พิมพ์หน้านี้ - Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: เต่าตุ่น ที่ 26-08-2017 22:36:20

หัวข้อ: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 26-08-2017 22:36:20
​ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

Doctor' lover เด็กหมอ

ตอนที่1

“เอ้าเฮ้ย! ตื่นกันได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน”เสียงก้าวร้าวดุดันดังกังวานอย่างหัวเสีย  เขายังคงหงุดหงิดแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาแค่ ตี3ก็ตาม

ชายฉกรรจ์วัย30ยกแขนสองค้างเท้าเอว มองดูกองผ้าห่มสีหมองเก่าจนขาดรุ่ยหลาย10กอง เริ่มขยับอย่างยืดยาด สร้างความไม่พอใจอย่างมาให้กับตน

“เร็วๆ!!! หรือพวกมึงไม่อยากแดกข้าวกัน  ใครมาขึ้นรถคนสุดท้ายไม่ต้องกินข้าว!”เสียงเข้มอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่าเอ่ยสั่งอีกครั้ง ทำให้เหล่าเด็กน้อยที่อยู่ภายใต้กองผ้าหลาย10ชีวิต ต่างพากันแตกหือ รีบร้อนลุกจากที่นอนอย่างว่องไว ความโกลาหลเกิดขึ้นในพริบตา เหล่าเด็กน้อยที่เฉลี่ยอายุแล้วคงไม่มีใครเกินกว่า10ขวบ กำลังวิ่งหน้าตั้งไปที่หน้าบ้านไม้หลังโทรมในแถมชานเมืองห่างไกลผู้คน

“ไอ้เกรว มึงยืดยาดอีกแล้ว วันนี้ไม่ต้องกินข้าวเช้าเลยมึง เอ้ารีบขึ้นไป”เด็กชายตัวเล็กที่มีผิวผุดผ่องแม้จะเต็มไปดูคราบสกปรก ก็ยังคนดูมีราศีต่างจากเด็กคนอื่นๆ วิ่งหอบออกมาจากตัวบ้านไม้หลังโทรม  แม้จะพยายามสุดกำลังแต่ตนก็ยังมาช้าถึงเป็นคนสุดท้ายอยู่ดี

“เอ้าแจกกันคนล่ะอัน  ส่วนมึงไอ้เกรวไม่ต้องกิน”ถุงพลาสติกหูหิ้วใบใหญ่ภายในบรรจุเต็มไปด้วยข้าวเหนียวหน้าหมูหวานห่อเล็กๆถูกโยนไปที่ท้ายรถบรรทุกหกล้อ แต่ก่อนจะโยนขึ้นไป ชายฉกรรจ์ใบหน้าโฉดก็กลับหยิบห่อข้าวเล็กๆหนึ่งห่อออกไป  ก่อนจะแกะห่อหยิบกินหมดในคราเดียวต่อหน้าต่อตาเด็กชายผู้โชคร้ายที่สุดของวันนี้

เกรวคือชื่อของเด็กชายผู้อับโชค ได้แต่มองตามห่อพลาสติกที่ว่างเปล่าที่ถูกโยนทิ้งบนพื้นถนนลาดยางเก่าๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโหยหา  ห่อข้าวเล็กๆที่ผู้ใหญ่สามารถกินหมดได้ในครั้งเดียว กับเป็นยิ่งกว่าอาหารอันโอชะของเด็กตัวเล็กคนหนึ่ง

อีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว เด็กชายได้แต่นึกโทษตัวเองในใจ  เพราะร่างกายที่อ่อนแอเกินกว่าเด็กคนอื่น เรี่ยวแรงที่มีก็น้อยกว่าคนอื่น ทุกครั้งที่มีบทลงโทษ เขามักจะเป็นหนึ่งในคนที่โดนเสมอ  เมื่อวานก็ขายพวงมาลัยไม่หมดจึงไม่ได้กินข้าวเย็น แม้ท้องจะหิวแค่ไหน แต่ก็ปลอบใจตัวเองด้วยการรีบเข้านอน และภาวนาให้พรุ่งนี้มาถึงไวๆ พรุ่งนี้ที่จะได้กินข้าว

แต่เพราะความเหนื่อยอ่อนจากร่างกายที่บอกชำจากการทุบตีและไม่ได้รับอาหารเพื่อที่จะเพิ่มพูนกำลัง ทำให้เช้านี้เขาไม่มีเหรี่ยวแรงยิ่งกว่าที่เคย  ทำให้วิ่งไม่ทันคนอื่นและกรายเป็นคนที่ต้องรับโทษในเช้าวันนี้

เวลาตีห้า รถบรรทุกหกล้อที่มีเด็กหลายสิบชีวิตก็มาถึงที่หมายเช่นทุกวัน  สี่แยกไฟแดงที่ต่างๆตามถนนเส้นหลังของเมืองหลวง คือจุดหมายของธุรกิจสุดผิดบาป   เหล่าเด็กตัวเล็กที่อยู่ในวัย6-10ปี ต่างพากันลงจากรถพร้อมรับ อุปกรณ์ขายพวงมาลัย และเริ่มปฏิบัติหน้าที่เช่นทุกวัน

กลายเป็นภาพที่ชินชา เด็กตัวเล็กในสภาพมอมแมมในมือมีพวกมาลัยเดินขายตามสี่แยกไฟแดง ทามกลางถนนที่ร้อนระอุและเต็มไปด้วยมลพิษ  หลายคนมองด้วยความเวทนาและช่วยอุดหนุนพวกมาลัยพวกน้อยด้วยความสงสาร แต่หลายคนกลับมองด้วยความชินชาและเบือนหน้าหนี

เกรว จับจ้องไปที่ไฟจราจรสีเขียวอย่างจดจ้อง  แม้ท้องจะร้องด้วยความหิว แม้จะปวดจนแทบไม่มีแรงยืน  แต่สองขาเล็กไร้เหรี่ยวแรงก็ยังต้องฝืน เดินลงไปบนพื้นถนนร้อง ระอุ ก่อนจะพยายามยกพวกมาลัยขึ้นเพื่อให้คนที่นั่งอยู่ในรถที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นช่ำได้เห็น  เพื่อหวังที่จะให้พวกเขาซื้อมันสักพวง  เพราะหากวันนี้เข้าขายมันไม่หมด เขาก็คงจะไม่ได้กินข้าวอีกเช่นเคย และที่น่าหวาดกลัวที่สุด คงไม่พ้นการลงโทษด้วยการตบตีตามใบหน้าและร่างกาย  ที่เป็นโทษที่คนที่ขายพวงมาลัยไม่หมดจะต้องเจอ

“หนูๆ”เสียงร้องเรียกจากรถยนต์ใหม่เอี่ยมที่เพิ่งเดินผ่านมาสักครู่ดังขึ้น ทำให้เด็กชายหยุดเดินและหันกลับไปมอง

ชายวัยกลางคนแต่งตัวดี ยื่นใบหน้าออกมานอกกระจกรถยนต์ ก่อนจะกวักมือเรียกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เด็กชายหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่ากำลังจะขายพวกมาลัยสีหมองได้อีกหนึ่งพวง

แต่เพราะอากาศที่ร้อนระอุ บวกกับร่างกายที่ไม่ได้รับสารอาหาร และด้วยความรีบร้อนที่จะขายพวงมาลัย ทำให้เด็กชายล้มลงไปกับพื้นถนนร้อนระอุ  พวงมาลัยในมือล่นกระจาย เสียงร้องตกใจดังขึ้นจากรถประจำทางที่มีผู้คนแน่นขนัด เด็กชายที่มีสติเพียงน้อยนิดตัวสั่นเทา เมื่อเห็นพวงมาลัยดอกมาลิตกกระจายจนหลายพวงมีดอกมะลิหลุดล่วงออกมา  แม้จะรีบร้อนเก็บขึ้นมายังไง แต่ดอกไม้ที่ล่วงล่นแล้วนั้นก็ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

ความหวาดกลัวเมื่อรู้ถึงผลของการทำของเสียหายเร่นขึ้นมาในหัวจนทำให้กลัวจนตัวสั่น สายตาเล็กมองส่ายหาคนคุมที่มักจะเฝ้าจับตาดูเขาด้วยความกลัว

“หนูเป็นอะไรไหม”ชายจากรถหรูลงจากรถ ก่อนจะช่วยเก็บพวงมาลัยที่หลุดเปื้อนพื้นถนนอย่างไม่รังเกียจ

“..............”ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงแค่อาการตื่นตกใจจนเกินปกติ เท่านั้นที่หมอวัยกลางคนรับรู้  สายตาจับจ้องไปที่ชายฉกรรจ์ที่กำลังเดินตรงมาที่เด็กชายตัวเล็กด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เขารู้ได้ทันที ถึงสาเหตุที่เด็กชายตัวเล็กหวาดกลัวจนตัวสั่น  ไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองหาทางแก้ไข เขารู้ไม่ว่าเขาจะยอมจ่ายค่าของที่เสียหายนี่เท่าไหร่ เด็กคนนี้ก็ไม่มีทางพ้นโทษอยู่ดี

สองแขนสะอาดสะอานอุ้มเด็กตัวเล็กตรงหน้าก่อนที่จะจับใส่รถตัวเองด้วยความว่องไว ไม่สนใจแม้เสียงร้องตะโกนของชายหน้าโฉดที่กำลังวิ่งตรงมา  ผู้คนต่างมองเหตุการณ์ด้วยความตื่นตระหนก  นับว่าเป็นโชคดีที่รถของหมอวัยกลางคนเป็นคันแรกของที่จอดติดไฟแดงอยู่  เขารีบร้อนออกรถทันทีเมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับไฟจารจรเลี่ยนจากสีแดงเป็นเขียว

“เกือบไปๆ”เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเบนสายตามองเด็กตัวเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลัง ที่ตอนนี้ยังคงไม่พ้นจากอาการตกใจ

“ไม่ต้องกลัว  ลุงไม่ทำร้ายหนูแน่นอน”เขาว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมมองกระจกด้านข้าง เพื่อดูว่าชายฉกรรจ์คนนั้นตามมาหรือไม่

“หิวไหม  กินนี่ก่อนซิภรรยาลุงเขาทำมาให้”เมื่อเบาใจเรื่องคนที่จะตามมาได้ เขาก็หันไปสนใจเด็กตัวเล็กที่กำลังมองเขาอย่างหวาดระแวง 

ใบหน้าเล็กมอมแมมซีดเซียว ด้วยประสบการการเป็นกุมารแพทย์มานับ20ปี มองแววเดียวก็รู้ว่าเด็กชายตรงหน้า ขาดสารอาหารอย่างรุนแรง มิหนำซ้ำยังถูกใช้แรงงานอย่างหนักและยังถูกทำร้ายร่างกายอีก  ชวนในสลดใจจนขอบตาร้อนพราว

เด็กหลายคนที่เขาเคยรักษาทุกคนต่างกินอาหารทิ้งขว้าง เอาแต่ใจ และถูกเลี้ยงดูอย่างฟุ่มเฟือย  แต่ในเวลาเดียวกัน กลับมีเด็กจำนวนมากที่โดนทำร้ายและหิวโหย ขนาดอาหารก็ไม่สามารถกินได้แม้ในเวลาที่หิว  จะมีอะไรน่าเศร้าไปกว่าการที่เห็นเด็กวัยเพียงไม่เกิน10ขวบต้องอดอาหารจนร่างกายผอมแห้งขนาดนี้

กล่องทัพเพอร์แวร์ขาวใสถูกส่งไปให้เด็กชายที่นั่งอยู่เบาะหลัง

“ผมกินได้หรอครับ”เสียงแรกที่ได้ยิน กลับเอ่ยคำพูดที่ทำเอาคนที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแบบเขาต้องปวดใจ  น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังกับสายตาที่อ้อนวอน มองมาที่เขาอย่างคาดหวัง

“กินได้ซิ กินทั้งหมดเลยก็ได้ หรือถ้ายังไม่พอก็จะพาไปกินอีก  จะพาไปกินทุกอย่างเลย”หมอวัยกลางคนตอบด้วยความเจ็บปวด อกเหมือนถูกบีบขยำจากมือที่มองไม่เห็น  หลังจากส่งกล่องแซนวิซให้ถือมือเด็กชายที่เบาะหลังเขาก็ได้แต่มองตรงไปที่ถนนตรงหน้า จิตนาการถึงความเจ็บปวดที่เด็กคนนี้ต้องเจอมาก่อนหน้านี้  ยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นใจ  จนไม่สามารถสงบใจได้ แม้จะไม่ใช่ลูกหลาน แต่เขาก็ไม่อาจทนเมินเฉยกับเรื่องตรงหน้านี้ได้

“หนูชื่ออะไร”หมอวัยกลางคนเอ่ยถาม

“เกรว”เด็กชายตอบพร้อมกับจับแซนวิซหน้าตาหน้ากินที่สุดที่เขาเคยเห็นขึ้นมา ก่อนจะบรรจงค่อยกัดกินอย่างละเมียดละไม ราวกลับว่า ไม่อยากจะให้ของตรงหน้านั้นหมดไป

“พ่อกับแม่ล่ะ”แม้จะพอเดาออก แต่เขาก็จำเป็นต้องถาม ถึงแม้จะรู้ว่าพ่อแม่เด็กเป็นใคร เขาก็ไม่คิดที่จะส่งเด็กคืนให้กับคนจิตใจโหดเหี้ยมที่ปล่อยให้ลูกตัวเองต้องเผชิญกับชะตากรรมเลวร้ายแบบนี้ได้ลง

“ผมไม่รู้”น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาด้วยความว่างเปล่า ดวงตาใสที่มีชีวิตเมื่อได้กินแซนวิซหมองลงแทบจะทันที

“..............”แม้จะเป็นหมอเด็กมานานแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้  หมอวัยกลางคนเลือกที่จะเงียบและหยุดทุกคำถามลง  เขารู้ตอนนี้เด็กคนนี้คงไม่พร้อมที่จะพูดอะไร

“ลุงชื่อธนต์นะ  เรียงลุงธนต์ก็ได้”เขาแนะนำตัวเอง ก่อนจะส่งขวดน้ำเปล่าไปให้เด็กชาย

“......”ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงแค่มือเล็กๆที่ยื่นมารับขวดน้ำไป

......................................................

อาคารสูงใหญ่ตั้งตระง่านอยู่กลางใจเมือง  รถยนต์หรูหลายสิบคันจอดกันเกือบเต็มบริเวณ เสียงไซเรนของรถพยาบาลดังระงม จนปวดหู

เด็กชายในชุดซ่อมซอร่างกายมอมแมม ถูกจูงมือให้เดินเข้ามายังโรงพยาบาลหรูใหญ่โต แค่เข้ามาด้านในแค่ก้าวเดียวความเย็นสบายของเครื่องปรับอากาศก็ทำเอาเด็กชายยกยิ้มน้อยๆขึ้นมา  แต่ก็เพียงเสี่ยววินาทีเมื่อเห็นผู้ใหญ่ทั้งชายหญิงหลายคนตรงเข้ามาทางคุณลุงธนต์ที่จับมือเขาไม่ยอมปล่อย

“ผอ.สวัสดีค่ะ อ่ะนั้นเด็กที่ไหนค่ะ”ผู้หญิงในชุดสีขาวสะอาดเดินเข้ามาทักอย่างแปลกใจ

“ลูกชายครับ ผมขอตัวเดี๋ยวต้องเข้าเวร  สายแล้วซะด้วย”ตอบกลับพร้อมตัดบทสนทนาเดินจูงมือเด็กชายตรงไปที่ห้องตรวจห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล

ประตูบานเลื่อนสีฟ้าอ่อนเลื่อนเปิดออกก่อนที่เด็กชายจะถูกจูงมือเดินเข้าไปข้างใน

“อ่ะ น้องเกรวสวัสดีพี่หมอซิครับ”หมอวัยกลางคนเอ่ยขึ้น เมื่อหยุดยื่นอยู่ตรงหน้าว่าที่หมอหนุ่มหน้าตาดี ผู้เป็นลูกชาย

 “นี่อะไรครับพ่อ”ว่าที่หมอหนุ่มถามอย่างตกใจ จ้องมองเด็กชายตัวเล็กที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังพ่อของเขา

เด็กชายตัวเล็กที่สวมเสื้อผ้าเก่า ผิวขาวถูกบดปังด้วยรอยเขียวช้ำ บ้างจุดนานจนเป็นสีม่วงเข้ม ดวงตากลมกำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาหวาดกลัว

“เสียงดังไปแล้วไอ้นนต์”คนเป็นพ่อเอ็ดแบบไม่จริงจังนักก่อนจะหันไปจับแขนเล็กให้ออกมาเผชิญหน้ากับเขา แต่เด็กคนนั้นก็ทำแค่ยื้อไว้ไม่ยอมปล่อยชายเสื้อพ่อของเขาเลยสักนิด

 “ขอบโทษนะครับที่พี่ทำให้ตกใจ มานี่มาพี่แค่อยากจะทายาให้”หมอหนุ่มเดินไปย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเด็กชาย ก่อนจะยื่นมืออกไปหมายให้เด็กชายยื่นมาจับ เด็กชายมองมือผมอย่างกล้าๆกลัวๆ

และในที่สุดก็ยื่นออกมาตอบรับ

หมอหนุ่มพาเด็กชายขึ้นนั่งบนเตียวตรวจคนไข้ ก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวผอมบาง ตลอดเวลาที่เขาทายาให้เด็กชายก็เอาแต่จ้องหน้าผมแทบจะไม่กระพริบตา

“เด็กคนนี่เป็นใครครับพ่อ ทำไมตามตัวมีแต่แผล”ผมยิ่งเปิดดูใต้เสื้อเก่าๆ ยิ่งเห็นว่ามันมีมากขนาดไหน

“เด็กคนนี้คงถูกจับตัวมาแล้วพวกนั้นก็บังคับให้ไปขายพวกมาลัยกลางสี่แยก พ่อเห็นหน้าตาผิวพรรณดี ไม่หน้าจะเป็นเด็กที่ต้องมาทำอะไรแบบนั้น ก็เลยจับขึ้นรถมา”คนเป็นพ่อพูดยิ้มๆ  มันเป็นแค่ข้ออ้างทีแรกเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย  แต่พอนั่งรถมาด้วยกันก็ทำให้เขาเริ่มคิดแบบนั้นขึ้นมา ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่เขาสงสัยอาจจะเป็นเรื่องจริง เพราะอย่างน้อยก็ไม่อยากให้เด็กชายต้องถูกพ่อแม่ปล่อยให้มาเผชิญชะกรรมแบบนี้  แต่ไม่ว่าจะแบบไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี

“จับมาเลยหรอครับ”หมอหนุ่มชะงักทันที ที่ได้ยินที่มา

“เอาน่าๆ ต่อไปน้องเกรวจะมาอยู่ที่บ้านเรา “

“แล้วพ่อแม่น้องล่ะครับ”หมอหนุ่มเริ่มลนลาน

“ไม่มี”คนเป็นพ่อว่าเรียบๆ

“แล้วเรื่องเอกสารล่ะครับ”เขาถามอย่างกังวล

“เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพ่อจัดการเอง ว่าแต่แกจะออกเวรแล้วใช่ไหม งั้นก็พาเกรวไปซื้อข้าวของจำเป็น เดี๋ยวเรื่องอื่นพ่อจัดการเอง ฝากด้วยนะ”เดินมาตบไหล่ลูกชายสองสามทีแล้วเดินออกไป

เขาได้แต่หันมามองยังคนกลางที่จ้องตนจนตาเริ่มแดงมือเล็กๆยื่นมาจับที่เสื้อกาวของเขาแน่น

“ไม่ต้องกลัวนะครับต่อไปพี่จะปกป้องเราเอง พี่สัญญา”

TBC.

เขียนใหม่นะครัช เขียนใหม่  เริ่มจากต้นเลยเเล้วกัน ตอนเเรกคิดไว้ว่าจะเอาไปในส่วนย้อนอดีต เเต่คิดอีกที เอาไว้ตั้งเเต่เริ่มเลยเเล้วกันจะได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของตัวละคร

สำหรับคนที่เคยอ่านก่อนหน้านี้คอนเซ็ปยังคงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเพื่อเนื้อหา คำพูดเเละตรวจสอบภาษา เเนะนำให้อ่านใหม่แต่ต้นนะครัช

ปล.เรื่องหนังสือร้าย...จนรัก กำลังตามให้นะ ได้ความว่าไงเดี๋ยวมาเเจ้งอีกที ขออภัยในความล่าช้าด้วย
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :1 26/08/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-08-2017 23:06:14
น่าสงสารมากกกกกกกก  :hao5: :hao5: :hao5:

ใช้แรงงานเด็ก หลอกเด็ก
ยังทรมาน ลงโทษ ทุบตี
ให้เด็กอดอาหารติดต่อกันเกินหนึ่งมื้อ
เลวโคตรๆ  :z6: :z6: :z6:

ดีที่เกรว ได้รับความช่วยเหลือ
อย่าได้เจอคนเลวอย่างนั้นอีกเลยนะเกรว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :1 26/08/2560
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 28-08-2017 21:26:49
มาต่อนะ เรารออ่าน :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :1 26/08/2560
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 28-08-2017 21:43:01
รออ่านด้วย
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :1 26/08/2560
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-08-2017 09:51:40
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 15-09-2017 08:49:01
ตอนที่2

7ปีต่อมา

“น้องเกรวพอแล้วลูก ไปแต่งตัวเตรียมไปเรียนเถอะเดี๋ยวสาย”

 “ครับๆ”ผมตอบรับยิ้มๆแต่มือก็ยังไม่หยุดหยิบผักกาดหอมวางเรียงบนจาน

“น้องเกรว”ป้าจำปี เอ็ดอีกครั้ง

“ครับๆ ไปจริงๆแระ”ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นเมื่อจัดจากในอาหารเสร็จพอดี ก่อนจะแกะผ้ากันเปื้อนออกแล้วเตรียมตัวไปโรงเรียน

ผมชื่อเกรวครับ เป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกคุณลุงธนต์เก็บมาเลี้ยง ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มา6ปีแล้ว คุณลุงธนต์ที่เป็นเจ้าของบ้านใจดีกับผมมาก ส่งผมเรียนหนังสือจนตอนนี้ผมขึ้นม.6แล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะเลี้ยงดูผมเหมือนลูกคนหนึ่งแต่ผมก็ไม่อาจเอื้อมจะไปยืนในจุดที่ท่านอนุญาตได้    ผมจึงพยายามทำงานบ้านทุกอย่างที่ผมจะทำได้เพื่อจะตอบแทนบุญคุณ ถึงแม้จะโดนห้ามแทบทุกครั้งก็ตาม

 “น้องเกรวกินข้าวเร็ว”ผมเดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้งเมื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนเสร็จ

“ยกอาหารไปแล้วหรอครับ น่าจะรอเกรวช่วย”ผมว่าเซ็งๆเพราะผมมั่วแต่แต่งตัว เลยไม่ทันช่วยปาจำปียกอาหารไปที่ห้องอาหารใหญ่

“ป้าบอกแล้วว่าไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ ดูซิ  นังสานังแก้วมันว่างจนเดินหายใจทิ้งไปหลายลิตรแล้ว”ป้าจำปีว่าไม่จริงจังนัก  เรียกเสียงกระเหง่ากระงอดจากพี่สากับพี่แก้วได้มาก

หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็เดินออกมาหน้าบ้านเพื่อจะไปขึ้นรถเมย์หน้าปากซอยเพื่อจะไปเรียน  แต่เพราะมันแต่มองนาฬิกาข้อมือ ผมก็เลยเดินชนเข้ากับอะไรบ้างอย่าง

“ฮือๆๆๆๆ”เสียงเล็กร้องขึ้นมาอย่างดังทำให้ผมตกใจ แทบจะทำกระเป๋าหลุดมือ

“น้องกันต์ เป็นไรครับ “เสียงทุ่มคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมาเกือบ5ปี ทำให้สองแขนของผมที่กำลังจะไปพยุงเด็กตรงหน้าชะงักค้าง

“ฮือออ เจ็บ น้องกันต์เจ็บฮะคุณพ่อ”ผมได้แต่มองผู้ชายตัวโตท่าทางดีวิ่งมาอุ้มเด็กน้อยตรงหน้าพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่คอยปาดน้ำตาให้

ภาพเหตุการณ์ตรงหน้ามันเหมือนกับเมื่อ6ปีก่อน  เหมือนที่เขาเคยทำให้ผม

“พี่นนต์”ผมพึมพำเรียกชื่อคนตรงหน้า

ภาพแรกที่เข้ามาในหัว คือภาพงานแต่งงานของคนตรงหน้า  ภาพที่เขาจูงมือหญิงสาวแสนสวยในชุดขาวลงมาตามทางเดิน  รอยยิ้มเต็มเปี่ยมสุขเต็มไปทั่วใบหน้า แม้ว่าที่ๆตรงนั้นจะไม่ผมอยู่ด้วยก็ตาม

รู้ตัวอีกทีผมก็เดินตามพี่นนต์เข้ามาในบ้านใหญ่แล้ว

“น้องกันต์มาหาปู่มา คิดถึงจังเลย”พอเข้ามาในบ้าน ลุงธนต์ก็เข้ามารับเด็กชายตัวเล็กที่พี่นนต์กำลังอุ้มอยู่ไปกอดทันที

“เอ่อ เกรวขอไปเรียนก่อนนะครับ”ผมพูดขึ้นเพราะไม่อยากจะเป็นตัวขัดบรรยากาศครอบครัวที่แสนอบอุ่นตรงหน้า

“อ้าว ลืมไป น้องเกรวยังไม่เคยเจอน้องกันต์ใช่ไหม นี่น้องกันต์ลูกชายของไอ้นนต์มัน ไอ้นนต์นี่เกรวจำได้ไหมโตขึ้นเป็นกอง”ลุงธนต์กล่าวแนะนำขำๆเพราะผมเมื่อ7ปีก่อนกับตอนนี้ ไม่ได้โตขึ้นมากอย่างที่ควรจะเป็น

“จำได้ซิ ว่าไงน้องชายไม่คิดจะทักพี่ชายสักคำหรอครับ หืมห์”ฝ่ามือใหญ่ทาบลงบนหัวของผม  มันอุ่นวาบไปตั้งแต่หัวถึงขั้วหัวใจ พี่นนต์ยังเหมือนเดิม  ยังอ่อนโยนและใจดีเหมือนเดิม

“เอ่อ คือสวัสดีครับ”ผมลนลานอยู่สักพักก่อนจะนึกขึ้นได้จึงยกมือไหว้ทักทาย

“555สงสัยจะเขิน”คุณลุงธนต์ว่าขำก่อนจะหันไปคุยกับหลายชายในอ้อมกอดที่ตอนนี้กำลังจ้องผมมองตาแป๋ว

“หึหึหึ”พี่นนต์ขยี้ผมของผมเบาๆ ก่อนจะเอามือออก

“งั้นเกรวขอไปเรียนก่อนนะครับ”ผมทำอะไรไม่ถูกเลยหาทางหนีออกจาสถานการณ์ตอนนี้ ก่อนที่ผมจะทำตัวน่าอายไปกว่านี้ และก่อนที่พี่นนต์จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของผม

“เออ งั้นไอ้นนต์แกไปส่งเกรวซิ เดี๋ยวปู่จะอยู่กับน้องกันต์เองเนอะๆ”ลุงธนต์ว่าขึ้นในขนาดที่กำลังไล่งับนิ้วมือของน้องกันต์ที่กำลังไล่สำรวจไปทั่วใบหน้าอย่างสนุกสนาน

“เอ่อ คือไม่เป็นครับ พอดีเกรวนัดเพื่อนไว้ ไปก่อนนะครับ”ผมรีบยกมือไหว้แล้ววิ่งออกจากบ้านทันที

ตลอดทั้งวันผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยในใจก็คิดแต่ว่าถ้ากลับไปตอนเย็นผมควรทำตัวยังไงดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไม่อยากกลับบ้านของลุงธนต์เลย ทั้งๆที่ความจริง มันไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผมกังวนเลยสักนิด

และเหมือนสวรรค์จะเข้าใจความกังวลใจของผม เมื่อครูใหญ่ขอให้ผมกับเพื่อนๆ ช่วยจัดบายศรีที่จะเอาไว้ตอนรับ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการที่จะมาเยี่ยมชมโรงเรียนในวันพรุ่งนี้

ผมจึงโทรไปขออนุญาตคุณลุงธนต์ก่อน  ท่านก็อนุญาตและบอกว่าถ้ากลับดึกก็ให้โทรมาท่านจะได้ให้คนมารับ  ผมก็ทำได้แค่กล่าวขอบคุณกลับไปเท่านั้น

 ทำไมผู้ชายอย่างผมถึงได้ทำบายศรีน่ะหรอครับ ก็เพราะผมเป็นคนชอบทำอะไรพวกนี้มาก อาจจะเพราะได้เห็นป้าจำปีทำบ่อยๆเวลาที่บ้านลุงธนต์ทำบุญหรือปวงศววงอะไรพวกนี้ ผมเลยได้ลองทำตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้กลายเป็นคนทำบายศรีประจำโรงเรียนไปแล้ว

การทำบายศรีใช้เวลามากกว่าที่คิดเพราะอุปกรณ์มีไม่เพียงพอ กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม

โชคดีที่คุณครูใหญ่ขับรถมาส่งผมจึงไม่ต้องโทรบอกให้ใครมารับ  แต่กว่าจะมาถึงบ้านก็ปาไป5ทุ่มแล้วคนในบ้านหลับกันหมดโชคดีที่ผมมีกุญแกประตูเล็กเลยเข้าบ้านได้โดยไม่ต้องรบกวนใคร

ผมกำลังเดินไปที่สวนข้างหลังเพื่อไปที่ห้องของผมที่อยู่อาคารเดียวกันกับที่พักของป้าจำปีและคนงานคนอื่นๆในบ้าน  ที่จริงลุงธนต์ก็บอกให้ผมย้ายไปอยู่บ้านใหญ่ แต่ผมก็ปฏิเสธไป เพราะรู้สึกไม่สะบากใจแค่ท่านให้เรียนและให้ที่พักก็ไม่รู้จะตอบแทนท่านยังไงแล้ว   ผมกล้าที่จะทำตัวสุขสบายไปมากกว่านี้แล้ว

ในขณะกำลังจะเดินไปที่ห้องที่อยู่ด้านหลัง ผมก็เห็นแสงไฟจากห้องจัดเลี้ยงที่เป็นห้องที่ไว้สำหรับแขกมาสังสรรค์ที่ห้องนั้นจะมีเค้าเตอร์บาร์เครื่องดื่ม  ไว้สำหรับนั่งดื่มกันโดยเฉพาะ  ปกติห้องนี้จะไม่ค่อยมีใครใช้ถ้าไม่แขกมา แล้วถ้าเกิดมีแขกมา หน้าประตูของบ้านก็ไม่น่าจะปิดๆฟหมดแบบนี้

ด้วยความสงสัยผมเลยเข้าไปทางประตูหลังที่อยู่ติดกับครัวเพื่อเข้าไปดู

ภาพที่ผมเห็นก็คือคนที่ผมพยายามหาทางหลบหน้าทั้งวัน กำลังนั่งดื่มเหล้าด้วยสภาพที่ไม่หน้าจะดื่มต่อได้อีก

พี่นนต์สะลึมสะลือพยายามควานหาขวดแก้วสีใสที่บรรจุเหล้าสีอำพันไว้  แขนยาวบัดป้ายไปมาอย่างไม่เป็นทิศทาง และเพราะความเมาทำให้มือปัดไปโดนจนขวดแก้วนั้นล่วงลนลงจากเคาน์เตอร์โชคดีที่พื้นห้องนี้เป็นพรมหนาเลยทำให้มันไม่แตกจนเกิดเสียงดังไม่งั้นทุกคนในบ้านคงแตกตื่นกันแน่

“พี่นนต์พอเถอะครับ มันหมดแล้ว”ผมเดินเข้าไปเก็บขวดแก้วขึ้นวางไว้บนชั้นวางที่ๆมันเคยอยู่ก่อนจะเดินเข้ามาหาคนเมาที่ยังพยายามควานหาเหล้าไม่อยู่

“ผมรักคุณ เอฟ ผมรักคุณ”มือที่กำลังจะยื่นไปเขย่าตัวของพี่นนต์ของผมชะงักทันที ที่ได้ยินคำพูดที่ไม่ควรได้ยิน

เอฟ คือใคร

ถึงผมจะไปรู้ที่มาที่ไปแต่ใจผมก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วทำไมผมต้องเจ็บ ในเมื่อผมก็เป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง  และไม่ว่าพี่นนต์จะบอกว่ารักใครมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับผม  แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกชาไปทั้งตัวแบบนี้

“พี่นนต์ครับ ขึ้นนอนเถอะ”ผมเข้าไปพยุงตัวคนเมาให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากโชคดีที่พี่นนต์ยังพอมีสติจึงพยายามยืนด้วยตัวเองบ้าง แต่กว่าผมจะแบกพี่นนต์มาถึงห้องที่ชั้นสองได้ผมก็แทบหมดแรง

ผมค่อยพาพี่นนต์ขึ้นเตียงดีๆ   แต่จู่ๆคนเมาที่ให้ความร่วมมือมาตลอดกลับฝืนตัวไว้ ไม่ยอมขึ้นนอนบนเตียงดีๆ  ชุดกระชากลากถูไปมาอยู่พักหนึ่ง   สุดท้ายผมก็ถูกพี่นนต์ทับทั้งตัวอยู่บนเตียง

“ผม รักเอฟ รักเอฟมากนะ”น้ำเสียงยานคางพยายามพูด ฟังแทบไม่เป็นศัพท์บอกซ้ำไปมา

“พี่นนต์ครับ ลุกเถอะเกรวหนัก”ผมพยายามจะดันตัวคนเมาที่ทับผมออกแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ความร่วมมือเลยสักนิด  “พี่นนต์ปล่อยเถอะครับ”นอกจากจะไม่ลุกแล้ว  พี่นนต์ยังจับมือผมที่พยายามดันเขาออกแน่นไม่ให้ผมดันเขาออกได้อีก

“ไม่ ผมรักคุณ ผมจะไม่ยอมปล่อยคุณไปเอฟ!”จู่ๆคนเมาที่น่าจะหมดเรี่ยวแรง ก็เพิ่มแรงบีบที่ข้อมือผม แล้วกดลงเตียงแน่น  ไม่ให้ขยับ  พร้อมเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกี้ยวกราด

ไม่มีเวลาให้ผมได้ตกใจ  เมื่อจู่ๆพี่นนต์ก็จับข้อมือผมทั้งสองข้างขึ้นไปตึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว  ส่วนอีกมือก็กำลังแกะกระดุมเสื้อนักเรียนของผมอย่างเร่งรีบ

“ไม่ๆ พี่นนต์กำลังจะทำอะไรครับ”ผมพยายามดิ้น เมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่เป็นอย่างที่เคย

  “อย่านะครับพี่นนต์ นี่เกรวเอง  พี่นนต์หยุด”ผมพยายามร้องห้ามเสียงดัง

“หยุดดิ้นซะที อย่าคิดจะเดินไปจากผม คุณต้องรักผม เข้าใจไหม” น้ำเสียงตะวาดน่ากลัวจนทำให้ผมไม่กล้าแม้จะหายใจ 

แต่มันก็ยังน่ากลัวน้อยกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้มาก  มากเกินกว่าที่ผมจะรับมันได้

....................................................

นนต์Talk

ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวสุดๆ เมื่อคืนผมคงดื่มหนักไป เหลือบดูนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง   โชคดีที่ตอนนี้เพิ่ง8โมง น้องกันต์คงยังไม่ตื่น เมื่อคืนผมฝันอีกแล้ว ฝันที่ตามหลอกหลอนผมมาทั้งอาทิตย์  ฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง

 “เฮ้ย!”ในขณะที่ผมกำลังลุกขึ้นจากเตียง ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของเตียงที่ผมเพิ่งลุกขึ้นมา

ผ้าปูเตียงสีขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำบ้างอย่างผสมกับคาบเลือดเต็มไปหมดจนดูหน้ากลัว นี่มันเกิดอะไรขึ้น

“คุณพ่อคับ น้องกันต์ตื่นเอง”เสียงใสมาพร้อมกับประตูไม้บานใหญ่ที่เปิดออก ผมจึงต้องรีบเอาผ้านวมมาคุมเตียงไว้ แล้วรีบเดินไปหาลูกชายที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง

“ทำไมคุณพ่อโป๊”น้องกันต์ถามขึ้นอย่างแปลกใจ ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวผมไม่มีเสื้อผ้าสวมอยู่สักชิ้น

“เอ่อ พ่อกำลังจะอาบน้ำครับ น้องกันต์ลงไปทานอาหารเช้ากับคุณปู่ก่อนโอเคไหมครับ”ผมจูบแก้มใสเบาๆก่อนจะวางน้องกันต์ลงให้เดินออกไปเอง

“รับทราบ”ลูกชายตัวเล็กวิ่งดุกๆไปที่ห้องของคุณปู่ตัวเอง

 ผมจึงกลับมาเครียดกับสภาพเตียงของผมอีกครั้ง ได้แต่ยืนคิดอยู่นานว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  แต่คิดเท่าไหร่ผมก็คิดไม่ออก จำอะไรไม่ได้เลย  ภาพสุดท้ายที่จำได้คือแก้วเหล้าที่ผมกำลังยกขึ้นดื่มเมื่อคืน



........................................................

