ตอนที่ 4 คนไม่มีเวลา
พี่อยู่หน้าห้องสมุดแล้วนะครับ
เราอยู่ไหน
พี่ต้นเข้ามาข้างในเลยครับ
เคครับ..เดี๋ยวพี่เข้าไปเลย
“หวัดดี”
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้พี่ต้น
“พี่ต้นหาที่นั่งก่อนดีไหมครับ ผมต้องเอาหนังสือพวกนี้เก็บเข้าชั้นให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวแว๊บไปช่วยพี่ต้นหาหนังสือ”
“ให้พี่ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ใกล้เสร็จแล้ว ขอบคุณมากนะครับ ^^”
“อืม” พี่ต้นตอบผม เลยเดินหันหลังไปหาที่นั่ง ช่วงบ่ายนักศึกษาค่อยข้างเยอะ แต่ก็ยังพอมีที่ว่างอยู่ (ผมก็ไม่ได้จองที่นั่งไว้ให้ด้วยสิ..ก็คนมันลืมอะ)
ก่อนหน้านี้พี่ต้นได้แจ้งความคืบหน้าในการออกแบบให้พวกเราฟังในไลน์กลุ่ม และต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเพาะชำ พี่ต้นบอกว่าจะทำบ้านให้ป้าใจใหม่ จากเดิมบ้านสองชั้นที่ด้านบนเป็นไม้ ก็จะเปลี่ยนเป็นบ้านชั้นเดียว เพราะป้าใจอายุมากแล้วขึ้นลงบ้านคงลำบาก และอันตรายด้วย ส่วนไม้ที่รื้อลงมาพี่ต้นจะเอามาทำเป็นห้องเก็บอุปกรณ์การเกษตรและทำโรงเรือนเพาะชำ เผื่อไว้ให้ป้าใจเพาะพวกต้นอ่อนผักบุ้ง ทานตะวัน หรือไม่ก็พวกผักสลัดไว้ทานและเผื่อขายด้วย จึงอยากมาข้อมูลเพิ่มที่ห้องสมุด ซึ่ง วันนี้ช่วงบ่ายผมมีคาบว่างจึงมาทำงานพี่ห้องสมุด เลยนัดพี่ต้นมาด้วย จะได้ช่วยพี่แกหาข้อมูล ผมอยากมีส่วนร่วมในการทำบ้านให้เหล่าลูกๆ ถึงผมจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็เหอะ
“พี่ต้น...เป็นไงบ้างครับ ได้อะไรมาบ้างครับ”
“อืม ได้มาหลายเล่มแล้วหละ เท่าๆที่ดูพี่ก็เริ่มมีไอเดียขึ้นมาบ้างแล้วแหละ เดี๋ยวกลับไปออกแบบมาให้เราดู”
“^^ พี่ต้นครับ ผมขอออกไอเดียหน่อยได้ไหมครับ เผื่อเป็นประโยชน์ได้บ้าง”
“เอาสิ”
“คือตอนที่พวกเราอาบน้ำให้น้องหมาอะครับ มันค่อนข้างใช้น้ำเยอะมาก มันก็แค่อาบใช่ไหมครับ จะเป็นไปได้ไหมครับที่เราจะเอาหลังจากการอาบน้ำน้องๆไปรดน้ำต้นไม้ในสวน”
“ไม่ใช่แค่น้ำจากการอาบน้ำน้องหมานะครับ จริงๆแล้วน้ำต่างๆจากที่เราใช้นั่นแหละ เราสามารถเอามาบำบัดให้เป็นน้ำสะอาดแล้วใช้งานต่อได้ เรียกว่าการบำบัดน้ำเสียในครัวเรือน เรื่องพวกนี้น่าจะใช้งบไม่เยอะ เดี๋ยวพี่ลองศึกษาอีกที ขอบคุณสำหรับไอเดียครับ เก่งมากเลย” พี่ต้นอธิบายเพิ่มเติมให้ผมฟัง และยังชมผมอีกด้วย ดีใจครับที่ไอเดียผมมีประโยชน์ ผมยิ้มให้กับพี่ต้น แล้วพี่ต้นก็ยกมาลูบหัวผม คงจะเอ็นดูผมแล้วหละสิ
“เราทำงานเสร็จกี่โมง”
“6 โมงครับ” ผมตอบพี่ต้นงงๆ
“โอเคครับ เดี๋ยวพี่นั่งอ่านหนังสือรอนะครับ”
“เอ่อ...พี่ต้นรอผมทำไมครับ” งงกว่าเดิมอีกครับ
“ก็รอไปทานข้าวเย็นด้วยกัน เสร็จแล้วก็ไปส่งที่ห้องไงครับ... ไม่ได้หรอครับ?”
