พิมพ์หน้านี้ - {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เขียนสือ ที่ 24-12-2017 11:27:45

หัวข้อ: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 24-12-2017 11:27:45
**********************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
                                                     

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*********************************************************************
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 24-12-2017 11:43:46


*** เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ***

(https://plus.google.com/u/0/photos/105584468424761797399/album/6502969879655840849/6502969876677260418?authkey=CLP9kqmUoqWTrAE)

#พอร์ชโซ่

 

(https://plus.google.com/u/0/photos/105584468424761797399/album/6502969879655840849/6502969879566073314?authkey=CLP9kqmUoqWTrAE)

พอร์ช

หัวโจกแถบ(สี)ชมพู #ช่างยนต์

เป็นพวกทะเล้นเล่นไปเรื่อย กวนประสาท แต่โคตรจริงใจ

 

(https://plus.google.com/u/0/photos/105584468424761797399/album/6502969879655840849/6502969880340444242?authkey=CLP9kqmUoqWTrAE)

โซ่

ไอ้นิ่งแถบ(สี)ฟ้า #ช่างไฟ

เพราะมีโลกส่วนตัวที่สูงมากถึงมากที่สุดจึงไม่ชอบความวุ่นวาย

 

 

คำเตือน

- นิยายเรื่องนี้เป็นแนวชายรักชาย

- อาจมีความรุนแรงทางเพศและภาษาเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

- ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้บุคคลดังภาพข้างต้นเสื่อมเสีย #มีไว้เพื่อจิ้นเท่านั้น

หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-12-2017 21:11:11
 :pig2:

ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2017 23:23:06
ตาม    :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 25-12-2017 01:58:56
 o13 รอจ้า
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 25-12-2017 02:01:21
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 25-12-2017 05:47:00
รอนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-12-2017 07:04:22
รอเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 26-12-2017 00:07:16

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{01}







            เสียงตุ๊บตับของการต่อสู้ด้วยมือและเท้าดั่งสนั่นไปทั่วทั้งซอยคับแคบ จะว่าคุ้นเคยก็ไม่ใช่ ชินตาก็ไม่เชิง ในเมื่อได้เด็กแถบสองสีนี้มันพากันมาตีรับน้องใหม่ตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกโน้นแล้ว จนตอนนี้ทางวิลัยเขาสอบกลางภาคผ่านไปแล้วพวกมันยังไม่เลิกตีกันเลย



            เสื้อสีเดียวกัน อยู่สถาบันเดียวกัน จะมีก็แต่แถบสีที่แปะติดอยู่ตรงปากกระเป๋าเสื้อช็อปบนหน้าอกด้านซ้ายเท่านั้นเองที่ต่างกัน



            สีฟ้า…ช่างไฟ



            สีชมพู…ช่างยนต์



            ในขณะที่เด็กหนุ่มกว่าสิบคนกำลังตะลุมบอลกันอย่างเอาเป็นเอาตายกันอยู่นั้น สายตาคมของเด็กหนุ่มแถบสีชมพูที่มีรูปร่างสูงใหญ่เกินก็เหลือบไปเห็นใครบางคนเข้า จังหวะเดียวกันกับที่บุคคลลึกลับภายใต้เสื้อฮูดหันมาประจันหน้ากันพอดี



            ‘อารมณ์สุนทรีจังนะมึง พวกแม่งจะตีกันตายอยู่แล้ว ยังเสือกนั่งไขว้ห้างฟังเพลงได้อีก’ ร่างสูงแอบด่าในใจเมื่อเห็นว่าใครคนนั้นมีหูฟังเข้มสีน้ำเงินขนาดใหญ่คลอบหูไว้ยามที่เจ้าตัวเบือนหน้าหนีสายตาของเขา กลุ่มเขาตีกันกับกลุ่มมันมาเป็นสิบยี่สิบรอบแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีใครได้สัมผัสหรือได้รู้จักมันเลยสักคน เพราะนัดมากันกี่ครั้งไอ้แห้งนี่ก็เอาแต่นั่งไขว่ห้างฟังเพลงอย่างสบายอยู่บนเบาะรถเหมือนมานั่งกินลม ชมวิว ดูพระอาทิตย์ตกดินอยู่บนชายหาดก็ไม่ปาน ทั้งที่เพื่อนเขากับเพื่อนของมันจะตีกันตายอยู่แล้ว



            ในขณะเดียวกัน…โซ่เด็กหนุ่มแถบสีฟ้าที่นั่งเปิดเพลงอัดใส่หูตัวเอง เพื่อกลบเสียงตุ๊บตั๊บน่ารำคาญตรงหน้าอยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนรักก็เริ่มเบื่อเต็มทนที่จะต้องมานั่งรอจนกว่าพวกมันจะตีกันเสร็จ แทนที่จะได้กลับไปนอนตีพุงอย่างที่ตั้งใจ



            ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปรี๊ดดด…



            “เฮ้ย! แยกย้ายกันก่อนโว้ย! พ่อมึงยกกันมาเป็นฝูงเลย!” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นแทรกเสียงนกหวีดและเสียงหวอของตำรวจที่กำลังขับรถใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จึงเป็นเหตุให้กลุ่มเด็กช่างวัยโจ๋พากันแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรังไปคนละทิศละทาง



            “แล้วเจอกันที่บ้านกูนะเว้ย!” พอร์ชพยักหน้าบอกกับกลุ่มเพื่อนของตัวเอง ก่อนที่จะบิดคันเร่งขี่รถคู่ใจออกไปเป็นคนแรก อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหาไอ้คนลึกลับเมื่อครู่แต่ก็ไม่เจอ

..

..

..

            “ป๋าหวัดดี!”



            “อีกแล้วนะไอ้พอร์ช! ไอ้ลูกเวร! หัวแบะกลับบ้านมาอีกแล้ว!” ก้าวเท้าเข้าบ้านได้พอร์ชเจอกับพ่อบังเกิดเกล้าทันที และแน่นอนว่าเจ้าตัวนั้นก็โดนด่าอย่างทุกครั้งที่ไปมีเรื่องกลับมาเช่นกัน



            “แหม…ป๋าก็! นิดๆหน่อย อย่าเครียดสิ หนุกหนานนะหนุกหนาน” นอกจากจะไม่สลดแล้ว เจ้าตัวยังคงยักคิ้วหลิ่วตาใส่คนเป็นพ่ออย่างกวนบาทา ก่อนที่จะร้องซี้ดออกมาเพราะรู้สึกเจ็บที่บริเวณแผลตรงมุมปากที่ไม่รู้ว่าเอาไปฟาดกับมือหรือเท้าของใครมาเสียตั้งแต่เมื่อไหร่



            “แล้วไม่ใช่เพราะไอ้ความหนุกหนานของแกรึไงที่พาเอาแม่แกมาพาลบ่นฉันอยู่ทุกวันเนี่ย! ไปๆ ขึ้นไปอาบน้ำทำแผลแล้วอย่าให้แม่แกเห็นเลยเชียว เดี๋ยวฉันจะพาลซวยไปด้วย” คุณพ่อที่พาลโดนคุณแม่บ้านบ่นกับลูกไปด้วยส่ายหน้าบอกอย่างระอา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาเองก็ไม่เคยทำเกินกว่าการอมรมสั่งสอนตักเตือนไปอย่างที่ควรจะเป็น



            “ขำๆน่าป๋า ผมไปล่ะ! ถ้าพวกไอ้เป้มาแล้วให้มันขึ้นไปหาผมข้างบนเลยนะ”



            “เดี๋ยวตอนกินข้าวเย็นก็เจออยู่ดี แกหนีแม่แกไม่พ้นหรอก”



            “วันนี้งด! ผมไม่โผล่หน้าลงมาให้แม่ด่าแบบโง่ๆหรอกนะป๋า” พูดจบก็รีบวิ่งไต่บันไดหนีขึ้นชั้นบนไปทัน เมื่อเห็นคุณแม่บังเกิดเกล้าเดินตรงมาจากอีกทางหนึ่ง

..

..

..

            “กูไปก่อนนะ ขืนอยู่รอให้พ่อครูออกมาเห็นแผลบนหน้านี่ กูได้โดนพ่อครูกระทืบซ้ำแน่ๆ” พอโซ่ลงรถได้ ไอ้ยศเพื่อนรักก็รีบชิ่ง บึ่งมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที ไม่ได้เข้าไปนั่งเล่นนอนเล่นอย่างทุกที



            “พ่อหวัดดี” โซ่ส่ายหน้าให้กับความกลัวแบบไร้สาระของเพื่อนรักเสร็จก็เดินเข้าไปยกมือไหว้สวัสดีทักทายรายงานตัวกับคุณตาของตัวเองที่กำลังนอนฟังเพลงจากวิทยุธานินรุ่นเก่าอยู่บนแคร่ไม้ตรงสวนข้างบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากประตูรั้ว ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากเขาไม่ได้นอนหลับไป เขาก็จะสามารถเห็นทุกอย่างที่ผ่านหน้า ไม่ว่าจะหมา แมวหรือแม้แต่คน



            “นั่นเจ้ายศมันจะรีบไปไหนของมัน” เขาเอ่ยถามหลานชาย



            “วันนี้มันไปตีกับเขามา มันเลยกลัวพ่อจะเตะซ้ำมันให้อีก” พูดบอกออกไปตามความจริงอย่างไม่มีความเกรงกลัวเหมือนอย่างที่เพื่อนเป็น



            “เฮ้อ…เอาอีกแล้วนะมัน เราน่ะอย่าไปทำอย่างเพื่อนเชียวนะเจ้าโซ่ พ่อไม่ชอบ จะจับจอบแบกปูนเรียนช่างอะไรก็ได้ แต่พ่อขออย่างเดียวว่าอย่าเอาวิชาที่พ่อสอนไปใช้ในแบบผิดๆ มวยน่ะเขาเรียนเพื่อป้องกันตัวแล้วก็สืบสานศิลปะการต่อสู้ของไทยให้ดำรงอยู่ไปชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าไม่จวนตัวไม่โดนใครเขาทำร้าย เราก็อย่าไปรังแกเขา” พอได้ทีชายสูงวัยก็พูดสอนหลานชายขึ้นทันที ซ้ำเตือนถึงสิ่งที่พยายามพร่ำสอนมาตั้งแต่เจ้าตัวยังแบเบาะ เพราะอยากให้หลานชายคนเดียวคนนี้เติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม และมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเพื่อแผ่ต่อเพื่อนร่วมโลกทุกสรรพสิ่ง ไม่ให้เป็นเหมือนอย่างที่แม่มันเป็น แต่จะไปโทษใครก็ไม่ได้ นอกจากตัวเขากับภรรยาที่สั่งสอนลูกในไส้ไม่ดีพอ จึงได้แต่นำเอาความผิดพลาดนั้นมาเป็นครูในการอบรมดูแลเลี้ยงดูหลานชายคนนี้ให้ดีกว่าที่เคยเลี้ยงลูกมา



            “พ่อก็รู้ผมไม่ชอบวุ่นวายกับใคร” ทิ้งตัวลงนอนบนแคร่ข้างๆกันกับคุณตา



            “ไม่ชอบความวุ่นวายมันก็ดี แต่อย่าเก็บตัวเงียบจนกลายเป็นตายด้านไปเลยนะโซ่เอ้ย มนุษย์เราน่ะเป็นสัตว์สังคม มีเลือดเนื้อ มีหัวใจจะอยู่ด้วยตัวคนเดียวไปจนตายก็ไม่ได้” เพราะรู้ดีว่าเหตุใดหลานชายจึงเป็นเช่นนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดซ้ำอยู่บ่อยๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้



            “ผมไปขอข้าวแม่กินก่อนนะ” แล้วก็เป็นอย่างทุกทีที่เจ้าตัวจะทำฮึดฮัดเดินหนีไป

..

..

..

            “ท่านโซ่มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมถึงได้ทำหน้าบอกบุญไม่รับเสียอย่างนั้น” บุญล้อมหนึ่งในสองเพื่อนรักสุดของโซ่เอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นว่าโซ่เดินหน้าตึงเข้ามาในห้องเรียน ถ้าเป็นคนอื่นก็จะไม่รู้หรอกว่าโซ่กำลังอารมณ์ไม่ดี เพียงแต่…อย่างที่บอกนั่นแหละว่าบุญล้อมคนนี้บังเอิญเป็นเพื่อนรักสุดซี้ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กยันโต จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะรับรู้ถึงสภาวะอารมณ์ของโซ่ที่มักจะส่งผ่านออกมาทางดวงตาอยู่เสมอ แม้ว่าสีหน้าจะยังเรียบนิ่งคงเดิมก็ตาม



            “ไม่มีอะไร แค่หมามันเห่า” ทิ้งตัวลงนั่งแล้วตอบปัดไปอย่างไร้อารมณ์



            “ใครหรือขอรับ?” ก็แหม…นานๆทีจะมีคนสะกิดต่อมอารมณ์ของเพื่อนรักได้สักที บุญล้อมคนนี้ก็ต้องอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา



            “กูไม่รู้จัก”



            “ก็แน่ละครับท่านโซ่ ถ้าวันไหนท่านโซ่รู้จักใครนอกเหนือจากกระผมกับท่านยศวันนั้นฟ้าคงได้ถล่มลงมา แต่ที่ผมอยากจะรู้คือเขาคนนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงครับ เผื่อกระผมรู้จัก จะได้ไปตักเตือนเขาว่าอย่ามายุ่งกับคุณโซ่อีก” บุญล้อมพูดบอกด้วยสีหน้าเนือยๆ เพราะนอกจากเขากับยศแล้วโซ่ก็ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครอีกเลย แม้กับเพื่อนร่วมชั้นก็ตาม แต่ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรืออะไรหรอกนะ เพียงเจ้าตัวมันเป็นพวกจำหน้าคนไม่ค่อยได้และก็ไม่ใช่คนช่างพูดก็เท่านั้นเอง ต่างจากเด็กวัดอย่างบุญล้อมที่เป็นมิตรและพูดคุยกับคนได้ทั่วทั้งโลก  ถึงแม้ว่าใครคนนั้นจะเป็นคนแปลกหน้าหรือศัตรูของเพื่อนก็ตาม



            “หน้าเหมือนหมา หุ่นเหมือนควาย แปะแถบชมพู” โซ่บอก



            “ช่วยบอกผมทีเถอะว่าที่ท่านโซ่กำลังพูดถึงนั้นเป็นคนจริงๆ” บุญล้อมว่า



            “กูก็บอกอยู่ว่ามันเป็นหมา!” พูดจบก็ยกหูฟังขึ้นมาใส่ เป็นอันสิ้นสุดการสนทนา

..

..

..

ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน…



            เพราะว่าน้องสาวของทรงยศโดนรถเฉี่ยวชนที่ตลาดเจ้าตัวจึงต้องพาน้องไปโรงพยาบาลก่อน  จึงทำให้ตารางชีวิตของโซ่แปรปรวนไปด้วย เพราะปกติแล้วยศจะเป็นคนคอยรับส่งอยู่ทุกวัน วันนี้โซ่เลยรู้สึกหงุดหงิดเป็นพิเศษ เพราะมาสายก็เลยเข้าแถวไม่ทัน โดยเช็คขาดกิจกรรมเข้าแถวในช่วงเช้าไปตามระเบียบ เพราะเขาไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัวเหมือนเพื่อนและกว่าจะหาคนมาส่งได้ก็เกือบแปดโมงแล้ว และที่สำคัญเลยคือวิทยาลัยของเขาเข้าแถวตั้งแต่เจ็ดโมงสี่สิบ!



            “ว่าไงน้องสาว~ ไหวรึเปล่าเบเบ้!! baby~” ในขณะที่เดินอยู่บนลานกิจกรรมที่อยู่ทางด้านหลังองค์พ่อวิษณุนั้นใครบางคนก็ตะโกนร้องเพลงออกมาดังลั่น นักศึกษาทั้งหญิงชายที่ยังคงนั่งเล่นอยู่แถวนั้นต่างพากันมองไปที่เจ้าตัวที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะกันเป็นตาเดียว ในขณะที่เพื่อนๆของเจ้าตัวที่นั่งล้อมรอบอยู่บนเก้าอี้ด้านล่างต่างก็หัวเราะคิดคักอย่างสนุกสนาน จะมีก็แต่โซ่เท่านั้นที่ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่สนใจใคร แม้ว่าจะไม่ได้สวมหูฟังอัดเพลงใส่หูอย่างทุกวันก็ตาม



            ส่วนทางด้านของพอร์ชที่เห็นว่าเหยื่อที่ตนเล็งไว้ไม่ได้หันมาสนใจอย่างที่ควรจะเป็น เจ้าตัวก็รีบกระโดดลงจากโต๊ะและวิ่งเข้าไปกระชากแขนของอีกคนไว้ทันที



            “เรารู้จักกันหรอ?” โซ่ยกคิ้วถามด้วยเสียงเนือยๆ ถึงแม้ว่าอารมณ์จะคุกรุ่นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแล้วก็ตาม

            “ไม่…แต่กูอยากรู้จักมึง” ตอบออกมาเสียงดังฟังชัดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ



            “…..” โซ่สะบัดแขนตนออกจากมือของคนแปลกหน้า ก่อนที่จะหันหลังทำท่าจะเดินหนีไปโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา แต่พอร์ชไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น คราวนี้เขาจึงคว้ามือของโซ่บีบล็อคไว้แน่น ซึ่งแน่นอนว่าโซ่เองก็ไม่เฉยเหมือนตอนแรกอีกแล้ว เจ้าตัวจึงสะบัดมือออกแล้วผลักอกคนตรงหน้าออกไปอย่างแรง ทำเอาบรรดานักศึกษาที่มุงดูอยู่เริ่มแตกฮือไปคนละทาง เพราะรู้ดีว่า ไอ้เด็กแสบแถบสองสีนี้ลองได้เผชิญหน้ากันแล้ว…บรรลัยทุกที!



            “แรงดีนี่หว่า…เห็นตัวเล็กๆไม่คิดว่าจะแรงเยอะขนาดนี้” พอร์ชยกมือขึ้นปัดตรงบริเวณที่โดนโซ่ผลักเบาๆ ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ทั้งที่จริงแล้วก็เจ็บอยู่เบาๆ ไม่คิดว่าคนตัวผอมโคร่งเหมือนศพเดินได้(ในสายตาของตัวเอง)จะมีแรงเยอะขนาดนี้



            “มีปัญหา?” ในที่สุดโซ่ก็ยอมเปิดปากถามออกมา เพราะเริ่มหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นทุกที



            “โนว…ใครจะกล้ามีปัญหากับคนสวยได้” แสร้งทำตกใจตาโตในคำถามของโซ่ พร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาเป็นการปฏิเสธอย่างกวนๆ



            “กูสวย?” โซ่ถาม



            “Yes!!!” พยักหน้าทำตาปริบๆเหมือนแมวน้อย แต่ถ้าใครไม่ตาบอดหรือสมองฟั่นเฟืองก็คงรู้ได้ว่าเจ้าตัวกำลังกวนตีน!



            “ถามอะไรอย่างสิ” โซ่บอก



            “ว่ามาน้องสาว~” พอร์ชตอบรับเป็นทำนองเพลงที่ใช้ร้องแซวโซ่ในตอนแรก



            “มึงใช้ตาหรือใช่ตีนมอง?” โซ่ถาม



            “ก็ต้องเป็นตาอยู่แล้วล่ะจ้ะน้องสาว~” พอร์ชยังคงกวนต่อด้วยการตอบตามทำนองเพลง



            “ถ้าอย่างนั้นกูขอลามึงด้วยส้นตีนก็แล้วกัน!!” ว่าจบโซ่ก็ยกเท้าถีบเข้าไปเต็มๆที่กลางอกของพอร์ช ก่อนที่จะหันหลังเดินหนี แต่ติดตรงที่พวกเพื่อนของพอร์ชวิ่งมาล้อมวงดักไว้นี่แหละ



            “เฮ้ยอย่า! พวกมึงอย่าทำอะไรมันนะ” พอร์ชร้องห้ามกลุ่มเพื่อนของตนที่ทำท่าจะพุ่งกระโจนเข้าใส่โซ่เหมือนกับฝูงหมาป่าตอนเห็นลูกแกะ



            “แต่มัน…” ใครคนหนึ่งทำท่าจะแย้งขึ้นมา แต่พอร์ชที่ลุกขึ้นมาได้ก็ยกมือห้ามไว้ก่อน



            “มึงคงไม่อยากมีปัญหากับกูหรอกนะไอ้พีช…ส่วนมึงน่ะระวังหลังเอาไว้ให้ดีเถอะ มือหนักตีนหนักแบบนี้กูโคตรชอบ” พอร์ชจ้องเพื่อนด้วยสายตากดดัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของโซ่เบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน และมันคงจะไม่เกิดเรื่อง ถ้าหากว่าเจ้าตัวไม่เลื้อยมือไปขยำก้นของโซ่เข้าให้ โซ่ตวัดแขนศอกกลับใส่เข้าที่ขมับของพอร์ชเต็มแรง จึงเป็นเหตุให้เจ้าตัวไปนอนนับดาวอยู่บนพื้นโดยมีเพื่อนๆพากันเข้าไปดูอาการ



            โซ่เดินแหวกกลุ่มเพื่อนของพอร์ชเข้าไปหาพอร์ชอย่างช้าๆ ก่อนที่จะไปหยุดยืนอยู่บริเวณข้างลำตัวและใช้เท้าสะกิดที่สีข้างของพอร์ชเบาๆสองที



            แล้วถามพอร์ชว่า…



            “ไหวรึเปล่า…baby? หึ!” กระตุกยิ้มหล่อเยาะเย้ยทิ้งท้ายไว้หนึ่งที ก่อนที่จะยกกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นพลาดบ่าแล้วเดินจากไปแบบช้าๆไม่รีบร้อน แต่ก็ไม่ยักจะมีเพื่อนของคนไหนของพอร์ชมาขวางอย่างตอนแรกสักคน









TBC.

บางคนอาจจะเคยเห็นนิยายเรื่องนี้ผ่านตามาแล้วบ้าง(ในเว็บอื่น)
แต่อยากจะบอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นนี้เลยว่า เด็กช่างของเรา ไม่ดราม่า ไม่เน้นต่อยตี แต่ละมุน(?)ไปเรื่อย
ปล.อัพรูปไม่ขึ้น ลงรูปไม่เป็น แต่อิมเมจที่เราตั้งไว้คือ ลีโอกับลูคัส
ใครไม่รู้จักก็ลองเอาชื่อนิยายของเราไปค้นหากับปู่ Google ได้เลยจ้า เดี๋ยวก็เจอ #ยังไงก็ฝากด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 26-12-2017 00:09:02
ตามจ้า  o13 o13 o13

บวกเป็ดรอ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-12-2017 00:36:25
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 26-12-2017 01:04:28
Bravo
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-12-2017 01:46:02
ไรหว่า อยู่โรงเรียนเดียวกัน กัดกันซะงั้น  :hao4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 26-12-2017 02:02:42
จะยังไหวอยู่อ่ะเปล่าา5554
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-12-2017 03:21:17
ชื่อคล้องจองกันดีจริงๆ
แต่ตงิดๆ ตรงเขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ จริงหรอ o18
เหมือนจะสลับกัน  :z6:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-12-2017 08:53:05
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #02 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 26-12-2017 17:57:40


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{02}







            “พี่โซ่คร้าบ…รอจุกด้วย” เด็กชายหัวเกรียนวัยแปดขวบตะโกนเรียกโซ่จากทางด้านหลัง ซึ่งโซ่ที่สวมหัวฟังอัดเพลงใส่หูเป็นที่เรียบร้อยแล้วย่อมไม่ได้ยินเสียงของจุกอย่างแน่นอน



            จึ๊ก! / ผัวะ!



            “โอ้ยพี่โซ่! ต่อยจุกทำไมอ้า…” เด็กชายจับมุมปากร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกโซ่ศอกกลับใส่ หลังจากที่ลืมตัวเผลอไปจับไหล่โซ่จากทางด้านหลัง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรทำ เพราะโซ่เป็นคนบ้าจี้ที่สัมผัสไวเป็นพิเศษ หากใครลองได้จับเจ้าตัวจากทางด้านหลังแบบไม่รู้ตัว รับรองได้เลยว่าต้องมีการเจ็บตัว ไม่มากก็น้อย ดั่งเช่นที่จุกโดนนี่แหละ ซึ่งอาการบ้าจี้อย่างรุนแรงของโซ่นี้คนรอบข้างและเพื่อนสนิทต่างก็รู้ดี และพยายามที่จะไม่ลืมตัว ไปทักทายหรือโดนตัวของโซ่ในยามที่เจ้าตัวกำลังปล่อยความรู้สึกให้จมดิ่งกำเสียงเพลงอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากจะเสี่ยงกับมือและเท้าจากหลานชายเพียงคนเดียวของเจ้าของค่ายมวยที่เป็นอดีตแชมป์โลกมวยไทยเมื่อสามสิบปีที่แล้วหรอก



            “แล้วใครใช้ให้เอ็งมาเงียบๆอย่างนี้ล่ะไอ้จุก” โซ่ว่า



            “ไม่ได้มาเงียบๆสักหน่อย จุกนะตะโกนเรียกอย่างดังเลย แต่พี่โซ่อ่ะไม่ได้ยินเอง” จุกเถียงอย่างไม่ยอมแพ้



            “เออๆ ว่าแต่เรียกพี่ทำไม”



            “วันนี้จุกตื่นไม่ทันพวกพี่ไผ่ เลยจะขอวิ่งไปกับพี่ด้วย”



            “แล้วจะมามัวคุยอยู่ทำไม…ไปดิ!” ว่าแล้วโซ่ก็วิ่งนำไปตามทางที่วิ่งเป็นประจำคนเดียว โดยที่ไม่ได้สนใจจุกที่วิ่งตามหลังมาสักเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วเขาจะวิ่งคนเดียว ส่วนจุกจะไปรวมกลุ่มกับพวกเด็กฝึกและนักมวยคนอื่นๆที่อยู่ในค่าย



            กิจวัตรในแต่ละวันของโซ่นั้นไม่มีอะไรมาก ออกจะน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ เพราะตื่นเช้ามาเขาก็แค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ออกมาวิ่งออกกำลังกาย เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำกินข้าวไปวิทยาลัย หลังเลิกเรียน ถ้าไม่ไปนั่งรอทรงยศต่อยตีกับชาวบ้าน ก็ไปกวาดลานธรรม ถูโบสถ์ แล้วก็สวดมนต์ทำวัดเย็นกับบุญล้อมที่วัด แต่ถ้าไม่ได้ไปไหนเลยก็แค่กลับมานอนที่บ้านเป็นอันหมดวัน ต่างจากเพื่อนรุ่นเดียวกันคนอื่นที่หลังเลิกเรียน ถ้าไม่ไปกินข้าวดูหนังร้องคาราโอเกะที่ห้างก็จะพากันไปขี่รถเหล่หญิงตาสวนสาธารณะไม่ก็ตามแลนด์มาร์คจุดสำคัญของจังหวัดแทน



            “แฮ่กๆ จุกกลับก่อนนะพี่โซ่ จุกวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว” จุกวิ่งแซงขึ้นมาบอกโซ่ทางด้านหน้า เพราะไม่อยากเจ็บตัวเพราะสะกิดเรียกจากทางด้านหลังอีก ปกติแล้วถ้ามาวิ่งกับนักมวยหรือเด็กฝึกด้วยกันในค่ายก็จะไปอีกทาง ซึ่งนั่นจุกก็ว่าไกลแล้วนะ แต่พอมาวิ่งกับพี่โซ่ จุกแทบจะคลานกลับบ้านเลย ทั้งที่มาไกลมากแล้ว แต่พี่โซ่กลับไม่มีท่าทีเหนื่อยหอบเหมือนอย่างจุกเลย อีกทั้งยังไม่มีท่าว่าจะหยุดวิ่งหรือย้อนกลับบ้านเลยสักนิด…จุกยอมแพ้



            “อ่ะฝากแวะซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ที่หน้าปากซอยเข้าไปให้พ่อแม่พี่ด้วย เงินที่เหลือเอ็งอยากกินอะไรก็ซื้อไปเลย” โซ่ยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้จุกไป ก่อนที่จะเริ่มออกวิ่งต่ออีกครั้ง เมื่อจุกหันหลังวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม



            “เมื่อกี้เจ้ายศมันมาบอกให้เราไปโรงเรียนเองอีกสักสองสามวันนะโซ่ พ่อแม่มันยังกลับมาไม่ได้มันเลยต้องอยู่ดูเจ้าหยกต่อ” ยายของโซ่ร้องบอกกับโซ่ที่เพิ่งกลับเข้าบ้านมา หลังจากที่เจ้าตัวออกไปวิ่งตั้งแต่ตีห้าครึ่ง จนตอนนี้จะเจ็ดโมงอยู่แล้ว



            “ครับ” พยักหน้ารับรู้แล้วก็ผลุบหายขึ้นห้องไป



            “ให้เจ้าไผ่ไปส่งไหมล่ะโซ่ แม่จะได้ให้พี่เขารอ” ยายของโซ่ตะโกนถามตรงหัวบันได



            “เดี๋ยวผมหารถไปเอง” โซ่ตะโกนกลับมา



            “แล้วมันจะไปยังไงของมัน” ยายขอโซ่บ่นพึมพำอยู่ที่เดิม เพราะจังหวัดของเขาไม่มีรถวิ่งรอบเมืองเหมือนอย่างในกุรงเทพหรือตามเมืองใหญ่อื่นๆที่หารถรับจ้างได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่สถานีรถไฟ ขนส่งรถยนต์ หรือสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ



            “ปล่อยมันไปเถอะ ลองได้พูดแบบนั้น เดี๋ยวมันก็หาทางไปเองจนได้แหละน่า” คุณตาที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวพูดบอก เพราะไม่อยากจะให้ภรรยาเอาความห่วงใยของตัวเองเข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของหลานนัก



            “คุณก็เป็นเสียอย่างนี้! ไม่เคยเป็นห่วงลูกมันเลย” คุณยายว่าเสียงเขียว ก่อนที่จะสะบัดหน้าเดินหนีเข้าครัวไป



            “อย่าไปใส่ใจเลย แม่เขาแค่เป็นห่วง” เขาหันไปบอกกับหลานชายที่กำลังเดินลงบันไดบ้านมาด้วยกางเกงยีนส์ทรงกระบอกพับขาสีดำเสื้อคอกลมแขนสั้นสีขาว กระเป๋าสะพายพาดขวางอยู่กางหลัง หูฟังสีน้ำเงินอันโปรดเตรียมพร้อมคล้องไว้ที่คอ มือขวาถือเสื้อช็อปสีน้ำกรมท่าแปะแถบสีฟ้าสดใสตามชื่อแผนกช่างไฟของเจ้าตัว และแน่นอนว่ามือซ้ายที่ว่างอยู่นั้นจะต้องมีไอพอดนาโนสีฟ้าเพื่อนเก่ารอให้เจ้าตัวเปิดอยู่



            “ผมไปนะ” สวัสดีบอกลาเสร็จก็รีบชิ่งออกจากบ้านทันที เพราะขืนอยู่ต่อแม่หรือแท้ที่จริงแล้วคือยายของเขานั้นจะต้องให้คนในค่ายไปส่งเขาที่วิทยาลัยอย่างแน่นอน ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ที่จะต้องไปกับคนที่ไม่สนิทแบบนั้น ถึงแม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นลูกศิษย์ในค่ายที่เห็นหน้าคาดตากันอยู่ทุกวันก็ตาม



            โซ่เดินไต่ไปตามกำแพงข้างบ้าน เพื่อที่ไปขึ้นรถรับจ้างที่ประจำอยู่ด้านหน้าอำเภอที่อยู่ติดกับหลังบ้านของตนเอง ซึ่งถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ต้องเดินย้อนตามถนนที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของบ้านขึ้นไปอีกหลายร้อยเมตร…โคตรเสียเวลา



            “หืม…ไอ้นิ่ง? มันคิดบ้าอะไรอยู่ว่ะน่ะถึงได้เดินเล่นบนกำแพงอำเภออย่างน้ำ” พอร์ชที่กำลังจะขี่รถไปวิทยาลัยบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ตนเล็งอยู่นั้นกำลังเดินไต่อยู่บนกำแพงที่ว่าการอำเภอด้วยท่าทางสุนทรีมีหูฟังคลอบหูเหมือนอย่างทุกครั้งที่ได้เห็น ซึ่งถ้าจะให้เขาเดา เจ้าตัวคงจะเสพติดการฟังเพลงน่าดู เพราะลองได้เจอเจ้าตัวที่ไหน ก็ต้องเห็นหูฟังทุกทีถ้าไม่คลอบหูไว้ก็ต้องคล้องอยู่ที่คอ เหมือนกับเป็นอวัยวะชิ้นที่สามสิบสามของเจ้าตัวไปเสียแล้ว



            พอร์ชชะลอรถจอดอยู่ริมฟุตบาทตรงตำแหน่งที่คิดว่าโซ่จะลงจากกำแพง เพราะตรงบริเวณอื่นมันเต็มไปด้วยไม้ประดอกไม้ประดับหมดแล้ว ก็หวังว่าโซ่จะไม่ใจกล้าบ้าบิ่นเดินต่อไปตรงส่วนที่เป็นเหล็กแหลม หรือกระโดดลงตรงน้ำตกจำลองที่ประดับเต็มไปด้วยพุ่มดอกเข็มที่ขึ้นหนาแน่นจนไร้ช่องว่างหรอกนะ



            พรึบ! ตุบ!



            เป็นไปตามที่พอร์ชคาดการณ์ไว้ เพราะโซ่กระโดดลงบนพื้นฟุตบาทตรงที่เจ้าตัวคิดไว้ตั้งแต่แรก ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป เพราะจุดจอดรถรับจ้างอยู่ห่างออกไปอีกประมาณร้อยเมตร และด้วยพอร์ชสวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบอยู่ โซ่จึงไม่รู้ตัวว่าความวุ่นวายที่เขาสุดแสนจะเกลียดชังนั้นกำลังจะคืบคลานเข้ามา



            จึกๆ /ผัวะ!



            เหมือนกับเปิดเทปวนซ้ำเหตุการณ์เมื่อเช้าที่จุกสะกิดโซ่จากทางด้านหลังแล้วก็โดนโซ่ศอกกลับเข้าที่ขมับ แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นกำปั้นไม่มีรูที่เสยเข้าปลายคางของพอร์ชไปเต็มๆ เพราะส่วนสูงที่ต่างกันพอสมควร



            “โอ้ย…มึงต่อยกูทำไมเนี่ย ซี้ด…ชอบความรุนแรงรึไง เจอกันทีไรกูเจ็บตัวทุกที!” พอร์ชถ่มน้ำลายเปื้อนเลือดลงบนพื้นด้วยความเจ็บแสบเพราะปากแตก ด้วยกำปั้นไม่เต็มแรงของโซ่ แต่ก็อย่าลืมนะว่าโซ่นั้นเป็นหลานเจ้าของค่ายมวย ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้เป็นนักมวยมืออาชีพ แต่ก็ฝึกฝนวิชามวยไทยมาตั้งแต่จำความได้ มีหรือที่หมัดจะเบาเหมือนคนทั่วไป



            “มึง!” ขมวดคิ้วขุ่นอย่างไม่ชอบใจ ที่ได้เห็นหน้าของชมพูโรคจิตแต่เช้า



            “เออกูเอง ก็พอรู้อยู่นะว่าเป็นพวกติสแตก แต่มึงจะอินดี้เกินไปไหมถึงได้มาปีนกำแพงที่ว่าการอำเภอเล่นแต่เช้าอย่างนี้ เดี๋ยวพ่อมึงที่อยู่ขวามือโน่นก็จับส่งไปให้อยู่กับแม่มึงที่ซ้ายมือนี่หรอก” พอร์ชว่าพลางพยักเพยิดหน้าไปทางขวามือที่เป็นสถานีตำรวจ ส่วนซ้ายมือที่ว่าก็คือเรือนจำประจำจังหวัด โดยมีที่ว่าการอำเภออยู่คั่นกลาง และตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอก็เป็นวัดหลวงประจำจังหวัด เรียกได้ว่าบริเวณที่พวกเขายืนคุย(?)กันอยู่นี้ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ราชการสำคัญๆทั้งนั้น



            “เสือก” ว่าเสร็จก็หันหลังหนี เตรียมที่จะชิ่งไปขึ้นรถรับจ้างที่อยู่ไม่ไกล แต่ก็ถูกพอร์ชรั้งด้วยการดึงสายกระเป๋าสะพายไว้เสียก่อน



            “มึงจะไปวิลัยรึยัง?” พอร์ชถาม เมื่อโซ่หันมาตีหน้ายักษ์ใส่ เพราะเจ้าตัวเริ่มที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว



            “เสือก” โซ่ยังคงใช้คำด่าเดิมเป็นคำตอบ



            “แล้วจะไปยังไง?” พอร์ชถามต่อแบบไม่สนใจสีหน้าและท่าทางของโซ่แม้แต่น้อย



            “เสือก” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่โซ่พูดคำนี้ออกมา



            “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับกู” ไม่ว่าเปล่า ทันทีที่พูดจบพอร์ชก็ดึง(สายกระเป๋าสะพายของ)โซ่ไปทางที่รถของตนจอดอยู่ทันที ส่วนคนหวงของอย่างโซ่เองจะขืนตัวมากก็ไม่ได้ เพราะกลัวว่ากระเป๋าจะขาด



            “ปล่อย! จะไปตายที่ไหนก็เรื่องของมึง แต่อย่ามาเสือกกับชีวิตกู!” โซ่พยายามที่จะสะบัดตัวออกจากการจับกุมของพอร์ช ทั้งยังลืมตัวตะโกนเสียงดังจนกลายเป็นจุดสนใจของคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น



            “กูอยากเสือก!” สามคำสั้นๆที่พอร์ชพูดออกมาทำเอาโซ่ชะงักนิ่ง จังหวะนั้นเองพอร์ชที่หูตาไวก็อาศัยความเร็วไปกระชากเอาไอพอดในมือของโซ่จนเครื่องหลุดออกจากหูฟัง



            “อย่ายุ่งกับของกู!” โซ่คำรามลั่นเมื่ออีกคนกระชากของรักของหวงของตนออกไปสุดแรง ทั้งที่ตัวเขาเองถนอมมันแทบตาย



            “อะไรวะเนี่ย? เพลงจันทร์เจ้า เพลงช้าง นกกาเหว่า นกขมิ้น เป็ดอาบน้ำ! นี่มึงอยู่อนุบาลไหนครับไอ้นิ่ง? ถึงได้ยังฟังเพลงแบบนี้อยู่อีก” นอกจากจะไม่ฟังเสียงร้องห้ามของโซ่แล้ว พอร์ชยังเสียวิสาสะค้นดูลิสต์เพลงในไอพอดของโซ่อย่างไร้มารยาทอีกด้วย



            “เอาของกูคืนมา!” โซ่ไม่เก็บเอาท่าทางล้อเลียนของพอร์ชมาใส่ใจ เขาเพียงแค่อยากได้ของเขาคืนเท่านั้น



            “ไม่! จนกว่ามึงจำทำตามที่กูบอก” พอร์ชบอกอย่างเป็นต่อ



            “มึงต้องการอะไร” โซ่ถาม



            “ถึงวิลัยเมื่อไหร่กูจะบอก” พอร์ชเดินไปขึ้นค่อมรออยู่เบาะบนรถของตน พลางส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้โซ่เดินตามมานั่งซ้อนท้ายอีกที



            “กูไม่ไปกับมึงแน่” โซ่ตอบปฏิเสธในทันที



            “ถ้างั้นกูยึด” ยกไอพอดของโซ่แกว่งไปมากลางอากาศของสองสามที ก่อนที่จะริบเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองไป



            “ถ้าของกูพัง…มึงเจ็บตัวแน่” ทิ้งตัวกระแทกนั่งบนเบาะหลังอย่างแรงจนรถกระเทือน



            “คร้าบๆ เดี๋ยวพี่พอร์ชจะดูแลรักษาอย่างดีเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นไอพอดหรือเจ้าของมัน” เอี้ยวตัวเอาหมวกกันน็อคของตัวเองมาสวมให้กับโซ่ ซึ่งตอนแรกโซ่ก็ขืนตัวอยู่หรอกเพราะไม่ชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวนัก แต่พอเจอสายตาจริงจังของพอร์ชเข้าไปเจ้าตัวก็เลยยอมอยู่เฉย เพราะไม่อยากจะฟังเสียงกวนประสาทจากปากหมาๆของพอร์ชอีก



            “เอาของกูคืนมา” พอลงรถได้ โซ่ก็ถอดหมวกกันน็อคโยนใส่พอร์ช พร้อมกับเอ่ยทวงไอพอดของตัวเองจากพอร์ชในทันที



            “มาเจอกูที่โรงอาหารตอนเที่ยงก็แล้วกัน” พอร์ชบอก



            “มันเป็นของกู และกูจะเอาตอนนี้…เดี๋ยวนี้” โซ่กดเสียงต่ำแบบสั่นๆ เพราะเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์โมโหของตัวเองไม่ได้ มันเป็นใคร? ทำไมเขาต้องทำตามที่มันสั่งด้วย!



            “แต่ตอนนี้มันอยู่ที่กู และกูก็บอกแล้วว่าให้มาเจอกันที่โรงอาหารตอนเที่ยง…เข้าใจนะ” ล็อครถเสร็จพอร์ชก็หิ้วหมวกกันน็อคเดินหนีไปทันที ไม่รอฟังคำทักท้วงจากเจ้าของไอพอดอย่างโซ่อีกต่อไป



            “แม่งเอ้ย!” สบถออกมาเสียงดังลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร เมื่อได้ยินเสียงเพลงมาร์ชประจำวิทยาลัยที่เป็นสัญลักษณ์เรียกเข้าแถวดังขึ้นมาเสียก่อนที่จะได้ตามพอร์ชไป ความจริงจะไม่เข้าแถวก็ได้ ไม่มีใครบังคับ เพียงแต่ พอสิ้นเดือนถ้าหากว่าคำนวนค่าเฉลี่ยแล้วจำนวนเวลาเข้าแถวของใครไม่ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นคนนั้นก็ต้องลงทำเบียนแก้ด้วยการบำเพ็ญประโยชน์จำนวนวันที่ขาดไป ซึ่งแน่นอนว่าการบำเพ็ญประโยชน์ที่ว่านั้นมันไม่ใช่แค่การเก็บขยะธรรมดา แต่หากรวมไปถึงการถางหญ้า ขัดห้องน้ำ ขนโต๊ะเก้าอี้ และลอกคลองน้ำสที่อยู่ทางด้านหลังโรงยิมอีกด้วย



            “ไงมึง…ได้ข่าวว่าวันนี้มีเด็กซ้อนท้ายมาด้วย…ใครวะ?” เป้กระซิบถามพอร์ชในขณะที่รอปล่อยแถว หลังจากเคารพธงชาติและสวดมนต์เรียบร้อยแล้ว



            “ไอ้นิ่ง” ยักคิ้วบอกด้วยท่าทางภาคภูมิใจเป็นถึงที่สุด



            “คนที่ทำมึงน็อควันนั้นอะนะ?” เป้ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เพราะติดธุระเลยมาสาย แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่อยู่กับพอร์ชในวันนั้นก็มาเล่าให้เขาฟังอย่างออกรสออกชาติประหนึ่งย้อนภาพให้ดู



            “ก็เพราะมันเห็นออร่าความหล่อของกูตอนนั้นนั่นแหละ วันนี้มันถึงได้ยอมนั่งซ้อนรถมาวิลัยพร้อมกับกูอย่างนี้” เสยผมพูดโม้ออกมาอย่างหน้าไม่อาย



            “แต่กูว่าเพราะด้วยรักของมึงและส้นตีนของมันที่ประทับเป็นรอยแตกอยู่ตรงมุมปากของมึงนี่มากกว่ามั้ง” เป้พูดขัดอย่างรู้ทัน อีกทั้งยังกดซ้ำไปบนรอยแผลที่โซ่ฝากไว้เมื่อก่อนหน้านี้



            “เออจะอะไรก็แล้วแต่ เอาเป็นว่าเพราะกูหล่อมากมันเลยยอมมากับกู…จบนะ!” สะบัดเสียงใส่เพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อถูกทำลายความฝันเฟื่องในภวังค์ด้วยความเป็นจริง



            ตุบ!



            “มาหล่อกับส้นตีนกูนี่!” โซ่ที่นั่งฟังอยู่ในแถวถัดไปตั้งแต่แรกเริ่ม ถีบเข้าเต็มๆที่กลางหลังของพอร์ชอย่างแรงเมื่อแถวของเขาถูกปล่อยก่อนแถวของพอร์ช



            มันก็จริงอยู่ที่แผนกพวกเขาไม่ถูกกัน แต่เวลาเข้าแถวทีไรช่างยนต์กับช่างไฟจะถูกจับคู่กันทุกที แล้วก็เรียงตามลำดับห้อง ตามเลขประจำตัวเป็นแถวตอนลึกลงไปตั้งแต่ ปวช.1 จนสิ้นสุดที่ปวส.2 ห้องสุดท้าย แล้วก็บังเอิ๊ญบังเอิญที่เขานั้นอยู่ห้องสองเหมือนกับไอ้หน้ามึนอีกทั้งเลขของเขายังอยู่ถัดจากมันมาแค่ลำดับเดียว จึงได้ยินทุกสิ่งอย่างที่เจ้าตัวพูดโม้ไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ก็เลยอดรนทนไม่ได้ที่จะประทับฝากรอยรองเท้าเบอร์สี่สิบสองคู่เก่งของตัวเองไว้บนหลังเสื้อช็อปของมัน ข้อหากวนตีน เพราะตอนปล่อยแถวนั้นช่างไฟจะถูกปล่อยก่อนช่างยนต์ที่อยู่แถวริมสุด ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์นั่นย่อมประจักษ์แก่สายตาของนักศึกษาและคณะครูอาจารย์ทุกท่าน เพียงแต่พอเจ้าตัวเห็นว่าเป็นเขาที่ถีบมัน มันเลยไม่โวยวาย เขาก็เลยรอดตัวไป






TBC.

คนอ่านเข้าใจคำว่า 'เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์' ของคนเขียนมากน้อยแค่ไหนคะ?
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #02 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-12-2017 19:11:09
ยังตีความไม่ออกว่าใครจะรุกจะรับ  :hao4:

น้องนิ่งช่างไฟน่าจะเป็นรับนะ ตามชื่อเรื่อง สะใภ้(ของ)ช่างยนต์ แต่มือตีนหนักเหลือรับทานเลยชักไม่แน่ใจ  :mew5:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #02 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-12-2017 19:55:02
 :katai2-1:


ยำหมัดสลัดตรีน มีครบ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #02 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 26-12-2017 23:24:29
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #02 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2017 02:20:35
กว่าจะไเ้กันเลือดคงหมดตัว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #02 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-12-2017 02:40:36
ท่าทางฝ่ายเขยเนี่ย คงเคารพเมีย (ในอนาคต) น่าดู  :hao3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #02 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 27-12-2017 12:08:28
เป็นสะใภ้ใจต้องใหญ่อย่างนี้สิลูก มือตีนต้องหนัก?เข้าไว้
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #02 {26/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-12-2017 19:30:29
น้องโซ่หนูเป็นสะไภ้ที่
มือหนัก ตีนหนักจริงๆลูก

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #03 {27/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 27-12-2017 20:31:55


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{03}






            “เฮ้ยไอ้โซ่ได้ข่าวว่าเบื่อMSXไอ้ยศแล้วหันไปซ้อนดูคาติไอ้พอร์ชช่างไฟมาหรอวะ?” เพียงแค่เดินเข้าห้องเรียนในชั่วโมงแรก โซ่ก็ต้องมาเจอกับเสียงเห่าหอนไปทางดูถูกเหยียดหยามจากเพื่อนร่วมห้องที่ต้องกลายเป็นศัตรูกันตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน เพียงเพราะเขาไม่ได้เข้าไปเลียแข้งเลียขามันเหมือนหมาจรจัดอย่างที่หลายคนทำ และตั้งแต่นั้นมาแผนกช่างไฟก็ถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายโดยอัตโนมัติ แบบที่มันคิดไปเองว่าเขาหาเรื่องมัน ทั้งที่เขาก็อยู่ของเขาเฉยๆ มีแค่ไอ้ยศกับไอ้มหาล้อมเป็นเพื่อนอย่างเคย เพราะจนถึงตอนนี้เขาก็ยังจำหน้าเพื่อนคนอื่นไม่ได้อยู่ดี



            “ผมว่าคุณต้นเงียบไว้จะดีกว่านะครับ” และก็เป็นบุญล้อมที่เอ่ยเตือนต้นขึ้นมาด้วยความหวังดีจากใจจริง เพราะนอกจากตนกับยศแล้วก็ไม่มีใครรู้เลยว่าโซ่คือหลานชายเจ้าของค่ายมวยที่ถูกฝึกมาตั้งแต่จำความได้ และที่สำคัญเลย เห็นท่าทางสุขุมเยือกเย็นแบบนี้ แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวนั้นใจร้อนยิ่งกว่าไฟ พร้อมที่จะเผาผลาญทำลายทุกอย่าง ถ้าหากว่าตบะแตกขึ้นมาละก็ คำว่านรกแตกยังน้อยไป โดยเฉพาะกับพวกที่ปากมากชอบพูดจากสอดเสียดไปทางดูถูกเหยียดหยามเจ้าตัวแบบนี้ เขาเคยเห็นมาแล้วกับตา และจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้



            บุญล้อมคนนี้ก็แค่ไม่อยากให้เพื่อนทำบาปด้วยการกระทืบปากหมาเท่านั้นเองครับ



            “ทำไมวะ? หรือว่ารับความจริงไม่ได้? เห็นไม่เล่นกับเพื่อนกูก็คิดว่าไม่ใช่แนวนี้ ที่ไหนได้ ไปคว้าเอาลูกเสี่ยตัวท็อปไอ้เหี้ยพอร์ชโน่น…นิ่งๆอย่างนี้เลือกเหยื่อเก่งนะมึง” ต้นยังคงดูแคลนโซ่อย่างสนุกปาก เพราะก่อนหน้านี้โซ่เพิ่งจะปฏิเสธเพื่อนซี้ต่างแผนกของต้นที่เข้ามาจีบตัวเองด้วยฝ่าเท้าไปหมาดๆ



            “หยุดเถอะนะครับคุณต้น ถ้าไม่ชอบหน้ากันก็ต่างคนต่างอยู่เถอะนะครับ” บุญล้อมเริ่มอยู่ไม่ติดที่ ก้าวขึ้นมายืนขวางหน้าต้นไว้ เมื่อเห็นแววตาของโซ่เริ่มประกายความแข็งกร้าวขึ้นมา



            “ไงวะ? ที่มาด้วยกันน่ะ เพราะมันรวยหรือมึงลีลาดีจนมันติดใจกันแน่วะ…กูโคตรอยากรู้เลย…เผื่อจะขอแจมด้วยสักคน”



            ปึก! โครม!



            สิ้นสุดคำพูดที่แสนดูหมิ่นนั้น ร่างสูงใหญ่ของต้นก็ถูกถีบกระเด็นไปติดชิดติดผนังห้องด้วยฝ่าเท้าหนักๆของโซ่ แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะดูเหมือนว่าไฟในตัวโซ่จะถูกจุดจนติดแล้ว เขาเดินเข้าไปกระทืบซ้ำๆตรงกลางอกของต้นอย่างที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งรับ ทั้งเตะทั้งถีบไปที่สีข้าง ประหนึ่งว่าต้นนั้นเป็นเพียงลูกบอลหรือไม่ก็กระสอบทรายไร้ชีวิตที่ไม่ต้องสนว่าจะเป็นหรือจะตาย ขอแต่เอาเลือดชั่วๆออกจากปากหมาๆของมันให้ได้ก็พอ ให้สมกับที่มันดูถูกเขาไว้



            “อย่ารุมนะครับ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าบุญล้อมคนนี้ไม่เตือน” บุญล้อมตะโกนห้ามออกมาเมื่อเพื่อนๆในกลุ่มของต้นทำท่าจะกรูกันเข้าไปช่วยเจ้าตัวรุมทำร้ายโซ่ โดยที่มีเพื่อนคนอื่นๆที่ไม่เข้าพวกกับต้นเพราะเกลียดความกร่างของเจ้าตัวช่วยมายืนเป็นโล่ป้องกันให้อีกแรง ทำให้ช่างไฟปีหนึ่งห้องสองนั้นถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งนั้นยังซื่อตรงกับต้นไม่เปลี่ยนแปลง แต่อีกฝ่ายกลับยืนหยัดที่จะปกป้องโซ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะปกติแล้วคนที่เหลือจะเป็นพวกต่างคนต่างอยู่ ภายใต้กฎเกณฑ์เพื่อนร่วมห้องที่ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันมากกว่า เหมือนกับให้รู้ว่าไอ้นี่คือเพื่อนเรา รุ่นเรา ห้องเราประมาณนั้น ต่างจากพวกของต้นที่เหนียวแน่นหนึบ เฮไหนเฮนั้น เกาะกลุ่มกันกร่างเก๋าไปทั่ว



            ปี๊ด~ ปี๊ด~



            “หยุด! หยุด~”



            ในขณะที่โซ่กำลังจมปักอยู่กับการกระทืบปากของต้นอยู่นั้น อาจารย์ฝ่ายปกครองที่มีนกหวีดเป็นอาวุธประจำตัวก็โผล่เข้ามาห้ามอย่างที่ไม่มีใครรู้ว่าแกนั้นมาได้ยังไง แต่ถ้าจะให้เดาก็คงจะมีใครสักคนที่ผ่านมาเห็นแล้วก็วิ่งแจ้นไปบอกแกนั้นแหละ เพราะตึกนี้เป็นตึกสามัญที่มีนักศึกษาทุกแผนกหมุนเวียนเปลี่ยนกันเข้ามาเรียนวิชาพื้นฐานอย่างเช่นอังกฤษ วิทย์ คณิต ไทย อะไรประมาณนั้น



            “หยุด! ผมบอกให้คุณหยุดไม่ได้ยินหรือไงนักศึกษา!” ครั้งนี้อาจารย์ฝ่ายปกครองตะเบ็งสุดเสียง และก็เหมือนจะได้ผล เมื่อโซ่ชะงักเท้าถอยกลับออกมายืนนิ่งอยู่ข้างร่างไร้สติของต้น



            “กรุณาตามผมไปที่ห้องปกครองเดี๋ยวนี้เลยคุณไอศูรย์ ส่วนพวกคุณที่เหลือก็พาเพื่อนที่เจ็บไปห้องพยาบาลด้วย” อาจารย์เรียกชื่อจริงของโซ่ตามรอยปักบนเสื้อช็อปที่โชว์เด่นหราอยู่บนอกด้านขวา



            “แต่เพื่อนผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะครับอาจารย์” บุญล้อมเดินตามมาแก้ต่างให้กับโซ่ ต่างจากเจ้าตัวที่ทำเพียงแต่เดินตามอาจารย์ฝ่ายปกครองไปเงียบๆ



            “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ในการสอบถามและพิจารณาของผมก็แล้วกันคุณบุญล้อม ส่วนคุณน่ะกลับไปเรียนได้แล้ว” อาจารย์ฝ่ายปกครองตอบกลับบุญล้อมด้วยท่าทางสงบนิ่ง ก่อนที่จะเอ่ยไล่ และเดินนำโซ่ไปที่ห้องฝ่ายปกครอง

..

..

..

            “ข่าวใหญ่โว้ยข่าวใหญ่!” ในขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มหัวเกรียนจอมทะเล้นที่เปรียบเสมือนสำนักข่าวเคลื่อนที่ประจำแผนกช่างไฟ ก็ร้องตะโกนหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องภูมิศาสตร์ที่เป็นวิชาแรกของวัน



            “น้องขิมแฟนมึงเขาหนีไปตีฉิ่งรึไงไอ้แว่นมึงถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้” พอร์ชตะโกนแหย่เพื่อนอย่างที่ชอบทำ เพราะแฟนสาวของแว่นเป็นนักเรียนโรงเรียนนาฏศิลป์ที่เรียบร้อยที่สุดเท่าเขาเคยเจอมาเลย



            “ทำเป็นปากดีไปไอ้พอร์ช เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับมึงโดยตรงเลย” แว่นแหวกฝูงเพื่อนเดินเข้ามานั่งเหนื่อยหอบอยู่ตรงหน้าพอร์ช เพราะรีบวิ่งหนีไอ้พวกช่างไฟที่อยู่ฝั่งโน้นมา หลังจากไปซุ่มแอบดูอยู่นาน เพราะตึกที่พวกเขาเรียนอยู่มันเป็นตึกแฝดที่เชื่อมอยู่กับตึกที่ไอ้พวกช่างเรียนอยู่ แล้วถ้าไม่นับทางเชื่อมนะสามเมตรที่กั้นกลางเนี่ยนะ ก็ถือว่าอยู่ห้องติดกันเลยล่ะ



            “เกี่ยวอะไรกับกูวะ?” พอร์ชถามอย่างไม่เข้าใจ



            “ก็เมื่อเช้ามึงมาวิลัยกลับใครล่ะ” แว่นถามกลับ



            “ไอ้นิ่ง? เกี่ยวอะไรกับมันว่ะ” เอาจริงๆตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกมาจนถึงตอนเขายังไม่รู้เลยว่าไอ้หน้านิ่งที่เขาไปยึดไอพอดมันมาชื่ออะไร รู้แต่ว่ามันอยู่ห้องสองช่างไฟ เลขที่เจ็ด เพราะตอนเข้าแถวมันอยู่ถัดจากเขาที่อยู่ในตำแหน่งเลขที่หก จะให้คนไปถามชื่อมันก็ไม่ได้ เพราะช่างยนต์กับช่างไฟ แค่เดินสวนกันก็แทบจะกระโดดกัดคอกันตายอยู่แล้ว อีกทั้งไอ้นิ่งมันยังเป็นคนเก็บตัวมาก จนเขาไม่สามารถไหว้วานเพื่อนที่อยู่ต่างแผนกให้ไปสืบหาได้เลย ถามใครก็ไม่มีใครรู้จักสักคน



            “ก็นั่นแหละ…เพราะมึงนั่นแหละไอ้พอร์ชที่ทำให้ไอ้โซ่โดนวิชัยลากเข้าห้องเย็นไป” แว่นบอก



            “โซ่?” พอร์ชยังไม่แน่ใจนักว่าไอ้โซ่ที่ไอ้แว่นพูดถึงนี้ใช่ไอ้นิ่งอย่างที่เขาคิดหรือเปล่า



            “ก็ไอ้นิ่งมึงนั่นแหละมันชื่อโซ่…จะจีบเขาแล้วยังไม่รู้จักชื่อเขาอีกเนาะเพื่อนกู” แว่นว่า



            “แล้วไงวะ ทำไมมันถึงโดนวิชัยลากเข้าห้องเย็นได้ล่ะ” พอร์ชถามต่อนิ่งๆ เพราะเป็นเรื่องปกติมากสำหรับเด็กช่างที่จะโดนเรียกไปฝ่ายปกครองหรือที่พวกเขาเรียกติดปากว่าห้องเย็น แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องทรงผมและแต่งตัวผิดระเบียบเสียมากกว่า น้อยครั้งที่จะเป็นเรื่องทะเลาะวิวาท เพราะเด็กเทคนิคที่นี่ไม่นิยมตีกันที่วิลัย แต่นัดเจอกันข้างนอกได้ทุกเวลา



            “ก็ไอ้เหี้ยต้นน่ะมันไปแซวไอ้โซ่เรื่องที่ซ้อนรถมากับมึงเมื่อเช้า แต่มึงก็รู้ว่าปากหมาๆอย่างไอ้ต้นมันไม่ได้แซวบ้าบอเหมือนอย่างที่พวกเราเล่นกัน แต่ไอ้เหี้ยนั่นมันพูดประมาณว่าเพราะมึงเป็นลูกป๋า ไอ้โซ่มันก็เลยทิ้งใครสักคนมาเกาะมึงอะไรอย่างนี้ไง ก็เลยโดนส้นตีนเข้าให้ แล้วกว่าวิชัยจะมา…ไอ้เหี้ยต้นก็สลบคาตีนไอ้โซ่ไปตั้งนานแล้ว” แว่นพูดเล่าออกมาเป็นฉากๆ จากตอนแรกที่พอร์ชว่าจะไม่สนใจเพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องซุบซิบเหมือนอย่างทุกที แต่กลับกลายว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้มากโข



            จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเข้ามาสอน แต่หากพอร์ชไม่อาจปล่อยวางความคิดออกจากเจ้าของไอพอดที่อยู่ในมือได้เลย



            “เป้ๆ กูขอยืมหูฟังหน่อยดิ” สะกิดเรียกเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆกัน เพราะเป้เป็นพวกชอบเล่นเกมส์จึงมักจะมีหูฟังโทรศัพท์ติดตัวมาเป็นประจำ



            พอได้หูฟังมา พอร์ชก็เลิกสนใจสิ่งรอบข้างไปในทันที ไม่สนแม้กระทั่งอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้อง ปล่อยอารมณ์จมไปกับสารพัดเพลงกล่อมเด็กในไอพอดของโซ่



            จนกระทั่ง…



ถ้าฉันหายไปจากชีวิตเธอ จะเสียใจบ้างรึเปล่า จะถามหาใจฉันคืนมาไหม อยากรู้

อยากลองถามใจเธอดูว่ามีฉันอยู่ ยังแคร์ฉันอยู่ บ้างไหม

หลายครั้งฉันมองแววตาของเธอ ฉันเห็นแค่ความว่างเปล่า ไม่เหมือนสายตาของคนเคยรัก เคยห่วงใย

บางอย่างที่ซ่อนในใจ ถึงเธอไม่บอก ฉันก็รู้สึก อยู่ในใจ

∗ มองตาก็รู้ว่าเธอไม่เหลือเยื่อใย ใจเธอนั้นพร้อมเดินไป กับใครอีกคนที่เข้ามา

บทเธออยากทิ้ง เธอทำได้อย่างเฉยชา สักคำเธอยังไม่พูดมา เธอบอกลาด้วยการที่เงียบไป

สมมุติฉันเองหมดลมหายใจ จากไปไม่ย้อนคืนมา จะมีน้ำตาให้กันบ้างไหม อยากรู้

อยากลองถามใจเธอดูว่ามีฉันอยู่ ยังแคร์ฉันอยู่ สักแค่ไหน

( ∗ ) ( ∗ )

บทเธออยากทิ้งเธอทำได้อย่างเฉยชา สักคำเธอยังไม่พูดมา เธอบอกลาด้วยการที่เงียบไป

ถ้าวันหนึ่งฉันต้องหายไป ไม่แปลกใจถ้าเธอ ไม่มีน้ำตา

(ถ้าฉันหายไป – ธัญญ์ วรดิษฐ์)


            “หืม…มันฟังเพลงปกติเหมือนคนอื่นก็ได้หรอวะเนี่ย” เพราะเสียงร้องทำนองดนตรีคุ้นหูที่ดังขึ้นมาทำให้พอร์ชรู้สึกแปลกใจ เพราะตั้งแต่แรกที่ฟังมา ดูเหมือนว่าในเครื่องของโซ่นั้นจะมีแต่เพลงกล่อมเด็กที่เขารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างคละเคล้ากันไป จนกระทั้งเพลงนี้ดังขึ้นมานี่แหละเขาถึงรู้สึกประหลาดใจ แต่พอลองค้นดูแล้ว ก็เหมือนว่าในคลังเพลงทั้งหมดจะมีแค่เพลงนี้เพลงเดียวที่ไม่ใช่เพลงกล่อมเด็กของเจ้าตัว



            มันเพราะอะไรกันนะ? จู่ๆพอร์ชก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยบุคลิกท่าทางหรือการวางตัว จากที่ที่เห็นและสัมผัสมาไม่กี่ครั้ง ดูเหมือนว่าโซ่จะแตกต่างจากคนทั่วไปที่เขารู้จักอยู่มาก มันมีบางอย่างในตัวของโซ่ที่ดึงดูดและร้องเรียกให้เขาเข้าไปค้นหา เพียงแต่เขายังไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร

..

..

..

            “เป็นยังไงบ้างครับคุณโซ่ อาจารย์วิชัยเขาว่ายังไงบ้างครับ” บุญล้อมที่เพิ่งมีโอกาสได้เจอกับโซ่ในตอนพักกลางวันก็รีบตรงดิ่งเข้ามาถามทันที เพราะตลอดสี่ชั่วโมงที่เรียนอยู่เขาแทบจะนั่งไม่ติดที่เพราะรู้สึกเป็นห่วงไปหมด อีกทั้งโซ่เองก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเองอีกด้วย เขาก็เลยไม่รู้จะติดต่อถามข่าวจากเพื่อนยังไง เพราะปกติแล้วโซ่จะตัวติดอยู่กับยศ มีอะไรเขาก็โทรถามหรือโทรตามโซ่ผ่านยศได้ แต่พอยศไม่มานี่เขารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปอยู่ในยุคโลเทคไร้เทคโนโลยีอย่างไงอย่างงั้นเลย



            “พักการเรียนสองอาทิตย์” เพราะเคยโดนทำทัณฑ์บนไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อตอนเปิดเทอมที่เดินหลงเข้าไปตรงที่เขากำลังตีกันก็เลยโดนหางเลขไปด้วย ครั้งนี้จึงโดนลงโทษด้วยการพักการเรียนสองสัปดาห์พร้อมเรียกผู้ปกครองมารับทราบความผิดของเขา และตาของเขาก็รีบมาทันทีเมื่อถูกทางวิลัยโทรตาม ก่อนที่จะกลับบ้านไปเมื่อพูดคุยกันเสร็จ ซึ่งตอนแรกตาก็จะลากเขากลับไปด้วยเลยนั่นแหละ เพียงเขาอ้างว่าจะอยู่คุยธุระกับเพื่อน แต่ความจริงแล้วเขารอที่จะเอาของของเขากลับคืนเท่านั้นเอง



            “สองอาทิตย์เลยหรอครับ!” บุญล้อมครางเสียงหลง เพราะสำหรับเด็กช่างแล้วแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงที่ขาดเรียนไปก็ทำให้เสียความรู้ไปมากมายทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติที่มีอะไรให้ฝึกฝนและเรียนรู้อีกนับไม่ถ้วน



            “อืม…มีงานอะไรก็เก็บไว้ให้กูด้วยล่ะ” โซ่บอกไว้เพียงแค่นั้นก่อนที่จะลุกเดินออกไป เมื่อเห็นคนที่ตนรอคอยอยู่กำลังเดินตรงเข้ามา



            “ไง~ คิดถึงกันหรอถึงได้รีบเดินมาหาอย่างนี้” พอร์ชยักคิ้วถามอย่างกวนๆ ทำเอาเพื่อนอีกสามสี่คนของเจ้าตัวหัวเราะลั่นเมื่อโซ่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมขยับปากด่าออกมาแบบไม่มีเสียงว่า…ส้นตีน!



            “เอาของกูมา” แบมือกระดิกนิ้วทวงของตัวเองคืน แบบพยายามที่จะไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเสียงหมาเห่าหอนตรงหน้า



            หมับ!



            “ป่ะ! ไปกินข้าวกัน” พอร์ชจับหมับ จูงมือโซ่เดินกลับเข้าไปภายในโรงอาหาร ท่ามกลางสายตาความตกใจของผู้คน โดยเฉพาะแถบสีเสื้อของทั้งคู่ที่เป็นเหมือนสัญญาลักษณ์เตือนให้ทุกคนได้รับรู้ว่าควรถอยห่างให้ไกลที่สุด เพราะพวกมันอยู่ด้วยกันที่ไหนที่นั่น…บรรลัยทุกที!



            ปึก! ผัวะ!



            “ปล่อยกู” เสียงขู่รอดไรฟันของโซ่ที่มาพร้อมกับเสียงลั่นบนร่างกายของพอร์ชที่ถูกโซ่ประทุษร้ายด้วยการตบ ต่อย ทุบ ตี ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการหยอกล้อกันเสียมากกว่า เพราะพอร์ชยังคงตีหน้าเรียบเฉย แต่หากใครได้สังเกตเห็นสันกรามที่เจ้าขบกัดจนขึ้นรูป จะรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าตัวนั้นต้องทนเก็บกลั้นความเจ็บไว้มากแค่ไหน เพราะน้ำหนักมือที่โซ่ซัดลงไปมันไม่ใช่เบาๆเลย



            “อยู่กินข้าวกับกูหมดกูคืนให้แน่…เอากระเพาหมูปนตับสองป้า” พูดบอกกับโซ่ก่อนที่จะหันไปสั่งข้าวร้านประจำของตัวเอง โดยไม่ได้รู้เลยว่าปกติแล้วโซ่ก็สั่งเมนูนี้ที่ร้านนี้เหมือนกัน



            “มึงเอาโค้กเหมือนเดิมนะไอ้พอร์ช” เป้ที่ได้ข้าวแล้วก็จะไปซื้อน้ำต่อก็ไม่ลืมที่จะถามเผื่อเพื่อนอย่างทุกวัน

            “สองเลย เผื่อมันด้วย” ใช้มือที่ว่างหยิบเงินส่งไปให้เพื่อน โดยไม่ลืมที่จะสั่งเผื่อโซ่อีกคน



ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ล็อคแขนโซ่ไว้แน่น ซึ่งต้องใช้แรงมากพอสมควร เพราะโซ่นั้นพยายามที่จะดึงแขนออกอยู่ตลอดเวลา



            “…..” จากที่เคยทุบตีพอร์ช แต่พอเข้ามาในโรงอาหารที่เต็มไปด้วยนักศึกษาและอาจารย์ชายหญิง โซ่ที่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจก็เปลี่ยนมาใช้การหยิกบิดเนื้อข้างเอวของพอร์ชเป็นการระบายความหงุดหงิดแทน



            “อยากหยิกก็หยิกไปเลยนะ แล้วก็อย่าหยุดล่ะ มีแรงเท่าไหร่ก็ใส่ไปให้หมด จะได้รู้สักทีว่ากู ‘อึด’ กว่าที่มึงคิดเยอะ” ถ้าเป็นผู้หญิงหรือเคะน้อยๆคงจะเขินตัวบิดเพราะคำพูดสองแย่สองง่ามที่มาพร้อมสายตาเจ้าชู้วิววับของพอร์ชเป็นแน่แท้ แต่หากคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือโซ่ผู้ซึ่งไม่เคยหลงใหลได้ปลื้มไปกับคารมคมคายของชายใด เจ้าตัวถึงได้ลงแรงบิดลงไปอีกเท่าตัวทำให้พอร์ชหลุดร้องออกมาเสียงดังหลง หมดมาดพี่พอร์ชคนหล่อโคตรเท่ห์ไปโดยปริยาย 





TBC.

ไม่ได้จีบเพื่อครอบครอง หวังจับจองเป็นครอบครัว #คำคมเด็กช่าง #ด้วยรัก

Ps. คนเขียนจะลงวันละตอนอย่างนี้ไปจนกว่าจะตามที่ลงไว้อีกเว็บนึงนะคะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #03 {27/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-12-2017 20:46:03
นี่เริ่มจีบโซ่แล้วใช่ป่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #03 {27/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-12-2017 20:46:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #03 {27/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2017 23:52:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #03 {27/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-12-2017 02:04:14
 :hao4:



ใจเย็น เย๊นนนนนนนนนย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #03 {27/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-12-2017 08:38:13
กว่าจะเป็นแฟนกันพอร์ชไม่ตายเป็นสิบรอบเลยเหรอ?
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #03 {27/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 28-12-2017 11:50:19
พอร์ชเป็นสามีที่ทนมือทนตีนดีเนอะ  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 28-12-2017 18:40:07


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{04}







            “ตกลงแล้วจะไม่บอกกันจริงๆใช่ไหมไอ้โซ่ว่าแกไปต่อยเขาเรื่องอะไร” ยายของโซ่เอ่ยถามเป็นรอบที่ร้อย ในขณะที่เจ้าตัวก็เอาแต่ปิดปากเงียบไม่ยอมบอกใครเช่นเคย



            “ผมไปหาไอ้ล้อมที่วัด ไม่ต้องรอเปิดบ้านนะ” พูดจบก็ผละเดินออกจากบ้านมา โดยที่ไม่ฟังเสียงบ่นเตือนจากคนข้างหลังแม้แต่น้อย



            ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์หลังจากโดนทำโทษด้วยการพักการเรียน ตั้งแต่วันนั้นโซ่ก็ไม่ได้เจอกับตัวป่วนอย่างพอร์ชอีกเลย และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้โซ่รู้สึกดีมากที่ไม่ต้องหงุดหงิดรำคาญใจอะไรกับคนแปลกหน้าแบบนั้น



            “มาแล้วหรอครับท่านโซ่” บุญล้อมเอ่ยทักทายในขณะที่กวาดใบไม้อยู่ตรงลานวันอย่างทุกที เพราะตั้งแต่วันที่โดนสั่งพักการเรียน บุญล้อมก็เป็นธุระจัดการเรื่องการบ้านและรายงานรวมถึงช่วยเล่าและอธิบายถึงงานภาคปฏิบัติที่เพื่อนๆลงมือทำไปแล้วให้ฟังอีกด้วย



            “เบื่อว่ะ” ทิ้งตัวนอนหนุนแขนตัวเองบนแท่นปูนที่หลวงพ่อท่านสร้างล้อมต้นโพธ์ไว้ให้ชาวบ้านที่มาทำบุญได้มีที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ



            “ถ้าอย่างนั้นผมเล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังดีไหมครับ” บุญล้อมทิ้งไม้กวาดลงพื้น แล้วรีบวิ่งเสนอหน้าเข้ามานั่งข้างๆเพื่อน เพราะกำลังคันปากอยากพูดอยู่พอดี



            “ว่ามา” คำตอบที่ได้จากโซ่ทำเอาบุญล้อมตกใจตาโต เพราะน้อยครั้งนักที่โซ่จะยอมฟังเรื่องเล่าที่ออกจากปากของตน ซึ่งส่วนมากมักจะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของคนอื่นทั้งสิ้น



            “หลังจากที่กลับมาเรียนได้สองวัน คุณต้นก็ต้องลากลับไปนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งนะครับ”



            “เพราะกูหรอวะ” โซ่เริ่มเป็นกังวล เพราะกลัวว่าตัวจะเป็นต้นเหตุให้ใครต้องบกพร่องหรือพิการทางด้านใดไปเพียงเพราะความอารมณ์ร้อนของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะโกรธและไม่ชอบใจในสิ่งที่ต้นดูถูกตนไว้ก็จริง



            “ไม่ใช่ครับ” ส่ายหน้าบอกอย่างมีเลศนัย ทำเอาโซ่เริ่มอยากรู้ขึ้นมาบ้าง



            “ใครวะ?”



            “คุณพอร์ชช่างยนต์ครับ”



            “เหี้ย!” โซ่สถบลั่นเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่อยากเกี่ยวข้องมากที่สุดจากปากของเพื่อน



            “ใช่ครับ…คุณต้นน่ะเหี้ยมากๆเลย ไปพูดจาดูถูกท่านโซ่กับคุณพอร์ชลั่นโรงอาหารเลย คุณพอร์ชเขาก็เลยสมนาคุณด้วยส้นตีนให้เป็นของขวัญตอบแทนอย่างดีเลยครับ”



            ป้าบ!



            “กูหมายถึงว่าไอ้เหี้ยพอร์ชนั่นแหละเหี้ย! มาเสือกอะไรด้วย เดี๋ยวพวกแม่งก็เอาไปลือกันแบบมั่วๆอีก แล้วมึงนะไอ้ล้อม มึงเป็นเด็กวัดสวดมนต์นั่งสมาธิถือศีลห้าทุกวันอย่ารึทะลึ่งพูดหยาบคายเลียนแบบพวกกู เดี๋ยวหลวงตาได้ตีตาย” ตบหัวเพื่อนรักดังเต็มแรงอย่างเตือนสติ เพราะไม่อยากให้บุญล้อมหลุดกรอบธรรมเสียคนเพราะตนเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่คำพูดก็ตาม เพอยากจะให้เพื่อนเป็นผ้าขาวในหมู่มารอย่างพวกเขาตลอดไป



            “ดีแล้วครับที่คุณพอร์ชเขาเป็นคนจัดการ ถ้าไม่อย่างนั้นผมกับพวกเพื่อนๆคงจะต้องโดนสั่งพักการเรียนกันทั้งห้องเพราะกระทืบคุณต้นเหมือนอย่างที่คุณพอร์ชโดนแน่เลยครับ” พูดบอกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม จนโซ่อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากออกมาด้วยความหมั่นไส้ แลก่อนที่จะยกมือขึ้นโบกศีรษะเพื่อนรักไปอีกที



            ป้าบ!



            “โอ้ย…ตบกระผมทำไมครับท่านโซ่! ผมพูดเรื่องจริงทั้งนั้น นี่พวกเพื่อนที่ห้องคุยกันไว้ว่า ถ้าคุณต้นยังกล้าโผล่หัวกลับมาเรียน พวกเขาจะพากันกระทืบเสียให้จมส้นตีน!” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่เพื่อนรักผ้าขาวของโซ่ยังแสดงท่าทางด้วยการใช้เท้าเหยียบขยี้ใบไม้ที่พื้นเสียจนแหลกละเอียด



            “อาการหนักนะมึง ศีลที่นั่งท่องจำมาตั้งแต่เด็กแต่เล็กบินหายไปกับสายลมหมดแล้วกระมังครับไอ้คุณบุญล้อม” ส่ายหน้าพูดจาล้อเลียนเพื่อนรักด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย ก็คงจะมีแต่บุญล้อมนี่แหละที่มีบุญ(หรือบาป?)ที่ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของโซ่บ่อยๆ ต่างจากยศที่น้อยครั้งนักที่โซ่จะหยอกล้อพูดคุยได้อย่างเต็มอกเหมือนบุญล้อม แม้ว่าเขาทั้งสามคนจะสนิทและเติบโตขึ้นมาด้วยกันก็ตาม



            “ศีลหายก็ต่อใหม่ได้ครับ แต่จิตใจและความรู้สึกของคุณโซ่กระผมไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลายลงไปได้หรอกครับ” ก็รู้ดีว่าบุญล้อมธรรมะธรรมโมแต่ก็ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็น เพราะเจ้าตัวนั้นมีนิสัยกวนๆ ชอบหลอกด่าคนด้วยคำพูดสุภาพอ่อนน้อมด้วยหน้าซื่อๆ ของมัน จนเพื่อนๆในห้องต่างก็พากันตั้งฉายาให้มันว่า ‘มหาหน้าส้นตีน’ ดีขึ้นมาหน่อยก็ ‘มหาปลอม’ เพราะช่วงหลังเจ้าตัวมันเริ่มหลุดคาแรคเตอร์เด็กวัดของตัวเองไปมากโข



            “กูจะซึ้งดีมั้ยวะ?” แกล้งถามออกไปนิ่งๆ ต่างจากหัวใจที่สั่นระรัว เพราะนานมากแล้วที่ไม่มีใครเข้ามาพูดให้กำลังใจแบบนี้ ส่วนมากจะมีแต่ซ้ำเติมเสียมากกว่า จนบางทีโซ่เองก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองนั้นไร้ค่าเกินไปหรือเปล่า



            “ซึ้งเถอะครับ เพราะไอ้บุญล้อมคนนี้จะดีใจมาก” กระพริบตาปริบๆอย่างออดอ้อน ประหนึ่งว่าตนนั้นเป็นดั่งสาวน้อยน่ารัก



            ป้าบ!



            “พอเถอะมหากูจะอ้วก...ไอ้ห่า” และก็เป็นอีกครั้งที่บุญล้อมโดนโซ่เบิร์ดกะโหลกจนผมกระจาย ข้อหาทำให้คลื่นไส้เพราะสีหน้าและท่าทางอันน่าสยดสยองของมัน

..

..

..

            “ช~ พอร์ช~ ไอ้พอร์ช~ ไอ้ห่าพอร์ช!”



            ปึก!



            “โอ้ยป๋า! ขว้างมาได้ถ้าหัวผมแตกไปเนี่ยใครจะรับผิดชอบ”  พอร์ชร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เพราะโดนคุณป๋าบังเกิดเกล้าลิวแฟ้มเอกสารลอยละลิ่วมาโดนเข้าจังๆที่กลางหัว



            “แล้วใครใช้ให้แกเหม่อล่ะห้ะ! แล้วนี่อะไร? เวลางานมาใส่หูฟังอย่างนี้แล้วถ้าเกิดลูกค้าเข้ามาจะรู้เรื่องกันไหม”  เสี่ยใหญ่เจ้าของร้านก้าวเดินเข้ามาหยิบแฟ้มเอกสารเล่มหนาของตัวเองคืนทั้งยังตำหนิติเตียนลูกชายคนเล็กของตนไปด้วย



            “แหม่ป๋าก็! ผมก็แค่กำลังทดลองเป็นลูกสะใภ้ป๋าเท่านั้นเอง…อยากจะรู้จริงๆว่าตอนนั้นมันกำลังคิดอะไรอยู่” ประโยคแรกก็พูดกับคนเป็นพ่ออยู่หรอก แต่ประโยคสุดท้ายเหมือนว่าจะบ่นกับตัวเองเสียมากกว่า เพราะพอร์ชกำลังทดลองเป็นโซ่หนึ่งวันเผื่อจะเข้าใจได้บ้างว่าตอนที่โซ่นั่งเหม่อโดยมีหูฟังครอบอยู่ที่หูนั้นเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้มีสีหน้าไร้อารมณ์ต่างจากแววตาที่ดูเหงาหงอยเศร้าสร้อยจนน่าสงสารแบบนั้น



            “ลูกสะใภ้อะไร อย่าบอกนะว่าแกมีแฟนแล้ว” เขาถามด้วยสงสัยอยากรู้เป็นที่สุด



            “แหมป๋าก็! ทำตกใจไปได้ หล่อๆแบบผมจะมัวเป็นโสดอยู่ทำไม…น่าเสียดายจะตาย” แสร้งทำจริตบิดเนื้อบิดตัวจนหน้าหมั่นไส้ ก่อนที่จะร้องออกมาเสียงหลง เมื่อโดนคุณป๋าที่เคารพรักเขกกะโหลกเข้าให้



            โป๊ก!



            “จะไม่ให้ฉันตกใจได้ยังไง ทุกทีก็เห็นควงคนนั้นคนนี้ไปทั่วไม่เคยจริงจังกับใครสักคน แล้วทำไมถึงได้คิดจะมีเมียหรือว่าแกเบื่อที่จะเป็นเพลย์บอยแล้ว?” เพราะรู้ดีว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองเป็นยังไงเขาถึงได้ถามออกมาอย่างรู้ทันแบบนี้ ถ้าเป็นรุ่นเขาในวัยเดียวกันกับพอร์ชในตอนนี้มันคงจะเร็วเกินไปที่จะมีแฟนหรือมีเมียเป็นตัวเป็นตน แต่หากสมัยนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ชินตาไปแล้ว และถ้าจะให้ห้ามนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะวัยรุ่นอยู่ในช่วงอยากรู้อยากลองเรื่องรั้นตะแบงละก็เป็นที่หนึ่ง ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ จะพาเตลิดกันไปใหญ่



            “ไม่เบื่อหรอกป๋า เพียงแต่ตอนนี้ผมเจอคนที่น่าสนใจมากกว่าสาวๆพวกนั้นก็เท่านั้นเอง” พอร์ชบอก



            “สนใจ?” เลิกคิ้วถาม



            “ใช่…สนใจมาก” พยักหน้าตอบลากเสียงยาว



            “เดี๋ยวก็ไม่พ้นคืนเหมือนเดิม เจ้าชู้อย่างแกหยุดอยู่กับใครได้ไม่นานหรอก…อย่างมากก็ไม่เกินสามวัน” ไม่ใช่ว่าจะดูถูกนะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเพราะเขาคนนี้รู้ดีว่าลูกชายคนเล็กของตนที่มองเรื่องความรักเป็นเรื่องฉาบฉวยไม่เคยครบใครจริงจังสักคน ต่างจากพี่ชายทั้งสองคนของเจ้าตัวที่มีรักมั่นคงและจริงจัง ไม่เคยที่จะล้อเล่นกับความรักเหมือนพอร์ชเลยสักนิด



            “โธ่ป๋า~ โคตรดูถูกกันเลยว่ะ” พอร์ชโอดครวญ



            “พอเลยๆ เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วเอาเอกสารนี่ไปให้หลวงพ่อที่วัดแทนฉันที แล้วก็อย่าลืมบอกท่านล่ะว่าขาดเหลืออะไรให้โทรไปสั่งกับเฮียส่งได้เลย แล้วเดี๋ยววันศุกร์เย็นๆฉันจะเข้าไปตรวจดูรายละเอียดทีเดียวเลย” เขายื่นซองเอกสารสีน้ำตาลที่ข้างในเป็นรายละเอียดของวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างเกี่ยวกับการบูรณะซ่อมแซมศาลาการเปรียญที่หลวงตาที่วัดไหว้วานให้พ่อของพอร์ชช่วยเป็นธุระจัดการให้ เพราะเสี่ยใหญ่รู้จักคนมากและค่อนข้างกว้างขวางในระดับที่พอจะช่วยบอกบุญต่อไปได้อีกหลายไกล



            “เรื่องซ่อมศาลาหรอป๋า” พอร์ชถาม



            “เออ รีบๆไปได้แล้ว เดี๋ยวเย็นย่ำแล้วหลวงพ่อท่านจะได้พักผ่อน”



            “ค่าจ้างล่ะป๋า” กระดิกนิ้วแบมือขอค่าเสียเวลาด้วยท่าทางกวนโอ้ย



            “เดี๋ยวนี้ใช้นิดใช้หน่อยไม่ได้เลยนะไอ้พอร์ช…คิดเงินทุกอย่าง” ถึงปากจะบ่น แต่เขาก็ควักเงินในกระเป๋าสตางค์ให้ลูกชายไปจำนวนหนึ่ง



            “ช่วยไม่ได้ ทีป๋ายังไม่ยอมให้ผมผลัดจ่ายค่างวดรถเลย ทวงตรงเป๊ะตลอด” ได้ทีพอร์ชก็พูดประชดเข้าให้ เพราะเจ้าตัวมักจะโดนคุณป๋าที่เคารพตามทวงค่างวดรถเป็นประจำอยู่ทุกเดือน และต้องหาเก็บเงินผ่อนรถด้วยตัวเอง ไม่ได้มีพ่อแม่คอยปนเปรอทุกอย่างให้ที่ใครเข้าใจ



            จริงอยู่ที่ครอบครัวของเขามีฐานะความเป็นอยู่ที่เรียกว่าสุขสบาย มีกินมีใช้ไม่เคยขาด แต่ทุกอย่างล้วนแล้วก็ต้องแรกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของป๋าและแม่ที่อดรนทนลำบากช่วยกันทำงานเก็บเงินมาตั้งหลายสิบปี กว่าจะมีได้อย่างทุกวันนี้ เพราะอย่างนั้นเขาและพี่ๆจึงต้องเฝ้าร้านทำงานแรกเงินเพื่อสิ่งของที่ตัวเองอยากจะได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่งานที่ว่ามันไม่ได้ไปไหนไกล แต่ต้องอยู่ช่วยป๋ากับแม่เฝ้าร้านทำงานเอกสาร ซ่อมรถ หรือไม่ก็ออกไปส่งรถในที่ไกลๆ มีแค่เขาคนเดียวก็ครอบคลุมทั่วทุกงาน หรือจะเรียกว่าเบ้ประจำบ้านก็ไม่ผิด แต่ก็อย่างที่เห็น เวลาของเขามักเป็นเงินเป็นทอง ใครอยากเรียกใช้ทำงานที่นอกเหนือจากงานประจำก็ได้ แต่ต้องจ่ายหนักหน่อยนะ เพราะถ้าค่าจ้างไม่ถึงมันก็ไม่คุ้มที่จะทำ

..

..

..

            “หึๆ ได้เวลาสนุกแล้วสิ” บุญล้อมที่กวาดลานวัดอยู่ไม่ไกลจากที่โซ่นอนหลับตาฟังเพลงอยู่ที่เดิมพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นหัวโจกช่างไฟขี่ดูคาติสีแดงคู่ใจของเจ้าตัวเข้ารั้ววัดมาแต่ไกล แต่โซ่ยังคงนอนหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นเดิม



            “หลวงตาอยู่ไหมว่ะมหา” พอร์ชหยุดรถเปิดกระจกหมวกกันน็อคถามหาหลวงตากับบุญล้อมที่ตั้งท่ารออยู่ก่อนแล้ว



            “หลวงตากำลังเตรียมตัวสวดมนต์ทำวัดเย็นในโบสถ์ครับ” บุญล้อมบอกอย่างไม่มีการขัดเขิน เพราะเขาไม่เคยคิดว่าพอร์ชหรือแก๊งช่างยนต์เป็นศัตรูและไปวิ่งไล่ต่อยตีกันเหมือนอย่างที่เพื่อนๆทำ เพราะไม่มีเหตุผลใดๆที่ต้องทำอย่างนั้น อีกทั้งยังดูไร้สาระเกินไปด้วย



            “เออๆ ขอบใจว่ะ” พูดบอกขอบคุณเสร็จพอร์ชก็ตั้งท่าเตรียมตัวจะขี่รถไปยังจุดหมายปลายทางต่อ แต่ติดที่ถูกบุญล้อมเรียกรั้งไว้เสียก่อน



            “ไม่อยู่คุยกันสักหน่อยหรอครับ” บุญล้อมถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์



            “เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แล้วอีกอย่างคือกูรีบครับไอ้หมา!” พอร์ชว่า



            “ผมก็ไม่ได้บอกว่าอยากจะคุยกับคุณพอร์ชสักหน่อยนิครับ…หมายถึงคนนั้นต่างหาก” ใช้นิ้วหัวแม่มือชี้ไปทางด้านหลังของตัวเอง



            “ไอ้นิ่ง?” พอร์ชถึงกลับต้องถอดหมวกกันน็อคออกดูว่าตนนั้นไม่ได้มองผิดไป



            “ใช่แล้วครับ นั่นคือท่านโซ่ของกระผมเอง และในขณะนี้ท่านโซ่ก็กำลังอยู่ในห้วงนิทราเหมาะที่จะสร้างบรรยากาศที่สุด” นำเสนอประหนึ่งว่าโซ่เป็นตัวอะไรสักอย่างที่เจ้าตัวกำลังจัดแสดงรอให้พอร์ชมาชม



            “มึงต้องการอะไร” พอร์ชหรี่ตามองบุญล้อมอย่างจับผิด เพราะตัวเขาไม่ได้รู้จักกับบุญล้อมเป็นการส่วนตัว และช่างยนต์กับช่างไฟก็เป็นอริกันมานาน เรียกได้ว่ามองไปทางไหนแทบจะเป็นไปได้เลยที่ไอ้คนตรงหน้านี้มันจะมาทำดีกับเขาแบบที่ไม่หวังผลตอบแทน



            “ผมแค่ต้องการให้ท่านโซ่ของผมมีความสุขก็เท่านั้น ส่วนนี่เสี่ยใหญ่ฝากมาใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมเอาไปให้หลวงตาเอง ตอนนี้ก็จะค่ำแล้ว ยังไงฝากคุณพอร์ชไปส่งคุณโซ่ด้วยนะครับ” อธิบายเป็นขั้นเป็นตอนตามลำดับ ทั้งถือวิสาสะหยิบฉวยซองเอกสารที่เหน็บอยู่หน้ารถของพอร์ชมาถือไว้เอง ก่อนที่จะผละเดินออกไป โดยไม่ลืมที่จะพูดย้ำให้พอร์ชไปส่งโซ่ด้วย



            “อะไรของมันว่ะ” แม้จะยังมึนงงอยู่กับคำพูดของบุญล้อมอยู่ แต่พอร์ชก็ดับเครื่องจอดรถและเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆกับโต๊ะหินที่โซ่นอนอยู่ดี



            “มึงมีเรื่องเครียดอะไรนักหนาว่ะไอ้นิ่ง ถึงได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลา ไม่พ้นแม้กระทั่งตอนนอนแบบนี้” ย่อตัวนั่งยอง จ้องมองหน้าโซ่อย่างสำรวจ นิ้วเรียวยาวเกลี่ยไปตามรูปคิ้วทั้งสองข้าง ลูบไล้ไปมาตามแพรขนตาหนา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากได้รูป



            “ถ้ามึงยังไม่หยุดกูกระทืบแน่” เสียงนิ่งๆดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบของลานวัดที่ไร้ผู้คน ไม่มีแม้แต่หมาแมวมาวิ่งเล่นให้วุ่นวาย



            “ว้า…กูยังไม่ทันได้จูบเลย มึงจะรีบตื่นขึ้นมาทำไมวะ” พอร์ชแสร้งทำเป็นถอนหายใจด้วยท่าทางยียวนกวนประสาททั้งที่ในใจก็แอบเสียดายอยู่ไม่น้อย



            “จูบตีนกูนี่ไง” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่ยังส่งฝ่าเท้าที่ว่างเปล่าของตัวเองเข้าไปประทับอยู่บนใบหน้าของพอร์ชอย่างที่พูดจริงๆ



            “เหี้ย!” พอร์ชปัดขาโซ่ออก



            “ก็รู้ตัวนิ” ใส่รองเท้าเสร็จก็ลุกเดินหนีพอร์ชทันที



            “เอาตีนนาบหน้ากูแล้วจะหนีไปง่ายๆอย่างนี้เนี่ยนะ” พอร์ชคว้าแขนโซ่ไว้



            “ก็อย่ามาเสือกกับกูสิ” พูดจบก็สะบัดตัวเดินหนีไปอีกครั้ง แล้วก็เป็นเหมือนกับเมื่อกี้ที่พอร์ชไม่ยอมปล่อยให้หนีกลับไปง่ายๆ



            “โทษที แต่กูอยากเสือก” ลอยหน้าลอยตาตอบด้วยท่าทางกวนอารมณ์



            “มึงจะเอายังไง?” ในที่สุดโซ่ก็ทนไม่ได้ หันมาเผชิญหน้ากับพอร์ชอย่างเอาเรื่อง



            “เอา…มึง”







TBC.

ไม่สนุกหรอคะ? เงี๊ยบเงียบ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 28-12-2017 20:27:03
สนุกครับผมติดตามอยู่ตลอดเข้ามารอทุกวันแต่ไม่ได้คอมเมนท์เฉยค้าบรอนะค้าบบบ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-12-2017 21:59:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 29-12-2017 00:10:26
เดี๋ยวๆพอร์ช นี่วัดนะ ต้องกลับบ้านก่อนสิ? อ้าวไม่ได้กรอ 555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-12-2017 00:28:19
อูย.... คุยกันไม่กี่คำ เท้าก็ถึงหน้าแล้ว  :jul3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 29-12-2017 12:22:54
ชอบอ่ะ
มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-12-2017 19:59:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 29-12-2017 22:26:38
มันส์ ๆ ติดตามๆ ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #04 {28/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-12-2017 00:08:44
ชอบโซ่~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #05 {30/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 30-12-2017 00:59:43


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{05}







            “เอา…มึง” สองคำสั้นๆที่ออกมาจากปากพอร์ชทำเอาโซ่รู้สึกหัวร้อน โกรธจนตัวสั่น



            ปึก!



            “เอาตีนกูไปกินก่อนแล้วกัน” ประทับฝ่าเท้าเข้าหน้าพอร์ชเหมือนด้วยแรงที่มากกว่าเดิมสิบเท่า ทำเอาพอร์ชหน้าหงายไปเลย ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปเตรียมที่จะกระทืบซ้ำ แต่พอร์ชเองก็รู้ทัน คว้าข้อเท้าของโซ่ไว้เสียก่อนที่จะกระตุกลากให้โซ่เสียหลักหงายลงไปนอนกับพื้น ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อมทับไว้อีกทีด้วยความเร็วแสง



            “ไม่ได้แดกกูหรอกครับน้องนิ่ง” พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มโซ่เข้าฟอดใหญ่ ก่อนที่จะโดนจิกผมรั้งหัวจนหน้าตึง



            “มึงไม่ได้ตายดีแน่!” กัดฟันกรอดด้วยความโกรธที่พุ่งถึงขีดสุด ประเคนหมัดรัวใส่พอร์ชไม่ยั้ง พอร์ชเองก็ใช่ว่าจะยอมแพ้ แม้ว่าโซ่จะเป็นคนที่ตนชอบ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้ทำร้ายกันได้ง่ายๆ กำหมัดชกสวนกลับไปไม่น้อย ซึ่งก็โดนมั่งไม่โดนมั่ง ผลัดกันต่อยคนละหมัดสองหมัด จนกระทั่งพระอาจารย์ที่วัดมาเห็นเข้านั่นแหละ ถึงได้ยอมหยุด และแยกย้ายกันไปทางเดียวกัน(?) ออกจากวัดได้โซ่ก็เดินเลาะริมน้ำไปเรื่อยตามอารมณ์ ไม่ได้ตรงกลับบ้านอย่างที่รับปากกับพระอาจารย์ไว้ ส่วนพอร์ชเองก็หน้ามึน เดินเข็นรถตามโซ่ไปเงียบๆเหมือนกัน



            มันคงจะเป็นภาพที่น่าตกใจน่าดูสำหรับผู้คนที่ได้พบเห็น เด็กวัยรุ่นสองคนที่หน้าตาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการชกต่อยมาเดินตามกันต้อยๆไปตามริมน้ำน่านที่ยังมีผู้คนหลากเพศหลายวัยพากันมาออกกำลังกาย หรือไม่ก็ยังนั่งเล่นพูดคุยกันอยู่ไม่น้อย



            โซ่ปีนขึ้นไปเดินตามขอบกำแพงกั้นริมแม่น้ำบริเวณที่เงียบสงบไร้ผู้คน หลับตา เงยหน้าขึ้นฟ้า สูดลมหายใจเข้าปอด กางแขนออกกว้าง ปล่อยจิตที่วุ่นวายไปกับสายลมและเสียงเพลงที่เปิดกล่อมตัวเองมานาน



            ชีวิตที่สงบเงียบเรียบง่ายของเขาเริ่มวุ่นวายมากขึ้นทุกวัน ตั้งแต่พอร์ชเสนอหน้าเข้ามาทักทายเขาด้วยท่าทางกวนประสาทของมัน ทำให้เขาหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เจอหน้า โดยเฉพาะสีหน้าและท่าทางที่สุดแสนจะมั่นใจในยามที่มันบอกว่าจะเอาเขาเมื่อกี้ ไหนจะตอนที่มันหอมแก้มเขาอีกล่ะ…มันน่ากระทืบให้จมตีนนัก!



            พรึ่บ! หมับ!



            “มึงทำเหี้ยอะไรห้ะ!” อยู่ดีๆโซ่ก็รู้สึกเหมือนถูกดึงดิ่งลงเหว ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาพบว่าต้นเหตุที่ทำให้ตนรู้สึกแบบนั้นคือคนๆเดียวกับที่ตนกำลังนึกถึงอยู่



            “ถ้าอยากตายก็มาตายบนอกกูนี่อย่าคิดสั้น!” รู้ตัวอีกทีโซ่ก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของพอร์ชเป็นที่เรียบร้อย



            “มึงสิตาย! เลือกยุ่งกับกูสักทีได้ไหม” เส้นเลือดตรงขมับตอดตุบๆ เหมือนว่าใกล้จะระเบิดเต็มที



            “ไม่ได้” พอร์ชบอก



            “ทำไม?” โซ่ถาม พยายามที่จะบิดตัวหนีออกจากพอร์ช แต่ไอ้บ้านี่ก็เกาะแน่นเป็นตุ๊กแก



            “กูบอกแล้วไงว่ากูจะเอามึง ในเมื่อกูยังไม่ได้มึงมันก็เหมือนว่ายังไม่บรรลุเป้าหมาย เพราะฉะนั้นกูก็จะเป็นเงาตามติดมึงไปอย่างนี้แหละ” โซ่ถึงกับกำหมัดแน่ หลับตาสะกดกลั้นอารมณ์โกรธให้จมดิ่ง ความรู้สึกเดิมๆที่เคยฝังอยู่ในจิตใจเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาจนเกิดน้ำตา



            “เอาสิ” พูดบอกออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ ต่างจากพอร์ชที่ตกใจตาโตอ้าปากค้างไปแล้ว



            “มึงหมายความว่าไง?” พอร์ชถามอย่างไม่เข้าใจ



            “ถ้าอยากได้ตัวกูนักก็เอาสิ! จะตรงนี้หรือตรงไหนก็ได้เอาให้จบๆไปเลย จะได้เลิกวุ่นวายกับชีวิตกูสักที…เอาสิ!” โซ่กระชากหูฟังที่แสนรักทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ผลักพอร์ชห่างแล้วถอดเสื้อตัวเองออก เหมือนเตรียมพร้อมที่จะทำอย่างปากพูดจริงๆ ในขณะที่น้ำตาก็รินไหลไม่ขาดสาย



            “มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย” พอเห็นโซ่เป็นอย่างนี้พอร์ชเองก็ทำอะไรไม่ถูก เรียกว่าไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว เมื่อคนที่เคยเห็นว่าสงบนิ่งทุกเหตุการณ์หลุดอาละวาดทั้งน้ำตาแบบนี้



            “จะเอาไม่เอา!” กระชากคอเสื้อพอร์ชเข้ามาถาม



            “มึงเป็นแบบนี้ยังคิดว่ากูจะเอาลงรึไง!” พอร์ชตะคอกกลับเสียงดังไม่ต่างกัน



            “พวกแม่งก็เป็นแบบนี้! อยากให้กูเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ พอไม่ได้อย่างที่หวังก็มาโทษกู! ไม่เห็นมีใครถามกูสักคำว่ากูคิดยังไง รู้สึกยังไง โอเคไหมกับสิ่งที่เป็น…สัส!” ผลักอกพอร์ชออกห่างอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังเดินหนีไปทั้งอย่างนั้น สบถด่ากับตัวเองไปตลอดทาง น้ำตาที่รินไหลออกมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ฝนเจ้ากรรมยังเทลงมาซ้ำ เหมือนว่าฟ้าจะสมน้ำหน้ากัน



            ครืด~ ครืด~ เปรี้ยง!



            พอร์ชที่ยังช็อคอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรีบก้มลงเก็บหูฟัง ไอพอด และเสื้อยืดที่โซ่ถอดทิ้งไว้ขึ้นมา เมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำฝนที่ตกรดตัว ขี่รถลัดเลาะกลับไปตามทางเดิมที่มา มองหาตัวขาวๆเจ้าของเสื้อในมือ ท่ามกลางฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ ตกหนักขึ้นทุกที ไหนจะฟ้าผ่าฟ้าร้องสะเทือนเลื่อนลั่นดังเปรี้ยงป้างแบบไม่มีหยุดนี่อีกล่ะ…มันไม่น่ากลัวไปหน่อยหรอ?

..

..

..

            ครืด~ ครืน~ เปรี้ยง!



            เสียงกึกก้องเปรี้ยงปร้างดั่งท้องฟ้าคำรามทำเอาโซ่รีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในบ้านจำลองตรงสนามเด็กเล่นที่กำลังจะเดินผ่านพอดี ทรุดตัวกอดเข่ายกสองมือขึ้นปิดหู หลับตาก้มหน้าตัวสั่นงันงกราวกับลูกนกหลงทาง ภาพความทรงจำครั้งวันวานไหลรินออกมาดั่งสายน้ำวนที่เวียนวกกลับมาสู่จุดเริ่มต้น



            เด็กชายวัยเจ็ดขวบหลบซ่อนตัวอยู่ในมุมตู้เสื้อผ้าด้านใน พยายามที่จะซ่อนตัวเองจากสายฟ้าฟาดที่กระหน่ำลงมาแบบไม่หยุดหย่อน กอดเข่าซุกตัวก้มหน้าปฏิเสธที่จะรับฟังท้องฟ้าคำราม เพราะมันน่ากลัวเกินไปสำหรับเด็กอย่างเขาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวมาหลายวัน



            ‘โซ่! โซ่อยู่รึเปล่า! โซ่! พี่มาแล้วนะ! โซ่!’

..

..

..

            ดูคาติสีแดงเพลิงจอดลงหน้าสนามเด็กเล่นเมื่อสังเกตเห็นเงาที่คุ้นตานั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่อย่างหน้าสงสาร ทั้งที่เขามายืนดูอยู่ตั้งนานแล้ว โซ่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัว ยังคงร้องเรียกใครบางคนที่เขาไม่รู้จักอย่างต่อเนื่อง



            “พี่พล! ช่วยโซ่…พี่พลช่วยโซ่…”



            พอร์ชไม่รู้จะใช้คำพูดใดมาอธิบายกับสิ่งที่ได้เห็นและได้สัมผัสกับโซ่ในช่วงเวลาแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงที่ผ่านมาดี เพราะมันเป็นสองชั่วโมงสั้นๆที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย โซ่ที่เขาได้สัมผัสวันนี้มันไม่เหมือนกับไอ้นิ่งที่เขาได้เห็นอยู่ทุกวัน



            ไอ้นิ่งมัน สงบ เงียบ ไร้อารมณ์ และเหยือกเย็นเป็นที่หนึ่ง



            แต่ไอ้โซ่มันต่างออกไป…



            เก็บกด อ่อนไหว และน่าสงสาร



            สูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาทำสมาธิเรียกสติเข้าร่าง เตรียมพร้อมที่จะสู้รบกับโซ่เต็มที่ แต่พอก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าโซ่แล้ว ความคิดเหล่านั้นก็มลายหายไปในพริบตา ไม่เหลือแล้วคนเก่งที่เคยจูบเขาด้วยฝ่าเท้า กระทืบเขาจนช้ำใน เหลือเพียงเด็กน้อยหลงทางที่ร้องเรียกหาใครสักคนมาเป็นที่พึ่ง ในยามที่จิตใจอ่อนแอ



            “พี่พล” เรียกชื่อใครบางคนแล้วส่งยิ้มให้พอร์ชอย่างจริงใจ รอยยิ้มที่พอร์ชเคยเก็บไปคิดเล่นๆว่าจะได้เห็น แต่ต้องเป็นรอยยิ้มที่เกิดจากตัวเขาเอง ไม่ได้เป็นตัวแทนของใครแบบนี้



            “มึงมีไข้ กลับบ้านกันเถอะ” ย่อตัวใช้หลังมือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของโซ่ที่ขึ้นสูงจนน่าเป็นห่วง คนที่กำลังมึนงงไม่ได้สติเพราะพิษไข้พยักหน้าลุกเดินตามอย่างว่าง่าย



            สองมือจับจูงกันไปตามทางเดินแคบๆที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่น หนทางที่แสนสั้นนั้นยาวไกลกว่าที่เคยเป็นเพราะคนที่เดินตามหลังมาแทบไม่เหลือแรงเดิน



            “ขึ้นไปนั่งก่อน” พอร์ชช่วยดันตัวคนป่วยขึ้นนั่งทางด้านหลังก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่ตนจะขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ เอี้ยวตัวมาจัดท่าทาง จับสองแขนของคนป่วยมากอดเอวของตัวเองไว้กันตก ถึงได้บิดคันเร่งออกตัวไป



            ปึก!



            “อย่าหลับนะมึง” เพราะสัมผัสหนักๆลงที่กลางหลังทำให้พอร์ชต้องสละมือซ้ายออกจากแฮนด์รถมาจับบังคับสองแขนที่อ่อนแรงของคนข้างหลังไว้ เพราะกลัวว่าโซ่จะหลุดวืดตกรถไป



            “นั่นแกไปมีเรื่องมาอีกแล้วใช่ไหมไอ้พอร์ช!” เสียงตะเบ็งแข่งกับสายฝนพุ่งตรงเข้ามาถามด้วยท่าทางถมึงทึง เพราะเห็นลูกชายที่หน้าตาบวมปูดเดินประคองเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่เปลือยช่วงบนเดินเข้ามาในบ้านอย่างทุลักทุเล



            “เปล่านะป๋า เนี่ยไอ้โซ่มันแค่ไปตากฝนแล้วไม่สบายเท่านั้นเอง” พอร์ชรีบเอ่ยปากแก้ตัวทันที เพราะรู้ตัวดีว่ายังไม่พ้นโทษที่ไปก่อเรื่องจนโดนเรียกผู้ปกครองแถมยังโดนพักการเรียนอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าจะไปมีเรื่องกับโซ่มาจริงๆก็เถอะ



            “นั่นใครเป็นอะไรน่ะเจ้าพอร์ช” แม่ของพอร์ชที่เพิ่งออกมาจากห้องครัวร้องทักเสียงหลง



            “เพื่อนที่วิลัยมันเป็นไข้แต่ไม่มีใครอยู่บ้านอ่ะแม่” โป้ปดออกไปด้วยความรู้สึกผิด เพราะว่าน้อยครั้งนักที่เขาจะโกหกแม่แบบนี้ แต่กับป๋าอ่ะนับไม่ถ้วน



            “ตายๆ แล้วยังจะมาทำใจเย็นยืนคุยกันอยู่ได้! รีบพาเพื่อนขึ้นไปพักบนห้องสิ แม่ขอหายาก่อน เดี๋ยวจะรีบตามขึ้นไป” ปากว่าลูก แต่หันไปฟาดมือใส่คนเป็นพ่อดังป๊าบเป็นการลงโทษที่มัวแต่ยืนคุยไร้สาระกันอยู่ได้ ก่อนที่จะแยกย้ายไปคนละทิศละทาง พอร์ชแบกโซ่ขึ้นห้องไป แม่ไปหายากับอุปกรณ์เช็ดตัว ส่วนพ่อที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ก็กลับไปทำงานตามหน้าที่ตัวเองต่อ



            “เดี๋ยวครบสี่ชั่วโมงก็ปลุกเพื่อนขึ้นมากินยาอีกทีนึงนะพอร์ช ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้นหรือว่าคืนนี้อาการแย่กว่าเดิมแล้วค่อยพาไปให้ลุงหมอตรวจดูอีกที แล้วก็อย่ามัวแต่นอนหลับล่ะพอร์ช พามาแล้วก็ดูแลเพื่อนดีๆ” แม่พอร์ชพูดสั่งในขณะที่กำลังเก็บอุปกรณ์เช็ดตัวของโซ่ที่ให้พอร์ชเป็นคนจัดการเมื่อครู่นี้ ส่วนตัวเธอก็คอยเป็นครูสอนอยู่หน้าห้อง เพราะโซ่โตเกินกว่าที่เธอจะมาเช็ดตัวให้ได้แล้ว



            “แม่พูดเหมือนรู้อะไรเลยเนาะ” พอร์ชแกล้งถาม



            “ก็เพราะฉันเป็นแม่แกไงเจ้าพอร์ช ถ้าแค่นี้ยังมองไม่ออกก็โง่เต็มทีแล้ว” เธอหันมาจ้องตาเผชิญหน้ากับลูกชายคนสุดท้องของตน



            “แล้วแม่ไม่เสียใจหรอ” พอร์ชถาม



            “มีอะไรให้ฉันต้องเสียใจด้วยล่ะ” เธอถามกลับบ้าง



            “ก็ที่ผมจะเป็นอย่างนี้ไง”



            “ถ้าเรื่องที่แกจะเป็นเกย์เนี่ยฉันไม่เคยคิดเสียใจเลยพอร์ช ความจริงแล้วฉันทำใจได้ตั้งแต่เฮียๆแกเขาพาผู้ชายเข้าบ้านมาแล้วล่ะ เหลือแค่แกคนเดียว อยากเลือกยังไงจะเป็นอะไรก็เรื่องของแก แต่แม่ขออย่างเดียวนะพอร์ช อย่าไปตีรันฟันแทงกับใครเขานักเลย เห็นแกหัวร้างข้างแตกมาทีไรฉันล่ะหัวใจจะวายทุกที” เพราะว่าลูกชายคนโตและคนรองต่างก็มีคนรักเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เธอจึงทำใจปล่อยวางเรื่องคู่ชีวิตของพอร์ชไปแล้ว เจ้าตัวจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายยังไงก็ได้ไม่ว่ากัน ขอแค่ลูกมีความสุขก็พอ



            “ขอบคุณครับแม่” ลุกขึ้นไปสวมกอดแม่อย่างอ่อนโยน หัวใจลูกนี้สุดซึ้งที่ได้ยินในสิ่งที่แม่พร่ำสอน



            “แต่แม่ขอเตือนไว้อย่างนะพอร์ช”



            “ครับ?”



            “หัวใจของคนเราน่ะบอบบางยิ่งกว่ากระดาษจับแน่นก็ยับ เปียกน้ำก็ขาด จะทำอะไรลงไปก็คิดไตร่ตรองมองดูสักนิด ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นมันดีต่อเขาและเรารึเปล่า” แม่ของพอร์ชพูดทิ้งท้ายไว้เป็นปริศนาแต่เพียงแค่นั้น ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้พอร์ชคอยอยู่ดูแลโซ่ด้วยตัวเอง เพราะเจ้าตัวเป็นคนพามาเองก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบหน้าที่นี้ไป



            “พี่พล…”



            “กูชักจะเกลียดไอ้พี่พลอะไรของมึงขึ้นมาแล้วสิไอ้นิ่ง…อยู่กับกูแต่เรียกหามันอยู่ได้!” สบถออกมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อได้ยินเสียงคนป่วยเพ้อหาใครคนเดิมซ้ำๆอยู่นานนับชั่วโมง คนที่ทำให้เขารู้สึกเกลียดได้ในทันทีทั้งที่ไม่เคยได้เห็นหน้าคาดตา แต่เป็นเพราะมันออกมาจากปากของคนที่เขาคิดว่าตัวเองกำลัง ‘ชอบ’ ไม่สิ! เรียกว่า ‘ตกหลุมรัก’ ก็ได้แล้วในตอนนี้ เพราะสายตาและรอยยิ้มที่ล่องลอยในยามที่โซ่เอ่ยปากเรียกชื่อของใครคนนั้น แม้ว่าจะเป็นเพราะพิษไข้ก็ตาม แต่พอร์ชสัมผัสได้ถึง ‘ความสำคัญ’ ในทุกอากัปกิริยาที่จิตใต้สำนึกของโซ่สื่อออกมา







TBC.

จิตใจมนุษย์นั้นซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะตัดสินตัวตนใครได้ เพียงเพราะมองเห็นแค่ด้านเดียว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #05 {30/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-12-2017 01:08:26
พี่พลเป็นใคร อยู่หรือตายไปแล้ว  :m21:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #05 {30/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-12-2017 01:20:16
ถึงขั้นสติแตกกันเลย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #05 {30/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 30-12-2017 06:10:35
คุณแม่คือดี

รอตอนต่อๆไปนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #05 {30/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-12-2017 08:16:16
ใครคือพี่พล?
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #05 {30/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 30-12-2017 11:51:36
พี่พลคือใคร? ทำไมถึงมีอิทธิพลต่อโซ่มากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #05 {30/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-01-2018 01:28:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #05 {30/12/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: poonbabor ที่ 01-01-2018 18:25:41
พี่พลคือใครกันนะ ทำไมนิ่งถึงได้เพ้อถึงขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #06 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 01-01-2018 20:15:11


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{06}









            “ใครวะ?” โซ่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืดเพราะแรงบีบรัดของใครบางคนที่
โอบกอดเขาไว้ยาวนานกว่าค่อนคืน



            “ไอ้พอร์ช?” มาตื่นเต็มตาก็ตรงที่ได้เห็นหน้าของผู้ร่วมเตียงชัดๆนี่แหละ



            ภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นก่อนที่จะหมดสติไปไหลเข้ามาเป็นฉากๆราวกับสายน้ำวน
โซ่ไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน และก่อนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างเขาถึงได้มานอนอยู่กับมันอย่างนี้
แต่ที่รู้คือ เขาไม่อยู่รอให้มันตื่นขึ้นมาก่อนแน่ๆ เพราะตอนนี้เขาปวดหัวเกินกว่าที่จะมานั่งทะเลาะ
ต่อยตีหรือเถียงกับใครได้อีกแล้ว…มันเหนื่อยจริงๆ



            แอ๊ด…



            เขาเปิดปิดประตูด้วยความระวังไม่ให้เกิดเสียงดังมากนัก ก่อนที่จะค่อยๆ
เดินลัดเลาะไปตามทางเดินเมื่อเห็นทางลงบันไดอยู่ไม่ไกลจากสายตานัก พอหันมองไปรอบๆ
ถึงได้รู้ว่านี่คือบ้านของพอร์ช เพราะดูจากรูปครอบครัวที่ติดตกแต่งอยู่ตามผนังตั้งแต่ชั้นสี่
จนถึงชั้นสองที่เหมือนว่าจะเป็นเขตแดนส่วนตัวของครอบครัว ส่วนชั้นหนึ่งนั้นแน่นอนว่า
เป็นโชว์รูมรถอย่างที่รู้ๆกัน…ช่างเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉาเสียจริง โดยเฉพาะกับพอร์ชที่
ดูเหมือนว่าจะเป็นศูนย์กลางของครอบครัว เพราะรูปถ่ายที่เขาเห็นนั้นมันมีพอร์ช
เป็นองค์ประกอบหลักอยู่ทุกรูปเลย



            “จะกลับแล้วหรอ” เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง เลยไม่ทันได้รู้ตัวว่า
มีใครบางคนก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของตัวเองได้สักพักแล้ว



            “เอ่อ…ครับ” ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัว โซ่จึงได้แต่หันกลับไปมองเจ้าของเสียง
แล้วตอบคำถามของเขาสั้นๆด้วยคำว่า ‘ครับ’ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร อีกทั้งตอนนี้หน้าตา
เขาคงดูไม่จืด ก็หวังว่าเสี่ยใหญ่เจ้าของบ้านคนนี้จะไม่เข้าใจผิดคิดว่าเข้าเป็นขโมยหรอกนะ



            “แล้วเจ้าพอร์ชล่ะ เราไม่สบายไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ให้มันไปส่งล่ะ” เขาจ้องหน้าถามหา
คำตอบจากเด็กหนุ่มที่ภรรยาเก็บมาเล่าให้ฟังว่าเป็นคนที่ลูกชายกำลังสนใจ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะจริงจังได้สักแค่ไหน



            “ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณที่ช่วยเหลือครับ” โซ่ก้มหัวยกมือไหว้ขอบคุณ
เตรียมตัวที่จะชิ่งหนี เพราะไม่คุ้นชินในการพูดคุยกับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตัวเขา
ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยแบบนี้ด้วยแล้ว มันกดดันเกินไป



            “อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ” เสี่ยใหญ่เอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆที่มาพร้อมกับหน้าดุๆ
ตามสไตล์ตัวเอง ทำเอาโซ่รู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิมอีก



            “ผมว่าไม่…”



            “อ้าว…ตื่นแล้วหรอครับน้องโซ่ ไปทานข้าวเช้ากับแม่ดีกว่าลูก นี่แม่ตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ…
ไปทานข้าวกันค่ะคุณ” ยังไม่ทันที่โซ่จะได้ปฏิเสธแม่ของพอร์ชที่บังเอิญผ่านเข้ามาเห็นสามีคุยกับ
เด็กหนุ่มที่ลูกชายพาเข้าบ้านมาพอดีก็รีบเดินแทรกบทสนทนา ก่อนที่จะเดินจูงโซ่เข้าครัวไปทันที
และไม่ลืมที่จะเรียกให้สามีของตนเดินตามเข้าไปด้วย



            “แล้วนี่เจ้าพอร์ชยังไม่ตื่นอีกหรอ แย่จริงๆเลย เป็นเจ้าของบ้านแล้วมานอนตื่นที่หลังแขก
ได้ยังไงกันนะเจ้าลูกคนนี้…ฤดีช่วยไปตามเจ้าพอร์ชลงมาหน่อยสิ” เธอจัดที่ให้โซ่นั่งข้างกันกับเธอ
พูดบ่นถึงลูกชายคนเล็กไปเรื่อย ก่อนที่จะเรียกแม่บ้านที่ควบตำแหน่งพี่เลี้ยงของลูกๆเธอมาหลายปี
ให้ขึ้นไปปลุกพอร์ชลงมาทานมื้อเช้าด้วยกัน



            “เอ่อ…”



            “ปล่อยมันนอนไปก่อนเถอะ ตื่นเมื่อไหร่เดี๋ยวมันก็ลงมาเอง” เพราะสังเกตเห็นท่าทาง
อึดอัดของเด็กหนุ่ม เสี่ยใหญ่จึงเอ่ยปรามพร้อมกับส่งสัญญาณบางอย่างผ่านสายตาไปให้ภรรยา
ที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายสิบปีได้รับรู้



            “มีลูกใหม่แล้วลืมลูกเก่าแบบผมเลยนะแม่” เสียงของบุคคลที่ดังแทรกเข้ามาท่ามกลาง
มื้ออาหารที่สุดแสนจะอึดอัดใจของโซ่ มันสร้างความลำบากใจให้เขาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเจ้าของ
เสียงอย่างพอร์ชนั้นเดินมายืนเกาะบ่าเขาทางด้านหลัง แล้วยืนคุยกับพ่อแม่ของตัวเองทั้งอย่างนั้น



            “แน่นอนสิยะ เพราะน้องโซ่เขาเรียบร้อยน่ารักกว่าแกเยอะ” แม่ของพอร์ชพูดชมทั้งยังเรียก
โซ่ด้วยคำนำหน้าที่แสนน่ารักน่าเอ็นดูนั่น ทำเอาโซ่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินขึ้นมา เพราะนานมากแล้วที่
ไม่มีใครเรียกเขาด้วยสรรพนามและน้ำเสียงที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนแบบนี้



            “เหอๆ ครับๆ ผมน่ารักสู้น้องโซ่ของแม่ไม่ได้หรอก…ป้าฤดีขอข้าวพอร์ชด้วยครับ” หัวเราะฝืดๆ
กับคำว่าน่ารักที่แม่ตนพูดชมโซ่ เพราะความเป็นจริงแล้วช่างแตกต่างจากที่แม่คิดเหลือเกิน ไอ้นิ่งน่ะนะ
ถึงมันจะนิ่งๆเงียบๆแต่เขามั่นใจเลยว่ามันไม่ได้น่ารักเรียบร้อยอย่างที่แม่พูดอย่างแน่นอน ถ้านับจากหมัด
และเท้าที่มันประเคนให้เขาตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าไปทำความรู้จักกับมันอะนะ



            “ต้องทำยังไงมึงถึงจะเลิกยุ่งกับกู” โซ่เอ่ยถามขึ้นมานิ่งๆ ระหว่างที่นั่งซ้อนท้ายดูคาติคู่ใจของ
พอร์ชกลับบ้านตามความต้องการของพ่อแม่พอร์ชที่สั่งแกมบังคับมาอีกที ซึ่งพูดปฏิเสธเท่าไรก็ไม่ชนะสักที
จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องยอมให้พอร์ชมาส่งอย่างที่เห็น



            พอร์ชไม่ตอบแต่บิดคันเร่งเลี้ยวไปทางตรงกันข้ามกับทางไปบ้านของโซ่ มุ่งตรงไปยังสถานที่
ท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คประจำจังหวัดที่ค่อนข้างสงบเงียบและเป็นส่วนตัวมากในวันและเวลา
ราชการแบบนี้ เพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว จะครึกครื้นอีกทีก็ตอนเย็นๆค่ำๆที่ชาวบ้านพากันมาเดินเล่น
หรือไม่ก็มาเตะบอลออกกำลังกายที่ริมหาดทรายจำลองนั่นแหละ



            “ลงสิ” พอร์ชบอกหลังจากที่ดับเครื่องจอดรถในบริเวณที่เงียบสงบไร้ผู้คน



            “กูจะกลับบ้าน” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่โซ่ทำเหมือนกับว่าจะหันหลังเดินกลับบ้านไปจริงๆ
แต่พอร์ชเรียกรั้งไว้เสียก่อน



            “มึงไม่อยากรู้แล้วหรอว่าต้องทำยังไงกูถึงจะเลิกยุ่งกับมึงได้” พอร์ชถาม



            “ว่ามาสิ” ทิ้งสะโพกพิงท่อนไม้จำประดับรอฟังคำตอบจากอีกคน



            “เป็นแฟนกับกูเจ็ดวัน ถ้ามันไปได้ด้วยดีกูจะขอคบมึงต่อเอง หลังจากนั้นก็แล้วแต่มึงแล้วล่ะ
ว่าจะตกลงหรือเปล่า แต่ถ้ามึงไม่โอเค…กูจะหายไปจากชีวิตมึงทันที” ข้อเสนอที่มาพร้อมกับแววตา
และน้ำเสียงที่มั่นคงของพอร์ชทำเอาโซ่นิ่งเงียบไปในทันที เพราะไม่คิดว่าพอร์ชจะยื่นข้อเสนอที่เป็น
ข้อผูกมัดแบบนี้ออกมา ถึงแม้ว่ามันจะแค่ระยะเวลาสั้นๆก็เถอะ



            “ก็ได้ แต่ถ้าครบกำหนดแล้วมึงยังวุ่นวายกับชีวิตกูอยู่อย่างนี้ละก็มึงไม่ได้ตายดีแน่ๆ”
ในที่สุดโซ่ก็ตอบตรงลงออกไป หลังจากที่ยืนคิดทบทวนกับตัวเองอยู่นาน



            “นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับมึงแล้วล่ะว่าอยากจะให้กูอยู่ต่อหรือจะให้กูหายไป แต่มึงต้องเขาใจ
ด้วยนะเว้ยนิ่งว่าคำว่าแฟนของกูน่ะมันหมายถึงแฟนจริงๆ ที่พากันไปกินข้าวดูหนัง หอมแก้ม กับมือ
กอด แล้วก็ต้อง ‘จูบ’ ได้ด้วยนะโว้ย” พอร์ชยักคิ้วบอกด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์



            “อ่อ…จูบไอ้นี่อะนะ” พูดบอกพร้อมยกเท้าวาดไปตรงหน้าของพอร์ชแบบด้วยสีหน้ากวนๆ
ไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้านกับคำพูดของพอร์ชแม้แต่น้อย



            “ยกขาอย่างนี้เดี๋ยวเถอะมึง เดี๋ยวเจอพ่อจับไถนา” พอร์ชทำท่าจะพุ่งเข้าไปขย้ำโซ่
แต่ก็ถูกโซ่ใช้เท้ายันกันไว้เสียก่อน

..

..

..

            ย้อนกลับไปเมื่อตอนตีสอง…



            ด้วยความอยากรู้ที่มาพร้อมกับอาการนอนไม่หลับเพราะว่ามีโซ่มานอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆกัน
พอร์ชจึงคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาต่อสายหา ‘แวน’ หรือที่เพื่อนๆเรียกติดปากกันว่า ‘ไอ้แว่น’
เพราะว่าตอนเด็กๆเจ้าตัวนั้นเคยติดใส่แว่นไร้เลนส์อยู่หลายปีกว่าจะเลิกได้ เพราะว่าอยากจะได้เบอร์ติดต่อ
ของบุญล้อมที่คนกว้างขวางหรือจะเรียกอีกอย่างว่าชอบเสือกเรื่องของชาวบ้านอย่างแวนน่าจะหาให้ได้ไม่ยาก



            ‘โทรมาตอนนี้มึงอยากให้บรรพบุรุษมึงนอนสะดุ้งเพราะโดนกูด่าใช่ไหมครับไอ้เหี้ยพอร์ช! กูจะนอน!’
 และก็เป็นอย่างที่พอร์ชคาดไว้ไม่มีผิดว่าจะต้องโดนแวนด่าเอาเพราะไปรบกวนเวลานอนที่แสนมีค่าของเจ้าตัว
แต่แล้วยังไงล่ะ? ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า



            “อย่าหงุดหงิดสิครับพี่แวนสุดหล่อ น้องพอร์ชคนนี้แค่อยากจะไหว้วานให้พี่แวนช่วยอะไรสักเล็กน้อย
 แรกกับโซโลรุ่นฉลองครบสีห้าปีของแท้ที่มึงยังไม่มีเลยเอ้า…เอาไม่เอา…นี่กูทุ่มสุดตัวเลยนะเว้ย”
เพราะกลัวว่าเพื่อนจะไม่ยอมตกลงช่วยเหลือแต่โดยดี งานนี้พอร์ชเลยต้องเสนอข้อต่อรองที่น่าสนใจยื่น
ไปยั่วกิเลสเพื่อนรักสักหน่อย



            ‘เออๆ ว่ามา’ ทำเป็นหงุดหงิด แต่แท้จริงแล้วแวนแทบจะกระโดดขึ้นมากรี๊ดซะให้รู้แล้วรู้รอด
แต่กลัวว่าพ่อกับแม่ที่นอนอยู่ห้องข้องๆจะลุกขึ้นมาแพ่นกบาลแตกเสียก่อนที่จะได้โซโลตัวใหม่ที่รอคอยมาแสนนาน



            “หาเบอร์ไอ้มหาช่างไฟเพื่อนไอ้นิ่งให้กูหน่อย” พูดบอกความต้องการของตัวเองกลับไป



            ‘เอาเมื่อไหร่’



            “ตอนนี้…เดี๋ยวนี้”



            ‘โอ้ย…ไอ้พอร์ช! ไอ้ฉิบหาย! ตอนนี้มันตีสองครับเพื่อน! ตีสองนะไม่ใช่สองทุ่มใค
รเขาจะตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์มึ๊งงง…’ เพียงแค่ได้ยินคำบอกกล่าวของเพื่อนรักที่โคตรเอาแต่ใจ
ทำเอาแวนแทบจะพ่นไฟ



            “ก็มึงนี่ไง…เอาน่า คิดซะว่าทำเพื่อท่านโซโลสุดที่รักของมึงก็แล้วกัน”
พอร์ชตอบกลับอย่างกวนๆ ย้ำเตือนถึงของกำนัลที่เพื่อนจะได้รับหากว่าทำงานที่เขาไหว้วานได้สำเร็จ



            ‘ขอสิบนาที แล้วก็อย่าลืมโซโลกูล่ะ มึงเบี้ยวเมื่อไหร่กูยุให้ไอ้โซ่กระทืบไส้แตกแน่’
แวนพูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วก็หายเงียบไปกับสายลม หลังจากนั้นสิบนาทีพอร์ชก็ได้เบอร์โทรของบุญล้อมอย่างที่ต้องการ



            ‘ครับ’ เสียงที่ตอบรับสายของบุญล้อมช่างสุภาพ ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนเขาอย่างสิ้นเชิง



            “นี่เบอร์มหาใช่ไหม กูพอร์ชนะ” ทั้งที่มั่นใจว่าเป็นเสียงของบุญล้อมแน่แล้ว แต่พอร์ช
ก็เลือกที่จะเอ่ยถามกลับไปตามมารยาท



            ‘ไม่ใช่ครับ แต่ถ้าจะคุยกับลุงมหาไว้พรุ่งนี้ผมจะติดต่อกลับไปนะครับ’ บุญล้อมที่อยู่
ปลายสายก็ตอบกลับมาอย่างเกรียนๆไม่ต่างกัน เพราะรู้สึกหมั่นไส้ที่อีกฝ่ายโทรมาหาเขาแท้ๆ
แต่กลับทำตัวไร้มารยาทสิ้นดี ไม่ว่าจะเป็นเวลาโทรหรือน้ำเสียงกวนๆนั่นก็ตาม



            “เพื่อนมึงอยู่กับกู” เพราะไม่อยากจะยืดเยื้อไปมากกว่านี้ พอร์ชจึงพูดบอกไปตามตรง
แม้ว่าจะไม่ใช่ความตั้งใจแรกที่เขาจำต้องโทรหาบุญล้อมก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าถ้าไม่บอกออกไปแบบนี้
เจ้าตัวจะเกรียนใส่เขาไม่เลิก



            ‘อยู่ที่ไหน! คุณโซ่เป็นอะไร ทำไมถึงต้องไปอยู่กับคุณ’ ประโยคบอกเล่าสั้นๆที่ได้ยินทำ
เอาบุญล้อมตาสว่าง ในหัวมีแต่เรื่องให้คิดไปหมด เพราะเกรงว่าเพื่อนรักจะอยู่ในอันตราย
หรือเป็นอะไรร้ายแรง เพราะคนอย่างโซ่ไม่มีทางที่จะยอมค้างอ้างแรมกับพอร์ชแบบยินยอมแต่โดยดีอย่าแน่นอน



            “ใจเย็นเว้ย! มันแค่ตากฝนจนไม่สบาย แล้วที่ต้องมานอนอยู่ที่บ้านกูก็เพราะว่ามันไข้
ขึ้นจนไร้สติบอกทางกับบ้านกับกูไม่ได้ก็เท่านั้นเอง มึงอย่าทำโวยวายเหมือนกูหลอกเพื่อนมึง
มาปล้ำสิ…ถึงแม้ว่าจะอยากก็เถอะ” พอร์ชบอก



            ‘แล้วโทรมาทำไม หรือว่าจะให้ผมออกไปรับคุณโซ่’ แม้ว่าจะวางใจได้ไม่เต็มร้อย
แต่อย่างน้อยตอนนี้โซ่ก็ปลอดภัย



            “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวมันตื่นเมื่อไหร่กูจะไปส่งมันเอง แต่ที่กูโทรมาเนี่ย”
พอร์ชเม้มปากแน่น หยุดพูดไปพักหนึ่งเมื่อเห็นว่าโซ่ขยับตัวเปลี่ยนท่านอน



            ‘ว่าไง…ตกลงแล้วคุณโทรมาหาผมทำไม’ บุญล้อมเอ่ยเร่ง เมื่อเห็นว่าพอร์ช
เงียบไปเฉยๆ ส่วนพอร์ชที่จับโทรศัพท์แนบหูฟังบุญล้อมอยู่ตลอดก็ค่อยๆขยับลุกลง
จากเตียงเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการนอนของโซ่ ก่อนที่จะเดินย่องไปคุยตรงนอกระเบียงห้อง



            “เออๆ กูแค่อยากจะรู้ว่า เพื่อนมึงชอบคนแบบไหนก็เท่านั้นเอง” ในที่สุดพอร์ชก็ได้
เข้าถึงประเด็นสำคัญเสียที หลังจากที่พูดอ้อมโลกอยู่นาน



            ‘ชอบคนแบบไหนน่ะผมไม่รู้หรอก ผมรู้แต่ว่าคุณโซ่มักจะแพ้ทางคนตรงๆ
กล้าได้กล้าเสีย แต่ไม่โอ้อวด อบอุ่น อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ แล้วที่สำคัญเลยคือ
คนๆนั้นจะต้องเป็นหลักคอยปกป้องซับพอร์ตความรู้สึกของเขาได้ครับ อ่อ…แล้ว
ก็ห้ามบีบบังคับหรือทำให้เขาอึดอัดใจเป็นอันขาดนะครับ ไม่อย่างนั้นเขาจะปิดกลั้น
และกันตัวเองออกจากคุณไปตลอดชีวิต’



            “นั่นเพื่อนมึงหรือสูตรคณิตวะ? ซับซ้อนฉิบหาย” พอร์ชอดไม่ได้ที่จะพูดบ่นออกมา
 เมื่อได้ยินในสิ่งที่บุญล้อมบอก เขาก็รู้สึกมึนไปหมด เพราะไม่คิดว่าโซ่จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนขนาดนั้น



            ‘นั่นก็เป็นเพราะว่าในจิตใต้สำนึกของมนุษย์เรามีการสร้างกลไกลป้องกันตัวเองไงครับ
มันจึงไม่แปลกเลยที่คุณโซ่จะกันตัวเองจากทุกสิ่งอย่าง…ออกจากความทรงจำที่เจ็บปวด’
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่บุญล้อมพูดทิ้งไว้เป็นปริศนาก่อนที่สายจะตัดไปอย่างไม่บอกกล่าว
 และพอร์ชเองก็ไม่ได้โทรกลับไปแต่อย่างใด เพราะเขาได้รู้ในสิ่งที่อยากจะรู้ทั้งหมดแล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีอีกหลายอย่างที่รู้แต่ยังไม่เข้าใจก็ตาม…เอาเป็นว่าเขาจะค่อยๆเรียนรู้และ
ทำความเข้าใจในตัวตนของโซ่ไปด้วยตัวของตัวเองก็แล้วกัน…ถ้ามีโอกาสนะ

..

..

..

            “เดี๋ยวตอนเย็นกูมารับไปกินข้าว” หลังจากคุยกันเรื่องข้อตกลงในการเป็น
แฟนเจ็ดวันเรียบร้อยแล้ว พอร์ชก็ขับรถมาส่งโซ่ที่บ้าน เขาถึงได้รู้ว่าบ้านของโซ่นั้นคือ
ค่ายมวยชื่อดังประจำจังหวัดที่สร้างนักสู้ลูกไอ้เข้มาแล้วหลายคน



            “บ้านกูมีข้าวกิน” แต่ดูเหมือนว่าโซ่จะไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย
เพราะเจ้าตัวเอ่ยปฏิเสธด้วยคำพูดเกรียนๆที่มาพร้อมกับสีหน้าและท่าทางกวนๆนิ่งๆ
ของเจ้าตัว ก่อนที่จะหันหลังเดินเข้าบ้านไป แต่เชื่อเถอะว่า ยังไงเย็นนี้เขาก็จะกลับมา
ลากมันไปกินข้าวด้วยกันจนได้ แต่ตอนนี้ต้องปล่อยไปก่อน เพราะถึงเวลาที่เขาต้อง
กลับไปทำงานช่วยที่บ้านแลกกับเงินเดือนพิเศษที่ต้องแบ่งไปส่งเป็นค่างวดรถอยู่เกือบครึ่ง







TBC.
ใครรู้วิธีลงรูปช่วยบอกคนเขียนทีจ้า คนเขียนอัพรูปไม่ได้สักที
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-01-2018 20:57:41
จีบให้ติดนะหลานพอร์ช  :hao3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-01-2018 21:21:12
พยายามเข้าล่ะ จีบให้ติดเน้อ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #01 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ImInDragon ที่ 01-01-2018 21:57:42
เพิ่งแวะมาอ่าน อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลยค่ะ  :katai2-1: :katai2-1:

แหมมมม
จะจีบติดไหมล่ะเนี่ยคุณ แบบนี้ต้องล่อ เอ้ย รอดูแล้วล่ะ  :hao6:

ชอบโซ่ตอนหวาดกลัวมาก มันดี๊ดดิ้นนนน น่ารักกกกก  :heaven
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #06 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-01-2018 23:46:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #06 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-01-2018 23:49:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #06 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 02-01-2018 11:25:28
เรายังอ่านอยู่นะ

รอตอนต่อไปจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #06 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: poonbabor ที่ 02-01-2018 12:35:43
อ่าาาาา เจ้านิ่งเรามีอะไรในใจกันนะ ทำไมตั้งกำแพงไว้แบบที่บุญล้อมว่ากัน...  แต่ยังไงพี่พร้อมจะจีบแล้วพีี่ก็ทำให้เต็มที่น เจ็ดวันอันตรายยยย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #06 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 02-01-2018 17:08:31
น้องโซ่นี่มีอดีตที่ไม่สวยงามเรื่องครอบครัวรึเปล่า....ละพี่พลนี่คือใคร๊!?   :katai1:
เอาใจช่วยพอร์ชนะ เปิดใจโซ่ให้ได้ สู้ๆ แต่ก่อนหน้านั้นสภาพร่างกายนายอาจจะช้ำในได้ ทั้งโดนฝอก หมัด ตีน โอ้ย ต้องถึกเบอร์ไหน 555555555 อ่านรวดเลย สนุกกกกกกกก  o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #06 {01/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 02-01-2018 17:51:56
สู้เขาพอร์ชตื้อให้ได้ใซ่นะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 03-01-2018 20:39:02


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{07}







            “ไปไงมาไงถึงได้มาด้วยกันเล่าพ่อ” แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งที่รู้จักกับพอร์ชกับโซ่เป็น
และพวกเด็กช่างซึ่งเป็นลูกค้าประจำเป็นอย่างดี เอ่ยทักด้วยความแปลกใจ เพราะจำได้ว่า
ทั้งสองคนนั้นเรียนอยู่ในสาขาที่เป็นอริกัน เพราะลูกชายของเธอเองก็เรียนช่างอยู่ในวิทยาลัย
เทคนิคเหมือนกัน และลูกชายของเธอก็หาใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแวนเพื่อนสนิทของพอร์ชนั่นเอง



            “คนรักกันก็ต้องมาด้วยกันสิแม่” พอร์ชที่ยังนั่งค่อมอยู่บนรถทำพูดเป็นปริศนาด้วยสีหน้า
เจ้าเล่ห์ ทำเอาแม่ของแวนถึงกลับตกใจตาโต ต่างจากโซ่ที่ได้แต่กรอกตามองฟ้าด้วยสีหน้าระอา
เพราะตลอดทางตั้งแต่ออกจากบ้านเขามา เจอใครทักเข้าพอร์ชก็จะตอบทำนองนี้ หรือไม่ก็บอก
ไปตรงๆเลยว่าเป็นแฟนกัน โดยที่มันไม่คำนึงถึงระยะเวลาอันแสนสั้นในการคบการที่เขาพยายาม
จะเตือนเลย แถมยังเถียงอีกว่า ถึงจะคบกันแค่เจ็ดวัน แต่ก็อยู่ในสถานะแฟนกันจริงๆ จึงไม่จำเป็น
ต้องปิดบังใคร ตามสไตล์คนหน้าด้านหน้าทนอย่างมันนั่นแหละ



            ปึก!



            “อุก!”



            “ข้าวผัดหมูกรอบครับแม่” ถองศอกใส่พอร์ชเสร็จก็เดินหนีเข้ามาสั่งข้าวอย่างคุ้นชิน
ซึ่งก็เป็นเมนูเดิมที่กินเป็นประจำ ไม่เคยเปลี่ยนสักที



            “ผมเอาเหมือนมันเลยแม่ แต่ขอข้าวเยอะๆเหมือนเดิมนะแม่” พอร์ชเองก็เดินมาสั่งต่อ
จากโซ่ในทันทีด้วยเมนูเดียวกัน จะได้กินข้าวพร้อมกันโดยที่ไม่ต้องเสียเวลารอ ถึงแม้จะเป็น
เมนูที่เขาไม่เคยกินมาก่อนก็เถอะ



            “ไม่เห็นเอามาเผื่อกูเลย แล้งน้ำใจสุดๆ” พอร์ชแกล้งพูดเมื่อเห็นว่าโซ่จัดการเตรียม
น้ำดื่มที่ใครมาร้านนี้ก็ต้องจัดการหากินเอง เพราะเจ้าของร้านตั้งเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว
เพียงแค่ลูกค้าต้องลุกไปหาตักดื่มเองก็เท่านั้น ซึ่งบนโต๊ะนั้นก็มีน้ำแค่แก้วเดียวที่เป็นของโซ่ 
แต่ไม่เห็นในส่วนของพอร์ชเลย



            “หา แดก เอง” สามคำสั้นๆได้ใจความจากปากของโซ่ ทำเอาพอร์ชแทบจะลุกเดิน
ไปตักน้ำแทบไม่ทัน คนอะไร…เฉยชาที่สุด!



            “ไปจัดการต่อได้เลยโซ่” แม่ของแวนบอกกับโซ่ในขณะที่เอาข้าวมาเสิร์ฟให้เขา
แค่จานเดียว แต่ไม่มีในส่วนของโซ่ทำให้พอร์ชรู้สึกแปลกใจ



            “มันไปทำอะไรตรงนั้นอะแม่” พอร์ชถามด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นโซ่เดินดุ่มเข้า
ไปตรงบริเวณที่เป็นส่วนครัวของร้านอย่างเคยชิน



            “ดูเอาเอง” เธอทิ้งปริศนาไว้เพียงแค่นั้นก่อนที่จะเดินผละออกไปทักทายกับลูกค้า
กลุ่มใหม่ที่พากันเดินเข้ามาในร้าน



            “มึงทำห่าอะไรกับข้าววะนิ่ง” พอร์ชร้องถามเสียงหลงเมื่อเห็นจานข้าวของโซ่ที่มี
ลักษณะที่แตกต่างจากของเขาไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่สั่งเมนูเดียวกันแท้ๆ แต่ในถ้วยข้าวผัด
หมูกรอบของโซ่กลับเต็มไปด้วยน้ำซุปกระดูกหมูที่แม่ของแวนหรือตามร้านอาหารทั่วไปจะ
เสิร์ฟแยกมาให้ลูกค้าต่างหากหนึ่งถ้วย แต่โซ่กลับราดมันลงไปในถ้วยข้าว
(ที่ปกติจะต้องเป็นจาน) และกินมันทั้งอย่างนั้น



            “กูทำไร?” โซ่เลิกคิ้วถามเสียงเรียบ



            “ก็ข้าวนี่ไง” พอร์ชทำหน้าตาตื่นชี้นิ้วลงไปที่ถ้วยข้าวผัดน้ำซุปของโซ่



            “ก็แค่ข้าว ถามโง่ๆ” ดูเหมือนว่าจะเป็นการพึมพำกับตัวเองมากเสียกว่า
การตอบคำถามของพอร์ช ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาลงมือกินข้าวของตัวเองทันที
ทำเหมือนพอร์ชเป็นแค่อากาศธาตุที่ไม่น่าสนใจ



            “มันอร่อยหรอวะ? เฮ้ย! อย่า! มึงทำแบบนี้แล้วกูจะกินได้ไงเนี่ย” แต่ดูเหมือนว่า
พอร์ชจะไม่หยุดสงสัยง่ายๆ ถึงได้แต่ตั้งคำถามออกมาอย่างนี้ โซ่เลยจัดการเทน้ำซุปจาก
ถ้วยแยกของพอร์ชลงในจานข้าวผัดแห้งๆของเจ้าตัวซะเลย จะได้เลิกถามสักที…น่ารำคาญ
ซึ่งแน่นอนว่าพอร์ชเองก็โวยวายออกมาในทันที เมื่อเห็นข้าวผัดของตัวเองกลายร่างเป็นข้าวต้ม



            “แดก! แล้วก็เลิกถามสักที…กูรำคาญ” จัดการตักข้าวผัดชุ่มน้ำซุปในถ้วยของตัวเอง
ใส่ปากของคนเจ้าเรื่องไปคำนึงเป็นการอุดปาก จะได้เลิกถามสักที



            “เออ…อร่อยดีว่ะ” พอร์ชพูดบอกหลังจากที่กลืนข้าวคำที่โซ่ป้อนไปหมดแล้ว
และรู้สึกถูกใจในรสชาติข้าวผัดน้ำซุปตามฉบับของโซ่ที่แม้ว่าตอนแรกจะรู้สึกแหยะๆไป
สักนิดดเพราะความที่ไม่คุ้นชินในรสสัมผัส ก่อนที่จะแปลเปลี่ยนเป็นรสชาติกลมกล่อมอย่างลงตัว
ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว…ที่สำคัญคืออร่อยมาก



            “หึ!” โซ่หัวเราะออกมาเบาๆ คนเดียว เมื่อเงยขึ้นมาเห็นพอร์ชกำลังก้มหน้าก้มตา
กินข้าวผัดอย่างเอร็ดอร่อย แบบที่ไม่เหลือภาพคุณชายเจ้าปัญหาอย่างตอนแรกเลยแม้แต่น้อย



            “โอะโอ…ดูเหมือนว่ากูจะเจอข่าวใหญ่แห่งปีซะแล้วว่ะ” ระหว่างที่พอร์ชและโซ่กำลัง
เพลิดเพลินอยู่กับการทานข้าวเย็นของตัวเองอยู่นั้น แวนที่เพิ่งออกจากบ้านมาเพื่อช่วยแม่เก็บ
ร้านก็เดินเข้ามาทักทายทั้งสองคนด้วยท่าทางยียวน แต่ทั้งพอร์ชและโซ่ก็หาได้ใส่ใจ เพราะรู้ดี
ว่าแวนไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี เพียงแค่ต้องการกวนประสาทเพื่อนอย่างพอร์ชเท่านั้น



            “ต่อยมันเลยนิ่ง ปากดีนัก” พอร์ชใช้เท้าสะกิดเรียกโซ่หวังจะให้จัดการปิดปากเพื่อนรัก
ด้วยกำปั้นแทนตนสักสักหน่อย เพื่อมันจะเลิกปากมากสักที



            “เพื่อนไม่ทำเพื่อน” คำตอบสั้นจากปากของโซ่ทำเอาพอร์ชงงเป็นไก่ตาแตก



            “ห้ะ! เพื่อน? มึงกับไอ้แวนเนี่ยนะ?” จ้องหน้าอ้าปากถามทำเหมือนว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายซะงั้น



            “ก๊าก! ไอ้พอร์ชเลิกทำหน้าเหมือนหมาสงสัยสักทีเถอะ…ฮาว่ะ” แวนหัวเราะเสียงดังลั่น
ออกมาอย่างสะใจเมื่อเห็นหน้างุนงงของพอร์ช เช่นเดียวกันกับโซ่ที่ทำเป็นนั่งก้มหน้ากินข้าวอยู่เงียบๆ
แต่แท้จริงแล้วก็แอบขำอยู่เหมือนกัน



            แปะ



            “ปากว่างมากก็แดกไปเลย” พอร์ชปาแตงกวาใส่หน้าเพื่อนด้วยความหมั่นไส้



            “โอ๋ๆ ไม่งอแงนะคะพี่พอร์ช น้องแวนคนนี้ก็แค่รู้จักกับเพื่อนโซ่ก่อนพี่พอร์ชก็เท่านั้นเอง ก๊าก…”
วางระเบิดลูกสุดท้ายเสร็จก็ชิ่งหนีไปล้างจานหลังร้านตามที่แม่เอิ้นบอกทันที ปล่อยให้พอร์ชนั่งทำหน้า
หงิกหงุดหงิดอยู่อย่างนั้น



            “มึงรู้จักไอ้แวนได้ยังไง แล้วรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องเลย” พอร์ชถามใน
ขณะที่จอดรถติดไฟแดง เพราะก่อนหน้าที่จะออกมาจากร้านข้าวก็แอบเข้าไปถามจากแวนมาแล้ว
แต่แวนโบ้ยให้มาถามกับโซ่แทน



            “จอดตรงนี้ก่อน” โซ่ไม่ได้ให้คำตอบอะไร แถมยังสั่งให่พอร์ชจอดรถตรงบริเวณหน้าร้าน
นมปั่นอีกต่างหาก ทำเอาพอร์ชถึงกับเบรกตัวโก่ง แต่ดีว่าข้างหลังไม่มีรถขับตามมา จึงไม่มีใคร
ได้รับอันตรายแต่อย่างใด



            “โกโก้กับชาเขียวไม่หวานเพิ่มไข่มุกอย่างละแก้วครับป้า” โซ่ลงจากรถแล้วพุ่งตรงไปสั่งสิ่ง
ที่ตัวเองต้องการทันที พอได้แล้วก็กระโดดขึ้นซ้อนรถของพอร์ชตามเดิม ทำเอาพอร์ชไปไม่เป็นเลย
 เมื่อมาเจอคนที่ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้อย่างโซ่ เพราะปกติแล้วคู่นอนหรือจะเรียกแบบสวยๆ
หน่อยก็คนรักชั่วคราวของเขานั้น ถ้าหากต้องการอะไรแล้วจะต้องเกริ่นก่อนสักนิดหรือไม่ก็มาออดอ้อน
เตรียมวางแผนการอยู่ประมาณสามวันเห็นจะได้ ไม่มีมาปุบปับปุ๊บปั๊บเหมือนอย่างที่โซ่เป็นนี่หรอก…
บอกตรงๆ ว่าเขาตามไม่ทันจริงๆ



            “ไม่คิดจะแบ่งกันเลยหรอวะ” พอร์ชพาโซ่ขึ้นมานั่งเล่นที่ดาดฟ้าที่อยู่เหนือตึกสี่ชั้นของ
บ้านตัวเอง ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในตึกแถวแถบนี้แล้ว จึงทำให้เห็นท้องฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา
เพราะไม่มีอะไรมาบดบังทัศนียภาพรอบด้านเลย ยกเว้นตรงจุดที่เป็นตำแหน่งที่ตั้งของ
โรงพยาบาลที่อยู่ไกลๆด้านซ้ายมือเท่านั้นเอง



            “อะไร?” โซ่ถามทั้งยังตั้งหน้าตั้งตาดูดชาไข่มุกในมือสลับกันไปมาแบบไม่มีหยุดพัก



            “ก็น้ำนั่นไง เห็นถือมาสองแก้วก็คิดว่าซื้อมาเผื่อกัน ที่ไหนได้…แดกหมดคนเดียวเลย!”
บอกตามตรงเลยว่าตอนแรกพอร์ชรู้สึกดีมาก เมื่อเห็นโซ่สั่งน้ำหวานมาสองแก้ว เพราะคิดว่าโซ่
จะมีแก่ใจคิดถึงกันบ้าง แต่ที่ไหนได้ เจ้าตัวกลับเล่นกินคนเดียวทั้งสองแก้วเลย



            ปึก!



            แต่ในขณะที่พอร์ชกำลังนั่งน้อยอกน้อยใจในความคิดไปเองของตัวเองอยู่นั้น
ก็จำต้องตกใจ เมื่อหันไปเห็นแขนยาวๆ มือขาวๆ ที่หยิบยื่นแก้วน้ำหวานสีเขียวสดใสเข้า
มากระแทกปากของตัวเองอย่างจัง



            “แดกๆเข้าไปจะได้เลิกหอนสักที” โซ่กรอกตาพูดบอกเสียงนิ่ง เมื่อพอร์ชเลิกคิ้วถาม



            ถามว่าเจ็บไหม? ก็ต้องบอกเลยว่าเจ็บ! แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาได้แอบจ้องตา
กับโซ่เพียงเสี้ยววินาทีที่ก้มลงไปดูดชาเขียวนั้น บอกเลยว่า โคตรฟิน~ ถ้ามีปีกเหมือนนก
นี่นะป่านนี้เขาคงได้ตีปีกบินไปไกลแล้ว ขับเคลื่อนด้วยแรงมโนของตัวเองไปจนสุดขอบโลกแล้วล่ะ



            “หวาน~” ไม่ใช่แค่คำพูด แต่ทั้งสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงของพอร์ชที่โซ่ได้เห็น
ได้ดูได้ฟังนั้นมันช่างชวนอ้วกเสียจริง…จะหวานเยิ้มไปไหนครับ!



            “หึ!” ลุกหนีมันไปเกาะขอบที่กั้นยืนดูพระอาทิตย์ที่จะตกดินเสียดีกว่าต้องมาทนดูหน้า
หมาเมากัญชาแบบมัน ไม่ใช่อะไรหรอก…แค่มันรู้สึกจักจี้ก็เท่านั้น ไม่ได้คงไม่ได้เขินอะไรมันหรอก…จริงจริ๊ง~



            แชะ!



            “ทำอะไร?” โซ่หันกลับมาจ้องถามพอร์ชอย่างจับผิด เพราะรู้สึกเหมือนว่าจะได้ยิน
เสียงชัตเตอร์ถ่ายภาพเบาๆ แต่พอหันกลับมาดูก็ไม่มีอะไร แถมพอร์ชยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
ท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอีกต่างหาก



            “ป๊าว~”



            “หึ!” ตอนแรกก็ไม่มั่นใจหรอก แต่พอมาเจอคำปฏิเสธเสียงโคตรสูงของพอร์ชแล้ว โซ่มั่นใจเลยว่าตนจะต้องโดนอีกคนแอบถ่ายรูปไว้อย่างแน่นอน



            “ขอซื้อได้ไหมวะ? ได้เสียง ‘หึ’ ของมึงเนี่ย กูฟังทีไรขนลุกทุกที” พอร์ชขมวดคิ้ว
ถามอย่างจริงจังอย่างกับเป็นคอขาดบาดตาย



            “อยากถ่ายรูปกับกูหรอ? มาดิ” โซ่เมินกับคำถามไร้สาระของพอร์ชไป ก่อนที่จะกวักมือ
ชักชวนให่พอร์ชไปถ่ายรูปด้วยกัน ทำเอาพอร์ชถึงกับตาโตอ้าปากค้างไปเลย



            “มึง? กู? รูปคู่มึงกับกูหรอ?” ชี้นิ้วไปที่โซ่ ก่อนที่จะชี้นิ้วกับมาที่ตัวเอง ถามติดๆขัดๆ
เพราะยังตั้งตัวไม่ทันกับคำชักชวนที่กะทันหันของโซ่



            “รึมึงจะกลับไปถ่ายกับได้ด่างที่บ้านกูดี?” โซ่เอียงคอถามกวนๆด้วยหน้านิ่งๆสไตล์ตัวเอง
ในขณะที่ต้องแอบหยิกแขนตนเองจากทางด้านหลัง เพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองหลุดขำออกมา



            “ไม่ๆ ถ่ายๆ ถ่ายกับมึงนี่แหละ” พอร์ชรีบลุกเดินจ้ำมาหาโซ่ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนทำเหมือน
กับว่าโซ่จะหายตัวไปภายในไม่กี่วินาทีนี้เสียอย่างนั้น แต่พอพอร์ชเดินเข้ามาถึงแล้ว โซ่กลับบอกว่า…



            “กูหลอก” ผลักหน้าพอร์ชออกจากตัวเอง แล้วชิ่งหนีเปิดประตูลงบันไดกลับเข้าไปในตัวบ้าน
 โดยมีพอร์ชเดินโวยวายตามมาติดๆ



            ปึก!



            “เฮ้ยนิ่งระวัง!” พอร์ชร้องเตือนเสียงดัง เมื่อถึงทางแยกที่จะเดินลงไปชั้นสามนั้นมี
คนเดินสวนขึ้นมาพอดีกับตอนที่โซหันมาบ่นใส่ตนเรื่องที่ตนแกล้งเตะขาเจ้าตัว จึงทำให้โซ่
โดนใครคนนั้นเดินชนจนตกบันไดไปหลายขั้น



            “อ่า…” โซ่ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ เพราะรู้ตัวอีกทีก็กลิ้งลงมานอนแอ้งแม้ง
อยู่ตรงบริเวณชานพักระหว่างชั้นสามกับชั้นสี่แล้ว



            “เป็นอะไรมากเปล่าวะ” พอร์ชรีบวิ่งลงมาดูอาการโซ่ทันทีด้วยความเป็นห่วง



            “ไม่เป็นไร” แม้ว่าเสียงที่ตอบกลับมานั้นจะยังนิ่งเรียบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
แต่สีหน้าและท่าทางที่แสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจนนั้นมันขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง



            “โทษทีนะฉันไม่ได้ตั้งใจ พอดีรีบเดินไปหน่อย เจ็บมากหรือเปล่า” น้ำเสียงนุ่มทุ่ม
ที่เอ่ยขอโทษออกมานั้นทำเอาโซ่แทบหยุดหายใจ…ทั้งคิดถึง…ทั้งคุ้นเคย



            ตอนนี้โซ่แทบจะลืมความเจ็บปวดของร่างกายไปจนหมดสิ้น ในหัวก็มีแต่ภาพของ
ใครบางคนหมุนวนสลับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เหมือนกับกำลังนั่งดูอัลบั้มภาพความทรงจำ
ของตัวเองอยู่อย่างไงอย่างนั้น



            “นิ่ง…นิ่ง…โซ่…เฮ้ย…ไอ้โซ่” พอร์ชเขย่าตัว แหกปากร้องเรียกโซ่อยู่ใกล้ๆ
ด้วยความเป็นกังวล เมื่อเจ้าตัวแน่นิ่งไปไม่ต่างจากคนไร้สติ แต่โซ่กลับมองข้ามพอร์ช
ไปหาใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพอร์ช ไล่มองตามกางเกงลายพรางขึ้นไปถึงเสื้อสีเดียวกัน
ที่พับแขนขึ้นเหนือข้อศอกอย่างเป็นระเบียบ เลยไปถึงสันกรามได้รูป ริมฝีปากบาง จมูกเป็นสัน
คิ้วเข้มเรียงตัวหนาลอย เด่นเหนือดวงตาเรียวรี



            คู่กรณีทั้งสองคนจ้องมองกันอย่างไม่ละสายตา ต่างคนต่างก็สำรวจตรวจดู
ไล่เรียงตั้งแต่เท้าจรดหัว หัวจรดเท้า เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป
ก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมกันว่า…



            “พี่พล! / ซอโซ่!”