“วันนี้ไม่เห็นได้ยินเสียงเกรวเลย ไปโรงเรียนแล้วหรอครับ”ผมที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวและจัดการกับผ้าปูที่นอนเสร็จก็เดินมาที่ห้องกินข้าว  เห็นพ่อผมที่กำลังนั่งป้อนข้าวน้องกันต์อยู่ถามกับป้าจำปีที่กำลังยืนมองน้องกันต์ด้วยความเอ็นดู

พอผมเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารป้าจำปีก็เข้ามาตักข้าวใส่จานให้ผม

ตั้งแต่น้องกันต์เกิดชีวิตผมก็มีเรื่องวุ่นวายหลายอย่างจนทำให้ผมไม่เคยพาน้องกันต์มาเยี่ยมครอบครัวที่กรุงเทพเลย ทำให้คนในบ้านไม่เคยเจอน้องกันต์กันเลย  จะมีก็แต่พ่อแม่และน้องสาวผมเท่านั้นที่ค่อยขึ้นไปเยี่ยมผมกับน้องกันต์ที่เชียงใหม่ตลอด

“ไม่สบายน่ะค่ะ”มือที่กำลังตักข้าวของผมชะงักทันที  เหมือนร่างกายของผมมันตกใจอะไรบ้างอย่าง ที่ผมไม่รู้สาเหตุ

“เป็นไรมากไหม”คุณพ่อผมถามอย่างแปลกใจ

“ก็ดูจะหนักพอดูค่ะ นอนคุมโป่งตลอด พอดิฉันจะเข้าไปวัดไข้ให้ก็ ร้องห้ามยกใหญ่บอกไม่เป็นอะไรมาก กลัวดิฉันจะติดหวัด” บ้าจำปีเล่าด้วยน้ำเสียงติดกังวล

“ยิ่งโตยิ่งดื้อ เดี๋ยวฉันจะแวะไปดูเอง”พ่อพูดแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ

“ไม่ได้!”ผมพูดออกไปเสียงดังจนทำให้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว

“เป็นอะไรของแกไอ้นนต์”พ่อถามขึ้นอย่างแปลกใจ  ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงตะโกนออกไปแบบนั้น  มันเหมือนกับร่างกายผมมันรู้สึกกลัวอะไรบ้าง

“เอ่อ คือ เดี๋ยวผมดูให้ก็ได้ครับ พ่อไปทำงานเถอะ”ผมรีบแก้คำพูด

“อะไรของแก พ่อหนูเป็นบ้าหรือเปล่านะ น้องกันต์”พ่อหันไปแหน็บผมกับน้องกันต์ที่เคียวข้าวจนแก้มตุ่ย

“น้องกันต์ไม่แน่ใจ”น้องกันต์เอานิ้วชี้ขึ้นเคาะที่แก้มอย่าคิดหนักทำเอาพ่อผมกับป้าจำปีหัวเราะกันลั่น จนเลิกสนใจการกระทำของผมเมื่อครู่ไป  แสบจริงๆลูกคนนี้แต่ก็นับว่าช่วยผมไว้ได้พอดี

วันนี้พ่อพาน้องกันต์ไปโรงพยาบาลด้วยเพราะแม่ของผมอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งสองวันที่แล้ว เห็นบอกว่ามีเคสใหญ่ที่ต้องดูแลเอง   พ่อเลยกะจะพาน้องกันต์ไปเซอร์ไพร์แม่ เพราะที่ผมกลับบ้าน ผมก็ยังไม่ได้บอกใครเลย

ผมเดินอ้อมมาทางสวนหลังบ้านที่เป็นบ้านพักหลังยาวๆชั้นเดียว ที่นี่เป็นที่พักสำหรับคนงานในบ้าน แต่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไม เกรวถึงต้องมาพักที่นี่ เท่าที่ผมจำได้ล่าสุดเกรวนอนห้องผม แต่หลังจากผมแต่งงานผมก็ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านอีกเลย

เคาะประตูอยู่สักพักก็ไม่มีเสียงตอบกลับผมเลยถือวิสาซะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้องเลย

ห้องเล็กๆมีพัดลมเพดานติดอยู่กลางห้องมีตู้เสื้อผ้าหลังไม่ใหญ่มากนักและมีเตียงเหล็กเท่านั้นที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ในห้อง  รอบๆพื้นห้อง มีหนังสือมากมายวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

ส่วนเจ้าของห้องตัวดีกำลังนอนคุมโปรงอยู่บนเตียงไม่รู้สึกตัว ทั้งๆที่มีคนเข้ามาถึงในห้อง

ทำไมไม่รู้จักระวังตัวบ้างนะ

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะเปิดผ้าห่มออก เห็นใบหน้าใสแดงก่ำและมีเม็ดเหงื่อผุขึ้นเต็มใบหน้า คงเพราะพัดลมไม่ได้เปิดแถมยังห่มผ้าซะขนาดนี้อีก

ผมเอามือทาบที่หน้าผากชื่นเหงื่อดูเพื่อวัดไข้  ตัวร้อนพอดูไม่รู้ว่าเพราะอากาศไข้หรือเพราะความร้อนอบอ้าวจากในห้องนี้กันแน่

แถมยังใส่เสื้อกันหนาวแขนยาวอีก

“ตายจริงเป็นไรมากไหมค่ะ คุณนนต์”ผมตัดสินใจอุ้มเกรวเข้ามาในบ้านใหญ่และพาขึ้นมานอนที่ห้องผมแทน ไม่สบายแบบนี้ควรได้นอนในที่โล่งๆหน่อย

“ดูเหมือนไข้จะสูงนิดหนึ่งน่ะครับ เดี๋ยวผมฝากทำโจ๊กร้อนๆให้หน่อยแล้วกันนะครับ”ผมตอบพร้อมขอให้ป้าจำปีทำโจ๊กไว้ให้ แล้วผมก็เดินไปในห้องน้ำเอาน้ำใส่อ่างที่ทำจากแก้ว ที่อยู่ในห้องน้ำใส่น้ำและหยิบผ้าขนหนูพื้นเล็กติดมืออกมาเพื่อจะเช็ดตัวให้คนป่วย เพราะเหงื่อออกขนาดนี้ถ้าปล่อยไว้ อาการอาจจะแย่ลง

“ให้ป้าเช็ดให้ไหมค่ะ”ป้าจำปีมองอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับผมจัดการเอง ฝากแค่เรื่องโจ๊กดีกว่าครับ ”ผมบอก ป้าจำปีพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกไปเตรียมของที่ผมต้องการให้

ผมเอาผ้าขนหนูมาชุบน้ำบิดหมาดๆเช็ดเข้าที่ใบหน้า พอโดนน้ำสัมผัสผิว คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องก็ปลือตาขึ้นมองผม แต่ดูเหมือนสติจะยังมีไม่มากพอ แต่เมื่อผมพยายามจะถอดเสื้อกันหนาวออก เกรวก็ลุกขึ้นมาขัดขืนทันทีก

“อย่านะครับ”เสียงแหบแห้งร้องห้ามพร้อมฝ่ามือร้อนๆดึงเสื้อไว้ไม่ให้ผมถอดออกได้

“เหงื่อออกขนาดนี้จะใส่เสื้อไว้แบบนี้ได้ไง หืมห์”ผมว่าแล้วเข้าไปถอดเสื้อเกรวอีกครั้ง แม้คนป่วยจะขัดขืนยังไงก็สู้แรงของผมไม่ได้ สุดท้ายผมก็ถอดเสื้อกันหนาวออกจากเกรวได้สำเร็จ

“อย่า!”และเมื่อผมถอดเสื้อกันหนาวออกได้สำเร็จผมก็ต้องตกใจ เมื่อผิวพรรณใต้ร่มผ้านั้น มีแต่รอยขับกัด และแดงที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำนับไม่ถ้วน เต็มตัวไปหมด

ภาพตรงหน้ามักกำลังตอกย้ำความสงสัยของผมเมื่อเช้าได้เป็นอย่างดี

“อย่า ฮือๆๆ อย่ามอง อย่าทำผมฮือๆๆ”ร่างเล็กขดตัวเข้าหากันอย่างวาดกลัวพร้อม เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแสดงถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัวจนน่าตกใจ

ภาพที่ผมคิดว่าเป็นเพียงความฝันเมื่อคืนแล่นเข้าในหัวของผมไม่ขาดสาย

“พี่รักเอฟ รักเอฟมานะ”

“พี่นนต์ครับ ลุกเถอะเกรวหนัก”

“ไม่ ผมรักคุณ ผมจะยอมปล่อยคุณไปเอฟ!**”จู่ๆ

“ไม่ๆ อย่านะครับพี่นนต์ ผมเกรวนะครับ พี่นนต์หยุด”

“หยุดดิ้นซะที อย่าคิดจะเดินไปจากผม คุณต้องรักผม เข้าใจไหม”

มันไม่ใช่ความฝัน

“อ๊ะ อ่า..พี่..ฮือ..ผมเจ็บ..หยุด..”

“อ๊า รู้สึกดีจริงๆ” ผมเร่งการสอดใส่ไปยังคนเบื้องร่างอย่างไม่เบาแรง

“หยุดเถอะครับ ผมอึก..ขอ..ร้อง..อ๊ากก” กระแทกแรงๆสองสามครั้งสุดก่อนจะปล่อดปล่อยออกมา

“ผมรักคุณเฟ รักคุณ เป็นของผมเถอะ เป็นของผมแค่คนเดียว”

นี่ผมทำบ้าอะไรลงไป

TBC.

พอเริ่มแต่งนิยายทีไร มันก็จะมีเรื่องวุ่นๆเข้ามาตลอดเลย  เดี๋ยวก็สอบเเล้วเดือนตุลาอาจจะไม่ได้ลงนิยายเลย 

จริงๆมันก็มีเวลาให้ลง แต่ตอนนี้กำลังเห่อเเต่งนิยายเเนวเเฟนตาซี  เป็นครั้งเเรกที่ลองเเต่งเเนวนี้เดี๋ยวถ้าเขียนได้เยอะๆอาจจะเริ่มเอาลงเว็บ แต่คงแต่งคู่กับพี่หมอกับน้องเกรวไปด้วยเเระ

ฝากติดตามด้วยนะครัช

หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 15-09-2017 16:44:58
เรื่องใหม่มาประเดิมก่อน แต่สัญญานะ ว่าจะลงทุกวันเลยยยยย อิอิ :katai4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-09-2017 17:55:29
สงสารน้องจัง รับผิดชอบเลยพี่หมอ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-09-2017 21:34:25
หมอนนท์ต้องรับผิดชอบนะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: saseum ที่ 16-09-2017 14:50:54
ชีวิตเกรวน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 18-09-2017 07:41:13
เข้ามาติดตามด้วยคนครับ :กอด1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-11-2017 05:07:15
รออ่านตอนต่อไปจ้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 06-11-2017 10:37:36
รอออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-11-2017 08:11:55
มีเรื่องนี้ด้วยรึ เพิ่งเห็น ^^
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-11-2017 09:59:55
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 13-11-2017 18:32:36

ตอนที่3

“อืม”ผมตื่นขึ้นมาเพราะความร้อนจากแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านเข้ามาในห้อง มองดูรอบๆก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของผม  แต่เป็นห้องเดียวกับเมื่อคืนที่ผมถูกทำเรื่องเลวร้ายซ้ำๆหลายครั้ง จนสลบไป  เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ร่างกายของผมก็สั่นเพราะความหวาดกลัว จนไม่อาจจะทนอยู่ในห้องๆนี้ได้อีกแม้นาทีเดียว

พยุงตัวลุกขึ้นแม้ร่างกายจะเจ็บไปทั้งตัว แต่ก็ฝืนเดินออกไปจากที่นี่โดยเร็ว

...................................................

“อืม”

ผมรู้สึกตัวอีกครั้งเพราะความเย็นจากผ้าขนหนูที่ชุบน้ำซับไปตามใบหน้า จนอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา  ผมไม่เคยคิดเลยว่าเพียงแค่พยายามลืมตาก็ยังอยากลำบากขนาดนี่ เกือบจะตัดใจแล้วปิดเปือกตาลงอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะมือปริศนา พยายามจะถอดเสื้อผมออก มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหากถูกใครสักคนถอดเสื้อ ถ้าผมไม่เจอเหตุการณ์เมื่อคืนมา

“อย่า!”ผมสะดุ้งสุดตัวขยับหนีมือปริศนาที่พยายามจะถอดเสื้อของผมอีก แต่มันก็ดูเหมือนจะสายเกินไป เมื่อเขาคนนั้นเลิกเสื้อของผมได้เกือบครึ่งตัว

“อย่า ฮือๆๆ อย่ามอง อย่าทำผมฮือๆๆ”มันน่ากลัวเกินกว่าที่ผมจะตั้งสติ มันเหมือนกับเรื่องเมื่อคืนกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้จะอยากวิ่งหนีแค่ไหน  แต่ร่างกายที่บอกช้ำแค่ขยับเพียงนิดเดียวก็เจ็บร้าวไปทั้งตัว

แม้ใจจะกรีดร้องที่จะหนีจากเหตุการณ์ตรงนี้แค่ไหน แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับ

ผมนอนปล่อยน้ำตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อยู่แบบนั้นจนเผลอหลับไปอีกครั้ง

....................................

เพียะ!!

“แก่ทำอะไรลงไป!!!”ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคนตะคอกเสียงดัง จนทำให้ต้องค่อยลืมตาขึ้นมองด้วยความสงสัย

“....................”ภาพที่ผมเห็นตกหน้าทำผมตกใจไม่น้อย 

ลุงธนต์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ยืนกำมือแน่น มองพี่นนต์ที่กำลังยืนก้มหน้า โดยไม่ยอมปริปากอะไรทั้งๆที่มีเลือดไหลที่มุมริมฝีปาก

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเลี้ยงแก่มาเพื่อให้แก่เป็นคนชั่วช้าแบบนี้!”คุณลุงธนต์ยังคงต่อว่าพี่นนต์ด้วยความเดือดดาน แค่ดูก็รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้พ่อลูกทะเลาะกันทั้งหมดเป็นเพราะเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงแบบผม

แม้จะอยากเข้าไปช่วยห้าม แต่ผมกลับหันกลับและปิดตาลง  ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คิดไม่ออกว่าจะสู้หน้าลุงธนต์และคนอื่นๆได้ไง  ถึงต้นเหตุจะไม่ใช่ความผิดผมก็ตาม  แต่ผมก็ไม่สามารถหนีจากการเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้

“ผมจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น”พี่นนต์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ

 “รับผิดชอบยังไง!!  แกคิดว่าทำอะไรถึงจะถ่ายโทษสำหรับสิ่งที่แกทำได้”

“ผมจะแต่งงานกับเกรวครับ”พี่นนต์ตอบนั้นทำเอาผมตกใจจนเกือบจะร้องออกมา  ใจของผมมันเต้นรัว ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่หยุด จนไม่รู้ต้องทำยังไง

“แกจะบ้าหรือยังไง  น้องเป็นผู้ชายนะ  ”ลุงธนต์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน

“ผมรู้ครับ แล้วพ่อคิดว่ามีทางอื่นที่ดีกว่านี้”พี่นนต์ยังคงใช้น้ำเสียงเรียบตอบกลับ ราวกับเรื่องที่พี่นนต์พูดนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กๆ  ที่ไม่สำคัญอะไร  เหมือนกับสิ่งที่พี่นนต์กำลังพูดเป็นแค่สิ่งที่ต้องทำอย่างจำใจเพราะไม่มีทางเลือก

“ผมไม่ต้องการ”ผมพูดขึ้นพร้อมกับเปิดตาแล้วหันหน้าไปทางพี่นนต์และลุงธนต์ที่กำลังยืนอยู่

เพราะความรู้สึกน้อยใจและเสียใจทำให้ผมไม่สามารถทนนอนนิ่งฟังได้อีกต่อไป

ทั้งสองคนนิ่งเงียบมองมาที่ผม ลุงธนต์มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด ส่วนพี่นนต์แค่ยืนมองผมนิ่งๆด้วยสายตาที่ไม่มีความหมาย แค่มอง เหมือนมองก้อนหินก้อนหนึ่งบนพื้นดิน

ติ๊ด~~~~~~~~

ความเงียบถูกทำลายลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ของลุงธนต์ดังขึ้น

“สวัสดีครับ....ครับ...ได้ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้...สักครู่นะครับ”ลุงธนต์คุยโทรศัพท์ พร้อมกับมองมาที่ผมอย่างหนักใจ ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไป

“นั้นไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะตัดสินใจ”น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาก่อนที่พี่นนต์จะเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง ไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด มิหน่ำซ้ำผมยังไม่มีสิทธิแม้จะปฏิเสธ

สุดท้ายผมก็เอาแต่ร้องไห้และผล็อยหลับไป

.....................................................................................

หลังจากตอนนั้นผมก็ไม่เห็นลุงธนต์อีกเลย   ป้าจำปีบอกว่าลุงธนต์ถูกองค์กรสหประชาชาติเรียกไปเพราะที่ดินแดงทางแอฟริกาใต้เกิดสงคราม ซึ่งลุงธนต์เป็นหนึ่งในคณะแพทย์อาสาขององค์กรสหประชาชาติ เมื่อมีเหตุฉุกเฉินและทางนั้นต้องการบุคลากรเร่งด่วน ลุงธนต์ก็ต้องไป

แต่ลุงธนต์ก็ฝากข้อความถึงผมว่า เมื่อลุงธนต์กลับมา จะขอคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่นนต์พร้องกับคุณป้าน้ำซึ่งท่านเป็นแม่ของพี่นนต์ที่ท่านสมัครไปเป็นแพทย์ประจำกับองค์กรสหประชาชาติเมื่อ2ปีก่อน สองสามเดือนท่านถึงจะกลับมาที่บ้านครั้ง

ส่วนพี่นนต์ เพราะว่าลุงธนต์ต้องไปแอฟริกาใต้และยังไม่มีกำหนดกลับพี่นนต์เลยต้องเข้าไปเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลแทน

ผมนอนเป็นไข้อยู่สองวันเต็มๆและอาการก็ค่อยๆดีขึ้น รวมไปถึงความบอกช้ำทางร่างกายเองก็ดีขึ้นมากเช่นกัน  ตอนนี้ผมสามารถเดินไปไหนมาไหนได้แม้จะยังรู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลังบ้างเล็กน้อยแต่ก็ทนได้

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่มีคนอื่นในบ้านรู้นอกจากลุงธนต์ ป้าจำปีเองก็ไม่รู้ ซึ่งนั้นทำให้ผมใจชื่นขึ้นมานิด อย่างน้อยๆก็มีคนในบ้านที่ผมยังสามารถมองหน้าได้แบบเต็มสองตา

“อ้าว น้องเกรวลงมาทำไมลูก พึ่งจะฟื้นไข้เมื่อคืนเอง”นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่ผมออกจากห้อง ผมเดินลงมาที่ห้องครัวเพื่อช่วยงานป้าจำปี

“เกรวหายดีแล้วครับ ให้นอนป่วยอยู่บนเตียงอีกวัน เกรวงคงตัวแบนติดเตียงแน่เลย”ผมว่าพร้อมกับมองดูวัตถุดิบสำหรับทำอาหารอยู่ว่างอยู่เต็มโต๊ะเพื่อจะหาอะไรทำ

“ป้าจำปีทำอะไรอยู่ครับ เกรวช่วย”ผมบอกพร้อมเดินไปที่ผ้ากันเปื้อนที่ห้อยอยู่ที่ผนัง

“อ่ะอะ อย่า วันนี้ไม่ได้ค่ะ อันนี้อาหารของน้องกันต์ เกรวเพิ่งหายดีอาจจะยังไม่หายสนิท เดี๋ยวคุณหนูติดหวัด”ป้าจำปีว่าพร้อมเดินเอาผ้ากันเปื้อนที่ผมกำลังถือยู่ไปเก็บที่เดิม

“ถ้าว่างยังไง ป้าฝากไปเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูกันต์หน่อยค่ะ ช่วงนี้คุณนนต์เข้า โรงพยาบาลทุกวันไม่มีเวลามาเล่นด้วยเธอคงเหงา”

“ครับ”

...

ผมเดินออกจาห้องครัวพร้อมกับน้ำผลไม้และขนม มายังห้องนั่งเล่นของตัวบ้านเห็นน้องกันต์กำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพื้นพรม ด้วยใบหน้าซึมๆ เหมือนกำลงเหงา

บอกตามตรงครับจริงแล้วผมชอบเด็กเล็กๆมาก แต่กับน้องกันต์ไม่ใช่ว่าไม่ชอบอะไร แต่เพราะมันเกิดเรื่องคืนนั้นขึ้น   เลยทำให้ผมไม่ค่อยที่จะกล้าเข้าไปเล่นด้วยเหมือนกันกับเด็กคนอื่น

มันเหมือนกับมีกำแพงบางๆกั้นอยู่

“ของว่างครับ”ผมเดินถือถาดของว่างไปวางไว้ใกล้ๆกับน้องกันต์นั่งวาดภาพอยู่

“........”เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างสงสัย  ก่อนจะขยับตัวถอยห่างไปนิดอย่างระวังตัว  นั้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่เคยแนะนำตัวกับน้องกันต์เลย ตอนที่เดินชนกันวันนั้นผมเองก็ยังไม่ได้ขอโทษเลยด้วย

“เอ่อ สวัสดีครับ พี่ชื่อเกรว  เป็น เอ่อเด็กในบ้านนี้ เราเคยเจอกันแล้ววันแรกที่น้องกันต์มา    ที่เราชนกัน”ผมนั่งลงใกล้ๆน้องกันต์ พร้อมกับพยายามแนะนำตัวให้ดูเป็นมิตรที่สุด

“...............”น้องกันต์นิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมพร้อมกับเอียงคอซ้ายทีขวาที ทำเหมือนกับสงสัยอะไรบ้างอย่าง

“หน้าพี่มีอะไรแปลกๆหรือเปล่า”ผ่านไปเกือบ3นาทีที่ไม่มีเสียงตอบกลับหรือถามไถ่ มีแค่จ้องและจ้อง จนผมอดเกร็งไม่ได้ แม้ใบหน้าของน้องกันต์จะน่ารักแค่ไหน แต่สายตากับเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิด ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะถาม

“ทำไมเป็นผู้หญิงถึงพูดคับล่ะคับ”น้องกันต์ทำหน้ายุ้งก่อนจะถามคำถามที่ทำเอาผู้ชายอย่างผมแทบจะร้องไห้ออกมา

“พี่เป็นผู้ชายครับ เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง”ผมรีบปฏิเสธทันควัน

“จริงหรอ”น้องกันต์ยังคงทำหน้ายุ้งอย่างคิดหนัก

“จริงครับ”ผมตอบพร้อมกับยิ้มแห้งรู้สึกอายไม่น้อยที่ถูกคิดว่าเป็นผู้หญิง อาจจะเพราะผมตัวเล็กแล้วก็ค่อนข้างผอมเลยทำให้ดูอ่อนแอ่นไม่สมชาย เลยถูกคิดแบบนั้น

“น้องกันต์อยากกินน้ำ”เมื่อจบประเด็นของคำถาม น้องกันต์ก็พูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมกับมองมาที่แก้วที่ใส่น้ำผลไม้ในถาด

“นี่ครับ”ผมเลยรีบส่งแก้วน้ำให้ ซึ่งเจ้าตัวก็รับไปโดยไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท

ผมนั่งเล่นกับน้องกันต์อยู่พักใหญ่เราได้พูดคุยได้วาดรูปเล่นด้วยกัน ใช้เวลาไม่นานเราก็สนิทกันอย่างง่ายด้าย  น้องกันต์แตกต่างจากที่ผมคิดไว้มาก เป็นเด็กที่สุภาพ อ่อนโยน และขี้อ้อนเป็นที่สุด

“คนนี้ใครครับ”ผมชี้ไปที่รูปภาพที่ เอ่อ เดาได้ว่าน่าจะเป็นคน คนสองคนจับมือกันที่น้องกันต์กำลังตั้งอกตั้งใจวาด

“คนนี้จี จีน่ะนะเป็นเพื่อนน้องกันต์ ที่โน้น”น้องกันอธิบายอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะทำหน้าเศร้าในเวลาต่อมา

“คิดถึงหรอครับ”ผมถาม น้องกันพยักหน้ารับก่อนจะลงมือระบายสีต่อ  ผมได้แต่ยกมือไปลูบหัวเบาๆด้วยความเอ็นดู น้องกันต์อยู่ที่เชียงใหม่ตั้งแต่เกิด ก็ไม่แปลกหรอกครับที่จะเหงาเมื่อต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพแบบนี้  แถมยังไม่มีเพื่อนใหม่สักคน พี่นนต์เองก็ยุ่งทั้งวัน   ก็คงจะเหงาจริงๆอย่างที่ป้าจำปีบอก

แต่ถึงจะเหงากับอดทนเงียบๆ ไม่ร้องไห้งอแงเลยสักนิด  เป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีๆจริงๆ   ส่วนผมเองก็จำเรื่องสมัยตอนเด็กไม่ได้เลยสักนิด ที่จำได้ก็มีแค่ตอนที่ยังขายพวงมาลัยอยู่กลางสี่แยก มีแต่ความทรงจำที่ขมขืนจนอยากจะลืม  จนลุงธนต์เก็บผมมาเลี้ยงที่บ้านหลังนี้

ทุกวันนี้ที่ผมกินได้นอนหลับแถมได้เรียนหนังสือ ทั้งหมดก็เป็นเพาะคนที่บ้านหลังนี้   บุญคุณนี้ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตผมก็คงใช้คืนไม่หมด

ต่อให้มีเรื่องคืนนั้นก็ตาม แม้จะเสียใจแต่ผมก็ไม่เคยคิดจะโกรธเคืองพี่นนต์เลยสักนิด

และผมก็ไม่ต้องการให้ใครมารับผิดเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น

“คุณพ่อ!” ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดตัวเอง เมื่อน้องกันต์ร้องขึ้นอย่างดีใจก่อนจะวิ่งไปยังด้านหลังที่ผมนั่งอยู่

“เป็นไง คิดถึงพ่อไหม หืมห์ จุ๊ฟ”พี่นนต์พูดขึ้นอย่างสดใส 

“คิดถึงมากกกกกกกก”

“................”ส่วนผมได้แต่เกร็งตัวนิ่งจนไม่กล้าที่จะหันไปมอง

“น้องกันต์ไปเอาน้ำให้พ่อหน่อยครับ”

“..............”ผมยังคงนั่งนิ่ง ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี เรื่องคืนนั้นผมทำใจได้แล้วและไม่คิดที่จะโกรธหรือโทษอะไรพี่นนต์  แต่เรื่องที่พี่นนต์บอกจะรับผิดในสิ่งที่ผมไม่ต้องการนั้น  มันทำให้ผมไม่กล้าจะสู้หน้าพี่นนต์ “เป็นเด็กไม่มีมารยาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ผู้ใหญ่กลับมา ไม่คิดที่จะทักทายเลยหรือไง”



              TBC.


จะลงตั้งแต่เมื่อวานเเต่คอมดันเจ๋ง  ช่วงนี้ก็ยุ่งเหลือเกิน   มาคิดๆดูเเล้วพอพยายามจะเต่งนิยายเมื่อไหร่มักจะมีเรื่องยุ่งเข้ามาตลอด เรื่องนี้ก็จะจบได้ตอนไหนก็ไม่รู้

แต่ยังไงก็จะพยายามมาลงบ่อยๆที่สุดเท่าที่ทำได้ จริงๆเขียนไว้เยอะเเล้ว แต่อาจจต้องรอมาตรวจคำผิดบ้าง ซึ่งนั้นก็คงต้องใช่เวลาเพราะไม่เก่งเรื่องนี้

ขอบคุณที่ยังติดตามนะ  ​
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-11-2017 19:37:20
หายไปนานมากเลย มาอัพบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 13-11-2017 20:16:07
ติดตาม ติดตาม
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 13-11-2017 23:15:06
คนเขียนไม่หาย คนอ่านคนนี้ก็ไม่หายเช่นกันค่ะ
ติดตามๆ   ^^
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 14-11-2017 00:06:31
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-11-2017 03:03:57
เกรวเอย  สู้ ๆ นะหลาน ทำตัวติดไปกับหลานกันต์ไปก่อนแล้วกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-11-2017 07:55:39
หายไปนานเลยนะคะ พี่หมอก็ทำเป็นดุนะคะ คิดหน่อยค่ะจะให้คนที่โดนตัวเองข่มขืนทักเนี่ยนะคิดหน่อยนะคะเป็นหมอซะเปล่า
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-11-2017 13:50:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 20-11-2017 22:04:22
ตอนที่4

“เป็นเด็กไม่มีมารยาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ผู้ใหญ่กลับมา ไม่คิดที่จะทักทายเลยหรือไง”เสียงทุ้มเอยว่าอย่างตำหนิ แตกต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ 

ยิ่งทำให้ผมเกร็งเข้าไปใหญ่ ถึงจะรู้ว่าตัวเองเสียมารยาท แต่ก็อดน้อยใจกับน้ำเสียงและคำพูดตำหนิตรงๆของพี่นนต์ไม่ได้

“ ส...สวัสดีครับ”ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปทางพี่นนต์พร้อมยกมือไหว้เร็วๆ พยายามไม่มองหน้าพี่นนต์

“พี่ว่าเราต้องคุยเรื่องมารยาทกันใหม่นะ ถ้าจะไหว้พี่แบบนี้”ผมเงยหน้าขึ้นทันทีที่พี่นนต์พูดจบ แอบเดือดที่จู่ๆก็เหมือนโดนหาเรื่องทั้งๆที่เรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าที่พี่นนต์ทำผมก็ไม่เคยต่อว่าอะไรพี่นนต์สักเอะ

หลังจากกอดอกพิงขอบประตูห้องนั่งเล่น มองผมอย่างตำนิเสร็จก็หันหลังกลับ เดินขึ้นชั้นสองไปทันที

“พี่เกรวคุณพ่อล่ะครับ”ผมยืนน้อยใจอยู่คนเดียวได้ไม่นานน้องกันต์ก็วิ่งมาหา พร้อมกับป้าจำปีที่ในมือมีถาดที่มีแก้วน้ำเย็น1ใบ

“อยู่ข้างบนครับ”ผมตอบเสียงเรียบมองน้องกันต์ที่ขมวดคิ้วเล็กๆ ทำหน้าประหลาดอยู่  ลูกก็ออกจะน่ารักขนาดนี้ แล้วทำไมคนพ่อถึงได้ใจร้ายนักนะ  ตั้งแต่เจอกันก็ไม่เคยทำหน้าอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนเลยสักครั้ง

“งั้นน้องเกรวช่วยคุณหนูยกน้ำไปให้คุณนนต์หน่อยได้ไหม ป้ายังทำอาหารเย็นไม่เสร็จเลย นังสาก็ลืมซื้อผักเลยให้ออกไปซื้อใหม่”ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินคำขอให้ช่วยยกน้ำไปให้พี่นนต์  จากเหตุการณ์เมื่อกี้ บอกตามตรงผมยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับพี่นนต์เลย

“เอ่อ คือ...ก็ได้ครับ”แม้จะอยากทำแต่ผมก็ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่ถูกขอให้ช่วยจากป้าจำปีได้  เลยยื่นมือไปรับถาดใส่แก้วน้ำพร้อมกับเดินตามน้องกันต์ขึ้นไปที่ชั้นสอง   ตอนแรกไปที่ห้องนอน แต่ไม่เจอพี่นนต์เลยไปที่ห้องทำงานของคุณลุงแทน

ก๊อก ก๊อก

“เชิญครับ”ได้ยินเสียงอนุญาตจากด้านในผมก็เปิดประตูให้น้องกันต์ก่อนจะเดินตามหลังถือแก้วน้ำเข้าไป  พี่นนต์กำลังยืนเลือกหนังสือที่ชั้นหนังสือ  น้องกันต์วิ่งไปหาพี่นนต์ ส่วนผมก็รีบเอาน้ำไปว่างไว้ที่โต๊ะทำงาน เพื่อเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับพี่นนต์

พอวางเสร็จผมก็พยายามรีบออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนใกล้พี่นนต์ก็เรียกผมไว้

“เกรวเอาน้ำมาให้พี่”ผมเงยหน้ามองพี่นนต์ที่ตอนนี้กำลังยืนอ่านหนังสืออยู่ที่ชั้น โดยมีน้องกันต์กำลังกอดขาทั้งสองข้างแล้วยื่นหัวออกมาระหว่างขาทั้งสองข้างของพี่นนต์ อย่างสนุกสนาน

“........”ผมยืนจมกับความคิดของตัวเองได้ไม่นานก็ถูกพี่นนต์เร่งอีกครั้งจนสุดท้าย ผมก็ต้องหันหลังกลับไปหยิบน้ำแล้วเดินมาหาพี่นนต์ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนมายืนอุ้มน้องกันต์แทนแล้ว

“น้ำครับ”ผมพูดพร้อมยื่นแก้วน้ำให้พี่นนต์  แต่พี่นนต์กลับเอาแต่จ้องผมไม่ยอมรับแก้วน้ำไป

“มือพี่ไม่ว่าง”พี่นนต์ว่างเสียงเรียบ แววตาที่เคยไร้ความหมายส่อแววเจ้าเล่ห์

“ครับ?”ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่นนต์ต้องการ บอกให้เอาน้ำมาให้แต่กลับไม่ยอมรับไปดื่ม แถมอ้างว่ามือไม่ว่าง แล้วแบบนี้ผมควรต้องทำยังไง

“ป้อนทีซิ”ผมถลึงตาทันทีด้วยความตกใจ  จู่ๆก็มาบอกให้ป้อนทั้งทีก่อนหน้านี้ยังเอาแต่ว่าผมอยู่เลย

“เร็วพี่หิวน้ำ”ไม่ใช่แค่คำพูดที่เร่งให้ผมทำยังมีสายตาทั้งของพี่นนต์และน้องกันต์ที่จ้องมาที่ผม เหมือนจะบอกว่า ทำไมยังไม่ทำสักทีอะไรแบบนั้น

“ครับ”ผมตอบรับพร้อมกับเอื้อมตัวส่งแก้วน้ำไปที่ริมฝีปากพี่นนต์ พร้อมกับค่อยยกก้นแก้วขึ้นเพื่อให้น้ำไหลไปตามแรงโน้มถ่วง
ตลอดเวลาที่ต้องประคองแก้วน้ำให้พี่นนต์ดื่ม ใจของผมมันก็กลับเต้นแรงจนมือไม้แทบสั่น ยิ่งใกล้จะหมดผมยิ่งต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้ ใจผมก็เต้นแรกขึ้นเรื่อยจนผมได้ยินเสียง กว่าจะหมดแก้วผมก็แทบจะหมดแรง

“ก็แค่นี้”ว่าจบก็อุ้มน้องกันเดินไปเปิดประตูแล้วออกจากห้องไป 

.......................................

