พิมพ์หน้านี้ - SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Punmile09 ที่ 03-09-2019 22:12:15

หัวข้อ: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 03-09-2019 22:12:15
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



SCENT : BLUE OCEAN
[OMEGAVERSE]
ALPHA x OMEGA



ผืนน้ำสีครามจรดแผ่นฟ้ากว้าง
ประกายแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเคลือบฉาบไล้ลงหาดทรายสีขาว
กลิ่นอายแห่งความมีชีวิตชีวาอบอวลชวนให้จิตใจได้สงบสุข
...แต่ทว่ายามที่ทะเลคลั่งเดือดก็สามารถพัดพาให้ทุกสรรพสิ่งพังพินาศได้ในชั่วพริบตา ..

(https://uppic.cc/d/5PDa)

"ฮานะแปลว่าอะไร"
"ภาษาญี่ปุ่น...แปลว่าดอกไม้น่ะ"




นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งใน Project SCENT ที่เขียนร่วมกับนักเขียนอีกสองท่านนะคะ


1. SCENT : SILVER BULLET #เทวดาหลงไค
[By Chesshire]

2.SCENT : BLACK DIAMOND #มังกรซ่อนเพชร
[By Ex-SoulL]

3.SCENT : BLUE OCEAN #ดอกไม้ของพีท
[By Punmile]

4.SCENT : ROSE AMOUR #พันธะกุหลาบ
[By Zearet17]

______________________________________

.แวะมาพูดคุยกันได้ที่

Facebook : Punmile09

Twitter : pppunmile

หรือแฮชแท็กtwitter

#ดอกไม้ของพีท

.

.

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น

บุคคลหรือสถานที่ที่กล่าวถึงล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงแต่อย่างใด



พันไมล์ ♥
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 03-09-2019 22:13:46
PROLOGUE





ภายในห้องชุดสุดหรูใจกลางเมืองนั้นมืดสนิทจะมีก็เพียงแต่แสงนวลของพระจันทร์ที่สาดส่องผ่านบานกระจกใสเข้ามากระทบกับร่างของคนทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่บนเตียงหลังใหญ่จนผ้าปูที่นอนยับย่น เสียงเสียดสีของสปริงเตียงขนาดคิงไซส์ลั่นไปตามจังหวะการขยับกาย ผู้ที่เป็นฝ่ายควบคุมส่งแรงกระแทกหนักหน่วงเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน สองมือตะปบเข้าที่ข้างสะโพกเล็กพร้อมกับบีบเคล้นจนผิวเนื้อขาวขึ้นรอยนิ้วมือ

ปลายนิ้วโป้งเฝ้าลูบไล้วนเวียนอยู่บนรอยสักรูปเถาดอกกุหลาบบริเวณสะโพกด้านขวาที่กินพื้นที่ไปจนถึงหน้าขา ก่อนจะลากฝ่ามือไปสัมผัสกับจิวเพชรเม็ดเล็กที่แอ่งสะดือ นัยน์ตาคมเปล่งประกายวาวโรจน์เมื่ออีกฝ่ายร้องไห้สะอื้นด้วยความเจ็บปวด

ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางดังมากเท่าไร สัญชาตญาณดิบของผู้ที่อยู่เหนือกว่าก็ยิ่งถูกปลุกเร้ามากเท่านั้น

“...เจ็บ” ฝ่ายนั้นพูดกระท่อนกระแท่นเพราะขนาดตัวที่เล็กกว่าผู้ชายทั่วไปจึงทำให้ร่างทั้งร่างโยกไหวรุนแรง

เสียงหนั่นเนื้อที่กระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง พายุแห่งอารมณ์รุนแรงพัดคลั่งจนทำลายทุกสิ่งให้พังพินาศในชั่วพริบตา ร่างสูงใหญ่อัดกระแทกเรี่ยวแรงที่มีอยู่ทั้งหมดลงไปในเครื่องรองรับอารมณ์ทางเพศอย่างดิบเถื่อน ไร้ซึ่งการทะนุถนอม มีเพียงแค่ความต้องการที่จะปลดปล่อยไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

และนั่นก็เป็นการยินยอมของพวกเขาทั้งคู่...ไร้ซึ่งการบังคับ ข่มขู่

เซ็กส์...แลกกับการที่เขาจะไม่ออกนอกลู่นอกทางสร้างเรื่องอื้อฉาวจนต้นสังกัดต้องคอยวิ่งเต้นใช้เงินเป็นกอบเป็นกำเพื่ออุดปากพวกนักข่าว

เซ็กส์...ที่มีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่ใช้ความรัก และหวังจะใช้ร่างกายแลกความรู้สึกลมๆ แล้งๆ นั้นกลับไป

เซ็กส์...ที่ไร้ซึ่งการผูกมัด แค่เพียงเรียกหาคนใต้ร่างก็พร้อมที่จะอ้าขาต้อนรับ

เซ็กส์...กับเพื่อนสนิทที่ควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวและคู่ขาจำเป็น…

เพื่อนสนิท...ที่แอบรักเขามาตั้งแต่สมัยเรียน

เป็นคนที่ไม่ว่าจะหันกลับไปตอนไหนก็ยังจะยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ...ราวกับสุนัขที่แสนซื่อสัตย์ ทั้งรักและเชื่อฟังไม่มีปากเสียง ยอมจำนนลงให้ทุกอย่าง

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมอบความรักกลับไปให้ได้

ฮานะ...ก็เป็นแค่ของตาย มีค่าเพียงของเล่นแก้เบื่อเท่านั้น

ของตายคุณภาพดีเยี่ยมที่หากันไม่ได้ง่ายๆ ในพวกชั้นต่ำอย่างโอเมก้า...เพราะทั้งรูปร่างและหน้าตาที่ไม่ต่างกับพวกผู้หญิง เวลาที่นอนครวญครางเสียงกระเส่าอยู่ใต้ร่างเขานั้นทำให้อีกฝ่ายมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ซ้ำลีลาบนเตียงยังจัดจ้านชนิดที่ว่าสามารถปรนเปรอให้คู่นอนคลั่งตายคาอกได้สบายๆ

ใครจะโง่ปล่อยให้หลุดมือไป

“อเล็กซ์...ห้าม..ข้างใน” เรือนผมยาวสลวยถึงช่วงเอวคอดบิดพลิ้วคล้ายม่านน้ำตกถูกจับมัดรวบก่อนจะดึงกระชากจนใบหน้าแหงนเชิดขึ้นสูง

“อะไรกันฮานะ ไม่อยากลองอุ้มท้องลูกของฉันหน่อยเหรอ” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะเยาะเย้ยข้างใบหู

“อึก..” ฮานะยกแขนตัวเองขึ้นมากัดแน่นจนขึ้นรอยเมื่อถูกเขากระแทกจนล้มลงบนเตียง

อัลฟ่าหนุ่มหยัดกายขึ้นจนหลังตรงพร้อมกับลดสายตามองปลอกคอหนังสีแดงที่อีกฝ่ายมักสวมใส่เอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเขากัดเข้า

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อเล็กซ์ไม่ชอบใจนัก...เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สามารถควบคุมอีกฝ่ายได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปโอบกระชับช่วงเอวคอด ค่อยๆ ลูบไล้ขึ้นไปตามแนวกระดูกสันหลัง เกลี่ยนิ้ววนเวียนลงบนปลอกคอหนัง ใบหน้าหล่อเหลาตามฉบับหนุ่มลูกครึ่งตะวันตกก้มลงซุกไซ้ข้างซอกคอขาว เรียวลิ้นกวาดเลียหยดเหงื่อหวานชุ่มก่อนจะกระซิบถ้อยคำล่อลวงออกมา หวังเพียงแค่หลอกล่อให้อีกฝ่ายตายใจ

“ที่รัก..” จังหวะการขยับกายลดระดับความรุนแรงลงและดำเนินต่ออย่างอ่อนโยนราวกับว่าความบ้าคลั่งก่อนหน้านั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก “ฉันรักฮานะ”

ถ้อยคำอ่อนหวานกระซิบอยู่ข้างใบหู เพียงเท่านั้นก็สัมผัสได้ว่าร่างใต้อาณัติสั่นสะท้านไหวรุนแรง ปลอกคอเจ้าปัญหาถูกปลดออกจากลำคอขาว กลิ่นฟีรีโมนพุ่งตรงกระทบโสตประสาทจนเกือบเสียหลัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ฝังเขี้ยวลงไปแสดงความเป็นเจ้าของก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนส่วนที่เชื่อมกันอยู่นั้นหลุดออกกะทันหัน

“ทำบ้าอะไร!” ถูกฝ่ามือเล็กตวัดตบจนหน้าหัน คนสวยมองมาด้วยแววตาสั่นระริกแสดงความโกรธอย่างถึงที่สุด

“ไม่เอาน่าฮานะ ฉันล้อเล่นนิดเดียวเอง” อเล็กซ์ขยับกรามไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบ...เห็นทีจะต้องสั่งสอนกันบ้างแล้วว่าหมาที่มันแว้งกัดเจ้าของน่ะจะต้องถูกลงโทษยังไง

“ล้อเล่น?” ฝ่ายนั้นทำหน้าเหลือเชื่อก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาทั้งที่หยดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ “นายเห็นความรู้สึกของฉันเป็นเรื่องล้อเล่นเหรออเล็กซ์” น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฮานะเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าสวยหมดจดที่แดงระเรื่อ

“อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยน่า” ชายหนุ่มคว้ามวนบุหรี่บนหัวเตียงขึ้นมาจุดสูบ ก่อนจะขยับเข้าไปหาคนที่นั่งขดกายอยู่ที่ปลายเตียง “มาทำต่อให้มันเสร็จๆ ซะที ฉันอยากพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องไปถ่ายงานแต่เช้า”

“…ครั้งนี้นายล้อเล่นแรงเกินไปแล้ว” ฮานะเบือนหน้าหนีออกไปอีกทาง...สะอิดสะเอียนจนแทบอาเจียนเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ที่รองรับน้ำเชื้อจากผู้ชายตรงหน้า

…รังเกียจจนแทบบ้า เมื่อรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายหักหลัง

ไม่สิ...ก็ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน จะเรียกว่าถูกนอกใจได้อย่างไร ในเมื่อเป็นคนยอมที่จะอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์บิดเบี้ยวแบบนี้เองจะโทษใครได้

แต่ข้อตกลงทั้งหมดนั้นรวมไปถึงการที่อเล็กซ์ห้ามไปนอนกับคนอื่นเพื่อป้องกันเรื่องข่าวอื้อฉาว แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นกลับเป็นความต้องการส่วนตัวที่ต้องการเก็บอีกฝ่ายไว้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งตัวอเล็กซ์เองก็ยอมรับในข้อนี้แต่โดยดี ตอนแรกก็เผลอนึกลำพองใจที่สามารถควบคุมเขาไว้ข้างกายได้โดยใช้เซ็กส์เข้าแลก แต่ฮานะคงลืมไปว่าเซ็กส์ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขานั้นมันไร้ซึ่งความรักโดยสิ้นเชิง

พออยากก็เรียกหา...เวลาที่หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งอย่างไม่ไยดี

ไม่นานมานี้อเล็กซ์ได้ละเมิดข้อตกลงระหว่างกันโดยการแอบไปสานสัมพันธ์กับเด็กฝึกงานแผนกคอสตูมที่เขานั้นดูแลอยู่...จะไม่เจ็บใจเลยถ้าหากว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่คนที่ฮานะไว้วางใจและหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่าจะขอให้บอสรับเข้ามาทำงานเมื่อฝ่ายนั้นเรียนจบ

อันที่จริงหากอเล็กซ์ต้องการที่จะไปคบเด็กคนนั้นแค่บอกกันมาตามตรงเขาก็พร้อมที่จะถอยออกมา...แต่ฮานะรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยก็เพราะว่าตนเองนั้นยังมีประโยชน์อยู่

...ที่อเล็กซ์ขึ้นมาเป็นนายแบบอันดับต้นๆ ของโมเดลลิ่งได้ขนาดนี้ก็เพราะมีเขาคอยช่วยผลักดันวิ่งหางานมาให้ทั้งที่เมื่อก่อนยังเป็นแค่นายแบบโนเนมไม่มีชื่อเสียง ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งคนที่ตนเองยอมทุ่มให้ทั้งแรงกายแรงใจจะหันมาแว้งกัดจนได้แผลเหวอะหวะ

ในเมื่อรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ไม่ได้...ก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องโอบอุ้มหนามกุหลาบที่คอยแต่จะทิ่มแทงอีกต่อไป

…ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยมือแล้วจริงๆ สินะ..

ยื้อมานานจนเกินขีดจำกัดแล้ว...ความอดทนที่เคยมีมันหมดลงแล้วจริงๆ

“เดี๋ยวนี้หัดดื้อกับฉันแล้วเหรอฮานะ” ช่วงตัวสูงใหญ่พุ่งเข้ามาหาก่อนจะกระชากตัวให้เข้ามาใกล้

“อเล็กซ์...ฉันเจ็บ” ฮานะพยายามยื้อตัวหนีแต่กลับถูกฝ่ามือใหญ่ฟาดตบลงมาจนล้มพับลงไปบนเตียง

“…นี่คือคำเตือนที่กล้าตบฉัน” อเล็กซ์บีบลำคอเล็กจนฝ่ายนั้นดิ้นพล่านตะเกียกตะกายหนี “อย่าลืมสถานะตัวเองฮานะ...นายไม่ได้มีค่าให้ฉันต้องทะนุถนอมขนาดนั้น”

ถ้อยคำร้ายกาจเอ่ยขึ้นพร้อมกับตัวตนที่สอดประสานเข้ามาอย่างดิบเถื่อน อเล็กซ์โยกกายอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจว่าคนใต้ร่างจะบอบช้ำมากแค่ไหน

“…ขอโทษ” น้ำเสียงอ่อนระโหยหมดเรี่ยวแรง ก่อนที่เปลือกตาจะหลับลงอย่างอ่อนแรง น้ำตาเปียกชุ่มแพขนตาหนาก่อนจะหยดลงมากระทบกับพื้นเตียงเพื่อชำระล้างความเจ็บปวดออกไป

สุนัขแสนซื่อสัตย์ที่จงรักภักดีต่อนาย...มันได้ตายลงไปแล้ว

ตายไปตั้งแต่ที่นายใช้คำบอกรักจอมปลอมมาหลอกกัน...





กลุ่มควันสีขาวลอยคลุ้งกระจายตัวอยู่บนอากาศ มวนบุหรี่ถูกจรดลงบนเรียวปากบางซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามที่เจ้าตัวตกอยู่ในห้วงความคิด ความวุ่นวายของเมืองหลวงยามค่ำคืนช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำให้ไม่เหงาโดดเดี่ยวมากนัก มือเรียวเลื่อนปัดลงบนหน้าจอโทรศัพท์ กดพิมพ์ข้อความเพื่อจะส่งไปหาใครบางคน แต่สุดท้ายก็ต้องลบออกเพราะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีสองเข้าไปแล้ว

บุหรี่มวนที่สามถูกดับเมื่อตอนตีสองครึ่ง

หน้าจอโทรศัพท์ยังคงสว่างจ้า ตัวอักษรถูกพิมพ์ลงไปอีกครั้งด้วยเนื้อหาที่เหมือนก่อนหน้า ฮานะมองสลับกับร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงหลังกว้าง ความคิดซ้ำซากจำเจวนเวียนอยู่ในหัวจนแทบระเบิด สุดท้ายก็ตัดสินใจกดส่งข้อความออกไป

‘คุณแกเรน...ขอโทษที่รบกวนเสียดึกดื่น

พรุ่งนี้ผมมีธุระสำคัญที่อยากจะคุยกับคุณ’

หลังจากที่ส่งไปได้ไม่ถึงนาทีหน้าจอโทรศัพท์ก็ดับมืดเพราะแบตเตอรี่หมด พอดีกับที่ช่วงเอวถูกวงแขนของใครบางคนโอบกอดกระชับ ซอกคอถูกซุกไซ้พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่พึมพำกระซิบอย่างออดอ้อนเหมือนอย่างที่เคยทำตอนที่สำนึกผิด อเล็กซ์เป็นอย่างนี้เสมอ อารมณ์รุนแรง ชอบทำร้ายร่างกาย แต่หลังจากที่ตั้งสติได้ก็กลับมาดีด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธ

แต่ที่ผ่านมาอีกฝ่ายนั้นรู้ดีว่าต่อให้รุนแรงด้วยแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางที่จะหันหลังให้ เพียงแค่กอดอย่างอ่อนโยนและทำตัวอยู่ใต้อาณัติก็ถูกให้อภัยอย่างง่ายดาย

...แต่มันไม่ใช่กับครั้งนี้

“ออกมาทำอะไรข้างนอก” โดนจับให้หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า ก่อนปลายคางจะถูกดันให้เชิดหงายขึ้นสบตากัน “…เจ็บหรือเปล่า ฉันขอโทษ” ฝ่ายนั้นพูดอย่างรู้สึกผิดแต่แววตากลับไม่ได้สะท้อนความเสียใจออกมาสักนิด ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งโอบประคองรอบเอวเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็เลื่อนลงต่ำลูบไล้บริเวณโคนขาไปมาเพื่อหวังให้เคลิบเคลิ้ม

“ช่างมันเถอะ....ฉันชินแล้ว” ฮานะปัดมือคู่นั้นออกอย่างไม่ไยดี สังเกตเห็นว่าฝ่ายนั้นหน้าตึงไปเพียงครู่แต่ก็กลับมาโอนอ่อนตามเดิม

มวนบุหรี่ถูกหยิบขึ้นมาคาบไว้ในปาก นิ้วเรียวสวยจุดไฟที่ปลายมวนก่อนจะสูบอัดนิโคลตินเข้าไปเต็มปอด ร่างขาวนวลที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำดูเย้ายวนมากกว่าเดิมเมื่อมีหมอกควันสีขาวเจือจางอยู่รอบกาย

อเล็กซ์เข้าไปสวมกอดคนที่ยืนพิงระเบียงจากทางด้านหลัง ก่อนจะแย่งมวนบุหรี่ที่ฝ่ายนั้นกำลังจะยกขึ้นสูบมาคาบไว้เอง ฮานะตีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็หันกลับออกไปดูวิวภายนอกอย่างไม่คิดจะสนใจเขาอีก เลยถือโอกาสจ้องมองคนในอ้อมกอดอย่างนึกลำพองใจ

เรือนผมยาวสลวยที่ทิ้งตัวระอยู่ช่วงเอวคอดถูกสายลมเอื่อยเฉื่อยพัดปลิว...ฮานะไม่ชอบผมยาว แต่เพราะเขาเป็นคนที่อ้อนขอให้ไว้ อีกฝ่ายจึงยอมทำตาม

ชายหนุ่มรวบเส้นผมทั้งหมดไปพาดไว้บนไหล่เล็กข้างหนึ่งจนเห็นลำคอขาวที่สวมปลอกคอ ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามแนวเส้นเอ็นก่อนจะก้มจูบประทับลงไปอย่างอ่อนโยนด้วยริมฝีปากที่อุ่นร้อนจากก้นกรองบุหรี่ ก่อนจะค่อยๆ ขบเม้มต่ำลงมา สาบเสื้อคลุมถูกถอดร่นลงมากองที่ข้อศอกตอนที่เขาพรมจูบลงบริเวณลาดไหล่เปลือยเปล่า

ผิวฮานะนุ่มเนียนเสียยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนที่เขาเคยร่วมหลับนอนมา

ฮานะไม่มีท่าทีขัดขืนตอนที่เสื้อคลุมถูกตลบขึ้นมากองไว้บนสะโพกพร้อมกับตัวตนของเขาที่สอดลึกเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มอีกครั้งโดยไร้ซึ่งเครื่องป้องกัน เสียงครวญครางหวานล้ำถูกกักเก็บไว้ในลำคอเพราะกลัวว่าจะมีใครมาเห็นฉากรักเร่าร้อนระหว่างนายแบบชื่อดังกับคุณผู้จัดการส่วนตัว

เมื่ออารมณ์เดินมาถึงที่สิ้นสุดหยาดน้ำอุ่นก็ไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนซอกขาขาว ฮานะเป็นฝ่ายถอนสะโพกออกไปก่อนจะหันกลับมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วแลบลิ้นเลียกินคราบขาวขุ่นที่ยังอาบชุ่มอยู่บนบริเวณท่อนเนื้อแข็งขืนของเขาตามที่เคยสั่งให้ทำหลังจากที่ได้ปลดปล่อยออกมา

“..พอแล้ว” อเล็กซ์ดึงตัวคนตรงหน้าขึ้นมาประกบจูบดูดดื่ม รสขมปร่าร้อนแรงของนิโคลตินที่เจืออยู่ในน้ำลายทำให้สมองเขาพร่าเบลอ หัวใจพลันหยุดเต้นเพียงเสี้ยววิเมื่อความรู้สึกบางอย่างพุ่งเข้ามาโจมตี ชายหนุ่มลืมตามองคนในอ้อมกอดด้วยแววตาสับสนจนแทบคลุ้มคลั่ง ฮานะดูเย้ายวนและสวยงามจนแทบไม่อยากจะละสายตาไปไหน

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดไปไกลกลับถูกผลักออกจนภาพฝันล่องลอยแตกสลาย ฮานะเดินกลับเข้าไปในห้องทั้งที่เนื้อตัวเปลือยเปล่า แผงยาคุมและยาระงับฟีโรโมนสำหรับโอเมก้าที่วางอยู่โต๊ะหัวเตียงถูกอีกฝ่ายหยิบขึ้นมากินเหมือนอย่างเคยหลังจากที่มีเซ็กส์กัน

อเล็กซ์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่วูบโหวงเพียงครู่ก่อนจะรีบปัดตกไปเมื่อรู้สึกว่าวันนี้ตนเองกำลังให้ความสำคัญกับสุนัขรับใช้มากเกินความจำเป็น...

หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 03-09-2019 22:15:34
CHAPTER O N E



เสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชทำงานอย่างต่อเนื่อง ร่างสูงใหญ่ของนายแบบชื่อดังเอนตัวพิงหัวเตียงโดยมีนางแบบสาวสวยสองคนประกบข้าง เชิ้ตขาวไม่ได้ติดกระดุมเผยให้เห็นแผงอกที่มีมัดกล้ามเนื้อสมส่วนผนวกกับผิวขาวเรียบเนียนบ่งบอกว่าเจ้าตัวดูแลร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี เรือนผมสีบลอนด์ถูกเซ็ทเปิดใบหน้าคมตามฉบับหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเป็นที่นิยม นัยน์ตาสีฟ้ากดมองเลนส์กล้องอย่างมืออาชีพ ภาพในจอมอนิเตอร์เผยให้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่แสนเย่อหยิ่งตามฉบับอัลฟ่าชนชั้นสูงตรงตามคอนเซ็ปงานของลูกค้าที่บรีฟมาอย่างไร้ที่ติ

‘อเล็กซ์ แอนเดอร์สัน’ นายแบบเชื้อชาติผสมระหว่างไทยกับอังกฤษที่กำลังติดท็อปแถวหน้าของโมเดลลิ่งเจ้าใหญ่ในประเทศ ซ้ำยังโด่งดังและมีชื่อเสียงจนถูกติดต่อขอซื้อตัวกันให้วุ่น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไฮท์เอนด์หรือแม้กระทั่งนิตยสารชื่อดังก็ต้องการทาบทามให้ชายหนุ่มมาร่วมงานจนคิวนั้นแน่นไปล่วงหน้าสองปีเต็ม

“วันนี้พอแค่นี้” เสียงสั่งเลิกกองดังขึ้นหลังจากที่ได้จำนวนภาพตามที่ต้องการ “ทำดีมากอเล็กซ์ ลูกค้าต้องปลื้มแน่” ช่างภาพที่ทำงานร่วมกับโมเดลลิ่งแห่งนี้มานานเดินเข้าไปตบบ่าอีกฝ่ายก่อนจะรีบชักมือกลับเมื่อถูกสายตาเย็นชาจ้องตอบกลับมาราวกับว่าต้องการย้ำให้ได้เข้าใจว่าชนชั้นเบต้าอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวตนเอง

“ฮานะ มานี่” อเล็กซ์เลิกสนใจเพื่อนร่วมงานก่อนจะหันไปกวักมือเรียกผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังเย็บซ่อมเสื้อผ้าใช้สำหรับถ่ายเซ็ทต่อไป แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ทำตามแล้วยังก้มหน้าก้มตาทำงานราวกับว่าเขาเป็นเพียงธาตุอากาศ “ฮานะ” เอ่ยเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นจนคนที่อยู่รอบบริเวณนั้นหันมามองอย่างสนอกสนใจ

“มีอะไร” เจ้าตัวทิ้งเข็มและกล่องด้ายให้เด็กฝึกงานอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้าก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา

วันนี้ฮานะแต่งตัวมิดชิดรัดกุมมากกว่าปกติ เสื้อคอเต่าสีดำแขนยาวตัวใหญ่กับสกินนี่แนบเนื้อเน้นช่วงขาเพรียวสวย ใบหน้าถูกหน้ากากอนามัยบดบังไปเกือบครึ่ง กลุ่มผมยาวมัดรวบไว้เป็นหางม้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของอีกฝ่ายดูลดน้อยลง...เพราะตลอดเวลาการทำงานสังเกตเห็นว่ามีพวกเด็กในกองแอบมองคนของเขาอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มถูกตะกอนขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในจิตใจรบกวนมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพจึงประคองสติให้สามารถทำงานต่อได้อย่างราบรื่น

“ซับหน้าให้ฉันหน่อยสิ” อเล็กซ์อ้อนขอพร้อมกับถือวิสาสะโอบเอวอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ การกระทำอุกอาจนั้นเรียกสายตาของคนในกองถ่ายให้หันมามองเป็นตาเดียว...รวมถึงเด็กฝึกงานคนที่เขากำลังแอบคั่วอยู่ด้วย...

เพราะในสายตาคนอื่นเขากับฮานะมีความสัมพันธ์เพียงแค่เพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวเท่านั้น แต่จู่ๆ กลับมาแนบชิดกันถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก็ไม่แปลกที่จะถูกมอง

“อเล็กซ์...ปล่อย” อีกฝ่ายขืนกายออกห่างด้วยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกตกเป็นเป้าสายตา

“อย่าดื้อน่า” อเล็กซ์บีบบังคับทางอ้อมโดยการใช้สายตากดดันจนคนในอ้อมกอดเลิกต่อต้าน

เขาปรายตามองไปยังช่างภาพคนก่อนหน้า ก่อนจะสื่อสารทางสายตาว่าอย่าได้สะเออะมายุ่งกับคนของเขาอีก เพราะตอนช่วงพักกองเขาเห็นว่ามันเข้าไปชวนฮานะคุยและแสดงท่าทีสนิทสนมจนเกินความจำเป็น ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีหรือจะสนใจ อย่างมากก็แค่พูดจาเสียดสีให้อีกฝ่ายเจ็บปวดแต่ตอนนี้กลับแสดงท่าทีหวงของจนตัวเขาเองยังนึกแปลกใจ

อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณบางอย่างมันบอกว่าฮานะเริ่มจะลุกขึ้นมาต่อต้านและพร้อมที่จะเดินหนีไปได้ทุกเมื่อ

“ก้มหน้าลงมาสิ” เสียงพึมพำแผ่วเบาเอ่ยบอกลอดหน้ากากอนามัย

ร่างสูงใหญ่ก้มลงไปหาอย่างว่าง่ายก่อนจะหลับตาลงรอให้อีกฝ่ายซับหน้าให้

สัมผัสนุ่มนวลที่คุ้นชินค่อยๆ ซับหยาดเหงื่อที่ผุดซึมออกมาข้างขมับให้อย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างที่เคยทำแต่เป็นเขาเองที่เพิกเฉยและไม่นึกใส่ใจมาโดยตลอด กลิ่นน้ำหอมเจือจางเฉพาะกายที่อีกฝ่ายใช้เป็นประจำทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นเริ่มสงบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด อเล็กซ์ลืมตาขึ้นมองใบหน้าได้รูปที่กำลังตั้งอกตั้งใจอย่างเต็มที่

“ผอมลงนะ” รอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่ใครต่อใครต่างลงความเห็นว่าน่าหลงใหลจุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม...รอยยิ้มที่ฮานะตกหลุมรักมันมาเกือบจะสิบปี

“อืม” นัยต์ตาสวยวูบไหวเพียงนิด ก่อนเจ้าตัวจะรีบเบือนหน้าหนีออกไปทางอื่น

อเล็กซ์ช้อนมือเข้าที่ใต้คางของอีกฝ่ายตอนที่เห็นว่าภายในกองถ่ายเหลือคนอยู่เพียงน้อยนิด ก่อนจะถือโอกาสนี้มองใบหน้าสวยจัดที่ทำเอาใครต่อใครเข้าใจผิดมานักต่อนักว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้หญิง

ฮานะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นจึงมีดวงตาที่เรียวสวย ผิวขาวจัดเนียนลื่นมือ เพียงแค่ลงน้ำหนักนิดหน่อยก็ขึ้นรอยแดงได้โดยง่าย ริมฝีปากบางเฉียบสีอ่อนรับกับสันจมูกที่โด่งรั้นได้อย่างพอดิบพอดี...แต่สิ่งที่เสริมเสน่ห์ให้อีกฝ่ายดูน่ามองก็เห็นจะเป็นขี้แมลงวันจุดเล็กที่ประดับอยู่บริเวณใต้ตาด้านขวา

ตอนที่มันถูกหยดน้ำตาไหลลงมาอาบเพราะเจ้าตัวถูกเขาโอบกอดอย่างรุนแรง ยิ่งเพิ่มแรงกระตุ้มเร้ามากกว่าเดิม

มันดู...เซ็กซี่ เย้ายวน...จนเจียนจะคลั่งตาย...

“เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” อเล็กซ์คว้ามือคนที่กำลังจะหันตัวกลับ ฝ่ายนั้นก้มลงมองเพียงครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ว่าง” ฝ่ามือถูกแกะออกอย่างไม่ไยดีก่อนเจ้าตัวจะเดินกลับไปทำงานต่อ แต่เขาก็ไม่ยอมล่าถอยกลับเดินตามติดไปอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“จะไปไหน”

“…”

“ฮานะ...ฉันถาม” เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ถูกเมิน

กล่องเข็มในมืออีกฝ่ายถูกแย่งมาถือเอาไว้ก่อนที่เขาจะโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดีจนได้สีหน้าท่าทางที่ไม่พอใจจากอีกฝ่ายตอบกลับมา

“นายกำลังรบกวนเวลทำงานของฉัน” ฮานะมองตอบกลับมาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินเลยไปก้มเก็บเข็มและม้วนด้ายใส่กล่องและมองเมินราวกับว่าเขานั้นเป็นเพียงธาตุอากาศ...เพียงเท่านั้นอารมณ์มาคุที่มีอยู่ก่อนหน้าก็โหมกระพือขึ้นมาจนต้องขบกรามกรอดเพื่อระงับโทสะ

ม้วนด้ายที่ตกอยู่ใกล้เท้าถูกเหยียบเอาไว้อย่างไม่สะทกสะท้านตอนที่ฝ่ายนั้นกำลังจะก้มลงหยิบ

“ช่วยยกเท้าออกด้วย” ฮานะร้องขอ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน

“ตอบฉันมาก่อนสิ” ชายหนุ่มยืนล้วงกระเป๋ากางเกงและดุนลิ้นเข้าที่กระพุ้งแก้มอย่างยียวน

ท่าทางหยาบคายแบบนี้จะถูกแสดงให้เห็นก็ต่อเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าฮานะและพวกชนชั้นที่ต่ำกว่าเท่านั้น...เพราะในเวลาปกติแล้วอเล็กซ์ แอนเดอร์สัน มีภาพลักษณ์เป็นชายหนุ่มอัธยาศัยดีซ้ำยังสุภาพจนใครต่อใครนั้นหลงใหลในรูปลักษณ์ลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาปิดบังตัวตนที่แท้จริง

ฮานะเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น...

“ฮานะ!” อเล็กซ์ตะโกนเรียกเสียงดังเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นเลิกให้ความสนใจกับม้วนด้ายใต้เท้าเขา ก่อนจะเดินหนีไปทางห้องแต่งตัว

ชายหนุ่มรีบผลักประตูตามเข้าไป พอเห็นว่าอีกคนกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าก็เดินตรงเข้าไปหาก่อนจะกระชากไหล่เล็กให้หันกลับมาจนโทรศัพท์มือถือของฮานะหล่นกระแทกพื้น หน้าจอที่หงายขึ้นแสดงแจ้งเตือนให้เห็นว่ามีข้อความเข้าใหม่ ยิ่งได้เห็นท่าทางรีบร้อนของอีกฝ่ายชายหนุ่มก็ยิ่งไม่สบอารมณ์

“นัดใครเอาไว้” อเล็ก์เค้นถามพร้อมกับแย่งเครื่องมือสื่อสารเจ้าปัญหามาถือเอาไว้เอง

“อเล็กซ์...นายกำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉัน” ฮานะพูดเสียงเรียบ โชคดีที่ในห้องนี้ไม่มีคนอื่น ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องอื้อฉาวกันให้ว่อนทั่วบริษัท “ขอคืนด้วย” ฮานะเป็นฝ่ายยอมลงเหมือนอย่างเคย แต่ดูท่าอีกฝ่ายกำลังโมโหได้ที่เพราะนอกจากจะไม่ส่งคืนให้แล้วยังโยนมันไปไว้บนโต๊ะแต่งหน้าจนเครื่องสำอางบางส่วนหล่นลงมาจากโต๊ะกระจัดกระจายเต็มพื้น

“เรื่องส่วนตัว?” คนที่เหนือกว่าแค่นยิ้มเยาะอย่างหยามเหยียด “คนอย่างนายกล้ามีเรื่องส่วนตัวกับฉันด้วยเหรอ”

ชายหนุ่มกระชากร่างที่เล็กกว่าเข้ามาใกล้อย่างแรงจนใบหน้าสวยกระแทกเข้ากับแผงอกกว้าง แมสปิดปากถูกดึงกระชากออกเผยให้เห็นรอยช้ำข้างมุมปากที่เขาเป็นคนทำ ฝ่ามือใหญ่บีบเข้าที่ปลายคางเล็กอย่างแรงซ้ำยังจงใจกดย้ำลงบนแผลจนอีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เมื่อวานคงไม่เข็ดสินะ...ถึงกล้าต่อต้านฉัน” รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมถูกจุดขึ้นพร้อมกับเรี่ยวแรงมหาศาลที่ส่งผ่านไปทางฝ่ามือด้วยอารมณ์คลุ้มคลั่งที่กัดกินความคิดเพียงเพราะคิดเอาเองว่าของเล่นของตัวเองจะแอบไปคบชู้ลับหลัง

“ปล่อย” ฮานะขัดขืนอย่างไม่ยอมแพ้ “อเล็กซ์ ฉันเจ็บ!”

“เจ็บสิดี! นายจะได้จำใส่หัวเอาไว้ว่านายเป็นของใคร!” คำประกาศความเป็นเจ้าของดังก้องทั่วห้องแต่งตัวโดยไม่กลัวว่าใครหน้าไหนจะได้ยินเข้า...แต่ถึงจะได้ยินเขาก็ไม่สน

“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” คำปฏิเสธอย่างกล้าหาญทำเอาเส้นความอดทนขาดผึง

ทั้งที่คำๆ นั้นเขาเป็นฝ่ายพูดย้ำกับอีกฝ่ายเองตลอด แต่ทำไมพอฮานะเป็นฝ่ายพูดบ้างมันกลับสร้างความไม่พอใจให้กับเขาได้มากขนาดนี้

“...ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ” อเล็กซ์แค่นยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึกก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายไปติดกับผนังพร้อมกับใช้วงแขนกักขังไว้ในอ้อมกอด ก่อนคำพูดหยาบคายจะสาดพ่นออกมาเพื่อระบายอารมณ์โทสะ “จะให้ฉันทบทวนความจำให้ไหมว่าเมื่อคืนใครมันนอนอ้าขาเรียกร้องให้ฉันสอดใส่เข้าไปข้างในเหมือนอีตัวตามซ่อง-”

เพี๊ยะ!

เสียงฝ่ามือฟาดตบเข้ากับใบหน้าคมเข้มดังก้องไปทั่วห้อง ฮานะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังมึนงงรีบเดินหนีแต่กลับถูกกระชากตัวกลับมาแล้วเหวี่ยงเข้ากับประตูจนเกิดเสียงดังลั่น ร่างสูงใหญ่ตามมาทาบทับก่อนจะก้มลงประกบจูบอย่างรุนแรงจนได้กลิ่นคาวคลุ้งของเลือด

“อ..อย่า!” ฮานะดิ้นหนี แต่กลับถูกเรี่ยวแรงมหาศาลตรึงข้อมือเอาไว้ ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องแบนราบที่มีรอยจูบพรมอยู่จนทั่ว “อเล็กซ์ หยุดนะ!” ยิ่งขัดขืนก็ยิ่งถูกล็อกตัวจนเจ็บ ฮานะร้องเสียงหลงเมื่อถูกฝ่ายนั้นบีบเข้าที่สันกรามจนปวดชา

“ทำไม จะรีบวิ่งแจ้นไปหาไอ้ช่างภาพยาจกคนนั้นเหรอ” ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามเพื่อนร่วมสายงานสร้างความไม่พอใจให้ฮานะอย่างถึงที่สุด ก่อนจะนึกเสียใจย้อนหลังที่ตนเองทนโง่งมรักผู้ชายที่มีดีแค่เปลือกนอกคนนี้มานานหลายปี

พอตาสว่างขึ้นมา...มันก็สว่างเสียจนนึกโกรธตัวเองที่โง่งมปิดหูปิดตามาโดยตลอด

“อเล็กซ์ กรุณาให้เกียรติคนอื่นด้วย” ฮานะเอ่ยเตือน เพราะนับวันอารมณ์โมโหร้ายของอีกฝ่ายจะยิ่งทวีความแข็งกระด้างขึ้น...เกรงว่าถ้ายังทำตัวแบบนี้อยู่ อีกไม่นานก็คงลามไปถึงคนอื่นอย่างแน่นอน

“ตอบมา!” อเล็กซ์กดกระแทกลาดไหล่เล็กลงกับประตู “นายแอบคุยกับใครลับหลังฉัน!”

“…ฉันไม่ใช่นาย” สายตาเย็นชาฉายออกมาเพียงแค่วูบเดียวแต่กลับทำเอาคนที่มีชนักปักหลังหน้าม้านไปไม่น้อย

“พูดอะไร ฮานะ” เขาแค่นเสียงไม่พอใจก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ยกลบเกลื่อนเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขา “..หึ ใครมันคาบข่าวไปบอกละ”

“ถอย...ฉันมีธุระต้องไปทำ” ฮานะดันไหล่อีกฝ่ายออกไปให้พ้นทางซึ่งคราวนี้ฝ่ายนั้นก็ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี อเล็กซ์มองตามคนที่ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเมื่อรู้ว่าถูกเขานอกใจด้วยสายตาที่มากไปด้วยคำถาม

ทำไมไม่โกรธ? ไม่มีแม้แต่ความเสียใจที่สะท้อนออกมาให้ได้เห็น

มันเงียบสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ไม่มีแม้แต่แววตาตัดพ้อน้อยใจที่อีกฝ่ายชอบใช้ตอนที่เขาไม่ให้ความสำคัญ

...และทั้งหมดนั่นยิ่งย้ำเตือนให้เขาเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าสุนัขที่แสนซื่อสัตย์มันเริ่มไม่จงรักภักดีเหมือนอย่างเคย

“คืนนี้ ไปหาฉันที่ห้องด้วย” ทำแสร้งร้องขอเหมือนอย่างเคยตอนที่ฝ่ายนั้นกำลังจะก้าวผ่านพ้นกรอบประตูไป อเล็กซ์ยืนพิงเคาน์เตอร์หินอ่อนด้วยท่าทางผ่อนคลายก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบท้าทายข้อห้ามของบริษัท พร้อมข่มขู่ทิ้งท้ายเอาไว้ “รู้ใช่ไหมว่าถ้าไม่มา...จะโดนอะไร”

ฮานะไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ กลับหยุดชะงักเพียงครู่ก่อนจะหยิบหน้ากากอนามัยชิ้นใหม่ในกระเป๋าขึ้นมาสวมทับเอาไว้แล้วเดินจากไป







ระหว่างทางเดินไปยังชั้นของผู้บริหาร ฮานะแวะนั่งพักบริเวณล็อบบี้ส่วนกลางเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน ซึ่งคงเป็นผลพวงมาจากยาคุมและยาระงับฮีทที่ช่วงนี้ใช้บ่อยเกินขีดจำกัดตามที่หมอสั่ง เพราะพักหลังมาเขากับอเล็กซ์มีความสัมพันธ์ทางกายกันแทบจะทุกวันและไม่มีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะยอมใช้เครื่องป้องกัน

หวิดจะโดนกัดก็หลายครั้ง โชคดีที่ไหวตัวทัน ไม่อย่างนั้นคงเป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต...

“คุณฮานะ” เสียงทักทายที่คุ้นเคยดังขึ้นจึงทำให้ต้องเงยหน้ามอง “อาการดูไม่ดีเลย โอเคไหมคะ”

เบต้าสาวสวยที่ดำรงตำแหน่งเลขาของผู้บริหาร Scent Model Agency เดินเข้ามาทักทาย เธอมองมาอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี ยิ่งเห็นว่าคุณฮานะสวมหน้ากากอนามัยด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นห่วงขึ้นไปอีก

“โอเคครับ แค่...รู้สึกเพลียนิดหน่อย” ฮานะพยักหน้าตอบเพื่อให้ฝ่ายนั้นคลายกังวล

“พักผ่อนน้อยอีกตามเคยสินะคะเนี่ย” เธอยิ้มแซวอย่างสนิทสนม “ลงไปหาอะไรทานด้วยกันหน่อยไหมคะ เกรซกำลังจะลงไปซื้อกาแฟให้คุณแกเรนพอดี”

“ไม่เป็นไรครับผมทานมาแล้ว” โกหกคำโตทั้งที่ท้องว่างจนแทบจะกินลมแทนอาหาร “ว่าแต่...คุณแกเรนว่างแล้วใช่ไหมครับ” ฮานะถามย้ำตารางนัดหมายที่อีกฝ่ายตอบกลับมาเมื่อเช้าว่าให้เข้ามาพบได้ช่วงประมาณสี่โมงเย็นหลังจากเลิกประชุมกับบอร์ดบริหาร

“อ้อ เกรซลืมแจ้งไปเลย” เธอทำหน้าเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานอย่างลุแก่โทษ “พอดีตอนนี้คุณแกเรนมีแขกอยู่น่ะค่ะ แต่ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไรคงใช้เวลาไม่นาน เกรซต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่ไม่ได้โทรมาบอกก่อน” ฮานะรีบรับไหว้เมื่อฝ่ายนั้นยกมือขึ้นมาประกบกันเพื่อต้องการแสดงการขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ส่ายหน้าปฏิเสธเพื่อแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวไม่ได้ติดใจอะไร

“ถ้าอย่างนั้นขอเกรซเลี้ยงกาแฟคุณฮานะเป็นการไถ่โทษนะคะ” เธอยื่นข้อเสนอ

“รบกวนด้วยนะครับ” ฮานะตอบกลับอย่างไม่คิดที่จะปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่ายด้วยเพราะร่วมงานกันมานานจึงสนิทสนมกันพอสมควร

เลขาสาวสวยรีบเดินไปเข้าลิฟต์ด้วยความคล่องแคล่วแต่ก็มิวายหันมาชี้นิ้วเป็นเชิงขู่บังคับว่าห้ามหนีกลับก่อนเป็นอันขาดจงอยู่รอกินกาแฟเสียโดยดี

ฮานะนั่งพักต่อสักพักก่อนจะตัดสินใจลุกเดินขึ้นไปนั่งรอที่โซฟาหน้าห้องคุณแกเรนแทนเพราะเกรงว่าถ้ายังอยู่บริเวณล็อบบี้จะได้เจอหน้าใครบางคนเข้า ระหว่างทางเดินเขาเอาแต่ก้มมองรายละเอียดงานของวันพรุ่งนี้ที่ถูกส่งมาในเมลล์จึงไม่ทันได้มองทางสักเท่าไรนัก

ผลัก!

จู่ๆ แรงปะทะอย่างรุนแรงก็ทำเอาเจ้าตัวเกือบล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น ถ้าหากไม่ถูกอีกฝ่ายคว้าแขนเอาไว้ก่อน

“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

ฮานะมึนเบลอกับภาพตรงหน้า แผ่นอกกว้างและช่วงตัวสูงใหญ่แบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาต้องขมวดคิ้วมองอย่างนึกสงสัยว่าในบริษัทมีคนตัวใหญ่แบบนี้อยู่ด้วยหรือ

หรือว่าจะเป็นการ์ดคนใหม่ของคุณแกเรน?

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ-” เจ้าตัวรีบปฏิเสธก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายปริศนา

แต่แล้วจังหวะชีพจรกลับเต้นผิดปกติเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาสีเทาหม่น อีกฝ่ายเป็นผู้ชายตัวใหญ่มากจนสามารถบดบังช่วงตัวของเขาได้หมด ให้กะจากสายตาเปล่าๆ คงสูงเกือบจะแตะสองเมตรได้ ใบหน้าคมเข้มสันกรามได้รูปเป็นเอกลักษณ์แสดงถึงเชื้อชาติผสมจากทางฝั่งอเมริกาใต้ ผิวสีเข้มคร้ามแดดช่วยขับให้ฝ่ายนั้นดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

...เรียกได้ว่าเป็นลุคที่หาได้ยากจริงๆ ..

“คุณไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจ

“ไม่...ไม่เป็นไร” เมื่อตั้งสติได้ก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะดึงแขนตัวเองออกมาจากการช่วยประคองโดยที่ฝ่ายนั้นก็ยอมปล่อยแต่โดยดี...ความอุ่นที่หลงเหลืออยู่บนผิวเนื้อทำให้เผลอลูบซ้ำเมื่อรู้สึกว่าจังหวะชีพจรเต้นถี่ขึ้น

“ขอโทษอีกครั้งนะครับ ผมไม่ระวังเอง” เสียงทุ้มนุ่มแสนสุภาพเอ่ยบอกอย่างเป็นกังวล

“ช่างมันเถอะ...ขอบคุณที่ช่วย” ฮานะรู้สึกตอนนี้ว่าลิ้นพันกันจนมั่วไปหมด ซ้ำยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองฝ่ายนั้นเสียด้วยซ้ำไป “…ขอตัวก่อนนะครับ”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบอะไรกลับเจ้าตัวก็รีบเดินหนีออกมาทันทีด้วยอุณหภูมิร่างกายที่พุ่งสูงจนได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วขึ้นเมื่อยกมือขึ้นจับทับร่องรอยความอุ่นที่ถูกฝ่ามือใหญ่กอบกุมเอาไว้




(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 03-09-2019 22:17:14
“มาพอดีเลย ผมกำลังจะโทรหาฮานะเลยนะเนี่ย” เสียงทักทายเอ่ยขึ้นเมื่อบานประตูถูกผลักเข้าไปอย่างถือวิสาสะ แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ถือสาแล้วยังยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่น

“ขอโทษครับที่บุ่มบ่ามเข้ามา” ฮานะเพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่ถูกเจ้านายเดินมาจูงแขนให้ไปนั่งที่ชุดโซฟารับแขก

...เพราะอาการแปลกประหลาดเมื่อครู่ทำให้เจ้าตัวตกใจจนลืมแม้กระทั่งมารยาทที่ควรทำ

“ไม่เป็นไรน่า” มือเรียวสวยวางทาบทับลงมาบนบ่าก่อนเจ้าตัวจะย้ายไปนั่งที่โซฟาอีกตัวตรงข้ามกัน “ผมคุยธุระเสร็จพอดี เขาเพิ่งออกไปก่อนที่ฮานะจะเดินเข้ามานี่เอง”

ฮานะมองไปรอบห้องก็พบกับความว่างเปล่าไร้ซึ่งบุคคลที่สามก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดที่ถาโถมเข้ามา

“เป็นอะไรไป สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ” แกเรนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง นัยน์ตาสีชมพูทอดมองสไตล์ลิสต์คนเก่งประจำโมเดลลิ่งอย่างพินิจพิจารณา

ช่วงนี้งานหนักเอาการ ฮานะเลยดูผอมลงกว่าเดิมมากเห็นทีจะต้องหาวันพักผ่อนให้เสียแล้วสิ...

“คุณแกเรนครับ...ผมมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้งให้ทราบ” โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาฝ่ายนั้นก็พูดโพล่งขึ้นมาอย่างจริงจัง ใบหน้าสวยที่ดูอิดโรยสะท้อนความเหนื่อยล้าออกมาจากแววตาจนแทบปิดไม่มิด

“เรื่องอะไรละ” แกเรนนั่งฟังอย่างตั้งใจ แต่ก็ยังมิวายแกล้งแหย่เพื่อไม่ให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดมากเกินไป “อย่าบอกว่าจะมาขอลาออกนะ” เขาพูดติดตลกไปอย่างนั้น แต่กลับต้องใจเสียเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“...ครับ”

“ว่าไงนะ!?” แกเรนโพล่งขึ้นเสียงดังก่อนจะเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรง คำถามมากมายพุ่งเข้ามาโจมตีโดยไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวเมื่อจู่ๆ คนที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ก่อตั้งโมเดลลิ่งจะมาขอลาออกกลางคันแบบนี้

ขาดฮานะไปคนนึงก็เหมือนกับขาดมือขวาที่รู้ใจไป...เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นคนเก่งที่มีความสามารถซ้ำยังรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดีเยี่ยม แล้วอีกอย่างเขาเองก็รักและเอ็นดูฮานะเหมือนน้องชายแท้ๆ เลยก็ว่าได้

“ผม...จะขอลากลับไปทำงานกับพ่อที่ญี่ปุ่นครับ” เจ้าตัวหมายถึงธุรกิจครอบครัวที่ลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น

“ทำไมละ”

บอสใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดท่า ก่อนจะยกมือขึ้นมานวดคลึงบริเวณขมับที่เริ่มตึงเครียด

ฮานะไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเจ้าตัวเอาแต่นั่งก้มหน้าบีบมืออยู่อย่างนั้นท่ามกลางความเงียบสงบในห้องที่มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศกำลังทำงาน

แต่แล้วแกเรนก็จับสังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล

“ทะเลาะกับอเล็กซ์เหรอ” คำถามถูกยิงเข้าใส่อย่างไม่คิดอ้อมค้อมเพราะแกเรนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลยระหว่างคนทั้งคู่

ปกติแล้วฮานะไม่ใช่คนที่เอาปัญหาและอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาปะปนกับเรื่องงานอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้มันดูแปลกจนไม่อยากเชื่อว่าเจ้าตัวจะขอลาออกจากงานที่รักเพื่อกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่ญี่ปุ่น

“เปล่าครับ” ฮานะส่ายหน้าปฏิเสธ

“ฮานะ...บอกความจริงกับผมมาเถอะ” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายต้องเผชิญปัญหาอยู่เพียงคนเดียว

“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ คุณแกเร-”

พูดยังไม่ทันหมดประโยคฝ่ายนั้นก็เอื้อมมือมาดึงหน้ากากอนามัยที่สวมไว้ออกด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่นัยน์ตาสีสวยจะเบิกกว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ฮานะรีบเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนความรู้สึกอับอาย

“ฝีมืออเล็กซ์อีกแล้วใช่ไหม” แกเรนเค้นถามเสียงเครียด...แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายถูกทำร้าย แต่ที่ผ่านมาเจ้าตัวบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด...ดูก็รู้ว่าต้องการปกป้องผู้ชายคนนั้น

“...ครับ” เสียงแผ่วเบาเอ่ยปากยอมรับแต่โดยดี

“ครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าที่ผ่านมานะ” เขาเสียงสั่นเทิ้มเพราะกำลังระงับความโกรธ “ฮานะยังจะทนต่อไปทำไมผมไม่เข้าใจ”

ฮานะส่ายหน้าปฏิเสธ “เพราะอย่างนั้นผมถึงมาหาคุณ...เพื่อจะขอลาออก...”

“ฮานะ ผมไม่...” แกเรนตั้งท่าจะคัดค้านหัวชนฝา...ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมเสียคนดีๆ ไปเพียงเพราะเนื้อเสียแค่ชิ้นเดียวแน่นอน

“ได้โปรดเถอะครับคุณแกเรน” น้ำเสียงเหนื่อยล้าแหบพร่าอย่างน่าสงสาร “ได้โปรดให้ผมไปจากที่นี่ที...ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว...ไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้ายังอยู่ใกล้เขาแบบนี้ ผมต้องบ้าตายแน่ๆ” หยดน้ำตาทิ้งตัวลงมาอาบแก้มที่บวมช้ำจนเปียกชุ่ม ฮานะปลดปล่อยความเสียใจที่ถูกกักเก็บเอาไว้อย่างไม่คิดอายเพราะอีกคนก็ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน

“ฮานะ” แกเรนถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้

ถึงจะเป็นโอเมก้าเหมือนกัน แต่ฮานะตัวเล็กกว่าเขามาก เวลาที่ถูกกอดเอาไว้แบบนี้เลยคล้ายกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างไรอย่างนั้น

เวลาผ่านไปราวสิบนาทีทั้งสองก็ยังไม่คลายอ้อมกอดออกจากกันจนเลขาสาวเคาะประตูเรียกจึงถูกโบกมือไล่ให้ออกไปที่อื่น เกรซพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพร้อมกับปิดล็อกห้องเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวนเจ้านายได้อีก ก่อนจะไปเธอยังมองคุณฮานะตาละห้อยเพราะสงสารจับใจจนถูกบอสมองดุถึงได้วิ่งแจ้นออกไป

“ร้องออกมาเถอะ” แกเรนลูบแผ่นเล็กอย่างปลอบประโลม แม้นว่าเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่จะเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาของเจ้าคนหัวดื้อก็ตาม

ฮานะที่เขารู้จักเคยร่าเริงมากกว่านี้ นับครั้งได้ที่เจ้าตัวจะแสดงด้านอ่อนแอออกมาให้ใครได้เห็น แต่ตั้งแต่ที่เริ่มมีความสัมพันธ์เกินเลยกับอเล็กซ์เจ้าตัวก็มีสีหน้าที่เศร้าหมองลง ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนอย่างเคย แม้นจะรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี แต่แกเรนกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายถูกพรากความสุขไปจากชีวิตทีละนิด

แม้จะสนิทกัน แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นคนนอก อีกอย่างเจ้าตัวเป็นฝ่ายยินยอมที่จะอยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบนี้เองจึงทำได้แค่เอ่ยเตือนเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น

ผ่านไปเกือบชั่วโมงเสียงสะอื้นก็เงียบหาย ฮานะถอนใบหน้าออกจากอกด้วยดวงตาที่บวมจนแทบปิดเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผ้าเช็ดหน้าถูกยื่นส่งไปให้อีกฝ่ายได้ซับเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้า แกเรนนั่งมองเจ้าตัวเล็กด้วยความเป็นห่วงอยู่ทุกวินาที

“ดีขึ้นหรือยัง” น้ำเย็นที่วานให้เลขาคนเก่งไปหยิบมาให้ถูกยื่นส่งไปตรงหน้า ฝ่ายนั้นพยักหน้าขอบคุณเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นจิบแล้ววางลงบนโต๊ะกระจกตัวเดิม

“ขอบคุณครับ” เสียงแหบพร่าคล้ายกับคนที่ถูกไข้หวัดเล่นงานจนแกเรนต้องเอื้อมมือไปอังหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายให้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตัวรุมๆ ก็ดุไปยกนึงตามระเบียบ

“เพลาๆ เรื่องบุหรี่ลงบ้างนะ” แกเรนเอ่ยเตือน เพราะนี่เป็นอีกเรื่องที่เขานั้นเป็นห่วงเพราะตั้งแต่ที่ฮานะเริ่มตัวติดกับอเล็กซ์เจ้าตัวก็สูบบุหรี่จัดมากขึ้น เรียกว่าเสพติดยังได้ ทั้งที่ปกติฮานะจะใช้มันก็ต่อเมื่อรู้สึกเครียดหรือคิดงานไม่ออกเท่านั้น

“ครับ” ตอบรับอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก

“วันนี้ฮานะคงเหนื่อยมากจริงๆ ถ้ายังไงเรื่องงานเอาไว้ค่อยพูดกันวันหลังดีไหม” แกเรนยื่นข้อเสนอ

“แต่...”

“ไม่มีแต่...ครั้งนี้ผมขอใช้สิทธิ์เจ้านายสั่งให้คุณกลับไปพักผ่อนซะ ส่วนตารางงานอเล็กซ์และงานฝ่ายคอสตูมผมจะให้เกรซจัดการให้แทนทั้งหมด” เขาพูดยิงยาวไม่เว้นที่ว่างให้อีกคนเอ่ยแย้งขึ้นมาได้ “ส่วนเรื่องลาออกน่ะ ผมจะเอากลับไปคิดทบทวนดูก่อน พรุ่งนี้เช้าถึงจะให้คำตอบ แต่วันนี้ฮานะต้องสัญญากับผมว่าจะกลับไปนอนพักผ่อน ตกลงไหม”

“...” แกเรนเลิกคิ้วมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบ

“ว่ายังไงละ” เอ่ยกระตุ้นอีกครั้ง จนในที่สุดก็ต้องยิ้มอย่างพอใจเมื่อฝ่ายนั้นพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

“...ครับ”

เย็นวันนั้นแกเรนอาสาขับรถไปส่งเจ้าตัวถึงคอนโด ก่อนจะย้ำอีกหนว่าในระหว่างนี้ห้ามติดต่อกับอเล็กซ์โดยเด็ดขาด และถ้าฮานะยังขืนดื้อไปหาเขาจะสั่งปลดงานทุกชิ้นของไอ้หน้าอ่อนนั่นจนมันไม่ได้มีโอกาสที่จะตั้งตัว









แสงแดดอบอุ่นในยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านโปร่งแสงเข้ามาภายในห้องนอน ไอแดดกระทบเข้ากับร่างของคนที่นอนซุกอยู่ในกองหมอนและผ้าห่มอย่างสบายอารมณ์ ผิวเนื้อเปลือยเปล่าใต้ผ้านวมผืนหนานั้นอุ่นกำลังดีตัดกับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ถูกตั้งเอาไว้ตามที่เจ้าตัวชอบ

ร่างขาวนวลบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน เจ้าตุ๊กตาหมีตัวโตที่กินพื้นที่บนเตียงมากที่สุดถูกคว้ามากอดเอาไว้ก่อนใคร ฮานะค่อยประคองตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอายางมัดผมมามัดรวบเอาไว้เป็นมวยหลวมๆ เจ้าตัวลุกออกมาจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเรียกความสดชื่นให้กับเช้าวันหยุดที่ถูกคุณแกเรนยัดเยียดมาให้

เสื้อยืดตัวโคร่งที่ชอบสวมใส่อยู่บ้านถูกหยิบออกมาสวมทับเอาไว้ เท้าเปลือยเปล่าลงน้ำหนักลากไปกับพื้นอย่างเกียจคร้านเพราะไม่ได้สัมผัสกับเช้าวันหยุดแบบนี้มาเนิ่นนาน

เสียงของรายการข่าวช่วงเช้าดังคลอไปกับเสียงเครื่องครัวบริเวณข้างห้องรับแขก ขนมปังสองแผ่นเด้งขึ้นมาจากเครื่องปิ้งส่งกลิ่นหอมฉุยของธัญพืชผสมผสานไปกับกลิ่นเมล็ดกาแฟคั่วยี่ห้อโปรด มายองเนสผสมมัสตาร์ดถูกปาดลงไปบนแผ่นขนมปังตามด้วยผักสดและเบคอนทอดกรอบตามที่ชอบ ฮานะเอนตัวช่วงบนลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อนที่กั้นระหว่างโซนครัวกับห้องรับแขกอย่างเกียจคร้าน ก่อนดวงตากลมโตจะจ้องภาพข่าวสลับกับกัดแซนวิชแล้วเคี้ยวไปด้วยอย่างไม่รีบร้อน

น้ำส้มสำเร็จรูปยี่ห้อโปรดถูกรินลงแก้วใบโตก่อนเจ้าตัวจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากที่ล้างจานเสร็จแล้วจะออกไปให้น้ำกระถางแคคตัสและสวนขนาดเล็กบริเวณระเบียงหลังจากนั้นค่อยไปซักผ้าต่อ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มลงมือทำอะไรเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จทิ้งเอาไว้ในห้องนอนก็แผดเสียงดังลั่นจนต้องรีบเดินกลับเข้าไปกดรับเพราะกลัวว่าปลายสายจะรอนาน

เมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาฮานะก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบกดรับสาย

“ครับ”

(ฮานะ...บ่ายวันนี้เข้ามาหาผมที่บริษัทหน่อยได้หรือเปล่า) ฝ่ายนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเครียดเล็กน้อย

“ได้ครับ...ผมจะรีบเข้าไป” ฮานะรับปาก ในอกกลับวูบโหวงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนได้ตัดสินใจลาออก

(อืม...ผมจะรอ)

หลังจากที่ฝ่ายนั้นวางสายไปแจ้งเตือนข้อความที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก็ถูกเปิดอ่าน เป็นอเล็กซ์ที่ส่งมาหา ฝ่ายนั้นถามอยู่เพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็เงียบหายไปไม่มีแม้แต่แจ้งเตือนเบอร์โทร

ฮานะถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะตัดสินใจกดลบเบอร์และช่องทางการติดต่อของอีกฝ่ายทิ้งไปอย่างไม่คิดลังเลเหมือนอย่างเคย เพราะความรู้สึกตอนนี้นั้นมันว่างเปล่าเสียจนไม่อยากจะเชื่อว่าเคยรักอีกฝ่ายมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนคงนึกน้อยใจจนแทบบ้า แต่ตอนนี้กลับเฉยเมยได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

..และอีกไม่นานความรู้สึกเหล่านั้นก็คงจะจางหายจนอีกฝ่ายไม่สามารถมีอิทธิพลกับหัวใจดวงนี้ได้อีก...ตลอดไป



_____________________________



ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะทยอยลง1-2สัปดาห์ต่อตอนนะคะ

เลทมาเดือนนึง ขอโทษที่ต้องให้รอนานค่า

ฝาก Blue Ocean และ Scent Project ของนักเขียนอีกสองท่านด้วยนะคะ

ตามไปอ่านได้ที่ Silver Bullet และ Black Diamond ค่า



ในทวิตเตอร์ใช้แท็ก #ดอกไม้ของพีท น้า <3

หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-09-2019 22:47:04
อเล็กซ์ นาย-แย่-มาก   :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 03-09-2019 23:26:54
อเล็กซ์ทุเรศสุดๆ ทั้งคำพูดการกระทำ มาหวงฮานะเอาตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไรแล้วจ่ะ อยู่กับความเสียใจเสียดายไปคนเดียวเถอะ  :fire:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 04-09-2019 00:47:12
 :m31: :fire: อยากพ่นไฟใส่หน้าอเล็กซ์ หลุดพ้นให้ได้นะฮานะ น้องพีทรออยู่ :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-09-2019 01:46:46
คนแบบนี้  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 08-09-2019 20:13:24
CHAPTER TWO

_________________________________



   “คุณฮานะ” เลขาสาวสวยลุกขึ้นต้อนรับพร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร

   “สวัสดีครับคุณเกรซ” ฮานะทักทายเธอกลับไป

   “ตอนนี้บอสกำลังคุยกับคุณอเล็กซ์อยู่น่ะค่ะ” เธอบอก พร้อมกับชักชวนให้แขกคนสำคัญของเจ้านายมานั่งรอที่เก้าอี้ชุดรับรองหน้าห้อง อันที่จริงเมื่อเช้าบอสได้แจ้งเอาไว้ว่าตอนบ่ายมีนัดกับคุณฮานะ แต่พอก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงเท่านั้น

   “อเล็กซ์...เหรอครับ” ฮานะถามกลับ ก่อนจะลอบมองผ่านบานกระจกใสเข้าไป เมื่อได้เห็นแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยของใครบางคนกลับนั่งตัวเกร็งขึ้นมาจนหญิงสาวสังเกตได้

   ถ้ารู้อย่างนี้ ออกจากห้องสายหน่อยเสียก็ดี...ไม่น่ารีบมาเลย...ให้ตาย

   “ค่ะ บอสเรียกพบคุณอเล็กซ์ตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ยังคุยธุระไม่เสร็จเลย”  เธอมองไปทางเจ้านายอย่างเป็นห่วง “ถ้ายังไงเกรซขอตัวลงไปซื้อมื้อเที่ยงให้บอสก่อนนะคะ ขืนปล่อยให้โหมงานจนลืมทานข้าวมีหวังโดนคุณใหญ่บ่นหูชา” ใครก็รู้ว่าคนรักของ ‘แกเรน ฮาร์ดเนอร์’ ขึ้นชื่อเรื่องหวงและห่วงภรรยายิ่งกว่าอะไร ทางนั้นคอยย้ำให้เธอจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ตลอดว่าไม่ให้โหมงานหนักจนลืมทานข้าว

   หลังจากที่เลขาสาวสวยเดินจากไปฮานะก็เลือกที่จะออกไปนั่งอยู่ที่อีกมุมแทนเพราะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใครคนนั้น

   เพลงจากวงดนตรีวงโปรดดังคลอผ่านหูฟังช่วยดูดซับความฟุ้งซ่านออกไป ช่วงตัวเอนพิงไปกับพนักโซฟานุ่มพลางทอดมองวิวจากยอดตึกสูงไปด้วยอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งถูกดึงความสนใจกลับไปเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของคนสองคนดังแว่วมาจากทางหน้าห้องผู้บริหาร ฮานะรีบดึงหมวกเสื้อฮู้ดตัวโคร่งขึ้นมาสวมทับเอาไว้เมื่อเห็นว่าคุณแกเรนกำลังยืนคุยอยู่กับใครคนนั้น

   อเล็กซ์มีสีหน้าที่เคร่งเครียดไม่น้อย ซ้ำท่าทางยังดูหงุดหงิดแต่ฝ่ายนั้นกลับอดทนอดกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากจะแสดงอารมณ์โมโหต่อหน้าเจ้านาย เจ้าตัวยกมือขึ้นไหว้ลาคุณแกเรนก่อนจะหยิบแว่นกันแดดสีชาขึ้นมาสวมพร้อมกับหมุนตัวเดินไปเข้าลิฟต์ด้วยความรวดเร็ว

   เมื่อมั่นใจได้ว่าทางสะดวกฮานะก็เดินเลียบเคียงเข้าไปหาเจ้านายที่กำลังยืนพิงโต๊ะเลขาอยู่พร้อมกับยกมือขึ้นนวดขมับไปมา

   “คุณแกเรน” เอ่ยทักอย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะรู้สึกเกรงใจอีกฝ่าย

   “ฮานะ...ทำไมมาเร็วนักละ ผมนัดบ่ายนี่”แกเรนถามกลับแต่พอก้มลงมองตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว “หมอนั่นทำผมเสียสมองสุดๆไปเลย” เสียงบ่นมาพร้อมกับการส่ายใบหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย ขมับที่ตึงเครียดถูกนวดไปมาเพื่อให้ผ่อนคลาย

   คุยกับพวกอีโก้สูงนี่มันเปลืองพลังชีวิตมากจริงๆ...นับถือใจฮานะเลยที่ทนอยู่กับคนแบบนี้ได้มาหลายปี

   “อเล็กซ์ทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่าครับ” ฮานะถามอย่างรู้สึกผิดเต็มอกเพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา เรียกอีกอย่างก็คือคนที่ลงแรงปั้นมากับมือ แต่ส่วนหนึ่งที่อเล็กซ์เติบโตได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ก็เพราะมีคุณแกเรนคอยช่วยเรื่องงานอยู่ตลอด พอเห็นว่าฝ่ายนั้นทำให้ผู้มีพระคุณต้องหนักใจมันจึงอดที่จะกังวลไม่ได้

   “ช่างเถอะ...เขามันพวกดื้อแพ่ง” เขาโบกมือปัดอย่างไม่คิดจะใส่ใจ “นั่งสิ...ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับฮานะเยอะเลย” แกเรนคลี่ยิ้มอย่างอ่อยนโยนก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง

   ฮานะเดินมานั่งบนเก้าอี้สำหรับรับแขกบริเวณหน้าโต๊ะด้วยท่าทางที่ดูตึงเครียด ลักษณะของมือและการขยับตัวที่ไม่เป็นธรรมชาติเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าตัวอยากจะระบายความกดดันนั้นผ่านมวนบุหรี่...คงเพราะได้กลิ่นของใครบางคนที่ยังหลงเหลืออยู่บนพนักพิงจากเก้าอี้ตัวข้างกัน

   สเปรย์ปรับอากาศถูกฉีดจนคลุ้งห้อง กลิ่นหอมเย็นโอบล้อมอยู่รอบตัวเพื่อสร้างความผ่อนคลาย ก่อนโถแก้วขนาดเล็กที่ภายในบรรจุลูกกวาดหลากสีจะถูกเลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้า คุณแกเรนยิ้มบาง

   ลูกอมรสหวานในโถนั้นถูกเตรียมไว้สำหรับเจ้าลูกชายตัวแสบทั้งสองที่กำลังอยู่ในวัยซน

   “…ขอบคุณครับ” ลูกอมรสแอปเปิลโซดาถูกหยิบออกไป ฟอยล์สีเขียวสดค่อยๆถูกคลี่ออกก่อนเม็ดน้ำตาลจะถูกส่งเข้าไปในปากแทนสารเสพติดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

   “รสโปรดของเจ้าพวกตัวน้อยเลยละ” ฮานะยิ้มรับพร้อมกับบ่นคิดถึงเด็กซนทั้งสองจนคุณแกเรนรับปากว่าว่างๆจะพามาป่วนที่บริษัท ทั้งบิเบียนและอองเดรตอนนี้ทั้งคู่ก็อายุสามขวบเข้าไปแล้ว แฝดหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังที่ถือกำเนิดมาจากโอเมก้าอย่างคุณแกเรนและสามีอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ที่ดำรงตำแหน่งนายทหารชั้นสูง

ฮานะเคยเห็นหน้าค่าตาคุณใหญ่มาบ้างตอนที่ฝ่ายนั้นมาส่งภรรยาที่บริษัทในตอนเช้า เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถเอาชนะใจเจ้านายตนได้

   คนอย่างคุณแกเรนคู่ควรและเหมาะสมแล้วที่จะมีคู่ชีวิตและครอบครัวที่น่ารักอบอุ่น...ซึ่งนั่น นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้หากันได้ง่ายๆในยุคสมัยที่สังคมถูกแบ่งแยกชนชั้นชัดเจนเช่นนี้ ไม่ว่าวิวัฒนาการต่างๆจะเจริญก้าวไกลไปมากแค่ไหนและไม่ว่าจะมีการรณรงค์เรียกร้องสิทธิให้เท่าเทียมกันอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแนวคิดที่ว่ากลุ่มคนจำพวกโอเมก้าอย่างพวกเขามีค่าเพียงแค่เครื่องผลิตลูกและตัวรองรับน้ำเชื้อจากผู้ที่อยู่เหนือกว่าเท่านั้น...

ถึงแม้ว่าในยุคสมัยนี้เหล่าโอเมก้าจะมีปะปนอยู่ในทุกชนชั้นทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ นักการเมือง นักกีฬา ดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง แต่คนเหล่านั้นก็ยังคงถูกจับจ้องจากพวกต่อต้านการเรียกร้องมนุษยชนอยู่เสมอ เรียกได้ว่าถ้าก้าวพลาดไปเพียงนิดก็มีคนที่พร้อมจะเหยียบย่ำเสมอ

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พวกเขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว และพิสูจน์ตัวตนว่าคนชนชั้นอย่างพวกเขาก็สามารถแสดงความสามารถที่มีอยู่ได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในวงการแฟชั่นคือ แกเรน ฮาร์ดเนอร์ผู้ที่เป็นเจ้าของโมเดลลิ่งเจ้าใหญ่ในเมืองไทยที่เคยตั้งตัวเป็นหลักเพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมให้โอเมก้า ชายหนุ่มรูปงามที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการงานที่มั่นคงรวมไปถึงการได้พบกับคู่ครองชีวิตที่คู่ควร

เขาเป็นแบบอย่างให้กับโอเมก้าหลายๆคนที่กำลังท้อแท้และสิ้นหวังในชาติกำเนิดของตนเองให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิ และพิสูจน์ตัวตนจนเป็นที่ยอมรับในสังคม

ฮานะเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รักและเคารพคุณแกเรนเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง และยังถือเอามาเป็นแบบอย่างจนสามารถก้าวเข้ามาเป็นสไตล์ลิสมือหนึ่งของ SMA ได้ในที่สุด เขาถือว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะนอกจากงานประจำที่ทำอยู่นั้นฮานะยังมีแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่น เรียกได้ว่าธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่จะมีก็เพียงอย่างเดียวที่ล้มเหลวในชีวิต...นั่นก็คือเรื่องความรัก

ศรัทธาที่สิ้นหวังแหลกสลายไม่มีชิ้นดี...ปล่อยให้เรื่องของโชคชะตานั้นเป็นเพียงความฉาบฉวยผิวเผิน

และปักใจหนักแน่นว่ามันไม่มีอยู่จริง...

“คิดอะไรอยู่น่ะ” เสียงทักดังขึ้นทำให้หลุดออกจากภวังค์ คุณแกเรนโบกมือไปมาตรงหน้าอย่างเป็นห่วง

“เปล่าครับ” เขายิ้มและส่ายหน้าปฏิเสธ

ฮานะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายลงไปมาก แต่มือทั้งสองข้างยังคงบีบแน่นเข้าหากันเพื่อแสดงให้เห็นว่ากำลังตกอยู่ในสภาะจิตใจพลุ้งพล่าน

“ที่ผมเรียกให้เข้ามาหาเพราะมีเรื่องสำคัญจะต้องบอกฮานะ” แกเรนยืดตัวนั่งหลังตรง สองมือยกขึ้นมาวางกุมบนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย “ผมนำเรื่องที่ฮานะจะขอลาออกกลับไปคิดทบทวนอีกครังแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า...ผมยังไม่สามารถปล่อยฮานะไปได้...ในตอนนี้”

“แต่...ผมมีสิทธิ์ที่จะขอลาออกนี่ครับ” ฮานะแย้งขึ้นมา ความไม่เข้าตีกันจนวุ่นวายสับสนไปหมด

“ใช่คุณมีสิทธิ์” แกเรนย้ำ “แต่ผมจะยอมก็ต่อเมื่อการลาออกมันเป็นความต้องการที่แท้จริงจากตัวคุณเอง ไม่ใช่เพียงเพราะว่าต้องการหลบหน้าใคร”

“ผม...” ฝ่ามือถูกกำย้ำไปมาจนชื้นเหงื่อ

“ฮานะ...คุณเคยบอกกับผมนี่ว่างานนี้คืองานที่คุณรัก และบริษัทนี้ก็เหมือนบ้านของคุณ” แกเรนลดเสียงลงอย่างอ่อนโยน “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้อยากจะทิ้งมันไปจริงๆหรอก...ใช่ไหม”

ถ้อยคำหว่านล้อมไล่จี้ตามทัน ไม่มีคำไหนเลยที่คุณแกเรนพูดผิด...SMA ก็เหมือนบ้านที่เขาได้ร่วมดูแลมาตั้งแต่ยังเป็นแค่โมเดลลิ่งที่ยังไม่มีชื่อเสียง อีกอย่างงานนี้เขาได้ลงทุนทั้งแรงกายแรงใจไปไม่น้อย

แต่จู่ๆกลับจะต้องมาล้มเลิกความฝันของตนเองเพียงเพราะใครอีกคน...มันดูไม่แฟร์เลยสักนิด

“คิดดูให้ดีนะ...คุณจะยอมแลกสิ่งที่คุณสร้างมากับมือเพียงเพราะไอ้คนเฮงซวยพรรคนั้นน่ะเหรอ...บอกตามตรงว่าผมเสียดายจริงๆ”

“…” ฮานะไม่ได้ตอบโต้กลับ ทำเพียงแค่ก้มหน้ามองมือของตนเองที่กำแน่นจนสั่นเทิ้ม

“ฮานะ...คุณเป็นคนเก่ง ความสามารถของคุณมันไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย...อย่าลืมสิว่ากว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้คุณต้องเหนื่อยในการพิสูจน์ตัวเองแค่ไหน” แกเรนถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อได้บอกเหตุผลของตนเองออกไปจนหมด เขาเอนหลังพิงเก้าอี้บุนวมนุ่มอย่างเฝ้ารอคำตอบ ลึกๆแล้วในใจก็นึกหวั่นเพราะถ้าหากฮานะยังดึงดันที่จะไปก็คงหมดทางยื้อ

“ผม...จะลองคิดดูอีกทีครับ” เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมนัยน์ตาที่แดงก่ำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำแห่งความอ่อนแอ

“นั่นถือว่าเป็นคำตอบแล้วนะ” แกเรนยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นสำคัญอีกเรื่องขึ้นมา “ส่วนเรื่องงานผมจะให้เกรซดูแลอเล็กซ์แทนไปก่อน แล้วหลังจากนี้ก็ถือว่าคุณหมดหน้าที่ในการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหมอนั่นแล้ว”

“อะไรนะครับ” ฮานะถามย้ำอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจ

“เมื่อเช้าผมเรียกอเล็กซ์เข้ามาคุยเรื่องจะเปลี่ยนผู้จัดการดูแลตารางงานให้ใหม่ ผมบอกว่าคุณต้องไปร่วมโปรเจกต์ใหญ่ในปลายปีนี้เลยจำเป็นต้องขอยืมตัวมาสักพัก”

“…”

“หมอนั่นดูโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงน่าดูเลยละ” แกเรนส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกฝ่ายนั้นก้าวร้าวใส่ “นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณเป็นคนฝากฝังมา จะสั่งสอนให้มันร้องไม่ออกเลย”

“ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะครับ...ช่วงนี้อเล็กซ์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” ฮานะออกตัวรับผิดแทนเหมือนที่ผ่านมา รู้สึกผิดที่ตนเองเอาแต่สร้างปัญหาให้คุณแกเรนปวดหัว

“อารมณ์หรือสันดานกันแน่ที่ไม่ดี” แกเรนหัวเราะเย้ยหยัน “ช่างเถอะ...คุณไม่จำเป็นต้องมารู้สึกผิดแทนคนแบบนี้หรอกน่า”

“แต่ผมกลัวว่าเขาจะต่อต้าน” เขายังคงไม่วางใจเพราะรู้นิสัยของอเล็กซ์ดีว่าฝ่ายนั้นคงไม่ยอมเชื่อฟัง “ถ้าเกิดเขาทำเรื่องเสื่อมเสียจนกระทบกับทางต้นสังกัดละก็ผมคง...”

“เจ้านั่นมันไม่กล้าหรอก” แกเรนยิ้มอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“คุณคง...ไม่ได้ไปขู่อะไรเขาไว้ใช่ไหมครับแกเรน” ใบหน้าน่ารักทอแววไม่ไว้วางใจจนต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

 “เรื่องนั้นไม่ต้องรู้หรอกน่า” เขาบอกปัด “เอาเป็นว่าหลังจากนี้หมอนั่นมันไม่กล้าเข้ามาเกาะแกะกับฮานะอีกแน่นอน หรือถ้าคิดจะลองดีก็มาบอกผมได้ เดี๋ยวจัดการให้” เจ้านายคนสวยขยิบตาให้อย่างมั่นอกมั่นใจ

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ” เสียงร้องทักของเลขาสาวสวยช่วยสลายความตึงเครียดของบรรยากาศในห้องให้จางหายไป เกรซยื่นหน้าเข้ามาก่อนจะยิ้มแหยเมื่อถูกเจ้านายดุทางสายตา “คือ...บอสคะ คุณพีทมาแล้วค่ะ”

“อ้อ” แกเรนร้องอย่างนึกขึ้นมาได้ “ให้พีทเข้ามาได้เลย”

เธอขานรับก่อนจะเดินกลับไปหน้าห้องเพื่อเรียกแขก เมื่อฮานะมองตามออกไปก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่ เรือนร่างสูงใหญ่และบ่าที่กว้างนั้นช่างดูคุ้นตาเสียจนต้องลอบมองอย่างสนอกสนใจ

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ฮานะหันมาบอกลาเจ้านาย แต่ฝ่ายนั้นกลับรีบยกมือขึ้นห้ามเอาไว้

“อย่าเพิ่งไปสิ...ผมยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอก” แกเรนยิ้มก่อนจะหันไปรับไหว้จากบุคคลที่สามที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง “พีท...มานั่งสิ”

“ครับ”

เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยทำให้ฮานะต้องรีบหันไปมองก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นคือคนที่เขาเดินชนเมื่อวานนี้ ส่วนผู้ชายคนนั้นก็ดูชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มทักทายมาให้อย่างเป็นมิตร ร่างสูงใหญ่เดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างกัน ไอร้อนที่แผ่ออกมารอบกายทำเอาชีพจรเต้นผิดจังหวะจนรู้สึกเจ็บที่อกซ้าย

จู่ๆอุณหภูมิในร่างกายก็พุ่งขึ้นสูงจนฝ่ามือชื้นเหงื่อฮานะเลื่อนเก้าอี้เบี่ยงออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้แล้วร่างกายผิดแปลกไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่แล้วบรรยากาศแสนกระอักกระอ่วนก็ถูกคุณแกเรนช่วยสลายออกไปให้โดยการเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นมา

“ฮานะ...นี่พีท เด็กใหม่ของเรา” เขาแนะนำต่อพร้อมผายมือมา “ส่วนนี่ฮานะ...สไตล์ลิสมือหนึ่งของผมเอง เรียกพี่ได้ตามสบาย เพราะทางนี้อายุเข้าเลขสามแล้ว...แม้ว่าภายนอกจะเหมือนเด็กมัธยมก็เถอะ” แกเรนพูดหยอกล้อจนถูกอีกฝ่ายมองค้อนไปที

ฮานะหันไปพยักหน้าทักทายตามมารยาทก่อนจะรีบเบือนสายตาหนีไปอีกทางเมื่อเห็นว่านัยน์ตาสีเทาหม่นคู่นั้นจดจ้องมาที่ตนเอง

“ที่ผมเรียกคุณมา ก็เพราะจะอยากจะแนะนำให้รู้จักกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณ...หลังจากนี้ฮานะจะเป็นคนดูแลเรื่องตารางงานทั้งหมดของคุณ” ถ้อยคำเหมือนฟ้าผ่าส่งลงมาโดยไม่ทันให้ตั้งตัวทำให้ฮานะต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจจนคุณแกเรนหลุดยิ้มออกมา

“อะไรนะครับ” เขาถามย้ำอีกครั้ง สลับกับหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

“นี่แหละเรื่องสำคัญที่ผมจะบอก” ประกายตาสีชมพูดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาคล้ายกับคนกำลังเล่นสนุก “ผมจะให้ฮานะไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพีทแทนอเล็กซ์”

“ก็ไหนคุณบอกจะให้ผมไปช่วยโปรเจกต์ยังไงละครับ” เขาเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก มึนงงยังไม่หาย

คุณแกเรนเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี

“นั่นก็ใช่...แต่ในระหว่างนี้ ผมอยากให้ฮานะช่วยดูแลพีทร่วมไปด้วย เขายังใหม่ในวงการต้องการคนชี้แนะอีกเยอะ”

“คุณก็รู้ว่าผมไม่ถนัดงานด้านนี้” ในกรณีของอเล็กซ์เป็นข้อยกเว้นเพราะเขาเต็มใจที่จะทำให้อยู่แล้ว แต่นี่คุณแกเรนจะให้เขาทำหน้าที่ผู้จัดการเต็มตัว ซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นเด็กใหม่แค่คิดก็มองเห็นความยุ่งยากที่จะตามมาในอนาคตแล้ว

“ผมเชื่อว่าคุณทำมันได้ดีแน่นอน...ขนาดอเล็กซ์ยังคุมได้อยู่หมัด กับพีทน่ะคงไม่ใช่เรื่องยากนักหรอกจริงไหม”

“ก็นั่นมัน...” เหตุผลมากมายถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “…ก็ได้ครับ ผมจะช่วยดูแลเขาให้” ฝ่ายนั้นยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็มากพอที่จะสะกดตรึงสายตาของคนที่มองอยู่

“เยี่ยมไปเลย” แกเรนดีดนิ้ว “ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ผมวานให้คุณช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องอื่นๆของพีทด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวเอกสารกับข้อมูลอื่นๆผมจะให้เกรซส่งตามหลังไปให้”

พูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก็ขอตัวไปเข้าประชุมกับบอร์ดบริหารโดยทิ้งให้คนสองคนนั่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะกระอักกระอ่วน

ในชีวิตฮานะไม่ได้พบเจอพวกอัลฟ่าที่มีแรงขับเคลื่อนในกายสูงขนาดนี้มากนักเพราะคนกลุ่มนี้มักจะมากไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวน มีรูปลักษณ์ดึงดูดสายตาและโดดเด่นท่ามกลางคนหมู่มาก...ซึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างเขานั้นถือว่าเข้าข่ายทุกประการ เพราะเขาตัวสูงใหญ่เกินมาตรฐาน มีหน้าตาคมชัดตามแบบฉบับลูกครึ่ง และที่สำคัญ...เสน่ห์ที่ผสมกับฟีโรโมนอันเป็นเอกลักษณ์นั้นมีแรงดึงดูดอย่างรุนแรง

แม้แต่กับอเล็กซ์ที่เคยมีสัมพันธ์ทางกายกันมาหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังไม่เคยทำให้เขารู้สึกสับสนจนไม่เป็นตัวของตัวเองขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ...แต่กับใครอีกคนแค่ได้มองก็ทำเอาชีพจรผิดเพี้ยนจนคุมการหายใจลำบาก




(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 08-09-2019 20:15:09
“คุณสบายดีนะครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้นมาทำลายความเงียบ นัยน์ตาคมทอดมองร่างของคนข้างกายพร้อมกับส่งยิ้มไปให้และถือโอกาสนี้มองสำรวจใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยไปด้วย เพราะเมื่อวันก่อนอีกฝ่ายได้สวมหน้ากากอนามัยเอาไว้จนบดบังไปเกือบครึ่งใบหน้า

“อ้อ..ดี ฉัน...สบายดี ขอบใจนะ” ปอยผมบางส่วนที่ตกระลงมาถูกปลายนิ้วทัดเข้าไปเก็บที่หลังใบหู ฮานะไม่ยอมสบตากันก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเรื่องเพื่อดึงความสนใจของอีกฝ่าย “เธอ...ชื่อพีทสินะ”

“ครับ คุณฮานะ” สรรพนามที่สุภาพทำเอาเจ้าตัวเกร็งขึ้นมา พร้อมรีบโบกมือปัด

“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกน่า” ฮานะแย้ง “เรียกแค่ชื่อเฉยๆก็ได้ ไหนๆเราก็จะได้ร่วมงานกันไปอีกนาน จะได้ดูสนิทกัน”

   “แต่คุณอายุห่างกับผมเยอะเลย” อีกฝ่ายยังคงมีท่าทีเกรงอกเกรงใจ

   “จะห่างสักเท่าไหร่กันเชียว” เพราะเท่าที่กะไว้อย่างมากก็คงจะแค่สองสามปี

   “แปดปีครับ”

   “หา!?”

   ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อรู้จำนวนที่แท้จริง...ผิดคาดไปไกล

   “เธอ...เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบสองเองเหรอ” พีททำให้ความมั่นใจในเซ้นท์ของเขาพังยับเยิน  เพราะนอกจากรูปร่างที่สูงใหญ่เกินวัย ยังมีกลิ่นอายรอบตัวที่สุขุมไม่ต่างจากพวกผู้ใหญ่เลยสักนิด ไม่ได้มุทะลุเหมือนอย่างเด็กหนุ่มวัยเดียวกัน แต่กลับนิ่งสงบและดูมีอำนาจบางอย่างที่ยากจะต่อต้าน

   “ครับ...เพิ่งยี่สิบสองปีเต็ม เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา” พีทยิ้มเมื่อเห็นหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

   “เธอดูโตมาก” ไม่อยากจะเชื่อเลย...เด็กสมัยนี้นี่โตไวชะมัด ตอนอายุเท่านี้เขายังเตี้ยม่อต้อแคระแกร็นอยู่เลยด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกมากนักหรอก ก็อีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งนี่นะ เค้าโครงใหญ่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

   “หลายคนก็ทักแบบนั้นครับ” บางครั้งยังเคยถูกทักว่าอายุยี่สิบปลายๆแล้วเสียด้วยซ้ำไป

   “คือ...ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ” ฮานะเริ่มออกตัวแก้ต่างเมื่อรู้ตัวว่าตนเองนั้นเสียมารยาท เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดจึงรีบอธิบายใหม่ “ฉันหมายถึง...เธอดูเป็นผู้ใหญ่ แบบว่า..” ท่าทีลนลานของคนที่อายุมากกว่าทำให้ใบหน้าคมเข้มคลี่ยิ้มออกมาอย่างนึกเป็นดู

   “ครับ...ผมเข้าใจ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล

   “อื้อ นั่นแหละ ฉันไม่ได้ว่าเธอแก่นะ” เจ้าตัวพยักหน้ารัวเร็ว “เธอ...เธอดูดีมาก” แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพลั้งปากพูดอะไรออกไปก่อนจะรู้สึกร้อนผ่าวที่บริเวณสองข้างแก้ม ฮานะกระแอมไอแก้เก้อเพราะทำตัวไม่ค่อยจะถูกจึงรีบเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่น

   “เธอว่างหรือเปล่า...ไปทานข้าวด้วยกันไหม” ฮานะออกปากชวนเพราะเห็นว่านี่ก็เลยมื้อเที่ยงไปพอสมควรแล้ว อีกอย่างตัวเขาเองก็หิวแล้วด้วย...ถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นก็ดีไม่น้อย

   “ว่างครับ”

   “ดีเลย ถ้าอย่างนั้นมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ถือซะว่าเลี้ยงต้อนรับ” ฮานะรีบลุกออกจากเก้าอี้เพื่อเตรียมตัวจะออกเดิน แต่เพราะจู่ๆหน้าก็ดันมืดขึ้นมากะทันหันเลยต้องเอื้อมมือไปจับพนักพิงเอาไว้เพื่อเป็นหลักยึด...แต่กลับช้ากว่าใครบางคนที่สอดแขนเข้ามารับเอาไว้ก่อน

   “อาการคุณดูไม่ค่อยดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พีทขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะก้มลงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขน...อีกฝ่ายนั้นตัวเล็กมาก มากกว่าเขาเป็นเท่าตัว “ไปหาหมอดีไหมครับ”

   “ไม่เป็นไร...” ฮานะก้มหน้าพร้อมกับดันตัวออกห่างด้วยท่าทีเก้กัง...ไม่รู้ทำไม เวลาอยู่ใกล้พีททีไรแล้วอุณหภูมิในร่างกายมันสูงจนชีพจรรวนทุกที “ขอบใจนะ”

   พูดไว้แค่นั้นก็ออกเดินนำไปที่ชั้นจอดรถใต้บริษัทเพราะอีกฝ่ายบอกว่าเดินทางมาโดยรถแท็กซี่ ฮานะจึงชักชวนให้ไปด้วยกันพร้อมกับอาสาว่าหลังทานข้าวจะไปส่งที่เองไม่ต้องเกรงใจ

   “อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”

   หลังจากที่นำรถไปจอดไว้บริเวณที่จอดรถของทางห้าง ฮานะก็หันมาถามคนที่เดินตามมาตั้งแต่ทางเข้าโดยไม่มีปากมีเสียง เด็กหนุ่มมองสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างเอื่อยเฉื่อย ไม่ได้ให้ความสนใจไปที่อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะนานๆทีถึงจะได้เข้ามาเดินในห้างหรูแบบนี้จึงไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินเข้าออกช็อปไฮเอนด์กันเป็นว่าเล่น

   “ตามใจคุณเลยครับ ผมยังไงก็ได้”

   “ไม่ได้สิ...ฉันตั้งใจจะเลี้ยงเธอนะ จะเลือกตามใจตัวเองได้ยังไง” ฮานะแย้ง “บอกมาเร็ว ไม่ต้องเกรงใจ ฉันหิวแล้ว”

   “ร้านนั้นก็ได้ครับ” เขาชี้มั่วไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งซึ่งตัวเองก็ไม่เคยกินมาก่อน เพราะในชีวิตประจำวันมากสุดก็ทานพวกฟาสฟู้ดในเวลาที่เร่งด่วนจริงๆด้วยรสชาติของอาหารต่างชาตินั้นไม่ค่อยจะถูกปากสักเท่าไรนัก

   “ชอบอาหารญี่ปุ่นเหรอ” ฮานะมีสีหน้าที่แปลกใจไม่น้อย เพราะตอนแรกแอบคิดว่าอีกฝ่ายคงชอบทานอาหารหนักๆอย่างเช่นสเต็กหรือไม่ก็อาหารที่หนักไปทางคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานเยอะ ไม่คิดเลยว่าจะชอบอะไรที่เรียบง่ายและจืดชืดอย่างอาหารญี่ปุ่น

   “ก็พอทานได้ครับ” พีทพยักหน้ารับเพราะเห็นแววตาที่โศกเศร้าคู่นั้นดูสดใสขึ้นมานิดหน่อย

   “ฉันก็ชอบ แต่จริงๆแล้วชอบอาหารไทยมากที่สุด” คนอายุมากกว่ายิ้มกว้างเพราะนานทีจะเจอคนที่ชอบทานอะไรเหมือนกัน ปกติแล้วเวลาไปทานข้าวกับอเล็กซ์ฝ่ายนั้นจะเน้นหนักไปทางอาหารฝรั่งเสียมากกว่า น้อยครั้งมากที่จะยอมตามใจให้เขาได้เป็นฝ่ายเลือก

   “อันที่จริงผมก็ถนัดอาหารไทยเหมือนกัน” พีทพูดอย่างเกรงใจเพราะไม่อยากทำตัวมากเรื่องให้อีกฝ่ายต้องปวดหัว แต่พอรู้ว่าฮานะเองก็ชอบอะไรที่เหมือนกันเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

   “ดีเลย ถ้าอย่างนั้น มื้อนี้เราจะกินอาหารไทยก็แล้วกัน” ฮานะตัดสินใจก่อนจะออกเดินนำเข้าไปที่ร้านอาหารด้วยความหิวโหย

   กับข้าวสี่ห้าอย่างที่สั่งมาถูกจัดการลงท้องของทั้งคู่จนเกลี้ยงแทบไม่เหลือร่องรอย

   “น้ำพริกอ่องอร่อยดี” เจ้าตัวเขี่ยซากมะเขือเทศไปมาอย่างติดอกติดใจในตัวน้ำพริกของทางเหนือ...เมนูนี้พีทเป็นคนสั่ง

   “เอาไว้ผมจะทำให้ทาน” เด็กหนุ่มยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นเพราะได้ทานข้าวไปสองจานเต็มๆ

   “เธอทำเป็นเหรอ” ฮานะถามอย่างตื่นเต้น...สารภาพเลยว่าอายุปาเข้าไปเลขสามแล้วเขายังทอดไข่เจียวไหม้อยู่เลย

   “ก็พอได้ครับ” เขารินน้ำที่เหลืออยู่ก้นขวดลงในแก้วของอีกฝ่าย “พอดีแม่ผมเปิดร้านข้าวแกงอยู่ที่ลำปาง เลยพลอยได้ความรู้ติดตัวมานิดหน่อย”

   “เธอเป็นคนเหนือเหรอเนี่ย” ฮานะรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเป็นเจ้าหนูจำไมอย่างถึงที่สุด เพราะถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเหมือนอย่างที่ได้เห็นตอนแรกพบ แต่พอมองทะลุเปลือกนอกเข้าไปพีทเป็นเด็กที่มีวิถีชีวิตและระบบความคิดแสนจะเรียบง่ายจนเขาเองยังสงสัยว่าทำไมเจ้าตัวถึงยอมเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงได้

   “ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมเกิดและโตที่นั่น”

   เพราะในร้านอาหารนั้นไม่ค่อยจะวุ่นวายฮานะเลยถือโอกาสนี้นั่งซักถามเรื่องทั่วไปที่ตนเองอยากจะรู้ไปพลางๆโดยที่ฝ่ายนั้นก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

   พีทเป็นอัลฟ่าเชื้อชาติผสมระหว่างคุณแม่ที่เป็นคนไทยและคุณพ่อคนบราซิล เจ้าตัวบอกว่าตนเองนั้นอยู่กับแม่และยายเพียงสามคนที่จังหวัดลำปาง บ้านของพีทเปิดร้านขายข้าวแกงโดยมีคุณแม่เป็นเสาหลักคอยส่งเสียให้เรียน เรียกได้ว่าที่บ้านมีฐานะปานกลางแต่ไม่ถึงขั้นมีอันจะกินจนเหลือใช้ เจ้าตัวเลยต้องเริ่มทำงานพิเศษตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวอีกแรง เด็กหนุ่มเกือบจะไม่ได้เรียนต่อในชั้นอุดมศึกษาเพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งเสีย แต่โชคดีที่สามารถสอบชิงทุนได้เป็นอันดับหนึ่งเลยทำให้ไม่ต้องดับความฝันตัวเองลงไป

พีทเพิ่งเรียนจบดุริยางคศิลป์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งและตั้งใจเอาไว้ว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดเมื่อสามารถเก็บเงินได้มากพอที่จะสามารถเลี้ยงดูแม่กับยายได้

   “เธออยากเป็นนักดนตรี?” ฮานะอึ้งไม่น้อยเมื่อได้รู้ว่าความฝันของอีกฝ่ายนั้นช่างเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวา

   “ครับ”

   “แล้วทำไมจู่ๆถึงมาเป็นนายแบบละ” น้ำในแก้วถูกจิบไปจนพร่องเมื่อรู้สึกคอแห้ง...ตลอดเวลาเกือบชั่วโมงมีเพียงเขาที่รัวคำถามใส่ แต่พีทก็ไม่มีท่าทีว่าจะรำคาญเลยสักนิด กลับเต็มใจตอบคำถามทั้งหมดด้วยความยินดี

   “บางทีเราก็ต้องเลือกความจำเป็นมากกว่าความฝันน่ะครับ”

เพราะจู่ๆอาการป่วยของยายก็ทรุดลงจึงทำให้แม่ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษา ซ้ำงานพิเศษที่ทำอยู่ก็ไม่เพียงพอ พีทจึงตัดสินใจรับงานถ่ายแบบตามอีเว้นท์เล็กๆที่คนรู้จักแนะนำมา และหลังจากนั้นเพียงไม่นานเขาก็ถูกคนของคุณแกเรนมาทาบทามในระหว่างที่กำลังรับงานเดินแบบแสดงสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ด้วยความที่มองเห็นว่าเส้นทางนี้จะสามารถทำให้เขาหาเงินได้ง่ายขึ้นจึงตกปากรับคำโดยทันทีโดยไม่ต้องนึกไตร่ตรองให้มากความ

   “อ้อ” ฮานะขานรับและไม่คิดจะซักลงลึกไปมากกว่านี้เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย “เอาเป็นว่าหลังจากนี้ฉันจะคอยช่วยแนะนำให้ก็แล้วกัน ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาได้ตลอดเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

   “ขอบคุณครับ”

   

“เธอพักอยู่ที่ไหน”

   มินิคูเปอร์สีขาวชะลอตัวชิดเลนส์ซ้ายเพื่อดูหมายเลขซอยตรงป้ายด้านหน้า อพาร์ทเมนต์ที่พีทอาศัยอยู่นั้นเกือบจะออกนอกชานเมือง เรียกได้ว่าอยู่คนละทางกับคอนโดของเขาโดยสิ้นเชิง ส่วนเรื่องเวลาการเดินทางไปบริษัทนั้นไม่ต้องพูดถึง เผื่อเวลาสักชั่วโมงครึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะถึงทันเวลาไหม

   ฮานะหันมามองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับด้วยความเห็นใจเล็กน้อยเพราะตอนนี้เบาะรถนั้นถูกถอยไปจนสุดเพื่อให้สามารถนั่งได้อย่างสบายโดยไม่ติดช่วงขา...ตอนที่พีทนั่งหลังตรงบริเวณศีรษะเกือบจะแตะกับเพดานรถเสียด้วยซ้ำไป

   “อยู่ซอยข้างหน้าครับ” เขาชี้บอก “คุณจอดหน้าปากซอยก็พอ เดี๋ยวผมเดินเข้าไปเองทางมันแคบ”

   ฮานะมองตามไปก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อกี้ยังเห็นรถกระบะขับสวนออกมาอยู่เลย

   “รถฉันคันเล็ก แค่นี้สบายมาก”

   โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้เปิดปากปฏิเสธฮานะก็ขับรถเข้าไปในซอยก่อนจะหยุดจอดที่หน้าตึกอพาร์ทเมนต์กลางเก่ากลางใหม่บริเวณท้ายซอย ตึกหกชั้นมีสภาพทรุดโทรมบ่งบอกว่าได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วหลายสิบปี สีภายนอกนั้นซีดจางจนเกิดรอยกระดำกระด่างให้เห็นเป็นบางจุด บริเวณสวนด้านข้างก็มีหญ้าขึ้นรกครึ้มราวกับว่าไม่มีใครสนใจดูแลตัดแต่งมัน ชั้นล่างเป็นที่จอดรถจักรยานยนต์และร้านขายของชำเล็กๆ มีตู้ซักผ้า ตู้กดน้ำสภาพพอทนใช้สำหรับบริการ

   ฮานะมองสภาพการเป็นอยู่ของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย...เขาคิดมาตลอดว่าพวกชนชั้นอัลฟ่าจะต้องมีฐานะและชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีเพราะเป็นกลุ่มคนชั้นสูงในสังคม

...แต่กับพีทนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง

   “ขอบคุณที่มาส่งครับ” เขายกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท

   แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูออกไปกลับถูกรั้งเอาไว้ เด็กหนุ่มก้มลงมองมือเล็กที่จับอยู่บนต้นแขนก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย “พรุ่งนี้เช้าฉันจะมารับ”

   “รบกวนคุณเปล่าๆ ผมไปเองดีกว่า” พีทปฏิเสธ แค่นี้เขาก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว

   “ไม่รบกวนหรอกน่า” ฮานะปล่อยมือก่อนจะหันไปจับพวงมาลัยตามเดิม “ไม่อย่างนั้นฉันโดนคุณแกเรนบ่นหูชาแน่ที่ปล่อยให้เด็กในความดูแลต้องเดินทางลำบาก” ไหนๆก็ไหนๆแล้วเอาเจ้านายมาอ้างสักหน่อยจะเป็นไรไป

   “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณ” เด็กหนุ่มยิ้มก่อนจะก้าวลงจากรถ “เดินทางปลอดภัยนะครับ” ช่วงตัวสูงใหญ่ยืนค้ำตรงขอบประตูพร้อมก้มหน้าลงมาในระดับที่สามารถมองเห็นกันได้ บานประตูรถถูกปิดอย่างเบามือก่อนแผ่นหลังกว้างจะเดินกลับเข้าไปในตัวตึก

รถมินิสีขาวค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณหน้าอพาร์ทเมนต์โดยที่มีสายตาคู่หนึ่งมองตามลงมาจากบริเวณโถงบันไดชั้นสองไปจนสุดสายตา...



__________________

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/09/ZpBZJn.jpg)


ฝากเป็นกำลังใจให้ฮานะกับเจ้าพีทด้วยนะคะ
ในTwitter แวะเวียนมาพูดคุยกันได้ที่ #ดอกไม้ของพีท น้า
╰(✿´⌣`✿)╯♡
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 08-09-2019 21:07:24
กรี๊ด เมะเด็กๆๆๆๆ  :-[
น้องพีทคือช้างเผือกในป่า ของดีพรีเมี่ยมเมืองลำปาง
ขอให้น้องพีทดังๆปังๆ พุ่งแรงแซงนายอเล็กซ์ไปเลยนะลูกนะ แม่ยกคนนี้เอาใจช่วย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-09-2019 21:14:19
ชอบคุณแกเรน   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-09-2019 23:48:08
เพิ่งเรียนจบเลยจ้าาาา กรุบๆ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W O : 8/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 10-09-2019 23:11:29
เจ้าพีทกรุบกรับมากเลยลูก รูปประกอบน่ารักน่าฟัดมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H R E E : 17/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 16-09-2019 21:26:53
CHAPTER T H R E E


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/17/c757eS.jpg)

TALK : มีการใช้ความรุนแรงและกดขี่ข่มเหงเพื่ออรรถรสของเนื้อหาเท่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาที่จะส่งเสริมการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด


____________________________________________

ฮานะนั่งมองคนที่กำลังถูกจับตัวพลิกซ้ายพลิกขวาไปมาราวกับตุ๊กตา รอบกายมีทั้งเทรนเนอร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสรีระรูปร่างประจำโมเดลลิ่งกำลังช่วยกันวัดสัดส่วนและขนาดตัวพร้อมทั้งจดบันทึกข้อมูลเอาไว้เพื่อนำไปเขียนโปรแกรมฝึกเทรนด์ร่างกายให้กับเด็กใหม่ ในช่วงเช้าพีทต้องเข้าพบฝ่ายสรีระและฝ่ายเบสิคเทรนด์นิ่ง ส่วนช่วงบ่ายเป็นคิวของสไตล์ลิสต์เพื่อปรับเปลี่ยนลุคให้เจ้าตัวซึ่งเขาเป็นคนรับหน้าที่นี้เอง

   “ถอดเสื้อออก” เทรนเนอร์สั่ง ทำให้เด็กหนุ่มต้องถอดเสื้อฮู้ดที่สวมใส่อยู่

   “ผอมไปนิดนะ” กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องถึงแม้จะไม่มีส่วนเกินแต่ก็ไม่ได้ขึ้นเป็นลอนสวยงามสักเท่าไรนัก อีกทั้งช่วงไหล่ยังตกและงองุ้มเล็กน้อยทำให้ต้องเพิ่มเข้าไปในโปรแกรมฝึกเรื่องบุคลิกภาพ “หลังจากนี้สามเดือน ผมคงต้องให้คุณควบคุมอาหารอย่างจริงจัง” คุณเคย์เป็นเทรนเนอร์ที่ทำงานคู่กับทางโมเดลลิ่งมานาน ผ่านการเทรนด์ให้นายแบบและนางแบบมาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยคน เบต้าหนุ่มไฟแรงที่มากไปด้วยความสามารถ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มีชื่อเสียงในแวดวงและตกเป็นที่ยอมรับของใครหลายคน ซึ่งอเล็กซ์เองก็ถูกเคี่ยวมาไม่น้อยกว่าจะมีรูปลักษณ์ที่เพอร์เฟกต์แบบนั้น

   “ครับ” พีทพยักหน้ารับ ตลอดเวลาที่ยืนให้เหล่าเทรนเนอร์สำรวจร่างกายฝ่ายนั้นก็หันไปมองทางผู้จัดการส่วนตัวอยู่เป็นระยะ คงเพราะรู้สึกประหม่ากับคนแปลกหน้าทำให้ฮานะต้องเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกันเพื่อให้อีกฝ่ายลดความตึงเครียดลง

   “พอไหวไหมครับ คุณเคย์” ฮานะถามอย่างเป็นห่วง เพราะต้องคอยบันทึกรายงานความคืบหน้าของพีทส่งให้คุณแกเรนทราบเป็นระยะเหมือนอย่างคราวของอเล็กซ์

   “สบายมากครับ” เคย์หันมามองสไตล์ลิสต์คนสวยประจำโมเดลลิ่งด้วยเสียงที่อ่อนหวานจนเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ข้างกันต้องทำหน้าเหม็นเบื่อ “พีทอายุยังน้อย ระบบเผาผลาญเขาดีเยี่ยม บอดี้เชฟก็สวย ถึงแม้พฤติกรรมการกินตามข้อมูลที่ให้มาจะไม่ค่อยถูกหลักแต่ไขมันส่วนเกินแทบจะไม่มีเลยละครับ ขาดก็แค่เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและปรับฟอร์มร่างกายให้ได้เชฟมากกว่านี้ก็เพอร์เฟกต์...แซงหน้าอเล็กซ์ไปสบายๆ” ประโยคสุดท้ายเบต้าหนุ่มลดเสียงลงให้ได้ยินกันเพียงสองคนพร้อมกับป้องปากพร้อมขยิบตาแสดงความเจ้าชู้ออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง

   ฮานะหลุดหัวเราะกับท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมของอีกฝ่าย...อันที่จริงแล้วเขากับคุณเคย์สนิทกันพอตัวเพราะร่วมงานกันมานาน แต่ตั้งแต่ที่อเล็กซ์ได้เข้ามาทำงานฮานะก็ไม่ค่อยได้พบปะสุงสิงกับใครมากนัก เพราะฝ่ายนั้นมักจะหงุดหงิดและดูอารมณ์เสียเมื่อเห็นว่าเขาให้ความสนใจใครมากเกินไป...กับคุณเคย์เองก็ยังเคยโดนอเล็กซ์แผลงฤทธิ์ใส่เพราะเข้าใจผิดว่าฝ่ายนั้นตามตอแยเขาไม่เลิก

   คราวแรกก็หลงนึกดีใจลึกๆเพราะคิดว่าฝ่ายนั้นจะหึงหวงกัน...แต่คำตอบที่ได้รับคือเขาไม่ชอบใช้ของร่วมใครทำเอาหน้าชาจนปวดร้าวไปถึงใจ

   “เอาไว้ผมจะคอยช่วยดูแลเขาให้อีกแรงก็แล้วกันครับ” ฮานะรับปาก “แล้วก็...รบกวนคุณเคย์ช่วยส่งข้อมูลที่จำเป็นกับพวกตารางนัดหมายมาให้ผมด้วยนะครับ”

   “ได้ตามที่คุณต้องการ” รอยยิ้มเจ้าชู้ที่ทำเอาใครต่อใครใจละลายถูกส่งมาให้ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่นอกจากเจ้าตัวจะไม่หวั่นไหวแล้วยังมองมันเป็นภาพที่ชวนน่าเอ็นดูเสียจนเคย์ต้องยอมล่าถอย “ตอนเย็นผมจะส่งสรุปข้อมูลทุกอย่างไปให้ในเมลล์คุณอีกทีก็แล้วกัน วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน”

   “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มตัวสูงยกมือขึ้นไหว้เหล่าเทรนเนอร์อีกครั้ง จนฝ่ายนั้นต้องรีบบอกปัดเพราะไม่ค่อยจะชินสักเท่าไรนักที่ถูกชนชั้นที่เหนือกว่าให้ความเคารพ...เพราะตั้งแต่เริ่มทำงานในวงการนี้มาอดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่านายแบบและนางแบบทุกคนนั้นส่วนมากล้วนมีสายเลือดอัลฟ่าเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้การร่วมงานกันแต่ละครั้งนั้นเบต้าอย่างพวกเขาจึงมักถูกบรรยากาศรอบกายคนพวกนั้นกดให้ต่ำกว่าอยู่เสมอ

   มีเพียงส่วนน้อยที่จะให้เกียรติและปฏิบัติตัวอย่างเสมอภาค...และพีทคือหนึ่งในนั้น

   ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันเด็กหนุ่มนั้นนอบน้อมและถ่อมตนกับพวกเขาเป็นอย่างมาก ยอมรับเลยว่าตอนแรกนั้นใจเผลอคิดไปแล้วว่าคงเป็นพวกประเภทที่แสนจะเย่อหยิ่งและเงียบขรึมอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่การมองแบบผิวเผินเท่านั้น เพราะความจริงแล้วเด็กหนุ่มนั้นเข้าถึงง่ายและไม่ได้วางกำแพงกีดกันแบ่งชนชั้นเหมือนอย่างพวกอัลฟ่าคนอื่นที่เคยร่วมงานมา

   “เขาเป็นเด็กดีนะ” เคย์ที่เดินรั้งเป็นคนสุดท้ายหยุดพูดกับผู้จัดการส่วนตัวของเจ้าเด็กใหม่

   “ครับ...คุณแกเรนก็บอกแบบนั้น” ใบหน้าสวยยิ้มรับสลับมองคนที่กำลังก้มตัวไปหยิบเสื้อมาสวมทับด้วยแววตาที่นิ่งเฉย

   “แล้วฮานะละ” เบต้าหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงคำถาม

   “ผม? ทำไมเหรอครับ”

   “ฮานะคิดว่าเขาเป็นยังไง”

   “ก็...คงต้องเรียนรู้กันอีกสักพัก”

   “...เขาดูสนใจคุณไม่น้อยเลยนะ” เคย์ลดเสียงให้เบาลงพร้อมกับบอกความจริงที่เขาได้จับสังเกตมาตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาในห้อง...เจ้าเด็กนั่นมองคนสวยของเขาอยู่ตลอดด้วยสายตาที่เหมือนสุนัขแสนซื่อสัตย์คอยเฝ้ามองเจ้าของ “ดูท่าผมจะอกหักจริงๆก็คราวนี้” ชายหนุ่มแสร้งยกมือขึ้นมากุมบริเวณอกซ้ายพร้อมแกล้งทำหน้าเจ็บปวด...ก็เมื่อก่อนน่ะเคยถูกคนสวยหักอกมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยเหตุผลที่ว่า...