TBC.

​คบกับพี่ไม่ต้องกลัวรักพัง เพราะพี่เป็นช่างพี่ซ่อมได้ #คำคมเด็กช่าง
    Ps.ย้ำเตือนกันอีกสักครั้งว่านิยายของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของ
คู่รักเด็กช่างคู่หนึ่งที่ไม่ได้เน้นเรื่องทะเลาะวิวาทต่อยตี และไม่ค่อยมีเรื่องหวือหวานัก
เพราะฉะนั้นคนเขียนจึงไม่อยากให้คนอ่านคาดหวังมาก แต่อยากให้อยู่ด้วยกันไปจนจบเรื่องเลย #ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 03-01-2018 21:03:04
อ้าวเฮ้ย พี่พลเป็นพี่ชายของพอร์ช?  งานหินอะ เหมือนความสัมพันพัฒนาไป1ก้าว แต่จะถอยหลังไป3ก้าว สู้ๆนะพอร์ช  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-01-2018 21:16:23
หว่า พี่พล ยังอยู่นิ ยังไม่ตาย รู้จักกับโซ่ได้ไงหว่า  :confuse:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-01-2018 10:33:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 04-01-2018 12:32:26
จะเป็นพี่ชายหรือคู่แข่งละเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-01-2018 16:19:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 04-01-2018 19:58:19
รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-01-2018 08:17:41
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 05-01-2018 08:29:41
เหนื่อยแทนพอร์ช ยกให้พี่ไปเถอะ ถ้าจะฝังใจกันขนาดนั้นนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #07 {03/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 05-01-2018 14:16:05
อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ สนุกดีครับ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 05-01-2018 20:58:25


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{08}





              "พี่พล"



            ชื่อคุ้นหูที่ออกมาจากปากโซ่ทำเอาพอร์ชรีบหันกลับไปมองป้ายชื่อ
ที่ติดอยู่ตรงบริเวณหน้าอกเสื้อเครื่องแบบข้างขวาของคนมาใหม่อย่างทันที
เพราะมันไม่ใช่เชื่อเดียวกันกับที่เขาและคนทั้งบ้านรู้จักหรือใช้เรียก และนั้น
จึงทำให้เขาพบกับที่มาของชื่อดังกล่าว ‘ทศพล เลิศโยธา’ ไม่รู้จะดีใจหรือ
เสียใจดีที่ ‘เฮียทศ’ พี่เขยคนโตของเขาเป็นคนๆเดียวกันกับ ‘พี่พล’ ที่โซ่ร้องหา
อยู่ตลอดเวลาที่ไม่รู้สึกตัว…เขาว่ากันว่ายามเจ็บไข้ไร้สติสิ่งที่ควบคุมร่างกาย
กลับไม่ใช่สมอง แต่เป็นจิตใต้สำนึกที่กลั่นออกมาจากหัวใจอย่างแท้จริง



            “มาอยู่นี่ได้ไงซอโซ่! พี่ตามหาเราแทบแย่” เหมือนย้ำเตือนว่าพอร์ช
เป็นคนนอก เมื่อคนทั้งคู่เขาโผเข้ากอดกันทำให้พอร์ชต้องลุกถอยหลังออกมา
ยืนดูอยู่ห่างๆ ภาพของคนที่เขาบอกว่าชอบมากมายกับพี่เขยที่เคารพไม่ต่างจาก
พี่ชายที่กำลังโอบกอดกันมันทำให้พอร์ชรู้สึกร้อนอยู่ในอกเหมือนโดนสุมไฟ ทั้งที่
เขาพยายามแทบตายกว่าที่โซ่จะยอมคุยด้วยแต่ละคำ แต่กลับพี่ทศแล้วกลับกลาย
เป็นโซ่เสียเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามอย่างไม่หยุดพัก



            “พี่พล” โซ่แทบเก็บน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้มาพบกับคน
สำคัญของตัวเองที่ห่างหายกันไปนานหลายปี



            “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะไม่ร้อง…เด็กดีของพี่” เขาโยกตัวไปมาเพื่อกล่อมคนในอ้อมกอด
 ที่ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเท่าไรในสายตาของเขาโซ่ก็ยังเป็นเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆที่
ชอบวิ่งร้องไห้ออกมาให้เขากอดปลอบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง



            “คุณทศ…” คราวนี้ไม่ได้มีแค่พอร์ชที่รู้สึกเหมือนโดนต่อยกลางอากาศอีกแล้ว
 เมื่อพี่ชายคนโตของพอร์ชหรือแฟนตัวจริงของทศพลเดินเข้าเห็นคนรักของตัวเองนั่ง
กอดใครบางคนอยู่ที่พื้น มิหนำซ้ำน้ำเสียงที่ใช้ปลอบโยนนั้นช่างฟังดูแล้วอบอุ่นเหลือเกิน
ต่างจากเวลาที่พูดคุยกับเขาที่มักจะนิ่งๆทื่อหรือไม่ก็ดุดันเหมือนกับตอนที่ฝึกทหารในค่าย
ตัวเอง ไม่มีหรอกที่จะมานุ่มนวล อ่อนหวานหรืออ่อนโยนอย่างนี้



            สภาพของสองพี่น้องโฟล์คพอร์ชตอนนี้ไม่ต่างจากอากาศธาตุที่อยู่ในสภาวะไร้สภาพ
ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากทศกับโซ่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว

..

..

..

            “สรุปแล้วมึงเป็นน้องพี่ทศจริงๆหรอวะ?” พอร์ชถามซ้ำเพื่อความในใจอีกครั้ง
หลังจากที่ขับรถมาส่งโซ่ถึงหน้าบ้าน เพราะพี่เขยอย่างทศบอกกับครอบครัวของตนไว้
แค่ว่าเป็นพี่ชายของโซ่ นอกจากนั้นก็ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรอีกเลย

            “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงถามทำไม แต่กูอยากจะบอกไว้แค่ว่า ถ้าไม่ได้เป็นพี่น้อง
กันแล้ว กูจะไม่คบกับพี่พลในฐานะอื่นอย่างแน่นอน…สยอง” นี่คงจะเป็นการพูดที่ยาว
ที่สุดของโซ่แล้วตั้งแต่ที่รู้จักกันมา



            “พูดอย่างนี้…มึงแคร์กูหรอ?” พอร์สถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม
ไม่รู้ว่าจะใช่อย่างที่คิดไหม แต่น้องมโนมันพาฟินไปไกลแล้ว



            “แล้วแต่จะคิด” พูดจบก็หันหลังเดินหนีเข้าบ้านไป เพราะไม่สามารถทนมอง
สีหน้าเคลิ้มฝันเหมือนคนบ้าของพอร์ชได้อีกต่อไป ส่วนพอร์ชเองพอพ้นหลังโซ่ไปแล้ว
ก็กลับมาสู่สภาวะปกติดังเดิม ไม่เหลือเค้าคนบ้าเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย ขยับตัวควัก
โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน



            “ออกมาเจอกันหน่อยสิมหา”

..

..

..

            “สูบบุหรี่ในบริเวณวัดแบบนี้มันไม่ดีนะครับ” บุญล้อมที่เพิ่งมาถึงเอ่ยเตือน
พอร์ชที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่กลางลานวัดซึ่งเป็นสถานที่นัดแนะในครั้งนี้



            “มึงรู้จักไอ้โซ่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะมหา” พอร์ชทำไม่สนคำเตือนของบุญล้อม
หันมาตั้งคำถามที่อยากจะรู้กับบุญล้อม



            “มีปัญหาอะไรกันรึเปล่าครับ” เอนตัวพิงต้นไม้ใหญ่ด้วยท่าทางสบายๆ
ต่างจากพอร์ชที่รู้สึกสยองนิดๆ เพราะต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นโพคู่ที่ชาวบ้านพากัน
จุดธูปกราบไหว้อยู่ทุกวัน หลังจากที่มีคนบอกว่าเคยเห็นผู้หญิงและผู้ชายผมขาว
เดินออกมาจากต้นไม้สองต้นนี้



            “วันนี้กูเพิ่งเจอกกับพี่ชายมันมา” พอร์ชบอก



            “พี่พล?” บุญล้อมถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เจอกับพี่ชายของโซ่มานานแล้ว



            “เออ…จะพี่พลหรือพี่ทศก็พี่เขยกูทั้งนั้น”



            “พี่เขย?” เป็นอีกครั้งที่บุญล้อมต้องแปลกใจกับข้อมูลใหม่ที่พอร์ชให้



            “เออ! มึงจะตกใจอะไรนักหนาเนี่ยก็แค่พี่พลของพวกมึงกับพี่ทศพี่เขยกู
เป็นคนเดียวกัน บอกมาสักทีเถอะว่ามึงรู้จักไอ้นิ่งมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เรื่องราว
ชีวิตของมันมากแค่ไหน ช่วยเล่าให้กูฟังหน่อย…กูอยากเสือกจะแย่อยู่แล้วโว้ย”
ในที่สุดพอร์ชก็ตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด เพราะไม่สามารถอดทนอดกลั้น
กับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้



            “คุณควรจะฝึกความอดทนไว้บ้าง เพราะถ้าคุณยังใจร้อนเป็นไฟอย่างนี้
คุณจะอยู่กับคุณโซ่ไม่ได้ เพราะที่เห็นนิ่งๆแบบนั้นเขาไม่ใช่น้ำ แต่เป็นน้ำมันที่
พร้อมจะระเบิดตัวเองทิ้งทันทีเมื่อเจอกับความร้อนของไฟ” บุญล้อมพูดเตือน
ออกมาด้วยความหวังดี ก่อนที่จะวกกลับเข้าเรื่องที่พอร์ชถาม



            “ผมกับคุณโซ่เราเคยอยู่บ้านติดกัน เกิดวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน
ปีเดียวกัน จะต่างก็แค่เวลาที่ต่างกันแค่สิบนาที คุณโซ่มีพี่ชายต่างพ่อหนึ่งคน
คือพี่พลที่อายุมากกว่าหลายปี และน้องสาวต่างพ่ออีกหนึ่งคน” บุญล้อมสังเกต
มองท่าทางของพอร์ชไปด้วยในขณะที่เล่า



            “…..”

            “พ่อของพี่พลแอบมาพาพี่เขาหนีออกจากบ้านของคุณแม่ไปเข้าโรงเรียน
เตรียมทหารตั้งแต่ผมกับคุณโซ่แค่สามขวบ แต่ทุกๆวันหยุดพี่พลจะแอบมาหาคุณโซ่
ที่บ้านตลอด อยู่ได้หลายวันหน่อยก็ตอนที่คุณโซ่อยู่คนเดียว แต่ถ้าวันไหนคุณแม่กลับ
มาบ้านก็ต้องรีบหนีไป เพราะไม่อยากมีปัญหา จนกระทั่งคุณตากับคุณยายไปรับคุณโซ่
มาอยู่ด้วยนั่นแหละ พี่เขาถึงได้หายไป เพราะติดต่อใครไม่ได้”



            “อ้าว…แล้วมึงล่ะ?” มาถึงตรงนี้พอร์ชเองก็สงสัย ในเมื่อบุญล้อมบอกว่าอยู่
บ้านติดกันกับโซ่ แล้วทำไมถึงไม่เจอกับทศพลอีก ไหนจะยังมาเป็นเด็กวัดอยู่ที่นี่อีก?



            “นั่นก็เพราะว่าผมตามหลวงพ่อมาอยู่ที่วัดก่อนที่คุณโซ่จะย้ายไปอยู่กับ
คุณตาคุณยายยังไงล่ะครับ” บุญล้อมเฉลย



            “แล้วแม่ของไอ้นิ่งล่ะวะ? เขาหายไปไหน” พอร์ชถามต่อ



            “เมื่อไหร่ที่คุณทำให้คุณโซ่ไว้ใจได้ เมื่อนั้นคุณจะได้รู้เองนั่นแหละครับ
…เอาเป็นว่าผมขอตัวกลับไปนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเดินตามหลวงพ่อ
บิณฑบาตแต่เช้า” เป็นอีกครั้งที่พอร์ชถูกคู่สนทนาทิ้งให้อยู่คนเดียว จะเรียกรั้งไว้
ก็ไม่ได้ เพราะกว่าจะรู้ตัวอีกทีบุญล้อมก็เดินหายไปไกลแล้ว

..

..

..

            “พอร์ช” เดินเข้าบ้านได้ไม่กี่ก้าวพอร์ชก็โดนพี่เขยอย่างทศพลเรียกไว้เสียก่อน



            “อ้าว…ว่าไงครับพี่” จากที่ตั้งใจว่ากลับมาแล้วจะตรงขึ้นห้อง พอร์ชก็ต้องหัน
เดินกลับไปตามเสียงเรียกของทศพลที่นั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่และพี่ชายของตัวเองแทน



            “พี่ขอเบอร์โซ่หน่อยสิ เมื่อกี้ลืม”



            “ไม่มีหรอกพี่ ไอ้นิ่งมันใช้โทรศัพท์กับใครเขาซะที่ไหน เห็นมีแต่ไอพอดเก่าๆ
ของมันน่ะแหละที่ติดตัวไม่ห่าง” พอร์ชบอกด้วยท่าทางเซ็งๆ เมื่อคิดถึงความโลเทคของ
โซ่ที่ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์จะให้โทรหาในยามที่คิดถึงหรืออยากคุยด้วย…นึกแล้วก็หงุดหงิด



            “อ้าวหรอ โซ่ยังใช้ไอพอดที่พี่ซื้อให้อยู่อีกหรอเนี่ย” ถึงจะแปลกใจนิดหน่อย
แต่ทศพลก็ดีใจที่น้องชายยังรักษาสิ่งของที่ตนให้เป็นอย่างดี แม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้วหลายปีก็ตาม



            “พี่ซื้อให้มัน?”



            “อืม…ของขวัญวันเกิดครบรอบสิบขวบน่ะ ทำไมหรอ?” ทศพลถาม



            “ก็ไม่ทำไมหรอกพี่ ผมแค่อยากรู้ว่าเพลงกล่อมเด็กที่อยู่ในเครื่องพี่เป็นคน
จัดการรึเปล่า หรือว่ามันหามาใส่เอง” พอร์ชถามกลับ เพราะนี่ก็เป็นอีกเรื่องของโซ่ที่พอร์ชอยากจะรู้



            “เฮ้ยไม่ใช่! เพลงที่พี่ลงให้โซ่ในไอพอดก็มีแต่เพลงสากลกับเพลงวัยรุ่นฮิตๆทั้งนั้น”
ทศพลรีบบอกปฏิเสธ เพราะจำได้ว่าตอนเช็คเครื่องทีแรกที่รับจากร้านก็ได้เพลงตามที่สั่งไว้



            “แล้วเพลงกล่อมเด็กมันมาจากไหนวะ” สุดท้ายแล้วพอร์ชก็ต้องพึมพำถามตัวเอง
เมื่อไม่ได้ความกระจ่างจากพี่เขยอย่างทศพล



            “ถ้านายจริงจังและจริงใจกับโซ่พอ ไม่ว่าจะสงสัยหรืออยากรู้เรื่องอะไรก็ไม่ต้อง
ไปตามหาหรอกพอร์ช เพราะความจริงแล้วก็มีแค่โซ่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นคำตอบของคำถาม”



            “ผมแค่อยากจะเข้าใจมันให้มากกว่านี้”



            “เรื่องแบบนี้มันไม่มีวิธีคิดตายตัวแบบสูตรคณิตหรอกนะพอร์ช แล้วถ้านายอ
ยากจะรู้จักโซ่ นายก็ต้องเรียนรู้ตัวตนของโซ่ ไม่ใช่ไปถามเอาจากคนอื่นแบบนี้ และ
ถ้าอยากจะได้ใจนายก็ต้องใช้ความจริงใจเข้าแลก ไม่ใช่ความอยากรู้อยากเห็น หรือ
แค่นึกสนุก เพราะสุดท้ายแล้วคนทำลายอาจจะเจ็บหนักกว่าคนโดนทำร้ายก็เป็นได้”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่พอร์ชจำได้ เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย
ต่อให้พี่ชายหรือแม่จะตะโกนร้องเรียกสักแค่ไหน เขาก็หันหลังให้ทุกคน แล้วเดิน
ลอยละล่องขึ้นห้องมาแบบเบลอๆ เพราะรู้สึกจุกกับคำเตือนของทศพลที่มันพุ่งเข้า
มาปักลงกลางใจ จนต้องย้อนกลับมามองตัวเองว่าแท้จริงแล้ว เขาต้องการอะไร
จากโซ่กันแน่ นอกจากความอยากรู้ อยากลอง อยากเอาชนะ ในตอนแรก

..

..

..

            “ให้หกวันที่เหลือนี้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกันนะมึง” ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์
ขึ้นมากดดูรูปของโซ่ที่ตนแอบถ่ายไว้ จ้องมองอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะ...Post Facebook







            ลงได้ไม่กี่นาทีเพื่อนๆใน Facebook ที่ยังไม่นอนก็รีบเข้ามากด
Like กด Share กันรัวๆ และแน่นอนว่าคนที่ใจกล้าหน้าด้านเข้ามา Comment
เผือกในทันทีก็จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากเพื่อนรักเพื่อนซี้อย่างแวนและ
เป้ที่ดูเหมือนว่าจะเข้ามาก่อกวนเสียมากกว่า





            สุดท้ายแล้วพอร์ชก็ทนไม่ได้ต้องลากเพื่อนรักทั้งสองเข้าไปคุยในกลุ่ม
ลับที่มีสมาชิกเพียงแค่พวกเขาสามคน เพราะเรื่องบางเรื่องมันก็คุยกันต่อหน้า
สาธารณชนไม่ได้ อย่างเช่นเรื่องของโซ่ที่เป็นประเด็นหลักของการพูดคุยในวันนี้
ซึ่งกว่าที่สามเพื่อนซี้จะได้คำตอบของคำถามเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว
 นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สามทรราชแห่งช่างยนต์ไปวิทยาลัยสาย โดยเฉพาะกับ
พอร์ชที่บอกกับโซ่ไว้ว่าจะขับรถไปรับไปวิทยาลัยพร้อมกัน หลังจากที่ทั้งสองนั้น
หลุดพ้นทัณฑ์บนของตัวเองในวันเดียวกัน





                                 TBC.
ความจริงแล้ว ในต้นฉบับมันมีมากกว่านี้ แต่คนเขียนลงรูปในเล้าเป็ดไม่เป็น
#ขอโทษในความไม่สะดวกนี้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-01-2018 21:08:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 05-01-2018 21:18:15
โซ่คงมีเรื่องบางเรื่องที่เจ็บปวดมากสินะ


หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-01-2018 23:18:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-01-2018 23:26:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-01-2018 23:40:50
ปัญหาที่เกิดขึ้นคงเกิดจากพ่อแม่ของโซ่แน่ๆ เลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-01-2018 23:45:51
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 06-01-2018 03:56:16
นี่หรือคือพี่พล คนที่โซ่ฝังใจ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #08 {05/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 06-01-2018 05:44:03
พอร์ช ต้องใจแลกใจแล้วแหละ
โซ่ สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 06-01-2018 21:29:07


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{09}







          “กลางวันกูไปกินข้าวด้วยนะ” พอร์ชคว้าแขนของโซ่ไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหนีไป



            “เรื่องของมึง” โซ่พูดบอกแต่เพียงเท่านั้นก่อนที่จะเดินตรงไปยังตึกเรียนของตนเอง
 ส่วนพอร์ชก็เดินแยกไปอีกทาง เพราะมีเรียนในแผนกและตอนนี้เขาก็สายมากแล้ว



            “แฮ่กๆ” ทั้งที่พยายามจะเร่งฝีเท้าแล้ว แต่พอร์ชก็มาไม่ทันเข้าแถวเช็คชื่อเข้าแผนกอยู่ดี
 เพราะอาจารย์ประจำวิชากำลังปล่อยเพื่อนเข้าห้องพอดี



            “ว่าไงพีรพัฒน์กลับมาวันแรกก็สายเลยรึไง” อาจารย์ที่หันมาเห็นพอร์ชพอดีก็เอ่ยทักขึ้น
ด้วยรอยยิ้มที่เด็กช่างยนต์ทั้งแผนกลงความเห็นเดียวกันว่า…สยองฉิบหาย เพราะอาจารย์คนนี้ไม่
ลงโทษเด็กด้วยการตีหรือใช้งานหนักเหมือนกับหัวหน้าแผนก แต่ชอบลงโทษเบาๆ
แต่เป็นวิธีที่โคตรจะอับอาย



            “ผมตื่นสาย” พอร์ชยกมือขึ้นไหว้ขอโทษพร้อมๆกับที่แวนเอ่ยแซวเสียงดังขึ้นมาว่า…



            “ไอ้พอร์ชมันกำลังอินเลิฟครับอาจารย์ ช่วงนี้มันเลยกินไม่ได้นอนไม่หลับ” พอแวนพูดจบ
เพื่อนๆก็พากันโซ่แซวอย่างสนุกสนาน เพราะเพื่อนๆในห้องต่างก็เห็น Post ของพอร์ชใน Facebook
 กันครบทุกคนแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครรู้ว่าคนในรูปนั้นเป็นใคร นอกเสียจากแวนกับเป้ที่ต่างก็ปิดปากเงียบ
แม้ว่าเพื่อนหลายคนจะพากันมาเค้นคอถามก็ตาม



            ‘สัส’ พอร์ชหันไปด่าแวนแบบไม่ออกเสียง แต่มีหรอที่แวนจะสะทกสะท้าน
เปล่าเลย เขายังคงยักคิ้วส่งกลับมาอย่างท้าทาย



            “ดี ถ้างั้นก็ไปโน่นเลย…แนะนำตัวเองเสร็จแล้วก็ตะโกนบอกรักแฟนให้เพื่อนฟังสักยี่สิบรอบซิ”
อาจารย์ประจำวิชาชี้ไปที่เนินดินเล็กๆข้างตึก แล้วบอกบทลงโทษของพอร์ชในวันนี้ให้เจ้าตัวได้รับรู้
ซึ่งพอร์ชเองก็เคยมายืนตะโกนอยู่ตรงจุดนี้หลายครั้งแล้วเพราะมาสาย แต่ครั้งก่อนๆนั้น มันแค่พูด
ชื่อตัวเองแล้วก็ต่อด้วยคำว่า ‘ผมจะไม่มาสายอีกแล้วครับ’ ก็เท่านั้น



            “โธ่…จารย์” พอรู้บทลงโทษของตัวเองแล้วพอร์ชแทบทรุด โดนลงโทษแบบปกติอ่ะ
บอกเลยว่าไม่อาย เพราะหน้าด้านพอ แต่พอมีเรื่องโซ่มาเกี่ยวแล้วเขารู้สึกลำบากใจ เพราะอะไรๆ
มันยังไม่ลงตัว เลยกลัวว่าจะมีปัญหา ถ้าเกิดว่าเผลอทำอะไรที่โซ่ไม่ชอบใจออกไป



            “สู้ๆมึง!” แวนชูสองนิ้วเหมือนให้กำลังใจ แต่เปล่าเลย เพราะไอ้เพื่อนเวรมันกำลังล้อ
เลียนเขาอยู่ แต่ที่หนักไปกว่านั้นคือ…ช่างยนต์มุงนี้มาจากไหนครับ?



            “ผมจะเข้าไปในห้องนะ ตะโกนดังๆให้ผมได้ยินด้วยล่ะ ถ้าไม่อยากมีแถม อ่อ…แล้ว
แฟนอยู่แผนกไหนก็อย่าลืมหันหน้าไปทางนั้นด้วยนะ…เผื่อเขาจะได้ยิน” สั่งเสร็จอาจารย์
สุดแสบก็เดินผิวปากเข้าตึกไปอย่างสบายใจ



            “เพราะมึงเลยแม่ง!” พอร์ชขว้างกระเป๋าสะพายของตัวเองส่งไปให้แวนกับเป้ที่จอง
พื้นที่ด้านหน้าสุด นั่งรอชมความอับอายของอย่างสบายใจ ประหนึ่งว่ามีคนมาปูเสื่อให้ ทั้งที่
จริงแล้วที่ตรงนั้นมันเป็นพื้นซีเมนต์ธรรมดาๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง



            “เอาน่ามึง…อย่าลืมหันไปทางโน้นด้วยนะ เผื่อ ‘มัน’ จะได้ยิน” คราวนี้ไม่ใช่แวน
แต่กลับเป็นเป้ที่เอ่ยแซวออกมา และชี้นิ้วไปยังตึกหลังสุดของวิทยาลัยที่เป็นตำแหน่งที่ตั้ง
ของแผนกช่างไฟที่โซ่สังกัดอยู่ ส่วนแผนกช่างยนต์ของพอร์ชนั้นคือตึกที่สองริมฝั่งขวามือ
ตรงข้ามกับโรงจอดรถ และอยู่ไม่ไกลจากประตูรั้วของวิทยาลัยนัก ต่างจากของโซ่ที่อยู่ลึก
เข้าไป แถมยังเป็นแค่ตึกสี่ชั้นธรรมดาๆ เหมือนกับตึกสามัญ ไม่มีอู่หรือโรงงานเหมือนกับแผนกของพอร์ช



            “ผมชื่อพีรพัฒน์ โรจนจินดา ช่างยนต์ 1/1 รักไอ้นิ่งครับ!” พอร์ชสูดหายใจเข้าปอด
ป้องปาก ร้องตะโกนชื่อ แผนก ระดับชั้น ห้อง และตามด้วยคำบอกรักโซ่ซึ่งเป็นบทลงโทษ
ในครั้งนี้ออกมาเสียงดังฟังชัด ด้วยสีหน้าแดงก่ำเพราะเขินอาย ต่างจากเพื่อนๆ รุ่นพี่ในแผนก
และต่างแผนกที่มานั่งดูยืนดูพากันหัวเราะตัวงอ แล้วก็เป็นอย่างนั้นไปจนครบยี่สิบรอบ
 ครบตามคำสั่งของอาจารย์ พอร์ชกับเพื่อนๆถึงได้ฤกษ์เข้าเรียนวิชาแรกของวันตอนเกือบเก้าโมง



            “ไอ้พอร์ชมันเลิกกับน้องบี๋แล้วไปคบเด็กคอมฯหรอวะ?” เพื่อนในห้องสะกิดถามแวน
ระหว่างที่เดินไปโรงอาหาร หลังจากที่เสร็จสิ้นตารางเรียนในช่วงเช้า



            “มึงคิดงั้น?” แวนเลิกคิ้วถาม



            “ก็เมื่อเช้าตอนที่มันโดนลงโทษมันหันหน้าตะโกนไปทางนั้นนี่หว่า ไม่ได้ตะโกนไป
ทางฝั่งน้องบี๋บัญชีของมันสักหน่อย” เด็กหนุ่มพูดบอกพลางชี้ไปทางตึกคอมเก่าที่อยู่ด้านหลัง
โรงอาหาร หน้าตึกช่างไฟ แล้วก็ชี้ไปทางตึกบัญชีที่อยู่ทางฝั่งซ้ายสุด ซึ่งอยู่ตรงข้างกันกับ
แผนกช่างยนต์ของพอร์ช โดยมีสนามฟุตบอลและโรงอาหารกั้นกลางอยู่



            “โอ้ย…แม่นางเขางี่เง่าขนาดนั้น ไอ้พอร์ชมันอัญเชิญออกจากชีวิตไปตั้งแต่
สองวันแรกแล้วครับคุณมึง” แวนบอก เพราะแทบจะไม่มีเรื่องไหนของพอร์ชเลยที่ตน
กับเป้จะไม่รู้เรื่อง ในเมื่อเจ้าตัวมันเอามาปรึกษาและเล่าให้ฟังแทบจะทุกเรื่อง เหมือนกับ
เรื่องน้องบี๋คู่นอนคนล่าสุดของมันที่โคตรจะ ขี้วีน งี่เง่า และเอาแต่ใจ เรียกว่ารวมทุกนิสัย
ที่ไอ้พอร์ชเกลียดไว้ในตัวคนเดียวเลยก็ว่าได้ ดังนั้นแม่สาวเจ้าจึงโดนตัดหางปล่อยวัดเสีย
ตั้งแต่คุยกันได้สองวัน เรียกได้ว่า กลางวันคุย กลางคืนซั่ม เช้าบอกเลิกแบบนั้นก็ได้
เพราะมันเป็นเรื่องจริง



            “กูก็ว่างั้น เห็นตอนนั้นมาตามแวดๆใส่ไอ้พอร์ชอยู่สี่ห้าวันแล้วก็หายเงียบไปเลย”
เขาพยักหน้าเห็นด้วย เพราะก่อนหน้านี้หญิงสาวที่ชื่อบี๋มาตามวีนพอร์ชอยู่เป็นอาทิตย์ก่อน
ที่จะเงียบหายไป จนปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครเห็นแม่นางอีกเลย



            “มึงก็รู้ว่าเฮียดี้รักไอ้พอร์ชจะตาย” แวนบอก



            “มึงอย่าบอกนะว่า…”



            “เออ…ก็อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ ป่านนี้น้องบี๋คงเปรมไปแล้ว” คำยืนยันของแวน
ทำเอาเพื่อนอ้าปากค้าง



            “พี่ดี้แม่งโหดฉิบหาย…รักไอ้พอร์ชเกิ๊น~” เรื่องที่พอร์ชเป็นน้องรักของพี่ๆนั้นเป็น
ที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนเก่าของพอร์ช โดยเฉพาะกับว่าที่นักอย่างออดี้พี่ชายคนรองของพอร์ชที่
สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อพี่น้องของตนเอง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะผิดหรือจะถูกก็ตาม อย่างเช่นกับ
ที่ทำกับหญิงสาวคู่นอนของพอร์ช โดยที่พอร์ชไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิด เพียงแต่ว่าเจ้าตัวนั้น
บังเอิญไปบ่นกับพี่ชายคนโตอย่างโฟล์คฟัง แล้วโฟล์คก็โทรไปเล่าให้ออดี้ฟังอีกที หลังจาก
นั้นไม่กี่วันหญิงสาวคนดังกล่าวก็หายไปวงจรชีวิตของพอร์ช



            “มึงก็อย่าไปหลุดปากให้ไอ้พอร์ชมันรู้ก็แล้วกัน เดี๋ยวได้ไปตีกับเฮียดี้อีก” แวนเตือน



            “เออๆ กูรู้แล้วน่า ว่าแต่…ตกลงแล้วแฟนมันเด็กไหนวะ?” เขาพยักหน้ารับปาก
แล้ววกถามเข้าเรื่องเดิมที่อยากรู้



            “มึงก็แหกตาดูเอาสิ เพื่อนมึงเสนอหน้าไปหาเขาถึงที่ขนาดนั้น” แวนเพยิดหน้า
บุ้ยปากให้เพื่อนหันไปดูพอร์ชที่กำลังเดินตรงดิ่งไปหาโซ่ที่โต๊ะประจำของกลุ่มช่างไฟ



            “ไอ้โซ่…ช่างไฟ?” แม้ว่าภาพมันจะเฉลยคำตอบของคำถามอยู่แล้ว แต่เขาก็อยาก
จะได้คำยืนยันจากปากแวนอีกครั้ง ว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง



            “มึงเห็นมันเต๊าะใครอยู่ก็คนนั้นนั่นแหละ” แวนบอก



            “นรกแตกแน่ มวยถูกคู่ซะด้วยไอ้พอร์ชเอ้ย ถ้าพวกแม่งได้กันจริงๆ คงบันเทิงฉิบหาย”
เขาอยากจะสบถออกมาดังๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตรงนี้มีทั้งครูและนักเรียนอยู่เยอะเกินไป



            “จะบันเทิงเริงใจขนาดไหนก็ต้องรอดูต่อไป หึๆ” แวนพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนที่จะ
แยกย้ายกันไปตามที่ตามทางของตัวเอง



            “มีอะไรรึเปล่าครับคุณพอร์ช” บุญล้อมเอ่ยถามเป็นคนแรก เพราะโซ่มัวแต่ก้มหน้า
กินข้าวแบบที่ไม่ยอมสนใจพอร์ช ส่วนเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกันก็เอาแต่ตั้งท่าเตรียมพร้อมลุย
เต็มที่ เพราะกลัวว่าพอร์ชจะมาหาเรื่องอย่างที่เคยต่อยตีกันประจำ



            “กูเอาสุกี้ทะเลพิเศษกับโค้กขวดนึงนะแวน…มึงขยับไปหน่อยดิมหา”  พูดสั่งพร้อม
กับส่งเงินพอดีค่าอาหารของตัวเองให้กับเพื่อนรัก ก่อนที่จะหันไปบอกกับบุญล้อมที่นั่งติด
กันกับโซ่อีกฝั่งให้ขยับออกไปหน่อย ตัวเองจะได้นั่งข้างๆโซ่ได้ เพราะโซ่นั่งอยู่มุมโต๊ะพอดี



            “นิ่งครับ…ขยับหน่อยสิครับ ขอนั่งด้วยคน”  พอเห็นว่าบุญล้อมขยับให้ตามคำขอแล้ว
พอร์ชก็หันมาอ้อน(?)โซ่แทน ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้เพื่อนๆช่างไฟของโซ่สยอง ถึงกับต้องรีบพา
กันลุกหนีออกไปจากโต๊ะทันที



            “ไม่” คำปฏิเสธที่ไรเยื่อใยของโซ่ทำเอาพอร์ชถึงกลับเซ็ง แต่ก็ยอมไปนั่งฝั่งตรงข้าม
ของโซ่ที่เพิ่งจะว่างเพราะเจ้าของเดิมลุกหนีไปแทน



            “บ่ายนี้เขาเรียกรวมสีพวกมึงรู้ยังวะมหา” พอร์ชปล่อยให้โซ่ได้ทานมื้อกลางวันอย่าง
สบายใจไปก่อนที่เจ้าตัวจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ (สังเกตจากสีหน้าที่เริ่มตึงๆเพราะคำถามของพอร์ช)
แล้วหันไปคุยเรื่องกีฬาสีกับบุญล้อมแทน



            “สีผมนัดที่ลานกิจกรรม แล้วของคุณพอร์ชล่ะครับ?” บุญล้อมถาม



            “ที่เดียวกัน” พอร์ชบอก



            หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งสองกลุ่ม(?)ห้าคน(?)ก็พากันเดินลัดสนามบอล
ไปยังลานกิจกรรมเพื่อรอหัวหน้าสีของตัวเองเรียกรวม ซึ่งสำหรับแผนกช่างแล้วก็
ตามแถบสีที่ติดอยู่บนอกเสื้อช็อปนั่นแหละ จะมีก็แต่ฝั่งพาณิชยกรรมนั่นแหละที่
ต้องมาดูตามสีเสื้อพละที่ได้อีกที แล้วก็บังเอิญที่สีชมพูกับสีฟ้าได้นั่งรวมข้างกัน
ทั้งห้าคนก็เลยไม่ได้แยกกันไปไหน แต่นั่งรวมกองกันอยู่ด้านหลังสุดที่
เป็นรอยต่อของทั้งสองแผนกนั่นแหละ



            “ขอตัวแทนมวยสากลด้วยครับน้อง/ ขอตัวแทนมวยสากลด้วยค้า~” หัวหน้า
สีฟ้ากับหัวหน้าสีชมพูพูดบอกออกมาพร้อมกัน หลังจากที่รับสมัครตัวแทนนักกีฬาใน
แต่ละประเภทครบหมดแล้ว เหลือมวยสากลเป็นอย่างสุดท้าย เพราะเป็นกีฬาที่มีคนดูเยอะ
 แต่คนสมัครน้อย ซึ่งคนชนะจะเสมอตัว ไม่โดนชม ไม่โดนด่า แต่ถ้าแพ้ก็เตรียมตัวอับอาย
ไปจนสิ้นสุดปีการศึกษานั่นแหละ เพราะจะต้องมีพวกปากมากไม่สร้างสรรค์หาเรื่องเกทับอยู่ตลอดเวลา



            “ไอ้โซ่ลุกมา” ประธานสีที่เป็นนักเรียนในค่ายมวยของตาโซ่เอ่ยเรียกเสียงดัง
ทำเอาสมาชิกช่างยนต์และช่างไฟแตกฮือเพราะเป็นที่รู้กันดีของทั้งสองกลุ่มว่าโซ่เป็น
พวกไม่สุงสิงกับใคร เวลาเพื่อนมีเรื่องก็จะนั่งฟังเพลงรออยู่ที่รถเฉยๆ จนกว่าเพื่อนจะ
ตีกันเสร็จ ซึ่งก็น่าจะชกต่อกับใครเขาไม่เป็น แล้วทำไมถึงได้เลือกไอ้โซ่? เกลียดไอ้โซ่?
แค้นไอ้โซ่? ส่งไอ้โซ่ไปตาย? เอาแต่สงสัยและพูดกันไปต่างๆนาๆ ด้วยความไม่รู้



            “ผมลงมวยเองเจ้” พอร์ชยกมือขึ้นบอกกับประธานสีซึ่งเป็นสาวประเภทตัวแทน
จากแผนกเลขาฯของตัวเองทันทีที่โซ่เดินออกไปตามเสียงเรียกของประธานฝ่ายโน้น
นั่นทำให้มีประเด็นฮือฮามากขึ้นมา เพราะเมื่อไม่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วยังเห็นทั้งสองคนนั่ง
ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันอยู่เลย แถมยังดูสนิทกันอีก



            “บันเทิงพอไหมละครับเพื่อนมึง?” แวนหันไปถามกับเพื่อนคนคนเดิมที่คุยเรื่อง
พอร์ชกับโซ่ด้วยกัน ก่อนที่จะเข้าโรงอาหาร



            “กูนึกภาพไม่ออกเลยว่ะ” เขาทำหน้าสยอง ทำขนลุกขนพองตอบกลับแวนที่นั่ง
หัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ



            “น้องพอร์ชลงบอลแล้วไม่ใช่หรอจ้ะ?” ประธานสีของพอร์ชถาม เพราะก่อนหน้านี้
พอร์ชได้ลงสมัครเข้าทีมฟุตบอลไปแล้ว



            “ลงแล้วก็ลงอีกได้นี่เจ้ มวยกับบอลมันแข่งคนละเวลากัน” พอร์ชบอก



            “ไม่ได้ๆ น้องพอร์ชสุดหล่อก็รู้ว่าสีชมพูของเราคาดหวังกับแชมป์ฟุตบอลสาม
สมัยแค่ไหน เพราะฉะนั้นเจ้ให้นักฟุตบอลลงกีฬาอย่างอื่นซ้อนไม่ได้ โดยเฉพาะมวย
สากลที่อาจจะเจ็บหนักจนถึงขั้นแข่งอย่างอื่นต่อไม่ได้” คุณพี่ประธานสีเธอให้เหตุผล
เพราะนักกีฬามวยสากลของปีที่ผ่านๆมามักจะจบลงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกหามเข้าโรงพยาบาล



            “แต่…”



            “ผมลงมวยเองเจ้” ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้พูดต่อ ใครบางคนก็ลุกขึ้นมาแทรก
บทสนทนา ยกมือเสนอตัวเองลงแข่งมวยสากลตัดหน้าพอร์ช



            “ไอ้เหี้ยป้อง!” พอร์ชเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนร่วมแผนกเสียงแข็ง เพราะ ‘ป้อง’ หรือ
‘ปกป้อง’ เป็นผู้นำของห้องสอง ส่วนพอร์ชก็เป็นหัวโจกห้องหนึ่งที่เพื่อนๆพี่ในแผนกไว้ใจ
เหมือนกับที่เขาว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะไม่กระโจนต่อย
ตีกันทุกครั้งที่เจอหน้า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาทั้งคู่จ้องหาจังหวะโจมตีกันอยู่ทุกครั้งไป



            “ได้จ้ะ…ถ้าเป็นน้องป้องเจ้โอเค” คุณเจ้ประธานตอบรับในทันที เพราะปกป้องยัง
ไม่ได้ลงสมัครเข้าร่วมกีฬาใดๆทั้งสิ้น จึงเหมาะมากที่จะให้ลงแข่งมวยสากล



            ปึก ปึก



            “ไม่ต้องห่วงนะ เด็กมึง…กูจะดูแลให้เป็นอย่างดี” หลังจากลงชื่อเสร็จ ปกป้อง
เดินตรงเข้ามาตบไหล่ กระซิบบอกข้างหูพอร์ชด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยั่วยวน
กวนประสาท  จนพอร์ชต้องกัดฟัน กำหมัดไว้แน่น เพราะไม่อาจที่จะลงมือได้นอนนี้
เนื่องจากว่ามีอาจารย์อยู่มากเกินไป แม้ว่าความจริงแล้วอยากจะยกแข้งขึ้นฟาดหน้าปกป้องมากก็ตามที



            “อย่าให้ถึงคราวกูก็แล้วกัน” พอร์ชพูดบ่นเสียงแข็ง เพราะรู้สึกหัวเสียที่ถูก
ปกป้องปาดหน้าลงชื่อเข้าแข่งมวยสากลแทนตัวเอง อีกทั้งยังพูดดักทางเหมือนกับ
ว่าเจ้าตัวนั้นรู้เรื่องระหว่างเขากับโซ่เป็นอย่างดี



            “คุณพอร์ชอยากต่อยกับคุณโซ่หรอครับ” บุญล้อมแกล้งถาม

            “ต่อยบ้านมึงสิ! กูแค่ไม่อยากให้เพื่อนมึงเจ็บตัวเปล่า ไอ้ป้องน่ะยูโดสายดำ
ลูกชายเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเลยนะเว้ยมหา…อย่าทำเป็นเล่นไป” พอร์ชบอก
ที่เขาจะลงสมัครชกมวยกับโซ่ก็เพราะว่าไม่อยากจะให้โซ่เจ็บตัวมากนัก เพราะรู้ดีว่า
เพื่อนๆพี่ๆในแผนกเขาหลายคนไม่ชอบขี้หน้าโซ่สักเท่าไหร่ เพราะความนิ่งและชอบ
สุงสิงกับใครของเจ้าตัว จึงถูกมองว่าหยิ่งไปโดยปริยาย เพราะก่อนหน้านี้
เขาเองก็มองว่าโซ่เป็นแบบนั้นเช่นกัน



            “คุณพอร์ชลืมไปแล้วหรอครับว่าคุณโซ่น่ะก็ทายาทแชมป์โลกมวยไทยนะครับ”
บุญล้อมกระซิบบอกข้างหูพอร์ชเพราะเบาๆ เพราะนอกจากพวกเขาแล้ว ยังไม่มีใครรู้เรื่อง
ที่โซ่เป็นหลานค่ายมวยดังประจำจังหวัด



            “เออว่ะ แต่กูก็ไม่อยากให้มันเจ็บตัวอยู่ดีว่ะมหา” พอร์ชบอกอย่างเป็นกังวล
เพราะยังไม่รู้ระดับฝีมือการต่อยมวยที่แท้จริงของโซ่ พอร์ชจึงไม่วางใจนัก



            “เอางี้นะครับ…คืนนี้สี่ทุ่มตรงมาเจอกันที่หน้าปากซอยบ้านคุณโซ่ แล้วผมจะ
พาคุณไปเปิดหูเปิดตา จะได้เลิกห่วงคุณโซ่แล้วหันมาห่วงชีวิตตัวเองแทนสักที”
บุญล้อมหันซ้ายแลขวามองดูให้แน่ใจก่อนว่าโซ่ยังไม่ได้เดินกลับมานั่งที่ ยื่นหน้าเข้า
ไปกระซิบนัดแนะเวลาและสถานที่กับพอร์ชเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน



            “ตกลง”







TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2018 21:41:35
 o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-01-2018 06:21:35
 :m7: ขอตามไปแอบดูหลานโซ่ด้วยคนนะ  :m22:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 07-01-2018 19:19:14
ไม่มีอะไรจะเม้น
นอกจากบอกว่าให้มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 07-01-2018 19:41:35
ค้างอ่ะ มาต่อเร็วเข้า อิอิ

โซ่นี่เก่งอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-01-2018 21:44:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-01-2018 23:06:57
ห่วงชีวิตตัวเองแทนดีกว่า 55555

บุญล้อมพูดถูกใจ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-01-2018 10:11:22
กว่าจะได้เป็นแฟนกันพอร์ชอาจจะช้ำในซะก่อน
 -
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 08-01-2018 14:59:23
จะรอดูคุณพอร์ชคนกลัวตีนเมีย?  :laugh:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-01-2018 17:07:15
รอๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #09 {06/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 09-01-2018 18:21:19
รอตอนต่อไปเลยฮะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 09-01-2018 21:32:26


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{10}







            “ทำไมไม่เข้าไปนั่งดูข้างในดีๆวะมหา…อยู่ตรงนี้ยุงกัดฉิบหาย” พอร์ชถามเสียงขุ่น
เพราะหงุดหงิดที่โดนยุงทั้งฝูงรุมกัดอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง หลังจากมาตามคำนัดของบุญล้อม
และบุญล้อมบอกให้เขาจอดรถไว้หน้าบ้านของคนรู้จักที่อยู่ถัดจากบ้านของโซ่ไปสามหลัง
แล้วค่อยพากันเดินย่องมาแอบดูโซ่ยืดเส้นยืนสายอยู่ทางด้านหลังบ้านซึ่งเต็มไปด้วยดงต้นกล้วยแทน
ก็ไม่รู้ทำไมถึงต้องเป็นตรงนี้ ทั้งมืด ยุงก็ชุม แถมยังมองเห็นโซ่ไม่ชัดอีกต่างหาก แต่ก็ต้องทนอยู่
เพราะบุญล้อมบอกให้อดทนรอ แล้วจะได้เห็นอะไรดีๆ



            “ทนหน่อยสิครับ นั่นไง คุณโซ่ยืดกล้ามเนื้อเสร็จแล้ว…เดี๋ยวก็ถึงเวลา” บุญล้อมบอกพลาง
ชี้ชวนให้พอร์ชดู โซ่ที่กำลังเก็บอุปกรณ์ยืดกล้ามเนื้อของตัวเองเข้าตู้ แล้วหยิบของบางอย่างติดมือมาด้วย



            “มันทำอะไรของมันวะ?” พอร์ชขอสารภาพตามตรงเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ห่างจากเรื่องแม่
ไม้มวยอยู่มาก แม้ว่าจะมีเรื่องต่อยตีกับชาวบ้านบ่อยก็เถอะ เขาจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่โซ่กำลังทำอยู่ตอนนี้คืออะไร
ทำไมต้องยกม้วนสายสิญจน์ขึ้นไหว้เหนือหัว



            “นั่นเรียกว่า ‘คาดเชือก’ครับ แล้วเชือกที่คุณโซ่ใช้คาดก็เป็นสายสิญจน์มัดตราสังศพของ
คุณตาทวดที่ผ่านพิธีกรรมและลงอักขระคาถามาเรียบร้อยแล้วครับ” มาถึงตรงนี้ ไม่ใช่แค่พอร์ชที่
รู้สึกเย็นวูบด้านหลัง แต่บุญล้อมผู้ให้ข้อมูลเองก็รู้สึกเหมือนกัน เขาจึงยกมือขึ้นไหว้เหนือหัวแล้วพูดต่อว่า…



            “ผมไม่ได้จะลบหลู่คุณตาทวดนะครับ ผมแค่อยากจะแบ่งปันเรื่องราวของคุณโซ่ให้คนที่
มารับหน้าที่ดูแลคุณโซ่ต่อจากผมได้รับรู้ไว้บ้าง…หวังว่าคุณตาทวดจะเข้าใจนะครับ” สิ้นสุดคำพูด
ของบุญล้อม กระแสลมแรงก็พัดผ่านตัวพวกเขาทั้งคู่ไปอีกวูบหนึ่ง ทำเอาพอร์ชถึงกับสะดุ้งสุดตัว
ยกมือขึ้นไหว้เหนือศีรษะเช่นเดียวกันกับที่บุญล้อมทำ เป็นการเคารพและขอขมาไปในตัวที่ต้องมา
รับฟังเรื่องราวของท่านผ่านจากปากของคนอื่นโดยที่ท่านไม่ได้อนุญาตแบบนี้



            “คุณตาทวด? ไม่ใช่คนเดียวกับที่อยู่ตอนนี้หรอวะ” แม้ว่าจะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่เพราะเป็น
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับโซ่ พอร์ชจึงอดไม่ได้ที่จะถามถึง



            “ไม่ใช่ครับ คุณตาเป็นลูกชายคนเดียวของคุณตาทวด แต่คนที่สอนมวยคุณโซ่คือคุณตาทวด
ไม่ใช่คุณตาครับ เพราะหลังจากที่ไปรับคุณโซ่มาจากบ้านคุณแม่ คุณตาก็ต้องกลับไปเป็นครูมวย
ที่กรุงเทพฯ ปล่อยให้คุณโซ่อยู่กับคุณตาทวดสองคน ซึ่งตอนนั้นคุณตาทวดก็ยังแข็งแรงดี
ไม่ได้เจ็บป่วยหรือมีโรคประจำตัวอะไร จึงดูแลคุณโซ่และผมได้อย่างสบายๆ” เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว
บุญล้อมก็จำเป็นต้องหยุดเมื่อพอร์ชเอ่ยถามขึ้นมา



            “มันกำลังเดินมาทางนี้หรอวะ?” พอร์ชถามเสียงตื่น เพราะตกใจที่เห็นโซ่กำลังเดินตรง
มาตรงทิศทางเดียวกับที่ตนกับบุญล้อมยืนอยู่



            “ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกครับ ถ้าคุณพอร์ชไม่เสียงดัง คุณโซ่ก็จะไม่มีทางเห็นเรา
เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะมาตรงนี้” บุญล้อมพูดพลางยักคิ้วส่งไปข้างหน้าให้พอร์ชมองดูโซ่ที่
ยกมือที่คาดเต็มไปด้วยสายสิญจน์ทั้งสองข้างขึ้นพนมยกมือขอขมาต้นกล้วยที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง



            “อย่าบอกนะว่ามันจะซ้อมกับต้นกล้วย?” พอร์ชถาม



            “นักมวยในค่ายนี้ไม่ค่อยมีใครอยากซ้อมกับคุณโซ่หรอกครับ ถ้าคุณตาไม่ขอร้องแกมบังคับ” บุญล้อมบอก



            “ทำไมวะ”  พอร์ชถามต่อในขณะที่โซ่เล่มลงแข้งเตะต้นกล้วยเป็นจังหวะเบาๆ



            ตุบ ตุบ ตุบ



            “เพราะมวยที่คุณใช้คือคาดเชือกโบราณที่ดูทั่วไปเขามองว่าช้าและสู้มวยไทยใส่
นวมสมัยใหม่ที่ว่องไวไม่ได้ แต่สำหรับนักมวยด้วยกันแล้ว มวยไทยโบราณถือว่าเป็นการต่อสู้
ที่น่ากลัวที่สุด เพราะครบเครื่องไปด้วยหมัด เท้า เข่า ศอก รวมถึงการทุ่ม การทับ และจับหักล็อคได้
ที่สำคัญเลยคือวิชาคาดเชือกโบราณสามารถโจมตีจุดอันตราย จนถึงตายได้ ถ้าหากคู่ต่อสู้ประมาท
เหมือนอย่างที่เคยมีในบันทึกประวัติศาสตร์มวยไทยยังไงล่ะครับ” บุญล้อมเล่าให้พอร์ชฟังเหมือน
อย่างที่เคยฟังคุณตาทวดของโซ่ท่านสอนสั่นให้เข้าใจทั้งศาสตร์และศิลป์ในวิชาคาดเชือกโบราณ
ที่นับวันก็จางหายไปตามเวลา และอาจจะเหลือเพียงแค่เชื่อก็ได้ ถ้าหากวันข้างหน้า ไม่มีใครเห็นคุณค่า
รากเหง้าของมวยไทย และคิดแต่ฝึกเพื่อที่จะเอาชนะเหมือนอย่างที่มีให้เห็นกันในทุกวันนี้



            “ไม่จริงน่า” พอร์ชพึมพำออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหู มันก็จริงที่แม่ไม้มวยไทยเป็นกีฬา
การต่อสู้ ที่มีโอกาสได้เห็นนักกีฬาถูกหามส่งโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นตายคาเวที
อย่างที่บุญล้อมบอกหรอก



            ตุบ ตุบ ผัวะ! โครม!



            พูดไม่ทันขาดคำ พอร์ชก็ต้องตกใจ ตาโต อ้าปากค้าง เมื่อต้นกล้วยลำแน่นหักเป็นสองท่อน
เพราะแรงเตะของโซ่



            “ฉิบหายแล้ว” พอร์ชครางออกมาเบาๆ ก็รู้หรอกว่าโซ่น่าจะพอชกต่อยเป็น จากประสบการณ์
นวดหน้าด้วยฝ่าเท้าที่โซ่บริการอยู่บ่อยๆในช่วงที่รู้จักกันแรกๆ แต่ก็ไม่คิดว่าไอ้ตัวโย่งๆขาวๆหุ่นปลิวลม
จะแรงเยอะขนาดที่ว่าเตะต้นกล้วยหักครึ่งได้ เพียงแค่ฟาดแข้งไปไม่กี่ทีแล้วอย่างนี้…ชีวิตของเขายัง
จะปลอดภัยอยู่ไหม?



            “โชคดีนะครับคุณพอร์ช” เหมือนจะให้กำลังใจ แต่เปล่าเลย! เพราะสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอย
ยิ้มสะใจแบบนั้นบอกได้เลยว่า…ไอ้มหามันกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่!



            “โชคดีบ้านมึงเถอะไอ้หมา! ห่า…ถ้ากูทำให้มันไม่พอใจ ตัวกูขาดครึ่งเพราะจะโดนเตะตายไหมเนี่ย” พอร์ชบ่น



            “ไม่หรอกครับ คุณโซ่เขาใจดี มีเมตตาเป็นมิตรกับ ‘สัตว์’ น้อยใหญ่ แล้วเขาก็ถือคติที่ว่ามวยไม่ได้มีไว้ต่อยกับหมา”



            “สาบานสิว่ามึงไม่ได้หลอกด่ากูอยู่?” พอร์ชขมวดคิ้วถามเสียงขุ่น



            “ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ ผมแค่ต้องการจะสื่อว่าคุณโซ่เขาเป็นคนดีเท่านั้นเอง” ความจริงแล้วก็ด่า
เจ้าตัวตรงๆนี่แหละ เพราะพอร์ชเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ใช้กำลังตัดสินปัญหา คิดว่าตัวเองเก่งเหนือผู้ใด
แต่ความจริงแล้วก็แค่เด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอะไรที่ตัวเขากับโซ่ไม่ชอบเอามากๆเลย เพราะตั้ง
แต่เด็กจนโตก็โดนสอนฝังหัวมาตลอดว่าอย่าใช้วิชาความรู้ไปในทางที่ผิด เพราะวิชามวยไทยที่แท้จริง
มีไว้สืบสาน ป้องกันตัว และช่วยเหลือคนอ่อนแอที่โดนรังแก ไม่ได้มีไว้หาประโยชน์ส่วนตน เพื่อโค่นล้มส่วนรวม

..

..

..

            “มีปัญหากับกู?” โซ่เอ่ยถามเสียงเรียบ หลังจากที่อดทน นั่งเป็นเป้านิ่งให้พอร์ชสำรวจอยู่นานสองนาน
ตั้งแต่ที่เจ้าตัวไปรับเขามาจากบ้าน เพื่อไปวิทยาลัยด้วยกัน แต่พอร์ชดันลืมของ เลยต้องย้อนกลับมาที่บ้านของ
เจ้าตัวอีกรอบ แม่ของพอร์ชที่ลงมาเจอพอดีก็เลยชวนทั้งสองคนอยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันเสียเลย เพราะเหลือ
เวลาอีกกว่าสองชั่วโมง จะถึงเวลาเข้าแถวหน้าเสาธง



            “เปล่า ก็ไม่ได้มีอะไร แค่วันนี้มึงดู…น่ารักดี” พอร์ชเกาจมูกแก้เก้อ เขาไม่ได้จะประจบ แต่พูดชมออก
มาจากใจจริง ก็ไม่รู้ทำไม แต่เขาจะรู้สึกหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่เห็นโซ่ใส่เสื้อช็อป ก็ยอมรับว่ามันดูดี คนอื่น
อาจจะมองว่าหล่อ แต่เขากลับมองว่ามันน่ารัก เสียนี่สิประเด็น สงสัยสายตาจะมีปัญหา หรือว่าเป็นเพราะ
เขาตกหลุมรัก หน้าแข้งแห่งรัก…หักต้นกล้วยเมื่อคืนก็ไม่รู้



            โซ่ไม่ได้พูดหรือโต้ตอบอะไรกลับไป เขายังคงตีหน้านิ่ง แต่ตาวาววับ ยกมือขึ้นทุบกำปั้นลง
ไปบนหน้าตักของโซ่สั้นๆ แต่หนักหน่วงเต็มแรง ทำให้ไม่มีคนเห็น แต่คนที่โดนหมัดนักมวยอย่าง
พอร์ชนั้นไม่อาจนิ่งเฉยได้



            “โอ้ย!” ร้องโอดโอย แล้วดีดตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ด้วยความตกใจและลืมตัว ทำหน้าตักที่
เจ็บอยู่แล้วกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะทานข้าวที่ทำจากหินอ่อนแท้เนื้อหนาแข็งแรงให้เจ็บซ้ำเข้าไปอีก



            ตึง!



            “เป็นอะไรไปเจ้าพอร์ช ร้องอย่างกับโดนเชือด” แม่ของพอร์ชถาม



            “มดกัดครับ” ความจริงแล้วพรอ์ชไม่ได้สงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่างนี้หรอก แต่เป็นเพราะ
ว่าไม่ทันได้ตั้งตัวบวกกับความเจ็บเจ้าตัวก็เลยตอบออกไปด้วยท่าทางสุภาพ จนพ่อแม่แปลกใจ
แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะมีโซ่นั่งอยู่ด้วย



            “เอาๆ ถ้าไม่มีอะไรก็ลงมือทานข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย” แม่พอร์ชบอก
อย่างไม่ติดใจถามอะไรต่อ ชวนให้ลูกและสามีทานข้าวตามปกติ



            “บ้านอยู่แถวไหน…ลูกเต้าเหล่าใครล่ะเราน่ะ” พ่อของพอร์ชเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่
ทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตาทานข้าวอยู่อย่างตั้งใจ ทำเอาพอร์ชรีบเงยหน้าขึ้นมาจ้องมอง
ส่งสายตาห้ามไม่ให้พ่อถามต่อ เพราะรู้สึกว่ายังไม่ได้สนิทกับโซ่เท่าที่ควร และคิดว่าโซ่คง
จะไม่อยากพูดถึงเรื่องครอบครัวกับใครมากนัก จึงไม่อยากให้โซ่ลำบากใจ



            “อยู่ค่ายมวยพ่อสิงห์ครับ” โซ่ตอบอออกไปตามตรง



            “เป็นนักมวยรึ?” พ่อของพอร์ชถามต่อ



            “เปล่าครับ นั่นบ้านของผม” โซ่บอก



            “เราคงเป็นหลานครูสิงห์สินะ” พอมาถึงตรงนี้พ่อของพอร์ชก็รู้ซึ้งถึงสถานะของโซ่
เพราะในบ้านหลังนั้นถ้าไม่ใช่นักมวยในค่ายก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่หลานชายคนเดียวของเจ้าของบ้าน



            “ครับ”



            “เลิกถามเถอะป๋า กินๆ” เอ่ยปรามให้พ่อตัวเองเลิกถามซอกแซก แล้วยกแก้ว
นมสดของตัวเองส่งไปให้โซ่กินต่อ เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทานข้าวหมดแล้ว คือมันอาจจะดูหน่อมแน้ม
ไปนิดที่เป็นผู้ชายเรียนช่างแมนๆแต่ต้องมานั่งจิบนมสดหลังอาหารยามเช้าทุกวันแบบนี้
แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อแม่บอกว่าดี ทุกคนในบ้านก็ต้องทำตาม ไม่เว้นแม้แต่พ่อ
เพราะแม่คือผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านหลังนี้



            “ดื่มนมให้หมดเดี๋ยวนี้เจ้าพอร์ชอย่ามาทำเนียนยกของตัวเองให้คนอื่นอย่างนั้นนะ…
เราก็ดื่มให้หมดด้วยนะน้องโซ่ ดื่มนมทุกวันร่างกายแข็งแรง” เธอว่าพลางยกแก้วนมของพอร์ช
ส่งคืนให้กับเจ้าตัว ก่อนที่จะหันไปบอกกับโซ่ด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากที่ใช้กับลูกชายอย่างสิ้นเชิง
ทำเอาพอร์ชถึงเบ้หน้าเบะปากให้กับความสองมาตรฐานของคนเป็นแม่ ที่ดูเหมือนว่าช่วงนี้
คุณเธอจะเอ็นดูโซ่เหลือเกิน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ในภายภาคหน้า



            “มึงไม่รำคาญใช่ไหม” พอร์ชเอ่ยถามระหว่างทางที่ขี่รถไปวิทยาลัย โดยมีโซ่ซ้อนอยู่ด้านหลัง
จะไม่เกาะเอวคนขี่อย่างพอร์ชก็ไม่ได้ในเมื่อ เบาะรถด้านหลังมันสูงและเทลงด้านหน้าทำให้ทั้งสองตัว
แนบชิดติดกันไปโดยปริยาย จากคนที่เคยขี่รถเร็วดั่งพายุลมกรด พอร์ชก็เปลี่ยนมาขี่ช้าเหมือนเต่าคลาน
เพราะอยากจะใช้เวลานี้กับโซ่ไปนานๆ ถึงแม้ว่าระยะทางจากบ้านไปวิทยาลัยมันจะไม่ไกลเท่าไหร่ก็เถอะ!



            “เรื่อง?” ไม่รู้ว่าโซ่คิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนว่าพอร์ชจะบิดคันเร่งเร็วขึ้นระหว่างที่ตั้งคำถาม
โซ่จึงต้องยื่นหน้าเอนตัวเข้าไปใกล้เจ้าตัวอีกนิด



            “ก็เรื่องที่แม่กับป๋ากูเขาถามซอกแซกเรื่องของมึงไง” พอร์ชหันมาพูดบอกข้างเดียวกันกับที่โซ่
ยื่นหน้าเข้าไป ทำให้ใบหน้าของทั้งคู่แนบชิดสัมผัสกัน แต่ก็เพียงแค่พริบตาเดียว แล้วก็โซ่ก็รีบถอยหน้า
หนีด้วยความตกใจ ต่างจากพอร์ชที่เคลิ้มจนเกือบจะบิดรถลงข้างทางเสียแล้ว แต่ดีที่ตั้งสติและหันรถ
กลับมาได้ก่อน ก็นะ…คนมันฟิน ต่อให้ขี่จานบินก็ฟินได้



            “ไม่อ่ะ มีคนคุยด้วยยังดีกว่าไม่มีใครสนใจเลย” โซ่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งปกติ แต่พอร์ชฟัง
ดูแล้วรู้สึกไม่ดีเลย เพราะถึงแม้ว่าเสียงของโซ่จะไม่สั่นเครือ ไม่แสดงถึงความน้อยใจ แต่ฟังดูแล้วมันช่างดูหดหู่ชอบกล



            “ดีแล้ว…เพราะต่อจากนี้ไปกูจะตามติดมึงยิ่งกว่าวิญญาณอาฆาตอีกนะโว้ย จะบอกให้” พอร์ชแกล้ง
โวยวายเสียงดังสร้างสถานการณ์ หวังว่าจะให้บรรยากาศรอบตัวดีขึ้นเหมือนเดิม



            “คือ?” โซ่เองก็เหมือนว่าจะคุ้นเคยในการพูดคุยเรื่องไร้สาระกับพอร์ชบ้างแล้ว ถึงได้โต้ตอบกลับมาอยู่ต่อเนื่อง
ไม่ปล่อยให่พอร์ชพูดคนเดียวเหมือนคนบ้าอย่างก่อนหน้า



            “ก็แบบ…ประมาณว่ากูจะอยู่ข้างๆ มึงไปจนวันตายอะไรอย่างนี้ไง…อย่าให้กูพูดเยอะได้ไหมวะ!
 ถึงกูจะหน้าด้านแต่ก็ก็เขินเป็นนะโว้ย!~” สุดท้ายแล้วพอร์ชก็ต้องร้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความเขินอาย
ทำเอาเพื่อนร่วมถนนที่ขี่รถสวนไปมาในช่วงนั้นหันมามองกันเป็นแถว เพราะนอกจากเจ้าตัวจะเสียงดังแล้ว
ใบหน้ายังซับสีเลือดไปจนลำคอ เพราะวันนี้ทั้งพอร์ชและโซ่ไม่มีใครใส่หมวกกันน็อคกันมาสักคน



            พอเห็นพอร์ชเป็นแบบนั้นแล้วโซ่ก็ไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงแค่ทิ้งศีรษะซบลงบน
แผ่นหลังของพอร์ชแผ่วเบา แต่ช่างชัดเจนเสียจริงในความรู้สึกของพอร์ช เขารู้สึกดีจนแทบอยากจะจอดรถ
แล้วจับโซ่ลงมาฟัดซะเดี๋ยวนี้เลย  ฮึ่ม…หมั่นเขี้ยวฉิบหายเลยโว้ย!







TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-01-2018 22:50:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 09-01-2018 22:59:19
พอร์ชเอ๊ยย~ เหมือนจะเข้าใกล้โซ่ได้อีกนิดนึงแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 09-01-2018 23:25:15
แข้งมหาเสน่ห์ของน้องโซ่นี่รุนแรงจริงๆ
ทำเอาพอร์ชหลงแบบกู่ไม่กลับไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 09-01-2018 23:56:04
ตามๆๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-01-2018 00:27:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 10-01-2018 00:52:17
 :katai2-1: นุ้งโซ่ววววววว มีคนบางคนจะสำลักความสุขตายแล้วมั้ง ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 10-01-2018 00:54:15
มีซบแผ่นหลังกันเบาๆ
เข้าใกล้ใจทีละนิดๆ สู้นะพอร์ช :)
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-01-2018 00:55:48
ดูหน้าแข้งโซ่แล้ว อย่าลืมดูลายมือโซ่ด้วยนะว่าขาดปะ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจได้ทันเวลาโดนฝ่ามือโซ่  :hao3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-01-2018 04:50:08
เริ่มใจอ่อนแล้วดิ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-01-2018 08:45:08
ฟินเบาๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 10-01-2018 11:29:47
เค้าเริ่มเปิดใจให้กันแล้วใช่ป่ะ  :mew2: o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 10-01-2018 13:25:41
พอร์ชนี่สายมาโซแน่นวล 55555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-01-2018 15:04:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 10-01-2018 17:31:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 11-01-2018 08:44:50
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 11-01-2018 09:57:07
โอ้ยยยยยยยยยยยยย
น่ารักกกกกกกกกกกกก
โซ่ สายโหดแต่ก็มีมุมน่ารัก
พอร์ช สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #10 {09/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 11-01-2018 11:48:00
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย เริ่มใจอ่อนแล้วใช่ม้ายยยยยยยยยยย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 11-01-2018 21:36:17


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{11}







            “แล้วเจอกันที่โรงอาหารนะมึง” พอร์ชบอกหลังจากที่เดินมาส่งโซ่ถึงหน้าตึกช่างไฟ
ที่ไม่มีเด็กช่างยนต์คนไหนกล้าฉายเดี๋ยวมาคนเดียวอย่างเจ้าตัวแน่นนอน เพราะมันไม่คุ้มเลย
กับส้นตีนหลายร้อยคู่ที่รออยู่ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาอยากเป็น ‘เขยช่างไฟ’ ก็ต้องลอง
เสี่ยงกันดูสักตั้ง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อคำว่าแฟนอ่ะเข้าใจไหม? แฟนที่แบบว่าเดินแนบกันมาตั้งแต่
โรงรถจนมาถึงตึกช่างไฟที่อยู่ลึกสุดของวิทยาลัย มันก็ได้ใช้เวลาร่วมกันเพิ่มอีกหน่อย
แต่ความหวาน(?)นั้นเต็มเปี่ยม เพราะตลอดทางโซ่ไม่มีท่าทีต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
จะหยิบ(กระเป๋า)ก็ไม่ด่า จะจับ(ชายเสื้อช็อป)ก็ไม่ว่ากัน เพิ่งเข้าใจคำว่า…ฟินแลนด์~
ของสาวๆก็ตอนนี้นี่แหละ โอ้ย…เขินว่ะ!



            “เออ เกี๊ยวน้ำต้มยำพิเศษ เพิ่มเครื่องไม่เพิ่มเกี๊ยว ไม่ใส่ผมชูรสกับลูกชิ้นปลา…น้ำเปล่าขวด”
พยักหน้ารับคำ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ชอบปล่อยช้าเกือบครึ่งชั่วโมง ทั้งที่วิชานี้วิชาเดียวก็กินเวลา
เรียนคาบเช้าสี่ไปชั่วโมงเต็ม  หันกลับมาสั่งเมนูที่ตัวเองจะทานเป็นมื้อกลางวัน พร้อมกับส่งเงินค่าอาหาร
ให้พอร์ชไปด้วยเลย จะได้ไม่ต้องไปหิ้วท้องรอที่โรงอาหารอีก เผลอๆอาจจะอด เพราะข้าวหมดเหมือนทุกที
สั่งเสร็จก็หันหลังกลับไปเดินเข้าตึกไปแบบที่ไม่มีการบอกลา ทิ้งให้พอร์ชยืนเอ๋ออยู่ที่เดิมตรงนั้น
เพราะตามความคิดและอารมณ์ของโซ่ไม่ทันจริงๆ



            “มึงควรเรียนสถาปัตย์หรือไม่ก็ศิลปกรรมมากกว่าช่างไฟไอ้นิ่ง แม่งติสฉิบหาย” เก็บเงินของ
โซ่ใส่กระเป๋าเสื้อช็อป แล้วแอบนินทาเจ้าของเงินเบาๆ ก่อนที่จะหันหลังเตรียมตัวเดินกลับแผนกตัวเอง
 แต่ติดตรงที่ว่าโดนเด็กช่างไฟกว่าสิบคนยืนล้อมไว้นี่แหละประเด็น!



            “มีปัญหา?” พอร์ชเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ ไม่มีท่าทางเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น ทั้งที่ตนเองกำลัง
ตกที่นั่งลำบาก เป็นรองในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเรื่องสถานที่หรือจำนวนคน



            “มึงคิดว่ามึงแน่นักหรอวะถึงได้กล้าเหยียบเข้ามาถิ่นกูคนเดียวแบบนี้ห้ะไอ้พอร์ช!” หนึ่งใน
กลุ่มช่างไฟเอ่ยถามด้วยท่าทางคุกคามอย่างเห็นได้ชัด เพราะถือว่าตัวเองพวกเยอะกว่า



            “แน่ไม่แน่ก็ไปถามแม่มึงเองแล้วกัน” ว่าจบพอร์ชก็กระโดดถีบกลางอกไอ้คนที่ถาม
เป็นการแหวกทางให้ตัวเอง ก่อนที่จะวิ่งฝ่าดงตีน หนีให้พ้นจากเขตช่างไฟ เพราะรู้ดีว่าตัวเอง
คนเดียวสู้สิบคนนี้ไม่ได้แน่ๆ แล้วก็ไม่ต้องไปพูดถึงพวกฝูงแร้งแถบฟ้าที่รอรุมทึ้งเขาอยู่รอบๆ
บริเวณนั้นหรอกนะ



            ขอโทษทีเถอะครับ! ไอ้พอร์ชคนนี้ ถึงจะบ้า…แต่ไม่ได้โง่นะเว้ย ไม่อยู่ให้พวกมึง

กระทืบหรอกครับพี่น้อง!



            “นั่นพวกไอ้คิวมันมุงอะไรอยู่วะ…เหมือนจะมีกันเรื่องเลย” ไม่ต้องรอให้ใครถามตอบอะไรกันต่อ
โซ่ก็คว้ากระเป๋าลุกวิ่งออกจากห้องเรียนทันที เมื่อหันไปดูยังจุดที่เพื่อนในห้องกำลังให้ความสนใจ…
ตำแหน่งเดียวกันกับที่พอร์ชมายืนส่งตนเองขึ้นห้อง



            “จะไปไหนครับคุณโซ่” บุญล้อมเรียกเพื่อนเสียงหลง เมื่อจู่ๆโซ่ก็วิ่งกระโจนออกจากห้องเรียน
แบบไม่มีการบอกกล่าว และด้วยความเป็นห่วงเพื่อนบุญล้อมเองก็รีบเก็บของส่วนตัวบนโต๊ะใส่กระเป๋า
แล้วรีบวิ่งตามโซ่ไปอีกคน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ความวุ่นวายเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อนักศึกษา
แผนกช่างไฟปีหนึ่งห้องสองพากันโดดเรียนยกห้อง ไปวิ่งไล่ตีรุ่นพี่แผนกเดียวกัน ข้อหารุมทำร้าย
 ‘เพื่อนเขย’ คนล่าสุดของห้อง



            “คิดว่าจะหนีพ้นหรอวะไอ้ลูกหมา!” วิ่งหนีได้ไม่เท่าไหร่พอร์ชก็ล้มลง เมื่อโดนถีบจากทาง
ด้านหลัง แล้วก็ต้องตัวงอ นอนกองอยู่ตรงนั้น เมื่อถูกพวกที่ตามมาทีหลังรุมกระทืบ ซึ่งนับๆดูแล้ว
พวกรุ่นพี่ช่างไฟน่าจะมีพวกมาสมทบเพิ่มอีกหลายคน นับจากพื้นรองเท้าที่กระหน่ำลงมาบน
ร่างกายของตน ที่ไม่มีช่องว่างให้เขาตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย



            แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น กลุ่มคนที่รุมทำร้ายพอร์ชก็แตกฮือไปคนละทาง หลังจากที่
หนึ่งในนั้นโดนโซ่กระโดดถีบจนหัวทิ่มดินไปนอนกองอยู่ข้างกายของพอร์ชที่ตอนนี้มีสภาพสะบักสะบอมพอสมควร



            “ใครถีบกูวะ!” เมื่อลุกขึ้นกลับมาตั้งตัวได้ รุ่นพี่ที่โดนโซ่ถีบตวาดถามเสียงดั่งลั่น



            “กู” โซ่เดินแหวกเข้าไปยืนอยู่ข้างกายของพอร์ชที่พยายามจะลุกยืนด้วยตัวเองอยู่



            “มึงกล้าถีบกูหรอไอ้โซ่! กูรุ่นพี่มึงนะ!” เขาตวาดเสียงกร้าว เดินเข้ามาจ้องชิดติดหน้าโซ่
ในขณะที่คนอื่นๆเริ่มตีวงแคบ เดินมารุมล้อมโซ่กับพอร์ชไว้



            “แล้วไง? ไม่ใช่พ่อกูสักหน่อย” เหยียดยิ้มตอบเสียงเรียบ บีบมือส่งสัญญาณให้พอร์ช
รู้จากทางด้านหลัง แล้วยกเท้าขึ้นยันหน้ารุ่นพี่คนเดินจนหงายหลังลงไปกับพื้น ส่วนคนอื่นๆก็
วงแตกกระจาย เมื่อพวกบุญล้อมที่ตามมาที่หลังกระหน่ำซ้ำพวกรุ่นพี่อย่างไม่ปราณี ไม่เหลือซึ่งความเคารพใดๆ



            แต่ตีกันได้ไม่นานเสียงนกหวีดประจำตัวของอาจารย์ฝ่ายปกครองก็ดังขึ้น เพราะพื้นโล่ง
ตรงนี้มันติดกับห้องปกครองที่อยู่ข้างตึกช่างยนต์ของพอร์ช ทำเอารุ่นพี่คนเก่งวงแตกฮือ วิ่งหนีไป
คนละทิศละทาง เหลือแต่กลุ่มช่างไฟรุ่นน้องห้องของโซ่ที่ยืนอยู่ที่เดิม



            “พาไอ้พอร์ชมุดรูหมาหลังแผนกออกไปไอ้โซ่ รถกูจอดอยู่ฝั่งโน้น บ่ายๆค่อยกลับมา”
เพื่อนคนนึงของโซ่ร้องบอกพร้อมกับโยนกุญแจรถยนต์ของตนเองที่จอดอยู่ในพื้นที่สนามกีฬา
กลางจังหวัดที่อยู่ทางด้านหลังวิทยาลัย



            “พวกมึง” แม้ว่าจะรับกุญแจรถของเพื่อนมาแล้ว แต่โซ่ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน
เพราะไม่อยากให้เพื่อนๆมารับหน้าเดือดร้อนเพราะเรื่องของตน



            “ออกไปก่อนเถอะครับคุณโซ่ คุณกับคุณพอร์ชเพิ่งจะพ้นทัณฑ์บนรอบแรกมา อย่าเพิ่งเสี่ยง
รอบสองเลยนะครับ อีกสองปีที่เหลือยังไงเราก็หนีเรื่องพวกนี้ไม่พ้นอยู่ดี” บุญล้อมประคองพอร์ชไป
ส่งให้โซ่ เตือนสติให้โซ่ได้คิด ถึงความเสี่ยงที่มีติดตัวอยู่ เพราะรู้ดีว่าการเรียนอยู่ในแหล่งรวม
เสือสิงห์กระทิงแรดแบบนี้มันหนีไม่พ้นเรื่องประร่างกายกันหรอก แต่ยังไม่ทันพ้นเทอมแรก
โซ่กับพอร์ชก็เก็บแต้มทัณฑ์หนึ่งในสามไปแล้วอย่างนี้จะไม่เสี่ยงได้ยังไง ในเมื่อยังเหลืออีก
สามปีห้าเทอมที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในรอบรั้วของวิทยาลัยแห่งนี้



            “ไว้เจอกัน” โซ่พักหน้ารับความหวังดีจากเพื่อนๆ ยกแขนพอร์ชขึ้นพาดบ่า เดินประคอง
กลับไปยังทางเดิมที่ตนวิ่งมา พาอ้อมไปยังแนวพุ่มไม้ที่อยู่ทางด้านหลังตึก มองหาช่องกำแพงที่
(น่าจะ)ถูกทุบเป็นช่องขนาดพอดีตัวคนลอดได้ มุดออกไปอีกฝั่งที่เป็นส่วนของสนามกีฬากลาง
กดรีโมทในมือ มองหารถเพื่อนที่น่าจะจอดอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่ พอเจอแล้วก็ปลดล็อค
ส่งพอร์ชเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ เพราะตนขับรถไม่เป็น





            “รุ่นพี่มึงแม่งแน่ฉิบหาย มาเป็นสิบรุมกูคนเดียว” พอร์ชพูดกระแทกเสียงเขียว คิดแค้น
พวกที่มารุมทำร้ายตัวเอง



            “ก็แค่หมา เจออีกเมื่อไหร่…กระทืบให้ตาย” คำตอบจากโซ่ทำเอาพอร์ชสะดุ้ง มาเรียบๆเงียบๆ
แต่เน้นหนัก ชัดทุกถ้อยคำ



            “เอาไง ไปไหนต่อดี” พอเห็นท่าไม่ดี พอร์ชก็เปลี่ยนเรื่องคุยทันที เมื่อสังเกตสีหน้า แววตา
และรังสีอาฆาตที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบกายของโซ่ เลยไม่อยากเอาชีวิตที่เพิ่งจะรอดพ้นจากดงตีนเมื่อครู่นี้
ไปเสิร์ฟเป็นของหวานให้กระทืบระบายอารมณ์ต่ออีกยกหรอกนะ…มันไม่คุ้ม



            “ไปไหนก็ได้ที่มีตู้กดเงิน” โซ่บอก



            “หลังจากนั้น?” พอร์ชถามต่อ



            “ไปเดท”



            “ห้ะ! เดท?” พอร์ชร้องถามเสียงหลง ด้วยความตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินคำๆ
นี้ออกมาจากปากคนซึนอย่างโซ่



            “เออ…เอาโทรศัพท์มึงมา พากูไปหาที่กดเงิน แล้วไปแม็คโครกัน” ยืนยันคำตอบตัวเอง
กระดิกนิ้วขอโทรศัพท์มือถือพอร์ช ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะอารมณ์ดี(?)ในแบบแปลกๆ
ทำเอาพอร์ชเริ่มระแวง



            “คนที่บ้านมึงกินจุหรอวะ ถึงได้ซื้อของเข้าบ้านทีเยอะแยะขนาดนี้” พอร์ชถาม พอมาถึง
แม็คโครโซ่ที่พุ่งตรงไปหารถเข็นใส่ของ สั่งให้พอร์ชลากตามมาอีกคัน หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ขนข้าว
สารขนาดห้ากิโลกยี่สิบถุงใส่ในคันของพอร์ช ก่อนที่จะเลือกซื้ออาหารแห้งและอาหารสำเร็จรูปที่
เก็บไว้ได้นานๆอีกหลายอย่างมาใส่รถของตน



            “กูไม่เคยซื้อของเข้าบ้าน” โซ่บอกในขณะที่กำลังยกอาหารสุขนัขและอาหารแมวขนาด
ยี่สิบห้ากิโลกรัมใส่รถเข็นของพอร์ชอีกอย่างละสี่กระสอบ



            “บ้านมึงคงไม่ได้เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวหรอกใช่ไหม?” พอเห็นอย่างนั้นแล้วพอร์ชก็ถามต่อ



            “แล้วมึงเคยเห็นรึไง หุบปากแล้วมาช่วยกูหยิบแชมพูอาบน้ำสีแดงแกลลอนใหญ่ใส่รถ
ให้กูอีกสิบดิ๊!” ว่าจบก็ชี้นิ้ว สั่งให้พอร์ชไปหยิบของที่ตนต้องการใส่รถเข็นตามจำนวน



            “เดี๋ยววนรถเข้าไปจอดตรงร้านข้าวสารหน้าตลาดด้วย” โซ่บอกกับพอร์ชในขณะที่นั่ง
ตรวจสอบรายการของใช้และค่าใช้จ่ายในใบเสร็จสินค้าที่ได้รับมาจากห้างเมื่อครู่นี้



            “ซื้ออะไรอีกวะ? แถวนั้นเขาไม่ให้จอดรถนะเว้ย มันขวาง” พอร์ชถาม เพราะถ้าไม่จำเป็น
เขาไม่อยากจะวนรถกลับเข้าไปในตลาดอีก รถมันเยอะ ถนนก็แคบ



            “จอดร้านข้าว ซื้อปลาทูมั้ง ถามโง่ๆนะมึง” โซ่ว่า



            “ก็กูเห็นมึงซื้อข้าวมาแล้วนี่” พอร์ชบอก เพราะเห็นว่าโซ่ซื้อข้าวสารมาแล้ว อีกทั้งร้านข้าว
นี้ยังอยู่ตรงข้ามกับตลาดสดอีกด้วย จึงเดาว่าโซ่น่าจะอยากซื้อของในตลาดเสียมากกว่า



            “อันนั้นข้าวคน อันนี้ข้าวหมา” พูดจบก็เปิดประตูลงรถไปทันที เพราะถึงหน้าร้านขายข้าวสารที่ว่านั่นพอดี



            “แวะบ้านกูแปปนึงนะ จะให้คนเอารถไปคืนเพื่อนมึงที่วิ’ลัย เปลี่ยนเอารถที่บ้านกูไปดีกว่า
เผื่อกลับช้า จะได้ไม่ต้องระแวงว่าเพื่อนมึงจะคอย” พอร์ชบอก เมื่อโซ่กลับขึ้นมานั่งประจำที่ เพราะ
ถัดจากตรงนี้ไปไม่กี่คูหาก็จะถึงร้านของพอร์ชแล้ว



            “แกไปมีเรื่องมาอีกแล้วใช่ไหมเจ้าพอร์ช!” แม่ของพอร์ชแหวลั่นเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้า
ร้านมาด้วยสภาพเละพอสมควร โดยเฉพาะใบหน้าที่มีรอยช้ำใหญ่ๆอยู่หลายจุด เพราะเธอถือคติที่
ว่าหนีเรียนแม่ไม่ว่า แต่มีเรื่องแม่ไม่ยอม



            “ใจเย็นดิแม่ นี่ลูกโดนรุมกระทืบมาเนี่ย ไม่ได้ไปหาเรื่องใครเขาเลย” พอร์ชรีบเข้าไป
กอดประจบคนเป็นแม่ ก่อนที่ระเบิดจะลงกลางร้าน



            “ใช่หรอ? คนอย่างแกเนี่ยนะ? แล้วเพื่อนๆแกหายไปไหนกันหมดถึงได้ปล่อยให้แก
โดนรุมกระทืบอย่างนี้” เธอถามอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก เพราะรู้นิสัยเพื่อนลูกดี อีกทั้งสองคู่หู
เพื่อนซี้เป้แวนก็ไม่เคยปล่อยให้เจ้าตัวคาดสายตาสักครั้ง แล้วอย่างนี้เธอจะเชื่อได้หรือ

            “จริงๆนะแม่ หนูแค่เดินไปส่งไอ้นิ่งที่แผนกเฉยๆ ไอ้พวกห่านั่นอยู่ดีๆก็พากันมารุม
กระทืบหนู…โคตรเจ็บเลย” ความจริงก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรขนาดนั้นหรอก เพราะมาก
กว่านี้ก็เคยโดนมาแล้ว แต่เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง และป้องกันไม่ให้ระเบิดลงกลางร้าน
พอร์ชเลยเพิ่มสกิลการอ้อนอีกนิด



            เชื่อเถอะเขาเถอะว่า…นอนนิ่งๆรอให้ไอ้พวกนั้นรุมกระทืบ ยังไม่เจ็บเท่าโดนแม่ฟาด
ด้วยยางในรถหรอก! คุณนายเขาสายโหด



            “ฉันเชื่อแกได้แค่ไหนเนี่ยเจ้าพอร์ช” แม้ว่าจะยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็น แต่เธอก็
ใจเย็นลงกว่าเมื่อครู่นี้มาก เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากลูกชาย



            “จริงครับ” ไม่ใช่พอร์ช แต่กลับเป็นโซ่ที่เดินตามพอร์ชมาที่หลังเป็นฝ่ายยืนยันคำตอบ



            “อ้าว…น้องโซ่ มาด้วยหรอลูก” พอเห็นหน้าโซ่ เธอก็ละจากลูกชาย เดินเข้าไปกอด
ทักทายโซ่ทั้งที่เพิ่งจะแยกจากกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จ ทำเอาพอร์ช
เหวอไปเลย เพราะไม่คิดว่าแม่ของตนจะชอบโซ่มากถึงขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกัน อีกทั้งคนอย่าง
โซ่ก็ไม่น่าจะตรงสเปคผู้ใหญ่ชอบนักเพราะเจ้าตัวนิ่งและเงียบเกินไป ประจบใครไม่เป็น แต่พอมา
คิดดูอีกที จะไปแปลกอะไร ในเมื่อแม่ของเขาต่างจากคำว่า ‘ปกติ’ ไปมากโข



            “สวัสดีครับ” ทักทายกับแม่พอร์ชเสร็จก็หันไปยกมือไหว้ทักทายพ่อของพอร์ชที่กำลังเดิน
ตรงเข้ามาบริเวณนี้



            “ไงไอ้เสือ พากันโดดเรียนรึ?” พ่อของพอร์ชถามลูกชาย



            “พ่อก็! เจ็บขนาดนี้จะไปเรียนได้ไง ช่างมัน เดี๋ยวแม่จัดการโทรไปลาให้ เดี๋ยวเย็นนี้ข้าม
ไปให้ลุงหมอเขาตรวจหน่อย แล้วพรุ่งนี้ค่อยเอาใบรับรองแพทย์ไปยื่น” เธอเอ็ดสามี ตรวจดูรอย
ฟกช้ำของโซ่ที่มีอยู่น้อยนิดอย่างเบามือ แบบไม่คิดที่จะเหลียวมองลูกชายแท้ๆของตนเองที่เจ็บ
หนักกว่า มีแผลมากกว่าโซ่แม้แต่น้อย



            “แม่เขาคิดว่าไอ้นิ่งเป็นลูกแล้วผมเป็นเด็กข้างบ้านรึเปล่าวะป๋า” พอร์ชกระซิบถามเบาๆ



            “ไม่รู้อะไรก็เงียบปากไปไอ้ลูกหมา” นอกจากแม่จะไม่สนใจแล้ว พอร์ชยังโดนพ่อยัง
โดนพ่อทอดทิ้งอีก เพราะหลังจากใช้หลังมือโบกศีรษะลูกชายเสร็จ พ่อของพอร์ชก็เดินไป
พูดคุยกับลูกค้าในร้านต่อ



            “อะไรของมึงวะไอ้พอร์ช แม่ก็ไม่รักป๋าก็ไม่แคร์” แซะตัวเองจบ พอร์ชก็เดินไปหา
พนักงานในร้านที่ว่างอยู่ ไหว้วานให้พนักงานคนดังกล่าวเอารถยนต์ไปคืนเพื่อนโซ่ แล้วเอา
ดูคาติของตนเองกลับมาเก็บที่บ้าน เพราะดูจากข้าวของที่โซ่ขนซื้อมาแล้ว…วันนี้ยังอีกยาวไกล



            “แล้วนี่จะไปไหนกัน” แม่ของพอร์ชถาม หลังจากที่ยืนดูพอร์ชกับโซ่ช่วยกันแพค
ของลงกล่อง แล้วย้ายลงไปไว้ที่รถคันของที่บ้านอยู่นานสองนาน



            “ไปทำบุญครับ” โซ่เป็นฝ่ายตอบ เพราะพอร์ชเองก็ยังไม่รู้ถึงจุดหมายปลายทางของวันนี้



            “ที่ไหนล่ะ แม่ไปด้วยได้ไหม” เธอถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง เพราะรู้สึกดี ไม่คิดว่า
เด็กสมัยนี้จะรู้จักทำบุญทำทาน โดยเฉพาะกับเด็กช่างนิสัยห่ามๆแบบสองคนนี้



            “แถว…ครับ มีป้าอยู่คนนึงเขาเลี้ยงหมากับแมวจรจัดไว้สองร้อยกว่าตัว ยิ่งพอเป็น
ข่าวดังก็ยิ่งแย่ มีแต่คนเอาหมาแมวไปทิ้งเพิ่ม แต่ไม่ค่อยมีใครเอาอาหารไปเพิ่มให้ ก็เลยพา
กันแย่ทั้งหมาแมวแล้วก็คนเลี้ยง” โซ่บอก เขายังจำได้ดีว่าครั้งแรกที่ได้ไปยืนอยู่ท่ามกลาง
ฝูงหมาแมวเหล่านั้นมันเป็นยังไง รู้สึกดีแค่ไหนที่ได้เห็นพวกมันกินอาหารที่เขาเอาไปให้



            “ก็ยังคิดอยู่ว่าจะไปไหนกัน อาหารหมาอาหารแมวเต็มหลังรถ” ยิ่งได้ฟังคำพูดของ
โซ่เธอก็ยิ่งรู้สึกดี ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมีความละเอียดอ่อน รู้จักเห็นใจและแบ่งปัน
ต่างจากภายนอกที่ดูแข็งทื่อ ไร้ความอ่อนโยน



            “คุยกันเสร็จรึยังคุณ ไปร้านเฮียเม้งเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ หลวงพ่อท่านโทรมาบอกว่า
เด็กที่ร้านเอาของไปส่งให้ไม่ครบ” คุยกันได้ไม่เท่าไหร่ พ่อของพอร์ชก็เดินเข้ามาตามภรรยาคู่ชีวิต
ชักชวนให้ไปร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างเป็นเพื่อน



            “เฮ้อ…แม่ไปด้วยไม่ได้ซะแล้ว ยังไงฝากเงินไปทำบุญกับป้าเขาด้วยนะ” เธอบอกพร้อม
กับหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ของสามีส่งให้โซ่ไปห้าพัน เพื่อสมทบทุน

..

..

..

            “อ้าว…ไปไงมาไงล่ะน้องโซ่” หญิงเจ้าของบ้านเอ่ยทักทายโซ่อย่างเป็นกันเอง
เพราะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี



            “เอาอาหารมาให้เด็กๆครับ แต่วันนี้อยู่ช่วยอาบน้ำไม่ได้นะครับ พอดีมีธุระต้องไปต่อ”
โซ่บอก เพราะปกตินอกจากจะเอาอาหารมาให้แล้ว เขาจะอยู่ช่วยอาบน้ำ และทำแผลให้หมา
แมวอีกพักใหญ่ กว่าจะกลับก็เย็นๆโน่นแหละ



            “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ทำไมเที่ยวนี้เอามาเยอะจัง แล้วน้องยศไม่มาด้วยหรอ” เธอถาม
เพราะสองสามเดือนโซ่กับยศจะมาเสียที และเอาอาหารหมาอาหารแมวมาให้อย่างละกระสอบ



            “น้องสาวมันป่วยครับเลยมาไม่ได้ ส่วนเงินนี่คุณนายเจ้าของร้านรถ…ในตลาดเขาฝากมา
เป็นค่ายาน้องๆครับ” ขนของลงจากรถเสร็จโซ่ก็หยิบเงินที่แม่ของพอร์ชส่งไปให้กับเจ้าของบ้าน
ผู้ดูแลสุนัขและแมวจรจัดเหล่านี้



            “พี่ต้องขอบคุณโซ่แล้วก็ฝากขอบคุณคุณนายเขามากเลยมากเลยนะโซ่ สองสามเดือนมา
นี้มีคนเอาหมาแมวมาทิ้งทุกวันเลย พี่ล่ะเป็นทุกข์ กลัวพวกมันจะอดตาย” เพราะช่วงกลางวันเธอกับ
สามีต้องเข้าสวนทำไร่ไถ่นา จะกลับมาดูหมาแมวก็ตอนพักเที่ยงกินข้าว เลยไม่มีคนอยู่บ้าน ซึ่งจังหวะ
นั้นเองที่พวกคนใจร้ายชอบเอาหมาแมวมาปล่อย เธอมาทันก็ดี มาช้าจนมันกัดกันตายก็มี เพราะ
เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา กว่าหมาแมวมันจะคุ้นกัน อยู่ดีๆจะมาปล่อยเข้าไปรวมกันอย่างนี้มันไม่ได้



            “@$^&*&#.....สัตว์นรก! แน่จริงก็อย่าหนีวะไอ้เหี้ยเอ้ย!” เสียงตะโกนด่าทอของพอร์ช
ที่ดังมาจากด้านนอกทำเอาโซ่ต้องรีบวิ่งออกไปดู



            “มึงเป็นบ้าอะไรไอ้พอร์ช เสียงดังทำ…” โซ่พูดค้างไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะวิ่งพุ่งเข้าไป
ดูร่างโชกเลือดเล็กๆที่อยู่ในอ้อมแขนของพอร์ช



            “มีคนเอาไอ้ตัวเล็กนี่มาขว้างใส่หัวกู” เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกอย่างแค้นเคียง นึกไปถึง
เหตุการณ์เมื่อครู่ ตอนที่เขาโทรคุยเรื่องคืนรถกับบุญล้อมที่อยู่ในวิลัย แล้วจู่ๆก็มีคนขี่รถมอเตอร์
ไซค์ใส่หมวกกันน็อคเต็มใบมาขว้างลูกแมวโชกเลือดตัวจิ๋วนี้ใส่หัวเขา



            โซ่ตะใช้นิ้วเปิดเปลือกตาเจ้าแมวตัวเล็กที่มีลูกดอกเสียบอยู่บนลำตัว กัดฟันข่มความ
โกรธแค้น ตะแคงหูฟังเสียงหัวใจเจ้าลูกแมวโชคร้ายในอ้อมแขนพอร์ชอย่างตั้งใจ



            “ไปโรงพยาบาลสัตว์…เดี๋ยวนี้!” ถอดเสื้อยืดตัวเองออกใช้ห่อร่างแมวน้อย ยกออกจาก
อ้อมแขนของพอร์ชมาอุ้มไว้เอง วิ่งไปเปิดประตูรถนั่งประจำที่ แล้วตะโกนสั่งให้พอร์ชพาไปโรงพยาบาลสัตว์



            “ชู่ว…ไม่ร้องนะไม่ร้อง สู้นะตัวเล็ก หายแล้วมาอยู่ด้วยกัน” โซ่ยกร่างแมวน้อยขึ้นแนบอก
เปลือยเปล่าของตัวเอง ประคองลำตัวลูกแมวไว้อย่างถนอม พยายามไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผล
ที่มีลูกดอกปักอยู่อีกข้าง ลูบหัวพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนพอร์ชรู้สึกตกใจ เพราะไม่คิดว่าภาย
ในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ตนจะได้เห็นโซ่หลากหลายมุมขนาดนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย
ที่ได้มาเห็นเจ้าชายน้ำแข็งอย่างโซ่ร้อนเป็นไฟอย่างนี้



            ‘ตัวตนที่แท้จริงของมึงเป็นแบบไหนกันแน่วะ…โซ่’







TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 11-01-2018 23:23:35
นายเอกออกแนวโหดๆดี :hao7:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-01-2018 23:46:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-01-2018 01:47:48
ภาวนาให้เหมียวน้อยอยู่รอดปลอดภัยเถอะ  :call:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 12-01-2018 02:15:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2018 04:11:39
หลงรักเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 12-01-2018 07:49:43
ฟิน

ไม่รู้จะบอกอะไรนอกจาก ฟินเบาๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-01-2018 07:55:49
สงสารแมว ลูกดอกปักหัวมานี่จะว่าไม่ตั้งใจก็ไม่ใช่ละ ใจร้ายจัง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 12-01-2018 09:05:28
ชอบๆ น้องโซ่ใจดี แถมโหดด้วยแอบกลัวแทนพอร์ชเลย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 12-01-2018 09:35:15
คน(เหมือนจะ)โหดแต่จิตใจดี รักสัตว์ด้วย  o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 12-01-2018 11:06:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-01-2018 11:58:36
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 12-01-2018 12:54:02
สงสารน้องแมวTT แต่ชอบการไปเดทของสองคนดีมากเลยย ><
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #11 {11/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 12-01-2018 19:27:19
 :pigha2: ว่าไงล่ะพอร์ชเดทครั้งแรกสุขสุดๆป่ะ?
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 12-01-2018 20:25:38


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{12}







            “น้องปลอดภัยแล้วนะครับ แต่คงต้องอยู่ดูอาการที่คลินิกสักสองสามวัน
เพราะบาดแผลลึกพอสมควร ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญทำเรื่องกรอกประวัติกับเจ้าหน้าที่
ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าเลยนะครับ หมอขอตัวก่อน” เพราะเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ใหญ่
และได้มาตรฐานที่สุดของจังหวัด จึงมีผู้ใช้บริการมาก คุณหมอเลยไม่สามารถอยู่ให้
โซ่กับพอร์ชซักถามอะไรต่อได้ เพราะต้องกลับไปดูเคสที่ทิ้งไว้ก่อนหน้า เพราะต้อง
ปลีกตัวมารักษาเจ้าตัวเล็กของโซ่ก่อน เนื่องจากเป็นเคสฉุกเฉิน เสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากที่สุด



            “กลับไปพักที่บ้านกันก่อนเถอะมึง” จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายและฝากเจ้าตัวเล็กเสร็จ
พอร์ชก็ชวนโซ่กลับไปพักผ่อนที่บ้านเสียก่อนที่จะไปไหนต่อ เพราะสภาพตนกับโซ่ตอนนี้
นั้นแย่มาก เขาหน้าเละ ส่วนโซ่ไม่ได้ใส่เสื้อ แถมเนื้อตัวยังเปรอะไปด้วยเลือดของลูกแมว



            “เมื่อห้าหกปีที่แล้ว วันนี้เป็นวันตายของพ่อกู” โซพูดบอกออกท่ามกลางความเงียบ
หลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและพากันมานั่งมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะ
ทำอะไรอยู่กลางห้องนอนของพอร์ช



            “มึง” ข้อมูลล่าสุดที่ได้รับรู้จากปากโซ่ทำเอาพอร์ชตกใจ



            “กูเลยตั้งใจจะทำบุญไปให้เขาเหมือนทุกปี ตั้งแต่ใส่บาตรตอนเช้า ไปจนทำทาน
ให้อาหารมา บริจาคอาหารคน”



            “มึงโอเคนะ”



            “กูสบายดี…แต่กูไม่อยากเห็นใครหรือตัวอะไรมาตายต่อหน้ากูในวันนี้อีก”

..

..

,,

            "มาแล้วหรอ…แกคงจะเกลียดฉันมากเลยใช่ไหมโซ่" ร่างซูบผอมบนเตียงนอน
หลังใหญ่ เอ่ยทักลูกชายเพียงคนเดียวของตนเองด้วยน้ำเสียงและท่าทางอ่อนแรง
เพราะรู้สึกเหนื่อย เมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน แต่เวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว จึงไม่อาจ
หยุดพักได้ เพราะกว่าเจ้าเด็กดื้อนี่จะยอมมาหาเขาได้ ต้องส่งทนายไปตามมาแล้วกว่าสิบรอบ



            “…..” เด็กชายไม่พูดแต่เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ เท่านั้นเขาก็รู้แล้วว่าลูกชาย
เพียงคนเดียวรู้สึกยังไงกับตนเอง แต่จะโทษใครได้ล่ะ ในเมื่อเป็นเขาเสียเองที่ทำให้
เรื่องทุกอย่างมันออกมาเป็นแบบนี้ และก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่ทอดทิ้งให้ลูกชายต้อง
เผชิญกับความยากลำบาก ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทางนั้นไม่เคยเห็นคุณค่าความสำคัญของ
ลูกชาย ดั่งเช่นชื่อ ‘โซ่’ ที่เคยเป็นเครื่องมือใช้ฉุดรั้ง พันธนาการเขาไว้เมื่อครั้งอดีต



            “มานี่สิโซ่ มานอนข้างๆพ่อ” เขากวักมือเรียกลูกชายให้ลงนอนที่ว่างข้างตัว
ประคองศีรษะได้รูปของลูกชายให้หนุนนอนในอ้อมแขน



            “…..” ทั้งที่ในใจกำลังหวีดร้องห้ามไม่ให้เข้าใกล้ แต่ร่างกายกลับทรยศ
ขยับตัวตามทุกความต้องการของผู้ชายคนนี้



            “ดึกแล้วหนา…หลับเถิดหนอ…พ่อจะร้อง…เพลงกล่อม…กล่อมเบาเบา…
เจ้าตัวน้อย ค่อยค่อยนอน…ฝันดี”



            เด็กชายปิดเปลือกตาลง ซุกตัวเข้าอ้อมกอดของคนเป็นพ่อ เมื่อได้พบกับสิ่งที่ห่างหาย
จากชีวิตไปนานแสนนาน ปล่อยหัวใจดวงน้อยให้ล่องลอยไปตามท่วงทำนองเพลงที่แสนคุ้นเคย



            ภาพสองพ่อลูกที่นอนตระกองกอดกันอยู่บนเตียงทำเอาทนายประจำตัวเจ้าของบ้าน
กับเด็กชายตัวจิ๋วที่มาเป็นเพื่อนคู่ซี้น้ำตาซึมเพราะภาพตรงหน้าที่ดูเหมือนจะอบอุ่น แต่
ความจริงแล้วมันช่างหม่นหมอง ไร้ซึ่งแสงแห่งความหวัง



            “พ่อจะสอน…เจ้าเอาไหม…ให้นับดาว…อยู่บนฟ้า…สุกสดใส…คือ..แสง…..ดาว”



            สิ้นสุดลงแล้ว…ไม่ใช่แค่เสียงเพลงสั่นๆ แต่เป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเจ้า
ของเสียงเพลงนั้นด้วย ฝ่ามือใหญ่ไร้เรี่ยวแรง หลุดออกจากร่างกายลูกชาย



            แต่อนิจจัง…เด็กชายในอ้อมแขนนั้นกลับไม่ได้รู้ตัวเลยว่า พ่อได้จากเขาไปแล้ว



            “ตื่นเถอะครับคุณหนู คุณท่านสิ้นแล้วครับ” ทนายหนุ่มเดินเข้ามาปลุกเพราะ
คิดว่าเด็กน้อยนอนหลับ ทั้งที่ความจริงแล้วเด็กชายรับรู้ทุกเหตุการณ์ ทุกสัมผัส และ
ทุกความรู้สึก เพียงแต่เขายังไม่อยากลืมตาขึ้นมาสู่ความเป็นจริงก็เท่านั้น



            “ไม่เป็นไรนะครับคุณโซ่…บุญล้อมจะดูแลคุณโซ่เอง”



            ทนายหนุ่มยิ้มเศร้า มองดูความรักความผูกผันระหว่างเด็กน้อยทั้งสองคน
คนหนึ่งคือลูกชายพระปฏิบัติในวัดประจำจังหวัด อีกคนหนึ่งคือลูกชายเจ้านายที่จม
อยู่กับความทุกข์ทรมานเพราะกลเกมส์ของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอยู่นานแสนนาน



            “ผมจะดูแลคุณโซ่ให้มากกว่าที่คุณท่านเมตตาเด็กกำพร้าแบบผมเลยครับ”
เขาให้สัญญาแล้วก้มกราบลงบนปลายเท้าของเจ้านายผู้มีพระคุณ ผู้ที่ชุบเลี้ยงเปลี่ยน
ชีวิตให้เด็กไร้ค่าอย่างเขาได้เติบโตจนมีหน้าที่การงานมั่นคงหาเลี้ยงตัวเองได้อย่างทุกวันนี้

..

..

..

            “ของที่เหลือเอาไงดี” พอร์ชเอ่ยถามถึงข้าวสารอาหารแห้งที่จัดเป็นชุดจำนวน
ห้ากล่องใหญ่บนหลังรถ ที่โซ่บอกว่าเป็นอาหารคน ไม่ซักถามหรือปลอบโยนใดๆ เกี่ยว
กับเรื่องที่โซ่เล่าให้ฟังทั้งสิ้น เพราะรู้ดีว่าโซ่ไม่ต้องการ แต่เจ้าตัวแค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ



            “ก็แค่เอาไปส่งให้ถึงมือเจ้าของ” โซ่บอกพร้อมกับลุกขึ้นเดินนำพอร์ชออกจากห้อง
เขารู้สึกดีที่พอร์ชไม่ซักถามถึงเรื่องที่เขาเล่าให้ฟัง เพราะเขาแค่อยากจะระบายเฉย
เพราะรู้สึกแย่มากที่ต้องมาเห็นเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายในวันนี้เหมือนเมื่อหก
ปีก่อน แม้ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะเป็นแค่แมวตัวเล็กๆก็ตาม



            “มึงรู้จักคนพวกนี้ได้ยังไงวะนิ่ง” พอร์ชถามหลังจากที่นำข้าวสารอาหารแห้ง
ส่งมอบให้กับเจ้าของบ้านทั้งห้าหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เลยค่อนข้างจะแปลกใจ
เพราะบ้านแต่ละหลังอยู่ห่างไกลกันมากพอสมควร



            “พวกเขาเคยเป็นครูมวยที่บ้านกู ก่อนที่จะโดนอีกจังหวัดซื้อตัวไป พอแก่แล้ว
หมดประโยชน์ก็ไม่มีใครเห็นค่าแบบนี้แหละ…แต่รับรู้แล้ว จะให้กูทนดูอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้
เพราะพวกเขาเป็นศิษย์รักทวดกูทั้งนั้น” เพราะว่าคุ้นเคยกับอดีตครูมวยเหล่านี้มาตั้งแต่ยังเด็ก
โซ่เลยไม่อาจทำเป็นมองผ่านความยากไร้ของพวกเขาไปได้ ทุกครั้งที่เอาอาหารมาให้หมาแมว
โซ่ก็จะจัดข้าวสารอาหารแห้ง และยาสามัญประจำบ้านมาส่งให้ครูมวยเหล่านี้ด้วย
ของที่เขาเอามาให้ อาจจะไม่ได้ทำให้อิ่มหนำ แต่พวกเขาก็จะไม่อดตายอย่างแน่นอน



            “มึงเป็นคนดีมากซะจนกูเริ่มอายแล้วนะเนี่ย” ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้น
แต่ใบหน้าของพอร์ชก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม



            เฮ้อ…ไม่มีวันไหนที่อยากจะเปิดเพลงยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอของดาเอ็นโดรฟิน
เท่าตอนนี้เลย แม่งโคตรตรงใจ!



            “ไม่หรอก ถ้ามึงรู้จักกูจริงๆ มึงจะบอกว่ากูเป็นคนเห็นแก่ตัวซะมากกว่า…
แวะวัดเขารูปช้างหน่อยดิ” โซ่ปฏิเสธคำชมของพอร์ช สะกิดบอกให้อีกฝ่ายเลี้ยวรถ
เข้าวัดที่กำลังจะขับผ่านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาพอร์ชแทบตั้งตัวไม่ทัน



            “มึงจะไหว้พระหรอ แต่ที่นี่เขาไม่มีดอกไม้ให้ซื้อแบบที่วัดท่าหลวงนะเว้ย”
พอร์ชบอก แม้วัดนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกหนึ่งแห่งของจังหวัดก็จริง
แต่ด้วยความที่จังหวัดนี้เป็นทางผ่านมากกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักเดินทาง
ถ้าไม่มีงานประจำปี ก็จะไม่มีดอกไม้มาวางขายทุกวันเหมือนกับวัดใหญ่ประจำจังหวัด
ที่มีดอกไม้ไว้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา



            “มีแค่มือก็ก็ไหว้ได้…แล้วมึงก็ต้องเป็นคนแบกกูขึ้นวัดด้วย” โซ่บอก



            “ห้ะ! แบก? ให้กูแบกมึงขึ้นวัดเนี่ยนะ?” พอร์ชร้องถามเสียงหลง มันก็จริง
ที่วัดนี้อยู่บนภูเขาลูกเล็กๆ เหมือนจะไม่สูงนัก แต่ก็ชันพอตัว ลำพังแค่เดินขึ้นเองยัง
เหนื่อยเลย กว่าจะถึงยอด นี่เขาต้องมาแขกไอ้นิ่งที่แม้ว่าตัวจะตัวเล็กกว่าเขา แต่มัน
ก็สูงพอๆกับเขา ซึ่งไม่ต้องคิดถึงน้ำหนักตัวเลยว่าจะเท่าไหร่ เพราะเล็กกว่าเขาก็ไม่
ได้แปลว่ามันจะผอมแห้ง แล้วโซ่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ใครจะสามารถแบกไปไหน
ต่อไหนได้อย่างสบายๆ อีกทั้งทางเดินขึ้นวัดก็มีถึงสามช่วงกว่าจะถึงยอดเขา ไม่ต้อง
บอกก็รับรู้ได้เลยว่า งานนี้…หืดขึ้นคอแน่ตัวกู!



            “เออ…เลิกทำน่าโง่แล้วย่อตัวลงสักที เสียเวลากู” หรอ…พอร์ชอยากจะถาม
ออกไปแบบนี้จริงๆ แต่ความจริงแล้ว ได้แต่ย่อตัวลง กลายเป็นม้า เตรียมพร้อมให้คุณชายเขาขี่ขึ้นเขา



            “ฮึบ! เหี้ย…หนักฉิบหาย” โซ่เองก็ไม่ได้ปราณีเจ้าม้ามนุษย์เลยแม้แต่น้อย
ถึงได้กระโดดใส่หลังพอร์ชเต็มแรง แบบที่ไม่กลัวว่าจะพากันล้มหน้าคะมำ



            เพียะ!



            “อยู่ในวัดห้ามพูดคำหยาบ…ควาย” โซ่ใช้มือตบปากพอร์ชดังเพียะทำเอา
พอร์ชสะดุ้ง…ว่าเขาแต่ตัวเองก็เน้นเสียงด่าพอร์ชออกมาอย่างชัดเจน



            “จ้ะ…พี่โซ่คนดี” กระแทกแดกดันโซ่เสร็จพอร์ชก็เริ่มก้าวเดินขึ้นบันไดอย่างระวัง
แต่มาได้ครึ่งทางช่วงแรกพอร์ชก็เริ่มล้าเสียแล้ว



            “จะหยุดพักก็ได้ แต่ถ้าล้มหรือทำกูตกเหยียบพื้นเมื่อไหร่ มึงไม่ได้รู้สิ่งที่กูตั้งใจ
จะบอกแน่ไอ้หมาพอร์ช” โซ่กระซิบบอกข้างหูพอร์ชเบาๆ เมื่อเจ้าตัวทำท่าจะปล่อยเขาลง



            “บอก…อะไรวะ?” โอ้ย…ก็อยากจะพูดให้มันติดกันอยู่หรอกนะ แต่มันเหนื่อยโว้ย!



            “ถึงยอดเขาเมื่อไหร่ก็จะบอกมึงเอง” โซ่บอก



            “มึงจะแวะไหว้พระตรงนี้ก่อนเปล่า” พอร์ชถามเมื่อเดินมาสุดทางเดินช่วงแรกแล้ว
เจอกับมณฑปจัตุรมุขหลังเก่าที่อยู่ใกล้กับวิหารหลังใหม่ ซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธบาท
สำริดอยู่ด้วย พอร์ชก็เลยถือโอกาสนี้แอบพักเหนื่อยเสียเลย



            “มีเหรียญปะ? เอามายืมหน่อย” โซ่กระโดดลงจากหลังพอร์ช แบมือกระดิกนิ้วยิกๆ
ขอเหรียญจากพอร์ชมาวางบนรอยพระพุทธบาท เพราะตัวเองไม่มี



            “มึงเป็นคนแบบไหนกันแน่วะนิ่ง” พอร์ชหยิบยกคำถามที่วนเวียนอยู่ในความคิดออกมาถามเจ้าตัวตรงๆ



            “กูก็คือกู จะมุมไหนแบบไหนก็เป็นกูทั้งนั้น…ไปต่อได้แล้วไอ้หมาพอร์ช!” จ้องตา
มองหน้าตอบคำถามเสร็จก็กระโดดขึ้นหลังพอร์ชต่อ ทำเอาพอร์ชแทบตั้งตัวไม่ทัน



            “ตายแน่กู” พอร์ชตั้งกรอกตามองหนทางตรงหน้า แล้วพูดได้คำเดียวเลยว่า ยิ่งสูงยิ้งชัน!



            “สู้หน่อยไอ้หมา…เดี๋ยวก็ถึง” คนที่ขี่หลังสบาย ตบบ่าพอร์ชแปะๆเหมือนให้กำลังใจ
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะน้ำหนักมือที่ลงมาบนบ่านั้น…แทบทรุด



            “โอ้ย…กูไม่ไหวแล้วว่ะนิ่ง” พอร์ชร้องบอกออกมาเสียงสั่น แขนขาอ่อนแรงเพราะความล้า
แต่ก็ฝืนเอาไว้สุดแรงเกิด



            “แวะไหว้พระตรงนี้ก่อน” โซ่บอกเสียงเรียบเมื่อพอร์ชพามาถึงชานพักที่สอง ซึ่งมีจุด
ให้กราบพระก่อนจะขึ้นไปถึงยอดเขา ไม่ได้แสดงออกหรือให้ความสงสารเห็นใจใดๆต่อคนที่
กลายร่างเป็นม้าพาขี่หลังขึ้นมาถึงตรงนี้



            “จะถึงแล้วมึงเดินขึ้นเองได้ไหมวะนิ่ง…กูโคตรเหนื่อยเลยว่ะ” พอร์ชหอบแหกเป็น
หมาหอบแดด กระพือชายเสื้อพัดลมเข้าหาตนเอง



            “ถ้ามึงพาไปไม่ถึงกูจะลง” โซ่บอกเสียงนิ่งแวว สีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทีโกรธเคืองใดๆ
ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาสะกิดใจพอร์ช บอกให้เขาทนสู้ต่ออีกสักนิด



            “เฮ้อ…เอาก็เอาวะ! มาขึ้นหลังพี่เลยน้องเดี๋ยวพี่พาแว้น” จ้องมองบันไดสีขาวทอดยาว
ขึ้นยอดเขาสูงที่ทั้งเล็กทั้งแคบและชันกว่าอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าหนทางสองช่วงที่ผ่านมานั้น
ไม่อาจเทียบเท่าบันไดช่วงสุดท้ายนี้ได้เลย แม้ว่าทอดสุดท้ายนี้จะมีระยะทางที่สั้นกว่ามากก็ตาม



            แม้ว่าใจจะสู้แค่ไหน แต่ร่างกายมันฟ้องว่าหมดแล้วแรงที่มี ออกเดินได้ไม่ถึงครึ่ง พอร์ช
ก็มาห้อยต่องแต่งกอดราวบันไดอยู่กลางทาง โดยมีโซ่เกาะเป็นลูกลิงอยู่บนหลัง



            “มาถึงตรงนี้…ถ้ามึงตกกูก็ตก ถ้ามึงเจ็บกูก็เจ็บด้วยนะพอร์ช” โซแนบริมฝีปากกระซิบเบาๆ
ข้างหูพอร์ช และเป็นครั้งแรกที่โซ่เอ่ยปากเรียกชื่อพอร์ชแบบที่ไม่มีคำนำหน้า ไม่มีเสียงกร่นด่า
ไม่มีการกระโชกโฮกฮาก หรือไร้อารมณ์ แต่กลับกันน้ำเสียงที่ฟังนั้นมันทำให้พอร์ชรู้สึกดีมาก
จนทำให้มีแรงฮึดกลับมาอีกครั้ง



            กอดกระชับจับต้นขาประคองบั้นท้ายของโซ่ไว้มั่น ก้าวเท้าออกเดินอีกครั้งด้วยหัวใจ
ที่เต้นแรงกว่าเดิม มาถึงจุดนี้แล้ว พอร์ชรับรู้ด้วยตนเองได้ว่า…ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว



            “เป็นแฟนกูแล้ว…ทิ้งกูมึงตาย” นั่นคือสิ่งที่พอร์ชได้ยินจากปากของโซ่เมื่อถึง
จุดหมายบนยอดเขา พวกเขานั่งชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางความเงียบ เพราะไม่มีใคร
พูดอะไรออกมาสักคำเดียว แต่ทุกอย่างก็ชัดเจนได้ด้วยตัวมันเอง ว่าสองมือที่กุมกันอยู่นี้
มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และสถานะแฟนเจ็ดวันก็สิ้นสุดลงแล้ว ในเมื่อต่อไปนี้พวกเขาคือ
คนรักจริงๆ คนที่จะอยู่เคียงข้างกันไปตลอด ตราบเท่าที่หัวใจยังเป็นของกันและกัน









TBC.

หลังจากนี้เตรียมตัวรับมือกับความน่ารักแบบแปลกๆของคู่นี้ได้เลย
เพราะนี่ไม่ใช่ตอนจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นความรักของ #พอร์ชโซ่ ได้เลยนะคะ
อาจจะไม่หวานมาก ไม่โหดมาก ไม่ต้องทะเลาะต่อยตีกันบ่อยๆ แต่ละมุนแน่นวล
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-01-2018 20:56:15
เป็นแฟนกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 12-01-2018 21:36:25
โซ่อ่ะ ทำไมดีแบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 12-01-2018 21:39:50
โซ่เนี่ยเหมือนแม่พอร์ชแน่ๆเลยสายโหดเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-01-2018 22:03:17
เป็นแฟนกันแล้ว... ยังต้องผ่านอะไรด้วยกันอีกเยอะ จับมือกันให้แน่น ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 12-01-2018 23:03:39
เป็นแฟนกันแล้วว :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2018 23:08:49
 o13 ระยะทางพิสูจน์รัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-01-2018 23:24:15
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-01-2018 00:24:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-01-2018 02:17:18
เป็นแฟนโซ่ต้องทนได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะทนมือทนTeen โซ่ให้ได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-01-2018 05:53:48
 :L2: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-01-2018 13:07:33
 o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 13-01-2018 19:56:04
 :impress2: คือมันดีอ่ะแก!!!!!  จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 13-01-2018 20:51:11
สุดจริงๆ

ชอบๆรอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-01-2018 23:07:04
น่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 14-01-2018 09:26:27
เฮ้ย ทำไมอยู่ดีๆก็โรแมนติก? โอ้ย อมยิ้มแก้มจะแตก  o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-01-2018 17:38:26
เป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: pkjoe ที่ 16-01-2018 19:20:53
อยากรู้ว่าคุณโซ่จะตะมุตะมิยังไง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-01-2018 20:00:44
 o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 17-01-2018 09:23:03
เฮ้ยชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #12 {12/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 17-01-2018 09:23:50
ไม่ชอบเลยงื้ออออมันค้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 18-01-2018 20:07:35


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{13}







            “เมื่อตอนเที่ยงคนที่โรงพยาบาลสัตว์โทรมาบอกว่าไอ้ตัวเล็กออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะ
แต่ก็ต้องมาให้หมอตรวจเช็คอาการทุกเดือนจนกว่าจะหายสนิท เพราะภายในมันบอกช้ำมากพอสมควร
…มึงจะเอาไง” พอร์ชเอ่ยถามในขณะที่นั่งรอเรียกประชุมสี บอกให้โซ่ได้รับรู้ในทุกคำที่ตนเองได้คุยกับ
ทางโรงพยาบาล เพราะวันนี้พวกเขาพักไม่ตรงกัน เลยไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนทุกที



            “หน้าบ้านกูมีหมาใหญ่อยู่เต็มเลย ไว้ที่นั่นไม่ได้หรอก จะเอามันกลับไปบ้านพักแมวจรก็ไม่ได้
ไม่อย่างนั้นได้ตายแน่” ความจริงแล้วโซ่อยากจะเอาเจ้าตัวเล็กมาเลี้ยงเอง แต่ว่าหน้าบ้านเขามีหมาจร
ตัวใหญ่กว่าสิบตัวที่ชอบเข้ามากินเศษอาหารที่บ้านเพราะมีนักมวยบางคนรักสัตว์ชอบเก็บอาหารเหลือ
ไว้ให้มาพวกนี้ อีกทั้งบ้านพักหมาแมวจรจัดที่พวกเขาเอาอาหารไปบริจาคก็มีหมาแมวมากเกินไปแล้ว
แถมยังไม่สะอาดเท่าที่ควร ถ้าเอาไอ้ตัวเล็กไปไว้ในนั้น ถ้าไม่โดนกัดตาย ก็แผลติดเชื้อตายอย่างแน่นอน



            “เอาไว้บ้านกูก็ได้ แม่กูชอบแมวอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก” พอร์ชเสนอ เพราะที่บ้าน
เขาเป็นทาสแมวกันทั้งบ้าน แถมไอ้เหมียวตัวล่าสุดเพิ่งแก่ตายไปได้ไม่กี่เดือน หลังจากที่อยู่เป็นเพื่อน
แม่เขามากว่ายี่สิบปี ซึ่งถ้าเทียบอายุกันจริงๆ มันก็รุ่นทวดเขาแล้ว



            “แต่กูสัญญากับมันไว้แล้วว่าถ้ามันรอด จะพามันมาอยู่ด้วยกัน…หรือว่ากูควรจะย้ายไปอยู่บ้าน
พ่อกูดี?” อย่างแรกเลยคือโซ่รู้สึกถูกชะตากับเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ตั้งแต่แรกเห็น จึงได้พูดออกไปแบบนั้น
แล้วนั่นก็เป็นเหมือนสัญญาลูกผู้ชาย ที่พูดแล้วไม่ควรคืนคำ แต่จะให้ไปอยู่ที่บ้านก็อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้จริงๆ
เพราะแมวเป็นสัตว์ที่คอนโทรลไม่ได้ ไม่เหมือนหมาที่จะสอนจะสั่งยังไงก็ได้ สามารถทำตามได้ทุกอย่าง



            “บ้านพ่อมึง?”

            “มึงเห็นคลินิกเก่าสองคูหาที่อยู่ตรงข้ามร้านมึงป่ะ?” โซ่ถาม



            “มึงอย่าบอกนะว่า…”



            “อือ...ของพ่อกูเอง พอเขาตายมันก็เลยกลายเป็นตึกร้างอย่างที่เห็น ส่วนบ้านที่กูบอกเนี่ยมัน
อยู่ข้างบึง(สีไฟ)โน่น ตรงโน้นกูให้อาทนายเช่าอยู่” โซ่พูดถึงอาคารพานิชย์สองคูหาที่อยู่ตรงข้ามกับบ้าน
หรือร้านของพอร์ช ซึ่งเมื่อก่อนมันเป็นคลินิกของพ่อเขา แต่พอท่านเสียชีวิตแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร ปล่อยมัน
เอาไว้อย่างนั้น ถึงแม้ว่าจะมีคนแวะเวียนมาขอเช่าและซื้ออยู่เรื่อยๆก็ตาม



            ก่อนที่พ่อกับแม่จะแยกทางกัน โซ่ก็มีชีวิตไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ ชอบตามพ่อไปที่คลินิก
เพราะมีเพื่อนเล่นเยอะ ของกินก็แยะ มีแต่คนมารุมล้อมเอาใจ สนุกสนานร่าเริงไปตามวัย จะมีก็แต่
ไอ้แห้งขี้ขโมยที่มันชอบมาแอบดูดน้ำแดงในกระติกน้ำคิตตี้ของเขานี่แหละที่มันเป็นศัตรู เอาแต่
ล้อเลียนเรื่องรูปร่างของเขา แต่ก็นั่นแหละ จะเถียงมันก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาอ้วนมากจริงๆ และมันก็
เป็นคนเดียวที่คอยซับน้ำตาให้เขา ถึงแม้ว่าเก้าในสิบส่วนของน้ำตาของเขาจะมีสาเหตุมาจากการ
กลั่นแกล้งของมันก็เถอะ ก่อนที่จะต้องห่างหายกันไป เพราพ่อแม่ของเขาแยกทางกัน โดยที่แม่
ไม่ยอมให้เขามาเจอกับพ่ออีกเลย จนกระทั่งวันที่พ่อตายนั่นแหละ



            “นี่อย่าบอก…อย่าบอกนะว่ามึงคือไอ้เด็กอ้วนหัวฟูที่ชอบหิ้วกระติกน้ำคิตตี้คนนั้นอ่ะ!”
 พอร์ชตบโต๊ะดังตึกตังเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ความทรงจำวัยเด็กที่ขาดหายไปนาน



            “งั้นมึงก็ไอ้แห้งปากหมาที่ชอบแย่งน้ำแดงกูแดกสินะ!” ว่าจบพอร์ชก็ลงไปนอนกองอยู่
ที่พื้นด้วยแรงส่งจากฝ่าเท้าของโซ่ ทำเอาคนที่อยู่รอบข้างแตกฮือ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าช่างยนต์
กับช่างไฟตีกันอีกแล้ว เพราะสองกลุ่มนี้นั่งอยู่ด้วยกัน



            “โอ้ย…ไอ้โซ่ไอ้เหี้ย! ถีบมาได้…โคตรจุก!” พอร์ชโวย



            “เพราะมึง! เพราะมึงคนเดียวเลยที่ทำให้กูโดนจับไปโกนหัวเป็นอิคคิวซังอยู่ตั้งนาน”
โซ่จำได้ดีเลยว่าตอนนั้นรู้สึกแย่แค่ไหนที่ไอ้โดนไอ้แห้งแย่งน้ำแดงมันว่าผมเหมือนขนหมา
เสียใจแทบตายตอนพ่อพาไปโกนหัวที่ร้านตัดผม เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาไม่ชอบไว้ผมยาวๆ
ทั้งที่เขาโคตรรักโคตรหวงเส้นผมของตัวเองมากเลย



            “เฮ้ยแยกๆ ตีกันทำห่าไรพวกมึง พวกขาเสือกเขาตกใจกันหมดแล้ว” เป้กับบุญล้อม
ช่วยกันจับเพื่อนของตนเองไว้แน่น เมื่อทั้งสองคนทำท่าจะพุ่งเข้าหากันอีกรอบ



            “คุณโซ่ไม่เป็นอะไรนะครับ” บุญล้อมตรวจเช็คอาการของเพื่อนรักให้แน่ใจ แม้ว่าจะ
เห็นอยู่แล้วว่าฝ่ายที่เจ็บนั้นคือพอร์ช



            “อือ” สะบัดตัวออกจากเพื่อนแล้วนั่งลงที่เดิม



            “คงจะเป็นหรอกถีบกูซะเต็มตีนขนาดนั้น” ถึงปากจะแขวะแต่พอร์ชก็ทิ้งตัวลงนั่งข้าง
โซ่เหมือนเดิม โซ่ขึงตาใส่ แต่พอร์ชทำเป็นไม่สนใจ



            “โอ้ย…กูอยากจะบ้า อยู่ดีๆก็ตีกันซะงั้น…ประมาณว่าด้วยรักและส้นตีน…งี้หรอวะ?”
แวนได้โอกาสแทรก หลังจากจัดการเรื่องแก้ข่าวกับเผือกเสร็จ ไม่อย่างงั้นคงได้มีหมาคาบข่าว
ไปฟ้องอาจารย์กันมั่ง โดยเฉพาะกับพอร์ชที่จะซวย เพราะมีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นคนเดียวกับ
อาจารย์ฝ่ายปกครอง ช่วงนี้พวกเขาเลยถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ หลังจากที่มีเรื่องยกพวกตีกับ
ช่างไฟวันนั้นแล้วพอร์ชกลับมาด้วยหน้าตาเขียวช้ำในวันรุ่งขึ้น



            “เสือก/เสือก” พอร์ชกับโซ่พูดบอกออกมาพร้อมกัน



            “ซะงั้นเลยกู” แวนชูนิ้วกลางให้พอร์ชกับโซ่คนละข้างก่อนที่จะนั่งลงที่เดิมของตัวเอง



            “ย้ายมาอยู่กับกูสิ อย่าอยู่คนเดียวเลย…กูเป็นห่วง” เพราะโซ่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่อง
เมื่อครู่นี้อีก พอร์ชก็เลยตีเนียน ชวนมาอยู่ด้วยกันซะเลย



            “ตรงข้ามบ้านมึงเนี่ยนะอันตราย?” โซ่ล่ะงงกับตรรกะเสื่อมๆของพอร์ชเหลือเกิน อยู่
ห่างกันแค่ถนนสองเลนกั้นมันบอกอันตราย แต่เขาว่าอยู่กับมันเสียมากกว่าที่ต้องระวัง



            “เออดิ…กูไม่ให้มึงอยู่ตึกนั้นคนเดียวหรอก ถ้ามึงอยู่ก็จะไปอยู่ด้วย แต่ทางที่ดีมึงมาอยู่กับกูดีกว่า
…กลับบ้านไปกูจะรีบคุยเรื่องนี้กับแม่เลย” พอร์ชพูดบอกอย่างเอาแต่ใจ



            “เพ้อเจ้อ” ด่าเสร็จก็ลุกหนีทันทีที่ประธานสีบอกปล่อย อีกเดี๋ยวไอ้คนงี่เง่ามันก็ลุกตามมาเองแหละ
เพราะต้องกลับบ้านพร้อมกัน



            “นึกจะมาก็มา ไม่คิดที่จะชวนกูเลยนะมึง” พอร์ชบ่นเป็นหมีกินผึ้ง วิ่งตามโซ่มาติดๆ แต่ก็
ไม่ได้หงุดหงิดอะไร เพราะเริ่มจะชินกับ ‘ความโซ่’ บ้างแล้ว



            “โซ่” เพียงแค่เงยหน้า จากอารมณ์ดีๆก็เริ่มฉุนจัด เพราะคนที่มายืนดักอยู่ตรงหน้านี้คือ
ศัตรูคู่อาฆาตที่ชอบมาหาเรื่องพวกเขาบ่อยๆ



            “ไง” แม้ว่าเพื่อนจะเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปกว่าสองสัปดาห์ แต่โซ่ก็ไม่ตื่นเต้นอะไร
เพียงแค่รู้สึกแปลกใจที่จู่ๆเจ้าตัวก็โผล่มาแบบไม่มีบอกกล่าว  ไม่แม้จะส่งข่าวมา ให้เพื่อนได้
รับรู้บ้างว่าตนเองเป็นอย่างไร อยู่ไหน สบายดีไหม เพราะล่าสุดที่โซ่กับบุญล้อมไปถามหายศ
ที่บ้านก็เจอแต่ความว่างเปล่า ถามเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆก็ไม่มีใครรู้



            “กูมารับ”



            “กูไม่ให้ไป! วันนี้มึงต้องไปรับไอ้เหมียวกับกู มึงจะไปกับมันได้ไง” กลับเป็นพอร์ช
ที่ตะโกนเสียงดังใสหน้ายศ แล้วหันมาให้เหตุผลกับโซ่ โดยหยิบยกเรื่องลูกแมวขึ้นมาอ้าง



            “เดี๋ยวกูตามไป” โซ่บอกกับยศ ยศพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินไปรอที่รถ ซึ่งจอดอยู่ไม่
ไกลจากตรงที่พวกเขายืนอยู่นัก



            “กูบอกว่าไม่ให้มึงไปกับมัน…ไม่ได้ยินรึไงวะ!” พอร์ชรู้สึกโมโหที่คนรักไม่ยอมฟัง
คำพูดของตนเอง ยกมือขึ้นมาบีบต้นแขนของโซ่ไว้แน่น



            “อย่าไปกับคุณยศเลยนะครับคุณโซ่” ทั้งที่เติบโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้กัน
มาตั้งนาน แต่ไม่รู้ทำไม วันนี้บุญล้อมถึงได้รู้สึกไม่สบายใจกับการกลับมาของยศในครั้งนี้เลย



            “ไปรอกูที่บ้าน ไว้ไปรับไอ้เหมียวด้วยกัน” โซ่แกะมือของพอร์ชออกจากต้นแขนของตน
ก้าวเดินไปหายศแบบที่ไม่ฟังเสียงร้องห้ามของใคร ขึ้นรถได้ ยศก็บิดคันเร่ง พาออกจากวิลัยไป
แบบที่ไม่หันกลับมามองคนที่เป็นมองตามไปด้วยความเป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย



            “น้องกูถูกส่งตัวไปรักษาที่กรุงเทพฯ เพราะขามันติดเชื้อ โรงบาลบ้านเรา เอาไม่อยู่”
ยศไม่ได้พาโซ่ไปส่งที่บ้านอย่างที่เคย แต่กลับพามาบ้านของตัวเองแทน



            “อือ” โซ่พยักหน้ารับรู้ โอเค…เรื่องแรกถือว่าเคลียร์



            “กูได้ยินมาว่ามึงคบกับไอ้พอร์ช” เป็นเพราะสาเหตุนี้ที่ทำให้เขาใจร้อน บุกไปรับโซ่ถึงวิลัย
หลังจากที่ได้รู้ข่าวจากเพื่อนในแผนกเมื่อตอนที่กลับมาถึงบ้าน เลยอยากจะได้คำยืนยันจากปากของโซ่
ว่าตกลงแล้วความจริงมันเป็นยังไงกันแน่



            “อือ” โซ่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธไปทำไม ในเมื่อมันคือความจริง



            “ทำไมวะ ไอ้พอร์ชมันอยู่ช่างยนต์นะเว้ย แล้วมันก็เป็นอริกับเราด้วย มึงจำไม่ได้หรอ” ทำไมจะ
จำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อทุกครั้งที่สองฝ่ายยกพวกตีกัน เขาก็อยู่ในเหตุการณ์เสมอ เพียงแค่ไม่ได้กระโดดเข้า
ไปร่วมวงด้วยเท่านั้นเอง



            “ไร้สาระ” โซ่ว่า



            “มึงพูดได้แค่นี้เองหรอวะโซ่!” โซ่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เป็นเพราะอะไรยศถึงได้มาหาเรื่องเขาด้วย
เรื่องไร้สาระแบบนี้ แต่รู้แค่ว่าตอนี้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาตะโกนใส่หน้าอย่างนี้



            “กูไม่รู้หรอกนะยศ ว่าที่หายไปมึงไปเจอกับอะไรมาบ้าง ถ้ามึงไม่เล่าให้กูฟัง และเผื่อว่ามึงจะ
ยังไม่รู้นะยศ…ตอนนี้ช่างยนต์กับช่างไฟเขาเลิกตีกันแล้วว่ะ” พูดจบโซ่ก็หันหลังเดินหนี ไม่รอฟังคำพูด
ไร้สาระของเพื่อนอีกแล้ว ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาสักที



            “กูรักมึง! กูรักมึงได้ยินไหมไอ้โซ!”



            “…..” คำสารภาพที่ออกมาจากปากของเพื่อนรักที่คบกันมากว่าสิบปีทำให้โซ่หยุดนิ่ง



            “ถ้ามึงจะรักใครสักคน ขอให้คนๆนั้นเป็นกูไม่ได้หรอวะโซ่” ยศก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างหลังโซ่
อ้อนวอนขอให้เพื่อนเห็นใจ เพราะนานมาแล้วที่ตัวเขาเอง มองโซ่เป็นมากกว่าเพื่อน



            “ไม่ได้” อาจจะฟังดูใจร้ายไปนิด แต่นี่คือความจริง ไม่มีใครสามารถบังคับใครได้ แม้แต่เขาเอง
ยังบังคับหัวใจตัวเองไม่ได้เลย



            “แล้วทำไมต้องเป็นไอ้พอร์ชด้วยล่ะ! มึงก็รู้ว่ากูไม่ถูกกับมัน ถ้าไม่มีมันสักคน…”



            “ต่อให้ไม่มีมัน มึงก็เป็นได้แค่เพื่อนกูเหมือนเดิมยศ” ยังไม่ทันที่ยศจะได้พูดจบ โซ่ก็พูดสวน
ขึ้นมาเสียก่อน ด้วยถ้อยคำที่ชวนให้คนฟังใจสลาย



            “…..”



            “ลองคิดทบทวนให้ดีนะยศ ว่าจริงๆแล้วมึงคิดยังไงกับกูกันแน่ แต่จำเอาไว้เลย…ไม่ว่าจะวันนี้
พรุ่งนี้ หรืออีกจะกี่เดือน กี่ปี…มึงยังเป็นเพื่อนกู” ประโยคทียาวที่สุดในชีวิตได้ออกจากปากของโซ่มาแล้ว
แต่เขาไม่คิดเลวว่าจะได้พูดอะไรแบบนี้กับใคร เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจ แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกแย่
เพราะผลลัพธ์มันออกได้สองทาง คือหนึ่งยศจะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของเขาเหมือนเดิม หรือสอง…
เขาอาจจะต้องเสียเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งไปเลยก็ได้



            “แต่…กู รัก มึง…จริงๆนะโซ่”



            “มึงนี่มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องจริงๆสินะ” โซ่บนออกมาเมื่อเห็นพอร์ชนั่งค่อมรถรออยู่ที่
หน้าบ้านของยศ ซึ่งเจ้าตัวก็คงจะขี่รถตามหลังเขามาแรก เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจก็เท่านั้นเอง
แต่จะมาอีกท่าไหนถึงได้เงียบขนาดนี้ อันนี้คงต้องถามเจ้าตัวเอาเองก็แล้วกัน



            “ไปรับไอ้เหมียวกันเถอะ” จะว่าพอร์ชเสือกก็ได้ แต่ดับเครื่องยนต์ตั้งแต่ปากซอยเพื่อ
มาแอบฟังอย่างนี้ก็เพราะความเป็นห่วงความปลอดภัยของคนรักทั้งนั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบ
แฝงเลยแม้แต่น้อย ถึงจะรู้สึกหมั่นไส้ไอ้เจ้าของบ้านตอนที่มันพาดพิงมาถึงเขาอยู่มากก็เถอะ



            “เจ้าตัวเล็กนี้หรอที่เราบอกกับแม่น่ะพอร์ช” คุณนายแม่ของพอร์ชมองลูกแมวในอ้อม
แขนของโซ่ด้วยความเอ็นดู เพราะตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลสัตว์ เจ้าตัวเล็กก็ไม่เอาใครเลย
จะอยู่แต่กับโซ่ แม้ว่าทั้งพอร์ชและคุณนายแม่ของพอร์ชจะพยายามหลอกล่อกันจนสุดความสามารถแล้วก็ตาม



            “อือ…น่ารักไหมแม่...สวัสดีครับคุณย่า ผมชื่อเด็กหญิงมณีลูกชายป๋าพอร์ชกับหม่ามี้นิ่งเองครับ”
เอิ่ม...ตกลงแล้ว ไอ้เหมียวตัวเล็กนี่เป็นเพศไหนกันแน่? คุณนายเธอละสับสนกับการเรียกชื่อเรียงลำดับ
เพศผิดๆถูกๆของลูกชายเสียจริง แต่ก็ไม่กล้าทัก เพราะเห็นลูกอยู่ในสภาวะ...เพ้อ



            เมี๊ยว~



            ‘หม่ามี้พ่อง!’ ทดหนึ่งไว้ในใจก่อน ถึงเวลาเมื่อไหร่พ่อจะอัดให้น่วม! ผู้ชายไร้มดลูกที่ไหนเขา
เป็นหม่ามี้กัน…อย่างพี่โซ่คนแมนต้องพ่อจ๋าเท่านั้นโว้ย!



            “ตลก” เพราะเกรงใจแม่ของพอร์ชโซ่จึงปฏิเสธคำพูดเพ้อเจ้อของพอร์ชด้วยถ้อยคำที่ดูซอฟต์ที่สุด
เกิดหลุดด่ามันออกมา เดี๋ยวเขาจะหาพ่อแม่ไม่สั่งสอน



            เมี๊ยว~



            ว่าแล้วก็อยากจะรู้จริงๆว่า ที่เจ้าเหมียวมันร้องตามออกมาติดๆนั้น กำลังคิดอะไรอยู่…จะเห็นด้วย
หรือเห็นต่างจากพอร์ชกันแน่นะ?



“แกก็พูดไปเรื่อยเจ้าพอร์ช!” คุณนายฟาดมือเข้าที่ต้นแขนของลูกชายเต็มแรง เหมือนว่าจะไม่เห็นด้วยกับ
คำพูดของเจ้าตัว แล้วโซ่กำลังจะยิ้มออกมาอยู่แล้วเชียว ถ้าหากไม่มีประโยคถัดมาที่ว่า…



            “รอให้แม่ไปขอกับทางบ้านโน้นก่อนสิ จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆสักที”



            บึ้ม!



            โซ่รู้สึกเหมือนถูกถีบกลางอากาศ สติโดนทำลายไปแล้วกว่าครึ่ง ไม่คิดว่าแม่ของพอร์ชจะเป็น
ไปกับลูกชายด้วย มันก็ดีอยู่หรอกที่ทางนี้ไม่รังเกียจในตัวตนของเขา แถมยังต้อนรับเป็นอย่างดี แต่อย่าลืมสิ
 ว่าเขาก็ผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม จะให้มาพูดเรื่องแบบนี้ตรงๆ มันก็รู้สึกแปลกๆชอบกล



            เอิ่ม...จะถามว่าเขินหรอ?



            เออ…เขินก็ได้วะ!



            ยืดอกยอมรับ(ในใจ)แบบแมนๆไปเลย พี่โซ่คนจริงอยู่แล้ว(?)







TBC.

ชีวิตคนเราไม่ได้มีแค่คนรัก วันๆหนึ่งเราเจอคนมากกว่าหนึ่งคน เจอปัญหามากกว่าหนึ่งอย่าง
พบความสุขมากกว่าหนึ่งครั้ง...แล้วจะไปกำเกณฑ์ทำไมให้มันเหนื่อย ทำใจให้สบาย
ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ แล้วพรหมลิขิตจะนำทาง

ใจเย็นๆ ค่อยๆเรียนรู้ไปด้วยกัน แล้วคุณจะรักพอร์ชอย่างที่โซ่รัก แล้วคุณจะหลงโซ่อย่างที่พอร์ชเป็น

Ps.ขอโทษนะคะที่หายไปหลายวัน พอดีมีเรื่องยุ่งๆเข้ามาให้คนเขียนปวดหัวหลายอย่าง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2018 20:28:38
คุณแม่ก็เอากับเขาด้วย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 18-01-2018 20:40:30
น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-01-2018 21:06:52
อุ๊ย อุ๊ย  คุณแม่ยอมรับแล้วเหรอ  :o8:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 18-01-2018 23:00:27
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 18-01-2018 23:33:21
พี่โซ่คนแมนน่ารักก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 19-01-2018 05:55:54
คุณแม่มาทีหลังแต่ชนะเลิสสสสสสส
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 19-01-2018 07:04:28
คุณแม่ชนะเลิศ สั้นๆได้ใจความ :mew3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 19-01-2018 21:55:01
คุณแม่มีแซวน้องโซ่นะคะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-01-2018 22:06:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-01-2018 08:58:46
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 20-01-2018 14:54:27
55555555 โซ่เสน่ห์แรงเหมือนกันนะเนี่ยยยยย
ลูกแมวชื่อมณี จริงดิพอร์ช โอ้ยยยยย 555555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 20-01-2018 17:31:36
 o13 คุณแม่ bravo
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #13 {18/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-01-2018 17:56:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 20-01-2018 21:26:02


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{14}






            “ว่าไงจ้ะ ‘น้องโซ่คิตตี้’ มาหาป๋าทำไมคะ…คิดถึงป๋าหรอ?” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า
พอจบคำนี้แล้วสภาพพอร์ชจะเป็นยังไง ในเมื่อตอนนี้เจ้าตัวลงไปนอนกุมท้องอยู่บน
พื้นสนามฟุตบอล ด้วยแรงส่งจากฝ่าเท้าของโซ่ และที่โซ่ยังสามารถยืนอยู่ท่ามกลาง
ดงนักฟุตบอลของช่างยนต์ได้ปลอดภัยไร้รอยแผลอย่างนี้ได้ ก็เพราะพอร์ชได้ลั่น
วาจาไว้ว่า ‘ใครแตะแฟนกูมีเจ็บ’ เป็นอันรู้กันว่า โซ่ ถือเป็นข้อยกเว้น



            “เพื่อนเล่น?” โซ่เลิกคิ้วถาม



            “ไม่ใช่เพื่อนเล่น แต่อยากเล่นเพื่อน” พอร์ชพูดจาสองแง่สองง่าม
ทำตาเจ้าชู้วิบวับใส่โซ่แบบไม่มีสลด



            “…..” โซ่ยกเท้าขึ้น ทำท่าจะเหยียบซ้ำที่เดิม จนพอร์ชต้องรีบยกมือขึ้นยอมแพ้



            “โอ้ย…ใจเย็นครับคุณมึง กูจุก นั่งรอแป๊บนึง เดี๋ยวก็เลิกแล้ว” บุ้ยหน้าไปทาง
กระเป๋าของตนเองที่วางอยู่บนแสตนข้างสนาม ที่มีกลุ่มเพื่อนของพอร์ชนั่งอยู่ก่อนที่
เพื่อนของโซ่ที่ตามมาทีหลังเดินเข้าไปร่วมวงสนทนา



            พอร์ชต้องอยู่ซ้อมฟุตบอลทุกเย็น โซ่จึงต้องมานั่งรอ เพราะพอร์ชไม่ยอมให้
โซ่กลับบ้านพร้อมกับยศที่กลับมาเรียนเหมือนเดิมแล้ว จึงเดือดร้อนบุญล้อมต้องมานั่ง
อยู่เป็นเพื่อนโซ่อีกคน เพราะยศไม่ไว้ใจพวกช่างยนต์ กลัวว่าโซ่จะโดนดักทำร้าย แต่
เจ้าตัวก็ไม่อยากมาเห็นหน้าพอร์ชเช่นเดียวกัน เรื่องมันก็เลยอีรุงตุงนังอย่างที่เห็น



            “กูจะไปห้องน้ำ…เอาน้ำไหม?” ก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่เห็นสภาพเหงื่อ
โทรมกายแล้วรู้สึกสมเพช เลยจะสงเคราะห์ให้ เพราะทางไปห้องน้ำจะต้องผ่านสหกรณ์อยู่แล้ว


            “กูไปด้วย” ทำท่าจะลุกขึ้นไปตามปาก แต่โดนโซ่ใช้ฝ่าเท้าข้างเดิมยันข้ามไว้ซะก่อน



            “ติดกันหรอ?” โซ่ถามเสียงเรียบ เหลือบตามองไปตรงเป้ากางเกงบอลผ้าลื่นสีดำ
เงาของพอร์ชด้วยสายตาเหยียดๆ


            “ไม่ติดหรอก…แต่อยากเอาเข้าไป ‘นาบ’ ใกล้ๆ” ทำยิ้มตาเยิ้มพูดบอกด้วยเสียงแหบพร่า
กระชากใจสาว แต่สำหรับโซ่แล้วหรือ?



            “ได้…มานาบกับตีนกูนี่!” คงไม่ต้องบอกว่าหลังจากคำพูดนั้นของโซ่แล้วพอร์ชจะอยู่
ในสภาพไหน เพราะนอกจากโซ่จะเอาเท้าเข้าไปนาบตามความต้องการของพอร์ชแล้ว เจ้าตัว
ยังใจดี แถม ‘ขยี้’ ฟรีให้ต่ออีกพักใหญ่



            ในเวลาเดียวกัน…



            พวกที่อยู่บนแสตนก็…



            “กูลงข้างไอ้พอร์ชห้าร้อย” เป้เป็นคนแรกที่ควักธนบัตรสีม่วงใบละห้าร้อยบาทออกมาวางกลางวง



            “งั้นกูลงข้างไอ้โซ่อีกห้าร้อย” คราวนี้เป็นแวนที่หยิบเงินออกมาวางบ้าง



            “อะไรๆ เดี๋ยวนี้มึงย้ายไปอยู่ข้างไอ้โซ่แล้วหรอไอ้แวน…หมานะมึง” เป้แซว



            “ก็เพื่อนกันทั้งนั้นแหละห่า…แต่ช่วงหลังกูเห็นไอ้พอร์ชหงอๆกูก็เลยลงข้างไอ้โซ่แทน
 …ลงขันพนันใครก็อยากชนะครับเพื่อนเป้” แวนบอกพลางพยักพเยิดหน้าไปทางพอร์ชที่กำลัง
คลานหนีฝ่าเท้าโซ่อยู่กลางสนาม ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมทีม



            “โนว…มึงไม่รู้อะไรซะแล้วไอ้แวน ที่มึงเห็นไอ้พอร์ชทำหงิมๆหงอๆแบบนี้ ก็เพราะว่า
ตอนอยู่บนเตียงมันเป็นผู้นำเว้ย! มึงไม่เคยได้ยินรึไงว่า...ผัวที่ดีต้องเคารพเมียน่ะ” เป้ยกนิ้วขึ้น
ส่ายไปมา บอกว่าแวนกำลังเข้าใจผิด พร้อมทั้งให้เหตุผลที่น่าเชื่อถือ ทำเอาคนที่เหลือรีบพยัก
หน้าตามเพราะเห็นด้วยกับเป้



            “งั้นกูขออยู่ข้างมึงด้วยคนว่ะไอ้เป้…กูมั่นใจว่าไอ้พอร์ชเพื่อนเราต้องทำได้” เพื่อนช่างยนต์
อีกคนวางเงินลงข้างเป้ ส่วนคนที่เหลือก็เริ่มทยอยลงขันกันทีละคน ข้างพอร์ชบ้าง โซ่บ้างก็ว่ากันไป
แล้วแต่ใครจะเชียร์



            “แล้วมึงล่ะมหา ไม่คิดจะสนุกกับพวกกูมั่งไง” เป้ถามบุญล้อมที่นั่งอยู่กับเพื่อนช่างไฟ
สองสามคนของเจ้าตัวไม่ไกล หลังจากที่ไอ้สามคนนั้นลงเงินข้างโซ่กันหมดแล้ว



            “การพนัน คือหนทางแห่งความเสื่อมครับ” สิ้นสุดคำบอกกล่าวของบุญล้อมแล้ว ทุกคน
ก็ยกมือขึ้นพนมแล้วพร้อมใจกันพูดว่า…



            “สาธุ!”



            “จะไปไหม?” ถึงตอนแรกจะว่าอย่างนั้น แต่พอจะไปจริงๆโซ่ก็ออกปากชวนพอร์ชไป
ด้วยกันอยู่ดี…อย่างนี้เรียกว่า?



            “อยากให้พี่ไปด้วยก็บอกสิครับน้องโซ่คิตตี้…ทำเป็นเขิน” เด้งตัวลุกขึ้นยืน กางแขน
กางขายืดเส้นคลายกล้ามเนื้อ กอดคอเดินเคียงโซ่ไปห้องน้ำอย่างเนียนๆ



            “เอาอะไร?” พอร์ชถามเมื่อถูกโซ่หยิกเอวจากทางด้านหลัง รู้สึกเจ็บจนต้องจอดรถ
 มองดูข้างทางแล้วจึงได้รู้ ว่าถึงร้านน้ำปั่นร้านโปรดของเจ้าตัวพอดี…จะบอกกูดีๆหน่อยก็ไม่ได้…ห่า!



            “ชาเขียวไม่หวาน โกโก้ไม่หวาน ไม่ปั่นอย่างละแก้วครับ” โซ่ไม่ตอบคำถามพอร์ช
 แต่เดินตรงเข้าไปสั่งสิ่งที่ตัวเองอยากกิน ซึ่งก็คือเมนูเดิม เพิ่มเติมคือไม่แบ่งพอร์ชแล้ว
เพราะคราวก่อนที่เจ้าตัวของชิม ก็ติว่ารสชาติที่เขาชอบกินมันไม่อร่อย…อดแดกไปนะมึง



            จึก!



            เอี๊ยด!



            “เอาอะไรอีกครับพ่อ?” ถัดจากร้านน้ำได้ไม่เท่าไหร่ พอร์ชก็เบรกรถตัวโก่ง
เมื่อโดนหยิกที่เดิม เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาต้องจอดรถ…เดี๋ยวนี้



            “หมูหยองช็อคโกแลตนมหนึ่งครับ…มึงเอาไร?” เดินตรงเข้าไปหน้าร้านเครปญี่ปุ่น
ที่เป็นรถเข็นเล็กๆ สั่งของตัวเองเสร็จก็มีน้ำใจหันมาถามพอร์ช



            “พริกเผาหมูหยอง” พอร์ชบอก



            “เอาเหมือนกันอีกหนึ่งครับ” ได้คำตอบจากพอร์ชแล้ว โซ่หันกลับสั่งเหมือนของ
ตัวเองอีกหนึ่ง ทำเอาพอร์ชหน้าเหวอ แม่ค้าเองก็ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูดคุยกันก็ไม่รู้จะทำยังไง
ในเมื่อคนจะกินบอกหนึ่ง แต่อีกคนกลับสั่งอีกอย่างหนึ่งแทน



            “เฮ้ย…ไงเป็นงั้นไป” พอร์ชถาม แต่ไม่ได้มีท่าทีโกรธเคืองอะไรหรอกนะ



            “อร่อย” คำเดียวสั้นๆทำเอาพอร์ชบรรลุธรรม



            “อยากให้ป๋าได้รับรสชาติเดียวกันก็บอกดีๆซิจ้ะหนู ไม่ต้องเขินหรอก…ป๋าเข้าใจ”
แปลงร่างเป็นเฒ่าหัวงูเต๊าะสาว ใช้ไหล่กระแซะโซ่อย่างเย้าแหย่



            ตุบ!



            “โอ้ย!” ยกเข้าขึ้นกระโดดเหยงๆเพราะถูกโซ่กระทืบเข้าให้



            “สม” กระทืบเท้ามันทีนึงข้อหากวนส้นตีน



            “วันนี้มึงทำร้ายร่างกายกูกี่ครั้งแล้วเนี่ย” พอร์ชบ่นอุบ



            “ไม่ได้นับ” โซ่รับขนมจ่ายเงินเสร็จก็ขึ้นไปนั่งประจำที่รอเจ้าของรถ ไม่เป็นไม่เห็น
สายตาเว้าวอนเหมือนลูกหมาโดนทิ้งของพอร์ช



            “บอกเลยว่าน้อยใจ…เชอะ!” ทำเป็นสะบัดสะบิ้งเดินมาค่อมรถ สตาร์ทเครื่องบิดคันเร่ง
ออกจากร้านเครปไปอย่างงอนๆ เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆของโซ่ที่หลุดออกมาเพราะ
เจ้าตัวสุดที่จะกลั้นแล้ว…ทนไม่ไหวจริงๆ มันตลกเกินไป



            ‘ไอ้ยักษ์เอ้ย!’



            “อะไร?” เก๊กถามเสียงแข็ง เมื่อแก้วโกโก้สีเข้มมาลอยอยู่ตรงหน้า และไม่อยากเสียใจ
เลยไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าที่ทำแบบนี้ โซ่กำลังจะ…ตนเองอยูรึเปล่า



            “กู…ง้อ” สองคำสั้นๆที่คนข้างหลังกระซิบเบาๆตรงข้างหู ทำเอาพอร์ชฟินตัวแทบแตก
แต่ติดที่ต้องโฟกัสกับถนนข้างหน้า เพราะติดไฟแดง ไม่อย่างนั้นพ่อจะลากไปหอมแก้มโชว์
กลางสี่แยกจริงๆ เอาให้รู้กันทั่วจังหวัดไปเลยว่าไอ้พอร์ชคนนี้มี…แฟนน่ารัก!



