายืนในอ้อมแขนผมทั้งสองข้าง พ่อแกล้งทำหน้าจะร้องไห้

 

 

“What? Is he crying? (อุ๊ย คุณตาร้องไห้รึเปล่านะ)” แฝดมองคุณตาเป็นตาเดียว แต่ก็ยังยืนนิ่ง ผมขำตัวสั่นที่เห็นแอคติ้งของพ่อ

           

 

“กินไอติมมั้ย ยายให้ๆ ไอติมๆ” แม่ผมนั่งลงตรงหน้าแฝด ในมือมีไอติมถ้วยรสช็อคโกแล็ตเปิดฝาล่อเต็มที่ สองหนุ่มเลื่อนสายตามองถ้วยไอติมปากห้อย ผมขำเสียงแห้ง แม่ผมใช้ช้อนตักไอติมแล้วยื่นมาตรงหน้า แล้วเราก็จับโจรไอศกรีมได้เมื่อแฮคเตอร์กระเถิบตัวไปข้างหน้าอ้าปากงับไอติมเข้าปากแล้วเคี้ยวแก้มยุ้ย

           

 

“อ๊า อะๆๆ” ผมหัวเราะกับความช่างกินของเจ้าตัวเล็ก เจอไอติมเข้าไปเดินเข้าหาเลย พ่อกับแม่ผมยิ้มขำ แฮคเตอร์เคี้ยวไอติมตุ้ยๆ หันมามองผมกับพี่ชายแปบนึงแล้วก็หันกลับไปรับไอติมก้อนใหม่จากคุณยายต่อ ผมเลื่อนสายตามองวิคเตอร์ ไอ้ยักษ์เป็นคนเดียวที่ไม่ขำซ้ำยังขมวดคิ้วหน้าเคร่งอีก

           

 

“โอ่โห ตาร้องไห้ไม่สนใจตาเลยนะ” แฮคเตอร์กระเถิบร่างเข้าไปใกล้คุณยายอีกนิด แม่ผมป้อนไอติมคำใหม่ให้ พ่อผมยกมือลูบผมสีน้ำตาลที่ตอนนี้ทั้งยาวและหนาเต็มหัว

           

 

“อุ๊ยลูกๆ” แม่ผมตกใจที่จู่ ๆ แฮคเตอร์ก็ขาอ่อนล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นหน้าบ้าน คุณตารีบเข้ามาช้อนหลานขึ้นเพราะกลัวหลานจะเจ็บ แต่เจ้าตัวเล็กกลับนิ่งเฉยและมองไอติมเหมือนเดิม

           

 

“เพิ่งยืนเพิ่งเดินเป็นได้สองอาทิตย์ก่อนมา” ผมว่ากลั้วขำ ใช้แขนประคองเฮคเตอร์ไม่ให้ล้มก้นจ้ำเบ้าไปอีกคน

           

 

“แล้วคนนี้เนี่ยยังไง ไม่ให้ใครอุ้มจริงเหรอ” พ่อแกล้งยื่นมือมาจะจับตัว เฮคเตอร์บิดหน้าหนีเข้าหาผมและกอดคอผมไว้ ผมหัวเราะพร้อมกับลุกขึ้นยืน อุ้มมิชลินเบอร์หนึ่งด้วยแขนขวา มองมิชลินเบอร์สองอยู่ในอ้อมแขนพ่อและอ้าปากรับไอติมจากแม่แบบลืมไปเลยว่าเคยรู้สึกไม่คุ้นหน้า

           

 

“สรุปก็ยังไม่สวัสดีเลย Sa-was-dee-kabbb” คนนึงนิ่ง อีกคนกินไอติมแก้มตุ่ย ผมหัวเราะเบา ๆ จังหวะนั้นมีคนเดินเข้ามาซื้อของในร้านพอดี ผมเลยก้าวเข้าไปด้านในร้าน วิคเตอร์ก้มลงหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบกับกระเป๋าถือหนึ่งใบขึ้นมาถือ พ่อส่งแฮคเตอร์ให้แม่แล้วไปขายของให้กับลูกค้าผู้ชายสองคน

           

 

“ขึ้นไปพักผ่อนก่อนไป เอาไอติมขึ้นไปให้ลูกด้วย เอาเพิ่มมั้ย”

           

 

“อันเดียวพอแล้ว แบ่งกันกิน เดี๋ยวอ้วนเกิน” แม่พยักหน้าพร้อมกับส่งแฮคเตอร์ไปให้วิคเตอร์อุ้ม ผมยื่นมือไปหยิบถ้วยไอติมมาจากมือแม่แล้วหมุนตัวเดินตามวิคเตอร์ขึ้นบันไดบ้านไปชั้นห้องนอนของผม สามพ่อลูกเขาแต่งตัวเหมือนกัน ผมก็ใส่เหมือนพวกเขาแหละ แต่เสื้อเป็นสีขาวอยู่คนเดียว

           

 

“ห้ามปล่อยให้ไอ้ลูกหมูสองตัวคลาดสายตาเลยนะ…” วิคเตอร์พูดขึ้นตอนเดินเข้ามาในห้องนอน ผมเดินเอาแฝดไปนั่งบนเตียงแล้วหันไปมองเขางงๆ

           

 

“…มันเห็นของกินก็เดินเข้าไปหาแล้ว แบบนี้โดนหลอกไปง่ายๆ เลย” ผมตักไอติมป้อนแฮคเตอร์อีกคำ และใช้ช้อนอีกอันตักให้คนพี่ คราวนี้เจ้าพี่ชายอ้าปากรับไอติมอย่างไม่มีอิดออด

           

 

“แต่อันนี้แม่ผมนะ”

           

 

“พ่อกับแม่นายเป็นคนในครอบครัว ฉันหมายถึงคนอื่น เกิดมีใครสักคนที่เราไม่รู้จักเอาของกินมาล่อแบบนี้ ไอ้ลูกหมูโดนอุ้มไปแน่ๆ” วิคเตอร์ว่าอย่างจริงจังพลางวางกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ผมมองเขาด้วยความทึ่งเล็กๆ

           

 

วิคเตอร์ซีเรียสกับประเด็นนี้มาก ทุกวันนี้เขายังไม่อนุญาตให้มีรูปลูกในโซเชียลเลย มีครั้งนึงหลังแต่งงาน เราพาแฝดเข้าไปในลอนดอน มีปาปาราซซี่ถ่ายภาพแฝดได้แล้วเอาไปทำข่าว แม้จะเบลอหน้าแฝดให้ แต่วิคเตอร์ก็หัวเสียมากอยู่ดี เขาแสดงออกถึงความหงุดหงิดทั้งวี่วันจนผมต้องคอยกอดไว้ ตัวผมน่ะชิล ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชอบให้ใครมาตามติดชีวิตเราดั่งเราเป็นสัตว์ในสวนสัตว์ เพียงแต่ผมยังงงและอาจเข้าไม่ถึงกับความใส่ใจของวิคเตอร์ในจุดนี้

           

 

“ไม่หรอกวิคเตอร์ เราก็อยู่กับแฝดตลอด ผมจะยอมให้ใครมาเอาลูกไปง่ายๆ ได้ไงล่ะ” วิคเตอร์กอดอกนั่งตรงขอบโต๊ะมองสองหนุ่มนั่งกินไอติมและปรบมือเปาะแปะถูกใจ (ความอร่อย) กันสองคน

           

 

“แต่คนมันจะเอา แค่เราเผลอแปบเดียวมันก็เอาไปได้” ผมย่นคิ้ว รู้สึกไม่พอใจหน่อยๆ

           

 

“คุณพูดอย่างกับผมเลี้ยงลูกได้ไม่ดีงั้นแหละ” วิคเตอร์พ่นลมหายใจเบาๆ

           

 

“ฉันรู้ว่านายเลี้ยงสองคนนี้ดี แต่นายเคยได้ยินคดีที่เด็กสองขวบถูกลวงไปฆ่ามั้ย นั่นน่ะ พ่อกับแม่พลาดไปแค่เสี้ยววิ”

           

 

ผมกะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าซีเรียสของวิคเตอร์ ถึงจะชอบแซะลูก ชอบขู่ลูกและชอบแกล้งลูกเป็นกิจวัตร แต่ในส่วนของความเป็นห่วงยิ่งกว่าผมอีก อาจด้วยความเขาอยู่ห่างแฝด ไม่ได้ตัวติดกันแบบผมที่อยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมเลยไม่รู้สึกเป็นห่วงเท่าเขา เห็นแล้วก็นึกถึงช่วงที่เขาชอบอารมณ์ขึ้นเวลาที่ผมหายไป ออกไปไหนโดยไม่มีออสติน หรือพะว้าพะวงเรื่องความปลอดภัยของผมตลอด ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็น แต่ก็ลดลงแล้ว

           

 

“อย่ากังวลมากน่าวิคเตอร์ ผมรักแฝดมากกว่าคุณอีกนะ” ไอ้ยักษ์ที่กำลังมองแฝดเลื่อนสายตามามองผมทันควันจนผมขำ

           

 

“งั้นไม่ต้องรอใครมาอุ้มมันไปละ ฉันจะเอาไปปล่อยข้างทางเอง” ผมยิ้มขำคิกคัก ไอ้ยักษ์ทำหน้าเหี้ยม

           

 

“คิๆๆ / แอะๆๆ” ผมหันไปมองสองหนุ่มที่มุมปากเลอะไอศกรีมช็อกโกแล็ต สองแฝดนั่งห่อไหล่ทำท่าเขิน ผมยิ้มตาหยีแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มยุ้ยๆ ของทั้งสองคนด้วยความมันเขี้ยว

           

 

“หัวเราะเยาะเย้ยฉันเหรอไอ้ลูกหมู” สองแฝดหันไปมองพ่อ แฮคเตอร์ส่ายหัวไปมา ลำตัวโยกนิดๆ

           

 

“เจ้อ” เฮคเตอร์เรียกชื่อพ่อด้วยเสียงเล็ก ๆ มือป้อมชี้ไปที่คุณพ่อยักษ์ ผมยิ้มด้วยความเอ็นดู หลังจากงานแต่งก็ไม่ยอมพูดอีกเลย จนกระทั่งเข้าอายุเดือนที่สิบเอ็ดผมก็เริ่มชวนแฝดพูดบ่อยขึ้น ก็พูดได้ทีละคำสองคำไม่เกินนี้ แต่คำที่ใช้สำหรับการโวยวายหรือถียงจะช่ำชองมาก

           

 

“อะไรไอ้หมู” วิคเตอร์เดินเข้ามาอุ้มเฮคเตอร์ขึ้นจากเตียง ยื่นหน้าเข้าไปขยี้พุงเจ้าตัวเล็ก

           

 

“ฮิๆ คิๆๆๆ” เฮคเตอร์หัวเราะเสียงเล็กๆ สองมือจับหน้าพ่อ เหมือนกำลังพยายามหยุดไม่ให้พ่อแกล้งตัวเอง

           

 

“อุ!” แฮคเตอร์เบิกตากว้างมองพี่ชายโดนพ่อแกล้งพร้อมกับทำปากจู๋ มือซ้ายชี้ไปที่ทั้งสองคนและหันหน้ามามองผมเหมือนกำลังฟ้อง ผมยิ้มกว้าง ยื่นหน้าไปหอมแก้มขาวป่องหนึ่งฟอด

           

 

“พ่อแกล้งพี่เฮคเตอร์ครับ แฮคเตอร์ทำไงดีๆ” เจ้าตัวเล็กเม้มปากทำหน้าตาดุดัน แต่มันเหมือนกบกำลังพองตัว ผมหัวเราะเสียงดัง แฮคเตอร์ยกสองมือตีเตียงตุบๆ และส่งเสียงคำรามฮึ่มๆ ในลำคอ

           

 

“นี่ก็ขี้ยุลูกจริงๆ เดี๋ยวก่อนๆ” วิคเตอร์วางเฮคเตอร์ลงบนเตียงและเปลี่ยนเป็นอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นไปแทน จากที่กำลังทำหน้าดุดันเหมือนกบพองลมก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะคิกๆ เมื่อเจอคุณพ่อเอาหน้าซุกพุง

           

 

“มิชลินไม่เจ็ทแล็กกันเลยรึ หื้มมม ลงเครื่องมาตายังแป๋วเชียว” พอถึงสนามบิน เราก็ลงไปเรียกรถด้านล่างให้มาส่งที่บ้าน ไม่ได้รบกวนพ่อให้ไปรับ รอบนี้เรามากันแค่สี่คน ออสตินเป็นห่วงพวกไมเคิลและเป็นห่วงบ้านเลยไม่มาด้วย แล้วก็อวยพรวันเกิดหลานล่วงหน้ามาก่อนใคร

           

 

ทาดา! มิชลินทั้งสองกำลังจะมีอายุครบหนึ่งขวบในวันมะรืนนี้แล้ววว

 

 

เราเลยหอบกระเตงกันมาฉลองวันเกิดปีแรกของแฝดที่เมืองไทยเพื่อที่คุณตาคุณยายจะได้ร่วมฉลองด้วย พวกป้าๆ ลุงๆ พอรู้ว่าหลานจะมาฉลองวันเกิดที่นี่ก็เตรียมหาของขวัญมาให้หลาน แต่ผมบอกแล้วละว่าเอาที่สะดวก ไม่ต้องฝืนหาด้วย แค่มาร่วมงานกันได้ครบทุกคนแบบตอนงานแต่งก็ดีใจแล้ว

 

 

มิชลินของผมกับพ่อยักษ์มีพัฒนาการตามช่วงวัยในแต่ละเดือนอย่างที่ควรจะเป็นอย่างดี อาจจะไม่มีคำว่าเยี่ยมต่อท้ายเพราะมันไม่ได้เยี่ยมยอดขนาดนั้น ก็เป็นไปตามช่วงวัยของเขาอย่างที่ควรจะเป็น อย่างเรื่องการยืนการเดิน ผมก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ มีช่วยบิ้วท์บ้างเพื่อให้แฝดมีกำลังใจในการหัดเดิน แต่ก็ไม่บังคับถ้าหากเขาทำไม่ได้ ล่าสุดไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอก่อนบินมาเมืองไทย คุณหมอสาวที่ดูแลแฝดตั้งแต่คลอดชมว่าทั้งสองเป็นเด็กน่ารัก สุขภาพแข็งแรง พัฒนาการอยู่ในเกณฑ์ปกติ อะไรที่ควรทำ ควรเกิดขึ้นในแต่ละเดือน แฝดก็ทำได้

 

 

“เราจะจัดงานวันเกิดไอ้ลูกหมูที่ไหน” วิคเตอร์ว่าพลางวางแฮคเตอร์ลงบนเตียง สองแฝดหันมองหน้ากันแล้วเฮคเตอร์ก็ยื่นมือไปไปถูๆ หัวน้องชาย

 

 

“ก็ต้องที่นี่สิ อพาร์ทเม้นต์เราขายไปแล้วนะ” ห้องที่วิคเตอร์เคยมาซื้อไว้เผื่อในกรณีที่เขามาไทยจะได้มีที่นอนถูกขายไปแล้ว ในตอนนั้นพ่อกับแม่ยังไม่รู้เรื่องเราสองคน เลยต้องหารังรักนอกบ้าน แต่พอพ่อกับแม่รับรู้แล้ว ผมก็มองว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องมีที่พักที่อื่น กลับมาไทยก็มาพักที่บ้านผม คนที่มาซื้อต่อก็เป็นพวกเซเล็บเมืองไทยนั่นแหละ ซึ่งเงินที่ขายห้องนั้นได้ วิคเตอร์แบ่งให้พ่อกับแม่ผมครึ่งนึงแน่ะ

 

 

“ฉันหมายถึงว่าเราอาจจะไปกินร้านอาหารหรือสถานที่บรรยากาศดี ๆ ไง” ผมทำท่านึกแล้วก็นึกไม่ออก

 

 

“ขี้เกียจหาอะ จัดในสวนหลังบ้านแหละ” ที่บ้านผมมีสวน แต่ไม่ใช่สวนใหญ่โต เป็นสวนหลังบ้านขนาดกำลังน่ารัก ไม่ได้มีอะไรมาก มีหญ้าสีเขียว มีโต๊ะนั่ง ต้นไม้ขนาดเล็กตามรั้ว มีหลังคาโปร่งใสสำหรับกันฝนกันแดด มีน้ำตกปลอมที่ผมทำเองแบบกากๆ แล้วก็มีดอกไม้ต้นเล็ก ๆ ขึ้นใต้ต้นไม้ริมรั้ว คล้ายกับสวนหลังบ้านของวิคเตอร์ที่นิวยอร์กหน่อยๆ

