พิมพ์หน้านี้ - ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: สักวัน ที่ 31-01-2013 00:04:17

หัวข้อ: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 31-01-2013 00:04:17
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

***เนื้อหาในเรื่องทั้งสถานที่ บุคคลและเหตุการณ์เป็นสิ่งที่เกิดจากจินตนาการผู้แต่งทั้งสิ้น  อาจมีความรุนแรงในบางส่วนผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 31-01-2013 00:14:18
-1-
Mad World

http://www.youtube.com/v/hW93CV6m-JU?version=3&hl=en_US

ทรายที่นี่ไม่ได้เป็นสีขาว ทั้งให้สัมผัสหยาบๆแต่ผมก็ชอบมัน

เมื่อผมเดินย่ำเท้าบนผืนทรายครั้งแรกมันคงเป็นแค่รอยเท้าเล็กๆเหมือนคำเปรียบที่ว่า'ตีนเท่าฝาหอย'
         
          ผมจำความรู้สึกแรกที่เท้าสัมผัสไม่ได้ แต่เมื่อเริ่มชินผมจะรู้สึกชอบทุกๆครั้งที่เดินบนทราย ชอบไอร้อนใต้ฝ่าเท้าผ่านง่ามนิ้ว ชอบที่มันสามารถทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้เพียงชั่วครู่ แต่ที่สุดแล้วก็เลือนหายไป ที่สำคัญทรายเหล่านี้เป็นเพื่อนเล่นเพียงหนึ่งเดียวของผม...

          ผมจะเดินย่ำมันทุกครั้งที่ไม่มีที่ไป เดินเตร็ดเตร่ หรือก่อกองทรายเล็กๆเป็นรูปต่างๆที่อยากทำ บ้านของผมอยู่แถวๆชายหาด จะเรียกว่าบ้านเลยก็คงไม่ถูก เพราะแม่ขอเขาอาศัยห้องเล็กๆชั้นบนของบาร์ มีพี่หญิงกับฝรั่งจอห์นเป็นเจ้าของร้าน มันสะดวกแม่ดีเพราะแม่ทำงานที่บาร์นั่น ก่อนหน้าที่จะมีผมแม่ก็ทำงานที่นี่อยู่แล้วเพียงแต่มีห้องเช่าของตัวเอง แต่เนื่องจากเสียงร้องของเด็กทารกอย่างผม บรรดาคนในตึกจึงไม่ต้อนรับแม่อีกต่อไป ด้วยความที่แม่ยังเด็กและมีลูก พี่หญิงที่ถึงไม่ได้ใจดีแต่ก็มีน้ำใจให้แม่อยู่ที่ร้าน แม่จึงเคารพและไม่เคยขัดใจอะไรเมื่อพี่หญิงสั่ง

          แท้จริงแล้วในสมองเล็กๆของผมเกลียดที่ๆตัวเองซุกหัวนอนมาตลอด 9 ปีมานี้ ผมไม่ชอบที่จะอยู่ในร้าน มันไม่ใช่ที่ๆผู้ปกครองควรจะให้เด็กอยู่ แต่แม่ผมคงไม่คิดสน ผมรู้ดี เมื่อก่อนผมไม่เห็นว่าเด็กตัวเล็กๆอย่างผมจะเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยอุ้มหรือจูงมือได้ แต่ผู้ใหญ่ในร้านและรอบๆตัวผมทำสิ่งตรงกันข้าม เขาให้ผมทำสิ่งต่างๆที่ผมสามารถทำได้ เหมือนกับว่ามันก็ถูกแล้วที่ให้ผมทำสิ่งเหล่านั้น ล้างจาน ทำความสะอาด ออกไปซื้อของ ส่งของ ถ้าพวกเขาคิดว่าผมทำได้ก็จะให้ผมทำ ทำไม่ดีก็ด่าบ้าง ตีบ้าง แรกๆก็เจ็บ ร้องไห้ตามประสา นอกจากเขาจะไม่สงสารแล้วยังจะโดนซ้ำ หลังๆผมจึงเรียนรู้ที่จะทำตัวเฉยๆ เจ็บจะไม่ร้อง ไม่พูด ไม่ถาม

          วันนี้หลังจากเดินเล่นที่หาดสักพักจนพอใจผมก็กลับเข้าร้าน มันเป็นตอนเย็นๆที่แขกยังไม่เยอะ ผมเห็นแม่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของฝรั่งคนหนึ่ง ดูท่าว่างานของแม่เริ่มแล้ว ผมจึงเดินเลี่ยงๆมาในครัวเพื่อหาอะไรกิน

"มาแล้วเหรอไอ้บลู หายหัวไปไหนมา" พี่หญิงเดินลงบันไดมาเจอผมพอดี พลักหัวผม
"หาด"
"จะให้ไปส่งของก็หายหัว เที่ยวเดินเล่น" แกว่าแล้วเดินไปหยิบห่อของหลังบาร์ บอกให้ผมเอาไปส่งร้านเจ๊หนิง ผมรับของมาจากพี่หญิงแล้วรีบเดินออกนอกร้าน

          นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่มาร้านเจ๊หนิง มันอยู่ไม่ห่างจากร้านพี่หญิงนัก ครั้งแรกพี่หญิงพาผมมาเพื่อที่คราวต่อไปจะได้มาส่งของให้และแนะนำให้ผมรู้จักกับเพศที่สามที่ชื่อเจ๊หนิง เมื่อมาถึงร้านผมเดินมาถามหาเจ๊หนิงกับพนักงาน เขาเดินไปเรียกให้ไม่นานเจ๊ก็ออกมาหาผม เจ๊หนิงไม่ได้แต่งตัวแบบผู้หญิงเหมือนคนอื่นๆในร้าน ทั้งไว้ผมสั้น หากดูเผินๆอาจคิดว่าเป็นผู้ชาย แต่ท่าทางและการพูดนั้นกลับตรงกันข้ามกับการแต่งตัวอย่างสิ้นเชิง

"ว่ายังไง น้องบลู" เมื่อเจ๊เห็นผมก็เดินยิ้มเข้ามาหาผมที่อยู่หน้าเคาท์เตอร์
"หน้าตาเห็นแววหล่อมาแต่ไกล โตขึ้นหน่อยแล้วนะเรา" เจ๊พูด ผมยื่นของที่พี่หญิงฝากมาให้เจ๊
"เจ๊จะกินเด็กเหรอ" พี่กะเทยในร้านที่เดินผ่านแถวนั้นคนนึงพูดกับเจ๊
"ย่ะ ฉันจะกิน หล่อนจะทำไม"
"น้องบลูอายุเท่าไหร่แล้วคะ" พี่กะเทยคนเดิมถามต่อไม่สนใจสายตาเจ๊
"9 ครับ" ผมก้มหน้าตอบ หลบมือเจ๊ที่ลูบแก้มผม
“รออีกหน่อยเหอะเจ๊" พี่กะเทยคนนั้นพูดพลางหัวเราะ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วเจ๊เลยบอกให้ผมกลับร้าน ผมบอกลาเจ๊สั้นๆแล้วก็ออกมา

ข้างนอกท้องฟ้าเป็นสีส้ม

          ผมไม่ค่อยชอบช่วงเวลานี้เลย ช่วงเวลาสั้นๆที่พระอาทิตย์กำลังตก มันให้ความรู้สึกว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกว่าโลกที่ผมเกิดมันมีสีหม่นๆอยู่ตลอดเวลา ผมไม่มีเพื่อน ไม่ได้เรียนหนังสือ โลกสีสดใสของเด็กๆผมไม่เคยเห็น ผมเห็นแต่โลกของผู้ใหญ่ เห็นแสงสีท่ามกลางความมืด เห็นม่านหมอกของควันบุหรี่ เห็นความบันเทิงของพวกเขาที่มาในรูปแบบต่างๆ เห็นแม่กับผู้ชายหลายคน ได้ยินแต่เสียงกรีดร้องและครวญคราง ทั้งหมดนั้นมันทำให้จิตใจผมรู้สึกเกลียดชังโลกที่อยู่ แม่ผมเป็นเด็กใจแตก หนีตามผู้ชายออกจากบ้านตอนอายุ 15 ไม่นานผู้ชายก็ทิ้งไปเพราะอยู่กันไม่รอด แม่ระหกระเหินมาเจอพี่หญิงและมาทำงานด้วย พอทำงานได้สักพักด้วยความที่ไม่รู้และเด็กเกินกว่าจะสนใจแม่ก็ปล่อยให้ผมมีตัวตนขึ้นมาจนยากจะทำลาย

          ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้ตั้งใจให้ผมเกิดแม้สักนิด ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มและตาสีฟ้าของผมไม่มีใครรู้เชื้อชาติ ผมเกลียดชังเพราะมันย้ำชัด มันย้ำว่าผมเกิดจากเศษเสี้ยวของความโสมมของคนคู่หนึ่ง...เพียงแค่นั้น...

          บางครั้งบางคราวที่ผมเห็นพ่อแม่ที่พาลูกๆมาเที่ยว ผมนึกอิจฉาสายตาที่เขามองลูกๆ มันเป็นสายตาของความรัก ความสุข ความห่วงใย ความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้ ไม่ช้าไม่นานเมื่อผมรู้สึกเศร้าแทนที่จะมีความสุขเมื่อเห็น ผมก็เลิกที่จะมองพวกเขา ใจของผมจะสงบกว่ากันมากหากไม่สนใจ ผมไม่หวังหรอกว่าแม่จะมีความรู้สึกเหล่านั้นให้ผม เพราะผมรู้จักผู้หญิงคนนี้ดี ผู้หญิงที่ให้ผมมีร่างกายและหัวใจที่เต้นอยู่ในอกนี่ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจผมเช่นเดียวกัน


"พี่ก็เอาไปสิ หนูไม่ได้ว่าอะไร"ผมได้ยินแม่พูดกับพี่หญิงเมื่อผมเดินเข้ามาในร้าน
"แกพูดจริงเหรอป่าน พี่ไม่ได้บังคับนะ"พี่หญิงพูดอย่างมีน้ำใจแต่ท่าทางก็รู้อยู่แล้วว่าแม่จะไม่ขัดใจ พอหันมาเห็นผมพอดีก็กวักมือเรียก
"บังคับอะไรกันพี่ ลำพังเลี้ยงมันมาก็ลำบากจะตายแล้ว พี่อยากให้มันทำอะไรก็ให้มันทำเถอะ" แม่พูดหันมามองผมอีกคน ผมเข้าใจแล้วว่าพูดถึงผมอยู่ แต่ไม่แน่ใจนักว่าให้ทำอะไร ในใจก็นึกกลัวสายตาของทั้งสองคน ผมไม่เคยชอบอะไรทั้งนั้นที่พี่หญิงให้ทำแต่ไม่ว่ายังไงก็ปฏิเสธมันไม่ได้อยู่ดี

เมื่อผมเดินไปใกล้ๆทั้งสองคนพี่หญิงจับผมหันซ้ายหันขวาเหมือนกับสำรวจอะไรบางอย่างแล้วร้องอืมในลำคออย่างพอใจ

"แกพามันไปอาบน้ำอาบท่า กินข้าวซะ เสร็จแล้วพามาหาพี่"แม่พยักหน้าแล้วพาผมขึ้นมาบนห้อง ถึงผมอยากรู้ผมก็ถามไม่ได้เพราะรู้ว่าถ้าแม่จะบอกอะไรเดี๋ยวก็คงบอกเอง

          แม่พาผมมาอาบน้ำขัดตัวในห้อง ปกติแล้วแม่แทบไม่เคยจะอาบน้ำให้ ผมไม่คิดว่าจะต้องสะอาดอะไรมากมายขนาดนี้ แม่ขัดราวกับว่าตัวผมสกปรก ล้างและขัดทุกๆส่วนอย่างที่ผมไม่เคยจะใส่ใจทำ

"เจ็บ"ผมบอกเบาแบบกล้าๆกลัวๆเพราะแม่ขัดแรงจนทำให้ผมแสบ
"เดี๋ยวแกจะเจ็บกว่านี้"แม่ว่าแต่ก็เบาแรงลงแล้วถอนหายใจ
"ไม่ว่าพี่หญิงจะให้แกทำอะไร แกต้องทำตาม เข้าใจมั้ยไอ้บลู" ผมพยักหน้าช้าๆ เพราะที่ผ่านมาแม่ก็สั่งอย่างนี้เสมอๆ แต่คราวนี้สายตาแม่จริงจังกว่าคราวก่อนๆมาก
"ตั้งใจทำงานดีๆ แล้วฉันจะพาไปขี่เจ็ทสกี" แม่ว่าอย่างนั้น ผมตาลุกวาว ผมเคยบอกแม่ว่าอยากให้แม่พาไปขี่เจ็ทสกี หลังจากเห็นคนอื่นๆเล่นที่หาด ผมอยากเล่นขนาดว่าเป็นสิ่งแรกที่กล้าขอแม่ แต่ก็โดนด่าไม่เจียมตัว เพราะเล่นแต่ละทีไม่ใช่ถูกๆ ผมเลยได้แต่นั่งมองคนอื่นเขาเล่นก็เท่านั้น

          หลังจากอาบน้ำกินข้าวเสร็จผมก็มาหาพี่หญิง ผมเห็นฝรั่งหัวโล้นตัวใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย เขามองผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปหาพี่หญิง ใจผมกระตุก เข้าใจทุกอย่างในทันที พี่หญิงกำลังพูดบางอย่างเกี่ยวกับผมในขณะที่เขาเริ่มเอื้อมมือมาลูบหน้าของผม สายตาแบบนี้แม้ผมยังเด็กแต่กาารที่อยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดมันทำให้สองเท้าของผมอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล แต่สำหรับเด็กอย่างผมต่อให้อยากหนีไปไหนก็คงทำไม่่ได้ ไม่มีที่ให้ไป ไม่มีใครให้ช่วย ผมตระหนักเอาตอนนี้ว่าผมโดดเดี่ยวแค่ไหนบนโลกสกปรกใบนี้

"แกไปอยู่กับบ็อบสักสองสามวันนะ เขาให้แกทำอะไรก็ทำซะ อย่าให้ฉันรู้ว่าแกทำให้บ็อบไม่พอใจ จะโดนดี" พี่หญิงว่าเสร็จบ็อบก็จูงแขนผมมาขึ้นรถ เขาถามผมว่าชื่ออะไรผมก็ตอบไป ผมพูดพอได้บ้างเพราะจอห์นเป็นหนึ่งคนที่เลี้ยงผมมาพร้อมกับพี่หญิงและแม่ เขาไม่พูดภาษาไทยทั้งยังสบถด่าผมเป็นประจำ

          นั่งมาไม่นานก็ถึงโรงแรมที่หนึ่ง เขาพาผมเดินขึ้นห้อง ผมเริ่มสั่นด้วยความกลัว บ็อบหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักก็ออกมาด้วยชุดคลุมสีขาว ผมที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้ากระจกสะดุ้งขึ้นเมื่อเขาเอามือมาลูบหัวผมพร้อมแสยะยิ้ม เขาบอกให้ผมลุกขึ้นและถอดเสื้อผ้า ผมไม่ขยับอะไรตัวสั่นจนเกร็ง มือกำชายเสื้อแน่น เขาไม่พูดอะไรอีกแต่เอื้อมมือมาดึงเสื้อผมขึ้น ผมยื้อเสื้อตัวเองไว้แน่นไม่ปล่อยให้เขาดึงออกจากตัว แต่แรงของเด็กกับผู้ใหญ่มันต่างกัน เขาถอดเสื้อผมได้แต่ก็มีท่าทีไม่พอใจและย้ำกับผมว่าจะฟ้องพี่หญิงถ้าผมขัดขืน

ไม่ช้าไม่นานตัวผมก็ว่างเปล่า

บ็อบหยิบเชือกเส้นยาวมามัดมือผมไขว้หลัง และยังมีเชือกอีกหลายเส้นที่โยงรั้งไปทั้งตัว สุดท้ายก็เอาผ้ามามัดปาก

ตัวผมสั่น ทั้งอึดอัดทั้งกลัว

และมันก็เจ็บ

          ร่างกายที่ยังโตไม่เต็มที่ไม่สามารถโดนกระทำป่าเถื่อนโหดร้ายได้โดยไม่เจ็บปวด แม้ว่าเขาพยายามทำมันอย่างเบามือที่สุดก็ตาม เสียงสะอื้นของผมดังออกมาเป็นพักๆ ผมกลัวจับใจ พันธนาการที่มัดผมไว้ทำให้ผมหนีไปไหนไม่ได้ อยากร้องให้ใครสักคนช่วย มันเจ็บจนทนไม่ไหว เจ็บจนอยากตายเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ความตายมันคงง่ายเกินไป ในเวลานั้นผมนึกถึงแม่ ความเกลียดชังมันค่อยๆหยั่งรากลงไปช้าๆตั้งแต่ตอนนั้น และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้เลย เมื่อไหร่ที่ผมเจ็บและเท่าไหร่ที่ผมเจ็บ ทีละเล็ก ทีละน้อย ความเกลียดชังค่อยๆหล่อหลอมหัวใจให้เฉยชา และไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่อไป

คืนนั้นมันยาวนานกว่าคืนไหนตั้งแต่ผมเกิดมา มันจบลงพร้อมๆกับโลกสีหม่นๆของผม และแทนที่ด้วยสีดำอันมืดมิดไร้ก้นบึ้ง

          ผมอยู่กับบ็อบสองวัน ไม่มีวันไหนที่ได้ออกจากห้อง หลังจากบ็อบพามาส่งที่ร้านผมต้องนอนเฉยๆไปทั้งอาทิตย์โดยมีแม่ดูแล สายตาของแม่ที่มองดูผมนั้นผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ผมก็ไม่คิดตีความมันอีกต่อไป


          จากครั้งที่บ็อบพาผมไปครั้งแรกก็มีครั้งต่อๆมาอีก ทุกๆครั้งบ็อบจะมัดผมไว้เสมอ มันคือหนึ่งในรูปแบบความบันเทิงอันวิปริตของมนุษย์ นอกจากบ็อบแล้วก็ยังมีแขกคนอื่นๆของพี่หญิงอีกนับไม่ถ้วน เจ็ทสกีที่แม่สัญญาไว้ผมไม่สนใจมันอีกแล้ว และดูเหมือนแม่ก็ไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน ในสถานที่อโคจรแห่งนี้ สิ่งที่ทุกคนสนใจคงจะมีแต่ความสุขของตัวเองเท่านั้น จากเดือนเป็นปี ครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อเมื่อผมอายุ 11 ปีจึงสิ้นสุดลงด้วยความช่วยเหลือจากเจ๊หนิง

          เย็นวันหนึ่งหลังจากที่แขกคนล่าสุดมาส่ง ผมยังไม่อยากเข้าร้าน เลยเลือกที่จะนั่งลงตรงริมฟุตบาท กอดเข่าฟุบหน้าลงอย่างหมดแรง แต่แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ ผมเงยหน้าขึ้นมาเจอเจ๊หนิง เจ๊ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมส่ายหน้า จะว่าเป็นก็เป็น จะว่าไม่เป็นก็ไม่เป็น ไม่รู้จะตอบยังไงดี สีหน้าของเจ๊หนิงฉายแววแปลกใจ เจ๊พิจารณาผมอยู่ครู่หนึ่งสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยช้ำบนข้อมือที่ขึ้นสีเขียวชัดเจน แววตาเจ๊เปลี่ยนไปเมื่อสบตาผมอีกครั้ง เจ๊บอกให้ผมลุกขึ้นแล้วให้ตามเจ๊ไปที่ร้าน

"บลูบอกเจ๊สิ มันนานเท่าไหร่แล้ว"เจ๊ถามเมื่อมาถึง จับตัวผมพลิกดูไปมารวมถึงเปิดเสื้อผมดูเห็นรอยบนตัวที่ยังใหม่ๆเพราะเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อคืน
"นานแล้ว" ผมไม่รู้จะตอบอะไรได้ เจ๊มองผมด้วยแววตาเหมือนสงสารเจือแววขุ่นเคืองและหายามาทาแผลที่ตัวให้
"แม่บลูไม่ห้ามอีหญิงมันเหรอ ทำไมถึงปล่อยไปได้" ผมส่ายหน้า ไม่พูดอะไร
"เดี๋ยวเจ๊จะไปคุยกับอีหญิงมัน เลี้ยงมากับมือ ทำแบบนี้มันเกินไป" ว่าแล้วเจ๊ก็เดินออกไปจากร้านโดยบอกให้ผมรออยู่นี่

          ในร้านของเจ๊มีทั้งผู้หญิงและสาวประเภทสองแต่งตัวกันฉูดฉาด ผมเข้ามารอในห้องแต่งตัวเห็นพวกเขาแต่งหน้าพูดคุยกันเฮฮา ร้านเจ๊จะเป็นร้านที่มีโชว์เยอะแยะ ถึงจะไม่ใหญ่แต่ก็ดังมากในย่านนั้น

ไปไม่นานเจ๊หนิงก็กลับมาโดยที่แม่ผมตามมาด้วย แม่เดินตรงเข้ามาฉุดแขนผมให้กลับร้าน

"ถ้าคิดว่าจะให้มันทำอย่างเดิม เจ๊ไม่ให้บลูมันกลับไปด้วยหรอกนะ"เจ๊หนิงยืนขวางระหว่างแม่กับผมไว้ โดยปกติแล้วเจ๊หนิงจะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ผมไม่เคยเห็นเจ๊จริงจังอย่างนี้มาก่อนคิดว่าแม่ก็คงเหมือนกันเลยปล่อยแขนผมช้าๆ
"ไม่ให้กลับแล้วจะให้มันไปอยู่ที่ไหน เจ๊จะดูมันให้หนูเหรอ พี่หญิงจะว่ายังไงถ้าไม่พามันกลับไป"แม่ดูเหมือนเริ่มสับสน เพราะกลัวทั้งพี่หญิงและเจ๊หนิง
"ก็บอกว่ามันหนีไป โกหกเพื่อลูกตัวเองน่ะทำได้ไหม"
"แต่..."
"ให้อยู่กับเจ๊ก่อนนี่แหละ เสียดายที่ไปแล้วไม่เจออีหญิง มันทำได้ยังไงอยากจะถามมัน แต่เอาเถอะ เจ๊ว่าถ้าให้มันรู้ว่าพี่จะเอาบลูมามันคงไม่ยอมง่ายๆ"
"แล้วพี่หญิงจะไม่รู้เอาเหรอเจ๊"
"แค่ป่านที่เป็นแม่บลูยอม เรื่องอื่นเดี๋ยวเจ๊จัดการเอง"
แม่นิ่งไปสักพักแล้วพยักหน้าในที่สุด
"หนูไม่มีปัญญาเลี้ยงมัน ที่ให้มันทำเพราะไม่อยากขัดพี่หญิง หนูไม่รู้จะทำยังไง"แม่พูด ใจผมค้านว่าแม่จะทำยังไงก็ได้แค่แม่เป็นคนตัดสินใจ เพราะพี่หญิงถามแม่แล้ว ถ้าแม่เห็นผมเป็นลูกสักนิด แม่ก็คงจะปกป้องผมบ้าง
"ป่านไม่ต้องห่วง ยังไงเจ๊คงดูแลบลูได้ดีกว่าหญิงมันอยู่แล้ว"

...................