“เกรวไปโรงเรียนก่อนนะครับ”วันรุ่งขึ้นผมก็รีบตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน

“ทำไมไปแต่เช้าจังน้องเกรว”พี่ษาที่ตอนนี้กำลังช่วยป้าจำปีทำอาหารเช้าถามขึ้น

“เกรวหยุดหลายวันแล้วอ่ะครับ เรียนไม่ทันเพื่อนแล้วว่าจะรีบไปดูก่อนว่าเพื่อนเรียนถึงไหนแล้ว  เกรวไปก่อนนะครับ”พูดจบผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านโดยไม่หันไปสนใจเสียงร้องเรียกของป้าจำปี 

ที่ต้องรีบแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  ผมไม่อยากเผชิญหน้ากันพี่นนต์  ดูจากเหตุการณ์เมื่อวานผมคิดว่าผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพี่นนต์ในตอนนี้  แม้จะไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไร แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมเผชิญหน้ากับพี่นนต์จริงๆ

“น้องเกรวไปโรงเรียนหรือลูก”ผมเดินออกมาจากบ้านได้ไม่นานก็เจอกับคุณหญิงพิมพ์ เพื่อนบ้านหลังติดกัน เพิ่งจะใส่บาตรเสร็จ เห็นผมจึงทักท้าย ผมยกมือไหว้ท่าน ก่อนจะเดินเข้าไปหา

 “ครับ”ผมตอบยิ้มๆ

“จริงซิ หนูมีธุระอะไรต้องรีบไหม”คุณหญิงถามด้วยสีหน้าเกรงใจ

“ไม่มีครับคุณหญิงมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”  ผมตอบพร้อมกับช่วยถือถาดใส่ของตักบาตรเดินตามเข้าไปในบ้าน
ปกติผมจะเดินออกจากหมู่บ้านแล้วไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าหมู่บ้านไปโรงเรียน  แต่บ้างวันถ้าลุงธนต์ไปทำงานพอดี ท่านก็จะแวะมา
ส่งผมที่โรงเรียนก่อน

“ก็ไม่ใช่อะไรสำคัญหรอก พอดีลูกชายคนเล็กป้าที่เพิ่งจะกลับมาจากแคนนาดา ป้าเลยให้เข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับหนูป้าเลยอยากให้ช่วยไปโรงเรียนพร้อมกันได้ไหม เพื่อเขาอยากรู้อยากถามอะไร  เดี๋ยวป้าให้คนรถไปส่ง”เราเดินเข้ามายังตัวบ้าน ไม่นานก็มีคนงานของบ้านนี้เดินมารับเอาถาดใส่ของทำบุญที่ผมถืออยู่ไปเก็บให้

“อ่อ ได้ครับ”ผมตอบรับ

“พอดีเขาไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ แล้วดันอยากกลับมาเรียนที่นี่กะทันหัน ป้าก็ไม่อยากขัดใจ จริงๆก็อยากให้กลับมานานแล้ว ไปอยู่โน้นพ่อเขาก็ต้องทำงาน ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเท่าไหร่  เลยนิสัยเด็กนอกเต็มๆ ป้าจะให้ไปโรงเรียนคนเดียวก็กลัวจะไปมีเรื่องมีราว ยังไงวันนี้ฝากน้องเกรวช่วยดูหน่อยนะลูก”ผมเคยได้ยินว่าสามีของคุณหญิงทำงานที่สถานทูตที่แคนนาดาแต่ก็ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่นัก  ลูกชายคนเล็กของท่านเลยเกิดที่นั้น  และพอลูกชายคนเล็กเริ่มโต  คุณหญิงเลยขอกลับมาอยู่ไทยเห็นบอกไม่ถูกกับอากาศหนาวๆ เลยให้ลูกชายเรียนที่นั้นแล้วท่านก็กลับมาไทยแต่ก็บินไปๆมาๆที่โน้นบ่อยๆ เพราะทุกครั้งที่ท่านกลับมาก็มักจะมีของฝากมาให้ผมเสมอ

“งั้นเดี๋ยวป้าไปตามลูกชายก่อน ไม่รู้ป่านนี้ตื่นหรือยังหนูนั่งรอที่โซฟาก่อนนะลูกเดี๋ยวป้าให้แพรวยกน้ำมาให้”

“ไม่เป็นไรครับ เกรวทานมาแล้ว”ผมบอกปัดอย่างเกรงใจ

“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก นั่งรอแปบนะ”ว่าจบท่านก็เดินขึ้นชั้นสองไป ไม่นานหลังจากท่านขึ้นไปพี่แพรวก็ยกน้ำองุ่นมาให้ เห็นบอกว่าสามีของคุณหญิงได้มาจากการทำงานเยอะเลยส่งมาพร้อมลูกชายคนเล็ก

“โถ คุณแม่นี่เพิ่งจะ7โมงครึ่งเองนะครับ”

“จะแปดโมงแล้วต่างหาก  นี่เดี๋ยวรถก็ติดไปเรียนไม่ทันกันพอดี  อย่าโอ้เอ้ น้องเกรวรอนานแล้วลูก”ผมได้ยินเสียงของคุณดังไล่ลงมาจากชั้นสอง ไม่นานท่านก็ลงมายิ้มให้ผมเหมือนกำลังขอโทษที่ปล่อยให้รอ

“ไหนครับไกด์ของผม”ไม่นานหลังจากที่คุณหญิงเดินลงมา เด็กผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีในชุดนักเรียนแบบเดียวกับผมก็เดิมตามออกมา

“นี่ไง น้องเกรวคนนี้ลูกชายคนเล็กของป้า ชื่อตาบาส เรียน เกรด12น่าจะชั้นเดียวกับหนูนะ”คุณหญิงแนะนำลูกชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เฮ้  ทำไมเธอใส่เครื่องแบบผู้ชายล่ะ ไม่ใช่ว่าที่ไทยต้องแต่งตัวตามเพศหรอ”ไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวทักทายกลับ จู่ๆลูกชายของคุณหญิงก็ทักขึ้นพร้อมเดินเข้ามาใกล้แล้วจ้องหน้าผมอย่างสงสัย

“.......”ผมรีบหันไปมองคุณหญิงทันที อย่างอับอาย เมื่อวานโดนน้องกันต์คิดว่าเป็นผู้หญิงทีหนึ่งแล้ว เช้านี้ยังถูกคนที่เพิ่งเคยจะเจอหน้าคิดว่าเป็นผู้หญิงอีก

“5555 ตาบาสก็ ขอโทษนะน้องเกรว นี่ตาบาสมองดีๆ หนูเกรวเป็นผู้ชายนะลูก ถึงจะน่ารักกว่าผู้หญิงก็เถอะ”คุณหญิงว่าขำๆ ยิ่งทำให้ผมหน้าร้อนเข้าไปใหญ่

“เอ่อ เดี๋ยวสายแล้วเกรวว่าเราไปโรงเรียนเถอะครับ”ผมลุกขึ้นยืนทันที อย่าจะหนีสถานการณ์น่าอายตรงนี้ให้เร็วๆ

“จริงซิ ไปได้แล้วตาบาส”คุณหญิงดันหลังลูกชายคนเล็กให้เดินออกจากบ้าน พวกเราเลยเดินมาที่รถที่จอดรออยู่แล้ว

“คุณหญิง สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถ

“ฝากตาบาสด้วยนะน้องเกรว ถ้าทำอะไรไม่ดีป้าอนุญาตให้ตีได้เลย”ท่านว่าทีเล่นทีจริง ก่อนจะดันหลังผมให้ขึ้นรถตามลูกชายไป พอขึ้นรถเรียบร้อย รถก็ออกตัวทันที 

โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าในขณะนั้นผมกำลังถูกใครบ้างคนด้านนอกจับตามองอยู่ด้วยความไม่พอใจ

“นี่ เป็นผู้ชายจริงหรอ”รถออกจาตัวบ้านไม่นาน  จู่ๆคนที่เอาแต่กดมือถือตั้งแต่เมื่อกี้ก็ถามขึ้นมา

“จริงซิ เราเหมือนผู้หญิงตรงไหน”ผมหันไปตอบเริ่มรู้สึกไม่พอใจนิดๆเหมือนกันที่ถูกถามอีกครั้ง

“......ทุกตรง...”บาสมองผมไล่ตั้งแต่หัวลงไปจนถึงเท้าและมองไล่กลับขึ้นมาอีก ก่อนจะตอบคำถาม

“...........”อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจในคำตอบ 

“5555 ยิ่งทำหน้าแบบนี้ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่”แทนที่อีกฝ่ายจะสำนึก แต่กลับหัวเราะเสียงดังจนพี่คนขับรถหันมามอง ปกติผมจะเป็นคนที่โมโหยากมาก แทบจะไม่เคยโมโหใครเลยก็ว่าได้  แต่กับผู้ชายตรงหน้านี่ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะควันออกหูจริงๆ

“โอเคๆๆ ไม่แกล้งแล้ว  อ๊ะ“ผมหันไปมองมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกส่งมาให้

“อะไร”ผมถามอย่างสงสัย

“ก็ขอเบอร์ไง ไหนๆก็รู้จักกันแล้ว”บาสพูดพร้อมยื่นมือถือให้ผมอีกครั้ง

“เราไม่มีมือถืออ่ะ เบอร์บ้านได้ไหม”ผมรับมือถือมาก่อนจะมองช่องที่ให้พิมพ์หมายเลขโทรศัพท์

“ห๊า! ไม่มีมือถือ จริงดิ! ยุคนี้อ่ะนะ”บาสร้องอย่างตกใจ ทำเอาผมสะดุ้งไปด้วย

“ก็ไม่จำเป็นนี่ อีกอย่างผมคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าโทรหรอก”ผมบอกปกติ พร้อมพิมพ์เบอร์บ้านที่เป็นเพียงช่องทางเดียวที่จะติดต่อผมได้

จริงๆลุงธนต์เคยซื้อให้ผมแล้วครั้งหนึ่งแต่เพราะความไม่ระวังผมเลยทำมันตกน้ำพังไป จริงๆลุงธนต์ก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วยังบอกจะซื้อเครื่องใหม่ให้ผม  แต่เพราะด้วยความรู้สึกผิดเพราะราคามันไม่ใช่ถูกๆ แถมผมก็ยังไม่ค่อยได้ใช้อะไร ผมเลยขอไม่ให้ท่านซื้อให้ใหม่ จนตอนนี้แม้ผมไม่มีมือถือผมก็ไม่รู้สึกว่าจะมีปัญหาอะไรในการเรียน เพราะไม่มีเลยไม่ต้องเล่นหรือคุยกับคนเพื่อนมากมาย ผมเลยมีเวลาว่างไปอ่านหนังสือกับช่วยงานบ้านที่บ้านเยอะเลย

“oh my god! มันมีเรื่องแบบนี้จริงๆด้วยหรอ  ที่แคนนาดาเด็ก2ขวบยังมีเป็นของตัวเองเลย”ว่ารับโทรศัพท์คืนไปพร้อมมองเบอร์บ้านอย่างไม่เข้าใจ

ตลอดทางเลยเอาแต่บ่นเรื่องที่ผมไม่มีโทรศัพท์มือถือ ว่าไม่เข้าใจอย่างโน้นอย่างนี้ตลอดทางจนมาถึงโรงเรียน เรื่องนี้ก็ยังไม่จบ ทั้งๆที่เป็นเล็กๆของผม แต่อีกฝ่ายกลับทำเหมือนเป็นเรื่องสำคัญ เลยทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะดีใจที่บาสใส่ใจกับเรื่องเล็กๆของผมขนาดนี้ ถึงแม้จะดูเป็นคนไม่มีมารยาทไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

“งั้นเอางี้ เดี๋ยวซื้อให้  เพื่อนคนแรกที่ไทยดันทำตัวเป็นมนุษย์หินแบบนี้รับไม่ได้อ่ะ”ว่าจบก็เปิดประตูลงรถทันที ไม่รอให้ผมได้มีโอกาสปฏิเสธสักนิด

TBC.

คู่เเข่งมาเเล้วอีพี่หมอตายแน่ :katai3:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-11-2017 22:19:23
เพื่อนใหม่นี่จะทำให้ปวดหัวมากกว่าเดิมไหมเนี่ย ไหนจะปวดหัวกับเฮียหมอเดิมอยู่แล้ว แต่เกรวซะอย่างสู้ไหวอยู่แล้ว  :ped149:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-11-2017 22:30:44
เฮียแกล้งน้องทำไมค่ะหรือนี่คือวิธีกระชับมิตรกันค่ะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Buttercup-oo ที่ 20-11-2017 22:38:22
พี่หมอ. จะสู้หรอถอยจ๊ะ เอาดีๆ. ฝั่งโน้นก้มาแรงน่ะ. เดกนอก วัยเท่ากัน. แหมมมม. เป็นห่วงว่าจะแพ้จิงๆ 55 :laugh: :jul3:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-11-2017 23:38:06
พี่หมอมีศัตรูแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-11-2017 22:39:40
อิพี่หมอ ทำผิดแล้วยังมาใจร้ายกับเค้าอีกนะ นิสัย!!
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 27-11-2017 23:28:12
น่าติดตาม ๆ รอค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 07-12-2017 21:44:16
ตอนที่5

“กลับมาแล้วครับ”ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อทักทายป้าจำปีที่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่

“กลับมาแล้วหรอน้องเกรว กลับซะเย็นเลย”ปกติโรงเรียนจะเลิกประมาณบ่าย3ครึ่ง ผมจะถึงบ้านไม่เกิน4โมงครึ่ง แต่เพราะผมหยุดเรียนไปหลายวันเลยมีงานที่ยังไม่ได้ทำส่งอาจารย์อยู่หลายวิชา ทำให้กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะ6โมงครึ่งแล้ว

“พอดีเกรวต้องทำงานส่งอาจารย์ครับ เลยกลับช้า”ผมบอก ก่อนจะขอตัวไปเปลี่ยนชุดข้างบน

ห้องที่ผมพักอยู่ตอนนี้นั้นเป็นห้องนอนแขกที่ปกติจะไม่มีใครใช้ ซึ่งก่อนจะเดินไปถึงห้องของผมก็ต้องเดินผ่านห้องนอนของพี่นนต์ก่อน ไม่รู้ทำไมทั้งๆที่คิดว่าทำใจเรื่องคืนนั้นได้แล้ว แต่ทุกครั้งที่ต้องเดินผ่านห้องนี้ ตัวผมมันก็เกร็งสั่นไปหมด จนบ้างครั้งก็แทบก้าวขาให้พ้นประตูห้องนี้ไม่ได้

“พี่เกรว”ผมสะดุ้งตัวโย เมื่อได้ยินเสียงเรียกหันกลับมาก็เจอน้องกันต์ที่ในมือมีตุ๊กตากระต่ายสีน้ำตาล กำลังดึงชายเสื้อนักเรียนของผมอยู่

“คะ..ครับ”ผมตอบรับพร้อมหับเอามือลูบหัวน้องกันต์

“ไปไหนมา”น้องกันต์ช้อนสายตาถามอย่างสงสัย

“ไปโรงเรียนครับ น้องกันต์เหงาหรอ”ผมจุงมือน้องกันต์เดินไปที่ห้องตัวเอง โชคดีที่มีน้องกันต์เดินด้วยผมเลยเดินผ่านประตูห้องพี่นนต์ได้อย่าไม่ลำบากใจ

“กันต์ก็ไปโรงเรียนต์มา”น้องกันต์ส่ายหน้าก่อนจะตอบอย่างอารมณ์ดี

“น้องกันต์ไปโรงเรียนมาหรอ”ผมเปิดประตูห้องก่อนจะจูงมือน้องกันต์เดินเข้าไป  น้องกันต์พยักหน้าแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงพร้อมมองสำรวจรอบๆห้องอย่างสนใจ

จะว่าน้องกันต์เองก็คงถึงวัยเข้าเรียนแล้ว เคยได้ยินว่าอยู่ที่เชียงใหม่ก็เข้าเตรียมอนุบาลแล้ว เพราะย้ายกลับมาที่กรุงเทพกะทันหัน เลยหยุดเรียนไประยะหนึ่งซินะ

“แล้วสนุกไหมครับ”ผมเอากระเป๋าไปวางแล้วเดินมาหาน้องกันต์ที่เตียง

“สนุกครับ มีเพื่อนเยอะเลย แต่ไม่มีจี”น้องกันต์พยักหน้าก่อนจะตอบด้วยเสียงติดเสียดายที่ไม่เห็นเพื่อนที่โรงเรียนเก่าในโรงเรียนใหม่

“เดี๋ยวสักวันต้องได้เจอกันแน่ครับ”ผมปลอบพร้อมลูบหัวน้องกันต์เบาๆ

ผมไม่ค่อยรู้เรื่องน้องกันต์เท่าไหร่นัก เพราะตั้งแต่พี่นนต์แต่งงานก็ย้ายออกจากบ้านไปอยู่เชียงใหม่เลย เพราะพี่นนต์ตั้งใจที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น  ผมไม่ค่อยรู้เรื่องแม่ของน้องกันต์มากนัก  รู้แค่ว่าพี่นนต์หย่ากับเธอเมื่อ3ปีก่อน  ซึ่งในตอนนั้นน้องกันต์อาจจะเพิ่งคลอดออกมาก็ได้

พอมองน้องกันต์ก็ทำให้นึกถึงเรื่องตัวเองในสมัยเด็กๆ ผมจำได้ลางๆว่าผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่สีขาว มีสนามหญ้าที่มีต้นไม้ปลูกเต็มไปหมด มีพ่อและแม่ที่ใจดี เมื่อผมนึกถึงผมได้ยินแต่เสียงหัวเราะของพวกท่านที่ฟังดูเต็มไปด้วยความสุข  แต่กลับไม่เคยเห็นใบหน้าของพวกเขาเลย  ผมจำได้แค่นั้น มันเลื่อนลางจนบ้างครั้งอาจจะเป็นเพียงแค่จิตนาการที่ผมสร้างขึ้นมาหลอกตัวเองก็ได้

หากผมมีชีวิตอย่างที่คิดจริง แล้วทำไมผมถึงถูกบังคับให้ไปขายพวงมาลัยกลางสี่แยกแบบนั้นล่ะจริงไหมครับ

“พี่เกรว ๆ”เพราะมั่วแต่เม่อ จมไปกับความคิดของตัวเองจนน้องกันร้องเรียกหลายครั้ง

“หืมห์”ผมตอบรับเสียงเรียกเล็กนั้นอย่างไม่ค่อยมีสตินัก

“หิวแล้ว”น้องกันพูดเสียงอ้อนก่อนจะมองที่ท้องป่องเล็กๆของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มอย่างเขินอาย ถึงเเม้จะไม่มีแม่แต่พี่นนต์ก็เลี้ยงน้องกันมาได้อย่างดีที่สุด ผมรับรู้ได้ถึงสิ่งที่น้องกันต์เป็น  เด็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาใจใส่ในครอบครัวที่อบอุ่นมักจะมีบรรยากาศรอบตัวที่สดใสและน่ารักเสมอ

“งั้นไปกินข้าวกันต์ พี่นนต์เอ่อ คุณพ่อน้องกันต์อาจจะกลับดึกน้องกันต์ไปกินพร้อมพี่เกรวกัน”ผมบอก พร้อมลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู น้องกันพยักหน้ารับ ผมเลยขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน หลังจากนั้นก็พาน้องกันต์เดินลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหารเย็น

ตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว แต่พี่นนต์ยังไม่กลับ ผมเลยอาสาไปพาน้องกันต์ไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวเข้านอน เพราะน้องกันต์ดูจะง่วงแล้ว

“คุณพ่อล่ะ คุณพ่ออยู่ไหน”ผมอุ้มน้องกันต์วางลงบนเตียงในห้องนอนของผม ตอนแรกน้องกันต์หลับไปแล้วแต่พอผมวางลงที่บนเตียงก็งัวเงียตื่นขึ้นมา ถามหาพี่นนต์

“คุณพ่อยังไม่กลับครับ น้องกันต์นอนก่อนเลยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”ผมบอกพร้อมกับตบหลังเบาๆเป็นเชิงกล่อมให้น้องกันต์นอน  ที่จริงน้องกันต์นอนที่ห้องพี่นนต์ผม แต่เพราะไม่รู้ว่าคืนนี้พี่นนต์จะกลับมาไหมหรือจะกลับดึกแค่ไหน ผมเลยไม่กล้าให้น้องกันต์นอนห้องโน้นคนเดียว อีกอย่างผมก็ไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไปที่ห้องนั้นด้วย เลยตัดสินใจพาน้องกันต์มานอนห้องผมแทน

น้องกันต์หลับลงอีกครั้งอย่างง่ายด้าย ผมเลยเข้าไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวนอนเหมือนกัน พรุ่งนี้บาสบอกจะมารับผมไปโรงเรียนพร้อมกัน  ถึงผมจะปฏิเสธแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมฟังจะมารับท่าเดียว  ผมเลยกะจะตื่นแต่เช้าผมไม่อยากให้บาสมารอ เพื่อทางนั้นตื่นเช้าขึ้นมา

อาบน้ำสระผมเสร็จผมก็เดินออกมาเพื่อจะแต่งตัว  ผมชอบออกมาแต่งตัวนอกห้องน้ำครับ เพราะไม่อยากให้เสื้อผ้าชื้น ผมเองก็ค่อนข้างซุ่มซ้ามด้วย กลัวจะทำเสื้อผ้าที่จะใส่หล่นลงพื้น

“คุณพ่อ”ผมพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวไว้แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำตามปกติ  แต่สิ่งที่ไม่ปกติกลับอยู่ตรงหน้าผม

พี่นนต์ที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตอนไหน กำลังนั่งอยู่บนเตียง มือกำลังลูบหัวน้องกันต์อยู่ ทั้งสองคนพ่อลูกหันมามองที่ผมโดยอัตโนมัติ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนเปลือยท่อนบนโดยที่ท่อนล่างมีเพียงแค่ผ้าขนหนูพ้นไว้อย่างเหม่นเหม่

“จะยืนอ่อยอีกนานไหม”พี่นนต์พูดเสียงเย็นติดไม่พอใจ  ผมเลยรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าที่มีชุดนอนห้อยเตรียมไว้แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

แอบน้อยใจพี่นนต์ไม่น้อยที่ว่าผม ทั้งๆที่ตัวเองเข้ามาห้องของผมโดยไม่ได้รับอนุญาตแท้ๆ

“จะนอนในนั้นหรือยังไง  จะอยู่ในนั้นไปถึงเมื่อไหร่”หลังจากที่ผมใส่ชุดนอนเสร็จ ก็ยืนอยู่ในห้องน้ำเพื่อรอให้พี่นนต์กลับก่อน  เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่นนต์ตอนนี้   แต่ผ่านไม่สักพักพี่นนต์ก็มาเคาะประตูเรียกผมออกไป

“..........”กะจะยืนทำเตรียมใจต่ออีกหน่อย แต่ก็ทนเสียงเคาะประตูเร่งอีกครั้งไม่ไหว ผมเลยเปิดประตูห้องน้ำออกมา

พี่นนต์ยืนกอดอกพิงขอบประตูห้องน้ำ หรี่ตามองว่าที่ผมอย่างตำนิ  ส่วนน้องกันต์ตอนนี้หลับสนิทลงอีกครั้ง

“พี่นนต์มีอะไรหรือเปล่าครับ”หลังจากเปิดประตูห้องน้ำออกมาพี่นนต์ก็เอาแต่ยืนจ้องผมไม่พูดไม่จา จนผมทนกับบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ไม่ได้เลยถามออกไป

“เดี๋ยวนี้พี่ต้องมีอะไรหรือไง ถึงจะเรียกเราให้ออกมาเจอหน้าพี่”พี่นนต์ยืนตัวตรงก่อนจะขยับเข้ามาใกล้  ใกล้จนผมได้กินน้ำยาคาเชื้อที่ใช้ในรพ. มันไม่ได้เหม็นหรือฉุนหรอกนะครับ  แต่ก็นั้นแหละ จะบอกแค่ว่าเรายืนใกล้กันจนผมได้กลิ่นที่ติดมาจากรพ.

ผมเลยถอยหลังทันทีที่พี่นนต์เริ่มขยับเข้ามาใกล้  แต่เพราะความไม่ระวัง พื้นที่ผมถอยหลังไปนั้นเป็น พื้นลดระดับลง เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกจากพื้นห้องน้ำมาในส่วนของพื้นห้อง เลยทำให้ผมเสียหลักเกือบจะล้มหงายหลัง แต่โชคดีที่พี่นนต์คว้าตัวผมไว้ได้ทัน

เหมือนเวลาหยุดนิ่ง หัวใจผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ  ร่างกายสั้นสะท้าน ภาพคืนนั้นลอยเข้ามาในหัวจนผมเผลอผลักพี่นนต์ออกห่างอย่างไม่เบาแรง ด้วยความตกใจ พี่นนต์ก็ยอมคลายอ้อมแขนที่ประคองผมไว้ออกอย่างง่ายดาย

“ขอโทษครับ”ผมบอกขอโทษเสียงอูอี้เริ่มรู้สึกผิดเมื่อเห็นสีหน้าพี่นนต์ที่ดูเหมือนตกใจกับการกระทำของผม

“ที่หลังก็ระวังหน่อย”พี่นนต์ว่าแค่นั้นแล้วหันหลังเดินไปเปิดประตู ก่อนจะหยุดค้างไว้แบบนั้น

“พรุ่งนี้เช้ามีธุระอะไรหรือเปล่า”พี่นนต์หันมาถาม

“เอ่อ คือพรุ่งนี้ลูกชายคุณหญิงน้ำทิพย์ข้างบ้าน ที่เพิ่งย้ายมาเรียนที่โรงจะมารับไป โรงเรียนพร้อมกันครับ”ผมตอบตามจริง

“โทรไปบอกเขาไม่ต้องมา พรุ่งนี้พี่จะไปส่งพร้อมกันต์   ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องไปช่วยงานในครัว ช่วยกันต์เตรียมตัวไปโรงเรียนแทน เข้าใจไหม”ไม่ปล่อยให้ผมได้พูดแทรกเพื่อโต้แย้ง พี่นนต์พูดจบก็เลิกคิ้วถามแกมบังคับ

“ครับ”ผมเลยได้แต่ตอบรับเพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องโต้แย้ง   แม้จะแบรู้สึกไม่พอใจนิดๆก็ตาม

พี่นนต์เดินออกจาห้องไปทั้งทีที่ผมรับปาก  ผมเลยกะโทรไปบอกบาสเรื่องยกเลิกไม่ต้องมารับ  แต่โทรไปเบอร์มือถือก็ไม่มีคนรับ จะโทรไปเบอร์บ้านก็เกรงใจเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว ผมเลยไม่ได้โทรไป เอาไว้โทรตอนเช้าอีกที

ผมก็เลยเข้านอน และทำใจเตรียมพร้อมสำหรับกิจวัตประจำวันที่ต้องเปลี่ยนไปตั้งแต่วันพรุ่งนี้

....................................................

“วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกตินิดหน่อย เพื่อไปเตรียมเสื้อผ้าและข้าวของของน้องกันต์ที่จะไปโรงเรียนอนุบาล   หลังจากจัดเตรียมข้าวของของน้องกันต์ที่จะไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้วผมก็ไปจัดการตัวเอง อาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จและร้อยเพื่อให้น้องกันต์ได้นอนต่ออีกนิด

“น้องกันต์ครับ ตื่นเถอะ”เมื่อผมจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วผมก็เดินไปปลุกน้องกันต์ที่นอนอยู่บนเตียงกับผมตั้งแต่เมื่อคืน

“งืมมม”น้องกันต์ขยับตัวหนีมือผมที่เขย่าตัวเบาๆเพื่อให้ตื่น

“เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะครับ  พี่นนต์ เอ้ย คุณพ่อจะรอนานนะครับ”ผมบอกอีกครั้งน้องกันต์ลืมตาขึ้นมาพร้อมใช้หลังมือขยี้ตาเพราะความง่วง ก่อนจะหันมาจ้องน้าผม แล้วพยักหน้ารับในสิ่งที่ผมพูดเมื่อกี้ 

หลังจากน้องกันต์ตื่นผมก็พาน้องกันต์ไปอาบน้ำแต่งตัว พอเสร็จก็พาลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน  ตะอาหารถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้เป็นแบบอเมริกันที่มีขนมปังปิ้ง ไส้กรอกและไข่ดาว  ผมเลยพาน้องกันไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งตอนนี้เก้าอี้สำหรับเด็กที่คุณลุงธนต์เคยสั่ง มาส่งแล้ว  น้องกันต์เลยนั่งทานมื้อเช้าได้อย่างสะดวก

“มีอะไรในเกรวช่วยไหมครับ”ผมถามป้าจำปีที่ยกน้ำส้มคั้นเย็นๆมาเสริฟให้

“ไม่มีอะไรแล้วจ้า น้องเกรวดูแลคุณหนูเถอะ  อีกเดี๋ยวคุณนนต์คงลงมา”ป้าจำปีว่ายิ้มๆก่อนจะรินน้ำส้มใส่แก้วทั้งสามใบให้

ผมลงมือทานมื้อเช้ากับน้องกันต์เพื่อรอพี่นนต์ได้สักพักพี่นนต์ก็ลงมา

“คุณพ่อ”น้องกันต์ที่ในมือยังมีขนมปังปิ้งกับไส้กรอกอันเล็กๆ ร้องเรียกพี่นนต์ตั้งแต่ใกล้

“กินอยู่อย่างพึ่งพูดครับ”พี่นนต์เดิมมาจูบที่หัวน้องกันต์พร้อมกล่าวเตือนไม่จริงจัง ก่อนจะไปนั่งที่หัวโต๊ะใกล้กับน้องกันต์แล้วยกกาแฟที่พี่ษาเอามาเสริฟขึ้นดื่ม พร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย

พอพี่นนต์มาร่างกายของผมมันก็เกร็งโดยอัตโนมัติ  ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าพี่นนต์ยังโกรธเรื่องที่ผมเผลอผลักเมื่อคืนหรือเปล่า

ปริ๊นปริ๊น

ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปไกลกว่านี้ผมก็ได้ยินเสียงแตรรถบีบไม่ดังมากนักที่หน้าทางเข้าบ้าน  ทุกคนในห้องอาหารหันไปมองทางต้นเสียงเป็นทางเดียวกันหมด

“ใครมาเช้าขนาดนี้กัน”พี่นนต์พูดขึ้น ทำให้ผมนึกขึ้นได้ทันทีว่าผมยังไม่ได้โทรไปบอกบาสเรื่องที่จะไม่ไปโรงเรียนพร้อมบาสวันนี้เลย

“นั้นซิค่ะ เพิ่งจะเจ็ดโมงกว่าเอง”ป้าจำปีพูดเสริม พร้อมทำท่าจะเดินออกไปดู

“น่าจะเป็นบาสเพื่อนเกรวเอง ขอโทษครับเดี๋ยวเกรวไปดูเอง”ผมบอกอย่างร้อนรน  พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ไม่ต้อง ใครอนุญาตให้ลุกออกจากโต๊ะทั้งๆที่คนอื่นยังทานไม่เสร็จ” แต่ก็ถูกพี่นนต์พูดเสียงต่ำหยุดไว้

TBC.............................................

ว่าจะลงตั้งเเต่กลางวันแต่หลับยาวกว่าจะตื่นก็เกือบเที่ยง เลยเพิ่งลง

ช่วงนี้ยุ่งๆเรื่องเรียนกับทำโปรเจ็คจบ เลยไม่ค่อยมีเวลาได้มาลง  ขอโทษนะ

ถ้าว่างๆเมื่อไหร่จะพยายามเเวะมาลงเรื่อยๆ ทุกคนอาจจะรอนานไปหน่อยบ้างอย่างเพิ่มเลิกอ่านกันนะ

อย่าลืมอ่านเเล้วรู้สึกยังไงคอมเม้นต์เเสดงความคิดเห็นกันหน่อย นี่ทุกวันนี้ไม่รู้เลยว่าทุกคนอื่านเเล้วรู้สึกยังไง มันดีไหมหรือยังไง หรือยังไม่คนอ่านอยุู่ไหมบางทีก็สงสัย5555

หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-12-2017 01:36:07
จะมีการเขม่นซึ่งกันและกัน ระหว่างพี่หมอกับน้องบาสไหมเนี่ย  :o10:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-12-2017 09:09:12
พี่หมอเริ่มจะหวงเด้กหรอ :hao3:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 08-12-2017 10:03:47
 :pig4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-12-2017 10:20:24
พี่หมอก็พูดดีๆกับน้องซิ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-12-2017 11:24:37
พี่หมอจะเอายังไงกันแน่ ไม่ชอบไม่รักน้องก็ปล่อยไป น้องก็คงไม่ว่าหรอก
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-12-2017 23:54:28
อิพี่นนท์ จะขีัเก็กไปถึงไหน ชิๆ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2017 23:56:18
พี่นนต์ หวงเกรวแล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-12-2017 09:22:39
เปิดศึกชิงนางแล้ว
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :5 : 0712/2560
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 09-12-2017 13:38:32
รอดูพี่นนหึงโหดอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :6 : 18/12/2560
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 18-12-2017 20:59:07
ตอนที่6

“ไม่ต้อง ใครอนุญาตให้ลุกออกจากโต๊ะทั้งๆที่คนอื่นยังทานไม่เสร็จ” แต่ก็ถูกพี่นนต์พูดเสียงต่ำหยุดไว้

“แต่ เพื่อน...”ผมพยายามจะบอกเหตุผลที่ต้องลุกออกจากโต๊ะ แต่พูดไม่ทันจบ พี่นนต์ก็พูดแทรกขึ้นมา

“พี่บอกว่าไม่ไง นี่คำพูดพี่ไม่มีความหมายเลยหรือไง”พี่นนต์ว่างหนังสือพิมพ์ลงโต๊ะอย่างหัวเสีย จ้องมองมาที่ผมอย่างตำหนิ    ทำเอาทั้งห้องอาหารเงียบกริบแม้กระทั่งน้องกันต์ที่เมื่อกี้ยังฮำเพลงก็เงียบลง พร้อมมองมาที่ผมอย่างสงสัย

“เดี๋ยวป้าออกไปรับเองค่ะ”จนสุดท้ายป้าจำปีก็พูดขึ้นพร้อมเดินออกจากห้องอาหารไป

“นั่งลง”หลังจากป้าจำปีออกจากห้องไป พี่นนต์ก็สั่งเสียงต่ำให้ผมนั่งลง

“.......”ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิม ด้วยขอบตาที่ร้อนพราว เพราะความรู้สึกน้อยใจ

ได้แต่ถามตัวเองว่า ผมทำผิดอะไร ทำไมทุกครั้งไม่ว่าผมจะทำอะไรมันถึงได้กลายเป็นเรื่องที่ผิดไปซะหมดในสายตาของพี่นนต์  ผมรู้สึกเหมือนกลายเป็นคนที่ถูกจับผิดตลอดเวลาในหลายวันที่ผ่านมา

ผมนั่งก้มหน้านิ่ง หยุดมือทานอาหารเช้าตรงหน้าแม้ก่อนหน้านี้จะยังแทบไม่ได้แตะต้องมัน  นั่งนิ่งข่มน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นเต็มดวงตาไม่ให้มันไหลออกมา

............................................................

“ขอบคุณที่มาส่งครับ”หลังจากไปส่งน้องกันต์เสร็จ พี่นนต์ก็ขับรถพาผมมาส่งที่โรงเรียนตามที่บอก  ผมยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณ โดยเลี่ยงที่จะต้องสบตากับพี่นนต์ ตั้งแต่ตอนทานข้าวหลังจากนั้นทั้งผมและพี่นนต์ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย ส่วนเรื่องบาสตอนที่ผมกำลังจะออกจากบ้านป้าจำปีมาบอกว่า บอกบาสให้แล้วว่าผมติดธุระในช่วงเช้าเลยไปโรงเรียนด้วยกันไม่ได้ และยังช่วยขอโทษแทนผมด้วย ซึ่งผมเองก็กล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้ป้าจำปีที่ช่วยออกมารับหน้าแทนผม

มาคิดดูเรื่องทุกอย่างที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะความผิดของผมเอง ถ้าเมือคืนผมพยายามโทรบอกบาสเรื่องยกเลิกนัดให้ได้ หรือถ้าตอนเช้าผมไม่ลืมโทรบอก ป้าจำปีก็คงไม่ต้องออกมาขอโทษบาสแทนผม และพี่นนต์ก็คงไม่ทำท่าเหมือนโกรธผมแบบตอนนี้

“ตอนเย็นพี่จะแวะมารับ”ผมกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อเตรียมลงจากรถก็ต้องหยุดชักงักเมื่อพี่นนต์พูดขึ้น

“ไม่เป็นไรครับ เกลวกลับเอง...”ผมพูดยังไม่จบพี่นนต์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“พี่บอกพี่จะมารับ”น้ำเสียงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อผมพยายามจะปฏิเสธ

“ครับ....เกรวไปได้หรือยังครับ”ผมถามมือจับค้างที่เปิดประตูตั้งแต่พี่นนต์เริ่มพูดเรื่องจะมารับตอนเลิกเรียน

“เดี๋ยว....”