 

 

“ไปซื้อของวันนี้เลยมั้ย”

 

 

“คุณไม่เหนื่อยเหรอ” เขาพยักหน้ามึน

 

 

“เหนื่อย” ผมย่นคิ้วงง

 

 

“อ้าว งั้นพักผ่อนสิ”

 

 

“โอเค” อะไรของผัววะ

 

 

เขาว่าจบก็ปีนขึ้นเตียงและถลกผ้านวมขึ้น แฝดหันไปมองคุณพ่อล้มตัวลงนอนแล้วก็หันมามองหน้ากันสักแปบก่อนจะหันมามองหน้าผมจนผมขำกับปฏิกิริยานั้น ผมจัดการถอดรองเท้าคู่จิ๋วให้ทั้งสองคน

 

 

“Are you sleepy twins? (แฝดง่วงนอนมั้ยครับ)” แทนคำตอบในเวอร์ชั่นพูด สองหนุ่มหมุนตัวคลานเข้าไปหาคุณพ่อ

 

 

“ด๊า แอ๊~” แฮคเตอร์คลานเข้าไปประกบหน้าคุณพ่อแล้วเอามือถู ๆ หน้าผากของพ่อยักษ์เบาๆ เฮคเตอร์นั่งเด้งดึ๋งอยู่บนตัวพ่ออย่างสนุกสนาน

 

 

“เฮ้ย มาก่อกวนคนจะนอนทำไมเนี่ย”

 

 

“ฮึฮือ ฮึฮือ” เฮคเตอร์ยิ้มแฉ่งและหัวร่อชอบอกชอบใจเมื่อวิคเตอร์กระดกตัวขึ้นจนเจ้าตัวเล็กกระเด้งไปข้างหน้า ผมลุกขึ้นยืนไปเปิดแอร์ให้สามพ่อลูก

 

 

“นอนเลยไอ้ลูกหมู “ วิคเตอร์จับลูกนอนลงฝั่งขวามือของตัวเอง สองแฝดล้มตัวลงนอนตึง พอทำท่าจะลุก วิคเตอร์ก็กดหัวเจ้าตัวเล็กลง สองคนนั้นก็ชอบ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากทำท่าเด้งตัวลุกขึ้นหยอกพ่อ

 

 

“เอเลี่ยน มาดูเลย ฉันจะได้นอนมั้ยอย่างเนี้ย” ผมขำ เดินไปบนเตียงฝั่งที่แฝดนอน ผมไม่ได้เอากล่องดนตรีไวโอล่ามาด้วยเพราะกลัวจะเสียหาย แม้จริง ๆ จะอยากเอามาด้วยมากก็เถอะ แต่เพื่อความสบายใจและความปลอดภัย เก็บเอาไว้ที่บ้านดีกว่าเคลื่อนย้ายไปมาจนมันพัง

 

 

“ร้องเพลงให้ลูกฟังสิยักษ์” ไอ้ยักษ์เบ้ปากและสั่นหัว มองแฝดที่กำลังไต่ขึ้นมาบนตักผม

 

 

“ทีตอนงานแต่งยังร้องได้เลย” ไอ้ยักษ์ทำตาโต

 

 

“มันเหมือนกันที่ไหน แล้วอันนั้นฉันฝึกตั้งนาน กว่าจะร้องเข้ากับดนตรีที่ไอ้ไทเลอร์ทำอีก ร้องเพลงแม่งยากจะตายห่า” เขาขมวดคิ้วมุ่น ผมอมยิ้ม จับแฝดนอนลงตรงกลางแล้วก็สอดตัวเข้าไปใต้ผ้านวม สองแฝดพอเห็นผมนอนด้วยเลยทิ้งตัวลงนอนอย่างว่าง่าย เฮคเตอร์หันมาเล่นกับผม ส่วนแฮคเตอร์ก็หันไปเล่นกับพ่อ

 

 

“แต่เสียงคุณเพราะออก ร้องให้ผมกับลูกฟังไม่เป็นไรหรอกน่า”

 

 

“ไม่เอา” ผมเบะปากน้อยๆ ไอ้ยักษ์ลอยหน้าลอยตา ผมใช้มือขวาลูบพุงเฮคเตอร์เบาๆ วิคเตอร์ใช้มือขวาขยุ้มหัวมิชลินเบอร์สอง เจ้าตัวเล็กนอนนิ่งหน้าเคลิ้มเหมือนกำลังสบายตัว

 

 

ผมเปิดปากร้องเพลงกล่อมแฝดเสียงแผ่ว แฮคเตอร์พลิกตัวจากพ่อหันมามองผมตาแป๋ว ผมยิ้มให้ทั้งสองคนในขณะที่ปากก็ขยับร้องเพลงไปด้วย เตอร์ตัวพ่อเองก็นอนตะแคงมองตาใส ผมสะดุดเพราะขำที่ว่ากำลังกล่อม สามเตอร์ ให้นอนหลับ

 

 

“Close your eyes…” ผมกระซิบบอกแฝด ทั้งสองคนนอนมองผมนิ่ง ผมขยับปากร้องเพลงต่อไปจนกระทั่งหนังตาสองหนุ่มเริ่มย้อย ส่วนคนพ่อหลับนำไปก่อนแล้ว

 

 

“Your parents will be proud of you so much. (คุณพ่อคุณแม่ต้องภูมิใจในตัวแฝดมากๆ ครับ)” ผมมองหน้าทั้งสองคนแล้วพูดเสียงกระซิบ ทั้งสองคนกินเก่ง กินอิ่ม นอนหลับและเป็นเด็กดีตามวัยของเขา ไม่เกรี้ยวกราดหรือมีนิสัยขี้วีนอาละวาด

 

 

แต่เรื่องดื้อกับซน คิดว่าน่าจะได้เชื้อจากพ่อยักษ์มาเยอะแหละนะไวโอล่า คริสเตียน

 

 

 


วันรุ่งขึ้นเราตื่นกันเกือบเที่ยง เพราะเมื่อคืนกว่าแฝดจะนอนก็ห้าทุ่ม คึกคักกันไม่หยุดหย่อน ยิ่งแฮคเตอร์พอคุ้นกับคุณตาคุณยายแล้วก็เล่นสนุกไม่เบื่อเลย ส่วนมิชลินเบอร์หนึ่งก็เล่น แต่ยังไม่ยอมให้คุณตาคุณยายอุ้ม นั่งเกาะติดอยู่ใกล้ผมไม่ยอมไปไหน มาเริ่มคุ้นคือตอนใกล้เข้านอน พ่อกับแม่ผมนี่ดีใจใหญ่ หลอกล่ออยู่ตั้งนาน

 

 

พอกินข้าวเสร็จ จัดการตัวเองเสร็จและฝากพ่อซื้อของสดเรียบร้อย เราทั้งสี่หน่อก็ออกจากบ้าน ขับรถเข้าไปในเมืองกรุงกันเพื่อหาซื้อของกินเพิ่มเติม แต่อย่างแรกที่เรามาทำเลยคือพาแฝดมาตัดผมที่ร้านตัดผมร้านหน่งในแหล่งช้อปปิ้งอันเก่าแก่ของเมืองกรุง สองหนุ่มร้องไห้งอแงเพราะไม่คุ้นเคยกับช่างที่ไม่คุ้นหน้าจนผมกับวิคเตอร์ต้องอุ้มให้ช่างตัดกันคนละคนเลยสงบลงบ้างแต่ก็มีสะอึกสะอื้นเป็นบางครั้ง คนในร้านที่อยู่ไม่ถึงสิบคนมองมาทางแฝดแล้วยิ้ม อย่างหนึ่งที่ผมค่อนข้างสบายใจคือ คนส่วนมากเวลามองแฝดจะมองด้วยความเอ็นดูมากกว่ารำคาญ หรือผมเข้าข้างลูกตัวเองมากไปรึเปล่าก็ไม่รู้นะว่าลูกน่ารักจนคนเห็นแล้วก็รู้สึกรักตามเราไปด้วย

 

 

“อู้หู Who’s that? Why they look so handsome? (ใครน่ะ ทำไมหล่อจัง)” ผมกับวิคเตอร์หันแฝดเข้าหากระจกหลังจากปัดทำความสะอาดเศษผมเรียบร้อยแล้ว สองหนุ่มที่ยังมีน้ำตาติดขอบตามองตัวเองในกระจกงงๆ ทั้งสองคนตัดทรงอันเดอร์คัทเหมือนคุณพ่อ เท่ซะไม่มี

 

 

“ขอบคุณนะครับ เอ่อ ถ้าจะขอถ่ายรูปน้องไว้ติดหน้าร้านได้มั้ยครับ” ผมอ้าปากค้างแว้บหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มแหยให้กับพนักงานหนุ่มรูปหล่อผู้มีผิวเข้มข้น

 

 

“ขอโทษจริง ๆ ครับ ตรงนี้ไม่สะดวกเลย ถ่ายรูปคุณพ่อแทนได้มั้ย” ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่ใส่หมวกแก๊ปบังหน้าครึ่งนึงที่กำลังทำหน้างง พนักงานร้านก็ทำหน้างง ๆ ไม่เข้าใจ ผมลืมไปว่าไม่ใช่ทุกคนที่จำวิคเตอร์ได้ แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงมากมายแล้วก็ตาม

 

 

“คือ คุณพ่อ…” ผมหันไปคุยกับวิคเตอร์เรื่องเขาขอถ่ายรูปแฝด แต่ผมไม่อนุญาต เลยจะให้เขาถ่ายรูปเขาแทน

 

 

“…ให้เขาป่ะ มีรูปคุณติดอยู่ เขาอาจจะเรียกลูกค้าได้เยอะขึ้นไง”

 

 

“โยนขี้เลยนะ” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่วิคเตอร์ก็ดึงหมวกออกจากหัว ตอนนั้นเองที่มีคนในร้านส่งเสียงร้องประหลาดขึ้นมา

 

 

“เฮ้ย! คนนั้นนี่ คนนั้นอะ” พนักงานตัดผมผู้ชายร่างสูงตัวใหญ่ในร้านคนหนึ่งที่กำลังตัดผมให้ลูกค้าผู้ชายอีกคนหันมาชี้วิคเตอร์ด้วยความตื่นเต้น

 

 

“คนไหนวะ” พนักงานที่อยู่ตรงหน้าเราถามแบบงงๆ แต่ก็ดูตื่นเต้นตามไปด้วย (ตื่นเต้นไว้ก่อน ไม่รู้ใครสอนไว้)

 

 

“ที่กูกับมึงไปดูหนังเขาวันแรกที่เข้าฉายเลยอะ มึงจำได้เปล่า สองเดือนก่อนๆ” หนุ่มคิดเงินนึกสักแปบก่อนจะอ้าปากค้างแล้วทำหน้าตะลึง

 

 

“ตัวจริงเหรอวะเนี่ย” ผมยิ้มขำ วิคเตอร์ยักคิ้วขึ้นหนึ่งทีแล้วกระตุกยิ้ม

 

 

วินาทีนั้นพนักงานคนที่จำวิคเตอร์ได้ก่อนใครทิ้งลูกค้าที่กำลังตัดผมได้ไปครึ่งหัวไว้กลางทาง ลูกค้าคนนั้นหน้าเหวออ้าปากหวองง ๆ ก่อนหันไปสำรวจหัวตัวเองที่โดนไถไปครึ่งนึงแล้ว ผมขำพรืด สงสารก็สงสาร ขำก็ขำ วิคเตอร์ส่งแฮคเตอร์มาให้ผมอุ้มเพื่อจะได้ถ่ายรูปกับพนักงานในร้านและลูกค้าอีกคน วันนี้เป็นวันธรรมดาคนเลยไม่เยอะ ทั้งร้านมีลูกค้าอยู่สี่คนซึ่งรวมแฝดไปแล้ว

 

 

“ผมพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น แต่ฝากบอกด้วยนะครับว่าเล่นหนังโคตรเท่เลย ผมจะติดตามจนจบเลยครับ” พนักงานที่จำวิคเตอร์ได้บอกด้วยความตื่นเต้น ผมยิ้มกว้างและพยักหน้าให้

 

 

“ผมจำพี่ได้ด้วยนะ พี่เป็นแฟนเขาใช่ป่ะ ผมดูข่าวที่เขาออกมาพูดเรื่องพี่อยู่ โคตรหล่ออะ” ผมคลี่ยิ้มกว้างด้วยความเขิน

 

 

“อ๋อ พี่สองคนเป็นแฟนกันเหรอเนี่ย” พนักงานคิดเงินมองสลับผมกับวิคเตอร์ด้วยความทึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มงง ๆ ผมพยักให้เขาอีกที

 

 

“เจ๋งมากพี่ โคตรดีอะ รักกันนาน ๆ นะครับ ยังไงผมก็ไม่เลิกติดตามผลงานแฟนพี่” ผมยิ้มด้วยความรู้สึกดีที่เจอผู้ชายใจกว้าง ไม่ใจแคบ แถมยังเป็นกำลังใจให้ความรักของเราสองคนอีก ไม่ใช่ว่าผู้ชายแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว แต่โดนอีพวกผู้ชายใจต่ำกว่าหมาด่าแซะ จนหลายครั้งก็มองโลกในแง่ลบไปมากเหมือนกัน

 

 

“ขอบคุณมากนะครับ ใจดีจัง” ผมพูดด้วยความรู้สึกดีจริงๆ

 

 

“ขอบคุณเช่นกันนะครับที่มาอุดหนุนร้านพวกผม โคตรเซอร์ไพรส์เลย แต้งกิ้ว แต้งกิ้ว” พนักงานคิดเงินหันไปยกมือไหว้วิคเตอร์และกล่าวขอบคุณ วิคเตอร์คลี่ยิ้มและยกมือรับไหว้เขา คนในร้านส่งเสียงโห่ฮิ้วที่เห็นวิคเตอร์รับไหว้อย่างมีมารยาท

 

 

“เดี๋ยวผมจะติดรูปเขาไว้ใหญ่ ๆ เลย” ผมยิ้มขำแล้วพยักหน้า หันไปบอกวิคเตอร์ เขายักคิ้วขึ้นและบอกว่าโอเค

 

 


เราออกจากร้านตัดผมด้วยความรู้สึกที่ดีมาก เจอคนทัศนคติดี ๆ แบบนี้มันเป็นอะไรที่น่าอยู่ร่วมโลกด้วยสุด ๆ ไม่ใช่ไอ้พวกฉุดโลกให้ล้าหลังไปพร้อมกับความคิดพวกมันเอง

 

 

“ฉันไม่ได้ตัดผมร้านพวกเขา เอารูปฉันไปติดได้เหรอ” ผมหัวเราะเมื่อวิคเตอร์ถามหน้าตางง ๆ พลางยกหมวกใส่หัวตามเดิม เขาอุ้มแฮคเตอร์ไปไว้ในอ้อมแขน ให้นั่งหันหน้าเหมือนที่ผมอุ้มเฮคตอร์

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก เขาเป็นคนดี ติดรูปคุณไว้เขาอาจจะได้ลูกค้าเพิ่มไง” วิคเตอร์พยักหน้า ผมคลี่ยิ้มอย่างสดใส เจออะไรที่มันเป็นพลังบวกแบบนี้มันดีเหลือเกิน

V
v
v
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 22-09-2018 19:20:15
V
v
v

เราเดินเข้าไปในห้าง ตรงไปที่โซนพวกขายขนมเค้กก่อนเป็นที่แรก และแม้ว่าวิคเตอร์จะใส่หมวกปิดหน้าไว้ แต่ก็มีหลายคนที่เพ่งมองเขาด้วยความสงสัยใคร่รู้ ถามว่าทำไมผมถึงรู้ เพราะผมเป็นติ่งมาก่อน (ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่) ถ้าเจอดารานักแสดงหรือศิลปินที่เราชื่นชอบ แล้วรู้สึกว่าเขาเดินอยู่ใกล้เรา ทำไมเราจะไม่เอะใจล่ะ (เชื่อว่าหลายคนน่าจะเป็นแบบผมนะ)

 

 