            “มาพอดีเลย แม่แกเขามีธุระจะคุยด้วย…รออยู่ที่ห้องน่ะ” ไม่ต้องรอให้ตาหรือยายบอกซ้ำ
โซ่ก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสองของตัวเองทันที จากที่มาส่งแล้วจะกลับเลย พอร์ชเลยเลือกที่
จะทำใจกล้าหน้าด้าน ทำเนียนเดินเข้ามานั่งคุยกับตาของโซ่ที่นั่งอยู่ตรงแคร่ไม้กลางสวนหน้าบ้าน
ให้แน่ใจเสียก่อนว่าคนรักไม่เป็นไร เพราะเท่าที่คบกันมากว่าสองสัปดาห์นี้ โซ่ไม่เคยพูดถึงคนเป็น
แม่เลย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่เขาถามถึงความเป็นอยู่ของแม่โซ่ตามประสาคนเคยรู้จักแบบไม่ได้คิดอะไร
แต่โซ่กลับตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแววตาแข็งกร้าวว่า ‘เธอสบายดีครับ’



            “ทำอะไร!” โซ่กระชากถามเสียงแข็ง เมื่อเห็นหญิงสาวแสนสวย(ในสายตาคนอื่น)กำลังรื้อ
ค้นข้าวของในห้องของตนเองจนกระจัดกระจาย



            “มีเงินไหม? พ่อแกให้เงินเดือนแกเท่าไหร่! เอามาให้ฉันยืมก่อนซิ!” โซ่หลับตาลงข่มอารมณ์
ที่กำลังจะปะทุ สะกดจิตบอกตัวเองว่ามันก็แค่เรื่องเดิมๆที่ตัวเขาควรจะชินได้แล้ว แต่ความเป็นจริงแล้ว
มันไม่ใช่เลย เพราะรู้สึกแย่ทุกครั้งที่ได้ยินคำเหล่านี้ออกจากผู้ให้กำเนิด ที่เป็นแค่ผู้ให้กำเนิดอย่างเดียว
ไม่ให้ความรักดูแลเอาใจใส่ มีแต่จะเหยียบซ้ำให้จมดิน เห็นเขาเป็นเพียงเครื่องมือ
…เอาไว้ต่อรองให้ตัวเองอยู่สุขสบาย



            “ไม่มี และจะให้ดีคุณควรออกไปจากห้องของผม…เดี๋ยวนี้!” ไม่เลย…โซ่ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย
แต่จิตใต้สำนึกมันสั่งให้ทำ เพื่อปกป้องความรู้สึกของตัวเอง



            “แกกล้าไล่ฉันหรอไอ้เด็กเวร!” เธอหันมาประจันหน้ากับลูกชายคนรองที่เกิดจากสามีคนที่สองของตัวเอง



            “ถ้าใช่…แล้วจะทำไม!” โซ่จ้องหน้าถามอย่างท้าทาย พอกันทีกับผู้หญิงคนนี้ แค่สิบหกปีที่
ผ่านมาก็สาหัสมากแล้ว ใครจะว่าเขาเลวระยำยังไมก็ไม่สน ขอแค่ไปให้พ้นจากเธอก็พอ



            “หนอย…ไอ้โซ่ไอ้ทรพีได้เด็กนรก! ฉันไม่หน้าให้แกเกิดมาเลย แกน่าจะตายๆตามพ่อแกไปเลย
อยู่ไปก็ไม่ทำประโยชน์อะไร มีแต่จะเป็นภาระให้พ่อแม่ฉัน…เสียดายเศษข้าวที่เลี้ยงแกมาจริงๆ” โซ่ยิ้มเยาะ
ให้กับความโง่งมของตัวเองที่เคยคิดไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะทำให้ผู้หญิงคนนี้รักเขาอย่างที่เธอรักพี่พลและ
ลูกสาวคนเล็กของเธอที่เกิดจากสามีใหม่หลังจากที่แยกทางกับพ่อของเขาได้เพียงสองปี



            สุดแล้วที่จะทน แต่ก็ไม่อาจทำร้ายเธอได้อย่างที่ใจคิด เดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่มุมห้อง
เก็บเอกสารจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตใส่กระเป๋า หมดลงแล้วกับความอดทนที่มี เพราะนอกจากผู้หญิงคนนี้
จะไม่คิดว่าเขาเป็นลูกแล้ว ความเป็นคนของเขาเธอยังมองไม่เห็น สิ้นสุดกันทีกับความเป็นแม่ลูกที่เคยฝัน
หลังจากนี้…ต่อให้ต้องตกนรกหมกไหม้โซ่ก็ยอม



            “รอทนายของผมที่นี่ อีกสามวันคุณจะได้สิ่งที่ต้องการ” พูดจบก็หันหลังเดินหนี ไม่ขออยู่ฟังเสียง
กรีดร้องด่าทอที่ดังไล่หลัง



            “พอร์ช” โซ่เอ่ยเรียกคนรักที่นั่งอยู่บนแคร่ของตา โดยมีน้องสาวคนละพ่อนั่งขนาบข้างอยู่
ดูจากสีหน้าท่าทางที่พยายามหลีกหนีจากเด็กสาวแสนสวยตรงหน้าแล้ว พอร์ชคงทนมานาน



            “ขอตัวก่อนนะครับ” เพราะอีกฝ่ายแนะนำว่าเป็นน้องสาวของคนรัก พอร์ชจึงวางท่าไว้ที
สะกดกลั้นตัวเอง ไม่ให้หลุดด่าผู้หญิงออกมา หลังจากที่โดนแทะโลมอยู่นาน



            “จะรีบไปไหนล่ะคะพี่พอร์ชอยู่คุยกับแสนดีก่อนสิคะ…รอแป๊บนึงไม่ได้หรอ” เธอลุกขึ้นมา
ฉุดแขนพอร์ช อ้อนเสียงหวาน หันไปตาขวางทำเสียงแข็งใส่โซ่



            โซ่พาดกระเป๋าขึ้นบ่า กระชับให้ถนัดมือ เดินเข้าไปแหวกกลาง ผลักน้องสาวคนละพ่อที่
ถือตนข่มเขามานาน ให้กระเด็นไปอีกทาง แล้วพูดว่า…



            “โทษนะ ‘อีหนูผี’ คนนี้…แฟนกู”



            “ไม่เป็นไรน้า…กูจะอยู่ข้างๆมึงเอง” พอร์ชเดินเข้ามากอดโซ่จากทางด้านหลัง ในขณะที่
โซ่ยืนรับลมชมวิวเมืองที่แสนเงียบสงบอยู่ตรงระเบียงห้องนอนชั้นสี่ของพอร์ช หลังจากที่พอร์ช
ปล่อยให้เขาอาบน้ำก่อน ส่วนเจ้าตัวก็ขอลงไปคุยกับพ่อแม่ที่ชั้นสองซึ่งเป็นอาณาเขตส่วนตัว
ของพ่อแม่พอร์ช เพราะนอกจากจะมีห้องนอนของพวกท่านแล้ว ก็ยังมีห้องทำงาน และห้องพระ
ที่ต่อเติมจากส่วนของระเบียง(อยู่คนละด้านกับห้องของพอร์ชและพี่ๆ) เพราะไม่ตรงทางเดินของใคร
และปลอดภัยต่อการเหยียบย่ำ



            “อย่าทำเสียงแบบนั้นได้ไหม” โซ่หมายถึงเสียงลากหวานๆ จากคำว่า ‘น้า~’ ของพอร์ช



            “ทำไมอ่ะ…เขินหรอ?” พอร์ชซุกหน้าคลอเคลีย ออดอ้อนเสียงหวานเหมือนเดิม



            “เปล่า…กูกลัวฝันร้าย” คำตอบจากปากโซ่ทำเอาพอร์ชหมดมู้ด



            “ทำไมวะ?” แต่พอร์ชก็ยังเป็นพอร์ช หวานไม่เท่าไหร่ก็กลับมาห่ามเหมือนเดิม เพราะมัน
คือสันดานติดตัวตนที่แก้ไขไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอ่อนหวานหรืออ่อนโยนไม่เป็นนะ
แค่ต้องเลือกที่เลือกคนเท่านั้น อย่างที่เขาชอบเป็นกับโซ่นี้ไง…คนอื่นไม่มีบุญได้เห็นหรอก



            “มึงลองไปส่งกระจกแล้วทำอย่างเมื่อกี้ดูสิ…เดี๋ยวก็รู้เอง” ไม่พูดเปล่า แต่โซ่ยังลากพอร์ช
ไปหยุดยืนอยู่หน้ากระจกข้างตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ตรงส่วนที่เป็นโซนแต่งตัว



            “โอ้ย…ขนลุกฉิบหาย…บรื้อ~” พอร์ชทำท่าทางรับไม่ได้ หลังจากที่ได้เห็นตัวเองใน
กระจกระหว่างที่ทดลองทำอย่างที่โซ่บอก คือตัวเองรูปหล่อพ่อรวยอันนี้รู้ดี แต่ไม่คิดว่ารูปร่าง
สูงใหญ่ของตัวเองจะน่าสยดสยองขนาดนี้ในยามที่อ้อนแฟน ถึงว่า…ทำไมได้โดนโซ่ด่าทุกที
ในยามที่แปลงร่างเป็นพี่พอร์ชแสนดี แต่ก็สังเกตเห็นเหมือนกันว่า…โซ่จะอ่อนระทวยทุกทีใน
ยามที่เขาแสดงความรักแบบห่ามๆ ก็คงจะจริงอย่างที่มหาบุญล้อมเคยบอกว่า โซ่ชอบคนตรง
แพ้ทางคนจริงใจ และรักคนที่มั่นคง



            แหม่…ก็ไม่อยากจะบอกหรอกนะ แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนั้น มันก็รวมอยู่ที่ตัวเขาคนนี้ไง



            เฮ้อ…เบื่อตัวเองจริงๆ ทำไม่ถึงได้หล่อครบเครื่องขนาดนี้ ลูกใครหนอพ่อแม่ช่างปั้น!



            “เลิกเพ้อแล้วไปอาบน้ำได้แล้วไอ้พอร์ช…กูจะนอน” เสียงโซ่ที่ดังแทรกเข้ามาพร้อมกับ
ฝ่าเท้าที่เริ่มคุ้นชินกับร่างกาย ทำเอาพอร์ชได้สติ



            หมดกัน! โลกมโนของพี่พอร์ช ถูกทำลายสิ้น ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งฝ่าตีนเทวดาของคนรัก
ที่รอเลื่อนขั้นเป็นคุณเมียที่เคารพในอีกไม่ช้า



            ‘ห่า…มองเห็นอนาคตตัวเองลอยมาไกลเลยกู’









TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 20-01-2018 21:43:46
 :L2: :pig4: :L2:

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-01-2018 21:43:57
ทำไมแม่ดูไม่รักโซ่เลยล่ะ
แล้วตากับยายไม่ว่าอะไรลูกตัวเองเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-01-2018 21:49:06
แม่โซ่ที่ใช้ไม่ได้ ไม่มีความเป็นแม่เล้ยยยยยย  :m16:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-01-2018 22:19:29
ตายายไปไหน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 20-01-2018 22:26:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-01-2018 22:39:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 20-01-2018 22:56:04
โอ้โหทั้งแม่และน้อง  :m16:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-01-2018 08:47:36
โซ่มีปมเรื่องแม่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 21-01-2018 14:55:46
ฉงฉานพอร์ชมากมาย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #14 {20/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-01-2018 15:46:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 22-01-2018 23:02:38

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{15}







            “ทำไมมึงต้องไปอยู่ฝั่งโน้นด้วยล่ะ? กูไม่เข้าใจเลยจริงๆ ป๋ากับแม่กูเขาก็ไม่ได้ว่า
อะไรสักหน่อย…เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรอวะนิ่ง”  พอร์ชบ่นอุบ ถึงสาเหตุที่โซ่บอกว่าจะ
ย้ายไปอยู่ตึกฝั่งตรงข้ามของพ่อตนเองแทนที่จะอยู่บ้านพอร์ชอย่างที่คุยกันไว้ก่อนหน้า เพราะ
พ่อแม่ของพอร์ชเองก็อยากจะให้อยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้หนีไปไหน แม้ว่าจะแค่ย้ายไปอยู่ตึกตรงข้ามก็ตาม



            “เสียดาย…กูว่าจะหาช่างมารีโนเวทใหม่ แล้วปล่อยชั้นล่างไว้ให้เช่า ส่วนชั้นสอง สาม สี่
และดาดฟ้าเป็นของกู” โซ่บอกสิ่งที่ตนคิดวางแผนไว้ออกมา ความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากปล่อยให้
ใครเช่าหรอก แต่ก็เสียดายทำเล เพราะที่ตรงนั้นถ้าปล่อยให้เช่า ก็ได้เป็นหมื่น มันก็จริงอยู่ที่เขา
ได้มีเงินเดือนและต้นทุนชีวิตที่พ่อฝากไว้ให้อีกเยอะ แต่เงินในส่วนนี้เขาจะส่งกลับไปให้ตากับยายใช้
 เพราะได้ข่าวว่าผู้หญิงคนนั้นกับลูกสาวทะเลาะกับสามีคนล่าสุดของเธอ เรื่องอะไรก็ไม่รู้ จึงย้ายกลับ
มาอยู่กับตายายที่บ้าน ซึ่งไม่ต้องเป็นหมอดูเขาก็สามารถทำนายได้ว่าตากับยายคงต้องรับภาระเลี้ยง
ดูสองแม่ลูกนี้อีก เพราะนั่นคือลูกและหลานของเขา



            “แล้วกูล่ะ?” ที่โวยวายนี่ไม่ใช่อะไรเลยนะ ก็แค่อยากจะอยู่ด้วยกัน แต่ไหงไอ้นิ่งนี่กลับคิดตี
ตัวออกห่างเขาอยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้…พี่พอร์ชล่ะเซ็งสัส



            “มีทางเลือกเดียวสำหรับมึง คือ อยู่ กับ กู เข้าใจนะ?” คำตอบของโซ่ทำเอาพอร์ชยิ้มกว้าง



            ก็แหม…น้องโซ่คิตตี้อยากจะออกมาสร้างรังรักสองคนกับพี่ก็ไม่บอก ปล่อยให้พี่พอร์ชคนนี้
หงุดหงิดอยู่ได้ตั้งนาน นี่ถ้าไม่ติดว่าตีนหนักนะ จะจับปล้ำสักทีสองที ฮึ่ย…หมั่นเขี้ยวว่ะ!



            “ตามนั้นครับ…เมีย” แกล้งหยอดคำลงท้ายเพื่อดูปฏิกิริยาของคนรัก



            “ฝัน?” โซ่เลิกคิ้วถาม



            “อือ…ฝัน…ฝันที่อยากให้มันเป็นความจริงในอีกไม่ช้า” พอร์ชบอก



            “ดีไม่พอ อย่าหวังว่าจะได้แอ้มกู หรือจะให้กู ‘แดก’ มึงดี?” เป็นครั้งแรกที่พอร์ชได้เห็น
สีหน้าเจ้าเล่ห์ของโซ่ แทนใบหน้าเรียบนิ่งตามปกติ ซึ่งไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆว่า…ดูดีฉิบหาย
เห็นแล้วใจสั่นเหมือนคนอยากยาก็ไม่ปาน โคตรอยากลองชิมเลยบอกตรง



            “ทำเป็น?” ไม่ได้จะดูถูกหรอกนะ แต่สีหน้าและน้ำเสียงมันเป็นไปอย่างนั้นเอง



            “เป็นไม่เป็นมึงก็ลองไปถามน้องบี๋บัญชีของมึงดู” จากที่คิดว่าเป็นต่ออยู่ แต่ทำไมตอนนี้
พอร์ชถึงได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นรองโซ่อยู่เลยล่ะ?



            “มึงอย่าบอกนะว่า…” ความคิดบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในหัวทำเอาพอร์ชอ้าปากค้าง ยิ่งโซ่
หันมาแสยะยิ้มให้ยิ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้เขามากไปอีก



            “กูจะบอกมึงให้เอาบุญนะไอ้หมาพอร์ชว่าน้องบี๋ที่มึงเคยนอนกกนอนกอดอยู่พักนึงน่ะ
กูเป็นคน ‘เปิด’ โลกใหม่ให้มันเอง” ก็ไม่ได้อยากจะพูดให้ผู้หญิงเสียหายหรอกนะ แต่บางครั้งก็
อดที่จะหมั่นไส้คนของตัวเองไม่ได้ เลยยกความจริงที่ว่า เจ้าตัวกินของเหลือต่อจากตนขึ้นมาข่ม
มันซะเลย ชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาดีนัก



            “มึง…” แหม่…ว่าที่เมียพี่ทำไมถึงได้กร๊าวใจขนาดนี้ พี่พอร์ชล่ะอยากจะเป็นลม เห็นนิ่งๆ
อย่างนี้ พ่อมึงเก็บเรียบเลยสินะ งานนี้สงสัยต้องเรียกมหามาใช้บริการแลกเปลี่ยนความลับเพื่อน
อีกสักทีสองที จะได้กระจ่างกว่านี้ เพราะตอนนี้เล่นอะไรพี่เขาไม่ได้เลย เข้าตัวกูทุกที



            “อ่อ…เผื่อมึงอยากรู้วันเวลาล่ะนะ…ก็ตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่แน่จริง
อย่างปากพูดก็อย่ามาก๋ากั่นกับพี่นะคะ…หนูพอร์ช” ทำจริต จีบปากจีบคอพูดอย่างที่พอร์ชชอบ
ใช้แกล้งตนเอง ตบแก้มแปะๆช่วยเรียกสติให้สองที ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างสง่างาม ทิ้งให้
ป๋าพอร์ชครจริงยืนห่อเหี่ยวเป็นเนื้อแดดเดียวอยู่ที่เดิม

..

..

..

            “มหา” สุดท้ายแล้วพอร์ชก็แพ้ความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง จนต้องขับรถมาหา
บุญล้อมถึงวัดจนได้ เพราะเจ้าตัวมันไม่ยอมรับโทรศัพท์



            “ได้ข่าวว่าที่บ้านค่ายเกิดเรื่อง คุณโซ่เป็นยังไงบ้างครับ” เพราะมัวแต่ยุ่งๆกับการติดต่อ
ธุระแทนหลวงพ่อตั้งแต่เมื่อเย็นวาน มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถเคลียร์เวลาให้ตัวเองไปคุยกับ
โซ่ไม่ได้เลย จนพอร์ชบุกเข้ามาหาเขาถึงที่นี่แหละ



            “ตอนนี้มันกลายเป็นลูกรักแม่กับป๋ากูไปแล้ว กูถึงต้องออกมาหาเสบียงไปประเคนให้
มันนี่ไง…เพื่อนมึงเขาร้อน” พอร์ชว่าอย่างไม่ได้โกรธเคืองอะไร แค่แปลกใจที่โซ่กลัวแดด
ขนาดนั้น ถึงว่า เวลาเจอกันทีไร นอกจากหูฟังกับไอพอดเครื่องโปรดแล้ว ก็จะได้เห็นเสื้อ
คลุมนี่แหละที่โซ่มีติดตัวเป็นประจำ



            “คุณโซ่เขาไม่ชอบหน้าร้อน เกลียดแดด ชอบฝนที่ไม่ทำให้ร่างกายเฉอะแฉะ
และหลงรักในอากาศหนาวเย็นครับ” คำบอกเล่าจากบุญล้อมทำให้พอร์ชอึ้ง



            “นี่กูกำลังเจอกับอะไรอยู่วะเนี่ย?” ที่พูดแบบนี้ไม่ได้แปลว่ากลัวหรอกนะ แค่รู้สึก
ตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมจากที่เคยคิดว่าโซ่คือสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ เพราะเขาไม่สามารถคาดเดา
อะไรกับเจ้าตัวได้เลยสักครั้งเดียว



            “ผมรับรองเลยครับว่าสีสันในชีวิตของคุณพอร์ชจะ ‘จัดจ้าน’ ขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อมี
คุณโซ่อยู่ด้วย…ว่าแต่มาหาผมที่นี่มีเรื่องอะไรด่วนรึเปล่าครับ พอดีผมกำลังยุ่งอยู่พอดี” บุญล้อม
เน้นเสียงบอกเป็นนัย ก่อนที่จะวกกลับเข้าเรื่องเดิมเมื่อเห็นว่าหลวงพ่อมองมาที่ตนหลายครั้งแล้ว



            “กูอยากรู้เรื่องเก่าๆของไอ้นิ่งมันน่ะ…แต่มึงคงไม่ว่าง” พอร์ชพูดบอกอย่างเสียดาย



            “บางทีคุณพอร์ชอยากจะรู้เรื่องพวกนี้ก็ได้นะครับ…ผมเตรียมไว้ให้คุณสักพักแล้ว แต่ยัง
ไม่มีโอกาสได้ส่งให้ ลองเอาไปอ่านดูแล้วกันนะครับ ผมช่วยคุณได้เท่านี้จริงๆ ที่เหลือก็แล้วแต่
ความสามารถของคุณแล้ว” เพราะรู้ดีว่าเพื่อนของตนเองคนที่รับมือได้ยาก และเห็นว่าพอร์ชค่อน
ข้างจะตรงสเปคที่ตนอยากให้โซ่ได้เจอ บวกกับที่ได้ฟังพ่อกับแม่ของพอร์ชคุยกับหลวงพ่อเกี่ยว
กับเรื่องของโซ่และพอร์ชเมื่อสองวันก่อน บุญล้อมเลยอยากช่วย อย่างน้อยให้พอร์ชได้มีความรู้
พื้นฐานติดหัวไว้บ้าง จะได้ตามโซ่ทัน ที่เหลือก็แล้วแต่บุญพาวาสนาส่ง



            บุญล้อมกลับไปช่วยหลวงพ่อทำงานแล้ว แต่พอร์ชยังคงนั่งค่อมรถอยู่ที่เดิม เช็คอีเมล
เปิดเอกสารที่บุญล้อมส่งให้มาเมื่อครู่นี้ดู



            ชื่อ-สกุล นายไอศูรย์ กิจจานนท์ ชื่อเล่น ซอ.โซ่

            เกิดวันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ราศี ธนู

            เกิดที่จังหวัดนครสวรรค์ ถิ่นกำเนิดของบิดา

                 - ปัจจุบันยังคงติดต่อกับอาม่าผ่านทนายเป็นประจำ

                 - กลับไปเยี่ยมอาม่าในงานประจำปีของอำเภอ(ตามคำขอของอาม่า)

                 - กลับไปเคารพบรรพบุรุษในวันเซ็งเม้งของทุกปี

                 - ไม่ถือศีล แต่กินเจตามเทศกาล

            เติบโตที่จังหวัดพิจิตร ถิ่นฐานของมารดา

                   - เป็นปรปักษ์ต่อมารดา

                 - รักและเคารพพี่ชายต่างบิดามาก

                 - เกลียดน้องสาวต่างบิดามากที่สุด (ฆ่าได้ก็จะฆ่า)

                 - มีคุณตากับคุณยายเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวของจิตใจ

                - ยกคุณตาทวดไว้เหนือหัว

            การศึกษาระดับประถม – โรงเรียนเอกชน(คาทอลิก)

            การศึกษาระดับมัธยมต้น – โรงเรียน(น้ำเงิน-ขาว)

            การศึกษาปัจจุบัน – แผนกวิชาช่างไฟ (วท.)

            ชีวิตรัก – ไม่เคยมี

            คู่นอนตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน นับได้ 5 คน (ที่เหลือไม่ได้นับ)

                 - น้องบี๋ (บัญชี)

                 Ps. ทั้งสองสานสัมพันธ์กันตั้งตอนอยู่มัธยมต้น จบกันแล้ว

                 - พี่ออย (การตลาด) ล่าสุดเมื่อ 3 เดือนก่อน

                 Ps. แม่เสือสาวรุ่นใหญ่แห่งการตลาดเป็นคนขี้ร้อน เลยร้องขอน้ำแข็ง

                 - พี่ยุ้ย (เลขาฯ) เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว

                 Ps. เมื่อเหยื่อเนื้อ นม แน่น มาป้อนถึงปากมีหรอที่จะไม่ชิม(?)

                 - เจ้ฟ้า (ม.6) คุณครูคนแรก

                 Ps. จบกันไปนานแล้ว

                 - คุณซี (ม.4)

                 Ps. อดีต – ปัจจุบัน



            “เหี้ยอะไรวะ!” พอร์ชสถบลั่น ตอนแรกก็ดีอยู่หรอก เพราะเป็นข้อมูลทั่วไป
ที่อยากจะรู้ แต่ย่อหน้าสุดท้ายนี่คืออะไร รักไม่เคยมี แต่ประวัติคู่นอนลากยาวเป็น
หางว่าว แถมสามในห้าคนนั้นก็เป็นคู่นอนของเขาเช่นกัน ที่สำคัญเลยคือ
เขากินของเหลือจากมันทุกราย!



            “มึงตั้งใจแกล้งกูใช่ไหมไอ้หมา!” พอร์ชตะโกนถามเมื่อเห็นว่าบุญล้อม
กำลังมองมาทางตนอยู่พอดี



            “ครับ” ทางฝ่ายนั้นก็พยักหน้ายอมรับ ตะโกนกลับมาด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสะใจ



            “มึงไม่ได้แดกไอ้แวนง่ายๆหรอกจำไว้เลย!” เพราะเห็นว่าทางนั้นเหลือ
เจ้าตัวเพียงคนเดียว ไร้เงาลูกศิษย์หรือพระรูปใด พอร์ชเลยชี้หน้ายกความได้เปรียบ
ของตัวเองขึ้นมาอ้างบ้าง เพราะเห็นทีว่าเขากลับมันจะอยู่ในหมวดถ้อยทีถ้อยอาศัย
กันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อไอ้หมามันชอบแว้งกันเขาอยู่เรื่อย บอกเลยว่ามาถึงตรงนี้
เขาลืมภาพไอ้แว่นถือศีล ติดกระดุมคอ สะพายย่ามพระในวิทยาลัยไปหมดแล้ว มีคนดีๆ
ที่ไหนเขาเอาข้อมูลคู่นอนเก่ามาให้แฟนใหม่รับรู้กันห้ะ! คนสุดท้ายที่มันห้อยจุดอดีต-
จนถึงปัจจุบันนี่คือเหี้ยอะไรครับ? ใครก็ได้ตอบกูที!



            “ผมไม่รีบครับ ผมเน้น…กินเงียบๆ” โอ้ย…พอร์ชล่ะไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่า
ไอ้มหาปลอมนี่แล้ว ดูมันยังมีหน้าเดินมายักคิ้วกระซิบบอกถึงแผนชั่วของมันกับเขาได้
อย่างหน้าตาเฉย นอกจากเขาแล้วจะมีใครรู้อีกไหมเนี่ยว่าวัดนี้มีมหาปลอมสันดานเถื่อนอย่างมันอาศัยอยู่

..

..

..

            “โซ่”



            “อะไร”



            โซ่แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินคนรักเรียกชื่อของตน เพราะปกติแล้วถ้าไม่เรียกว่า ‘นิ่ง’
ก็จะเรียกแบบกวนตีนๆที่ว่า ‘น้องโซ่คิตตี้’ ซึ่งชื่อหลังมักจะถูกเขาประเคนด้วยฝ่าเท้าทันทีที่ได้ยิน



            “มึงจบมาจากโรงเรียนน้ำเงิน-ขาวใช่ไหม?” มาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องเช็คกันสักหน่อย
ว่าข้อมูลที่บุญล้อมให้มาเป็นของจริง ไม่ใช้ว่าฝ่ายนั้นแค่จะแกล้งแหย่ให้ตนหงุดหงิดเล่น
ซึ่งบอกเลยว่ามันได้ผล เพราะอารมณ์ของเขาตอนนี้ติดลบมาก แต่ที่ต้องทำตัวเป็นปกติ
เพราะไม่อยากจะชวนคนรักทะเลาะด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปซะเปล่าๆ



            “อือ…ถามทำไม?”



            “เปล่า…แล้วมึงเคยมีแฟนไหมวะ?” ตอบปฏิเสธนะ แต่ก็ตั้งคำถามต่อ



            “มึงคนแรก” โซ่ตอบตามความจริง เพราะพอร์ชเป็นคนแรกที่ตนนับเป็นแฟน
ส่วนที่ผ่านๆมามันก็แค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่เกิดขึ้นจากความพึงพอใจของเขากับอีกฝ่าย
ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือไปจากนั้นเลย



            “แล้วมึงเคยมีอะไรกับใครไหมวะ?” พอร์ชถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อย
แบบกลัวคำตอบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะคิดมากไปทำไม ในเมื่อตนเองก็ใช่ว่าจะไม่เคย



            “กับน้องบี๋ของมึงนั่นไง” โซ่ตอบออกมาทันที



            “หรอ” ยิ่งคำตอบของโซ่ชัดเจนมากเท่าไหร่ หัวใจของพอร์ชก็ยิ่งห่อเหี่ยวลงทุกครั้ง
 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะกลัวกับคำตอบจากคำถามสุดท้ายที่จะถามต่อเสียมากกว่า อันอื่นเขาไม่
สงสัยอะไรเลย แต่ติดใจคำว่า อดีต – ถึงปัจจุบันของคนชื่อซีนี่แหละ



            “กูเป็นอะไรสำหรับมึงวะพอร์ช” คราวนี้กลับเป็นโซ่เองที่ตั้งคำถาม



            “แฟน คนรัก ว่าที่เมีย อะไรก็ได้ที่จะทำให้มึงเป็นของกูคนเดียว” พอร์ชเริ่มพาล
เหมือนเด็กน้อย แสดงความเอาแต่ใจของตัวเองออกมาเพราะหึงหวงคนรักกับใครก็ไม่รู้ที่
ได้รู้จักแค่ชื่อผ่านตัวอักษร แต่สลัดออกจากหัวไม่ได้สักที



            “ก็ใช่ไง…กูเป็นแฟนมึง แล้วมึงจะกลัวเหี้ยอะไร? กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงไปเจอกับ
ใครหรืออะไรมา แต่ถ้าลองได้มาซักถามเรื่องกูอย่างนี้มึงก็คงได้รู้มาพอสมควร” โซ่วางดิน
สอที่กำลังวางแผนร่างรูปแบบภายในของตึกที่อยากจะได้ลง เมื่อจับสังเกตอาการของพอร์ชได้



            “กูแค่…” พอร์ชเองก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นคำพูดยังไงดี
ในเมื่อตอนนี้หัวใจของเขามันอัดแน่นไปด้วยความเป็นกังวล กลัวว่าสุดท้ายแล้วตนจะเป็น
ได้แค่ที่พักใจของในยามที่เจ้าตัวไม่มีใครเท่านั้น เพราะถ้าจะให้พูดตามความเป็นจริงแล้ว
โซ่เองก็ไม่ได้มีอะไรต่างจากเขาเลย ก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่นอกจากจะเล่นกีฬาแมนๆ
แล้วก็ยังจะตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยอีกต่างหาก แล้วอย่างนี้มันจะยอม
เปลี่ยนมาเป็นเมียเขาได้จริงๆหรอ



            “จะเลิก?” โซ่ถาม เพราะเริ่มจะหมดความอดทน เบื่อที่จะลุ้นกับท่าทีอ้ำๆอึ้งๆ
ของพอร์ชเต็มทน ก็บอกแล้วว่าชอบคนตรงๆมีอะไรสงสัยตรงไหนก็พูดออกมาเลย
ไม่ต้องเก็บไว้ เพราะเขาไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่จะตรัสรู้ไปซะทุกเรื่อง



            “เปล่า…กูก็แค่กลัวมึงเบื่อ…มีคนมาเล่าให้กูฟังว่าตอนอยู่โรงเรียนเก่ามึงฮอต
ขนาดไหนกูก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี ทั้งที่เรื่องมันผ่านมานานแล้วกูก็ไม่ชอบอยู่ดี ‘กูหวงของกู’
มึงเข้าใจไหมวะโซ่!” สุดท้ายแล้วพอร์ชก็ระเบิดออกมา เมื่อได้ข้อสรุปในตัวเองที่ว่า
ปัญหาทั้งหมด ล้วนแล้วแต่มีความหึงหวงของตนเองเป็นที่ตั้ง ถึงได้จิตงุ่นง่านอยู่อย่างนี้



            “ก็แค่นั้น…มึงจำที่กูพูดไว้วันนั้นได้ไหมวะพอร์ช?” โซ่ถามถึงวันที่พวกเขาตกลง
เป็นแฟนกันจริงๆ ตอนที่นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันบนยอดเขา



            “อือ” จำได้สิ…จำได้แม่นเลย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ คำพูดหรือความรู้สึกที่
เกิดขึ้นในวันนั้น พอร์ชจำได้เป็นอย่างดี และคิดว่าจะไม่มีทางลืมมันไปได้อย่างแน่นอน
ว่าครั้งแรกที่หัวใจเต้นแรงด้วยพลังแห่งความรักนั้นมันรู้สึกดีมากแค่ไหน



            “กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าคบกับกูแล้วมึงจะต้อง ซื่อสัตย์ มั่นคง และจริงใจ”



            “อือ” พอร์ชยังคงตอบงึมงำในลำคอเบาๆ



            “แล้วกูก็บอกแล้วใช่ไหมว่า…ไม่ว่าจะนอกใจหรือนอกกาย โทษสถานเดียวก็คือตาย
 กูหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆนะพอร์ช”



            “…..” พอร์ชเงยหน้ามองโซ่ด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าโซ่กำลังจะสื่อถึงอะไร



            “กูอาจจะไม่ใช่คนพูดมาก แต่มั่นใจว่าการกระทำของกูจะชัดเจนพอให้มึงได้เห็นว่ากู
 ‘จริงจัง’ กับเรื่องของเรามากแค่ไหน แล้วกูก็จะยืนนิ่งๆรอให้มึงฆ่ากูทิ้งเลยพอร์ช ถ้ากูเป็นฝ่าย
ทำเรื่องเหี้ยๆแบบนั้นกับมึงก่อน”



            จบคำพูดของโซ่พอร์ชก็โผเข้ากอดคนรักสุดแรงเกิด จนโซ่หงายหลังไปกับพื้นห้อง
หอมแก้มซ้ายขวา ฟัดจนหนำใจ แล้วกดจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มซ้ำๆ หลอกล่อให้โซ่คล้อยตามจนสมใจ



            แล้วพูดออกมาว่า…



            “ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่กูโคตรรักมึงเลยวะโซ่”





TBC.

บุญล้อม : ก็แค่เป็นคนใจเย็น ไม่รีบร้อน เน้นกินเงียบ แล้วผมผิดตรงไหนครับ?

​พอร์ช : ไม่ผิดเลย แต่แถวบ้านกูเขาเรียกซุ่มครับ! แก๊งมึงนี่กูไว้ใจใครได้บ้าง?

เงียบๆ เรียบๆ ไม่หวือหวา แต่จี๊ดทุกตัวเลยแม่ง!
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-01-2018 23:18:23
ฮ่า ๆ น่าลุ้นจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-01-2018 23:18:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-01-2018 23:24:54
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2018 23:39:12
 o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-01-2018 23:48:36
โซ่เก่งแฮะ คุมพอร์ชได้อยู่หมัด  o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-01-2018 00:46:36
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 23-01-2018 01:26:22
โซ่แม่งโคตรดีว่ะ ตรงๆดี ไม่อ้อมค้อม



หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 23-01-2018 02:44:43
 o13 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 23-01-2018 07:25:55
รอตอนต่อๆไปนะครับ
น่ารักดี ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 23-01-2018 12:49:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 23-01-2018 13:35:44
มหามันร้ายค่ะ เน้นกินเงียบๆ 555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-01-2018 17:56:53
โซ่คนจริง!
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #15 {22/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-01-2018 21:10:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 23-01-2018 21:47:01


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{16}





            เพล้ง!



            ‘ฉันบอกให้แกระวังไงไอ้โซ่! ของฉันเสียหายหมดแล้ว…ไอ้เด็กเวรนี่!’
เสียงเอ็ดตะโรที่ดังตามเสียงแก้วไวน์ในมือตกแตกทำเอาเด็กชายหวาดกลัวหัวหด
เกรงว่าตนเองจะเจ็บตัวในอีกไม่ช้านี้…เหมือนอย่างทุกที



            เด็กชายนั่งลงเก็บเศษแก้วอย่างระวัง เท่าที่วัยห้าขวบปีของตนจะเอื้ออำนวย



            ‘เก็บเศษแก้วให้หมดนะไอ้โซ่! ถ้ายังเหลือให้บาดเท้าลูกสาวฉันแกโดนแน่’



            สองมือน้อยสั่นเทาเพราะไม่อาจควบคุมได้ เช่นเดียวกับหยาดน้ำตาที่หลั่ง
รดกระทบพื้น ความหวาดกลัวเข้าครอบคลุมจิตใจ เหมือนโดนคำสาปแม่มดร้ายใน
ยามที่ได้ยินเสียงตวาดแว้ดขอมารดาผู้ให้กำเนิด



            ‘พี่จ๋า…ป๊ะป๋า…มารับน้องโซ่หน่อย’ ในยามที่หัวใจอ่อนแอและเต็มไปด้วย
ความทุกข์เฉกเช่นนี้ เด็กน้อยก็ได้แต่พร่ำเพ้อหาที่พึ่งทางใจทั้งสอง คนที่เคยให้
สัญญาไว้ว่าจะกลับมารับ แต่นับจากวันที่ทั้งสองจากไป ก็ไม่มีใครหวนคืนกลับ
มาหาเขาดั่งคำสัญญาที่ว่าไว้แม้แต่คนเดียว



            ‘น้องโซ่อยากกินไข่พะโล้บ้าง’ ก้มลงมองในจานข้าวของตัวเองที่มี
เจิ่งนองไปด้วยน้ำพะโล้กับเต้าหู้ทอดชิ้นเล็กๆ แล้วลองพูดบอกความต้อง
การออกไปบ้าง เผื่อจะได้อย่างที่ขอ



            ‘มีให้กินก็กินเข้าไปอย่าเรื่องมาก! ก่อนที่จะอด!’ ได้ยินคำตอบแล้วก็ต้องหัวหด
หวนคิดถึงวันวาน ก่อนที่จะเป็นอย่างวันนี้ ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นคนนั้น คนที่เธอเคยให้
ความสำคัญ คนที่เคยคอยป้อนข้าวเอาใจ



            เหลือบตามองจานข้าวเป็ดน้อยของน้องสาวที่เต็มไปด้วยไข่พะโล้กับหมูปิ้ง
แล้วได้แต่อิจฉา ว่าทำไมของที่ตนอยากทานถึงได้ไปถมอยู่ในจานใบเล็กนั้นเสียหมด
ทั้งที่สุดท้ายแล้วเด็กผมเปียคนนั้นก็ทานไม่เคยหมดสักที แล้วก็เป็นเขาเสียทุกครั้งที่
ต้องแอบเก็บกินเพราะเสียดาย



            เพล้ง!



            ‘ฉันบอกให้แกทำดีๆไม่ใช่รึไงไอ้โซ่ ของฉันเสียหายหมดแล้วไอ้เด็กเวรเอ้ย!
อยากตายรึไง!’ คราวนี้ไม่ใช่แค่คำด่าทอ แต่ข้าวของที่อยู่ใกล้ฝ่ามือของหญิงสาวนั้น
ถูกหยิบขว้างใส่เด็กชายอย่างต่อเนื่อง โดนหน้าบ้างหัวบ้างไม่ว่ากัน ขอแค่ให้มันเจ็บ
สมกับที่ทำน้ำหอมฝรั่งเศษของเขาตกแตกก็พอ



            ปึก!



            ‘ฮึก! แง้!!!!!’ เด็กชายร้องจ้า เมื่อโดนแก้วเขี่ยบุหรี่กระแทกจังๆกลาง
หน้าผากจนได้เลือด แต่คำพูดเดียวที่ได้ยินจากปากคนเป็นแม่นั้นคือ…



            ‘สมน้ำหน้า’



            “เจ็บ…แม่จ๋าน้องโซ่เจ็บ...ฮึก!”



            “นิ่ง…โซ่…โซ่!” พอร์ชที่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องโวยวายของคนรัก
พยายามเขย่าตัว เรียกให้โซ่รู้สึกตัว แต่ไม่ว่าจะเสียงดังแค่ไหน ก็เหมือนกับว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ยินเขาเลย



            “พี่จ๋า~ ป๋าจ๋า~ ช่วยน้องโซ่…น้องโซ่เจ็บ” ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก
พร่ำบอกถึงความเจ็บปวดที่มีของตนเองให้ใครฟังก็ไม่รู้ แต่ทำเอาคนที่นอน
ข้างกันทุกคืนอย่างพอร์ชแทบบ้า เพราะหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมา
ให้เห็นนั้นมันเป็นของจริง!



            เจ้าชายน้ำแข็งอย่างไอ้นิ่งคนรักของเขาเนี่ยนะร้องไห้? พูดไปใครเขาจะเชื่อ



            แต่ถ้า…คำ ‘เจ็บ’ ที่เจ้าตัวเอาแต่พูดซ้ำไปมานี้ ถ้าไม่ได้เกิดจากร่างกาย
ก็คงเป็นที่…จิตใจ ซึ่งพอร์ชเองก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า หลังจากที่
พยายามหารอยช้ำหรือบาดแผลจากร่างกายของคนรักแล้วก็ไม่เห็นเป็นอะไรที่ตรงไหน
รวมถึงหน้าผากที่เจ้าใช้มือตัวกุมปิดไว้



            “โซ่…โซ่…ตื่นเถอะ…โซ่ตื่น!” ไม่ว่าพอร์ชจะเรียกด้วยน้ำเสียงแบบไหนก็
ไม่เกิดผล เพราะโซ่ยังคงเอาแต่ร้องไห้ พูดอ้อนวอนซ้ำๆด้วยคำเดิม



            “ป๋าจ๋า…ช่วยโซ่…ช่วยน้องโซ่ด้วย  น้องโซ่เจ็บ…เจ็บมากเลย” ยกสองมือ
ขึ้นไขว่คว้าอากาศ หวังว่าจะเจอคนที่ตนรอคอย ยิ่งได้ยินโซ่บอกว่าเจ็บด้วยสีหน้า
และท่าทางที่ทรมานมากแค่ไหน พอร์ชก็ยิ่งรู้สึกสะเทือนใจมากขึ้นเท่านั้น



            “ชู่ว…โซ่…น้องโซ่ครับ ไม่ร้องน้า~ พี่พอร์ชอยู่ตรงนี้แล้ว”



            พูดไปใครจะเชื่อ ว่าคนห่ามโคตรเกรียนอย่างไอ้พอร์ช หัวโจกประจำ
แผนกช่างยนต์มันมีมุมอ่อนโยน วาดแขนโอบเอาร่างคนรักเข้ามากกกอด กระซิบ
เสียงอ่อนปลอบประโลม หวังว่าคนรักจะบรรเทา หายจากความหวาดกลัวต่ออะไร
ก็ตามที่เจ้าตัวกำลังเผชิญอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เขาคนนี้จะปกป้องคนรักจาก
ความเลวร้ายเหล่านั้นเอง



            ‘วันนี้ฉันจะตีแกให้ตายเลยไอ้โซ่! ให้ทำอะไรก็ไม่เคยได้เรื่อง…เลี้ยงเสียข้าวสุก!’



            “ไม่…ไม่เอา…ไม่ตีนะ…โซ่กลัว”



            ยิ่งเสียงในห้วงแห่งความทรงจำดังก้องมากเท่าใด ความบอบช้ำยิ่งทวีคูณ
กัดกินจิตใจ ย้ำเตือนถึงความเดิมที่เคยพบ



            ‘คิดว่าจะหนีฉันพ้นหรอไอ้โซ่! ออกมานะ…ออกมา!’



            “อย่า…อย่าทำโซ่…แม่อย่าตีโซ่นะ…โซ่เจ็บ”



            ตัวสั่นงันงกเหมือนลูกนกไร้รัง ยกสองมือขึ้นไขว่คว้า หาที่พึ่ง

            “ชู่ว…นิ่งน้า~ ไม่ร้องน้า~ ซุปเปอร์พอร์ชอยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำอะไรน้อง
โซ่ได้อีกแล้วนะครับ” จะเรียกว่าบ้าก็ไม่ผิดที่มานอนคุยกับคนละเมอเป็นเรื่องเป็นราว
ยาวนานหลายนาทีขนาดนี้ แต่สำหรับพอร์ชแล้ว เขาถือว่าเป็น ‘สัญญา’ แม้ว่าเจ้าตัวจะ
ไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่นับจากนี้ไป เขาจะไม่ให้อะไรมาทำร้ายจิตใจ ทำให้คนรักต้องจมอยู่
กับความทุกข์ทรมานอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว



            จุ๊บ

            “ฝันดีครับน้องโซ่ของพี่พอร์ช” กดจูบเบาๆลงบนหน้าผากมน หวังว่าจะให้คน
ละเมอหลับสบาย ปราศจากสิ่งที่รบกวนเจ้าตัวมากว่าค่อนคืน ก่อนที่จะเข้านิทราไปอีกคน
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า คนที่ตนเฝ้าปลอบประโลมมาหลายชั่วโมง ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่รับรู้ถึงสัมผัสบางเบาบนหน้าผากของตนเอง



            “ฝันดีครับ…พี่พอร์ช” คนที่เพิ่งผ่านฝันร้ายลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด
ฉีกยิ้มหวานส่งให้กับเงาเลือนรางตรงหน้า พลิกตัว โผเข้ากอดเจ้าของวงแขนอันอบอุ่นที่
แม้จะมองไม่เห็นใบหน้ายามฝันหวานของเจ้าตัว แต่ก็ชัดเจนพอที่จะทำให้หัวใจพองโตได้ตลอดคืน



            ปึก…ตุบ!



            ไม่ว่าเมื่อคืนพวกเขาจะหวานใส่กันมากเท่าใดก็ตาม แต่ตื่นเช้ามาพอร์ชก็จะโดน
คนรักปลุกด้วยฝ่าเท้าจนตกเตียงเหมือนอย่างทุกวัน…ไม่มีการเปลี่ยนแปลง



            “โอ้ย…มึงถีบกูทำไมเนี่ยน้องโซ่คิตตี้!” ใช้มือนวดตูดตรงจุดที่เจ็บ เสร็จแล้ว
ก็ใช้มือข้างเดียวกันนั้นเองลูบหน้า จัดแต่งทรงผมรังนกของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง



            “รีบจัดการก่อนที่กูจะหักคอมันทิ้ง…เดี๋ยวนี้” ชี้นิ้วไปตรงกลางเป้ากางเกง
นอนของคนรัก กัดฟันพูดสั่งเสียงเข้ม



            “อะโด่ว…นึกว่าอะไรที่แท้ก็กลัวหัวเรือรบขนาดพิเศษรุ่นซุปเปอร์พอร์ชตีประตู
เมืองแตกนี่เอง” นอกจากจะไม่สลดแล้ว เจ้าตัวยังจะแอ่นเป้า เอามือเท้าสะเอว ร่อน ‘เจ้าสิ่งนั้น’
อวดให้โซ่ดูต่ออีกต่างหาก



            “ถ้าไม่อยากนั่งเยี่ยวเพราะ…ขาด มึงรีบเข้าไปจัดการตัวเองต่อในห้องน้ำเลยไอ้พอร์ช!”
สุดแล้วที่จะทน หยิบมีดคัตเตอร์เล่มใหญ่ที่เจ้าตัวมันเอามาทำงานประดิษฐ์เมื่อคืนก่อนขึ้นมาชี้
หน้าขู่เสียงแข็ง ไม่รู้จะเขินอาย หรือจะโมโหดีที่ต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมกับแรงเสียดสีบริเวณ
บั้นท้ายที่เต็มไปด้วยความกำนัดของคนรักยามในเช้า

..

..

..

            “อารมณ์ไม่ดีหรอครับ” บุญล้อมเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเพื่อนรักที่แสดง
อาการออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน



            “คนมัน ‘ค้าง’ ก็งี้ บอกให้เอาออกก็ไม่เชื่อ…ทำเป็นเล่นตัว” แต่เป็นพอร์ชบอกด้วย
น้ำเสียงและท่าทางกวนบาทา ก่อนที่ขวดน้ำในมือโซ่จะลอยละลิ่วมาลงตรงกลางหัว สุดท้ายก็เจ็บไปตามระเบียบ



            เฟี้ยว…ปึก!



            “ค้างพ่องมึงสิไอ้หมาพอร์ช หุบปากไปเลยนะ!” ยิ่งคิดยิ่งโมโหไอ้คนตรงหน้าที่มัน
ทำเอาเขาแทบบ้า กว่าจะมาวิ’ลัยได้



            ย้อนไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว…



            พออีกฝ่ายขู่ฆ่าลูกรักกลางลำตัว พอร์ชก็จำต้องเดินคอตกเข้าห้องน้ำไปอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะกลัวว่าโซ่จะบ้าจี้ ‘ตัด’ หัวเรือรบขนาดพิเศษรุ่นซุปเปอร์พอร์ชของตัวเองไปจริงๆ



            “เฮ้อ…” โซ่ถอนหายใจ ทิ้งตัวนั่งลงบนปลายเตียง รอที่จะอาบน้ำต่อ



            แต่พอร์ชก็คือพอร์ช ทำสลดให้โซ่วางใจได้ไม่นาน ก็กลับมาเกรียนต่อ



            “โซ่!” เสียงเรียกจากคนรักทำให้โซ่ที่กำลังสนใจข่าวฆาตกรรมในโทรทัศน์
หันกลับไปมอง เพราะคิดว่าเจ้าตัวจะไหว้วานให้หยิบผ้าเช็ดตัวให้อย่างทุกทีที่ลืมเอาเข้าไป



            “มีอะ…ไอ้เหี้ยพอร์ช!” คำรามเสียงสั่น ดังไปทั่วชั้นสี่ที่เป็นอาณาจักรส่วนตัว
ของพอร์ช เมื่อหันไปเห็นคนรักอยู่ในสภาพชีเปลือย ยืนแอ่นโชว์ความเป็นชายของตัวเอง
ที่กำลังขยายเต็มอัตราส่วน เต้นเพลงไก่ย่างถูกเผา เย้ยฟ้าท้าดินอยู่กลางอากาศแบบที่
ไม่กลัวฟ้าผ่ากันเลยทีเดียว



            “น้องโซ่ถูกเผา น้องโซ่ถูกเผา...มันจะถูกพี่พอร์ชเสียบ อ๊า~ มันจะถูกพี่พอร์ชเสียบ
…เสียบตูดซ้าย อ๊า~ เสียบตูดขวา อ๊า~ ร้อนจริง ๆ ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ” ดูเหมือนว่า(ไอ้)พี่พอร์ช
เขาจะอินมาก หลังจากที่ได้เห็นท่าเต้นของหลีดสีชมพูของตัวเองที่ใช้ริมสนามฟุตบอลเป็นที่
ซ้อมเต้นเชียร์ ถึงได้จำขึ้นใจขนาดนี้ เรื่องท่าทางไม่ต้องห่วง ดูจากเสียงร้อง ‘อ๊า~’ ที่มาพร้อม
กับท่าเต้นเด้งหน้า เด้งหลัง ควงเอวโชว์เนื้อแบบเน้นๆ ก็รู้แล้วว่าพี่พอร์ชคนนี้…เป๊ะทุกท่วงท่า

..

..

..

            “เย็นนี้มึงว่างไหมล้อม?” โซ่เลิกสนใจพอร์ชที่ยังคงกวนไม่เลิก แล้วหันมาคุยกับ
เพื่อนของตนเองที่นั่งอยู่ข้างๆ



            “ทำไมหรอครับ” บุญล้อมถาม



            “ไปไล่ ‘เปรต’ ให้กูที เมื่อเช้ากูเจอ…เปรต!” หันไปสะบัดเสียง เน้นคำพูดสุดท้าย
ใส่พอร์ช เป็นการเฉลยให้คนอื่นๆที่นั่งล้อมวงอยู่ด้วยได้รับรู้ไปพร้อมกันว่า เปรตที่ว่านั้น
ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นไอ้คนที่นั่งเสนอหน้าอยู่ตรงข้ามเขานี่เอง



            “ถ้าเปรตตัวที่ว่านี้คือตัวเดียวกันกับที่ผมเข้าใจ ผมว่าไล่ธรรมดามันคงไม่
ไปหรอกครับ มันต้องใช้มีดแร่เนื้อเอาเกลือทาเสร็จแล้วก็เอาไปตากแห้งไว้ให้หมากิน
 ได้บุญดีนะครับ” บุญล้อมเสนอความคิดกำจัดเปรต เพื่อต่อบุญให้เพื่อน แต่โซ่ส่ายหน้า
เพราะไม่เห็นด้วย พอร์ชเลยอดที่จะยิ้มไม่ได้ เมื่อคิดว่าคนรักเข้าข้าง แต่ดีใจได้ไม่นาน
เจ้าตัวก็สะดุ้งสุดตัว เมื่อโซ่พูดต่อว่า…



            “แต่กูว่า ‘สับ’ ให้ ‘เละ’ โดนให้เป็ดกินไปเลยดีกว่า ‘มัน’ จะได้คืนร่างไม่ได้อีก
…ชอบร่อนดีนัก!” พอร์ชถึงกลับใจหายแว๊บ เมื่อได้ยินคำพูดของคนรัก แจงวิธีการ
ทารุณกรรมหัวรบซุปเปอร์พอร์ชของตนเองออกมาเป็นฉากๆ ก็รีบยกสองมือขึ้นกุมเป้า
ปิดไว้อย่างแน่นหนา ทำเหมือนว่ามันจะหายไปในอีกไม่ช้า



            “พวกมึงเป็นฆาตกรโรคจิตยกแก๊งเลยใช่ไหม…ฮึ่ย!” ว่าแค่นั้นก่อนที่จะวิ่งกุม
เป้าออกหนีจากไปจากตรงนี้ด้วยความเร็วแสง โดยมีคู่ซี้เป้กับแวนวิ่งตามเข้าไปหัวเราะเยาะอยู่ไม่ห่างกาย



            “มึงนั่นแหละที่โรคจิต…ไอ้เปรตพอร์ช!” โซ่เองก็ลุกเดินออกไปอีกทาง เมื่อเห็น
เวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือของบุญล้อมมันบอกว่าถึงเวลาที่ตนควรจะเข้าเรียนวิชาแรกของวันได้แล้ว

..

..

..

            “เอาไง…จะออกไปหาอะไรเข้ามานั่งกินรองท้องก่อนหรือแวะซื้อขากลับทีเดียว?”
 พอร์ชถามคนรักในขณะที่กำลังจะเดินผ่านโรงจอดรถ เพราะเดี๋ยวเขาจะต้องซ้อมบอลต่อ
ส่วนคนที่ได้รับเลือกให้เป็นนักมวยประจำสีฟ้าอย่างโซ่ไม่เคยคิดที่จะซ้อมมือ ไม่ใช่เพราะว่า
เก่งหรือมั่นใจในฝีมือของตัวเองหรอกนะ เพียงแต่เจ้าตัวไม่ชอบที่จะฝึกซ้อมมวยภายใต้การ
ควบคุมของใครที่ไม่คุณตาทวดของตนเองก็เท่านั้น



            “ยังไม่หิว” โซ่บอกแค่นั้น…เป็นอันรู้กันสองคนว่าเจ้าตัวจะรอให้เขาซ้อมบอลเสร็จ
ก่อนแล้วค่อยแวะซื้อของกินตอนกลับบ้านทีเดียวเลย จะได้ไม่ต้องขับรถย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลา



            “โซ่!” ในขณะที่คู่รักฮาร์ดคอร์กำลังเดินลัดเลาะข้างสนามฟุตบอลเพื่อไปยังที่นั่ง
ประจำของโซ่ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีเสียงแหลมเล็กที่น่าจะเป็นเพศชายของใคร
บางคนตะโกนแหวกอากาศเรียกหาโซ่ พอหันไปมองก็เห็นร่างเล็กผิวขาว(มาก)ในชุดนัก
เรียนมัธยมปลาย เสื้อขาวกางเกงดำขาสั้น(แค่คืบ)โบกมือหวอยๆอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสนาม



            “ใครวะ?” พอร์ชหันมาถามหาคำตอบจากคนรักที่ยืนอยู่ข้างกัน



            แต่…



            “ซี” โซ่ไม่ได้ตอบพอร์ช…เขาขยับตัว ก้าวขา ออกเดิน ซึ่งจุดหมายปลายทาง
ก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล แต่เป็นจุดเดียวกันกับที่คนแปลกหน้า แต่ชื่อ(โคตร)คุ้นหูสำหรับพอร์ชยืนอยู่นั้นเอง









TBC.

 
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-01-2018 22:02:03
ซี  อดีต-ปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 23-01-2018 22:05:30
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 23-01-2018 23:28:14
อ๊ากกกก พี่โซ่ไม่ธรรมดาแล้วนะคะ  :a5: จัดว่าโชกโชนพอตัว น้องพอร์ชยังจะข่มได้อยู่อีกไหม  :ruready ขอพื้นที่ให้พระเอกเลาด้วย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-01-2018 23:53:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-01-2018 00:48:13
แหม.... อยากเห็นกับตาตัวเองจัง ท่าน้องโซ่ถูกเผาที่พี่พอร์ชเต็นเนี่ย  :m22:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 24-01-2018 02:35:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-01-2018 04:34:15
พี่โซ่ของเราไม่ธรรมดาเลย พอร์ชจะไหวหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 24-01-2018 05:43:02
เรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-01-2018 07:38:38
ซีเป็นผู้ชายเหรอ?
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #16 {23/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-01-2018 12:04:41
พอร์ชของเรางานนี้มีคิดไปไกลแน่ไม่ เราเชื่อใจโซ่ว่าโซ่รักและซื่อสัตย์กับพอร์ช  คู่รักสายมาโซ 555
ปริ่มมากกับเรื่องนี้ ยิงมุกได้ตลกมาก ตัวละครอีกตัวที่น่าหมั่นไส้ คือ มหาปลอม 5555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 25-01-2018 19:43:47


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{17}







            “มาทำไม?” จากที่เคยจินตนาการถึงฉากรักในหนังหวานแหวว
ถึงตอนที่พระเอกและนางเอกกลับมาพบเจอกันหลังจากผ่านพ้นเรื่องราว
มากมายมาจนถึงตอนจบที่คนทั้งคู่จะได้กลับมาครองรักกันไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย
หายไปในพริบตา เมื่อพอร์ชที่เดินตามโซ่ไปติดๆได้ยินและได้เห็นกับสองหูสองตาตัวเองว่า
คนรักมีสีหน้าแบบไหนในยามที่เอ่ยทักกับคนชื่อซี



            “ก็โซ่อ่ะ! ไม่ไปหาซีเลย…ซีคิดถึง” อีกฝ่ายกระโดดเข้ามาออดอ้อนคลอเคลีย
ประหนึ่งว่าเป็นลูกแมวตัวเล็กน่ารัก ซึ่งพอร์ชเองก็อยากจะเอ่ยปากออกชมอยู่หรอกนะ
ถ้าคนที่มันกอดอยู่ไม่ใช่คนรักของเขาอย่างนี้



            “ไม่รู้จะไปทำไม” โซ่ดันตัวซีออกห่าง สำรวจมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว
ถึงกลับต้องถอนหายใจออกมา แต่ตัวล่อเสือล่อตะเข้ขนาดนี้ มันผ่านแผนกก่อสร้างมาได้ไง?



            “เอ้า! ก็ไปทำอย่างที่เคยทำไง…ทำไมโซ่แปลกไป หรือโซ่มีคนอื่น?” คนตัวเล็กหรี่ตาจับผิด
 เมื่อรับรู้ถึงอากัปกิริยาที่เปลี่ยนไปของโซ่ ที่ไม่ใช่แค่การนิ่งเงียบเหมือนทุกที แต่ดูเหมือนว่าโซ่นั้น
กำลังวางตัวเหินห่างอย่างตั้งใจ



            “อือ” พยักหน้ายอมรับความจริงแบบตรงๆไม่มีการอ้อมค้อม



            “ได้ไงอ่ะ! ไหนโซ่บอกว่าจะไม่สนใจใครไง” เขาดีดดิ้น สะบัดเสียงโวยวายใส่โซ่
อย่างไม่พอใจ เมื่อคนตัวโตตรงหน้ายอมรับความจริงในสิ่งที่เขาหวาดระแวงมาเกือบปี
แม้ว่าแท้จริงแล้ว เขากับโซ่จะเป็นแค่เพื่อน คู่นอน ไม่ใช่คู่รัก จึงไม่มีสิทธิ์ แต่ใครจะรู้ล่ะ
ว่าเพื่อนคู่กายคนนี้เคยแอบหวังไว้ว่าตนจะได้เลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นตัวจริงเคียงคู่ใจของเจ้าตัวได้ในสักวัน



            “กูไม่เคยพูด” ไม่ได้จะแก้ตัว แต่เขากำลังพูดความจริง ว่าไม่มีสักครั้งเลยที่ถ้อย
คำสัญญาเหล่านั้นจะหลุดออกมาจากปากเขา ต่อให้โดนเค้นคอจากคู่นอนคนใดก็ตาม
เพราะรู้ดีแก่ใจว่าบุคคลเหล่านั้น ไม่สามารถทำให้หัวใจเต้นแรงได้ในยามที่ไร้เซ็กส์
โซ่จึงไม่คิดที่จะให้ความหวังหรือหลอกลวงเพื่อที่จะเอาใจใครทั้งนั้น…สักครั้งเดียวก็ไม่เคย



            “แล้วเรื่องของเราล่ะโซ่” คนตัวเล็กเจ้าของใบหน้าสวยงามเกินความเป็นชายไปมากโข
เอ่ยถามด้วยน้ำตา ทำให้โซ่เริ่มลำบากใจ เพราะถึงเขาจะไม่ได้รักคนตรงหน้า แต่ก็ใช่ว่าจะต้องร้ายใส่
เพราะตลอดเวลาที่สานสัมพันธ์กันมา ซีเป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด เพราะเจ้าตัวไม่
ก่อปัญหาหรือทำให้เขาไม่สบายใจเลยสักครั้ง มีแต่ตัวเขาเองที่พลั้งเผลอทำร้ายจิตใจเจ้าตัว
อยู่หลายครั้ง แต่ซีก็ไม่เคยเก็บไปใส่ใจหรือคิดที่จะปล่อยมือจากเขาเลย



            “เรื่องระหว่างมึงกับไอ้โซ่มันไม่ได้มีมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรอ…จะถามหาอะไร?”
เมื่อโซ่ไม่คิดที่จะพูดอะไร พอร์ชจึงเป็นฝ่ายพูดแทน ทำตัวไร้มารยาท แทรกการสนทนาของ
คนอื่นอย่างหน้าตาเฉย เพื่อที่จะปกป้องความรักของตัวเอง โดยใช้สิทธิ์ของการเป็นแฟนตัวจริงของโซ่



            “นายเป็นใคร? เกี่ยวไรด้วยไม่ทราบ” พอไม่ใช่คนที่ตนเองรักแล้ว ซีก็พร้อมที่จะวีนใส่ทุกเมื่อ
หันมาทำตาขวาง ตวาดเสียงใส่พอร์ชอย่างไม่ความเกรงกลัว ทั้งที่อีกฝ่ายตัวใหญ่กว่าตนเองเกือบครึ่ง



            “เป็นแฟนมันนี่ไง หรือมึงจะมีปัญหากับกูห้ะไอ้เตี้ย” ว่าจะไม่อะไรแล้วนะ แต่พอเห็นท่าทาง
ขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวแล้วอดไม่ได้จริงๆ เลยกวนตีนใส่แม่งเลย



            “ทำไม! คิดว่าตัวใหญ่แล้วจะกลัวหรอ? แน่จริงก็เข้ามาเลย…ไอ้ควายเผือกเอ้ย!” ทำเป็นยก
แขนเสื้อเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับศัตรูหัวใจตัวใหญ่ยักษ์เต็มที่



            โซ่รีบเดินเข้าแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง เพราะดูจากท่าทางแล้ว ถ้าไม่มีใครห้ามคงได้
ปะทะกันจริงๆ ให้หลับตาเดาก็รู้ว่า ถ้าสู้กับยักษ์อย่างพอร์ชแล้วลูกแมวอย่างซีเละแน่นอน



            “อีแรด!” ยังไม่ทันที่จะได้มีใครตีกับใคร เสียงร้องตะโกนของเป้เพื่อนซี้ของพอร์ชก็ดังแทรก
เข้ามาเสียก่อนที่จะได้ร่างกายสูงใหญ่ไม่แพ้เพื่อนของเจ้าตัวโผล่ออกมาให้เห็น



            “มึงเรียกใครวะ?” พอร์ชหันไปถามเพื่อน ในขณะที่ซีทำตัวลีบหลบอยู่ข้างหลังโซ่



            “แรด!” เป้กระแทกเสียงตอบพอร์ชแล้วหันไปจ้องมองโซ่ด้วยสายตาเอาเรื่อง…ไม่สิ…
ถ้าจะพูดให้ถูก เขากำลังมองคนที่ใช้โซ่เป็นที่กำบังอยู่ต่างหากล่ะ



            “มีปัญหา?” เพราะโดนจ้องมองด้วยสายตาแข็งขืนแบบนั้น จึงไม่แปลกใจเลยที่โซ่
จะเข้าใจแบบนี้ ในเมื่อเป้ไม่คิดที่จะอธิบาย



            “ไม่…มึงขยับยืนข้างไอ้พอร์ชหน่อยซิไอ้โซ่” เป้ชี้นิ้วบอกให้โซ่เดินออกจากตรงที่ยืน
อยู่ไปทางด้านซ้ายมือที่พอร์ชยืนอยู่ แม้จะยังไม่เข้าใจอะไร แต่โซ่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
เมื่อเป้ใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม



            “มึงจะหนีไปไหนห้ะอีแรด!” เขาเดินตรงเข้าไปกระชากแขนซีไว้ เมื่อเจ้าตัวทำท่า
จะเดินไปแอบอยู่หลังโซ่เหมือนก่อนหน้า



            “โอ้ย! กูเจ็บนะ! โซ่ช่วยซีด้วย! ไอ้บ้านี่มันจะฆ่าซี” สะบัดตัวหนี ร้องขอให้โซ่ช่วย



            แต่พอร์ชรั้งแขนปรามโซ่ไว้เสียก่อน เมื่อเจ้าตัวทำท่าว่าจะเดินเข้าไปช่วยซีตามคำขอ
ส่ายหน้า ส่งสายตาบอกเป็นนัยๆ ว่าให้รอดูอยู่เฉยๆก่อน อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า



            “ก็ทำให้เจ็บไง! ตอแหลดีนัก หลอกกูว่าไม่สบายแต่เสือกร่อนตูดมาหาผู้ชายถึงที่นี่
คืออะไรห้ะ!” เป้ตวาดเสียงดังลั่นด้วยสีหน้าดุดันอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็น เพราะปกติแล้วเจ้าตัว
จะเป็นคนอารมณ์ดีที่โคตรใจเย็น ทำมาดกวนชวนทะเล้นไปเรื่อย น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นเจ้า
ตัวโกรธใครเป็นฝืนเป็นไฟแบบนี้…หรือนี่จะเป็นครั้งแรก?



            พอร์ชรั้งแขนโซ่ไว้ เมื่อเจ้าตัวทำท่าว่าจะเดินเข้าไปช่วยซี ส่งสายตาบอกเป็นนัยๆ
ว่าให้คนรักรอดูอยู่เฉยๆก่อน อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า



            “ปล่อย…ปล่อยนะ! โซ่…ช่วยซีด้วย!” เป็นอีกครั้งที่ซีพยายามร้องเรียกให้โซ่ช่วย



            “กลับไปคุยกันดีๆที่บ้านเถอะครับคุณซี อย่าทำให้คุณโซ่ลำบากใจอีกเลยครับ เพราะ
ทั้งคุณและคุณโซ่ต่างก็มีชีวิตใหม่เป็นของตัวเองกันหมดแล้ว” บุญล้อมที่เดินตามมาสมทบที่
หลังอย่างปกติ เข้ามาเห็นเหตุการณ์เข้าก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอร้องเอง เพราะคิดว่านอกจากตนแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นโซ่หรือซีคงจะไม่มีทางไหนเอ่ยปากพูดอะไรออกมาก่อนอย่างแน่นอน



            “มึงพูดอะไรวะมหา” พอร์ชถาม บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้วว่า
ระหว่างโซ่กับซี หรือซีกับเป้ สามคนนี้เกี่ยวข้องอะไร ยังไง…เขาโคตรงงเลย



            “จะให้ผมบอกคุณโซ่รึเปล่าครับคุณซี” บุญล้อมไม่ได้ตอบคำถามพอร์ช แต่เขาหันไปกดดันซีแทน



            “กลับก็ได้!” แล้วก็ได้ผล เมื่อซีหยุดดิ้นแล้วยอมหันหลังเดินจากไปเองแบบเงียบๆ
 ไม่มีการบอกลาใคร โดยมีเป้เดินตามไปติดๆ



            “จบเรื่องแล้วนะครับ” บุญล้อมหันมายิ้มให้กับทุกคนที่ยืนอยู่



            “ใช่แบบที่กูคิดรึเปล่า?” โซ่ถาม



            “ครับ” บุญล้อมพยักหน้าตอบแค่นั้นแล้วต่างคนก็แยกย้ายไปคนละทาง เมื่อรุ่นพี่ที่
คุมฟุตบอลสีชมพูของพอร์ชสั่งเลิกซ้อม หลังจากที่ได้รับคำสั่งมาจากกองอำนวยการว่าอนุญาต
ให้สีแดงและสีเขียวใช้สนามซ้อมบอลได้ตลอดทั้งสัปดาห์ ทำเอานักฟุตบอลสีชมพูตะโกนแจก
ของลับให้กับฝ่ายประสานงาน พร้อมกับปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมาเดินเล่นกันทั้งสนามด้วย
ความไม่พอใจ ที่อีกมาบอกตอนจวนแจแบบนี้…อารมณ์เสียไม่พอยังต้องมาเสียทั้งเวลาอีก!



            “โทรหาเพื่อนมึงให้กูหน่อยสิ” โซ่บอกกับพอร์ชในขณะที่เจ้าตัวกำลังนั่งทำการบ้าน
อยู่บนพื้นห้อง ส่วนโต๊ะญี่ปุ่นที่ถูกกางออกมาใช้งานนั้นเต็มไปด้วยเศษกระดาษมากมาย ที่โซ่
ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะมันเป็นวิชาเอกของช่างยนต์ที่โซ่พอจะเข้าใจ แต่ไม่ทั้งหมด



            “ใคร?” ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าโซ่หมายถึงใคร เลยกวนออกไปอย่างนั้น เพราะไม่
อยากให้คุย หงุดหงิดที่คนไม่สนโลกอย่างโซ่เกินอยากจะรู้เรื่องอดีตคู่นอนของตัวเองขึ้นมา



            “ไอ้เป้”

            “มึงจะคุยเรื่องไอ้เตี้ยนั่นใช่ไหม? กูไม่ให้คุย!” คำตอบของพอร์ชไม่ได้ทำให้โซ่
แปลกใจเท่ากับน้ำเสียงดุดันที่เจ้าตัวใช้ ทำเอาโซ่หน้าตึก เพราะนี่คือครั้งแรกที่โดนคนรักขึ้นเสียงใส่



            “ลุกมานี่พอร์ช” โซ่ที่นั่งดูหนังอยู่บนเตียงกระดิกนิ้วเรียกเสียงนิ่ง



            “ทำไม?” แต่กลับถูกพอร์ชสะบัดเสียงใส่ เพียงเท่านั้นบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป



            “กูบอกให้มาก็มา…เดี๋ยวนี้!” ทั้งที่พยายามจะใจเย็นแล้ว แต่โซ่ก็อดไม่ได้ที่จะ
เหวี่ยงกลับไปบ้าง เมื่อพอร์ชยังคงทำตัวโวยวายเป็นเด็ก ไม่คิดที่จะถามหาเหตุผลจากเขา
เลยสักนิดว่า เพราะอะไรเขาถึงอยากคุยกับเป้



            “มึงรักมันมากเลยหรอ…แคร์มันมากกว่ากูว่างั้นสิ?” จากที่ขึ้นเสียงชวนทะเลาะ
พอร์ชก็เดินลุกขึ้นเดิน แล้วมาหยุดยืนทำหน้าจ๋อยใส่โซ่ ประชดถามเสียงอ่อย



            โซ่วาดขาลงพื้น ยืดตัวนั่งขอบเตียง จ้องตา เผชิญหน้ากับคนเจ้าเรื่องอย่างพอร์ช



            “มีตรงไหนที่กูยังไม่ชัดเจนอีกพอร์ช มึงถึงได้งี่เง่าขนาดนี้” กระชากคอเสื้อ
คนรักเข้ามาถาม ทำเอาคนตัวโตอย่างพอร์ชปลิวตามเสื้อ



            “มึงสนใจมัน มึงจะโทรหามัน ตั้งแต่กลับมาจากวิ’ลัยมึงก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของมัน!”
พอร์ชบอกเสียงแข็ง ทว่าดวงตาคมกลับหมองหม่น เพราะสังเกตท่าทีของคนรักตั้งแต่กลับมา
บ้านแล้ว โซ่ดูไม่เป็นตัวเอง หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา



            “โอ้ย…ไอ้ควายพอร์ช!” โซ่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วกับความบ้าบอของคนรักที่นับวันจะ
มีมากขึ้นทุกที นี่ถ้ามันตัวเล็กกว่านี้สักหน่อย เขาคงจับปล้ำทำเมียไปนานแล้ว…งอแงฉิบหาย



            “มึงด่ากูทำไมเนี่ย”



            “โทรเลย มึงเลิกทำตัวปัญญาอ่อนแล้วโทรหาไอ้เป้ให้กูเดี๋ยวนี้เลย โทรแล้วก็อยู่
เงียบๆอย่าเสือกพูดอะไรจนกว่ากูจะคุยกับเพื่อนมึงเสร็จ” ไม่เพียงแค่ชี้นิ้วสั่ง แต่คราวนี้โซ่
เป็นฝ่ายลุกไปหยิบโทรศัพท์ของพอร์ชมาให้เจ้าตัวต่อสายถึงเป้ให้เองเลย เพราะเริ่มจะรู้
สึกหงุดหงิดกับนิสัยตีโพยตีพายของพอร์ชเต็มทน



            ‘ว่าไง’ เป้กรอกเสียงรับสายเหมือนปกติไม่มีท่าทีดุดันเหมือนก่อนหน้า



            “กูเอง” โซ่ตอบกลับไปบ้าง



            ‘อ่อ…จะโทรมาถามเรื่องนั้นใช่ไหม’ เป้ถามออกมาทันทีเหมือนจะรู้ถึงจุดประสงค์
ส่วนพอร์ชเริ่มออกอาการ จนโซ่ต้องใช้แขนขาหนีบตัวใหญ่ยักษ์ของคนใจมดไว้แน่น



            “เออ…ได้เรื่องไหม”



            ‘ระดับพี่เป้แล้วไม่มีพลาด งานนี้ได้ไปกันครบยกทั้งแก๊งแน่นอน’ เป้บอกเสียงระรื่น
ทำเอาโซ่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบที่ถูกใจ หลังจากที่รอลุ้นมาหลายวัน



            “มึงคุยเรื่องเหี้ยอะไรกันเนี่ย บอกให้กูรู้ทีเถอะ! กูอยากเสือกจะแย่แล้ว” พอร์ชไม่
สามารถเก็บความอยากรู้ของตัวเองไปได้นานกว่านี้อีกแล้ว จึงตะโกนแทรกขึ้นมา จากที่เป็น
ฝ่ายโดนล็อค พอดิ้นไปดิ้นมาสักพัก เขาก็สามารถลุกขึ้นมาเป็นฝ่ายค่อมทับโซ่ไว้ได้ด้วยแรงที่มีมากกว่า



            ‘ฮ่าๆ ไอ้พอร์มึงแม่ง…ชอบทำตัวเหมือนหมาบ้าอย่างที่ไอ้โซ่บอกจริงๆด้วยว่ะ’



            “เลิกพูดมากแล้วบอกกูสักทีว่าพวกมึงคุยอะไรกันไอ้เหี้ยเป้!” แม้ว่าเสียงหัวเราะของ
เพื่อนจะดังออกมาสักแค่ไหน แต่พอร์ชไม่ขำด้วยเลยสักนิด จากที่คิดว่าโซ่จะคุยเรื่องคู่นอนเก่า
อย่างซี กลับกลายเป็นว่าโซ่กับเป้มีความลับต่อเขา…หรือมันจะเป็นชู้กัน?



            ‘กูจะบอกอะไรให้นะไอ้พอร์ชว่ากับไอ้โซ่นะ กูได้…’ เป้ทิ้งปริศนาไว้แค่นั้นก่อนที่จะ
เงียบหายไป พอร์ชตวัดสายตามองโซ่อย่างดุดัน ในหัวของเขาตอนนี้มันคิดไปไกลแล้ว



            “อย่าคิดอะไรปัญญาอ่อน” โซ่ที่พอจะมองออกว่าคนรักกำลังคิดอะไรอยู่ก็รีบพูดออกมา



            ‘กูได้…ค่าบัตรเข้างาน Big Mountain ที่เขาใหญ่ของมึงกับมันมาแล้วโว้ย~’



            “เฮ้ย…จริงดิ!” คำตอบจากเป้ทำเอาพอร์ชร้องเสียงหลง เพราะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
จากที่รู้สึกผิดหวังมาสามเดือนเต็ม หลังจากที่พลาดเพราะจองบัตรไม่ทัน จะขอซื้อต่อจากใครก็
ไม่มีใครขายให้เลยสักคน



            ‘เออ…ฉะนั้นก็เลิกงี่เง่าแล้วกราบขอบคุณงามๆบนตักเมียมึงซะไอ้ห่าพอร์ช เพราะเสาร์นี้
เราจะไปเขาใหญ่กันโว้ย~’ ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าคนพูดนั้นซะใจขนาดไหนที่แกล้งเพื่อนได้ แต่เหนือ
สิ่งอื่นใดคือความภูมิใจ หลังจากที่ใช้เวลารวบรวมบัตรอยู่หลายวันกว่าที่จะได้ครบหกใบ แม้ว่าจะ
ได้มาด้วยราคาที่แพงกว่าเท่าตัวก็ตาม



            “เอ่อ…” เป้วางสายไปนานแล้ว แต่พอร์ชไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี



            “ไง?” โซ่เลิกคิ้วถาม หลังจากที่ต้องทนมองพอร์ชทำหน้าเอ๋อยืนโง่อยู่พักใหญ่



            ก่อนที่จะ…



            “ขอโทษคร้าบ~”  ทรุดตัวนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้น ซบหน้าลงบนตักโซ่
ออดอ้อนเสียงหวาน อย่างรู้สึกผิด กลัวว่าโซ่จะโกรธที่ตนทำตัวงี่เง่าเอาใจอยู่พักใหญ่



            “อย่าหยุด” โซ่พูดบอกออกมาเมื่อพอร์ชทำท่าจะหยุดมือที่กำลังนวดให้ตนเอง
ขยับขาเปลี่ยนท่านั่งเป็นเชิงบอกให้พอร์ชนวดต่ออีกข้าง



            “แล้วแต่เจ้านายจะบัญชาเลยขอรับ!”







TBC.

แหม...ตอนที่แล้วมีแต่คนกลัวซดมาม่านะตัว ไม่มีใครมั่นใจในตัวน้องโซ่คิตตี้เลยหรอว่า
เจ้าตัวเขาวิชาแกร่งกล้าพอที่จะควบคุมอีพี่พอร์ชได้อยู่หมัด แบบที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอดอะไรอย่างงี้

ไม่ต้องกลัวน้า~ คนเขียนเป็นคนไม่กินเส้น เพราะฉะนั้นไม่มาม่าแน่นวลจ้า~

มีแต่จะบ้าบอไปตามประสาของอีพี่พอร์ชมัน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่คนอ่านต้องรับให้ได้นะจ้ะ
ว่านอกจากจะเป็นคนเกรียนที่โคตรกวนตีนแล้วพระเอกของเรามันยังมีความติ๊งต๊องสูงมาก
ในขณะที่นายเอกก็โคตรจะแมน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 25-01-2018 20:41:07
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 25-01-2018 20:53:01
นายเอกแมนมาก อิพี่พอร์ชนี่คือบั่บ งุ้งงิ้งเว่อร์ อยากยกให้เป็นเมียน้องโซ่คิตตี้แทน  :laugh: เอิ่ม พูดเล่นนะไรท์ เอาจริงขึ้นมานี่เงิบนะ 555555555555
คือก็จะมีความคบคู่ ได้กันอยู่แถวๆกลุ่มเพื่อนนี่ล่ะช้ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-01-2018 21:13:01
รักมากก็เลยหวงมากเนอะพอร์ช
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 25-01-2018 21:28:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-01-2018 21:35:07
5555พี่พอร์ชคนแมน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-01-2018 22:34:08
แห๋ม..... น่าจะเพิ่มบทพอร์ช ก่อนจะซบหน้าลงกับตักโซ่ ให้ก้มกราบเมียสวย ๆ ซักที สองทีที่ตักนะ จะแสดงให้เห็นถึงความเคารพรักเมียมาก ๆ เลยล่ะ  o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-01-2018 23:19:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-01-2018 00:57:36
อ้าว สมาคมกลัวเมียนี่หว่า555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 27-01-2018 00:34:46
วันนี้ไม่มาเหรอ.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 27-01-2018 00:57:06
 :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #17 {25/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-01-2018 12:40:53
น้องโซ่เคลียร์ได้เนอะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 27-01-2018 16:45:40


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{18}









            “ถึงแล้วครับแม่…ครับ…ครับ…พรุ่งนี้จะโทรหาอีกทีนะครับ”



            อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าโซ่กลับไปญาติดีกับมารดาผู้ให้กำเนิดเลยเชียว
เพราะที่เห็นโทรรายงานตัวกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้ ก็แม่พอร์ชทั้งนั้นที่คอยโทร
เช็คลูกชายคนโปรดของตัวเองอย่างโซ่มาตลอดทาง เพราะการเดินทางมาเที่ยวงาน
เทศกาลดนตรีที่คราวนี้ เดอะแก๊งเขาพากันควบสองล้อคู่ใจจากพิจิตรถิ่นชาละวันมา
ถึงเขาใหญ่กันเลยทีเดียว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คุณนายเขาห่วงได้ยังไง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
การสนทนากลับผูกขาดอยู่ระหว่างโซ่กับคุณนายแม่ของพอร์ชเท่านั้น ไม่มีสักครั้งที่
เธอจะขอสายลูกชายแท้ๆอย่างพอร์ช



            “ไง…ตกลงมึงยึดแม่กูไปแล้วใช่ไหม?” พอร์ชเอ่ยแซวคนรักที่ยื่นโทรศัพท์
กลับคืนมาให้หลังจากคุณนายแม่ของพอร์ชวางสายไป



            “ช่วยไม่ได้…ตอนเย็นเจอกัน” โซ่ยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วย
ความหมั่นไส้ของพอร์ช แล้วหันไปพูดบอกกับเพื่อนตัวเองต่อ เมื่อตกลงกันเรื่องห้องพัก
ได้ลงตัว หลังจากที่ถกเถียงกันอยู่พักใหญ่ เพราะแวนไม่อยากนอนห้องเดียวกับบุญล้อม
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เมื่อเป้พาซีมาด้วย เพื่อนๆจึงรับรู้กันเองไปโดยปริยายว่าทั้งสองคนอยู่
ในสถานะอะไรกัน ในเมื่อรอบคอของซีประดับเต็มไปด้วยรอยช้ำสีแดงเป็นจ้ำๆ



            ต้องขอบคุณคุณทนายของโซ่ที่จัดบ้านพักหลังนี้ไว้ให้ตามคำขอของโซ่ที่มีไม่กี่
ครั้งหรอกที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอความช่วยเหลือไปก่อนแบบนี้ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ
ในเมื่อที่พักแถวนี้ถูกจับจองไปหมดแล้วไม่เหลือสักแห่ง จะขอซื้อสิทธิ์ต่อโดยให้ราคาเพิ่ม
เหมือนบัตรเข้างานก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครใจดียอมเสียสละที่นอนที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำในเวลา
มีงานเทศกาลดนตรีส่งท้ายปลายปีครั้งยิ่งใหญ่แบบนี้ให้ใครได้



            หมับ



            โซ่เลิกคิ้วมองคนตัวโตที่เดินเข้ามากอดตนเองจากทางด้านหลัง



            “อ้อน” คำพูดแสนสั้นที่มาพร้อมการคลอเคลียทำเอาโซ่หลุดขำออกมาเบาๆ



            “เป็นอะไรดี…ระหว่างหมีกับควาย?” โซ่ถามเสียงนิ่ง พยามควบคุมตัวเองไว้ ไม่ให้
หลุดมาดไปกับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูในแบบแปลกๆอย่างนั้น เดี๋ยวคนแถวนี้มันจะเคยตัว



            “เป็น…คนที่มึงรักก็พอแล้ว” กระซิบบอกเบาๆที่ข้างหู



            “มั่นใจ?” น่า…ขอแหย่อีกนิด



            “รึไม่จริง?” รู้ตัวอีกทีโซ่ก็ถูกพอร์ชดันลงเตียงเสียแล้ว สายตาสอดประสาน สื่อถึง
ความนัยบางอย่างที่ถูกซ่อนอยู่ในหัวใจมาแสนนาน เพราะความรักความใส่ใจทั้งหมดที่มีมาก
จนไม่กล้าเรียกร้องให้คนรักต้องฝืนใจทำตามแรงอารมณ์ของตนเหมือนคนเห็นแก่ตัว แต่พอมา
ถึงวันนี้ความอดทนที่มีถึงกลับพังทลาย เมื่อเจอสายตาหวานเชื่อมของเจ้าชายน้ำแข็งที่โต้ตอบกลับมา



            “อือ…โคตรรักเลย” โซ่กระตุกยิ้มหล่อ กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู พลิกตัวขึ้นข้างบน
ใช้คางหนุนหน้าอกแกร่งแทนหมอน มือเรียวเลื้อยต่ำลงล่าง คว้าหมับเข้ากลางลำเรือรบที่
เจ้าตัวภูมิใจเป็นหนักหนา



            “อา…เล่นไม่รู้เรื่องแล้วไหมล่ะ” ถึงปากจะว่าแต่มือนุ่มๆของน้องโซ่คิตตี้นี่แหละ
ถูกใจพี่พอร์ชมากที่สุด



            “รู้สิ…ถ้าไม่รู้คงไม่เล่น” ปลดกระดุมกางเกงยีนของคนรักออกจนหมด สอดมือเข้า
ไปสัมผัสแนบเนื้อเรือรบใต้ Boxer ขยำเบาๆจนมันเริ่มตื่นขึ้นมาทักทาย ใช้ปลายนิ้วลูบไล้สุด
ความยาว ทำเอาพอร์ชขนลุกที่ได้เจอกับโซ่ในโหมดนี้ อย่างไม่ทันตั้งตัว



            “เดี๋ยวยาว” พอร์ชขู่ เพราะเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว



            ปึก!



            “หึ! โคตรอ่อน!” ชักมือออก ง้างขึ้นสุด ทุบลงไปกลางเป้า บริเวณเดียวกันกับ
ที่เอ็นดูมันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะลุกเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้พอร์ชนอนหน้าเขียวอยู่ที่เดิม



            “ไอ้พอร์ชอ่ะ?” แวนถามโซ่ที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนที่เป็นส่วนของห้องนอน



            “กำลังลงมา” พูดบอกแค่นั้นแล้วเดินไปนั่งแทรกกลางระหว่างบุญล้อมกับแวน
ทำเอามหามองแรง เจ้าตัวกระตุกยิ้มออกมาอย่างสะใจเมื่อแกล้งเพื่อนได้ ดูก็รู้ว่างานนี้
มหามันหวังเคลมเพื่อนรักไอ้หมาพอร์ช



            “คุณโซ่อยากเป็นศัตรูกับผมสินะครับ” บุญล้อมขู่เสียงนิ่ง เพราะกว่าที่จะฉุด
กระชากลากถูให้แวนมานั่งด้วยกันได้ก็แสนจะยากเย็น ยังจะมาโดนโซ่แกล้งอีก แต่มี
หรอที่โซ่จะกลัว เจ้าตัวยังคงลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งอยู่ที่เดิม



            “มึงก็ไปแกล้งมันไอ้ห่าโซ่” เป้ว่าเสียงขัน เหมือนจะซ้ำมากกว่าช่วย เมื่อเห็น
บุญล้อมทำหน้าเซ็ง ต่างจากแวนที่ยิ้มร่า ส่วนโซ่เองก็แค่ยักไหล่าทำเหมือนไม่มีอะไร



            “ออกไปหาอะไรกินกันเหอะ” พอร์ชที่ลงมาเป็นคนสุดท้าย เอ่ยปากออกชวน
จ้องมองไปที่คนรักอย่างอาฆาต มีอย่างที่ไหนมาทำให้อยากแล้วก็จากไป มิหนำซ้ำยัง
กล้าทำร้ายกันอย่างทารุณ ดีนะที่หัวรบซุปเปอร์พอร์ชของเขายังอยู่ดี ไม่บุบสลายที่ตรงไหน
 ไม่อย่างนั้น คนที่จะต้องเสียใจก็เป็นโซ่เองนั่นแหละ ที่ได้สัมผัสแค่ผิวเผิน ยังไม่ได้แนบแน่นเท่าที่ควร



            “ในงาน?” เป้ถามถึงสถานที่ที่จะฝากท้องในมื้อนี้



            “หาอะไรกินกันข้างนอกก่อนแล้วค่อยเข้าไป” พอร์ชบอกจากประสบการณ์
ครั้งก่อนหน้าของตนเองว่าไม่ควรไปฝากความหวังกับอาหารในงาน โดยเฉพาะคนที่อยู่ง่าย
 กินได้ทุกอย่าง แต่จะเลือกกินเฉพาะของอร่อยที่ถูกปากอย่างโซ่ ไม่มีทางที่จะปลื้มกับร้าน
อาหารที่ตั้งขายอยู่ในงานอย่างแน่นอน



            “ที่ไหนดีล่ะ” เป้ถามต่อ



            “เอ้า…อยากไปที่ไหนจิ้มเอาเลย งานนี้คุณแม่สุดที่รักของมึงเขาบอกว่าจัดเต็ม”
พอร์ชหยิบไอแพดของใครสักคนที่วางอยู่แถวนั้นค้นหาร้านอาหารที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
ส่งให้คนรักเป็นเลือก เพราะงานนี้คุณนายแม่ของเขาขอเป็นเจ้ามือออกค่าอาหารการกิน
ในทริปนี้ เพราะเกรงว่าไอ้หมาพอร์ชคนนี้จะพาคุณหนูโซ่ลูกชายสุดที่รักของคุณเธอมา
อดอยากลำบากลำบน ด้วยการส่งบัตรเดบิตสำรองซึ่งมีเงินนอนอยู่จำนวนไม่น้อยมาเป็นตัวแทน



            “ไปซื้อของมาทำกินเองดีกว่า มีงานอย่างนี้ร้านอาหารคงเต็มหมด…วุ่นวาย” โซ่ผลัก
ไอแพดคืนให้พอร์ชพร้อมเหตุผล ก่อนที่คนอื่นจะพยักหน้าเห็นพร้องต้องกัน โดยเฉพาะเป้และ
แวนที่มากับพอร์ชเมื่อครั้งก่อนแล้วเจอกับสถานการณ์ที่เรียกว่าแย่งกันกินแย่งกันใช้ก็ว่าได้
เพราะไม่ว่าจะไปตรงไหนก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยผู้คนที่พากันมาท่องเที่ยว



            “ใครทำ?” พอร์ชเลิกคิ้วถาม เพราะรู้อยู่ว่าโซ่ทำอาหารไม่เป็น



            “มึง” โอเค…ชัดเจน! ลองได้ชี้นิ้วสั่งออกมาขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่เขาทำอย่างที่ต้อง
การคุณชายเขาคงไม่กินอย่างแน่นอน เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา มันทำให้เขาได้รับรู้
อีกอย่างหนึ่งว่า โซ่เป็นคนที่เหมือนจะเลี้ยงง่าย แต่ก็โคตรเอาแต่ใจเลย



            “งั้นก็ลุกมา…ไปซื้อของกับกู” ว่าพลางฉุดดึงให้โซ่ลุกออกจากที่นั่ง แต่โซ่ก็ขืนตัวไว้สุดแรงเกิด



            “ทำไมต้องกู?” โซ่ถาม



            “ถ้าไม่ใช่มึงกูก็ไม่ทำ” คำตอบจากพอร์ชเรียกเสียงโห่แซวจากเพื่อนๆได้ดี



            “ฮิ้ว~”



            ปึก!



            “ปาก!” ฮุกหมัดซ้ายเข้าชายโครงข้างขวาของคนรักแก้เขิน ก่อนที่จะเดินนำออกไป
ยืนรออยู่ข้างรถของพอร์ชที่จอดอยู่หน้าบ้าน



            “ใครจะเอาอะไรก็ส่งเข้าไลน์กลุ่มนะมึง กูจะได้ซื้อมาทีเดียวเลย” บอกเพื่อนเสร็จ
พอร์ชก็เดินตามโซ่ออกไปอีกคน



            พอร์ชพาโซ่มาซื้อของในซุปเปอร์ขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักนัก ถึงจะเล็ก
ไปหน่อย แต่ก็มีของกินของใช้และของสดให้เลือกสรรมากพอ



            “อยากกินอะไร” พอร์ชหันไปถามคนรักที่ยืนกินลูกชิ้นปิ้งอยู่ข้างๆอย่างสบายอารมณ์



            “…..” โซ่ไม่ตอบแต่หันไปมองเครื่องปรุงพะโล้ทั้งแบบผงและแบบไม้ที่วางเรียงอยู่
ในระดับเดียวกันกับสายตา เท่านั้นพอร์ชก็รู้แล้วว่าคนรักต้องการอะไร



            “อันนั้นไม่ได้ ใช้เวลาทำนานเกินไป กลับบ้านไปค่อยกินนะ แม่ทำอร่อย” พอร์ชพูดดัก
ทางอย่างรู้ทัน แล้วรีบบอกถึงเหตุผลที่ตนทำให้ไม่ได้ เพราะเกรงว่าคนรักจะอาละวาดขึ้นมาอีก



            “ข้าวผัดก็ได้ง่ายดี แต่ขอแกงจืดเต้าหู้หมูสับกับไก่ทอดด้วยนะ” จ้ะ! พอร์ชเกือบหลุดปาก
ตอบไปแล้วว่าง่ายมาก ลำพังข้าวพัดกับแกงจืดไม่มีปัญหาหรอก แต่ไก่ทอดนี่สิ ทำทีไรไม่เคยถูกใจ
เจ้าตัวสักที เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โซ่บอกให้เขาทำไก่ทอด เพราะเจ้าตัวเป็นโรคคลั่งไก่ เรียกได้
ว่ามื้อไหนมีเมนูไก่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร พี่โซ่เหมาหมด เจริญอาหารขึ้นอีกเท่าตัว



            “เปิดไลน์ดูสิว่าไอ้พวกนั้นสั่งซื้ออะไรบ้าง” พอร์ชบอกให้โซ่เปิดดูในไลน์กลุ่ม เพราะ
โทรศัพท์อยู่ที่โซ่ ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ว่าง กำลังเลือกไก่สดไปทำไก่ทอดให้พี่ท่านอยู่



            “อะไรก็ได้แต่ไอ้เป้ฝากซื้อยาแก้อักเสบกับยาฆ่าเชื้อให้ซีด้วย มันลืมเอามา” โซ่พูดบอก
ตามที่เห็นในข้อความที่เพื่อนๆฝากไว้ในไลน์กลุ่ม แต่พอร์ชกลับออกอาการฮึดฮัดไม่พอใจ เพราะ
ชื่อของใครบางคนที่ต้องการโผล่เข้ามา แม้จะรู้แน่ชัดแล้วว่าซีกับเป้เพื่อนรักของตนอยู่ในฐานะอะไร
 แต่มันอดไม่ได้จริงๆ เมื่อเผลอคิดไปถึงตอนที่ซียังคงเป็นคู่นอนคนโปรดของโซ่



            “มันน่าปล่อยให้ตายห่าไปเลย” ขอให้ได้ประชดออกมาสักนิดก็ยังดี ไม่อย่างนั้นคง
ได้มีคนอกแตกตายกันไปข้าง



            “ไร้สาระ” โซ่ส่ายหน้าให้กับนิสัยเด็กๆของคนรัก ก่อนที่จะเดินหนีออกไปหาขนมแทน



            “รับถุงยางอนามัยเพิ่มอีกหนึ่งกล่องนะครับ” พนักงานคิดเงินพูดบอกออกมาเสียงดัง
ชัดเจน เมื่อจู่ๆโซ่ก็หยิบกล่องถุงยากอนามัยวางบนเคาน์เตอร์คิดเงินทำเอาพอร์ชตกใจตาโต



            “ไม่ครับ” พอร์ชรีบหยิบกล่องที่โซ่เลือกไปวางเก็บไว้ที่เดิม



            “ไม่เอา?” แสร้งทำเป็นเลิกคิ้วถามเหมือนหาเรื่อง ทั้งที่ความจริงแล้วอยาก
จะหัวเราะออกมาให้ฟันร่วงที่แกล้งเจ้าตัวได้ แต่ต้องเก๊กไว้ก่อน



            “ไม่เอา…อันนั้นไซส์เล็ก กูใส่ไม่ได้ สำหรับกูต้องอันนี้” ทำเหมือนว่าจะปฏิเสธ
แต่แท้จริงแล้วแค่ต้องการที่จะเปลี่ยนไซส์ เพราะกล่องที่โซ่หยิบมาตอนแรกมันเล็กกว่า
ขนาดปกติที่เขาเคยใช้อยู่ประจำ



            “อ๋อ…จะบอกว่าใหญ่งั้นหรอ?” เหมือนว่าโซ่จะลืมไปแล้วว่าไม่ได้อยู่กับคนรัก
ตามลำพัง แต่ยังมีพนักงานหนุ่มร่วมฟังเหตุการณ์อีกคน



            “ก็เห็นมากับสองตาตัวเองแล้วไม่ใช่หรอ?” พอร์ชเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ เหมือนว่า
จะภูมิใจในขนาดเรือรบซุปเปอร์พอร์ชของตัวเองอยู่มาก



            “เพราะเห็นมาแล้วไง ถึงได้คิดว่า…เล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่โซ่ยังส่งสายตาดูแคลน
ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน



            “เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะครับน้องโซ่คิตตี้” พอร์ชขู่



            “อยาก…โดน…เหมือนกัน” กระซิบบอกเสียงเบา แกล้งเป่าลมหูให้คนรักขนลุกเล่น
ก่อนที่จะเดินผิวปากหนีออกจากห้างไปอย่างสบายใจ ทำเอาพอร์ชถึงกลับอ้าปากค้างไม่
คิดว่าคนรักจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนไม่รู้จัก หรือว่า…มันจะเปลี่ยววะ?



            “เอ่อ…ถ้าคุณลูกค้าไม่ต้องการอะไรเพิ่มแล้ว ผมขอรวมยอดค่าสินค้าเลยนะครับ”
แม้ว่าคุณลูกค้าจะไม่รู้สึกอะไรที่กล้าคุยพูดเรื่องลับเฉพาะตามประสาคู่รักออกมาได้อย่าง
หน้าตาเฉย แต่คนฟังอย่างเขาบอกเลยทั้งเขินทั้งเซ็ง! สรุปแล้ว…เป็นแฟนกันสินะ! อุตส่าห์
เล็งคนตัวขาวไว้ตั้งนานสองนาน…เสียเวลาชะมัด!



            “ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะครับ นานๆทีจะได้ออกมาเที่ยวไกลอย่างนี้ ‘แฟนผม’
เลยตื่นเต้นไปนิด ถึงได้หยิบผิดๆถูกๆ” จ่ายเงิน หยิบของ รับตังค์ทอนใส่กระเป๋า เอ่ยขอโทษ
ไปเหมือนจะเกรงใจ แต่ถ้าพนักงานคิดเงินฉลาดพอ ก็คงจะรู้ตัวแล้วว่าโดนเกทับเข้าให้



            ‘เหอะ! รู้จักคนอย่างพี่พอร์ชน้อยไปแล้วไอ้หน้าอ่อน! คิดว่ารู้ตัวหรอที่มึงมองไอ้นิ่ง
ของกูอย่างกับจะจับแดกลงท้องไปทั้งตัวแบบนั้น…เห็นนะโว้ย!’

..

..

..

            “เอาไก่ก้อนนะ” โซ่พูดขัดไว้ก่อน เมื่อเห็นว่าพอร์ชกำลังจะหมักไก่ทั้งน่อง
แบบนั้นหลังจากที่ล้างทำความสะอาดเสร็จ



            “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก กูจะได้ซื้อไก่บดมาเลย” พอร์ชบอก



            “แม่มึงบอกว่าสับเองอร่อยกว่า สะอาดกว่า แล้วก็ปลอดภัยกว่า” หยิบยกเอาคำสอน
ของแม่พอร์ชขึ้นมาเถียงเจ้าตัว เพื่อให้รู้ว่าตนนั้นไม่ผิดที่บอกช้า แม้ว่าความจริงแล้วตัวโซ่เอง
ก็เพิ่งนึกอยากจะกินไก่ก้อนขึ้นมาตอนถึงบ้านนี่แหละ แต่ก็ทำเนียนๆไป ไอ้หมาพอร์ชมันไม่รู้หรอก



            “เรื่องเถียงนี่ขอให้บอก เวลาชวนคุยปกติละทำอย่างกับดอกพิกุลจะร่วง” นานทีขอจัด
สักหน่อยเถอะ เพราะปกติแล้วเจ้าตัวจะเป็นประเภทถามคำตอบคำ ประหยัดคำพูดเหลือเกิน
จะพูดเยอะก็ตอนหลอกด่าเขานี่แหละ…ประจำ



            “ล้อม…กินเนื้อดิบไหม?” เรียกเพื่อนเหมือนว่าจะถามเรื่องสำคัญ แต่ความจริงแล้ว
กำลังหาเรื่องแล่เนื้อคนรักอยู่ต่างหากล่ะ ถ้าดูจากปลายมีในมือชี้มันชี้ไปทางพอร์ชอะนะ



            “ผมทำในส่วนของผมเสร็จแล้ว ขอก่อนนะครับ” นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว บุญล้อมยัง
ชิ่งหนีอีกต่างหาก เพราะงานล้างและหั่นผักของตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว



            “รึจะเปลี่ยนไปกินลาบ ‘เลือด’ กันดีครับ…ที่รัก” คราวนี้หันไปถามพอร์ชพร้อม
รอยยิ้มหวานที่สุดแสนจะเลือดเย็นในสายตาของพอร์ช ดูจากสีหน้าและแววตาแล้ว
พี่พอร์ชบอกได้คำเดียวว่างานนี้ น้องโซ่คิตตี้เขาเอาจริง…หนาวไปถึงสันหลังเลยกู



            “แหม่…ตัวเองก็! เค้าแค่ล้อเล่นเองน้า~ ขอแค่ตัวเองบัญชา เค้าก็พร้อมที่จะ
พลีกายทำให้ทุกเมนู” สุดท้ายแล้วพี่พอร์ชคนจริงก็จำต้องวางของในมือทิ้ง แล้วค่อยๆ
ก้าวเดินเข้าไปกระแซะ ใช้หัวถูกไหล่มนของคนรักอย่างออดอ้อน ก่อนที่จะเอื้อมไปปลด
อาวุธในมือของเจ้าตัวทิ้ง เพื่อความปลอดภัยในชีวิต









TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-01-2018 18:42:46
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-01-2018 20:08:55
พี่พอร์ชคนแมน555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-01-2018 20:13:31
5555 ตลกพี่พอร์ช
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 27-01-2018 20:40:49
คีพลุกคีพคูลไม่เหลือสักอย่างเลยพอร์ชเอ้ย 555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 27-01-2018 21:59:56
รอตอนหน้านะครับ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-01-2018 22:42:11
อ้อนกันซะขนาดเนี่ย ตอนหน้าจะได้ทำ ได้ทานไหมเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-01-2018 23:01:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-01-2018 17:27:37
อิพอร์ชแพ้ทุกทาง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-01-2018 20:37:57
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 29-01-2018 16:35:21
รู้สึกพอร์ชเป็นเบี้ยล่างมากๆๆๆ นี่รักจริงๆช้ะ?? น้องโซ่คิตตี้นี่ไม่อ่อนโยนเลย วงวารพ่อบ้านใจกล้าเค้านะคะ
เพราะถ้าไม่รักมากก็มาโซอะ 555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #18 {27/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 29-01-2018 16:48:04
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 29-01-2018 22:12:31


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{19}







            “กูกลับไปนอนรอที่บ้านได้ไหม” โซ่ที่นั่งอยู่เบาะหลังบ่นออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสภาพ
การจราจรบริเวณทางเข้าหน้างาน



            “ใจเย็นครับที่รัก เดี๋ยวพี่พาซิ่ง” พูดจบพอร์ชก็เร่งเครื่องลัดเลาะไปตามช่องว่างระหว่าง
รถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดยาวเป็นขบวน จนไปถึงจุดฝากรถที่ใกล้ประตูทางเข้างานที่สุด



            จึก จึก



            “หืม…ว่าไงครับ?” พอร์ชที่เล่นเกมระหว่างยืนต่อแถวเข้างาน เอ่ยถามทั้งที่ยังไม่ได้หัน
กลับมามองเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะกิดจากด้านหลัง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากโซ่



            “เมื่อย” เพราะยืนต่อแถวรอเข้างานมายาวนานเกือบสามชั่วโมง จึงทำให้ขายาวๆของ
โซ่เริ่มล้า จะนั่งก็ไม่ได้ในเมื่อคนอื่นเข้ายืนกันหมด



            “ขึ้นมา” ย่อตัวตบหลังเป็นเชิงบอกให้โซ่ขึ้นขี่ทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากเกมในมือ



            “ทำกูตกมึงโดนแน่” ปกติโซ่ก็เป็นพวกไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว ยิ่งมาต้องมาตกอยู่ใน
สถานการณ์ที่ร่างกายมันเรียกร้องอย่างนี้ก็อย่าหวังว่าเขาจะสนใจใคร กระโดดขึ้นหลังคนรัก
ทันทีที่อีกฝ่ายชี้ทางให้ มาถึงตอนนี้อะไรก็ได้ทั้งนั้นเพราะเมื่อยสะสมมาตั้งแต่ต้องนั่งซ้อน
สองล้อคู่ใจของพอร์ชติดต่อกันมานานเกือบสี่ห้าชั่วโมงแล้ว สำหรับพวกพอร์ชคงไม่เป็นไร
เพราะชินจากพากที่ออกทริปตระเวนเที่ยวกันอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับเขาที่นั่งยิงยาวเป็น
ครั้งแรกบอกได้คำเดียวเลยว่า…เส้นยึด!



            “น่า…เชื่อใจกันหน่อย” ขยับตัวตบก้นโซ่ให้เข้าที่เข้าทาง แล้วก้มลงเล่นเกมต่อแบบ
ไม่สนสายตาชาวประชาที่พากันจ้องมายังพวกเขาเป็นจุดเดียว



            “เชี่ย! ตายห่าอีกละ!” พอร์ชสบถเสียงขุ่น เมื่อตัวละครในเกมตายเป็นครั้งที่สามภาย
ในสองนาที จะเปลี่ยนไปเล่นเกมอื่นก็ไม่ได้อีกในเมื่อแถวนนี้สัญญาณไม่ดี อย่าว่าแต่เปิดใช้
อินเตอร์เน็ตเลย ลำพังแค่จะโทรหาใครยังไม่โทรไม่อยากจะติด



            “พอเลย เดี๋ยวเหรียญกูหมด” เพราะการที่จะกลับมาเล่นต่อในจุดเดิมที่ตายจะต้อง
ใช้เหรียญที่สะสมมาตลอดตั้งแต่เริ่มเล่นเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าของเกมที่ตั้งใจเก็บสะสมเหรียญ
มาตั้งแต่แรกเริ่มจึงไม่ยอมให้คนรักกดเล่นต่อเป็นครั้งที่สี่ ถึงแม้ว่าโทรศัพท์จะเป็นของพอร์ชก็ตาม



            “งกหรอ?” ไม่ใช่แค่ถามปากเปล่า แต่พอร์ชยังแกล้งโยกตัวไปมา แล้วใช้สองมือตบก้น
โซ่เล่นอย่างสนุกสนานอีกต่างหาก อีกได้ว่าใครจะมองยังไง ก็ช่างแม่ม…กูไม่สน!



            โป๊ก!



            “โอ้ย!” พอร์ชร้องเสียงหลงเมื่อถูกเคาะกะโหลกด้วยกำปั้นไม่มีรูของคนรักแบบจังๆ



            “สม! เดินไปเลย” ใช้สองมือจิกผม แทนคันบังคับ สั่งให้พอร์ชออกเดินเข้างาน หลัง
จากที่ต่อคิวเข้าแถวมาเกือบสามชั่วโมงเต็ม



            “เดี๋ยวนี้ชอบใช้กำลังกับกูจังนะ ชอบความรุนแรงงะ? ซาดิสม์หรอ?” แม้ว่าจะผ่าน
ประตูเข้างานมาแล้วแต่พอร์ชก็ยังไม่ยอมปล่อยให้โซ่เดินด้วยตัวเอง ทำเหมือนว่าคนรักได้
รับบาดเจ็บที่ขาจนเดินไม่ได้ซะอย่างนั้น



            “เปล่า…ไม่ได้ซาดิสม์ ก็แค่เป็นพวก ‘มาโซคิสม์’ เต็มตัวก็เท่านั้นเอง” กระซิบบอก
ข้างหูพอร์ชด้วยเสียงชวนสยิว ก่อนที่จะกระโดดลงไปเดินกอดคอเพื่อนอย่างสบายใจ
ต่างจากพอร์ชที่ยังคงยืนเอ๋อ จับคลึงติ่งหูตัวเองอยู่ที่เดิม เพราะยังรู้สึกถึงคมเขี้ยวที่
คนรักตั้งใจฝากไว้อย่างชัดเจน



            เข้างานมาได้แก๊งแว้นเขาก็พากันไปซื้อของที่ระลึกตามความชอบของใครของมัน
 แต่สิ่งหนึ่งคือ ‘เสื้อ’ พวกเขาทั้งหกคนตกลงซื้อเสื้อลายสีดำลายวัวสวมแว่นกวนๆเปลี่ยน
พร้อมกันที่ตรงนั้น เรียกว่าซื้อเสร็จก็แกะถุงใส่กันทันที



            “มาถ่ายรูปกันหน่อยโว้ย!” แวนยืนโบกมือหวอยๆเรียกเพื่อนอยู่หน้าโลโก้รูปวัวตัวใหญ่



            “เอ้า! ยิ้ม~” ใส่สักคนในแก๊งแว้นตะโกนบอก ก่อนที่เสียงชัตเตอร์จากกล้องของแวน
ที่อยู่ในมือบุคคลปริศาทว่าใจดีจะดังขึ้นรัวๆอีกกว่าสิบครั้ง



            “กูจะดู Jetset'er” แวนเอ่ยขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก



            “เมียกูจะดู DJ” เป้เพยิดหน้าไปทางซีที่กำลังกอดอกทำหน้างออยู่ข้างๆ



            “ส่วนกูพี่ปั๊บแน่นอน” พอร์ชเองก็ยืนยันหนักแน่น เพราะเล็งมาตั้งแต่ที่บ้านแล้วว่า
จะอยู่หน้าเวทีศิลปินคนโปรดตั้งแต่แรกเริ่มยันจบงาน



            “สรุปแล้ว?” บุญล้อมที่ยืนเงียบมานานก็อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะแก๊งแว้นยืนเถียง
กันอยู่อย่างนี้มาพักใหญ่แล้ว



            “ต่างคนต่างไปก็จบ” โซ่พูดบอกออกมาอย่างเนือยๆ



            “เออ ก็ดี ต่างคนต่างไป จบเมื่อไหร่ไปเจอกันที่บ้าน” พอร์ชสรุป ก่อนที่ทุกคน
จะพยักหน้าเห็นด้วย เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปตามที่มา คือโซ่อยู่กับพอร์ช เป้ไปกับซี
บุญล้อมต้องไปกับแวน เพราะแวนเป็นคนเดียวในแก๊งแว้นที่ไม่มีรถ ส่วนบุญล้อมเป็น
เด็กวัดที่มีดูคาติ จึงทำให้ทั้งสองคนจำเป็นต้องทำตัวผูกติดกันตั้งแต่ออกเดินทางมา
จากพิจิตร ตามความต้องการของพ่อมหาเจ้าเล่ห์ที่แอบวางแผนไว้เป็นขั้นเป็นตอนคนเดียวเงียบๆ



            “เบื่อเปล่า” เพราะยังไม่ถึงเวลาที่ศิลปินนักร้องคนใดจะขึ้นแสดง คนดูอย่าง
พอร์ชกับโซ่จึงต้องมานั่งจองที่อยู่หน้าเวทีเพื่อรอเวลา



            “เรื่อง?”



            “ก็ที่โดนกูลากไปไหนมาไหนแบบนี้ไง” จากที่นั่งข้างกันก็เปลี่ยนไปนั่งพิงหลัง
แล้วหันหน้าไปคนละทางแทน



            “ได้ข่าวว่ากูเป็นคนหาบัตร” โซ่แย้ง เพราะดูเหมือนว่าพอร์ชจะลืมไปแล้วว่า
ตนเป็นคนจ่ายเงินและชี้ช่องทางการหาบัตรให้กับเป้ ซึ่งอาจจะไม่ได้เอ่ยปากชวนคนรัก
ออกมาเที่ยวตรงๆ แต่ก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการออกทริปครั้งนี้



            “แต่มึงไม่ชอบความวุ่นวาย แล้วการมาเที่ยวอย่างนี้ก็โคตรจะวุ่นวาย มึงไม่รำคาญหรอ?”
ไม่รู้ว่าพอร์ชต้องการคำตอบอย่างไร แต่เขายังคงตั้งคำถามต่อไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีจุดหมาย



            “ก็ไม่เห็นวุ่นวายตรงไหน” โซ่บอก



            “ห้ะ? การที่มีคนอยู่รอบตัวเป็นพันคนนี่มึงบอกไม่วุ่นวาย?” คว้าศีรษะของคนรักจาก
ทางด้านหลัง ร้องถามอย่างหยอกล้อ



            “เออ”



            “บ้าไปแล้ว” ใช้สองมือเขย่าศีรษะคนรักอย่างเมามัน จนโซ่เริ่มรำคาญ คว้าหมับ
เข้าที่ผมปอยหน้าของพอร์ชเสียจนเจ้าตัวร้องลั่น



            “ถ้าการที่มีมึงอยู่ในสายตาตลอดเวลาแล้วบอกว่าบ้า ก็ช่างแม่ง…กูสนแค่มึง” คำตอบ
จากปากของโซ่ทำเอาพอร์ชถึงกลับต้องรีบกระโดดหมุนตัวหันมาประจันหน้ากับโซ่ จ้องหน้า
คนรักอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะพูดออกมาว่า



            “น่ารักฉิบหาย” แอบจุ๊บลงไปบนริมฝีปากด้วยความรวดเร็ว เพราะคงจะไม่ดีนัก
ถ้าหากว่ามีใครมาเห็นผู้ชายสองคนนั่งจูบกันอยู่กลางลานกว้างอย่างนี้

..

..

..

            ปึง!



            “นอนแล้วหรอ?” พอร์ชที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเอ่ยถามคนรักเบาๆอย่างไม่แน่ใจ เมื่อเห็นว่า
ร่างโปร่งภายใต้ผ้านวมผืนหนาเงียบไป หลังจากที่เจ้าตัวอาบน้ำเสร็จตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว



            “ยัง” โซ่ตอบกลับมาเบาๆ



            “ทำอะไร” กระโดดขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างคนรัก พยายามที่จะเปิดผ้าห่มออก
แต่โซ่ก็ไม่ยอม ยังคงมุดหน้านอนอยู่อย่างนั้น



            “กำลังคิดอยู่ว่าจะอ่อยมึงยังไงดี” คำตอบที่ได้จากปากคนรักทำเอาพอร์ชอ้าเหวอ
ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาตรงๆ



            “อยากหรอ?” แกล้งก้มลงไปกระซิบถามเบาๆที่ข้างหู



            “อือ” พอร์ชหัวเราะลั่นออกมาอย่างชอบใจเมื่อคนรักยอมสารภาพออกมา
ตามความต้องการของร่างกายแบบไม่มีปิดบังเหมือนก่อนหน้าที่พอร์ชชอบถามเวลา
อยู่บ้านที่เจ้าตัวมักจะทำซึนปฏิเสธอยู่ล่ำไป แม้ว่าบางครั้งเขาจะช่วยตัวเองแบบอ้าซ่า
ท้าลมอยู่ต่อหน้าเจ้าตัวก็ตาม



            “ก็แค่นั้น อยากก็บอกว่าอยาก ไม่เห็นต้องอายเลย” เปิดผ้าห่มมุดเข้าไปค่อมทับคนรักไว้



            “เปล่า แค่กำลังคิดอยู่ว่าจะใช้แผนไหนหลอกจิ้มมึงดี”



            ป้าบ!



            “เลิกคิดไปเลยครับเมีย กูไม่ยอมให้มึงเป็นผัวกูแน่นอน” ตบแปะเข้าไปที่กลาง
หน้าผากคนรักเบาๆ เตือนสติให้เจ้าตัวเลิกคิดเพ้อเจ้อในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้สักที



            “ถ้าอย่างนั้น…ก็สนองกูหน่อย เพราะถ้ามึงไม่เจ๋งจริงอย่างที่เคยโม้ไว้…โดนกูจิ้มแน่”
ยกสองแขนขึ้นคล้องคอคนรัก ฉุดรั้งให้คนตัวโตโน้มตัวต่ำลงมา กดจูบเปิดฉาก เริ่มเกมรักครั้งแรก
ที่จะเป็นของกันและกันอย่างเต็มตัว สำหรับโซ่แล้วเขาไม่คิดมากเรื่องใครจะรุกหรือใครจะรับหรอก
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่การสนองความต้องการของร่างกาย เป็นกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์
ระหว่างคนรักกันก็เท่านั้นเอง เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีความคิดที่จะให้ใครล่วงล้ำภายในร่างกาย
จนได้มาเจอพอร์ชนี่แหละ ที่คิดจะยอมให้เจ้าตัว เพราะทำใจเอาหมียักษ์มาเป็นเมียไม่ได้จริงๆ แต่เหนือ
สิ่งอื่นใดคือ ระหว่างพอร์ชกับเขามีเรื่องของหัวใจ ความรัก และความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ใช่แค่
พบเพื่อเพียงผ่านแล้วก็จากไปอย่างที่แล้วมา



            “ถึงเวลานั้นอย่าขอให้หยุดก็แล้วกันครับ…เมีย” พูดจบก็ก้มลงฉีกกระชากเสื้อนอนของ
คนรักจนขาดกระจาย สนองความต้องการส่วนลึกในใจของตนและคนรัก บอกตามตรงเลยว่าแอบ
ดีใจที่ได้ยินโซ่บอกว่าเป็นมาโซคิสม์เพราะเขาเองถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พวกซาดิสม์เต็มตัว แต่ก็ชอบ
สัมผัสที่ร้อนแรงมากกว่านุ่มนวล ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถตอบสนองความต้องการในส่วนนี้
ของเขาได้เลย จะเรียกว่าเจอมวยถูกคู่แล้วก็ย่อมได้ ถ้าวัดจากสัมผัสที่โซ่ตอบสนองเขาผ่านรอย
เล็บยามที่ฝ่ามือเรียวของเจ้าตัวเคลื่อนผ่านร่างกายเขาละนะ



            “อืม” พลิกตัวกลับเอาร่างใหญ่ยักษ์ของคนรักลงใต้ร่าง แสดงให้เห็นว่าตนเองก็ไม่ได้
ด้อยไปกว่ากัน อย่าลืมนะว่าก่อนที่จะมายอมศิโรราบทิ้งกายบนเตียงให้พอร์ชอย่างนี้ โซ่เองก็เคย
อยู่ตำแหน่งเดียวกับที่พอร์ชเป็น ไล่พรมจูบตั้งแต่หน้าผาก ปลายคาง สันจมูก เปลือกตาทั้งสองข้าง
แล้ววกกลับมาหาริมฝีปากได้รูป จูบซับตามปลายนิ้วที่เลื่อนผ่าน ขบกัดจนหน้าท้องของพอร์ชเกร็ง
ขึ้นรูปสัดส่วนกล้ามเนื้อที่สวยงามอย่างชัดเจน



            มือเรียวเลื้อยซนลงไปต่ำไปเรื่อย ลูบหัวปลอบลูกรักติดตัวของคนรักอย่างแผ่วเบา หวังจะ
ช่วยบรรเทาความตื่นเต้นให้ แต่เหมือนเจ้าพอร์ชน้อยจะเข้าใจผิด คิดว่าป๋าโซ่แกล้ง ถึงได้พองตัวขู่
สู้จนเต็มกำมือ



            “โซ่จ๋าหันมาหาเฮียหน่อย” เอ่ยปาเรียกขาน แต่มือหนานั้นไปคว้าเอาท่อนขาคนรักขึ้นมาแนบอก
ทั้งบีบทั้งตีจนซาลาเปาเด้งดึ่งที่นาบขนาบร่องรักของโซ่นั้นแดงก่ำ ฟ้องให้เห็นว่าโดนทารุณหนักขนาดไหน



            “อือ…อา~” โซ่ครางเสียงสั่นเมื่อเจ้าตัวน้อยที่ไม่เล็กของตัวเองถูกพอร์ชล็อคคอไว้แน่น บีบนวด
อย่างมันมือ เหมือนจะฆ่ากันให้ตาย แต่ในขณะเดียวกันมือที่ว่างอีกข้างของเจ้าตัวกลับมาลูบไล้ปลอบโยน
อยู่หน้าปากถ้ำอย่างเอาใจ จนโซ่เริ่มตามไม่ทัน คว้าหมับเข้าที่เจ้าตัวดีที่กำลังพองตัวชี้หน้าตนอย่างเอาเรื่อง
แกล้งขยับขึ้นลงแรงๆ จนน้องตาแดงเริ่มร้องไห้ ก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน กดจูบลงไปเบาที่หัวกลมมนหวังที่จะ
ซับน้ำตาให้ แต่ไอ้ตัวพ่อมันที่อยู่ข้างหลังกลับแก้แค้นเขาด้วยการส่งนิ้วสากๆเข้าไปสำรวจถ้าของเขาอย่างซุกซน
โซ่ก็เลยจัดการอ้างับหัวไอ้เด็กตาแดงจนสุดลำ ตวัดลิ้นเลียให้มันทรมานจนขาดใจ



            “อืม~ เก่งมากครับที่รัก แต่เหลือพี่ขอจัดการเอง” ลุกขึ้นมาอุ้มร่างคนรักขว้างลงเตียงแบบไม่มีการถนอม
ผละเดินออกไปหยิบเครื่องป้องกันกับเจลหล่อลื่นที่ซ่อนเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า ที่เอาติดมาเผื่อ (ตั้งใจ) ฉุกเฉิน



            “กะล่อกูเต็มที่เลยสิมึงนะ” โซ่ที่มองตามคนรักไปตลอดทางก็อดไม่ได้ที่จะค่อนแขวะออกมาตรงๆ
กับไอ้คนที่ดูเหมือนว่าจะยั่วไม่ขึ้นเมื่อช่วงบ่าย แต่ไหงเจ้าตัวกลับพกเครื่องป้องกันมาพร้อมขนาดนี้



            “แน่นอน…บรรยากาศดีๆอย่างนี้เหมาะที่จะ ‘รักเมีย’ ที่สุดแล้ว” ใส่หมวกกันน็อคพร้อมรบเสร็จก็
กระโจนลงเตียง กลับไปฟัดโซ่ต่อ



            “ไม่เอา…ครั้งแรกกูอยากได้แบบสุดๆ” โซ่ขืนตัวออกห่างเมื่อพอร์ชจะช่วยขยายช่องทางการเดินรัก
พร้อมทั้งบอกถึงความต้องการสุดโต่งของตนเอง



            “อย่าดื้อ! เดี๋ยวเจ็บ พรุ่งนี้ต้องนั่งรถอีกไกล” เพราะเป็นห่วงเรื่องสภาพร่างกายของคนรักหลังเสร็จกิจ
พอร์ชเลยไม่ยอมทำตามคำขอของโซ่ เปิดหลอดบีบเจลหล่อลื่นใส่มือเตรียมพร้อม



            “ลงมานอน…เดี๋ยวกูจัดให้เอง” ยกฝ่าเท้ายันอกแกร่งของคนรักไว้ เสนอถึงทางออกที่ทำให้พอร์ช
ยอมทิ้งเจลหล่อลื่นบนฝ่ามือในที่สุด เพราะที่เจ้าตัวพูดนั่นไม่ใช่ว่าจะใจดียอมขึ้นบนให้หรอกนะ แต่โซ่กำลัง
สงสารบอกกับพอร์ชผ่านสายตาว่า ถ้ามึงอ่อน…กูจิ้มมึงแน่



            “ถ้าร้องเจ็บกูจะซ้ำให้!” เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกอย่างระอา เมื่อคนรักดื้อดึง ไม่ยอมรับความหวังดี
ที่ตนมอบให้



            โซ่เองที่มีนิสัยขี้รำคาญเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ไม่รอให้คนรักพูดจบหรอก ใช้ขาแข็งแรงทั้งสองข้าง
หนีบเอวสอบของคนรักเข้ามาจนพอร์ชเสียหลักทาบทับลงบนตัว สายตาร้อนแรงทั้งสองคู่มองกันอย่างท้าทาย
พอร์ชที่หงุดหงิดกับความดื้อดึงของคนรักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ก้มลงไปกัดริมฝีปากอิ่มของโซ่อย่างแรง
ไม่มีการถนอมเช่นก่อนหน้า โซ่เองก็ไม่ยอมแพ้ใช้สองแขนคล้องคอหนาของคนรัก อ้อมไปจิกเส้นผมจาก
ทางด้านหลัง จนหน้าพอร์ชเชิดสูงขึ้น เหมือนจะเจ็บแสบอยู่ไม่น้อย ทว่าริมฝีปากของเขาทั้งคู่กลับไม่หลุดออกจากกัน



            “อื้อ~” โซ่จิกหลังพอร์ชแน่นจนขึ้นรอยเล็บ เมื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่สอดแทรกผ่านร่างกายช่วงล่าง
เข้ามาทีละน้อยเหมือนว่าพอร์ชจะใจเย็น ก่อนที่จะร้องลั่นอีกครั้งเมื่อคนขี้แกล้งข้างบนตัดสินใจกดตัวลงมาจน
แนบชิดสนิทกัน ไม่เหลือช่องว่างให้อากาศผ่านได้



            “สม! อยากดื้อดีนัก” ถอนตัวออกมาครึ่งหนึ่งแล้วสอดซ้ำกลับไป ทำอย่างนั้นอยู่สักพัก จนโซ่เริ่ม
ปรับตัวได้ วัดจากเสียงครางและสะโพกที่ตอบรับกับจังหวะที่เขาส่งให้



            “อะ…อะ…อื้อ~” มาถึงตอนนี้โซ่รู้แล้วว่าทำไมเกย์ต้นตำหรับถึงมีฝ่ายรับมากกว่าฝ่ายรุก เหวี่ยงมือฟาด
ระบายอารมณ์บนหน้าอกและลำหนาคอของพอร์ชมั่วไปหมด เมื่อเจ้าตัวยื่นมือลงมาช่วยชักจูงลูกชายเขาสู่สวรรค์
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกชายของมันกำลังบุกรุกช่องทางของเขาอย่างระรัว ด้วยแรงส่งที่ทวีคูณความเร็วและ
ความแรงขึ้นอีกหลายเท่าตัว



            “อื้อ~” โซ่ผวาตัวขึ้นกอดคนรักไว้แน่นเมื่อถึงขีดสุดของอารมณ์



            “อืม…” ส่วนพอร์ชเองก็ทิ้งตัวลงทับร่างอันปวกเปียกของคนรักที่พึ่งผ่านสมรภูมิร่วมรักด้วยกัน
มาหมาดๆ จูบซับซอกคอ สูดกลิ่นหอมประจำกายของโซ่เข้าปอดเฮือกใหญ่ ตั้งแต่แรกเริ่มริรักจนมาถึงวันนี้
สารภาพตรงๆแบบลูกผู้ชายเลยว่า โซ่คือที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะทางด้านร่างกายหรือจิตใจ โซ่สามารถเติมเต็ม
ให้เขาได้มากกว่าคนอื่น แบบชนะขาดลอยไปเลย

..

..

..

            “หนาวฉิบ!” โซ่เดินตัวสั่นออกมาจากห้องน้ำ โดยมีพอร์ชเดินตามมาติดๆ หลังจากที่ทั้ง
สองคนพากันไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอีกรอบ



            “กินยาเสร็จแล้วนอนเลย เดี๋ยวไม่สบาย” ยื่นยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดพร้อมขวดน้ำให้
คนรักที่นั่งปากซีดอยู่บนเตียง เพราะตอนอาบน้ำพอร์ชจับโซ่สำรวจร่างกายมาเรียบร้อยแล้วว่า
เจ้าตัวบอบช้ำที่จุดไหนบ้าง เช่นเดียวกับที่ตัวเขาเองมีรอยเล็บของคนรักประดับไปทั่วทั้งร่างกาย



            “บ่นเพื่อ? เบื่อหรอ?” พูดไปแล้วก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ที่อยู่ดีๆก็คิดกลัว ว่าพอร์ชจ
ะเบื่อในความเอาแต่ใจของตนเองขึ้นมา



            “ไม่ได้บ่น ก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นเองครับ” พอร์ชรีบแก้ต่างให้ตนเองเพราะดูเหมือนว่าคนรัก
จะเข้าใจเจตนาเขาผิดไป ยิ้มหยอกส่งคำหวานเอาใจสักหน่อย เพื่อความบึ้งตึงนั้นจะหายไปจากใบ
หน้านวลของน้องนายสุดที่รัก



            “ปากดี!” ขว้างขวดน้ำในมือคืนให้คนตัวโตที่ยืนรออยู่ แต่เหมือนว่าจะกะแรงผิดไปนิด
ขวดน้ำนั้นถึงได้กระเด็นไปโดนหน้าท้องแกร่งภายใต้เสื้อกล้ามสีเทาตัวเก่งของพอร์ชดังปึก
ทำเอาจุกไปตามระเบียบ



            “เขินรุนแรงตลอด…นอน!” กระโดดลงเตียง มุดเข้าผ้าห่ม คว้าตัวคนรักเข้ามากอด
ระดมจูบแก้มซ้ายขวาอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ห้วงแห่งนิทราจะเข้ามาเยือน แล้วพากันหลับไปในที่สุด







TBC.

หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-01-2018 23:48:46
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-01-2018 00:13:14
นี่ซิ น้องโซ่คนจริง ปากตรงกับใจเหลือเกิน  :hao6:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-01-2018 01:51:43
รุนแรงร้อนแรง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-01-2018 01:56:19
น้องโซ่~ หนูน่ารักมากลูกกกกก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 30-01-2018 05:51:19
น้องโซ่คิตตี้คนจริง

รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 30-01-2018 11:28:12
 :pighaun: อื้อหืออ สุด ๆ ไปเลยย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-01-2018 12:05:10
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 30-01-2018 14:03:15
ดีใจ เค้าเข้าหอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 30-01-2018 14:44:45
 :pighaun: :z1: :hao6: อิอิ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 30-01-2018 15:01:51
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-01-2018 16:14:06
โห นายเอกเรื่องนี้สุดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-01-2018 21:29:33
นึกว่าฉากนี้จะอยู่อีกยาว  :hao7: ก็แหมหนูโซ่ออกจะมือเท้าหนักขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #19 {29/01/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Bk borz. ที่ 03-02-2018 09:35:29
หายเลยอ่าาา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 03-02-2018 21:18:29


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

ตอนพิเศษ

Christmas Day

วันเกิดโซ่






            วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560

            ก่อนวันเกิดโซ่…สามวัน



            “เฮ้อ!”



            “เป็นอะไรของแกเจ้าพอร์ช ฉันเห็นแกนั่งถอนหายใจตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนแล้วนะ” เสียใหญ่เจ้าของร้านขายจักรยานยนต์เอ่ยถามลูกชายคนเล็กที่เอาแต่นั่งถอนหายใจลากยาวมาพักใหญ่ เหมือนจะมีเรื่องกลุ้มใจ จนแล้วจนเล่าก็ไม่ยอมพูดระบายอะไรออกมาสักที เขาถึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาก่อน ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่มันน่ารำคาญเสียจนเขาเริ่มทำงานไม่รู้เรื่องแล้ว



            “อีกสามวันจะถึงวันเกิดไอ้โซ่แล้วอ่ะป๋า แต่ผมยังหาของขวัญให้มันไม่ได้เลย” พอร์ชบอก เขาได้รู้วันเกิดของโซ่จากข้อมูลที่บุญล้อมให้มาตั้งแต่ต้นเดือน แล้วก็ตั้งใจว่าจะจัดงานวันเกิดที่แสนพิเศษให้คนรัก แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าจะมอบอะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคนรักดี ทั้งที่เหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้น คิดจนหัวจะแตกอยู่แล้วโว้ย…



            “แล้วลองคิดไว้บ้างรึยังล่ะ” เขาถาม ถึงจะยังหาไม่ได้ แต่ก็ต้องมีคิดไว้บ้างล่ะ ไม่มากก็น้อย ถ้าไอ้ลูกชายของเขาไม่ได้สมองกลวงล่ะนะ



            “ถ้าคิดได้แล้วผมจะมานั่งกลุ้มใจแบบนี้รึไงเล่า ป๋าก็ถามโง่ๆ เนอะ”



            ป๊าบ!



            แฟ้มเอกสารสีดำขนาดใหญ่ตกลงกลางศีรษะโหนกนูนได้รูปของพอร์ชอย่างแรง ด้วยความรักความเอ็นดู(?) จากพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้าตัวที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก จะถามว่าพอร์ชรู้สึกยังไงอ่ะหรอ? ง่ายๆ สั้นๆ เลยนะครับ…โคตรมึน!



            “ทะลึ่งแล้วไหมล่ะไอ้ลูกเวร คนเขาถามดีๆเสือกกวนตีน”



            “แหม…ป๋าก็! ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวก็ตีนกาก็เพิ่มอีกหรอก ว่าแต่…ผมควรจะให้อะไรเป็นของขวัญไอ้นิ่งมันดีวะป๋า?” เย้าแหย่กันพอหอมปากหอมคอสไตล์พ่อลูกสุดซี้เสร็จ ก็วกกลับเข้าเรื่องเดิมที่เป็นประเด็นหลักในการสนทนา



            “ไม่ใช่เรื่องของกู” เอาสิ…มึงเกรียนได้พ่อก็เกรียนได้เหมือนกัน ตอนแรกก็ว่าจะช่วยคิดอยู่หรอก แต่พอโดนมันกวนตีนอย่างนี้ก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ ปล่อยให้คิดจนหัวแตกไปนั่นแหละดีแล้ว…ปากหมาดีนัก!



            “อ้าว…ทิ้งกันดื้อๆ อย่างนี้เลยหรอป๋า? กลับมาช่วยผมคิดก่อนดิ! ป๋า! ป๋า! ป๋า~” ร้องเรียกไปก็เท่านั้น เพราะพ่อของเขาเหน็บแฟ้มงาน(อันเดียวกันกับที่ปาหัวพอร์ช)เดินขึ้นห้องทำงานที่อยู่ชั้นสองไปแล้ว

..

..

..

            วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560

            ก่อนวันเกิดโซ่…สองวัน



            “แม่จ๋า…หนูปวดหัวจัง” วันหยุดนี้พอร์ชตื่นขึ้นมาพร้อมกับสมองอันตื้อตัน เดินเข้ามาออดอ้อนคนเป็นแม่ เพราะโซ่หนีไปศึกษาดูงานกับแผนกช่างไฟของเจ้าตัวที่ลำปาง ตั้งแต่เช้ามืดเมื่อวาน กว่าจะกลับก็เย็นวันอาทิตย์โน่นแหละ เพราะเขาแวะเที่ยวกันด้วย ปล่อยให้ผัวเฝ้าบ้านคนเดียว ไม่เห็นใจกันเลย เอาโทรศัพท์เครื่องสำรองให้ติดไปก็ไม่เคยรับสาย สงสัยโทรศัพท์มันมีไว้ทับกระดาษอย่างเดียวล่ะมั้ง!



            “อะไรๆ แฟนไม่อยู่แค่สามวันทำจะตาย ไปไกลๆเมียกูเลยไอ้พอร์ช” ไม่พูดเปล่า แต่เสี่ยใหญ่เดินเข้ามาแทรกกลาง กอดภรรยาไว้ แล้วผลักลูกออกห่าง ทำเป็นหวงแหนซะเต็มประดา



            “เมียป๋า แต่แม่ผมเหอะ” พอร์ชเถียง ทำท่าจะเข้าไปแทรกกลาง แต่ก็ถูกคนเป็นพ่อใช้มือยันศีรษะไว้ ไม่ให้เข้าใกล้



            “เออ! แม่มึงแต่เมียกู…กูหวง เข้าใจตรงกันนะ?” เขายังคงกอดภรรยาไว้อย่างหวงแหน พยายามเอาตัวบังไว้ไม่ให้ลูกชายเข้าใกล้ จากที่ใช้มือผลัก ก็กลายเป็นใช้เท้ายันแทน เมื่อพอร์ชทำท่าจะไม่ยอมแพ้ ตื้อที่จะกอดแม่ต่อให้ได้



            “ป๋าแม่งเด็กว่ะ! โตแล้วนะเราอ่ะ” พอร์ชว่าเสียงหงุดหงิด



            “ทะลึ่งแล้วไหมล่ะไอ้พอร์ช เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะมึง นี่กูพ่อมึงนะ”



            “นี่ก็ลูกไหม…ยอมหน่อยไม่ได้หรอ?” เอาสิ ไม่ว่าคนพ่อจะพูดอะไร พอร์ชก็พร้อมชน บอกเลยว่าอารมณ์ตอนนี้ ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตาอีกต่อไปแล้ว…คิดถึงเมียโว้ย~



            “เลิกทะเลาะกันสักทีเถอะพ่อลูก แม่หิวข้าวแย่แล้ว” สุดท้ายแล้วก็เป็นสตรีนางเดียวที่อดรนทนไม่ได้ ต้องเอ่ยปรามทั้งพ่อทั้งลูก ไม่อย่างนั้นคงได้แหย่กันยาว เห็นแง่งๆใส่กันแบบนี้ตั้งแต่เด็กยันโต ก็ไม่เห็นตีกันจริงๆจังๆสักที ประเดี๋ยวเดียวก็พากันไปล้างรถขัดเงา ไม่ก็พากันออกไปหาอะไหล่มาแต่งรถใครรถมัน ถ้าเสี่ยใหญ่ดุอย่างที่ชาวบ้านเขานินทากันนะ ลูกชายสามคนของเขาคงไม่กล้ายอกย้อน ชวนพ่อเล่นบ้าบออย่างนี้หรอก



            “นัดนี้ป๋าแพ้นะ เงียบเกินหนึ่งนาที จ่ายผมมาด้วยพันหนึ่ง” พูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้แสบประจำบ้านก็ทวงเงินค่าพนันคนเป็นพ่อเสียแล้ว และนี่ก็คือหนึ่งในเกมส์บ้าบอของผู้ชายบ้านนี้ ถ้าคิดจะเถียงกันต้องแน่จริง เพราะถ้าเงียบก่อนถือว่าแพ้ ต้องเสียเงินครั้งละหนึ่งพันบาท



            สุดท้ายแล้วพอร์ชก็เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกหนึ่งวัน เมื่อเจ้าตัวยังไม่สามารถหาของขวัญวันเกิดที่ถูกใจให้โซ่ได้

..

..

..

            วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560

            ก่อนวันเกิดโซ่…หนึ่งวัน



            โซ่จะกลับมาถึงวิทยาลัยตอนประมาณหกโมงเย็น ตามคำบอกกล่าวของเจ้าตัว ตอนที่โทรคุยกันเมื่อคืน ถ้านับจากตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่จนแล้วจนรอดพอร์ชก็ยังหาของขวัญวันเกิดให้โซ่ไม่ได้ นั่งกดโน่นนี่นั่นในโทรศัพท์เล่นไปอย่างคิดอะไรไม่ออก เพราะเพื่อนซี้สองคนก็ช่วยอะไรไม่ได้ แถมผู้ช่วยยามฉุกเฉินอย่างบุญล้อมก็อยู่ติดกับโซ่เป็นแตงเม จนกระทั่งกดเลื่อนหน้าจอไปเห็นรายชื่อแรกในบันทึกสมุดโทรศัพท์ อะไรมันจะไปดีกว่าคำแนะนำของคาสโนวาตัวพ่อ…จริงไหม?



            ‘…Audi…’



            ‘Tru…เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้~’



            หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่ชายคนรอง เพลย์บอยตัวพ่อประจำบ้าน ตนฉบับความกร๊าวใจของพี่พอร์ชคนนี้ แต่…ตัวช่วยที่คิดว่าดีที่สุดในตอนนี้กลับติดต่อไม่ได้…เวรเอ้ย!

            “ใจเย็นได้พอร์ช…ใจเย็น ยังเหลือเจ้โฟล์คอีกคน เจ้ต้องช่วยมึงได้อยู่แล้วล่ะน่า” ผ่อนลมหายใจเข้าออก พร่ำบอกให้ตัวเองใจเย็น ทั้งที่ความจริงแล้ว ตอนนี้เขานั้น…จิตใจร้อนรุ่มไม่ต่างจากเปลวเพลิง



            Tru...Tru…Tru



            ติ๊ด!



            “เจ้!” เข้าเอ่ยเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด



            ‘ฮัล…/ คุณหมอคะมีเด็กถูกรถชนค่ะ%@$&$... / เอาไว้ค่อยคุยนะพอร์ช มีเคสฉุกเฉิน’



            แต่แล้วความหวังที่ส่องแสงเป็นประกายเมื่อครู่ต้องดับลงสู่ความมืดมิด เมื่อคุณหมอโฟล์คคนดีมีคนไข้ฉุกเฉินในวันหยุด ไม่สามารถอยู่คุยกับน้องชายอย่างเขาได้แม้แต่วินาทีเดียว



            “โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!”



            โป๊ก!



            “ลูกค้าตกใจหมดแล้วไอ้ห่าพอร์ช!” เสียงกร่นด่าของคนเป็นพ่อดังมาพร้อมกับที่ขวดเล่าของน้ำมันลอยละลิ่วมาลงกลางหัวพอร์ชอย่างแม่นยำเหมือนจับวาง



            “มันเจ็บนะเนี่ยป๋า! ปามาได้” ปากก็ตะโกนว่ากลับไป แต่ตัวยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เพราะไม่รู้จะไปไหนจริงๆ ส่วนงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำแลกกับเงินเดินในแต่ละเดือนของวันนี้ก็เสร็จเรียบร้อยไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่วันเกิดของโซ่นี่แหละที่ยังหาทางออกไม่ได้



            ติ๊ง!



            ในขณะที่พอร์ชกำลังสติแตกอยู่นั้นเอง เสียงของแอพพลิเคชั่นไลน์ก็ดังเตือนขึ้นมา เขาทำนิ่งเฉยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู



            ‘อยู่ดีๆก็รู้สึกขนลุก เหมือนเทวดามาเตือน ว่าถึงเวลาแล้วที่พระเอกอย่างกระผม ควรยื่นมือเข้ามาช่วยโปรดพญามารอย่างคุณ เพื่อกุศลและผลบุญ’ เป็นข้อความกวนๆชวนบาทาลั่นจากบุญล้อมเพื่อนสนิทที่รู้ใจโซ่มากที่สุดนั่นเอง แต่พอร์ชไม่คิดที่จะตอบโต้อะไรกลับไปในตอนนี้ เพราะเขากำลังต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าตัวพอดี



            ‘สักทีเถอะมหา กูจะบ้าอยู่แล้ว…ห่า’ พิมพ์จบก็จิ้มสติ๊กเกอร์อุลตร้าแมนโมโหจนไฟลุกท่วมหัว ส่งไปให้อีกตัวหนึ่ง



            ‘นานมาแล้วที่ไม่มีใครจัดวันเกิดให้คุณโซ่ นานมากจนความหวังกลายเป็นความผิดหวัง จากความเสียใจกลายเป็นความชินชา’



            นั่นคือประโยคสุดท้ายที่บุญล้อมทิ้งเป็นปริศนาไว้ให้พอร์ชแก้ ก่อนที่จะเงียบหายไป ไม่ว่าพอร์ชจะพิมพ์ข้อความส่งกลับไปถามอีกมากมายสักแค่ไหน บุญล้อมก็ไม่ตอบกลับมาอีกเลย



            “ไอ้พอร์ชเอ้ย! เรื่องง่ายแค่นี้เสือกคิดไม่ออก…ควาย!” เพราะมัวแต่คิดจะหาของขวัญเป็นชิ้นเป็นอันให้คนรักประทับใจ จนหลงลืมความสำคัญในเรื่องจัดเลี้ยงไป เพราะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาดาษดื่นที่ใครก็เคยทำ เช่นเดียวกันกับที่พ่อและแม่จัดให้เขาอยู่ทุกปีตั้งแต่เด็กยันโต จนลืมคิดไปว่าวิถีชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะกับโซ่ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางกลเกมของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดมานานนับสิบปี



            “แม่ไปกับหนูหน่อย!” ตะโกนร้องเรียกแม่ลั่นร้าน ทำเอาพนักงานและลูกค้าที่อยู่บริเวณเดียวกันผวาไปตามกันด้วยความตกใจ



            ป๊าบ!



            “บอกว่าอย่าเสียงดังไงไอ้พอร์ช!” คราวนี้ไม่มีของคว้างปามาเหมือนก่อนหน้า แต่เสี่ยใหญ่เจ้าของร้านเดินตรงเข้ามาโบกกะโหลกลูกชายด้วยตัวเองเลย



            “โอ้ย! มันเจ็บนะป๋า!” ยกมือขึ้นกุมศีรษะบริเวณที่เจ็บ แล้วหันไปโวยใส่คนพ่อที่ยืนมองตาเขียวอยู่ไม่ไกล

            “มันน่าไหมล่ะ เป็นบ้าอะไรของมึง โวยวายจนลูกค้ากูผวาหมดแล้ว” เขาว่าพลางหย่อนก้นบนม้านั่งข้างลูกชาย ยกมือขึ้นโยกศีรษะไอ้เด็กยักษ์ประจำบ้านที่ทำหน้าเครียดมาหลายวันเพียงเพราะหาของขวัญวันเกิดให้แฟนคนแรกไม่ได้ ทั้งน่าสงสารและเอ็นดูไปพร้อมๆกัน



            “ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะป๋า” ขืนตัวออกจากผ่ามืออุ่นของคนเป็นพ่อ ทำหน้างอใส่



            “เออรู้…เด็กที่ไหนเขาจะรีบมีเมียอย่างมึง อยู่ดีไม่ว่าดีเอากระดูกมาแขวนคอ” จะว่าเร็วไปไหมที่พอร์ชพาโซ่เข้าบ้าน ถ้าสำหรับเขา ก็ไม่เร็วไปหรอก เพราะตัวเขากับแม่ของพอร์ชเองก็แต่งงานกันตอนอายุประมาณนี้เหมือนกัน มันเป็นเรื่องปกติมากในสมัยเขา เพียงแต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ในยุคนี้ช่วงวัยของพอร์ชควรที่จะจดจ่ออยู่กับการศึกษาเล่าเรียน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะทั้งพอร์ชและโซ่ต่างก็เป็นผู้ชาย คงไม่มีปัญหาท้องก่อนวัยให้ปวดหัวหรอก อีกทั้งเขายังมั่นใจในตัวลูกชาย ว่าเจ้าตัวมีความรับผิดชอบพอ โซ่เองก็เป็นเด็กดีที่รู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เพียงแค่ห่างสายตาไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น สำหรับสองคนนี้ มีเรื่องเดียวที่เขาเป็นห่วงคือ สภาพจิตใจของโซ่ที่เขาไม่มั่นใจว่า ระหว่างที่หายไปนั้น เจ้าตัวไปต้องเจอะเจอกับอะไรมาบ้าง ถึงได้แปลเปลี่ยนให้เจ้าเด็กแก้มยุ้ยช่างพูดในอดีตกลายเป็นคนเฉยชาได้ขนาดนี้



            “เพราะกระดูกมันน่ากินไงป๋า” สลดได้ไม่นานก็กลับมายอกย้อนได้ดังเดิม



            “เออ…ระวังเถอะมึง ถ้ายังกวนตีนอยู่อย่างนี้ กระดูกจะติดคอเข้าสักวัน” ทิ้งกำปั้นตันๆลงกลางกระหม่อมมันอีกสักที ข้อหาเถียงคำไม่ตกฟาก



            “พอร์ชเรียกแม่หรอ” เพราะเธอมัวแต่เคลียร์บัญชีอยู่ในห้องทำงานชั้นสอง จึงไม่ได้ยินลูกชายเรียก จนกระทั่งแม่บ้านวิ่งขึ้นไปบอกนั่นแหละ ถึงได้เดินลงมา



            “แม่ไปกับหนูหน่อยสิ” ยกสองมือนุ่มของแม่ขึ้นมาแนบแก้ม ช้อนตา เอียงคอ สบตาปิ๊งๆ



            “แล้วลูกชายจะชวนแม่ไปไหนล่ะครับ” คุณนายปลื้มยกมือขึ้นบิดแก้มทั้งสองข้างของลูกชายไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว เพราะนานๆทีเจ้าลูกชายคนเล็กนี่จะทำตัวน่ารักน่าหยิกเหมือนเด็กคนอื่นสักที



            “ไปตลาดครับ ไปซื้อของมาเตรียมไว้จัดงานวันเกิดให้ไอ้โซ่พรุ่งนี้ไงแม่” พูดเสร็จก็ซุกเข้าหน้าท้องบางของคนเป็นแม่อย่างออดอ้อน



            “เรื่องอาหารแม่ว่าพอร์ชเขียนไว้ให้แม่ดีกว่าว่าจะทำเมนูไหนบ้าง ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปจ่ายตลาดเอง ส่วนตอนนี้…เราออกไปสั่งเค้กกันดีกว่า”



            “รักแม่ที่สุด!” ลุกขึ้นกระโจนเข้ากอดหอมคนเสียเต็มรัก จนคุณนายปลื้มจิตแก้มช้ำ เมื่อแม่วางแผนให้เสร็จสรรพอย่างรู้ใจ



            “ไอ้ลูกหมาเอ้ย!” เสี่ยใหญ่ลุกขึ้นขยี้หัวลูกชายจนผมยุ่ง ก่อนที่จะผละเดินออกไป เมื่อเห็นว่าลูกหายกังวลแล้ว ส่วนสองแม่ลูกก็พากันซ้อนมอไซค์ออกไปสั่งเค้กร้านดังประจำจังหวัดเพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว เจ้าของร้านรุ่นแรกยังเป็นเพื่อนกับคุณนายเขาด้วย

..

..

..

            วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

            ‘วันเกิดโซ่’

            17.30 น.



            เรียนภาษาอังกฤษที่โคตรปวดหัวเสร็จพอร์ชก็รีบออกจากตึกวิทย์ฯแล้วตรงไปรับโซ่ที่แผนกช่างไฟทันที เพราะวันนี้โซ่มีเรียนเขียนแบบไฟฟ้าเป็นวิชาสุดท้าย



            “วันนี้ไม่ซ้อม?” โซ่ถามอย่างแปลกใจ เมื่อพอร์ชส่งหมวกกันน็อคมาให้ ไม่ได้เดินเลยไปสนามฟุตบอลอย่างทุกที ทั้งที่วันนี้สนามซ้อมเป็นคิวของช่างยนต์แท้ๆ



            “ขี้เกียจ” พูดจบก็รีบค่อมรถทันที เพราะไม่อยากหลุดพิรุธให้โซ่จับได้ ส่วนโซ่เองก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เพราะยังคงอึนอยู่กับวิชาที่เพิ่งเรียนเสร็จเมื่อครู่ หลังจากที่ต้องนั่งเรียนมาถึงสี่ชั่วโมงด้วยกัน



            “ไมไม่เข้าหน้าบ้าน?” เพราะปกติแล้วพอร์ชจะเข้าออกทางหน้าร้านตลอด ถ้าไม่ได้เอารถยนต์ออกไปไหน แต่วันนี้เจ้าตัวกลับขี่รถเข้าซอยหลังบ้านแทน



            “หน้าบ้านปิดแล้ว ไม่มีคนดู ป๋าไม่อยากให้จอด เพราะเมื่อวานก่อนตำรวจเพิ่งเข้ามาบอกว่าโจรลักรถแถวชายแดนมันเข้ามาถึงพิจิตรแล้ว” แม้ว่าจะเป็นข้ออ้าง แต่มันคือเรื่องจริง เพราะตอนที่ตำรวจเข้ามาแจ้งข่าวเรื่องโจรขโมยรถ พอร์ชเองก็นั่งทำงานอยู่แถวนั้น เลยได้ยินไปด้วย



            ก๊อก ก๊อก



            “กลับมาแล้วคร้าบ~”

            “สวัสดีครับ”



            พอร์ชกับโซ่แวะเข้ามาสวัสดีทักทายพ่อกับแม่ของพอร์ชที่ห้องทำงานชั้นสองตามปกติเหมือนอย่างทุกวันที่พวกเขาทั้งสองคนจะต้องมารายงานตัวกับพ่อแม่ของพอร์ชทั้งก่อนไปและขากลับจากโรงเรียน จากความเคอะเขินของโซ่ในตอนแรกก็แปลเปลี่ยนเป็นความเคยชินไปแล้ว



            “พากันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยลงมากินข้าว” พ่อของพอร์ชบอก ในขณะที่แม่ของพอร์ชระบายยิ้มอ่อนๆส่งมาให้



            “คร้าบ~” พอร์ชรับคำเสียงใส ดันให้โซ่ออกเดินไปก่อน แล้วหันมาขยิบตาส่งให้พ่อแม่อย่างรู้กัน ก่อนที่จะเดินผิวปากตามโซ่ไปอีกคน ส่วนสองสามีภรรยาที่ทำเก๊กหน้านิ่งเมื่อครู่ก็รีบพากันลงไปช่วยแม่บ้านจัดสถานที่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่างที่เป็นทั้งห้องรับประทานอาหารและห้องสันทนาการไปในตัว



            “มึงว่าป๋ากับแม่ผิดปกติรึเปล่าวะ?” เพราะปกติแล้ว ถ้าไม่ลุกขึ้นมากอดโซ่ด้วยตัวเอง แม่ของพอร์ชก็จะกวักมือเรียกโซ่เข้าไปกอดไปหอมถึงโต๊ะทำงานทุกครั้งเมื่อเจ้าตัวกลับมาจากโรงเรียน ส่วนพ่อของพอร์ชก็แค่พยักหน้ารับนิ่งๆเหมือนอย่างนี้…รึเปล่า?