ก๊อกๆ

เหมือนพี่นนต์จะต้องการจะพูดอะไรบ้างอย่างกับผม แต่บาสที่ไม่รู้มาจากทางไหนก็มาเคาะกระจกหน้าต่างรถฝั่งที่ผมนั่ง

“ไม่มีอะไร รีบลงไปซิ เพื่อนรอไม่ใช่หรือไง”พี่นนต์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะบอกให้ผมลงจากรถ  ผมทำตามถึงแม้จะอบสงสัยว่าเมื่อกี้พี่นนต์ต้องการพูดอะไรกับผม

“นึกว่าหลับ  เห็นจอดอยู่สักพักไม่ลงมา”บาสยืนพูดอยู่ใกล้ๆ พร้อมมองตามหลังรถพี่นนต์ที่เพิ่งขับออกไป

“เปล่า เออ เรื่องเมื่อเช้าขอโทษนะที่ผิดนัด เมื่อว่าจะโทรบอกแล้วแต่...”ผมเลิกสนใจคนใจร้ายและหันมาคุยกับบาสเรื่องเมื่อเช้า แต่ยังพูดไม่ทันจบดีบายก็พูดแทรกขึ้นมา

“it’s not a big deal เรื่องแค่นี้เอง ไปเถอะแดดร้อน ตัวจะไหม้อยู่แล้ว”พูดจบก็ดึงเอากระเป๋าของผมไปถือไว้ให้ ทำเอาเหล่าสาวๆที่ยืนอยู่แถวนี้ถึงกับหลุดเสียงกรี๊ดออกมา

“ไม่เป็นไร ถือเอง”ผมบอกพยายามจะแย้งกระเป๋ามาถือเอง เพราะแบบนี้มันดูแปลก ผมไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย กระเป๋าแค่นี้ถือเองได้

“อย่าน่า รีบเดินเขาประกาศให้เข้าแถวแล้ว”แต่บาสหลบไม่ให้ผมแย่งกระเป๋าคืนได้  แล้วเดินไปเพื่อเข้าแถวหน้าเสาธงตามที่คุณครูประกาศ  ผมเลยได้แต่ปล่อยไป เพราะรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก และสาเหตุทั้งหมดก็มาจากเรื่องพี่นนต์  ผมไม่รู้ว่าพี่นนต์เป็นอะไร เหมือนหลายวันที่ผ่านมาพี่นนต์หงุดหงิดเรื่องอะไรสักบ้างอย่าง ทุกครั้งที่ผมเจอพี่นนต์พี่นนต์มักจะโกรธและเย็นชาอยู่ตลอดเวลา  ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้แค่ไม่กี่ปี จากพี่ชายที่แสนดีและอบอุ่นที่ผมเคยรู้จัก กลับใจร้ายและเย็นชาได้ขนาดนี้

หลังจากเข้าแถวหน้าเสาร์ธงเสร็จ พวกผมก็ขึ้นห้องเพื่อเข้าคาบโฮมรูม   ตลอดระยะทางที่เดินจากหน้าเสาร์ธงมาที่ที่ห้องบาสจะถูกนักเรียนคนอื่นสนใจเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะนักเรียนหญิงที่หลายคนพยายามเดินเบียดเข้าหาบาสเมื่อสบโอกาส

แต่ก็ไม่น่าแปลกหรอกครั้ง เพราะบาสหน้าตาหล่อแบบเป็นลูกครึ่ง ตัวก็สูงจนเกือบๆเท่าพี่นนต์ แถมยังเป็นถึงลูกชายท่านทูตอีกต่างหากเลยยิ่งเป็นที่สนใจของเด็กในโรงเรียน  ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าบาสเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ ม.4 จะวุ่นวายแค่ไหน ยังดีที่ตอนนนี้อยู่ ม.6แล้ว รุ่นน้องส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยกล้าเข้าหา จะมีก็แต่ปีเดียวกันนี่แหละที่แทบจะลากบาสไปห้องเรียนตัวเอง กว่าจะถึงห้องได้ก็เลยเอาหอบ

“เหนื่อย”พอเข้าห้องได้บาสก็นั่งแผ่ไปกับเก้าอี้เพราะความเหนื่อย ก็กว่าจะหลุดออกจากกลุ่มผู้หญิงตรงทางเดินได้ก็เลยเอาหมดแรงกันไปเยอะ และผมซึ่งถูกบาสจับแขนไว้ตลอดก็เลยกลายเป็นติดไปกับฝูงชนด้วย

“จะเป็นแบบนี้อีกหลายวันไหม”ผมเองก็ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ใกล้ๆบาสเพราะเหนื่อยไม่แพ้กัน ยิ่งตอนเช้าแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องแรงที่มีน้อยอยู่แล้วก็แทบหมด   ถ้าต่อไปยังเป็นแบบนี้ทุกวัน ผมคงต้องให้ความสำคัญกับมื้อเช้ามาขึ้นเป็น2เท่าซะแล้ว

“ไม่รู้  นักเรียนหญิงที่ไทยแรงเยอะชะมัด”บาสบ่น

โชคดีที่พวกเราอยู่ห้องเรียนพิเศษ นักเรียนเลยน้อยกว่าห้องอื่นเกือบครึ่งหนึ่ง  ทั้งห้องรวมบาสด้วยแค่16คน แถมส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ชาย พอมาถึงห้องเราเลยปลอดภัยกว่าข้างนอก

“หมดสภาพเลยมึง 555”เก่งเป็นเพื่อนสนิทของผม เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ตอนม.ต้น เลยสนิทกัน

“เหนื่อยมาก”ผมบอก พร้อมเตรียมหยิบหนังสือที่จะเรียนวิชาขึ้นมาหลังคาบโฮมรูม   ยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อ ครูที่ปรึกษาก็เดินเข้ามาในห้องพอดี

“อีกสองสัปดาห์ โรงเรียนเราจะจัดงานopen house นักเรียน ม.6โดยเฉพาะเด็กห้องEP.ทุกคนต้องเป็นตัวหลักของงานครั้งนี้  นี่เป็นหน้าที่ที่เด็กห้องเราต้องรับผิดชอบ วันนี้มาเลือกกันว่าจะทำอะไร แล้วหัวหน้าห้องเอามาส่งให้ครูก่อนพักกลางวันด้วย”ว่าจบท่านก็ทิ้งกระดาษที่มีรายละเอียดที่เด็กในห้องแต่ล่ะคนต้องให้หัวหน้าห้องแล้วเดินออกไป

“ลงชื่อครับ ใครมาก่อนได้ก่อน”พอครูออกไปหัวหน้าก็ตะโกนเรียกเพื่อนในห้องให้ไปลงชื่อ ทุกคนในห้อง กรูเข้าไปที่โต๊ะหัวหน้าห้องอย่างไว  มีแค่ผมกับบาสที่เอาแต่มองหน้ากัน

บาสอาจจะงงเพราะเพิ่งมาเรียนได้วันเดียวก็มีงานใหญ่เข้ามาเลยอาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ผมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องทำอะไรเพราะได้รับผิดชอบเรื่องนี้ทุกปี เลยไม่รู้จะรีบวิ่งไปทำไม

“เกรวมึงทำคู่ไอ้บาสแล้วกัน มึงสนิทกับมันที่สุด”หลังจากที่ทุกคนลงชื่อแต่ล่ะตำแหน่งกันหมดแล้วหัวหน้าก็เดินมาหาผมที่โต๊ะ พร้อมวางกระดาษที่มีเพียงตำแหน่งเดียวที่ยังไม่มีใครลงชื่อ

“ได้ๆๆ”ผมบอกแล้วเขียนชื่อตัวเองลงไป”  จากนั้นก็ส่งให้บาสเขียนชื่อบ้าง

“บายศรีนี่อะไร”บาสถาม อย่างสงสัยพร้อมกับเซ็นชื่อลงไป

“เออน่า ให้ไอ้เกรวมันจัดการ  มึงก็ไปช่วยถือของเดินตามมันแล้วกัน มันโปรเรื่องนี้”หัวหน้าห้องบอกปัดๆ แล้วดึงกระดาษที่บาสเขียนชื่อเสร็จกลับไป  ปล่อยให้บาสทำหน้าสงสัยต่อไป

พักเที่ยง พวกผมกำลังเดินไปโรงอาหารเพื่อทานอาหารกลางวัน  แต่ยังไม่ทันได้ลงตึกหัวหน้าห้องที่เอารายชื่อไปส่งก็วิ่งหน้าตั้งมาหา

“เกรวๆๆ  วันนี้คาบบ่ายไม่มีเรียนนะ  ครูเขาจะประชุมเรื่องงานopen house”หัวหน้าบอก

“โอเคๆ”ผมพยักหน้าตอบรับ แล้วเดินไปกินข้าวกับบาสและก็เก่งด้วยอีกคน

หลังจากกินข้าวเสร็จ คุณครูก็ประกาศเรียกให้นักเรียนที่รับหน้าแต่ล่ะส่วนไปประชุมกันตามจุดต่างๆ  การประชุมก็ไม่มีอะไรมาก คุณครูแค่แบ่งหน้าที่ให้แต่ล่ะคน รับผิดชอบ

“เกรว เดี๋ยวเกรวเอาเอารายการไปให้ร้านอุปกรณ์ ที่ห้างXXXXแล้วเลือกพวกดอกไม้ และของสดแล้วสั่งเขาไว้ล่วงหน้า  อาจจะต้องใช้เยอะกว่าทุกปีต้องรีบไปสั่งเดี๋ยวไม่ทันงาน   นักเรียนใหม่เธอเอารถมาใช่ไหม  ไปด้วยกันเลย เดี๋ยวครูทำเรื่องให้”ครูสมศรีบอกพร้อมส่งกระดาษรายการของที่ต้องใช้ให้ผม

“ครับ”ผมรับกระดาษว่าดู รู้สึกของที่ใช้  จะมีชื่อร้านไว้อยู่แล้วน่าจะไม่ยุ่งยากเท่าไหร่

“นำทางเลยครับคุณหนู”บาสว่าพร้อมพายมือให้ผมเดินนำออกจากห้องประชุม

เราขับรถกันมาที่ห้างแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่นัก  พอไปถึงผมก็พาบาสเอาใบสั่งของไปจามร้านต่างๆที่คุณครูเขียนไว้

“ร้านสุดท้ายแล้ว ผมบอกเมื่อบาสทำหน้างอ เพราะเราวิ่งวุ่นไปตามชั้นต่างๆทั่วห้าง  โดยมีผมเดินนำและบาสก็เดินตามบ้างทีก็หลงบ้าง จนบาสเริ่มบ่น

“อย่าหลงอีกนะ เมื่อยแล้ว”บาสพูดดัก  ทำหน้างอ ตัวออกจะใหญ่รูปร่างก็ดูเป็นนักกีฬา เดินแค่ชั่วโมงกว่าๆก็บ่นซ่ะแล้วอยากจะแซวกลับแต่ดูจากหน้าบาสแล้วผมแซวไม่ออกจริงๆ

“ไม่หลงรับรอง ร้านนี้มาบ่อย”เลยได้พูดขำๆ พร้อมเดินนำไปยันชั้นล่าง ซึ่งเป็นโซนขายพวกของเล่นเด็ก  และมีสนามเด็กเล่น เราต้องมาสั่งพวกของลูกโป่งซึ่งใช้เป็นของตกแต่งในงาน   ซึ่งลูกโป่งจะสกรีนชื่อโรงเรียนเลยต้องสั่งทำเป็นพิเศษ เลยต้องรีบมาสั่ง เพราะเดี๋ยวไม่ทัน

“นี่ครับ  ขอวันที่15นะครับ”เสร็จธุระผมก็ออกมาหาบาส  แต่พอออกมากลับมองหาบาสไม่เจอ อาจจะไปห้องน้ำ

ผมเลยยืนรออยู่หน้าร้านทีเดิม เพราะเดี๋ยวบาสกลับมาเดินหาไม่เจอ  ยืนมองไปรอบๆ เห็นเด็กมากมายต่างวิ่งเล่นส่งเสียงกันอย่างสนุกสนาน  มองดูเพลินๆผมกลับเจอน้องกันต์ที่วิ่งมาจากทางไหนไม่รู้ผ่านหน้าไป  ผมเลยกะจะวิ่งตามไปเพราะเป็นห่วง แต่กลับเห็นน้องกันต์วิ่งไปหาเด็กผู้ชายที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับน้องกันต์   เด็กคนนั้นมากับผู้ชายอีกคนที่ท่าทางสุภาพ แต่นั้นไม่สำคัญเท่ากับ ผู้ชายตัวสูงอีกคนที่เดินตามหลังน้องกันต์มาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาคุยกับผู้ชายอีกคน  พี่นนต์กำลังยิ้มอย่างมีความสุข   ดวงตาคมที่เอาแต่จ้องมองผมด้วยความเย็นชา  แต่ตอนนี้กลับเต็มเปลี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อทอดมองผู้ชายคนนั้น

“เอฟ รอนานไหมครับ”

เอฟ  ชื่อของคนที่พี่นนต์พรำหาในคืนนั้น  คนที่พี่นนต์หลงรัก

TBC................................................................. 

เริ่มเข้ารื่องเเระ จริงๆเรื่องพี่นนต์นี่ไม่มีอะไรเลยนะ แต่ทำไมมันเเต่งยากเเต่งเย็น

คงจะได้รีไรท์อีกรอบตอนรวมเล่มเเน่เลย555555  อยากให้มันดูสมเหตุสมผลกว่านนี้หน่อย

อย่าลืมเเสดงความคิดห็นกันเข้ามานะ ว่าอ่านเเล้วเป็นไงมั้ง อย่าเงียเดี๋ยวไม่มีกำลังใจเเต่ง
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :6 : 18/12/2560
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-12-2017 21:21:21
อ่าว นี่ตอนแรกเข้าใจว่าเอฟคือแม่น้องกันต์ (เราเข้าใจผิดไปเองสินะ ฮือออออ)

แล้วก็หมั่นไส้พี่นนท์อ่ะ ทำไมต้องร้ายใส่น้องด้วย
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :6 : 18/12/2560
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-12-2017 01:38:14
ภาพตรงหน้าทำเกรวเจ็บอีกแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :6 : 18/12/2560
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-12-2017 02:03:15
สงสารน้องจับใจเลยครับ ทำไมพี่ต้องทำกับน้องแบบนี้ เห็นเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์เหรอครับ ไม่โอเคเลยนะครับ!
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :6 : 18/12/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-12-2017 02:34:36
อิพี่นนท์ น่าหมั่นไส้ ขอให้โดนน้องเท
และก็เทๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :6 : 18/12/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-12-2017 07:11:55
พี่นนต์ ชัดเจนกับเกรวหน่อย  :angry2:
อ่อนโยนกับเกรว มากๆ
ให้เกรว อยู่ด้วยอย่างสบายใจจะดีกว่าไหม
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :6 : 18/12/2560
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-12-2017 09:41:27
นึกว่าเอฟเป็นแม่น้องกันต์ซะอีก 555
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 20-01-2018 00:45:50

ตอนที่ 7

“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ ทุกอย่าลืมไปรับผิดชอบหน้าที่ ที่ครูให้  แล้วค่อยฟังกำหนดการกันอีกที  วันนี้กลับบ้านกันได้เลย”

“เกรว เกรว !”ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงบาสเรียกผมเสียงดัง

“ฮะ”ผมหันไปขานรับ เห็นคนในห้องเริ่มทยอยกันลุกออกไป

“ฮะ อะไรล่ะ คนอื่นเขากลับบ้านกันหมดแล้ว  โอเคหรือเปล่า เห็นเหม่อตั้งแต่กลับจากห้างแล้ว”บาสถามด้วยสีหน้าติดกังวล

“เปล่าๆๆ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ไปกันเถอะ”ผมรีบลุกเก็บของใส่กระเป๋าลวกๆ และชวนบาสกลับ

ตั้งแต่เมื่อกลางวันที่ผมเห็นพี่นนต์กับผู้ชายคนนั้น ผมก็ไม่สามารถสลัดภาพที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานออกจากหัวได้  สายตาที่พี่นนต์มองเขามันช่างแตกต่างกับที่มองผมเหลือเกิน   รู้สึกเจ็บที่ใจอย่างบอกไม่ถูก ผมได้แต่นั่งถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมผมกับผู้ชายคนนั้นถึงต่างกันขนาดนี้  ต้องทำยังไงผมถึงจะถูกมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักแบบนั้นบ้าง

“เอาไงกลับด้วยกันไหม”ผมเดินมาทางหน้าโรงเรียนที่มีรถของบาสจอดอยู่ใกล้ๆ

“ไม่อ่ะ เดี๋ยวที่บ้านมารับ”ผมไม่รู้หรอกว่าพี่นนต์จะมารับไหม ไม่รู้จะว่าตอนไหน  แต่ผมก็อยากจะลองรอสักครั้ง  หากผมยังมีความสำคัญอยู่บ้าน พี่นนต์ก็คงไม่ลืมผม

ผมพยายามคิดแบบนั้น แต่ในลึกๆกลับรู้ดี ว่าการรอครั้งนี้มันก็เหมือนกับ5ปีที่ผ่านมา  มันไม่ทางสมหวัง ไม่มีทาง...

.................................

นนต์part

“หลับหรอค่ะ”ผมกลับมาบ้านหลังจากไปส่งเอฟกับน้องจีที่บ้านเขาแล้ว ตลอดทางกลับน้องกันต์ที่วิ่งเล่นมาตลอดทั้งวันก็หลับโดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมเลยอุ้มเข้ามาในบ้านทั้งแบบนั้น

“ครับ  เดี๋ยวผมรบกวนป้าเอาน้องกันต์ไปนอนทีนะครับ  ผมจะขอไปเคลียร์งานที่ห้องทำงาน”ผมบอกพร้อมค่อยๆส่งน้องกันต์ในป้าจำปี เพื่อพาน้องกันต์ไปนอน

“ได้ค่ะ”หลังจากนั้นผมก็แยกตัวไปเคลียร์งานต่อที่ห้องทำงานของคุณพ่อ เพราะวันนี้ทั้งวันผมแทบไม่ได้ทำงานเลย

ตั้งแต่รู้ว่าเอฟขึ้นมากรุงเทพ ผมก็ห้ามใจตัวเองที่จะไม่ไปเจอเขาไม่ได้ เลยโทรนัดเขาออกมาทันทีที่ผู้รู้ข่าวว่าเขามากรุงเทพ

ผมรักเอฟ แม้มันจะเป็นแค่รักฝ่ายเดียวก็ตาม

เอฟเป็นคนไข้ของผม เคสของเอฟพิเศษเพราะเอฟท้องได้ มันก็คงจะไม่แปลกอะไรถ้าเขาไม่ใช่ผู้ชาย  คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ เอฟเป็นผู้ชายที่ตั้งท้องได้จริงๆและผมเองที่เป็นคนทำคลอดให้เขา   ผมเป็นเจ้าของไข้เขาตั้งแต่ตอนที่เค้าตั้งครรภ์ได้3เดือน  วันนั้นผมได้รับโทศัพท์จากคุณลุง ว่าต้องมีเคสพิเศษเขาจะย้ายไปเชียงใหม่แล้วผมเองตอนนั้นก็กำลังเปิดคลินิกทำวิจัยของวิทยานิพล ผมเลยได้เอฟมาเป็นคนไข้ในความดูแล และทางครัวครอบเอฟก็อนุญาตให้ผมทำวิจัยเคสของเขา  ซึ่งในทางวิชาการแล้วนี่เป็นโอกาสสำคัญที่หาไม่ได้จากที่ไหนเลย

ครั้งแรกที่ผมได้เจอเอฟ  ผู้รู้สึกเหมือนมีอะไรบ้างอย่างดึงดูด  ใบหน้าอ่อนเยาว์ของผู้ชายวันยี่สิบต้นๆ นั้นหม่นหมอง ความเศร้าเต็มดวงตากลม  ริมฝีปากสีซีดที่ฝืนยิ้มทักทายผม   ทุกอย่างในวันนั้นทำผมรู้สึกเหมือนต้องมนต์   ในใจผมก็ได้แต่ร้องตะโกนบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนๆนี้และเด็กในท้อง 

ผมดูแลเอฟแทบทุกวันตลอดระยะเวลาเกือบ6เดือน  อาการแพ้ท้องของผู้ชายที่ตั้งครรภ์นั้นรุนแรงกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผมเคยเจอ  ยิ่งใกล้กำหนดคลอด ยิ่งรุนแรง เอฟเป็นลมบ่อยมาก ทานอาหารแทบไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะทานเท่าไหร่ก็อาเจียนออกมาหมด  อากาศเริ่มแย่ลงจนถึงขนาดต้องให้พามาอยู่ที่คลินิกของผม เพื่อดูอาการ24ชั่วโมง  ความจริงผมควรพาเขาไปนอนที่โรงพยาบาล แต่เอฟขอร้องไว้เพราะเขาอยากให้คนรู้เรื่องที่เขาท้องได้ในน้อยที่สุด  ก็อย่างที่ทราบกันดี หากข่าวเรื่องผู้ชายท้องได้หลุดออกไป ชีวิตเขาและครอบครัวคงจะวุ่นวาย 

เท่าที่ผมรู้ตอนนั้น เอฟอาศัยอยู่กับพ่อและแม่  เขาเป็นลูกคนเดียวและไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนที่สนิท  เหมือนทางครอบครัวจะพยายามเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ ทุกอย่างก่อนหน้าที่ผมจะได้รู้จักพวกเขา ผมไม่รู้อะไรเลย   ผมไม่เคยรู้เรื่องของพ่อเด็ก เพราะทางฝั่งเอฟไม่เคยพูดถึง และผมเองก็ไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องนี้

ผมดูแลเขาส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะผมเป็นเจ้าของไข้ แต่อีกส่วนคงเพราะผมสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะดูแลเขาและลูกของเขาให้ดูที่สุด

จนเผลอลืมดูแลครอบครัวของตัวเอง   

ตอนั้นอดีตภรรยาของผมก็เพิ่งคลอดน้องกันต์ แม้ผมกับภรรยาจะอาศัยอยู่ด้วยกัน  แต่เพราะบ้านและคลินิกก็ค่อนข้างจะไกลกันผมที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเคสของเอฟ  ก็แทบไม่ได้กลับบ้านตัวเอง  รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกภรรยาทิ้ง ผมไม่โทษเขาหรอกครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองที่ปล่อยเขาให้อยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่เขายังท้องน้องกันต์จนกระทั่งคลอด ผมก็ยังเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง ตอนที่ผมเห็นใบหย่าที่มีลายเซ็นของเขาเซ็นเรียบร้อยแล้ว ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าผมทำอะไรลงไป 

แต่มันก็สายเกินไป จนสุดท้ายครอบครัวของผมก็แตก  ฟังดูแล้วก็น่าสมเพชนะครับ  ผมสัญญากับตัวเองว่าจะปกป้องคนไข้และดูแลเขาให้ดีที่สุด  แต่ภรรยากับลูกตัวเองแท้ๆผมกลับมองข้ามไป จนเสียเขาไป   

อดีตภรรยาของผมตั้งใจจะแต่งงานกับชาวต่างชาติคนหนึ่งที่เขาเคยมาพักบ้านผมแบบโฮมสเตย์ ตอนเองเป็นช่วงที่ผมกำลังยุ่งกับเรื่องคลินิกพอดี นั้นคงเป็นโอกาสที่ทำให้พวกเขารู้จักและสนิทสนมกัน บอกตามตรงตอนที่ผมรู้เรื่องนี้ผมเฮิร์ทอยู่หลายวันกินแต่เหล้า จนแม่ผมต้องบินจากแอฟริกาเพื่อมาเตือนสติผม  จนผมตั้งสติได้อีกครั้ง  ซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาที่เอฟอาการทรุดหนักและใกล้คลอด  แม่ผมเลยอยู่เพื่อดูแลน้องกันต์ให้  หลังจากเอฟคลอดลูก เขาก็ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเอง ผมเลยถือโอกาสพักเรื่องงานวิจัย แล้วหันมาดูแลน้องกันต์อย่างที่ควรจะทำก่อนหน้านี้  ผมรู้สึกผิดทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ เพราะผมเป็นพ่อที่แย่ น้องกันต์ถึงได้ไม่แม่อยู่พร้อมหน้าเหมือนเด็กคนอื่น

และนี่คงเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมตกหลุดรักเอฟ  เพราะตั้งแต่ที่เขารู้เรื่องที่ผมหย่ากับภรรยา เขาก็คอยมาให้กำลังใจ ช่วยเลี้ยงน้องกันต์และช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ยุ่งเพราะต้องเลี้ยงน้องจีที่เพิ่งคลอด

หลังจากที่อดีตภรรยาของผมแต่งงานกับชาวต่างชาติคนนั้น เธอก็ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศทันที โดยไม่สนใจเรื่องน้องกันต์เลยสักนิด เธอไม้แม้แต่จะบอกลาน้องกันต์ในวันสุดท้ายที่เธออยู่บ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ

ซึ่งผมเองก็ไม่ได้โกรธอะไรเธอในเรื่องนั้น แต่หลังจากที่เธอไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศเกือบ3ปี เธอก็กลับมา  พร้อมต้องการของสิทธิเลี้ยงดูน้องกันต์  แต่ผมไม่อาจปล่อยให้น้องกันต์ไปอยู่กับเธอได้   เพราะผู้หญิงที่ทิ้งลูกตัวเองไปอยู่กับชายอื่นเกือบ3ปื โดยไม่แม้จะถามข่าวคราว หรือความเป็นอยู่ของลูกตัวเองเลยสักครั้ง   ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ เราทั้งคู่ก็ยื่น ฟ้องร้องสิทธ์เลี้ยงดูลูก จนท้ายที่สุดผมก็ชนะคดี และเป็นผู้ปกครองน้องกันต์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะในระหว่างที่กำลังฟ้องร้องอยู่นั้น  เธอและสามีก็ถูกหมายจับคดี ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับมาเฟียที่ต่างประเทศ  และหลบหนีไปได้ เรื่องทุกอย่างเลยจบลงอย่างง่ายด้ายแม้จะยึดยื้อมาเป็นปีก็ตาม

ตลอดเวลาเกือบ3ปีที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่หย่ากับอดีตภรรยา  ผมกับเอฟเราดูแลซึ่งกันและกัน จนผมเริ่มรู้สึกมากเกินกว่าสถานะหมอกับคนไข้   และในวันที่ผมตัดสินใจที่จะบอกความรู้สึกตัวเอง  ผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น  ชายแปลกหน้าที่น้องสาวผมตั้งใจพามาแนะนำในถานะว่าที่คนรัก

จนผมมารู้ทีหลังว่าเขาคือ พ่อของน้องจี  ผู้ชายที่ทำให้เอฟตั้งท้อง

วินาทีที่ผมได้รู้ว่าผมไม่อาจได้เอฟมาครอง   ผมรู้สึกเหมือนโลกครึ่งใบผมกำลังถล่มลงตรงหน้า ในหัวของผมเต็มไปด้วยคำถาม

ทำไมเรื่องที่เป็นแบบนี้   ทำไมเขาต้องมาตอนี้  ทำไมผมไม่บอกความรู้สึกกับเอฟก่อนหน้านี้ ทำไม...

ผมไปต่อไม่ได้ ผมไม่รู้จะทำยังไง มันเร็วเกินไป   ทั้งๆที่ผมเสียใจมากกว่าครั้งไหนๆ แต่ผมกลับไม่ร้องไห้ออกมา  ไม่ร้องสักนิด

ผมไม่ยอมรับความจริง และหันหลังหนี

แต่วันนี้ที่ผมได้พบเอฟ นั้นทำให้ผมยอมรับความจริงสักที  ความจริงที่ว่ามีผู้ชายคนอื่นที่ยืนอยู่ข้างเขา และผมไม่มีวันแทรกได้เลย

เวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน ด้วยความเหนื่อยล้าผมเลยเดินลงมาชั้นล่างเพื่อจะหาอะไรดื่ม  แต่ก็เจอกับป้าจำปีที่ยื่นอยู่หน้าประตูบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมยังไม่นอน มีอะไรหรือเปล่า”ผมถามอย่างสงสัย  แม้คนงานในบ้านจะทำงานค่อยรับใช้ แต่บ้านผมก็มีนโยบายว่า ตั้งแต่2ทุ่ม คนงานทุกคนในบ้านจะได้พักผ่อนโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่จำเป็นต้องรอเรียกใช้อะไร  และยิ่งป้าจำปีที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ท่านสามารถพักได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องอยู่ดึกหรืออะไรเลย

“น้องเกรวค่ะ  น้องเกรวยังไม่กลับเลยค่ะคุณนนต์”ป้าจำปีพูดด้วยน้ำเสียงกังวน

“โทรหาหรือยังครับ”ผมถาม ขมวดคิ้วเข้าหาหันอย่างไม่ชอบใจ  นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้ว  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เกรวไม่ควรจะกลับบ้านดึกขนาดนี้

“คือ น้องเกรวเธอไม่มีมือถือค่ะ  เคยมีเครื่องหนึ่งแล้วพัง จากนั้นพอคุณท่านจะซื้อให้ใหม่เธอก็ขอร้องไม่ให้ซื้อ เพราะกลัวทำพังอีก  แต่ปกติถ้าจะกลับดึกน้องเกรวจะโทรมาบอกป้าก่อนตลอด แต่วันนี้ยังไม่ได้รับโทรศัพท์เลยค่ะ  โทรไปหาลูกคุณหญิงน้ำข้างบ้าน  เด็กในบ้านก็รับและคุณหญิงเละลูกชายก็ไปงานเลี้ยงค่ะ ไม่มีใครอยู่บ้าน”

“ป้าจำปี ไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมตามหาเกรวเอง”พอฟังมาถึงตรงนี้ผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมต้องเป็นคนไปรับเกรวหลังเลิกเรียน

“เอ๊ะ คุณนนต์จะไปตามหาที่ไหนค่ะ เดี๋ยวป้าเรียกชาติให้ไปช่วย..”ป้าจำปีวิ่งตามผมออกมาที่โรงรถ

“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”ผมบอกแล้วรีบขึ้นรถและมุ่งหน้าไปที่โรงเรียน

 ผมขับรถจนมาถึงหน้าโรงเรียน ที่ตอนนี้ประตูรั้วปิดสนิท ผมเลยลองสอบถาม รปภ.ที่อยู่ที่ป้อมหน้าโรงเรียน

“ไม่ทราบว่าพอจะเห็นเด็กผู้ชายที่สูงประมาณนี้ ตัวเล็กๆผอมๆ บ้างไหมครับ”ผมถามพร้อมทำท่าทางอธิบาย

“อ่อ เห็นคนหนึ่งครับนั่งอยู่นี่จนเกือบ2ทุ่ม  แล้วเดินไปด้านโน้นครับ” รปภ.ชี้ไปที่ปากซอยที่เป็นส่วนที่อยู่ติดถนนใหญ่ ที่มีป้ายรถเมย์อยู่  โรงเรียนของเกรวตั้งอยู่ในซอย และมีทางเข้าออกสองทาง  ทางที่ผมขับมาคือทางเข้าและถ้าจะออกก็ต้องขับไปอีกด้านของปากซอย

พอได้ข้อมูลผมก็รีบขับรถไปทางที่ รปภ.บอกว่าเกรวเดินไปทันที  ขับไม่นานผมก็เจอป้ายรถเมย์ ที่มีไฟ สลัวๆให้แสงสว่าง

ผมไม่เห็นร่างเล็กที่ผมกำลังตามหา แต่เห็นผู้ชายเร่ร่อน ที่สวมเพียงหางเกาขาสั้นขาดๆ กำลังยืนอยู่ที่ป้ายรถเมย์  มือล้วงเข้าไปในกางเกงเหมือนกำลังจับน้องชายของตัวเอง และวินาทีนั้นเองที่ผมเห็นร่างเล็กที่หลับเอนซบไปกับขอบเสาร์ของป้ายรถเมล์โดยไม่ได้รู้เลย ว่ากำลังมีผู้ชายเร่ร่อนกำลังพยายามทำอนาจารตรงหน้าตัวเองอยู่

“เกรว!!!”ผมตะโกนสุดเสียง  ก่อนจะเปิดประตูลงรถอย่างเร่งรีบไปที่ป้ายรถเมล์    ชายเร่ร่อนได้ยินเสียงผมตะโกนก็วิ่งหนีไปในทันที

“พี่นนต์”คนที่ไม่ระวังตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ  มองผมสลับกับชายเร่ร่อนที่วิ่งหนีไปอย่างพยายามลำดับเหตุการณ์

“ดึกป่านนี้ทำไมไม่กลับบ้าน!  รู้ไหมว่าถ้าพี่มาช้ากว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น”ผมรีบเข้าไปกระชากคนไม่ระวังตัวให้ลุกขึ้นมาจากราวม้านั่งของป้ายรถเมล์

“เกรว ระ...”

“ทำไมไม่ระวังตัวห๊ะ! มานี่!!”ผมไม่ทันได้ฟังสิ่งที่เกรวกำลังจะพูด ด้วยความโกรธ ผมจับที่แขนของเกรว แล้วออกแรกกระชากให้เดินมาที่ รถ

“พี่นนต์ผมเจ็บ”ผมไม่ได้ฟังเสียงร้อง ของคนตัวเล็ก แต่ลากจนพาเข้าไปในรถได้

“ทำไมเป็นเด็กแบบนี้ ห๊า ! นี่มันจะเกินไปแล้ว รู้ไหมว่านี่มันกี่โมง!  ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่  เรากลายเป็นเด็กเหลวไหลแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”ด้วยความโกรธ ผมตะคอกต่อว่าทันทีที่ขึ้นรถได้

“อึก..เกรว..” ร้องไห้ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว

“พี่ไม่อยากฟังคำแก้ตัว รู้ไหมว่าตัวเองทำอะไรอยู่! ถ้าพี่มาช้ากว่านี้  และถ้าไอ้นั้น มันไม่ได้มาแค่คนเดียว รู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้น! ทำไมไม่ระวัง!!”ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก ใจผมเต้นระส่ำ  ทั้งโกรธ ทั้งเคือง และกลัว

ถ้าผมออกมาจากห้องทำงานช้ากว่านี้  ถ้าผมขับรถช้ากว่านี้  ถ้าไอ้บ้านั้นมันไม่ได้มาคนเดียว  จะเกิดอะไรขึ้น   

“หยุดร้อง น้ำตาไม่ได้แก้ไขได้ทุกเรื่อง  กลับบ้านเรามีเรื่องต้องคุยกันยาว ผมหันไปตะคอก  อารมณ์ของผมตอนนี้เดือดจนไม่รู้จะทำยังไง  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะฆ่าใครสักคน  ไอ้บ้านั้น ทำไมถึงปล่อยให้คนแบบนั้นอยู่ใกล้โรงเรียนแบบนี้  ทำไมทางโรงเรียนไม่ดูแลเรื่องพวกนี้ให้ดี

คุณเข้าใจความรู้สึกของการที่คนที่คุณห่วงใย ทำตัวประมาทไม่เข้าท่า จนเกือบจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับตัวเขาเองไหม   มันเป็นความรู้สึกที่แย่ ไม่ใช่แค่เพโกรธที่เขาทำตัวประมาทไม่ระวัง แต่โกรธที่ตัวเอง ไม่สามารถดูแลปกป้องเขาไม่ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้

“ฮือ..อึกๆ”เกรวยังคงร้องไหด้วยตัวที่สั่นเทาอย่างหนัก  นั้นยิ่งทำให้ผมปวดใจ คุณไม่รู้หรอกว่าการที่คนที่คุณคอยดูแลและปกป้องเขามาตลอดตั้งแต่เด็กๆ เกือบจะถูกคนอื่นทำร้ายนั้นมันเลวร้ายแค่ไหน

การที่โดนคนทำร้ายว่าเลวร้ายแล้ว  แต่มันยิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อคนที่เผลอทำร้ายเขา เป็นคุณเอง

TBC.