แม่กลับไปแล้ว...ในใจผมมันวาบโหวงอย่างบอกไม่ถูก

          แม้ว่ามันจะสิ้นสุดลง แต่ผมก็ไม่สามารถลืมเลือน ชีวิตช่วงหนึ่งในวัยเด็กนี้มันทิ้งร่องรอยเอาไว้ลึกมากกว่าที่ใครจะรู้ ทุกอย่างที่ผมแสดงออกว่าปกติดีเมื่อเจอเรื่องเลวร้ายต่างๆก็แค่ปกปิดรอยแผลเอาไว้ ผมไม่อยากให้ใครเห็น แต่หากได้มองดีๆก็คงเห็นได้ไม่ยากเพราะใครคนนึงบอกผมว่าผมส่งความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาทางแววตา

          ผมไม่รู้ว่าเจ๊หนิงจะเลี้ยงผมอย่างไรได้โดยที่พี่หญิงไม่รู้เพราะถึงอย่างไรร้านของพี่หญิงก็อยู่ใกล้กัน แต่โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวเจ๊หนิงกลับโทรหาน้อยชายและขอให้เขามารับผมไปช่วยดูแลก่อนในตอนนี้ เจ๊บอกกับผมว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น น้องชายเจ๊เป็นคนดีและจะช่วยดูผมให้ เจ๊อาจคิดว่าผมจะกลัวเมื่อถูกส่งไปอยู่กับคนแปลกหน้า แต่สำหรับผมมันเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว

พอท้องฟ้ามืดน้องชายเจ๊หนิงก็มาถึง

เขาชื่อวิทย์ เจ๊หนิงบอกให้เรียกเขาว่าน้าวิทย์
          น้าวิทย์เป็นคนที่มีใบหน้าคมเข้ม แววตาไม่น่ากลัวเหมือนคนอื่นๆที่เคยเจอ เขายิ้มให้ผมเมื่อเจ๊หนิงแนะนำ น้าวิทย์และเจ๊หนิงนั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ๆ ผมได้ยินชื่อตัวเองในบทสนทนาของพวกเขา เจ๊หนิงคงจะเล่าเรื่องของผมให้ฟัง ผมก็ได้แต่นั่งกอดเข่ารอเงียบๆอยู่มุมหนึ่งของร้าน

"บลูไปอยู่กับน้านะ"น้าวิทย์นั่งลงคุกเข่าพูดกับผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และยื่นมือมาลูบหัว ผมไม่พูดอะไรและไม่ได้สบตาได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเขาจึงฉุดแขนผมให้ลุกขึ้น
"ฝากด้วยนะวิทย์ ถ้าเพลงเลี้ยงไม่ไหวหรือมีปัญหาอะไรให้บอกพี่นะ พี่ไม่อยากรบกวนแต่ก็ปล่อยไปไม่ได้เหมือนกัน"
"ผมกับเพลงดูแลได้ พี่วางใจเถอะ" น้าวิทย์บอก
"เจ๊จะไปหาบ่อยๆนะบลู เข้มแข็งไว้นะครับ" ผมพยักหน้า ใจจริงแล้วผมอยากขอบคุณเจ๊แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ส่วนหนึ่งเพราะผมยังไม่ไว้ใจใครและสถานที่ที่เจ๊ส่งผมไปกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เป็นอย่างไรผมยังไม่รู้เลย

          หลังจากเจ๊หนิงและน้าวิทย์กล่าวลากัน น้าวิทย์ก็พาผมขึ้นรถกระบะสีดำของเขาจากหาดหนึ่งมาถึงอีกหาดหนึ่ง ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร บ้านน้าวิทย์เป็นอู่อยู่ตรงข้ามหาดแห่งหนึ่ง เพียงแค่ข้ามถนนไปเท้าของผมก็สัมผัสทรายได้เหมือนเดิม ข้างล่างของอู่มีขนาดใหญ่แยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งมีรถ อีกฝั่งหนึ่งมีเจ็ทสกี น้าวิทย์พาผมเดินขึ้นมาชั้นบนที่เป็นส่วนของบ้าน ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งดูทีวีโดยมีเด็กผู้ชายนอนตักอยู่

"เพลง" น้าวิทย์ส่งเสียงเรียก ผู้หญิงคนนั้นหันมามองและส่งยิ้มให้ทั้งผมและน้าวิทย์

"พ่อ!"เด็กผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นเรียก วิ่งกางแขนมาหา น้าวิทย์ยกขึ้นอุ้มทันทีเมื่อโถมตัวมาถึง
"ไงครับ ทำไมยังไม่นอน พรุ่งนี้ไปโรงเรียนนะ"
"กำลังจะพาไปนอนแล้ว วิทย์มาพอดี"ผู้หญิงคนนั้นบอกน้าวิทย์แล้วหันมามองผม
"ดีแล้วจะได้เจอกันเลย นี่บลูนะ เด็กที่พี่หนิงฝากมาให้วิทย์ช่วยดูให้"
"สวัสดีค่ะ น้าชื่อเพลงนะ"ผมไม่ได้ตอบรับหรืออะไรแค่พยักหน้าให้
"ทะเลครับ สวัสดีพี่บลูเร็ว พี่เขาจะมาอยู่ด้วย ถ้าทะเลไม่ดื้อพี่เขาจะได้เป็นเพื่อนเล่นกับทะเลไงครับ"น้าวิทย์วางตัวเด็กที่ชื่อทะเลลงบนพื้นตรงหน้าผม ทะเลยิ้มแล้วยกมือเล็กๆขึ้นไหว้
"สวัสดีครับ!"ทะเลเด็กตัวขาวยิ้มให้ผมตาหยีจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง
"น้องเพิ่งจะ 6 ขวบ บลูมาอยู่ที่นี่ก็มีน้องเป็นเพื่อนนะ อยู่กับพวกน้าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น อึดอัดอะไรก็บอกน้าได้ทุกอย่างนะครับ"เป็นอีกครั้งที่ผมพยักหน้า น้าวิทย์กับน้าเพลงมองหน้ากันอย่างกังวลกับความเงียบของผม จากนั้นน้าเพลงก็อุ้มทะเลไปนอน ส่วนน้าวิทย์พาผมไปที่ห้องๆหนึ่งบนชั้นสาม ในห้องมีเตียงเดี่ยวและห้องน้ำในตัวแต่ไม่มีของใช้อะไรมากนัก น้าวิทย์บอกว่านี่จะเป็นห้องของผม วันนี้ให้อาบน้ำพักผ่อนซะ เสื้อผ้าเดี๋ยวน้าเพลงจะเอาขึ้นมาให้

          ผมไม่เคยมีห้องของตัวเองมาก่อน มันใหญ่กว่าห้องที่ผมอยู่กับแม่เสียอีก ผมเดินไปนั่งบนเตียงไม่รู้นานเท่าไหร่น้าเพลงก็เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาเอาเสื้อผ้าและของใช้มาให้ ผมรับมาเงียบๆน้าเพลงยืนมองผมอยู่ครู่หนึ่งสายตาก็เห็นรอยช้ำตรงข้อมือ น้าเพลงคุกเข่าลงตรงหน้าและลูบหัวผมเบาๆโดยไม่เอ่ยอะไร สายตาที่มองมามันอ่อนโยนเต็มไปด้วยความสงสารทำให้ขอบตาร้อนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

หากว่าแม่จะรู้สึกสงสารผมแม้สักนิดให้เหมือนกับผู้หญิงคนนี้

มองผม...เหมือนกับผู้หญิงคนนี้

          ทั้งๆที่ผมคิดว่าผมเกลียดแม่ พยายามไม่แคร์ว่าแม่จะรู้สึกยังไง แต่ลึกๆแล้ว ในส่วนที่ผมไม่อาจควบคุม ผมปฎิเสธไม่ได้ว่าผมอยากเห็นแม่มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน อยากให้เป็นห่วงว่าผมจะเจ็บตรงไหนบ้างไหม อยากให้ยิ้มให้ผมบ้าง กอดผมบ้าง...

ทั้งหมดทั้งมวลในตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันคือสิ่งที่มนุษย์นิยามว่า...ความรัก...

          น้ำตาผมไหลลงมาโดยไม่มีเสียงสะอื้น มันหยดลงบนมือของน้าเพลงที่กุมมือผมไว้ เมื่ออารมณ์ทะลักทลายออกมามายมายขึ้นเรื่อยๆผมก็ได้ยินเสียงร้องของตัวเอง มันแหบแห้งครางยาวเหมือนบาดเจ็บ

          ผมจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้มันนานเท่าไหร่มาแล้ว อาจเป็นคืนนั้น หรืออาจไม่ใช่ แต่ครั้งนี้มันกลั่นออกมาด้วยความรู้สึกทั้งหมดในชีวิต 11 ปีของผม

ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าผมชินชาต่อความเจ็บปวดทุกอย่างแล้ว ต่อเมื่อเสียน้ำตา...ผมถึงรู้ว่าผมยังมีหัวใจ

คำถามเดิมวนซ้ำๆ ผมเกิดมาเพื่ออะไร
เพื่อเป็นภาระ เพื่อใช้เป็นเครื่องสนองความต้องการ เพื่อเจ็บ เพื่อเหงา เพื่อเสียใจ เพื่ออะไร

ผมหวังว่าอนาคตคงจะได้คำตอบที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

แต่ ณ วันนี้
สายสัมพันธ์เพียงหนึ่งเดียวกับผู้หญิงที่ให้กำเนิดชีวิตไร้ค่าของผม

ขาดลงแล้ว

มีเพียงความรู้สึกหนึ่งเดียวที่แจ่มชัด






โดดเดี่ยวเหลือเกิน


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/bluemadworldblog1_zps8eb84370.jpg)

Credit
Song Titles :  Mad World
Artist : Gary Jules
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 31-01-2013 01:03:51
มาต่ออีกนะครับ
กระแทกอารมดีครับเรื่องนี้
ผมชอบ555
ขอบคุณครับ

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 31-01-2013 10:42:08
ชีวิตน่าสงสารจัง หวังว่าทะเลคงไม่ใจร้ายนะ รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 31-01-2013 12:00:58
ดราม่าจัง ทะเลโตขึ้นมาเป็นเซเมะอะเป่าอ่า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: -Blackcloud- ที่ 31-01-2013 15:43:07
อ่านเเล้วสะเทือนอารมณ์ดีค่ะ

บลูน่าสงสาร :m15:

รอต่อๆๆๆ อยากรู้ว่าจะเป็นไง  :mc4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 31-01-2013 19:47:55
ทะเลในโลกสีฟ้า เอ๋า บลูเคยโดนตึ๋งๆ แต่เมะให้ทะเลหรอ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 31-01-2013 20:12:16
บรรยายได้เจ๋งมากเลย ลำดับเรื่องผ่านตัวละครหลายๆตัว
แต่เข้าใจง่ายมาก

ขอนั่งเฝ้าเลย



ปล.บวกเป็นกำลังใจนะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ellette ที่ 31-01-2013 20:42:11
 :sad4: เค้าชอบเรื่องนี้จัง T////T
เอาอีกกกกกกกกกกกก
มันน้อยไปนะคะะะะ  :m16:
สงสารบลู ชอบนายเอกหน้าตาแบบนี้ เป็นลูกครึ่งอ่ะ น่ารักกกกก
แต่ไช่เคะหรือเปล่าไม่รู้ แต่โลกของบลูหม่นหมองมาก
เกลียดตาฝรั่ง ขอตบสักเถอะแกกก!
เกลียดเจ๊นั่นด้วย ทำไมต้องให้เด็กไปทำงานอย่างนั้น
เห็นแก่เงินที่สุด แม่ของบลูก็ด้วย นี่ลูกตัวเองแท้ๆทำไมไม่ปกป้อง?
แอบขึ้นนิดๆ มาต่ออีกนะคะ ฟินอ่ะ  :กอด1:
ตอนแรกคิดว่าน้าวิทย์เป็นพระเอกแน่ๆเลย แอร๊ย ไม่ใช่อ่ะไม่ใช่
เพราะน้าวิทย์มีแฟนแล้ว
ก่อนหน้าคิดว่าฝรั่งเป็นพระเอกแต่ตอนบรรยายแล้วหัวโล้นอ่อม..คงไม่ใช่นะ 55555 แอบลัดตอนเจอฝรั่งอ่ะค่ะ ไม่งงนะ
สำหรับบลูนี่เริ่มตั้งแต่ 9 ขวบน่าสงสารมากๆเลยนะะะะ
โอ๊ยๆๆๆ แจ้งตำรวจมาจับทีเส่ะ!!  :m31:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 31-01-2013 21:45:09
มาตอนแรกก็เหมือนโดนคลื่นโครมใหญ่ซัดความรู้สึกทันที
ทุกอย่างพังทลาย คล้อยตามแต่รู้สึกสงสารน้องมากๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 31-01-2013 22:11:04
ดราม่าจัดน่าติดตาม! ทะเลคงไม่ร้ายกับบลูนะ อยากให้ทะเลเป็นคนเยียวยาจิตใจของบลู
สามคำ>>>รอ อ่าน ต่อ  :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 1 ]
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 01-02-2013 00:13:23
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 02-02-2013 01:22:29
- 2 -
Behind Blue Eyes

http://www.youtube.com/v/8IEQpfA528M?version=3&hl=en_US

เมื่อโลกที่มืดมิดของผม ได้เจอกับแสงสว่าง

ผมไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ ต้องยกมือบดบังเอาไว้
มันเจิดจ้า...บาดตาเกินไป

ทำให้ผมเพิ่งรู้ว่า 'แสงสว่าง' ก็สามารถทำร้ายเราได้เช่นเดียวกัน

................

ผมได้มาอยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม น่าแปลกที่ภาพครอบครัวที่อบอุ่นก็สามารถทำร้ายจิตใจคนได้

แรกทีเดียวผมยังไม่รู้สึกอะไร ยังคงหมกมุ่นหม่นหมองอยู่เป็นนานหลายสัปดาห์จนอารมณ์ตกตะกอน ผมอาจเป็นโรคซึมเศร้าอย่างที่ได้ยินน้าเพลงบอกกับน้าวิทย์ สายตาของทั้งคู่บอกความความกังวลชัดแจ้งเสมอๆเมื่อเห็นผมเลือกที่จะอยู่เงียบๆที่มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน

ความจริงก็คือ...ผมรู้สึกแปลกแยก
แม้น้าวิทย์และน้าเพลงจะเต็มใจให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่ก็ผมรู้สึกเป็นส่วนเกินอยู่ดี

ทุกครั้งขณะที่ผมนั่งอยู่ในมุมเงียบๆนั่น เมื่อผมตื่นจากภวังค์ความคิดของตัวเอง ภาพที่ผมเห็นอย่างชินตาคือรอยยิ้ม
มันเป็นรอยยิ้มบางๆ...

พวกเขายิ้ม...เพียงแค่ทะเลวิ่งเอารูปภาพที่ระบายสีเสร็จไปอวด ยิ้มอย่างไม่มีความหมายเมื่อนั่งกินข้าวด้วยกัน ยิ้มอย่างเอ็นดู ยิ้มอย่างเห็นขำ จะยิ้มด้วยอะไรก็แล้วแต่มันล้วนเป็นธรรมชาติ

สิ่งเรียบๆสิ่งนี้ผมเห็นแล้วเหมือนตกอยู่ในห้วงอะไรสักอย่าง
ทั้งอึดอัด ทั้งอิจฉา ทั้งโหยหา มันไม่ดีเลย ไม่มีอะไรดีสำหรับผม

ผ่านไปเป็นเดือน จากที่เจ๊หนิงบอกว่าให้ผมอยู่กับน้าวิทย์ไปก่อนช่วงหนึ่งก็กลายเป็นการอาศัยอยู่ต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีใครเอ่ยถึงอนาคต

ทุกวันในตอนเช้าทั้งสามจะออกจากบ้านพร้อมๆกัน น้าวิทย์จะไปส่งน้าเพลงและทะเลที่โรงเรียน น้าเพลงเป็นครูมัธยมสอนอยู่ที่โรงเรียนในตัวเมือง ส่วนทะเลเรียนอยู่โรงเรียนใกล้ๆบ้าน หลังจากส่งน้าเพลงและทะเลแล้ว น้าวิทย์ก็กลับมาทำงานที่อู่ และออกไปรับที่ทะเลอีกครั้งเมื่อโรงเรียนเลิก ส่วนน้าเพลงจะกลับมาในตอนเย็นทำกับข้าวและกินมื้อเย็นด้วยกัน

ส่วนใหญ่แล้วผมจะอยู่ที่สำนักงาน มันเป็นห้องกระจกเล็กๆที่กั้นผมกับผู้คนโดยที่ยังอยู่ในสายตาของน้าวิทย์ ผมก็ไม่เชิงว่านั่งว่างๆ น้าวิทย์พยายามหาอะไรให้ผมทำเพราะกลัวผมเบื่อ เอาเกมส์ของทะเลมาให้เล่น ให้ดูทีวี และคอยถามผมเสมอว่าอยากทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า อยากได้อะไรเพิ่มเติมไหม ผมได้แต่ส่ายหัว อย่างเดียวที่ขอคือขอออกไปเดินเล่นที่หาดบ่อยๆซึ่งน้าวิทย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าผมไปได้ทุกเมื่อที่อยากไป

ผมสามารถอยู่ที่หาดได้เป็นวันๆ ที่นี่...มันเป็นสถานที่ๆให้ความรู้สึกเป็นบ้าน ผมสามารถก่อกองทรายเป็นรูปใหญ่โตโดยไม่เสียดายว่ามันจะคงอยู่ได้ไม่นาน ผมจะลืมทุกสิ่งเมื่อตั้งใจปั้นมันให้เป็นรูปเป็นร่าง มีแค่ผมและทรายหยาบๆในมือเป็นโลกส่วนตัว แม้ว่าจะมีคนมาเที่ยวมากมายที่นี่ แต่ผมกลับรู้สึกปลอดโปร่ง ไม่มีใครสนใจใคร มันเป็นความคึกคักที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้คนผ่านมาและผ่านไป ไร้เรื่องราว ไร้ตัวตนสำหรับผม
................

ช่วงเข้าเดือนที่สามของการมาอยู่ที่นี่ น้าเพลงถามผมว่าอยากเรียนหนังสือไหม น้าเพลงจะสอนให้ ผมไม่เคยเรียนหนังสือเลยจนถึงตอนนี้และผมก็อยากเรียนมาตลอด การไม่รู้หนังสือมันให้ความรู้สึกด้อยค่า ผมบอกน้าเพลงว่าผมอยากเรียน น้าเพลงจึงจัดสรรเวลาและบอกผมว่าจะสอนผมทุกๆวันในตอนค่ำ

หลังจากนั้นในทุกๆวันผมเฝ้ารอที่จะได้เรียนกับน้าเพลง แม้ตอนเริ่มต้นผมจะคิดว่ามันยาก แต่การที่ผมมีเวลาว่างทุกวันทำให้ผมพัฒนาเร็วขึ้น ผมจะรู้สึกดีที่ได้รับคำชมและรอยยิ้มจากน้าเพลง มันเหมือนกับรอยยิ้มที่ยิ้มให้ทะเล เมื่อผมได้รับมันบ้างจึงให้ความรู้สึกเป็นสุข

แต่ตอนนั้นผมคงเด็กเกินไป เมื่อผมได้รับความสุขที่ไม่เคยได้ ผมโลภ ผมอยากได้มากขึ้น และมากขึ้นไปอีก มันไม่พอ ทั้งกระหายและหวงแหน ผมพยายามให้น้าเพลงสนใจผม ตั้งใจทำการบ้าน ตั้งใจทำแบบฝึกหัด ตั้งใจเรียน แต่แล้วบางทีในช่วงเวลาของผม ช่วงเวลาที่น้าเพลงกำลังสอนผม ทะเลมักจะเข้ามาเรียกร้องให้น้าเพลงดูรูปที่วาด เข้ามานั่งตักและพูดเจื้อยแจ้ว ผมพยายามไม่สนใจ แต่ยังไงผมก็รู้สึกไม่พอใจทุกที มันทำให้ผมเริ่มไม่ชอบทะเล ไม่อยากคุยด้วย ความรู้สึกแง่ลบต่างๆมันเข้ามาในความคิดอย่างที่ผมไม่สามารถควบคุมมันได้เลย

ตอนเย็นๆหลังจากทะเลกลับมาจากโรงเรียนเป็นช่วงเวลาที่ผมได้อยู่ตามลำพังกับทะเล ทั้งผมและทะเลจะมาอยู่ในสำนักงานของน้าวิทย์ ทะเลจะทำการบ้านส่วนผมจะนั่งทำแบบฝึกหัดและอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้อง ทะเลชอบที่จะชวนผมคุย ชอบถามนู่นถามนี่อย่างเด็กๆในวัยอยากรู้ ผมไม่ตอบอะไร มันไม่อยากพูด ซึ่งบางอย่างจริงๆผมก็ตอบไม่ได้ มันเป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง ทะเลจะถามอะไรที่มันไม่สลักสำคัญ ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่ผู้ใหญ่คงจะขำและเอ็นดูในความไร้เดียงสา แม้ทุกครั้งทะเลจะไม่ได้คำตอบ แต่ก็ยังคงชวนผมคุยและถามคำถามผมอยู่ทุกวัน

วันนี้...ทะเลถามผมว่า ทำไมพี่บลูถึงตาสีฟ้า มันเป็นคำถามพื้นๆ ไม่ได้ซับซ้อน ถามตามที่ตาเห็น ทุกครั้งเมื่อทะเลถาม ผมก็แอบตอบคำถามอยู่ในใจ ครั้งนี้คำตอบที่ผมแอบตอบมันเหมือนกวนตะกอนขึ้นมาอีกครั้ง

ถามว่ารู้ไหมว่าทำไมถึงตาสีฟ้า
แน่นอนว่าผมรู้

เพราะว่ารู้...ถึงเกลียดตาสีนี้ เกลียดที่เหมือนฝรั่งพวกนั้น
และยังรู้อีกว่าเพราะตาสีนี้ถึงได้ชื่อว่า...บลู...

ผมใช้ตาสีฟ้าคู่นี้จ้องทะเลอยู่นาน

คำถามนั้นมันเหมือนตอกย้ำความรู้สึกที่ผมมีต่อทะเลมากยิ่งขึ้น
และมันคงสื่อชัดเจนจนเด็กอย่างทะเลเข้าใจ

หลังจากวันนั้นทุกเย็นที่อยู่ด้วยกันทะเลไม่ได้ถามอะไรผมอีกเลย แค่นั่งดูการ์ตูนหรือทำการบ้านเงียบๆ เหมือนกับรับรู้ความรู้สึกของผม แต่ถึงอย่างนั้น ในบางทีที่ทะเลเห็นผมมองอยู่ ทะเลก็ยังคงยิ้มให้ ยิ้มจนตาหยีเห็นลักยิ้มสองข้าง หากแต่ผมไม่ได้สนใจ

ผมคิดมาตลอดว่าผมกับเด็กคนนี้...แตกต่างกันเกินไป

ผมชอบนึกเปรียบเทียบตัวเองกับทะเล ตอนผมอายุ 6 ขวบ สิ่งที่จำได้ชัดคือภาพของแม่กับผู้ชายผมทองในแสงไฟสีส้มที่หลังบาร์ ทั้งการเคลื่อนไหวอันเร่งเร้ารุนแรงและเสียงกรีดร้องที่ผมคิดว่าคือความเจ็บปวด มันติดตา จนกลายเป็นชินตาในเวลาต่อมาตั้งแต่นั้น กลับกันกับทะเล ผมเห็นแต่ความสดใสในสายตา นั่นหมายความว่าทะเลคงได้เห็นแต่สิ่งที่สวยงามและเหมาะควร ผมอิจฉาในความไร้เดียงสาที่ทะเลมี เพราะความไร้เดียงสาของผมถูกพรากไปโดยที่ผมไม่สามารถยื้อไว้กับตัวได้ มันเป็นสิ่งที่หากสูญเสียไปแล้วไม่มีวันได้กลับคืน ยิ่งผมคิดเปรียบเทียบเท่าไหร่ ผมก็อยากได้ในสิ่งที่เด็กคนนี้มีเท่านั้น

และความรู้สึกทั้งหมด...
ผมอาจแสดงออกอย่างชัดเจนเกินไปจนน้าวิทย์รู้สึกได้

ผมเห็นสายตาเคลือบแคลงที่มองผม มองอย่างพินิจพิเคราะห์ ในบางทีที่ผมกับทะเลอยู่ด้วยกันสองคนจะไม่มีเสียงใดๆให้ได้ยินเลยในระยะหลังๆ เมื่อน้าวิทย์สังเกตเห็นก็จับจ้องทุกๆการกระทำของผมมากขึ้น คงเห็นแม้กระทั่งตอนที่ผมมองทะเลเมื่ออยู่กับน้าเพลง ผมไม่รู้ว่าผมแสดงออกไปอย่างไรแต่ดูจากสีหน้าของน้าวิทย์มันคงทำให้น้าวิทย์ไม่สบายใจ

“บลูอยากอยู่กับน้าไปตลอดไหม"
นี่คือคำถามเกริ่นนำของน้าวิทย์

ในสำนักงานที่ผมอยู่ น้าวิทย์เข้ามา นั่งลงตรงโซฟา ถามผมที่นั่งคัดลายมือในตอนบ่ายของวันๆหนึ่ง ผมเงยหน้าขึ้นมอง ขมวดคิ้วกับคำถาม ในใจผม...แน่นอนว่าอยากอยู่ที่นี่ ผมไม่มีที่ไปอยู่แล้ว แต่ผมยังกลัว...กลัวว่าน้าวิทย์จะไล่ผมไป กลัวว่าเขาจะส่งผมไปที่อื่น

“ถ้าบลูอยาก...น้าก็อยากให้บลูอยู่ด้วยกัน" น้าวิทย์พูดต่อ ผมดีใจจนต้องยิ้มออกมา ถ้าพวกเขาให้ผมอยู่ไปตลอด...นั่นหมายความว่า...ที่นี่...ก็จะเป็นบ้านของผม...ผมไม่ต้องไปไหนหรือกลัวว่าจะต้องไปอยู่กับใครอีกแล้ว

“ผม...ก็อยากอยู่ที่นี่" เมื่อผมตอบน้าวิทย์ก็ยิ้มบางๆ
“น้าบอกเรื่องนี้กับเจ๊หนิงแล้วว่าจะเลี้ยงบลูเอง...”
“ที่นี่เป็นบ้านของบลูแล้ว เป็นทั้งบ้านและครอบครัว...น้าอยากให้บลูรู้ว่าบลูก็เหมือนลูกอีกคนของน้ากับน้าเพลง..."