            “ก็ปกตินี่ มึงคิดมากไปแล้ว ไปเลย…ไปอาบน้ำก่อนเลย จะได้เลิกฟุ้งซ่าน” พอร์ชทำเป็นเนียนพูดไล่ให้โซ่เข้าไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็เดินหันหลังให้เอากระเป๋าไปเก็บข้างโต๊ะหนังสือ ทั้งที่ปกติแล้วจะโยนไปเก็บเสียมากกว่า ไม่มีหรอกที่จะเอาไปวางถึงที่แบบนิ่มนวลอย่างนี้



            “มึงเองก็หนักนะวันนี้” โซ่ว่าทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนที่จะเดินหายเข้าห้องน้ำไปแบบเซ็งๆ เพราะคิดไม่ออกจริงๆว่าพอร์ชกับพ่อแม่ของเจ้าตัวเป็นอะไรกันไปหมด รวมถึงลืมวันเกิดของตัวเองด้วย เพราะเทคนิคไม่มีจัดงานวันคริสต์มาส ทั้งยังไม่ต้องเขียนวันที่ในสมุดเหมือนตอนอยู่มัธยมด้วย บางครั้งเขาก็เผลอลืมวันลืมคืนไปนานนับเดือน ถ้าเดือนนั้นไม่มีวันสำคัญทางศาสนาที่จะมีประกาศให้ประชาชนรับรู้ทางโทรทัศน์ละนะ



            “ปิดไฟเลยครับพี่ฤดี” พอร์ชที่หนีลงมาช่วยพ่อแม่เตรียมจัดสถานที่ตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ส่งสัญญาณให้แม่บ้านที่อยู่ใกล้สวิซ์ตที่สุดเป็นคนปิดไฟในห้อง เมื่อชะโงกศีรษะขึ้นไปดูแล้วเห็นว่าโซ่กำลังเดินลงบันไดมาพอดี



            “พอร์ช” โซ่เรียกหาคนรักในขณะที่กำลังคลำหาสวิซ์ตไฟไปด้วย เมื่อเห็นว่าชั้นล่างมืดสนิท ส่วนชั้นสองที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพ่อแม่พอร์ชก็ไม่มีใครอยู่สักคน



            ให้โชคดีสุขีวันเกิด

สิ่งประเสริฐใดหวังตั้งใจ

ให้สุขสมดังฝันใฝ่

จิตแจ่มใสทุกวันทุกคืน

            ให้ร่ำรวยเงินทองยศศักดิ์

ให้คนรักมากมีดาษดื่น

ทำสิ่งใดจงลุล่วงราบรื่น

อายุยืนปลอดโรคปลอดภัย

(*ซ้ำทั้งหมด/ทำนองเดียวกับเพลง Happy Birthday)



            เสียงร้องเพลงวันเกิดทำนองคุ้นหูภาคภาษาไทย แว่วดังให้ได้ยินแต่ไกลๆ ก่อนที่พอร์ชจะถือเค้กที่จุดเทียนส่องสว่างจะปรากฏตัวออกมาให้เห็นพร้อมกับพ่อแม่ที่เดินตามหลังมาติดๆ



            “สุขสันต์วันเกิดครับ…ซอโซ่” พอร์ชเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโซ่ พูดบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังมาก แบบที่ยากจะหาฟังได้ในชีวิตประจำวัน โซ่ช้อนตามองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เพราะนานมาแล้วที่เขาไม่มีงานวันเกิด ครั้งสุดท้ายก็ตอนสามขวบโน่นมั้ง ก่อนที่พ่อแม่จะแยกจากกันไปคนละทิศคนละทาง



            “อธิษฐานแล้วเป่าเทียนเลยครับน้องโซ่” แม่ของพอร์ชที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายเอ่ยเชียร์ พอหันกลับมามองหน้าคนรัก เพื่อที่จะถามให้แน่ใจ พอร์ชก็ช่วยพยักหน้าสนับสนุนคำแม่อีกแรง



            “คิก!” โซ่หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อก้มลงมาเห็นเค้ก Hello Kitty สีชมพูแปร๋นในมือคนรัก ที่มันดูไม่เหมาะกับคนถืออย่างพอร์ชและเจ้าของวันเกิดอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย แต่พอตั้งตัวได้โซ่ก็พนมมือขึ้นมาอธิษฐานตามคำแนะนำของคุณนายปลื้มจิตอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะก้มลงเป๋าเทียนให้ดับไปในที่สุด



            ฟู่วววว



            “อันนี้ของขวัญจากป๋ากับแม่ครับน้องโซ่” แม่ของพอร์ชเดินเอาสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งบาทมาสวมให้ที่คอของโซ่ระหว่างที่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่



            “โห! ของหนูล่ะแม่?” พอร์ชตาลุกวาว เพราะไม่คิดว่าพ่อกับแม่ของตนจะให้ของขวัญที่มีมูลค่ามากขนาดนี้กับโซ่ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะพูดแหย่ออกไป



            “ของพอร์ชก็ได้ตอนเกิดแล้วไง” คุณนายปลื้มจิตก้มลงหอมแก้มโซ่ฟอดใหญ่ ก่อนที่จะหันไปพูดบอกกับลูกชาย



            “อันนั้นมันของรับขวัญที่ได้ทุกคนไม่ใช่หรอแม่” พอร์ชถาม เพราะพ่อของเขาจะซื้อสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งบาทให้เป็นของรับขวัญลูกชายทุกคนตั้งแต่ลืมตาเกิดมา ถือเป็นสมบัติส่วนตัวของใครของมัน ซึ่งพอร์ชเองก็เก็บไว้อย่างดี หลังจากที่ได้คืนมาเมื่อตอนจบมัธยมต้น



            “อันนี้ก็ของรับขวัญ…ลูกสะใภ้” พ่อของพอร์ชได้ทีก็พูดบอกออกมาบ้าง



            “ฮ่าาาาา…” พอร์ชหัวเราะร่าออกมาอย่างชอบใจ เหลือบหันไปมองคนรักอย่างโซ่ก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังนั่งก้มหน้ากำมือแน่นเพราะต้องการสะกดกลั้นความเขินอายของตัวเองไว้ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของสามคนพ่อแม่ลูกได้ โดยเฉพาะใบหูทั้งสองข้างที่กำลังเห่อแดงเป็นปื้น



            “ก่อนเป่าเค้กขอพรอะไรไปบอกหน่อยดิ” ก้มจูบหัวไหล่เปลือยเปล่าของคนรักอย่างเอาใจ หลังจากเสร็จงานเลี้ยงวันเกิดเล็กๆที่พอร์ชจัดให้ พวกเขาก็ขึ้นมาฉลองวันเกิดแบบแนบแน่



            “ไม่” ปฏิเสธออกไปในทันที เรื่องแบบนี้ใครเขาบอกกัน เดี๋ยวมันไม่ขลัง หรือต่อให้มีคนบอก โซ่ก็ไม่บอกง่ายๆหรอก ให้มันเป็นความลับแล้วตายไปกับตัวเขาเองนี่แหละดีที่สุดแล้ว



            “งั้นก็ต้องเสียค่าปรับ” สะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออกแล้วขึ้นค่อมคนรัก จับโซ่ที่นอนตะแคงอยู่ ให้หงายมาจ้องหน้าสบตากันหน่อย



            “หาเรื่องล่อกูอีกสิมึงน่ะ” จับหมับเข้าที่กลางกายของคนรักอย่างรู้ทัน เมื่อเจ้าตัวดีมันกำลังพองตัวชี้หน้าขู่เขาอยู่อย่างดุดัน



            “แล้วให้ ‘ล่อ’ ไหมล่ะ?” ก้มลงจุ๊บที่ปากเบาๆอย่างหยอกล้อ ถามหาความสมัครใจจากเจ้าของร่างกายที่เขาอยากจะฝากรักต่ออีกสักทีสองที



            “เคยห้าม?” ยกสองแขนขึ้นคล้องคอคนรัก กัดปากถามด้วยแววตาฉ่ำเยิ้ม



            “ไม่เคย” เมื่อได้รับคำตอบรับแบบกลายๆ ก็จับคนรักคว่ำหน้า ยกสะโพกขึ้นสูง รูดรั้งกางกายของตัวเองให้พร้อมมากขึ้นกว่าเดิม แล้วสอดกลับเข้าไปช่องเดิมที่เพิ่งผละออกมาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว



            พอร์ชมองกางกายของตนเองที่ค่อยๆสอดเข้าไปในช่องทางของคนรักช้าๆอย่างใจเย็น มือหนายึดสะโพกอวบไว้แน่น แล้วกดสะโพกลงสุดแรง เมื่อคนรักเริ่มงอแงเพราะไม่ทันใจ



            “อา…” ครางต่ำออกมาอย่างถูกใจ เมื่อผนังภายในของคนรักตอดรัดต้อนรับตัวตนของตัวเองอย่างคุ้นชิน คว้าแขนให้คนรักเอี้ยวตัวมาประกบจูบ ซึ่งโซ่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี



            “อืม~” ริมฝีปากบนเบียดแนบชิดจนเกิดเสียงดัง สอดลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กของคนรักอย่างหยอกล้อ



            “อ่ะ! อะ…อื้อ~” โซ่เอี้ยวตัวใช้แขนสองข้างของตนเองคล้องคอพอร์ชไว้เป็นที่มั่น เมื่อสะโพกแกร่งของพอร์ชเริ่มรัวแรง



            “ซี๊ดดด…รัดแน่นฉิบ!” ครางหยาบออกมาอย่างสะใจ แล้วก้มลงดูดเม้มยอดอกสีสวยที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า



            “อื้อ~ แรงอีก” โซ่ทิ้งตัวลงนอนคว่ำกับเตียงเหมือนเดิม พอร์ชก้มลงตามมาจูบซับไปตามกระดูสันหลัง มือเรียวจิกผ้าปูที่นอนแน่น เมื่อความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง



            “อยากได้แรงแค่ไหนจัดเองเลยครับเมีย!” พอร์ชพลิกตัวลงล่าง ยกโซ่ขึ้นบน ยกให้คนรักเป็นคนคุมเกมบ้าง หลังจากที่ตนพลีชีพไปแล้วสองรอบ



            “อือ~” โซ่นั่งบดเบียดสะโพก โยกไปมา ทำหน้าเคลิ้ม เพราะรู้สึกได้ถึงท่อนเนื้อของคนรักที่เต้นตุบตับอยู่ในร่างกาย ที่เพียงแค่ขยับนิดขยับหน่อยก็โดนจุดไวต่อสัมผัสได้อย่างง่ายดาย



            “เคลิ้มเลย ถูกใจละสิ” เอ่ยแซวพร้อมกับเอื้อมมือไปช่วยรูดชักแก่นกายของคนรักเบาๆ



            “อื้อ!” กัดปากยอมรับออกมาตรงๆ ก่อนที่จะค่อยๆขยับสะโพกขึ้นลง โดยมีพอร์ชช่วยประคอง จากจังหวะเชื่องช้าก็แปรเปลี่ยนเร่าร้อน แล้วปลายทางสุดความฝันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า



            “เก่งขึ้นทุกวันเลยน้า…เมียใครหว่า?” พอร์ชใช้มือลูบผมคนรักที่นอนหมดแรงอยู่แผ่นอกอย่างแผ่วเบา สอดนิ้วเข้าไปนวดคลึงศีรษะให้อย่างเอาใจ



            “เมียหมา” ช้อนตาจ้องมองพอร์ช ก่อนที่จะเปล่งเสียงตอบไปอย่างกวนๆ

            “เดี๋ยวก็โดนหมาเลียปากอีกหรอก…ตกลงจะไม่บอกจริงหรอ?” จับแก้มนุ่มของคนรักยืดเล่นอย่างมันมือ แล้ววกเข้าคำถามเดิม เผื่อเจ้าตัวจะใจอ่อนยอมเปิดปากบอกมาบ้าง



            “อื้อ~…ไม่เสือกสิ”  อดที่จะร้องครางออกมาไม่ได้ เมื่อความเสียวซ่านยังคงอยู่ในขณะที่ยกตัวหนีกายแกร่งของคนรักที่ยังคงนอนซุกอยู่ในช่องทางรักของตัวเอง



            จุ๊บ!



            ยืดตัวขึ้นจูบสันกรามได้รูปของคนรักอย่างเอาใจ เป็นเชิงบอกให้เจ้าตัวหยุดถามในสิ่งที่เขายังไม่พร้อมจะบอกออกมา ก่อนที่จะลุกเดินหนีเข้าห้องน้ำไป



            ‘อยู่ฉลองวันเกิดกับน้องโซ่ไปจนครบร้อยปีเลยนะครับพี่พอร์ช…สาธุ’









TBC.

ตอนพิเศษแบบห้วนๆไม่ได้เน้นตัวพระนายตามปณิธานของคนเขียนที่ว่า 'ทุกตัวละครมีความสำคัญเท่ากันหมด'

ผิดพลาดตรงไหนท้วงติงได้เลยนะคะ ช่วงนี้คนเขียนป่วยยาวเลย มันก็จะอึนๆมึนๆหน่อ

ขอโทษที่หายไปหลายวันนะคะ คนเขียนยุ่งจนลืมไปแล้วว่าลงนิยายเรื่องนี้ไว้ในเล้า

Ps. คนเขียนเรียงลำดับนิยายตามที่ลงไว้ในอีกที่นะคะ จะได้ไม่งง

Ps2. ตอนพิเศษนี้คนเขียนลงไว้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2560
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-02-2018 22:15:57
แฮปปี้เบิร์ดเดย์น้องโซ่ ขอให้คำอธิษฐานเป็นจริงตลอดไปนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-02-2018 22:51:09
ถ้าพอร์ชได้ยินคำอธิษฐานของโซ่คงถอนตัวออกจากหลุมรักของน้องโซ่คิตตี้ไม่ได้แล้ว ฮา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-02-2018 23:01:50
น้องโซ่ลูกกกก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-02-2018 23:57:54
 :L2:  :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-02-2018 00:30:10
พึ่งรู้นะเนี่ยว่า ซอโซ่เป็นเมียหมา สุขสันต์วันเกิดจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-02-2018 10:55:20
น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-02-2018 12:47:13
งื้อ เขินนน~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 04-02-2018 21:18:10
แงๆๆๆ 2ตอนล่าสุดคือดีต่อใจมากค่ะ  :pig4:
รอคู่อื่นด้วย. อิอิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-02-2018 23:11:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 05-02-2018 17:01:40
 :L2: :mew4: :L2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษวันเกิดโซ่ {03/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 05-02-2018 19:50:44
ฟินนนนนนนนนนนน
ชอบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 09-02-2018 20:03:41


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{20}






            “ไหวไหมเนี่ย?” พอร์ถามย้ำเป็นครั้งที่สองเพื่อความแน่ใจ เมื่อสมาชิกคนอื่นๆพากันมาสมทบ
ตรงหน้าที่พักจนครบทุกคน เตรียมพร้อมที่จะกลับบ้านในช่วงสายของวันถัดมา เพราะดูเหมือนว่าโซ่จะ
มีไข้อ่อนๆ ผลจากความดื้อรั้นเอาแต่ใจของเจ้าตัวเมื่อคืนนี้



            “เออน่า” โซ่บอกปัด แล้วเดินไปค่อมรถรอเหมือนรำคาญ แต่ความจริงแล้วเขากำลังหงุดหงิด
กับอาการไข้หลบในที่มันหนาวๆร้อนๆของตัวเองอยู่ต่างหากล่ะ



            “ไม่ไหวก็บอกนะโซ่ อย่าดื้อให้มาก กูเป็นห่วง” พอร์ชเดินเข้ามาสวมหมวกกันน็อคให้คนรักอย่างอ่อนโยน
ไม่ได้ถือสาเอาความกับท่าทางเหวี่ยงวีนของคนรัก เพราะรู้ดีว่าร่างกายของโซ่ไม่แข็งแรงเต็มร้อย



            “รอบนี้ใครจะแวะตรงไหนตามใจเลยนะ แต่กูขอยิงยาวเลย พวกแม่งเหมือนจะไม่สบาย” พอร์ชนัดแนะ
กับพักพวก ที่เตรียมพร้อมออกเดินทางแล้วเช่นกัน เพราะตามกำหนดเดิมคือ พวกเขาจะแวะจอดตามสถานที่
ท่องเที่ยวที่หน้าสนใจตามสองข้างทางที่ต้องผ่าน แต่พอโซ่เป็นแบบนี้ เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะแวะเที่ยวที่ไหนแล้ว
ขอกลับบ้านให้เร็วที่สุดจะดีกว่า



            “กอดหน่อย” ออกเดินทางมาได้ซักพักโซ่ก็โน้มตัวเข้ากอดเอวพอร์ช พงศีรษะลงไปทาบทับแผ่นหลังกว้าง
ตรงหน้า ใช้เป็นหลักยึดร่างกายที่เริ่มจะหนักหน่วงขึ้นทุกขณะ



            “อย่าหลับนะ เดี๋ยวตกรถ” พอร์ชขยับหลังดุกดิกเป็นการเตือนไม่ให้โซ่หลับ เพราะถนนเส้นนี้เป็นถนนเลี่ยง
เมืองที่มีรถวิ่งสวนไปมาด้วยความเร็วสูง คงจะไม่ดีนักถ้าโซ่เผลอหลับแล้วตกลงไปนอนกองอยู่กลางถนน



            “อือ!” รับคำในลำคอแล้วออกแรงกอดรัดเอวคนรักให้แน่นขึ้นกว่าเดิม



            “ได้ฤกษ์เปลี่ยนจากสองล้อเป็นสี่ล้อแล้วมั้งกูเนี่ย” พอร์ชบ่นเบาๆภายใต้หมวกกันน็อคของตัวเอง แข่งกับสายลมที่พัดเข้าปะทะหน้าเป็นระยะๆ แต่โซ่กลับหูดี ได้ยินสิ่งที่พอร์ชพูด



            “ไม่เอา…กูชอบไอ้แมน ถ้าอยากได้รถยนต์ก็ไปเอาของพ่อกูที่บ้านมาใช้โน้น ไม่ต้องขายไอ้แมนหรอก” โซ่หมายถึงรถคันหรูที่บิดาผู้ให้กำเนิดทิ้งไว้เป็นมรดกตกทอดก่อนสิ้นใจ แม้ว่าอายุรุ่นของมันอาจจะมากไปหน่อย แต่อายุการใช้งานนั้นน้อยมากจนแทบจะไม่ต่างจากรถใหม่ ทุกวันนี้ก็จอดดักฝุ่นอยู่ที่บ้าน เพราะไม่มีใครขับ โดยที่มีคุณทนายดูแลรักษาให้เป็นอย่างดี



            “ครับๆ แม่ไอ้แมน กูไม่ขายลูกมึงแล้วครับ” ก็อยากจะแหย่ต่ออีกหน่อยละนะ แต่ติดว่าอีกคนไม่สบาย เลยปล่อยผ่านไปก่อน เอาไว้ค่อยไปแหย่ตอนหายดีน่าจะสนุกว่า เรื่อง ‘ไอ้แมน’ เนี่ย อยู่กับเขามาจะครบปี มันไม่เคยมีชื่อแซ่กับใครเขา เพราะพอร์ชคิดว่ามันเป็นอะไรที่ติ๊งต๊องไปหน่อยกับการที่ผู้ชายตัวควายๆอย่างเขาจะมาตั้งชื่อให้รถ แต่พอเป็นพี่โซ่คนแมนเขาตั้งให้ บอกตรงเลยว่า…น่ารักสัส!



            จากสี่ชั่วโมงนิดๆตอนไป ขากลับพอร์ชบิดมาด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่าเดิม จึงกลับมาถึงพิจิตรได้ โดยใช้เวลาแค่สามชั่วโมงกว่าๆ อาจจะเสี่ยงไปนิด แต่พวกเขาก็มาถึงหน้าบ้านหรือร้านขายรถของพอร์ชได้อย่างปลอดภัย ส่วนคนอื่นๆแยกย้ายกันไปบ้านใครบ้านมันตั้งแต่เข้าเขตตัวเมืองพิจิตรแล้ว



            “ทำไมถึงได้หิ้วปีกันมาแบบนั้นล่ะเจ้าพอร์ช ไปมีเรื่องมาอีกแล้วหรอ?” คุณนายปลื้มจิตร้องทักเสียงหลง เมื่อเห็นลูกชายหิ้วปีกลูกสะใภ้ที่เหมือนจะไม่รู้สึกตัวเดินเข้าบ้านมา ทำเอาเสี่ยใหญ่ผู้เป็นสามีที่ยืนสั่งงานลูกน้องอยู่ไม่ไกล ตกใจไปตามๆกัน



            “อย่าเสียงดังสิแม่ ลูกค้าตกใจหมดแล้ว โซ่มันแค่เป็นไข้หวัดเฉยๆ” พอร์ชเอ่ยปราม เมื่อเห็นว่าลูกค้าที่อยู่ในร้านพากันจ้องมาที่พวกตนเป็นตาเดียว



            “ถ้าเป็นแค่นั้นก็พากันไปพักข้างบน แม่ขอเคลียร์กับลูกค้าก่อน เดี๋ยวจะตามไปดู” เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ก็อดที่จะมองตามหลังลูกชายทั้งสองคนไปด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าโซ่จะไม่รู้สึกตัวเลย แม้ว่าเธอจะมาทำเสียงดังอยู่ข้างๆเจ้าตัวก็ตาม



            “ดื้อจนได้เรื่องไหมล่ะ” พอร์ชพูดบ่นในขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้าของโซ่เพื่อที่จะเช็ดตัวให้



            “อื้อ!” นอกจากจะไม่ให้ความร่วมมือแล้ว คนป่วยจอมดื้อยังจะปัดมือของพอร์ชออก ทำเหมือนว่ารำคาญเต็มทน ทั้งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นเพราะนอนหลับตาแน่น



            “เมื่อไหร่จะเลิกดื้อสักที! เดี๋ยวตีเลยว่ะ!” ก็แค่บ่นไปตามเรื่องตามราว ไม่ได้โมโหหรือรู้สึกหงุดหงิดหรอกที่คนรักเป็นแบบนี้ เพราะเข้าใจดีว่าคนป่วยไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่นัก



            “ตีน้องหรอ?” ปรือตาหวานช่ำเพราะพิษไข้ขึ้นมาถามอย่างยากลำบาก



            “ห้ะ! เมื่อกี้พูดว่าไงนะ?” พอร์ชร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูแว่วหรือฟังผิดไปจริงๆ



            “ตีน้องหรอ…พี่พอร์จะตีน้องโซ่หรอ…คนใจร้าย!” ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ ก่อนที่จะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียบวกพิษไข้



            “น้อง? โอ้พระเจ้า! ฝนจะตกฟ้าจะถล่ม ไอ้โซ่แทนตัวเองว่าน้อง! ตื่นมาพูดกับพี่อีกทีได้ไหมน้องจ๋า…กูอยากถ่ายคลิปเก็บไว้ดู!” ไม่บ้าก็ใกล้เคียง เพราะดูเหมือนว่าพอร์ชจะเสียสติไปแล้ว ถึงได้ตะโกนโวยวายเสียงดังลั่นห้องรบกวนคนป่วยแบบนี้



            “เป็นบ้าอะไรเจ้าพอร์ช! เสียงดังทำไม ไม่เห็นหรอว่าน้องหลับอยู่นะห้ะ” แม่ของพอร์ชที่เปิดเข้ามาเจอตอนลูกชายกำลังสติแตกอยู่พอดีก็เอ็ดเข้าให้



            “ก็เพราะมันหลับนี่แหละแม่ ผมถึงได้คลั่งขนาดนี้” ยอมรับออกมาตรงๆ แต่ไม่ขอบอกเหตุผลหรอกนะ จะเก็บไว้ฟินคนเดียวในใจ



            “บ้าบอ” คนเป็นแม่ส่ายหน้าอย่างระอา ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามันดี



            “ไหน…คนป่วยอยู่ไหนเอ่ย?” โต้ตอบกันได้ไม่เท่าไหร่ ใครบางคนที่พอร์ชกำลังคิดถึงก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็น หลังจากที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา



            “เจ้!” เด็กยักษ์กระโดดเข้ากอดพี่ชายคนโตของตนเองเหมือนตอนเด็กๆ โดยที่ไม่ห่วงสุขภาพของพี่ชายสักนิดว่าจะรับไหวไหม ในเมื่อตอนนี้พอร์ชไม่ได้ตัวเล็กเป็นเด็กน้อยที่ชอบเดินดึงชายเสื้อพี่ชายไปไหนต่อไหนแล้ว แถมยังตัวโตกว่าคนเป็นพี่กว่าครึ่ง เพราะโฟล์คตัวเล็กบอบบางเหมือนแม่ ไม่เหมือนพอร์ชกับออดี้ที่สูงใหญ่ได้พ่อมาเต็มๆ



            “พอแล้วพอร์ช พี่จะตายเอา” พลักตัวน้องชายออกเบาๆ เมื่อเริ่มที่จะหายใจไม่ออก เพราะโดนเจ้าเด็กตัวโตกอดเสียแน่นเหมือนโดนงูยักษ์รัดก็ไม่ปาน



            “โทษทีครับ คิดถึงมากไปหน่อย” หัวเราะแหะๆอย่างยอมรับผิด เพราะนานๆทีจะได้เจอกัน เนื่องจากว่าพี่ชายไปประจำการอยู่ไกล นานๆจะได้กลับบ้านสักที ตอนเจอกันครั้งที่แล้วเขาก็มัวแต่ยุ่ง มุ่งจีบโซ่ เลยเผลอลดความสำคัญของพี่ชายสุดที่รักไป



            “รู้แล้วน่า…พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกัน ว่าแต่คนไข้พี่อยู่ไหน?” เพราะว่าถูกความสูงใหญ่ของน้องชายบังทัศนียภาพตรงหน้าไปจนหมด คุณหมอโฟล์คจึงมองไม่เห็นคนไข้ที่นอนจมอยู่กลางเตียงที่อยู่ทางด้านหลังของพอร์ช



            “อยู่นี่ไง” พอร์ชจำต้องขยับตัวเบี่ยงไปซ้ายถึงสองก้าว โฟล์คถึงจะมองเห็นโซ่



            “ตายแล้วเจ้าพอร์ช! แกมือหนักขนาดนี้เลยหรอ? เดี๋ยวน้องก็ช้ำในตายกันพอดี” คุณนายปลื้มจิตที่ถึงตัวโซ่เป็นคนแรกร้องเสียงหลง เมื่อเปิดผ้าห่ามออกแล้วเห็นหน้าอกเปลือยเปล่าของโซ่ที่เต็มไปด้วยรอยจูบ แถมต้นแขนทั้งสองข้างยังเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของพอร์ชที่เจ้าตัวยั้งอารมณ์ไม่อยู่ เลยเผลอเค้นแรงไปหน่อย



            “โธ่แม่…เวลาอย่างนั้นใครเขาจะมานั่งคำนวณแรงเหวี่ยงแรงฟัดกันอีกล่ะครับ” ความจริงแล้วพอร์ชก็อยากจะตอบไปตามตรงหรอกนะว่าคุณชายคนโปรดของคุณนายเขาเรียกร้องเอง แต่ก็กลัวแม่จะตกใจจนหัวใจวายไปเสียก่อน ก็เลยยอมรับผิดเองซะ จะได้หมดเรื่องหมดราวไป เพราะคุณนายเขาคงจะรู้อยู่แล้วว่านิสัยของลูกชายแต่ละคนของตัวเองเป็นยังไง



            “โอ้ย…ฉันจะเป็นลม” ยกสองมือกุมหน้าอกอย่างตกใจ เรื่องนี้สอนให้เธอรู้ว่าการสนิทกับลูกชายมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก ถึงต้องมาฟังเรื่องจักจี้แบบนี้



            “อย่าเพิ่งตายแม่ รอเลี้ยงหลานก่อน” ระดับพี่พอร์ชแล้วไม่มีหรอกคำว่าสลด ขอแค่ให้มีจังหวะได้แกล้งคุณนายแม่สุดที่รักก็พอ



            “เลิกแกล้งแม่ได้แล้วพอร์ช นี่ดีนะที่คุณทศเขาติดงาน ไม่ได้ตามมาด้วย ไม่อย่างนั้นบ้านแตกแน่ถ้าได้มาเห็นน้องชายสุดที่รักของตัวเองนอนซมเพราะเรื่องแบบนี้” เอ่ยปรามน้องชายให้เลิกเหย้าแหย่มารดาแล้วรีบเข้าไปดูอาการของคนป่วยทันที โฟล์คละไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าทศพลคนรักรู้เรื่องที่น้องชายสุดที่รักของตัวเองไม่สบายแบบนี้จะเป็นยังไง เพราะปกติเจ้าตัวก็ชอบมาบ่นให้เขาฟังอยู่แล้วว่าเป็นห่วงน้องอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มาเยี่ยมหาบ่อยไม่ได้ เพราะงานยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาพัก บางทีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ยังต้องเข้าไปทำงานเลย



            “อย่าบ่นมากน่าเจ้” พอโดนบ่นมากเข้าพอร์ชก็หันหลังหนีแม่กับพี่ชายเดินเลี่ยงไปตรงโซนแต่งตัว เปิดหาเสื้อผ้าในตู้มารอเปลี่ยนให้โซ่แทน จนกระทั่งโฟล์คตรวจร่างกายให้โซ่เสร็จนั่นแหละ พอร์ชจึงได้ฤกษ์ไล่แม่กับพี่ชายออกจากห้องไป ทั้งยังยืนยันเป็นหนักแน่นว่าตนจะเป็นฝ่ายอยู่ดูแลโซ่เอง ไม่ต้องเป็นห่วง



            “หายเร็วๆนะครับแม่ไอ้แมน” จัดการเช็ดตัวให้โซ่เสร็จ พอร์ชก็ทิ้งตัวลงนอนข้างกัน วงแขนแกร่งคว้าตัวคนรักเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนที่จะนอนหลับลึกลงไป เพราะตัวพอร์ชเองก็เพลียกับการขี่รถเดินทางไกลไม่น้อย



            เพราะได้นอนพักถึงสองวันเต็ม ทั้งยังมีพยาบาลพิเศษตัวใหญ่ยักษ์คอยดูแลเป็นอย่างดี ร่างกายของโซ่จึงฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว จะก็แต่อาการของไข้หวัดที่ทำให้โซ่ต้องหงุดหงิดเพราะมันพาลให้ปวดหัว ตัวร้อนและก็เจ็บคอนี่แหละที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่หายไปสักที



            “กินเข้าไปอีกนิด งั้นกูไม่ให้ไปเรียนนะ” พอร์ชบังคับป้อนโจ๊กใส่ปากของโซ่อีกคำใหญ่เมื่อเจ้าตัวทำท่าจะอิ่มทั้งที่โจ๊กในชามยังพร่องไปไม่ถึงครึ่ง พอโซ่สะบัดหน้าหนี พอร์ชก็เอาถือช้อนตามไปจ่อปากพร้อมทั้งยกเรื่องเรียนออกมาขู่ เพราะแรกเริ่มเลย พอร์ชจะให้โซ่หยุดพัก แต่เจ้าตัวไม่ยอม จะไปเรียนให้ได้ เพราะวันนี้เจ้าตัวมีสอบเก็บคะแนนในช่วงเช้า ส่วนพอร์ชมีเรียนวิชาแรกของวันตอนเที่ยงครึ่ง…ครึ่งวันเช้าพอร์ชจึงว่างยาวสี่ชั่วโมงเต็ม



            “อิ่ม”



            “ยา” เพราะเห็นว่าคนรักทานได้มากเท่าที่ควร พอร์ชก็ส่งยาให้ทันที



            “แม่ไปส่งดีกว่าไหม ใส่ขาสั้นไปตากลมอย่างนี้ เดี๋ยวไข้พอดี” เพราะวันอังคารอย่างนี้เป็นวันเรียนลูกเสือวิสามัญของเด็กเทคนิคปีหนึ่งทุกคน ทั้งพอร์ชและโซ่จึงอยู่ในชุดลูกเสือขาสั้นทั้งคู่ คุณนายปลื้มจิตที่นั่งร่วมโต๊ะทานมื้อชาวอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็กจึงเสนอตัวขึ้นมา เพราะความกดอากาศลดฮวบตั้งแต่เมื่อวาน จึงทำให้อากาศเย็นลงมาก



            “เดี๋ยวผมไปส่งมันเอง แต่ขอยืมรถแม่ก่อนนะ เพราะวันนี้ผมมีเรียนตอนเที่ยงครึ่งโน่น” พอร์ชบอกพลางลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถของแม่ที่อยู่ในห้องทำงานชั้นสองทันที เมื่อคุณนายปลื้มจิตพยักหน้าอนุญาต



            “อ่ะ! ค่าขนมอาทิตย์นี้” เสี่ยใหญ่ที่เพิ่งกลับเข้ามาจากข้างนอก ยื่นซองเงินสีขาวจำนวนสองซองส่งให้โซ่จากทางด้านหลัง



            “ผมไม่…” โซ่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธเมื่อเห็นชื่อตัวเองโชว์หลาอยู่บนซองเงิน



            “เป็นลูกบ้านนี้แล้วอย่าดื้อ” เขาพูดแค่นั้น ก่อนที่จะเดินหนีขึ้นห้องทำงานไป ทิ้งให้โซ่นั่งเครียดอยู่กับซองเงินเจ้าปัญหา ลำพังแค่มาอยู่กับพอร์ชในบ้านนี้เขาก็เกรงใจจะแย่แล้ว เพราะถ้านับกันจริงๆ เขาก็เป็นคนนอกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นที่พ่อกับแม่ของพอร์ชจะต้องมาดูแลเขาอย่างนี้เลยด้วยซ้ำ



            “รับไปเถอะนะน้องโซ่ ไม่ต้องคิดมากหรอก มาถึงวันนี้แล้วโซ่ก็ไม่ได้ต่างไปจากลูกของแม่ ความปรารถนาดีใดที่แม่กับป๋าหยิบยื่นให้กับเจ้าพอร์ช โซ่ก็จะได้รับด้วยเหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่ความรักความห่วงใยที่มี…เพราะเราคือครอบครัว” คุณนายปลื้มจิตที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกับโซ่ พูดบอกออกมาช้าๆ ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น



            “…..” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการเจ็บป่วยหรืออย่างไรที่ทำให้โซ่มีน้ำตา เจ้าตัวรีบก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความอ่อนแอของตัวเองไว้ แต่ก็ไม่อาจลอดพ้นสายตาของคุณนายปลื้มจิตไปได้ เห็นดังนั้น เธอจึงรีบลุกเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว ก้มลงวาดแขนคว้าตัวลูกชายคนใหม่เข้ามาแนบอก กอดเต็มรัก



            “แม่ไม่รู้ว่าโซ่กลัวอะไร แต่แม่อยากให้โซ่ไว้ใจ เพราะแม่จะขอเป็นแม่ของโซ่อย่างนี้ตลอดไป แม้ว่าสิ่งรอบตัวของเราจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม” ก้มลงจูบกลางกระหม่อมบางของเด็กหนุ่มเบาๆ เพราะถ้านับเอาตามความเป็นจริงแล้ว โซ่ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับครอบครัวของเธอเลย เพราะก่อนหน้าที่พ่อผู้ให้กำเนิดของเจ้าตัวจะแยกทางกับภรรยาหรืออีกนัยหนึ่งก็คือแม่ผู้ให้กำเนิดของโซ่ ทั้งสองครอบครัวก็ไปมาหาสู่กันดี เพราะนอกจากจะเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกันแล้ว พ่อของโซ่ก็เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันกับป๋าของพอร์ช เพียงแค่อยู่คนละคณะเท่านั้นเอง แถมตอนเด็กๆเจ้าพอร์ชลูกชายคนเล็กของเธอก็ชอบร้องงอแง ขอให้พาข้ามไปฝั่งคลินิก เพื่อที่จะไปเล่นกับโซ่ ซึ่งก็เป็นเจ้าเด็กแก้มยุ้ยตัวอวบที่ชอบหิ้วกระติกน้ำหวานสีแดงลายแมวคิตตี้ในตอนนั้น ทำตัวติดกันเป็นตังเม เพียงแต่วันเวลาที่ขาดหายไปมันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ความทรงจำในวันเก่าของเด็กหนุ่มทั้งสองคนเลือนหายไปเท่านั้นเอง



            “ของมึง” ขึ้นมานั่งบนรถของคุณนายปลื้มจิตได้โซ่ก็ส่งซองเงินในส่วนของพอร์ชส่งให้เจ้าตัวไป



            “เท่าไหร่?” พอร์ชไม่ได้รับไปทันที แต่เขาถามถึงจำนวนเงินที่อยู่ในซองแทน



            “พันสี่” โซ่เปิดซองออกมานับแล้วตอบกลับไป ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากันกับของเขา



            “เออครบ เอาออกมาร้อยนึง” พอรู้แน่แล้วว่าได้ครบตามจำนวนวันละสองร้อยเท่าเดิม เจ้าตัวก็พยักหน้า แบมือขอเงินจากโซ่เพียงแค่หนึ่งร้อยบาท



            “ที่เหลือ?”



            “ขอวันละร้อยพอ ถ้าไม่พอจะมาเบิก” พูดบอกพร้อมยิ้มหล่อให้คนรักเสร็จสรรพก็หันกลับไปสนใจการจราจรตรงหน้าต่อ



            “ตามใจ” เมื่อเจ้าตัวว่าอย่างนั้นโซ่เองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก เพราะตอนนี้สมองของเขาตื้อเกินกว่าจะคิดอะไรอีกแล้ว

            เพียงเดี๋ยวเดียวรถคันงามของคุณนายปลื้มจิตที่มีพอร์ชเป็นสารถีก็มาหยุดจอดที่ประตูข้างวิทยาลัย ซึ่งเป็นจุดที่สะดวกต่อการเดินไปเข้าแถวที่สุดแล้วสำหรับคนป่วยอย่างโซ่



            “เดี๋ยวตอนเที่ยงกูนั่งรอที่โรงอาหาร ถ้ารู้สึกไม่ดีตรงไหนให้มหามันโทรมาหากูเลยนะ” พอร์ชบอกกำชับด้วยความกังวล เพราะเป็นห่วง กลัวว่าโซ่จะเรียนไม่ไหว ต่างจากโซ่ที่แค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น ก่อนที่จะเปิดประตูรถลงไป พอร์ชอยู่มองจนแน่ใจแล้วว่าคนรักเดินเข้าประตูวิทยาลัยไปได้อย่างปลอดภัย เจ้าตัวถึงได้ฤกษ์ขับรถกลับบ้าน







TBC.
            Ps. ‘ไอ้แมน’ คือชื่อที่โซ่ใช้เรียกดูคาติของพอร์ช ย่อมาจากคำว่า ‘อุลตร้าแมน’ ซึ่งเป็นตัวละครในการ์ตูนยอดมนุษย์ตัวโปรดของพอร์ชนั่นเอง

            Ps.2 เรื่องราวในตอนนี้อยู่ในช่วงวันที่ 13-17 เป็นเหตุการณ์ต่อจากเนื้อเรื่องปกติ จะไม่มีอะไรเกี่ยวกับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-02-2018 21:01:53
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-02-2018 21:06:10
มีการให้เมียเก็บเงิน ฮา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-02-2018 21:56:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 09-02-2018 22:21:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-02-2018 23:03:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-02-2018 00:25:45
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-02-2018 02:55:41
สองร้อยต่อวัน ไม่รวมวงเงินในบัตรเครดิตด้วยใช่ปะ ประหยัดเนอะอีพี่จะใช้วันละร้อย ที่เหลือให้อีน้อง เยี่ยม ๆ  o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 10-02-2018 12:14:23
ให้เมียถือเงิน  :impress2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-02-2018 13:29:29
ใหญ่แค่ไหนก็ต้องยอมเมีย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-02-2018 14:33:00
พี่พอร์ชให้น้องโซ่เก็บเงิน รู้เลยว่าบ้านนี้ใครใหญ่สุด
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 10-02-2018 18:15:53
 :กอด1:น่ารักครอบครัวเดียวกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #20 {09/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 10-02-2018 21:10:15
ชอบๆ
รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 13-02-2018 20:39:33


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{21}







            12.30 น.



            “เป็นไร ทำหน้าเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้ง” พอร์ชถามพลางใช้หลังมือวัดไข้บริเวณหน้าผากและลำคอ
ของคนรักอย่างโซ่ที่เดินลงมาหย่อนก้นนั่งข้างกัน



            “เปล่า” บอกปัดเสร็จก็ซบหน้าลงนอนหนุนแขนตัวเองทันที



            “กินให้หมดแล้วอย่าลืมกินยานะ กูต้องไปเรียนแล้ว” พอร์ชบอกพลางคว้าชามเกี๊ยวน้ำที่ฝากแวนซื้อมา
พร้อมกับข้าวของบุญล้อมส่งให้กับโซ่ เพราะถึงเวลาเข้าเรียนของตนแล้ว



            “มึงล่ะ?” เงยหน้าขึ้นมาถามตาลอยๆ เพราะเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ได้หมดไปกับการสอบก่อนหน้าแล้ว



            “กูกินแล้ว” พอร์ชเอื้อมมือเข้าจัดเส้นผมที่กระจัดกระจายไม่เป็นทรงของคนรักให้เข้าที่



            “กินด้วยกัน กูกินไม่หมด” กระตุกชายเสื้อที่หลุดลุ่ยออกมานอกกางเกงของพอร์ชเป็นสัญญาณบอกให้
พอร์ชนั่งลง เมื่อเจ้าตัวทำท่าลุกหนีไปเข้าเรียนตาที่ปากพูดจริงๆ



            “ครับๆอยู่กินข้าวกับที่รักก่อนเนอะ” คนที่เผลออ้อนไปโดยไม่รู้ตัวอย่างโซ่ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี
เมื่อพอร์ชยอมนั่งลงตรงที่เดิมแล้วอ้าปากรอให้ตนป้อนอาหาร…ถ้าน้องโซ่จะน่ารักขนาดนี้ พี่ยอมใช้โควตา
สิบห้านาทีที่เข้าสายได้ให้คุ้มเลยก็แล้วกัน



            “มึงว่ากูควรจะแซวมันสองคนดีไหม” แวนกระซิบถามเป้ที่นั่งอยู่ข้างกัน เมื่อหันไปเห็นคนป่วย
อย่างโซ่นั่งป้อนเกี๊ยวน้ำให้พอร์ชเหมือนกับว่าเพื่อนรักของเขาเป็นฝ่ายไม่สบายแทนเสียอย่างนั้น และ
ถ้าพอร์ชยืนยันที่จะอยู่ทานมื้อกลางวันกับโซ่ต่อ พวกเขาสองคนก็ทำอะไรไปไม่ได้ นอกจากนั่งรอ จน
กว่าพอร์ชจะพร้อมเข้าเรียน เพราะสิบห้านาทีแรกครูปล่อยฟรีอยู่แล้ว



            “ถ้าไม่อยากมีแผลพลุพองเพราะโดนน้ำซุปร้อนๆในชามเกี๊ยวน้ำที่อยู่ตรงหน้าคุณโซ่ลวกก็อย่า
ได้อ้าปากเชียวครับ เพราะตอนที่คุณโซ่ไม่สบายอย่างนี้ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าผู้หญิงเป็นประจำเดือน
ซะอีก…ถ้าไม่เชื่อที่ผมบอก คุณแวนจะลองดูก็ได้นะครับ” บุญล้อมที่นั่งทานข้าวอยู่ตรงข้ามกับแวน เอ่ย
เตือนขึ้นมาเบาๆ เพราะรู้นิสัยของเพื่อนรักอย่างโซ่ดี ว่าอารมณ์ไหนเป็นยังไง จากประสบการณ์ที่ได้เห็น
และสัมผัสมาตั้งแต่เด็กจนโต



            “เลิกขู่กูสักทีเถอะไอ้หมา! กูละสยองแทนไอ้พอร์ชจริงๆที่มีเมียอย่างไอ้โซ่” แวนยักไหล่บอก
ด้วยท่าทางสยดสยอง ก่อนที่เป้เพื่อนรักจะพูดสวนออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า…



            “กูก็สงสารไอ้มหาเหมือนกันที่เสือกหลงผิดเอามึงทำเมีย” คำพูดที่ออกมาจากเพื่อนรักทำเอา
แวนอ้าปากค้าง เบิกตากว้างด้วยความตกใจ



            “มะ…มึง…พูดเรื่องเหี้ยอะไรออกมาไอ้ห่าเป้!” แวนตะกุกตะกักถามออกมาแบบมีพิรุธอย่างเห็น
ได้ชัด ต่างจากบุญล้อมนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แต่ถ้ามองดูชัดๆจะเห็นว่ามุมปากทั้งสองข้างของท่านมหา
ผู้ที่ทรงศีลในสายตาคนนอกนั้นกำลังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กๆ



            “ก็พูดเรื่องจริงไงห่า…มึงคิดว่าพนังห้องที่บ้านพักมันเก็บเสียงนักรึไง ทั้งมึงทั้งไอ้โซ่ทำเมียกู
นอนผวาทั้งคืน” แวนหมายถึงคืนที่พวกเขาพากันไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ซึ่ง
เจ้าตัวกับคนรักอย่างซีนอนพักอยู่ในห้องกลาง ห้องบุญล้อมกับแวนอยู่ทางด้านขวาติดทางขึ้นลงบันได
ส่วนพอร์ชกับโซ่พักอยู่ห้องทางซ้ายด้านในสุด และก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของเขาที่กลับมาก่อน
คู่ของคนอื่น แต่พอปฏิบัติภารกิจตามประสาคนรักเสร็จ แต่พอเตรียมพร้อมที่จะนอนเท่านั้นแหละ เสียงร้อง
ครางของแวนกับโซ่ที่ขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวาก็ดังขึ้นมาเป็นระยะๆ กว่าจะสิ้นสุดได้ก็เกือบเช้า ทำเอา
คนรักของเขาอย่างซีงอแงมาตลอดทางกลับบ้าน เพราะนอกจากจะเจ็บตัวแล้ว เจ้าตัวยังหงุดหงิดที่นอนไม่พออีกด้วย



            “ไม่แวะครับ ไม่สบายจะกินน้ำแข็งได้ยังไง” พอร์ชปฏิเสธทั้งไม่ได้หันกลับไปมอง ไม่ต้องให้โซ่
พูดเขาก็รู้ว่าการที่รักกระตุกเสื้อจากทางด้านหลังตอนกำลังจะขี่รถผ่านร้านน้ำปั่นเจ้าประจำของเจ้าตัวทำไม
เพราะปกติแล้วเขาจะแวะจอดซื้อให้ทุกวัน เพียงแต่วันนี้ตามใจไม่ได้จริงๆ เพราะอาการไข้ของเจ้าตัวยังไม่หายดี



            ตอนแรกพอร์ชกะว่าถ้าอากาศยังไม่หายหนาวเขาคงจะขอยืมรถแม่มาใช้รับส่งคนป่วยก่อน แต่พอ
สายๆเท่านั้นแหละ ร้อนตับแทบแลบ เขาจึงเอาไอ้แมนลูกรักออกมาซิ่งเหมือนเดิม



            “อยากกินยำมะม่วงหน้าบึง” คนป่วยซบหน้าลงบนแผ่นหลังแกร่งของคนรัก พูดอ้อนออกไปอย่างไม่รู้ตัว



            “กลับไปเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวจะพาไปซื้อ” พอถูกอ้อนมากๆเข้า พอร์ชก็ไม่อยากจะขัดใจคนป่วย
มากนัก เพราะยำมะม่วงปลากรอบร้านนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เจ้าตัวโปรดปราณ แต่ลองมานับๆ ดูแล้ว เขาก็เห็น
โซ่ชอบกินทุกอย่างนั่นแหละ ขอแค่อร่อย รสชาติถูกปาก



            “ไปบ้านพ่อด้วยนะ จะไปคุยกับอาทนายเรื่องตึก” เพราะเป็นทางเดียวกันกับทางไปบ้านบิดาผู้ให้
กำเนิดของตัวเอง โซ่เลยอาศัยทางผ่านนี้เข้าไปคุยกับทนายของพ่อเรื่องการปรับปรุงตึกแถวที่พ่อเคยเปิด
เป็นคลินิกเมื่อครั้งอดีต กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้กลายเป็นตึกร้างมานานหลายปี



            “พี่พอร์ชสุดหล่อกลับมาแล้วครับคุณนายปลื้มจิตสุดสวยแอนด์เสี่ยใหญ่ผู้ที่หล่อน้อยกว่าพี่…โฮ๊ะ!
 โฮ๊ะ!” พอถึงบ้าน พอร์ชก็รีบจูงโซ่วิ่งขึ้นบันได แวะชั้นสอง เปิดประตูห้องทำงานใหญ่เข้าไปทักทายพ่อแม่
ด้วยท่าทางร่าเริงจนหน้าหมั่นไส้



            “สวัสดีครับแม่…ป๋า” โซ่ชะโงกหัวลอดวงแขนพอร์ชที่กางเก้งก้างขวางประตูไว้เข้าไปยกมือไหว้
สวัสดีทักทายพ่อแม่ของคนรักที่กลายมาเป็นพ่อแม่ของตนเองด้วยแล้ว ตามมารยาทลูกที่ดี ไม่ทะลึ่งทะเล้น
เหมือนลูกแท้ๆอย่างพอร์ชที่ยังคงหัวเราะชอบใจเสียงดังไม่หยุด เพราะสะใจที่แกล้งแหย่ให้คนเป็นพ่อโมโหได้



            ก๊อก ก๊อก



            “มีคนมาหาน้องโซ่ค่ะ” คุยเล่นกันได้ไม่นาน ฤดีแม่บ้านก็มาเคาะประตูขัดขึ้นเสียก่อน



            “ใครครับ” โซ่ถาม



            “เห็นเขาบอกว่าชื่อทนายหรือเป็นทนายอะไรนี่แหละค่ะ พี่เองก็ฟังไม่ถนัด” เธอบอก



            “อ่อครับ…อาทนายเป็นคนดูแลพ่อฮะ” โซ่พยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปคลายความสงสัยให้กับพ่อแม่
ของพอร์ชที่แสดงอาการสงสัยออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน ก่อนที่ผงกศีรษะเป็นเชิงขอตัว แล้วเดินตาม
แม่บ้านลงไปชั้นล่าง



            “พอร์ชรู้เรื่องนี้รึเปล่าลูก เขาไว้ใจได้รึเปล่า” เพราะได้คำเฉลยที่ไม่ชัดเจนจากโซ่ คุณนายปลื้มจิต
จึงหันมาต้อนหาคำตอบจากลูกชายแทน เลยเป็นห่วง เกรงว่าโซ่จะถูกหลอกเอา



            “แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกชายสุดที่รักของแม่มันไม่โง่ให้ใครหลอกได้หรอก ฉลาดเป็นกรดเสีย
ขนาดนั้น” เพราะได้ใช้ชีวิตเรียนรู้อยู่ด้วยแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงมานานนับเดือน พอร์ชจึงได้รู้ว่าคนรักไม่ใช่
ไอ้นิ่งคนทึ่มแบบที่ตนคิดไว้ในคราแรก เพราะโซ่เป็นคนที่ชอบวางแผนการดำเนินชีวิตของตัวเองไว้ล่วงหน้า
อยู่เสมอ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องใด จะเล็กหรือจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม



            “ไปๆ ถ้าห่วงนักก็ลงไปดูหน่อย” เสี่ยใหญ่เองก็พอจะมองออกว่าโซ่เป็นเด็กมีความคิด ไม่น่า
เป็นห่วงเท่าไหร่ แต่เพื่อความสบายใจของภรรยา เขาจึงจำต้องไล่ต้อนให้ลูกและภรรยาเดินตามโซ่ลง
ไปชั้นล่าง ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงได้มีคนนอนไม่หลับเพราะมัวแต่เป็นห่วงลูกสะใภ้อย่างแน่นอน



            “โธ่…พิภพ! ป้าละห่วงแทบแย่ กลัวจะมีคนมาหลอกน้องโซ่ ที่ไหนได้ เรานั่นเอง” พอได้เห็น
แขกของลูกสะใภ้คุณนายปลื้มจิตก็ถอนหายใจออกมาอย่างหมดห่วง เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กที่คุณหมอพ่อ
ของโซ่ส่งเสียเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมัธยม แต่ก็ห่างหายจากสายตาไปตั้งแต่พ่อของโซ่เสียเช่นเดียวกัน



            “เป็นไงมาไงล่ะ หายหน้าหายตาไปเลยนะ” เสี่ยใหญ่เอ่ยทักบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้ภรรยา
โวยวายใส่อีกฝ่ายอยู่พักใหญ่



            “ครับ พอดีผมไปรับตำแหน่งที่อื่นมา เพิ่งจะได้ย้ายกลับบ้านเมื่อต้นปีนี้เอง” เขาบอกด้วยท่าทางอ่อนน้อม
ถ่อมตนไม่ต่างไปจากเดิม แม้ว่าตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาอยู่ในจุดที่สูงจนมีคนเคารพนับถือมากมายแล้วก็ตาม



            “แล้วมาถึงนี่มีธุระเร่งด่วนอะไรรึเปล่าล่ะ” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก พ่อของพอร์ชจึงเป็น
ฝ่ายถามออกมาอีก



            “อาม่าท่านจะต้องการคุยกับคุณหนูครับ” เขาบอกพลางยื่นโทรศัพท์ของตัวเองที่ถืออยู่เขาบอก
พลางยื่นโทรศัพท์ โซ่เองก็รับมากดโทรออกทันที



            ‘ว่าไงอาทนาย’ เสียงรับสายด้วยสำเนียงแปร่งๆที่บ่งบอกถึงเชื้อสายดังลอดออกมาให้ได้ยินกัน
ครบทุกคนเพราะโซ่เปิดลำโพงให้พอร์ชที่นั่งอยู่ข้างกันได้ยินไปด้วย



            “ผมเอง…ม่า” โซ่กรอกเสียงกลับไปให้ฝ่ายนั้นรู้ตัวว่าตอนนี้คนที่คุยอยู่คือตนไม่ใช่เจ้าของเครื่องอย่างที่เข้าใจ



            ‘ไอ๊หยา! อาโซ่เองหรอ ลื้อทำม่าตกกะใจหมดน่า…’ หญิงชราที่อยู่ปลายสายอุทานเสียงดังด้วย
ความประหลาดใจ ต่างจากทางคนทางนี้ที่พากันกลั้นหัวเราะจนตัวงอ เพราะรู้สึกเอ็นดูความน่ารักเล็กของ
หญิงชราที่ส่งผ่านเสียงตามสายมา



            “ม่าโทรหาผมมีอะไรรึเปล่า” โซ่ไม่ได้รำคาญ แต่รู้สึกเกรงใจคุณทนาย ถ้าหากรบกวนเวลาของ
เจ้าตัวไปมากกว่านี้ เลยถามเข้าประเด็นเสียเลยจะได้จบๆไป



            ‘วันศุกร์นี้อาโซ่ขึ้นรถมาหาม่านา…มาให้เจ้าพ่อเจ้าแม่ เหล่ากงก็คิดถึง’ เพียงแค่ต้องการให้หลานชาย
กลับไปหา หญิงชราถึงกับต้องยกทุกอย่างที่อยู่รอบตัวขึ้นมาอ้าง



            “เดี๋ยวไปครับ…แค่นี้นะ” พูดจบก็รีบตัดสายทิ้งแล้วก็ส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของทันที ไม่รอฟังคำตอบจาก
ทางฝั่งนั้นสักนิดว่ามีธุระอะไรอีกรึเปล่า



            “ตัดสายทิ้งเฉย เสียมารยาทฉิบหาย” พอร์ชที่นั่งอยู่ข้างกันอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ เมื่อคนรักทำตัว
ไม่น่ารักกับญาติผู้ใหญ่ ทั้งที่ปกติแล้วโซ่จะเป็นคนที่วางตัวดีมากแท้ๆ



            “ไม่เสือกสิ…ขอบคุณนะครับ ส่วนเรื่องแปลนตึก ถ้าร่างเสร็จแล้ว ผมจะเอาไปให้ที่บ้านนะครับ” แยก
เขี้ยวใส่พอร์ชเสร็จ ก็หันไปพูดกับคุณทนายอีกนิดหน่อยก่อนที่จะหันหลังเดินหนีขึ้นบ้านไป นั่นเป็นอะไรที่พอร์ช
กับพ่อแม่ของพอร์ชแปลกใจเป็นอย่างมาก



            “ขอโทษแทนไอ้โซ่มันด้วยนะครับ สงสัยไข้จะขึ้น” กลับเป็นพอร์ชเสียเองที่ต้องออกหน้าขอโทษ
แทนคนรักที่ดูเหมือนจะจงใจทำตัวเสียมารยาทออกมาอย่างชัดเจน



            “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณโซ่ดี…ขอตัวกลับก่อนนะครับ” ทนายหนุ่มฝืนระบาย
ยิ้มพูดบอกออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก



            “เจ้าโซ่มันเป็นอะไรของมัน” เสี่ยใหญ่เป็นคนเอ่ยออกมาคนแรก



            “นั่นสิ หรือว่าไข้จะขึ้นอย่างที่พอร์ชบอกจริงๆ” ตามมาด้วยคุณนายปลื้มจิตผู้ที่ขี้สงสัย



            “เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย” พอร์ชว่าพลางหันหลัง วิ่งขึ้นบันไดตามคนรักไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ชอบเลยจริงๆที่โซ่เป็นแบบนี้ กับคนรุ่นเดียวกันจะยังไงก็ได้ พอร์ชไม่แคร์หรอก แต่การทำตัวเสียมารยาทกับผู้ใหญ่หรือคนที่โตกว่าอย่างนี้พอร์ชรับไม่ได้จริงๆ



            ปึง!



            “มึงเป็นอะไรโซ่ ทำไมทำตัวเสียมารยาทแบบนั้นห้ะ! ไม่น่ารักเลยนะรู้ไหม!” พอร์ชกะชากแขน
โซ่ที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงนอนให้ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะพลาดไปตั้งแต่เขาคุมอารมณ์
ตัวเองไม่ได้แล้ว ถึงได้เผลอตวาดเสียงดังใส่หน้าคนรักแบบนั้น



            “กูแค่ไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากยุ่งกับเขาถ้าไม่จำเป็น” กลับเป็นโซ่เสียเองที่ตอบกลับมา
ด้วยเสียงนิ่งเรียบ แต่ใบหน้าเลอะไปด้วยหยาดน้ำตา



            “มะ..มึงเป็นอะไร…ร้องไห้ทำไม” ละล่ำละลักถามด้วยตกใจ อารมณ์หงุดหงิดเมื่อครู่นี้หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนรัก



            “เขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงพ่อกู ได้ยินไหมพอร์ชว่าเขาไม่ใช่ลูก! แต่เขาเป็นเมียใหม่ของพ่อกู!” คำตอบ
จากความเป็นจริงที่ออกมาจากปากโซ่ไม่ได้สร้างความตกใจให้กับพอร์ชเพียงแค่คนเดียว แต่รวมไปถึงเสี่ย
ใหญ่กับคุณนายปลื้มจิตที่หวังว่าจะตามมาห้ามไม่ให้คนลูกชายอารมณ์ร้อนใส่ลูกสะใภ้จนเป็นเหตุให้ทะเลาะกันอีกด้วย



            “มึงพูดบ้าอะไรโซ่ อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้” พอร์ชภาวนาให้หูของตนเพี้ยนจนฟังผิดไป
เพราะถ้าเป็นอย่างที่โซ่บอกจริงๆ เขาละไม่รู้จะนิยามคำว่าน่าสงสารให้กับคนรักยังไงดี ถึงจะสาสมกับสิ่ง
ที่เจ้าตัวเผชิญมาตลอดเวลา กว่าที่จะเติบโตมาได้อย่างทุกวันนี้



            “ไม่! ถูกแล้ว…กูเข้าใจถูกแล้ว กูเห็นมากับสองตาตัวเอง ตอนที่เขาสองกำลังมีอะไรกัน เขาเป็น
เมียพ่อกูมึงเข้าใจไหมพอร์ชว่าเขาเป็นเมียพ่อกู! ไม่ใช่ลูกบุญธรรมอย่างที่ใครเข้าใจ” สะอื้นฮักแทบขาดใจ
อยู่ในอ้อมอกของคนรักอย่างพอร์ชซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ตนมีในตอนนี้



            “โซ่” พอร์ชเองก็ได้แต่กระชับอ้อมแขนที่โอบกอดคนรักไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
ออกมาจริงๆกับความรู้สึกในตอนนี้ เพียงแต่เขาอยากจะให้โซ่รับรู้ไว้แค่ที่ตรงนี้ยังมีเขา และข้างตัวโซ่ในตอนนี้
ไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว



            “โธ่…น้องโซ่ของแม่” คุณนายปลื้มจิตปาดน้ำตาของตัวเองทิ้งแล้วเดินเข้าไปกอดโซ่ ก่อนที่เสี่ยใหญ่
ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวจะเดินเข้ามากางแขนรั้งทุกคนเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองเป็นชั้นสุดท้าย



            พอร์ชที่รับรู้ถึงแรงบีบเบาๆบริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้างจากฝีมือของคนเป็นพ่อที่ยืนซ้อนอยู่ทางหลัง
ของแม่หลับตาลงแน่น ภาวนาให้ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงที่จมอยู่ในจิตใจ คอยกัดกินให้ชีวิตของโซ่มืดมน
ได้หมดไป และก็ขอให้ความรักความหวังดีที่ตนและคนในครอบครัวมีเข้าไปรักษาเยียวยาหัวใจของโซ่ให้กลับ
มาเข้มแข็ง เป็นสีแดงสดใสดั่งทารกแรกเริ่มที่ไม่เคยพบพานในความทุกข์ระทมเหมือนที่ผ่านมา







TBC.
ช่วงน้องโซ่ไม่สบายอารมณ์ของนางก็จะสวิงนิดนึง ตามประสาคนไม่สบายตัว เช่นเดียวกับจิตใจที่ไม่ได้
แข็งแรงอย่างที่แสดงออกมาตั้งแต่แรก...อย่าได้ถือสา

ส่วนรายละเอียดเรื่องที่โซ่หลุดพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อและคุณทนายนั้น เดี๋ยวเราได้รู้กันแน่

#โปรดติดตามกันต่อไป #ด้วยรัก

Ps. นักอ่านท่านใดมีธุระหรืออยากพูดคุยกับคนเขียนแบบส่วนตัวสามามารถติดต่อคนเขียนได้ที่ Facebook - เขียน'สือ
ได้ตลอดเวลาเลยนะคะ เพราะกว่าที่คนเขียนจะเห็นข้อความที่หลายคนทิ้งไว้ให้ในเล้าก็ผ่านไปหลายวันแล้ว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-02-2018 22:07:28
น้องโซ่ หนูแกร่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องครอบครัว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-02-2018 22:51:31
ฮืออออ น้องโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-02-2018 23:37:47
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-02-2018 03:07:34
นับถือโซ่ที่เก็บความรู้เก่งมาก สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 14-02-2018 05:56:36
โอ้ยยยยยยยย
สงสารน้องโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 14-02-2018 06:47:23
 :oo1:วะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-02-2018 08:40:35
OMG!!
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 14-02-2018 08:46:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-02-2018 11:34:34
สงสารน้องโซ่ เข้มแข็งเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-02-2018 12:14:00
เรื่องอย่างนี้มันก็พูดยาก
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #21 {13/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 14-02-2018 12:37:42
รอค่ะ หนุกมากกกกกกก ชอบบบบบบบบบบบ :katai5:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 20-02-2018 20:21:04


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{22}









            “จะไปไหน?” พอร์ชเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาเห็นว่าคนรักกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็ก
 เพราะลืมไปแล้วกว่าก่อนหน้านี้ได้นัดแนะอะไรกับใครไว้บ้าง หลังจากที่ต้องวุ่นวายกับการสอบเก็บคะแนน
และจัดเตรียมกีฬาสีมาทั้งอาทิตย์



            “ชุมแสง” เดินไปหยิบขวดน้ำหอมที่ลืมไว้ เอามาใส่กระเป๋า พูดตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้แหงนหน้า
มองคนรักแม้แต่น้อย



            “แล้วกูล่ะ?” พอได้คำเฉลยจากปากคนรัก พอร์ชก็ตามต่ออย่างนึกขึ้นได้ เพราะที่อยู่ตรงหน้าของ
โซ่นั้นก็มีแต่เสื้อผ้าของเจ้าตัวเอง ไม่เห็นมีอะไรที่เป็นของเขาเลย ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วแท้ๆว่าจะไปด้วยกัน



            “จะรออยู่นี่ก็ได้นะ” โซ่พลิกกลับด้านกระเป๋า ยกตรงฝั่งที่เก็บเสร็จแล้วแต่พอร์ชไม่ทันได้มอง
รูดซิปเปิด ทำท่าว่าจะเอาเสื้อผ้าของพอร์ชที่ถูกจัดเก็บไว้อย่างดีออกมา



            “โอ๊ะๆ อย่าเพิ่งใจร้อนจ้ะที่รัก เอามันไว้อย่างนั้นแหละดีแล้ว ขอพี่พอร์ชไปด้วยคนเถอะ” พอร์ชรีบ
กดมือเรียวของโซ่ไว้เป็นเชิงห้าม ก่อนที่เจ้าตัวจะขนเสื้อผ้าของเขาออกจากกระเป๋าเดินทางแล้วให้เขานอน
รออยู่บ้านจริงๆตามที่ปากพูด เพราะหลังที่เจ้าตัวหายไข้ เขาก็ไม่ได้เจอกับน้องโซ่ผู้น่ารักบ๊องแบ๊วคนนั้นอีกเลย
เพราะไอ้นิ่งปากหนักคนเดิมมันกลับมาแล้วจ้า ~



            “จะไปก็ไปอาบน้ำสักที เดี๋ยวไม่ทันรถ” พูดไล่ให้คนรักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนตัวเองก็ลงมือ
จัดกระเป๋าต่อให้เสร็จ



            ฟอด…



            “จ้า~” ก็นะ…จะไปเฉยๆก็กระไรอยู่ ขอแวะหอมแก้มน้องสักหนึ่งที ก่อนจะโดนโจมตีด้วยหลังมือที่ว่องไว



            “เรื่องกวนตีนนี่ไม่ต้องบอก” โซ่ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา กับความหน้ามึนของคนรักที่นับวับจะ
มีแต่เพิ่มมากขึ้นไม่มีลดลงแม้แต่น้อย



            “แม่จะไปไหนเนี่ย?” พอร์ชร้องถามเสียงหลง เมื่อลงมาเจอกับคุณนายปลื้มจิตที่นั่งหน้างออยู่กับ
กระเป๋าเดินทางใบโปรดของเธอ ตรงโซนนั่งเล่นติดกับทางขึ้นลงบันได



            “น้องโซ่จ๋าขอแม่ไปด้วยสิ แม่อยากไปเที่ยว” ลุกขึ้นมาจับมือ ขอร้องลูกสะใภ้ด้วยเสียงออดอ้อน



            “ป๋า! ป๋าอยู่ไหนมาเก็บแม่ไปหน่อย” ยังไม่ทันที่โซ่จะได้พูดอะไร พอร์ชก็ตะโกนร้องเรียกคนเป็น
พ่อเสียงดังลั่นบ้าน ก่อนที่เสี่ยใหญ่จะเดินส่ายหน้าเข้ามาอย่างเหนื่อยใจ เพราะเขาเองก็นั่งสังเกตการณ์อยู่
ไม่ไกลจากนี้นัก หลังจากที่ถอยไปตั้งหลัก เพราะโดนภรรยาสุดที่รักเหวี่ยงใส่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ด้วยเหตุ
ที่ตนไม่ยอมให้เจ้าตัวตามลูกๆไป



            “ปล่อยลูกไปเถอะคุณ…ปล่อยให้ลูกๆไปสู้ด้วยตัวเองก่อนนะ เดี๋ยววันกลับค่อยไปรับ” เสี่ยใหญ่เดิน
เข้ามากอดคอภรรยา กระซิบประโยคสุดท้ายเบาๆที่ข้างหูของคุณนายปลื้มจิตสุดที่รักให้ได้ยินกันแค่สองคน
เพราะอยากให้ลูกชายอย่างพอร์ชไปทำความรู้จักกับญาติทางฝั่งพ่อของโซ่ด้วยตัวเองเสียก่อน ว่าจะทำได้ดี
สักแค่ไหน เพราะเท่าที่ทราบมาคือทางนั้นเป็นครอบครัวคนจีนของแท้ไม่มีเจือปนเชื้อชาติอื่น คงเหลือไม่กี่คน
จากจำนวนสมาชิกทั้งหมดในครอบครัวที่จะต้อนรับหลานเขยอย่างพอร์ชแทนที่จะได้หลานสะใภ้เป็นผู้หญิงอย่าง
ที่ควรจะเป็น และคงจะดีไม่น้อย ถ้าพอร์ชสามารถทำให้คนในครอบครัวของโซ่เปิดใจยอมรับความรักที่ผิดแผกใน
สายตาของใครหลายคนได้ด้วยความพยายามของตนเอง



            “ถ้าอย่างนั้นแม่จะไปส่งที่สถานีรถไฟ แล้วเดี๋ยววันอาทิตย์แม่จะไปรับกลับ” พอได้ฟังเหตุผลของสามี
คุณนายปลื้มจิตก็ยอมปล่อยให้ลูกไปกันเอง แต่ก็ยังขอตามไปส่งถึงสถานีรถไฟ แถมยังวางแผนกำหนดการในวัน
ไปรับลูกเสร็จสรรพ แบบไม่เหลือช่องว่างให้ใครค้านได้อีก เพราะยังไงเธอก็ยืนยันที่จะไปเจอกับญาติทางฝ่ายพ่อ
ของโซ่ให้ได้ เพราะพอร์ชยังเด็กเกินกว่าที่จะทำให้ผู้ใหญ่เชื่อได้อย่างสนิทใจว่าการคบหาครั้งนี้จะยืนยาว ส่วนตัว
เธอนั้นเชื่อเกินร้อยว่าเด็กสองคนนี้จะไม่มีทางปล่อยมือกันกลางทางอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้พอร์ชคือทุกอย่าง
ในชีวิตโซ่ ส่วนโซ่เองก็คุมพอร์ชได้อยู่หมัดเปลี่ยนจากไอ้หนุ่มนักรักที่ล่าพรหมจรรย์สาวไปเรื่อยให้กลายมาเป็น
พ่อบ้านติดเมียตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ได้ ก็คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่าอนาคตข้างหน้าของพอร์ชจะเป็นยังไงต่อไป
ในเมื่อคนกุมบังเหียนอย่างโซ่ไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือที่จะยอมลงให้พอร์ชง่ายๆ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านมาแล้วก็ต้องผ่านไป



            กว่าจะผ่านด่านความเป็นห่วงของคุณนายปลื้มจิตมาได้ ทำเอาพอร์ชกับโซ่แทบจะตกรถ ยังดีที่มีเสี่ยใหญ่
คอยช่วยรั้งตัวภรรยาสุดที่รักไว้ให้ลูกๆได้ปลีกตัวหนีมาขึ้นรถได้ แต่ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย
ของการเรียนและการทำงาน จึงทำให้ที่นั่งบนรถไฟเต็มไปด้วยนักเรียนนักศึกษาและคนทำงานที่ขึ้นเต็มมาตั้งแต่
สถานีต้นทางอย่างจังหวัดพิษณุโลก ทั้งพอร์ชและโซ่จึงต้องยืนเกาะเสาเหล็กอยู่ตรงทางขึ้นลงประตู



            “เฮ้อ…แน่นฉิบหาย” พอร์ชพูดบ่นออกมาเบาๆ



            “ทนหน่อย…เดี๋ยวถึงตะพานหินคนก็ลงหมดแล้ว” โซ่บอกพลางขยับตัวหนีคนข้างหน้าที่ถอยมายืนเบียดกับตน
จนพอร์ชต้องยกแขนขึ้นมาคล้องเอวคนรักเอาไว้



            “ขอโทษครับ” คนข้างหน้าเอี้ยวตัวมาขอโทษ เมื่อรู้สึกถึงแรงดันจากฝ่ามือใหญ่ของพอร์ชที่ไม่ยอมให้ตน
ถอยหลังไปมากกว่านี้อีกแล้ว หนำซ้ำหน้าตาบึ้งตึงของพอร์ชก็แสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด



            “ถ้ามันถอยมาอีกกูจะกระชากให้หัวหลุดเลยแม่ง” พอร์ชสบถเบาๆ ที่ข้างหูโซ่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปความ
ไม่ชอบใจ เพราะดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจถอยหลังมายืนเบียดโซ่โดยเฉพาะ



            “มันไม่กล้าหรอก หน้ามึงแน่นไปด้วยประสบการณ์ขนาดนี้” โซ่พูดเหน็บออกมาเบาๆ เขาไม่ได้สนใจ
ด้วยซ้ำว่าผู้ชายในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเมื่อครู่จงใจที่จะถอยหลังมาชนตนเองหรือไม่ เพราะตอนนั้นเขามัว
แต่เป็นห่วง กลัวว่าคุณชายอย่างพอร์ชจะทนยืนเบียดเสียดกับคนมากหน้าหลายตาบนรถไฟไม่ได้



            “สาบานสิว่ามึงกำลังชมกูอยู่?” ก้มหน้าถามเสียงเข้มเหมือนจะหาเรื่อง แต่เปล่าเลย เพราะมุมปากของ
พอร์ชยังมีรอยยิ้มประดับอยู่ให้เห็น



            “ก็ด่าอยู่เห็นๆ ไม่น่าโง่” โซ่แสร้งทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ ก่อนที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แม้ว่าท่อนแขนของพอร์ช
ที่คล้องเอวตนเองอยู่จะรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมก็ตาม



            “คนที่บ้านโน้นเขาดีกับมึงใช่ไหมโซ่” พอผ่านพ้นสถานีตะพานหินซึ่งเป็นจุดที่ปล่อยคนลงรถไปเกือบหมด
คันขบวนรถแล้ว พอร์ชก็เอ่ยถามถึงปฏิกิริยาที่ญาติทางฝั่งพ่อของโซ่มีต่อเจ้าตัวทันที จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่แรก
 ถ้าหากจะต้องไปเจอศึกหนักปวดประสาทเหมือนอย่างที่เคยเจอน้องสาวต่างพ่อของโซ่ในวันนั้น



            “ดี…บางคนก็ดีมากเกินไป…ดีจนกูขนลุก” โซ่พยักหน้าบอกเสียงนิ่งเหมือนไม่มีอะไร แต่สำหรับคนฟังอย่าง
พอร์ชแล้วบอกเลยว่ามีเต็มๆ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน…ถ้าดีจริง โซ่จะขนลุกทำไม…จริงไหม?



            “ไปทางไหนต่อเนี่ย?” พอร์ชเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกเขาทั้งสองคนมาถึงสถานีซึ่งคือจุดหมายปลายทาง
ในครั้งนี้



            “ลงสถานีไปก็ถึงแล้ว” ไม่ใช่แค่พูด แต่โซ่ยังเดินนำพอร์ชที่เป็นคนหิ้วกระเป๋าเดินทางใบกลางของเจ้าตัวลง
ทางฝั่งหลังสถานีรถไฟ ซึ่งจะเป็นแหล่งที่ตั้งของตลาดสดประจำอำเภอ เดินลัดเลาะบริเวณส่วนท้ายของศาลเจ้าชั่วคราว
ไปทางฝั่งซ้ายอีกไม่กี่ก้าว พวกเขาก็มาหยุดอยู่หน้าร้านขายข้าวสาร



            โซ่พาพอร์ชข้ามถนนสองเลนที่ถูกร้านค้าในงานกินพื้นที่เกือบครึ่งไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีหญิงชราร่างท่วมนั่ง
สะบัดพัดขนห่านมองคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่หน้าร้าน เหมือนกับกำลังรอใครสักคนอยู่



            “ม่า!” โซ่ร้องเรียกเสียงดัง ก่อนที่จะโผเข้าไปเข้ากอดหญิงชราคนนั้นไว้แน่น



            “ไอ๊หย๋า! อาโซ่! ลื้อหายไปนานเลย ปล่อยให้ม่าคิดถึงอยู่ได้” หญิงชราจับหน้าหลานชายมองซ้ายแลขวา
สำรวจดูให้แน่ใจว่าใช่หลานชายที่ตนรอคอนอยู่จริงๆ



            “คิดถึงม่าเหมือนกันครับ…พอร์ช” โซ่ดันตัวออกจากอ้อมกอดของอาม่า แล้วเรียกให้คนรักอย่างพอร์ชที่ยืน
ทำหน้างงอยู่ทางด้านหลังก้าวขึ้นมายืนข้างกัน



            “สวัสดีครับ” พอร์ชยกมือขึ้นไหว้ทักทายอาม่าหรือคุณย่าของคนรักอย่างนอบน้อม ผิดกลับท่าทางกระโชก
โฮกฮากในเวลาปกติของตน



            “อ่า…อาโซ่พาเพื่อนมาด้วยหรอ ดีๆ มาเที่ยวหลายคนสนุกดี” เธอต้อนรับเพื่อนหลานชาย(ในความคิดของเธอ)
ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ก่อนที่จะนิ่งไปเมื่อโซ่พูดต่อออกมาว่า…



            “พอร์ชเป็นแฟนโซ่ฮะม่า…ไม่ใช่เพื่อน” เพราะหลานชายพูดบอกด้วยเสียงมั่นคงและชัดเจนเกินกว่าที่จะ
เป็นเรื่องล้อเล่นได้ เพียงเท่านั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความสงบ หญิงชราทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้อย่างหมดแรง เพราะตั้งตัว
ไม่ทัน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีเรื่องผิดแผกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในครอบครัวของตนเองเช่นนี้



            “อาม่า! / อาม่าครับ!” โซ่กับพอร์ชช่วยกันพยุงหญิงชราไว้ทั้งสองข้าง เพราะเกรงว่าเธอจะล้มหงายเจ็บตัวไป



            “ไม่เป็นไรๆ ม่าไม่เป็นไรจริงๆอาโซ่ ส่วนลื้อชื่อ…อาพอร์ชใช่ไหม? ตามอาม่าเข้าไปข้างในหน่อยสิ” หญิงชรา
เธอพูดบอกเพียงแค่นั้น ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องกระจกสีทึบที่คนข้างนอกไม่สามารถมองทะลุเข้าไปอย่างที่คน
ข้างในมองออกมาได้



            “เชื่อใจกันหน่อย” พอร์ชพูดบอกด้วยรอยยิ้ม ไม่มีท่าทางกังวลอย่างที่โซ่กำลังหนักใจ ปลดฝ่ามือเรียว
ของคนรักที่ดึงรั้งแขนของตนเองออกเบาๆ ก่อนที่จะก้าวเดินตามอาม่าของโซ่ไป ระว่างนั้นเอง โซ่ก็เริ่มที่จะนั่ง
ไม่ติดที่เมื่อเห็นพวกคุณลุงคุณป้าพากันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปในห้องนั้น เว้นแต่โซ่คนเดียวที่โดนสั่งห้าม
ไม่ให้เข้าไปข้างใน



            หายเข้าไปในห้องเชือดเกือบชั่วโมงพอร์ชก็เดินยิ้มหน้าระรื่นออกมาด้วยท่าทางสบายใจ ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน
อย่างที่โซ่เป็นกังวล หนำซ้ำอาม่าที่เดินหน้าบึ้งตึงเข้าไปในตอนแรกก็หัวเราะคิกคักตีคู่กันมา ทำเหมือนกับว่า
รู้จักกันมานานนับปี



            “ป่ะ! อาโซ่กลับบ้าน ป่านนี้ก๋งลื้อชะเง้อคอรอแย่แล้ว” อาม่าม่าใช้มือที่ว่างมาเกาะแขนหลานชายสุดที่รัก
อีกข้าง ในขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ยังคล้องอยู่ที่แขนพอร์ชไม่ปล่อย



            พอมาถึงบ้าน โซ่ก็รีบตรงเข้าไปหาคนที่ตนรักมากที่สุดอีกหนึ่งคน ที่ตอนนี้เขาคนนั้นไม่สามารถไปเดิน
เหินไปไหนได้เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว



            “สวัสดีครับโกว…โซ่มาแล้วนะก๋ง” โซ่ทักทายกับอาหญิงของตัวเอง ก่อนที่จะก้มลงกราบปลายเท้าคุณปู่
หรือที่ทุกคนในบ้านพาเรียกขานกันว่า ‘ก๋ง’ บุคคลที่ทนกัดฟันต่อสู้กับความยากลำบากมาหลายสิบปี เพียงเพราะ
ต้องการให้ครอบครัวอยู่สุขสบาย



            “พออาม่าบอกว่าวันนี้น้องโซ่จะมา ก๋งก็กินข้าวได้เยอะเลย” อาหญิงผู้ที่รับหน้าที่ควบคุมดูแลพยาบาล
พิเศษของก๋งทำเป็นกระซิบบอก หลอกแหย่คนแก่ไปเรื่อย



            “เดี๋ยวโซ่ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะฮะ แล้วจะลงมาใหญ่” เพราะพึ่งลงจากรถไฟ ซึ่งเป็นแหล่ง
รวมเชื้อโรคชั้นดี โซ่จึงไม่อยากจะเอาตัวเปื้อนฝุ่นของตัวเองมาแพร่เชื้อในห้องของคนป่วยติดเตียงอย่างก๋งมากนัก
เพราะมันเสี่ยงเกินไป



            “บ้านมึงคนเยอะดีจัง” พอร์ชพูดบอกในขณะที่กำลังแต่งตัวเตรียมเข้านอน หลังจากที่โซ่กลับมาจากการหนี
ไปคุยกับก๋งเป็นรอบที่สองแล้ว



            “ยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ พรุ่งนี้แหละของจริง” ทิ้งตัวนอนแผ่กลางเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่เหนื่อยกาย
แต่เหนื่อยใจ เพราะห้องนี้คือห้องนอนเก่าของพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาที่ไม่ว่าจะมาสักกี่ที อาม่าก็จะจัดให้เขานอน
ที่นี่เสียทุกครั้ง



            “แลดูวุ่นวาย เพราะอย่างนี้หรือเปล่ามึงถึงไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่มีแต่คนรักมึง” พอร์ชสะบัดผมเปียก
ของตัวเองต่ออีกสองสามที ก่อนที่จะทิ้งตัวหัวนอนหนุนพุงโซ่



            “ไปเป่าผมให้แห้งเลยมึง เดี๋ยวเป็นรังแค” โซ่ใช้มือจิกผมคนรักไว้แน่น กันไม่ให้เจ้าตัวทำเสื้อนอน
ของเขาเปียกไปมากกว่านี้ ก่อนที่จะลุกตามขึ้นมาอีกคน



            “พัดลมก็ไม่มีไดร์เป่าผมก็ไม่มีจะให้กูใช้อะไรเป่าล่ะครับพ่อ” พอร์ชทำตีมึน พยายามเอนหลังใช้ตัวกดให้
โซ่นอนลงไปเหมือนเดิมให้ได้ แต่ติดตรงว่าโซ่ใช้มือที่สามและสี่ก็คือฝ่าเท้าทั้งสองข้างช่วยยันไว้นั่นเอง



            “กูเอามาไหม? แหกตาดูบ้างเหอะ ถ้าเป็นงูคงโดนฉกตาย” ใช้เท้ากระแทกเข้าไปตรงกลางหลังหนึ่งทีเต็มๆ
ข้อหาหมั่นไส้ ลำพังตัวเขาคนเดียวล่ะไม่จำเป็นต้องพกไดร์เป่าผมติดตัวไปไหนมาไหนอย่างนี้หรอก แต่คนผมหนาและ
ขี้ร้อนจนต้องสระผมทุกวันอย่างพอร์ชนี่สิคือปัญหา เพราะถ้าเจ้าตัวสระผมแล้วไม่ยอมเป่าให้แห้งรังแคได้มาเยือนแน่ๆ



            “ไม่ตายหรอก” พอร์ชส่ายหน้าปฏิเสธ



            “อะไรของมึง?” โซ่ถามเพราะมัวแต่ทะเลาะกับพอร์ชจนลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่นี้ตนเองได้พูดอะไรออกไปบ้าง



            “อนาคอนดาของกูฉกไม่ถึงตาย แต่พาขึ้นสวรรค์ได้ทั้งคืน” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่เจ้าตัวยังถกกางเกงลง
อวดเรือรบซุปเปอร์พอร์ชของตนเองที่กำลังนอนตัวลีบเพราะยังไม่พร้อมรบโชว์ให้โซ่ดูเป็นขวัญตา



            ปึก!



            “โอ้ย!”



            “เสื่อมฉิบหาย!” จากที่ตั้งใจช่วยเป่าผมให้ เพราะอยากจะนอนเต็มทน โซ่ก็เปลี่ยนใจ ขว้างไดร์เป่าผมไป
โดนตรงกลางลำตัวเจ้าพอร์ชน้อยอย่างจัง เมื่อเจ้าของมันทำทะลึ่งทะเล้นไม่เลือกเวลาและสถานที่แบบนี้



            “ใจร้ายตลอด ถ้ามันน้อยใจจนไม่อยากลุกขึ้นมาผงาด ก็อย่ามาเสียดายแล้วกัน” พอร์ชบ่นงึมงำเบาๆในขณะ
ที่นั่งเป่าผมให้ตัวเองไปด้วย



            “ไม่เสียดายหรอก เพราะของกูยังอยู่ดี ถึงเวลานั้น…มึงแค่นอนอยู่เฉยๆก็พอ” คำตอบจากปากโซ่ที่ดังลอด
ออกมาให้ได้ยิน ทำเอาพอร์ชเสียวสันหลังวาบ รีบถอดปลั๊กโยนไดร์เป่าผมเก็บใส่กระเป๋า กดปิดไฟในห้อง กระโดด
ขึ้นเตียง แล้วนอนกอดโซ่ไว้แน่น ก่อนที่จะพากันหลับลึกลงไปทั้งท่าทางแบบนั้น







TBC.
เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักของพอร์ชโซ่ ภาคแรกนี้จึงเน้นไปที่เรื่องของครอบครัวเสียเป็นส่วนใหญ่ ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ คนเขียนรับรองเลยว่า คุณจะหลงคู่รักฮาร์ดคอร์​ของเราไปจนหมดหัวใจ  #ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 20-02-2018 21:00:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-02-2018 00:03:08
ทะลึ่งใส่ไม่ได้เลยนะ โซ่พร้อมเสียบแทน ฮา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-02-2018 00:05:12
คู่นี้ฮาร์ดคอร์จริงๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-02-2018 00:31:30
พอร์ชหื่นตลอดเวลา555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-02-2018 03:54:31
พอร์ชทะลึ่งได้ตลอดเวลาเลย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-02-2018 03:59:14
ญาติคนไหนนะที่คิดไม่ดีกับโซ่ ร้ายมากไหม  :katai1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 21-02-2018 10:39:37
อาม่า อาก๋ง อาโกว โอเคกับพอร์ชแล้วใช่ไหม? o13
เรื่องของคุณทนายกับพ่อโซ่ นี่แอบช้อกนิดนึงตอนแรกก็คิดเล่นๆนะ พอเป็นเรื่องจริงนี่ฟินไม่ค่อยออกเลย
สงสารโซ่เพราะก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 21-02-2018 12:57:47
น่ารักๆ
รอๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-02-2018 13:13:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #22 {20/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 21-02-2018 22:34:08
มาต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #23 {22/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 22-02-2018 18:29:43


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{23}






          “พอร์ชๆ ตื่นได้แล้วพอร์ช” โซ่ปลุกคนรักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพราะวันนี้พวกเขาต้องรีบเข้าไปไหว้เจ้าพ่อเจ้าแม่
ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ชาวบ้านในอำเภอศรัทธามากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะเชื่อว่าท่านช่วยปกปักษาให้ลูกหลานชาวอำเภอชุมแสง
อยู่ร่มเย็นเป็นสุขมาเป็นร้อยปี



            “อือ…เช้าแล้วหรอ” เอ่ยถามออกมาทั้งที่ยังคงนอนหลับตานิ่ง



            “ยัง แต่เราต้องรีบออกก่อนเช้า วันนี้มันวุ่นวาย ถ้าไปช้ากว่านี้จะเข้าตลาดลำบาก เดี๋ยวเราต้องเข้าไปไหว้
เจ้าพ่อเจ้าแม่ด้วยนะ…ตื่นเร็ว” ตบตุบลงไปที่พุงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆของคนรัก ให้คนขี้เซาได้รู้สึกตัวตื่น
ขึ้นมาสักที หลังจากที่ทำใจเย็น นั่งปลุกอยู่นานสองนาน



            “โอ้ย! เล่นแรงอีกแล้วนะโซ่” ที่ว่าอย่างนั้นใช่ว่าจะโกรธหรืออะไรหรอกนะ เพราะสุดท้ายแล้ว โซ่ก็โดน
พอร์ชฟัดแก้มอยู่หลายที กว่าที่เจ้าตัวจะยอมไปอาบน้ำได้



            “มึงนั่นแหละเล่นแรง ไอ้หมาพอร์ช” โซ่ยู่หน้าบ่นไล่หลังคนมือหนักไปอย่างเซ็งๆ เมื่อโดนแกล้งจนเจ็บช้ำ
ไปทั้งตัว



            ก๊อก ก๊อก ก๊อก



            “โซ่ตื่นรึยังโซ่! เฮียมาแล้วนะ!” เสียงเคาะประตูรัวๆดังเข้ามาพร้อมกับสียงร้องเรียกของใครบางคนทำเอา
พอร์ชที่เพิ่งจะเดินออกจากห้องน้ำมาถึงกลับสะดุ้งตกใจจน ต่างจากโซ่ที่ยังคงนั่งนิ่งทำเป็นหูทวนลม ทั้งที่คนข้าง
นอกแทบจะพังประตูเข้ามาอยู่แล้ว


            “ใครมาวะ? ทำไมไม่เปิดประตู?” พอพอร์ชถามอย่างนั้นโซ่ก็ลุกเดินไปเปิดประตูแบบที่ไม่สงสารชีเปลือย
อย่างพอร์ชเลยว่าจะหาเสื้อผ้ามาใส่กันโป้ทันไหม



            “โซ่จ๋า~ เฮียคิดถึง” หนุ่มตี๋ตาชั้นเดียวบ่งบอกถึงสัญชาติโผเข้ากอดโซ่ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก



            “ปล่อย” โซ่สะบัดตัวหนีออกจากการกอดกุมแล้วรีบเดินเข้ามานั่งปลายเตียงที่มีพอร์ชกำลังยืนใส่เสื้อผ้า
อยู่ตรงหน้า



            “อ่าว! โซ่มีแขกหรอ เฮียขอโทษนะครับที่เสียมารยาท…สวัสดีครับ ผมชื่อเซฟเป็นลูกพี่ลูกน้องของโซ่
ส่วนคุณ…?” ชายหนุ่มชื่อกายเอ่ยขอโทษน้องชายและผู้ชายที่อยู่ในสภาพที่แทบจะเรียกได้ว่าเปลือยเปล่ากับ
น้องชายของตนเองสองต่อสองตามมารยาท พร้อมทั้งแนะนำตัวเองไปด้วยเลย ก่อนจะเว้นว่างทิ้งจังหวะให้แขก
ของน้องได้แนะนำตัวเองบ้าง



            “ผมชื่อพอร์ชเป็น…”



            “ผัว” ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้พูดจบโซ่ก็โพล่งสวนขึ้นมา ทำเอาสองหนุ่มที่เหลือตกใจอ้าปากค้างไปแล้ว



            “นะ…น้องโซ่ว่าอะไรนะ เมื่อกี้เฮียฟังไม่ทัน” แล้วก็เป็นเซฟที่เรียกสติตัวเองกลับมาได้เป็นคนแรก เอ่ยถาม
ออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างไม่แน่ใจ



            “มันชื่อพอร์ชเป็น ‘ผัว’ โซ่เอง ทำความรู้จักกันไว้สิเฮีย คนกันเองทั้งนั้น” โซ่ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนรัก
ก่อนที่จะซบศีรษะลงบนอกแกร่งเปล่าเปลือยของพอร์ช แล้วพูดเน้นถึงสถานะความสัมพันธ์ระหว่างตนกับพอร์ช
ให้พี่ชายได้เข้าใจแจ่มแจ้งด้วยรอยยิ้มหวานที่พอร์ชแอบลงความเห็นไว้ในใจว่า…ชวนขนหัวลุกมากเสียมากกว่า
ความน่ารักอย่างที่ควรจะเป็น



            “ไม่จริงใช่ไหม? น้องโซ่อย่าล้อเฮียเล่นอย่างนี้สิ…ไม่น่ารักเลยนะ” เซฟพยายามที่จะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก
แต่สีหน้าและแววตาที่บ่งบอกถึงความจริงจังของโซ่ มันทำให้เขายิ้มไม่ออก



            “ไม่เชื่อก็ไปถามอาม่าได้เลย” ผลักพี่ชายออกจากห้องไปอย่างมึนๆแล้วปิดประตูใส่ทันที



            “ทำแบบนี้ ดีแล้วหรอ?” ไม่ใช่ว่าพอร์ชเกิดอยากจะเป็นสุภาพบุรุษอะไรขึ้นมาหรอกนะ แต่เพราะเป็นคนใน
ครอบครัวของโซ่ พอร์ชจึงเลือกที่หุบปากเงียบ แล้วปล่อยให้โซ่เป็นคนจัดการเอง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการให้
เกียรติคนรักอีกวิธีหนึ่ง



            “ถ้าไม่อยากให้มันวุ่นวายก็ปล่อยไว้แบบนี้แหละ มันโตแล้ว แค่นี้…ไม่ตายหรอก” โซ่พูดทิ้งไว้แค่นั้น ก่อนที่
จะเดินหนีไปนั่งเช็คกล้องถ่ายรูปที่ปลายเตียง ปล่อยให้พอร์ชได้แต่งตัวต่ออีกนิด เพียงเท่านี้คนฉลาดอย่างพอร์ชก็
พอจะเดาได้แล้ว ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้รู้สึกกับโซ่เหมือนอย่างพี่น้องทั่วไป แต่น่าจะเป็นเชิงชู้สาวเสียมากกว่า



            “เห็นว่ามีขายข้าว ก็ไม่คิดว่าบ้านมึงจะมีโรงสีข้าวผลิตเองอย่างนี้” เพราะตอนขามามัวแต่คุยอยู่กับอาม่าของโซ่
พอร์ชจึงไม่ทันได้เห็นว่าบ้านของโซ่เป็นแบบไหน แต่พอมาเห็นลานข้าวกว้างใหญ่สุดสายตาอย่างนี้แล้ว พอร์ชบอกเลยว่า
…บ้านนี้ไม่ธรรมดา



            “อือ…วันนี้ห้ามพูดหยาบคายนะพอร์ช” โซ่ไม่ได้สนใจในความตื่นเต้นของคนรักมากนัก เขาเลือกที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการให้พอร์ชรับรู้เท่านั้น เพราะต่อให้เขาจะมีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ในฐานะทายาทหนึ่งเดียวของลูกชายคนโตของอาม่า
และก๋งอย่างชอบธรรม แต่เขาก็ไม่มีคิดที่จะกลับมาปักหลักอยู่ที่นี่เหมือนอย่างลูกหลานคนอื่นให้วุ่นวาย เพราะแค่อยาก
จะเก็บที่นี่ไว้เป็นที่พักใจสุดท้ายในยามที่ชีวิตวุ่นวายจนไร้หนทาง…แค่นั้นพอ



            “รับทราบครับเมีย!” ทำเป็นรับปากขันแข็งเลียนแบบทหารยามรับคำสั่งของผู้บัญชาการ แล้วก้มลงกดจูบลงปลาย
จมูกของโซ่เบาๆ ก่อนที่จะรีบผละออก เมื่อสายตามองเห็นแต่ไกลว่ามีคนบางคนกำลังเดินตรงมาทางที่พวกตนยืนอยู่



            “ม๊าบอกให้พี่พาโซ่กับแฟนไปส่งที่ร้าน” เป็นเซฟนั่นเองที่เดินมาตามทั้งสองคนไปขึ้นรถ เพราะโดนแม่ของตนเอง
หรือก็คืออาหญิงของโซ่บังคับให้ไปส่งพอร์ชกับโซ่ที่ร้านในตลาด เพราะอาม่ากับญาติพี่น้องคนอื่นๆที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง
เมื่อกลางดึก มาครบหมดแล้ว



            “เดี๋ยวพอเขาแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่เข้าศาลแล้วพวกลื้อก็ยกของไหว้ไปวางได้เลยนะอาหลิงเดี๋ยวอั๊วจะพาอาโซ่กับ
อาพอร์ชไปเดินหาของกินในตลาดก่อน” อาม่าพูดสั่งกับลูกสาวคนสุดท้องของตนเองที่เพิ่งจะเดินทางมาจากกรุงเทพฯ
พร้อมกับลูกหลานคนอื่นๆ เมื่อกลางดึก หลังจากที่พอร์ชกับโซ่เข้านอนไปแล้ว



            และก็เป็นอย่างที่พอร์ชคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่จะมา ว่าตนคงไม่สามารถทำให้ญาติของโซ่ยอมรับได้ทั้งหมด
เพียงแค่ได้เจอกันครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะต่อต้าน และตัวพอร์ชคงจะต้องใช้เวลาในพิสูจน์ความจริงใจของตนเอง
อีกสักพักใหญ่ ถึงจะซื้อใจทุกคนได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ครอบครัวคนจีนแท้ๆอย่างโซ่มายอมรับความรัก
ที่แตกต่างแบบนี้ได้



            “วันนี้ควงหนุ่มที่ไหนมาละอาม่า หน้าคุ้นๆ” แม่ค้าร้านขนมหวานที่รู้จักกับอาม่ามาเป็นสิบปีเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นว่าสาวสองพันปีประจำตลาดยอมทิ้งไม้เท้าคู่กายมาควงแขนหนุ่มน้อยหน้ามนเสียได้



            “นี่ก็อาโซ่ลูกชายอาหมอไง” อาม่าแนะนำหลานชายคนโปรดให้พวกแม่ค้าที่อยู่ละแวกนั้นได้รู้จักกันทั่วหน้า
ไม่ว่าวันเวลาที่ผ่านไปสักแค่ไหน โซ่ก็ยังคงเป็นหลานชายที่หญิงชราภาคภูมิใจอยู่ร่ำไป



            “ฉันก็ว่าหน้าคุ้นๆอยู่น้า…แล้วพ่อหนุ่มรูปหล่ออีกคนล่ะลูกหลานใคร” แม่ค้าถามต่ออย่างอารมณ์ดี ตามประสา
คนคุ้นเคยที่ลองได้เปิดปากคุยแล้วก็เป็นอันติดลมเสียทุกครั้งไป



            “นี่ก็อาพอร์ช…หลานชายของอั๊วอีกคนนะสิ ลื้อก็ตามแปลกๆนะอาลี เดินมากับอั๊วอย่างนี้จะเป็นใครไปได้…
ก็ลูกหลานอั๊วทั้งนั้น” คำตอบของอาม่าทำเอาพอร์ชยิ้มกว้างออกมาอย่างถูกใจเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนน่ารักของอาม่า
ต่อหน้าต่อตาแบบนี้



            “ผมพาพอร์ชไปเดินเที่ยวก่อนนะม่า” หลังจากไหว้เจ้าและทานอาหารเช้าที่ร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว โซ่ขอตัว
หลีกหนีออกจากความวุ่นวายของญาติพี่น้องพาคนรักอย่างพอร์ชไปเดินเที่ยวชมงานในจุดต่างๆที่น่าสนใจจะดีกว่ามา
นั่งปวดหัวกับคำถามมากมายแบบนี้



            “ดีๆ ไปพากันไปเดินเล่นเถอะ แล้วตอนเที่ยงก็อย่าลืมกลับมากินข้าวนะอาโซ่” เพราะรับรู้ได้ว่าหลานชายรู้สึก
อึดอัดในการอยู่รวมกับญาติพี่น้องมากมาย อาม่าจึงยอมปล่อยไปแต่โดยดี แม้ว่าใจจริงแล้วอยากจะให้โซ่อยู่ใกล้ๆก็ตามที



            “เจอกันตอนบ่ายเลยดีกว่าฮะม่า เที่ยงนี้โซ่ว่าจะพาพอร์ชไปกินเย็นตาโฟหลังตลาด” อาจจะดูเสียมารยาท
ไปนิดที่เอ่ยปฏิเสธคำชวนของอาม่าไปแบบนั้น แต่โซ่ก็เลือกที่จะทำ เพราะอยากจมอยู่กับความอึดอัดที่เรียกว่าครอบครัว
มาถึงตรงนี้โซ่บอกเลยว่า นอกจากอาม่ากับก๋งแล้ว คนที่เหลือไม่มีใครสามารถทำให้เขาสบายใจได้อย่างที่พ่อกับแม่พอร์ช
ทำได้เลย ทั้งที่เป็นสายเลือดเดียวกันแท้ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับคนนอกที่ไม่เคยรู้จักกันเสียอย่างนั้น



            “ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นเอานี่ไปนะอาโซ่ อาพอร์ช…เอาไว้ซื้อขนมกิน” แม้ว่าโซ่จะปฏิเสธสักแค่ไหน แต่หญิงชราก็
ยังคงบังคับยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือหลานชายจนได้ โซ่เลยจำต้องรับมาเพื่อตัดปัญหา แล้วคิดซะว่าเป็นความสบายใจ
ของบุคคลอันเป็นที่รักของตน



            “ที่นี่เขาดูจริงจังกับงานนี้มากเลยเนอะ” พอร์ชเอ่ยพูดขึ้นมาหลังจากที่โซ่พามานั่งที่หน้าศาลเจ้าเพื่อรอชมขบวนแห่ต่างๆที่กำลังจะทยอยเข้ามาแสดงในรอบเช้า หลังจากเชิญองค์เจ้าพ่อเจ้าแม่ออกจากศาลเจ้าชั่วคราวไปเดินแห่รอบตลาดชุมแสง เพื่อเป็นสิริมงคลตามความเชื่อสืบต่อกันมามากว่าร้อยปี



            “อือ…สำหรับคนชุมแสงแล้ว เจ้าพ่อเจ้าแม่เป็นยิ่งกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีไว้ประดับศาลเจ้า เหมือนอย่างที่อื่น ไม่ว่า
จะมีเรื่องเดือดร้อนหรือทุกข์ใจมากขนาดไหน สิ่งแรกที่คนที่นี่จะนึกถึงก็คือเจ้าพ่อเจ้าแม่ และไม่ว่าจะไปย้ายไปอยู่ไกลสัก
แค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลามีงานประจำปี ทุกคนก็จะกลับมาร่วมงาน กลับมาบ้านที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ” แม้ว่าโซ่จะไม่ได้
ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เหมือนอย่างที่น้องคนอื่น แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่โซ่จะพลาดงานนี้ เพราะเขาเองก็กลับมากราบไหว้บูชาเหมือนอย่างทุกปี แม้ว่าปีก่อนๆนั้นเขาจะต้องเดินเที่ยวเพียงลำพังก็ตาม



            “งั้นก็แสดงว่าที่พิจิตรก็เป็นเทศกาลอาหารอะดิ กูเห็นมีแต่คนไปหาของกิน ไม่เห็นมีใครมาเดินตามขบวนแห่อย่างนี้เลย” พอร์ชพูดบอกไปตามที่คิด ไม่ได้มีเจตนาจะลบลู่อะไร เพียงแต่งานงิ้วที่บ้านเขาเน้นเฉลิมฉลองด้วยการกินมากกว่าที่จะมานั่งดูขบวนแห่เป็นจริงเป็นจังอย่างคนที่นี่ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยผู้คนละลานตา



            “อาจเป็นเพราะพิจิตรมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนเคารพมาก โดยเฉพาะพระคู่บ้านคู่เมืองอย่างหลวงพ่อเพชร เลยไม่ค่อยมีคนสนใจเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่นั่นนัก แต่กว่าครึ่งของจำนวนคนที่นี่คือลูกหลานเชื้อสายจีน ที่อยู่ห่างถิ่นฐานบ้านเกิด เทพเจ้าอย่างเจ้าพ่อเจ้าแม่เลยเป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอีกทางหนึ่ง นอกจากครอบครัวที่อยู่รอบตัว” คำตอบที่ได้จากโซ่ทำให้พอร์ชรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนรักจะมีมุมมองตามความเชื่อแบบนี้อยู่ในตัว



            “โคตรคมอ่ะคำพูด” พอร์ชปรบมือชมเชยให้คนรักเบาๆ ก่อนที่จะทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยินคำตอบแบบขวานผ่าซากของโซในประโยคถัดมา ว่า…



            “กูจำเขามาอีกที”



            “ทำไมได้อย่างนี้มันมีหลายคณะจังวะโซ่” พอร์ชเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นคณะเอ็งกอเด็กวิ่งเข้ามาแสดงหน้าศาลเจ้าในจุดที่โซ่พาพอร์ชมานั่งรอดูการแสดงในช่วงเช้าทั้งหมด



            “อันนี้มันเอ็งกอเด็ก อันก่อนหน้านั้นมันเอ็งกอผู้ใหญ่ แต่ที่กำลังจะตามหลังมาคือเอ็งกอย้อนยุค”



            “แล้วมันต่างกันยังไงวะ กูก็เห็นเหมือนๆกันหมด” แม้ว่าโซ่จะบอกแบบนั้น แต่พอร์ชก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าการที่มีคนวาดหน้าแต่งตัวมิดชิดมาตีกลองเคาะไม้ตรงหน้านี้ต่างกันอย่างไร



            “เอ็งกอเด็กที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้คือเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาลยันชั้นประถมอายุไม่เกินสิบสองของโรงเรียนเชื้อสายจีนในอำเภอนี้แหละ ส่วนเอ็งกอผู้ใหญ่ที่เราดูก่อนหน้านี้ อันมีตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้นตั้งแต่เด็กมัธยมยันวัยทำงานที่ออกไปหาทำมาหากินที่ต่างจังหวัดต่างอำเภอ แต่พอถึงเวลามีงานประจำปีเขาก็กลับมาซ้อม มาเล่นถวายเจ้าพ่ออยู่ทุกปีจนกว่าร่างกายจะไม่ไหว หรือมาไม่ได้จริงนั่นแหละถึงจะหยุดไป” ถ้าเป็นปกติโซ่คงจะด่าพอร์ชว่าโง่ไปแล้วด้วยความรำคาญที่อีกฝ่ายเอาแต่ถามซอกแซก แต่เป็นเพราะรู้ถึงซึ้งถึงความต่างทางวัฒนธรรมที่คนรักไม่เข้าใจ เขาจึงเลือกที่จะอธิบายให้พอร์ชได้รู้แจ้งในทุกสิ่งอย่างที่เจ้าตัวสงสัย



            “แล้วเอ็งกอย้อนยุคที่มึงว่าล่ะ?” เพราะโซ่ยังอธิบายไม่หมด พอร์ชจึงเอ่ยท้วงออกมา



            “มาโน่นแล้วไง ดูเอาเองสิ” โซ่ชี้ชวนให้พอร์ชดูคณะเอ็งกอย้อนยุคที่กำลังวิ่งเข้ามาในลานแสดง ต่อจากคณะเอ็งกอเด็กที่พึ่งจบการแสดงออกไป



            “เฮ้ย! ไม่จริงน่า” พอร์ชอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นนักแสดงทั้งหมดในชุดนี้ ที่แม้ว่าจะวาดหน้าทาตาแต่งชุดรัดกุมแค่ไหนก็ไม่อาจปกปิดริ้วรอยแห่งวัยเอาไว้ได้



            “หึๆ ก็อยากจะปฏิเสธหรอกนะ แต่บอกเลยว่าของจริง ผู้แสดงคณะเอ็งกอชุดนี้มีอายุหกสิบปีขึ้นไปทั้งนั้น มีพวกวัยกลางคนอยู่ไม่กี่คนหรอกที่เบื่อเอ็งกอผู้ใหญ่แล้วหนีมาเล่นกับเอ็งกอย้อนยุคแบบนี้” โซ่หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะอธิบายถึงความแตกต่างให้คนรักฟังต่อ



            “มึงรู้เรื่องพวกนี้ได้ไงวะโซ่” พอร์ชถามออกมาอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนรักจะมีความรู้เรื่องศิลปะการแสดงแน่นขนาดนี้



            “อย่างแรกเลยคือกูเป็นลูกหลานชาวชุมแสง อย่างที่สองคือกูโดนอาม่าเล่าให้ซ้ำๆจนฝังอยู่ในหัวมาตั้งแต่จำความได้ อย่างที่สามเลยคือ เมื่อสองปีที่แล้วกูเคยเป็นหนึ่งในนักแสดงเอ็งกอย้อนยุคคณะนี้ เพราะก๋งกูเป็นทั้งคนแสดง และครูฝึกสอนอยู่ในนี้ ก่อนที่เขาจะไปนอนเป็นผักอยู่บนเตียงอย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ” พอร์ชถึงกับเหวอเมื่อรับรู้เรื่องราวอีกมุมหนึ่งของคนรัก ซึ่งเป็นมุมที่พอร์ชคิดว่าไม่น่าจะเหมาะกับคนโลกส่วนตัวสูงติดเพดานอย่างโซ่เลย เพราะดูเหมือนว่าการแสดงชุดนี้จำเป็นต้องมีความสามัคคีการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มันเป็นอะไรที่ห่างไกลจากคนอย่างโซ่อยู่มากโข







            “มึงมีเรื่องให้กูต้องตกใจอยู่ตลอดเลยนะน้องนิ่ง” หลังจากที่อ้าปากหวอเพราะเหลอรับประทานอยู่พักใหญ่แล้ว พอร์ชก็พูดบอกออกมาในที่สุด



            “ในร้านก็มีรูปกูกับก๋งตอนเล่นเอ็งกอแปะอยู่ที่ข้างฝาบานอย่างใหญ่มึงไม่เห็นหรอ?”



            “ไม่ทันได้สังเกตว่ะ แต่กลับไปกูจะไปขออาม่าดู ว่าแต่มึงเล่นเป็นตัวไหนวะ?” พอร์ชถามต่อ



            “ก็ที่อยู่ตรงกลางนั่นไง เมื่อก่อนมันมีสามคน แต่พอกูไม่ได้กลับมาเล่นก็เหลือแค่สองคน” โซ่ชี้ให้คนรักดูในตำแหน่งตัวละครสมมุตที่ตนแสดงอยู่ในคณะ



            “โกหกน่า…” พอร์ชลากเสียงยาว อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ลำพังแค่คิดว่าโซ่คงจะแสดงเป็นหนึ่งในตัวละครชุดสีน้ำเงินที่มีมากมายก็ว่ายากแล้ว แต่นี่เจ้าตัวชี้ไปยังจุดที่มีคนแสดงเป็นงู ซึ่งอยู่กลางวงเป็นจุดสนใจแล้วพอร์ชว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้





            “ก็เรื่องของมึง…เมื่อสองปีที่แล้วก๋งกูเล่นเป็นตัวหัวหน้าหนวดแดงตรงนั้น ส่วนกูเป็นงูที่อยู่ตรงกลางแบบปฏิเสธไม่ได้ เพราะถ้าคนเล่นไม่ครบ แต่กว่าจะเล่นได้แบบนี้ กูถูกก๋งใช้ไม้พองตีขาแทบหักเพราะเต้นไม่สวย ไม่พลิ้วอย่างที่เขาต้องการ…เอ็งกอใหญ่ที่มีวัยรุ่นอาจจะเล่นเอามันส์ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับเอ็งกอย้อนยุคที่กูคุ้นเคย พวกเขาตั้งใจมาแสดงเพื่อถวายเจ้าพ่อเจ้าแม่จริงๆ มึงคิดถึงสภาพความเป็นจริงสิพอร์ชว่าคนวัยนี้ที่มีตั้งแต่หกสิบจนถึงแปดสิบปี ลำพังแค่ยืนนานๆยังแทบจะไม่ไหว แต่นี่พวกเขาต้องตื่นมาแต่งหน้าแต่ตัวตั้งแต่ตีสองตีสาม แสดงตั้งแต่เช้ายันค่ำเป็นสิบๆรอบ ถ้ามีแค่ใจ แต่ไม่ศรัทธา กูบอกเลยว่าไม่รอด” ความจริงแล้วโซ่ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายคนที่อยากจะเก็บวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีนี้สืบต่อไป แต่จะไปได้ไกลมากน้อยเพียงใด ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้นำและความสามัคคีของคนในอำเภอ



            “กูเพิ่งจะเข้าใจคำว่าแก่แต่เก๋าแบบจริงๆจังๆก็วันนี้นี่แหละ” พอร์ชพูดบอกในขณะที่สายตาก็เอาแต่จับจ้องอยู่กับการแสดงตรงหน้า ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะเก็บเอาคำพูดของคนรักมาเป็นที่ตั้งในการตัดสิน แต่เพราะท่าทางการแสดง ไม่ว่าจะทางสีหน้าหรือท่าทาง คณะนี้แสดงออกมาได้อ่อนช้อย สวยงาม และดุดันกว่าสองกลุ่มแรกอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าความแข็งแรงของสภาพร่างกายจะเป็นรองอยู่ก็ตาม



            “กูดีใจที่มึงชอบ” แม้ว่าพอร์ชจะไม่ได้เอ่ยปากออกชมออกมาให้ได้ยิน แต่แววตาวาววับที่แสดงถึงความตื่นเต้นของเจ้าตัวในยามที่ได้ชมการแสดงต่างๆ มันทำให้โซ่รู้สึกภูมิใจ ที่อย่างน้อย วันนี้เขาก็ได้เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีอันเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านประจำอำเภอออกสู่คนนอกอย่างพอร์ชได้อีกหนึ่งคน…ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี



            “ทำไมคนพวกนั้นถึงต้องวิ่งเข้าไปแบกเกี้ยวด้วยวะโซ่?” หลังจากดูการแสดงหน้าศาลเจ้าชั่วคราวเสร็จแล้ว โซ่ก็พาพอร์ชออกมาเดินเที่ยวชมไปตามจุดต่างๆรอบตลาด บริเวณที่เขาขายสินค้าและจัดการแสดง แต่พอเดินถ่ายรูปเล่นมาได้สักพัก พวกเขาก็มาเจอกับเกี้ยวเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ชาวบ้านร้านตลาดที่เป็นผู้ชายพากันเข้าผลัดเปลี่ยนหมุดเวียนเข้าไปแบกเกี้ยว เรื่องน้ำหนักของเกี้ยวก็อาจจะเป็นส่วน แต่ดูเหมือนกับว่าคนเหล่านี้ที่เขาเห็นจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป



            “คนที่นี่เขาเชื่อกันว่า ถ้าผู้ชายที่แต่งงานแล้ว มีเมียแล้ว หรือกำลังจะแต่งงาน ถ้าได้แบกเกี้ยวเจ้าพ่อเจ้าแม่ตอนแห่อย่างนี้จะได้ลูกชายสมอย่างใจหวัง” โซ่บอกไปตามที่เคยได้ฟังมาจากอาม่าอีกทีหนึ่ง



            “งั้นกูไปแบกมั่งดีกว่า” พอร์ชทำท่าจะเข้าไปแบกเกี้ยวเจ้าพ่อเจ้าแม่อย่างที่ปากพูดจริงๆ แต่ถูกโซ่ดึงรั้งไว้เสียก่อน



            “กูท้องไม่ได้ มึงจะไปแบกหาป้ามึงหรอ? หรือคิดจะมีเมียใหม่?” โซ่กระชากคอเสื้อคนรักเข้ามาเสียงแข็ง



            “เมียใหม่ห่าอะไร ก็มีมึงคนเดียวนี่แหละ แต่โลกทุกวันนี้มีแต่เรื่องแปลกๆ กูเลยอยากจะไปขอไว้ก่อน เผื่อท่านจะเห็นใจ ส่งลูกชายลงมาให้เรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง…เมื่อเราพร้อม” นั่นคือสิ่งที่พอร์ชคิด อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่กับโซ่มาก ทุกวันนี้พอร์ชเลยกลายเป็นพวกคิดวางแผนชีวิตระยะยาวไว้เหมือนกันกับคนรัก



            “ถ้างั้นก็อยู่นี่แหละ ไม่ต้องเข้าไป” พูดบอกพร้อมกับจัดปกเสื้อคนรักให้เรียบร้อยดังเดิม



            “ทำไม?” พอร์ชไม่เข้าใจว่าทำไมโซ่ถึงห้ามตน เพราะจากที่สังเกตพฤติกรรมของคนรักมาพักใหญ่แล้ว โซ่เองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากมีลูกเพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ตัวเองขาดในวัยเด็ก เหมือนอย่างเขาที่เคยคิดจะมีลูกทันทีที่เรียนจบ เพราะอยากจะเป็นทุกสิ่งอย่างในชีวิตของลูก ไม่ใช่พ่อที่เอาแต่ทำงานหาเงินส่งให้ลูกเมียเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นคนที่ลูกไว้ใจให้เป็นทั้งพ่อ พี่และเพื่อนไว้คอยปรึกษาปัญหาได้ในขณะเดียวกัน



            “กูอยากมีลูกสาว”





TBC.
     PS. มีอะไรผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัย แม้ว่าวัฒนธรมมประเพณีที่หยิบยกขึ้นมาเขียนจะเป็นเรื่องจริง แต่ในส่วนของพอร์ชกับโซ่ก็ยังคงเป็นนิยายที่แต่งแต้มออกมาจากจินตนาการของผู้เขียน หากมีจุดไหนไปกระถึงผู้ใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้เลยนะคะ #สำนึกรักบ้านเกิด #โปรโมทแบบเนียนๆ #ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #23 {22/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 22-02-2018 19:41:35
หลากหลายอารมณ์ในตอนเดียว
รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #23 {22/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 22-02-2018 19:51:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #23 {22/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 22-02-2018 20:03:46
ชอบอ่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #23 {22/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-02-2018 23:12:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #23 {22/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-02-2018 23:42:27
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #23 {22/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-02-2018 23:57:40
คงต้องเป่ายิงฉุ้บเรื่องลูกแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #23 {22/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-02-2018 01:29:10
คนหนึ่งอยากได้ลูกชาย อีกคนอยากได้ลูกสาว งั้นก็เอาเป็นแฝดเลยแล้วกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 26-02-2018 20:21:02


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{24}









            “คุณนายปลื้มจิตกำลังจะมาถึง” พอร์ชที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์จากแม่ของตนเอง หันมาบอกกับโซ่ที่
นั่งพักดื่มน้ำอยู่ข้างกัน หลังจากเดินถ่ายรูปเล่นมาหลายเกือบสองชั่วโมง



            “ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไง” โซ่เลิกคิ้วถาม



            “ไม่รู้เหมือนกัน” ยักไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงเปลี่ยน
กำหนดการ จากที่บอกไว้ว่าจะมารับพรุ่งนี้กลับมาวันนี้แทน



            “โทรไปบอกให้เขาแวะจอดรถที่ศูนย์นี่แหละ” โซ่บอกกับคนรักให้โทรไปหาคุณนายปลื้มจิตที่
กำลังเดินทางมา แวะหาที่รถตรงท่ารถเมล์ที่มีชาวบ้านแถวนั้นนำเชือกฟางสีสดใสมาล้อมกรอบสี่เหลี่ยม
บริเวณหน้าบ้านตนเอง เพื่อทำเป็นที่รับฝากรถชั่วคราว



            “มานั่นแล้วไง โคตรไวเลย” พอร์ชชี้ให้โซ่ดูรถหรูที่คุ้นตาของแม่ตนเองกำลังเลี้ยวเข้าจอดยัง
จุดรับฝากรถที่ว่างอยู่ตามที่ตนเองได้โทรไปบอกเมื่อครู่



            “มาให้แม่กอดทีสิน้องโซ่ คิดถึงจังเลย” คุณนายปลื้มจิตทำเมินลูกชายแท้ๆของตนเองแล้ว
หันไปกอดทักทายลูกสะใภ้สุดที่รักแทน



            “อะไรจะขนาดนั้นแม่ พวกผมพึ่งมาถึงแค่คืนกับอีกครึ่งวันเองนะ…เว่อร์ไปปะ?” พอร์ชละอด
ไม่ได้ที่จะทำปากยื่นปากยาวเข้าไปพูดแซวแม่ตัวเอง



            “เรื่องของฉันเถอะ! ว่าแต่น้องโซ่พาแม่ไปเดินเที่ยวหน่อยสิ เมื่อกี้ก่อนจะถึงทางข้ามรถไฟ
แม่เห็นขบวนพาเหรดอะไรก็ไม่รู้ มีเด็กตัวน้อยๆ ถือกระเช้าดอกไม้น่ารักดี” ว่าลูกชายเสร็จคุณนายเธอ
ก็หันมาคุยกับลูกสะใภ้ต่อ



            “ตอนนี้เขาคงพักเที่ยงกันหมดแล้วฮะแม่ เอาไว้ผมพาไปดูหน้าศาลเจ้ารอบบ่ายดีกว่าฮะ
จะได้ดูครบทุกขบวนเลย” โซ่บอก



            “นั่นสิแม่ ผมว่าเราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า ผมล่ะทั้งเหนื่อยทั้งหิวเลย” พอร์ชช่วย
คนรักกล่อมแม่อีกแรง



            “ก็ได้ ถ้าน้องโซ่ว่าอย่างนั้นแม่ก็ตามใจ” เธอยิ้มหวานส่งให้ลูกสะใภ้อย่างเอาใจ จนพอร์ช
ถึงกลับต้องเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าแม่ผัวลูกสะใภ้คู่นี้เขาจะรักจะหลงกันไปถึงไหน



            “งั้นไปนั่งพักที่ร้านก่อนแล้วกันครับ แล้วค่อยไปหาอะไรกิน ป่านนี้พวกร้านข้าว ร้านก๋วยเตี๋ยว
แถวนี้คงเต็มไปหมดแล้ว คนเยอะขนาดนี้” โซ่มองพวกนักแสดงที่อยู่ในช่วงพักเดินปะปนกับคนดูแล้ว
ก็คิดว่าควรจะไปตั้งหลักที่ร้านก่อน แล้วค่อยคิดดูอีกทีว่าจะทำอะไรต่อ



            “มาพอดีเลยอาโซ่อาพอร์ช ม่าว่าจะให้เด็กในร้านไปตามหาพอดี” อาม่าเอ่ยเรียกโซ่กับพอร์ช
อย่างดีใจ เพราะกำลังจะวานให้เด็กในร้านออกไปเดินตามหาทั้งสองคนพอดี เพราะถึงเวลาทานอาหาร
กลางวันแล้ว และถึงแม้ว่าโซ่จะบอกไว้ก่อนหน้าว่าจะหาอะไรกินเอง แต่ตนก็อดห่วงหลานชายไม่ได้อยู่ดี



            “ม่า…นี่พ่อกับแม่ของพอร์ช ส่วนคนนี้ก็อาม่าผมเองฮะ” แม้ว่าจะขัดเขินไปบ้าง เพราะไม่เคยคิดว่า
ตนจะมีวันที่มายืนแนะนำให้ครอบครัวของตนเองและคนรักได้รู้จักกันแบบนี้ แต่โซ่ก็ตีหน้าพูดบอกออกมาจนได้



            “อายินดีๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะ…มากินข้าวกันก่อน เรื่องอื่นไว้คุยกันที่หลัง” อาม่าของโซ่ยิ้มรับคำทักทาย
จากพ่อแม่พอร์ชด้วยความยินดี ก่อนที่จะชวนร่วมวงทานมื้อกลางวันด้วยกัน



            “ไม่กินข้าวได้ไหมม่า โซ่อยากกินเย็นตาโฟ” เพราะแผนการเดิมคือตั้งใจจะพาคนรักอย่างพอร์ชไป
ลองทานก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟรสเด็ดเจ้าประจำ บวกกับความอยากทานเป็นพิเศษของตนเอง โซ่ถึงได้ออก
อาการงอแงออกมาอย่างที่เห็น



            “ม่าว่าลื้อจดใส่กระดาษมาดีกว่านะอาโซ่ว่าอยากจะกินอะไร เดี๋ยวม่าจะให้เด็กที่ร้านไปซื้อให้ ส่วนลื้อ
ก็อยู่รอกับม่าที่ร้านนี่แหละ อีกเดี๋ยวขบวนแห่ก็จะมาทางนี้แล้ว” แม้ว่าจะนำอาหารหวานคาวไปไหว้ที่ศาล
เจ้าชั่วคราวตอนค่อนแจ้งก่อนที่จะอันเชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่รอบตลาดเพื่อความเป็นสิริมงคลไปแล้ว แต่อาม่า
ก็อยากจะให้หลานชายอยู่ด้วยกันตอนที่ขบวนแห่ต่างๆจะพวก สิงโตทอง มังกรทอง เอ็งกอเด็ก เอ็งกอผู้ใหญ่
เอ็งกอย้อนยุคเหล่านี้เข้ามาวิ่งวนในร้าน พร้อมกับการจุดประทัดถวายเจ้าพ่อเจ้าแม่ยามที่เกี้ยวอันเชิญผ่านหน้าร้าน
เพราะถือว่าเป็นสิริมงคล จะทำมาค้าขายร่ำรวย กิจการงานค้าไม่มีติดขัด



            “ก็ได้ฮะ” ในเมื่ออาม่ายื่นข้อเสนอมาอย่างนั้น โซ่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะไม่อยากให้ญาติพี่น้องที่
ไม่ค่อยชอบหน้าตนเองเอาไปนินทารับหลังหาว่าเรื่องมา



            “อยู่กับม่านี่แหละ ใครจะว่าอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด” อาม่าลูบผมนุ่ม
ของโซ่เพื่อปลอบโยน เพราะพอจะเข้าใจในความรู้สึกของหลานชาย แต่เพราะตนเป็นผู้ใหญ่(ที่รู้ทุกเรื่อง)จึงจำ
ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่ถ้าหนักหนาสาหัสเกินไป ตนก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน ลูกสะใภ้ หลานสะใภ้หรือจะมารักมาก
กว่าหลานชายแท้ๆอย่างโซ่…ไม่มีหรอก



            “ครับ…กินไร?” พยักหน้ารับคำกับอาม่าก่อนที่จะหันมาหาพอร์ชเมื่อได้รับกระดาษกับปากกามาจาก
ลูกจ้างในร้าน



            “เอาเหมือนมึงก็ได้” เพราะไม่รู้ว่าอะไรเด็ดอะไรดัง พอร์ชจึงให้คนรักเป็นคนสั่งให้ เพราะตนเป็นคนกินง่าย
ไม่เรื่องมากอยู่แล้ว ที่สำคัญเลยคือ พอร์ชมั่นใจมากว่าเมนูที่โซ่กำลังจะเขียนใส่กระดาษจะต้องอร่อยในระดับหนึ่ง
ไม่อย่างนั้น อย่าหวังว่าท่านโซ่จะยอมกลืนลงท้อง



            “ป๋ากับแม่ละฮะ…กินไรดี?” พอได้คำตอบจากคนรักแล้วก็หันไปถามพ่อแม่ของคนรักที่กำลังนั่งคุยกับอาม่าต่อ



            “แล้วแต่น้องโซ่เลยลูก แม่กับป๋าไม่เรื่องมากหรอก”



            “ว่าแล้ว!” พอร์ชทำเสียงสูงพูดขัดขึ้นมา เมื่อได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากของแม่ตัวเอง



            “อะไรของแกเจ้าพอร์ช! เสียงดังทำไม ทำคนอื่นเขาตกใจหมด” คุณนายปลื้มจิตเอื้อมมือมาหยิกต้นแขน
ของลูกชายเบาๆเป็นการลงโทษที่ทำให้เธอตกใจ



            “ก็แม่นั่นแหละ อะไรก็แล้วแต่น้องโซ่ๆ จนผมเริ่มจะหึงแล้วนะ ผัวตัวเองก็มี…มาอ้อนเมียคนอื่นอยู่ได้” เพราะความ
ลืมตัวพอร์ชจึงได้พูดโพล่งเสียงดังออกมา ก่อนที่จะทำหน้าจ๋อยเมื่อหันไปเห็นสายตาคนรอบข้างจ้องมาที่ตนเป็นตาเดียว



            “ตายแล้วเจ้าพอร์ช! ขอโทษนะคะอาม่าที่เจ้าลูกชายตัวดีทำเสียมารยาท” คุณนายปลื้มจิตรีบเอ่ยขอโทษ
ขอโพยอาม่าเป็นการใหญ่ กลัวว่าคำพูดห่ามๆของลูกชายจะทำให้อาม่าของโซ่โกรธเอา



            “โอ้ย…อย่าคิดมากเลยอาคุณนาย ฉันไม่โกรธอาพอร์ชอีหรอก อั๊วชอบคนตรงๆแบบนี้แหละ เพราะเมื่อเช้า
หลานอีกคนของฉันก็เพิ่งมาบอกว่าโดนเจ้าโซ่แนะนำให้รู้จักกับผัวของอี เล่นเอาเจ้าเซฟพี่ชายอีหน้าแห้งไปทั้งวัน”
อาม่าหัวเราะชอบใจออกมาเบาๆ ทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดก่อนหน้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอทำ
เตรียมทำใจไว้ตั้งแต่ที่โซ่แนะนำให้ตนรู้จักกับพอร์ชในฐานะคนรักแล้ว แต่เพิ่งจะปล่อยวางได้ก็เมื่อรุ่งเช้านี้เองที่เซฟ
มาเล่าให้ฟังว่าโดนโซ่แนะนำพอร์ชให้เจ้าตัวรู้จักพร้อมกับคำว่า ‘ผัว’



            “ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องขอโทษ…มาขอโทษอาม่าเลยเจ้าพอร์ช พูดอะไรไม่คิด” แม้ว่าอาม่าจะไม่ได้
ถือโทษโกรธอะไร แต่คุณนายปลื้มจิตไม่สามารถปล่อยผ่านได้



            “ขอโทษนะครับอาม่า ผมไม่ได้ตั้งใจ” พอร์ชทรุดตัวก้มลงกราบที่ตักหญิงชราเป็นการขอขมาที่ทำ
กิริยามารยาทที่ไม่ดีออกไป



            “อย่าคิดมากๆ เป็นตัวของตัวเองมันดีที่สุดแล้วอาพอร์ช…เชื่อม่า” เธอยกมือลูบศีรษะของเด็กหนุ่มเบาๆ
ทั้งยังบอกให้เจ้าตัวแสดงออกถึงการเป็นตัวเองได้ตามสบาย เหมือนให้ท้าย เพราะพอจะมองออกว่าพอร์ชเป็นคนยังไง
จากประสบการณ์ชีวิตที่สะสมมามันบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เลวร้ายอะไร อาจจะทะเล้นไปนิดตามประสาเด็กผู้ชาย
แต่พอจะก็วางใจได้ ที่จะฝากให้เจ้าตัวช่วยดูแลหลานชายสุดที่รักอย่างโซ่ให้



            “ที่นี่เขาดูคึกคักกันจังเลยนะคะคุณ” คุณนายปลื้มจิตหันไปคุยกับสามีที่ยืนอยู่ข้างกัน ระหว่างมองดูขบวน
แห่ต่างๆผ่านหน้าร้านขายข้าวของครอบครัวโซ่ไปอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะงานงิ้วที่พิจิตรไม่ได้ขนวนแห่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้



            “รอให้เขาแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่กลับเข้าไปประทับที่ศาลเจ้าชั่วคราวก่อนนะฮะแม่ แล้วโซ่จะพาไปดูการแสดงรอบเย็น”
โซ่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันกลับมาพูดบอกด้วยรอยยิ้มหวาน เพราะเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดีที่ได้ทานของอร่อยไปหลายอย่าง



            “จะทันหรอ ที่เดินผ่านไปนี่พวกเขายังไม่ได้เข้าไปแสดงที่หน้าศาลหรอ?” พอร์ชถามด้วยความสงสัย เพราะ
ถ้าเอาตามความเข้าใจของเขาแล้ว หลังจากที่ขบวนแห่งต่างๆ วนกลับมาเมื่อครบรอบก็จะเป็นการแสดงรอบสุดท้าย
แล้วไม่ใช่หรอ…รึไง?



            “ทันพวกมังกร สิงโต เอ็งกอ แต่ไม่ทันพวกขบวนพาเหรดของโรงเรียนที่เราดูเมื่อเช้าไง อันนั้นเขาจะเล่น
ก่อนที่เจ้าพ่อเจ้าแม่จะเข้าศาล ส่วนพวกมังกรจะเล่นที่หลังปิดท้าย” โซ่อธิบายให้คนรักเข้าใจ เพราะรอบบ่ายจะไม่
เหมือนรอบเช้าที่ให้พวกคณะเอ็งกอ มังกร สิงโตออกไปก่อนแล้วตามด้วยขบวนพาเหรดของโรงเรียนต่างๆ แต่การ
แสดงในช่วงเย็นจะสลับกันให้ขบวนพาเหรดเข้าก่อน คณะอื่นๆ ค่อยตามเข้าไปหลังจากที่แห่เจ้าพ่อเจ้าแม่กลับเข้า
ไปประทับที่ศาลเจ้าชั่วคราวดังเดิม เหมือนตอนที่ออกไป



            “อ๋อ~” พอร์ชลากเสียงยาวอย่างเข้าใจ



            “อา…งั้นแม่ก็อดดูขบวนพาเหรดสวยๆนั่นละสิ” แม่ของพอร์ชทำหน้าเสียดาย มองตามท้ายขบวนพาเหรด
ของโรงเรียนที่ปิดขบวนไปจนสุดสายตา



            “เดี๋ยวโซ่พาแม่ไปดูดักรอดูที่จุดสุดท้ายที่เขาแปลขบวนก่อนเข้าศาลก็ได้ฮะ เพราะถ้าให้ไปนั่งดูที่หน้าศาล
ตามเวลาคงไม่ไหว แดดร้อนเกิน” อาจจะเป็นเพราะว่าได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น โซ่จึงเรียกชื่อตัวเองแทนคำว่าผม
อย่างก่อนหน้าไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วง เพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะเขินอายจนกลายเป็นเปิดช่องว่าง
ที่ปิดไปแล้วขึ้นมาอีก



            “ก็ดีนะ นานๆได้มาเที่ยว แม่ก็อยากจะดูให้ครบไปเลย” แล้วก็เป็นเช่นเดียวกันกับทุกทีที่คุณนายปลื้มจิต
มักจะเห็นดีเห็นงามกับลูกสะใภ้อยู่เสมอ



            “ป๋าว่าไอ้โซ่จะใช่ลูกของแม่ที่พลัดพรากกันไปนานรึเปล่าวะ ถึงได้รักกันขนาดนั้น” พอร์ชเอนศีรษะซบบ่า
คนเป็นพ่อแสร้งทำเป็นอ่อนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเจ้าตัวก็กำลังรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นคนรักกับแม่เข้ากันได้ดี ไม่มีปัญหา
แม่ผัวลูกสะใภ้แบบคนอื่นให้ต้องกังวล



            “มึงก็รู้ว่าแม่มึงหลงเจ้าโซ่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” พ่อของพอร์ชพูดบอกพร้อมกับดันหัวลูกชายออกจาก
บ่าเหมือนรังเกียจ บอกเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นนี่เขาหึงไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นลูกสะใภ้ แต่ก็ยังเป็นผู้ชาย แต่พอเป็นโซ่แล้ว
กลับไม่เคยมีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวเขาเลย เพราะรู้ดีว่าภรรยาของตนเองอยากได้โซ่มาเป็นลูกชายตั้งแต่ไหนแต่
ไรแล้ว เพราะโซ่เป็นเด็กอ้วนตัวกลมๆที่โคตรน่ารัก ชอบพูดจ๊ะจ๋าออดอ้อนทำคนหลงรักมานักต่อนัก ไม่เว้นแม้แต่ตัว
ของเขาเองก็ตามก่อนที่จะหายไปแล้วกลายโตมาเป็นคนนิ่งเงียบแบบนี้



            “นั่นสิเนอะ”

,,

,,

,,

            “ผมพาพอร์ชไปเดินเล่นนะม่า” โซ่กระซิบบอกกับอาม่าที่นั่งอยู่ข้างกันหลังจากที่ทานอาหารบนโต๊ะจัดเลี้ยง
จนอิ่มแล้ว ที่เหลือก็มีแต่รอให้พวกคุณหญิงคุณนายหรือไฮโซโอท็อปเขาแข่งกันประมูลสิ่งของต่างๆของเจ้าพ่อเจ้าแม่
ที่ทางเถ่านั้ง(หัวหน้าผู้จัดงาน)นำออกมาประมูล



            “ไปสิ แล้วกลับมาเจอกันที่ร้านนะ…ม่าจะรอ” คราวนี้อาม่ายอมอนุญาตแต่โดยดี เพราะรู้ว่าการประมูลที่สนุก
สำหรับคนวัยเดียวกันกับตน มันจะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อมากในวัยของโซ่ พอได้รับคำอนุญาตแล้ว โซ่ก็หันไปสะกิด
คนรักอย่างรู้กัน พอร์ชเองก็หันไปพูดคุยกับพ่อแม่ของตนเองอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะพากันเดินออกมาจากลานประมูลทันที
เพราะเบื่อเต็มทน



            “ดูเหมือนว่าอาม่ามึงกับแม่กูจะเข้ากันได้ดีเลยนะ” พอร์ชพูดบอกในขณะที่สายตาก็มองเหม่อออกไปตาม
เส้นทางความยาวของแม่น้ำทั้งสายที่ทอดยาวไปสุดสายตา เพราะหลังจากที่เดินเล่นและซื้อของฝากจนทั่วแล้ว
พวกเขาก็ไม่รู้จะไปไหนกันต่อ เพราะกระประมูลยังไม่จบ โซ่เลยพาพอร์ชเดินนั่งเล่นอยู่ตรงเขื่อนข้างริมน้ำที่ทาง
เทศบาลเขาจัดไว้ให้ชาวบ้านมานั่งเล่นชมวิวริมแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเดียวกันกับที่พิจิตร ที่ๆโซ่ชอบไปนั่งดู
เพราะมันทำให้เขาหายคิดถึงอาม่ากับก๋งที่อยู่ทางนี้ไปได้บ้าง



            “ก็ดีแล้ว” สำหรับโซ่แล้วก็คงจะไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกดีไปมากกว่าการที่ได้เห็นผู้ใหญ่ที่ตนรักและเคารพ
ของตนและคนรักเข้ากันได้ดีอย่างนี้



            เช้าวันต่อมา…



            “เมื่อคืนแม่ประมูลอะไรมามั่งอ่ะ?” พอร์ชเอ่ยถามในขณะที่อยู่บนรถระหว่างเดินทางกลับบ้านที่พิจิตร
ในช่วงสาย เพราะกว่าจะจับให้คุณนายปลื้มจิตกับอาม่าของโซ่แยกออกจากกันได้ ทำเอาเสียเวลาไปหลายชั่วโมง
เพราะสองสาวเขามีเรื่องพูดคุยกันมากมาย



            “หึๆ” ยังไม่ทันที่คุณนายปลื้มจิตจะได้ตอบอะไร เสี่ยใหญ่ผู้เป็นสามีที่ทำหน้าที่สารถีก็หัวเราะขัดขึ้นมาเสียก่อน



            “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะคุณ…แม่ได้อันนี้มา แบ่งกันไปเลยคนละปึก ใครโชคดีก็เอาไปเลย…แม่ให้” คุณนาย
ปลื้มจิตยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือที่วางอยู่บนตัก หยิบสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบชุดสิบใบจำนวนห้า
ชุดออกมาแบ่งให้โซ่กับพอร์ชคนละปึก ส่วนสองชุดที่เหลือเธอก็เก็บไว้เสี่ยงโชคเอง



            “โอ้ย…มันคงจะถูกละเนอะ! ผมละเชื่อแม่เลย คนอื่นเขาก็ประมูลของมงคลของมีค่ากัน นี่แม่เอาอะไรมาเนี่ย”
พอร์ชหัวเราะขำออกมาเสียงดัง เพราะถ้าจำไม่ผิดอาม่าของโซ่ก็ประมูลทีกงเต็ง หรือ ต้นไผ่ประดับโคมบูชาเทพยดา
ฟ้าดินประจำปีไป แล้วนี่อะไร? คุณนายปลื้มจิตกลับประมูลสลากกินแบ่งรัฐบาลมาเฉย สมแล้วกับป๋าชอบว่า ‘โต๊ดไม่เต็ง
เก็งก็พลาด’ เพราะร้อยวันพันปีคุณนายเธอจะถูกหวยกับชาวบ้านเขาสักที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้งมงาย
หวังรวยด้วยหวย เพราะเธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาช่วยสามีบริหารงานกิจการร้านค้าของตัวเองอย่างขันแข็ง แต่อาจเป็น
เพราะว่านึกสนุกที่เห็นลูกน้องเล่นก็เลยเล่นตามไปแบบขำๆ ถูกก็ดี ไม่ถูกก็ไม่เป็นไรประมาณนั้น



            “ทำเป็นขำไปเถอะ อาม่าบอกว่าหวยของเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ถูกประมูลไป มีคนถูกทุกปี…ถ้าฉันถูกขึ้นมาอย่ามา
ขอแบ่งก็แล้วกัน…ชิ!” คุณนายปลื้มจิตทำเป็นสะบัดบ๊อบใส่ลูกชาย แล้วหันไปทำตาค้อนใส่สามีที่ทำเป็นพยักหน้า
เออออเห็นเห็นดีเห็นงามไปกับคำพูดของพอร์ช

..

..

..

            สองสัปดาห์ต่อมา…



            30 ธันวาคม 2560



            “ทำอะไรกันครับสาวๆ” พอร์ชที่เพิ่งกลับมาจากเอารถไปส่งให้ลูกค้าที่ต่างอำเภอ ร้องถามเมื่อเห็นแม่กับ
คนรักอย่างโซ่กำลังนั่งหน้าจอโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง พร้อมกับแม่บ้านและพนักงานขายกับพนักงานบัญชี
ที่เป็นผู้หญิงอีกสองสามคน



            “อย่าเสียงดังสิเจ้าพอร์ช ไม่เห็นหรอว่าพวกแม่กำลังใช้สมาธิกันอยู่” พอได้ยินอย่างนั้น พอร์ชก็รีบหันไปมอง
บนหน้าจอโทรทัศน์ที่ไม่ได้สนใจมองในตอนแรกทันที ถึงได้รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้สาวๆถึงได้ทำหน้าเครียดเหมือน
ว่าโลกจะแตกอย่างนี้



            “ดูไปก็เท่านั้นแหละแม่ ผมไม่เคยเห็นแม่ถูกสักที” พอร์ชว่าพลางนั่งลงข้างโซ่ ยกแขนพาดคอ โน้มตัวดึงคนรัก
เข้ามากอด โซ่เองก็ยอมเอนตัวเข้าหาอย่างว่าง่าย แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์เช่นเดียวกันกับที่สาวๆเป็น



            “หุบปากสักทีพอร์ช…กูรำคาญ” คราวนี้คุณนายปลื้มจิตทำเป็นหูทวนลม แต่กลายเป็นโซ่เสียเองออกปากว่าออกมา
ทำเอาพอร์ชรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติแล้ว โซ่ไม่ใช่คนที่สนใจในเรื่องของหวยเลย ไม่ว่าจะเป็นใต้ดินหรือบนดิน เรียกว่าไม่รู้จักเลยจะดีเสียกว่า เพราะเจ้าตัวเคยถามคุณนายปลื้มจิตแม่ของเขาว่าหวยใต้ดินกับหวยบนดินต่างกันอย่างไร ตอนที่คุณนายเธอวานให้เจ้าตัวช่วยจดเลขเด็ดจากพี่ๆในร้านให้



            “มึงก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอห้ะน้องนิ่ง?” พอร์ชแกล้งออกแรงรัดคอโซ่เบาๆ อย่างหยอกๆ แต่โดนโซ่ถองศอกใส่เข้า เล่นเอาจุก



            “กรี๊ด! ของหนูก็ถูกเหมือนกันน้องโซ่!” คุณนายปลื้มจิตหวีดร้องออกมาอย่างลืมตัวด้วยความดีใจ เมื่อสลากกินแบ่งรัฐบาลของโซ่ที่อยู่ในมือของเธอมีเลขตรงกันกับรางวัลที่สามที่เพิ่งถูกประกาศออกมา หลังจากที่ตัวเธอเองถูกรางวัลที่ห้าไปแล้ว



            “อร๊าย! ถูกทั้งคุณนายทั้งน้องโซ่เลย…น่าอิจฉาจัง” หนึ่งในพนักงานขายที่เดินพูดคุยกับเพื่อนของเธอออกไป ทิ้งท้ายไว้ให้พอร์ชได้ยิน ก่อนที่จะเดินออกไปทำงานของเธอตามเดิม



            โซ่อ้าแขนรับร่างของคุณนายปลื้มจิตที่พุ่งเข้ามากอดตนเองด้วยความดีใจไม่ต่างกัน ในขณะที่พอร์ชได้แต่ทำหน้าเหวออย่างไม่อยากจะเชื่อหูที่ว่า แม่และคนรักถูกรางวัลด้วยกันทั้งคู่



            “ตลกแล้ว…ดูผิดรึเปล่าแม่?” พอร์ชเอ่ยถามกับคนเป็นแม่หลังจากที่คุณนายปลื้มจิตยอมปล่อยให้โซ่เป็นอิสระ



            “เสียใจย่ะ! ฉันถูกสามตัวท้าย ของน้องโซ่ถูกรางวัลที่สาม ส่วนแกกับพ่อแกไม่เฉียดรางวัลอะไรเลย…สมน้ำหน้าอยากปากเสียดีนัก” คุณนายเธอทำเป็นจัดเสื้อผ้าหน้าผม เชิดหน้าพูดบอกเหมือนสะใจ เสร็จแล้วก็เดินหนีขึ้นห้องทำงานไป เพราะในส่วนของพอร์ชที่ฝากโซ่ไว้นั้นไม่ถูกรางวัลใดเลย



            “จริง?” เมื่อแม่หายไปรับตาแล้ว พอร์ชก็หันมาถามย้ำกับคนรักอีกที



            “อือ” โซ่หัวเราะขำออกมาเบาๆ เมื่อเห็นคนรักทำหน้าตลก ก่อนที่จะเดินหนีขึ้นห้องไป



            พอร์ชยังคงยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่เดิมพักใหญ่ สองมือพนม ยกขึ้นเหนือหัว แล้วพูดบอกออกมาเสียงดังว่า…



            “อย่าลืมลูกสาวลูกชายที่ผมขอไปนะครับเจ้าพ่อเจ้าแม่…สาธุ!”









TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 26-02-2018 20:51:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-02-2018 20:52:23
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-02-2018 22:00:36
โถถถ เรื่องถูกหวยพอร์ชคงไม่ซีเท่าไหร่ ที่หวังมาก ๆ เห็นทีจะเป็นเรื่องลูกสาวลูกชายนี่สินะ ฮา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-02-2018 04:05:54
พอร์ชจะสมหวังดังที่ขอให้เปล่าหนอ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-02-2018 07:36:18
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-02-2018 21:19:47
ขอลูกก็ต้องขยันปั๊มกันน๊าาาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 27-02-2018 21:59:39
ขอให้สมใจปรารถนาน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 28-02-2018 03:00:03
 :call:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #24 {26/02/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ffffff ที่ 28-02-2018 12:24:28
ทำไมรู้สึกว่าโซ่เมะอะ คือแบบฟิลแบบโซ่เมะตั้งแต่อ่านตอนแรกเลยอะ 55555555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 17-03-2018 18:55:24
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{25}







            “เฮ้ย…ลืมเอาใบขออนุญาตไปให้แม่เซ็นเลยว่ะ” พอร์ชพูดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมีเอกสาร
ขออนุญาตผู้ปกครองเกี่ยวกับเรื่องการเข้าค่ายในปลายเดือนมกราคม หลังจากเสร็จงานกีฬาสีได้สาม
สัปดาห์มาให้แม่เซ็นให้ แม้ว่าสายตาของคนภายนอกจะมองว่าเด็กช่างแก่แดดแก่ลม แต่อย่าลืมสิว่า
ถ้านับจากอายุจริง พวกเขาก็เทียบเท่ากับเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะทำอะไร
แต่ละที ก็จำเป็นต้องขออนุญาตจากผู้ปกครองทุกครั้ง



            “ก็เอาไปให้เขาเซ็นซะสิ จะโวยวายทำห่าอะไร” โซ่ที่นั่งทำรายงานอยู่ตรงข้ามกัน เงยหน้า
ขึ้นมาบอกอย่างเหวี่ยงๆ เหมือนรำคาญ เพราะเสียงโวยวายของพอร์ชเมื่อครู่มันทำให้เขาตกใจ จน
เขียนตัวเลขผิด เลยจำต้องมีรอยน้ำยาลบคำผิดสีขาวๆ ขีดทับตัวหนังสือให้แปดเปื้อนบนหน้า
กระดาษในแบบที่เขาไม่ชอบ



            “หนูจ๋าเอาไปให้หน่อยสิ พี่ละจากตรงนี้ไม่ได้…เดี๋ยวอะไหล่หาย” ไอ้คนที่กำลังนั่งประกอบ
โมเดลบิ๊กไบค์คันใหม่ที่เพิ่งได้มาหลังจากสั่งซื้อไปเป็นเดือน เพราะเป็นของนำเข้า กระพริบตาปริบๆ
ร้องขอให้คนรักที่กำลังหัวหมุนกับการนั่งทำรายงานแบบเอาเป็นเอาตายมากว่าสองชั่วโมง ไปจัดการ
ธุระแทนตัวเองเสียอย่างนั้น เพราะกลัวว่านอตตัวเล็กตัวน้อยซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโมเดลรถ
ตนเองจะหล่นหาย ถ้าหากว่าตนเผลอละสายตาไป



            “มึงนี่มันจริงๆเลยนะไอ้หมา!” ถึงปากจะบ่น แต่โซ่ก็ยอมลุกเอาเอกสารการขออนุญาต
ผู้ปกครองของพอร์ชที่เจ้าตัวกำลังหยิบยื่นมาให้ออกไปจากห้องทันทีเช่นเดียวกัน แต่จะโทษ
ใครก็ไม่ได้ ในเมื่อตัวเขาเองก็เผลอใจอ่อนไปกับสายตาออดอ้อนเหมือนลูกหมานี่ไปซะทุกที



            “อ้าว! แล้วทำไมมันไม่เอาของตัวเองไปด้วยวะ” พอร์ชที่เหลือบไปเห็นว่าเอกสารขอ
อนุญาตเข้าค่ายของคนรักยังวางอยู่ที่เดิม เพราะเจ้าตัวหยิบแต่ของเขาไป ก็เลยยอมวางมือ
จากโมเดลรถที่หวงนักหวงหนา เดินตามคนรักออกจากห้องไปอีกคน



            ก๊อก ก๊อก ก๊อก



            “แม่ฮะโซ่เอาเอกสาร…” เคาะประตูบอกตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไปเหมือน
ทุกทีที่เคยทำ โดยที่ไม่รู้ว่าคุณนายปลื้มจิตไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะกระจกห้องทำงาน
เป็นแบบ One Way ที่คนภายนอกไม่สามารถมองทะลุเข้าไปได้ อีกทั้งตอนนี้ก็ค่ำแล้ว
ทั้งห้องทำงานก็คงจะเหลือแค่พ่อกับแม่ของพอร์ชที่ยังคงช่วยกันทำงานต่อเหมือน
อย่างทุกทีนั่นแหละ



            “ใครให้เข้ามา!” เสียงตวาดของใครบางคนที่ดังสวนกลับมาทำให้โซ่ที่กำลัง
ก้มหน้าอ่านรายละเอียดของเอกสารขึ้นมามองอย่างเสียไม่ได้



            “ทำไมถึงพูดแบบนั้นกับน้องห้ะออดี้! น้องโซ่มีธุระอะไรกับแม่รึเปล่าครับ”
คุณนายปลื้มจิตเอ็ดลูกชายคนโตเสียงเข้ม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาถามโซ่ด้วยน้ำเสียง
ที่อ่อนลงกว่าเดิม นั่นยิ่งทำให้ออดี้ที่กำลังอยู่ในช่วงสภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง รู้สึกฉุนเฉียว
มากขึ้นไปอีก



            “โซ่เอาใบขออนุญาตเข้าค่ายของ…” ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่โซ่รู้สึกสนิทใจกับพ่อแม่
ของคนรักจนเผลอเรียกชื่อแทนตัวเองมาจนเคยตัว หลังจากที่ไม่ได้ใช้มานานกว่าสิบปี



            “ออกไปเลย แม่ลูกเขาจะคุยกัน…คนนอกไม่เกี่ยว” ยิ่งเห็นแม่เข้าข้างคนอื่นมากเท่าไหร่
ออดี้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อครู่นี้ตนเพิ่งโดนคนเป็นแม่สวดใส่มาชุดใหญ่ เขาลุกขึ้น
เดินมาผลักอกโซ่อย่างแรง จนโซ่กระเด็นออกนอกห้อง แล้วใช้คำว่า ‘คนนอก’ ตบหน้าโซ่เข้าฉาด
ใหญ่ ก่อนที่จะประตูใส่ แต่ถูกใครมือของใครบางคนยันประตูไว้เสียก่อน



            “ออดี้!” คุณนายปลื้มจิตตวาดเสียงหลง เมื่อได้ยินในสิ่งที่ลูกชายคนกลางของตนพูดว่าโซ่
เพราะอย่างที่รู้กันว่าทุกคนในบ้านนี้ยกเว้นออดี้ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาเลย กำลังเป็นกังวล
เรื่องสภาวะจิตใจของโซ่เป็น ที่แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ว่า
ความอ่อนแอที่ฝังรากลึกอยู่หัวใจของโซ่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นกำแพงน้ำแข็งสูงชันที่พวกตนกำลังใช้
ความรักเป็นตัวละลายมันทิ้งไป แล้วนี่อะไร? ทำไมออดี้ ลูกชายคนที่เธอเคยคิดว่ามีนิสัยเป็นมิตรและ
อ่อนโยนมากที่สุดในบรรดาสามพี่น้องกลับมาทำให้ทุกอย่างพังลงไปต่อหน้าต่อตาของเธออย่างนี้



            “ไอ้พอร์ช!” ออดี้เรียกชื่อน้องเสียงแข็ง เมื่อเห็นหน้าของคนที่เข้ามาขวาง



            “เออ! กูเอง…มึงจะทำไม?” พอร์ชก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับพี่ชาย ใช้ตัวบังคนรักเอาไว้
มองหน้า จ้องตา แสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความท้าทายออกมาได้อย่างชัดเจน



            “มึงกล้าผลักกูหรอ?” ออดี้กระชากคอเสื้อพอร์ชเข้าหาตัวอย่างแรง



            “แล้วไง? ทีมึงยังผลักเมียกูได้เลย ทำไมกูจะผลักมึงคืนบ้างไม่ได้” เลิกคิ้วถามด้วย
สีหน้ายียวนกวนประสาท เพราะเขาลงมาได้เห็นและได้ยินในสิ่งที่พี่ชายทำกับโซ่ด้วยสองตาตัวเอง



            “แต่กูเป็นพี่มึงนะ!” ออดี้ว่า แม้ปกติพวกเขาทั้งสองคนจะพูดกูมึงใส่กันเป็นเรื่องปกติ
แต่พอร์ชไม่เคยมีท่าทีต่อต้านแบบนี้กับตนเลยสักครั้ง



            “พี่แล้วไง? ไม่ใช่พ่อกูนี่! ป่ะ…กลับห้องกัน” พอร์ชออกแรงผลักอกพี่ชายอีกที จนออดี้เซ
ไปไกล แล้วหันหลังกลับมาคว้ามือคนรัก จะพาเดินกลับห้อง แต่ถูกออดี้ที่ความพาลครอบงำความคิด
ถึงขีดสุดเดินเข้ามากระชากต้นแขนของโซ่ไว้เสียก่อน



            “อย่าเดินหนีกู” เขาบีบต้นแขนของโซ่จนสุดแรง แต่โซ่ก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงออกถึงความ
เจ็บปวดใดๆออกมาทั้งนั้น แม้ว่าจะปวดร้าวไปถึงกระดูกแล้วก็ตาม



            “ปล่อยน้องนะออดี้!” คุณนายปลื้มจิตที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรีบเข้ามาห้ามพร้อมทั้งยัง
พยายามที่จะแกะมือของออดี้ออกจากต้นแขนของโซ่ แต่เธอก็สู้แรงคนหนุ่มของลูกชายไม่ไหว



            “มึงเป็นเหี้ยอะไรวะดี้! จะเอาให้ได้เลยใช่ป่ะ?” พอร์ชถาม



            “แล้วยังไง? มึงมีปัญญาจะทำอะไรกูได้ห้ะไอ้พอร์ช?” ออดี้ตีมึน ถามกลับอย่างกวนๆ
ไม่รู้ทำไม ยิ่งเห็นทุกคนปกป้องไอ้หน้าอ่อนนี่แล้วเขายิ่งโมโห



            แต่เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ความจริงแล้ว เขาแค่ต้องการหาคนมาระบายความหงุดหงิด
ที่เกิดมาจากความผิดพลาดของตนเองก็เท่านั้น ถึงได้หน้ามืดตามัวเหมือน ทำตัวไร้สติ แยก
ไม่ออกว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูกเช่นนี้



            “กูก็จะกระทืบให้มึงหายบ้านี่ไงไอ้พี่เหี้ย!” พอร์ชดันตัวแม่ออกจากวิถี ยกขาขึ้นถีบ
กลางอกพี่ชาย จนเจ้าตัวหงายหลังกระเด็นไปไกล ก่อนที่จะเข้าไปกระทืบซ้ำรัวๆแบบไม่มี
หยุดพัก ใช้เท้าเน้นๆ ไม่มีมือผสมให้ระคายเคือง ก่อนที่จะเสียหลักเมื่อออดี้ถีบสวนกลับมา
แล้วลุกขึ้นค่อมต่อยพอร์ชทันทีเช่นกัน เรียกได้ว่าแลกกันหมัดต่อหมัดเลยก็ได้ ทำเอาโซ่เริ่ม
อยู่ไม่นิ่ง มือเท้าเริ่มกระตุก อยากที่จะเดินเข้าไปช่วยคนรัก แต่ติดก็ตรงที่โดนคุณนายปลื้มจิต
ฉุดรั้งไว้ด้วยอ้อมแขนทั้งสองข้างของเธอนี่แหละ ทำให้เขาไม่กล้าสะบัดตัวแรง เพราะเกรงว่า
ตนจะทำให้แม่ของคนรักบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกคดี หลังจากที่ตัวเองกลายเป็นสาเหตุให้คู่พี่น้อง
ตรงหน้าต่อยตีกันไปแล้ว



            “หยุด! พวกมึงเป็นบ้าไปแล้วรึไง! กัดกันอย่างกับหมา!” พ่อของพอร์ชที่เพิ่งกลับมา
จากข้างนอก รีบเดินเข้ากระชากคอลูกชายทั้งสองคนของตนเหวี่ยงไปคนละทาง ตวาดเสียง
เข้มด้วยสีหน้าและท่าทางที่แสดงถึงความโกรธจัด เพราะตั้งแต่ที่ทั้งสองคนโตมาจนรู้ความ
เขาไม่เคยเห็นพี่น้องคู่นี้ตีกันจนหัวร้างข้างแตกอย่างนี้สักที อย่างมากก็งอนกันแค่ไม่กี่วัน…แล้วนี่อะไร!



            “ป๋าก็ถามมันเอาเองเถอะว่าเป็นเหี้ยอะไร ถึงได้เที่ยวมากัดคนอื่นเขาอย่างนี้” พอร์ช
พูดบอกกับพ่อเสียงห้วน แล้วจงใจเดินชนไหล่พี่ชายที่ยืนขวางอยู่ตรงกลางไปหาโซ่ที่ยืนเป็น
หลักให้คุณนายปลื้มจิตเกาะอยู่ กระชากแขนคนรักมาจากมือแม่ แล้วพาเดินหนีออกจากห้องทันที



            “ปล่อย…กูเจ็บ…กูบอกว่าเจ็บไงพอร์ช!” โซ่พยายามที่จะดึงแขนตัวเองออกจากการจับ
กุมของคนรักมาตลอดทาง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะพอร์ชยังคงฉุดกระชากลากถูกโซ่ไม่ยอมปล่อย
จนกระทั่งมาถึงห้อง



            ปึง!



            หมับ!



            “พอร์ช…มึง” จากที่เคยโวยวายมาตลอดทางเพราะความเจ็บก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง
เมื่อจู่ๆพอร์ชก็หมุนตัวกลับมากอดตนเองไว้แน่น ก่อนจะพูดออกมาว่า…



            “ใครจะพูดอะไรก็ไม่ต้องไปฟังมันหรอกนะโซ่ เพราะกูรักมึง ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดมึง
กูก็จะรักมึง เพราะเราคือครอบครัว” พอร์ชไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนรักกลับมารู้สึกดีเหมือนเดิม
เพราะขนาดเขาที่เป็นคนฟังยังรู้สึกแย่ แล้วคนที่โดนตบหน้าด้วยคำพูดที่ถูกฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ
เหล่านั้นแบบโซ่จะรู้สึกอย่างไรกัน



            “อือ…แค่มึงก็พอ” พึมพำตอบรับเบาๆ ก่อนที่จะซุกหน้าซบลงบนอกแกร่งของคนรัก
ตั้งแต่คบกันมาตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ โซ่ก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าอ้อมแขนของพอร์ชที่เขาเคยบ่น
ว่าอึดอัดตอนที่เจ้าตัวกอดรัดในยามนอนหลับมันอบอุ่นมากขนาดนี้…อบอุ่นเสียจนหัวใจที่ห่อเหี่ยว
ไปแล้วพองโตขึ้นมาอีกครั้ง คิดแล้วก็พาลทำให้น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกมาอย่างง่ายดาย

..

..

..

            “ฮึ่ย! โคตรหนาวเลยว่ะ” พอร์ชที่อยู่ในชุดกางเกงวอร์มสีกรมคาดฟ้ากับเสื้อพละสีชมพู
เช่นเดียวกับที่โซ่เองใส่เสื้อพละสีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำแผนกของเจ้าตัว



            “เสือกรั้นเองไง” โซ่ที่เพิ่งเดินตามลงมาที่หลังแต่ก็ทันได้เสียงบ่นของคนรัก ว่าพร้อม
กับเหวี่ยงเสื้อกันหนาวสีเข้มวางโปะลงบนศีรษะพอร์ชที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่ที่พื้น เพราะ
ก่อนหน้านี้โซ่ก็เตือนแล้วว่าให้ใส่เสื้อกันหนาวด้วย แต่พอร์ชก็ยังรั้น ทำเป็นไม่หนาว สุดท้ายก็
ต้องมานั่งทานมื้อเช้าด้วยอาการหนาวสั่น จนโซ่อดไม่ได้ที่จะวิ่งกลับขึ้นไปเอาเสื้อกันหนาวให้
คนรักถึงบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสี่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมของตัวเอง ซึ่งมีต้นเหตุมาจาก
ความรักที่โคตรเอาแต่ใจของพอร์ชตอนกลางดึกเมื่อคืน ที่ไม่รู้นึกคึกอะไรขึ้นมา พ่อคุณถึงได้
ลักหลับเขาตอนเกือบจะตีสองแบบนั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องเป็นตัวแทนสีขึ้นไปชกมวยบนเวที!