   “คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า” ฮานะยิ้มกว้าง ไร้ซึ่งท่าทีลังเลเมื่อมองไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามาหากัน

   “ชัดเจน” เคย์ตีหน้าเจ็บปวดก่อนจะถือวิสาสะคว้ามือเรียวสวยขึ้นมาจรดจูบ “ให้คุณหักอกเล่น...เจ็บแค่ไหนก็คุ้ม” เบต้าหนุ่มจอมเจ้าชู้ทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

   “เหนื่อยไหมครับ” เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง...เจ้าเด็กนี่ตัวสูงชะมัดเลย

   “ถามฉันเหรอ” ฮานะเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

   “ครับ”

   “ไม่นี่...ไม่เหนื่อยเลย” รอยยิ้มสดใสถูกส่งกลับไปให้เพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวลลง “ว่าแต่...หิวหรือยัง อยากลงไปหาอะไรทานรองท้องหน่อยไหม”

   “เอาไว้ทานมื้อเที่ยงทีเดียวก็ได้ครับ” พีทยิ้มบาง ถามอีกฝ่ายกลับอย่างเป็นห่วงไม่แพ้กัน “หรือฮานะหิวแล้ว”

   สรรพนามที่ตัวเองเป็นคนบอกให้อีกฝ่ายเรียกกลับทำเอาร้อนวูบวาบที่ใบหน้าจนต้องกระแอมไอแก้เก้อ “ก็...ยังไม่หิวเท่าไหร่ แต่ฉันจะลงไปซื้อกาแฟสักหน่อย” เขาชักชวนเพื่อเบี่ยงประเด็น “จะลงไปด้วยกันไหม”

   พีทพยักหน้ารับ เขาเองก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อยอยู่เหมือนกันเพราะเมื่อคืนนั้นดันนึกครึ้มนั่งแกะคอร์ดกีตาร์เสียเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ตีสี่กว่าเข้าไปแล้ว เมื่อเช้าเลยถูกฮานะดุเอานิดหน่อยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ

   เด็กหนุ่มลอบมองใบหน้าได้รูปเป็นระยะ เรือนผมที่เคยยาวระถึงเอวถูกตัดให้เหลือเพียงแค่ประบ่า สีผมที่เคยดำสนิทถูกย้อมทับด้วยสีน้ำตาลอ่อนยิ่งช่วยขับให้อีกฝ่ายดูเด็กลงมากกว่าเดิมทั้งที่ปกติก็ดูอ่อนกว่าวัยมากอยู่แล้ว

   “มีอะไรติดอยู่ที่หน้าฉันหรือเปล่า” เสียงเอ่ยทักทำให้ต้องเลิกมองสำรวจเกินความจำเป็น พีทยกมือขึ้นลูบหลังคอเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าลามไปถึงใบหู

   “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

   “แล้วมองทำไม” ฮานะเค้นเอาคำตอบอย่างไม่จริงจังมากนักในระหว่างที่กำลังยืนรอลิฟต์

   “ก็...คุณน่ามอง” คำสารภาพเถรตรงทำเอาคนฟังหูดับกะทันหัน ฮานะหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยแววตาที่ตื่นตะลึงแต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าที่เรียบเฉยราวกับคำพูดเมื่อครู่เป็นเพียงแค่เรื่องปกติไม่ได้มีความหมายอื่นใดแฝงอยู่

   เสียงสัญญาณลิฟต์แทรกขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาด ฮานะรีบแทรกตัวเข้าไปข้างในโดยมีร่างสูงใหญ่เดินตามหลังมา จำนวนคนในลิฟต์นั้นบางตาแต่เจ้าตัวกลับเดินไปหลบอยู่ที่อีกมุมก่อนจะยืนกอดอกแล้วหันออกไปอีกทาง ไม่ได้สนใจใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน ขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัวต่ำลงจำนวนคนในห้องโดยสารก็เพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ฮานะถูกพนักงานคนอื่นดันจนลำตัวแนบไปกับผนังลิฟต์ แต่จู่ๆร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็ขยับมายืนบังตัวเขาเอาไว้ทำให้ไม่ถูกเบียดไปมากกว่าเดิม

   ความเอาใจใส่ในเรื่องเล็กน้อยทำเอาคนอายุมากกว่าต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

   ...เพราะไม่เคยได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เป็นฝ่ายถูกปกป้องหรือถูกหยิบยื่นความช่วยเหลือเช่นนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าควรต้องทำตัวอย่างไร ฮานะลอบมองแผ่นหลังกว้างใต้เสื้อฮู้ดสีเข้มอยู่นาน ก่อนจะถือวิสาสะพิงหน้าผากลงไปเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากช่วงตัวสูงใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศความเงียบในห้องโดยสาร

   ร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างสุดของสำนักงานถูกตกแต่งด้วยสไตล์อินดัสเทรียลที่เน้นความดิบและความเปลือยของผิววัสดุ ฝ้าเพดานที่กินพื้นที่เปิดโล่งไปถึงชั้นสองโชว์เนื้อผิวของคานคอนกรีตและท่อไฟที่ทำจากโลหะพ่นสีดำด้านให้อารมณ์แข็งกร้าวแต่ทว่าไม่ได้ส่งเสริมให้บรรยากาศภายในร้านนั้นดูอึมครึมเมื่อประกอบกับโคมไฟขนาดใหญ่ที่ถูกขึ้นรูปด้วยโครงเหล็กดัดสีดำเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เรียบง่ายทับซ้อนกันหลายรูปทรง

   จุดเด่นคือบริเวณผนังฝั่งเคาน์เตอร์บาร์เป็นผนังเหล็กที่ขึ้นสนิมแสดงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสไตล์อินดัสเทรียลได้เป็นอย่างดี เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทำมาจากไม้สนขาวขึ้นโครงด้วยโครงเหล็กสีดำ บริเวณข้างร้านเป็นผนังกระจกที่เปิดขึ้นสูงจนสุดฝ้าเพดานทำให้เห็นบรรยากาศของสวนสไตล์อังกฤษช่วยเสริมความร่มรื่นและความเป็นส่วนตัว

   กลิ่นหอมของกาแฟคั่วและเบเกอร์รี่ที่อบสดใหม่ผสมผสานกับกลิ่นหอมอ่อนๆของไม้สนขาวทำให้ร้านนี้เป็นที่โปรดปรานของทุกคนในบริษัท เพราะนอกจากบรรยากาศสไตล์การตกแต่งที่ดีแล้วรสชาติของเครื่องดื่มและขนมของที่นี่ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้ใคร

   “เดี๋ยวผมไปสั่งให้” พีทเสนอตัวพร้อมบอกให้อีกฝ่ายไปนั่งรอที่โต๊ะ

   “เอางั้นเหรอ” ในเมื่อเสนอมาก็ไม่คิดขัด ฮานะยื่นกระเป๋าตังค์ส่งให้เพื่อให้นำไปจ่ายค่าเครื่องดื่ม แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่รับแล้วยังอาสาเลี้ยงเองอีกต่างหาก “ตามใจเธอ”

   หลังจากที่พีทเดินออกไป เขาก็เลือกไปนั่งรอที่โต๊ะตรงมุมอับสายตาที่ที่มักจะมานั่งประจำเวลาทำงาน เพราะบริเวณนี้อยู่ติดกับผนังกระจกและมีฉากไม้กั้นจึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง

   แต่ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็เอ่ยทักทายขึ้นมา ก่อนเจ้าตัวจะถือวิสาสะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม

   “ไง” แว่นกันแดดสีชาถูกถอดมาเหน็บไว้บนเสื้อยืดราคาแพง ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร “ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ” อเล็กซ์แสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าอดีตผู้จัดการส่วนตัวที่จู่ๆก็ปล่อยเขาลอยแพกำลังหมางเมินกันอย่างเห็นได้ชัด

   “มีธุระอะไร” ฮานะหันมามองโต้ตอบแต่ทว่าสองมือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะกลับกำแน่นเข้าหากันเมื่อรู้สึกเย็นเฉียบ

   “ไม่มีธุระแล้วฉันมาหาไม่ได้หรือไง” อเล็กซ์ยิ้มกว้างแต่ทว่านัยต์ตานั้นมีความกรุ่นโกรธอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด

   ยิ่งได้เห็นท่าทีที่ไม่รู้สึกรู้สาของฮานะเขาก็เดือดจนแทบคลั่ง

   “เปล่า” ฮานะปฏิเสธ พยายามไม่สบตาโดยตรงเพราะบาดแผลในจิตใจที่กำลังช้ำเลือดนั้นยังคงสดใหม่

   ...อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าอเล็กซ์ยังมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากเหลือเกิน...

   “เมื่อวันก่อน...นายกล้าขัดคำสั่งฉัน” เขาหมายถึงเย็นวันที่ได้นัดฮานะไปหาที่คอนโดแต่อีกฝ่ายบอกว่าติดธุระ แล้ววันต่อมาก็ถูกแกเรนโอเมก้าแสนหยิ่งผยองนั่นเรียกเข้าไปพบเพื่อบอกกับเขาว่าฮานะจะไม่ได้เป็นผู้จัดการเขาต่อไปแล้วเพราะเจ้าตัวต้องไปร่วมโปรเจกต์ใหญ่ที่จะมีในปลายปีนี้จึงทำให้เขาต้องทนอยู่กับยัยเบต้าแสนจู้จี้จุกจิกน่ารำคาญ

   “อีกอย่างเรื่องที่จะถอนตัวออกจากการเป็นผู้จัดการของฉัน...นายยังไม่บอกฉันสักคำ” อเล็กซ์กดเสียงต่ำให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเมื่อเห็นว่าบริเวณโต๊ะตรงข้ามมีคนอื่นนั่งอยู่ “นายคิดว่าตัวเองสำคัญมากแค่ไหนกัน...ฮานะ” เขาหัวเราะเย้ยหยันเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยวูบไหว “...หรือคิดว่าการตีตัวออกห่างแบบนี้จะทำให้นายหลบหนีฉันได้พ้น”

   ใบหน้าหล่อเหลายื่นข้ามมาอีกฝั่งพร้อมกับพ่นคำพูดร้ายกาจออกมาทิ่มแทงจิตใจคนฟัง “คนอย่างนายน่ะ...ขาดเซ็กซ์จากฉันไม่ได้หรอก”

   “ต้องการอะไร” เสียงที่ตอบโต้ช่างแผ่วเบาและสั่นเครือไปด้วยความโกรธ “ฉันก็หลีกทางให้นายได้คั่วกับเด็กนั่นสมใจแล้วนี่...ยังจะต้องการอะไรอีก” นัยน์ตากลมโตรื้นน้ำอย่างอ่อนแอตอนที่ตวัดขึ้นมองคนที่เอาแต่คอยเหยียบย่ำใจกันซ้ำไปมา

   เขาทั้งยอมทั้งถอยจนไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว...ทำไมไม่ยอมปล่อยกันไปเสียที

   ถ้าไม่คิดรักกัน...จะรั้งเอาไว้ทำไม...

   “ต้องการตัวนาย” อเล็กซ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ถ้อยคำหยาบคายถูกริมฝีปากที่เคยป้อนจูบเขาพูดอย่างไม่มีท่าทีรู้สึกกระดากอาย...ยิ่งเห็นยิ่งนึกรังเกียจ “กับไอ้โอเมก้าสมองอ่อนคนนั้น ลีลามันไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย สู้นายก็ไม่ได้” ปลายนิ้วโป้งสีสวมแหวนเงินเกลี้ยงเกลายกขึ้นลูบริมฝีปากไปมาตอนที่ใช้สายตาจาบจ้วงจ้องมองร่างของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

   ฮานะตัดผมสั้น....ทั้งที่รู้ว่าเขาชอบผมยาว...แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่นักเพราะอีกฝ่ายยังคงดูดีและมากไปด้วยเสน่ห์เหมือนอย่างเคย

   “อเล็กซ์” น้ำเสียงไม่พอใจถูกส่งมาให้ “...ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปได้แล้ว ฉันต้องไปทำงานต่อ”

   เขาปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่คิดจะคล้อยตามทำให้อีกฝ่ายหัวเราะขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีก่อนที่รอยยิ้มร้ายกาจจะถูกส่งมาให้ตอนที่กำลังยกแว่นกันแดดขึ้นมาสวม “ถึงนายจะตีตัวออกห่างจากฉัน...แต่นายก็ไม่มีทางปฏิเสธความต้องการของตัวเองได้หรอกฮานะ” อเล็กซ์ผิวปากหวืออย่างดูถูก สายตาเย็นชากดต่ำเหยียดหยาม “ถ้าทำได้...นายทำมันไปตั้งนานแล้ว...คงไม่ปล่อยให้ความรู้สึกน่ารังเกียจของนายรบกวนฉันมานานขนาดนี้หรอก” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินหมุนตัวออกไปจากร้าน ปล่อยให้คนที่ถูกวาจาร้ายแรงรุมทำร้ายจนแทบกระอักเลือดตายกับความจริงที่ยากจะปฏิเสธ

   กระบอกตาพลันร้อนผ่านเมื่อนึกทบทวนคำพูดของอีกฝ่ายย้ำไปย้ำมา...ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับยิ่งตอกย้ำให้ได้เห็นว่าที่ผ่านมาตนเองนั้นไร้ค่าเพียงใด

   “รอนานไหมครับ” แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะช่วยเรียกสติที่หลุดลอยกลับคืน “…ฮานะรู้สึกไม่สบายหรือเปล่าครับ” พีทเห็นว่าอีกฝ่ายตาแดงและยังมีสีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไร

   “เปล่า...ไปกันเถอะ” ฮานะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินนำออกไปนอกร้านโดยที่มีอีกคนตามหลังมาติดๆ เด็กหนุ่มไม่ได้เอ่ยปากถามให้มากความเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายดูอารมณ์ไม่ค่อยดี หลังจากที่ลิฟต์มาจอดที่ชั้นสำนักงานฮานะก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับฝากแก้วกาแฟเอาไว้

   

(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H R E E : 17/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 16-09-2019 21:28:00
กลุ่มควันสีขาวที่ลอยอ้อยอิ่งไปบนอากาศและรสชาติขมปร่าของนิโคตินช่วยเยียวยาจิตใจฟุ้งซ่านให้กลับมาคงที่ บุหรี่มวนที่สามถูกนิ้วเรียวคีบเอาไว้อยู่อย่างนั้น นัยน์ตาสีเข้มเฝ้ามองเปลวไฟที่ค่อยๆเผาไหม้มวนสีดำไปทีละนิด การจราจรวุ่นวายที่อยู่บนท้องถนนเบื้องล่างช่วยให้บรรยากาศบริเวณสวนลอยไม่เงียบเหงามากนัก

   ...ตลอดเวลาคำพูดของอเล็กซ์ที่ตราหน้าเขาเอาไว้อย่างเจ็บแสบคอยวนเวียนรบกวนจนฟุ้งซ่านจึงทำให้ต้องหลบหนีมาสงบจิตสงบใจ

   ฮานะดับบุหรี่ลงบนที่เขี่ยก่อนจะเอนตัวพิงราวกั้นกระจกพร้อมมองทิวทัศน์รอบกายไปเรื่อยเปื่อย เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาชี้ไปที่เลขหนึ่งบ่งบอกว่าถึงเวลาที่เขาต้องพาพีทไปที่ฝ่ายสไตล์ลิสต์ได้แล้ว

   มือเรียวสวยคว้ากล่องบุหรี่และไฟแช็กมาเก็บไว้ในกระเป๋าพกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในสำนักงานโดยที่ไม่ลืมแวะจัดการตัวเองในห้องน้ำเพื่อดับกลิ่นบุหรี่ที่ติดตามเนื้อตัว ฮานะเดินมาถึงบริเวณรีเซปชั่นที่บอกให้พีทนั่งรอก่อนจะพบว่าบนโซฟานั้นว่างเปล่า มีเพียงแก้วกาแฟสองแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกใส

   แก้วหนึ่งลดลงไปเกือบครึ่ง...แต่อีกแก้วกลับยังคงเดิม น้ำแข็งในแก้วของเขานั้นละลายจนเห็นว่าชั้นของกาแฟแยกกันระหว่างสีเข้มกับน้ำ เรียวคิ้วได้รูปขมวดมุ่นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายหายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าว พอจะโทรไปหาก็ดันลืมไปว่าตนเองไม่มีเบอร์ติดต่อจึงจำใจต้องนั่งรอบนโซฟาด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาทีละนิด

   “ฮานะ” แต่ก่อนที่ความคิดจะถลำลึก เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยก็เอ่ยเรียกจนทำให้ต้องหันกลับไปมอง

   “เธอไปไหนมา” ฮานะถามเสียงห้วน ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิดแต่จิตใจที่ถูกอเล็กซ์ว่ากระทบก่อนหน้าพานทำให้ควบคุมอารมณ์ได้ยาก

   เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะชูถุงกระดาษในมือและแก้วกาแฟที่เพิ่งเดินลงไปซื้อแทนคำตอบ “แก้วของคุณน้ำแข็งมันละลายจนเสียรสชาติผมเลยลงไปซื้อมาให้ใหม่” เขายิ้มบางเบา “ซื้อแซนด์วิชมาให้ด้วย กลัวว่าคุณจะหิว”

   ฮานะมองของที่อยู่ในมืออีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แต่ตะกอนขุ่นมัวที่มีอยู่นั้นยังคงไม่จางหายไป

   เขาเลือกที่จะมองเมินความหวังดีที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้ “ขอบใจ...แต่ฉันยังไม่หิวน่ะ เธอกินเถอะ”

   “แต่...คุณยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้า” พีทเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง

   “ช่างมันเถอะน่า…ไปกันได้แล้วเดี๋ยวสาย” ฮานะบอกปัดพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องงาน โดยที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับแก้วกาแฟเมนูโปรดทั้งแก้วเก่าและแก้วใหม่...ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาเอาใจใส่คนอย่างเขาเลยสักนิด

   “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำก่อนจะมองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินนำออกไป

   ภาพของผู้ชายอีกคนที่เดินสวนกับเขาตอนที่กำลังจะกลับไปที่โต๊ะฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง...ท่าทีของฮานะเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาคนนั้นเข้าไปหา แววตาที่โศกเศร้าดูเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนคนมองนั้นรู้สึกได้

   ...ทุกการกระทำของคนทั้งคู่อยู่ในสายตาของเขาตลอด...

   หลังจากที่ตารางงานวันนี้สิ้นสุดลงฮานะก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะขับรถไปส่งอีกฝ่ายเหมือนอย่างเคย แต่พีทกลับปฏิเสธ

   “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ” เรียวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นเล็กน้อย...เพราะอย่างนี้ไงถึงไม่ชอบวุ่นวายกับคนที่อายุน้อยกว่า เอาใจไม่ถูกเลยจริงๆ...

   “ผมกลับเองได้ครับ” เด็กหนุ่มย้ำคำเดิม “คุณจะได้ไม่ต้องขับรถให้เหนื่อย”

   “มันไม่ลำบากฉันนักหรอก” ฮานะเดินไปดักหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ ต้องเงยหน้าขึ้นจนสุดคอรู้สึกเมื่อยอยู่ไม่น้อย “พีท ...ทำไมเธอดื้ออย่างนี้”

   “ผมเปล่า” นัยน์ตาคมทอดมองอย่างเอื่อยเฉื่อยก่อนจะถอนหายใจออกมา “...ผมกลับเองได้จริงๆครับ” ที่ปฏิเสธไม่ได้คิดที่จะต่อต้านหรือทำตัวงี่เง่า แต่เพราะช่วงบ่ายที่ผ่านมาเขาได้รับข้อความจากเพื่อนสมัยเรียนให้ไปช่วยเล่นดนตรีที่ผับเพราะมือกลองประจำวงมันดันป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้วยความที่เขายังพอมีเวลาว่างและอยากหาอะไรทำแก้เบื่อเลยตกปากรับคำไป

   “’ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเธอ” ฮานะถอนหายใจออกมาและไม่คิดที่จะเซ้าซี้ต่อ “วันพรุ่งนี้อย่าลืมนัดคุณเคย์ละ สิบโมงเช้าฉันจะไปรับ” ย้ำถึงตารางฝึกวันแรกเป็นรอบที่สามของวันเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะลืม

   “ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ “เดินทางปลอดภัยนะครับ”

   “อืม...ขอบใจ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นที่ข้างมุมปาก “เธอเองก็ด้วย”

   

   บริเวณชั้นจอดรถช่วงเย็นนั้นจำนวนรถบางตาลงไปมาก ฮานะเดินทอดน่องไปเรื่อยเปื่อยเพราะรู้สึกว่าวันนี้ตนเองใช้สมองคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องเยอะแยะไปหมด...อีกอย่าง ลึกๆในใจยังคงแอบรู้สึกผิดที่ปฏิเสธน้ำใจของพีทโดยเอาอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาปะปนจนทำให้บรรยากาศระหว่างพวกเขามันอึมครึม

   ..เอาไว้พรุ่งนี้จะเลี้ยงข้าวเจ้าเด็กตัวโตเพื่อเป็นการไถ่โทษก็แล้วกัน...

   เผลออมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่นึกถึงใบหน้าเรียบนิ่งเวลาที่เห็นอาหาร...พีทเป็นคนที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกไม่ค่อยเก่งนักทำให้คาดเดาได้ยากว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้คือเวลาที่อยู่กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นพีทดูเป็นผู้ใหญ่มาก ตั้งอกตั้งใจทำงานและมีสมาธิจดจ่ออยู่กับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบได้ดีเกินคาด

   ...แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันแค่สองคน พีทจะยิ้มบ่อยมากกว่าปกติ และเป็นยิ้มที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น

   ...คล้ายกับว่าเจ้าตัวเผยด้านนี้ให้เขาได้เห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น..

   “หน้าระรื่นเชียวนะ” ทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจังหวะการก้าวเดินก็หยุดชะงักก่อนหนังศีรษะจะชาวาบขึ้นมาเมื่อเห็นว่ารอบกายนั้นไม่มีคนอื่นอยู่ “เหตุผลที่ตีตัวออกห่างจากฉัน...ที่แท้ก็ไปเป็นลูกไล่ไอ้ไก่อ่อนนั่น” ถูกกระชากจนตัวลอยไปกระแทกเข้ากับแผ่นอกกว้าง ความรู้สึกเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาเมื่อถูกเรี่ยวแรงมหาศาลบีบเคล้นบริเวณต้นแขน อีกฝ่ายใช้แขนอีกข้างโอบล็อกรอบเอวเอาไว้แน่น

   “อเล็กซ์” ฮานะพยายามดิ้นหนีแต่เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าเลยทำให้หน้ามืดและไม่มีแรงที่จะขัดขืนได้เต็มกำลังมากนัก “อเล็กซ์ปล่อยนะ...ฉันเจ็บ!” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ทำตามแล้วยังลากให้เดินห่างออกมาจากรถ

   “หยุดเล่นตัวซะทีฮานะ...มันไม่ได้ทำให้นายดูยากขึ้นสักเท่าไหร่หรอก” เขาหันไปตวาดเสียงดังก่อนจะจับอีกฝ่ายดันเข้าไปในรถซูเปอร์คาร์ของตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นที่สนใจไปมากกว่านี้...ถ้าแกเรนรู้ว่าเขาตามมารังควานฮานะละก็มีหวังถูกเพ่งเล็งแน่

   “อเล็กซ์...นายควรเชื่อฟังคำเตือนของคุณแกเรน” แม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองได้พูดคุยอะไรกันเอาไว้ แต่ท่าทีชะงักของอเล็กซ์ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี...เพราะมันแสดงให้เห็นว่าฝ่ายนั้นยังคงเกรงใจเจ้านายอยู่บ้าง

   “…คิดว่าฉันสนเหรอ” แต่แล้วรอยยิ้มร้ายกาจกลับฉายชัดขึ้นมาอย่างเหี้ยมเกรียม “นายไม่ยอมให้เขาทำอะไรฉันหรอกน่า...ที่รัก” เอ่ยบอกอย่างมั่นอกมั่นใจเพราะที่ผ่านมาที่รอดพ้นจากการทำโทษของแกเรนได้ก็เป็นเพราะฮานะแบกหน้าไปขออ้อนวอนให้ฝ่ายนั้นไม่เอาเรื่อง

   “…ต้องการอะไร” ฮานะเป็นฝ่ายถอยเพราะเริ่มรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องมาต่อล้อต่อเถียงในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

   “อย่าถามในสิ่งที่นายก็รู้คำตอบดี” อเล็กซ์เอื้อมมือไปลูบเรียวปากอีกฝ่ายอยากโหยหา ก่อนจะเคลื่อนนิ้วผ่านร่องรอยช้ำที่เริ่มเจือจางอย่างแผ่วเบา “ฉันอยากมีเซ็กส์กับนาย”

   “..ไม่...ไม่ได้” ฮานะส่ายหน้าปฏิเสธ

   “ว่าไงนะ?” อัลฟ่านิสัยดุร้ายเลิกคิ้วอย่างเหลือเชื่อราวกับได้ฟังเรื่องตลก

   “ฉันไม่อยากทำกับน...อะ!” พูดยังไม่ทันขาดคำศีรษะก็ถูกอุ้งมือใหญ่กระชากอย่างรุนแรงจนหน้าหงาย

   อเล็กซ์เอี้ยวตัวข้ามเบาะมาประกบจูบอย่างรุนแรงจนได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งทั้งโพรงปาก แผลใหม่ที่ปริแตกและแผลเก่าที่ถูกซ้ำเติมทำรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม ฮานะพยายามดิ้นขัดขืนและเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวันเมื่อถูกรุกรานจนไม่สามารถหลบหนีได้

   ความเกรี้ยวกราดและอารมณ์ที่เดือดพล่านถูกระบายออกมาในรูปแบบของจูบที่รุนแรงบ้าคลั่ง ฮานะถูกดึงตัวออกก่อนจะถูกกดศีรษะลงต่ำจนใบหน้าเสมอกับบริเวณเป้ากางเกงของอีกฝ่าย

   “จัดการซะ...ถ้าทำให้ฉันพอใจได้จะไม่รุนแรงด้วย” ซิปกางเกงถูกปลดลง บางส่วนที่เริ่มตื่นตัวถูกนำออกมาจากชั้นในสีเข้มก่อนจะใช้ตีลงข้างแก้มขาวเบาๆอย่างหยาบโลนเป็นเชิงสั่ง

   ฮานะเม้มปากแน่น ฟันขาวขบเข้าที่เรียวปากบวมช้ำจนได้เลือดเมื่อรู้สึกว่าคุณค่าของตนเองถูกอีกฝ่ายใช้เท้าเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าตนเองเป็นเพียงกระโถนที่คอยรองรับอารมณ์เบื้องต่ำ

   “เร็วเข้า” เสียงทุ้มเร่งเร้าเมื่อจินตนาการไปถึงโพรงปากอุ่นนุ่มที่เขาแสนจะคิดถึง

   ...เวลาที่ได้ยัดเยียดตัวตนเข้าไปจนฮานะสำลักหน้าแดงก่ำ...มันทำให้เขาอดใจไม่ไหวที่จะรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่บอบช้ำค่อยๆรับความใหญ่โตเข้าไปก่อนจะเริ่มปรนเปรอให้จนมันขยายตัวแน่นคับปาก เสียงทุ้มต่ำที่คราเครืออย่างสุขสมทำเอาความคลื่นเหียนตีรวนขึ้นมาจนแทบสำลักตอนที่อีกฝ่ายกดตัวลึกเข้ามาจนสุดความยาว ฮานะดันหน้าท้องแข็งแรงไว้เพราะเริ่มผ่อนลมหายใจไม่ทัน น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มจนเปียกชื้นเมื่อรู้สึกเจ็บกระพุ้งแก้ม

   ในขณะที่ม่านน้ำตาขึ้นมาบดบังภาพเบื้องหน้าจนเลือนราง จู่ๆเสียงทุ้มต่ำอันแสนอ่อนโยนก็ดังแว่วขึ้นมา พร้อมกับภาพแผ่นหลังกว้างที่แสนจะอบอุ่นและสายตาที่มองมาราวกับว่าเขาเป็นคนสำคัญ...

   ‘แก้วของคุณน้ำแข็งมันละลายจนเสียรสชาติผมเลยลงไปซื้อมาให้ใหม่’

‘ผมซื้อแซนวิชมาให้ด้วย กลัวว่าคุณจะหิว’

‘เดินทางปลอดภัยนะครับ’

...แต่ความเอาใจใส่ทั้งหมดกลับถูกเขาปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี..

   “อา...ดี อย่างนั้นแหละ” อเล็กซ์สวนกายเข้าไปอย่างไม่คิดปรานี “F*ck! ที่รัก...นายนี่มันสุดยอด” กลุ่มผมนุ่มที่คลอเคลียที่หน้าขาถูกขยุ้มรุนแรงตามอารมณ์ที่พุ่งสูง ร่างสูงใหญ่สะท้านไหวเมื่อได้ปลดปล่อยความกดดันทั้งหมดเข้าไปในโพรงปากเล็ก เขาถอนตัวออกมาก่อนจะบังคับให้อีกฝ่ายกลืนกินมวลอารมณ์ทั้งหมดเข้าไป

   “ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นอยู่ในลำคอ

คำชมแกมเย้ยหยันถูกส่งไปให้คนที่นอนหอบหน้าแดงก่ำอยู่บนเบาะ ฮานะยกแขนขึ้นมาเช็ดคราบขาวขุ่นที่เปรอะอยู่บนแก้มออกก่อนจะอดทนอดกลั้นกับความรู้สึกรังเกียจที่ตีรวนขึ้นมาจนแทบจะอาเจียนออกมา “คืนนี้ไปค้างห้องฉัน” เสียงทุ้มต่ำตัดบทโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบตกลง

   ซูเปอร์คาร์คันหรูเคลื่อนตัวออกมาจากตัวตึก อเล็กซ์หันไปมองคนที่นอนหมดสติอย่างไม่ได้รู้สึกผิดหรือสงสาร แต่แล้วใครบางคนที่กำลังยืนรอรถโดยสารอยู่ที่บริเวณฟุตบาทข้างถนนกลับดึงความสนใจของเขาไปแทน

   ...ดูท่าแล้วไอ้เด็กใหม่ที่คุณแกเรนเพิ่งรับเข้ามาคงกำลังยืนรอรถโดยสารอยู่...รูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมายทำให้เขาต้องแสยะยิ้มออกมาอย่างนึกสมเพช...มันก็คงมีดีแค่นี้

   รถยนต์คันหรูค่อยๆชะลอจอดเทียบข้างฟุตบาทที่อีกฝ่ายนั้นยืนอยู่ กระจกถูกลดระดับลงทำให้มันต้องหันมามอง ฝ่ายนั้นดูแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าผู้จัดการส่วนตัวของตนเองนอนอยู่เบาะข้างเขา

   อเล็กซ์ถอดแว่นกันแดดออกเพื่อที่จะได้จ้องตากับอีกฝ่ายชัดๆ...ยิ่งเห็นแววตาของมันเขาก็ยิ่งรู้สึกสะใจเมื่อสามารถประกาศความเป็นเจ้าของได้สำเร็จ และก่อนที่กระจกบานเลื่อนจะเลื่อนปิดเขาก็ไม่ลืมที่จะยกมือทักทายอีกฝ่าย

   ....ด้วยนิ้วกลางเพียงนิ้วเดียว ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม

   ..ถือว่าเป็นคำเตือน

อย่าได้สะเออะมายุ่งกับคนของเขา..

   “วันนี้มึงดูไม่มีสมาธิเลย มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า” เสียงทักอย่างเป็นห่วงมาพร้อมกับมือที่วางลงบนบ่า

   “เปล่า” พีทบอกปัด...เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่จะขึ้นเล่นเขาจึงถือโอกาสออกมาตากอากาศด้านนอกเพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นบุหรี่เท่าไรนัก แม้ว่าที่ผ่านมาจะรับงานเล่นดนตรีที่ร้านอาหารตอนกลางคืนแต่เขาไม่เคยแตะของมึนเมาและบุหรี่แม้แต่นิด เพราะเคยลองไปแล้วตอนมัธยมปลายตอนไปเที่ยวงานดนตรีประจำปี แค่เหล้าไม่กี่แก้วก็เล่นเอาล้มพับจนถูกแม่ด่าไปยกใหญ่ หลังจากนั้นมาเลยไม่คิดแตะมันอีก

   “เอาน่า...ทำใจให้สบาย เดี๋ยวก็ถึงคิวแล้ว” มันปลอบ “ถ้าพร้อมก็เข้าไปข้างในนะ กูบอกให้พวกมันเลิกสูบแล้ว จะขอซาวน์เช็กอีกที”

   “อืม...เดี๋ยวตามไป” เขาพยักหน้ารับ

   เมื่อเพื่อนเดินจากไป โทรศัพท์มือถือก็ถูกนำออกมาเลื่อนหารายชื่อที่ได้เมมเอาไว้เมื่อสองวันก่อน...หลังจากที่คุณแกเรนให้มาก็ยังไม่มีโอกาสจะได้โทรสักที

   ‘ฮานะ’

   รู้ตัวอีกทีก็กดโทรหาไปแล้ว เสียงสัญญาณที่ดังขึ้นต่อเนื่องเชื่องช้าพอๆกับจังหวะชีพจรในร่างกาย ภาพเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นฉายชัดขึ้นมาอีกครั้งทำให้ตัดสินใจกดตัดสายก่อนที่ทางนั้นจะกดรับ

   ...โทรไปขัดจังหวะช่วงเวลาส่วนตัวของพวกเขาคงไม่ใช่เรื่องดี..

   ร่างสูงใหญ่หันเดินกลับไปทางห้องพักนักแสดง แต่ก่อนที่จะได้หมุนลูกบิดเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำให้ต้องยกดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา

   แล้วชื่อของคนที่แสดงโชว์อยู่บนหน้าจอก็ทำให้ตัดสินใจกดรับทันที

   “ฮานะ”

   ปลายสายไม่ได้ตอบกลับมาในทันที กลับเว้นระยะไปสักพัก (อ..สวัสดีครับ) เสียงเบาหวิวที่สั่นเครือเล็กน้อยทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทางนั้นกำลังทำอะไร (...อเล็กซ์!-) เสียงสปริงเตียงที่ขยับเป็นจังหวะดังสอดแทรกเข้ามาทำเอาฝ่ามือเย็นเฉียบขึ้นมากะทันหัน

   สัญญาณที่ถูกตัดไปเงียบสงบแต่จังหวะชีพจรในกายกลับเต้นรัวแรงขึ้นเมื่อได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่

   ก่อนที่ความกดดันทั้งหมดจะถูกระบายลงกับหน้ากลองบนเวทีคอนเสิร์ต

   จังหวะที่หนักแน่น....รุนแรง

   ไม่ต่างกับท้องทะเลยามที่กำลังคลั่งเดือด



__________________________________

 ซึมไปเลยย โอ๋ๆนะครับลูกกกกก /หอมหัว 
แวะมาส่งกำลังใจให้เจ้าลูกหมาได้ที่ #ดอกไม้ของพีท หรือจะคอมเม้นต์ก็ได้คับบ 
/บ๊อกๆแบ๊กๆ


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/17/c75GZD.jpg)

หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H R E E : 17/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-09-2019 23:13:34
ช่วยพี่ฮานะด้วย..ยยยยยยย    :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H R E E : 17/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-09-2019 01:49:56
โอ้โห ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอฮานะ  :z3: :z3:
โกรธอ่ะโกรธทุกคนที่ทำให้ฮานะยังต้องเจออะไรแบบนี้
ทุกคนรู้ว่านายคนนี้คือสุดจะทนมาก หวังว่าคงมีบทลงโทษที่สาสมกับกับคนแบบนี้อ่ะ
แทนที่จะให้ฮานะไปอยู่ที่อื่นจะได้ปลอดภัย มาอยู่แบบนี้ก้ไม่มีใครช่วยอะไรได้เลยอ่ะแม้กระทั่งคนที่รั้งให้อยู่
แล้วคนพาลอ่ะอยู่ดีๆก็พาลมาที่พีทคืออะไร หมาบ้าชัดๆ
ลูกชั้นเป็นคนดีแกอย่ามายุ่งกับลูกชั้นนนนนนนนนน  :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 23-09-2019 01:26:33
CHAPTER FOUR

_________________________________


   ร่างเล็กพลิกตัวไปมาอย่างยากลำบากบนเตียงหลังกว้างเมื่อรู้สึกเจ็บร้าวที่บั้นท้ายจนชาหนึบ ฮานะค่อยๆปรับสายตาให้เข้ากับแสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องผ่านกระจกใสเข้ามาในห้องนอน ความเข้มของแสงและอุณหภูมิแสดงให้เห็นว่าเวลานี้สายมากแล้ว เจ้าตัวพยายามดันตัวขึ้นนั่งแต่ทว่าความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังทำให้ต้องล้มตัวลงนอนอีกรอบ เขารู้สึกกระหายจนลำคอแห้งผาก ริมฝีปากที่เคยชุ่มชื้นแห้งแตกเล็กน้อยจากอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ

   เนื้อตัวเปลือยเปล่าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนานั้นปรากฏร่องรอยฟันที่ขบกัดตามผิวเนื้อ...รอยดูดดุนขึ้นเป็นจ้ำสีแดงโดยเฉพาะบริเวณแผ่นอก ปลายนิ้วยกขึ้นแตะปลอกคอที่สวมใส่ไว้อยู่ตลอดเพื่อความอุ่นใจ

   หลังจากวันที่อเล็กซ์เริ่มก้าวก่ายกันจนเกินขอบเขต เขาก็ได้ทำการป้องกันตัวเองด้วยระบบที่แน่นหนาขึ้น

   ปลอกคอที่ผลิตมาจากหนังคุณภาพดีมีระบบป้องกันความปลอดภัยโดยการตั้งรหัสปลดล็อกอย่างแน่นหนาทำให้รอดพ้นจากพวกอัลฟ่าที่ชอบฉวยโอกาสละเมิดข้อบังคับทางกฎหมายอย่างอเล็กซ์...ปลอกคอนี้คุณแกเรนเป็นคนซื้อให้ในวันเกิดเมื่อปีที่แล้วเพราะกลัวว่าจะถูกฝ่ายนั้นทำร้ายเข้าสักวัน เพราะที่ผ่านมาฮานะให้ความไว้วางใจกับอเล็กซ์มากเกินไปจึงทำให้เกือบจะสร้างตราบาปให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว

   แม้ว่าเขาจะมองเรื่องคู่แห่งโชคชะตาเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยตัวยอมให้ใครมาเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ...แม้แต่ตัวอเล็กซ์ที่เขาเคยรักมากกว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ได้กระทำตามใจต้องการ...

   พันธนาการล่องหนที่เรียกว่าการผูกพันธะไร้ซึ่งความรักเข้ามาเกี่ยวนั้นมีแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...สู้อยู่กับอิสรภาพตามที่ใจต้องการเสียยังจะดีกว่า...ถึงแม้ว่าในบางครั้งมันอาจจะโดดเดี่ยวแต่ก็ไม่ได้แย่นักหรอก...

   “ตื่นแล้วเหรอ” คนที่เดินเข้ามาในเขตห้องนอนยืนพิงกรอบประตูด้วยท่าทางผ่อนคลาย ฝ่ายนั้นสวมไว้เพียงกางเกงยีนสีซีดตัวเดียวเท่านั้น บนแผ่นอกเปลือยปรากฏรอยเล็บที่ลากยาวจนเลือดซิบ อเล็กซ์ดูอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อวาน

   “กี่โมงแล้ว” ฮานะถามพลางขดตัวเข้ากับผ้าห่มเมื่อฝ่ายนั้นเดินมานั่งบนปลายเตียง

   “จะเที่ยงแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มตอบก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยแก้มเนียนอย่างนึกเอ็นดู...ถึงแม้ว่าเขาจะอยากลงไปนอนกอดฮานะมากแค่ไหนแต่บ่ายนี้ต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายวันจึงต้องยับยั้งความต้องการเอาไว้...เมื่อคืนเลยถือโอกาสตักตวงอย่างบ้าคลั่งจนฮานะหมดสติไปทั้งที่ส่วนล่างยังคงเชื่อมต่อกันอยู่

   “อะไรนะ” สีหน้าตื่นตะลึงฉายชัด ก่อนท่าทีลนลานจะปรากฏให้ได้เห็นจนเขาชักจะหงุดหงิดขึ้นมา

   “นายจะรีบไปไหน” อเล็กซ์ถามอย่างเกียจคร้านพลางเอื้อมมือไปหยิบมวนบุหรี่ที่โต๊ะหัวเตียงขึ้นมาสูบเพื่อผ่อนคลาย แววตาเจ้าเล่ห์แฝงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มระหว่างที่จ้องมองไปยังผิวเนื้อขาวจัดของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่ม

   และแล้วตะกอนอารมณ์ที่คั่งค้างก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฮานะกำลังก้มลงหยิบเสื้อยืดที่ถูกโยนลงไปกองที่พื้นขึ้นมาสวมอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มลูบนิ้ววนรอบริมฝีปากอย่างใช้ความคิดบุหรี่ที่เหลืออยู่ครึ่งมวนถูกดับลง เขาลุกเดินเข้าไปแนบชิดกับร่างที่เล็กกว่าก่อนจะสวมกอดรอบเอวคอดอย่างเบามือ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้เข้ากับลำคอขาวผ่องที่ส่งกลิ่นยั่วยวนก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาขบเม้มที่ลาดไหล่กลมมนอย่างนึกมันเขี้ยว

   เขาไม่ได้รักฮานะ..ไม่คิดจะรัก...

แต่ความรู้สึกที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของมันรุนแรงจนแทบทะลักออกมาจากอก ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายโดนจับแยกออกไปดูแลไอ้เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานเขาก็ยิ่งหวงแหนจนแทบคลั่ง... สัญชาตญาณสั่งให้ต้องแสดงออกเพื่อย้ำเตือนให้คนที่เข้ามาเกาะแกะกับฮานะได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีเจ้าของแล้ว...

และกับไอ้เด็กคนนั้นเขาไม่คิดว่ามันคือคู่แข่ง...เพราะมันไม่ได้มีค่ามากพอที่จะมาเทียบเสมอหรือแข่งขันกับเขาได้

..ก็แค่ไก่อ่อนที่ไม่มีพิษภัย...

“อเล็กซ์...ปล่อย” ฮานะขืนตัวหนี

“พักหลังมานี้ นายพูดคำนี้บ่อยเหลือเกินนะ” เขาแสยะยิ้มแต่ก็ยอมคลายอ้อนแขนออก

“ฉันต้องไปทำงาน” ร่างเล็กสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมพร้อมกับจัดทรงผมให้เข้าที่

ฮานะรู้สึกร้อนรนจนสติแทบไม่อยู่กับตัวเมื่อรู้ว่าตัวเองผิดสัญญากับใครอีกคน...ทั้งที่เป็นคนออกคำสั่งกับอีกฝ่ายแต่กลับผิดนัดเสียเอง

“ไปด้วยกันสิ” อเล็กซ์เอ่ยปากชวน เขาเดินกลับไปนั่งบนเตียงด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ยิ่งได้เห็นท่าทางร้อนรนของอีกฝ่ายก็ยิ่งได้ใจ “เมื่อวานนี้นายมากับฉัน จำได้หรือเปล่า” เขาย้ำเตือนความจำ

“ฉันไปเองได้” ฮานะคว้ากระเป๋ามาสะพายเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูห้องออกกลับถูกดึงกระชากจนตัวลอย ช่วงเอวถูกอ้อมแขนแข็งแรงโอบรัดเอาไว้จนไม่สามารถขับตัวหนีได้

“อย่าดื้อหน่อยเลยน่า” ชายหนุ่มดันลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้มเมื่อถูกนัยน์ตาสวยเฉี่ยวตวัดมองมาอย่างไม่พอใจ “ยังไงฉันก็ต้องเข้าบริษัทอยู่แล้ว”

“อเล็กซ์...นายไม่ควรมายุ่งกับฉันอีก” ฮานะพูดเสียงเข้มด้วยสีหน้าจริงจัง...เหมือนลูกแมวพองขนขู่เวลารู้สึกกลัว

“ทำไมฉันจะยุ่งกับเมียตัวเองไม่ได้” อเล็กซ์ยิ้มเย้ยเมื่อเห็นแววตาตื่นตะลึงของอีกฝ่าย ฮานะตกใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะแสดงความโกรธออกมาให้ได้เห็นผ่านทางสีหน้า “ทำไม? หรือนายติดใจดุ้นของไอ้เวรนั่นไปแล้ว...มันใหญ่ถึงใจใช่ไหมล่ะ เวลาที่ถูกมันเอาคงสำลักความสุขจนลืมฉัน” ถ้อยคำหยาบคายหยามเกียรติทำเอาหนังศีรษะชาวาบไร้ความรู้สึก ฮานะมือไม้สั่นเพราะไม่เคยได้รับการดูถูกเหยียดหยามเท่านี้มาก่อน

การที่อเล็กซ์ดึงเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเพียงเพราะต้องการเหยียดหยามและดูถูกกันมันทำให้เขานึกขยะแขยงจนแทบบ้า

“อย่าเอาพีทเข้ามาเกี่ยว...เขากับฉันไม่ได้มีอะไรเกินเลยเหมือนที่ความคิดสกปรกๆของนายพยายามยัดเยียดมาให้” ฮานะรวบรวมแรงผลักอีกฝ่ายจนตัวเซก่อนจะระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเหลืออด “จำเอาไว้อเล็กซ์...การที่นายเห็นฉันง่าย นั่นเพราะฉันเคยโง่หลงรักคนอย่างนาย...แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปนอนอ้าขาให้ใครก็ได้”

“...” ชายหนุ่มยืนมองคนที่เป็นลูกไล่เขามานานราวกับคนที่ไม่เคยรู้จัก...ในสายตาของฮานะเจ็บปวดและแตกสลายจนกลายเป็นความว่างเปล่า...และทั้งหมดนั่นก็ทำให้ภายในอกเขาวูบโหวงเป็นหลุมกว้าง

“หลังจากนี้เราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว ฉันส่งนายถึงฝั่งจนโด่งดังมีชื่อเสียงสมใจแล้ว เพราะฉะนั้นการที่ฉันจะขอวางมือจากนายก็ถือว่าเป็นความต้องการของฉันเอง” ฮานะหายใจเข้าเชื่องช้าเพื่อระงับความโกรธ “อเล็กซ์...นายรู้ดีว่านายไม่จำเป็นต้องมีฉัน…นี่ไงอิสระที่นายต้องการมาตลอด”

“...”

“...และหลังจากนี้ถ้านายยังดื้อด้านเข้ามาวุ่นวายเกินขอบเขตอีก...คราวนี้ฉันคงไม่สามารถห้ามคุณแกเรนได้” แม้จะไม่รู้ว่าทั้งสองตกลงอะไรกันเอาไว้ แต่เขาก็มั่นใจได้ว่าคำขู่ของคุณแกเรนทำให้อเล็กซ์ไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อต้านอย่างแน่นอน

“หึ...นายกล้าขู่ฉันเหรอ” เขาแค่นหัวเราะให้กับอดีตสุนัขรับใช้ที่ปีกกล้าขาแข็งเพราะมีคนคอยหนุนหลัง

“ฉันเปล่า...แค่คิดว่านายจะฉลาดมากพอที่จะไม่ทำอะไรจนขาดสติ” อเล็กซ์มองเข้าไปในแววตาที่เคยสยบลงให้เขามาตลอด ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าคราวนี้ฮานะพูดจริงไม่ได้ขู่เพียงแค่เอาตัวรอดเท่านั้น

ชายหนุ่มสบถหัวเราะในลำคอพร้อมกับยกสองมือขึ้นอย่างยอมแพ้ก่อนจะยอมล่าถอยอย่างไหวตัวทัน...หากเขายังตามติดฮานะอยู่แบบนี้มีหวังคงถูกแกเรนเล่นงานอย่างแน่นอน...

 “ก็ได้...ฉันจะไม่ยุ่งกับนาย” อเล็กซ์รับปากแบบขอไปทีทั้งที่ในใจนั้นไม่ได้คล้อยตามเลยสักนิด

เพราะโดยลึกๆแล้ว สายเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์อย่างเขามีความทะนงตัวสูงส่ง ทั้งยังหยิ่งผยองในศักดิ์ศรี...กับแค่โอเมก้าไร้ประโยชน์คนหนึ่งที่มีดีแค่ลีลาเซ็กส์จัดจ้านถูกใจ เขามองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องลงทุนลงแรงเอาตัวเข้าแลกเพื่อรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย “แต่จำไว้...ว่าไม่มีใครอยากกินของเหลือเดนจากคนอื่นหรอกนะที่รัก” อเล็กซ์ก้มลงกระซิบข้างใบหูขาวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “...แม้แต่ไอ้เด็กใหม่นั่นก็ด้วย...ถึงเวลานั้นอย่าคลานกลับมาอ้อนวอนฉันก็แล้วกัน”

ร่างสูงใหญ่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทิ้งให้ใครอีกคนยืนนิ่งอยู่กับความรู้สึกอันหนักอึ้งฮานะข่มความวูบโหวงที่กำลังปะทุขึ้นมาเอาไว้อย่างสุดความสามารถก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องของอีกฝ่าย

ลับหลังเสียงปิดประตูห้องนอนใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยประกายตาวาบไหวฉายแววลุ่มลึกยากที่จะคาดเดาความรู้สึกตอนที่มองลงไปยังบริเวณฟุตบาทหน้าคอนโดที่ใครบางคนกำลังยืนรอรถโดยสารอยู่

...เขาจะเฝ้ารอวันนั้น...วันที่สุนัขรับใช้ซบเซากลับมาหาอย่างหมดสิ้นท่าทางหยิ่งผยอง...

“คุณฮานะ” เบต้าหนุ่มจอมเจ้าชู้เดินมารับคนสวยที่ประตูทางเข้ายิมหลังจากที่สั่งให้พีทเวทเทรนนิ่งช่วงแขนโดยมีเทรนเนอร์อีกคนคอยควบคุมอยู่

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเด็กหนุ่มมาถึงก่อนเวลานัดหมายราวชั่วโมงเห็นจะได้ พอมาถึงก็ไม่พูดไม่จาสั่งให้ทำอะไรก็ทำโดนแกล้งรับน้องไปจนเหงื่อท่วมตัวก็ไม่แสดงท่าทีเหนื่อยอ่อนออกมาให้ได้เห็นสักแอะ...นับว่าเป็นคนที่มีความอดทนมากพอสมควร...แต่สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดต่างจากเมื่อวานทำให้เขาไม่ได้ถามอะไรให้มากความ

“สวัสดีครับ” ฮานะยิ้มทัก

“ผมนึกว่าคุณจะเข้ามาพร้อมพีทเสียอีก” เคย์เปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาด้านใน “ไม่สบายเหรอครับ” วันนี้คุณฮานะดูอาการไม่ค่อยจะดี ใบหน้าสวยฉายแววอิดโรยอยู่ไม่น้อย...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมากล้นไปด้วยเสน่ห์เหมือนอย่างเคย

“นิดหน่อยครับ...พอดีเมื่อวานตากฝนน่ะ” รอยยิ้มสดใสปรากฏแทนที่ความเศร้าโศก ฮานะเหลือบมองไปยังคนที่ยกบาร์เบลอยู่หน้าบานกระจกก่อนจะยกมือขึ้นทักทายเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นมองมาทางเขา “พีทเป็นยังไงบ้างครับ”

“ดีครับ...อดทนดีมาก ตั้งแต่เช้ามาไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยเลย เดี๋ยวให้เขาคาร์ดิโอต่อสักสามสิบนาทีแล้วทำการคูลดาวน์ก็หมดโปรแกรมวันนี้แล้วละครับ” ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะถูกเชิญไปนั่งที่ชุดโซฟาขนาดเล็กบริเวณมุมห้องโดยมีเคย์บริการหาน้ำหาท่ามาให้ระหว่างที่นั่งรอ

นัยน์ตาสีเข้มฉายแววเหนื่อยล้าออกมาเมื่อถูกไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเป่ารดตัว เชิ้ตขาวโอเวอร์ไซส์ที่สวมใส่มาตั้งแต่เมื่อวานถูกกระชับเข้าหากัน ฮานะนั่งมองคนที่อยู่บนลู่วิ่งสลับกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แอปพลิเคชันถูกกดเข้าออกเรื่อยเปื่อยก่อนหน้าบันทึกการโทรครั้งล่าสุดจะถูกเปิดขึ้นมาเพื่อยืนยันอะไรบางอย่าง

เมื่อคืนนี้หลังจากที่ถูกอเล็กซ์ปล่อยให้นอนพักเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่หัวเตียงก็ร้องเตือน พอหยิบมาดูก็พบว่าเป็นมิสคอลจากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ฮานะกดโทรกลับในเวลาเดียวกันกับที่อเล็กซ์สอดแทรกกายเข้ามาจึงต้องกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้ปลายสายได้ยิน

‘ฮานะ’

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังเลือนรางเข้ามาในโสตประสาท เมลล์ฉบับหนึ่งที่ถูกส่งเข้ามาเมื่อสองวันก่อนยังคงขึ้นเครื่องหมายเตือนว่าเขาคงลืมที่จะเปิดอ่านมัน

‘พีรัท โชติเมธี’

ข้อมูลส่วนตัวของพีทที่คุณแกเรนส่งมาให้และย้ำให้อ่านแต่เขากลับลืมไปเสียสนิท ปลายนิ้วไล่เลื่อนดูไปทีละหัวข้อพร้อมเก็บรายละเอียดในส่วนที่สำคัญเอาไว้

อายุ 22 ปี

ส่วนสูง 195 เซนติเมตร

น้ำหนัก 85 กิโลกรัม

**อัลฟ่าเลือดผสมสองเชื้อชาติ

มารดา โอเมก้า สัญชาติ ไทย อาชีพ:แม่ค้า

บิดา อัลฟ่า สัญชาติ บราซิล อาชีพ:ไม่ระบุ

และข้อมูลด้านอื่นๆอย่างเช่น เจ้าตัวเกิดและโตที่จังหวัดลำปาง อาศัยอยู่กับแม่และยายเพียงแค่สามคนส่วนข้อมูลด้านอื่นเกี่ยวกับผู้เป็นพ่อไม่มีเพิ่มเติม เรื่องการศึกษาพีทเรียนจบโรงเรียนประจำจังหวัด ส่วนมหาลัยสอบชิงทุนเข้าเรียนในวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นทุนอิสระที่มีความยืดหยุ่นในการผ่อนปรนการชดใช้ทุน

แต่แล้วเบอร์โทรที่อยู่ในช่องข้อมูลการติดต่อก็ทำให้ฮานะต้องกลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่ง

...เพราะมันเป็นเบอร์เดียวกันกับที่โทรหาเขาเมื่อคืนนี้..

ความกังวลเข้ามาเกาะกุมจิตใจเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรับรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้า...

พีทเดินเข้ามาหาด้วยตัวที่เปียกชุ่ม เด็กหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาข้างขมับ ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนโซฟายื่นผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้ “คุณเคย์บอกว่าคุณไม่สบายเหรอครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มถามอย่างเป็นห่วงโดยไม่ได้นึกสนใจเรื่องราวที่ผ่านมา

“ก็...นิดหน่อยน่ะ คงเป็นแค่หวัดธรรมดา” ฮานะพยักหน้า รู้สึกตัวรุมๆมาตั้งแต่อยู่บนแท็กซี่แล้ว “มานั่งสิ” เบาะโซฟาข้างตัวถูกตบเบาๆเป็นเชิงชักชวน

ตอนที่อีกฝ่ายทิ้งตัวนั่งลงข้างกัน ไอร้อนระอุที่แผ่ออกมาทำให้จังหวะชีพจรเต้นผิดปกติอีกครั้ง...ฮานะรู้สึกมึนหัวจนสายตาพร่าเบลอเจ้าตัวจึงคิดว่าคงเป็นเพราะผลข้างเคียงของยาระงับฮีทและยาคุมที่เพิ่งกินไปเมื่อช่วงสาย

...ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะมีอาการแบบนี้เกิดขึ้นเลยเสียด้วยซ้ำ..

“ฮานะ?”

พีทมองมาอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าและหอบหายใจแรง เขาถือวิสาสะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากชื้นเหงื่อก่อนจะพบว่าฮานะตัวร้อนจัด “คุณต้องไปหาหมอ” เด็กหนุ่มว่าเสียงเครียดพลางนึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่เจอกัน...ฮานะดูอาการย่ำแย่มาตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว

“ไม่...ไม่เป็นไร” เสียงแหบพร่าอ่อนแรงบอกปฏิเสธพร้อมกับฝืนยิ้มผ่านหน้ากากอนามัยที่สวมใส่ “เธอหิวหรือยัง ...ไปหาอะไรทานกันไหม” เขาออกปากชวนเพราะวันนี้ตารางของพีทมีแค่เวทเทรนนิ่งในช่วงเช้าเท่านั้น

“เรื่องนั้น ช่างมันก่อนเถอะครับ” พีทย้ำเสียงเข้ม เรื่องนั้นถูกปัดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี

“พีท! เธอจะทำอะไร!” จู่ๆฝ่ายนั้นก็รวบตัวเขาขึ้นอุ้มแนบอก ฮานะจึงรีบจับเสื้อยืดชื้นเหงื่อเอาไว้เพราะกลัวว่าจะตก แต่พีทกลับอุ้มเขาได้สบายๆโดยไม่ต้องออกแรงเลยสักนิดทั้งที่เพิ่งผ่านการออกกำลังกายมา “ปล่อยฉันลงนะ” ฮานะว่าเสียงเข้มพร้อมขมวดคิ้วแน่นเมื่อพวกเขาตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นที่อยู่ในยิม...โดยเฉพาะคุณเคย์ที่ดูตื่นตะลึงกว่าใคร

ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นไม่แสดงอาการอะไรออกมาถึงแม้จะถูกสายตานับสิบคู่จ้องมองก็ตามที เด็กหนุ่มก้าวเดินด้วยความมั่นคง เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเมื่อคนในอ้อมกอดเริ่มดิ้นจนหวิดจะตกลงพื้นอยู่หลายหน

“ฉันเดินเองได้” ฮานะเค้นเสียงลอดไรฟันเมื่อใกล้ถึงโถงลิฟต์ ดีหน่อยที่ระหว่างทางเดินนั้นไม่มีใครอยู่...ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงอื้อฉาวไปทั้งบริษัท “โอเคๆ เข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้เธอต้องปล่อยฉันลงก่อน ใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี”

“...ผมเป็นห่วงคุณ” แววตาที่แฝงไปด้วยประกายคุโชนก้มลงมามองจนคนที่อายุมากกว่าได้แต่ปิดปากเงียบ

“พีท...อย่าดื้อนะ ปล่อย” ฮานะเร่งเร้าเมื่อเห็นว่ามีพนักงานคนอื่นกำลังเดินตรงมาทางนี้

ในที่สุดเจ้าเด็กตัวโตก็ยอมปล่อยให้เขาลงไปยืนที่พื้นแต่เจ้าตัวก็ยังคงยืนประชิดจนรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากแผ่นอกอุ่น ฮานะพยายามที่จะไม่หันไปมอง ตอนที่อยู่ในห้องโดยสารลิฟต์ด้วยกันเพียงแค่สองคน ก่อนเขาจะได้โอกาสเปิดบทสนทนาขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด

วันนี้พีทดูแปลกไปเล็กน้อย แววตาที่คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างหลบซ่อนอยู่ทำให้เขาอยู่ไม่สุข

“ขอโทษนะที่เมื่อเช้าไม่ได้ไปรับ” ฮานะมองภาพสะท้อนคนด้านหลังจากบานประตูลิฟต์ “แล้วก็...เมื่อคืนที่เธอโทรมา ฉันติดธุระนิดหน่อย ก็เลย...”

“ครับ...ผมเข้าใจ” เด็กหนุ่มหันมาสบตากันผ่านภาพสะท้อนและมองอยู่อย่างนั้นจนเขาต้องเป็นฝ่ายก้มหน้าหลบ “ผมต่างหากที่โทรไปรบกวนคุณในเวลาส่วนตัว” ความหมายบางอย่างที่แฝงเร้นทำให้ต้องเม้มริมฝีปากด้วยความประหม่า

“...ไม่รบกวนหรอก” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองเลขบอกระดับชั้นด้วยจังหวะชีพจรที่ถี่กระชั้นขึ้น...บรรยากาศแปลกๆที่เริ่มก่อตัวทำให้เขาควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ ฝ่ามือกำแน่นจนขึ้นสีซีดชื้นเหงื่อ

เสียงสัญญาณดังขึ้นบ่งบอกว่าลิฟต์ได้จอดบริเวณชั้นโรงจอดรถเป็นที่เรียบร้อย ฮานะก้าวออกมาจากห้องโดยสารด้วยท่าทีเร่งรีบโดยมีใครอีกคนเดินตามมาไม่ห่าง

“ผมขับเอง” พีทเสนอ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าไม่ค่อยดี

“เธอมีใบขับขี่หรือยัง” แทนคำตอบ เด็กหนุ่มก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากเป้ก่อนจะหยิบสิ่งที่เขาถามหาขึ้นมาโชว์ “โอเค” ฮานะส่งกุญแจรถไปให้

ให้พีทเป็นคนขับก็ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้เขาเองก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมาไม่น้อย

(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 23-09-2019 01:28:01
“พักผ่อนน้อยอีกตามเคย” เสียงดุที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นพร้อมกับการเขียนใบสั่งยา “’งานหนักมากเลยเหรอ” คุณหมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนไข้ประจำที่ค่อนข้างสนิทสนมกันเพราะอีกฝ่ายมาขอคำปรึกษาเรื่องยาคุมและยาระงับฮอร์โมนอยู่บ่อยครั้ง เขาลอบสังเกตอาการของคนตรงหน้าไปเงียบๆ แต่สายตากลับเห็นรอยช้ำที่บริเวณไหปลาร้าตอนที่คอเสื้อมันร่นลงมา ทางนั้นจึงรีบกระชับมันเข้าหากันและทำทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ครับ”

“มันไม่ใช่ข้ออ้างที่คุณจะละเลยและไม่ดูแลตัวเอง...รู้ใช่หรือเปล่า” เขาถือโอกาสติเตียน

“ผมทราบครับ” ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ

“หลังจากที่ยาชุดนั้นหมด...ผมคงต้องให้คุณงดเอาไว้ก่อน” นายแพทย์หนุ่มว่าเสียงเรียบพร้อมเพิ่มรายชื่อวิตามินบำรุงร่างกายลงไปในใบสั่ง “รอจนกว่าร่างกายของคุณฟื้นตัวก่อนจะดีกว่าเพราะผลข้างเคียงมันค่อนข้างอันตรายถ้าสุขภาพคุณยังเป็นแบบนี้...แต่ถ้าจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ก็เน้นกำชับให้คู่นอนของคุณป้องกันด้วย”

เพราะยาคุมสำหรับการตั้งครรภ์และยาระงับฮีทสำหรับโอเมก้านั้นมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรงถ้าหากว่าได้รับเข้าไปในร่างกายในปริมาณที่มากจนเกินไป นอกจากจะทำให้ระบบของส่วนต่างๆในร่างกายทำงานผิดปกติแล้วยังส่งผลถึงโอกาสเสี่ยงที่จะแท้งในอนาคตรวมไปถึงเปอร์เซ็นต์การตั้งครรภ์ที่จะลดน้อยลงด้วย

“ครับ ผมจะระวัง” ฮานะเม้มปากด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนสิ่งที่ขบคิดมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาจะถูกถามออกไป “คือผม...มีเรื่องอยากจะปรึกษาอีกเรื่อง”

“ครับ...ว่ามาได้เลย”

“ผมแค่อยากรู้ว่าผลข้างเคียงของยา...มันทำให้ใจสั่นไหมครับ”

“ใจสั่นแบบไหน” ฝ่ายนั้นประสานมือเข้าหากันก่อนจะถามข้อมูลเพิ่มเติม

“…ก็...เท่าที่ผมรู้สึก มันคล้ายกับอาการฮีท..แต่...แค่ไม่ได้มีความต้องการในเรื่องแบบนั้น” ใบหน้าสวยร้อนวูบ ฮานะเม้มปากเป็นเส้นตรงเพื่อระงับอาการตึงเครียด “…มันแปลก”

นายแพทย์หนุ่มลอบมองคนไข้ในความดูแลอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะนำเอาเหตุผลและอาการของอีกฝ่ายมาคิดทบทวนซ้ำไปมา เพราะเท่าที่เคยสอบถามฝ่ายนั้นเข้าช่วงฮีทครั้งล่าสุดเมื่อสองปีที่แล้วและตัวยาที่เขาให้ไปก็ค่อนข้างแรงพอสมควร อาจเป็นไปได้ว่าอาการข้างต้นนั้นคงเกิดจากผลข้างเคียงของตัวยา

...แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น...แทบไม่มีคนไข้คนไหนเลยที่จะมีอาการในลักษณะแบบนี้

“ผมคงด่วนสรุปตอนนี้ไม่ได้” นายแพทย์หนุ่มกล่าว “เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมาร่างกายคุณรับยาเข้าไปในปริมาณที่มาก มันจึงทำต่อมสร้างฟีโรโมนนั้นทำงานผิดปกติจนไม่เกิดอาการฮีทและเป็นไปได้ว่าอาจจะมีผลไปถึงการรับรู้กลิ่นของคู่นอนด้วย...คุณเข้าใจใช่ไหม”

.เมื่อได้รับยาในปริมาณที่มากเกินที่ร่างกายจะรับไหวอาจจะส่งผลไปถึงการรับรู้กลิ่นของคู่แห่งโชคชะตา ซึ่งบางรายอาจต้องรอให้ร่างกายนั้นปรับสภาพเพียงไม่กี่เดือน แต่บางรายก็ต้องรอนานไปหลายปี

...หรือมันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็เป็นได้

และนั่นก็หมายความว่าแม้คู่ของตนจะอยู่ใกล้หรือมีสัมพันธ์ทางกายกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...ก็ไม่อาจผูกพันธะได้...

...ตลอดชีวิต..



ฮานะขอตัวกลับหลังจากที่ได้ใช้เวลาปรึกษากับแพทย์ประจำตัวเป็นเวลานานพอสมควร หลังจากที่ออกมาจากห้องตรวจก็พบว่าพีทนั่งรออยู่ที่เดิมไม่ไปไหน และเมื่อฝ่ายนั้นเห็นเขาเดินออกมาก็รีบลุกเดินมาหาด้วยสีหน้าที่เจือไปด้วยความรู้สึกห่วงใย

“เป็นยังไงบ้างครับ” เด็กหนุ่มถาม

“ก็มีไข้นิดหน่อย...แล้วก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายมันเลยประท้วงน่ะ” ฮานะพูดติดตลกเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวลลง แต่เจ้าเด็กตัวโตกลับขมวดคิ้วมุ่น

“คุณต้องดูแลตัวเองมากกว่านี้” พีทว่าเสียงเครียดจนคนอายุมากกว่าต้องหยุดฟัง “ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา มันจะแย่เอานะครับ” ในตอนนี้อีกฝ่ายกลับดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขาเสียอีก

ฮานะเม้มปากแน่นเพราะไม่ชินกับการถูกเอาใจใส่แบบนี้มาก่อน “รู้แล้วน่า...ขอบใจที่เป็นห่วง” ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “หิวชะมัดเลย”

“อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงลองหยั่งเชิงโดยการยื่นข้อเสนอแสนเรียบง่าย

เพราะตอนที่ยังเป็นเด็กเวลาที่เขาป่วยหรือมีเรื่องที่ไม่สบายใจแม่กับยายจะชอบทำของอร่อยๆมาให้ทานเสมอ พร้อมกับบอกว่าของอร่อยจะสามารถเยียวยาวันแย่ๆให้พอมีรอยยิ้มได้บ้าง...และเขาเองก็อยากให้ฮานะได้รู้สึกแบบนั้น

“ถามทำไม เธอจะทำให้กินเหรอ” ฮานะแกล้งแหย่ไม่คิดจริงจัง แต่คำตอบที่ได้รับทำเอาต้องเก็บคำพูดก่อนหน้ากลับมาแทบไม่ทัน

“ถ้าคุณต้องการ”

“ฉันล้อเล่นน่า” ก็พอรู้ว่าที่บ้านเจ้าตัวทำร้านอาหารแต่ก็ไม่ใช่ว่าลูกเจ้าของร้านจะต้องทำเป็นนี่ ตอนแรกก็คิดว่าโม้เอาไว้ซะอีก...เล่นดนตรีได้ ทำอาหารเป็น นี่มันสเปคผู้ชายในฝันของใครต่อใครเลยนะเนี่ย...

“ผมพูดจริง” พีทยืนยันคำเดิม เขามองแววตาหมองหม่นที่เริ่มทอแววสดใสขึ้นมาบ้างเล็กน้อยก็เริ่มใจชื้น

“ถ้าอย่างนั้น...เอาเป็นซุปไก่ร้อนๆก็แล้วกัน ทำได้หรือเปล่า” เมนูนี้แม่ชอบทำให้ทานตอนที่เขาป่วย น้ำซุปร้อนๆหอมกลิ่นพริกไทยกับรากผักชี...แค่คิดก็ท้องร้องแล้ว

“สบายมากครับ” เด็กหนุ่มยิ้มยืนยันคำตอบ

“ถ้าไม่อร่อยจะบอกให้คุณเคย์เล่นงานหนักๆ” ขู่เอาไว้แค่นั้นก็หมุนตัวเดินนำกลับไปที่รถโดยมีใครอีกคนมองตามก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าคมเข้ม

...สุดฝีมือเลย

ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลาเร่งด่วนแบบนี้ ฮานะเป็นคนเสนอให้ซื้อวัตถุดิบและเครื่องปรุงไปทำที่คอนโดของตัวเองเพราะปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่เข้าครัวทำอาหารทานเองอยู่แล้วเลยแทบจะไม่มีอะไรติดครัวเลยนอกจากน้ำมันมะกอกและเครื่องปรุงอีกนิดหน่อย

...เรียกได้ว่าทำไม่เป็นเลยก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่ก็เน้นทำเมนูง่ายๆอย่างเช่นแซนวิชหรือไม่ก็อาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ต้องมาปรุงเพิ่มด้วยวิธีง่ายๆ

แต่ถ้าต้องไปทำขั้นแอดวานซ์อย่างเช่นพวกต้มผัดแกงทอดแล้วละก็ล่มไม่เป็นท่า

...แค่หุงข้าวยังเละเป็นข้าวต้ม..

“ฮานะชอบทานเนื้อส่วนไหนครับ” พีทหันมาถามตอนที่ยืนอยู่หน้าตู้แผนกขายเนื้อไก่

มันละลานตาไปหมด

ปกติแล้วก็ซื้อกินในรูปแบบสำเร็จรูป พอมาเห็นไก่ดิบแบบนี้มันเลยไม่ค่อยจะชินสักเท่าไร...เรียกได้ว่าย่างเข้าสู่วัยสามสิบได้อย่างไร้คุณภาพเรื่องการทำอาหารจริงๆ...

“ชอบกินน่อง” ถุงพลาสติกถูกคลี่ออกเพื่อเตรียมคีบเนื้อไก่มาใส่ พีทเดินไปเลือกน่องไก่ชิ้นใหญ่เท่าฝ่ามือ เลยทำให้ต้องออกปากท้วงเพราะเข้าใจไปเองว่าอีกฝ่ายหยิบผิด “มันใหญ่ไป...เอาน่องเล็กก็พอ”

“น่องเล็ก?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ ก่อนจะร้องอ๋อในตอนท้ายเมื่อเพิ่งเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย “หมายถึงปีกบนใช่ไหมครับ” เขาชี้ไปที่กระบะด้านบน ฮานะทำหน้าเหวอนิดหน่อยก่อนจะรีบพยักหน้ารัวเพื่อยืนยันคำตอบ

“อื้อ อันนั้นแหละ” น่าอายไหมล่ะ อายุสามสิบแล้วยังไม่รู้จักชิ้นส่วนไก่เลย...

“เมื่อก่อนผมก็เข้าใจว่ามันเป็นน่องเหมือนฮานะ” พีทพูดด้วยท่าทีที่ปกติ ไม่มีการซ้ำเติมให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ “อันนี้เรียกปีกปลาย แล้วก็นี่เป็นปีกเต็ม” เขาถือโอกาสอธิบายเพิ่มจนอีกฝ่ายร้องอ๋อ

“ก็ปกติมีหน้าที่กินอย่างเดียวนี่~” คนตัวเล็กยู่หน้าจนจมูกย่น ลืมรักษาภาพลักษณ์ไปโดยปริยายเพราะเวลาที่ได้อยู่กับพีทเขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องวางตัวอะไรให้มากมาย

“อยากได้อะไรเพิ่มไหมครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับพร้อมกับก้มมองของในตะกร้าที่มีครบแล้ว “เอาขนมหน่อยไหม”

   “ฉันไม่ชอบของหวาน” ฮานะปฏิเสธ จริงๆก็ไม่ใช่ไม่ชอบเสียทีเดียวแต่มันติดนิสัยมาจากช่วงที่กำลังไดเอทอยู่เลยชิน “เธออยากซื้ออะไรเพิ่มก็หยิบได้ตามสบาย ฉันจ่ายเอง ถือว่าเป็นค่าตอบแทนมื้อเย็น”

   ก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงินพีทเลยเลือกหยิบช็อกโกแลตมาสามแท่งและทุกอันล้วนเป็นดาร์กช็อกโกแลตที่ไร้ส่วนผสมอย่างอื่น

   “เธอคุมอาหารอยู่นะ” ฮานะหรี่ตามองอย่างคาดโทษแต่ฝ่ายนั้นกลับทำเพียงแค่ยักไหล่ตอบกลับมา

   หลังจากที่เดินทางมาถึงคอนโดถุงข้าวของทุกอย่างที่ซื้อมาถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ครัวจนเต็มแทบไม่มีที่ว่าง ฮานะปลีกตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะอยู่ในชุดเดิมมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ ปล่อยให้พ่อครัวจำเป็นจัดการมื้อเย็นอยู่ด้านนอก ...และเพราะมีแขกมาบ้านจึงจำเป็นต้องแต่งตัวเรียบร้อยกว่าปกติ...ถ้าอยู่คนเดียวแค่เสื้อยืดหนึ่งตัวก็ถือว่าเหลือเฟือแล้ว

   กางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ตแขนสั้นเข้าชุดถูกหยิบมาใช้งานจนแทบนับครั้งได้ เจ้าตัวเดินลากสลิปเปอร์ออกมาจากห้องนอนทั้งที่ผมยังเปียกชื้นมีน้ำหยดแหมะๆจนต้องใช้ไดร์เป่าให้แห้ง

   กลิ่นหอมของรากผักชีและพริกไทยลอยเข้ามาปะทะจมูกจึงต้องรีบเดินไปทางโซนครัวแล้วก็ได้เห็นว่าพีทกำลังยืนหั่นมันมะเขือเทศอยู่ ข้างกันมีจานหอมใหญ่และมันฝรั่งเตรียมพร้อมเอาไว้ และแล้วความคิดที่อยากจะมีส่วนร่วมก็ผุดขึ้นมาทั้งที่ปกติไม่เคยนึกอยากลอง ฮานะเดินเลียบเคียงเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะสะกิดเข้าที่ข้างเอว

   “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ” เด็กหนุ่มหันมามองทั้งที่มือยังหั่นผักอยู่ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

   “ขอช่วยได้ไหม” ดวงตากลมโตคล้ายเด็กเล็กๆเวลาที่เห็นของเล่นถูกใจช้อนขึ้นมอง

   พีทขยับตัวถอยพร้อมกับส่งด้ามมีดให้ก่อนจะย้ายไปดูน้ำซุปในหม้อ พอมันเดือดปุดๆก็ใส่มันฝรั่งกับหอมใหญ่ลงไป รออีกสักพักก็ตามด้วยปีกไก่ที่ล้างจนสะอาด น้ำซุปถูกปรุงด้วยซุปก้อนสำเร็จรูปแทนน้ำสต็อกไก่ด้วยความจำเป็นและเวลาที่ค่อนข้างเร่งรีบ มะเขือเทศถูกใส่ตามลงไปเป็นอันดับสุดท้ายก่อนจะปิดฝาและใช้ไฟกลางต้มไปเรื่อยๆ รอจนรสหวานจากผักจะซึมออกมาผสมกับน้ำซุปจึงใส่เกลือลงไปแล้วตั้งไฟต่อรอจนไก่เปื่อยนุ่มและผักนิ่มจนใสก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

   ฮานะท้องร้องหนักตอนที่ฝาหม้อถูกเปิดออก กลิ่นน้ำซุปหอมจนต้องแอบกลืนน้ำลายด้วยความหิว

   “ไปนั่งรอที่โต๊ะก็ได้ครับ เดี๋ยวผมตักไปให้” พีทยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องซุปไก่ไม่วางตา

   ฮานะปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย เจ้าตัวเดินไปนั่งรอที่โซฟาหน้าทีวีพร้อมกับเปิดหนังดูแก้เบื่อ รอไม่นานซุปไก่ร้อนๆก็ถูกยกมาวางบนโต๊ะกระจก กลิ่นหอมของน้ำแกงลอยขึ้นมาปะทะจมูกจนต้องรีบหยิบช้อนขึ้นมาเตรียมพร้อม

   “ระวังร้อนนะครับ” พีทเตือน แต่ก็ช้ากว่ามือที่ตักน้ำแกงแล้วซดเข้าปากทันทีโดยไม่เป่าให้หายร้อนเสียก่อน

   “ฮ๊า!” ฮานะร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกแสบจนลิ้นพองก่อนจะเป่าปากไปมาจนหน้าแดงก่ำ

   “เป่าก่อนสิครับ” เด็กหนุ่มยิ้มขำพร้อมกับส่งกระดาษทิชชูไปให้อีกคนได้ซับหน้า เขาเดินไปตักซุปไก่ในส่วนของตัวเองพร้อมกับหยิบน้ำและช็อกโกแลตติดมือมาด้วย ฮานะค่อยๆทานอย่างระมัดระวังพร้อมกับชมว่าอร่อยไม่ขาดปากก่อนซุปไก่ถ้วยที่สองจะถูกเจ้าตัวจัดการจนเกลี้ยง...เห็นแบบนี้คนทำก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบแล้ว..

   “เธอชอบทำอาหารเหรอ” หลังจากที่อาสาเดินเอาถ้วยไปล้าง ฮานะก็กลับมานั่งซุกตรงมุมโซฟาด้วยความรู้สึกที่สบายตัว อากาศที่พอเหมาะของเครื่องปรับอากาศอยู่ที่อุณหภูมิพอดี เวลาที่ท้องอุ่นเพราะของกินอร่อยๆนี่มันทำให้มีความสุขจนแทบอยากจะนอนกลิ้งไปมาชะมัดเลย

   “ก็พอทำได้ครับ” พีทยิ้มรับพร้อมส่งยาหลังอาหารมาให้ตามด้วยน้ำอุ่นแก้วโต “ดื่มน้ำเยอะๆนะครับ”

   “ขอบใจนะ” เขาทำตามอย่างว่าง่าย

   ช็อกโกแลตแท่งหนึ่งถูกยื่นส่งมาตรงหน้า มันเป็นอันเดียวกันกับที่พีทหยิบมาจากซุปเปอร์มาเก็ต ดาร์กช็อกโกแลตเก้าสิบเปอร์เซ็นต์มีสีที่เข้มจนเกือบดำ ฮานะมองเจ้าขนมในมือสลับกับอีกคนอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไรนัก

   “คุณบอกไม่ชอบของหวาน” พีทย้ำ “แต่ช็อกโกแลตช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้นะครับ”

   “จริงเหรอ” ก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง แต่ไม่คิดว่าคนอย่างพีทจะสนใจอะไรแบบนี้ด้วย

   ฮานะรับมาแกะห่อกระดาษและฟลอยสีเงินออก กลิ่นหอมของโกโก้ที่ฟุ้งขึ้นมาทำให้ต้องหักเสี้ยวส่วนปลายมาดมก่อนจะลองแตะลิ้นไปมาเพื่อทดสอบรสชาติ

   “ลองชิมดูสิครับ” พีทมองใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยด้วยความเพลิดเพลิน ตอนที่ฮานะชิมช็อกโกแลตแล้วหน้าเบ้เพราะความขมน่าเอ็นดูเสียจนไม่สามารถหันไปมองทางอื่นได้ “เป็นยังไงบ้างครับ”

   “ขม” ฮานะวางมันลงบนโต๊ะ เท่านี้ก็พอแล้ว “แต่ก็ดี...ไม่เคยกินมาก่อนเลย” รสชาติขมปร่ายังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้นแต่ความหอมของโกโก้ยังคงคลุ้งอบอวลอยู่ในโพรงปาก “วันนี้เธอนอนค้างที่นี่ก็ได้นะ พรุ่งนี้มีคลาสเทรนด์แต่เช้าจะได้ออกไปพร้อมกันทีเดียว ไม่เสียเวลา” เพราะตอนนี้ข้างนอกเริ่มครึ้มจนมืดดูท่าคืนนี้ฝนคงตกหนักน่าดู

   “ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้” เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

   “งั้น...เดี๋ยวฉันไปส่ง” พอตั้งท่าจะลุกไปหยิบกุญแจรถก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ ความอุ่นร้อนจากอุ้งมือใหญ่ที่กอบกุมอยู่ทำให้รู้สึกราวกับถูกกระแสไฟแล่นปลาบเข้ามาเล่นงานจนทั้งคู่ต้องชักมือกลับด้วยความรวดเร็ว

   “ฮานะพักผ่อนเถอะครับ ผมกลับได้ สบายมาก”

   “ให้เลือกระหว่างจะค้างที่นี่ หรือว่าจะให้ฉันขับรถไปส่ง” ฮานะไม่ยอมง่ายๆเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะต้องตากฝนจนไม่สบาย

เด็กหนุ่มนิ่งค้างไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างจนมุมพร้อมกับตกปากรับคำจนเป็นที่น่าพอใจ

   “...ค้างที่นี่ก็ได้ครับ”

   “ดีมาก ไม่ดื้ออย่างนี้สิน่ารัก~” ฮานะเอื้อมมือขึ้นไปบีบปลายคางอีกฝ่ายพร้อมกับส่ายไปมาเบาๆก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหยิบเอาของใช้จำเป็นออกมาให้

   ...ทิ้งให้ใครอีกคนยืนมองตามด้วยใบหน้าที่ร้อนจัดเสียยิ่งกว่าหม้อแกงบนเตา..

____________________________

   หล่อนจะล่อลวงอะไรลูกชั้น!

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/23/c9zERV.png)

ร่วมเป็นกำลังใจให้เจ้าลูกหมาได้ที่ #ดอกไม้ของพีท และคอมเม้นต์นะค้าบบบ /กระดิกหางดุ๊กๆๆ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-09-2019 02:51:26
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 23-09-2019 05:28:49
 :mew4:  สงสารฮานะ.. สงสารพีท....เกลียดอเล็กซ์
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 23-09-2019 09:02:33
อเล็กซ์เลวมาก อยากจะทุบๆๆๆๆ
พีทกับฮานะเป็นคู่แห่งโชคชะตาแน่ๆเลย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-09-2019 23:03:06
ทำอะไรกับคนแบบอเล็กซ์ได้บ้าง  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 24-09-2019 07:06:05
พีทเหมือนหมาตัวโตๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-09-2019 16:44:32
สุดท้ายอเล็กซ์จะรู้ว่ารักฮานะ..เชอะ  :m16:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-09-2019 19:22:28
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R : 23/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 25-09-2019 16:29:48
เชียร์น้องพีทนะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 06-10-2019 17:01:58
CHAPTER FIVE


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/10/06/cANLX9.jpg)

_________________________________




   ท่ามกลางความเงียบสงบในค่ำคืนที่มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและสายฝนที่สาดเทกระหน่ำลงมากระทบบานกระจกเป็นระลอก นาฬิกาพรายน้ำที่ตั้งอยู่ข้างจอโทรทัศน์แสดงเวลาให้เห็นว่าอีกยี่สิบนาทีจะเที่ยงคืน ร่างสูงใหญ่ที่นอนเอนกายอยู่บนโซฟารับแขกค่อยๆลุกขึ้นยืนโดยไม่ให้เกิดเสียงรบกวนคนที่นอนอยู่ในห้อง

   บานประตูไม้ถูกเปิดออกอย่างเบามือ แสงสลัวที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องนอนนำทางให้เขาเดินฝ่าความมืดเข้าไปยืนอยู่ข้างคนที่กำลังนอนซุกผ้านวมผืนใหญ่โผล่มาให้เห็นแค่เปลือกตาที่ปิดสนิท โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงถูกเปิดเพื่อให้แสงสว่างสีนวล เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนหน้าผากเนียนเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย

   เมื่อช่วงหัวค่ำฮานะเพิ่งสระผมไปเขากลัวว่าไข้จะขึ้นแม้จะกินยาดักเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ก็คลายความกังวลลงไปได้มากเมื่ออีกฝ่ายแค่ตัวอุ่นเท่านั้นไม่ถึงกับร้อนจัดจนน่าเป็นห่วง

   “อือ” เสียงที่เครืออยู่ในลำคอดังขึ้นตอนที่เจ้าตัวบิดกายไปมาจนผ้าห่มเคลื่อนลงมากองที่หน้าขา ชายเสื้อที่เลิกขึ้นสูงจนเห็นจิวสะดือและรอยสักข้างสะโพกทำให้ลมหายใจของคนมองสะดุด ชีพจรเต้นเป็นจังหวะที่หนักแน่นและรัวเร็วขึ้นจนหูอื้อ พีทดึงปลายผ้าหวังจะห่มคืนให้แต่ทว่ารองรอยบางอย่างที่โผล่มาให้ได้เห็นบริเวณข้างบั้นเอวทำให้เขาหยุดมอง

   ...รอยช้ำ

   ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในอกตั้งแต่คืนวันนั้นทำให้เขาถือวิสาสะเลิกชายเสื้ออีกฝ่ายขึ้นสูงกว่าเดิม...แล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาทั้งตัวชาวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

   ร่องรอยป่าเถื่อนที่กระจายตัวอยู่บนแผ่นอกขาวเนียนนั้นแสดงให้เห็นถึงความคุ้มคลั่งรุนแรง รอยฟันปรากฏอยู่ทั่วทุกตารางนิ้ว ไม่เว้นแม้แต่บริเวณสีข้าง ยอดอกบวมแดงคงเพราะถูกย่ำยีมาไม่น้อย ทั่วผิวขาวจัดมีรอยนิ้วมือหลงเหลือชัดเจนเพราะเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน รอยดูดที่กำลังห้อเลือดได้ที่ทำเอาสมองเขาพร่าเลือนเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น

   หากนี่เป็นการร่วมรักที่ทั้งสองยินยอมก็คงจะไม่ผิดเพราะถือว่าเป็นรสนิยมส่วนตัว

   แต่ถ้าไม่ใช่...นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายร่างกาย...

   “เจ็บ...” เสียงสั่นเครือที่เจือปนก้อนสะอื้นทำให้ต้องดึงเสื้อลงปิดเอาไว้ดังเดิม “อเล็กซ์…อย่า...”

   คนที่นอนอยู่บนเตียงคู้กายเข้าหากันก่อนหยดน้ำตามากมายจะไหลรินออกมาจนเปียกแก้ม ฮานะนอนนิ่งน้ำตาไหลพรากไม่หยุด มือพยายามไขว่คว้าอากาศที่ว่างเปล่าเพื่อหาทางหลุดพ้นจากความทรมานในห้วงฝัน เด็กหนุ่มยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกชาหนึบที่กลางอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังถูกความทรงจำอันเลวร้ายเล่นงาน พีทลงไปนั่งข้างๆจนฟูกอ่อนยวบ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าฝ่ามือที่เล็กกว่ามากอบกุมเอาไว้อย่างถือวิสาสะ

   มือฮานะเล็กมาก...เมื่อเทียบกับเขา

   ปลายนิ้วค่อยๆสอดประสานเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่า ความอบอุ่นถูกส่งผ่านไปยังผู้ที่กำลังหลงทางอยู่ในความทรงจำอันแสนเจ็บปวด

   เสียงของเข็มนาฬิกาดังนับวินาที...เดินวนอยู่เป็นพันครั้ง

ในที่สุดเสียงสะอื้นก็เริ่มเบาลงจนเงียบหายไปพร้อมกับสายฝนที่เริ่มซา

    พีทค่อยๆคลายมือออกก่อนจะห่มคลุมผ้านวมกลับให้จนถึงอก “ฝันดีนะครับ” เสียงทุ้มเบาบางคล้ายกระซิบเอ่ยขึ้นก่อนร่างสูงใหญ่จะเดินออกไปจากบริเวณห้องนอน



   ฮานะรู้สึกตัวตื่นหลังจากแสงบางส่วนที่ลอดผ่านทางผ้าม่านเข้ามา หน้าปัดนาฬิกาข้างหัวเตียงบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า

พอนึกได้ว่าเมื่อคืนนี้มีแขกมานอนค้างด้วยเจ้าตัวก็รีบเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงก่อนจะเดินไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อออกไปข้างนอก ฮานะยืนมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจก สีหน้าที่เคยเหนื่อยล้าอิดโรยตอนนี้กลับไม่มีให้ได้เห็น คงเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับเต็มคาบเต็มเวลา....ซ้ำยังหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานี้

เหมือนจิตใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

เวลาที่อยู่กับพีทเขาไม่ได้นึกถึงภาพความเจ็บปวดหรือแม้แต่ความรู้สึกในอดีต ทุกอย่างจางหายเมื่อมีอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ราวกับเป็นที่พักพิงเพื่อให้หลบซ่อนจากความจริงอันโหดร้าย แม้ว่าพีทจะไม่ได้พูดมันออกมาแต่การกระทำที่แสดงออกโดยไม่คิดจะปิดบังนั่นต่างหากที่ทำให้ฮานะรับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย

‘ผมเป็นห่วงคุณ’

...แววตาและน้ำเสียงจริงจังที่ปรากฏตอนนั้นไม่เหลือเค้าเด็กวัยรุ่นอายุยี่สิบสองให้ได้เห็นเลยสักนิด..



เมื่อฮานะบิดลูกบิดประตูออกก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินผ่านหน้าห้องไป กลิ่นขนมปังธัญพืชถูกปิ้งจนหอมกรุ่นปลุกโสตประสาทให้สดชื่นรับเช้าวันใหม่ ที่เคาน์เตอร์ครัวเจ้าเด็กตัวโตกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรสักอย่าง พีทสวมชุดตัวเดิมที่ใส่มาก่อนออกกำลังกายเมื่อวานนี้

เป็นความผิดของเขาเองที่ดันชวนอีกฝ่ายค้างคืน แต่ดันลืมไปเสียสนิทเลยว่าไม่มีไซส์เสื้อผ้าที่ใหญ่พอจะให้พีทใส่ได้...เพราะฉะนั้นสภาพมันจึงเป็นอย่างที่เห็น..

“ตื่นแล้วเหรอครับ”   ฝ่ายนั้นหันกลับมามอง ในมือมีจานมะเขือเทศกับพริกหวานและแฮมหั่นเต๋าเตรียมพร้อมสำหรับทำมื้อเช้า

“ทำออมเล็ตเหรอ” ฮานะเดินเข้าไปใกล้ พอชะโงกหน้าดูก็เห็นว่าในถ้วยมีไข่ถูกตีเข้ากับนมสดจนเนื้อเนียน ชีสแผ่นถูกฉีกลงไปผสม ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไทยเล็กน้อยก็พร้อมลงกระทะ

“ครับ...ผมเห็นว่าในตู้เย็นมีแฮมกับชีสเหลืออยู่ เลยเอามาทำมื้อเช้าให้คุณ” พีทใส่เนยลงไปในกระทะที่ถูกตั้งไฟเอาไว้แล้วเทไข่ลงไป ก่อนจะใช้พายไม้คนไปเรื่อยๆจนเนื้อไข่เริ่มจับตัว หลังจากนั้นก็นำส่วนผสมที่เตรียมไว้เทลงไป รอให้เนื้อไข่ด้านนอกสุกพอประมาณก็ทำการกระดกกระทะจนได้ออมเล็ตรูปลูกรักบี้สวยงามส่งกลิ่นหอมฉุยชวนให้น้ำลายสอ

“อยู่กับเธอไปสักพักฉันคงกลิ้งได้” คนอายุมากกว่าเดินวนเวียนซ้ายขวามองอย่างอยากรู้อยากเห็นตอนที่กำลังจัดอาหารเช้าใส่จานสองใบที่ประกอบไปด้วยออมเล็ต ขนมปังปิ้ง และเบคอนที่ทอดจนกรอบ ฮานะอาสาถือจานไปไว้ที่โต๊ะหน้าทีวีก่อนจะเปิดช่องข่าวช่วงเช้าดูไปเรื่อยเปื่อย

“ทานเยอะๆนะครับ” เด็กหนุ่มยื่นแก้วน้ำส้มสำเร็จรูปที่เพิ่งเทออกจากกล่องให้ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างกัน

มื้อเช้าอันแสนเรียบง่ายค่อยๆผ่านไปอย่างไม่รีบร้อน เม็ดฝนที่เพิ่งตกปรอยลงมาในช่วงเช้ามืดยังคงรักษาระดับเอาไว้จนภายนอกถูกปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม หยดน้ำบางส่วนไหลลงมาผ่านไอเย็นที่เกาะอยู่ตรงบานประตูกระจกใส ฮานะยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟาเมื่อรู้สึกเย็นที่ฝ่าเท้า ออมเล็ตเนื้อเนียนและขนมปังกับเบคอนถูกจัดการจนหมดเกลี้ยงในเวลาเพียงไม่ถึงยี่สิบนาที รสกลมกล่อมของเนื้อไข่นุ่มละมุนมีมะเขือเทศตัดเปรี้ยวเล็กน้อยแก้เลี่ยน ก่อนน้ำส้มแก้วโตจะถูกยกจิบไปเรื่อยจนหมดแก้ว

“เอาไว้วันหลังผมจะคั้นสดแช่ตู้เย็นไว้ให้” พีทหันมามองคนที่เอนหลังพิงพนักโซฟา ฝ่ายนั้นลูบหน้าท้องแบนราบไปมาพร้อมกับบ่นว่าอิ่มตื้อ

“เริ่มไม่มั่นใจแล้วสิว่าใครเป็นผู้จัดการใครกันแน่” ฮานะยิ้มแซวเมื่อถูกดูแลเป็นอย่างดีก่อนจะหันกลับไปมองจอโทรทัศน์ “...ขอบใจนะ”

    “ยินดีครับ” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยความเต็มใจ เขาลอบมองเสี้ยวใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่คอยวนเวียนก่อกวนมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน

   มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถอธิบายเพื่อหาคำตอบได้ รู้เพียงแค่อยากปกป้องและทำให้ความเศร้าหมองในดวงตาคู่นั้นจางหายไป...ฮานะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าคราบน้ำตาเป็นไหนๆ

   “ฮานะ...ชื่อคุณแปลว่าอะไรเหรอครับ” เขาถามด้วยความสงสัยที่ติดค้างมาตลอดหลายวัน

   “ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าดอกไม้น่ะ” ฝ่ายนั้นพิงหัวเข้ากับพนักก่อนจะหันมายิ้มให้กัน “ถามทำไม”

   “ชื่อเพราะ” พีทไม่ได้ชมเกินจริง เขาพูดตามที่รู้สึก

   “ไม่รู้สึกแปลกบ้างเหรอไง...ชื่อเหมือนผู้หญิงซะขนาดนี้”

   “ไม่...ก็คุณน่ารัก” เหตุผลที่ไม่สมน้ำสมเนื้อทำให้คนอายุมากกว่าหลุดขำด้วยความเอ็นดู

   “เธอต้องตาฝาดแน่ๆ” ฮานะส่ายหน้าอย่างนึกขำ

   “คุณน่ารักจริงๆ” จู่ๆเจ้าเด็กตัวโตก็ชมกันออกมาโต้งๆ ทำเอาคนฟังหูดับไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย...ก็ใช่ว่าจะไม่เคยถูกชม แต่ครั้งนี้มันแตกต่าง เพียงแค่ถ้อยคำเรียบง่ายแต่ช่างมีอิทธิพลทำลายล้างสูงเหลือเกิน

   “ปากหวานพร่ำเพื่อ...ทำใครเขาอกหักมากี่คนแล้วละ” อุ้งมือเล็กบีบเข้าที่สองข้างแก้มด้วยความมันเขี้ยว

   “...” นัยน์ตาสีเข้มมองตามคนที่หันกลับไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์เมื่อช่องข่าวเสนอสกู๊ปข่าวในวงการบันเทิง

   ฮานะปล่อยมือออกก่อนจะจ้องไปที่หน้าจอ ใครบางคนถูกนักข่าวรุมล้อมสัมภาษณ์เกี่ยวกับงานที่เจ้าตัวลงไปถ่ายแบบทางภาคใต้แถบทะเลอันดามัน เป็นโปรเจกต์ที่ทางSMAได้ร่วมมือกับมูลนิธิอนุรักษ์ปะการังและสัตว์ทะเล คุณแกเรนเป็นคนเลือกอเล็กซ์เองกับมือเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีคาแรคเตอร์ตรงตามที่ทางลูกค้าต้องการ

   นัยน์ตาสวยสะท้อนวูบไหวเพียงครู่ก่อนจะกลับมานิ่งเฉยราวกับว่ากำลังบังคับให้ตัวเองลบเลือนภาพความทรงจำอันเลวร้ายออกไปให้รวดเร็วที่สุด สองมือกำแน่นเข้าหากันโดยสัญชาตญาณส่วนตัวเมื่อต้องการระบายความรู้สึก

   “ฮานะ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียก

   “หืม” เจ้าตัวขานรับทั้งที่ไม่ได้หันกลับมามอง

   “ขอมือหน่อยได้ไหมครับ” คำขอแปลกประหลาดสร้างความฉงนให้อยู่ไม่น้อย แต่ก็ยอมยื่นมือข้างซ้ายไปให้แต่โดยดี

   “จะทำอะไร” ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเพราะฝ่ามือกำลังถูกอุ้งมือใหญ่บีบนวดไปมา

   “ผมชอบทำแบบนี้เวลามีเรื่องเครียด” การนวดมือไปมาช่วยลดความตึงเครียดได้ในระดับหนึ่ง

   “ฉันไม่ได้เครียดซะหน่อยนี่” ฮานะอมยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ มิหนำซ้ำยังยื่นมืออีกข้างไปให้เป็นการบังคับทางอ้อมเพราะรู้สึกสบายและผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย

   “คิ้วคุณขมวด” พีทเลียนแบบท่าทางคิ้วผูกโบว์เคร่งเครียดทำเอาฮานะหลุดหัวเราะเสียงดังเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของอีกฝ่าย...ตอนทำงานก็ดูเป็นผู้ใหญ่เงียบขรึมแท้ๆเลยน้า

นับวันเด็กคนนี้มีเรื่องมาให้แปลกใจอยู่เรื่อยเลย...

“แล้ว...” ฮานะลากเสียงยาว เอนศีรษะพิงพนักด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายลงมาก “ทำไมทั้งชื่อทั้งนามสกุลเธอถึงไทยล้วนเลยล่ะ”

ถามมาถามกลับไม่โกง...แต่แอบโกงนิดหน่อยตรงที่ถามเยอะกว่า

“ก็ผมเป็นคนไทยนี่ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มตอบ

“แต่เธอเป็นลูกครึ่งนี่” เท่าที่เคยเห็นมาลูกครึ่งส่วนใหญ่ก็ยึดนามสกุลตามพ่อที่มีเชื้อต่างชาติกันทั้งนั้น

“ตั้งแต่เกิดมาผมก็มีแค่แม่กับยาย ส่วนพ่อแม้แต่ชื่อยังไม่รู้จักเลยครับ” ตอบด้วยท่าทางปกติเพราะมันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นความลับอยู่แล้ว เพราะไม่เคยรู้สึกขาด ก็แค่กำพร้าพ่อเท่านั้นเอง

“ขอโทษนะ ที่ฉันเสียมารยาท” ฮานะรู้สึกผิดที่ทำตัวเกินขอบเขตมากเกินไป ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน

“ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับอย่างไม่ถือสา 

“ทำไมเธอถึงเลือกเรียนด้านดนตรีละ” ฮานะรีบชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็น “อยากเป็นศิลปินเหรอ”

“ก็เป็นความฝันตั้งแต่ตอนเด็กน่ะครับ” พีทเอนศีรษะพิงไปบนพนัง หันหน้าไปหาคู่สนทนา

ในระยะประชิดแบบนี้ทำให้เห็นจุดขี้แมลงวันเล็กๆที่ใต้ตาขวาของฮานะชัดขึ้น...จึงถือโอกาสมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้หันไปสนใจสิ่งอื่น

“แล้วถนัดอะไรมากที่สุด” ผู้ใหญ่ที่วันนี้สวมวิญญาณเป็นเจ้าหนูจำไมจ้อถามไม่หยุด...ราวกับว่าถูกสั่งสมความเครียดมานาน พอได้คุยมันเลยหยุดไม่อยู่

“จริงๆก็ได้หมดครับ แต่ถ้าถนัดสุดก็คงเป็นกีต้าร์ แล้วก็กลอง เบส” ก่อนหน้าจะเข้าโมเดลลิ่งนอกจากรับงานถ่ายแบบแล้วอาชีพหลักเขาคือรับจ็อบเล่นดนตรีที่ร้านอาหารตอนกลางคืน บางคืนก็ไปเล่นที่ผับของคนรู้จัก

“เก่งนะเนี่ย” ฮานะออกปากชม “ว่างๆเล่นให้ฟังหน่อยสิ ฉับชอบเพลงอะคูสติกมากเลย”

“ได้ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับ ก่อนจะเคลื่อนสายตาจากจุดรวมเสน่ห์ใต้ตาไปที่ริมฝีปากสีระเรื่อ

ฮานะผิวขาวจัด เรียกได้ว่าขาวจนเห็นเส้นเลือดแค่จับแรงๆก็เป็นรอยแดงได้โดยง่าย

แล้วความทรงจำเมื่อคืนก็กลับเข้ามา พีทชะงักเมื่อเห็นว่าคอเสื้อนอนของอีกฝ่ายร่นลงมาจนเห็นกระดูกไหปลาร้า ลำคอขาวที่สวมปลอกคอหนังสีแดงเอาไว้ดูเย้ายวนจนจังหวะชีพจรสะดุด เด็กหนุ่มไม่สามารถถอนสายตาออกจากเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบได้ คล้ายกับถูกสเน่ห์ของอีกฝ่ายเล่นงานเข้าอย่างจังตอนที่ฮานะทัดผมเข้าที่หลังหู กลิ่นหอมจางๆที่ปนมากับไอหนาวของเครื่องปรับอากาศทำให้ฝ่ามือของเขาชื้นเหงื่อขึ้นมา เรียวปากบางที่ยังคงขยับคุยเจื้อยแจ้วมีแรงบางอย่างดึงดูดจนลำคอแห้งผาก

“พีท” รู้ตัวอีกทีก็ถูกทางนั้นเลิกคิ้วมองด้วยหน้าตาสงสัย “ไม่ได้ยินที่ฉันถามเหรอ”

   “คุณ...พูดว่าอะไรนะครับ” เขาถามกลับ ฮานะถอนหายใจออกมาอย่างขบขัน

   “ฉันถามว่าเธออยากกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องไหมหรือจะออกไปที่บริษัทเลย”

   “อ้อ” เด็กหนุ่มกระแอมแก้เก้อ “ไปเลยก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องวนรถหลายรอบ” ชุดนี้เมื่อวานใส่ไปแค่แปปเดียวก็ต้องเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายแล้วมันจึงไม่ถือว่าเป็นปัญหานัก



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 06-10-2019 17:03:34



“เชิดหน้าขึ้นอีกนิดพีท....เพอร์เฟค” เสียงปรบมือพร้อมคำชมดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ลูกศิษย์คนใหม่สามารถฝึกเดินแบบท่าพื้นฐานได้ตรงตามมาตรฐานของผู้ฝึกสอน

เจนนี่ ซู  อัลฟ่าสาวสวยลูกเสี้ยวสามเชื้อชาติยืนกอดอกมองลูกศิษย์คนใหม่ด้วยแววตาเป็นประกาย หลังจากที่คุณแกเรนแจ้งมาว่าจะมีเด็กใหม่มาเข้าคอร์สฝึกเทรนด์เธอก็ตั้งตารอว่าอีกฝ่ายจะมีคาแรคเตอร์แบบไหน แต่หลังจากที่ได้เจอพีทก็ยอมรับเลยว่าอดที่จะทึ่งไม่ได้เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและส่วนสูงเรียกได้ว่ากินขาด

นานมากแล้วที่เธอไม่ได้เจอเด็กเทรนด์ที่มีคาแรคเตอร์ประจำตัวโดดเด่นขนาดนี้ นับตั้งแต่หวังลี่ชิงลูกศิษย์รุ่นแรกก็ไม่ได้พบใครที่สามารถทำให้รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลได้เท่านี้มาก่อน ไม่นับรวมกับอเล็กซ์ที่เป็นดาวเด่นในรุ่น แต่ว่าก็ว่าเถอะ ถ้าพีทเข้ามาพร้อมกันรับรองได้เลยว่าแซงหน้าแน่นอน

“เก่งนะเนี่ย แค่วันแรกก็เก็บดีเทลได้ทุกจุดเลย” นับได้ว่าเป็นเรื่องยากมากที่คนอย่างเธอจะชมไม่หยุดขนาดนี้ “เคยฝึกเดินแบบมาก่อนหรือเปล่า”

“ก็เคยฝึกมาบ้างครับ แต่ไม่ได้จริงจังมาก” เพราะนานๆทีเขาถึงจะรับงานเดินแบบถ่ายแบบจึงถือว่ายังเป็นมือใหม่

“ได้เท่านี้ก็ดีแล้วล่ะ” เจนนี่ยิ้ม “ตอนแรกฉันวางคอร์สไว้สองเดือน แต่ดูจากพัฒนาการของเธอแล้วเดือนครึ่งก็เหลือเฟือ” เธอไม่ได้ชมเกินจริง เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ เชื่อเลยว่าในอนาคตดังเปรี้ยงแน่นอน

“รบกวนด้วยนะครับ” พีทยกมือไหว้ขอบคุณอย่างมีมารยาทจนถูกฝ่ายนั้นโบกมือกลับมาทีด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่อยากแก่เกินวัย

“เป็นยังไงบ้าง” ฮานะเดินเข้ามาทักหลังจากที่ถูกคุณแกเรนเรียกตัวไปพบตั้งแต่เดินทางมาถึงบริษัท

“กินขาด” อัลฟ่าสาวสวยขยิบตาให้ทีหนึ่ง

“ทำให้คุณเจนนี่ปวดหัวหรือเปล่า” เพราะตอนอเล็กซ์น่ะเรียกได้ว่าทางครูฝึกต้องกุมขมับกันแทบทุกวัน...รายนั้นน่ะอารมณ์ร้อน ตินิดหน่อยสีหน้าก็เริ่มออกแล้ว

“ไม่เลยสักนิด” เจนนี่ส่ายหน้ายืนยัน “เขาเป็นเด็กดี แถมยังหัวไวสุดๆ”

   “ชมขนาดนี้ท่าจะจริง” ฮานะยิ้มแววตาเป็นประกาย ก่อนจะหันไปออกปากชมเด็กในปกครองเมื่อเจนนี่เดินห่างออกไป “Good boy” ยกมือขึ้นเกาคางเจ้าเด็กตัวโตไปที...เหมือนหมาโกลด์เดนท์ตัวใหญ่ๆเลยแฮะ

   “คุยธุระเสร็จแล้วเหรอครับ” พีทไม่ได้ขืนตัวหนีกลับยืนนิ่งให้อีกฝ่ายเกาคางไปมา มิหนำซ้ำยังลดระดับตัวลงให้อีกต่างหาก ฮานะจะได้ไม่รู้สึกเมื่อยแขน

   “อื้ม” ขวดน้ำในมือถูกยื่นส่งไปให้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีเหงื่อซึมลงมาข้างขมับ...เจ้าเด็กตัวโตเป็นคนขี้ร้อนมาก ดูอย่างเมื่อเช้าอากาศหนาวจนชาเท้าแต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน...ดูอารมณ์ดี เหมือนหมีกริซลี่เวลาถูกอากาศเย็นๆ “เย็นนี้เธอว่างหรือเปล่า”

   “ว่างครับ”

   “ไปห้างกับฉันหน่อย คุณแกเรนให้โบนัสล่วงหน้ามา บอกให้ฉันพาเธอไปซื้อของใช้ส่วนตัวแล้วก็พวกเสื้อผ้า” เพราะในอนาคตพีทจะเริ่มได้ออกสื่อมากขึ้น ฉะนั้นเรื่องการแต่งกายจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ใช่ว่าเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายมีจะดูไม่ดีแต่อย่างน้อยการที่มีเสื้อผ้าแบรนด์ติดตู้ไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอะไร  “ห้ามปฏิเสธด้วยล่ะ” ฮานะดักทางอย่างรู้ทัน

   “ครับ” เด็กหนุ่มรับปาก โดยไม่คิดที่จะแย้งเมื่อเห็นว่าใบหน้าน่ารักเริ่มแฝงแววข่มขู่



   “สีขาวก็สวย แต่น้ำเงินเข้มเหมาะกับเธอมากกว่า” แจ็กเก็ตผ้าร่มของแบรนด์กีฬาชื่อดังถูกยกขึ้นทาบซ้ำไปมาเป็นรอบที่สี่ ฮานะคิ้วขมวดเมื่อยังไม่สามารถเลือกสีที่ถูกใจได้ จะไม่หนักใจเลยถ้าเจ้าของตัวจริงไม่บอกว่าให้เขาเลือกให้ “เธอชอบสีไหนมากกว่ากัน”

   “น้ำเงินก็ได้ครับ” พีทตัดสินใจช่วยเพราะเริ่มเห็นใจคิ้วสวยที่เริ่มขมวดผูกปม

   “ใจตรงกัน” แจ็กเก็ตสีขาวถูกแขวนกลับลงไปบนราวก่อนฮานะจะเดินเอาอีกตัวไปคิดเงิน

   ถุงข้าวของเกือบสิบใบวางกองไว้เป็นระเบียบ ทั้งเสื้อ กางเกง รองเท้า ล้วนถูกฮานะเลือกให้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ไม่ใช่แบรนด์ระดับไฮเอนด์หรูหราอะไร แต่ก็ถือว่าราคาเอาเรื่องพอสมควรเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าตามตลาดนัดที่เคยซื้อใส่เป็นประจำ

   อันที่จริงงบที่คุณแกเรนให้มาน่ะหมดเกลี้ยงตั้งแต่ร้านที่สามแล้วด้วยซ้ำ...ส่วนที่เหลือฮานะเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด พอเขาปฏิเสธหรือออกปากห้ามก็ถูกพูดดักเอาไว้ก่อน

   ฮานะดูมีความสุขมากที่ได้เป็นฝ่ายหยิบเลือกเสื้อผ้าและได้จับเขาแต่งตัว

   “อยากได้อะไรอีกหรือเปล่า” ใบหน้าได้รูปยิ้มร่า คล้ายกับความเครียดก่อนหน้าถูกบำบัดด้วยการชอปปิ้ง

   “พอแล้วครับ” พีทปฏิเสธ ลองแอบคำนวณเงินที่อีกฝ่ายจ่ายในส่วนของเขาก็นึกเสียดายอยู่ไม่น้อย

   “งั้น...อยากกินอะไรหน่อยไหม”

   “ตามใจคุณเลย” เด็กหนุ่มยิ้มบางเมื่อเห็นแววตาคู่สวยประกายความสุข “แต่มื้อนี้ผมขอเลี้ยงนะครับ”

   “ได้เลย” ฮานะไม่คิดปฏิเสธ “แต่หลังจากนั้นไปกินไอติมกันนะ ฉันไม่ได้กินมานานแล้ว” ถึงแม้จะเคยบอกว่าไม่ชอบของหวานแต่ไอศกรีมที่ถือเป็นข้อยกเว้นเลย

   พีทตกปากรับคำ ยิ่งเห็นว่าคนอายุมากกว่ายิ้มร่าอย่างมีความสุขเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย ฮานะดูร่าเริงขึ้นนั่นก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากแล้ว

   “กินหมดเหรอ” ข้าวหน้าเนื้อสองกล่องที่พนักงานเพิ่งวางลงบนโต๊ะดึงความสนใจของฮานะได้เป็นอย่างดี...แกงกะหรี่หมูทอดของเขาดูจานเล็กขึ้นมาถนัดตาเลย

   “แค่นี้สบายมากครับ” พีทยิ้มรับ ช่วงนี้เขาต้องกินมากกว่าปกติเพราะคุณเคย์บอกว่าอยากให้เพิ่มมวลกล้ามเนื้อในร่างกายมากกว่านี้อีกหน่อยจึงต้องกินให้ถึงแคลอรี่ที่กำหนดไว้ต่อวัน

   “ฉันคงจุกน่าดูเลย”

   “ก็คุณตัวเล็ก” เด็กหนุ่มยิ้มล้อเมื่อเห็นว่าถูกย่นจมูกใส่

   “เงียบไปเลย” ฮานะเอาคืนโดยการยื่นตะเกียบไปแย่งชิ้นเนื้อในกล่องข้าวของอีกฝ่ายมาเข้าปากก่อนจะเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีเจ้าของชิ้นเนื้อนั่งมองด้วยแววตาที่คล้ายกับว่ากำลังมองเด็กตัวเล็กๆอย่างนึกเอ็นดู

   “เลอะปากแล้วครับ” แผ่นกระดาษทิชชู่ถูกยื่นส่งไปให้เมื่อเห็นว่ามีน้ำซอสบางส่วนเลอะข้างมุมปาก ฮานะมองนิ่งไม่ได้รับไปเช็ดแต่กลับทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน เรียวปากอิ่มยื่นเข้ามาตรงมือก่อนจะกดปากเช็ดลงบนเนื้อกระดาษไปมาจนสะอาดเกลี้ยง เด็กหนุ่มมองภาพตรงหน้าพลันหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นประกายวูบไหวบางอย่างในดวงตาคู่สวย

   คล้ายไม่ตั้งใจแต่เป็นความไม่ตั้งใจที่มีพลังทำลายล้างสูง...

   แล้วก็ต้องกลับมานั่งก้มหน้าจัดการอาหารของตัวเองบ้างเมื่อถูกทักว่าใบหูแดงจัด



   “ชอบกินเชอร์รี่หรือเปล่า”

   หลักจากมื้อหลักจบลงทั้งคู่ก็มาต่อที่ร้านไอศกรีม ฮานะดูอารมณ์ดีไม่น้อยเมื่อเห็นของโปรด ลูกเชอร์รี่สีแดงถูกหยิบขึ้นมาถือเอาไว้เตรียมส่งเข้าปาก

   “ไม่ครับ” พีทส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะตักเชอร์รี่ของตัวเองไปใส่ไว้ในถ้วยอีกฝ่าย

   “เธอเคยได้ยินเรื่องก้านเชอร์รี่ไหม” ผลไม้เชื่อมที่มีรสหวานจัดถูกส่งเข้าไปในปาก ยกเว้นก้านสีแดงที่ยังคงอยู่ในมือ “เขาว่ากันว่าใครใช้ลิ้นผูกก้านเชอร์รี่ได้...แสดงว่าจูบเก่ง”

   “ก็...เคยได้ยินมาบ้างครับ” พีทตอบ สายตาก็ยังคงจ้องไปที่จุดรวมเสน่ห์ที่ใต้ตาขวาก่อนจะเคลื่อนไปหยุดที่ริมฝีปากสีสด แล้วก็ต้องชะงักช้อนที่กำลังจะตักไอศกรีมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่งก้านเชอร์รี่เข้าไปในปาก ฮานะชันแขนข้างหนึ่งลงบนโต๊ะก่อนจะวางคางเอาไว้พร้อมกับเริ่มใช้ลิ้นพันก้านเชอรร์รี่

   เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาที่ใบหน้าเมื่อเห็นเรียวปากบางเม้มเข้าหากันไปมา กระพุ้งแก้มขาวขยับเล็กน้อยเมื่อถูกลิ้นดุนดัน อีกฝ่ายดูจะสนุกอยู่ไม่น้อย ดวงตาคู่สวยมองสำรวจรอบร้านไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้หยุดให้ความสนใจที่ใดที่หนึ่ง ผิดจากเขาที่ไม่สามารถนำสายตาไปมองที่อื่นได้ พีทมองลำคอขาวที่โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง รอยจ้ำแดงที่เจือจางยังคงปรากฏให้เห็นบนผิวเนื้อขาวจัด...เป็นความบอบช้ำที่งดงามจนยากที่จะถอนสายตาออกไปได้

   “เรียบร้อย” ก้านเชอร์รี่ที่ถูกผูกเป็นปมถูกหยิบออกมาโชว์ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ดูภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้มาก “อยากลองดูไหม” ก้านเชอร์รี่อีกอันถูกเด็ดออกมาพร้อมกับส่งยื่นมาให้

   “ผมทำไม่เป็น” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ยอมรับมาถือไว้แต่โดยดี

   “ไม่ลองไม่รู้นะ” ฮานะยิ้มกว้างพร้อมกับตักไอศกรีมรสโปรดขึ้นมากิน

   เจ้าเด็กตัวโตทำตามอย่างว่าง่ายโดยการส่งก้านเชอร์รี่เข้าไปในปากก่อนจะเริ่มพยายามผูกให้มันเป็นปม แต่คิ้วเข้มที่เริ่มขมวดเข้าหากันก็ทำให้ฮานะต้องขำออกมากับท่าทางที่ดูจะหงุดหงิดไม่น้อยเมื่อไม่สามารถทำมันได้เสียที

   “ใจเย็นๆ ลองสมมติว่ากำลังจูบกับแฟนดูสิ” เขาเสนอ แต่พอได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็จำต้องเปลี่ยนคำถามใหม่ด้วยความสนใจ “เธอเคยจูบหรือเปล่า” ไอศกรีมในถ้วยถูกมองเมินจนละลายลงไปทีละนิดเมื่อตอนนี้ความสนใจทั้งหมดมันพุ่งไปที่คนตรงข้าม

   คำตอบของคำถามก่อนหน้า...พีทพยักหน้ารับ ซึ่งแสดงว่าเคย

   “ระดับไหน...ใช้ลิ้นไหม” คำถามเถรตรงทำเอาเด็กหนุ่มชะงักก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ...แสดงว่ายังไม่เคย

   ใบหน้าคมเข้มเริ่มมีสีเจือจางเมื่อถูกจ้องโดยไม่ละสายตา...ฮานะนึกสนุกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มทำตัวไม่ถูก

   “เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน” ยกมือขึ้นมาเท้าคางมองอย่างเพลิดเพลิน

   หนึ่งนิ้วแสดงว่ามีคนเดียว

   “ทำได้หรือยัง” ฮานะถามกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงพยายามผูกก้านเชอร์รี่...ดื้อรั้นใช่ย่อย

   แต่ท้ายที่สุดก็ได้ก้านเชอรรี่หน้าตาพิลึกออกมาเพราะพีทดันเผลอใช้ฟันกัดมันจนสภาพดูไม่จืด

   “ต้องฝึกอีกเยอะเลย” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็หันกลับไปสนใจของหวานตรงหน้าตัวเองต่อโดยไม่ได้หันไปมองฝั่งตรงข้ามอีก

   นัยน์ตาคมเข้มที่มองตามช้อนสแตนเลสเข้าไปปากของอีกฝ่ายประกายวูบไหว พีทก้มหน้าลงจัดการส่วนของตัวเองโดยไม่พูดไม่จา ทำเพียงแค่นั่งฟังอีกคนเล่าเรื่องต่างๆนาๆให้ฟังอย่างเพลิดเพลินราวกับไม่ได้ติดใจอะไร

   คงมีแค่เขาที่ยังยึดติดกับริมฝีปากสีอ่อนของคนตรงหน้า...