“มีมินเนี่ยนมั้ยน้า…” ผมพูดกับแฝดที่ยืนเกาะขอบตู้เค้กอย่างใกล้ชิด สองหนุ่มกำลังจิ้มๆ ชี้ๆ พร้อมกับส่งเสียงอ้อแอ้สนใจเค้กทุกก้อน

 

 

“…อุ๊ย แฝด มีน้องมินเนี่ยนด้วยนะครับ” ผมชี้เค้กก้อนริมสุดชั้นล่างของตู้ สองหนุ่มกระดึ๊บ ๆ มาหยุดยืนมอง พอเห็นเจ้าตัวสีเหลืองตัวโปรดก็ส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าด

 

 

“แอ้ๆๆๆ / อูๆๆๆ” ผมหัวเราะไหล่สั่น พนักงานผู้หญิงเห็นแล้วยังยิ้มขำ

 

 

“แมมมมๆ กุงๆๆ” แฮคเตอร์ทำเสียงเหมือนพวกมินเนี่ยนเวลามันร้องกุงก้า ๆ วิคเตอร์ยังหัวเราะเกือบลั่น สองแฝดหันมายิ้มหวานให้ผมเป็นการบอกว่าชอบอันนี้ๆ

 

 

“อันนี้รสอะไรอะครับ”

 

 

“เป็นเค้กไอติมค่ะ มีวานิลลา ช็อกโกแล็ตแล้วก็โอริโอ้ด้วย” ผมคลี่ยิ้มและทำตาโต มีตั้งหลายรสชาติแน่ะ

 

 

“งั้นเอาก้อนนี้ครับ แต่ซื้อแล้วฝากไว้ก่อนได้มั้ย เดี๋ยวจะไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตก่อนน่ะครับ กลัวไอติมละลาย”

 

 

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวแถมไฟเย็นให้ด้วยนะคะ”

 

 

“Did you hear that? She gonna give us sparklers for free. What should you do to her? Hmmm. Kob khun kabbb. (ได้ยินมั้ยครับแฝด พี่เขาจะให้ไฟเย็นเราฟรี หนูต้องทำยังไง ฮึ ขอบคุณค้าบบบ)” สองแฝดแหงนหน้ามองพนักงานขายแบบงงๆ สองมือแปะอยู่บนตู้หน้าเค้กมินเนี่ยนไม่ไปไหน ผมนั่งลงตรงกลางระหว่างทั้งสอง

 

 

“ลืมกันหมดแล้วเหรอเนี่ย” ในระหว่างนั้นวิคเตอร์ก็จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว พนักงานเลยก้มลงดึงเค้กออกจากหน้าตู้ ตอนนั้นเองที่สองหนุ่มส่งเสียงโวยวาย

 

 

“อ้า นาๆๆๆ / ตาๆๆๆ” มีการเอามือตีตู้ตุบๆ จนพนักงานต้องเอาเค้กกลับมาใส่ไว้ที่เดิมสองหนุ่มถึงหยุดโวยวายแล้วหันมามองผมทั้งสองคน

 

 

“แมะๆ อูๆ”

 

 

“ครับๆ พ่อซื้อให้แล้วครับ เดี๋ยวเรากลับมาเอานะ” ผมตอบเฮคเตอร์ที่หันมาสื่อสารประมาณว่าอยากได้ ผมยิ้มขำตาหยี สื่อสารกับใครก็ไม่สนุกเท่ากับแฝดแล้วละ

 

 

เราอุ้มแฝดออกมาจากร้านเค้ก และด้วยความที่ไม่เห็นพี่มินเนี่ยนตามมาด้วยเลยส่งเสียงงอแงจนต้องพาขึ้นไปโซนตุ๊กตากับของเล่นก่อนเพื่อไปหาซื้อเจ้ามินเนี่ยนมาให้กอดแก้ขัด ผมซื้อให้คนละตัว คนละคาแร็คเตอร์ เพราะสองคนนี้ชอบไม่เหมือนกัน เฮคเตอร์ชอบไอ้เจ้าตัวเล็กๆ แฮคเตอร์จะชอบไอ้ตัวสูงๆ เหมือนกล้วย

           

 

“แอ๊ะแอแอ” ตอนที่เดินผ่านแผนกของเล่นแล้วเจอกับรถขับสำหรับเด็ก เฮคเตอร์ก็เขย่าเจ้ามินเนี่ยนตัวสีเหลืองแรงๆ

 

 

“อู้ๆๆ” แฮคเตอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนพ่อชี้รถด้วยความตื่นเต้น

 

 

“แมะๆๆ”

 

 

“ครับๆ” ผมก้มหน้าหาเฮคเตอร์ที่หันหน้ามาหาผมและชี้มือให้ดูราวกับจะบอกว่าของเล่นๆ

 

 

“อยากได้เหรอไอ้ลูกหมู” วิคเตอร์ก้มมองหน้าลูกทั้งสองคน สองหนุ่มจ้องมองรถเหล่านั้นไม่วางตา ผมเห็นท่าไม่ดีเลยหมุนตัวหันหลังให้กับของเล่น

 

 

“อย่าซื้อเลยวิคเตอร์ พอซื้อแล้วก็ต้องทิ้งไว้นี่ ไม่ได้เล่นอีก กลับไปซื้อให้ที่อังกฤษดีกว่า” วิคเตอร์หมุนตัวพาแฝดเดินออกจากบริเวณพวกของเล่นสำหรับเด็ก แฝดบิดคอมองของเล่นตาแป๋ว

 

 

“แอง๊ แอ!” เฮคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวดท่าทางหงุดหงิด หน้าเบะคล้ายจะร้องไห้

 

 

“เดี๋ยวแมทซื้อให้ แต่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ ที่อังกฤษก็มี” และแล้วก็เบะปากร้องไห้

 

 

“มัวๆ มูๆๆ” วิคเตอร์หันกลับมามอง แฮคเตอร์มองพี่ชายงงๆ

 

 

“ซื้อให้มั้ยล่ะ แล้วก็ทิ้งไว้นี้ เดี๋ยวก็กลับมาไทยอีกอยู่ดี”

 

 

“ไม่เอา ซื้อมาแล้วใช้แปบเดียว มันเปลืองเงิน”

 

 

“แปบเดียวที่ไหน เราอยู่ไทยตั้งสองเดือนเลยนะ” ผมสั่นหัว ไอ้ยักษ์ขมวดคิ้ว ผมโอ๋ลูกแต่ไม่ตามใจ ไอ้ยักษ์ไม่โอ๋แต่ตามใจเก่ง

 

 

“ทิ้งไว้ตั้งหลายเดือน ไม่เอาหรอก ไปเถอะ”

 

 

“แต่ไอ้ลูกหมูมันร้องจะเอา”

 

 

“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้ แค่ให้กลับไปซื้อที่อังกฤษ ไม่ซื้อนะวิคเตอร์” ผมทำตาดุดักไว้ก่อน ไอ้ยักษ์บิดปากหน้าเซ็งแล้วพาแฮคเตอร์เดินออกไป เฮคเตอร์ร้องไห้งอแง แต่ผมก็ใจแข็งไม่ซื้อให้ ปลอบกันอยู่พักใหญ่จนเขาสงบ

 

 

 

 

เราเดินซื้อของกันในซูเปอร์มาร์เก็ตจนรถเข็นแทบไม่มีพื้นที่เหลือ ต้องให้พนักงานเข็นตามไปส่งที่รถในลานจอด ขากลับสองหนุ่มนอนหลับกอดพี่มินเนี่ยนของตัวเองมาตลอดทาง พอกลับมาถึงบ้านผมก็อุ้มไปนอนบนห้องอย่างเบามือเพื่อไม่ให้ตื่นขึ้นมารบกวนการเตรียมอาหารสำหรับคืนนี้

 

 

“สวัสดีค่า มีใครอยู่มั้ยค้า” เสียงแจ๋น ๆ มาก่อนตัวของเหมียวดังมาจากหน้าบ้าน ผมที่กำลังนั่งช่วยแม่หั่นผักอยู่บนโต๊ะในครัวนั่งหัวเราะเบาๆ

 

 

“ไม่มี กลับไปได้เลย!” ผมตะโกนตอบกลับไป

 

 

“อันนั้นผีตอบเหรอค้า” ผมหัวเราะ พอหันไปมองก็เห็นเหมียว วอร์ม แชมป์แล้วก็น้องอั่งเปาแฟนแชมป์เดินเข้ามายืนออกันตรงประตูครัว ในมือถือถุงใส่ของกันคนละถุงสองถุง

 

 

“แก แคทมาไม่ได้นะ ช่วงนี้ไฮซีซึ่น…” ผมกับอีกสามคนที่เหลือหัวเราะลั่นกับแอคเซ่นที่เหมียวใช้ เหมียวยกไหล่ขวาสวย ๆ ท่าทางว่าไม่แคร์

 

 

“…นักท่องเที่ยวเยอะ มันเลยไม่อยากทิ้งให้พี่เคนทำงานคนเดียว”

 

 

“ได้ ไม่เป็นไรหรอก เข้าใจอยู่”

 

 

“แต่มันฝากกูซื้อของขวัญให้หลานนะ” ไอ้แชมป์ว่าพลางชูถุงสีเหลืองสดให้ดู ผมพยักหน้าหงึกๆ

 

 

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับพี่แมท”

 

 

“งั้นนี่เลยลูก ยกของออกไปวางนอกบ้านเลย เดี๋ยวเตรียมปิ้งกันได้ละ” แม่ชี้จาน ชี้ถ้วยและกะละมังเรียงที่วางรายอยู่บนโต๊ะที่ผมนั่งหั่นผักอยู่ พวกนั้นวางของไว้ตรงโซฟาโซนดูทีวีแล้วเดินเข้ามาในครัว ช่วยกันหยิบไปคนละอย่างสองอย่าง เดินเรียงกันออกไปทางประตูเชื่อมกับสวนหลังบ้าน

 

 

“พ่อกับวิคเตอร์ละวะ” ไอ้วอร์มถามตอนที่มันกำลังหยิบกะละมังหมักหมู

 

 

“ไปซื้อของเพิ่มที่ตลาด”

 

 

“โห ซื้อเพิ่มอีกเหรอ แค่นี้กูว่าก็เยอะมากแล้วนะ”

 

 

“พ่อแกเผื่ออยากกินวันต่อ ๆ ไปด้วยน่ะ เลยไปซื้อเพิ่ม” แม่หันมาบอกยิ้ม ๆ ไอ้วอร์มพยักหน้าหงึก ๆ แล้วเดินตามคนอื่นออกไปในสวน

 

 

ทุกคนมาช่วยกันเตรียมอาหาร แกะกุ้ง ล้างหอย หั่นหมูต่าง ๆ พอสักหกโมงเย็นแบมกับเก้าก็ตามมาสมทบ เป็นอันว่ามากันครบยกเว้นแคทที่ติดภารกิจครอบครัวจริง ๆ พอเตรียมของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยผมก็ขึ้นไปบนห้อง ตอนเปิดประตูเข้าไปสองแฝดกำลังพยายามลงจากเตียง แต่ด้วยความขาสั้นเลยทำได้เพียงยื่นเท้าลงจากขอบเตียงแล้วขยับดุ๊กดิ๊ก เห็นแล้วก็หัวเราะเสียงดัง ทำอะไรก็น่ามันเขี้ยวไปหมด

 

 

“ป่ะๆ อาบน้ำกันนะครับ แต่งหล่อลงไปเป่าเค้กกันเนอะ” ผมถอดเสื้อผ้าให้แฝดแล้วพาเดินเปลือยเตาะแตะ ๆ ไปห้องน้ำ สองหนุ่มก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าให้ผมลุ้นเอาใจช่วย

 

 

“ไอ้หมูโป๊” ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่เดินขึ้นบันไดมาดูแฝด สองหนุ่มหันไปมองพ่อก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างแล้วส่งเสียงฮื่อๆ ในลำคอด้วยความดีใจ

 

 

“อาบน้ำด้วยมั้ยวิคเตอร์”

 

 

“เดี๋ยวตามเข้าไป” ผมพยักหน้า วิคเตอร์หมุนตัวเดินกลับไปห้องนอน และในที่สุดแฝดก็เดินมาถึงห้องน้ำ ผมอุ้มทั้งสองคนเข้าไปนั่งในกะละมังสีชมพูอันใหญ่ที่พ่อซื้อมาให้หลานอาบน้ำโดยเฉพาะ มีซื้อตุ๊กตาเป็ดกับของเล่นมาให้ด้วย ผมเปิดน้ำใส่กะละมัง วินาทีที่น้ำค่อย ๆ เอ่อขึ้น สองหนุ่มก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ตีน้ำด้วยความสนุกสนาน

 

 

“มาสระผมกันก่อนเลย” แฝดจะรู้แล้วว่าถ้าทำแบบนี้ต้องหลับตา เนื่องจากเคยโดนแชมพูเข้าตาแล้วร้องจ้า ผมเลยฝึกให้เขาหลับตาเวลาสระผม

 

 

“แฮคเตอร์ไม่เอาหัวจุ่มครับ หว่ายยย ไม่เอาๆ เดี๋ยวสำลักน้ำ” ผมยื่นมือซ้ายไปดันคางแฮคเตอร์ ไอ้ตัวเล็กมีการหัวเราะสนุสกนานที่โดนผมเบรกไม่ให้เอาหัวจุ่มลงไปในน้ำ

 

 

“เฮคเตอร์หลับตาหน่อย ปึ๊บเลย ปึ๊บเลยครับ…” ผมทำท่าหลับตาให้เขาดู เฮคเตอร์หลับตาปี๋จนผมขำ

 

 

“…เก่งมาก” ผมค่อย ๆ ราดน้ำขับล้างแชมพูบนหัวของคนพี่ ฟองสีขาวไหลลงเต็มอ่างแต่ก็โดนน้ำจากสายยางที่เปิดทิ้งไว้ดันออกไป ผมรีบล้างหัวให้แฮคเตอร์ต่อทันทีก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะเอาหัวจุ่มน้ำเอง

 

 

“นายก็ควรอาบได้แล้วนะ” วิคเตอร์เดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพพันผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียว เขามายืนเท้าเอวมองลูกเล่นน้ำ แฝดแหงนหน้ามองพ่อแล้วก็ส่งยิ้มหวานพร้อมกับหัวเราะคึกคักอารมณ์ดี

 

 

“เดี๋ยวเอาแฝดไปฝากพ่อกับแม่ไว้แล้วจะขึ้นมาอาบ”

 

 

“งั้นฉันรออาบพร้อมนาย”

 

 

“งั้นถ้าจะให้เร็ว ช่วยผมอาบน้ำลูกหน่อย” วิคเตอร์นั่งยอง ๆ ข้างผมแล้วช่วยอาบน้ำให้แฮคเตอร์ สองหนุ่มกำลังสนุกสนานกับสระว่ายน้ำกะละมังมาก ทีสระว่ายน้ำที่บ้านไม่เห็นหนูคึกเท่านี้เลยลูก กะละมังนี้มันมีอะไรพิเศษเหรอ

 

 

“อ้วนพุงย้อยหมดแล้ว โตมาแกต้องไดเอทรู้เปล่าไอ้ลูกหมูทั้งสอง” วิคเตอร์บ่นไปถูครีมอาบน้ำให้ลูกไป เจ้าตัวเล็กทั้งสองหัวเราะอิ๊อ๊ะ

 

 

แม้ว่าผมจะพยายามควบคุมน้ำหนักให้ทั้งสองคน แต่ด้วยความที่กินเก่งมากตั้งแต่เด็ก ๆ เลยทำให้แฝดตัวใหญ่ ยังดีที่ไม่ใช่ตัวอ้วนกลม ผมมองว่าพุงนั้นน่ารักดีออก แก้มก็ยุ้ยเป็นสีแดงระเรื่อ เห็นแล้วน่ามันเขี้ยวจะตาย

 

 

“ป่ะๆ ไปแต่งตัวกันครับ” ผมอุ้มเฮคเตอร์ออกจากกะละมัง มิชลินเบอร์หนึ่งหันไปคว้าขอบกะละมังอย่างเร็ว

 

 

“อ๊า”

 

 

“แน่ะ ๆ งอแงอีกแล้ว ไม่เอา ๆ อาบน้ำพอแล้วครับ”

 

 

“ฮื้อออ!”