            ฟอดดดด…



            “เมียใครวะ? น่ารักที่สุด” ยืดตัวขึ้นมาใส่เสื้อกันหนาวพร้อมกับหอมแก้มตอบแทน
โซ่เรื่องเสื้อกันหนาวเสียฟอดใหญ่ ก่อนที่จะนั่งลงใส่รองเท้าเหมือนเดิม



            “กูทำเองได้” โซ่รีบชักเท้ากลับอย่างเร็ว เมื่อพอร์ชคว้าข้อเท้าของตนเองไป ทำ
เหมือนว่าจะสวมรองเท้าให้



            “ยืนเฉยๆเถอะน่า…” พอร์ชบอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจ้องโซ่ด้วยสายตาดุๆ
เป็นเชิงบังคับให้คนรักยืนอยู่นิ่งๆ เพื่อที่ตนจะได้สวมรองเท้าให้เจ้าตัวได้สะดวกๆ เสร็จ
แล้วก็พากันแว้นไอ้แมนลูกรักไปยังวิทยาลัยเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำมาตลอดหลายเดือน



            “กูจะรออยู่ตรงนี้” พอร์ชพูดกับโซ่ที่อยู่ในชุดเตรียมพร้อมที่จะขึ้นชกมวยสากลเป็น
คู่สุดท้ายของการแข่งขันกับปกป้องซึ่งเป็นนักกีฬาจากสีชมพูของพอร์ช หลังจากที่ต่างฝ่าย
ก็ต่างชนะคู่ต่อสู้ของตนเองมาตลอดทั้งช่วงเช้า และด้วยเหตุที่ว่าสถาบันการศึกษาแห่งนี้ได้
คำนำหน้าขึ้นต้นว่า ‘วิทยาลัยเทคนิค’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมนักเรียนนักศึกษาประเภทเสือ สิงห์
กระทิง และแรดไว้ด้วยกันทางวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องวางกำหนดการให้การแข่งขันชกมวย
เสร็จสิ้นภายในวันเดียว เพื่อป้องกันปัญหาส่วนตัวของนักกีฬาที่อาจจะตามทีหลัง ส่วนการ
แข่งขันอื่นก็เป็นไปตามกำหนดการทั่วไปที่มีเวลาเว้นว่างให้นักกีฬาได้พักบ้าง อย่างเช่น
ตารางการแข่งขันฟุตบอลสีชมพูของพอร์ชที่จะได้ลงสนามแข่งกับสีเขียวเป็นนัดแรกในวันพรุ่งนี้



            “อือ” โซ่ไม่ได้พูดอะไรกลับมา เขาทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะเดินขึ้นเวทีไปตาม
เสียงเรียกของกรรมการพร้อมๆกับที่ปกป้องผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างขอบเวทีอยู่แล้วสปริงตัวกระโดดข้ามเชือก
เส้นที่สี่เข้ามายืนอยู่กลางเวที ทำเอาคนดูทั้งสาวแท้และสาวเทียมข้างสนามอยู่ไม่เป็นสุข ตะโกนร้อง
เชียร์ออกมาด้วยเสียงหวีดแหลมจนปวดแก้วหู ต่างจากพวกคนดูที่เป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะอยู่สีฟ้า สีชมพู
หรือสีใดก็ตาม ต่างก็เอนเอียงมาทางโซ่กันหมด ด้วยเหตุผลง่ายๆที่ว่า รู้สึกหมั่นไส้ในการวางท่า
ของปกป้องนั่นเอง



            แก๊ง!



            “Box!”



            เพียงแค่เสียงระฆังดังออกมาพร้อมกับที่กรรมการให้สัญญาณในการชก ปกป้องก็เข้า
ประชิดตัวโซ่ทันที ในขณะที่โซ่เองก็ทำได้แค่ถอยหนี แต่ไม่ได้หนีเพราะความกลัว เพียงแต่
โซ่กลัวว่าจะยั้งตัวเองไม่อยู่ จนเผลอทำอะไรรุนแรงลงไปเท่านั้นเอง เพราะการกติกามวยสากล
ไม่เหมือนกับคาดเชือกที่เขาถนัด จากที่เคยใช้ได้ทุกสัดส่วนของร่างกาย กลับมาถูกจำกัดเหลือ
เพียงแค่กำปั้นที่อยู่ใต้นวม โซ่เลยกะแรงต่อยของตัวเองไม่ค่อยถูก เขาจึงต้องถอยหนี เพื่อที่จะ
คำนวณแรงบวกจากการปะทะที่ปกป้องส่งเข้ามาเท่านั้นเอง



            “ไงวะ? ทำไมไม่สู้…หรือเกิดปอดแหกขึ้นมา?” ปกป้องถามด้วยน้ำเสียงยียวนชวนให้
โซ่สติแตก ก่อนที่จะวาดแขนชกเข้าที่โหนกแก้มข้างซ้ายของโซ่จังๆ แบบเต็มแรง จนโซ่เสียหลัก
เซถอยหลังออกมาหลายก้าว ทำเอาคนดูอย่างพอร์ชลนลาน แทบยืนไม่ติดที่ เพราะรู้ดีว่าร่างกาย
ของคนรักบอบช้ำเพียงใด เพราะความเอาแต่ใจของตนเอง แถมยังขึ้นชกในรอบเช้าแบบติดๆไปแล้ว
สองนัด เขาจะไม่แปลกใจเลย ถ้าหากโซ่เกิดทรุดขึ้นมา



            แก๊ง!



            “ไหวไหม? ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะ ถ้าใครปากหมา กูจะตามกระทืบให้เอง” พอร์ชรีบเข้า
ไปชิดติดขอบเวทีทันทีเมื่อโซ่กลับมานั่งพักที่มุมของตนเอง หลังจากได้ยินเสียงระฆังบอกหมด
เวลาในยกแรก ทั้งยังย้ำให้โซ่สบายใจ เพราะไม่อยากให้คนรักฝืนร่างกายตัวเอง เพียงเพราะกลัว
คำดูถูกดูแคลนจากปากใคร



            “ไม่เป็นไร…กูแค่รอดูเชิงมวยมันเฉยๆ” โซ่บอกปัดด้วยรอยยิ้มซีดเซียว จนพอร์ชเริ่ม
เป็นห่วง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกหลังมือขึ้นสัมผัส ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของคนรักที่บริเวณ
หน้าผากและลำคอ



            “ไม่เป็นไรได้ไง! ตัวร้อนขนาดนี้! ไม่รู้แหละ…ถ้ายกนี้ไม่ชนะกูจะให้รุ่นพี่มึงโบกผ้าขาว
ยอมแพ้แล้วนะ” พอรู้ว่าคนรักไข้ขึ้น พอร์ชก็แทบคลั่ง หลุดปากพูดดุออกไป ทั้งที่สาเหตุในการ
ป่วยของโซ่ครั้งนี้ก็เกิดขึ้นมาจากความเอาแต่ใจของตน



            แก๊ง!



            ยังไม่ทันที่โซ่จะได้พูดตอบอะไรกลับมา เขาก็ถูกกรรมการเรียกกลับเข้าไปยืนกลาง
เวทีทันทีที่เสียงระฆังซึ่งเป็นสัญญาฯในการชกในยกถัดไปดังขึ้นมา



            “ไงมึง…ไปอ้อนผัวมาหรอวะ?” เขายิ้มเย้ยแล้วเหวี่ยงหมัดชกไปบริเวณหน้าอกของ
โซ่เบาๆ แต่ดูรุนแรงมากในสายตาคนดูที่ยืนอยู่รอบเวที



            “ไอ้เหี้ย! ถ้ามึงเจ็บอีกมึงเตรียมแพ้ได้เลยโซ่!” พอร์ชคำรามลั่นแบบไม่สนหน้าอินทร์
หน้าพรหมที่ประทับองค์ลงอยู่ในตัวรุ่นพี่ประธานสีของโซ่เลยแม้แต่น้อย เพราะความอดทนของ
เขามันเหลือน้อยลงทุกที ในยามที่ปลายนวมของปกป้องกระแทกลงบนร่างกายของโซ่



            เช่นเดียวกับที่โซ่เองก็กัดฟันยางแน่น เมื่อความหงุดหงิดเล็กน้อยในตอนแรก เริ่มปะทุ
กลายเป็นความโกรธแทน เพราะตนปกป้องเหวี่ยงหมัดมานั้นมันไม่ได้มีความเจ็บปวดที่ตรงไหนเลย
 เพราะมันจงใจลูบหน้าอกเขาเล่นอย่างเนียนมากกว่าที่จะต่อยแบบจริงๆจังๆ



            “หึ! หวงกันขนาดนี้แมร่งแสดงว่าลีลาดีจริง…ลองมากิ๊กกับกูดูไหม? เผื่อจะติดใจ”
ปกป้องแกล้งทำเป็นทรงตัวไม่อยู่ เมื่อถูกโซ่ผลักออกมาเบาๆ เขาแสร้งทำเป็นจะล้ม ใช้ตัว
ดันโซ่เข้าไปชิด ติดอยู่ในมุม จนกรรมการต้องเข้ามาแยก แต่ก่อนจะผละตัวออกไป ปกป้อง
ก็ใช้จังหวะวุ่นวายตอนที่กรรมการเผลอโน้มตัวเข้าไปเบียดกางกายของตัวเองเข้าหาโซ่
มิหนำซ้ำยังเอื้อมมือที่ติดอยู่ในนวมลูบเน้นวนไปที่ก้นของโซ่ ทำเอาพอร์ชที่จับตาดูคนรัก
อยู่ทุกฝีก้าวข่มกรามแน่น เตรียมพร้อมที่จะเหวี่ยงผ้าขาวในมือเพื่อเป็นการยุติการชก แม้ว่า
โซ่จะเป็นฝ่ายแพ้ก็ตาม แต่เขาไม่ต้องการที่จะเห็นคนรักอยู่ในสภาพคนป่วยแถมยังถูก
ลวนลามแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว



            แก๊ง…แก๊ง…แก๊ง!



            “สีชมพูหมดสภาพ…สีฟ้าชนะ!”



            “เฮ้!!!!!!!!!” ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้ทำตามใจปรารถนา คนดูข้างสนามก็เฮลั่น
เมื่อกรรมการประกาศถึงชัยชนะของโซ่ หลังจากที่เจ้าตัวน็อกคู่ต่อสู้อย่างปกป้องลงได้ด้วย
หมัดเดียว เช่นเดียวกับที่พอร์ชเองก็กระโจนขึ้นเวทีเข้าไปรับร่างของคนรักไว้ทัน ก่อนที่โซ่
จะหมดแรงล้มทั้งยืน ด้วยฤทธิ์ของพิษไข้ที่ดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากขึ้นทุกที







TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-03-2018 19:58:43
มาแบบงงๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-03-2018 22:21:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 17-03-2018 22:51:46
 :z13: :z1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 17-03-2018 23:00:13
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-03-2018 23:39:41
ออดี้ ไม่ได้ฉีดยาเหรอ ถึงได้กัดชาวบ้านไปทั่ว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-03-2018 00:13:18
โซ่น่าจะทำแบบนี้กับออดี้สักทีนะ พาลเขาไปทั่ว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 18-03-2018 01:47:37
 เยี่ยมไปเลยน้องโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-03-2018 09:36:28
หลายอารมณ์เนอะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-03-2018 10:45:40
หมัดเดียวของน้องโซ่เอาอยู่จริงๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-03-2018 13:17:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 18-03-2018 23:10:15
ฝากกระทืบอิปกป้องด้วยนะ หมั่นไส้มัน  o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 19-03-2018 05:58:02
พี่พอร์ชหื่นหรือน้องโซ่อ่อยคะ ซัดให้น่วมไปเลยปากเสียอะ ออดี้นี่ยังไง ออกมาก็เกลียดละ ไม่โอเค
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 19-03-2018 07:32:22
รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #25 {17/03 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-03-2018 07:55:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ...วันสงกรานต์ {20/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 20-04-2018 22:03:57


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

ตอนพิเศษ วันสงกรานต์





13 เมษายน 25XX



            “กลับไปไหว้พ่อกับแม่ที่บ้านกูก่อน แล้วค่อยไปไหว้อาม่ากงกับอาม่าก่อน นอนค้างคืนนึงแล้วค่อยกลับมาไหว้ป๋ากับแม่ เรื่องเล่นน้ำเอาไว้ที่หลัง…นะ?” โซ่แจงโปรแกรมวันหยุดสุขสันต์ในวันสงกรานต์ให้คนรักฟังอย่างละเอียดตามที่ตัวเองคิดวางแผนการเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่พอร์ชเอ่ยปากชวนไปเล่นน้ำด้วยกัน เพราะรู้มาจากบุญล้อมว่าโซ่ไม่เคยออกไปเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อนๆเลย เพราะเจ้าตัวบอกว่าไม่ชอบคนวุ่นวาย



            “ทำไมใจดีจังวะ?”



            “หรือจะไม่เล่น?”



            ด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน เพราะมัวแต่ดีใจกับความใจดีแปลกๆของคนรัก พอร์ชจึงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงและท่าทางกวนสุดติ่ง จากที่ดีๆ โซ่เลยหันมาทำหน้าโหดใส่แทน



            “เล่นจ้าเล่น หยอกเล่นนิดเดียวอย่ารีบโมโหสิ…ผัวปรับอารมณ์ตามไม่ทัน” พอร์ชละคันปากอยากจะถามออกไปจริงๆว่า…ท้องหรอ? ถึงได้ลมขึ้นๆ ลมลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อารมณ์แปรปรวนจนตั้งรับ แต่เผอิ๊ญเผอิญว่าไอ้พอร์ชคนนี้เป็นพวกรักเมียมากเลยต้องให้เกียรติกัน ไม่ได้กงได้กลัวมือไม้เข่าศอกอย่างที่ใครคิดหรอก…จริงๆนะ



            “แล้วจะมัวมานั้งเบื้ออยู่ทำไมล่ะ ไปเอาชุดที่จะใส่มาสิ เห็นไหมว่ากูจัดกระเป๋าอยู่ เดี๋ยวเลือกให้ไม่ถูกใจแล้วมาบ่นกูทีหลังอีก กูตีมึงจริงๆนะพอร์ช” พูดยังไม่ทันขาดคำ พอร์ชก็โดนอีกชุดใหญ่ เพราะครั้งที่แล้วเผลอปากแอบบ่นไปว่าไม่ชอบชุดที่โซ่จัดใส่กระเป๋าให้ตอนที่ไปบ้านอาม่าเมื่อครั้งก่อน ตั้งแต่นั้นมา เวลาที่จะไปไหนโซ่ก็มักจะให้พอร์ชไปเลือกเสื้อผ้าเอง ก่อนที่ตนเองจะเป็นคนจัดใส่กระเป๋าให้ เพราะอย่าหวังเลยว่าคุณชายเขาจะทำ



            “คร้าบ~” สุดท้ายพอร์ชก็จำต้องลาจากเตียงนอนอันแสนนุ่มนิ่มและลากสังขารเกือบเปลือยของตัวเองไปยังตู้เสื้อผ้าอย่างเกียจคร้าน ตามคำบัญชาของคนรักที่ยืนตาขวางถือไม้แขวนเสื้อขู่อยู่ปลายเตียง โดยมีลูกทรยศอย่างอีมณีนั่งแยกเขี้ยวเป็นลูกคู่ร้องหม๊าวๆ อยู่ข้างๆ หลังจากที่เมื่อวานมันหลอกให้เขาเสียเงินซื้อตุ๊กตาปลาทูหน้าโง่สอดไส้กัญชาแมวให้มันไปแล้ว



            “โซ่ยังยืนยันคำเดิมนะแม่ ถ้าลำบากให้บอกกัน ไม่ต้องทน ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงโซ่ก็ลูกแม่…แม่ลำบากเลี้ยงโซ่มาจนโตได้ขนาดนี้ไม่เคยบ่น โซ่ก็เลี้ยงแม่ได้เหมือนกัน” เขาก้มลงกราบที่ปลายเท้าของหญิงชรา บุคคลที่กัดฟันสู้ทนเลี้ยงเขามานับสิบปี โดยที่ไม่เคยอ้าปากเรียกร้องเงินทองจากใคร แม้ว่าจะต้องลำบากมากก็ตาม เพราะตอนนั้นโซ่เลือกที่จะอยู่กับตายายและปิดรับข่าวสารรวมถึงความช่วยเหลือจากทางบ้านอาม่าเพราะยังคงโกรธพ่อผู้ให้กำเนิด โดยที่ไม่ทันได้คิดเลยว่า การมีตัวตนอยู่ของตนเองนั้นจะทำให้ตายายที่แก่ชราลำบากมากน้อยแค่ไหน เพราะนอกจากจะต้องส่งเสียงเลี้ยงดูตนเองแล้ว โซ่ก็รับรู้มาโดยตลอดว่าผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของตนเอง เป็นลูกสาวแท้ๆของตากับยายมักจะกลับมาตอดเล็กตอดน้อย ขอเงินขอทองไปขายอยู่เสมอ จนตอนนี้เขามีทุกอย่างแล้ว มีมรดกมากมายจากพ่อให้แบ่งปัน มีเงินรายเดือนและเงินปันผลประจำปีจากโรงสีข้าวของตระกูลเหลือเฟือที่จะตอบแทนบุญคุณตากับยายด้วยการจุนเจือให้อยู่อย่างสุขสบาย โดยให้เป็นรายเดือนเหมือนกับที่เริ่มทำตั้งแต่ออกมาอยู่กับพอร์ช แต่จะไม่ให้เป็นก้อนหรือจำนวนเยอะมากในทีเดียว เพราะมีคนช่วยผลาญอีกสองคน



            เสร็จจากยายแล้วโซ่ก็คลานเข่ามารดน้ำและกราบเท้าตาที่นั่งอยู่ข้างกันกับยาย ด้วยถ้อยคำที่ดูผ่อนคลายกว่าเดิม เพราะเขาได้พูดทุกสิ่งอย่างให้หัวหน้าครอบครัวอย่างยายฟังไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่สุขภาพของตาที่ช่วงหลังมามีอันต้องเจ็บป่วยเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยจนเขาเริ่มเป็นกังวลเพราะปอดมีปัญหา เหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก



            “โซ่ขอให้พ่อสุขภาพแข็งแรงอย่าเจ็บอย่าป่วย อยู่ทะเลาะกับแม่ไปนานๆเลยนะครับ”



            “มาครั้งก่อนๆก็มัวแต่วุ่นวายยุ่งเรื่องอื่น ไม่เคยได้คุยกัน วันนี้ผมขออนุญาตฝากตัวด้วยนะครับ ถ้าไม่รังเกียจกัน ผมก็อยากเป็นลูกของพ่อกับแม่อีกคน” พอร์ชวางพวงมาลัยดอกมะลิที่เตรียมมาไว้บนฝ่ามือตาและยายของโซ่คนละพวกแล้วก้มลงกราบที่ปลายเท้าของทั้งคู่ไม่ต่างจากที่โซ่ทำ…ฝากเนื้อฝากตัวเข้าบ้านคนรักไปอย่างเนียนๆ



            “พ่อกับแม่จะรังเกียจเราได้ยังไง ในเมื่อเราคือคนที่ทำให้ลูกแม่มีรอยยิ้ม มีความสุขมากกว่าตอนที่อยู่บ้านนี้ แม่ซะเปล่าที่ต้องละอายใจ ฝากไปขอบคุณเสี่ยใหญ่กับคุณนายเขาด้วยนะที่ไม่รังเกียจเจ้าโซ่มัน เอาไว้ถ้ามีโอกาส ว่างๆ แม่จะเข้าไปขอบคุณด้วยตัวเองอีกที” หญิงชราเธอส่งยิ้มให้พอร์ชทั้งน้ำตา มาจนถึงวันนี้แล้ว เธอไม่มัวมานั่งคิดเรื่องความถูกผิดทางสังคมให้เสียเวลาหรอก ตราบใดที่เด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้ลูกชายเขายิ้มได้ทั้งกายและใจ เพียงเท่านี้เขาก็นอนตายตาหลับได้อย่างไม่มีห่วงแล้ว



            “โอ้ย…อย่าคิดมากเลยครับ ทุกวันนี้ป๋าเขารักไอ้โซ่มันมากกว่าผมที่เป็นลูกแท้ๆ ซะอีก เอาไว้วันไหนผมโดนป๋ากับแม่ไล่ออกจากบ้านเพราะหลงลูกสะใภ้คนเล็กมากเมื่อไหร่ผมจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าหนีมาพักใจที่นี่สักสองสามวันนะครับ”



            จบประโยคคำพูดอันยาวเหยียดของพอร์ชแล้วทั้งบ้านก็มีแต่เสียงหัวเราะสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่โซ่เองที่พลอยมีรอยยิ้มไปกับเขาด้วย จะต่างก็ตรงที่เขาไม่ได้ตลกแค่คำพูดไร้สาระของคนรัก แต่เขากำลังมีความสุข…สุขที่ได้เห็นคนที่เขารักมีความสุขไม่ต่างกัน



            เสร็จไปแล้วหนึ่งบ้านกับภารกิจพิชิตญาติผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์ตามความตั้งใจของโซ่ ทั้งสองคนหนึ่งแมวก็พากันขึ้นรถเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไป ซึ่งก็คือบ้านอาม่า



            “ขอบคุณ” ออกตัวมาได้สักระยะหนึ่งโซ่ก็เอ่ยขอบคุณพอร์ชพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมฝ่ามือหนาของพอร์ชที่วางประจำอยู่บนคันเกียร์



            “เห็นหรอ? ห้ามคิดมากนะ เพราะกูเตรียมไว้ให้ป๋ากับแม่เหมือนกัน” สะดุ้งตกใจเหมือนเด็กทำความผิด เพราะคิดว่าโซ่ถูกคนรักจับได้เรื่องที่แอบให้เงินตากับยายไว้ใช้ แม้ว่าจะระวังตัวมากแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่อาจพ้นสายตาของโซ่อยู่ดี



            “หึๆ” โซ่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาเพียงแต่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับมุมน่ารักแบบเด็กน้อยไร้เดียงสาของคนรักที่น้อยนักจะได้เห็น เพราะส่วนมากเจ้าตัวจะเก่งเรื่องยั่วโมโหให้เขาปรี๊ดแตกเสียมากกว่า…อย่างนั้นละถนัดนัก และที่สำคัญเลยคือ เขาไม่ได้ขอบคุณพอร์ชที่ให้เงินตากับยายของเขา เพราะเข้าใจว่าเจ้าตัวเจตนาดีและคนส่วนมากก็ใช้โอกาสในเทศกาลงานดีนี้มอบขวัญถุงเล็กๆ น้อยๆ เป็นขวัญกำลังใจให้กับญาติผู้ใหญ่ ซึ่งเขาเองก็เตรียมไว้ให้ป๋ากับแม่ของพอร์ชด้วยเช่นกัน แต่ที่นอกเหนือไปกว่านั้นคือ เขาอยากจะขอบคุณความรักความเข้าใจที่ไม่ได้มีให้แค่เขา แต่พอร์ชยังมีเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวและคนรอบข้างของเขาอีกด้วยนี่สิเหตุผลที่ต้องขอบคุณจากหัวใจ



            “อาม่าสวัสดีครับ / ม่าหวัดดีครับ”



            “มากันแล้วหรอลูก ไปๆ เอาของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อน เดี๋ยวไปรับเฮียซานในเมืองกัน” อาม่าก็ยังคงเป็นอาม่าที่ยิ้มปากกว้างได้ทุกครั้งอย่างไม่มีเบื่อ เมื่อหลานชายหัวโปรดกับคนรักแวะมาเยี่ยมเยียน



            “แล้วเฮียเซนล่ะม่า?” พอได้ยินว่าแฝดพี่มาโซ่ก็อดที่จะถามถึงแฝดน้องซึ่งเป็นคู่ซี้อดีตหัวหน้าแก๊งหวานเย็นสมัยละอ่อนของตัวเองไม่ได้



            “เฮียเซนเขาติดงานลาไม่ได้ เห็นว่าเร่งทำสรุปส่งเคสให้โรงพยาบาลก่อนลาออกอะไรของเขาก็ไม่รู้ ม่าก็พูดภาษาเขาไม่ถูก เอาไว้อาโซ่ก็โทรไปหาเฮียเขาสิ เมื่อวานก่อนโทรมาเฮียเขายังถามหาอาโซ่กับม่าอยู่เลย” พอเห็นหน้าหงอยๆของหลานรัก อาม่าก็รีบเข้ามาปลอบพร้อมกับพูดยกแม่น้ำทั้งห้ามาอ้างอิง เพราะกลัวว่าโซ่จะน้อยใจ เนื่องจากว่าเจ้าตัวไม่ได้เจอกับพี่ชายคนนี้มานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ที่คู่แฝดซานเซนออกไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยจนจบได้งานทำอยู่ในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายอย่างกรุงเทพฯโน่นแหละ



            “ครับ” ได้แต่รับปากเอื่อยเฉื่อยแล้วเดินอุ้มพี่มณีนำพอร์ชขึ้นไปบนห้องพักประจำของตัวเองด้วยท่าทางเหงาหงอย



            “เป็นอะไรไปอีกฮึ? ทำหน้าเหมือนหมาถูกทิ้ง” พอร์ชวางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ข้างตู้แล้วเดินเข้ามาคว้าตัวคนรักเข้าไปกอดรัดไว้แน่น



            “คิดถึงเฮียเซน” สารภาพออกมาอย่างง่ายดายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าซึม



            “ใครอีกละ? มีพี่คนไหนที่มึงรักมากกว่าเฮียทศอีกรึไง” หยิบยกพี่ชายร่วมสายเลือดต่างบิดาของเจ้าตัวขึ้นมาอ้าง เพราะคิดว่าโซ่น่าจะสนิทกับทศพลมากที่สุดแล้ว



            “ก็เฮียเซนนี่ไง พอกูโดนพี่พลทิ้ง หลังจากที่เข้าใจกับทางนี้แล้วก็มีเฮียเซนนี่แหละที่รัก และเข้าใจในตัวตนของกู ในขณะที่คนอื่นพยายามยัดเยียดในสิ่งที่กูไม่ต้องการ และปกป้องกูจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ใจร้ายหลายๆคนในบ้านนี้” ถ้าจะให้ย้อนกลับไปคงยืดยาว แต่บอกได้เลยว่ากว่ายืนหยัดลุกสู้ขึ้นมาเป็นเขาในทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เพียงเพราะแรงกดดันจากความเลวร้ายในอดีตเพียงเท่านั้น แต่ยังมีกำลังแรงใจจากอีกหลายคนที่ช่วยเหนี่ยวรั้ง ซึ่งหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นก็มีเฮียเซนของเขาเป็นแรงสำคัญ คอยสั่งสอนให้เขาสู้อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่หมาจนตรอกที่ต้องการแค่หนทางรอดเพียงอย่างเดียว



            “อย่าพูดแล้วทำหน้าเคลิ้มเหมือนเขาเป็นรักแรกของมึงได้ไหมวะ เห็นแล้วหึงว่ะ” เพราะสายตาแห่งความเชื่อมั่นและศรัทธามันเปล่งประกายออกจากดวงตามาพร้อมกับคำพูด



            “ก็ไม่แปลกหรอก เพราะกูเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน มึงไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นนอกจากจะหล่อแล้วเฮียแม่งโคตรเท่ห์ในสายตากูเล…โอ้ย! ไอ้พอร์ช! ไอ้หน้าหมากูเจ็บนะ! เป็นห่าอะไรของมึงอีกเนี่ยห้ะ!” พูดยังไม่ทันจบโซ่ก็ถูกอุ้มทุ่มลงกลางเตียง ก่อนที่ตัวต้นเหตุอย่างพอร์ชจะโดดตามลงไปขย้ำซะจมเขี้ยว สมกับที่โซ่ชอบเรียกว่า ‘ไอ้หมา’



            “ใครสั่งใครสอนให้มึงชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผัวอย่างนี้ห้ะนิ่ง!” พอร์ชว่าเสียงเข้มเหมือนสติหลุด ไม่แววตาอ้อล้อหรือทำเป็นอ่อนข้อให้อย่างที่แล้วมา เพราะไม่แน่ใจว่าระหว่างความโกรธกับความหึงหวงที่แผดเผาอยู่ในใจอันไหนมันมีมากกว่ากัน



            ป้าบ!



            “ไอ้บ้า! กูแค่แหย่เล่นแค่นี้มึงกะจะฆ่ากูเลยรึไง ลุกไปหายามาทาแล้วก็หาอะไรมาปิดแผลให้กูเลยนะไอ้หมาพอร์ช ไม่อย่างนั้นมึงเจ็บตัวแน่” ยกมือขึ้นฟาดกลางหัวเรียกสติให้คนรักเน้นๆ ไปป้าบใหญ่ ก่อนที่จะพูดขู่ออกมา



            “แหย่เล่น?” พูดทวนเหมือนไม่แน่ใจ



            “เออ! แหย่เล่น…แค่อยากจะเห็นหน้าหงอยๆ เหมือนหมาของมึง ไม่ทันได้คิดว่าจะบ้าได้ขนาดนี้ แม่ง…กัดกูจมเขี้ยวเลย…มึงนะมึง” ผลักพอร์ชที่กำลังเหวอออกจากตัว ก่อนที่จะเดินบ่นไปจนถึงห้องน้ำเพื่อล้างแผลที่คอ



            หม๊าว~



            “เออ…รู้แล้วว่าผิด ไม่ต้องมาซ้ำเติมกูหรอก…สำนึกไม่ทัน!” พาลใส่เจ้าเหมียวลูกรักเสร็จก็เดินตึงตังแบบหน้างงๆออกไปหายามาทาทำแผลให้คนรักต่อ



            หม๊าว~



            ‘ป๋าจ๋าบ่นพี่หรอ? บ่นทำไม? พี่มณีแค่เคลิ้มกับน้องสอง(ปลาทูอัดกัญชาแมว)เองนะ’



            หม๊าว~



            ‘แค่พี่ฟินกับน้องสองพี่ก็ผิดหยอ? เฮ้อ!’ แฮชแท็ก #แมวงงหนักมาก



            “นอนซะ อย่าไปฟังมันเลย ป๋ามึงมันบ้า” โซ่ที่เพิ่งจะใช้น้ำล้างแผลให้ตัวเองเสร็จ เดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียงทางฝั่งที่มีพี่มณีนอนตาเยิ้มกอดตุ๊กตาปลาทูร้องหม๊าวๆอยู่อย่างมีความสุข แล้วใช้ฝ่ามือลูบหัวลูบตัวกล่อมให้พี่มญีที่กำลังผ่อนคลายเพราะฤทธิ์กัญชาแมวให้หลับสบาย



15 เมษายน 25XX



            หลังพากันไปตระเวนรดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่คบทุกบ้านแล้ว เวลาที่พอร์ชรอคอยก็มาถึง เพราะว่าโซ่อนุญาตพร้อมกับยอมตกปากรับคำที่จะไปเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยแล้ว แม้ว่าจะได้เล่นแค่วันสุดท้ายวันเดียวก็ตาม



            “มึงจะพิรี้พิไรอีกนานไหมพอร์ช ไอ้พวกนั้นมันมารอมึงเป็นชั่วโมงแล้วนะ ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนทำไมนักหนา แต่งไปแค่ไหนมันก็ไม่หล่อขึ้นหรอก…หน้าหมาเหมือนเดิม” เป็นอีกครั้งที่โซ่ต้องพูดบ่นยาวเหยียดออกมาในขณะที่ตามเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ให้พอร์ช หลังจากที่เจ้าตัวเอาออกมาเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก พอไม่ถูกใจก็โยนทิ้งไว้บนพื้นไม่ก็ปลายเตียง



            “แม่มึงหึงพ่อหรอจ้ะ?” ทำจ้ะจ๋าปากว่ามือถึง คว้าหมับเข้าที่เอวของโซ่ แกล้งเอาอกเปลือยเปล่าของตนเองไปถูหลังผ่านเสื้อฮาวายบางๆของโซ่ หลังจากที่โยนเสื้อตัวที่สิบหรือยี่สิบก็ไม่รู้ทิ้งลงพื้นตามตัวก่อนๆไปอีกตัว



            วืดด…เพียะ!



            “โอ้ย! มันเจ็บนะโซ่!” คนหล่อหลุดมาดหวีดร้องเสียงหลงออกมาเมื่อถูกคนรักหวดด้วยไม้แขวนเสื้อเข้าให้เต็มแรง



            “ก็ตั้งใจตีให้เจ็บไง จะได้เลิกถอดๆ ใส่ๆ สักที กูตามเก็บจนเหนื่อยแล้วนะ” ได้จังหวะโซ่ก็รีบสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของคนรักอย่างพอร์ชทันที



            “แม่มึงไม่เข้าใจพ่อมึงอีกแล้ว…งอนอ่ะ!”



            ผลุบ!



            “เลิกทำตัวปัญญาอ่อนแล้วใส่ตัวนี้ซะไอ้หมาพอร์ช ก่อนที่จะโดนไม้แขวนเสื้อ” โซ่หยิบเสื้อที่วางอยู่ใกล้มือขว้างไปให้คนรัก เสร็จแล้วก็คว้าพี่มณีที่ใส่เสื้อฮาวายสีเดียวแบบเดียวกันขึ้นมาอุ้มพาเดินออกจากห้องไป



            “สีกรมลายขนนกสีฟ้าเขียวอย่างนี้กูเคยเห็นที่ไหนวะ?” หยิบเสื้อที่ฮาวายที่โปะอยู่บนหัวออกมากาง พลิกซ้ายพลิกขวาดูแล้วนึกย้อนไปว่าตนเองเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ทำไม่ถึงได้ดูคุ้นตามากขนาดนี้ จนกระทั่ง…



            “เสื้อคู่! เฮ้ย…ไม่ใช่สิ มีสามตัวต้องเป็นเสื้อครอบครัว แหม…แม่มึงจะเซอร์ไพร์พ่อมึงก็ไม่บอก! ปล่อยให้รื้อตู้ตั้งนาน” พอรู้แล้วว่าเป็นเสื้อเช็ตเดียวลายเดียวสีเดียวกันกับที่โซ่และพี่มณีใส่พอร์ชก็ยิ้มกว้างออกมาจนปากจะฉีกถึงหู แต่ก็ไม่วายที่จะละเมอเพ้อพบไปตามประสา ไม่ต่างจากที่เจ้าตัวชอบบ่นว่าโซ่อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนคนท้อง โดยที่ไม่รู้เลยว่าตนเองคือต้นเหตุในทุกการกระทำของคนรัก เพราะถ้าไม่กระเซ้าเย้าแหย่จนน่ารำคาญเจ้าตัวก็จะอ้อนจนโซ่หงุดหงิดไปเลยนั่นแหละ



            “เลิกเพ้อได้แล้วไอ้หมาพอร์ช!”



            คนพร้อม…แมวพร้อม…ปืน(ฉีดน้ำ)พร้อม…ลุย! หม๊าว!~







แมวใครไม่รู้ เห็นใส่เสื้อตรงกับที่เขียนไว้ เลยขอยืมรูปหน่อยนะคะ @ภาพจากข่าวสด @ทวงเครดิตเพิ่มเติมได้

พอร์ช : ตอนพิเศษสงกรานต์หรอ? ไหนน้ำล่ะ? ไหนแป้ง? ตัวยังแห้งอยู่เลย!

คนเขียน : เออน่า...แค่นี้พอก่อน พวกเอ็งยังต้องอยู่กับข้าอีกหลายปี เดี๋ยวปีหน้าไม่มีอะไรเขียน

โปรดอย่าถามว่าหายไปไหนมา เพราะถ้าจะให้เล่ามันยาวมาก ดีไม่ดีอาจจะมีคนมองว่าแก้ตัว แต่อยากให้รู้ว่าตกใจมากเหมือนกันตอนที่ได้เห็นเวลาการอัพนิยายครั้งล่าสุดของตัวเอง ถ้าคนอ่านจะหนีก็ไม่แปลก เพราะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง และอยากให้รู้ไว้ ว่ากว่าจะกลับมาหาได้ในวันนี้ ไม่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งร่างกายและความรู้สึกสะบักสะบอมไม่แพ้กัน

สุขสันต์สงกรานต์วันปีใหม่ไทย ขอให้คนอ่านที่น่ารักสุขภาพร่างกายแข็งแรง เจริญไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า...โคตรคิดถึงคนอ่านเลย #ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ...วันสงกรานต์ {20/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-04-2018 23:20:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ...วันสงกรานต์ {20/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-04-2018 23:52:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ...วันสงกรานต์ {20/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-04-2018 02:32:48
เตรียมน้ำ เตรียมแป้งไว้จะเล่นด้วยซะหน่อย เก็บไว้เล่นด้วยกันปีหน้าก็ได้  o9
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ...วันสงกรานต์ {20/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-04-2018 02:53:40
คิดถึงไรท์เหมือนกัน แบบว่าไม่มีคู่นี้แล้วเหงาๆอ่ะ
5555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ...วันสงกรานต์ {20/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-04-2018 18:00:57
พ่อมึงกวนแม่มึงตลอดอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 24-04-2018 19:24:34


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{26}









            “นอนพักก่อนนะ เดี๋ยวตอนบ่ายพี่มารับ” พอร์ชพูดบอกกับคนป่วยที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
หลังจากที่โซ่ป่วยยิงยาวมาตั้งแต่วันแรกเริ่มจนถึงวันสุดท้ายของกีฬาสีของปี ซึ่งก็คือวันนี้



            “อือ” เหมือนจะรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่คนรักบอกนะ แต่โซ่ก็ยังคงนั่งกอดเอวซุกหน้าอยู่กับ
แผ่นหลังกว้างของพอร์ชอยู่เหมือนเดิมไม่ยอมปล่อย



            “อือ ก็ปล่อยสิครับ เดี๋ยวพี่ไปสายโดนพวกเจ้ๆด่าตายห่าเลย” เพราะว่าวันนี้มีเดินขบวนพาเหรด
เปิดงานกีฬาสีอย่างเป็นทางการด้วย พอร์ชจึงต้องไปถึงวิทยาลัยเร็วขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย



            “ไม่ให้ไป” คำเดียวสั้นๆที่ดังออกมาพร้อมกับน้ำเสียงสั่นๆของคนรักทำเอาพอร์ชใจอ่อนยวบ
ไม่รู้เป็นอะไร เวลาป่วยโซ่ถึงได้ชอบอ้อนพอร์ชทุกที เช่นเดียวกับที่พอร์ชเองก็อาศัยจังหวะนี้ตักตวง
ความเป็นผู้นำของตนเองไว้ให้เต็มที่ เพราะพอถึงเวลาที่โซ่หายดี เขาก็ต้องกลับมาเป็นไอ้หมาพอร์ช
ที่ตกอยู่ในอำนาจเมียเหมือนเดิม



            “ได้ไง? วันนี้พี่มีเตะนัดชิงด้วยนะอย่าลืมสิ” เสียงสูงเหมือนจะโกรธ แต่ก็ไม่ เพราะใบหน้าของ
พอร์ชยังแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มไม่เปลี่ยน ก็อย่างที่บอกว่าวันนี้เขามีแข่งฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศกับสีแดง
จากแผนกช่างก่อสร้าง ซึ่งพวกรุ่นพี่บอกไว้ว่าเป็นคู่ปรับเก่ามาจากปีที่แล้ว



            “นอน” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่โซ่ยังดึงรั้งให้พอร์ชหงายหลังลงมานอนด้วยกัน พร้อมกับห่มผ้าให้เสร็จสรรพ



            “เหวย…ได้ซะที่ไหนล่ะ” พอร์ชพยายามจะตัดใจจากร่างนุ่มนิ่มของคนรักแล้วลุกออกจากที่นอน
แต่ก็ติดที่ว่าตัวของเขานั้นถูกแขนขาของโซ่รัดไว้แน่น ไม่ยอมให้ไปไหน



            “พี่พอร์ช~” โซ่ผลิกตัวขึ้นมานอนเกยอยู่บนตัวคนรัก จ้องหน้า ส่งสายตา เรียกเสียงหวาน



            “จ๋า~” โอ้ย! จากที่พยายามจะลุกหนีออกจากเตียงก็ต้องเปลี่ยนมานอนตัวแข็งทื่อ เพราะโดน
สายตาหวานฉ่ำเพราะพิษไข้ของคนรักสะกดเสียอยู่หมัด



            “อยู่กับน้องโซ่น้า~” แนบแก้มลงบนอกแกร่ง ช้อนตามองขอคำตอบด้วยความเห็นใจ ก่อนที่
พอร์ชจะตอบกลับมาว่า…



            “จ้า~” พูดจบก็คว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวของตนเองกับคนรักไว้ สองแขนกอดกระชับร่างนุ่มนิ่ม
ไว้แน่น ก่อนที่จะพากันนอนหลับไปในที่สุด



            ห้าชั่วโมงต่อมา…



            แอ๊ด…



            คุณนายปลื้มจิตแอบชะโงกหน้าเข้ามามองหาลูกชายคนเล็กอย่างระมัดระวัง หลังจากที่เคาะ
เรียกอยู่นาน แต่ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เธอสักคนเดียว ลองแนบหูฟังกับประตูแล้วก็ยังเงียบกริบเหมือนเดิม
โทรศัพท์ขึ้นมาก็ไม่มีใครรับ จนต้องแอบเสียมารยาท เปิดเข้ามาดูนี่แหละ



            “พอร์ช…พอร์ช” เธอสะกิดเรียกลูกชายเบาๆที่ข้างเตียง เพราะไม่อยากจะรบกวนคนป่วยอย่างโซ่
แต่ติดก็ตรงที่เจ้าลูกชายคนดีมันบอกว่าวันนี้มีแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญ แต่ก็ยังไม่ยอมโผล่หัวออกจากห้องสักที
ทั้งที่จะเที่ยงอยู่แล้ว



            “อือ…แม่ครับ?” จากที่ตั้งใจจะเรียกพอร์ชโดยที่ไม่รบกวนโซ่ แต่คนที่ตื่นกลับกลายเป็นคนป่วยอย่าง
โซ่เสียเองที่ได้รับแรงกระเทือนเบาๆจากการเขย่าของคุณนายปลื้มจิต เพราะตนเองนั้นนอนกอดก่ายอยู่บนตัว
ของพอร์ชนั่นเอง



            “อ่า…ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะครับน้องโซ่ แต่แม่จำเป็นต้องเรียกพี่พอร์ชจริงๆ เพราะเป้กับแวนมา
นั่งรออยู่นานแล้ว” แตะเบาๆที่ข้างแก้มของโซ่เพื่อขอโทษและวัดไข้ไปในตัว พร้อมทั้งบอกถึงสาเหตุที่ตน
ต้องขึ้นมาปลุกลูกชายถึงชั้นสี่ ทั้งที่ขาแข้งก็ไม่ค่อยจะดี



            “เดี๋ยวโซ่ปลุกพอร์ชเองฮะแม่” พยักหน้า อ้าปากหาวแล้วประคองตัวเองลุกขึ้นมานั่ง พูดบอกกับ
คุณนายปลื้มจิตด้วยท่าทางงัวเงียเพราะยังไม่ตื่นดี



            “จ้ะ…แม่ลงไปรอข้างล่างก่อนนะ” เธอเอื้อมมือไปขยี้ผมฟูฟ่องไม่เป็นทรงของโซ่เบาๆด้วย
ความเอ็นดู ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป



            “พอร์ชตื่น…พอร์ช…พวกไอ้เป้มารออยู่ข้างล่างแล้วนะ” โซ่เขย่าเรียกคนรักด้วยน้ำเสียงที่สดชื่น
กว่าเดิม เพราะได้นอนพักผ่อนเต็มอิ่มมาหลายวัน ก่อนที่จะลุกเดินหายเข้าห้องน้ำไป เมื่อเห็นว่าพอร์ชเริ่มขยับตัว



            “จุ๊บหน่อย” ทำปากจู๋ออดอ้อนทั้งที่ยังคงนอนหลับตาอยู่เหมือนเดิม



            แผล่บ~



            คนตัวโตยิ้มกว้างออกมาทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตา เมื่อสัมผัสได้ถึงลิ้นเรียวเล็กของคนรัก(?)เคลื่อนไหว
อยู่บนริมฝีปากของตนเอง



            “กอดด้วย” สองแขนกางออกสุดความยาวร้องขอไม่มีหยุด ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงกดย้ำเบาๆบนหน้าอก
ของตัวเอง เท่านั้นคิ้วคมก็ขมวดยุ่ง เพราะเริ่มแปลกใจถึงน้ำหนักมือ(?)ของคนรักที่มีขนาดเล็กและเบากว่าที่ควร



            “…..” โซ่ยืนปิดปากกลั้นขำอยู่ปลายเตียงด้วยท่าทางที่ดูสะใจแบบแปลกๆ



            “เหี้ย! อีมณี! มึงทำไรกูเนี่ย?” พอร์ชโวยลั่น เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเจอกับแมวน้อยสีขาวที่ตนกับโซ่ได้ช่วย
ชีวิตไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ยืนอยู่บนอกก้มหน้าจ้องมองเขาด้วยแววตาใสแจ๋ว



            “ฮะฮ่า…รีบตื่นทำไม? กูกำลังยืนคิดอยู่เลยว่าจะไปคุยกับแม่ยังไงดี ถ้าหากมึงได้เสียกับลูกชายกูขึ้นมาจริงๆ”
โซ่โน้มตัวเข้าไปอุ้มเจ้ามณีหรือที่พอร์ชชอบเรียกว่า ‘อีมณี’ ทั้งๆที่เป็นตัวผู้เข้ามากอด ก่อนที่จะพากันเดินหายไปทาง
โซนแต่งตัว ที่ให้พอร์ชนั่งหน้าเหวอเพราะทำอะไรไม่ถูกอยู่คนเดียวที่เดิมบนเตียง



            เขายกมือขึ้นมาจับๆแตะๆบริเวณริมฝีปากตัวเองเบาๆ ด้วยท่าทางสับสน จนกระทั่ง…



            “แสดงว่า…เมื่อกี้มึงเลียปากกูใช่ไหมอีมณี๊!~”



            “ไปไกลๆตีนกูเลย” พอร์ชที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใช้เท้าเขี่ยเจ้ามณีที่กำลังตามไล่งับชายผ้าขนหนูของตัวเอง
ออกห่างอย่างเคืองๆ เพราะยังคงไม่หายโกรธเรื่องที่โดนเจ้าเหมียวลูกรักลักหลับ(?) เมื่อสิบนาทีก่อน



            จุ๊บ!



            “หายนะ มันแค่อยากเล่นด้วย ไม่รู้เรื่องอะไรกับใครเขาหรอก” เพราะไม่อยากให้คนรักหงุดหงิดไปมากกว่านี้
โซ่เลยเดินเข้าไปกดจูบลงบนฝีปากได้รูปของพอร์ชเป็นการขอโทษและปลอบใจไปในคราเดียวกัน



            “ขออีกที” พยักหน้าชูนิ้วชี้ต่อรองขอเพิ่มอีกที โซ่ก็ยอมแต่โดยดี ยื่นหน้าเข้ามาหาพอร์ชแล้วทำท่าว่าจะ
กดจูบลงไปแบบปากแตะปากไม่ได้ลึกซึ้งอะไร แต่ติดก็ตรงที่ถูกพอร์ชใช้มือล็อคท้ายทอยไว้แน่น แล้วสอดลิ้นบน
จูบอย่างหื่นกระหาย จนโซ่แทบตั้งตัวไม่ทัน แต่พอตั้งหลักได้ โซ่เองก็ตอบโต้กลับไปได้อย่างมีชั้นเชิงแบบไม่ให้
เสียชื่อพี่นิ่งคน(เคย)แมนแห่งช่างไฟ



            “พอแล้ว เดี๋ยวยาวอีก” โซ่ผลักพอร์ชออกห่าง ยกมือขึ้นเช็ดปากของตัวเองแรงๆแก้เขินที่เผลอคล้อย
ตามแรงดึงดูดของคนรักอยู่นาน



            หม๊าว~ หม๊าว~



            “เออ ไปแล้วๆ ทำไมถึงได้ขี้บ่นขนาดนี้ครับอีพี่มณี” เขาปล่อยให้โซ่ไปเช็คเสื้อผ้าหน้าผมของเจ้าตัว
อีกนิดหน่อย ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาพาดไหล่ แล้วเดินไปอุ้มเจ้าเหมียว
ตัวแสบที่ยืนรออยู่หน้าประตูขึ้นมาวางพาดบ่า เสร็จแล้วหลังจากนั้นเจ้ามณีมันก็จะจัดท่าทางหาที่นั่งที่สะดวกของ
มันเอง เพราะโซ่สอนให้มันทำอย่างนี้ตั้งแต่ที่แผลตามตัวของมันหายดี หลังจากนั้นไม่นานเจ้ามณี อีมณี หรือ
พี่มณีที่พ่อโซ่ของมันใช้เรียกก็เสพติดการขี่หลังนั่งคอคนมาโดยตลอด

..

..

..

            “ไงวะโซ่ หายดียัง ช่วงนี้ทำไมมึงป่วยบ่อยจังวะ?” ประธานสีฟ้ารุ่นพี่ที่สนิทกับโซ่ในระดับหนึ่ง
เพราะเป็นนักมวยในค่ายของคุณตาโซ่เอ่ยถามด้วยสีหน้าและท่าทางที่เป็นห่วงจากใจจริง เพราะเขารับปาก
คุณตาของโซ่ไว้ว่าจะช่วยคอยดูแลโซ่ให้ ยามที่เจ้าตัวอยู่ในวิทยาลัย



            “โดนไอ้พอร์ชใช้งานหนัก” คำตอบอย่างคนเถรตรงของโซ่ทำเอารุ่นพี่กับพอร์ชที่นั่งผูกเชือรองเท้าสตั๊ดสีชมพูแปร๋นของเจ้าตัวอยู่บนพื้นหญ้าข้างหน้าถึงกลับสำลักน้ำลาย ไอคอกแคกออกมาเสียงดังตามๆกันไป เพราะโซ่เล่นพูดแบบหน้าซื่อตาใสเหมือนไม่รู้สึกอะไร ต่างจากคนฟังอย่างพอร์ชที่เริ่มจะเขินขึ้นมา ทั้งที่ปกติแล้วเจ้าตัวเป็นคนใจกล้าหน้าด้านแท้ๆ แต่พอมาได้ยินโซ่พูดจาแบบนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี ที่โซ่พูดบอกกับคนอื่นว่าคบหากับตนเองในฐานะอะไร…พี่โซ่คนตรง2018!



            “ห่า…เอากูไปไม่เป็นเลยไหมล่ะ? เออๆ คบกันก็ดูแลกันดีๆ ปีหน้ากูไม่อยู่แล้ว เห็นไอ้พอร์ชมัน
ดูแลมึงดีอย่างนี้ กูจะได้ไม่ต้องห่วงอะไร…แล้วถ้าว่างๆก็เข้าไปหาพ่อกับแม่บ้าง เขาเป็นห่วงมึงมากนะ
แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าเขาไม่อยากให้มึงลำบากใจ พอๆกับที่ใจร้ายกับลูกสาวเขาไม่ลงเหมือนกัน” เพราะฝึกฝน
วิชาแม่ไม้มวยไทยอยู่ในค่ายมวยของโซ่มานาน จึงได้รู้เห็นทุกสิ่งอย่างในความเป็นไปของครอบครัวโซ่
แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรไปมากกว่านี้ได้ เพราะยังไงตนก็เป็นแค่คนนอก เพียงแต่อยากจะให้โซ่กลับไปหา
คุณตาคุณยายของเจ้าตัวบ้าง เพราะพวกท่านคิดถึงและเป็นห่วงโซ่มาก แต่ก็ไม่อยากจะติดต่อไปหานัก
 เพราะเกรงว่าจะไปทำให้โซ่ลำบากใจ ในขณะที่พวกท่านเองก็อยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เพราะอีกฝ่ายก็คือลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกท่าน ที่ถึงแม้ว่าจะสร้างความลำบากให้เพียงใด แต่ก็ทำใจทิ้งไม่ลง



            “อืม” โซ่ไม่ได้พูดตอบอะไรกลับไปอีก เขาทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้เบาๆ ที่ไม่ได้เข้าไปหาตากับยาย
ก็ใช่ว่าจะไม่ห่วง กลับกัน เขาเป็นห่วงทั้งสองท่านมากที่ต้องมาหาเลี้ยงลูกหลานทั้งที่อายุมากแล้ว ร่างก็ย่ำแย่
ใช่ว่าจะแข็งแรงเหมือนตอนหนุ่มสาว โรคประจำตัวของคนแก่ก็เริ่มคืบคลาน แต่เป็นเพราะเขาเองก็ต้องปกป้อง
ความรู้สึกของตนเองเหมือนกัน จึงขอเวลาตั้งหลักสักนิด ก่อนที่จะกลับเข้าไปหาตากับยายด้วยสภาพที่น่าจะ
ทำให้พวกท่านสบายใจได้มากที่สุด



            “กี่ลูกแล้ววะ?” ยศกับบุญล้อมที่เพิ่งเสร็จงานจากสีตัวเอง เดินเข้ามานั่งข้างโซ่พร้อมกับเป้และแวน
ที่ดูเหมือนว่าจะมาด้วยกัน(?)



            “ตามอยู่สองลูก” โซ่บอกพลางลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าพอร์ชโดนสกัดล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นสนาม



            “ไอ้ห่านั้นมันเล่นยังไงของมันวะ!” แวนเองก็ปีนขึ้นไปยืนอัฒจันทร์ขั้นแรกที่ตนเองนั่งอยู่ในตอนแรก
พร้อมกับตะโกนโวยวายใส่ฝั่งตรงข้าม คนที่เสียบพอร์ชจนล้ม แต่กลับไม่โดนปรับฟาล์วเพราะกรรมการไม่เห็น



            ปรี๊ด!!!!



            เสียงสัญญาณนกหวีดเป่ายาวบ่งบอกถึงการพักครึ่งแรก โดยที่ตอนนี้สีชมพูช่างยนต์ของพอร์ชโดน
นำไปสองต่อศูนย์คะแนน



            “ไงวะ? มีเจ็บตรงไหนเปล่า กูเห็นไอ้ห่านั้นตามเสียบมึงหลายรอบแล้ว” ไม่ใช่โซ่ แต่เป็นเป้ที่เอ่ยถาม
ขึ้นมาเป็นคนแรกในขณะที่โซ่ส่งผ้าเช็ดหน้ากับน้ำดื่มพร้อมกับมองสำรวจบริเวณหน้าแข้งของคนรักเงียบๆ
แต่พอร์ชส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร



            “เหี้ยเขียวช้ำขนาดนี้ไม่เป็นไรได้ไง” แล้วก็เป็นแวนเจ้าเดิมที่ร้องโวยวายออกมาเมื่อเห็นว่าบริเวณ
หน้าแข้งของพอร์ชเขียวช้ำลากยาวเป็นปื้นในยามที่เจ้าตัวถลกถุงเท้าลงดู



            “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” พอร์ชเอื้อมมือขึ้นมาจับแก้มโซ่เบาๆ เมื่อเห็นว่าคนรักทำสีหน้าแปลกๆ
แบบบอกไม่ถูก ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกโมโห เป็นห่วง หรือว่าทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน



            “สองรอบ” โซ่ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆพอร์ชพูดบอกออกมาเบาๆ



            “อะไร?” พอร์ชถามออกมาอย่างงงๆ เพราะไม่รู้ว่าคนรักกำลังพูดถึงอะไร



            “ถ้ามึงยิงเข้า กูออนท็อปให้ลูกละสองรอบ…ตกลงไหม?” หยิบยกสิ่งที่คนรักชอบร้องขอในสิ่งที่ตน
ไม่ค่อยตอบสนองให้เจ้าตัวในยามร่วมรักขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจ เพราะรู้สึกโมโหคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามจริงๆที่
เล่นนอกกติกาต่อหน้าต่อตาอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่โดนปรับฟาล์วสักที ไม่รู้ว่ากรรมการตาบอดหูหนวกกันแน่
ที่ไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านของคนพากย์ข้างสนามที่พยายามพูดชี้นำให้หันกลับมามองการกระทำของไอ้คน
ขี้โกงที่ประกบติดพอร์ชอยู่ตลอดเวลา



            “เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมตูดไว้ให้พร้อมเลยครับเมีย งานนี้พี่จัดหนักจัดเต็มแน่นอน!”



            ปิ๊ด…



            ปิ๊ด…



            ปี๊ดดดดด!!!!!!!



            “เฮ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”



            เพียงแค่กรรมการเป่านกหวีดเป็นสัญญาณการบอกถึงเวลาสิ้นสุดการแข่งขัน ทางฝั่งของสแตนเชียร์
สีชมพูก็ร้องเฮออกมาเสียงดังลั่น เพราะคะแนนที่โชว์อยู่บน Scoreboard ข้างสนามมันบอกว่า สีชมพูชนะสีแดง
ไปด้วยคะแนน 5 : 3 คะแนน ซึ่งสามในห้าคะแนนของสีชมพูนั้นมาจากฝีเท้าของพอร์ชล้วนๆ เล่นเอาคนดูรอบ
สนามประหลาดใจไปตามๆกัน อีกทั้งคนพากย์ก็อดไม่ได้ที่จะพากย์ไปแล้วแซวเจ้าตัวไปจนจบเกม จะมีก็แต่โซ่
นี่แหละที่นั่งสาปแช่งคนรักอยู่ติดขอบสนามแบบนั่งไม่ติด เพราะไม่อยากจะให้พอร์ชทำคะแนนได้มากไปกว่านี้
อีกแล้ว…อย่าลืมสิว่าเขาถ้าพอร์ชไว้ว่า 1(ประตู) : 2 (ออนท็อปรอบ) แล้วกว่าจะจบเกมพี่ท่านเล่นยิงไปถึงสาม
ก็เท่ากับว่า เขาต้องเสียดุลให้เจ้าตัวถึง 6 รอบ งานนี้บอกเลย…พี่โซ่คนแมนขาสั่นแน่นอน!







TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-04-2018 20:02:57
โซ่คงคิด กูไม่น่าเลย~5555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 24-04-2018 20:20:40
 :hao7: :hao7: เอาไงละทีนี้ โซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-04-2018 21:47:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

555

ฟ้าเหลืองแน่ ๆ น้องโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-04-2018 23:02:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-04-2018 01:07:02
โซ่สบายอยู่แล้วชิมิ แค่ 6 รอบเอง จิ๊บ ๆ เนอะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 25-04-2018 05:41:26
รางวัล นี้ช่างเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับนักเตะเป็นอย่างดี555+

รอตอนต่อๆไปนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-04-2018 22:44:12
แค่ 6 รอบเองงงงงงงงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-04-2018 00:18:07
ฮ่าๆ สู้ๆนะโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #26 {24/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-04-2018 14:51:22
รางวัลล่อใจพี่พอร์ชเหลือเกิน จัดหนักมา 6 รอบ :laugh:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 30-04-2018 20:17:25


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{27}









            “เป็นไง? ไหวไหม?” พอร์ชเอ่ยถามคนรักที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนที่นอนอย่างหมดแรง
เพราะโดนเขาสูบพลังไปแล้วสามรอบ แถมเจ้าตัวยังต้องทำคำพูดที่ให้เขาไว้เมื่อตอนบ่ายด้วย
ว่าถ้าเขาแตะลูกฟุตบอลเข้าประตูฝั่งตรงข้าม เจ้าตัวจะออนท็อปให้ลูกละสองรอบ นี่ผ่านไปแล้ว
สามก็เท่ากับลูกครึ่ง เดี๋ยวให้เจ้าตัวพักเหนื่อยอีกหน่อย เขาจะทวงครึ่งลูกที่เหลือต่อ ส่วนอีกหนึ่ง
ลูกหรือสองรอบที่เหลือเก็บไว้ไปทบต้นทบดอกคราวหน้า เพราะถ้าฝืนเก็บรวดเดียวหมด มีหวัง
เครื่องล่างเมียเขาได้พังก่อนเสียวแน่ ลำพังแค่สามรอบที่ผ่านมาน้องโซ่ของเราก็หืดขึ้นคอแล้ว



            “อือ…ขอน้ำหน่อย” พยักหน้าบอกเสียงสั่นๆ แค่จะลืมตายังทำได้ยาก บอกเลยว่าครั้งก่อนๆ
ที่ผ่านมานั้น ไอ้หมาพอร์ชมันตอแหล มันแค่หลอกให้เราเชื่อว่าตัวเองเป็นแค่หมาเชื่องๆ สั่งให้ทำอะไร
ก็ทำ แต่พอมาถึงวันนี้มันกลับจัดเต็ม ทำเอาเขาแทบไปไม่เป็นเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
หนักหนา มาถึงก็ใส่เอาๆ ทำเหมือนเขาเป็นตุ๊กตายางไร้ความรู้สึก บอกให้ทำเบาๆ มันก็ยิ่งหนักมือ ยิ่งว่ายิ่งยุ
ทำเอาเขาครางเสียงหลงยิ่งกว่าตอนที่เขาจัดให้คู่นอนเก่าๆ ที่เป็นผู้หญิงของเขาร้องซะอีก พูดแล้วก็…อายฉิบหาย



            ตั้งแต่หกโมงเย็นยิงยาวยันเที่ยงคืน…มึงทำไปได้ไง?



            “กินดีๆ เดี๋ยวสำลัก” พอร์ชว่าเสียงดุๆ ในขณะที่จับหลอดป้อนน้ำให้คนรักดื่ม



            ปึก!



            “ไปไกลๆเลยแมร่ง!” ต่อยปักเข้าไปที่กลางอกด้วยความหมั่นไส้ เห็นกูอ่อนให้เข้าหน่อยทำเป็นข่ม รอหายดีก่อนเถอะ…พ่อจะเล่นให้!



            ว่าแล้วก็สะบัดผ้าห่มขึ้นคลุมโปง แล้วก็หลับลงไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาพอร์ชถึงกับเหวอ เพราะ
เจ้าตัวกะจะทวงอีกรอบที่เหลือไง



            “เออ…นอนก็นอน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูพาไปตรวจเลือดแต่เช้าเลย” ไม่ได้หงุดหงิดอะไรหรอกนะ ก็แค่
อยากบ่น เพราะเท่าที่เก็บมาสามแต้มจากก่อนหน้าก็เต็มอิ่มแล้วเหมือนกัน แต่เสียดายก็ตรงที่ว่า โซ่ไม่ยอม
ให้รักสดแบบเนื้อแนบเนื้อ ถ้าหากว่ายังไม่ได้ตรวจเลือด จึงจะเป็นต้องรักกันแบบปิดไฟใส่หมวกเพื่อความ
ปลอดภัยเหมือนที่ผ่านมาไปก่อน เพราะเจ้าตัวอยากจะแน่ใจ ว่าทั้งเขาและตัวมันเอง ปลอดภัยไร้โรค



            เช้าวันต่อมา…



            วันนี้โซ่ตื่นแต่เช้าทั้งที่ได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง แถมยังโดนพอร์ชสูบพลังชีวิตไปจนสลบคาเตียง
แต่ก็สามารถตื่นขึ้นมาเดินเหินได้เหมือนอย่างปกติ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บๆขัดๆที่บั้นท้ายไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าครั้ง
ก่อนๆที่ต้องนอนซมเพราะพิษไข้เสียทุกครั้งที่โดนพอร์ชรังแก แถมยังรู้สึกสดชื่น(?) กระปรี้กระเปร่า(?) มาก
กว่าที่ควรจะเป็นเสียด้วยซ้ำ สงสัยว่าเขาจะกลายเป็นพวกมาโซคิสม์เต็มตัวไปแล้ว



            “ถ้าจะหลับลึกขนาดนี้นะไอ้หมา” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังอุตส่าห์เดินเข้าไปขยับผ้าห่มคลุมให้
คนรักจนถึงคอ เพราะพอร์ชชอบเปิดแอร์เย็นจัดเวลานอน ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่วางอยู่บน
หัวเตียงขึ้นมาถือไว้และเดินออกจากห้องไป



            ตุบ!



            โซ่รีบวิ่งลงไปดูทันทีเมื่อได้ยินเหมือนมีเสียงของใครหกล้มอยู่ไม่ไกลจากชั้นสี่ที่ตนยืนอยู่นัก วิ่งแบบ
ที่เรียกได้ว่าลืมเจ็บไปเลย



            “เป็นไรมากไหม?” เขาช่วยพยุงพี่ชายของคนรักขึ้นมายืนดีๆ เมื่อเห็นว่าออดี้นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้น
บริเวณหน้าห้องของเจ้าตัวเอง



            “อย่ามายุงกับกู” ออดี้พยายามจะผลักโซ่ออก แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเรี่ยวแรงที่ต่างกัน



            “ก็ไม่อยากยุ่งนักหรอก” โซ่ขืนตัว เปิดประตูพาคนเจ็บเดินเข้าห้องไปท่ามกลางเสียงกร่นด่าสารพัด
ที่เจ้าตัวจะนึกได้



            ตุบ!



            “โอ้ย! แมร่งเอ้ย! มึงจะฆ่ากูรึไงไอ้เด็กเหี้ย” ออดี้โวยวายออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกโซ่เหวี่ยง
ลงเตียงอย่างแรง ทำให้ร่างกายที่บอบช้ำกระทบกระเทือนไปด้วย



            “แค่นี้ไม่ตายหรอก แต่ถ้าไม่เอา ‘ไอ้นั่น’ ออกพี่มึงปวดท้องยาวแน่” โซ่บอกหน้าตาย ส่งสายตามอง
ไปยังน้ำสีขาวขุ่นที่กำลังไหลรินลงมาตามเรียวขาของออดี้ช้าๆ สภาพแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปโดนอะไรมา



            “เสือก!” สะบัดเสียงว่าโซ่ด้วยถ้อยคำที่เจ็บแสบ จนโซ่เริ่มจะรู้สึกตึงๆขึ้นมาบ้างแล้ว



            “กูจะไม่แลมึงพี่เลย ถ้ามึงไม่ใช่พี่ของไอ้พอร์ช ไม่ใช่ลูกชายที่แม่กับป๋ารัก เพราะฉะนั้น ต่อให้พี่
ต่อต้านกูสักแค่ไหน กูก็จะเสือก” โซ่กระชากคอเสื้อของออดี้ขึ้นมา มองหน้า จ้องตา แล้วเลือกที่จะพูด
ความรู้สึกของตัวเองออกไปตามตรง เพราะอย่างที่บอก ต่อให้ออดี้จะปฏิเสธตัวตนของเขาสักแค่ไหน
แต่เขาก็ไม่อาจมองข้ามความสำคัญของเจ้าตัวไปได้



            “กูเกลียดมึง” คนโตกว่าจ้องมองคนรักของน้องชายด้วยสายตาสั่นๆ ความเข้มแข็งที่พยายาม
สร้างมาทั้งหมดเป็นอันต้องพังทลาย เมื่อโดนความจริงใจเข้าจู่โจม



            “เออ…เกลียดให้ตายห่าไปเลย แต่ตอนนี้ไปอาบน้ำเอาไอ้ที่อยู่ข้างในออกก่อน จะได้ไม่ปวดท้อง
เดี๋ยวตายห่าขึ้นมาเดือดร้อนผัวกูไปบวชหน้าไฟให้อีก” ว่าจบก็พยุงพี่ชายของคนรักที่ตัวโตกว่าตนเองเข้าไป
ในห้องน้ำ จัดการถอดเสื้อผ้าให้เสร็จสรรพ แล้วจัดยัดลงอ่างอาบน้ำให้เรียบร้อย ก่อนที่จะหันหลังเดินออกมา
ท่ามกลางเสียงด่าทอของอีกฝ่าย



            “มะ…มึง! ไสหัวไปให้ไกลส้นตีนกูไอ้เด็กเหี้ย ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกู…ฮึก! ไม่ต้องมาสนใจกูเลยแมร่ง…”



            โซ่หยุดยืนหลับนิ่งอยู่หน้าห้องของออดี้อยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะถอนหายใจทิ้งหนักๆอีกทีเพื่อเรียกสติกลับมา
แล้วลงไปหามื้อเช้าของตนที่ตั้งใจไว้แต่แรกว่าอยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่คงต้องเปลี่ยนไปกินโจ๊กแทน เพราะมัน
ดีต่อไอ้คนป่วยน่ารำคาญคนนั้นแทน



            ก็อย่างที่บอกว่าเขาจะไม่แลเลยถ้าหากว่าออดี้ไม่ใช่คนสำคัญของครอบครัวที่เขารักและศรัทธา และต่อให้
ออดี้เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน เขาก็จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือ เพราะสภาพของเจ้าตัวที่เขาเห็นนั้น มันไม่ใช่แค่
การมี SEX หรือร่วมหลับนอนธรรมดา เพราะรอยมัด รอยขบกัดตามลำคอและร่างกายของเจ้าตัวมันกำลังฟ้อง ว่าโดน
ทารุณมาอย่างหนัก แต่จะใช่การข่มขืนอย่างที่เขาคิดหรือไม่ ก็ต้องรอฟังจากเจ้าตัวเอา ถ้ามันยอมเปิดปากบอกใครละนะ



            “อ้าว! น้องโซ่…ลงมาทำอะไรแต่เช้าลูก” คุณนายปลื้มจิตเอ่ยทักเสียงหลง เมื่อเดินเข้ามาเห็นโซ่ยืนเทโจ๊ก
ใส่ถ้วยอยู่ในครัว ทั้งฟ้ายังมืดอยู่เลย



            “ไปซื้อโจ๊กมาครับ…มีของแม่กับป๋าด้วยนะ” โซ่ว่าพลางวางถ้วยโจ๊กใส่ถาด แล้วหันไปค้นหายาในตู้ที่ตั้งวาง
อยู่ไม่ไกล ท่ามกลางความสงสัยของคุณนายปลื้มจิตที่มองตามไปอย่างไม่ละสายตา



            “พี่พอร์ชไม่สบายหรอลูก” เธอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าลูกชายจะเจ็บหนักจากการแข่งขัน
ฟุตบอลอย่างที่เคยเป็นมาแล้วครั้งนึง



            “เอาไปให้พี่ออดี้ครับ” หันไปยิ้มบอกพร้อมกับยกถาดขึ้นมาถือเตรียมพร้อม



            “ออดี้กลับมาแล้วหรอลูก? พี่เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหนถึงไม่บอกแม่” ยิ่งรู้ว่าลูกชาย
คนกลางที่หายออกจากบ้านไปตั้งแต่ที่มีปากเสียงกันวันนั้นแล้ว กลับมาด้วยสภาพที่เจ็บไข้ได้ป่วย เธอก็ยิ่งร้อนรน
เป็นกังวลไปหมด



            “มีไข้นิดหน่อย แต่แม่ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ เดี๋ยวโซ่ดูแลให้เอง พี่เขาเป็นผู้ชายที่โตมากแล้ว มันอาย
นะครับที่ต้องนอนให้ผู้หญิงแก้ผ้าเช็ดตัวให้ ต่อให้เป็นแม่ก็เถอะ…แต่กับผมที่เป็นผู้ชายมันต่างกันครับ ตีกันให้ตาย
ยังไง…สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันได้อยู่ดี” เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันแล้วโซ่พูดยาวเหยียดใส่กันแบบนี้ โดยเฉพาะ
การขยิบตาสุดเท่อย่างคนเจ้าชู้ทิ้งท้ายไว้นั่น ทำเอาแม่ย่าที่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายอย่างคุณนายปลื้มจิตแทบไป
ไม่เป็น แต่กว่าจะรู้ตัวอีกที โซ่ก็เดินหายขึ้นบันไดไปแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดจะตามไป เพราะเชื่อใจว่าโซ่สามารถดูแล
ออดี้ได้ ถึงแม่ว่าจะรู้สึกเป็นห่วงทั้งสองคนเรื่องที่ไม่ค่อยลงรอยกันก็ตาม



            “เฮ้ย! ตายยัง? ตื่นขึ้นมากินข้าว” ไม่ใช่แค่ร้องเรียกธรรมดา แต่โซ่กระชากให้ออดี้ที่เผลอนอนหลับไป
ด้วยความอ่อนเพลียลุกขึ้นมาอย่างไม่มีการทะนุถนอมใดๆทั้งสิ้น



            “อย่ามายุงกับกู!” ออดี้สะบัดแขนออกจากมือของโซ่ที่จับกุมตัวเองอยู่เท่าที่แรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
ของตัวเองจะเอื้ออำนวย



            “ทำอย่างกับกูอยากจับนัก…กูเอาโจ๊กกับยาขึ้นมาให้ ถ้าไม่อยากตายก็แดกให้หมด หรือถ้ามึงอยากก็
ต้องแดกให้หมด เพราะถ้าแดกไม่หมดกูจับกรอกปากแน่” โซ่ว่าพลางยกถาดอาหารมาวางลงบนที่นอนตรงหน้าออดี้



            “…..” ออดี้กัดฟันกำหมัดแน่น เพราะนอกจากจะเจ็บตัวและเจ็บใจแล้ว ในหัวของเขายังเต็มไปด้วย
ความสับสนในสิ่งที่โซ่ปฏิบัติต่อตนเองอีกด้วย



            “กูไม่ใช่คนใจดี เลยอยากจะเตือนอีกครั้ง ว่ามึงควรแดกข้าวแดกยาให้หมดก่อนที่กูจะกลับลงมา ไม่อย่างนั้น
กูละเลงเละแน่” โซ่พูดแล้วทำท่าจะหันหลังกลับขึ้นไปดูพอร์ชที่ยังคงนอนหลับอุตุอยู่ในห้องต่อ



            "หยุดเสือกเรื่องของกูสักที” ออดี้พูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แต่แววตากลับสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด



            โซ่เดินก้าวเดินเข้าไปติดชิดเตียงนอน คว้าคอของออดี้เข้ามา ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วกลางข้างเดียวกันบีบล็อค
กรามออดี้ไว้แน่น ทำให้เจ้าตัวขยับหนีไปไหนไม่ได้



            ก่อนที่จะพูดบอกออกมาว่า…



            “ลุกเดินให้ได้ก่อเถอะ แล้วค่อยมาปากเก่งกับกู ถึงเวลานั้นกูจะจัดให้พี่มึงอย่างสวยงามเลย ต่อให้มึงเป็น
พี่ที่ผัวกูรักมากก็เถอะ”

..

..

..

            แอ๊ด…



            โซ่ค่อยก้าวเดินเข้าห้องนอนไปอย่างระวังไม่ให้เกิดเสียงดังจนทำคนรักที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงตื่น
ขึ้นมาก่อนที่ตนจะเข้าไปถึงเตียงนอน



            “พอร์ช…พอร์ชจ๋า~” โซ่คลานเข่าเข้าไปกระซิบเรียกข้างๆหูคนรักเบาๆ



            “อือ~” แลบลิ้นน้อยๆออกมาเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างชอบใจ เมื่ออีกคนตอบรับงึมงำแต่ยังไม่ยอม
ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างที่ตั้งใจ



            “พอร์ช…พี่พอร์ชจ๋า~” จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองทิ้งแล้วขึ้นไปนอนทาบทับอยู่บนอกแกร่งของคนรัก
นิ้วเรียว ลูบไล้ร่างกายของคนรักเล่นตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยที่ไม่ลืมแวะจับมือทักทายกับเจ้าพอร์ชน้อยที่กำลัง
พองตัวขู่ฟ่ออยู่ในมืออย่างไม่เกรงกลัว



            “จ๋า~” โซ่หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินพอร์ชตอบรับกลับมาด้วยถ้อยคำน่ารักน่าเอ็นดู ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม
เจ้าตัวถึงชอบทำเหมือนเขาเป็นเด็กน้อยนัก ทั้งที่อายุก็เท่ากัน จะห่างกันก็แค่ไม่กี่เดือน แต่พอร์ชกลับยกตัวเองขึ้น
เป็นพี่ แล้วขานเรียกเขาว่า ‘น้องโซ่’ หรือไม่ก็ ‘หนูจ๋า’ อยู่ร่ำไป ทั้งยังทำท่าทางเหมือนปลื้มมากซะอีก ถ้าหากวันไหน
เขายอมตามน้ำไปกับเจ้าตัว



            “มาเล่นกับน้องโซ่หน่อยน้า~” พูดไปในขณะที่สองมือก็กำลังเปลื้องผ้าคนรักอย่างขะมักเขม้น จนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่าเหมือนกันทั้งคู่



            “จ้า~” ตอบรับด้วยรอยยิ้มแม้ว่าจะยังนอนหลับตาแน่น สงสัยว่าเวลานี้ เจ้าตัวจะยังแยกความฝันกับ
ความเป็นจริงไม่ออก เพราะเมื่อคืนเสียพลังงานไปมากโข แถมการฝันเฟื่องเรื่อง SEX ยังคงเป็นปกติของคนวัยรุ่น
กลัดมันอย่างพอร์ชที่นอกจากเรื่องเพื่อนกับเรื่องเรียนแล้ว ก็มีเรื่องความอยากรู้อยากลองเกี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ
นี่แหละที่เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต



            “หึหึ…เก่งนักนะมึง เรื่องเอาเปรียบกูเนี่ย ได้…เดี๋ยวน้องโซ่จัดให้” โซ่ผละออกจากร่างกายของคนรัก
ก่อนที่จะคลานไปหยิบถึงยางอนามัยของพอร์ชที่วางอยู่ในลิ้นชักข้างเตียงขึ้นมาหนึ่งกล่อง แล้วซีกซองสวมใส่
ให้คนรักหนึ่งชิ้น ก่อนที่จะดึงกลับออกมา เมื่อขยายได้รูปตามที่ต้องการ ก่อนที่จะหยิบออกมาอีกหนึ่งชิ้นแล้วสวม
ใส่ให้เข้าที่หัวเรือรบของพอร์ชที่เจ้าตัวภูมิใจเป็นหนักหนาอีกหน แต่ครั้งนี้โซ่ปล่อยคาไว้อย่างนั้น ไม่ได้รูดออก
เหมือนตอนแรก แล้วเอื้อมไปหยิบเครื่องป้องกันชิ้นสุดท้ายมาสวมใส่ให้ตนเอง



            “อา…เสียวสัส!” กัดปากร้องครางออกมาได้อย่างยากลำบาก ในขณะที่พยายามจะกดตัวลงทับอาวุธลับ
ของพอร์ชที่ตัวเองใช้มืออีกข้างหนึ่งจับตั้งไว้อย่างระวัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่ากลัวตนเองจะเจ็บหรอกนะ แต่เป็น
เพราะว่า ไม่อยากให้พอร์ชรู้ตัวตื่นขึ้นมาขัดขวางแผนการอันดีงามของตัวเองต่างหากล่ะ ที่เขาเป็นกังวล เพราะ
ลำพังแค่โดนพอร์ชแกล้งเมื่อคืน ก้นเขาก็แทบจะหุบไม่ลงแล้ว วันนี้เลยไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่ หากเขาจะนำเข้า
ด้วยตนเอง โดยที่ไม่เบิกช่องทาง



            “อืม~” พอร์ชครางออกมาเหมือนถูกใจ เมื่อรู้สึกถึงความเสียวที่ทำเอาขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า โซ่จึงจำ
เป็นต้องหยุดภารกิจออนท็อประดับโลกของตัวเองไว้ชั่วคราว เพราะกลัวว่าพอร์ชจะตื่นขึ้นมาทำให้เสียฤกษ์



            “นี่ถ้าไม่ใช่กู แต่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายที่ไหนมาทำให้มึงแบบนี้แล้วยังเสือกคิดว่าฝันเปียกอยู่อย่างนี้นะ…
พ่อจะจับหักคอให้! เสียวแต่เสือกไม่ตื่น! อื้อ~” ปากก็พูดว่าคนรักไปในขณะที่สะโพกก็ค่อยๆ โยกขยับ ไม่เร็ว
ไม่แรงอย่างตอนที่มีพอร์ชช่วยทำ แต่เน้นหนัก แม่นยำ และตรงจุดทุกครั้งที่กดสะโพกลง เล่นเอาเสียวจนปากสั่น
แต่จะร้องครางออกมาดังๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะทำให้พอร์ชตื่น แล้วโซ่ก็เล่นโต้คลื่นอยู่บนตัวของคนรักอยู่
อย่างนั้นเกือบชั่วโมง จนกระทั่งความสุขของเขากับคนรักแตกกระจายจนเต็มเครื่องป้องกัน เขาถึงได้ค่อยๆ ยกตัว
ออกมาจากพอร์ชด้วยความเสียดาย

,,

,,

,,

            “อันนี้ลูกพี่พอร์ช อันนี้ลูกน้องโซ่ แบ่งออกมาใส่ถุงนี้อย่างละหนึ่งส่วนสาม แล้วก็บึ้ม!
กลายเป็นโกโก้ครั้น…ฮ่าๆ” เล่นเอง คุยเอง ขำเอง แล้วก็สนุกเองอยู่คนเดียว ประหนึ่งว่าได้กลับ
ไปเรียนผสมสารละลายลงในหลอดทดลองในชั่วโมงวิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรก เมื่อเจ้าตัวได้จัดการ
ผสมน้ำรักสีขาวขุ่นของตนเองกับคนรักที่มีอยู่คนละถุง เทใส่ถุงยางอันแรกที่ขยายเตรียมรอไว้ตั้งแต่
ตอนแรก เสร็จแล้วก็วางผลงานชิ้นเอกของตนเองไว้ที่ปลายเตียง เพื่อเป็นของขวัญรับวันใหม่ให้กับ
คนรัก ก่อนที่จะเดินผิวปากเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ

,,

,,

,,

            หนึ่งชั่วโมงต่อมา…



            “โซ่! โซ่! อยู่ไหน! โซ่!” เสียงร้องเรียกชื่อของตนเองที่ดังมาพร้อมกับเสียงตึงตังในการวิ่ง
ลงบันไดของคนรัก ไม่ได้ทำให้โซ่ที่นั่งทานโจ๊กอยู่ในครัวอย่างใจเย็น เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาได้เลย
แม้แต่น้อย ต่างจากเสี่ยใหญ่และคุณนายปลื้มจิตที่ชะโงกหน้าออกมาเอ็ดลูกรักตั้งแต่เจ้าตัววิ่งผ่านหน้า
ห้องทำงานของพวกเขาแล้ว



            “เสียงดังทำไม?” โซ่ใช้หางตาเหลือบมองคนรักที่มายืนหอบอยู่ข้างๆ เหมือนไม่สนใจ ในขณะ
ที่สอดมืออีกข้างที่ว่างจากการตักโจ๊กเข้าปากก็ลงไปหยิกต้นขาของตัวเองไว้แน่น เพื่อที่จะไม่ให้หลุด
หัวเราะออกมา เพราะเห็นแล้วแหละว่าพอร์ชหยิบผลงานชิ้นเอกทั้งสามถุงของเขาติดมือลงมาด้วย



            “ไอ้นี่…คืออะไร?” หยิบยื่นออกไปจนถุงยางที่เต็มไปด้วยน้ำรักสีข่าวขุ่นแทบจะกระแทกตาคนรัก
อย่างโซ่ที่กำลังจะตักโจ๊กเข้าปากพอดี…สีเหมือนกันเลยครับไอ้ห่า!



            “ก็ถุงยางไง บ้าป่ะ? ใช้เองแท้ๆ เสือกจำไม่ได้…ไปๆ เอาไปทิ้ง แล้วมากินข้าว” โซ่บอกปัดๆ
ทำเหมือนไม่สนใจ ทั้งที่ข้างในกำลังยิ้มร่า สะใจที่ได้เห็นหน้าแปลกประหลาดของพอร์ช



            “เออ…รู้แล้วว่ามันเป็นถุงยาง แต่ที่กูงงคือ มันมีไอ้สามถุงนี้มาเพิ่มได้ไง ทั้งที่เมื่อคืนเราทำกัน
ไปแค่สามรอบเอง”  พอร์ชถามออกมาด้วยสีหน้าและท่าทางที่เต็มไปด้วยความสับสน เพราะก่อนหน้าที่
จะวิ่งลงมาหาโซ่ เขาก็ตรวจดูถังขยะในห้องแล้วว่าสามถุงที่เขาใช้เมื่อคืนยังอยู่ดีในถังขยะ แต่ที่สงสัยก็คือ
ไอ้สามถุงนี้มันมาได้ไง? เพิ่มมาตอนไหน ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่อง ที่สำคัญเลยคือ…ทำไมเขาถึงได้อยู่ใน
สภาพแก้ผ้าท้าลมอยู่แบบนั้น?



            “เมื่อคืนมึงปล้ำกู” ก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างคนสะกดกลั้นอารมณ์ แต่เป็นอารมณ์ขันนะ
ไม่ใช่พายุอารมณ์ของความโมโหโกรธาอย่างที่พอร์ชเข้าใจผิดไป



            “ห้ะ? กูเนี่ยนะปล้ำมึง?” พอร์ชร้องถามออกมาเสียงหลง เมื่อได้ยินในสิ่งที่คนรักบอก



            “เออ! ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นหมาตัวไหนห้ะ? ที่บังคับปลุกกูขึ้นมาใช้หนี้สามรอบที่เหลือกลางดึกน่ะ”
 โซ่ว่าตวัดเสียงว่าอย่างเหวี่ยงๆ พยายามแสดงให้แนบเนียนที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถามของคนรักอีก
เพราะขืนปล่อยให้เจ้าตัวซักถามอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวได้มีหลุดกันบ้างล่ะ



            “โอเคๆ ใจเย็นๆน้า~ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ไม่รู้ตัวเลย เพื่อเป็นการไถ่โทษ เดี๋ยววันนี้ป๋าพอร์ช
จะตามใจเมียจ๋าทั้งวันเลย…ดีไหมครับ?” แม้ความสงสัยจะยังไม่หายออกไปจากใจ แต่พอร์ชก็เลือกที่จะมอง
ข้ามไปก่อน แล้วค่อยไปนึกทบทวนทีหลังก็ยังไม่สาย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่การหาคำตอบเรื่องนั้น
แต่เป็นความรู้สึกและอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของคนรักต่างหากล่ะที่เขาไม่ควรจะเอามาเสี่ยง เพราะรู้ดีว่าโซ่เอาใจยาก
แค่ไหน ถ้าหากปล่อยเจ้าตัวหงุดหงิดขึ้นมา



            “เออ” โซ่ตอบพร้อมดึงให้พอร์ชลงมานั่งกินโจ๊กด้วยกัน แต่พอร์ชขืนตัวไว้ ก่อนที่จะเดินเอาผลงาน
ชิ้นเอกของโซ่ที่หยิบติดมือมาไปทิ้งลงถังขยะ ก่อนที่จะล้างมือให้สะอาดเรียบร้อย แล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบน
เก้าอี้ว่างข้างๆ คนรัก อ้าปากรอให้โซ่ตักโจ๊กป้อนจนอิ่ม ก่อนที่จะพากันจูงมือเดินกลับขึ้นห้องไป



            แต่ในระหว่างนั้นเอง ถ้าหากพอร์ชเอะใจ แล้วหันกลับมามองคนรักสักนิด เขาก็จะได้เห็นว่าโซ่
ไม่ได้หน้าบึ้งตึงอย่างที่ควรจะเป็น แต่กำลังฉีกยิ้มร้ายออกมาอย่างชอบใจต่างหากล่ะ









TBC.

หลังจากจบตอนนี้ไป เราอาจจะต้องติดแท็ก #นายเอกสุดโต่ง หรือไม่ก็ #น้องโซ่คนจริง2018 แล้วล่ะ
ถ้ามันจะเกรียนขนาดนี้ คนห่าไร จะมีความย้อนแย้งในตัวเองสูงขนาดนี้

อ่อ! แล้วที่อ่านๆ กันอยู่เนี่ย รู้ยัง? ว่าคู่รองของเรื่องนี้คือ #โซ่ดี้ (โซ่xออดี้) อ่ะ? กร๊ากกกกกก...
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-04-2018 22:03:17
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-04-2018 23:05:28
อ้าวโซ่ หนูเป็นคนแบบนี้เหรอลูก~ :ruready
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-04-2018 23:05:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-04-2018 23:15:27
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-05-2018 00:06:30
โซ่!!
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-05-2018 00:57:51
กลัวจัง กลัวอีพี่จับได้ น้องโซ่จะโดนคูณ 4 เท่า  :hao6:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 01-05-2018 02:50:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #27 {30/04 /2561}
เริ่มหัวข้อโดย: MissM ที่ 05-05-2018 23:21:29
มีใครกลัวเมียมากกว่าพระเอกเรื่องนี้ไหมคะเนี่ยะ 55555 แอบแย๊บๆอยากอ่านเรื่องพี่ออดี้จัง :hao3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #28 {18/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 18-05-2018 21:13:04


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{28}






            “เอารถไปส่งกูให้หน่อยสิ” เสี่ยใหญ่พูดบอกพร้อมกับส่งคลิปบอร์ดสีดำสนิทที่มีเอกสาร
ส่งมอบรถอยู่สามสีแผ่นส่งให้กับลูกชายคนเล็กที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออยู่ข้างกับลูกสะใภ้
อย่างโซ่ที่กำลังวุ่นอยู่กับการจัดเรียงเอกให้กับคุณนายปลื้มจิตผู้เป็นภรรยา



            “อ้าว…ไหนเมื่อวานบอกว่าอาทิตย์นี้จะให้ผมหยุดไงป๋า” ก็ไม่ได้อยากจะโวยวายหรอกนะ
ที่ถามเนี่ยก็แค่คล่องใจเฉยๆ เพราะเมื่อวานเสี่ยใหญ่ผู้เป็นพ่อบอกกับเขาด้วยตนเองแท้ว่าจะให้หยุด
ทำงานหนึ่งวัน เพราะเห็นว่าเขาเหน็ดเหนื่อยจากการแข่งขันกีฬาสีมาทั้งสัปดาห์แล้ว



            “เออ…เอาไปส่งให้หน่อย เดี๋ยวกูให้พิเศษ เอาเจ้าโซ่ไปเป็นเพื่อนด้วย วันนี้ไอ้น้อยมันลา
เมียมันจะคลอดลูก…ลูกค้าแมร่งก็เร่ง ทั้งที่เพิ่งจะออเดอร์เข้ามาเมื่อวานตอนเย็น มันคิดว่ากูเป็น
ซุปเปอร์แมนมั้ง จะเอาเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ กูไม่ด่ากลับให้ก็บุญหัวแล้ว…ห่า” เขาพูดบ่นออกมาอย่าง
หัวเสียด้วยท่าทางหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด เพราะเพิ่งจะวางสายจากลูกค้ารายนี้ไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
ลำพังแค่สั่งของมาตามระเบียบการซื้อขายแล้ว เขาจะไม่อะไรเลย แต่นี้เพิ่งจะสั่งซื้อเข้ามาเมื่อเย็นวาน
ตอนที่ร้านจะปิดอยู่แล้ว กลับมาบอกว่าจะเอาของวันนี้เพราะทางนั้นเองก็ถูกลูกค้าคนใหญ่คนโตจี้เร่งมา
อีกที แต่จะไม่ส่งให้ก็ไม่ได้ เพราะตัวแทนย่อยรายนี้เป็นลูกค้าที่ทำการซื้อขายกันมานานหลายปี เพราะ
นอกจากจะขายรถจักยานยนต์แล้ว เสี่ยใหญ่พ่อของพอร์ชยังเป็นตัวแทนหลักของบริษัทกระจายสินค้า
ให้กับผู้ค้ารายย่อยในโซนภาคเหนือตอนล่างอีกด้วย



            “ให้ลูกขับไปเองหรอคุณ” แม่พอร์ชเอ่ยถามสามีที่กำลังนั่งทำหน้ายุ่งอยู่บนโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม
ซึ่งเป็นที่ประจำของเจ้าตัวด้วยท่าทางเป็นกังวล เพราะปกติแล้วพอร์ชจะไปกับคนขับรถอีกคนหนึ่ง



            “อือ แค่นี้เองให้มันไปเถอะ มีอะไรเดี๋ยวเคลียร์เอง…มึงก็อย่าประมาทล่ะ ตายห่าไปไม่คุ้ม
แถมยังเดือดร้อนชาวบ้านเขาอีก” บอกกับภรรยาก่อนที่จะหันไปพูดกับลูกชายในประโยคสุดท้ายด้วย
น้ำเสียงที่แตกต่างออกไป ฟังดูแล้วอาจจะขัดหูไปบ้าง แต่ทุกคำที่เขาพูดออกมานั้นก็เต็มไปด้วย
ความห่วงใยที่มีต่อลูกชาย และที่ยอมปล่อยให้พอร์ชไปกับโซ่สองคนแบบนี้ก็เพื่อจะทดสอบความ
สามารถและความรับผิดชอบของทั้งสองคน ก่อนที่ตนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป

..

..

..

            “กูเพิ่งจะรู้ว่ามึงมีบ้านอีกหลัง” โซ่เอ่ยขึ้นในขณะที่ทั้งสองคนขับรถออกจากตัวเมืองพิจิตร
มาแล้ว หลังจากที่พอร์ชพาโซ่ไปเปลี่ยนรถที่บ้านใหญ่หรืออีกนัยหนึ่งก็คือโกดังเก็บรถจักรยานยนต์
หลากหลายรุ่นแต่ยี่ห้อเดียวกัน ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าของที่ร้านทั้งสิ้น



            “เอาไว้สต๊อกของกับให้คนงานในร้านอยู่เท่านั้นแหละ อยู่ตลาดสะดวกที่สุดแล้ว” พอร์ชบอก
ไปตามความจริง เพราะตั้งแต่จำความได้เขาก็อยู่ที่ร้านมาโดยตลอด มีสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งของ
กินและของใช้ ก็สะดวกสบายดี



            “ไปกำแพงเพชรใช่ไหม?” อยู่ๆดีพี่ท่านก็เปลี่ยนเรื่องคุย ทำเอาพอร์ชแทบตามไม่ทัน



            “อือ…จะเอาอะไร” ด้วยความที่เริ่มจะคุ้นชินกับนิสัยใจคอของคนรัก พอร์ชก็จะรับรู้ได้ทันทีว่า
โซ่กำลังคิดจะทำอะไร หรือต้องการแบบไหนอย่างไร เพียงแค่เจ้าตัวพูดบอกออกมา เหมือนอย่างที่เป็น
อยู่ตอนนี้ ที่เจ้าตัวกำลังสนใจอะไรสักอย่างที่อยู่ในจอโทรศัพท์ของพอร์ช



            “เฉาก๊วย อยากกินเฉาก๊วย”



            “ชากังราว?”



            “อือ ที่มันหนึบๆอ่ะ…อยากกิน” พยักหน้าหงึกหงักแล้วคว้านมถุงรสรสช็อกโกแลตสุดโปรดที่
คุณนายปลื้มจิตซื้อใส่ตู้แช่ไว้ให้ขึ้นมากัดมุมดูดเข้าปาก ก่อนที่จะหยิบอีกถุงมากัดมุมแล้วยัดใส่ปากป้อน
ให้พอร์ชที่ขับรถอยู่ได้ดื่มเหมือนกัน…หวานป่ะล่ะ? อย่าอิจฉาสิครับ!



            “ที่ตลาดนัดก็มีขาย” พอร์ชบอก เพราะว่าเฉาก๊วยที่โซ่บอกว่าอยากกินนี้มีใส่แก้วขายอยู่ตาม
ตลาดนัดทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะมีขายอยู่ทุกวัน



            “อยากกินเยอะๆ” มันก็จริงอย่างที่พอร์ชบอกว่าตามตลาดนัดก็มีขาย แต่ใช่ว่าจะมีขายทุกวัน
หรือทุกครั้งที่อยากกินเสียเมื่อไหร่ จะมีก็แต่เฉาก๊วยธรรมดาที่แข็งๆ ร่วนๆ ไม่หอม ไม่หนึบ และไม่
อร่อยเหมือนกับยี่ห้อที่โซ่อยากกิน



            “อ้วน”



            “เรื่องของกู” ตอบปัดไปเหมือนไม่รู้สึกอะไร ขณะที่ในใจก็กำลังก่นด่าคนรักไม่หยุด
คนเขาออกจะหุ่นดี มาว่าอ้วนได้ไง บอกเลยว่ากูเคืองหนักมากครับไอ้พี่พอร์ช!



            หม๊าว~



            ก่อนที่พ่อจ๋ากับป๋าจ๋าจะทะเลาะกันมากไปกว่านี้ เจ้าเหมียวมณีลูกรักก็ส่งเสียงร้องขัดขึ้น
มาเสียก่อน หลังจากที่เล่นซนจนผล็อยหลับไประหว่างที่โซ่กับพอร์ชช่วยกันเช็คสินค้าขึ้นรถเมื่อชั่วโมงที่แล้ว



            “หิวแล้วละซิพี่มณี” โซ่ตบแปะลงบนหน้าตักตัวเองเบาๆ เป็นสัญญาณเรียกให้ลูกชายสุด
ที่รักเข้ามาหา ในขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมไปหยิบขวดนมในตะกร้าของใช้ส่วนตัวของพี่มณีที่มักจะ
หยิบติดมือมาด้วยทุกครั้งที่เจ้าเหมียวจอมแสบกระโดดเกาะหลังตามออกมาเที่ยวด้วย



            หม๊าว~



            นอกจากจะไม่ไปตามที่โซ่เรียกแล้ว เจ้ามณียังเดินเข้าไปคลอเคลีย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
ขดบนตักของพอร์ชที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถเสียอย่างนั้น



            ‘พี่มณีก็หิวนะพ่อจ๋า แต่ตักป๋าพอร์ชอุ๊นอุ่น…หม๊าว~’



            “หึหึ”



            “ตลกหรอ? พี่มณีมากินนมก่อนเร็วเดี๋ยวปวดท้องอีก” เพราะการทำงานของลำไส้และระบบย่อย
รวมถึงอวัยวะส่วนอื่นในช่องท้องของเจ้าเหมียวมณีได้รับผลกระทบมาจากการโดนยิงในคราวนั้น โซ่จึง
ดูแลเรื่องอาหารการกินและการขับถ่ายของมณีเป็นพิเศษ เนื่องจากเจ้าตัวเป็นแมวที่ยังเด็กมาก เลยไม่รู้
หรอกว่าตัวเองมีปัญหาที่ตรงไหน จนกระทั่งปวดท้องเพราะลำไส้โป่งพองจนต้องกลับไปให้หมอรักษา
พร้อมทั้งตัดลำไส้ทิ้งอีกรอบนั่นแหละ โซ่จึงจำเป็นต้องฝึกให้พี่มณีกินและขับถ่ายเป็นเวลาไม่ต่างจากคน
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อตัวเจ้าเหมียวน้อยเอง



            หม๊าว~



            “มากินนมก่อนเร็ว ถ้าไม่ดื้อจะเอาบอลให้เล่น…สนเปล่า?” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่โซ่ยัง
หยิบลูกบอลกระดิ่งซึ่งเป็นของเล่นชิ้นโปรดของพี่มณีออกมาโชว์ให้ดูเป็นขวัญตา ว่าเอามาจริงๆ
ไม่ได้แกล้งหลอกแต่อย่างไร



            พอร์ชทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็แอบอมยิ้มน้อยๆ เมื่อได้เห็นท่าทางง้องอนของสองแม่ลูก
เอ้ย! พ่อลูกที่เป็นอย่างนี้เสียทุกครั้งเมื่อถึงเวลาอาหารของพี่มณี เพราะอย่างที่บอกไว้ว่าโซ่ต้อง
การที่จะฝึกให้ท้องของพี่มณีตรงเวลา ในขณะที่เจ้าเหมียวจอมแสบก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย



            หม๊าว~



            “ไปๆ อยากเล่นก็ไปกินนมก่อน เดี๋ยวแม่มึงโมโหแล้วพาลมาลงที่กูอีก” พอร์ชละมือออก
จากพวงมาลัยรถมาข้างหนึ่ง เพื่ออุ้มพี่มณีลูกรักส่งให้กับโซ่ เมื่อเจ้าเหมียวน้อยทำท่าสนใจลูกบอล
ของเล่นในมือโซ่ แต่ก็ยังไม่ยอมลุกออกจากตักตนเอง



            “แม่บ้านมึงสิ! กินดีๆ เดี๋ยวค่อยเล่น” หันไปว่าคนรักเสียงเขียว ก่อนที่จะหันกลับมาเอ็ด
เจ้าเหมียวลูกรักเสียงเข้ม เมื่อเจ้าตัวแสบทำท่าจะตะกายเอาลูกบอลในขณะที่นอนหงายดูดขวดนมอยู่บนตัก



            “หึๆ ฝึกไว้ ตอนมีลูกจะได้ไม่เขิน” พอร์ชอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวคนรัก เพราะท่าทางของ
โซ่กับเจ้าเหมียวมณีตอนนี้ไม่ต่างไปจากแม่ป้อนนมลูกสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะด้วยสีหน้า ท่าทาง หรือ
แม้แต่แววตาที่โซ่ใช้มองพี่มณีในยามที่เจ้าเหมียวแสบไม่ดื้อไม่ซน แถมยังใช้สองมือเกาะขวดนมเล็กๆ
ของตัวเองไว้แน่นอีกต่างหาก…เหมือนเด็กเลย…โคตรน่ารัก!



            “เพ้อเจ้อ” แม้ว่าปากจะพูดแบบนั้น แต่เจ้าตัวคงจะเขินอยู่ไม่น้อย ถึงได้หันไปแอบยิ้มอีก
ด้านหนึ่งเพื่อไม่ให้พอร์ชเห็น แต่ขอโทษเถอะครับ…ด้านนั้นมันเป็นกระจก! และพอร์ชเองก็ได้เห็น
รอยยิ้มหวานของโซ่ไปแล้วเรียบร้อย เพียงแต่เจ้าตัวไม่อยากจะแซวออกมาให้โซ่อารมณ์เสียเท่านั้นเอง
เพราะบรรยากาศตอนนี้มันละมุนดีอยู่แล้ว



            “นั่งรออยู่กับอีมณีนี่แหละไม่ต้องลงไปหรอก เอารถลงแป๊บเดียว” พอร์ชพูดบอกเมื่อมาถึง
จุดหมายปลายทางในการขนส่งสินค้าในครั้งนี้แล้ว โซ่ขยับท่าทางทำเหมือนว่าจะลงไปช่วยด้วย แต่
พอร์ชก็หวงเกินกว่าจะให้คนรักลงจากรถไปอวดต้นขาขาวๆ ที่แสนหวงแหนได้ เพราะวันนี้โซ่ใส่กางเกง
ขาสั้นเหนือเข่าที่เอาไว้ใส่อยู่บ้านมา และก่อนหน้านี้ก็โดนเร่งจนลืมเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวอย่างที่ควร



            “อือ” พอเห็นว่าโซ่พยักหน้าตอบรับในคำบอกกล่าวแล้ว พอร์ชก็กระโดดลงจากรถไปจัดการ
เคลียร์เรื่องเอกสารสินค้ากับทางลูกค้าว่าตรงตามที่สั่งหรือไม่



            หม๊าว~ หม๊าว~



            “เป็นอะไร ปวดท้องหรอ” โซ่ถามเจ้าเหมียวลูกรักที่นอนร้องโอดครวญอยู่ข้างๆ พลางใช้นิ้วชี้
กดๆคลำๆดูตรงข้างหางดูว่าเป็นอย่างที่ตนคิดหรือไม่



            หม๊าว~



            “อึไม่ออกอีกแล้วหรอพี่มณี รอเดี๋ยวนะจะไปซื้อยาคูลท์ให้” ยิ่งเห็นลูกรักโอดครวญด้วย
ความทรมานหนักๆ เข้าโซ่ก็รีบหันซ้ายแลขวามองหาร้านค้าที่น่าจะมีนมเปรี้ยวให้ตนได้ซื้อบ้าง
แล้วรีบคว้ากระเป๋าสตางค์ของพอร์ชที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมาถือ เมื่อเห็นร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกล



            “ลงมาทำไมโซ่!” เพียงแค่เปิดประตูยังไม่ทันจะได้ก้าวขาลงรถ โซ่ก็ถูกคนรักอย่าง
พอร์ชเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงดุดันเข้าให้แล้ว



            “จะไปซื้อยาคูลท์ มณีปวดท้อง” เพราะกำลังเป็นห่วงเจ้าเหมียวลูกรักมาก โซ่เลย
ไม่ได้เก็บท่าทางฉุนเฉียวของคนรักเอามาใส่ใจ



            “นั่งอยู่ในนี้แหละ เดี๋ยวไปซื้อให้” พอร์ชพูดบอกพร้อมกับดันหลังให้คนรักกลับเข้า
ไปนั่งรออยู่ในรถเหมือนเดิม ส่วนตัวเองก็ข้ามถนนไปซื้อนมเปรี้ยวให้เจ้าเหมียวลูกรักแทน



            “พอร์ช…กิน” โซ่เรียกให้คนรักหันมาหา ก่อนที่จะส่งนมเปรี้ยวที่เหลือให้พอร์ชกินต่อ
เพราะเจ้าเหมียวมณีกินได้แค่ครั้งละสองซีซีก็เพียงพอต่อร่างกายแล้ว ขืนให้มากไปกว่านั้น จาก
ที่จะช่วยให้ขับถ่ายสะดวกขึ้นจะกลายเป็นช่วยทำให้ท้องเสียแทน



            “มานี่ดิ” พอร์ชกระดิกนิ้วเรียกให้คนรักเข้ามาหา เมื่อเห็นว่าโซ่จับเจ้าเหมียวมณีไปวาง
บนแผ่นรองซับสัตว์เลี้ยงที่เจ้าตัวนำไปปูวางไว้บนพื้นรถเตรียมให้ลูกรักได้ขับถ่ายเรียบร้อยแล้ว



            “เพื่อ?” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่โซ่ก็ยอมขยับตัวเข้าไปหาตามที่พอร์ชเรียกอยู่ดี



            พรึ่บ!



            “เพื่อลงโทษเด็กดื้อที่ขัดคำสั่งพี่ไงครับ” ดึงตัวคนรักขึ้นมานั่งเกยตักแล้วก้มลงประกบ
ปากจูบในทันที ก่อนที่จะผลักให้โซ่นอนหงายไปตามความยาวของเบาะที่เชื่อมต่อกัน



            “ดื้อบ้านมึงสิ…อื้อ!” จากที่ว่าๆ อยู่ก็ต้องเปลี่ยนมาครางปากสั่น เมื่อพอร์ยก้มลงขบกัด
บริเวณต้นขาทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนเห็นรอยชัดเจน มิหนำซ้ำยังใช้มือที่ว่างจากการล็อคตัว
ของโซ่กดเน้นตรงกึ่งกลางร่างกายของคนรักจนขึ้นรูปนูนเด่นเป็นลำเต็มกางเกง



            ก๊อก ก๊อก ก๊อก



            แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น กระจกหน้าต่างของรถตรงฝั่งพอร์ชก็ถูกใครบาง
คนเคาะขัดจังหวะจากด้านนอกเสียก่อน



            จ๊วบ!



            “หวงฉิบหาย” พอร์ชจูบหนักที่ต้นขาด้านในข้างขวาของโซ่อีกครั้งเป็นการส่งท้าย
ก่อนที่จะลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เป็นปกติเสียก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถไป
ทิ้งให้โซ่นอนแผ่หลาอยู่กลางเบาะรถเหมือนเดิม เพราะยังไงก็ไม่มีใครมองเห็นอยู่แล้ว เนื่องจาก
ว่ารถติดฟิล์มมืดสนิท คนข้างนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ แต่คนด้านในสามารถมองเห็นข้างนอกได้
แม้ว่าจะอยู่ในช่วงกลางคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิทก็ตาม



            “เฮ้อ! ไอ้หมาบ้า…หวงไม่เข้าเรื่อง” กว่าจะจัดการให้ความรู้สึกพลุ่งพล่านของตัวเองกลับมา
เป็นปกติได้ก็ทำเอาโซ่เกือบแทบแย่ เพราะร่างกายที่ถูกปลุกความต้องการจากมือคนรักอย่างพอร์ชมัน
ไม่ยอมสงบลงง่ายๆ อย่างที่ใจคิด



            หม๊าว~



            “สบายตัวแล้วดิ? เสร็จแล้วก็ขึ้นมาเช็ดก้นมา” ตบตักเรียกให้เจ้าเหมียวที่เพิ่งจะถ่ายท้อง
เสร็จขึ้นมาหาตนเอง เพื่อที่จะเช็ดก้นให้อย่างทุกครั้ง ตามที่สัตว์แพทย์ผู้รักษาเจ้ามณีย้ำนักย้ำหนา
ว่าต้องช่วยทำให้สะอาดในทันที อย่างน้อยก็จนกว่าจะแน่ใจว่าระบบการทำงานของอวัยวะส่วนต่างๆ
ในช่องท้องของเจ้ามณีจะกลับมาทำงานได้เป็นปกติ



            หม๊าว~ หม๊าว~



            เช็ดก้นเสร็จแล้ว เจ้าเหมียวน้อยก็สะกิดขาร้องเรียกชวนให้โซ่หันกลับไปมองกองอึอึ๊ของ
ตัวเองที่ยังกองแผ่หลาโชว์สายตาอยู่กลางแผ่นซับบนพื้นรถ



            “ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ ไว้ให้ป๋ามึงเก็บ…ดีไหม?” โซ่จัดการเก็บของใช้ส่วนตัวของ
เจ้าเหมียวมณีที่วางเรี่ยราดอยู่บนเบาะรถใส่ตะกร้าจนเรียบร้อย ก่อนที่จะหันมาถามหาความเห็น
กับเจ้าเหมียวลูกรักที่นอนซบอยู่บนตักเป็นเรื่องเป็นราวประหนึ่งว่าคุยกันรู้เรื่อง



            เมี๊ยว~ 



            “ฮ่าๆ ตอบเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้แสดงว่าใจตรงกัน” พอได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว
สองพ่อลูกหนึ่งคนกับหนึ่งลูกแมวก็พากันหยอกล้อและเล่นลูกบอลกระดิ่งอย่างสบายใจในขณะ
ที่รอให้ป๋าพอร์ชคนดีที่กำลังยุ่งอยู่กับการเจรจาธุรกิจกับลูกค้ากลับมาเก็บกองอึกลิ่นนมแพะที่
พ่อโซ่จ๋ากับลูกมณีสุดที่รักเตรียมไว้รอ









TBC.
ขอโทษนะคะ ที่หายไปนานเพราะคนเขียนส่งคอมซ่อม เพิ่งได้กลับมาสดๆร้อนๆเมื่อเย็นนี้เลย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #28 {18/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-05-2018 02:32:01
มีความครอบครัวสุขสันต์
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #28 {18/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-05-2018 02:52:11
แปลกคนนะโซ่นะ หอมไหมกลิ่นอึมณีนะ นั่งดมกลิ่นอยู่ได้เนอะ  o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #28 {18/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-05-2018 09:01:10
มาแล้วๆ~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #28 {18/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 19-05-2018 19:22:49
รอตอนหน้านะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #28 {18/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-05-2018 23:44:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 23-05-2018 17:19:07

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{29}











            “เข้าไปดูมันหน่อย” โซ่บอกกับพอร์ชในขณะที่กำลังจะเดินผ่านหน้าห้องของออดี้พี่ชายเจ้าตัว
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านได้สักพักแล้ว แต่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพอร์ชคุยงานกับพ่อก่อน ตนจึงอาศัยจังหวะ
นั้นแอบเลียบๆ เคียงๆ ถามคุณนายปลื้มจิตดูว่ามีใครเข้าไปวุ่นวายกับออดี้หรือไม่ เพราะก่อนออกไปตนเอง
ได้บอกเอาไว้แล้วว่าอย่าให้ใครเข้าไปกวนเพราะออดี้ต้องการพักผ่อน หลังจากที่ตนเองนำอาหารกลางวัน
ไปทิ้งไว้ให้เจ้าตัวแล้ว แต่อย่าคิดว่าเขาจะหลงเสน่ห์อะไรมันหรอกนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ทำเพื่อความสบายใจ
ของทุกคนในครอบครัวทั้งนั้น โดยเฉพาะแม่กับป๋า เขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าหากต้องมารับรู้ว่าลูกชายตัวเอง
โดนขืนใจมาสาหัสเช่นนี้ แต่กลับพอร์ช เขาคงต้องบอกให้เจ้าตัวรู้ เพราะไม่อยากให้เป็นปัญหาทีหลัง



            “ออดี้? ทำไม? มันอยู่หรอ?” ในหัวของพอร์ชตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถาม เพราะครั้งสุดท้ายที่
ได้รับรู้เรื่องของพี่ชายคนกลางคือตอนที่ทะเลาะกันในวันนั้น ก่อนที่ออดี้จะหายออกจากบ้านไป และไม่กลับมาอีกเลย



            “เออ…เข้าไปคุยกับมันหน่อย เดี๋ยวกูขึ้นไปรอข้างบน” พูดจบก็ชิงเดินหนีขึ้นบันไดไปชั้นบนซึ่ง
เป็นที่ตั้งของห้องนอนของตนเองพร้อมกับพี่มณีลูกรักที่นั่งหน้าเชิดอยู่บนบ่า ทิ้งให้คนรักอย่างพอร์ชยืน
งงอยู่ที่เดิม ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเปิดประตูห้องพี่ชายเข้าไปในที่สุด



            “ขอบคุณครับ” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ดังมาพร้อมกับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคนข้างหลัง
 ทำให้โซ่ที่เผลอเคลิ้มหลับไปพักใหญ่หลุดยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย แล้วใช้สองมือของตนเองวาง
ทาบทับสองแขนอันแข็งแรงของคนรักที่สอดเข้ามากอดรัดตนเองไว้ ก่อนที่จะพากันนอนหลับลึกลงไปอีกครั้ง

..

..

..

            “เอาจริง?” พอร์ชถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อโซ่บอกว่าจะเอาเงินไปให้ตากับยาย
ที่บ้านด้วยตัวเอง ก่อนที่จะต้องไปเข้าค่ายในวันพุธที่จะถึงนี้



            “อือ…ซื้อของใช้เสร็จแล้วค่อยเข้าไป” เพราะต้องเตรียมของใช้ส่วนตัวไปเข้าค่ายด้วย
โซ่จึงชวนพอร์ชมาซื้อของด้วยกันในห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม และตั้งใจที่จะซื้อของ
ใช้ภายในบ้านเข้าไปให้ตากับยายที่ตนรักอย่างที่เคยทำมาตลอดด้วย หลังจากที่ไม่ได้เข้าไป
หาเลยตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับมา จะมีก็แต่ฝากยศเอาเงินเข้าไปให้ทุกอาทิตย์



            “วันนี้หมอนัดให้ไปเอาผลตรวจเลือดนี่หว่า” พอร์ชพูดบอกออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่า
ตอนกลับบ้านหลังเลิกเรียนตนกับโซ่พากันแวะไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
และหมอนัดให้ไปฟังผลวันนี้ เพราะตอนที่เข้าไปตรวจมันเย็นมากแล้ว



            “ทำไม? กลัวเจอเลือดบวกหรอ” โซ่อดไม่ได้ที่จะแซะคนรักด้วยถ้อยคำแสบๆคันๆ
ด้วยความหมั่นไส้ เพราะดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะตื่นเต้นกับผลตรวจเลือดนี้เหลือเกิน



            “เปล่า แค่นับวันรอ…ทิ้งถุงยาง” แต่มีหรือที่เจ้าตัวจะสลด ฉีกยิ้มกว้าง บอกถึง
สาเหตุที่ทำให้ตนตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้ เพราะก่อนหน้าที่จะพากันไปตรวจเลือด พอร์ช
พยายามที่จะขอรักโซ่แบบเนื้อแนบเนื้อ แต่โซ่ไม่ยอม ทั้งยังบอกว่า ถ้ายังไม่ได้ตรวจ
คัดกรอง HIV ก็อย่าหวังว่าจะได้สัมผัสกันแบบไร้เครื่องป้องกัน เพื่อความปลอดภัย
และความสบายใจของตนเองและคนรักอย่างพอร์ชทั้งนั้น



            “หึๆ อีกนาน วันนี้จัดของ พรุ่งนี้เข้าค่าย วันศุกร์กลับมามึงก็นอนตายแล้วพอร์ช”
โซ่พูดบอกไปตามที่คิด เพราะทุกครั้งที่มีการเข้าค่าย ร่างกายก็จะได้รับผลกระทบเป็น
ความอ่อนเพลียติดตามกลับมาบ้านด้วยเสียทุกครั้งไป โดยเฉพาะครั้งนี้ที่น่าจะหนักหน่วง
กว่าที่แล้วมา ตามสไตล์เทคนิคเด็กช่างเขานั่นแหละ

..

..

..

            “อันนี้ของพ่อกับแม่นะ ส่วนอันนี้ฝากให้เขาด้วย แล้วเดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมเอาเข้า
มาให้อีก แต่ถ้าไม่ว่างก็จะฝากไอ้ยศมาให้เหมือนเดิม” โซ่บอกพร้อมกับส่งเงินจำนวนหนึ่ง
เท่ากับที่เคยฝากให้เพื่อนสนิทอย่างยศเอาเข้ามาส่งให้ตากับยายหลังจากที่นั่งคุยกันมาได้สักพักแล้ว



            “ไปเข้าค่ายก็ดูแลตัวเองดีๆ อันไหนเล่นไม่ได้ทำไม่ได้ก็บอกเขาไป ไม่ต้องไปฝืน…
ฝากดูมันด้วยนะพอร์ช เจ้าโซ่มันชอบดื้อเงียบ” ยายของโซ่พูดเตือนหลานชายด้วยความเป็นห่วง
เหมือนอย่างที่เคยบอกมาตลอดเวลาที่โซ่จำเป็นต้องออกไปเข้าค่ายหรือทำกิจกรรมกับโรงเรียน
ก่อนที่จะหันมาพูดฝากฝังกับพอร์ชอีกที เพราะรู้ดีว่านิสัยของหลานรักดี



            ก่อนหน้านี้สองตายายรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่หลานชายแนะนำเด็กหนุ่มอีกคนว่าเป็น
คนรักของเจ้าตัว เพราะปกติแล้วโซ่ไม่เคยมีเรื่องแฟนมาให้ตนเองเป็นกังวลสักนิด อย่าว่าแต่
ผู้ชายเลย ผู้หญิงสักคนยังไม่มีผ่านเข้ามาให้เห็น จนกระทั่งพาพอร์ชเข้ามาแนะนำให้รู้จักวันนี้
นี่แหละ แต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้หรอกนะ จะลูกใคร เพศไหน พวกเขาไม่เคยเกี่ยง ขอแค่รักและ
ดูแลโซ่ให้ดีกว่าที่พวกเขาพยายามทำมาตลอดชีวิตก็พอ เพราะหลังจากนี้พวกเขาคงจะปกป้อง
โซ่ได้ไม่ดีนัก ถ้าหากว่าโซ่กับแม่ผู้ให้กำเนิดของโซ่ยังคงตั้งแง่ใส่กันแบบนี้ เพราะนี่ก็หลาน
อีกฝ่ายก็ลูกพวกเขาเลยทำได้แค่เพียงมองและรอลุ้นให้ทั้งสองคนเข้าใจกันในเร็ววัน



            “อือๆ มีใครเข้าไปในห้องผมรึเปล่า?” ตอบรับในความห่วงใยของยายแล้วก็เอ่ยถามถึงสถานะ
ห้องนอนของตนเองที่อยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะยังเหลือสมบัติส่วนตัวอีกเยอะมากที่ตนยังไม่ได้ขนไป



            “ใครเขาจะเข้าไปยุ่งของเอ็ง” ตาของโซ่พูดบอกพร้อมกับส่งกุญแจสำรองของห้องโซ่
ให้เจ้าตัว เพราะตั้งแต่ที่โซ่ออกไป เขาก็ล็อกปิดตายเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่มย่าม
ในอาณาจักรส่วนตัวของหลานชาย เพราะใจก็ยังแอบหวังไว้ว่าหลานชายจะกลับมาอยู่ด้วยกัน



            “’งั้นผมขึ้นไปเอาของก่อนนะ ใกล้จะปิดเทอมแล้ว” พูดบอกเป็นนัยๆ ให้ตากับยายรับรู้



            “จะไปอีกแล้วหรอ” คุณยายเอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะรู้ดี
ว่ากิจกรรมยามปิดเทอมของหลานชายคืออะไร หลังจากที่เจ้าตัวไปมาแล้วสองปีสี่ครั้ง



            “เอาน่า เดี๋ยวก่อนไป ผมจะแวะมาหาอีกที” พูดจบก็หันหลังเดินหนีขึ้นบันไดไป ทิ้งให้
พอร์ชต้องวเดินตามไปติดๆ หลังจากที่หันไปขออนุญาตตากับยายของโซ่เรียบร้อยแล้ว



            “ปิดเทอมนี้จะไปไหนอ่ะ ไม่เห็นบอกกันเลย” พอเข้ามาถึงในห้องแล้ว พอร์ชก็ยิงคำถาม
ใส่คนรักทันที เพราะคำพูดของคุณยายที่เอ่ยถามโซ่เมื่อครู่นั้นมันยังติดอยู่ในใจ



            “ถึงเวลาแล้วจะบอก…กลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้พี่มณีรอแย่แล้ว” พอได้ของที่ต้องการครบ
หมดแล้ว ก็ชวนพอร์ชกลับทันที เพราะเป็นห่วงพี่มณีลูกรักที่ยังคงนอนหลับอุตุอยู่บนห้อง หลังจาก
ที่พากันแอบย่องออกมากันสองคนโดยที่ไม่ได้บอกเจ้าตัว ใครว่าแมวพูดไม่รู้เรื่อง โซ่ขอเถียงขาดใจ
เพราะพี่มณีลูกรักของโซ่นั้น ทุกวันนี้มันทำตัวเหมือนเด็ก พูดรู้เรื่องยิ่งกว่าคนเสียอีก



            “มีความลับตลอด” ถึงปากจะบ่น แต่ก็ยอมทำตามที่โซ่บอก แล้วเอื้อมมือไปคว้าเอากล่อง
ใส่ของในมือคนรักมาถือไว้เอง ก่อนที่จะพากันออกมาจากห้องในที่สุด



            “กลับมาทำไม!” ยังไม่ทันได้ออกไปไหนไกล เสียงตวาดแว้ดของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาจาก
ทางด้านหลัง ในขณะที่โซ่กำลังจดจ่ออยู่กับการล็อกประตูห้อง



            “ที่นี่บ้านมันบ้านกู…จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นแค่คนอาศัย อย่าแผงฤทธิ์มากนัก
ไม่อย่างนั้น แม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็จะไม่เหลือ” ถ้าเป็นคนอื่นโซ่คงจะคิดว่ามันเป็นแค่เสียงนก
เสียงกา เสียงหมาเห่าหอน ปล่อยผ่านอย่างที่แล้วมา แต่พอมาเป็นเด็กสาวคนนี้ เขาก็พร้อม
ที่จะสู้รบตบมือได้ทุกเมื่อ ด้วยความชังที่มีอยู่ล้นหัวใจ เด็กอะไร ไร้จิตสำนึก ทั้งที่เขาคอย
ป้อนข้าวป้อนน้ำ ดูแลมันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เพราะแม่มันไม่ค่อยสนใจ แต่พอโตมามันกลับ
ยกตนข่มท่าน ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา ถ้าไม่อกตัญญูจริงๆคงทำไม่ได้ ฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าเขา
จะกลับไปเอ็นดูมันอีกครั้ง เพราะมาถึงตอนนี้แล้วความเป็นพี่น้องเขาก็ไม่มีให้ ต่อให้มานอน
ดีดดิ้นจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้าเขาก็จะไม่แล



            “ไปเถอะ ลูกรอกินข้าว” พอเห็นท่าไม่ดี พอร์ชเลยหยิบยกพี่มณีลูกรักขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
เมื่อมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นของพี่มณีแล้ว อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่รู้
ต้นสายปลายเหตุอันแท้จริงที่ทำให้โซ่กับน้องสาวผิดใจกันจนถึงกับต้องปะทะกันทุกครั้งที่หน้า
อย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้ และคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ถ้าหากโซ่มามีเรื่องกับน้องสาวในวันที่พาเขาเข้ามา
แนะนำตัวกับที่บ้านเป็นครั้งแรกอย่างนี้



            เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว โซ่ก็เลือกที่จะเลิกต่อปากต่อคำกับน้องสาวต่างพ่อ ก่อนที่จะหัน
หลังเตรียมตัวเดินหนีทันที เพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้คนรักมากนัก ลำพังแค่พามา
ทำความรู้จักกับตายายที่บ้านโดยที่ไม่ได้บอกให้เจ้าตัวได้รับรู้ล่วงหน้าก็มากพอแล้ว



            “เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ เสือกไปเป็นตุ๊ดเป็นกระเทย” ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหนไกล ถ้อย
คำดูถูกเหยียดหยามของปากเด็กสาวก็ดังแหวกอากาศพุ่งเข้ามากระทบที่ข้างหูเข้าอย่างจัง



            โซ่ตวัดสายตามอง เตรียมพร้อมที่จะพุ่งใส่ทันที เมื่อได้ยิน แต่โชคดีที่พอร์ชไว คว้าตัว
คนรักไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นละก็…ไม่อยากจะนึกถึงสภาพของเด็กสาวตอนที่ถูกโซ่ตีเลย เพราะมัน
ทำให้เขาหวนนึกไปถึงน้ำหนักฝ่ามือฝ่าเท้าของโซ่ตอนที่เจอกันช่วงแรกๆ



            บอกเลยงานนี้…ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต เพราะเขามั่นใจว่าโซ่กล้าที่จะตีน้อง แม้ว่าอีกฝ่าย
จะเป็นผู้หญิง ทั้งที่ปกติแล้วเจ้าตัวจะเป็นคนที่ให้เกียรติสุภาพสตรีมากก็ตาม



            “ทำไม? โกรธหรอ? จะโกรธทำไมละในเมื่อมันเป็นความจริง” ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายมีคน
คอยห้าม เธอก็ยิ่งได้ใจ



            “อย่าไปสนใจเลยนิ่ง ก็แค่เด็กน้อย…ไม่รู้จักโต” ถึงเอ่ยห้ามคนรัก แต่พอร์ชอดไม่ได้จริงๆ
ที่จะเหน็บแหนมหญิงสาวกลับไปบ้าง ให้พอแสบๆ คันๆ แต่เหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวเลย เพราหลัง
จากที่จบคำพูดเขา เธอก็พูดบอกออกมาอีกว่า…



            “มึงกับพ่อมึงมันกัน…ชอบนอนอ้าขาให้ผู้ชาย…ว๊าย!” ยังไม่ทันได้พูดจบดี โซ่ก็พุ่งเข้า
ใส่หญิงสาวทันที พร้อมฝ่ามือเรียวของเจ้าตัวที่กระทบตบลงบนใบหน้าของหญิงสาว แบบไม่มี
ออมแรง นอกจากรอยแดงที่ข้างแก้มแล้ว มุมปากของหญิงสาวก็ยังมีเลือดซึมออกมาอีกด้วย



            “ก็ยังดีกว่าพ่อมึงที่ชอบทำตัวเป็นแมงดา เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ” เขาออกห่างจากหญิง
สาวพร้อมๆกับที่พอร์ชตามมารั้งตัวไว้ เพราะไม่อยากให้โซ่ทำร้ายหญิงสาวอีก



            “…..”



            “จำใส่กะโหลกหนาๆ ของมึงไว้ด้วยนะว่า ที่กูยอมให้มึงเห่าหอนมาได้จนถึงทุกวันนี้ได้
ก็เพราะกูขยะแขยงสายเลือดโสโครกของมึงจนไม่อยากแตะต้อง ไม่ใช่เป็นเพราะกูกลัวแม่มึง”
เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของคนรัก ก่อนที่จะโน้มตัว พูดบอกกับหญิงสาวที่นั่งหมดสภาพ
 กองอยู่บนพื้นด้วยเสียงราบเรียบ แล้วใช้นิ้วชี้ของตัวเองกดจิ้มแรงๆ ตรงกลางหน้าผากของ
หญิงสาวซ้ำๆ เพราะต้องการให้เธอได้จำคำพูดของตนเองไว้



            “…..”



            “พอแล้วโซ่ กลับบ้านกันเถอะ” พอร์ชพยายามที่จะดึงตัวคนรักให้ออกห่างจากหญิงสาว
แต่เจ้าตัวก็ยังขืนตัวไว้ จ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาอาฆาต ต่างจากคนน้องที่นั่งตัวสั่นน้ำตาคลอ
อยู่ที่พื้น สิ้นสภาพคนเก่งปากกล้าเมื่อครู่ไปเลย



            “อย่าลำพองให้มากนัก…ครั้งหน้ามึงอาจจะไม่ได้โดนแค่มือ แต่จะโดนส้นตีนกูด้วย
เพราะกูยอมให้คนตราหน้าว่าเป็นพวกหน้าตัวเมีย ขอแค่ได้สั่งสอนเด็กปากดีอย่างมึงก็พอ”
พูดจบก็สะบัดตัวหันหลัง เดินหนีลงบันไดไปในทันที ทิ้งให้พอร์ชยืนเอ๋ออยู่ที่เดิม เพราะปรับ
ตัวตามอารมณ์คนรักไม่ทัน



            “ขอโทษแทนมันด้วยนะ แต่จะดีกว่านี้ ถ้าน้องหัดใช้สมองในหัวให้เป็นประโยชน์
ช่างน้ำหนักความคิดดูว่าอะไรควรไม่ควร” พอร์ชพูดทิ้งท้ายไว้ให้เด็กสาวได้คิด เผื่อว่าเธอ
จะกลับตัวกลับใจ ก่อนที่จะรีบเดินตามโซ่ไปอีกคน

..

..

..

            “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอถามอะไรอีกสักอย่างได้ไหม” พอร์ชเอ่ยในขณะที่กำลัง
นอนกออดกันอยู่บนเตียง เตรียมตัวเข้านอน เพราะหลังจากที่กลับมาจากบ้านของโซ่ พวก
เขาทั้งสองคนก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกันเลย เพราะโซ่ก็มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของพี่มณีลูกรัก
และจัดอุปกรณ์ของใช้ของตนเองกับคนรัก ส่วนพอร์ชก็ลงไปดูพี่ชายอย่างออดี้พร้อมทั้ง
เคลียร์งานในส่วนของตัวเองที่ทำค้างไว้ให้เสร็จสิ้น



            “เรื่อง?”



            “เรื่องของน้องสาว…เด็กคนนั้นไง” เขาจำต้องรีบเปลี่ยนคำเรียกขานเด็กสาว
คนนั้นทันที เมื่อโซ่หันมามองหน้าด้วยสายตาเอาเรื่อง



            “ทำไม?”



            “ก็มึงบอกว่าได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ถึงตอนหกขวบใช่ไหมล่ะ กูก็เลยสงสัยว่า
เด็กคนนั้นมาได้ไง เพราะดูท่าแล้วเด็กคนนั้นน่าจะอ่อนกว่าเราแค่ปีหรือสองปีเองนะ”
พอร์ชพูดถามออกไปตามตรง เพราะสงสัยมาตั้งแต่ที่เจอกันครั้งก่อนแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ถาม



            “ก่อนหน้านั้นกูจำไม่ได้หรอก รู้ตัวอีกทีกูก็ต้องไปนั่งเป็นตัวตลกอยู่กลางศาลให้พวกเขา
แสดงละครฉากใหญ่เพื่อแย่งชิง เพียงเพราะอยากจะเอาชนะหลังจากยื่นเรื่องฟ้องหย่ากันด้วย
เหตุผลที่ว่า ต่างคนต่างก็มีชู้ แต่ติดที่ว่าชู้ของพ่อกูเป็นเด็กผู้ชาย ผู้หญิงคนนั้นเลยชนะคดี แถม
พ่อกูยังโดนเพิ่มข้อหาพรากผู้เยาว์เพราะมีชู้เป็นเด็กชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จากนั้นพวกเขาก็
แบ่งสินสมรสกัน ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะได้ตัวกูมาพร้อมกับค่าเลี้ยงดูทุกเดือนจนกว่ากูจะมีอายุครบสิบแปด”



            “…..” พอร์ชกระชับอ้อมแขน ดึงคนรักเข้ามากอดให้แน่นขึ้น แล้วหยุดฟังอย่างเงียบๆ
โดยที่ไม่พูดแทรกใดๆทั้งสิ้น



            “ตอนนั้นกูโคตรดีใจเลยที่ศาลตัดสินแบบนั้น เพราะกูรักแม่ และก็อยากอยู่กับแม่มาก
เพราะตอนนั้นกูเกลียดพ่อมาก…พ่อที่ร่วมหลับนอนกับพี่ชายที่กูไว้ใจ แต่ความคิดกูก็เปลี่ยนไป
หลังจากที่กูโดนผัวใหม่ของผู้หญิงคนนั้นตบปากแตก เพียงเพราะเรื่องลูกอมเม็ดเดียวที่ลูกสาว
เขาให้กู แต่มันเสือกไปฟ้องพ่อมันว่ากูขโมย แต่ที่หน้าเจ็บใจไปกว่านั้นคืออะไรรู้ไหม?”



            เขาเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องราวในอดีตที่พยายามจะลบเลือนมานานแสนนาน แต่ก็ไม่อาจ
ชำระล้างรอยแผลเป็นที่ติดอยู่ในใจออกไปได้เลย เพราะหญิงชายผู้ที่สร้างรอยแผลนี้ไว้คือพ่อแม่
ผู้ให้กำเนิดที่ไม่อาจละเลยหรือทำเมินเฉยใส่ได้



            พอร์ชหลับตาลงแนบนิ่ง นอนฟังคนรักเล่าเรื่องราวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่สิ่งที่
ทำให้พอร์ชรู้สึกแย่ที่สุดก็ตอนที่ได้เห็นความว่างเปล่าในแววตาของคนรักในยามที่เจ้าตัวพูดถึง
อดีตอันขื่นขมของตัวเองนั่นแหละ เพราะมันสื่อความหมายได้ถึงสองแบบ อย่างแรกคือ เจ้าตัวไม่
ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่แรกแล้ว หรือไม่ก็…ความทุกข์ระทมมันสะสมจนกลายเป็นความชินชา



            “แม่…แม่ที่กูโคตรรักคว้าด้ามไม้กวาดมาตีซ้ำ ตอนที่กูยื่นมือออกไป หวังจะให้เขาช่วย”



            พอร์ชยกมือขึ้นลูบศีรษะคนรักเบาๆ เพื่อปลอบประโลม เมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เริ่มสั่น
คลอนของโซ่ แต่เจ้าตัวก็ยังคงเล่าต่อไป



            “หลังจากนั้นชีวิตกูก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน เพราะเสือกไปได้ยินพวกเขาหัวเราะ
คิกคัก ด่าพ่อกูอย่างสนุกสนานว่าเป็นไอ้โง่ ที่ช่วยส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวของพวกเขาให้ได้อยู่อย่าง
สุขสบาย ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพ่อกู แต่เป็นลูกชู้อย่างมัน”



            “…..”



            “ผู้หญิงคนนั้น เป็นฝ่ายนอกใจพ่อกูก่อน ส่วนกูก็เป็นแค่หมาโง่ๆ ตัวหนึ่ง ที่จงรักภักดีต่อ
เจ้านายที่เรียกว่าแม่มาก จนเผลอทำร้ายจิตใจของพ่อไปแบบไม่รู้ตัว”



            สุดท้ายแล้วโซ่ก็ไม่อาจสะกดกลั้นหยดน้ำตาเอาไว้ได้ จนพอร์ชต้องจับพลิกตัวหันหน้า
มาหากัน เมื่อรับรู้ถึงอาการสั่นเทาของคนรัก ก่อนจะค่อยๆ บรรจงใช้นิ้วหัวแม่มือของตัวเองเช็ด
น้ำตาออกเบาๆ แล้วดึงตัวคนรักให้กลับเข้ามานอนในอ้อมกอดดังเดิม



            “พอแล้วโซ่ ขอโทษที่ถาม แต่หลังจากนี้เรามาช่วยกันสร้างครอบครัวของเราด้วยกันดี
กว่าเนอะ…มีลูกเป็นอีมณีจอมเจ้าเรื่องก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่หรอก”



            “หึ! หลอกด่าลูกกูอีกแล้วนะมึง” ในที่สุดพอร์ชก็ทำให้โซ่กลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง
แม้ว่าจะต้องดึงพี่มณีลูกรักของเจ้าตัวมาเป็นตัวช่วยก็เถอะ ดีกว่าปล่อยให้โซ่ต้องเสียน้ำตา
เพราะความทุกข์ เพราะเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องมาเห็นคนรักเป็นแบบนั้น ที่สำคัญ
เลยคือ…แววตาของโซ่กลับมาทอประกายอีกครั้ง ไม่ได้เลื่อนลอยไร้จุดหมายเมื่อก่อนหน้า









TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-05-2018 18:58:30
นังปากดี คงเข็ดไปนาน เอ๊ะ หรือไม่เข็ด  :hao4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-05-2018 19:00:44
สงสารน้องโซ่จัง :mew2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 23-05-2018 19:22:36
ฟ้าหลังฝน
ต้องสดใสแน่นอน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-05-2018 22:11:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-05-2018 23:40:09
ดราม่า...
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-05-2018 10:10:23
พอร์ชโตขึ้นมากเลย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 24-05-2018 18:21:41
รออยู่นะคะ :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #29 {23/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: MR.J ที่ 25-05-2018 00:44:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #30 {28/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 28-05-2018 17:57:44


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{30}





            พอหมดสิ้นภาระการสอบปลายภาคที่จัดขึ้น หลังจากจบกิจกรรมเข้าค่ายไปได้สองสัปดาห์
ทั้งพอร์ชและโซ่จึงเข้าสู่โลกแห่งการปิดเทอมทันที เพราะไม่มีวิชาไหนที่จะต้องไปปรับแก้หรือไป
ซ่อมให้ผ่านอย่างใครเขา



            “ทำไรอยู่วะ?” พอร์ชชะโงกดูหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องที่โซ่กำลังใช้งานอยู่ หลังจากที่
ทำงานส่วนตัวของตนส่งให้กับพ่อแม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่โซ่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกจากที่นั่งเลย
แม้แต่น้อย เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ



            “สั่งสี…กรอกเลขที่อยู่บ้านนี้ให้หน่อย” พูดบอกพร้อมกับขยับตัวออกให้พอร์ชลงมานั่งกรอก
ข้อมูลที่อยู่ในช่องผู้รับตามใบคำสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการ เพราะตนยังจำเลขที่บ้านของคนรักไม่ได้
จะกรอกที่อยู่บ้านตายายอย่างทุกทีก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะเกรงว่าของจะไม่ถึงมือ



            “สั่งมาทำไมเยอะแยะ” ถึงปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่เขาก็ลงมือกรอกเลขที่บ้านลงไปใน
ช่องที่อยู่คนรับตามคำสั่งคนรักด้วยความเต็มใจ



            “เพ้นท์เสื้อ”



            “ใส่?”

            “ขาย” ดันตัวคนรักให้พ้นทาง แล้วคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างจอขึ้นมากดๆ จิ้มๆ โอนเงิน
ในบัญชีชำระค่าสินค้าที่ตนเองสั่งซื้อให้กับทางร้าน ส่วนพอร์ช แม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจไปบ้างกับ
สิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่ถึงกลับตกใจอย่างทุกทีที่ได้เห็นหรือได้ยินคนรักพูดหรือทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง
เพราะค่อนข้างจะชินกับพฤติกรรมและความคิดแปลกประหลาดของโซ่แล้ว



            “เดี๋ยวเย็นนี้เอารถไปจัดบูธที่ขนส่งกันนะ” พอเห็นว่าโซ่จัดการธุระของตัวเองเสร็จสรรพ
จนถึงขั้นปิดคอมพิวเตอร์แล้ว พอร์ชเอ่ยชวนทันที เพราะคุยกับเสี่ยใหญ่ผู้เป็นพ่อตั้งแต่เช้าแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ตั้งใจว่าจะชวนโซ่กับพนักงานขายในร้านอีกหนึ่งคนไปออกบูธจัดโปรโมชั่นเป็น
การช่วยเพิ่มยอดขายไปอีกหนึ่งทาง



            “หิว” พยักหน้ารับคำชวนของคนรักแล้วบอกถึงความต้องการของตนเอง



            “จะกินอะไรล่ะ” ลองได้อ้อน(?)ออกมาอย่างนี้แล้ว พอร์ชก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าตัวไม่
ยอมทานอาหารที่ทางแม่บ้านจัดทำไว้ให้ เพราะมีของที่รู้สึกอยากทานเป็นพิเศษอยู่แล้วแน่นอน



            “น้ำแข็งใส” เอียงคอสี่สิบห้าองศา ฉีกยิ้มหวานส่งให้คนรักอย่างเอาใจ ด้วยเหตุที่ว่ากลัว
โดนด่า เพราะวันนี้อากาศร้อนอบอ้าวจนรู้สึกอยากจะทานแต่ของเย็นๆ เช่นน้ำแข็งใสหรือไม่ก็ไอศกรีม
ยกเว้นแต่ข้าวกับอาหารมื้อหลักหนักๆที่เริ่มเบื่อ



            “ข้าวล่ะ? กินข้าวก่อน แล้วจะพาไปกิน…บ้านน้ำแข็งใสใช่ม้ะ?”



            “เหอะ อันนั้นไว้กินพรุ่งนี้ แต่วันนี้อยากกินน้ำแข็งใสแบบโบราณของไทยสีแดงๆ
ใส่นมเยอะๆ หวานๆ เย็นๆ กับแดงโซดาซ่าๆ”



            “พอเลยๆ มึงจะกินให้หมดทุกอย่างที่พูดมาเลยก็ได้โซ่ แต่ต้องกินข้าวก่อน” พอร์ชรีบ
พูดขัดขึ้นมาเสียก่อนที่โซ่จะเพ้อไปไกล



            “ไม่เอาอ่ะ กินบ่อยแล้ว…เบื่อ” กอดอก สะบัดหน้าหนีทันทีที่ได้ยินสิ่งที่คนรักพูดบอก



            “…..” พอร์ชเองก็ยกสองมือขึ้นมากอดอก มองคนรักด้วยสายตากดดันไม่ต่างกัน



            “นะพอร์ช…น้า~” พอรู้ตัวว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล โซ่จึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนอ้อน หวังจะ
ให้พอร์ชตามใจเหมือนอย่างทุกที เพราะจุดอ่อนของคนรักดี



            “ไม่ต้องมาทำแบบนี้เลย กูไม่ยอมหรอก ไปกินข้าวก่อน นิดนึงก็ยังดี จะได้ไม่ต้องมา
ปวดท้องทีหลัง” ผลักหัวคนรักจนกระเด็นกระดอน แล้วลากคอคนดื้อเข้าครัวไปหาข้าวกินรอง
ท้องไปพลางๆ ก่อนที่จะพาแม่อีมณีไปตามล่าหาน้ำแข็งใสโบราณต่อ

..

..

..

            หม๊าว~



            “ร้อนหรอ? ลงมานี่มา…มานั่งข้างล่างกับพ่อจ๋าดีกว่า จะได้ไม่ร้อน” โซ่คว้าตัวเจ้าเหมียว
ลูกรักที่นั่งเชิดหน้าท้าลมอยู่บนบ่าของพอร์ชที่กำลังขี่รถอยู่ข้างหน้าให้ลงมานั่งตรงเบาะ ขั้นกลาง
ระหว่างตนกับคนรักไว้ จะได้ไม่ร้อน



            “สมน้ำหน้าดื้อดีนัก…ทั้งแม่ทั้งลูกเลยแม่ง” ประโยคสุดท้ายเขาพูดบ่นกับตัวเองเบาๆ
เพราะก่อนที่จะออกจากบ้านเขาก็เตือนแล้วว่าแดดมันร้อน ลำพังคนยังต้องพากันใส่ทั้งหมวก
ทั้งเสื้อคลุม แต่แมวอย่างอีมณีที่แม่มันเพิ่งสั่งเสื้อคลุมหน้าร้อนคอลเลคชั่นใหม่ไปให้เมื่อวาน
ยังมาไม่ถึง ก็มีแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ ที่เปลี่ยนทุกวันหลังเช็ดตัวเช้าเย็น สวมติดกายไว้ จะทนกับ
แดดจัดตอนบ่ายได้สักแค่ไหนกัน แต่พูดไปก็เท่านั้น เพราะนอกจากจะไม่มีใครฟังคำเตือนของ
เขาแล้ว อีมณีตัวแสบยังชิงกระโดดขึ้นไปนั่งรออยู่บนรถเป็นคนแรกเลย เพราะรู้ว่ายังไงแม่มันก็
ตามใจ ยอมให้ไปด้วยกันอยู่ดี



            ตุบ!



            “อย่าว่าลูกกู” กำปั้นไม่มีรูทุบปักเข้าไปที่ไหล่ซ้ายของคนปากไม่ดีที่บังอาจมาว่า
ลูกชายสุดรักของตน



            “แตะไม่ได้เลยนะ อย่าเผลอแล้วกัน กูจะจับไปไถขนให้เกลี้ยงเลย”



            หม๊าว!



            “โอ้ย! อีมณี!”



            คราวนี้ไม่ใช่โซ่แล้วที่จัดการคนปากดี แต่เป็นพี่มณีเสียเองที่จัดการกางเล็บข่วน
สีข้างของคุณป๋าสุดที่รักเข้าให้ แต่ยังดีที่พอร์ชมีเสื้อคลุมกันแดดเนื้อบางช่วยลดแรงไว้
ไม่เช่นนั้นคงจะมีเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้าง



            “ฮ่าๆ สมน้ำหน้าปากหมาดีนัก” นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว โซ่ยังทำหน้าที่คนรักที่ดี
ช่วยซ้ำเติมให้พอร์ชเจ็บใจเล่นอีกต่างหาก



            “ร้านสุดท้ายแล้วนะ ถ้ายังไม่มีอีก กูจะพาไปหาซื้อเครื่องทำน้ำแข็งใสแทนแล้วนะโซ่”
พอร์ชพูดบ่นในขณะที่โซ่รีบวิ่งลงไปถามแม่ค้าในร้านทันทีที่รถจอด หลังจากที่สองคนหนึ่งแมว
พากันตะเวนหาน้ำแข็งใสสูตรโบราณตามฉบับไทยมาแล้วทั่วตัวเมือง แต่ก็ยังไม่เจอสิ่งที่ต้องการ
เพราะร้านค้าเหล่านั้นเปลี่ยนมาใช้น้ำแข็งบดที่เอาไว้ใช้กับน้ำอัดลมแทนน้ำแข็งใสจากเครื่องอย่าง
ที่ควรจะเป็น โซ่เลยเริ่มออกอาการงอแงขึ้นมาอีกครั้ง



            “กินไหม?” พอคุยกับป้าเจ้าของร้านรู้เรื่องแล้ว ว่าใช่แบบเดียวกันกับน้ำแข็งใสที่ตนตาม
หามากว่าชั่วโมง โซ่ก็รีบวิ่งออกมาถามหาความเห็นจากพอร์ชด้วยสีหน้าและแววตาที่สดใสร่าเริง
กว่าเดิม จะเรียกว่าไม่เหลือเค้าเด็กดื้อเอาแต่ใจจอมงอแงเมื่อครู่เลยแม่แต่น้อย นั่นคือสาเหตุที่ทำ
ให้ใบหน้าติดจะบึ้งตึงในตอนแรกของพอร์ชมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง เพราะทุกความรู้สึกของเขาล้วนขึ้น
ตรงกับความเป็นไปของโซ่ ถ้าโซ่เศร้าเขาก็จะทุกข์ ถ้าโซ่สุขเขาก็จะยิ้ม แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยก็ตาม



            “เอาเหอะ” พูดจบก็อุ้มเอาพี่มณีลูกรักเข้าไปในร้านเพ็ทช็อปที่ตั้งอยู่ข้างกัน



            “ปล่อยให้น้องเดินได้ไหมครั…”



            “ดูเหมือนว่าเจ้าของจะต้องแบกเองแล้วนะคะ…คิคิ”



            หญิงสาวเจ้าของร้านยิ้มขำออกมาด้วยความชอบใจ เพราะยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้พูดจบ
เจ้าเหมียวจอมแสบที่กำลังจะถูกเจ้าของวางลงกับพื้นก็รีบใช้สองเท้าเล็กๆ ของตัวเองปีนป่ายขึ้น
ไปนั่งเชิดหน้าบนไหล่หนาของพอร์ชทันที พอร์ชเลยได้แต่หันไปยิ้มเก้อแก้อายส่งกลับไปให้หญิงสาวเจ้าของร้าน



            กรุ๊งกริ๊ง~



            “เข้ามาทำไร?” โซ่ที่มองเห็นเหตุการณ์ระหว่างพอร์ชกับหญิงสาวเจ้าของร้านอยู่ข้างนอก
ตั้งแต่แรกเริ่มก็รีบเปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้เสียก่อนที่มันจะหวานหยดย้อยไป
มากกว่านี้...เหอะ! ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย



            “มาดูเสื้อคลุมให้อีตัวแสบนี่ไง กว่าเสื้อที่มึงสั่งไปจะส่งมาถึง คงได้มีแมวโดนแดดย่าง
จนไหม้เกรียมแน่…ติดเที่ยวซะขนาดนี้” พอร์ชพูดบอกพร้อมกับโอบเอวพาโซ่กับเจ้ามณีที่นั่งเชิดหน้า
อยู่บนบ่าไปตรงโซนเครื่องแต่งตัวของสัตว์เลี้ยงเพื่อเลือกเสื้อคลุมให้ลูกรักตามที่ตั้งใจไว้



            “เอาตัวนี้ไหมสวยดี” พอร์ชหยิบชุดลายขวางสีแดงธรรมดาๆ มาให้ดู เพราะคิดว่าน่าจะใส่สบาย
 หลังจากที่จับดูอยู่นาน แต่เหมือนว่าพี่มณีจะไม่เห็นด้วย ถึงได้ทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนที่จะกระโดดหนีไป
ขี่หลังโซ่แทนทันทีที่เห็นพอร์ชหยิบชุดดังกล่าวขึ้นมา



            “มึงนี่มันเฉยจริงๆพอร์ช เสื้อผ้าแบบนี้เขาเลิกใส่กันไปนานแล้ว…มันต้องแบบนี้สิถึงจะอินเทรนด์”
โซ่พูดบอกพร้อมกับหยิบชุดเอี้ยมสีเขียวที่มีกระเป๋าสตางค์เล็กๆรูปกบติดอยู่ข้างหลังขึ้นมาให้พอร์ชดู แล้ว
ดูเหมือนว่าคราวนี้เจ้ามณีจะเห็นด้วยกับโซ่ ถึงได้ปีนไต่ขึ้นไปนั่งบนบ่าแทนที่จะเกาะอยู่ข้างหลัง

พร้อมกับร้องออกมาว่า…



            เหมี๊ยว~



            ทำเอาพอร์ชถึงกลับเบ้หน้า เพราะร้อยวันพันปี อีมณีจอมเจ้าเรื่องจะเปลี่ยนจากการร้อง
หม๊าวหม๊าวมาร้องเหมียวเหมียวเหมือนกับแมวตัวอื่นเขาบ้าง แล้วยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นไปอีก เมื่อเห็น
ว่าไอ้ตัวแสบมันหันไปเลียแก้มเอาใจแม่โซ่สุดที่รักของมัน…อีแมวซุงแหลเอ้ย!



            “ร้อนตายห่า” แม้ว่าเจ้ามณีจะถูกใจชุดเจ้าชายกบที่แม่…เอ้ย…พ่อจ๋าของมันเลือกให้
ขนาดไหน แต่พอร์ชก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี เพราะคิดว่าชุดนั้นมีเนื้อผ้าหนาเกินไป



            “ก็…ไว้ใส่ตอนนอนไง” โซ่เริ่มแถ เพราะชอบชุดเจ้าชายกบนี้จริงๆ แม้ว่าเสื้อนอนเจ้ามณี
ลูกรักจะมีมากกว่ายี่สิบชุดแล้วก็ตาม



            “แต่กูเข้ามาหาเสื้อบางๆให้มันใส่กันแดดตอนออกนอกบ้าน ไม่ได้พามาหาชุดนอน”



            “ลูกกูชอบชุดนี้ และกูจะซื้อชุดนี้ด้วย…จบนะ”



            พอร์ชที่รู้สึกว่าชุดนอนของเจ้ามณีมีมากเกินไปแล้วจึงพูดเถียงออกมาบ้าง แต่พอได้
ยินคำตอบซึ่งเป็นการตัดสิ้นใจสุดท้ายของโซ่แล้ว เขาก็ได้แต่ก้มหน้าถือตะกร้าเดินตามสองพ่อ
ลูกที่ช่วยกันเลือกซื้อเครื่องแต่ตัวกันอย่างสบายใจเฉิบด้วยความจำยอม เพราะสุดท้ายแล้วพ่อ
บ้านใจกล้าอย่างเขาก็มีหน้าที่แค่จ่ายเงินเพียงอย่างเดียว



            หลังจากที่ได้น้ำแข็งใสกับเสื้อผ้าพี่มณีตามที่หัวหน้าครอบครัวอย่างโซ่ต้องการแล้ว
สองคนหนึ่งแมวก็พากันมาเกือกกลิ้งเล่นอยู่บนผืนหญ้าในสวนสาธารณะริมแม่น้ำที่โซ่ชอบ
เพราะนอกจากจะร่มรื่นไร้แสงแดดแล้วก็ยังมีสายลมอ่อนๆ ช่วยพัดพาให้คลายร้อน



            “กินไหม?” โซ่ใช้ช้อนตักน้ำแข็งใสสีชมพูสวยขึ้นมาถาม



            “ป้อน” พอร์ชตอบพร้อมกับอ้าปากรอ ก่อนที่จะต้องหุบปากลงฉับพลันเมื่อโซ่พูดบอกออกมาว่า…



            “ไม่ได้ถามมึง กูถามลูกกู…กินไหมมณี?”



            หม๊าว~



            พอได้คำตอบรับจากลูกรักแล้ว โซ่ก็จัดการตักน้ำแข็งใสในถ้วยโฟมที่ขอซื้อแม่ค้ามาหนึ่งใบ
ให้พี่มณีไปห้าช้อนพูนๆ ซึ่งเจ้าเหมียวตัวแสบก็รีบก้มลงชิมในทันที ต่างจากพอร์ชที่หน้าบึ้งไปแล้ว



            “กินไหม?” โซ่เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยคำถามเดิม



            “ถ้าจะถามลูกมึงก็ไม่ต้องมามองหน้ากู” ถ้าคนเถื่อนโคตรห่ามอย่างไอ้พอร์ชจะงอนคุณเมีย
ที่เคารพบ้างก็ไม่แปลก เพราะพี่ท่านเล่นป่วนไอ้พอร์ชตั้งแต่เช้ายันบ่ายเช่นนี้



            “เปล่า…ไม่ได้ถามลูก แต่ถาม ‘แฟน’ เอาไง…จะกินไหม?” แม้ว่าจะเขินจนหน้าแดง แต่
น้องโซ่คนแมนยังคงตีเนียนเก๊กหน้านิ่งเอาไว้ เพราะไม่อยากให้อีกคนได้ใจ



            ส่วนไอ้พอร์ชเองก็...



            “ไม่…ปฏิเสธหรอก…อ้า~”  รับตาพริ้ม อ้าปากรอรับน้ำแข็งใสด้วยหัวใจพองโต
เพราะนานๆ ทีโซ่จะมีมุมหวานอย่างคนอื่นบ้าง



            จุ๊บ!



            “กลับบ้านกันมณี คืนนี้ป๋ามึงจะนอนอยู่นี่” 



            โซ่อุ้มพี่มณีหนีไปรอที่รถ แต่พอร์ชยังคงนั่งหน้าเหวออ้าปากค้างอยู่ที่เดิม
เมื่อได้รับสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้ม



            เขายกสองมือขึ้นปิดหน้าตาตัวเองเหมือนเด็กสาวกระเตาะที่เพิ่งเคยมีรัก
สองแก้มกร้านแดงก่ำด้วยความเขินอาย



            ก็แหม…จะไมให้เขาเขินได้ยังไงในเมื่อคนต้นเรื่องอย่างโซ่กำลังยืนจ้องมอง
หน้าเขาด้วยรอยยิ้มอยู่ไกลๆ โอ้ย…ไม่ไหวแล้วโว้ย!



            “คืนนี้โดนแน่แม่อีมณี!”









TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #30 {28/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-05-2018 20:00:24
แน่ใจนะว่าจะแตะมณีได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #30 {28/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 28-05-2018 20:29:41
เดี๋ยวคืนนี้จะไปแอบดูพ่อกับแม่น้องมณี
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #30 {28/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-05-2018 01:00:11
แม่ของมณีเสร็จแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #30 {28/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-05-2018 08:20:00
ดูเป็นครอบครัว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #30 {28/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 29-05-2018 12:40:03
ชอบบบบบบบบบบบ
รอตอนต่อๆไปนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #30 {28/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 31-05-2018 21:32:28
ครอบครัว สุขสันต์.. หรรษา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #30 {28/05/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 09-06-2018 04:36:11
ชอบพี่มณี :mew1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #31 {9/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 09-06-2018 16:03:04
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{31}




   “ไปไหนกันมะ…”


   อุบ!


   ยังไม่ทันที่จะได้ถามจบพอร์ชก็ได้พบกับคำตอบที่ต้องการทันที ในตอนที่โซ่เอา
ไอติมหลอดสีเขียวสดใสยัดใส่ปากเจ้าตัว


   “เล่นอะไรของมึงเนี่ยโซ่!” พอร์ชโวยออกมาเบาๆ เพราะไม่อยากให้ลูกค้าที่ดูรถ
อยู่ในบูธตกใจเสียงของตนเอง


   โซ่ทำหูทวนลม ทำเป็นไม่สนใจเสียงโวยวายของพอร์ช แล้วพาพี่มณีลูกรักที่นั่ง
อยู่บนบ่าออกไปช่วยพนักงานขายแจกใบปลิวให้ลูกค้าตรงหน้าบูธ


   “ช่วยพี่สาวเรียกลูกค้าหน่อยสิเฮียมณี” หญิงสาวซึ่งเป็นหัวพนักงานขายของร้าน
ที่สนิทสนมกับคนในครอบครัวเป็นอย่างดีพูดบอกกับเจ้าเหมียวน้อยจอมแสบที่นั่งเชิดหน้า
ชูคออยู่บนบ่าพ่อจ๋าของเจ้าตัวด้วยความเอ็นดู

   หม๊าว~

   ใช่ว่าเจ้าตัวแสบจะร้องเรียกลูกค้าตามที่พนักงานสาวบอก แต่ที่เห็นร้องออกมาแบบนี้
ก็เพราะว่าเจ้าตัวกำลังใช้ขาหน้าปัดมือพนักงานสาวออกจากหัวตัวเองอยู่ต่างหากล่ะ

   ถ้าไม่ใช่พ่อจ๋ากับป๋าพอร์อย่าได้มาแตะหัวเชียว…พี่มณีไม่ปลื้ม!

   “หวงตัวแบบนี้ อย่ามาขอขนมพี่สาวอีกน้า~” ยิ่งเห็นท่าทางหยิ่งยโสของหลานชาย
ตัวแรกของบ้านอย่างเฮียมณีเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหมั่นเขี้ยวมากขึ้นเท่านั้น เพราะปกติแล้ว
เจ้าตัวจะชอบหนีออกจากห้องทำงานคุณปู่คนย่าลงมาออดอ้อนขอขนมจากเธอ เวลาที่
พอร์ชกับโซ่มีเรียน แต่พอป๋าพอร์ชกับพ่อจ๋าเขาอยู่เมื่อไหร่ละ เฮียมณีเปลี่ยนสีหวงตัว
ขึ้นมาทันทีแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอไม่ได้โกรธเคืองอะไรหรอกนะ ติดจะชอบซะด้วยซ้ำไป
เพราะคิดว่าการกระทำเหล่านี้ของพี่มณีมันน่ารักดี ตั้งแต่เกิดมาจนโตป่านนี้แล้ว เธอก็
เพิ่งจะเคยเจอแมวแสนรู้แบบนี้ หรืออาจเป็นเพราะเจ้ามณีอยู่กับคนมากเกินไปก็ได้
เจ้าตัวจึงซึมซับความเจ้าเล่ห์แสนกลของมนุษย์ไป

   หม๊าว!