กลับมาเเล้วขอโทษที่ให้รอ  กลับจากงานศพก็เจอสอบเลย  ชีวิตวิกิจยิ่งนัก   

จริงตอนนี้ พาร์ทพี่นนต์ยังมีอีกนะ แต่ ยังไม่ได้ตรวจคำ ง่วงเเล้วเรื่องของเรื่อง ไว้จะรีบมาลงต่อ

ฝันดีทุกคน

ปล. อย่าเพิ่งด่าพี่หมอ นางเป็นห่วงของนางไง555

หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-01-2018 01:42:16
 :hao5: เศร้าใจ เกรวทำอะไรก็ไม่ดีสำหรับอีพี่หมอใช่ไหม
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-01-2018 08:16:23
เมึยตัวเองท้องอยู่ แต่กลับนอกใจไปอยู่กับคนอื่น
ผู้ชายแบบนี้เกลียดมาก!!!
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: we.jinkyu ที่ 21-01-2018 12:13:57
หมอ ฟังเกรวบ้างสิ  o22 ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 21-01-2018 13:58:24
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 21-01-2018 16:40:47
โอ้โหหหห อ่านตอนนี้แล้วเกลียดพี่หมอมากกกกก

เรื่องภรรยาเก่าก็เรื่องนึง
แต่เรื่องเกรวนี่ก็ความผิดตัวเองหรือเปล่า? บอกว่าจะไปรับเขาแล้วก็ลืม แล้วก็มาโมโหเขาอีก

โอ้ยยยย โมโห!!!1
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-01-2018 22:44:05
โมโห อิพี่หมอ ขอให้น้องเกรซรักกะน้องข้างบ้านเลย สาธุ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-01-2018 02:45:46
อ้าววววว
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 23-01-2018 04:52:19
เกลียดอิพี่หมอออออ ตัวเองบอกจะมารับแล้วก็ลืม

ยังมีหน้ามาโรธเขาอีก ฮืออออสงสารเกลวทำไมถึงมาลงเอ่ยได้ตอนเรื่องจี  แถมยังหวงโคตร ๆ อีก
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :7 : 20/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-01-2018 05:17:08
ความผิดใคร  :angry2:
ใครบอกจะมารับเกรว  :fire:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 05-02-2018 22:30:40

ตอนที่8

นนท์talk

“ลงมา”ผมเปิดประตูฝั่งที่เกรวนั่งเมื่อมาถึงบ้าน

“....”เกรวยังคงนิ่ง เอาแต่ก้มหน้ากั้นเสียงสะอื้น ไม่ยอมลงจากรถ

“พี่บอกให้ลงมา!”ผมขึ้นเสียงสั่ง

“คุณนนต์”ป้าจำปีที่เพิ่งปิดประตูรั้วเสร็จ กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่โรงรถ เพราะได้ยินผมพูดเสียงดัง

“.....”ผมไม่ได้ตอบรับ พยายามสงบสติอารมณ์แม้ว่าจะเดือดสุดๆก็ตาม

“คุณนนต์ ป้าว่านี่ก็ดึกแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกันดีกว่าไหมค่ะ เดี๋ยวป้าดูน้องเกรวต่อเอง”ป้าจำปีพูดขอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวน

“........”ผมปล่อยมือที่กำลังจับข้อมือของเกรวออกแล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน  ผมในตอนนี้คงสติอารมณ์ไม่ได้ง่ายๆ ป้าจำปีคงรู้ว่าถึงคุยไปก็จะมีแต่แย่ลง  ผมเลยเลือกทำตามคำขอของป้าจำปี เดินเข้าบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผมรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี่ไม่ใช่ความผิดของเกรว  รู้ว่าผมเองก็เป็นฝ่ายผิด รู้ทั้งรู้แบบนั้นแต่ผมก็ห้ามตัวเองไม่ให้โกรธเกรวไม่ได้  มันเป็นความรู้สึกแย่ที่ยากจะอธิบาย

“โถ่โว้ย!”พอขึ้นมาถึงห้องทำงาน ด้วยแรงอารมณ์ผมกวาดทุกอย่างบนโต๊ะทำงานทิ้งอย่างหาที่ระบาย

ตั้งแต่เรื่องคืนนั้น ที่ผมเมาจนลงมือทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นกับเกรว  เหมือนทุกๆนาทีตั้งแต่นั้น จิตใต้สำนึกเอาแต่บอกว่าผมเลวร้ายแค่ไหน  มันเป็นความรู้สึกที่แย่ที่สุดในชีวิตตั้งแต่ผมเคยเจอมา  ลองคิดดูถ้าเป็นคุณ คุณจะรู้สึกยังไงที่ข่มขืนน้องตัวเอง  แม้เกรวจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ผมก็รักและห่วงใยไม่ต่างจากน้องแท้ๆ ผมดูเเลเกรวมาตั้งแต่เด็ก

ผมยังจำได้ดี ครั้งแรกที่ผมได้พบเกรว 

เด็กผู้ชายตัวผอมบางที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆขาดๆ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ  จนแทบหาที่ว่างไม่เจอดวงตากลมที่เต็มไปด้วยความเศร้าและหวาดกลัว  ทุกวันนี้ผมยังจำได้ดี ผมเคยสัญญากันตัวเองตั้งแต่นาทีแรกที่ได้เห็นเด็กชายคนนั้น ว่าผมจะดูแลป้องป้อง และไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเขาได้เด็ดขาด 

แต่แล้วจู่ๆวันหนึ่ง ผมก็ลงมือทำร้ายเขาอย่างๆไม่มีทางให้อภัยได้   ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำสิ่งเลวร้ายแบบนั้นไปได้ยังไง  จิตใจของผมชั่วช้าแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่  ทุกอย่างมันทำให้ผมสติแตก ทุกคืนผมเอาแต่ฝันถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยคาบน้ำตาของเกรว กำลังร้องอ้อนวอนให้ผมหยุดทำร้ายเขา แต่ผมก็ไม่หยุด

ในหัวผมเต็มไปด้วยเรื่องในคืนนั้น ผมหาทางออกในเรื่องนี้ไม่เจอ ผมกลัวและวาดระแวงทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเกรว  ผมไม่รู้ว่าเกรวจะรู้สึกแย่แค่ไหนที่โดนข่มขืน

ผมพยายามหลบหน้า  ทำงานที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้าจนดึกตลอดหลายวันตั้งแต่เกิดเรื่อง  ใช้เวลาคิดอยู่หลายวันว่าผมควรรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้ยังไง

สุดท้ายข้อเสนอแรกที่ผมบอกพ่อก็เป็นทางที่ดีที่สุด

 การข่มขืนไม่ต่างจากการภาคทั้งชีวิตของคนคนหนึ่ง  มันเป็นความผิดที่ไม่มีวันอภัยได้  ในเมื่อผมเป็นคนทำลายชีวิตของเกรว ผมก็ควรจะใช้ทั้งชีวิตของผมในการทดแทน

วันนั้นที่ผมตัดสินใจกลับมาบ้านเพื่อจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ผมก่อ  แม้ผมจะรู้อยู่เต็มอกว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ผมไม่มีทางได้รับความรักและเครารพจากเกรวแบบเมื่อก่อน  ทั้งๆที่คิดไว้ตั้งแต่แรก แต่พอเห็นท่าทีเย็นชา  ไม่แม้จะมองหน้า มันทำให้ผมอดรู้สึกแย่ไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน

 เมื่อก่อนผมเป็นเบอร์หนึ่งสำหรับเกรว ไม่ว่าผมจะไปไหน ไม่ว่าผมจะทำอะไร ทุกทีต้องมีเกรวอยู่ข้างกายเสมอ ผมคิดถึงเด็กน้อยตัวเล็กที่เอาแต่เรียกชื่อผมซ้ำๆ ไม่ว่าจะลืมตาตื่นหรือปิตาหลับ ผมเป็นคนเดียวที่เกรวเรียกหา  มันรู้สึกดีที่ตัวเองกลายเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับใครสักคน แต่พอวันหนึ่งเขากลับเมินเฉยเย็นชาใส่ แม้แต่หน้ายังไม่อยากมอง มันก็ทำให้คุณรู้สึกแย่ไม่น้อยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าผมจะรู้อยู่เต็มอกว่าสมควรแล้วที่จะได้รับการปฏิบัติแบบนี้ แต่ผมก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ อย่างน้อยๆก็ตอนนี้

ในหัวของผมยังคงเห็นเกรวในวัย17ปี เป็นแค่เด็กไม่ถึง10ขวบที่อ่อนน้อมและออดอ้อนผมตลอดเวลา ผมรู้สึกแบบนั้นและไม่อยากยอมรับว่าเด็กที่น่ารักแบบนั้น จะเย็นชาใส่  ถึงแม้ว่าสาเหตุทั้งหมด จะเป็นเพราะตัวผมเองก็ตาม

เรื่องในคืนนี้ก็เหมือนกัน ทั้งๆที่ผมรู้ว่าผมผิดที่บอกว่าจะไปรับแต่ก็ไม่ได้ไป แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะพาลใส่เกรว  ผมก็แค่คนเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อ

endนนต์

เกรวtalk

“เข้าบ้านกันเถอะลูก” ป้าจำปีที่คอยลูบหลังปลอบใจพูด พร้อมทั้งออกแรกดึงข้อมือผมเบาๆ เพื่อให้ดินตามป้าจำปีเข้าไปในป้า

“อึก..ฮือ”ผมพยักหน้ารับคำก่อนลงจากรถเดินตามป้าจำปีเข้าบ้านทั้งๆที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด

เพรี้ยง!!

เข้ามาในบ้านได้ไม่กี่ก้าว ผมก็ได้ยินเสียงของที่หล่นแตกจากบนห้องทำงานชั้นสอง  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่นนต์โกรธผมมากแค่ไหน

ผมสะดุ้ง ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้งหยุดชะงักและถอยหลังจากหวาดกลัว  พี่นนต์กำลังโกรธ  โกรธผมอย่างที่ไม่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  น้ำตาที่กำลังจะหยุดไหล กับไหลลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่

“เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวป้าจะขึ้นไปส่งที่ห้อง”ป้าจำปีโอบไหล่ผมไหวหลวมๆ ก่อนจะพยุงให้เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของตัวบ้าน เปิดประตูและพยุงผมเข้าห้องนอน  ก่อนที่ท่านจะลูบหัวอย่างปลอบโยน  ผมโผล่เข้ากอดป้าจำปีอย่างหาที่พึ่ง

“ฮือๆๆ..อึก”ผมซบหน้าร้องไห้อยู่กับอกของป้าจำปี  ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่นนต์ต้องโกรธผมขนาดนั้น

“หนูรู้ใช่ไหมว่าผิด  ป้าไม่รู้หรอกว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น  แต่น้องเกรวเป็นเด็ก กลับบ้านดึกขนาดนี้โดยไม่บอกให้คนในบ้านรู้ มันไม่ใช่เรื่องที่ถูก”ป้าจำปีลูบหลังอย่างปลอบประโลม

“เกรวขอโทษครับ  เกรวขอโทษ”ผมซบหน้าไปกับอกของป้าจำปี  ออกแรงกระชับแขนโอบกอดป้าจำปีอย่างสำนึกผิด

ผมรู้ ถึงแม้ว่าพี่นนต์จะเป็นคนบอกให้ผมรอพี่นนต์มารับ  แต่ผมก็ไม่ควรประชดประชันโดยการนั่งรอจนดึกขนาดนี้   แถมยังหลับไม่ระวังจนเกือบจะเกิดอันตรายขึ้น  ไม่แปลกที่พี่นนต์จะโกรธ  แต่ผมก็ไม่เคยคิดคิดว่าพี่นนต์จะโกรธถึงขนาดนี้

“รู้ไหมทำไมคุณนนต์ถึงโกรธขนาดนั้น”เหมือนป้าจำปีจะรู้ทุกอย่างที่ผมคิด

“ฮือ..อึก”แค่คิดถึงตอนที่พี่นนต์ตะวาดผมระหว่างทางกลับ ก็ทำเอากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“เพราะคุณนนต์เป็นห่วงน้องเกรวมาก ถึงได้โกรธขนาดนั้น  กับคนที่เราไม่ได้รักหรือห่วงใยคงไม่สนใจใยดีแบบนี้หรอกนะลูก”เหมือนคำพูดของป้าจำปีเตือนสติผม ผมหยุดร้องไห้คิดตามในสิ่งที่ป้าจำปีกำลังพูด

“ยิ่งสำคัญมาก ห่วงมากก็ยิ่งต้องโกรธมากเป็นธรรมดา “ป้าจำปีดันผมให้เงยหน้าขึ้นมาพบตากับท่าน  มือนิ่มเสยผมที่เปียกชื่นขึ้นให้ ก่อนจะปาดน้ำตาที่กำลังไหลลงมาอย่างปลอบใจ

“เกรว อึก..ขอโทษครับ”ผมพยายามหยุดร้องเพราะไม่อยากให้ป้าจำปีเป็นห่วงผมไปมากกกว่านี้

“ป้าน่ะไม่โกรธอะไรน้องเกรวหรอกเพราะป้ารู้ ว่าน้องเกรวเป็นเด็กดี ทุกอย่างที่น้องเกรวทำป้าเชื่อว่าหนูมีเหตุผล”

“............”

“ แต่ถึงจะมีเหตุผลยังไง หนูก็ต้องรู้ว่าการกระทำแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ถูก ใช่ไหม ถ้าหนูรู้ตัวว่าผิดก็ต้องขอโทษให้เรียบร้อย “ป้าจำปีลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน พร้อมส่งรอยยิ้มอย่างเอ็นดูให้

“ครับ”ผมยกมือไหว้ก่อนจะรับคำ 

................................................................................................

เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ คิดแต่เรื่องที่ต้องขอโทษพี่นนต์ ผมไม่รู้ว่าจะขอโทษพี่นนต์ยังไง  พี่นนต์ถึงจะยกโทษให้ เรื่องเมื่อคืนแม้ผมจะทำตามที่พี่นนต์สั่ง แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ควรทำตัวประชดประชันต์คำสั่งพี่นนต์แบบนั้น ผมรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งพี่นนต์และป้าจำปีเป็นห่วง

ถ้าเมื่อคืนพี่นนต์มาไม่ทันผมอาจจะถูกทำไม่ดีไม่ร้ายไปถึงไหนต่อไหน     ถ้าผมสำนึกได้เร็วกว่านี้ ผมคงไม่รู้สึกผิดมากอย่างตอนนี้

“.........”ผมตื่นตั้งแต่เช้ามืด ตั้งใจจะไปขอโทษเรื่องเมื่อคืนกับป้าจำอีกครั้ง รวมไปถึงพี่นนต์ ที่ผมยังไม่รู้ว่าจะสู้หน้าพี่นนต์ยังไง

ผมลงไปเตรียมอาหารเช้าของทุกคนด้วยตัวเอง ตั้งใจจะทำงานทุกอย่างแทนป้าจำปี เพราะผมเอง ที่ทำให้ท่านแทบไม่ได้นอนเมื่อคืน 

“หอมเชียว ทำอะไรลูก”ผมคนหม้อข้าวต้มกุ้งพร้อมกับคิดเรื่องที่ตัวเองทำเมื่อคืนอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ป้าจำปีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกอีกก็ตอนที่ฝ่ามืออ่อนโยนแตะที่แขนของผมที่กำลังคนข้าวต้มจนเริ่มเละ

“จะเละแล้ว”ป้าจำปีพูดเตือนขำๆ พร้อมแย่ง ทับพีที่คนข้าวต้มกุ้งเมื่อกี้ไปถือเอง

“ขอโทษครับ  เกรวกลัวป้านอนไม่พอเลยอาสามาเตรียมอาหารเช้าแทน”ผมเสียงอ่อน รู้สึกผิดทั้งๆที่ตั้งใจจะทำอาหารเพื่อรับผิดชอบความผิดที่ทำให้ป้าจำปีต้องนอนดึก แต่กลับทำข้าวต้มเละเพื่อมัวแต่เหม่อ

“ไม่เป็นไรจ๊ะ ไม่เละเท่าไหร่  ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น”ป้าจำปีหันมาปลอบ

“......”ผมได้แต่ทำหน้าแหยๆอย่างอดรู้สึกผิดไม่ได้

“น้องเกรวช่วยไปดูคุณหนูหน่อยได้ไหม ปานนี้คงตื่นแล้ว”ป้าจำปีว่า   ผมตอบรับเดินขึ้นไปชั้นสองไม่ทันจะได้ขึ้นไปถึงดี ผมก็เห็นน้องกันต์เดินงัวเงียออกมาจากห้องของพี่นนต์

“พี่เกรว”พอเห็นผมก็ร้องเรียกทันทีผมกำลังจะเดินเข้าไปหาน้องกันต์แต่ยังไม่ทันได้ก้าว พี่นนต์ที่ยังคงใส่ชุดทำงานตั้งแต่เมื่อคืนก็เดินออกมา  ผมหยุดชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวพ้นบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสอง รู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูก

 แค่เสี้ยวนาทีที่พี่นนต์เห็นผม พี่นนต์ที่ตอนแรกกำลังจะเดินออกจากห้องก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งพร้อมปิดประตู เหมือนไม่อยากจะเห็นหน้าผม

พี่นนต์ยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อคืน

ถึงผมจะเตรียมใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่พอเจอตรงๆแบบนี้ก็ทำเอารู้สึกแย่จริงๆ

............................................................

ผมพาน้องกันต์มาอาบน้ำที่ห้องจากนั้นก็พาลงมาทานอาหารเช้า ที่ห้องทานอาหาร

“น้องกันต์อย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม”ผมตะโกนบอก เมื่อน้องกันต์ลงจากบันไดได้ก็ออกวิ่งสุดแรง

พลั่ก!

“แงๆๆๆๆๆ!!!”ยังไม่ทันพูดจบ น้องกันต์ก็ล้มลงที่หน้าห้องทานอาหาร ก่อนจะร้องไห้เสียงดัง  ผมตกใจเลยรีบวิ่งเข้าไปดู แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพี่นนต์ที่อยู่ในชุดไปรเวทวิ่งออกมาจากห้องทานข้าวเพราะได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องกันต์

“คุณพ่อแงๆๆๆๆ!!”เมื่อเห็นพี่นนต์น้องกันต์ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ทำไมไม่ระวัง! พ่อบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง!”พี่นนต์รีบจับขาของน้องกันต์ก็จะพลิกไปมา เพื่อตรวจดู เพราะพื้นบ้าน ทำจากหินอ่อนพื้นเลยแข็งมาก ถ้าล้มกระแทกแรงๆก็จะเจ็บกว่าพื้นชนิดอื่น

“ฮือๆๆๆแงๆๆๆ!!!”สองแขนของน้องกันต์ชูขึ้นเพื่อหวังจะให้พี่นนต์อุ้มค้างชะงักเมื่อเจอคนเป็นพ่อดุ  พอเห็นแบบนี้ผมก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ทั้งๆที่ผมควรจะดูแลน้องกันต์ให้ดีๆแต่กลับปล่อยให้น้องกันต์ต้องเจ็บตัวแบบนี้

“อุ๊ยตายแล้ว เป็นอะไรมากไหมคะ”ป้าจำปีที่เพิ่งวิ่งออกมาจากห้องครัว รีบเข้ามาดูน้องกันต์

“น่าจะไม่เป็นไรมากครับ”พี่นนต์จับๆขาน้องกันยืดหดเหมือนพยายามดูว่าหัวเข่าเป็นอะไรไหม

“เดี๋ยวป้าไปเอากล่องยาให้ค่ะ”ป้าจำปีเสนอ

“เดี๋ยวเกรวไปเอาเองครับ”ผมบอกแล้วรีบหันหลังขึ้นไปชั้นสองจำได้ว่ากล่องปฐมพยาบาลอยู่ที่ห้องทำงานลุงธนต์

แต่ก็ต้องอึ่งเมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นเอกสารและของหลายอย่างตกกระจายไปทั่วพื้น ทำให้นึกถึงเมื่อคืนตนที่ผมกำลังเดินเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงของหล่นจากห้องนี้ ทั้งหมดเป็นฝีมือพี่นนต์แต่ต้นเหตุคืนผมเอง แต่ผมดึงสติกลับมาตอนนี้เรื่องที่สำคัญคือน้องกันต์ที่ยังคงร้องไห้อยู่ข้างล่างจนได้ยินเสียงมาถึงบนนี้

ผมรีบเอากล่องปฐมพยาบาลไปให้พี่นนต์ที่ตอนนี้อุ้มน้องกันต์มานั่งตักแล้ว

“ดะ..ได้แล้วครับ”ผมรีบเอากล่องปฐมพยาบาลไปให้ พี่นนต์ไม่ได้พูดอะไรไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยซ้ำ ไม่รู้เพราะตอนนี้กำลังห่วงน้องกันต์หรือเพราะยังโกรธผมเรื่องเมื่อคืนกันแน่ ผมถอยออกมายืนห่าง เพราะความรู้สึกผิดเรื่องที่ไม่ดูแลน้องกันต์ให้ดี บวกกับเพราะรู้สึกว่าพี่นนต์ไม่ต้องการเห็นหน้าผมในตอนนี้

...........................................................

“พี่เกรวๆ”น้องกันต์ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นสะกิดเรียกผมที่เอากำลังจมกับความคิดเรื่องของพี่นนต์

“คะ..ครับ”ผมเลิกคิ้วถาม

“น้องกันต์อยากไปที่นั้น”น้องกันต์ชี้ไปที่ทีวีที่กำลังมีโฆษณาของสวนน้ำเปิดใหม่แห่งหนึ่งแถบชานเมือง

​TBC"

ได้คอมมาเเล้ว   ช้านิดนะเดี๋ยววันศุกร์ลงตอนที่9ให้
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-02-2018 22:48:42
 :z6: :z6:แด่พี่นนท์
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-02-2018 22:50:12
เกรว หนูอย่าหงอมากนักซิ พี่นนท์เขาไม่กัดหนูหรอก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-02-2018 23:05:43
รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 06-02-2018 00:42:14
 :-[
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 06-02-2018 12:23:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-02-2018 18:10:41
อยากโดดถีบไอ้พี่นนท์
"ผมก็แค่คนเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อ" ชิ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-02-2018 22:45:19
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 11-02-2018 10:00:47
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :8 : 5/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-02-2018 16:48:32
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 11-02-2018 20:56:20
ตอนที่9

“เอ่อ..”ถึงน้องกันต์จะอยากไป แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะพาไปยังไง

“นะๆๆๆน้า”น้องกันที่ยังมีผ้าพันที่หัวเข่าดึงชายเสื้อยืดของผมพร้อมช้อนสายตาออดอ้อน  ดวงตากลมโตที่รับกับจมูกเชิดเล็กๆ ริมฝีปากปากสีชมพูดสดทำเอาผมปฏิเสธไม่ลงจริงๆ

“งั้นน้องกันต์ต้องไปขออนุญาตคุณพ่อก่อนนะครับ”ผมบอก รู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าต้องไปเผชิญหน้ากับพี่นนต์ ทั้งๆที่ผมสร้างเรื่องไว้มากมาย

ผมอยากจะเข้าไปขอโทษกับทุกเรื่องที่ผมทำ แต่ท่าทีของพี่นนต์ตอนนี้ เหมือนไม่ต้องการจะฟังคำขอโทษจากผมและตัวผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากันพี่นนต์เหมือนกัน

“อ่ะ คุณพ่อๆ”ผมนั่งตัวเกร็งเมื่อจู่ๆพี่นนต์ที่ขึ้นไปห้องทำงานตั้งแต่หลังทานอาหารเช้าก็เดินผ่านมาที่ห้องนั่งเล่น  เมื่อน้องกันต์เห็นก็ร้องเรียกทันที ก่อนจะพยายามลงจากโซฟาไปหาพี่นนต์ แต่เพราะยงเจ็บที่หัวเข่าและความรีบร้อนทำให้น้องกันต์เกือบจะหล่นลงไปนั่งที่พื้น แต่ผมจับเอาไว้ได้ทันก่อน

 “แหะๆๆ”น้องกันต์หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะขยับตัวนั่งดีๆตามเดิม

“.............”พี่นนต์เดินเข้ามานั่งลงข้างๆน้องกันต์ จนตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเราสามคนนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันโดยมีน้องกันต์นั่งอยู่ตรงกลาง เพราะรู้สึกแปลกๆผมเลยขยับออกห่าง

“คุณพ่อๆๆ น้องกันต์อยากไปที่นี่ นะๆๆๆๆ”น้องกันต์เอนตัวไปซบที่แขนพี่นนต์ก่อนจะเอาแก้มถูไปตามแขนคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน

“แต่พ่อต้องทำงานครับ”ผมได้ยินเสียงพี่นนต์ตอบ พยายามมองตรงหันไปสนใจทีวี

“ให้พี่เกรวพาไปก็ได้ เนอะพี่เกรว”น้องกันต์หันมาถาม เพราะตกใจผมเลยเผลอหันไปตบตาพี่นนต์ ครั้งนี้พี่นนต์ไม่หลบตาหรือลุกเดินหนี แต่กลับจ้องมองผมโดยสายตาที่เหมือนกำลังถูกกดดัน

“เอ่อ...คือ”กลายเป็นผมเองที่เบี่ยงสายตาหลบมามองน้องกันต์ แต่แทนที่จะสบายใจกว่าที่ต้องจ้องตากับพี่นนต์แต่กลับกลายเป็นว่ารู้สึกลำบากใจไม่แพ้กันที่เจอสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังปนขอร้องของน้องกันต์

“คะ..ครับ ผม..จะพาน้องกันต์ไปเอง”ผมพูดรับคำ แต่ก็ยังไม่กลายเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่นนต์

“เย้ๆๆ”น้องกันต์ร้องดีใจก่อนจะขยับเข้ากอดผม ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้

“..........”พี่นนต์ไม่ได้พูดอะไร แต่ลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป  พี่นนต์คงจะไม่พอใจที่ผมรับปากน้องกันต์ว่าจะเป็นคนพาไป จริงๆพี่นนต์คงไม่อยากให้น้องกันต์ไปแต่เพราะผมดันไปรับปากพี่นนต์เลยต้องจำยอม  นี่ผมจะทำผิดซ้ำๆอีกกี่ครั้งกัน

.............................................

สัปดาห์ต่อมา

“พี่เกรวววววว”น้องกันต์ที่วันนี้ตื่นก่อนผมแต่งตัวอาบน้ำเรียบร้อย เดินเข้ามาหาผมที่ห้องนอน

วันนี้เป็นวันที่ผมกับน้องกันจะไปสวนน้ำกัน  ตั้งแต่วันนั้นที่พี่นนต์ลุกเดินหนีไปที่ห้องนั่งเล่น ผมกับพี่นนต์เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย  ความจริงผมแทบจะไม่เจอพี่นนต์เลยด้วยซ้ำเพราะ  ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาพี่นนต์อยู่ที่โรงพยาบาลตลอด บ้างวันออกไปตั้งแต่เช้ามืดกว่าจะกลับมาก็เข้าวันใหม่ของอีกวัน น้องกันต์เองยังบ่นหาพ่อตลอด  ผมไม่รู้ว่าพี่นนต์งานยุ่งเพราะต้องดูแลโรงพยาบาลแทนลุงธนต์หรือเพราะพี่นนต์ยังโกรธผมกันแน่

“ตื่นแล้วหรอ อาบน้ำแล้วด้วยเก่งจัง”ผมก้มอุ้มน้องกันต์พร้อมพาออกมา เมื่อวานผมจัดกระเป๋าไว้ตั้งแต่ตอนส่งน้องกันต์เข้านอนเสร็จเลยไม่ยุ่งยากอะไร

“คุณพ่ออาบให้น้องกันต์ล่ะ”น้องกันต์ยิ้มแป้นอย่างมีความสุข  งั้นแสดงว่าตอนนี้พี่นนต์ยังไม่ได้ออกไปทำงานซินะ หรือพี่นนต์ไม่อยากให้ผมพาน้องกันนต์ไปสวนน้ำขนาดนั้นกัน

“คุณพ่อกำลังอาบน้ำอยู่ บอกให้น้องกันต์ไปกินข้าวรอ”น้องกันต์ยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุขเมื่อกำลังจะได้ไปเที่ยว

“เอ๊ะ?”ทำไมต้องรอพี่นนต์

“คุณพ่อจะไปด้วย ไปกินข้าวกันน้องกันต์หิ๊วหิว.. “น้องกันต์ยิ้มตาปิดอย่างอารมณ์ดี ทำไมจู่ๆพี่นนต์ถึงจะไปด้วยทั้งๆที่...หรือเพราะไม่อยากปล่อยเด็กไม่เอาไหนอย่างผมดูแลน้องกันต์ตามลำพัง  บางทีครั้งนี้ผมอาจจะไม่สมควรไปกับพี่นนต์และน้องกันต์ก็ได้

“คะ..ครับ ไปทานข้าวรอคุณพ่อกันครับ”ผมเลยจุงมือน้องกันต์ลงบันไดไปทานข้าวรอพี่นนต์ที่กำลังอาบน้ำอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้

วันนี้น้องกันต์ว่าง่ายกว่าทุกวัน ปกติก็ไม่ได้ดื้อหรืออะไรหรอกนะครับแต่วันนี้น้องกันต์ทานข้าวเองจนหมดไม่เหลือผักไว้เลย  ไม่นานหลังจากทานข้าวเสร็จพี่นนต์ก็ลงมาพอดี   พี่นนต์ไม่ได้พูดอะไรแค่เดินจูงมือน้องกันต์ไปที่หน้าบ้านที่มีรถจอดรอไว้อยู่

น้องกันต์ตื่นเต้นมาก  พูดโน้นนี่นั้นตลอดไม่มีทีถ้าว่าจะเหนื่อย เพราะไม่ได้เจอพี่นนต์มาหลายวันก็เลยมีเรื่องเล่าเยอะแยะมากมายเรียกรอยยิ้มอ่อนๆจากพี่นนต์ได้อย่างง่ายด้าย

 วันนี้พี่นนต์เปลี่ยนเป็นรถ CRV แทน เบนซ์ที่ขับไปทำงานทุกวันเพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งเบาะนั่งเด็กของน้องกันต์

ผมพาน้องกันต์ขึ้นรถพร้อมตรวจสอบความเรียบร้อยของน้องกันต์     น้องกันต์ที่ตื่นแต่เช้ายังไม่ทันได้ออกรถน้องกันต์ก็หลับซะแล้ว   ผมกำลังขึ้นไปนั่งข้างน้องกันต์ในขณะเดียวกันพี่นนต์ก็ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ

บรรยากาศที่ดูอบอุ่นเมื่อครู่ตอนนี้กลับชวนให้รู้สึกอึดอัด แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าพี่นนต์คงไม่อยากให้ผมร่วมทริปในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนลอดผมก็ไม่กล้าจะถามออกไปจริงๆ ไม่ใช่เพราะกลัวถูกโกรธที่ถามอะไรที่ดูเสียมารยาท แต่ผมกลัวคำตอบที่จะได้รับมากกว่า

“เกรวมานั่งหน้า”พี่นนต์บอกด้วยน้ำเสียงธรรมดา

“แต่น้องกันต์..”ตอนนี้ผมไม่อยากเข้าใกล้พี่นนต์ ทั้งๆที่บรรยากาศของเราทั้งสองคนยังแย่แบบนี้

 “พี่ไม่ใช่คนขับรถ”พี่นนต์เริ่มใช้น้ำเสียงไม่พอใจ จนผมต้องลงจากรถเปลี่ยนไปนั่งข้างหน้าแทน ผมขึ้นไปนั่งข้างพี่นนต์ที่เป็นคนขับอย่างพยายามไม่ทำตัวให้พี่นนต์ต้องรู้สึกไม่ดี

“ขอโทษครับ”ผมบอกก่อนจะรัดเข็มขัดนิภัยเอง ในขณะที่พี่นนต์กำลังจะเอื้อมมารัดให้ ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่นนต์  รู้สึกแย่ที่ตัวเองมักจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่เสมอ แม้จะพยายามแล้วแต่ผมก็ยังทำให้พี่นนต์รู้สึกรำคราญใจอยู่ดี 

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงน้องกันต์ร้องไห้ มองไปรอบๆเห็นผู้คนมากมายภายในปั๊มน้ำมัน กระจกรถฝั่งพี่นนต์ถูกลดลงจนสุดแต่แอร์ยังเปิดไว้

ผมรีบลงรถเพื่อไปหาน้องกันต์ที่กำลังร้องไห้อยู่ อาจจะเพราะความร้อนภายนอกและแอร์ในรถที่ออกไปทางหน้าต่าง ทำให้อากาศค่อนข้างร้อน น้องกันต์เลยตื่น

“ไม่ร้องครับไม่ร้อง โอ๋ๆๆๆ”ผมรีบเข้าไปอุ้มน้องกันต์ออกมามองไปรอบๆเพื่อมองหาพี่นนต์ แต่ผมก็ยังไม่เห็น

“กันต์ปวดฉิ่งฉ่อง”น้องกันที่เริ่มเงียบบอก  ผมเลยพาน้องกันต์ไปห้องน้ำ

“อุย น่ารักจัง”ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมามองมาที่พวกเรา และพูดเป็นเสียงเดียวกัน ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ  รีบเดินไปห้องน้ำกลัวน้องกันต์จะฉี่ราด แต่พอจะถึงทางเข้า ผมก็เห็นพี่นนต์เดินออกมาพอดี

“คุณพ่อ”น้องกันต์โผล่เข้าหาทันที

“ตื่นแล้วหรอ ฟอด”พี่นนต์รับน้องกันต์ไปและหอมแก้มฟอดใหญ่

“กันต์ปวดฉิ่งฉ่อง”น้องกันต์บอก พี่นนต์เลยวางน้องกันต์ลงยืนตามเดิม ผมเลยรีบเข้าไปอุ้มพาน้องกันต์เข้าห้องน้ำ  เมื่อพาน้องกันต์เข้าห้องน้ำเสร็จ ผมเลยพาน้องกันมาล้างมือ ก็เห็นพี่นนต์ยืนรอที่อ่างล้างมือ

“ทำไมต้องรีบขนาดนั้น ถ้าหกล้มไปจะทำยังไง”พี่นนต์แสดงออกทางสีหน้าโกรธอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษครับ”ผมบอกขอโทษ เพราะผมกลัวแต่จะพาน้องกันต์เข้าห้องน้ำไม่ทันเลยรีบออุ้มน้องกันต์วิ่งเข้าห้องน้ำ

 พี่นนต์เข้ามารับตัวน้องกันต์ไปโดยไม่พูดอะไรต่อ นี่ผมทำผิดอีกแล้ว

เราออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยตอนนี้น้องกันต์เปลี่ยนมานั่งข้างหน้าโดยนั่งที่ตักของผม เพราะน้องกันต์งอแงไม่อยากนั่งเบาะนั่งเด็กด้านหลัง  อีกไม่ถึง3กิโล เราก็จะถึงสวนน้ำแล้วรถเริ่มติดมากขึ้นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ไม่มีเสียงพูดคุยกันระหว่างผมกับพี่นนต์ มีแต่เสียงน้องกันต์ที่ร้องเพลงเจื่อนแจ้วอย่างอารมณ์ดี

เมื่อเรามาถึงพี่นนต์ก็จัดการกระเป๋าข้าวของและตั๋ว ส่วนผมมีหน้าที่ดูแลน้องกันต์ เราจองเก้าอี้ริมสระเด็กไว้2ตัว ผมพาน้องกันไปเปลี่ยนชุดวายน้ำ กางเกงว่ายน้ำสีชมพูแสบตาเป็นตัวโปรดที่น้องกันต์ชอบมาก

“น้องกันต์ใส่แว่นไหม”ผมชูแว่นกันน้ำให้น้องกันต์ น้องกันพยักหน้ารับผมเอาเอาสวมไว้ที่คอให้ก่อน จากนั้นก็กลับมาจัดการตัวเอง ที่นี่ทุกคนที่ลงเล่นน้ำจะต้องใส่ชุดวายน้ำ แต่ถ้าไม่ลงก็ใส่ชุดอะไรก็ได้ ผมไม่มีชุดวายน้ำนอกจากกางกางเกงว่ายน้ำของโรงเรียน  ผมเลยใส่มันเอาแว่นกันน้ำคล้องที่คอไว้เหมือนน้องกันแล้วเดินออกไปที่เก้าอี้ที่พี่นนต์รออยู่

แต่ในระหว่างทางที่เดินออกมา ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็เอาแต่จ้องมองผมกับน้องกันต์ตลอดทาง ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ถึงผมจะรู้ว่าเขามองมาที่น้องกันต์เพราะน้องกันต์น่ารักมาก ผิวขาวจนเหมือนเด็กฝรั่ง แทบจะเรืองแสงกลางแดดได้เลยก็ว่าได้ เลยอดจะอายแทนไม่ได้ที่ต้องเป็นจุดสนใจขนาดนี้

“แต่ตัวอะไรแบบนี้”แต่พอเดินมาถึงเก้าอี้ที่พี่นนต์นั่งรออยู่ก็โดนพี่นนต์ตวาดทันที จนน้องกันเริ่มแบะ

“โอ๋ๆๆ พ่อไม่ได้ว่าหนูครับ”พี่นนต์รีบเข้ามาอุ้มน้องกันต์ เพราะน้องกันต์เริ่มร้อง ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ตาก็จ้องมาที่ผมอย่างตำนิ ผมมองดูตัวเองหันซ้ายหันขวา ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ คนอื่นที่เดินผ่านไปมาก็แต่งตัวเหมือนผม หรือเพราะผมใส่กางเกงว่ายน้ำของโรงเรียนกัน แต่มันก็ดูแทบไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นกางเกงว่ายน้ำของโรงเรียน เพราะมีชื่อโรงเรียนปักอยู่ที่ตรงขอบกางเกงด้านซ้ายตัวเล็กนิดเดียว ถ้ามองเผินก็คงไม่รู้    พี่นนต์วางร้องกันต์ลงเมื่อน้องกันต์หยุดร้องไห้ แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ

“คุณพ่อไปไหน”น้องกันต์มองตามพี่นนต์อย่างสงสัย ส่วนผมได้แต่เงียบแล้วยืนลูบหัวน้องกันต์อย่างปวดใจ นี่ผมทำอะไรไม่ดีอีกแล้วใช่ไหม คนอย่างผมทำอะไรก็คงไม่ดีในสายตาพี่นนต์

“ทาครีมกันแดดกันก่อนครับ”ผมจับน้องกันต์ขึ้นยืนบนเก้าอี้ริมสระ ก่อนจะหาครีมกันแดดในกระเป๋าน้องกันต์

“เธอๆ”ผมหันไปตามเสียงเรียก ก็เห็นผู้ชายสองคนที่ดูหน้าแล้วคงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ใส่กางเกงวายน้ำสีเข้มกับเสื้อคุมสีสดใสในมือมีครีมกันแดดยื่นมาตรงหน้าผม

“หานี่อยู่ป่ะ เราเห็นมันตกที่ห้องเปลี่ยนชุดอ่ะ”คนที่ตัวเตี้ยวกว่า(แต่ก็ยังสูงกว่าผมมาก)ยื่นครีมกันแดดสำหรับเด็กแพ้ง่ายมาให้

“ขอบคุณครับ”ผมยื่นมือไปรับแล้วขอบคุณ

“เรียน โรงเรียนKKKหรอ เราเรียนโรงเรียนUUUอ่ะ”เขาทักคงจะเห็นชื่อโรงเรียนจากกางเกงว่ายน้ำ  นี่ผิดคงคิดไปเองซินะว่าคนอื่นจะดูไม่ออกว่าผมใส่กางเกงว่ายน้ำของโรงเรียน

“แหะๆๆ อืมเรียนที่นั้นแหละ”ผมได้แต่ยิ้มแหยๆเพราะเขินอยู่เหมือนกันที่ใส่กางเกงว่ายน้ำของโรงเรียนมาสวนน้ำแบบนี้

“ใกล้ๆกันเลยเนอะ พาน้องมาเที่ยวหรอ”เขามองมาที่น้องกันต์ที่กำยื่นอยู่บนเก้าอี้

“สวัสดีครับ”น้องกันต์ยกมือไหว้อย่างน่ารัก

“หวัดดีครับ น่ารักจัง น่ารักเหมือนพี่ชายเลย”เขาพูดกับน้องกันต์แต่กลับจ้องหน้าผม

“เราชื่อไทม์ ไอ้นี่ชื่อฟิค เพื่อนเรา”เขาแนะนำเพื่อนอีกคนที่ยืนนิ่งยังไม่พูดไม่จา

“เราชื่อเกรว เรียนม.6ห้อง1อ่ะ”

“เฮ้ย จริงดิ งั้นก็รุ่นพี่ดิเราเพิ่ง ม.4เอง ต้องเรียกพี่ป่ะ”ไทม์พูดขึ้นอย่างตกใจ เพราะผมเตี้ยซินะเขาเลยคิดว่ารุ่นเดียวกัน

“ไม่เป็นไร แค่ปีสองปีเอง”           

“เอ่อ พอดีเรามีน้องกำลังจะเข้าkkkอ่ะ ถ้ายังไงขอไลน์ได้ป่ะ เพื่อไว้ถามข้อมูล ถ้าไม่รบกวนอ่ะนะ”เขาหยิบมือถือขึ้นมาส่งให้ผม แต่ก่อนที่ผมจะได้ทันรับมือถือมา จู่ๆพี่นนต์ที่ไม่รู้ว่ากลับมาตอนไหนก็เอาเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พี่นนต์มีติดรถไว้มาคุ้มตัวผมจากข้างหลัง

“อยากรู้ข้อมูลควรไปหาฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนดีกว่า ไม่ใช่เด็กม.6ที่กำลังจะเรียนจบ” ผมหันไปมองเห็นพี่นนต์ทำหน้าหงุดหงิดมือที่คุมเสื้อให้เลื่อนลงมากอดที่เอวแล้วดึงผมไปชิดตัว

TBC.