 

 

“ไม่เอา เห็นน้องมั้ย น้องยังไม่อยากเล่นต่อเลย” แฮคเตอร์ปล่อยให้พ่อใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวอย่างว่าง่าย เฮคเตอร์หน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ยอม อยากจะเล่นน้ำต่อ ผมเลยอุ้มเขาลุกขึ้นเดินออกจากห้องน้ำ เขางอแงนิดหน่อย แต่พอเห็นว่าน้องตามออกมาในสภาพไม่ร้องงอแงเลยเงียบลง

 

 

ผมเช็ดตัวให้แฝดจนแห้ง ทั้งสองคนคลานไปรอบเตียงอย่างสนุกสนาน วันนี้ใส่ชุดเอี๊ยมสียีนและเสื้อตัวในสีเหลืองเหมือนมินเนี่ยน เป็นมินเนี่ยนหมู ๆ สองตัว ตัวกลมๆ ปุ๊กๆ เห็นแล้วช่างน่ารักน่าชัง ผมกับวิคเตอร์อุ้มทั้งสองคนลงไปด้านล่าง เอาไปฝากพ่อกับแม่ไว้

 

 

“ว้ายตายแล้ว ไม่รู้จะใจเต้นให้ความน่ารักของลูกหรือความแซ่บของผัวอีแมทดี” ทุกคนหัวเราะเหมียวที่มองวิคเตอร์เปลือยท่อนบนอย่างแทะโลม ไอ้ยักษ์ยิ้มขำแล้ววิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน

 

 

“มินเนี่ยนสองตัวนี้ตัวกลมจังครับ” แบมนั่งคุกเข่าเล่นกับหลานที่นั่งคู่กันบนโซฟา สองแฝดมองทุกคนแบบงงๆ

 

 

“ฝากก่อนนะ อาบน้ำแปบ” ผมวิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน ถอดเสื้อผ้าออกได้ก็วิ่งตามวิคเตอร์เข้าไปในห้องน้ำ ผมล็อคประตูห้องน้ำแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำกับเขาใต้ฝักบัว มีใช้มือนัวเนียกันนิดหน่อยจนแข็งตัว แต่ก็เบรกไว้แค่นั้น ผมกลัวลูกร้องหาเลยอยากรีบอาบให้เสร็จไวๆ

 

 

“วิคเตอร์ใส่เอี๊ยมแบบลูกสิ” ผมบอกตอนที่กลับเข้ามาในห้องนอน

 

 

“ฉันไม่มี” วิคเตอร์ตอบหน้ามึน ผมคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ไอ้ยักษ์ขมวดคิ้วมองด้วยความไม่ไว้ใจ

 

 

“ผมเอามาให้” ไอ้ยักษ์ตาโตก่อนจะถลึงตามองผม

 

 

“ให้ตายเหอะ ฉันเอาออกจากกระเป๋าไปแล้วนะ นายยังเอากลับมาใส่อีกเหรอ?!” ผมห่อไหล่หัวเราะคิกคัก ก้มลงหยิบชุดเอี๊ยมสียีนที่มีหน้ามินเนี่ยนติดอยู่ตรงอก ไอ้ยักษ์กลอกตา

 

 

“น่ารักดีออก นะ ๆ ใส่เถอะ ผมก็จะใส่ด้วย”

 

 

“ไม่!” ผมหุบยิ้มวืด หน้าบึ้งมองเขาที่ทำหน้าว่าไม่เอาแน่ๆ

 

 

 

 

“ว้าย คิขุมากเลยอะค่ะวิคเตอร์” เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ตอนที่ทุกคนเห็นวิคเตอร์เดินลงมาจากบันไดด้วยใบหน้าไม่รับบุญไม่บอกบุญใครทั้งสิ้น

 

 

“มินเนี่ยนตัวพ่อเหรอเนี่ย” ไอ้แชมป์แซวขำ ๆ วิคเตอร์บึนปากเป็นการตอบรับ

 

 

“ไป ๆ ไปหลังบ้าน พ่อกับแม่กับแฝดไปรอละ” ผมเดินจูงมือมินเนี่ยนหน้ายักษ์ให้ตามทุกคนออกไปที่หลังบ้าน แฝดนั่งอยู่กับคุณตาคุณยายอย่างไม่งอแง นั่งกินขนมหงับ ๆ ไม่สนใจใคร

 

 

“อุ๊ย ๆ ใครวะน่ะ แต่งตัวเหมือนหนูเลย” พ่อผมพูดขึ้นตอนเห็นผมกับวิคเตอร์ สองแฝดแหงนหน้ามองหน้าพ่อผม พ่อชี้มาที่เราสองคน พอสองแฝดเลื่อนสายตามาเห็นผมกับยักษ์ก็มองนิ่งสักแปบก่อนจะคลี่ยิ้ม

 

 

“แอ๊ๆๆๆ เจ้อๆ” เฮคเตอร์ชี้ไปที่พ่อและทำหน้าตื่นเต้น

 

 

“กุงๆๆๆ” แฮคเตอร์ทำเสียงเหมือนมินเนี่ยนและปรบมือแปะ ๆ พร้อมกับยิ้มโชว์ซี่ฟัน ทุกคนหัวเราะกับท่าทางของแฝด ผมเดินเข้าไปอุ้มแฮคเตอร์ ส่วนวิคเตอร์ผู้บึ้งตึงอุ้มเฮคเตอร์ไว้ในอ้อมแขน

 

 

“ไม่ต้องล้อฉันเลย”

 

 

“แอ้ แอะๆๆๆ” ไม่ใช่เสียงแฝดนะ เป็นเสียงเหมียวหัวเราะแบบใจจะขาด นางนั่งหัวเราะท้องขดท้องแข็งที่เห็นวิคเตอร์ทำหน้าบึ้งใส่ลูก แต่ลูกกลับยิ้มชอบอกชอบใจที่เห็นพ่อใส่ชุดเหมือนตัวเอง

 

 

“เหมียว มึงอย่าขาดใจตายก่อนนะ” ไอ้วอร์มแซวแต่ก็ขำไปด้วย มันกำลังช่วยไอ้แชมป์ย่างกุ้งอยู่บนตะแกรง แบมกำลังพยายามเปิดเพลงจากไอแพดที่วางอยู่ข้างลำโพงไร้สายแล้วเชื่อมต่อด้วยบลูทูธแทน

 

 

“สักสองทุ่มค่อยเป่าเค้กแล้วกัน” ผมพยักหน้าให้แม่ เสียงเพลงดังขึ้นแบบเบา ๆ ไม่ดังมาก เปิดเป็นแบ็คกราวด์ให้งานไม่เงียบจนเกินไป

 

 

แฝดนั่งอยู่บนตักเราสองคน ผมคอยป้อนเนื้อกุ้งที่ทุบจนละเอียดแล้วให้สองหนุ่ม มีแม่คอยช่วยป้อนด้วยอีกมือ วิคเตอร์ก็คอยป้อนอาหารใส่ปากผมอีกทีเพราะผมไม่สะดวก เขาคอยแกะกุ้งให้ทั้งผมและลูก หนีบปูแกะเนื้อให้กิน คีบเนื้อหมูย่างจิ้มน้ำจิ้มให้ผม หิวน้ำก็คอยป้อนให้

 

 

“อีแคทเขาซื้อเกมฝึกสมองให้หลานจ้า ไม่คิดเลยว่าคนอย่างมันจะนึกอะไรฉลาด ๆ เป็น”

 

 

“อ้าวอีเหมียว แล้วแกจะพูดทำไม ทำไมไม่ให้พ่อแม่เขาเห็นเองเนี่ย” เหมียวเบ้ปากใส่แบมที่พูดดักนางทันที

 

 

“อีแมทเห็นแล้วเถอะ ถึงจะเห็นแค่ถุง ก็ถือว่าเห็นแล้ว” ทุกคนหัวเราะกับแอคติ้งเหมียว นี่ขนาดว่าคู่หูคู่ฮาของมันไม่มาด้วย มันก็สนุกของมันคนเดียวได้

 

 

เรานั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระ เม้าท์เรื่องแคทที่ยังไม่คิดจะมีลูก เนื่องจากยังไม่พร้อม ต้องหาเงินมาใช้หนี้คืนวิคเตอร์ที่ออกค่าทำรีสอร์ทครึ่งนึงให้ได้ก่อน แล้วก็เม้าท์กันเรื่องที่เหมียวยังคงโสดจนถึงตอนนี้

 

 

“แต่ฉันชอบพี่ไทเลอร์คนนั้นมากเลยอะ เขาหล่อ หล่อมาก เขาควรเป็นแฟนฉันอะแก แต่วันนั้นเขาไม่แอ๊วฉันเลย” ผมหันไปกระซิบบอกวิคเตอร์ว่าเหมียวพูดถึงเพื่อนเขา วิคเตอร์ทำหน้าว่าอ้อ

 

 

“I’m not sure, but he seems already have someone. (ไม่แน่ใจ แต่เหมือนมันจะมีใครอยู่แล้ว)” เหมียวอ้าปากค้าง ยกมือขวาจับตรงหัวใจและทำหน้าเหมือนโดนแทงอก

 

 

“เจ็บ” พวกเพื่อน ๆ หัวเราะ เหมียวหลับตาเม้มปากทำหน้าเจ็บปวดหัวใจ

 

 

“ก็วันนั้นเขาขอหินไปอีกก้อนด้วยนะ พอถาม เขาก็บอกว่าเอาไปให้คนรู้จักที่ชอบสะสมหินพวกนี้” เหมียวทำปากยื่น ย่นหน้าย่นคิ้วอย่างปวดร้าว

 

 

พอสองทุ่มกว่า ๆ วิคเตอร์ก็ยกเค้กมินเนี่ยนที่ปักเทียนเลขหนึ่งออกมา ทุกคนร่วมกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้แฝดที่เราจับไปนั่งบนม้านั่งคู่กัน สองหนุ่มมองคุณพ่อตาแป๋ว พวกเพื่อน ๆ ผมจุดไฟเย็นเป็นแบ็คกราวด์อยู่หลังวิคเตอร์ ตอนที่เขานั่งลงแฝดก็ยิ้มกว้างและปรบมือแปะๆ

 

 

“แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูแฝดดดด” เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากพวกเราร้องเพลงจบ แฝดนั่งมองเปลวเทียนด้วยความสนใจ แฮคเตอร์ยื่นมือทำท่าจะไปจับเปลวเทียน ผมรีบคว้ามือเขาไว้ทันที

 

 

“เป่าปู้ดเลยลูก เป่าครับเป่า ปู้ดๆ” พ่อผมทำท่าเป่าให้ดู ทั้งสองคนยังคงนั่งมองเค้กและเทียนแบบฉงนปนอยากรู้ สักพักเฮคเตอร์ก็ทำเอาทุกคนหัวเราะเสียงดัง

 

 

“ปุด!” เขาพยายามทำเหมือนที่คุณตาสอน แต่กลายเป็นว่าลมออกมานิดเดียว แล้วก็เหมือนเสียงลมตดมากกว่าเสียงเป่าปาก

 

 

“ฟู่วววว เป่าลมออกมาค่ะหลานป้า” เก้าส่งเสียงเอาใจช่วย แล้วทุกคนก็ต้องร้องตกใจเมื่อแฮคเตอร์เอาหน้าทิ่มลงไปในเค้ก

 

 

“ว้าย เป่าค่าลูก ไม่ใช่ปักหน้าลงไป” เหมียวพูด ทุกคนขำกันใหญ่ ผมดึงแฮคเตอร์ขึ้นมา หน้ามิชลินเบอร์สองเปื้อนเค้กเป็นหย่อม ๆ เขาหันมามองผม พอเห็นว่าผมหัวเราะอยู่ก็เลยยิ้มแฮ่

 

 

“อุ๊ยนั่น อีกคนแล้ว” ผมเลื่อนสายตาไปมองตามที่แม่ชี้ เฮคเตอร์ปักหน้าตัวเองลงเค้กอีกฝั่ง วิคเตอร์ดันตัวลูกออก เขามองหน้าพ่อตาแป๋ว แล้วสักพักก็ยิ้มขำให้วิคเตอร์

 

 

“เอ้า ถือว่าเป่าแล้วละกัน” วิคเตอร์สรุปความแล้วเป่าเค้กดับแทนแฝด ทุกคนส่งเสียงร้องเฮและปรบมือ แฝดกวาดตามองทุกคน แล้วก็หันมามองผมก่อนจะคลี่ยิ้มโชว์ซี่ฟันน้อยๆ

 

 

“โอ๊ย มันน่าฟัดแท้ นี่ถ้าอีแคทอยู่มันฟัดหลานเพลิน” เก้าว่าด้วยความมันเขี้ยวในขณะที่ยกมือถือถ่ายรูปสองมินเนี่ยนหน้าเปื้อนเค้ก แม่หยิบทิชชูมาเช็ดเศษเค้กออกจากหน้าหลานจนสะอาดหมดจด ผมพยายามที่จะตัดแบ่งเค้กให้ทุกคน แต่เค้กแข็งแรงมาก เลยเปลี่ยนเป็นยื่นช้อนให้ทุกคนเป็นอาวุธในการตักเค้กไอติมกิน ผมตักใส่ถ้วยเล็ก ๆ หนึ่งใบแล้วแบ่งมาให้แฝด ผมจับเขาขึ้นนั่งตักคนละฝั่ง วิคเตอร์ดึงถ้วยไอติมไปถือไว้ในมือ เขานั่งยอง ๆ ป้อนเค้กไอติมให้สองแฝด

 

 

“Bless them, Victor. (อวยพรลูกหน่อยสิวิคเตอร์)” ไอ้ยักษ์มองแฝดที่เคี้ยวไอติมแก้มอูมสักพัก ก่อนจะเปิดปากอวยพรแฝดแบบสั้นๆ

 

 

 “Happy first birthday, piggy. (สุขสันต์วันเกิดปีแรก ไอ้ลูกหมู)” เขาใช้มือซ้ายขยี้หัวลูกทั้งสองคนเบา ๆ แฝดเอาแต่นั่งมองไอติม ผมคลี่ยิ้ม ก้มลงหอมหัวทั้งสองคน

 

 

“Be a good boy, my twins. (เป็นเด็กดีนะ แฝดของแมท)”

 

 

และขอบคุณนะไวโอล่า กับของขวัญชิ้นใหญ่สองชิ้นนี้ ใหญ่ในทีนี้คือใหญ่จริงๆ ฮ่าๆ

 

 



เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               
แถมตอนพิเศษหนึ่งตอนจากในหนังสือเป็นการส่งท้ายให้กับเรื่องนี้ค่ะ   สำหรับภาคพิเศษของแฝดที่มีคนอยากอ่าน คือจริง ๆ มันมีในเล่มต่ออีกนิดอีกหน่อยค่ะ แต่ถ้าจะเอามาขยายเป็นเรื่องราวจนน้องโต ณ วันนี้ ตอมยังไม่มีแพลนจะเขียนเรื่องของน้อง ๆ ทั้งสองคน อันนี้ ณ ตอนนี้นะคะ คือเหมือนตอมใช้พลังกับเรื่องนี้ไปเต็มที่แล้ว ตอนนี้เลยฟีลว่าอยากพักจากเรื่องนี้ก่อน แต่ในอนาคตอันใกล้หรืออันไกลหน่อย อาจจะปิ๊งไอเดียหรือหาทางขยายเรื่องราวแฝดมิชลินได้ ก็น่าจะกลับมาเขียนให้ได้อ่านกัน แต่ตอนนี้คือว่างเปล่า 55555 อีกอย่าง ช่วงนี้คุ้นเคยกับพี่ไบรอั้นและน้องไอติมแล้วด้วย เลยไปขลุกอยู่กับทางนั้นมากกว่าน่ะค่ะ ถ้าใครตามตอมกันมา จะรู้ว่าตอมเขียนได้ทีละเรื่อง  ซึ่งพอเรื่องนี้จบ ตอมก็เลยได้ไปทางนั้นเต็มที่ ทีนี้คุ้นเคยกับเรื่องและตัวละครแล้ว เรื่องนี้ก็คือพักผ่อน มิชลินของแม่แมทกับพ่อเตอร์ก็ค่าตัวแพ้งแพง พ่อมันคิดเรทสูงมาก สู้ไม่ไหว

               ขอให้มีความสุขกับครอบครัวสามเตอร์และแม่แมทนะคะ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้

               สุขสันต์วันเกิดนะแฝด ของขวัญล้ำค่าของพ่อเตอร์แม่แมท

               