“ก็ ... ได้ครับ แต่...”
“ถ้างั้นเราก็ไปทำงานเถอะครับ พี่ไม่กวนเราละ” โดนพี่ต้นพูดตัดบทเฉย
“ครับ” ผมตอบพี่ต้นแบบงงๆ แล้วเดินกลับไปทำงานหน้าเคาท์เตอร์
.......................
“เอาปลาหมึกผัดไข่เค็ม ปีกไก่ทอด ต้มยำทะล ผัดผักรวมหมูกรอบ ข้าวเปล่า 2 จาน ครับ”
“เราเอาอะไรเพิ่มไหม” “ไม่เอาแล้วครับ”
“แค่นี้ครับ ขอบคุณครับ” พี่ต้นหันไปบอกพนักงานร้านอาหาร
หลังเลิกงานพี่ต้นพาผมมาทานข้าวร้านหลังมอ เป็นร้านธรรมดา ติดแอร์นั่งสบายๆ ราคาเหมาะกับกระเป๋านักศึกษา ผมเคยมาทานกับฟ้าและหนึ่งหลายครั้ง อร่อยดี คิดอะไรไม่ออกก็มาร้านนี้แหละครับ
“เราเคยมาร้านไหม”
“ครับเคยมาครับ”
“หรอ...มากับใครครับ” แล้วทำไมต้องทำหน้าเครียดด้วยหละ
“ฟ้ากับหนึ่งครับ”
‘ฟู่วว’ เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของพี่ต้น
“พี่ก็มากับไอ้ปอนด์กับไอ้โทนบ่อยครับ อาหารเค้าอร่อยดี แต่แปลกนะครับพี่มาที่บ่อยนะแต่เรากลับไม่เคยเจอกันเลย”
“เคยครับ”
“ฮะ”
“ผมเจอพวกพี่ที่นี่หลายครั้งแล้วครับ”
“หรอครับ น่าเสียดายจัง”
“หือ เสียดายอะไรหรอครับ”
“เปล่าครับ”
“บางครั้งผมก็เห็นพวกพี่มากับสาวสวยๆ ครับ“
“ก็พวกเพื่อนที่คณะนั่นแหละครับ”
“ไม่นะครับ เพราะบางครั้งผมก็เห็นว่าเป็นเข็มของมหาลัยอื่น”
“อาหารมาพอดีเลย ทานกันเลยนะครับ”
“ครับ”
อาหารมาแล้วผมก็ทานไปไม่พูดมาก ผมหิวและอาหารก็อร่อยด้วย ส่วนพี่ต้นก็เล่าเรื่องไอเดียโปรเจคให้ผมฟัง ผมว่ามันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วหละครับ พี่ต้นเก่งจริงๆเลย ทั้งที่เรียนก็หนักอยู่แล้ว ยังต้องทำโปรเจคนี้อีก คงเหนื่อยน่าดู
เราทานเสร็จพี่ต้นก็มาส่งผมที่คอนโดอย่างที่บอกไว้
“ให้พี่ขึ้นไปส่งข้างบนไหม”
“ไม่เป็นไรครับ แฮะๆ”
“อืม ถ้างั้นพี่กลับละนะครับ เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วพี่ไลน์หา”
“ครับ สวัสดีครับ” ต้องไลน์มาบอกด้วยหรอ ได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถามออกไป มันคงเป็นธรรมเนียมของพี่ต้นเค้าหละมั้ง ....ชั่งเหอะ
ผมเข้ามาถึงห้องก็รีบอาบน้ำ เหนื่อยมาทั้งวัน นั่งอ่านหนังสือได้นิดหน่อยก็มีไลน์เข้า
พี่ถึงห้องแล้วนะ
เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรไปมากกว่านี้
พี่กำลังจะไปอาบน้ำ แต่อยากคุยกับเราก่อน
ครับ พี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าครับ
เราทำอะไรอยู่หรอ
...เออ...