น้าวิทย์เว้นช่วงไปพักนึง มองตาผม จากนั้นค่อยพูดต่อ

“...และน้าก็อยากให้บลูคิดว่า...ทะเล...เป็นน้องคนหนึ่งของบลู"

ผมยิ้ม

เข้าใจและปวดใจ

น้าวิทย์กำลังพยายามเปลี่ยนความคิดผม ต้องการให้ผมรักทะเลเช่นเดียวกับพวกเขา น้าวิทย์คงทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจผม

เข้าใจตรงที่ว่า...ผมไม่ชอบทะเล...อิจฉาและอยากได้สิ่งที่ทะเลมี
ไม่เข้าใจผมตรงที่ว่า...ทำไมผมถึงจะเปลี่ยนความคิดง่ายดายปานนั้น แค่เพียงบอกว่า...เราเป็นครอบครัวเดียวกัน

เพราะสิ่งที่ชัดแจ้งแก่ใจของผมคือ...ผมไม่ใช่ลูกพวกเขา...ผมไม่สามารถเชื่ออย่างสนิทใจได้ว่าพวกเขาจะรักผมเหมือนกับทะเล

ในใจคิดอย่างไรผมก็ได้แต่ยิ้มให้น้าวิทย์ ให้น้าวิทย์ไม่ต้องกังวลเพื่อที่ว่าผมจะได้อยู่ที่นี่ เพราะมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมตอนนี้ หากมันจะทำให้น้าวิทย์สบายใจ ผมก็จะไม่แสดงออกต่อทะเลอย่างที่เคย...ผมอาจจะต้อง 'แสร้ง' พูดคุยหรือเล่นกับทะเล เพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงไว้

ให้พวกเขาเห็นว่าผมสามารถเข้ากับทะเลได้ดี
ให้พวกเขาคิดว่าผมรัก 'น้อง' ของผม

...................

ทะเลเป็นเด็กที่ใครๆเห็นก็ชอบ พูดเก่ง ยิ้มเก่ง อ้อนเก่ง เวลายิ้มหรือหัวเราะจะเห็นลักยิ้มเล็กๆสองข้างแก้ม

เป็นเด็กที่ดูน่ารักและเป็นจุดศูนย์กลางของทุกคน...ผมให้คำจำกัดความแบบนั้น

แม้ว่าผมจะแสดงท่าทีไม่สนใจทะเลอยู่ตลอดเวลา แต่เด็กคนนี้ก็ยังคงป้วนเปี้ยนและลอบมองผมอยู่เสมอ ผมโตกว่าทะเล 5 ปี ช่วงห่างนี้ดูเหมือนจะไม่มาก เพราะถ้าเทียบกับคนอื่นๆในอู่รวมถึงน้าเพลงและน้าวิทย์ ผมดูน่าจะเป็นเพื่อนเล่นกับทะเลได้มากที่สุด ผมรู้ว่าทะเลอยากหาเพื่อนเล่น แต่ผมไม่ต้องการเพื่อนเล่น เพราะการที่ไม่เคยมีเพื่อนในวันเดียวกันทำให้ผมเคยชินที่จะมีโลกส่วนตัวไปเสียแล้ว

หลังจากที่คุยกับน้าวิทย์ ผมต้องค่อยๆปรับตัวกับทะเล การที่คนเราเป็นพี่น้องกันต้องแสดงออกแบบไหนบ้างผมก็ไม่รู้ แต่แน่นอนว่าคงไม่เฉยชาอย่างที่ผมเคยทำ

เมื่อทะเลยิ้มให้ ผมก็ฝืนยิ้มตอบ
เมื่อทะเลเห็นผมยิ้มตอบก็กล้าเข้าหาและพูดคุย
เมื่อผมเริ่มพูดคุย ทะเลก็กล้าที่จะชวนผมเล่น

ความรู้สึกของผมมันก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ตราบใดที่มีคนรักมาก มันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมยังคงรู้สึกอิจฉา แต่ครั้งนี้ผมปกปิดความรู้สึกเอาไว้ เมื่อผมทำตัวดีกับทะเล น้าวิทย์ก็ดูคลายกังวลขึ้นมาก
ผมก็ได้แต่ 'แสร้ง' ต่อไป

ทะเลที่เห็นผมเล่นด้วย คุยด้วย ก็ติดหนึบผมไปไหนๆทุกที่ ผมทำการบ้านหรือคัดลายมือก็จะมานั่งคัดด้วย ชวนเล่นเกมส์ผมก็เล่น วันเสาร์อาทิตย์ที่ทะเลไม่ไปโรงเรียนเวลาที่ผมไปเดินเล่นที่หาดทะเลก็จะตามไปด้วย

หลายๆครั้ง ผมรู้สึกว่าโลกส่วนตัวผมเหมือนหายไป

แต่นานเข้า เมื่อได้อยู่กับทะเลสองคนที่หาด ผมก็คิดได้ว่าผมก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำ เพราะไม่มีน้าวิทย์หรือใครคอยดู มีแค่ผมกับทะเลเท่านั้น

.......................

วันนี้
ผมนั่งเงียบๆ...มองทะเลก่อกองทราย

ในใจมีความคิดอยากแกล้ง

มือน้อยๆก่อทรายขึ้นเป็นรูปคล้ายตัวอะไรสักตัว ทะเลปั้นจนเสร็จก็เรียกให้ผมดู
ผมยิ้ม
ทะเลก็ยิ้ม

แล้วผมก็ยกเท้าขึ้นขยี้ทรายกองนั้นจนแหลกสลายไม่เหลือเค้าเดิม
ผมคิดไว้ว่าทะเลคงโกรธผม หรือไม่ก็โวยวาย

แต่ผมก็คิดผิด

ทะเลได้แต่มองทรายไม่เป็นรูปอย่างเสียดาย
จากนั้นก็มองผมด้วยสายตาเศร้าสร้อย

ผมยิ้มให้อีกครั้ง แต่เป็นยิ้มเยาะ
ทะเลก็ยิ้มตอบแม้จะฝืนเต็มที

จากกนั้นก็ค่อยๆก่อทรายขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าอะไรผมสักคำ
ทำไมล่ะ?
หากเป็นผมคงอารมณ์เสีย โกรธ ไม่มีกะใจจะมานั่งทำใหม่อย่างนี้
ผมอยากเห็นทะเลโกรธ อยากเห็นทะเลร้องไห้ แต่กลับเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายไม่พอใจ

ทะเลปั้นใหม่จนเสร็จ...ผมก็ทำแบบเดิมอีกครั้ง
ครั้งนี้ทะเลขมวดคิ้วเล็กๆนั่น มองผมอย่างไม่เข้าใจ
“พี่บลูไม่ชอบรูปที่ทะเลปั้นเหรอ" ทะเลถาม ไม่ใช่ว่าไม่ชอบรูปที่ปั้น แต่ไม่ชอบคนปั้น ผมไม่ได้ตอบออกไป มองเมิน ก่อนจะลุกขึ้น ทะเลก็ลุกตามมา ผมเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆโดยมีทะเลเดินตามต้อยๆ ผมเริ่มเดินเร็วขึ้น อยากสลัดทะเลออกไป ขาเล็กๆของทะเลก็พยายามเร่งความเร็วตาม ผมเลยถอดรองเท้ามาถือไว้ แล้วออกวิ่ง

ผมวิ่งเร็วจนสุดแรง เพื่อที่ทะเลจะได้ตามไม่ทัน แต่ไม่นานก็ต้องหยุดลงด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่าเท้าจนต้องทรุดนั่งลง

มีเศษแก้วฝังอยู่ในนั้น...บาดลงไปจนลึก
ทะเลวิ่งตามผมมาจนทัน เมื่อเห็นเลือดก็ทรุดนั่งลงข้างๆผม

“พี่บลูเจ็บไหม...ฮึก...เลือด...”

ผมตกใจ ละสายตาจากแผลตัวเองขึ้นมอง

ทะเลร้องไห้?

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นทะเลที่อารมณ์ดีตลอดเวลา ยิ้มตลอดเวลา...กำลังร้องไห้...
น้ำตาที่ผมอยากจะเห็นมันกำลังไหล...ให้กับผม?

ความรู้สึกบางอย่างทำให้ผมจุกในอก

แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งจากความคิดตัวเองเพราะรู้สึกเจ็บแผลอีกครั้ง...ทะเลเอื้อมมือมาดึงเศษแก้วออกให้ทั้งที่ยังสะอื้น

ผมเห็นว่ามือทะเลก็โดนบาด...แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ กลับจับๆลูบๆอยู่ที่เท้าของผม

“พี่บลูกลับบ้านกันนะ ไปหาพ่อกัน"ผมค่อยๆลุกขึ้นตามแรงฉุดของทะเล และค่อยๆเดินกลับบ้านด้วยกัน

ทันทีที่ไปถึง น้าวิทย์กับน้าเพลงรีบเข้ามาหาผมกับทะเล เมื่อเห็นทะเลร้องไห้
“พ่อ! พี่บลูโดนแก้วบาดเท้า" ทะเลที่ตายังคงแดงก่ำบอก
น้าวิทย์ให้ผมนั่ง ยกขาผมขึ้นดูและพาไปทำแผลที่คลีนิคใกล้ๆ น้าเพลงกับทะเลก็ตามมาด้วย ผมบอกน้าวิทย์ว่าทะเลโดนบาดที่มือเหมือนกันเพราะน้าวิทย์ยังไม่รู้ คิดว่าเลือดที่เปื้อนมือทะเลเป็นเลือดผม พวกเราทำแผลเสร็จก็กลับจากคลีนิค น้าวิทย์และน้าเพลงไม่ได้ว่าอะไรที่ทั้งผมและทะเลกลับมาพร้อมแผล มันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้แต่ก็บอกให้ระวังตัวกันมากกว่านี้


หลังจากเหตุการณ์วันนั้นภาพของทะเลที่กำลังร้องไห้มันติดตา
ผมไม่เข้าใจว่าทำไม

ทำไมทะเลถึงไม่ร้องไห้เมื่อโดนผมแกล้ง ไม่โกรธที่ผมไม่พูดด้วยและมองเมิน
แต่ทะเลกลับร้องไห้...เพียงเพราะผมโดนแก้วบาด

ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องของทะเลเลยด้วยซ้ำ

สัมผัสของมือเล็กๆนั่นยังคงอยู่...สัมผัสที่ลูบเท้าผมอย่างห่วงใย

มันไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผม...
คนที่ห่วงใยผม...ห่วงจนถึงกับหลั่งน้ำตา

ไม่เคยมี...

เมื่อมันเกิดขึ้นกับเด็กที่ผมนึกเกลียดมันก็สร้างความสับสน

ผมมองนิ้วเล็กๆที่ติดพลาสเตอร์เอาไว้ และมองทะเลอย่างเต็มๆตาอีกครั้ง ไม่ว่าทะเลจะแสดงออกมาเพราะอะไร จะห่วง กลัว หรืออะไรก็แล้วแต่ มันได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในใจผมแล้ว

ครั้งนี้...เมื่อทะเลยิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบ ยิ้มโดยไม่ได้ฝืนใจ ยิ้มอย่างเปิดใจ
และทันทีที่ผมเปิดใจ ผมก็พบว่ารอยยิ้มที่มีลักยิ้มสองข้างแก้มของทะเลไม่ได้ขัดตาอีกต่อไป

เพียงแค่เศษแก้วชิ้นเล็กๆ ทำให้ผมได้เห็นว่าแค่ความห่วงใยจากใครสักคนก็เพียงพอแล้วสำหรับผม
มันเป็นความบริสุทธิ์ใจ...ความไร้เดียงสา ที่มีให้กับผม
คราวนี้ผมจะรักษามันไว้ ทั้งความสดใส ความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสาที่ผมไม่มี

ผมจะดูแล...รักษามันไว้
ให้นานที่สุด...
.
.
.
.
.
ท้องฟ้าเป็นสีส้มอีกครั้ง
มันไม่ได้ให้ความรู้สึกหดหู่อย่างที่เคย

ทั้งผมและทะเลอยู่ที่ชายหาด ช่วยกันก่อกองทราย เมื่อออกมาเป็นที่พอใจเราสองคนก็ยืนดูอยู่นาน พยายามจดจำภาพของมันเอาไว้ ทะเลชอบมันมาก ผมจึงยืนอยู่เป็นเพื่อนท่ามกลางแสงสีส้มของตอนเย็นๆ

สีของท้องฟ้าที่เคยสร้างความหดหู่ให้กับผมกำลังบันทึกภาพความทรงจำใหม่
ทะเลเอื้อมมือมาจับมือผม ผมจับตอบ และจูงน้องของผมกลับบ้าน

ความอบอุ่นเล็กๆเกิดขึ้นกับผม...

เหมือนกับแสงที่ส่องเข้ามาในความหนาวเย็นของความมืด
ผมค่อยๆชินกับแสงสว่างนี้แล้ว มันไม่ได้เจิดจ้าบาดตาอีกต่อไป
และผมก็เห็นความสวยงามของมัน

มันเป็นความสุข
ผมคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมคิดว่าแค่...ทะเล...ก็พอแล้วสำหรับผม
ผมไม่รู้ตัว...


ไม่รู้ใจตัวเองเลยจริงๆ

(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/blue2BehindBlueEyes_zpsa69a4a53.jpg)

Song Titles :  Behind Blue Eyes
Artist : Limp Bizkit

มาต่อก่อนเวลาอันควร!
เพราะเหตุว่าดีใจและปลาบปลื้มกับการตอบรับที่มีให้กับนิยายและนักเขียนหน้าใหม่อย่างเราคนนี้
บอกได้คำเดียวว่าขอบคุณมากๆค่ะ กำลังใจมาเป็นกอง
แพลนที่วางไว้คือจะมาลงนิยายทุกวันพฤหัส หวังว่าจะติดตามกับไปเรื่อยๆจนจบ แม้ว่ามันจะดราม่ามากมายก็ตามนะคะ!

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 02-02-2013 02:11:01
ดีจังที่บลูเปลี่ยนความคิดได้ก่อน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-02-2013 02:11:11
ดราม่าาาาาาา

มีอีกกี่พันเกวียนคะ?

 :a5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-02-2013 01:03:07
โฮววววววววว ดีใจจนเสียน้ำตาให้บลู
ในที่สุดก็เปิดใจกับสิ่งรอบตัวแล้ว

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: Ellette ที่ 03-02-2013 01:50:24
:sad4: สงสารบลู
หม้่นไส้ทะเลเบาๆ น่ารักเกินไปแล้วนะเธอน่ะ
ชะตากรรมของบลูแลดูจะน่าเศร้า
เริ่มคิดว่าทะเลอาจจะไม่ใช่พระเอกก็ได้เนอะ
กรี๊ด แล้วจะเป็นใครล่ะแอบลุ้น
ชอบลักษณะของบลูไม่พูดแต่แสดงออกทางสายตากับท่าทางได้เริศมากจริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 03-02-2013 09:52:48
อ่านไปแอบน้ำตาซึม :sad4:เศร้ามาก
ชอบมากคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: MEME_B ที่ 03-02-2013 12:09:52
แว่บเข้ามาอ่านช่วงพัก โดนใจอย่างแรง  :z3: ยังไม่ได้อ่านโดยละเอียด ต๊ะไว้หลังสงคราม(?)
อ่านแล้วเศร้ามาตลอด พอกวาดมาถึงตอนที่บลูเปิดใจแล้วมันอุ่นวาบ น้ำตาคลอเลยค่ะ (นี่แค่อ่านผ่านๆ)

ชอบค่ะ หลังกรำศึกแอดจะมาอ่านต่อให้ได้ค่ะ ^ ^,,
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 03-02-2013 13:46:25
บรรยายได้เนิบๆแต่กินใจมากมายค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 2 ] 02-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 03-02-2013 18:31:57
เค้าลางว่าคงต้องกินมาม่าไปอีกนานนี่แม่นจริงๆแฮะ
เป็นกำลังใจให้นะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 3 ] 07-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 07-02-2013 02:01:54
- 3 -
Holidays In The Sun

http://www.youtube.com/v/227m9lw5CcI?hl=en_US&version=3


เพลงอึกทึกอยู่ด้านนอก เสียงนักร้องนำแหกปากอย่างสะใจ ไม่ต้องเห็นภาพก็รู้ว่าพวกวัยรุ่นเลือดร้อนคงกำลังบ้าคลั่ง กระโดดและโห่ร้องตามจังหวะเพลง
“เฮ้ย! เตรียมขึ้นนะ" พี่ตินเปิดประตูมาบอกพวกผมให้เตรียมพร้อมและจากไป ประตูยังไม่ทันปิดดี ไอ้ร็อคก็เดินเข้ามาจากหลังร้านพูดกับผม
“บลู น้องมึงมา" ทะเลสะพายกีตาร์เดินยิ้มเข้ามา ผมส่ายหัว ทั้งที่บอกว่าไม่ให้มาก็มาจนได้
“รออยู่นี่ พี่จะขึ้นแล้ว"
“ไม่ เดี๋ยวเลจะไปดูข้างนอกด้วย" ผมพยักหน้าตามใจเพราะบอกอะไรไปก็คงไม่ฟัง แต่ก็ดีถ้าอยู่ข้างนอกจะได้อยู่ในสายตา

เพลงจบ วงที่เล่นก่อนหน้าลงจากเวที พวกเราก็ขึ้นประจำที่ ผมนั่งรอเพื่อนๆเซ็ทเครื่องสักพัก สายตาก็มองหาทะเล

เห็นแล้ว...ขวาสุดข้างบาร์

ทันทีที่เห็นผมมองทะเลก็ส่งยิ้มพร้อมลักยิ้มสองข้างมาให้
ผมยกยิ้มให้นิดนึงก่อนจะเคาะไม้ให้จังหวะขึ้นเพลงแรกของวงพวกเรา

Holidays In The Sun
.
.
.
.
.
.
ผมอยู่กับน้าวิทย์มาเก้าปีแล้ว ในระยะเก้าปีนี้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิตผม เจ๊หนิงมาเยี่ยมผมสองสามเดือนครั้ง แต่ครั้งแรกที่มาหาผมหลังจากที่มาอยู่กับน้าวิทย์ก็ล่วงเลยมาหกเดือน ซึ่งในขณะนั้นผมก็ได้ปรับตัวกับครอบครัวนี้เรียบร้อยแล้วเจ๊หนิงจึงไม่ได้กังวลอะไร และบอกผมเหมือนกับที่น้าวิทย์บอกว่าให้คิดซะว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน

เจ๊หนิงเล่าให้ฟังว่าพี่หญิงยังไม่รู้ว่าผมหายไปไหน และคงคิดว่าผมหนีไป ในขณะที่เจ๊ก็คาดคั้นเอาจากแม่ว่าพี่หญิงให้ผมทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ก็เล่าให้เจ๊ฟังทั้งหมด สายตาสงสารของเจ๊ทำให้ต้องผมบอกเจ๊ว่าผมไม่เป็นไรแล้วตอนนี้ และทั้งหมด ผมต้องขอบคุณเจ๊หนิงจริงๆ
.
.
ผมเรียนหนังสือกับน้าเพลงอยู่หลายปี จากนั้นน้าเพลงก็สมัครการศึกษานอกระบบให้ เพื่อที่จะได้สามารถเรียนจบมัธยมและสอบเข้ามหาลัยได้

แรกเริ่มมันเป็นแค่ความตั้งใจของน้าเพลง เพราะผมยังไม่รู้ว่าจะเรียนมหาลัยเพื่ออะไร หรืออยากเรียนอะไร ผมแค่ตั้งใจเรียนตามบทเรียนไปเรื่อยๆตามแต่น้าเพลงจะสอน นอกจากเรียนแล้วผมก็มีช่วงเวลาที่ว่างๆอยู่มาก มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งน้าเพลงและทะเลไม่อยู่บ้าน เวลาที่ไม่รู้จะทำอะไรผมก็ออกจากห้องลงไปที่อู่ดูน้าวิทย์และคนในอู่ทำงาน บางทีก็ถามน้าวิทย์ว่ามีอะไรที่ผมช่วยทำได้ไหม น้าวิทย์คงเห็นผมเบื่อๆที่ไม่มีอะไรทำเลยค่อยๆสอนผม สอนให้รู้จักกับเครื่องยนต์ บางทีก็ให้ช่วยดูเรื่องเอกสาร ผมค่อยๆซึมซับทุกๆอย่างเข้ามา ทั้งเรื่องรถ และเรื่องต่างๆ ยิ่งผมเรียนรู้ ผมก็ยิ่งชอบ...

โดยเฉพาะ...เจ็ทสกี...
เจ็ทสกีที่ผมยังจำได้ว่าผมอยากจะเล่นนักหนา ในที่สุดผมก็ได้ขี่มันแล้ว

บางครั้งที่น้าวิทย์ต้องซ่อมผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้ลองขี่เพื่อทดสอบ ความรู้สึกที่ได้ขี่มันดียิ่งกว่าที่ผมเคยจินตนาการ ทั้งน้ำทะเล ลม และความเร็ว มันเหมือนได้ปลดปล่อยความรู้สึกในตัวเอง ผมมักจะขอน้าวิทย์ขี่ทุกครั้งที่มีโอกาส ด้วยความที่เห็นผมสนใจเป็นพิเศษและชอบมันมาก น้าวิทย์เลยซื้อเจ็ทสกีมือสองให้ผมลำหนึ่ง มันเป็นสีน้ำเงิน น้าวิทย์บอกว่าให้ผมเอาไว้ขี่เล่นหรือเอาไว้ให้เช่าก็ได้

หลังจากที่ผมได้มันมาผมก็ใช้เวลาว่างของผมแทบทั้งหมดไปกับมัน ผมอายุ 15 ตอนที่ได้เจ็ทสกีลำนั้น ทุกครั้งพี่ๆที่อู่จะช่วยยกขึ้นเทรลเลอร์ไปที่หาดให้ บางทีที่ว่างทั้งวันผมก็จะให้คนเช่าบ้าง ทะเลก็มาอยู่กับผมแทบตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่หาดเพราะชอบให้ผมพาขี่เล่น

ผมบอกไม่ถูกว่ามีความสุขมากแค่ไหนช่วงเวลานั้น มันเหมือนผมได้ใช้ชีวิตของช่วงวัยเด็กที่ขาดหาย
ได้เล่น ได้เรียน มีทะเลเป็นเพื่อนและน้อง มีน้าวิทย์กับน้าเพลงเป็นครอบครัว

ผมมีชีวิตที่ผมเรียกว่าสมบูรณ์และดำเนินไปในลักษณะนั้นจนผมอายุ 17
ช่วงชีวิตวัยรุ่นของผมก็ค่อยๆเริ่มขึ้น...พร้อมๆกับเพื่อนใหม่...

ที่ชื่อ...'ป็อป' กับ 'ร็อค'

..........