               

               แท็กเรื่องนี้ #LoveNoBoundaries
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-09-2018 20:42:54
มีความสุข............ดีต่อใจ........
แฝดมิชลินน่ารักมากกกกกกก

เตอร์  แมท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มากกกกกกก   :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-09-2018 22:19:09
คิดถึง ไวโอล่า
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-09-2018 01:48:29
 :man1: อยากขย่ำอยากขยี้
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-09-2018 07:26:52
น่ารักน่าชังสุดๆ อยากฟัดแฝดบ้าง
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-09-2018 11:57:06
เรียกว่าเป็นตอนพิเศษสำหรับสองแฝดด้วยเฉพาะเลย สุขสันต์วันเกิดนะลูกนะขอให้สุขภาพแข็งแรงโตมาเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนนะลูก
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: zoiesty ที่ 24-09-2018 07:59:58
แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะแฝด :L2:
สนุกมากๆมีครบทุกอารมณ์เลย ขอบคุณนิยายดีๆนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-09-2018 16:19:34
 :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-09-2018 08:00:07
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 29-09-2018 06:52:02
ขอบคุณนะคะที่เขียนนิยายสนุกๆแบบนี้ให้อ่าน
และยังแทรกประโยคภาษาอังกฤษให้ด้วย อ่านจบได้ประโยคภาษาอังกฤษมาไว้ใช้อีกหลายประโยค ได้ประโยชน์คือไว้เถียงกะเจ้านายต่างชาติได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 15-10-2018 22:43:43
 o13 o13 o13 o13 o13 o13
      สวัสดีครับผู้เขียนเรื่องนี้ ผมพึ่งมาอ่านตอนเดือนตุลาคม เดือนนี้เอง และอ่านจบภายใน 1 สัปดาห์ด้วย
อยากจะกล่าวขอโทษที่ผมพึ่งเห็นเรื่องนี้ เพราะะส่วนมากผมจะอ่านเรื่องที่จบแล้วมากกว่า
หากจะบอกว่าผมชอบเรื่องนี้ คุณผู้เขียนคงจะรู้สึกเบื่อแล้ว เพราะว่าหลายท่านในบอร์ดก็คงพิมพ์ไปหลายพันครั้งไปแล้ว
แต่ผมก็จะบอกย้ำว่า ผมชอบเรื่องนี้มากครับ เป็นเรื่องที่อาจเป็นความฝันของหลายๆ คนที่อยากสัมผัสประสบการณ์ต่างประเทศ
แต่ไม่มีโอกาสได้ไป เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้บบอกเล่าเรื่องราวในต่างประเทศที่ให้การเขียนพรรณนา และบรรยายได้แจ่มแจ้งให้ผู้อ่านได้มีอารมณ์จิตนาการในสีสันบรรยายกาศที่ถ่ายถอดเรื่องราวได้ประทับใจมาก หลายๆฉาก หลายๆบรรยากาศที่เหมือนว่าสัมผัสได้จริง
       ตัวละครมีความเป็นธรรมชาติมาก เหมือนวัฒนธรรมแวดล้อมตามสภาพแห่งความเป็นจริงของมนุษย์ ที่มีหลากหลายอารมณ์ทั้งอ่อนแอและแข็งกล้า ซ่อนปมในอดีตทั้งแมทและเตอร์ รวมทั้งบุคคลอื่นๆ อีกด้วย แฝงจิตวิทยาตั้งแต่ตัวละครที่เป็นเหตุก็คือพ่อแม่ และผลสะท้อนกลับก็คือลูก เหมือนกลับขว้างบอลไปโดนผนังแล้วสะท้อนออกมาผ่านตัวละครที่เป็นลูก
       ผลงานนี้เป็นผลงานชิ้นเอกเลยก็ว่าได้ ขอแสดงความนับถือผู้เขียนเป็นอย่างมาก ที่มีความอดทนในการเขียน วางโครงเรื่อง
แทรกข้อคิดในแต่ละมุม ที่แต่ละคนจะนำออกมาแสดงความเห็นของแต่ละคน ผมอ่านนิยายมาหลายเรื่องหลายแนว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าติดตามทุกตอนไม่สามารถละสายตา อ่านข้ามบรรทัดได้เลย ถึงจะง่วงจนตี1 ตี2 ก็ยังมีความอยากที่จะอ่านถึงสมองจะสู้ แต่ตามันจะปิด หากจะใช้ความรู้สึกในการคาดคะเนว่าเรื่องจะจบแบบใด บอกได้เลยว่าเรื่องนี้คาดเดาได้ยากมาก หวังว่าผู้เขียนมี
ตอนพิเศษอัพมาบ้าง สวัสดีครับ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-10-2018 22:06:48
อิ่มใจ แฝดน่ารัก ชอบมาก ยักษ์ก็เป็นพ่อบ้านที่ดีเลย
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: SuPeRDonGDanG ที่ 31-10-2018 13:14:11
อ่านรอบเดียวจบ วางแทบไม่ลง
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
ชอบในความรักของวิคเตอร์ แม้ว่ามันจะล้นไปบ้าง แต่ในที่สุดมันก็ลงตัวอะนะ
อยากอ่านตอนพิเศษเมื่อแฝดโตแล้วจะแสบกับพ่อมากน้อยแค่ไหน :mew1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Pramooknoi ที่ 03-12-2018 22:43:59
เป็นเรื่องที่ยาวมากๆ เลย เด่วกลับมาอ่านต่อ อ่านจบไป 2 Part ละ :hao6: เอเลี่ยนน่ารักกด :L1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 01-01-2019 18:28:01
เป็นเรื่องที่เราเห็นมานานมากแล้ว แต่ยังไม่ได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน แต่วันนี้เราได้อ่านจนจบแล้วค่าาาา สนุกกกก เราชอบนะคะ ทั้งการบรรยาย การแสดงความรู้สึกของตัวละคร แต่มีบางฉากที่เราอยากเห็น เช่น ตอนเตอร์อยู่กับพ่อตา 2 คนจะตีกันขนาดไหน แล้วเตอร์ยอมไปพบจิตแพทย์ได้ยังไง อยากเห็นแฝดตอนโตด้วย และอีกสารพัดฉากที่เราอยากเห็น เดี๋ยวจะไปตามอ่านต่อในหนังสือนะคะ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆนะคะ เยิฟฟฟฟฟฟฟ  :กอด1: ปล.อยากเห็นฉากแซ่บๆอีกจัง  :-[
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: joko ที่ 12-01-2019 22:24:34
ขอบคุณมากนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆที่อ่านแล้ว สนุกแล้วก้อได้อะไรหลายๆอย่างจากนิยายเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 09-02-2019 01:19:57
 :pig4: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: waragorn ที่ 28-03-2019 18:25:13
กลับมาอ่านอีกรอบก็ยังสนุก พอนึกถึงลุงของเซบก็อยากอ่านแนวแดดดี้คู่กับสไตล์นางเอกจริตแบบเรียวจันทร์ คงจะสนุก 555
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 21-04-2019 20:14:24
ชอบมากกกกกกกกกกกกก ดีมากกกกกกกก ปลื้มปริ่ม ค่อยๆ รักกัน ชอบมากถึงขนาดจบ 3 ภาคใน 5 วัน ขอบคุณขุ่นแจ้ มากค่าาา รักกกกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :mew1: :mew1: o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 21-04-2019 23:13:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: auntreory ที่ 26-04-2019 00:15:05
เกลียดแมทมากกกกก ผัวอะควรรักษา แต่อีแมทมึงอะรักษาก่อนเลย อาการไม่ปกติ เกลียดแมทมาก ถ้ารู้จักคนแบบนี้มึงจะรู้เลยว่ามันไม่น่าสงสารแต่มันจะน่ารำคาญและน่ารังเกียจ คิดเยอะคิดแยะเราพูดไปเหมือนฟังนะแต่สุดท้ายมันทำแบบเดินคิดแบบเดิม สุดท้ายเราก็ประสาทจะแดกเอง
อินมาก ไม่ชอบคนแบบแมท5555
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 16-05-2019 02:48:25
 :hao5: พิมพ์ไม่ออกบอกไม่ถูกอ่านใช้เวลาสองวันแบบทั้งตาบวมร้องไห้ หัวร้อน เขิน ดิ้นบ้าดิ้นบออยู่คนเดียวคือสุดมากกว่ายักษ์กับเอเลี่ยนตัวน้อยจะมาถึงจุดนี้ก็ประสาทแดกกันพักใหญ่มากกกกขอบคุณที่ทั้งคู่ผ่านมันมาได้และได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับหมูอ้วนทั้งสอง แฝดน่ารักมากกกกเอ็นดูแรงมากกกกกกกอยากอ่านแฝดตอนโตมากกกกกกกกกกกอยากเห็นวิคเตอร์คนหวงลูก นางต้องสุดมากแน่ มาเถอะค่ะปามาาาาาาาาาาาาา พร้อมอ่านนนนนน นิยายดีมากกกกสุดในทุกอย่างหัวหมุนไปหมดดดชอบบบบบ เอ็นซีสุดติ่งมากกกแซ่บมากกกพี่ยักษ์เราโหดมากกกกกน้องเราก็ไม่น้อยเลยแซ่บคูณล้านนนน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 19-06-2019 19:17:43

ตอนพิเศษ สุขสันต์วันพ่อ (16 มิถุนายน)               

16 June 20xx


 

 



“Dad is coming home from Croatia trip with uncle Andre, uncle Ben and uncle Bas. Are you excited to see them? (เดี๋ยววันนี้คุณพ่อจะกลับมาจากทริปโคเอเชียกับอาเดน อาเบน อาบาสแล้ว มิชลินตื่นเต้นที่จะได้เจอพวกเขามั้ยครับ)” ไร้สัญญาณการตอบรับ เพราะปลายทางปากไม่ว่าง ผมหัวเราะด้วยคามเอ็นดู

 

 

สองหนุ่มกำลังนอนดูดนมจากขวดอยู่บนฟูกนอนที่ปูบนพื้นห้องโถงของบ้านอีกที โชว์สยิวด้วยการใส่แค่แพมเพิสคนละตัว ด้านบนโชว์หน่มนมตั้งเต้าและพุงแน่น ๆ น่าบีบ สายตากำลังนอนพี่มิเนี่ยนช่วยกันกู้โลกบนจอทีวี ผมมองแล้วก็ขำ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปสองหนุ่ม แม้จะไม่ได้เผยแพร่ที่ไหนแต่ผมก็ชอบถ่ายรูปลูกเก็บไว้ในโทรศัพท์จนกินพื้นที่เมมไปเยอะมาก

           

 

“โอ่โห นอนโชว์โป๊เลยรึลูก” พ่อผมที่กลับมาจากซื้อของข้างนอกกับแม่และออสตินเดินมาแซวหลานชาย ออสตินเดินถือของจากตลาดแถวบ้านไปทางครัว แม่ผมเดินมานั่งข้าง ๆ สองหนุ่มที่นอนดูดนมตาแป๋ว

           

 

“สบายจังเลยเนาะลูกเนาะ” แม่ผมยิ้มแซว ยื่นมือซ้ายไปจับพุงแฮคเตอร์และบีบเบา ๆ เจ้าตัวเล็กกะพริบตาปริบ ๆ มองคุณยายที่หัวเราะ

           

 

“เดี๋ยวแมทจะพาแฝดออกไปไหว้พ่อเขาที่สุสานนะ”

           

 

“มีอะไรพิเศษเหรอ” พ่อผมเงยหน้าถาม

           

 

“วันนี้เป็นวันพ่อของทางตะวันตกน่ะ”

           

 

“อ้าว แล้วไปมือเปล่า ๆ กันน่ะเหรอ ไม่ซื้อดอกไม้อะไรไปด้วยรึไง”

           

 

“แมทฝากออสตินซื้อไปแล้ว” ผมตอบคำถามของแม่

           

 

“มิน่าล่ะ วันนี้ที่ตลาดดอกไม้เยอะแยะเลย” พ่อผมพึมพำ

           

 

สองตายายของแฝดคุ้นเคยกับตลาดสไตล์อังกฤษแล้ว เวลาบินมาเยี่ยมหลานก็ชอบออกไปเที่ยวไปช็อปปิ้งกัน แรก ๆ ไม่กล้าหรอก แต่พอมาบ่อย ๆ เข้าก็คุ้นเคย เดี๋ยวนี้คือคล่องแคล่ว เคยนั่งรถไฟเข้าลอนดอนไปกันสองตายายด้วยนะ แต่ขากลับดันกลับไม่ถูก ฮ่า ๆ ออสตินเลยต้องขับรถไปรับ

 

 

            “ให้ลูกนอนก่อนมั้ย กินนมเสร็จเดี๋ยวคงง่วง” ผมพยักหน้าให้กับแม่ หางตาเห็นร่างออสตินเดินกลับออกมาจากครัว ในมือถือดอกไม้สีแดงสดติดมือมา ผมคลี่ยิ้มแล้วยื่นมือไปรับมาจากบอดี้การ์ดหน้านิ่ง พ่อกับแม่หันมามองด้วยความงง ผมเคลื่อนตัวลงจากโซฟา ไปนั่งใกล้กับพ่อแล้วยื่นดอกกุหลาบสีแดงให้

           

 

“สุขสันต์วันพ่อ” พ่อผมยิ้มบาง ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาหนึ่งที พ่อผมรับดอกกุหลาบไว้ในมือ พยักหน้าน้อย ๆ แล้วยกมือซ้ายขึ้นลูบหัวผมหนึ่งครั้ง เขาหอมแก้มผมกลับ ผมยิ้มกว้าง หันไปมองแม่ก็เห็นว่าแม่ยิ้มด้วยความปลื้มใจ

           


“แอ๊ะ” เราสามคนก้มลงมองสองแฝดที่เอาขวดนมออกจากปากพร้อมกันแล้วกำลังมองพ่อผมเป็นสายตาเดียว

           

 

“They saw grand-pa kiss mama’s cheek. (สงสัยเห็นคุณตาหอมแก้มคุณแมท)” ออสตินที่ยืนอยู่บอก ผมหัวเราะตาหยี ผมแกล้งหอมแก้มพ่ออีกที แล้วพ่อผมก็เลยหอมแก้มผมกลับบ้าง สองแฝดตาแข็งค้างตาไม่กะพริบราวกับกำลังช็อค ตากับยายหัวเราะร่วน

           

 

“ตะลึงเหรอลูกที่มีผู้ชายหอมแก้มแม่” คุณยายแกล้งแซวหลาน สองแฝดหันไปมองคุณยายพร้อมกันทั้งที่ตายังค้างเติ่งอยู่แบบนั้น แม่ผมก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ

           

 

“หวงแม่แมทเหรอ ฟอด” พ่อผมแกล้งหอมผมอีกที สองแฝดหันกลับมามองผมกับพ่อ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว เฮคเตอร์ชี้มือขวาขึ้น

           

 

“Nah.” เจ้าตัวเล็กบอกเสียงเคือง ๆ แต่ก็กลายเป็นดูน่ารักจนทำเอาผู้ใหญ่สี่คนขำ พ่อผมก้มลงไปฟัดพุงทั้งสองคน จากหน้าตาขุ่นข้องหมองใจก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะคิกคัก สองมือจับหัวตาไว้เพื่อไม่ให้ปั่นพุงตัวเอง

           

 

“แอ๊ คิกๆๆ”

           

 

“ฮี่ๆๆ” ผมมองแล้วก็ยิ้มด้วยความชื่นใจกับความอารมณ์ดีของแฝด

           

 

“Tell me if you are ready to leave. (จะออกไปตอนไหนก็บอกผมนะครับ)” ผมหันไปหาออสตินพักหนึ่งก่อนหันกลับไปมองแฝดที่กำลังเล่นกับคุณตาคุณยายสนุกสนาน ทิ้งให้พี่มิเนี่ยนส่งเสียงเป็นแบ็คกราวด์ด้านหลัง

           

 

“We leave now. They are waking up. (ออกไปเลยแล้วกัน แฝดกำลังตื่น)” ผมหันไปตอบออสติน ตอนนี้สิบเอ็ดโมงแล้ว ถ้าหลับแล้วกว่าจะตื่นก็คงบ่ายสองโน่น 

           

 

“แม่ๆ เดี๋ยวแมทพาแฝดไปหาพ่อกับแม่เขาเลยดีกว่า กลับมาจะได้หลับยาวๆ”