   “รถติดชะมัดเลย” เสียงบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นเป็นรอบที่สามเพราะขบวนรถไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปไหน มิหนำซ้ำฝนยังเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายจนแทบมองไม่เห็นรถคันข้างหน้า ฮานะเท้าแขนมองหยดน้ำฝนที่ไหลลงข้างกระจกรถเป็นการฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อย อากาศข้างนอกเย็นจนกระจกขึ้นฝ้า เวลาที่ถูกหยดน้ำลากผ่านก็กลายเป็นร่องรอยพาดผ่านจากอีกด้านไปสู่อีกด้าน

   “ฮานะไม่น่าลำบากมาส่งผมเลยครับ” พีทยิ้มปลอบเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูไม่สบอารมณ์กับสภาพจราจร

   “ของเยอะขนาดนี้เธอจะขนยังไงไหว”

   “ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อย ระยะทางมันไม่ใช่ใกล้ๆเลย” ยิ่งอาการป่วยของฮานะยังไม่หายสนิทดีเขาก็ยิ่งเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันจะมาส่งให้ได้

   “มันไม่ลำบากฉันนักหรอกน่า”

   เวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่าก็สามารถหลุดออกมาจากขบวนที่ยาวเหยียดได้เสียที กว่าจะถึงห้องพักของพีทก็ปาไปสามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว สายฝนที่กระหน่ำเทลงมาก็เริ่มซาลงไปมากเหลือแค่ละอองเล็กๆที่โปรยปรายลงมารักษาอุณหภูมิเย็นชื้นให้คงที่

   ฮานะมองคนที่กำลังปลดเข็มขัดนิรภัยด้วยความรู้สึกที่วูบโหวงอย่างน่าประหลาด จู่ๆความรู้สึกประหลาดก็ถาโถมเข้ามาเมื่อคิดว่าหลังจากนี้ต้องกลับไปอยู่ในห้องคนเดียว...นั่งกินมื้อดึกคนเดียว...นอนคนเดียวในห้องที่กว้างมากกว่าเดิมตั้งแต่มีใครอีกคนเข้ามา

   ความอ้างว้างเข้ามากัดกินหัวใจจนเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น ฮานะพยายามดับความคิดฟุ้งซ่านด้วยการกำพวงมาลัยแน่นบังคับตัวเองไม่ให้เผยความรู้สึกออกไป

   แม้จะได้ใช้เวลาอยู่กับพีทได้เพียงไม่กี่วัน...แต่ระยะเวลาสั้นๆนั้นทำให้เขาไม่อยากจะกลับไปโดดเดี่ยวอีกแล้ว...

   “เดินทางปลอดภัยนะครับ ถึงห้องแล้วบอกผมด้วย” เด็กหนุ่มบอกกำชับเป็นรอบที่สามเพราะเป็นห่วง ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะไปส่งอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำไป

   “อื้อ รู้แล้วน่า” ฮานะไม่หันมามอง

   “ถ้ามีเรื่องอะไรรีบโทรหาผมนะครับ เข้าใจไหม” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เอ่ยขอบคุณก่อนจะเปิดล็อกบานประตูเพื่อลงไปจากรถ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาลงไปข้อมือก็ถูกใครอีกคนดึงรั้งเอาไว้ก่อนจนต้องหยุดชะงัก

   “ฮานะ...” พีทกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับมองอย่างเป็นห่วง ใบหน้าสวยดูซีดเซียวลงเล็กน้อย แต่เพียงเท่านั้นก็นับว่าเปลี่ยนไปมากแล้ว และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้สึกได้ว่าฝ่ามือเล็กๆนั้นชื้นเหงื่อทั้งที่ผิวเนื้อเย็นเฉียบ “รู้สึกไม่สบายหรือเปล่าครับ”

   “เปล่า...ฉัน...” ฮานะสับสันจนปวดหัวเมื่อจู่ความสุขก่อนหน้าก็จางหายกลายเป็นความวิตกกังวลเข้ามาแทนที่

   มันแย่มาก...แค่คิดว่าจะต้องกลับไปอยู่คนเดียวในห้อง ก็แย่เกินกว่าจะทนไหว

   “พีท”

   “ครับ”

   “ฉัน...ขอค้างด้วยได้ไหม”




________________________



อีกแล้วนะฮานะ!!! /อุ้มเจ้าลูกหมาหนี :fire:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 06-10-2019 19:42:58
ตาติดกันไปเลย อยู่ด้วยกันแล้วอบอุ่นมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณพันไมล์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-10-2019 20:14:45
พี่ฮานะทำรถอ้อยคว่ำ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I V E : 06/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-10-2019 00:54:39
เอาล่ะหว่า  :ruready
อาการรุนแรงเหมือนเป็นคู่กันเลยหรือเป็นเพราะสภาพจิตใจไม่คงที่กันนะ
แต่น่าจะไปให้หมอตรวจหน่อย
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 13-10-2019 18:56:21
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/10/14/cVBchu.jpg)

_________________________________




   “ห้องรกนิดหน่อยนะครับ” เด็กหนุ่มทำหน้าที่เปิดประตูให้แขกผู้มาเยือนก่อนจะเดินตามหลังฝ่ายนั้นเข้าไปในห้อง

   แสงจากหลอดไฟนีออนทำให้บริเวณโดยรอบสว่างขึ้นมา ฮานะกวาดมองสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะหยุดสายตากับรูปถ่ายวันรับปริญญาที่วางอยู่บนโต๊ะคอมพ์ ด้านข้างมีหนังสือเพลงมากมายจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ผนังห้องสีขาวดูหม่นลงเล็กน้อยตามอายุการใช้งานแต่ก็ไม่ได้ทำให้ภายในห้องดูรกครึ้มอย่างที่เจ้าตัวว่า

   กลับกัน...มันดูสะอาดสะอ้านเสียด้วยซ้ำไป

   เตียงไม้ตรงกลางห้องถูกปูด้วยผ้าคลุมสีเทาดูอบอุ่นสบายตา เรียกได้ว่าพีทเป็นคนที่มีเซนท์ในการแมทโทนสีได้ดีทีเดียวเพราะในห้องนั้นถูกคุมโทนได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับว่าเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยได้เป็นอย่างดี

   แต่ที่ดูสะดุดตาสุดก็คงเป็นถาดทรงกลมสองสามถาดที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ในนั้นมีซักคิวเลนต์หรือที่นิยมเรียกกันว่าไม้อวบน้ำอยู่หลายชนิด สีสันสวยงามและผิวที่ตึงแน่นเต่งน้ำแสดงให้เห็นว่าพวกมันนั้นได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ฮานะเลิกคิ้วมองอย่างนึกแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าคนที่ภายนอกดูมือหนักอย่างพีทจะสนใจเรื่องต้นไม้ด้วย

   ยิ่งได้รู้จักก็มีแต่สิ่งที่ชวนให้ต้องแปลกใจอยู่เรื่อย...

   “เธอเลี้ยงต้นไม้ด้วยเหรอ” ฮานะถามขณะที่กำลังใช้ปลายนิ้วไล้ใบสีม่วงไล่เฉดกับเขียว...เจ้าต้นนี้มีชื่อไทยว่าต้นลูกชุบ เมื่อปลายปีที่แล้วเขาเคยทดลองเลี้ยงแต่ผลสรุปก็คือล้มไม่เป็นท่า

   “ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ

   “ชอบหรือไง”

   พีทนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆ “เมื่อก่อนก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไร แต่ช่วงที่คบกันกับแฟนเก่าเธอชอบชวนไปเลือกบ่อยๆ ผมเลยได้ติดไม้ติดมือมาบ้าง”

   “อ้อ” ฮานะพยักหน้ารับพร้อมกับดึงมือกลับมาเก็บไว้กับตัวเมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นเสียมารยาท “ปลูกกับแฟนสินะ” เอ่ยปากแซวกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกประหลาดที่พุ่งเข้ามารบกวนสมาธิ

   “ก็ไม่เชิง...มีแค่กระถางนั้นที่ผมได้ดูแลต่อ ส่วนที่เหลือผมปลูกเอง” พีทยิ้มกว้างในแววตาไม่ได้ฉายแววถึงอดีตที่ล่วงเลยผ่าน เพราะถึงอย่างไรรักครั้งเก่าก็จากกันด้วยดีไม่ได้มีอะไรติดค้าง เขาและเธอยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาถึงทุกวันนี้ “นี่ลูกรักผมเลย” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างจนเห็นปลายเขี้ยว ก่อนจะชี้ไปที่กระถางดินเผาสีเข้มที่มีพืชหน้าตาประหลาดอยู่หลายต้น บริเวณหน้าดินถูกปกคลุมด้วยหินโรยสีขาว

   “มันเหมือนสมองจัง” ฮานะก้มลงไปดูเจ้าพวกไลทอปหลากสีอย่างสนอกสนใจ

   ด้วยลักษณะรูปทรงที่คล้ายกับว่ามันมีชีวิตจึงทำให้เขามองข้ามที่จะเลี้ยงพวกมันไป เพราะปกติที่ห้องส่วนใหญ่จะเลี้ยงแคคตัสอยู่เพียงไม่กี่ต้นที่เหลือก็เป็นพืชพันธุ์ไม้ทั่วไปที่เน้นให้ความร่มรื่นเสียมากกว่า

   “ตอนแรกผมมองว่ามันเหมือนสมองซอมบี้” พีทสารภาพออกมา เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดูมีชีวิตชีวาเมื่อได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง “ฮานะชอบไหมครับ”

   คนอายุมากกว่าชะงักไปนิดก่อนจะพยักหน้ารับ “มันก็น่ารักดีน่ะนะ...แต่ฉันคงเลี้ยงไม่ได้แน่” ขนาดต้นมะพร้าวทะลทรายที่ว่าอึดถึกทนเขายังเลี้ยงให้ใบแห้งกรอบจนร่วงหมด ดูท่าแล้วคงไม่ถูกกับพืชประเภทนี้จริงๆ

   “ทำไมล่ะครับ”

   “เคยทำกุหลาบหินรากเน่าหมดยกแผง” จมูกรั้นย่นขึ้นคล้ายกับเด็กเวลาถูกขัดใจ “หลังจากนั้นเลยเข็ดยาว”

   พีทมองคนที่หน้ายู่ก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู

   “คงให้น้ำเยอะเกินไปหรือไม่ก็ได้รับแสงไม่เพียงพอน่ะครับ” เด็กหนุ่มนั่งลงข้างเตียง ตาช้อนขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสลับกับกระถางต้นไม้

   “เอาใจยากชะมัดเลย” ฮานะส่ายหน้าไปมา

   “อยากลองเลี้ยงดูไหมครับ...เดี๋ยวคราวนี้ผมช่วยดูให้อีกแรง”

   “จริงเหรอ” เจ้าตัวถามกลับ นัยน์ตาสวยทอประกายตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด “เอาไว้ว่างๆจะมาขอความช่วยเหลือก็แล้วกัน...แต่คงต้องอีกสักพัก เพราะช่วงนี้งานยุ่งน่าดู”

   “ยินดีมากครับ” เขารับปาก



ร่างสูงใหญ่ลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่เพิ่งซักออกมาจากตู้เสื้อผ้า แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่มีชุดนอนสำหรับค่ำคืนนี้ และฮานะเองก็เหมือนจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เจ้าตัวจึงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากขอ

“ถ้าไม่รบกวนเกินไป ขอยืมชุดนอนด้วยได้ไหม” นัยน์ตาสีสวยวูบไหว และถ้าตาไม่ฝาดเขาสังเกตเห็นว่าบนแก้มขาวมีริ้วแดงเจือจางพาดผ่านเล็กน้อย

    “นี่น่าจะเป็นไซส์เล็กสุดที่คุณใส่ได้” เสื้อยืดแขนยาวสีขาวถูกยื่นมาพร้อมกับผ้าขนหนู ฮานะคลี่พับผ้าออกก่อนจะลองเอาทาบกับตัวเองดู ชายเสื้อตัวใหญ่ที่ยาวจนปิดหมดหน้าขายิ่งตอกย้ำว่าขนาดตัวของพวกเขาต่างกันมากแค่ไหน ทั้งที่ฝ่ายนั้นเพิ่งจะยี่สิบต้นๆแต่กลับตัวสูงใหญ่จนคนอายุสามสิบอายกับส่วนสูงตัวเอง

   “นี่เล็กแล้วใช่ไหม” ฮานะยิ้มขำ จนอีกฝ่ายต้องยกมือขึ้นมาเกาแก้มอย่างใช้ความคิด “ไม่ต้องคิดมากน่า...ฉันใส่ได้”

   “แล้วกางเกง...” พีทถามย้ำ แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มเห่อร้อนขึ้นมา

   “ไม่จำเป็น” ฝ่ายนั้นยักไหล่ “ปกติตอนนอนฉันก็ไม่ได้ใส่อยู่แล้ว...อีกอย่างเสื้อเธอตัวใหญ่ขนาดนี้กางเกงคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินหายเข้าไปหลังบานประตูไม้

   เสียงของกลอนล็อกจากด้านในไม่สามารถทำให้คนที่มองตามแผ่นหลังของใครอีกคนรู้สึกตัว พีทยืนมองบานไม้สีขาวที่คุ้นตาอยู่นานทั้งที่ปกติแล้วไม่ได้คิดจะสนใจมันเป็นพิเศษ เสียงของสายน้ำจากฝักบัวที่ตกกระทบลงบนพื้นทำให้สติค่อยๆกลับมา เด็กหนุ่มถอนหายใจหนักก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเก็บข้าวของเพื่อดับความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้น

   

   สายน้ำเย็นที่ไหลผ่านผิวเนื้อเรียกความสดชื่นให้กลับมาหลังจากที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ฮานะถือวิสาสะใช้แชมพูและสบู่ของฝ่ายนั้นด้วยความจำเป็น กลิ่นหอมเย็นของพวกมันช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจนต้องหลับตาพริ้ม แต่จู่ๆสมาธิที่ล่องลอยก็ผุดภาพของใครบางคนขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นทาบบริเวณอกข้างซ้าย

   เพียงแค่นึกว่าบนผิวเนื้อของฝ่ายนั้นมีกลิ่นแชมพูและสบู่กลิ่นเดียวกันชีพจรก็เต้นรัวจนรู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้า

   “ฮานะครับ” เสียงทุ้มต่ำที่เรียกอยู่หน้าประตูทำให้รู้สึกตัวขึ้นมา ฮานะหมุนปิดฝักบัวพอดีกับที่ล้างคราบฟองสบู่ออกไปจนหมด ร่างขาวนวลก้าวเดินไปที่บานประตูอย่างระมัดระวังก่อนจะเปิดแล้วชะโงกหน้าออกไปเพียงครึ่ง

   “ผมเอาแปรงสีฟันมาให้” พีทยื่นแปรงกล่องใหม่มาให้ เด็กหนุ่มลดสายตามองใบหน้าได้รูปที่ยังมีหยดน้ำเกาะพราว เส้นผมสีอ่อนเปียกลู่ลงข้างแก้ม “ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่ตรงราว ใช้ได้ตามสบายเลยนะครับ”

   “อื้ม...ขอบใจนะ” ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะปิดประตูลงเพื่อกลับไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อย

   เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ถูกสวมลงบนช่วงตัว ความยาวของมันยาวจนปิดต้นขาเอาไว้ได้จนหมด กลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่อบร่ำอยู่บริเวณเนื้อผ้าทำให้เผลอยกขึ้นมาแตะจมูกโดยไม่รู้ตัว ฮานะมองสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียงกีตาร์ดังคลอมาจากด้านนอก

   ถึงแม้ว่าเสื้อของพีทจะยาวปิดคลุมจนเกือบถึงเข่า แต่มันก็อดที่จะรู้สึกแปลกๆไม่ได้อยู่ดีที่จะต้องปล่อยท่อนล่างให้โล่งเปลือย

   ฮานะเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เส้นผมเปียกชื้น ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกหยิบมาพาดไว้ที่หลังคอเพื่อกันไม่ให้หยดน้ำเปียกเสื้อ นัยน์ตาสีสวยมองไปยังร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่บริเวณพื้นปลายเตียง พีทสวมไว้เพียงแค่กางเกงยีนตัวเดิมส่วนท่อนบนนั้นเปลือยเปล่า แผ่นหลังกว้างแกร่งให้ความรู้สึกปลอดภัยได้อย่างน่าประหลาด

   “เสร็จแล้วเหรอครับ” ฝ่ายนั้นหันมาถามก่อนจะกวักมือเรียก

   “เล่นเพลงอะไรอยู่เหรอ” ฮานะลงไปนั่งขัดสมาธิข้างกันก่อนจะค่อยๆใช้ผ้าขนหนูซับน้ำบนเส้นผมจนหมาด ห้องของพีทไม่มีเครื่องปรับอากาศ จะมีก็เพียงแต่พัดลมตั้งพื้นตัวเดียวที่วางอยู่ปลายเตียง อากาศเย็นชื้นจากฝนที่กระหน่ำอยู่ด้านนอกทำให้อุณหภูมิภายในห้องนั้นเย็นสบาย

   “Flightless Bird, American Mouth ของ Iron and Wine ครับ”

ใบหน้าคมเข้มยิ้มบางเบาใบขณะที่ปลายนิ้วค่อยๆเกาสายกีตาร์จนเกิดเป็นทำนองหวานหู

   “ร้องให้ฟังหน่อยได้หรือเปล่า” ฮานะหันไปมองอย่างสนอกสนใจ...เพราะเวลาที่อีกฝ่ายอยู่กับเครื่องดนตรีนั้นมีเสน่ห์ขึ้นอีกเป็นเท่าตัว พีทดูนิ่งสงบแต่กลับแฝงเร้นไปด้วยพลังบางอย่างที่ขับเคลื่อนอยู่ภายในจนยากที่จะละถอนสายตาออกไปได้

   “จะทนฟังได้เหรอครับ” เด็กหนุ่มยิ้มขำเพราะปกติเขาไม่ใช่คนที่ร้องเพลงบ่อยนัก แม้ว่ามันจะไม่ได้แย่แต่การที่ถูกใครอีกคนจ้องอย่างมีความหวังแบบนี้มันเลยอดที่จะประหม่าไม่ได้

   “ฉันรู้สึกได้ว่าเธอต้องร้องเพลงเพราะ” ฮานะหรี่ตาอย่างจับผิด แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงรอยยิ้มบางเบาจากอีกฝ่ายเท่านั้น เสียงเกากีตาร์ดังคลอขึ้นมาเป็นจังหวะต่อเนื่องผสานกับเสียงของฝนที่ค่อยๆลดแรงกำลังลง เสียงทุ้มนุ่มที่ต่างไปจากเดิมสะกดสายตาให้จดจ้องอยู่บริเวณริมฝีปากได้รูป ท่วงทำนองอ่อนหวานผิดกับเนื้อหาของเพลงเรียกความสนใจจนเรียวคิ้วได้รูปขมวดปมขึ้นมาเล็กน้อย

“…I was a quick wet boy
Diving too deep for coins
All of your straight blind eyes
Wide on my plastic toys...”

หยดน้ำจากปลายผมที่เปียกชื้นกระทบเข้ากับหน้าขาเปลือยจนเจ้าตัวต้องดึงชายเสื้อมาปิดคลุมเอาไว้

“Then when the cops closed the fair
I cut my long baby hair
Stole me a dog eared map
And called for you everywhere…”

นัยน์ตาคมเข้มทอประกายวูบไหวเมื่อเงยหน้าขึ้นมองผู้รับชมเพียงหนึ่งเดียวที่มี ฮานะตั้งใจฟังทุกถ้อยคำที่เขาร้อง

ออกมา

เรียวคิ้วได้รูปที่ขมวดมุ่นตอนแรกถูกคลายลงเมื่อถูกทำนองหวานหูขับกล่อม

“Have I found you…
Flightless bird, jealous, weeping
Or lost you…
American mouth
Big bill looming...”

ฮานะเอนหลังพิงที่ปลายเตียง ตายังคงจับจ้องเสี้ยวหน้าของใครอีกคนด้วยใจที่สงบลง

ความว้าวุ่นและโดดเดี่ยวที่เคยมีก่อนหน้านั้นถูกปัดเป่าให้จางหายไปในอากาศ

“..Now I'm a fat house cat
Cursing my sore blunt tongue
Watching the warm poison rats
Curl through the wide white fence cracks…”

   คอร์ดกีตาร์ตัวสุดท้ายค่อยๆลดระดับเสียงลงไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่ปกคลุมห้องพัก ตาสองคู่สอดประสานเนิ่นนานไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างกัน เส้นผมบางส่วนที่ยังคงไม่แห้งดีตกระอยู่ข้างผิวแก้มเย็น เด็กหนุ่มจดจ้องอยู่ที่จุดเล็กๆใต้ตาขวาของอีกฝ่ายก่อนจะเอื้อมมือออกไปทัดเก็บปอยผมไว้ให้ที่หลังใบหูขาวโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

   ฮานะเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกร้อนวูบบนผิวแก้ม พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าฝ่ายนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จนระยะห่างระหว่างกันนั้นลดลงไปมาก...โชคดีที่ยังมีกีตาร์คั่นกลางเอาไว้

   “ร้องเพราะดีนี่” ใบหน้าสวยยิ้มจนเห็นเขี้ยว ไร้ท่าทีตกประหม่า มีเพียงแค่อีกฝ่ายเท่านั้นที่ชะงักเพราะเผลอพลั้ง“แต่ความหมายนี่ขัดแย้งกับทำนองเพลงชะมัด”

   “ถ้าแปลเป็นเพลงรักก็หวานใช้ได้เลยครับ”

พีทยิ้ม...เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของเขาเพราะท่วงทำนองและความหมายที่ลึกซึ้งแฝงเร้นอยู่ในบทกลอนของความรัก

   อิสรเสรีภาพและความงดงามในวัยเด็กยังคงสวยงาม...จนกระทั่งเราเติบโตขึ้นมาเพื่อพบว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่ได้สวยงามเหมือนดั่งภาพฝันในวัยเยาว์


(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 13-10-2019 18:57:44


ฮานะไม่ได้พูดอะไรอีกทำเพียงแค่นั่งเงียบและปล่อยให้ลมจากใบพัดได้เป่าความชื้นออกไปจากเส้นผม ตอนที่ช่วงขาขยับไล่ความเมื่อยขบเด็กหนุ่มก็สังเกตเห็นร่องรอยเจือจางอยู่บนบผิวเนื้อขาวนวล...รอยนิ้วมือและรอยฟันที่ยังคงหลงเหลือเอาไว้เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่ผิดปกติ

   ท่าทีหวาดกลัวที่อีกฝ่ายเผลอแสดงออกมาในคืนนั้นยังคงติดอยู่ในใจเขาตลอดเวลา

   แต่ยังไม่ทันที่จะได้นึกไตร่ตรองฝ่ายนั้นก็เลื่อนชายเสื้อลงมาปิดเอาไว้ราวกับว่าไม่ต้องการให้เขาลุกล้ำเกินขอบเขตเรื่องส่วนตัว

   “แล้ว...ทำไมคืนนี้ถึงอยากมานอนค้างกับผมล่ะครับ” พีทเปลี่ยนเรื่องเพื่อทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนให้เจือจางลง

   “ก็แค่รู้สึกเหงาน่ะ” ฝ่ายนั้นยิ้มจาง แววตาที่เคยสดใสดูหม่นหมองลงเล็กน้อย “ฉันแค่รู้สึกว่า...อยู่กับเธอแล้วมันดีกว่าอยู่คนเดียว”

   “ไม่กลัวเขาโกรธเหรอครับ” พีทวางกีตาร์ลงบนเตียงก่อนจะเอนหลังพิงปลายเตียงอย่างผ่อนคลาย

   “เธอหมายถึงใคร?” ฮานะไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายนัก

   “ก็...คนรักของคุณ” เด็กหนุ่มกระแอมแก้เก้อเมื่อเผลอหลุดความในใจออกไป “คนที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ...เมื่อเช้านี้”

   เขายังคงจำแววตาของฮานะได้ดี...ความรู้สึกที่มากล้นถูกปิดทับเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด

   “เธอหมายถึง...อเล็กซ์น่ะเหรอ?” ฝ่ายนั้นขมวดคิ้วถามแต่พอเห็นว่าเขาพยักหน้ารับก็หลุดขำออกมาก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “เข้าใจผิดแล้ว...เขาไม่ใช่คนรักของฉันหรอก” ไม่ใช่...และไม่มีวัน

   สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจของเจ้าเด็กตัวโตทำเอารู้สึกเอ็นดูขึ้นมาไม่น้อย ฮานะถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะเอนศีรษะให้ราบไปกับพื้นเตียง ดวงตาที่มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานนั้นเลื่อนลอยไม่มีจุดหมาย

   “พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน...จริงๆแล้วระหว่างเรามันเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะซับซ้อนนิดหน่อย” ฮานะเอียงหน้าไปหาใครอีกคนที่กำลังตั้งใจฟัง

   “ซับซ้อน?”

   “ฉันหมายถึง...เพื่อนที่มีเซ็กส์กันได้น่ะ” หลุดยิ้มขำเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วมองจนยุ่งไปหมด “ตกใจสินะ”

   ฮานะยิ้มจางนัยน์ตาสวยดูเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด

   “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อได้รู้ว่าความคิดทั้งหมดที่มีก่อนหน้านั้นมันผิดไป “ผมแค่นึกว่าพวกคุณเป็นคนรักกันไม่ก็คู่...”

   “คู่แห่งโชคชะตาน่ะ...” เสียงแค่นหัวเราะแผ่วเบาดังอยู่ในลำคอ “…มันก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระ...นิทานหลอกเด็ก” ใบหน้ายิ้มแย้มสะท้อนร่องรอยของบาดแผลในจิตใจที่เหวอะหวะจนไม่สามารถกลบมันเอาไว้ได้มิดชิด    

“แต่คุณก็รักเขา...ใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้น พีทมองเสี้ยวหน้าได้รูปที่แหงนเงยมองเพดาน ความคิดมากมายผุดซ้อนขึ้นมาจนยากที่จะต้านทานเอาไว้ได้เมื่อเห็นว่านัยน์ตาสวยดูอ่อนไหว...เปราะบางกว่าที่คิด

   “…อืม” ยอมรับอย่างไม่คิดที่จะปฏิเสธ “ก็...เคยรักมากเลยล่ะ” …เคยรักมากที่สุด

   “แล้วทำไมคุณยัง...ผมหมายถึง…” พีทมองปลอกคอหนังที่ถูกสวมเอาไว้บนลำคอขาว...มันเป็นตัวแสดงถึงหลักประกันอิสรภาพที่โอเมก้าพึงมี

   “ทำไมฉันยังไม่ถูกอเล็กซ์กัดน่ะเหรอ” ฮานะหลุดหัวเราะเมื่อเห็นแววตาสงสัยจากเจ้าเด็กตัวโต “ก็แค่รู้สึกว่ายังไม่อยากถูกพรากอิสระไป...ฉันรักเขาก็จริง แต่มันก็แค่รักข้างเดียวน่ะนะ เธอเข้าใจใช่ไหม”

   เด็กหนุ่มมองตอบกลับไปก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม ความรู้สึกหนักเหมือนดังก้อนหินที่ถ่วงอยู่ในใจมาหลายวันทำให้เขาต้องเอ่ยถามออกไป

   ใบหน้าคมเข้มก้มลงมองอีกฝ่าย นัยน์ตาที่เคยนิ่งสงบเริ่มเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนแฝงเร้นความรู้สึกบางอย่างที่รุนแรงคล้ายคลื่นใต้ทะเลที่กำลังคลั่งเดือด ทำให้ฮานะต้องเบือนหลบสายตาอีกฝ่ายเมื่อเริ่มรู้สึกต้านทานไม่ไหว

   “มีอีกเรื่องที่ผมอยากถาม” เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงด้วยท่าทางจริงจังก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ เสื้อแขนยาวถูกร่นขึ้นไปจนเห็นรอยนิ้วมือเจือจาง “...รอยพวกนี้...เขาเป็นคนทำใช่ไหมครับ”

   “เธอ...รู้?” ฮานะดูตกใจไม่น้อย พอจะดึงแขนกลับก็ถูกอีกฝ่ายยึดเอาไว้มั่น “…มันไม่มีอะไรทั้งนั้น”

   “ผมจะเชื่อคุณแน่...ถ้าหากว่าไม่เห็นรอยอื่นบนตัวคุณด้วย” เด็กหนุ่มกดเสียงต่ำ ยิ่งเห็นว่าคนตรงหน้าปฏิเสธเขาก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ

   “เธอเห็นมันได้ยังไง” ฮานะขมวดคิ้วแน่นทั้งพยายามยื้อแขนกลับแต่เพราะอีกฝ่ายแรงเยอะกว่ามากทุกอย่างมันเลยไม่เป็นใจเท่าไรนัก “พีท...ปล่อย”

   “ตอบผมสิครับว่าทั้งหมดมันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ...ไม่ใช่เพราะถูกเขาทำร้ายร่างกาย” แรงอารมณ์ที่ถูกสั่งสมมาหลายวันถูกระบายออกมา เด็กหนุ่มจดจ้องคนที่เอาแต่หลบตา ฮานะพยายามแกะมือเขาออกราวกับต้องการหลบหนีความจริง

...หรือไม่ก็พยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อปกป้องเขาคนนั้น..

“เปล่า” อีกฝ่ายยังคงปฏิเสธ

“ฮานะ”

   “…มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ พีท” ข้อมือถูกดึงกลับมาได้สำเร็จ ฮานะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินไปเก็บของส่วนตัวลงกระเป๋าเมื่อรู้สึกว่าบาดแผลในจิตใจที่กำลังจะหายถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง...สุดท้ายแล้วการอยู่คนเดียวคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในเวลานี้ “ขอโทษที่มารบกวน”

   “ฮานะ” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาประชิดแต่กลับถูกอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ

   “ช่วยถอยด้วย ฉันจะไปแต่งตัว”

   “ฟังผมก่อน”

   “พีท” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่อถูกไล่ต้อนเข้าไปที่มุมผนัง...ความทรงจำเลวร้ายก่อนหน้าทำให้เผลอกำมือแน่นเพื่อระบายความรู้สึกกดดันทั้งหมดที่มี พอตั้งท่าจะเดินหนีกลับถูกเรี่ยวแรงมหาศาลรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้จนแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากอกกว้าง ฮานะขืนกายหนีแต่วงแขนแกร่งกลับโอบกระชับให้แน่นขึ้นจนไม่สามารถขยับตัวได้ “ทำอะไรของเธอ...ปล่อย”

   “ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำที่ดูเคร่งเครียดก่อนหน้าหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ความทุ้มนุ่มที่คุ้นเคย แรงกอดช่วงเอวคลายลงแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงข้างใบหูทำต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

   “…”

   “อย่าไปเลยนะครับ” ถ้อยคำเว้าวอนร้องขอ “...ได้โปรด”

   “…”

   “ผมขอโทษ” ใบหน้าคมเข้มซบลงบนลาดไหล่เล็กก่อนจะพึมพำเสียงเบา “…ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คุณต้องรู้สึกแย่”

   “…”

   ท่าทีสำนึกผิดทำให้คนอายุมากกว่าต้องถอนหายใจออกมา ฮานะแตะมือลงบนท่อนแขนที่โอบอยู่รอบเอวแผ่วเบา “ช่างมันเถอะ” เขาไม่ได้นึกโกรธ เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงเป็นห่วง...ที่ไม่อยากให้พีทรับรู้ก็เพราะรู้สึกอับอายในความผิดพลาดของตนเองก็เท่านั้น

   “ผม...เป็นห่วงคุณ” เด็กหนุ่มหมุนตัวร่างที่เล็กกว่าให้กลับมาเผชิญหน้ากัน ใบหน้าคมเข้มทอแววกังวลจนคิ้วขมวดเป็นปม...ความรู้สึกที่มากล้นมันอัดแน่นอยู่ภายในอก

   “ฉันรู้” ฮานะยิ้มรับพร้อมกับเอื้อมมือไปวางทาบไว้บนแผ่นอกเปลือยเปล่าที่แผ่ไอร้อนระอุ “…วางใจเถอะ ฉันไม่ได้โกรธเธอ...แค่...ยังไม่อยากพูดถึงมันก็เท่านั้น”

   “...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มย้ำคำเดิมอยู่อย่างนั้นจนคนฟังใจอ่อน

   “ไม่เป็นไร”

   อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับเอวเล็กแนบแน่นทำให้ระยะห่างระหว่างกันลดลง ผิวเนื้อมีเพียงเสื้อยืดขวางกั้นจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากช่วงตัวสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มที่โน้มต่ำลงมาใกล้ทำให้จังหวะชีพจรเต้นรัวจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ผิวเนื้อร้อนระอุให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยได้อย่างน่าประหลาด

   แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดฝ่ามือเล็กก็ออกแรงดันทำให้ฝ่ายนั้นหยุดชะงัก

   “ไปอาบน้ำเลย” ฮานะกระแอมแก้เก้อพยายามไม่แสดงท่าทางแปลกๆออกไป

   “ฮานะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบเฉยแต่ทว่าถ้ามองลึกลงไปแล้วติดจะออดอ้อนไม่เบา “ไม่ไปได้ไหมครับ”

   “…”

   “อยู่ที่นี่เถอะ...นะครับ” พีทมองอย่างเว้าวอน...นึกแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกรุนแรงมากถึงขนาดนี้

   “อืม...รู้แล้ว ปล่อยสิ” มือเรียวสวยแตะลงบนท่อนแขนอีกครั้งเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายปล่อยตัวเขาได้แล้ว แต่เจ้าเด็กตัวโตกลับยังดื้อแพ่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก...นี่จะเรียกว่าเป็นการฉวยโอกาสได้หรือเปล่า

   คงไม่...เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคามเหมือนที่อเล็กซ์เคยทำ บรรยากาศของผู้ที่อยู่เหนือกว่าไม่ได้กดให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นต่ำลง มันเป็นความสบายใจที่ไม่เคยได้รับมาก่อนและไม่คิดว่าจะได้รับจากผู้ที่มีชนชั้นสูงกว่าอย่างอัลฟ่า

   …แต่พีทกลับให้ความรู้สึกเหมือนโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ตัวโตไม่มีผิดเพี้ยน…

   เพียงไม่นานร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เส้นผมเปียกโชก เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะไปมาจนหยดน้ำกระจายอยู่รอบตัว ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่นั่งอยู่บนปลายเตียง ฮานะมองมาทางเขาพร้อมกับอมยิ้มขำจนต้องขมวดคิ้วสงสัย

   “เธอเหมือนลูกหมาตอนที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำเลย” ฝ่ายนั้นว่าอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่นิดหน่อยแต่พอเห็นว่าฮานะยิ้มได้ก็รู้สึกดีตามไปด้วย “มานี่สิ” ฮานะกวักมือเรียก ในมืออีกข้างมีผ้าขนหนูผืนเล็กเตรียมเอาไว้

   พีทเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย พอก้มลงมองฝ่ายนั้นก็ชี้นิ้วเชิงสั่งให้ลงไปนั่งบนเตียง

   “จะทำอะไรครับ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

   “เช็ดผมให้...เร็วสิ” เอ่ยเร่งอีกรอบจนเจ้าเด็กตัวโตยอมทำตามว่าง่าย

เมื่อพีทนั่งลงระดับศีรษะก็อยู่ต่ำกว่าเขาเล็กน้อย ผ้าขนหนูผืนนุ่มถูกวางทับลงไปบนเส้นผมสีเข้มก่อนมือเล็กจะค่อยๆซับน้ำออกให้จนมันหมาด ช่วงตัวเพรียวบางที่มีเพียงเสื้อยืดของเขาสวมทับดูน่ามองจนไม่สามารถละสายตาออกไปไหนได้ กลิ่นของแชมพูและสบู่กลิ่นเดียวกันเมื่ออยู่บนผิวเนื้อของอีกฝ่ายนั้นกลับหอมเป็นพิเศษ

   รู้ตัวอีกทีก็โอบแขนเข้าไปประคองรอบเอวเล็กเอาไว้อย่างถือวิสาสะ ฮานะชะงักมือไปเล็กน้อยแต่ก็เช็ดผมให้ต่อโดยไม่ได้ว่าอะไร น้ำหนักมือนุ่มนวลและสัมผัสจากปลายนิ้วทำให้รู้สึกสบายจนต้องหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย

   “สบายมากขนาดนั้นเลยเหรอ” ฮานะก้มลงมองเจ้าเด็กตัวโตที่หลับตาพริ้มแล้วก็นึกเอ็นดูขึ้นมาจนต้องบีบเข้าที่ใบหูอย่างนึกมันเขี้ยว...เหมือนลูกหมาตัวโตจริงๆด้วยแฮะ

   “ยิ้มอะไรครับ” พีทลืมตาขึ้นมองคนที่ยิ้มกว้างอยู่เบื้องหน้า เด็กหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนช่วงตัวของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้...ใกล้เสียจนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงไปบนผิวเนื้อของอีกฝ่าย ใบหน้าคมเข้มแหงนเงยขึ้นมองอย่างนึกสงสัย...ตั้งแต่ที่เขาออกมาจากห้องน้ำฮานะก็ดูอารมณ์ดีจนผิดสังเกต

   “เปล่า” มือเล็กวกกลับไปซับเส้นผมเปียกชื้นต่อ “แค่คิดว่า...เธอเหมือนหมาโกลเดนท์จังเลย” สารภาพไปขำไปก่อนจะเอื้อมมือมาเกาคางจนเจ้าเด็กตัวโตขมวดคิ้วยุ่ง

   “ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำเรียบเฉยแต่ทว่าแฝงเร้นความรู้สึกมากมาเอาไว้

   “ล้อเล่นน่า” ฮานะบีบเข้าที่สันกรามได้รูปก่อนจะส่ายไปมาอย่างนึกเอ็นดู แต่แล้วกลับถูกฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมากอบกุมแนบแน่น ฝ่ายนั้นช้อนตาขึ้นมองจนเขาเริ่มทำตัวไม่ถูก สัมผัสร้อนจัดที่ส่งผ่านมาที่ปลายนิ้วทำให้จังหวะชีพจรเต้นรัวเร็วมากขึ้น

   ปลายนิ้วใหญ่เคลื่อนต่ำลงมาที่ข้อมือก่อนจะลูบผ่านรอยช้ำบนผิวเนื้อขาวแผ่วเบาราวกับว่าต้องการที่จะดูดซับความเจ็บปวดทั้งหมดเอาไว้เอง ถ้อยคำมากมายถูกกลืนหายเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาสีสวย

   “พีท” ปลายนิ้วเล็กไล้อยู่ข้างกรอบหน้า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากร้อนผ่าว

   “ครับ”

   “…ขอบใจนะ” ฮานะยิ้มจางพร้อมกับคล้องแขนเข้าไปโอบรอบลำคอของอีกฝ่าย

   เด็กหนุ่มยิ้มรับก่อนจะกระชับวงแขนโอบกอดคนตรงหน้าไว้แน่น แต่แล้วกลับถูกฝ่ามือเล็กดันคางให้ขึ้นไปสบตากันเนิ่นนานก่อนที่ใบหน้าของอีกฝ่ายจะก้มต่ำลงมาจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงบนผิวแก้ม ผ้าขนหนูที่วางอยู่บนศีรษะถูกดึงลงมาปิดตาเอาไว้จนมองไม่เห็นสิ่งรอบกาย...ก่อนที่สัมผัสอุ่นจะประทับลงมาบนริมฝีปาก

   นุ่มนวลราวกับปุยนุ่นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ

   กลีบปากล่างถูกขบเม้มดุนดันแผ่วเบาก่อนที่จะรู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นของเรียวลิ้นที่เลียอยู่โดยรอบ เด็กหนุ่มนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อรู้สึกว่าทั้งตัวเย็นเฉียบราวกับถูกสาดซัดด้วยน้ำเย็นจัด จังหวะชีพจรที่เต้นรัวเร็วเร่งเร้าให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นจนแทบหลอมละลาย

   เรียวปากอุ่นนุ่มกดแช่ค้างไว้อยู่อย่างนั้นไม่ได้รุกล้ำเข้าไปเกินกว่าที่เป็นอยู่ ฮานะถอนใบหน้าออกมาพอดีกับที่ผ้าขนหนูถูกดึงออกจนเผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มที่กำลังขึ้นสีแดงจัด เด็กหนุ่มพยายามควบคุมจังหวะการหายใจให้เป็นปกติเมื่อยังสัมผัสได้ถึงร่องรอยอุ่นเจือจางบนผิวเนื้อ

   “รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า...”

ฮานะถามพร้อมกับลูบกรอบหน้าแผ่วเบาอย่างนึกกังวล เมื่อเห็นว่าพีทส่ายหน้าปฏิเสธก็คลายยิ้มออกมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักดีกลับถูกอีกฝ่ายยืดตัวขึ้นมาประกบจูบแนบแน่น ช่วงตัวสูงใหญ่กระชับอ้อมกอดจนตัวแทบกลืนหายเข้าไปในแผ่นอกกว้าง และเพียงไม่นานใบหน้าคมเข้มก็ถอนออกก่อนจะเคลื่อนลงไปซบอยู่กับแผ่นอกของเขา

“พีท”

“…”

   ฮานะก้มลงมองเจ้าเด็กตัวโตที่ตอนนี้ใบหูขึ้นสีแดงจัดก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้มแผ่วเบา

   รอยยิ้มเจือจางปรากฏขึ้นอย่างนึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อยในตอนที่เห็นว่าพีทเอาแต่ซุกหน้าอยู่อย่างนั้นและกอดเขาแน่นขึ้น

   …น่ารักจัง...


___________________________________



Flightless Bird,American mounth - Iron&Wine

https://www.youtube.com/watch?v=xwZNGaMrwcE

เพลงที่เจ้าพีทร้องค่ะ เป็นเพลงโปรดของเราเลย ถ้ายังไงลองไปฟังกันได้นะคะ :กอด1:



ฝากคอมเม้นหรือติดแท็ก #ดอกไม้ของพีท เป็นกำลังให้เจ้าลูกหมากันด้วยนะค้าบบ (♡´౪`♡)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 13-10-2019 20:48:13
 :hao7: ไม่ชอบนิสัยนายอเล็กเลย
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-10-2019 22:21:12
มีความเขิน..นนน   :o8:
ปล. ได้ยินเพลงนี้แล้วนึกถึง แวมไพร์ ทไวไลท์
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bnmshhhhhhh ที่ 13-10-2019 23:19:20
เจ้ายู้กหมาพีทน่ารักมากๆเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-10-2019 00:29:22
ไอ้ลูกหมา T_T
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rcbpdr ที่ 14-10-2019 14:00:08
โอ้ยยยย เอ็นดูพีทอะแต่แบบว่าเขินมากกว่า แง ไม่อยากให้ใครเจ็บปวดทั้งนั้น
อยากให้ฮานะหลุดออกมาจากวงจรนั้นได้ไวๆ สงสารนังหมาา
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S I X : 13/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 15-10-2019 11:32:17
 :katai5:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 16-10-2019 19:21:58
CHAPTER SEVEN

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/10/17/cvL66y.png)

_________________________________




   “สรุปแล้วโปรเจกต์น้ำหอมคอลเลคชั่นใหม่ที่คุณอาร์เธอร์เคยวางแพลนเอาไว้ต้นปีหน้า จะถูกเลื่อนมาเป็นช่วงปลายปีนี้นะครับ”

   คนที่นั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะเอ่ยขึ้นมาในที่ประชุมหลังจากที่จบหัวข้องานก่อนหน้าทำเอาทุกฝ่ายหันมามองด้วยความแปลกใจ เพราะตอนนี้ทั้งงานอีเว้นท์และแฟชั่นโชว์ก็ล้นมือจนต่างฝ่ายต่างหัวหมุนไปตามกัน ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้เรียกได้ว่าทางโมเดลลิ่งแทบไม่ได้หยุดพักหายใจกันเลยทีเดียว

   “แต่เรายังหาคนที่จะมาเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมตัวสุดท้ายไม่ได้เลยนะคะบอส”

เบต้าสาวที่ดำรงตำแหน่งฝ่ายจัดการโมเดลลิ่งแย้งขึ้นมา เพราะไม่ว่าจะส่งโปรไฟล์ของนายแบบกี่คนต่อกี่คนไปเสนอให้คุณแกเรนเลือกก็ไม่มีใครเข้าตาพอที่จะร่วมโปรเจกต์ใหญ่ชิ้นนี้ เพราะนายแบบอีกสองคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอยู่ตอนนี้เรียกได้ว่ามีคาแรคเตอร์ที่ไม่ซ้ำใครซ้ำยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงแถวหน้าของทางSMA การที่จะคัดเลือกนายแบบในสังกัดให้เข้ามาร่วมในโปรเจกต์เดียวกันนั้นจึงถือว่าเป็นงานหินพอสมควรเพราะไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วม

   ถึงแม้จะมีหน้าตาและรูปร่างที่ผ่านเกณฑ์ไร้ที่ติ แต่สุดท้ายก็มีคาแรคเตอร์ที่ไม่ตรงตามกับกลิ่นน้ำหอมตัวสุดท้ายเสียที ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาทุกฝ่ายก็ต่างผลักดันเด็กของตัวเองให้ได้เข้ามาร่วมในโปรเจกต์นี้แต่กลับไม่มีใครถูกเลือกไปแม้แต่รายเดียว

   ทุกคนต่างรู้ดีว่าหากใครได้เข้าร่วมในโปรเจกต์พิเศษนี้จะมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานสูงเพราะครั้งนี้มีนายทุนใหญ่อย่าง คุณอาร์เธอร์ จาง เป็นหัวเรือใหญ่ เรียกได้ว่างานนี้เป็นที่จับตามองของทั้งวงการเลยก็ว่าได้

   “บอสเคยบอกเอาไว้ว่าจะให้อเล็กซ์เป็นพรีเซนเตอร์ตัวน้ำหอมBlue Oceanไม่ใช่เหรอครับ” เฮนรีย์ หวัง หัวหน้าทีมคอสตูมอีกทีมแย้งขึ้นมา ส่วนตัวเขาเองก็นึกเชียร์อเล็กซ์อยู่ไม่น้อย เพราะช่วงนี้ชื่อเสียงของฝ่ายนั้นโด่งดังและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการ ถ้าหากได้เข้าร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ในโปรเจกต์นี้อีกละก็รับรองว่ามีโอกาสเป็นดาวค้างฟ้าไปอีกนาน

   “ผมพิจารณาดูอีกรอบแล้ว อเล็กซ์คงยังไม่เหมาะสักเท่าไหร่” แกเรนยิ้มตอบอย่างสุภาพเพราะรู้ดีว่าฝ่ายนั้นพยายามดันอเล็กซ์มากแค่ไหน เขามองเลยไปยังคนที่เอาแต่ก้มหน้านั่งอ่านแฟ้มรายละเอียดข้อมูลโดยไม่มีปากเสียงทั้งที่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวเคยมาขอให้เขาช่วยผลักดันอเล็กซ์ให้เข้าร่วมเองกับมือ

   ...นี่คงเป็นการบอกทางอ้อมว่าฮานะไม่ขอรับรู้ความเป็นไปของฝ่ายนั้นอีกแล้ว...

   “หมายความว่ายังไงครับ” โอเมก้าหนุ่มถามกลับ สีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจชัดเจน เขามองไปยังอดีตผู้จัดการของอเล็กซ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่ฝ่ายนั้นกลับปรายตามองมาเพียงครู่ก่อนจะหันไปทางอื่นราวกับว่าเขาเป็นธาตุอากาศ

   “ก็ตามที่ผมได้พูดไป คุณเฮนรีย์” แกเรนย้ำคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำลงเล็กน้อย “เอาไว้ผมจะพิจารณาทบทวนอีกที เพราะยังไงก็ต้องสรุปให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้” รอยยิ้มแสนสุภาพถูกส่งกลับไปอีกครั้งแต่นั่นก็เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนแล้วว่าไม่ควรที่จะเซ้าซี้ไปมากกว่านี้

   “ครับบอส” ชายหนุ่มยอมล่าถอย เพราะรู้ดีว่าเจ้านายเป็นคนอย่างไร

   “มีใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมไหมครับ หรือถ้าอยากเสนออะไรก็ตามสะดวก” แกเรนเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมหลังจากที่เข้าประชุมกันมาครึ่งค่อนวัน

   “ไม่ค่ะบอส/ไม่ครับบอส”

   “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พอแค่นี้แยกย้ายไปทำงานต่อได้ ส่วนรายละเอียดที่ผมขอเพิ่มส่งมาทางเมลล์ก็แล้วกันนะครับ ขอบคุณทุกคนมาก”

   แกเรนลุกขึ้นตามมารยาทเมื่อทุกคนเริ่มทยอยเดินออกไปจากห้องประชุม จะเหลือก็เพียงแต่ใครอีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บแผ่นเอกสารที่เผลอปัดตกลงไปบนพื้น ร่างสูงระหงเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะพิงสะโพกเข้ากับขอบโต๊ะด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายผิดกับเมื่อครู่นี้ลิบลับ เอกสารแผ่นสุดท้ายถูกเขาก้มลงเก็บและส่งยื่นไปให้อีกฝ่าย

   “เป็นยังไงบ้าง” แกเรนเลิกคิ้วถามอย่างนึกเป็นห่วง “เห็นเกรซบอกว่าช่วงนี้คุณหัวหมุนน่าดู”

   ฮานะยิ้มรับพร้อมกับเก็บแผ่นเอกสารเข้าไปในกระเป๋า “ครับ...ก็นิดหน่อย แค่นี้สบายมาก”

   “คุณดูมีความสุขขึ้นนะ” ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองฝ่ายเดียวไหม แต่หลังจากที่ฮานะได้เปลี่ยนมาดูแลเด็กเทรนด์คนใหม่เจ้าตัวก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวา เลขาของเขาคอยรายงานอยู่ประจำว่าฮานะยิ้มบ่อยขึ้น “มีเรื่องอะไรดีๆหรือเปล่า” น้ำเสียงเอ่ยแซวแฝงเร้นความนัยจนทำให้ใบหน้าสวยต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างนึกสงสัย

   “คุณแกเรน...หมายถึงอะไรเหรอครับ” ฮานะถามย้ำ แต่พอเห็นแววตาหยอกล้อจากเจ้านายก็เป็นอันเข้าใจได้ทันที

   “ก็อย่างเช่น...พีท อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สไตล์ลิสต์คนเก่งของผมดูยิ้มแย้มมากกว่าปกติหรือเปล่านะ” นัยน์ตาสวยเปล่งประกายอย่างนึกสนุกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลบสายตาอย่างมีพิรุธ

   “พอเลยครับ” ฮานะโบกมือปัดไปมาทั้งที่เริ่มร้อนผ่าวบริเวณใบหน้าเมื่อนึกถึงใครอีกคน “คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบเด็-”

   “พีทไม่เด็กแล้ว” แกเรนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขายืนล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายก่อนจะจ้องกลับไปยังคนปากแข็ง “อีกอย่าง...เจนนี่บอกผมว่าเขาเชื่อฟังคุณอย่างกับอะไร เคย์ก็บอกว่าเจ้าพีทมองตามคุณตลอด แล้วก็ยัง...”

   ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ก็ถูกอีกฝ่ายยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ก่อน ฮานะส่ายหน้าไปมาแต่ก็ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มที่ข้างมุมปากเอาไว้ได้

   ช่างเก็บความรู้สึกได้ไม่เนียนเอาเสียเลย

   นี่ก็เข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่สามที่พีทได้เข้ามาเป็นเด็กเทรนด์ในโมเดลลิ่ง ในขณะนี้เรียกได้ว่าเด็กหนุ่มกำลังเป็นที่จับตามองของทุกฝ่ายในบริษัทเลยก็ว่าได้ ถึงขนาดที่ว่าเจนนี่เป็นคนออกปากชมเองก็นับว่าไม่ธรรมดา เพราะโดยปกติแล้วเด็กเทรนด์ในสังกัดจะต้องเข้าฝึกอย่างน้อยเป็นเวลาเดือนกว่าถึงจะผ่านแบบประเมินจากเทรนเนอร์ แต่พัฒนาการของพีทนั้นก้าวกระโดดไปไกลในเวลาเพียงแค่สามสัปดาห์ ทั้งบุคลิกร่างกายที่ดูดีขึ้นรวมไปถึงลุคที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับลักษณะคาแรคเตอร์ของเจ้าตัว

   เรียกได้ว่าเป็นเด็กใหม่ที่ไฟแรงในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้...แม้แต่อเล็กซ์เองก็ยังเทียบไม่ได้

   รอดูวันที่ได้โชว์ตัวก่อนเถอะ...รับรองว่าฮานะได้จัดตารางงานจนหัวหมุนแน่นอน

   “ยิ้มอะไรน่ะครับ” ฮานะมองมาอย่างไม่ไว้ใจ

   “เปล่า...ผมแค่กำลังคิดว่าบางที...พีทอาจจะเหมาะกับการเป็นหนุ่มแห่งท้องทะเลหรือเปล่านะ” ปลายนิ้วเรียวสวยที่สวมแหวนแต่งงานลูบเข้าที่ปลายคางอย่างใช้ความคิด

   Blue Ocean

   น้ำหอมตัวสุดท้ายของโปรเจกต์นี้..

   “ผมว่าอย่าดีกว่าครับ...เขายังไม่มีประสบการณ์มากพอ”

พรีเซนเตอร์น้ำหอมนั้นเรียกได้ว่าเป็นงานหินอีกงานในวงการเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากคาแรคเตอร์ภายนอกจะต้องดูโดดเด่นและกลมกลืนไปกับตัวโปรดักแล้ว ประสบการณ์ในการพรีเซนต์บอกเล่าเรื่องราวผ่านทางสายตานั่นก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ

ทำอย่างไรจะให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงตัวตนของน้ำหอมกลิ่นนั้นผ่านการนำเสนอในรูปแบบที่น้อยแต่ทรงพลัง

...นั่นน่ะ นายแบบนางแบบมืออาชีพหลายคนยังตกม้าตายมานักต่อนัก

เพียงแค่สื่อสารผิดจากของราคาแพงก็อาจดูไม่มีค่าเพียงชั่วพริบตา เพราะฉะนั้นการที่จะให้พีทผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในวงการมาเข้าร่วมมันจึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

“แล้วคุณคิดว่าใครเหมาะกับBlue ocean...อเล็กซ์เหรอ?” แกเรนถามย้ำ

“เปล่าครับ...ผมแค่..”

ฮานะสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ยินชื่อของอดีตที่เขาไม่อยากจะนึกถึง ช่วงที่ผ่านมาเขากับฝ่ายนั้นไม่ได้ติดต่อกันมาสักพักใหญ่ เพราะหลังจากที่อเล็กซ์กลับมาจากทางใต้ก็บินไปร่วมงานเปิดตัวเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายที่เจ้าตัวเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อยู่ที่ไต้หวันเป็นเวลาหลายสัปดาห์

ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดี...

“ฮานะ ทุกอย่างมันย่อมมีจุดเริ่มต้นนะ ถ้าไม่ลองให้โอกาสเขาได้ลองเราจะรู้ความสามารถของเด็กคนนั้นได้ยังไง”

“…”

“ส่วนเรื่องอเล็กซ์...ผมลองเสนอไปแล้ว...แต่บอกตามตรงว่าเฟิงหลงยังไม่คลิกกับคาแรคเตอร์เขาสักเท่าไหร่”

อันที่จริงแล้วที่โปรเจกต์นี้ก่อตั้งขึ้นมาได้ก็เพราะฝ่ายนั้นอยากจะลองขยับขยายธุรกิจน้ำหอมระดับไฮเอนด์ที่เจาะเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเลยมาขอความร่วมมือจากทางโมเดลลิ่งเพื่อที่จะทำการโปรโมตโปรดักทั้งหมดให้ออกมาในงานกึ่งแฟชั่นโชว์ไปในตัว

จาง เฟิงหลง หรือเป็นที่รู้จักกันในนามอาร์เธอร์ จาง นักธุรกิจหนุ่มจากตระกูลอัลฟ่าชั้นสูงที่บริหารธุรกิจในเครือนับร้อย และแน่นอนว่ารวมไปถึงโมเดลลิ่งแห่งนี้ด้วย แม้แกเรนจะรับหน้าที่เป็นซีอีโอใหญ่แต่เบื้องหลังของการเจริญเติบโตที่ก้าวกระโดดของโมเดลลิ่งนั้นมีเฟิงหลงคอยยื่นมือช่วยเหลืออยู่ตลอด เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนอยากจะให้เด็กที่ตัวเองปั้นได้เข้าร่วมโปรเจกต์นี้เมื่อได้รู้ว่าเฟิงหลงเป็นคนสำคัญที่ก่อตั้งมันขึ้นมา

“ผม...เคารพการตัดสินใจของคุณครับ” ฮานะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยไม่คิดที่จะเซ้าซี้ให้มากความ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เขาอาจจะลองอ้อนวอนคุณแกเรนอีกสักหน่อยเพื่อให้อเล็กซ์ได้งานตามที่เจ้าตัวหวัง แต่ตอนนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและจัดการทำแทน เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเขาอีกแล้วที่จะต้องวิ่งเต้นช่วยเหลือคอยป้อนงานให้คนพรรคนั้น...พอกันที

“ฮานะไม่โกรธผมใช่ไหม” แม้ว่าแกเรนจะยึดมั่นในความคิดของตัวเองแต่กับฮานะที่นับว่าเป็นคนสนิทมานานเขาก็ไม่อยากที่จะละเลยความรู้สึกของอีกฝ่าย

   “ทำไมต้องโกรธล่ะครับ” ฝ่ายนั้นยิ้มจาง “ไม่ว่าจะยังไงสิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุดคือโปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จ ต่อให้คุณจะเลือกใครเข้ามาผมก็เคารพทุกการตัดสินใจอยู่แล้ว”

   “’งั้นก็หมายความว่า...ถ้าผมเลือกพีท...” แกเรนยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เขายังอยากแหย่ให้ฮานะคิ้วขมวดมากกว่านี้อีกสักหน่อย

   “เอาไว้รอให้เขามีผลงานก่อน ค่อยนำมาพิจารณาอีกทีดีไหมครับ” ฝ่ายนั้นยังคงรักษาท่าทีใจเย็นอยู่ ไม่ยอมหลงกลกันง่ายๆ

   “โอเคๆ ผมไม่แตะต้องคนของฮานะแล้ว” แกเรนยกมือสองข้างขึ้นอย่างยอมแพ้ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคิ้วขมวดกับคำว่า ‘คนของฮานะ’

   “คุณนี่...จริงๆเลยนะครับ” ใบหน้าสวยอมยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะไปมา

   “แล้วนี่จะไปไหนต่อ แผนกคอสตูมเหรอ” แกเรนเปลี่ยนเรื่องเมื่อถูกมองค้อนวงโต

   “ไปหาพีทครับ ช่วงบ่ายเขามีโปรแกรมฝึกเดินแบบ”

   “เยี่ยมเลย” แกเรนดีดนิ้วด้วยท่าทางที่กระตือรือร้น “บ่ายนี้ผมว่าง...ถ้ายังไงขอไปดูพัฒนาของเด็กเทรนด์สักหน่อยก็แล้วกัน เห็นเจนนี่คุยโม้เอาไว้เยอะแยะ” ชายหนุ่มขยิบตาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะออกเดินนำหน้าไปทางห้องสตูดิโอ

   “ไม่ธรรมดาเลยนะ” เสียงพึมพำของเจ้านายที่ยืนกอดอกอยู่ข้างกันทำให้ฮานะต้องหันไปมองอย่างแปลกใจ...เพราะปกติแล้วนับครั้งได้เลยที่คุณแกเรนจะออกปากชม


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 16-10-2019 19:23:04
บานกระจกใสที่กั้นไว้ระหว่างห้องสตูดิโอนั้นทำให้เห็นกิจกรรมภายในได้อย่างชัดเจน แกเรนมองเด็กเทรนด์หน้าใหม่ที่กำลังฝึกเดินแบบอยู่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งแปลกใจและชื่นชมจนอดไม่ได้ที่จะยืนดูอยู่อย่างนั้น

   ร่างสูงใหญ่สง่าผ่าเผยตกเป็นเป้าสายตาได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งลาดไหล่กว้าง ช่วงขาเรียวยาวได้สัดส่วนยิ่งเสริมให้ฝ่ายนั้นดูโดดเด่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะดวงตาคมดุที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชื้อสายทางตะวันตกยิ่งเสริมให้พีทน่าดึงดูดขึ้นไปอีก เส้นผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกเล็กน้อยสื่อถึงความมีชีวิตชีวาของวัยหนุ่มจนคนมองชักจะตาพร่าขึ้นมา

   ...นี่มันม้ามืดชัดๆเลย..

   “เจนนี่บอกว่าเขาเรียนรู้เร็วมาก สอนไปแค่รอบเดียวก็ทำออกมาได้ดี” แกเรนหันไปมองคนข้างกาย ใบหน้าสวยกำลังอมยิ้มเบาบาง นัยน์ตาเปล่งประกายความภาคภูมิใจเอาไว้จนปิดไม่มิด

   “เขาเป็นเด็กดีนะ” บอสใหญ่ยืนมองคนที่ก้มหัวขอบคุณเทรนเนอร์ยกใหญ่หลังจากที่โปรแกรมการฝึกซ้อมจบลง

   “ครับ...คุณเคย์ก็บอกแบบนั้น” ตลอดหลายวันที่ผ่านมากระแสที่เกี่ยวกับตัวพีทในโมเดลลิ่งนั้นค่อนข้างเป็นไปในทางที่ดี เพราะเจ้าตัวเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ใครเห็นก็นึกเอ็นดู ฮานะได้รับคำชมไม่ขาดปากจากคนรอบข้างเกี่ยวกับพีททั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่ากำลังเป็นที่จับตามองมากแค่ไหน

   “แล้ว...ฮานะล่ะ” แกเรนยิงคำถามใส่โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว “คิดว่าเขาเป็นยังไง”

   คราวนี้เจ้าตัวไม่แสดงท่าทีแบบเดิมออกมาให้เห็น นัยน์ตาสวยจดจ้องไปยังคนที่หันมามองทางนี้พร้อมกับยิ้มบางเบาไปให้ พีทดูแปลกใจเล็กน้อยแต่พอเห็นว่าเขายืนอยู่ข้างกันฝ่ายนั้นก็ก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นการทักทาย

   “หมายถึงอะไรเหรอครับ” ฮานะทวนคำถาม

   “ก็...ในสายตาฮานะ พีทดูเป็นยังไง”

   “เขา...” ริมฝีปากเผลอขบเม้มเข้าหากันเมื่อได้สบเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา “…เหมือนหมาโกลเดนท์ตัวใหญ่”

   ได้ยินเพียงเท่านั้นแกเรนก็หลุดขำออกมาจนไม่สามารถหักห้ามตัวเองเอาไว้ได้ ยิ่งเห็นว่าพีททำหน้างุนงงเล็กน้อยก็ยิ่งตอกย้ำว่าอีกฝ่ายเหมือนเจ้าหมาขนทองตัวโตมากแค่ไหน

   ...ช่างเข้าใจเปรียบเทียบจริงนะ

   แต่ก็เหมือนจริงๆแฮะ...ยิ่งตอนที่พีทมองมาทางนี้น่ะ ถ้ามีหูกระดิกพร้อมตีหางนี่ใช่เลย

   “ฮานะ” เด็กหนุ่มตัวสูงเดินเข้ามาหาผู้จัดการส่วนตัวของตนด้วยสภาพใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อ 

   “เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยหรือเปล่า” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าเด็กตัวโตที่สูงเกือบแตะสองเมตร ก่อนจะส่งยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้

   “นิดหน่อยครับ”

   “เด็กหนุ่มๆเนี่ยมีพลังขับเคลื่อนเยอะจังน้า น่าอิจฉาจัง” บุคคลที่สามที่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนนอกกะทันหันอดที่จะเอ่ยปากแซวไม่ได้เมื่อเห็นว่าคุณผู้จัดการเอาใจใส่เด็กใหม่เป็นอย่างดี

   “ยังไม่แก่เสียหน่อยครับคุณน่ะ” ฮานะหรี่ตามองเจ้านายที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์แม้อายุจะอยู่กลางเลขสามแล้วก็ตาม...นี่ถ้าคุณแกเรนยังรับงานอยู่ในวงการละก็บอกได้เลยว่าใครก็เทียบไม่ติด

   “มันก็จริงน่ะนะ แต่คงสู้วัยหนุ่มไม่ได้หรอก...เธอว่างั้นไหมพีท” เมื่อเห็นว่าแหย่อีกฝ่ายไม่ได้ผลแกเรนจึงเปลี่ยนไปเล่นงานเป้าหมายใหม่

   “พอเลยครับ” ฮานะโบกปัดอากาศไปมาเพื่อยุติการละเล่นปั่นหัวของเจ้านายซึ่งทางคุณแกเรนเองก็ดูจะมีความสุขเสียเหลือเกิน

   “แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ ขี้หวงจริงเชียว” ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างไม่น่าไว้ใจ ยิ่งเห็นแววตามองค้อนของอีกฝ่ายก็ยิ่งสนุกไปใหญ่ ก่อนจะรีบยกมือยอมแพ้เพราะกลัวว่าฮานะจะงอนเขาเข้าจริงๆ “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมไม่กวนแล้ว ขอตัวไปดูงานต่อก่อนก็แล้วกันนะ”

   “ไหนบอกช่วงบ่ายว่างครับ” ฮานะอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เพราะได้ฟังมาจากเลขาของอีกฝ่ายว่าช่วงนี้คุณแกเรนโหมงานหนักจนแทบจะไม่ได้พักผ่อนเพราะต้องวิ่งวุ่นเตรียมงานสำหรับโปรเจกต์ใหญ่ปลายปีนี้

   “แค่แวะไปดูความคืบหน้าน่ะ” แกเรนยิ้ม แต่ก่อนจะเดินจากไปก็ยังมิวายที่จะหยุดพูดกับเด็กเทรนด์คนใหม่ “พีท”

   “ครับ คุณแกเรน” เด็กหนุ่มรีบขานรับ

   “ต่อไปนี้คงเหนื่อยไม่น้อยเลย ขอบคุณที่พยายามอย่างหนักนะ” มือข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนไหล่หนาก่อนจะตบเบาๆสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ ประโยคสุดท้ายถูกลดเสียงลงให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน “…ฝากดูแลฮานะด้วย” เสี้ยววินาทีที่สายตาสบประสานความหมายบางอย่างที่ผู้พูดต้องการจะสื่อถึงทำให้คนฟังพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงยังคงไม่รู้ตัว

   “คุยอะไรกันน่ะ” ฮานะเลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัยเพราะคิดว่าคุณแกเรนก็คงไม่พ้นแหย่เล่นไปตามนิสัย แต่พอเห็นสีหน้าที่จริงจังของอีกฝ่ายก็อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ “เป็นอะไร คิ้วขมวดเชียว”

   ...คงไม่ถูกคุณแกเรนพูดอะไรแปลกๆให้ฟังใช่ไหมเนี่ย...

   “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมยิ้มบางเบาออกมาอย่างผ่อนคลาย

   “มีพิรุธนะ” ฮานะหรี่ตามองจับผิด...ยิ่งยืนอยู่ใกล้ก็ยิ่งทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นคุยกันจนคอแทบจะเคล็ด “พีท”

   “ครับ”

   “ก้มลงมาทีสิ” นัยน์ตาสวยที่จับจ้องกวาดมองไปรอบข้าง เมื่อพบว่าตอนนี้ทั้งสตูดิโอเหลือเพียงพวกเขาจึงเอ่ยเร่งให้คนตัวสูงกว่าทำตามคำสั่ง “เร็วๆ”

   “มีอะไรเหรอครั-”

   ประโยคคำถามถูกกลืนหายลงไปเมื่อลำคอถูกอีกฝ่ายโอบคล้องก่อนจะออกแรงกดจนใบหน้าของทั้งคู่แนบชิด ริมฝีปากอุ่นนุ่มที่ยังคงมีรสขมของนิโคลตินเจือจางประทับลงข้างมุมปากแผ่วเบาก่อนจะขบเม้มกันอย่างอ้อยอิ่ง รู้ตัวอีกทีฮานะก็เคลื่อนใบหน้าออกห่าง ริมฝีปากสีสดที่อยู่ในระดับสายตาถูกเจ้าตัวเม้มเอาไว้จนขาวซีด

   “วันนี้เธอเก่งมาก” ใบหน้าสวยยิ้มบางเบาในแววตาคู่นั้นดูภูมิใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากตาไม่ฝาดและนึกเข้าข้างตัวเองจนเกินไปเขารู้สึกว่าฮานะกำลังหน้าแดง...

   “นี่...ถือว่าเป็นรางวัลหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามในระยะประชิดพร้อมกับยกมือขึ้นประคองช่วงสะโพกเล็กให้เข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของกันและกัน

   “อา...ไม่รู้สิ” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองตาสีเข้มคู่นั้นที่กำลังวูบไหว “ไม่รู้ว่ามันพอจะเป็นรางวัลให้เธอได้หรือเปล่าน่ะนะ”

   เด็กหนุ่มรู้สึกร้อบวูบไปทั่วร่างเมื่อระยะห่างระหว่างกันเหลือเพียงศูนย์ ฮานะยกมือขึ้นมาจับบริเวณท่อนแขนของเขาเพื่อเป็นหลักยึด แววตาคู่สวยไร้ท่าทีเขินอายหรือตกประหม่าในตอนที่ช้อนขึ้นมอง

   “มากกว่านี้…ได้ไหมครับ” เสียงทุ้มพร่าต่ำเว้าวอนพร้อมโอบกระชับรอบเอวเล็ก ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนลงต่ำก่อนจะอ้อนขอรางวัลตามที่ต้องการ แต่กลับถูกอีกฝ่ายดันแผ่นอกเอาไว้

   “ไม่ได้” ฮานะยิ้มขำเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตหูลู่หางตกเมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ แต่พีทก็ไม่ดื้อดึงแววตาคู่นั้นไม่แม้นแต่จะแสดงความไม่พอใจออกมาให้ได้เห็น เจ้าตัวเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะยืดตัวกลับไปยืนเต็มความสูงดังเดิม เห็นอย่างนั้นจึงทำให้อดที่จะเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ “มานี่สิ”

   ว่าไว้เพียงเท่านั้นก็ออกแรงดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ของสตูดิโอ โชคดีที่ข้างในนั้นปลอดคนจึงไม่ต้องกังวลกับสายตาของใคร เสียงกดล็อกกลอนประตูดังขึ้นก่อนช่วงตัวสูงใหญ่จะถูกดันแผ่นหลังเข้าหาผนัง ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบต้นคอแกร่งพร้อมกับดึงใบหน้าของอีกฝ่ายลงมาใกล้

   “ข้างนอกน่ะไม่ได้...แต่ถ้าในนี้…” รอยยิ้มกดลึกอยู่ข้างมุมปากตอนที่ถูกประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว

   ช่วงตัวถูกโอบกอดไว้แน่นจนแทบจมหายลงไปในแผ่นอกกว้าง สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ขบเม้มอยู่บนกลีบปากทำให้ต้องหลับตาลงเพื่อรอรับเรียวลิ้นที่พยายามสอดแทรกเข้ามาข้างใน

ท่าทีเก้กังไม่ประสาทำให้หลุดยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดูทันทีที่เห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตเริ่มคุมจังหวะการหายใจเอาไว้ไม่อยู่เมื่อต้องมาเป็นฝ่ายไล่ต้อน ความชื้นแฉะที่เลียอยู่บริเวณรอบปากทำให้สมองนึกไปถึงลูกสุนัขโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ตัวใหญ่กำลังออดอ้อนเจ้าของ

อา...ให้ตายสิ...น่าเอ็นดูชะมัดเลย..

“พีท” ฮานะพยายามประคองเสียงให้เป็นปกติเมื่อถูกฝ่ายนั้นซุกลงข้างซอกคอ ยิ่งถูกลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดก็ยากที่จะควบคุมสติ “พีท อื้ม ใจเย็นก่อน” ใบหน้าคมเข้มถูกประคองเอาไว้ เด็กหนุ่มหอบหายใจหนักด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ จังหวะชีพจรเต้นรัวจนรู้สึกปวดแปลบ

“ฮานะ..”

“ชู่ว...ฉันเข้าใจ” ปลายนิ้วลูบอยู่ข้างกรอบหน้าได้รูป นัยน์ตาสวยช้อนขึ้นมองอย่างปลอบประโลม ยิ่งได้เห็นแววตาที่สั่นไหวรอยยิ้มบางเบาก็ปรากฏขึ้นอย่างนึกเอ็นดู “ไม่รู้สึกแย่ใช่ไหม” ฮานะลูบหน้าผากที่ชื้นเหงื่อแผ่วเบาหวังเพียงให้อีกฝ่ายผ่อนคลายลง

เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคงกำลังรู้สึกไม่ดีที่ไม่สามารถสร้างความวาบหวามให้เกิดขึ้นได้ดังใจนึก...เพราะพีทยังไม่เคยมีประสบการณ์ ก็ไม่แปลกที่จะตกประหม่าจนสติหลุดแบบนี้ ยอมรับว่ารสจูบที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้รู้สึกลอยล่องเหมือนอย่างที่เคยได้ลิ้มรสมา แต่มันกลับแฝงไปด้วยความไร้เดียงสาและมุทะลุ ซื่อตรงต่อความรู้สึกจนยากที่จะปฏิเสธว่ารู้สึกดีไม่น้อย

ไม่ได้หวือหวาชวนให้ใจสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง...แต่กลับนุ่มนวลอ่อนโยนในแบบที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน...

“...ขอโทษครับ” ฝ่ามือเล็กถูกกอบกุมไว้ข้างแก้มอย่างต้องการหาที่พึ่งเมื่อรู้สึกว่าตนไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้อีกฝ่ายได้

“ไม่เป็นไร” ฮานะยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจพร้อมกับเอื้อมมือไปคลึงหลังท้ายทอยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงคิ้วขมวดปมแน่น “ไม่ต้องรีบร้อน…ฉันเข้าใจ”

“อีกครั้ง...ได้ไหมครับ” แต่แทนที่จะยอมล่าถอยเด็กหนุ่มกลับร้องขออย่างไม่ยอมแพ้

“นี่ หมกมุ่นเกินไปแล้ว” ฮานะบีบแก้มอีกฝ่ายจนใบหน้ายู่ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูในความมุทะลุดื้อดึง...เด็กๆนี่พลังล้นเหลืออย่างที่คุณแกเรนว่าจริงด้วยแฮะ

“นะครับ...ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำออดอ้อน มือที่ประคองอยู่บริเวณสะโพกก็กระชับแน่นขึ้น ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากช่วงตัวสูงใหญ่ทำให้จังหวะชีพจรเริ่มเต้นผิดจังหวะขึ้นเรื่อยๆจนต้องยอมคล้อยตามในที่สุด

“ครั้งสุดท้ายแล้วนะ” ฮานะต่อรอง เมื่อเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้ารับก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง “ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน คิดซะว่ากำลังกินอาหารที่ชอบจะได้ไม่ตื่นเต้น” คำปลอบใจแสนแปลกทำลายบรรยากาศที่ชวนประหม่าไปจนหมดสิ้น แต่ก็นับว่าได้ผลดีไม่น้อยเพราะฝ่ายนั้นเองก็ดูผ่อนคลายลงไปมาก

“ขออนุญาตนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่วเบาในตอนที่ใบหน้าเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ ปลายจมูกโด่งกดลงที่ข้างแก้มแผ่วเบาก่อนจะเอียงปรับองศาจนได้ที่ ฮานะมองตามริมฝีปากที่เคลื่อนตัวมาประชิดก่อนจะย้ายขึ้นไปสบประสานกับนัยน์ตาสีเข้ม สัมผัสอุ่นชื้นที่ค่อยๆกดลงน้ำหนักให้ความรู้สึกวาบหวามมากกว่าครั้งแรก บริเวณริมฝีปากล่างถูกขบเม้มอย่างอ้อยอิ่งและค่อยเป็นค่อยไป เสียงชื้นแฉะดังคลอในตอนที่ฝ่ายนั้นปรับเปลี่ยนองศาหน้าและกดน้ำหนักลงมามากขึ้น

“อือ” ฮานะเผลอหลุดร้องในลำคอตอนที่ถูกประคองเอวเอาไว้แนบชิดและเพราะฝ่ายนั้นตัวสูงกว่าจึงทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นรับจนรู้สึกตึงที่บริเวณต้นคอ รู้ตัวอีกทีก็ถูกดันตัวเปลี่ยนตำแหน่งจนแผ่นหลังแนบลงกับผนังเย็นชืดของห้องล็อกเกอร์ ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่มีผลเมื่อถูกไอร้อนจากเรือนกายสูงใหญ่โอบล้อมเอาไว้ก่อนจะต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสของฝ่ามือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ

ปลายนิ้วที่ลูบอยู่บริเวณสะโพกคล้ายกับมีประกายไฟส่งผ่านเข้ามา ฮานะหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณปลายนิ้วก่อนจังหวะการหายใจจะผิดเพี้ยนเมื่อถูกป้อนจูบอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ท่าทีเก้กังก่อนหน้าได้หายไปแล้ว...มีเพียงความค่อยเป็นค่อยไปแต่กลับทำให้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองโดยที่เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต

ฝ่ายนั้นไม่ได้รุกล้ำอย่างตะกละตะกลามแต่กลับทำให้วาบหวามจนรู้สึกร้อนไปทั่วไปหน้า ฮานะวางมือลงบนแผ่นอกตึงแน่นที่แผ่ไอร้อนจัดออกมาก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบบ่ากว้างพร้อมกับตอบรับสัมผัสไปอย่างไม่ยอมแพ้ เรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากถูกดูดและขบกัดจนเกิดเสียงคลอแผ่วเบา เมื่อตอบกลับจนเป็นที่น่าพอใจก็ตั้งท่าจะถอนใบหน้าออกมาเพื่อพักหายใจแต่กลับถูกอีกฝ่ายล็อกต้นคอเอาไว้พร้อมกับบดจูบหนักหน่วงลงมาแนบแน่น

“พ..อื้ม พอก่อน” ฮานะพยายามประท้วงแต่กลับไม่เป็นผล เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งถูกขบกัดริมฝีปากแรงมากยิ่งขึ้น “พีท อื้อ” ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะหลุดการควบคุมไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยเพราะนอกจากจะไม่รับฟังอะไรแล้วยังตระโบมจูบหนักหน่วงจนเขาเริ่มที่จะตั้งรับเอาไว้ไม่อยู่

เอาล่ะ...ขอถอนคำพูดไร้เดียงสาก่อนหน้า เพราะตอนนี้จากเจ้าโกลเดนท์ตัวโตกลายเป็นสัตว์ป่าดุร้ายไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มตัวลอยไปวางลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อนหน้ากระจกบานใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของห้อง ฮานะหอบหายใจหนักพร้อมกับสูดออกซิเจนเข้าปอดยกใหญ่เมื่อได้จังหวะ แต่เพียงไม่นานก็ถูกช่วงตัวสูงใหญ่แทรกเข้ามาประชิด รอบเอวถูกโอบกอดเอาไว้แน่นคล้ายกับกรงขัง ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะก้มลงมาจูบอีกครั้งแล้วเลื่อนลงไปซุกลงข้างซอกคอแทน

“จ...จะทำอะไร” ฮานะเอ่ยถามเสียงสั่นเมื่อรู้สึกว่าปลอกคอที่สวมใส่ไว้ถูกกัดและดึงแผ่วเบา ก่อนเรียวลิ้นอุ่นชื้นจะแลบเลียลงบนผิวเนื้ออ่อน “พีท...อย่า”

“...ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำสั่นพร่าราวกับคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ยิ่งได้กลิ่นหอมประจำตัวของร่างในอ้อมกอดสติที่มีอยู่ก็เริ่มเลือนรางหายไปทีละนิด ฮานะตัวสั่นเล็กน้อยตอนที่ถูกเขาป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณซอกคอ เด็กหนุ่มกดจูบลงบนลาดไหล่เล็กก่อนจะยอมล่าถอยออกมายืนเต็มความสูง แต่สายตากลับจดจ้องไปที่ไหล่กลมกลึงภายใต้เสื้อเชิ้ตขาวตัวใหญ่ที่ร่นเปิดโชว์กระดูกไหปลาร้าได้รูป แผ่นอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเรียกความร้อนขึ้นมาโจมตีที่ใบหน้าจนต้องเคลื่อนสายตาหลบหนีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเสียมารยาท

“ห้าม...ตรงนี้” ฮานะชี้ตรงปลอกคอที่เพิ่งถูกเขาลงไปวุ่นวาย ก่อนจะกระแอมแก้เก้อด้วยใบหน้าที่มีเลือดฝาดเจือจางอยู่ข้างแก้ม “เข้าใจไหม”

“…” เพียงเท่านั้นใบหน้าคมเข้มก็ขมวดคิ้วยุ่งขึ้นมาเล็กน้อยจนสามารถเรียกรอยยิ้มจากคนที่อายุมากกว่า

“ที่ปากได้...แต่ตรงนี้ ห้าม เด็ด ขาด” ฮานะยื่นคำขาด ในเมื่อมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ก็ต้องมีข้อจำกัดเอาไว้บ้าง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มีท่าทีคุกคามจนน่าอันตรายแต่กันเอาไว้ก่อนจะดีกว่า “พีท”

“ครับ” เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาพร้อมพยักหน้าเข้าใจอย่างว่าง่ายก่อนจะสอดแขนเข้ามาโอบรอบเอวเอาไว้อย่างออดอ้อน

“นี่เป็นเด็กติดการสกินชิพหรือไงน่ะเรา” ฮานะหลุดขำออกมาเมื่อถูกเจ้าเด็กตัวโตป้วนเปี้ยนไม่ห่าง

ฝ่ายนั้นไม่ตอบอะไรกลับมาทำเพียงแค่วางคางไว้บนลาดไหล่ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนเขาต้องเอนหลังพิงกับกระจกเพื่อเป็นเบาะรองให้เจ้าเด็กตัวโตได้ซบ เสียงของเครื่องปรับอากาศดังคลอในบรรยากาศที่เงียบสงบก่อนคำสารภาพจากความรู้สึกจะหลุดออกมาจนทำให้คนฟังต้องหยุดหายใจไปกะทันหัน

“ผมชอบฮานะ”

“...”

“...ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน” วงแขนแกร่งโอบกระชับแนบแน่นคล้ายกับเด็กหลงทางที่ต้องการที่พักพิง “และดูเหมือนจะชอบมากขึ้นเรื่อยๆ...”

“พีท...” ฮานะยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก ยอมรับว่าไม่ได้ตื่นตกใจ เพียงแต่ยังตั้งรับไม่ทันก็เท่านั้น...เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายที่คอยวิ่งไล่ตามเสมอ ตอนนี้จึงทำตัวไม่ถูกสักเท่าไหร่

“ขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกแย่” เสียงทุ้มดังแผ่วอยู่ข้างหูพร้อมกับแรงกอดกระชับที่แน่นขึ้น “ผม...แค่อยากให้คุณได้รับรู้”

“ไม่หรอกน่า...ไม่เป็นไร” ฮานะยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบประโลม ทั้งที่ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้

อา...ให้ตายสิ

เล่นมาสารภาพความรู้สึกต่อหน้าขนาดนี้ถ้าปฏิเสธออกไปก็คงจะใจร้ายเกินทน...ในเมื่อตั้งใจเอาไว้ว่าจะเริ่มต้นใหม่

หลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่างมันแล้ว...


_____________________________________

เปลี่ยนทีมมาเซฟฮานะตอนนี้ยังทันค่าาาา /ดึงหูเจ้าเด้น


ฮานะเริ่มมูฟออนได้แล้วน้าา อยากให้ทุกคนช่วยอยู่เป็นกำลังใจให้พีทกับฮานะจนสุดทางด้วยนะคะ > <

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และฟีดแบ็กที่น่ารักมากๆๆๆเลยค่ะมีกำลังใจขึ้นเยอะ


ฝากเป็นกำลังใจให้เจ้าเด้นได้ที่แท็ก #ดอกไม้ของพีท หรือจะคอมเม้นท์ก็ได้ค้าบบ พีทพีทรออ่านน้า~

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/10/17/cvehPV.jpg)

หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-10-2019 22:53:05
โกลเด้นจะกลายร่างเป็นหมาป่า  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-10-2019 23:26:01
ชัดเจนดีมากเจ้าพีท
แต่แบบว่านะโกลเด้นครั้งนึงเหมือนโกลเด้นตลอดไป แงงง เอ็นดู
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-10-2019 08:32:18
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 17-10-2019 09:24:27
พีท  เด็กน้อยจริงๆ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 17-10-2019 11:47:59
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N : 16/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 18-10-2019 19:50:33
 :man1: :man1: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 19-10-2019 21:01:13
CHAPTER E I G H T


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/10/20/cyR5U1.jpg)



_________________________________





   กลิ่นหอมฉุยของกาแฟคั่วสดกระจายตัวรอบบริเวณครัวในเช้าวันนี้ กระทะที่ตั้งบนเตาไฟฟ้ามีขนมปังธัญพืชชิ้นหนาอยู่สองแผ่น กลิ่นหอมของเนยที่เคลือบผิวขนมปังทำให้คนที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาต้องหยิบอโวคาโดขึ้นมากินแก้ขัดในระหว่างที่รอให้ตัวขนมปังได้ที่ ก่อนจะนำชีสแผ่นวางลงไปแล้วตามด้วยอโวคาโดกับไข่ต้มบดผสมกับมายองเนสที่เตรียมไว้ก่อนหน้า ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยดำปิดท้ายด้วยชีสอีกแผ่นก่อนจะนำขนมปังอีกด้านขึ้นมาประกบกันแล้วตั้งเตาต่อไปให้ชีสละลายจนขนมปังเหลืองกรอบน่ารับประทาน

   ร่างเพรียวบางในเชิ้ตแขนยาวตัวใหญ่เดินไปรินน้ำส้มคั้นสดที่แช่ช่องฟรีซเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจะถือมายืนจิบอยู่หน้าเตา สายตาสับมองจอโทรทัศน์ไปด้วยเป็นระยะ ฮานะมองแซนวิชคู่หนึ่งที่วางอยู่บนจานก่อนจะหันกลับมาดูว่าอีกชุดที่อยู่ในกระทะนั้นได้ที่แล้วหรือยัง

   มื้อเช้าวันนี้ดูเยอะเป็นพิเศษต่างจากทุกวันที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะเขานึกอยากจะเพิ่มน้ำหนักหรือทานเยอะขึ้น แต่เป็นเพราะเมื่อคืนมีใครอีกคนมาขอนอนค้างด้วยต่างหาก

   ...ใครคนนั้นก็คือคนที่คั้นน้ำส้มใส่เหยือกเอาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนนั่นล่ะ..

   “ฮานะ” ไม่ทันขาดคำเจ้าของเสียงทุ้มต่ำติดงัวเงียก็เดินออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ทำเอาคนที่มองถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นสภาพเจ้าโกลเดนท์ตัวโตกำลังปิดปากหาวจนน้ำตาซึม “โทรศัพท์ครับ”

   พีทยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้ตรงหน้า ช่วงตัวสูงใหญ่แผ่ไออุ่นออกมาตัดกับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศเพราะอีกฝ่ายสวมไว้เพียงกางเกงขายาวสำหรับใส่นอนจึงเห็นแผ่นอกเปลือยเปล่าที่กว้างและดูหนาขึ้นกว่าเดิม ฮานะพยักหน้าขอบคุณก่อนจะหันกลับไปยกแซนด์วิชขึ้นจากเตา

   “ขอบใจนะ” หน้าจอแสดงชื่อปลายสายที่โทรมาจากทางไกลเรียกรอยยิ้มบางเบาขึ้นมาบนใบหน้าทันที “ไปนอนต่อเถอะ” เขาหันไปบอกเจ้าเด็กตัวโตที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง พอเห็นว่าพีทเดินไปรินน้ำดื่มก็กดรับสายทันที “ครับแม่”

   (ฮานะ) เสียงที่คุ้นเคยยังคงอบอุ่นอยู่เสมอ (เป็นยังไงบ้างลูก)

   “สบายดีครับ…ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อยเลยไม่ค่อยมีเวลาโทรหาแม่เลย”

   (ไม่เป็นไรจ้ะแม่เข้าใจ แต่พ่อนี่สิบ่นคิดถึงตลอดเลย อยากให้ลูกกลับมาหาจะแย่) เสียงของผู้ชายอีกคนดังแทรกเข้ามาจากปลายสาย ดูโวยวายนิดหน่อยเพราะอยากจะขอคุยด้วยจนแม่ต้องเปิดไมโครโฟนให้

   (ฮานะจัง เมื่อไหร่จะกลับมาหาปะป๊าบ้าง) สำเนียงภาษาญี่ปุ่นที่คุ้นเคยเรียกรอยยิ้มให้กว้างมากกว่าเดิม

   “เราตกลงกันเอาไว้ปลายปีนี่ครับ” ฮานะหลุดขำออกมาเมื่อคนเป็นพ่อเริ่มงอแง ก่อนจะกดเปิดลำโพงเพื่อที่จะวางมือไปมัดรวบผมได้สะดวก

   (พาอเล็กซ์มาด้วยสิ รอบที่แล้วอยู่แค่แป๊บเดียวเอง รอบนี้ก็มาฉลองคริสต์มาสด้วยกันที่นี่ซะเลย)

   ชื่อของใครบางคนทำให้ต้องเผลอกำมือแน่นกะทันหันก่อนจะรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์กำลังมองมาทางนี้ เมื่อเห็นว่าพีทไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางออกมาให้ได้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอะไรอยู่ เขาจึงรีบกดปิดไมโครโฟนแล้วตอบกลับปลายสายไป

   “อเล็กซ์เขางานยุ่งน่ะครับ...คงจะไปด้วยไม่ได้”

   (โธ่ เสียดายแย่) แม่ทำเสียงน้อยใจจนแอบรู้สึกผิดขึ้นมา

   เพราะตลอดเวลาที่ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นเกินเลยมากกว่าเพื่อน ทางครอบครัวเขาไม่ได้รับรู้เรื่องนี้แต่อย่างใด ในสายตาพ่อและแม่อเล็กซ์เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา ฝ่ายนั้นจึงได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นอยู่เสมอ มิหนำซ้ำทั้งสองคนยังแอบยุยงให้พัฒนาความสัมพันธ์ไปในอีกรูปแบบหนึ่งอีกต่างหาก

   “เอาไว้ผมจะบอกเขาให้นะครับว่าพ่อกับแม่ฝากความคิดถึงมา-” เขาโกหกคำโตเพื่อไม่ให้มีพิรุจ

   แต่จู่ๆรอบเอวกลับถูกวงแขนของใครบางคนสวมกอดมาจากด้านหลังจนสัมผัสได้ถึงมัดกล้ามเนื้อตึงแน่นที่ร้อนระอุ ฮานะพยายามที่จะหันไปมองแต่เจ้าเด็กตัวโตกลับวางคางลงบนศีรษะของเขาจนไม่สามารถยืดคอมองได้ทุกอย่างยิ่งตอกย้ำความเตี้ยของเขาจนแทบจมดิน ท่อนแขนแข็งแรงเพิ่มแรงกอดจนฮานะแทบจมหายลงไปในอกเมื่อมีชื่อของอเล็กซ์หลุดออกมาจากปลายสาย ก่อนฝ่ายนั้นจะซุกหน้าลงมาบนไหล่คล้ายกับเป็นการประท้วงเงียบไปในตัว

   ...เด็กน้อย..

   “ครับ รักพ่อกับแม่นะ ผมต้องวางแล้ว...ครับ บาย” ทันทีที่วางสายไปฮานะก็หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับใครอีกคน ฝ่ายนั้นยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยตามเดิมแต่เรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคงกำลังรู้สึกไม่พอใจอยู่ “หน้าเครียดเชียว” อดไม่ไหวที่จะเอื้อมมือไปบีบแก้มจนหน้ายู่ให้หายมันเขี้ยว

   “ตื่นเช้าจังครับ” พีทคลายวงแขนออกแต่ยังวางมือไว้บนสะโพกกลมกลึงใต้เชิ้ตตัวใหญ่...หลังจากที่ได้สารภาพความรู้สึกให้ฮานะได้รู้อาการทุกอย่างที่ถูกเก็บไว้ก่อนหน้าก็แสดงออกชัดเจนจนตัวเองยังนึกแปลกใจว่าทำไมทุกอย่างมันจึงได้รวดเร็วและรุนแรงจนยากจะควบคุมทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

   “ก็มาทำอาหารเช้าไว้ให้ เผื่อตื่นมาแล้วหิว” รอยยิ้มบางเบาถูกส่งมาให้ก่อนฝ่ายนั้นจะแกะมือเขาออก แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปหยิบจานอาหารเช้าก็ถูกวงแขนทั้งสองข้างกักไว้กับบริเวณเคาน์เตอร์ “มีอะไร” ใบหน้าสวยอมยิ้มอย่างนึกขบขันก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกหรี่ตามองอย่างจับผิด

   “ฮานะ” เสียงทุ้มพร่าต่ำเรียกอย่างออดอ้อนตอนที่ก้มลงมาหา “...ขอจูบได้ไหมครับ”

   ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกเอ่ยขอกันโต้งๆ แผ่นอกตึงแน่นที่อยู่ในระดับสายตาทำให้ชีพจรเต้นผิดจังหวะ พอเงยหน้าขึ้นมองสันกรามได้รูปก็เผลอยกมือขึ้นแตะก่อนจะไล้ปลายนิ้วไปตามโครงหน้าคมเข้มแผ่วเบา “เมื่อคืนไม่พอหรือไง” เมื่อคืนเขาโดนเจ้าเด็กตัวโตฉวยโอกาสจูบไปหลายหน...เห็นว่าตามใจหน่อยนี่เอาใหญ่เลยเชียว

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็คล้อยตามอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้ฝ่ายนั้นได้ทำอะไรตามใจแบบนี้หรอก

   ถ้าไม่ได้รู้สึกดีด้วย...ก็คงผลักไสออกไปนานแล้ว

   “นะครับ”

ภาพของผู้ชายตัวสูงเกือบสองเมตรกลับดูน่ารักน่าชังจนอยากจะบีบให้หายมันเขี้ยว ใบหน้านิ่งเรียบมีประกายออดอ้อนทางแววตาออกมาให้ได้เห็น...นี่ถ้ามีหูกับหางก็คือเจ้าโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ไม่มีผิดเพี้ยน

“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” ฮานะพยายามกลั้นขำเมื่อนึกถึงคำชมของคุณแกเรนกับเจนนี่ที่เคยพูดว่าพีทดูโตเหมือนผู้ใหญ่...แต่ในสายตาเขากลับมองต่างออกไป

นี่มันลูกหมาชัดๆ...

“ไม่ได้เหรอครับ” แววตาคู่นั้นดูตัดพ้อได้อย่างน่าสงสารจนอดไม่ได้ที่จะต้องยืดตัวขึ้นไปกดจูบบนสันกรามได้รูปเพื่อปลอบใจ

ฮานะไม่ได้ตอบกลับทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นจนองศาได้พอเหมาะก่อนจะอมยิ้มบางเบาแฝงเร้นไปด้วยความหมายบางอย่างที่ทำเอาอีกคนกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนต่ำลงมาทีละนิดลมหายใจอุ่นร้อนที่เจือกลิ่นมิ้นท์บางเบาเป่ารดลงบนผิวแก้ม แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะแนบสนิทร่างที่เล็กกว่าก็เบี่ยงหลบออกไปอีกทางส่งผลให้ปลายจมูกโด่งกดลงบนลาดไหล่เนียนแทน

“โทษทีนะ...แต่ฉันหิวแล้ว” ใบหน้าสวยจัดอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้แกล้งให้เจ้าเด็กตัวโตหัวเสีย ฮานะจัดการแกะอ้อมแขนที่โอบอยู่รอบเอวตัวเองออกก่อนจะเดินไปหยิบจานอาหารเช้าสองใบขึ้นมาถือเอาไว้แล้วไปนั่งรอที่บริเวณโซฟาหน้าทีวีโดยมีเด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่เดินคิ้วขมวดลงมานั่งที่ข้างกัน “มองอะไร” แซนด์วิชคำแรกถูกกัดเข้าปากไปสลับกับมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พีทเอาแต่มองเขาอยู่อย่างนั้นไม่สนใจแม้กระทั่งอาหารเช้าที่วางอยู่ตรงหน้า

“…เปล่าครับ” ฝ่ายนั้นหันกลับไปจัดการแซนด์วิชของตัวเองที่หายร้อนมาสักพักใหญ่ เพียงไม่นานอาหารทุกอย่างบนจานก็ถูกจัดการหมดเกลี้ยงทำเอาคนที่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

“เห็นทีบ่ายนี้คงต้องยกเลิกแล้วล่ะ” ฮานะวางเครื่องมือสื่อสารลงบนโต๊ะหน้าโซฟาหลังจากที่อ่านข้อความจบ เช้าวันนี้พีทไม่มีตารางเทรนด์นอกจากต้องไปเข้ายิมตอนเย็น พวกเขาจึงตกลงกันเอาไว้ว่าช่วงสายจะออกไปเดินเล่นเพื่อเลือกซื้อไม้ประดับกระถางใหม่มาตกแต่งบริเวณริมระเบียง แต่ก็ต้องพับเก็บลงเมื่อมีงานด่วนเข้ามา “คุณแกเรนบอกว่าตอนบ่ายให้เข้าไปพบน่ะ”

“ครับ” ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไร้ท่าทีต่อต้านหรือไม่พอใจออกมาให้ได้เห็น พีทอาสาเอาจานและแก้วทั้งหมดไปล้าง แผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าที่เริ่มมีมัดกล้ามเนื้อสมส่วนปรากฏขึ้นทำเอาคนที่นั่งมองอยู่ที่โซฟาใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาเมื่อเผลอจดจ้องนานเกินความจำเป็น

ส่วนสูงที่เลยบริเวณชั้นลอยเหนือซิงค์ล้างจานส่งเสริมให้ฝ่ายนั้นดูโดดเด่นเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย…พีทดูสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ

จนบางครั้งก็อดที่จะตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้...ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เด็กคนนี้มีความรู้สึกบางอย่างกับเขา

ทำไมถึงได้เอ่ยคำนั้นออกมาง่ายดายนัก...

“ฮานะ?” เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลังพอก้มลงมองก็เห็นว่าฝ่ามือเล็กคู่นั้นผสานกันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนรอยยิ้มบางเบาจะปรากฏขึ้นเมื่อแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงการเอียงซบจากศีรษะของใครบางคน

“…พีท” เสียงอู้อี้ดังแผ่วเบาราวกับคนที่กำลังไม่มั่นใจในตัวเอง

“ครับ”

“ที่บอกว่าชอบฉัน...” ฝ่ายนั้นหยุดชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะพูดต่อ “...พูดจริงเหรอ”

“ทำไมจู่ๆก็ถามล่ะครับ” พีทหัวเราะในลำคอกับคำถามที่เถรตรงเสียจนเขาตั้งรับไม่ทัน

“ก็...แค่อยากรู้” เพียงเท่านั้นทั่วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศและข่าวช่วงเช้าที่ดังคลอแผ่วเบาไปกับเสียงน้ำจากก๊อก ฮานะกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเมื่อไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา

   เวลาล่วงเลยผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีแต่กลับเนิ่นนานสำหรับคนที่รอ ก๊อกน้ำถูกปิดสนิทก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะขยับเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา พีทหมุนตัวกลับมาแผชิญหน้ากับคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดก่อนจะวางมือที่เปียกชื้นลงบนสะโพกได้รูป

   ใบหน้าคมเข้มเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่าเอาแต่ซุกหน้าอยู่กับอกเขา กลุ่มผมนิ่มแผ่กระจายลงบนผิวเนื้อทำให้รู้สึกดีจนต้องยกมือขึ้นลูบ

   “...จะทำอะไร” รู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ถูกอุ้มจนตัวลอยก่อนสัมผัสเย็นชืดของเคาน์เตอร์หินอ่อนจะสัมผัสกับโคนขาเปล่าเปลือยใต้เสื้อเชิ้ต ช่วงตัวสูงใหญ่สอดแทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างขาพร้อมกับวางค้ำแขนขนาบข้างจนไร้หนทางที่จะหลบหนี

   “ฮานะไม่เชื่อผม” พีทยิ้มบาง ไร้ซึ่งท่าทีคุกคามให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดัน

   “เปล่า...ก็แค่..” เสียงขาดห้วงกะทันหันเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งวางลงบนเอว ปลายนิ้วอุ่นจัดไล้อยู่บริเวณสีข้างแผ่วเบาจนเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา “...แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบฉัน…ทำไม...ทำไมต้องเป็นฉัน” เผลอขบเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อความรู้สึกแปลกประหลาดพุ่งเข้ามาโจมตี

   แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ดูไร้ค่าในสายตาของใครบางคนถึงเป็นที่ต้องการของใครอีกคนได้...

   “ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ” เสียงทุ้มถามกลับอย่างอ่อนโยน

   “ไม่...ไม่รู้” ฮานะไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปมองนัยน์ตาคู่นั้น

   “แล้วฮานะ...อยากให้ผมหยุดความรู้สึกนี้ไว้ไหมครับ” มือข้างหนึ่งถูกคว้าขึ้นไปจรดจูบลงบนข้อนิ้วอย่างนุ่มนวล ส่งผลให้ชีพจรสะดุดจนปวดแปลบบริเวณอกด้านซ้ายก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นร้อนวูบวาบราวกับมีกองไฟกำลังลุกโชนหลอมละลายเกราะกำบังที่เคยสร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองในวันที่อ่อนแอ

   “ฉัน...ไม่รู้”

   พีทก้มลงมองคนในอ้อมกอดก่อนจะช้อนมือเข้าไปที่ใต้คางของฝ่ายนั้นแล้วดันให้เงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากัน ก่อนจะได้เห็นแววตาสับสนวูบไหวราวกับคนที่กำลังหลงทางอยู่ในความมืด เด็กหนุ่มสวมกอดช่วงตัวที่เล็กกว่าเอาไว้อย่างอ่อนโยน โอบกระชับแนบแน่นเพื่อส่งผ่านไออุ่นไปโอบกอดจิตใจที่กำลังว้าวุ่นให้สงบลง

   “ถ้าผมกอดฮานะแบบนี้...รังเกียจไหมครับ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบอยู่ข้างใบหู พอได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าไปมาก็ไม่สามารถที่จะกลั้นยิ้มเอาไว้ได้

   “…แบบนี้ล่ะครับ” สิ้นคำก็กดปลายจมูกเข้ากับแก้มขาวที่เย็นเพราะไอจากเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะต้องยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อฮานะส่ายหน้าแทนคำตอบ

   ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนลงต่ำพร้อมปรับองศาให้อยู่เสมอกัน ริมฝีปากได้รูปเคลื่อนต่ำแนบประชิดจนสัมผัสได้ถึงความนุ่มที่มีรสหวานเป็นเอกลักษณ์ “แล้ว...ถ้า...” คนถามรอลุ้นด้วยใจที่ระทึกจนได้ยินเสียงของจังหวะชีพจรเต้นถี่

    สัมผัสนุ่มหยุ่นที่กดลงมาบนเรียวปากแทนคำตอบทั้งหมด ฮานะถอนหน้าออกไปก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองกัน และเพียงเสี้ยววินาทีก็คล้ายกับถูกแรงดึงดูดบางอย่างดึงเข้าหาอีกครั้งจนแนบสนิท ริมฝีปากที่บดเบียดกันอยู่เริ่มขยับทีละนิดจนเกิดเสียงขึ้นมาท่ามกลางห้องที่เงียบสงบ

   จังหวะการหายใจที่ถี่และแรงขึ้นแสดงให้เห็นว่าต่างฝ่ายต่างจมดิ่งลงไปในห้วงแห่งอารมณ์ปรารถนา ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบช่วงบ่ากว้างเพื่อเป็นหลักยึดเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่างราวกับถูกจุดไฟที่เคยมอดดับมาเนิ่นนาน เรียวขาขาวกระหวัดรอบสะโพกสอบพร้อมออกแรงดันให้ฝ่ายนั้นขยับเข้ามาแนบชิดมากขึ้น ฮานะบีบกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอของอีกฝ่ายจนสัมผัสได้ว่าปลายเล็บข่วนผิวเนื้อ

   รู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ถูกดันลงไปบนแผ่นหินอ่อนเย็นชืด ก่อนจะถูกทาบทับเอาไว้ด้วยช่วงตัวสูงใหญ่ พีทตามลงมาจูบอยู่เพียงไม่นานก็เคลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาวชื้นเหงื่อ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ประทับจูบลงไปกลับถูกดันหน้าเอาไว้

   “พีท..ไม่” ฮานะเอ่ยห้ามทั้งที่ยังคงหอบหายใจจนหน้าแดงก่ำ “เราตกลงกันแล้ว” ริมฝีปากเม้มแน่นจนซีดเมื่อความรู้สึกหวาดระแวงเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจเพราะตอนนี้บริเวณลำคอนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งอุปกรณ์ป้องกัน

   “ฮานะ” เด็กนุ่มเคลื่อนใบหน้ากลับมาสบตาคนที่อยู่ใต้ร่างเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นตัวสั่น “...เชื่อใจผมไหมครับ”

ดวงตากลมโตรื้นน้ำไหวระริกก่อนจะส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วรีบหยุดชะงักราวกับว่ายังไม่มั่นใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นพยักหน้าลงแทนคำตอบ เพียงเท่านั้นผิวเนื้อบริเวณข้างลำคอก็ถูกสัมผัสร้อนจัดจรดจูบลงมาอย่างแผ่วเบา ฮานะหลับตาแน่นผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างหนักเพื่อระบายความกดดันทั้งหมดที่มียามที่ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดแนบชิด สัมผัสหนักสลับกับเบาที่อีกฝ่ายประทับจูบลงมาทำให้รู้สึกคล้ายกับว่ากำลังถูกหลอมละลายไปทีละนิด

   “พีท...ห...ห้ามกัดนะ อื้อ” น้ำเสียงหักห้ามกลืนหายลงไปลำคอเมื่อถูกลิ้นอุ่นชื้นแลบเลียบริเวณต้นคอ

   “ไว้ใจผม...นะครับ” เสียงทุ้มพร่าต่ำเจือแรงอารมณ์เข้มข้นกระซิบบอกสลับกับพรมจูบลงไปราวกับคนที่กำลังลุ่มหลง “ฮานะ...”

   ยิ่งได้ลิ้มรสก็ยากที่จะต้านทานไหว...



(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 19-10-2019 21:02:48
“อื้อ” เผลอหลุดเสียงน่าอายออกมาในตอนที่เรียวขาถูกฝ่ามือร้อนจัดลูบไล้พร้อมกับออกแรงบีบจนรู้สึกร้อนผะผาวที่ผิวเนื้อ ฝ่ามือใหญ่ข้างนั้นเคลื่อนขึ้นสูงไปเรื่อยๆพร้อมทิ้งร่องรอยอุ่นเจือจางตามบริเวณผิวที่ลากผ่าน  ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กระดุมเสื้อเชิ้ตบางส่วนถูกปลดออกจนเห็นแผ่นอกขาวจัดที่กำลังขึ้นสีระเรื่อเพราะอุณหภูมิร่างกายที่แปรเปลี่ยน

   ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูงจนเห็นเถากุหลาบที่บริเวณสะโพกด้านขวา พีทก้มลงมองรอยสักงดงามที่เขาเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ฝ่ามือที่โอบประคองข้างสะโพกก็ไล้ปลายนิ้ววนรอบเถากุหลาบจนขึ้นรอยแดงเจือจาง

   “คุณสวยมาก” เสียงทุ้มพึมพำเอ่ยชมอย่างหลงใหลตอนที่กำลังพรมจูบลงบนลาดไหล่เปลือย ฮานะในตอนนี้ตัวอ่อนราวกับเป็นเทียนที่ถูกไฟหลอมละลาย

   “เด็กไม่ดี..” น้ำเสียงแหบน่าสงสารเอ่ยขึ้นมาอย่างหมดหนทางสู้ ก่อนจะยกแขนขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองเอาไว้เมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าได้เสียท่าให้เจ้าเด็กตัวโตนี่ฉวยโอกาสอย่างร้ายกาจ

   ...เด็กขี้อายเพียงเพราะจูบไม่ทันเมื่อวานนี้หายไปไหนแล้ว

   เหลือก็แต่คนเจ้าเล่ห์ที่มองเขาด้วยแววตาที่ชวนทำให้ใจสั่นไหวจนแทบบ้า...

   …หมาป่าห่มหนังแกะชัดๆเลย...

   แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปไกลเสียงโทรศัพท์ของใครอีกคนที่ถูกวางทิ้งเอาไว้ในห้องนอนก็แผดร้องขัดจังหวะได้อย่างถูกเวลา พีทชะงักไปเล็กน้อยแต่พอทำท่าจะเมินก็ถูกเขาดันแผ่นอกเอาไว้

   “โทรศัพท์เธอ...ไปรับสิ” ฮานะมองกดดันอย่างไม่คิดยอมแพ้ แต่เจ้าเด็กดื้อกลับก้มลงมาหาราวกับไม่ได้ใส่ใจว่าปลายสายจะรออยู่หรือเปล่า “พีท” เอ่ยเตือนอีกหนด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อยและมันก็ได้ผลเมื่อฝ่ายนั้นยอมถอยออกไป ฮานะมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปทางห้องนอนก่อนจะอมยิ้มเมื่อได้เห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตดูไม่สบอารมณ์มากแค่ไหน

…อยากให้ทุกคนได้มาเห็นตอนนี้ชะมัดเลย

“ครับแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังแว่วออกมาจากในห้องทำให้ต้องเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังเพราะไม่อยากจะรบกวนเวลาส่วนตัวของอีกฝ่าย ฮานะเดินเข้าไปเลือกเสื้อผ้าในตู้อย่างเงียบเชียบพร้อมสลับมองคนที่กำลังหันหน้าออกไปทางหน้าต่างก่อนจะเดินเข้าไปชำระร่างกายเพื่อเตรียมตัวเข้าบริษัทในบ่ายนี้

“ฮานะมาพอดี” เสียงที่คุ้นเคยร้องทักขึ้นในตอนที่บานประตูห้องประชุมถูกผลักเข้าไป

   แกเรนเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยท่าทีผ่อนคลายขัดกับบรรยากาศภายในห้องที่มีอีกหลายชีวิตนั่งมองอยู่ ฮานะก้มหัวทักทายทุกคนก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทางฝั่งขวาของเจ้านายโดยมีพีทตามมานั่งข้างกัน และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแฟ้มงานก็ถูกส่งยื่นมาตรงหน้าเพื่อให้เขาได้อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ถูกเรียกตัวมาด่วนในวันนี้

   “นี่...” หน้ากระดาษถูกพลิกอ่านไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   เนื้อหาด้านในเป็นบรีฟงานของสปอร์ตแบรนด์ชื่อดังที่กำลังจะมีคอลเลคชั่นใหม่เดือนหน้านี้...แบรนด์ที่คุณแกเรนเพิ่งจะตกลงเซ็นสัญญาร่วมงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

...และอเล็กซ์ก็เป็นหนึ่งในทีมโปรเจกต์นี้...

   “ไว้ผมจะอธิบายให้ฟัง” แกเรนยิ้มบางเบาก่อนจะนั่งลงบนขอบโต๊ะด้วยท่าทีสบายๆเพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องประชุมนั้นตึงเครียดเกินไปเพราะนี่ไม่ใช่บอร์ดบริหารเขาเลยปล่อยตัวตามสบายเพื่อให้ฝ่ายครีเอทีฟทำงานกันได้อย่างเต็มที่

   “อันที่จริงบรีฟที่ทางลูกค้าเสนอมาทางเราได้เซ็ทเอาไว้ว่าจะให้อเล็กซ์กับเรย์เป็นเมนหลักในโปรเจกต์นี้” แกเรนผ่อนลมหายใจออกมาอย่างลำบากใจ “แต่เมื่อเช้าผมได้รับข่าวว่าเรย์ประสบอุบัติเหตุหลังจากที่กลับมาจากปาร์ตี้งานวันเกิดเพื่อนที่คลับXเมื่อคืนนี้”

   ทันทีที่จบประโยคทั้งห้องก็มีเสียงฮือฮาอย่างตกอกตกใจเพราะเรย์เองนั้นก็ถือว่าเป็นนายแบบแนวหน้าของโมเดลลิ่งที่มีชื่อเสียงสูสีกันกับอเล็กซ์ แอนเดอร์สัน อีกอย่างโปรเจกต์จากแบรนด์นี้นั้นก็นับว่าเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมากเพราะเจ้าของแบรนด์ตั้งใจจะถ่ายแบบเพื่อนำเสนอสินค้าคอลเลคชั่นใหม่และจัดเดินแฟชั่นโชว์ช่วงปลายปี

   “’งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ทีมเราขาดกำลังสำคัญไปสิคะเนี่ย” เบต้าสาวที่มีตำแหน่งครีเอเตอร์แย้งขึ้นมาเพราะเธอเป็นคนวางคอนเซ็ปไปเสนอทางลูกค้าเองกับมือ ในเมื่อขาดคนสำคัญไปก็ยากที่จะดำเนินการออกมาให้ตรงตามแผนงานที่วางเอาไว้

   “ก็ไม่เสมอไปหรอก” แกเรนยิ้มแทนคำตอบก่อนจะหันไปมองทางฝั่งขวามือ “ผมหาคนมาแทนเรย์ได้แล้ว”

   ทันใดนั้นสายตานับสิบคู่ก็หันไปสนใจเด็กเทรนด์คนใหม่เป็นตาเดียว...รวมไปถึงผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งอยู่ข้างกันด้วย

   “หมายความว่ายังไงครับ” ฮานะยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก เขามองหน้าทีมงานสลับกับคนข้างกายอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นว่าคุณแกเรนเอาแต่ยิ้มก็ยิ่งย้ำเตือนคำตอบให้แน่ชัดขึ้น “คุณแกเรน”

   ...เจ้านายเขาต้องการให้พีทร่วมงานกับอเล็กซ์แทนนายแบบคนก่อนหน้า..

   “ผมไม่เห็นด้วย” ใครคนหนึ่งแย้งขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดเมื่อได้สบตากับอดีตผู้จัดการของอเล็กซ์

   เฮนรีย์ หวัง โอเมก้าหนุ่มหัวหน้าทีมสไตล์สิสต์อีกทีมที่ตั้งตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทีมของฮานะมาโดยตลอด...และที่สำคัญเจ้าตัวยังเคยแอบคั่วกับอเล็กซ์อยู่พักหนึ่งด้วย...