กำลังนั่งอ่านหนังสือครับอ้าว ถ้างั้นพี่ก็มากวนเรานะสิ
แล้วตามด้วยส่งสติ๊กเกอร์หมีหงอย
ไม่กวนหรอกครับ ผมแค่ทบทวนบทเรียนนิดหน่อยครับ
จริงนะ
สติ๊กเกอร์หมีร่าเริงก็มา
วันเสาร์นี้เราว่างไหม พี่อยากไปเก็บข้อมูลแล้วก็ถ่ายรูปสถานที่ที่บ้านป้าใจอีกนิดหน่อย
เราช่วยไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหมครับ
ปกติเสาร์อาทิตย์ผมจะต้องไปช่วยงานที่ร้านของคุณแม่ครับ
แต่ถ้าเป็นช่วงบ่ายๆ ก็พอได้ครับ น่าจะขอคุณแม่ออกมาได้
ช่วงบ่ายได้ครับน่าจะเก็บข้อมูลไม่เยอะ
ให้พี่ไปรับที่ไหนดีครับ
งั้นบ่าย 2 ที่พารากอน พี่ต้นสะดวกไหมครับ
สะดวกครับ
งั้นตกลงตามนี้นะครับ
พี่ไม่กวนละ
Good night ครับ
ครับ Good night เช่นกันครับ
ผมรู้สึกแปลกๆนะครับ แต่มันคงเป็นเรื่องปกติแหละมั้งสำหรับรุ่นพี่รุ่นน้องที่จะบอก
Good night กัน
..........................................................................
ต้นพี่นั่งรอที่สตาร์บัคส์ชั้น 1 นะครับ
ผมส่งข้อความไปบอกน้องเต้ย เพราะผมมาก่อนเวลานิดหน่อย ระหว่างรอก็เอาชีทขึ้นมาอ่าน ใช้เวลาให้คุ้มค่าครับ ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงานผมต้องทำให้เต็มที่
ครับเดี๋ยวผมลงไปเลย
………..
“พี่ต้นครับ สวัสดีครับ” น้องยกมือไหว้ผม ผมได้แต่พยักหน้า แล้วพูด “หวัดดีครับ” ใจจริงอยากบอกให้น้องว่า ถ้าน้องจะมารยาทดีทุกครั้งที่เราเจอกันขนาดนี้ ก็ช่วยมาไหว้ซบลงต้องอกพี่หน่อยจะดีกว่านี้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดแหละครับ ใครมันจะไปกล้า เดี๋ยวไก่ได้ตื่นพอดี
“รอนานไหมครับ”
“ไม่ครับ พี่มาถึงก่อนเวลานัดเราด้วย”
“นี่หิ้วอะไรมาเยอะแยะเลยครับ”
“พวกของเล่นน้องหมานะครับ “
“หือ” ผมทำหน้าสงสัย
“แบบนี้ไงครับ กระดูกยางช่วยนวดเหงือกและขัดฟัน มีลูกบอลยางด้วยครับ อันนี้ช่วยพัฒนา IQ มีเสียงด้วยนะครับ เจ๋งมากเลยครับ”
“อ๋อ” ผมฟังน้องพูดอย่างมีความสุข ได้เจอน้องบ่อยๆ ถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วน้องก็เป็นคนคุยเก่ง และก็ยิ้มเก่งด้วย หรือเราจะสนิทกันแล้วนะน้องถึงยอมเปิดเผยตัวตนให้ผมรู้จัก
“พี่ต้น เราไปกันเลยไหมครับ”
“ครับ”
........................