   “อย่า”โซ่ร้องห้ามลูกชายที่กำลังจะยกมือขึ้นตะปบพี่สาวคนสวยคนสนิทที่ปกติแล้ว
จะซี้กันมาก ถ้าหากว่าเขากับพอร์ชไม่อยู่บ้าน เท่าที่ฟังมาจากฝ่ายช่างที่ร้านอะนะ เพราะ
พนักงานสาวคนนี้เป็นขวัญใจเด็กช่างด้วยเพราะมีนิสัยและหน้าตาน่ารักไปทางเดียวกัน
จนกระทั่งมีเจ้ามณีมานั่งคุมโต๊ะทำงานของหญิงสาวนี่แหละ เด็กช่างเลยจ๋อยไป เพราะ
‘เฮียมณี’ ของพวกมันโหดสัตว์รัสเซีย เพราะเจ้าตัวแสบตามไล่ตะปบชายหนุ่มทุกคนที่
เฉียดเข้ามาใกล้หญิงสาว

   “นิสัยเสียแล้วมึง”พอร์ชเดินเข้ามาผลักหัวกลมๆ ของเจ้ามณีจากด้านหลังด้วย
ความหมั่นไส้ เพราะนั่งดูเหตุการณ์ระหว่างสองคนหนึ่งแมวอยู่นาน

   หม๊าว!

   “ถ้าข่วนอีกกูจะจับไปตัดไข่”

   แง๊ว!~

   “โอ้ย! อีมณี!”

   “หึ!”

   TruTruTru

   “ครับ…อืม ว่างๆ อือ…เสร็จงานแล้ว เดี๋ยวโซ่ให้พอร์ชพาไป…ครับๆ”

   “ใคร?”

   พอร์ชเริ่มแม่แน่ใจแล้วว่าการบังคับให้คนรักใช้โทรศัพท์ เพราะเขามักจะมีคำถาม
ให้กับตัวเองทุกครั้งเวลาที่ได้เห็นหรือได้ยินโซ่รับโทรศัพท์ แต่พอรู้ตัวอีกที ปากเจ้ากรรม
ก็เอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้เสียแล้ว

   “เฮียเซฟบอกว่าอาม่าให้กลับบ้าน…มีคนคิดถึง”

   “ยังมีรถไฟอยู่หรอ?” เพราะมันเลยเวลารถที่เคยไปครั้งที่ก่อนแล้ว อีกทั้งโซ่ยัง
บอกว่าจะไปในวันนี้ พอร์ชเลยอดไม่ได้ที่จะถาม

   “ขับรถไปเองก็ได้…ใกล้แค่นี้”

   “ไหนบอกขับรถไม่เป็น?” พอร์ชขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยในขณะที่นั่งเป็นตุ๊กตา
หน้ารถเป็นเพื่อนคนรักไปบ้านอาม่าของเจ้าตัว หลังจากที่โซ่พาพอร์ชขี่น้องแมนไปเปลี่ยน
กับรถยนต์ที่บ้านพ่อของเจ้าตัวที่ตอนนี้คุณทนายเป็นคนดูแลอยู่นั่นเอง แต่สิ่งที่พอร์ช
แปลกใจคือ โซ่บอกว่าจะขับเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวบอกกับเขาว่าขี่จักรยานและ
จักรยานยนต์ไม่เป็น แต่พอเป็นรถยนต์ เจ้าตัวกลับบอกว่าจะขับเอง(?) ด้วยเหตุผลที่ว่า
เจ้าตัวนั้นคุ้นชินในการเดินทางไปบ้านอาม่าเป็นอย่างดี

   “สี่ล้อขับได้ แต่สองล้อขี่ไม่เป็น” นี้คือความจริง ตั้งแต่เด็กยันโตมาจนป่านนี้ ไม่ว่า
จะเป็นมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานเขานั้นแตะไม่ได้เลย เรียกได้ว่าจับเมื่อไหร่มีเจ็บตัว เพราะ
ไม่สามารถควบคุมวิถีการเดินทางได้ แต่พอเป็นรถยนต์เขากลับรู้สึกว่ามันมั่นคงกว่า แถมยัง
ง่ายต่อการควบคุม แค่เหยียบเบรก เหยียบคันเร่ง หมุนพวงมาลัยไปทางไหนรถก็ไปทางนั้น
แถมยังให้ความรู้สึกที่มั่นคงกว่ารถจักรยานยนต์อีกหลายเท่าตัวเพราะมีล้อทั้งสี่ข้างช่วยสร้างสมดุล

   “แม่มึงไม่ใช่คนสี่มิติแบบที่เขาพูดๆกันหรอกมณี มันมีมากกว่านั้นเยอะ!”พอร์ชพยาม
จะดึงเจ้าเหมียวมณีที่นั่งมองวิวสองข้างทางมาเป็นพวก แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะนอกจากจะ
ไม่คล้อยตามแล้วพี่มณีจอมแสบยังเหลียวหลังกลับมางับแขนป๋าพอร์ชจ๋าเข้าให้อีกหนึ่งดอก

   “ไปกรุงเทพฯกันม้ะ? อยากไปดูผ้าเพิ่มว่ะ แต่ไม่เอาดีกว่า…ขี้เกียจ” นั่น! พูดยังไม่ทัน
ขาดคำพ่อคนหลุดโลกก็พูดบ่นขึ้นมาอีก แต่คราวนี้พอร์ชเพียงแค่นั่งฟังเฉยๆ เพราะไม่อยาก
จะพูดแทรกสนม(ความคิด)ซ้ายขวาของเจ้าตัวที่กำลังเถียงกันอย่างไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะได้บทสรุป

   “หยิบแผ่นรองฉี่ของพี่มณีมาป่ะ?” โซ่ถามอย่างนึกขึ้นได้ ขณะที่กำลังจะขับรถผ่าน
หน้าคลินิกรักษาสัตว์แห่งหนึ่งที่

   “มึงเอามาแล้วไม่ใช่หรอ” พอร์ชถามกลับอย่างเกร็งๆ เพราะเกรงว่าโซ่จะว๊ากใส่

   “กูคิดว่ามึงหยิบมาแล้ว” สุดท้ายแล้วโซ่ก็ต้องตบไฟเลี้ยวตีรถกลับไปยังคลินิกสัตว์ที่
ขับผ่านมาได้ไม่ถึงร้อยเมตร เพราะแมวรักสะอาดอย่างพี่มณีจะไม่ยอมขับถ่ายถ้าหากไม่มี
กระบะทรายหรือแผ่นรองฉี่สำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างเด็ดขาด ครั้นจะให้ไปอึไปฉี่ตามพงหญ้า
ข้างทางเหมือนกับหมาแมวของคนอื่นนะหรอ บอกเลยว่าไม่มีทาง…ชายมณีรับไม่ได้

   “กินหมูสะเต๊ะป่ะ? ที่นี่ซื้อหมูแถมไม้ไม่ใช่ชื้อไม้แถมหมูแบบที่พิจิตรนะเว้ย…โคตรเด็ด
ขอบอก!” โซ่ร้องถามพร้อมกับโอ้อวดสรรพคุณของหมูสะเต๊ะเจ้าประจำของตนเองให้คนรักฟัง
ในขณะที่กำลังจะขับรถผ่านตลาดประจำอำเภอที่มีของอร่อยวางขายอยู่สองข้างทาง ซึ่งอยู่คน
ละฟากฝั่งถนนที่โซ่ใช้เดินทาง โดยมีสถานีรถไฟขั้นกลาง

   “เอาดิ”มีหรือที่พอร์ชจะปฏิเสธในมื่อสิ่งที่โซ่เสนอมามันเป็นเมนูโปรดของเขาทั้งคู่

   “อาโซ่วววววววว….”เสียงร้องเรียกชื่อโซ่ดังลั่นมาจากที่ไกลๆ ในขณะที่พวกเขาทั้งสอง
คนกำลังยืนชื้อน้ำปั่นข้างร้านหมูสะเต๊ะที่ต้องรอ

   “ใครวะ” พอร์ชเป็นคนแรกที่หันไปมองตามเสียงเรียกพร้อมๆกับที่เจ้าของเสียงนั้นวิ่งพุ่ง
เข้ามากอดโซ่จากทางด้านหลังอย่างเต็มแรง

   “อาโซ่!/ จอมซน!”พอรู้แน่ชัดแล้วว่าเป็นใคร โซ่ก็กอดรับด้วยรอยยิ้มในทันที ทำเอาพอร์ช
หน้าตึง เพราะไม่ชอบใจ แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆก็แต่หวงนิดๆ อิจฉาหน่อยๆ เท่านั้นแหละที่โซ่ยอม
ให้ไอ้เด็กหัวทองนี่กอดในที่สาธารณะแบบนี้ ถ้าเป็นไอ้พอร์ชคนนี้รึ? ป่านนี้ถ้าไม่โนด่าก็โดนถีบ
กระเด็นไปไหนต่อไหนแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ถูกกาลเทศะแต่ไหงไอ้เด็กนี่ถึงเป็นข้อยกเว้นล่ะ?
เหอะ! โคตรไม่แฟร์เลยครับเมีย!

   “มาได้ไงจอมซน” โซ่พยายามที่จะขืนตัวออกจากของเด็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีอาฆาต
ของคนรักที่ยืนอยู่ข้างกัน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายกอดเขาไว้ซะแน่นหนา

   “ซนมากับที่รัก…คิดถึงอาโซ่ที่สุดเลย!งื้อ~” นอกจากจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงโซ่แบบไม่มีเกรงใจ
คนรักอย่างพอร์ชที่ยืนทะมึนเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่ข้างๆแล้ว เจ้าพ่อหนุ่มน้อยผมทองตัวเรียวเล็กที่น่าจะ
เด็กกว่าพวกเขาสักสองสามปียังหาญกล้าทำหน้าออดอ้อนซุกหัวถูไถหน้าอกของโซ่ให้พอร์ช
ได้คลั่งอีกต่างหาก

   จะบ้า…ไอ้พอร์ชอยากจะบ้า! เพราะตั้งแต่ตอนยืนซื้อหมูสะเต๊ะที่ตลาดลากยาวมาจนถึงตอน
กินข้าว จนกระทั่งอาบน้ำเตรียมตัวนอนในตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถแยกไอ้เด็กฝรั่งดองออกจาก
โซ่ได้เลย! ไม่ว่าจะไปไหนจะทำอะไรมันก็เอาแต่ร้องเรียกอาโซ่จ๋าอาโซ่จ๋าอยู่นั่นแหละ มิหนำซ้ำ
ในตอนนี้มันยังมานอนกอดเมียเขาถึงในห้องนอนอีก…จะหยามกันเกินไปแล้วนะเว้ย

   “อาพอร์ชปิดไปให้น้องซนหน่อยฮะ…น้องซนจะนอน”

   ไง? ไอ้พอร์ช…บ่นไปแล้วได้อะไร? สองสามชั่วโมงที่ผ่านมานี่เคยทำอะไรมันได้ไหม
นอกจากแอบด่ามันในใจแล้วก้มหน้าทำตามที่มันสั่งทุกอย่างแบบนี้? หึ! โคตรเสียเชิงเลยแม่ง

   พรึ่บ!

   นอกจากจะก้มหน้าก้มตาปิดไฟตามคำสั่งของไอ้ฝรั่งดองแล้ว คืนนี้ไอ้พอร์ชยังต้องเสียสละ
นอนบนพื้นแข็งๆ เพื่อให้คุณอาคุณหลานและลูกนอกคอกอย่างอีมณีได้นอนอย่างสุขสบายอยู่บนเตียง
ด้วยข้ออ้างโง่ๆว่า ‘อาพอร์ชตัวใหญ่ เดี๋ยวดิ้นมาทับน้องซนแบนแต๊ดแต๋’ เหอะ! กูไม่อยากจะบอกเลยว่า
ตอนนี้กูอยากจะกระทืบมึงที่สู้ดดดดด….

   “อาพอร์ชช่วยเอาพี่มณีไปนอนด้วยได้ไหมครับ น้องซนนอนกอดกับอาโซ่ไม่ถนัด”

   เหมี๊ยว!

   ยังไม่ทันที่พอร์ชจะได้ขยับตัว เจ้ามณีลูกรักก็ถูกโยนลงมาหล่นตุบอยู่บนอก

   หม๊าว~ หม๊าว~

   ‘ป๋าจ๋าพี่เจ็บ! มันเหวี่ยงพี่มา…พี่โกรธ!’

   “เออ…รู้แล้วๆ ไม่ต้องร้อง นอนๆ”ความจริงแล้วพอร์ชก็ไม่รู้หรอกว่าพี่มณีมันบ่นอะไร
แต่ถ้าให้เดาก็คงจะเคืองไม่น้อยที่ถูกเหวี่ยงลงมาข้างล่างอย่างนี้ แทนที่จะได้นอนแขน
พ่อจ๋าของมันอย่างทุกคืน

   หม๊าว~

   “เออๆ กูกอดเอง แถมเกาพุงให้ด้วยเลยเอ้า…หลับสักที” พอร์ชคว้าเอาตัวพี่มณี
ที่นั่งร้องหม๊าว

   เจ้าเหมียวมณีเป็นแมวที่ติดการสัมผัสจากคนมากกว่าแมวทั่วๆไปมาก เพราะเคยชิน
กับการเอาอกเอาใจจากโซ่ โดยเฉพาะตอนนอน ถ้าไม่มีใครคอยกอดคอยเกาพุงให้นี่อย่า
หวังเลยว่าพี่มณีจะอยู่เฉยๆ เพราะเจ้าตัวจะไม่ยอมนอนแล้วก็ร้องเหมียวๆหม๊าวๆจนกว่าจะ
มีคนมาเกาพุงให้นั่นแหละ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คงไม่พ้นสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นๆของพ่อโซ่จ๋า
นั้นแหละ…ฟินเวอร์!

   “ทำพี่มณีเจ็บแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะน้องซน”พอเสียงทางฝั่งของคนรักที่นอนอยู่บนพื้น
ข้างเตียงเงียบไป โซ่ก็เอ่ยว่าหลานชายทันที เพราะต่อให้เขาจะรักและตามใจหลานมากแค่
ไหน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดุไม่ว่าเลยถ้าหากเจ้าตัวทำความผิด โดยเฉพาะกับพี่มณีซึ่งไม่สามารถ
โต้ตอบอะไรเจ้าตัวได้เลยเช่นนี้ เขาจึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

   “น้องซนขอโทษฮะ น้องซนแค่อยากนอนกอดอาโซ่แน่นๆ” จอมซนตัวน้อยแอทแทค
อาโซ่จอมโหดด้วยอ้อมกอดแน่นหนาที่มาพร้อมกับสายตาบ๊องแบ๊วของเจ้าตัว

   “อย่าทำอีกแล้วกันเด็กเกเรไม่น่ารัก”

   “น้องซนอยากเจอป๊ะป๋า…ป๊ะป๋าอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้าย ป๊ะป๋าไม่รักน้องซนป๊ะป๋ารักแต่แสนดี…ฟี้~”

   ยังไม่ทันที่โซ่จะพูดจบดีเด็กชายจอมซนตัวแสบก็ละเมอพูดความอัดอั้นที่อยู่ในใจออกมา
ก่อนที่จะหลับลึกไปในที่สุด

   “นอนเถอะ อย่าคิดมากเลย มันก็แค่เกมโง่ๆของผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว”สุดท้ายแล้วโซ่ก็ได้แต่
คว้าตัวเจ้าเด็กแสบเข้ามากอดปลอบลูบหลังให้หลานได้นอนหลับสบาย

สี่ชั่วโมงต่อมา…

   “มาไม?” พอร์ชสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนดึกเมื่อรู้สึกถึงแรงกอดรัดจากทางด้านหลังแต่ทุกอย่าง
ก็กลับมาสู้สภาวะปกติทันทีเมื่อรู้ว่าเจ้าของอ้อมแขนนั้นคือคนรักที่ตนนอนรอมาตลอดค่อนคืน
น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมาเลยติดที่จะห้วนไปนิด เพราะยังคงงอนอยู่

   โซ่หลุดหัวเราะออกมาทันทีที่ได้เห็นเสี้ยวหน้าเง้างอแบบเลือนรางของคนรักผ่านแสงจันทร์
ที่ฝ่าความมืดเข้ามาทางหน้าต่าง

   “คิดถึง...อยากกอด”ชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูพอร์ช

   “ถ้าไม่มีไอ้หลานฝรั่งดองนอนอยู่บนเตียงมึงโดนกูปล้ำแน่โซ่!” สุดท้ายแล้วพอร์ชก็ได้แต่
พลิกตัวหนีพี่มณีแล้วหันไปคว้าคนรักเข้ามากอดไว้แน่นให้สมกับความหมั่นเขี้ยวทั้งหมดที่มี




TBC.

หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #31 {9/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-06-2018 20:26:11
ลืมพี่มณีไปเลยนะพ่อโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #31 {9/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-06-2018 20:48:25
น้องซนนี่มันขัดลาภจริงๆ555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #31 {9/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 11-06-2018 01:22:29
โซ่น่ารักขึ้นทุกวันแฮะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #31 {9/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 11-06-2018 06:27:02
อ้อนนะน้องโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #32 {11/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 11-06-2018 17:59:02
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{32}




            “อาพอร์ชจ๋าน้องซนขอขี่หลังหน่อย…เมื่อย” เสียงร้องเรียกจากหลานชายคนโปรด
ของคนรักทำเอาพอร์ชถึงกลับผวาเฮือก เพราะตั้งแต่ตื่นนอนมา นอกจากเจ้าตัวแสบมันจะ
ออดอ้อนอาโซ่สุดที่รักของมันแล้ว เจ้าตัวก็ยังร้องเรียกหาเขาอย่างไม่ขาดสาย แต่อย่าเข้าใจผิด
คิดว่าไอ้เด็กฝรั่งดองนี่มันพิศวาสเขาหรอกนะ แต่มันคือการแก้แค้น เรื่องที่เจ้าตัวมันตื่นมาเจอ
อาโซ่สุดที่รักของตัวเองนอนกอดอยู่กับเขาที่พื้นแทนที่จะอยู่บนเตียงให้มันกอดต่างหากล่ะ!
มันถึงได้ตีหน้าซื่อทำหน้าอ้อนจิกหัวหลอกใช้เขาอย่างที่เห็น แต่จะว่ามันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้
ในเมื่อเขาเองก็เคลิ้มทำตามคำสั่งมันไปเสียทุกที แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเขาพิศวาสมันใน
เชิงชู้สาวนะ…ขนลุก! ทว่าไอ้เด็กแสบจอมซนนี่มันมีอะไรบางอย่างทำให้เขาปฏิเสธมันไม่ลง
ไม่รู้สิ…เขาอาจจะคิดมากหรือดูผิดไปก็ได้ถึงได้มองว่าไอ้เด็กฝรั่งดองจอมแสบนี่น่าสงสาร
ทั้งที่มันเองก็เกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม มีครบทุกอย่าง พี่ป้าน้าอารักใคร่ แต่วูบหนึ่ง
ในแววตาแป๋วแหว๋วของมันกำลังร้องบอกกับเขาว่ามันไม่ได้มีความสุขอย่างที่มันแสดงออก
มาแม้แต่นิดเดียว



            “มาขี่หลังอาก็ได้” โซ่เอ่ยเรียกพร้อมทั้งตั้งท่ารอรับหลานชายเมื่อเห็นว่าเอาแต่ยืน
จ้องหน้าหลานชายของตนเองอยู่พักใหญ่ เลยเข้าใจผิดคิดขึ้นมาได้ว่าพอร์ชอาจจะกำลัง
หงุดหงิดหรืออารมณ์ไม่ดีที่โดนจอมซนกวนใจมาตั้งแต่เช้า



            “อาพอร์ชไม่ชอบน้องซนหรอฮะ?” เจ้าตัวแสบเอียงคอถามด้วยสายตาเศร้าสร้อย



            “มาสิ…จะพาไปลอดอุโมงค์ดูปลาตรงโน้น” พอร์ชไม่ตอบคำถาม แต่หันหลังย่อตัว
ดึงเอาร่างเบาหวิวของหลานชายมาขึ้นหลังแล้วพาไปลอดอุโมงค์ดูปลาน้ำจืดซึ่งเป็นไฮไลท์
ของอควาเรียมหรือชื่อเต็มๆก็คือ อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ ๘๐
พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์คสำคัญอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดนครสวรรค์ที่
โซ่ตัดสินใจพาคนรักกับหลานชายมาเที่ยวในวันนี้นั่นเอง



            “ฮู้ว…ปลาฉลาม! นั่นๆ อาพอร์ชดูปลาฉลาม! น้องซนเห็นปลาฉลามด้วยล่ะอาโซ่”
ตบไหล่พอร์ชปุๆแล้วหันไปพูดอวดกับอาโซ่สุดที่รักอย่างร่าเริง เมื่อเห็นฝูงปลาตัวใหญ่ยักษ์
ว่ายวนอวดลำตัวสีเงินสวยอยู่เหนือศีรษะของตนเอง



            “นั่นมันปลาบึก” แล้วก็เป็นพอร์ชที่ช่วยพูดแก้ไขความเข้าใจผิดให้หลานชาย



            “ปลาบึก?” ฝรั่งน้อยเอียงหัวกรอกตามองท้องปลาที่ว่ายวนอยู่เหนือศีรษะของตนเอง
อย่างใช้ความคิดเมื่อได้ยินชื่อสายพันธุ์ปลาที่ตัวเองไม่เคยรู้จัก



            “ปลาบึกเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ ไร้เกล็ด ไม่มีฟันและเกือบไม่มีหนวด ตาอยู่ต่ำกว่า
มุมปาก เมื่อมองจากด้านหน้าตรงๆจะไม่เห็น แสดงถึงการหากินตามพื้นน้ำ ปลาบึกสามารถเติบโต
ได้ถึง 3 เมตรและหนัก 150-200 กิโลกรัม ใน 5 ปี” โซ่ช่วยอธิบายขยายความให้หลานเข้าใจ



            “โหว…ตัวใหญ่จังเลยฮะอาโซ่”



            “ทำไมเก่งจังวะ?” พอร์ชหรี่มองโซ่อย่างจับผิด คิดสงสัยในความฉลาดของคนรัก



            “ไม่ได้เก่ง…แต่กูไม่โง่”โซ่กระตุกยิ้มเคาะนิ้วลงบนแผ่นพับในมือที่ได้รับมาตอนซื้อบัตร
เข้าชม ตรงหน้าที่อธิบายถึงลักษณะของสายพันธุ์ปลาน้ำจืดทั้งหมดที่ถูกจัดโชว์อยู่ในอาคาร
แสดงพันธุ์สัตว์แห่งนี้



            “มึงไม่โง่งั้น…กูก็โง่? มึงเล่นกูอีกแล้วนะเมีย!” กว่าจะรู้ตัวว่าถูกคนรักหลอกด่า โซ่ก็เดิน
หนีไปไกลแล้ว พอร์ชก็เลยได้แต่วิ่งแบกหลานตามไปติดๆ กว่าจะไล่ตามทันก็เล่นเอาเหนื่อย



            “โอ้ย!เล่นอะไรของมึงเนี่ยไอ้หมาพอร์ช” โซ่ร้องเสียงหลงเมื่อถูกพอร์ชล็อคคอจาก
ทางด้านหลังตอนทีเผลอ



            จุ๊บ! ฟอด…



            “ลงโทษเมียดื้อ!”พอร์ชอาศัยจังหวะช่วงที่ไม่มีคนคว้าคอคนรักเข้ามาจูบขมับแล้ว
หอมแก้มเป็นการลงโทษคนปากจัดที่ชอบจิกกัดหัวหน้าครอบครัว(ในนาม)อย่างเขา



            ปึก!



            “อุก!”



            “สมน้ำหน้าไอ้หมาหื่น!”



            แล้วก็เป็นอย่างที่คิดว่าโซ่ไม่ยอมเสียตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบคนเดียวแน่นอน เจ้าตัว
ถึงได้ตอบแทนคนรักด้วยหมัดฮุกตรงชายโครงด้านซ้ายทันทีที่ตั้งตัวได้



            “อูย…เล่นแรงนะเมีย”พอร์ชร้องโอดโอยด้วยความจุกเสียด แต่ก็พยายามที่จะ
ทรงตัวยืดกายตั้งหลักให้มั่นคง เพราะยังมีลูกลิงจอมซนเกาะอยู่บนหลัง



            “สมน้ำหน้า ชอบเล่นไม่รู้เรื่อง” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ยังยื่นมือเข้าไป
ช่วยพยุงตัวคนรักเอาไว้ ไม่ให้ล้มหงายลงไป



            แต่ในขณะที่คู่รักฮาร์ดคอร์ประสานสายตา ส่งกระแสจิตสู้กันอย่างเอาเป็นเอา
ตายอยู่นั้น เจ้าจอมซนตัวแสบก็…



            “อาโซ่สู้ๆอาพอร์ชสู้ๆน้องซนไม่สู้” โยกตัวส่งเสียงตะโกนร้องเชียร์ออกมาด้วย
ท่าทางสนุกสนานร่าเริงเสียจนคู่รักฮาร์ดคอร์ที่กำลังจ้องหน้าท้าทายกันอยู่อดไม่ได้ที่จะ
หลุดหัวเราะออกมาเพราะท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของหลานชายจอมซนที่มีแค่ตัวเท่านั้นที่
โตเกินอายุ แต่ความสดใสร่าเริงยังคงเป็นไปตามวัย เปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดให้
ผ่อนคลายลงได้เพียงเสี้ยววินาที



            “ดูโชว์จบแล้วไปหาข้าวกินกัน…ซนอยากกินอะไร? กินข้าวเสร็จแล้วอาจะพาไป
ถ้ำค้างคาวไปให้อาหารลิงต่อ”โซ่ถามในขณะที่กำลังดูโชว์จระเข้รอบสุดท้ายของช่วงเช้า



            “ไปๆ น้องซนอยากไปให้อาหารลิง น้องซนอยากกินมิมิกับน้ำแตงโมปั่นร้านนั้น
ฮึ่ย…คุณจระเข้น่ากลัวจังเลยฮะอาโซ่…ฟันแหลมมาก”พูดโต้ตอบกับคุณอาสุดที่รัก
แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่แต่กับโชว์จระเข้ในบ่อกว้าง ทำปากยื่นปากยาวบ่นว่ากลัว
แต่ก็ยังชะโงกตัวลงไปมองจนหัวแทบทิ่ม



            “มิมิอะไรของมันวะ?” พอร์ชอดไม่ได้ที่จะพูดถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
ไอ้เมนูมิมิที่หลานว่าคืออะไร



            “เดี๋ยวตก” ยังไม่ทันได้ไขข้อข้องใจให้กับคนรัก โซ่ก็จำต้องหันไปปรามหลาน
ชายเสียก่อน เมื่อเจ้าตัวแสบกระโดดตบมือเหย่งๆให้กับนักแสดงที่ร่วมโชว์อยู่กับจระเข้
ในบ่อ หลังจากที่นักแสดงชายคนนั้นเอื้อมมือเข้าไปหยิบเงินในปากจระเข้ ทั้งเอาหัวมุด
เข้าไปโพสท่าถ่ายรูปให้เป็นของแถมสำหรับคนดูเป็นการจบการแสดงชุดแรกได้อย่างหวาดเสียว



พูดยังไม่ทันขาดคำ…



“จอมซน/ระวัง”



พอร์ชโซ่โผเข้าคว้าชายเสื้อหลานไว้แทบไม่ทัน เมื่อเด็กแสบจอมซนพลาดสะดุดขา
ตัวเองจนเกือบจะหัวทิ่มลงบ่อจระเข้ไป ทำเอาคุณอาทั้งสองใจหายไปตามๆกัน



            “แฮ่…ตกใจหมดเลย” เจ้าเด็กแสบหันมายิ้มแหยให้คุณอาทั้งสองด้วยสีหน้า
ซีดเชียว เพราะยังรู้สึกตกใจไม่หาย



            “ไม่ต้องดูแล้ว เดี๋ยวอาพาไปกินซาชิมิ”     

            ในที่สุดพอร์ชก็ได้รู้แล้วว่า ไอ้เมนูมิมิที่หลานชายอยากทานแท้จริงแล้วก็คือ
ซาชิมิหรือเมนูปลาดิบนี่เอง…เรียกของเขาซะเสียเลยนะไอ้ฝรั่งดองเอ้ย!



            “อาโซ่มาโอๆกัน ใครแพ้จ่ายค่ามิมิ” เด็กแสบจอมซนเสนอความคิดขึ้นมาอย่าง
นึกสนุก หลังจากนั่งเบื่อเพราะติดไฟแดงมาหลายนาที



            “ภาษาอะไรอีกวะ…อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ตัวก็ออกจะโตแต่พูดห่าไรไม่เคยรู้เรื่อง
เลย” พอร์ชละอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา เมื่อเห็นว่าจอมซนพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้ว



            เจ้าตัวแสบกรอกตาชูมือขึ้นมานับนิ้ว ก่อนที่จะตอบออกมาว่า…



            “แปดขวบฮะ…น้องซนแปดขวบ”



            ห๊ะ? พอร์ชตกใจอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยินเพราะมันช่างแตกต่างกับที่เขาคำนวณ
ไว้มากนัก แบบ…ที่คิดไว้ว่ายังไงก็ต้องมีสิบสองสิบสามขึ้นอ่ะ ถ้าวัดจากความสูงที่ตาเห็น
แต่ไหงไอ้เด็กแสบนี่มันยังไม่พ้นสิบขวบเลยล่ะ?



            “หึๆ แปลกตรงไหน ก็แค่ลูกครึ่งที่มีแม่เป็นคนอเมริกันแท้ๆ ส่วนพ่อก็สูงเกินร้อยเก้าสิบ
 ถ้าลูกจะเกิดมาแขนขายาวกว่าเด็กทั่วไปก็ไม่ใช่เรื่องผิด ส่วนเรื่องพูดไม่ค่อยชัด ไม่เต็มคำนั้นก็
ตัดไปได้เลย เพราะต่อให้เป็นมึง แต่ถ้าเกิดและเติบโตอยู่ในสภาพแวดล้อมรอบที่เต็มไปด้วยผู้คน
ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร จะได้คุยเรียนรู้ภาษาไทยก็ตอนที่พ่อโทรไปคุยด้วย
วันละแค่ชั่วโมงหรือสองชั่วโมงแล้วแต่เวลาจะเอื้ออำนวย…พูดได้เท่านี้ก็เก่งแล้ว” โซ่อดไม่ได้ที่จะ
หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางของคนรัก ก่อนที่จะอธิบายให้ฟังว่าด้วยเหตุอันใด
หลานรักถึงได้มีรูปร่างสูงโปร่งกว่าเด็กวัยเดียวกัน แล้วทำไมเจ้าตัวถึงพูดภาษาไทยชัด แต่ก็ขาดๆ
เกินๆ ไม่ก็ประดิฐษ์คำแปลกออกมาพูดอย่างที่เห็น



            “แม่เป็นนางแบบ?” ตอนนี้พอร์ชไม่สนใจอะไรไปมากกว่าคุณแม่ของหลานชายคนรักหรอก
เพียงเพราะได้ยินคำว่านางแบบหัวใจก็เต้นตึงตัง รู้สึกตื่นเต้นตามประสาผู้ชายที่ชอบของสวยๆ งามๆ
 เป็นอาจิณ



            “อื้อ! ที่รักของน้องซนเป็นนางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ตส๊วยสวยด้วยล่ะอาพอร์ช!” คราวนี้ไม่ใช่
โซ่ที่เป็นคนตอบ แต่เจ้าแสบที่ภูมิใจในตัวคนเป็นแม่พูดอวดออกมาบ้าง ทำเอาพอร์ชตาโตมากขึ้น
กว่าเดิม เพราะยังไม่เคยเห็นหน้าตาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของจอมซนสักคน เพราะเจ้าตัวแสบบอกว่าแม่
ติดงานที่กรุงเทพฯ เลยขอมาหาอาม่าก่อน ส่วนคนเป็นพ่อก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ลูกไปมากไป
กว่าการเห็นหน้ากันทางโทรศัพท์หรือไม่ก็หน้าจอคอมฯอย่างที่ทำมาตลอดตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก
เพราะข้อตกลงทางกฏหมายที่เขียนกันไว้…ตามคำบอกเล่าจากโซ่อะนะ



            “ขี้โม้” โซ่ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากหลานชายให้กลับไปนั่งที่เดิม หลังจากที่เจ้าตัวพยายามที่จะ
ชะโงกหน้าเข้ามาคุยกับเขาและพอร์ชทั้งที่นั่งรัดเข็มขัดอย่างแน่นหนาอยู่ทางเบาะหลัง



            “ไม่โม้น้า~ ที่รักของน้องซนสวยที่สุด ปีเตอร์ยังบอกเลย” เจ้าตัวเล็กจ้อไม่หยุดในขณะที่
โซ่เริ่มนั่งนิ่ง ไม่ยิ้มแย้มอย่างก่อนหน้า ทำเอาพอร์ชที่จับความรู้สึกได้เป็นคนแรกจึงเอ่ยถามออกมาว่า…



            “เป็นไร? โกรธหรอ? ไม่ต้องโกรธหรอกน้า ต่อให้เป็นนางฟ้ามาจากสวรรค์พี่ก็แค่มอง
เพราะทั้งตัวและหัวใจของพี่ให้ซอโซ่คนดีไปหมดแล้ว” เพราะไม่รู้ว่าคนรักมีความกังวลด้วยเรื่องใด
พอร์ชเลยหยิบยกเรื่องที่ตนเองสนใจอาชีพนางแบบของหลานชายขึ้นมาพูดหยอด เพื่อหวังจะช่วย
ให้คิ้วผูกโบว์ของคนรักคลายออกจากกัน



            “เรื่องนั้นกูรู้ดีอยู่แล้วว่ามึงยังอยากตายดีตามอายุขัย ไม่ใช่ตายทรมานเพราะโดนกูแทง
แต่ที่กูสงสัยคือ…ปีเตอร์เป็นเพื่อนน้องซนหรอ?” ประโยคแรกชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
ของคนรักให้ได้ยินกันแค่สองคน ส่วนประโยคสุดท้ายเขาหันมาพูดกับหลานชายด้วยน้ำเสียงปกติให้ได้ยินทั่วกัน



            “ไม่ใช่ฮะ! ปีเตอร์ไม่ใช่เพื่อนน้องซน แต่ปีเตอร์เป็นบอยเฟรนด์กับที่รัก” เจ้าตัวแสบรีบ
แก้ไขความเข้าใจผิดให้คุณอาสุดที่รักได้เข้าใจ



            “แฟน? คนรัก?” โซ่เปลี่ยนประโยคคำพูดอีกครั้งเมื่อหลานชายกรอกตาทำหน้าเหมือน
ว่าไม่เข้าใจคำว่าแฟนในภาษาไทย



            “อื้อ! ปีเตอร์เป็นคนรักของที่รัก แล้วก็บอกว่าจะมาเป็นป๊ะป๋าให้น้องซน แต่น้องซนไม่เอา
เพราะน้องซนมีป๊ะป๋าอยู่แล้ว ปีเตอร์ก็เลยไม่คุยกับน้องซนอีก เพราะน้องซนเป็นเด็กดื้อ” ก็พยายาม
จะเรียบเรียงคำพูดเป็นภาษาไทยให้คุณอาสุดที่รักเข้าใจ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้แต่พูดวกไปวนมาตาม
ความเข้าใจของตนเองที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว



            “ซนมาอยู่ไทยกับอาไหม? อาจะลองคุยกับสเตฟดู” นี่ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่โซ่คิด
เรื่องของหลานชายมาสักพักแล้ว หลังจากที่ได้คุยกับพี่ชายหรืออีกนัยหนึ่งก็คือพ่อของจอมซน
ครั้งล่าสุดว่าเจ้าตัวสงสัยว่าสเตฟหรือสเตฟานี่แม่ของหลานชายดูเหมือนว่าจะปลูกรักใหม่กับนาย
แบบรุ่นน้องมาได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะพาเข้ามาผัวพันกับหลานชายมากขนาดนี้



            “อยากฮะ น้องซนอยากอยู่กับอาโซ่ อยากอยู่กับอาพอร์ช อยากอยู่กับอาม่า อยากอยู่
กับป๊ะป๋า แต่ที่รักบอกว่าไม่ได้ เพราะป๊ะป๋ามีแสนดีกับมัมใหม่แล้ว…น้องซนจะเป็นส่วนเกิน” พูด
ออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่หยาดน้ำตาคลออยู่เต็มหน่วย ซึ่งดูก็รู้ว่าเจ้าตัวฝืนเอาไว้



            “เอาตามที่น้องซนต้องการเลย อยากอยู่กับใครก็พูดมา แล้วอาจะให้ทุกอย่างที่น้องซน
ต้องการ ขอแค่ที่ตรงนั้นเป็นความสุขจริงๆของเรา” โซ่หันมาพูดบอกกับหลานชายด้วยน้ำเสียงและ
แววตาที่มั่นคง ทำเอาเด็กชายที่ฉาบหน้าตัวเองด้วยความสดใสร่าเริงมาตลอดชีวิตแปดปีเต็มตั้งแต่
จำความได้ และแยกแยะความรู้สึกเป็นสะท้านในอก ปล่อยโฮออกมาสุดเสียง หลังจากที่สะกดกลั้น
มาหลายนาที แล้วรีบโผเข้ากอดทันทีเมื่อโซ่อาศัยจังหวะที่รถจอดติดไฟแดงข้ามไปนั่งข้างกันที่
เบาะหลัง ทำให้พอร์ชกลายเป็นคนขับรถไปโดยสมบูรณ์แบบ



            “น้องซนไม่อยากอยู่กับที่รักแล้วฮะ…ที่รักกำลังจะมีน้องใหม่กับปีเตอร์ เพื่อนที่โรงเรียน
บอกว่าน้องซนก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่า…ฮึก…ไม่มีใครรัก”



            โซ่กำหมัดหลับตาแน่นกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะทุกสิ่งที่จอมซนพูดมา เขาผ่านมาหมดแล้ว
ถึงได้รู้ว่าเจ็บปวดแล้วทรมานขนาดไหน แต่ที่ไม่รู้เลยคือ…ความแข็งแกร่งของหลานชายที่ส่งผ่าน
มาทางเสียหัวเราะและสีหน้าที่ร่าเริงทั้งที่ภายในใจอัดแน่นไปด้วยความบอบช้ำ



            “มีสิ…ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันแต่อาก็ชอบน้องซนนะ และอาก็มั่นใจว่าถ้าเรามีเวลาได้อยู่
ด้วยกันมากกว่านี้อีกนิดความชอบที่อามีจะกลายเป็นความรัก” พอร์ชพูดขึ้นมาบ้าง หลังจากที่
ฟังแบบปิดปากเงียบๆอยู่นาน ตั้งแต่ต้นจนจบ



            “จริงหรอฮะ?” สูดน้ำมูกเข้าไปฟืดใหญ่แล้วชะโงกหน้าออกมาถาม หลังจากที่ซุกหน้า
ร้องไห้อยู่กับแผ่นอกของคุณอาสุดที่รักอยู่หลายนาที



            “จริงสิ…ซนจะมาอยู่กับอาก็ได้ ถ้าเรานอนคนเดียวหรือไม่ก็นอนกับพี่มณีได้ เพราะอาโซ่
เป็นของอา เลยต้องนอน ‘กอด’ กับอาทุกคืน” พูดจบก็ยักคิ้วส่งให้จึกหนึ่งเป็นการส่งท้ายด้วย
สีหน้ากวนสุดติ่ง



            “งื้อ~ อาพอร์ชนิสัยไม่ดี!”



            โซ่เกือบจะฉีกยิ้มหวานเป็นการขอบคุณอยู่แล้วเชียวที่คนรักช่วยพูดปลอบใจหลานชาย
หลังจากที่หาเรื่องแหย่กันมาเกือบครึ่งวัน แต่พอได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายเท่านั้นแหละ เขาก็
รีบปิดตาหลานแล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างชูนิ้วกลางเป็นการของคุณมันแทบไม่ทัน…กวนตีนดีนัก!









TBC.



(จอมซน อายุแปดขวบ ลูกครึ่ง ไทย(เชื้อสายจีน) - อเมริกัน)

" งื้อ~ อาพอร์ชแกล้งน้องซน! "


หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #32 {11/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-06-2018 19:22:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #32 {11/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2018 00:00:36
สงสารน้องซนจัง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #32 {11/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 12-06-2018 02:06:31
เฮ้อ..เราเข้าใจสังคมพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเพราะเราก็ผ่านมันมาแบบอยากโดดถีบยอดหน้าคน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #32 {11/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-06-2018 02:54:07
อยู่เลย ๆ หนับหนุน ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #32 {11/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 12-06-2018 11:35:45
น้องซนสู้ๆนะ ไปอยู่กับอาโซ่เลยจะได้เป็นครอบครัวสุขสันต์
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #32 {11/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 12-06-2018 18:06:36
ชอบบบความรักดิบๆ ปนหวานๆของคู่นี้จังเล้ยยย
รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #32 {11/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-06-2018 00:22:35
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #33 {27/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 27-06-2018 18:30:09


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{33}





            “ฮ่าๆ อาพอร์ชแพ้ อาพอร์ชเลี้ยงมิมิน้องซนกับอาโซ่เลย…ฮุวฮะฮ่า ~ ~ ~”
เจ้าจอมซนสุดแสบหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความสะใจ เมื่อรู้ผลการเฟ้นหาเจ้ามือจ่าย
ค่าอาหารกลางวันด้วยเกมการตัดสินระดับโลกอย่างโอน้อยออกได้ผลสรุปที่ว่าคนที่แพ้
และต้องกระเป๋าเบาในวันนี้คือพอร์ช หลังจากที่แข่งขันกันมาหลายนานหลายนาที
ตั้งแต่ที่พอร์ชขับรถวนเข้ามาจอดหน้าร้าน



            “อ่ะโด่ว~ ตัวเท่าลูกหมาคิดว่าจะกลัวรึไง แค่นี้บอกเลย…จิ๊บจิ๊บ” พอร์ชแกล้ง
ชะโงกหน้าเข้าไปพูดแหย่จอมซนที่กอดเอวอาโซ่สุดที่รักของเจ้าตัวรอเขาล็อครถอยู่อีกฝั่ง
เมื่ออาพอร์ชส่งสารท้ารบมาขนาดนี้มีหรือว่าเจ้าเด็กแสบจะยอม



            “น้องซนจะหม่ำให้อาพอร์ชหมดเงินเลย…เชอะ!” ทำปากยื่นปากยาวเข้าขู่
ก่อนที่จะกอดอกเชิดหน้าทำท่าจะดิ้นหนี แต่ก็หนีไม่พ้น เมื่อพอร์ชเดินเข้ามาขนาบข้าง
กอดคอที่ว่างของเจ้าตัวอีกข้างเหมือนอย่างที่โซ่ทำ



            “ไง? พกเงินมาพอเปล่า?” โซ่เลิกคิ้วถามคนรักที่นั่งอยู่ทางฝั่งตรงข้ามด้วย
ท่าทางกวนๆ เมื่อเห็นสีหน้าทึ่งๆ ของคนรักหลังจากที่ได้เห็นหลานชายยัดอาหารเข้า
ปากจานแล้วจานเล่า ประหนึ่งว่ามีหลุมดำซ่อนอยู่ในกระเพาะที่แม้ว่าตนกับพอร์ชจะ
อิ่มมาสักพักแล้วก็ตาม



            “มากกว่านี้ก็ไหว แต่อย่าให้มันฝืนเพราะอยากแกล้งกูก็แล้วกัน กูยังไม่อยาก
เห็นเด็กนอนร้องไห้เพราะปวดท้อง” พอร์ชตอบรับอย่างมั่นใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะทึ่งกับ
พลังการกินของเด็กน้อยที่ทำเหมือนว่าอาหารที่โกยเข้าปากไปนั้นเพิ่งจะได้ลิ้มรถเป็น
จานแรกทั้งที่เจ้าตัวนั้นนั่งทานอาหารมื้อกลางวันอยู่ในร้านนี้มาร่วมชั่วโมงแล้ว



            “เมื่อวานไม่ได้สังเกตเลยสิ?” โซ่หมายถึงอาหารเย็นเมื่อวานที่ได้ร่วมโต๊ะกับ
ญาติๆของโซ่อย่างเป็นทางการครั้งแรก



            “ทำไมวะ?” เพราะมัวแต่ตอบคำถามมากมายจากญาติผู้ใหญ่ของโซ่ที่ชวนคุย
กันตั้งแต่เริ่มต้นจนจบมื้ออาหาร พอร์ชเลยไม่มีเวลามากพอที่จะใส่ใจจอมซนหรือคนรักอย่างโซ่เลย



            “อย่างที่เห็นนี่แหละ” พยักเพยิดให้คนรักหันไปดูหลานชายที่เพิ่งจะวางจาก
เปล่าใบที่เพิ่งกินหมดเอาไว้บนยอดสุดของกองจานที่นับๆดูแล้วน่าจะเกินสิบ ดีไม่ดี
อาจจะพุ่งสูงถึงยี่สิบจานก็ได้ ถ้าเจ้าตัวยังเพลิดเพลินอยู่กับสุดยอดเมนูอาหารที่พนัก
งานเสิร์ฟขยันเดินมาแนะนำอยู่แบบนี้



            “ฮ๊า~ น้องซนอิ่มจังเลยฮะ” แล้วสิ่งที่พอร์ชกับโซ่รอคอยก็มาถึง หลังจากที่
หลานชายฟาดไอศกรีมชาเขียวกับพุดดิ้งคัสตาร์ดไปอย่างละสองถ้วย ก่อนที่จะพูดออกมาอีกว่า…



            “อาพอร์ชจ๋าจ่ายเงินเร็วๆฮะ น้องซนอยากไปดูลิงแล้ว” เจ้าตัวแสบลุกขึ้นมา
กระโดดเหยงๆ อยู่ตรงหน้าพอร์ชที่กำลังยืนจ่ายเงินค่าอาหารอยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์



            “ไม่ต้องมาทำพูดดี เอ็งนั่นแหละตัวช้าเลย” ได้รับเงินทอนแล้วพอร์ชก็หันมา
จัดการไอ้เด็กแสบที่ยืนบ่นกระปอดกระแปดอยู่ข้างตัวในขณะที่คุณอาสุดที่รักของมันก็
เอาแต่ทำหน้ายุ่งกดๆ จิ้มๆ โทรศัพท์อยู่ด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยอภิรมย์นัก



            “ไม่รู้ไม่ชี้ บู่ววว~” เจ้าเด็กแสบใช้นิ้วชี้อุดหูทั้งสองข้าง ส่ายหน้า มุดตัวทำเป็นไม่ได้ยิน



            “ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ เลยไปเล่นน้ำตกกันดีไหม?” โซ่ที่เพิ่งละความสนใจ
จากโทรศัพท์มือถือ เอ่ยถามเมื่อมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดแล้วเห็น
ว่าเพิ่งจะเที่ยงนิดๆ เอง ซึ่งก็เท่ากับว่าพวกเขาเหลือเวลาอีกเกือบหกชั่วโมง ก่อนที่จะ
พาจอมซนไปดูค้างคาวตามสัญญา



            “แล้วคุณลิงของน้องซนละฮะอาโซ่” ไม่ใช่ไม่อยากไปเล่นน้ำตกนะ แต่น้อง
ซนอยากไปให้อาหารคุณลิงก่อน



            “ก็จะพาไปให้อาหารลิงก่อนนี่ไง…เดี๋ยวกูขับเอง” บอกกับหลานชายก่อนที่
จะหันไปตะโกนบอกกับคนรักอย่างพอร์ชที่กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งคนขับ



            “กินเก่ง นอนง่าย แบบนี้คุณนายปลื้มจิตหลงตายห่าเลย” พอร์ชพึมพำบอก
กับคนรักที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถจนไม่ทันได้สังเกตว่าหลานชายสุดที่รักอย่าง
จอมซนนั้นหมดฤทธิ์นอนหลับไปตั้งแต่ยังไม่ครบสิบนาทีแรกที่รถเคลื่อนตัวออก
จากร้านอาหารเลยซะด้วยซ้ำ



            “ไปน้ำตกเลยแล้วกัน ค่อยย้อนกลับมาให้อาหารลิงพร้อมกับดูค้างคาวไป
ทีเดียวเลย…ตอนเย็นอาม่านัดรวมญาติอีก เด็กจะได้ไม่ต้องเหนื่อยนั่งรถมาก” เพราะ
อยากให้หลานชายสุดที่รักได้พักผ่อนรวดเดียวยาวๆ แบบเต็มอิ่ม โซ่จึงเปลี่ยนแผน
การนิดหน่อย เพราะสถานที่ให้อาหารลิงกับดูค้างคาวคือสถานที่เดียวกัน
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนไปย้อนมา



            “ยังไงก็ได้” เพราะ



            Tru Tru Tru



            “ฮัล…”



            //โซ่! โซ่บอกว่าน้องซนอยู่กับโซ่ใช่ไหม!//



            พอร์ชกดรับสาย เอื้อมเอาโทรศัพท์ไปแนบหูคนรัก แต่ยังไม่ทันที่โซ่
จะได้เอ่ยทักทายตามมารยาท ปลายสายก็ตะโกนร้องถามกลับมาทันทีด้วยน้ำ
เสียงร้อนรนจนรู้สึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถติดต่อพี่ชายคนนี้
ได้เลย จึงเลือกที่จะส่งข่าวผ่านข้อความไปให้แทน



            “ก็ใช่…ทำไม?” พูดโต้ตอบกับปลายสาย พร้อมทั้งพยักหน้า ส่งสัญญาณ
ให้พอร์ชเปิดลำโพงได้ เพราะปกติแล้วพวกเขาจะไม่ก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของกัน
และกันมากนักถ้าไม่จำเป็น อย่างเช่นการเช็คข้อความในแอปพลิเคชันต่างๆ หรือ
บังคับให้เปิดลำโพงทุกครั้งที่ใครคนใดคนหนึ่งมีการโทรเข้าหรือรับสาย
แบบนั้นพวกเขาว่ามันเกินไปจริงๆ



            //สเตฟโทรมาบอกพี่ว่าจอมซนหายออกจากบ้านไปหลายวันแล้ว//
 คำบอกเล่าจะพี่ชายทำเอาโซ่แทบเผลอเหยียบเบรคหัวทิ่ม แต่ยังดีที่มีสติ
แม้ว่ามันจะเหลือเพียงน้อยนิดก็ตาม



            เด็กขี้กลัวอย่างจอมซนเนี่ยนะจะกล้าหนีออกจากบ้านเดินทางข้ามน้ำ
ข้ามทะเลมาไทยด้วยตัวคนเดียว? ไม่มีทาง



            “วันนี้อาม่านัดรวมญาติที่ xxx ตอนทุ่มครึ่ง ถ้ามาไม่ทันก็เจอกันที่บ้านแล้วกัน”
 โซ่พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วกดตัดสายทิ้งทันที



            “โอเคนะ?” พอร์ชเอ่ยถามเสียงเบา แม้ว่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าคนรักไม่โอเคกับ
เรื่องราวที่ได้รับรู้มา เพียงแต่…เขาก็แค่อยากให้เจ้าตัวรู้ไว้ว่าที่ตรงนี้ยังมีเขาอยู่เป็นกำลังใจให้เสมอ



            “อืม”



            “แล้วทำยังไง?” พอร์ชถาม



            โซ่เงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะพูดบอกออกมาเบาๆ ว่า…



            “กูไม่รู้หรอกว่าทำไมจอมซนถึงได้ทำแบบนี้ แต่กูเชื่อใจหลาน”



            เสียงพูดคุยของคู่รักที่อยู่ตรงเบาะหน้าเงียบหายไปแล้ว แต่เด็กชายที่แกล้ง
นอนอยู่ทางเบาะหลังไม่ได้หลับอย่างที่คิด แถมยังได้ยินทุกอย่างที่โซ่กับพอร์ชพูดคุยกัน
เพราะเจ้าตัวสะดุ้งตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของโซ่ดังแล้ว แต่พอรู้ว่าคนที่อยู่ทาง
ปลายสายคือบิดาผู้ให้กำเนิดของตนเอง จอมซนจึงทำเนียนนอนหลับต่อไปด้วยใจตุ้มๆ
ต่อมๆ เพราะอยากจะรู้ว่าผู้เป็นพ่อนั้นโทรมาด้วยเหตุใด จนกระทั่งได้ยินคำพูดประโยค
สุดท้ายที่โซ่พูดกับพอร์ชนั่นแหละ น้ำใสๆ ถึงได้ไหลออกจากตา



            ‘น้องซนรักอาโซ่ที่สุดในโลกเลยฮะ’

..

..

..

            “อ๊ากกกก…ปล่อยๆ อาพอร์ชปล่อย! งื้อ...อาโซ่ช่วยน้องซนด้วยยยยย!!!!!!”



            เสียงหวีดร้องของหลานชายที่ดังมาพร้อมกับเสียงหัวเราะสะใจของคนรัก
อย่างพอร์ช ทำเอาโซ่ที่นั่งดูเชิงอยู่บนโขดหินถึงกลับหลุดยิ้มออกมา เพราะเสียงเรียก
ร้องขอความช่วยเหลือจากหลานชายมันช่างสวนทางกลับสิ่งที่เขาได้เห็นอยู่ในตอนนี้
เหลือเกิน เพราะไอ้ตัวแสบที่เอาแต่ร้องโวยวายเหมือนโดนรังแกกำลังตะเกียกตะกาย
ขึ้นขี่หลังพอร์ชไม่ต่างจากลูกลิง ขณะเดียวกันคนที่โดนใส่ร้ายอย่างพอร์ชก็กลายเป็น
ลูกไล่ให้กับหลานชายด้วยความเต็มใจ



            “ฟ้องหรอ? เอ็งโดนแน่ไอ้ฝรั่งดอง!” พอร์ชพยายามจะสะบัดตัวเหวี่ยงลูกลิง
บนหลังออก แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเจ้าตัวแสบเกาะหนึบเสียยิ่งกว่าปลาหมึก จนท้าย
ที่สุดแล้วเขาจึงต้องยอมแพ้? ซะที่ไหนล่ะ!



            “ว๊ากกก…อาพอร์ช!” เด็กแสบหวีดร้องสุดเสียงเมื่อจู่ๆ มือหนาที่พยายามจะดึง
ตนเองออกจากร่างกายของเจ้าตัวอยู่นานสองนานเปลี่ยนมาจับแน่นเกาะหนึบ แล้วพาดำดิ่งลงสู่ผืนน้ำ



            “แฮ่กๆ ฮื้อ…อาพอร์ชแกล้งน้องซน” พอกลับขึ้นสู่ผิวน้ำได้เจ้าเด็กแสบก็รีบตีขา
ว่ายน้ำหนีไปซบหน้ากอดขาอาโซ่สุดที่รักทันที



            “มากไปแล้วๆ” พอร์ชตามมาผลักหัวกลมๆของหลานชายให้พ้นจากตักนุ่มของ
คนรักที่เปลี่ยนจากยีนสกินนี่ขายาวมาเป็นกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีควันบุหรี่พร้อมเปียก



            “ฮึ่ย! อาพอร์ชขี้แกล้ง” หันไปเบะปากทำหน้าบู้ใส่คุณอาขี้แกล้งที่ยังคงแช่น้ำ
ลอยคอช่วยประคับประคองคอยช่วยเหลือไม่ให้ตนเองจมหายไปกับสายน้ำ



            “เล่นพอแล้วมั้ง?” โซ่ถามสองอาหลานที่พากันเล่นน้ำมานานกว่าสองชั่วโมง
หยอกบ้างแหย่บ้าง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะพากันขึ้นจากน้ำเลยแม้แต่น้อย แถมยังพากันหนี
ไปเล่นต่อสู้กันได้อย่างหน้าตาเฉย ไม่มีใครตอบคำถามเขาสักคน



            “โดนแน่ๆ คราวนี้อาพอร์ชสู้พลังซุปเปอร์ซนไม่ได้แน่…ย๊ากกกกกกกกก!”



            ตู้ม!



            เจ้าตัวแสบปีนขึ้นโขดหิน ก่อนที่จะโดดตีลังกาทิ้งบอมโจมตีใส่พอร์ช แต่มีหรือ
ที่แสบใหญ่อย่างพอร์ชจะยอมแพ้..? คว้าตัวหลานชายได้ เขาก็จับฟาดลงน้ำทันทีด้วย
ความเร็วแสง จนสายน้ำแตกกระจายไปเป็นวงกว้างด้วยน้ำหนักและความรุนแรง



            “อ่อน! ไม่มีใครสู้พลังซุปเปอร์พอร์ชของข้าได้หรอกเว้ย…ไอ้เด็กดองเอ๋ย!”
ลากคอหลานโผล่พ้นน้ำมาได้พี่ท่านก็เกทับเต็มที่



            โซ่เกือบจะลุกขึ้นมาตะโกนต่อว่าคนรักอยู่แล้วที่เล่นรุนแรงเกินไป ถ้าไม่ติดตรงที่…



            “กร๊ากกก…เอาอีกๆ น้องซนจะเล่นอีก!” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า เจ้าแสบเล็กก็รีบผละ
ออกจากอ้อมแขนของคนเป็นอา ว่ายน้ำป๋อมแป๋ม ปีนขึ้นโขดหิน ตั้งท่าเตรียมกระโดดตีลังกา
อีกครั้ง ในขณะที่พอร์ชเองก็กางแขนรอรับร่างของหลานชายอยู่ในน้ำเช่นเดิม แล้วก็เป็นแบบนี้
ต่อไปเรื่อยๆ อีกกว่าชั่วโมงที่สองอาหลานพากันเพลิน จนกระทั่งโซ่ขู่ว่าจะให้เดินกลับบ้านนั่น
แหละ ซุปเปอร์มโนทั้งสองคนถึงได้พากันขึ้นจากน้ำตกมาด้วยท่าทางซึมๆ เหมือนหมาหงอย



            “เลิกทำหน้างอได้แล้ว อยากไปให้อาหารลิงไม่ใช่หรอ? ถ้าไปช้ากว่านี้ลิงกลับบ้านหมดอาไม่รู้ด้วยนะ”



            พอร์ชถึงกลับต้องชะโงกเข้าไปสำรวจใบหน้าคนรักใกล้ๆ เมื่อได้ยินโซ่พูดง้อหลานชาย
ที่นั่งซึมอยู่ตรงเบาะหน้าข้างคนขับแทนตนเองที่ถูกเนรเทศให้มานั่งเบาะหลังคนเดียว เพราะตั้งแต่
คบกันมาน้อยครั้งนักที่พอร์ชจะได้เห็นมุมอ่อนโยนของคนรัก ถ้าไม่นับตอนที่เจ้าตัวพูดคุยจ๊ะจ๋าภาษา
ดอกไม้กับอีมณีลูกรักอะนะ…อันนั้นถือเป็นกรณียกเว้น



            “ไอ้หมาพอร์ช” โซ่ร้องเสียงเย็นเมื่อพอร์ชสอดมือทั้งสองข้างแทรกช่องว่างระหว่างเบาะรถ
ขึ้นมาสอดประสาน ลูบวนอยู่ตรงช่วงท้องแบนราบของตน ดึงรั้งให้หลังชิดติดกับเบา ในขณะที่จอมซน
เผลอหลับไปอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย



            “คิดถึง”



            ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเสียงพร่าที่ข้างหู ทำเอาโซ่ถึงกลับขนลุกขนพอง แต่ก็ทำใจแข็ง
ตีเสียงนิ่งเข้าใส่



            “อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนจะมาคิดถึงห่าอะไรอีก”



            “อยาก ‘กอด’ แรงๆ เราไม่ได้ ‘กอด’ กันมาหลายวันแล้วนะ…เมียจ๋า~” เน้นเสียงที่คำว่ากอด
เพื่อให้คนรักได้รู้ว่าตนเอง ‘คิดถึง’ เจ้าตัวมากขนาดไหน



            โซ่ตบไฟเลี้ยวแวะจอดข้างทางที่นานทีจะมีรถขับสวนเข้ามาสักคัน หันซ้ายแลขวามองดู
สภาพแวดล้อมรอบด้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เหมือนเป็นเครื่องหมายยืนยันความอุดมสมบูรณ์
ของอุทยาน ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากร่างกาย หมุนตัวกลับไปหาคนรักที่ยังคงเกยคางอยู่ในซอกเล็กๆ
ที่เป็นช่องว่างระหว่างเบาะรถกับประตู



            ฉีกยิ้มหวานให้หนึ่งที ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูคนรักว่า…

            “ถ้าไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่หาเรื่องแกล้งหลาน กลับไปไม่ทะเลาะกับพี่มณี…เมียจะยอมให้ ‘กอด’
แน่นๆ เลยครับ…สามี~”









TBC.

หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #33 {27/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 27-06-2018 20:51:28
หูยยยยแซบบบบบบ
เอ็นดูน้องซนนน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #33 {27/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-06-2018 22:55:20
พอร์ชจะทำได้หราา  555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #33 {27/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-06-2018 00:57:08
หูยยย~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #33 {27/06/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-06-2018 01:51:56
หนูซนหนีมาเพราะอะไร ใครรังแกหรือเปล่า  :hao4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #34 {13/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 13-07-2018 20:49:30


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{34}






            “เจี๊ยก!~ ฮุฮุ…”



            “โอ้ย…โทษที แต่กูไม่ไหวแล้วจริงๆ” พูดจบพอร์ชทรุดลงกุมท้อง หัวเราะออกมาอย่างกับคนบ้า
หลังจากที่ต้องทนกลั้นขำดูจอมซนทำท่าทางเลียนแบบลิงน้อยอยู่นานสองนาน โซ่เองก็ไม่ต่างกัน เพราะ
นอกจากจะเหมือนมากแล้วมันยังตลกมากด้วย



            “อาพอร์ชดูน้องซนๆ” เจ้าเด็กแสบเรียกให้พอร์ชที่กำลังหลอกอุ้มลูกลิงตัวน้อยอยู่ไม่ใกล้
ไม่ไกลให้ดูตัวเองที่มีลูกลิงมานั่งเกาะอยู่บนหัว



            โซ่ที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เดินกลับมาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปตัวโปรดที่มักจะพกติดตัว
ไปไหนมาไหนด้วยเสมอ ถ้าหากเดินทางด้วยรถส่วนตัว หามุมเหมาะตั้งท่าเตรียมถ่ายรูป หมุนซ้าย
เล็งขวา จับโฟกัสได้ก็กดชัตเตอร์ชักภาพคนรักกับหลานชายทันที



            พยักหน้าพึงพอใจให้กับผลงานของตัวเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ ‘ความสุขใจ’ ที่ได้เห็น
คนที่ตนรักทั้งสองคนเข้ากันได้ดีกว่าที่คิดไว้ หรืออาจจะเป็นเพราะการเล่นต่อสู้ที่น้ำตกเมื่อตอนบ่าย
ถึงได้ทำให้หลานชายอย่างจอมซนเรียกหาแต่อาพอร์ช จากที่ชอบทำตัวติดอยู่กับเขาอย่างทุกครั้งที่
ได้เจอกันในยามที่เจ้าตัวกลับมาเยี่ยมเยียนอาม่าในตอนซัมเมอร์ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้ไม่
ต้องปวดหัวในยามที่แสบเล็กแสบใหญ่แกล้งแหย่กันโดยใช้เขาเป็นเครื่องมือ



            หรืออาจจะปวดหัวมากกว่าเดิมกันแน่นะ? เขาละไม่อยากจะคิดถึงพลังทำลายล้างในตอนที่
ซุปเปอร์พอร์ชกับซุปเปอร์ซนเขาผนวกกำลังกันป่วนโลก



            “โหวววววว…อาโซ่ดูๆ ค้างคาวๆ ค้างคาวเต็มเลย!” เด็กแสบที่อยู่บนหลังพอร์ชชี้มือชี้ไม้
ร้องเรียกให้คุณอาสุดที่รักดูฝูงค้างคาวมากกว่าพันตัวที่กำลังบินออกมาจากปากถ้ำด้วยกัน



            ทำไมพอร์ชถึงต้องแบกจอมซนนะหรือ…?



ย้อนไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว…



            “หึ้ย! สัสเป้ ไอ้เหี้ยแวน รุมกูหรอๆ เดี๋ยวเจอๆ” พอร์ชร้องโวยวายออกมาอย่างหงุดหงิด
เมื่อถูกเพื่อนรักทั้งสองจับมือกันตั้งป้อมรุมตีเมืองของตนเองอยู่ฝ่ายเดียว เห็นอย่างนี้เจ้าเด็กแสบ
ที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ยื่นหน้าเข้ามาสบประมาทคนเป็นอาทันทีว่า…



            “อาพอร์ชอ่อนมากเลอ~”



            “อ้าว! เด็กห่านี่! ปากดี…เก่งนักมาแข่งกันเลยมา” สู้กับเพื่อนรักทั้งสองจนตัวอักษรคำว่า
 ‘Game Over’ และ ‘You lose’ โชว์หลาบนหน้าจอให้เจ็บใจ ก่อนที่จะคว้าโทรศัพท์ของคนรักที่
วางอยู่บนตักยื่นให้กับหลานชาย เพราะตนแอบโหลดเกมนี้ใส่เครื่องของโซ่ไว้เหมือนกัน



             แต่มีหรือที่เด็กแสบอย่างจอมซนจะกลัว เจ้าตัวรีบรับคำถ้าพร้อมกับยื่นข้อเสนอกลับไปที่ว่า…



            “ใครแพ้ต้องเป็นม้าให้คนชนะขี่หลังนะฮะ”



            แล้วผลก็ออกมาอย่างที่เห็น คงไม่ต้องบอกซ้ำหรอกนะว่าใครเป็นคนแพ้ใครเป็นคนชนะ
 ในเมื่อพอร์ชได้กลายเป็นม้าให้จอมซนขี่หลังอย่างที่เห็นบอกเลยว่าพอร์ชโคตรเจ็บใจ เล่นมา
ตั้งนานไม่มีใครเอาชนะได้ จะแพ้ก็ตอนโดนเพื่อนรวมหัวกันรุมแกล้ง แต่มาแพ้ให้เด็กแปดขวบที่
มีเทคนิคการเล่นที่เก่งเกินวัย ถ้าให้พูดตรงๆก็รู้สึกเซลฟ์นิดๆนะ แต่ยอมรับเลยว่าฝีมือการเล่นเกม
ของหลานชายโคตรเทพ ในชนิดที่ว่าหาตัวจับยาก เพราะอย่างที่บอกว่าเขาเล่นเกมนี้มานานแล้ว
เจอคนเจ๋งๆ ที่มีเหรียญการันตีว่าเป็นโคตรฝีมือมาก็เยอะ แต่ไม่เคยมีใครสักคนที่จะเอาชนะเขาได้
เพราะเขาเล่นเกมนี้มานานมาก…มากชนิดที่เรียกว่าหมกมุ่นก็ยังได้ เพราะว่างเมื่อไหร่มีอันต้องเล่น
เล่นแม่งทั้งวันทั้งคืน เล่นจนป๋ายึดรถไปเป็นเดือน จนกระทั่งมาเจอน้องซอโซ่นี่แหละไอ้พอร์ชคนนี้
ถึงได้เลิกติดเกมแล้วหันมาติดเมียแทน



            “กลับกันเถอะ อาม่าโทรตามแล้ว” โซ่เอ่ยชวนคนรักและหลานชายที่พากันแหงนหน้ามอง
ผืนฟ้าสีเข้มที่เต็มไปด้วยดวงดาวสุกสกาวและพระจันทร์ดวงโตโผล่พ้นขึ้นมาหลังจากที่ฝูงค้างคาว
นับล้านตัวบินหายลับไปกลับสายลมยามเย็น



            “ลงๆ อาพอร์ชปล่อย น้องซนจะเดินเอง” จู่ๆ เจ้าเด็กแสบก็ร้องบอกให้พอร์ชที่กำกลืนฝืนใจ
ทำหน้าที่เป็นม้าปล่อยตนเองลงเดินด้วยตัวเอง



            พอร์ชกำลังจะแกล้งว่าให้เจ็บๆ คันๆ อยู่แล้วเชียว หลังจากที่โดนเจ้าตัวแสบเล่นงานอยู่นาน
นับชั่วโมง ถ้าไม่ติดที่ว่า พอกระโดดลงจากหลังคนเป็นอาได้แล้ว เจ้าเด็กแสบก็ทำเนียนเดินเข้ามา
แทรกกลางระหว่างพอร์ชกับโซ่ ถือวิสาสะจับมือคุณอาทั้งสองคนละข้าง เหวี่ยงซ้ายแกว่งขวา พาจับ
จูงไปตามทางเดิน ก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆว่า…



            “มีอาโซ่ มีอาพอร์ช มีน้องซน…สามคนก็พอเนอะ”



            เจ้าตัวแสบทิ้งท้ายคำพูดหน่วงใจพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานที่ดูเหมือนว่าจะฝืนเกินทน เป็นเหตุ
ให้พอร์ชโซ่เงยหน้าสบตามองกันด้วยความเศร้าสลด  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากช่วยกัน
กระชับฝ่ามือน้อย ส่งผ่านความรู้สึกให้หลานชายได้รับรู้ว่ายังมีเขาทั้งสองคนพร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง
กับเจ้าตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม



            “น้องซน!”



            “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละเฮีย กินข้าวก่อน เรื่องอื่นค่อยคุยกันที่หลัง”



            โซ่ยกมือห้ามให้พี่ชายอย่าง ‘เซน’ ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือพ่อผู้ให้กำเนิดของจอมซนหยุดอยู่
กับที่ เมื่อเจ้าตัวทำท่าว่าจะเดินเข้ามาหาลูกชายอย่างจอมซนด้วยท่าทางร้อนใจ



            ใช่ว่าโซ่จะไม่อยากรู้เรื่องราวความเป็นไปของหลานชาย ว่าด้วยเหตุใดเจ้าตัวถึงได้หนี
ข้ามน้ำข้ามทะเล จากอีกซีกโลกหนึ่งมายังอีกซีกโลกหนึ่ง เพียงแต่…โซ่ก็แค่อยากยืดเวลาให้ตัว
ต้นเรื่องอย่างจอมซนได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญหน้าพูดคุยกับคนเป็นพ่ออย่างเซนเป็นครั้งแรก
 หลังจากที่ติดต่อพูดคุยกันผ่านหน้าจอคอมฯมาตลอดชีวิต ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน ที่โซ่คิดว่า
มันคงจะเป็นสถานการณ์ที่อึดอัดใจมากสำหรับเด็กวัยแปดขวบอย่างจอมซน โดยเฉพาะที่ข้างตัว
ของคนเป็นพ่อนั้นไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่จอมซนคิด แต่กลับมีใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกายไม่ห่าง
ใครคนนั้นที่มีสถานะเป็น ‘แม่เลี้ยง’ ที่มาพร้อมกับลูกน้อยแสนรักของพวกเขาในอ้อมแขน



            “อาโซ่จ๋า ~” เจ้าเด็กแสบจอมป่วนที่ทำตัวทะเล้นเล่นซนมาทั้งวันกำลังช้อนตามองคน
เป็นอาด้วยดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส



            “กินข้าวก่อน เดี๋ยวอาสั่งเค้ก” เพราะรู้ดีว่าหลายชายกำลังรู้สึกแย่ โซ่จึงเลือกที่จะเปลี่ยน
เรื่องคุย ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ว่าง ก่อนที่จะดึงรั้งตัวหลานชายให้ลงมานั่งทับตัก แล้วใช้ฝ่ามือเรียว
ของตัวเองลูบหลังปลอบประโลมในยามที่เจ้าตัวเล็กซุกหน้าสะอึกสะอื้นอยู่ที่ซอกคอ



            “โซ่”



            “ซนไปนั่งกับอาพอร์ชก่อน อาจะไปห้องน้ำ” บอกกับหลานชายในขณะที่สายตาจ้องมอง
ส่งสัญญาณไปให้พี่ชายผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงเรียกในตอนแรก



            “พูดมาเถอะเฮีย” โซ่เป็นผ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน หลังจากที่เขาทั้งสองคนปล่อยให้
เวลาไหลไปโดยเปล่าประโยชน์มาหลายนาที



            “สเตฟบอกกับพี่ว่าน้องซนหายออกจากบ้านมาหลายวันแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าน้องซน
ไปค้างบ้านเพื่อนเลย…”



            “ลูกหายออกจากบ้านมาตั้งหลายวันเพิ่งจะรู้ตัว? เป็นแม่ประสาอะไรวะ”



            ยังไม่ทันทีพี่ชายอย่างเซนจะได้อธิบายจบ โซ่พูดก็สวนขึ้นมาอย่างหัวเสีย มีอย่างที่ไหน
ลูกออกจากบ้านไปตั้งหลายวันแบบไม่ได้บอกกล่าว แต่เสือกไม่ตาม!



            “พี่ก็ต่อว่าเธอไปแรงเหมือนกัน ก่อนที่เธอจะโทรกลับมาบอกว่าทางตำรวจที่เธอไป
แจ้งความไว้บอกว่าพบหลักฐานการเดินทางออกนอกประเทศของน้องซน”



            “…..”



            “และเธอกำลังจะมาถึงประเทศไทยในวันพรุ่งนี้”



            “เฮียรักจอมซนบ้างไหม? เธอเคยถามลูกรึเปล่าว่าต้องการอะไร? หรือแค่คิดว่าการคุย
ผ่านหน้าจอทุกวันก็พอแล้ว?” โซ่เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง



            “รักสิ พี่รักลูกเท่ากันทั้งสองคน แต่กับน้องซนโซ่ก็รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเราถึงทำอะไร
มากกว่านี้ไม่ได้” เพราะข้อกฎหมายที่กำหนดมันสั่งให้คนแพ้คดีอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ในตัวลูก นอก
เสียจากฝ่ายคนเป็นแม่จะยินยอมให้ติดต่อกัน ซึ่งเขาก็ได้สิทธิ์ เพียงแค่การพบปะพูดคุย และเฝ้า
ดูการเจริญเติมโตของลูกผ่านทางหน้าจอคอมฯ ตามเวลาที่อดีตคนรักกำหนดไว้ให้



            “ผมไม่รู้หรอกนะรักที่เฮียให้ลูกมันมีมากแค่ไหน แต่ถ้าเป็นผม…ผมจะทำทุกอย่างเพื่อ
รอยยิ้มของลูก ต่อให้ต้องแลกทั้งชีวิตเพื่อความสุขของลูกผมก็ยอม โดยเฉพาะกับตอนนี้ ถ้าจอมซน
เป็นลูกของผม ต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้ฆาตกรเพียงเพราะหยิบยื่นความตายให้กับไอ้สัตว์นรกที่มัน
ลวนลามลูกของผมอย่างที่จอมซนโดนจนทนไม่ไหว ต้องหนีมาแบบนี้ผมก็จะทำ!!!”



            ระเบิดอารมณ์ใส่พี่ชายเสร็จแล้วโซ่ก็เดินผละออกมาอย่างไม่สนใจอะไร ไม่แม้จะหันกลับไป
มองคนเป็นพี่ที่ตนเองผลักล้มลงไปกับพื้น เพราะคำพูดสุดท้ายที่หลานชายพูดบอกออกมาได้อย่างหน้า
ซื่อตาใสมันทำให้เขารู้สึกโกรธจนแทบบ้า



            ‘ ปีเตอร์ชอบแกล้งจับก้นน้องซน ชอบเข้ามา kiss kris น้องซนในห้องนอน ตอนที่ที่รักไม่อยู่บ้าน
…น้องซนไม่ชอบเลยฮะอาโซ่ ’



            “อาพอร์ชจ๋า…น้องซนโตแล้ว น้องซนจะเป็นลูกอาพอร์ชกับอาโซ่ได้ไหมฮะ” เด็กชายตัวโต
เกินวัยดูตัวเล็กไปถนัดตาเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเด็กยักษ์ตัวจริงอย่างพอร์ช ซุกหน้าร้องถามคนเป็นอา
เบาๆ โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างที่เอาแต่จ้องมองมาที่เจ้าตัวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะตอนนี้ใน
ความเชื่อใจของเด็กชายมีให้แค่คุณอาทั้งสองเท่านั้นเอง



            “ถ้าไม่ดื้อและนอนกับพี่มณีได้…เด็กตัวเท่าซนอาเลี้ยงได้สบายๆ เลย” พอร์ชพูดบอกพร้อม
กับโยกตัวไปมา



            “แต่น้องซนกินเยอะนะฮะ?” ช้อนตาถามอย่างลุ้นๆ เพราะรู้ซึ้งดีถึงพลังการทำลายล้างของ
หลุมดำในพุงน้อยๆ ของตัวเองที่ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนกล้าที่จะแชร์อาหารกลางวันด้วย



            “เอ…ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องถามแม่ครัวที่บ้านอาแล้วละ” พอร์ชพูดบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์
ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน



            // ว่าไงลูกชาย // คุณนายปลื้มจิตที่กดรับสาย จ้องมองลูกชายที่กำลังกอดใครบางคนด้วย
ความฉงน จะว่าเป็นลูกสะใภ้คนโปรดอย่างโซ่ก็ไม่ใช่ ด้วยรูปร่างที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง



            “แม่ถ้าผมกับไอ้โซ่จะมีลูกตัวโตๆ จะเป็นอะไรไหม? ถ้ามีหลานตัวโตๆ นี่แม่จะโอเครึเปล่า?”
พอร์ชถามพลางส่งสายตาบอกผ่านความในกลับไป



            // ให้กินเก่งจริงๆ เถอะ แม่จะขุนให้อ้วนเหมือนลูกหมูตัวน้อยๆ เลย // เธอไม่รู้หรอกว่าอะไร
เป็นมาอย่างไร แต่ในเมื่อลูกชายถาม เธอก็แค่ตอบ เพราะดูจากสีหน้าและท่าทางของลูกชายแล้ว มัน
บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังจริงจัง ไม่ได้ล้อเล่นอย่างที่เคย



            “เอ้า…จะเป็นลูกอาไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่คุยกับคุณย่าล่ะ?” พอร์ชเขย่าขา ขยับโทรศัพท์ให้
ตรงกับหน้าของหลานชายที่ตอนนี้คลายสะอื้นและเปลี่ยนเป็นอายม้วนต้วนไปแล้ว



            // ว่าไงครับ คนเก่งชื่ออะไรเอ่ย? บอกคุณย่าได้ไหมครับ // คุณนายปลื้มจิตช่วยลูกชาย
กระตุ้นเด็กชายอีกแรง



            “นะ…น้อง…น้องซนฮะคุณย่า” เงยหน้ายิ้มให้คนในจอทั้งน้ำตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ
ไร้ซึ่งความเสียใจเหมือนก่อนหน้านี้



            // หืม…ชื่อน่ารักเหมือนน้องโซ่เลย //



            “น้องซนมาหาอา” ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรกันต่อ โซ่ที่เดินหัวเสียเข้ามา โน้มตัวอุ้ม
เอาหลานชายไปนั่งบนตักตัวเองแทน โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าคนรักและหลานชายกำลังทำอะไรอยู่



            “อาโซ่ฮะน้องซนคุยกับคุณย่าอยู่” เด็กชายที่เริ่มจะกลับมาสดใสยู่หน้าบอกกับคนเป็นอา
เสียงเบาอย่างเขินอาย เมื่อชั่วแวบหนึ่งในห้วงความคิดเผลอเข้าใจผิดคิดว่ากำลังอยู่ในอ้อมกอด
ของคนเป็นแม่ที่พร้อมจะเสียสละทุกลมหายใจเพื่อลูก



            “คุณย่า?” เลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะรู้ดีว่าจอมซนไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ย่าแท้ๆของ
เจ้าตัวสักเท่าไหร่ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จนกระทั่งหางตาหันไปเห็นคุณนายปลื้มฉีกยิ้มอยู่ในจอมือถือ
เครื่องโปรดของคนรักนั่นเอง



            “แม่”



            // อย่าลืมพาหลานมาเที่ยวหาแม่บ้างนะครับน้องโซ่ // คุณนายปลื้มจิตทิ้งท้ายไว้สั้นๆ
เพียงเท่านั้น ก่อนที่สัญญาณจะตัดไป



            “คือ?” หันไปถามคนรักในขณะที่สองมือก็ยุ่งอยู่กับการจัดท่าทางให้หลานชายที่เผลอ
หลับกลางอากาศไปได้นอนอย่างสบาย



            “ไอ้แสบมันถามว่ามันโตแล้วมันจะเป็นลูกเราได้รึเปล่า” พอร์ชกระซิบบอกเบาๆ เพราะ
ยังไม่อยากให้ใครได้ยินในสิ่งที่หลานชายร้องขอ โดยเฉพาะกับพ่อแท้ๆ อย่างเซนที่กำลังจ้อง
มองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย



            “จริง?”



            “อืม”



            ยิ่งได้รับรู้ในสิ่งที่หลานชายพูดกับคนรัก โซ่ก็ยิ่งคิดถึงตัวเองในอดีต…เด็กน้อยในวันวาน
ที่ยอมทำทุกอย่าง ฝืนธรรมชาติของตนเอง เพียงเพราะต้องการการยอมรับ เพื่อขอเศษเสี้ยวของ
ความรักความเอ็นดูจากบุพการีทั้งสองคนที่เห็นเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือการเอาชนะกัน แต่จอมซน
ยังดีกว่าเขาที่คนเป็นพ่ออย่างเซนแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการว่ารู้ซึ้งในความสำคัญ
และพร้อมที่จะรับเข้าสู่อ้อมกอดของครอบครัวใหม่ที่เจ้าตัวตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อรองรับการ
กลับมาของลูกชายคนสำคัญอย่างจอมซน จะเหลือก็แค่การนับถอยหลัง…รอวันที่เสียงหัวใจของ
สมาชิกในครอบครัวเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน









TBC.

เดี๋ยวหมดเรื่องน้องซนแล้ว เรากลับเข้าโหมดคู่รักฮาร์ดคอร์กันดีกว่าเนอะ เอื่อยมานานแล้ว กลัวคนอ่านเหงา   

เตรียมกระดาษทิชชู่กับชุดทำแผลไว้แต่เนิ่นๆ เลยเน้อ! พอถึงเวลาจะได้ไม่ฉุกละหุก

Ps. รู้ว่าอาโซ่มีความคิดความอ่านโตเกินวัยอยู่แล้วตามประสาเด็กที่เติมโตมาจากเศษเดนความรัก แต่กลับลูกคุณหนูที่มีคนตามใจมาตั้งแต่เด็กอย่างอาพอร์ช...ดูโตขึ้นเยอะเลยเนอะ #รัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #34 {13/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-07-2018 00:15:21
น้องซนน่ารักอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #34 {13/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-07-2018 00:39:42
สาธุ ขอให้ซนได้อยู่ที่ไทย  :m5:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #34 {13/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 14-07-2018 01:13:31
น้องซนลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #34 {13/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 14-07-2018 07:36:52
เป็นลูกอาโซ่นอนคั้นกลางอาพอร์ชก้อดีนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #34 {13/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-07-2018 09:47:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #34 {13/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-07-2018 12:16:38
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #35 {24/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 24-07-2018 19:26:47
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{35}





 แอ๊ด…ปัง!



ตุบ..



            “อื้อ~ ไอ้บ้าพอร์ช…เสียงดัง! ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะที่ทั้งชั้นจะมีแค่เรา” โซ่ดุเสียงเข้มทันที
ที่ลอดพ้นจากการปล้ำจูบของคนรักที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว ตอนที่ตนเองกำลังจดจ่ออยู่กับการ
ไขประตูเปิดห้องที่เปิดค่อนข้างยาก เพราะลูกบิดตัวเก่าเริ่มขึ้นสนิม



            ฟอด..



            “ขอโทษครับพี่แค่คิดถึงโซ่มากไปหน่อย”



            “อะไรจะหื่นขนาดนั้น?” ตีหน้านิ่งเลิกคิ้วกรอกตาถามแก้เขิน เมื่อถูกจู่โจมด้วยสรรพนาม
คำพูดหอมหูที่มาพร้อมกับการหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่าด้วยเหตุใด
คนรักของเขาจึงหื่นกามเช่นนี้ทั้งที่เขาทั้งสองคนก็ไม่เคยห่างหายเรื่องการทำรัก โดยเฉพาะช่วง
หลังนี้ นับตั้งแต่พากันไปตรวจเลือดแล้วผลออกมาว่าปลอดภัย พอร์ชก็ยิ่งเอาแต่ใจ เพราะเขาเคย
สัญญากับเจ้าตัวไว้ว่าจะ ‘ตามใจ’ ในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะขยันทำชนิดที่เรียกได้ว่า
วันเว้นวัน คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจที่เผอเรอปล่อยให้คนรักอดหนักถึงขั้น หิวโซ แบบนี้



            “ก็…คิดถึง” ทำตาเยิ้มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู



            จะไม่ให้โซ่โอนอ่อนผ่อนปรนได้อย่างไร ในเมื่อคนรักขยันหยอดคำหวานขนาดนี้



            “ก็ได้ แต่เบาๆ นะ…หลานนอนหลับอยู่ห้องข้างๆ”



            รู้อยู่แก่ใจว่าโดนหลอกแดก แต่ก็อดที่จะคล้อยตามไม่ได้ ก็คนห่ามๆ อย่างไอ้พอร์ชอะนะ
 ถ้าจะให้หวานจริงๆ (แบบไม่ปนความปัญญาอ่อนเวลาอยากแกล้ง) ก็มีแต่เวลาแบบนี้กับเวลาที่
อยากจะขอเบิกเงินซื้อโมเดลซุปเปอร์ฮีโร่ตัวโปรดเท่านั้นแหละ อย่าหวังเลยว่ามันจะมาหวานแหวว
แต๋วจ๋าแบบนี้ได้ตลอดเวลา ส่วนมากก็จะโหดห่ามใส่กันเสียมากกว่า เพราะมันบ่งบอกถึงตัวตนที่
แท้จริงของพวกเขา คบกันวันแรกเป็นยังไงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่มีช่วงโปรโมชั่นให้สะท้อนใจ
 ถ้าหากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนไปเพียงเพราะเบื่อที่จะสร้างความประทับใจให้แก่กันด้วยความ
อยากได้อยากครอบครอง จนต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตนเอง



            มาถึงตรงนี้…ก็ต้องขอบคุณคนรักอย่างพอร์ชที่เลือกใช้ความจริงใจเข้าหากัน แม้ว่ามัน
จะห่ามเกินวิธีของคนปกติไปมากก็ตาม แต่เขาเองก็พร้อมที่รักในตัวตนของพอร์ชเช่นกัน



            “ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ?” บางทีโซ่ก็นึกสนุก อยากจะแกล้งคนรักขึ้นมาบ้าง พูดบอก
ทั้งที่โดนอีกฝ่ายจัดการลอกคราบอาบน้ำด้วยน้ำลายจนเปียกไปทั้งตัว หลังจากโดนอุ้มมาทุ่ม
ลงเตียงเมื่อหลายนาทีก่อน



            “ฮื่อ…รู้น่า” ตอบโต้ทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่กับซอกคอของคนรัก



            “อะ…เจ็บ!” อย่าคิดว่าโซ่อ้อนแอ้นอ่อนแอหรืออ่อยเหยื่อเหมือนนางเอกเอวีที่คนรัก
ชอบดูเด็ดขาด เพราะที่ร้องเสียงหลงออกมาอย่างนี้ก็เพราะโดนไอ้หมามันแกล้งกัดแรงๆตรง
เนื้ออ่อนที่ไวต่อสัมผัสของร่างกายอย่างจุดแต้มบนนมต่างหากเล่า



            “ชมพู๊ชมพู…พี่พอร์ชชอบ” เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะโรคจิตใส่ได้อย่างหน้าตาเฉย
ไม่มีหรอกที่จะสำนึกผิด บอกเลยว่าตั้งใจทำให้เจ็บ



            “โอ้ย!”



            “หึๆ”



            ถึงคราวที่พอร์ชจะต้องร้องเสียงหลงบ้าง เมื่อโซ่โน้มคอเจ้าตัวลงมากัดหูเป็นการแก้แค้น
แต่เพียงพริบตาเดียวเจ้าตัวก็เปลี่ยนมาป้อนจูบรสหวานเพื่อขอโทษและปลอบโยนไปในคราวเดียวกัน



            “สู้หรอ? เดี๋ยวรู้เลย!” กัดฟันพูดบอกเสียงเบา ก่อนจะก้มหน้าลงไปฝัดแก้มทั้งสองข้าง
ของคนรักที่นอนอยู่ใต้ร่างด้วยความหมั่นเขี้ยว



            โซ่เชิดหน้าสูดปาก เมื่อรู้สึกถึงตัวตนของคนรักที่ผ่านเข้ามาในร่างกายด้วยความยากลำบาก
เพราะพวกเขาไม่ได้พกตัวช่วยอะไรมาเลย แม้แต่ถุงยางอนามัยเพื่อนคู่ใจยามหื่นกามของพอร์ชก็ไม่มี
เพราะเจ้าตัวเลิกพกตั้งแต่เขายอมใจอ่อนให้มันแนบชิดสนิทกาย หลังจากเหตุการณ์วันตรวจเลือดโน้นแหละ



            “อ้วนว่ะ” พูดแหย่ในขณะที่ใช้มือซุกซนของตัวเองแกล้งลูบคลำตรงเนินท้องน้อยของโซ่
อย่างเบามือราวกับยั่วยวน เมื่อเห็นตัวตนของโซ่ตั้งตรงด้วยแรงอารมณ์



            “เอาหนอนน้อยมึงออกก็ผอม” ไม่พูดเปล่า แต่โซ่ทำท่าจะดันตัวหนี แต่พอร์ชรู้ทันคว้าหมับ
เข้าที่เอวของคนรักเข้าหาตัวทำเอาโซ่ถึงกับต้องเบ้หน้าด้วยความจุกเสียด เพราะการที่พอร์ชรั้งตัวเขา
เข้าหาตนเองนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรจากการเพิ่มแรงบวกช่วยส่งแรงเสริมให้ตัวตนที่ฝังอยู่ในกายของโซ่
เลยแม้แต่น้อย



            “อ๊ะ…ไอ้เหี้ยพอร์ช!”



            “ฮ่าๆ สมน้ำหน้า กล้าเรียกลูกรักของพี่ว่าหนอน้อยได้ยังไง ใหญ่แบบนี้ก็มีแต่หัวรบขนาด
พิเศษรุ่นซุปเปอร์พอร์ชเท่านั้นแหละน้องเอ้ย!”



            ยิ่งเห็นหน้าเหยเกของคนรักมากเท่าไหร่ พอร์ชก็ยิ่งชอบใจอยากแกล้งมากเท่านั้น กว่าที่
พอร์ชจะทดสอบขีปนาวุธรุ่นซุปเปอร์พอร์ชของตัวเองเสร็จก็เล่นเอาโซ่แทบหมดสลบ แต่ดีที่ว่าเป็น
คนแข็งแรงเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่อย่างนั้นคงน็อคกลางอากาศไปแล้ว หลังจากที่พา
หลานเที่ยวเล่นจนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันตังแต่เช้ายันค่ำ



            “อย่าลืมไปรับพี่มณี” แม้ว่าจิตจะหลับไปแล้ว แต่โซ่ก็ยังฝืนลืมตาขึ้นมาพูดเตือนให้พอร์ช
ไปรับเจ้าเหมียวลูกรักจากพี่ชายอย่างเซฟที่เอาไปฝากไว้ตั้งแต่เช้า ก่อนที่จะพาจอมซนไปเที่ยว
เพราะถ้าไม่ไปรับเจ้าเหมียวตัวแสบกลับมานอนด้วย พี่เลี้ยงจำเป็นอย่างเซฟได้คลั่งแน่ เพราะกลางวัน
พี่มณีจะอยู่เล่นกับใครก็ได้ แต่ตอนกลางคืนต้องได้นอนกอดกับพ่อจ๋ากับป๋าจ๋าหรือไม่ก็ปู่ใหญ่กับคุณย่า
เท่านั้น เพราะถ้าไม่ใช่สี่คนนี้เจ้าเหมียวแสบจะงอแงร้องหม๊าวๆ กวนทั้งคืน เหตุการณ์เช่นนี้โฟล์คพี่ชาย
คนโตของพอร์ชได้ประสบพบเจอมาแล้วกับตัว หลังจากที่หลงสกิลความปลิ้นปล้อนหลอกกินขนมแมว
ของพี่มณีจึงคิดจะคว้าเอาไปนอนกอดด้วย แต่หลังจากที่พาเข้าห้องไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมงคุณหมอคน
เก่งที่ปราบพยศมาแล้วทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ตามอายุราชการของตัวเองก็ต้องยกธงยอมแพ้ ยอมเสียมารยาท
เคาะประตูห้องน้องชายกลางดึกเพื่อที่จะส่งตัวเจ้าเหมียวจอมแสบคืนพ่อแม่มัน



            กริ๊ก...



            หม๊าว~

            มาถึงตอนนี้แม้แต่เสียงร้องเรียกจากพี่มณีลูกรักโซ่ก็แทบจะไม่ได้ แต่การตอบสนองของ
ร่างกายมันเป็นไปตามความเคยชินที่ต้องคว้าเอาตัวเจ้าเหมียวลูกรักเข้ามาในอ้อมกอด ยามที่
เจ้าปุกปุยมุดผ้าห่มเข้ามานอนขดในอ้อมแขน



            หม๊าว~

            “เออรู้แล้ว อย่าเสียงดัง แม่มึงจะนอน” ปิดไฟในห้องจนดับสนิทหมดแล้วพอร์ชเองก็
ต้องรีบสอดตัวเข้าผ้าห่มผืนหนาเช่นกัน เมื่อลูกรักลูกชังอย่างเจ้าเหมียวมณีร้องเรียก ก็อย่างที่
บอกไปว่ามันเหมือนเป็นความเคยชินที่สองคนหนึ่งแมวจะต้องนอนพร้อมกัน เช่นเดียวกันกับ
ครอบครัวพ่อแม่ที่มีลูกเป็นมนุษย์ จะต่างก็ตรงที่ลูกของพอร์ชกับโซ่เป็นเจ้าเหมียวขนปุยที่ฉลาด
และแสนรู้เกินเผ่าพันธุ์ของตัวเองก็เท่านั้น

..

..

..

            “น้องซนอยากไปด้วย” ก้มหน้าพูดบอกด้วยน้ำเสียงสะอื้น เมื่อตื่นเช้ามาแล้วพบความจริง
ที่ว่าคุณอาทั้งสองต้องกลับบ้านแล้วทิ้งให้ตนเองต้องอยู่กับครอบครัวใหม่ของคนเป็นพ่อตามลำพัง



            “เสร็จธุระแล้วอาจะกลับมารับ ถ้าซนยังอยากไปกับอาอยู่ละนะ” คว้าตัวหลานชายเข้ามากอด
พูดบอกถึงเหตุผลที่ตนเองพาเจ้าตัวไปไม่ได้ ลำพังแค่กลับไปทำเรื่องลงทะเบียนเรียนในเทอมใหม่
เขาสามารถพาจอมซนไปด้วยได้อยู่แล้ว แต่เพราะธุระที่ว่านั้นมันสำคัญกับจอมซนมาก ในการที่เซน
หรือพ่อแท้ๆ ของจอมซนจะยื่นเรื่องฟ้องศาลขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกจอมซนเป็นครั้งที่สอง หลังจาก
ที่เคยแพ้คดีมาแล้วหนึ่งครั้งตอนที่จอมซนเกิด แต่ตอนนี้ตัวแปรสำคัญคือตัวของจอมซนเอง โซ่จึงจำ
เป็นจะต้องทิ้งหลานชายไว้กลับพ่อแท้ๆ ของเจ้าตัวด้วยความเป็นห่วง แต่ก็หวังว่าพี่ชายอย่างเซนกับ
พี่สะใภ้จะใช้เวลาที่มีค่าอันน้อยนิดนี้ซื้อใจจอมซนได้สำเร็จ เพราะสำหรับคนเป็นลูกแล้ว ไม่มีใครมีค่า
และสำคัญไปกว่าคนเป็นพ่อแม่หรอก สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ว่าเซนจะใช้เวลาที่มีอยู่ในมีได้คุ้มค่ามากแค่ไหน
เพราะในสายตาคนนอกอย่างโซ่แล้ว พี่สะใภ้คนใหม่ถึงหน้าจะดูเหวี่ยงๆ ร้ายๆ แต่นิสัยใช้ได้ในระดับหนึ่งเลย
ถ้าวัดเอาจากสายตาเอ็นดู วิธีการเข้าหา พูดคุย และดูแลช่วยเหลือตอนที่ลูกเลี้ยงอย่างจอมซนซุ่มซ่าม
หกล้มจนเข่าแตกลับหลังคนอื่นตอนที่เจ้าตัวแสบวิ่งไปเข้าห้องน้ำที่ร้านอาหารคนเดียวอะนะ แต่ที่โซ่รู้ก็
เพราะว่าเป็นห่วงกลัวว่าหลานจะหกล้มนั่นไง เลยตามไปดู แต่ก็ไม่ที่ว่าจะได้เห็นภาพอบอุ่นจากแม่เลี้ยง
หน้าเหวี่ยงใช้ผ้าเช็ดหน้าแบรนด์ดังผืนสวยของตัวเองชุบน้ำทำความสะอาดแผลเปื้อนเลือดให้ลูกเลี้ยง
ด้วยความระมัดระวังอย่างเบามือในขณะที่ริมฝีปากสวยก็เฝ้าแต่พร่ำบอกว่าไม่เป็นไร คอยปลอบใจ
เด็กขวัญเสียให้หายกลัว เพราะเช่นนี้โซ่จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เดินหันหลังกลับไปนั่งรอหลานที่โต๊ะ
อาหารด้วยความสบายใจ



            “สัญญานะฮะ” ชูนิ้วก้อยซ้ายขวาของตัวเองยื่นเข้าไปหาคุณอาทั้งสองขอคำยืนยัน ก่อนที่
พอร์ชกับโซ่จะยื่นนิ้วก้อยของตัวเองมาเกี่ยวกับหลานคนละข้างแทนคำสัญญา



            “เตรียมตัวให้พร้อมนะเฮีย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็ตามที่ทนายบอก…ใช้เวลาให้คุ้มค่านะเฮีย”
เพราะไม่อยากให้หลานต้องมีปมฝังใจในเรื่องครอบครัวเหมือนตัวเอง โซ่จึงไม่ลืมที่จะพูดทิ้งท้ายไว้ให้
พี่ชายได้คิด เพราะมั่นใจว่าการฟ้องร้องในครั้งนี้จะไม่แพ้เหมือนก่อนหน้า เพราะทนายผู้ดูแลในคดีนี้คือ
ลูกเลี้ยงคนเก่งที่ควบหน้าที่เมียเด็กของบิดาผู้ล่วงลับของโซ่เอง



            “เป็นเด็กดีนะ ถ้าดื้ออาจะไม่มารับ” พอร์ที่อุ้มพี่มณีอยู่พูดบอกกับจอมซนที่หน้างออยู่แล้วให้
ยุ่งขึ้นไปอีก กว่าจะยิ้มได้ก็ตอนที่โซ่หันกลับมาหาหลังจากที่คุยกับเซนเสร็จ



            แล้วพูดว่า…



            “เดี๋ยวอามารับ”



            “น้องซนรักอาโซ่ที่สู้ดดดดด…” เพียงแค่นั้นเด็กหน้างอก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแป้น
กระโดดกอดคนเป็นอาเสียเต็มรัก

..

..

..

            “ถ้าเมียกูจะหล่อขนาดนี้นะ” พอร์ชเอ่ยแซวทันทีเมื่อเห็นผมยาวรุงรังจนรวบจุกมัดได้
ของโซ่ถูกตัดเป็นรองทรงตามกฎระเบียบของวิทยาลัย หลังจากที่เขาเคยบังคับให้เจ้าตัวเข้า
ร้านตัดผมมาตลอดระยะเวลาสองสามเดือนที่ปิดเทอม แต่นอกจากจะไม่ตัดผมทิ้งแล้ว โซ่ยัง
ทำซ่าย้อมผมทั้งหัวเป็นสีฟ้าสดใสให้ดูซะเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโซ่ไม่ได้ต้องการจะประชดคนรัก
หรอกนะ เพียงแต่ทุกๆ เปิดเทอมใหญ่โซ่จะชอบทำตัวเซอๆ ด้วยการไว้ผมยาว ไม่ก็ย้อมสีผม
แล้วหนีความวุ่นวายขึ้นเขาเที่ยวดอย เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่อายุสิบสี่แล้ว เพียงแต่ปีนี้มันต่างออก
ไปก็ตรงที่มีพอร์ชก้าวเข้ามา ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป แต่ก็ใช่ว่าเขาจะละทิ้งตัวตนของตัวเองหรอกนะ
 เพียงแต่เขายังจัดสรรตารางชีวิตที่มีพอร์ชเข้ามาผูกติดอยู่ด้วยไม่คล่องเท่านั้นเอง เอาไว้เขาตั้งตัว
ได้เมื่อไหร่…เมื่อนั้นไอ้หมาพอร์ชได้พบเจอกับความบันเทิงแน่นอน



            “ไอ้พวกนั้นมายัง?” โซ่ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่คนรักที่เอาแต่พูดไร้สาระแล้วถามหาเพื่อนๆ
ที่นัดเจอกันผ่านไลน์กลุ่มแทน เพราะทันทีที่เดินทางมาถึงพิจิตรพอร์ชกับโซ่ก็เอาพี่มณีไปฝากไว้
กับเสี่ยใหญ่และคุณนายปลื้มจิตที่ร้าน ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เจ้าเหมียวลูกรักเผลอหันหลังให้บิด
น้องแมนหนีออกมาร้านตัดผมทันที



            “ไปรอที่ร้านแล้ว เหลือแค่มึงนี่แหละครับเมียที่ช้า” เพราะต้องย้อมผมกลับมาเป็นสีดำ
ดังเดิมเลยใช้เวลานานนับชั่วโมง คนที่ตัดผมเสร็จตั้งแต่สิบนาทีแรกอย่างพอร์ช จึงอดไม่ได้ที่
จะพูดเหน็บให้เจ็บแสบ แต่มีหรือที่โซ่จะสน?



            “ก็ไปสิ จะมานั่งหน้าแก่อยู่ทำไม?” พูดจบก็หันหลังเดินหนีทันที ไม่รอให้พอร์ชได้ตั้งตัวทัน
ซึ่งกว่าที่พอร์ชจะรู้สึกตัวว่าโดนหลอกด่า โซ่ก็หนีเข้าร้านบิงซูที่อยู่ถัดจากร้านตัดผมไปอีกสองร้าน
เสียแล้ว เพราะที่นั่นคือสถานที่นัดแนะรวมตัวในวันนี้



            “มึงว่าเขามองอะไรกันวะ?” แวนชะโงกหน้าเข้ามากระซิบถามเพื่อนๆ ที่กำลังล้อมวงจ้วง
บิงซูสามถ้วยใหญ่ตรงหน้าด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย



            “แล้วคุณคิดว่าหน้าอย่างพวกเรามันเหมาะกับร้านแบบนี้หรอครับ” สุดท้ายแล้วกลาย
เป็นบุญล้อมที่ช่วยไขข้อคล้องใจให้กับคนรัก หลังจากที่คนอื่นๆ พากันยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ



            แวนไล่มองหน้าเพื่อนทีละคนจนครบ ก่อนจะพูดบอกออกมาว่า…



            “เออว่ะ! โดยเฉพาะมึงกับไอ้พอร์ชนี่หน้าโคตรไม่ให้เลยวะมหา ว่าแต่ใครนัดร้านนี้วะ?”
หัวเราะคิกคักให้กับความคิดตลกๆ ในหัวตัวเอง แต่พอนึกขึ้นได้ก็ถามหาตัวต้นคิดในทันที



            สมาชิกทั้งห้าคนหันหน้ามองกันไปมาอย่างหาคำตอบ จนกระทั่งอีกสี่คนที่เหลือเห็นสายตา
มีความหมายของพอร์ชจ้องมองไปที่โซ่เท่านั้นแหละ ทุกคนก็ร้องอ๋อแบบไม่มีเสียงขึ้นมาทันที
เว้นแต่พอร์ชกับตัวต้นเรื่องอย่างโซ่เท่านั้นเองที่เอาแต่ก้มหน้าตักบิงซูเข้าปากอย่างไม่สนใจอะไร
เพราะกำลังปล่อยอารมณ์ให้ดื่มด่ำไปกับเกร็ดน้ำแข็งหวานๆ เย็นในปากที่นึกอยากกินมาหลายวัน









TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #35 {24/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-07-2018 22:43:49
พอร์ชสายหื่น555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #35 {24/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-07-2018 22:59:22
บิงซู 3 ถ้วย ว้าว  :hao6:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #35 {24/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-07-2018 00:55:07
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #35 {24/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 25-07-2018 21:06:35
บิงซู.... อยากกินขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #35 {24/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 26-07-2018 08:58:15
 พอร์ชโตขึ้นมาก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #35 {24/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 27-07-2018 11:28:32

น้องซนจะมาอีกเมื่อไหร่อะ….   :sad4:


อยากให้เขาอยู่พร้อมหน้ากันสามคน พ่อพอร์ช แม่โซ่ แล้วก็นุ้งแสบ เอ้ย นุ้งซน    :give2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #36 {28/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 28-07-2018 20:27:10


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{36}







            “เย็นนี้จะกินอะไร”



            เพราะโดนพ่อแม่อย่างคุณนายปลื้มจิตและเสี่ยใหญ่ทิ้งให้อยู่บ้านกันสองคน
กับแมวอย่างพี่มณีอีกหนึ่งตัว  ส่วนป้าแม่บ้านที่เคยเป็นลูกมือช่วยคุณนายปลื้มจิตดูแล
ทุกอย่างในบ้านนั้นก็มาขอลาหยุดไปอีกคน หน้าที่จัดสรรอาหารการกินก็ตกมาอยู่ในมือ
ของพอร์ชไปโดยปริยาย



            “ไม่กิน จะไปวิ่ง” กลืนน้ำลายพูดบอกในขณะที่เหลียวหลังมองร้านน้ำปั่นเจ้าโปรด
ที่กินประจำหลังเลิกเรียนด้วยความเสียดายจนสุดสายตา



            ไม่ได้*…ตั้งใจไว้แล้ว อดทนหน่อยโซ่…ฮึบไว้…ฮึบ!*



            “นึกไงจะไปวิ่ง” เอ่ยถามออกมาเพราะไม่รู้มาก่อนว่าคนรักเคยมีกิจวัตรประจำวันคือ
การออกกำลังกายทุกเช้าเย็น ต่างจากตอนที่ย้ายมาอยู่กับพอร์ชที่เจ้าตัวมักจะพาโซ่ออกไป
ขี่รถเล่นกินลมชมวิวดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นแทน ส่วนตอนเช้านั้นไม่ต้องไปพูดถึง เพราะ
ทุกวันนี้โซ่ตื่นสายแทบจะทุกวันด้วยสาเหตุที่ว่าเจ้าตัวนั้นมักจะโดนพอร์ชก่อกวนยามดึกจนหมดแรง



            “ไม่เสือกสิ” พูดจบก็กระโดดลงรถและหันหลังเดินหนีเข้าร้านทันทีไม่ทัน เพราะถึง
ที่หมายปลายทางซึ่งก็คือบ้านหรือร้านขายรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวพอร์ชพอดี



            “อะไรของมันวะ” สุดท้ายแล้วก็ได้แต่บ่นพึมพำคนเดียว เพราะโซ่หายขึ้นชั้นบนไปแล้ว



            “น้องพอร์ชคะ”



            “ครับ?”



            “มีแขกมารอพบค่ะ”



            ยังไม่ทันที่จะทำอะไร เพียงแค่ก้าวขาเข้าร้าน พนักงานขายในร้านก็เดินมาตามให้ไป
ห้องรับรองลูกค้าเสียแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะมีหลายครั้งหลายคราที่เขาจำ
ต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีต้อนรับลูกค้าในยามที่พ่อแม่ไม่อยู่เช่นนี้



            “ถ้าไอ้โซ่ลงมาบอกให้มันรอผมก่อนนะ” ฝากกระเป๋าสะพายกับหมวกกันน็อคที่หยิบ
ติดมือมาส่งให้พนักงานสาวรุ่นพี่ไปวางเก็บไว้บนโต๊ะทำงานของตนเองที่อยู่ในห้องทำงานชั้น
สองของพ่อแม่ที่ตอนนี้มีโต๊ะทำงานของโซ่เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งชุด ทำเอาห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่
ดูโล่งกว้างดูอบอุ่นและน่าอยู่ขึ้นทันตาเห็น



            แอ๊ด*…*



            “พอร์ช!”



            “อ้าว...กูนึกว่าใคร ไง…มาไงวะ” เอ่ยทักออกไปด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิด
ว่าคนที่มาหาตนจะเป็นเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาเรียนด้วยกันเป็นวันแรก



            “เราจะซื้อรถอ่ะ เลยมาดูๆ ไว้ เห็นว่าเป็นร้านของพอร์ชด้วยก็เลยว่าจะรอทักทาย
สักหน่อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องรอนานขนาดนี้” หัวเราะแหะๆ พูดบอกไปตามความจริง เพราะ
เป็นเวลากว่าชั่วโมงที่มานั่งรอพอร์ชหลังจากฟังการแนะนำรถรุ่นต่างๆจากพนักงานขายในร้านเสร็จ



            “โทษทีวะ วันนี้เมียกูเลิกช้าเลยต้องไปรอมันก่อน ว่าแต่มึงเถอะ สนใจรุ่นไหน
บอกกูได้นะ เดี๋ยวกูจัดพิเศษให้เลย”



            “เราสนใจรุ่น…”



            “พี่หญิงเห็นไอ้พอร์ชไหมครับ” โซ่ที่เพิ่งลงมาจากห้องหลังจากอาบน้ำเปลี่ยน
เสื้อผ้าเสร็จเอ่ยถามถึงคนรักทันที เพราะปกติแล้วพอร์ชจะต้องตามตนเองขึ้นห้องไปติดๆ
แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่าสี่สิบนาทีแล้วก็ตาม



            “เห็นว่าจะออกไปส่งเพื่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคงกลับมา” เธอพูดบอกออกไปตามที่รู้



            “อ่า…แล้วมีใครเห็นพี่มณีไหมครับ ตั้งแต่มาโซ่ยังไม่เห็นเลย” ก็ออกจะแปลก
ไปนิดสำหรับโซ่ที่กลับบ้านมาแล้วจะไม่เห็นลูกรักอย่างพี่มณีวิ่งหน้าเริ่ดร้องหม๊าวๆ มา
ต้อนรับกลับบ้านประหนึ่งว่าเป็นหมาน้อยขนฟูรอรับเจ้านายกลับบ้าน



            “เสี่ยกับเจ้กลับมารับไปแล้วค่ะ เห็นบ่นๆ ว่าไม่มีใครดูแลพี่มณีให้เลยกลัวว่า
จะวิ่งออกไปเล่นนอกถนนแล้วโดนรถชนเอา”



            เหอะ…เชื่อเขาเลย ใครจะคิดละว่าพ่อกับแม่ของพอร์ชะจะตีรถกลับมารับแมว
แค่ตัวเดียวทั้งที่พากันขับรถออกไปตั้งแต่เช้า เพราะคุณนายปลื้มจิตต้องกลับไปเยี่ยมแม่
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือคุณยายของพอร์ชไกลถึงเชียงใหม่



            “มณีมันกล้าออกจากบ้านที่ไหนพี่ก็รู้” ก็นั้นแหละ…ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครที่
ทำงานอยู่ในร้านแห่งนี้ต่างก็รู้ดีว่าพี่มณีเป็นแมวรักสะอาดแค่ไหน อย่าว่าแต่ก้าวขาออก
ไปนอกร้านที่พื้นเต็มไปด้วยฝุ่นเลย ขนาดแค่โซนอู่เอาไว้ตรวจเช็คและซ่อมรถให้ลูกค้า
มันยังไม่กล้าย่างกายเข้าไปให้อุ้งมันเปื้อนคราบน้ำมันเครื่องเลย ถ้าคุณนายปลื้มจิตไม่
เอาถุงเท้ามาใส่ให้



            “คุณนายเขารักของเขาค่ะ” นินทาเจ้านายพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะขอตัว
กลับไปทำงานต่อ เพราะทั้งร้านถ้าไม่นับโซ่กับพอร์ชที่เป็นเจ้าของร้านก็เหลือแค่เธอ
คนเดียวที่ยังทำงานไม่เสร็จ เพราะเป็นผู้จัดการร้านเลยต้องอยู่เขียนรายงานสรุปใน
แต่ละวันส่งให้เจ้านาย



            Tru Tru Tru



            “ครับแม่” เอ่ยปากทักทายปลายสายที่นานๆ จะได้คุยกันผ่านโทรศัพท์สักที
เพราะแม่หรือแม้ที่จริงแล้วคือยายของโซ่นี้มีโทรศัพท์แค่รับสายเพราะโทรออกไม่เป็น
 นี่ก็คงไม่พ้นจะไหว้วานให้เด็กในค่ายกดให้



            //มาดูไอ้จุกมันหน่อยสิโซ่ มันไม่ยอมไปโรงเรียนมาหลายวันแล้ว พ่อกับแม่
บ่นแล้วบ่นอีกมันก็เอาแต่บอกจะว่าชกมวย…ไม่รู้มันคิดอะไรของมันอยู่// คำบอกเล่า
จากปลายสายทำเอาโซ่รู้สึกไม่ดี เพราะการที่เด็กรักเรียนอย่างจุกบอกว่าจะเลิกเรียน
นั่นเป็นอะไรที่ถึงที่สุดแล้ว



            “เดี๋ยวผมเข้าไปครับ พ่อกับแม่จะเอาอะไรรึเปล่า มีกับข้าวแล้วรึยัง ของใช้
ในบ้านละขาดเหลืออะไรไหม ผมจะได้ซื้อเข้าไปทีเดียวเลย”



            //มาแต่ตัวก็พอแล้วโซ่เอ้ย เอ็งก็เก็บเงินเก็บทองไว้ใช้เองบ้างเถอะ ที่เลี้ยง
ก็เพราะรักจริงๆ อย่าคิดว่าเป็นคนอื่นที่ต้องทดแทนบุญคุณอะไรเลย แต่ถ้าอยากตอบ
แทนพ่อกับแม่จริงๆ ก็ตั้งใจเรียน แล้วเอาใบปริญญามาอวดก็พอ//



            “แม่”



            //เรียกแล้วไม่พูดวะไอ้ลูกคนนี้//



            “แม่รู้รึเปล่าว่าตอนที่อยู่กับแม่กับแม่ ชีวิตตอนนั้นโซ่ลำบากที่สุดแล้ว”



            //รู้// ก็เพราะรู้นี่แหละ เธอถึงไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากโซ่นัก เพราะที่ผ่านมา
แม้ว่าจะไม่ได้รังแก แต่เธอก็ไม่เคยจะปกป้องโซ่จากลูกสาวหรือแม่แท้ๆ ของโซ่ได้เลย
 เพราะยิ่งเธอกับสามีทำทีว่าจะช่วยช่วยโซ่ ลูกสาวของเธอก็จะลงมือหนักขึ้น เพื่อประ
ชดประชัน ท้ายที่สุดแล้ว เธอกับสามีก็ทได้เพียงนั่งทำแผลให้หลานชายด้วยน้ำตา



            “แล้วแม่รู้รึเปล่าว่าโซ่รักพ่อกับแม่มากที่สุดแล้ว อะไรที่ทำให้พ่อแม่สบายได้
โซ่ก็จะทำ” พูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที ไม่รอให้ปลายสายได้โต้เถียงอะไรอีก เพราะนี่ไม่ใช่
ครั้งแรกที่พวกเขาพูดคุยกันเรื่องนี้ แต่มันเป็นครั้งที่ร้อยหรือครั้งที่พันแล้วโซ่ก็จำไม่ได้
 เพราะทุกครั้งมันจะจบลงด้วยถ้อยคำที่อีกฝ่ายเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง
แต่โซ่ไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเขารู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในบ้านไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์



            เมื่อก่อนบ้านเขาไม่ได้มีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้ เพราะค่ายมวยก็เป็นเพียงที่พักพิง
ของนักมวยล่าฝันที่มีอนาคตลิบหรี่ และพ่อแม่ก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ไม่มีสมบัติเก่า
ครอบครัวไม่ได้มีกิจการร้านค้าให้ต้องสืบทอดเหมือนอย่างบ้านอาม่า แต่เขาก็ยังได้เรียน
โรงเรียนเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าค่าเทอมแพงที่สุดในจังหวัด ด้วยการที่พ่อต้องออกไปรับจ้าง
แบกข้าวสาร ส่วนแม่ก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน ช่วงที่แย่ที่สุดคือ แม่ต้องออกจากบ้านตอน
ตีสองเพื่อไปทำน้ำเต้าหู้ และขายข้าวเหนียวหมูปิ้งในตอนตีห้า กว่าจะเก็บร้านก็แปดโมง
ถึงเวลาไปส่งเขาที่โรงเรียนพอดี เสร็จแล้วก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวออกมา
เข็นรถขายน้ำแข็งใสจนถึงเย็นย่ำ แต่ใช่ว่าถึงบ้านแล้วก็จะนอนพักผ่อนได้หรอกนะ เพราะ
แม่ยังต้องทำกับข้าว และเตรียมเครื่องน้ำแข็งใส จำพวกมันเชื่อม รากบัวเชื่อม รวมถึงต้มน้ำชา
 กาแฟเย็นไว้ขายต่อในวันรุ่งขึ้นอีก ยิ่งถ้าช่วงพีคๆ ตอนปิดเทอมก็ต้องทำลอดช่องรวมมิตรเพิ่มอีก
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย วันๆ หนึ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเหนื่อยแค่ไหนโซ่รู้ดี เพราะเขาเอง
ก็ติดสอยห้อยตามไปกับแม่ทุกที ช่วยทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพราะทั้งหมดที่พ่อกับ
แม่ทำก็เพื่ออนาคตของเขาทั้งนั้น



            หมับ



            “แล้วมึงรู้รึเปล่าว่ากูก็รักมึงไม่น้อยไปกว่าใครเลยนะ” เพราะมัวแต่หวนคิดถึง
เรื่องความลำบากในอดีตที่สอนให้รู้จักความมานะอดทนจนได้ผลตอบแทนเป็นประสบการณ์
ชีวิตที่มีค่าเลยไม่ทันได้รู้ว่าพอร์ชกลับมาแล้ว และมาทันได้ยินทุกคำพูดของโซ่พอดี



            “ไม่รู้ เพราะพี่หญิงบอกว่ามึงออกไปส่งชู้”



            “ชู้บ้านป้ามึงสิ นั่นเพื่อนใหม่ในห้องกู เพิ่งย้ายมาเมื่อเช้านี้ แล้วมันก็จะมาซื้อรถ
ที่ร้านเราด้วย แต่แม่มันยังหาหมอไม่เสร็จกูก็เลยอาสาไปส่งมันก็เท่านั้น”



            แม้จะพอเดาได้จากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนรักว่าเจ้าตัวแค่ต้องการจะแหย่เล่น
แต่พอร์ชก็ยินดีที่จะอธิบายให้เข้าใจถึงความเป็นมาเป็นไป



            “ไม่ต้องรีบแก้ตัวขนาดนั้นก็ได้ กูรู้ว่ามึงยังไม่รีบตาย…ไม่กล้านอกใจกูหรอกเนอะ!”



            “จ้า…” ตอบรับพร้อมทั้งยื่นมือเข้าไปบีบปากเล็กๆ ของคนรักด้วยความหมั่นเขี้ยว
ก่อนที่จะก้มหน้าตามลงไปมอบจูบแสนหวานเป็นการทิ้งท้ายได้อย่างสวยงาม



            “ยังไม่พออีกหรอเนี่ย” พอร์ชบ่นอุบเมื่อโซ่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดช็อปปิ้งเลยแม้แต่น้อย
หลังจากต้องเดินตามเจ้าตัวเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ตั้งเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว



            “ยัง”



            เพราะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของยายตนเองพอดี โซ่ก็เลยคิดว่าจะ
กลับไปจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ที่บ้าน เพราะที่บ้านหลังนั้นไม่มีการจัดงานรื่นเริงมาสักพักแล้ว
ตั้งแต่สองแม่ลูกนั่นหวนกลับมา แต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะมีการจัดเลี้ยงอะไรมากมายหรอกนะ
อย่างมากก็ลุกขึ้นมาจัดบ้านติดสายรุ้งในวันปีใหม่เท่านั้น เพราะแม่ชอบของสวยงาม
แต่ก็ลืมวันสำคัญวันอื่นๆ หมด แม้แต่งานวันเกิดครั้งแรกของชีวิตโซ่ก็เพิ่งจะมามีตอน
ที่ได้คบกับพอร์ชนี่แหละ



            “เหลืออะไรอีกละ” ที่ต้องถามแบบนี้ก็เพราะว่าทั้งสองแขนของตัวเองมันเต็ม
ไปด้วยขนมและของฝากมากมายที่โซ่ขนซื้อกลับไปให้คนที่บ้านด้วยเงินของเจ้าตัวเอง
แม้ว่าเขาพยายามที่จะจ่ายให้เพราะอยากมีส่วนร่วมด้วยก็ตาม



            ทุกวันนี้พอร์ชยังงงอยู่เลยว่าโซ่จะเก็บเงินที่ป๋าของเขาให้เป็นรายสัปดาห์ไปทำ
อะไร เพราะตั้งแต่ได้มาเจ้าตัวก็จะเอาส่วนที่เป็นของตนเองยัดใส่กระปุกหมูที่ตั้งคู่กันกับ
กระปุกหมาของพอร์ชทั้งหมด ส่วนเงินที่ใช้ๆ อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินที่ได้มากจากเงินปันผล
โรงสีของอาม่าที่ยังใช้ระบบการบริหารงานแบบกงสีตามปณิธานดั้งเดิมของอากงที่แบ่งจ่าย
กำไรรายเดือนและปันผลรายปีให้ลูกหลานในครอบครัวเท่าๆ กันทุกคน ซึ่งตรงนี้โซ่เองก็ได้
หุ้นในส่วนของพ่อและตนเองมาถือไว้ในมือ อีกทั้งยังมีทรัพย์สินที่ได้จากการขายเทธุรกิจ
ส่วนตัวบวกเงินประกันชีวิตก้อนใหญ่ที่พ่อผู้ให้กำเนิดระบุพินัยกรรมทิ้งไว้ให้อีก จะจัดกลุ่ม
อยู่ในพวกอายุน้อยร้อยล้านก็ว่าได้ แต่พอร์ชก็ไม่เห็นว่าคนรักจะทำตัวร่ำรวยอู้ฟู่เหมือน
อย่างใครเลย ใช้ชีวิตปกติเสียจนไอ้พวกขาเผือกชอบเสือกรู้ไม่จริงทั้งหลายเอาไปนินทา
หาว่ามาเกาะเขามั่งขายตัวให้เขาเพราะอยากยกระดับตัวเองมั่ง ซึ่งเป็นอะไรที่พอร์ชอยาก
จะยกตีนขึ้นเตะปากมาก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเมียห้ามไว้พร้อมทั้งยังกำชับด้วยว่า
‘เล่นกับหมา…หมาเลียปาก ถ้าทนไม่ได้เดี๋ยวกูกระทืบเอง’



            “รองเท้า”



            “ของใครอีกละ”



            “แฟน” พูดตอบโดยที่ไม่หันกลับมามอง แล้วเดินนำเข้าร้านรองเท้าแบรนด์
โปรดของพอร์ชทันที ทำเอาพอร์ชที่หน้ามุ่ยในตอนแรกยิ้มกว้างขึ้นมาทันที แต่ก็ใช่ว่า
จะดีใจที่ได้รองเท้าใหม่อย่างเดียวหรอกนะ เหนือสิ่งอื่นใดคือความสุขที่ได้รับรู้ว่าคนรัก
ไม่หลงลืมและให้ความสำคัญกับตนเองอยู่เสมอต่างหากละ



            ในสายตาคนนอกที่มองมาอาจจะเห็นว่าพอร์ชเอาอกเอาใจโซ่อยู่ฝ่ายเดียว
แต่สำหรับพอร์ชแล้วความเอาใจใส่อย่างเสมอต้นเสมอปลายที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
อย่างที่โซ่ทำต่างหากละที่เรียกว่าของจริงและเป็นสิ่งที่เขาต้องการตลอดไป

..

..

..

            “พี่โซ่”



            “ไง…ยายบอกกับพี่ว่าเราไม่ยอมไปเรียน” ปล่อยให้พอร์ชเข้าไปช่วยพ่อแม่
ทำอาหาร ส่วนตนเองก็แยกออกมาคุยกับจุก…เด็กชายตัวน้อยรุ่นราวคราวเดียวกันกับ
หลานชายอย่างจอมซน คนที่ตนรักและเลี้ยงดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก…ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก



            “จุกอยากชกมวย” ก้มหน้าพูดบอกไม่ยอมสบตา



            “แล้วเรื่องเรียนล่ะ อยากเป็นหมอไม่ใช่หรอ ถ้าไม่เรียนแล้วจะเป็นหมอได้ยังไง”
โซ่ยังคงเอ่ยถามไปเรื่อยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่กดดันอะไร ต่างจากเด็กน้อยที่พอถูกถาม
แทงใจดำเข้าก็สะอึกทันที



            “จุก…”



            “ไปฟังอะไรใครเขามาอีกละ”



            ไอ้อาการหลบหน้าหลบตาไม่พูดไม่จามีหรอที่โซ่จะมองไม่ออก สำหรับโซ่แล้ว
ความรู้สึกที่มีให้จุกกับจอมซนมันต่างกัน กับจอมซนคือหลานชายที่ตนเองพร้อมจะช่วย
เหลือในยามเดือดร้อนหรือคับขัน เพราะจอมซนมีพ่อมีแม่มีครอบครัวที่พร้อมจะซับพอร์ต
ต่างจากจุกที่ไม่มีใคร มีแค่ตากับยายและตัวโซ่เองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
ถ้าจะให้พูดตรงๆ จุกก็แค่เด็กคนหนึ่งที่ยายบังเอิญไปเจอตอนแม่มันกำลังจะวางทิ้งไว้
ข้างกองขยะ เพราะรักสนุกแต่ไม่มีปัญญารับผิดชอบดูแลเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
ยายเลยเอากลับมาเลี้ยงทั้งที่ตัวเองก็ใช่ว่าจะร่ำรวย ออกจะขัดสนเสียด้วยซ้ำ เพราะ
คิดแค่ว่าเลี้ยงไว้เอาบุญ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเขาที่หมอบอกว่ามีภาวะซึมเศร้าในตอนนั้น



            “จุกไม่อยากทำให้พ่อแม่เดือดร้อน” พอโดนจี้ถามมากเข้าเด็กน้อยก็ยอมปริปากในที่สุด



            “แล้วพ่อแม่จะเดือดร้อนเรื่องอะไรล่ะ” โซ่ถามต่อ



            “ป้าส้มบอกว่าโรงเรียนจุกค่าเทอมแพง ค่าเรียนพิเศษก็แพง ค่ากิจกรรมก็แพง
ไหนจะค่าขนมรายวันของจุกอีกละ…จุกไม่ใช่ลูกหลานยายแต่จุกทำให้ยายเดือนร้อน”
พอได้พูดเข้าก็เหมือนว่าจะลืมตัวเผลอระบายความในใจออกมาทั้งหมดพร้อมหยดน้ำตา
ต่างจากโซ่ที่แค่นหัวเราะออกมาด้วยความสมเพสเมื่อได้ยินชื่อมารดาผู้ให้กำเนิดจาก
หลุดออกจากปากน้องชาย



            ตลกดีแท้…คนอะไรอิจฉาได้แม้กระทั่งเด็กไร้ที่พึ่ง ลำพังแค่โดนเพื่อนล้อเรื่อง
ชาติกำเนิดก็แย่แล้ว ทำไมเด็กอย่างจุกยังต้องมาตกเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ให้คน
ขี้อิจฉาพรรค์นั้นด้วย ในเมื่อคนที่รับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตจุกอย่างเต็มใจมันคือเขา
ผิดด้วยหรือที่เขาอยากจะแบ่งปัน ให้เด็กที่เกิดมาเพื่อบำบัดจิตใจของเขาจากดำเป็นขาว
ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดอย่างที่ยายเคยทำเพื่อเขา อยากให้
เด็กที่ช่วยสร้างสีสันในชีวิตของเขาได้มีอนาคตที่ดี ได้ทำตามความฝันอย่างที่ตั้งใจ
เพราะเขามั่นใจว่าจุกเป็นเด็กดี กตัญญู รู้หน้าที่ รักและเคารพตายายไม่แพ้หลานแท้ๆ อย่างเขา



            “เลยหยุดเรียน แล้วจะมาชกมวยเพื่อตอบแทนตายายเนี่ยนะ?”



            “จุกไม่อยากเรียนแล้ว” ปากบอกว่าไม่อยากเรียน แต่หยดน้ำใสที่ไหลออกมา
จากดวงตากลมที่ทอแสงหม่น แสดงความเสียใจออกมาชัดเจนแบบนี้นี่คืออะไร?



            “ถ้าอย่างนั้นก็ลุก…ลุกขึ้นมา” พูดบอกในขณะที่ออกแรงลากร่างของเด็กชาย
ที่มีขนาดตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันอย่างหลานชายแบบจอมซนขึ้นเวทีซ้อมมวยด้วยกัน



            “พี่โซ่…” เอ่ยเรียกชื่อพี่ชายเสี่ยงสั่นเมื่ออีกฝ่ายขว้างนวมสีแดงใส่หน้าเต็มแรง



            “มึงทำบ้าอะไรเนี่ยโซ่!” เพราะได้ยินเสียงเด็กในค่ายโวยวายเสียงดังแว่วชื่อคนรัก
พอร์ชที่ช่วยยายของโซ่ทำอาหารอยู่ในครัวหลังบ้านก็รีบวิ่งออกมาดูทันที เพราะเกรงว่าคนรัก
จะได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไป



            “ใส่นวม…ต่อยพี่ได้เมื่อไหร่ค่อยคิดจะชกมวย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็กลับไปเรียนซะ!”
โซ่ที่ใส่นวมเตรียมพร้อมพูดบอกจุกที่นั่งกอดนวมอยู่บนพื้นเวที แบบที่ไม่สนใจเสียงห้าม
ปรามของใครทั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นคนรักอย่างพอร์ชหรือคนที่เคารพมากที่สุดอย่างยายก็ตาม



            “มึงจะบ้ารึไงโซ่! น้องมันตัวแค่นั้นจะสู้มึงได้ยังไง…มึงจะฆ่ามันรึไง!” แม้ว่าจะ
ไม่เคยได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของคนรัก แต่พอร์ชก็มั่นใจว่าเด็กตัวผอมแห้งแรงน้อยบนเวที
ไม่สามารถสู้ชนะโซ่ได้อย่างแน่นอนในเมื่อเจ้าตัวคว่ำนักเทควันโดสายดำอย่างปกป้อง
ได้ภายในหมัดเดียว



            “ปล่อยมันไปเถอะพอร์ช ไอ้โซ่มันก็แค่จะช่วยเตือนสติน้อง” ตาของโซ่ช่วยพูด
หยุดพอร์ชไว้เสียก่อนที่พอร์ชจะปีนขึ้นไปลากตัวคนรักลงมา



            “รีบใส่นวมแล้วลุกขึ้นมาจุก! ถ้าเอาชนะพี่ไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะไปชนะใครใน
สนามจริง เพราะทุกคนเขาสู้ด้วยความฝัน สู้เพราะอยากได้รับโอกาส สู้เพราะอยากมีอนาคต
 สู้เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่”



            ในเมื่อน้องไม่ลุกไม่ยอมใส่นวม โซ่ก็ล็อคคอขึ้นมาต่อยทั้งอย่างนั้นไม่มีการออมแรง
ทำเอาคนข้างเวทีถึงกลับหันหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นน้องน้อยที่น่ารักประจำค่ายเจ็บตัวแบบนี้



            “…..”



            “แต่เชื่อเถอะ ถ้าพวกเขามีหนทางที่ดีกว่านั้น เขาจะไม่ทำ เพราะไม่มีใครอยาก
เจ็บตัว ทุกๆ ครั้งในการชกมันมีแต่ความเสี่ยง…เสี่ยงเจ็บตัว ตับแตก ม้ามฉีก สมองพิการ
แต่เขาต้องทำ…ทำเพื่อครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง และลูกเมียของเขา”



            ลากคอขึ้นมาชกจนน้องหงายหลังเซไปติดมุม แต่โซ่ไม่หยุดเพียงแค่นั้น
เขาก้าวตามเข้าไปแทงเข่าใส่ท้องจนน้องทรุดลงไปนอนกองกับพื้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปห้าม



            “กลับไปตั้งใจเรียนเหมือนเดิมนะจุก พ่อกับแม่เขาไม่เดือดร้อนหรอก
เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างของจุกพี่เป็นคนออกเอง ตอนนี้พี่เงินพอที่จะละลายเล่น
ไปยันตาย ถ้าพี่ไม่เอาออกมาทำประโยชน์บ้างได้โดนธนาคารสาปแช่งเพราะดอกเบี้ยบานแน่”



            “แต่…”



            “ไม่มีแต่หรอก จุกเป็นน้องพี่ เป็นครอบครัวของพี่ ถ้าอยากตอบแทนก็เรียนให้จบ
ขาดเหลือก็บอก พี่พร้อมจะเปย์ให้คุณหมอจุกคนเก่งอยู่แล้ว ใครจะว่าอะไรก็ช่างเขาเถอะ…
มุ่งมั่น ตั้งใจ เอาใบปริญญากับใบประกอบโรคศิลป์มาอวดตายายกับพี่ก็พอ”



            หยิบยกเอาคำพูดของยายมาบอกต่อกับน้องชาย เพราะสุดท้ายแล้วความคาดหวัง
ในตัวจุกสำหรับเขาก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าการที่ได้เห็นเจ้าตัวมีชีวิตที่ดีประสบความสำเร็จ
เหมือนดั่งที่ตายายเองก็คาดหวังให้สิ่งเหล่านี้เกิดกับเขาในอนาคต



            “จุกรักพี่โซ่ที่สุดเลยฮะ” ฝืนความเจ็บหอบเอาร่างสะบักสะบอมของตัวเองคลาน
เข้าไปกอดพี่ชายสุดที่รัก พี่ที่มีความหมายต่อชีวิตและความรู้สึกมากกว่าคำพูด



            “เออ…รักเหมือนกัน แต่ถ้าจุกมองดีๆ จุกก็จะรู้ว่ามีอีกหลายคนที่รักจุก ที่ตรงนี้มี
ทั้งตามีทั้งยาย มีพี่ๆ น้องๆ ในค่ายทุกคนต่างก็รักจุกทั้งนั้น อย่าลืมสิว่าเราจับมือกันผ่าน
อะไรมาด้วยกันตั้งมากมาย” รับร่างของน้องเข้ามาซบอก ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่มีไป
ในอ้อมกอด เพื่อปลอบประโลมและย้ำเตือนให้รู้ว่าเจ้าตัวสำคัญกับชีวิตเขาและครอบครัวมากขนาดไหน



            “จุกขอโทษฮะ ต่อไปนี้จุกสัญญาว่าจุกจะตั้งใจเรียน จะไม่ทำให้พี่โซ่กับตายายผิดหวัง”



            “เออจะทำอะไรก็ทำ ขอแค่อย่าทำร้ายตัวเองแบบวันนี้ก็พอ เพราะสำหรับพี่แล้ว…
คำว่า ‘ครอบครัว’ บางทีมันก็มีความหมายมากกว่าสายเลือดที่ติดตัวมา”









TBC.

           
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #36 {28/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 28-07-2018 21:47:28
 :monkeysad:
ซึ้งเลยน้องโซ่.... คนดีเมียพี่พอร์ช
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #36 {28/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 28-07-2018 22:52:05

ซอโซ่… นายหล่อมากอะ     :m3:


เป็นกำลังใจให้นุ้งจุกฮะ     :a1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #36 {28/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 28-07-2018 23:27:33
ชอบนิยายเรื่องนี้
อ่านสนุก
อ่านได้เรื่อยๆ
อยากจะแนะนำให้คนอื่นมาอ่านด้วยจัง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #36 {28/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-07-2018 01:25:14
ปรบมือ~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #36 {28/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-07-2018 02:04:34
 :katai2-1: น้องโซ่คนดีศรีสังคมไทย
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #36 {28/07/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2018 12:32:40
น้องโซ่พูดได้ดีมาก :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #37 {08/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 08-08-2018 17:22:38
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{37}






            “เอาจริงกูนึกว่ามึงจะฆ่าน้องมันแล้วนะเมีย ทำลงได้ไงเด็กตัวแค่นั้น
ดีแค่ไหนแล้วที่มันแค่ฟกซ้ำ ไม่มีแตกหักตรงไหน” พอร์ชพูดขึ้นในขณะที่
พากันขี่รถเล่นก่อนกลับบ้าน



            “กับคนบางคน แค่พูดคงไม่พอ ต้องชี้ให้มันดู ต้องทำให้มันเห็นถึงจะเข้าใจ”
ซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้าง กระชับวงแขนโอบกอดคนรักให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อเติม
แรงใจ หลังจากที่สู้ทนกับความเหนื่อยล้าติดต่อกันมาหลายวัน นับตั้งแต่เรื่องวุ่นวาย
ของหลานชายอย่างจอมซนจนมาถึงเรื่องความรู้สึกอ่อนไหวของจุกในวันนี้



            “เฮ้ย…อย่าหลับนะเว้ย เดี๋ยวตกรถ” กระตุกไหล่เป็นเชิงบอกเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนัก
ตัวของคนรักที่โถมเข้ามาซบบนแผ่นหลัง



            “ช่วงนี้เจอแต่เรื่องแย่ๆ กูก็เลยจิตตกนิดหน่อย พาไปกินชานมไข่มุกหน่อยสิ”
พยักหน้างึมงำเป็นคำพูดทำเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเห็นสีหน้าและท่าทางของตนทั้งที่จริง
แล้วพอร์ชก็ทำได้แค่เพียงเอียงหูตั้งใจฟังคำขอร้องอู้อี้ของคนรักที่นั่งหลับตาซบ
หลังของตนเองอยู่ก็เท่านั้น



            ห๊ะ??? พอร์ชละอยากจะสบถคำว่าห๊ะให้ดังไปถึงดาวอังคาร เผื่อจะมีมนุษย์
ต่างดาวใจดีช่วยส่งคู่มือการเลี้ยงดูเมียแปดมิติอย่างไอ้ห่าโซ่กลับมาให้บ้าง เขาจะได้
เดาอารมณ์มันถูกสักที บอกตรงๆ เลยว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มีเรื่องมาให้ปวดหัวทุกวัน เกี่ยว
กับตรรกะแปลกๆ และอาการติสท์แตกของมัน แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อ ‘รัก’ ไปแล้ว



            “เกี่ยวอะไรกับชานมไข่มุกวะ?”



            “ไม่เกี่ยวแต่กูอยากกิน…จบนะ” ตบตุบลงไปบนไหล่ขวาของคนรักเป็นการปิด
ประเด็นการพูดคุยได้อย่างสวยงาม(?) ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดอ้อนแฟนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ด้วยการซุกหน้าถูไถไปมาบนแผ่นหลังกว้างของพอร์ชอย่างเพลิดเพลิน



            “พาขี่รถเล่นก็แล้ว ชาไข่มุกก็ได้กินแล้ว ทำไมยังหน้างออยู่อีกละเมีย” พูดพลาง
เอื้อมมือเข้าไปบีบแก้มป่องทั้งสองข้างของโซ่เล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว



            ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนยังไงที่คนเคยผอมอย่างโซ่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากจนมอง
ไปทางไหนก็น่าจับ น่าบีบ น่าหยิกเล่นไปหมด



            “พอร์ช” โซ่เอ่ยเรียกคนรักทั้งที่ยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เหมือนเดิม



            “ว่า?”



            “เหมือนลืมอะไรว่ะ แต่ก็คิดไม่ออกว่าลืมอะไร” พูดจบก็อ้าปากงับหลอด
ดูดชานมไข่มุกในมือไปอีกอึกใหญ่



            แต่ในระหว่างนั้นเอง…



            ‘โอ้ย…กูบอกมึงแล้วใช่ไหมไอ้ตี้ว่าให้รีบออกมา แม่งก็มัวแต่เล่นเกมอยู่ได้
ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีดอกไม้ไปร่วมทำพานกับเขานะ…หัวหน้าห้องแดกหัวกูแน่’



            เด็กหนุ่มคนหนึ่งบ่นเสียงเครียด ในขณะที่อีกคนก็ตีหน้านิ่งแต่แววตาวิบวับ
โคตรกวนตีนเดินผ่านหน้าพอร์ชกับโซ่ไปเหมือนมองไม่เห็น ทั้งที่คนหนึ่งเป็นรุ่นน้อง
ในแผนกโซ่ ส่วนอีกคนพอร์ชก็จำได้ดีว่ามันคือไอ้รุ่นน้องตัวแสบในแผนกตนเองเช่นกัน
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเพราะประเด็นสำคัญมันอยู่ที่…



            “ฉิบหายแล้วครับเมีย”



            “ลืมพาน/กูลืมซื้อดอกไม้”



            แล้วนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้พ่อและแม่พี่มณีตารีตาเหลือกแว๊นน้องแมนกลับ
ไปที่บ้านยายของโซ่อีกครั้ง เพราะโซ่รับปากกับเพื่อนไว้แล้วว่าจะเอาพานที่บ้านไป
ช่วยงานเหมือนปีที่ผ่านมา ในขณะที่พอร์ชเองก็ได้รับหน้าที่ซื้อดอกไม้ตามรายการที่
เพื่อนจดใส่โพยมาให้ด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านอยู่ใกล้ตลาดแค่ไม่กี่ก้าว



            “ดอกไม้มึงซื้อพรุ่งนี้ก็ทัน แต่ตื่นเช้าหน่อยนะ กูว่าพรุ่งนี้ดอกไม้น่าจะขายดี”



            โซ่ที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงเตรียมพร้อมที่จะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์พูดบอกกับ
คนรักที่กำลังยืนเป็นชีเปลือยนิ่งค้างอยู่หน้าทีวีเพราะเจ้าตัวกำลังเลือกไม่ถูกว่าจะทำอะไร
ก่อนดีระหว่างเช็ดตัวกับการเชียร์การแข่งขันฟุตบอลในทีวี



            “เมียจ๋าอย่าเพิ่งนอน พี่พอร์ชขอจุ๊บก่อน…มาจุ๊บๆ กัน” พอหันไปเห็นว่าคนรัก
พร้อมนอนเต็มที่พอร์ชก็รีบหอบหิ้วเอาร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองเข้าไปคลอเคลีย
หอมแก้มซ้ายขวา หน้าผาก จมูก คาง ปิดท้ายด้วยริมฝีปากจนหนำใจ



            “ดูแค่คู่เดียวพอนะพอร์ช” ชี้นิ้วพูดเตือนทั้งที่ยังคงหลับตา เพราะกลัวคนบ้าบอล
อย่างพอร์ชจะอยู่รอดูบอลจนจบครบสองคู่ที่มีตารางแข่งขันในคืนนี้



            “รับทราบครับเมีย!” พยักหน้ารับปากเสียงขันทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่แต่หน้าจอทีวี



            “รีบไปใส่เสื้อผ้านะพอร์ช เดี๋ยวไม่สบาย” เพราะเป็นคนขี้ร้อนกันทั้งคู่ เวลานอนจึง
เปิดแอร์ค่อนข้างเย็นถึงเย็นมาก โซ่ก็เลยอดห่วงชีเปลือยตรงหน้าไม่ได้ กลัวว่ามันจะแข็งตาย
ไปซะก่อนถ้ายังขืนยืนแก้ผ้าท้าลมหนาวอยู่อย่างนี้



            “คร้าบๆ ไปแล้วคร้าบ…” ตกปากรับคำเป็นอย่างดี แต่ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มี
การขยับเขยื้อนไปไหนอย่างที่ปากบอก



            35 นาทีผ่านไป



กึก กึก



            เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่ที่เกมการแข่งขันฟุตบอลในทีวี พอร์ชจึงไม่ทันได้ยินเสียง
แปลกๆ ที่ดังแทรกเสียงผู้บรรยายฟุตบอลขึ้นมาเบาๆ



ปุ*!*



            “โอ้ย…เหี้ย! อะไรวะ?”



            พอร์ชที่กำลังดูการแข่งขันฟุตบอลอย่างเพลิดเพลินเจริญใจถึงกับร้องเสียง
เมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดที่กลางหลัง



            “มึงสิเหี้ย กูบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ไปแต่งตัว มายืนแก้ผ้าเป็นชีเปลือยอยู่ได้
สงสารเจ้าที่เจ้าทางเขาบ้างสิ ป่านนี้ไม่เป็นตากุ้งยิงกันหมดแล้วรึไง…ไปใส่เสื้อผ้า!”



            โซ่ที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงมองดูพอร์ชด้วย
สายตาดุๆ พร้อมอาวุธในมือ ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน แต่เป็นปืนบีบีกันของเล่นใหม่ของ
พอร์ชที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงยังไงล่ะ



            “มันเจ็บนะโซ่!” หันไปกระเง้ากระงอดใส่คนรัก



            “ก็ทำให้เจ็บไง กูบอกให้มึงไปใส่เสื้อผ้าตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วแล้วนะพอร์ช”



            “ก็ขอดูแปปเดียว”



            “แปปเดียวของมึงนี่จะรอให้ครบสี่สิบห้านาทีแล้วต่อด้วยทดเวลาอีกรึเปล่าพอร์ช
กับอีแค่เดินไปเอาเสื้อผ้ามาใส่นี่มึงจะตายรึไง…ตู้เสื้อผ้าก็อยู่แค่เนี้ย”



            “พลาดแค่วินาทีเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดีไม่ดีเฮียเมสของพี่อาจจะยิงประตูเข้าก็ได้”



            พอร์ชยังคงเถียงข้างๆ คูๆ ต่อโดยที่ไม่คิดจะไปใส่เสื้อผ้าหรือแม้แต่จะหยิบผ้าขนหนู
ขึ้นมาห่อตัวแก้หนาวหรือกันโป้แม้แต่นิดเดียว โซ่ถึงกับกัดฟันกรอดยกบีบีกันในมือขึ้นเล็งอีกครั้ง
ด้วยเป้าหมายที่ลงต่ำกว่าเดิม ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำเอาพอร์ชถึงกับเสียววาบ



            “แต่ถ้ามึงยังไม่ไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่อีกละก็…ลูกมึงไม่ได้เกิดแน่ไอ้พอร์ช”



            “ใจร้าย…เมียใครไม่รู้ใจร้ายที่สุด!” พูดจบก็เดินสะบัดสะบิ้งออกไปยังโซนห้องแต่งตัว
ที่อยู่ห่างไปไม่ถึงสิบก้าว แต่เดินไปได้แค่สองสามก้าวก็เป็นอันต้องรีบหันกลับมามองทีวี ส่วนโซ่
เองก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอา พอร์ชก็เป็นแบบนี้ เถียงไม่ได้ก็ทำตลกเข้าสู้ทุกที



            “หึ…เนียนดูจบครบสองคู่จนได้สินะไอ้หมาพอร์ช”



            โซ่ที่กำลังหลับสบายถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่คนรักตั้งเตือนไว้
ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำ ในขณะที่เจ้าของโทรศัพท์อย่างพอร์ชกำลังนอนฉีกแข้งฉีกขานอนหลับสบาย
อยู่บนพื้นพรมตรงหน้าเตียงพร้อมกับซากซองขนมอีกจำนวนหนึ่งที่โซ่เห็นแล้วโมโหจนแทบ
อยากจะกระชากหัวคนรักที่กำลังม้วนตัวเปลี่ยนท่านอนขึ้นมาโบกสักทีสองทีให้สาแก่ใจ
แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ลง เห็นหน้างอยหมาของมันทีไรก็เป็นต้องใจอ่อนทุกที



            จัดการห่มผ้าให้คนรักเสร็จโซ่ก็เดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนที่จะออกมาหา
โพยรายการดอกไม้ของพอร์ชที่วางล่อตาอยู่บนโต๊ะหนังสือและใช้เวลาอีกนิดหน่อยในการ
หากระเป๋าสตางค์ของพอร์ชที่วางอยู่ไม่ไกล หลับตาตั้งสตินึกทวนอีกครั้งว่าในส่วนของตนเอง
มีอะไรที่จะต้องซื้อด้วยหรือเปล่า จนกระทั่งหันไปเห็นเสื้อคลุมของคนรักที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
ที่อยู่ไม่ไกลเลยคว้าเอามาใส่ทับปิดชุดนอนที่เป็นเสื้อกล้ามคว้านลึกของตนเอง เสร็จแล้วก็มุ่ง
ตรงสู่ตลาดสดที่อยู่ห่างจากบ้านไม่ถึงสิบเมตร



            “ห้องมึงใครถือพานวะเมีย”



            ดูเหมือนการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างทานมื้อเช้าเหมือนทุกวัน
แต่สถานการณ์วันนี้มันต่างไปและพอร์ชเองก็กำลังหยั่งเชิงเช็คอารมณ์ของคนรักว่า
กลับมาเป็นปกติหรือยัง หลังจากที่โดนคนรักปลุกด้วยด้ามไม้กวาดอันแสนหวานฟาด
เข้าที่กลางหลังด้วยเหตุที่ว่านอนดึกแล้วยังเสือกตื่นสาย แถมยังเป็นภาระให้คุณเมีย
ที่เคารพและโคตรรักเหนื่อยปลุกแต่เช้า



            “กูกับใครสักคน แล้วห้องมึงล่ะ?” ไม่ได้ตั้งใจจะกวนนะ แต่โซ่จำไม่ได้จริงๆ
ว่าคนที่ได้รับคัดเลือกจากอาจารย์ที่ปรึกษาให้มาถือพานคู่กับตนเองอีกคนคือใคร



            “โธ่เมีย…ผัวหล่อขนาดนี้จะเป็นใครที่ไหนได้ ก็ต้องเป็นพี่กับไอ้เด็กใหม่หน้าขาว
จั๊วะสิจ้ะที่รัก” ว่าแล้วก็งับหมูปิ้งของโปรดเมียเข้าไปอีกหนึ่งคำใหญ่ ตั้งแต่มีโซ่เข้ามาอยู่ในชีวิต
 ไม่มีวันไหนเลยที่หมูปิ้งเพื่อนรักจะหายไปจากมื้อเช้า เพราะพี่ท่านเล่นกินหมูปิ้งกับทุกสิ่งอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นโจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวสวย ข้าวเหนียว ขนมปัง หรือแม้กับน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋พี่ท่านก็สามารถ



            “ดูเหมือนมึงจะสนิทกับเด็กใหม่นี่จังเลยนะ” ไม่ได้หึงนะ แค่อยากจะเช็คให้ชัวร์



            “แหม…แม่มึงก็! ไม่ต้องหึงหรอกน่า พี่รู้ว่าพี่โคตรหล่อ โคตรรวยและ…โคตรใหญ่
แต่พี่ก็รักเมียคนเดียวน้า…” ยิ้มตาหยีหยอดคำหวานส่งให้คนรักอย่างเอาอกเอาใจ เพื่อปลอดภัย
ในชีวิตและความสงบสุขของครอบครัว



            “เพ้อเจ้อ…รีบกินให้เสร็จแล้วเอาจานไปล้างด้วย สายมากแล้ว” เพราะทางวิทยาลัย
ยกให้เป็นวันทำพานและต่อด้วยกิจกรรมวันไหว้ครูในวันถัดไป วันนี้พวกเขาทั้งสองจึงไม่ต้อง
เร่งรีบนัก แม้ว่าพอร์ชจะตื่นเอาตอนแปดโมงตรงก็ตาม

..

..

..

            “อรุณสวัสดิ์พอร์ช!”



            “กูว่ากูมาสายมากแล้วนะ ไหงมึงมาสายกว่ากูอีกวะไอ้เด็กใหม่” พอร์ชหันไปทักทาย
กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนใหม่ที่เดินเข้ามานั่งข้างกัน



            “เมื่อคืนเราดูบอลดึกเลยตื่นสาย” หัวเราะแหะๆ แล้วเปลี่ยนมายิ้มเจื่อนส่งให้แก้เขิน
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพอร์ชเป็นหัวหน้าห้องและมีหน้าที่คอยเช็คชื่อเพื่อนในวันนี้



            “เฮ้ยอย่าคิดมากน่า สายตอนเช้าไม่ว่า เพราะบางคนก็ขอออกไปซื้อของเพิ่ม แต่ถ้า
ตอนบ่ายไม่กลับมาช่วยกันทำพานกูเล่นแน่” ก็อย่างที่บอกไปว่าวันนี้งดการเรียนการสอนทั้งหมด
เพื่อให้เวลานักเรียนและครูช่วยกันทำพานในแผนก และมีบางส่วนที่ต้องไปช่วยกันจัดสถานที่
และทำบายศรีประกอบพิธีพราหมณ์ในตอนสาย



            “แต่อีกเดี๋ยวเราก็ต้องไปซ้อมถือพานแล้วนะ”



            “เออวะ” ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วนึกขึ้นได้ว่าตนเองมีนัดซ้อมถือพานรอบสุดท้าย
ตอนสิบโมงถึงเที่ยง ถ้าเดินสวยถูกใจตามที่ครูฝึกสอนต้องการก็คือจบ แต่ถ้าไม่ก็ต้องซ้อมต่อ
ในตอนบ่าย ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน



            “ไงไอ้เพื่อนยากมัวมานั่งจู๋จี๋กับชู้อยู่นี่เอง โน้น…เมียมึงเดินมาตามแล้วครับ” เป้รีบเดิน
เข้ามาตามเพื่อนรักทันทีที่เห็นโซ่เดินตรงมาแต่ไกล เพราะไม่ไว้ใจในอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือน
พายุของโซ่ที่ไม่รู้ว่าจะหึงรึเปล่า ถ้าเดินมาเห็นคนรักของตัวเองนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับใครอีกคน
ที่เจ้าตัวยังไม่มีโอกาสได้รู้จัก เพราะเท่าที่ซีเล่าวีรกรรมเก่าๆ ของโซ่ให้ฟัง เป้ว่ามันไม่ใช่เรื่องตลก
เลยถ้าใครจะไปล้อเล่นกับลมเพชรหึงที่ไม่สามารถวัดระดับความรุนแรงของโซ่ได้



            พอร์ชรีบลุกเดินออกมารอรับคนรักที่ประตูทางเข้าแผนกด้วยความเป็นห่วง เพราะถ้าไม่มี
เรื่องหรือเดือดร้อนจริงๆ ไม่มีทางเสียหรอกที่โซ่จะโผล่หน้ามาให้พวกเพื่อนๆ ในแผนกของเขาเป่า
ปากร้องแซวถึงที่แบบนี้



            “พอร์ช”



            “โซ่…” โซ่เรียกพอร์ชน่ะถูกแล้ว แต่คนที่เรียกโซ่ไม่ใช่พอร์ช กลับเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งจะ
เดินออกมายืนขั้นกลางระหว่างโซ่กับพอร์ชไว้ต่างหากละ



            “ไอ้เหี้ยทอย”









Facebook : Peera_Porsche​

เมียใคร...ทำไมหล่อ?

#พอร์ชอวดแฟน​ #คนอวดเมีย2018







TBC.