มันเป็นวันที่แดดร้อนระอุครั้งแรกที่ได้เจอทั้งสองกับรถญี่ปุ่นสีม่วงเปลือกมังคุด

ผู้ชายวัยรุ่นสองคนเข็นรถช้าๆมาถึงอู่ของน้าวิทย์ ตอนนั้นผมอยู่หน้าอู่พอดี พวกเขามองผมและหนึ่งในนั้นทักขึ้น
“ไฮ"
คนผมสกินเฮดทักผมแบบนั้น อาจเป็นเพราะไม่รู้ว่าผมพูดไทยหรืออังกฤษ ผมยังไม่ได้ตอบอะไรน้าวิทย์ก็เดินมาหาแล้วถามอาการของรถพวกเขา เมื่อเขาบอก น้าวิทย์ก็บอกว่าคงใช้เวลาหน่อยอาจเสร็จเย็นๆ จะรอก็ได้หรือจะมารับวันพรุ่งนี้ก็ได้ พวกเขาเลือกที่จะรอและฆ่าเวลาด้วยการหยิบกีตาร์ออกมาจากหลังรถและนั่งลงแถวๆเจ็ทสกีของผมที่จอดอยู่

ผมเพิ่งจะมองพวกเขาชัดๆก็ตอนนี้
...พวกเขาเป็นฝาแผด...
ทั้งสองหน้าตาเหมือนกัน แต่ก็ต่างกันอย่างชัดเจน

คนนึงตัวใหญ่กว่านิดหน่อย ตัดผมสกินเฮด
อีกคนหนึ่ง ผมข้างหน้ายาวปิดหน้าผากปัดไปด้านข้าง

เมื่อเขาเริ่มดีดกีตาร์ เสียงมันใสมากจนผมต้องเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ คนผมยาวเล่นกีตาร์ในขณะที่อีกคนฮัมเพลงเบาๆ ผมคงมองเขาอยู่นานจนเขาเห็นและยิ้มให้

“เพราะไหม อยากเรียนรึเปล่า" คนผมสกินเฮดถามพลางหัวเราะ คนผมยาวยกเท้าหมายจะถีบแต่เขาก็หลบทัน
“ไอ้นี่มันจะสอนกีตาร์ แต่ยังไม่มีคนเรียน" พูดแล้วก็หัวเราะอีก คนผมยาวส่ายหน้าไม่สนใจแล้วเล่นเพลงอื่นต่อ

คราวนี้เพลงที่เขาเล่นทำนอนมันค่อนข้างเศร้า เป็นเพราะเขาเล่นเก่งหรือว่าเพลงมันเพราะก็ไม่รู้ทำให้ผมต้องตั้งใจฟัง ผมค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงเงียบๆตรงเสาห่างจากพวกเขามาหน่อย ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีแต่เสียงเพลงที่สั่นคลอนจิตใจ ผมทั้งรู้สึกเศร้า ทั้งรู้สึกชอบจนอยากจะฟังต่อไปเรื่อยๆ

“มึงมีแฟนคลับแล้วล่ะป็อป ดูดิหลับตาฟังเงียบเลย" สิ้นเสียงกีตาร์คนผมสกินเฮดก็พูดอีกครั้ง คนที่ชื่อป็อปยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบนิดหน่อยแล้วลุกขึ้นโดยไม่ได้พูดอะไร เดินออกไปบอกพวกพี่ๆให้ช่วยยกเจ็ทสกีไปที่หาด

ผมออกมาเล่นเจ็ทสกีอยู่เกือบชั่วโมง จนเมื่อเอามาจอดและดับเครื่องผมก็เห็นฝาแฝดทั้งสองคนใส่แว่นกันแดดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหาดใต้ร่มที่เรียงติดกัน ผมเดินไปหาพวกเขา และถามว่าอยากจะเล่นบ้างไหม
“ไม่ดีกว่า ไม่มีชุดเปลี่ยน เอาไว้ว่างๆจะมาเล่นนะ" เป็นคนที่ชื่อป็อปที่ตอบ จากนั้นคนผมสกินเฮดก็ถามผมว่าชื่ออะไร เขาก็แนะนำตัวว่าชื่อร็อค และคนผมยาวเป็นพี่ชายฝาแฝดชื่อป็อป

หลังจากแนะนำตัว ผมก็นั่งคุยกับทั้งสองอยู่นาน พวกเขาอายุ 17 เท่าผม ผมรู้สึกถูกชะตาทั้งสองคนมาก ซึ่งมันก็แปลกที่ผมอยากจะคุยกับสองคนนี้อย่างที่ไม่เคยจะเป็นกับคนแปลกหน้าอื่นๆมาก่อน พวกเขาเล่าว่าบ้านอยู่ในตัวเมืองและเปิดให้เช่าห้องซ้อมดนตรี วันนี้โดดเรียนและกะจะมาเที่ยวเล่นแต่รถก็มาเสียซะก่อน ตอนนี้ที่โรงเรียนมันเป็นช่วงกีฬาสีและพวกเขาก็อยู่ ม.6 ซึ่งแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งยังไม่สนใจเป็นทุนเดิมก็เลยมาเร่ร่อนกันอยู่ถึงแถวนี้ เขาถามผมว่าเรียนอยู่ที่ไหน ผมเลยตอบเขาไปคร่าวๆว่าไม่ได้เรียนที่โรงเรียนแต่เรียนนอกระบบ...

กลางแดดจ้าตอนบ่ายและลมร้อนของทะเล ผู้คนบางตาในวันธรรมดา เราคุยกันไป บางทีป็อปก็เล่นกีตาร์คลอไปด้วย จวบจนถึงตอนบ่ายแก่ๆที่ผมต้องไปรับทะเลแล้วจึงต้องบอกลาพวกเขา

แต่เราก็ไม่ได้จากกันนาน

ผมคิดว่าเป็นเพราะเราต่างก็ถูกชะตากัน หลังจากวันนั้นพวกเขาก็มาหาผมบ่อยๆ มานั่งเล่นที่หาด บางทีก็เอากีตาร์มาด้วยอีกตัวเพื่อสอนผม เจ็ทสกีของผมก็ได้ใช้งานหนักขึ้นเพราะเพื่อนใหม่ทั้งสอง เราสนิทกันมากขึ้นในเวลารวดเร็ว

จนวันนึงพวกเขาก็ชวนผมมาที่ห้องซ้อมและเจอกับเพื่อนๆในวงคนอื่นๆ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เล่นวงด้วยกันที่โรงเรียน

หากว่าการฟังเสียงกีตาร์เพียงอย่างเดียวให้ความรู้สึกเศร้าและกระทบความรู้สึกบางอย่างในตัวผมแล้ว...
การที่ได้ยินเล่นเต็มๆวงแบบนี้มันก็ให้ความรู้สึกอีกแบบ...คล้ายๆกับการได้ขี่เจ็ทสกี บางครั้งล่องลอย บางครั้งหนักหน่วง เสียงเพลงที่ดังจนสั่นสะเทือน มันให้ทั้งความสะใจ...สาสมใจ...

ผมชอบเพลงที่พวกเขาเล่น...มันคล้ายจะเยาะเย้ย คล้ายจะถากถางโลก

ร็อคเคยบอกว่าพ่อของเขาชอบดนตรีแนวนี้และพวกเขาก็ชอบมันเหมือนกันเพราะซึมซับจากพ่อมา ความเข้าใจดนตรีของพวกเขามันก็ทำให้ผมรู้สึกกับเพลงไปด้วย มันเต็มไปด้วยพลังและความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้

เมื่อขาผมก้าวเข้าไปในโลกของพวกเขามันก็เหมือนจะถอยออกมายาก มันมีเสน่ห์ล้นเหลือและดึงดูด มันเป็นเหตุผล... เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มเล่นดนตรี ผมลองเล่นทุกๆอย่าง และก็มาลงที่กลองเป็นเครื่องดนตรีประจำ เพราะเหตุผมเดียวคือ...มันสะใจผมที่สุดแล้ว...


ผมเริ่มจะฟังเพลงและหมกมุ่นอยู่กับดนตรีก็ตอนนั้น

เมื่ออยู่ในห้องหรืออยู่ในออฟฟิสน้าวิทย์ผมก็มันจะเปิดเพลงฟังเสมอๆ ทะเลที่ตัวติดกับผมก็พลอยชอบฟังเพลงไปด้วย เมื่อเริ่มเล่นดนตรีมันก็ทำให้ต้องผมต้องหาเพลงมาฟังเยอะๆ และที่ๆผมหาก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกจากหาเอากับพวกมันทั้งสอง ป็อปกับร็อคมันก็ดูจะชอบแนะนำและหาเพลงที่พวกมันชอบมาให้ผมฟัง บางทีที่ป็อปกับร็อคมาหาก็เจอทะเลบ้าง ครั้งแรกที่ทะเลได้ยินป็อปเล่นกีตาร์ทะเลก็ตั้งใจฟังเหมือนผมตอนแรกไม่มีผิด ซ้ำยังบอกให้ป็อปสอนให้ด้วยท่าทีสนอกสนใจเหมือนเห็นของเล่นถูกใจ และป็อปที่หานักเรียนอยู่ก็ได้ทะเลเป็นนักเรียนคนแรกในที่สุด

ผมมักได้ยินเสียงกีตาร์ที่ทะเลเล่นเรื่อยๆ เสียงคอร์ดบอดๆจากมือเล็กๆนั่นค่อยๆเปลี่ยนเป็นทำนองเพลงสั้นๆ พอเล่นได้แค่นั้นก็ทำหน้าดีใจเหมือนรอเวลานี้มานาน แล้วไปเล่นให้น้าวิทย์ฟังเพื่ออ้อนขอกีตาร์ น้าวิทย์ก็ทำท่าเหมือนจะไม่ให้ แล้วมาแอบบอกให้ผมกับเพื่อนๆไปช่วยกันเลือกกีตาร์มาให้ทะเล

ผม ร็อคและป็อปเลือกกันอยู่นานก็ได้กีตาร์โปร่งสีดำมาเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 12 ให้ทะเลในปีนั้น... และภาพที่ทะเลร้องอย่างดีใจและรอยยิ้มเมื่อเห็นกีตาร์ของทะเลนั้นมันก็ทำให้เราทุกคนยิ้มไปตามๆกัน

..............

นับได้ครึ่งปีที่รู้จักกัน ป็อปกับร็อคก็จบม.ปลายและสอบเข้ามหาวิทยาลัยสาขาดนตรีได้ทั้งสองคน ซึ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยในจังหวัดนี้เอง ถึงจะเข้ามหาลัยแล้วพวกเราก็ยังคงเล่นดนตรีด้วยกันเหมือนเดิม เพื่อนๆในวงตอนม.ปลายของพวกมันหายไปบ้าง ผมก็เลยได้เล่นในวงประจำตำแหน่งกลองอย่างถาวร

เวลาผ่านไปเหมือนไม่นานในความรู้สึก สามปีที่เป็นเพื่อนกับป็อปและร็อค ผมได้เล่นดนตรี ได้ซ้อมอยู่กับวง จนถึงช่วงที่พวกมันอยู่ปีสามและมีเวลาว่าง พวกเราก็ตัดสินใจลองหาร้านเพื่อเล่นดู มันมีร้านไม่มากที่จะรับวงที่เล่นแนวเพลงอย่างพวกเรา หนึ่งในนั้นก็เป็นร้านของพี่ตินซึ่งเป็นร้านดังและมีวงดนตรีเจ๋งๆเล่นอยู่เยอะ แม้ว่าวงที่ร้านจะมีอยู่แล้วแต่พี่ตินก็ยังให้เราลองเล่นให้ดู ซึ่งแน่นอนว่าเขาชอบ พี่ตินเลยบอกให้วงเรามาเล่นที่ร้านในเวลาที่วงประจำไม่ว่างหรือติดธุระ

และการเริ่มต้นเล่นดนตรีที่ร้านนี้เองที่เป็นช่วงเริ่มต้นของอะไรหลายๆอย่างของพวกเรา

.
.
.
.
.
.
Holidays In The Sun เพลงโปรดของไอ้ร็อคจบลงพร้อมกับเสียงโห่ร้อง
จากนั้นพวกเราก็เล่นเพลงอย่างต่อเนื่องจนครบเวลา
ตลอดเวลาที่เล่นอยู่นั้น ทั้งบรรยากาศ คนดู เสียงเพลง มันให้ความรู้สึกตื่นเต้น ผมรับรู้ได้ถึงอะดรีนาลีนที่หลั่งทั่วร่าง...มันเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ผมสัมผัสได้ถึงความมืดมิดที่เก็บเอาไว้ และปลดปล่อยออกมาสู่ที่ๆมีคนร่วมกันรับรู้และรู้สึกร่วมกัน...มันทำให้ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จริงๆ

........................

“พี่บลู!” เสียงสองเสียงของชายหญิงเรียกผมทันทีที่เปิดเข้าไปในห้องพักหลังร้าน

หนึ่งเสียงที่เรียกคือทะเล
อีกหนึ่งคือน้องสาวของร็อคกับป็อปที่ชื่อ 'แจ๊ส'

ผมเลิกคิ้วขึ้นมองทั้งสอง แล้วยิ้มบางๆ
“พี่บลูโคตรเท่เลยอะ เล่นครั้งแรกก็มีแฟนคลับแล้วมั้ง เห็นกรี๊ดกันจัง" 
“แกก็กรี๊ด อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็น" ร็อคพูดกับน้องมัน ทุกคนก็หัวเราะ ผมเดินมากอดคอทะเล เมื่อเห็นคิ้วนั่นขมวดมุ่น ทะเลเงยหน้ามองผมแล้วถามว่าเราจะกลับบ้านกันเมื่อไหร่ ผมหันไปถามเพื่อนๆในวง มันบอกว่ากะจะไปต่อกัน แต่ผมไม่อยากให้ทะเลไปด้วยเลยบอกเพื่อนๆว่าจะกลับก่อน

ทะเลเดินตามผมออกมาจากร้านแต่ก็เงียบผิดปกติ
“ง่วงเหรอ" ผมถาม ทะเลมองผมสักพักก่อนจะพยักหน้า
ผมยิ้ม...แล้วสตาร์ทมอเตอร์ไซค์พาทะเลกลับบ้าน

ทะเลกอดเอวผมซุกหน้าอยู่กับหลังเมื่อลมพัดผ่านหน้า ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติของทะเล

หรือว่าอยากจะไปเที่ยว...

จริงๆอายุ 15 ของทะเลก็โตพอจะไปเที่ยวไหนๆได้แล้ว น้าวิทย์ปล่อยทะเลพอสมควรเพราะมีผมคอยดู แต่ผมก็บ่ายเบี่ยงไม่ค่อยอยากจะพาไป

เพราะผมยังคงไม่ชอบแสงไฟสลัวของที่เที่ยวในตอนกลางคืน ผมมาจากย่านแบบนั้นและคุ้นเคยดี มันไม่มีอะไรเลยนอกจากด้านที่น่าขยะแขยงของมนุษย์ สำหรับผมแล้วทะเลไม่เหมาะสักนิดกับที่แบบนั้น

ไม่ต้องพาไปแหละดีแล้ว...

ผมคิดและถอนหายใจออกมา ทะเลเงยหน้าขึ้นจากหลังผมแล้วถาม
“พี่อยากไปต่อกับเพื่อนหรือเปล่า"
“ไม่" ผมตอบออกมาแทบจะในทันที และเป็นทะเลที่ถอนหายใจออกมาบ้างแล้วซุกหน้าลงกับหลังผมเหมือนเดิม


เมื่อเราถึงบ้านทะเลก็อาบน้ำแล้วก็มานอนห้องผมอย่างเคย เราไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน ทะเลจะปูที่นอนข้างล่างข้างเตียงผม มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้ ผมเคยคิดว่าเมื่อทะเลโตก็คงจะกลับไปนอนห้องตัวเองแต่จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นจะมีวี่แวว...

ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนใกล้จะหลับก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆของทะเล

“พี่บลู"ผมครางในลำคอตอบ พลิกตัวมาหา เห็นทะเลก็หันมาทางผมเช่นเดียวกัน

ทะเลไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ยื่นมือมาจับมือของผม แม้จะแปลกใจแต่ผมก็ทิ้งมือลงข้างเตียงให้ทะเลจับได้ถนัดขึ้น ทะเลจับไว้อย่างนั้น ค้างนิ่ง ไม่ได้ปล่อยออก สักพักผมก็เห็นตาใสๆนั่นหลับลง

ผมสงสัยในการกระทำแต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะถามอะไรออกไป

ผมมองทะเลในความมืดเห็นแค่เงาดำลางๆ ทะเลที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดๆ จากเด็กตัวเล็กๆที่ร่าเริงสดใสทะเลโตขึ้นมาก เป็นเด็กหนุ่มที่ดวงตายังคงความสดใสแต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน เป็นคนที่ใครๆก็อยากเข้าหา ผมให้คำจำกัดความใหม่กับทะเลแบบนั้น

มือที่จับกันตอนนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดสำหรับผม มันเป็นความเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งที่รู้สึกได้ทั้งของทะเลและตัวผมเอง

เป็นความรู้สึกอะไรบางอย่าง...บางอย่างที่ไม่ควร
ผมเห็นเงาดำที่พาดผ่านตัวผมเอง มันค่อยๆชัดขึ้นจนผมเริ่มกลัวและพยายามดึงตัวเองไม่ให้ดำดิ่งลงไปกับมัน

ผมถอนใจ กระชับมือทะเลให้แน่นเข้าอีกนิดและหลับตา...เลือกที่จะไม่คิดอะไรอีก...
เลือกที่จะปล่อยมันไป...

จนกว่าจะถึงเวลา


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/blue3holiday_zpsd18cf317.jpg)

Song Titles :  Holidays In The Sun
Artist : Sex Pistols

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 3 ] 07-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 07-02-2013 10:56:14
บูลนี่เหมือนจะเศร้าๆอยู่ตลอดเวลาเลย บูล มันก็มีสองความหมายนี่เนอะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 3 ] 07-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 07-02-2013 11:00:50
อ่า พี่บลูของน้องทะเล
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 3 ] 07-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 07-02-2013 15:04:12

โชคดีนะที่ได้มาอยู่กับครอบครัวนี้

แต่ก็มองเห็นปัญหารออยู่ข้างหน้า

ไม่รู้ว่าจะยังไงได้แต่เอาใจช่วย

+ เป็ดจ้า

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 14-02-2013 01:31:59
- 4 -
Dark Shines

http://www.youtube.com/v/XcBcaTWR7D8?version=3&hl=en_US


น้าเพลงบอกผมว่าผมสอบติดแล้ว

คณะวิศวะมหาวิทยาลัยเดียวกับเพื่อนทั้งสองของผม ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนแม่มองดูผมอย่างภูมิใจ น้าวิทย์ก็ดูจะดีใจจากรอยยิ้มที่กว้างกว่าเคยเมื่อน้าเพลงบอกข่าวนี้ ความสัมพันธ์เกือบสิบปีทำให้ผมเชื่อแล้วในที่สุด ขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของน้าเพลงผมคิดเชื่อสนิทใจว่าผมเป็นลูกของพวกเขาและกำลังทำให้พ่อแม่ภูมิใจ  ผมได้เห็นพวกเขาภูมิใจในตัวผม แค่นี้มันก็คุ้มค่าความพยายามแล้ว มันเป็นแค่สิ่งเล็กๆน้อยๆที่ผมสามารถทำให้ได้เป็นการตอบแทน

เวลานี้ผมนึกย้อนถึงช่วงที่ผ่านมา ช่วงที่ได้อยู่กับครอบครัวนี้ตั้งแต่ย่างเท้าก้าวเข้ามาผมจะไม่มีวันลืม ผมอยู่ เติบโต และเรียนรู้ที่นี่ บางทีผมก็ทำตัวร้ายกาจ ผมรู้ ผมเคยเกลียดทะเลและกลั่นแกล้งตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อปรับตัวคุ้นชินจนคุ้นเคยหลายครั้งผมก็ดื้อเงียบไม่เชื่อฟัง ชอบทำให้เป็นห่วงพาทะเลไปไหนต่อไหนราวกับเป็นสมบัติของตัวเอง มีโอกาสก็เล่นซนคึกคะนอง โดนดุ โดนว่า โดนสั่งสอนตามสมควรเหมือนเด็กๆคนอื่นๆ

น้าวิทย์เป็นคนใจดีก็จริงแต่ก็โหดอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อครั้งนึงจับได้ว่าผมแอบเอาบุหรี่ของพี่ที่อู่มาสูบ ตอนจับได้ไม่ใช่แค่คาหนังคาเขาแต่คาตาจะๆตอนผมพ่นควันใส่หน้าทะเลที่ไอค่อกแค่ก ผมจำได้ว่าโดนดุด่ารุนแรงกว่าทุกครั้ง น้าวิทย์ตะคอกผมคอเป็นเอ็น เสียงดังจนทะเลที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเกาะแขนผมร้องไห้น้ำตาหยดน้ำมูกย้อย การลงโทษไม่พอแค่นั้น ผมยังโดนจับแยกกับทะเลไปหลายวันเหมือนทั้งน้าวิทย์กับน้าเพลงจะรู้ว่ามันเป็นการลงโทษที่ทรมานเจ็บแสบ ซึ่งมันก็จริง ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยแม้แต่น้อยถึงเหตุผล ผมคิดแค่ว่าจะต้องทำตัวดีๆเพื่อพวกเขาจะได้คืนทะเลมา เพื่อที่ผมจะได้ไม่เหงา เพื่อที่จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว...

เพื่อที่ผมจะได้มีความสุข

...

ตอนบ่ายๆผมรีบไปรับทะเล อยากเห็นทะเลดีใจไปกับผมด้วย ผมจอดมอเตอร์ไซค์แล้วมานั่งโต๊ะประจำเหมือนทุกครั้งที่มารับ ตอนนี้บรรยากาศยังเงียบอยู่เพราะโรงเรียนยังไม่เลิก ผมใจร้อนเลยต้องมานั่งรอตั้งครึ่งชั่วโมง แต่มันก็ไม่นานเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ผมเห็นทะเลแล้ว เดินมากับเพื่อนสองสามคนเหมือนเคยซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจนัก ทันทีที่ทะเลมาอยู่ตรงหน้าผมก็ยิ้มแล้วก็ดึงเข้ามากอดโดยที่ยังไม่ได้บอกอะไร ถึงทะเลจะถามด้วยความงงแต่ก็กอดตอบ

“พี่สอบติดแล้ว" เมื่อผมบอกทะเลก็ทำหน้าตาตกใจแล้วก็ยิ้มออกมา ยิ้มจนตาหยีเห็นลักยิ้มสองข้าง...ยิ้มที่ผมอยากเห็น

“เก่งว่ะพี่บลู" ฟอร์ดเพื่อนของทะเลบอกกับผม ผมหันไปมองเพื่อนๆของทะเลที่ยังอยู่ หนึ่งในนั้นมีก้านเพื่อนสนิทของทะเลยืนหน้านิ่งอยู่ด้วย แม้จะเจอกันหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยพูดกันสักครั้ง ผมไม่ชอบสายตาแข็งๆที่มองที่ผมในขณะที่ก้านก็คงไม่ชอบสายตาของผมเช่นเดียวกัน เรารับรู้กันอยู่เงียบๆ ถึงไม่มีการพูดคุยกัน

ทะเลบอกลาเพื่อนและขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปห้องซ้อมกับผม ตอนเด็กๆทะเลติดผมยังไงก็ยังคงติดผมอยู่อย่างนั้น ผมไปไหนทะเลก็ต้องตามไปด้วย ผมซ้อมวงบ่อยๆและกลับดึก ทั้งน้าวิทย์ น้าเพลง รวมทั้งผมเองก็ไม่อยากพาทะเลมา แต่บททะเลจะดื้อก็ทำให้พวกเราได้แต่ส่ายหน้ายอมตามใจ วันไหนที่มีซ้อมผมจะพาทะเลมาด้วยหลังจากไปรับที่โรงเรียนเสมอๆจนตอนนี้ก็กลายเป็นกิจวัตรไป

เราถึงห้องซ้อมกันก่อนที่ป็อปกับร็อคจะกลับมา ผมซ้อมกลองไป ทะเลก็นั่งเล่นกีตาร์ไป สักพักทะเลก็หยุดเล่น มองผมเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรได้
“พี่บลูไปเรียนก็ไม่ได้มารับเลแล้วสิ" เมื่อทะเลถาม ผมถึงเพิ่งคิด เพราะผมอยู่บ้านและมีเวลาว่างตลอดเลยมีเวลาไปไหนมาไหนได้ แต่หลังจากเข้ามหาลัยแล้วก็คงไม่ว่างเหมือนเดิมเหมือนๆป็อปกับร็อคตอนนี้ที่ยังคงไม่กลับมา

“ถ้าพี่ว่างก็จะไปรับ" ทะเลพยักหน้าหงอยๆจนผมต้องลุกจากกลองไปนั่งที่พื้นข้างๆ ลูบหัวเบาๆ ทะเลก็เอนหัวมาพิงไหล่ผม ไม่ทันไรประตูห้องซ้อมก็เปิดออกพร้อมกับแฝดสองและไอ้โอนักร้องนำ

ป็อปมองผมกับทะเลด้วยสายตาบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไรชั่วแว่บเดียวแล้วทักทายกันปกติ จากนั้นผมก็บอกข่าวพวกมันว่าจะไปเป็นรุ่นน้องมันที่มหาลัยแล้วปีหน้า

“เฮ้ย เจ๋งมากน้องบลู!” ไอ้ร็อคว่าแล้วพุ่งเข้ามากอดผมดีใจออกหน้าออกตา
“งี้ต้องเลี้ยง" โอบอก
“พวกมึงสิ ต้องเลี้ยงกู" ผมว่า
“ได้! เดี๋ยวกูจัดรับน้องให้มึงก่อนเลยคืนนี้" ร็อคปิดประเด็นแล้วเราก็เริ่มซ้อมกัน หลังจากนั้นไม่กี่ชั่งโมงพวกเราก็ไปจบกันที่ร้านๆหนึ่งเป็นการเลี้ยงฉลองเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยให้กับผม

..........