   “เชิญครับ” แกเรนผายมือให้อีกฝ่ายได้อธิบายอย่างสุภาพ เพราะในฐานะเจ้านายเขาจำเป็นเป็นที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

   “ผมว่าเด็กของฮานะยังไม่เหมาะกับงานนี้...เขาไม่มีประสบการณ์ อีกอย่างโปรเจกต์นี้รวมนายแบบนางแบบที่มีฝีมือเอาไว้ ผมเกรงว่าถ้า...” เฮนรีย์พูดเอ่ยบอกราบเรียบแต่ทว่าน้ำเสียงนั้นแสดงออกชัดเจนโดยมีลูกทีมอีกสามคนพยักหน้ารับสนับสนุน

   “ขอโทษนะครับ” แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบก็ถูกขัดเอาไว้ ฮานะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกอย่างที่ชอบทำตอนที่เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้ามนิ่งเรียบพร้อมเอ่ยแย้งออกมา “ประเด็นแรกคนของผมมีชื่อ...ถ้ามีความเป็นมืออาชีพมากพอน่าจะศึกษามาให้ดีก่อนที่จะเรียกด้วยสรรพนามส่งๆแบบนั้น” รอยยิ้มบางเบากดลึกข้างมุมปากในตอนที่เจ้าตัวยกมือขึ้นเสยผมเปิดใบหน้า

   ที่ผ่านมาเขาอดทน นิ่งเฉย ไม่มีปากเสียงเพียงเพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องไว้หน้ากันแล้ว

   “นี่คุณ” ฝ่ายนั้นมีท่าทีฉุนจัดเมื่อเห็นว่าคราวนี้เขาโต้ตอบกลับไป

   “ประเด็นที่สอง” นิ้วเรียวสวยยกขึ้นตามจำนวนก่อนจะพูดต่อทั้งที่ยังคงจับจ้องอยู่ไม่วางตา “...อยากให้ช่วยขยายความให้หน่อยว่าเด็กของผมไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมโปกเจกต์นี้ตรงไหน จะได้นำไปพัฒนาได้ถูกจุด” ฮานะหันไปมองคนข้างกายสลับกับฝ่ายนั้นด้วยท่าทีสบายๆ “แล้วก็รบกวนคุณเฮนรีย์ช่วยเสนอทางแก้ปัญหาและเสนอชื่อนายแบบที่คุณคิดว่าตอบโจทย์กับงานนี้มาให้ด้วยนะครับ พวกเราจะได้วิเคราะห์ช่วยกันว่าทางเลือกของคุณนั้นจะดีกว่าของคุณแกเรนหรือเปล่า” จบสิ้นประโยครอยยิ้มที่เต็มไปด้วยไมตรีก็ถูกส่งยื่นไปให้ก่อนจะมีเสียงหัวเราะชอบใจจากลูกทีมของตัวเองแทรกเข้ามาจนฮานะต้องหันไปมองปราม   


“ถ้าอย่างนั้นผมว่าให้ทุกคนที่อยู่ในนี้ลองเสนอความคิดเห็นเพิ่มดีไหม” แกเรนเปลี่ยนประเด็นเพื่อให้บรรยากาศในห้องลดความตึงเครียดลง “มีใครคิดว่าพีทไม่เหมาะกับโปรเจกต์นี้บ้างครับ”

   ในระหว่างที่ทั้งห้องกำลังปรึกษาหารือกันอยู่นั้นหญิงสาวที่รับหน้าที่เป็นครีเอเตร์ประจำทีมก็ยกมือขึ้นมาเป็นคนแรก “บอสคะ”

   “เชิญครับ” แกเรนผายมือให้เธอได้เสนอความคิดเห็นออกมา

   “เท่าที่ฉันพิจารณาดูแล้ว คุณพีรัทมีคาแรคเตอร์ตรงตามคอนเซปที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรก…แน่นอนว่าเขาตรงมากกว่าเรย์ เพราะรูปร่างและใบหน้าที่คมกว่า ทำให้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของคาแรคเตอร์ได้มากกว่า” เธอพูดตามความรู้สึก ถึงแม้จะยังไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าเจ้าตัวจะสามารถทำหน้าที่นี้ออกมาได้ดีแค่ไหนแต่เซ้นท์บางอย่างที่อยู่ในตัวกำลังร้องบอกว่าเด็กคนนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

   “เรื่องคาแรคเตอร์มันเปลี่ยนกันได้” เฮนรีย์แย้งอย่างไม่ยอมแพ้

   “แต่อินเนอร์ประจำตัว...มันสร้างได้ยาก” เธอปรายตามองตอบกลับอย่างไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกขัดกลางคัน

   “สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกคือคาแรคเตอร์นี้ต้องการความดิบทางอารมณ์ค่อนข้างสูง นั่นคือซื่อตรงไร้จริตเพื่อให้มันออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด ผิดกับของอเล็กซ์ที่ขายคาแรคเตอร์ที่แตะต้องได้ยากกว่า…เพราะฉะนั้นฉันจึงคิดว่าพีทเหมาะกับงานนี้ที่สุด” เหตุผลของเธอได้รับการยอมรับจากทีมงานแทบจะทุกคน จะมีก็แต่ทีมสไตล์สิสต์ของเฮนรีย์ที่ไม่คล้อยตาม

   “ส่วนเรื่องฝีมือหรือความสามารถคงต้องให้โอกาสเจ้าตัวเขาได้พิสูจน์เอง” แกเรนเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มและตบเบาๆ “เจนนี่ถึงขั้นออกปากรับรองด้วยตัวเอง...ผมคิดว่าพีทคงไม่ทำให้พวกเราผิดหวังแน่นอน” ใบหน้าสวยของผู้มีอำนาจสูงสุดเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรและนั่นก็เป็นอันเข้าใจโดยทั่วกันแล้วว่าบทสรุปของงานนี้คุณแกเรนผลักดันเด็กเทรนด์คนใหม่อย่างเห็นได้ชัด

   “ถ้าคุณตั้งใจเอาไว้อยู่แล้วก็ไม่น่าเปิดโอกาสให้เสนอความคิดเห็นตั้งแต่แรก” เฮนรีย์แค่นหัวเราะออกมาก่อนจะหยิบเอาของแล้วรีบเดินออกไปจากห้องประชุมทันทีโดยมีเหล่าลูกทีมกุลีกุจอตามหลังไป

   “คิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ” เบต้าสาวสวยหนึ่งในลูกทีมของฮานะหัวเราะออกมาอย่างเหลือเชื่อกับพฤติกรรมไร้มารยาทของฝ่ายนั้น...ตั้งแต่เธอร่วมงานกันมาไม่เคยเห็นคุณฮานะทำพฤติกรรมแย่ๆแบบนี้ใส่คุณแกรนเลยแม้แต่ครั้งเดียวทั้งที่พวกเขาทั้งคู่สนิทสนมกัน

   “พอแล้วน่า” โดนฮานะหันมาดุอีกหน

   “ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะนัดสรุปอีกที เรามีเวลาเตรียมตัวกันอีกสองอาทิตย์…ส่วนวันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน ขอบคุณทุกคนมาก” แกเรนตัดบทสรุปทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกตึงขึ้นมาที่ข้างขมับเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้า “ฮานะ” หันไปเรียกคนที่กำลังเก็บแฟ้มงานใส่กระเป๋าและมองสลับกับใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

   “ครับ”

   “ผมมีธุระอยากคุยด้วยหน่อย” ฮานะชะงักมือไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปบอกให้ใครอีกคนไปนั่งรอที่โซฟาด้านนอก

   เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคนแกเรนก็ดูผ่อนคลายลงไปมาก ยอมรับเลยว่าก่อนหน้าเขาต้องระงับอารมณ์ไม่ให้ปะทะคารมกับสไตล์ลิสต์อีกทีมเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

   “ธุระอะไรครับ” ฮานะถามด้วยความไม่มั่นใจ

“เรื่องยาคุมน่ะ” โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาแกเรนก็พุ่งตรงประเด็นคำถามอย่างไม่คิดอ้อมค้อม “ผมแค่อยากรู้ว่าคุณได้ทานมันสม่ำเสมอไหม” เขาถามอย่างนึกเป็นห่วงเพราะสุขภาพของฮานะช่วงนี้ดูแย่ลงกว่าเดิมคงเป็นเพราะผลข้างเคียงจากยาคุมและยาระงับฮอร์โมนฮีทที่อีกฝ่ายรับมาตลอดสองปีเต็ม

   “หมอบอกหมดชุดนี้ให้ผมพักช่วงไปก่อนครับ”

   เพราะถ้าขืนยังรับยาเข้าไปต่อเนื่องเหมือนอย่างที่ผ่านมาละก็แน่นอนว่าร่างกายเขาเองก็รับไม่ไหว มันอาจจะส่งผลไปถึงอนาคตทั้งเรื่องโอกาสเสี่ยงที่จะแท้งในการตั้งครรภ์รวมไปถึงภูมิคุ้มกันร่างกายที่ลดลง

   “ตอนอยู่กับอเล็กซ์” น้ำเสียงจริงจังติดจะเครียดทำให้บรรยากาศมาคุลงไปเล็กน้อย “เคยฮีทหรือเปล่า”

   ฮานะเม้มปากแน่นจนซีดก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ครับ” จะว่าไม่เคยก็ไม่เชิง...แค่ช่วงแรกๆที่ฮีทอเล็กซ์ไม่ได้อยู่ด้วย โชคดีที่สามารถหลีกเลี่ยงมาได้ตลอด“ตอนช่วงแรกๆที่ฮีทผมได้กลิ่นเขาที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้า...และเขาไม่ใช่..”

   อเล็กซ์ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของเขา...

   “เป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องในชีวิต” แกเรนหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี “ฮานะเคยรู้เรื่องของลี่ชิงกับเฟิงหลงไหม” เขาตั้งคำถามอีกครั้ง

   “ไม่ครับ...ผมไม่รู้” กับจางลี่ชิงเองเคยร่วมงานกันอยู่แค่ครึ่งปีหลังจากนั้นก็มีคนมารับช่วงต่อ รู้อีกทีก็เห็นว่าฝ่ายนั้นผูกพันธะกับคู่แห่งโชคชะตาไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยซึ่งคนคนนั้นก็คือคุณจางเฟิงหลง

   “ก่อนที่จะผูกพันธะกัน เฟิงหลงไม่ได้กลิ่นของลี่ชิงทั้งที่อยู่ด้วยกัน” เมื่อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ...จะเป็นไปได้ยังไงกัน?

   “เป็นไปได้ด้วยเหรอครับ” ฮานะถามอย่างสงสัยเพราะโดยปกติแล้วถ้าทั้งสองเป็นคู่แห่งโชคชะตากันแล้วละก็เพียงแค่ได้กลิ่นบางเบาของอีกฝ่ายพันธะก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างถูกดึงดูดกันและกัน โหยหาซึ่งกันและกันเท่านั้น

   “เพราะว่าลี่ชิงป่วยจึงทำให้ต้องรับยามาตั้งแต่เด็ก และยานั้นก็ส่งผลต่อประสาทการรับรู้และทำลายต่อมควบคุมฟีโรโมนในร่างกาย จึงทำให้เฟิงหลงไม่ได้กลิ่นและไม่รู้ว่าลี่ชิงคือคู่ของตัวเอง”

   “...คุณต้องการจะบอกอะไรกันแน่” ฮานะจ้องตาอีกฝ่ายตอบกลับไป...แกเรนคงไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเฉยๆแน่ถ้าไม่ต้องการที่จะสื่ออะไรบางอย่างให้เขาได้รับรู้

   “เปล่า...ก็แค่คิดขึ้นมาได้ว่าคุณเองก็ห่างหายจากการฮีทมานาน นั่นคงเป็นสัญญาณบอกได้ว่าฟีโรโมนในร่างกายคงถูกด้วยฤทธิ์ของยาทำให้ระบบในร่างกายมันรวน ส่งผลให้ทั้งตัวคุณและคู่ของคุณไม่สามารถเชื่อมพันธะกันได้...ในตอนนี้”

   “...”

แล้วความจริงที่พยายามหลีกหนีกลับไล่ตามเล่นงานเขาจนฝ่ามือเย็นเฉียบ...

   เมื่อนึกถึงอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่ใครบางคนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ..

   “นั่น...คือสิ่งที่ผมต้องการจะบอก”



_______________________________________________



แนบรูปเด็กชายพีรัทผู้นับถือศาสนาฮานะ และมีฮานะเป็นศาสดา

Cr.ขอบคุณน้อง Chamxmiley มา ณ ที่นี้จ้าา

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/10/20/cyQgOg.jpg)

ฝากเม้นต์เป็นกำลังใจให้เจ้าเด้นด้วยนะคะ

แวะมาพูดคุยกันได้ที่ #ดอกไม้ของพีท ในTwitter ค่าา > <



หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 19-10-2019 22:05:39
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 19-10-2019 22:35:31
เราก็คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นคู่แห่งโชคชะตาแน่เลย แต่เป็นเพราะการกินยาที่มากเกินไป เลยทำให้ไม่แสดงผล
คราวนี้ นักเขียนมาเฉลยเองว่าอาจเป็นเพราะเหตุนี้
หวังว่าเราคงจะไม่คาดผิดนะ5555

สนุกมากค่ะ
มาต่อไวๆน้าา
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-10-2019 22:36:26
ถ้าแม่นุ้งพีทไม่โทรศัพท์มา..จาเกิดอะไรขึ้น #คิดดีไม่ได้เลย..ยยยย   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-10-2019 23:06:05
แอแงงงงง แล้วนุ้งพีทของเราล่ะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-10-2019 23:32:38
รอดูงานแรกของพีทแล้ว
เจ้าหมา พิคกี้บูบู T_T
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pearlluv ที่ 20-10-2019 03:23:16
สนุกมากกก เป็นกำลังใจให้นะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 20-10-2019 14:39:33
โกเด้นชักจะเอาใหญ่แล้วนะ  อีกไม่นานฮานะคงใจอ่อนแน่นอนน
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T : 19/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-10-2019 18:59:33
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 26-10-2019 19:03:59
CHAPTER NINE
_________________________________



   หลังจากที่ได้ข้อสรุปเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าพีทจะได้เข้าร่วมถ่ายแบบกับทางสปอร์ตแบรนด์เป็นงานแรก การฝึกเทรนด์ทุกอย่างก็เพิ่มความเข้มงวดขึ้นเป็นอีกเท่าตัวเพราะพวกเขานั้นมีเวลาเหลืออยู่อีกเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นก่อนที่จะต้องไปถ่ายแบบที่ทะเลทางใต้แถบอันดามัน

   ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าตารางชีวิตของฮานะและพีทวนเวียนอยู่แค่ห้องพักและบริษัท เด็กหนุ่มไม่ได้กลับไปนอนที่อพาร์ทเมนต์ของตัวเองเพราะเขาให้ขนเสื้อผ้ามานอนด้วยกันที่คอนโดจะได้ไม่เปลืองเวลาและค่ารถไปกลับให้เสียเที่ยว

   วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่พีทต้องเทรนด์ทั้งวัน เห็นคุณเจนนี่บอกว่าจะให้ลองเดินบนแคทวอร์คดูเพราะจะได้ไม่ต้องรู้สึกประหม่าเวลาที่เจอของจริง

   “หน้าเครียดเชียวมีเรื่องอะไรรึเปล่า” น้ำขวดหนึ่งถูกยื่นส่งไปให้หลังจากที่ได้เวลาพักเบรก ฝ่ายนั้นรับไปเปิดดื่มได้เพียงแค่นิดเดียวก็ลงมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันพร้อมกับโอบแขนลงบนเอวเขาอย่างแนบเนียน

   นับตั้งแต่วันนั้นพีทก็ดูจะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง...แต่การกระทำทั้งหมดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออยู่กันเพียงสองคนเท่านั้น หากบริเวณนั้นมีคนอื่นอยู่อีกฝ่ายก็จะไม่ทำอะไรเกินเลยให้เขาต้องหนักใจกับสายตาของคนอื่น

   “ฮานะ”

   “หืม” ฮานะขานรับ แต่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับงานบนหน้าจอไอแพด “ว่าไง”

   “คือ...” เด็กหนุ่มเว้นจังหวะไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “คืนนี้ผมขอไปเล่นดนตรีกับเพื่อนได้ไหมครับ”

   “ที่ไหนล่ะ” เขากดปิดหน้าจอเอาไว้เพื่อพักสายตาก่อนจะหันกลับมามองหน้าคู่สนทนาแทน

   จำได้ว่าพีทเคยบอกเอาไว้ก่อนที่จะเข้ามาทำงานในโมเดลลิ่งว่าเจ้าตัวเคยเล่นดนตรีที่ไนท์คลับกับเพื่อน เพราะอย่างนั้นจึงไม่นึกแปลกใจอะไรที่จู่ๆอีกฝ่ายจะเอ่ยปากขอไป

“ผับZครับ” แววตาคู่นั้นก้มลงมองต่ำในระดับที่พอดีกับริมฝีปากสีสดที่พักหลังมานี้เจ้าตัวได้ลิ้มรสไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง

ยิ่งได้มองลำคอกลับยิ่งแห้งผากขนาดที่ว่าน้ำที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปยังช่วยดับความกระหายเอาไว้ไม่ได้ “พอดีคนในวงขาดไปคนนึงน่ะครับ เขาเลยอยากให้ผมไปช่วย” เด็กหนุ่มดึงสายตากลับขึ้นมาเมื่อเริ่มรับรู้ได้ถึงความต้องการที่เกินขีดจำกัดของตนเอง...ขืนมองนานกว่านี้มีหวังเขาคงได้เอาเปรียบฮานะอีกแน่นอน...

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ฮานะยักไหล่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย เพราะเข้าใจว่าพีทเองก็โหมงานหนักติดกันมาหลายวันจนเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเครียด...ให้หยุดพักผ่อนไปทำในสิ่งที่เจ้าตัวชอบก็ดีอยู่เหมือนกัน “แต่มีข้อแม้นะ”

   “...”

   “ฉันจะไปด้วย” จู่ๆก็รู้สึกว่าพักหลังมานี้ไม่ได้ออกไปเห็นแสงสีกับใครเขาสักที มองไปทางไหนก็งานอีกอย่างกว่าจะนัดรวมตัวเพื่อนให้ครบทีมได้ก็ยากเสียยิ่งว่าอะไรทั้งหมดเพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีหน้าที่การงานและครอบครัวที่ต้องดูแล

   และช่วงที่ผ่านมา...เขาก็มัวแต่สนใจและตามติดคนอื่นมากเกินไปจนละเลยตัวเอง

   “จะดีเหรอครับ” พีทยังคงลังเล ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ฮานะไปด้วย...แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ฮานะไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นตัวคนเดียวเพราะเขาเองก็ต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีคงไม่ได้อยู่ใกล้ๆตลอดเวลา

   ...ถ้าจะบอกว่าหวงก็คงไม่เกินจริงนัก..

   “เผื่อเธอจะลืมอะไรไปนะ” ใบหน้าสวยจัดยิ้มกว้างราวกับมองออกว่าเขากำลังนึกคิดอะไรอยู่ “ฉันอายุสามสิบแล้ว...ที่แบบนั้นน่ะ สบายมาก” เพราะเห็นว่านัยน์ตาคมเข้มฉายแววเป็นห่วงออกมาชัดเจนจนปิดไม่มิดเลยต้องอธิบายให้ฝ่ายนั้นได้เข้าใจ “อีกอย่าง...ถือว่าไปคุมความประพฤติเธอด้วย จะได้ไม่ดื่มจนเมาหัวราน้ำ” ฮานะเอื้อมมือไปบีบแก้มของเจ้าเด็กตัวโตตนหน้ายู่เหมือนอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาที่นึกมันเขี้ยวขึ้นมา

   แถมเกาคางให้ด้วยเลยเอ้า

   “ผมไม่ดื่มอยู่แล้ว”

   “ว่าไงนะ?” ตากลมโตเบิกขึ้นอย่างไม่คิดจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...ก็เด็กสมัยนี้บางคนน่ะเริ่มดื่มเครื่องดื่มมึนเมากันตั้งแต่ชั้นมัธยมเสียด้วยซ้ำไป เป็นไปได้ยากมากที่เด็กหนุ่มวัยนี้จะไม่แตะต้องของพวกนี้...มิหนำซ้ำพีทยังต้องทำงานในสถานที่ซึ่งหลึกเลี่ยงได้ยากอีก

   เหลือเชื่อเลยจริงๆ…

   “ผมคออ่อนมาก” เด็กหนุ่มยิ้มบาง คว้ามือขาวขึ้นมากอบกุมเอาไว้พร้อมกับลูบข้อนิ้วเรียวไปมาเมื่อเห็นว่าฮานะนั่งมองจนบริเวณแก้มมีริ้วแดงพาดผ่านเจือจาง “ตอนมอปลายเคยดื่มจนเมาแอ๋ไม่ได้สติล้มพับอยู่สวนหน้าบ้านเลยโดนแม่ด่าหูชา หลังจากนั้นก็ไม่แตะมันอีกเลย”

   หลังจากที่สารภาพออกไปอีกฝ่ายก็หลุดขำและยิ้มกว้างจนตาปิดทำให้เขาต้องยิ้มตามไปด้วย

   “จริงเหรอเนี่ย...น่ารักจัง” ฮานะมองอย่างเอ็นดูก่อนจะถามต่อ “แล้ว...เธอสูบบุหรี่หรือเปล่า” เพราะเท่าที่จำได้ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เคยได้กลิ่นอะไรออกมาจากตัวของอีกฝ่าเลยนอกจากกลิ่นของโคโลญจน์และน้ำหอมที่เจือจางจนกลืนหายเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัวที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้

   “ตอนเด็กๆผมเป็นภูมิแพ้...ก็เลยไม่คิดจะลอง” พีทส่ายหน้าและยิ้มออกมา ก่อนจะถือวิสาสะยกเรียวนิ้วของอีกฝ่ายที่ยังคงมีกลิ่นนิโคลตินที่ยังหลงเหลือขึ้นมาจรดจูบ

   ถึงจะไม่เคยชอบกลิ่นของบุหรี่แต่พอมันเจือจางผสมรวมไปกับตัวฮานะแล้วเขากลับหลงใหลมันจนเรียกได้ว่าถึงขั้นเสพติด...

   ความอุ่นซ่านแล่นขึ้นมาถึงแกนสมองจนฮานะตาพร่าเบลอเฉียบพลันเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้อยู่กันเพียงแค่สองต่อสอง แต่พอหันไปมองรอบห้องกลับพบแค่เพียงความว่างเปล่าจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

   “ถ้าอย่างนั้นก็แย่เลยสิ” รู้สึกผิดขึ้นมาไม่น้อยเพราะตัวเขาเองก็เรียกได้ว่าค่อนข้างสูบบุหรี่จัด แต่ที่ผ่านมาพีทไม่เคยออกปากเลยคิดเอาเองว่าฝ่ายนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร “แล้วอย่างนี้ตอนไปเล่นดนตรีอาการไม่แย่เอาเหรอ”

   ...เห็นทีคงจะต้องเริ่มงดจริงจังขึ้นมาซะแล้วสิ

   ถ้าขืนยังสูบจัดเหมือนเมื่อก่อนแล้วอาการภูมิแพ้ของเจ้าเด็กตัวโตกำเริบขึ้นมาล่ะแย่แน่เลย...

   “สบายมากครับ” เพราะตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้นมาเขาก็เริ่มหันมาดูแลสุขภาพตัวเองโดยการออกกำลังกายและเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของโรงเรียนจึงทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมากไม่ป่วยบ่อยเหมือนตอนเด็กๆ

   “แน่ใจ?” ฮานะหรี่ตามองเจ้าโกลเดนท์ตัวโตอย่างจับผิดพร้อมกับชี้นิ้วคาดโทษเอาไว้ “ถ้ากลับมาแล้วป่วยล่ะคอยดู”

   เด็กหนุ่มมองตามเรียวนิ้วขาวของอีกฝ่ายก่อนจะไล่ไปหาใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยที่กำลังทำหน้าดุได้อย่างน่ารัก ฮานะตาโตเมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้าไปหาก่อนจะรีบยกมือมาดันแผ่นอกเอาไว้ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นจนหน้ายุ่งพร้อมกับค้อนวงโตที่ถูกส่งมา

   “หยุดเลย...เอาหน้าออกไปเดี๋ยวนี้” ฮานะขู่ฟ่อด ดูไปดูมาก็คล้ายกับลูกแมวตัวน้อยๆที่กำลังพองขนใส่เวลาที่ตกใจหรือกำลังหวาดกลัว “พีท!” ไม่ทันขาดคำก็ถูกเจ้าเด็กตัวโตขโมยหอมแก้มเข้าอย่างจังพอดีกับที่บานประตูห้องสตูดิโอถูกเปิดเข้ามา โชคดีที่เจนนี่กำลังวุ่นอยู่กับการคุยโทรศัพท์จึงไม่ทันได้สังเกตว่าเขาถูกลูกรักของเธอฉวยโอกาสเข้าให้

   พีทเดินออกไปเมื่อถึงเวลาเทรนด์ต่อ แต่ก่อนจะไปก็ยังไม่วายทิ้งระเบิดเอาไว้ลูกใหญ่โดยการคว้าเอาหลังมือเขาขึ้นไปจรดจูบด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้ต้องนั่งสงบจิตใจอยู่นานเมื่อรู้สึกว่าจังหวะชีพจรมันเต้นถี่ขึ้นจนแทบทะลุออกมาจากอก

   ..เจ้าเด็กนิสัยไม่ดี...





“แล้วเธอจะไปที่ผับตอนไหน” ในระหว่างที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่นั้นฮานะก็หันไปถามคนข้างกายเพราะอีกฝ่ายบอกว่าจะขอไปซ้อมที่สตูดิโอของเพื่อนก่อนจะขึ้นเล่นจริงในคืนนี้

   “คงราวๆสักสามสี่ทุ่มครับ”

เด็กหนุ่มตัวสูงดูโดดเด่นจนทำให้ใครต่อใครที่เดินผ่านไปมาหันมองจนเหลียวหลัง...อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าเวลาที่ผ่านไปแค่เดือนกว่าๆนั้นพีทดูเปลี่ยนไปมาก ลาดไหล่ที่กว้างผ่าเผยตั้งขึ้นรับกับแผ่นอกหนาตึงแน่นใต้เสื้อยืดสีเข้ม ให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแรง

   ไร้ซึ่งร่องรอยของเด็กที่ขาดความมั่นใจเมื่อตอนที่เจอกันครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง...

   “ฉันไปด้วยสิ” ฮานะเอ่ยปากขอเพราะไม่อยากจะกลับไปอยู่ที่ห้องคนเดียว...เรียกได้ว่าตอนนี้เขาเสพติดการที่มีเจ้าโกลเดนท์ตัวใหญ่คอยวนเวียนอยู่รอบตัวไปซะแล้ว

   “เอาไว้เจอกันคืนนี้ดีกว่าครับ ห้องซ้อมมันไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่...ผมกลัวว่าฮานะจะเบื่อ” เหตุผลที่อ้างไม่ขึ้นถูกหยิบยกมาใช้ แต่ความเป็นจริงแล้วห้องซ้อมของเพื่อนเขานั้นห่างไกลจากคำว่าไม่สะดวกสบายอยู่มาก แต่ที่ไม่อยากให้ฮานะไปก็เพราะรู้นิสัยของกลุ่มเพื่อนตัวเองดี

   ไม่มีทางที่พวกมันจะนั่งมองฮานะเฉยๆโดยไม่ออกปากแซวแน่นอน...

   “ไม่เห็นจะเบื่อเลย” คนอายุมากกว่าเริ่มงอแง...พักหลังมานี้ฮานะรู้สึกว่าตัวเองแสดงอารมณ์แปลกๆออกมาอยู่บ่อยครั้ง และทุกๆครั้งมันก็มักจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่อยู่กับพีทเท่านั้น เหมือนกับว่าสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้อย่างสบายใจคล้ายกับตอนที่อยู่กับครอบครัว

   เป็นความสบายใจที่ไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานตั้งแต่ที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวที่เมืองไทย หลังจากที่ทุกคนย้ายกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นและเหลือแค่เขาเพียงคนเดียวที่ดื้อด้านจะอยู่ที่นี่เพียงเพราะต้องการแค่อยากอยู่ใกล้กับใครบางคน

   ...งี่เง่าสิ้นดี..

   “ถ้าฮานะไปด้วยผมคงไม่มีสมาธิซ้อม” ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงมากอบกุมอย่างถือวิสาสะเมื่อเห็นว่ารอบกายนั้นไร้ซึ่งผู้คน

   “ฉันไม่ป่วนหรอกน่า”

 ใบหน้าน่ารักอมยิ้มพร้อมโคลงหัวไปมา ปล่อยให้มือถูกกุมเอาไว้อย่างนั้นโดยที่ไม่คิดจะผลักไสออกไป ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านผิวเนื้อมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจที่นับวันก็เริ่มที่จะควบคุมมันยากขึ้นไปทุกทีคล้ายกับน้ำแข็งที่เริ่มถูกหลอมละลายจากแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ไปทีละนิด

...ไร้ซึ่งแรงที่จะต้านทาน



(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 26-10-2019 19:04:46
ติ๊ง!

   แต่แล้วเสียงสัญญาณลิฟต์ที่ดังขึ้นก็บ่งบอกได้ว่าห้องโดยสารลงมาจอดยังชั้นที่พวกเขายืนรออยู่และทันทีที่บานประตูเปิดออกภาพที่ได้เห็นก็ทำให้ฮานะต้องลมหายใจสะดุดไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนอุณหภูมิในร่างกายจะเย็นเฉียบกะทันหันผิดกับบริเวณฝ่ามือที่มีเหงื่อผุดซึมจนชื้น

   ภายในห้องโดยสารนั้นมีร่างของคนสองคนที่กำลังยืนกอดรัดและตระโบมจูบใส่กันอย่างถึงพริกถึงขิงโดยไม่สนใจเลยว่าในลิฟต์นั้นจะมีกล้องวงจรปิดหรือไม่ แม้ขนาดที่ว่าในตอนที่ประตูเปิดออกทั้งสองคนนั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะผละห่างออกจากกันเลยแม้แต่วินาทีเดียว

แผ่นหลังกว้างใต้เสื้อแจ็กเก็ตหนังนั้นเขาจำได้ขึ้นใจและจำได้ดีเสียยิ่งกว่าใคร เรือนผมสีบลอนด์ที่ดูจะยาวขึ้นกว่าเดิมปรกลงมาปิดบนเสี้ยวหน้าหล่อเหลาที่กำลังก้มซุกไซ้ลงไปบนซอกคอของนาวแบบสาวสวยที่ฮานะเพิ่งจะได้เห็นหน้าค่าตาเพียงไม่กี่ครั้ง ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นนางแบบคนใหม่ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึงในวงการกันอย่างกว้างขวาง

   ฮานะเผลอออกแรงที่ฝ่ามือแน่นจนคนที่อยู่ข้างกันต้องก้มลงมามองอย่างนึกเป็นห่วง เด็กหนุ่มมองภาพในห้องโดยสารลิฟต์ด้วยแววตาที่เฉยชา ทันทีที่ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมามองทางพวกเขาฮานะก็ตั้งท่าจะเดินหนีแต่กลับเป็นเขาเองที่ประสานเรียวนิ้วให้แน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิมแล้วเดินนำเข้าไปในลิฟต์โดยที่อีกฝ่ายนั้นทำได้แค่เพียงเดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าที่อึดอัดเพราะมีสายตาของผู้ชายคนนั้นมองตามมาอย่างไม่ลดละ

พีทดันตัวอีกคนมายืนซ้อนที่ด้านหน้าโดยเอาตัวของตัวเองกั้นระหว่างฮานะและผู้ชายคนนั้นไว้ ทันทีที่บานประตูลิฟต์ปิดลงบรรยากาศภายในก็เงียบได้เพียงแค่ครู่หนึ่งก่อนที่ทั้งสองคนด้านหลังจะเริ่มนัวเนียกันอีกรอบ และคราวนี้ดูท่าว่าจะดุเดือดเสียยิ่งกว่าเดิมเพราะฝ่ายหญิงนั้นหลุดเสียงออกมาอย่างไม่นึกอาย

เด็กหนุ่มก้มลงมองคนตัวเล็กที่เอาแต่ยืนก้มหน้าอยู่ที่พื้น ฮานะดูตัวเล็กลงมากกว่าเดิมเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฝ่ามือใหญ่ที่คอยกอบกุมกันเอาไว้เลื่อนขึ้นมาปิดที่ใบหูทั้งสองข้างทำให้อีกฝ่ายต้องเงยหน้าขึ้นมามองอย่างนึกสงสัย แต่ยังไม่ทันที่ฮานะจะได้มองเลยผ่านไปทางด้านหลังมือคู่นั้นก็เลื่อนลงมาปิดที่ตาจนมืดสนิทก่อนเสียงทุ้มนุ่มจะก้มลงมากระซิบที่ข้างใบหู

“ฮานะ...สนใจแค่ผมนะครับ”

พีทยืดตัวกลับขึ้นมายืนเต็มความสูงก่อนรอยยิ้มจะถูกจุดขึ้นมาที่มุมปากเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั้นให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะฮานะขยับถอยหลังเข้ามาใกล้จึงทำให้แผ่นหลังแนบชิดอยู่กับอกของเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะพิงศีรษะลงมา

   เสียงจูบก่อนหน้าเงียบหายไปและทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองผ่านทางภาพสะท้อนของผนังลิฟต์ก็ได้เห็นว่านัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นกำลังมองมาทางพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ายนั้นจ้องเขม็งอย่างไม่ลดละและเด็กหนุ่มเองก็จ้องตอบกลับไปอย่างเอื่อยเฉื่อยราวกับว่าคนคนนั้นของฮานะเป็นเพียงแค่ธาตุอากาศไม่มีตัวตน

ทันทีที่บานประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นลานจอดรถพีทก็ดึงให้ผู้จัดการส่วนตัวเดินตามออกมาจากห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางเดินไปที่รถฮานะต้องเร่งฝีเท้าตามช่วงขาที่ยาวกว่าจนหวิดจะสะดุดล้มอยู่หลายหน

   “พีท...เธอเดินเร็วเกินไปแล้วนะ” เชื่อได้เลยว่าเขาน่ะไม่ได้ขาสั้นเตี้ยม่อต้อขนาดนั้น แต่เพราะอีกฝ่ายขายาวอย่างกับอะไรแค่หนึ่งก้าวของพีทเขาก็ต้องเร่งจ้ำเอาๆจนปวดข้อเท้าไปหมด

   “กุญแจรถล่ะครับ”

ฝ่ายนั้นหันกลับมาถามเมื่อมาถึงที่รถ ฮานะสังเกตเห็นว่าคนตรงหน้าดูร้อนรนจนผิดสังเกต แต่ยังไม่ทันที่จะได้หยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าทั้งตัวก็ถูกรวบเข้าไปกอดแน่นจนกระดิกแทบไม่ได้ ฮานะเบิกตาอย่างตื่นตกใจเพราะจู่ๆก็ถูกกักขังเอาไว้ในอ้อมแขนกว้างจนตัวแทบจะจมลงไปในแผ่นอกอุ่น

   “พีท?” เอ่ยเรียกแผ่วเบาเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดที่แน่นขึ้นและเสียงหายใจที่อยู่เหนือศีรษะ...ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังควบคุมอารมณ์อะไรบางอย่างที่มันปะทุขึ้นมา

   “..ฮานะ” ผ่านไปสักพักจังหวะชีพจรของเด็กหนุ่มก็กลับมาคงที่ วงแขนแข็งแรงโอบกระชับร่างในอ้อมกอดเอาไว้ราวกับกลัวว่าฮานะจะหายไป

   “หืม...ว่าไง” ฝ่ามือเล็กลูบลงบนแผ่นหลังกว้างเพื่อปลอบประโลม ยอมรับว่าเขาเองก็ตกใจไม่น้อยกับท่าทีแบบนี้ของพีท “เธอโอเคนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามในตอนที่ถูกฝ่ายนั้นดันตัวให้พิงเข้ากับรถก่อนจะซุกใบหน้าลงมาซบที่บริเวณลาดไหล่ กลุ่มผมสีเข้มที่อยู่ใกล้ทำให้อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นมาลูบอย่างนึกเอ็นดู

   “...” เสียงถอนหายใจหนักดังขึ้นครั้งหนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มพึมพำแผ่วเบาสารภาพออกมา “ผมไม่อยากให้คุณเสียใจ...ไม่อยากให้คุณร้องไห้...” ได้ยินดังนั้นฮานะก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะคลายยิ้มออกมาแล้วยกแขนขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้างของเจ้าโกลเดนท์ขี้กังวล

   ...ทำไมเป็นเด็กที่น่ารักขนาดนี้นะ..

   “โธ่~” ฮานะนวดคลึงที่ต้นคอฝ่ายนั้นไปมาเพื่อหวังจะให้ผ่อนคลายลง “พีท...ฉันไม่เป็นไร” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าตัวคงเป็นห่วงที่เขาต้องเจอภาพอเล็กซ์กับนางแบบคนนั้นกำลังพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม...อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าในใจลึกๆแล้วยังคงรู้สึก แต่ทว่ามันไม่ได้ร้อนรนจะเป็นจะตายเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว อาการการก่อนหน้านี้ก็แค่รู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจออเล็กซ์ในลิฟต์เสียมากกว่า

   แต่ดูท่าเจ้าเด็กตัวโตคงคิดแทนเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว...

   “…” ใบหน้าคมเข้มถอนออกมามองกัน นัยน์ตาคู่นั้นยังคงทอประกายวูบไหวราวกับเปลวเทียนที่ถูกจุดอยู่ท่ามกลางลมพายุ

   “ดูทำหน้าเข้า” ฮานะยิ้มกว้างจนตาหยีและยกมือขึ้นบีบข้างแก้มอีกฝ่าย “ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆนะเชื่อสิ ไม่ได้เสียใจด้วย”

   “แต่ฮานะมองเขา” เจ้าเด็กตัวโตขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยพร้อมกับกระชับวงแขนที่โอบอยู่รอบเอวให้แน่นขึ้น “ผมแค่กลัวว่าคุณจะรู้สึกแย่”

   “ก็แค่มองน่า...ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย” ฮานะบอกไปตามความจริงให้อีกฝ่ายได้คลายกังวล “แค่เธออยู่ด้วยกันตอนนี้มันก็ดีมากแล้ว...ขอบใจนะ” รอยยิ้มกว้างถูกส่งมอบไปให้ก่อนจะเอียงใบหน้าแนบซบไปกับแผ่นอกอุ่นที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยเสมอตอนที่ถูกอีกฝ่ายโอบกอดเอาไว้ทั้งตัวแบบนี้

   “…มองแค่ผมได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มนุ่มติดอ้อนเอ่ยขึ้นมาทำให้ต้องเบิกตาขึ้นอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยจะได้ยินมาก่อน “ฮานะสนใจแค่ผม...ได้ไหมครับ”

   “พูดเหมือนที่ผ่านมาฉันไม่สนใจเธองั้นสิ” ฮานะยังคงทีเล่นทีจริงเพราะไม่มั่นใจว่าที่อีกฝ่ายหมายถึงนั้นคืออะไร แต่เมื่อได้เห็นประกายบางอย่างในดวงตาคู่นั้นจังหวะชีพจรที่คงที่มาตลอดกลับเต้นถี่รัวขึ้นจนปวดแปลบ

   “ผมหมายถึง...สนใจผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่คนที่คุณต้องดูแลเพียงเพราะหน้าที่ของผู้จัดการ” พีทมองต่ำก่อนจะยกแขนขึ้นมากั้นช่วงตัวคนที่ยืนพิงกระจกรถเอาไว้ “มองผมในฐานะที่เหมือนกับเขาคนนั้น...ได้ไหมครับ” น้ำเสียงเว้าวอนเอ่ยขอซ้ำไปมา

   ฮานะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสับสนก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธออกมา ทำให้คนตรงหน้านั้นเผลอเม้มปากแน่น

   “ไม่ได้หรอก...” ใบหน้าสวยเอียงซบลงบนแผ่นอกกว้าง ส่วนมือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นกำชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้จนยับย่นในตอนที่เอ่ยบอกประโยคถัดมา “เธอกับอเล็กซ์ไม่เหมือนกัน...”

   “…”

   “…สำหรับฉันน่ะ” ฮานะหลับตาลงเพื่อฟังเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่อยู่ในระยะประชิด “สำหรับฉัน...เธอมีค่ามากกว่านั้น”

   “…”

   “ส่วนเขาเป็นแค่อดีตไปแล้ว...เพราะฉะนั้นเธออย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครเลยนะ” น้ำเสียงแผ่วเบาที่เอ่ยประชิดทำให้เด็กหนุ่มต้องก้มลงมอง แล้วก็ได้เห็นว่าใบหูขาวจัดนั้นกำลังขึ้นสีระเรื่อ “พีท...แค่เธอเป็นเธอ มันก็ดีมากแล้วจริงๆ...”

   “ฮานะ” พีทตั้งท่าจะดันตัวคนในอ้อมกอดออกด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว แต่ดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่เพราะฮานะเอาแต่กอดและซุกหน้าลงกับอกเขาแน่น

   “ไม่ต้องพูดอะไรเลยนะ” ฝ่ายนั้นเค้นเสียงออกมาห้ามปราม ผ่านไปสักพักก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “...ฉันขอเวลาอีกหน่อย”

   “…ครับ”





   กางเกงยีนส์สกินนี่สีซีดขาดช่วงต้นขาสวมลงบนเรียวขาสวยก่อนจะถูกทับด้วยเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ของใครบางคนที่แขวนเอาไว้อยู่ในตู้เสื้อผ้าเดียวกัน ฮานะหมุนตัวเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะเดินไปสวมถุงเท้าและสนีกเกอร์คู่โปรด เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาที่อยู่ข้างฝาผนังกำลังเคลื่อนไปชี้ที่เลขเก้าแสดงให้เห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่เขาจะต้องออกเดินทางได้แล้วเพราะหลังจากที่แยกย้ายกับพีทฝ่ายนั้นก็โทรมาบอกจะขึ้นแสดงตอนห้าทุ่ม

   น้ำหอมกลิ่นประจำตัวถูกฉีดลงบนข้อมือและยกแตะข้างซอกคอ กลิ่นหอมอ่อนเฉพาะตัวโอบล้อมอยู่รอบกายเรียกความมั่นใจให้กลับมาหลังจากที่เขานั้นไม่ได้ไปเหยียบสถานที่เริงรมย์มาเป็นเวลาหลายปี

   ฮานะใช้เวลาราวชั่วโมงกว่าก็เดินทางมาถึงที่หมาย ทันทีที่เดินผ่านเข้าไปความมืดสลัวและไฟแสงสีก็ทำให้ชีพจรในร่างกายนั้นเต้นเร่า เขาเดินเลยผ่านผู้คนไปนั่งยังบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่เยื้องกับเวที เก้าอี้ทรงสูงทำให้เห็นบริเวณนั้นได้อย่างชัดเจน

   รอเพียงไม่นานค็อกเทลที่สั่งไปก็ถูกวางเสิร์ฟไว้ตรงหน้า โมฮีโตในแก้วทรงสูงมีไอเย็นเกาะอยู่รอบแก้ว รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเหล้ารัมผสมกับความเปรี้ยวของมะนาวและโซดาทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา ความหวานของน้ำตาลทรายชั้นล่างช่วยตัดรสชาติให้กลมกล่อมดื่มง่ายขึ้น ฮานะใช้หลอดคนค็อกเทลในแก้วไปมาอย่างเอื่อยเฉื่อยแต่สายตากลับมองไปยังร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่เพิ่งจะเดินขึ้นมาบนเวที

   วันนี้พีทดูแปลกตากว่าทุกวันเพราะอีกฝ่ายสวมเสื้อแขนกุดสีดำสกรีนลายกราฟฟิกแต่ความกว้างของแขนเสื้อนั้นลากยาวลงมาจนถึงบั้นเอว กางเกงยีนส์สีดำเข้ารูปขับเน้นให้เห็นช่วงขายาวสมส่วนรับกับสะโพกสอบ มัดกล้ามเนื้อตึงแน่นลงมาถึงท่อนแขนมีเส้นเลือดนูนขึ้นในตอนที่ฝ่ายนั้นควงไม้กลอง...และที่สำคัญเรือนผมที่ถูกเซ็ทเปิดใบหน้าคมเข้มทำให้คนที่มองอยู่ถึงกับร้อนวูบขึ้นมาจนต้องยกค็อกแทลขึ้นมาจิบเพื่อดับกระหาย

   กลิ่นอายร้อนแรงแฝงเร้นความอันตราย ไร้คราบเจ้าโกลเดนท์ตัวโตที่เคยออดอ้อนเขาเมื่อตอนเย็นไปจนหมด...

   และทันทีที่นัยน์ตาคู่นั้นหันมามองกันท่ามกลางความมืดสลัวฮานะก็รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่แรงและรัวเร็วขึ้นตอนที่ฝ่ายนั้นยกยิ้มมุมปาก

   ในตอนที่โมฮีโตลดเหลือก้นแก้วและรอแก้วที่สองมาเสิร์ฟจากเพลงจังหวะดุดันกลับกลายเป็นเพียงเพลงอะคูสติค พอหันกลับไปมองบนเวทีอีกครั้งมือกลองก็หายไปซะแล้ว ฮานะขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยแต่แล้วความสงสัยก็ถูกปัดหายไปเมื่อช่วงเอวถูกใครบางคนโอบกอดเอาไว้ กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นจมูกทำให้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร

   เก้าอี้ทรงสูงที่นั่งอยู่ถูกหมุนให้ไปเผชิญกับคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ฝ่ายนั้นยังคงโอบเอวเขาเอาไว้แถมยังถือวิสาสะยื่นมือมาเช็ดคราบความชื้นที่เกาะอยู่บนริมฝีปากให้ ปลายนิ้วร้อนที่ลากผ่านทำเอาตาพร่าเบลอไปชั่วขณะ เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่ก้มใบหน้าลงใกล้ก่อนจะเอียงปรับให้ได้องศาจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ริดรดอยู่บนผิวแก้ม

   “พีท...” ถ้อยคำถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อถูกฝ่ายนั้นแนบริมฝีปากลงมา พอตั้งท่าจะดันออกความรู้สึกบางอย่างก็ทำให้ต้องเปลี่ยนเป็นยกมือขึ้นโอบรอบลำคอของฝ่ายนั้นเอาไว้แทน เพราะบริเวณร้านนั้นมืดสลัวพอที่จะบดบังสายตาของผู้คน

   ความอุ่นชื้นไล่ต้อนอย่างไม่รีบร้อน กลิ่นหอมเย็นของใบมิ้นต์จากค็อกเทลที่เพิ่งดื่มเข้าไปทำให้รสจูบนั้นนุ่มลิ้นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ความขมปร่าของเหล้ารัมเปลี่ยนเป็นหวานละมุนในตอนที่ถูกเรียวลิ้นร้อนไล่ต้อนรุกลามเข้ามาทีละนิด กลีบปากถูกดึงและขบเม้มเน้นไปมาจนรู้สึกร้อนผ่าว

   “อืม” เสียงคราเครือดังขึ้นอยู่ในลำคอเมื่อชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูงจนถึงบั้นเอว ฮานะรู้สึกตัวก็ตอนที่จิวสะดือถูกปลายนิ้วร้อนจัดของอีกฝ่ายปัดผ่าน

   มือไวเกินไปแล้วเจ้าเด็กนี่!

   “พีท...พอแล้ว” เขาเอ่ยปากห้ามได้อย่างไม่เต็มเสียงตอนที่ถูกใบหน้าของอีกฝ่ายซุกไซ้ลงที่ข้างซอกคอ “พีทหยุด”

   ดูท่าเจ้าเด็กตัวโตยังคงไม่ได้สติฮานะจึงจัดการดันบ่ากว้างออกห่างสุดแรง แล้วก็ได้ผลเพราะฝ่ายนั้นยอมทำตามอย่างว่าง่าย ใบหน้าคมเข้มขึ้นสีในตอนที่แสงไฟสลัวส่องกระทบเข้าที่ด้านข้าง

   “ฮานะ” เด็กหนุ่มวางมือลงบนเอวคอดก่อนจะเกลี่ยนิ้วไปมาแผ่วเบาในจุดที่รอยสักหลบเร้นอยู่ใต้เนื้อผ้า “กลับเถอะนะครับ...” ถ้อยคำร้องขออย่างไร้เหตุผลทำให้อีกฝ่ายต้องขมวดคิ้วมุ่น

   “ทำไมล่ะ เธอเลิกเล่นตอนตีหนึ่งนี่” ฮานะต่อรองอย่างไม่ยอมแพ้แต่พอได้เห็นสายตาที่อีกฝ่ายส่งมาก็ถึงกับต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   ...เจ้าเด็กขี้หวงเอ๊ย..

   “ไม่ต้องห่วงน่า ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายสักหน่อย” คนอายุมากกว่าวางมือลงบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบอยู่รอบเอวก่อนจะลากขึ้นไปตามช่วงแขนแล้วหยุดอยู่ที่บริเวณท้ายทอยพร้อมกับใช้นิ้วนวดคลึงไปมาให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายลง “ฉันรอได้”

   “…” เมื่อหันไปมองยังเวลาดิจิทัลที่หลังเคาน์เตอร์ก็เห็นว่าอีกยี่สิบนาทีเขาจะต้องกลับขึ้นไปเล่นดนตรีอีกครั้ง

   “นี่...ใกล้ถึงเวลาแล้ว ไปเตรียมตัวเร็ว” ฮานะวางมือลงบนกรอบหน้าก่อนจะบีบข้างแก้มแล้วส่ายไปมาเหมือนอย่างที่ชอบทำ

   ฝ่ายนั้นถอนหายใจหนักออกมาด้วยใบหน้าที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมาแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากเขาแล้วเดินกลับขึ้นไปบนเวทีด้วยสายที่อาลัยอาวรณ์จนเกือบที่จะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่

   ...อยากจะให้คนอื่นได้มาเห็นมุมนี้ชะมัดเลย..





   “ฮานะครับ” ระหว่างที่รถกำลังจอดติดไฟแดงอยู่นั้น คนที่อาสาขับรถตั้งแต่ออกมาจากร้านก็หันมาหา

   “ว่าไง”

นัยน์ตาสีเข้มที่กำลังทอดมองไปยังท้องถนนไม่ได้หันกลับมามองกัน ฮานะซุกหน้าลงกับเสื้อแจ็กเก็ตของเขาก่อนจะหลับตาพริ้มลงอย่างสบายใจ คงเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ในค็อกเทลที่ดื่มไปหลายแก้ว

   “หลังจากที่กลับมาจากใต้...ผมอยากขอลากลับไปเยี่ยมแม่กับยายที่ลำปางสักสามวันได้ไหมครับ” เพราะเมื่อช่วงหัวค่ำในระหว่างที่กำลังซ้อมดนตรีอยู่นั้นแม่ได้โทรมาหาและบอกว่าอาการของยายยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ ใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วงแต่เพราะยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเลยไม่สามารถกลับไปหาทันทีได้

   “ได้สิ...เดี๋ยวฉันเคลียร์ตารางให้ก็แล้วกัน” ฮานะรับปากก่อนจะลืมตาขึ้นมามองแล้วหันมาหาอย่างนึกเป็นห่วง “คุณยายอาการเป็นยังไงบ้าง” ที่ผ่านมาถ้าเขาไม่เอ่ยปากถามก็คงไม่รู้ว่ายายของพีทนั้นป่วยหนักจนถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลเพราะไข้ขึ้นสูงกะทันหันบวกกับมีโรคประจำตัวรุมเร้ามาเป็นเวลานานจึงทำให้อาการทรุดหนัก

   “ยังไม่ดีขึ้นเลยครับ เห็นแม่บอกว่าหมอจะขอเจาะเลือดไปตรวจเพราะยายไข้ขึ้นสูงมาเกือบอาทิตย์แล้ว กลัวว่าจะเป็นไข้เลือดออกไม่ก็ติดเชื้อในกระแสเลือด”

   “ฉันจะไปด้วย” มือที่วางอยู่บนที่พักแขนถูกใครอีกคนกอบกุมเอาไว้จนความอบอุ่นถูกส่งผ่านมาจากอุ้งมือเล็ก

   “จะดีเหรอครับ...ลำบากฮานะเปล่าๆ” พีทหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างกันก่อนความรู้สึกบางอย่างจะแล่นเข้ามาเมื่อเห็นรอยยิ้มบางเบา

   “ไม่ลำบากหรอกน่า...ฉันอยากไปเยี่ยมท่านอยู่แล้ว อีกอย่างพวกท่านจะได้สบายใจเรื่องงานที่เธอทำอยู่ด้วย” ถือว่าไปฝากตัวเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร

   พีทกอบกุมฝ่ามือที่เล็กกว่าก่อนจะยกขึ้นมาจรดจูบในตอนที่รถจอดตรงแยกไฟแดง “จริงๆผมเคยพูดถึงฮานะให้แม่ฟังบ้างแล้ว” เขาเกลี่ยเรียวนิ้วของอีกฝ่ายไปมาอย่างเพลิดเพลิน อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ถูกปรับให้พอดีกลับไม่ได้มีผลเมื่อความอบอุ่นแผ่ซ่านกระจายตัวอยู่บนผิวเนื้อ

   “เธอแอบเม้าท์อะไรไปบ้างแล้วเนี่ย” ฮานะหรี่ตามองจ้ออย่างคาดโทษตอนที่เห็นรอยยิ้มกว้างของเจ้าเด็กตัวโต

   “ผมบอกว่าฮานะใจดีแล้วก็...น่ารัก” นัยน์ตาคมเข้มหันมามองกันในขณะที่พูดคำนั้นเล่นเอารู้สึกร้อนวูบไปทั่วใบหน้าจนต้องหันหนีออกไปมองนอกหน้าต่าง “แม่บอกว่าถ้ามีโอกาสให้พากลับไปด้วยกัน...ท่านเองก็อยากเจอฮานะ”

   “อืม...ก็จะไปด้วยอยู่แล้วนี่” กระแอมไอแก้เก้อเมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศบางอย่างที่กำลังอบอวลอยู่ในรถ

ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกแฟนพาไปเปิดตัวกับพ่อแม่จังเลยล่ะเนี่ย...



_______________________________________________



ฝากเม้นต์เป็นกำลังใจให้เจ้าเด้นด้วยนะคะ

แวะมาพูดคุยกันได้ที่ #ดอกไม้ของพีท ในTwitter น้าา <3
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-10-2019 22:36:10
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-10-2019 22:58:21
หวานชื่นรื่นรมย์    :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-10-2019 23:03:21
โอ๊ย เจ้าพีททททท
จะพาไปรู้จักแม่แล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Redghost ที่ 27-10-2019 07:59:04
น้องพีท น่ารักจังลูก :mew1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 27-10-2019 14:07:56
ฟินมากกกกก
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-10-2019 22:42:11
น้องโกลเดนก็มีมุมฮอทปรอทแตกนะเนี่ยยย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 29-10-2019 10:29:07
หนูน้อยพีท เริ่มโซฮอตแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 30-10-2019 19:31:04
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E : 26/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 30-10-2019 22:20:39
เจ้าโกลเด้นร้ายมากค่ะ เอะอะเป็นกอดเอะอะเป็นจูบเป็นลูบ ฮึ่ยยยยยยีหัวเจ้าโกลเด้นด้วยความเอ็นดู
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 31-10-2019 22:07:28
CHAPTER TEN

_________________________________



   สถานที่สำหรับการถ่ายแบบที่ทางฝ่ายสถานที่ได้เลือกเอาไว้ในวันนี้นั้นก็คือเกาะไม้ท่อนจังหวัดภูเก็ต ทางฝ่ายคอสตูมและช่างภาพต่างมาสแตนด์บายรอไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วตั้งแต่เช้า ส่วนกำหนดการจะเริ่มในช่วงบ่ายเพราะอเล็กซ์นั้นติดคิวถ่ายแบบของนิตยสารอีกที่จึงจะตามมาทีหลัง

   ส่วนนายแบบอีกคนก็เดินทางมาถึงเมื่อช่วงสายพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว ทั้งคู่นำสัมภาระไปไว้ที่โรงแรมในตัวเมืองก่อนจะเช็กอินแล้วกลับมารอที่ท่าเรือกับทีมงานเพื่อข้ามไปยังตัวเกาะ

   “ไม่ร้อนหรือไง” หลังจากที่คุยกับทีมงานเสร็จฮานะก็เดินกลับไปหาคนที่นั่งรออยู่บนม้านั่งอีกฝั่ง ฝ่ายนั้นกำลังนั่งตากลมทะเลอยู่ที่บริเวณชานไม้ด้านนอก พีทใส่หูฟังไว้พร้อมกับเอนหลังพิงผนักแล้วหลับตาพริ้ม แสงแดดช่วงสายเริ่มแรงขึ้นจนเขายังรู้สึกแสบผิว ไม่รู้ทำไมเจ้าเด็กตัวโตถึงนั่งเฉยไม่รู้สึกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย   

   “ฮานะ?” ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าอีกคนถอดเสื้อคลุมมาวางโปะไว้บนหัวให้จนบดบังภาพทัศนียภาพเบื้องหน้า

   “เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” ฮานะยื่นมือมาดึงแก้มจนยืดพร้อมกับดุเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผิวบริเวณนอกร่มผ้าของเขาเริ่มไหม้แดด ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสายแต่แดดของทางภาคใต้นั้นก็แรงจนทำให้แสบผิวอยู่ไม่น้อย

   “ผมตั้งใจจะออกมานั่งเล่น...ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหนเหมือนกัน” พีทกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้ลงมานั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกันซึ่งฮานะเองก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี ฝ่ายนั้นขยับตัวเข้ามาแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากผิวกายก่อนจะเอนหัวมาพิงซบที่บริเวณต้นแขนของเขาแล้วมองออกไปยังผืนทะเลกว้าง

   “...นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้มาเที่ยวทะเล” เสียงพึมพำที่ดังคลอไปกับสายลมทำให้ต้องก้มลงไปมองอย่างสนอกสนใจ “ถ้าจำไม่ผิด...ก็คงเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วได้ล่ะมั้ง” ความทรงจำครั้งสุดท้ายกับผืนน้ำสีครามและแสงแดดที่ตกกระทบทอประกายนั้นช่างเลือนรางในความทรงจำเหลือเกิน...

   “ผมเองก็เหมือนกัน” เด็กหนุ่มพูดขึ้นมาพร้อมกับมองเลยไปยังฝูงนกสีขาวที่กำลังบินอยู่เหนือผิวน้ำ “ครั้งล่าสุดก็คงเป็นตอนที่ไปทัศนศึกษากับทางคณะ” แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้สัมผัสกับกลิ่นอายของมันอีกเลยเป็นเวลาหลายปี

   “ถ้าอย่างนั้น...เอาไว้เรากลับมาเที่ยวด้วยกันอีกดีไหม” ฮานะยื่นข้อเสนอพร้อมกับเงยหน้ามองคนข้างกายด้วยแววตาที่เป็นประกาย “ครั้งนี้มาทำงานคงได้เที่ยวไม่จุใจแน่...ถ้ามีโอกาส กลับมาด้วยกันอีกนะ”

   ถ้อยคำชักชวนคล้ายคำสัญญานั้นเรียกรอยยิ้มบางเบาให้ขึ้นมาประดับบนใบหน้าของใครอีกคนก่อนที่จะพยักหน้าตกลงเพื่อรับปาก “ครับ”

   “คุณฮานะ-...เอ่อ ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะคะ”

   หนึ่งในลูกทีมที่ตั้งใจจะมาตามกลับต้องชะงักค้างเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นส่วนเกิน ทั้งคู่มองมาทางเธอพร้อมกันก่อนที่คุณฮานะจะเป็นฝ่ายดึงมือออกจากการกอบกุมก่อน เธอทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศบางอย่างที่ดูผิดไปปกติไปจากนายแบบในความดูแลและผู้จัดการส่วนตัว

   “ว่ายังไง” ใบหน้าสวยเรียบนิ่งไม่แสดงอาการตื่นตกใจออกมาให้ได้เห็น เจ้าตัวลุกขึ้นยืนและจัดเสื้อผ้าไปมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

   “คือ...ได้เวลาลงเรือแล้วค่ะ”

   “อ้อ” ฮานะพยักหน้ารับ “เดี๋ยวพวกผมเดินตามไป...ขอบคุณมากครับ” รอยยิ้มกว้างถูกส่งไปพร้อมกับคำขอบคุณ

   



   การถ่ายแบบเซ็ทแรกนั้นเป็นชุดสำหรับกีฬาทางน้ำโดยเฉพาะ อเล็กซ์อยู่ในกางเกงผ้ายืดสามส่วนสีขาวส่วนพีทเป็นสีดำ ในช่วงแรกนั้นคนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นนายแบบน้องใหม่ยังคงตกประหม่าอยู่บ้างเล็กน้อยตอนที่อยู่ต่อหน้ากล้องแต่เมื่อได้รับคำแนะนำจากช่างภาพและเหล่าทีมงานพีทก็ปรับตัวและทำมันออกมาได้ดีจนถูกชมไม่ขาดปากรวมไปถึงผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังนั่งดูอยู่หน้าจอมอร์นิเตอร์ด้วย

   “ไม่เสียแรงที่คุณเจนนี่โม้เอาไว้ซะเยอะ” เบต้าหนุ่มเอ่ยชมหลังจากที่รูปชุดสุดท้ายถูกปิดเซ็ทลง ก่อนเขาจะสั่งพักกองเพื่อให้เหล่านายแบบและนางแบบไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเข้าเซ็ทต่อไป

   “ข่าวไกลขนาดนั้นเลยเหรอครับเนี่ย” ฮานะอมยิ้มขำเมื่อนึกถึงหน้าของเมนเทอร์คลาสเทรนด์นิ่งที่ดูจะปลาบปลื้มพีทเป็นพิเศษ

   “รู้กันทั้งบริษัทแล้วมั้งนั่น” อีกฝ่ายตอบกลับ “ก็รู้ๆกันอยู่ว่ารายนั้นน่ะเวลาถูกใจใครแล้วจะลำเอียงเป็นพิเศษ...ดูท่าพีทคงถูกดันอย่างหนักเลยล่ะ” แม้แต่กับอเล็กซ์เองก็ยังไม่เคยถูกแม่อัลฟ่าสาวคนนั้นกล่าวถึงเลยเสียด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างเป็นลูกรักลูกชังอย่างเห็นได้ชัด

   “ฮานะ” ร่างสูงใหญ่ที่ตัวเปียกมะล่อกเพราะเพิ่งไปลุยน้ำมาเดินดุ่มเข้ามาหา เมื่อเห็นว่าฮานะนั่งอยู่กับผู้กำกับก็โค้งศีรษะให้อย่างมีมารยาทก่อนที่ฝ่ายนั้นจะขอตัวเดินออกไปเพื่อยืดเส้นยืดสาย

   “เหนื่อยหรือเปล่า” ฮานะเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าโกลเด้นท์สะบัดผมจนหยดน้ำกระจาย

หลังจากที่พีทนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างกันเขาก็วางผ้าขนหนูลงบนเรือนผมสีเข้มก่อนจะออกแรงขยี้ซับน้ำให้หมาด พอมองสำรวจไปตามท่อนบนที่เปล่าเปลือยก็เห็นว่ามัดกล้ามเนื้อตึงแน่นถูกตกแต่งเพิ่มเติมจากฝ่ายเมคอัพทำให้ผิวคร้ามแดดดูสุขภาพดี

   “ไม่เหนื่อยครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

   “แล้ว...” ฮานะเว้นช่วงไปสักพักก่อนจะลอบมองไปยังใครอีกคนที่กำลังยืนให้ฝ่ายคอสตูมอีกทีมจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้ใหม่ “…ไม่โดนอเล็กซ์ทำตัวแย่ๆใส่ใช่ไหม” แม้จะรู้ดีว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

   “ไม่ครับ” พีทตอบตามความจริง ถึงแม้จะรู้ตัวว่าถูกฝ่ายนั้นเหม็นขี้หน้าและเคยแสดงท่าทีหยาบคายใส่แต่พอเวลางานอเล็กซ์กลับปฏิบัติได้อย่างเป็นมืออาชีพราวกับเป็นคนละคนกัน

   “ถ้าเขาทำตัวไม่ดี...รีบบอกฉันเลยนะ” ฮานะย้ำอีกครั้ง...บอกตามตรงว่าเขายังไม่ไว้ใจอเล็กซ์สักเท่าไหร่

   “ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าแววตาคู่สวยทอแววเป็นห่วง “แค่เขาไม่มายุ่งกับคุณก็พอแล้ว”

   ฮานะลอบมองใบหน้าคมเข้มของคนที่นั่งอยู่ข้างกันก่อนที่ฝ่ายนั้นจะถูกผู้กำกับเรียกตัวไปพูดคุยเกี่ยวกับการเข้าฉากเซ็ทต่อไป พีทดูตั้งอกตั้งใจในการทำงานมากเขาจริงจังจนแทบไม่เหลือกลิ่นอายของเด็กใหม่ในวงการให้ได้เห็น จนทีมงานหลายคนในกองถ่ายก็ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าถ้าภาพเซ็ทนี้ถูกปล่อยออกไปคนที่จะถูกพูดถึงเยอะที่สุดก็คงจะไม่ใช่อเล็กซ์อย่างแน่นอน

   “มีความสุขจังนะ” แต่แล้วเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็เอ่ยทัก ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างกัน ฮานะไม่ได้หันไปมองและตั้งท่าจะลุกหนีเพราะไม่อยากจะเสวนากับอีกฝ่ายให้เปลืองน้ำลาย แต่กลับถูกอุ้งมือใหญ่ดึงเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้ “จะรีบไปไหน อยู่คุยกันก่อนสิ” อเล็กซ์พูดเสียงเรียบแต่คนฟังกลับรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัว

   “มีอะไร” ฮานะยอมนั่งลงตามเดิมก่อนจะขยับเลื่อนเก้าอี้ให้ออกห่างจากอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าจะทำให้ใครอีกคนเข้าใจผิดเอาได้...ทั้งที่มันไม่จำเป็นแต่เขาไม่อยากให้พีทต้องรู้สึกเป็นกังวล

   “เปล่า...ก็แค่แวะมาทักคุณผู้จัดการคนเก่า...ไม่ได้หรือไง” รอยยิ้มที่เจ้าตัวมักจะเผยให้ได้เห็นบนหน้าจอโฆษณาถูกส่งมาให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงใจเต้นแรงจนลืมความเป็นตัวเอง...แต่ในเวลานี้กลับคิดถึงเพียงแต่ใบหน้าของใครบางคนที่ปกติมักนิ่งเฉยแต่จะยิ้มกว้างเป็นพิเศษเมื่ออยู่กันเพียงแค่สองคน

   ...รอยยิ้มที่ไม่ได้ให้เพียงแค่ความรู้สึกวาบหวาม แต่กลับมอบความอบอุ่นและการถูกปลอบประโลมทุกครั้งเมื่อได้มอง...

   “อืม” ฮานะลอบมองอย่างไม่ไว้วางใจ และพยายามรักษาระยะห่างไม่ให้ใกล้ชิดกันเกินความจำเป็น

   “ฉากพลอดรักที่ลานจอดรถ...ใช้ได้นี่” ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มมาอย่างเป็นมิตรแต่กลับเผยวาจาหยาบคายออกมา “...ก็ไหนเคยบอกว่าไม่ง่าย” นัยน์ตาสีฟ้ากดต่ำมองสำรวจร่างของคนคุ้นเคยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณา ก่อนรอยยิ้มจะกดลึกข้างมุมปากอย่างเหยียดหยามทำเอาคนที่ถูกมองถึงกับหน้าชาอยู่ไม่น้อย

   “…” ฮานะตวัดตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งแสดงท่าทีมากเท่าไหร่อเล็กซ์ก็ยิ่งได้ใจ

   “กลับมาตอนนี้ยังทันนะที่รัก” อเล็กซ์ลูบริมฝีปากไปมาอย่างนึกสนุกพร้อมกับมองผิวเนื้อขาวอย่างจาบจ้วง

   “…”

   “หมดเวลาที่ดอกไม้แสนสวยของฉันต้องลดตัวลงไปเป็นดอกหญ้าริมทางให้หมาจรจัดมันเชยชมแล้ว”

   “…”

   “อย่าให้ถึงขั้นต้องได้ลงแรงไปแย่งนายกับมันเลย” อเล็กซ์พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายแต่ในแววตาคู่นั้นกลับสะท้อนประกายบางอย่างออกมาชัดเจน...สายตาน่ารังเกียจที่มักถูกใช้มาตลอดในตอนที่เจ้าตัวต้องการทวงคืนสิทธิของตน “เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?”

   แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่อีกฝ่ายคงยังไม่รู้...เขาไม่ใช่คนโง่คนเดินที่จะคล้อยตามคำชักชวนนั้นอีกแล้ว

   ฮานะคนเดิมที่จงรักภักดีต่อนายได้ตายไปนานแล้ว...เสียใจด้วยนะคุณแอนเดอร์สัน...

   “ไปให้พ้น” ฮานะเค้นเสียงต่ำลอดไรฟันเมื่อเริ่มรู้สึกเหลืออดและก่อนที่ความอดทนจะหมดลงเสียงของผู้กำกับที่เอ่ยเรียกให้อีกฝ่ายไปเข้าเซ็ทก็เหมือนเป็นระฆังห้ามศึกได้ทันเวลา

จังหวะชีพจรเต้นถี่รัวเพราะอารมณ์โทสะที่พุ่งขึ้นสูงทำให้ต้องลุกเดินออกไปจากบริเวณนั้นเพื่อสงบจิตใจ กว่าจะกลับเข้ามาได้ทางกองถ่ายก็กำลังเตรีมตัวสำหรับเซ็ทสุดท้ายอยู่พอดี

   “ฮานะ” ทันทีที่พีทเห็นเขาเจ้าตัวก็เดินดุ่มออกมาหาหลังจากที่ก้มหัวขอบคุณทางทีมงานเสร็จเรียบร้อย “ไปไหนมาครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างนึกเป็นห่วง

   “ไปเดินเล่นมาน่ะ...โทษทีนะไม่ได้อยู่ดูเธอเลย” ใบหน้าสวยแหงนเงยขึ้นก่อนจะยิ้มบางเบาส่งไปให้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกลับถูกรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้แน่นจนเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นเปียกชื้นเพราะหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนแผ่นอกกว้าง

   “พีท...” ฮานะมองเลยไปยังกองถ่ายที่กำลังยุ่งวุ่นวายไม่มีใครหันมาสนใจทางพวกเขาจึงถือโอกาสนี้ยกมือขึ้นกอดตอบ

   “เขาไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มยังคงไม่หายห่วงเพราะตอนที่เห็นว่าฝ่ายนั้นมายุ่มย่ามกับฮานะเขาเองก็ร้อนรนใจจนไม่มีสมาธิจะฟังคำอธิบายของผู้กำกับสักเท่าไหร่นัก

   “ไม่...ไม่ได้ทำ” ฮานะย้ำ “คิดถึงเธอจะแย่อยู่แล้ว...” เสียงพึมพำออดอ้อนทำให้ต้องกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น



   หลังจากการถ่ายแบบวันนี้นั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีทางทีมงานก็จัดกินเลี้ยงฉลองบริเวณชายหาดที่ทางโรงแรมจัดเตรียมเอาไว้ให้เพื่อผ่อนคลายหลังจากที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ฮานะกับพีทลงมาร่วมเป็นคนสุดท้ายทั้งคู่ถูกจับแยกให้นั่งคนละฝั่งเพราะพีทถูกทีมงานดึงตัวไปนั่งรวมกับเหล่านายแบบและนางแบบที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะราวกับว่าเด็กหนุ่มคือของเล่นใหม่ในค่ำคืนนี้เพราะถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยความสนอกสนใจ

   “พีทนั่งกินโค้กมาหลายแก้วแล้วนะ ผมชงเหล้าให้เอาไหม” หนึ่งในทีมงานช่างภาพเอ่ยท้วงขึ้นมาอย่างสงสัยเพราะไม่เห็นว่าเด็กหนุ่มจะแตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แม้แต่นิดเดียว

   “ผมไม่ดื่มน่ะครับ” ทันทีที่ปฏิเสธออกไปก็ได้รับสายตาเหลือเชื่อจากทุกคนบนโต๊ะ

   “ให้เวลาหน่อย เด็กมันคงเขิน” ผู้กำกับที่นั่งอยู่หัวโต๊ะยิ้มขำก่อนจะยกแก้วตัวเองขึ้นจิบ

   “จริงเหรอฮานะ” ทีมงานอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกันหันมาถามย้ำ

   “ครับ...พีทเขาไม่ดื่มมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ฮานะยิ้มขำกับท่าทางเหลือเชื่อที่ทุกคนแสดงออก

   หลังจากนั้นทั้งโต๊ะก็พยายามแกล้งรับน้องใหม่โดยการแอบผสมเหล้าลงในแก้วของพีทบ้างท้าให้ดื่มบ้างจนบรรยากาศบนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยความครื้นเครงสนุกสนาน พอผ่านไปสักพักก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของเจ้าเด็กตัวโตเริ่มขึ้นสีเพราะรับเอาแอลกอฮอลล์เข้าไปมากพอสมควรทำให้ฮานะต้องขอสลับที่กับทีมงานเพื่อย้ายไปนั่งข้างกัน

   ในระหว่างที่กำลังคุยกับทีมงานอยู่นั้นก็รู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาจนถึงตอนนี้ แต่ฮานะเลือกที่จะไม่สนใจ อเล็กซ์ยังคงดูสนุกสนานร่วมชนแก้วกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างเป็นปกติไม่มีท่าทีที่จะล่วงเกินหรือพูดในสิ่งที่ทำให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดต่อหน้าผู้คน

   แต่แล้วโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงกลับสั่นเตือนเมื่อมีคนโทรเข้ามา พอก้มลงดูที่หน้าจอก็พบว่าเป็นเบอร์ของคุณแกเรน เห็นดังนั้นจึงตั้งท่าจะลุกเพื่อขอตัวออกไปคุยธุระแต่กลับถูกคนข้างกายดึงรั้งข้อมือเอาไว้ก่อน

   “คุณแกเรนโทรมาน่ะ ฉันจะออกไปรับสายข้างนอก” ฮานะยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าโกลเดนท์ตัวโตมองมาอย่างเป็นห่วง

   ...ขี้ระแวงเกินไปแล้ว..

   “ผมไปด้วย” เด็กหนุ่มทำท่าจะลุกตามแต่กลับถูกอีกฝ่ายดันไหล่ให้นั่งลง

   “ไม่ต้องหรอก...ไปแค่แป๊บเดียว เธออยู่คุยกับทุกคนที่นี่เถอะ” พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ขอตัวออกมาจากบริเวณที่จัดงานเลี้ยง ฮานะเดินทิ้งระยะห่างออกมามากพอสมควรเพราะเพลงจากร้านอาหารค่อนข้างที่จะดังเขาเกรงว่าจะทำให้พูดคุยกับปลายสายไม่รู้เรื่อง



(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 31-10-2019 22:08:24
เสียงของคลื่นทะเลที่คลอมากับสายลมพัดแผ่วเบาทำให้รู้สึกผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย ผิวน้ำส่องสะท้อนแสงของดวงจันทร์ที่สาดลงมาตรงกลางพราวระยิบระยับท่ามกลางความสลัว ทันทีที่กดรับสายสิ่งแรกที่รับรู้คือทางนั้นดูเดือดดาลเกี่ยวกับพฤติกรรมของอเล็กซ์ที่นับวันชักจะหนักข้อขึ้นจนเกรซคุมเอาไว้ไม่อยู่ ไหนจะข่าวอื้อฉาวเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่นนั่นอีก เรียกได้ว่าตลอดเดือนที่ผ่านมาทางโมเดลลิ่งต้องวิ่งเต้นเอาเงินอุดข่าวกันให้จ้าละหวั่น

   (หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่ยอมให้หมอนี่ได้เข้าร่วมโปรเจกต์ใหญ่ปลายปีของเฟยหลงแน่นอน...น่าขายหน้าชะมัด) แกเรนถอนหายใจออกมายาวเหยียด...เขารู้ดีว่าการที่โทรมาเล่าให้ฮานะฟังนั้นมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายต้องเครียดตามไปด้วย แต่เพราะฮานะเป็นคนเดียวที่รู้และเห็นถึงสันดานของเจ้าหมอนั่นจึงคิดว่าคงพอจะช่วยแบ่งเบาความอัดอั้นตันใจของเขาไปได้บ้าง ความจริงแล้วถ้าทางโมเดลลิ่งจะทำการพักงานหรือถอนตัวอเล็กซ์ออกเลยทันทีก็ได้ แต่ผลเสียที่ตามมาก็คือความน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพของทางโมเดลลิ่งจะถูกลดลง เพราะตอนนี้อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าอเล็กซ์นั้นกำลังโด่งดัง หากสั่งให้อีกฝ่ายหยุดพักงานตอนนี้ทางแบรนด์ที่เป็นคู่สัญญากันคงไม่พอใจอย่างแน่นอน มีหวังถูกฟ้องร้องจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลและเพราะอย่างนี้เขาจึงเลือกที่จะอดทนและให้โอกาสฝ่ายนั้นได้ปรับปรุงตัวตามที่ทางบอร์ดบริหารเสนอ

(แล้วก็...มีอีกเรื่อง) แกเรนเสียงเครียดยิ่งกว่าเดิมจึงทำให้ปลายสายต้องเงียบและรอฟัง (ผมเพิ่งได้ยินข่าวลือว่าช่วงที่ผ่านมา...อเล็กซ์ได้ใช้สารเสพติดบางชนิดด้วย) ทันทีที่ฮานะได้ยินก็รู้สึกชาวาบที่หนังศีรษะลามลงไปที่ปลายเท้า...เพราะถ้านี่เป็นเรื่องจริงก็เท่ากับว่าฝ่ายนั้นทำผิดกฎข้อบังคับของทางโมเดลลิ่งอย่างรุนแรง...

“...ไม่จริงใช่ไหมครับ” ฮานะถามย้ำอีกครั้งเพราะรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน

(เรื่องนี้ผมยังไม่สามารถบอกได้ว่าจริงเท็จไหนเพราะมันเป็นแค่ข่าวลือจากคนกลุ่มน้อยเท่านั้น) ทางปลายสายถอนหายใจออกมายาวเหยียด(ตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวเสพจริง)

ฮานะรู้สึกราวกับว่าถูกค้อนเหล็กหนักหลายตันทุบเข้าที่กลางศีรษะทุกอย่างดูมึนงงไปหมด...ในใจลึกๆแล้วยังหวังว่าขอให้ทุกอย่างมันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น...แม้ความรู้สึกผูกพันจะไม่หลงเหลือแต่เขาก็ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายหมดอนาคตด้วยสิ่งนี้

“แล้ว...จะทำยังไงต่อไปครับ”

(ก็คงต้องสังเกตพฤติกรรมและความประพฤติไปก่อน...ตอนนี้อเล็กซ์กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นขืนปล่อยให้ข่าวนี้รั่วไหลคงกระทบหลายฝ่าย...แต่ถ้าถึงขั้นเสียการเสียงานผมก็คงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดตามกฎของทางบริษัท) แกเรนเสียงเข้มขึ้น (...หวังว่าฮานะจะเข้าใจ)

“ครับ...” ฮานะหยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะถอนหายใจออกมา “คุณแกเรนจัดการได้เลยไม่ต้องห่วงผม”

(แน่ใจนะ...ว่าจะไม่ลองให้โอกาสเขาดูอีกครั้ง) แกเรนลองถามหยั่งเชิงเพราะรู้ดีว่าที่ผ่านมาฮานะนั้นรักอเล็กซ์มากแค่ไหน เขาก็แค่อยากมั่นใจ...ว่าหลังจากนี้อีกฝ่ายจะตัดขาดและตั้งต้นใหม่ได้จริงๆเสียที...

“ผมให้เขามามากพอแล้วล่ะครับ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลังจากที่นึกถึงอดีตที่เลยผ่าน “…ไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว”

...อเล็กซ์ แอนเดอร์สัน เป็นเพียงแค่อดีตแล้วจริงๆ...

(ผมดีใจนะ...ที่ฮานะเลือกที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า) น้ำเสียงจากปลายสายยังคงอบอุ่นเหมือนอย่างเคย

“ก็ปลายทางที่รออยู่...มันไม่ได้แย่สักเท่าไหร่นี่ครับ” ใบหน้าของใครบางคนที่เลือนรางอยู่กลับชัดเจนขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด

(ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าข่าวลือที่ผมได้ยินมาก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ) ทางนั้นหัวเราะอย่างชอบใจจนทำให้คนที่รอฟังถึงกับต้องขมวดคิ้วมุ่น

“ข่าวลืออะไรน่ะครับ”

(ก็...เด็กเทรนด์กับคุณผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนกอดกันที่ลานจอดรถ มีอะไรอีกนะ...อ้อ นั่งจับมือกันที่ท่าเรือ อืม ถ้าผมจำไม่ผิดยังมี...) แกเรนเริ่มขุกคุ้ยข้อมูลที่ได้มาอย่างนึกสนุก

“พอเลยครับ” ฮานะรีบออกปากห้ามเมื่อเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า

...ให้ตายสิ ข่าวไวจริง...เห็นทีคงต้องระวังตัวมากกว่านี้ซะแล้ว

หลังจากที่ฝ่ายนั้นขอตัววางสายไปฮานะก็ถือโอกาสนี้นั่งเล่นชมบรรยากาศและตากลมต่ออีกสักหน่อย สายลมที่พัดหอบเอาไอทะเลขึ้นมาทำให้รู้สึกเหนียวตัวเหนอะหนะจนต้องปลดกระดุมสามเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่เพื่อระบายอากาศ นัยน์ตากลมโตกวาดมองผิวน้ำไปเรื่อยเปื่อยอีกทั้งมือยังควานหาอะไรบางอย่างที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง  ซองบุหรี่ที่เหลือเกือบครึ่งพร้อมกับไฟแช็กถูกหยิบขึ้นมาถือเอาไว้ ฮานะจ้องมันด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางมันลงที่ข้างตัวโดยไม่สนใจที่จะหยิบมันขึ้นมาสูบเหมือนอย่างเคย

นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่เขาเริ่มรู้สึกได้ตั้งแต่มีพีทเข้ามาอยู่ข้างกาย...ฮานะไม่ได้สูบบุหรี่จัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และในหนึ่งสัปดาห์แทบจะนับวันที่เขาใช้มันได้เลยด้วย ทั้งๆที่เมื่อก่อนบุหรี่ซองหนึ่งแค่สองวันก็หมดเกลี้ยงแล้ว

เหตุผลหนึ่งที่ไม่แตะก็เพราะกลัวว่าอาการโรคภูมิแพ้ของพีทจะกลับมากำเริบอีก...แม้นเจ้าตัวจะไม่เคยออกปากห้ามซ้ำยังบอกว่าตัวเองหายขาดแล้วแต่ก็ยังไม่วางใจอยู่ดี

...และอีกอย่างเขารู้ว่าพีทเป็นห่วง...แต่เพราะเจ้าเด็กตัวโตไม่อยากจะทำตัวเซ้าซี้ให้เขาเบื่อต่างหากเลยเลือกที่จะอดทน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เข้าตั้งใจเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง

...เพราะอย่างน้อยๆการที่ทำให้อีกฝ่ายสบายใจ ก็ไม่ใชเรื่องที่หนักหนาอะไรมากนักหรอก

“ไง” เสียงทักคุ้นเคยที่อยู่ทางด้านหลังทำให้ต้องหลุดออกจากภวังค์ส่วนตัวโดยไว ฮานะหันไปมองบุคคลที่มาใหม่ก่อนจะรีบลุกหนีเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นเดินอ้อมมานั่งลงที่ม้านั่งตัวเดียวกัน แต่หนีไม่พ้นเมื่ออเล็กซ์เอื้อมมือมาดึงแขนเขาเอาไว้ก่อนจะออกแรงกระชากจนเสียหลักลงไปนั่งเกยอยู่บนหน้าตักของอีกฝ่าย

“อเล็กซ์! ปล่อยนะ” ฮานะออกแรงดิ้นทันทีเมื่อถูกโอบลงที่บั้นเอวและถูกซุกไซ้ลงซอกคออย่างจาบจ้วง กลิ่นของแอลกอฮอลล์ผสมกับน้ำหอมประจำตัวฉุนจนเขารู้สึกมึนหัว...ดูท่าแล้วอเล็กซ์คงกำลังเมาได้ที่

“อยู่เฉยๆน่า” เสียงทุ้มสั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ ยิ่งได้กลิ่นหอมสะอาดของผิวเนื้อขาวนวลเขาก็ยิ่งควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่...ผิวของฮานะยังคงเนียนนุ่มลื่นมือเหมือนอย่างเคย แต่กลิ่นหอมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนคงเป็นเพราะไม่มีกลิ่นของควันบุหรี่ผสมเจือปนอยู่

ปลายนิ้วร้อนลากผ่านบริเวณปลอกคอที่อีกฝ่ายสวมใส่ก่อนที่รอยยิ้มพึงพอใจจะปรากฏเมื่อได้รู้ว่าฮานะยังไม่ตกไปเป็นของคนอื่น...

“ปล่อยฉัน...นายไม่มีมีสิทธิ์ทำแบบนี้” ฮานะรวบรวมแรงทั้งหมดผลักร่างที่ใหญ่กว่าออกห่างแต่ก็ไม่พ้นตัวมิหนำซ้ำยังถูกรวบข้อมือเอาไว้อย่างแน่นหนา ริมฝีปากร้อนระอุและลมหายใจที่รินรดอยู่ใกล้ผิวแก้มทำให้ต้องหดคอหนีตามสัญชาตญาณ ชีพจรที่คงที่เริ่มเต้นถี่รัวเมื่อความกลัวเริ่มจับกุมจิตใจ

“แล้วใครมี” อเล็กซ์กดเสียงต่ำแววตาประกายกร้าวเต็มไปด้วยโทสะ “ไอ้หมอนั่นเหรอ หึ...น้ำหน้าอย่างมันจะทำอะไรได้ อย่างมากมันก็ทำได้แค่มองตาละห้อย...ไม่มีปัญญาที่จะทำให้นายพอใจได้หรอกน่า” ถ้อยคำดูถูกมากมายทำให้คนฟังรู้สึกชาที่ใบหน้า ฮานะกำมือแน่นก่อนจะออกแรงผลักอีกหนและคราวนี้กลับทำให้ฝ่ายหยุดชะงัก

“รู้ไหมว่าอะไรทำให้ฉันเห็นถึงความแตกต่างระหว่างนายกับพีท” ฮานะจดจ้องไปในแววตาคู่นั้นอย่างไม่เกรงกลัว นัยน์ตาสวยกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า “เพราะยิ่งได้เห็นธาตุแท้ของนายมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าที่ผ่านมาฉันโง่งมงายแค่ไหน...และถ้าจะต้องเทียบกับเขาคนนั้น”

“…”

“คนอย่างนาย...เทียบเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” เพียงแค่พูดจบก็ถูกฝ่ายนั้นบีบเข้าที่สันกรามจนปวดร้าวลามไปถึงแกนสมอง อเล็กซ์จ้องตอบกลับด้วยแววตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยไฟโทสะก่อนจะยิ้มแสยะออกมา

“หึ...ตรงไหนล่ะที่เทียบไม่ได้” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงต่ำก่อนจะถือวิสาสะกดริมฝีปากลงไปที่เรียวปากสีสดหนหนึ่งแล้วดึงมือของอีกฝ่ายมาวางที่บริเวณเป้ากางเกงของตัวเอง “ถ้าหมายถึงตรงนี้ละก็ฉันมั่นใจนะว่าสู้ได้”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ฮานะมองกลับอย่างโกรธเคือง ยิ่งอีกฝ่ายทำตัวไร้มารยาทมากเท่าไหร่ความชิงชังมันก็มีมากขึ้นเท่านั้น

“อยากจะรู้จริงๆว่าหมอนั่นมันยังจะรับได้ไหม” เสียงทุ้มกดต่ำ “...ถ้าต้องกินของเหลือจากผัวเก่าซ้ำไปซ้ำมา” รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นทันทีเมื่อลากมือลงมาที่อุปกรณ์ป้องกันตัวเองของพวกโอเมก้า

“จะทำอะไร” ฮานะสัมผัสได้ถึงความไม่น่าไว้วางใจบางอย่าง...กับปลอกคอของเขาอเล็กซ์เคยพยายามปลดมันมาแล้วหลายครั้งต่อหลายครั้งแต่เขาสามารถเอาตัวรอดมาได้ตลอด...แต่ครั้งนี้กลับให้ความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไป

...มันดูอันตรายมากกว่าทุกที..

   “ไม่!”

ผลั่ก!

 วินาทีที่ฝ่ายนั้นเอื้อมมือมาแตะที่ข้างคอจู่ๆร่างของอเล็กซ์ก็ล้มลงไปที่พื้นด้านข้างอย่างแรงจนทรายบริเวณนั้นแตกกระจายออกไปคนละทิศก่อนร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนจะปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วชกเข้าไปที่ใบหน้าอย่างจังจนอเล็กซ์ล้มฟุบลงไปที่พื้น

“เวรเอ๊ย!” ลิ่มเลือดถูกถ่มลงบนชายหาด นัยน์ตาสีฟ้าประกายโรจน์เมื่อจับจ้องไปยังฝ่ายตรงข้าม

และเพียงแค่ชั่วพริบตาสันหมัดก็ถูกกระแทกเข้ากับใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างจังจนตัวเซเพราะอีกฝ่ายก็มีรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างกัน

“ไอ้ระยำ” อเล็กซ์ถ่มน้ำลายลงพื้นพร้อมกับสบถด่าอย่างแค้นเคือง

“อเล็กซ์หยุดนะ!” ฮานะร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นอาศัยจังหวะที่พีทกำลังมึนเบลอถีบเข้าที่กลางท้องก่อนจะคว้าเอาท่อนไม้ที่อยู่บริเวณนั้นขึ้นมาถือเอาไว้เตรียมทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย ในตอนที่อเล็กซ์หวดไม้เข้าไปโชคดีที่พีทไหวตัวหลบทัน เด็กหนุ่มถอยออกมาให้มีระยะห่างก่อนจะใช้เท้าถีบเข้าที่ข้อพับขาของอีกฝ่ายจนล้มทรุดลงไปบนพื้น พีทอาศัยจังหวะนั้นเตะท่อนไม้ออกไปให้พ้นมือแล้วกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมาชกไม่ยั้ง

ไร้ซึ่งคำพูดอื่นใด มีเพียงน้ำหนักของกำปั้นเท่านั้นที่ทำหน้าที่แทนคำสบถและความโกรธที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ

“พีท...พอแล้ว” ฮานะเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาเพราะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าเอาไว้ได้ เขาทั้งร้องห้ามและร้องขอความช่วยเหลือจนลำคอแห้งผากแต่ก็ไม่สามารถหยุดคนทั้งคู่ได้

พีทในตอนนี้เหมือนเป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก...จากคนที่อ่อนโยนและใจเย็นมาโดยตลอดกลับดูเดือดดาลจนไม่น่าเข้าใกล้ ยิ่งฝ่ายนั้นไม่พูดเอาแต่รัวหมัดใส่อเล็กซ์อย่างเดียวนั้นก็ยิ่งทำให้พีทดูน่ากลัวขึ้นไปอีก ทั้งสองคนตะลุมบอนกันจนพื้นทรายบริเวณนั้นมีหยดเลือดบางส่วนซึมผ่าน

แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทุกอย่างจะเตลิดไปกันใหญ่ทีมงานที่เพิ่งวิ่งมาถึงก็จัดการจับตัวแยกทั้งสองคนออกห่างจากกันอย่างทุลักทุเลเพราะเรี่ยวแรงของทั้งสองนั้นมีมากจนผู้ชายตัวใหญ่ๆสามสี่คนเกือบจะห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ต่างฝ่ายต่างสภาพดูไม่จืดด้วยกันทั้งคู่ทั้งคิ้วแตกปากแตกหน้าช้ำกันไปตามระเบียบ

“อเล็กซ์ไหนคุณบอกจะกลับห้องไปพักผ่อน...แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผู้กำกับที่อาวุโสที่สุดเอ่ยถามเสียงเครียด ก่อนหน้านี้เพียงไม่นานพีทขอตัวออกมาตามหาฮานะเพราะเห็นว่าไม่กลับมาที่โต๊ะเสียที แต่หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงฮานะร้องลั่นขอความช่วยเหลือทุกคนเลยรีบวิ่งมาที่จุดเกิดเหตุ...นับว่าโชคดีที่มาห้ามเอาไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นเรื่องคงบานปลายไปมากกว่านี้

“มันต่อยผมก่อน” อเล็กซ์ออกปากอย่างฉุนเฉียวก่อนจะถ่มเลือดลงบนพื้นทั้งที่ตายังคงจับจ้องอยู่กับคู่อริ

“จริงหรือเปล่าพีท” ด้วยความที่เป็นคนกลางเขาจึงไม่อยากจะฟังความข้างเดียว แต่อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไรออกมาและทำเพียงพยักหน้ารับสารภาพอย่างยอมรับผิด เมื่อเห็นดังนั้นผู้กำกับก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะพยักหน้าอย่างปลงตก “ผมจะไม่ถามนะว่าพวกคุณทะเลาะกันเรื่องอะไร” เขาพูดเสียงเข้ม “เอาไว้กลับไปที่บริษัทเมื่อไหร่คงต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ทางคุณแกเรนได้ทราบ”

“ผมไม่ผิด...มันหาเรื่องก่อน” อเล็กซ์ยังคงโวยวายอย่างไม่ยอมแพ้แต่กลับถูกผู้กำกับปรามดุเอาไว้

“นั่นเป็นเรื่องที่คุณต้องไปอธิบายให้คุณแกเรนฟังไม่ใช่ผม” เขาตัดบทเอาไว้แค่นั้น ไม่สนใจสายตาโกรธเคืองที่อีกฝ่ายมองมา “เอาล่ะ ไปพักผ่อนได้แล้ว...พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับกันแต่เช้า”

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปฮานะก็หันมามองคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างกาย

พีทมองต่ำลงไปที่พื้น จังหวะการหายใจหนักแน่นราวกับเจ้าตัวกำลังอดทนอดกลั้นความรู้สึกบางอย่างอยู่ สันหมัดที่เปื้อนเลือดนั้นกำแน่นเข้าหากันจนสั่นเทา เห็นดังนั้นฮานะจึงวางมือลงบนท่อนแขนของอีกฝ่ายแผ่วเบาเพื่อเป็นการปลอบประโลมทางอ้อม

แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกมาจู่ๆกลับถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้จนใบหน้าฝังซุกลงไปบนแผ่นอกกว้างชื้นเหงื่อฮานะได้ยินเสียงจังหวะชีพจรที่เต้นรัวเร็วออกมาจนต้องยกมือขึ้นทาบเอาไว้ เขาถูกกอดอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานหลายสิบนาทีโดยที่พีทไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

เด็กหนุ่มเอาแต่วางคางลงบนศีรษะและกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นราวกับกลัวว่าคนในอ้อมกอดจะหนีหายไป

“พีท...ฉันไม่เป็นไร” ฮานะบอกเสียงแผ่วอีกทั้งยังพยายามลูบหลังปลอบให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

...พีทกำลังพยายามควบคุมสติอารมณ์ให้กลับคืนมาเป็นปกติ

“...ถ้าผมมาช้ากว่านี้” เสียงทุ้มต่ำพึมพำอยู่ด้านบน ฝ่ายนั้นกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นจนเขาเริ่มจะหายใจได้ลำบาก...แรงเยอะชะมัดเลย “ผมไม่น่าปล่อยให้ฮานะมาคนเดียวเลย”

“ไม่เป็นไรนะ” ฮานะหลับตาลงเพื่อฟังเสียงจังหวะหัวใจที่เริ่มกลับมาเต้นตามปกติ “ฉันผิดเองที่ไม่เชื่อเธอ” ใบหน้าสวยเงยขึ้นไปหาก่อนจะยืดตัวขึ้นจูบที่บริเวณปลายคางอย่างอ้อยอิ่ง

...จูบซ้ำไปมาเพื่อดูดซับความว้าวุ่นใจและช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวด

“ผมขอโทษ” ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นแนบลงข้างใบหน้าก่อนปลายนิ้วจะเกลี่ยไล้ข้างริมฝีปากอิ่มอย่างรู้สึกผิด นัยน์ตาสีเข้มทอประกายเศร้าเมื่อได้เห็นว่าสิ่งที่มีค่าของตนกำลังจะถูกคนอื่นทำลายลงไปต่อหน้าต่อตา

...ถ้าเกิดว่ามันเกิดขึ้นจริง...เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองอีกเลยตลอดชีวิต..

“ชู่ว...ไม่เป็นไร” ฮานะเอียงหน้าซบเข้ากับมืออุ่นก่อนจะช้อนตาขึ้นมองพร้อมกับรอยยิ้มบางเบาเพื่อให้อีกฝ่ายได้คลายความกังวลลง “ฉันไม่เป็นไร...อย่าโทษตัวเองเลยนะ”

“...”

   “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เขายกมือขึ้นบีบข้างใบหน้าของเจ้าเด็กตัวสูงเหมือนอย่างที่ชอบทำเสมอตอนที่อีกฝ่ายหน้าบึ้ง ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมากุมมือใหญ่เอาไว้พร้อมกับจรดจูบลงไปแผ่วเบา “…เธอช่วยฉันลบมันได้นะ”

   แสงของดวงจันทร์ที่สะท้อนสาดส่องเข้ามาในดวงตากลมโตทำให้เห็นประกายวาบหวามที่ทำให้คนมองนั้นต้องนิ่งงันราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์ เด็กหนุ่มมองตามเรียวปากสีสดที่ค่อยๆกดจูบไปตามข้อนิ้วของเขาก่อนฟันขาวจะขบมันแผ่วเบาตอนที่เจ้าตัวช้อนตาขึ้นมามองกัน

   “...”

   “พีท” เสียงที่มากไปด้วยเสน่ห์ถามย้ำอีกครั้ง “...ช่วยลบความทรงจำวันนี้ให้ฉันได้ไหม”

   …แทนคำตอบทั้งหมดก็ถูกช้อนตัวขึ้นอุ้มแนบอกจนลอยเหนือพื้น

ฮานะไม่มีท่าทีตกใจแม้สักนิดตรงกันข้ามกลับยกแขนขึ้นคล้องรอบลำคอแกร่งก่อนจะซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างที่อบอุ่นสำหรับเขาเสมอ…


___________________________________



คนที่ทุกคนคิดถึง(?)ได้กลับมาแล้วค่าา

ฮือออออ ด่าอเล็กซ์ได้แต่อย่าด่าพันไมล์นะคะ ฮือ แล้วก็ขอความกรุณาไม่ใช้คำหยาบน้า /กราบแนบตัก 

ขอให้ทุกคนเชื่อใจฮานะและเด้นเยอะๆน้า มาเอาใจช่วยทั้งสองคนด้วยกันนะคะ <3



ว่าแต่...ฮานะจะล่อลวงลูกเราอีกแล้วเด้นไม่รอดแน่ /เซฟน้องพีท

ฝากเม้นต์เป็นกำลังใจให้เด้นด้วยนาคับบ หรือจะมาพูดคุยกันที่แท็ก #ดอกไม้ของพีท ในTwitter ก็ได้เน้อ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 31-10-2019 22:52:22
ฮานะล่อลวงเจ้าหมาตัวโตตต


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 31-10-2019 23:27:43
#คิสดีไม่ได้เลย ลุ้นตอนหน้าด้วยใจจดจ่อ   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-11-2019 00:06:32
โกลเด้นจะกลายร่างเหรอ กี๊ดดดดดดดดดด
ตอนพุ่งเข้ามาต่อยใจเต้นตุ้บๆๆ  :m31:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 01-11-2019 01:37:36
คุณฮานะต้องดูแลตัวเองให้มากกว่านี้นะคะ ไม่งั้นเจ้าลูกหมาจะคลั่งแบบนี้อีกแน่เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 01-11-2019 10:05:18
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-11-2019 10:57:36
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 01-11-2019 12:13:54
 :z6:   ซัดมันอีกกกกกก ซัดมันเลยพีท อเล็กซ์ไสหัวไป
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-11-2019 23:03:08
หืมมมมมมมมม ตอนหน้าเราขอหวังได้ไหม :haun4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T E N : 31/10/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 02-11-2019 02:31:08
จริง ๆ ก็ควรโดนซะบ้างอเล็กซ์เนี่ย ทำตัวน่ารำคาญมากกกก :m31:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 08-11-2019 17:31:23
CHAPTER ELEVEN
_________________________________




ทันทีที่บานประตูปิดลงใบหน้าของทั้งสองคนก็เคลื่อนเข้าหากันราวกับว่ามีแรงดึงดูดมหาศาลทำงานเป็นตัวประสาน ริมฝีปากร้อนจัดบดเบียดกันราวกับว่าจะสามารถดับความกระหายที่เกิดจากความปรารถนาในเบื้องลึกของจิตใจได้ ต่างฝ่ายต่างดูดกลืนเรียวปากของอีกคนจนเกิดเสียงคลอแผ่วไปกับเครื่องปรับอากาศที่เริ่มทำงานหลังจากที่ถูกเสียบคีย์การ์ด แสงไฟสลัวจากบริเวณหัวเตียงช่วยเสริมให้บรรยากาศภายในห้องนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น

รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มของเตียงฮานะเชิดหน้าขึ้นสูงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดในตอนที่ถูกซุกไซ้ลงข้างซอกคอ เสียงหอบหายใจเป็นตัวกระตุ้นเร้าให้ชีพจรในร่างกายนั้นเต้นถี่เมื่อกระดุมเสื้อถูกปลดออกจากกันจนหมด และเพียงไม่นานเสื้อที่สวมใส่อยู่ก็ถูกร่นลงมากองบริเวณข้อพับแขน นัยน์ตากลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำแห่งห้วงอารมณ์จดจ้องไปยังคนที่ยืดตัวขึ้นถอดเสื้อออกจากตัว มัดกล้ามเนื้อตึงแน่นแผ่ไอร้อนระอุออกมาจนรู้สึกว่าถูกหลอมละลายเพียงแค่ได้จ้องมอง สีผิวที่เข้มขึ้นเล็กน้อยจากแดดเมื่อตอนบ่ายเมื่อถูกแสงสลัวของไฟจากหัวเตียงส่องกระทบกลับมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น

“อือ” เสียงแหบพร่ามากไปด้วยเสน่ห์คราเครือแผ่วเบาเมื่อถูกกดจูบลงข้างซอกคออีกครั้งและย้ำไปมาจนรู้สึกร้อนผ่าว ความอุ่นชื้นไล่ลงมาเล่นงานบริเวณไหปลาร้าได้รูปลามไปถึงหัวไหล่กลมกลึง ฮานะถูกอีกฝ่ายสอดมือเข้ามารองใต้แผ่นหลังก่อนจะถูกดันขึ้นจนแผ่นอกลอยเด่น ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงบนปลายยอดอกทำให้ทั้งร่างเกร็งสะท้านไหวและทันทีที่ความอุ่นชื้นกดประทับลงมาก็ทำให้ไม่สามารถกลั้นเสียงเอาไว้ได้ ภาพตรงหน้าทำให้รู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งร่าง ฮานะพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติเมื่อถูกกดจูบบริเวณเนินเนื้อหน้าอกจนรู้สึกชื้นแฉะ ในตอนที่ถูกเรียวลิ้นร้อนโฉบกระหวัดไปมาอย่างอ้อยอิ่งก็ยิ่งทำให้ต้องลงน้ำหนักมือที่วางไว้บนบ่ากว้างเพื่อเป็นหลักยึด

“พ...พีท ฉันขออาบน้ำก่อน” ฮานะร้องขอ  “อ...หยุด”

“…ค่อยอาบ..นะครับ” เด็กเอาแต่ใจยังคงซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกเขาแนบแน่นก่อนจะเลื่อนขึ้นมาที่บริเวณข้างซอกคอ

“ฉันเหนียวตัว” ฮานะบอกเสียงแผ่วและพยายามดันแผ่นอกอีกฝ่ายเอาไว้ “อาบน้ำก่อนเถอะ...นะ” แววตาคู่สวยช้อนมองอย่างออดอ้อนและมันก็ได้ผลเมื่อทำให้คนที่คร่อมอยู่เหนือร่างยอมผละออกห่าง ร่างสูงใหญ่เป็นฝ่ายลุกไปยืนอยู่ข้างเตียงก่อนจะยื่นมือมาให้เขาจับเพื่อเป็นหลักยึด

ฮานะเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะปลดเสื้อที่กองอยู่บริเวณศอกลงไปที่พื้นตามด้วยกางเกงขาสามส่วนและชั้นในจนร่างทั้งร่างเปลือยเปล่า...ทุกๆอิริยาบถของเขามีสายตาคู่นั้นมองตามแทบทุกวินาที ฝ่ามือเล็กเลื่อนออกไปจับที่ขอบกางเกงยีนของคนตรงหน้าก่อนจะค่อยๆรูดซิปกางเกงลงจนเห็นชั้นในสีเข้ม ทั้งคู่ยังคงประสานสายตากันอยู่จนกระทั่งต่างฝ่ายต่างเปลือยเปล่า

ภายในห้องน้ำนั้นกลับดูคับแคบลงไปถนัดตาเมื่อมีร่างสองร่างตระกองกอดกันอยู่ใต้ฝักบัว เสียงของสายน้ำที่ร่วงลงมากระทบกับพื้นนั้นดังคลอไปกับเสียงเฉอะแฉะของการบดเบียดริมฝีปากเข้าหากัน ร่างสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังโอบกระชับรอบเอวคอดเอาไว้อย่างมั่นคง ปลายนิ้วร้อนลากไล้ผ่านผิวเนื้อเปียกชุ่มก่อนจะบีบเคล้นลงบนรอยสักที่บริเวณสะโพกฝั่งขวา ผิวเนื้อขาวจัดขึ้นรอยแดงตามที่ปลายนิ้วลากผ่าน ร่างที่เล็กกว่ายืดตัวขึ้นจนลำคอเป็นเส้นตรงเพื่อตอบรับสัมผัสจากรสจูบที่เขาคอยปรนเปรอให้

มือที่ถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้ถูกเลื่อนให้โอบลงที่บริเวณด้านหน้าก่อนที่ปลายนิ้วจะลูบเข้าที่โคนขาขาวเนียนอย่างถือวิสาสะ เด็กหนุ่มลูบผิวเนื้ออ่อนไปมาอย่างหลงใหลก่อนจะลากขึ้นมาวางทาบลงบนแผ่นท้องแบนราบพร้อมกับเกลี่ยนิ้วโป้งเข้ากับจิวเพชรเม็ดเล็กที่ห้อยติดสะดือ ฮานะสะดุ้งแอ่นตัวโค้งจนทำให้บางส่วนแนบชิดเข้าหากันไปโดยปริยาย

“อื้ม...” เสียงคราเครือดังแผ่วเบาในตอนที่สัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มที่ดุนดันอยู่ที่กลางร่องสะโพก ฮานะบดเบียดตัวเข้าแนบชิดก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา “...ฉันทำให้” ว่าไว้แค่นั้นก็ดันร่างสูงใหญ่ของอีกคนไปแนบติดกับผนังก่อนจะเอื้อมมือลงไปกอบกุมบางส่วนที่ตื่นตัวเต็มที่มาได้สักพัก ทันทีที่อุ้งมือสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุเจ้าตัวก็ต้องชะงักและลมหายใจสะดุดเมื่อได้เห็นขนาดตัวตนของอีกฝ่าย

   ...ให้ตายสิ..กำแทบไม่รอบเลยด้วยซ้ำ..

   และก่อนที่ความคิดจะฟุ้งซ่านไปมากกว่าที่เป็นก็ถูกอีกคนช้อนเข้าที่ใต้คางแล้วดันใบหน้าให้เงยขึ้นเพื่อรับจูบอ้อยอิ่ง ฮานะใช้นิ้วนวดคลึงตามความยาวให้อย่างเอาอกเอาใจก่อนจะลูบผ่านบริเวณส่วนปลายไปมาจนใครอีกคนลมหายใจสะดุดกล้ามท้องเกร็งขึ้นเป็นลูกชัดเจน

   “เคยทำมาก่อนไหม” ฮานะเงยหน้าถามเสียงพร่าและกดจูบลงที่ปลายคางได้รูปย้ำไปมา “ไม่นับที่ทำเองนะ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยจัดตอนที่เห็นว่าเด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

   “...” พีทขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณกลางกาย อุ้งมือนุ่มที่คลึงอยู่ส่วนนั้นทำให้เขาเจียนจะคลั่งตาย

   “หน้าเครียดเชียว” ฮานะยิ้มขำก่อนจะยืดตัวขึ้นจูบปลายคางอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลม “…เด็กดี”

   “…ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำถูกเค้นรอดไรฟันเมื่อความกดดันทั้งหมดมารวมกันอยู่ที่บริเวณส่วนปลาย ยิ่งฮานะเร่งจังหวะและลงน้ำหนักมือมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งควบคุมสติยากขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนทำให้จังหวะชีพจรนั้นเต้นรัวเร็วจนแทบทะลุออกมาจากอก พีทก้มลงมองมือเล็กที่ปรนเปรอตัวตนของเขาด้วยสีหน้าที่เหยเกเพราะถูกความเสียวซ่านเล่นงานจนไม่สามารถอยู่เฉยได้ เด็กหนุ่มโอบเข้าที่ช่วงเอวคอดกอดจะออกแรงกอดแน่นพร้อมกับก้มลงไปประกบจูบอย่างดุเดือด

   และเพียงไม่นานแรงอารมณ์ทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนล้นฝ่ามือลามไปถึงบริเวณแผ่นท้องบาง ฮานะผละหน้าออกมาก่อนจะก้มลงมองคราบน้ำข้นหนืดที่เปรอะอยู่บริเวณหน้าท้อง และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆเรียวนิ้วกลับปาดมันขึ้นมาแล้วยกขึ้นแลบเลียทำความสะอาดจนเกลี้ยง ทำเอาคนที่เฝ้ามองถึงกับร้อนวูบจนร่างแทบหลอมละลายไปกับอุณหภูมิร้อนจัด เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหนักเพื่อระบายความกดดันทั้งหมดที่มี

   “...ขอโทษครับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบาก่อนจะซบใบหน้าลงกับลาดไหล่เล็ก

   ...น่าขายหน้าชะมัด..

   “คิดมากเกินไปแล้ว” ฮานะยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจและมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติเสียมากกว่า...เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงวัยแตกหนุ่มมาหมาดๆจะถูกกระตุ้นเร้าได้ง่ายเพราะไวต่อการสัมผัส “ที่เป็นแบบนี้...ก็เพราะเธอรู้สึกดีมากๆใช่ไหมล่ะ” เขาถามย้ำพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลม

   พีทพยักหน้ารับเพราะเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ...มันดียิ่งกว่าตอนที่ทำด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำไป

   ...และอีกอย่าง...เพราะเป็นฮานะมันจึงรู้สึกมากเกินกว่าปกติ..

   “พอหรือยัง” รอยยิ้มแฝงความนัยน์ที่ปรากฏบนใบหน้าสวยทำให้เด็กหนุ่มตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง

   แทนคำตอบทั้งหมดร่างขาวนวลก็ถูกช้อนอุ้มขึ้นแนบแผ่นอกกว้าง ฮานะยกแขนขึ้นคล้องรอบลำคอของอีกฝ่ายก่อนจะกดใบหน้าลงมาเพื่อประกบจูบแนบแน่น รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสกับความนุ่มของเตียงหลังใหญ่ที่ยวบลงตามน้ำหนักของพวกเขาทั้งสอง สัมผัสชื้นแฉะและหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนผิวเนื้อนั้นทำให้ทุกการขยับเคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างกายเรียบลื่น

   ริมฝีปากร้อนจัดไล่จูบตั้งแต่ซอกคอขาวลงมาถึงแผ่นอกอย่างอ้อยอิ่งและไม่ได้ทิ้งรอยประทับเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ใบหน้าคมเข้มลอบขึ้นมองคนที่นอนตัวอ่อนอยู่ใต้ร่าง ฮานะหน้าแดงจัด...แดงไปทั้งตัว

   “อื้อ” เสียงครางสั่นสะท้านดังแว่วขึ้นเมื่อถูกเรียวลิ้นร้อนสัมผัสบริเวณส่วนปลายยอดอกที่กำลังตั้งชัน ส่วนอ่อนไหวขึ้นสีแดงก่ำเมื่อถูกดูดซ้ำไปมาจนเนินเนื้อเริ่มนูนขึ้น “ห...ห้ามกัดนะ” ฝ่ามือออกแรงดันไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อถูกฟันคมครูดไปกับผิวเนื้ออ่อน

   พีทยังคงวนเวียนอยู่กับหน้าอกของเขาจนรู้สึกได้ว่าผิวบริเวณนั้นเปียกชุ่ม ฮานะสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้มก่อนจะออกแรงขยุ้มเมื่อถูกเล้าโลมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ความอุ่นชื้นไล่ลงต่ำไปหยุดอยู่ที่แอ่งสะดือทั้งร่างสะท้านไหวเมื่อจิวเงินที่ห้อยอยู่ถูกอีกฝ่ายเลียวนรอบก่อนจะงับคาบเอาไว้ เสียงร้องหวีดหวิวดังคลอในตอนที่นัยน์ตาคมช้อนขึ้นมามองกัน ประกายคุโชนตรงหน้าทำให้ต้องกัดริมฝีปากเอาไว้เพื่อระงับความรู้สึกรุนแรงที่พุ่งโจมตี

   เพราะที่ผ่านมานั้นร่างกายคุ้นชินกับความรุนแรงและเจ็บปวด พอถูกเล้าโลมอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยการกระทำที่แสนอ่อนโยนแบบนี้เขาเลยไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทาน

   จากตอนแรกที่คิดว่าตัวเองจะเป็นผู้นำ...ตอนนี้กลับมีสภาพไม่ต่างจากขี้ผึ้งลนไฟ...

   “ฮ..อึก” ฮานะเม้มริมฝีปากจนซีดก่อนจะเชิดหน้าขึ้นจนลำคอเป็นเส้นตรงเมื่อถูกพรมจูบลงบนท้องน้อยย้ำไปมา

   ร่างขาวนวลบิดกายเร่าทั้งพยายามหุบเรียวขาเข้าหากันแต่ติดที่ว่าอีกฝ่ายจับเข้าที่ต้นขาแล้วแทรกตัวเข้ามาตรงกลาง เด็กหนุ่มพรมจูบที่บริเวณผิวเนื้ออ่อนข้างซอกขาเรียบเนียนและถือวิสาสะทิ้งรอยเอาไว้บางส่วนจนเป็นที่น่าพอใจก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ส่วนกลางกายของอีกฝ่ายแทน

   “พ..พีทอย่า! อ๊า!” ฮานะร้องออกมาเมื่อส่วนนั้นถูกดูดกลืนเข้าไปในโพรงปากร้อน ความรู้สึกรุนแรงที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้ทั้งตัวสะท้านไหวรุนแรงจนยากที่จะควบคุม เรียวลิ้นที่โลมเลียอยู่ที่บริเวณส่วนปลายนั้นรัวเร็วจนทำให้เขาเจียนจะคลั่งแล้วก็ต้องจิกมือลงบนผ้าปูที่นอนจนยับย่นเมื่อฝ่ายนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ช่องทางด้านหลังที่เริ่มรู้สึกร้อนผ่าว

   ความรู้สึกแปลกประหลาดพุ่งโจมตีทันที่เมื่อถูกเลียบริเวณส่วนนั้นจนเปียกชุ่ม...

   ...แม้แต่กับอเล็กซ์เองที่เคยมีเซ็กส์กันมาหลายครั้งก็ยังไม่เคยทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำไป..

   “ไม่ อ..พอแล้ว” ฮานะเริ่มสะอื้นจนน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าสวยส่ายไปมาบนหมอนจนเส้นผมฟุ้งกระจายก่อนจะแอ่นสะโพกตอบรับลิ้นร้อนที่กำลังปรนเปรอเขาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ “พีท! ...อ...อื้อ!”