“โก้โก้ ชานม ชาเขียว พ่อมาหาแล้วครับ” น้องหมา 3 ตัว วิ่งเข้ามาหาน้องเต้ยเมื่อได้ยินเสียงเรียก ตัวหนึ่งสีดำสนิททั้งตัว น่าจะชื่อโกโก้ ตัวหนึ่งสีขาวแซมด้วยสีส้ม น่าจะชื่อชานม ส่วนตัวสุดท้ายสีขาวแซมดำเหมือนวัว ตัวนี้ชื่อ “ตัวนี้ชาเขียวหรือเปล่าครับ” เพราะไม่แน่ใจลักษณะตัวกับชื่อจึงหันไปถามน้อง
“ครับ น้องเล็กชาเขียว”
“ทำไมถึงชื่อชาเขียวหละครับ”
“ก็ตอนที่เอาที่นี่ใหม่ๆ ชาเขียวชอบลงไปลุยสวนผักป้าใจนะสิครับ ป้าใจเลยตั้งชื่อให้ว่าชาเขียว”
“อ๋อ น่ารักดีนะครับ”
“ครับ น่ารักมากเลย เห็นแบบนี้ซนมากเลยครับ”
“พี่หมายถึงเราต่างหาก”
“เอ้า ทำไมเป็นผมหละครับ”
“ไม่รู้สิ ก็เราน่ารักนี่นา”
“อย่างผมไม่เรียกว่าน่ารักหรอกครับ ต้องแบบหนึ่งสิถึงจะเรียกว่าน่ารัก ถ้าพี่ชอบแบบน่ารักนะครับ”
“ถ้าพี่ชอบแบบเราหละต้องเรียกว่าอะไร”
น้องอึ้งอยู่ ไม่ยอมตอบคำถามผม ผมไม่รู้ว่าอะไรดนใจให้ผมพูดอะไรแบบนี้ออกไป มันออกจะเร็วไปหน่อยถ้าเทียบกับเวลาที่เราเพิ่งได้รู้จักกัน แต่ผมไม่มีเวลามากหรอกนะครับ ผมควรจะซื่อสัตย์กับความรู้สึกที่ผมมีอยู่ดีกว่า
“ว่าไงครับ เรียกว่า...”
“ป้าใจครับ เต้ยมาแล้วคร๊าบบบบ” เรียกหาป้าใจเฉยเลย เลี่ยงได้เลี่ยงไป รอดูพี่เอาจริงละนะ
ผมเล่าโปรเจคของเราให้ป้าใจฟังว่าเราจะทำอะไรบ้าง เปลี่ยนตรงไหนบ้าง และรับฟังป้าใจว่าต้องการอะไรในส่วนไหนเพิ่มเติมไหม
“ป้าไม่มีความเห็นอะไรหรอกลูก ป้าแค่อยากได้โรงนอนของน้องหมาที่แข็งแรงทนฟ้าทนฝนแค่นั้นเองลูก สงสารน้องๆ ฝนตกแต่ละทีก็สาดเข้ามาในโรงนอนจนหมด น้องๆก็ตากฝนกัน ป้าก็ไม่รู้จะทำยังไง บ้างครั้งก็ต้องต้อนเข้ามาในบ้าน”
“ครับ ในส่วนของโรงนอนผมจะทำเป็นแบบโปร่งนะครับ อากาศจะได้ถ่ายเทได้สะดวก แล้วก็มีผ้าใบแบบสามารถม้วนขึ้นลงได้นะครับ ถ้าฝนตกก็ม้วนลงกันฝนสาดได้ครับ”