​เขาเป็นใครหนอ? เขามาจากไหน? ใครมาทำอะไร...ยังไง...และเมื่อไหร่?
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #37 {08/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-08-2018 21:30:55
รอบหน้า จากปืนบีบี เป็นอาก้าแน่นอน  :hao4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #37 {08/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-08-2018 23:53:59
รอๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #37 {08/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 09-08-2018 00:18:50
รอจ้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #37 {08/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-08-2018 12:42:30
น่าจะเป็นศัตรูคู่แค้้้นของนุ้งโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #37 {08/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-08-2018 18:31:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #38 {10/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 10-08-2018 16:46:43


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{38}





[Ps. ตอนนี้กรุณาอ่านช้าๆ อย่างใช้สติ อย่าอ่านข้าม ไม่เช่นนั้นคุณจะงง]





“ไอ้เหี้ยทอย” เอ่ยเรียกด้วยเสียงเรียบนิ่งแล้วกระโจนเข้าขย้ำใส่อีกฝ่ายด้วย
ท่าทางรุนแรงเสียจนคนรอบข้างตกใจอ้าปากค้าง เพราะไม่มีใครเลยนอก
จากบุญล้อมจะเคยเห็นโซ่ในมุมนี้ แม้ว่าจะเป็นคนรักที่อยู่ข้างกายแทบจะ
ตลอดเวลาอย่างพอร์ชก็ตาม



“คุณโซ่อย่า / เฮ้ยไอ้โซ่!” มีมากกว่าสิบเสียงที่ร้องห้ามโซ่ แต่คนที่ไวที่สุด
ก็คือพอร์ชที่พุ่งเข้าไปคว้าตัวคนรักไว้ได้ทัน ก่อนที่ทอยจะโดนโซ่หักคอเข้าจริงๆ



“ใจเย็นก่อนครับคุณโซ่…เราพลาดไม่ได้แล้วนะครับ” บุญล้อมที่เดินตามเพื่อน
มาเห็นฉากสำคัญพูดบอกเสียงดังในตอนแรก ดึงโซ่ออกจากพอร์ชเข้ามากอด
รัดไว้ในอ้อมแขนก่อนที่จะกระซิบเสียงเบาในประโยคสุด



โซ่หลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาล
ของตนเองไว้ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรกับใครทั้งนั้น



“เกิดอะไรขึ้นวะล้อม” แวนที่เพิ่งจะหายจากอาการตกใจรีบเอ่ยถามคนรัก



“ไม่มีอะไรหรอกครับ สงสัยช่วงนี้พิษสุนัขบ้ามันระบาดมากเกินไปจนคุณโซ่เกิดคลั่ง
อยากจะกัดกับ ‘หมา’ ขึ้นมา” ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่สายตาเอาเรื่องของบุญล้อม
ที่จดจ้องไปที่ใบหน้าทอยอย่างเอาเรื่องในยามที่พูดถึง ‘หมา’ แบบเน้นคำนั้น มันทำ
กำลังให้ทุกคนเกิดความสงสัยเพราะตั้งแต่รู้จักกันมา อย่าว่าแต่จะหาเรื่องคนเลย
ลำพังแค่จะตบยุงพ่อมหาคนดีแกยังห้ามเพราะกลัวเกรงในบาปกรรม



“มึงรู้จักพวกไอ้โซ่ด้วยหรอวะเด็กใหม่?” เป้เอ่ยถามหลังจากที่บุญล้อมกับเพื่อนรัก
อย่างพอร์ชวิ่งตามโซ่ไปติดๆ



“ยิ่งกว่ารู้จักอีกครับ” ทอยที่มองตามหลังพอร์ชไปจนสุดสายตาหันมายิ้มหวานส่งให้เป้
พร้อมตอบคำถามด้วยสีหน้าและท่าทางดูเจ้าเล่ห์ต่างจากบุคลิกขี้อายในตอนแรกของเจ้าตัว



“ลองได้ทำให้คนที่นิ่งเป็นหินเย็นเป็นน้ำเหมือนไอ้โซ่คลั่งทันทีที่เจอหน้ากันอย่างนี้
ได้กูว่าไม่ธรรมดาแล้ววะเพื่อนเป้ งานนี้กูขอฟังธงเลยว่า…บรรลัยแน่นวล”



“ไปไหนแล้ววะ” พอร์ชหันไปถามบุญล้อมที่ยืนหอบอยู่ข้างกัน



“ไม่รู้เหมือนกันวะ” เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่บุญล้อมหลงลืมความสุภาพไปชั่วขณะ
ส่วนพอร์ชเองก็เป็นห่วงโซ่จนไม่ได้สนใจอะไร



“เฮ้ยไอ้ล้อม! เพื่อนมึงมันรีบไปไหนของมันวะ กูเห็นปีนกำแพงหลังออกไป ดีนะวันนี้
เขาปล่อยฟรีไม่อย่างนั้นได้โดนพ่อมึงเรียกไปด่าแน่” ก็เหมือนว่าจะเป็นการทักทายกัน
ธรรมดาตามประสาเพื่อนต่างแผนกที่นานๆจะได้เจอกันสักที ถ้าไม่บังเอิญว่าบุญล้อม
กับพอร์ชกำลังตามหาโซ่อยู่พอดีละนะ เพราะทันทีที่รู้ว่าโซ่อยู่ไหน พวกเขาก็พุ่งตรง
ไปทางนั้นทันที



“คงไปไกลแล้วละ” บุญล้อมทิ้งตัวนั่งพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อพักเหนื่อย หลังจากที่วิ่ง
ตามหาโซ่มาแล้วรอบสนามกีฬากลางจังหวัดที่อยู่ติดกันกับวิทยาลัย



“มันจะไปไหนได้ยังไงในเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่กันทุกคน” พอร์ชพูดบอกอย่างไม่ยอมถอดใจ
ในเมื่อบุคคลที่สามารถเป็นสารถีรับส่งโซ่ได้อย่างเขากับบุญล้อมหรือเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ 
ต่างก็ยังทำงานกันอยู่ในวิทยาลัยครบทุกคน



“ครบกันมาเป็นปี ผมคิดว่าคุณพอร์ชจะรู้จักคุณโซ่ได้มากกว่านี้ซะอีก สุดท้ายแล้วก็ได้แค่
เปลือกนอก” เมื่อตั้งสติได้บุญล้อมก็กลับมาใช้คำสุภาพพูดคุยกับพอร์ชเหมือนเดิม จะต่าง
ก็ตรงสีหน้าและท่าทางของเจ้าตัวที่กำลังแสดงถึงการดูถูกออกมาอย่างชัดเจน



ก่อนจะพูดออกมาอีกว่า…



“คุณโซ่ไม่ใช่คนที่ดีเลิศหรือว่าวิเศษวิโสมาจากไหนหรอกนะครับ แต่การที่ใครสักคนจะ
คบหากับคุณโซ่ได้ ผมว่าแค่ความรักกับความชอบคงไม่พอ” พูดจบก็ปีนกำแพงกลับเข้า
ไปในรั้ววิทยาลัยเช่นเดิม ทิ้งให้พอร์ชนั่งจมอยู่กับความรู้สึกสับสนของตนเองแต่เพียงลำพัง



ครืด ครืด

1 message From… ‘ผัวไอ้แวน’

‘ Facebook : Soh_ Aisoon / IG : family_manee.ps ’



‘ผมรู้นะครับว่าคุณพอร์ชรักคุณโซ่มาก เพราะคุณโซ่เองก็รักคุณมาก…มากจนคุณคาดไม่ถึงเลยละ’



ยังไม่ทันได้เปิดอ่านข้อความแรก ข้อความที่สองก็ถูกส่งต่อเข้ามาในเวลาติดๆกัน



ครืด ครืด



‘อาจจะฟังดูเหมือนคนเห็นแก่ตัวไปนิด แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้คุณยืนอยู่คุณโซ่
คอยปกป้องคุณโซ่ อย่าลังเล อย่าเอนเอียง และอย่าเข้าข้างใคร’



ยิ่งอ่านข้อความของบุญล้อมมากเท่าไหร่ คิ้วพอร์ชก็ยิ่งขมวดเป็นปมมากขึ้นเท่านั้น


จนกระทั่ง…



‘เพราะพื้นหัวใจของคุณโซ่ไม่มีเหลือให้บาดแผลใหม่เกิดอีกแล้ว…โชคดีนะครับ’



พอร์ชกดปดโปรแกรมแชทที่ใช้ติดต่อพูดคุยกับบุญล้อม โดยไม่ลืมที่จะคัดลอกชื่อ
account Social Media ต่างๆ ของโซ่ไว้ค้นหาตามโปรแกรม



สารภาพตรงๆ เลยว่าตั้งแต่คบกันมาพอร์ชไม่เคยรู้เลยว่าคนรักเล่น Social Media
อย่าง IG หรือ Facebook เหมือนกันมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้เขายังเคยแซวเจ้าตัว
อยู่เลยว่า ชอบพกกล้องถ่ายรูปไปไหนมาไหน เก็บภาพความทรงจำมากมาย แต่ไม่
เคยเห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอันของเจ้าตัวเลยสักครั้ง จนกระทั่ง…



Facebook : Soh_ Aisoon

เพื่อน 5 คน

มีผู้ติดตาม 618,694 คน



Instagram : family_manee.ps

2,863 posts     570k followers     4 following



“เหี้ย! กูมีเมียเป็นเซเลบหรอวะเนี่ย? อะไรจะติดตามกันเยอะขนาดน้าน…”



พอร์ชตกใจอ้าปากค้างเมื่อเห็นยอดคนติดตามใน Facebook และ Instagram ของ
คนรักที่มีมากกว่าตนเองหลายเท่าทั้งที่เจ้าตัวเป็นคนเงียบๆ มีโลกส่วนตัวสูงซะจน
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ในช่องทางออนไลน์ต่างๆ กลับมีคนติดตามมากมายถึงหลักแสนคน

..

..

..

“ไง…ไหนว่าเลิกแล้ว กลับมาหากูอีกทำไมครับมึง?”



ชายหนุ่มเจ้าของร้านที่กำลังยืนเช็ดแก้วอยู่หน้าเคาน์เตอร์ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นรุ่นน้อง
คนสนิทเดินเข้ามาในโกดังร้านนมซึ่งจะกลายสภาพเป็นร้านเหล้าทันทีเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน



“เรื่องไม่เศร้า ขอเหล้าแก้ว” นั่นคือประโยคแรกที่โซ่ใช้ทักทายกับรุ่นพี่หลังจากที่เดิน
ตรงเข้าไปหามุมสงบสุดทางที่เคยเป็นโต๊ะประจำของตนเองและเพื่อนๆ ในอดีต



กึก



แก้วเหล้าสีเข้มถูกนำมาวางตรงหน้าโซ่ด้วยความอภินันทนาการจากเจ้าของร้านสุดหล่อ
ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ว่างตรงหน้าโซ่



“เอาจริงนะโซ่ กูไม่รู้หรอกว่ามึงไปเจอเรื่องเหี้ยอะไรมาแต่มึงก็น้องที่กูรักไง เอาตรงๆ เลยนะ
ถ้าเป็นไปได้กูไม่อยากให้มึงก้าวกลับเข้ามาในร้านกูเลยวะ ไม่อยากให้มึงวกกลับเข้าวังวนเดิมๆ
ที่เคยทำให้มึงตกนรกทั้งเป็น…ไอ้แยมเองก็คงคิดเหมือนกันกับกู”



พูดสิ่งที่อยู่ในใจจบก็เตรียมที่จะลุกหนี แต่โดนโซ่เรียกไว้ซะก่อน



“พี่เค้ก”



“?” เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



“ไอ้ทอย…กูไปเจอไอ้ทอยมา”

..

..

..



‘โซ่ไปมีเรื่องกับเด็กใหม่มาหรอ ไม่เอาได้ไหม เลิกยุ่งกับเขาได้หรือเปล่า เพื่อนแยมบอกว่าคนนั้น
เป็นลูกผู้กำกับที่เพิ่งย้ายมารับตำแหน่งใหม่…เดี๋ยวได้เป็นเรื่องใหญ่อีก’



แยมโรลเด็กหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักน่าเอ็นดู บุคคลผู้ซึ่งชนะในการโหวตให้เป็นดาวประจำรุ่น
ด้วยเพราะรูปร่างหน้าตาหรือผิวพรรณที่ดูขาวเนียนสดใสและเปล่งปลั่งเกินหน้าเกินตาความเป็น
บุรุษเพศของตนเอง



‘ลูกผู้ชายเขาไม่วิ่งแจ้นไปฟ้องพ่อเพราะมีเรื่องต่อยตีกับใครหรอก ตัวเองไม่ต้องห่วง’



ด้วยศักดิ์ศรีของหัวหน้าแก๊งกางเกงขาสั้น มีหรือที่ไอ้โซ่คนนี้จะยอมให้ไอ้เด็กใหม่มาหยามกัน
ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามาเรียนด้วยการทำกร่างตบหัวลูกน้องในปกครอง



‘ไม่ให้ห่วงตัวเองแล้วจะให้เค้าห่วงใคร รักมากขนาดเน้…’ โผเข้ากอดคนรักด้วยรอยยิ้มพร้อม
หัวใจที่เป็นกังวล



จะให้บอกโซ่ได้ยังไงว่าเมื่อกี้ตนเองเพิ่งจะโดนไอ้บ้านั่นลวนลามในห้องน้ำมาหมาดๆ ในเมื่อ
โซ่เองก็เป็นคนใจร้อน ส่วนไอ้ห่านั้นก็บ้าอำนาจทำกร่างเกรียนตั้งแต่เข้ามาเรียนวันแรก ไหน
จะอิทธิพลของพ่อมันที่ค้ำคออยู่อีกละ ถ้ามีเรื่องกันจริงๆ โซ่มีแต่เสียเปรียบแน่ๆ



‘ไงวะไอ้โซ่ได้ข่าวว่าเป็นขาใหญ่ที่นี่หรอวะ? แต่สงสัยจะใหญ่ไม่จริง เพราะเก่งจริงมึงคงตาม
เช็คบินตั้งแต่กูล้วงตูดเมียมึงเมื่อสองอาทิตย์ก่อนแล้วม้าง…’





โซ่ตวัดสายตาถามหาคำตอบจากคนรัก ส่วนทอยหัวเราะร่าอย่างสะใจโดยมีลูกน้อง
ของทอยคอยสมทบ



‘อ้าวๆ เงียบอย่างนี้แสดงว่ามึงไม่ได้บอกผัวมึงเรื่องในห้องน้ำหรอวะอีตุ๊ด!’



โซ่กำหมัดแน่นในขณะที่แยมโรลเองก็กอดแขนคนรักไว้แน่นเช่นกัน เพราะไม่อยาก
ให้โซ่มีเรื่องกับคนแบบนี้



‘กูจะบอกอะไรให้นะไอ้โซ่ เมียมึงน่ะ…เวลาอยู่ในห้องก็ไม่ต่างจากกระหรี่นักหรอก
เพราะพวกกูจับมันแก้ผ้ากลางห้องมาแล้วโว้ย’



ตุบ! ผัวะ!



สิ้นเสียงเหยียดหยามของทอยก็กลายมาเป็นเสียงฝ่ามือและส้นเท้าของโซ่แทน
เพราะทันทีที่ทอยพูดจบโซ่ก็จัดหมัดเท้าเข่าศอกประเคนให้ทอยและลูกสมุนอีก
สี่ห้าตัวของทอยแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ เอาแบบไม่ต้องมีเวลาพักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว



‘เค้าบอกแล้วไงว่าอย่าไปมีเรื่องกับพวกมัน เห็นไหมว่าพ่อมันบ้าอำนาจขนาดไหน
นี่ดีนะที่พ่อเค้าไม่สั่งพักการเรียนอ่ะ ไม่อย่างนั้นเราสองคนจะต้องเรียนไม่ทัน
เรียนไม่รู้เรื่อง และก็อาจจะไม่ได้เป็นหมอหมาอย่างที่ฝันกันไว้แน่เลยตัวเอง’



ความจริงแล้วทั้งสองคนก็เรียนอยู่ห้องเดียวกันนั่นแหละ แต่ถูกพ่อของแยมโรลที่
ใช้สิทธิ์ในการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนจับแยกห้องออกจากกัน ด้วยเกรงว่าถ้าปล่อย
ให้คู่รักสนั่นโลกสองคนนี้นั่งเรียนห้องเดียวกันมีหวังจะพากันเรียนไม่จบ เพราะมัวแต่
คุยเล่นกันจนทำเกรดตกมาแล้วในเทอมแรก



‘ก็ใครใช้ให้มันมารังแกตัวเองละ เค้าไม่ฆ่ามันตายห่าก็บุญหัวแล้ว’ แม้ว่าจะโกรธแค่ไหน
 แค่สรรพนามมุ้งมิ้งน่ารักก็ยังคงอยู่



‘ใช่ซะที่ไหนเล่า…พวกมันก็แค่พูดโม้ไป ใครจะบ้าอยู่เฉยให้มันจับแก้ผ้า ตัวเองนั่นแหละ
หูเบาซอโซ่!’ ว่าแล้วก็งับหูเข้าเต็มแรง เผื่อว่าเจ้าตัวจะหูหนักเชื่อคำเตือนจากเขาบ้าง



พรึ่บ!



‘จะทำอะไร ปล่อยเค้าเลยนะ คนนิสัยไม่ดี’ แยมโรลร้องโวยออกมาทันทีเมื่อถูกคนรัก
รวบลงเตียง ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อมตัวลงมาทาบทับ



‘จะ…ปล้ำ’



‘งื้อ…ไอ้คนบ้า!’

​..

..

“อะไรมันจะรักกันขนาดนั้นวะ รักจนกูหมั่นไส้!” พอร์ชเหมือนเป็นคนบ้าที่ต้องมานั่ง
อิจฉาแมวอย่างพี่มณีลูกรักที่ไม่ว่าจะเปิดดู account ไหนของโซ่ก็จะได้เห็นรูปถ่าย
พี่มณีในมุมต่างๆ วันๆ หนึ่งอัพลงกันเป็นสิบรูป นานๆทีก็จะมีรูปของเขาหลุดมาให้ชื่นใจสักที



จนกระทั่ง…



If I could turn back time, I would’ve promised to look after you better.

(ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันสัญญาจะดูแลคุณให้ดีกว่านี้



Not a day goes by that I don’t think of you.

(ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณ)





Without you, the world has no meaning

(โลกมันไม่มีความหมายแล้วถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วย)





ข้อความอาลัยพร้อมหลักฐานรูปคู่ระหว่างโซ่กับใครสักคนที่เขาไม่รู้จักมากมาย
เต็มกระดานข่าวหน้าหลักใน Facebook ของโซ่ที่ไม่ต้องมีใครบอกพอร์ชก็สามารถ
รับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าทั้งสองคงเป็นแฟนกันและคงจะรักกันมาก…มากกว่าเขาคนนี้เสียด้วยซ้ำ



หัวใจที่เคยฟูฟ่องในตอนแรกกลับมาลีบแบน รู้สึกหน่วงจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็น
คำพูดยังไง รู้แต่ว่าตอนนี้เขากำลังอิจฉา กำลังน้อยใจ กำลังรู้สึกแย่กับความโศกเศร้า
ที่กำลังกัดกินหัวใจของตัวเองให้ตายทั้งเป็น





“มึงเคยรักกูจริงๆ รึเปล่าวะโซ่...รักเหมือนที่กูรักมึงจนแทบบ้าแบบนี้!!!!!!”









TBC.

 เพราะในตอนนี้และตอนหน้ามีการย้อนอดีตไปยังวันวานอันแสนหวาน(รึเปล่า?)ของโซ่
เพราะฉะนั้นกรุณตั้งสติก่อนสตาร์ทนะคะ ถ้างงก็ลองอ่านซ้ำอีกที แต่ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ IB
เข้ามาหาคนเขียนในเพจได้จ้า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง #ด้วยรัก #คิดถึงม๊าก!
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #38 {10/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-08-2018 16:59:10
แหนะ!!! อิพอร์ชน้อยใจอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #38 {10/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-08-2018 18:08:31
เอา fb  ไปถามบุญล้อมดีกว่ามานั่งถามตัวเอนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #38 {10/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-08-2018 18:34:47
ตั้งใจอ่านอย่างดีเลยจ๊ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #38 {10/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-08-2018 08:18:57
ดราม่ามา...
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #39 {15/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 15-08-2018 17:06:57

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{39}







            “ปล่อยมันไปเถอะวะ เดี๋ยวเวรกรรมแม่งก็ตามทันแหละ คนจัญไรแบบนี้
อยู่ได้ไม่นานหรอก…เชื่อกูเถอะ”



            “เจ้ากรรมนายเวรของมันก็กูนี่ไง” ก็รู้ว่าอีกฝ่ายเตือนด้วยความหวังดี
แต่จิตใจที่ร้อนรุ่มของโซ่มันกำลังร้องบอกว่าเวลาของการแก้แค้นมันได้มาถึงแล้ว



            “ถ้าไม่นึกถึงอนาคตตัวเอง ไม่คิดถึงความรู้สึกของไอ้พอร์ชก็ลองย้อนกลับ
ไปมองความรักความห่วงใยของน้องกูที่พยายามจะปกป้องมึงจนถึงวินาทีสุดท้าย
ของชีวิตมันด้วยก็แล้วกัน”



            เค้กเดินออกไปแล้ว แต่โซ่กำลังโดนจิตใต้สำนึกพาย้อนกลับไปยังวันวาน

..

..

            ‘เป็นห่าไรอีกมึงนั่งทำหน้าเป็นส้นตีน’



            ‘หน้ามึงสิเหมือนส้นตีนไอ้เหี้ยเพชร! กูกำลังรอแยม ไม่รู้มัวทำห่าอะไรอยู่
โทรไปก็ไม่รับ’ ด้วยความที่หงุดหงิดคนรักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วโซ่จึงสวนกลับทันที
เมื่อโดนเพื่อนรักแซว



            ‘มันไปหาพ่อมันรึเปล่ามึง เมื่อกี้กูเพิ่งเดินผ่านห้องมันมาเห็นปิดประตูล็อค
กุญแจไปแล้ว’ ยศตามมาสมทบเป็นคนสุดท้ายหลังจากทำเวรเสร็จพูดบอกกับเพื่อน
ทั้งสอง เพราะเขาเพิ่งจะเดินผ่านหน้าห้องของแยมโรลมาเมื่อกี้นี้เอง



            ‘ไปไหนของมันวะ’ ถ้าวันนี้ไม่มีนัดไปดูหนังด้วยกันโซ่จะไปเป็นห่วงอย่างนี้เลย
เพราะปกติแล้วคนรักจะกลับบ้านพร้อมกันกับพ่อที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ถ้า
วันไหนเขาสองคนมีนัดจะไปไหนด้วยกันความรับผิดชอบก็จะตกมาอยู่ที่เขา
เพราะแยมโรลไม่เคยผิดนัดเลยสักครั้ง



            ครืด ครืด



            ‘ตัวเองอยู่ไหน!’ แม้ว่าสรรพนามจะอ่อนหวานคงเดิมแต่น้ำเสียงเข้มขรึมไปแล้ว



‘ตัวเอง...เกษตร…แปลงเกษตร’



            ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ โซ่รีบวิ่งพุ่งตรงไปยังแปลงเกษตรที่อยู่ทางด้าน
หลังโรงเรียนทันทีด้วยหัวใจที่ร้อนรนเหมือนสัญชาตญาณกำลังบอกว่าคนรักไม่ปลอดภัย



            ‘แยม…แยม!’



            หัวใจของโซ่แตกสลายเมื่อได้มาเห็นคนรักที่กำลังนอนคุดคู้อยู่กลางแปลงผัก
แปลงสุดท้ายที่เป็นจุดอับสายตาในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าโดยมีเสื้อผ้าที่ถูกฉีก
ขาดกระจัดกระจายรายล้อมอยู่รอบตัว



            ‘โซ่…’ ฝ่ามือเรียวเล็กที่เคยช่วยคอยกุมมือโซ่ในยามเหงากำลังสั่นเทาเหมือน
ลูกนกตกรัง ในหน้าเนียนใสเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ตามร่างกายที่เคยผุดผ่องก็เต็มไป
ด้วยร่องรอยการทำร้าย หนักสุดคงจะเป็นช่วงล่างที่เลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำกาม



            ‘ตัวเองซุ่มซ่ามเดินหกล้มอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย? ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวเค้าช่วยทำแผล
ให้เอง  คราบดินสกปรกพวกนี้ก็เหมือนกัน…เค้าจะทำความสะอาดมันให้เอง’ ลูบไล้มือไป
ตามร่องรอยความบอบช้ำบนร่างกายของคนรักอย่างไม่นึกรังเกียจ ใช้สายตาจ้องมองและ
จดจำคราบเลือด คราบไคลเหล่านี้แล้วทดไว้ในใจ…สักวันหนึ่งกูจะขยี้พวกมึงด้วยส้นตีนของกูเอง!



            ‘พาแยมกลับบ้านก่อนดีกว่าวะโซ่’

            เพชรยื่นเสื้อคลุมตัวนอกของตนเองให้เพื่อนรักใช้คลุมร่างกายแยมโรล โดยที่
ไม่ก้มลงไปมองภาพนั้นซ้ำอีก บอกตรงๆ ถึงใครจะมองพวกตนว่าเป็นอันธพาลเพราะชอบ
มีเรื่องต่อยตีกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย แต่อย่างหนึ่งคือพวกขาจะไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ยิ่งได้มาเห็นคนรักของเพื่อนในสภาพแบบนี้ ก็ยิ่งรับไม่ได้…
มันสะเทือนใจเกินไป โดยเฉพาะกับโซ่ที่ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรในขณะที่หัวใจร้อนรุ่มเหมือนโดนไฟเผา



            ‘เป็นเหี้ยอะไรของพวกมันวะมองหน้ากวนส้นตีนฉิบหาย’ ยศบ่นงึมงำเป็นรอบที่ร้อย
หลังจากที่ต้องทนมองพวกทอยทำสีหน้าเยาะเย้ยใส่ด้วยเหตุอันใดก็ไม่สามารถคาดเดาได้



            ‘พ่อมันใกล้ตายแล้วมั้ง…ช่างแม่งเหอะ’ เพราะให้คำสัตย์และรับปากกับคนรักอย่าง
แยมโรลไปแล้วว่าจะไม่มีเรื่องกับพวกทอย และเพื่อความสบายใจของคนรักโซ่จึงทำเป็นเอา
หูไปนาเอาตาไปไร่ทำเหมือนพวกทอยเป็นแค่เศษฝุ่นไร้ค่าไปวันๆ แม้ว่าทางนั้นพยายามจะ
ปั่นประสาทของตนเองอยู่เรื่อยก็ตาม



            ‘เฮ้ยพวกมึงดูห่าอะไรวะเสียงดังไปถึงข้างนอก…เดี๋ยวแม่มึงก็เข้ามายึดโทรศัพท์
เอาอีกหรอก’ เพชรเอ่ยแซวเพื่อนๆ ในห้องที่รวมหัวมุงดูหนังอย่างว่าอยู่กลางห้องแบบไม่
คิดปิดบังจนเสียงดังออกไปนอกห้อง ก่อนที่จะแหวกกลุ่มเพื่อนแล้วมุดเข้าไปอยู่กลางวง
หวังจะไปร่วมดูด้วยแบบขำๆ อย่างทุกที แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรทันทีเมื่อได้เห็นบุคคลในคลิป



            ‘ฉิบหายแล้ว…ไอ้โซ่!’



            เพชรหันมาเรียกเพื่อนด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ทัน เพราะโซ่วิ่งไปไกลแล้ว
สิ่งเดียวที่พอทำได้คือการวิ่งตามไปห้าม ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นมาจริงๆ



            ‘ไอ้เหี้ยทอย!’



            ‘โอะโอ…ดูสิว่าใครมาหา’



            ‘โซ่!’



            แยมโรลร้องเรียกชื่อคนรักเสียงหลงเมื่อเห็นคนรักมายืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าประตูห้อง



            ‘ไงวะ? ลองได้เหมือนหมาบ้ามาอย่างนี้คงเห็นคลิปลับที่กูกับเพื่อนๆลงทุน
เปลืองเนื้อเปลืองตัวเป็นพระเอกให้สุดที่รักของมึงแล้วซินะไอ้พี่โซ่ขาใหญ่…ฮะฮะฮ่า’



            ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหหรือเก็บกดมานาน พอได้เห็นสีหน้าสะใจของอีกฝ่าย
โซ่ก็ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงคว้ากรรไกรตัดกระดาษในมือของคนแปลกหน้าที่กำลัง
จัดบอร์ดอยู่แทงเข้าตรงบริเวณหน้าท้องข้างซ้ายของทอยมิดด้าม ก่อนที่จะออกแรงง้าง
ด้ามกรรไกรออกจากกันแล้วหมุนควงเป็นวงกลมท่ามกลางความตื่นตนกตกใจของผู้ร่วม
เหตุการณ์มากกว่าสี่สิบคน



            ‘ก่อนตายก็อย่าลืมวิ่งกลับไปฟ้องพ่อมึงนะว่ากูเป็นคนทำ’ พูดจบกระชากกรรไกร
ออกจากหน้าท้องของทอยได้อย่างเลือดเย็น ทิ้งให้ทอยยืนตาเหลือกอยู่กับที่โดยที่ไม่มี
ใครกล้าเข้าไปช่วยเลยสักคน



            ‘ตัวเองระวัง!’



            แยมโรลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่แรกหลุดจากภวังค์ความตกใจทันที
เมื่อเห็นคนรักตกอยู่ในอันตราย เพราะคนที่โซ่คิดว่าสิ้นฤทธิ์ไปแล้วอย่างทอยฝืน
ความเจ็บหยิบมีดพกของตัวเองขึ้นมาทำท่าจะจ้วงแทงโซ่ที่กำลังยืนหันหลังให้



            ‘แยมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!’



            โซ่ร้องเรียกคนรักสุดเสียงเมื่อหันหลังกลับมาพบความจริงที่ว่าแยมโรลวิ่ง
เอาตัวเข้ามารับคมมีดจากทอยแทนตนเอง



            ‘โรงพยาบาล! พาแยมไปโรงพยาบาลก่อนไอ้โซ่!’ คนที่มีสติที่สุดอย่างเพชร
ร้องบอกกับเพื่อนด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นบาดแผลของแยมโรลที่อยู่ระดับหน้าอกพอดี



            ‘ทนก่อนนะแยม…ทนก่อน’ ไม่ต้องรอให้เพชรพูดซ้ำ โซ่รีบช้อนตัวคนรักอุ้มออก
จากจุดเกิดเหตุแล้วมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลทันที ด้วยฝีเท้าการเหยียบคันเร่งแบบมิดไมล์
ของผู้อำนวยการซึ่งก็คือพ่อผู้ให้กำเนิดของแยมโรลนั่นเอง ก่อนที่จะบอกให้รถพยาบาล
ออกไปรับทอยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่โรงเรียนอีกคน หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
จากการบอกเล่าของเพชรที่กระโดดขึ้นรถตามมาด้วย

..

..

            “เมาแล้วก็กลับบ้านสิวะ ป่านนี้น้องกูชะเง้อหาจนคอหักแล้ว”



            “แล้วมึงเสือกอะไรวะ?” โซ่หันไปเลิกคิ้วถามคนแปลกหน้าด้วยน้ำเสียงคางยาน
เพราะเมามากแล้ว หลังจากที่นั่งดื่มคนเดียวมาตั้งแต่เช้ายันค่ำด้วยชุดช็อปปักแถบโชว์
ความเป็นเด็กช่างเต็มยศที่แบบว่าถ้าบังเอิญเจอตำรวจเข้าคงได้มีเรื่องบันเทิงเริงใจกัน
อีกเยอะเลย และคนที่จะซวยที่สุดก็คงไม่พ้นเจ้าของร้านอย่างเค้กที่อนุญาตให้โซ่เข้า
มาดื่มจนเละแบบนี้



            “กูจะไม่เสือกเลย ถ้ามึงไม่ใช่เมียน้องกู” ออดี้หยิบยกคำพูดที่โซ่เคยใช้ตอก
หน้าตนเองในวันวานขึ้นว่าเจ้าตัวบ้าง



            “ใครวะ?” พยายามจะลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้าแต่ก็ยากเต็มทน



            “ไม่เสือกสิ” เป็นอีกครั้งที่ออดี้ยกคำพูดของโซ่กลับมาว่าเจ้าตัว



            “อ๋อ…กูรู้แล้ว…มึง…ออดี้อ่อ? ใช่ไหม? กูจำได้ๆ พี่ไอ้พอร์ชมีสองคน…
มีพี่โฟล์ค…มีมึง…ไอ้เหี้ยดี้”



            “ปกติกูก็ว่ามึงกวนตีนสุดๆ แล้วนะ แต่พอเมาแล้วจะเรียกหมากูยังสงสารมาเลย…
ไอ้เด็กเหี้ยลามปามฉิบหาย” ออดี้ได้แต่ส่ายหน้าอย่างละอาเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับคนเมา
ที่ขืนตัวสุดแรงในยามที่เขาพยายามจะประคองมันขึ้นมาจากโต๊ะเพื่อที่จะพากลับไปส่งบ้าน



            “โทรให้ไอ้พอร์ชมันมาจัดการกันเอาเองเถอะพี่ อย่างไอ้โซ่น่ะปกติว่าพูดยากแล้ว
ตอนเมานี่โคตรงี่เง่าเลย น้อยคนนักจะเอามันอยู่” เค้กทีเพิ่งว่างจากการดูแลลูกค้าพูดบอก
ไปตามที่รู้



            ออดี้พยักหน้ารับคำแล้วทำตามคำแนะนำของเค้กโดยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
โทรหาน้องชายให้มารับตัวคนรักของเจ้าตัวกลับไป

..

..

            ‘โซ่…ยิ้ม’



            แยมโรลที่เพิ่งฟื้นตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับไปสามวันเต็มๆ พยายามพูดบอก
ให้คนรักที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียงยิ้มด้วยความลำบากเต็มทนเพราะติดเครื่องช่วยหายใจ



            ‘เค้าขอโทษนะตัวเอง เค้าผิดเอง ตัวเองรีบหายนะ’ จะให้โซ่ยิ้มได้อย่างไรใน
เมื่อคนรักอาการสาหัสขนาดนี้ จะมาอยู่เฝ้าก็เพราะแยมโรลยังคงต้องนอนดูอาการใน
ห้องปลอดเชื้ออยู่ แม้ว่าหมอจะทำการเย็บปอดที่ฉีกไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังวางใจไม่ได้



            แยมโรลยิ้มตาหยี ส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ว่า…



            ‘รัก’



            ‘อื้อ…รักเหมือนกัน รักที่สุด จบเรื่องนี้แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ เค้าจะไม่
ใจร้อนแบบนี้อีกแล้ว’ โซ่เองก็ยังมีเรื่องคดีที่ต้องเคลียร์ แต่ไม่กล้าบอกกับแยมโรล
เพราะกลัวว่าคนรักจะคิดมากจนเกิดภาวะช็อกที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต



            พยักหน้ารับก่อนที่จะยื่นนิ้วก้อยข้างที่ไม่ติดสายน้ำเกลือส่งให้โซ่



            ‘สัญญาครับ’ ยื่นนิ้วเข้าไปเกี่ยวก้อยด้วย ก่อนที่จะก้มลงไปจูบหลังมือของ
คนรักอย่างแผ่วเบาเป็นการบอกลาเพราะพยาบาลเข้ามาเตือนเรื่องหมดเวลาเยี่ยมแล้ว

..

..

            “ทำไมไม่รับสายวะโซ่!” พอร์ชเดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นอยู่กลางบ้านอย่าง
ไม่รู้จะทำอะไร หลังจากที่เที่ยวไปตระเวนตามหาคนแล้วมาทั้งวัน ไปมาแล้วทั่วทุก
สารทิศที่คิดว่าคนรักจะไป แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเป็นทุกครั้ง เพราะที่เหล่านั้นไม่มีแม้แต่ร่องรอยของโซ่



            Tru Tru Tru



            “ถ้าจะโทรมากวนตีนกูไม่ว่างทะเลาะกับมึงหรอกนะเฮีย” เพราะครั้งสุดท้าย
ที่ได้คุยกันมันจบได้ไม่สวยนัก พอร์ชจึงเอ่ยทักไปอย่างนั้นเมื่อเห็นเบอร์พี่ชายคนรองโทรเข้ามา



            /// ก็ไม่ได้อยากจะโทรนักหรอก ถ้าเมียมึงไม่มาเมาเป็นหมาให้กูรำคาญสายตา
ตั้งแต่เช้าอะนะ มารับมันด้วยที่…///



            กว่าจะรู้ตัวออดี้ก็วางสายไปแล้ว ยังดีที่พอร์ชมีสติมากพอจะจำชื่อร้านที่เป็น
สถานที่บันเทิงซึ่งเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นยามค่ำคืนของยุคนี้ไว้ได้ ก่อนที่จะคว้ากุญแจ
รถยนต์ของโซ่ที่แขวนไว้ไม่ใกล้ไม่ไกลมาถือไว้แล้วพุ่งตัวออกจากบ้านทันทีด้วยความร้อนใจ

..

..

            ‘เกิดอะไรขึ้น?’ โซ่เอ่ยถามกับเค้กซึ่งเป็นพี่ชายของแยมโรลที่กำลังยืนทำ
หน้าอมทุกข์อยู่หน้าประตูห้องปลอดเชื้อของแยมโรล โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลวิ่ง
เข้าวิ่งออกแลดูวุ่นวายไปหมด



            ‘ความดันเลือดต่ำ ชีพจรแผ่วลง’



            โซ่ถึงกลับทรุดเมื่อได้ยินคำตอบจากพี่ชายของคนรัก เพราะสิ่งเหล่านี้คือ
หนึ่งในหลายสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตามที่หมอเคยเตือนไว้
ในตอนแรก ซึ่งโซ่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น



            ‘หมอ!’



            แม้ว่าจะมีเพื่อนๆ และญาติพี่น้องของแยมโรลยืนอยู่ตรงนั้นอีกหลายคน
แต่คนที่ถึงตัวหมอเป็นคนแรกกลับเป็นโซ่ที่นั่งอยู่ห่างออกไป



            ‘หมอเสียใจด้วยครับ’



            หมอและทีมผู้ช่วยไปหมดแล้วเหลือทิ้งไว้แต่กลุ่มคนที่มีน้ำตาเพราะความเสียใจ
เมื่อต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีทางหวนกลับคืนมา



            ‘ขอโทษแยม เค้าขอโทษ กลับมาก่อนได้ไหม กลับมาหาเค้าก่อนนะ จะด่าจะว่า
หรือจะตบจะตียังไงก็ได้ กลับมาบ่นเค้าก่อนนะตัวเอง…เค้ายังบอกรักตัวเองไม่ครบพันครั้งเลย’



            นอกจากเพื่อนๆ ของโซ่แล้วก็มีพ่อแม่พี่น้องของแยมโรลนี่แหละที่ต้องเป็นฝ่าย
หันหน้าหนีไปคนละทางเพราะไม่อาจทนมองภาพนี้ได้ แม้ว่าจะตกอยู่ในสภาวะโศกเศร้า
เสียใจไม่แพ้กัน แต่การที่ต้องมาเห็นหัวแข็งที่เข้าใจผิดคิดมาตลอดว่าเจ้าตัวน่าจะมีนิสัย
หยาบกระด้างอย่างโซ่วิ่งตามเตียงเข็นศพคนรักไปด้วยน้ำตานองหน้าแบบนี้ก็สะเทือนใจไม่น้อย



            ‘อย่าทิ้งเค้าไปแบบนี้สิแยม!’



            ‘กลับมาก่อน…แยม!’



            'แยม'

,,

,,

            “แยม…”



            “โซ่…โซ่…ได้ยินที่กูพูดไหมโซ่!” พอร์ชตบหน้าคนรักเบาๆ เพื่อเรียกสติ
หลังจากที่พยายามเรียกอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตอบรับ แถมเอาแต่เพ้อหา
แฟนเก่าให้เขาช้ำใจเล่นอีก



            เกิดเป็นไอ้พอร์ชนั้นแสนลำบาก มีเมีย…เมียก็ไม่รัก!



            “ใครวะ? ทำไมเสือกกับกูจัง” โซ่พยายามที่จะผลักพอร์ชออกห่างจากตัว



            “กูพอร์ชผัวมึงไงครับเมีย” พอร์ชเองก็พยายามที่จะแบกโซ่กลับบ้านอย่างไม่ยอมแพ้



            “กูไม่เคยมีผัวชื่อพอร์ช!”



            พอร์ชถึงกับใจหายวาบ อ้าปากค้างชะงักค้างกลางอากาศ หยุดทุกอย่างที่กำลังทำ
ปล่อยให้โซ่ได้มีโอกาสกลับไปกอดขวดเหล้าได้ต่อ



            ในตอนนั้นจู่ๆ โซ่ก็เด้งตัวลุกขึ้นมาชูแล้วเหล้าขึ้นเกว่งไปมากลางอากาศ แล้วพูดขึ้นว่า…



            “แต่…ผัวกูชื่อไอ้หมาพอร์ชต่างหากล่ะ…ไอ้ควาย! วะฮะฮ่า…” คนเมาหัวเราะร่า
ในขณะที่คนสติสัมปชัญญะครบถ้วนอย่างพอร์ชเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน



            พอร์ชทรุดตัวนั่งลงข้างคนรักด้วยใบหน้าแดงก่ำที่เกิดจากความขวยเขินแบบกะทันหัน



            “ถ้ามันทำให้มึงกล้าบอกกับคนอื่นว่าเป็นอะไรกับกูได้แบบนี้ กูจะยอมเป็นหมาให้ก็ได้”
คว้าตัวคนรักเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงเป็นการใหญ่ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าก่อนนี้ตนเองได้น้อยใจอะไรไปบ้าง



            “กอดไม? ไม่กอดๆ ห้ามกอดกูนะ…กูหวง” ใช้สองแขนกอดรัดตัวเองแล้วหมุด
ตัวไปมาทำเหมือนหวงแหนเสียเต็มประดา



            “มึงจะหวงทำไม มากกว่ากอดกูก็ทำมาแล้ว” จัดการหอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่
ให้รู้กันไปเลยว่าอะไรเป็นอะไร



            “ทำพ่อง! มึง…มึง…กูจะฟ้องไอ้พอร์ช…มึงแกล้งกูอีกแล้วใช่ไหมไอ้เหี้ยดี้”
คนเมาก็คือคนเมา สติไม่มี สตางค์ก็หาย ไม่รู้หรอกว่ากำลังคุยกับใคร เพราะมันเกินขีด
จำกัดของร่างกายแล้ว



            แต่เขาว่ากันว่า*…คนเมามักจะพูดความจริงนะ*



            “ไงวะ…หนักเลยใช่ไหม?” ออดี้ที่เพิ่งจะสังเกตเห็นน้องชายรีบเข้ามาทักทาย



            “เออ…เอาเรื่องอยู่ ว่าแต่หมดทั้งหมดนี่เท่าไหร่ ยังไม่ได้คิดเงินใช่ไหม” ชี้โบ้ชี้เบ้
ไปที่กองขวดเหล้าและโซดาบนโต๊ะที่เหลือแต่ขวดเปล่า เพราะไหลลงท้องโซ่ไปหมดแล้ว



            “พามันกลับได้เลย ญาติมันเคลียร์ให้หมดแล้ว”



            “ญาติ?” พอร์ชถามเสียงหลง ไอ้เรื่องเพื่อนเก่าหรือแฟนเก่าของโซ่เขาอาจจะยังรู้
ไม่หมด แต่สิ่งหนึ่งที่พอร์ชมั่นใจมากคือ เขาได้รู้จักกับญาติทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ของโซ่
ครบหมดทุกคนแล้วแน่นอน ไม่มีพลาดหรอก



            “หรือมึงจะให้กูบอกว่าพี่ชายเมียเก่ามันเคลียร์ให้ดี?” ก็ไม่ได้อยากจะตอกย้ำหรอกนะ
แต่เขายังมีปัญหารอให้จัดการต่ออีก จึงไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้



            “กวนตีนกูสินะ…มัวแต่เสือกเรื่องของกู หางของมึงน่ะเก็บไว้ให้มิดแล้วกัน ถ้ายัง
ไม่อยากให้คุณนายปลื้มจิตตามมาฉีกอก ‘ลูกเขยคนรอง’ ถึงที่นี่ โทษฐานที่เอาลูกชาย
สุดที่รักของเขามากกไว้โดยไม่บอก…ไม่กล่าว”



            ลอยหน้าลอยตาพูดบอกเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ตั้งใจให้มันรู้ไปเลยว่าตัวเขานั้น
เริ่มระแคะระคายเรื่องของมันตั้งแต่ที่มันเดินเข้าไปบอกกับป๋าและแม่ว่าจะไม่กลับไปเรียน
 แต่จะร่วมหุ้นทำร้านอาหารกับเพื่อนแทน ทั้งที่ปกติแล้วคุณชายอย่างมันเกลียดงานครัว
จะตายไป แถมก่อนหน้านี้เขายังเคยเห็นมันเดินกอดคอหยอกล้อกันอยู่หน้าโรงหนังโดย
บังเอิญอีกด้วย แต่ติดที่ว่าตามไปทักไม่ทัน เพราะมันเดินหายเข้าโรงหนังไปซะก่อน



            “ไปๆ รีบพาเมียมึงกลับไปเลยไอ้น้องเวร กูอุตส่าห์ช่วยดูเมียให้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ
ยังเสือกมากวนตีนอีก รู้งี้ปล่อยให้ไอ้พวกห่านั่นคาบไปแดกซะก็ดีหรอก” ออดี้เอื้อมมือไป
ผลักหัวน้องชายอย่างแรงโทษฐานที่มันรู้มากเกินไป ไม่วายที่จะพยักพเยิดหน้าไปทางด้าน
หลังที่มีวัยรุ่นกลุ่มใหญ่นั่งอยู่เป็นเชิงบอกว่า ‘ไอ้พวกห่านั่นแหละที่จะสอยเมียมึง’



            “เออไปแล้ว มึงก็อย่าลืม…รีบพา ‘ผัวเด็ก’ ไปให้แม่รับขวัญด้วยล่ะ” จะไปอยู่แล้ว
ยังไม่วายที่จะหันกลับมากวนประสาทพี่ชายอีกหนึ่งดอก



            “ไอ้เหี้ยพอร์ช!” กว่าจะรู้ตัวพอร์ชถอยรถหนีไปแล้ว เลยได้แต่ชี้หน้าอาฆาตอยู่ไกลๆ



            “ดี้!” พอร์ชถอยรถกลับมาเปิดกระจกชะโงกหน้าเรียกพี่ชาย



            “จะเอาอะไรจากกูอีก” ยืนกอดอกถามด้วยความเซ็งเพราะไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อ
พูดเถียงอะไรไปก็สู้ความกวนประสาทของขั้นสูงสุดของน้องชายไม่ได้อยู่ดี



            “กูเคยบอกมึงรึยัง?” เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม



            “อะไร?” เลิกคิ้วถามอย่างงงๆ



            “มึงเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดของกูเลยนะ…รักนะเว้ยไอ้…เฮีย” พูดจบ ไม่สิ ตะโกนบอกรัก
เสร็จมันก็มุดหัวกลับเข้าไปในรถแล้วขับหนีออกไปทันที ทิ้งให้ออดี้ยืนเหวออยู่ที่เดิมคนเดียว



            “มึงนี่มันห่ามเกินคนจริงๆไอ้พอร์ช แต่ก็…รักเหมือนกันวะไอ้น้องบ้า”









TBC.
ให้พื้นที่พี่น้องเขาเคลียร์กันหน่อย

ตอนหน้าเตรียมเนื้อเพลงจันทร์เจ้าไว้ให้พร้อม #นุ้งโซ่พร้อมเปิดทำการแสดง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #39 {15/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-08-2018 01:04:10
ทอยโผล่ทำไมฟะ  :m16:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #39 {15/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 16-08-2018 04:45:59
น้องโซ่ยังมีเรื่องไม่หยุดไม่หย่อนเลย สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #39 {15/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-08-2018 12:33:59
ยังไงต่อ?
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #39 {15/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-08-2018 17:54:27
ลูกคุณนายปลื้มจิต ฮาร์ดคอ ทุกคนเลยนะ5555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #39 {15/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 17-08-2018 10:09:32
 o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #39 {15/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-08-2018 21:32:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 31-08-2018 21:19:45

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{40}






             “จอด…จอด…จอด!”



            “ทำบ้าอะไรโซ่! อยากตายรึไง!” พอร์ชเกือบจะหลุดมือฟาดหน้าคนรักไปแล้ว
ถ้าไม่ติดที่ว่าหันกลับไปแล้วเห็นว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้อยู่ หลังจากที่อีกฝ่ายเอี้ยวตัวมา
แย่งพวงมาลัยทำให้รถเสียหลัก แต่ดีที่ถนนว่างจึงไม่มีใครเป็นอะไร



            “ดุ! คุณหมา…คุณหมาดุน้องโซ่ทำไม” เบะปากน้ำตารื้นขอบตา



            “โอ้ย…กูจะบ้า! อารมณ์ไหนของมึงอีกครับน้องโซ่” แม้ว่าจะถอนหายใจทิ้งไปแล้ว
ประมาณสิบรอบ แต่พอร์ชก็ไม่เคยคิดรำคาญอารมณ์แปรปรวนของคนรักเลยสักนิด
ออกจะเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ



            “จะหาไอ้หมาพอร์ช คุณหมาตามไอ้หมาพอร์ชให้หน่อย หมากับหมาคุยกันยู้เยื่อง! คิคิ”
เอียงคอหัวเราะคิกคักเรียกหาคนรักจากอีกฝ่ายที่คิดว่าเป็นคนแปลกหน้า



            “โอ้ย…กูขอซื้อได้ไหมไอ้คำว่ายู้เยื่องกับคิกคิกกิกกิกอะไรของมึงเนี่ย!” พูดเหมือนจะ
ไม่ชอบแต่มุมปากกลับฉีกยิ้มกว้าง เมื่อได้เห็นมุมน่ารักแบบแปลกๆ ของคนรัก



            “พอร์ชหรอ? พอร์ช…คุณหมาไปตามพอร์ชมาแล้วใช่ไหม” เอื้อมมือเข้าไปสัมผัส
ใบหน้าของพอร์ช ก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้าไปช้อนตามองใกล้ๆ ดูให้แน่ใจว่าใช่คนรักหรือเปล่า



            “เออกูเอง” พอร์ชเองก็เล่นตามน้ำ



            “อยากเดินเล่น” บอกถึงความต้องการในส่วนลึกของจิตใจที่ไม่อาจทำได้ในยามมี
สติครบถ้วนสมบูรณ์ความ



            “ที่ไหน?” ใจจริงแล้วพอร์ชอยากจะพาโซ่กลับไปนอนหลับพักผ่อนที่บ้านมากกว่า
แต่อย่างที่รู้กันว่าคนเมาฤทธิ์มากกว่าตอนปกติขนาดไหน เขาจึงเลือกที่จะตามใจอีกฝ่าย
มากกว่า เผื่อความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจะดีขึ้น เพราะเขาว่ากันว่า…คนเมาไม่โกหก



            “น้ำ…ริมน้ำ”



            เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วพอร์ชก็เลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทาง มุ่งตรงไปยังสวนสุขภาพ
ริมแม่น้ำน่านซึ่งจุดเริ่มต้นความรักระหว่างเขากับโซ่ ในตอนที่โซ่ไข้ขึ้นสูงจนเขาต้องแบก
กลับบ้านไปเจอกับแม่อย่างคุณนายปลื้มจิตที่เปรียบเสมือนนางฟ้า(วัย)ชราที่คอยสอนสั่งให้
เขาเข้าที่เข้าทางเปลี่ยนจากหมา(ที่กินไม่เลือก)กลายเป็นคน(ที่รักเดียวใจเดียว)ได้อย่างทุกวันนี้



            “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า…ขอแล้วต้องให้” แบสองมือชูขึ้นเหนือหัวทำเหมือนกับว่า
กำลังขอพรจากพระจันทร์อยู่จริงๆ



            “ขอแหวนทองแท้…ให้น้องโซ่ใส่” ใช้สองแขนอ้อมมากอดคอคนรักไว้ ก่อนจะทำ
ท่าสวมแหวนกลางอากาศ ทำเอาพอร์ชถึงกับหัวเราะลั่น รับรองเลยว่าเขาจะไม่มีทางได้เห็น
โซ่ในสภาพเด็กน้อยไร้เดียงสาแบบนี้ได้ในยามมีสติแน่ๆ



            “ขอพี่พอร์ช…ให้น้องโซ่ขี่” ออกแรงรัดคอเสียแน่นจนพอร์ชแทบจะหายใจไม่ออก
แต่ดีที่เจ้าตัวคลายแขนออกทัน แล้วเปลี่ยนมาใช้ต้นขารัดเอวเขาแทนเมื่อถึงท่อนที่ว่า…



            “ขอตักอุ่น…ให้น้องโซ่นั่ง”



            “ขออกกว้าง…ให้น้องโซ่นอน” โครงหัวไปมาก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อรู้สึกเวียนหัว
แล้วเอียงหน้าซบลงบนบ่ากว้างของพอร์ชพร้อมกับที่ท่องกลอนวรรคสุดท้ายจบลงที่ว่า…



            “ขอให้พี่พอร์ช…อย่าทิ้งน้องโซ่ ~ กิกิกิ”



            “เมาแล้วหมดสภาพเลยนะพี่โซ่คนแมน” พอร์ชบ่นใส่คนเมาบนหลังอย่างไม่จริงจัง



            “ม่ายมาว~ น้องโซ่ไม่มาว~ มั่ว! ไอ้หมาพอร์ชมั่ว!” คนเมาพูดเถียงคางยาน



            “เออไม่เมาก็ไม่เมา แค่เดินไม่ไหวเท่านั้นเองตกลงไหม?” ตบตูดคนบนหลังแปะๆ
ด้วยความหมั่นไส้ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ ยังเสือกร้องจะขี่คอ แถมยังโยกตัวไปมาไม่ยอมอยู่นิ่งเป็น
การเพิ่มภาระในการเดินให้เขาซะอย่างนั้น



            “ตก…ลง…เอิ้ก~ คึคึ” ก็อย่างที่เขาว่ากันว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา เพราะแค่
ขนาดเสียงเรอของตัวเองมันก็ยังหัวเราะขำออกมาได้อย่างสนุกสนาน



            “รั่วฉิบหาย” บนกับตัวเองเบาๆ แต่คนเมาเสือกได้ยิน!



            “นิสัยไม่ดี! ไอ้หมาพอร์ชนิสัยไม่ดี! ชอบทำให้คนอื่นเขาปวดหัว!” ตะโกนด่าว่า
คนที่เป็นม้าให้ขี่พร้อมทั้งขย่มตัวไปมาเหมือนเด็กเอาแต่ใจ



            “อยู่เฉยๆ เดี๋ยวแม่งก็ล้มไปเจ็บตัวทั้งคู่นี่แหละ!” เขย่าตัวตบตูดให้คนเมาหยุดพยศ



            “นิสัยไม่ดี! เกลียด! เกลียดไอ้หมาพอร์ช!” ตะโกนว่าออกมาอีกครั้ง



            “เออ! อยากเกลียดก็เกลียดไป เดี๋ยวกูรักมึงเอง”



            ฟิ้ว~



            ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันทีหลังจากที่พอร์ชพูดจบ หรือว่าโซ่จะหลับไปแล้ว?



            “เน้…” ยังจ้า…มันยังไม่หมดฤทธิ์อีกครับท่าน!



            “อะไร?” เอ่ยถามออกไปพร้อมกับหยุดเดิน



            “รู้ไหมว่ากูรักใคร?” เอ่ยถามออกมาแม้ว่าจะอ้อแอ้เต็มทน



            “คนชื่อแยมมั้ง” พูดไปก็เจ็บไป ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นแม่งพร้อมกับลูกลิงบนหลังนี่แหละ
ถ้ามันเมื่อยเดี๋ยวมันก็ปล่อยเองแหละ แต่ถ้ามันอยากเกาะก็ให้มันเกาะต่อไปไม่ว่ากัน



            “ใช่…กูรักแยม รักมาก รักจนไม่คิดจะรักใครอีก” หลับตามองขึ้นฟ้าเพราะไม่อาจลืมตา
สู้แสงได้ แม้ว่าอยากจะเห็นแสงจันทร์ส่องใจดวงใหม่อย่างพอร์ชมากก็ตาม



            ‘เจ็บสมใจมึงไหมไอ้พอร์ช…ไอ้โง่!’ เมื่อได้ยินคำตอบพอร์ชก็เอาแต่ก้มหน้าเม้มปากแน่น
พยายามบังคับไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายของตัวเองไหลออกมา



            “จนได้มาเจอไอ้หมาพอร์ช” พอร์ชถึงกับต้องหยิกตัวเองดูเพื่อทดสอบความรู้สึกว่า
ตัวเองไม่ได้เพ้อไปเอง



            “คนบ้าอย่างมันที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่กูขาด มาเยียวยาในจุดที่กูบอบช้ำ
และช่วยรักษาบาดแผลในหัวใจของกู”



            “โซ่…”



            “หัวใจ…ที่เคยช้ำเลือดช้ำหนองรอวันตายของกู”



            “…..”



            “บอกกูหน่อยสิว่ากูควรจะทำยังไง ต้องทำแบบไหน ไอ้พอร์ชมันถึงจะรู้ว่ากูรักมัน
รักมาก จนบางครั้งกูก็กลัวที่จะต้องเสียมันไปอีกคน”



            “…..”



            “ช่วยบอกมันแทนกูทีได้ไหมว่าตอนนี้กูรักมัน รักมันคนเดียว มันที่เป็นมัน…มันที่กู
ไม่เคยคิดจะเอามาแทนที่ใคร มันที่มีความหมายต่อหัวใจ…กูโคตรรักมันเลย…รักที่สุด”



            “โซ่…โซ่…โซ่…” พอร์ชสะกิดเรียกคนรักจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบผิดปกติ
พอเอี้ยวหน้าไปดูถึงได้รู้ว่าโซ่นอนหลับน้ำลายไหลยืดไปแล้วมีแค่เสียงงึมงำตอนกลับมา



            “อือ…”



            “โธ่…จะให้กูซึ้งต่ออีกสักสองวิก็ไม่ได้…เมียนะเมีย”



            “ฮึบ! อ่า…นี่ถ้าหลังกูยอกมึงต้องนวดให้กูนะเมีย” พอร์ชพูดบ่นพลางทิ้งร่างไร้เรี่ยวแรง
ของคนรักลงบนเตียงเบาๆ หลังจากที่ต้องแบกคนเมาไม่รู้เรื่องอย่างโซ่ขึ้นบันไดมาถึงสี่ชั้น
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็แบกเจ้าตัวเดินเล่นริมน้ำมาแล้วเป็นชั่วโมง
แถมโซ่ก็ไม่ได้เป็นพวกตัวเล็กน่ารัก แต่จัดอยู่ในหมวดเนื้อนมไข่ที่จับตรงไหนก็แน่นไป
หมดต่างหากล่ะ



            "อึก...อึก...อุก...”



            “อย่านะโซ่!”



            “อุ...แหวะ!"



            พอร์ชที่เข้าหายเข้าไปในห้องน้ำเผื่อหาอุปกรณ์มาเช็ดตัวให้คนรักรีบวิ่งออกมาร้องห้าม
ทันทีเมื่อได้ยินเสียงไอแปลกๆ จากคนรัก แต่ก็ช้าไป เพราะสุดท้ายแล้วโซ่ก็อาเจียนเต็มที่นอน



            “เฮ้อ…หางานให้กูอีกจนได้…ไอ้โซ่นะไอ้โซ่!” ฟาดตุบลงไปที่ก้นงอนๆ ของคนขี้เมา
เป็นการลงโทษหนึ่งที ก่อนที่จะลงมือทำความสะอาดคราบสกปรกที่เกิดจากฝีมือของคนรักอย่าง
ไม่รังเกียจแล้วปิดท้ายด้วยการอุ้มโซ่ไปลงอ่างอาบน้ำแปลงฟันทั้งสภาพเมามายไร้สติอย่างนั้นแหละ
กว่าจะได้นอนก็ปาไปค่อนคืน



            “อื้อ…หนาว~” โซ่ม้วนตัวกับผ้าห่มจนเป็นก้อนกลมๆก่อนแล้วค่อยๆ กลิ้งมาหาความอบอุ่น
จากอ้อมแขนของพอร์ชอย่างเคยชิน



ฟอด*!*



            “นอนได้แล้วครับเมีย วันนี้มึงดื้อเกินไปแล้ว” พอร์ชเองก็กางแขนคว้าตัวคนรักเข้ามา
ในอ้อมกอดแล้วปิดท้ายด้วยการจูบหน้าผากอย่างที่ทำเป็นประจำทุกคืน



            06:00 น.



            “จะมามัวนั่งอึนอะไรอีก ไปอาบน้ำเลย…สายแล้วนะ” พอร์ชที่กำลังยืนเซ็ตผมอยู่หน้า
กระจกในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเตรียมพร้อมที่จะไปร่วมงานวันไหว้ครูพูดบอก เมื่อโซ่เอาแต่นั่ง
ทำหน้าอึนอยู่บนเตียง แม้ว่าเจ้าตัวจะตื่นมามานานแล้วก็ตาม



            โซ่ค่อยคลานลงจากเตียงไปแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ เพราะอาการเมาค้าง
แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพราะว่าพอจะระลึกชาติขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตนเองทำอะไรบ้าๆ ลงไปบ้าง ถึงได้เกิด
อาการน้ำท่วมปากเพราะความรู้สึกผิดอยู่อย่างนี้



            พอร์ชได้แต่มองตามไปด้วยรอยยิ้มเพราะพอจะเดาได้ว่าโซ่เป็นอะไร แต่เขาก็เลือกที่
จะปิดปากเงียบ รอให้โซ่เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน



            “เอ้า! กินเยอะๆ หัวจะได้โล่ง” พอร์ชยกสารพัดอาหารและเครื่องดื่มแก้แฮงก์มาเสิร์ฟ
ให้โซ่ถึงที่ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้ม น้ำขิง เกลือแร่ วิตามิน รวมถึงกาแฟดำรสเข้มที่อาจจะทำให้โซ่ตา
แข็งไปอีกสามวันถ้าหากกินทั้งหมดนี้ไปพร้อมกัน



            “พอร์ช” นี่คือคำแรกที่โซ่ยอมเปิดปากพูดกับพอร์ชหลังจากตื่นนอนมาเกือบสองชั่วโมง



            “หืม…ว่าไงครับ?” ขานรับในขณะที่ก้มหน้าตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเพลิดเพลิน บอกตรงๆ
เลยว่า ตั้งแต่ที่ได้ยินคำบอกรักจากปากโซ่เมื่อคืนนี้ เขาก็ไม่อยากจะกดดันหรือคาดคั้นอะไรจากคนรักอีกแล้ว



            อดีตจะเป็นยังไงพอร์ชไม่สน เพราะปัจจุบันโซ่เป็นคนที่เขารัก…เท่านั้นพอ



            “ขอโทษ” เบะปากพูดบอกน้ำตาคลอ



            ถ้าเป็นคนอื่นโซ่อาจจะไม่คิดอะไร ไม่แม้แต่จะรู้สึกผิดเสียด้วยซ้ำ แต่พอมาเป็นพอร์ชแล้ว
…โซ่รู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ทำตัวแย่ๆ แบบนั้นใส่คนรัก



            “ขอโทษเรื่องอะไร?” เงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าพร้อมถามเสียงเข้ม



            “ก็…” เส้นเลือดในสมองโซ่ตอดตุบๆ เพราะไม่รู้จะเริ่มพูดที่เรื่องไหนก่อนดี



            “เรื่องที่ตัวเองบอกว่าตัวเองรักเค้ามากนะหรอ…ตัวเอง” ถามลากเสียงยาวพร้อมรอยยิ้ม
กว้างจนตาหยี ทำให้โซ่รู้สึกโล่งใจ เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก อะไรเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่อย่าง
น้อยพอร์ชก็ไม่ได้โกรธหรือเกลียดอย่างที่เขากำลังกลัว ถ้าดูจากแววตาสดใสของเจ้าตัวละนะ



            “ไอ้บ้า!”



            “อ้าว…ด่ากันซะงั้น! รู้งี้แกล้งดึงหน้าต่อนิดก็ดีหรอก เผื่อจะได้ดูเด็กเป่าโป่งก่อนไปวิลัย”
 เอียงคอซ้ายขวาแกล้งทำหน้าบ๊องแบ๊วใส่โซ่เป็นการล้อเลียน



            “รีบกินเลย! สายแล้ว!” ว่าแล้วพี่โซ่คนแมนก็แก้เขินด้วยการตักข้าวต้มร้อนๆ เข้าปาก
ตัวเองโดยที่ไม่ยอมเป่าให้เย็นก่อน เพราะอยากจะหนีสายตากริ่มกริ่มของคนรัก แต่หนีไม่พ้น
เพราะท้ายที่สุดแล้วก็กลายเป็นพอร์ชที่รีบลุกขึ้นมาดูอาการลิ้นพองให้ กลับกลายเป็นว่าต้อง
อยู่ใกล้กันมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก…เอ๋อจริงๆ ไอ้โซ่เอ้ย!



            “สดใสกว่าที่คิดแฮะ” คนแรกที่เข้ามาทักทายโซ่คือบุญล้อมที่กำลังรอการมาของ
คู่รักพอร์ชโซ่ด้วยความหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ดีตามที่คาดการณ์ไว้



            โซ่เบะปากยักไหล่ใส่เพื่อนรักอย่างบุญล้อมทำเหมือนไม่มีอะไร ก่อนจะเดินเลยเอา
ของที่เตรียมมาทำบุญไปวางเรียงบนโต๊ะว่างที่เพื่อนจองไว้ให้



            “ไปได้สวยใช่ไหมครับ” เมื่อพลาดคำตอบจากเพื่อนรักเป้าหมายต่อไปจะเป็นใครไปไม่ได้
ถ้าไม่ใช่พอร์ช



            “เออ…ขอบใจมากว่ะ” พอร์ชเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาแท็ก
กันกลางอากาศอย่างรู้งาน



            “จัดของมาไม่ครบหรอพอร์ช”



            “ได้ไง…พี่จัดมาครับ 9 ชุดแล้วนะ” เพราะโซ่เมามากหน้าที่จัดข้าวสารอาหารแห้งมา
ตักบาตรในวันนี้จึงตกไปอยู่ที่พอร์ชแทน



            “โอ้ย…” เป็นอาการของคนคันปากอยากด่าแต่ก็กลัวจะย้อนเข้าตัวเพราะความจริงแล้ว
หน้าที่นี้มันเป็นของเขา แต่เสือกเมาเป็นหมาไง พอร์ชเลยต้องเป็นฝ่ายจัดการแทน ซึ่งก็จะขาดๆ
เกินๆ อย่างนี้เป็นปกติของพี่เขาแหละ



            “จากเดิมมีแค่ 9 รูป แต่ผู้ใหญ่เขานิมนต์พระเกจิมาร่วมพิธีอีก 3 รูป รวมแล้วเป็น
12 รูปครับคุณพอร์ช” เพราะสงสารเพื่อนที่เกิดอาการน้ำท่วมปากอย่างกะทันหันบุญล้อม
จึงเป็นฝ่ายช่วยชี้แจงให้พอร์ชเข้าใจแทนโซ่ที่หน้าเหวี่ยงไปแล้ว



            “ไปซื้อเพิ่มก็ได้ พระยังไม่มาหรอก สหกรณ์ก็อยู่ใกล้แค่นี้…ฝากดูของหน่อยนะมหา
เดี๋ยวกูพาลูกพี่เขาไปซื้อของเพิ่มก่อน” ว่าแล้วก็จัดการลากโซ่ไปยังสหกรณ์ร้านค้าที่อยู่ฝั่ง
ตรงข้ามกับโต๊ะตักบาตรของตนเอง เพราะบุญล้อมเลือกจองโต๊ะใส่บาตรในช่วงท้ายของขบวน



            “ไหนว่าจะมาซื้อของใส่บาตรเพิ่ม แล้วไอติมในมือคืออะไรครับเมีย?” พอร์ชหรี่ตา
ถามอย่างจับผิด เมื่อโซ่เดินผ่านขนมและอาหารแห้งต่างๆ ไปยังตู้ไอศกรีมที่อยู่ด้านในสุดของร้านค้า



            “ก็แค่…อยากกิน” สุดท้ายก็ได้แต่แก้ตัวออกมาแบบน้ำขุ่นๆ จะให้บอกได้ยังไงว่ายัง
ไม่หายจากการแฮงก์เลยอยากจะได้ไอศกรีมรสมะนาวเปรี้ยวๆ เย็นๆ มาอุดปากระงับอาการ
คลื่นไส้ของตัวเองสักหน่อย เพราะถ้าขืนพูดออกไปตรงๆว่าปวดหัว มีหวังถ้าไม่โดนด่าเขาก็
จะต้องถูกไอ้บ้าพอร์ชแบกกลับบ้านจนอดเข้าร่วมพิธีไหว้ครูอย่างแน่นอน



            เพราะสำหรับเด็กช่างแล้วการได้เข้าร่วมพิธีบูชาองค์พ่อพระวิษณุกรรมซึ่งเป็นบรมครู
แห่งช่างก็ถือว่าได้รับพรอันสูงสุดแล้ว

            “ยังแฮงก์อยู่ก็บอกสิ มีเมียขี้เมาพี่เข้าใจ” พอร์ชทำเป็นพยักหน้าเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา
ในขณะที่สายตาคมของมันวาววับทำเหมือนกับว่ากำลังสมน้ำหน้าเขาอยู่อย่างนั้น



            สุดท้ายคนที่มีชะงักติดตัวอย่างโซ่ก็ไม่รู้จะโต้ตอบด้วยวิธีใด จึงได้แต่ชูนิ้วกลางพร้อมกับ
อวยพรให้คนรัก(_วย)รวยไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่จะเดินหนีออกจากร้านค้าเพราะทนความกวนประสาท
ของอีกฝ่ายไม่ไหว



พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส

แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง

ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง

มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู

            “พี่พอร์ชคนนี้ขออนุญาตถือพานคู่กับน้องโซ่ได้ไหมครับ” โซ่ที่กำลังเซ็งจากการจะ
โดนอาจารย์ฝึกสอนบ่นมาหมาดๆ เรื่องที่ไม่ยอมไปซ้อมถือพานรอบสุดท้ายถึงกับสะดุ้งตกใจ
เมื่อจู่ๆ พอร์ชที่โผล่มากจากไหนไม่รู้มานั่งแหมะอยู่ข้างกัน แถมยังเนียนยกพานคู่ที่ว่างของตน
ขึ้นมาถือเพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปนั่งเข้าแถวในพิธีอีกต่างหาก



            “เล่นบ้าอะไรพอร์ช เดี๋ยวพ่อมึงก็ตบกระบาลแยกหรอก กลับไปนั่งแถวห้องตัวเองเลย”
จะมีสักกี่คนที่จะไม่รู้ถึงกิตติศัพท์เรื่องความโหดของหัวหน้าแผนกช่างยนต์ที่พ่วงตำแหน่งอาจารย์
ที่ปรึกษาของห้องพอร์ชด้วย มาทำเป็นเล่นในงานพิธีการแบบนี้เดี๋ยได้โดนตบหัวแตก



            “ไม่ว่าหรอก กูขอเขาแล้ว” เพราะการไหว้ครูรอบแรกนี้เป็นการเคารพครูบาอาจารย์ทุกคน
ในวิทยาลัย ไม่มีการแบ่งแยกเป็นแผนกใครแผนกมันดังนั้นพอร์ชจึงกล้าเข้าไปขออนุญาตอาจารย์
ที่ปรึกษาเปลี่ยนคู่ถือพานกับช่างไฟ เพื่อหนีจากทอยมาหาโซ่แทน แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้อย่าง
เขานะ เพราะอย่างที่รู้กันว่าพ่อใหญ่ในแผนกเขาโหดมาก แต่เพราะเขาเป็นนักฟุตบอลทีมตัวแทน
วิทยาลัยพ่วงด้วยตำแหน่งลูกรักของพ่อใหญ่ที่เป็นครูผู้ฝึกสอนไงเรื่องมันเลยง่าย



            “ห้ะ…ขอ?” โซ่ละไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คนรักพูดนัก



            “อือ…แค่บอกว่าอยากถือพานคู่กับเมียเขาก็ปล่อยมาแล้ว” ตอบด้วยท่าทางสบายๆ ชิลๆ
ต่างจากโซ่ที่เหวอจนอ้าปากค้างไปแล้ว



            “มึงนี่มัน” โซ่ละหมดที่จะหาคำมาเปรียบเปรยกับความห่ามของคนรักที่ใจกล้าหน้าด้าน
ไปบอกอาจารย์พ่อที่มีอายุห้าสิบปลายว่ามีเมียเป็นผู้ชาย



            ก็รู้ว่ารัก แต่มึงไม่ต้องไปป่าวประกาศชาวบ้านเขารับรู้ก็ได้ครับ…ไอ้คุณผัว!



            “เอาน่า…อย่าคิดมากสิ สนใจเรื่องตรงหน้าก่อน เดี๋ยวเรียนไม่จบหรอก” พยักพเยิดหน้า
ไปทางปะรำพิธีที่มีพราหมณ์กำลังสวดมนต์อยู่หลังจากที่จบพิธีสงฆ์ช่วงครึ่งแรกไปแล้ว



            “อืม” เพราะเคยได้ยินไงถึงได้คันปากอยากด่าไอ้หมาพอร์ชที่มันเล่นไม่รู้เรื่องอย่างนี้
โรงเรียนอื่นจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่ที่วิทยาลัยของเขามีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า…จะเรียนไม่จบ
ถ้าหากไม่ตั้งใจทำพิธีในวันไหว้ครู



            “นี่!”



            “ไอ้พอร์ช”



            โซ่หันมาถลึงตาใส่คนรักหันมาสะกิดเอวเรียกเขายิกๆ ทั้งที่เป็นคนบอกให้เขาตั้งใจแท้ๆ
แต่ตัวเองกลับเป็นฝ่ายก่อกวนแทน



            “น่า…อย่าเพิ่งดุสิ แค่จะบอกว่าเสร็จจากงานนี้แล้วเราไปริมน้ำกันนะ”



            “ไปทำไม?” เพราะว่าเมามากโซ่จึงไม่อาจจะจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ทั้งหมด
เพราะกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนพอร์ชจับลงอ่างอาบน้ำแปลงฟันให้ไม่ต่างจากเด็กน้อยนั่นแหละ
ส่วนที่เหลือก็เลือนรางเต็มทน



            “เมื่อคืนมีคนร้องเพลงจันทร์เจ้าบอกรักกู เย็นนี้กูเลยจะกลับไป…แขนเค้าเป็นฟอ”



            “แขนเค้าเป็นฟอ?” 



            เพราะสมองยังไม่โล่งเท่าที่ควรโซ่จึงไม่อาจเข้าใจในคำผวนที่พอร์ชยิงใส่ได้
แม้ว่ามันจะเป็นแค่มุกเก่าที่โคตรกากก็ตาม



            “ก็…ขอเขาเป็นแฟน…ไง” หันซ้ายแลขวาดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่จริงๆ
พอร์ชจึงรีบชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของคนรักให้ได้ยินกันแค่สองคน



            “ไอ้บ้าพอร์ช…”



            แม้จะโดนด่าแถมโดนหยิก แต่พอร์ชก็ว่าคุ้ม เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะมีโอกาส
ได้เห็นเจ้าชายน้ำแข็งอย่างโซ่แก้มแดงเป็นลูกตำลึงด้วยความเขินอายอย่างนี้ เพราะส่วนมาก
โซ่จะหน้าแดงจากการด่าเขาติดต่อกันเป็นเวลานานจนเหนื่อยไปเองเสียมากกว่า







TBC.



​Facebook : Peera_Porsche

❤​ เมียใครไม่รู้ ยิ่งเมายิ่งน่ารัก ❤​



​ผิดไหม...ถ้าจะบอกว่าหมั่นไส้ลูกชายตัวเอง? #เหม็นฟามรัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-08-2018 22:26:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-09-2018 00:38:45
ดูแลเมียดีมาก~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-09-2018 01:59:33
เมาแล้วน่ารักดีอ่ะน้องโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-09-2018 08:47:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-09-2018 10:48:35
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 01-09-2018 10:56:23
 พึ่งได้เข้ามาอ่านสนุกดีค่ะ ชอบเวลาพอร์ชเรียกแม่มณีว่าอีมณีตลก 555555555 อยากรู้เรื่องพี่ออดี้กับผัวเด็กกก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 01-09-2018 13:45:41
 o13 :z2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-09-2018 04:34:37
ไหน ๆ โซ่ก็เมาให้เห็นแล้ว ขออีพี่ตอนเมาด้วยสิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-09-2018 18:43:21
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 03-09-2018 03:09:25
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #40 {31/08/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 04-09-2018 02:33:55
เหม็นจ้าา
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ รสรักคัพเค้ก {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 17-09-2018 21:06:43


รสรักคัพเค้ก

(ออดี้ &  ครีมเค้ก)

ตอนที่ 1





            “จะกลับแล้วหรอ”



            เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มที่ดังมาพร้อมกับวงแขนแข็งแกร่งทางด้านหลัง เรียกร้องความสนใจจากออดี้ที่กำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างง่ายดาย เพราะเขาเองก็กำลังหาจังหวะในการตกลงทำความเข้าใจกับเจ้าตัวอยู่พอดี



            “อืม”



            “อยู่ต่ออีกนิดไม่ได้หรอพี่” คนตัวสูงที่ยืนอยู่ทางด้านหลังก้มหน้าจูบซอกคอขาวอย่างออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยทั้งที่ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ไม่ต่างไปจากพ่อหมีโตเต็มวัย



            “กูว่าเรามาทำความเข้าใจกันใหม่ดีไหมกาย” เป็นครั้งแรกที่ออดี้เอ่ยปากพูดเต็มประโยคไม่เว้นว่างเป็นคำๆ เหมือนหลายคืนที่ผ่านมา



            “เรื่องอะไรครับ” เอ่ยถามเสียงอ่อนไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนตอนก่อเรื่องร้าย



            “ก็เรื่องที่มึงกับกูไม่ได้เป็นอะไรกันยังไงล่ะ”



            “ไม่ได้เป็นอะไรได้ยังไง! ในเมื่อพี่เป็นเมียผมและผมก็เป็นผัวพี่”



            คนหนึ่งเอ่ยเสียงเรียบเฉย ต่างจากอีกคนที่เริ่มโวยวายตามอารมณ์ที่พุ่งสูง



            “ตลก…เหมือนมึงจะลืมไปนะกาย ว่ากูไม่ได้เต็มใจมากับมึง กูไม่ได้เต็มใจนอนกับมึง แต่มึงกับเพื่อนเหี้ยๆ ของมึงต่างหากล่ะ…ที่ฉุดกูมาทำระยำตำบอนแบบนี้!”



            ในเมื่อเหลือกันแค่สองคนก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ออดี้จะต้องกลัวอีกต่อไป ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นพวกเก่งแต่ปากใช้แต่เพื่อน พอเหลือตัวคนเดียวแล้วก็หงอยหมาไม่ต่างจากเด็กอมมือคนนึง



            “ไม่…ผมไม่ยอม ยังไงพี่ก็ต้องเป็นของผม…ผมรักพี่นะ” เพราะรู้ว่าการดึงดันไม่ใช่ทางออกดี กายจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ใช้วิธีออดอ้อนเข้าสู้อดีตว่าที่พี่เขยที่ตนอุ้มมาเชยชมจนสมใจ



            ออดี้ตัดสินใจหมุนตัวหันมาเผชิญหน้ากับคนสารเลวที่ฉุดตนเองมาให้เพื่อนมันทำร้ายร่างกายย่ำยีหัวใจด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนที่มุมปากได้รูปจะค่อยๆ ฉีกยิ้มบิดเบี้ยวออกมา เป็นอะไรที่ดูสยองมากกว่าน่ามอง



            “หึ! รักหรอ? มึงทำกับคนที่มึงบอกว่ารักอย่างนี้หรอ…กูไม่ลากหัวมึงเข้าตารางก็บุญหัวมึงแล้วไอ้เหี้ยกาย!”



            เฉดหัวเข้าไปหนึ่งทีแรงๆ หวังว่าช่วยเขย่าสมองไอ้เด็กเปรตตรงหน้ากลับมาคิดเรื่องดีๆ ได้บ้าง ไม่ใช่เอาแต่มั่วสุมก่อเรื่องชั่วไปวันๆ



            “…..”



            “ที่ผ่านมากูจะนึกว่าให้ทานหมามันแดก เพราะมึงบอกเองว่ากูเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่มึงตาย สิ่งเหล่านั้นกูได้ชดใช้ให้มึงไปหมดแล้ว…ทุกอย่างมันควรจบแค่ตรงนี้”



            “แต่ผมรักพี่นะพี่ดี้ ผมขอโทษที่ทำอะไรไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ขอโทษที่ทำให้พี่เสียใจ พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ จะให้ผมกราบก็ได้ แต่อย่าทิ้งผมไปเลยนะ”



            “กูไม่ได้รักมึงกาย คนที่กูรักมีแค่คนเดียวก็คือ ‘อาย’ พี่สาวของมึง”



            “พี่…”



            “กูยอมรับเลยนะว่าก่อนหน้านี้กูเคยรู้สึกรักและเอ็นดูมึงไม่ต่างไปจากน้องชายแท้ๆ ของกู” มาถึงตรงนี้ออดี้ละไม่อยากจะเชื่อเลย ถ้าไม่ได้โดนกับตัว เพราะที่หลายปีที่ผ่านมา กายเป็นเด็กแสบที่น่ารักไม่ต่างไปจากพี่สาวอย่างอาย ผู้หญิงที่ทำให้เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น



            “…..”



            “จำไว้เลยนะ…หลังจากนี้ไปมึงกับพวกเพื่อนเหี้ยของมึงอย่าได้โผล่หัวมาให้กูเห็นหน้าอีก เพราะกูจะไม่พลาดอีกแล้ว”



            “…..”



            “รับรองเลยว่า…เจอที่ไหนกูกระทืบที่นั่น”



            “…..”



            “แต่ถ้าพวกมึงยังไม่ยอมหยุดอีก ก็เตรียมเปลี่ยนจากฝูงหมาไปเป็นเหยื่อให้กูล่าได้เลย”



            “…..”



            “กูสาบานเลยว่าจะไม่ฆ่า แต่กูจะล่าจนสุดขอบฟ้า อะไรที่พวกมึงเคยทำกับกู…กูจะทบต้นทบดอกคืนให้พวกมึงเป็นร้อยเท่า ให้สาสมกับสันดานหมาลอบกัดอย่างพวกมึง”



            “…..”



            “แล้วมึงจะรู้ว่านรกที่แท้จริงเป็นยังไง”



            พูดจบก็กัดฟันเดินออกจากห้องพักของกายไปอย่างมาดแมนทั้งที่ภายในบอบช้ำแสนสาหัส โดยที่กายเองก็ไม่กล้าตามออกไปเพราะรู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ออดี้พูดมานั้นมันคือเรื่องจริง ถ้าไม่ใช้วิธีรอบกัดอาศัยจังหวะที่ออดี้เผลออย่าหวังเลยว่าเขาจะสู้เจ้าตัวได้ ในเมื่อออดี้เองก็หาใช่ลูกตาสีตาสาไม่มีทางสู้ เพราะนอกจากครอบครัวจะกว้างขวางแล้วเพื่อนพ้องก็มีมากมายทุกระดับชั้น ไล่ตั้งแต่เด็กแว้นยันไฮโซโบว์ใหญ่ทั้งในกรุงเทพและบ้านเกิด



            วูบ…



            หลับตา กลั้นใจ เตรียมเกร็งตัวรอความเจ็บปวด เมื่อรู้สึกหน้ามืดขึ้นกลางคัน หลังจากที่ฝืนร่างกายเดินลงบันไดมามากกว่าสองชั้น



            หมับ!



            “เดินไม่ระวังจะเจ็บหนักกว่าเดิมนะครับ”



            แต่เหมือนสวรรค์ยังเห็นใจ ส่งผู้ช่วยกล้ามโตเข้ามาหยุดยั้ง ก่อนที่หน้าจะทิ่ม หัวจะฟาดไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก



            “ขอบใจ” ออดี้ตัดบทบอกทันทีเมื่ออีกฝ่ายช่วยพยุงมาจนถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์



            “ให้ผมไปส่งดีกว่า” เพราะดูจากสภาพของอีกฝ่ายแล้ว เขาเองก็ไม่อาจวางใจ ขืนปล่อยให้ไปคนเดียวมีหวังได้เป็นลมอยู่กลางทาง



            “ไม่เป็นไร ขอบใจ” แม้ว่าจะถึงขีดสุดของร่างกายแล้ว แต่ออดี้ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณซ้ำอีกครั้งตามคำสอนสั่งของผู้เป็นแม่ที่ฝังอยู่ในหัว



            “ไปเถอะผมเต็มใจ” ไม่เสียเวลารอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ คุณผู้หวังดีก็จัดการอุ้มออดี้ที่มีขนาดตัวสูงใหญ่เกินกว่ามาตรฐานชายไทยขึ้นรถไปประหนึ่งว่าออดี้นั้นตัวเบาดุจปุยนุ่น



            “ยุ่ง!” นั่นคือคำพูดสุดท้ายของออดี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะหมดสติไปจริงๆ



            “ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผม พี่ได้โดนปล้ำอีกรอบแน่…ออดี้”



            ถามว่าเขาเป็นใครนะหรือ? จะให้อธิบายยังไงดีล่ะ? ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเดียวที่ยังคงจดจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ออดี้หลงลืมมันไปหมดแล้ว



            “ไงเฮีย! ไปฉุดเด็กที่ไหนมา?” เพียงแค่ก้าวขาเข้าร้านนกขุนทองประจำร้านก็เอ่ยทักมาทันที ก่อนที่พนักงานคนอื่นจะฮือฮาไปตามกัน เมื่อเห็นใครบางคนอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านาย



            “ฉุดบ้านมึงสิ ไปๆ ไปทำงาน อย่าเสือกเรื่องของกูมาก ถ้ายังอยากได้เงินตอนสิ้นเดือน” ว่าจบก็เดินหนีทันทีก่อนที่จะโดนไอ้พวกจุ้นจ้านซักไซ้ไปมากกว่านี้



            “โหย~ ไรว้า…จะมีเมียทั้งทีเล่นของสูงเลยนะเฮีย” สมุนตัวร้ายพาเป่าปากวิ๊ดวิ้วแหกปากร้องแซวลูกพี่อย่างสนุกสนาน ไม่มีหรอกที่จะกลัวคำขู่ เพราะรู้ดีว่าเฮียไม่ใช่คนใจร้ายใจดำขนาดที่จะหักเงินลูกน้องตาดำๆ เพียงเพราะถูกแซว



            แล้วจะไม่ให้แซวได้อย่างไรในเมื่อเฮียสุดหล่อของเราไปคว้าเอาคนหล่อกว่ามาเป็นเมีย แถมคนๆ นั้นยังไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นถึงลูกชายคนโตของเสี่ยใหญ่เจ้าพ่อมอเตอร์ที่คาดว่าจะลงเล่นการเมืองท้องถิ่นในไม่ช้านี้ เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องส้นตีนเลยครับ…โชคดีนะเฮีย



            หนึ่งวันผ่านไป



            “ที่ไหนอีกวะเนี่ย?”  ออดี้ถึงกับต้องกุมขมับเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองอยู่ในที่ที่ไม่คุ้น มองดูตรงไหนก็แปลกตาไปหมดกับสไตล์การตกแต่งห้องแบบโมเดิร์นลอฟท์



            นั่งอึนอยู่กับตัวเองได้ไม่นานเจ้าของห้องตัวจริงก็เปิดประตูเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจประหนึ่งว่าเป็นนายงามสันติภาพมาหลายสิบปี



            “ตื่นแล้วหรอ เป็นไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่รึเปล่าครับ”



            “มึงเป็นใครวะ?” ความจริงแล้วออดี้หาใช่คนไร้มารยาทจนถึงขั้นเอ่ยทักทายคนแปลกหน้าด้วยคำพูดหยาบคายแบบนี้หรอกนะ โดยเฉพาะกับผู้มีพระคุณ แต่เป็นเพราะสัญชาตญาณเอาตัวรอดในกายต่างหากล่ะที่ร้องบอกว่าให้ระวัง หลังจากที่พลาดไปแล้วครั้งนึง



            “พี่จำผมไม่ได้หรอ?” โน้มตัวลงจ้องตาลองเสี่ยงถามอีกสักครั้งให้แน่ใจ



            “เราเคยรู้จักกัน?” เอ่ยถามกลับไปด้วยฉงนเพราะมั่นใจมากว่าตนไม่เคยรู้จักกันคนตรงหน้ามาก่อนอย่างแน่นอน



            “ช่างเถอะครับ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมพาพี่ไปส่งบ้านเลยแล้วกัน” มาถึงตรงนี้แล้วก็หมดคำที่จะพูดเพราะรู้ดีว่าฝืนไปก็เท่านั้นในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดที่จะสนใจกันสักนิด อีกทั้งยังแสดงท่าทางหมางเมินใส่กันอย่างชัดเจน จึงไม่กล้าที่จะเอ่ยรั้งให้เจ้าตัวอยู่ต่อ แม้ว่าในใจกำลังร่ำร้องก็ตาม



            “ระวังครับ!”



            เพราะนอนนานและลุกเร็วเกินไปออดี้จึงเกิดอาการหน้ามืดจนเกือบจะหงายหลังล้มลงไป แต่ยังดีที่อีกคนคว้าตัวไว้ได้ทัน



            “ขอบใจ” พูดพลางดันตัวออกจากอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของอีกคน



            “ด้วยความยินดีครับ” ขยิบตายิ้มหวานส่งให้สักหนึ่งทีเพิ่มความประทับใจ ในขณะที่ออดี้ได้แต่ทำหน้าเอือมใส่ เพราะไม่ได้รู้สึกพิศวาสในเพศชาย แม้ว่าจะถูกกายกับเพื่อนๆ ขืนใจก็ตาม



            มาถึงตอนนี้…เขาก็ยังเป็นเขาที่ไม่รู้สึกอินกับพวกรักร่วมเพศสักเท่าไหร่ ออกจะรังเกียจเสียด้วยซ้ำ แม้ว่าพี่ชายที่เคารพรักอย่างโฟล์คจะมีคนรักเป็นผู้ชายก็ตาม



            “พี่ไม่คิดจะพูดอะไรกับผมบ้างหรอ?” สุดท้ายแล้วสารถีสุดหล่อก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดออกมาเป็นคนแรก หลังจากที่ทนอึดอัดมาพักใหญ่ เพราะตั้งแต่ขับรถออกมาจากร้าน ออดี้ก็ไม่พูดอะไรเลย เอาแต่นั่งเงียบอย่างเดียว



            “ขอบใจ” ก็ยังย้ำคำเดิมถึงบุญคุณที่อีกฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยในขณะที่ตนไม่ต้องการ



            “ไม่ต้องซาบซึ้งขนาดนั้นก็ได้ที่ทำไปผมหวังผลตอบแทนทั้งนั้นแหละ” สวมบทพระเอกทำดีพูดดีด้วยไม่ชอบ พ่อเลยกวนประสาทให้ซะเลย ปากหนักดีนัก



            “จะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามา” ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันอีกต่อไปในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนดีเหมือนอย่างที่เขาคาดการในตอนแรก



            “จะจ่ายไหวหรอ? ผมเรียกแพงนะ”



            “มีปัญญาจ่าย!”



            เหอะ! คิดว่าจะดี สุดท้ายก็ไม่พ้นพวกหน้าเงินช่วยเหลือคนเพราะหวังผลตอบแทน



            “ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ”



            “จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาเถอะอย่ามัวแต่ร่ำไร!”



            สุดท้ายแล้วออดี้ก็หมดความอดทน ตวาดถามเสียงขุ่น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เล่นแง่ดึงเวลาไม่ยอมปล่อยให้เขาลงจากรถสักทีทั้งที่มาจอดอยู่หน้าบ้านได้พักใหญ่แล้ว



            “ผมขอแค่ ‘หัวใจ’ ของพี่ก็พอครับ”







TBC.

                        อะแฮ่มๆ ก่อนอื่นเลยก็ต้องขอกราบประทานโทษที่หายหัวไปนาน เนื่องจากคนเขียนโดนเบญจเพศ(ออกแนวงมงาย) เล่นงานอย่างแสนสาหัส มือเจ็บ มือบวม (เปิดคอมทำงานไม่ได้) เจ็บตัว วนเวียนอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งเมื่อวานที่ไม่รู้ว่าโง่หรือโง่มากกันแน่ถึงได้แหย่นิ้วเข้าไปกรีดเลือดบูชาใบพัดพัดลมให้เจ็บต่อไปอีก แต่จะให้คนอ่านรอต่อไปก็คงไม่ได้ เลยฝืนสังขานหอบนิ้วเดี้ยงๆมาอัพนิยายในวันนี้ #ไม่โกรธไม่งอนกันน้า #คิดถึง #ด้วยรัก

ปล. รู้ว่าเฮียเค้กหล่อ แต่...ห้ามนอกใจพี่มณีนะ! เดี๋ยวพี่ก็กลับมาทวงบัลลังก์​หนุ่มหล่อของพี่คืนแล้ว...หม๊าว~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ รสรักคัพเค้ก {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 17-09-2018 23:30:00
คิดถึง


แต่ว่าออดี้ทำไมเจอเรื่องราวสาหัสยิ่งนัก

ดูคนในเรื่องตกระกำลำบากกันเหลือเกินค่ะ

ดีว่ารวยแทบทุกคนเลย
55555555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ รสรักคัพเค้ก {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-09-2018 23:57:23
 :z2:มาแล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ รสรักคัพเค้ก {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-09-2018 04:01:58
จะได้รู้เรื่องของออดี้ก็เขาซะที  o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ รสรักคัพเค้ก {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 18-09-2018 19:22:53
หายเร็วๆน๊า รอได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ รสรักคัพเค้ก {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-09-2018 19:46:29
คู่นี้ยังไง?
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. ตอนพิเศษ รสรักคัพเค้ก {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-09-2018 19:32:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #41 {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 19-10-2018 20:23:51


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{41}







            เซ็ง!



            พอร์ชบอกเลยว่าเซ็งถึงเซ็งมาก เพราะทันทีที่พิธีไหว้ครูในแผนกเสร็จสิ้น ฝนก็เทลงมาห่าใหญ่ ตกลงมาแบบไม่ให้ลืมหูลืมตา กว่าจะกลับบ้านได้ทำเอาเปียกกันทั้งตัวตั้งแต่หัวยันหาง



            แต่มีหรือที่คนอย่างเขายอมแพ้ให้กับฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ?



            พอร์ชคิดวางแผนใหม่เปลี่ยนจากการบอกรักแสนหวานภายใต้แสงดาวที่ริมแม่น้ำมาเป็นดินเนอร์สุดสวีทภายใต้แสงไฟหลอดนีออนที่บ้านแทน



            แต่ทุกสิ่งอย่างที่พอร์ชฝันไว้ก็ต้องจบลง



            เพียงเพราะ…



            หม๊าว~



            “พี่มณี!”



            โซ่เกือบจะได้เป็นแชมป์พุ่งหลาวชายอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าถูกพอร์ชรั้งแขนไว้ก่อน เมื่อเห็นพี่มณีลูกรักมายืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตู หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายวัน



            หม๊าว~



            “มาให้พ่อกอดหน่อย…คิดถึงจังเลย~” สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของคนรักแล้วอ้าแขนรอรับเจ้าเหมียวอ้วนที่กำลังส่ายตูดดุ๊กดิ๊กเตรียมพร้อมที่จะเข้าชาร์จตามคำขอ



            เหมี๊ยว~



            “พอลูกชายสุดที่รักมา ผัวอย่างกูก็กลายเป็นหมาหัวเน่าไปเลยนะ”



            ไม่ได้อิจฉาหรอกนะ ก็แค่รู้สึกหมั่นไส้เฉยๆ ที่คุณเมียสุดที่รักเห็นแมวอ้วนจอมขี้เกียจแถมยังขี้เก๊กอย่างอีมณีดีกว่าผัวแสนดีที่คอยอาบน้ำแปลงฟันให้อย่างพี่



            งอนได้ไหม?



            ถ้างอนจริงแล้วจะโดนล้อว่าเป็นตุ๊ดไหม?



            โอย…หมดกันดินเนอร์ภายใต้แสงไฟนีออนที่สุดแสนโรแมนติกของกู…อีมณี๊!



            “เป็นไร” ฟัดลูกชายจนหายคิดถึงแล้วก็ถึงเวลาที่โซ่จะต้องมาง้อป๋าพอร์ชจ๋าของน้องมณีที่ทำสะบัดสะบิ้งเดินหนีขึ้นห้องมาก่อน



            “งอน” รีบตอบกลับไปตามตรงแบบไม่มีการเล่นตัวเลยสักนิด



            “อะ…ง้อ” พูดบอกพร้อมกับหยิบยื่นกระดาษเอสี่สีขาวในกระเป๋าเป้ให้กับคนรัก



            “อะไรอ่ะ?” พอร์ชเองก็รับมาอย่างงงๆ



            “ใบทวงนี้ อ่านจบแล้วตอบกลับมาด้วยล่ะ” บอกเสร็จก็หันหลังเดินหนีเข้าห้องน้ำไป เพราะเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองตัวเปียกเพราะแว๊นน้องแมนฝ่าฝนกลับบ้านมา



คู่มือการเลี้ยง ‘น้องโซ่’





            ชื่อ*-สกุล* : นายไอศูรย์  กิจจานนท์  ชื่อเล่น : ซอ.โซ่ อายุ : 16 ปี 8 เดือน 13 วัน

วันเกิด : อังคาร / 25 / ธันวาคม / 2544 เวลา 02:35 น. ราศี : ธนู นักษัตร : มะเส็ง

            น้ำหนัก : 58 ส่วนสูง 178 กรุ๊ปเลือด : B

การศึกษาเตรียมอนุบาล*-ประถม* : เอกชนคาทอลิก

การศึกษาระดับมัธยม : รั้วน้ำเงิน-ขาว

การศึกษาปัจจุบัน : วิทยาลัยเทคนิค (แผนกช่างไฟ)

            ความสามารถทางการสื่อสาร

                        - 5 ภาษา (ไทย / อังกฤษ / จีน / ญี่ปุ่น / เกาหลี)

            นิสัยส่วนตัว

                        - รักสงบ เกลียดความวุ่นวาย นิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ

                        - ชอบงานศิลปะ วาดภาพ ถ่ายรูป ฟังเพลง

                        -  เข้าป่า ปีนเขา ส่องสัตว์ นอนดูดาว อยากไปทะเล (ไม่เคยไป)

            สถานะภาพ

                        - โสด

                        - แฟนไม่มี

                        - ลูก 1 ตัว

                        - สามี 1 คน

            งานอดิเรก : ตัดผม / เปลี่ยนสีผม / ร้องเพลงเปิดหมวก / ขายกระเป๋า / ขายเสื้อ

            ความใฝ่ฝัน : สัตวแพทย์ / สถาปนิก / มัณฑนากร

            อนาคต : ไม่แน่นอน…ขอแค่มีพี่พอร์ชอยู่ด้วยกันก็พอเนอะ!



❣​ อ่านต่อหน้าหลังด้วยนะครับป๋าพอร์ชจ๋าของพี่มณี  ❣​



            พอร์ชคงไม่ทันรู้ตัวว่าใบหน้าบูดบึ้งในตอนแรกของตนเองนั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มกว้างแสนสดใสทันทีเมื่อได้เห็นข้อความบรรทัดแรกบนกระดาษสีขาวสะอาดตาที่โซ่บรรจงเขียนมาเป็นอย่างดี



❤​ To...คุณแฟนที่รัก ❤​

            มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ทั้งหมดภายในระยะเวลาหนึ่งปีที่เราคบกันมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบัน หรือปัญหาในอนาคตข้างหน้าที่เราสองคนต้องเจอ แต่ในเมื่ออดีตที่ค้างคาของกูมันทำให้มึงรู้สึกแย่ กูก็พร้อมที่จะเล่าให้ฟัง แต่ขออย่างเดียวอย่าเจ็บปวดหรือเสียใจเพราะความไม่เอาไหนของกูอีกเลยนะ เพราะกูไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ และอาจจะฟังดูเว่อไปนิด ถ้ากูจะบอกว่า…กูอยากให้มึงเดินจูงมือกูไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเลย

            เมื่อก่อนกูเคยคิดว่าตัวเองแกร่งจนไม่ต้องง้อใคร ปกป้องได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ จนกระทั่งเจอมึง กูถึงได้รู้ว่าตัวเองโคตรอ่อนแอ

            มึงคนที่เข้ามาเติมเต็มความอ้างว้างของกู มึงคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตที่แสนสงบสุขของกูวุ่นวาย มึงคนที่เข้ามาทำลายกำแพงในใจของกู มึงคนที่…กูรักสุดหัวใจ

            มาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องบอกกันตามตรงว่า…ทิ้งกูมึงตาย! #รักนะครับไอ้หมาพอร์ช



จาก…น้องโซ่ผู้น่ารัก

​..

..

..

            แอ๊ด*…*



หมับ!



            “ขอบคุณครับ”



            “เป็นบ้าอะไรของมึงอีกเนี่ย!”



            โซ่ร้องถามเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อโดนจู่โจมจากคนรักที่พุ่งเข้ามากอดทันทีเปิดประตูห้องน้ำออกมา



            “ขอบคุณครับขอบคุณ ในที่สุดเราก็รักกัน ไม่ใช่แค่กูรักมึงหรือมึงรักกูอย่างที่ผ่านมา…กูโคตรรักมึงเลยครับเมีย!” ไม่รู้ว่าเป็นความความดีใจเกินไปหรืออย่างไรถึงได้ทำให้พอร์ชยกตัวโซ่ขึ้นโยนไปมากลางอากาศแบบที่ไม่เกรงใจผ้าเช็ดตัวผืนเล็กบนสะโพกของโซ่เลยแม้แต่น้อย



            “เออ…รักเหมือนกัน ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวไม่สบาย” พูดบอกพร้อมกับก้มลงจูบตรงกลางศีรษะของคนรักที่ยังคงโอบอุ้มตนเองไว้



            “รับทราบครับผม!” วางโซ่ลงยืนบนพื้นแล้วทำท่าทางเลียนแบบทหารตอนรับคำสั่งเจ้านายอย่างแข็งขัน แล้วผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ



            ก่อนวิ่งย้อนกลับมาขโมยหอมแก้มโซ่เสียฟอดใหญ่แล้วพูดว่า…



            “ขอมัดจำไว้ก่อน เดี๋ยวคืนนี้พี่จัดชุดใหญ่ให้เลย ถือว่าเป็นรางวัลของเด็กดี” สบายใจแล้วก็กลับหันหลังเดินผิวปากเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายใจ



            “ไอ้หื่นเอ้ย!”



            หมดกัน…จากที่จะหยุดความวุ่นวายใจ เพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจให้แก่ตนและคนรักตามที่บุญล้อมแนะนำมาว่า…ถ้าไม่กล้าสู้หน้าพูดบอกไปตามตรงก็เขียนจดหมายสารภาพความในใจผ่านตัวอักษรแทนก็ได้…คลาสสิกดี…แต่กลับมาจบที่ความหื่นของคุณแฟนเฉยเลย



            ยุบหนอ…



            พองหนอ…



            ไม่โกรธหนอ…



            เดี๋ยวก็เสร็จหนอ…



            ไม่หนอแล้วโว้ย….โอ้ย!



            จากที่คิดว่าจะได้สวีทหวานกับคนรักอย่างสันติหลังจากที่หลอกให้ไอ้มารขนยาวอย่างอีมณีลูกรักไปนอนกับปู่ย่ามันได้ แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างฝัน เมื่อจู่ๆ ไอ้พี่ชายตัวดีที่หนีหายไปอยู่กับผัวเด็กมานานนับเดือนโผล่พรวดเข้ามากึ่งลากกึ่งจูงเขากับโซ่ออกจากบ้านมาโดยที่ไม่มีคำอธิบายอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งมาถึงร้านเหล้าของผัวเด็กมันนั่นแหละเจ้าตัวมันถึงได้เปิดปากบอกออกมาได้ว่าวันนี้นักร้องประจำร้านของมันเบี้ยวไม่ยอมมาทำงานถึงต้องใช้โซ่ที่เขาเพิ่งมารู้ที่หลังว่าเจ้าตัวเคยแอบมารับจ๊อบร้องเพลงแรกเหล้าอยู่ที่นี่เมื่อตอนมอต้นทั้งที่ผิดกฎหมาย เพราะอายุไม่ถึง แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีตำรวจท้องที่หน้าไหนก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาเอาจับลูกชายคนโตของท่านผู้การฯ เข้าคุกหรอกในเมื่อบารมีพ่อมันค้ำหัวซะขนาดนี้



            “ไงมึง…เป็นเด็กดีอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ออดี้ย้อนกลับเข้ามาหาน้องชายที่กำลังนั่งจิบน้ำหวานสีสวยอยู่ในมุมมืดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว หลังจากที่ไปช่วยคนรักอย่างเค้กจัดการระบบงานในร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว

            “แล้วมึงล่ะ…คิดมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่?” ถามย้อนกลับไปด้วยท่าทางกวนประสาทสุดติ่งที่เผลอซึมจากคนรักอย่างโซ่มาแบบไม่รู้ตัว จะมีก็แต่คู่สนทนาอย่างออดี้เท่านั้นแหละที่เล็งเห็นว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างในตัวน้องชายที่เปลี่ยนไป



            “มึงนี่มัน…”  พอเจอคำถามตรงๆ จากพอร์ชแบบนี้ออดี้ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน



            “เออน่า…กูไม่สนหรอกว่าใครจะเป็นผัวใครจะเป็นเมีย ขอแค่มึงรักเขาและเขารักมึงจริงๆ ก็แล้ว” เพราะพี่ชายเผลอแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา พอร์ชจึงเลือกที่จะพูดบอกออกมาตามตรง จากที่เคยคิดว่าจะยื้อเวลาไว้แกล้งให้ออดี้ปวดหัวเล่น



            “แล้วมึงล่ะ?”



            “กูทำไม”



            “ช่วงนี้ดูสงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ…ไอ้โซ่นี่ตัวจริงแล้วว่างั้น?”



            “มีเพชรอยู่ในมือแล้ว กูไม่โง่ทิ้งกลับไปหาก้อนกรวดหรอก”



            “คิดได้อย่างนั้นก็ดี เพราะกูยังไม่อยากเสียน้ำตาร้องให้ในศพน้อง” ออดี้หยุดพูดแล้วหันไปชนแก้วกับสาวสวยในชุดแม่เสือพร้อมล่าเหยื่อ



            ก่อนที่จะหันกลับมาพูดกับพอร์ชว่า…



            “ได้ข่าวว่าเพชรในมือมึงมันไม่ธรรมดา แต่เป็นเพชรแท้เกรดเอ…ตัวพ่อในเขตนี้เลย”



            “ก็พอรู้อยู่ แต่…ยังรู้ไม่หมด”



            “หรือมึงรับอดีตมันไม่ได้หรอ?”



            “ไม่ใช่อย่างนั้นกูก็แค่…”



            “อยากเสือก?”



            “เออ…แต่มันผิดมากเลยรึไงวะที่กูอยากรู้ทุกเรื่องของเมียตัวเองเนี่ย!”



            “ไม่ผิดหรอก เพราะมึงมันขี้เสือก แต่จะดีกว่านี้ถ้ามึงรู้จักรักษาน้ำใจคนอื่นบ้าง”



            “โอ้ย…อย่าว่าแต่รักษาน้ำใจเลย ทุกวันนี้กูแทบจะกราบเช้ากราบเย็นอยู่แล้ว แต่ติดที่กูห้ามความเสือกตัวเองไม่ได้นี่แหละ”



            พอร์ชไม่ได้เถียงนะ แค่พูดความจริง เพราะไม่ว่าจะทำอะไรในทุกวันนี้เขามักจะนึกถึงจิตใจโซ่มากกว่าความรู้สึกของตัวเอง เพียงแต่…เขาไม่สามารถนิ่งเฉยกับเรื่องราวในอดีตหรือปัจจุบันที่ทำให้โซ่เสียใจได้เลย



            “มึงลองคิดกลับกันดูสิ ถ้าจู่ๆ เมียมึงก็มาจี้ถามว่าแฟนเก่ามึงเป็นใครอยู่ที่ไหน รักยังไง เลิกยังไง ยังคิดถึงอยู่รึเปล่าหรือว่าตายจากกันไปแล้ว? เรื่องง่ายๆ แค่นี้มึงคิดไม่ได้?”



            มาถึงตรงนี้แล้วพอร์ชก็ได้แต่อึ้ง เมื่อลองคิดตามในสิ่งที่พี่ชายพูด เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากให้ใครมารื้อฟื้นเรื่องในอดีตที่มันจบไปแล้วเหมือนกัน โดยเฉพาะคนรักอย่างโซ่ที่เขารักและเป็นห่วงความรู้สึกของเจ้าตัวมากที่สุด



            “ถ้ามึงอยากเสือกมากจนทนไม่ไหวก็ค่อยๆ ไปตะล่อมถามจากเพื่อนมันเอา หรือไม่ก็รอจนกว่ามันจะพร้อมแล้วพูดออกมาเอง แทนที่จะไปจี้ปมให้มันเจ็บช้ำน้ำใจอยู่แบบนี้”



            “อือ” สุดท้ายพอร์ชก็ก้มหน้ายอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างจำยอม หลังจากคิดย้อนกลับไปแล้วพบความจริงที่ว่าความรักความห่วงใยที่มาพร้อมกับความหวงแหนของตนนั้นมันไม่เกิดผลดีกับโซ่เลย มีแต่จะตอกย้ำให้ช้ำใจเหมือนอย่างที่ออดี้บอก



            “รีบคิดให้ได้ แล้วอย่าปล่อยให้ความรักของมึงกลายเป็นความเห็นแก่ตัวไปซะล่ะ…ไอ้น้องรัก” เมื่อได้พูดในสิ่งที่อยากจะพูดไปหมดแล้ว ออดี้ก็เตรียมที่จะกลับไปช่วยคนรักดูแลความเรียบร้อยภายในร้านต่อ แต่ติดที่ถูกพอร์ชเรียกไว้



            “เดี๋ยว!”



            “อะไร?”



            “กูเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่ากูรักมึง?”



            “เออ…ทำไม?”



            “วันนี้กูยังยืนยันคำเดิมนะ แต่…มีผัวแล้วน่ารักขึ้นเยอะเลยนะเรา…คึ…คึ”



            “ฮึ่ม…ไอ้พอร์ช…ไอ้น้องเหี้ย!”



            เกือบจะจบซึ้งจบสวยอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ติดประโยคสุดท้ายที่มาพร้อมกับสีหน้าและเสียงหัวเราะแบบจงใจกวนประสาทของพอร์ชที่ทำเอาออดี้เดือดจนแทบอยากจะเอาขวดเบียร์ในมือฟาดให้หัวแตกกันไปข้าง แต่ติดที่ว่าไอ้ตัวแสบมันเป็นลูกรักของคุณนายปลื้มจิตที่แม้แต่หัวหน้าครอบครัว(ตัวปลอม)อย่างพ่อเขาก็ยังไม่กล้าหือ แล้วมีหรือที่ไก่รองบอนอย่างเขาจะไม่กลัว



            01.35 น.



            จึก!



            “ตัวเอง…ตัวเองจ๋า ~”



            จึก! จึก!



            “น้องโซ่จ๋า~ แม่ ‘น้อง’ มณีจ๋า~”



            โซ่ถึงกับตื่นเต็มตาเมื่อถูกคนรักสะกิดพร้อมกับคำพูดหวานหูที่น้อยครั้งนักที่จะได้ยินเจ้าตัวเรียกลูกชายอย่างพี่มณีว่า ‘น้อง’ เพราะส่วนมากพอร์ชจะเรียกพี่มณีด้วยถ้อยคำหยาบคายที่ว่า ‘อีมณี’ ด้วยน้ำเสียงประชดประชันที่แฝงไปด้วยความอิจฉาตาร้อนของเจ้าตัว



            “ว่าไงครับคุณป๋าจ๋า ~” หันกลับมากระพริบตารับคำเสียงหวานไม่แพ้กัน



            “ดึกแล้ว งานก็ทำแล้ว ลูกก็ไปนอนกับปู่ย่าแล้ว…เรามาทำน้องให้พี่มณีกันเถอะ” ว่าแล้วก็กระโดดขึ้นค่อมคนรักไว้ ก่อนที่จะสะบัดผ้าห่มขึ้นคลุมโปรงเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจคู่รักสมความตั้งใจ



            ถ้าไม่ติดที่ว่า…



            หม๊าว…



            “พี่มณี!”



            “กูไม่น่าทำประตูแมวให้มึงเลยอีมณี๊! อีแมวปีศาจ! อีมารคอหอย!”







ป๋าจ๋าไม่ได้แอ้มพ่อจ๋าของพี่หรอก...แบร่~

​**#พี่มณีเดอะวินเนอร์**





TBC.

   รู้ว่าสาย รู้ว่าช้า คนเขียนก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกันจ้า เพราะยิ่งหายไปนานเท่าไหร่ คนอ่านก็หายตามไปมากเท่านั้น แต่ทำไงได้? ในเมื่องานราชงานหลวง​มีเข้ามาไม่ขาดมือ ถ้าแยกร่างได้ก็อยากจะทำ

อย่าว่าแต่คนอ่านนอยเลย คนเขียนก็นอยเหมือนกัน อยากอัพใจจะขาด แต่ฟ้าไม่เข้าใจ #ด้วยรัก #คิดถึงมาก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #41 {17/09/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-10-2018 02:38:46
มณีจะมาตอนนี้ไม่ได้เด้อ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 15-11-2018 15:53:53


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{42}





            ในวันที่คลื่นลมสงบ พายุกำลังจะโถมทำลาย ถึงคราวที่โลกต้องสลาย วิทยาลัยเทคนิคต้องลุกเป็นไฟ



            เมื่อมีข่าวลือที่ว่า…



            ‘ไอ้พอร์ชมีชู้’



            “ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งงวู่วามนะครับคุณโซ่” บุญล้อมกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามโซ่ไปแผนกช่างยนต์เตือนสติให้โซ่ใจเย็น เพราะทันทีที่มีผู้หวังดีประสงค์ร้ายคาบข่าวคาวๆของพอร์ชมาบอกถึงในแผนกโซ่ก็เกิดอาการหัวร้อนอย่างที่เห็น

            แต่นอกจากโซ่แล้วใครจะรู้ล่ะว่าอาการร้อนรนกระวนกระวายใจเพราะคนรักหายออกจากบ้านไปตั้งแต่กลางดึกแบบไม่มีบอกกล่าวมันเป็นเช่นไร…ก็แทบคลั่งเลยไง!



            “เด็กมึงโคตรน่าฟัดเลยไอ้พอร์ช!”



            “เออจริง…กูว่าน้องมันแม่งน่าขย้ำกว่าเมียสายโหดของมึงเยอะเลย”



            หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นเรียนขอพอร์ชกัดฟันพูดบอกด้วยความหมั่นเขี้ยว ซึ่งตรงกับจังหวะที่โซ่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องเรียนของพอร์ชพอดี หลังจากนั้นพวกคนที่เหลือก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ ด้วยความสนุกปากโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าเงาหัวของตนเองกำลังจะหายไปเมื่อยมทูตที่ตกเป็นประเด็นอย่างโซ่กำลังนับหนึ่งยืนฟังอย่างตั้งใจ



            “เมียก็ส่วนเมีย เด็กก็ส่วนเด็กอย่าเอามาเหมารวมกันครับไอ้พวกเชี่ย!” เอื้อมมือออกไปเคาะหัวเพื่อนคนละทีสองทีก่อนที่จะดึงแขนกลับมาวางไว้ที่เดิมบนไหล่บางของคนข้างกายที่ถูกแก๊งช่างยนต์เรียกขานมาพักใหญ่ว่าเป็น ‘เด็กไอ้พอร์ช’



            “โฮ่…” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วอสูรช่างไฟก็พากันโฮ่แซวเป็นการใหญ่เพราะดูจากสีหน้าและท่าทางของพอร์ชแล้วไม่มีออกอาการเกรงกลัวในโซ่เหมือนที่ผ่านมา



            หรือว่ามันจะเลิกกันแล้ว…จริงดิ?



            นั่นคือข้อสันนิฐานของเหล่าอสูรช่างยนต์หลายคนที่มีความคิดเห็นตรงกัน แต่ก็ติที่ว่าไม่มีใครกล้าถามออกไปตรงๆ



            จนกระทั่งมีหน่วยหน้ากล้าตายอย่างเป้พูดขึ้นมาว่า…



            “โอ้ย…อะไรของมึงอีกครับไอ้คุณพอร์ชพาเด็กมาเดินโชว์ตัวแล้วเป็นครึ่งค่อนวัน แต่ยังเสือกกลัวเมียไม่เลิก กูว่าป่านนี้เมียมึงเตรียมหอบลูกหนีแล้วม้าง…ถ้าผัวจะเหี้ยขนาดนี้”



            นี่ไม่ได้ด่านะ แค่พูดความจริงตามที่เห็นว่าวันนี้ไอ้พอร์ชมันมีสก๊อยบอยคนใหม่เปลี่ยนจากไอ้โซ่ขาโหดเมียมันมาเป็นเด็กตัวขาวหน้าตาน่ารักแถมยังโคตรน่าฟัดไม่พอ มันยังพากันลากไปโน่นมานี่ตั้งแต่เช้ายันบ่าย ตลอดห้องเรียนไปจนถึงห้องน้ำตัวตัวติดกันไม่เคยห่าง อีกทั้งได้เด็กนี่ยังเอาแต่ไอ้พอร์ชว่า ‘ป๋าจ๋า’ แล้วอย่างนี้จะให้แปลเป็นอื่นได้อย่างไร…ถ้าไม่ใช่กิ๊กมัน



            “พูดดีๆ หน่อยไอ้เพื่อนเหี้ย เดี๋ยวเมียกูมาได้ยินแล้วจะซวยกันหมด” พอร์ชยังคงพูดเล่นได้อย่างหน้าตาเฉยต่างจากเพื่อนรอบข้างที่กำลังทยอยเดินออกจากห้องไปทีละคนสองคน จนเหลือเป้เป็นคนสุดท้ายที่ทิ้งปริศนาคำพูดไว้ให้พอร์ชได้ฉุกคิดก่อนไปด้วยสีหน้าและแววตาสมน้ำหน้าปนเห็นใจนิดๆ ว่า...



            “มึงได้รับสิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ไอ้เพื่อนรัก งานนี้คำว่าซวยคงไม่พอ กูบอกเลย…บรรลัยแน่” แล้วเป้ก็หันหลังเดินจากไป ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความสงบเพราะเหลือแค่พอร์ชกับ ‘เด็ก’ ของมัน



            “น้องทำอะไรผิดหรอฮะป๋าจ๋า” เด็กน้อยเอ่ยถามกับพอร์ชด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบทำให้โซ่ที่ยื่นห่างไปทางด้านหลังไม่ได้ยิน แต่ได้เห็นภาพที่ทั้งสองนั่งอิงแอบแนบซบกันอย่างชัดเจนเต็มสองตา



            “ปล่อยพวกมันไปเถอะ เดี๋ยวถึงเวลาก็พากันกลับเข้ามาเอง” ตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าเพื่อนจะพาไปพักดื่มน้ำเข้าห้องน้ำตามประสาเหมือนอย่างทุกทีที่ถึงชั่วโมงว่างแบบนี้



            “คุณพอร์ชครับ!” บุญล้อมเสนอตัวเป็นหน่วยหน้ากล้าตายเดินอ้อมไปเผชิญหน้ากับพอร์ชที่นั่งหันหลังให้กับประตูห้องในตำแหน่งที่โซ่ยื่นกำหมัดแน่น…มองอยู่นานแล้ว



            “อ้าว! มาไงมหา เพื่อนมึงอ่ะ?”

            “โธ่…มันใช่เรื่องที่จะมาใจเย็นไหมครับ? เงาหัวจะหายอยู่แล้ว!”



            กลายเป็นบุญล้อมเสียเองที่ใจร้อนเป็นไฟเพราะไม่อยากให้เพื่อนรักอย่างโซ่กลายเป็นฆาตกรด้วยเหตุผลโง่เง่าว่าแฟนมีชู้ จึงทำใจกล้าหน้าด้านเสนอตัวมาเป็นสื่อกลางเจรจาโดยที่ไม่มีใครขอ เพราะรู้ดีว่าไอ้อาการนิ่งเงียบแต่เส้นเลือดปูดเกร็งไปทั้งตัวแบบนี้คือสัญญาณเตือนของหายนะที่คาดการความรุนแรงไม่ได้ เพราะโซ่เป็นคนที่โมโหร้ายมาก และจะโกรธมากขึ้นไปอีก ถ้าสิ่งที่ทำให้เกิดอารมณ์โมโหนั้นคือการหักหลังไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม



            “อะไรของมึงวะมหา?” ก็แปลกใจอยู่หรอกนะที่จู่ๆ คนที่น่าจะกำลังนั่งเรียนอยู่ในตึกวิทย์ฯ เหมือนกับเมียเขา(จำตารางสอนเมียได้เป๊ะเลยไง/น่ารักป่ะล่ะ?) มาโผล่อยู่ตรงหน้า แต่ก็นั่นแหละอะไรก็เป็นไปได้หลังจากที่มันได้สอยไอ้แวนปากเปราะเพื่อนของเขาไปทำเมีย



            “ก็เรื่องเด็กคนนี้ไงครับ ชาวบ้านเขาลือกันให้แซดว่าคุณพอร์ชมีเมียน้อย ป่านนี้คงได้รับรู้ทั่วกันทั้งวิทยาลัยแล้วมั้งครับ!” ยิ่งพูดยิ่งโมโหเลยยิ่งใส่อารมณ์ประหนึ่งว่าเป็นเมียพอร์ชอีกคน



            “ห๊ะ! กูเนี่ยนะมีเมียน้อย?” พอร์ชละไม่อยากจะเชื่อหู คนบูชาเมียอย่างเขาเนี่ยนะจะมีชู้?



            โธ่…ทุกวันนี้นี่ไม่จับขึ้นหิ้งจุดธูปถวายน้ำแดงกราบเช้ากราบเย็นให้ก็บุญหัวแล้วครับพี่น้อง…ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้



            “ซบกันไม่เกรงใจส้นตีนกูเลยนะ”



            บุญล้อมหุบปากเงียบทันทีเมื่อโซ่ยอมเปิดปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความคุกรุ่นที่ร้อนรนอยู่เต็มอก



            “โซ่!”



            “เออ…กูเอง!”



            พอร์ชสะดุ้งตกใจเมื่อหันมาเห็นคนรักยืนจ้องอยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่น่ากลัว ในขณะที่โซ่เองก็เดินตรงมาที่พอร์ชด้วยท่าทางหงุดหงิดเต็มขั้น



            เขาพร้อมแล้วที่จะสั่งสอนคนไม่รักดีอย่างพอร์ชด้วยกำปั้นของตนเอง ถ้าไม่ติดที่ว่า...



            หมับ!



            “หม่าม๊าจ๋า~”



            “หม่าม๊าจ๋า?!!!!”



            เด็กน้อยหนึ่งเดียวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้ของพอร์ชมาตั้งแต่เช้ายันบ่าย หันกลับมาเรียกโซ่ว่า ‘หม่าม๊าจ๋า’ เสียงดังลั่นก่อนที่จะพุ่งเข้าไปกอดโซ่ท่ามกลางความตื่นตะลึงของโซ่และตัวประกอบกว่ายี่สิบตัวที่แอบสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก



            “จอมซน!”



            “แฮ่…น้องซนเองจ้า…น้องซนกลับมาหาป๋าจ๋ากับหม่าม๊าจ๋าแล้วจ้า~” เจ้าเด็กแสบเงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยีพูดบอกด้วยท่าทางน่ารักจนโซ่อดไม่ได้ที่จะยกสองมือขึ้นมาขยี้ผมสีทองสดใสของหลานชายที่ถูกเก็บซ่อนไว้ภายในฮู้ดเสื้อคลุมมาทั้งวัน



            พอตั้งสติได้โซ่ก็เริ่มสำรวจมองร่างกายของหลานชายที่ดูเหมือนว่าจะโตขึ้นกว่าเดิมมาก หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนเพราะเรื่องคดีความที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงได้ง่าย แต่ไหงเจ้าตัวแสบถึงมาโผล่ที่นี่ได้



แถมยังเรียกเขาว่า…

            “หม่าม๊า? เมื่อกี้นี้น้องซนเรียกอาว่าหม่าม๊าใช่ไหม?” เพราะมัวแต่ดีใจที่ได้เจอหลานชาย กว่าจะนึกขึ้นได้ก็เกือบจะลืมไปเสียแล้ว



            “อื้อ! เรียกได้…ป๋าจ๋าบอกว่าน้องซนเป็นลูกน้องซนเรียกได้” พยักหน้าตอบออกไปซื่อๆ ตามคำอนุญาตของพอร์ชที่เลื่อนขั้นจากการเป็นอาไปเป็นป๋าจ๋าของน้องซนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



            “แต่อาเป็นผู้ชาย” ทดอีกหนึ่ง! กดความรู้สึกอยากตบกบาลคนรักเก็บไว้ในใจ เอาไว้คิดบัญชีกันที่บ้านแล้วอธิบายให้หลานฟัง แต่เหมือนว่าหลานรักจะไม่เข้าใจ ถึงที่เบะปากเรียกน้ำตาออกมากดดันกันแบบนี้



            “อาโซ่ไม่รักน้องซนหรอฮะ ฮึก! น้องซนเสียใจ ฮึก! น้องซนขอป๊าป๋าแล้ว ฮึก! น้องซนจะมาเป็นลูกอาพอร์ชกับอาโซ่… ฮื่อ…” บ่อน้ำตาแตกงอแงเสียงดังจนตัวประกอบข้างนอกแตกตื่น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัว แม้แต่บุญล้อมที่สวมบทเพื่อนบ้านมาในตอนแรกก็เฟดตัวเองออกไปเป็นตัวประกอบนอกห้องกับฝูงช่างยนต์เจ้าถิ่นเช่นกัน



            “โซ่…” พอร์ชเรียกชื่อคนรักเสียงอ่อย จากที่ตั้งใจว่าจะไปรับหลานมาทำเซอร์ไพร์คนรักทันที เมื่อสายลับอย่างอาม่าส่งข่าวมาว่าเซนได้รับการอนุญาตจากศาลว่าให้น้องซนอยู่ในการดูแลของพ่อผู้ให้กำเนิดชั่วคราวจนกว่าคดีจะสิ้นสุด แต่น้องซนกลับเป็นฝ่ายร้องขอที่จะมาอยู่กับพอร์ชและโซ่แทน ซึ่งพอร์ชเองก็ตอบตกลงไปทันที



            แต่ไหงเรื่องราวที่น่ายินดีเช่นนี้กลับกลายเป็นฉากน้ำเน่าในละครหลังข่าวเพราะนางเอกไม่ยอมรับลูกน้อยหอยสังข์ของตัวเองไปได้ล่ะ?



            “เงียบไปเลยพอร์ช กลับบ้านไปมึงโดนแน่…หยุดร้องก่อนนะน้องซนที่อาไม่ให้เรียกหม่าม๊าก็เพราะว่าอาเป็นผู้ชาย แต่ถ้าน้องซนจะเรียกอาว่า ‘พ่อจ๋า’ แบบพี่มณีอาก็ไม่ขัดข้อง”



            คำตอบของโซ่ทำให้หลานชายที่หมดหวังในคราแรกฉีกยิ้มหวานได้กว้างกว่าเดิม



            “น้องซนรัก ‘พ่อจ๋า’ ที่สุดเลยฮะ…งื้อ!”



            ก่อนหน้านี้เคยแอบคิดไว้เหมือนกันว่าน่าจะรู้สึกดีมากแน่ๆ หากได้เป็นลูกของอาโซ่อีกคน แต่พอได้เป็นจริงๆ ก็อดที่จะเขินไม่ได้ เพราะหัวใจกำลังพองโตและอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่แสนดี



            “ไปรับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กูเกือบหัวใจวายตายแล้วไหม”



            เด็กน้อยนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียที่เกิดจากการเดินทางไกลมาตั้งแต่เมื่อวาน เหลือไว้แต่สองหนุ่มวัยคะนองที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์นั่งปรับทุกข์สุขหลังจากที่ได้ภาระชิ้นใหญ่มาเป็นของขวัญในวันครบรอบสองปีของเราสองคน



            สองปี = หนึ่งแมว + หนึ่งคน



ภาระที่ต้องการ



ภาระที่สำคัญ



ภาระที่ยินยอมพร้อมใจ*…รับผิดชอบดูแล*



เป็นภาระที่ทั้งพอร์ชและโซ่พร้อมที่จะ*…รัก*



            “ก็อาม่าโทรมาบอกว่ามีเด็กงอแงร้องหาอาโซ่สุดที่รักตั้งแต่กรุงเทพฯถึงชุมแสงมาสี่ชั่วโมงเต็มกูก็เลยสงสารไปรับมาก็แค่นั้น”



            พูดบอกเหมือนไม่ใส่ใจทั้งที่มุมปากกำลังแต้มรอยยิ้มเมื่อคิดย้อนไปตอนที่รักสายอาม่าแล้วได้ยินเด็กงอแงร้องหาอย่างไม่คาดคิดว่า ‘อาพอร์ชจ๋าๆ มารับน้องซนหน่อย น้องซนคิดถึง’  เท่านั้นแหละ พอร์ชก็กระโจนออกจากเตียงไปรับหลานในทันที



            “ทำเป็นพูดดีไปเลี้ยงเด็กมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะเว้ย ถึงจะโตแล้วก็เถอะ”



            โซ่เอ่ยเตือนด้วยความกังวลปนเกรงใจ เพราะจอมซนไม่เกี่ยวอะไรกับพอร์ชเลยด้วยซ้ำ เป็นแค่หลานของเขาเท่านั้น เช่นเดียวกันกับเรื่องของที่บ้านของพ่อแม่เรื่องที่ค่ายมวยโซ่ก็จัดการทุกอย่างด้วยตนเองและพยายามที่จะไม่ให้เดือดร้อนมาถึงพอร์ชกับพ่อแม่ของพอร์ช แม้ว่าทุกคนจะเต็มใจช่วยเหลือเขาก็ตาม บอกตามตรงว่าโคตรเกรงใจ



            “พูดเหมือนเคยมีลูกเลยเนอะ”



            “ไอ้จุกไง…ลูกกู”



            “ห้ะ?”



            ตอนแรกว่าจะแหย่คนขี้กังวลเล่นให้หายเครียดแต่กลายเป็นตนเองเสียเปล่าที่ต้องตกใจเมื่อคนรักพูดบอกออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่ามีเด็กหัวโก๊ะ(ที่ถูกไถเกรียนไปแล้ว)เป็นลูก



            “มึงคิดบ้าบออะไรของมึงอีกห้ะพอร์ช? ไอ้จุกกับกูอายุต่างกันแค่ห้าปี ถ้ากูเป็นพ่อมันจริงๆ ป่านนี้กูคงได้ไปเป็นเซียนอยู่สวรรค์แล้ว ทำสาวตอนอายุห้าขวบเนี่ย”



            “อ่าว…ก็มึงพูดแบบนั้นกูก็ต้องตกใจไว้ก่อนสิ มึงก็รู้ว่ากูเชื่อคนง่าย”



            “แถวบ้านกูเรียกโง่ ก็เคยบอกอยู่ว่ากูเป็นคนเลี้ยงมันมา ป้อนข้าว ป้อนนม ซักผ้าอ้อม อาบน้ำเช็ดตัว ล้างก้น กูทำมาหมดแล้ว กูถึงรู้ว่ากูชอบเด็ก แต่ก็ใช่ว่าจะรักได้ทุกคน เพราะเด็กบางคนก็เกินที่จะรับไหว”



            “แต่จำไว้เลยนะพอร์ชอะไรที่กูผูกจิตหรือให้ใจไปแล้วกูจะไม่มีวันจะรับคืน ขอแค่อย่าหลักหลังหรือทำให้กูเกลียดก็พอ เพราะกูไม่อยากฆ่าคนที่รักอีกแล้ว”



            ฆ่าในที่นี้โซ่ไม่ได้หมายถึงการลงมือฆาตกรรมให้ถึงแก่ความตาย แต่โซ่กำลังพูดถึงการฆ่าตัวตนคนสำคัญในชีวิตจิตใจของตนเองเหมือนอย่างที่เคยทำกับคนเป็นพ่อเป็นแม่มาแล้วต่างหากล่ะ ไม่ใช่ไม่รัก ไม่ใช่ไม่ห่วง แต่ความห่วงใยที่ส่งผ่านความรักบริสุทธิ์โดนทำร้ายกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันก็ถึงเวลาที่โซ่จะต้องทำลายจิตบริสุทธิ์นั้นทิ้งไปเพื่อรักษาหัวใจตัวเอง



            กริ๊ง!



            “จะไปไหน?” พอร์ชแทบจะคว้าตัวคนรักเอาไว้ไม่ทันเมื่อโซ่ก็ทำท่าว่าจะลุกออกไป



            “กูยังเหลืออังกฤษสื่อสารอีกสองชั่วโมง ส่วนมึง…ถ้าน้องซนตื่นแล้วก็กรุณาพาลูกกลับบ้านนะครับป๋าจ๋า~”



            ยกนิ้วขึ้นมาลูบไล้ไปตามโครงหน้าของพอร์ชอย่างหยอกล้อ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป แต่ก็ไม่วายที่จะย้อนกลับมาดีดริมฝีปากอวบอิ่มจนห้อยย้อยของพอร์ชที่กำลังเคลิ้มเสียเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้



            ไม่ใช่เพราะไอ้ปากห้อยๆนี่รึไงที่คอยเอาเปรียบให้เขาเจ็บตัวด้วยความเต็มใจอยู่เรื่อย*!*







TBC.

"น้องซนคัมแบคแล้วนะฮะพี่สาว"





           แรกเริ่มมีคนเตือนก็ไม่เคยเชื่อ แถมยังว่าเขาอีกว่างมงาย แต่ตอนนี้เชื่อหมดใจแล้วว่าเบญจเพจมันแรงจริง กว่าจะได้กลับมาเจอกันแทบลากเลือด เดี๋ยวแมวป่วย เดี๋ยวคนป่วยดูแลกันไป นี่เพิ่งสร่างไข้ก็มาลงให้เลย

#ขอโทษที่ให้รอ #ขอบคุณที่ยังรอ #รักนะคะคิดถึงมากด้วย #ปาดน้ำตาเบาๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-11-2018 18:47:31
เกือบหน้าแหกแล้วไหมล่ะ   o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-11-2018 19:36:20
ใจหายวาบเลยทีเดียว กลัวพระเอกตาย555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 16-11-2018 07:54:31
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-11-2018 09:36:57
คิดถึงคู่นี้~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-11-2018 11:01:33
กลัวแทนพอร์ช กลัวพระเอกโดนน้องโซ่จัดหนัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 17-11-2018 05:19:48
มาแล้ว //ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 17-11-2018 17:18:48
คิดถึงๆๆ น้องโซ่
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-11-2018 21:28:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 19-11-2018 17:19:22
น้องซนนนนน
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #42 {15/11/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 21-11-2018 01:44:01
น้องซนกลับมาแล้วววว :z2:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #43 {06/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 06-12-2018 16:58:46
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{43}







            “ไงเด็กหนุ่มๆ เย็นนี้ไปฉลองที่ไหนกันดี?”



            “น้องซนอยากกินหนึบๆ อีก”



            เจ้าตัวแสบรีบตอบเสียงใสในทันทีเมื่อคุณย่าคนใหม่เดินขึ้นมาถามถึงบนห้อง หลังจากที่ปล่อยให้ครอบครัวสุขสันต์เขาพากันมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านานนับชั่วโมง



            “แล้วไอ้หนึบๆ ของเอ็งมันคืออะไรวะ?” พอร์ชถามหลังจากที่พยายามคิดแล้วคิดอีกว่าไอ้หนึบๆ ที่จอมซนพูดมันคือเมนูอะไร



            “ทอดมันหรอ…ใช่ไหม?” โซ่พูดบอกออกมาอย่างนึกขึ้นได้ว่าครั้งที่ไปรวมตัวกินข้าวกับอาม่าจอมซนเคยอ้อนให้ตนเองตักทอดมันในจานที่อยู่ไกลออกไปให้ แล้วเรียกอาหารจานนั้นว่าไอ้หนึบๆ



            “อื้อๆ น้องซนชอบ หนึบๆ ราดน้ำหวานๆ” ก็รู้ชื่อเมนูแล้วนะ แต่น้องซนว่ามันเรียกอยากเกินไป เรียกหนึบๆนี่แหละน่ารักดี ราดน้ำหวานๆ ที่มีคุณหอม คุณแตงกวา กับคุณพริกว่ายน้ำเล่นอยู่ในนั้นแล้วอร่อยดี…น้องซนช้อบชอบ!



            “ไปร้าน…ไหมล่ะ?” โซ่ลองเสนอชื่อร้านที่คุณป๋าของพอร์ชเคยพาไปกินเมื่อคราวที่แล้วและจำได้ว่าทอดมันร้านนี้เหนียวหนึบอร่อยเหมือนกับร้านที่อาม่าเคยพาไปกิน



            “น้องโซ่เลี้ยง?”



            “ผมกำลังหาเจ้ามืออยู่หรอกครับแม่” โซ่รีบตอบกลับไปอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด



            “จะไปยากอะไร ส่งไอ้สองพี่น้องลงไปอ้อนปู่จ๋าข้างล่างซิเดี๋ยวเจ้ามือเขาก็รีบเสนอตัวเองแหละ” พยักพเยิดไปทางจอมซนที่กำลังช่วยแต่งตัวให้พี่มณีอยู่บนพื้นใกล้ๆ หลังจากที่เจ้าตัวแสบแอบอุ้มพี่มณีเข้าไปเล่นน้ำด้วยตั้งนานสองนาน กว่าจะรู้ตัวซิห้องน้ำแทบแตก เพราะสองพี่น้องกำลังซัดกันนัวอยู่ในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยฟองครีมอาบน้ำคนผสมแชมพูอาบน้ำแมว



            “น้องซน”



            “น้องซนรู้ๆ”



            เพียงแค่โดนพอร์ชเรียกชื่อเจ้าตัวแสบก็รีบวิ่งลงไปข้างล่างทันที โดยไม่ลืมที่จะหิ้วปีกพี่มณีติดมือออกไปด้วย



            ไม่รู้ว่าไปรักกันตั้งแต่ตอนไหน แต่ที่แน่นอนเลยคือ พี่มณีร้องหม๊าวๆ เพื่อที่จะขู่จอมซนและขอร้องให้ใครสักคนออกมาช่วยตัวเองไปตลอดทาง



            “ไปไหนของมัน แค่จะเรียกมาหวีผม” พูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าลูกชายกำลังจะไปไหน เพียงแต่ เมื่อกี้…เขาแค่จะเรียนเจ้าตัวมาหวีผมจริงๆ นะ ไม่ได้จะใช้ให้ไปไหนซักหน่อย



            “เราสองคนก็เตรียมตัวเถอะ แม่ขอลงไปดูเจ้าสองพี่น้องอ้อนคุณปู่เขาสักหน่อย” ว่าแล้วคุณนายปลื้มจิตขอก็ปลีกตัวออกจากห้องไปอีกคน



            หมับ!



            “ขอบคุณครับ”



            “มาอารมณ์ไหนอีก?” แกล้งเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางกวนๆ ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าคนรักหมายถึงเรื่องใด แต่ก็นะ…ขอเล่นตัวหน่อย



            “อยากเล่นมวยปล้ำบนเตียง”



            “มา! จะรีบแกผ้ารอ”



            รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งยั่วไปอย่างนั้น แต่พอร์ชก็พร้อมที่จะทำให้คำพูดกลายเป็นเรื่องจริง โดยการผลักโซ่ออกห่างก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปถอดเสื้อผ้าบนเตียงด้วยท่าทางรีบร้อน



            เพียะ!



            “ถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็รีบไปอาบน้ำเลยครับป๋าจ๋าของน้องซน” ตบตุบลงไปบนกล้ามเนื้อหน้าท้องของคนรักแล้วรีบไล่ให้คนบ้ากามไปอาบน้ำ



            “ไรว้า…ชอบมาหลอกให้อยากแล้วก็จากไป อย่างนี้ทุกทีเลย” เบะปากทำแก้มพองลมเดินคอตกเข้าห้องน้ำไปด้วยท่าทางงอนๆ



            “เดี๋ยว!” โซ่เอ่ยเรียกคนรักไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะปิดประตูห้องน้ำ



            “อะไรอีก?” เอี้ยวหน้ากลับมาถามด้วยท่าทางเหวี่ยงวีนแบบที่ไม่เข้ากับหน้าเลย



            “อาบด้วยก็ได้ แต่…รอบเดียวนะ”



            พูดบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาในประโยคสุดท้ายก่อนที่จะเดินตามคนเจ้าเล่ห์เข้าห้องน้ำไปโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าท่าทางเหวี่ยงวีนที่มันแสดงออกมาทั้งหมดนั้น…มันตอแหล!



            “น้องซนจะไปบอกพ่อจ๋ากับป๋าจ๋า” พอปู๋จ๋ายอมตกลงเป็นเจ้ามือมื้อเย็นด้วยความเต็มใจแล้วจอมซนก็อยากที่จะไปบอกข่าวดีให้คุณพ่อทั้งสองของตนเองได้ทราบ แต่ติดที่ว่าถูกคุณย่าเรียกรั้งไว้เสียก่อน



            “เดี๋ยวน้องซน!”



            “ฮะ?” หันกลับไปถามด้วยสายตาใสซื่อจนคนเป็นย่าลำบากใจที่จะตอบ



            “คุณคะ”



            คุณนายปลื้มจิตหันไปขอความช่วยเหลือจากสามีที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ หลังจากที่เธอแอบไปกระซิบเรื่องราวน่ารักระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้ที่เธอบังเอิญไปได้ยินมาตอนที่คิดจะเข้าไปบอกให้โซ่เตรียมพวกสเปรย์หรือโลชันทากันยุงสำหรับจอมซนติดไปด้วย แต่เธอกลับเปิดประตูเข้าไปในจังหวะที่ไฟรักในห้องน้ำกำลังร้อนแรงอยู่พอดีจึงต้องถอยออกมาแบบเงียบๆ ไม่ให้ทั้งสองได้รู้ตัว เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติดเอา ลำพังไอ้ลูกชายของเขาไม่เท่าไหร่หรอกเพราะมันมีความหน้าด้านเป็นอาวุธ แต่คนนิ่งๆ แบบโซ่นี่สิเธอไม่กล้าเสี่ยง



            “เดี๋ยวเขาก็ลงมา น้องซนอยู่ช่วยย่าเป่าขนให้พี่มณีก่อนดีกว่า ปู่ว่ามันยังไม่แห้งดีเลยนะ” เสี่ยใหญ่ละอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อเห็นต้นแบบความเจ้าเล่ห์ของพอร์ชอย่างคุณนายปลื้มจิตผู้เป็นภรรยาหมดหนทางที่จะหลอกล่อหลานรัก เพราะยังคงตื่นเต้นปนตกใจที่ต้องไปรับรู้ในความรักอันลึกซึ้งระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้เข้าให้



            “อีกสักสองสามปีมึงเตรียมของไว้รับขวัญลูกเขยได้เลยครับเมีย” พอร์ชพูดบอกในขณะที่ช่วยเตรียมของให้จอมซนแทนโซ่ที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จ



            “อะไรของมึงอีก?”



            “ก็นี่ไง…ตอนพ่อมันเป็นเด็กชอบพกกระติกน้ำคิตตี้โตมาก็ได้กูเป็นผัว ส่วนไอ้ตัวลูกที่พกตุ๊กตาผู้หญิงสีชมพูไปไหนมาไหนด้วยอย่างนี้…มึงคิดว่าจะเหลือหรอครับเมีย?” พอร์ชพูดพลางหยิบยกตุ๊กตาเด็กผู้หญิงคาดหูกระต่ายใส่ชุดสีชมพูจากกระเป๋าเป้ใบน้อยของจอมซนขึ้นมาให้โซ่ดูเป็นขวัญตา



            โซ่ยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้เพราะจอมซนเป็นเด็กน่ารักและบริสุทธิ์สดใสมาตามวัยอย่างที่ควรจะเป็น โซ่เลยอดห่วงไม่ได้ว่ากลัวหลานชายจะโดนหลอกหรือชักจูงไปในทางที่ไม่ดี เพราะถ้าจะให้พูดกันตามตรง บอกเลยว่าการที่จะมาอยู่ในวงโคจรชายรักชายนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังมีแต่ความเสี่ยงทั้งจากทางด้านร่างกายหรือจิตใจที่จะต้องมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะต้องปกป้องตัวเองแล้วยังต้องช่วยปกป้องคนรักจากสายตาที่เต็มไปด้วยอคติจากคนภายนอกอีกด้วย



            แต่หนึ่งความโชคดีจากร้อยความโชคร้ายของโซ่ก็คือ ‘พอร์ช’ ผู้ชายที่อยู่เคียงข้างดูแลและพร้อมที่จะปกป้องตลอดเวลา



            “แม่เป็นอะไรรึเปล่าครับ” โซ่เอ่ยถามคุณนายปลื้มจิตที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองมาตั้งแต่ออกจากบ้าน



            “ไม่เป็นไรจ้ะ แม่ว่าเรารีบเข้าไปในกันเถอะ ยุงเริ่มมาแล้ว” คุณนายปลื้มจิตตอบแบบปัดๆ ให้จบไปก่อนที่จะชิ่งหนีด้วยการจับจูงมือจอมซนเดินน้ำหน้าไป โดยมีสามีอย่างเสียใหญ่ที่ล่วงรู้ถึงสาเหตุของความว้าวุ่นภายในจิตใจของภรรยาเดินกลั้นหัวเราะตามหลังไปตลอดทาง



            “เป็นอะไรของเขา หรือว่ากูทำอะไรผิดตรงไหนหรือเปล่าวะ?” ความสงสัยของโซ่ยังคงอยู่เพราะคุณนายปลื้มจิตดูแปลกไปจากเดิมมากเกินไป ดูขัดๆ เกร็งๆ ยังไงก็ไม่รู้



            “ช่างเขาเถอะ” พอร์ชตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ กอดคอพาโซ่เดินตามคนอื่นเข้าร้านไป



            “น้องซนไม่อยากกินปลาฮะ” จอมซนเบะปากบอก ทำท่าจะเขี่ยเนื้อปลาสีขาวนวลที่โซ่ตักให้ออกจากจาน ถ้าไม่ติดว่าโดนโซ่ใช้ช้อนเบรกคั่นไว้ก่อน



            “กินเข้าไปสิ ปลามีประโยชน์นะ” พอร์ชที่เหลือบไปสายตาของคนรักก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่ชอบใจที่จอมซนไม่ยอมกินปลาที่ตักให้ เพียงแต่ยังไม่อยากดุหลานเท่านั้นเอง



            “น้องซนไม่อยากเจ็บคอ” พูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ



            “ทำไมล่ะ” พอร์ชถามต่อในขณะที่โซ่เองก็รอฟังคำตอบ



            “กระดูกมันชอบแทงคอน้องซนเจ็บ” คิดแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณลำคอตรงจุดที่เป็นบ่อเกิดแห่งความทรงจำอันสุดแทนจะทรมานกับการกินปลาในแต่ละครั้ง ตั้งแต่จำความได้ไม่มีครั้งไหนเลยที่จอมซนจะกินปลาโดยไร้ปัญหาก้างติดคอด้วยวิธีการเลี้ยงดูแบบพึ่งพาตนเองของแม่จอมซนที่มักจะปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตนเองมากกว่าที่จะคอยพะเน้าพะนอเอาใจจนลูกแทบจะทำอะไรเองไม่เป็นเหมือนพ่อแม่ชาวเอเชียส่วนใหญ่



            “แต่อันนี้ไม่มีก้างแล้วนะอาเอาก้างออกให้หมดแล้ว” โซ่พูดบอกพร้อมกับช่วยตักปลาวางใส่ช้อนให้อย่างเอาใจ เมื่อรู้ถึงเหตุผลของหลานชาย



            แม้ว่าโซ่จะบอกแบบนั้น แต่จอมซนก็ยังไม่สนใจ เด็กน้องวางมือจากช้อน กอดอก นั่งหลังตรงสะบัดหน้าหันหนีไปอีกทางทำเอาโซ่ขมวดคิ้วขุ่น ส่วนเสี่ยใหญ่ คุณนายปลื้มจิตและพอร์ชก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างเหลอหลาเพราะเดาอารมณ์ของสองอาหลานไม่ถูก



            วันนี้จอมซนเอาแต่ใจแบบแปลกๆ ส่วนโซ่ก็พร้อมเหวี่ยงแบบงงๆ



            “น้องซนจะดื้อกับอาหรือ” รู้ตัวว่าหงุดหงิด แต่โซ่ก็พยายามที่จะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะเป็นเรื่องปกติที่เด็กอย่างจอมซนจะงอแง แต่ที่ไม่ปกติคือร่างกายของเขาเองที่มันปวดเมื่อยเสียจนอยากจะกระโดดถีบหน้าคนรักที่นั่งบื้อเป็นหมาเมายาเบื่ออยู่ข้างๆ เพราะมันคือต้นเหตุ ถ้ามันไม่หื่นเขาก็ไม่ใจอ่อนจนซ้ำไปทั้งตัวแบบนี้หรอก



            แต่ที่เกลียดที่สุดก็คือ…ไอ้ท่ายากของมันนี่แหละ! ขยันหามาใช้นัก!



            “น้องซน อาจะ…”



            “พ่อจ๋า! ไหนบอกว่าจะเป็นพ่อจ๋าของน้องซนไง! น้องซนไม่อยากมีอาโซ่แล้วน้องซนอยากมีแต่พ่อจ๋า!”



            “น้องซน! / น้องซน!”



            ทั้งสี่คนร้องเรียกเป็นเสียงเดียวเมื่อจอมซนลุกวิ่งหนีออกไปจากห้องอาหารส่วนตัวหลังจากที่ระเบิดความน้อยใจใส่โซ่จนหมดสิ้น



            “เดี๋ยวกูจัดการเอง อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับแม่ แค่เด็กแสบน้อยใจโซ่ปราบได้สบายอยู่แล้ว” วางมือบนบ่าพอร์ชเป็นเชิงห้ามเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทำท่าว่าจะลุกตามจอมซนไป ก่อนที่จะหันไปพูดบอกให้คุณนายปลื้มจิตที่กำลังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคลายกังวล



            ส่วนจอมซนที่วิ่งหนีออกมาก็ไม่ได้ไปไหนไกล เด็กน้อยหนีมานั่งไกวชิงช้าอยู่ในสนามเด็กเล่นที่ทางร้านจัดไว้รับรองลูกค้าที่มาแบบเป็นครอบครัวตรงข้างร้าน



            ต่อให้รู้มากหรือตัวโตแค่ไหน แต่ความจริงแล้วจอมซนก็เป็นได้แค่เด็กแปดขวบที่ต้องการการแสดงความรักความห่วงใยอย่างชัดเจนแบบตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในส่วนของความเป็นพ่อที่ขาดหายไปตั้งแต่จำความได้ แม้ว่าจะได้คุยกับพ่อแท้ๆ อย่างเซนผ่านทางวีดีโอคอลมาตลอดทั้งชีวิตก็ตาม นั่นยังไม่เท่ากับความรักความผูกผันที่เจ้าตัวมีต่อโซ่ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา  เพราะเจ้าตัวได้สัมผัสได้อยู่ใกล้ชิดกับโซ่แทบทุกครั้งที่คนเป็นแม่อนุญาตให้ไปอยู่บ้านอาม่าได้ชั่วคราวระหว่างที่เธอมีงานถ่ายแบบที่ประเทศไทย ในขณะที่พ่อแท้ๆ อย่างเซนโดนสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เจอหน้าลูก ถ้ายังอยากที่จะเห็นหน้าและพูดคุยกันผ่านจอโทรศัพท์อยู่ เพราะตอนนั้นศาลอเมริกาตัดสินให้จอมซนอยู่ในความดูแลของผู้เป็นแม่แต่เพียงผู้เดียว



            เสียงเหยียบย่ำพื้นทรายไม่อาจเรียกร้องความสนใจจากเด็กน้อยได้ ถ้าไม่ได้เห็นรองเท้าคุ้นตามาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมกับเงาที่พาดผ่านทับลำตัว



            “จะไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกันหน่อยหรอ…ลูกชาย” โซ่พูดบอกพร้อมกับขยับเข้าไปลูบหัวเด็กน้อยอย่างเบามือ จึงได้รู้สึกถึงแรงสะอื้นนั่นยิ่งทำให้โซ่มั่นใจเข้าไปอีกว่าสิ่งที่ตนเองคิดนั้นถูกต้องแล้ว



            จอมซนก็ไม่ต่างจากตัวเขา เราสองคนต่างเป็นคนขาดทั้งคู่ จะแปลกอะไรถ้าหากว่าตัวเขานั้นอยากจะเติมเต็มให้หลานชายด้วยคำว่า ‘พ่อ’ แลกกับคำว่า ‘ครอบครัว’ ที่ขาดหายไปในช่วงวัยเด็กที่ผ่านมาของตนเอง



            “น้องซนไม่ชอบเป็นหลานอาโซ่” เสียงเล็กของเด็กน้อยบ่นงึมงำออกมาเบาๆ ในขณะที่ยังคงนั่งก้มหน้ามองพื้นอยู่เหมือนเดิม



            แต่ยังไม่ทันที่โซ่จะได้พูดอะไรออกมา ดวงตากลมสวยที่คลอไปด้วยหยดน้ำสีใสเงยหน้าช้อนตาขึ้นมามองโซ่ช้า ก่อนจะพูดบอกออกมาอีกว่า…



            “น้องซนอยากเป็นลูกจ๋าของพ่อจ๋าของป๋าจ๋ามากกว่า” ไม่รู้ว่าด้วยความน้อยใจหรืออย่างไรถึงได้ทำให้น้ำตาที่พยายามจะกลั้นมาตลอดรินไหลออกมาไม่ขาดสาย



            โซ่นั่งลงตรงหน้าให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับหลานชายก่อนที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยที่สะอื้นหนักขึ้นทุกที



            “แล้วปะป๊าเซนของน้องซนล่ะ” ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งหรือถ่วงเวลาแต่อยากจะรู้จริงๆ ว่าลึกๆแล้วในใจหลานชายคิดอย่างไรกับคนเป็นพ่อถึงได้ยึดติดกับพ่อมโนอย่างพวกเขานัก



            “ปะป๊าก็คือปะป๊า พ่อจ๋าก็คือพ่อจ๋า น้องซนรักเหมือนกัน แต่ปะป๊ามีแสนดีแล้ว” ชัดเจนในตอนแรก แต่เสียงแผ่วในประโยคสุดท้ายทำให้โซ่รับรู้ได้ทันทีว่านอกจากความน้อยเนื้อต่ำใจแล้วก็ยังมีความหวาดกลัวอีกหนึ่งอย่างที่ฝังลึกอยู่ในใจของจอมซน



            โซ่ไม่ใช่คนเก่งกาจหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญมาจากไหนที่หยั่งรู้ถึงความรู้สึกแท้จริงในใจของหลานชาย แต่เป็นเพราะ ‘ความขาด’ ต่างหากล่ะที่กำลังบอกว่าเราเหมือนกัน เขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจนักถ้าหากว่าเราจะเข้ากันได้ดี



            มันเป็นเรื่องง่ายที่ทำได้ยากในชีวิตจริง เป็นเรื่องใกล้ตัวที่คนเรามักจะมองข้าม เหมือนอย่างที่เซนไม่เข้าใจว่าความผูกพันและความเชื่อใจไม่ได้เกิดขึ้นได้เพียงเพราะการบอกรักผ่านทางหน้าจอ เช่นเดียวกับที่พ่อของเขาเองก็ไม่เคยได้รับรู้ว่าสำหรับโซ่แล้วอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นมีค่ามากกว่าเงินทองที่เขากองไว้ให้



            “แต่อาก็มีพี่มณีแล้วนะ” อันนี้ยอมรับเลยว่าตั้งใจแกล้งหลังจากที่ได้รู้ในสิ่งที่อยากจะรู้เรียบร้อยแล้ว



            “พ่อจ๋าไม่รักน้องซนหรอ” เบะปากร้องไห้หนักกว่าเดิมขึ้นไปอีก



            “แล้วอยากให้รักรึเปล่าล่ะ”



            พอได้ยินโซ่ถามออกมาแบบนั้นพอร์ชที่ยืนแบบดูอยู่หลังพุ่มไม้ก็แทบจะกระโจนเข้าไปโบกหัวคนรักสักทีสองทีโทษฐานที่แกล้งลูกรักของตนเอง



            ยอมรับเลยว่าตอนแรกก็ไม่ค่อยถูกชะตากับจอมซนสักเท่าไหร่ ออกจะหมั่นไส้เลยด้วยซ้ำ แต่พอได้ใกล้ชิดทำความรู้จักแล้วพอร์ชก็รู้สึกเอ็นดูจอมซนขึ้นมา แต่ไม่ใช่ในแบบชู้สาวนะ แค่รู้สึกรักและผูกพันกับจอมซนเหมือนน้องชายมากกว่า ยิ่งรู้ว่าจอมซนรักโซ่มากเท่าไหร่เขาก็อยากจะดูแลเจ้าตัวมากขึ้นเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำไมหรืออาจจะเป็นเพราะเขาเป็นน้องเล็กในบรรดาพี่น้องทั้งหมดหรือเปล่าไม่แน่ใจ



            แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นไม่นับโซ่ที่อยู่ในฐานะคนรักหรอกนะ เพราะรายนั้นน่ะ…ไอ้พอร์ชคนนี้ได้มอบกายถวายชีวิตให้ไปหมดแล้วทั้งหัวใจ



            “รัก…กอด…พ่อจ๋ากอดน้องซนหน่อย” พยักหน้าตอบคำถามทั้งน้ำตา กางแขนสองข้างออกกว้าง อ้อนวอนขอให้คนเป็นอากอด



            “อยากให้รักก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวไม่สบาย” คว้าตัวหลานชายเข้ามากอดปลอบ นับหนึ่ง สอง สาม ฮึบในใจ ตั้งสติ หลับตาขอโทษดินฟ้าอากาศที่ตัวเองจะติ๊ต่างเปลี่ยนโหมดจากอาไปทำหน้าที่พ่อในนามให้หลานชาย



            “หยุดร้องไห้แล้วฟังก่อนนะน้องซน” ดันตัวหลานชายออกห่าง ใช้สองมือจับใบหน้าเด็กน้อยให้สบตา จ้องมองให้ลึกลงไปในส่วนลึก ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกมา



            “เมื่อกี้อาไม่ได้ตั้งใจ อาขอโทษที่ลืมตัวทั้งที่เราตกลงกันแล้วว่าจะเปลี่ยนมาเป็นพ่อลูกกัน…ถูกไหม?”



            “ฮะ” ถึงจะไม่ชอบให้โซ่เรียกแทนตัวว่าอาเหมือนก่อนหน้า แต่จอมซนก็ยอมฟัง แม้ว่าจะมีน้ำตาคลออยู่ตลอดเวลาก็ตาม



            “เพราะอย่างนั้น…หลังจากนี้เรามาเป็นพ่อลูกกันจริงๆ ดีกว่าเนอะ”



            “น้องซนรักพ่อจ๋าที่สุดในโลกเลยฮะ”



            จอมซนโผเข้ากอดโซ่ทันทีเมื่อได้ยินในสิ่งที่ตนเองรอคอยมาตลอด ก่อนที่พอร์ชจะเดินออกมาจากที่ซ่อนเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยอีกคน ส่งให้บรรยากาศที่อบอุ่นอยู่แล้วสดใสขึ้นทันตา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีพอร์ชกับจอมซนร่วมวงกันเมื่อนั้น…วุ่นวายทุกที



            “อ้าว…แล้วป๋าล่ะ?”



            “น้องซนรักป๋าจ๋าเหมือนกันฮะ แต่น้อยกว่าพ่อจ๋ากับพี่มณีนิดนึง”



            เด็กแสบกลับมาร่าเริงอีกครั้งเมื่อได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่ตัวเองรัก ทำปากยื่นปากยาวพูดแหย่พอร์ชอย่างไม่เกรงกลัวในขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของโซ่ เพราะรู้ดีว่าตนเองจะปลอดภัยจากการแก้แค้นเอาคืนของพอร์ช



            ก็นะ…ใครอยากให้ป๋าจ๋าของพี่มณีกลัวพ่อจ๋าของน้องซนกันเล่า…คึคึ







TBC.

           คิดถึงจังเลยยยยยยยยยยย~~~~ ภาคนี้เอากี่ตอนดี 60 ตอนไหวไหม? แต่คนเขียนไม่หวาย ฮ่าๆ

จะพยายามมาเร็วกว่านี้นะคะ สงสารคนอ่านลุ้นตอนใหม่นิยายเรายิ่งกว่าหวยอีก เดือนหนึงมาที #ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #43 {06/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-12-2018 17:35:18
น้องซนเริ่มโตแล้ว  :mew4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #43 {06/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 15-12-2018 17:12:34
น้องซนน่ารักมากกลูก  มณีเองมีคู่แข่งแล้วนะะ :katai3: o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #43 {06/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 19-12-2018 04:19:38
คถ.แล้วววววว ///ทวงงงงง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #44 {22/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 22-12-2018 09:16:14


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{44}







            หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้วเสี่ยใหญ่ก็พาลูกหลานและภรรยามาแวะเดินย่อยอาหารที่ห้างขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จไม่นาน เพราะอยู่ระหว่างทางกลับบ้านพอดี



            “เอากลิ่นนี้ด้วยฮะ น้องซนชอบ พี่มณีก็ต้องชอบ” จอมซนยื่นแชมพูอาบน้ำแมวขวดสีม่วงให้โซ่ดูหลังจากที่แอบดมกลิ่นดูแล้วชอบ…หอมสดชื่น



            ‘ไว้พรุ่งนี้น้องซนชวนพี่ม**ณีไปลองแชมพูอาบน้ำใหม่ในอ่างอีกดีกว่า…คึคึ’



            เด็กแสบยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคักให้กับความคิดแสบๆ ซนๆ ของตนเองเงียบๆ คนเดียวโดยไม่ได้รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของพ่อจ๋าที่ยืนอยู่ไม่ไกล



            “คงไม่ได้คิดที่จะแอบพ่อไปเล่นน้ำกับพี่มณีอีกใช่ไหมน้องซน” โซ่หรี่ตาถามอย่างจับผิดทำเอาเด็กแสบที่แอบวางแผนทำเรื่องซนๆ ถึงกับสะดุ้งหน้าตาตื่น เพราะก่อนหน้านี้ก็โดนโซ่เตือนมาแล้วว่าไม่ควรจะใช้ครีมอาบน้ำคนอาบน้ำให้พี่มณีถึงแม้ว่าจะมีแชมพูอาบน้ำแมวผสมอยู่อีกครึ่งก็ตาม เพราะมันไม่ดีต่อขนและผิวหนังของแมวอย่างพี่มณี



            “เปล๊า…น้องซนเปล่าคิดนะฮะ” รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเสียงสูง



            “ปากบอกไม่คิดแต่สายตาเอ็งสารภาพออกมาหมดแล้วไอ้แสบเอ้ย”



            “เง้อ…”



            ทิ้งระเบิดเสร็จแล้วพอร์ชก็เดินจากไป เหลือไว้แต่จอมซนคนแสบกระพริบตาปริบๆ ส่งยิ้มแหยให้พ่อจ๋าอย่างออดอ้อน



            “ไม่ต้องมาเง้อง้าเลยไอ้ตัวแสบ บอกไว้ก่อนเลยว่าพ่อไม่ใจอ่อนให้หรอก เห็นขัดคำสั่งเมื่อไหร่โดนตีเมื่อนั้น”



            “รับทราบฮะ!”