ขอโทษตอนแรกกะจะเอาลงวันศุกร์แต่เขียนไม่ทันจริงๆ  การบ้านก็เยอะ ต้องกราบขออภัยจริงๆ

อิพี่นนต์นางเริ่มมีความเป็นพระเองเเล้ว เเม้จะน้องนิดก็ตาม บอกตามตรงเรื่องของพี่นนต์กับน้องเกรวนี่ไม่มีอะไรเลยนะ ไม่รู้จะเอามาแต่งแยกทำไม  จริงๆทุกคนอ่าน เรื่องเมื่อผมท้อง ก็น่าจะเดาคู่นี้ได้ 

หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-02-2018 21:19:00
โอ้ยยย อิพี่นนท์ น่าฟาดสักทีสองที ปากร้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 11-02-2018 22:08:02
อุ้ย นี่พี่นนท์เริ่มมีอาการแล้วสินะคะ (ถึงจะเป็นอาการที่น่าหมั่นไส้ในสายตาคนมองก็ตามอ่ะนะ ฮาาาา)
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-02-2018 22:12:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 11-02-2018 23:38:48
เอาน้องบาสกลับมาให้ฟินต่อเลย เบื่ออีหมอ 5555
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 12-02-2018 00:41:07
อยากเห็นน้องเกรวใส่ชุดว่ายน้ำ ฮี่ๆๆๆ ( ˘ ³˘)♥
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 00:47:27
กลัวเกรวจะเป็นโรคซึมกระทือเสียก่อนจบเรื่อง  ช่วยทำเรื่องส่งตัวอีพี่นนท์เข้าครอสปรับเปลื่ยนพฤติกรรมตนเองหน่อยซิ  o12
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-02-2018 01:34:46
หวงน้องเกรวอะดิ ชิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 12-02-2018 03:06:20
โอ๊ย อยากเห็นน้องเกรวยิ้ม น้องเกรวสดใสบ้าง สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :9 : 11/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 13-02-2018 12:05:23
หึงค่ะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 16-02-2018 19:28:13
ตอนที่10

“เอ่อ.... ครับ งั้นเดี๋ยวไว้เราพาน้องไปรร.เธอนะ เราคงได้เจอกัน ไปเหอะ พ่อดุว่ะ”ผมได้ยินเสียงไทม์พูดกับฟิคประโยคสุดท้ายเบาๆก่อนที่ทั้งสองคนจะวิ่งหนีไปเมื่อพี่นนต์เปลี่ยนสีหน้าที่ดูโกรธกว่าเดิม

มันทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้ จริงๆ

“หัวเราะอะไร ใส่เสื้อดีๆ เพราะแต่งตัวแบบนี้พวกนั้นถึงกรูกันเข้ามา!”พี่นนต์หันมาดุผมก่อนจะรีบหันไปทาครีมกันแดดให้น้องกันต์

“คุณพ่อเป็นพ่อพี่เกรวด้วยหรอ”น้องกันต์ก็จี้จุดได้ตรง ทำเอาพี่นนต์สีหน้าเปลี่ยนทันที

เสื้อของพี่นนต์ตัวใหญ่มายาวจนชายเสื้อเกือบถึงหัวเข่าผม ผมผับแขนเสื้อขึ้นเพราะอากาศร้อนมาก ครั้งจะให้ปล่อยแขนเสื้อก็คงไม่เหมาะ เพราะมันยาวเลยแขนของผมออกมามากจนเกือบเท่าหนึ่ง

 ผมพาน้องกันมาเล่นสระเด็ก ตอนนี้ทางสวนน้ำเปิดเพลงการ์ตูนดังๆเพื่อสร้างบรรยากาศ เด็กๆต่างพากันส่งเสียงร้องตามกันยกใหญ่

“จี”น้องกันต์ที่ตอนแรกเล่นกับลูกบอลลมอยู่ก็รีบวิ่งไปหาเด็กคนหนึ่งที่รูปร่างพอๆกันแต่ผิวคล่ำกว่าน้องกันต์นิดหน่อย ผมรีบเดินไปหาเพราะกลัวน้องกันวิ่งไปชดเด็กคนอื่นที่เริ่มเยอะเต็มสระ

“ไม่วิ่งครับ”ผมรีบเข้าไปหยุดน้องกันต์ไป

“นี่จีๆๆ”น้องกันส่งเสียงเรียกเด็กคนนั้นก็รีบเดินมาหา ผมคิดว่าคงเป็นเพื่อนกันเลยปล่อยให้เล่นด้วยกันผมก็กลับมานั่งที่ขอบสระอีกครั้งแต่จู่ๆเด็กคนนั้นก็วิ่งขึ้นมาจากสระแล้ววิ่งไปทางเก้าอี้ริมสระเวลาเดียวกับที่ผมเห็นพี่นนต์กับ ผู้ชายคนนั้น คนที่ผมเจอในห้าง คนที่พี่นนต์หลงรักคน คนๆนั้นที่ไม่ใช่ผม

ผมหันกลับมาหนีความเจ็บปวดที่บีบหัวใจ รู้สึกขอบตาเริ่มร้องผ่าวแสบคอราวกลับกำลังจะร้องไห้

“น้องกันต์ระวัง!!”

แต่พอหันกลับมาก็เห็นน้องกันต์กำลังจะเสียหลักล้มเพราะแย่งบอลกับเพื่อน  ขาผมก้าวไปรวดเร็วอัตโนมัติ สุดท้ายกับเป็นผมเองที่ลื่นและล้มลงก้มจ้ำเบ้า

“โอ้ย”ผมคว้าน้องกันต์ไว้ได้ทันแต่เพราะน้องกันต์ล้มทับมาที่ตัวผมด้วยขาผมก็เลยเหมือนจะพลิก

“เกรว!”พี่นนต์รีบวิ่งเข้ามาหาผม ถึงจะเป็นแค่เหตุสุดวิสัย แต่ผมก็อดดีใจไม่ได้ อย่างน้อยพี่นนต์เองก็คงมีเยื้อใยให้ผมบาง

“ผมไม่เป็นไรครับ น้องกันต์เจ็บไหม”ผมหันมาสนใจน้องกันต์ที่ถูกพี่นนต์อุ้มออกจากตัวผมให้ยืนอยู่ข้างๆสระแทน

“ขอโทษครับ”น้องจียกมือไหว้ขอโทษผมทันทีอย่างตกใจ

“ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบบอกเพราะเหมือนน้องจีจะตกใจไม่น้อย

“ผมช่วยครับ”มีผู้ชายอีกคนเข้ามาทำท่าจะอุ้มผมขึ้นจากสระ หล่อมาก หล่อจนผมตกใจไม่คิดว่าจะมีใครหน้าตาดีเท่าพี่นนต์อาจจะเป็นดาราก็ได้นอกจากหน้าตารูปร่างก็ยังพอๆกับพี่นนต์อีกด้วย

“ไม่เป็นไร ผมอุ้มเอง”แต่พี่นนต์กลับรีบเข้ามาแทรกก่อนที่เขาจะยกตัวผมขึ้น

 “ผมฝากน้องกันต์ก่อนนะครับ”พี่นนต์หันไปบอกผู้ชายคนนั้นแล้วรีบอุ้มผมเดินตามการ์ดที่ดูแลสระไปที่ห้องพยาบาล

“ผมเป็นหมอครับ”พี่นนต์บอกเขาเลยรีบนำทางไป  เขาเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้พอพี่นนต์บอกว่าขาผมแค่เคล็ดนิดหน่อย เขาก็ออกไปรอด้านนอก บอกว่าต้องการอะไรก็บอก คงเพราะพี่นนต์เป็นหมอเขาเลยปล่อยให้พี่นนต์จัดการ

”เจ็บตัวอยู่ยังไปมั่วมองผู้ชายอยู่ได้ มันหน้าไหม!”พอการ์ดออกไปพี่นนต์ก็เริ่มเอาเจลร้อนและเย็นมาประคบให้ แต่ก็ว่าผมไปด้วย

“ผมป่าวซะหน่อย”ผมรีบเถียงเพราะรู้สึกอายนิดๆที่มีคนจับได้ว่าผมจ้องผู้ชายคนนั้นที่จะพยายามเข้ามาช่วยผม ก็เขาหน้าตาดีจริงๆนี่ครับ ใครเห็นก็ต้องอดมองไม่ได้ แต่ก็แค่มองเอง

“ยังจะเถียงอีก ทำอะไรไม่เคยระวังที่ห้องน้ำก็ทีแล้ว เมื่อไหร่จะโตสักที”พี่นนต์ยังคิ้วขมวดไม่หายและก็ยังบ่นผมไม่เลิก

“ขะ..ขอโทษครับผมตกใจ กลัวน้องกันต์จะล้ม”ผมบอกเสียงเบา อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ที่ถูกว่า แม้ผมเองจะเป็นคนผิดก็ตาม

“เฮออ ห่วงตัวเองบ้าง”พี่นนต์ถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ พูดประโยคสุดท้ายพร้อมหันมาจ้องหน้าผมที่นั่งให้พี่นนต์ประคบเจลให้อยู่

หลังจากทำแผลเสร็จผมก็ถูกพี่นนต์อุ้มมาที่เก้าอี้ริมสระอีกครั้ง แต่เราไม่ได้กลับไปที่เก้าอี้ของเรา แต่ผมถูกพามานั่งที่เก้าอี้ของครอบครัวคุณเอฟ

“อ่ะ ผมไม่เป็นไหร่ครับ”จังหวะที่พี่นนต์กำลังจะวางผมลงคุณเอฟก็ทำท่าจะเข้ามาช่วย

 “เป็นไงมั้งครับ ขอโทษแทนน้องจีด้วยนะครับ ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรดื้อใหญ่แล้ว”เขารีบขอโทษผมทันทีที่ผมนั่งลงได้เข้าที่แล้ว

 “ไม่เป็นไรครับ เกรวตกใจเวอร์ไปเอง55”ผมหัวเราะกลบเกลื่อน รู้สึกขายหน้าจริงๆ

“ดื้อไม่เข้าเรื่อง”พี่นนต์ยืนเท้าเอาดุผมต่อ การถูกพี่นนต์ต่อว่านั้นทำให้ผมรู้สึกแย่แล้ว แต่การถูกต่อว่าต่อหน้าคนที่พี่นนต์หลงรักนี่มันแย่ยิ่งกว่า

“ผม..”ผมไม่ใช่คนที่พี่รักนี่ ทำอะไรก็ดูไม่เข้าเรื่องสำหรับพี่นนต์ตลอด  ผมอยากจะพูดกลับไปแบบนี้ แต่ผมก็ทำได้แค่คิดในใจ

“พี่เกรวววว”น้องกันต์รีบวิ่งมาหาผมทันทีที่เห็นผมกลับมาแล้ว

“แม่ฮะ จีหิว”น้องจีก็วิ่งตามมาติดๆ

“คุณหยิบกล่องแซนวิสมาหน่อยซิ”คุณเอฟหันไปสั่งผู้ชายที่พยายามจะเข้ามาอุ้มผมตอนนั้น  ซึ่งเขานอนอยู่บนเก้าอี้ริมสระตัวเดียวกันกับที่คุณเอฟนั่งทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากจนผมอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองพี่นนต์ ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด พอเห็นสายตาที่พี่นนต์มองพวกเขาก็ทำเอาผมอยากจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ

“น้องจีกินนี่ก่อนนะครับเดี๋ยวขากลับให้คุณพ่อพาไปกินข้าวเนอะ”ยิ่งผมมองผมก็ยิ่งเห็นความต่างระหว่างผมกับคุณเอฟ คุณเอฟดูเป็นผู้ใหญ่ หน้าตาก็ดี แถมยังเอาใส่คนรอบข้างและใจดี พอหันกลับมามองดูตัวเองผมแทบไม่มีอะไรสู้เขาได้ ก็แค่เด็ก เด็กที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้พี่นนต์หันกลับมามองได้อยู่ดี

“น้องกันต์ทานด้วยนะครับ”

“คุณ เอฟ เหมือนคุณแม่จริงๆเลยครับ”ผมทักขึ้น ผมกลัวว่าถ้าผมยังเงียบอยู่แบบนี้ ผมคงกล้ายเป็นคนน่ารังเกรียดที่เอาแต่อิจฉาคนอื่นแบบนั้น

“เอ่อ เกรวหมายถึงว่า แม่น่ะครับ ดูคุณเอฟเอาใจใส่ เอ่อ..”แต่ดูเหมือนยิ่งพูดก็จะยิ่งดูแย่เข้าไปอีก

 “ขอบคุณครับ”คุณเอฟยิ้มกว้างตอบกลับมา ไม่ว่าจะมุมไหนเขาก็ดูเป็นคนที่คู่ควรกับพี่นนต์มากกว่าผม

“แล้วคุณเอฟกับเอ่อ “คนที่นั่งกินแซนวิซไม่พูดไม่จาทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้

 “ครับ?”

“ไม่ไปเล่นน้ำหรอครับ เดี๋ยวน้องจีฝากผมดูก็ได้” ผมทดเห็นพี่นนต์ยืนมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ

“เจ็บขนาดนี้ยังจะเก่งอีก”แต่พี่นนต์กับหันมาต่อว่าผม

“...”ผมเลยได้แต่นั่งก้มหน้า

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้พาน้องจีมาเล่นน่ะ ไว้คราวหน้าดีกว่า”คุณเอฟ คงเห็นว่าบรรยากาศระหว่างผมกับพี่นนต์นั้นเริ่มจะอึดอัดเลยรีบตอบเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

“ครับ”

หลังจากนั้นผมก็ไม่เปิดปากพูดอะไรอีกเลย นั่งมองน้องกันต์กับน้องจีเล่นน้ำอยู่หลายชั่วโมง เราก็ตกลงกันว่าจะกลับ ขาของผมก็ดีขึ้นมากหลังจากได้ยานวดตอนนั้น พวกเราเลยพากันกลับบ้าน ตลอดทางผมไม่ได้พูดอะไรเลย พี่นนต์เองก็ไม่ได้ถามส่วนน้องกันต์หลับตั้งแต่ขึ้นรถ อาจจะเพราะเหนื่อยจากการเล่นน้ำ บวกกับไม่ได้นอนกลางวัน เลยทำให้หลับง่ายแถมหลับตลอดทาง ผมเองก็ไม่รู้ว่าเผลอหลับตอนไหนมารู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่ในบนเตียงให้ห้องของตัวเองแล้ว แถมเสื้อผ้าก็ยังเป็นตัวใหม่ด้วย หวังว่าคงไม่ใช่พี่นนต์ที่เป็นคนเปลี่ยนให้นะ...

ผมออกมาจากห้องก็ตรงไปที่ห้องของน้องกันต์แต่ก็ไม่เจอน้องกันต์ ผมเลยเดินลงมาด้านล่าง บ้านทั้งบ้านเงียบสนิท ไฟก็ถูกเปิดแค่บางส่วน ทำให้ผมยิ่งสงสัย เดินไปหาป้าจำปีที่ครัวก็ไม่เห็น

“ไปไหนกันหมด”ทั้งบ้านเงียบสนิท ไม่เห็นทั้งป้าจำปีหรือพี่ษา ตามปกติแล้วตอนนี้จะเป็นเวลาเตรียมอาหารเย็นแต่ผมกลับไม่เห็นใครเลย

เสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะๆ พร้อมๆกับเม็ดฝนที่ล่วงล่นมากระทบหลังคาจนเกิดเสียงดัง อากาศเย็นลงแทบจะทันทีทำผมต้องยกแขนขึ้นมาถูไปมา

เปรี้ยง!!!!  ฟรึบ!!

หนังจากฟ้าร้องดังสนั่น จู่ๆไฟก็ดับลงบ้านทั้งบ้านมือสนิท มีแค่แสงจากรั้วบ้านที่ไกลออกไป

“อ๊ากกกกกกกก”ผมตั้งใจจะรีบวิ่งขึ้นห้องแต่พอหันมาก็เจอเข้ากับ

“พี่นนต์” ที่ตัวเปียกปอน ผมที่เซตเปิดหน้าตอนนี้เปียกจนลงมาปกหน้าผากและตา หัวใจผมเกือบวาย

“....”พี่นนต์จ้องผมแบบเอือมๆ แม้จะในความมืดผมก็ยังได้รับแต่ความอับอาย

“ปะ...ไปทำอะไรมาครับถึงตัวเปียกแบบนี้”ผมพยายามคล่ำหาไฟฉาย จำได้ว่ามีอยู่ที่ลิ้นชักในครัว

“มีร่มไหม น้องกันต์อยู่บนรถที่โรงรถ พี่วิ่งมาเอาร่ม”พี่นนต์ถาม พร้อมแย่งไฟฉายในมือผมที่เพิ่งหาเจอไปถือ

“มีครับ หน้าจะข้างตู้เย็นๆ”ผมเดินไปที่แขวนร่มของป้าจำปีที่แกมักจะใช้เวลาไปจ่ายตลาดประจำ พอได้ร่มพี่นนต์ก็รีบวิ่งออกไป ส่วนผมก็ไปเตรียมผ้าขนหนูไว้ให้น้องกันต์

ไม่นานพี่นนต์ก็อุ้มน้องกันต์มา น้องกันต์ไม่เปียกเท่าไหร่แต่ก็มีเปียกบ้างเพราะฝนตกแรงมาก น่าจะสาดเข้ามาในร่ม ผมเลยรีบเข้าไปรับน้องกันต์จากพี่นนต์

น้องกันต์ตัวสั่นน้อยๆน่าจะเพราะหนาวผมเลยรีบเอาผ้ามาห่อน้องกันต์ไว้

“คุณพ่อๆๆ”แต่น้องกันต์จะไปหาพี่นนต์ลูกเดียว

“พ่อเปียกครับ ไม่อยู่กับพี่เกรวก่อน”พี่นนต์ก็หยิบผ้าอีกผืนหนึ่งไปเช็ดผมพอเห็นน้องกันต์จะกระโดดใส่ก็รีบเบี่ยงตัวออก

“อือๆๆ ไม่เอา กันต์กลัว”แต่น้องกันต์ไม่ยอมจะไปหาแต่พี่นนต์อย่างเดียวจนสุดท้ายพี่นนต์ก็ต้องรับน้องกันต์ไปอุ้ม  แต่ผมของพี่นนต์ก็ยังเปียกอยู่มากจนน้ำหยดลงจากปลายผม  เพราะกลัวพี่นนต์จะเป็นหวัดผมเลยถือวิสาสะเอาผ้าขนหนูไปซับตามผมและใบหน้าให้

เป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟในบ้านกลับมาติดอีกครั้ง พอไฟติดผมก็เพิ่งรู้ตัวว่า ผมยืนอยู่ใกล้พี่นนต์ขนาดไหน ปายเท้าของผมเขย่งจนสุดมือก็ยังจับอยู่ที่ผ้าขนหนูสีขาวบนหัวพี่นนต์ที่อุ้มน้องกันต์เต็มสองแขน ใบหน้าเราห่างกันแค่คืบ หัวใจผมเต้นโครมคามราวกับกำลังจะหลุดออกมา

“เอ่อ...พี่นนต์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่าครับ ดะ..เดี๋ยวผมพาน้องกันต์ไปอาบน้ำเอง”ผมบอก รู้สึกใบหน้าที่ร้อนผ่าวจนกลัวว่าพี่นนต์จะสังเกตเห็น

หลังจากนั้นผมก็พาน้องกันต์ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะความเหนื่อย พอออกจากห้องน้ำยังไม่ทันแต่งตัวดีๆน้องกันต์ก็หลับอีกครั้ง ผมกลับมาที่ห้องของตัวเองหลังจากแต่งตัวให้น้องกันต์เสร็จและห่มผ้าให้เรียบร้อย ผมเองก็เปียกเพราะละฝนที่สาดเข้ามาเหมือนกัน

อากาศเย็นลงอย่างฉับพลันเพราะฝนที่ตกหนักขึ้นมาอีกครั้ง ความเย็นปะทะเข้าที่ผิวทันที่ที่ผมถอดเสื้อผ้าออก ผมค่อยๆพาตัวเองก้าวลงอ้างที่รองน้ำอุ่นไว้อย่างช้า นั่งแช่ด้วยความรู้สึกสบายตัว จนชวนให้อย่างจะหลับอีกครั้ง แต่ก็พยายามฝืนตัวไว้  แต่ยิ่งแช่ก็ยิ่งง่วงผมเลยตัดสินใจลุกออกจากอ่างแต่จู่ๆก็

“เกรว ...!!”ผมที่ขาข้างหนึ่งยังอยู่ในอ่าง ส่วนอีกข้าวก้าวออกมาบนพื้น กำลังก้มลงเกาะขอบอ่างอย่างระวัง จู่ๆพี่นนต์ที่สวมเพียงกางกางนอนขายาวก็เปิดประตูเข้ามา

อ๊ะ!

ผมตกใจมาก ตามสันชาติญาณก็พยายามหาที่กำบังตัวเพราะตอนนี้ผมไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น   แต่เพราะความตกใจทำให้ผมลืมไปว่าตัวเองกำลังออกจากอ่างอาบน้ำเลยทำให้ผมลื่นเสียหลักเกือบจะล้มหงายหลัง แต่โชคดีที่พี่นนต์เขามารับผมไว้ได้ทัน

ราวกับเวลาหยุดเดิน 

ผมสัมผัสได้ถึงความร้อนจากท่อนแขนแข็งแกร่งที่กำลังโอบรัดรอบร่างกายเปลือยเปล่าของผม ทั้งๆที่อากาศก่อนหน้านี้เย็นจนต้องยกแขนขึ้นกอดตัวเอง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก

 “ปล่อยผมเถอะครับ”ผมก้มหน้าจนชินคางบอกไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาพี่นนต์ หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียง

“ทำไมไม่ล็อคประตู!”พี่นนต์คายอ้อมแขนออก ก่อนต่อว่าผมแล้วหันหลังเดินออกจากห้องผมไป

TBC.

ความซึนนี้พี่นนต์ได้แต่ใดมา5555
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-02-2018 19:51:22
มาตามอ่านเรื่องนี้ด้วยคน  :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-02-2018 19:58:56
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-02-2018 20:01:11
หมั่นไส้พี่นนท์อ่ะ เอะอะก็โวยวายน้อง แล้วยังทำให้น้องเสียใจอีก
คนอะไรปากจัดจังเลย ซึนเกินไปแล้ว หมั่นไส้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-02-2018 20:05:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-02-2018 21:22:08
นนท์ ดีแต่โยนความผิดให้เกรวเท่านั้น  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-02-2018 01:05:47
อ้าวพี่นนต์5555ซึนซะงั้น
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-02-2018 01:52:57
นนท์ ขอห้ามไม่ให้เข้าใกล้เกรวในระยะ 10 เมตร ป้องกันเกรวเจ็บตัว  o16
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-02-2018 02:00:11
กระโดดถีบไอ้พี่นนท์!!!
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-02-2018 16:50:06
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 25-02-2018 17:38:44
ตอนที่11

เช้าวันต่อมา ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารเช้าง่ายๆให้น้องกันต์ เพราะว่าตอนนี้ทั้งบ้านไม่มีใครอยู่เลยป้าจำปีไปต่างจังหวัด ไปพร้อมกับลุงสม  ส่วนพี่นนต์ ผมไม่เห็นเลยตั้งแต่เรื่องเมื่อคืน

“อร่อยจังเลยพี่เกรว”น้องกันต์ตักข่าวผัดอเมริกันเข้าปากคำใหญ่”อร่อยเหมือนคุณเอฟเลย”ไม่รู้ทำไมรอยยิ้มของผมถึงหุบลงอย่างฉลับพลัน

“หรอครับ ดีใจจัง”ดีใจแทนคุณเอฟ ที่ไม่ว่าใครๆก็ต่างชอบเขา

เราทานข้าวกันเสร็จก็พากันดูทีวี  วันนี้ทั้งผมและน้องกันต์ต่างไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะเมื่อวานน้องกันต์ตากฝนเลยทำให้มีไข้และเป็นหวัด แต่อาการก็ไม่ได้แย่มากนัก วันนี้ผมเลยอยู่ดูแลน้องกันต์ เพราะยังไงพรุ่งนี้ที่โรงเรียนผมก็หยุดเหมือนกันวันนี้เองก็คิดว่า น่าจะไม่มีคนไปโรงเรียนกันมากนักคงถือมีหลายคนหยุดยาวเหมือนผม

ทั้งวันผมก็ไม่ได้ทำอะไรมาส่วนใหญ่ก็ดูแลน้องกันต์ ทำอาหารและทำความสะอาดบ้านตอนที่น้องกันต์นอนกลางวัน  จากนั้นก็ทำอาหารเย็น โดยทำส่วนของพี่นนต์แพ็คใส่ตู้เย็นไว้ให้ เพื่อพี่นนต์กลับมาดึกๆจะได้ทาน

“อัลโหล”ตอนที่ผมกำลังจะเตรียมขึ้นนอนเก่งก็โทรมา

:เออ เป็นไรวันนี้ไม่มาเรียน ให้ไอ้บาสไปหามันก็บอกปิดบ้านเงียบ:เพราะว่าไม่มีใครอยู่ผมเลยไม่ได้เปิดไฟรั้วเมื่อเช้า

“อ่อ เมื่อวันอาทิตย์ไปเที่ยวสวนน้ำกับน้องกันต์มา แดดแรงเลยรู้สึกเหมือนไม่ค่อยดี เลยหยุด”ผมอธิบาย

:เอ่อๆ นึกว่าตายไปแล้ว :แม้คำพูดจะดูรุนแรงแต่ผมก็เขาใจว่าทั้งหมดคือความห่วงใย

“แล้ววันนี้มีอะไรสำคัญไหม หรือ อ.นัดtest?”ผมถามแอบตกใจที่เก่งโทรมา เพราะถ้าไม่มีธุระสำคัญเพื่อนผมจะไม่ค่อยโทรมาหาเพราะเวลาโทรต้องโทรเข้าเบอร์บ้าน

:เรื่องสอบตรง อาจารย์บอกว่ามึงปฏิเสธรับสิทธิ์ มึงแน่ใจหรอ ไหนมึงบอกอยากเป็นหมอ:จริงๆเมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้รับโควตาสอบเข้าเรียนแพทย์ของมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะผมการเรียนของผมผ่านเกณฑ์ แล้วผมเองก็มักจะพูดบ่อยๆว่าอยากเป็นหมอ จนอาจารย์ช่วยเดินเรื่องให้

“อืม เราว่า เราอยากจะหางานทำก่อน จะเก็บเงินเรียนเอง ไม่อยากรบกวนคุณลุงกับคุณป้ามากไปกว่านี้แล้ว”ตั้งแต่จำความได้ผมก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ดีเกินกว่าที่เด็กขอทานอย่างผม

:มึงคุยเรื่องนี้กับคนที่บ้านหรือยัง:

“ไม่ต้องหรอก เราไม่อยากเป็นภาระใครอีก หลังจบ ม.6เราว่าจะหางานทำก่อน แล้วก็ช่วยทำงานที่บ้านนี้ด้วย  คิดว่า ดรอปสักปีคงไม่เป็นไร”ผมบอก ความฝันของผมคือการเป็นหมอ  หมอที่ใจดี ช่วยเหลือทุกคนที่มีโอกาสเป็น หมอแบบ พี่นนต์

แต่ผมก็ไม่อยากให้ทุกคนต้องลำบากเพราะผมไปมากกว่านี้ ค่าเทอมเรียนหมอไม่ใช่น้อยๆ ผมจะเป็นภาระมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว จริงๆผมมองหางานที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งไว้เป็นร้านหน้าหมู่บ้าน คุณลุงชอบพาผมไม่ซื้อขนมที่นั้นบ่อยๆ ผมเองก็คุยกับพี่ญ่าเจ้าของร้านไว้แล้วว่าอยากจะขอมาทำงานซึ่งพี่ญ่าเองก็ยินดี  ผมเลยกะว่าจะเริ่มทำตอนปิดเทอมนี้เลย

“เออ แล้วแต่มึง มีอะไรที่กูช่วยได้ก็บอก อย่าทำเหมือนตัวเองอยู่คนเดียวบนโลก แม่กูก็บ่นหาทุกวันมาบ้าง เห็นบอกซื้อเสื้อผ้ามาจากญี่ปุ่น สีโคตรตุ๊ด ยังไงก็อย่าลืมมาเอา:ผมเคยไปบ้านเก่งหลายครั้งตั้งแต่สมัยเรียนม.ต้น เพราะช่วงม.ต้นจะมีงานกลุ่มค่อนข้างเยอะ เลยค่อนข้างสนิทกับที่บ้านเก่ง  บ้านเก่งทำธุรกิจส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของประเทศ

“อืม ขอบใจนะ เดี๋ยวจะแวะไปหาคุณน้าด้วย” คุณแม่ของเก่งท่านใจดีมาก เวลาท่านไปเที่ยวที่ไหนก็มักจะมีของติดไว้ติดมือมาฝากตลอด ถึงแม้ผมจะปฏิเสธท่านไป แต่ท่านก็มักจะซื้อของมาฝากอยู่เสมอ

หลังจากวางสายผมก็ขึ้นห้องนอน ผมจะต้องตอบแทนบุญคุณของคุณลุงและคุณป้าให้ได้  เพราะถ้าหากไม่ได้พวกท่านในวันนั้น ตัวผมก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตลอดมาจนถึงตอนนี้ไหม

ผมจำเรื่องราวตอนเด็กไม่ได้ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ผมเป็นใคร ไม่รู้ว่าทำตัวเองถึงถูกทำร้าย ไม่รู้ว่าถูกช่วยมาได้ยังไง ผมต้องพบจิตแพทย์มาตลอดจนถึงเมื่อ3ปีก่อน ที่คุณหมอบอกว่าอาการของผมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะดูเหมือน การถูกทำร้ายเมื่อตอนเด็กแทบจะไม่ส่งผลอะไรกับผมแล้ว

ต้องขอบคุณพี่นนต์ที่ตอนนั้นดูแลเอาใจใส่ผมอย่างดี จนทำให้ผมลืมเรื่องทุกอย่างที่เลวร้ายไปได้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่ดีก็ทำให้ผมโตมาอย่างมีคุณภาพ ต้องขอบคุณทุกคนที่อยู่รอบๆตัวผมขอบคุณที่เขาไม่ทำร้าย และไม่รังเกลียดเด็กเร่ร่อนคนนี้

………………………………………………………………………..

วันนี้ผมโทรไปลาที่โรงเรียนให้น้องกันต์อีก1วันเพราะ อาการหวัดของน้องกันยังไม่หายดี  น้องกันต์เองก็ตื่นแต่เช้ามานั่งดูการ์ตูน ผมเองวันนี้ที่ โรงเรียนก็หยุดเหมือนกันเพราะวันนี้เด็กมอ6มีการสอบตรงกันแทบจะยกระดับชั้น ผมเลยหยุดได้โดยไม่ต้องกังวล

วันนี้ผมทำสปาเก็ตตี้ที่น้องกันต์ชอบ น้องกันต์ชอบกินมะเขือเทศมากอะไรก็ตามที่ทำจากมะเขือเทศน้องกันต์จะกินจนเกลี้ยงและกินได้เองแบบไม่ต้องค่อยป้อนเหมือนอย่างอื่น

แต่คงเพราะทำเยอะไปผมเลยต้องมาตักใส่กล่องไว้เผื่อกินกลางวันอีกที หวังว่าน้องกันต์คงยังไม่เบื่อ

“คุณพ่อ!”ผมได้ยินเสียงน้องกันต์ร้องเรียกอย่างดีใจ

“ทำอะไรอยู่!”ผมตกใจจนทำจานสปาเก็ตตี้หล่น โชคดีที่จากใบนี้ทำจากพลาสติกเพราะเป็นจานของน้องกันต์มันเลยไม่แตก

“ผมผมทำ...”พี่นนต์ดูโกรธมาก จนผมทำตัวไม่ถูก

“ไปเปลี่ยนชุด ทำไมถึงตัดสินใจเองแบบนี้ห๊ะ ! พี่ไม่เคยสอนให้เป็นเด็กเกเรแบบนี้ วันนี้มีสอบชิงโควต้า ทำไมไม่บอก!”พี่นนต์เดินมาจับแขนผมทั้งสองข้างแน่นดวงตาที่เคยอ่อนโยนดูเกี้ยวกราดอย่างน่ากลัว

“ผมไม่อยากเรียนครับ”ผมได้แต่เซหน้าหลบสายตาเพราะไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าพี่นนต์อีกแล้ว

“เกรว!”พี่นนต์ดูโกรธมากกว่าเดิม สุดท้ายผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“ฮือๆๆๆๆ”ผมร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงพี่นนต์อ่อนลง แต่สายตายังคงแสดงถึงความไม่ชอบใจอยู่

“ไม่ เกรวไม่เรียน เกรวไม่ไป”ผมสะบัดตัวออกจากพี่นนต์ด้วยความน้อยใจสุดขีด ทำไมถึงต้องโมโหผมขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่ถามเหตุผลผมด้วยซ้ำ

“ได้ ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนเอง พี่จะเปลี่ยนให้ มานี่!”เหตุการณ์ดูเหมือนจะเลวร้ายขึ้นไปอีกเมื่อพี่นนต์เข้ามาช้อนตัวผมอุ้มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ก่อนจะรีบพาผมขึ้นไปชั้นบน ผมรู้สึกโกรธมาก ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ทั้งเสียใจ ตลอดทางผมพยายามทุบอกพี่นนต์เพื่อหวังให้พี่นนต์ปล่อยผม พยายามดิ้นให้หลุดจากการกระทำที่ดูป่าเถื่อนที่ผมไม่คิดว่าจะได้รับจากพี่นนต์!