ช่วงที่เข้ามหาลัยใหม่ๆผมต้องยุ่งอยู่กับกิจกรรมจนไม่มีเวลาไปรับทะเลอย่างที่คิดกันเอาไว้ ถ้าผมไม่ได้รู้จักป็อปกับร็อคผมคิดว่ามันคงหนักหนาอยู่พอควรกับสังคมใหม่นี้ ความสามารถทางด้านการเข้าสังคมที่แทบเรียกได้ว่าเป็นศูนย์จนถึงติดลบค่อยพัฒนาหน่อยตอนรู้จักกับพวกมันและเพื่อนในวง ผมไม่เข้าหาใคร แต่ก็ยังมีคนเข้ามาหา ผมเป็นที่จับตามองและเป็นที่สนใจของคนอื่นๆจนอดโทษรูปลักษณ์ของตัวเองไม่ได้

การปรับตัวมันต้องใช้เวลาพอสมควรและผมก็ผ่านมันไปได้อย่างทุลักทุเล

ช่วงแรกๆที่เราทุกคนต้องทำความรู้จักกัน ผมอึดอัดจนถึงขั้นรำคาญกับการที่ต้องตอบคำถาม คำถามที่ผมเกลียด

ลูกครึ่งอะไร

ผมไม่ตอบคำถามนี้และมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่นานก็เลิกถามกันไปเอง ผมค่อนข้างแปลกใจเมื่อมาคิดๆดูว่าป็อปกับร็อคไม่เคยถามคำถามนี้ และผมก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงเป็นเพื่อนกับพวกมันได้ง่ายดายเช่นนั้น

ผ่านช่วงปรับตัว ผมก็มีกลุ่มเพื่อนที่คณะที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เป็นกลุ่ม 6 คนที่ลากผมไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆทั้งในห้องเรียนและตอนทำกิจกรรม เป็นกลุ่มที่ครื้นเครงเฮฮามากจนผมสามารถนั่งเฉยๆได้โดยที่ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ได้ชวนผมคุยส่วนตัวให้อึดอัดแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ผมจึงสบายใจเมื่อได้อยู่กับพวกนี้ ไม่ต้องนั่งคนเดียวให้คนอื่นๆเข้ามาทำความรู้จักอีกแล้ว

หลังจากผมเลิกตอนเย็นก็รีบไปที่ห้องซ้อมทุกครั้ง ถึงจะไปช้าแต่ทุกคนก็เข้าใจช่วงใหม่ๆของการเรียนปีหนึ่ง วันนี้เมื่อผมเข้ามาในห้องทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว แต่บรรยากาศมันเงียบผิดไปจากทุกที ไม่มีแม้แต่เสียงเครื่องดนตรีสักชิ้น

“พวกมึงอย่าโกรธกูนะ ขอโทษจริงๆว่ะ" โอพูดขึ้นแล้วก็หันมามองผมที่เพิ่งมา
“กูไม่ค่อยมีเวลา เรียนหนักด้วย คงร้องเพลงกับพวกมึงไม่ได้แล้ว แต่กูจะร้องไปก่อนจนกว่าจะหาคนแทนได้นะเว้ย "
“แล้วจะไปหานักร้องอย่างมึงที่ไหนวะ" ร็อคดูอารมณ์เสียพอดูซึ่งผมก็เข้าใจ วงเดิมที่เคยเล่นกันตอนอยู่ม.ปลายเหลือแค่ร็อคกับป็อปแล้ว เราเพิ่งจะได้เล่นร้านพี่ตินไม่นานก็ต้องหานักร้องใหม่อีก ซ้ำคนที่ร้องได้อย่างโอก็ไม่ใช่จะหาง่ายๆ
“เดี๋ยวกูช่วยหา มึงอย่างเพิ่งเครียด กูรู้สึกผิด"
“กูจะเครียดให้มึงรู้สึกผิด เชี่ยโอ" ร็อคพูดแค่นั้นโอก็ยิ้มได้ ถ้าร็อคมันกวนตีนแบบนี้มันคงไม่เครียดอะไรมากเท่าไหร่
“เอาแจ๊สมาร้องไหม กูว่าพอไหวนะ"โอมันแนะนำ
“ไหวมันก็ไหว แต่กูอยากได้ผู้ชายมากกว่า"ป็อปบอก คนอื่นๆก็พยักหน้า
“กูว่าลองหากันไปก่อนเหอะว่ะ อาจมีเจ๋งๆอยู่ก็ได้" ผมพูดเพราะรู้ว่าไอ้พวกนี้มีเพื่อนเยอะอยู่ อาจไม่ได้หายากขนาดนั้น

แต่ผมก็คิดผิด

เราพยายามเอาคนที่เพื่อนพวกมันแนะนำแต่ก็ยังไม่มีใครโอเคสักคน แถมพี่ตินยังบอกว่ามีวงเก่าออกไปวงนึงและจะให้พวกเรามาเล่นประจำแทน เราเลยต้องให้แจ๊สมาร้องแทนเมื่อไอ้โอไม่ว่าง แม้แจ๊สจะเพิ่งเข้าปีหนึ่งเหมือนกันแต่ก็เป็นพวกชอบโดดกิจกรรกลับบ้านตลอดเลยไม่มีปัญหาอะไรมากนัก

 แรกๆที่เป็นเพื่อนกับป็อปและร็อคผมไม่ค่อยได้เจอแจ๊ส แค่พอจะเห็นกันอยู่บ้าง ช่วงนี้เราเจอกันบ่อยขึ้นทั้งที่ร้านพี่ตินและห้องซ้อม ในความคิดผมแจ๊สเป็นผู้หญิงที่มีความโดดเด่นแปลกแยกจากผู้หญิงธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด ผมซอยสั้น เจาะคิ้ว ผิวขาว ชอบทาปากแดง บุคลิกดูเป็นคนมั่นใจ มีความเป็นศิลปินไม่ต่างกันทั้งครอบครัว แม้ว่าจะชอบร้องเพลงแต่ก็ชอบที่จะวาดรูปและออกแบบเสื้อผ้ามากกว่าเลยเลือกที่จะเรียนในทางนั้น

ยิ่งอยู่กันไปเรื่อยๆผมก็คิดว่าแจ๊สมีนิสัยเหมือนกับพวกพี่ๆ มันเลยทำให้ผมสนิทใจเวลาอยู่ด้วย ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ซึ่งเป็นเรื่องยากมากๆที่จะเกิดกับผู้หญิงคนอื่นๆ เราเรียนที่เดียวกันก็เจอกันบ้าง ความบังเอิญที่เจอกันใต้ตึกผมนี่เองเป็นเหตุให้ตอนเย็นๆเกือบทุกวันเรากลับห้องซ้อมพร้อมกัน จากบังเอิญก็เป็นไม่บังเอิญ ในวันที่มีซ้อมผมจะเห็นแจ๊สที่ใต้ตึกเสมอๆแม้จะไม่ได้นัดไว้ก็ตาม

ในสายตาคนนอกเป็นอย่างไรผมรู้ แต่ทั้งผมและแจ๊สต่างก็รู้ดีว่ามันไม่ได้มีอะไร ผมถือว่าแจ๊สเป็นเพื่อนผมคนหนึ่งและแจ๊สก็คงคิดกับผมแบบนั้นเช่นกัน มันไม่มีทางเป็นไปอย่างที่ใครๆคิด เพื่อนบางคนชอบแซวกันเห็นเป็นเรื่องสนุกและอยากรู้อยากเห็นจนบางทีผมก็หงุดหงิด ผมไม่ชอบและไม่ชินที่คนจะให้ความสนใจ แต่ผมก็ไม่ชอบอธิบายอะไร ได้แต่รอและปล่อยไปจนกว่าพวกมันเบื่อที่จะสนใจกันไปเอง



ตอนนี้ผมคิดถึงทะเล...ในขณะที่แจ๊สซ้อนท้ายกลับด้วยกัน สัมผัสของแขนที่โอบรอบเอวมันไม่อาจแทนที่ของทะเลได้

มันไม่เหมือนกันและไม่อาจซ้ำรอย

อยากไปรับทะเล...เป็นคำที่ได้แต่คิดอยู่ทุกวัน นึกถึงหน้าหงอยๆเมื่อไม่เห็นผมหน้าโรงเรียนแล้วก็อยากให้ช่วงเวลากิจกรรมพวกนี้ผ่านไปให้พ้นๆ

คงบอกไม่ได้ว่าทะเลติดผมอยู่ฝ่ายเดียว ผมเคยชินที่มีทะเลอยู่ใกล้ๆ เคยชินมากเกินไปจนรู้สึกขาดเมื่อมองไม่เห็น

...ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันทุกวันแต่ก็ยังคิดถึง....

.....

เมฆหนาครึ้ม

ผมจอดมอเตอร์ไซค์แอบๆไว้ก่อนเผื่อฝนตก แจ๊สขึ้นห้องซ้อมไปแล้ว ผมหยิบบุหรี่ออกมา อีกมือกำไฟแช็ค นึกชั่งใจ จะจุดดีหรือไม่ แม้จะมีช่วงที่ผมสูบจัดแต่ตอนนี้ก็พยายามลด ระหว่างคิดก็มีมอเตอร์ไซต์มาจอดหน้าตึก ทะเลลงจากมอเตอร์ไซค์คันนั้นที่ผมจำได้ว่าเป็นของก้านเพื่อนสนิททะเล ผมอยู่ไม่ไกลตรงมุมตึกที่จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ ยืนมองทั้งสองเงียบๆ

“พี่บลูรู้รึเปล่าว่ามึงมาเนี่ย"
“ไม่รู้มั้ง คงคิดว่ากูกลับบ้าน มึงก็กลับเหอะ ขอบใจมาก" ทะเลพูดแล้วทำท่าจะหันหลังเดินเข้าตึกก้านก็คว้าแขนไว้

“พรุ่งนี้ให้กูไปรับไหม"
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่บลูไปส่ง"
".........."
"ไว้วันไหนพี่บลูไม่ว่างกูให้มึงมารับแล้วกัน"
"ต้องให้พี่มึงไม่ว่างก่อนถึงให้กูไปรับได้ใช่ไหม"

“ก้าน ไหนมึงบอกว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากกูไง"

“...ขอโทษ" ก้านปล่อยแขนทะเลเมื่อเห็นทะเลเสียงแข็งอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ทะเลก็ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าก้านเบาๆ
“กูไปนะ" ทะเลบอกจากนั้นก็เดินเข้าตึกไป ก้านเหม่อไปซักพักก่อนจะสตาร์ทรถแล้วพาตัวเองจากไปเช่นกัน


ความรู้สึกที่ไม่อาจบอกได้ทำให้ผมกดไฟแช็คจ่อที่ปลายมวน อัดเข้าไปเต็มปอดแล้วปล่อยควันออกมา...โดยหวังให้คลื่นอารมณ์บางอย่างในตอนนี้...

เบาบาง...เจือจางลง

.........

ผมเข้าห้องซ้อมไปทุกคนก็ประจำที่กันหมดแล้ว ทะเลยิ้มเมื่อเห็นผมแต่ผมก็ไม่ได้ยิ้มตอบอย่างเคย ทุกคนมองผมอย่างประหลาดใจโดยเฉพาะทะเล บรรยากาศห้องตึงเครียดขึ้นโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ ร็อคที่เห็นอารมณ์ที่แปลกไปของผมก็เลือกที่จะบอกชื่อเพลงเพื่อที่เราจะได้เริ่มซ้อมกันทันทีโดยไม่มีการสนทนาใดๆ

ผมเห็นสายตาหงอยๆจากทะเลที่มองมาอยู่ตลอด จนแล้วจนรอดผมก็ไม่อาจเมินเฉยต่อไปได้อีก แม้อารมณ์ยังไม่คงที่นักแต่ผมก็ลงไปซื้อขนมให้เป็นการเอาใจก่อนทะเลจะหงอยไปมากกกว่านี้


“พี่ก็กลับมากับพี่บลูทุกวันนั่นแหละ" เป็นเสียงแจ๊สพูด

ผมกลับขึ้นมาจากซื้อของ เปิดเข้าไปในห้องซ้อมก็ได้ยินประโยคนี้ และความเงียบก็เข้ามาแทนที่หลังจากนั้น ในห้องมีแค่ทะเลกับแจ๊ส ป็อปกับร็อคคงออกไปสูบบุหรี่กันข้างนอก ผมเอาช็อคโกแล็ตไปให้ทะเลโดยหวังจะยิ้มให้กันอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ทะเลแค่รับไปเงียบๆโดยไม่มองหน้า

ผมเห็นเค้าความไม่พอใจปรากฎชัด ทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดก่อนหน้าที่ยังไม่จางหายโหมซัดเข้ามาอีก

เมื่อป็อปกับร็อคกลับมาเราก็ซ้อมกันต่อ ทะเลไม่ได้จ้องมองผมเหมือนก่อนหน้านี้แค่หยิบมือถือมาเล่นและเมินเฉยต่อทุกสิ่ง

ความสงสัยบวกกับความหงุดหงิดของตัวเองก่อนหน้านี้ค่อยขยายตัวอีกครั้งจากท่าทีเมินเฉยต่อผมของทะเล

ผมไม่ชอบให้ทะเลเงียบ ไม่ชอบให้เราเป็นแบบนี้

ที่สุดแล้วผมก็ทนไม่ไหว

ผมเลิกเล่นกลางคัน โยนไม้กลองทิ้งแล้วออกมาข้างนอก
พวกมันคงงงแต่ผมไม่สน มันอึดอัดและหงุดหงิดจนไม่สามารถเล่นต่อไปได้

ผมนั่งปล่อยควันอยู่หน้าตึกอีกครั้ง ร็อคมันก็ตามมานั่งเงียบๆเป็นเพื่อน

ผมไม่ได้พูด ร็อคก็ไม่ได้ถาม

ถึงร็อคจะดูเหมือนพูดมากและกวนตีนไปเรื่อยแต่มันก็เลือกที่จะเงียบทุกทีที่เห็นผมหงุดหงิด เราเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ในระยะเวลาระหว่างนี้มันก็มีบางครั้งบางทีที่มีเรื่องมาสะกิดใจให้ผมนึกถึงช่วงที่อยู่กับแม่ ผมจะหงุดหงิดและแสดงออกทางแววตา ถึงมันจะไม่รู้เหตุผลแต่ก็รู้สึกถึงอารมณ์ผิดปกติทุกครั้ง และจะมานั่งข้างๆเป็นเพื่อนผมเสมอ

ทุกครั้งที่หงุดหงิด ผมจะรู้สึกถึงอารมณ์บ้าคลั่งและรุนแรงที่อยู่ในใจ


มันก่อตัวขึ้นเมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีมันอยู่ตลอดเวลา
ตลอดเวลา...ตั้งแต่อยู่กับแม่ หากแต่ผมรู้ว่าไม่สามารถแสดงมันออกมาได้

ผมต้องกดมันไว้ให้ลึกที่สุด
นั่นก็เพราะผมเกลียดด้านนี้ของมนุษย์

ด้านที่มืดมิด

ผมเกลียดแต่ก็มีมันอยู่ในตัว
เกลียด...ที่ไม่สามารถห้ามความรู้สึกร้ายกาจนี้ได้

และกลัว...ว่าสักวันหนึ่งผมจะระเบิดมันออกมา...


“กูก็ไม่อยากถามนะ แต่หงุดหงิดขนาดนี้ โมโหอะไรวะ"
“กูก็ไม่รู้จะบอกยังไง"
“แล้วมึงทะเลาะอะไรกับเล"
“เปล่า"
“อย่ามาเปล่า กูไม่เห็นพวกมึงจะคุยกัน มองยังไม่มองกันเลย"
“ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่เข้าใจทำไมเลเมินกู"
“กูเห็นมึงเมินมันก่อน"
“.............”
"มึงเมินน้องมันทำไม"
“.............”

ผมไม่ตอบเพราะเหตุผลจริงๆ มันก็แค่ความรู้สึก...ขัดหูขัดตากับการกระทำและคำพูดของทะเลกับก้าน

ผมไม่อยากให้ใครรับรู้เหตุผลบ้าๆแบบนี้

“เอาเหอะว่ะ หายหงุดหงิดแล้วก็พูดกันดีๆ"ร็อคพูดแล้วกลับเข้าไป

เหลือเพียงผมที่นั่งจมกับความคิดกับควันบุหรี่จางๆ

ความรู้สึกกับทะเลบางอย่างที่เบาบางมันเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที
ผมรับรู้แต่พยายามเมินเฉยมัน

ปฏิเสธมัน
ไม่อยากยอมรับมัน

ผมอยากให้ความรู้สึกที่มีต่อทะเลยังคงบริสุทธิ์สดใส
เหมือนตอนเด็กๆที่ต้องการเพียงแค่ความอบอุ่น

...ผมอยากให้ตัวเองยังคงต้องการเพียงแค่นั้น...

..............


ฝนเริ่มลงเม็ด

ผมกลับเข้าตึกในขณะที่เห็นทะเลเดินสวนออกมาโดยที่พยายามไม่มองผม
“ไปไหน"
“กลับบ้าน"ทะเลตอบแต่ก็ยังมองที่อื่น
“กลับยังไง ฝนตก"
“...............”ทะเลที่เพิ่งเห็นฝนข้างนอกก็เงียบไป เรายืนกันอยู่สักพักโดยไม่มีใครพูดอะไร จนผมทนไม่ไหวต้องถามออกมา
“เป็นอะไร"
“พี่ล่ะเป็นอะไร ทำไมไม่คุยกับเล"
“หงุดหงิด"
“หงุดหงิดเลเรื่องอะไร"
“ไม่ได้หงุดหงิดเล เรื่องอื่น ช่างมันเถอะ"ผมบอกแบบขอไปที แล้วมองทะเลหาเค้าความไม่พอใจผมก่อนหน้านี้ ทะเลก็จ้องมองผมเช่นเดียวกัน

เรายืนจ้องกันเหมือนพยายามหาคำตอบจากอีกฝ่าย

แม้จะพยายามค้นหาแต่ต่างคนต่างก็ซุกซ่อนมันเอาไว้ ผมไม่สามารถบอกอะไรได้เลยจากแววตาทะเล

ผมถอนหายใจแล้วยกมือลูบผมทะเลเบาๆ
“ฝนหยุดแล้วค่อยกลับพร้อมกัน" ทะเลยิ้มออกมาเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาคว้ามือของผมที่กำลังลูบหัวอยู่มาจับแล้วพยักหน้า

ผมก็ยิ้มให้

“พรุ่งนี้ไปรับเลที่โรงเรียนไหม"
“ไปสิ"

ไม่ต้องคิด
ต่อให้ผมต้องโดดกิจกรรมหรืออะไรก็แล้วแต่ผมก็จะไป

เมื่อผมตอบรอยยิ้มกว้างและสดใสที่ผมชอบก็กลับมาอีกครั้ง

เราต่างทำเหมือนกับว่าเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิด
เลือกที่จะยิ้มให้กัน โดยไม่ได้ถามหาเหตุผลอะไรอีกแล้ว

เรากลบเกลื่อนความรู้สึกกันเอาไว้ สำหรับทะเลผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แต่สำหรับผม ผมไม่มีทางจะให้ทะเลรับรู้ความรู้สึกของผมเด็ดขาด

เพราะมันสกปรกโสมมเกินไป

ต้องหักห้ามมันไว้
ไม่อยากทำลายความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตที่ผมมี

แต่ใครจะรู้ ว่าในที่สุดแล้ว...ผมก็ไม่อาจรักษามันไว้ได้อยู่ดี


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/4darkshines_zps0f6dff6f.jpg)

Song Titles :  Dark Shines
Artist : Muse

Happy Valentine's Day  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 14-02-2013 01:53:59
รักต้องห้ามง่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 14-02-2013 09:09:15
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 14-02-2013 11:12:45
มาม่าคอมโบ 
เศร้าๆๆ  อยากให้น้องๆมีวันที่สดใสจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 14-02-2013 12:51:21

ถ้ารักกันจริงก็ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ให้ทุกคนเห็นว่าเราจริงใจและจริงจัง


บลูไม่ได้คิดอะไร---แต่แจ๊สล่ะ
ส่วนทะเลก็มีเรื่องของก้านอีกคน

ยังไงก็ต้องมีคนผิดหวังแน่ๆ

+ เป็ดค่า

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-02-2013 16:15:50
ฝนตกเปียกทุกหย่อมหญ้า

ยัยแจ๊สดูท่าจะคิดไม่ซื่อแล้วแหละ

และเรื่องระหว่างทะเลกับก้าน....
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 14-02-2013 19:08:52
พี่ชาย~ฉันกำลังจะติดนิยายอีกแล้วล่ะ  :-[
ว้าก :z3: ห้ามๆ จะสอบอยู่แล้ว :o12:
ม่ายน้าาาา
แต่มันสนุกมากจริงๆ  o13เค้าจะรอนะเรื่องนี้ อย่าหนีไปไหนนะ ไม่งั้นเคือง :m16:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 15-02-2013 10:16:51
สัปดาห์ละตอน มันไม่อิ่มเลย

อัพวันเว้นวันได้ไหม??

หลงรักเรื่องนี้เข้าซะแล้ว

------------------------

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 15-02-2013 11:47:35
สงสัย ทะเล ก้าน ป๊อป แจ๊สด้วย อยากรู้ว่าคิดอะไร มารอติดตามอ่านนะคะ  :m13: 
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 15-02-2013 16:02:54
im now falling heavy in love with this story.  :กอด1:
next chapter soon please..
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 15-02-2013 17:40:55
เรื่องแอบเศร้าแต่ก็สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-02-2013 00:10:56
ชอบจังเลยค่ะ  มาติดตามด้วยคน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-02-2013 01:07:07
ติดใจ  ติดตาม  ตามติด
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 16-02-2013 08:25:24
ดราม่ามาทั้งคันรถเลยทีเดียว  :a5:
แต่น่าติดตามมาก ว่าทะเลกับบลู จะเป็นอะไร ยังไงต่อไป  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 16-02-2013 21:38:49
อ๊ายยอยากอ่านต่อ
มันดูมืดๆดาร์กๆอร๊ายยยชอบค้าาา><

บลูกับทะเล..รอลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 17-02-2013 13:25:14
ลุ้นมากค่ะ
เป็นรักที่หวานๆปนอึมครึม
ติดตาม ตามติด รีบๆมาต่อนะจ๊ะตัว
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: sin ที่ 17-02-2013 17:28:16
เรื่องนี้สนุกมากเลย ทั้งเศร้าทั้งหวาน
น่าติดตามมาก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 4 ] 14-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 20-02-2013 23:01:24
ตอนแรกมานี่บีบน้ำตามาก  :sad4:
หลังๆมาเริ่มจะหน่วงๆ
ทะเลกะบลูนี่ใครเคะใครเมะ-.-
อยากให้บลูเคะ แต่จากตอนที่4 ทำไมเหมือนทะเลจะเคะ
เสียใจจจจจจ อยากให้ทะเลเมะ  :z3:
เรื่องนี้จะดราม่า แต่จะแฮปปี้เอนด์ดิ้งใช่มั้ยยยย  :z2: พลีสสสสส
 
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 21-02-2013 01:00:50
-5-
Cannonball

http://www.youtube.com/v/aZX7LzwyJ9w?hl=en_US&amp;version=3

เจ็ทสกี หรือ ดนตรี
ผมบอกไม่ได้ว่าชอบอะไรมากไปกว่ากัน เพราะทั้งสองสิ่งต่างก็ให้ความสุขกับผมทั้งนั้น

เทอมสองของปีหนึ่งเป็นช่วงที่ไม่ยุ่งมากเท่าไหร่ ไม่มีช่วงกิจกรรมให้นึกรำคาญใจอีกต่อไปแล้ว ผมพยายามแบ่งเวลาซ้อมเจ็ทสกี ซ้อมดนตรี และเรียนหนังสือให้เท่าๆกัน ซึ่งมันก็ดีที่ทำให้ผมไม่มีเวลาฟุ้งซ่านมากนัก...