   ความอ่อนโยนก่อนหน้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนเพียงชั่วพริบตาเมื่อสัญชาติญาณดิบถูกปลุกเร้าขึ้นมาเหนือขีดจำกัด

   ฮานะถูกอีกฝ่ายดันช่วงสะโพกขึ้นจนลอยเหนือเตียงก่อนจะสานต่อทุกอย่างโดยไม่คิดจะหยุดพัก และเพียงเสี้ยววินาทีก็รู้สึกร้อนวูบทั่วทั้งตัวก่อนจะสั่นสะท้านอย่างแรงเมื่อไม่สามารถอดทนกับความรู้สึกวาบหวามที่อีกฝ่ายมอบให้ บริเวณส่วนกลางกายขึ้นสีแดงก่ำและช่องทางที่รองรับนั้นก็ร้อนจัดจนรู้สึกราวกับว่าถูกละลาย แผ่นอกขาวขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจหอบหนักฮานะยกแขนขึ้นมาปิดตาเอาไว้เมื่อยังรู้สึกว่าสติยังไม่กลับเข้าตัว

   “ฮานะ” เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกทำให้ต้องลืมตาขึ้นมอง...แล้วภาพที่ได้เห็นก็ทำให้ใบหน้านั้นร้อนเสียยิ่งกว่าเก่า

   ภาพของอัลฟ่าตัวโตที่ใบหน้าขึ้นสีแดงจัดนั้นมีแววตาที่มากล้นไปด้วยความต้องการจนปิดไม่มิด แต่สิ่งที่ทำให้ต้องนึกหวาดหวั่นคือบริเวณกลางกายที่มีขนาดใหญ่มากกว่าปกตินั่นต่างหาก...กลิ่นอายร้อนระอุที่แผ่กระจายออกมาทำให้ต้องเสหน้าหลบออกไปอีกทาง

   ให้ตายสิ...มันใหญ่ขึ้นและดูน่ากลัวกว่าตอนที่อยู่ในห้องน้ำซะอีก..

   จู่ๆฮานะก็เกิดความรู้สึกกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งถูกอีกฝ่ายมองด้วยสายตาแบบนั้นมันก็ยิ่งอยากจะซุกตัวหนีเข้าไปในเตียงเสียให้รู้แล้วรู้รอด...

   ไม่ต้องทำตาอ้อนเลยนะ!

   “รอก่อนนะ” ว่าไว้แค่นั้นก็ลุกเดินไปหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้...

   ...เจลหล่อลื่นแบบซองและถุงยางอนามัย

   เป็นของสำคัญที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเผื่อเวลาฉุกเฉิน

   “เธอ...ใส่ได้หรือเปล่า” ฮานะยังคงลังเลเพราะไม่มั่นใจว่าไซส์ที่เขามีนั้นอีกฝ่ายจะสวมมันได้พอดีไหม

...ขอให้ไม่เล็กเกินไปก็พอ..

   แทนคำตอบเด็กหนุ่มก็รับของทั้งสองชิ้นไปจัดแจงด้วยตัวเองเสร็จสรรพ ซึ่งขนาดของมันก็พอดีกับเจ้าส่วนนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่สุดความยาวก็เถอะ...

   “เอาล่ะ...” ฮานะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะสั่งให้อีกฝ่ายนอนราบไปกับเตียง “ฉันจะทำเอง...เธออยู่เฉยๆก็พอ”

   บอกตามตรงว่ายังแอบหวั่นกับขนาดตัวที่ต่างกันระหว่างเขากับเจ้าเด็กตัวโตเพราะอย่างนี้ถึงต้องขอเป็นฝ่ายควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง…แม้จะมีสารหล่อลื่นตามธรรมชาติแต่มันก็ยังไม่มากพอเมื่อเทียบกับขนาดตัวของอีกฝ่ายเขาจึงจำเป็นต้องใช้ตัวช่วยเพิ่ม...ไม่อย่างนั้นล่ะเจ็บหนักแน่

   ฮานะขึ้นไปบนเตียงก่อนจะคร่อมช่วงตัวสูงใหญ่เอาไว้เจลหล่อลื่นอีกซองที่วางอยู่ถูกหยิบมาใช้ สัมผัสลื่นเย็นปาดไล้เข้าบริเวณร่องสะโพกจนเปียกชุ่มก่อนจะต้องส่งเสียงครางหวิวออกมาเมื่อคนใต้ร่างให้ความร่วมมือโดยการใช้มือลูบวนอยู่บริเวณสะโพกและอาศัยจังหวะที่เขาเผลอกดนิ้วเข้ามาด้านใน

   “ค่อยๆเข้ามานะ” ร่างเล็กบอกเสียงพร่าก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวนั่งทับลงบนหน้าขาแข็งแรง “อ..ไหนบอกว่าไม่เคยทำไง” ฮานะจิกเล็บลงบนแผ่นท้องแข็งแรงเพื่อระบายความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน

   “...ฮานะ” เด็กหนุ่มเรียกด้วยน้ำเสียงแหบพร่าทำเอาคนฟังถึงกับสะท้านไหว “คุณน่ารักมาก”

   “เงียบไปเลย...อื้อ!พีท..ตรงนั้น” ฮานะเกร็งกระตุกเมื่อปลายนิ้วยาวกดโดนจุดอ่อนไหวภายในกาย “..เอานิ้วออกไปได้แล้ว...เจ้าเด็กเกเร”

   ฝ่ายนั้นทำตามอย่างว่าง่าย เขาคุกเข่าขึ้นจนสะโพกอยู่เหนือบางส่วนที่กำลังตั้งชันฮานะเอื้อมมือไปด้านหลังก่อนจะกอบกุมความร้อนจัดเอาไว้พร้อมทั้งขยับรูดรั้งจนได้ยินเสียงทุ้มต่ำครางออกมาอย่างสุขสม ความเหนอะหนะที่เปียกชุ่มร่องสะโพกหยดย้อยลงมาถึงซอกขา

   ฮานะจับส่วนปลายมาจ่อไว้ที่บริเวณปากทางก่อนจะค่อยๆทิ้งน้ำหนักตัวลงไปทีละนิด คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น หยดเหงื่อผุดซึมออกมาข้างขมับชื้น ริมฝีปากล่างถูกกัดจนซีดเซียวเมื่อความเจ็บเสียดแล่นริ้วขึ้นมากลางกระดูกสันหลังในตอนที่เขารับส่วนปลายเข้ามาได้เพียงแค่ครึ่งเดียว

   “อ..อึก”

   ...ไม่...ไม่ได้

   ...ไม่ไหว...พีทตัวใหญ่เกินไปสำหรับเขา...



(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 08-11-2019 17:32:24




“ฮานะ” เสียงเรียกของอีกฝ่ายไม่มีผลกับคนที่กำลังสูดลมหายใจเข้าออกอย่างใช้สมาธิ “...ฮานะครับ”

   “อื้อ...อย่าเพิ่งขยับนะ” ทันทีที่ช่วงตัวสูงใหญ่ขยับขึ้นนั่งพิงหัวเตียงส่วนล่างที่ยังคงเชื่อมต่อกันอยู่นั้นก็ได้รับผลกระทบจนทำให้คนที่รองรับรู้สึกจุกหน่วงไปทั่วบริเวณท้องน้อย “…พีท..อ..ช่วยที” ร้องขอเสียงพร่าเมื่อรับรู้ได้ว่าช่วงขานั้นสั่นเทาจนแทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่

   “ฮานะ..” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนก่อนจะกดจูบลงที่ข้างขมับชื้นเหงื่อ “ให้ผมเอาออกก่อนนะครับ” พีทพูดอย่างใจเย็นทั้งที่จริงแล้วเขาเองก็ทรมานไม่ต่างกันเพราะถูกช่องทางอุ่นโอบรัดเอาไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บตามไปด้วย

   ...แล้วฮานะที่เป็นฝ่ายรองรับจะทรมานมากแค่ไหน..

   “ม..ไม่เป็นไร” คนอายุมากกว่าปฏิเสธเสียงสั่น...ลึกๆแล้วเขาเองก็ไม่อยากจะเสียอาการต่อหน้าเด็กอายุยี่สิบสองนักหรอก...ถ้าเจ้าตัวไม่โตเกินวัยมากขนาดนี้... “เธอแค่ช่วยฉันก็พอ อื้อ พีท...บอกว่าอย่างเพิ่งขยับ” ฮานะร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆฝ่ายนั้นก็ขยับสะโพกจนบางส่วนที่ร้อนจัดบดเบียดอยู่ในช่องทางคับแคบ พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังพยายามอดทนจนเส้นเลือดที่ข้างขมับเต้นตุบ

   “ฮานะ...ผม..” เด็กหนุ่มเค้นเสียงต่ำพร้อมแหงนเชิดใบหน้าจนลำคอเป็นเส้นตรงเมื่อรู้สึกได้ถึงความวาบหวามที่พุ่งเข้ามาโจมตีในตอนที่มองเห็นว่าฮานะรับตัวตนเขาเข้าไปจนเกือบหมด ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วทั้งกายยิ่งถูกช่องทางเล็กรัดแน่นเขาก็ยิ่งควบคุมสติตัวเองได้ยากขึ้นทุกที ภาพตรงหน้าพร่าเบลอไปหมด พีทกระชับช่วงเอวเล็กเอาไว้ก่อนจะขยับสวนขึ้นไปจนบางส่วนผลุบหายเข้าไปในตัวฮานะจนหมด

   “อ..พีท!” ฮานะเสียงสั่นเมื่อถูกกระแทกเข้ามาทีเดียวจนสุด ความจุกเสียดแล่นขึ้นมาแน่นเต็มช่วงท้องน้อย...เขาจุกจนน้ำตาซึมออกมาทางหางตา “ใจเย็นๆ...เด็กดี” เรียวแขนเล็กโอบรอบลำคอฝ่ายนั้นเอาไว้พร้อมกับค่อยๆปลอบประโลมอย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อรับรู้ได้ว่าคนใต้ร่างนั้นเริ่มควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่

   ...เพราะเป็นครั้งแรกอีกฝ่ายจึงยังไม่สามารถคุมแรงอารมณ์เอาไว้ได้

   ยิ่งได้เห็นว่าใบหน้าคมเข้มเหยเกด้วยความวาบหวามก็ทำให้เขาต้องลอบยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะลูบหน้าผากชื้นเหงื่อแล้วกดจูบลงไป ฮานะยืดตัวให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าและประคองใบหน้าของอีกฝ่ายขึ้นมาป้อนจูบดูดดื่มเพื่อดึงความสนใจจากช่วงล่างที่ยังคงประสานกันแนบแน่น

   “จูบฉัน” ฮานะกระซิบแนบชิดเรียวปากที่บดจูบ “..อื้ม”

   เรียวลิ้นที่สอดลึกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดในโพรงปากทำให้รู้สึกลุ่มหลงจนลืมสิ้นความเจ็บปวดที่ช่วงล่าง ฮานะยกสะโพกขึ้นสูงก่อนจะค่อยๆกดตัวลงมาอย่างเนิบนาบ จังหวะที่สอดประสานนั้นค่อยเป็นค่อยไปจนแทบหลอมละลายกลายเป็นเนื้อเดียว หยาดเหงื่อของทั้งคู่ไหลรวมผสานกัน ผิวเนื้อแนบชิดไปทุกสัดส่วน เสียงกระทบกันของหนั่นเนื้อดังขึ้นอย่างหยาบโลนเป็นตัวกระตุ้นชั้นดี

   จากเนิบนาบแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรง...

ลมหายใจที่รินรดปัดผ่านผิวกายเร่งให้อุณหภูมิในร่างสูงขึ้น

   “ฮานะ...” เสียงทุ้มสั่นพร่าในตอนที่ความอดทนเริ่มจะหมด เด็กหนุ่มโอบกระชับช่วงสะโพกเล็กเอาไว้แน่น ฝ่ามือบีบเคล้นรอยสักบนผิวเนื้อขาวจัดจนขึ้นปื้นแดง พีทซุกหน้าลงกับซอกคอขาวก่อนจะพรมจูบลงไปพร้อมกับทิ้งรอยลงบนแผ่นอกที่ถูกกัดจนขึ้นสี

   “อ...ร...แรงไปแล้ว พีท!” ฮานะร้องบอกด้วยเสียงที่สั่นเครือในระหว่างที่ถูกกระแทกกระทั้นจนตัวคลอน เขายึดช่วงบ่ากว้างเอาไว้และพยายามเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสติหลุดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยเพราะสะโพกสอบที่สวนกายอย่างหนักหน่วงนั้นเข้ามาลึกจนรู้สึกแน่นไปทั่วทั้งช่องท้อง

   รู้ตัวอีกทีก็ถูกพลิกให้ลงมานอนใต้ร่าง แผ่นหลังจมหายลงไปกับเตียงในตอนที่รองรับน้ำหนักจากคนด้านบน

   เรียวขาขาวถูกยกขึ้นไปพาดลงบนช่วงบ่ากว้าง ฮานะร้องครางอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ในตอนที่เห็นว่าอีกฝ่ายขบกัดลงบนปลีน่องเกลี้ยงเกลาและไล่จูบลงไปจนถึงหลังเท้าเปลือย

   “อ..พีท....มันสกปรก” เขาร้องประท้วงด้วยใบหน้าที่ร้อนจัดในตอนที่ถูกฝ่ายนั้นพรมจูบไปทั่วทั้งข้อเท้าพร้อมกับทิ้งรอยฟันเอาไว้

   นอกจากร่างสูงใหญ่จะไม่หยุดการกระทำดังกล่าวแล้วยังทำให้เขาต้องรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นโดยการช้อนเข้าที่ใต้ข้อพับขาแล้วจับแยกออกจากกันจนเห็นหมดทุกสัดส่วน ฮานะแอ่นกายขึ้นรองรับช่วงล่างที่สวนเข้ามารัวเร็วก่อนจะเอื้อมมือไปดันแผ่นท้องแข็งแรงเอาไว้เมื่อรู้สึกมากเกินกว่าที่จะรับไหว

   แต่ยังไม่ทันที่จะถึงฝั่งฝันจู่ๆกายใหญ่กลับถอนออกไปจากตัวทีเดียวจนหมดทำให้ฮานะรู้สึกวูบโหวงคล้ายกับกำลังตกลงจากที่สูง อารมณ์ที่คั่งค้างทำให้ต้องก้มลงไปมองตามแล้วก็ต้องเผลอกัดริมฝีปากเมื่อเห็นว่าเครื่องป้องกันที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่นั้นฉีกขาดบริเวณส่วนปลาย

   ...มันคงเล็กเกินไปสำหรับพีทจริงๆ..

   ฮานะนอนมองคนที่นั่งแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาด้วยใบหน้าที่ร้อนจัดเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังรูดรั้งตัวตนของตัวเองทั้งที่ตายังคงจับจ้องมองลงมาที่ร่างเปลือยเปล่าของเขา ใบหน้าคมเข้มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกมากเกินกว่าที่จะรับไหวอีกทั้งมืออีกข้างยังเอื้อมมาช่วยปรนเปรอหวังให้เขาเสร็จสมไปพร้อมกัน

   “พีท...เข้ามาในตัวฉัน”

ฮานะร้องขออย่างลืมอาย...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องการจนแทบทนไม่ไหว

   “...” เด็กหนุ่มยังคงลังเลเพราะไม่อยากจะเอาเปรียบไปมากกว่านี้

   “..ไม่เป็นไร” ฮานะส่ายหน้าทั้งน้ำตาพร้อมบิดกายเร่า “…ใส่เข้ามาได้เลย-อะ!”

   แล้วถ้อยคำกลับกลืนหายเมื่อบางส่วนที่ร้อนจัดดุนดันเข้ามาภายในช่องท้องอีกครั้ง...แต่คราวนี้เมื่อไร้เครื่องป้องกันจึงสัมผัสได้ว่าผิวเนื้อเปลือยเปล่าที่แนบชิดกันนั้นร้อนจัดคล้ายกับแท่งเหล็กที่ถูกลนไฟ จังหวะสอดประสานหนักแน่นรัวเร็วจนบริเวณปากทางที่รองรับนั้นถูกเสียดสีจนร้อนจัด

   “ฮานะ..ผมไม่ไหว” เด็กหนุ่มเค้นเสียงรอดไรฟันเมื่อใกล้หมดความอดทน “..ให้ผม...ข้างนอก”

…เพราะถ้ายังขืนสอดใส่อยู่แบบนี้เขาคงทำให้ฮานะแปดเปื้อนอย่างแน่นอน

   “ไม่...ไม่เป็นไร” แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถอนตัวออก เรียวขาขาวที่โอบกระหวัดอยู่รอบเอวกลับรัดสะโพกเขาเอาไว้แน่นก่อนจะออกแรงกดให้ดันตัวลึกเข้าไปมากกว่าเก่า “..ปล่อยเข้ามา...ในตัวฉันได้” ริมฝีปากอิ่มถูกขบจนซีดเซียวฮานะหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกร้อนวูบไปทั่วช่องท้อง

   “แต่..”

   “..เร็วเข้า-อื้อ!” สิ้นคำคำนั้นสะโพกก็ถูกกระชับตอกอัดหนักหน่วงอยู่เพียงครู่ก่อนของเหลวร้อนจัดจะถูกปลดปล่อยเข้ามาภายในช่องทางจนแน่นไปทั่วท้อง

   ฮานะตัวสั่นสะท้านบิดเร่าก่อนจะกรีดร้องออกมาอย่างสุขสม เขาโอบกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่นเพื่อเป็นหลักยึด และเพียงไม่นานของเหลวที่อีกฝ่ายเพิ่งจะปลดปล่อยออกมาก็ล้นเปรอะตรงซอกขาจนหยดลงบนผ้าปูที่นอน

   “ฮานะ” พีทค่อยๆถอนกายออกก่อนจะก้มลงมองช่องทางที่รองรับเขาอย่างเป็นกังวล...มันบวมแดงและมีเลือดเจือปนออกมาเล็กน้อย เห็นดังนั้นความรู้สึกหนักอึ้งก็กลับมาเล่นงานทำให้เขาอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ “เดี๋ยวผมทำความสะอาดให้”

   ...ทั้งที่ตั้งใจจะทนุถนอมแท้ๆ...แต่กลับทำให้ฮานะต้องเจ็บตัว..

   “ไม่เป็นไร..” ฮานะตอบกลับเสียงแผ่วทั้งพยายามปรือตามองคนที่อยู่เหนือร่างด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข “…ฉันไม่ท้องหรอก”

   “ผมขอโทษ” เด็กหนุ่มลงไปนอนกอดร่างบอบบางเอาไว้แนบอก

   “ฮื่อ” สติที่เริ่มจางหายทำให้ต้องซุกใบหน้าลงกับอ้อมอกอุ่น...อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าเซ็กซ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นมันทำให้เขารู้สึกดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาทั้งที่ไม่ได้เร่าร้อนวาบหวาม แต่กลับชวนให้จิตใจสั่นไหวอย่างรุนแรง “ไม่ต้องคิดมากนะ...ฉันโอเค”

   ใบหน้าสวยจัดที่ทอแววอ่อนแรงยกยิ้มบางเบาก่อนจะซุกตัวเข้าหาอีกฝ่ายราวกับกำลังโหยหาไออุ่น “แค่เป็นเธอ...มันก็ดีมากแล้วจริงๆ..”

   ท่ามกลางความรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่นสัมผัสอบอุ่นจากอ้อมแขนแกร่งทำให้รู้สึกสบายตัวจนต้องขดกายเข้าหาก่อนผ้าชุบน้ำอุ่นจะซับลงมาตามผิวกายอย่างนุ่มนวล “ล้างตัวก่อนนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่พูดประชิดข้างแก้มทำให้ต้องหันหน้าหนีอย่างนึกรำคาญใจ ฮานะปล่อยให้ใครอีกคนจับพลิกซ้ายขวาไปมาตามใจชอบ

   “ฮานะ”

   “…”

   สัมผัสแผ่วเบาประทับลงบนหน้าผากมาจนถึงริมฝีปาก...นุ่มนวลและอ่อนหวานราวกับอยู่ในความฝัน

   “…ผมรักคุณ”

   ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวทำให้ฮานะรู้สึกตัวตื่น แสงแดดที่ลอดผ่านม่านโปร่งใสของทางโรงแรมเข้ามากระทบเข้ากับใบหน้าทำให้ต้องกระพริบตาเพื่อปรับสภาพปอยผมบางส่วนที่ตกระลงมาเคลียแก้มถูกปลายนิ้วทัดเอาไว้หลังใบหู เขาขยับตัวไปมาเมื่อรู้สึกอึดอัดและหนักบริเวณช่วงเอว แต่พอก้มลงไปมองก็ได้พบเหตุผล

   ...ใครบางคนนอนกอดกันเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ..

   พีทยังคงหลับสนิทดูท่าจะสบายอยู่ไม่น้อยเพราะลมหายใจนั้นอยู่ในจังหวะที่สม่ำเสมอ ร่างเล็กค่อยๆพลิกตัวลงนอนคว่ำอย่างระมัดระวังเพราะเกรงว่าจะไปปลุกอีกฝ่ายเข้าก่อนจะค้ำศอกลงบนพื้นเตียงแล้วนอนมองใบหน้าคมเข้มที่ดูผ่อนคลายอย่างนึกเอ็นดู

   แสงแดดอุ่นที่ส่องกระทบเข้าข้างใบหน้าอีกฝ่ายทำให้เห็นสันกรามได้รูปก่อนปลายนิ้วจะแตะลงที่ข้างริมฝีปากที่คอยป้อนจูบเขามาตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา ฮานะมองตามการขยับเคลื่อนไหวเจือปนรอยยิ้ม รู้ตัวอีกทีก็ยื่นหน้าเข้าไปลักหลับเจ้าเด็กขี้เซาโดยการกดจูบลงไปบนเรียวปากและซ้ำที่ข้างสันกรามอีกครั้งทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นคงเพราะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนเวลาพักผ่อน พีทกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นทำให้เนื้อตัวเปลือยเปล่าของพวกเขาแนบชิดกันจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากผิวเนื้อร้อนระอุ

   แต่แล้วเสียงข้อความจากโทรศัพท์ที่วางไว้หัวเตียงก็ดังขึ้นทำให้ฮานะต้องผละตัวออกห่างจากอกอุ่นอย่างนึกเสียดาย ร่างขาวนวลค่อยๆขยับลุกขึ้นยืนบนพื้นอย่างระมัดระวังเมื่อรู้สึกเจ็บเสียดที่บริเวณช่วงล่าง

   ...เมื่อคืนพีทไม่ได้รุนแรงกับเขาก็จริงแต่เพราะขนาดตัวที่ต่างกันมากจึงทำให้ร่างกายยังไม่คุ้นชิน..

   ข้อความล่าสุดมาจากหนึ่งในลูกทีมเพื่อย้ำเตือนเวลาของไฟล์ทบินกลับและต้องเช็กอินในอีกชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ฮานะหันไปมองคนที่กำลังนอนหลับปู๋ยอยู่บนเตียงก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

   (ผมกับพีทจะตามไปทีหลัง...พวกคุณกลับก่อนได้เลย)

   เห็นเจ้าโกลเด้นท์นอนหลับอย่างสบายใจแบบนั้นเลยไม่อยากจะไปรบกวนสักเท่าไหร่...

…ก็แค่ต้องจองไฟล์ทใหม่...ถือโอกาสนี้แอบอู้ไปด้วยเลยก็แล้วกัน

หลังจากที่บุ๊คกิ้งตั๋วกลับช่วงเย็นไปฮานะก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายให้รู้สึกสดชื่นโดยการนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างเพื่อให้กระแสน้ำช่วยคลายความเมื่อยล้าให้จางหายไป หลังจากนั้นร่างขาวนวลก็เดินออกมายืนอยู่บริเวณหน้ากระจก ภาพสะท้อนที่ได้เห็นทำให้ต้องยกมือขึ้นลูบไปตามผิวกาย

รอยจูบเจือจางที่ประทับอยู่บริเวณใต้ไหปลาร้าและแผ่นอกยังคงหลงเหลือความอุ่นของเจ้าของสัมผัส

ฮานะเม้มปากจนเป็นเส้นตรงเมื่อรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าเพราะไม่เคยได้สัมผัสกับบรรยากาศเช่นนี้หลังจากที่ผ่านการมีเซ็กส์มา...แม้แต่กับอเล็กซ์เองที่เขาเคยรักมากยังไม่เคยทำให้รู้สึกดีได้เท่านี้มาก่อน

ทั้งสีหน้าและแววตารวมไปถึงการกระทำของใครคนนั้นมันอ่อนโยนจนหลอมละลายให้เขากลายเป็นเพียงคนที่ไม่ประสาเรื่องบนเตียง...พีททำให้เขาใจเต้นแรงจนเกือบมอดดับเพราะความวาบหวาม..

ฮานะก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำโดยที่สวมไว้เพียงชุดคลุมอาบน้ำตัวเดียว ปมเชือกที่เอวนั้นหลวมจนสาบเสื้อแยกกว้างออกทำให้เห็นแผ่นอกขาวจัดที่ขึ้นสีระเรื่อ เขาเดินไปที่กระเป๋าเป้ของตัวเองก่อนจะหยิบของสำคัญออกมา

ยาสองเม็ดถูกกลืนลงไปตามด้วยน้ำเปล่า

นัยน์ตาสวยสลับมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียงกับจำนวนยาคุมและยาระงับฟีโรโมนที่เหลืออยู่เพียงแค่อย่างละหนึ่งเม็ด...ก่อนพวกมันจะถูกทิ้งลงไปในถังขยะราวกับว่าเจ้าตัวไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มันอีก

ความรู้สึกบางอย่างพลุ่งพล่านราวกับได้ปลดพันธนาการกักขังและสยายปีกโบยบินอย่างเป็นอิสระเมื่อนึกถึงคำพูดของนายแพทย์ประจำตัว

“…ตลอดสองปีที่ผ่านมาร่างกายคุณรับยาเข้าไปในปริมาณที่มาก มันจึงทำต่อมสร้างฟีโรโมนนั้นทำงานผิดปกติจนไม่เกิดอาการฮีทและเป็นไปได้ว่าอาจจะมีผลไปถึงการรับรู้กลิ่นของคู่นอนด้วย...”

…ลองเสี่ยงดูก็ไม่เสียหาย..

และเขาก็หวังว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่สัญชาตญาณบางอย่างในร่างกายมันร้องบอก...

ฮานะเดินเข้าไปใกล้เตียงหลังใหญ่และหยุดยืนอยู่ด้านข้าง เจ้าเด็กตัวโตยังคงซุกหน้าและกระชับกอดผ้าห่มแน่นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนที่คอยมองอยู่ได้เป็นอย่างดี

ปลายนิ้วเรียวเคลื่อนต่ำ ค่อยๆปลดปมชุดคลุมออกจนเนื้อผ้าเรียบลื่นร่วงหล่นไปกองที่บริเวณข้อเท้าก่อนที่ร่างขาวนวลจะขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนช่วงตัวสูงใหญ่ของเด็กหนุ่ม ใบหน้าสวยปรากฏรอยยิ้มเจือจางตอนที่ก้มหน้าลงไปจูบเข้าที่ปลายคางได้รูปและทำการขบเม้มไปมาอย่างซุกซน พอพีทเริ่มรู้สึกตัวเรียวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันทำให้คนที่นั่งทาบทับอยู่ข้างบนหัวเราะออกมาในลำคอ

   “...เด็กขี้เซา” ฮานะดึงผ้าห่มผืนหนาออกให้พ้นจากช่วงลำตัวก่อนจะลูบมือไปตามลอนกล้ามเนื้อที่เครียดขมึง “ตื่นได้แล้ว” ร่างเปลือยเปล่าลงไปแนบประชิดกับผิวเนื้อร้อนระอุก่อนะเงยหน้าขึ้นจูบย้ำที่สันกรามอย่างอ้อยอิ่ง

   “ฮานะ?” ฝ่ายนั้นเริ่มมีการตอบสนองกลับ เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละนิดก่อนฝ่ามือใหญ่จะวางลงบนสะโพกอิ่มที่กำลังบดเบียดไปมาบริเวณกลางกายของเขา “กี่โมงแล้วครับ” พีทจำได้ว่าพวกเขาต้องบินกลับตอนเก้าโมงเช้าแต่ดูท่าทางตอนนี้คงสายมากแล้ว

   “จะเที่ยงแล้ว” ฮานะยิ้มขำเมื่อเห็นแววตาตื่นของเจ้าลูกหมาตัวโตก่อนจะเคลื่อนปลายนิ้วไปปิดริมฝีปากเอาไว้ “ฉันเลื่อนไฟล์ทกลับไปตอนเย็นแทน” ยันฝ่ามือลงบนแผ่นอกร้อนระอุก่อนที่นัยน์ตาจะสอดประสานกับคนใต้ร่างอย่างมีความหมาย ปลายนิ้วเล็กกรีดไล้ไปตามมัดกล้ามเนื้อตึงแน่นอย่างยั่วเย้าก่อนรอยยิ้มบางเบาจะปรากฏขึ้น

   “…”

   “...ยังพอมีเวลาเหลือ”




____________________________________



เด้นโตเป็นหนุ่มละค้าบบบบ ~
ฝาก #ดอกไม้ของพีท ด้วยนะคะ  <3
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 08-11-2019 20:23:28
 :haun4: :haun4: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-11-2019 22:58:18
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 09-11-2019 01:56:24
เอ็นดูความไม่ประสีประสาของเจ้าโกลเด้น จะโดนฮานะจับกินอีกรอบแหล่วววว :hao7:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-11-2019 02:18:17
ฮานะะะะะะะะะะะะะะะะะะ  :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 09-11-2019 09:40:45
โอ้ยยยย ฮานะแซ่บมากกกก :m25: :m25:

เจ้าเด้นก็น่ารักมากกกกกก เป็นห่วงฮานะตลอดเลย :o8:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 09-11-2019 17:52:10
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 09-11-2019 20:56:52
 :pighaun: ฮานะ!!!!
โอย...กำเดาจะไหล

รอติดตามอยู่นะ เป็นกำลังใจให้นะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 09-11-2019 22:07:03
 :m25:  ฮานะ เริ่ดมากแม่  แค่นี้เจ้าเด้นก็ไปไหนไม่รอดแล้ววว
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-11-2019 20:20:28
ฮานะ เธอมันร้าย ปล่อยลูกชั้นออกมานะ #saveพีท  :hao5:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E L E V E N : 8/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 11-11-2019 17:19:06
แซ่บมาก ยอมแล้วแม่!!!
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 17-11-2019 16:31:41
CHAPTER T W E L E

_________________________________




[/b]


“โอ๊ย!”

“…”

“ฮานะ...อย่ากดแรงสิครับ”

นัยน์ตาสวยก้มลงมองคนที่นั่งร้องโอดโอยอยู่บนโซฟาก่อนที่จะกดสำลีชุบยาลงไปบนบริเวณปากแผลข้างคิ้วและมุมปากที่ปริแตก ดูท่าว่าคงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้บาดแผลสมานตัว

หลังจากที่เดินทางกลับมาจากภูเก็ตเขาก็ได้รับสายตรงจากคุณแกเรนเรื่องของพีทกับอเล็กซ์ที่ก่อเหตุวิวาทกัน เรื่องนี้ไม่ได้ถูกหยิบมาเป็นประเด็นสำคัญสักเท่าไหร่นักเพราะทางผู้ใหญ่มองว่าทั้งคู่คงขาดสติจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แกเรนเลยไม่นึกติดใจเอาความแต่อย่างใด ทำเพียงแค่ว่ากล่าวตักเตือนทั้งคู่เอาไว้ว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

...ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ ลึกๆ แล้วเขาสัมผัสได้ว่าพีทไม่ใช่คนที่ใช้อารมณ์วู่วามมาทำร้ายคนอื่นอย่างแน่นอน

...แต่เพราะคู่กรณีเป็นอเล็กซ์นี่สิ..

แต่สุดท้ายไม่ว่ายังไงคนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเจ้านายจะลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้เพราะอย่างนั้นจึงต้องลงโทษให้เท่ากันโดยการหักเปอร์เซ็นต์จากการทำงานครั้งนี้เข้างบกลางของบริษัท

“เจ็บสิดี...จะได้จำ” นัยน์ตาสวยมองดุไปเป็นหนที่สิบของวัน

เมื่อคืนนี้ตอนที่มีอะไรกันเพราะอารมณ์มันพาไปเขาเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าพีทมีแผลที่ใบหน้า มันเพิ่งจะมาขึ้นจ้ำช้ำเอาเมื่อตอนสายๆ ที่ผ่านมานี่เอง…หลังจากที่มีอะไรกันเสร็จช่วงบ่ายฮานะก็ลงไปขออุปกรณ์ปฐมพยาบาลจากทางโรงแรมขึ้นมาล้างแผลให้เมื่อเห็นว่าบริเวณแผลที่ปริแตกมันเริ่มมีเลือดซึมออกมา

“..ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มมองกลับอย่างสำนึกผิดก่อนจะคว้าเอาหลังมืออีกฝ่ายมาจรดจูบอย่างออดอ้อน

“คราวหลังห้ามทำแบบนี้อีกนะรู้ไหม” ฮานะถอนหายใจออกมาอย่างปลงตกก่อนจะลูบผ่านรอยฟกช้ำบริเวณแก้มแผ่วเบา

“…”

“แล้วพรุ่งนี้ต้องกลับบ้านด้วย...จะตอบแม่ว่ายังไง” เมื่อช่วงเย็นเขาตกลงกับพีทเอาไว้ว่าจะออกเดินทางเช้าหน่อยเพราะกลัวว่ารถจะติด ฮานะเป็นคนเสนอให้ขับรถไปเพราะมีเวลาหยุดยาวติดกันสามวันจึงถือโอกาสนี้เที่ยวพักผ่อนไปในตัวหลังจากที่โหมงานหนักต่อกันมาตั้งแต่ต้นปี ตอนแรกพีทไม่เห็นด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะเหนื่อยจากการเดินทางแต่พอยืนยันว่าอยากขับไปเองฝ่ายนั้นก็ไม่คิดจะแย้งพร้อมรับปากว่าจะช่วยขับอีกแรง

“บอกว่า...เดินชนประตูครับ” เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาเมื่อถูกมองค้อนก่อนจะต้องร้องเสียงหลงตอนที่ฮานะกดสำลีลงมาที่ข้างมุมปากอย่างจัง “โอ๊ย- ฮานะ...เบาๆ ครับ”

“เดี๋ยวเถอะ” คนอายุมากกว่าขู่ฟ่อ ก่อนจะแกะมือปลาหมึกที่เกาะหนึบอยู่ช่วงเอวออกแล้วเก็บขวดยาลงกล่องเพื่อนำไปเก็บเข้าที่ชั้น

เข็มนาฬิกาบนหน้าปัดบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว หลังจากที่ทานมื้อเย็นไปตอนหัวค่ำพวกเขาก็จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้เป็นที่เรียบร้อย เรียกได้ว่าตอนนี้ในห้องชุดของฮานะนั้นไม่ได้มีเพียงข้าวของเครื่องใช้ของเขาเพียงคนเดียวอีกต่อไปเพราะตั้งแต่มีใครอีกคนมาค้างด้วยกันบ่อยๆ ห้องที่เคยกว้างและเงียบเหงากลับถูกเติมเต็มจนพอดี

...ความรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นไม่มีอีกแล้ว..

“คิดอะไรอยู่ครับ” สัมผัสนุ่มนวลโอบกอดลงบนเอวพร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงมาบนผิวแก้ม ฮานะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอเอาไว้

“กำลังคิดว่า...” แววตาซุกซนประกายเจ้าเล่ห์ออกมา “บนโลกใบนี้ยังมีอัลฟ่าแบบเธออยู่อีกหรือเปล่านะ”

ฮานะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตตีหน้ามึนงงก่อนจะยกมือขึ้นบีบเข้าที่ปลายคางของอีกฝ่ายแล้วพูดเสียงเนิบ “รู้อะไรไหมพีท...ผู้คนที่ฉันเคยรู้จักมาทั้งชีวิต...ไม่มีใครเหมือนเธอ”

ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมาสังคมต่างทำให้ชนชั้นสูงสุดของห่วงโซ่อาหารนั้นเป็นชนชั้นที่สมบูรณ์แบบและสูงส่งกว่าคนทั่วไปเพียงเพราะมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและส่วนใหญ่มักเป็นผู้มีอิทธิพลจึงทำให้มีการแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าในโลกปัจจุบันจะเริ่มมีการรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนความเท่าเทียมแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริงกลับยากที่จะปฏิเสธได้ว่า

อัลฟ่าคือนาย เบต้าคือบ่าว

...ส่วนโอเมก้า...

แทบจะไม่ได้เห็นการได้รับเกียรติอย่างจริงจังใจจากคนในสังคม...ยิ่งเป็นโอเมก้าที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้เพียบพร้อมด้วยแล้วก็ยิ่งโดนดูถูกเหยียดหยาม

เพราะแบบนี้จึงทำให้ฮานะต้องตะเกียกตะกายและพยายามอย่างหนักเพื่อให้หลุดพ้นจากสถานะด้อยค่า

...ถึงแม้ว่าความเป็นจริงจะศูนย์เปล่า...แต่คนตรงหน้ากลับทำให้เขารู้สึกได้ถึงคุณค่าของตัวเองอีกครั้ง

“เธอดีกับฉันมาก...จนบางทีก็อดที่จะตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่าฉันโชคดีเกินไปหรือเปล่านะ” ฮานะมองลึกเข้าไปในตาคู่นั้น

“…” เด็กหนุ่มก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนความรู้สึกหนักอึ้งจะบีบเคล้นในอกข้างซ้ายเมื่อเห็นแววตาคู่นั้นสั่นไหว...ดอกไม้ที่เคยแตกสลายไร้ที่พักพิงกำลังอ้อนวอนให้ทุกสิ่งไม่ได้เป็นเพียงภาพฝัน

“บางครั้งฉันยังแอบนึกอิจฉาความโชคดีของตัวเองเลยรู้ไหม...ตลกชะมัด” ใบหน้าสวยพยายามกลั้นขำแต่ในจิตใจนั้นวูบโหวง เพราะลึกๆ แล้วยังรู้สึกกลัวว่าความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่นั้นจะเป็นเพียงแค่เรื่องฉาบฉวย

…เพราะตั้งแต่ที่พีทได้ก้าวเข้ามาในชีวิต

...เขาก็ไม่เคยคิดอยากให้เรื่องคู่แห่งโชคชะตาเป็นเรื่องไร้สาระแม้แต่วินาทีทีเดียว..

“ฮานะ” เด็กหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเพื่อย้ำเตือนว่าเขายังอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน “..ทุกอย่างที่ผมทำก็เพื่อคุณ” เสียงทุ้มต่ำพร่ำบอกอย่างมั่นคง

“…”

“ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพราะคุณโชคดี” พีทมองลึกเข้าไปในตาคู่สวยและย้ำให้รู้ว่าคนตรงหน้านั้นมีค่าสำหรับเขามากแค่ไหน “...มันเป็นสิ่งที่คุณสมควรจะได้รับ” ความหมายแฝงเร้นที่เอ่ยบอกทำให้คนตรงหน้าเบิกตามองมาก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นสั่นไหวอย่างรุนแรง ฮานะกำมือที่สั่นเทาเข้ากับชายเสื้อเขาจนยับย่นก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น...และวินาทีต่อมาเด็กหนุ่มก็ถูกอีกฝ่ายสวมกอดเอาไว้จนตัวเซไปด้านหลังด้วยกันทั้งคู่

...ความอุ่นชื้นที่ค่อยๆ ตีวงกว้างบนแผ่นอกทำให้ได้รู้ว่า...

..ฮานะกำลังร้องไห้...

“ที่ผ่านมา...ทำไมไม่เป็นเธอ...” ฝ่ายนั้นซุกหน้าลงกับอกเขาและพูดเสียงอู้อี้แต่กลับดังชัดในความรู้สึกของคนฟัง “…เรา ฮึก น่าจะเจอกันเร็วกว่านี้” คิดแล้วก็น่าขำ...ถึงจะย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อนพีทก็เป็นแค่เด็กชายอายุสิบสองเท่านั้นเอง

“ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มยิ้มบางเบา กระชับอ้อมกอดแน่นก่อนจะซบหน้าลงกับกลุ่มผมนุ่มแล้วหลับตาซึมซับช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เสียงสะอื้นเริ่มจางหาย จังหวะการหายใจของคนในอ้อมกอดกลับมาเป็นปกติ เจ้าตัวสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันด้วยตาที่บวมและจมูกขึ้นสีแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก พีทก้มลงจูบซับบริเวณหน้าผากก่อนจะช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้มไปวางไว้บนโซฟาเพื่อที่เขาจะได้ไปเอาน้ำมาให้ฮานะได้ดื่มเพราะร้องไห้ติดต่อกันนานคงจะคอแห้ง

ตลอดเวลาที่เคลื่อนไหวจากห้องรับแขกไปครัว จากครัวกลับมาห้องรับแขกฮานะมองตามเขาตลอดเวลาจนความอดทนที่มีพังทลายต้องลงไปนั่งด้วยกันแล้วดึงอีกฝ่ายขึ้นมานั่งตัก ฮานะซบลงบนแผ่นอกกว้างก่อนจะเริ่มเผยเรื่องราวในอดีตออกมา

สิ่งที่พีทอยากรู้มาตลอด...แต่เป็นเขาเองที่พยายามปิดบัง

อดีตของรอยแผลเหวอะหวะที่ตอนนี้เริ่มตกสะเก็ดและจางหายเหลือไว้เพียงแค่แผลเป็นเพื่อย้ำเตือนความทรงจำ

“...อเล็กซ์กับฉัน เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเข้าเรียนมหาลัย”

“…” เพียงแค่ได้ยินชื่อของบุคคลที่สามจากใบหน้าที่เคยอ่อนโยนกลับฉายความเครียดขมึงออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือที่กอบกุมกันอยู่เผลอออกแรงกำแน่นจนฮานะต้องยืดตัวขึ้นไปจูบข้างสันกรามเพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

“เขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันสนิทด้วยเพราะในตอนนั้นครอบครัวฉันย้ายกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นหมดทุกคน มีแค่ฉันเพียงคนเดียวที่ดึงดันจะอยู่ที่นี่ต่อ...ส่วนอเล็กซ์...พ่อกับแม่เขาเพิ่งหย่าร้างกันช่วงที่ขึ้นมหาลัยพอดีเลยทำให้พวกเราตัวติดกันตลอดเวลา...ในเวลานั้นเราเข้ากันได้ดีเลยล่ะ” ฮานะกุมฝ่ามือใหญ่เอาไว้แน่นก่อนรอยยิ้มบางเบาจะปรากฏขึ้นเมื่อนึกถึงอดีต

“...”

“จนวันหนึ่งที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเพราะฉันเองที่รู้สึกเกินเลยมากกว่าเพื่อน แล้วหลังจากนั้นระยะห่างของพวกเราทั้งคู่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มห่างและไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากที่เรียนจบ...แล้วเราก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนนั้นฉันเพิ่งได้เข้าทำงานที่โมเดลลิ่งกับคุณแกเรนส่วนอเล็กซ์เป็นนายแบบโนเนมไร้สังกัดไม่มีชื่อเสียง” ฮานะหลับตาลงและซบหน้าลงแผ่นอกอุ่น “…ในเวลานั้น เพราะยังรู้สึกกับเขาอยู่ฉันเลยร้องขอให้คุณแกเรนลองติดต่ออเล็กซ์ไปเพราะทางโมเดลลิ่งกำลังอยากได้นายแบบที่มีคาแรคเตอร์ตรงกับเขาอยู่พอดี”

“แล้วหลังจากนั้นพวกคุณก็มีความสัมพันธ์แบบนั้นมาโดยตลอดเหรอครับ” แม้น้ำเสียงที่ถามจะทำให้รู้สึกเย็นเยียบแต่สายตาที่ก้มลงมามองกลับอบอุ่นจนเขากล้าที่จะเล่าต่อ

“ก็ไม่เชิง...การกลับมาเจอกันครั้งนั้นทำให้ฉันรู้สึกว่าอเล็กซ์ไม่ใช่คนเดิมเมื่อสมัยเรียน...เขาดูแปลกไปและทำตัวเสเพลหนักขึ้นทุกวัน...ยิ่งมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ข่าวด้านที่ไม่ดีของเขาก็มีมากขึ้นเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าช่วงที่พวกเราห่างกัน อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนได้ขนาดนี้” เขายังจำอเล็กซ์คนเดิมได้ดี...คนที่ไม่ได้นิสัยโมโหร้ายและเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจเหมือนอย่างตอนนี้ “...แล้วพวกเราก็เผลอมีความสัมพันธ์ที่ถลำลึกจนกู่ไม่กลับ...ในตอนนั้นฉันหยิบยื่นโอกาสชื่อเสียงและทุกอย่างที่เขาอยากได้โดยมีข้อแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียวคือเขาห้ามไปนอนกับใคร”

“…”

“แต่ที่ผ่านมาเขาก็ทำมันมาโดยตลอด...เป็นฉันเองที่แกล้งโง่ทำเป็นมองไม่เห็น ทั้งถูกเหยียดหยามและดูถูกสารพัดแต่ก็ยังทนที่จะอยู่” ...คิดย้อนกลับไปแล้วตัวเขามันช่างโง่เง่าสิ้นดี...เพราะมัวแต่ติดอยู่กับอดีตของคนที่แสนดีในความทรงจำจนลืมที่จะมองว่าปัจจุบันอเล็กซ์คนเก่านั้นได้ตายไปแล้ว

“…แล้วรอยที่ผมเคยถามในวันนั้น” พีทเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก...ยิ่งนึกถึงร่องรอยโหดร้ายที่ปรากฏอยู่บนผิวของฮานะวันนั้นก็ยิ่งโมโหจนแทบคลั่ง

“…”

“มันเป็นคนทำร้ายคุณใช่ไหม”

แทนคำตอบฮานะก็พยักหน้ายอมรับ เพียงเท่านั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มสบถคำหยาบขึ้นมา เขามองตามอย่างแปลกใจเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาพีทไม่เคยพูดคำหยาบให้ได้ยินแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มหันหน้าหนีออกไปอีกทางเป็นสัญญาณบอกว่าความอดทนเริ่มหมดลง

“พีท” ฮานะลุกขึ้นนั่งตัวตรงเมื่อฝ่ายนั้นหันหน้าหนี ฝ่ามือใหญ่ที่คอยกอบกุมกันผละออกไปกำแน่นจนสันหมัดขึ้น “พีท..” ลองเอ่ยเรียกอีกครั้ง เมื่อไม่ได้ผลฮานะจึงเปลี่ยนท่าเป็นนั่งคร่อมตักอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอพร้อมกับช้อนตาขึ้นมองอย่างออดอ้อน

“…ครับ” เสียงถอนหายใจหนักดังติดกันยาวเหยียดก่อนที่ทั้งร่างจะถูกวงแขนแกร่งโอบกอดเอาไว้ดังเดิม

“อันที่จริง...ฉันตั้งใจว่าจะขอลาออกเพื่อกลับไปทำงานกับครอบครัวที่ญี่ปุ่น เพราะไม่อยากจะเจอหน้าเขา” ฮานะแนบแก้มเข้ากับฝ่ายนั้น พร้อมกับพูดเสียงเนิบนาบเมื่อสัมผัสได้ถึงสัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามือที่บีบเคล้นลงบนช่วงสะโพก “…แต่คุณแกเรนขอร้องเอาไว้...ก็เลยทำให้ฉันได้มาเป็นผู้จัดการของเด็กแถวนี้แทนซะนี่”

“…” มาถึงตรงนี้ รอยยิ้มก็เริ่มกลับมาบนใบหน้า...ทำให้ฮานะใจชื้นขึ้นเยอะ

“วันที่พวกเราเดินชนกัน...นั่นคือวันที่ฉันไปขอลาออกเลยนะ รู้รึเปล่า” ฮานะมองลึกเข้าไปในตาคู่นั้นและนึกถึงความรู้สึกแรกตั้งแต่ที่ได้พบกัน “…คนอะไรตัวใหญ่ชะมัด...นั่นคือความรู้สึกแรกพบของฉันเลย” เขาพยายามที่จะเปลี่ยนบรรยากาศเพราะไม่อยากให้พีทต้องเครียดไปกับเรื่องราวในอดีต...แล้วก็ได้ผลเมื่อฝ่ายนั้นหลุมยิ้มออกมากว้างขึ้น

“คุณตัวเล็กเองต่างหากครับ” พีทก้มลงมองคนในอ้อมกอด...ตอนแรกแค่เห็นก็รู้สึกได้แล้วว่าตัวเล็กแบบนี้กอดทีคงจมหายลงไปในอก...พอได้กอดจริงกลับยิ่งไม่อยากปล่อยให้ห่างไปไหนไกล

“ฮื่อ ก็เธอเป็นลูกครึ่งนี่” ฮานะยู่หน้าใส่อย่างไม่ยอมแพ้...มีเรื่องนี้เรื่องเดียวเลยที่เขาเสียเปรียบ ทุกวันนี้ยังแอบคิดอยู่เลยว่าถ้าได้ส่วนสูงมาเพิ่มอีกสักยี่สิบเซ็นต์คงไม่ต้องเงยหน้าคุยกับเจ้าเด็กตัวโตจนปวดคอแบบนี้

“ฮานะก็ลูกครึ่งนี่ครับ” เด็กหนุ่มตอบกลับพร้อมกับนั่งเอนหลังมองลูกแมวตัวเล็กบนตักขู่จนขนพอง...ถ้าจับฟัดตอนนี้จะโดนข่วนเลือดซิบหรือเปล่านะ...

“ฉันเอเชียแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก” จู่ๆ หัวข้อสนทนามันกลับกลายมาเป็นเรื่องเชื้อชาติกันได้ยังไงกันล่ะเนี่ย...

“ผมก็เอเชีย...ครึ่งหนึ่ง” เจ้าเด็กนี่!

“แต่อีกครึ่งเธอเป็นฝรั่ง” ฮานะขู่ฟ่อพร้อมกับบีบเข้าที่ปลายคางได้รูปจนหน้ายู่...หนวดเจ้าโกลเดนท์เริ่มขึ้นเป็นตอแล้วแฮะ สงสัยคงจะต้องจับโกนออกให้เกลี้ยง

แทนคำตอบฝ่ายนั้นก็ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ก่อนจะส่ายหน้าและหัวเราะออกมาด้วยแววตาที่ดูยังไงก็แสนจะเอ็นดูเขาซะเหลือเกิน

...ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าใครกันแน่ที่อายุมากกว่ากัน..

“หัวเราะอะไร” ฮานะหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิด

“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะโอบลงบนช่วงเอวคอดแล้วมองไปยังใบหน้าของคนที่นั่งอยู่บนตัก “…ฮานะ”

“หืม”

“ให้ผมได้ดูแลฮานะเถอะนะครับ” มือเรียวเล็กถูกคว้าขึ้นไปกุม ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านผิวเนื้อ

“จะขอฉันคบรึไง” แต่แล้วเจ้าตัวกลับยิงคำถามเถรตรงใส่โดยไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา

...ก็อายุขนาดนี้แล้วน่ะนะ...

“...ได้ไหมครับ” พีทไม่แสดงท่าทีอะไรออกมามากกว่าที่เป็นอยู่ แต่เพราะอยู่ในระยะที่ใกล้จึงสังเกตเห็นได้ว่าเจ้าเด็กตัวโตนั้นกำลังใบหน้าขึ้นสี
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 17-11-2019 16:32:14
“อืม...ไม่รู้สิ” และก่อนที่จะถูกคว้ามือไปจูบฮานะก็แกล้งดึงออกก่อนจะลุกขึ้นยืนที่พื้นทั้งที่เอวยังถูกฝ่ายนั้นกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “คงต้องดูๆ กันไปก่อนน่ะนะ”

ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นตามมาก่อนจะสวมกอดเข้าที่ด้านหลัง ใบหน้าคมเข้มวางคางลงบนไหล่เล็กพร้อมกับพึมพำเสียงเบา “...สถานะไหนก็ได้ครับ” ริมฝีปากร้อนจัดแตะลงข้างซอกคอขาว “แค่ได้กอดคุณเอาไว้แบบนี้ก็พอแล้ว”

“ได้สิ” ฮานะยกมือขึ้นแนบข้างใบหน้าก่อนจะเอี้ยวตัวกลับไปจูบที่ข้างแก้มแล้วใช้ฟันขบเข้าที่ปลายคางของอีกฝ่ายอย่างอ้อยอิ่ง นัยน์ตาสวยช้อนขึ้นมองระหว่างที่พูด “แค่กอดอย่างเดียวน่ะ…ได้อยู่แล้ว” แววตาซุกซนประกายวาบไหวล้อกับแสงของหลอดไฟ

“ฮานะ” พีทพูดเสียงดุเมื่อรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดเริ่มอยู่ไม่สุข...ฮานะลูบมือไปตามต้นขา สัมผัสที่ลากไล้ผ่านเนื้อผ้าสร้างความปั่นป่วนให้เขาจนหน้าท้องหดเกร็ง เมื่อเด็กหนุ่มตั้งท่าจะรุกกลับก็ถูกฝ่ายนั้นใช้นิ้วดันปลายคางเอาไว้

“ห้ามซน” รอยยิ้มยั่วเย้าถูกส่งมาให้ รู้ตัวอีกทีก็ถูกดันให้ลงไปนั่งบนโซฟาตัวเดิมซะแล้ว “ไหนบอกแค่ได้กอดก็พอแล้วไง”

“โธ่...” พีทพยายามรวบร่างขาวนวลเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแต่กลับช้ากว่าใครบางคนที่ย่อตัวลงไปคุกเข่าตรงหน้าเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย “เดี๋ยวครับ-” โดยไม่ทันได้ออกปากห้ามก็ต้องนั่งตัวเกร็งจนลมหายใจสะดุดเมื่อจู่ๆ ฝ่ายนั้นก็ก้มหน้าลงที่หว่างขาและใช้ริมฝีปากรูดซิปกางเกงลงส่วนมือก็ปลดกระดุมออกจากรังดุม

“อยู่เฉยๆ นะ” ออกปากสั่งไว้แค่นั้นก็ก้มลงไปพรมจูบบริเวณส่วนกลางกายใต้ชั้นในสีเข้มก่อนจะใช้ปากขบไปตามความยาวจนเริ่มสัมผัสได้ถึงการตื่นตัวขึ้นมาทีละนิด

“ฮานะ...ไม่ต้อง- อา..” ถ้อยคำทั้งหลายกลับกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อแผ่นท้องถูกริมฝีปากนุ่มนิ่มพรมจูบ บริเวณกลางกายมีมือเล็กข้างหนึ่งนวดคลึงมันอย่างเนิบนาบผ่านเนื้อผ้าจนเขาเริ่มรู้สึกปวดร้าวขึ้นมา พีทขมวดคิ้วแน่นเมื่อถูกปรนเปรอในแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน...เพียงแค่ถูกลมหายใจอุ่นร้อนและริมฝีปากเล็กเฉียดเข้าใกล้เขาก็แทบจะถึงฝั่งฝันโดยที่ฮานะไม่ได้สัมผัสมันเสียด้วยซ้ำไป

“ทำตัวตามสบาย” ฮานะช้อนตาขึ้นมองในระหว่างที่นำส่วนร้อนจัดออกมานอกชั้นใน...ขนาดที่ใหญ่โตเกินวัยทำให้คนอายุมากกว่าต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยลำคอที่แห้งผากเมื่อนึกย้อนไปถึงความเจ็บปวดที่แร่นริ้วขึ้นมาเล่นงานในตอนที่เจ้าสิ่งนี้เข้าไปอยู่ในตัวเขาทั้งหมด “..เด็กดี”

...แต่ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าในตอนที่ร่างกายถูกพีทเข้ามาเติมเต็มนั้นมันรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..

“ฮานะครับ...” เด็กหนุ่มกลั้นเสียงไว้ในลำคอเมื่อเห็นว่าอุ้งมือเล็กเริ่มขยับไปมาอย่างเนิบนาบ ความเสียวซ่านพุ่งเข้ามาโจมตีจนต้องพิงศีรษะไปกับพนักพิงโซฟาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างใช้สมาธิ

จังหวะรูดรั้งเริ่มเร็วขึ้นจนส่วนปลายนั้นชุ่มฉ่ำ ฮานะลอบกัดริมฝีปากล่างเมื่อความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาเล่นงานจนรู้สึกร้อนไปทั้งร่างลามไปถึงบริเวณปากทางที่เริ่มมีน้ำหล่อลื่นไหลออกมาจนเหนียวเหนอะที่ร่องสะโพก

กลิ่นอายบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวของพีททำให้เขารู้สึกร้อนจัด....และมีอารมณ์ร่วมอย่างรุนแรง...

“ฮานะ อย่า...มันสกปรกครับ” พีทร้องห้ามเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นแลบลิ้นเลียลงที่ส่วนปลาย เขากำมือแน่นจนเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบ ยิ่งได้เห็นว่าลิ้นสีสดกำลังไล้ขึ้นลงไปตามความยาวก็ยิ่งรู้สึกหดเกร็งที่หน้าท้องอย่างรุนแรง

เด็กหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อส่วนกลางกายถูกอีกฝ่ายรับเข้าไปในโพรงปากอุ่น ฮานะดูดกลืนมันอย่างไม่นึกรังเกียจจนเกิดเสียงเฉอะแฉะดังคลอขึ้นในระหว่างการขยับเคลื่อนไหว เรียวคิ้วขมวดมุ่นเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกปรนเปรออย่างเอาอกเอาใจ ฝ่ายนั้นรับมันเข้าไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียวก่อนจะสำลักและไอจนใบหน้าแดงก่ำ

“ฮานะ” พีทมองลงมาอย่างนึกเป็นห่วง นัยน์ตาฉายแววกังวลชัดเจน แต่คนที่อยู่ด้านล่างกลับไม่คิดยอมแพ้เมื่อสูดหายใจเข้าปอดได้ที่ก็ก้มลงไปจัดการกับบางส่วนที่ตั้งชูชันแผ่ไอร้อนระอุออกมาต่อ คราวนี้ฮานะกดคอลึกลงมาจึงทำให้รับตัวตนเขาเข้าไปได้ทั้งหมด

เรียวลิ้นห่อรัดรอบกายใหญ่อย่างช่ำชองจนคนถูกกระทำแทบนั่งไม่ติดโซฟา

จังหวะดูดดุนและขยับเคลื่อนไหวนั้นค่อยๆ เป็นไปอย่างเนิบนาบ ฮานะจัดการมันราวกับว่ากำลังกินไอศกรีมแท่งโปรดอยู่อย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าสวยแดงก่ำเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำแห่งอารมณ์

“พอแล้วครับ” พีทคำรามเสียงต่ำเมื่อใกล้หมดความอดทน เขาพยายามดันตัวอีกฝ่ายออกแต่ฮานะกลับดื้อรั้นกดปากลงมาแน่นกว่าเดิม “ฮานะ! ..อา” ไม่ทันขาดคำร่างสูงใหญ่ก็เกร็งสะท้านก่อนจะปลดปล่อยความกดดันทั้งหมดที่มีออกมาอย่างรุนแรงจนผู้รองรับสำลักหน้าแดง ฮานะสูดลมหายใจเข้าลึกในตอนที่บางส่วนถอนออกไป บริเวณมุมปากนั้นฉ่ำเยิ้มเลอะคราบคาวจนหยดย้อยลงไปตามลำคอขาวเนียนเขายกหลังมือขึ้นเช็ดคำความสะอาดและส่งบางนิ้วเข้าไปในปากเพื่อลิ้มลองรสชาติของบุรุษเพศ

“อื้อ!” แต่ในระหว่างที่กำลังพักเหนื่อยอยู่นั้น จู่ๆ กลับถูกรวบตัวขึ้นอุ้มจนตัวลอยรู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่บนหน้าตักของใครอีกคนแล้ว พีทยังคงหอบหายใจหนักเพื่อปรับสภาพร่างกาย นัยน์ตาคมดุคู่นั้นมองลงมาเรียบนิ่ง แต่มือกลับเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดใบหน้าและฝ่ามือของเขาด้วยความอ่อนโยน

“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยครับ” เด็กหนุ่มมองริมมีปากเล็กที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงจัด

“...เธอไม่ชอบเหรอ” ฮานะเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ...เพราะที่ผ่านมาเขาเข้าใจมาโดยตลอดว่าการเอาใจแบบนี้จะทำให้พวกผู้ชายสุขสม...เมื่อก่อนเขาถูกอเล็กซ์บังคับให้ทำอยู่บ่อยๆ ตอนแรกที่ยังไม่ชินนั้นอาการหนักจนถึงขั้นอาเจียนออกมาเลยก็มีเพราะรสน้ำกามคาวเฝื่อนที่อีกฝ่ายปล่อยทิ้งเอาไว้ในโพรงปาก

แต่พอเริ่มจับจุดได้ก็เริ่มที่จะปรนเปรอได้อย่างช่ำชอง...แม้แต่กับอเล็กซ์เอง ในตอนที่เขาใช้ปากให้ฝ่ายนั้นจะดูอ่อนข้อลงเป็นพิเศษ

...แล้วทำไมกับพีทมันถึงใช้ไม่ได้ผล..

...หรือเพราะเขาทำไม่เก่งพอ..

เด็กหนุ่มก้มลงมองคนในอ้อมกอดก่อนจะถอนหายใจออกมา “คุณไม่จำเป็นต้องทำด้วยซ้ำ”

“ตอบมาก่อนสิ” จู่ๆ ความวูบไหวบางอย่างก็ทำให้ความมั่นใจลดลง

...ลึกๆ แล้วเขาก็แค่รู้สึกกลัว...กลัวว่าหากวันใดวันหนึ่งถูกเบื่อขึ้นมา

...อย่างน้อยๆ ถ้าสามารถทำให้พีทพึงพอใจในเรื่องนี้ได้...ก็คงจะดี..

“ฮานะ” พีทขมวดคิ้วมุ่น มองลึกเข้าไปในแววตาที่กำลังสับสน...เขามองลึกเลยผ่านไปยังต้นเหตุที่ทำให้คนในอ้อมกอดมีตรรกะความคิดที่ผิดเพี้ยน “...ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่ชอบหรอกนะครับ” ฝ่ามือใหญ่แนบลงข้างแก้มขาวก่อนจะเกลี่ยปลายนิ้วไปมาอย่างทะนุถนอม

“แล้ว...ทำไม..” ฮานะเม้มปากแน่น

“แต่ถ้าความสุขของผมมันทำให้ฮานะรู้สึกแย่หรือเจ็บตัว...ผมไม่ต้องการ” เขาพูดตามที่รู้สึก ความฉาบฉวยจากอารมณ์เบื้องต่ำเพียงชั่วคราวนั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกของฮานะ

“ฉันเปล่า” ฝ่ายนั้นส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันไม่ได้รู้สึกแย่สักนิด”

ตอนที่ทำแบบนี้ให้อเล็กซ์ความรู้สึกมันต่างกันราวฟ้ากับเหว กับฝ่ายนั้นเขารู้สึกเพียงแค่ว่าอยากทำให้มันจบๆ ไปเพื่อให้เจ้าตัวพอใจจะได้ไม่ลงมือรุนแรง

...แต่กับพีท ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความรู้สึกตามธรรมชาติและความเต็มใจที่จะทำโดยที่เด็กหนุ่มไม่เคยเอ่ยปากขอ ไร้ซึ่งการบังคับข่มขู่และยัดเยียดให้เขาต้องทำ

ฮานะรู้เพียงแค่ว่าอยากจะเอาใจและทำให้พีทมีความสุขที่สุด

ริมฝีปากสีอ่อนขบเม้มเข้าหากันเมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่น่าละอาย

...แค่อยากให้พีทรู้สึกต้องการและลุ่มหลงในตัวเขา...ก็เท่านั้นเอง..

“ฉันเต็มใจที่จะทำมันนะ” ฮานะจ้องมองตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “แต่...ถ้าทำได้ไม่ดีพอหรือทำให้เธอต้องรู้สึกแย่ ครั้งต่อไปฉันจ-” ถ้อยคำที่พรั่งพรูกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อริมฝีปากถูกประกบจูบแนบแน่น ลมหายใจร้อนระอุที่รินรดลงมาบนผิวแก้มทำให้ทั้งกายสะท้านไหว ลิ้นร้อนบุกรุกเข้ามากวาดต้อนอย่างช่ำชองจนเป็นเขาเองที่เริ่มจะหายใจไม่ทัน

“อื้อ” ฮานะร้องประท้วงเมื่อถูกฟันคมขบกัดเข้าที่ริมฝีปากล่าง

มัดกล้ามเนื้อตึงแน่นใต้เนื้อผ้าแผ่กลิ่นอายร้อนระอุโอบล้อมคนในอ้อมกอดจนแทบหลอมละลายไปกับวงแขน พีทดันร่างที่เล็กกว่าลงไปนอนราบกับเบาะโซฟาก่อนจะตามลงไปทาบทับไม่เว้นที่ว่างให้อากาศได้เข้ามาแทรกแซงระหว่างเขากับฮานะ

ร่างสูงใหญ่ผละออกห่างก่อนจะจัดการดึงเอาเสื้อยืดที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ออกตามด้วยของตัวเอง แผ่นอกกำยำแนบชิดกับผิวเนื้อนวลเนียนจนสามารถส่งผ่านไอร้อนของร่างกายให้แก่กัน

ฮานะยกแขนขึ้นโอบรัดรอบแผ่นหลัง

..เรียกร้องให้เขาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

“ให้ตายสิ” เสียงทุ้มพร่าสบถในลำคอเมื่อรู้สึกได้ว่าส่วนกลางกายของตนเองตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งในตอนที่ได้กลิ่นของผิวเนื้อเนียนละเอียด

...แค่ได้สัมผัสตัวฮานะ สติเขาก็พร้อมที่จะแตกซ่านได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องปรนเปรออะไรให้มากมายเสียด้วยซ้ำไป..

จะมีก็แค่คนตัวเล็กแต่ความคิดใหญ่โตที่นอนตัวอ่อนอยู่ใต้ร่างนี่ต่างหากที่คิดไปเองเป็นตุเป็นตะ...

..ต่อให้ฮานะจะไม่ยอมให้เขาได้ทำอะไรเกินเลยยนอกจากกอดก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

“อื้อ...พีท” ริมฝีปากสีอ่อนเผยอขึ้นอย่างเรียกร้องตอนที่เขาผละลงมาพรมจูบบริเวณลาดไหล่ “พีท”

“ครับผม”

“…อยากจูบ”

เด็กหนุ่มสบถในลำคอไปเป็นหนที่สองก่อนจะยืดตัวไปป้อนจูบตามที่อีกฝ่ายต้องการ “ฮานะ...ไม่อ้อนแล้วครับ” เสียงทุ้มพึมพำในตอนที่ริมฝีปากผละห่าง ก่อนจะประกบลงไปใหม่อีกครั้ง “แค่นี้ผมก็หลงคุณแทบแย่แล้ว..” เขาสารภาพ

เสียงครางอื้ออึงในลำคอขาวผ่องตอบรับอย่างพอใจ เรียวแขนเล็กโอบรอบลำคอเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เขาได้ถอนใบหน้าออกไปไหนไกล

ยิ่งฮานะอ้อนเท่าไหร่ ความยับยั้งชั่งใจที่มีมันก็เริ่มลดน้อยลงทุกที

...อยากจะครอบครองและเป็นเจ้าของให้รู้แล้วรู้รอด..

“ฮื่อ...หลงสิ” ริมฝีปากที่บดเบียดแนบชิดสัมผัสอย่างอ้อยอิ่ง “หลงเยอะๆ เลย”

เสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้นในลำคออย่างอดทนอดกลั้น เด็กหนุ่มตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนซ้อนแผ่นหลังก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดจนแผ่นหลังเปลือยสัมผัสกับแผ่นอกของเขา

...จังหวะชีพจรที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเป็นสัญญาณที่ดี..

“อย่าแกล้งกันเลย...นะครับ” พีทขังร่างขาวนวลไว้ในอ้อมแขนก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคออีกฝ่าย “...ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณไปมากกว่านี้แล้ว”

เสียงทุ้มพึมพำเนิบนาบในระยะประชิดทำให้คนที่ถูกโอบกอดไม่สามารถกลั้นยิ้มเอาไว้ได้

“เอาเปรียบยังไง”

ฮานะวางมือทับลงไปบนท่อนแขนแข็งแรง ก่อนจะถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้แล้วไล้ข้อนิ้วเล่นไปมาอย่างเพลิดเพลิน

“ฮานะก็ตัวแค่นี้” หลังมือถูกยกขึ้นจรดจูบอย่างอ่อนโยน “...ผมไม่อยากทำให้ฮานะเจ็บ”

“ไม่ต้องถนอมฉันนักก็ได้” ฮานะหลับตาลงเมื่อถูกไออุ่นจากร่างสูงใหญ่โอบล้อมจนเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา “ฉันไม่แตกสลายง่ายๆ หรอกน่า”

“…ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ” พีทกดจูบลงบนแก้มนุ่มก่อนจะหลับตาตามพร้อมกระชับอ้อมแขนแน่น “อย่าบอกให้ผมทำ ทั้งที่คุณก็รู้ว่าผมไม่มีทางทำได้”

ฮานะพยายามข่มความรู้สึกบางอย่างที่ปะทุขึ้นมาจนร้อนไปถึงใบหู...แค่แหย่เล่นหน่อยเดียวไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลยนี่นา

ท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศและลมหายใจที่ดังขึ้นสม่ำเสมอ แสงไฟจากภายนอกส่องผ่านม่านโปร่งแสงบริเวณระเบียงเข้ามากระทบกับร่างสองร่างที่นอนกอดกันอยู่บนโซฟาคับแคบ

...ความอบอุ่นส่งผ่านเข้าไปในความฝันจนเผลอหลุดยิ้มขึ้นมาในความมืดมิด

________________________________


น้องพีทท กลับมาหาแม่ลูกกก T ____________ T

ขอบคุณทุกๆฟีดแบ็กและกำลังใจมากเลยนะคะ ดีใจมากๆเลย

ฝาก #ดอกไม้ของพีท ด้วยนะคะ > < :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 17-11-2019 17:01:35
ติดแท็ก #saveพีท ทันมั้ยคะ 555555
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 17-11-2019 19:29:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-11-2019 20:47:31
อบอุ่น...จนร้อน..นนนนนนนนน   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 17-11-2019 22:25:37
อากาศมันร้อนนนนนน dam hottttt
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-11-2019 22:37:14
ไปบ้านพีทกันนนนนนนนนนน
แต่ก่อนจะไปบ้านก็อรุ่มนะ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 17-11-2019 23:41:42
กอดฮานะน้าาาา เพราะนังอเล็กซ์คนเดียวทำให้ฮานะกลัวการโดนทิ้ง ไม่ต้องกลัวน้าาาคนสวย เจ้าเด้นหลงเธอมากๆเลย กอดๆฮานะคนสวย :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 19-11-2019 06:12:13
แค่อยู่เฉย ๆ เจ้าพีทก็ทั้งรักทั้งหลงจนไปไหนไม่รอดแล้วจ้าฮานะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T W E L V E : 17/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Hnggnh ที่ 19-11-2019 08:30:15
เค้าจะเป็นคู่แท้กันมั้ยอ่าาา สนุกมากเลย น่ารักทั้งคู่ น้องพีท พี่ฮานะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H I R T E E N : 19/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 19-11-2019 20:03:55
_________________________________







“แวะพักหน่อยไหม”

ในระหว่างที่ติดไฟแดงฮานะหันไปถามคนที่อาสาขับรถมาตั้งแต่เช้าโดยไม่มีท่าทีอ่อนล้า ตอนที่แวะพักที่ปั๊มจะขอเปลี่ยนฝ่ายนั้นก็ปฏิเสธท่าเดียว

..และที่สังเกตได้อีกหนึ่งอย่างคือสีหน้าที่ดูสดชื่นนั่นต่างหาก...

รู้สึกมันเขี้ยวจนต้องเอื้อมมือไปบิดแก้มจนเจ้าตัวส่งเสียงร้องโอ๊ยออกมาอย่างเจ็บเกินจริง

“ฮานะ” พีทลูบหน้าไปมาและคว้ามือที่ประทุษร้ายตัวเองมากุมเอาไว้ “โมโหอะไรครับ”

“หมั่นไส้” เขาดึงมือกลับเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตจะคว้ามือเข้าไปกัดข้อนิ้ว “เป็นหมารึไงน่ะ”

เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อถูกมองค้อนวงโต พีทหันกลับไปสนใจท้องถนนต่อหลังจากที่สัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นไฟเขียว

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดีฮานะจึงเสนอให้จอดพักที่จุดพักรถเพื่อหาอะไรกินรองท้อง แต่เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์บวกกับอากาศที่ร้อนจัดทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะซื้อของในร้านสะดวกซื้อขึ้นมานั่งกินบนรถแทน

ฮานะเดินเลือกซื้อขนมขบเคี้ยวแก้ง่วงเอาไว้กินตอนเดินทางระหว่างที่รออบแซนด์วิชก่อนจะย้ายมาที่เชลฟ์ของหนังสือ นัยน์ตาคู่สวยมองผ่านกระจกใสไปยังจุดเติมน้ำมันที่ใครอีกคนกำลังจอดรถเติมอยู่ หลังจากนั้นพีทก็ขับไปเช็กลมยางในบริเวณที่ทางปั๊มจัดเตรียมเอาไว้ให้

ร่างสูงใหญ่ดูโดดเด่นท่ามกลางคนหมู่มากแม้ว่าเจ้าตัวจะสวมใส่แค่เพียงเสื้อยืดสีดำขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนสีเข้มและร้องเท้าผ้าใบ แผ่นอกตึงแน่นและบ่าที่ตั้งตรงรับกับช่วงเอวสอบทำให้อีกฝ่ายดูน่ามองจนยากที่จะถอนสายตา

...พีทดูดีขึ้นมากจริงๆ ..

ฮานะวางตะกร้าของลงบนแคชเชียร์เพื่อรอชำระเงินในระหว่างนั้นสายก็เหลือบไปเห็นสินค้าบางอย่างที่จัดวางอยู่บนเชลฟ์ข้างเคาน์เตอร์ ใบหน้าสวยพลันร้อนวูบขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ภูเก็ต...คืนนั้นในระหว่างที่กำลังมีอะไรกันถุงยางอนามัยที่เขาให้อีกฝ่ายใช้ดันฉีกขาดคงเป็นเพราะขนาดที่เล็กไป

นัยน์ตาสวยกวาดมองเลขบนกล่องหลากสีอย่างพินิจพิจารณา

54...56...ที่หาซื้อได้มากสุดคือ56 ไซส์ที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเพื่อเอาไว้ใช้กับอเล็กซ์

...แต่มันก็ยังคงไม่มากพอสำหรับพีทอยู่ดี...โตเกินวัยเกินไปแล้ว..

หลังจากที่ขึ้นมาบนรถฮานะก็พยายามที่จะสลัดความคิดเรื่องนั้นออกไปให้พ้น เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกกระดากอายขึ้นมาเมื่อคอยวนเวียนคิดถึงแต่ตอนที่ถูกอีกฝ่ายโอบกอดเอาไว้ทั้งตัว

...เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างภายในตัวพีทสามารถปลุกเร้าความต้องการของเขาได้..

“ฮานะ” ในระหว่างที่ปล่อยความคิดล่องลอยไปกับวิวข้างถนนอยู่นั้นเสียงเรียกของคนที่อยู่ข้างกันก็ดึงให้เขาต้องหันกลับไปสนใจ “หน้าแดง...ไม่สบายหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างนึกเป็นห่วงเพราะวันนี้แดดค่อนข้างแรงพอสมควร

“ห..หา” คนที่ยังไม่รู้สึกตัวยกหลังมือขึ้นแนบข้างแก้มถึงได้รู้ว่าตอนนี้มันร้อนจัด “…เปล่านี่”

...น่าขายหน้าชะมัดเลย..

“ถ้าไม่ไหวก็นอนพักเถอะครับ” พีทเอื้อมมือมาอังเข้าที่หน้าผากก่อนจะเลื่อนลงมาที่ต้นคอขาว ปลายนิ้วเกลี่ยไปมาบนผิวเนื้อจนใครอีกคนรู้สึกร้อนวูบแอบเม้มปากแน่น

“อื้อ...รู้แล้วน่า” ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะเบี่ยงตัวนอนหันหลังให้คนขับด้วยจังหวะชีพจรที่เต้นถี่จนแทบทะลุออกมาจากอกซ้าย










กว่าจะเดินทางมาถึงตัวเมืองลำปางก็ปาไปเกือบจะสี่โมงเย็นเพราะถนนเส้นหลักนั้นรถค่อนข้างติดพอสมควร แต่พอเข้ามาในตัวเมืองก็ได้พบกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายไม่วุ่นวายเหมือนอย่างเมืองหลวง ฮานะนั่งมองตึกบ้านเรือนเก่าตามท้องถนนด้วยแววตาที่เป็นประกายอย่างสนอกสนใจเมื่อเห็นว่ามีรถม้าผ่านตาไป

กลิ่นอายวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นเมืองและบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติราวกับช่วยหยุดเวลาเอาไว้ชั่วขณะ...

...นานมากแล้วที่ไม่ได้พบเจอกับสถานที่ที่ให้ความรู้สึกสงบแบบนี้

...เริ่มจะตกหลุมรักเมืองลำปางขึ้นมาซะแล้วสิ..

“...สวยจัง” ฮานะพึมพำเมื่อรถขับผ่านย่านเมืองเก่า...ตึกบ้านเรือนโบราณกลับมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดเมื่อถูกแสงของพระอาทิตย์ช่วงเย็นส่องกระทบ

“ตรงนั้นเป็นถนนคนเดินครับ” เด็กหนุ่มอธิบายขึ้นมาเมื่อเห็นว่าใครอีกคนนั่งจ้องตัวตึกแถวไม่วางตา “เรียกว่ากาดกองต้า...สมัยที่เรียนมัธยมผมกับเพื่อนเคยมาเล่นดนตรีเปิดหมวกที่นี่บ่อยๆ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้มเมื่อเห็นว่าฮานะดูตื่นเต้นจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่

“เอาไว้ผมจะพามาเดินเล่นก็แล้วกัน”

“มาวันนี้เลยได้ไหม” แววตาที่เปร่งประกายคล้ายกับเด็กที่เจอของเล่นถูกใจทำเอาคนมองต้องยิ้มตามไปด้วย

“ได้ครับ” เขารับปาก “แต่มาช่วงกลางคืนจะสวยกว่า อากาศไม่ค่อยร้อนด้วย”

“โอเค” ฮานะรับคำอย่างว่าง่าย

...ท่าทีแบบนั้นทำให้เขาอยากจะกอดให้จมอกไปเลย...

เพียงไม่นานรถก็ขับเคลื่อนมาจอดอยู่บริเวณหน้าร้านขายข้าวแกงที่มีลักษณะเป็นบ้านไม้สองชั้นขนาดกลาง บริเวณข้างบ้านมีสวนขนาดเล็กที่ดูร่มรื่นบ่งบอกให้เห็นว่าคงได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี บรรยากาศภายในร้านนั้นเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาซื้อมื้อเย็น ฮานะลงมายืนข้างรถด้วยอาการที่ตกประหม่าอยู่ไม่น้อยเมื่อมองเข้าไปด้านใน

แต่แล้วกลับต้องสะดุดตากับหญิงวัยกลางคนที่ยืนตักแกงให้ลูกค้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่านเป็นแม่ของพีทแน่นอน

...รอยยิ้มที่คล้ายกับลูกชายไม่มีผิดเพี้ยน..

“แม่ครับ” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในร้านเรียกสายตาของลูกค้าที่กำลังยืนต่อแถวอยู่หน้าร้านต้องหันมามองเป็นตาเดียว แต่ที่ดูจะตกใจที่สุดก็คงเป็นคุณแม่ของเจ้าตัวเพราะท่านรีบยื่นถุงกับข้าวให้เด็กในร้านก่อนจะเดินเข้ามากอดลูกชายอย่างเต็มรัก ฮานะมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเพราะทำให้เขาคิดถึงครอบครัวที่อยู่ห่างไกล

“ตัวจริงหล่อกว่าในรูปเยอะเลย” เด็กหนุ่มถูกคนเป็นแม่จับหมุนซ้ายหมุนขวาก่อนจะโดนหอมแก้มซ้ำไปมาจนท่านพอใจแต่แล้วกลับกลายเป็นว่าถูกทักเรื่องร่องรอยบนหน้าซะก่อน “ว่าแต่...หน้าไปโดนอะไรมา หืม เจ้าพีท” คนเป็นแม่ถามเสียงดุด้วยสายตาเป็นห่วง

“พอดีตอนเล่นบาสอยู่ที่นู่นเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ” โกหกคำโตออกมาเพราะไม่อยากให้ท่านเป็นกังวลมากไปกว่านี้ เพราะสมัยมัธยมปลายเขาก็มักมีแผลพวกนี้อยู่บนหน้าเป็นประจำอยู่แล้ว...บางครั้งก็ถูกศอกกระแทกจนคิ้วแตกไปเลยก็มี

“จริงๆ เลย” แม่ว่าเสียงดุพร้อมกับตีลงบนต้นแขนไม่แรงมากนัก ก่อนจะเปลี่ยนความสนใจไปที่ใครอีกคนแทน “แล้วนี่..” คุณแม่มองไปทางฮานะอย่างสนอกสนใจเพราะถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นคนที่ลูกชายนั้นเคยพูดถึงอยู่บ่อยๆ

“แม่ครับ นี่ฮานะ...ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง” คนที่ถูกกล่าวถึงรีบยกมือไหว้ทักทายเมื่อเห็นว่าทางนั้นมองมา คุณแม่ยังคงมองอยู่อย่างนั้นจนฮานะเริ่มทำตัวไม่ถูก

“สวัสดีครับ” แววตาตื่นตะลึงของคนเป็นแม่ทำให้เด็กหนุ่มแอบกลั้นยิ้มเอาไว้...ที่ผ่านมาเขาพูดถึงฮานะบ่อยก็จริง แต่ไม่เคยบอกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย....

“ฮานะ? ...สวยมาก” จู่ๆ คุณแม่ก็พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างและเดินเข้าไปกอดจนคนที่ถูกชมนั้นตั้งตัวไม่ทัน ฮานะยกแขนขึ้นกอดตอบท่านและพยายามกลั้นความเขินอายที่พุ่งเข้ามาเล่นงานเพราะคุณแม่ของพีทชมไม่ขาดปาก “พีทไม่เคยบอกแม่เลย เห็นชื่อฮานะแม่ก็นึกว่าเป็นผู้หญิงซะอีก ขอโทษด้วยนะลูก” ท่านพูดอย่างเป็นกันเองเพราะรู้สึกเอ็นดูคนในอ้อมกอดอยู่ไม่น้อย...ยิ่งได้เห็นตัวจริงก็จริงชอบ

...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าพีทถึงบอกว่าฮานะน่ารักอยู่บ่อยๆ ..

“ไม่เป็นไรครับ” ฮานะส่ายหน้าและยิ้มตอบกลับไป พอลอบมองทางต้นเหตุฝ่ายนั้นก็กำลังกลั้นขำจนถูกมองค้อนวงโต...เดี๋ยวเถอะ

“มาเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักกันก่อนดีกว่า แม่ทำความสะอาดห้องไว้รอแล้ว” คุณแม่ทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับไปช่วยลูกจ้างขายของต่อ พร้อมทั้งนัดหมายเอาไว้ว่าช่วงเย็นค่อยเดินทางไปเยี่ยมยายที่โรงพยาบาล

ห้องนอนของพีทนั้นอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน ถึงแม้จะไม่ได้กว้างขวางมากนักแต่ภายในกลับดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ข้าวของถูกเก็บเป็นระเบียบไม่ต่างกับห้องที่อพาร์ตเม้นท์ของเจ้าตัว ทำเอาเขาแอบรู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อยเพราะบางครั้งตอนที่อยู่ด้วยกันตัวเองก็ทำห้องรกจนฝ่ายนั้นต้องตามเก็บทำความสะอาดให้อยู่บ่อยครั้ง

“นี่ใครน่ะ” ฮานะนั่งลงบนเตียงไม้ขนาดสำหรับนอนคนเดียวที่วางอยู่ติดบริเวณริมหน้าต่าง ก่อนจะหยิบกรอบรูปบนโต๊ะขึ้นมาดูอย่างสนอกสนใจ แม้รูปถ่ายจะซีดจางไปตามกาลเวลา แต่รอยยิ้มที่ฉายชัดอยู่บนนั้นกลับเรียกความสุขให้หวนกลับมาเสมอ

...เด็กชายพีรัท โชติเมธีในวันสำเร็จการศึกษาชั้นอนุบาลสาม...

...แก้มยุ้ยเชียว...น่ารักชะมัด..

“โดนบังคับให้ถ่ายน่ะครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะเมื่อหวนนึกถึงความทรงจำในตอนนั้น หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนเขาถูกแม่และยายบังคับให้ไปถ่ายรูปที่สตูดิโอแถวบ้าน ตอนนั้นจำได้ว่างอแงไปไม่น้อยเพราะอยากจะกลับไปนอนดูการ์ตูนเต็มแก่ สุดท้ายภาพมันเลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น

...ฉากหลังสีสันสดใส คุณแม่และคุณยายยิ้มร่า แต่เด็กชายตัวน้อยกลับยิ้มเกร็งจนหน้าตาดูตลก..

ตอนที่เพื่อนสมัยมัธยมมาเที่ยวเล่นที่บ้านแล้วเห็นรูปนี้พวกมันหัวเราะกันจนกลิ้งไปมาบนพื้น...พับผ่า..

แชะ!

เสียงชัตเตอร์โทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ต้องหันกลับไปมอง แล้วก็ได้เห็นว่าฮานะถ่ายรูปวัยเด็กของเขาเอาไว้มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดี

“ฮานะ” เด็กหนุ่มแกล้งดุ แต่ฝ่ายนั้นก็เอาแต่ยิ้มจนในที่สุดก็หลุดหัวเราะออกมาทำให้เขาต้องเผลอยิ้มตามไปด้วย

“ฮือ น่ารักอะ” ฮานะซูมเข้าไปที่ที่แก้มของเด็กชายตัวน้อยทั้งที่หัวเราะจนน้ำตาซึมก่อนจะเอื้อมมือออกไปดึงของจริงที่นั่งหน้าดุอยู่ด้วยความเอ็นดู “chubby~chubby~”

สิ้นเสียงถอนหายใจของคนที่ถูกแซวร่างสูงใหญ่ก็โถมตัวเข้าใส่คนตรงหน้าจนล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่ เสียงสปริงดังลั่นในตอนที่เด็กหนุ่มเคลื่อนกายขึ้นไปคร่อมทับอีกฝ่ายเอาไว้ ฮานะยังคงหัวเราะโดยไม่สนใจเลยว่าเขาต้องอดทนและอดกลั้นกับความต้องการที่กำลังปะทุขึ้นมามากแค่ไหน

นัยน์ตาคมเข้มจดจ้องริมฝีปากสีอ่อนไม่วางตา...ไม่รู้ว่าตอนไหนที่กลิ่นและรสของนิโคลตินเริ่มเจือจางหายกลับกลายเป็นรสหอมเย็นของมิ้นท์เข้ามาแทน

ฮานะไม่เคยบอกว่าจะเลิกบุหรี่...แต่กลับเริ่มห่างจากมันหลังจากที่เขาเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ ตัวเองเป็นโรคภูมิแพ้แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายใช้มันอีกเลย

“มองอะไรเล่า” มือข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นมาปิดตาเขาเอาไว้ทำให้ต้องคว้ามากอบกุมและจรดจูบลงไปเหมือนอย่างที่ชอบทำมาโดยตลอด

เด็กหนุ่มรวบแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียวก่อนจะดึงเอาโทรศัพท์เจ้าปัญหาไปวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงโดยที่เจ้าของเครื่องได้แต่บ่นอุบอิบว่าเขาเผด็จการอย่างนู้นอย่างนี้ สุดท้ายเลยตัดปัญหาด้วยการลงไปกดจูบหนักๆ บนแก้มนุ่มจนฮานะต้องก้มหน้าหลบหนีอย่างสุดความสามารถ

แก้มฮานะนุ่มมาก...เหมือนกับก้อนแป้งขาวๆ เวลาที่ถูกนวดจนขึ้นฟูได้ที่ ยิ่งเวลาที่โดนแดดแล้วแดงปลั่งจนเห็นเลือดฝาดยิ่งน่ามองเข้าไปใหญ่

...แต่เวลาที่มีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนในตอนที่ถูกเขาโอบกอดเอาไว้นั้นน่ามองที่สุด..ยิ่งเห็นยิ่งอยากทำให้ร้องไห้..

...ถ้าฮานะรู้เข้าคงถูกหยิกจนเนื้อเขียว..

“ถอยออกไปเลย ร้อน” ฮานะพยายามเบี่ยงตัวหลบหนีสายตาคู่นั้นที่จ้องลงมา...ทำตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะเจ้าโกลด์เด้นท์!

แต่นอกจากจะไม่ได้รับความร่วมมือแล้วยังถูกปล้นจูบอีกต่างหาก ริมฝีปากร้อนจัดที่ค่อยๆ ขบเม้มลงมาอย่างอ้อยอิ่งทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นตอบรับสัมผัสอ่อนโยนด้วยความเต็มใจ เรียวแขนเล็กยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้มแล้วนวดคลึงไปมาจนได้ยินเสียงทุ้มต่ำคราเครืออยู่ในลำคอ

แสงของพระอาทิตย์ตกที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามานั้นทำให้รสจูบหวานล้ำขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด ฮานะยกปลายนิ้วขึ้นแตะสัมผัสข้างกรอบใบหน้าที่อยู่เพียงระยะประชิดก่อนจะไล่สายตาผ่านจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากร้อนจัดที่ฉ่ำวาวเพราะรสจูบ นัยน์ตาสีอ่อนกระทบกับแสงนวลตาสะท้อนเงาใครบางคนที่คร่อมทับเหนือร่าง

“...ฉันรู้สึกอิจฉาความโชคดีของตัวเองอีกแล้ว” เอ่ยบอกทั้งรอยยิ้มที่ประทับอยู่บนใบหน้า

“ผมก็เหมือนกัน” เสียงทุ้มต่ำพึมพำแนบชิดก่อนจะกดจูบย้ำลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งประคองอยู่ช่วงสะโพกได้รูปก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปลูบผิวเนื้อเนียนบริเวณที่มีรอยสัก

“มือไว” ฮานะแสร้งดุ ก่อนจะหยุดเอาไว้ได้ทันการก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ “พีท” เขาเริ่มเสียงเข้มเมื่อเจ้าเด็กตัวโตยังคงดึงดันจะก้มลงมาจูบอีกรอบ จนในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมถอยกลับอย่างว่าง่ายพอดีกับที่มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก

“ครับ” เด็กหนุ่มขานรับ

“แม่ปิดร้านแล้ว อีกสักครึ่งชั่วโมงลงไปเจอกันด้านล่างนะลูก”

“ครับแม่” หลังจากที่เสียงฝีเท้าด้านนอกเดินห่างออกไปฮานะก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับจัดเสื้อผ้าและทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่

“จะอาบน้ำก่อนไหมครับ” พีทหันมาถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู้สึกไม่สบายตัว แต่ฮานะกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“ค่อยกลับมาอาบทีเดียวดีกว่า” เขายิ้มรับในตอนที่ฝ่ายนั้นเอื้อมมือมาตรงหน้าและดึงให้ลุกขึ้นยืนข้างกัน










โรงพยาบาลประจำจังหวัดลำปางในช่วงหัวค่ำนั้นคนค่อนข้างที่จะเบาบางจึงทำให้การหาที่จอดรถนั้นไม่ใช่เรื่องยากนัก พีทเป็นคนถือของเยี่ยมไข้ทั้งหมดรวมไปถึงกระเป๋าเสื้อผ้าของแม่ที่จะมานอนค้างคืนเป็นเพื่อนยาย สุดท้ายก็ถูกฮานะดึงออกไปถือช่วยบางส่วน

“ที่จริงวันนี้แม่กลับไปนอนที่บ้านก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมมาเฝ้ายายให้เอง” ในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์เด็กหนุ่มก็หันไปบอกคนเป็นแม่อย่างนึกเป็นห่วง แต่กลับถูกฝ่ายนั้นปฏิเสธท่าเดียว

“แม่อยู่ได้ ยังไงวันพรุ่งนี้ร้านก็หยุดอยู่แล้ว สบายมาก” ท่านยิ้มบางเบา “อีกอย่างพีทนอนไม่ได้หรอก เชื่อแม่สิว่าล้นโซฟา...เนอะฮานะ” คนเป็นแม่หันไปขอกำลังเสริมจากคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนฝ่ายนั้นจะกลั้นยิ้มเอาไว้และพยักหน้ารับเห็นด้วย “ไม่ต้องห่วงหรอก แค่พวกลูกมาเยี่ยมยายเขาก็ดีใจมากแล้ว ไม่ต้องคิดมาก” ท่านยกมือลูบลงบนต้นแขนของลูกชายให้คลายความกังวลลง

ห้องพักผู้ป่วยของคุณยายนั้นเป็นห้องพักพิเศษเดี่ยวเพราะต้องคอยสังเกตอาการป่วยอย่างใกล้ชิดเนื่องจากไข้นั้นยังไม่ลดและรอผลเลือดที่ส่งไปตรวจ

ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปก็ได้เห็นว่าตอนนี้พยาบาลกำลังวัดไข้และวัดความดันให้กับคุณยายที่นอนอยู่บนเตียง ฝ่ายนั้นดูท่าทางอิดโรยอยู่ไม่น้อยเพราะพิษไข้ที่เล่นงานมาเป็นเวลานาน แต่ทันทีที่ท่านเห็นว่าหลานชายเดินเข้าไปใกล้เตียงสีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวิขึ้นมาจนคุณแม่ต้องลอบยิ้มด้วยความใจชื้น

“ยายครับ” เด็กหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพร้อมทั้งบีบมือเหี่ยวย่นที่มีสายน้ำเจาะอยู่ด้วยท่าทีที่อ่อนโยน “ผมกลับมาหาแล้ว” รอยยิ้มยกขึ้นในตอนที่อีกฝ่ายยิ้มตอบรับ

ฮานะค่อยๆ เดินเลียบเคียงเข้าไปใกล้เตียงผู้ป่วยก่อนจะยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมโดยมีคุณแม่ของพีทคอยแนะนำตัวช่วย

“นี่ฮานะ...คนที่ดูแลเจ้าพีทอยู่ที่นู่น” เรื่องที่หลานชายเดินเข้าสู่วงการบันเทิงนั้นตัวคุณยายเองก็เพิ่งได้รับรู้เมื่อไม่นานมานี้ ท่านจึงพยักหน้ายิ้มรับอย่างเป็นกันเองก่อนจะหันไปพูดกับหลานชายต่อ

“เราน่ะ...ทำตัวให้พี่เขาต้องปวดหัวหรือเปล่า หืม” เสียงแหบแห้งแต่กลับมากไปด้วยความเอ็นดูเอ่ยถาม

“น้องเป็นเด็กดีมากเลยครับ” ฮานะเป็นฝ่ายตอบกลับก่อนจะยกมือวางลงบนบ่ากว้าง “เพื่อนร่วมงานทุกคนเอ็นดูกันใหญ่”

“จริงหรือเปล่า” ฝ่ายนั้นยังคงไม่ไว้วางใจ “ถ้าเจ้าพีทดื้อ ยายฝากให้คุณฮานะจัดการได้ตามสบายเลยนะ คนนี้น่ะเห็นภายนอกไม่ค่อยพูดแต่ความจริงใจร้อนมาก”

“ได้ครับ” เขายิ้มรับก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเกรงอกเกรงใจ “เรียกแค่ชื่อผมเถอะครับคุณยาย อย่าคุณเลย” ...ยิ่งอีกฝ่ายเป็นญาติผู้ใหญ่ของพีทด้วยแล้วเขาก็ยิ่งตั้งรับไม่ถูก

คุณยายยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพยักหน้ารับแล้วพูดชมว่าฮานะน่ารักไม่ขาดปากโดยมีคุณแม่เป็นแรงเสริมอีกคน

“แล้ว...หมอว่ายังไงบ้างครับ” เด็กหนุ่มเปิดประเด็นขึ้นมาอย่างนึกเป็นห่วงเพราะเห็นพยาบาลแจ้งว่าไข้ยายยังไม่ลดลง

“รอฟังผลเลือดพรุ่งนี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าสาเหตุมาจากอะไร” แม่หันมาบอกในขณะที่กำลังปอกฝรั่งและแอปเปิ้ลใส่จานโดยมีฮานะช่วยเป็นลูกมืออีกแรง...แม้จะยังเก้กังอยู่บ้างแต่คุณแม่ของพีทกลับใจเย็นสอนจนสามารถปอกออกมาได้อย่างสวยงาม

“แล้วจะกลับมาอยู่กี่วันล่ะเจ้าพีท เสียการเสียงานหรือเปล่าลูก” หญิงสูงวัยถามอย่างนึกเป็นห่วงว่าจะทำให้หลานต้องทิ้งภาระหน้าที่เพื่อกลับมาเยี่ยมไข้

“กลับมะรืนนี้แล้วครับ...แต่ถ้ายายอาการไม่ดีขึ้น ผมก็คงยังไม่กลับ” บอกตามตรงเลยว่าพอยายล้มป่วยและมีเพียงแม่คนเดียวที่คอยดูแลเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ทั้งสองคนต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง แต่เพราะความจำเป็นจึงทำได้แค่เพียงอดทนอดกลั้นและหวังว่าสักวันเขาจะสามารถกลับมาดูแลแม่กับยายได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่ให้พวกท่านทั้งสองต้องลำบากอีก

“ทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน” ถูกยายดุขึ้นมาอย่างไม่จริงจังมากนัก “ต้องกลับไปทำสิ่งที่สำคัญก่อนสิลูก...อาการป่วยของยายน่ะก็เป็นๆ หายตามประสาคนแก่อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าแม่กับยายแล้วครับ” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังพร้อมซบหน้าลงบนมือเหี่ยวย่นที่คอยโอบอุ้มเขามาตั้งแต่เด็ก

“วางใจเถอะครับ...เรื่องงานของพีทผมจะช่วยดูแลให้อีกแรง” ฮานะรับปากเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวลลง

เพราะเขานั้นเข้าใจความรู้สึกของพีทดีว่าการที่อยู่ห่างจากครอบครัวนั้นมันทรมานมากแค่ไหน ยิ่งตอนที่พวกท่านล้มป่วยก็ยิ่งเป็นห่วงจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน แต่เพราะภาระหน้าที่และระยะทางจึงทำได้เพียงแค่อดทน

ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดลังเลเลยที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ...

...ขอแค่ได้เป็นที่พึ่งพิงในยามที่อีกฝ่ายกำลังเหนื่อยล้าได้สักนิดก็ยังดี..

เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี ร่างสูงใหญ่ของเด็กหนุ่มยังคงนั่งเฝ้าดูอาการของผู้เป็นยายอยู่อย่างนั้นโดยไม่ลุกออกไปไหนไกล ทั้งยังคอยป้อนน้ำและยาก่อนนอนให้โดยที่พยาบาลหรือแม่ไม่ต้องออกแรงช่วย

“พีท...กลับไปนอนที่บ้านเถอะ...พี่เขาจะได้พักผ่อน” เธอเดินมาวางมือลงบนไหล่ลูกชายก่อนจะพยักหน้าไปทางคนที่นั่งพิงพนักโซฟาอยู่และหลับไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ฮานะเอนหน้าซบลงบนไหล่ตัวเองบนช่วงตัวมีผ้าห่มผืนบางที่คุณแม่ของพีทนำไปคลุมเอาไว้ให้

“กลับไปพักผ่อนเถอะลูก อยู่นี่ก็มีพยาบาลคอยช่วยแม่อีกแรง...ไม่ต้องห่วงนะครับ” ฝ่ามืออบอุ่นของผู้เป็นแม่วางลงบนศีรษะพร้อมกับลูบปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาหายายใหม่ก็ได้”

เด็กหนุ่มหันกลับมามองตามก่อนจะสลับกับยายที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยแววตาที่เป็นห่วงเหมือนอย่างเคย...เมื่อช่วงหัวค่ำหลังจากที่ยายหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าไข้ก็ขึ้นสูงจนทำให้มีเหงื่อซึมขึ้นมาเต็มแผ่นหลังโดยมีเขาเป็นคนเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้จนอุณหภูมิในร่างกายยายลดลง

...ลึกๆ แล้วก็รู้สึกผิดกับฮานะที่ทำให้ฝ่ายนั้นต้องมาลำบากด้วยกัน มิหนำซ้ำยังผิดสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะพาไปเดินที่กาดกองต้าอีก

...แต่เขาก็ไม่สามารถทิ้งยายไปได้จริงๆ ..

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนจะลุกเดินเข้าไปหาคนที่นอนหลับคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟา...เห็นแล้วก็ได้แต่เป็นห่วงว่าคอจะเคล็ดเอา “ฮานะครับ”

“…”

“ฮานะ...กลับกันเถอะครับ” พีทเอื้อมมือไปแตะเข้าที่ต้นแขนอีกฝ่ายแผ่วเบา

“หืม..” คนที่ยังคงงัวเงียค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะมองกลับไปที่เตียงผู้ป่วยอย่างเป็นห่วง “...คุณยายเป็นยังไงบ้าง”

“ไข้ลดลงแล้วครับ” เด็กหนุ่มยิ้มบางเบาเมื่อเห็นว่าบนแก้มขาวปรากฏรอยกดทับเจือจาง คงเป็นตอนที่นอนหนุนผ้า “กลับบ้านกันนะครับ”

“ไม่นอนนี่เหรอ” ฮานะถามกลับแต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย

“แม่บอกให้กลับไปนอนที่บ้านครับ...กลัวว่าฮานะจะนอนไม่สบาย” เขาก้มลงมองคนที่พยักหน้ารับด้วยความง่วงก่อนจะเอื้อมมือไปปัดเส้นผมที่ตกลงมาระแก้มออกให้อย่างเบามือ

พีทมองตามแผ่นหลังเล็กของอีกฝ่ายที่เดินไปดูอาการยายที่เตียงพร้อมกับยกมือไหว้แม่เพื่อขอตัวกลับ

...และรอยยิ้มบางเบาก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าพร้อมกับความอบอุ่นที่ตีตื้นขึ้นที่อกซ้าย




(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H I R T E E N : 19/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 19-11-2019 20:04:42
หลังจากที่เดินทางกลับมาถึงบ้านฮานะก็แยกตัวไปอาบน้ำบนห้องน้ำชั้นสองที่อยู่ติดกับห้องนอนส่วนเจ้าของบ้านนั้นเสียสละลงไปอาบน้ำที่ชั้นล่างแทน เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอนแต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของใครอีกคนฮานะจึงตัดสินใจเดินตามลงไปด้านล่าง

บริเวณชั้นหนึ่งนั้นมีเพียงแค่ไฟบริเวณหน้าห้องน้ำเท่านั้นที่เปิดอยู่ เขาพยายามเพ่งผ่านความมืดรอบบ้านก็ไม่เห็นแม้แต่วี่แววของพีท แต่พอมองสังเกตดูดีๆ แล้วบริเวณประตูหลังบ้านที่อยู่หลังครัวกลับเปิดแง้มออกเล็กน้อยจึงเดินตามออกไปอย่างนึกสงสัย และแล้วก็ได้พบว่าใครอีกคนกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหลังบ้าน ท่ามกลางความมืดสลัวมีเพียงแสงของพระจันทร์เท่านั้นที่ให้แสงสว่าง

เด็กหนุ่มนั่งหันหน้าออกไปทางสวนผักที่เมื่อก่อนเขากับยายช่วยกันปลูกเพื่อนำมาทำอาหารและแจกจ่ายเพื่อนบ้าน จนถึงตอนนี้มีผักหลายชนิดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเพราะยายชอบซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกไปเรื่อยเพื่อแก้เบื่อ

นัยน์ตาคมเข้มทอดมองบริเวณสวนหลังบ้านไปเรื่อยเปื่อยเพื่อซึมซับบรรยากาศให้หายคิดถึง แต่แล้วจู่ๆ กลับถูกวงแขนของใครบางคนสวมกอดลงมาบนช่วงบ่า กลิ่นหอมและสัมผัสที่นุ่มนวลเฉพาะตัวทำให้เขาไม่ได้หันกลับไปมองว่าเป็นใคร

“คิดอะไรอยู่” ฮานะถามพร้อมกับวางคางไว้บนไหล่เขา เรียวแขนเล็กโอบกระชับแน่นจนต้องยกมือขึ้นมากอบกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้

“เปล่าครับ”

“คิดมากเรื่องคุณยายอยู่หรือเปล่า” ฝ่ายนั้นถามกลับด้วยท่าทีเป็นห่วง “...ไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้ก็รู้ผลแล้ว” ฮานะปลอบประโลมพร้อมกับกดจูบลงข้างขมับแผ่วเบา

“ฮานะ” พีทดึงให้อีกฝ่ายเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าก่อนวงแขนกว้างจะสวมกอดลงไปบนช่วงเอวคอด “...ขอโทษนะครับที่ทำให้ฮานะต้องมาลำบาก” เด็กหนุ่มช้อนตาขึ้นมองพร้อมกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น

“ใครบอกว่าลำบากกัน...เรื่องแค่นี้เอง” คนอายุมากกว่าก้มลงมองพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะบีบเข้าที่สองข้างแก้มแล้วส่ายไปมา “คิดมากอีกแล้วนะ”

พีทมองลึกเข้าไปในตาคู่นั้นก่อนจะยิ้มบางเบาออกมา “...ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไรน่า คุณยายกับคุณแม่เธอก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของฉันด้วย” เจ้าตัวพูดอย่างมุ่งมั่นและยิ้มออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายได้คลายความกังวลลง “มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ...ไม่ต้องเกรงใจ ฉันยินดี”

และแล้วช่วงตัวก็ถูกวงแขนแกร่งดึงรั้งให้ลงไปนั่งบนตักพร้อมกับวางคางไว้บนไหล่เขาเสร็จสรรพ

...อ้อนอีกแล้วนะ..

“..ที่ผ่านมาเวลาที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้...ผมรู้สึกกลัว” เสียงทุ้มต่ำพึมพำอยู่ข้างใบหูพร้อมกับโอบกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น “กลัวว่าจะทำหน้าที่ดูแลพวกท่านได้ไม่ดีพอ...กลัวไปหมด”

ฮานะทำเพียงแค่นั่งเงียบและตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกคนพูดพร้อมกับวางมือลงบนท่อนแขนแข็งแรงและลูบปลอบแผ่วเบา

“จนบางทีก็นึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้...คิดแค่ว่าถ้าหาเงินได้มากพอจะกลับมาดูแลแม่กับยายให้ดีที่สุด” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่คนฟังกลับสัมผัสได้ว่าวันนี้มันดูผิดแปลกไปเล็กน้อย...ในความเนิบนาบนั้นเจือเสียงสั่นเครือเอาไว้ แม้จะเพียงแค่นิดเดียวแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้พีทกำลังอ่อนแอ “มัวแต่ไล่ตามความต้องการของตัวเอง ดิ้นรนเพื่อความฝันลมๆ แล้งๆ จนลืมนึกถึงคนที่รออยู่ข้างหลัง...มันทำให้ผมไม่ต่างอะไรกับคนเห็นแก่ตัว”

“พีท” ฮานะเอี้ยวตัวกลับไปหาพร้อมกับประคองใบหน้าของเด็กหนุ่มให้ขึ้นมามองกัน “สิ่งที่เธอทำมันไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่ตัวหรอกนะ” นัยน์ตาสีอ่อนเจือความอ่อนโยนตอนที่สบเข้ากับดวงตาคมเข้มที่กำลังหลงทาง “ทุกคนมีความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ที่ต่างกัน...ฉันเชื่อว่าพวกท่านรู้และเข้าใจว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้น่ะ ทั้งหมดก็เพื่อครอบครอบครัวของเธอ...จริงไหม”

“…”

“ที่ผ่านมาเธอได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ได้วิ่งตามความฝันและได้ลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองรัก...เท่านั้นก็บอกอะไรได้หลายอย่างแล้วนะว่า...ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหนพวกท่านทั้งสองก็พร้อมที่จะสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เธอเสมอ”

บางสิ่งบางอย่างไม่จำเป็นที่จะต้องพูดหรือแสดงออกมาให้ได้เห็น...แค่เพียงการกระทำเท่านั้นก็มากพอแล้ว..ที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะเลือกเดินทางไหนก็มีแม่และยายคอยอยู่เคียงข้างเสมอ พวกท่านไม่เคยบอกให้เขาต้องเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ แต่กลับให้อิสระในทุกด้านเพื่อให้เขาเลือกเดินในเส้นทางที่อยากจะเป็น

“เพราะฉะนั้น...อย่ามัวแต่โทษตัวเองเลยนะ” ฮานะยิ้มกว้างพร้อมกับลูบลงบนใบหน้าคมเข้มอย่างอ่อนโยน “ค่อยๆ เติบโตไปในแบบที่เธอต้องการเถอะ”

“…”

ทั้งสองสบตากันเนิ่นนานจนกระทั่งใครอีกคนเอ่ยปากเมื่อเห็นว่านัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นสั่นไหวก่อนหยดน้ำที่เอ่อล้นจะร่วงหล่นลงมาอย่างเงียบเชียบ “...ยังมีฉันอีกคนที่อยู่ตรงนี้...เธอรู้ใช่ไหม?”

“ครับ” เด็กหนุ่มขานรับด้วยเสียงที่แหบพร่าก่อนจะสวมกอดร่างที่เล็กกว่าเอาไว้แน่น

...ขอแค่ฮานะยังอยู่ด้วยกันแบบนี้...ก็เพียงพอแล้ว..










“ผลจากแลปออกมาแล้วพบว่ามีเชื้อเมลิออยด์อยู่ในกระแสเลือด ซึ่งเชื้อชนิดนี้มักจะอยู่ในน้ำและดิน หมอไม่มั่นใจว่าคนไข้มีกิจกรรมที่ทำให้ต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงก่อให้เกิดการติดเชื้อมากน้อยแค่ไหน เพราะเท่าที่ดูจากประวัติแล้วเนื่องจากคนไข้มีโรคประจำตัวพ่วงมาด้วยจึงทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ และมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้มากกว่าคนทั่วไป”

“แล้วอันตรายมากไหมครับ” ร่างสูงใหญ่ของเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างเตียงผู้เป็นยายไม่ห่างมาตั้งแต่เช้า ใบหน้าที่เคร่งเครียดกลับผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าคุณหมอส่ายหน้าและยิ้มออกมา

“ไม่ต้องห่วงค่ะ โชคดีที่ตรวจพบได้ทันก่อนที่เชื้อจะลามไปมากกวานี้...หมอจะให้ยาฆ่าเชื้อทุกวันไปจนกว่าอาการจะดีขึ้นหรือจนกว่าไข้จะลด น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก็กลับบ้านได้แล้วล่ะค่ะ” คุณหมอเจ้าของไข้พูดเอาไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับออกไปทำงานต่อ

“พีทต้องดุยายแล้วนะ แม่ห้ามก็ไม่ฟัง ลงไปสวนทีไรไม่ชอบสวมรองเท้าบูต” เมื่อได้โอกาสคุณแม่ก็รีบฟ้องใหญ่ รายนี้ดื้อรั้นไม่ต่างกับหลานชายเลยสักนิด

เด็กหนุ่มหันไปมองคนสำคัญในชีวิตของเขาก่อนจะกอบกุมมือที่เหี่ยวย่นไปตามวัยขึ้นมากดจูบอย่างนุ่มนวลแล้วยิ้มส่งไปให้ “ยายสัญญากับผมได้ไหมครับว่าจะไม่ทำอะไรให้ผมต้องเป็นห่วง” มือข้างนั้นถูกยกขึ้นมาแนบแก้มเอาไว้อย่างรักใคร่พร้อมกับการพยักหน้าตอบรับคำขอของหลานชายอย่างว่าง่าย

“แล้วจะกลับกันพรุ่งนี้เช้าใช่ไหมลูก” คุณแม่หันมาถาม

“ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พาพี่เขาไปเที่ยวซะสิ ไหนๆ ก็มาทั้งที” เธอเสนอ เพราะตั้งแต่กลับมาก็วนเวียนอยู่แค่บ้านกับโรงพยาบาลกลัวว่าฮานะจะเบื่อเอา

“ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมตั้งใจมาเยี่ยมคุณยายอยู่แล้วเรื่องเที่ยวเอาไว้วันหลังก็ได้ครับ” ฮานะยิ้มรับอย่างเต็มใจ

“ไปพักผ่อนเถอะจ้ะ เห็นพีทบอกว่าฮานะอยากไปเดินเล่นที่กาดด้วยนี่…อีกอย่างคุณยายก็ไข้ลดลงแล้วด้วย ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะจ้ะ” คุณแม่เดินลงไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับผู้จัดการคนสวยของลูกชายก่อนจะยกมือขึ้นวางลงบนตักอีกฝ่าย “แล้วก็อีกอย่าง...เรียกแม่เถอะ เรียกคุณน้าแล้วฟังดูห่างเหินกันจัง”

บอกตามตรงว่าเธอนั้นรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก...แล้วก็สัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดาอย่างแน่นอน ดูจากสายตาของลูกชายตัวเองที่มองฮานะแล้วก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นไม่ใช่เรื่องที่รู้สึกไปเองคนเดียว










ช่วงค่ำคืนของย่านตลาดเก่าในเมืองลำปางนั้นเริ่มหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมบรรยากาศพื้นเมืองของตึกรามบ้านช่องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สองข้างทางเต็มไปด้วยของพื้นถิ่นที่ชาวบ้านนำมาขาย เสียงดนตรีพื้นเมืองดังคลอแว่วไปตลอดสายช่วยเสริมให้บรรยากาศในกาดกองต้านั้นผ่อนคลายมากขึ้น

เด็กหนุ่มมองตามแผ่นหลังเล็กที่หยุดเดินดูของกินโดยเฉพาะอาหารพื้นถิ่นอย่างสนอกสนใจใน บางครั้งเจ้าตัวก็หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปตึกแถวเอาไว้

“พีท...อันนี้อะไร” ฮานะชี้ไปที่กระทงใบตองที่อยู่บนเตาปิ้ง กลิ่นหอมของใบตองและไข่ที่อยู่ด้านในทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาไม่น้อย

“ไข่ป่ามครับ” เขาบอก “ฮานะอยากลองชิมดูไหม” โดยไม่ต้องรอให้คิดฝ่ายนั้นก็พยักหน้ารัวจนเขาต้องเดินไปซื้อมาให้

“เหมือนไข่เจียวเลย” นัยน์ตาคู่สวยก้มลงมองเนื้อไข่นวลเนียนที่ถูกย่างจนหอม ด้านบนมีพริกสดและต้นหอมซอยโรยอยู่ ฮานะตั้งขึ้นมาชิมคำหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาที่แวววาว

“อร่อยไหมครับ” พีทยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปเช็ดเหงื่อบนปลายจมูกออกให้

“อื้อ อร่อย”

“ฮานะอยากกินอะไรอีกหรือเปล่า”

“พอแล้ว...อิ่มตื้อเลย” เจ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับชูถุงของกินที่ซื้อมาเต็มไม้เต็มมือให้ดูเป็นหลักฐาน ก่อนหน้านี้ก็กินขนมจีบไปแล้วด้วย

ทั้งสองคนเดินไปตามถนนทางเดินอย่างไม่รีบร้อน ในบางครั้งก็สลับกันเดินดูของที่ตัวเองสนใจไปเรื่อยๆ

ฮานะมองตามไปยังคนที่กำลังยืนดูของที่ร้านแผงลอยอย่างสนอกสนใจ เสี้ยวหน้าคมเข้มที่ถูกแสงจากหลอดไฟตกกระทบลงมานั้นมากล้นไปด้วยเสน่ห์จนอดที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเก็บภาพเอาไว้ไม่ได้

“ฮานะ?” เด็กหนุ่มหันมามองตามเสียงชัตเตอร์ด้วยความสงสัย “ทำอะไรครับ”

“ถ่ายรูปไง” ฮานะยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี “เผื่อวันไหนดังขึ้นมาจะได้เอาไปขายให้แฟนคลับเธอ...ดีไหม” เจ้าตัวหัวเราะชอบใจใหญ่ที่ได้แกล้ง ใบหน้าสวยเจือความสุขในแบบที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน แววตาคู่นั้นเปล่งประกายเจิดจ้าไร้ซึ่งความเศร้าหมองเหมือนอย่างที่ผ่านมา

“แล้ว...ผมต้องคิดค่าตัวหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกอบกุมข้อมือขาวเอาไว้

“เดี๋ยวนี้หัดต่อรองแล้วเหรอ”

ฮานะหรี่ตามองเจ้าเด็กตัวโตที่นับวันความร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ยิ่งถูกอัพเกรดมากขึ้น เขายื่นมือขึ้นไปดึงแก้มจนยืดเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่ตอบ เอาแต่หัวเราะและมองลงมาด้วยแววตาที่ทำให้ต้องเบือนหน้าหนีออกไปทางอื่นแทน

“ฮานะครับ”

“หืม”

แชะ!