           

 

“เอางั้นเหรอ” ผมพยักหน้าให้แม่ ลุกเดินไปทางห้องแฟมิลี่เพื่อไปหยิบเสื้อผ้าแฝดออกมาใส่ให้ทั้งสองคน ไมเคิลกับลูก ๆ ที่นอนอยู่หน้าเตาผิงผงกหัวขึ้นมองพร้อมกันแปบนึงแล้วมันก็กลับไปนอนต่อราวกับตื่นขึ้นมาเช็กเฉย ๆ ว่าคนแปลกหน้าหรือเปล่า

           

 

“แต่งตัวกันค้าบแฝด” ผมถือเสื้อไหมพรมสีเทาที่ถักตัว H สีเลือดหมูไว้กลางเสื้อออกมาสองตัว และกางเกงวอร์มตัวน้อยสีเทาอ่อนสองตัว เดินไปนั่งตรงปลายเท้าแฝด สองหนุ่มพอเห็นผมถือเสื้อผ้าก็ลุกพรวดและคลานเข่าเข้ามาหา ผมยื่นอีกชุดนึงให้แม่กับพ่อช่วยใส่ให้แฮคเตอร์

           

 

“We are going to see your angel-dad and angel-mom. Are you excited? (เรากำลังจะไปหาพ่อเทวดากับแม่นางฟ้าของมิชลิน ตื่นเต้นมั้ยครับ)”

           

 

“Yeah, เย้” สองหนุ่มตอบพร้อมกัน ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู

           

 

ไม่รู้หรอกว่าจะไปไหน หรือจะทำอะไร แต่ส่วนมากถ้าผมถามว่าตื่นเต้นมั้ย สองหนุ่มจะตอบว่าตื่นเต้นไว้ก่อน แต่ถ้าเป็นพ่อยักษ์ถามน่ะเหรอ เงียบใส่ ฮ่าๆๆ

           

 

“เดี๋ยวแม่ทำข้าวกลางวันให้”

           

 

“ทำเผื่อถึงเย็นเลยก็ได้นะแม่ ไม่รู้ว่าพวกวิคเตอร์จะกลับมาถึงตอนไหน” แม่ผมพยักหน้า ผมก้มลงมองแฝดที่กำลังเดินเตาะแตะวนรอบตัวคุณตา

           

 

“แฝด ไปกันครับ บ๊ายบายคุณตากับคุณยายก่อน” สองหนุ่มเดินเตาะแตะมายืนข้างผมแล้วหันไปโบกมือบ๊ายบายให้ตากับยาย สองตายายยิ้มเอ็นดู ผมเดินนำแฝดออกไปทางประตูบ้านอย่างไม่เร่งรีบ ผมพาแฝดลงบันไดหน้าบ้านช้า ๆ ทีละขั้นจนกระทั่งเดินถึงพื้นปูหิน เราสามคนแม่ลูกเดินไปตรงครอสโอเว่อร์คาร์สีดำที่จอดอยู่หน้ารั้วบ้าน ออสตินเดินตามออกมาพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงสดในมือ เขากดปลดล็อครถ ช่วยอุ้มแฮคเตอร์ไปขึ้นรถ ผมอุ้มเฮคเตอร์ไปขึ้นรถอีกฝั่ง ปิดประตูเรียบร้อยก็เข้าประจำที่ข้างคนขับ รับดอกไม้จากออสตินมาวางบนตัก

           

 

“เปิดเพลงให้แฝดหน่อยสิ” ออสตินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจิ้ม ๆ พักหนึ่งแล้วก็มีเสียงเพลงจังหวะสนุก ๆ ดังขึ้น

           

 

“ยา…” สองแฝดครางเสียงตื่นเต้น ผมหันไปมองแล้วก็หัวเราะ สองแฝดยิ้มกว้าง หันมองกันแล้วก็ผงกหัวไปตามจังหวะดนตรี ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดอัดวิดีโอไปสิบห้าวิแล้วกดส่งให้วิคเตอร์ทางวอทสแอพ

           

 

“ออสติน…” ผมเม้มปากอย่างไม่แน่ใจนัก

           

 

“…คุณ เอ่อ”

           

 

“จะถามเรื่องพ่อผมเหรอครับ” ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทีปกติ ผมพยักหน้าหนึ่งครั้ง

           

 

“ผมไปเยี่ยมเขาที่สุสานไม่บ่อยหรอกครับ แต่ผมก็รักเขาเสมอ” ผมคลี่ยิ้ม พยักหน้าด้วยความเข้าใจ

           

 

ที่ผมถามเพราะกลัวว่าการพาแฝดไปสุสานจะไปสะกิดใจเขาเรื่องพ่อหรือเปล่า แต่จริง ๆ ออสตินก็แสดงออกมาหลายปีแล้วละว่าเขาอยู่ได้ เขาบอกว่าเขายังโชคดีที่ยังทันได้เห็นหน้าพ่อกับแม่ด้วยสายตาตอนที่เริ่มจำความได้แล้ว ไม่เหมือนแฝดที่เห็นหน้าพ่อกับแม่ตอนที่ยังเล็กมาก ไม่ได้อยู่ในความทรงจำชัดเจนขนาดนั้น นอกซะจากจะมาย้อนดูภาพถ่ายครอบครัวที่ถ่ายด้วยกันก่อนที่ทั้งสองคนจะจากไป

           

 

“คุณเก่งมากเลยที่โตมาอย่างมีคุณภาพ” ทั้งรูปร่างหน้าตาและความสามารถ

           

 

“สองแฝดก็เก่ง และเขาจะเก่งยิ่งขึ้น เพราะมีคุณแมทกับคุณวิคเตอร์คอยเป็นกำลังหนุนให้” ผมหันไปยิ้มกับบอดี้การ์ด ออสตินก็ยังคงหน้านิ่งตามนิสัยตัวเอง

           

 

“คุณก็เป็นอีกแรงหนุนของแฝดเช่นกัน” แต่แม้จะนิ่ง เขาก็หน้าแดงกับประโยคนี้นะ

           

 

ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีในการขับรถจากบ้านมาสุสานที่คริสเตียนกับไวโอล่าอยู่ด้วยกัน ตอนแรกไม่มีความคิดจะเศร้าหรืออาวรณ์อะไรเลย แต่พอมาถึงสุสานน้ำตาผมดันรื้นขึ้นมา

           

 

“Why you crying?.” เสียงเล็ก ๆ ของแฝดดังขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากแฝดคนไหน เพราะทั้งสองคนกำลังมองผมเป็นตาเดียว ผมคลี่ยิ้มและพยายามห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

           

 

“Let’s go to see dad and mom. (ไปหาพ่อกับแม่กันครับ)” ผมเดินจูงมือแฝดคนละข้าง มีออสตินถือดอกไม้เดินตามหลังมา เราเดินไปตรงหลุมฝังศพสองหลุมที่อยู่ติดกัน ผมยืนมองป้ายหินสีขาวที่สลักชื่อทั้งสองคนด้วยความรู้สึกคิดถึง โดยเฉพาะไวโอล่าที่ผมคิดถึงเธอจับใจ น้ำตาผมไหลออกมาเงียบ ๆ สองมือผมโดนกระตุก ผมก้มลงมองก็เห็นแฝดกำลังเงยหน้ามอง ผมนั่งลงคุกเข่าตรงกลางระหว่างเขาทั้งสองคน สองหนุ่มยื่นมือคนละข้างมาช่วยปาดน้ำตาออกจากแก้มผม แม้จะปาดออกไม่หมด แต่ผมก็ยิ้มด้วยความซึ้งใจ

           

 

“Thank you.” ผมหอมแก้มลูกหมูของพ่อยักษ์ไปคนละที สองหนุ่มหันกลับไปมองป้ายหลุมศพพร้อมกัน

           

 

“That’s angel-mommy. (นั่นแม่นางฟ้าครับ)” ผมยกมือซ้ายชี้ไปที่ป้ายหลุมศพของไวโอล่า สองหนุ่มมองตามด้วยความไม่เข้าใจ ผมเปลี่ยนเป็นชี้ป้ายหลุมศพข้างกัน

           

 

“That’s angel-daddy. (นั่นคุณพ่อเทวดา)” สองแฝดหันมามองผมหน้าตางุนงง ผมคลี่ยิ้มอ่อน หันไปขอดอกไม้จากออสตินที่ยื่นส่งมาให้ ผมมอบดอกกุหลาบให้แฝดคนละสองดอก และตัวเองถือไว้สองดอก

           

 

“Give it to angel-mommy first. (ให้คุณแม่นางฟ้าก่อนครับ)” ผมนำแฝดวางดอกกุหลาบลงบนฐานป้ายหลุมศพ แฮคเตอร์ที่อยู่ข้างขวามือย่อเข่าลงวางตามผม เฮคเตอร์เดินเตาะแตะไปย่อเข่าหน้าหลุมศพของแม่แล้ววางดอกกุหลาบลงบ้าง

           

 

“And this is for angel-daddy. (และอันนี้ก็ของพ่อเทวดา)” ผมวางกุหลาบลงบนฐานป้ายหลุมศพของคริสเตียน สองแฝดทำตามผมอีกครั้ง

           

 

แฝดรู้ว่าที่นี่คือบ้านหลังสุดท้ายของพ่อกับแม่อีกคนที่พวกเขาไม่เคยเจอ ผมอธิบายว่าทั้งสองคนมีพ่อกับแม่เป็นเทวดานางฟ้าอยู่บนท้องฟ้า คอยดูแลทั้งสองคนอยู่ข้างบนนั้น ส่วนข้างล่างก็เป็นผมกับพ่อวิคเตอร์ที่คอยดูแลทั้งคู่อยู่บนโลกมนุษย์ แฝดยังเด็กก็เลยไม่ได้ถามซอกแซกอะไรมาก แค่ถามว่าทำไมเขาถึงไม่ลงมาหาบ้างอะไรแบบนี้ ผมก็บอกว่า เขามาตอนแฝดหลับ เขาให้ใครเห็นตัวไม่ได้ จนตอนนี้เรื่องนี้เป็นดั่งนิทานเรื่องโปรดของแฝดแล้ว

           

 

ผมคิดว่าเดี๋ยวพอเขาโตขึ้นกว่านี้ค่อยอธิบายเพิ่มเติมว่าแท้จริงแล้วพ่อที่เป็นเทวดา แม่ที่เป็นนางฟ้านั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ที่ตอนนี้ผมเล่าไปแบบนี้เพราะอยากให้พวกเขาคุ้นเคยชื่อของคริสเตียนกับไวโอล่าเอาไว้ก่อน

           

 

“Today is father’s day. You wanna say love to angel-daddy? (วันนี้เป็นวันพ่อแหละ แฝดอยากบอกรักพ่อเทวดามั้ยครับ)” สองหนุ่มพยักหน้า

           

 

“เยิฟยู แองเจลแด๊ดดี้” เฮคเตอร์พูดก่อนแล้วก็ยิ้มเขิน ผมยิ้มขำแล้วหอมแก้มเขาไปที

           

 

“ไอเลิฟยูว แด๊ดดี้เจิล” ผมหัวเราะกับประโยคบอกรักของแฮคเตอร์ ผมหอมแก้มเขาด้วยความชื่นใจ

           

 

“He heard your both voices already. (พ่อเขาได้ยินเสียงแฝดแล้วครับ)”

           

 

“Really?” เฮคเตอร์หันมาถามหน้าตาตื่น ๆ ผมหัวเราะทั้งน้ำตาและพยักหน้า

           

 

“Yes.”

           

 

“Wow.” แฮคเตอร์ทำหน้าตาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้ยิน หันไปมองป้ายหลุมศพด้วยความสนอกสนใจ ผมยกสองมือเช็ดน้ำตาจนแห้งแล้วลุกขึ้นยืน

           

 

“Go back? (กลับมั้ยครับ)” สองแฝดหันมามองผมแล้วพยักหน้า

           

 

“บ๊ายบาย to angel-daddy and angel-mommy. (บ๊ายบายพ่อเทวดากับแม่นางฟ้า)” สองแฝดหันไปโบกมือบ๊ายบายให้กับป้ายหลุมศพทั้งสอง ผมมองดอกกุหลาบบนป้ายหลุมศพทั้งสองแล้วคลี่ยิ้ม

           

 

Happy Father’s Day, Christian.











เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้



จริง ๆ จะอัพตั้งแต่ภายในวันที่ 16 หรือ 17 แล้วค่ะ แต่ติดตรวจต้นฉบับอีกเรื่องอยู่เลยเลทมาเป็นวันนี้

วันที่ 16 มิถุนายน ของทุกปี ถือว่าเป็นวันพ่อของทางฝั่งตะวันตก ตอมก็เลยมีตอนพิเศษของวันนี้มาฝากคนอ่านทุกคน โดยพูดถึงพ่อคนสำคัญอีกคนของเรื่องที่ทำให้พวกเราได้เจอกับน้องมิชลินทั้งสอง

ซึ่งจริง ๆ เดือนนี้น่าจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านกันอีกตอนนึงด้วยค่ะ ถือเป็นการฉลอง Pride month ตอนแรกคิดไว้ใหญ่มากว่าจะเขียนสี่ตอน อัพวีคละตอน แต่เพราะต้องเคลียร์อีกเรื่องด้วยก็เลย น่าจะมาได้แค่ตอนเดียว ฮ่าาาๆ

ก็ถือว่ามาเพราะคิดถึงเนอะ


 :mew1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 19-06-2019 19:53:36
แฝดมิชลิน!!!!  ป้าคิดถึงหนูรู๊กกกกกกก :กอด1:

ขอบคุณขุ่นเจ้นะคะ ที่มาแต่งตอนพิเศษให้หายคิดถึงเจ้าแฝด :mew1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: คุณเจ้ ที่ 27-06-2019 18:52:27


ตอนพิเศษ : Happy Pride month





   Happy Pride month

   Victor

   ผมกำลังนอนทับตัวเปลือยเปล่าของเอเลี่ยนโดยที่ตัวผมก็เปลือยเปล่าเช่นกันอยู่บนเตียงในโรงแรม เอเลี่ยนยกสองแขนกอดคอผมในขณะที่ผมกำลังขยับเอวอย่างช้า ๆ แต่ก็ทำให้คนใต้ร่างผมครางเสียงกระเส่าไม่หยุด ผมก้มลงใช้จมูกขยี้เนื้อตรงซอกคอของแมทอย่างอ่อนโยน สองมือของเขาลูบลงไปตามแผ่นหลังของผมและลงไปแปะบนก้นทั้งสองข้าง บีบขย้ำอย่างมันส์มือ
   

“วิคเตอร์อย่าเลทนะ” แมทกระซิบบอกเสียงกระเส่า ผมยกข้อมือซ้ายขึ้นเพื่อดูเวลาบนนาฬิกาของแบรนด์ ROLEX สีทองที่แมทซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งเงินที่ซื้อเป็นเงินของผมอีกที
   

“ทันน่า”
   

“แฝดต้องกำลังกลับมาแล้วแน่เลย” ผมก้มลงจูบแก้มเนียนข้างซ้ายของเขาอย่างแผ่วเบา
   

“ออสตินรู้น่าว่าจะต้องทำยังไง” ผมครางเสียงทุ้มขณะที่ดันลูกชายตัวเองเข้าไปในถ้ำของแมท ผมจูบปลายจมูกของเขา เลื่อนขึ้นไปจูบหน้าผากเขาด้วยความชื่นใจ แมทลืมตาขึ้นมองหน้าผมแล้วคลี่ยิ้ม ยกสองมือออกจากก้นแล้วเอามาประกบสองแก้มของผม
   

“Your cock is always amazing, giant-beard. (ยักษ์น้อยยอดเยี่ยมเสมอเลย ยักษ์หนวด)” ผมคลี่ยิ้ม แมทเลื่อนสองมือลงลูบกล้ามท้องกล้ามอกของผมขึ้นลงอย่างเพลิดเพลิน
   

“He always loves your hole. It is his home. (มันรักรูนายเสมอ รูนายคือบ้านของมัน)” แมทกัดริมฝีปากล่างของผมแล้วลากดึงเบา ๆ ผมหลับตาพริ้มจากนั้นก็เร่งความเร็วของเอว แมทแหงนหน้าขึ้น สองมือลูบวนตรงหัวนมผมไปเรื่อย ผมก้มลงดูดเนื้อคอของเขาด้วยความมันเขี้ยวจนขึ้นรอยแดง
   