เจ็ทสกีที่ผมขี่อยู่เป็นลำใหม่ที่น้าวิทย์ซื้อให้เพราะผมชนะการแข่งปีที่แล้ว
ปีนี้แม้เวลาที่ได้เล่นจะน้อยกว่าเดิมแต่ผมก็ยังหวังว่าจะทำได้ไม่แย่นัก อย่างน้อยๆก็ไม่ได้อยู่ที่ท้ายๆก็ยังดี

ผมเอาเจ็ทสกีเข้าฝั่งหลังจากซ้อมเสร็จ เดินขึ้นมาที่หาดที่ทะเลนั่งอยู่กับเพื่อนๆ สายตาผมที่มองหาทะเลก่อนอย่างอื่นก็เห็นกำลังเล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่กับก้านโดยที่คนอื่นๆไม่ได้มีส่วนร่วม...

กับภาพตรงหน้าผมได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไหร่ผมจะชินและปล่อยความรู้สึกนี้ไปได้ซักที

ผมเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกัน สนิทกัน ผมก็นึกถึงคำพูดที่ทะเลเคยพูดถึงก้านขึ้นมา

'ก้านมันก็เหมือนพี่นั่นแหละ ชอบทำหน้านิ่งคนอื่นก็เลยกลัว แต่เลไม่กลัว เลชินมาจากพี่'

เหมือนผมอย่างนั้นเหรอ
ทันทีที่ได้ยินมันผมแทบอยากตะโกนเถียงกลับไปว่าไม่เหมือน!

ผมไม่อยากให้ทะเลคิดว่าผมเหมือนก้าน
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น...ทั้งรอยยิ้มและทั้งหมดที่แสดงออกกับผม...ก็จะต้องทำแบบนั้นกับก้านด้วย
แค่นึกถึงก็ทำให้ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาได้เฉยๆ

แต่ถึงผมไม่อยากให้ทะเลทำอย่างนั้น...ตอนนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้...

ผมเดินเข้าไปหาทะเลและเพื่อนๆ ไม่ได้ยิ้มหรืออะไรทั้งนั้น ทะเลเปิดกระป๋องน้ำแล้วยื่นให้ผมอย่างเคย ผมรับมายกดื่มแล้วถามถึงป็อปกับร็อคว่ามาหรือยัง ผมนัดให้มันมารับหลังจากซ้อมเจ็ทสกีเสร็จจะได้ไปร้านพี่ตินด้วยกัน ทะเลบอกว่าพวกมันยังไม่มาผมก็เลยกลับเข้ามาอาบน้ำรอ

ผมอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวเรียบร้อย พวกมันก็ยังไม่มาเลยออกมานั่งอ่านหนังสือรออยู่หน้าอู่ เห็นทะเลเพิ่งจะกลับเข้ามา เพื่อนคนอื่นๆของทะเลกลับไปแล้วเหลือแค่ทะเลกับก้าน ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะม้าหินกับผมหลังจากนั้นทะเลก็ถามผมว่า

“พี่บลูจะไปร้านเลยใช่ไหม เดี๋ยววันนี้เลกับก้านไปดูด้วยนะ"ผมพยักหน้าตอบไม่ได้พูดอะไร
“เลกับก้านกำลังจะเข้าวงดนตรีของโรงเรียนเหมือนกัน อาทิตย์หน้ามีออดิชั่นเลยอยากให้พี่ป็อปสอนเพลงให้..."
ผมฟังแต่ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือไปด้วย ยังไม่อยากจะเงยหน้ามอง 'เลกับก้าน' สักเท่าไหร่

แต่เสียงทะเลก็เว้นช่วงไปนาน...ผมได้ยินเสียงก้านพูดเบาๆว่า 'อย่าขยี้' เลยต้องเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมองแล้วก็ให้รู้สึกบาดตากับภาพที่เห็น

ก้านยกมือนึงจับหน้าทะเลเงยขึ้นเพื่อดู อีกมือก็จับข้อมือทะเลไว้ไม่ให้ขยี้ตา
ความอดทนของผมเริ่มจะลดต่ำลงทุกที ผมกระชากข้อมือทะเลอีกข้างให้ลุกขึ้นก่อนจะไล่ให้ไปบอกน้าเพลงว่าเดี๋ยวจะออกไปห้องซ้อมด้วยกัน

ทะเลเดินหายเข้าไปในบ้านเหลือเพียงแค่ผมกับก้าน...ซึ่งมีแต่ความเงียบ
เราจ้องหน้ากันอย่างไม่ละสายตา ในใจก็รู้ว่าต่างคนต่างคิดยังไง ก้านแสดงความรู้สึกคุกคามเด่นชัดทางสายตา ผมเองก็เช่นกัน

นาทีนี้เองผมตัดสินใจได้ว่า...จะไม่มีทางให้ก้านได้สมหวังกับทะเลอย่างแน่นอน

เพราะผมไม่ใช่คนดี
ผมไม่อยากให้ทะเลเป็นของใคร...แม้จะรวมผมด้วยก็ตาม

ทะเลกลับมาพร้อมตาแดงๆ ผมเลยจับหน้าทะเลจ้องตาดูอีกครั้ง ทะเลก็จ้องตาผมตอบและยิ้มให้บอกว่าไม่เป็นไรแล้ว

ผมรู้ว่าก้านดูอยู่และก็อยากให้ก้านดูเอาไว้ให้ชัดๆ ว่าไม่ว่ายังไง...คนที่ทะเลจะยิ้มให้แบบนี้...จะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

....
......

วันนี้ผมมีแข่ง

ท้องฟ้าดูไม่ได้ใสไปกว่าวันไหนๆแต่บรรยากาศคึกคักขึ้นหลายเท่าจากคนที่เดินทางมาดูการแข่งขัน เพื่อนๆผมรวมตัวกันตั้งแต่เช้าที่หาด ทั้งป็อปกับร็อคและพวกเพื่อนที่มหาลัย แม้แรกๆเพื่อนที่คณะจะยังเกรงๆรุ่นพี่อย่างร็อคกับป็อปอยู่ แต่คุยกันได้ไม่นานผมก็เห็นรวมกลุ่มเฮฮากันดีเหมือนรู้จักกันมานาน โดยเฉพาะไอ้ร็อคที่ทำตัวบ้าบอไม่ได้ดูเป็นรุ่นพี่ที่น่ายำเกรงสักนิด

จริิงๆแล้วพวกเราค่อนข้างเป็นที่รู้จักของคนในมหาลัยเพราะมีนักศึกษาไม่น้อยที่มาดูพวกเราเล่นที่ร้านพี่ติน คนมาเชียร์ผมเลยเยอะเป็นพิเศษ ทั้งรู้จักและไม่รู้จักจนผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หากมองย้อนกลับไปในวัยเด็กที่มีแค่ผมเพียงคนเดียวเดินโดดเดี่ยวบนผืนทราย ผมคงจินตนาการถึงอนาคตแบบนี้ไม่ออก ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนมากมายขนาดนี้เข้ามาในชีวิตผม  ผมมองคนสำคัญทั้งน้าวิทย์ น้าเพลง และทะเล รู้แน่ว่าแม้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรมันก็ไม่สำคัญเท่าไหร่สำหรับพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะทำมันอย่างเต็มที่อยู่ดี

คนที่มาให้กำลังใจผมรวมตัวกันที่สแตนฝั่งหนึ่งกว่าครึ่งแถบ ผมมองพวกเขาก่อนจะหยุดที่ทะเลและหันกลับมาเตรียมออกตัว ผมชอบความรู้สึกของการแข่งขันไม่น้อยเพราะมันให้ความรู้สึกตื่นเต้น...มีชีวิตชีวา

นาทีที่ออกตัว...ผมโฟกัสเฉพาะ 'ทะเล' ข้างหน้าก่อนจะพุ่งตัวออกไปรับคลื่นลม อาบแสงแดด เร่งความเร็ว
สนใจเพียงแค่ทุ่นตรงหน้า...ตั้งใจคว้าชัยชนะมาให้ได้

..........

รางวัลอยู่ในมือผม ถึงจะไม่ชนะเลิศแต่อย่างน้อยๆก็ไม่ได้กลับมามือเปล่า

น้าวิทย์เป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารทะเลของเพื่อนน้าวิทย์ จากนั้นเราก็มาต่อกันที่ร้านพี่ติน วันนี้วงพวกเราไม่ได้เล่นก็เลยกินกันเต็มที่ พวกมันชนเอาชนเอาบังคับผมดื่มเข้าไปจนแทบประคองสติไว้ไม่อยู่ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ผมคิดว่าต้องหยุดผมก็ไม่แตะต้องมันอีก เพราะการไม่มีสติหลงเหลืออยู่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากให้เกิด เสียงเพลงสนั่นหวั่นไหวประกอบกับการปล่อยอารมณ์เต็มที่ของเพื่อนๆทำให้ผมต้องดึงทะเลมายืนใกล้ๆ และคอยสังเกตอยู่ตลอดเวลา

ทะเลตอนนี้ที่ดูแทบจะไม่เหลือสติซบลงตรงบ่าผม ผมจึงต้องประคองตัวทะเลไว้ไม่ให้ล้ม พวกเรากินกันจนแทบจะดูแลกันไม่ไหวแล้วก็เลยชวนกันกลับ ผมบอกกับร็อคว่าคืนนี้ขอค้างกับพวกมัน เพราะคิดว่าคงขับกลับบ้านไม่ไหวแล้วจริงๆ

พวกเราแยกย้ายกับเพื่อนที่มหาลัย ผมโทรไปบอกน้าเพลงเรียบร้อยแล้วพาทะเลมาที่รถ
ผม ป็อป ร็อค แจ๊สและทะเลกลับด้วยกันโดยมีร็อคเป็นคนขับลูกรักสีม่วงเปลือกมังคุดของมัน

ร็อคเป็นคนเดียวที่ดูเป็นปกติเหมือนไม่ได้กินเหล้าเข้าไปทั้งๆที่แทบกรอก ส่วนผมถึงแม้จะมีสติเหลืออยู่แต่ก็น้อยเต็มที คนอื่นไม่มีทางรู้ว่าผมเมาหรือเปล่าเพราะว่าผมนิ่งยังไงก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น

มาถึงบ้านแจ๊สก็แยกตัวเข้าห้องตัวเองก่อนใคร ทั้งสามคนพี่น้องมีห้องของใครของมัน ร็อคให้ผมและทะเลนอนห้องตัวเอง ส่วนตัวมันก็นอนที่ห้องป็อป ทะเลที่ตาแทบลืมไม่ขึ้นก็เดินตามแรงลากของผมมาที่ห้อง พอมาถึงก็ทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตัวผมเองก็คร้านจะใส่ใจสิ่งใดๆก็ทิ้งตัวลงบนเตียงเช่นเดียวกัน

ผมนอนปรือตามองทะเลหมายใจว่าในไม่ช้าจะปิดตาลงแต่ก็ยังไม่สามารถละสายตาได้

เรานอนหันหน้าเข้าหากัน ทะเลหมดสติหลับไหลไปแล้ว แม้จะนอนห้องเดียวกันทุกวันแต่ก็ไม่เคยได้นอนบนเตียงเดียวกันอย่างนี้ ได้เห็นทะเลหลับใกล้ๆขนาดนี้ เพราะผมพยายามรักษาระยะห่างทางกายของตัวเองกับทะเลมาตลอด เพื่อที่จะรักษาระยะห่างทางใจด้วย ตั้งแต่รู้สึกตัวผมต้องต่อสู้กับตัวเองภายในใจอย่างเงียบงัน

ผมเป็นคนเกลียดการสัมผัสจากคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้น...แต่ผมชอบสัมผัสของน้าเพลงเพราะผมโหยหามันจากแม่ ชอบสัมผัสของเพื่อนที่ทำให้รู้ว่าเรามีคนที่คอยอยู่ข้างๆ นอกเหนือจากนั้นแล้วเป็นไปได้ผมก็ไม่ชอบที่จะให้ใครมาแตะต้องตัวผม ซึ่งมันคงเป็นหนึ่งในหลายๆอย่างที่หลงเหลือมาจากวัยเด็ก

กับทะเล...ผมรับรู้ความรู้สึกอบอุ่นแม้เพียงได้อยู่ใกล้ๆ แค่มือเล็กๆในตอนเด็กที่ผมได้สัมผัสก็รู้สึกเหมือนได้เติมเต็มทางด้านความรู้สึก เราจับมือและกอดกันจนเคยชิน แต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าสัมผัสของทะเลนั้นให้ความรู้สึกที่แปลกไปสำหรับผม มันแปลกไปด้านอารมณ์...

เมื่อรู้สึกตัวครั้งแรกผมรังเกียจตัวเองจนไม่สามารถมองหน้าทะเลได้ หากแต่ทะเลไม่ได้รับรู้ ผมจึงต้องพยายามกลบเกลื่อนและแสดงออกให้ปกติที่สุด

ณ ขณะที่ผมได้นอนกับทะเลแบบนี้มันก็ยากที่จะกักเก็บอารมณ์ไว้ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้อีกแล้ว...เพราะลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทะเลจะไม่สามารถรับรู้...

ผมขยับเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นลูบผมและเขี่ยไปด้านข้างเพื่อที่จะได้มองชัดๆ จากนั้นก็ลูบตาที่ปิดสนิท นึกถึงแววตาสดใสผมก็ต้องยิ้มออกมา ผมชอบที่จะมองตาใสๆของทะเลเพราะมันใสและบริสุทธิ์กว่าใครที่ผมเคยเห็น...นิ้วของผมไล้เรื่อยลงมาจนถึงข้างแก้มที่มีลักยิ้มเล็กๆทุกครั้งที่ทะเลยิ้ม...รอยยิ้มที่ทำให้ผมต้องยิ้มตาม

ผมขยับไปใกล้ทะเลอีกนิดแล้วกอดทะเลเอาไว้ ทะเลขยับตัวเล็กน้อยแล้วส่งเสียงครางออกมา...

เพียงแค่เสียงครางเบาๆก็ทำให้สติที่ผมพยายามประคองอยู่แทบกระเจิง ฤทธิ์แอลกอฮอล์มีส่วนทำให้ผมคุมอารมณ์ไม่ได้ จากแค่กอดผมกลับมีความต้องการมากมายกว่านั้น ผมกอดทะเลแน่นขึ้น...หวังอยากจะแนบชิดอีกแค่สักนิด

ทะเลก็ครางออกมาอีกแผ่วเบา...หน้าของเราใกล้กันจนผมได้ยินเสียงนั้นชัดเจน

เกินควบคุมแล้ว...

ผมค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จดจ้อง ก่อนจะแนบริมฝีปากลงไปแตะเบาๆอย่างทะนุถนอม สัมผัสที่ผมจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วนทำใจสั่นจนรู้สึกปวด สำนึกต่างๆตีพันกันยุ่งเหยิง อยากจะทำตามสัญชาตญาณดิบเถื่อนสนองตัณหาภายในใจ ผมเบี่ยงหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนจะกดจมูกลงไปตรงแก้มตำแหน่งที่มีลักยิ้มอยู่ สูดหายใจลึก แล้วเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ก่อนจะกลับขึ้นไปจูบซ้ำๆที่ริมฝีปาก

ทะเลครางอือและพยายามพลิกตัวหนีอย่างรำคาญ

ความต้องการทางร่างกายของผมเลยเถิดไปไกลเสียแล้ว มันปวดหนึบจนต้องถอยออกห่าง ผมนอนมองทะเลอย่างหักห้ามใจ ก่อนที่อะไรจะครอบงำผมไปมากกว่านี้ผมก็ลุกขึ้นจากเตียง

ต้องออกไปจากตรงนี้...ผมท่องเอาไว้

ผมออกมาเข้าห้องน้ำข้างนอก มองตัวเองในกระจกเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์แล้วนึกเกลียดสีหน้าแบบนี้สิ้นดี ผมวักน้ำล้างหน้าหวังจะดับอารมณ์ให้เย็นลง แต่สัมผัสของทะเลก็ยังติดตรึง ผมทั้งรู้สึกดีใจและเสียใจ

ดีใจ...ที่ในที่สุดก็ได้...จูบ...ได้สัมผัสกับริมฝีปากที่คอยแต่จะยิ้มให้ผม
และเสียใจที่รู้สึกไม่เพียงพอ มันยิ่งกระหายมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอันตรายเข้าไปทุกที

“บลู...เป็นอะไร" ผมหันไปมอง พอเห็นเป็นป็อปผมก็ถอนหายใจ หลับตาแล้วนั่งลงพิงผนังห้องน้ำ

ความรู้สึกของฝ่ามือที่แตะใบหน้าทำให้ผมต้องปรือตามอง ป็อปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าและมองผมด้วยสายตาที่แปลกไป

ป็อปไม่ควร...จะมองผมแบบนี้

ไม่ควรเลย

สายตาของความต้องการแบบเดียวกันฉายชัดอยู่ มันอาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ทำให้แสดงความต้องการส่วนลึกออกมา...

ไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว

ผมคว้าคอป็อปเข้ามาบดจูบรุนแรง ป็อปก็ตอบสนองอย่างร้อนแรงเพียงกัน เป็นจูบที่ดับสิ้นสติทุกอย่างและจุดไฟอารมณ์ดิบให้ลุกขึ้นมาแทนที่

เราจูบกันอย่างกระหายอยากจนได้รสฝาดของเลือด ผมฉุดป็อปลุกขึ้น ปิดประตู ดันตัวป็อปติดประตูห้องน้ำและถอดเสื้อตัวเองออก ป็อปดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้งมือก็ปลดกางเกงผมไปด้วย ในขณะที่มือผมก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของป็อปเช่นเดียวกัน

ไม่นานเราก็บดเบียดแนบชิดกันด้วยร่างบนที่เปลือยเปล่า กางเกงของเราเลื่อนลงแค่ต่ำกว่าสะโพกเท่านั้น ผมจับป็อปหันหลัง เอื้อมมือไปด้านหน้าปลุกเร้าอารมณ์ให้ ก่อนจะไล้มือมาด้านหลังแล้วกดนิ้วลงไป ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วเร่งร้อน

ผมดึงดันเข้าไปทั้งที่รู้ว่าป็อปยังไม่พร้อมและไม่สามารถเข้าไปได้ลึกไปกว่านั้น ป็อปเอื้อมไปหยิบบางอย่างตรงอ่างล้างหน้าเพื่อที่จะช่วยให้ผมสามารถเข้าไปได้ง่ายขึ้น เมื่อทุกอย่างเข้าที่ผมก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงหนักหน่วง

ผมหลับตา...จินตนาการถึงคนในห้องที่เพิ่งจากมา

อารมณ์มากมายหลั่งไหลเข้ามาจนไม่อาจได้ยินแม้แต่เสียงร้องเจ็บปวด

หลังจากปลดปล่อยครั้งแรกผมก็พลิกตัวป็อปให้หันมา กดจูบ มือก็ถอดกางเกงป็อปออกไม่ให้เกะกะอีกต่อไปและสอดส่วนนั้นกลับเข้าไปอีกครั้ง เราจ้องตากัน ผมเห็นร่อยรอยของน้ำตาขณะที่ป็อปจ้องมองผมด้วยสายตายากอธิบาย แต่ผมก็ไม่อาจหยุดอะไรได้อีกแล้ว

“กัด...อึก...กัดที่ไหล่กูที" ผมบอกเพราะอยากรู้สึกถึงความเจ็บปวด

เพราะหากไม่เจ็บปวด...มันก็ไม่อาจเติมเต็ม

ป็อปกัดที่ไหล่ตามที่ผมร้องขอ ทันทีที่รู้สึกเจ็บแปลบ ผมจับขาป็อปทั้งสองข้างเกี่ยวรอบเอวและขยับกระแทกตัวลึกเป็นจังหวะ

ผมหลับตาอีกครั้ง...ไม่มีใครอื่นเลยในจินตนาการ ผมนึกถึงคนเดียว ซ้ำๆ...ซ้ำๆ...นึกถึงจูบที่ได้สัมผัส..มันยังสดใหม่ นุ่มนวลและติดตรึง

“ทะ...เล" ผมแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำเมื่อครางออกมาแผ่วเบา

รับรู้ถึงแรงกัดที่กดย้ำให้เจ็บกว่าเดิมเป็นเท่าตัว...

และผมก็ปลดปล่อยออกมาในที่สุด


ผมทิ้งตัวลงกับพื้นโดยที่ป็อปก็ยังนั่งคร่อมอยู่ด้านหน้า หอบหายใจหนักหน่วง

ความคิดต่างๆหลั่งไหลเข้ามา
ผมทำสิ่งนี้ลงไปแล้ว...กับเพื่อน

ป็อปเงยหน้าขึ้นมาสบตา...คราบน้ำตายังคงอยู่ชัดเจน ผมยกมือขึ้นเช็ดให้ ป็อปจ้องหน้าผมโดยไม่พูดอะไรมีแต่น้ำตาที่ไหลลงมาอีก

“ขอโทษ...” พอผมบอกป็อปก็ส่ายหัว แล้วมองรอยแผลบนไหล่ของผม

“เจ็บไหม" ผมส่ายหน้านิดหน่อยให้รับรู้ว่าไม่เจ็บ ป็อปก้มลงช้าๆและเลียเบาๆที่แผล ผมสูดหายใจเข้าลึกเพราะรู้สึกแสบ

ป็อปผละออกมาจ้องตากับผมนาน ก่อนจะโอบแขนกอดคอผมแล้วซุกหน้าลงตรงซอกคอ

“เหนื่อย...ขออยู่แบบนี้ก่อนนะ" ผมไม่ตอบอะไร นั่งนิ่งกอดป็อปเอาไว้พร้อมความรู้สึกผิดในใจ

“บลู...กู...” ป็อปบอกเบาๆ ผมพยายามฟังแต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้

ผมไม่รู้ว่าป็อปพยายามจะบอกอะไร ซ้ำยังไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรกับป็อป
การแสดงออกของเพื่อนคนนี้ไม่เคยเหมือนคนอื่นๆ

เราสนิทกันก็จริง แต่ก็น้อยครั้งที่จะพูดคุยกัน
เหมือนเราพูดกันผ่านความเงียบ

ผมคิดว่าเรามีบางอย่างคล้ายๆกันในแง่ของความรู้สึก
อะไรบางอย่างทำให้รู้สึกว่าเราเปราะบางเหมือนๆกัน

เวลาที่อยู่กับป็อปสองคนผมไม่ได้อึดอัด ทั้งยังสบายใจ

ป็อปเป็นเพื่อนของผม...เพื่อนที่ไม่อยากเสียไป

วันนั้นผมสำนึกเสียใจ
หากเป็นไปได้ผมคงไม่ทำ...

ผมจะไม่ทำ...