“ขอบใจมากนะลูกนะ ถ้าไม่มีพวกลูกๆป้าก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้ายังไงผมขอออกไปเดินดูสถานที่อีกรอบได้ไหมครับ”
“จ๊ะ ตามสบายเลยนะลูกนะ....ระวัง’เจ้าถื่น’ด้วยนะ”
ผมเดินบริเวณหลังบ้านเพื่อดูแนววางท่อที่จะทำการบำบัดน้ำ จากที่อาบน้ำน้องหมา ไปยังแปลงผัก มีน้องเต้ยเดินอยู่ข้างๆ จากที่แดดร้อนๆในตอนบ่าย กลับพบว่าไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิดไว้
‘แฮก ๆ ๆ ๆ ’
ผมหันไปตามเสียงที่ได้ยิน เห็นหมาตัวใหญ่กำลังวิ่งตรงมายังพวกเรา
“ระวัง” ไม่ทันแล้ว ผมรีบคว้าตัวเต้ยมากอดไว้ ด้วยความเร็วและแรงในการดึงตัว น้องเซมาที่อกผมแล้วเราก็ล้มกลิ้งม้วนกันไปหลายตลบ ผลที่ได้ตอนนี้คือเรานอนกอดกันโดยมีน้องอยู่ด้านบนและผมก็รองรับร่างน้องไว้ด้านล่าง หน้าเราห่างกันแค่คืบ ผมสบตากับน้องอย่างลึกซึ้ง ไล่สายตาลงมามองที่จมูก ปากแดงๆ พวงแก้มที่เริ่มขึ้นสี ตอนนี้ผมค่อยๆรู้สึกถึงความนุ่มลื่นและเปียกชื้นข้างแก้มเหมือนกับว่ามีใครกำลังเลียแก้มผมอยู่
‘แพล๊บ ๆ ๆ ๆ’
ผมค่อยๆหันไปทางขวา ...ชัดเลยครับ ลิ้น ลิ้นใหญ่มาก
“เฮ้ย / เจ้าถิ่น”
น้องเต้ยรีบเด้งตัวลุกขึ้นไปคว้าคอตัวต้นเหตุ แล้วลูกหลังมันอย่างรักใคร่
“เจ้าถิ่น มาได้ไงเนี่ยเรา ฮืม แอบไปเล่นน้ำที่บ่อมาอีกแล้วใช่ไหมฮืม”
เจ้าถิ่นคือหมาตัวใหญ่ที่ผมเห็นว่าวิ่งเข้ามาหาพวกเราก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันเปลี่ยนเป้าหมายจากที่เลียหน้าผมอยู่ตอนแรก ไปเลียหน้าน้องเต้ยเรียบร้อยแล้ว อยากเลียด้วยคน อิจฉาหมาได้ไหมครับ
ขณะที่ผมกำลังพยุงตัวเองลุกขึ้น
“ซี๊ดดด”
“พี่ต้นเป็นอะไรครับ”
“เจ็บข้อมือนิดหน่อยครับ”
“ขอผมดูหน่อยครับ”
“แดงเลยครับพี่ต้น เจ็บมากไหมครับ”
“ไม่มากครับ น่าจะแค่ข้อมือซ้น”
“ถ้างั้นเรารีบเข้าไปในบ้านป้าใจดีกว่าครับ เดี๋ยวผมประคบน้ำแข็งให้”
“ครับ”
“เจ้าถิ่นรีบตามมา”
................