“โอ๊ย… โอ๊ย…” แมทครางเสียงเบา หน้าบิดเบี้ยวด้วยความเสียว เขากลืนน้ำลายลงคอ สองมือบีบอกผมแน่น พอก้มลงไปมองก็เห็นว่าแมทน้อยพ่นน้ำออกมาเลอะหน้าท้องของเขา ผมเห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกเสียว เร่งเครื่องตัวเองจนเตียงสั่น กล้ามเนื้อเริ่มตึงเกร็ง และในที่สุดก็พ่นน้ำใส่รูของแมท
   

“อ้า! โอ!” ผมก้มหน้าลงซุกซอกคอหอม ปล่อยให้ลูกชายตัวเองพ่นน้ำจนพอใจ แมทนอนหอบเบา ๆ อยู่ใต้ร่างผม ผมนอนผ่อนลมหายใจอยู่บนตัวแมท
   

“I love you. (ฉันรักนายนะ)” ผมกระซิบบอกตรงซอกคอเขา แมทยกสองมือขึ้นไปวางบนหลังผมก่อนที่จะเลื่อนมือข้างนึงขึ้นมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
   

“เอเลี่ยนรักยักษ์มาก ๆ” เขาพูดภาษาไทย ผมคลี่ยิ้มเพราะฟังออก
   

“หรั่กเมียจ๋าถี่สุดเล้ย” แมทหัวเราะและหอมแก้มผมดังฟอด ผมดึงหัวขึ้นจากซอกคอ มองรอยยิ้มกว้างน่ารักของเมียตัวเองด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต แมทใช้มือขวาสางผมยุ่ง ๆ บนหัวผมและช่วยจัดทรงให้เข้าที่เข้าทางหลังจากเขาดึงทึ้งจนเสียทรงตอนที่ผมเลียแมทน้อยให้เขาจนแตกไปรอบนึงก่อนหน้านี้
   

“ไปแต่งตัวกันเถอะ” ผมพยักหน้า ก้มลงหอมแก้มเขาด้วยความชื่นใจก่อนจะพลิกให้เขาขึ้นไปนอนข้างบน สิ่งที่เชื่อมกันอยู่หลุดออกจากกัน ผมขยี้แก้มของเขาด้วยความมันเขี้ยว แมทหัวเราะคิกคักและพยายามหันหน้าหนีแต่ก็หนีไม่พ้น
   

“วิคเตอร์ อ๊า คิๆ”
   

“ฮึ่มมมๆ” ผมขยี้หนวดลงบนแก้มเขา แมทใช้มือขวามาปิดปากผมไว้แล้วดันตัวลุกขึ้นนั่งบนตัวผม เขาก้มลงมองหน้าท้องผมที่เลอะน้ำเขา
   

“เลอะหมดแล้ว” ผมดึงมือเขาแล้วพลิกหอมหลังมือ
   

“อาบน้ำใหม่ก็ได้”
   

“งั้นไปอาบกันเถอะ เดี๋ยวเราต้องไปงานแล้วนะ” ผมลุกขึ้นนั่ง ใช้แขนขวารัดเอวเขาไว้และกระเถิบก้นลงจากเตียงที่ละนิดทีละหน่อยจนไปยืนบนพื้น แมทใช้สองขารัดเอว สองแขนกอดคอผม ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมหนึ่งที ผมอุ้มเขาเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอีกรอบ
   

พออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเราก็พันผ้าขนหนูออกมาข้างนอก แมทจัดการตัวเองรวดเร็ว เขาใส่เสื้อเชิตขาวกับกางเกงสแลคสีเทา ส่วนผมยังคงนั่งตัวเปลือยอยู่บนเตียง รอให้แมทช่วยแต่งตัวให้ ตอนที่แมทสวมเสื้อเชิตให้ผม เสียงไอ้ลูกหมูก็ดังจอแจมาจากห้องโถง มันตะโกนเรียกหาผมกับแมทเสียงดังวุ่นวาย
   

“I’m here, Michelins! (แมทอยู่นี่ มิชลิน)” เสียงกุกกักดังมาจากข้างนอก สักพักนึงประตูสีขาวก็ถูกดันเข้ามา หน้าอ้วน ๆ แก้มแดง ๆ สองหน้าโผล่อยู่ตรงขอบประตู แมทหันไปมองแล้วก็หัวเราะ ผมเองก็หัวเราะไปด้วย เพราะมันโผล่มาแต่หัวและกำลังมองผมสองคนตาแป๋วด้วยความสงสัย
   

“What you doing? (ทำอะไรอะ)” ไอ้แฝดคนข้างบนถาม แมทติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายให้ผมจนเสร็จแล้วหันไปตอบ
   

“Help daddy get dress. (ช่วยพ่อแต่งตัวครับ)” ประตูถูกดันกว้างขึ้นแล้วไอ้สองลูกหมูในชุดเอี๊ยมยีนเหมือนกันก็เดินเตาะแตะเข้ามาหาเราสองคน
   

“อุ๊ What’s that? (อุ๊ ไรอะ)” ไม่รู้ว่าแฮคเตอร์หรือเฮคเตอร์ที่พูด หนึ่งในลูกหมูชี้มาที่กลางลำตัวของผมที่ยักษ์น้อยห้อยหัวอยู่ แมทตาโตด้วยความตกใจ เขาคงลืมว่าผมยังไม่ได้ใส่กางเกง
   

“Snake, very big snake. (งู งูใหญ่มาก ๆ ด้วย)” ผมตอบลูกชายทั้งสองคนแล้วใช้มือจับงูที่ว่าเงยหัวขึ้นทักทายสองหมูแก้มแดง
   

“ว้าาา snake” ผมหัวเราะร่วนเมื่อไอ้ลูกหมูทำตาโตอ้าปากหวอแล้วหันมองหน้ากันด้วยความตะลึง แมทรีบยื่นกางเกงในสีดำกับกางเกงสแลคสีเดียวกันกับเขาให้ผม
   

“แต่งตัวให้เรียบร้อยเลยไอ้ยักษ์” ผมหัวเราะอารมณ์ดี ยืนขึ้นเพื่อจะใส่กางเกง แต่พอเห็นไอ้แฝดลูกหมูกำลังมองงูตัวนั้นด้วยสายตาฉงนผมเลยแกล้งเดินบิดไปบิดมาให้งูเหวี่ยงตัวเล่น ๆ ไอ้ลูกหมูหัวเราะเริงร่า ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดก่อนพากันวิ่งหนีขึ้นไปบนเตียง
   

“Snake will eat us. (งูจะกินเรา)” เสียงเล็ก ๆ คุยกันสองคน ผมหัวเราะร่า แมทเดินเข้าไปนั่งบังสายตาของแฝดจากงูของผม
   

“มิชลิน หิวมั้ยครับ เดี๋ยวให้คุณพ่อแต่งตัวแปบนึงเนอะ”
   

“Yes, yes, hungry.” สองลูกหมูพากันหันหลังห้อยขาสั้น ๆ ลงจากเตียง เท้าขยับดุ๊กดิ๊กไปมาเพื่อวัดว่าถึงพื้นหรือยัง พอปลายเท้าแตะพื้นได้สองหมูก็พากันวิ่งออกไปข้างนอกห้อง แมทถอนหายใจด้วยความโล่งอก
   

“ผมรอข้างนอกนะ” ผมพยักหน้า แมทจุ๊บแก้มผมก่อนเดินตามแฝดหมูออกไป
   

ผมสวมกางเกงใน ตามด้วยกางเกงสแลค ยัดเสื้อเชิตเข้าไปในกางเกงแล้วติดตะขอกับรูดซิป หยิบสูทสีเทาเข้ม สีเดียวกับกางเกงมาสวมทับก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย นึกขึ้นได้ว่าถอดนาฬิกากับแหวนไว้ในห้องน้ำเลยเดินเข้าไปหยิบออกมาใส่ พอสวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายเสร็จ ผมก็เดินออกไปข้างนอกเพื่อจะไปใส่ถุงเท้าและรองเท้าเป็นการปิดท้าย พอเดินออกไปที่ห้องโถงของห้องพักโรงแรมก็เห็นแมทกำลังป้อนขนมให้กับลูกชายทั้งสองคน เจ้าลูกหมูกินอย่างเอร็ดอร่อยและอารมณ์ดี
   

“เสร็จงานก็กลับเลย ไม่ได้แวะที่ไหน ถ้าสองหมูง่วงนอนก่อน ฝากนายเอาเขาเข้านอนทีนะ” ผมบอกกับออสตินที่นั่งดูทีวี
   

“ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมหยิบถุงเท้ามาใส่ ได้ยินเสียงแมทกับลูกคุยกันเรื่องการ์ตูนอะไรสักเรื่องที่ทั้งสามคนชอบดูด้วยกันเวลาอยู่บ้าน แมทเลยกลายเป็นเซียนการ์ตูนไปแล้วเพราะว่าต้องคอยพาลูกดูและพูดคุยกับไอ้แฝดหมูตอนเวลามันถามนั่นถามนี่
   

“เอเลี่ยน ฉันพร้อมแล้วนะ” แมทพยักให้ผมและพูดคุยกับไอ้ลูกหมูสักแปบว่าจะออกไปทำงาน สองลูกหมูถูกฝึกให้เข้าใจเรื่องการทำงานมาสักพักแล้ว เลยค่อนข้างจะเข้าใจในจุดนี้ง่าย อย่างเวลาผมหายไปจากบ้านนาน ๆ เพราะต้องไปถ่ายหนังที่ต่างประเทศ สองหมูนั่นจะรู้ว่าผมไปทำงานหาเงินมาซื้อมิเนี่ยนให้ตัวเองเยอะๆ
   

“จุ๊ๆ” ไอ้สองหมูทำปากจู๋ แมทก้มลงจุ๊บปากลูกชายทั้งสองคนก่อนจะชี้มาทางผม ไอ้ลูกหมูพากันวิ่งมาหาผมแล้วทำปากจู๋ใส่ ผมนั่งยอง ๆ ลงตรงกลางระหว่างสองหมู ลูกชายผมจุ๊บแก้มผมกันคนละที
   

“เออ เป็นเด็กดีแบบนี้ค่อยน่าให้เงินหน่อย” ไอ้ลูกหมูพากันเดินไปตรงโซฟาเดียวกับออสติน
   

“ฮึบๆ” ผมหัวเราะเมื่อไอ้แฝดคนหนึ่งพยายามปีนขึ้นไปนั่งบนโซฟา ส่วนอีกคนช่วยดันก้นคนบนโซฟาเพื่อให้ขึ้นไปจนได้ พอคนบนโซฟาขึ้นไปนั่งข้างอาออสตินได้สำเร็จก็ช่วยดึงอีกคนให้ขึ้นมานั่งด้วยกันจนสำเร็จอีกคน ผมสามคนปรบมือให้ไอ้แฝดลูกหมูที่พากันยิ้มเขิน
   

“เก่งมากครับ” ออสตินยกนิ้วโป้งให้หลาน สองหมูยกนิ้วโป้งให้คุณอาบ้าง แมทพยักหน้าให้ผมแล้วหมุนตัวเดินไปทางประตู ผมเดินไปหยิบกุญแจรถบนเค้าน์เตอร์ครัวแล้วเดินตามแมทออกไปจากห้องพักของโรงแรมในนิวยอร์ก
   

วันนี้เรามีงานเลี้ยงของสมาคมกลุ่ม LGBTQ เป็นงานเลี้ยงและงานสนทนาเล็ก ๆ และยังเป็นงานระดมเงินเข้ากองทุนสนับสนุนกลุ่มคนหลากหลายทางเพศด้วย แมทซึ่งมีส่วนสำคัญกับองค์กรนี้อยู่ในลิสต์เชิญเป็นอันดับต้น ๆ ของคนจัดงาน ส่วนผมถูกเชิญมาพูดในงานเนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนเฉลิมฉลอง Pride month เขาเลยอยากได้บุคคลมีชื่อเสียงมาเป็นจุดสำคัญของงาน อันที่จริงไม่ใช่ว่าเขาเจาะจงผมขนาดนั้นว่าต้องเป็นคนพูด ยังมีคนดังอีกหลายคนที่เหมาะกับการขึ้นเวที และมีคนดังอีกหลายคนที่สนับสนุนความเท่าเทียมกัน แต่ผมดันแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว เขาเลยคิดกันว่าถ้าเป็นผมน่าจะสร้างแรงบันดาลใจอะไรดี ๆ ได้
   

พอบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจดี ๆ นี่ผมรู้สึกเครียดแทนคนจัดงาน
   

“นั่นสิ เขาเห็นอะไรดี ๆ ในตัวคุณกันน่ะ” ผมหันไปมองไอ้เอเลี่ยนที่ยิ้มซุกซนแล้วยกมือขวาตีหัวเขาไปเบาๆ
   

“เดี๋ยวฉันจะเล่าฉากเซ็กซ์ของเราสองคนให้คนอื่นฟัง”
   

“เสียสติ” ผมยิ้มเยาะมุมปาก แมททำปากยื่นใส่ผมแล้วหันไปเล่นเกมในมือถือแทน ผมมองแหวนแต่งงานบนนิ้วนางข้างซ้ายของเขาแล้วก็เกิดไอเดียดี ๆ หลายอย่างขึ้นในหัว
   

ผมขับรถมาจอดในลานจอดรถใกล้กับสถานที่จัดงาน งานนี้จัดใต้สะพานบรู๊คลิน เป็นลานกว้างโล่ง ๆ ริมแม่น้ำ ให้บรรยากาศสบาย ๆ และเป็นกันเอง เราสองคนเดินจูงมือกันเข้าไปทางงานพร้อมกัน พอช่างภาพหันมาเห็นเราก็รัวชัตเตอร์ใส่ ผมหน้านิ่ง ส่วนแมทยิ้มแย้มให้กับเหล่าช่างภาพ มีสตาฟหญิงคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาหาเราและพาเราเดินไปนั่งตรงโต๊ะด้านหน้าสุดใกล้กับเวที ผมกับแมททักทายนักแสดงหนุ่มคนหนึ่งที่เคยไปออกงานแสดงภาพถ่ายของอดัมเมื่อสักสามปีก่อน
   

“งานนี้ผมขอมาแจมกับน้องชายน่ะ” เขาบอกเมื่อผมบอกเขาว่าไม่คิดว่าเขาจะมา
   

“ผมได้รับเชิญน่ะฮะ แต่คิดว่าคงจะเจ๋งดีถ้าชวนพี่มาด้วย” น้องชายของเขาเสริมขึ้น ผมพยักหน้าแล้วยิ้มบาง แมททักทายกับน้องชายของพระเอกคนนั้น แล้วดูท่าว่าน่าจะพูดคุยกันอย่างถูกคอได้ไม่ยาก
   

บรรยากาศยามใกล้ค่ำของนิวยอร์กยิ่งทำให้บรรยากาศงานดูอบอุ่น งานนี้เป็นงานเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก แต่ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่มาร่วมงานน่าจะมีอิทธิพลต่อประชาชนกันน่าดู อย่างโต๊ะผมก็มีคนมีชื่อเสียงไปแล้วครึ่งสิบคน อัปรูปลงอินสตาแกรม อัพสเตตัสเฟซบุ๊ค หรือทวีตสักทวีตก็สามารถส่งต่อเรื่องราวดี ๆ จากงานนี้ไปได้เยอะ
   

“เดี๋ยวพอนักดนตรีกลุ่มนี้ลง พิธีกรจะเชิญคุณขึ้นไปพูดนะคะคุณเรย์มอนด์” ผมหันไปพยักหน้ากับสตาฟหญิงคนที่พาเรามานั่งโต๊ะนี้ ผมมองไปบนเวทีใกล้กับริมแม่น้ำที่เป็นเวทีเล็ก ๆ ฉากหลังเป็นธงสีรุ้งประดับประดาด้วยไฟรูปดาวระยิบระยับ วงดนตรีกำลังร้องเพลงอคูสติกสบาย ๆ ให้คนที่มาร่วมงานฟัง ยิ่งทำให้รู้สึกชิลลิ่งขึ้นไปอีก
   