ถ้าผมรู้ว่าความอยากที่เกิดขึ้นครั้งแรก...มันจะจบลงพร้อมความเจ็บปวด



(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/5cannonball_zps64d2547f.jpg)

Song Titles : Cannonball
Artist : Damien Rice
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 21-02-2013 01:10:08
บลู นายทำอะไรลงไปเนี่ยยยย  :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: soluna ที่ 21-02-2013 05:12:05
บลู นั่นน่ะ ป๊อปน่ะ
ควบคุมตัวเองหน่อยสิ
ไม่อยากให้มีอะไรแบบนี้เลย
นั่นน่ะ เพื่อนน่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 21-02-2013 08:45:09
ชิบหานละบลู  ยุ่งแร่ๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 21-02-2013 09:01:11
อ่านตอนนี้แล้วไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงได้รู้สึกสงสารบลูมากก
   Y_____Y

ก็ได้แต่หวังให้บลูได้พบความสุขจริงๆสักที
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 21-02-2013 13:54:30
ป๊อบคิดอะไรกับบลูอยู่แล้วรึเปล่า ถึงเมาทั้งคู่ก็ไม่น่าออกมาเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 21-02-2013 15:56:15
ชอบ ชอบนิยายแบบนี้ ชอบเรื่องแบบนี้
ติดตามมากๆนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 21-02-2013 17:29:39
ที่ว่าเหมือนไม่ใช่ว่าป๊อบก็ชอบพี่น้องตัวเองนะ เอร๊ย ฝาแฝดมันยิ่งใกล้ชิดกันด้วยดิเนี่ย
แต่ก็นะจะให้บลูทำยังไงอ่ะทะเลก็น้องนะ คงสับสนมากแหละ ทะเลก็เถอะแสดงออกอะไรมากกว่านี้หน่อยได้ป่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 21-02-2013 17:39:30
บลู โอ้วววม่าย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: Alyssa ที่ 23-02-2013 11:27:47
ระดับความน่าติดตามมัน

พลัส ๆๆๆๆๆ +++++  ขึ้นเรื่อยๆ

แทบจะรอตอนต่อไปไม่ไหว

ไม่เร่งให้มาต่อนะ  เขียนไป แก้ไขไป ให้มันตกตะกอนแล้วค่อยมาโพสต์  พอได้อ่านแล้วมันเปรมสุดๆ   :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: mujika_keita ที่ 23-02-2013 11:56:33
ติดเรื่องนี้ซะแล้วสิ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 24-02-2013 09:49:53
ป๊อปปปปสงสารอะแง้สงสารทั้งสองคนเลยอะเฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 26-02-2013 21:07:23
จะเลิกอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะรู้สึกถึงความไม่สมจริงของตัวละคร
ติโน้นนี่ไปเยอะ แต่ก็ห้ามใจไม่ได้ อ่านต่อ...
เพราะรู้สึกถูกใจกับบรรยากาศมืดๆ เทาๆ ดาร์กๆ
พอมาถึงฉากที่น้องบลูโดนนี่แทบกดปิด
รับไม่ได้ แต่...ก็อ่านต่อ เพราะรู้สึกว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นซิ
แต่มาอ่านต่อเพราะสะดุดความน่ารัก ใสซื่อของทะเล
ชอบมากกกก และพอนึกๆเรื่องราวว่าจะดราม่าไปทางไหนก็อ่านต่อ
แต่ตอนล่าสุดนี่บลูพลาดมากนะ พลาดแรงๆ นี่ประเด็นดราม่าใหญ่เลย
ยอมให้บลูพลาดได้ แต่น้องเทของจองให้พี่บลูคนเดียวนะ อย่าพลาดเลย ฮ่าๆๆ<<<<เอียงเอนมาก
ประเด็นสงสารป็อบที่สุด ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย บลูทำตัวเองนะคราวนี้
แต่ชอบความคิดบลูที่ว่า ไม่ใช่คนดี...และไม่ยอมให้เลเป็นของใคร ฮ่าๆๆ
ทำให้ได้จริงๆเหอะที่ไม่ยอมให้น้องเป็นของใครน่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 5 ] 21-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 26-02-2013 23:17:35
โอ้ เรื่องมัีนซับซ้อนเนอะ ในแง่ของความรู้สึก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 28-02-2013 02:04:55
- 6 -
Fake Plastic Trees

http://www.youtube.com/v/NUJP0BwWB5Q?hl=en_US&amp;version=3

บางครั้งความต้องการภายในจิตใจก็มากมายเกินกว่าจะต้านทานด้วยเหตุผล

ผมและป็อป บ่อยครั้งที่ผมรู้ว่าเรารู้สึกตัวแต่ก็เลือกที่จะเพิกเฉยมัน ผมมีอารมณ์ที่อัดแน่นเปี่ยมล้นอยู่ในใจ ป็อปก็ดูเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างที่นำพา

เราต้องการเติมเต็มไม่ให้ความรู้สึกภายในมันว่างเปล่า แต่ไม่ว่าเราจะพยายามกันมากแค่ไหนก็เหมือนจะยิ่งห่างไกลกับคำๆนั้น

และเราก็รู้ดี

...

ช่วงนี้ทะเลบ้าซ้อมดนตรีอย่างหนักกับเพื่อนในวงที่โรงเรียนหลังเลิกเรียน ผมไม่ได้ไปรับไปส่งอย่างเคยแต่ก็มีก้านมาคอยทำหน้าที่นี้แทน

หลังจากวันนั้นที่ผมเกือบจะห้ามตัวเองไม่อยู่ผมก็ต้องตีตัวออกห่างจากทะเลเพราะกลัวใจตัวเองขึ้นทุกที ทุกๆการกระทำของทะเล ทั้งรอยยิ้ม น้ำเสียง หรือแค่การจ้องมอง มันมีผลต่อจิตใจของผมโดยที่ทะเลไม่รู้ตัว

ผมคอยแต่จะจ้องริมฝีปากนั่นทุกทีที่เผลอตัว แค่นึกถึงสัมผัสร่างกายมันก็ร่ำร้องอย่างน่าไม่อาย

หากอยู่ใกล้ผมไม่สามารถจะห้ามใจไม่ให้คิดได้ ผมเลยเลือกที่จะถอยห่างออกมา
บางทีผมก็ห่างเหิน
บางทีผมก็หมางเมิน

ทะเลไม่เข้าใจเหตุผลของผมเพราะผมไม่ต้องการให้เข้าใจ
และอะไรๆก็ดูเหมือนจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ

ผมจะแสร้งลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นทุกครั้งที่ทะเลเข้ามาซบไหล่ ไม่ได้ลูบผมปลอบเมื่อทะเลทำหน้าหงอยเหงาเศร้าสร้อย ไม่ได้ไปรับบ่อยๆเพื่อให้ทะเลเอาแขนเกี่ยวกอดเอวผมไว้ ผมทำทุกๆอย่างตรงข้ามกับความรู้สึก

จากสายตาที่มีแต่ความสงสัยค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นตัดพ้อ

ไม่ใช่แค่ผมที่เมินเฉยทะเลฝ่ายเดียว ทะเลก็เลือกที่จะเมินเฉยผมบ้างเหมือนกัน ผมรู้ว่าผมเป็นคนเริ่มแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้เมื่อทะเลทำแบบนั้น

ระยะห่างที่ผมอยากได้มันมาพร้อมความร้อนรุมสุมไฟ ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยของผมนั้นอัดแน่นไปด้วยอารมณ์มากมายแค่ไหน

แต่หากจะเป็นใครที่สามารถเข้าใจมันได้ดี...ก็คงจะเป็นป็อป ผมเห็นเววตาของการยอมรับบางอย่างในตัวผมจากสายตาของเพื่อนคนนี้ การกระทำที่ผ่านมาเหมือนจะเปิดเผยส่วนลึกในจิตใจผมโดยที่ป็อปไม่ได้ถอยห่างอย่างรังเกียจ  และทันทีที่ผมเห็นคนที่สามารถจะแสดงมันออกมาได้ผมก็ไม่ลังเลที่จะเปิดเผยมัน

ผมออกห่างจากทะเลทั้งที่คิดว่ามันสมควรแต่จิตใจกลับต้องการและโหยหามากกว่าเดิม และผมก็ระบายทุกอย่างลงกับป็อปทั้งหมดทั้งสิ้น

ในห้องเช่าชั่วคราวที่ไม่มีอะไรไปมากกว่าเตียง ห้องน้ำและทีวีเครื่องหนึ่ง สถานที่ๆหาได้เกลื่อนกลาดตลอดเลียบทางชายหาดแห่งนี้ ผมปล่อยตัวเองและความรู้สึกออกมาอย่างไม่อาจเก็บกลั้น ด้านมืดมันเหมือนจะงอกเงยได้ดีในใจผม ผมบ่มเพาะมันมานานโดยที่ไม่รู้ตัว พอถึงจุดๆหนึ่งผมก็ไม่สามารถปฏิเสธการมีอยู่ของมันอีกต่อไป

ผมครางชื่อทะเลครั้งแล้วครั้งเล่า ดึงรั้งผมสีดำให้แหงนเงยมาด้านหลัง น้ำตาบนใบหน้าก็เป็นส่วนหนึ่งให้อารมณ์กระชั้นจนต้องเคลื่อนตัวเร่งจังหวะ

ทุกอย่างพร่างพรายชั่วขณะ ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนเคียงกันปรับลมหายใจ ผมคว้าบุหรี่มาจุด สูดเข้าและปล่อยควันออกมาล่องลอยเป็นเพื่อนกับความเงียบ

ผมไม่เคยถามว่าทำไมป็อปถึงมีน้ำตาทุกครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะกลัวคำตอบจึงคิดเอาว่าเป็นเพราะความเจ็บ ผมหันไปหาป็อปและทำอย่างเดิมที่ทำทุกครั้ง ใช้นิ้วโป้งข้างที่คีบบุหรี่อยู่ปาดน้ำตาให้ ป็อปก็คีบบุหรี่ต่อจากผมไปสูบ

เราสองคนกับบุหรี่หนึ่งมวน บนเตียง ความเงียบที่เคยคุ้นทำให้เราไม่อยากจะเอ่ยอะไรเพื่อทำลายมัน ป็อปเลื่อนหัวมาวางบนตักผม ผมลูบเส้นผมยาวคลอเคลียที่ยุ่งเหยิงจากการกิจกรรมเมื่อครู่ไปเรื่อยๆให้มันเข้าที่เข้าทาง

“บลู ถามอะไรหน่อยสิ"
“อืม"
“มาอยู่กับเลได้ยังไง"
“รู้จักกับพี่ชายน้าวิทย์"
“ตั้งแต่เมื่อไหร่"
“ตอนนั้น...อายุ 11”
“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ"

ก่อนหน้านั้น...

ผมเงียบ ใจล่องลอยไปในช่วงนั้น เห็นเด็กคนหนึ่งนั่งก่อกองทรายอยู่คนเดียว เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกอ้างว้าง เด็กคนนั้นตัวเล็กมาก เหมือนผมยืนมองดูจากที่ไกลๆ ไม่อยากจะก้าวขาเดินไปใกล้ ไม่อยากเห็นชัดมากไปกว่านี้ ผมยิ้มมุมปากเยาะเย้ยความขลาดของตัวเอง ก่อนจะตอบ

“อย่ารู้เลย..."

ผมไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ ป็อปลุกขึ้นมา จ้องมองผม  จ้องด้วยแววตาที่บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่าก็ได้ และยกมือขึ้นแตะหน้าผมแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้ามาช้าๆ...ผมหลับตา

...

ทะเลกลับไปนอนที่ห้องตัวเองได้อาทิตย์นึงแล้ว
การกระทำของผมมันก็คล้ายกับการเอ่ยปากไล่โดยไม่ได้ให้ทางเลือกกับทะเลเลย แต่ผมเชื่อว่ามันจะดีสำหรับตัวทะเลเองจึงจงใจทำมันแม้ว่าตัวผมเองจะรู้สึกเหงาและเจ็บปวดก็ตาม

แน่นอนว่าทั้งน้าวิทย์และน้าเพลงสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่ทั้งคู่ก็ได้แต่มองห่างๆเพราะเราก็โตกันเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้ามาร่วมรับรู้ด้วย

เสียงเคาะห้องผมดังขึ้นสองสามครั้ง ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงขานรับเป็นเชิงอนุญาต ทะเลแง้มประตูช้าๆแล้วบอกว่าขอยืมหนังสือเพลงเล่มไหนซักเล่มที่ผมจำไม่ได้แล้วว่ามีอยู่

“เข้ามาหาดูสิ ไม่รู้อยู่ไหน" ผมบอกแค่นั้นแล้วก้มอ่านหนังสือต่อทำทีไม่สนใจ ทะเลหันหลังรื้อหาอยู่ตรงชั้นสักพัก ผมก็ละสายตาขึ้นลอบมอง ผมทะเลยาวกว่าปกติคงเพราะไม่ได้ตัดมาสักพัก ผมเส้นเล็กๆที่เมื่อยาวขึ้นมันก็ยิ่งน่าสัมผัส มันคงจะดีไม่น้อยถ้าได้กอบกุมผ่านง่ามนิ้วและดึงรั้ง..

“หาไม่เจอ" ทะเลทิ้งตัวหน้ามุ่ยอยู่ตรงพื้น ผมตื่นจากภวังค์ความคิดตัวเองลุกขึ้นไปหาให้ หาจากชั้นบนไล่ลงมานั่งยองๆหาที่ชั้นล่างก็ไม่เจอเหมือนกัน ผมถอนใจหันไปหาทะเลก็เจอสายตาที่มองผมอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาตัดพ้ออย่างเคย

ทะเลลุกขึ้นหลบสายตาเมื่อผมจ้องตอบแล้วเดินไปหยิบกีตาร์ตรงมุมห้องขึ้นมาเล่น ทะเลบรรเลงทำนองเพลงช้าๆเพลงหนึ่ง มีผมนั่งฟังอยู่อีกมุมของห้อง ระยะห่างมันมากพอที่จะให้ผมได้เฝ้ามอง ทะเลเล่นไปเรื่อยๆและผมก็ยังไม่อยากให้หยุด

“ทำไมพี่บลูชอบทำหน้าแบบนี้"
“แบบไหน"
“แบบที่ทำอยู่เนี่ย"
“แล้วมันเป็นยังไง"
“บอกไม่ถูก มันดูเหงาๆ"
“ยังไงที่ดูเหงา"
“ก็พี่บลูทำตาเศร้า"
“ไม่ได้ทำสักหน่อย"
“ทำ ไปส่องกระจกดู"
“มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว"
“มันดูเศร้า...จนบางทีเลก็อยากร้องไห้"
“ขนาดนั้นเลย"
“แล้วพี่บลูเหงาไหม"
“ไม่...”
“พี่บลูมีเลอยู่เป็นเพื่อน เลจะอยู่กับพี่ไปตลอดให้พี่ไม่เหงา จะได้เลิกทำตาแบบนี้สักที"


ตาแบบนี้...

ใช่ที่ทะเลกำลังทำอยู่หรือเปล่า ทำไมมันถึงได้ดูเศร้าจนผมอยากจะร้องไห้ ทะเลเหงาเหรอ เหงาใช่หรือเปล่า เพราะผมใช่ไหม ไม่อยากเห็นทะเลเป็นแบบนี้เลยจริงๆ

ผมลุกขึ้นไปแล้วนั่งลงข้างๆทะเลที่ยังคงเล่นกีตาร์อยู่

“เลทำอะไรผิดเหรอ" ทะเลถามขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าผม
“เลไม่ได้ทำอะไรผิด"
“แล้วทำไม"
“ทำไม อะไร"
“ทำไม...” ทะเลน้ำตาไหลลงมาเงียบๆ และหยุดเล่นกีตาร์ ผมดึงเอากีตาร์ออกจากตัวทะเลวางตรงที่เดิมของมันแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ๆทะเลมากขึ้น ผมไม่ชอบที่จะเห็นน้ำตาที่มันไหลลงมาเพราะผมเป็นคนทำ หากผมจะพ่ายแพ้กับสิ่งใดแล้วก็คงจะเป็นน้ำตาของทะเลเป็นสิ่งแรก

“ทำไม...” คำถามย้ำอยู่อย่างนั้น ผมเข้าใจที่ทะเลถามหากแต่ไม่อาจตอบ
“อย่า...รู้เลย...”ผมกำมือแน่นอย่างห้ามใจ

ใจที่ตอนนี้มันอยากจะกอดปลอบ...ในขณะเดียวกันถึงผมจะไม่ชอบที่จะเห็นทะเลเสียใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตื่นเต้นเมื่อเห็นน้ำตา

“ไม่เข้าใจเลย เลต้องเป็นแบบนี้ทุกที...ฮึก...พอพี่บลูไม่สนใจ...มันทรมาน...”
“......”
"เลไม่รู้ก็ได้...แต่อย่าทำแบบนี้เลยนะ"

ทะเลมองผมอย่างอ้อนวอน ผมพ่ายแพ้หมดรูปกับสายตานั่น ทำไมผมจะไม่รู้ว่าทะเลรู้สึกยังไงในเมื่อผมก็ทรมานไม่ต่างกัน ผมดึงทะเลมากอด ทะเลก็กอดตอบผมแน่นเหมือนระบายความอึดอัดทั้งหมด กอดแน่น...เหมือนกลัวผมจะผลักไส

มือผมลูบผ่านผมนิ่มๆของทะเล คิดว่าสิ่งที่เลือกทำไป เลือกที่จะถอยห่างออกไปมันดีหรือร้ายกันแน่ สำหรับตัวผมเองก็ยังบอกไม่ได้ ผมควบคุมตัวเองลำบากจึงคิดไปว่ามันคงจะดี ส่วนสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นผมก็เพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้ส่งผมดีต่อใครทั้งนั้น ทั้งผมหรือทะเล

ผมทรมาน ทะเลก็ทรมานเพราะความไม่รู้ ทะเลไม่ได้ผิดอะไร มีแต่ตัวผมเองทั้งนั้น คิดแล้วก็ช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลา หากมันเป็นเพราะความรู้สึกของผม ผมก็ต้องเป็นคนห้ามมันไว้ถึงจะถูก แม้มันจะยากขึ้นทุกทีตาม

การเก็บกด ไม่แสดงความรู้สึกมันก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวผม เป็นหน้าที่ๆผมต้องกระทำมันอยู่เสมอ หากจะต้องทำต่อไปก็คงจะไม่เป็นไร

คงจะ...ไม่เป็นไร...ถ้าผมจะแค่คิด

ผมโอบแขนกระชับอ้อมกอดทะเล สูดกลิ่นอายคนตรงหน้า...แล้วจดจำ
เมื่อเราผละออกจากกัน ผมก็ยิ้มเพื่อให้ทะเลคลายกังวล
แม้จะมีน้ำตาอยู่แต่ทะเลก็ยิ้มตอบ ผมเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะลูบข้างแก้มตรงลักยิ้มอยู่อย่างนั้น

ใช่ มันยากขึ้นทุกที

หากทะเลรู้ความคิดของผมตอนนี้ไม่แน่ว่าอาจหนีหายไปจากผมตลอดชีวิต

“คืนนี้นอนกับพี่บลูนะ" ผมพยักหน้า ฉุดทะเลขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันแล้วเดินไปปิดไฟ

เตียงเล็กๆสำหรับคนตัวใหญ่อย่างผมนอนคนเดียวก็เกือบเต็มแต่ก็ไม่มีใครบ่นอะไรเมื่อต้องนอนเบียดกัน ทะเลความหามือผมในความมืดแล้วสอดประสานนิ้วทั้งห้าเข้ามาจากนั้นก็นิ่งไปคล้ายได้ที่ๆพอใจ

ผมต้องข่มใจให้สงบในความเงียบ ต้องอดทนให้คุ้นชิน มันคงจะไม่ยากเท่าไหร่เพราะจนถึงตอนนี้ผมยังสามารถนอนนิ่งอยู่ได้ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี

น่าแปลกที่แม้ว่าจะมีความต้องการมากมายแค่ไหนผมก็สามารถหลับลงได้ในคืนนี้

ผมอบอุ่นใจจนเคลิ้มหลับ

ในความฝัน...ผมรับรู้สัมผัสที่ริมฝีปากแผ่วเบา

........

ช่วงใกล้สอบผมคงไม่ได้ขี่เจ็ทสกีบ่อยๆ วันนี้มีเวลาว่างผมเลยปักหลักอยู่ที่หาดเล่นมันทั้งวัน มีทะเล ป็อป ร็อค และเพื่อนที่มหาลัยผมอีกสองคนคือเคนกับตูนมาด้วย ผมจะมีเพื่อนมาหาที่นี่เป็นประจำโดยที่พวกมันไม่ได้นัดคล้ายรู้ว่าผมคงจะอยู่ แต่หากผมไม่อยู่มันก็คงคิดซะว่ามานั่งเล่นริมหาดไปแทน

เราอยู่กันเยอะก็ย่อมเฮฮาเป็นธรรมดา ทั้งร้องเพลง เล่นกีตาร์เสียงดังจนเหมือนจะรบกวนคนรอบข้างให้หันมามองค้อนพวกเราบ่อยๆ เคนเป็นเพื่อนที่มหาลัยที่สนิทกับผมมากที่สุดเพราะความบ้าๆบอๆของมันคล้ายกับร็อคก็เลยเข้ากันได้ดี กับตูนผมก็ค่อนข้างสนิทในระดับนึงเพราะเรามีคำครหาจากคนอื่นว่า 'หยิ่ง' เหมือนๆกัน

เพราะคณะของเราคือวิศวะไม่ใช่ดนตรี แม้ว่าจะอยู่กลุ่มเดียวกันกับตูนแต่ผมก็ไม่เคยได้ยินมันร้องเพลงมาก่อน มันน่าแปลกที่ว่าพอเด็กวิศวะคนนี้ร้องเพลงขึ้นมา ทั้ง ผม ป็อปและร็อคถึงกับมองตากันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นการสื่อว่านี่คือคนที่พวกเรากำลังตามหา เสียงแหบๆแต่ก็มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ทำให้ป็อปเอ่ยปากชวนเข้าวงอย่างไม่รีรอ ตูนมองพวกผมงงๆเหมือนไม่แน่ใจและไม่ทันได้ตั้งตัว เราเลยบอกว่าตูนว่าอย่าเพิ่งคิดมากไว้วันว่างๆค่อยมาลองเทสดูก่อนก็ได้

เรานั่งคุยกันเรื่องวงสักพักทะเลที่เพิ่งเล่นเจ็ทสกีเสร็จก็เดินตัวเปียกมานั่งข้างๆผม ผมหยิบผ้าขนหนูของทะเลมาคลุมให้อย่างเคยชิน ทะเลยิ้มและพูดคุยกับเพื่อนๆผมได้อย่างสนิทสนมด้วยนิสัยเข้ากับคนง่าย ผมนั่งมองรอยยิ้มที่มีลักยิ้มเล็กๆไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วถอนสายตาออกมา ก่อนจะสบสายตากับป็อปจากฝั่งตรงข้ามที่มองการกระทำของผมอยู่ ในสายตานิ่งๆนั่นผมไม่รู้ว่าป็อปคิดอะไร

ป็อปรู้ว่าผมคิดยังไงกับทะเล รู้...แต่คงไม่เข้าใจ

ในสายตานิ่งๆที่จับจ้องผสมปนเประหว่างความสงสัยกับความไม่พอใจ หรืออาจไม่ใช่ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ ผมเสมองไปทางอื่นอย่างบ่ายเบี่ยงไม่อยากจะคิดอะไรมากจากแววตาคู่นั้น

...

คืนนี้เราก็นัดกันในห้องเดิมๆ หลังจากแยกย้ายกันที่หาดเราก็มาเจอกันที่นี่

อะไรๆก็ดูเหมือนเดิมๆแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ผมโหมกระหน่ำบ้าคลั่ง เพราะสัมผัสของทะเลที่ผมจดจำมันแจ่มชัดในความรู้สึก การที่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม นอนเตียงเดียวกันทุกคืนทำให้การกระทำครั้งนี้มันรุนแรงไม่แพ้ครั้งไหนๆ ทุกสิ่งที่เก็บกลั้นถาโถมเข้าไปที่ป็อปอย่างไร้ความปราณี แรงจิกที่แผ่นหลังสร้างความเสียวซ่านจนไม่อาจผ่อนแรง

ผมปล่อยเสียงครางออกมา และก่อนที่จะหลุดชื่อทะเลออกมาอีกครั้งป็อปก็คว้าคอผมไปจูบและขบกัดที่ริมฝีปากจนได้เลือด ผมผละออกจับสะโพกและกระแทกตัวเข้าลึก

“บลู...มองกู" เสียงป็อปเรียกผมจากจินตนาการ ผมยังคงไม่สนใจและหลับตาอยู่อย่างนั้น

จนรู้สึกได้ถึงแรงตบที่ใบหน้า
“ลืมตา มองกูสิ!”