ยังไม่ทันที่จะได้เงยหน้าขึ้นมองจู่ๆ ก็ถูกฝ่ายนั้นวางคางลงมาบนศีรษะพร้อมกับเสียงชัตเตอร์ที่กดถ่ายภาพที่กล้องหน้าเอาไว้จนได้รูปที่ดูยังไงมันก็เหมือนคู่รักกันชะมัดเลย...

“ฉวยโอกาสเหรอ” ฮานะพยายามแย่งโทรศัพท์ของเจ้าตัวมาดูรูป แต่นอกจากพีทจะไม่ให้แล้วยังชูขึ้นสุดแขนเพื่อต้องการแกล้งเขา

โอเค! ยอมแพ้!

“ฮานะน่ารัก” เด็กหนุ่มยกยิ้มบางเบาก่อนจะเปิดโชว์รูปคู่รูปแรกของพวกเขาให้ดู

มันก็ไม่ได้แย่น่ะนะ...แต่ทำตัวเหมือนเป็นคู่รักวัยรุ่นไปได้...

“ไม่คุยด้วยแล้ว” ฮานะรีบตัดบททันทีเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าก่อนจะเดินหนีออกมาโดยมีฝ่ายนั้นเดินตามมาตีคู่กันแล้วคว้ามือเขาไปจับเอาไว้

“ฮานะ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกในตอนที่เดินมาถึงสะพานปลายทาง บริเวณนี้คนไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก

“ว่าไง”

“ชอบที่นี่ไหมครับ” พีทก้มลงมองใบหน้าขาวที่ตอนนี้ขึ้นสีระเรื่อ...ไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะอากาศที่ร้อนหรือเป็นเพราะเขาที่ทำให้ฮานะแก้มแดงได้ขนาดนี้....

แต่ที่แน่ๆ คนมองก็หน้าร้อนไม่ต่างกัน..

“อื้อ ชอบมากเลยล่ะ” เขาพยักหน้าตอบรับตามความรู้สึก...หลงรักเมืองนี้เข้าเต็มเปาซะแล้ว...

“แล้ว...คิดยังไงกับคนที่นี่ครับ ชอบหรือเปล่า”

“ชอบสิ คนที่นี่น่ารักแล้วก็ยัง-...เดี๋ยวนะ” แต่ก่อนที่จะรู้สึกตัวและนึกทบทวนคำถามใหม่อีกรอบเจ้าเด็กตัวโตก็ยืนยิ้มกว้างไปแล้ว

“ขี้โกง...งั้นเปลี่ยนใจไม่ชอบแล้ว” ฮานะยักไหล่เพื่อเปลี่ยนประเด็น แต่กลับรู้สึกว่าไม่สามารถซ่อนใบหน้าร้อนจัดให้หลบพ้นสายตาของคนที่มองลงมาได้เลย

“ใจร้ายจัง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่รอยยิ้มที่มีกลับไม่จางหาย มิหนำซ้ำยังขยับกว้างขึ้นเมื่อถูกใครอีกคนเอื้อมมือมาปิดปากเอาไว้ให้เขาหยุดพูด

...เพราะตอนนี้สองข้างแก้มของฮานะนั้นแดงจัดจนลามไปถึงใบหูแล้ว..










ร่างของคนที่นอนกอดเกยกันอยู่บนเตียงหลังเล็กนั้นทำให้เกิดเสียงสปริงลั่นท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืน ฮานะกลั้นเสียงเอาไว้ในลำคออย่างสุดความสามารถเมื่อช่วงตัวถูกสอดใส่เข้ามาลึกจนต้องจิกปลายเล็บลงบนผิวเนื้อของเด็กหนุ่มจนเกิดรอย ท่อนล่างที่สอดประสานกันอยู่นั้นค่อยๆ ขยับอย่างเนิบนาบ อุณหภูมิรอบกายพุ่งสูงขึ้นในตอนที่หยาดเหงื่อจากคนที่อยู่เหนือร่างนั้นหยดลงมาผสมกัน เสียงร้องคราเครือเจือไปด้วยแรงอารมณ์ทำให้สะโพกสอบเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น

“อ....พีท” แผ่นท้องแข็งแรงถูกฝ่ามือเล็กดันห้ามเอาไว้เมื่อรู้สึกมากเกินกว่าที่จะรับไหว

ใบหน้าสวยส่ายไปมาอยู่บนหมอนจนเส้นผมกระจายฟุ้ง ฮานะสะอื้นฮักในตอนที่ถูกยกสะโพกลอยขึ้นสูงเพื่อรองรับแรงอารมณ์ ก่อนที่ความอุ่นร้อนจะพวยพุ่งเข้ามาเติมเต็มในตอนที่ทั้งคู่นั้นถึงฝั่งฝัน เรียวขาขาวโอบกระหวัดช่วงเอวสอบเอาไว้แน่น เสียงหอบหายใจหนักหน่วงของทั้งคู่นั้นสอดประสานกันเป็นจังหวะก่อนจะค่อยๆ สงบลง

หลังจากที่ได้สติฮานะก็รู้สึกกระดากอายขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้า

...เขากับพีทเพิ่งจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในบ้านของพีท..

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเขาทั้งสองคนแต่มันก็อดที่จะละอายใจไม่ได้อยู่ดี...ไม่น่าคล้อยตามแพ้แววตาออดอ้อนของเจ้าเด็กตัวโตเลยจริงๆ ..

“ฮานะ...อายเหรอครับ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับกดจูบลงบนหลังฝ่ามือขาว

“ไม่ต้องพูดเลย...” ฮานะเลื่อนมือลงมา เผยให้เห็นแค่แววตาที่รื้นน้ำ “..เอาออกไปได้แล้ว” สะโพกเล็กขยับถอยเมื่อรู้สึกร้อนจัดบริเวณช่องทางที่รองรับ ก่อนชีพจรจะเต้นรัวเมื่อได้ยินเสียงเฉอะแฉะในตอนที่ฝ่ายนั้นถอนกายออกไป

ของเหลวร้อนผ่าวไหลออกมาเปื้อนบริเวณซอกขา

...ครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ป้องกันเพราะไม่ได้เตรียมการล่วงหน้ามาก่อน...

“อา ให้ตายสิฉันปล่อยตัวกับเธอเกินไปแล้ว” ฮานะส่ายหน้าไปมาอย่างนึกขบขันตัวเอง

แม้แต่กับอเล็กซ์เองเขาก็ยังนึกไม่ชอบใจทุกครั้งที่อีกฝ่ายสัมผัสกันด้วยตัวตนเปลือยเปล่าไร้เครื่องป้องกัน

แต่กับใครอีกคนนั้นกลับปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะลึกๆ แล้วเขาเองก็ชอบความรู้สึกในตอนที่ถูกร่างกายใหญ่โตเข้ามาเติมเต็มมากเสียจนเผลอเรียกร้องกลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว

...โชคดีที่พกยาคุมฉุกเฉินติดกระเป๋าเดินทางมาด้วย

…พกยาคุมแต่ไม่พกถุงยางอนามัย

...ถ้าจะบอกว่าเป็นความสะเพร่าที่ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น...ก็คงไม่เกินจริง...





_____________________________




เด้นก็อ่อนแอเป็นนะ โอ๋ๆนะคับลูกคนเก่งงง /หอมหัว

แอบสปอยว่าตอนหน้ามี15หน้าค่ะะ ยาวเฟื้อยเลยย แต่จะเป็นอะไรนั้นขออุบอิบไว้ก่อน้า > <



ฝากคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เด้นด้วยนะคับ หรือจะติด #ดอกไม้ของพีท ทางtwitter ก็ได้น้าา :กอด1: :L2:

หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H I R T E E N : 19/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 19-11-2019 21:07:04
โอ๊ยยยย ฟินมาก ค่อยๆรักกันแล้วใช่ไม๊นะ รอตอนได้กลิ้น :ling2:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H I R T E E N : 19/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-11-2019 21:13:28
อ่านจุใจ...พีทน่าเอ็นดู รักคุณยายมาก ต้องพบเจอแต่สิ่งดีๆแน่นวล..ลลลลลลล    o13
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H I R T E E N : 19/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 19-11-2019 21:39:17
อ๋อยยยย อ๋อย อิจฉาเด้นนนนนนนนน อยากมีฮานะเป็นของตัวเองบ้างงงงง :hao7:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER T H I R T E E N : 19/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2019 22:16:28
หมั่นเขี้ยวเจ้าหมา  :hao7:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 24-11-2019 21:34:31
CHAPTER FOURTEEN


_________________________________



เช้าของวันต่อมาทั้งสองคนได้แวะเข้าไปเยี่ยมคุณยายที่โรงพยาบาลอีกครั้งก่อนที่จะเดินทางกลับ อาการของท่านนั้นนับว่าดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากเมื่อได้รับยาฆ่าเชื้อ ไข้ที่เคยขึ้นสูงก็ลดลงจนอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจจึงทำให้ทุกคนหายห่วง

ขากลับจากลำปางนั้นฮานะอาสาช่วยอีกฝ่ายขับรถเพราะกลัวว่าพีทจะเหนื่อยเกินไป แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้พวกเขาต้องเข้าบริษัทแต่เช้าตามนัดของคุณของแกเรนด้วย

เพราะเป็นวันธรรมดาถนนเส้นหลักจึงไม่ติดขัดเหมือนขามาจึงทำให้การเดินทางนั้นค่อนข้างสะดวก ในตอนที่แวะพักที่จุดพักรถพีทก็เปลี่ยนมาขับเพราะเขารู้สึกง่วงและอ่อนเพลียขึ้นมา แอร์เย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ต้องขดตัวเข้ากับเสื้อแจ็คเกตที่ฝ่ายนั้นเอื้อมไปหยิบมาจากเบาะหลังมาห่มไว้ให้

รู้ตัวอีกทีภายนอกรถนั้นก็เริ่มมืดครึ้มจากเมฆฝน ในระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดงอยู่บนท้องถนนนั้นคนที่อยู่หลังพวงมาลัยก็เอี้ยวตัวเข้ามาหาและก้มลงวัดอุณหภูมิให้อย่างนึกเป็นห่วง

“ฮานะ...เป็นยังไงบ้างครับ” พีทเกลี่ยลงบนหน้าผากนวลที่ชื้นเหงื่อเล็กน้อย

ปกแล้วฮานะเป็นคนที่ขี้หนาวแต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับมีเหงื่อทั้งที่อุณหภูมิทั้งภายในและภายนอกนั้นไม่ได้สูงจึงทำให้เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะป่วยเพราะวันนี้อากาศค่อนข้างที่จะร้อนจัดและช่วงเย็นยังครึ้มฝน

“...พีท” ฮานะสูดหายใจเข้าออกอย่างเชื่องช้าเพราะจู่ๆ ก็รู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายนั้นสูงขึ้น

“ครับ” ฝ่ายนั้นขานรับและเอื้อมมือมาจับกระชับกันไว้แน่นในตอนที่รถเคลื่อนตัวออกไปตามท้องถนน

“ร้อน…อื้อ” ร่างขาวนวลสั่นสะท้านเมื่อความรู้สึกบางอย่างพุ่งเข้ามาโจมตีกะทันหัน...ยิ่งได้กลิ่นของพีทที่หลงเหลืออยู่บนเสื้อเขาก็ยิ่งควบคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ ทั้งร่างนั้นร้อนจัดจนแทบระเบิด จังหวะการหายใจเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ

…นี่ไม่ใช่อาการป่วยอย่างแน่นอน...ไม่ใช่...

“ฮานะ ไปหาหมอไหมครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างร้อนใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของฮานะนั้นแดงก่ำ

“ม…ไม่ต้อง” อีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธ “กลับห้อง...เร็วๆ”

“แต่..”

“พีท...ได้โปรด” มือขาวทั้งสองข้างกำแน่นเข้าหากันจนขึ้นสันหมัด ฮานะกอดเสื้อแจ็กเกตเอาไว้แน่นเมื่อร่างกายเริ่มร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ จนทัศนียภาพเบื้องหน้านั้นพร่าไปหมด หยดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาจนเปียกแก้มทำให้ต้องข่มความรู้สึกเอาไว้

ทันทีที่รถจอดฮานะก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน เด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าอย่างกระวนกระวายเมื่อคนในอ้อมกอดนั้นเริ่มหอบหายใจหนัก เสื้อเขาถูกขยุ้มจนยับย่นในตอนที่เดินเข้าไปในห้องโดยสารของลิฟต์

“ฮานะ...” จู่ๆ ลำคอก็ถูกคว้าลงต่ำก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะประกบบดเบียดแนบแน่น

เรียวลิ้นเล็กสอดเข้ามาในโพรงปากจนเขาต้องตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ เสียงเฉอะแฉะทำให้ความรู้สึกเบื้องต่ำนั้นพุ่งพล่าน ร่างสูงใหญ่กระชับอ้อมแขนเอาไว้แนบแน่นก่อนจะจัดแจงเกี่ยวกระหวัดช่วงขาเรียวให้มาพันรอบเอวเอาไว้แล้วดันตัวอีกฝ่ายไปแนบกับผนังลิฟต์

ใบหน้าคมเข้มเคลื่อนลงต่ำจนระดับเสมอกับลำคอขาว ทันทีที่ปลายจมูกแตะลงบนผิวเนื้อนวลเนียนกลิ่นหอมรุนแรงก็ฟุ้งกระจายออกมาจนเขารู้สึกมึนหัวไปชั่วขณะ เด็กหนุ่มขบกรามจนขึ้นสันเมื่อสัญชาตญาณดิบในร่างกายถูกปลุกเร้าขึ้นมาเมื่อรู้ว่า...

...ฮานะกำลังจะเข้าสู่ชวงฮีท..

เมื่อเสียงสัญญาณลิฟต์เตือนว่าถึงชั้นห้องพักร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเดินออกไปด้วยความเร่งรีบเพราะกลิ่นของฮานะนั้นเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ โชคดีที่ตอนนี้บริเวณทางเดินนั้นปลอดคนเขาจึงสามารถรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้โดยไม่ต้องนึกกังวล

ประตูห้องถูกเปิดและปิดออกด้วยความรวดเร็วก่อนที่พีทจะเดินเข้าไปในห้องนอนโดยไม่รีรอ ร่างขาวเนียนถูกวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ฮานะตัวชื้นเหงื่อจนเสื้อเชิ้ตสีครีมที่สวมใส่นั้นแนบไปกับผิวเนื้อ เด็กหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลำคอพลันแห้งผากเมื่อถูกฟีรีโมนของอีกฝ่ายเล่นงานจนตาพร่าเบลอ

...หอม..

...หอมมาก..

...ไม่เคยได้กลิ่นหอมแบบนี้มาก่อน..

“พีท...ฉัน อ..”

...ยิ่งฮานะเรียกร้องหา กลิ่นก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนไม่สามารถที่จะยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป

เสื้อยืดที่สวมใส่ถูกถอดโยนไว้บนพื้นข้างเตียง ฟูกนุ่มยวบลงเมื่อต้องรองรับน้ำหนักของคนสองคน ร่างสูงใหญ่เคลื่อนตัวไปคร่อมทับอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะจัดการถอดกางเกงยีนออกจนท่อนล่างนั้นเปล่าเปลือย สะโพกเล็กถูกช้อนขึ้นสูงจนลอยเหนือพื้นเตียง น้ำหล่อลื่นที่ไหลออกมาจากร่องสะโพกนั้นมีมากกว่าปกติมันอาบไล้ซอกขาขาวเนียนจนฉ่ำวาว

เด็กหนุ่มประคองหนั่นเนื้อขาวจัดเอาไว้ก่อนจะลูบปลายนิ้วปัดผ่านช่องทางร้อนจัดด้วยลำคอที่แห้งผาก

“อ...ส..ใส่มันเข้ามาที ฮึก” ฮานะร้องขออย่างขาดสติ มือขาวจิกลงบนผ้าปูจนยับย่นเมื่อถูกเรียวนิ้วดันลึกเข้ามา

เสียงเฉอะแฉะดังขึ้นอย่างหยาบโลนในตอนที่ช่องทางถูกกระทำจนขับน้ำหล่อลื่นออกมาอาบเรียวนิ้วของอีกฝ่าย ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงจัดพร้อมกับส่ายไปมาบนหมอนนุ่มจนเส้นผมแผ่กระจาย

“ไม่ใช่นิ้ว...ม.. ฮึก ไม่เอานิ้วแล้ว” ฮานะสะอื้นในลำคอตอนที่ถูกพลิกตัวลงไปนอนคว่ำบนเตียงก่อนสะโพกจะถูกตะปบยกขึ้นสูงจนตัวแอ่นโค้ง “พีท...ได้โปรด...เข้ามา” ใบหน้าซบลงบนหมอนอย่างอ่อนแรงตอนที่ถูกฝ่ายนั้นซุกหน้าลงมาตรงหว่างขา ร่างขาวนวลตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงเมื่อช่องทางด้านหลังถูกเรียวลิ้นร้อนกดลึกเข้ามาอย่างตะกรุตะกราม

“อื้อ!” ฮานะรู้สึกร้อนวูบไปทั่วร่างเมื่อลิ้นถูกถอนออกไปแต่กลับมีบางอย่างที่ร้อนจัดแนบลงมาแทน

...ไม่ไหว...

...รู้สึกร้อนจนหัวแทบระเบิด...ยิ่งได้กลิ่นของพีทที่วนเวียนอยู่รอบกายก็เหมือนกับว่าสมองมันจะละลายหายไปซะให้ได้..

“ฮานะ” เสียงพร่าต่ำแหบแห้ง เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด เด็กหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นสันเมื่อถูกกลิ่นหอมรุนแรงนั้นเล่นงานจนมึนหัว

จังหวะชีพจรเต้นรัวเร็วและหนักแน่นในตอนที่ก้มลงสูดกลิ่นข้างลำคอขาว

ในเวลาที่กายใหญ่สอดลึกลงไปในช่องทางอ่อนนุ่ม กลิ่นหอมยิ่งฟุ้งขึ้นมา

“อ..ทำไมมันใหญ่ขึ้น ฮ...อือ” ร่างเล็กเกร็งสะท้านเมื่อถูกกระชับสะโพกเอาไว้แน่นเพื่อรองรับความใหญ่โต “พ...พีท มันใหญ่..ใหญ่เกินไป อื้อ!” ถ้อยคำปลุกเร้าทำให้ผู้ที่อยู่เหนือกว่านั้นสติขาดสะบั้นลงแทบจะทันที

ช่วงเอวสอบกดลึกกระแทกกับบั้นท้ายขาวจัดจนขึ้นรอยแดง เสียงคำรามทุ้มต่ำดังเครืออยู่ในลำคอราวกับต้องการระงับความบ้าคลั่งที่กำลังปะทุขึ้นมา

ดวงตาคมปลาบมองต่ำไปที่ลำคอขาวอีกครั้ง ก่อนจะลากนิ้วผ่านปลอกคอหนังที่อีกฝ่ายสวมใส่เอาไว้ตลอดเวลา...พักหลังมาฮานะไม่ได้สวมปลอกคอที่มีระบบนิรภัยเหมือนอย่างตอนแรกที่พบกัน

..เป็นเพียงปลอกคอหนังธรรมดาที่ไร้ซึ่งระบบป้องกัน..

“พ..พีท อ” ฮานะพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ทำให้ฉัน...เป็นของเธอ”

สิ้นเสียงร้องขอโดยไม่รอให้เจ้าตัวเป็นฝ่ายปลดออก ปลอกคอก็ถูกกัดจนขาดออกจากกันกลิ่นฟีโรโมนกลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว

ลิ้นร้อนแลบเลียลงบนผิวนุ่มก่อนจะใช้ฟันขบกัดลงบนลำคอขาวจนเกิดร่องรอยประทับจนเป็นที่น่าพึงพอใจ และแล้วความรู้สึกบางอย่างก็ซ้อนทับขึ้นมา เร่งเร้าให้ชีพจนเต้นเร่าอย่างรุนแรง เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นนั่งพร้อมกับดึงร่างที่เล็กกว่าขึ้นมาแนบชิดกับแผ่นอก

“ฮานะ...” ริมฝีปากร้อนจัดแนบลงเมื่อเห็นประกายตารื้นน้ำจากอีกฝ่าย

“...เป็นเธอ” ฮานะถอนจูบออกมาก่อนจะขบกัดลงบนริมฝีปากล่างด้วยความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาในอก “เป็นเธอจริงๆ ด้วย” เสียงกระซิบสั่นพร่าจนไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้ สัญชาตญาณบางอย่างร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง โหยหารุนแรง

...นี่น่ะหรือความวิเศษของคู่แห่งโชคชะตา...

“คุณเป็นของผมแล้ว” เด็กหนุ่มก้มลงแนบใบหน้าเข้ากับลำคอขาวก่อนจะกัดลงไปบนลำคออีกข้าง “ฮานะ...เป็นของผม..”

...เป็นของกันและกันโดยสมบูรณ์..

สะโพกสอบกดกระแทกเรี่ยวแรงทั้งหมดเข้าไปจนเกิดเสียงหยาบโลนของหนั่นเนื้อที่กระทบกัน ฝ่ามือใหญ่ที่กระชับอยู่ข้างสะโพกเลื่อนขึ้นไปลูบไล้แผ่นอกขาวชื้นเหงื่อก่อนจะเน้นคลึงยอดอกที่กำลังชูชันขึ้นตามแรงอารมณ์ที่ปะทุ

“ฮ...อึก” ฮานะกัดริมฝีปากจนซีดในตอนที่ร่างกายสั่นไหวจากพละกำลังมหาศาลของคนที่อยู่เหนือกว่า

รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มลงไปนอนหงายอยู่บนเตียง ฮานะหน้าแดงจัดตอนที่ถูกยกขาข้างหนึ่งพาดไว้บนช่วงบ่ากว้าง ส่วนอีกข้างนั้นโดนกดแนบลงไปบนเตียงนุ่ม เจ้าตัวแหงนเงยหน้าขึ้นจนลำคอเป็นเส้นตรงเมื่อรู้สึกแน่นท้องน้อยจนจุก ทั้งที่พีทไม่ได้รุนแรงอย่างขาดสติ แต่เพราะขนาดตัวที่ต่างกันจึงทำให้บางส่วนนั้นดันลึกเข้ามามากกว่าที่เคย

...มันใหญ่ขึ้นกว่ารอบที่แล้ว...และร้อนจัดจนเหมือนกับว่าช่องทางเขาถูกหลอมละลายไปด้วย

“ร...ร้อน ตรงนั้น..มันร้อน” ฮานะครางเสียงสั่นเมื่อเริ่มควบคุมสติไม่อยู่ และทันทีที่อีกฝ่ายกระแทกเข้ามาจนสุดช่วงเอวเล็กก็แอ่นโค้งเหยียดเกร็งเอาไว้เมื่อรู้สึกเสียวซ่านแทบคลุ้มคลั่งเพราะส่วนปลายนั้นชนเข้ากับปากมดลูกอย่างจัง ร่างขาวนวลบิดตัวเร่าเมื่อรู้สึกมากเกินกว่าที่จะรับไหว ยิ่งอีกฝ่ายกดกายกระแทกเข้ามาช่องทางที่รองรับก็ยิ่งร้อนจัดและขับน้ำหล่อลื่นออกมาจนฉ่ำเยิ้มโคนขาขาว

“...ลึก...เกินไปแล้ว” เรียวนิ้วที่กำผ้าปูที่นอนถูกสอดประสานเอาไว้มั่นเมื่อสะโพกสอบกระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างรุนแรง

“ฮานะ...น่ารักมาก” เด็กหนุ่มพึมพำเสียงต่ำตอนที่ก้มลงมองร่างกายช่วงล่างที่สอดประสานกันอย่างแนบแน่นแผ่นท้องแบนราบที่มีตัวตนของเขาอยู่ภายในนั้นกำลังขยับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเคลื่อนตัว บริเวณสะโพกอิ่มถูกบีบขยำจนขึ้นรอยมือ เถากุหลาบที่อยู่บนผิวเนื้อขาวถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบอบช้ำ

ฮานะดึงมือที่กอบกุมเขาอยู่ลงต่ำก่อนจะวางแนบลงบนแผ่นท้องของตัวเอง นัยน์ตาสวยคลอน้ำได้อย่างน่าสงสารในตอนที่ช้อนขึ้นมามองกัน หยดน้ำเกลือกกลิ้งลงมาเปียกแก้มขาวได้อย่างน่าเห็นใจ

แต่แทนที่เขาจะหยุดและผ่อนแรงลง กลับควบขย่มหนักขึ้นกว่าเดิมจนคนใต้ร่างครวญครางไม่ได้ศัพท์...ฮานะสะอื้นฮักพร้อมทั้งจิกข่วนเขาเพื่อระบายอารมณ์จนเลือดไหลซิบ

กายใหญ่ขยับเคลื่อนเข้าออกจนสุดความยาวก่อนจะกดแช่ค้างเอาไว้อย่างนั้นเมื่อปลดปล่อยความต้องการเข้าไปข้างใน ฮานะหวีดร้องเมื่อเสร็จสมก่อนจะรับรู้ได้ถึงของเหลวร้อนจัดที่ไหลทะลักเข้ามาในมดลูกจนล้นปริ่ม แต่แล้วลมหายใจกลับหยุดชะงักเพียงครู่เมื่อรู้สึกได้ว่าส่วนนั้นพองขยายขึ้นจนคับแน่นเต็มช่องท้อง

“พ...พีท” ฮานะเอ่ยเรียกอย่างยากลำบาก...ตอนนี้แค่ขยับร่างนิดเดียวทุกส่วนก็ตื่นเร้าจนแทบหลอมละลาย

บริเวณส่วนโคนที่ขยายใหญ่ไปตามกลไกทางธรรมชาติของเผ่าพันธุ์อัลฟ่านั้นปิดกั้นไม่ให้น้ำเชื้อไหลย้อนกลับออกมาแม้แต่หยดเดียว เด็กหนุ่มยืดกายขึ้นเต็มความสูงก่อนจะผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างยากลำบากเมื่อรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกช่องทางอ่อนนุ่มนั้นโอบรัดจนแทบกลืนหายเข้าไปข้างใน

ฮานะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั้นเผยด้านอ่อนแอออกมาให้ได้เห็นโดยที่ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกนึกคิดเอาไว้ได้

“ฮานะครับ” ร่างสูงใหญ่ก้มลงไปคร่อมทับช่วงตัวที่เล็กกว่าเอาไว้...ครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่รุนแรงมากกว่าครั้งที่ผ่านมา

ยิ่งได้รู้ว่าคนใต้ร่างเป็นของเขาทั้งตัวและจิตวิญญาณก็ยิ่งหลงใหลจนแทบคลั่ง...

“ไม่...ไม่ท้องได้ไหม” คนที่อายุมากกว่ากลับคล้ายเด็กตัวเล็กที่กำลังหลงทาง ริมฝีปากสีอ่อนถูกขบเม้มเอาไว้ราวกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ฮานะช้อนตาขึ้นมองอย่างออดอ้อน นัยน์ตาคู่สวยนั้นวูบไหวเมื่อสติเริ่มพร่าเลือน “ฉัน...ยังไม่อยากท้อง...”

ใครต่างก็รู้ดีว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาแบบนี้โอกาสที่จะทำให้ตั้งครรภ์นั้นสูงมาก...ยิ่งเป็นคู่ของตัวเองด้วยแล้วเปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดก็มากขึ้นไปอีก...

เด็กหนุ่มคว้ามืออีกฝ่ายมาจรดจูบอย่างอ่อนโยน “...ผมสัญญาว่าจะป้องกัน” รอยยิ้มบางเบาถูกจุดขึ้นให้คลายความกังวลลงก่อนจะก้มลงจูบบนหน้าผากชื้นเหงื่อ แต่พอผละออกมาคนใต้ร่างกลับขมวดคิ้วแน่นราวกับว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

...เขายังไม่พร้อมก็จริง

...แต่กลับต้องการให้พีทโอบกอดกันด้วยร่างที่เปลือยเปล่ามากกว่าการสวมเครื่องป้องกัน..

“ไม่...ไม่ต้องหรอก” ฮานะหลบตาเมื่อเผลอหลุดความต้องการเบื้องลึกในจิตใจ “ฉันกินยาคุมอย่างเดียวก็ได้...”

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างนึกเอ็นดูพร้อมกับคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แนบอก “…มันเสี่ยงเกินไป” เสียงทุ้มนุ่มปลอบประโลม กดจูบข้างใบหูนิ่มที่กำลังขึ้นสีแดงจัด

ถึงแม้ว่าการที่ได้ปลดปล่อยเข้าไปในร่างกายของฮานะนั้นจะทำให้รู้สึกดี แต่ถ้ามันทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกเป็นกังวลเขาก็พร้อมที่จะหยุดมัน

“ถ้าอย่างนั้น...เอาไว้รอบหลังได้ไหม” เสียงแหบพร่าออดอ้อนพร้อมกับสะโพกเล็กที่บดเบียดเข้าหากันจนเขาเริ่มที่จะตื่นเร้าอีกรอบ แทนคำตอบทั้งหมดเรียวขาขาวก็ถูกแยกออกจากกันก่อนร่างสูงใหญ่จะบดเบียดสะโพกลงไปเนิบนาบจนเสียงสปริงของเตียงนั้นดังลั่น เสียงครวญครางหวานหูทำให้ต้องเร่งจังหวะจนคนใต้ร่างตัวสั่นสะท้าน...

...ปลดปล่อย เติมเต็มอย่างไม่รู้จักพอ

...ราวกับว่าต่างคนต่างรอช่วงเวลานี้มานานแสนนาน...













เข็มสั้นและยาวของนาฬิกาชี้ไปที่เลขห้า...บ่งบอกว่าวันเวลาได้ย่างกลายเข้าสู่วันใหม่ แต่ทั้งสองร่างที่สอดประสานกันมานานชั่วข้ามคืนนั้นยังไม่ผละห่างออกจากกัน

เสียงของลมหายใจที่สอดประสานเป็นจังหวะเดียวกันทำให้อุณหภูมิภายในห้องนอนนั้นสูงขึ้นไปตามแรงอารมณ์ ร่างสูงใหญ่ที่ขับเคลื่อนกายอยู่ด้านบนควบขย่มจนสปริงเตียงดังลั่นไปตามจังหวะการขยับกาย หยาดเหงื่อที่ผุดซึมขึ้นมาตามผิวกายหยดลงไปบนผ้าปูซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ที่ผสานกันตีฟุ้งจนทำให้สมองนั้นพร่าเบลอ มีเพียงแค่สัญชาตญาณดิบเท่านั้นที่ขับเคลื่อนให้ร่วมรักกันอย่างบ้าคลั่ง

เสียงครวญครางร่ำร้องจนแหบแห้ง

รอยขบกัดปรากฏขึ้นบนผิวเนื้อขาวจัดจนแทบไม่มีพื้นที่ว่าง...แม้แต่ข้อเท้าและโคนขาด้านในก็ไม่เว้น...

“...พ...พีท” ฮานะเอ่ยเรียกด้วยเสียงที่แหบพร่า อ่อนล้าไม่มีแม้แต่แรงที่จะยกมือขึ้นดันแผ่นอกกำยำที่ทาบทับลงมา

ความต่างของขนาดตัวเริ่มทำให้รู้สึกทรมานเมื่อถูกกอดเอาไว้เป็นเวลานานข้ามคืน

“พีท...พอแล้ว...” เขาร่ำร้องขอเพราะรู้สึกร้อนจัดไปทั่วทั้งร่าง...ในช่องท้องถูกเติมเต็มด้วยน้ำเชื้อจนล้นเปรอะเต็มซอกขาขาวเนียน แผ่นอกขาวจัดขึ้นสีระเรื่อเมื่อถูกบีบเคล้นจนแดงก่ำ บริเวณรอบฐานมีรอยกัดกระจายอยู่ทั่ว มันบวมเป่งและนูนขึ้นมาสู้มือของผู้กระทำ

เพียงแค่ปลายนิ้วปัดผ่าน ความรู้สึกมากล้นก็วิ่งขึ้นไปตามแกนสมอง

..พีทรุนแรงและเร่าร้อนจนเขาแทบละลายหายไปในอ้อมกอดของอีกฝ่าย

นัยน์ตาคมเข้มทอประกายวาบหวามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ไฟปรารถนาบางอย่างที่คุโชนในดวงตาคู่นั้นทำให้เขาตัวสั่นสะท้านไหว

...มันดุดันคล้ายกับสัตว์ป่าหิวโซที่กำลังติดสัดอย่างรุนแรง..

ถ้าโอเมก้าอย่างเขาฮีทเพื่อดึงดูดเหล่าอัลฟ่า...คนตรงหน้าก็กำลังตอบสนองกลับมาตามสัญชาตญาณของเผ่าพันธุ์...

พวกเขาทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างปล่อยฟีโรโมนออกมา จึงส่งผลให้เซ็กส์ครั้งนี้ดิบเถื่อนและกินเวลาเนิ่นนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

“ม...ไม่ไหวแล้ว...ในนี้...มันแน่นไปหมด อื้อ” ฮานะวางมือลงไปบนแผ่นท้องแบนราบ ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงน้ำเชื้อที่อัดแน่นอยู่ภายในช่องทางสืบพันธุ์ ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายขยับเข้าออกเสียงเฉอะแฉะน่าอายก็ยิ่งทำให้เขาต้องร้อนวูบไปทั่วร่าง

เสียงสะอื้นดังขึ้นจนทำให้ร่างสูงใหญ่ต้องลงไปโอบกอดเอาไว้แนบอก

....ไม่ไหวแล้ว...มันเหมือนจะตายซะให้ได้เลย..

แสงแดดในตอนเช้าที่เริ่มลอดผ่านม่านโปร่งแสงเข้ามาส่องกระทบกับผิวเนื้อเปลือยเปล่าทำให้เห็นใบหน้าของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างชัดขึ้น สองข้างแก้มที่ชื้นไปด้วยน้ำตานั้นแดงก่ำ บริเวณแพขนตายาวเปียกชุ่ม

“ฮานะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกในตอนที่ปลดปล่อยเข้าไปเป็นรอบสุดท้าย เด็กหนุ่มลงไปนอนกอดร่างที่สั่นเทิ้มเอาไว้แนบอก ฮานะครางเสียงพร่า ช่องทางอุ่นจัดบีบรัดตัวตนของเขาเอาไว้แน่นจนต้องขมวดคิ้วมุ่น

“ฮึก...พอแล้ว” ใบหน้าสวยแสดงท่าทีอ่อนล้าอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง ฮานะร้องไห้จนตาเริ่มบวม

...ที่ร้องไม่ใช่เพราะเสียใจหรือทรมาน...แต่มันรู้สึกดีมากต่างหาก

มากจนไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองเอาไว้ได้...

“ขอโทษครับ” พีทลงไปนอนซ้อนแผ่นหลังเล็กแล้วดึงร่างของอีกฝ่ายมาชิดแนบอกทั้งที่ช่องล่างยังไม่สามารถผละห่างออกจากกันได้

...ครั้งนี้อารมณ์รุนแรงมากจนตัวเองยังนึกแปลกใจ...แต่พอเห็นปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองกันแล้วก็ได้แต่ลอบยิ้มขึ้นมา

...เขาและฮานะ ต่างฝ่ายต่างปล่อยฟีโรโมนออกมากระตุ้นกันและกันจนไม่สามารถควบคุมสติเอาไว้ได้ทั้งคู่

สภาพมันจึงเป็นอย่างที่เห็น...

“อึดอัด...” เจ้าตัวพึมพำเสียงเบาพร้อมกับพยายามที่จะถอยสะโพกหนีให้ส่วนที่เชื่อมนั้นหลุดออกจากกัน...แต่มันกลับไร้ผลเพราะตัวตนของเขานั้นยังขยายจนคับแน่นอยู่ในช่องทางอ่อนนุ่ม “เอาออกไป อื้อ ได้ไหม”

ฮานะงอแง เพราะถึงแม้จะเคยมีเซ็กส์มาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ร่างกายจะต้องรับมือกับความดิบเถื่อนของพวกอัลฟ่าแบบนี้

“ชู่ว...รออีกสักพักนะครับ” พีทกระชับอ้อมกอดแน่นและก้มลงพรมจูบให้อีกคนใจเย็นลง แต่ฮานะกลับต่อต้านขัดขืนขึ้นมาเล็กน้อย คงเพราะเริ่มจะหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมปล่อยให้ได้พัก

“...ใจร้าย” เสียงอ่อนระโหยว่ากล่าวอย่างไม่จริงจังนัก

มาถึงตอนนี้ก็นึกโกรธตัวเองที่เอาแต่เรียกร้องให้อีกฝ่ายกอดจนไม่คำนึงถึงร่างกายเลยว่ารับไหวหรือเปล่า

“ฮานะทำให้ผมแทบคลั่งตาย...” เสียงทุ้มที่กระซิบบอกอยู่ข้างใบหูทำให้อารมณ์เริ่มคงที่ “…ก่อนหน้านี้ก็หลงคุณจะแย่แล้ว”

“...แค่หลงหรือไง” ฮานะเอี้ยวตัวกลับไปหาก่อนจะงับเข้าที่ปลายคางแล้วช้อนตาขึ้นมอง

อีกฝ่ายก้มลงมาป้อนจูบดูดดื่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า แสดงให้เห็นว่าหลงใหลในตัวเขามากแค่ไหน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อคำหวานกระซิบบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ร้องขอให้เขาตอบกลับแม้เพียงประโยคเดียว จะมีก็เพียงแต่รสจูบเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีเพียงแค่อีกฝ่ายที่รู้สึก....เขาเองก็เช่นกัน..

ร่างสูงใหญ่ที่สวมไว้เพียงแค่กางเกงวอร์มขายาวก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ชำระล้างร่างกายเสร็จ ในมือมีอ่างน้ำอุ่นและผ้าขนหนูเตรียมไว้เพื่อเช็ดตัวให้คนที่นอนซุกอยู่บนเตียง หยดน้ำบางส่วนที่เกาะอยู่ปลายผมชื้นหยดลงมาบนแผ่นอกกำยำ บริเวณผิวเนื้อปรากฏรอยเล็บและรอยข่วนเป็นทางยาวไปถึงแผ่นหลัง

รอยยิ้มอ่อนโยนจุดขึ้นเมื่อเห็นเพียงแค่เสี้ยวใบหน้าที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่ม

ฮานะเพิ่งจะได้นอนพักไปเมื่อสองชั่วโมงก่อนหลังจากที่ต้องทนรับความบ้าคลั่งของเขามาทั้งคืน

เด็กหนุ่มจัดการเช็ดทำความสะอาดเนื้อตัวเปลือยเปล่าให้จนเกลี้ยงเกลารวมไปถึงช่องทางบอบช้ำที่เริ่มบวมขึ้นมาเป็นสีแดงจัด

ปลายนิ้วเผลอปัดผ่านผิวเนียนลื่นมือในตอนที่ได้กลิ่นหอมฟุ้งกระจายขึ้นมาแตะจมูกทำให้เขาต้องรีบลุกเดินออกไปข้างนอกเพราะกลัวว่าจะเผลอลงมือรังแกฮานะอีก แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือที่แผดเสียงร้องมาจากทางโต๊ะหัวเตียงก็ทำให้ต้องเดินกลับมารับสายเพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของอีกฝ่ายเข้า

“สวัสดีครับ” พีทถือวิสาสะรับสายแทนเพราะเห็นว่าเป็นคุณแกเรนที่โทรเข้ามา

(พีทเหรอ?) ฝ่ายนั้นถามขึ้นอย่างแปลกใจ (ฮานะไปไหนล่ะ)

“ฮานะยังไม่ตื่นครับ...พอดีไม่สบายนิดหน่อย” ในระหว่างที่พูดก็หันกลับไปมองคนบนเตียงด้วย

(ไปหาหมอหรือยัง) น้ำเสียงของปลายสายเต็มไปด้วยความเป็นห่วง (แล้วฮานะเป็นอะไรมากไหม)

“ไข้ขึ้นนิดหน่อยครับ” รู้สึกผิดที่ต้องโกหก แต่เพราะไม่รู้ว่าจะบอกความจริงยังไงจึงต้องใช้อาการป่วยมาอ้าง

(ถ้าดูท่าไม่ดีรีบบอกผมนะ) ทางนั้นพูดเสียงเครียด (รายนั้นน่ะดื้อเงียบ ชอบอมพะนำไว้คนเดียว)

“ครับ”

(อ้อ...จริงด้วย ผมตั้งใจจะโทรมาบอกว่านัดประชุมวันนี้น่ะเลื่อนออกไปก่อนนะ พอดีมีงานด่วนเข้ามาน่ะเลยต้องยกเลิกกะทันหัน) คุณแกเรนถอนหายใจออกมายาวเหยียด (แล้วก็...ฝากบอกให้ฮานะเช็กเมลล์ด้วย ผมส่งบรีฟงานไปให้ดูแล้วจะได้เข้ามาคุยกันตอนประชุม)

“ได้ครับคุณแกเรน” เด็กหนุ่มขานรับก่อนจะหันไปมองทางเตียงเมื่อมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ฮานะกำลังรู้สึกตัวตื่น

(แล้วคุณยายเป็นยังไงบ้างล่ะ ท่านอาการดีขึ้นไหม) เขาถามอย่างเป็นห่วง

“ดีขึ้นมากแล้วครับ เหลือแค่นอนให้ยาฆ่าเชื้อและคอยสังเกตอาการสักอาทิตย์นึงก็กลับบ้านได้ครับ”

พีทตอบกลับ ในระหว่างนั้นก็เห็นว่าคนบนเตียงนอนคะแคงข้างมองมาทางเขาอยู่

(อืม...ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ)

“ขอบคุณมากครับ”

(โอเค...ฝากดูแลฮานะด้วยก็แล้วกันนะพีท)

“ครับ คุณแกเรน”

ฝ่ายนั้นทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนเสียงสัญญาณสายจะตัดไป

เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาคนที่นอนมองเขาอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนจะนั่งลงบนเตียงด้วยกัน ฮานะขยับตัวเข้ามาใกล้พร้อมชูแขนขึ้นเป็นการบอกทางอ้อมว่าให้เขาลงไปนอนกอดเพราะดูท่าแล้วเจ้าตัวยังคงง่วงอยู่ไม่น้อย

...น่ารักเกินไปแล้ว..

“คุณแกเรนโทรมาเหรอ” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามพร้อมกับซุกหน้าเข้ากับอกเขา

“ครับ...บอกว่าขอเลื่อนประชุมวันนี้ออกไปก่อนเพราะคุณแกเรนติดธุระด่วนน่ะครับ” เด็กหนุ่มก้มลงมองคนที่อยู่ในอ้อมกอด ฮานะหลับตาพริ้มลมหายใจสม่ำเสมอเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับไปแล้วเรียบร้อย

“ฮานะ” พีทลองเรียกเพราะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ให้อีกฝ่ายกินยา “ลุกขึ้นมากินยาไหวไหมครับ”

“ยาอะไร” เจ้าตัวงอแง คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย

“ก็...ยาคุม” กระแอมไอแก้เก้อขึ้นมาเมื่อรู้สึกร้อนที่ใบหน้าอยู่หน่อยๆ ...ความคิดอกุศลมันวิ่งแล่นทั่วหัวไปหมด

“ฮื่อ...ไม่กิน” ดูท่าแล้วคงกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะดูสติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่

“ฮานะ”

“พีท”

แล้วก็ต้องชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปลูบแก้มอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อจู่ๆ ฮานะก็พลิกตัวให้เขาลงไปนอนใต้ร่างแล้วขึ้นมาคร่อมทับแทน ร่างขาวนวลเปลือยเปล่าที่มีรอยกัดของเขากระจายอยู่ทั่วมีเสน่ห์มากจนต้องขบกรามเอาไว้เพื่อระงับแรงอารมณ์ที่กำลังจะปะทุขึ้นมาอีกรอบ

“ซนเกินไปแล้วครับ” เด็กหนุ่มยิ้มขำก่อนจะต้องลมหายใจสะดุดเมื่อฝ่ามือนุ่มเลื่อนลงไปกอบกุมบางส่วนของเขาเอาไว้จนมันเริ่มตื่นตัวตอบสนองกลับ และแล้วเจ้าตัวก็ประคองมันไปจดจ่ออยู่บริเวณปากทางที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยเมือกใสก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทีเดียวจนสุด “...ฮานะ”

“อื้อ...อะไรเล่า” กลิ่นฟีโรโมนเริ่มแผ่กระจายออกมาในตอนที่สะโพกมนขยับเชื่องช้า “…วันนี้ว่างนี่ อ๊ะ! พีท!” เสียงร้องเหวใส่อย่างตกใจเมื่อถูกเขากระแทกตัวขึ้นไปจนเกิดเสียงของหนั่นเนื้อกระทบกัน

แล้วเสียงร้องประท้วงก็กลับกลายเป็นครวญครางอย่างหวานหูกินเวลาไปครึ่งค่อนวัน...จากเช้ากลับกลายเป็นบ่ายก่อนทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อเข็มของนาฬิกาบ่งบอกว่าในอีกไม่กี่นาทีนั้นดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปอีกครั้งหนึ่ง...


้(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 24-11-2019 21:43:59
“หิวแล้ว~”

คนที่นั่งซ้อนอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันพูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งเงียบมานานเพราะมัวแต่จดจ้องสมาธิไปกับหนังในจอทีวี ฮานะนอนเหยียดอยู่บนโซฟาตัวยาวอย่างสบายตัวเพราะมีเบาะรองพิเศษให้เขานั่งพิงมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เจ้าตัวเอนซบไปกับแผ่นอกกว้างที่แผ่ไออุ่นออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างออดอ้อน

“อยากทานอะไรครับ” เด็กหนุ่มก้มลงมองคนที่กำลังกลิ้งศีรษะไปมาจนเส้นผมแผ่กระจาย กลิ่นหอมฟุ้งของแชมพูทำให้ต้องกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา

“ไม่รู้สิ แล้วแต่เธอ” ฮานะยืดตัวขึ้นงับคางฝ่ายนั้นเล่นเหมือนอย่างที่ชอบทำ แต่แล้วกลับต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกได้ว่าถูกฝ่ามือใหญ่สอดลึกเข้ามาใต้เสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่ ความร้อนแล่นปราบไปทั่วร่างเมื่อปลายนิ้วลูบผ่านจิวเงินบริเวณสะดือ “หยุดเลย” เขาแยกเขี้ยวขู่ แต่นอกจากเจ้าเด็กตัวโตจะไม่กลัวแล้วยังหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก

“ก็ฮานะถามผมว่าอยากทานอะไร” เสียงทุ้มนุ่มออดอ้อนพร้อมกับซุกใบหน้าเข้ากับลำคอขาวก่อนจะถือวิสาสะเลียลงบนรอยกัดที่เจ้าตัวเป็นคนสร้างขึ้นมา

“อือ...พีท ไม่เอา” ฮานะเบี่ยงตัวหลบเพราะยังรู้สึกเพลียไม่หาย

“ฮานะ...หอม” ปลายจมูกโด่งกดลงบนลาดไหล่เนียนที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อ “…หอมไปทั้งตัว”

เสียงพึมพำในระยะประชิดทำให้ใบหน้านั้นร้อนจัด คนตัวเล็กพยายามดิ้นขัดขืนแต่กลับถูกวงแขนแกร่งโอบกระชับเอาไว้แน่น รู้ตัวอีกทีก็ถูกดันลงไปนอนแผ่อยู่บนโซฟาแล้ว

...มือไวเกินไปแล้ว!

เชิ้ตขาวตัวใหญ่ถูกปลดกระดุมออกอย่างรวดเร็วจนแผ่นอกสัมผัสได้ถึงไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ แต่เมื่อถูกนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นจ้องมองก็รู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งใบหน้าพอจะเอื้อมมือมากระชับสาบเสื้อเพื่อปิดบังผิวเนื้อกลับถูกอีกฝ่ายดึงรั้งข้อมือเอาไว้ก่อน ดวงตาคมปลาบทอประกายวาบหวามจนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

แต่ก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะเลื่อนลงซุกข้างลำคอ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงร้องขึ้นมาซะก่อนจึงทำให้พีทหยุดชะงัก ฮานะจึงใช้โอกาสนี้ดันตัวขึ้นลุกออกห่างเพื่อไปหยิบเครื่องมือสื่อสารมาดูแล้วก็พบว่าเป็นแม่ที่วีดีโอคอลเข้ามาได้ถูกจังหวะ...

ในตอนที่กดรับร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างกันก็ลุกเดินไปที่ครัวราวกับว่าต้องการให้เขาได้มีเวลาส่วนตัว

“ครับ”

(ฮานะ เป็นยังไงบ้างลูก) เสียงของแม่ทักถามอย่างเป็นห่วง

“ก็...ดีครับ งานเยอะดี” เจ้าตัวตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดีแต่แล้วกลับรู้สึกแปลกขึ้นมาเมื่อถูกปลายสายจดจ้องเขม็งผ่านหน้าจอ กว่าจะรู้ตัวก็...

(ฮานะ) เสียงของแม่เข้มขึ้นมาในตอนที่เขากระชับคอเสื้อเข้าหากันเพื่อปิดบังรอยกัด

ให้ตายสิ...ลืมไปเสียสนิทเลย...

“คือ...” เจ้าตัวกระแอมแก้เก้อเมื่อถูกปลายสายหรี่ตามองมาอย่างจ้องจับผิด

(กับใคร) แม่ยังคงไม่ยอมแพ้ (อเล็กซ์?)

“…เปล่าครับ” เขาเม้มปากตอบเสียงอ้อมแอ้มสลับกับมองคนที่ยืนดื่มน้ำอยู่ทางครัว

(แล้วใคร...ลูกถูกขืนใจหรือเปล่า) ฝ่ายนั้นเริ่มร้อนรนเป็นตุเป็นตะจนเขาต้องรีบสารภาพออกมาเพราะกลัวว่าเรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่ ฮานะหันกล้องหน้าไปทางใครอีกคนซึ่งฝ่ายนั้นก็ยังไม่รู้ตัวว่าถูกตกเป็นหัวข้อสนทนาไปแล้วเรียบร้อย

(ตั้งแต่เมื่อไหร่) แม่เค้นเอาคำตอบ

“เรื่องมันยาวน่ะครับ เอาไว้ผมค่อยเล่าให้ฟังดีกว่า” ฮานะมองอย่างออดอ้อนจนในที่สุดแม่ก็ยอมคล้อยตามแล้วถอนหายใจออกมายาวเหยียด

(แล้วป้องกันหรือเปล่า) คำถามเถรตรงทำให้รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าก่อนจะพยักหน้ารับรัวเร็ว...แอบไขว้นิ้วไว้ด้วยนิดหน่อย....

(แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะเพราะเราก็โตขนาดนี้แล้ว) ทางนั้นยิ้มบางเบา (ถ้ายังไงก็พาเขามาแนะนำให้รู้จักด้วยล่ะ...พามาตอนปลายปีนี้เลย)

“จะพยายามครับ” ฮานะพยักหน้ารับ

(ห้ามพยายาม...ต้องมา) แม่ขู่ (แล้วก็เตรียมตัวไว้ได้เลย เราน่ะโดนพ่อเขาสอบปากคำหนักแน่)

“โธ่~”

(ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนเลยเจ้าตัวแสบ นี่ถ้าอยู่ใกล้จะตีเข้าให้) ทางปลายสายฮึดฮัดอย่างไม่จริงจังมากนักเรียกรอยยิ้มจากเขาได้เป็นอย่างดี (แม่ไม่กวนแล้วดีกว่า) สีหน้ามีเลศนัยของแม่ทำให้ต้องปั้นหน้าเพื่อกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

“ครับ รักแม่นะ”

(รักลูกมากกว่าจ้ะ) เสียงจุ๊บที่ดังจากปลายสายทำให้ต้องทำกลับบ้างเพื่อความยุติธรรม

เสียงสัญญาณที่ตัดไปทำให้ความรู้สึกคิดถึงทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก ฮานะมองหน้าจอที่ดับไปพอดีกับที่ใครอีกคนเดินเข้ามาวางจานแซนด์วิชและผลไม้สดลงบนโต๊ะกระจกด้านหน้าตามด้วยนมสดแก้วโต ฝ่ายนั้นมองมาอย่างสงสัยเมื่อถูกเขาสวมกอดเข้าที่ช่วงเอว พีทวางมือลงบนศีรษะอย่างนุ่มนวลพร้อมกับขยี้ผมเขาจนยุ่งเหยิง พอถูกมองค้อนวงโตฝ่ายนั้นก็หลุดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งให้เขาหน้าบึ้ง

“เป็นอะไรครับ” เด็กหนุ่มอุ้มอีกฝ่ายมานั่งตรงกลางระหว่างขาก่อนจะก้มลงมองคนที่ซบหน้าลงกับแผ่นอกเขาอย่างออดอ้อน

“คิดถึงพ่อกับแม่” ฮานะพูดเสียงงึมงำพร้อมกับเกลี่ยเรียวนิ้วยาวที่วางอยู่บนเอวตัวเองไปมา

ร่างสูงใหญ่กระชับอ้อมกอดเอาไว้แน่นพร้อมกับส่งผ่านไออุ่นไปโอบล้อมรอบตัวอีกฝ่ายเอาไว้ และตั้งใจฟังในสิ่งที่ฮานะกำลังพูดทุกประโยค

“...แม่รู้เรื่องของเราแล้ว” เจ้าตัวช้อนตาขึ้นมามองกัน “บอกด้วยว่าปลายปีให้พาเธอกลับไปที่ญี่ปุ่นด้วยกัน”

พีทยิ้มอย่างนึกเอ็นดูเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตีหน้ายุ่งพร้อมกับบ่นงึมงำว่าเขาคงถูกพวกท่านสอบปากคำจนพรุนแน่

“ยิ้มอะไร” ฮานะหรี่ตามองอย่างจับผิดเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่มองหน้าเขาแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้นจนชักหมั่นไส้ขึ้นมา พอจะยืดตัวขึ้นไปงับคางก็ถูกก้มลงมาจุ๊บปากไปสองทีจนต้องเอี้ยวตัวหลบเมื่อกำลังจะถูกก้มลงมาจูบเป็นหนที่สาม

ขี้โกง!

“ปล่อยเลยหิวแล้วๆ” พยายามดึงข้อมือกลับแต่เจ้าเด็กตัวโตไม่ยอมปล่อยง่ายๆ พอหันไปขู่ฟ่อใส่ก็ถูกอุ้มขึ้นไปนั่งบนตักเลยต้องปล่อยเลยตามเลยนั่งกินมื้อค่ำมันด้วยท่านี้นี่แหละ

“อร่อยไหมครับ” เด็กหนุ่มก้มลงมองคนที่เคี้ยวแซนด์วิชจนแก้มพอง นัยน์ตากลมโตจดจ้องอยู่กับหนังในจออย่างใช้สมาธิ ฮานะเอี้ยวตัวมามองเขาก่อนจะยื่นแซนด์วิชที่ถูกกัดไปแล้วครึ่งหนึ่งมาจ่อไว้ที่ปาก พอทำท่าจะงับฝ่ายนั้นก็ดึงกลับไปกินซะเองพร้อมกับยักคิ้วมาให้อย่างท้าทาย

พีทมองแก้มขาวที่ขยับไปมาเหมือนก้อนแป้งเวลาที่ถูกนวดจนขึ้นฟู ก่อนจะก้มลงไปหอมฟอดใหญ่เมื่อรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากจะฟัดให้ร้องงอแงอีกรอบ

…กับฮานะ...เท่าไหร่ก็ไม่พอจริงๆ ...

รู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกมักมากก็ตอนนี้...

“ฮึ่ย กินไปเลย” แซนด์วิชชิ้นสุดท้ายถูกยัดเข้ามาในปากเพื่อตัดรำคาญ ฮานะเลียนิ้วที่เปื้อนมายองเนสจนเกลี้ยงก่อนจะเอื้อมไปหยิบนมสดแก้วโตขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองการกระทำทุกอย่างอยู่ตลอดเวลาก่อนความคิดเบื้องต่ำจะถูกปลุกเร้าเมื่อเห็นคราบนมเปรอะอยู่เหนือริมฝีปากสีอ่อน

ทุกอย่างเกิดขึ้นไวกว่าความคิดเมื่อเรียวนิ้วยกขึ้นไปปาดไล้น้ำนมออกจากปากของฮานะแล้วส่งเข้าปากตัวเองแทน ฝ่ายนั้นหน้าแดงจนถึงใบหูก่อนจะหันกลับไปสนใจจอภาพโดยที่ไม่คิดจะสนใจเขาอีก

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อเข็มนาฬิกาชี้เข้าไปที่เลขสิบเสียงของท้องฟ้าที่ร้องครืนอยู่ภายนอกเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอีกไม่นานสายฝนคงเทกระหน่ำลงมา ฮานะนอนซ้อนอยู่บนตัวเขาอย่างสบายอารมณ์พร้อมกับจิ้มกินผลไม้สดที่เขาเตรียมไว้ให้ เจ้าตัวหยิบเชอร์รี่ขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ลืมที่จะหันมาป้อนเขาด้วย กลุ่มผมนุ่มที่แผ่กระจายอยู่บนแผ่นอกให้ความรู้สึกเหมือนขนแมวจนต้องก้มลงไปหอมอยู่หลายรอบด้วยความมันเขี้ยว

...นี่ไม่ใช่แค่ความรู้สึกหลงธรรมดาแล้ว..

...ฮานะทำให้เขาเสพติดทุกอย่าง...ตั้งแต่หัวจรดเท้า..

...และก็มั่นใจว่าความรู้สึกนี้มันรุนแรงมาตั้งแต่ก่อนที่จะผูกพันธะคู่แล้วด้วย..

“อย่ากัดสิ” คนตัวเล็กเอ่ยปรามเมื่อถูกเขางับเข้าที่ปลายนิ้วตอนส่งลูกเชอร์รี่เข้ามาในปาก “พีท” ฮานะเสียงเข้มขึ้นเมื่อถูกก่อกวนโดยการยึดข้อมือเอาไว้แล้วพรมจูบไปตามข้อนิ้วทีละนิ้ว

หนังในจอกำลังเข้าสู่ช่วงไคล์แม็กซ์...พอดีกับที่ความรู้สึกบางอย่างที่ปะทุขึ้นมา

...กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าเพศผู้ถูกปล่อยออกมาเพื่อกระตุ้นเร้าคู่ของตัวเองตามสัญชาตญาณดิบ..

...ฮานะสะท้านไหว เริ่มหายใจแรงขึ้นจนใบหน้าแดงก่ำ..

“ฮานะ” เสียงทุ้มพร่าต่ำกระซิบข้างใบหูที่ขึ้นสีแดงจัด หยดเหงื่อที่ผุดซึมออกมาทำให้เชิ้ตขาวบางแนบไปกับผิวกายนุ่มลื่น

ลูกเชอร์รี่ถูกเด็ดก้านทิ้งก่อนมันจะถูกนำมาจ่อไว้ตรงเรียวปากสีอ่อน ปลายนิ้วใหญ่ดันจนผลไม้ลูกเล็กผลุบหายเข้าไปในโพรงปากอุ่น ก่อนเขาจะเคลื่อนหน้าลงไปตามประกบจูบแนบแน่น เรียวลิ้นร้อนไล่ต้อนลูกเชอร์รี่จนรับรู้ได้ถึงรสชาติหวานอมเปรี้ยวที่คละคลุ้งอยู่ข้างใน รสชาติของมันเปลี่ยนรสจูบให้หวานล้ำมากขึ้น

เสียงหอบหายใจของฮานะถี่กระชั้นขึ้นเมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน เจ้าตัวจิกมือลงบนแขนเขาจนเกิดรอยเล็บเพื่อเป็นการประท้วงให้ปล่อย พอผละหน้าออกมาอีกฝ่ายก็กอบโกยอากาศหายใจเข้าปอดไปจนใบหน้าแดงก่ำ พีทยังคงเคี้ยวลูกเชอร์รี่ที่เหลือจนหมด ตลอดเวลามีสายตาของฮานะมองตามอย่างเว้าวอน น้ำตาที่รื้นขึ้นมาเริ่มหยดลงบนแก้มขาวเมื่อถูกกลิ่นของเขากระตุ้นจนอยู่ไม่สุข

เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่อีกฝ่ายสวมใส่ถูกร่นลงไปกองบริเวณข้อศอกในตอนที่ก้าวขึ้นมาคร่อมทับบนตักเขา ฮานะเป็นฝ่ายประคองใบหน้าก่อนจะก้มลงมาบดจูบจนได้ยินเสียงชื้นแฉะ เรียวขาขาวที่คร่อมอยู่ด้านบนถูกบีบเคล้นจนขึ้นรอยแดง ปลายนิ้วกดลงน้ำหนักบริเวณรอยสักรูปกุหลาบที่สะโพกด้านขวาก่อนจะลากผ่านหน้าท้องแบนราบจนได้ยินเสียงคราเครือดังขึ้นอยู่ในลำคอ

“อ...พีท” เจ้าตัวสะดุ้งตอนที่เขาสอดนิ้วเข้าไปในร่องสะโพกก่อนจะเชิดหน้าขึ้นครางเสียงกระเส่าในตอนที่นิ้วถูกดันเข้าไปจนสุด

ฮานะยืดตัวขึ้นก่อนจะกอดเขาเอาไว้แนบอก ระดับใบหน้าที่อยู่เสมอกับเนินเนื้อขาวผ่องทำให้ทำอะไรได้ง่ายขึ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบแผ่นอกขาวก่อนจะบีบเคล้นจนนูนแล้วครอบปากลงไปเกี่ยวกระหวัดยอดอกสีอ่อนที่กำลังตั้งชูชัน

เขาเลียสลับทั้งสองข้างจนผิวฮานะแดงก่ำ

ลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารดลงบนเนินอกทำให้คนด้านบนสะท้านไหวก่อนจะกดศีรษะเขาเข้าหาและเรียกร้องให้กระทำอย่างไม่ปรานี

“ม.. อื้อ ไม่ไหวแล้ว” ใบหน้าสวยชื้นเหงื่อตอนที่ถูกนิ้วกระทุ้งเข้าออกในช่องท้อง น้ำหล่อลื่นจำนวนมากไหลเยิ้มอาบลงบนซอกขา กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าโจมตีเขาจนสติถูกหลอมละลาย

ทันทีที่ถอนนิ้วออก สะโพกเล็กก็สั่นกระตุกพร้อมกับเสียงร้องครางหวีดหวิวมากไปด้วยอารมณ์ความต้องการ

บางส่วนที่ร้อนจัดถูกนำออกมาจากกางเกงก่อนจะใช้ส่วนปลายถูไถเข้ากับบริเวณร่องสะโพก

เขาไม่ยอมสอดใส่จนได้ยินเสียงของฮานะที่เริ่มเรียกร้องมากขึ้น

โดยไม่ทันได้รอให้ช่องทางปรับตัวอีกฝ่ายก็กดน้ำหนักตัวลงมาจนส่วนปลายนั้นผลุบหายเข้าไปข้างใน ช่องทางอ่อนนุ่มโอบรัดผู้บุกรุกแนบแน่นจนไม่สามารถขยับตัวเข้าไปได้ลึกมากกว่าที่เป็น ฮานะผ่อนลมหายใจเข้าออกเมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดภายในช่องท้องก่อนจะมองค้อนคนที่เอาแต่นอนมองเขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างอารมณ์ดี

ในที่สุดกายใหญ่ก็เข้าไปได้จนสุดโคน พีทเอนหลังพิงพนักโซฟาโดยที่สองมือยังคงประคองสะโพกเล็กเอาไว้

นัยน์ตาคมเข้มประกายวูบไหวเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่บนตัวเริ่มขยับเอวขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ฮานะวางมือลงมาบนแผ่นท้องของเขาก่อนจะเชิดหน้ากอบโกยอากาศเข้าปอดเมื่อเริ่มเร่งจังหวะสะโพก

ริมฝีปากสีอ่อนฉ่ำวาวเผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังเรียกร้องให้เขาป้อนจูบ แต่แทนที่จะทำตามที่อีกฝ่ายต้องการเขากลับส่งนิ้วเข้าไปในโพรงปากอุ่นแทน ปลายนิ้วที่ดุดดันอยู่ข้างกระพุ้งแก้มทำให้รู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งร่าง ฮานะประคองมือเขาเอาไว้ก่อนจะดูดกลืนและเลียจนมันเปียกชุ่ม


เด็กหนุ่มขบกรามแน่นเมื่อถูกนัยน์ตาสวยช้อนมองอย่างเย้ายวน นิ้วทั้งหมดถูกดึงออกกะทันหันก่อนช่วงตัวสูงใหญ่จะพุ่งเข้าไปบดจูบอย่างดุดัน ในตอนที่ใช้ฟันกัดลงไปบนกลีบปากนุ่มก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะในลำคออย่างชอบใจเพราะสามารถปั่นหัวเขาได้จนสำเร็จ

ร่างขาวนวลเริ่มบดเบียดสะโพกแรงขึ้นจนแผ่นท้องกำยำหดเกร็งเมื่อรู้สึกจนแทบทนไม่ไหว และก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดไปไกลเขาก็อุ้มฮานะขึ้นจนตัวลอย อีกฝ่ายเผลอร้องออกมาอย่างตกใจก่อนจะรีบโอบแขนเข้าที่ลำคอเพื่อกันตก

พีทเดินไปที่ประตูกระจกบริเวณระเบียงก่อนจะปล่อยคนในอ้อมกอดลงยืนหันหน้าออกไปด้านนอก เรียวขาขาวถูกดันออกเพื่อรองรับตัวตนใหญ่โต ฮานะวางแขนลงบนแผ่นกระจกใสเพื่อพยุงไม่ให้ตัวเองเสียหลักล้มในตอนที่สะโพกสอบกระแทกเข้ามาจนได้ยินเสียงหยาบโลน

“อึก..อะ แรง...แรงไปแล้ว” เจ้าตัวเกลือกใบหน้าไปกับแขนเมื่อรู้สึกว่าส่วนนั้นเข้ามาลึกจนสัมผัสกับปากมดลูก

สายฝนฉ่ำเย็นสาดกระหน่ำมาจากด้านนอกเร่งเร้าให้อุณหภูมิในกายสูงขึ้นเมื่อแผ่นอกแนบลงไปกับความเย็นเฉียบ ฮานะกัดแขนตัวเองเมื่อสติเริ่มถูกหลอมละลาย รู้ตัวอีกทีคนที่ประกบซ้อนอยู่ด้านหลังก็ส่งนิ้วเข้ามาในปากให้เขากัดแทน

“ฮานะ” เสียงหอบหายใจราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหิวกระหายดังขึ้นอยู่หลังลำคอ ผิวเนื้อส่วนนั้นถูกกัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนขึ้นจ้ำเลือดอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ต่างฝ่ายต่างเบียดตัวเข้าหากันจนในที่สุดน้ำเชื้อร้อนจัดก็ทะลักเข้าไปเติมเต็มในช่องท้องจนคนที่รองรับนั้นตัวอ่อนระทวย

ฮานะขาสั่นเทิ้มตอนที่เขาถอนกายออก หลักฐานของบุรุษเพศเอ่อล้นออกมาเปรอะเปื้อนโคนขาขาว ตอนที่อีกฝ่ายมีท่าทีว่าจะทรุดลงไปที่พื้นก็ถูกตวัดขึ้นอุ้มจนตัวลอย

“ปวด...ขา” เสียงพึมพำออดอ้อนในตอนที่ซุกหน้าเข้ากับซอกคอ

กลิ่นของพีททำให้รู้สึกตื่นเร้าและรู้สึกปลอดภัย

สัมผัสเย็นจากเนื้อหินอ่อนที่แผ่นหลังทำให้รู้ว่าตอนนี้ถูกอุ้มมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว ฮานะปรือตามองอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อเห็นว่าเรียวขาถูกยกขึ้นไปพาดบนช่วงบ่ากว้างจนสะโพกลอย ความใหญ่โตที่ค่อยๆ ชำแรกเข้ามาทำให้ต้องเชิดหน้าครางอย่างสุขสม

ช่วงเอวคอดถูกสองมือจับกระชับเอาไว้อย่างมั่นคง จังหวะการสอดประสานนั้นรุนแรงจนต้องเอื้อมมือไปไขว่คว้าให้อีกฝ่ายประสานมือเข้าด้วยกัน

ช่องทางที่รองรับนั้นร้อนจัดเมื่อถูกเสียดสี

กลิ่นหอมฟุ้งกระจายปลุกเร้าให้แรงอารมณ์โพมกระพือมากยิ่งขึ้น ฮานะบีบมือแน่นเมื่อรู้สึกเสียววูบที่ช่องท้องจนตัวสั่นสะท้าน ความร้อนจัดที่ขยับขยายอยู่ภายในนั้นเติมเต็มจนเขาแทบสำลักความสุข

“พีท...พีท” เสียงนั้นออดอ้อน “อื้อ...ย..อยากจูบ”

เมื่อความอดทนหมดลงร่างสูงใหญ่ก็อุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาแนบอกก่อนจะก้มลงป้อนจูบดูดดื่มอย่างหิวกระหาย เรียวลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกันนั้นคลุกเคล้าจนเปียกชุ่ม

เด็กหนุ่มก้าวเดินไปทางห้องนอนด้วยความมั่นคงก่อนจะวางร่างของคนในอ้อมกอดลงบนเตียงนุ่มแล้วตามลงไปทาบทับจนผิวเนื้อแนบชิดกันทุกสัดส่วน ใบหน้าคมเข้มผละออกมาโดยที่มีสายตารื้นน้ำคู่นั้นมองตามอย่างตัดพ้อ เขาขบกรามแน่นจนขึ้นสันเพื่อระงับอารมณ์ก่อนจะซุกลงไปข้างลำคอขาวแล้วขบเม้มจนมันขึ้นรอยจ้ำแดง

ริมฝีปากร้อนจัดค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงมาที่แผ่นอกขาวแล้วดูดกลืนยอดอกจนตั้งชูชัน ความอุ่นชื้นไล่ต่ำลงมาที่แอ่งสะดือพร้อมกับคาบจิวเงินที่ถูกเจาะเอาไว้ในตอนที่ช้อนตาขึ้นมอง ฮานะตัวสั่นสะท้านและบิดกายเร่าเมื่อถูกปลุกเร้าอย่างรุนแรง เจ้าตัวแอ่นสะโพกขึ้นเมื่อถูกเขาซุกลงไปตรงกลางหว่างขาก่อนจะส่งบางส่วนที่ตั้งชันเข้าไปในโพรงปากแล้วดูดกลืนจนเกิดเสียงหยาบโลน

“อื้อ!”

ฮานะพยายามที่จะหุบเรียวขาเข้าหากันเมื่อรู้สึกมากเกินกว่าที่รับไหวแต่ติดที่ช่วงบ่ากว้างขวางกั้นเอาไว้ จึงทำได้แค่จิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับย่น

ส่วนหน้าและหลังถูกปรนเปรออย่างตะกรุตะกรามจนเปียกชุ่ม

สะโพกถูกรั้งขึ้นสูงจนลอยเหนือพื้นเตียงก่อนบางส่วนที่ร้อนจัดจะสอดแทรกเข้ามาทีเดียวจนหมด ทำให้ต้องแอ่นหลังเหยียดตรงเมื่อรู้สึกเสียวซ่านจนชาไปตามแนวสันหลัง

ภาพของร่างที่เล็กกว่ากันเป็นเท่าตัวกำลังรองรับตัวตนใหญ่โตเข้าไปนั้นปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบในกายจนถึงขีดสุด

ยิ่งถูกกระทำย่ำยีมากเท่าไหร่ แรงอารมณ์ก็ยิ่งพุ่งขึ้นสูงจนฟีโรโมนส่งกลิ่นยั่วเย้าให้สมองละลายไปกับไฟของห้วงเสน่หา

ถ้อยคำที่พร่ำบอกว่าในตัวเขานั้นดีเพียงใดทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่ในห้วงแห่งความฝัน

ฮานะยกแขนขึ้นโอบกอดรอบบ่ากว้างเอาไว้ในตอนที่น้ำตาแห่งความสุขรื้นขึ้นมาจนภาพตรงหน้านั้นพร่าเบลอไปหมด เสียงสะอื้นเจือไปกับเสียงครางหวานหูยิ่งเสริมให้ผู้กระทำไม่สามารถยับยั้งแรงอารมณ์เอาไว้ได้ ร่างเล็กถูกกระแทกกระทั้นจนแผ่นหลังเสียดสีไปกับผ้าปูที่นอนจนยับย่น ฮานะกัดลงบนไหล่แข็งแรงจนเกิดรอยในตอนที่บางส่วนนั้นขยับขยายเต็มช่องท้อง

จังหวะสอดประสานรัวเร็วจนหยาดเหงื่อผุดซึมและหยดลงผสานกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มอดไหม้...แผดเผา...กลายเป็นธุลี

จุดสิ้นสุดของอารมณ์ถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ทุกหยาดหยดถูกเก็บไว้ในช่องท้อง

เสียงหอบหายใจดังประสานเป็นจังหวะเดียวกันในตอนที่ร่างสูงใหญ่ลงไปนอนกอดและก้มลงพรมจูบตามผิวเนื้อเนียนอย่างรักใคร่ วงแขนแกร่งโอบกระชับร่างร้อนจัดเพราะแรงอารมณ์ที่เพิ่งผ่านพ้น ฮานะยังคงสะอื้นเสียงเบาในลำคอเมื่อถูกปรนเปรอจนแทบคลุ้มคลั่ง

“ผมรักคุณ” พีทก้มลงพูดประชิดริมฝีปากสีอ่อนและกดจูบซ้ำไปมาอย่างหลงใหล

ปลายจมูกโด่งกดลงบนลาดไหล่เนียนพร่ำบอกรักคนในอ้อมกอดซ้ำไปมาก่อนจะได้รับการตอบสมองกลับมาเป็นการประคองใบหน้าแล้วจรดจูบลงบนสันกรามอย่างอ้อยอิ่ง

“…ฉันก็ด้วย” ฮานะกระชับอ้อมแขนเมื่อรับรู้ได้ถึงการขยับเคลื่อนไหวที่ช่วงล่าง

ก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มใหม่อีกครั้งราวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่เรื่องลวงตา

ถูกเติมเต็มซ้ำแล้วซ้ำเล่า

วนเวียนอยู่อย่างนั้นจนข้ามวันไปเป็นเช้าวันใหม่

...ก่อนจะหยุดลงเมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป




_____________________________________



บอกแล้วว่าอย่าให้เด้นได้แปลงร่างง สามวันสามคืนไปเล้ยยยยย> <

ในที่สุดก็จับคู่กันซะที นาทีนี้ต้องเซฟฮานะรัวๆๆๆแล้ววว น้องพีทไม่อ่อนโยนเลยลู้กกก T T

นี่ขนาดรัทครั้งแรกพี่เขายังจมเตียงขนาดนี้ มาส่งกำลังใจให้ฮานะกันค่ะะ 55555



15หน้าตามสัญญาเลยย ไม่ขาดไม่เกินน

ถ้ายังไงเม้นให้กำลังใจเด้นด้วยนะค้าบ หรือจะ #ดอกไม้ของพีท ในTwitter ก็ได้เน้อออ /อ้อนวอนน  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-11-2019 22:49:56
โอ้วมายก็อด..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-11-2019 23:04:37
เกิ๊นนนนไปแร้วววว


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 24-11-2019 23:12:44
ย้ายข้างมาเซฟฮานะแทนล้าวววว
เด้นแปลงร่างเป็นหมาป่าซะแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 24-11-2019 23:14:39
เง้อ~~~ คือดี~~~
มีความละมุนละไม แต่ก็ไม่ทิ้งสัญชาตญาณ

ปล.นี่ว่ายาคุมไม่น่ารั้งไว้ได้อ่ะ แฮ่~~~
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-11-2019 00:31:42
 :jul1: :jul1: :jul1:
เธอไม่อยากท้องแต่เธอไม่ป้องกันเลยฮานะะะะะะะะะ  :ling2:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 25-11-2019 02:02:54
เรียกรถพยาบาลทีค่า ให้ฮานะเหรอ? ให้คนอ่านนี่ล่ะจ้าาาา
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: bnmshhhhhhh ที่ 25-11-2019 08:34:36
รุนแรงมากเจ้าเด้น!!!!!!
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 25-11-2019 13:56:56
จากที่เป็นเอฟซีฮานะมาตลอดเพราะฮานะสวย(อยากน้วยฮานะเอง) ตอนนี้เริ่มอยากมาฝั่งเด้นแล้วค่ะ เอ็นดูน้องมาก เพราะยัยฮานะเจ้าเล่ห์มากกกก ยั่วเจ้าเด้นก่อนตลอด ไม่อยากท้องแต่ก็ไม่ชอบถุง ฮู้ยยย นายเอกเพลงเก็ทสึโนวา จะว่าไปเจ้าหมาตัวโตก็ไฟติดง่ายมาก มือเร็วสุด รอบนึงไม่เคยพอ ทั้งดื้อทั้งซนพอกัน ตอนเลือกไม่ถูกแล้วค่ะว่าจะเห็นใจใครดี :laugh:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 25-11-2019 15:37:48
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:

พีทททททท รุนแรงมาก
ฮานะ ไม่ไหวแล้วเลือดจะหมดตัว

รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 25-11-2019 20:15:33
 :pighaun: :pighaun: :haun4: :haun4: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Elle-sama ที่ 26-11-2019 15:08:57
แซ่บเกินไปแล้วววว หื่นกันทั้งคู่เลยนะเนี่ย เหมาะสมกันจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F O U R T E E N : 24/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 29-11-2019 09:38:09
เจ้าเด้นกลายพันธุ์!!!
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 30-11-2019 13:16:30
CHAPTER F I F T H T E E N


_________________________________






Scent Project – December 20xx

Information& Perfume Character:

Scent: Silver Bullet

Model: Mikael Gender: Male (Alpha)

Scent: Black Diamond

Model: Wang Lixing Gender:Male (Omega)

Scent: Blue Ocean

Model: Peerat Chodmaetee Gender: Male (Alpha)




ฮานะกวาดสายตาไล่อ่านข้อมูลการประชุมในครั้งนี้เป็นหนที่สาม หลังจากที่ถูกคุณแกเรนตามตัวมา นี่ก็ผ่านไปราวสองชั่วโมงได้แล้วที่เขาต้องมานั่งฟังรายละเอียดของโปรเจกต์ใหญ่ในปลายปีที่ทางโมเดลลิ่งจะจัดขึ้น เป็นโปรเจกต์น้ำหอมคอลเลคชั่นที่สองของคุณจางเฟิงหลง หลังจากที่Rose Amourมีคุณแกเรนเป็นนายแบบให้กับน้ำหอมคอลเลคชั่นแรกนั้นก็มียอดขายถล่มทลายและขึ้นชาร์จเป็นอันดับหนึ่งมาตลอดหลายปี เจ้าตัวจึงอยากลองพัฒนากลิ่นอื่นๆ ออกมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้กว้างมากยิ่งขึ้น โดยคอนเซปหลักของงานในครั้งนี้น้ำหอมแต่ละตัวจะมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นี่จึงเป็นสาเหตุที่แกเรน ฮาร์ดเนอร์ต้องลงมือทำการคัดเลือกนายแบบที่จะมาสวมคาแรคเตอร์ด้วยตัวเอง




Silver Bullet สุขุม เรียบนิ่ง มีพลัง

Black Diamond หรูหรา ยั่วยวน มากไปด้วยเสน่ห์

Blue Ocean อบอุ่น ร่าเริง มีชีวิตชีวา

สามคน สามสไตล์...งานนี้จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่จะท้าทายความสามารถของเหล่านายแบบและทีมงานทุกคนเลยก็ว่าได้...

“ทางมิคาเอลกับลี่ชิงผมได้ดูสตูดิโอที่จะใช้ถ่ายแบบเอาไว้แล้ว ส่วนพีทสถานที่คงเป็นทะเลที่ไหนสักที่แถบทางใต้ เอาไว้ถ้าได้ข้อมูลจากฝ่ายสถานที่ผมจะมาแจ้งอีกที” แกเรนยืนพิงขอบโต๊ะด้วยท่าทีที่สบายก่อนจะหันไปหาคนที่นั่งอยู่ทางขวามือแล้วถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก

...นั่งหน้าดุจนทีมงานเกร็งไปหมดแล้ว...

“คุณเฟิงหลงครับ ไม่ทราบว่ามีข้อเสนอแนะอะไรอยากจะชี้แจงเพิ่มเติมหรือเปล่า” รอยยิ้มกว้างถูกส่งไปให้แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงแววตานิ่งเรียบเท่านั้น

..เชื่อเขาเลย

“ไม่มี” ร่างสูงใหญ่ของอัลฟ่าหนุ่มขยับเคลื่อนกายเปลี่ยนท่านั่ง ท่วงท่าสง่างามสะกดสายตาคนมองได้เป็นอย่างดี...นัยน์ตาคมเข้มทอแววอ่อนลงเมื่อหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย

หวังลี่ชิงเป็นหนึ่งในนายแบบที่จะเข้าร่วมในโปรเจกต์น้ำหอมครั้งนี้และที่สำคัญ...ยังเป็นคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายของจางเฟิงหลงอีกด้วย

นี่จึงเป็นสาเหตุที่วันนี้เจ้าตัวลงทุนมาเข้าประชุมสรุปด้วย ทั้งที่ปกติแล้วนับครั้งได้ที่จะเห็นว่าเฟิงหลงมาที่โมเดลลิ่ง

...หวงจนแทบไม่ปล่อยให้ลี่ชิงคาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว...แทบไม่เหลือเค้าเดิมเหมือนอย่างในอดีตอีกแล้ว...

“แล้ว...คุณมิคาเอลล่ะ” แกเรนหันไปถามนายแบบอีกคน ซึ่งฝ่ายนั้นก็ทำเพียงแค่ส่ายหน้าตอบกลับมาเขาจึงได้โอกาสแนะนำสมาชิกคนใหม่ของโปรเจกต์นี้แทน

“อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าก่อนหน้านี้เรายังหาคนที่จะมาสวมคาแรคเตอร์Blue Oceanไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วคุณแอนเดอร์สันเองก็เหมือนจะตอบโจทย์แต่ในครั้งนี้...เขายังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด” ถ้อยคำทุกอย่างถูกเอ่ยออกมาอย่างเนิบนาบโดยประโยคหลังนั้นเน้นย้ำไปถึงฝ่ายคอสตูมอีกฝ่ายที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้

...ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่การตัดสินของเขาถือว่าเป็นที่สิ้นสุด

“ผมรู้ว่าพวกคุณบางคนคงเคยเห็นผลงานชิ้นแรกของพีทที่ถ่ายแบบร่วมกับอเล็กซ์มาบ้างแล้ว...ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มว่าทำไมเขาถึงถูกเลือกให้เข้ามารับคาแรคเตอร์Blue Ocean” รอยยิ้มบางเบาถูกจุดขึ้น “คำตอบมันอยู่ในรูปที่ผมแนบลงไปในเอกสารแล้ว”

รูปไฟนอลพรูฟที่เตรียมขึ้นปกนิตยสารอาทิตย์หน้าถูกสายตานับสิบคู่พินิจพิจารณาไปพร้อมกัน

ภาพของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่สวมไว้เพียงแค่กางเกงชายหาดสีดำกำลังถือกระดานโต้คลื่นนั้นสะกดสายตาจนยากที่จะปฏิเสธได้ว่าอีกฝ่ายดูดีจนไร้ที่ติ

ช่วงอกกว้างกำยำคร้ามแดดมีหยดน้ำเกาะพราวบางส่วน เรือนผมสีเข้มถูกปล่อยไปตามธรรมชาติในตอนที่ลมทะเลพัดขึ้นมาบนฝั่ง นัยน์ตาคมส่องสะท้อนกับแสงแดดเปล่งประกายมีชีวิตชีวา รอยยิ้มกดลึกเพียงเล็กน้อยแต่ทรงพลังและมากไปด้วยเสน่ห์สะกดสายตาผู้ที่ได้พบเห็น

....ถ้าไม่บอกว่าเป็นน้องใหม่ในวงการ คงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนายแบบมืออาชีพเสียด้วยซ้ำไป..

ฮานะหันไปมองคนข้างกายที่นั่งเงียบมาตลอดก่อนจะเอื้อมมือไปกุมกับอีกฝ่ายเอาไว้ รอยยิ้มเจือจางถูกส่งไปให้ในตอนที่ทีมงานหลายคนเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก พีทโค้งตัวรับคำชมอย่างนอบน้อมก่อนจะหันกลับมามองกันแล้วบีบกระชับมือเขาเอาไว้แน่น ฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวก็คงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่เริ่มเป็นที่ยอมรับ

หลังจากที่หมดวาระการประชุมสำหรับวันนี้ทุกฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันออกไปจะมีก็เพียงแค่ฮานะเท่านั้นที่ถูกแกเรนเรียกตัวเอาไว้โดยที่มีใครอีกคนตามติดมาไม่ห่างกาย เด็กหนุ่มตัวสูงยืนประชิดแผ่นหลังของคุณผู้จัดการส่วนตัวโดยที่มือของทั้งสองยังคงสอดประสานกันเอาไว้อย่างแนบแน่นไม่หวั่นแม้กระทั่งถูกเจ้านายมองอย่างล้อเลียน

แกเรนกลั้นยิ้มขำเมื่อถูกสไตล์ลิสต์คนสวยมองมา นัยน์ตาสีชมพูกวาดต้อนไปยังปลอกคอที่เขาเคยให้เป็นของขวัญวันเกิดอีกครั้ง

...ก็ยังปิดรอยไม่มิดอยู่ดี..

“ผมอ่านบรีฟงานที่คุณส่งมาให้แล้ว” ฮานะเปิดประเด็นเรื่องงานเพื่อบ่ายเบี่ยงความสนใจของอีกฝ่าย “…กับอเล็กซ์อีกแล้วเหรอครับ” เจ้าตัวเผลอเม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงรายละเอียดงานถ่ายแบบชิ้นต่อไปของพีทที่ต้องทำงานร่วมกับอเล็กซ์อีกเป็นหนที่สอง

เพราะเดือนหน้านั้นทางแบรนด์เจ้าเดิมต้องการที่จะถ่ายแบบคอนเซ็ปเสื้อผ้าแนว Extreme sports และชนิดกีฬาที่ถูกเลือกมาเป็นไอเดียในครั้งนี้ก็คือการปีนหน้าผาจำลองซึ่งนับว่ายากและท้าทายมากขึ้นกว่าครั้งที่แล้วเป็นไหนๆ

แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเขามั่นใจว่าถ้ารับงานนี้พีทจะสามารถทำมันออกมาได้ดีอย่างแน่นอน...ที่เป็นปัญหาจริงๆ คือเพื่อนร่วมงานต่างหาก

ไม่ใช่ไม่กล้าหรือเพราะต้องการหลบหน้า...แต่มันเป็นเพราะเขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับอเล็กซ์อีกแล้ว

…ไม่แม้แต่จะอยากได้ยินชื่อเสียด้วยซ้ำและที่สำคัญเขาไม่อยากให้พีทต้องไปเผชิญหน้ากับทางฝ่ายนั้นเพราะเกรงว่าจะมีปากเสียงกันอีก

“ที่จริง...ผมเคยให้เกรซปฏิเสธงานนี้ไปแล้ว” แกเรนถอนหายใจออกมายาวเหยียดเพราะรับรู้ถึงปัญหาทุกอย่างแต่ก็ไม่สามารถที่จะหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้ “แต่ทางนั้นตื๊อไม่เลิกจะเอาสองคนนี้ไปเป็นพาร์ทเนอร์กันให้ได้ ลองเสนอเปลี่ยนนายแบบแล้วก็ไม่เอาลูกเดียว คุณก็รู้ว่าโมเดลลิ่งของเราทำงานร่วมกับทางแบรนด์มานาน...ถึงขั้นมาขอคุยกับผมโดยตรงใครล่ะจะปฏิเสธได้” นิ้วเรียวสวยยกขึ้นนวดคลึงขมับไปมา

“ผมไม่มีปัญหาที่พวกเขาจะต้องร่วมงานกัน...แค่อยากให้งานนี้เป็นงานสุดท้ายแล้ว” ฮานะว่าเสียงเครียดจนฝ่ายนั้นต้องพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“ผมเข้าใจ” แกแรนรับปากอย่างจำยอมเพราะเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงพีทเข้ามาร่วมงานกับทางนั้นด้วย “แต่ขอแค่ครั้งนี้อีกครั้งเดียว...ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ”

ฮานะยังคงลังเลก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างกันซึ่งฝ่ายนั้นก็ทำเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับเป็นเชิงตกลง

“เธอโอเคแน่นะ?” เขาถามย้ำ...ในใจลึกๆ แล้วยังอดห่วงไม่ได้เพราะกลัวว่าทั้งคู่จะมีปากเสียงกันอีก

“ไม่มีปัญหาครับ” พีทคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะกระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้นเพื่อยืนยันคำตอบ

“รับรองได้ว่ารอบนี้ไม่เกิดปัญหาขึ้นแน่นอน” แกเรนย้ำ “หายห่วงได้เลย”

“ช่างเถอะครับ...ผมไม่คิดจะสนใจทางนั้นอยู่แล้ว” ฮานะยักไหล่ก่อนจะเบนสายตากลับไปหาคนข้างกายอย่างคาดโทษ “แต่คนนี้นี่สิ...กลัวว่าถ้าโดนอเล็กซ์ปั่นประสาทเข้าหน่อยแล้วจะฟิวส์ขาดอีก” คนถูกกล่าวหาทำได้แค่เพียงยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองไปมาแก้เก้อ…เพราะยังจำน้ำหนักมือฮานะที่ทำแผลให้ได้ขึ้นใจ

...มือก็เล็กแค่นี้แท้ๆ ...

“ที่ฟิวส์ขาดขนาดนั้นก็เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณไม่ใช่หรือไง” แกเรนถือโอกาสนี้ไล่จี้...อยากจะเห็นคนเสียอาการสักหน่อย

“ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงครับ” ฮานะส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะชอบใจเหลือเกิน

เข้ากันได้ดีเชียวนะ

“เอาน่า เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว” แกเรนหลุดขำออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะไหล่ของอีกฝ่าย “ถ้ายังไงงานนี้เอาทีมคอสตูมคุณเข้าไปดูแลพีทได้เลยเพราะทางอเล็กซ์น่ะมีเฮนรี่ย์ดูแลอยู่”

“ถึงคุณไม่บอกผมก็เต็มใจทำให้อยู่แล้วครับ” ใบหน้าสวยยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของหัวหน้าทีมคอสตูมอีกทีม...ประคบประหงมกันจนออกนอกหน้าแบบนี้เห็นทีคงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานกันธรรมดาแล้ว

...รอจังหวะนี้มานานแล้วนี่...สมใจซะทีนะเฮนรีย์ หวัง..

ขอบคุณที่เต็มใจรับความเฮงซวยครั้งใหญ่ในชีวิตไปครอบครองเอาไว้…

...ขอให้โชคดี..













บรรยากาศในกองถ่ายช่วงเช้านั้นค่อนข้างที่จะวุ่นวายพอสมควร แต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบงานในส่วนของตัวเองก็ต่างวิ่งวุ่นกันจนไม่มีแม้แต่เวลาที่จะได้พักหายใจเพราะต้องรีบเซ็ทฉากให้เสร็จเรียบร้อยเพื่อที่จะได้ดำเนินงานให้เสร็จทันภายในเวลาที่กำหนด นายแบบและนางแบบบางส่วนยังคงไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวเพราะทีมคอสตูมอีกทีมที่ร่วมกันรับผิดชอบนั้นเดินทางมาถึงช้ากว่ากำหนดจึงเป็นเหตุให้ฮานะต้องคอยรับหน้าที่ประสานงานแทนทุกอย่าง

“แกล้งกันเห็นๆ ...ทุเรศชะมัด” หนึ่งในลูกทีมที่กำลังใส่เครื่องประดับให้นายแบบอีกคนเหน็บแนมขึ้นมาอย่างเหลืออด

“คุณฮานะน่าจะรายงานให้บอสรู้เรื่องนี้นะคะ ทางนั้นน่ะเป็นอย่างนี้ทุกทีเวลาที่ต้องร่วมงานกับทีมเรา” ลูกทีมอีกคนเสริมขึ้นมา เพราะตั้งแต่เช้าเธอเห็นว่าเจ้านายตัวเองวิ่งวุ่นจนหัวหมุน ขนาดหน้าที่แต่งตัวและแต่งหน้าให้คุณพีทพวกเธอยังได้รับช่วงต่อมาอีกทีเพราะฝ่ายนั้นขอตัวไปดูแลคนที่เหลือแทน

“ช่างเขาเถอะ ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดก็พอ” ฮานะตัดบทในขณะที่กำลังวัดรอบเอวของนางแบบ “ช่วยส่งกล่องเข็มกับด้ายให้ผมหน่อย...เจส ฝากแก้ตรงช่วงเอวให้พี่ที” เจ้าตัวหันไปเรียกเด็กฝึกงานที่เข้ามาร่วมงานให้ทีมได้สักพักแต่ฝีมือนั้นดีเยี่ยมไม่แพ้คนอื่น

เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมากขึ้นจึงถือโอกาสนี้เดินกลับไปหาใครบางคนที่กำลังนั่งนิ่งให้ฝ่ายเมคอัพเซ็ทผมอยู่ พีทหันมาทางเขาก่อนจะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย นัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นเจือแววคิดถึงกันอย่างปิดไม่มิดทำให้ต้องหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ สุดท้ายฮานะจึงต้องขอรับหน้าที่ต่อเพื่อให้ทีมเมคอัพไปดูแลคนอื่นแทน

...ห่างกันยังไม่ถึงชั่วโมงแท้ๆ เลยด้วยซ้ำเจ้าเด็กนี่

“เหนื่อยไหมครับ” เด็กหนุ่มเอื้อมไปกอบกุมข้อมือที่เล็กกว่า กระชับแน่นโดยไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนมากมายที่อยู่โดยรอบ ยิ่งได้เห็นว่าแก้มฮานะขึ้นสีก็ยิ่งดึงเข้ามาใกล้

“แค่นี้สบายมาก” เจ้าตัวยักไหล่ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระป๋องสเปรย์ที่วางอยู่โต๊ะข้างๆ มาเซ็ทผมให้ต่อ “เธอล่ะ...ตื่นเต้นไหม”

หลังจากที่เดินทางมาถึงเขากับพีทก็จำเป็นที่จะต้องแยกกันเพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเองเลยไม่มีเวลามากพอที่จะใส่ใจอีกฝ่ายได้เท่าที่ควร แต่ทั้งคู่ก็ต่างรู้ดีว่า...ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวเลยที่สายตาจะไม่หยุดอยู่ที่ใครอีกคน

“ไม่เลยครับ” รอยยิ้มที่กว้างขึ้นทำให้รู้สึกหายเหนื่อยจากงานที่ผ่านมา ฮานะจึงอดไม่ได้ที่จะบีบเข้าที่ข้างแก้มของเจ้าโกลเดนท์ตัวโตเมื่อนึกมันเขี้ยว

“เก่งมาก...งานแสร็จแล้วเดี๋ยวให้รางวัล” ฝ่ามือข้างหนึ่งอ้อมไปด้านหลังพร้อมกับลูบเข้าที่ต้นคออีกฝ่ายอย่างอ้อยอิ่ง นัยน์ตาสวยช้อนมองอย่างมีความหมายพอดีกับที่ช่วงตัวถูกรวบเอวเข้าไปกอด

ในตอนที่ทุกคนในบริเวณนั้นกำลังวุ่นอยู่กับงานตรงหน้า เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลมหายใจอุ่นร้อนเข้ามาประชิดข้างซอกคอ...เสียงหายใจและสัมผัสอุ่นแตะลงผ่านคอเสื้อที่ปิดสูงก่อนจะผละออกในเวลาต่อมา

....ร่องรอยแห่งพันธสัญญาที่โผล่ออกมาให้ได้เห็นเพียงเสี้ยวเดียวทำให้เด็กหนุ่มอดที่จะยกมือขึ้นลูบผ่านไม่ได้..

…ลำคอพลันแห้งผากเมื่อความรู้สึกที่อยากเน้นย้ำผุดแทรกขึ้นมาจนสมาธินั้นเริ่มสั่นคลอน

...กลิ่นของฮานะทำให้เข้าไม่อยากจะเอาตัวออกห่างแม้แต่วินาทีเดียว..

“...ตอนนี้ไม่ได้เหรอครับ” เสียงทุ้มต่ำออดอ้อนให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน

“ก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วสิ” ฮานะยิ้มขำพร้อมยกมือขึ้นบิดแก้มอีกฝ่ายจนหน้าเบ้ “งานเสร็จค่อยว่ากัน” มือพยายามแกะช่วงแขนที่เกาะเกี่ยวรอบเอวออกแต่ก็ไม่เป็นผล

“พีท~” เขาออกแรงมากขึ้นเมื่อเห็นว่ามีสายตาบางคู่มองมาอย่างมีเลศนัย โดยเฉพาะเด็กในทีมนี่ตัวดีเลย

...ก็ไม่คิดที่จะปิดบังอยู่แล้ว แค่...ยังไม่ชินเท่านั้นเอง..


(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 30-11-2019 13:16:55
ในระหว่างที่ทุกคนในกองถ่ายเริ่มหันมาออกปากแซวกันไม่ขาดปาก เสียงเปิดประตูทางเข้าสตูดิโอก็เรียกความสนใจให้ทุกสายตาหันกลับไปมอง ร่างสูงใหญ่ของนายแบบลูกครึ่งผู้ที่เป็นเมนหลักในโปรเจกต์ครั้งนี้เดินนวยนาดเข้ามาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนโดยมีสไตล์ลิสต์อีกคนตามหลังมาไม่ห่าง บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่ทำให้รับรู้ได้ว่าระหว่างพวกเขานั้นไม่ได้มีสถานะเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานกันแบบธรรมดาทั่วไป

...เพราะรอยกัดบนคอเฮนรีย์ที่โผล่พ้นออกมาให้ได้เห็นอย่างชัดเจนโจ่งแจ้งคือคำตอบที่ย้ำเตือนว่าเจ้าตัวไม่คิดที่จะปิดบังอะไรทั้งนั้น

โดยเฉพาะกับผู้จัดการคนเก่าของอเล็กซ์ แอนเดอร์สัน...

เฮนรีย์ขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อยในตอนที่ถูกอัลฟ่าหนุ่มมคว้าเอวเข้าไปกอด อเล็กซ์ถึงเนื้อถึงตัวเขาโดยไม่คิดแคร์สายตาของทีมงานนับสิบในห้อง...นัยน์ตาฉ่ำน้ำที่มากล้นไปด้วยความมั่นใจกวาดมองไปทั่วก่อนจะหยุดอยู่ที่ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนอย่างสนอกสนใจ

...เด็กใหม่ของฮานะ ดูดีขึ้นมากจริงๆ

“พีท” เสียงเรียกช่วยดึงให้เด็กหนุ่มหันกลับมาหา ฮานะกอบกุมมือเขาเอาไว้แน่นพร้อมกับส่งยิ้มมาให้...นัยน์ตาคู่สวยที่สะท้อนเพียงภาพของเขานั้นชัดเจนมากกว่าสิ่งใด “ห้ามมองนะ” เรียวคิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาที่เห็นว่าเฮนรีย์มองมาทางเขา

“…”

“พีท” โดยไม่รอคำตอบร่างที่เล็กกว่าก็โถมตัวเข้าไปกอดคู่ของตนอย่างหวงแหน

ความรู้สึกหวาดหวั่นและว้าวุ่นใจตีกันมั่วไปหมด...ในเวลานี้เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าสองคนนั้นจะถึงเนื้อถึงตัวกันแค่ไหน มีเพียงความรู้สึกเดียวที่ฉายชัดขึ้นมาคือหวงคนในอ้อมกอดจนแทบบ้า

“…ฮานะ” เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นตอบกลับอย่างเก้กังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวรับกับสถานการณ์แบบนี้

ที่มองเมื่อกี้เพราะฝ่ายนั้นก็มองคนของเขาอยู่ก่อนแล้ว...ไม่ได้คิดสนใจสายตาเชิญชวนจากเฮนรีย์เลยแม้แต่วินาทีเดียว

“พีท พาฮานะออกไปก่อนดีไหม” ผู้กำกับเห็นท่าไม่ค่อยดีเดินเข้ามาสะกิดเรียกเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนตอนที่อยู่ทะเลอีกจึงอยากให้ต่างฝ่ายต่างแยกไปควบคุมสติอารมณ์ก่อนที่จะเริ่มงาน

โดยไม่ทันที่จะรอให้อีกฝ่ายตัดสินใจเด็กหนุ่มก็ช้อนอุ้มร่างที่เล็กกว่าเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ตามที่ทีมงานแนะนำ ระหว่างทางฮานะไม่ขัดขืนหรือดีดดิ้นเอาแต่กอดเขาไว้แล้วซุกหน้าลงกับอกแน่น

พีทวางร่างของอีกคนลงที่เคาน์เตอร์หินอ่อนหน้ากระจกแต่ฮานะไม่ยอมปล่อย เอาแต่กอดอยู่อย่างนั้น

“ฮานะครับ” เสียงทุ้มก้มลงพูดข้างใบหู พร้อมกับยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังเล็กไปมาเพื่อปลอบประโลมอย่างไม่นึกสงสัยกับอาการทั้งหมดที่เกิดขึ้น...ฮานะกำลังหวงเขาตามสัญชาตญาณของคู่แห่งโชคชะตา

ที่รับรู้ได้เพราะเขาเองก็กำลังรู้สึกไม่ต่างกัน...

ไม่ได้หึงหวงเพียงเพราะไม่มั่นใจในตัวกันและกัน...แต่มันเป็นความรู้สึกที่รุนแรงเกินขีดจำกัดของการมีอยู่ของเหตุผล...

“ฉันไม่อยากงี่เง่าแบบนี้เลย...” เสียงที่เบาหวิวเอ่ยสารภาพทำให้ต้องสวมกอดแน่นขึ้น “ฉันเชื่อใจเธอ...แต่...แค่ไม่ชอบสายตาที่เฮนรีย์มองเธอ”

“…”

“มันเหมือนกับว่า...เธอจะถูกแย่งไป” คำสารภาพพรั่งพรูออกมาพร้อมน้ำตาหยดแรก “แค่คิด...มันก็ทนไม่ไหวแล้ว” …ยิ่งกว่าความเสียใจทั้งหมดที่เคยพบเจอเพียงแค่ลองนึกภาพว่าจะต้องกลับไปโดดเดี่ยวอีกครั้งก็ทรมานแทบบ้า

“…” สัมผัสอุ่นกดจูบลงบนกลุ่มผมเพื่อย้ำเตือนว่าเขายังอยู่ตรงนี้

“ฉันขอโทษ...ที่ทำให้เธอรู้สึกแย่” ฮานะเงยหน้าขึ้นมามองกัน นัยน์ตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำแต่เจ้าตัวกลับกลั้นมันเอาไว้อย่างสุดความสามารถ “ขอโทษนะที่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้”

“…”

“ขอโทษที่ชอบทำตัวน่าเบื่อให้เธอต้องหนักใจอยู่เรื่-”

ถ้อยคำพลันกลืนหายกลับไปเมื่อริมฝีปากถูกประกบแนบแน่น แผ่นหลังเอนแนบไปกับแผ่นกระจกใสเมื่อช่วงตัวสูงใหญ่โถมเข้าหา เรียวลิ้นที่บุกรุกมอบสัมผัสวาบหวามจนต้องคล้อยตาม เสียงดูดดุนแผ่วเบาคลอขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่ง กลิ่นหอมเจือจางผสมกับไอร้อนระอุจากแผ่นอกกว้างทำให้ต้องยึดท่อนแขนแข็งแรงเอาไว้เพื่อช่วยพยุง ฮานะหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสนุ่มนวลก่อนจะต้องหลุดครางในลำคอเมื่อถูกริมฝีปากร้อนจัดลากลิ้นลงมาถึงปลายคาง ความอุ่นชื้นทำให้จังหวะชีพจรเต้นรัวจนหูอื้อ

ปลายนิ้วเกี่ยวคอเสื้อลงต่ำก่อนจะกดย้ำลงไปบนร่องรอยของคู่พันธะ...ซ้ำไปมาจนรู้สึกร้อนจัดบนผิวเนื้อ

ผมที่ยาวเคลียบ่าถูกมัดรวบเอาไว้เพื่อเปิดโชว์ร่องรอยที่ปรากฏอยู่บนลำคอขาว...

ฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่ากดจูบลงบนลาดไหล่...ไล่เรื่อยมาถึงข้อนิ้ว

..ย้ำเตือนว่าเป็นตัวและหัวใจของเขามีเพียงฮานะคนเดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครองทุกอย่างเอาไว้ในกำมือ...และมันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป..

“ผมเป็นของฮานะ” ถ้อยคำย้ำเตือนผ่านการกดจูบลงไปที่หลังมือข้างซ้าย

ใครอีกคนที่นั่งมองการกระทำทุกอย่างพยักหน้ารับโดยไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม เพราะเพียงเท่านี้มันก็สามารถปัดเป่าความรู้สึกวุ่นวายที่เข้ามาสั่นคลอนจิตใจได้แล้ว

“...และฮานะก็เป็นของผม” เด็กหนุ่มวางแขนลงข้างกาย กักขังอีกฝ่ายเอาไว้ในอ้อมแขน “เข้าใจใช่ไหมครับ” แทนคำตอบคือสัมผัสนุ่มที่ขยับเข้ามาประทับลงบนสันกรามอย่างที่เจ้าตัวชอบทำในเวลาที่อยากจะอ้อนให้เขายอมตามใจ

“อื้ม” เสียงอ้อมแอ้มตอบกลับมาก่อนใบหน้าสวยจะซุกลงที่อกเขาอีกรอบ โผล่มาให้เห็นแค่ใบหูขาวที่เริ่มแดงจัดตามอุณหภูมิร่างกาย “...ฮานะเป็นของพีท”

“…”

“...เป็นของพีทคนเดียว”

ถ้อยคำออดอ้อนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้ลมหายใจขาดช่วงไปกะทันหัน เด็กหนุ่มนิ่งงันแต่จังหวะชีพจรกลับเต้นถี่จนปวดหนึบ สันกรามถูกขบแน่นเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นมา

“แบบนี้ก็แย่สิครับ...” เสียงถอนหายใจดังขึ้นอย่างยาวเหยียดก่อความคิดฟุ้งซ่านจะถูกปัดตกไป เขาจัดการรวบกอดร่างที่เล็กกว่าเข้ามาไว้แนบอกโดยที่ไม่ได้สนใจว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่จะยับย่นแค่ไหน “…ฮานะจะฆ่าผมให้ตายอยู่แล้ว รู้ตัวหรือเปล่า”

“เธอ...ไม่ชอบเหรอ” คนขี้กังวลเอ่ยถาม แววตาคู่สวยเอ่อคลอน้ำเล็กน้อยมองช้อนขึ้นมาอย่างออดอ้อน

“ฮานะ” พีทเสียงเข้มขึ้น “…ถ้ายังอ้อนแบบนี้สาบานได้เลยว่าผมจะพาคุณกลับ...ตอนนี้”

“ม...ไม่เอา” เจ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธ พอดีกับที่เสียงทีมงานเคาะเรียกอยู่หน้าประตู “ออกไปข้างนอกกันเถอะนะ ถูกเรียกตัวแล้ว” จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องเพียงเพราะไม่สามารถทนมองความรู้สึกวาบหวามผ่านดวงตาคู่นั้นได้

“สัญญาก่อนว่าเสร็จงานฮานะจะตามใจผม” ร่างสูงใหญ่ไม่ยอมเดินตามแรงดึง กลับยื้อตัวเอาไว้จนคนที่เป็นฝ่ายลากนั้นมองค้อนกลับมา

“นี่” ฮานะขู่...ขู่แบบเขินๆ เป็นใครก็ยอมให้ขู่ทั้งนั้น

“ตกลงว่ายังไงครับ” พีทยิ้มขำเมื่อถูกหยิกเข้าที่หน้าท้อง

“พีท ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย” คนตัวเล็กกว่าพยายามฝืนแรงดึงเมื่อข้อมือถูกกุมเอาไว้แน่น เสียงเคาะประตูเรียกดังขึ้นอีกครั้งทำให้ต้องตกปากรับคำไปในที่สุด “โอเคๆ เข้าใจแล้ว ทีนี้ออกไปได้แล้วหรือยัง อื้อ!” ก่อนออกไปก็ถูกดึงเข้าไปหอมแก้มอีกครั้งจนเจ็บแก้ม

...นี่พัฒนาจากลูกโกลเดนท์ไปเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!













หลังจากที่ออกมาพีทก็ถูกเรียกตัวออกไปเพื่ออบรมเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์เซฟตี้และวิธีการปีนผาจำลองเบื้องต้นพร้อมกับอเล็กซ์ เพราะระดับที่ต้องปีนขึ้นไปถ่ายนั้นไม่ได้สูงมากจึงใช้เวลาสอนเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นก่อนจะทดสอบให้ทั้งสองคนได้ฝึกโรยตัวลงมาถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย

“อเล็กซ์ไปแต่งตัวได้แล้ว...ส่วนพีท เดี๋ยวขึ้นไปถ่ายเซ็ทเดี่ยวรอก็แล้วกัน” ผู้กำกับเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมถ่ายทำ...จะเหลือก็เพียงแค่นายแบบกิตติมศักดิ์คนนี้ที่ยังคงอ้อยอิ่งไม่รีบร้อน

ร่างสูงใหญ่ยืนให้ทีมงานถอดเซฟตี้ให้ก่อนจะถูกเฮนรีย์พาไปแต่งตัวที่บริเวณห้องออฟฟิศที่เจ้าของสถานที่แนะนำเพราะบริเวณนั้นไม่มีพื้นที่เว้นว่างให้พวกเขา

นัยน์ตาสีฟ้าเพ่งมองไปยังคนสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันตรงลานกว้าง ก่อนประกายเพลิงวาวโรจน์จะฉายแววขึ้นมาหลังจากที่ต้องทนเก็บมาเนิ่นนาน ยิ่งได้เห็นร่องรอยบนคอของฮานะก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลจนแทบระเบิด

...ฮานะเป็นของมันไปแล้ว..โดยสมบูรณ์แบบ..

“อาลัยอาวรณ์อะไรนัก” เสียงคนตรงหน้าเอ่ยทักขึ้น ทำให้ต้องหันกลับมามอง เฮนรีย์มีสีหน้าที่บ่งบอกได้ชัดว่าไม่พอใจที่เขามองใครอีกคน

“อย่าแส่” เสียงทุ้มเย็นเยียบพูดขึ้นให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนก่อนสายตาคู่นั้นจะกดมองคู่นอนคนล่าสุดตั้งแต่หัวจรดเท้า

...คนที่ยอมถวายตัวให้เขาทุกอย่าง...ยอมในสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับจากคนในอดีต

...รอยกัดที่ปรากฏอยู่บนคอของเฮนรีย์เป็นหลักฐานยืนยันว่าอีกฝ่ายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

...แต่มันเป็นเพียงแค่รอยที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้น...ไร้ซึ่งความรู้สึกรักและพันธสัญญา

ในเมื่อเสนอมา...ก็เพียงแค่สนองกลับ

...โอเมก้าหน้าโง่ที่อยากให้เขากอดจนตัวสั่นทำให้ความจริงบางอย่างปรากฏ..

ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งรับรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา...ฮานะไม่ใช่แบบนี้...

...ไม่ว่าใครก็ไม่เหมือน...และมาแทนที่ไม่ได้เลย...

“รู้ไหมว่าสายตาที่นายมองทางนั้นมันน่าสมเพชแค่ไหน” เฮนรีย์แค่นหัวเราะออกมา “มานึกเสียดายเอาตอนนี้...มันไม่สายไปหน่อยหรือไง”

ไม่ทันขาดคำอุ้งมือแข็งก็บีบเข้าที่ปลายคางจนปวดชา นัยน์ตาสีฟ้าวาวโรจน์ตอนที่จ้องตอบกลับ “ถ้าปากมันพูดอะไรดีๆ ออกมาไม่ได้...ก็ไม่ต้องพูด” ฝ่ามือตวัดตบจนอีกฝ่ายหน้าหัน...เฮนรีย์ไม่ได้ตัวเล็กเหมือนอย่างฮานะแต่กลับล้มลงไปกองที่พื้นได้อย่างง่ายดาย

…แล้วคนที่ต้องทนรับแรงอารมณ์โมโหร้ายของเขามาตลอดหลายปีทำไมไม่เคยคิดที่จะต่อต้านกัน...

“นายมันเฮงซวย...อยู่กับอีโก้โง่ๆ ของตัวเองไปจนตายเถอะ...son of a bitch” อีกฝ่ายมองมาอย่างโกรธแค้นสถบคำหยาบคายใส่ก่อนจะรีบเดินหนีออกไปข้างนอกทิ้งให้เขายืนสงบสติอารมณ์อยู่เพียงคนเดียว

…ความโดดเดี่ยวยิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่เหลือใคร…ไม่มีเลยสักคน...

“โธ่เว๊ย!” สันหมัดถูกทุบลงบนกำแพงจนสั่นไหวอเล็กซ์ขบกรามแน่นเมื่อรู้สึกอยากระบายความรู้สึกนี้ให้จางหายไป

ยิ่งได้เห็นว่าฮานะมองแค่มันมากเท่าไหร่ ไฟโทสะในใจก็ยิ่งโหมลุกรุนแรงมากเท่านั้น

ที่ผ่านมา เขานึกย่ามในมากเกินไป เลยไม่คิดวิ่งไล่ตามให้กลับมาเพราะรู้ว่ายังไงฮานะก็เลือกเขาและไม่มีวันทิ้งกัน แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่มีไอ้หน้าโง่นั่นสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว...เพราะมัน...มันทำให้ฮานะเปลี่ยนไป

ถ้าไม่มีมันทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้…ถ้ามันไม่ยื่นมือเข้ามา ฮานะก็ไม่มีทางที่จะปล่อยมือเขา..

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะฟุ้งซ่านไปมากกว่าเดิม เสียงของเจ้าหน้าที่ที่ดังอยู่หน้าประตูก็ดึงความสนใจให้หันไปมอง ฝ่ายนั้นกำลังคุยโทรศัพท์กับปลายสายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดและเมื่อเห็นเขาก็ทำเพียงแค่เดินเลยไปยังล็อกเกอร์ที่เก็บอุปกรณ์ก่อนจะดึงเอากล่องออกมาวางไว้บนโต๊ะ ในระหว่างที่อเล็กซ์จะก้าวเดินออกไปจากห้องเสียงบทสนทนาจากเจ้าหน้าที่ก็ทำให้เขาต้องหยุดฟัง ฝ่ายนั้นกำลังง่วนอยู่กับของตรงหน้าและคงคิดว่าเขาจะไม่อยู่ฟังจึงพูดออกมาอย่างออกรสออกชาติ

“ใช่พี่ ตัวคาราบิเนอร์ล็อกมันเด้ง...บ้า ไม่ใช่ของเก่า อันใหม่เลยผมเพิ่งจะเบิกออกมาเมื่อเช้าเนี่ย...คือตอนที่เช็กก่อนขึ้นไปก็ปกติดีพี่ แต่พอรีเช็กรอบสองหลังจากที่ลงมาแม่งล็อกเด้ง...อือ ก็เด้งแค่บางครั้งสงสัยตัวล็อกมันเสียเลยต้องเปลี่ยนอันใหม่กันไว้”

“…”

“เออ โดนพี่โอ๊ตด่าหูชาเลยเนี่ย” ชายหนุ่มดูหัวเสียอยู่ไม่น้อยเพราะนึกหงุดหงิดในความสะเพร่าของตัวเองจนเกือบทำให้คนอื่นได้รับอันตราย

“…”

“ผมเช็กให้หมดแล้ว...เดี๋ยวไปเบิกฮาเนสตัวใหม่มาด้วยเลยจะได้หายห่วง” ฝ่ายนั้นวางคาราบิเนอร์ตัวที่มีปัญหาไว้บนโต๊ะข้างกันกับคาราบิเนอร์ตัวใหม่ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ที่อยู่ทางซ้ายมือโดยไม่ทันได้นึกเอะใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลังจากนี้

ร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนเดินเข้าไปใกล้ นัยน์ตาสีฟ้ากดต่ำมองอุปกรณ์เซฟตี้สองตัวสลับกันก่อนความคิดบางอย่างจะฉายชัดขึ้นมาในหัว

ชั่ววินาทีอุปกรณ์สองชิ้นถูกสลับตำแหน่งอย่างแนบเนียน...อันเก่าถูกสับเปลี่ยนเข้าไปในกล่องแทน...