“เดี๋ยวตอนคุณขึ้นไปพูด ผมถ่ายรูปให้แล้วก็อัปลงอินสตาแกรมรูปนึงนะ” ผมพยักหน้าให้แมท ทางงานไม่ได้ขอหรอก แมทนี่แหละขอ เพราะเขาก็มีส่วนร่วมในองค์กรนี้ เขาก็อยากใช้ชื่อเสียงที่ผมมีให้เป็นประโยชน์
   

แปะๆๆๆ
   

เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากนักดนตรีร้องเพลงสุดท้ายจบลงและพากันลุกขึ้นโค้งให้กับเหล่าผู้มาร่วมงาน พิธีกรชายแต่งตัวจัดจ้านคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อสร้างสีสันให้กับงานอย่างต่อเนื่อง ชุดสูดสีชมพูติดกลิตเตอร์ของเขาสะท้อนแสงวิบวับกับแสงไฟ ผู้คนในงานดูจะอารมณ์ดีกับการเอ็นเตอร์เทนของเขา
   

“And now I would like to invite Victor Raymond on the stage. (และตอนนี้เดี๊ยนอยากจะขอเชิญวิคเตอร์ เรย์มอนด์ขึ้นมาบนเวทีจ้ะ)” เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่ผมลุกเดินออกไปจากโต๊ะ ผมเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วยิ้มนิดหน่อยให้กับพิธีกร เขายื่นไมค์ให้ผมแล้วก็เดินลงไปจากเวที ผมหันไปมองบรรยากาศด้านหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็ก ๆ พอมองจากเวทีก็เห็นว่าคนมาร่วมงานเยอะเหมือนกัน
   

“จริง ๆ ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะพูดอะไรดี…” มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น ผมหันไปมองแมท เขากำลังฉีกยิ้มกว้าง พอเห็นผมมองเขาเลยพยักหน้าให้ ผมหันกลับไปมองเบื้องหน้าต่อ
   

“…ผมเคยให้สัมภาษณ์ไปว่า ใครอยากจะเรียกผมว่าอะไร ก็ได้หมดเลย ตามแต่ใจของคน ๆ นั้น จะบอกว่าผมเป็นผู้ชายก็ได้ บอกผมเป็นเกย์ก็ได้ เพราะมันไม่สำคัญเท่ากับความรักของผมที่เกิดขึ้นกับคน ๆ นึง” ผมเห็นรอยยิ้มของคนที่มาร่วมงาน นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
   

“ผมได้ยินบ่อย ๆ ว่ามีคนบอกว่าคนที่เป็นเกย์คือคนที่จิตใจไม่ปกติ และในยุคนึงมีองค์กรที่เกี่ยวกับสภาวะจิตใจระดับโลกก็เคยนิยามคนกลุ่มนี้ว่าเป็นพวกไม่ปกติ แต่ล่าสุดเหมือนเขาจะออกมาขอโทษแล้ว ถ้าผมไม่โง่ภาษาอังกฤษจนเกินไป…” เสียงหัวเราะดังอีกระรอก ผมยิ้มผ่อนคลายมากขึ้น อาการประหม่าลดลง


“…ตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ช่วงนั้นชีวิตผมก็ลั้นลาไปเรื่อย แต่ตอนนี้ผมแค่อยากจะบอกว่า ผมปกติดีนะ แค่ผมรักผู้ชายคนนึงที่ผมอยู่ด้วยแล้วผมมีความสุขมาก ๆ ก็เท่านั้นเอง” มีเสียงปรบมือดังอีกครั้ง และครั้งนี้มีเสียงผิวปากตามมาด้วย
   

“แต่ยอมรับว่าผมเคยสับสน ผมกลัวที่จะยอมรับกับตัวเองว่าผู้ชายคนนึงส่งอิทธิพลกับความรู้สึกของผมมากมาย แต่สุดท้ายผมก็ทำให้มันง่ายขึ้นด้วยการยอมรับกับตัวเองว่าผมรักเขา และนั่นแหละครับจุดเริ่มต้นความสุขสุด ๆ ในชีวิตผม…” ผมคลี่ยิ้มกว้าง แสงแฟลชสว่างวาบสองสามครั้ง
   

“…แต่ผมเข้าใจชีวิตของใครอีกหลายคนที่แม้ว่าจะรู้ตัวแล้ว ยอมรับแล้วว่าเราเป็นอะไร รู้สึกยังไง แต่เพราะสถานการณ์รอบข้างไม่เอื้ออำนวยให้เปิดเผยตัวตน นั่นก็เป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตได้ราบรื่นในแบบที่เราอยากจะเป็น…” ผมหันมองทางแมท เขากำลังชูมือถือขึ้นถ่ายรูปหรืออาจจะคลิปอยู่ ผมนึกถึงเรื่องของเขาที่กว่าเขาจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ เขาเองก็ผ่านความยากลำบากมาเหมือนกัน
   

“…แต่ผมขอส่งกำลังใจให้คนเหล่านี้ที่กำลังใช้ชีวิตด้วยความยาก ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป แต่รับกำลังใจจากผมไป แล้วก็สร้างกำลังใจให้ตัวเองกันไว้นะครับ…” ผมหยุดครู่หนึ่งเพื่อนึกถึงสิ่งที่อยากจะพูด
   

“…ขอให้คุณรู้ไว้ว่าสิ่งที่คุณเป็นอยู่มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว จิตใจของคุณปกติดี พวกคุณเกิดมาบนโลกใบนี้อย่างสวยงามแล้ว อย่าให้ใครลดคุณค่าของตัวคุณด้วยคำพูดหรือการกระทำอันหยามเหยียดที่พวกเขาพยายามมอบให้” เสียงปรบมือดังอีกครั้ง ผมยิ้มด้วยความรู้สึกเก้อเขิน และวันนี้ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ วันแต่งงานผมยังชิลมากกว่านี้อีก
   

“ส่วนคนที่ต่อต้าน รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ผมเข้าใจเอาเองนะว่า กะโหลกของพวกนั้นอาจจะแคบไปสักหน่อย เลยทำให้เนื้อสมองน้อยตามไปด้วย…” เสียงหัวเราะดังครึกครื้น ผมหยุดหัวเราะด้วยเบาๆ
   

“…และถ้าพูดถึงเรื่องจิตใจ โอ้ว ผมกำลังคิดว่ามันน่าจะหาคำบรรยายจิตใจของคนกลุ่มนี้ยากมาก แต่ถ้าให้เดาคิดว่ามันคงไม่สวยงามนักหรอก และน่าจะแคบพอ ๆ กับกะโหลกของพวกเขานั่นแหละ” เสียงหัวเราะดังอีกระลอก ผมยิ้มกว้างแล้วยักไหล่ทั้งสองข้าง เห็นแมทส่งจูบให้ผมหนึ่งที ผมเลยยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น
   

“ผมแค่อยากฝากไปถึงคนที่มองพวกเราในแง่ไม่ดี และพยายามใช้คำพูดเลวร้ายต่าง ๆ กับเรา หรือใช้พฤติกรรมเลวร้ายกับเรา ว่าพวกผมมีความสุขดีกับสิ่งที่เป็น คุณนั่นแหละที่ไม่มีความสุขกับสิ่งที่พวกเราเป็น แล้วใครกันล่ะที่ทุกข์ใจมากกว่ากัน?” เสียงปรบมือดังพร้อมกับเสียงวี้ดวิ้ว ผมยืนยิ้มกริ่มอยู่บนเวทีด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต ด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่ได้ส่งกำลังใจให้กลุ่มคนหลากหลายทางเพศบนโลกใบนี้ที่อาจจะกำลังต่อสู้กับเรื่องเลวร้ายรอบกายอยู่


และผมเพิ่งรู้ตัวว่า ประโยคที่พูด ๆ ไปผมเอามาจากที่แมทเคยพูด ๆ ไว้มาปรับเป็นคำของตัวเองทั้งนั้น


หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 12-08-2019 07:29:11
โอ้ย ชอบแฝดมากน่ารัก
อยากเห็นแฝดตอนโตจะหล่อน่ารักขนาดไหน
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 12-08-2019 09:04:02
จริงที่สุด ใครที่มองคนที่รักชอบเพศเดียวกันเป็นโรคจิต ตัวคุณนั้นแหละโรคจิต รักขุ่นเจ้ จ๊วบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 15-08-2019 02:31:03
 o13
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: maedaekoara ที่ 30-08-2019 09:00:16
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 02-09-2019 13:02:15
ยาวนานจริงๆ อ่านยาวไปจริงๆ เป็นนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบมากๆค่ะ เราร้องไห้เลยตอนไวโอล่าตาย แรกๆ ก็เกลียดวิคเตอร์ แต่พออ่านไปเรื่อยๆ มันก็คลายปมหลายปม โล่งใจขึ้น ชอบแฝดมากเด้อ อยากฟัดพุง กิกิ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-09-2019 21:12:51
 :pig4: :pig4: :pig4: เป็นนิยายที่อ่านแล้วหน่วง ปวดจิต รำคาญ และสนุกไปกับตัวละคร แซ็คก็มา รอเรื่องของเซ็ตอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 09-09-2019 13:25:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 15-10-2019 00:07:24
คือชอบเรื่องนี้มากจริงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบคือได้เห็นหลายอย่างจากเรื่องนี้ มันสะท้อนความเป็นจริงในหลายๆเรื่อง ชอบที่ตัวละครมีการพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย ทุกอย่างก็ดีขึ้น อ่านแล้วมันอบอุ่นใจมากในตอนท้ายๆ เอาเป็นว่ามันดีมากจริงๆ  :กอด1: :กอด1: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: ฉันชื่่อบุษบาา ที่ 17-10-2019 21:08:24
ชอบมากนิยายเรืีองนี้มากค่ะ ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:23:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Meww ที่ 14-05-2020 10:16:49
เป็นนิยายที่น่าประทับใจมากๆค่ะมันครบอารมณ์แบบบอกไม่ถูกแล้วเชื่อมโยงถึงความเป็นจริง  ถ้ามีคนทำออกมาเป็นภาพยนตร์มันคงจะดีมากๆแน่เลยนะ มันเหมือนมีชวิตจริงๆ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 27-05-2020 12:42:32
เป็นการอ่านที่ต่อเนื่องแบบ ไม่พักถึงขนาดอดหลับ..อดนอน.. กันเลยทีเดียว
ไม่หวือหวา ไม่ตื่นเต้น.. แต่ไม่สามารถหยุดอ่านได้ มีแต่เรื่องที่อยากรู้ต่อไปเรื่อยๆ สนุก เฮฮา หน้ามีน ทะเล้น น่ารัก และน้ำตา มาแบบไม่รู้ตัว รักทุกตัวละคร แต่มากที่สุด คือยักวิคเตอร์ ชื่นชมในความรักที่มีให้หลังจากรู้ใจตนเอง แม้จะมากไปในบางครั้ง แต่เข้าใจในความรักที่มีมากกกก จนละแวง แต่ถ้าถามว่าเกินไปไหม  คำตอบคือ ไม่... เพราะเมื่อรัก ก็ต้องหวงแหน ห่วงมาก เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนแมท ที่โลกแคบในเรื่องความรัก และการดื้อ ไร้ความคิดในด้านความรัก คิดเรื่องอื่น ได้ดีมีเหตุผล แต่กับคนที่ตัวเองรักกลับแสดงความโง่และเห็นแก่ตัว ตอบตามตรงในใจ คือไม่ชอบ แต่มานั่งคืดว่านักเขียนอยากจะสื่อถึงความเป็นเด็กไร้ประสบการณ์ด้านความรัก ก็พอจะบอกผ่านกันไป (ถ้าพระเอกไม่แนวพอ ก็จบไม่สวยไปแล้ว) ตัวละครประกอบอื่น ๆ มีความน่ารัก ลงตัวดี การดำเนินเรื่องดีงาน ภาษาทั้ง ไทยและอังกฤษ ก็เข้าใจง่ายๆ ดีงามมม
จะเป็นแรงใจให้นักเขียน เพื่องานเขียนดีๆ ต่อไป
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 21-04-2021 02:18:47
มาอ่านอีกรอบก็ยังสนุกอยู่  o13 เศร้าตอนวีตายเหมือนเดิม
อยากเห็นตอนแฝดโตจางงงงง  :mew2:
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 01-05-2021 00:36:35
พ่อแม่พวกเราสามคน ยืนคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง ไม่มีใครมาส่งพวกเรา 
ไม่เข้าใจอ่ะ ตกลงพ่อแม่มาจริงหรือถอดกายทิพย์มา
หัวข้อ: Re: ||>Love, no boundaries. Part: You and I<|| :: Chapter 1 :: [14.06.58]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 01-05-2021 00:53:42
หกชั่วโมงจนถึงสนามบินในแอลเอ 
10ชั่วโมง ไม่ใช่6
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::CHAPTER 7-10:: 20.06.58
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 01-05-2021 22:21:04

  พรุ่งนี้เรากับไอ้เอิร์ทหยุด เลยว่าจะไปนั่งชิวที่บาร์แถวไทม์สแควร์ สักทุ่มสองทุ่มอ่ะ แมทไปด้วยกันปะ” ผมทำหน้าคิดนิดหนึ่ง กำลังคิดว่าตัวเองมีภารกิจอะไรเกี่ยวกับวิคเตอร์อีกหรือเปล่า


“เดี๋ยวเราขอให้คำตอบอีกที แต่วันนี้เจ้านายเราก็มีงานแถวๆ นั้น เราอาจจะแว้บไปได้ตอนที่เจ้านายทำงานอยู่”
 
หวังว่าคงได้เจอกันนะ
หัวข้อ: Re: ||Love, no boundaries. Part: You and I||::ตอนพิเศษ:: 23.06.58 ดูที่สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 02-05-2021 08:12:00
ยิ่งเจอกับอาวุธของวิคเตอร์ที่เป็นไซส์ฝรั่งแบบนี้ มันยิ่งทำให้รู้สึกทรมาน 
ของฝรั่งมันนิ่ม ถ้าเจอขนาดเท่าๆกัน ของคนไทยจะรู้สึกเจ็บกว่านะ
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 02-05-2021 23:24:48
ยิ่งอ่านยิ่งรำคาญอีวิคเตอร์ สันดานก็ต่ำ กาละเทศะก็ไม่มี เห็นแก่ตัว เจ้าอารมณ์ ผิดหวังที่เจอพระเอกแบบนี้
หัวข้อ: Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.37 100%}:08.05.59:
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 03-05-2021 01:17:34
“ทำไมจะทำไม่ได้ ก็ในเมื่อเราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ฉันก็แค่เมียใหม่พ่อเขา แล้วถ้าจะเป็นเมียเขาอีกคนจะเป็นอะไรไป” ลิซ่ายิ้มกว้างอย่างกับคนโรคจิต ท่าทางเธอดูไม่สลดเลยสักนิด 
เก็บข้อมูลไว้เอาไปด่าไอ้แก่ลุค ถ้าความรักชายหญิงมันดีมันถูกต้องจริง ทำไมเมียมันถึงแอบไปเอากับลูกชายมันล่ะ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 07-05-2021 09:40:58
เป็นนิยายเรื่องยาวที่สนุกอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบมากๆให้ข้อคิดหลายๆแง่หลายๆมุมในการใช้ชีวิต ความรัก ความอดทน ความเข้าใจกันในชีวิตครอบครัว เห็นความรักและช่วยเหลือกันของผองเพื่อน 2แฝดก็น่ารักน่าฟัดที่สุดค่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆนะคะ ติดตามเรื่องต่อไปค่ะ :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: nonocong ที่ 15-05-2021 08:15:22
ฮื้อ จบแล้วหรอ ไม่อยากให้จบเลย เป็นนวนิยายที่สนุกมาก ๆ ขอบคุณนักเขียนน้า :pig4:
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: C.Tansakul ที่ 18-07-2021 15:57:34
อ่านจบแล้วรู้สึกผูกพัน เหมือนได้เห็นชีวิตของคน 2 คนตั้งแต่รู้จักกันจนกลายมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ประทับใจบรรยากาศงานแต่งมากๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ รักมากอีก 1 เรื่องค่ะ
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 02-10-2021 10:05:33
กลับมาอ่านรอบที่ 3 ก็ยังสนุกเหมือนเดิม
คนเขียนจะทำเป็น Ebook บ้างไหมคะ...เราอยากได้มากเลย
หัวข้อ: Re: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 11-09-2022 19:34:13
 :pighaun :pighaun: :pighaun: :pighaun:อ่านอีกคิดถึงแฝด