แต่ยิ่งทำพี่นนต์ยิ่งโกรธจนสุดท้ายผมก็ถูกเหวี่ยงลงเตียงในห้องนอนของตัวเองอย่างไม่เบามือ

“พูดดีๆไม่ฟังพี่ใช่ไหม  พี่จะพูดอีกครั้งจะเปลี่ยนเอง หรือต้องให้พี่เปลี่ยนให้”ชุดนักเรียนที่แขวอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าถูกพี่นนต์โยนมาให้ผมที่เตียง ผมได้แต่เงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามองไปที่พี่นนต์อย่างน้อยใจ

 “พูดดีๆไม่ฟังพี่ใช่ไหม  พี่จะพูดอีกครั้งจะเปลี่ยนเอง หรือต้องให้พี่เปลี่ยนให้”

“...........”ผมยังคงเอาแต่ร้องไห้อย่างลืมอาย มองกองเสื้อผ้าที่ถูกโยนมาให้ที่เตียงอย่างไม่คิดจะแตะต้อง

“พี่จะนับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่ขยับ จะหาว่าพี่ไม่เตือน”พี่นนต์กอดอกจ้องผมด้วยสายตาไม่พอใจ  ยิ่งผมหันไปสบสายตาเย็นชานั้น ยิ่งทำให้น้ำตาของผมไหลไม่หยุด

“1”ผมยังคงนั่งนิ่งได้แต่น้อยใจอย่างหาทางไปต่อไม่ได้

“2”พี่นนต์เดินเข้ามา ทำท่าจะจับผมเปลี่ยนเสื้อผ้าจริงๆ จนสุดท้ายผมก็หยิบชุดมาแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ

“ถ้าห้านาทียังไม่ออกมาพี่พังเข้าไปแน่!”แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงพี่นนต์ตะโกนตามหลังมา

ผมยืนร้องไห้ในห้องน้ำตลอดเวลาที่เปลี่ยนชุด  ได้แต่สงสัยว่าผมผิดอะไร ทำไมพี่นนต์ถึงต้องโกรธขนาดนี้ ทำไมทุกครั้งที่เจอหน้ากันผมถึงถึงตะโกนใส่ทุกครั้ง  ทำไมทุกอย่างที่ผมตั้งใจจะทำมันถึงไม่เคยดีในสายตาของพี่นนต์เลยสักครั้ง

 ผมเอาแต่ต่อมาพี่นนต์ในใจอยู่แบบนั้นจนได้ยินเสียงเคาะประตูห้องน้ำรัวๆ

“อย่าให้พี่ต้องเข้าไปลากออกมานะ”ผมยิ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปิดประตูออกไป ถึงจะน้อยใจและเสียใจแค่ไหน แต่ผมก็ทำได้แค่มองค้อนพี่นนต์และเดินผ่านไปหยิบกระเป๋านักเรียน

ผมเดินไปขึ้นรถทันทีแบบไม่สนใจพี่นนต์พอขึ้นไปก็เห็นน้องกันต์นั่งรอในรถที่เบาะเด็กเรียบร้อยแล้ว แถมยังมีกระเป๋ใบโตอยู่ด้วย น้องกันต์มองมาที่ผมด้วยสายตากังวลแต่ก็คงไม่กล้าถามเพราะพี่นนต์ขึ้นรถมาพอดีจากนั้นก็ออกรถแทบจะทันที ตลอดทางเกือบ10นาทีไม่มีเสียงพูดคุยใดๆในรถเลย พี่นนต์ยังคงทำหน้าไม่พอใจ และมันก็เป็นสิ่งที่กระตุ้นน้ำตาของผมให้ไหลอีกครั้งอีกครั้ง พี่นนต์ยังขับรถไปเลื่อยๆไม่สนใจผมมาที่บ้านของใครสักคนซึ่งตอนนั้นผมแทบไม่ได้สนใจอะไร

พอมาถึงพี่นนต์ก็รีบลงไปพร้อมกับพาน้องกันต์ลงไปด้วย พอได้อยู่คนเดียวในรถผมก็ปล่อยโฮอีกครั้ง  ได้แต่นึกในใจว่า เพราะอะไรความสัมพันธระหว่างผมกับพี่นนต์ นับวัน มันถึงได้แย่ลงแบบนี้

ไม่นานหลังจากพี่นนต์ลงไปพี่นนต์ก็กลับเข้ามาในรถอีกครั้ง แต่ไม่มีน้องกันต์กลับมาด้วย คงจะฝากใครสักคนไว้ จากนั้นก็ออกรถทันที

ผมมีสอบตอน10โมงเช้าจนถึง4โมงเย็นเพราะต้องสอบ2อย่างคือ สอบตรงทั่วไปเป็นพวกวิชาพื้นฐานที่เคยเรียนมาตอนม.ปายและสอบคณะแพทย์อีในช่วงบ่าย ซึ่งดูจากเวลาตอนนี้ผมมีเวลาอีก2ชั่วโมง

ตอนนี้เป็นเป็นเวลาเร่งด่วนทำให้รถติดแทบจะทุกแยก พี่นนต์ดูกังวนใจมาก ส่วนผมหยุดร้องแล้วแต่ก็ทำได้แค่หันหน้าออกไปทางหน้าต่างพยายามไม่สนใจพี่นนต์

“เกรว”ผมได้ยินพี่นนต์เรียก แต่ผมเลือกที่จะไม่สนใจ เพราะผมยังเคืองอยู่มาก รถก็ติดมากจนแทบจะไม่ขยับ

“เกรว”

“เกรว หันมา”พี่นนต์ยังคงเรียกผมอย่างต่อเนื่อง แต่ผมก็ยังเฉย

“อย่างให้พี่ต้องโมโห “น้ำเสียงเย็นกดดัน จนสุดท้ายผมก็ต้องหันมามองพี่นนต์ แค่เห็นหน้าเย็นชานั้น ผมก็ปล่อยน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง  จ้องมองคนใจร้ายที่เอาแต่บังคับโดยไม่เคยถามอะไรสักคำ

 “.....”ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ ได้ยินแค่เสียงถอนหายใจของพี่นนต์ ที่ดังขึ้นเบาๆราวกับจะตอกย้ำให้ผมรู้ว่าผมเป็นตัวปัญหามากแค่ไหน

เมื่อพี่นนต์ไม่ได้พูดอะไรผมก็หันหน้ากลับมามองออกไปที่นอกหน้าต่างเหมือนเดิม รถยังคงเคลื่อนไปเรื่อยๆ ผมเอาแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนในที่สุดเราก็มาถึงสถานที่สอบซึ่งมีเวลาประมาณ20นาทีก่อนเข้าห้องสอบ

เมื่อรถจอดสนิทผมก็รีบหยิบข้าวของต่างๆของผม ตั้งใจจะลงจากรถแต่พี่นนต์ยังไม่ยอมปลดล็อกประตูให้

“จะรีบไปไหน”พี่นนต์จับผมให้หันหน้าเข้าหา ผมหันไปแต่ตั้งใจไม่มองพี่นนต์

“รีบทำสิ่งที่พี่ต้องการไงครับ”ผมพูดอย่างตัดร่อน ด้วยความน้อยใจ เงยหน้ามองพี่นนต์ด้วยขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้ง     

“อย่างร้อง”พี่นนต์ใช้มือปาดน้ำตาผมออกให้

“......”ยิ่งพี่นนต์พูดแบบนี้น้ำตาที่พยายามฝืนกลั้นก็ไหลอีกครั้ง

“..................”พี่นนต์ใช้สองมือประครองหน้าผมไว้ ก่อนจะพิจารณาแทบทุกตารางนิ้วบนใบหน้าของผม ก่อนจะค่อยโน้นตัวลงมา ในตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกในหัวผมมันว่างเปล่าไปหมด อารมณ์น้อยใจและเสียใจเหมือนครู่เหมือนถูดพัดปลิวไปหมดเมื่อริมฝีปากอุ่นๆของพี่นนต์ทาบทับลงมาที่ริมฝีปากของผม

ผมรู้ว่านานแค่ไหน ผมทำแค่เบิกตากล้างตัวแข็งทื่อเพราะความตกใจ  จูบที่ริมฝีปากแผ่วเบาเคลื่อนไปที่หน้าผาก และเปลือกตา

“สอบเสร็จค่อยคุยกัน  ตั้งใจทำ พี่จะรอ”พี่นนต์บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน  สายตาคู่นี้ที่เคยมองมาที่ผมเมื่อ6ปีก่อน สายตาที่ผมโหยหามาตลอด6ปี สายตาที่บอกว่าผมคือคนสำคัญ สายตาคู่นั้นกำลังอยู่ตรงหน้า  ราวกับมีมนต์สะกด ผมพยับหน้าตอบรับก่อนจะลงรถเพื่อเข้าอาคารไปสอบ พอพ้นจากสายตาพี่นนต์ ผมก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว  ลืมเรื่องแทบจะทุกอย่างก่อนหน้านี้ไปหมด ความหวังเล็กที่เคยดับลง กำลังลุกโชนอีกครั้ง

การสอบรอบเช้าสำหรับผมค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดี เพราะส่วนใหญ่เป็นแบบที่โรงเรียนของผมติวให้ก่อนสอบ ตรง ที่โรงเรียนของผมจะมีการติวให้นักเรียนทุกครั้งที่จะมีการสอบนอกโรงเรียน ซึ่งด้วยความที่เป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีเชื่อเสียงดังนั้นแนวข้อสอบเลยค่อนข้างดีสมกับเป็นโรงเรียนที่ใครๆต่างพากันหมายตาที่จะสอบเข้า

การสอบจะเป็นการสอบแบบทั้งวัน ไม่มีการพักกลางวัน  ผู้เข้าสอบทุกคนจะไม่สามารถออกจากห้องสอบได้ถึงแม้ว่าจะสอบเสร็จก่อนก็ตาม เพื่อป้องกันการทุจริต และการเข้าห้องน้ำจะมีกรรมการ3คนพาคุมเดินไปที่ห้องน้ำ เพราะมหาลัยนี้ดังมาก และเมื่อปีที่แล้วมีเรื่องการทุจริตแดงขึ้นมาเลยทำให้ผู้บริหารปรับเปลี่ยนวิธีการและเข้มงวดมากขึ้นจนเห็นได้ชัด

แต่คนที่ส่งกระดาษคำตอบแล้ว จะได้รับของวาง ช่วงเช้าจะได้น้ำผลไม้กับคัพเค้กกล้วยหอม ส่วนกลางวันจะได้ข้าวกล่อง เป็นข้าวหมูกระเทียมไข่ดาวที่ทางมหาลัยเตรียมไว้ให้ นอกจากนี้ยังมีส้มกับน้ำเปล่าให้อีก ซึ่งทุกอย่างถูกดึงฉลากออก เหลือแค่ขวดน้ำใสๆที่ไม่ว่ายังไงก็หาทางทุจริตไม่ได้  การทานข้าวกลางวัน จะทานพร้อมกันมีเวลา30นาที ทุกคนไม่สามารถนำเอกสาร หนังสือ รวมทั้งมือถือเข้ามาได้  เพราะเอกสารแจ้งไว้แล้วว่าต้องเตรียมตัวให้เรียบร้อย ดังนั้นจะไม่มีการอ่านก่อนสอบใดๆ ทั้งสิน ผมทานข้าวเสร็จก็เอาแต่นั่งคิดถึงพี่นนต์ ในหัวจิตนาการเรื่องดีๆต่างๆนาๆ จนเผลอยิ้มออกมาบ่อยครั้ง จนโดนเจ้าหน้าที่ที่มาเก็บขยะแซว ว่าข้อสอบคงง่ายสำหรับผม

การสอบช่วงบ่ายเป็นการสอบเข้าคณะแพทย์ดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด ข้อสอบยากมาก  โชคดีที่ถึงผมจะเคยตัดใจเรื่องสอบปีนี้ แต่ผมก็ยังคงอ่านหนังสือมาตลอดตั้งแต่ม.4 เลยพอทำได้

กว่าจะสอบเสร็จก็ทำเอาทุกคนแทบหมดแรงเดิน

ผมที่เหนื่อยอ่อนเดินลงมาอย่างอิดโรยไม่ต่างจากคนอื่น

“อ้าวเกรว นั่งแถวไหนเราไม่เห็นเลย”ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เจอคนที่สวนน้ำวันนั้น

“เอ่อ”ผมจำหน้าได้ แต่ผมจำชื่อไม่ได้

“เอ้า ไทม์ โรงเรียนuuuไง ที่เจอกันที่สวนน้ำเมื่อวันอาทิตย์อ่ะ” ไทม์อธิบาย

“อ๋อ โทษทีพอดีเราจำชื่อไม่ค่อยเก่งอ่ะ”ผมได้แต่ยิ้มแหย่ๆ

“มาสอบแพทย์หรอ” ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ผมเห็นผู้หญิงหลายคนจ้องมองมาที่เรา ไม่ซิต้องบอกมามองไทม์มากกว่า

“อืม ไทม์ก็มาสอบแพทย์หรอ บังเอิญเนอะ”ผมถามกลับพร้อมส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้

“อืม พอดีบ้านเรา มีโรงพยาบาลเล็กๆอ่ะ พี่ชายเราเขาไม่ค่อยถูกกับเลือด เราก็เลยต้องมาเรียนเพื่อรับช่วงต่อ”ไทม์ส่งยิ้มที่เรียกได้ว่าถ้าผมเป็นสาวๆผมคงละลายลงไปกองกับพื้นแล้ว

“แล้วมาคนเดียวหรอ เพื่อนอีกคนวันนั้นอ่ะ”

“อ่อ มันจะเข้าสถาปัตอ่ะ สอบอีกตึกหนึ่งคงเสร็จแล้วเหมือนกัน”

“อืม”ผมยิ้มๆ และเริ่มรู้สึกหนาวๆยังไงไม่รู้ เพราะสาวๆกลุ่มใหญ่ก็เอาแต่จ้องมาจนทำตัวไม่ถูก

“มาคนเดียวหรอ ไปหาอะไรกินป่ะ ฉลองสอบเสร็จ เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”ถามหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์และเงยหน้ามาชวนผม

“เอ่อ...”

“มัวทำอะไรอยู่ ไม่รู้หรือไงว่าพี่รอ!”พี่นนต์ที่เดินมาจากทางไหนไม่รู้เข้ามายืนประชิดด้านหลังผมพร้อมใบหน้าบึงตึง

“เอ่อ ขอโทษครับ  เอ่อ โทษทีนะเรามากับพี่อ่ะ กลับก่อนนะ”ผมรีบตอบเร็วๆเพราะพี่นนต์เริ่มออกแรงกระชากผมให้ออกเดินไปที่ลานจอดรถ

“พี่นนต์   พี่นนต์ครับ ช้า ช้าหน่อย”พี่นนต์เดินเร็วมาจนผมแทบก้าวตามไม่ทัน ผมเริ่มรู้สึกหวั่นใจอีกครั้งเมื่อเห็นพี่นนต์เป็นเหมือนก่อนหน้านี้ สายตาที่อ่อนโยนเมื่อเช้าหายไปแล้ว พี่นนต์เมื่อ6ปีก่อนกลับมาเป็นพี่นนต์คนปับจุบัน

“โอ๊ย!”แล้วจู่ๆก็หยุดกะทันหัน จนผมชนเอากับหนังพี่นนต์เต็มๆ เจ็บที่จมูกจนต้องร้อง

“เฮ้อ หาเรื่องให้พี่หงุดหงิดใจตลอดเลยนะ!”พี่นนต์ก้มลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน พร้อมจ้องผมอย่างไม่ค่อยพอใจ

“........”ผมเริ่มหน้าถอดสีเพราะรู้สึกหวาดกลัวเล็กๆ แต่จู่ๆสายตาของพี่นนต์ก็เปลี่ยนไป แม้ยังคงดูเหมือนไม่พอใจ แต่กลับอ่อนโยนขึ้น

“จริงๆเลย” ไม่พูดเปล่ายังเอามือบีบจมูกผมอย่างหมั้นใส้แล้วจูงมือผมเดินไปที่ร

TBC.

พี่หมอละมุนนนนนนนนนนน  มายาวกว่าทุกทีเพราะจะขอตัวไปสอบ2อาทิตย์นะครัช เดี๋ยวสอบเสร็จจะรีบมาลงให้ ต่อจากนี้ทุกคนอาจจะสบายใจขึ้นไม่ค่อยมีดราม่าเเล้ว5555
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-02-2018 19:07:00
พี่นนท์เริ่มหวานขึ้นเล็กน้อย  อิอิ
ดีแล้ว  เกรวจะได้หายเกร็ง  อิอิ
ขอให้สอบได้เกรดAนะคะ 
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-02-2018 19:43:07
หืออออ นี่พี่หมอนนต์ใกล้จะเลิกซึนแบบไบโพล่าแล้วใช่ไหมคะ?

สงสารน้องบ้าง พูดจากับน้องดีๆหน่อยสิ  :m16:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-02-2018 20:08:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-02-2018 20:20:37
พี่หมอไบโพล่าหรือค่ะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย น้องเกรวจะปรับตัวไม่ทันเอานะคะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-02-2018 22:39:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-02-2018 01:54:06
เบา ๆ กับเกรวหน่อยจ้า กระดูกจะหักไปทั้งตัวแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-02-2018 05:18:40
นี่ไอ่พี่นนต์มันจะดีขึ้นแล้วใช่ไหม
อย่าดุนักเลย สงสารน้องเกรว
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 26-02-2018 05:45:32
อะไรของพระเอกมันวะ  :ling2:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-02-2018 06:01:03
 :mew1 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 26-02-2018 06:11:07
ลำไย พี่นนท์ค่ะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-02-2018 09:55:53
พี่นนต์คะ ทำแบบนี้ไม่ดีต่อใจเกรวนะคะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-02-2018 18:47:30
นนท์ไม่ได้เป็นไบโพล่าเนาะ
จะหวง จะหึง จะเอาไง ก็สักอย่างเหอะ
เจอคุณเอฟก็ทำตาเศร้า เจอน้องอยู่กับคนอื่นก็โมโหหึง
เลือกค่ะ เลือกค่ะ พี่นนท์ ก่อนที่น้องจะตั้งตัวได้

เกรวน่ารักออก น้องน่าสงสารด้วย
ทำผิดอะไรคะ น้องถึงต้องมารองรับอารมณ์พี่น่ะ
คนผิดคือตัวเองแท้ๆ

เกรวอย่ายอมแพ้นะ ยังไงพี่นนท์ก็แพ้ทางเห็นๆ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 26-02-2018 21:54:31
พี่นนท์เบาๆกับน้องเกรวหน่อย ช้ำหมดแล้ว :monkeysad: :really2:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :11 : 25/02/25611
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-03-2018 00:17:05
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :12 : 24/03/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 24-03-2018 00:55:36


ตอนที่12

“เราจะไปไหนกันครับ ไม่กลับบ้านหรอ”ผมถามเมื่อเห็นพี่นนต์ขับรถกลับคนล่ะทางกับตอนมา

“วันนี้เราจะไม่กลับ”พี่นนต์ตอบไม่ได้หันมามองผม

“แล้วจะไปไหนครับ น้องกันต์ล่ะ”ผมยังคงถามต่อ เมื่อเช้าพี่นนต์แวะไปฝากน้องเกรวไว้ที่บ้านคุณเอฟ ผมเลยเป็นห่วงกลัวน้องเกรวจะรอ

“พี่โทรไปฝากน้องกันต์ให้ค้างคืนที่บ้านเอฟแล้ว”พี่นนต์หันมาบอกแล้วเริ่มขับรถออกไปนอกเมือง

“ค้าง คืนนี้เราจะไม่กลับบ้านหรอครับ พี่นนต์มีธุระที่ไหนหรอครับ”ผมยังคงถามต่อ

“หึ ใช่คืนนี้เราจะไม่กลับเพราะพี่มีธุระ ธุระสำคัญ”พี่นนต์หันมายกยิ้มนิดๆก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อ แม้จะยังสงสัยอะไรอีกมากมายแต่ผมก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ ได้แต่นั่งรถไปเงียบๆและเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีรถก็มาจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับทะเล

“หาอะไรกินกันเถอะ เย็นมากแล้ว”พี่นนต์บอกก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป เมื่อเห็นพี่นนต์ลงไปผมก็ลงบ้าง เราเดินเข้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“อยากกินอะไร”พี่นนต์ยื่นเมนูที่รัยจากพนักงานมาให้ผม

“ผมกินอะไรก็ได้ครับ”บอกตามตรง ไม่บ่อยนักที่ผมจะได้มีโอกาสออกไปทานข้าวที่ร้านอาหารแบบนี้ ชีวิตประจำวันของผมคือไปโรงเรียนตอนเช้าและกลับเมื่อเลิกเรียน ผมไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวที่ไหนกับเพื่อน ยกเว้นวันเกิดหรือมีงานอะไรสำคัญ ผมถึงจะออกไป

“ขอ กุ้งเผา หมึกไข่นึกมะนาว ไข่หอยนางรม เนื้อปูผัดผงกระหรี่ข้าว2จานครับ”พี่นนต์สั่งอาหารเสร็จ พนักงานก็รับรายการไปส่งที่ครัว  ผมได้แต่มองไปรอบๆลมเย็นๆและกลิ่นเค็มของน้ำทะเลชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย

ผมเคยมาทะเล เมื่อนานมาแล้วตั้งแต่ตอนที่ผมถูกช่วยมาใหม่ๆ ตอนนั้นผมเงียบ หมอบอกผมซึมเศร้าจากการถูกทำร้ายจากแก็งค์ลักเด็ก ตอนนั้นพี่นนต์พยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยรักษาอาการของผมและหนึ่งนั้นคือการพาออกมาเที่ยวที่ทะเล ผมยังจำได้ดี ครั้งแรกที่ผมเห็นทะเล มันกว้างและน่ากลัว ผมไม่ได้ลงไปแตะน้ำทะเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงแบบนั้นพี่นนต์ก็ไม่บังคับและพาผมไปซื้อของที่ละลึก สร้อยจากเปลือกหอย ผมเลือกเอง ไม่ใช่เพราะผมชอบหรือมันสวย แต่มันแค่ถูก ถูกที่สุดในร้านตอนนั้น

“เป็นอะไร”พี่นนต์ถามเพราะเห็นผมเอาแต่เหม่อ

“.............”ผมไม่ได้ตอบแต่สายหัวเบาๆ พอมานึกตอนนี้ผมเสียดายเหลือเกินที่เล่นน้ำทะเลกับพี่นนต์ในวันนั้น

“กินข้าวเถอะ”ก่อนที่จะได้พูดอะไรอีกอาหารก็มาเสริฟพอดี

หลังทานอาหารเสร็จพี่นนต์ก็ขับรถพาผมที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างค่อนข้างไกลจากร้านอาหารเมื่อครู่

“บ้านใครครับ”ผมถาม เมื่อเราลงจากรถ

“บ้านพี่”พี่นนต์ตอบก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน

ผมเดินตามเข้าไปไม่ได้ถามอะไรต่อ ข้างในค่อนข้างเรียบง่าย เข้ามาเจอโซฟาส่วนนั่งเล่นและก็มีครัวที่เป็นแบบเปิดอยู่

“เรามาทำอะไรที่นี่ครับ”ผมถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว แต่ไม่เห็นพี่นนต์ได้ทำธุระอะไรเลย

“มานั่งนี่”พี่นนต์นั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเรียกให้ผมนั่ง  ผมเดินไปนั่งข้างพี่นนต์ตามที่พี่นนต์บอก

“พี่อยากคุยด้วย”พี่นนต์เริ่มพูด

“ครับ”บรรยากาศรอบๆตเริ่มตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“เรื่องคืนนั้น พี่..”พี่นนต์หันหน้ามาทางผม เริ่มพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าพี่นนต์ไม่ตั้งใจ”บอกตามตรงภาพในคืนนั้นยังติดอยู่ในหัวของผม บ้างคืนผมก็ฝันถึง มันแย่ในเวลาที่เราฝันแต่พอตื่นมันก็ดีขึ้น ผมไม่ได้โกรธพี่นนต์ในเรื่องนั้น

“ไม่ พี่ขอโทษ รู้ว่าช้าไปที่จะมาพูดตอนนี้ แต่ยังไงพี่ก็ต้องพูด พี่จะรับผิดชอบ จำเรื่องแต่งงาน... ”

“ไม่ครับ มะ..ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”ผมรีบพูดแทรกก่อนที่พี่นนต์จะได้พูดจบ ลุกขึ้นยืน ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้  ผมรักพี่นนต์ผมรู้ตัวว่าความรู้สึกนั้นยังเป็นเหมือนเดิม  แม้จะถูกพี่นนต์ทำร้าย หรือพี่นนต์จะรักคนอื่น แต่ผมก็ยังรักพี่นนต์ มันเจ็บการที่เรารักใครสักคนแต่เขารักคนอื่น แต่มันคงจะเจ็บยิ่งกว่าถ้าหากเขาแกล้งทำเป็นรักเรา

“ฟังพี่พูดให้จบก่อน”พี่นนต์พยายามจะพูดต่อ

“ไม่ครับ ผมไม่อยากให้พี่นนต์ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น  เรื่องคืนนั้นพี่นนต์ไม่ผิด”

“เกรวมานี่ “พี่นนต์เรียกผมให้เดินไปหาอีกครั้ง ผมยืนนิ่งอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปหาพี่นนต์

“นั่งแล้วฟังพี่พูดให้จบก่อน  เรื่องแต่งงานพี่จะไม่บังคับ ไม่ใช่ตอนนี้ แต่อยากให้ลองคิดดู พี่รู้ว่าพี่เป็นผู้ชายแล้วเกรวก็เป็นผู้ชาย เกรวคงไม่อยากแต่งงานกับผู้ชาย แต่พี่อยากให้เราลองดู ลองที่จะพยายามดู พยายามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรา ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้น บอกตามตรงพี่ไม่สามารถกลับไปเป็นพี่ชายที่แสนดีได้แบบเมื่อก่อน พี่รู้สึกกับเกรวต่างออกไป”พี่นนต์จำมือผมไว้ทั้งสองข้างก่อนที่จะเริ่มพูด    ใจผมเริ่มเต้นแรงเมื่อพี่นนต์พูดประโยคสุดท้าย

“ผะ..ผม”ผมไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรหรือตอบอะไร

“มันอาจจะเหมือนแค่การรับผิดชอบ แต่มันคือสิ่งที่พี่อยากทำ พี่ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีตอนนี้มันคืออะไร และถ้าเกรวรู้สึกเหมือนอย่างที่พี่รู้สึก มองพี่ต่างออกไปจากพี่ชายแม้สักนิด พี่อยากให้เราลอง ลองคบกัน หลังจากนั้นถ้าเกรวยังยืนยันคำเดิมพี่จะยอมรับ”แววตาของพี่นนต์เปลี่ยนไป มันเป็นแววตาที่ผมเคยเห็นมาก่อน มันจริงจังตาก็สั่นกลัว

“ผม...”ผมไม่รู้ว่าเรื่องมันจะออกมาเป็นแบบนี้ ที่ผมตั้งใจไว้หากพี่นนต์ต้องการจะรับผิดชอบ ผมจะไม่ยอมรับเด็ดขาด แต่พอมันออกมาแบบนี้ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง

“ขอแค่โอกาส สักครั้ง”พี่นนต์พูดย้ำอีกครั้งเมื่อผมเอาแต่เงียบไม่ยอมตอบคำถาม

“ครับ”ผมตอบตกลงแม้จะกังวล ผมรักพี่นนต์ ครั้งหนึ่งก่อนวันที่พี่นนต์จะแต่งงาน ผมเคยอธิฐาน ขอโอกาสให้ผมได้เปลี่ยนใจพี่นนต์ ผมไม่รู้ว่าโอกาสครั้งนี้มันเกิดขึ้นจากสิ่งที่ผมขอเมื่อ6ปีก่อน ถ้าใช่ผมก็อยากจะขอใช้มัน

...................................................

เมื่อคืนหลังจากเราคุยกันเสร็จคนที่รพ.ก็โทรมาหาพี่นนต์ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไรได้ยินพี่นนต์คุยแต่ผมจับใจความไม่ได้ ในหัวผมคิดแต่เรื่องสิ่งที่พี่บอกก่อนหน้านี้ คิดวนไปวนมา  สุดท้ายพี่นนต์ก็บอกให้ผมไปอาบน้ำแล้วนอน ผมนอนแทบไม่หลับเอาแต่คิดเรื่องระหว่างผมกับพี่นนต์มันจะเป็นยังไง ถึงจะบอกว่าคบกันแต่ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยัง อยู่ดี

“วันนี้คงต้องหยุดเรียน”พี่นนต์บอก เรากำลังขับรถมารับน้องกันต์ที่บ้านคุณเอฟ

“ได้ครับ”ผมตอบ หลังจากรับน้องกันต์จากที่บ้านคุณเอฟแล้วเราก็ตรงกับมาที่บ้านทัน

“แกหายหัวไปไหนมา!”พี่นนต์เดินนำเข้าบ้านไปก่อนส่วนผมกำลังจูงน้องกันต์ให้เดินเข้าบ้านตา แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงคุยเคยตะคอกเสียงดัง

ผมรีบเดินตามเข้าบ้านเพราะความตกใจ

“คุณค่ะ ใจเย็นๆก่อน”ผมเห็นคุณลุงธนต์กับคุณป้าดายืนอยู่ที่โถงทางเข้าบ้าน  ลุงธนต์มีสีหน้าโกรธจัดเหมือนวันที่คุณลุงรู้ว่าพี่นนต์ทำอะไรผมมันทำให้ผมใจคอไม่ดี

“เกรว พากันต์ขึ้นไปข้างบน”พี่นนต์บอก ผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะยังตกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมลุงธนต์ถึงต้องโกรธขนาดนี้

“เกรวขึ้นไปก่อน”คุณป้าดาบอกผมอีกครั้ง ผมเลยอุ้มน้องกันต์เดินขึ้นไปข้างบน

“พี่เกรวน้องกันต์อยากหาคุณย่า”พออุ้มน้องกันต์เข้ามาที่ห้องนอนของผม

“คุณปู่กับคุณย่ามีธุระต้องคุยกับคุณพ่อครับ เดี๋ยวเราค่อยลงไปเนอะ”ผมบอกใจจริงก็อยากจะลงไปเหมือนกัน

“ทำไมคุณปู่ต้องดุคุณพ่อครับ”น้องกันต์ยังคงถามต่อสีหน้าติดกังวนอย่างเห็นได้ชัด

ไม่บ่อยที่คุณป้าดาจะกลับมาจากกการไปเป็นเเพทย์อาสาที่แอฟริกายิ่งตอนนี้ได้ยินมาว่าสถานการที่นั้นยังหน้าเป็นห่วง ผมอยากเป็นหมอ ไม่ใช่เพราะพี่นนต์เป็นหรือคุณลุงคุณป้าเป็น แต่ผมอยากช่วยคนอื่น ช่วยอย่างที่พวกท่านทำ ช่วยแบบที่ช่วยผมในวันนั้นและดูแลผมจนถึงทุกวันนี้

............................................................

นนต์Talk

เมื่อผมก้าวเท้าเข้ามาในบ้านผมก็เจอคุณพ่อกับคุณแม่นั่งที่โซฟารับแขก

“แกหายหัวไปไหนมา!!”พ่อผมตะคอกถามอย่างโกรธจัด จริงๆเมื่อวานผมรู้แล้วว่าพ่อกับแม่จะกลับมาท่านต่อว่าผมตั้งแต่เมื่อคืนที่โทรถามผมว่าผมอยู่ที่ไหน แต่ผมไม่บอก เพราะตอนแรกตั้งใจจะคุยกับเกรวต่อถึงเรื่องระหว่างเรา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คุย

“เกรวพากันต์ขึ้นไปข้างบนก่อน”ผมบอก ไม่อยากให้ทั้งกันต์และเกรวเห็นเรื่องต่อจากนี้

หลังจากเกรวพาน้องกันต์ขึ้นไปข้างบน ผมก็กลับมาเผชิญหน้ากับพ่อแม่อีกครั้ง

เพียะ!!

“แกทำอะไรลงไป”ผมโดนแม่ตบฉากใหญ่  ก่อนจะถามอย่างโกรธเคือง

“ผมขอโทษ”ผมบอก ไม่อยากจะแก้ตัวหรืออธิบายอะไร

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>80%<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<

มีปัญหากับคอมมัน พอจะเชื่อมไวไฟปุ๊กrestartปั๊บ! เหนื่อยใจมาก เดี๋ยวต้องเอาเครื่องไปดูใหม่

จะรีบมาลงต่อให้ ขออภัยที่ช้า มีงานด่วนเข้ามา เเละยังเหลือสอบนอกตารางอีกวิชา
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :12 : 24/03/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2018 01:10:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :12 : 24/03/2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-03-2018 04:07:25
หรือพ่อกับแม่จะขัดขวางไม่ให้พี่นนท์กับเกรวแต่งงานกัน  :katai1:

ปล. “แล้วจะไปไหนครับ น้องกันต์ล่ะ”ผมยังคงถามต่อ เมื่อเช้าพี่นนต์แวะไปฝากน้องเกรวไว้ที่บ้านคุณเอฟ ผมเลยเป็นห่วงกลัวน้องเกรวจะรอ

น้องเกรว -----> ต้องเป็น "น้องกันต์" แม่นก่อ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :12 : 24/03/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-03-2018 09:10:19
พี่นนต์เปิดใจรักเกรวแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :12 : 24/03/2561
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 24-03-2018 11:48:05
วั้ย
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :13 : 4/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 04-04-2018 23:08:02
>>>>>>>>>>>>>>20%ที่เหลือจากตอนที่12<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<

​“แกทำอะไรลงไป”ผมโดนแม่ตบฉากใหญ่  ก่อนจะถามอย่างโกรธเคือง ทั้งบ้านเงียบสนิทลงทันที ความตรึงเครียดก่อตัวจนแทบไม่กล้าหายใจ

“ผมขอโทษ”ผมบอก ไม่อยากจะแก้ตัวหรืออธิบายอะไร เพราะไม่ว่าจะพูดยังไงสุดท้ายคนที่ผิดก็คือตัวผมเอง

“ทำไมลูกถึงเป็นคนแบบนี้ ตานนต์ รู้ไหมว่าสิ่งที่ทำลงไปมันเลวร้ายแค่ไหน ทำไมถึงไม่รู้จักควบคุมตัวเอง แม่ไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายตัวเองจะเลวร้ายได้ขนาดนี้”แม่ต่อว่าเสียงสั่น น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มเพราะความผิดหวัง  ที่ลูกชายคนเดียวที่ท่านเฝ้าอบรมเลี้ยงดูมาหลาย10ปี ทำตัวไม่ต่างจากเดนคนที่ลงมือข่มขืนคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น มิหนำซ้ำคนที่ถูกกระทำกับเป็นเหมือนคนที่ในครอบครัวแท้ๆ

“คุณใจเย็นๆก่อน”พ่อผมเข้ามาดึงแม่ไปโอบเมื่อเห็นว่าแม่ผมเริ่มร้องไห้หนักขึ้น

“..........”ผมไม่ได้พูดอะไรแค่ก้มหน้ายืนสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะต่อในผมพูดขอโทษอีกพันครั้ง ความผิดที่ผมทำลงไปมันก็ไม่มีทางดีขึ้น

“แล้วแกหายหัวไปไหนมา ฉันสั่งแกแล้วไง ว่าไม่ให้เข้าใกล้เกรว นี่แกเล่นหายหัวไปทั้งวันทั้งคืนกับน้องแกตั้งใจจะทำอะไร”พ่อพูดอย่างไม่พอใจ ความจริงก่อนที่พ่อจะบินไปหาแม่ที่แอฟริกา พ่อได้สั่งให้ผมห้ามเข้าใกล้เกรว ในช่วงแรกพ่อผมโทรมาย้ำทุกวัน ผมเลยต้องใช้ชีวิตอยู่รพ.แทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่หลังจากนั้นผมก็เริ่มคิดขึ้นได้ว่าการที่ผมห่างจากเกรว มันไม่ได้ทำให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจกลับมาบ้านตั้งใจจะมาแก้ไขและรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้  แต่พอเจอท่าทีเมินเฉยของเกรวที่ทำราวกับผมเป็นธาตุอากาศ ผมก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก จนสุดท้ายผมก็ทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงกว่าเดิม  แต่ผมก็ยังคิดหาทางทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ถึงจะแค่นิดเดียวก็ตาม

“ผมพาน้องไปสอบตรงมาครับ และอยากจะปรับความเข้าใจกับน้อง..”ผมตอบตามจริง

“ปรับความเข้าใจ แล้วทำไมต้องไปค้างคืน นี่แกไม่สำนึกเลยใช่ไหมว่าสิ่งที่เกรวต้องเผชิญมันเลวร้ายแต่ไหน แล้วยิ่งต้องอยู่ใกล้กับคนที่ทำร้ายตัวเองแบบแก น้องจะรู้สึกยังไง!”ผมยังพูดอธิบายไม่ทันจบพ่อผมก็พูดขึ้นมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด  มันแย่มากที่ถูกสายตาของคนเป็นพ่อแม่มองเราเป็นเหมือนอาชญากร แต่มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่ผมทำไป

“ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปมันเลวร้ายอย่างไม่น่าในอภัย แต่พ่อครับแม่ครับ ผมอยากจะแก้ไข ผมอยากรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อ และผมคงทำไม่ได้ถ้าผมไม่สามารถเข้าใกล้น้องได้”ผมเริ่มอธิบายทุกอย่างที่ผมอยากจะทำ

“.............”พ่อกับแม่ฟังผมพูดเงียบๆ แม้สายตาจะเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ

  “ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ไว้ใจผมให้เข้าใกล้น้องอีกต่อไป แต่ผมทำไม่ได้ผมไม่อาจพูดแค่ขอโทษแล้วหายไปจากชีวิตน้อง เพราะมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น น้องเองก็คงไม่รู้สึกดีขึ้นเพียงเพราะผมออกไปจากชีวิตเขา  ผมอยากทำให้น้องรู้สึกดีขึ้นผมอยากดูแลผมอยากรับผิดชอบทุกอย่างในเรื่องนี้ทั้งหมด”ผมบอก

“ฉันจะไว้ใจแกได้ยังไง จะไว้ใจแกที่ข่มขืนน้องตัวเองได้ยังไงกัน!”