...ยี่ห้อ สี ขนาด เหมือนกันทุกอย่าง...

อาศัยแค่ความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่เข้าช่วยหน่อย...

...ก็ลองเสี่ยงดูก็แล้วกัน...ว่าดวงมันจะดีสักแค่ไหน..




_____________________




ลูกชั้นเจ้าเล่ห์มานานแล้วย่ะ หล่อนน่ะโดนหลอก ยัยสวย!

ส่วนตอนนี้ก็...นั่นแหละค่ะ มีหมาหวงจ้างจ้าาาา หว่ายๆๆๆๆๆ

ช้าเกินไปไหมเธอออออ คิกค้ากกกกก

ทีมคุนแม่เด้นเกียมไม้ตีหมาได้เรยค่าาา
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-11-2019 13:51:16
เห้ย..ยยยย อเล็กซ์ขอให้กรรมสนอง ลุ้นตอนหน้าอย่างแรง   :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-11-2019 14:08:10
 :hao6: กลับตัวไม่ทันแล้วน้า ฮานะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 30-11-2019 20:52:24
เห้อมมมม  สำหรับอเล็กซ์ คงพูดได้แค่ว่า..”ยังเลวได้อีก”...  คนแบบนี้น่ะ ไม่สมควรได้รับความรักดีๆจากใครทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 30-11-2019 23:28:39
เจ้าเด้นจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ขอให้นังอเล็กซ์ได้อันพังไป สาธุๆ :call:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-12-2019 03:01:02
อย่ามาทำเจ้าเด้นชั้นนะ!!  :fire: :fire:
แล้วอเล็กซ์นี่ก็นะ โทษแต่คนอื่นแต่ไม่เคยโทษตัวเอง
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 03-12-2019 02:03:33
อเล็กซ์ ขี้แพ้ชวนตีอ่ะ โหว่
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 04-12-2019 20:18:07

CHAPTER S I X T E E N
_________________________________



“มึงเช็กดีแล้วใช่ไหม” เสียงของหัวหน้าเจ้าหน้าที่เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลูกน้องตัวเองเดินกลับออกมาจากทางออฟฟิศซึ่งทางนั้นเองก็พยักหน้ายืนยันตอบกลับมาอย่างมั่นอกมั่นใจ

“เช็กดีแล้วพี่โอ๊ต ผมหยิบออกมาจากกล่องใหม่เองกับมือเลย”

“งั้นให้ไวเลย เราทำเขาเสียเวลาเยอะแล้ว”

ตอนนี้ทั้งกองถ่ายเริ่มที่จะตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อยเพราะเวลาในการทำงานค่อนข้างที่จะล่าช้าเกินกว่าที่กำหนดเอาไว้ ต่างฝ่ายก็ต่างวุ่นวายขึ้นมากเป็นเท่าตัวเพราะจู่ๆ เฮนรีย์ก็หนีหายออกไปจากหน้างานทิ้งเอาไว้เพียงลูกทีมสองคนที่ดูแล้วคงไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ดีสักเท่าไรนักผลที่ได้จึงทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปดังที่คิดเอาไว้ตั้งแต่ต้น

“คุณสองคน...มาช่วยผมดีกว่า” ฮานะเดินเข้าไปหาก่อนจะยกนิ้วคลึงข้างขมับไปมาเมื่อเห็นว่าปล่อยให้ลูกทีมของเฮนรีย์ลุยงานเพียงลำพังแล้วมีแต่จะทำให้ทุกอย่างช้าลงกว่าเดิม

ฝ่ายนั้นยังมีท่าทีอิดออดเล็กน้อยแต่พอถูกสายตานิ่งเรียบมองกลับไปก็จำใจที่จะต้องเดินตามมาในท้ายที่สุด...สองคนนี้ถ้าเขาจำไม่ผิด คือคนที่เป็นลูกรับเฮนรีย์ในที่ประชุมตอนที่ฝ่ายนั้นพูดถึงพีทในเชิงที่ไม่ค่อยจะให้เกียรติกันสักเท่าไหร่

...นี่เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องร่วมงานกันหรอกนะ..

“คุณฮานะคะ น้องพีทกำลังจะขึ้นไปอีกรอบแล้ว ไม่ไปเช็กหน่อยเหรอ” หนึ่งในลูกทีมหันมาป้องปากกระซิบข้างหู

“ผมเพิ่งออกมาเมื่อกี้เองนี่” เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นอย่างสงสัยแต่พอเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

ก็จริงอยู่ที่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องมาก่อนเสมอในเวลางาน เพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีสิ่งที่ต้องทำและไม่จำเป็นที่จะต้องตัวติดกันตลอดเวลาอีกอย่างตอนนี้มีฮานะเพียงคนเดียวที่เป็นคนจ่ายงานในแผนกคอสตูม จึงจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้คนอื่นดูแลพีทแทนเพราะเขาไม่สามารถที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อไปตามดูแลคนๆ เดียวได้

“เห็นทีมงานบอกว่าเซฟของน้องพีทพังเหรอคะ” คำถามที่คนถามรู้ดีแก่ใจหลุดออกมาจากปากหนึ่งในลูกทีมของเฮนรีย์

“อย่างนี้ก็แย่น่ะสิ...ไร้ความรับผิดชอบชะมัด” อีกคนที่อยู่ข้างกันรีบเสริม

“ชักจะเริ่มห่วงแล้วสิว่าเซฟคุณอเล็กซ์จะปลอดภัยหรือเปล่า” พวกเธอสองคนหันไปมองหน้ากันอย่างวิตกกังวล

“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะครับ...แต่ทางทีมงานเขาจัดการเรียบร้อยแล้วผมเองก็เช็กกับทางเจ้าของสถานที่แล้วด้วย ไม่ต้องห่วงนะครับ” ฮานะหันไปตอบด้วยท่าทางสุภาพไร้ซึ่งท่าทีอื่นใดออกมาให้ได้เห็น รอยยิ้มเพียงน้อยนิดแต่กลับเสริมให้ใบหน้าสวยดูมากเสน่ห์จนทำให้สองสาวเผลอมองตามไปอย่างไม่รู้ตัว และแล้วใบหน้าก็พลันเห่อร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อฝ่ายนั้นยกมือขึ้นทัดเก็บผมไว้ที่หลังหูตอนที่กำลังก้มลงจัดทรงเสื้อให้นางแบบ

...ขนาดพวกเธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังแอบใจสั่นเลย..

“น้องพีทเท่ระเบิดไปเลย” เสียงซุบซิบของลูกทีมดังขึ้นอยู่ไม่ไกลทำให้คนที่กำลังจดจ่ออยู่กับงานต้องหันไปมองตาม

พีทกำลังเริ่มปีนขึ้นไปบนผาจำลองอย่างใช้สมาธิด้วยท่าทีที่คล่องแคล่วแข็งแรงก่อนจะหยุดอยู่ที่ระดับตามที่ผู้กำกับสั่ง เสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชที่สาดส่องไปยังร่างของเด็กหนุ่มทำให้เจ้าตัวดูโดดเด่นสะกดสายตาแม้จะอยู่ในชุดแฟชั่นกึ่งสปอร์ต

ฮานะลอบยิ้มกับตัวเองเพียงเล็กน้อยแต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ผู้ช่วยสาวสวยออกปากแซวจนต้องเขม่นไปอยู่หลายที เจ้าตัวหันกลับมาเพื่อจะเย็บปลายเสื้อของนางแบบให้เข้าที่แต่กลับถูกใครบางคนเบียดตัวเข้ามาแทรกแทนจนเธอต้องเบี่ยงตัวออกไปทางอื่น

ร่างสูงใหญ่ของนายแบบลูกครึ่งอยู่ในชุดที่พร้อมเข้าเซ็ทถ่ายซีนต่อไป นัยน์ตาสีฟ้าก้มลงมองอดีตผู้จัดการของตัวเองก่อนจะยื่นแขนออกไปข้างหน้า

“ชายแขนเสื้อมันรุ่ยนิดหน่อย...ช่วยจัดการให้ที” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั่งอย่างวางอำนาจเหมือนเมื่อก่อน แต่ท่าทีของคนตรงหน้ากลับเฉยชาจนต้องข่มอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้

ฮานะไม่เพียงไม่มองสบตาเขา แต่กลับเบี่ยงตัวหลบและเรียกลูกทีมอีกคนมาช่วยแทน

“เจส ช่วยมาดูแขนเสื้อให้คุณอเล็กซ์ที”

“ถ้าคุณฮานะไม่ทำ ผมก็ไม่ถ่าย” เสียงยียวนดังขึ้นในตอนที่ใบหน้าหล่อเหลาเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม นัยน์ตาคมมองต่ำไปยังผู้ช่วยของฮานะราวกับต้องการบอกว่าอย่าได้เสนอหน้าเข้ามาวุ่นวายกับตัวเขา

ฮานะมองมาด้วยแววตาที่เรียบเฉยก่อนถอนหายใจออกมาแล้วบอกปัดให้ผู้ช่วยไปดูแลส่วนอื่นแทน เจ้าตัวหยิบกล่องเข็มกับด้ายขึ้นมาร้อยลงรู ฝ่ามือขาวจัดประคองมือข้างนั้นของเขาเอาไว้อย่างนุ่มนวลทำให้ต้องเผลอจดจ้องไปที่ผิวเนื้อเนียนละเอียด...ตั้งแต่ที่คนในอ้อมกอดไม่ใช่ฮานะ ทุกๆ คืนก่อนนอนภาพของคนตรงหน้ามักจะฉายชัดขึ้นมาจนทำให้เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้

...ความรู้สึกโหยหามันรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเพียงแค่ได้มองหน้า..

โหยหามากเสียจนทำให้ถ้อยคำร้ายกาจที่ตั้งใจจะสาดใส่ฮานะนั้นกลืนหายไปเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า...

“คุณอเล็กซ์ครับ ถ้าแต่งตัวเสร็จแล้วเชิญไปใส่เซฟด้วยนะครับ” หนึ่งในทีมงานชายเดินเข้ามาบอกเมื่อใกล้ถึงคิวถ่ายงานของเขา อเล็กซ์พยักหน้ารับทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของสไตล์สิสต์คนสวย

...ถึงแม้จะมีพันธะคู่แห่งโชคชะตา แต่ฮานะกลับมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นได้อย่างน่าประหลาด..

“ปล่อยได้แล้ว” เสียงอีกฝ่ายเอ่ยบอกด้วยท่าทีไม่ชอบใจเมื่อเขาเผลอจับข้อมือเล็กเอาไว้แน่น อเล็กซ์ก้มลงมองตามแต่แทนที่เขาจะปล่อยกลับถือวิสาสะออกแรงดึงฮานะเข้ามาใกล้

...กลิ่นหอมประจำตัวยังคงอยู่...แต่ติดที่ว่ามันไม่สามารถปลุกเร้าเขาเหมือนที่ผ่านมาได้แล้ว เพราะเมื่อใดที่โอเมก้าถูกอัลฟ่าที่เป็นคู่แห่งโชคชะตาผูกพันธะด้วยแล้วกลิ่นของทั้งคู่จะมีผลต่อกันและกันเท่านั้น

และทั้งหมดนั่นมันก็ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าฮานะไม่ใช่ของเขา...ไม่มีวัน...

“พีท มีสมาธิหน่อย” เสียงของผู้กำกับร้องขัดขึ้นมาเมื่อคนที่อยู่บนผาจำลองนั้นหลุดโฟกัสกล้องไปบ่อยครั้ง ทำให้ฮานะต้องรีบหันกลับไปมองตาม ยิ่งได้เห็นว่าพีทเอาแต่จ้องมาทางนี้โดยไม่สนใจเสียงของผู้กำกับเขาก็ยิ่งออกแรงดิ้นให้หลุดจากการกอบกุมของอเล็กซ์

“อเล็กซ์...ปล่อย” เจ้าตัวกดเสียงต่ำพร้อมกับยื้อแขนกลับจนข้อมือขึ้นรอยแดง แล้วก็ต้องกลั้นลมหายใจเมื่อช่วงเอวถูกรวบเข้าไปใกล้ก่อนลมหายใจร้อนระอุจะเป่ารดลงบนผิวแก้ม

“…อย่าทำเหมือนกับว่ารังเกียจฉัน” เสียงทุ้มต่ำกระซิบบอก “ฮานะ…”

และโดยไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากร้อนจัดก็ประกบจูบลงมาแนบแน่น ฮานะตกใจจนตาเบิกกว้างเจ้าตัวทั้งผลักทั้งดันออกแต่กลับไร้ผล สัมผัสที่น่ารังเกียจพยายามรุกรานเข้ามาภายในโดยไม่สนเลยว่ารอบกายนั้นจะมีอีกหลายชีวิตมองมาอย่างตื่นตะลึง

แต่แล้วเสียงหวีดร้องของคนในกองถ่ายก็ดังขึ้นอย่างเสียขวัญหลังจากที่มีเสียงคล้ายกับของที่มีน้ำหนักหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างแรง เสี้ยววินาทีที่หันกลับไปมองทำให้ฮานะชาวาบไปทั้งตัวหัวใจคล้ายกับโดนมือที่มองไม่เห็นควักออกมาจากอก

วูบโหวงรุนแรงจนแทบไม่สามารถยืนหยัดอยู่บนพื้นได้



พีท!!! ” เสียงร้องเรียกดังขึ้นในตอนที่ออกตัววิ่งเข้าไปหาคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น




เด็กหนุ่มยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาวางไว้บนอกด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวทรมานเจ้าตัวอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้จนเหงื่อผุดซึมขึ้นรอบกรอบหน้า เสียงทุ้มต่ำครางขึ้นในลำคอเมื่อรู้สึกทรมานมากเกินกว่าที่จะสามารถรับไหว

“เรียกรถพยาบาล...! พระเจ้า ช่วยที ใครก็ได้” ฮานะทรุดลงนั่งข้างๆ และพยายามบังคับไม่ไห้เสียงตัวเองนั้นสั่นเทา ยิ่งได้เห็นว่าอีกคนนั้นต้องทนทรมานเพราะความเจ็บมากแค่ไหนหัวใจก็คล้ายกับถูกคมมีดกรีดจนขาดวิ่น

“ไหนมึงบอกว่าเช็กคาราบิเนอร์ดีแล้วไงวะ!” เสียงของหัวหน้าฝ่ายสถานที่ตวาดลูกน้องด้วยความโกรธก่อนจะหันไปสั่งให้ทีมงานรีบประสานกับทางโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อมารับตัวคนเจ็บ

“พีท...พีท ทำใจดีๆ ไว้” ฮานะเม้มปากแน่นในตอนที่น้ำตาหยดแรกไหลลงมาอาบแก้ม

อยากจะเข้าไปกอดใจแทบขาดแต่รู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่สามารถแตะตัวอีกฝ่ายได้แม้แต่ปลายนิ้ว

...ทรมานจนหายใจแทบไม่ออก..

“ฮา..นะ..” ใบหน้าคมเข้มบิดเบี้ยวเพื่ออดกลั้นความเจ็บร้าวที่ช่วงแขน เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ไม่เจ็บไปกอบกุมอีกฝ่ายไว้ “...อย่าร้องไห้”

“เธอเจ็บอยู่...พระเจ้า” ฮานะขวัญเสียมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าแขนข้างที่ถูกกระแทกนั้นวางนิ่งอยู่บนอกของพีท เจ้าตัวพยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่กำลังปะทุขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ

“ฮานะ...มองผม” เด็กหนุ่มยิ้มออกมาท่ามกลางความรู้สึกเจ็บปวด ยิ่งเห็นว่าฮานะตัวสั่นก็ยิ่งเจ็บไปทั้งใจ

...อย่าร้องไห้ในตอนที่ผมไม่สามารถกอดคุณเอาไว้ได้..

...อย่าทรมานกันแบบนี้เลย..

“รถมาแล้ว” หนึ่งในทีมงานเข้ามาบอกก่อนที่บุรุษพยาบาลจะวิ่งกรูกันเข้ามาพร้อมกับเตียงขนย้ายผู้ป่วย ทุกคนถูกกันให้ออกห่างจากบริเวณนั้นทำให้ฮานะต้องลุกออกมายืนอยู่รอบข้างแทน

พีทถูกย้ายตัวขึ้นไปบนเตียงเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะถูกย้ายไปขึ้นรถโดยมีฮานะคอยตามมาไม่ห่าง

“ใครเป็นญาติผู้ป่วยครับ” หนึ่งในบุรุษพยาบาลเอ่ยถามขึ้น

“ผมครับ” ฮานะชิงตอบโดยไม่รอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

“เชิญเลยครับ” ฝ่ายนั้นเปิดทางให้เขาขึ้นไปนั่งบนเบาะใกล้เตียงคนเจ็บก่อนจะปิดประตูลงเพื่อเตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล










พีทนอนนิ่งให้หมอและพยาบาลตรวจเช็กอาการเบื้องต้น เท่าที่สังเกตดูแล้วอาการค่อนข้างสาหัสเพราะเจ้าตัวตกลงมาจากระยะที่ค่อนข้างสูงพอสมควร เด็กหนุ่มมองใบหน้าของคนรักที่กำลังฉายแวววิตกก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บออกไปหาทำให้ฮานะต้องรีบกอบกุมเอาไว้

ฝ่ามือเล็กเย็นเฉียบแต่กลับชื้นเหงื่อและสั่นเทา...คงขวัญเสียอยู่ไม่น้อยเลย...

“เจ็บมากไหม” ฝ่ายนั้นเอามือเขาไปแนบเข้าที่ข้างแก้ม นัยน์ตาคู่สวยวูบไหวได้อย่างน่าสงสาร

“แค่ฮานะอยู่ตรงนี้...ก็หายเจ็บแล้วครับ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นมา

“...ฉันขอโทษ” ฮานะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า ในตอนที่ถูกอเล็กซ์ล่วงเกิน แน่นอนว่าพีทต้องเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น

...ทั้งหมดนั่นมันทำให้เขาเสียใจจนแทบบ้า...

“ขอโทษนะ...” เรียวปากนุ่มกดจูบลงไปบนหลังมือในตอนที่หยดน้ำตาร่วงหล่นฮานะซบลงบนหลังมือข้างนั้นที่คอยมอบความอบอุ่นให้เขาตลอดเวลาที่ผ่านมา

“ผมรู้” เด็กหนุ่มลูบนิ้วลงบนแก้มเปียกชื้น นัยน์ตาคมเข้มที่มองมากำลังบอกว่าเขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของฮานะเลยแม้แต่นิดเดียว “ฮานะ ได้โปรด...อย่าร้องไห้เลยนะครับ”

พีทพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เจือความเจ็บปวด...เพราะน้ำตาของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกเจ็บเจียนตายมากกว่าอาการบาดเจ็บของตัวเองเป็นไหนๆ ...

ใบหน้าสวยพยักรับอย่างว่าง่ายพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกลวกๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอด “เธอจะต้องไม่เป็นไรนะ...คนเก่ง” ฮานะกดจูบลงบนมือข้างนั้นซ้ำๆ โดยไม่ได้สนใจเลยว่าในรถมีทีมแพทย์อยู่อีกหลายชีวิต

ทันทีที่รถจอดเทียบบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินบุรุษพยาบาลก็เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าไปเพื่อส่งต่อให้หมอได้ประเมินอาการ ฮานะถูกกันให้รอที่บริเวณหน้าห้อง นัยน์ตาคู่สวยรื้นน้ำมองลอดผ่านช่องกระจกใสเข้าไปก่อนความรู้สึกวูบโหวงจะกัดกินหัวใจจนเจ็บปวด

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็แผดเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาทำให้เจ้าตัวต้องรีบสูดหายใจเข้าปอดและเดินออกไปรับสายที่ข้างนอกเพราะไม่อยากจะรบกวนเวลาทำงานของเจ้าหน้าที่หน้าห้องฉุกเฉิน



้(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 04-12-2019 20:18:44



ร่างเพรียวระหงก้าวเดินไปตามทางด้วยฝีเท้าที่มั่นคง ท่วงท่าสง่างามเรียกสายตาจากผู้คนบริเวณนั้นให้หันไปมองเป็นตาเดียว แกเรน ฮาร์ดเนอร์ ถอดสูทตัวนอกมาพาดแขนในตอนที่เดินผ่านแผนกต้อนรับของทางโรงพยาบาล เจ้าตัวเข้าไปในลิฟต์ก่อนจะกดไปยังชั้นของผู้ป่วยพิเศษตามที่ฮานะได้แจ้งเอาไว้เมื่อช่วงบ่าย หลังจากที่เขาเคลียร์งานเสร็จตอนห้าโมงเย็นก็รีบดิ่งตรงมาที่โรงพยาบาลโดยทันที

“คุณแกเรน” ทันทีที่บานประตูถูกเปิดเข้าไปคนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงก็รีบลุกขึ้นมาต้อนรับ แกเรนโบกบัดอย่างไม่ถือสาก่อนจะเดินไปยืนอยู่ที่ข้างเตียงผู้ป่วย

เด็กหนุ่มนอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ของยาที่หมอให้ไว้ก่อนหน้านี้ แขนด้านขวาที่ได้รับบาดเจ็บถูกดามเอาไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้าของพีทดูอ่อนล้าลงไปมากคงเพราะต้องอดทนกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

“เป็นยังไงบ้าง” แกเรนถามเสียงเบาเพราะกลัวว่าจะไปรบกวนคนที่กำลังนอนพักผ่อน

“กระดูกช่วงแขนร้าวลามไปถึงบริเวณไหปลาร้าครับ” ฮานะตอบ ตาคู่สวยดูบวมช้ำขึ้นเล็กน้อยเพราะหลังจากที่วางสายจากคุณแกเรนไปเมื่อช่วงบ่ายเขาก็ไม่สามารถที่จะห้ามน้ำตาเอาไว้ได้

“ผมขอโทษ” แกเรนเอื้อมมือไปวางไว้บนไหล่เล็ก “เป็นความผิดของผมเองที่-”

“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกครับ” ฝ่ายนั้นส่ายหน้าปฏิเสธ “มันเป็นอุบัติเหตุ...เรื่องนี้ไม่มีใครผิด”

“ฮานะ...เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” แกเรนยิ้มพร้อมกับมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง “จะได้ไม่กวนเวลาพักผ่อนของเขา” อีกคนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ทันทีที่บานประตูปิดลงแกเรนก็เป็นฝ่ายเริ่มเปิดบทสนทนาถึงข้อมูลที่เขาได้รับมาจากหัวหน้าทีมงานที่รับผิดชอบในการถ่ายแบบครั้งนี้

“คุณโอ๊ตหัวหน้าทีมงานที่นั่นแจ้งมาว่าในระหว่างที่พีทกำลังโรยตัวลงมาตัวล็อกคาราบิเนอร์มันมีปัญหาจึงทำให้เชือกมันหลุดออกจากเซฟและอีกอย่าง...ในตอนนั้นพีทเองก็ดูเสียสมาธิอยู่ไม่น้อยเลยไม่ทันได้ระวังตัว”

ฮานะรับฟังทุกอย่างด้วยแววตาที่ว่างเปล่า สองมือกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา...อาการที่ห่างหายไปนานเริ่มกลับมาอีกครั้งในตอนที่รู้สึกเครียด

...เป็นเพราะเขา...ถ้าตอนนั้นปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวกับอเล็กซ์อย่างเด็ดขาด พีทก็คงไม่เสียสมาธิเพราะภาพเหล่านั้น

...เป็นความผิดของเขาเองทั้งหมด..

ทั้งที่ควรทำตัวให้อีกฝ่ายเชื่อใจแท้ๆ แต่เขากลับ...

“ฮานะ” แกเรนเรียกด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาปิดหน้าก่อนจะก้มลง ช่วงไหล่เล็กดูสั่นเทาแม้เจ้าตัวจะพยายามมากเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความเสียใจเอาไว้ได้ แกเรนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขาลงไปนั่งข้างอีกฝ่ายก่อนจะยกแขนขึ้นกอดฮานะเอาไว้...นั่งเงียบอยู่อย่างนั้นจนล่วงเลยผ่านไปหลายสิบนาที รอจนเสียงสะอื้นเบาบางลง

“เป็นเพราะผม...ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”

“ไม่ฮานะ...ไม่ใช่ความผิดคุณ ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ” แกเรนขมวดคิ้วและเอ่ยดุคนที่เอาแต่โทษตัวเอง “ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น....ฮานะ”

“...ตอนที่พีทอยู่บนนั้น ผม..” ฮานะสูดลมหายใจเข้าลึกทั้งกระบอกตาและจมูกแดงก่ำได้อย่างน่าสงสาร “…ผมถูกอเล็กซ์ดึงเข้าไปจูบ”

“...” แกเรนเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ แม้สิ่งที่ฮานะเล่าให้ฟังจะทำให้เขาเริ่มรู้สึกหมดความอดทนก็ตาม

“ก่อนหน้านั้นอเล็กซ์มาขอให้ผมช่วยเย็บแขนเสื้อ...ตอนแรกผมปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ยอมที่จะทำตามเพราะไม่อยากให้งานล่าช้าไปมากกว่าเดิม”

“…”

“…และทุกอย่างอยู่ในสายตาของพีทตลอด เขาเห็นทุกอย่าง...ทั้งที่เคยบอกให้เขาเชื่อใจ แต่เป็นผมเองที่โง่เง่า”

“ฮานะ”

“ถ้าผมหนักแน่นพอ...ก็คงไม่ทำให้เขาต้องคอยพะวงเพราะเป็นห่วง”

“ฮานะ...ฟังผม” แกเรนย้ำคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“...” นัยน์ตาคู่สวยยังคงสับสน...ตอนนี้ฮานะคล้ายกับเด็กที่กำลังหลงทางและคิดโทษตัวเองซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ...ไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่ใช่เลย” แกเรนจับไหล่อีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับจ้องตาเพื่อยืนยันให้รู้ว่าฮานะไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พีทได้รับบาดเจ็บ “เรื่องที่คุณถูกอเล็กซ์ล่วงเกิน...ผมรู้ดีว่าคุณไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด และเชื่อว่าพีทเองก็รู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นยังไง”

“…”

“เลิกโทษตัวเองและไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกผิด...ถ้าคุณคิดอยากจะโทษใครสักคน ก็โทษผมได้เลย...เข้าใจใช่ไหม”

ฮานะมองมาก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “คุณไม่ผิด”

“ถ้างั้นคุณเองก็ไม่ผิด...โธ่ ฮานะ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ” แกเรนถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญาพร้อมกับยิ้มขันกับตัวเองเมื่อรู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้าขึ้นมา...ให้ตายสิ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฮานะเริ่มมีสายตาออดอ้อนแบบนั้น

...ถ้าคนป่วยที่นอนอยู่ในห้องได้มาเห็นละก็เชื่อเลยว่าคงหายเป็นปลิดทิ้ง..

“ผมขอโทษครับ” ฮานะหลุบตามองต่ำ

“ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” แกเรนยกขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปวางไว้บนศีรษะของอีกฝ่ายแล้วลูบไปมา “ไม่ร้องไห้แล้วนะ...ถ้าพีทรู้ว่าคุณร้องไห้ต้องเสียใจแน่ๆ” ไม้ตายสุดท้ายถูกหยิบออกมาใช้เพราะรู้ดีว่าคนที่กล่าวถึงมีอิทธิพลต่อฮานะมากขนาดไหน

...พูดก็พูดเถอะ แม้แต่กับอเล็กซ์เองก็ไม่เคยเห็นฮานะมีท่าทีแบบนี้เลยด้วยซ้ำไป

...คงไม่ต้องเปรียบเทียบให้เสียเวลาว่าใครที่สำคัญมากกว่ากัน..

“ขอบคุณครับคุณแกเรน” ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดคราบเปียกชื้นออกไปจากใบหน้า

ดูสิ ตาบวมเชียว

“มากอดที” แกเรนยิ้มกว้างอ้าแขนรอรับ โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาทั้งร่างก็ถูกโถมกอดเอาไว้แน่น เรียกสายตาจากนางพยาบาลและญาติผู้ป่วยที่อยู่บริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี

“ทุกอย่างจะต้องโอเค” เขากอดตอบพร้อมโยกตัวไปมาเหมือนอย่างที่ชอบทำในตอนที่ต้องปลอบลูกชาย “กลับเข้าไปหาพีทกันเถอะ” แกเรนชวนเมื่อรู้สึกว่าพวกเขาออกมานานพอสมควรแล้ว

ฮานะเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไป แล้วก็ได้เห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงตื่นแล้วเป็นที่เรียบร้อยและทันทีที่เห็นว่าคนรักของตนเดินเข้าไปในห้อง แววตาที่เอื่อยเฉื่อยก็พลันเปลี่ยนเป็นทอประกาย นี่ถ้ามีหูกับหางพีทก็คงไม่ต่างกับโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ที่กำลังดีใจเพราะเห็นเจ้าของ

...อืม...แต่ก็เหมือนจริงๆ น่ะนะ เพิ่งจะเห็นด้วยกับฮานะก็วันนี้..

“ฮานะ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกในตอนที่เอื้อมมือออกมาหา “ไปไหนมาครับ” แววตาคู่นั้นฉายแววออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนทำให้แกเรนต้องยืนกอดอกลอบยิ้มอยู่อย่างนั้น

...อ้อนเก่งเหมือนกันนะเนี่ย..

“ออกไปคุยธุระกับคุณแกเรนมาน่ะ” ฮานะยิ้มตอบพร้อมกับกอบกุมกระชับมือข้างนั้นเอาไว้ก่อนจะเบี่ยงตัวออกให้ได้เห็นว่ามีเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้อีกคน พีทตั้งท่าจะยกมือขึ้นไหว้แต่ถูกเขายกมือห้ามเอาไว้ก่อน

“ฮานะบอกอาการคุณให้ผมรู้แล้ว” เขาเดินเข้าไปใกล้ “ผมต้องขอโทษและเสียใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นด้วยจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับคุณแกเรน” พีทยิ้มรับอย่างเข้าใจ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเขาไม่คิดที่จะโทษใครเพราะเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

“ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบในส่วนที่ผมควรจะทำ” แกเรนย้ำ “ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้เอง ในระหว่างนี้คุณก็พักรักษาตัวจนกว่าอาการจะหายดีก็แล้วกัน...ส่วนเรื่องงาน ผมจะให้เกรซกลับมาดูแลคิวงานทุกอย่างให้เองทั้งหมด ฮานะจะได้มีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้น”

“หมายความว่ายังไงครับ” ฮานะถามขึ้นอย่างสงสัย…ไม่ใช่ว่าคุณเกรซต้องดูแลอเล็กซ์หรอกหรือ

“ก็ตามที่ผมพูดไป...แค่ฮานะทำในส่วนของแผนกคอสตูมก็หัวหมุนมากแล้ว ให้เกรซเข้ามาดูแลช่วยในช่วงนี้จะได้แบ่งเบาภาระลงไปได้บ้าง”

“อันที่จริง...ดูแลพีทมันก็ไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับผมอยู่แล้ว” ฮานะยืนยันพร้อมกระชับมือข้างที่จับกันเอาไว้ให้แน่นขึ้น

“เอาน่า อย่างน้อยๆ การที่มีคุณคอยอยู่ใกล้ๆ พีทอาจจะหายเร็วขึ้นก็ได้นะ” รอยยิ้มล้อเลียนถูกจุดขึ้นเมื่อต้องการแซว “อีกอย่างคนป่วยน่ะต้องการกำลังใจเยอะ...จริงไหมพีท”

เด็กหนุ่มยิ้มรับก่อนจะอาศัยช่วงที่ฮานะเผลอยกมืออีกฝ่ายขึ้นมาจรดจูบเล่นเอาเจ้าตัวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะไม่ได้อยู่กันเพียงแค่สองต่อสอง

“ถ้าอย่างนั้น...ผมไม่กวนแล้วดีกว่า” แกเรนกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถเพราะไม่อยากให้คนปากแข็งรู้สึกเขินอายไปมากกว่าเดิม...เพราะเท่านี้ใบหน้าของฮานะก็แดงลามไปถึงใบหูเป็นที่เรียบร้อย

...เห็นทีครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้พีทซะแล้ว..

“ให้ผมไปส่งนะครับ” ฮานะเสนอตัวแต่กลับถูกเขายกมือขึ้นปฏิเสธ

“ไม่เป็นไร คนของใหญ่รอผมอยู่ชั้นล่าง ฮานะอยู่กับพีทเถอะ” แกเรนทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับเพื่อให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนและมีเวลาส่วนตัวร่วมกัน “เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะเยี่ยมใหม่...เดี๋ยวพาเจ้าพวกตัวเล็กมาป่วนด้วยสร้างความรำคาญให้พีทซะหน่อย”

ทันทีที่บานประตูปิดลงฮานะก็ก้มลงไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งพีทเองก็มองมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว แววตาคู่นั้นฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจน

“มีอะไร”

“ฮานะร้องไห้” เด็กหนุ่มเอื้อมมือขึ้นไปวางบนแก้มพร้อมกับไล้ปลายนิ้วผ่านความบอบช้ำอย่างอ่อนโยน เรียกรอยยิ้มของคนที่ยืนอยู่ให้ปรากฏขึ้น ฮานะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงก่อนจะกุมมือข้างนั้นเอาไว้แล้วเอียงหน้าซบอย่างออดอ้อน

“ไม่ได้ร้องสักหน่อย” เขาโกหกคำโต...ทั้งที่หลักฐานก็เห็นๆ กันอยู่ ตาบวมฉึ่งขนาดนี้

“แขนเดี้ยงแบบนี้ ผมคงทำอะไรให้ฮานะทานไม่ได้อีกนานแน่เลย” เด็กหนุ่มพูดติดตลกทำให้ถูกบีบเข้าที่แก้มจนหน้ายู่

“ใช่เรื่องที่ต้องมาห่วงไหมเนี่ย” เชื่อเขาเลย

“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับฮานะ...ไม่มีเรื่องไหนที่ผมไม่ห่วง” นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววมั่นคงจนทำให้ผู้ฟังหน้าร้อนขึ้นมาอีกรอบ

“ไม่ต้องมาปากหวานเลย” ฮานะจิ้มเข้าไปที่แก้มแรงๆ จนเจ้าเด็กตัวโตร้องโอดโอยออกมา...เจ็บเกินจริงไปมากไม่ได้จิ้มแรงขนาดนั้นซะหน่อย

“ก็หวานแค่กับฮานะคนเดียว” รอยยิ้มที่ดูเพิ่มระดับความร้ายกาจทำให้ต้องหรี่ตามองอย่างนึกมันเขี้ยว

“จริงเหรอ” ฮานะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มลงไปกดจูบที่ริมฝีปากอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว นัยน์ตาคู่สวยทอประกายท้าทายในตอนที่ยกนิ้วขึ้นเกลี่ยตรงมุมปาก “...ไม่เห็นจะหวานเลย โกหกนี่”

พีทนิ่งค้างไปสักพักก่อนใบหูจะขึ้นสีแดงเข้ม...เขินอีกแล้ว~

ฮานะกลั้นขำเมื่อเห็นว่าเรียวคิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเพราะคงยังตั้งตัวไม่ทันที่ถูกขโมยจุ๊บ แต่ไม่ทันไรทั้งร่างก็ถูกเรี่ยวแรงที่มีมากกว่าดึงเข้าไปใกล้ ชั่ววินาทีริมฝีปากก็โดนอีกฝ่ายประกบจูบเอาไว้แนบแน่น มือใหญ่ข้างหนึ่งโอบประคองเข้าหลังท้ายทอยในตอนที่ลิ้นสอดแทรกเข้าไปเก็บเกี่ยวภายในโพรงปากอุ่น

กลิ่นหอมของรสมิ้นต์เจือจางทำให้สมองพร่าเบลอ

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดำดิ่งลงลึกความเจ็บแปลบก็แล่นเข้ามาโจมตีบริเวณแขนทำให้เด็กหนุ่มต้องผละออกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดสภาพ

“พีท” ฮานะเรียกอย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นว่าเจ้าตัวกำลังตีสีหน้ายุ่งก็ต้องระบายยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดู “เจ็บมากไหม” เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่กลับทำเพียงแค่คว้ามือเขาไปจับเอาไว้แน่น...พีทคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้

ก็น่าเห็นใจอยู่หรอกนะ...แต่รู้สึกเอ็นดูชะมัดเลย

“นี่” ฮานะเรียก “อย่างอแงสิ เดี๋ยวก็หายแล้ว” เขามองใบหน้าที่ดูจะหงุดหงิดด้วยความเห็นใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบไปบนศีรษะของอีกฝ่ายและนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นคุณแม่ของพีทโทรมาหาแต่เขายังไม่ได้แจ้งอาการบาดเจ็บของพีทให้ท่านได้ทราบ “ตอนที่เธอหลับอยู่คุณแม่โทรมาหา ฉันยังไม่ได้บอกท่านว่าเธอได้รับอุบัติเหตุ...เพราะอยากให้เธอบอกท่านเองมากกว่า”

พีทหยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ไม่เป็นไรครับ...ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วง” เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่คิดที่จะบอกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“แต่...”

“ถ้าแม่รู้ก็คงจะเดินทางมาหาผมทันที...อีกอย่างยายก็ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล ผมไม่อยากให้แม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง” เด็กหนุ่มกระชับมือที่กอบกุมกันเอาไว้แน่น

“อืม...ฉันเข้าใจแล้ว” ฮานะยิ้มรับ เขาเข้าใจความรู้สึกของพีทดีว่าการที่ทำให้คนในครอบครัวต้องเป็นห่วงนั้นมันเป็นเรื่องน่าหนักใจแค่ไหน ยิ่งไม่ได้อยู่ใกล้กันด้วยแล้วทุกอย่างก็ยิ่งแย่ “นอนพักเถอะ” ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาคลุมถึงช่วงอกเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่พีทจะต้องพักผ่อน

“ฮานะ” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกในตอนที่เขาก้มลงไปหา

“ว่าไง”

“ขอบคุณนะครับ”

“อืม” รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นหลังจากที่สัมผัสนุ่มหยุ่นกดจูบลงไปบนหน้าผาก “นอนซะ...เด็กดี”





_______________________________


อเล็กซ์ไม่น่าจะใช่บัวใต้โคลนแล้วค่ะ นังนี่มันบัวใต้ชั้นคอนกรีตถมทับด้วยชั้นหินอีกที
กู่ไม่กลับแล้ว!!! ฉันจะฉาปแก!!!

เหลืออีกเพียงแค่ 4 ตอนเท่านั้นก็จะจบแล้วค่ะ > <
ฝากเม้นต์และส่งกำลังใจให้น้องพีทได้ทาง #ดอกไม้ของพีท ด้วยนะคะ <3


**เพิ่มเติม**



(https://sv1.picz.in.th/images/2019/12/05/iKZgJS.jpg)


นี่คือหน้าตาของตัวคาราบิเนอร์หนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญในการปีนผาจำลองค่ะ
ซึ่งโดยปกติในความจริงแล้วเปอร์เซ็นต์ที่จะสามารถเกิดอุบัติเหตุได้นั้นมีน้อยมากเพราะทางเจ้าหน้าที่จะทำการรีเช็กอุปกรณ์ก่อนขึ้นทุกครั้ง ฉะนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลาด ยกเว้นก็แต่เป็นอุบัติเหตุที่สุดวิสัยจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-12-2019 21:27:53
อย่าปล่อยให้อเล็กซ์ลอยนวล   :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-12-2019 23:23:52
 :m16: :m16: ทำพีทเจ็บได้ไง
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER F I F T H T E E N : 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-12-2019 01:09:16
ต้องได้รับอะไรบ้างแล้วล่ะอเล็กซ์น่ะ เกินเยียวยา  :ling2:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N T E E N : 10/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 10-12-2019 21:10:27
CHAPTER S E V E N T E E N


_________________________________








“คงต้องนอนดูอาการอีกสักสองสามวันถึงจะกลับบ้านได้ หลังจากนั้นสองอาทิตย์รอให้อาการบวมลดลง ผมจะนัดมาเข้าเฝือกอีกที” แพทย์หนุ่มเจ้าของไข้ยืนชี้แจงอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยหลังจากที่เข้ามาตรวจเช็กอาการในช่วงเช้า

“แล้วต้องใส่เฝือกนานไหมครับ” ฮานะเอ่ยถามขึ้น

“ราวๆ สี่สัปดาห์ครับ รวมกายภาพหลังถอดเฝือกด้วยแล้วก็คงใช้เวลาประมาณสองเดือนกว่า” ฝ่ายนั้นชี้แจ้งด้วยท่าทีสุภาพ “แต่เท่าที่ดูจากพื้นฐานทางร่างกายของคุณพีรัทนั้นแข็งแรงกว่าคนทั่วไปมาก คงจะใช้เวลาฟื้นตัวได้เร็วกว่า” จากประสบการณ์ที่ผ่านมาการที่ตกลงมาจากระยะที่สูงขนาดนั้นเป็นคนอื่นคงกระดูกหักหรือไม่ก็บิดไปแล้ว ต้องผ่าตัดอย่างเดียวเท่านั้น

“ขอบคุณมากครับคุณหมอ” ฮานะเป็นฝ่ายเดินมาส่งที่หน้าห้องพักก่อนจะกลับไปหาคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง พีทเพิ่งจะทานมื้อเช้าเสร็จเจ้าตัวอิดออดนิดหน่อยเพราะอาหารของทางโรงพยาบาลนั้นค่อนข้างจืดชืดทำให้ฮานะต้องบังคับแล้วบังคับอีกถึงจะยอมกินจนหมด

“ดีขึ้นไหม” เมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตตบลงบนเตียงผู้ป่วยพร้อมขยับตัวเปิดพื้นที่ให้ฮานะจึงปีนขึ้นไปนั่งด้วยกัน

...ยอมตามใจเขาหน่อยก็แล้วกัน..

“ยังปวดอยู่เลยครับ” พีทอ้อนทั้งสีหน้าและแววตาก่อนจะใช้แขนข้างซ้ายโอบเข้าที่รอบเอวเล็กแล้วออกแรงดึงจนฮานะเซล้มลงมานอนข้างกัน

“พีท!” ฮานะดุขึ้นเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บ แต่นอกจากเจ้าตัวจะไม่รู้สึกรู้สาแล้วยังเอาแต่ยิ้มหน้าระรื่น

“อยากกอดฮานะจะแย่แล้ว” เสียงทุ้มพึมพำในตอนที่ถูกรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้ แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแผ่นอกร้อนระอุ

“ก็กอดอยู่นี่ไง” ฮานะบ่นอุบ พยายามยื้อตัวหลบลมหายใจอุ่นร้อนที่ริดรนลงบนผิวแก้ม

กลิ่นของพีททำให้เขาอยากจะเข้าไปซุกกอดแน่นแต่ทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้

“ไม่ใช่กอดแบบนี้” เสียงทุ้มพร่าพูดขึ้นก่อนจะกดจูบลงบนรอยกัดที่ตัวเองเป็นคนสร้าง

“พีท...นี่ อย่าซน” ฮานะตะครุบมือที่กำลังสอดเข้ามาในเสื้อเอาไว้ได้ทันก่อนจะหยิกลงไปบนหลังมือจนเจ้าตัวร้องโอดโอย “มือไวเกินไปแล้วนะ!” รีบลุกออกห่างมาจากเตียงผู้ป่วยทันทีเพราะกลัวว่าจะมีนางพยาบาลเดินเข้ามาเห็นภาพที่ไม่เหมาะสมเข้า เขาทั้งมองเขม่นทั้งมองค้อนไปให้แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงแค่กลั้นหัวเราะเอาไว้ในลำคอ

แต่แล้วเสียงเปิดบานประตูก็เรียกความสนใจของคนทั้งคู่ให้หันไปหาก่อนที่คนมาเยือนจะทำให้ฮานะต้องมองค้างเพียงครู่ คุณเกรซส่งยิ้มทักทายมาให้อย่างเป็นมิตรแต่คนที่เดินตามหลังมาต่างหากที่ทำให้เขาต้องหนักใจ

…อเล็กซ์...มาทำอะไรที่นี่...

“ฮานะ” พีทเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่แปลกไป...มันนิ่งสงบแต่ทว่าเย็นเฉียบ

โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเรียกซ้ำฮานะก็เดินถอยกลับไปยืนข้างเตียงผู้ป่วยอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือไปกอบกุมกับอีกฝ่ายไว้ พีทจับมือเขาแน่นคงเพราะกำลังระงับอารมณ์เดือดดาลที่ปะทุขึ้นมาอย่างสุดความสามาถ

ทางเกรซเองเห็นท่าไม่ดีจึงหันไปบอกให้คนในความดูแลไปนั่งรอที่โซฟา ก่อนจะเดินเอากระเช้าของเยี่ยมไปวางไว้บนเคาน์เตอร์

เมื่อเช้าคุณแกเรนฝากของเยี่ยมไข้มาพร้อมกับเธอเพราะเจ้าตัวติดประชุมกับบอร์ดบริหาร ตอนแรกก็กะจะมาเพียงคนเดียวแต่ทันทีที่อเล็กซ์รู้ว่าเธอจะมาเยี่ยมพีทเจ้าตัวก็ขอตามติดมาด้วย แม้จะยังรู้สึกไม่ไว้วางใจแต่ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่าจะมาเธอจึงไม่อยากจะขัดมากนัก

…เอาไว้รอขอโทษคุณฮานะทีหลังก็แล้วกัน...

“ขอโทษที่มากะทันหันแบบนี้นะคะ พอดีเกรซมาทำธุระแล้วนี้พอดีเลยถือโอกาสมาเยี่ยมด้วยเลย” เบต้าสาวยิ้มกว้างเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดระหว่างคนทั้งสามซึ่งก็มีคุณฮานะอีกคนที่พยายามทำตัวให้เป็นปกติ

...แม้ว่าอีกสองคนที่เหลือไม่ค่อยจะสบอารมณ์ก็ตาม..

“ไม่เป็นไรครับ แค่คุณเกรซมาก็ขอบคุณมากแล้ว” ฮานะยิ้มตอบโดยที่ไม่หันไปมองคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา...ทำเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนในสายตา

“แล้วก็...นี่เป็นของเยี่ยมของคุณแกเรนค่ะ บอสติดประชุมช่วงเช้าเลยไม่สามารถมาเยี่ยมได้ แต่แจ้งมาว่าช่วงเย็นจะเข้ามาหาอีกที”

“ขอบคุณมากครับ”

“แล้วคุณพีทจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่คะเนี่ย” เธอชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบไปมากกว่านี้ ใจจริงอยากจะเชิญคุณแอนเดอร์สันออกไปรอข้างนอกเสียด้วยซ้ำแต่นั่นก็ดูจะเสียมารยาทเกินไปหน่อย

“หมอบอกต้องนอนดูอาการสักสองสามวันน่ะครับแล้วค่อยนัดมาใส่เฝือกอีกที” ฮานะยิ้มพร้อมกับก้มลงมองคนป่วย ฝ่ายนั้นคิ้วขมวดปมยุ่งเหยิงแต่พอเห็นว่าเขาส่ายหน้าเตือนเป็นเชิงบอกว่าอย่าไปใส่ใจพีทก็ดูจะผ่อนคลายลงไปมาก

“ถ้ามีอะไรที่เกรซพอช่วยได้ก็บอกมาเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ” เลขาคนสวยย้ำ ก่อนจะลดเสียงลงในช่วงท้ายให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน “บอสคงบอกคุณฮานะแล้วใช่ไหมคะ” เมื่อเห็นฮานะพยักหน้ารับอย่างรู้ความหมายเธอก็คลายยิ้มออกมาบางเบาก่อนจะถอยตัวออกไปยืนข้างอเล็กซ์

“เกรซไม่กวนแล้วดีกว่า พอดีต้องพาคุณแอนเดอร์สันไปงานอีเว้นท์ด้วย ขอลากลับเลยก็แล้วกันนะคะ” เบต้าสาวขอตัวกลับพร้อมกับแตะเข้าที่ศอกนายแบบหนุ่มเป็นเชิงบอกให้ลุกเดิน แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่ยอมทำตามแล้วยังจดจ้องไปทางเตียงผู้ป่วยจนเริ่มเสียมารยาท “คุณแอนเดอร์สันคะ ไปกันได้แล้ว”

“หึ” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นจับมือกันไม่ปล่อย...ฮานะไม่แม้แต่จะแสดงให้เห็นว่าเขามีตัวตนอยู่ตรงนี้เลยเสียด้วยซ้ำไป

“คุณเกรซลืมของน่ะครับ” ก่อนที่บานประตูจะปิดลงเสียงร้องทักก็ทำให้ผู้มาเยือนทั้งคู่หยุดชะงัก เป็นฮานะที่เดินเอาแว่นกันแดดมาคืนให้เธอเองกับมือ

“ตายจริง ไปถอดทิ้งไว้ตอนไหนเนี่ย” หญิงสาวบ่นให้ความสะเพร่าของตัวเอง “ขอบคุณนะคะคุณฮานะ ไว้เดี๋ยวเกรซจะแวะมาเยี่ยมอีกแน่นอน”

“ขอบคุณครับ” เขายิ้มรับ แต่พอจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องก็ถูกช่วงตัวสูงใหญ่ของใครอีกคนมายืนขวางเขาไว้ก่อน

กลิ่นบุหรี่และน้ำหอมที่คุ้นเคยทำให้ต้องเบือนหน้าหลบหนี...พักหลังมานี้เวลาที่เจอกันอีกฝ่ายมีท่าทีที่แปลกไปอย่างชัดเจน อเล็กซ์ไม่ได้พูดจาไม่ให้เกียรติกันเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว

แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เขาต้องเปิดใจเพื่อพูดคุยด้วย...

“…มาทำไม” ฮานะเค้นถามเสียงต่ำโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา

“มาแสดงความยินดีกับรักครั้งใหม่” ฝ่ายนั้นตอบกลับด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ หมากฝรั่งรสมิ้นต์ถูกหยิบขึ้นมาเคี้ยวเป็นจังหวะเชื่องช้า “...เหมาะสมกันดีนะ” เพราะดวงตาคมเข้มคู่นั้นถูกปิดบังไว้ด้วยแว่นกันแดดจึงทำให้มองไม่เห็นว่าคนพูดกำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงไม่ได้รู้สึกยินดีเหมือนอย่างที่พูด

ฮานะเมินเฉยพยายามไม่สนใจ ในตอนที่กำลังจะผลักบานประตู้เข้าไปเสียงทุ้มที่ก้มลงกระซิบข้างหูก็ทำให้ทั้งตัวเกร็งสะท้านขึ้นมาจนต้องเผลอกำหมัดแน่น

“แล้วพบกันใหม่...ที่รัก”













“ฮานะ” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เสียงเรียกจากคนที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงก็ทำให้ต้องรีบเดินเข้าไปหา

“เธอลุกมาทำไม” ฮานะถามอย่างเป็นห่วง ในขณะที่ช่วงตัวถูกคว้าไปกอดแน่น กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้จิตใจว้าวุ่นสงบลงในทันที

“ผมเห็นคุณออกไปนาน เลยจะลุกไปตาม” เด็กหนุ่มพูดเสียงเครียดด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น แต่เมื่อได้กลิ่นบางอย่างที่ติดอยู่บนตัวฮานะนัยน์ตาคมเข้มก็ทอประกายชุกโชนขึ้นทันที หมัดข้างซ้ายกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทิ้มสันกรามถูกขบเข้าหากันเพื่อระงับอารมณ์เดือดดาลที่กำลังปะทุขึ้น “ฮานะ...”

“พีท” ฮานะเรียกเสียงแผ่ว พร้อมประคองใบหน้าของคนรักเอาไว้มั่น

“...กลิ่นมัน” เด็กหนุ่มกดเสียงต่ำ ทั้งพยายามเบือนหน้าหลบหนี “ผมไม่ชอบ”

เพียงเสี้ยววินาทีคำพูดกลับกลืนหายไปเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าประกบจูบลงมาแนบแน่นฮานะบดจูบโดยไม่เว้นจังหวะการพักหายใจ ทั้งเรียวลิ้นและกลีบปากถูกดูดดุนซ้ำไปมาความอุ่นร้อนแผ่ซ่านกระจายอยู่ทั่วโพรงปากจนต้องตอบสนองกลับไป ฝ่ามือใหญ่โอบประคองลงบนช่วงเอวได้รูปก่อนจะบีบเคล้นจนได้ยินเสียงเครือครางอยู่ในลำคอขาว

ฮานะถอนจูบออกเพื่อกอบโกยอากาศหายใจแต่กลับถูกดึงกลับเข้าไปจูบอีกหน รู้ตัวอีกทีช่วงตัวก็ถูกยกขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักอีกฝ่าย ใบหน้าคมเข้มถอยห่างก่อนจะเคลื่อนลงไปที่ข้างซอกคอขาวปลายจมูกโด่งกดย้ำบนผิวเนื้อเพื่อสูดกลิ่นคู่ของตน เรียวลิ้นเลยผ่านร่องรอยขบกัดจนทำให้คนในอ้อมกอดสะท้านไหว

“พ....พีท” ฮานะตัวสั่นเมื่อแผ่นท้องในเชิ้ตตัวใหญ่ถูกลูบไปมา

“ครับ” เขาขานรับในตอนที่เอียงหน้าเข้าไปกัดย้ำลงบนลำคอขาว

“ที่นี่...ไม่ได้” เอ่ยห้ามได้อย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะกลัวว่าจะมีพยาบาลเปิดเข้ามาเจอ

เสียงทุ้มคำรามต่ำในลำคอก่อนมือจะเลื่อนขึ้นมาปลดกระดุมเชิ้ตของฮานะออก ฝ่ายนั้นสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่คอเสื้อเปิดกว้างจนร่นตกลงไปกองที่ข้อศอก

“อื้อ” ฮานะกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเมื่อถูกก้มลงจูบบนลาดไหล่และไล่ต่ำมาที่แผ่นอก

ผิวเนื้อขาวจัดเนียนละเอียดสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านโปร่งแสงเข้ามา ในตอนที่ริมฝีปากลากผ่านก็ปรากฏรอยแดงเจือจางบนผิวเนื้อ ฮานะประคองหน้าเขาขึ้นไปจูบอีกครั้ง สองแขนยกขึ้นโอบรอบลำคอแน่น กลิ่นฟีโรโมนที่แผ่ออกมาช่วยหล่อหลอมให้สมองพร่าเบลอ

“ฮื่อ โป๊” เสียงบ่นอย่างไม่จริงจังดังขึ้นในตอนที่เสื้อเชิ้ตของเจ้าตัวถูกเขาถอดโยนทิ้งลงถังขยะอย่างไม่นึกไยดี

เด็กหนุ่มรวบกอดร่างที่เปลือยท่อนบนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด กลิ่นไม่พึงประสงค์ของอัลฟ่าตัวนั้นถูกกำจัดออกไปแล้วเหลือเพียงแค่กลิ่นของฮานะเท่านั้น

“…หอม” เขาพูดย้ำพร้อมกับกดจูบลงไปทั่วผิวเนื้อขาวเนียน ในตอนทีฮานะยกมือขึ้นมาปิดตัวก็ถูกรวบมือเอาไว้

“พีท...พอแล้ว” คนในอ้อมกอดเริ่มขัดขืน ยิ่งถูกเขาจูบฮานะก็เหมือนจะละลายอยู่ในอ้อมกอด “ถ้าไม่หยุดจะโกรธจริงๆ แล้วนะ” เสียงข่มขู่ที่ฟังยังไงก็ไม่น่ากลัวดังขึ้น ใบหน้าสวยแดงจัด ฮานะเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกอายเพราะถูกจ้อง

แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้พีทหยุดชะงักราวกับมีปุ่มกดหยุด เจ้าเด็กตัวโตถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะคล้ายอ้อมกอดออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระ

“หนาว” ฮานะยู่หน้าประท้วงเมื่อถูกจับลอกคราบจนท่อนบนเปลือยล่อนจ้อน...เจ้าเด็กขี้หวงเล่นโยนเชิ้ตเขาทิ้งซะขนาดนั้น

“ใส่เสื้อผม” พีทชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้า แจ็กเก็ตยีนที่เขาสวมมาก่อนเข้ากองถ่ายเมื่อวานถูกแขวนเอาไว้ในนั้น “ส่วนเสื้อตัวนั้น...ทิ้งไปได้เลย” นัยน์ตาคมเข้มฉายแววดุจนฮานะต้องยอมทำตามโดยไม่คิดที่จะแย้ง

แจ็กเก็ตยีนตัวใหญ่ถูกสวมใส่เอาไว้ขนาดไซส์ที่ต่างกันทำให้ความยาวของมันปิดคลุมลงมาถึงช่วงหน้าขา ปลายแขนเสื้อยาวเลยปลายนิ้วจนฮานะต้องพับขึ้นมาไว้ที่ข้อศอก

“ตัวใหญ่ชะมัด” เจ้าตัวบ่นอย่างไม่จริงจังมากนัก แต่สายตาของเจ้าของเสื้อที่มองมากลับทำให้รู้สึกร้อนแก้มแปลกๆ ...ทำไมจะไม่รู้ว่าพีทชอบเวลาที่เขาสวมใส่เสื้อผ้าของตัวเอง

“ฮานะ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก

“ว่าไง”

เด็กหนุ่มไม่ตอบ ทำเพียงแค่กวักมือเรียกให้ขยับเข้าไปใกล้ แต่คนรู้ทันกลับส่ายหน้าปฏิเสธ...เข้าไปหามีหวังคงถูกจับฟัดอีกรอบแน่นอน

รู้ทันหรอกน่า!





(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N T E E N : 10/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 10-12-2019 21:13:04




“บิบี้ อองดี้ อย่าซนสิลูก” เสียงห้ามปรามดังขึ้นในตอนที่สองแฝดวิ่งไล่จับกันบริเวณโถงทางเดิน

แกเรน ฮาร์ดเนอร์ยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเชิงเตือนว่าให้เงียบเสียง ก่อนจะถูกเจ้าพวกตัวแสบวิ่งเข้ามาเกาะแข้งขาอย่างออดอ้อน

“มามาฮะ อุ้ม” บิเบียนชูมือขึ้นหา นัยน์ตาสีชมพูเหมือนคนแม่ทอประกายน่าเอ็นดู

“อีกนิดก็ถึงแล้วครับ” แกเรนลูบลงไปบนเรือนผมสีอ่อนก่อนจะจับมือลูกน้อยทั้งสองไว้คนละข้าง “ไปหาน้าฮานะกัน”

“ฮานะไม่ฉะบายเหรอฮะ” อองเดรเอียงคอถามอย่างสงสัย เพราะนอกจากมามาแล้วอองดี้ชอบน้าฮานะที่สุด...น้าฮานะใจดีแล้วก็ตัวหอมมาก แถมยังสวยสุดๆ ไปเลยด้วย

“ไม่ใช่ครับ” แกเรนยิ้ม “แฟนของน้าฮานะป่วย”

“แฟนคืออะไรอ่า” อัลฟ่าตัวน้อยขมวดคิ้วมุ่น

“ทำไมเปื่อยฮะ” บิเบียนรีบเสริมทัพ

“ป่วยครับไม่ใช่เปื่อยนะ” แกเรนหลุดขำ จิ้มนิ้วลงบนแก้มสองแฝดอย่างนึกมันเขี้ยว “อืม...แฟนของฮานะ ก็เป็นเหมือนปาปาไง”

“เป็นฝาชี! เหมือนที่ปาปาเป็นฝาชีของมามาใช่ไหมฮะ” บิเบียนจับมือเขย่าอย่างตื่นเต้นที่น้าฮานะมีฝาชี

“Husband สามี ไม่ใช่ฝาชีครับ” แกเรนนวดไปที่ข้างขมับเจ้าตัวน้อย...สงสัยกลับไปคงต้องปรับจูนกันใหม่สักหน่อย พักหลังมาเขาเริ่มสอดแทรกภาษาอังกฤษให้อองเดรกับบิเบียนในชีวิตประจำวันเมื่อทั้งคู่เริ่มโตขึ้น

ทันทีที่ผลักบานประตูเข้าไปเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าหนูจำไมทั้งสองก็เงียบลง แกเรนส่งยิ้มทักทายไปให้คู่รักที่เพิ่งผละห่างออกจากกัน ฮานะดูลนลานอยู่เล็กน้อยในตอนที่กระชับเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่เข้าหากัน

...นี่เขามาขัดจังหวะหรือเปล่านะ

“คุณแกเรน” ฝ่ายนั้นยิ้มทักทายด้วยท่าทีปกติแต่ก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่แดงจัดเอาไว้ให้

“ฮานะ!” คนที่วิ่งตุบๆ เข้าไปหาคนแรกคือเจ้าอัลฟ่าตัวน้อย อองเดรรวบกอดเข้าที่ขาจนฮานะตัวเซก่อนจะย่อตัวลงมากอดพ่อหนุ่มนักรักเอาไว้ด้วยความคิดถึง

“ไง~อองดี้” แก้วกลมยุ้ยถูกฟัดจนได้ยินเสียงเอิ๊กอ๊ากชอบใจจากเจ้าตัวแสบ “คิดถึงจังเลยครับ”

“อองดี้คิดถึงเยอะกว่าฮะ!” อองเดรโถมตัวกอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่น พร้อมกับอ้อนให้อุ้มขึ้นสูงๆ ฮานะหลุดขำแต่ก็ยอมทำตาม

“สูงได้แค่นี้นะครับ น้าตัวเตี้ย” ใบหน้าสวยยิ้มกว้างแล้วก็ต้องตาโตเมื่อถูกริมฝีปากจิ้มลิ้มพุ่งเข้าจุ๊บจนเกิดเสียง “ขี้โกงนี่นา มาให้จุ๊บคืนซะดีๆ” ฮานะไล่จุ๊บและหอมแก้มหลานชายตัวน้อยจนหอบแฮกกันทั้งคู่ก่อนจะก้มมองช่วงขาที่โดนเจ้าตัวป้อมอีกคนเดินเข้ามาเกาะ “บิบี้~”

“ทักทายฮะ” โอเมก้าน้อยขี้อายอ้อนขอจุ๊บบ้าง พอได้สมดังใจก็วิ่งกลับไปหลบที่หลังมามา

“คนนี้เหรอฮะ ที่เหมือนปาปา” อองเดรเอ่ยถามอย่างสงสัย อัลฟ่าตัวน้อยจ้องคนที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยแววตาที่หวาดหวั่น

น่ากลัว...เขาตัวใหญ่เสียยิ่งกว่าปาปาอีก

“อะไรนะครับ” ฮานะเลิกคิ้วถามอย่างไม่แน่ใจว่าหลานต้องการจะสื่ออะไร

“ก็คุณยุงคนนี้” นิ้วเล็กๆ ชี้ไปหาพีทก่อนจะพูดเสียงเจื้อยแจ้วมั่นใจ “เป็นHusbandของฮานะ”

“เป็นสามี!” บิเบียนช่วยเสริมทัพ “มามาบอกว่าเขาเป็นสามีของน้าฮานะฮะ...คุณยุงเป็นHusband!” เจ้าตัวน้อยวิ่งไปเกาะที่ข้างเตียงคนป่วย บิเบียนปีนขึ้นไปนั่งจ้องตาผู้ชายตัวโตโดยไม่รู้สึกกลัวสักนิด กลับกันเจ้าตัวเล็กรู้สึกชอบคุณลุงตัวใหญ่คนนี้มากๆ

คุณยุงท่าทางใจดีสุดๆ เลยบิบี้มั่นใจ!

“พีทเป็นลุงไปแล้ว” แกเรนกลั้นขำเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั่งเกร็งเพราะถูกบิเบียนอ้อน แต่เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ปรับตัวเข้าหากันได้อย่างดี ส่วนทางฝ่ายอองเดรก็ขึ้นไปนั่งบนตักไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

“ดูท่าเจ้าพวกตัวแสบจะได้เหยื่อรายใหม่แล้วล่ะ” แกเรนยิ้มขำเมื่อเห็นว่าอองเดรกระโดดลงจากตักฮานะแล้วปีนขึ้นไปบนเตียงคนป่วย ซึ่งพีทเองก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีฝ่ายนั้นขยับเปิดพื้นที่ให้พอดีสำหรับเจ้าตัวเล็กทั้งสองคน “เขาดูชอบเด็กนะ” ภาพของผู้ชายตัวโตที่ยิ้มแย้มตอบคำถามของเจ้าหนูจำไมทั้งสองคนโดยไม่มีท่าทีเบื่อหน่ายออกมาให้ได้เห็นทำให้ต้องยิ้มตามไปด้วย

ฮานะยิ้มบางเมื่อมองตามไป...ฝ่ายนั้นดูอบอุ่นมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อถูกรายล้อมด้วยเด็กเล็ก

“ถ้ามีลูกคงเห่อน่าดู” คำพูดล่องลอยไม่เจาะจงแต่แฝงความหมายบางอย่างเอาไว้...และมันก็มากพอที่จะทำให้คนข้างกายเขากระแอมแก้เก้อขึ้นมา “ฮานะก็คิดเหมือนกับผมใช่ไหมล่ะ” แกเรนใส่ไฟเพิ่มเมื่อเห็นว่าใบหูอีกฝ่ายขึ้นสี

“พอเลยครับ” ฮานะส่ายหน้าปฏิเสธ “คุณก็รู้ว่าผมไม่อยากมีลูก...พีทเองก็รู้”

“ผมจำได้” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะบ่นออกมาอย่างไม่จริงจัง “...น่าเสียดาย อองเดรกับบิเบียนอดได้สมาชิกเข้าแก๊งตัวป่วนเพิ่มเลย”

“ไม่สนใจมีเพิ่มเหรอครับ” ฮานะถือโอกาสนี้ถามคืน

“แค่สามแสบก็ปวดหัวแล้ว” แกเรนยิ้มขำเมื่อนึกถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่กับปาปาที่บ้าน “รอข่าวดีจากฮานะดีกว่า”

สุดท้ายคนหัวรั้นก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถาม ก่อนจะขอตัวลุกออกไปปอกผลไม้มาให้เจ้าสองแสบแทน

แกเรนมองตามอย่างอารมณ์ดี พอหันกลับไปมองทางเตียงคนป่วยก็เห็นว่าฝ่ายนั้นมองมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว

...คงช่วยยุได้แค่นี้ ที่เหลือก็พยายามตะล่อมเอาเองก็แล้วกันเจ้าโกลเดนท์













“ผมลงไปส่งครับ”

หลังจากที่นั่งพูดคุยสัพเพเหระกันจนล่วงเลยผ่านไปเกือบสองชั่วโมงสองแฝดก็หมดพลังงานจนหลับปุ๋ยคาอกของแกเรนกับฮานะ อองเดรซุกอกคุณน้าคนสวยไม่ห่างปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลุกแถมยังงอแงจะเอาฮานะกลับบ้านไปด้วยอีกต่างหาก จึงเป็นเหตุให้เขาต้องเสนอตัวลงไปส่งคุณแกเรนเพราะไม่อยากจะขัดใจเจ้าตัวแสบ

อีกอย่างพีทก็หลับไปก่อนหน้านั้นเพราะฤทธิ์ของยาจึงพอหายห่วงไปได้ในระดับหนึ่ง

“รบกวนด้วยนะ” แกเรนถอนหายใจออกมาพร้อมกับลูบหลังแฝดคนพี่ไปด้วย

เมื่อลงมาถึงชั้นล่างคนของใหญ่ที่รออยู่บริเวณนั้นก็ลุกเดินเข้ามาหา แกเรนพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้การ์ดทั้งสองคนเรียกรถให้มารับที่ประตูทางเข้า ระหว่างที่ยืนรออองเดรก็งัวเงียตื่นและอ้อนฮานะใหญ่จนคนน้าต้องกอดเอาไว้แน่น

“อองดี้ครับ กลับบ้านกันลูก” แกเรนกระซิบพร้อมกับหอมแก้มยุ้ยไปที “ฮานะต้องขึ้นไปดูแลพี่พีทนะ มากับมามานะครับ” เมื่อเห็นว่ารถเทียบจอดด้านหน้าเจ้าตัวแสบก็เริ่มงอแงขึ้นมาอีกครั้ง

“อื้อ พาฮานะกลับไม่ได้เหรอฮะ” อองเดรรั้นแต่สุดท้ายก็ยอมปีนลงมาเพราะไม่อยากจะดื้อให้มามาต้องดุ “อองดี้ขอ Goodnight Kiss” เจ้าตัวน้อยทิ้งตัวเกาะขาพร้อมทำหน้าอ้อนส่งผลให้คนน้าต้องย่อตัวลงมาจุ๊บลงไปที่ปากเล็กๆ นั่นสองทีและหอมแก้มเพิ่มด้วย ฮานะไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่ไปถึงแฝดพี่อย่างบิเบียนที่มองเขาตาแป๋ว

“คุณเองก็อย่าลืมพักผ่อนด้วยนะ” แกเรนเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง

“ครับคุณแกเรน” ฮานะโบกมือให้เจ้าพวกตัวแสบในรถพร้อมกับถอยออกมายืนส่ง “ขอบคุณที่มานะครับ” แกเรนยิ้มรับก่อนจะปิดประตูรถ

ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกไปฮานะก็เดินไปทางร้านกาแฟที่อยู่ใต้ตัวตึก เขาตั้งใจที่จะซื้อเครื่องดื่มของตัวเองและขนมขึ้นไปแช่เอาไว้ให้คนป่วยสักหน่อย พีทจะได้ไม่รู้สึกเบื่อที่จะต้องกินแต่อะไรเดิมๆ ซ้ำๆ

แต่ในระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่เคาน์เตอร์กลับต้องหยุดชะงักไว้เพราะเห็นว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเยื้องออกไป

“...อเล็กซ์” เผลอหลุดเรียกแผ่วเบาในตอนที่กวาดสายตามองไปยังจำนวนแก้วกาแฟบนโต๊ะที่มากเกินปกติ...คล้ายกับว่าฝ่ายนั้นเองก็นั่งรออยู่ที่นี่นานพอสมควร

ฝ่ามือพลันเย็นเฉียบเมื่อเห็นว่าในร้านมีเพียงพนักงานหญิงที่รับออเดอร์เพียงคนเดียว เนื่องจากร้านอยู่ชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลในเวลาดึกดื่นแบบนี้รอบข้างจึงมีผู้คนไม่มากนัก ฮานะรีบหมุนตัวเดินออกไปจากร้านเมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายลุกขึ้นจากโต๊ะตัวนั้น

ในระหว่างที่เดินตรงไปยังลิฟต์โดยสารมือก็ควานหาโทรศัพท์มือถือไปด้วย แต่จำนวนเปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดกลับทำให้ใจเสียมากขึ้น เขากดโทรออกหาคุณแกเรนแต่ฝ่ายนั้นไม่รับสายและยิ่งร้อนรนมากขึ้นเมื่อเห็นภาพสะท้อนจากผนังลิฟต์ อเล็กซ์เดินเข้ามาประชิดตัวด้วยท่าทางที่ไม่ทำให้ตัวเองเองเป็นจุดสนใจ

“ไง” ฝ่ายนั้นก้มลงมาหา

ฮานะตั้งใจจะกดโทรอีกครั้งแต่คราวนี้หน้าจอโทรศัพท์ที่มืดสนิทแสดงให้เห็นว่าแบตเตอรี่ได้หมดลงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ในเสี้ยววินาทีที่ตั้งใจจะออกวิ่งเสียงสัญญาณของลิฟต์ก็ดังขึ้น เขาถูกเรี่ยวแรงมหาศาลดันเข้าไปในลิฟต์ตัวนั้นโดยทันที อเล็กซ์ตามเข้ามาประชิดก่อนจะกดปิดประตู...และโชคก็ดูเหมือนจะไม่เข้าข้างมากนักเพราะในห้องโดยสารนั้นปราศจากบุคคลอื่นโดยสิ้นเชิง

“อเล็กซ์” ฮานะถอยหลังไปชิดผนังด้านในสุดพร้อมกับประชับแจ็กเกตยีนเข้าหากันแน่น เขานึกโทษตัวเองที่ไม่ระวังตัวให้มากกว่านี้

“ในที่สุดก็ได้อยู่กันสองคนซะที” อเล็กซ์ยิ้ม แต่ช่างเป็นยิ้มที่ทำให้คนมองตัวชาวาบ ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาหาก่อนจะรวบตัวเขาเข้าไปไว้ในอ้อมกอด “…กลิ่นไอ้เวรนั่นชักจะทำให้ฉันหงุดหงิดขึ้นมาแล้วสิ” เสียงทุ้มเย็นเยียบก้มลงกระซิบข้างใบหู

“ปล่อยนะ” ฮานะดิ้นขัดขืนเมื่อเห็นว่าหมายเลขบนหน้าจอเคลื่อนตัวขึ้นสูงไปยังบริเวณชั้นจอดรถ “อเล็กซ์นายเมาแล้ว” เขาพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นในตอนที่ถูกเชยคางขึ้นก่อนริมฝีปากอุ่นร้อนจะแนบปิดลงมาก

กลิ่นแอลกอฮอลล์ที่อยู่รอบตัวทำให้ต้องดีดดิ้นขัดขืนเมื่อความรู้สึกรังเกียจตีรวนขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหว

“อเล็กซ์! อย่า!” ร่างที่เล็กกว่าพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของอีกฝ่ายได้ยิ่งในตอนนี้อเล็กซ์กำลังโมโหด้วยแล้วเขาก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ฮานะกรีดร้องจนคอแหบแห้งในตอนที่คอเสื้อถูกกระชากออกจนเปิดให้เห็นผิวเนื้อ อเล็กซ์กวาดตามองไปทั่วก่อนนัยน์ตาสีฟ้าจะทอประกายคุโชน สันกรามถูกขบแน่นเมื่อเห็นรอยฟันปรากฏอยู่บนลำคอขาว ยิ่งมีกลิ่นคู่ของฮานะที่ลอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขาก็ยิ่งบันดาลโทสะ

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกฮานะก็รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดผลักอีกฝ่ายออกก่อนจะวิ่งหนีออกไปยังลานจอดรถ เขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ความรู้สึกตื่นตกใจและเสียขวัญตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาหยดลงบนแก้ม

...พีท...

ยิ่งนึกถึงคนที่รอให้เขากลับไปหาจิตใจก็เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขอบตาพลันร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ฮานะหอบหายใจหนักในตอนที่หันหลังกลับไปมองคนที่วิ่งตามมาก่อนจะต้องชะงักหยุดเมื่อมีรถขับสวนผ่านหน้าไป เมื่อมองหาทางหนีทีไล่ได้ก็ตั้งใจที่จะวิ่งหนีต่อแต่กลับช้ากว่าใครอีกคน อเล็กซ์อาศัยช่วงขาที่ยาวกว่าเข้ามาประชิดตัววงแขนแกร่งรวบเอวเขาเอาไว้จนตัวลอย

“ปล่อย!” ฮานะดิ้นขัดขืนเมื่อเห็นว่ามีคนเดินออกมาจากลิฟต์เขาตั้งท่าจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทว่าสัมผัสของบางอย่างที่จี้เข้ามาที่หลังกลับทำให้ต้องหยุดชะงัก

“อยากเหลือแค่ร่างไร้วิญญาณให้มันกอดก็ลองร้องดู” น้ำเสียงเย็นเยียบก้มกระซิบลงข้างหู

“อเล็กซ์...นายบ้าไปแล้ว” ฮานะพูดเสียงแผ่วเมื่อถูกปลายมีดกดเข้ามาที่ช่วงสะโพกจนรู้สึกเจ็บ “นายทำแบบนี้ทำไม”

ฝ่ายนั้นไม่ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงแค่ลากตัวเขาให้เดินตามไปเรื่อยๆ ก่อนที่ประโยคถัดมาจะทำให้รู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้า “รู้อะไรไหมฮานะ…วันที่มันตกลงมาจากผาจำลอง...เป็นเพราะฉันเอง” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นในลำคอ “งานนี้ต้องขอบคุณในความสะเพร่าของทีมงานน่ะนะที่ไม่ยอมเช็กอุปกรณ์ให้ดีก่อน...แค่ฉันสลับตัวนิดหน่อยพวกมันก็วางใจกันแล้ว”

“…” ฮานะกำมือแน่นจนสั่นเทิ้มเมื่อได้รู้ความจริง

“…แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่มันไม่ตกลงมาคอหักตาย” รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมเผยขึ้นพร้อมความคิดที่น่ารังเกียจ

“สารเลว!” ฮานะแผดเสียงร้องจนแหบแห้ง ความรู้สึกเสียใจท่วมท้นออกมาเป็นหยาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม “นายทำแบบนี้ทำไม! ทำทำไม!” ฝ่ามือทุบลงบนแผ่นอกกว้างโดยไม่สนใจว่าฝ่ายนั้นจะทำร้ายตนเองกลับมาหรือไม่

“ก็ใครใช้ให้มันมาแย่งนายไปจากฉัน!” เสียงทุ้มต่ำตวาดก้องนัยน์ตาแดงก่ำ “ถ้าไม่มีมัน…นายก็คงไม่ไปจากฉัน!” อเล็กซ์ยังคงเชื่อมั่นในตัวเองโดยมองข้ามความผิดที่เคยทำทั้งหมด ตลอดเวลาเขาไม่เคยโทษตัวเองที่ทำให้ฮานะหมดความอดทนแต่กลับโยนความผิดไปให้คนอื่นแทน เพราะถ้าในวันนี้ฮานะไม่มีมัน...ก็คงเลือกที่จะอยู่ข้างกันเหมือนที่ผ่านมา

“มันไม่ใช่ความผิดของเขา หรือใครทั้งนั้น” ฮานะสูดลมหายใจเข้าปอดรวบรวมความกล้าทั้งหมดเผยสิ่งที่ตกค้างอยู่ในจิตใจมาโดยตลอด “ที่ฉันหมดรักนายก็เป็นเพราะตัวนายเอง ถึงจะไม่มีเขาฉันก็ไม่คิดที่จะอดทนอยู่กับคนเฮงซวยอย่างนายไปตลอดชีวิต...เลิกโยนความผิดให้คนอื่นเสียที!”

“…”

สิ้นเสียงตวาดก้องฮานะก็หอบหายใจอย่างหนักเพื่อระงับโทสะก่อนความกลัวจะเข้ามากอบกุมจิตใจเมื่อฝ่ายนั้นยกปลายแหลมของมีดขึ้นมาจี้เข้าที่ปลายคาง

“หึ..” รอยยิ้มที่กดลึกบนใบหน้านั้นช่างว่างเปล่าไร้ความรู้สึก “พูดได้ดีนี่”

“...”

“รู้ไหมว่าที่ผ่านมาฉันคอยนึกทบทวนกับตัวเองอยู่ตลอดว่าทำไมฉันถึงตัดใจจากนายไม่ได้สักที ทั้งที่บอกตัวเองแล้วว่านายมันไร้ประโยชน์ ไร้ค่า ไม่มีราคามากพอที่ฉันจะต้องลงทุนแย่งกลับมา” อเล็กซ์เน้นถ้อยคำชัดเจน “...แต่ทั้งหมดมันกลับพังไม่เป็นท่าเพราะความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนที่มันเผลอเปิดรับนายเข้ามา...” คำสารภาพที่เหนือความคาดหมายทำให้ฮานะเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่กลับต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บเมื่อถูกบีบเข้าที่สันกรามจนได้กลิ่นคาวเลือด

“ทุกๆ คืนที่ฉันมีเซ็กซ์กับคนอื่น...ภาพของนาย น้ำเสียงของนาย มันฉายชัดขึ้นมาจนฉันไม่สามารถที่จะทำมันต่อได้” อเล็กซ์เค้นเสียงต่ำ “…นายทำให้ฉันสับสนจนแทบบ้า ฉันต้องพึ่งยานอนหลับทุกวันเพียงเพราะไม่อยากจะเห็นนายในความฝันแต่นั่นก็เป็นการทรมานชั้นดี เพราะยิ่งฉันหลับนานมากเท่าไหร่ภาพฝันที่เห็นว่านายยังอยู่ข้างกันมันก็ยิ่งชัดมากขึ้นเท่านั้น”

“...นายเสียสติไปแล้ว” ฮานะหวาดกลัวจนตัวสั่น ถ้อยคำบอกเล่าของคุณแกเรนที่เคยบอกว่าอเล็กซ์เริ่มใช้สารเสพติดนั้นยิ่งทำให้เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรที่ขาดสติ

“ถึงไม่มีมันนายก็จะไม่ยอมกลับมาหาฉันใช่ไหม” นัยน์ตาสีฟ้านั้นช่างว่างเปล่า แต่เพียงเสี้ยววินาทีกลับคุโชนขึ้นมาเมื่อตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นได้ “…รู้อะไรไหมที่รัก...คู่แห่งโชคชะตาน่ะมันมีวิธีเดียวที่จะแยกทั้งคู่ออกจากกันได้”

“อเล็กซ์...”

“...นั่นก็คือความตาย” แสงที่สะท้อนเข้าคมมีดทำให้หัวใจคนมองแหลกสลาย

“ไม่...”

“อย่าทำหน้าหวาดกลัวฉันขนาดนั้น” คมมีดถูกลดระดับลงก่อนนัยน์ตาสีฟ้าจะมองไปยังลิฟต์โดยสารที่เพิ่งลงมาจอด “แน่นอนว่าคนคนนั้นไม่ใช่นาย...ฮานะ”










____________________________________________




ตอนนี้มีเจ้าแฝดมาป่วนลุงพีทด้วยฮับบบ

ใกล้แล้ววววว อีกแค่3ตอนเท่านั้นก็จบแล้วค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่ยังคงอยู่เป็นกำลังใจให้เด้นและฮานะมาถึงตอนนี้นะคะ

อีกอึ้บเดียวเท่านั้นนนน > <




ส่วนอเล็กซ์จะได้รับบทเรียนไหมนั้น...

ต้องบอกว่า What goes around comes all the way back around ฮะ 5555555

เจอกันตอนหน้านะคะ <3

ฝาก #ดอกไม้ของพีท และคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้พันไมล์ด้วยนะคับบบ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N T E E N : 10/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 10-12-2019 22:45:02
ฮืออออ ขอให้ปลอดภัยทั้งพีททั้งฮานะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N T E E N : 10/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-12-2019 23:01:37
โว๊ะ!!!! ร้ายกาจจนนาทีสุดท้ายนายอเล็กซ์   :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N T E E N : 10/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-12-2019 00:32:50
โอ๊ยยยยยยยยย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N T E E N : 10/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 11-12-2019 00:41:48
โอ๊ย หลอนยาแล้ว อเล็กซ์
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER S E V E N T E E N : 10/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 13-12-2019 01:30:51
กรี๊ดดดดดดดดดด อย่าทำอะไรเจ้าโกลเด้นนะ สาธุๆๆๆๆ ขอให้นังอเล็กซ์แพ้ภัยตัวเอง ขอให้พระคุ้มครองฮานะคนสวยกับเจ้าเด้น :call:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T E E N : 15/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 15-12-2019 18:53:50
CHAPTER E I G H T E E N

_________________________________









“อเล็กซ์! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!” ฮานะร้องอย่างขวัญเสียในตอนที่ถูกดึงตัวไปทางลิฟต์

น้ำตามากมายไหลรินลงมาจนเปียกชุ่ม

“ได้โปรด...อย่าทำอะไรเขา” เสียงสะอื้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง “อเล็กซ์ ฉันยอมแล้ว ยอมไปกับนายแล้ว” ฮานะทรุดตัวลงที่พื้นและออกปากขอให้อีกฝ่ายเห็นใจ “ปล่อยเขาไปเถอะนะ ฮึก ฉันขอร้อง” สองมือยกขึ้นไหว้อ้อนวอนขออย่างสิ้นศักดิ์ศรี นาทีนี้ต่อให้ต้องก้มลงกราบเขาก็ยอม...ขอแค่ใครอีกคนจะไม่ถูกดึงเข้ามายุ่งเกี่ยวก็พอ

“หึ” ร่างสูงใหญ่หยุดชะงักก่อนจะก้มตัวไปดึงคนที่ร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมาจูบเข้าที่แก้ม “รู้อะไรไหม...ยิ่งฉันเห็นว่านายห่วงมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ฉันอยากกำจัดมันออกไปให้เร็วขึ้น”

“ม...ไม่” ฮานะส่ายหน้าและพยายามยื้อยุดอยู่อย่างนั้น แต่เรี่ยวแรงของเขามีหรือจะสู้อีกฝ่ายได้

“ขอบคุณฉันซะที่อย่างน้อยก็ใจดีให้มันได้เห็นหน้านายก่อนตาย” อเล็กซ์กดเสียงต่ำ

แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในลิฟต์เสียงและสัมผัสบางอย่างที่จ่อเข้าบริเวณหลังท้ายทอยก็ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดชะงักไว้เพียงเท่านั้น ก่อนน้ำเสียงเย็นเยียบจะพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“พล่ามพอหรือยัง” แกเรน ฮาร์ดเนอร์เดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีที่ไม่รีบร้อน ด้านหลังมีการ์ดฝีมือดีที่สามีเขาจัดหามาให้เดินตามมาไม่ห่าง ส่วนอีกคนที่ยืนประชิดหลังอเล็กซ์อยู่นั้น…

....อดีตหน่วยรบพิเศษที่เพิ่งปลดประจำการมาได้แค่สองเดือนกว่า..

“ผมแนะนำให้คุณวางมีดลงและปล่อยตัวฮานะดีกว่านะคุณแอนเดอร์สัน” ร่างเพรียวระหงหยุดยืนอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาคู่สวยมองกดต่ำ “เพราะลูกน้องของสามีผมไม่ได้ถูกฝึกมาให้ต่อรองกับศัตรู”

“…”

“...ข้อเสนอเดียวที่พวกเขามีให้คือกระสุนปืน”

อเล็กซ์ขบกรามจนขึ้นสันเมื่อถูกปากกระบอกปืนกดน้ำหนักลงมา ผู้ชายที่ยืนประกบหลังเขาอยู่ตัวสูงใหญ่มากกว่า แต่ตอนที่จู่โจมเข้ามาประชิดเขานั้นกลับไร้เสียงและยังไม่ทันได้ระวังตัวเสียด้วยซ้ำไป

“แล้วก็เลิกคิดเพ้อฝันไปได้เลย อย่าแม้แต่ที่จะคิดเอาฮานะไปเป็นตัวประกันเชียว” แกเรนยกยิ้มอย่างรู้ทันมุกของพวกหมาจนตรอก “เพราะทันทีที่คุณแตะต้องเขาแม้แต่ปลายก้อย...รับรองเลยว่าจะไม่มีแม้แต่โอกาสได้ล่ำลา”

“...ระยำ” เสียงสบถต่ำดังขึ้นในลำคออย่างเคียดแค้น แต่ในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมที่จะวางอาวุธในมือลง

วินาทีที่ทุกคนตายใจมีดเล่มนั้นก็ถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้งแต่แรงเตะที่กระทบเข้าบริเวณข้อมือกลับทำให้มันกระเด็นออกไปอีกทาง

อเล็กซ์ร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวดเมื่อกระดูกบริเวณนั้นแตกหัก โดยเสี้ยววินาทีลูกกระสุนจากปืนเก็บเสียงก็พุ่งเจาะเข้าที่ข้อพับขาทำให้ร่างสูงใหญ่ล้มทรุดลงไปที่พื้น เลือดแดงฉานผุดซึมขึ้นมาเป็นวงกว้าง เสียงร้องมากไปด้วยความเจ็บปวดทรมานทำให้ฮานะไม่สามารถทนมองได้ก่อนทั้งร่างจะถูกแกเรนรวบกอดเอาไว้เพื่อไม่ให้มองภาพความโหดร้ายเบื้องหน้า

“โง่เง่าสิ้นดี” เขาพูดด้วยความรู้สึกที่สมเพชเสียเต็มประดาตอนก้มลงมองคนที่นอนอยู่บนพื้น อเล็กซ์ถูกการ์ดสองคนจับกดลงพื้นอย่างไร้ความปรานี

“ฮานะ...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก นัยน์ตาสีฟ้าสั่นไหวเมื่อหมดหนทางสู้

“ดูสายตาคุณตอนนี้สิ” แกเรนเหยียดยิ้ม “ถ้าเป็นเมื่อก่อนฮานะคงดีใจนะที่ได้เห็นมัน...แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว คุณแอนเดอร์สัน”

“…”

“นึกทบทวนดีๆ นะว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายก่อเรื่องทั้งหมดขึ้นมา...ทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนๆ หนึ่งมานานเท่าไหร่แล้ว เคยจำได้บ้างหรือเปล่า” เขาเค้นเสียงต่ำเมื่อความแค้นทั้งหมดที่สะสมมาตลอดหลายปีกำลังจะได้รับการชำระ

“…”

“รู้ไหมว่าทำไมที่ผ่านมาผมถึงไม่เคยแตะต้องคุณ” แกเรนกระชับวงแขนแน่นเมื่อรับรู้ได้ว่าคนในอ้อมกอดตัวสั่น “ไม่ใช่ว่าผมทำไม่ได้ แต่เป็นฮานะที่ขอเอาไว้ไม่ให้ผมทำ...คิดเหรอว่าผมจะยอมอดทนให้คุณไม่เห็นหัวมานานได้นับปีเพราะตัวคุณเอง”

“…”

“เคยรู้บ้างไหมว่าทุกครั้งที่คุณทำเรื่องเลวๆ ซ้ำซาก มีใครอีกคนที่มาอ้อนวอนไม่ให้ผมเอาเรื่องคุณ เคยรู้บ้างหรือเปล่าว่าฮานะลดศักดิ์ศรีตัวเองจนแทบไม่เหลืออะไรเลยก็เพื่อคุณ!”

ความจริงที่หลีกหนีมาโดยตลอดตีแสกเข้ากลางหน้าก่อนมันจะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาที่ไหลลงมากระทบพื้น อเล็กซ์เบือนหน้าหนีออกไปอีกทางเพื่อหลบซ่อนความอ่อนแอ

“ผมไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างพวกคุณมันเริ่มและเกิดขึ้นได้ยังไงเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกคุณทั้งสองคน...แต่มีสิ่งเดียวที่ผมรู้และมองเห็นมาตลอดนั่นก็คือคนที่ทำให้ทุกอย่างมันพังไม่มีชิ้นดีคือตัวคุณเอง คุณแอนเดอร์สัน”

“…”

“พาตัวออกไป ผมบอกใหญ่แล้วว่าหลังจากนี้จะจัดการยังไง” แกเรนย้ำเสียงเย็นเฉียบ “ในเมื่อชอบเล่นนอกกฎนักละก็...ใช้ศาลเตี้ยช่วยทำให้รู้สำนึกซะบ้างเผื่อจะคิดอะไรได้”

ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็พาคนในอ้อมกอดเดินเข้าไปในลิฟต์ หลังจากที่ประตูปิดลงฮานะก็โถมตัวเข้ากอดเขาแน่นก่อนจะปล่อยโฮออกมายกใหญ่ ร่างที่เล็กกว่าสั่นเทิ้มอย่างเสียขวัญทำให้แกเรนต้องกอดตอบแล้วปลอบยกใหญ่เพราะเขาเองก็รู้สึกใจหายไม่ต่างกัน

...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้ามาช้ากว่านี้จะเกิดอะไรขึ้นกับฮานาะบ้าง..

ต้องขอบคุณที่คนของเขาสังเกตเห็นว่าอเล็กซ์มาที่นี่และจอดรถเอาไว้ชั้นเดียวกัน ขอยกความดีความชอบให้ลูกน้องใหญ่ที่หูไวตาไว ในช่วงที่เขาออกมาจากโรงพยาบาลได้ไม่ทันไรนั้นฮานะก็โทรเข้ามาแต่เพราะเผลอปิดเสียงเอาไว้จึงรับไม่ทัน พอตั้งใจจะโทรกลับสัญญาณจากปลายสายก็ขาดหายไปแล้ว นั่นยิ่งทำให้แกเรนรู้สึกไม่สบายใจเลยสั่งให้คนขับรถวนกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

“กลิ่นหมอนั่นคลุ้งชะมัด” แกเรนว่าเสียงเครียดก่อนจะต่อสายโทรหาบอดี้การ์ดส่วนตัว “ช่วยพาบิเบียนและอองเดรกลับบ้านไปก่อน...ไม่ต้องห่วงผมเดี๋ยวใหญ่จะออกมารับเอง อืม...ขอบใจ”

“…ผมอยากไปหาพีท” ท่าทางน่าสงสารทำให้แกเรนต้องวางมือลงบนศีรษะของอีกฝ่ายอย่างต้องการปลอบประโลม

ทันทีที่บานประตูถูกผลักเข้าไปร่างของคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงก็ทำฮานะรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณขอบตา ฮานะเดินเข้าไปใกล้เตียงคนป่วยพร้อมกับเอื้อมมือไปกอบกุมกับอีกฝ่ายไว้แน่น

“ไปล้างตัวก่อนเถอะ กลิ่นอเล็กซ์ชัดขนาดนี้เดี๋ยวพีทก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟกันพอดี” เขาเอ่ยเตือนเพราะเข้าใจดีว่าอัลฟ่านั้นหวงคู่ของตนเองมากแค่ไหน แค่กลิ่นก็ทำให้หวงจนคุ้มคลั่งได้แล้ว

ฮานะพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปหยิบชุดสำรองเผื่อเปลี่ยนนอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผ่านไปสักพักเจ้าตัวก็เดินกลับออกมาด้วยชุดใหม่ไร้ซึ่งกลิ่นรบกวนจิตใจเหมือนอย่างตอนแรก แกเรนนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยพร้อมกับใครอีกคนที่ตื่นขึ้นมานั่งพิงหมอนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

“ฮานะ” พีทเรียกเสียงเข้ม แววตามีความกรุ่นโกรธฉายชัด แต่แทนที่จะเอ่ยติเตียนกันฝ่ายนั้นกลับอ้าแขนออกเพื่อรอให้เขาเข้าไปหา โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาฮานะก็ก้าวเท้าไปทางเตียงผู้ป่วยก่อนจะปีนขึ้นไปโถมตัวสวมกอดคนที่โหยหาเอาไว้แน่น

“…พีท” เขาซุกหน้าลงแผ่นอกกว้าง...หัวใจพีทเต้นรัวเร็วราวกับว่ากำลังรู้สึกกลัว

“ผมขอโทษ” เด็กหนุ่มกระชับอ้อมกอดพร้อมกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่ม หลับตาลงด้วยความทรมานเมื่อสิ่งที่คุณแกเรนเล่าให้ฟังนั้นเข้ามาบีบคั้นหัวใจจนแตกสลาย ฝ่ามือใหญ่เอื้อมขึ้นมาประคองหลังท้ายทอยก่อนจะกดให้ใบหน้าอีกฝ่ายซุกเข้ากับอก ปลายนิ้วไล้แผ่วบริเวณต้นคอ ส่งผ่านไออุ่นเพื่อบรรเทาความหวาดกลัวที่เข้ามาเกาะกุมภายในจิตใจเพียงเท่านั้นฮานะก็ไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ รู้ตัวอีกทีเสื้อผู้ป่วยของพีทก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ความรู้สึกแสบร้อนที่โพรงจมูกพุ่งเข้ามาเล่นงานจนต้องควบคุมจังหวะหายใจเอาไว้

“อ...เล็กซ์ เป็นคน ฮึก ทำร้ายเธอ” ฮานะกำชายเสื้ออีกฝ่ายจนยับย่น ภาพของพีทพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำตา “วันนั้นมันไม่ใช่...อุบัติเหตุ เป็นเขาที่ อึก ทำมัน” ความปวดร้าวบีบคั้นในอกข้างซ้ายจนก้อนสะอื้นตีรวนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

เสียงแกเรนสบถขึ้นอย่างโกรธเคืองก่อนเจ้าตัวจะเดินออกไปที่ระเบียงนอกห้องเพื่อต่อสายหาคนของใหญ่

นี่มันมากเกินไปแล้ว

“แล้ววันนี้เขาจะกลับมาทำร้ายเธอ...เพราะฉันเป็นต้นเหตุ” ฮานะตัวสั่นอย่างเสียขวัญเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านพ้น “ถ้าเธอ ฮึก ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันคงไม่ให้อภัยตัวเอง” นัยน์ตาคู่สวยตอนนี้ดูบอบช้ำราวกับแก้วที่แตกสลาย ฮานะไม่เคยร้องไห้หนักติดต่อกันขนาดนี้มาก่อน ใต้ตาที่บวมช้ำทำให้หัวใจคนมองแหลกสลายจนต้องขบกรามแน่นเพื่อระงับความเจ็บปวด

“ไม่เป็นไรครับ” พีทวางมือลงบนกลุ่มผมนุ่มก่อนจะกดจูบลงไปบนหน้าผากเนียน “…แค่คุณปลอดภัยก็พอแล้ว”

เด็กหนุ่มกอดร่างที่เล็กกว่าเอาไว้แนบอก ในเวลานี้ฮานะเหมือนเด็กตัวเล็กที่กำลังหลงทาง ยิ่งได้เห็นน้ำตาของคนตรงหน้าเขาก็ยิ่งเจ็บปวดจนทำให้นึกเกลียดชังตัวต้นเหตุที่ทำให้ดอกไม้แสนสวยของเขาต้องบอบช้ำ

“เรื่องอเล็กซ์ผมจัดการเอง” แกเรนด์เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พีท...ฝากดูแลฮานะด้วย”

“ครับ”

เมื่อบานประตูห้องพักผู้ป่วยปิดลงเด็กหนุ่มก็ก้มลงมองคนในอ้อมกอดอีกครั้ง ฮานะยังคงร้องไห้จนสะอื้นราวกับว่าไม่สามารถหยุดมันได้ พีทมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่เจ็บปวด ความรู้สึกที่อยากดูดซับความโศกเศร้านั้นมาไว้กับตัวเองมีมากเสียจนต้องคว้ามือของอีกฝ่ายมากดจูบตามข้อนิ้ว

“ฮานะ” เสียงทุ้มสั่นพร่า...น้ำตาของฮานะทำให้เขาชาไปทั้งใจ “ฮานะครับ”

ฝ่ายนั้นช้อนตาขึ้นมอง น้ำตาบางส่วนที่ล้นออกมาไหลอาบแก้มขาวจนเปียกชุ่ม ขอบตาและจมูกที่แดงก่ำยิ่งทำให้ดูน่าสงสารจนต้องกดจูบหนักๆ ลงบนผิวเปียกชื้นราวกับต้องการดูดซับน้ำตาให้หายไป

“ผมจะตายอยู่แล้ว” พีทกระซิบเสียงแผ่วในตอนที่เอียงหน้าเข้าไปกดจูบลงที่ต้นคอ กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ต้องหลับตาเพื่อซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ “...อย่าทรมานกันแบบนี้เลย”

คำร้องขอเหมือนจะได้ผลเมื่อฮานะเริ่มควบคุมอารมณ์ได้ เจ้าตัวยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแต่ถูกเขารวบเอาไว้ทั้งหมดและโดยไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีบางสีอ่อนตรงหน้าก็ถูกประกบจูบลงไปแนบแน่น

สัมผัสอุ่นร้อนแผ่กระจายไปทั่วทุกอณูผิว...ฮานะยังคงสะอื้นในตอนที่ถูกกวาดต้อนจนมุม

ใบหน้าร้อนจัดเมื่อถูกกัดเข้าที่ริมฝีปาก “…พีท”

“ครับ” เสียงทุ้มขานรับ กดจูบย้ำลงไปอีกครั้ง ยอมถอยห่างออกมาเพียงแค่ลมหายใจลอดผ่าน

“...ฮานะ...หายใจไม่ทัน” นัยน์ตาคู่สวยวูบไหวกดต่ำดูความอุ่นชื้นก่อนจะต้องหลับลงไปอีกครั้งเมื่อถูกจูบย้ำ...ครั้งนี้กลับเพิ่มความหนักแน่นมากขึ้น ใบหน้ากลับร้อนขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเสียงของคนรักสบถเพราะถูกอ้อน

“ให้ตายสิ” เด็กหนุ่มดูหัวเสียไม่น้อยเมื่อความรู้สึกบางอย่างปะทุขึ้นมา เขาดันตัวฮานะออกห่างอย่างรู้สึกผิด

...น้ำเสียงออดอ้อนและถ้อยคำน่ารักเหล่านั้นเมื่อผสานรวมกับใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาแล้วมันทำให้สัญชาตญาณดิบในกายวิ่งแล่นไปทั่วกาย...

แต่คนที่เผลออ้อนดูท่าแล้วจะยังไม่รู้ตัว ฮานะมองตามทุกการกระทำของเขานัยน์ตากลมโตคู่นั้นเจือแววสับสนจนต้องดึงตัวลงไปนอนกอดเอาไว้

...เมื่อก่อนอ้อนนิดหน่อยเขาก็หลงจนแทบโงหัวไม่ขึ้นแล้ว แต่นับวันฮานะยิ่งอ้อนเก่งจนความอดทนแทบจะไม่เหลือ...

“พีท” เสียงอู้อี้ดังขึ้นประชิดอก จมูกรั้นกำลังดมกลิ่นจากตัวเขา

“ครับ”

“...กอดแน่นๆ” โดยไม่ต้องรอให้ขอเป็นรอบที่สองวงแขนก็โอบกระชับจนผิวเนื้อแนบชิดกัน “แน่นกว่านี้”

“ฮานะ...เดี๋ยวหายใจไม่ออก” เด็กหนุ่มลอบยิ้ม กดจูบลงไปที่ก้อนแป้งขาวๆ ซ้ำไปมา

“อื้อ ไม่เป็นไร” คนในอ้อมกอดโผล่หน้าออกมาพร้อมกับช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะยืดตัวขึ้นจูบเข้าที่ปลายคางแล้วกลับลงไปซุกที่อกอีกครั้ง “…กอดแน่นๆ นะ”

“นอนเถอะครับ” เขาลูบไปที่กลุ่มผมนุ่มอย่างอ่อนโยนทั้งที่พยายามอดทนจนต้องขบกรามเอาไว้แน่น

ฮานะพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเมื่อได้อ้อมกอดที่พอใจ เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงหายใจที่ดังสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

เด็กหนุ่มผละออกห่างเพียงเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของคนรักที่อ่อนล้าสะสมมาตลอดหลายวัน ปลายนิ้วไล่ปาดคราบน้ำตาที่หลงเหลือออกให้ ใต้ตาที่บวมช้ำถูกริมฝีปากอุ่นกดย้ำประคบไปมาอยู่อย่างนั้น

และเมื่อความเงียบเข้าปกคลุม กลับมีเพียงเสียงชีพจรที่ดังสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกันไปตลอดในค่ำคืนนี้




(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T E E N : 15/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 15-12-2019 18:54:09





“นัดใส่เฝือกอีกสองอาทิตย์นะครับ” นายแพทย์หนุ่มก้มลงอ่านรายละเอียดอีกครั้ง “แล้วก็พยายามหลีกเหลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้กระทบช่วงแขนด้วย”

“ครับหมอ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ

“ส่วนเรื่องกายภาพหลังจากนี้ผมจะแจ้งให้ทราบอีกทีก็แล้วกัน...โชคดีนะครับ” ฝ่ายนั้นยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะขอตัวออกไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยคนอื่นต่อ

วันนี้เป็นวันที่เขาจะได้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านหลังจากนอนดูอาการมาร่วมสี่วันด้วยกัน

เด็กหนุ่มหันไปมองทางประตูก่อนรอยยิ้มจะปรากฏเมื่อเห็นว่าคนรักตัวน้อยเดินเข้ามา เมื่อเช้าฮานะต้องเข้าไปประชุมที่บริษัท อีกฝ่ายสั่งให้เขานอนรอจนกว่าเจ้าตัวจะกลับมาแล้วค่อยเก็บของ แต่สุดท้ายก็ฝืนคำสั่งอยู่ดีจึงได้รับสายตาตำหนิอย่างไม่จริงจังส่งมาให้

“ดื้อ” ฮานะมองเขม่นแต่ก็ยอมเงยหน้ารับจูบตอนที่ถูกเขาโอบเอวเข้ามาใกล้

“เหนื่อยไหมครับ”

ฝ่ายนั้นส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะสวมกอดแน่น “ได้กอดเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”

“คิดถึงฮานะ” พีทก้มลงจูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มอย่างที่ชอบทำ...แรกๆ ถูกฮานะบ่นเพราะเขาทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนเป็นเด็ก แต่พักหลังมาบางทีเจ้าตัวก็เป็นฝ่ายอ้อนให้ทำจนกลายเป็นชีวิตประจำวันระหว่างกันไปแล้ว

“ก็ต้องแน่อยู่แล้ว” ฝ่ายนั้นยักคิ้วก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมกันไว้มั่น “กลับบ้านเรากันเถอะ”













“อันนี้อร่อย” กุ้งอบวุ้นเส้นในจานถูกชี้บอกเป็นรอบที่สองหลังจากที่ฮานะตักกินจนเกลี้ยง

จากที่ตอนแรกตั้งใจเอาไว้ว่ามือเย็นจะแสดงฝีมือทำอาหารให้คนป่วยกินกลับต้องหันไปพึ่งร้านอาหารแทนเพราะเขาทำมันพังไม่เป็นท่า แค่อาหารง่ายๆ อย่างเช่นข้าวผัดกับแกงจืดวุ้นเส้นยังทำครัวเละตุ้มเป๊ะจนพีทต้องออกปากห้ามก่อนที่ทุกอย่างจะพังพินาศไปมากกว่านี้

“กินข้าวด้วยสิครับ” เสียงทุ้มติดดุเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าข้าวผัดปูในจานนั้นพร่องลงไปไม่ถึงครึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ

“อิ่มแล้ว” ฮานะบ่ายเบี่ยงโดยการแกะกุ้งเผาตัวโตไปจ่อไว้ที่ริมฝีปากคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “กินเร็ว”

ถึงจะเริ่มอิ่มแต่สุดท้ายก็ยอมรับเข้าปากไปเคี้ยวจนฝ่ายนั้นยิ้มแก้มปริ เด็กหนุ่มก้มลงมองปลายนิ้วของคนรักที่ตอนนี้มีพลาสเตอร์พันไว้ถึงสามนิ้วสาเหตุมาจากโดนมีดทำครัวเฉือนเข้าเนื้อจนได้เลือด รู้ตัวอีกทีก็รวบมือข้างนั้นเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะปากลงไปจนฮานะสะดุ้งด้วยความตกใจ

“เจ็บมากไหมครับ” เขาถามอย่างเป็นห่วง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะย้ายรอยแผลนั้นมาไว้ที่ตัวเองแทน

“นิดเดียว เหมือนมดกัด” ฮานะอมยิ้มกว้างก่อนจะยืดตัวขึ้นหอมแก้มแล้วผละออกไปเก็บถ้วยจานเพื่อไปล้างโดยที่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา “ไปนั่งเฉยๆ เลย”

เด็กหนุ่มยังคงไม่ทำตามคำสั่งแม้แขนอีกข้างจะใช้งานไม่ได้แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เขาต้องอยู่กับที่เฉยๆ ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาคนรักตัวเล็กที่กำลังยืนหันหน้าเข้าหาซิงค์ล้างจานก่อนจะโอบแขนลงไปที่ช่วงเอวคอดแล้ววางคางลงบนลาดไหล่ กลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้ต้องจรดปลายจมูกเข้าไปแนบเนื้อ

“พีท!” ฮานะตกใจจนต้องหดคอหนี “อย่ากวนนะ ไปนั่งเฉยๆ เลย” เจ้าตัวพยายามเอี้ยวตัวหลบแต่ก็ไร้ผล

“...มาให้กำลังใจครับ” เสียงทุ้มออดอ้อนในตอนที่กดจูบลงบนลาดไหล่คนในอ้อมกอดด้วยความคิดถึง...สี่วันเต็มๆ ที่ไม่ได้ใกล้ชิดฮานะแบบนี้เพราะเจ้าตัวห้ามเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่เหมาะสม “น้ำยาล้างจานเยอะไปแล้วครับ” เขาหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกดหัวปั๊มจนน้ำยาท่วมฟองน้ำ

“เธอก็หยุดกวนซะทีสิ เสียสมาธิหมดแล้- อื้อ” ฮานะรีบหดคอเหมือนลูกเต่าเวลาเจอภัยในตอนที่ถูกกัดเข้าที่คอเต็มคำ “ไปอาบน้ำเลยไป”

“รอฮานะ” พีทกดจมูกลงบนก้อนแป้งขาวๆ อย่างไม่รู้เบื่อ

“งั้นก็ช่วยอยู่เฉยๆ ด้วยนะครับ” คนในอ้อมกอดเอี้ยวหน้ากลับมาหา ก่อนจะยืดตัวขึ้นหอมแก้ม “น้องพีทห้ามกวนนะ ไม่อย่างนั้นจะหักสิบแต้มเด็กดี”

คำสรรพนามที่ไม่เคยถูกใช้เรียกมาก่อนทำให้เด็กหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมากะทันทันก่อนจะยอมล่าถอยไม่ก่อกวนอย่างเชื่อฟัง

นัยน์ตาคมเข้มจดจ้องเรือนผมสีอ่อนที่ระอยู่บริเวณต้นคอขาวก่อนความคิดบางอย่างจะก่อเกิดขึ้นมา...เป็นเรื่องที่แทรกซึมเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา

“ฮานะครับ”

“หืม”

“บิเบียนกับอองเดร...ปีนี้อายุเท่าไหร่เหรอครับ” เสียงเจี๊ยวจ๊าวและรอยยิ้มสดใสของเจ้าพวกตัวเล็กที่คุณแกเรนพามาป่วนยังฝังอยู่ในใจมาถึงวันนี้

“อืม...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะห้าขวบแล้วนะ” ฝ่ายนั้นเอียงคออย่างใช้ความคิด “ถามทำไม”

“เปล่าครับ” เขายิ้มและส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อฮานะมองขึ้นมา

“ชอบเด็กหรือไงเรา”

“ก็...” เด็กหนุ่มกระแอมแก้เก้อเมื่อเผลอคิดเยอะไปไกลจนต้องหยุดห้ามตัวเองเอาไว้...จู่ๆ เขาก็ลองจินตนาการภาพของฮานะตอนที่กำลังอุ้มท้องขึ้นมา...

หม่ามี้ตัวเล็กที่มีพุงกลมๆ ยื่นออกมาคงต้องน่ารักมากแน่ๆ ...

“นี่...อย่าบอกนะว่ากำลังคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว” ฮานะปิดก๊อกน้ำก่อนจะหันตัวกลับมาเผชิญหน้า นัยน์ตาคู่สวยหรี่มองอย่างจ้องจับผิด ยิ่งได้เห็นริ้วแดงที่ขึ้นพาดผ่านใบหน้าของคนรักก็เป็นอันได้คำตอบแน่ชัดทันที

“คือ...” เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งเมื่อถูกกอดอกมองอย่างรู้ทัน

“อยากเป็นแด๊ดดี้เหรอ” ฮานะยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นวางทาบลงไปบนแผ่นอกตึงแน่น “ใจร้อนจัง” น้ำเสียงออดอ้อนดังขึ้นในตอนที่ยืดตัวขึ้นไปกดจูบบนสันกรามได้รูป ก่อนจะต้องหลุดขำออกมาเมื่อถูกอุ้มขึ้นไปวางบนเคาน์เตอร์ครัว

“ผมยังไงก็ได้” เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นก่อนจะวางแขนคร่อมร่างคนรักตัวน้อย “แค่กำลังคิดว่าถ้ามีเจ้าพวกตัวเล็กที่ถอดแบบมาจากฮานะ...คงต้องน่ารักมากแน่ๆ” ปลายจมูกโด่งกดลงบนลาดไหล่เนียน ฝ่ามือข้างหนึ่งยกขึ้นมาวางลงบนแผ่นท้องแผ่นราบ

ฮานะหลุดขำอย่างเอ็นดูก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกอดคนรัก “มั่นใจได้ยังไง...ถ้าเผื่อเบบี๋ถอดแบบเธอมาล่ะ”

“…ก็น่ารักอยู่ดี” พีทลดระดับตัวลงมาเพื่อจ้องตากับอีกฝ่าย “เพราะครึ่งหนึ่งของเขาก็มีฮานะอยู่ในนั้น”

เหตุผลที่เลื่อนลอยเรียกเสียงหัวเราะของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ฮานะกระชับอ้อมกอดแน่นก่อนจะเอียงหน้าซบเข้ากับช่วงบ่ากว้างแล้วหลับตาลงเมื่อต้องสารภาพความจริงบางอย่างออกไป

...มันเป็นสิ่งที่เขาคิดมาตลอด...ทั้งก่อนหน้าที่จะผูกพันธะกับพีทหรือช่วงเวลาหลังจากนี้...

“พีท” น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาราวกับกำลังกระซิบ “บอกตามตรงว่าฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริงๆ” เจ้าตัวยิ้มก่อนจะยกมือของคนรักขึ้นมาแนบเข้าที่แก้ม “ตลอดสองปีที่ผ่านมาเธอรู้ใช่ไหมว่าฉันควบคุมมันมาตลอด”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พร้อมกับยกมือขึ้นมากอบกุมกับอีกฝ่ายตอบกลับไป

ฮานะยิ้มบาง ในแววตาคู่นั้นเจือความเศร้าอยู่เล็กน้อยที่ไม่สามารถตามใจเขาได้ “แล้วก็อีกอย่าง...ตอนนี้มันอาจจะเร็วไปสักหน่อยนะว่าไหม เบบี๋น่ะนะน่ารักก็จริงแต่การดูแลพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” นัยน์ตาคู่สวยช้อนมองอย่างออดอ้อนพร้อมกับยกมือขึ้นนวดท้ายทอยให้อีกฝ่ายคล้อยตาม

“…”

“เธอเองก็ยังคงไม่พร้อมที่จะต้องทิ้งความฝันตัวเองเพื่อมารับผิดชอบชีวิตเล็กๆ ที่จะเกิดมาหรอกใช่ไหม”

พีทอายุยังน้อย เมื่อเทียบกับเขาแล้วเจ้าตัวคงอยากที่จะใช้ชีวิตอิสระอีกมาก ถึงแม้ว่าการมีลูกจะไม่ได้ทำให้ลำบากอะไรแต่เพราะภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็คงจะทำให้ต้องเลือกเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง

…ความฝันที่อยากจะเป็นนักดนตรียังคงอยู่ แม้เจ้าตัวจะไม่เคยเอ่ยถึงมันแต่ทุกคืนที่ตื่นมากลางดึกฮานะมักจะได้ยินเสียงฮัมเพลงและเสียงกีต้าร์ที่ดังแว่วมาจากทางระเบียงห้องหรือแม้กระทั่งสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข ความมีชีวิตชีวาในตอนที่เจ้าตัวได้ปลดปล่อยตัวตนอยู่บนเวที

พีทไม่เคยบอกว่าชอบหรือไม่ชอบในสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความจำเป็นที่ผลักดันให้ลืมความตั้งใจที่เคยมุ่งมั่นเอาไว้...และส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะตัวเขา...