ขณะที่น้องเต้ยกำลังปฐมพยาบาลผมอยู่
“พี่ต้นดีขึ้นไหมครับ”
“ก็ดีขึ้นครับ แต่ก็ยังปวดอยู่”
“ต้องประคบอย่างต่อเนื่องไปสักพักครับ แล้วแบบนี้พี่ต้นจะขับรถกลับไหวไหมครับ”
“ยังเหลือมือขวาอีกข้างครับสบายมาก”
“ผมขอโทษนะครับ ผมช่วยอะไรพี่ต้นไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าเรารู้สึกผิดจริงๆ ก็ทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนพี่นะครับ”
“ได้อยู่แล้วครับ แถมบริการประคบเย็นให้อีกรอบก่อนกลับด้วยครับ”
“แต่ถ้าไม่กลับเลยจะดีกว่านะครับ”
-------------- Dead air ------------ หวี่ หวี่ หวี่ -----------*
“เดี๋ยวเราเข้าไปลาป้าใจ แล้วกลับกันเลยดีไหมครับ”
……………………………………………….
เราไม่ได้แวะร้านอาหารกัน เนื่องจากผมขับรถไม่ถนัดจึงตรงกลับมาที่คอนโดขอผมเลย ก่อนขึ้นห้องเราแวะซื้อซุปเปอร์ใต้คอนโดเพื่อทำอาหารทานกัน เมนูวันนี้มีผัดผักรวม ไข่เจียว กับข้าวต้มกุ้ยร้อนๆ น้องบอกว่ากินข้าวต้มแหละดีแล้ว จะได้ย่อยง่าย ๆ ผมว่าน้องเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผมข้อมือซ้นนะไม่ใช่เป็นไข้หวัด หรือโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แต่ก็เอาเถอะผมไม่อยากขัดความหวังดีของน้องเค้า อ้อ อาหารทั้งหมดนี้รังสรรค์โดยเชฟตุ้ยเค้าหละ น่ารักแล้วยังทำกับข้าวเป็นอีก แรไอเท็มแบบนี้ผมต้องรีบรวบหัวรวบหางแล้วหละ
“เต้ยครับ”
“ครับ”
“เรารู้ใช่ไหมว่าช่วงนี้พี่เนี่ยเรียนหนัก ไหนจะต้องช่วยงานรุ่นพี่ ไหนจะต้องทำโปรเจคเพื่อส่งประกวดอีก “
“ครับ”
“โปรเจคนี้ที่จะส่งไปก็ไม่รู้จะผ่านหรือเปล่า ถึงจะไม่ผ่านแต่พี่ก็จะพยายามทำมันให้สำเร็จให้ได้ ส่วนเรื่องการหาเงินทำการมาปรับปรุงศูนย์ฯพี่ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ แต่พี่ไว้ใจปอนด์กับโทนมันในเรื่องนี้ ตอนนี้ก็ได้คุยกับเพื่อนเก่าๆที่เคยทำโครงการมาด้วยกัน พวกมันก็เอาด้วย พร้อมช่วยเต็มที่ พี่เลยไม่ห่วงเรื่องนี้แล้ว”
“ครับ”
“ก็จะมีแต่เรื่องของเรานี่แหละ อย่างที่บอกพี่ไม่ค่อยมีเวลา หลังจากที่เริ่มโปรเจคก็จะยิ่งยุ่งมากขึ้น จะไปรับไปส่งเราอย่างที่ใจคิดก็ไม่ได้ จะมาชวนเราทานข้าวด้วยบ่อยๆก็คงยาก พี่รู้ว่ามีใครอื่นที่เขาพร้อมกว่าพี่ แต่พี่ไม่อยากให้เราเปิดโอกาสให้ใครเลย อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่พี่ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ไหม”
“เอ่อ....พี่ต้นครับ คือผมงงอะครับ ที่พี่ต้นพูดมาไม่ใช่ว่ากำลังโอกาสจากผมเพื่อจะ ..จ ..จีบหรอกนะครับ”
“ครับ นั่นแหละครับคือสิ่งที่พี่อยากจะบอก ขอโอกาสพี่จีบเราได้ไหมครับ”
------- -- เพล้ง -- --------
---------
เรื่องอาจจะช้าหน่อยนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อกันน๊าาาา