            โซ่พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะพากันกอดคอลากจอมซนไปเลือกซื้อของต่อ โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าไอ้เด็กแสบที่ตกปากรับคำตนเองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ซนนั้นกำลังวางแผนป่วนทั้งคนทั้งแมวอยู่ในใจอย่างนึกสนุกแบบสุดๆ



            ‘อืม…พ่อจ๋าเห็นน้องซนจะโดนตี แต่…ถ้าพ่อจ๋าไม่เห็นน้องซนก็สบาย…ลั้ลลา~’



            “ป๋ากับแม่ล่ะ” โซ่เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพอร์ชเดินมาคนเดียวโดยไร้เงาพ่อแม่ของเจ้าตัวอย่างก่อนหน้าที่เขากับจอมซนจะแยกตัวออกมาเพราะเจ้าตัวแสบเกิดอาการอยากได้อุปกรณ์วาดรูประบายสีขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าคนอาร์ตสุดขั้วอย่างโซ่ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอนเพราะตัวเขาเองก็กำลังอยากได้กระดาษวาดรูปเพิ่มเหมือนกัน



            “ได้ของครบรึยัง เขาไปข้างในกันหมดแล้ว” พอร์ชหมายถึงโซนที่เป็นซุปเปอร์มาเก็ตเพราะเขาสามคนยังอยู่ตรงรอบนอกที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า สินค้าไอทีและของหลอกเด็กมากมาย



            “ครบแล้ว ไปสิ” โซ่เลือกที่จะฝากของเอาไว้ที่ร้านก่อนที่จะพากันเดินเข้าไปสมทบกับสองสามีภรรยาที่กำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในโซนของสด



            “น้องซนอยากกินสเต็ก” หันไปกระพริบตาปริบๆ บอกพ่อจ๋าอย่างมีความหวังเมื่อหันไปเห็นปลาแซลมอนของโปรดวางเรียงอยู่ตรงหน้า



            “เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปกิน” พอร์ชเป็นฝ่ายพูดบอกออกมาเมื่อเห็นว่าคนรักยังคงนิ่งเฉย ส่วนไอ้ตัวเล็กก็กำลังทำท่าจะเบะปากพร้อมงอแง



            จะให้เขาทำให้จอมซนกินเหมือนอย่างที่โซ่กินก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่สันทัดกับอาหารฝรั่งจริงๆ กินได้ แต่ทำไม่เป็น ถ้าอาหารไทยก็ว่าไปอย่าง แบบนั้นไอ้พอร์ชสู้ไม่ถอยเพราะมั่นใจในรสมือที่ได้รับสืบทอดมาจากคนเป็นพ่ออีกที



            “น้องซนอยากกินแบบที่พ่อจ๋าทำ” เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธในทันที ซึ่งเป็นอะไรที่โซ่คิดไว้อยู่แล้วว่าจะได้คำตอบจะออกมาอีหรอบนี้



            “แต่…” พอร์ชกำลังจะช่วยอธิบายกับจอมซนว่าคนรักทำอาหารไม่เป็น แต่ถูกโซ่พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน



            “เฮ้อ…ก็ได้ๆ น้องซนไปเลือกเลยอยากได้ชิ้นไหนก็ไปเลือกเลย แต่อย่าลืมหยิบให้ครบคนด้วยล่ะ”



            โซ่ปล่อยให้จอมซนได้มีอิสระในการเลือกปลาแซลมอนตามที่ต้องการโดยไม่ลืมที่จะย้ำเตือนให้หยิบไปให้ครบจำนวนคน ก่อนที่จะหันหลังกลับมาหาคนรักช้า ซึ่งพอร์เองก็ยืนกอดอกจ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว



            “หมายความว่ายังไง? ไหนบอกว่าทำอาหารไม่เป็น” พอร์ชเอ่ยถามเสียงเรียบ



            “ก็ไม่ยังไง ไม่ได้ตั้งใจจะโกหก แค่อยากอ้อนมึงทำให้กินเท่านั้นเอง” มาถึงตรงนี้แล้วผู้ร้ายอย่างเขาจะทำอะไรได้นอกจากสารภาพไปตามตรง ถึงมันจะหน้าอายไปหน่อยก็ตามที่ต้องเปิดปากยอมรับว่าที่โกหกไปทั้งหมดนั้นก็แค่อยากจะ ‘อ้อน’ คนรักเท่านั้นเอง



            “กูว่ามันถึงเวลาที่เราจะต้องเปิดอกคุยกันแบบจริงๆ จังๆ แล้วล่ะโซ่ ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนเดิม จมอยู่ที่เดิม ไปไม่ถึงไหนสักทีทั้งที่เราก็คบกันมาจะสองปีแล้วแท้ๆ”



            พอร์ชไม่ได้ตั้งใจจะกดดันหรืออยากจะรื้อฟื้นอดีตที่ไม่น่าจดจำของคนรักหรอกนะ แต่ถ้าไม่พูดไม่คุยไม่เปิดใจถามกันสักทีมันก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตัวเขาเองก็ต้องติดอยู่ในวังวนของคนไม่รู้เรื่อง จึงไม่เข้าใจและไม่สามารถปกป้องความรู้สึกของคนรักได้แบบเต็มร้อยสักที



            “อืม” พยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไขแม้จะรู้สึกหนักใจอยู่มากก็ตามที



            “ไม่ต้องคิดมาก ไม่ได้ว่าอะไร กูแค่อยากรักมึงให้เต็มร้อยอย่างที่ควรจะเป็นเท่านั้นเอง”

            พอร์ชพูดบอกให้คนรักคลายกังวลเมื่อเห็นว่าโซ่เริ่มจมไปกับความคิดของตัวเองจนนิ่งไปเหมือนกับช่วงแรกๆ ที่ได้รู้จักกัน เฉยชาเสียจนเขาต้องตั้งฉายาให้ว่า ‘ไอ้นิ่ง’



            “น้องซนนอนกับพี่มณีก่อนนะ ป๋ากับพ่อจ๋าจะไปทำงานข้างล่าง” พูดบอกพร้อมกับส่งตัวพี่มณีให้เป็นตัวประกัน ก่อนจะรีบชิ่งหนีออกมาดักคนรักอยู่หน้าห้องเมื่อเจ้าเด็กแสบยอมรับปากและลากพี่มณีไปฟัดแต่โดยดี



            หมับ!



            โซ่สะดุ้งตกใจจนเกือบจะฟันศอกใส่พอร์ชที่ยืนกอดอยู่ด้านหลัง แต่ดีที่พอร์ชรู้ทันคว้าแขนคนรักไว้ก่อนที่ศอกจะเสียบเข้าที่เป้าตา



            “อะไร?” โซ่ขมวดคิ้วถามหลังจากถูกพอร์ชแบกลงมาชั้นสามก่อนที่จะปล่อยลงเมื่อเขาทั้งคู่เข้ามาอยู่ในห้องของออดี้ที่โซ่มีโอกาสได้เข้ามาครั้งเดียวเมื่อครั้งที่ต้องมาดูอาการเจ็บป่วยของเจ้าของห้องในคราวนั้น



            “อยากกอดเมีย แต่มีลูกอยู่ในห้อง จะให้เข้าไปทำในห้องน้ำเหมือนครั้งที่แล้วก็ไม่สุดเพราะไม่ได้ยินเสียงมึง” สารภาพบาปออกมาตามตรงอย่างไม่อายปากตามสไตล์เด็กช่างโคตรแมนหลังจากที่ต้องอึดอัดมานาน



            เพราะก่อนที่จอมซนจะมาพวกเขาก็ ‘กอด’ กันอยู่ทุกคืน แต่พอมีจอมซนเข้ามาอยู่ด้วยอะไรมันก็ขัดไปหมด จากที่มีบ่อยก็เปลี่ยนเป็นนานๆ ถี่ แถมยังได้ไม่เต็มที่เพราะโซ่ชอบกลั้นเสียงคราง กลัวว่าหลานจะได้ยิน แต่จะไปโทษหลานก็ไม่ได้ ต้องโทษ ‘ไอ้ลูกชาย’ ที่โคตรจะรักดีของเขานี่สิที่มันเอาแต่ตั้งตรงเคารพธงชาติร้องเรียกหาถ้ำอุ่นๆ ของแม่มันอยู่ทุกวัน



            “ไหนบอกว่ามีเรื่องจะคุย” เอ่ยถามพลางเหลือบสายตามองต่ำลงเมื่อรู้สึกถึงตัวตนของคนรักยามที่อีกคนบดเบียดร่างกายเข้าสัมผัสกันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำเอาโซ่ถึงกับสั่น แต่ก็หาใช่เรื่องที่พอร์ชจะต้องกังวลเพราะไอ้อาการสั่นที่ว่าของโซ่นี้มันไม่ได้เกิดจากความหวาดกลัว



            เพราะแววตาวาววับเป็นประกายของคนรักมันบอกกับพอร์ชออกมาอย่างหมดเปลือกว่าเขากำลังทำให้เจ้าตัวเจ้าตัวกำลัง ‘สนุก’ และ ‘ถูกใจ’ แบบอย่างถึงที่สุดเลยล่ะ



            “ก็คุยไง”



            “อะ!”



            “คุยกันไปกอดกันไปเพลินดีออก”



            โซ่หลุดร้องออกมาเมื่อถูกคนรักอุ้มลงไปฟาดกับเตียงอย่างแรงแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ก่อนที่จะทิ้งตัวทาบทับลงมา



            สายตาคมจ้องมองลงมาอย่างเจ้าเล่ห์ทำเหมือนเสือหิวที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ แต่ขอโทษเถอะ พอดีโซ่ไม่ใช่กระต่ายน้อยที่จะหวาดกลัวเสียจนตัวสั่นหรือจะนอนนิ่งอย่างสิ้นหวังรอให้เสือร้ายขย้ำอยู่ฝ่ายเดียว



            “เริ่มจากเรื่องไหนก่อนดีล่ะ?” โซ่พลิกตัวกลับขึ้นบนกลายมาเป็นฝ่ายคุมเกมแทน



            มือเรียวไร้ไปตามสาบเสื้อของคนรักเหมือนจะใจเย็น เพียงชั่วพริบตาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป สาบเสื้อถูกฉีกขาด กระดุมหลุดกระเด็นไปคนละทิศละทาง แต่เจ้าของเสื้อก็หาได้ใส่ใจที่เสื้อตัวโปรดพังยับเยิน เพราะใบหน้าโน้มลงมาหานั้นน่าสนใจกว่าทุกสิ่ง



            “อา…เอาตั้งแต่เกิดเลยเป็นไง” พอร์ชถึงกับหลุดครางออกมาอย่างถูกใจเมื่อคนรักที่อยู่ด้านบนกำลังบดคลึงลูกชายคนแรกของเขาด้วยก้นแน่นๆ ของเจ้าตัวในขณะเรากำลังต่อสู้กันด้วยริมฝีปากและลิ้นร้อนอย่างดุเดือดเลือดสาด



            “ก็ไม่มีอะไรมาก…อือ..กูก็แค่เกิดมาในครอบครัวที่คิดว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ใช่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แม่มีผัวใหม่ แล้วก็เสือกไปเห็นตอนพ่ออึบอยู่กับลูกบุญธรรมตัวเอง คนที่กูคิดว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายได้ หลังจากที่เราสัญญาว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป…อา กดลึกๆ อืม~”



            ร้องบอกให้คนรักที่ทำตัวเป็นปลาหมึกเลื้อยมือเข้าไปคลึงเล่นอยู่ตรงปากทางช่องรักของตนเองอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีทั้งเขาและพอร์ชก็ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ในชุดวันเกิดทั้งคู่



            มือไวสมเป็นไอ้หมาพอร์ชจริงๆ



            “แล้ว?” พยักหน้าตอบรับเป็นเชิงบอกให้คนรักพูดต่อ ก่อนที่จะขยับตัวไปนั่งพิงหัวเตียงโดยที่มีโซ่เลื้อยอยู่บนร่างกายไม่ห่าง



            “หลังจากนั้นแม่ก็ลากกูไปทิ้งที่บ้านตา ยื่นฟ้องหย่า กดดันให้พ่อกูส่งเสียค่าเลี้ยงดูตามที่ลูกอย่างกูมีสิทธิ์ เพราะรู้ตัวว่าสู้เรื่องพ่อกูมีชู้ไม่ได้ ในเมื่อแสนดีมันไม่ใช่ลูกน้องกู แต่เสือกหลอกให้พ่อกูเลี้ยงมาได้ตั้งหลายปี ส่วนตัวเองกับลูกก็ไปอยู่กับผัวใหม่ที่กรุงเทพฯ เพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงสองปีหรอก อ่า…เอาเข้าเลยเถอะ ไม่ต้องขยายแม่งแล้ว! อื้อ!”



            คนใจร้อนถึงกับสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ไอ้คนข้างล่างก็เสือกใจดียัดลูกชายมันเข้ามาตามคำของอย่างที่ไม่บอกไม่กล่าวไม่รอให้เข้าตั้งตัว แทนที่จะดื้อเตรียมพร้อมขยายช่องทางให้เขาด้วยนิ้วที่มาพร้อมกับเจลหล่อลื่นอย่างทุกที ด้วยเหตุผลข้ออ้างโง่ๆ ที่ว่าไม่อยากให้เจ็บตัว



            แต่ของโทษเถอะครับ ถ้าป๋าจะรักมึงมากจนให้มาอลังการขนาดนี้มึงไม่ต้องกลัวกูเจ็บหรอก เพราะระบมจนชินแล้ว!



            “สมน้ำหน้าอยากดื้อดีนัก อา...อยากสู้ก็สู้ไป…อือ...สู้แบบนี้กูชอบอยู่แล้ว อืม~” จับอีกฝ่ายหมุนตัวหันหลังเกาะหัวเตียงแล้วฟาดฝ่ามือลงไปที่ก้นกลมจนขึ้นลอยด้วยความหมั่นเขี้ยวที่อีกฝ่ายต่อต้านเขาด้วยการขมิบสู้ ซึ่งเป็นอะไรที่ไอ้พอร์ชชอบมากถึงมากที่สุด



            “แล้วหลังจากนั้นล่ะ” เปิดปากเอ่ยถามอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้ากัดหมอนกลั้นเสียงครางหลังจากที่ลื่นไถลลงมาจากของเถียง



            “ไม่มีไร อื้อ! ตอนทวดยังอยู่ก็แค่ฝึกมวย ทวดตายก็เริ่มช่วยตาทำงานในค่ายดูแลนักมวย ช่วยยายเลี้ยงไอ้จุก พอขึ้นมัธยมก็ออกไปหาพาร์ทไทมทำ อะ…อะ…จะร้านไก่ทอด ร้านพิซซ่า ร้านไอศกรีมหรือร้านชาบูกูก็เก็บเวลมาหมดแล้ว อื้ออ…พอร์ช!” ดวงตาฉ่ำเยิ้มเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองตาคนรักว่าจะรู้สึกอย่างไรในยามที่ได้ฟังเรื่องราวในอดีตของตนเอง จนเผลอขยับตัวหมุนสะโพกตอบรับเข้าหากายแกร่งของคนรักอย่างลืมตัวเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มหวานกลับมาให้จนสายตาของโซ่เริ่มพร่ามัว



รอยยิ้มหวานเยิ้มหยดย้อยที่มาพร้อมสายตาอบอุ่นซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวที่จะได้รับมัน



            “ได้ข่าวว่าสาวเยอะ!” ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดระหว่างความหึงกับแค่หงุดหงิดเมื่อเผลอจินตนาการคิดภาพคนรักกำลังร่วมรักกับใครหลายคนในอดีตพอร์ชถึงรุนแรงขึ้นมา



            จับโซ่หมุนหน้ากับมาหาตนเองทั้งที่ส่วนร่างยังเชื่อมต่อติดกัน กระแทกกระทั้นสะโพกระรัวจนทำให้เตียงสั่นสะเทือนกระแทกกับผนังห้องจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดตึงตังดังลั่นห้อง



            “ฮะ…อึก…แค่อยากรู้ก็เลยลอง แต่ตอนนี้กูมีแค่มึงนะพอร์ช อ๊ะ อ๊ะ อื้อ~” ความจริงแล้วโซ่ไม่ใช่คนกลัวแฟน ยิ่งกับพอร์ชที่เป็นฝ่ายยอมเขามาตลอดตั้งแต่แรกเริ่มยิ่งแล้วใหญ่ แต่ที่รีบตอบออกไปอย่างแก้ตัวเหมือนกลัวความผิดทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ นอกเสียจากว่าเขาจะเป็นห่วงความรู้สึกของพอร์ชมากหรือบางทีเขาอาจจะเริ่มเกรงใจคนรักอย่างที่เจ้าตัว ‘เกรงใจ’ เขามาตลอดก็เท่านั้นเอง



ไม่ได้เกิดอาการ ‘กลัวผัวเฉียบพลัน’ อย่างที่ใครเข้าใจหรอกนะ!



            “อือ…เข้าใจก็ได้ แต่…”



            “…..”



            “ออนท็อปให้พี่อีกรอบนะ แล้วพี่จะเป็นผัวที่ดีของเมียตลอดไป”



            พอร์ชทิ้งตัวลงให้คนรักเป็นฝ่ายคุมเกมอีกครั้งหลังจากตนเองเริ่มล้าจากการโหมทำรักสิบกระบวนท่ารอบแรกกับคนรักอย่างหนักหนวง แต่ไอ้ลูกชายคนกลางตัวเสือกทำตัวคึกคักไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ผงกหัวงึกงักร้องหาถ้ำแม่มันยิกๆ



            “อืม…อย่างนั้นแหละ แม่อีมณีเก่งที่สุด อ่า…”



            อย่าคิดว่านั้นคือเสียงครางแห่งความสุขครั้งสุดท้ายของคืนนี้ เพราะหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติพร้อมนอนพักชมวิววาบหวิวอันเย้ายวนยามคนรักกัดปากกลั้นเสียงครางจนหายเหนื่อยแล้ว หลังจากนั้นโซ่ก็ไม่จำเป็นต้องกลั้นเสียงครางอีกเลย เพราะพอร์ชลุกขึ้นมาจัดหนักจัดเต็มจนโซ่ต้องหายใจทางปาก รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของจอมซนที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องของออดี้ลงไปข้างล่าง เพราะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร



ล่อกูยันเช้าเลยนะไอ้พอร์ช...ไอ้หมาหื่น!





TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #44 {22/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-12-2018 19:13:32
พี่มณีกับน้องซน กำลังทำอะไรกันนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #44 {22/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 22-12-2018 22:17:23
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #44 {22/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-12-2018 06:37:56
น้องซนหนูน่ารักมากไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #44 {22/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-12-2018 10:26:17
หื่นตลอด~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #44 {22/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-12-2018 20:40:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #44 {22/12/2561}
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 03-01-2019 02:39:53
ลูกนอนอยู่ข้างบนหนาาาาา

ระวังกันหน่อยสิ

อิอิ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #45 {03/011/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 03-01-2019 13:44:06

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{45}




            “เลิกงอนได้แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นพาไปดูจระเข้ยักษ์ เอ้า…อ้ำ!”

            อย่าเข้าใจผิดคิดว่าประโยคข้างต้นนั้นคือการง้อคนรัก เพราะความจริงแล้วคนที่พอร์ชกำลัง ‘ป้อนข้าว’ อยู่นั้นคือคุณลูกชายอย่างจอมซนที่ยังคงงอนยิงยาวตั้งแต่ตีสี่มาจนถึงตอนนี้ที่เพลงชาติไทยแว่วดังผ่านเสียงตามสายหน้าบ้านมาให้ได้ยิน แต่เด็กช่างที่มีเรียนแปดโมงตรงอย่างพอร์ชกับโซ่ยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านเลย เพราะมัวแต่กล่อมเด็กแสบให้หายงอน

            “น้องซนอยากไปโรงเรียนด้วย” หันหน้าหนีช้อนข้าวที่พอร์ชกำลังป้อนไปช้อนตาออดอ้อนโซ่ที่กำลังยืนมัดผมทรงจุกน้ำพุให้อยู่ทางด้านหลัง

            “ไม่อยากอยู่เล่นกับพี่มณีหรอ”

            “อยากฮะ แต่…อยากอยู่กับคุณป๋ากับพ่อจ๋ามากกว่า”

            คุณพ่อคุณป๋าจ้องหน้าสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชาย บรรยากาศที่กำลังจะสดใสหม่นหมองลงในชั่วพริบตา

            พอร์ชคิดหนักเรื่องที่กำลังจะตัดสินใจเพราะสังคมเด็กช่างห่ามๆ เถื่อนๆ อย่างเขาดูไม่ค่อยจะเหมาะกับเด็กกำลังโตอย่างจอมซนที่กำลังน่ารักน่าฟัดน่าขยี้ให้แหลกคามือตามประสาวัยรุ่นกัดมันอย่างพวกเขาเพราะไม่ใช่แค่เขาที่มีแฟนเป็นผู้ชาย หรือจะให้พูดตามตรงเลยก็คือไอ้ลูกหมาพวกนั้นมันเอาได้หมดแหละถ้าถูกใจ พอร์ชล่ะกลัวเหลือเกินว่าถ้าคาดสายตาไปแล้วจะไม่ได้ลูกชายที่แสนน่ารักอย่างจอมซนกลับมา เพราะใช่ว่าเขาจะมีแต่พวกพ้องที่พร้อมรัก คู่อริก็มีไม่น้อยไปกว่ากัน แถมยังเป็นพวกลิ้นสองแฉกชอบแทงข้างหลังอีกต่างหาก

            ขณะที่โซ่เองก็มัวแต่จมอยู่ในอดีตของตัวเองเมื่อเผลอนึกไปถึงตอนที่ตนเองมีอายุเท่ากับหลานชายว่าตอนนั้นตนเองกำลังอยู่ที่ไหน ทำอะไร หรือคิดอะไรอยู่ ซึ่งก็ได้คำตอบในทันทีว่าตอนนั้นเขาเองก็ต้องการให้ใครสักคนอยู่เคียงข้างเขาเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงแค่ความฝันเพราะท้ายที่สุดแล้วก็มีแค่ ‘เงาของตัวเอง’ อยู่เคียงข้างกัน

            “เอาสิ อยากไปก็ไป” เมื่อตัดสินใจได้แล้วโซ่ก็หันไปบอกกับลูกชาย ซึ่งแน่นอนว่าพอได้คำตอบที่ถูกใจแล้วเจ้าตัวแสบก็กระโดดกอดพ่อจ๋าสุดที่รักของตัวเองทันทีด้วยความดีใจสุดขีด ต่างจากพอร์ชที่กำลังทำหน้ายุ่งเพราะเขายังไม่ได้บอกกับคนรักเรื่องที่มีปัญหากับพวกหัวโจกแผนกช่างเชื่อมเลย

            “โซ่…”

            “แต่พ่อกับป๋าไม่ได้เรียนห้องเดียวกันนะ น้องซนอยากอยู่กับใครล่ะ” โซ่ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมทั้งปรามคนรักด้วยสายตาว่าไม่ให้พูดอะไรออกมาอีก แม้ว่าจะมองเห็นความกังวลในสายตาของคนรักก็ตาม แต่ไม่ว่าพอร์ชจะมีปัญหาอะไร โซ่ก็ไม่กล้าที่จะถอนคำพูดกลับคืนได้หลังจากที่ได้เห็นแววตาเป็นประกายของหลานชายที่เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นลูกชายอย่างจอมซน

            “อือ…น้องซนอยากอยู่ด้วยสองคนเลยฮะ” เจ้าตัวแสบกรอกตามองคนนั้นทีคนนี้ทีเพราะคิดไม่ตก อยู่กับคุณป๋าก็สนุกอยู่กับพ่อจ๋าก็อุ่นใจ…น้องซนเลือกไม่ถูกเลยฮะ

            “ไปอยู่กับพ่อนั่นแหละ วันนี้ป๋าลงช็อปทั้งวัน…อันตราย” พอร์ชเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่เด็กแสบจะคิดตัดสินใจ เพราะว่าวันนี้เขามีสอบเก็บคะแนนภาคปฏิบัติจริงๆ ถึงแม้ว่าจะแค่ครึ่งวันตอนเช้าก็ตาม เพราะเขาไม่พร้อมที่จะให้จอมซนไปเสี่ยงตีนด้วยจริงๆ

            “ทั้งวัน?” โซ่เลิกคิ้วถามอย่างจับผิด เพราะทั้งสองคนต่างจำตารางเรียนของกันและกันได้

            “อืม” เพราะยังไม่สามารถอธิบายให้คนรักฟังได้ในตอนนี้พอร์ชจึงทำแค่พยักหน้าตอบรับไปคำในลำคอ

ยอมรับอย่างแมนๆ เลยว่าไม่อยากโกหก ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่*…กลัวเมียโกรธ*

            “น้องซนรีบกินข้าวให้หมด พ่อจ๋าจะไปจัดกระเป๋าให้” โซ่จ้องตาขอคำตอบจากคนรักอยู่พักใหญ่แต่เจ้าตัวกลับหลบสาย เขาเลยต้องปล่อยผ่านไปก่อนแล้วหันมาสนใจลูกชายแทน

            เพราะอุณหภูมิที่ลงแบบปุบปับบวกกับมีเด็กแสบพ่วงมาอีกหนึ่งคนพอร์ชจึงต้องเปลี่ยนมาใช้น้องมิสีแดงสดของโซ่แทนที่จะนั่งซ้อนกอดเอวแว้นไอ้แมนมาเรียนอย่างทุกที

            เขาวนรถเข้าไปส่งคนรักกับลูกชายที่แผนกช่างไฟก่อนเป็นอันดับแรก เพราะยังไม่อยากให้ลูกฝรั่งดองผมสีทองของตนเองเป็นจุดเด่นแต่เช้า ถึงแม้ว่าจะเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็อยากจะยืดเวลาออกไปอีกหน่อยสักเที่ยงก็ยังดี เพราะเขามีเรียนแค่ตอนเช้า(ตามที่โซ่รู้) จะได้มีเวลาไปเป็นบอดี้การ์ดนั่งเฝ้าสองพ่อลูกเรียนตอนภาคบ่าย เพราะวันนี้โซ่มีเรียนยาวถึงห้าโมงเย็น

            “โกรธหรอ?” พอร์ชรีบคว้าแขนคนรักไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะลงจากรถตามจอมซนไปอีกคน ส่วนเจ้าเด็กแสบพอเห็นเพื่อนใหม่อย่างพี่มหาคนดีที่เพิ่งจะเปิดศึกปะทะฝีมือแข่งเกมออนไลน์ด้วยกันเมื่อคืนก็ลืมคุณพ่อกับป๋าจ๋าไปทันที

            “ไม่ได้โกรธ” แค่เสียความรู้สึก

            “นี่ขนาดไม่โกรธนะเนี่ย” หัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นหน้าบึ้งตึงของคนรัก

            “อย่ากวนตีน” พยายามจะชักมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายที่กำลังกวนประสาทเขาด้วยการกดจูบที่หลังมือ
อะไรคือการทำให้กูเขินตอนโกรธครับไอ้หมาพอร์ช? แพ้ทางมันอีกแล้วนะซอโซ่*!*


            “ไม่กวนแล้วๆ วันนี้สอบเก็บคะแนนจริงๆ” ยกมือสอง ปากบอกยอมแพ้ แต่หน้าระรื่น!

            “แต่มึงมีเรียนแค่ครึ่งวัน” โซ่สวนกลับทันควัน

            “อือ มีเรียนแค่ครึ่งวันก็จริง แต่ที่ไม่อยากเอาลูกไปด้วยเพราะเพิ่งไปมีเรื่องกับพวกไอ้โจ๊กช่างกลมา พี่เลยอยากไม่อยากให้ลูกมาด้วย แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ให้อยู่กับหนูแทน บอกตรงๆ โคตรห่วงเลย” สรรพนามคำว่า ‘พี่’ กับ ‘หนู’ ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ทุกครั้งเมื่อต้องการให้คนรักฟังในคำอธิบายของตน ซึ่งดูเหมือนว่าโซ่เองก็จะแพ้คำว่า ‘พี่’ ของพอร์ชอยู่ไม่น้อยถึงได้เย็นลงในทันทีทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเดือดเป็นลาวาในปล่องภูเขาไฟพร้อมปะทุ

            “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

            “อาทิตย์ก่อน แล้ววันนี้พวกมันก็ต้องมาเรียนเขียนแบบกับ อ.วินัยอีกพี่เลยไม่อยากเอาน้องซนไปด้วย โซ่ก็รู้ว่าเด็กช่างอย่างเรา คนดีก็ดีใจหาย คนเหี้ยก็เหี้ยสุดตีน ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าพวกไอ้เหี้ยโจ๊กมันจัดอยู่ในประเภทไหน” เพราะห้องเขียนแบบอยู่ตรงข้ามกับช็อปช่างยนต์ จะห่างกันก็แค่ไม่กี่เมตรมีหรือพวกลิ้นสองแฉกจะไม่เลื้อยข้ามมากวนส้นตีนเขาอย่างทุกที

            “อืม”

            “เอาน่า…อย่าทำหน้าเครียดสิ เดี๋ยวสาวไม่มองแล้วจะหาว่าผัวไม่เตือน”

            “กวนตีน”

            “ไปๆ ลงไปดูไอ้แสบได้แล้ว โดนใครแกล้งมาอีกนั่น เบะปากพร้อมเป่าปี่ขนาดนั้น” ชี้ไปทางจุดที่จอมซนคนแสบยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมเพื่อนร่วมห้องของโซ่

            “คุณป๋า~” เพียงแค่เห็นว่าพอร์ชเดินลงมาจากรถจอมซนก็ร้องเรียกเตรียมพร้อมที่จะฟ้องทันทีว่าเมื่อครู่นี้โดนใครแกล้งอะไรบ้าง เพราะคุณป๋าตัวใหญ่ต้องสู้คนพวกนั้นได้แน่

            “เอ้า! เอาไป แล้วอย่าดื้อ อย่าซน อย่าอยู่ห่างพ่อจ๋านะไอ้ตัวแสบ” พูดพลางส่งช็อกโกแลตทรงสามเหลี่ยมแท่งสีเหลืองยี่ห้อโปรดที่พอร์ชตั้งใจหยิบมาติดสินบนเด็กโดยเฉพาะให้เจ้าตัวไป

            “งื้อ~ คุณป๋าใจดีที่สุด!” เจ้าเด็กแสบกระโดดกอดทันทีที่ได้ของถูกใจ

            “เออๆ ป๋าต้องไปสอบแล้ว อย่าลืมที่สั่งไว้นะจอมซน ห้ามอยู่ห่างพ่อจ๋า…เข้าใจนะ?” พูดกับคนลูกแต่สายตาเหลือบมองไปยังคนพ่อที่จ้องเขม็งมองมาอยู่แล้ว ดูจากสายตาแล้ว เหมือนว่าไอ้พอร์ชงานจะเข้า

            เพราะพ่อจ๋ามีกฎเหล็กว่าให้ลูกกินช็อกโกแลตได้วันละไม่เกินหนึ่งแท่ง แต่พอร์ชดันหยิบมาให้เจ้าตัวแสบถึงสอง
เฮ้อ*! งานง้อเมียต้องมาอีกแล้วสินะตัวกู!*

            “รับทราบฮะ!”

            “ไงมึง…มาสายไม่พอเสือกมาเด่น”

            “เออโคตรเด่น โคตรหล่อ แต่รถเมีย…กูมันก็แค่คนขับรถ” พอร์ชยกมือกำหมัดชกทักทายกับเพื่อนรักอย่างเป้ แวนและเพื่อนร่วมชั้นอีกสองสามคนที่ยืนรออยู่หน้าแผนก

            คำบอกเล่าเรื่องรถของพอร์ชทำเอาเด็กช่างต่างแผนกหลายคนที่ยังคงวนเวียนอยู่ในโรงจอดรถที่อยู่หน้าแผนกช่างยนต์ถึงกับหูผึ่งเกิดอาการอยากสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาทันที เพราะรถที่พอร์ชขับมานั้นเป็นรถยุโรปคันเล็กที่ราคาไม่ได้น่ารักเหมือนรูปทรงเลย อีกทั้งไอ้โซ่ช่างไฟที่ใครหลายคนรู้จักก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรือแสดงตัวว่าเป็นลูกคุณหนูมีกะตังเหมือนอย่างพอร์ชที่ขี่ดูคาติมาเรียนตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกเลยสักครั้ง แถมยังสนิทชิดเชื้อกับเด็กวัดอย่างไอ้มหาที่ขี่ชาลีคันเก่าสนิมเขลอะมาเรียนอีก ก็น่าจะมีลากฐานทางบ้านที่ขัดสนไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะผิวพรรณดีดูมีออร่ามากกว่าเด็กช่างตัวด่างหน้าดำอย่างพวกเขาก็เถอะ

            “พ่อจ๋าน้องซนปวดฉี่” เด็กแสบแอบกระซิบข้างหูพ่อจ๋าของตัวเองเบาๆ หลังจากนั่งอั้นมานานจนเริ่มทนไม่ไหว

            “เดี๋ยวพี่พาไป” บุญล้อมที่นั่งอยู่อีกข้างของจอมซนเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่โซ่จะอ้าปากตอบเพราะเป็นห่วงสังขารของเพื่อนรักที่ทำตัวปกติทั้งที่แทบจะเดินไม่ไหว ไหนจะรอยรักสีกุหลาบตรงรอบคอและเนินอกทั้งข้างหน้าข้างหลังที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ

            “ไม่เป็นไร” ตอบปฏิเสธเพื่อนไปเตรียมพร้อมที่จะลุกยืน

            “ไหว?” ถามกลับพร้อมหรี่ตาส่งสัญญาณเป็นเชิงบอกว่า ‘ไม่ไหวอย่าฝืน’

            “แต่…” เพราะนึกถึงคำพูดของคนรักก่อนแยกย้ายโซ่จึงไม่อยากอยู่ห่างลูกชาย แต่พอเห็นสีหน้าและแววตาที่แสดงความห่วงใยออกมาจริงจังของบุญล้อมแล้วก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ

            “กูไม่หน้ามืดปล้ำลูกมึงให้พ่อมันฆ่ากูหรอก รออยู่นี่แหละ…ป่ะ!” พูดจบก็คว้าข้อมือเด็กปวดฉี่ที่ยืนบิดตัวไปมาด้วยความทรมานออกจากห้องเรียนทันที ไม่อยู่รอฟังคำโต้แย้งใดๆ จากเพื่อนรักให้เสียเวลาอีกต่อไป

            “โอ๊ะ! คุณป๋า! คุณป๋าจ๋า! น้องซนจะไปหาคนป๋า”

            “มึงอยากตายนัก…นะ…น้องซน!” พอร์ชที่กำลังกระชากคอเสื้อของใครสักคนอยู่ ตกใจอ้าปากค้าง รีบผละจากคู่กรณีออกมากางแขนกว้างรอรับตัวลูกชายที่กำลังพุ่งเข้ามาหา

            “คุณป๋าจ๋า~ น้องซนคิดถึงคุณป๋า” เด็กแสบเจ้าของผมสีสว่างร้องบอกอยู่ในอกกว้างของพอร์ชที่กำลังจ้องหน้าคู่กรณีไม่วางตา

            “บอกเลยว่าไม่เชื่อ หน้าอย่างเอ็งหรอจะคิดถึงข้า คิดถึงค่าขนมในกระเป๋าข้ามากกว่ามั้ง…กูฝากเคลียร์ทางนี้หน่อยนะเป้ เดี๋ยวพาลูกลิงไปส่งแม่มันก่อน” จิ้มหัวไอ้เด็กแสบอย่างคนรู้ทัน ก่อนที่จะหันไปฝากปัญหาตรงหน้าไว้เพื่อนรักก่อน ว่างเมื่อไหร่จะสะสางให้หมด

            “จะเอาอะไรก็ไปเลือกเลย แต่อย่าซื้อเยอะนะเดี๋ยวแม่มึงด่ากูอีก” พาเด็กแสบเข้ามาหาซื้อขนมในสหกรณ์โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งปากทางเข้าไปยังแผนกช่างไฟของคนรัก

            “โทษที่ว่ะ ไอ้ตัวนี้วิ่งไวพอๆ กับคุณโซ่เลย” ไม่รู้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บุญล้อมโยนคำสุภาพทิ้งไปในยามที่พูดคุยกับพอร์ช เอ่ยขอโทษด้วยความจริงใจ เพราะพอจะมองออกว่าสถานการณ์ก่อนหน้าที่จอมซนจะพรวดพราดวิ่งเข้าไปมันตึงเครียดแค่ไหน แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าเขาจับเจ้าตัวแสบไว้ไม่ทันจริงๆ

            “ช่างมันเถอะ แค่หมามันเห่า” ตอบปัดเหมือนไม่คิดอะไร แต่ในอกกำลังร้อนเป็นไฟ เมื่อหวนนึกไปถึงคำดูถูกเหยียดหยามที่คู่อริทิ้งไว้ให้ ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากระเบิดเวลาๆ ดีๆ นี่เอง

            “อันนี้ของน้องซน อันนี้ของคุณป๋า อันนี้เอาไปฝากหม่ามี้” เด็กแสบวางขนมในอ้อมแขนของตนวางลงตรงหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน แจกแจงเสร็จสรรพว่าอันไหนของใคร แต่เท่าที่พอร์ชลองมองดูแล้วก็มีแต่ของชอบเจ้าตัวทั้งหมด ไอ้ที่พูดมาว่าของคนนั้นคนนี้น่ะข้ออ้างทั้งนั้น

กลัวโดนดุเหมือนกันสินะ

            “ถ้าไม่อยากกำพร้าพ่อ อย่าไปหลุดเรียกต่อหน้าแม่มึงเชียวไอ้คำว่าหม่ามี้เนี่ย” ควักเงินออกมาจ่ายค่าขนมกองโตให้เด็กแสบโดยไม่ลืมที่จะย้ำเตือนเรื่องสรรพนามการเรียกขานของอีกคนอย่างอารมณ์ดีต่างจากก่อนหน้าลิบลับ

            ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ความลับระหว่างเขากับจอมซนหลุดไปถึงหูคนรัก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นไม่เขาก็จอมซนต้องมีใครสักคนโดนโซ่ซ้อมจนน่วมแน่ที่บังอาจไปเรียกเจ้าตัวว่า หม่ามี้ แต่ดูท่าแล้วก็คงไม่พ้นตัวเขานี่แหละที่จะกลายเป็นกระสอบทรายให้คนรักซ้อมมือ เพราะฉะนั้นเอ็งอย่าได้หลุดปากไปเชียวไอ้แสบเอ้ย…ป๋ายังไม่อยากตาย



TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #45 {03/011/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 03-01-2019 18:09:58
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #45 {03/011/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-01-2019 23:26:01
น้องซนน่ารัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #45 {03/011/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-01-2019 00:20:09
เหมือนจอมซนจะชอบรั้นนะ ต้องเห็นป๋ามีเรื่องเพราะตัวเองก่อนใช่ป่ะ ถึงจะเข็ดจะจำ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #45 {03/011/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-01-2019 01:15:34
อาจจะตายด้วยน้ำมือเมีย555
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #45 {03/011/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 06-01-2019 03:10:46
สวัสดีปีใหม่นะคะ มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #46 {11/01/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 11-01-2019 22:13:13
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{46}




            “จระเข้..จระเข้..จระเข้.. Yay ye~”



            เด็กแสบโยกหัวขยับปากพึมพำร้องเพลงที่แต่งขึ้นมาเองอย่างอารมณ์ดี เพราะคุณป๋ากับพ่อจ๋าสุดที่รักพามาเดินเล่นและดู(รูปปั้น)จระเข้ยักษ์หลังเลิกเรียนตามคำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อเช้า



            “พี่พอร์ช!”



            “เฮียโซ่!”



            โซ่กับพอร์ที่เดินจูงมือลูกชายคนละข้างหันไปด้านหลังอย่างอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงใครหลายคนร้องเรียกชื่อตนเองและคนรักดังมาแต่ไกล



            “เออ! กูเอง ทำไมยังไม่รีบไหว้พ่อมึงอีกวะไอ้ลูกหมา!” พอร์ชหันไปยักคิ้วตอบรับด้วยรอยยิ้มกวนประสาทในแบบฉบับของตนที่พอได้เห็นทีไรโซ่ละต้องเบ้ปากพึมพำด่าว่ากวนส้นตีนเบาๆ ตามหลังทุกที



            เพียงเท่านั้น…กว่าครึ่งของเด็กหัวเกรียนที่กำลังเล่นฟุตบอลอยู่ก็รีบวิ่งเข้ามาทักทายกับพอร์ชทันที ส่วนอีกครึ่งที่เหลือก็ค่อยๆ เดินตามหลังมาช้าๆ แต่ไม่ได้มาหาพอร์ชเหมือนกลุ่มแรก พวกเขาแยกเข้าไปยกมือไหว้ทักทายทำความเคารพโซ่ยืนกอดคอจอมซนอยู่ไม่ไกล



            “เล่นด้วยกันสักเกมสิพี่” หนึ่งในกลุ่มรุ่นน้องของพอร์ชเอ่ยชวน



            พอร์ชหันไปถามความเห็นจากคนรักทายสายตา โซ่พยักหน้าตอบรับ ก่อนที่จะพากันยกโขยงกลับไปตรงบริเวณหาดทรายจำลองที่ทางจังหวัดจัดไว้ให้ประชาชนเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือไม่ก็นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น



            “ได้ข่าวว่าเฮียมีผัว” รุ่นน้องคนสนิทที่เคยเป็นมือขวาของโซ่เอ่ยแซวอย่างไม่เกรงกลัวกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ในอดีตของลูกพี่ตนเองสักนิด ต่างจากคนอื่นๆ ที่เริ่มตีวงกว้างออกไป



ก็แหม*…กิตติศัพท์เฮียโซ่ที่ได้ยินและเคยได้เห็นมากับสองตามามันน้อยซะที่ไหน*



            แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว…ไอ้โซ่คนเดิมมันตายไปตั้งแต่ที่ได้เจอกับเจ้าของหัวใจคนใหม่อย่างพอร์ช ไอ้เรื่องที่จะมาให้วิ่งไล่กระทืบใครเพราะพูดจาไม่ถูกหูเหมือนเมื่อก่อนคงไม่มี(ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ)เพราะไม่อยากจะให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียไปถึงเสี่ยใหญ่และคุณนายปลื้มจิตที่รัก ดูแล และให้ความสำคัญกับโซ่ไม่ต่างไปจากลูกแท้ๆ อย่างพอร์ช จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่โซ่จะเคารพ รักและให้เกียรติพ่อแม่คนรักไม่ต่างไปจากตายายของตน

            โซ่รู้ดีว่าไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านมาได้ เขาจึงพยายามที่จะทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีที่สุด แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะทำเรื่องเลวร้ายลงไปมากแล้วก็ตาม



            “ก็มันนั่นแหละ” พยักเพยิดหน้าไปทางพอร์ชที่กำลังถอดเสื้อปัดเศษทรายออกจากตัว หลังจากที่โดนชนล้มลงกลิ้งไปกับพื้น แต่ยังคงมีรอยยิ้มกว้างติดอยู่บนใบหน้า…สนุกเขาละ



            “ผมดีใจนะที่เฮียมีความสุข ถึงเราจะไม่ได้เดินทางเดียวกันแล้วก็เถอะ” เขาพูดบอกออกมาด้วยความเสียดาย

            ใช่…ในสายตาคนอื่นโซ่อาจจะเป็นแค่เด็กเหลือขอที่ชอบทำผิดกฎระเบียบโรงเรียนและมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว แต่สำหรับพี่น้องร่วมสาบานอย่างเขาแล้วโซ่เปรียบเสมือนต้นแบบที่ยากจะเจริญรอยตาม เพราะในขณะที่ไล่ตีรันฟันแทงกับใครต่อใครอยู่นั้นเจ้าตัวก็ไม่เคยทิ้งเรื่องเรียน เกรดของโซ่อยู่ในระดับที่ดีมาก จนเด็กห้องคิงอิจฉาตาร้อนหาเรื่องใส่ร้ายสารพัด แต่โซ่ก็รอดออกมาได้ แม้ว่าจะสะบักสะบอมเต็มทีก็ตาม



            แก๊งเด็กเดนของโซ่ที่คนอื่นเรียกขาน เป็นการรวมตัวของเด็กหัวกะทิที่ซื่อตรงต่อความต้องการของตนเอง รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกไปอย่างนั้นไม่ได้คิดสลับสับซ้อนอะไร เพียงแต่…ผู้ใหญ่หูเบาส่วนใหญ่มักจะถูกจริตกับพวกปากหวานก้นเปรี้ยวมากกว่าคนจริงใจเท่านั้นเอง อดีตเด็กห้องคิงอย่างโซ่เลยโดนถีบหัวส่งไปอยู่ในห้องธรรมดาท้ายแถว แต่ก็แค่นั้น เพราะเพชรก็คือเพชร ต่อให้ตกลงไปจมปักอยู่ในบ่อโคลนก็ยังคงความเป็นเพชรที่พร้อมจะเปล่งประกาย



            หลังจากนั้นมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป โซ่ที่เป็นพวกซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองบวกกับความหัวร้อนตามประสาเด็กเอาแต่ใจที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด เริ่มสนุกที่ได้ทำตามใจตนเอง สนุกที่ได้ทดลองในสิ่งแปลกใหม่ เปิดใจรับในสิ่งที่ไม่ควรเข้าใกล้ สะสมประสบการณ์ในทางที่ไม่ดี บุหรี่ เหล้า และสารเสพติด ไม่สนคำเตือนของใคร หลงระเริงไปกับความอำนาจที่ไม่ควรจะมีจนกระทั่งได้เจอกับแฟนคนแรกอย่างแยมโรลทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะจริงจังกับใคร แม้ว่าจะเคยมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงและผู้ชายไปหลายต่อหลายคน เรียกได้ว่าไอ้โซ่คนนั้นในอดีตได้ใช้ชีวิตเกินคุ้มไปไกลแล้ว



            แต่มีหนึ่งเรื่องที่เขาไม่เคยทิ้งคือการเรียน เพราะต่อให้ตอนที่อยู่ข้างนอกจะเลวแค่ไหน แต่เมื่อไหร่ที่ได้กลับบ้านโซ่ก็จะกลายเป็นเด็กดีของพ่อและแม่เหมือนเดิม



            ส่วนเงินที่ได้มาจากการทำผิดในวันวาน โซ่ก็ได้เอาไปบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อนมนุษย์และสัตว์ร่วมโลกตามปณิธานที่เคยให้ไว้กับตัวเองหมดแล้ว เพราะว่าหลังจากนี้เขาคงไม่ได้เป็นหมอหมา เช่นเดียวกับที่แยมโรลเองก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นหมอคนตามฝัน แต่ยังดีที่พี่น้องคนอื่นไม่เคยทิ้งฝัน



            ใครจะเป็นคนเดินเข้าเส้นชัยก็ได้ ขอแค่จุดหมายปลายทางยังคงเดิม…คลินิกพอเพียงทั้งของหมาและของคนจะต้องเกิดขึ้นจริง!



            “น้องซนอยากเล่นฟุตบอลกับคุณป๋า” เพราะมัวแต่คุยเรื่องอดีตกับรุ่นน้องคนสนิท รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เด็กแสบงอแงออกมานั่นแหละ



            “เอาสิ เดี๋ยวพี่พาไป” ยังไม่ทันที่โซ่จะได้พูดอะไร เด็กตัวสูงคนข้างๆ ก็เสนอตัวขึ้นมา



            “พ่อจ๋า~” เด็กแสบช้อนตามองอ้อนเมื่อเห็นว่าโซ่ยังคงตีสีหน้าเรียบนิ่งเพราะมัวแค่คิดเป็นห่วงกลัวว่าจอมซนจะสู้แรงทโมนของแก๊งหมาบ้าในสนามไม่ได้ แต่พอหันไปเห็นอะไรบางอย่างในสายตารุ่นน้องคนสนิทแล้ว



เออ*…กูยอม*



            “ไปสิ” เอ่ยอนุญาตออกไปอย่างอ่อนใจ จะชอบแค่ไหนก็ชอบได้ แต่อย่าหวังว่าจะได้เคลมลูกชายลูกเลยครับน้องรัก เพราะนอกจากกูจะหวงแล้ว ป๋ามันยิ่งกว่าหมาบ้าอีก



            “งื้อ…เหนื่อย!”



            โซ่หยิบขวดน้ำที่แอบออกไปซื้อตอนที่สองพ่อลูกกำลังเพลิดเพลินกับการเล่นฟุตบอลส่งให้คู่ซี้ต่างไซส์ที่กำลังนอนแผ่หลากลางพื้นทรายคนละขวด



            “เป็นเด็กเป็นเล็กนั่งค้ำหัวผัวได้ไง” ไม่เพียงแค่พูดเปล่าแต่พอร์ชยังดึงให้โซ่ลงมานั่งข้างกันบนพื้นทราย



            “เล่นกันไม่สงสารคนซักเสื้อผ้าเลย” ก็รู้ว่าสนุกหรอกนะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดบ่นออกมาเมื่อเห็นสภาพสองพ่อลูกที่ตัวเปื้อนทรายไปตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งเสื้อผ้านี่ไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะพอร์ชที่ยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาเสื้อสีขาว…งานหนักป้าแม่บ้านอีกแล้ว



            “มาถ่ายรูปกัน” พอร์ชทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จับโซ่หมุนตัวกลับหันหลังมานั่งคู่กัน เอื้อมแขนออกไปดึงรั้งให้จอมซนมานั่งทับลงบนตักของพวกเขาคนละข้าง แล้วกดซัตเตอร์ถ่ายรูปทันที ก่อนฉากหลังอย่างพระอาทิตย์จะตกกระทบกับผืนน้ำในบึงและจมหายไป

..

..

..

            วันนี้เป็นวันดีเป็นวันที่ไอ้พอร์ชจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติอาหารของคุณชายเมียสุดที่รักหลังจากที่โดนหลอกให้ทำอาหารขึ้นหิ้งบูชามันมาเกือบสองปีด้วยคำว่า ‘ทำอาหารไม่เป็น’



            มื้อเย็นของบ้านวันนี้จึงค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษเพราะนอกจากอาหารจะไม่ใช่ฝีมือของป้าแม่บ้านหรือคุณนายปลื้มจิตอย่างทุกทีแล้วก็ยังมีเสียงเจื้อยแจ้วของลูกมือจอมแสบที่เอาแต่คุยโวโอ้อวดถึงรสชาติอาหารของพ่อจ๋าสุดที่รักว่าดีอย่างนั้นอร่อยอย่างนี้จนผู้ใหญ่ที่เหลืออีกสามคนได้แต่เออออไปตามน้ำเพื่อเอาใจเด็กขี้งอน



            “ผมทำแค่สเต็ก สลัดกับมันบดนะครับ หรือแม่กับป๋าอยากกินอย่างอื่นด้วย?”



            “โอ้ย…ลูกสะใภ้คนโปรดเข้าครัวทั้งทีแม่กับป๋าคงจะอยากกินอย่างอื่นหรอก”



            “เอ๊ะ! เจ้าพอร์ชนี่! เท่าที่หนูทำก็พอแล้วลูก” คุณนายปลื้มจิตที่กำลังช่วยหั่นผักสลัดตีตุบลงไปที่ต้นแขนของลูกชายเต็มแรง ก่อนที่จะหันไปคุยกับลูกสะใภ้ต่อ



หม๊าว หม๊าว



            “เลิกพูดมาก แล้วมาเอาพี่มณีไปก่อนสิ เห็นไหมว่ามันอันตราย” โซ่ยกทัพพีที่กำลังลังคนซอสส้มในหม้อขึ้นชี้หน้าคนรักที่เอาแต่จิกกัดทำตัวไร้สาระในขณะที่ตนเองโดนเด็กแสบป่วนคนเดียวไม่พอยังจะมีแมวอ้วนมาพันแข้งพันขาให้วุ่นวายไปเพิ่มขึ้นไปอีก



            “ซึมซับนิสัยขี้บ่นจากแม่ผัวไปเยอะสินะ” ขมุบขมิบปากบ่นในขณะที่เดินเข้าไปอุ้มลูกชายคนโตออกจากการวิ่งพันแข่งพันขาแม่มันตรงเตาแก๊ส



            “กูได้ยินนะพอร์ช” เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ



            “ของแม่กับป๋าเป็นซอสมะนาวนะครับ อายุเยอะแล้วกินซอสไข่เป็นมื้อเย็นแบบจอมซนไม่ดีเท่าไหร่” โซ่พูดบอกระหว่างที่วางจานอาหารลงตรงหน้าของพ่อแม่คนรัก เช่นเดียวกับที่พอร์ชเองก็นั่งเตรียมพร้อมรออยู่ตรงที่ประจำแล้ว



หม๊าว*~ หม๊าว~*



            “ขอมื้อเย็นให้พี่มณีด้วยครับน้องซน” โซ่หันไปเอิ้นบอกกับลูกชายคนเล็กที่กำลังวุ่นอยู่กับจากจัดปลานึ่งใส่ถาดอาหารให้พี่ชายขนปุยของตนเองอยู่ไม่ไกล



            “ได้แล้วฮะ” จัดจานอาหาร(ความจริงก็แค่หยิบปลาจากจานอาหารคนใส่ถาดอาหารแมว)ที่มีเพียงแค่แซลมอนนึ่งหนึ่งชิ้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งดุกดิกเอามาเสิร์ฟให้พี่ชายขนปุยที่กำลังแหกปากร้องหม๊าวหม๊าวด้วยความหิวโหยอยู่ข้างขาของคุณป๋าที่กำลังจะยกเท้าเหยียบด้วยความรำคาญ



หม๊าว*~*



            ว่าแล้วก็กางเล็บสะบัดอุ้งเท้าตบหลังมือขาวของน้องชายตัวโตไปสองทีถ้วนเป็นการขอบคุณ…เดี๋ยวจะหาว่าพี่เป็นแมวเถื่อนไร้การอบรม ทั้งที่ตัวพี่นั้นเป็น…แมวไฮโซ



            “งื้อ…น้องซนเจ็บนะฮะ”



            ตุบ!



            “เกเรนักนะมึง”



            สมแล้วที่โซ่เรียกว่า ‘พ่อน้องซน’ เพราะทันทีที่ได้ยินและได้เห็นจอมซนร้องเพราะโดนพี่มณีข่วนพอร์ชก็ตีตุบลงไปที่ก้นกลมๆ ของพี่มณีเป็นการลงโทษเสียเดี๋ยวนั้น



หม๊าว*!*



            นี่แหกปากร้องเพื่อฟ้องพ่อจ๋าของตัวเองทันทีที่โดนตีเช่นกัน



            “เดี๋ยวกูกระทืบให้”



            “มึงนั่นแหละจะโดน มาตีลูกกูได้ไง” โซ่เองก็ทำหน้าที่ ‘แม่อีมณี’ ได้ดีเช่นกัน ทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ชี้หน้าว่าคนรักก่อนจะอุ้มลูกรักอย่างพี่มณีมาปลอบ

            “ก็ลูกมึงมันดื้อ กูไม่กระทืบให้ก็บุญแล้ว กวนตีนขึ้นทุกวัน”



            “พอๆ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว น้องซนตกใจใหญ่แล้ว” แล้วก็เป็นคุณนายปลื้มจิตที่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ลูกชายและลูกสะใภ้จะเปลี่ยนจากการถกเถียงมาเป็นทะเลาะกันจริงๆ



            “น้องซนโกรธพี่มณีรึเปล่า” โซ่เอ่ยถามลูกชายที่กำลังนั่งต่อประกอบหุ่นยนต์อยู่บนพื้นข้างเตียงระหว่างที่พอร์ชหายไปในห้องน้ำได้สักพักแล้ว



            ตั้งแต่จบมื้ออาหารเย็นที่ควรจะมีแต่ความสุขโซ่ก็ไม่สนใจใยดีคนรักอีกเลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามเข้ามาคุยด้วยแล้วก็ตาม แต่ก็โซ่เลือกที่จะเดินหนีออกมาก่อน เพราะไม่อยากคุยในตอนที่สภาวะอารมณ์ไม่ปกติ เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกันไปจริงๆ



            ถ้าจะถามว่าโกรธที่พอร์ชตีพี่มณีไหม? ก็ไม่เชิงว่าโกรธหรอก แค่ไม่ชอบที่พอร์ชลงไม้ลงมือกับพี่มณีมากกว่า เพราะอย่างที่รู้กันว่าพี่มณีนั้นไม่ใช่แมวแข็งแรง อวัยวะภายในของพี่มณีไม่ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะขับถ่าย ถึงแม้ว่าจะดูบึกบึนเพราะร่างกายอันอ้วนกลมของเจ้าตัวก็ตาม โซ่เลยรู้สึกหงุดหงิดมากเป็นพิเศษที่เห็นพอร์ชตีก้นพี่มณีตอนกำลังกิน



            “ไม่ฮะ พี่มณีแค่จะขอบคุณน้องซน น้องซนรักพี่มณี” คำตอบจากเด็กน้อยตรงหน้าทำให้โซ่ยิ้มกว้างออกมาด้วยความพอใจ



            เออ…น้องมันยังรู้ว่าพี่มันอยากขอบคุณ แต่เป็นเพราะลืมเก็บเล็บและกะแรงไม่ถูกถึงได้ทำให้จอมซนได้เลือด แต่ไอ้ห่าป๋าที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่ตัวเล็กกว่าฝ่ามือเสือกไม่รู้…โง่ฉิบหาย!



            “เจ็บรึเปล่า พ่อจ๋าขอโทษแทนพี่มณีด้วยนะ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก” โซ่ใช้นิ้วไล้ไปตามที่ปิดแผลลายการ์ตูนบนหลังมือเล็กของลูกชายอย่างแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ผิวขาวๆ เป็นรอย



หม๊าว*~ หม๊าว~*



            เจ้าเหมียวตัวอ้วนที่เพิ่งจะเสร็จกิจจากห้องน้ำแมวของตัวเองเดินเข้ามาคลอเคลียอยู่บนตักของจอมซน ก่อนที่จะแลบลิ้นเลียไปบนหลังมือของน้องชายต่างสายพันธุ์ของตัวเองเหมือนกับว่าต้องการจะขอโทษที่ทำให้เจ็บตัว



            “คิก..คิก..จั๊กจี้จังเลยฮะ”



            โซ่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นพี่น้องต่างพันธุ์เขาเล่นกัน มันน่ารักเสียจนเขาต้องลุกไปหยิบกล้องตัวโปรดขึ้นมากดบันทึกภาพความทรงจำนี้เอาไว้ซะหลายรูป จนกระทั่งพอร์ชในสภาพเปียกปอนใส่กางเกงนอนตัวเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำนั่นแหละรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของโซ่จึงหายไป



            “น้องซนเล่นกับพี่มณีไปก่อนนะพ่อจะไปอาบน้ำ” โซ่มองเมินทำเป็นไม่เห็นว่าคนรักกำลังเดินตรงเข้ามาหา



            หมับ!



            แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนไกลก็ถูกรั้งไว้ด้วยอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของคนรักเสียก่อน



            “ปล่อย” พูดบอกเสียงเรียบไม่มีการดีดดิ้นขัดขืนอะไรอย่างที่ควรจะเป็นทั้งสิ้น



            “ขอโทษครับ ดีกันนะ” ยกมือที่ว่างอีกข้างขึ้นมากระดิกนิ้วก้อยไปมาเพื่องอนง้อขอคืนดีกับคนรักที่เผลอทำให้เจ้าตัวโกรธ



            “ไม่ได้โกรธและคนที่ควรขอโทษก็ไม่ใช่กู” สะบัดเสียงตอบพร้อมส่งสายตาไปยังพี่มณีที่กำลังเล่นต่อสู้อยู่กับจอมซนบนเตียง



            “กับลูกไว้ทีหลัง ของ้อแม่ของลูกก่อน”



            “…..”



            “น่านะ…มัวแต่งอนอยู่อย่างนี้แล้วพรุ่งนี้ใครจะจัดของไปทะเลล่ะ มีลูกตั้งสองตัวกูดูแลคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ ทั้งคนทั้งแมวซนอย่างกับลูกลิง”



            “พูดจริง?” ก็อยากจะเล่นตัวต่อหรอกนะ แต่คำว่า ‘ทะเล’ มันล่อตาล่อใจเหลือเกิน



            “จะโกหกทำไม จองที่พักไวแล้ว ไม่ไปได้ไง”



            เพียงเท่านั้นคนขี้งอน(งอน?..เออ! ยอมรับแบบแมนๆ ก็ได้ว่างอนจริง!)ก็กลับหลังหันโผเข้ากอดพอร์ชทันทีด้วยความดีใจ



            แหม…ก็เคยบอกแล้วไง(ในใบประวัติส่วนตัวที่ให้พอร์ช)ว่าอยากไปทะเลย เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้เห็นทะเลของจริงเลยสักที ถึงจะไปลุยป่าปืนขึ้นยอดดอยทั้งทางภาคเหนือและภาคอีสานมาแล้วหลายลูกก็เถอะ



พรรคพวกเอ๋ย*…ไอ้โซ่จะได้ไปทะเลแล้วโว้ย!*







TBC.

หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #46 {11/01/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-01-2019 00:49:25
5555หายงอนเร็วจัง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #46 {11/01/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-01-2019 03:42:21
โซ่สุดยอดอ่ะ อบรมสามีได้ดีมาก ๆ  o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #47 {25/01/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 25-01-2019 18:28:35

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{47}







            “ประจวบฯ ใช่ไหม?”



            “ถ้าเอาแบบเจาะจงก็ปราณบุรี” พอร์ชที่กำลังนั่งแต่งหล่อให้ไอ้แมนลูกรักอยู่ตรงส่วนอู่กับทีมช่างในร้านเงยขึ้นมาตอบคนรักที่ชะโงกหน้าออกมาจากห้องนั่งเล่น หลังจากที่เจ้าตัวพาลูกชายหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวเข้าไปนอนกลางวันเพราะเล่นกันจนหมดแรงเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว วันพฤหัสฯอย่างนี้พวกเขามีเรียนแค่ช่วงเช้า บ่ายนี้โซ่เลยมีเวลาว่างพอที่จะจัดของเตรียมไปทะเลในวันพรุ่งนี้ที่ทั้งสองคนพร้อมใจพากันโดดเรียนเป็นครั้งแรก



            “ออกไปซื้อของนะ” บอกกล่าวพร้อมทั้งขออนุญาตไปในตัวเพื่อความสงบสุขของครอบครัว เพราะโซ่รู้สึกว่าช่วงนี้คนรักจะออกอาการหวงแหนตนเองเป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าตามติดยิ่งกว่าเงา จะเป็นเพราะว่าเจ้าตัวมีเรื่องกับเด็กต่างแผนกก็ไม่ใช่เพราะพอร์ชเป็นมาก่อนหน้านั้น



สำคัญคือ*…ออร่าความผัวมันแรงเกินไป*



น้องโซ่เลยรู้สึกเกรงใจไอ้พี่พอร์ชเป็นพิเศษ



            “ที่ไหน?” ไม่ได้จับผิดแค่อยากรู้ทุกความเคลื่อนไหวของคนรักเท่านั้น



            “ห้าง…” บอกถึงปลายทางที่อยู่ไม่ไกล สามารถเดินไปได้อย่างง่ายดาย



            “ไอ้สองแสบล่ะ?”



            “หลับสนิททั้งสองตัวเลย”



            “นั่งรอก่อน เสร็จตรงนี้แล้วจะพาไป”



            เมื่อคนรักว่าอย่างนั้นโซ่เองก็พร้อมที่จะทำตาม ทิ้งตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้เหล็กตัวเล็กที่อยู่ใกล้กันกับพอร์ช เพราะว่าวันนี้โซ่อารมณ์ดีเกินกว่าที่จะเก็บเอาความจู้จี้ของคนรักมาใส่ใจ



            “จะไปซื้ออะไร” นั่งไปได้สักพักพอร์ชก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งเพราะทั้งอู่ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขาสองคน ส่วนช่างคนอื่นออกไปช่วยกันยกรถข้างนอกเพื่อเตรียมขนส่ง



            “อยากได้ครีมกันแดดให้น้องซน” ความจริงของเขากับพอร์ชก็ยังมีอยู่ แถมเยอะด้วยเพราะเพิ่งจะซื้อมาใหม่ แต่โซ่ก็อยากจะได้กันแดดสูตรอ่อนโยนสำหรับเด็กให้จอมซนมากกว่าถึงเจ้าแสบเล็กของเขาจะตัวใหญ่โตเกินเด็กแปดขวบทั่วไปเยอะก็เถอะ



            “มึงจะเสียใจไหมถ้าลูกไม่ได้อยู่กับเรา” คราวนี้ไม่ใช่แค่ทิ้งประแจในมือ แต่พอร์ชหมุนตัวหันมาจ้องหน้าสบตากับคนรักอย่างจริงจัง



            “เรื่องที่ต้องพาจอมซนไปส่งคืนเฮียเซนรึเปล่า?” เอ่ยถามกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบา



            “รู้หรอ?” พอร์ชหลุบตาถามด้วยความรู้สึกผิดเพราะความลับที่อยู่ในใจ ความจริงแล้วเขาก็ตั้งใจจะบอกกับคนรักอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาก็เลยเลือกที่จะเก็บไว้กับตัวก่อน



            ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามันเป็นอะไรที่แย่มากสำหรับพอร์ชกับการที่ต้องปิดบังและฝืนทำตัวปกติกับคนรักและลูกชายที่ยังคงส่งยิ้มสดใสกลับมาให้เขาทุกครั้งที่เราเล่นสนุกและความสุขด้วยกันตามประสาพ่อๆ ลูกๆ จอมปลอมที่จอมซนอยากให้เป็น



            “อือ...ได้ยินตอนมึงคุยโทรศัพท์ เอาจริงๆ ก็เสียใจ…เสียใจมากจนอยากจะโทรไปขอร้องให้เฮียเซนยกลูกให้ แต่พอลองมาคิดดูอีกที กว่าจะมาถึงวันนี้เฮียเองก็รอมานานเหมือนกันกว่าที่จะได้กอดลูก มันคงจะดีกว่าถ้าจอมซนได้กลับไปอยู่กับพ่อและครอบครัวที่แท้จริงของตัวเอง”



            โซ่เองก็อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวเก็บลูกไว้กับตัวเอง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตนเองเป็นแค่อาและจอมซนเองก็เป็นแค่หลานไม่ใช่ลูกอย่างที่เขาและเจ้าตัวอยากให้เป็น กลับกันพอลองคิดถึงในแง่มุมความเป็นพ่อของพี่ชายที่นั่งนับวันรอเจอลูกมาตลอดชีวิตแล้วก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้ให้กับโชคชะตา…เป็นห่าอะไรถึงได้ชอบเล่นกับความรู้สึกคน



            “คิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว ไอ้แสบมันแค่กลับไปอยู่กับพ่อมัน คิดถึงเมื่อไหร่เดี๋ยวกูจะไปขโมยกลับมาให้ ว่าแต่…ไม่คิดจะร้องไห้เสียใจหน่อยหรอ? กูละอุตส่าห์เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้กะได้เช็ดน้ำตาเมียเต็มที่” นั่นแหละ…ไอ้พอร์ชก็คือไอ้พอร์ช ยังคงเป็นคนห่ามที่โคตรเกรียนไม่มีหรอกคำสวยหรูไว้ปลอบโยนจะมีก็แต่ความกวนประสาทนี่แหละที่คอยเคียงข้างไม่ไปไหน



            “โทษทีนะน้อง พอดีพี่ไม่อ่อน…เหมือนหมาแถวนี้” โซ่เองก็คงซึมซับความกากเกรียนของคนรักไปพอสมควร ถึงได้หันมายักคิ้วลิ่วตาเกทับกลับไป



            “โด่! พูดงี้ขึ้นเลย…ขึ้นเลย! ถ้าคนอย่างพี่อ่อนน้องมึงคงไม่นอนร้องครางทั้งคืนหรอกครับเมีย!” ลูกผู้ชายต่อให้อยู่ในฐานะคน ‘เกลียมัว’ ก็ฆ่าได้หยามไม่ได้นะเว้ยเฮ้ย!



            “เสื่อมว่ะ! ไม่ไปไหนแล้ว หาซื้อแม่งหน้าบ้านนี่แหละ” ความจริงแล้วห้างที่อยู่หน้าบ้านก็ใช่ว่าจะเล็ก มีข้าวของเครื่องใช้ขายครบทุกอย่าง จะไม่มีก็แค่ร้านอาหารปรุงสุกเพราะอยู่ติดตลาด แถมยังเป็นห้างเจ้าแรกในจังหวัดอีกต่างหาก แต่ที่โซ่เลือกจะไปห้างโน้นก็เพราะอยากเดินทอดน่องดูคนเสียมากกว่า



ก็นะ*…เวลาโรงเรียนเลิกแบบนี้นักเรียนกำลังคึกคัก ถ้าได้ไปเดินเช็คเรตติ้งคงดีไม่น้อย*



            แหม่…คนฮอตอย่างพี่โซ่น่ะถึงจะป่าวประกาศว่ามีสามีเป็นตัวเป็นตนก็ใช่ว่าความนิยมจะลดลง ทุกวันนี้ก็มีสาวน้อยหนุ่มเล็กมากมายพากันส่งข้อความเข้ามาทักทายผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัว เพียงแต่เขาไม่คิดจะเล่นด้วย เพราะพี่โซ่เป็นคนจริง รักใครแล้วรักจริง ไม่มีลับหลัง ไม่มีทิ้งขว้างอย่างแน่นอน…เอาหัวเป็นประกันเลย!



            “พ่อจ๋า~”



            ยังไม่ทันที่โซ่จะได้ออกจากบ้านก็โดนเจ้าเด็กแสบที่คิดว่ากำลังนอนหลับเรียกรั้งไว้ซะก่อน เช่นเดียวกับที่พอร์ชเองก็เดินตามมาสมทบพร้อมกับโทรศัพท์กระเป๋าเงินในมือ



            งานนี้คงไม่พ้นไอ้ตัวพ่อเข้าไป(กวน)ปลุกลูกหรอกนะ โอ้ย*…พี่โซ่ละเพลียเกินจะด่า*



            “ว่า?”



            “พ่อจ๋าจะไปไหน” เอาล่ะ…ใครไม่เคยเจอเด็กแสบตอนงี่เง่าก็จะได้เห็นกันในวันนี้ล่ะ บอกเลยว่าจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมานานนับเดือน ช่วงเวลาที่นรกแตกที่สุดสำหรับโซ่ก็ตอนที่จอมซนงอแงเพราะนอนไม่พอนี่แหละ…ไอ้ห่าพอร์ชหางานให้กูอีกแล้ว!



            “ไปซื้อของหน้าบ้านนี่เอง” ชี้ไม้ชี้มือผ่านกระจกหน้าร้านไปยังห้างที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่ได้ไปไหนไกลเลย…ห่างกันแค่เอื้อม!



            “ทำไมไม่รอน้อง ฮึก! พ่อจ๋าจะทิ้งน้องหรอ?” ดราม่าก็มา น้ำตาก็มี…เต็มที่เลยครับลูก!



            “หยุดร้องได้แล้วมาหาพ่อ…เพราะน้องหลับ พ่อเลยไม่ปลุก” คว้าตัวเด็กแสบที่ยืนโงนเงนเพราะกำลังงัวเงียเข้ามากอดปลอบ บอกตรงว่าเจอบ่อย แต่ไม่เคยเบื่อ เพราะอาการงี่เง่าของจอมซนมันดูน่ารักมากกว่าที่จะน่ารำคาญ อีกทั้งท่าทางคำพูดคำจาน่าเอ็นดูนี่มีมาให้ได้เห็นตลอด



            “แต่…น้อง…น้องเสียใจ”



            ฟอด!



            “ไม่เสียใจแล้วครับ รักขนาดนี้ ตื่นแล้วก็ดี จะได้ไปเลือกชุดว่ายน้ำด้วยกันเลย” โอ้ย! โซ่ละอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมแก้มลูกลิงในอ้อมแขนที่ยังนัวเนียเนียนกอดไม่ยอมปล่อย



            “เฮ้ย! ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้ากอดเมียกูอยู่ได้ไอ้ห่าเด็กนี่” พอร์ชที่ยืนดูฉากรักระหว่างพ่อลูกอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาแทรกกลางพร้อมกับผลักหัวลูกชายสุดที่รักไปอีกหนึ่งทีแรงๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว เรื่องอ้อนนี่ขอให้บอกไอ้แสบนี่ถนัดนัก



            “น้องซนจะงอนคุณป๋าสามนาที…ฮึ่ย!” เด็กแสบเงยหน้าจากแผ่นอกขึ้นมาสบสายตาอันอบอุ่นของพ่อจ๋าสุดที่รัก ก่อนจะหันไปทำแก้มป่องใส่คุณป๋าอย่างงอนๆ



คุณป๋านิสัยไม่ดีชอบแกล้งลูก*…ลูกจะโป้ง!*



            “มึงก็ไปแกล้งมัน” โซ่หันมาบ่นคนรักที่ยืนอยู่ข้างกัน หลังจากที่มองตามเด็กแสบไปจนลับตา



            “แกล้งอะไร กูจริงจังเหอะ เห็นมาหลายคืนแล้ว ตื่นมาทีไรแม่งหันไปกอดกันอยู่สามตัว ปล่อยกูนอนหนาวอยู่คนเดียว…ใช้ได้ที่ไหน” ความจริงแล้วก็ไม่ได้โกรธอย่างที่พูดหรอก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจเบาๆ ตื่นมาเข้าห้องน้ำทีไร ทั้งลูกทั้งเมียหันไปกกกอดกันอยู่สามตัวปล่อยให้เขานอนหง่าวอยู่คนเดียว



            “ไร้สาระ” ไม่ได้ด่านะอุทานพร้อมกับกรอกตาขึ้นฟ้าเฉยๆ



            “ตรงไหน?”



            “ตรงนี้แหละ” ว่าแล้วก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมกับจอมซนที่เดินเข้ามาสมทบหลังจากล้างหน้าล้างตาจนกลับมาสดชื่นสดใสเหมือนเดิม ปล่อยให้พอร์ชยืนหูลู่หางตกอยู่ที่เดิมคนเดียว



            จะให้บอกได้ไงว่าหลังจากที่พอร์ชกลับมาจากห้องน้ำและหลับลึกลงไปอีกครั้งนั้นเขาก็หันกลับไปนอนซุกอกเจ้าตัวเหมือนเดิมจนถึงเช้า



ถ้าไอ้หมามันรู้โดนล้ออายตายห่าเลย…เพราะฉะนั้นจงเงียบไว้!



            สุดท้ายพอร์ชก็พามาห้างใหญ่อยู่ดี แต่เป็นคนละสาขากับที่โซ่จะไปในตอนแรก เพราะห้างนั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านสามารถเดินไปได้แบบสบายๆ ส่วนห้างนี้เป็นห้างใหม่ที่อยู่ห่างออกมาแต่มีของให้เลือกเยอะกว่า



            “น้องซนอยากได้ซื้ออันนี้ให้พี่มณี” ยังไม่ทันได้ไปไหนไกลเด็กแสบก็ลากคุณพ่อโดยมีคุณป๋าเดินตามหลัง เข้าไปในเพ็ทช็อปที่อยู่ติดประตูทางเข้าทันทีเมื่อหันไปเห็นกระเป๋าเป้แมวสีสันสดใสตั้งโชว์อยู่ในตู้กระจกหน้าร้านคอยดึงดูดสายตาลูกค้าที่เดินผ่านไปมา



            “มีเงินหรา?” และก็เป็นพอร์ชคนเดิมเพิ่มเติมคือการกวนตีนลูกเอ่ยถามขึ้นมาก่อนเป็นคนแรกด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยการล้อเลียน



            “คุณพ่อจ๋า~” เมื่อถูกอริ(ชั่วคราว)ของตนเองทักขึ้นมาอย่างนั้นจอมซนคนแสบก็หันกลับมาช้อนตามองอ้อนพ่อจ๋าสุดที่รักทางด้านทันที



            มาจนถึงป่านนี้แล้วคุณลูกกับคุณป๋าก็ยังไม่ยอมคืนดีกันทำให้คนกลางอย่างโซ่รู้สึกเซ็งเพราะนอกจากจะงอนกันแล้วไอ้สองตัวนี้ก็ยังตีกันมาตลอดทาง แถมยังแหย่กันไม่หยุด คือดูก็รู้ว่าอยากเล่นกันจนใจจะขาดเพราะไม่ได้โกรธกันจริงจังอย่างที่ปากพูด แต่ก็อยากจะเล่นตัว



โซ่เลยอยากจะถามว่า*…คุณมึงจะเล่นตัวกันเพื่อ?*



            “น้องซนอยากแก้แค้นป๋าไหม?” โซ่กระซิบเบาๆที่ข้างหูของเด็กแสบเพื่อให้เจ้าตัวได้ยินแค่คนเดียว ส่วนพอร์ชเองก็ไม่ได้สนใจเพราะกำลังดูเบาะนอนกลางวันอันใหม่ให้พี่มณี ส่วนกลางวันก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าพี่เขาต้องได้นอนกอดกับพ่อจ๋าบนเตียงเท่านั้นถึงจะหลับสนิท



            “ฮะ” พยักหน้าตอบรับในทันที เรื่องแกล้งคุณป๋าขอให้บอกน้องซนไม่พลาดอยู่แล้ว



            “หายงอนป๋าก่อนสิ” พอได้ยินสิ่งที่พ่อจ๋าบอกเด็กแสบก็เบ้ปากทันที เรื่องอะไรที่น้องซนจะต้องง้อด้วยล่ะ? ไม่เอาหรอก…เชอะ!



            “….”



            “น้องซนรู้ใช่ไหมว่าคุณป๋ารัก?” ก็รู้แหละว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ แต่เชื่อเถอะว่าไม่เกินความสามารถของโซ่หรอก



            “อือฮึ!” ตอบห้วนไร้ออดอ้อนที่มักจะมาพร้อมกับคำหวานจ้ะจ๋าอย่างทุกทีแบบนี้คืออาการดื้อเงียบของจอมซน



            “รู้ใช่ไหมว่าคุณป๋าชอบให้อ้อน”



            “อือฮึ!”



            “ถ้ารู้แล้วจะมัวรออะไรอีก?” ไม่ได้กดดันนะแค่เผลอทำเสียงเข้มไปนิด



            “…..”



            “เอาน่า…ฝืนใจง้อไปเถอะ”



            “…..”



            “เสียเวลาอ้อนนิดอ้อนหน่อย”



            “…..”



            “ไม่เห็นต้องอายเลย”



            “…..”



            “เงินในกระเป๋าสตางค์ป๋าน่าสนใจกว่าเยอะ”



            “จะซื้ออะไรก็ได้”



            “จะใช้เท่าไหร่ก็ได้”



            “พ่อเองอยากได้กางเกงว่ายน้ำใหม่” มาถึงตรงนี้โซ่ก็ได้แต่แอบยิ้มเบาๆที่มุมปากเมื่อได้เห็นสายตาลังเลของเด็กน้อยที่ดูเหมือนว่ากำลังจะตกหลุมพรางของตนเอง



            “ของน้องซนก็ต้องซื้อใหม่หมดครบชุด”



            “ไหนจะครีมกันแดด ไหนค่าจะขนม ไหนจะแพยางพี่มณี ไหนจะเรือบังคับที่น้องซนอยากได้ไปเล่นที่ทะเลอีกล่ะ? ซื้อหมดนั้นต้องใช้เงินเยอะมากเลยนะ พ่อจ๋าก็ไม่ได้ทำงาน แต่คุณป๋ามีเงินเดือน...เยอะด้วยนะ” หยอดทิ้งท้ายไว้ให้คิดเล่นๆ



            ก่อนจะปิดจ๊อบไซโครได้อย่างสวยงามด้วยประโยคที่ว่า…



            “สำคัญเลยคือ…เงินทั้งหมดในกระเป๋าสตางค์ป๋าต้องเป็นของเรา…โอเคม้ะ?”



            คุณคิดว่าเด็กหัวอ่อน(?)ที่มีพ่อจ๋าเป็นไอดอลอย่างจอมซนนั้นจะทำอย่างไร?



ระหว่าง ‘งอนต่อ’ หรือ ‘ง้อป๋า’



            ถ้าคุณคิดว่าเด็กแสบอย่างจะยอม ‘ง้อป๋า’ ละก็…คุณคิดถูกแล้ว!



            เพราะหลังจากจบสิ้นกระบวนการเกลี้ยกล่อมของโซ่แล้วจอมซนก็…



            “คุณป๋าจ๋า ~”









TBC.
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #47 {25/01/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-01-2019 03:59:46
คำสอนแบบนี้ ช่างน่าจำเสียจริงๆ  o18
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #47 {25/01/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-01-2019 07:33:45
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #47 {25/01/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-01-2019 15:16:03
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #48 {03/02/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 03-02-2019 13:20:00

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{48}

                                     
“กรี๊ด~~~~~ ทะเล๊~~~~~~~~”

            อย่าคิดว่าพี่โซ่จะเสียจริตหลุดกรี๊ดออกมาเชียว เพราะเจ้าของเสียงกรีดร้องที่แท้จริงคือเด็กแสบจอมซนลูกชายคุณป๋าโน่นที่อุ้มพี่มณีวิ่งลงรถไปทันทีที่ได้เห็นผืนน้ำสีครามเบื้องหน้า

            “กลับมาก่อนน้องซน เดี๋ยวพี่มณีวิ่งหนี” โซ่พยายามที่จะร้องเรียกให้ลูกชายทั้งสองกลับขึ้นฝั่งมาเพราะกลัวจะเป็นอันตราย ถึงแม้ว่าจอมซนจะว่ายน้ำเป็นก็ตาม แต่ยังไงพี่มณีก็ยังเป็นแมว สำคัญเลยคือ…แมว(ทั่วไป)มักกลัวน้ำ

            แต่เหมือนโซ่จะหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้วพี่มณีไม่ใช่แมวธรรมดาที่หาได้ทั่วไป หลังจากที่พี่เขากลายเป็นแมวเซเลปขึ้นแท่นแมวไฮโซติดลมบนของสังคมโซเซียลไปแล้ว

            ก็นะ…พอพ่อมันยกกล้องขอถ่ายรูปไอ้ตัวลูกมันก็เต๊ะท่าเชิดหน้าให้ถ่ายแบบไม่มีอิดออดจนกว่าพ่อมันจะพอใจโน่นแหละ สุดท้ายก็ไปจบที่การอวดลูกลง Facebook และ IG อย่างทุกที

            “ไม่หนีฮะ! พี่มณีชอบเล่นน้ำกับน้อง”

            อาห้ะ! เข้าใจตรงกันนะครับพ่อจ๋าว่านอกจากพี่มณีจะไม่หนีเพราะกลัวน้ำแล้วพี่ท่านก็ยังลอยคอว่ายน้ำท่าลูก(แมว)หมาตกน้ำกับน้องชายแบบจอมซนอย่างหน้าตาเฉย

            “ไปลากพวกมันขึ้นมาก่อน เล่นน้ำตอนพระอาทิตย์ตรงหัวแบบนี้เดี๋ยวพากันป่วยอีก กูจะไปเช็คอินห้อง” พอร์ชเดินแยกออกไปพร้อมกับทิ้งภาระอันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลังปล่อยให้โซ่เป็นคนจัดการเพราะความดื้อไอ้สองแสบในเลเวลนี้นั้นมีแค่พ่อจ๋าของมันเท่านั้นแหละที่เอาอยู่

            “เรื่องปวดประสาทนี่ยกให้กูตลอด” บ่นไปก็เท่านั้น สุดท้ายแล้วโซ่ก็วางเป้บนบ่าลงไปลากพี่น้องสองแสบขึ้นจากน้ำอยู่ดี ถึงจะเต็มไปด้วยความยากลำบากก็ตาม เพราะกว่าไอ้สองแสบจะยอมอยู่เฉยตามคำขู่ทำเอาโซ่แทบคลั่ง แบกหนึ่งคนอุ้มหนึ่งแมวขึ้นฝั่งด้วยความอ่อนแรง

            “ไม่เหนื่อยรึไงทำไมไม่นอนพัก” พอร์ชเดินเข้ามาสวมกอดโซ่ที่ยืนชื่นชมธรรมชาติรอบกายอยู่หน้าบ้านพักติดกับชายหาด

            “มึงหรือเปล่าที่ต้องพัก” เพราะพอร์ชเป็นคนขับรถส่วนโซ่ก็นอนหลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทางเลยไม่รู้สึกเหนื่อยในการเดินทางไกลอย่างที่ควรจะเป็น

            “ไม่อยากนอน แต่…อยากกอดมึงมากกว่า” โซ่ได้บอกหรือยังว่านอกจากความหึงโหดที่โคตรจะหวงของพอร์ชเพิ่มขึ้นแล้วก็มีอีกอาการที่เรียกว่าออดอ้อนนี่แหละตีคู่กันมาอย่างสูสี

            “ทำเป็นพูดดีว่าแต่…ทริปนี้ทุ่มทุนดีนะ” เหลียวหน้ามาหรี่ตาถามอย่างจับผิด เพราะครั้งนี้พอร์ชเลือกจองที่พักเป็นแบบ pool villa ติดชายทะเลหาใช่ห้องพักทั่วไปเหมือนทริปที่แล้วมา

            “ก็…เพราะต้องพาอีมณีมาด้วยไงก็เลยเลือกแบบส่วนตัว ขืนไปพักรวมบนตึกใหญ่กับครอบครัวอื่นไปเจอหมาแมวคนอื่นลูกมึงได้คลั่งแน่…ยิ่งไม่เหมือนใครอยู่” อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนที่พูดบอกออกมาถึงเหตุผลที่คิดขึ้นได้แบบสดๆ ร้อนๆ ทั้งที่ความจริงมันมีอะไรที่สำคัญกว่านั้นซ่อนอยู่…เหตุผลที่พอร์ชลงทุนเสี่ยงตายเม้มเงินเมียมาเป็นปี

            “เหรอ” พยักหน้าลากเสียงยาวตอบรับคำสารภาพหลอกลวงของคนรัก ถามว่าเชื่อไหม? บอกเลยว่าเชื่อ…แต่ไม่ทั้งหมด เพราะข้อเสียของพอร์ชคือโกหกไม่เนียน โดยเฉพาะสายตาอันซื่อตรงของเจ้าตัวที่มักจะทรยศเจ้าของร่างกายทำหน้าที่สารภาพบาปออกมาก่อนทุกครั้งที่พอร์ชโกหกหรือมีเรื่องปิดบังโดยที่โซ่ไม่ต้องเสียเวลาหาทางจับผิดเลยคนรักเลยสักนิด

            ครืด~

            “พ่อจ๋า~ คุณป๋า~”

            เสียงเรียกที่ดังมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูของลูกชายที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้พอร์ชโซ่ที่ยืนกอดกันอยู่ข้างสระน้ำผละออกจากกัน

            “ทำไมตื่นเร็ว”

            พอร์ชก้มดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือทันทีเมื่อได้ยินทำอุทานของคนรักที่เดินเข้าไปหาลูกชายคนเล็กที่ยืนขยี้ตางัวเงียอยู่ตรงประตู

            ครึ่งชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินแต่เป็นเวลาที่น้อยเกินไปสำหรับการพักผ่อนของเด็กขี้เซาอย่างจอมซนที่ชอบนอนกลางวันมากกว่าหนึ่งหรือสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ

            “น้องซนฝันร้าย…พ่อจ๋ากับคุณป๋าอย่าทิ้งน้องซนนะฮะ” ผวาเข้ากอดผู้ปกครองชั่วคราวของตนเองทันทีที่พอร์ชและโซ่ดินเข้ามาหาเพราะฝันร้ายที่ต้องเผชิญมาก่อนหน้านี้นั้นมันน่ากลัวเหลือเกิน…กลัวว่าจะต้องกลับไปอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายแบบไม่มีใครเหมือนอย่างที่ผ่านมา

            เป็นครั้งแรกเลยที่พอร์ชได้เห็นมุมอ่อนแอของจอมซนเด็กแสบที่มักจะทำตัวกล้าแกร่งเกินเด็กวัยเดียวกันไปมาก แต่ไม่ใช่สำหรับโซ่ที่เคยได้สัมผัสกับมุมนี้ของจอมซนมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเมื่อสี่ปีที่แล้ว

            โซ่ยังจำได้ดีตอนที่โดนอาม่าเรียกตัวกลับบ้านใหญ่หลังจากที่สูญเสียบิดาผู้ให้กำเนิดไปได้ไม่นาน บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเคล้าความสุขใจเล็กๆ ของกลุ่มญาติห่างๆ ปลายสายหลายคนที่ได้สมดั่งใจหวังเพราะเสียตัวหารสมบัติโดยเฉพาะทายาทคนโตสายตรงอย่างพ่อของโซ่ที่มีแนวโน้มว่าจะกลับมาสานต่อกิจการที่บ้านในอีกไม่ช้าเพราะเบื่ออาชีพหมอที่อุตส่าห์ดันด้นไปเรียนไกลถึงต่างประเทศโดยที่ไม่ฟังเสียงคัดค้านจากครอบครัว แต่โซ่ก็หาได้สนใจความวุ่นวายหรือสายตาหยามเหยียดเหล่านั้นไม่ เพราะสิ่งเดียวที่สะกดสายตาของเขาได้คือเด็กฝรั่งหัวทองที่กำลังนั่งกอดเข่าสะอึกสะอื้นอยู่ใต้ซุ้มต้นเล็บมือนางสีชมพูขาวที่อาม่าทำไว้นั่งรับลมเล่นยามเช้าและตอนเย็น

            เด็กชายจอมซนในวัยสี่ขวบที่เพิ่งจะมีโอกาสได้มาเยือนบ้านเกิดเมืองนอนของบิดาผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งแรกด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้พบเจอกับคนเป็นพ่อ หลังจากที่ต้องแยกจากกันมานานกว่าสองปี แต่ก็ต้องผิดหวังที่อีกฝ่ายไม่สามารถมาหาได้เพราะคำสั่งห้ามจากศาล

            โซ่ยืนจ้องเด็กชายอยู่นานหลายนาทีจนกระทั่งอีกฝ่ายตกใจกลัวเพราะสายตาของโซ่ในตอนนั้นไม่ได้เป็นมิตรอย่างในวันนี้ มีเพียงแววตาแข็งกร้าวเย็นชาที่ทำให้คนหวาดผวาได้เพียงแค่พบสบตา หลังจากที่เจ้าตัวสะสมความรู้สึกด้านลบติดกันมาหลายเหตุการณ์ยาวนานหลายปี

            “มาจากไหน?” เอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ด้วยท่าทางที่คิดว่าเป็นมิตรที่สุดแล้วแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาแห่งความหวาดกลัวของเด็กน้อยที่ถัดตัวถอยห่างออกไปไกลกว่าเดิม

            “!#^*I%(#^#@(^&%#” พอโดนความหวาดกลัวเข้าครอบงำภาษาไทยที่พยายามฝึกฝนมาด้วยความยากลำบากก็ไร้ความหมาย รัวภาษาบ้านเกิดใส่คนแปลกหน้าจนแทบลืมหายใจ

            “ไม่ต้องกลัว พี่ชื่อโซ่ เราชื่ออะไร?” เปลี่ยนการสื่อสารเป็นภาษาสากลเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นก่อนที่จะค่อยๆ ตีเนียนขยับเข้าไปใกล้กับเด็กน้อยอีกนิด

            “เจเรมี่ ฮึก…น้องซนชื่อเจเรมี่ฮะ” โซ่ถามด้วยภาษาอังกฤษแต่น้อยฝรั่งน้อยกับตอบกลับด้วยภาษาไทยแบบลุ่มๆ ดอนๆ ที่พอจะนึกได้ แต่ที่น่าเอ็นดูยิ่งกว่านั้นคือใบหน้าจิ้มลิ้มที่เปื้อนเปรอะคราบน้ำตาไปทั่วทั้งใบหน้า ไหนจะดวงตากลมที่ฉายแววหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลานั้นอีก คิดดูสิว่าจอมซนในตอนนั้นน่าขย้ำสักแค่ไหน

            หึ! นานแค่ไหนแล้วนะที่โซ่ไม่ได้ยิ้มเต็มปากอย่างนี้ เด็กอะไรนอกจากหน้าตาจะน่ารักน่าเอ็นดูแล้วยังมีเสน่ห์เหลือล้นแบบไม่ต้องเสียเวลาประดิดประดอยอย่างที่ใครหลายคนพยายามฝืนความเป็นตัวเองเพื่อที่จะได้มันมา

            “คุณน้องซน! คุณน้องซนอยู่ไหนคะ? คุณย่าเรียกแล้วนะคะ…น้องซน!”

            ยังไม่ทันที่โซ่จะได้ถามอะไรต่อเสียงเรียกชื่อเด็กน้อยตรงหน้านี่ก็ดังไปทั่วทั้งบริเวณเพราะสาวใช้คนสนิทของคุณย่าเจ้าตัวเล็กนี่กำลังตามหาอยู่

            “นะ..น้องซนอยู่ตุงนี้ฮะพี่ชู” ส่งเสียงรับตอบกลับไป ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องเสียหลักเกือบหน้าทิ่มเพราะเส้นยึดจากการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน แต่ดีที่ว่าโซ่รับไว้ทัน

            “คุณโซ่จะทำอะไรน้องซนคะ!” สาวใช้ที่มาเห็นภาพชวนเข้าใจผิดแหวใส่โซ่ทันทีอย่างไม่มีความเกรงใจว่านั่นคือลูกเจ้านายเพราะรู้กันดีอยู่ว่านิสัยโซ่เป็นยังไงทำไมใครต่อใครต่อถึงมองว่าเป็นอันธพาล หลังจากที่เจ้าตัวคว่ำโต๊ะอาหารและขว้างปาถ้วยจานข้าวใส่อาสะใภ้ของตนเองหรือก็คือภรรยาของทายาทสายตรงคนสุดท้องของตระกูล

            โซ่กรอกตาขึ้นฟ้าด้วยความเบื่อหน่าย นานแค่ไหนแล้วนะที่คนในบ้านนี้มองว่าเขาพวกหน้าตัวเมียเพราะทำร้ายผู้หญิง และมีใครบ้างที่คิดจะถามไถ่หาความว่าแท้จริงแล้วเรื่องนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไรนอกเสียจากก๋งและอาม่าที่บุกเข้ามาปลอบโยนเขาถึงในห้องนอนโดยที่ไม่มีการดุด่าหรือถามหาความจริงอันใดเพราะท่านทั้งสองรู้ดีว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนเช่นไร ต่างจากคนอื่นที่เอาแต่ตั้งท่ารังเกียจ ใส่ร้าย และกลั่นแกล้งตลอดเท่าที่เวลาและสถานการณ์เอื้ออำนวย ซึ่งดูจากหน้าแหยๆของไอ้เด็กนี่แล้วก็คงจะไม่ต่างจากลูกหลานคนอื่นสักเท่าไหร่หรอก…มั้ง?

            “เปล่าฮะ! พี่โซ่ไม่ได้แกล้งน้องซน พี่โซ่ช่วยโอ๋เอ๋น้องซน”

            หือ? เป็นอีกครั้งที่ฝรั่งน้อยตรงหน้าทำให้โซ่รู้สึกดีด้วยเพราะเจ้าตัวทำใจกล้ากางแขนเล็กๆ ปกป้องเขาจากการโดนสาวใช้ตำหนิทั้งที่ก่อนหน้ายังตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนกับจะแตกสลายได้ในทันทีถ้าหากโดนใครจับแรงๆ

            “จริงหรอคะ?” เธอถามเหมือนไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรไปมากกว่านั้นเพราะว่ายังไงโซ่เองก็อยู่ในฐานะเจ้านาย ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้านายที่ไม่มีใครนับถือก็ตาม

            “จริงฮะ” ฝรั่งน้อยพยักหน้าตอบรับด้วยความแข็งขัน

            “ถ้าอย่างนั้นก็เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ คุณย่าเรียกนานแล้ว” เธอพูดบอกกับเจ้านายตัวน้อยของเธอโดยที่ไม่แม้แต่จะบอกลาเจ้านายน้อยอีกคนทำเหมือนโซ่เป็นหัวหลักหัวต่อไม่มีค่าพอที่จะให้ความสำคัญ

            “เดี๋ยว” แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวไปไหนไกลถูกโซ่เรียกรั้งไว้ก่อน

            “คุณโซ่มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเลิกคิ้วถามอย่างไร้มารยาท แต่โซ่ก็หาได้สนใจ

            “เด็กนี่ใคร?” กลั้นใจถามออกไปอย่างลุ้นๆ แม้ว่าจะมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้วก็ตาม แต่โซ่ก็อยากจะให้แน่ใจอีกนิดว่ามันจะตรงกับสิ่งที่ตนเองคิดไว้หรือไม่

            “ลูกคุณเซนค่ะ”

            “เฮียกลับมาแล้วหรอ?” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปิดความดีใจไว้ไม่มิดเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วคนที่ให้ยอมนับญาติและให้เกียรติเขาที่สุดก็คือเฮียเซน พี่ชายคนเดียวที่คอยปลอบโยนและช่วยเหลือในยามที่เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากในบ้านนี้

            “น้องซนกลับมาคนเดียวค่ะ” เธอตอบกลับสั้นๆ ก่อนที่จะสะบัดหน้าหนีและกึ่งลากกึ่งจูงจอมซนเดินออกไป

            “พี่พลก็ไม่อยู่แล้วเฮียยังจะทิ้งโซ่ไปอีกคนหรอ” สุดท้ายแล้วเด็กที่ซื่อโซ่ก็เหลือเพียงแค่ตัวคนเดียวอยู่ในดงสัตว์มีพิษที่จ้องจะทำลายเพราะความแกร่งแย่งชิงดีโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่มีเหลือแม้แต่คำว่าครอบครัว

            “#&(*&%$#!#$_)(*@!$#%((*@#%$%^@#!$@%^$*$”

            มื้อเย็นคือช่วงเวลาที่โซ่เบื่อมากเป็นพิเศษเพราะทุกคนในบ้านจะมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหารประหนึ่งว่าจะพากันไปเดินประท้วง แต่เป้าหมายในกลายทำลายมีหนึ่งเดียวก็คือโซ่

            “น้องซนให้พี่โซ่ฮะ” ฝรั่งน้อยผู้ซึ่งไม่รู้ถึงสงครามประสาทในโต๊ะอาหารอันอบอุ่นทำใจกล้าเอื้อมมือไปตักปีกไก่ทอดตรงหน้ามาวางบนจานพี่ชายแปลกหน้าที่นั่งข้างกัน เมื่อสังเกตเห็นว่าโซ่เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมาไม่ยอมตักหารสักทีแม้ว่ามื้ออาหารจะเริ่มมาได้สักพักแล้วก็ตาม

            “ขอบใจ” โซ่ตอบรับความหวังดีของเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มจางๆ แต่ก็ยังไม่ยอมทานอะไร

            “หม่ำๆกันฮะ! คุณไก่อร่อยน้องซนชอบ” ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการจับปีกไก่ทอดยัดใส่มือพี่ชายก่อนที่จะคว้าน้องไก่ทอดในจานตัวเองขึ้นมาชนกันแล้วจัดการส่งเข้าปากงับเข้าเต็มคำเคี้ยวแก้มตุ่ยด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยยิ่งนักทำเอาโซ่หลุดยิ้มออกมาได้

            “อาโซ่เป็นน้องชายของอาเซนน้องซนต้องเรียกอาโซ่ว่าอาโซ่…เรียกพี่โซ่ไม่ได้” อาม่าที่เฝ้าดูความสัมพันธ์อันดีของสองอาหลานมาเงียบๆ อยู่นานก็พูดขึ้นมาบ้าง

            “ก็แค่ลูกพี่ลูกน้อง จะยุ่งยากทำไม เรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ…ไม่สำคัญหรอก” ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรลูกชายคนเล็กหรือก็คืออาแท้ๆของโซ่พูดแทรกขึ้นมาทำนองว่าโซ่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในบ้านหลังนี้ ก่อนที่อีกหลายๆ คนจะพากันหัวเราะเยาะออกมาอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดชะงักลง

            เมื่อนายใหญ่ของบ้านหรือก๋งของโซ่พูดขึ้นมาว่า…

            “หัวเราะกันเข้าไป สนุกกันให้ถึงที่สุด เหยียบกันให้จมดิน ฉันอนุญาต แต่จงจำไว้นะว่าอาโซ่คือคนที่ถือหุ้นมากที่สุดในกงสี ถ้าฉันเป็นอะไรไปอาโซ่ก็เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แทน หลังจากนั้นใครจะตกนรกจะขึ้นสวรรค์ก็อยู่ที่อาโซ่จะชี้นำเพราะคนแก่อย่างฉันจะหลับหูหลับตาเชื่อหลานอย่างเดียว!”

            โมโห! บอกเลยว่าโมโหมากที่ลูกหลานเหยียบย่ำกันต่อหน้าผู้นำตระกูลอย่างเขาแบบไม่มีความเกรงใจ เพราะที่ผ่านมาเขาหลับหูหลับตาทำเป็นไม่สนใจ ด้วยเพราะไม่อยากจะทำตัวลำเอียงเข้าข้างใคร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจเพราะทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้เขากับภรรยาจะแอบเข้าไปพูดปลอบและให้กำลังใจกับโซ่ในห้องนอนของเจ้าตัวอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้หลานทุกข์ใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ลำพังแค่เสียพ่อ ขาดแม่ไปมันก็มากพอแล้ว จะมาตรอกย้ำอะไรกันหนักหนา แต่ที่ต้องกางปีกปกป้องโซ่ในครั้งนี้ก็เพราะว่าถ้อยคำการกลั่นแกล้งที่โซ่โดนทั้งต่อหน้าและลับหลังของเขามันทวีความรุนแรงขึ้นทุกที

            ส่วนที่บอกว่าโซ่คือผู้ที่ถือหุ้นมากที่สุดในกงสีก็เป็นความจริงเพราะหนึ่งส่วนเป็นของโซ่เองที่ลูกหลานทุกคนจะได้รับเป็นขวัญถุงตอนแรกเกิด อีกหนึ่งส่วนคือสิ่งที่โซ่ได้รับการถ่ายโอนมรดกมาหลังจากที่พ่อตาย และส่วนสุดท้ายที่มีค่ามากที่สุดคือหุ้นของผู้นำตระกูลอย่างเขาที่คิดดีแล้วว่าจะยกให้โซ่แต่เพียงผู้เดียว หลังจากที่ได้ทดสอบและเฝ้าดูพฤติกรรมทั้งดีและร้ายของลูก หลาน และเหลนทุกคนในตระกูลมาหลายสิบปี 

            “อากง! ก๋ง! อาป๊า! เตี่ยล้อผมเล่นใช่ไหม!” ลูกหลานหลายคนที่ตั้งท่าเป็นปรปักษ์ต่อโซ่หวีดร้องเสียงหลง แต่หนักสุดคงจะไม่พ้นทายาทคนเล็กของก๋ง

            “ฉันพูดจริง…ป่านนี้อาทนายอีคงร่างพินัยกรรมฉบับใหม่เสร็จแล้วล่ะ”

            ไม่หรอกความจริงแล้วพินัยกรรมฉบับเก่ายังคงเดิมเพิ่มเติมคือมีชื่อของโซ่ถูกสลักลงไปในส่วนของผู้รับหุ้นแต่เพียงผู้เดียวจากที่เคยเป็นของลูกชายหญิงทั้งแปดคนของตนเอง หลังจากที่เฝ้าดูพฤติกรรมของลูกหลานคนอื่นจนตกตะกอนทางความคิดแล้ว ถ้าผู้นำรุ่นต่อไปไม่ใช่โซ่ที่เขาพร่ำสั่งสอนมากับมือกงสีแห่งนี้คงเหลือไว้แค่ความทรงจำ

            หลังจากประกาศข่าวเรื่องผู้ถือหุ้นได้เพียงไม่นานก๋งของโซ่ก็ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มในโรงสีข้าวจนเป็นอัมพาตครึ่งซีกจนพูดและช่วยเหลือตนเองไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ก๋งล้มคืออะไรก็ไม่มีใครพูดถึงเพราะตอนที่เกิดเหตุคือช่วงเย็นหลังเลิกงานอีกทั้งกล้องวงจรปิดก็ไม่มีบวกกับที่ก๋งเองก็อายุมากแล้วคนในบ้านจึงไม่คิดสงสัยหรือจงใจปล่อยปะละเลยก็ไม่รู้ที่ทำให้เรื่องอุบัติเหตุของก๋งหายเงียบไปกับสายลม แต่ไม่ใช่คู่ชีวิตอย่างอาม่าหรือหลานชายสายตรงอย่างโซ่ที่พยายามสืบหาตัวต้นเหตุมาตั้งแต่เกิดเรื่อง เพราะทั่งคู่มั่นใจมากว่าคนแข็งแรงที่มีความรอบคอบสูงอย่างก๋งไม่มีทางลื่นล้มเองอย่างแน่นอน

            แต่คนร้ายจะเป็นใครก็ต้องรอดูอีกที…รอให้กล้องวงจรปิดและเครื่องดักฟังที่โซ่ใช้อำนาจครั้งแรกในการเป็นประธานใหญ่ที่อายุน้อยที่สุดในกงสีอาศัยช่วงที่ทุกคนในบ้านไปเที่ยวพักร้อนประจำปีทางภาคเหนือเหลือไว้แค่ก๋ง อาม่า แม่บ้านคนสนิทอาม่า พยาบาลพิเศษที่โซ่เป็นฝ่ายจัดหาเข้ามาดูแลก๋งกับยามหน้าโรงสีอีกหนึ่งคนแอบเข้าไปติดตั้งตรงมุมอับลับสายตาทั้งในส่วนของโรงสีและสำนักงานทำหน้าที่จับสายลับจับโจรของมันไปอย่างใจเย็น

            ถึงวันนั้นเมื่อไหร่โซ่จะทำให้รู้ทั่วกันว่าเศษดินที่ทุกคนเคยเหยียบย่ำก็เป็นสายเลือดมังกรคนหนึ่งเหมือนกันและไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกหลานคนไหนเลย แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ประจำที่นี่ก็ตาม แต่การคายตะขาบทางธุรกิจหรือความผูกพันระหว่างครอบครัวสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกันมากก็ได้ในยามที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปเช่นนี้เพราะเราโทรทางไกลหากันได้ตลอดเวลา

            ระหว่างโซ่กับก๋งและอาม่าเองก็มอบความรักความห่วงใยตามประสาครอบครัวผูกพันผ่านช่องทางการสื่อสารพวกนี้มาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน

            ฉะนั้นแล้วใครก็ตามอย่าได้มากล่าวหาว่าโซ่เป็นหลานนอกคอกอีกเป็นอันขาด เพราะเขาคือทายาทสายมังกรตัวจริงที่ถูกวางตัวไว้ตั้งแต่แรกที่จะไม่ยอมให้ธุรกิจที่ก๋งกับอาม่าช่วยกันวางรากฐานมาด้วยความลำบากจากเสื่อผืนหมอนใบมาเป็นโรงสีใหญ่โตอย่างทุกวันนี้ล้มลงเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของคนโลภมากเป็นเด็ดขาด…จำไว้!



TBC.
ตอนหน้าเรามาเล่นน้ำกัน ตอนนี้ขอย้อนอดีตน้องซนกับพ่อจ๋านิดนึง! จะได้รู้ความเป็นมาเป็นไป
อ่านนิยายเราต้องทำใจนึดหนึ่งว่าเราจะค่อยๆ เฉลยปมไปเรื่อยๆ ไม่ได้มาโครมครามในตอนเดียว
ซึ่งปมบางอย่างในภาคนี้อาจจะไปคลี่คลายในภาคหน้าก็เป็นได้...#ด้วยรัก
ปล.ที่หายหัวไม่ได้ไปไหนไกล แต่เป็นเพราะมีหน้าที่หลายอย่างที่ต้องทำ อย่างเช่นครั้งนี้ที่หายไปถึงสองอาทิตย์ก็เพราะว่ามัวหมกมุ่นแต่กับการเป็นนางมารพิทักษ์แมวอยู่...#เป็นเรื่องที่น่าเศร้า
ปล2. ปกติมีแต่นางฟ้า แต่ที่เราต้องเป็นนางมารพิทักษ์หมาแมวก็เพราะว่าเราไม่ใช่คนดี แต่เราพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคนที่มีเดือดร้อนโดยมีข้อแม้ว่าไม่ใช่เรื่องเงิน และเรื่องนั้นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อตนเอง...รักน้า~
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #48 {03/02/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 03-02-2019 21:20:52
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #48 {03/02/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-02-2019 23:04:06
ใครฟ่ะ ทำได้ลงคอ  o12
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #48 {03/02/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-02-2019 09:12:11
รอๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #48 {03/02/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-02-2019 02:02:50
โหดร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #48 {03/02/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-02-2019 06:45:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #48 {03/02/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 10-02-2019 19:25:20
รอต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #49 {01/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 01-03-2019 11:40:02

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{49}


            “พ่อจ๋าจะไปไหน” มือเล็กของเด็กแสบคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อด้านหลังทันทีที่โซ่ลุกออกจากเตียงริมสระที่ทั้งสามคนหนึ่งแมวนอนกอดเกยกันอยู่และดีว่าเตียงนั้นทำมาจากไม้ไม่ใช่พลาสติกเหมือนโรงแรมอื่นจึงไม่หักลงไปเพราะลำพังแค่พอร์ชคนเดียวก็หนักกว่าโซ่กับจอมซนบวกพี่มณีเพิ่มอีกหนึ่งตัวไปแล้ว

            ที่ครอบครัวสุขสันต์มาติดหนึบกันอย่างนี้ก็เพราะว่าโซ่ตัดสินใจบอกกับจอมซนไปตามตรงว่าเจ้าตัวจะต้องกลับไปอยู่กับพ่อที่แท้จริงอย่างเซน ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นเด็กแสบก็ร้องไห้โวยวายเสียงดังออกมาด้วยความอกน้อยใจหลุดตะโกนใส่หน้าโซ่อย่างลืมตัวว่าทำไมต้องไล่กัน…หรือไม่รักลูกชายคนนี้แล้ว?

            จนกระทั่งโซ่พาเจ้าตัวเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องนอนตามลำพังนั่นแหละน้องซนจอมแสบที่แสนซนของพ่อจ๋าและคุณป๋าเลยกลับมาสดใสดังเดิม แต่ด้วยวิธีใดพอร์ชก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปในทันทีเลยคือ จอมซนทำตัวติดหนึบกับพวกเขาตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่พี่มณีที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในบ้านพักก็ต้องออกมานอนรับลมทะเลด้วยกันตามคำขอร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตาของจอมซน

            “จะไปเข้าห้องน้ำ” พูดพรางปลดมือจอมซนออกจากชายเสื้อแต่เด็กแสบก็ยังทำตัวติดหนึบไม่ยอมปล่อย

            “น้องซนอยากไปด้วย” พึมพำบอกเสียงเบาอย่างลังเล แต่น้ำเสียงเล็กๆ นั้นแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ จนโซ่เริ่มที่จะหงุดหงิดเพราะก่อนหน้านี้คุยกันรู้เรื่องแล้ว

            “จอมซน” เอ่ยเรียกเสียงราบเรียบเป็นการเตือน จนเดือดร้อนคนกลางอย่างพอร์ชที่ทนมองไม่ได้พูดแทรกขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นดวงตากลมของลูกชายคลอไปด้วยน้ำตา

            “นั้นก็ไปเปลี่ยนชุดพร้อมกันเลย แดดร่มแล้ว เดี๋ยวจะพาไปเล่นน้ำ” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พอร์ชแพ้สายตาอ้อนวอนของจอมซน เพราะรู้ตัวอีกทีเขาก็เผลอใจอ่อนยอมตามใจเจ้าตัวทุกที

            คราวนี้ก็เช่นกันที่พอร์ชต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำต้านทานอำนาจเมียอุ้มพี่มณีที่นอนหลับอุตุอยู่บนแผ่นอกเดินนำเข้าบ้านไปทำให้เด็กแสบยิ้มร่าจูงมือพ่อจ๋าของตัวเองเดินตามไปอย่างได้ใจ

            “ให้ท้ายกันเข้าไป เดี๋ยวจะปล่อยให้อยู่กันสองคน…ดื้อดีนัก!” ขมุบขมิบปากเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ความจริงแล้วคืออยากให้ได้ยินกันทั่วถึงและตั้งใจที่จะทำแบบนั้นด้วยถ้าหากว่าคุณลูกกับคุณป๋ายังผนึกกำลังกันต่อต้านเขาอยู่เช่นนี้

            ก่อนที่สองพ่อลูกจะแหวออกมาพร้อมกันเสียงดังว่า…

            “ไม่เอา!/ไม่เอา!”

            นั่นแหละพอได้คำตอบที่ชัดเจนจากคุณป๋าและคุณลูกชายแล้วก็ต่างแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องใครห้องมันเพราะบ้านพักหลังนี้มีสองห้อง พอร์ชกับโซ่แยกไปห้องใหญ่ จอมซนเดินตรงไปยังห้องเล็กที่ต้องนอนกับพี่มณี ส่วนพี่มณีก็นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นแถวนั้นแหละรอเวลาให้พ่อจ๋าสุดที่รักมาแต่งตัวให้อย่างทุกที

            “มาทากันแดดก่อน” พอร์ชเอ่ยทักขึ้นในขณะที่โซ่กำลังจะใส่เสื้อหลังจากที่เปลี่ยนจากยีนขายาวมาเป็นกางเกงว่ายน้ำขาสั้นเรียบร้อยแล้ว

            โซ่เองก็ยอมเดินเปลือยท่อนบนมาหา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนตักพอร์ชตามคำขออย่างง่ายดายไม่มีอิดออดอย่างที่แล้วมา

            “วันนี้พูดง่าย?” พูดพรางทาครีมกันให้คนบนตักอย่างเบามือ

            “อยาก…อ่อย” คำตอบของโซ่ทำเอาพอร์ชหัวเราะลั่นจนเผลอทำหลอดครีมกันแดดในมือหล่น ก่อนจะตั้งสติได้และพูดบอกออกมาว่า…

            “โอ้ย…รุ่นนี้ไม่ต้องเสียเวลาอ่อยแล้ว ถ้า ‘อยาก’ ก็แก้ผ้ากระโดดลงเตียงเลย พี่พร้อมทำหน้าที่ผัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้วครับเมีย!” ว่าแล้วก็หอมแก้มโซ่เข้าฟอดใหญ่ด้วยความหมั่นเขี้ยวเสียจนอยากจะกัดให้ช้ำ ไม่รู้ว่าพอร์ชคิดไปเองหรือโซ่อ้วนขึ้นจริงๆ ถึงได้แก้มป่องขนาดนี้ จะจับตรงไหนของร่างกายก็เต็มไม้เต็มมือไปหมดโดยเฉพาะสะโพกแน่นๆ ที่พอร์ชชอบ

            “ถ้ามึงชอบ ‘ล่อ’ มึงก็ควรจะเรียนรู้คำว่า ‘ป้อ’ ไว้บ้างนะพอร์ช เผื่อชีวิตจะมีสีสันกว่านี้ไม่ใช่เอะอะจะล่อกูอย่างเดียว คนนะไม่ใช่ตุ๊กตายาง…ห่า” พูดจบก็ลุกหนีออกไปนอกห้องเพื่อที่จะไปดูจอมซนและพี่มณีที่นอนรออยู่ในห้องนั่งเล่น

            “องค์ไหนลงประทับเมียกูอีกวะนั่น พอหวานก็บอกว่าเลี่ยน พอตลกก็บอกให้จริงจัง พอกูจะหื่นก็เกิดอยากจะถามหาความหวานขึ้นมาอีก?” ก็อย่างที่บอกแหละว่าพอร์ชอยากจะเข้าใจคนรักมากกว่านี้ แต่ที่ทำไม่ได้ก็เพราะว่าโซ่เป็นคนที่มีความคิดซับซ้อนเกินมนุษย์ปกติไปมาก ความพยายามที่แล้วมาของพอร์ชจึงไม่เกิดผล

            แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะคนขี้เบื่ออย่างพอร์ชไม่เหมาะกับคนหนึ่งหรือสองมิติที่มักจะมีสภาวะอารมณ์คงที่ แต่คนแปดมิติแปรปรวนอย่างโซ่นี่แหละถึงจะเอาพอร์ชอยู่ เช่นนั้นแล้วคงไม่แคล้วจะโดนเจ้าตัวเขี่ยทิ้งหรือบอกเลิกอย่างคนที่แล้วมา อย่าลืมสิว่าก่อนหน้าที่จะมาเจอกับโซ่พอร์ชคบกับใครได้ไม่เกินสองอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ จนมาแพ้ให้กับคนที่มีทั้งศาสตร์และศิลป์ในการมัดใจคนอย่างโซ่นี้แหละเสืออย่างพอร์ชถึงได้สิ้นลายเพราะโซ่ไม่ได้มีดีแค่การข่มหรือเอาแต่ใจกับคนรักเหมือนอย่างวัยรุ่นทั่วไป แต่เขายังรู้จักยอม รู้จักถอย รวมถึงการให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยปากสอน เพราะเขาเรียนรู้มาจากครอบครัวที่ล้มเหลวของตนเอง

            “โว้ย…ใครก็ได้ทำวุ้นแปลสภาวะอารมณ์ไอ้โซ่ให้กูที!” นั่นแหละ สุดท้ายแล้วพอร์ชก็ได้แต่ปลงตกกับตัวเองเพราะโดนความจริงตอกหน้า ความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถที่จะตามอารมณ์ของคนรักทัน จนกว่าจะได้เรียนรู้กันและกันไป*…ตลอดชีวิต*

            “ขยับซ้ายหน่อยน้องซน ไม่ๆ วางพี่มณีไว้ที่เดิมนั่นแหละ”

            พอร์ชยืนไว้อาลัยให้กับความบ้าถ่ายรูปของคนรักมาสักพักแล้ว ตั้งแต่เปลี่ยนชุดเสร็จ เดินออกจากบ้านพักลงมาถึงชายหาดพวกเขายังไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรกันเลยนอกจากถ่ายรูป เพราะโซ่อยากจะเก็บภาพความประทับใจในทริปนี้ไว้ในความทรงจำ แต่นอกจากจอมซนกับนายแบบกิตติมาศักดิ์อย่างพี่มณีแล้วโซ่ก็ไม่สนใจอะไรอีกเลย ปล่อยให้เบ้อย่างเขาถือของเดินตามหลังต้อยๆ ไม่พูดอะไรด้วยสักคำ

…โคตรน้อยใจเลย…

            คนขี้ใจน้อยที่มัวแต่เหม่อมองผืนน้ำกว้างไม่ได้รู้เลยว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาคนรักมาสักพักแล้ว หลังจากที่โซ่ปล่อยให้เด็กๆ ไปเตรียมตัวเล่นน้ำ

จนกระทั่ง…

แชะ! แชะ!

            “หน้ามุ่ยทำไม? ไม่สนุกหรอ? ยิ้มกว้างๆ หน่อยสิครับ…ที่รัก!” เสียงชัตเตอร์ที่ดังมาพร้อมกับคำสั่งน่ารักของคนรักที่ยืนเล็งกล้องถ่ายรูปมาทางตนเองทำเอาพอร์ชยิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว อาการน้อยอกน้อยใจก่อนหน้านั้นหายเป็นปลิดทิ้ง

ก็แหม…ใครให้แม่อีมณีมาหยอดคำหวานใส่พี่ท่ามกลางสาธารณชนอย่างนี้ล่ะ? พี่เขินนะ

            “ขออีกสองรูป...ขอค่าจ้างอีกสองที…ฟอด! เรียบร้อย…ไปเล่นน้ำได้!” โซ่เดินเข้ามากอดพอร์ชจัดท่าทางที่ต้องการ หันกล้องเข้าหาตัวเอง ก่อนที่จะกดชัตเตอร์รัวๆ โดยไม่ลืมที่จะทวงค่าจ้างถ่ายภาพจากคนรักด้วยการหอมแก้มซ้ายขวาไปสองทีถ้วน

            “คุณป๋าแก้มแดง…คึคึ…คุณป๋าแก้มแดงแด๊ง…แดงเหมือนคุณมะเขือเทศที่พ่อจ๋าบังคับให้น้องซนกินเลย” พอแซวคนเป็นพ่อเสร็จเจ้าเด็กแสบก็ลากพี่มณีในชุดทหารเรือเต็มยศที่กำลังนั่งอยู่บนแพยางลงไปเล่นน้ำลอยคอในทะเลด้วยกันทันที

            “พูดมาก! เดี๋ยววันนี้ป๋าจะให้น้องซนกินมะเขือเทศอีกสิบลูก” ส่วนคนพ่อที่ยืนเหวออยู่หลายนาทีพอได้สติขึ้นมาก็ไล่จัดการเด็กแสบก่อนเป็นคนแรก ส่วนตัวต้นเหตุอย่างพ่อจ๋าของมันนั้นปล่อยไปก่อน ไว้คิดบัญชีกันทีหลังในคืนนี้ก็ยังไม่สาย…มาทำพี่เขินแก้มแดงได้ไง!

            “กรี๊ด~ น้องซนไม่ให้คุณป๋าจับหรอก! พ่อจ๋าช่วยน้องด้วย คุณป๋ากลายเป็นยักษ์ไปแล้วฮะ คุณยักษ์จะกินน้องซนแล้วฮะ! ซุปเปอร์พ่อจ๋าช่วยน้องด้วย…”

            สนุกเขาละ…วิ่งหนีพ่ออีกคนไปหาพ่ออีกคนให้ช่วย ซึ่งโซ่เองก็เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว จะมีก็แต่พี่มณีนั่นแหละที่ยังโต้คลื่นนอนชิวผึ่งขนอาบแดดบนแพยางอย่างสบายใจโดยที่ไม่สนใจมนุษย์ที่เรียกว่าครอบครัวเลยสักนิด…งานนี้พี่มณีจะไม่ยุง!

            “งื้อ…คุณป๋าอย่าพังบ้านน้องซนสิ!” เด็กแสบบู้ปากใส่พอร์ชอย่างงอนๆ เมื่อโดนคู่กรณีแกล้งถมทรายใส่บ้านที่เจ้าตัวตั้งใจสร้างขึ้นมา

            “อะไรๆ บ้านตัวเองไม่แข็งแรงเองจะมาโทษคนอื่นได้ไง” แต่มีหรือที่ผู้ร้ายปากแข็งอย่างพอร์ชจะยอมง่ายๆ แกล้งทำที่ตักทรายในมือหล่นไปใส่บ้านอีกหลังที่จอมซนยังสร้างไม่เสร็จ

            “คุณป๋า!” พอโดนแกล้งมากๆ เข้าเด็กแสบก็พร้อมที่จะเป่าปี่ หันไปมองตัวช่วยอย่างโซ่ด้วยแววตาอ้อนวอน

            “เล่นดีๆ เดี๋ยวจะโดนทั้งคู่นั่นแหละ” โซ่ที่กำลังถ่ายรูปพี่มณีอยู่หันมาปรามสองพ่อลูกที่เริ่มจะเกเรกัน มีอย่างที่ไหนไอ้คนพ่อแกล้ง ไอ้คนลูกฟ้อง แต่ในขณะที่ฟ้องนั้นก็เอื้อมมือไปทุบปราสาททรายที่คนพ่อสร้างขึ้นมาเป็นการแก้แค้นไปในตัว เพียงแต่พอร์ชไม่ได้แหกปากฟ้องเหมือนเจ้าตัวแสบก็เท่านั้นเอง แต่ก็ใช่ว่าโซ่จะไม่เห็นซะเมื่อไหร่…อยู่ใกล้กันแค่นี้

            “น้องซนจะโป้งคุณป๋า” เบะปากยกนิ้วโป้งใส่พอร์ชอย่างงอนๆ

            “โป้งก็ดีจะได้ไม่มีคนมาแย่งไอติมที่เพิ่งสั่งไป” แต่คนถือไพ่เหนือกว่าก็ยังคงเป็นพอร์ชที่เพิ่งจะเดินไปสั่งไอศกรีมมาให้เด็กแสบก่อนหน้าที่จะกลับมานั่งแกล้งเจ้าตัวเล่นอย่างนี้

            “งื้อ~ น้องซนอยากหม่ำคุณติม” ออกอาการงอแงทันทีที่รู้ว่าจะชวดของหวานอันแสนโปรดปราน ยิ่งเพิ่งจะเล่นน้ำมาด้วยแล้ว ถ้าได้ไอศกรีมวนิลาราดช็อกโกแลตเย็นๆสักถ้วยก็คงดี

            “อะไร? ไม่ถูกกันจะมากินของเค้าได้ไง…ไอ้เด็กดื้อ!” นานๆ จะได้ถือไพ่เหนือเด็กแสบจะให้ยอมง่ายๆ ก็คงไม่ใช่พอร์ช

            “ดีกันนะๆ คุณป๋าดีกับน้องซนนะฮะ น้องซนจะไม่ดื้อแล้วให้น้องซนหม่ำคุณติมนะฮะ” ประสานสองมือระหว่างอกทำตาปริบๆ ออดอ้อนด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สุดแสนจะน่ารัก ต่างจากปกติที่ดึงดันจะเอาชนะพอร์ชให้ได้

            “เอ…จะให้กินด้วยดีไหมน้า~” ความจริงแล้วใจอ่อนไปมากกว่าครึ่งแต่ก็ยังอยากจะแกล้งต่อนิด ก็ท่าทางของจอมซนในตอนนี้มันน่ารักน่าหยิกน้อยเสียที่ไหน

            “ดีฮะดี! น้องซนหม่ำๆ คุณติมด้วยน้า~” พยักหน้าตอบรับในทันที

            “ก็ได้! แต่…” ขอมีข้อแม้นิดนึงก็แล้วกัน

            “…..”

            “มากอดก่อนแล้วจะให้กิน” ได้ยินดังนั้นเด็กแสบก็รีบวิ่งดุกดิกเข้ามาตักพอร์ชหอมแก้มซ้ายขวาตามคำสั่ง แต่ก็ไม่วายที่จะบี้หน้าเล่นกับอกพอร์ชแล้วบ่นงุ้งงิ้งไปตามประสาเด็กขี้อ้อนของเจ้าตัวก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมากดเล่นเกมเพื่อเป็นการคั่นเวลาในการรอไอศกรีมแสนอร่อยอยู่บนตักของพอร์ช จนพี่มณีที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อเดินเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างพอร์ชกับจอมซน

โธ่…แมวอ้วนเอ้ย…หวงป๋าก็บอก…ทำเก๊กไปได้!

            แชะ!

            “แน่ะ! แอบถ่ายเค้าหรอตัวเอง?” เงยหน้าขึ้นมองคนรักที่นั่งพิงต้นมะพร้าวอยู่ทันทีที่ได้ยินเสียงชัตเตอร์และก็เป็นไปตามคาด…เมียแอบถ่าย!

            “แล้วไง?” เอียงคอถามกลับด้วยน้ำเสียงยียวนพร้อมทั้งกดชัตเตอร์รัวๆ อีกหนึ่งชุดใหญ่

            นานทีปีหนจะได้เห็นภาพบรรยากาศน่ารักที่สุดแสนจะระทึกระหว่างไอ้สองสามตัวนี้สักที ถ้าไม่เก็บภาพความทรงจำอันดีนี้ไว้คงเสียดายแย่ ปกติพวกมันเคยเล่นเคยคุยกันดีๆ แบบคนปกติได้เกินสามนาทีซะที่ไหน มีแต่จ้องจะหาเรื่องตีกันให้เขาปวดหัวเล่นเสียมากกว่า

            พอร์ชไม่ตอบ ก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับเด็กแสบที่นั่งอยู่บนตัก ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของสองจะปรากฏขึ้น แต่โซ่หาได้สนใจเพราะมัวแต่เช็คภาพในกล้อง

            พรึ่บ!

            “เฮ้ย! ไอ้พอร์ชกล้องกู!” โซ่ผวาร้องโวยวายด้วยความตกใจเมื่อจู่ก็ถูกอุ้มขึ้นจากพื้นจนตัวลอย ตกใจจนเผลอทำกล้องถ่ายรูปตัวโปรดล่วงหลุดมือ แต่ดีที่พอร์ชนัดแนะกับจอมซนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว เด็กแสบจึงคว้ากล้องเอาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่จะหล่นลงพื้นไปจริงๆ

            “น้องซนจะเก็บกล้องไว้ให้เองฮะ พ่อจ๋าไปเล่นน้ำกับคุณป๋าให้สนุกน้า~ น้องซนกับพี่มณีจะเป็นเด็กดี จะหม่ำขนมกับคุณติมรอเงียบๆนะฮะ..บ๊าย..บาย~”

            ยืนโบกมือลาพ่อจ๋าสุดที่รักไปด้วยท่าทางร่าเริงเกินเหตุเมื่อเห็นว่าพอร์ชแบกโซ่วิ่งลงทะเลไป ส่วนตัวเองก็เดินกลับมาหาพี่มณีที่กำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเปลผ้าใบเพื่อรอขนมและไอศกรีมของพอร์ชอย่างสบายใจ



TBC.
ขออภัยที่ปล่อยให้รอนาน แต่แนะนำให้กดติดตาม เพจ เขียน'สือ ของคนเขียนไว้จะได้ไม่ตกข่าวสารใดๆ #ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #49 {01/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-03-2019 17:22:28
รอๆ
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #49 {01/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-03-2019 19:56:12
ซนไม่ไปไม่ได้หรอ   :hao4:
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #49 {01/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 01-03-2019 22:23:59
ชอบพี่มณีจัง o13 o13
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #49 {01/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-03-2019 13:31:55
ขยันหวานกันจัง
หัวข้อ: Re: ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #49 {01/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-03-2019 22:14:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {The End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: เขียนสือ ที่ 15-03-2019 00:29:41

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{50}




            “เฮ้อ…เหนื่อย!”



            “มาพักก่อน อีกนานเลยกว่าไอ้พี่น้องสองแสบจะตื่น”



            พูดพลางดึงคนรักที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มานอนหนุนแขน หลังจากที่พากันเล่นน้ำมานานนับชั่วโมงจนน้องซนกับพี่มณีกินขนมอิ่มจนหลับไปแล้ว



            “ขอบคุณ” พูดบอกเสียงเบาก่อนที่จะขยับตัวออกจากแขนแกร่งหันหัวเปลี่ยนทิศไปนอนหนุนพุงแน่นๆ ของพอร์ชแทน



            “เรื่อง?”



            “ทุกเรื่องตั้งแต่เราเจอกัน” อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนักในความรักของเขาทั้งสองคนที่เป็นเพศเดียวกัน แต่สำหรับโซ่แล้วการได้เจอ ได้รักและได้อยู่กับพอร์ชนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วในชีวิตนี้



            “แน่นอนเพราะกูมันรูปหล่อพ่อรวยแถม…โคตรใหญ่!” พ่อคนหล่อก็ยังคงคอนเซ็ปเดิมที่ชอบอวดอ้างสรรพคุณอันดีงาม(?)ของตนเองกับคนรักตั้งแต่แรกเริ่มที่เจอกัน



            “ถุย…ไอ้พอร์ชถ้ากูจะคบใครเพราะหน้าตานะกูคงไม่เสียเวลาอยู่กับมึงจนถึงทุกวันนี้หรอก สู้เอาเวลาอันแสนมีค่าของกูไปชัก…เอากับตัวเองที่หน้ากระจกไม่ดีกว่าหรอ เพราะกูหล่อกว่ามึงเยอะ!” ว่าแล้วก็ยกหัวกระแทกท้องคนมั่นหน้าในความหล่อของตัวเองไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ มีอย่างที่ไหนคนกำลังจะซึ้งเสือกพาออกนอกทะเลตลอด



            “แหม…มั่นหน้าจังนะเมีย” เบ้ปากให้กับความมั่นใจของคนรักที่หลงผิดคิดว่าตัวเองหล่อทั้งที่จริงแล้วตัวมันออกจะน่ารักน่าหยิก โดยเฉพาะแก้มกลมๆที่พองลมขึ้นทุกวันเป็นอะไรที่พอร์ชชอบมาก(ก.ไก่ล้านตัว)



            “น้อยกว่ามึงแล้วกัน”



            “ฮึ่ย…หมั่นเขี้ยวว่ะ!”



            พอร์ชละอดไม่ได้ที่จะใช้สองมือจับแก้มโซ่ยืดไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว ส่วนโซ่เองก็ไม่น้อยหน้ายื่นมือไปตบปากห้อยๆของคนกวนประสาทไปเพียะใหญ่จนพอร์ชร้องโอดโอยออกมา



            “โอ้ย! เจ็นนะเว้ย”



            “สม!” โซ่เงื้อมือเตรียมที่จะฟาดคนรักอีกระลอกเมื่อโดนคนรักแกล้งปัดมือผ่านยอดอกของตนเองอย่างจงใจซ้ำไปมาหลายรอบ แต่มีหรือที่พ่อบ้านใจกล้าอย่างพอร์ชจะยอม คว้าฝ่ามือมรณะของโซ่ไว้ได้ทันก่อนที่มันจะฟาดโดนหน้าตนเอง



            “พอๆ ไม่แกล้งแล้ว มาดูพระอาทิตย์ตกกันดีกว่า ชอบไม่ใช่หรอ? กำลังสวยเลยนะนั่น”



            “มึงนั่นแหละ!”



            “โอ๋…ขอโทษครับเมียที่พาเสียบรรยากาศ แต่กูไม่อยากฟังคำขอบคุณจากมึง เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ได้มีแค่กูที่ทุ่มเทแต่มึงเองก็พยายามประคับประคองความรักของเราให้เดินไปพร้อมกับคำว่าครอบครัวเหมือนกัน”



            เอ่ยห้ามพลางชี้ชวนให้ดูพระอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่กำลังจะตกลงกระทบกับผิวน้ำทะเลเบื้องหน้าเพราะรู้ดีว่าคนรักชอบอะไรอย่างนี้มากขนาดไหน ขอแค่มีผืนฟ้าเป็นกระดาษแผ่นใหญ่รูปข้างในจะเป็นเดือนเป็นดาวหรือเป็นนกโซ่ก็ชอบทั้งนั้น เพราะการนั่งมองดูฟ้าดูฝนช่วยทำให้เจ้าตัวผ่อนคลายสบายใจ



            “กูรักและชอบทุกอย่างที่มึงทำ เพราะมึงไม่เคยงี่เง่าหยิบยื่นข้อเสนอไร้สาระให้กูเลือกเหมือนคนอื่นที่ว่ามีแฟนแล้วจะต้องอยู่กับแฟนตลอดเวลา อย่าไปกับเพื่อนหรืออย่าให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าความรักของเราอะไรประมาณนั้น”



            ใช่แล้ว…ความจริงแล้วพอร์ชก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรมากนัก เพียงแต่ความรักที่ผ่านมามักจะมาพร้อมกับความงี่เง่าเอาแต่ใจของผู้หญิงที่ชอบจับผิดไร้สาระ ทั้งยังไม่ให้อิสระเท่าที่ควร เหมือนเอาชีวิตไปผูกติดกับใครบางคนที่ต้องยึดความต้องการของเขาเป็นหลัก



            มันเป็นอะไรที่ทำให้พอร์ชไม่ชอบ อึดอัดและลำบากใจมากจนหาความสุขไม่เจอ แต่อยู่อย่างนั้นได้ไม่นานจากที่คิดว่าจะรักเดียวใจเดียวก็เปลี่ยนเป็นคนละคนมาหลงชอบความสำพันธ์ฉาบฉวยคบหากับใครก็เป็นได้แค่แฟนข้ามคืนจนกระทั่งมาพบกับโซ่คนเป็นดั่งเข็มทิศช่วยชี้ทางชีวิตที่หลงผิดของเขาให้กลับมาเข้าที่เข้าทางให้เป็นคนเต็มคนดังเดิม



            “ขอแค่มึงเป็นมึงก็พอ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือคิดลึกซึ้งเป็นบุญคุณให้วุ่นวายเพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เราจะต้องช่วยกันรักษาดูแลครอบครัวเล็กๆ แต่สมาชิกโคตรเยอะของเราให้มีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ”



            โซ่หลับตาลงเพื่อซึมซับบรรยากาศรอบตัวแว่วเสียงคลื่นกระทบฝั่งเคล้าเสียงเพลงในใจเช่นเดียวกันกับพอร์ชที่หลับตาลงไปพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แสดงถึงความสุขใจไม่แพ้กัน



            “บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองอยู่ตรงนี้~”



            “หืม?”



            เสียงฮัมเพลงดังมาจากปากของคนรักที่พอร์ชคิดว่าน่าจะหลับไปแล้วก็เลยอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะตั้งแต่คบกันมาเขาไม่เคยได้ยินโซ่ร้องเพลงให้ฟังแบบสดๆไร้เสียงดนตรีรบกวนแบบนี้เลยสักครั้งนอกเหนือจากตอนที่พี่เขยอย่างเค้กจ้างให้ไปร้องที่ร้านในวันที่นักร้องประจำลาหยุด ซึ่งมันก็แค่สองครั้งเท่านั้นและดูเหมือนว่าโซ่จะร้องเพียงแค่ให้งานผ่านพ้นไปไม่ได้ร้องออกมาจากความรู้สึกเช่นนี้ถ้าวักจากอารมณ์ร่วมในโทนเสียงล่ะนะ



            “บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอนถ้ามองจากตรงนี้ เดี๋ยวก็มืดเดี๋ยวก็สว่าง อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุหรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง…”



            แม้ว่าจะมีเสียงฮึมฮำในลำคอของคนรักแว่วเข้ามาให้ได้ยินแต่โซ่ก็เมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยินและร้องเพลงท่อนนั้นจนจบ

            “นึกยังไงถึงร้องเพลง?” เอ่ยถามออกมาด้วยความเอ็นดูเพราะนานๆทีโซ่จะเปิดโหมดน่ารักทำตัวมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอย่างคนอื่นเขาบ้างไม่ใช่เอาแต่ทำตัวโหดไล่เตะผัวอย่างทุกที



            “ก็แค่อยากร้อง” ใช่ซะที่ไหน! เพราะมีความสุขมากเกินไปต่างหากล่ะเขาถึงได้หลุดร้องเพลงท่อนนี้ที่จู่ๆก็ลอยเข้ามาในหัวออกมาอย่างไม่รู้ตัว



            “มีความสุขก็พูดออกมาสิไม่เห็นต้องเขินเลย” ด้วยความที่คบกันมากว่าสองปีแล้วซึ่งก็เป็นเวลาที่นานพอสมควรสำหรับความรักที่มักจะฉาบฉวยของวัยรุ่นหนุ่มสาวสมัยนี้พอร์ชเลยอดไม่ได้ที่จะกระเซ้าเหย้าแหย่ออกมาอย่างรู้ทัน



            “ไม่ได้เขิน!” และเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วว่าคนปากหนักอย่างโซ่ตอบปฏิเสธในทันที



            แต่มีหรือที่คนขี้แกล้งอย่างพอร์ชจะยอมหยุดง่ายๆ ในเมื่อหลักฐานมันออกมาพาดให้เห็นเด่นชัดบนสองแก้มของคนรักชัดเจนขนาดนั้น



            “จ้า…ไม่เขินก็ไม่เขินก็แค่แก้มแดงเฉยๆ เองเนอะ!”



            “เนอะป้ามึงสิ!” ว่าแล้วก็ตบตุบลงไปบนแผ่นอกกว้างให้สมกับความเจ้าเล่ห์ของคนรักที่ชอบหาเรื่องมาเย้าแหย่ให้เขาหงุดหงิดเล่นได้ตลอดเวลา



            “เจ็บนะเมียชอบเล่นอะไรแรงๆตลอด นี่ผัวนะไม่ใช่กระสอบทราย!” เหมือนจะโกรธแต่เปล่าเลยเพราะในขณะที่พูดอยู่นั้นเจ้าตัวก็บีบแก้มโซ่เล่นไปด้วย



            หม๊าว~



            “งื้อ…คุณป๋า~ พ่อจ๋า~”



            เข้าโหมดส่วนตัวกันได้ไม่นานเจ้าสองแสบลูกรักหนึ่งคนหนึ่งแมวก็พากันคลานต้วมเตี้ยมเข้ามาหา พี่มณีทิ้งตัวนอนขดบนอกพอร์ชส่วนจอมซนก็ไม่น้อยหน้ารีบทิ้งหัวนอนหนุนพุงโซ่เช่นกัน จะบอกว่านอนเรียงกันเป็นวงกลมก็คงไม่ผิดนักเพราะสี่พ่อลูกเขานอนกอดกันเป็นกลุ่มก้อนไม่ต่างอะไรจากตุ๊กตายัดนุ่นที่มีคนมาลืมไว้



            19:30 น.



            “พ่อจ๋าอย่าแอบเปิดผ้าปิดตาของน้องซนนะฮะ!” เด็กแสบบอกเสียงดุด้วยท่าทางขึงขังเพราะรู้สึกอินกับหน้าที่แสนสำคัญที่คุณป๋ามอบให้



            “ไม่อยากให้พ่อเปิดน้องซนก็เดินดีๆ สิ” ถึงคราวคนเป็นพ่อเปิดปากโวยบ้างเพราะตลอดทางตามแรงจูงของลูกชายนั้นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเพราะถ้าไม่ดินตะหิน เหยียบเปลือกหอยก็ต้องโดนกิ่งไม้เกี่ยวขาจนแสบไปหมดแล้ว



            “ชิ! พ่อจ๋าไม่เห็นเก่งเหมือนคุณป๋าเลยอ่ะ!” เด็กแสบกระเง้ากระงอดจนโซ่อดไม่ได้ที่จะยกมืออีกข้างที่ไม่ได้โดนเจ้าตัวจับจูงโบกลงไปเบาๆ ตรงหัวทุยๆของผู้นำทางที่ไม่รู้ช่วงนี้มันเป็นยังไงถึงได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทั้งที่ปกติจะทะเลาะกันแทบจะตลอดเวลา



            “ใช่สิ! เดี๋ยวนี้อะไรก็คุณป๋าๆ พ่อจ๋าคนนี้ตกกระป๋องไปแล้วมั้ง!” ใครว่าผู้ชายไม่มีมารยา โซ่แสร้งทำเป็นน้อยใจพูดบ่นเสียงแผ่วเบาเสียจนเด็กแสบที่ยังไม่รู้ตัวว่าโดนหลอกถึงกลับหยุดเดินและโผเข้ากอดคนเป็นพ่อทันทีด้วยความรู้สึกผิดต่างจากโซ่ที่ซ่อนรอยยิ้มปีศาจไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งได้อย่างแนบเนียน



            “งื้อ! ไม่ใช่น้า~ น้องซนรักสองคนเลย! รักคุณป๋า รักพ่อจ๋า รักพี่มณีด้วย!”



‘ขอโทษนะลูกชายที่ทำให้หนูเสียน้ำตา แต่พ่อจ๋าหมั่นเขี้ยวลูกจริงจัง…หึหึ’



            โซ่ที่รับรู้ได้ถึงหยดน้ำตาของลูกชายที่เปื้อนซึมอยู่บนแผ่นอกได้แต่ขอโทษในใจ แต่ก็นะ จะปล่อยให้พ่อลูกเป็นต่อไปนานๆ ก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวจะเสียการปกครอง ดังนั้นในฐานะหัวหน้าครอบครัวตัวจริงอย่างโซ่ที่โดนท้าทายอำนาจอยู่บ่อยครั้ง จึงจำต้องหาวิธีกระตุ้นแนวจิตวิทยามาเตือนความจำให้สมาชิกครอบครัวตัวน้อยๆ ของตนเองได้รู้ขอบเขตอำนาจเป็นระยะ



            “ไปๆ ไม่ต้องร้องแล้ว ป่านนี้คุณป๋าของลูกชะเง้อคอยาวแล้วมั้ง” โซ่พูดพลางจับจอมซนหันหลังทั้งที่ยังใส่ผ้าปิดตา เพื่อเบี่ยงประเด็นเพราะยังไม่พร้อมเคลียร์ใจกับลูกชาย



            ก็นะ…นานมาแล้วที่ไม่ได้แกล้งแหย่ลูกชายแบบนี้…ขอยื้อหน่อยแล้วกัน!



            เด็กแสบเดินคอตกจูงพ่อจ๋าไปส่งให้คุณป๋าตามหน้าที่ที่ได้รับ(จ้าง)มา ทุกย่างก้าวของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความว้าวุ่นในหัวใจ เพราะคิดว่าคนเป็นพ่อโกรธจริง จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความรักที่แสนอบอุ่นจากโซ่อีก



            “น้องซนพาพ่อจ๋ามาส่งแล้วฮะคุณป๋า” พอมาถึงจุดหมายปลายทางแล้วเด็กแสบก็ทิ้งพ่อจ๋าไว้กับคุณป๋า ก่อนจะอุ้มพี่มณีเดินแยกตัวออกไปเงียบๆ ตามการนัดหมาย



            “เปิดผ้าได้รึยัง?” เอ่ยถามออกไปเพราะรู้สึกได้ถึงคนรักที่อยู่ไม่ห่างจากตัวมากนัก เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวพอร์ชลอยจางๆ มาตามลม



            พอร์ชเดินอ้อมมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังโซ่ ก่อนจะช่วยเปิดผ้าปิดตาออกช้าๆ พร้อมกับกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของโซ่ว่า…



            “สุขสันวันเกิดครบรอบสิบแปดปีครับที่รัก”





            โซ่เบิกตามองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาเปล่งประกายในยามที่ท้องฟ้าและผืนน้ำต่อกลายเป็นผืนเดียวกัน ไหนจะหมู่ดาวที่ระยิบระยับอยู่บนแผ่นฟ้ากลับกลายเป็นเพชรเม็ดงามล้ำค่าอย่างหาที่สุดไม่ได้เมื่อสะท้อนตกลงบนผิวน้ำ งดงามจนโซ่ต้องเสียน้ำตาเพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นภาพแห่งความฝันในชีวิตจริง



            “ชอบหรือเปล่า?” เสียงกระซิบจากคนรักที่ดังขึ้นข้างหูทำเอาโซ่หลุดจากภวังค์



            “ชอบ…ชอบมาก ชอบจนไม่คิดว่าจะได้เห็นของจริง” โซ่ตอบเสียงเบาเหมือนคนเพ้อเพราะภาพตรงหน้านี้มันเหมือนกับที่เขาใช้จินตนาการวาดไว้บนผืนผ้าใบไว้มาก เหมือนจนต้องแอบหยิกแขนตัวเองเบาๆ เพราะคิดว่าฝันไป



            พอร์ชยิ้มรับให้กับความสำเร็จในการเซอร์ไพส์ของตนเอง ก่อนที่จะหันไปส่งสัญญาณให้กับผู้ช่วยสองแสบที่กำลังพากันเดินย่องมาตามทางข้างหลัง



            “หม่ามี้ฮะ~” เสียงเรียกแผ่วเบาไร้ความมั่นใจที่ดังมาจากข้างหลังเรียกให้โซ่หันกลับไปเพราะมันเป็นเสียงอันคุ้นเคยของลูกรักที่ตนเองได้ยินอยู่ประจำ แม้ว่าเจ้าตัวแสบจะแอบเรียกสรรพนามต้องห้ามก็ตาม แต่วันนี้เป็นวันดีโซ่จะเว้นให้วันนึงก็แล้วกัน



            “ว่าไงครับลูกชาย” โซ่ตอบรับเสียงละมุนด้วยรอยยิ้มต่างจากเสียงแข็งๆ ที่แกล้งไว้ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง





            “Happy Birthday ฮะ” เด็กแสบพูดบอกพร้อมกับยื่นช่อดอกกุหลาบสีน้ำเงินแซมขาวซึ่งเป็นสีโปรดของโซ่ส่งให้ด้วยความลังเลเพราะคิดว่าโซ่ยังโกรธเรื่องเมื่อครู่นี้อยู่



            “ขอบคุณครับลูกชาย…ฟอด!” โซ่พูดบอกพร้อมกับรับช่อดอกไม้มาจากลูกชายโดยไม่ลืมที่จะหอมแก้มเด็กแสบตอบแทนเป็นของรางวัล



            “น้องซนรักพ่อจ๋าฮะ…รักพ่อจ๋าที่สุดในโลกเลย”



            “พ่อจ๋าก็รักน้องซนที่สุดในโลกเหมือนกันครับ”



            “เย้! พ่อจ๋ารักน้องซน! น้องซนรักพ่อจ๋า! พ่อจ๋ารักน้องซน…เย้เย้!”



            จากที่เศร้าสร้อยในตอนแรกก็กลับมากระโดดโลดเต้นเป็นเด็กแสบที่สดใสร่าเริงคนเดิมเมื่อได้รับพลังงานชีวิตในรูปแบบของความรัก



            หม๊าว~



            “ไหนพี่มณีมีอะไรมาให้พ่อบ้างไหมเอ่ย?” โซ่โน้มตัวอุ้มพี่มณีขึ้นมากอดแนบอกโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่ตนเองพูดแหย่ลูกเล่นไปอย่างนั้นมันคือเรื่องจริง เพราะของขวัญชิ้นสุดท้ายจากพอร์ชฝากไว้ที่พี่มณี



            หม๊าว~



            “หืม? อะไรเนี่ย?” เพราะรู้สึกถึงความเย็นเล็กบนหลังมือโซ่จึงยกตัวพี่มณีขึ้นลอยบนอากาศเพื่อจะตรวจดูว่ามีเศษแก้วหรือเปลือกหอยติดขนมาหรือเปล่าหรือไม่เจ้าตัวก็อาจจะไปซุ่มซ่ามเดินเหยียบน้ำที่ไหนมา เพราะก่อนหน้านี้เขาได้จัดการอาบน้ำเป่าขนให้เจ้าตัวจนสะอาดเอี่ยมตัวหอมฟุ้งไปรอบนึงแล้ว



            “ของขวัญชิ้นสุดท้าย…ยื่นมือมาสิ” พอร์ชรีบเข้ามาปิดตาโซ่ไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะได้เห็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ตนเองเตรียมมาให้ ก่อนที่จะส่งสัญญาณไปให้จอมซนช่วยแกะออกจากปลอกคอพี่มณีตามที่นัดแนะคิวกันไว้



            “หืม?” ปฏิกิริยาแปลกใจจากโซ่เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของพอร์ชได้เป็นอย่างดี…ไม่เสียแรงที่วางแผนมาอย่างรอบคอบที่ใช้คิดเวลานานอยู่พอสมควร





            “หมั้นไว้ก่อน เรียนจบแล้วจะให้แม่ไปขอ” พูดบอกพร้อมกับก้มลงจุมพิตบนหลังมือของคนรักทันทีที่ใส่สร้อยข้อมือลายโซ่เสร็จ



            “จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีแล้วกัน ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ถ้ายอมมาขอกูตามคำพูดกูจะตามจองล้างจองผลาญให้มึงไม่ได้ผุดได้เกิดเลย…ขอบคุณนะ” พูดขู่ด้วยคำพูดที่แสนน่ากลัวจนไม่รู้ว่าพูดจริงพูดเล่นเพราะพี่ท่านหน้านิ่งเหลือเกิน ก่อนจะขอบคุณปิดท้ายด้วยแววตาหวานชื่น



            “จูบหน่อย” พอร์ชหลับตาทำปากจู๋ด้วยทีเล่นทีจริงเพราะรู้อยู่แล้วว่าโซ่ไม่ชอบทำประเจิดประเจ้อต่อหน้าลูกชายอย่างจอมซนที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้ช่างจดช่างจำ



            แต่พอร์ชคิดผิด! ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศพาไปหรือโซ่อยากจะตอบแทนความรักของคนรักจริงๆ ถึงได้ยื่นหน้าเข้าไปประทับจูบตามคำขอของพอร์ชที่เบิกตากว้างทันทีที่รู้สึกสัมผัสนุ่มหยุ่นบนริมฝีปากตนเอง



            “ขอบคุณครับ…ที่รัก” โซ่ละริมฝีปากออกมาก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ข้างหูคนรักจนพอร์ชถึงกลับขนลุกเพราะไม่เคยได้ยินโทนเสียงนี้ของโซ่มาก่อน



            ไม่รู้สิ! มันนุ่มๆ หวานๆ ฟินๆ ยังไงก็ไม่รู้พอร์ชเองก็อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่า…ไอ้โซ่เมียพี่นั้นมันคือเสือร้ายตัวจริงที่ประมาทไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว! เพราะหลังจากที่มันเรียกเขาว่าที่รักแล้วมันยังกระซิบต่ออีกว่า…



            “ทริปนี้คุณป๋าของน้องโซ่ทำดีมาก…เพราะฉะนั้นกูจะถือซะว่าไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นเงินก้อนที่มึงซ่อนไว้ในช่องแอร์และซองประแจก็แล้วกัน…หึหึ!”



            หมดกัน! ความภาคภูมิใจของพ่อบ้านใจกล้าอย่างพี่ที่ก่อกบฏคิดซ่อนเงินเมีย!



            “อย่าเครียดไปเลยที่รัก ต่อให้มึงเอาขึ้นไปซ่อนบนดาวพลูโตกูก็หาเจอ…มากินข้าว!”



            เมื่อเมียพูดเช่นนั้นแล้วผัวตัวน้อยๆ อย่างพี่จะทำอะไรได้นอกจากเช็ดน้ำตาและเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปนั่งกินข้าวกับลูกเมียด้วยความนอบน้อม แต่สมองอันชาญฉลาด(แกมโกง)ยังคงคิดวิธีการป้องกันอำนาจเมียอย่างไม่หยุดหย่อน จนประมวลผลได้ว่า…



            เฮ้อ! รักชีวิตอย่าคิดสู้เมียเลยไอ้พอร์ชเอ้ย! เดี๋ยวจะอยู่ไม่ถึงตอนลูกบวช…ปาดน้ำตาเบาๆ





{The End}

จบเถอะ! อย่าให้พระเอกเราน่าสงสารไปกว่านี้เลย!

ก่อนอื่นเลยต้องกราบขอโทษที่ให้รอนานและขอพระคุณที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน ยังอยู่ข้างๆ กันเสมอ แม้ว่าจะมีปัญหาติดขัดมากมายที่ผ่านมาได้ก็เพราะกำลังใจจากคนอ่านล้วนๆ

ภาคนี้จบแล้วไปเจอกันต่อภาคสอง เพราะนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของความรัก ยังมีปัญหาอีกมากมายที่ทั้งสองคนจะต้องเผชิญ เพราะคำว่ารักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตคู่

ส่วนใครที่แนวน่ารักสดใสหัวใจสีคัลเลอร์ฟูลคนอ่านแนะนำ เรื่อง พี่เลี้ยง(พ่อ)เด็ก เลยจ้า!

อย่าเพิ่งเบื่อ อย่าเพิ่งหนี อย่าเพิ่งหาย มาสู้ไปด้วยกันก่อน ปลายทางแห่งความฝันรอเราอยู่ #ด้วยรัก
หัวข้อ: Re: {The End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 15-03-2019 00:46:37
 :-[ o13
หัวข้อ: Re: {The End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-03-2019 01:21:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {The End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-03-2019 11:37:45
จบแล้ว~ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: {The End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-03-2019 23:48:57
อยากให้เอาคนคนที่ทำอากงอ่า  :hao5:
หัวข้อ: Re: {The End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-03-2019 00:34:06
มีต่อภาค 2 รอจ้าาาาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-03-2019 12:12:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 17-03-2019 09:49:24
ชอบนายเอกแนวนี้
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 17-03-2019 15:47:19
นายเอกไหนว่าเป็นคนนิ่งๆหลังๆแรดม๊ากกก55
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 18-03-2019 01:42:34
รอภาคสองเลย
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: konfaibint ที่ 21-03-2019 14:40:25
อยากได้เมีย แบบนี้สักคนจัง :mew1:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 25-03-2019 04:10:33
 :impress2:  :impress2:  :impress2:  :hao7:
อ่านไปกรี๊ดไปกับความน่ารักของพระเอก โอย คนอะไรน่ารักจริงๆ
นายเอก มาดเเมน จนกรี๊ดไปหลายรอบ
ฮือ อยากให้มีความน่ารักของคู่นี้อีก เรื่อยๆ รอๆ
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-03-2019 07:48:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 26-03-2019 10:27:23
น่ารักมากเลย มีความหมั่นเขี้ยวพี่มณี  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 26-03-2019 18:32:18
สนุก น่ารักมาก ๆ ครับ .................... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 03-07-2019 01:38:00
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 05-07-2019 19:40:30
เป็นเรื่องที่ชอบมากๆอีกเรื่อง ดีทุกอย่างเลย สนุกมาก
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 19-07-2019 22:21:45
 :pig4: :pig4:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-07-2019 20:55:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 27-07-2019 03:49:52
อ่านไปอ่านมาหลงน้องซนซะงั้น น่ารักเกินไปแล้วลูก
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 30-07-2019 00:34:12
น่ารักก
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:25:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 16-04-2020 17:32:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: RealReal ที่ 31-05-2020 21:40:00
 :o8:  :katai2-1: :katai2-1: ดีงามอะ เขียนดีเชื่อมเรื่องดี อ่านค่อนข้างราบรื่น สำนวนดี แต่ติดที่ตรงการใช้คำ บางช่วงบางตอนก็ซ้ำ บางช่วงบางตอนเดาว่าน่าจะพิมพ์ผิด บางช่วงที่เจอบ่อยหน่อยจะเป็นคำควบกล้ำ ถ้านักเขียนมีเวลากลับมาแก้ มันคงจะได้ฟีลลึกซื้งกว่านี้อีกเยอะๆ เลยเนอะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 03-06-2020 17:59:09
ชอบและรักพี่พอร์ช เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ ดีต่อใจรออ่านภาคต่อไป
รักคนเขียนด้วยจ้าาา
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 06-06-2020 08:09:00
 o13
หัวข้อ: Re: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 08-06-2020 16:44:22
น่ารักมากเลยครับชอบโซ่มาก ฟินลืมม