“…ผมให้ได้” เสียงทุ้มพึมพำแต่ทว่าหนักแน่น ในแววตาคู่นั้นไม่มีความลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว

“นี่” ฮานะเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างแปลกใจก่อจะต้องหลุดขำเมื่อเห็นว่าเรียวคิ้วเข้มเริ่มขมวด “จริงจังขนาดนั้นเชียว”

“ผมพูดจริงนะครับ” เด็กหนุ่มยืนยันคำเดิม

“โอเคๆ เข้าใจแล้ว” ฮานะยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนัก “แต่ฉันบอกก่อนเลยนะว่าไม่ขอรับปากเรื่องลูก” เขาจ้องกลับไปด้วยแววตาที่จริงจังไม่แพ้กัน

“...”

“พูดตามตรงนะ...ฉันยังไม่พร้อมที่จะเสียสละเวลาส่วนตัวไป...ในตอนนี้” รอยยิ้มปรากฏกว้างขึ้นในตอนที่ยกมือขึ้นลูบแก้มของคนรัก “ขอโทษนะที่ทำให้รู้สึกว่าฉันเห็นแก่ตัว...แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันอยากจะทำ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากมีเจ้าตัวเล็กละก็คงต้องมัวพะวงและเป็นห่วงจนไม่สามารถทำมันได้อย่างเต็มที่”

“ครับ...ผมเข้าใจ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายก่อนจะสวมกอดและเกยคางลงบนลาดไหล่ “ขอโทษครับ ที่เอาแต่ใจ”

พอนึกคิดดูๆ ดีแล้วการที่เขายัดเยียดความต้องการส่วนตัวให้ฮานะมันก็เป็นการเห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกัน เพราะมัวแต่คิดตื้นๆ จนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนรักไปเสียสนิท

คนที่ต้องเผชิญกับการอุ้มท้องและความทรมานตลอดช่วงเวลาเก้าเดือนไม่ใช่ตัวเขาแต่เป็นฮานะต่างหาก

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เธอไม่ผิดสักหน่อย” ฮานะระบายยิ้มออกมาพร้อมกับบีบเขาที่สองข้างแก้มแล้วส่ายไปมาเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตคงเริ่มคิดมาก “เอาไว้รอให้ทุกอย่างพร้อมกว่านี้ เราค่อยมาคุยกันใหม่ดีไหม” เขายื่นข้อเสนอกลับไป แล้วก็ได้ผลเมื่อร่างสูงใหญ่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

“แต่อันดับแรกเลย...แด๊ดดี้ต้องหัดเชื่อฟังก่อนนะ ห้ามดื้อ” ฮานะช้อนตาขึ้นมองก่อนจะยกแขนขึ้นโอบช่วงลำคอแล้วดึงอีกฝ่ายลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงบนผิวแก้มทำให้ต้องเผลอยิ้มออกมาก่อนจะหันไปกระซิบที่ข้างใบหู “…ไปอาบน้ำกัน”













เสียงหอบหายใจดังขึ้นถี่กระชั้นทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายพุ่งขึ้นสูงก่อนที่จะปลดปล่อยความกดดันที่สั่งสมมาตลอดหลายวันออกมา นัยน์ตาคมเข้มทอประกายวาบหวามในตอนที่มองต่ำลงไปยังคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ฮานะสำลักออกมาเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหนักจนใบหน้าแดงก่ำ

“ทำไมมันมากขนาดนี้” ปริมาณความต้องการที่ล้นเปรอะเปื้อนลงมาถึงแผ่นอกทำให้ต้องหันไปเปิดฝักบัวเพื่อล้างตัวอีกรอบ

ก่อนหน้านั้นหลังจากที่ช่วยพีทอาบน้ำเสร็จเจ้าเด็กตัวโตก็ป้วนเปี้ยนจนเขาต้องยอมตามใจ แต่ไม่ใจอ่อนที่จะให้พีทได้สอดใส่เข้ามาเพราะกลัวว่าจะไปกระทบแขนเจ้าตัวเข้า

“ฮานะ” เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกมาพร้อมกับช่วงตัวสูงใหญ่ที่ขยับเข้ามาแนบชิด

“นี่ ถอยออกไปเลยเดี๋ยวเฝือกเปียก” ฮานะดุเสียงเข้มทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นว่าเจ้าส่วนนั้นไม่ยอมสงบลงไปง่ายๆ “พีท อย่าดื้อนะ” เขาหมุนปิดน้ำก่อนจะดันตัวคนรักให้ออกไปจากบริเวณที่ล้างตัวเพราะกลัวว่าเฝือกจะชื้น

เจ้าเด็กตัวโตยอมทำตามอย่างว่าง่ายแต่แทนที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วออกไปรอข้างนอกฝ่ายนั้นกลับยืนพิงเข้าที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าทั้งที่ลำตัวยังคงเปล่าเปลือยทั้งบนและล่าง

นัยน์ตาคมเข้มที่จ้องทะลุผ่านกระจกใสเข้ามาทำให้ฮานะต้องหมุนตัวกลับเข้าไปที่ผนังด้านในทั้งที่ใบหน้ายังคงเห่อร้อนก่อนจะเปิดน้ำเพื่อฟอกสบู่ลงบนผิวกายทำเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจใครอีกคนที่กำลังมองมาทางนี้ แต่แล้วในขณะที่กำลังล้างฟองออกจากลำตัวก็ได้ยินเสียงทุ้มพร่าคำรามต่ำ เพียงเท่านั้นอุณหภูมิในร่างกายก็พุ่งขึ้นสูงจนต้องเผลอกำมือเอาไว้แน่น

“พีท” ฮานะเอ่ยปรามทั้งที่เสียงสั่นพร่า...ภาพสะท้อนจากกระจกทำให้เขารู้สึกอายจนอยากมุดหนีลงไปในแผ่นกระเบื้อง

...พีทกำลังทำเรื่องน่าอายโดยที่มองมาทางเขาอยู่ตลอดเวลา…ยิ่งได้ยินชื่อของตัวเองที่หลุดออกมาก็ยิ่งหน้าร้อนจนแทบไหม้

เจ้าเด็กลามก! เป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!

“ฮานะตัวแดงหมดแล้ว” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างชอบอกชอบใจที่เห็นเขาสมาธิหลุด

“เพราะใครเล่า!” ฮานะโยนฟองน้ำที่เพิ่งใช้ถูตัวไปทางคนที่ปั่นประสาทเขาจนกระเจิง “ออกไปรอข้างนอกเลยนะ ไม่งั้นจะโกรธจริงๆ แล้ว!” เสียงที่โวยวายอย่างไม่จริงจังทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าแกล้งขึ้นไปอีก

แต่ในที่สุดก็ต้องยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้เพราะกลัวว่าฮานะจะโกรธขึ้นมาจริงๆ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาปิดช่วงล่างเอาไว้เมื่อถูกอีกฝ่ายบ่นว่าเป็นชีเปลือยซ้ำไปมา

ร่างสูงใหญ่เดินออกมารอที่บริเวณห้องนอนตามคำสั่งของคนรัก ภาพสะท้อนจากกระจกตู้เสื้อผ้าทำให้พรูลมหายใจออกมาอย่างปลงตกเพราะบางส่วนนั้นไม่ได้นิ่งสงบลงเลยแม้แต่นิดเดียว

พักหลังมานี้ความต้องการที่มีต่อฮานะมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองเอาไว้ได้

ยิ่งนึกถึงผิวเนื้อขาวจัดที่ขึ้นรอยแดงตอนที่ถูกเขาบีบขย้ำก็ทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก

ทั้งจิวเม็ดเล็กที่ห้อยอยู่บนสะดือ และรอยสักเส้นสวยบนสะโพกได้รูปทำให้สมาธิไขว้เขวได้อย่างง่ายดาย

...อยากจะถอดเฝือกมันซะพรุ่งนี้เลย..







______________________________







เฮ่ออออ หมดเรื่องหนักสักทีเนอะ /ปาดเหงื่อ

ยังมีบทสรุปของอเล็กซ์ในตอนหน้านะคะ แต่บักเล็กจะไม่มากวนใจแล้วค่ะ สู่ขิตในวันที่ดือเรียบร้อย555

กรรมใดใครก่อกรรมนั้นต้องคืนสนองงง /ฝนเล็บ




ขอบคุณทุกคนเสมอที่ยังอยู่กับเรามาถึงตอนนี้ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ

แล้วพบกันตอนหน้าน้า

ขอฝาก #ดอกไม้ของพีท ด้วยนะคะ <3
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T E E N : 15/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-12-2019 21:24:26
คุณแกแรนเท่ห์มาก..กกกกกกกกกก    o13
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T E E N : 15/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 15-12-2019 22:48:53
ใจหายใจคว่ำหมดเลย คุณแกเรนเท่มากๆ จัดการอเล็กซ์ให้สิ้นฤทธิ์ไปเลยค่ะ // เจ้าพีทอยากน้วยฮานะแต่เฝือกไม่อำนวย ให้เราน้วยให้ป่าววววว คิกๆ เราจะน้วยฮานะคนสวยให้เองงงงง  :-[
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T E E N : 15/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 16-12-2019 17:42:21
น่ารักกันจังเลย ฮือ!!!  :hao5:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER E I G H T E E N : 15/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-12-2019 22:43:50
อดทนไว้เจ้าพีท
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E T E E N : 20/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 20-12-2019 19:26:02
CHAPTER N I N E T E E N

_________________________________






“นี่...ก้มลงมาหน่อยสิ” เสียงร้องเรียกทำให้ต้องลดระดับใบหน้าลงไปเสมอกัน ฮานะยกมือขึ้นมาจับปกคอเสื้อที่ยับย่นให้เข้าที่ในระหว่างที่กำลังรอเข้าฉากเซ็ทต่อไป

วันนี้เป็นวันที่กองถ่ายทีมSCENT Projectได้ย้ายลงมาทำงานที่แถบทะเลทางใต้หลังจากที่ปิดจ็อบของมิคาเอลและหวังลี่ชิงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย และหลังจากนี้เหลือเวลาอีกเพียงแค่สองสัปดาห์ทางSMAก็จะเริ่มทำการโปรโมตโปรเจกต์นี้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อชักชวนให้สื่อมวลชนมาร่วมงานแฟชั่นโชว์ที่จัดขึ้นในเดือนหน้า

“ช่วงไหล่เธอขยายขึ้นอีกแล้ว” ฮานะขมวดคิ้วมุ่นในตอนที่สังเกตมัดกล้ามเนื้อตึงแน่นใต้เชิ้ตสีขาวแขนยาว...เวลาผ่านไปเพียงแค่สามเดือนกว่าเท่านั้นแต่ร่างกายของพีทกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

บ่ากว้างที่ตั้งตรงรับกับช่วงแขนกำยำ ท่วงท่าสง่าผ่าเผยแทบไม่เหลือเค้าเดิมให้ได้เห็น

“อึดอัดหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามคนรักเพราะเกรงว่าพีทจะรู้สึกไม่สบายตัว

“ไม่ครับ สบายมาก” ใบหน้าคมเข้มยิ้มบางเบาในตอนที่วางมือลงไปบนสะโพกได้รูป

ถ้าเขาตัวใหญ่ขึ้น ฮานะเองก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเดิมเพราะเจ้าตัวเริ่มหันมาดูแลสุขภาพโดยการเลือกรับประทานอาหารและเข้ายิมพร้อมกันจึงทำให้ช่วงตัวที่เคยเล็กบางมีกล้ามเนื้อสมส่วน โดยเฉพาะบริเวณ...

“พีท...เอามือออกไป” เสียงขู่ต่ำดังขึ้นในตอนที่บั้นท้ายถูกมือใหญ่เลื่อนลงมาจับ

“ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะเก็บมือกลับไปอย่างว่าง่ายเมื่อถูกฮานะตีเข้าที่หน้าท้องจนต้องร้องอู้ออกมา

“ยังรู้สึกตึงแขนอยู่ไหม” มือเล็กวางลงบนท่อนแขนขวาที่เคยใส่เฝือกเอาไว้ร่วมเดือน หลังจากนั้นพีทต้องเข้ารับการกายภาพอย่างต่อเนื่องอีกหนึ่งเดือน โชคดีที่ตารางนั้นอยู่ท้ายปีไม่อย่างนั้นคงต้องวิ่งวุ่นกันเพื่อหานายแบบคนใหม่มาแทน

“ไม่แล้วครับ” เด็กหนุ่มขยับแขนให้ดูเพื่อยืนยัน

“อืม...ไปได้แล้ว ผู้กำกับเรียกแล้ว” ฮานะพยักหน้าไปทางทีมงานเป็นเชิงบอกทางอ้อม แต่อีกฝ่ายกลับยืนเฉยและมองเขาอยู่อย่างนั้นจนต้องเงยหน้าขึ้นถาม “มีอะไร”

พีทไม่ตอบ ทำเพียงแค่ลดระดับหน้าลงมาใกล้

“ไม่เอา คนเยอะ” ฮานะส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เจือปนความผิดหวังก็หลุดหัวเราะออกมา “ไปทำงานได้แล้ว” ริมฝีปากนุ่มกดจูบลงบนแผ่นอกกว้าง กลิ่นน้ำหอมเจือจางทำให้ต้องหลับตาลงเพื่อรับสัมผัสได้อย่างเต็มที่

ไอแดดและลมทะเลถูกร่างสูงใหญ่ของคนรักบังเอาไว้จนเขาไม่จำเป็นที่จะต้องหลบเข้าร่มให้วุ่นวาย

คุณแฟนอเนกประสงค์จริงๆ เลยคนนี้...

“ใส่หมวกด้วยนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย” เสียงทุ้มที่ดังอยู่เหนือศีรษะพูดอย่างอ่อนโยนก่อนสัมผัสหนักจะกดลงมาที่กลุ่มผม พีทยอมคลายอ้อมกอดออกเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องไปเข้าฉาก

“อื้ม รู้แล้วน่า ไปได้แล้ว” ฮานะพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายพร้อมกับดันแผ่นหลังอีกฝ่ายให้เดินออกไป

นัยน์ตาสวยจดจ้องตรงไปยังคนรักด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวอีกฝ่ายจนไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้

ร่างสูงใหญ่ดูโดดเด่นท่ามกลางทีมงานนับสิบชีวิต เจ้าตัวสวมเชิ้ตขาวแขนยาวและกางเกงสแลคสีน้ำเงินเข้มเปิดโชว์ข้อเท้าและฝ่าเท้าเปล่าเปลือยที่เหยียบย่ำลงไปบนหาดทราย กระดุมเชิ้ตครึ่งบนถูกปลดออกจนสาบเสื้อแหวกกว้างลงไปถึงลอนหน้าท้องแข็งแรง ที่ลำคอมีเนคไทด์สีเข้มยังไม่ผูกปมพาดเอาไว้ทำให้เจ้าตัวดูเป็นชายหนุ่มอารมณ์ดีที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์และมีชีวิตชีวา

เจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมากระทบผิวน้ำทะเล

เด็กหนุ่มในวันวานเริ่มเติบโตและมีกลิ่นอายของชายหนุ่มแทรกเข้ามาจนทำให้คนที่มองอยู่นั้นใบหน้าเห่อร้อนอย่างง่ายดาย

เรือนผมที่ถูกตัดให้สั้นลงทำให้เผยใบหน้าคมเข้มหมดจด สันกรามได้รูปขึ้นชัดตามฉบับของหนุ่มตะวันตกรับกับริมฝีปากได้รูปและจมูกที่โด่งเป็นสันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“น้องพีทนี่นับวันยิ่งหล่อขึ้น” หนึ่งในลูกทีมที่ทำงานร่วมกันมานานอดที่จะเอ่ยปากชมไม่ได้ เพราะเธอเห็นพัฒนาการของเด็กหนุ่มมาตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนจะเผลอพลั้งหลุดปากออกไปตามที่รู้สึก “กระแสตอบรับดีกว่าอเล็กซ์ซะอีก อุ่ย...” เธอยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้เมื่อถูกเพื่อนอีกคนใช้ศอกกระทุ้งเตือนเข้าที่ช่วงเอวก่อนจะหันไปก้มหัวขอโทษเจ้านายเป็นการใหญ่ที่ทำตัวเสียมารยาท

แต่นอกจากฮานะจะไม่ได้ต่อว่าอะไรแล้วกลับทำเพียงแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างไม่ถือสาราวกับไม่ได้ติดใจอะไร

‘อเล็กซ์ แอนเดอร์สัน’ เป็นชื่อที่ย้ำเตือนถึงบทเรียนราคาแพงที่สุดในชีวิต...แม้จะต้องจบกันอย่างไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยๆ ทั้งตัวเขาและอเล็กซ์เองต่างก็ได้รับผลของการกระทำที่เกิดจากความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวมาโดยตลอดแล้ว

หลังจากวันนั้นฮานะก็ไม่ได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายอีก แม้แต่ชื่อก็ไม่ถูกกล่าวถึง เขาหายไปราวกับว่าไม่เคยมีตัวตนอยู่ในที่แห่งนี้มาก่อน งานทุกชิ้นโฆษณาทุกตัวที่อเล็กซ์เป็นพรีเซนเตอร์ถูกถอดถอนออกจนหมดเกลี้ยง ช่วงแรกๆ หุ้นของทางSMAนั้นตกลงไปจนน่าใจหายเพราะความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ถูกลดลงไป แต่คุณแกเรนกลับเมินเฉยและผลักดันให้พีทขึ้นมาอยู่ในแนวหน้าสามารถเรียกความมั่นใจจากลูกค้ากลับมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ

...และต่อจากนั้นเพียงไม่นานอเล็กซ์ก็ถูกจับกุมด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายและมีสารเสพติดไว้ในครอบครอง

ช่วงเวลานั้นสำนักข่าวทุกที่ให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะที่ผ่านมาอเล็กซ์นั้นนับว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและกำลังเป็นดาวรุ่งแต่กลับมีข่าวทางด้านลบทั้งที่ขึ้นมาเป็นนายแบบแถวหน้าได้เพียงไม่นาน ทางSMAถูกติดต่อมาเพื่อขอสัมภาษณ์เป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่แกเรน ฮาร์ดเนอร์ ตอบกลับทุกคำเชิญชวนนั้นไปก็คือ ‘คุณแอนเดอร์สันถูกปลดออกจากสัญญาว่าจ้างทุกอย่างแล้ว...รวมไปถึงทางต้นสังกัดด้วย หลังจากนี้ทางSMAไม่ขอรับรู้การกระทำของเขาทุกประการ’

ทั้งหมดนั่นก็หมายความว่า อเล็กซ์ไม่ใช่คนของSMAอีกต่อไปและหลังจากนี้ต่อให้เจ้าตัวทำเรื่องเสียหายอีกสักเท่าไหร่ก็ไม่ถือว่ามีส่วนที่ข้องเกี่ยวกันอีก

ที่ผ่านมาคุณแกเรนยอมทนนิ่งเฉยมาตลอดเพราะมีเขาที่คอยปกป้องงอเล็กซ์...แต่ในวันนี้คำตอบก็ชัดเจนแล้วว่าใครที่คิดกล้าลองดี...จะได้รับผลตอบกลับอย่างไร

ถ้าโอกาสที่เคยหยิบยื่นให้มาโดยตลอดมันไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แกเรนก็จำเป็นที่จะต้องยึดโอกาสนั้นคืนมาพร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าตัวเคยได้รับเป็นดอกเบี้ยตอบแทน

ในเมื่อมาตัวเปล่า...ก็ต้องกลับไปตัวเปล่า

แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็ได้ข่าวว่าอเล็กซ์ถูกประกันตัวออกไปได้ด้วยความช่วยเหลือจากทางฝ่ายพ่อที่มีเส้นสายในกรมตำรวจก่อนเจ้าตัวจะย้ายกลับไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษถาวร ทำให้ทุกคนไม่สามารถรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับอเล็กซ์อีก...แม้แต่กับเฮนรีย์เองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่นอนคนล่าสุดที่ถูกฝ่ายนั้นผูกพันธะเอาไว้ก็ยังปฏิเสธที่จะรับผิดชอบข้อกล่าวหาที่ว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับกับอเล็กซ์ทุกทาง มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังร้องไห้ฟูมฟายบอกว่าที่ผ่านมาถูกฝ่ายนั้นข่มเหงและใช้กำลังทำร้ายร่างกายบังคับทุกอย่าง

ฮานะยังจำสีหน้าตัวเองที่รับฟังเรื่องราวทุกอย่างในวันนั้นได้...ทั้งสะอิดสะเอียนและสมเพชในความเห็นแก่ตัวของคนที่ขึ้นชื่อมาเคยร่วมหลับนอนกันมา

...แต่ก็ถือว่าทั้งสองคน...เหมาะสมกันแล้วน่ะนะ...

“รู้สึกอิจฉาคุณฮานะขึ้นมาจริงๆ ก็คราวนี้” เสียงบ่นงึมงำจากลูกทีมทำให้ต้องหยุดคิดฟุ้งซ่านแล้วหันไปมองตามสายตาของพวกเธอ

ร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนดูรูปตัวเองในจอมอนิเตอร์ถูกผู้กำกับสั่งให้ถอดเสื้อเชิ้ตออกเหลือไว้เพียงแค่กางเกงสแลคตัวเดียว แผ่นอกตึงแน่นนั้นดูแข็งแรงรับกับช่วงเอวสอบได้รูป ผิวกายสีเข้มที่อยู่ท่ามกลางแดดร้อนจัดยิ่งเสริมให้เจ้าตัวมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ พีทถูกสั่งให้เดินลุยน้ำลงไปลึกจนถึงช่วงเอวเพื่อให้ได้ภาพอีกเซ็ทตามคำสั่งของผู้กำกับ

และเซ็ทสุดท้ายคือเจ้าตัวต้องเดินขึ้นมาจากทะเลเพื่อเก็บภาพเคลื่อนไหวไปทำวิดีโอโปรโมทในวันเปิดตัวน้ำหอม Blue Ocean เสียงร้องของทีมงานและผู้กำกับเอ่ยชมไม่ขาดปากเมื่อว่านัยน์ตาคมเข้มที่จับจ้องมองตรงมายังเลนส์กล้องนั้นสามารถสื่อสารอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

ฮานะมองภาพทั้งหมดด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย...มีเพียงเสียงของจังหวะชีพจรเท่านั้นที่ดังกระชั้นถี่เมื่อถูกสายตาคู่นั้นมองตรงมาหา





(มีต่อหน้าถัดไป)
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E T E E N : 20/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 20-12-2019 19:26:31


“ไม่ดื่มหน่อยเหรอฮานะ” เสียงของผู้กำกับทักท้วงขึ้นหลังจากที่งานเลี้ยงปิดกองนั้นเริ่มขึ้นมาได้สักพัก

เพราะทุกคนต่างลุยงานหนักมาตลอดสองสัปดาห์จึงถือโอกาสนี้พักผ่อนไปด้วยในตัวเสียเลย

“ไม่ล่ะครับ” ฮานะหันมาปฏิเสธอย่างสุภาพเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นชักชวนให้ดื่มเบียร์กับทีมงาน

“เอาหน่อยน่า อุตส่าห์ได้มานั่งจิบเบียร์ริมทะเลทั้งที พรุ่งนี้ไฟล์ทกลับช่วงบ่ายด้วย ทำตัวตามสบายเถอะ” สุดท้ายก็ทนแรงตื๊อไม่ไหวต้องรับกระป๋องเบียร์มาถือเอาไว้ แต่แทนที่ผู้กำกับจะล่าถอยกลับเผื่อแผ่ไปให้คนที่นั่งอยู่ข้างกายเขาด้วยนี่สิ

“พีท อย่าให้เสียชื่อ ไอ้เสือ” ชายหนุ่มยิ้มพราวอย่างอารมณ์ดีเมื่อเด็กหนุ่มรับกระป๋องเบียร์ไปอย่างว่าง่าย

ถึงแม้จะได้ร่วมงานกันเพียงไม่นานแต่เด็กหนุ่มนั้นกลับกลมกลืนเข้ากับพวกทีมงานได้เป็นอย่างดีจนถูกเอ่ยปากแซวอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นลูกรักผู้กำกับไปแล้ว

“แน่ใจนะว่าดื่มได้” ฮานะเลิกคิ้วถามก่อนจะยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ

“ได้ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับอย่างไม่สะทกสะท้าน...อันที่จริงถ้าเป็นเบียร์ก็พอดื่มได้บ้างแต่ก็อยู่ในปริมาณที่พอดีเพราะเขารู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ตรงไหน

ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะหันไปพูดคุยกับทีมงานต่อ แม้ว่าต่างฝ่ายจะสนใจกับบทสนทนาบนโต๊ะ แต่ช่วงตัวที่เบียดแนบชิดจนแทบจะก่ายเกยกันนั้นทำให้ถูกสายตาของเพื่อนร่วมงานมองแซวอยู่บ่อยครั้ง

“จะไปไหนครับ” พีทก้มลงถามคนที่ทำท่าจะลุกออกไปด้านนอกเมื่อฮานะแกะมือที่โอบประคองตรงช่วงเอวออก

“ไปเอาบาร์บีคิว” เจ้าตัวอมยิ้มก่อนจะพยักหน้าไปทางเตาย่างที่มีพนักงานของทางโรงแรมยืนบริการอยู่

“ผมไปเอาให้”

“ไม่เป็นไร” ฮานะยิ้มเมื่อเห็นว่าเขาคิ้วขมวด “ไปแป๊บเดียวเอง ไม่ไกลสักหน่อย”

“รีบมานะครับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำออดอ้อนมาพร้อมกับการดึงหลังมือของคนรักมาจรดจูบจดถูกผู้กำกับและทีมงานร้องแซวเสียงดัง

ฮานะเดินแยกตัวออกมาทางบริเวณจัดเตรียมอาหารที่อยู่ห่างออกมาไม่มาก ในระหว่างที่กำลังยืนรอบาร์บีคิวอยู่นั้นสายตากลับจดจ้องไปยังแขกของทางโรงแรมที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะเยื้องกัน หนุ่มน้อยหน้าหวานที่ดูท่าแล้วคงกำลังเมาได้ที่ถูกกลุ่มเพื่อนยุยงให้เข้ามาทัก’ คนของเขา’ ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงทับที่ของเขาอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อสายตาของทีมงานคนอื่นๆ ฮานะยกแขนขึ้นมากอดอกอย่างใจเย็นก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นที่ข้างมุมปากเมื่อเห็นว่าพีทขยับตัวออกห่างอย่างมีมารยาท

นัยน์ตาสวยไล่มองเพื่อเก็บรายละเอียดอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะหยุดอยู่ที่ปลอกคอหนังสีดำของอีกฝ่าย

...ก่อนจะเที่ยวหว่านเสน่ห์เรี่ยราดแบบนั้น...ช่วยเช็กด้วยว่าคนเขามีเจ้าของแล้วหรือยัง…

ผมที่ยาวประบ่าถูกเสยขึ้นเปิดใบหน้าสวยหมดจด ก่อนจะถูกรวบเอาไว้หลวมๆ จนเห็นร่องรอยตีตราที่บริเวณต้นคอขาวผ่อง ฮานะเดินถือจานบาร์บีคิวกลับไปยังโต๊ะตัวเดิม หนึ่งในทีมงานที่นั่งอยู่ติดกับพีทตั้งท่าจะเสียสละที่นั่งให้เพราะเห็นว่าแขกแปลกหน้ายังคงนั่งติดเก้าอี้ไม่ไปไหน แต่กลับถูกเขายกมือห้ามปรามเอาไว้ก่อน

“ไม่เป็นไรครับ” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้น “ผมนั่งกับพีทได้”

ทันทีที่พูดจบเจ้าตัวก็แทรกเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคนรักก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนตักโดยไม่ได้สนใจสายตาของทีมงานหรือแม้กระทั่งแขกแปลกหน้าที่จดจ้องมาทางนี้อย่างตื่นตะลึง ฮานะเอื้อมมือไปหยิบบาร์บีคิวมาหนึ่งไม้ก่อนจะกัดไปคำหนึ่งแล้วยื่นส่งไปให้อีกฝ่ายได้ลองกินบ้าง

ช่วงเอวที่ถูกโอบกอดโดยไม่ต้องร้องขอเรียกสายตาของคนที่นั่งอยู่ข้างกันให้หันมามองเป็นอย่างดี

“อร่อยไหม” เมื่อเห็นว่าพีทพยักหน้ารับรอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะยกปลายนิ้วที่เปื้อนซอสบาร์บีคิวเพียงเล็กน้อยไปจ่อไว้ที่ริมฝีปาก นัยน์ตาสวยช้อนขึ้นมองอย่างต้องการสื่อความหมาย เพียงเท่านั้นริมฝีปากร้อนจัดก็ประทับลงมาบนปลายนิ้วตามที่ต้องการ

เด็กหนุ่มยืดตัวกลับไปนั่งพิงพนักเอาไว้พร้อมกับยักเบียร์ขึ้นจิบเพื่อระงับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังปะทุขึ้นมา เขากระชับวงแขนแน่นจนฮานะเอนตัวมาซบอย่างว่าง่าย นัยน์ตาคมเข้มกดต่ำเมื่อเห็นรอยเจือจางที่บริเวณต้นคอขาว กลิ่นหอมเฉพาะกายของคนรักทำให้ต้องกดจมูกลงไปซ้ำๆ เพียงเท่านั้นเสียงของเก้าอี้ตัวข้างกายก็เลื่อนออกก่อนแขกที่ไม่ได้รับเชิญจะลุกเดินกลับไปที่โต๊ะเมื่อถูกตอกย้ำด้วยภาพบาดตาบาดใจ

“พอเลย” ฮานะแอบลอบยิ้มกับชัยชนะที่ได้มา ก่อนจะดันใบหน้าของเจ้าเด็กตัวโตให้ออกห่างเมื่อแผนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี “พีท” แต่ดูท่าแล้วยังคนมีที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะนอกจะเจ้าตัวจะไม่ยอมปล่อยแล้วยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นและกดจูบลงไปลำคอของเขาจนรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งกาย

“ฮานะ” เสียงทุ้มที่พึมพำกระซิบอยู่ข้างใบหูทำให้สะท้านไหวจนต้องเบือนหน้าหนี “...กลับห้องเรากันเถอะครับ”

นี่มันไม่ได้อยู่ในแผนสักหน่อย!

“หนุ่มๆ นี่ไฟแรงดีแฮะ” เสียงแซวของผู้กำกับจากทางหัวโต๊ะทำให้ต้องแกะมือปลาหมึกที่พันอยู่ออก แต่ดูท่าแล้วจะไม่ได้ผลเพราะฝ่ายนั้นเริ่มจะซุกไซ้หนักขึ้นเสียยิ่งกว่าเดิม

กลิ่นแอลกอฮอลล์เจือจางที่ปนอยู่กับลมหายใจอุ่นร้อนทำให้สติพร่าเลือนได้โดยง่าย

“พีท ถ้าไม่หยุด-” ถ้อยคำข่มขู่กลับถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอย ฮานะร้องออกมาอย่างตกใจก่อนจะรีบโอบเข้าที่ช่วงลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้เพราะกลัวตก

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มหันกลับไปบอกลาทางทีมงานอย่างสุภาพ ก่อนช่วงขายาวจะออกก้าวเดินอย่างมั่นคงเพื่อกลับไปยักห้องพักของตนเอง ตลอดทางฮานะเอาแต่ซุกใบหน้าเข้ากับอกของเขามีเพียงใบหูที่ขึ้นสีแดงจัดและเสียงบ่นงึมงำจนต้องก้มหน้าลงไปจูบอย่างนึกมันเขี้ยวในตอนที่ลับสายตาผู้คน













เสียงของคลื่นดังประสานกับลมทะเลในยามใกล้รุ่งสาง บานกระจกใสมีไอน้ำเกาะพราวมัวพร่ามัวเมื่ออุณหภูมิภายในห้องพักนั้นเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศ ร่างขาวนวลขยับซุกเข้ากับผ้าห่มผืนหนาเมื่อรู้สึกเย็นจัดบริเวณปลายเท้าจนต้องห่อตัวเข้าหากัน ผิวเนื้อเปลือยเปล่าถูกไออุ่นจากร่างสูงใหญ่กอดกระชับเอาไว้ กลิ่นหอมเจือจางของกันและกันกระจายฟุ้งอยู่ในอากาศจนต้องเผลอลอบยิ้มออกมา

“เช้าแล้ว” ฮานะพลิกตัวลงนอนคว่ำ ปลายนิ้วยกขึ้นไล้ไปตามช่วงแขนแข็งแรงที่มีมัดกล้ามตึงแน่นก่อนจะยืดตัวขึ้นจูบลงบนสันกรามได้รูป “เด็กขี้เซา ตื่นเร็ว”

“อืม” เสียงทุ้มครางรับในลำคอแต่ตากลับปิดสนิทมิหนำซ้ำยังดึงเขาเข้าไปซุกที่อกแน่น

“ไหนบอกจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น” ฮานะทวงสัญญา เมื่อเห็นความสว่างเจือจางได้ส่องลอดผ้าม่านโปร่งแสงเข้ามาในห้องที่มืดสนิท “พีท~” เขาออดอ้อนเพราะเจ้าเด็กตัวโตยังคงหลับสนิท...แบบปลอมๆ

รู้ทันหรอกน่า

“...”

“คนดี ตื่นเร็ว” น้ำเสียงแผ่วเบากระซิบอยู่ใกล้ก่อนจะกดจูบลงไปบนแผ่นอกหนาย้ำๆ

“…” รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นข้างมุมปากยิ่งทำให้เห็นว่ามีคนเริ่มพ่ายแพ้ ก่อนที่หมัดฮุกหมัดสุดท้ายจะถูกนำมาใช้

“ที่รัก...”

รู้ตัวอีกทีก็ถูกกดลงไปนอนแผ่อยู่บนเตียงนุ่ม ฮานะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นสีหน้าของคนรักที่คร่อมอยู่เหนือร่าง เส้นผมสีอ่อนแผ่กระจายอยู่บนหมอนสีขาวช่วยขับให้ใบหน้าสวยดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ฮานะกัดริมฝีปากล่างอย่างเผลอตัวในตอนที่ช้อนตาขึ้นมองอย่างออดอ้อนก่อนจะต้องร้องเสียงหลงเมื่อถูกจู่โจมเข้าที่ซอกคอจนรู้สึกจั๊กจี้

“อื้อ ไม่เอา” ฝ่ามือยกขึ้นดันแผ่นอกกำยำเอาไว้ แต่กลับไร้ผลเมื่อถูกรวบข้อมือขึ้นเหนือศีรษะ

เสียงเครือครางแผ่วเบาดังขึ้นในลำคอเมื่อช่วงล่างถูกสอดประสานแนบแน่นอีกครั้ง เรียวขาขาวยกขึ้นพาดไว้บนบ่าแข็งแรง ฮานะกัดริมฝีปากล่างจนขาวซีดเมื่อรู้สึกคับแน่นในช่องท้อง ผ้าปูที่นอนถูกกำเอาไว้จนยับย่นในตอนที่ตัวขยับเสียดสีจนได้ยินเสียงของสปริงเตียงที่ดังลั่น

“อ...พีท” ฮานะเอ่ยท้วง นัยน์ตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำแห่งอารมณ์เมื่อแผ่นอกถูกอีกฝ่ายตระโบมจูบจนรู้สึกเปียกชื้น “อยากไปดู อื้อ พระอาทิตย์ขึ้น” จนถึงตอนนี้ความพยายามก็ยังคงมีมากล้น ฮานะดึงแขนออกจากการเกาะกุมก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้ม

ร่างสูงใหญ่ขยับเคลื่อนกายอย่างเชื่องช้าก่อนจะช้อนตัวคนรักขึ้นอุ้มทั้งที่ส่วนล่างยังคงสอดประสานกันแนบแน่น

เด็กหนุ่มเดินตรงไปทางบานประจกใสอย่างมั่นคง ก่อนม่านผืนบางจะถูกดันออกจนมองเห็นทัศนียภาพภายนอกที่ยังคงปกคลุมด้วยความครึ้มสลัว ในระยะปลายสายตาพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวขึ้นมาจนท้องฟ้านั้นเปลี่ยนสี ผิดกับบรรยากาศภายในห้องที่ยังคงมืดสนิท

โซฟาเดี่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้ถูกใช้เป็นที่รองรับน้ำหนักตัวของทั้งสองคน ฮานะถูกจับให้หันตัวออกไปหาบานกระจก ช่วงเอวคอดโดนโอบกระชับเอาไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ก่อนจะถูกช้อนเข้าที่ใต้คางเพื่อให้แหงนเงยขึ้นรับจูบดูดดื่มแนบแน่น

แผ่นหลังสัมผัสแนบชิดกับแผ่นอกกว้างจนรับรู้ได้ถึงจังหวะชีพจรที่เต้นเป็นท่วงทำนองเดียวกัน เรียวแขนข้างหนึ่งโอบกลับไปทางด้านหลังก่อนจะกดศีรษะของอีกฝ่ายให้ลงมาเมื่อเริ่มรู้สึกเมื่อยคอ สะโพกเล็กขยับเคลื่อนเป็นจังหวะเชื่องช้าเนิบนาบจนได้ยินเสียงทุ้มต่ำครางอยู่ในลำคอ

เด็กหนุ่มผละใบหน้าออกห่างก่อนจะซุกลงที่เรียวคอขาว เส้นผมอ่อนนุ่มถูกปัดออกไปไว้บนลาดไหล่อีกข้างเพื่อที่เจ้าตัวจะได้ขบเม้มลงไปบนผิวเนื้อขาวจัด

“อื้อ” ฮานะหนีบขาเข้าหากันเมื่อเริ่มรู้สึกกระดากอาย แม้ห้องพักของพวกเขานั้นอยู่บนชั้นที่ค่อนข้างสูงจึงทำให้ปลอดภัยจากผู้คนภายนอก...และในเวลานี้จะไม่มีใครเห็นก็เถอะ

แค่แสงแดดที่พาดผ่านเข้ามาก็ทำให้รู้สึกอายได้แล้ว....

เรียวขาขาวถูกมือใหญ่จับแยกออกจากกันอีกครั้ง ฮานะตัวสั่นสะท้านเมื่อปลายนิ้วสากลากไล้วนเวียนอยู่ที่โคนขาจนขนอ่อนทั่วกายลุกชูชันด้วยความเสียวซ่าน

ริมฝีปากเชิดขึ้นเพื่อกอบโกยเอาอากาศเข้าปอดในตอนที่ฟันคมขบกัดเข้าที่หลังคอ นัยน์ตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำส่องสะท้อนกับประกายแดดตอนเช้าที่เริ่มทอแสงเข้มขึ้น

“สวยจัง” เสียงพึมพำเอ่ยชมในตอนที่เห็นแสงสีส้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นแทนความมืดมิด ท้องฟ้าสีขาวปลอดโปร่งไล่ระดับได้อย่างสวยงาม ฮานะจับจ้องไปยังธรรมชาติที่สะกดสายตาให้หยุดนิ่ง ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นไปวางทาบลงไปบนกระจกใส

“พีท ดูสิ” เจ้าตัวชักชวนคนที่วางคางลงบนไหล่ เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะซุกหน้าเข้ากับซอกคอหอมกรุ่นอีกครั้ง “ฮื่อ ดูพระอาทิตย์ก่อน” ฮานะยื้อกายหลบแต่ก็ไร้ผลเมื่อมือข้างที่วางอยู่บนแผ่นกระจกถูกดึงกลับมากอบกุมเอาไว้

“คุณสวยกว่า...” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบอยู่ข้างใบหูทำให้รู้สึกร้อนจัดที่ใบหน้าจนต้องเอียงซบเข้ากับแผ่นอกกว้างเพื่อหาที่พักพิง ช่วงเอวถูกประคองมั่นในตอนที่สะโพกสอบสวนเข้ามาจนต้องหลุดเสียงร้อง

“อ...” ฮานะบีบท่อนแขนแข็งแรงเอาไว้แน่นเมื่อรู้สึกมากเกินกว่าที่จะรับไหว

“...ที่รัก” เด็กหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่นในตอนที่ร่างของคนรักสะท้านไหวเมื่อการเดินทางมาถึงที่สิ้นสุด

ริมฝีปากของทั้งคู่เคลื่อนเข้าหากันทันทีก่อนจะประกบแนบแน่นจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจที่ดังถี่กระชั้น ผิวเนื้อเปลือยเปล่าที่แนบชิดผสมผสานจนแทบหลอมรวมเป็นคนคนเดียวกัน ถ้อยคำหวานซึ้งถูกบอกเล่าซ้ำไปมาในตอนที่ดวงอาทิตย์ทอแสงเจิดจ้าเพื่อต้อนรับเช้าวันใหม่













“ปูลม” ฮานะชี้ไปที่สัตว์ตัวจิ๋วที่กำลังวิ่งตุปัดตุเป๋อยู่บนหาดทราย

แสงแดดที่เจิดจ้าในช่วงสายทำให้ถูกบังคับสวมหมวกเอาไว้เพื่อป้องกันตัว กลิ่นของไอทะเลพัดพาความสดชื่นขึ้นมาปะทะใบหน้าจนต้องหลับตาลงเพื่อที่จะได้รับสัมผัสนั้นอย่างเต็มที่

หลังจากที่ทานอาหารมื้อเช้าเสร็จเขาก็ชวนพีทออกมาเดินเล่นที่ริมทะเลเพราะเห็นว่ายังมีเวลาเหลือก่อนที่จะเดินทางไปที่สนามบิน ฮานะมองภาพผืนน้ำสีครามอยู่เนิ่นนานเพื่อเก็บบรรยากาศในวันนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด รู้ตัวอีกทีช่วงตัวก็ถูกโอบมาจาทางด้านหลังทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของอ้อมกอด

“ดูอะไรอยู่ครับ” พีทถามพร้อมกับวางคางลงไปบนลาดไหล่เล็ก

“เปล่า” ฮานะส่ายหน้าก่อนจะหันกลับไปมองยังผืนน้ำสีคราม “แค่คิดว่า...เรายังหาเวลามาเที่ยวทะเลด้วยกันไม่ได้สักที” ครั้งแรกที่มาทำงานก็ดันเกิดเรื่อง ครั้งนี้ก็เป็นไฟล์ทบังคับทำให้ไม่สามารถอยู่ยาวได้อีกต่างหาก

“เอาไว้วันหยุดรอบหน้าเราไปเที่ยวกัน ดีไหมครับ” เด็กหนุ่มยิ้มก่อนจะเลื่อนมือลงไปกุมกับอีกฝ่ายไว้แล้วออกเดินไปตามทางเลียบชายหาดอย่างไม่รีบร้อน

“ฮื่อ ไม่มีวันหยุดแล้ว คิวงานเธอแน่นจะตาย” ฮานะหน้าบึ้งเมื่อนึกถึงตารางงานของคนข้างกาย...หลังจากที่งานถ่ายแบบของทางสปอร์ตแบรนด์เซ็ทนั้นถูกปล่อยออกไปพีทก็โดนอีกหลายแบรนด์ติดต่อเข้ามาจนเขาและคุณเกรซต้องช่วยจัดตารางกันให้วุ่น

“แล้วช่วงปีใหม่ล่ะครับ” พีทยกมือขึ้นทัดปอยผมที่ระอยู่บนแก้มขาวออกให้

“พ่อกับแม่บังคับให้กลับญี่ปุ่นเนี่ยสิ” เจ้าตัวหน้ายุ่ง “บอกให้ไปฉลองคริสต์มาสด้วยกันที่นู่น”

“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้...” เด็กหนุ่มพยายามหาทางออกเพราะเห็นใจที่ฮานะคิ้วขมวดแน่นจนเป็นปม แต่นอกจากฝ่ายนั้นจะไม่สนใจแล้วยังเงยหน้าขึ้นมามองกันอย่างตั้งอกตั้งใจ

“เธอจะไปด้วยกันใช่ไหม” ฮานะถามแกมบังคับเพราะถูกทางครอบครัวตื๊อมาไม่หยุดว่าให้พาพีทไปเปิดตัวได้แล้ว...และอีกอย่างเขาคงไม่สามารถอยู่ห่างจากคนรักได้นานถึงสองสัปดาห์แน่ๆ

...แค่คิดว่าต้องอยู่ไกลกันก็ซึมไปทั้งวันแล้ว..

“ผมยังไงก็ได้...ตามใจฮานะเลยครับ” เด็กหนุ่มสอดประสานปลายนิ้วแนบแน่น

“จริงสิ เธอบอกว่าจะกลับบ้านนี่ ฉันลืมไปเลย” ฮานะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ ก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะฉายแววเศร้าออกมาจนถูกจับโยกศีรษะไปมา “...หรือจะไม่ไปญี่ปุ่นดี” เจ้าตัวงึมงำอย่างใช้ความคิดอยู่เพียงคนเดียว “ถ้าอย่างนั้นเราไปบ้านเธอก่อนก็แล้วกันสักอาทิตย์นึง วันหยุดมีตั้งสองอาทิตย์ ไปอยู่ญี่ปุ่นทุกวันคงเบื่อน่าดูเลยเนอะ” แล้วข้อสรุปก็ถูกจัดเรียงเรียบร้อยเสร็จสรรพโดยที่เขาไม่ต้องลงแรงออกความเห็น

...จะยังไงก็ได้...ขอแค่ให้ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว..

เด็กหนุ่มโอบเอวเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากสีอ่อนอย่างนึกมันเขี้ยวเมื่อเจ้าตัวพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดทำให้ฮานะต้องดิ้นหนีเป็นการใหญ่เพราะในบริเวณชายหาดไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาทั้งสองคน

“ฉวยโอกาสเหรอเจ้าเด้น!” กำปั้นเล็กๆ ทุบเข้าที่บ่ากว้างอย่างไม่ออมแรง แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายสะเทือนผิวเลยแม้แต่น้อย กลับกันเรียวคิ้วเข้มกลับขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินสรรพนามแปลกใหม่ แต่พอตามทันก็ต้องก้มลงมองคาดโทษเอาไว้

ฮานะเคยบอกว่าเขาเหมือนสุนัขโกลเดนท์ตัวใหญ่ พอถามหาเหตุผลคำตอบที่ได้กลับมาก็ทำให้ต้องยอมจำนนจนไม่อยากจะคิดโต้แย้ง

‘ก็เจ้าพวกโกลเดนท์มักจะทำให้คนที่อยู่ใกล้มีความสุขและรอยยิ้มอยู่เสมอไง...ช่วยบำบัดความเศร้าได้ด้วยนะ’

พูดมาซะขนาดนี้แล้วใครล่ะจะกล้าขัดใจ...

“ทำหน้าเหมือนอยากได้รางวัล” น้ำเสียงล้อเลียนมาพร้อมกับมือที่ยกขึ้นเกาคาง

เด็กหนุ่มพรูลมหายใจออกมาพร้อมกับรอยยิ้มพอตั้งท่าจะรวบตัวอีกคนเข้ามาฟัดให้หายมันเขี้ยวฝ่ายนั้นกลับยื้อตัวหลบทันแล้วถอยห่างออกไป ฮานะหัวเราะร่าแต่ไม่ทันไรก็ต้องออกวิ่งเพราะถูกเขาพุ่งตัวเข้าหาอย่างรวดเร็ว

ฮานะตัวเล็กวิ่งเร็วก็จริง...แต่ก็ยังแพ้อดีตนักบาสอยู่ดี...

แค่ช่วงขาก็เสียเปรียบแล้ว

“ฮะๆๆ ย...ยอมแล้วๆๆๆๆ” เจ้าตัวหอบหายใจหนักเมื่อถูกรวบกอดไว้จนตัวลอยก่อนจะร้องเสียงหลงในตอนที่เขาเดินลุยน้ำทะเลลงไปจนถึงครึ่งแข้ง “พีท~รู้นะว่าคิดอะไร” นัยน์ตาคู่สวยหรี่มองอย่างจับผิด

“คิดอะไรครับ” เด็กหนุ่มยิ้มพร้อมกับก้มลงมองคนในอ้อมกอด

“ถ้าโยนฉันลงน้ำ” ฮานะขู่ “โดนแน่”

“ผมเปล่า” เขาส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะยอมปล่อยวงแขนออกให้คนรักไปลงมายืนบนพื้นทราย “ตรงนี้...ไม่มีคนอื่น”

“แล้วทำไ-” คำถามกลับกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อถูกอีกฝ่ายโอบเอวเข้าไปใกล้วแล้วโน้มตัวลงมาหา ระยะห่างที่ลดลงจนปลายจมูกแนบชิดกันทำให้จังหวะชีพจรเต้นถี่รัวเร็ว

นัยน์ตาคมเข้มมองต่ำมาที่ริมฝีปากที่ถูกเม้มเอาไว้ก่อนปลายนิ้วจะยกขึ้นมาเกลี่ยผ่านแผ่วเบา เสียงคลื่นและลมทะเลดังคลอเป็นจังหวะในตอนที่ดวงตาทั้งสองคู่สบประสานกัน

เพียงเสี้ยววินาทีสัมผัสนุ่มนวลก็แนบประทับลงมาก่อนจะขบเม้มอย่างอ้อยอิ่ง ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบช่วงบ่ากว้างเอาไว้เมื่อรู้สึกราวกับถูกหลอมละลายอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง กลิ่นอายของทะเลทำให้ความรู้สึกบางอย่างถูกกระตุ้นเร้าขึ้นมา

รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มจนเท้าลอยเหนือพื้นดินเพราะอีกฝ่ายคงรู้สึกเมื่อยที่จะต้องก้มตัวลงมาหาเขา ฮานะถูกยกขึ้นให้อยู่ในระดับสูงกว่าเล็กน้อย นัยน์ตาคู่สวยที่ส่องสะท้อนภาพของคู่ชีวิตนั้นดูสวยงามมากกว่าที่เคย ฝ่ามือทั้งสองข้างยกขึ้นโอบประคองใบหน้าคมเข้มเอาไว้ก่อนจะก้มลงประทับจูบแนบแน่นบนริมฝีปากของอีกฝ่ายเนิ่นนาน

“...พีท” เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม นัยน์ตาคู่นั้นเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข “ขอบคุณนะ”

“…” เด็กหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกเมื่อผิวแก้มสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ร่วงหล่นมาจากด้านบน

“ขอบคุณที่ไม่ยอมถอดใจไปซะก่อน…ถ้าไม่มีเธอที่คอยอยู่ข้างๆ กันมาตลอด ฉันก็อาจจะกลับไปเป็นคนโง่คนเดิม ที่ยอมอดทนเพื่อไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยวอีกแน่ๆ”

“...ผมน่าจะเจอคุณให้เร็วกว่านี้” ถ้าพวกเขาได้เจอกันเร็วกว่านี้ ฮานะก็คงไม่ต้องทนทรมานและเจ็บปวดจนเกือบแหลกสลาย “ขอโทษนะครับ ที่ปล่อยให้ฮานะต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ เพียงคนเดียว”

“เด็กโง่...เธอไม่ผิดซะหน่อย” ฮานะหัวเราะออกมาทั้งที่ก้อนสะอื้นตีรวนขึ้นมาจนต้องกลั้นมันเอาไว้อย่างสุดความสามารถ “ถ้ามาช้ากว่านี้สิจะโกรธให้”

“ฮานะ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยน ก่อนปลายนิ้วจะเกลี่ยซับที่หางตาให้แผ่วเบา “...ขอบคุณนะครับที่ยอมเปิดใจให้ผม” ถ้าลองนึกย้อนดูแล้วถึงแม้จะเป็นคู่แห่งโชคชะตากันก็จริง แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปิดกั้นตัวเอง พันธะที่ก่อเกิดขึ้นมาก็คงเป็นเพียงโซ่ล่ามที่หนักอึ้ง ไร้ซึ่งความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ต่อกัน

“อืม ฉันก็ด้วย” ฮานะกระชับอ้อมกอดแน่น รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้น “...ขอบคุณนะพีท”

“…”

“...แค่มีเธออยู่ข้างกัน มันก็ดีมากแล้วจริงๆ”

ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้พวกเราทั้งสองคนได้มาเจอกัน...

ขอบคุณที่เข้ามาเป็นแสงอาทิตย์ที่สว่างไสวในวันที่ท้องฟ้ามืดมัว

ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความหวังให้กับคนที่กำลังหมดศรัทธาในการมีชีวิตอยู่ ให้กลับมามีลมหายใจได้อีกครั้ง

ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าความรักนั้นมันไม่ได้เลวร้าย ถ้าเข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับรักครั้งใหม่

...และขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าคู่แห่งโชคชะตานั้น...มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกต่อไป...

...ไม่ใช่แม้แต่วินาทีเดียว...

..ตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าหัวใจที่บอบช้ำของตัวเองนั้น...กลับมาเต้นแรงได้อีกครั้งเพราะใคร...







__________________________







อย่าให้ฮานะต้องร้าย! 555555555555555




ในที่สุดอเล็กซ์ก็ได้รับผลจากสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไปแล้วนะคะ สำหรับเราถือว่าสาสมแล้วเพราะเขาไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่คนข้างกายก็ไม่มี แน่นอนว่าบางคนอาจจะขัดใจที่ทำไมอเล็กซ์ไม่ได้ติดคุก(แต่โดนศาลเตี้ยคุณแกเรนก็น่วมอยู่ ซ่าไม่ออกแล้ว) ซึ่งตรงนี้เราอิงความจริงจากสภาพสังคม แน่นอนว่าถ้ามีเงินและอำนาจมากพอ ก็รอดความผิดไป-- /โดนลากไปปรับทัศนคติ




อธิบายเพิ่มเติมก็คือพ่อแม่อเล็กซ์แยกทางกันก็จริง แต่ฝ่ายพ่อค่อนข้างมีเส้นสาย(ที่ผ่านมาอเล็กซ์ปฏิเสธที่จะติดต่อกับครอบครัว ประมาณว่าไม่ขอรับความช่วยเหลือเรื่องเงินทอง) อีกอย่างเพราะเป็นสายเลือดอัลฟ่าบริสุทธิ์ พอรู้ข่าวพ่อเลยต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเพื่อไม่ให้เสียชื่อ... และเรื่องราวหลังจากนั้น ทุกอย่างที่เขาเคยทำจะสนองคืนตัวเขาเองทั้งหมดค่ะ จบประเด็นไข่เล็ก







เหลือบทส่งท้ายอีกหนึ่งตอนนะคะ เจอกันวันที่25 ธ.ค. นี้ค่ะ

ฝากคอมเม้น และส่งฟีดแบ็ก #ดอกไม้ของพีท เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ เลิ้บ <3
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E T E E N : 20/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-12-2019 22:29:53
น่ารักมาก..กกกก รอบทส่งท้าย (ใจหายมากบอกเลย)  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E T E E N : 20/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 21-12-2019 07:28:34
มันดีมาก เป็นกำลังใจให้ค่าาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E T E E N : 20/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-12-2019 01:23:07
 :pig4: :pig4: :pig4: คนดีดี ต่องคู่กับคนดีสิ่ง
ดีใจกับฮานะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER N I N E T E E N : 20/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 22-12-2019 23:25:54
ฉันอิจฉาเธออะฮานะ
หัวข้อ: Re: (E N D) SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 25-12-2019 12:37:53


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/12/25/iL64gN.jpg)

E P I L O G U E
_________________________________




เสียงของเพลงบรรเลงดังคลอขึ้นเมื่อตอนที่ภาพจอมอนิเตอร์ฉายวีดีโอพรีเซนต์ของSCENT ProjectจากทางSMA แสงไฟในห้องบอลลูมถูกลดระดับลงจนมืดสลัวก่อนภาพบนหน้าจอขนาดใหญ่จะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของน้ำหอมแต่ละกลิ่น

แรกเริ่มด้วยBlack Diamond, Silver Bullet ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นสุดท้ายในโปรเจกต์นี้

ภาพของผืนน้ำสีครามจรดแผ่นฟ้ากว้างรวมกับประกายแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเคลือบฉาบไล้ลงบนหาดทรายสีขาว กลิ่นอายแห่งความมีชีวิตชีวาอบอวลชวนให้จิตใจได้สงบสุข

บทสนทนาและคำถามมากมายเกิดขึ้นเมื่อกล้องจับภาพไปยังร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินขึ้นมาจากผืนน้ำทะเล ช่วงบ่ากว้างมีหยดน้ำเกราะพราวจนเปียกชุ่ม เอวสอบได้รูปที่ขึ้นเชฟสวยงามรับกับช่วงขายาวที่โผล่พ้นขึ้นเหนือน้ำ ใบหน้าคมเข้มตามฉบับคนที่มีเชื้อสายทางตะวันตกนั้นมีเสน่ห์เกินที่จะต้านทานไหว

Blue Ocean : Peerat Chodmaetee

ชื่อของนายแบบหน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในวงการได้เพียงไม่ถึงปีแต่กลับตกเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนในวงการอยู่ไม่น้อย

ต้องเรียกได้ว่าทางSMAที่อยู่ภายใต้การดูแลของแกเรน ฮาร์ดเนอร์นั้นไม่เคยทำให้รู้สึกผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เพียงไม่นานเสียงเพลงบรรเลงและภาพบนหน้าจอมอนิเตอร์ก็ถูกดับลง ก่อนสปอตไลต์บนเวทีจะฉายลงไปบริเวณลานแคทวอร์คที่เป็นทางยาวไปตลอดแนวเก้าอี้ของผู้ชม

บรรยากาศภายในห้องบอลลูมนั้นเงียบสนิทเมื่อพิธีกรชายหญิงเริ่มพูดบรรยายเพื่อเปิดตัวนายแบบและโปรดักส์น้ำหอมไปทีละกลิ่น เสียงของบทสนทนาบนเวทีทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าบานกระจกนั้นต้องเผลอกำมือและคลายออกเพื่อระงับความตื่นเต้น

“หายใจเข้าลึกๆ” เสียงปลอบประโลมของคนที่ยืนอยู่เคียงข้างกันเอ่ยบอก ฮานะเอื้อมมือมาหาพร้อมกับประสานกันเอาไว้แนบแน่น “ทำใจให้สบาย”

“...ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ แต่ฝ่ามือนั้นกลับเย็นเฉียบ

ถึงแม้ที่ผ่านมาจะเคยเดินแบบอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นเพียงแค่งานขนาดเล็กผิดกับปัจจุบันที่มีสายตาและกล้องนับร้อยจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของเขาอยู่

“อย่าทำคิ้วขมวดแบบนั้นสิ คุณแม่กับคุณยายรอดูรูปอยู่นะ” ฮานะยิ้มขำเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตดูวิตกกังวลจนสมาธิเสีย

“ครับ...ผมจะพยายาม”

“ก้มลงมานี่” ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมองกันในจังหวะที่นายแบบคนแรกถูกเรียกตัวออกไปเมื่อถึงคิว

หลังจากหวังลี่ชิงแล้วคนต่อไปคือมิคาเอลตามด้วยพีท ก่อนจะปิดท้ายด้วยไฟนอลวอร์คของทั้งสามคน

“เร็ว” ฮานะเอ่ยเร่งทั้งที่ยังคงเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะต้องเบี่ยงหน้าหลบเมื่อฝ่ายนั้นตั้งใจที่จะแนบริมฝีปากลงมาจนทำให้ปลายจมูกกดลงบนผิวแก้มแทน “ไม่ใช่แบบนี้ซะหน่อย” เขาหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “ฉันจะเช็กปกคอเสื้อให้”

“...อยากกลับไปนอนกอดฮานะแล้ว” เสียงทุ้มออดอ้อนพร้อมกับวงแขนที่สวมกอดลงมาบนช่วงเอว

“เว่อร์จริง” ฮานะพรูลมหายใจออกมาอย่างนึกเอ็นดูพร้อมกับยกมือขึ้นกรีดปกเสื้อสูทให้เรียบเป็นระเบียบ “โฟกัสงานก่อน ห้ามสนใจเรื่องอื่น เข้าใจไหม” เขายกนิ้วขึ้นมาเคาะลงบนจมูกโด่งเป็นสันเป็นเชิงเตือน

“ถึงคิวคุณมิคาเอลแล้ว ไปสแตนบายรอได้แล้วเร็วเข้า” ฮานะบีบเข้าที่แก้มของอีกฝ่ายไปมาก่อนจะผละออกแล้วดันแผ่นหลังให้ออกเดิน

แต่เพียงเสี้ยววินาทีใบหน้าของอีกฝ่ายกลับเคลื่อนลงต่ำก่อนสัมผัสร้อนจัดจะแนบลงมาบนริมฝีปาก รู้ตัวอีกทีก็เหลือเพียงร่องรอยความอุ่นชื้นที่ทิ้งเอาไว้ “ขอกำลังใจหน่อยนะครับ” เสียงทุ้มกระซิบผ่วเบาก่อนปลายจมูกโด่งจะกดลงบนหน้าผากเนียน

“...ฉันจะรอดูเธอนะ” ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบบ่ากว้างพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจูบเข้าที่สันกราม “ทำให้เต็มที่ก็พอ...คนเก่ง”

รอยยิ้มบางเบาถูกส่งมอบมาให้ก่อนร่างสูงใหญ่จะผละห่างออกไปตามเสียงเรียกของสต๊าฟ













แสงไฟสปอตไลต์ทำให้บริเวณลานทางเดินนั้นโดดเด่นอยู่ท่ามกลางความมืด เสียงเรียกของทีมงานทำให้เด็กหนุ่มต้องก้าวเดินขึ้นไปบนพื้นยกระดับ และทันทีที่มิคาเอลเดินกลับเข้ามาก็ถึงคราวของเขาที่ต้องออกไปเผชิญกับประสบการณ์ครั้งใหม่

ก้าวแรกที่เหยียบย่างลงไปบนพื้นแคทวอร์คจังหวะชีพจรที่เคยเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้นกลับเงียบสงบลง นัยน์ตาคมเข้มมองตรงไปทางด้านหน้า แสงแฟลชและสปอตไลต์ที่สาดส่องเข้ามาไม่ได้ส่งผลให้จังหวะการก้าวเดินนั้นผิดแปลกไปแม้แต่น้อย

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เรือนร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเข้าชุดกันอย่างไม่เป็นทางการเพราะเจ้าตัวไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ตไว้ด้านในกลับสวมไว้เพียงแค่สูทตัวนอกและปลดกระดุมเม็ดล่างออก เผยให้เห็นแผ่นอกตึงแน่นที่รับกับแนวบ่ากว้าง ช่วงขายาวใต้กางเกงสแลคเปิดข้อเท้ากลมกลืนไปกับรองเท้าสลิปเปอร์หนังสีน้ำตาลเข้ม

เขา...ผู้ถูกแสงไฟส่องสว่างท่ามกลางสายตานับร้อยกลับมองตรงไปยังใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแถวเก้าอี้ของแขกในงาน

รอยยิ้มปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปที่หลังฉาก

เสียงเพลงบรรเลงถูกเปลี่ยนจังหวะก่อนที่นายแบบทั้งสามคนจะเดินเรียงกันออกมาตามทางเดิน เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องบอลลูมเมื่อแสงไฟสว่างไสวสาดส่องขึ้น ก่อนที่บทสัมภาษณ์จะถูกดำเนินรายงานไปตามสคริปต์ของงานทั้งหมดนั้นรวมถึงการกล่าวอำลาวงการของหวังลี่ชิงและมิคาเอลอย่างเป็นทางการ

“น่าประทับใจมาก” แกเรน ฮาร์ดเนอร์เดินเข้าไปหาคนที่ยืนมองขึ้นไปบนเวที...เขาลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มตามออกมา “สำหรับลี่ชิงและมิคาเอลแล้ว...นี่คงเป็นการวางมือจากวงการอย่างสวยงาม” นัยน์ตาของทั้งคู่ทอดขึ้นมองไปยังความทุ่มเททั้งหมดที่พวกเขาลงมือสร้างร่วมกันมากับทุกคนในทีม

“ครับ...พวกเขาดูดีมากๆ” ฮานะพยักหน้ารับ แม้จะนึกเสียดายที่หลังจากนี้ไปคงไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกับทั้งสองคนอีก

“แต่สำหรับพีทน่ะมันแค่เริ่มต้น” แกเรนวางมือลงบนลาดไหล่เล็กพร้อมกับบีบเพื่อให้กำลังใจ “หลังจากนี้ก็คงเหนื่อยไม่น้อยเลย...ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักมาโดยตลอดนะฮานะ”

“ยินดีครับ” ฝ่ายนั้นยิ้มตอบกลับมา

“ผมดีใจนะ ที่ได้เห็นว่าคุณมีความสุข...หลังจากนี้ไปห้ามร้องไห้ให้ผมเห็นแล้วนะ” เขาขู่อย่างไม่จริงจังนัก

“ขอบคุณนะครับ คุณแกเรน” ฮานะยิ้มกว้าง นัยน์ตาคู่สวยทอประกายซาบซึ้งจนคนมองต้องพยักหน้ารับ “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา...แล้วก็...ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอเขา” ริมฝีปากสีอ่อนเม้มเข้าหากันเมื่อพยายามประคับประคองเสียงไม่ให้สั่นก่อนจะรู้สึกร้อนที่ขอบตาจนต้องหลุดขำกลบเกลื่อน

“ไม่เอาน่า” แกเรนเสียงอ่อนลงก่อนจะดึงร่างที่เล็กกว่าเข้ามาสวมกอด “พีททำให้ฮานะของผมกลายเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ไปได้ยังไง เห็นทีต้องเรียกมาตักเตือนซะแล้ว ไม่ไหวๆ” เสียงกลั้วหัวเราะเอ่ยแซวอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายออกเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงคิวที่เขาจะต้องขึ้นไปกล่าวปิดงาน “ผมต้องไปแล้ว...ฮานะไปหาพีทเถอะ”

ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวทีเมื่อเห็นว่าเหล่านายแบบเริ่มทยอยเดินลงมา

“พีท” เขาเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าคนรักกำลังกวาดสายตามองหาบางสิ่ง และทันทีที่เจ้าตัวหันมามองช่วงขายาวก็รีบก้าวเข้ามาหาทันที

“ฮานะ” ช่วงตัวถูกรวบไปกอดเอาไว้จนตัวลอย เรียกสายตาจากทีมงานที่อยู่บริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี

“เธอเก่งมาก” ฮานะกอดตอบพร้อมกับยกตัวขึ้นไปหอมแก้มเป็นรางวัล “ถ้าคุณแม่กับคุณยายได้เห็น พวกท่านคงภูมิใจน่าดู”

“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับพร้อมกับกดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างรักใคร่

“ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ คุณแกเรนบอกว่าหลังจบงานจะมีเลี้ยงขอบคุณทีมงาน”

“กลับเลยไม่ได้เหรอครับ” เสียงทุ้มออดอ้อนในตอนที่วางคางลงเกยบนไหล่

“ไม่ได้สิ” ฮานะหัวเราะก่อนจะประคองใบหน้าอีกฝ่ายเอาไว้อย่างเอ็นดู “เราต้องไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาท...เข้าใจหรือเปล่า”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างจำยอมในท้ายที่สุด

“ดีมาก” ปลายคางถูกจูบย้ำอีกหนเมื่อฮานะพอใจในคำตอบ “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”













เสียงชนแก้วดังขึ้นหลังจากมื้ออาหารสำคัญผ่านไป แกเรน ฮาร์ดเนอร์เป็นคนกล่าวขอบคุณทีมงานสำหรับความตั้งใจและลงทุนทั้งแรงกายแรงใจจนScent Projectนั้นประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี บริเวณเลาจ์บนดาดฟ้าของทางโรงแรมถูกจัดแบ่งพื้นที่เอาไว้อย่างเป็นส่วนตัวเพื่อรองรับทางโมเดลลิ่งโดยเฉพาะ

เรียกได้ว่างานนี้คุณแกเรนลงทุนเลี้ยงตอบแทนส่งท้ายปีเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

“ไม่ทราบว่าจะให้เกียรติชนแก้วกับผมได้ไหมครับ” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยถามก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนจะปรากฏขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าอดีตเจ้าของหัวใจยกยิ้มตอบรับพร้อมกับแนบแก้วไวน์เข้าหากัน “ขอบคุณครับ”

“คุณเคย์ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” ฮานะยิ้มทักทายก่อนจะเปิดทางให้อีกฝ่ายได้มายืนข้างกัน

“ไม่มาได้เหรอครับ บอสชวนซะขนาดนี้” ชายหนุ่มยิ้มขำพร้อมกับหันไปพยักหน้าทักทายกับเด็กหนุ่มที่ยืนซ้อนแผ่นหลังคุณฮานะอยู่...แม้จะแอบอิจฉาอยู่ในใจลึกๆ แต่ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าทั้งคู่นั้นเหมาะสมกันมากเพียงไหน

...และเขาเองก็รู้สึกยินดีไปด้วยที่อีกฝ่ายจะมีคนดีๆ คอยอยู่เคียงข้างไปตลอด...นับจากนี้...

“วันหยุดนี้จะกลับเซี่ยงไฮ้หรือเปล่าครับ” ฮานะเอ่ยถามเพราะปกติแล้วอีกฝ่ายมักจะชอบบินกลับไปเยี่ยมครอบครัวในวันหยุดยาว แต่ครั้งนี้คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้าปฏิเสธ

“คงไม่ได้กลับอีกนานเลยครับ...อาทิตย์หน้าผมต้องย้ายไปอยู่ที่อังกฤษแล้ว”

“หา!?” ฮานะเบิกตากว้างพร้อมอุทานเสียงดังจนผู้คนบริเวณนั้นหันมามอง “หมายความว่ายังไงครับเนี่ย”

“พอดีผมได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทที่นู่น เลยอยากจะขอพักงานไปเก็บใบปริญญามาไว้ประดับห้องสักหน่อย” เบต้าหนุ่มเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี “ไม่ได้เจอหน้าคุณทุกวัน คงคิดถึงแย่”

เขาแอบแหย่หวังเพียงให้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังฮานะออกอาการหึงหวงอย่างนึกสนุก แต่นอกจากพีทจะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาแล้วยังหันหน้าออกไปมองวิวด้านนอกเพื่อให้พวกเขาได้คุยกันอย่างเต็มที่...แต่แขนนี่กอดรอบเอวแน่นเชียว...เอาเรื่องนี่หว่า...

“จะไปนานขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ฮานะยิ้มขำกับท่าทีของอีกฝ่าย ก่อนจะนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เคยโดนคุณเคย์ตามจีบ แม้จะเอ่ยปากปฏิเสธไปแต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาถึงทุกวันนี้

‘ผมไม่ชอบคนที่เด็กกว่าน่ะครับ’ ถ้อยคำในวันนั้นฉายชัดขึ้นมาก่อนสายตาจะหันไปมองใครอีกคนที่ยืนอยู่เคียงข้างกัน

...แต่คนนี้ก็ถือว่าเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกเรื่องล่ะนะ..

“ก็ถ้าเกิดติดใจสาวบริชทิชที่นู่นก็คงอยู่ยาวเลยล่ะครับ” เคย์ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะขอตัวกลับไปที่โต๊ะเมื่อรู้สึกว่าตัวเองรบกวนเวลาส่วนตัวของทั้งคู่มากจนเกินไป “ผมคงต้องขอตัวก่อน รบกวนพวกคุณนานเกินไปแล้ว”

“เดี๋ยวครับคุณเคย์” แต่ก่อนอีกฝ่ายจะหมุนตัวกลับไปฮานะก็เอื้อมมือไปดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะครับ...รวมไปถึงเรื่องของพีทด้วย ขอบคุณที่คุณช่วยดูแลเขาเป็นอย่างดี”

ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนรอยยิ้มกว้างจะปรากฏขึ้น “ยินดีครับ” ร่างสูงใหญ่ของเทรนเนอร์หนุ่มหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะ ก่อนเสียงพูดคุยจากบทสนทนาเรื่องงานและเรื่องจิปาถะจะปะปนไปกับเสียงเพลงบรรเลงที่เปิดคลอแผ่วเบา

“เวลาผ่านไปไวชะมัดเลย” ฮานะพูดพึมพำก่อนจะกวาดสายตามองทิวทัศน์บนยอดตึกสูงโดยมีใครอีกคนก้มหน้าลงมามองเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขากำลังตั้งใจรับฟังทุกอย่างที่ฮานะพูด “ที่ผ่านมาฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองก้มหน้าทำงานอย่างหนักและทำตัวเป็นพวกคลั่งรักโดยไม่สนใจสิ่งรอบกาย...รู้ตัวอีกทีอายุก็เข้าเลขสามไปแล้ว”

“…” สายลมเอื่อยเฉื่อยที่พัดผ่านช่วงตัวทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนต้องเอนกายแนบซบกับช่วงลำตัวสูงใหญ่ สัมผัสอบอุ่นที่โอบกอดและกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวช่วยเสริมให้บรรยากาศโดยรอบนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข

แม้จะมีเพียงแค่ไวน์ในแก้วที่พร่องจนเกือบหมดและเสียงภาพการจราจรที่วุ่นวายภายในเมืองหลวง

แต่ทุกอย่างกลับน่าจดจำเพียงเพราะมีใครอีกคนที่ยืนอยู่เคียงข้างกัน

“บางครั้งฉันก็แอบคิดนะ...ว่าถ้าตัวเองอายุน้อยลงกว่านี้สักห้าหรือหกปีก็คงจะดี” ฝ่ามือใหญ่ถูกเอื้อมมากอบกุมเอาไว้ก่อนปลายนิ้วจะไล้ผ่านตามข้อนิ้ว “จะได้ใช้เวลาช่วงวัยรุ่นร่วมกับเธออีกสักหน่อย ได้เติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กัน”

“ฮานะ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนพร้อมกับอ้อมแขนที่สวมกอดมาจากทางด้านหลัง “สำหรับผม...ต่อให้คุณจะอายุมากกว่านี้สักสิบปีหรือยี่สิบปี...”

“…” นัยน์ตาสวยจับจ้องไปยังหมู่ดาวที่ทอแสงแข่งกับไฟในเมืองหลวง ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นจนรู้สึกเมื่อยที่แก้มจนต้องยกมือขึ้นมาจับแต่กลับถูกคว้ากลับไปกอบกุมเอาไว้ดังเดิม

“...สุดท้ายแล้วคำตอบของผมก็ยังเป็นคุณอยู่ดี”

“แฟนใครเนี่ย หล่อแล้วยังคารมดี” ฮานะเงยหน้าขึ้นก่อนจะชนศีรษะเข้ากับปลายคางอีกฝ่ายเพื่อแก้เขิน

“ก็เป็นแบบนี้...แค่กับคุณคนเดียว”







(มีต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: (E N D) SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Punmile09 ที่ 25-12-2019 12:38:45




ทันทีที่เสียงบานประตูถูกปิดลงริมฝีปากของคนทั้งคู่ก็เคลื่อนเข้ากันราวกับมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้ ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบบ่ากว้างก่อนจะแหงนเงยใบหน้าเพื่อตอบรับสัมผัสลึกซึ้งที่อีกฝ่ายตั้งใจมอบให้ ความรู้สึกอุ่นชื้นผสมกับรสชาติของไวน์ที่ติดอยู่ปลายลิ้นยิ่งทำให้รสจูบนั้นวิเศษมากยิ่งขึ้น

เรียวปากสีอ่อนถูกขบเม้มดูดดึงจนเกิดเสียงขึ้นมาท่ามกลางห้องที่เงียบสนิท

กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวที่อีกฝ่ายฉีดเอาไว้ยังคงติดอยู่บนผิวเนื้อ ทำให้ต้องเคลื่อนใบหน้าลงไปสูดดมข้างซอกคอย้ำๆ จนได้ยินเสียงทุ้มเจืออยู่ในลำคอเมื่อถูกเขาขบเม้มจนขึ้นรอย ฮานะฝังจมูกลงไปอีกครั้งในตอนที่ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นจนเห็นแผ่นท้องก่อนจะต้องร้องเครือครางออกมาเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นเข้าที่ช่วงสะโพก

น้ำหอมกลิ่น Blue Ocean…เปรียบเสมือนความร่าเริงและมีชีวิตชีวาของผืนน้ำสีครามกับประกายแดดอบอุ่น

...แต่ทว่ายามที่ทะเลคลั่งเดือดขึ้นมา ก็สามารถพัดพาให้ทุกสรรพสิ่งพังพินาศได้ในชั่วพริบตา...

รู้ตัวอีกทีก็ถูกวงแขนแข็งแรงช้อนอุ้มขึ้นจนตัวลอยเหนือพื้น ก่อนแผ่นหลังจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มของฟูกที่ยวบลงเมื่อต้องรับน้ำหนังของคนทั้งคู่

ฮานะใบหน้าร้อนจัดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืดตัวขึ้นเพื่อถอดเชิ้ตแขนยาวสีดำออกอย่างใจเย็น กระดุมแต่ละเม็ดที่ถูกปลดออกนั้นราวกับกำลังกระชากลมหายใจของคนมองให้หลุดออกไป รอยยิ้มข้างมุมปากกดลึกบนใบหน้าคมเข้มในตอนที่เห็นว่าอีกฝ่ายเบือนหน้าหลบไปอีกทางจนเห็นแก้มที่ขึ้นสีแดงจัด

ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันจนซีด จังหวะชีพจรเต้นรัวเร็วเมื่อเชิ้ตตัวนั้นถูกโยนลงบนเตียงก็ปรากฏให้เห็นแผ่นอกกว้างและช่วงแขนกำยำที่ดูกร้าวแกร่งทุกการขยับเคลื่อนไหว กลิ่นอายของบุรุษเพศอบอวลคละคลุ้งจนต้องสูดหายใจเข้าลึกเมื่อถูกช่วงตัวสูงใหญ่ขึ้นคร่อมเหนือร่าง

ทำได้เพียงแค่ร่ำร้องอยู่ในใจเมื่อไม่สามารถต้านทานไหว...

..He’ s so fucking hot...

“อื้อ” เสื้อแขนยาวที่สวมใส่ถูกร่นลงมากองไว้ที่ไหล่ก่อนลมหายใจอุ่นร้อนจะรินรดลงบนผิวเนื้อจนฮานะต้องหดคอหนี “...พีท” เอ่ยเรียกชื่อคนรักเสียงแผ่วเมื่อถูกขบเม้มเข้าที่ซอกคอจนขึ้นรอยจาง

“ครับ”

“ฉันรักเธอนะ” ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมเข้มเอาไว้ก่อนจะเอ่ยคำนั้นซ้ำอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏ

แทนคำตอบจากอีกฝ่ายคืออ้อมกอดที่โอบกระชับแนบแน่นขึ้นเมื่อร่างกายสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารดข้างซอกคอทำให้ต้องยกมือขึ้นโอบกอดบ่ากว้างเอาไว้เพื่อเป็นหลักยึด ปลายเล็บจิกข่วนลงไปบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจนขึ้นรอยแดงเป็นทางยาว

แสงจากภายนอกลอดผ่านรอยแยกของม่านเข้ามาตกกระทบเข้ากับร่างของคนทั้งคู่จนเกิดเงาทาบทับลงพื้นเตียง ผ้าปูที่นอนยับย่นไม่เหลือเค้าเดิมเมื่อจังหวะการเคลื่อนกายนั้นหนักหน่วงจนได้ยินเสียงลั่นของสปริงเตียง

หยาดเหงื่อที่ผุดซึมขึ้นมาข้างขมับหยดลงไปบนแผ่นอกขาว ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อถูกเรียวลิ้นตามไปกวาดเก็บ

นิ้วมือทั้งสิบสอดประสานแน่น อุณหภูมิของผิวเนื้อที่ร้อนจัดทำให้ผ่อนความรุนแรงลงเมื่อคนใต้ร่างยกมือขึ้นมาวางไว้บนบ่า ถ้อยคำอ้อนวอนร้องขอคล้ายกับน้ำมันที่สาดซัดลงบนทะเลเพลิงที่กำลังคลั่งเดือด

“ที่รัก...กอด”

ฮานะมักทำให้เขาเสียการควบคุมจนแทบคลั่งตาย

ริมฝีปากถูกประกบจูบแนบแน่นอีกครั้งในตอนที่เสียงครวญครางนั้นดังก้องไปทั่วห้อง กลิ่นอายความรักที่ทั้งสองมีให้ต่อกันฟุ้งกระจายหอมหวานจนไม่เหลือตัวตนของตนเอง

ดำดิ่งลงไปในห้วงของอารมณ์ลึกซึ้ง ก่อนจะถูกฉุดรั้งขึ้นมาให้โผบินได้อย่างเป็นอิสระ

ในตอนนี้...วินาทีนี้

มีเพียงแค่เสียงของหัวใจเท่านั้นที่เป็นตัวควบคุมทุกอย่างจวบจนกระทั่งฟ้าสาง













ไอแดดในช่วงสายที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องเป็นตัวบ่งบอกว่าเช้าวันนี้นั้นล่วงเลยผ่านไปอย่างไม่รีบร้อน ร่างที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นขยับกายเล็กน้อยเมื่อรู้สึกหนักที่ช่วงเอว ฮานะเป็นคนแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่งโดยมีท่อนแขนแข็งแรงวางอยู่บนหน้าขา กลุ่มผมที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงถูกเสยขึ้นก่อนรอยยิ้มจะระบายออกมาเมื่อก้มลงมองใบหน้าของคนรักที่กำลังหลับพริ้มอย่างมีความสุข

วันนี้เป็นวันหยุดจึงทำให้ไม่ต้องคิดกังวลกับทุกสิ่ง

ร่างขาวนวลลงมาจากเตียงอย่างระมัดระวังเพราะไม่อยากจะรบกวนอีกฝ่าย ก่อนเสื้อเชิ้ตสีดำตัวใหญ่ที่วางอยู่ปลายเตียงจะถูกนำมาสวมทับเอาไว้ ขนาดตัวที่ต่างกันทำให้ต้องพับแขนเสื้อขึ้นมาไว้ที่ข้อศอก กลิ่นหอมประจำตัวและน้ำหอมเจือจางที่ยังคงติดอยู่บนเนื้อผ้าทำให้ต้องยกขึ้นดมก่อนจะเผลอเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อนึกถึงช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา

ฮานะมองภาพสะท้อนของตัวเองที่อยู่ในกระจกพร้อมกับยกปลายนิ้วขึ้นสัมผัสตามจุดที่ริมฝีปากร้อนจัดเคยลากผ่าน ร่องรอยเด่นชัดที่ปรากฏอยู่บนผิวเนื้อตอกย้ำความทรงจำให้หวนนึกถึงเรี่ยวแรงและสัมผัสของอีกฝ่ายจนใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

และก่อนที่ความคิดทุกอย่างจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้เจ้าตัวก็รีบล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

ต้นไม้กระถางรวมไปถึงแคคตัสในถาดถูกฉีดละอองน้ำใส่จนชุ่มชื้นเป็นที่น่าพอใจ ฮานะเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟและปิ้งขนมปังเอาไว้เผื่อใครอีกคนด้วย กลิ่นหอมจากเครื่องชงกาแฟและแป้งธัญพืชที่คุ้นเคยทำให้บรรยากาศในห้องนั้นอบอวลไปด้วยความสบายใจ เจ้าตัวผละออกไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นมาล้างในซิงค์ก่อนจะต้องสะดุ้งอย่างตื่นตกใจเมื่อถูกสวมกอดมาจากทางด้านหลัง กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ต้องเอียงคอเปิดให้อีกฝ่ายได้ซุกซบลงมาตามที่ต้องการ

“นี่...อย่ากวนสิ” เขาดุไปอย่างไม่จริงจังพร้อมกับปอกเปลือกแอปเปิลไปด้วย “ไปนั่งรอเฉยๆ เลย”

ร่างสูงใหญ่ยอมผละออกไปตามคำสั่งอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปคว้ากีตาร์โปร่งที่มุมห้องมานั่งเล่นบนโซฟา นัยน์ตาคมเข้มจดจ้องไปยังร่างของคนรักที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทาเนยถั่วลงบนขนมปัง ฮานะเผลอยกนิ้วขึ้นมาเลียเก็บในส่วนที่เปื้อนก่อนจะต้องชะงักราวกับว่าเพิ่งจะรู้สึกตัว

“บ่ายวันนี้คงต้องไปซื้อของเข้าครัวกันซะหน่อยแล้ว” เสียงบ่นพึมพำว่าในขณะที่วางจานขนมปังปิ้งลงบนโต๊ะกระจก “กินรองท้องไปก่อนก็แล้วกัน” ว่าไว้แค่นั้นก็เบียดตัวเข้าไปนั่งบนตักของอีกฝ่ายโดยเมินพื้นที่ว่างที่เหลืออีกมากบนโซฟา

“กำลังเล่นเพลงอะไรอยู่เหรอ” ฮานะมองตามตอนที่กีต้าร์ถูกวางคว่ำลงบนโซฟา

แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเพียงรอยยิ้มบางเบาและสัมผัสอุ่นที่นาบลงมาบนริมฝีปากนัยน์ตาคมเข้มมองจ้องอยู่อย่างนั้นจนต้องเม้มปากเอาไว้ “...อร่อย”

“เพลงนี้ไม่เคยได้ยินแฮะ” เขาเฉไฉกลบเกลื่อนเมื่อเห็นว่าคนรักยิ้มกว้างขึ้น

“อยากฟังไหมครับ” พีทวางคางลงบนลาดไหล่เล็ก ก่อนจะกัดลงไปเบาๆ เมื่อฮานะถามว่าเขาจะร้องเพลงอร่อยน่ะเหรอ

“แหย่เล่นนิดเดียวเอง” เจ้าตัวย่นจมูกใส่เมื่อถูกงับเข้าที่แก้มก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อถูกซุกเข้าที่หลังคอ

ฮานะดิ้นขัดขืนจนสามารถหลุดออกจากอ้อมกอดมายืนบนพื้นได้แต่กลับถูกรั้งมือเอาไว้เมื่อฝ่ายนั้นเห็นว่าเขาทำท่าจะเดินหนี “อะไรเล่า”

พีทไม่ตอบอะไรกลับมาทำเพียงแค่เอื้อมมือไปหยิบกีต้าร์ตัวข้างกายมาก่อนจะปล่อยมือออกจากกัน นัยน์ตาคมเข้มที่ช้อนขึ้นมองสื่อความหมายลึกซึ้งจนทำให้ต้องยืนนิ่งรอฟังอย่างตั้งใจ ฮานะทัดผมบางส่วนที่ตกระลงมาข้างแก้มก่อนยกแขนขึ้นมากอดอกเมื่อเสียงของกีต้าร์เริ่มคลอขึ้นท่ามกลางความเงียบ

รอยยิ้มถูกกลั้นเก็บเอาไว้ทันทีที่เสียงทุ้มขับร้องออกมาอย่างนุ่มนวลในขณะที่สายตายังคงสบประสานกันอยู่










How long will I love you

As long as stars are above you

And longer if I can

( ผมยังจะรักคุณไปได้อีกนานแค่ไหน

ก็นานตราบเท่าที่ดวงดาวเหล่านั้นจะยังอยู่บนฟากฟ้า...และนานตราบเท่าที่ผมจะสามารถรักคุณได้)




How long will I need you

As long as the seasons need to

Follow their plan

(ผมยังจะต้องการคุณไปอีกนานแค่ไหน

ก็นานตราบเท่าที่ฤดูกาลยังคงผันเปลี่ยนไปตามวัฏจักรของมัน)




How long will I be with you

As long as the sea is bound to

Wash up on the sand

(ผมยังจะอยู่กับคุณไปได้อีกนานแค่ไหน

ก็นานตราบเท่าที่คลื่นทะเลยังคงสาดซัดขึ้นมาบนหาดทราย)




How long will I want you

As long as you want me to

And longer by far

(ผมยังจะต้องการคุณไปอีกนานแค่ไหน

ก็นานตราบเท่าที่คุณยังคงต้องการผม...และยาวนาน ไม่มีวันจบสิ้น)




How long will I hold you

As long as your father told you

As long as you can

(ผมยังจะโอบกอดคุณไปได้อีกนานแค่ไหน

ก็นานตราบเท่าที่พ่อของคุณนั้นเคยบอกเอาไว้....และนานตราบเท่าที่คุณจะสามารถโอบกอดผมเอาไว้ได้)




How long will I give to you

As long as I live through you

However long you say

(ผมจะยังมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคุณไปได้อีกนานแค่ไหน

ก็นานตราบเท่าที่ผมจะยังมีชีวิตอยู่เคียงข้างคุณ...ต่อให้จะนานอีกสักแค่ไหนก็ตาม)




How long will I love you

As long as stars are above you

And longer if I may

(ผมยังจะรักคุณไปได้อีกนานแค่ไหน

ก็นานตราบเท่าที่ดวงดาวเหล่านั้นจะยังอยู่บนฟากฟ้า...และนานตราบเท่าที่ผมจะสามารถรักคุณได้)










เสียงกีตาร์ค่อยๆ จางหายไปเมื่อบทเพลงนั้นจบลง ก่อนคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าจะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ร่วงลงมาจนเปียกแก้ม ฮานะถูกดึงให้เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งเอื้อมออกไปหาพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มและรอยยิ้ม

“ฮานะครับ” ริมฝีปากอุ่นประทับจูบลงบนหลังมือข้างซ้ายก่อนจะเลื่อนไปหยุดนิ่งที่บริเวณนิ้วนางเนิ่นนาน

“…”

“คุณจะให้เกียรติผมได้ยืนอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตผม...ได้ไหมครับ” นัยน์ตาคมเข้มช้อนขึ้นมอง

ชั่วขณะนั้นภายในห้องพลันเงียบสงบราวกับทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหว ก่อนน้ำตาหยดสุดท้ายจะร่วงหล่นลงบนหลังฝ่ามือเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ

ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะดึงคนรักเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนแนบแน่นจนได้ยินเสียงจังหวะชีพจรที่เต้นรัวตอบรับกัน ฮานะสะอื้นตัวโยนก่อนจะยกมือขึ้นโอบรอบคอเขาเอาไว้จนต้องโน้มกายลงไปหา

จมูกโด่งกดลงบนกลุ่มผมนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่อ้อมแขนกระชับแน่นขึ้น

“...ขอบคุณครับ”

เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะหลับตาลงเพื่อเก็บช่วงเวลานี้เอาไว้ในห้วงความทรงจำตลอดไป...

‘ฮานะ...ชื่อคุณแปลว่าอะไรเหรอครับ’

‘ภาษาญี่ปุ่นแปลว่าดอกไม้น่ะ’

...ขอบคุณที่เข้ามาเป็นดอกไม้ที่สวยงามที่สุดในชีวิตผม





Thank you for your part in my journey.




E N D




______________________________________


Ellie Goulding - How Long Will I Love You


::TALK::
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเจ้าเด้นก็เป็นฝั่งเป็นฝาสักที เหมือนได้ดูลูกชายคนหนึ่งเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆเลยค่ะ
ตลอดระยะเวลา5เดือนที่ผ่านมาเรามีความสุขมากๆที่ได้เขียนเรื่องราวของพีทและฮานะ
ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวเขียนที่ไม่ถนัดเอาซะเลยแต่เราก็พยายามอย่างเต็มที่ และผลตอบรับที่ได้กลับมานั้นต้องบอกว่าเกินคาดมากเลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนจะรักพีทและฮานะมากมายขนาดนี้


ตอนเขียนตอนจบก็แอบใจหายอยู่หน่อยๆ รู้สึกอยากจะเขียนเรื่องราวของพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ
ถ้าเรามีเวลาว่าง เอาไว้จะเขียนตอนพิเศษมาให้ทุกคนหายคิดถึงแน่นอนค่ะ <3


BLUE OCEAN #ดอกไม้ของพีท อาจจะไม่ใช่เรื่องที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ใช่เรื่องที่สนุกที่สุด ไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุด
แต่เป็นนิยายอีกเรื่องที่เรารักมากที่สุดเลยก็ว่าได้ และก็ดีใจมากๆที่ทุกคนรักพวกเขาเหมือนกัน
ตั้งแต่เริ่มเดินทางมา แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่คนชื่นชอบอย่างเดียวเสมอไป แต่ไม่ว่าจะยังไงแล้ว พันไมล์ก็ขอน้อมรับคำติชมทั้งหมดเอาไว้ และจะนำไปพัฒนางานเขียนเรื่องต่อไปของตัวเองแน่นอนค่ะ


ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางด้วยกันมาจนถึงวันนี้ เพราะคอมเม้นและกำลังใจจากทุกคนทำให้เรามีกำลังใจที่จะลุกขึ้นสู้มาโดยตลอด ถ้าไม่มีพวกคุณ BLUE OCEAN ก็คงจะเงียบเหงาน่าดู
แต่เพราะมีพวกคุณมันเลยดูสมบูรณ์ที่สุดสำหรับเรา : )


ขอบคุณจากหัวใจค่ะ


รัก
พันไมล์



_________________________________________


ปล.ส่งท้าย


สำหรับหนังสือนิยาย BLUE OCEAN ทางสำนักพิมพ์จะเริ่มจัดส่งช่วงเดือนกุมภา63นะคะ
ในนั้นมีตอนพิเศษ5ตอนที่รับรองว่าเต็มอิ่มแน่นอน อิอิ ส่วนเจ้าตัวเล็กจะมาไหมนั้นรอติดตามแบบในรูปเล่มได้เลยค่ะ
แล้วก็ถ้ามีความคืบหน้าเรื่อง E-book พันไมล์จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ
อ้อ! ฝากผลงานนิยายเรื่องอื่นๆของพันไมล์ด้วยนะคะ > <
สามารถมาพูดคุยกันได้ที่ Twitter @pppunmile หรือเพจ Punmile คับผมม


MERRY CHRISTMAS AND HAPPY NEW YEAR
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-12-2019 14:01:38
สนุกมาก  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-12-2019 22:28:09
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 25-12-2019 22:52:42
ขอบคุณมากๆค่ะ สนุกมาก เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 25-12-2019 23:56:51
จบแล้ววววว ขอบคุณคุณพันไมล์นะคะ ที่พายัยฮานะคนสวยมาให้เรารู้จัก เราหลงยัยฮานะคนสวยมากกก ดีใจที่ยัยฮานะเจอกับเจ้าเด้น ดีใจที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตดูแลกันตลอดไป~~~~ (แม้เราจะอิจฉาพีทก็ตาม) แฮปปี้ค่ะ แฮปปี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-12-2019 01:00:01
น่ารักมากๆๆๆ เจ้าพีทเสมอต้นเสมอปลายดีมาก
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 04-01-2020 10:43:11
จบแล้ว!!
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจนะครับ  :กอด1:
หลังจากนี้คงคิดถึงพีทกับฮานะแน่ๆ แล้วก็สุขสันต์วันปีใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ss.suttida ที่ 27-01-2020 14:58:35
พีทเป็นเจ้าเด้นที่น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 28-01-2020 12:40:16
ฮานะแซ่บมาก ตัวละครเกี่ยวข้องกันทั้งซีรีย์เลย
อยากไปอ่านของคู่อื่นเลย
เสียดายไม่ได้อ่านตอนมีลูก
กับตอนปีใหม่
คงสนุกมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 02-02-2020 18:52:08
ตัวละครน่ารักมากกกกกก อ่านรวดเดียวจบ แต่ไม่อยากให้จบเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 06-02-2020 07:58:39
น่ารักมากเลยค่ะเรื่องนี้
ชอบอ่านแนวนี้มากๆ
อยากเห็นฮานะท้องจัง อิอิ
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 07-02-2020 02:06:41
อยากให้ฮานะมีเบบี๋ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-03-2020 14:14:29
หมันไส้ฮานะยันตอนจบเลย ทำไมต้องได้แต่สิ่งดีๆ ด้วย เป็นอิจฉามาก ขอบคุณมากนะคะ สนุกมากเลยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 14-03-2020 02:09:37
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:54:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : CHAPTER O N E : 3/9/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Hyongtae ที่ 05-05-2021 12:01:45
 :mew1: :katai1: :katai3: :hao7:
PROLOGUE





ภายในห้องชุดสุดหรูใจกลางเมืองนั้นมืดสนิทจะมีก็เพียงแต่แสงนวลของพระจันทร์ที่สาดส่องผ่านบานกระจกใสเข้ามากระทบกับร่างของคนทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่บนเตียงหลังใหญ่จนผ้าปูที่นอนยับย่น เสียงเสียดสีของสปริงเตียงขนาดคิงไซส์ลั่นไปตามจังหวะการขยับกาย ผู้ที่เป็นฝ่ายควบคุมส่งแรงกระแทกหนักหน่วงเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน สองมือตะปบเข้าที่ข้างสะโพกเล็กพร้อมกับบีบเคล้นจนผิวเนื้อขาวขึ้นรอยนิ้วมือ

ปลายนิ้วโป้งเฝ้าลูบไล้วนเวียนอยู่บนรอยสักรูปเถาดอกกุหลาบบริเวณสะโพกด้านขวาที่กินพื้นที่ไปจนถึงหน้าขา ก่อนจะลากฝ่ามือไปสัมผัสกับจิวเพชรเม็ดเล็กที่แอ่งสะดือ นัยน์ตาคมเปล่งประกายวาวโรจน์เมื่ออีกฝ่ายร้องไห้สะอื้นด้วยความเจ็บปวด

ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางดังมากเท่าไร สัญชาตญาณดิบของผู้ที่อยู่เหนือกว่าก็ยิ่งถูกปลุกเร้ามากเท่านั้น

“...เจ็บ” ฝ่ายนั้นพูดกระท่อนกระแท่นเพราะขนาดตัวที่เล็กกว่าผู้ชายทั่วไปจึงทำให้ร่างทั้งร่างโยกไหวรุนแรง

เสียงหนั่นเนื้อที่กระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง พายุแห่งอารมณ์รุนแรงพัดคลั่งจนทำลายทุกสิ่งให้พังพินาศในชั่วพริบตา ร่างสูงใหญ่อัดกระแทกเรี่ยวแรงที่มีอยู่ทั้งหมดลงไปในเครื่องรองรับอารมณ์ทางเพศอย่างดิบเถื่อน ไร้ซึ่งการทะนุถนอม มีเพียงแค่ความต้องการที่จะปลดปล่อยไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

และนั่นก็เป็นการยินยอมของพวกเขาทั้งคู่...ไร้ซึ่งการบังคับ ข่มขู่

เซ็กส์...แลกกับการที่เขาจะไม่ออกนอกลู่นอกทางสร้างเรื่องอื้อฉาวจนต้นสังกัดต้องคอยวิ่งเต้นใช้เงินเป็นกอบเป็นกำเพื่ออุดปากพวกนักข่าว

เซ็กส์...ที่มีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่ใช้ความรัก และหวังจะใช้ร่างกายแลกความรู้สึกลมๆ แล้งๆ นั้นกลับไป

เซ็กส์...ที่ไร้ซึ่งการผูกมัด แค่เพียงเรียกหาคนใต้ร่างก็พร้อมที่จะอ้าขาต้อนรับ

เซ็กส์...กับเพื่อนสนิทที่ควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวและคู่ขาจำเป็น…

เพื่อนสนิท...ที่แอบรักเขามาตั้งแต่สมัยเรียน

เป็นคนที่ไม่ว่าจะหันกลับไปตอนไหนก็ยังจะยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ...ราวกับสุนัขที่แสนซื่อสัตย์ ทั้งรักและเชื่อฟังไม่มีปากเสียง ยอมจำนนลงให้ทุกอย่าง

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมอบความรักกลับไปให้ได้

ฮานะ...ก็เป็นแค่ของตาย มีค่าเพียงของเล่นแก้เบื่อเท่านั้น

ของตายคุณภาพดีเยี่ยมที่หากันไม่ได้ง่ายๆ ในพวกชั้นต่ำอย่างโอเมก้า...เพราะทั้งรูปร่างและหน้าตาที่ไม่ต่างกับพวกผู้หญิง เวลาที่นอนครวญครางเสียงกระเส่าอยู่ใต้ร่างเขานั้นทำให้อีกฝ่ายมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ซ้ำลีลาบนเตียงยังจัดจ้านชนิดที่ว่าสามารถปรนเปรอให้คู่นอนคลั่งตายคาอกได้สบายๆ

ใครจะโง่ปล่อยให้หลุดมือไป

“อเล็กซ์...ห้าม..ข้างใน” เรือนผมยาวสลวยถึงช่วงเอวคอดบิดพลิ้วคล้ายม่านน้ำตกถูกจับมัดรวบก่อนจะดึงกระชากจนใบหน้าแหงนเชิดขึ้นสูง

“อะไรกันฮานะ ไม่อยากลองอุ้มท้องลูกของฉันหน่อยเหรอ” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะเยาะเย้ยข้างใบหู

“อึก..” ฮานะยกแขนตัวเองขึ้นมากัดแน่นจนขึ้นรอยเมื่อถูกเขากระแทกจนล้มลงบนเตียง

อัลฟ่าหนุ่มหยัดกายขึ้นจนหลังตรงพร้อมกับลดสายตามองปลอกคอหนังสีแดงที่อีกฝ่ายมักสวมใส่เอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเขากัดเข้า

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อเล็กซ์ไม่ชอบใจนัก...เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สามารถควบคุมอีกฝ่ายได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปโอบกระชับช่วงเอวคอด ค่อยๆ ลูบไล้ขึ้นไปตามแนวกระดูกสันหลัง เกลี่ยนิ้ววนเวียนลงบนปลอกคอหนัง ใบหน้าหล่อเหลาตามฉบับหนุ่มลูกครึ่งตะวันตกก้มลงซุกไซ้ข้างซอกคอขาว เรียวลิ้นกวาดเลียหยดเหงื่อหวานชุ่มก่อนจะกระซิบถ้อยคำล่อลวงออกมา หวังเพียงแค่หลอกล่อให้อีกฝ่ายตายใจ

“ที่รัก..” จังหวะการขยับกายลดระดับความรุนแรงลงและดำเนินต่ออย่างอ่อนโยนราวกับว่าความบ้าคลั่งก่อนหน้านั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก “ฉันรักฮานะ”

ถ้อยคำอ่อนหวานกระซิบอยู่ข้างใบหู เพียงเท่านั้นก็สัมผัสได้ว่าร่างใต้อาณัติสั่นสะท้านไหวรุนแรง ปลอกคอเจ้าปัญหาถูกปลดออกจากลำคอขาว กลิ่นฟีรีโมนพุ่งตรงกระทบโสตประสาทจนเกือบเสียหลัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ฝังเขี้ยวลงไปแสดงความเป็นเจ้าของก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนส่วนที่เชื่อมกันอยู่นั้นหลุดออกกะทันหัน

“ทำบ้าอะไร!” ถูกฝ่ามือเล็กตวัดตบจนหน้าหัน คนสวยมองมาด้วยแววตาสั่นระริกแสดงความโกรธอย่างถึงที่สุด

“ไม่เอาน่าฮานะ ฉันล้อเล่นนิดเดียวเอง” อเล็กซ์ขยับกรามไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบ...เห็นทีจะต้องสั่งสอนกันบ้างแล้วว่าหมาที่มันแว้งกัดเจ้าของน่ะจะต้องถูกลงโทษยังไง

“ล้อเล่น?” ฝ่ายนั้นทำหน้าเหลือเชื่อก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาทั้งที่หยดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ “นายเห็นความรู้สึกของฉันเป็นเรื่องล้อเล่นเหรออเล็กซ์” น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฮานะเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าสวยหมดจดที่แดงระเรื่อ

“อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยน่า” ชายหนุ่มคว้ามวนบุหรี่บนหัวเตียงขึ้นมาจุดสูบ ก่อนจะขยับเข้าไปหาคนที่นั่งขดกายอยู่ที่ปลายเตียง “มาทำต่อให้มันเสร็จๆ ซะที ฉันอยากพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องไปถ่ายงานแต่เช้า”

“…ครั้งนี้นายล้อเล่นแรงเกินไปแล้ว” ฮานะเบือนหน้าหนีออกไปอีกทาง...สะอิดสะเอียนจนแทบอาเจียนเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ที่รองรับน้ำเชื้อจากผู้ชายตรงหน้า

…รังเกียจจนแทบบ้า เมื่อรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายหักหลัง

ไม่สิ...ก็ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน จะเรียกว่าถูกนอกใจได้อย่างไร ในเมื่อเป็นคนยอมที่จะอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์บิดเบี้ยวแบบนี้เองจะโทษใครได้

แต่ข้อตกลงทั้งหมดนั้นรวมไปถึงการที่อเล็กซ์ห้ามไปนอนกับคนอื่นเพื่อป้องกันเรื่องข่าวอื้อฉาว แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นกลับเป็นความต้องการส่วนตัวที่ต้องการเก็บอีกฝ่ายไว้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งตัวอเล็กซ์เองก็ยอมรับในข้อนี้แต่โดยดี ตอนแรกก็เผลอนึกลำพองใจที่สามารถควบคุมเขาไว้ข้างกายได้โดยใช้เซ็กส์เข้าแลก แต่ฮานะคงลืมไปว่าเซ็กส์ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขานั้นมันไร้ซึ่งความรักโดยสิ้นเชิง

พออยากก็เรียกหา...เวลาที่หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งอย่างไม่ไยดี

ไม่นานมานี้อเล็กซ์ได้ละเมิดข้อตกลงระหว่างกันโดยการแอบไปสานสัมพันธ์กับเด็กฝึกงานแผนกคอสตูมที่เขานั้นดูแลอยู่...จะไม่เจ็บใจเลยถ้าหากว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่คนที่ฮานะไว้วางใจและหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่าจะขอให้บอสรับเข้ามาทำงานเมื่อฝ่ายนั้นเรียนจบ

อันที่จริงหากอเล็กซ์ต้องการที่จะไปคบเด็กคนนั้นแค่บอกกันมาตามตรงเขาก็พร้อมที่จะถอยออกมา...แต่ฮานะรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยก็เพราะว่าตนเองนั้นยังมีประโยชน์อยู่

...ที่อเล็กซ์ขึ้นมาเป็นนายแบบอันดับต้นๆ ของโมเดลลิ่งได้ขนาดนี้ก็เพราะมีเขาคอยช่วยผลักดันวิ่งหางานมาให้ทั้งที่เมื่อก่อนยังเป็นแค่นายแบบโนเนมไม่มีชื่อเสียง ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งคนที่ตนเองยอมทุ่มให้ทั้งแรงกายแรงใจจะหันมาแว้งกัดจนได้แผลเหวอะหวะ

ในเมื่อรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ไม่ได้...ก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องโอบอุ้มหนามกุหลาบที่คอยแต่จะทิ่มแทงอีกต่อไป

…ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยมือแล้วจริงๆ สินะ..

ยื้อมานานจนเกินขีดจำกัดแล้ว...ความอดทนที่เคยมีมันหมดลงแล้วจริงๆ

“เดี๋ยวนี้หัดดื้อกับฉันแล้วเหรอฮานะ” ช่วงตัวสูงใหญ่พุ่งเข้ามาหาก่อนจะกระชากตัวให้เข้ามาใกล้

“อเล็กซ์...ฉันเจ็บ” ฮานะพยายามยื้อตัวหนีแต่กลับถูกฝ่ามือใหญ่ฟาดตบลงมาจนล้มพับลงไปบนเตียง

“…นี่คือคำเตือนที่กล้าตบฉัน” อเล็กซ์บีบลำคอเล็กจนฝ่ายนั้นดิ้นพล่านตะเกียกตะกายหนี “อย่าลืมสถานะตัวเองฮานะ...นายไม่ได้มีค่าให้ฉันต้องทะนุถนอมขนาดนั้น”

ถ้อยคำร้ายกาจเอ่ยขึ้นพร้อมกับตัวตนที่สอดประสานเข้ามาอย่างดิบเถื่อน อเล็กซ์โยกกายอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจว่าคนใต้ร่างจะบอบช้ำมากแค่ไหน

“…ขอโทษ” น้ำเสียงอ่อนระโหยหมดเรี่ยวแรง ก่อนที่เปลือกตาจะหลับลงอย่างอ่อนแรง น้ำตาเปียกชุ่มแพขนตาหนาก่อนจะหยดลงมากระทบกับพื้นเตียงเพื่อชำระล้างความเจ็บปวดออกไป

สุนัขแสนซื่อสัตย์ที่จงรักภักดีต่อนาย...มันได้ตายลงไปแล้ว

ตายไปตั้งแต่ที่นายใช้คำบอกรักจอมปลอมมาหลอกกัน...





กลุ่มควันสีขาวลอยคลุ้งกระจายตัวอยู่บนอากาศ มวนบุหรี่ถูกจรดลงบนเรียวปากบางซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามที่เจ้าตัวตกอยู่ในห้วงความคิด ความวุ่นวายของเมืองหลวงยามค่ำคืนช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำให้ไม่เหงาโดดเดี่ยวมากนัก มือเรียวเลื่อนปัดลงบนหน้าจอโทรศัพท์ กดพิมพ์ข้อความเพื่อจะส่งไปหาใครบางคน แต่สุดท้ายก็ต้องลบออกเพราะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีสองเข้าไปแล้ว

บุหรี่มวนที่สามถูกดับเมื่อตอนตีสองครึ่ง

หน้าจอโทรศัพท์ยังคงสว่างจ้า ตัวอักษรถูกพิมพ์ลงไปอีกครั้งด้วยเนื้อหาที่เหมือนก่อนหน้า ฮานะมองสลับกับร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงหลังกว้าง ความคิดซ้ำซากจำเจวนเวียนอยู่ในหัวจนแทบระเบิด สุดท้ายก็ตัดสินใจกดส่งข้อความออกไป

‘คุณแกเรน...ขอโทษที่รบกวนเสียดึกดื่น

พรุ่งนี้ผมมีธุระสำคัญที่อยากจะคุยกับคุณ’

หลังจากที่ส่งไปได้ไม่ถึงนาทีหน้าจอโทรศัพท์ก็ดับมืดเพราะแบตเตอรี่หมด พอดีกับที่ช่วงเอวถูกวงแขนของใครบางคนโอบกอดกระชับ ซอกคอถูกซุกไซ้พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่พึมพำกระซิบอย่างออดอ้อนเหมือนอย่างที่เคยทำตอนที่สำนึกผิด อเล็กซ์เป็นอย่างนี้เสมอ อารมณ์รุนแรง ชอบทำร้ายร่างกาย แต่หลังจากที่ตั้งสติได้ก็กลับมาดีด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธ

แต่ที่ผ่านมาอีกฝ่ายนั้นรู้ดีว่าต่อให้รุนแรงด้วยแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางที่จะหันหลังให้ เพียงแค่กอดอย่างอ่อนโยนและทำตัวอยู่ใต้อาณัติก็ถูกให้อภัยอย่างง่ายดาย

...แต่มันไม่ใช่กับครั้งนี้

“ออกมาทำอะไรข้างนอก” โดนจับให้หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า ก่อนปลายคางจะถูกดันให้เชิดหงายขึ้นสบตากัน “…เจ็บหรือเปล่า ฉันขอโทษ” ฝ่ายนั้นพูดอย่างรู้สึกผิดแต่แววตากลับไม่ได้สะท้อนความเสียใจออกมาสักนิด ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งโอบประคองรอบเอวเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็เลื่อนลงต่ำลูบไล้บริเวณโคนขาไปมาเพื่อหวังให้เคลิบเคลิ้ม

“ช่างมันเถอะ....ฉันชินแล้ว” ฮานะปัดมือคู่นั้นออกอย่างไม่ไยดี สังเกตเห็นว่าฝ่ายนั้นหน้าตึงไปเพียงครู่แต่ก็กลับมาโอนอ่อนตามเดิม

มวนบุหรี่ถูกหยิบขึ้นมาคาบไว้ในปาก นิ้วเรียวสวยจุดไฟที่ปลายมวนก่อนจะสูบอัดนิโคลตินเข้าไปเต็มปอด ร่างขาวนวลที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำดูเย้ายวนมากกว่าเดิมเมื่อมีหมอกควันสีขาวเจือจางอยู่รอบกาย

อเล็กซ์เข้าไปสวมกอดคนที่ยืนพิงระเบียงจากทางด้านหลัง ก่อนจะแย่งมวนบุหรี่ที่ฝ่ายนั้นกำลังจะยกขึ้นสูบมาคาบไว้เอง ฮานะตีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็หันกลับออกไปดูวิวภายนอกอย่างไม่คิดจะสนใจเขาอีก เลยถือโอกาสจ้องมองคนในอ้อมกอดอย่างนึกลำพองใจ

เรือนผมยาวสลวยที่ทิ้งตัวระอยู่ช่วงเอวคอดถูกสายลมเอื่อยเฉื่อยพัดปลิว...ฮานะไม่ชอบผมยาว แต่เพราะเขาเป็นคนที่อ้อนขอให้ไว้ อีกฝ่ายจึงยอมทำตาม

ชายหนุ่มรวบเส้นผมทั้งหมดไปพาดไว้บนไหล่เล็กข้างหนึ่งจนเห็นลำคอขาวที่สวมปลอกคอ ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามแนวเส้นเอ็นก่อนจะก้มจูบประทับลงไปอย่างอ่อนโยนด้วยริมฝีปากที่อุ่นร้อนจากก้นกรองบุหรี่ ก่อนจะค่อยๆ ขบเม้มต่ำลงมา สาบเสื้อคลุมถูกถอดร่นลงมากองที่ข้อศอกตอนที่เขาพรมจูบลงบริเวณลาดไหล่เปลือยเปล่า

ผิวฮานะนุ่มเนียนเสียยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนที่เขาเคยร่วมหลับนอนมา

ฮานะไม่มีท่าทีขัดขืนตอนที่เสื้อคลุมถูกตลบขึ้นมากองไว้บนสะโพกพร้อมกับตัวตนของเขาที่สอดลึกเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มอีกครั้งโดยไร้ซึ่งเครื่องป้องกัน เสียงครวญครางหวานล้ำถูกกักเก็บไว้ในลำคอเพราะกลัวว่าจะมีใครมาเห็นฉากรักเร่าร้อนระหว่างนายแบบชื่อดังกับคุณผู้จัดการส่วนตัว

เมื่ออารมณ์เดินมาถึงที่สิ้นสุดหยาดน้ำอุ่นก็ไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนซอกขาขาว ฮานะเป็นฝ่ายถอนสะโพกออกไปก่อนจะหันกลับมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วแลบลิ้นเลียกินคราบขาวขุ่นที่ยังอาบชุ่มอยู่บนบริเวณท่อนเนื้อแข็งขืนของเขาตามที่เคยสั่งให้ทำหลังจากที่ได้ปลดปล่อยออกมา

“..พอแล้ว” อเล็กซ์ดึงตัวคนตรงหน้าขึ้นมาประกบจูบดูดดื่ม รสขมปร่าร้อนแรงของนิโคลตินที่เจืออยู่ในน้ำลายทำให้สมองเขาพร่าเบลอ หัวใจพลันหยุดเต้นเพียงเสี้ยววิเมื่อความรู้สึกบางอย่างพุ่งเข้ามาโจมตี ชายหนุ่มลืมตามองคนในอ้อมกอดด้วยแววตาสับสนจนแทบคลุ้มคลั่ง ฮานะดูเย้ายวนและสวยงามจนแทบไม่อยากจะละสายตาไปไหน

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดไปไกลกลับถูกผลักออกจนภาพฝันล่องลอยแตกสลาย ฮานะเดินกลับเข้าไปในห้องทั้งที่เนื้อตัวเปลือยเปล่า แผงยาคุมและยาระงับฟีโรโมนสำหรับโอเมก้าที่วางอยู่โต๊ะหัวเตียงถูกอีกฝ่ายหยิบขึ้นมากินเหมือนอย่างเคยหลังจากที่มีเซ็กส์กัน

อเล็กซ์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่วูบโหวงเพียงครู่ก่อนจะรีบปัดตกไปเมื่อรู้สึกว่าวันนี้ตนเองกำลังให้ความสำคัญกับสุนัขรับใช้มากเกินความจำเป็น...
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 07-05-2021 03:22:32

รักฮานะและพีท...
enjoy และประทับใจ​ ในความน่ารักและมั่นคงในรักของพีท... ขอบ​ ชอบ...

ขอบคุณ​นักเขียน​(พันไมล์)​ ส่งแรงใจให้​+1

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 08-05-2021 22:24:42
พ่อพีทขี้อ้อนจริงสมกับฮานะมาก น่ารักทั้งคู่ สมน้ำหน้าอเล็กซ์ มีของดีอยู่กับตัวไม่รู้จักรักษา สนุกดีค่ะชอบ :pig4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nonocong ที่ 11-05-2021 15:58:55
ขอบคุณนะ อ่านแล้วปริ่มอกปริ่มใจ  :pig4: :3123: :mc4:
หัวข้อ: Re: SCENT : BLUE OCEAN [OMEGAVERSE] : E P I L O G U E (E N D) : 25/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Mimintzz ที่ 13-05-2021 07:00:22
H


Sent from my iPhone using Tapatalk