 :z10:>>>>>>>>>>>>>>ตอนที่13<<<<<<<<<<<<<<<<< :z10:


“ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ แต่ผมแค่อยากขอโอกาสให้ผมได้ทำ และเมื่อคืนผมก็คุยกับน้องเรื่องนี้แล้ว”ผมบอกด้วยสายตาจริงจัง  อยากให้พ่อกับแม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดสักนิดก็ยังดี

“ลูกตั้งใจจะทำยังไงตานนต์”แม่ผมที่หยุดร้องไห้แล้วถามขึ้นอย่างไม่ไว้ใจ

“ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ส่วนเรื่องอื่นผมอยากจะทำให้น้องเห็น ไม่อยากจะพูดหรือว่างแผนอะไร  แต่ผมขอสัญญา ว่าต่อจากนี้ผมจะไม่ทำร้ายน้องอีกเป็นครั้งที่สอง ขอแค่ให้พ่อกับแม่อนุญาตให้ผมได้แสดงให้เห็นก็พอ”

End นนต์

เกรว talk

ก๊อก ๆๆ

“น้องเกรว น้องกันต์ลงไปทานข้าวเช้ากันลูก”เสียงของคุณป้าดาร้องเรียกที่หน้าประตูห้อง หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงตั้งแต่ผมกับน้องกันต์ถูกไล่ให้ขึ้นมาข้างบน

“ครับ”ผมขานรับ ก่อนจะอุ้มน้องกันต์ลงจากเตียง พอเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นคุณป้าดายืนยิ้มอ่อนๆอยู่หน้าห้อง ตาบวมแดงเหมือนเพิ่งร้องไห้เสร็จ ไม่บอกก็รู้ว่าเรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนคือเรื่องของผม

“ป้าอยากจะคุยด้วย แต่ตอนนี้ลงมาทานข้าวกันก่อนดีกว่า น้องกันต์ก็คงหิวแล้ว”สายตาของคุณป้าดาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

“ครับ”ผมตอบรับแล้วเดินตามคุณป้าดากับน้องเกรวลงไปข้างล่าง เห็นคุณลุงธนต์นั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว

“เดี๋ยวเกรวตักให้ครับ”ผมบอกเมื่อเห็นคุณป้าดากำลังจะหยิบโถใส่ข้าวมาตักให้  จะว่าไปวันนี้ป้าจำปีกับพี่สาไม่อยู่เพราะกลับไปงานศพที่ต่างจังหวัด ตอนนี้ทั้งบ้านเลยมีแค่ลุงธนต์ ป้าดา น้องเกรว พี่นนต์และก็ผม

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวป้าตักให้”คุณป้าดาบอกปัด ผมรู้สึกเหมือนท่านกำลังสำนึกผิดในสิ่งที่ผมต้องเผชิญ แม้จะเข้าใจความรู้สึกแต่ผมกลับไม่อยากให้ทุกคนต้องมารู้สึกผิดเพราะผมเลย ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี่ทุกคนคุยอะไรกันบรรยากาศรอบๆตัวถึงเป็นแบบนี้ มันอึดอัดและบางครั้งก็รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

“ให้เกรวทำเถอะครับ”ผมหันไปตามเสียงร้องบอกของพี่นนต์ที่เพิ่งเข้ามาในห้องทานอาหาร   ก่อนจะนั่งลงข้างน้องกันต์เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ   แม้สายตาของคุณลุงธนต์และป้าดาจะมองพี่นนต์อย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ผมกลับรู้สึกดีที่อย่างน้อยๆพี่นนต์ก็ทำตัวปกติ

“จ๊ะ”ป้าดายอมปล่อยโถข้าวให้ผมแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะข้างลุงธนต์ ส่วนผมก็เดินตักข้าวใส่จานให้ทุกคน รวมถึงตัวผมเอง เสร็จ ก็มานั่งลงข้างน้องกันต์เหมือนปกติ

การทานอาหารเช้าดำเนินไปด้วยความเงียบ แม้แต่น้องกันต์เองก็ยังไม่พูดหรือร้องเพลงแบบที่เคย แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่ผมก็ทำได้แค่นั่งทานอาหารตรงหน้าตัวเองไปเงียบๆ  พอทุกคนทานเสร็จ ผมก็อาสาเป็นคนขอล้านจานเอง ตอนแรกคุณป้าดาจะมาช่วยล้างด้วยอีกคน แต่มีโทรศัพท์จากองค์กรที่ท่านเป็นอาสาสมัครโทรมา ท่านจึงต้องไปรับสาย

“พี่ช่วย”พี่นนต์เดินเข้ามายืนข้างตรงหน้าซิงค์ล้างจาน กำลังผับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น เพื่อไม่ให้เปียก

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวเกรวทำเอง”ผมบอกปัด แค่ล้านจานสิบกว่าใบผมทำแป๊ปเดียวก็เสร็จ

“พี่อยากทำ”พี่นนต์หันมาบอกริมฝีปากยกยิ้มบางๆเหมือนกำลังเอ็นดูในอะไรบ้างสิ่ง

“.........”เพราะสายตาและรอยยิ้มของพี่นนต์ ทำให้ผมได้แต่หันกลับมาล้างจานเงียบๆอย่างช่วยไม่ได้ มันดีที่พี่นนต์เปลี่ยนไปในทางนี้ แต่ก็ดูเหมือนมันจะเร็วเกินไปจนผมตั้งรับไม่ทัน ไหนจะเรื่องที่พี่นนต์พูดเมื่อคืนอีก

“เรื่องที่พี่พูดเมื่อคืนยังจำได้ใช่ไหม”ราวกับถูกอ่านความคิด แอบตกใจที่จู่ๆพี่นนต์ก็พูดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา

“....”ผมไม่ได้ตอบ แต่พยักหน้ารับเบาๆแล้วเร่งมือล้างจาน เพราะรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก

“งั้นก็ดี”ความจริงผมอยากจะถามพี่นนต์เรื่องเมื่อคืน ว่าไอ้การลองคบกันมันหมายความว่ายังไง ถึงแม้ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมจะไม่เคยมีแฟนก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ซื่อจนไม่รู้ว่าการที่คนสองคนคบกันเป็นยังไง แต่ก็แค่อยากจะรู้ว่าผมต้องทำอะไรบ้าง แต่ก็อายเกินกว่าจะถาม

“เมื่อกี้พี่นนต์กับคุณลุงคุณป้าคุยอะไรกันหรอครับ” ผมอดที่จะถามเรื่องนี้ไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของคุณลุงธนต์และคุณป้าดามองผมต่างจากเมื่อก่อนออกไป

“ไม่มีอะไรหรอก  ท่านแค่เป็นห่วงเรื่องที่หายไปเมื่อคืน”พี่นนต์หันมาบอกพร้อมระบายยิ้มอ่อนๆให้ เชิงไม่ให้ผมคิดมาก

“แต่เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนะครับ”บางทีท่านอาจจะกังวนเรื่องที่ผมออกไปค้างคืนที่อื่นสองต่อสองหลังจากผ่านเรื่องแย่ๆมา บางทีพี่นนต์อาจจะถูกต่อว่าเรื่องนี้

“ไม่ต้องกังวนไปหรอก ไม่ใช่ความผิดเกรวถ้าจะผิดก็เป็นพี่ เพราะทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะพี่ แต่ทุกอย่างมันจะดีขึ้น เชื่อพี่”พี่นนต์วางมือไว้บนหัวผมอย่างปลอบประโลม

ผมรู้ว่าทุกคนเป็นกังวลเรื่องคืนนั้น เพราะในความรู้สึกของคนอื่นการถูกข่มขืนมันเป็นอะไรที่เลวร้ายเกินกว่าที่จะจิตนาการได้ ผมเองก็คงจะรู้สึกแบบนั้นหากคนที่ทำเป็นคนที่ผมเกลียด หรือคนที่ผมไม่รู้จัก ผมยอมรับว่าตอนนั้นทั้งกลัวและเสียใจ แต่มันก็แค่เวลาสั้นๆที่ผมรู้สึกแบบนั้น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจเป็นเพราะผมเป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรจะน่าเสียหายตามมา หรือ อาจเป็นเพราะคนที่ลงมือทำเป็นคนที่ผมแอบรักมากตลอดหลายปีกันแน่

ผมไม่อยากให้ทุกคนกังวนเรื่องนี้  อย่างให้ทุกคนคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่อยากเจอสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจ เพราะนั้นมันเหมือนทุกคนกำลังตอกย้ำว่า สิ่งที่ผมเจอนั้นมันเลวร้ายกว่าที่ผมรู้สึก

..............................................................................

“พี่เกรวๆ น้องกันต์อยากดื่มน้ำ”ผมกำลังเตรียมอาจหารเย็นอยู่ในครัว น้องกันต์ก็วิ่งมาหา พร้อมร้องขอน้ำดื่ม

“ครับๆ เดี๋ยวพี่เกรวเอาให้”ผมบอก ก่อนจะเดินไปที่ตูเย็นแล้วเทน้ำใส่แก้วพลาสติกที่มีหูจับสองข้างให้น้องกันต์

“ขอบคุณครับ”น้องกันต์ยกมือไหว้อย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ดูท่าจะหิวน้ำจริงๆ

“เอาอีกไหมครับ”ผมถามแต่น้องกันส่ายหัวปฏิเสธ

“พี่เกรวทำอะไร น้องกันต์อยากทำบ้าง”น้องกันต์พยายามเขย่งตัวเกาะขอบเค้าเตอร์เตรียมอาหารอย่าง กระตือลือล้น

“เอาไงดี งั้นน้องกันต์ช่วยเด็ดใบโหระพาให้พี่เกรวได้ไหมครับ เด็ดแค่ใบแบบนี้”ผมว่าพร้อมสาธิตวิธีการเด็ดใบโหระพาให้น้องกันต์ดู

“เอาใบไม้มาทำกับข้าวทำไม บ้านเราไม่มีเงินหรอครับ”ผมหลุดขำทันทีที่ได้ยินคำถามไร้เดียงสาของน้องกันต์ มุยหน้าทันทีที่เห็นผมหัวเราะ คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันไม่รู้เพราะความสงสัยหรือไม่พอใจกันแน่

นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้หัวเราะแบบนี้

“ทำอะไรกัน น่าสนุกเชียว”ผมหยุดหัวเราะทันทีที่คุณป้าดาเดินเข้ามาในหัว

“คุณย่า พี่เกรวขำน้องกันต์ ฮิฮิ”น้องกันต์หัวเราะอย่างภูมิใจ ไม่รู้ว่าจะฟ้องหรือจะชมตัวเองให้คุณป้าดาฟังกันแน่

“หรอครับ ดีแล้ว น้องกันต์คุณปู่เรียกไปดูนีโม่ที่ห้องนั่งเล่น เดี๋ยวย่าช่วยพี่เกรวเองครับ”คุณป้าดาบอกน้องกันต์ใบหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดูจนผมอดยิ้มตามไม่ได้ พอน้องกันต์ได้ยินชื่อการ์ตูนเรื่องโปรดก็รีบวิ่งออกไปจากครัวทันที

“เห็นน้องเกรวหัวเราะได้แบบนี้ ป้าค่อยเบาใจ”หลังจากที่น้องกันต์วิ่งออกไปจากครัวแล้วคุณป้าดาก็หันมาพูดกับผมทันที

“เกรวไม่เป็นไรครับ ”ผมบอกอย่างหนักแน่นไม่อยากให้ผู้มีพระคุณต้องเป็นห่วง

“ดีจ๊ะ แต่ถึงแบบนั้นป้าก็อดห่วงไม่ได้ ป้ารู้เรื่องตั้งแต่วันแรก อยากจะบินกลับมาซะเดี๊ยวนั้น แต่ก็มีเหตุว่างระเบิดที่โรงเรียนของเด็กในแอฟริกาตอนเหนือ เด็กหลายร้อยบาดเจ็บ และหลายสิบที่ต้องจากโลกเพียงเพราะความเห็นแกตัวของผู้ใหญ่”คุณป้าดาบอก สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ คุณป้าไม่ต้องเป็นกังวล”ผมย้ำอีกครั้ง ผมอยากเป็นหมอส่วนหนึ่งก็เพราะอยากเป็นเหมือนคุณป้าดา ที่ไปช่วยเหลือคนอื่นที่เขาลำบาก และไร้ที่พึง  ในตอนเด็กที่ผมถูกช่วยไว้ ผมยังจำได้ดีความรู้สึกดีใจและตื้นตันอย่างหาคำบรรยายไม่ได้    ยังมีเด็กอีกหลายล้านคนที่ต้องเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบาก ต้องทนทุกข์กับสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ก่อและต้องอยู่กับความเลวร้ายอย่างนั้นโดยไม่มีทางเลือก  ผมอยากแบ่งปันสิ่งที่ผมได้รับมาให้กับเด็กคนอื่นที่กำลังลำบากแม้จะแค่เสียวนาที ผมก็อยากแบ่งเบาความทุกข์ของพวกเขา

“ป้าไม่อยากให้น้องเกรวรู้สึกว่า ไม่มีใครห่วงใยหรือสนใจความรู้สึกของหนู ป้าอยากจะขอโทษอยากจะไถ่โทษในสิ่งที่ลูกชายป้าทำ จะยอมทำทุกอย่างที่หนูต้องการเพื่อบรรเทาความรู้สึกทุกข์ที่หนูต้องแบกรับมันเอาไว้”คุณป้าดาจับมือของผมขึ้นกุมทั้งสองข้าง ดวงตาเริ่มแดงก่ำราวกับกำลังจะร้องไห้

“เกรวยอมรับ ว่าตอนแรกทั้งกลัวและเสียใจในสิ่งที่ต้องเจอ แต่ตอนนี้เกรวไม่เป็นไรแล้วครับ จริงๆ เกรวไม่อยากให้ทุกคนต้องกังวนเรื่องเกรว  ไม่อยากให้ทุกคนต้องเศร้าหรือทุกข์ใจ  ถ้าไม่มีคุณลุงคุณป้าไม่มีพี่นนต์ชีวิตเกรวตอนนี้คงจะไม่ดีขนาดนี้หรอกครับ  พี่นนต์เองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย ทุกอย่างมันเป็นแค่อุบัติเหตุ ขอให้คุณป้าเชื่อว่าเกรวไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แค่ทุกคนเป็นเหมือนเดิมเหมือนเมื่อก่อนเกรวก็สบายใจแล้วครับ”ผมบีบกระจับมือของป้าดาเพราะย้ำให้ท่านรู้สึกว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปนั้นมันเป็นความรู้สึกจริงๆของผม

“ขอบคุณ ขอบคุณที่หนูไม่โกรธไม่เกลียด ทั้งๆที่ต้องเจอเรื่องแบบนั้น ขอบคุณที่หนูเป็นเด็กดีขนาดนี้”คุณป้าดาดึงผมเข้าไปกอดแน่น ก่อนจะพรำบอกขอบคุณผมนับครั้งไม่ถ้วน

...........................................................................

หลังจากวันนั้นที่ผมได้คุยกับคุณป้าดาอย่างเปิดอก ทุกอย่างก็เหมือนจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าและแววตาของทุกคนที่มองผมกลับเป็นเหมือนก่อน มีเพียงแค่ความเอ็นดีและห่วงใยอย่างที่เคย  มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่คุณป้าดากลับมาอยู่บ้าน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบลื่น ส่วนใหญ่ผมต้องไปโรงเรียนเลยไม่ค่อยได้อยู่กับท่านเท่าไหร่นัก แต่พอกลับมาจากเลิกเรียน ท่านก็จะเล่าเรื่องที่ท่านไปเป็นแพทย์อาสาให้ผมฟัง   ผมแอบถูกตำหนิเมื่อคุณลุงและคุณป้ารู้ว่าผมจะไม่ไปสอบตรงเมื่อตอนนั้น และท่านก็ยังกำชับพี่นนต์ให้ดูแลเรื่องการเรียนต่อของผมเป็นอย่างดี บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมไม่คิดที่จะถอดใจเรื่องเรียนแพทย์แล้ว เพราะสิ่งที่คุณป้าดาเล่าให้ฟังมันทำให้ผมยิ่งอยากจะเรียนหมอให้จบเร็วๆ

เพื่อสักวันหนึ่งผมจะได้แบ่งปันความช่วยเหลือที่ผมเคยได้รับให้กับคนที่ต้องการบ้าง

“น้องกันต์ ย่าไปก่อนนะครับวันเกิดหนูย่าจะซื้อของขวัญมาฝากเยอะๆเลย”ตอนนี้พวกผมมาส่งคุณป้าดาและลุงธนต์ที่สนามบิน ลุงธนต์ตัดสินใจเดินทางไปเป็นแพทย์อาสากับคุณป้าด้วยอีกคน เมื่อท่านเห็นปัญหาครั้งที่แล้วที่ไป อีกอย่างพี่นนต์ก็กลับมาบริหาร รพ.ลุงธนต์เลยไปได้อย่างที่ตั้งใจ

“คุณย่าโทรหาน้องกันต์ด้วยน้า”น้องกันต์กอดคอคุณป้าดาอย่างออดอ้อน เรียกรอยยิ้มความเอ็นดูของทุกคนที่เห็นได้ไม่อยาก น้องกันต์ขาวขึ้นมากตั้งแต่กลับมาอยู่กรุงเทพขาวขึ้นอย่างหน้าตกใจ ใบหน้าน่ารักกับผิวขาวใส ทำให้ใครต่อใครก็ต่างเลียวมอง

“แค่คุณย่าหรอแล้วคุณปู่ล่ะ”คุณลุงธนต์พูดขึ้นเชิงเรียกร้องความสนใจจากน้องกันต์ทำเอาทั้งคุณป้าดาและผมอดขำออกมาไม่ได้

“คุณปู่น้องกันต์ก็คิดถึง ซื้อขนมมาฝากน้องกันต์เยอะๆน้า”น้องกันต์เอนตัวไปกอดคุณลุงธนต์ กอดจะเอ่ยขอของฝากอย่างน่าเอ็นดู

“นี่ห่วงของฝากว่างั้น  ตัวแค่นี้ เริ่มงกแล้วหรอ”คุณลุงธนต์ว่าอย่างเอ็นดู

“คิกคิกคิก”น้องกันต์หัวเราะชอบใจยกใหญ่  เรายืนคุยกันอยู่สักพักจนมีประกาศเรียกให้ไปเช็คอิน

“ตั้งใจเรียนนะน้องเกรว ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย โลกเรายังต้องการหมออีกมาก ดูแลตัวเองดีๆ มีปัญหาอะไรก็โทรมาหาป้าเข้าใจไหม”คุณป้าดากอดผมก่อนจะสั่งอย่างห่วงใย

“ครับ คุณป้าดากับคุณลุง ดูแลสุขภาพดีๆนะครับอย่าหักโหม เกรวไม่เป็น”ผมบอกด้วยรอยยิ้ม อยากให้ท่านสบายใจ

หลังจากนั้นคุณลุงธนต์และคุณป้าดาก็เข้าเกดสนามบินไป พวกผมเลยกลับบ้าน

“ไปหาอะไรกินก่อนกลับไหมพี่นนต์ถามทันทีที่ขึ้นรถกันครบ

“แต่พี่นนต์ต้องไป รพ.ไม่ใช่หรอครับ”เพราะลุงธนต์ไม่อยู่พี่นนต์เลยต้องดูแลโรงพยาบาลเอง เลยตั้งทำงานเกือบทุกวัน

“ยังมีเวลา ไปหาอะไรกินก่อนกลับดีกว่า”พี่นนต์ว่าพร้อมขับรถออกจากสนามบิน

“ครับ”ผมตอบรับ พร้อมหันไปมองน้องกันต์ที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง ทำท่าเหมือนจะหลับทันทีที่เพิ่งขึ้นรถ

ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่นนต์ยังเหมือนเดือนกับอาทิตย์ก่อน แม้พี่นนต์จะพูดว่าลองคบกัน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่พี่นนต์ก็ต้องเข้าดูงานที่โรงพยาบาล เพราะรอบนี้ลุงธนต์อาจจะไปนาน เรื่องงานหรือการบริหารส่วนต่างๆลุงธนต์เลยต้องสอนพี่นนต์อย่างระเอียด เราเลยไม่ได้พูดคุยหรือพัฒนาความสัมพันธ์อย่างที่ตั้งใจ แต่มันก็ไม่แย่   ตอนนี้ทุกครั้งที่ผมเจอหน้าพี่นนต์ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เราสามารถพูดคุยทักทายกันได้อย่างปกติ พี่นนต์กลับมาเป็นพี่นนต์เหมือนเมื่อก่อน ใจดีขึ้นและไม่ต่อว่าผมในทุกเรื่องที่ทำ  แต่ก็ยังแอบถูกตำนิทุกครั้งเวลาที่พี่นนต์เห็นบาสมาส่งผมที่บ้าน อย่างจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่นนต์ หึงผม แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกใช่ไหมครับ

TBC.

ขออภัยที่มาช้า ไปนอนเล่น รพ.มา3วัน 555555

วันที่ 6 เมษายน เต่าตุ่นของเชิญชวนทุกท่าน ไปงานหนังสือที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

เพื่อมาปะหน้ากันที่บูท D16 ของB2S ตั้งแต่เวลา 13:00-14:00 ใครอยากที่อยากได้ลายเซ็น หรือไม่อยากได้ก็ต้องมา ไปมาเเล้วก็ควรจะมาอีกให้ชื่นใจ นี่แอบกลัวไม่มีใครมา ใครที่มีหนังสือเราอยู่ในมือทั้ง เรื่อง เมื่อผมท้อง และร้าย...จนรัก หรือไม่มีก็ได้ สามารถมาเจอกันได้นะ นี่อาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่จะได้เจอกัน ถ้ามีคนมาหาเราถึง10คน กลับจากงานหนังสือจะลงนิยายต่อให้ทันทีสัญญา ถ้าไม่มีใครมาหรือมาไม่ถึงรอพุทธหน้าเลยนะจ๊ะ ไม่ได้ข่มขู่แค่ยื่นข้อเสนอ อย่าลืมมากันน้าไม่อยากไปนั่่งบืออยู่ที่บูธเป็นชั่วโมง
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :13 : 4/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-04-2018 23:38:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :13 : 4/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-04-2018 00:04:06
ผ่านเรื่องทางพ่อแม่ไปได้แล้ว ก็เป็นเรื่องของ 2 คนแล้ว ไปตกลงกันเองแล้วกัน  :katai3:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :13 : 4/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-04-2018 00:16:23
พ่อแม่รับรู้หมดแล้ว พี่นนต์ต้องทำให้ได้แบบที่รับปากไว้ด้วยนะ เพราะน้องเกรวเป็นของเรา! (ไม่เกี่ยว)
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :13 : 4/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-04-2018 00:23:16
เรื่องมันจะดีขึ้นแล้วใช่ไหม :hao5:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :13 : 4/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2018 01:42:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :13 : 4/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 05-04-2018 04:09:52
เย้ๆ พี่นนต์ดีขึ้นแล้วจริงๆ จะดีแตกไหมนะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :13 : 4/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-04-2018 09:16:53
รพ. เขาให้คนไปนอนเล่นได้ด้วยเหรอ นอนฟรีหรือเปล่า
ไรท์ต้องแข็งแรงนะ  :mew1: :mew1: :mew1:

จะรอดูนนท์ ดีกับเกรว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอแก้ที่ผิดนะ
กระตือลือล้น ------ กระตือรือร้น
วันพุทธหน้า  ------- วันพุธ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เต่าตุ่น ที่ 06-04-2018 22:41:54


ตอนที่14

“อยากกินอะไร”พี่ถาม ตอนนี้เรามาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจาก รพ.ของพี่นนต์

“อะไรก็ได้ครับ”ผมตอบ ก่อนจะก้มลงอุ้มน้องกันต์เมื่อมาถึงบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน

“เลือกซิ พี่อยากให้เราเลือก “พี่นนต์รับน้องกันต์ไปอุ้มแทนก่อนจะสั่งให้ผมเลือกร้านอาหารอาหารนาๆชนิดหลายสิบร้านที่ตั้งอยู่เต็มบริเวณชั้นใต้ดินของตัวห้าง

“แต่ว่า..”ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยากทานอะไรจริงๆ ปกติกินได้ทุกอย่างและผมก็ไม่ค่อยได้มาทานอาหารในร้านอาหารแบบนี้เท่าไหร่ผมจึงไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี ที่สำคัญผมกลัวเลือกอาหารที่พี่นนต์ไม่อยากทาน

“ไม่มีแต่ เลือกมาหนึ่งร้าน”พี่นนต์คะยันคะยอ  พร้อมส่งสายตาเชิงบังคับมากดดัน

“กันต์อยากกินไก่ทอด”แต่ในระหว่างที่ผมกำลังลังเลอยู่นั้นน้องกันต์ก็พูดขึ้นเมื่อเราเดินผ่านร้านไก่ทอดชื่อดัง

“ไม่ได้ครับ มันไม่ดีกับสุขภาพ”พี่นนต์บอกปัดก่อนจะเดินนำไป

“เอาร้านนี้ก็ได้ครับ”เพราะเมื่อกี้พี่นนต์พูดเรื่องสุขภาพ ผมเลยเลือกร้านสุกกี้ที่อยู่ใกล้ๆ

“งั้นไป”พอผมพูดจบพี่นนต์ก็เดินนำเข้าไปในร้านทันที แบบไม่คิดหรือทำท่าลำบากใจอะไรเลย จะว่าไปเหตุการณ์แบบนี้ก็เหมือนจะเคยเกกดขึ้นมาก่อน ผมจำได้ช่วงแรกๆที่คุณลุงธนต์รับผมให้มาอยู่ที่บ้าน  พี่นนต์ก็เคยพาผมมากินข้างที่ห้าง แล้วถามผมว่า อยากกินอะไร นั้นเป็นครั้งแรกที่มีคนถามความต้องการของผม เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้เลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้เลือกอะไร จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม

“อยากกินอะไรสั่งได้เลย”พี่นนต์ยื่นเมนูอาหารมาให้ผมก่อนจะบอกให้สั่งของที่อยากทาน

“พี่นนต์สั่งได้ไหมครับ เกรวไม่เคยมาร้านแบบนี้เลยไม่รู้ว่าอะไรอร่อย”ผมบอกรู้สึกอายนิดๆที่ตัวเองเหมือนคนหลังเขา

“หึหึ งั้นต่อไปพี่คงต้องพามาบ่อยๆ”พี่นนต์ยกยิ้มขำ พร้อมกับจ้องหน้าผมจนผมยิ่งอายกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เหมือนคนหลังเขา แต่เพราะรอยยิ้มจากริมฝีปากบางหยักได้รูปสีสดกับสายตาที่เหมือนกำลังจะถูกกลืนกินนี่ต่างหาก

“พี่เกรวไม่สบายหรอคับ น่าแดงเป็นสตรอว์เบอร์รีเลย”น้องกันต์ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

“พี่เกรวสบายดีครับแค่....เขิน”พี่นนต์ตอบ เรียกเสียงกรี๊ดเบาๆจากพนักงานหญิงที่ยืนรอรับออเดอร์

ผมคงไม่ยอมเข้าร้านนี้อีกแน่นอน

...

หลังที่เราทานอาหารเสร็จพี่นนต์พาผมมาที่ร้านขายมือถือแบรนด์ดังที่ตั้งอยู่ในห้างแห่งเดียวกัน ก่อนจะเดินนำเข้าไปแล้วบอกให้ผมเลือกสีที่ชอบ

“อยากได้สีไหน”พี่นนต์ถาม

“เกรวไม่อยากได้ครับ มันไม่จำเป็น”ผมบอกปัด เห็นราคา5หลักแล้วทำเอาผมไม่กล้าที่รับเลย

“จำเป็นซิ ต่อไปเวลาเลิกเรียนพี่จะมารับ จะได้ไม่ต้องไปเพิ่งลูกคุณหญิงข้างบ้านทุกวัน”พี่นนต์พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนหงุดหงิด

“ถ้าพี่นนต์ไม่อยากให้ผมรบกวนบาส เกรวกลับรถเมล์เองก็ได้ครับ”ผมบอก อันที่จริงการที่บาสต้องมาส่งผมที่บ้านทุกวันมันก็เป็นการรบกวนเหมือนกัน

“ไม่ได้  บ้างวันมีกิจกรรมเลิกเย็น กว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว มันอันตราย พี่เป็นห่วง”น้ำเสียงราบเรียบพูดเหมือนไม่มีอะไรสำคัญ   แต่ใจคนที่ได้ยินแบบผมมันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา

“....”ผมไม่สามารถโต้ตอบอะไรกลับไปได้ ทำได้แค่ก้มหน้าหลบแล้วชี้นิ้วไปที่สีของมือถือที่อยู่ใกล้มือที่สุด

“คุณพ่อ พี่เกรวน่าแดงเขินอีกแล้ว”เสียงใสพูดขึ้นมาอย่างไร้เดียงสา

“คิกคิกๆ อุ้ย! ขอโทษค่ะ”และเป็นอีกครั้งที่พนักงานของร้าน หัวเราะผม ผมว่าไม่ใช่แค่ร้านสุกกี้หรือร้านมือถือที่ผมจะไม่ยอมมาอีกเด็ดขาดหรอกครับ แต่คงเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ต่างหากที่ผมจะไม่มาอีก ถ้าผมยังเลิกเขินพี่นนต์ไม่ได้

.................................................

“เกรวกลับบ้านเลยปะ”บาสที่เพิ่งออกมาจากห้องเรียนถามผม

“ไม่อ่ะ วันนี้ที่บ้านจะมารับ”ผมบอกพร้อมกดมือถือเข้าแอปพลิเคชั่นส่งข้อความ ที่ตอนนี้มีเพียงคนที่ซื้อมือถือเครื่องนี้ให้เป็นผู้ติดต่อ ผมพิมพ์ข้อความไปบอกพี่นนต์ว่าผมเลิกเรียนแล้ว เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาพี่นนต์ก็ส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะถึง

“เฮ้ย มือถือใหม่ ป๋าที่ไหนซื้อให้บอกพี่ซิ”บาสกอดคอถามอย่างยียวน

“ไม่ใช่ป๋าสักหน่อย”ผมตอบก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงนักเรียน

“ไม่ใช่ป๋าแล้ว เสี่ยที่ไหนบอกมา”ไม่พูดเปล่าบาสยังแกล้งดึงแก้มผมค้างไว้จนเริ่มเจ็บ

“เจ็บๆ ปล่อยก่อน พี่ แค่พี่ พี่นนต์ซื้อ...”ผมพยายามจะตอบคำถามเมื่อเห็นว่าบาสไม่ยอมเลิกแกล้งผมง่ายๆ แต่ยังพูดไม่ทันจบ ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นขึ้นพูดแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจ

“จะให้พี่รออีกนานไหม!”พี่นนต์ยืนกอดอกพิงรถจ้องมาที่ผมกับบาสอย่างไม่พอใจ

“อุ้ยพ่อมา”บาสยกยิ้มพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงยียวน ก่อนจะผมปล่อยมือจากแก้มผมทันทีที่เห็นท่าทางของพี่นนต์

 “กลับบ้าน!”พี่นนต์ตรงเข้ามาดึงผมให้เดินมาขึ้นรถทันที  ก่อนจะรีบเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อนั่งประจำที่คนขับ ด้วยใบหน้าที่เรียบตึงอย่างไม่พอใจ

“ขอโทษนะครับ ที่ปล่อยให้พี่นนต์รอนาน”ผมบอกเมื่อพี่นนต์เริ่มออกรถ แต่สีหน้ายังคงเหมือนติดหงุดหงิด

“เฮอ~~ ชั่งมันเถอะพี่ไม่ได้โกรธเรื่องนั้น”พี่นนต์ถอนหายใจ

“แล้วพี่นนต์โกรธเรื่องอะไรล่ะครับ ถ้าเป็นเรื่องที่บาสว่าพี่นนต์เป็น...”

“พี่ไม่ได้โกรธที่ลูกชายท่านทูตหาว่าพี่เป็นพ่อ แต่พี่น้อยใจที่พี่เป็นได้แค่พี่”พี่หันมามองหน้าผมในช่วงที่พูดท้ายประโยค สายตาคมที่เคยดุดัน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความน้อยใจในเรื่องไม่คาดฝัน อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

ทั้งๆที่ผมไม่ใช่คนที่รู้สึก แต่หัวใจกลับบีบรัดพร้อมความรู้สึกประหลาดที่หมุนวนอยู่ในท้อง

“ถะ..ถ้างั้น พี่นนต์อยากเป็นอะไรล่ะครับ”

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>60%<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<

เอาไปเท่านี้ก่อนเดี๋ยวเบาหวานขึ้น5555

วันนี้ขอบคุณทุกคนที่มาเจอเราที่งานหนังสือนะ รักที่สุดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-04-2018 22:52:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

Thanks for 60%
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-04-2018 23:43:57
อยู่ดีๆพี่นนต์ก็เปลี่ยนมาเป็นสายเปย์ซะงั้น :-[
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-04-2018 00:35:07
พี่อยากเป็นสามีค่ะน้องเกรว :z2:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-04-2018 03:14:47
เกรวเขาไม่ทันเฮียหรอก ต้องการจะเป็นอะไรกับเกรว ก็ใส่ข้อมูลเข้าหัวหมองเกรวเลยแล้วกัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-04-2018 05:02:11
ดีกันแล้วนะพี่นนท์
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-04-2018 10:12:09
ตามเฮียไม่ทันจริงๆ เฮียน่าจะเข้าใจน้องดีที่สุดนะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-04-2018 11:21:54
อุต๊ะ นี่พี่นนต์ตัวจริง ชิมิ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-04-2018 14:42:50
หวายยยยยยย รุกหนักจังเลยค่ะคุณ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-06-2018 16:20:37
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-06-2018 17:19:08
มาหึงหวงเค้านี่
ตัดใจจากเอฟได้จริงๆแล้วหรือไงห่ะ

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 13-08-2018 14:28:28
รอ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-08-2018 15:02:35
 :call: :call: :call:

หายไปไหน?  เห็นอีกเว็บกลับมาแล้วนิ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :10 : 16/02/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-01-2019 07:21:57
อ่านๆ ไปก็ได้แต่สบถว่าอิหยังของพี่นนท์วะตลอดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: itsgonnabeme ที่ 16-09-2019 22:35:41
คุณเต่าตุ่นนนน
เราแวะมาส่งกำลังใจในกระทู้นี้เช่นกันค่า

ยังคงรออยู่เสมอนะคะ!