ผมลืมตามองป็อปที่น้ำตากบตา

“อึก กูเจ็บ"
“.......”
“อย่าคิดถึงคนอื่นได้ไหม"
“.......”
“มองกูบ้าง"

ขณะที่ป็อปพร่ำพูดผมยังคงไม่หยุดการกระทำ แต่สายตาจ้องมองคนตรงหน้า

“เรียกชื่อกูสิ"

ผมก้มหน้าลงซบซอกคอ ป็อปโอบกอดตัวผม เราแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ช่วงเวลานี้ผมเลือกที่จะหลบตา

“ป็อป...” ผมเอ่ยเรียกตามที่อีกฝ่ายร้องขอ

ทะเล ทะเล

ได้แต่เรียกชื่อนี้อยู่ในใจ

“บลู...รัก...”

ทะเล

“อึก...บลู...กูรักมึง..."
.
.
.
.
.
.
.
.
ตลอดมา...ผมรู้ว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน
เป็นสัตว์สังคมที่ไม่อาจอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
หากอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะมีความรู้สึกที่เรียกว่า 'ความเหงา'

เมื่อก่อนผมคิดแค่ว่าขอใครสักคน ใครก็ได้ที่เห็นผมมีตัวตน เพื่อที่จะให้เขากำจัดความเหงาที่ผมมี
มาวันนี้...เมื่อมีคนๆนึงที่พร้อมจะรับทุกอย่างที่เป็นผม แต่ไม่ใช่คนที่ผมต้องการ
ผมถึงเข้าใจ...

บางทีความรู้สึกเหงาก็ไม่ได้เกิดจากการไม่มีใคร
เพียงแค่คนๆนั้นไม่ใช่...จิตใจผมก็ยังคงว่างเปล่าและโดดเดี่ยวอย่างที่เคย

(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/6FakePlasticTrees1_zpsafbcdc9d.jpg)

Song Titles :  Fake Plastic Trees
Artist : Radiohead

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ มันทำให้รู้ว่ามีคนอ่าน คนชอบ ไม่ชอบ หรือติดตามอยู่บ้าง  o18
เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 28-02-2013 03:05:38
ป๊อบชอบบลู คงจะทำให้ทะเลเข้าใจผิดแน่ๆเลย แต่บลูก็เป็นคนเริ่มเองนะ ดูว่าจะหาทางแก้ยังไง
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 28-02-2013 07:52:45
โอ๊ยยยสงสารป๊อปปปปปล่อยป๊อปไปน้าบลู
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 28-02-2013 23:15:43
มีความรู้สึกว่า ทะเลกับบลูชอบกันก็จริง แต่ต่างคนต่างคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยเราไม่รู้ว่าพ่อแม่ทะเลจะว่ายังไง หากสมมติบลู กับ ทะเล คบกันแบบคนรักไม่ใช่แบบพี่น้องอีกต่อไป เพราะบลูก็เป็นคนมีประวัติ หากคบกัน พ่อแม่ทะเลคงจะโทษว่าเป็นความผิดของบลูที่ทำให้ทะเลเปลี่ยนไป คนที่เจ็บปวดไม่สิ้นสุด สุดท้ายก็คือบลู

บลูเปลี่ยนใจไปชอบป๊อบได้คงจะเจ็บปวดน้อยกว่าไหม

ปล / ตอนอ่านตอนแรกๆ คิดว่าบลูเป็นนายเอก และป๊อปเป็นพระเอก เพราะตอนที่ป๊อปเปิดตัวนี่อย่างแมน มีเล่นดนตรงดนตรี แต่ไหงมาโดนบลูกดซะงั้น  :laugh:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-02-2013 23:38:18
ชีวิต อารมณ์ มนุษย์ ซับซ้อนเกินจะทำให้ทุกอย่างแก้ไขได้ง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 01-03-2013 08:01:06
เจ็บใทนทุกคนเลย
อ่านแล้วอินมากกกก  สงสารเล ไม่ได้รู้อะไรด้วยเลยแท้ๆ   โฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 01-03-2013 13:26:06
เรื่องนี้ไม่อยากโทษบลูเลย
แต่เธอผิดเต็มนะรู้เปล่า
อยากให้บลูเป็นคนร้าย
เป็นคนใจจืดใจดำ
พอถึงจุดๆหนึ่งเป็นแบบนั้นนะแล้วไปหาน้องเล
แต่ป๊อบจะน่าสงสารมาก
ป๊อบน่าสงสารอ่าาาาาาาา แต่เพราะเขารักเขาถึงยอมไง
ถึงจะอยากให้บลูเป็นคนใจร้ายแค่ไหน
แต่เอาจริงๆก็อยากให้เขาแก้ปมที่ตัวเองสร้าง
ยืดอกแบบแมนๆไปเลย
ชอบผช แบยเล บริสุทธิ์อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 01-03-2013 20:46:44
จริงค่ะ ถึงเราจะคิดว่าขอใครสักคนก็ได้ แต่ในความเป็นจริงเราย่อมอยากให้เป็นคนที่เราต้องการมากกว่า จะเรียกว่าได้คืบจะเอาศอกได้มั้ยนี่การกระทำของนายบลู ตอนเด็กๆเคยคิดว่าจะเอาเท่านี้ พอได้แล้วก็จะเอาอีก แต่อดีตของบลูน่าสงสารเพราะเติบโตมาในสังคมเกือบไร้ความรัก แถมยังมีเรื่องของโลกีย์ อบายมุขอยู่ตลอด อยู่มาตั้งแต่เด็กนะยังไงก็ซึมซับมาอยู่แล้ว มันไม่ใช่การซึมซับด้วยความนึกคิดแต่มันเป็นการฝังใจ จนบางครั้งมันมาหลบซ่อนในรูปแบบจิตใต้สำนึก เราเองก็เริ่มกลัวบลูอ่ะ เพราะถ้าขาดสติขึ้นมาเมื่อไรสัญชาตญาณดิบในตัวต้องทำงานแน่นอน แต่อย่ามาทำกับน้องทะเลล่ะไม่งั้นเอ็งเจอ  :z6:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 02-03-2013 01:29:48
สงสารทั้งสามคนเลย แต่สงสารป๊อปที่สุดละ รักเขาข้างเดียวมันก็เจ็บอย่างนี้แหละหนา หวังว่าป๊อปคงไม่คิดทำอะไรไม่ดีกับทะเลแล้วกันน้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-03-2013 01:44:31
ใครสักคนที่เรารัก  ไม่ใช่  ใครสักคนที่รักเรา
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 02-03-2013 05:31:04
สนุกมากกกกกก ดาร์คแบบสะใจ สงสารบลูสุดๆ
อยากเห็นทะเลในโลกของสีฟ้าจริงๆแล้ว
ขอบคุณนะคะที่เขียนมาให้อ่าน ชอบมากๆ :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 03-03-2013 10:52:02
โอ้ยยยยยยยยยยย อะไรกันเนี่ย
ดราม่าซับซ้อน มองตอนจบไม่ถูก
ชอบเหลือเกินนนนนน คลั่งไคล้เลยยยยยยยยยย
ป๊อบ นาย.. ฮึก เราสงสารนายว่ะ
บลู..ป๊อบก็ดีนะ แต่นายคงฝังใจกับทะเลไว้มาก..
เอาเป็นว่าติดตาม ตามต่อ ตามติดฮะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 03-03-2013 15:15:46
สงสารใครดี TT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 03-03-2013 17:50:39
กรีดร้องงงงงง
มันอึนและทะมึนมากๆ
น่าสงสารทุกคนเลย
 :z3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 6 ] 28-02-13
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 07-03-2013 16:55:19
ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 07-03-2013 18:27:14
- 7 -
Love Will Come Through

http://www.youtube.com/v/90Cf3q-IYUQ?version=3&amp;hl=en_US

ผมควงไม้กลองเล่นอยู่ในห้องซ้อม วันนี้ไม่มีใครว่างแต่ผมก็ยังมาเพราะอยากอยู่คนเดียว

ช่วงนี้ดูอะไรๆก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด ผมกำลังทำตัวไม่ถูกกับเพื่อน กำลังสับสน และความรู้สึกอีกหลายอย่างที่ประดังประเดเข้ามา

“บลู...กูรักมึง"

คำๆนี้มันก็ยังดังก้องอยู่ในหัว ผมพยายามไม่สนใจ ทำตัวเหมือนกับว่าไม่ได้ยินที่ป็อปพูดแต่ความสับสนในแววตาผมคงบ่งบอกชัดว่ารับรู้มันชัดเจน

รัก...ผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้และไม่เคยมีใครพูดกับผมมาก่อน ผมไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังรู้สึกยังไง

ผมได้ความรักที่ผมเคยโหยหา ทำไมผมไม่รู้สึกดีใจ แต่กลับหนักใจ ทันทีที่ป็อปพูดคำนั้นออกมาก็เหมือนก้าวผ่านเส้นบางๆที่ไม่ควรจะข้ามมา

มันทำให้ผมอึดอัด

มันไม่ใช่แค่ความต้องการของร่างกายอีกต่อไป แต่มีส่วนของความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง ผมได้คำตอบของน้ำตานั้นแล้ว มันไม่ได้มาจากความเจ็บปวดทางร่ายกายอย่างที่ผมบอกตัวเอง และผมคิดว่าผมควรจะหยุดก่อนจะทำร้ายเพื่อนไปมากกว่านี้

'คืนนี้ที่เดิมนะ'

ผมมองข้อความในโทรศัพท์นิ่งแล้วถอนหายใจ ยังไม่พร้อมที่จะเจอ

'วันนี้ไม่ว่าง ไว้วันหลังค่อยเจอกัน' ผมตอบไปแบบนั้นเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ออกจากห้องซ้อมแล้วตรงกลับบ้าน

“พี่บลู!” ผมอาบน้ำออกมาก็เห็นทะเลมานั่งอยู่บนเตียงแล้ว
“เดือนหน้ามีงานโรงเรียน พี่บลูไปดูวงเลเล่นดนตรีนะ" ทะเลยิ้มบอก ดูก็รู้ว่าตื่นเต้น
“ดูก่อน"
“ดูอะไรล่ะ"
“ไม่รู้ ดูก่อน"
“ยังไงก็ต้องไปนะ"
“ถ้าพี่มีเรียนล่ะ"
“ก็โดดสิ ยากอะไร" ผมฟังยิ้มๆไม่รับปาก แล้วทิ้งตัวลงนอนตัก หลับตาให้ทะเลลูบผมเล่น ลูบไปลูบมาก็มากดที่หว่างคิ้วผม

“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมช่วงนี้ดูเครียดๆ"
“เปล่านี่"
“แต่หน้าพี่มันบอกนะ"
“คิดมากน่า"

ทะเลไม่ได้ว่าอะไรต่อ ผมจับมือที่กดหว่างคิ้วมาไว้ตรงอก อยากจะหลับไปทั้งอย่างนี้

กับคนๆนี้ทำไมถึงมีผลต่อจิตใจผมนัก ทะเลจะรู้รึเปล่า มือที่ผมจับมาไว้ตรงอกจะรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่แรงผิดปกติไหม ทะเลเป็นคนเดียวที่ผมอยากกระทำรุนแรงอย่างถึงที่สุดและอยากจะอ่อนโยนทะนุถนอมอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกัน ทั้งไม่อยากจะให้ใครมายุ่ง เป็นคนที่ผมคิดว่าหากเสียไปโลกของผมก็คงกลับมามืดมิดอีกครั้ง

ใช่ ผมต้องรักษาไว้ ห้ามทำร้ายเด็ดขาด

“พี่บลู...”
“อืมม...”ทะเลเรียกผมเบาๆ ผมก็ครางในลำคอตอบ แต่เห็นทะเลเงียบไปเลยลืมตามอง
“เรียกทำไม"
“เปล่า...เมื่อยขาแล้ว นอนกันเหอะ" ทะเลตอบแบบไม่สบตา ผมลุกขึ้นไปปิดไฟ คืนนั้นเราก็หลับกันไปทั้งๆที่มือประสานกันอย่างเคย

........

เสียงร้องของตูนทำให้ผมล่องลอยได้ชั่วขณะ

ผมบอกได้เลยว่ามันมีจิตวิญญาณอยู่ในนั้น แต่เจ้าตัวอาจไม่รู้ หลังจากเลิกเรียนวันนี้ผมก็ชวนตูนมาห้องซ้อมพร้อมๆกัน มันบอกว่าไม่เคยร้องจริงจังมาก่อนเลยออกจะกังวลที่ต้องมาร้องกับวง ยิ่งมันเป็นคนเงียบๆด้วยแล้วเลยไม่คิดว่าจะเอนเตอร์เทนใครได้ มันก็อาจจะจริงอย่างที่เจ้าตัวบอก...คนอย่างไอ้ตูนเหมาะกับคำว่าหยิ่งของแท้ ทั้งการปรายตามองคนอื่น หน้าเชิด เวลาพูดด้วยบางทีมันก็ไม่ตอบถ้ามันไม่อยากพูด ถึงอย่างนั้นคนก็ยังชอบเข้าหามันและแกล้งให้มันหงุดหงิดอยู่บ่อยๆ

พอมันร้องไปเพลงนึงเราก็เหมือนติดลม อยากฟังมันร้องอีกเลยเล่นให้มันร้องต่ออีกสองสามเพลง ในใจแต่ละคนคงคิดไปต่างๆนานาว่าต้องให้มันเข้าวงให้ได้เพราะแต่ละเพลงที่มันร้องไม่ได้เหมือนต้นฉบับแต่ก็เพราะในแบบของมัน...แบบที่เราต้องการ

“น้องตูนมาอยู่วงเราเถอะ" ไอ้ร็อคที่ไม่ได้มีศิลปะในการชักชวนก็เอ่ยเอาดื้อๆ ผมแอบยิ้มอย่างที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“อย่าเรียกว่าน้องตูน"
“ก็น้องชื่อตูนไม่ใช่เหรอครับ"
“ก็เรียกตูนเฉยๆสิ"
“ก็เรียกน้องตูนแล้วดูน่ารักเหมาะกับหน้า..."
“บลู กูไปนะ"
“เฮ้ย ล้อเล่น!  เรียกตูนเฉยๆก็ได้ แค่นี้ทำงอน" ตูนปรายตามองนิ่งๆอย่างที่มันชอบทำ ผมรู้ว่ามันเริ่มจะหงุดหงิดมากเลยรีบพูด

“เคยไปดูที่ร้านรึยัง" ผมถาม มันก็ส่ายหน้า
“งั้นวันนี้ไปดูไหมละ จะได้รู้ว่าเป็นไง"
“ก็ได้ แต่มึงต้องไปส่งกูที่หอนะ" ผมพยักหน้าทีนึงเป็นเชิงว่าโอเค พอตกลงกันได้เราก็ไปหาอะไรกินกันแล้วค่อยไปที่ร้าน ไอ้ร็อคดูคึกแปลกๆจากปกติ มันก็ชอบกวนตีนตูนอยู่เรื่อยจนตูนแทบไม่อยากจะมองหน้า ผมว่าถ้าตูนมันจะไม่เข้าวงเราก็เพราะไอ้ร็อคมันนี่แหละ

“มึงอย่าไปกวนตีนไอ้ตูนมันมากสิวะ" ผมบอกไอ้ร็อค เรานั่งสูบบุหรี่หน้าร้านกันสองคนเลยได้โอกาสเตือนมัน
“ก็มันน่าแกล้ง"
“ห่า คิดอะไรกับเพื่อนกู" ไอ้ร็อคมันยิ้มกวนตีน
“ไม่รู้ รู้แต่มันน่ารัก"
“คนคิดอย่างมึงเยอะแยะ"
“จริงเหรอวะ"
“ไม่จริงมั้ง มึงดูหน้ามันเอาเองแล้วกัน"
“กูไม่กวนตีนก็ได้ มึงก็ช่วยพูดให้มันอยู่วงเราให้ได้ละกัน" ผมยิ้มมุมปากกวนตีนยังไม่ตอบมัน

บุหรี่หมดมวนแต่เราก็ยังนั่งอยู่หน้าร้าน ข้างในยังวุ่นวายเตรียมร้านกันอยู่เราเลยยังนั่งตรงนี้ ต่างคนต่างใจลอย เงียบกันอยู่นาน เห็นร็อคมีท่าทีกังวลใจอะไรสักอย่างดูจากสีหน้า ผมเลยตัดสินใจถาม

“มีเรื่องอะไรรึเปล่า" ร็อคจ้องหน้าผมนิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“กู...รู้เรื่องมึงกับป็อป..."

ผมไม่ตกใจที่มันบอก ใจจริงก็ไม่อยากปิดบังอะไร แต่เรื่องแบบนี้มันพูดลำบากทั้งยังยากเข้าใจ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่"
“วันนั้นที่มึงมานอนบ้านกู" ตั้งแต่ครั้งแรก...แต่ร็อคก็ทำเหมือนกับว่าไม่ได้รู้อะไร
“ป็อปไม่รู้ว่ากูรู้หรอก มันไม่เคยพูด แต่มันหายไปบ่อยๆกูก็เดาได้"
“โกรธกูรึเปล่า"
“โกรธทำไมวะ เรื่องของมึงสองคน"
“..........”
“แต่ใช่ว่ากูจะไม่ห่วง กูรู้ว่าป็อปชอบมึง...มาก"
“........”
“หลังๆมาเห็นมันเครียด บางทีก็ร้องไห้ มันเป็นพวกอ่อนไหวง่ายมึงก็รู้ กูไม่อยากยุ่งแต่ก็ห่วงมัน"
“กูกำลังสับสน อยากจะให้มันจบ แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง"
“มึงเลยหลบหน้ามัน" ผมเงียบไม่ตอบรับอะไรทั้งที่มันคือความจริง
“กูผิดเองที่เป็นคนเริ่มทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับป็อป"
“งั้นมึงก็ควรจะบอกไปให้มันทำใจ ปล่อยค้างคาแบบนี้กูสงสารพี่กู"

ถึงผมจะบอกว่าอยากให้จบแต่มันก็ยังมีบางส่วนที่ไม่สามารถละทิ้งได้โดยสิ้นเชิง ผมกำลังเห็นแก่ตัว เห็นเพื่อนเป็นที่ระบาย ป็อปรับผมได้ทุกอย่างจนผมไม่อาจปล่อยไปอย่างง่ายดาย

ใช่ ผมไม่ใช่คนดี...ไม่ใช่...จนเข้าใกล้คำว่าเลวเต็มที

“พี่บลู" ทะเลลงจากมอเตอร์ไซค์ของก้านเรียกผมให้ตื่นจากความคิด ก้านจอดมอเตอร์ไซค์แล้วก็เดิมตามทะเลเข้ามาหาพวกเรา

คืนนี้วงเราขึ้นเล่นค่อนข้างช้าก็เลยนั่งดื่มกันอยู่หน้าร้าน พอทุกคนในวงมารวมตัวกัน ป็อปก็แนะนำแจ๊สให้รู้จักกับตูนอีกทีแล้วบอกว่าจะมาแทน สองคนนี้เคยเจอกันบ้างที่มหาลัยแต่ก็ไม่เคยคุยกันสักครั้ง แจ๊สก็ดูโอเคที่ได้คนแทนที่ถูกใจพี่ๆสักที ความจริงแจ๊สก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของวงเรากลายๆ เพราะความที่ดูแรงและมีเอกลักษณ์ ทำให้ดูเหมาะกับวงแบบนี้ เราเลยคิดกันว่าถ้าได้ตูนมาจะให้แจ๊สมาร้องแจมๆไปก่อนช่วงแรก ถ้าเปลี่ยนคนไปเลยอาจไม่ชินกันทั้งตัวคนดูและตัวนักร้องใหม่ น่าจะปล่อยให้ปรับตัวกันไปก่อน

จนถึงที่สุดแล้วคงทั้งบรรยากาศร้าน คนดู และเพลงที่เล่นทำให้ตูนตัดสินใจตอบตกลงเป็นนักร้องนำของวงเรา หลังจากเราเล่นเสร็จ กว่าจะตกลงให้ใครไปส่งตูนได้ก็เถียงกันอยู่พักใหญ่ เพราะทะเลมาด้วยก็ต้องกลับบ้านพร้อมผมอยู่แล้ว แต่ไอ้ตูนทวงสัญญาที่ผมบอกว่าจะเป็นคนไปส่งมัน ผมเลยบอกให้ทะเลรออยู่นี่ก่อนเดี๋ยวกลับมารับอีกที ก้านก็เสนอตัวขึ้นมาบอกเดี๋ยวไปส่งทะเลเองแต่ผมก็บอกปัด ไอ้ร็อคยืนฟังอยู่ก็อาสาไปส่งตูนให้ผมจะได้ไม่ต้องลำบากไปๆมาๆ ตอนแรกตูนก็ดื้อไม่ยอมไปยืนนิ่งไม่พูดไม่จา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะพวกเรายืนกดดัน ดูจากสายตาที่ตูนมองร็อค ผมคิดว่าถ้าหากไม่มีป็อปกับแจ๊สนั่งไปด้วยไอ้ตูนคงไม่ยอมให้ไปส่งมันอย่างแน่นอน

ผมมองข้างตัวเหลือแค่ผม ทะเล...และก้าน
ตอนนี้ผมอารมณ์กรุ่นๆ ไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ห้ามอารมณ์แบบนี้ไม่เคยได้ 

แต่จะไม่ให้ผมหงุดหงิดได้ยังไง

ตลอดเวลาที่ผมเล่นอยู่แน่นอนว่าสายตาผมแทบไม่ได้มองที่อื่น ทะเลอยู่ในสายตาผมตลอดแม้กระทั่งตอนที่ก้านจับมือทะเลดึงไปห้องน้ำด้วยกัน ตอนกลับมาจากห้องน้ำก็ยืนซ้อนหลังทะเลคอยกันแขนอยู่ข้างตัวคล้ายจะปกป้อง หรือในอีกแง่ก็เหมือนการแสดงความเป็นเจ้าของ ทำไมทะเลถึงใกล้ชิดกับก้านจนเหมือนเป็นเรื่องเคยชินแบบนั้น ยิ้มนั่นอีก มันทำให้ผมนึกหวั่น...กลัวว่าวันใดวันนึง...ทะเลจะรู้สึกแบบเดียวกับก้าน

เวลาที่ก้านเหลือบมาเห็นผมมองอยู่ก็ยิ้มให้ราวกับจะเยาะเย้ยกัน
ยิ้ม...เหมือนรู้ว่าผมหวั่นใจ

ยิ่งเห็นผมโกรธก้านก็คงจะพอใจ เมื่อรู้แบบนั้นแล้วผมก็ได้แต่ทำตัวปกติด้วยใบหน้านิ่งเฉย

“กลับดีๆ" ทะเลบอกลาก่อนที่ก้านจะกลับบ้านมันไปได้สักที

ผมจับมือของทะเล แล้วจูงมาที่มอเตอร์ไซค์ ทะเลสอดประสานนิ้วเข้ากับมือผม ทะเลชอบทำแบบนี้บ่อยๆระยะหลังมานี้และผมก็ชอบเพราะมันให้ทั้งความอบอุ่นและเป็นดูเป็นการกระทำที่พิเศษกว่าใคร

หวังว่ากับก้านคงไม่เคยทำแบบนี้

ผมคิด และนั่นทำให้ความหงุดหงิดที่มีมาตลอดลดลงจนแทบไม่เหลือ

.......

'ออกมาเจอกันหน่อย ที่เดิม จะรอ'

พอกลับถึงบ้านก็เปิดดูข้อความที่ถูกส่งมา ป็อปส่งมาทุกวัน ผมก็ตอบปฏิเสธไปทุกวัน แต่คำพูดของร็อคที่คุยกันทำให้ผมตัดสินใจจะไปเจอป็อปวันนี้ ยังไงก็คงต้องคุย

ทะเลอาบน้ำเรียบร้อยเข้ามาในห้อง เส้นผมเปียกน้ำหมาดๆทำให้ผมเรียกทะเลมานั่งบนเตียงแล้วเช็ดผมให้  ผมนั่งซ้อนหลัง เช็ดไปสายตาก็จดจ้องอยู่ที่ต้นคอ ลมหายใจติดขัดขึ้นมาเมื่อจิตนาการว่าถ้าได้ขบกัดลงไป...จะได้ยินเสียงร้องแบบไหนกัน...

อีกแล้ว...เผลออีกแล้ว

“แห้งแล้ว" ผมบอกแล้วลุกจากเตียง หยิบกระเป๋าตังค์และกุญแจ
“ไปไหนอะ"ทะเลถามมองผมงงๆ
“ไปเอาของ ลืมไว้ในรถไอ้ร็อค"
“รีบใช้เหรอ"
"อืม คงกลับช้า เลไปนอนห้องเลก็ได้"
“ไม่เอา ขอนอนนี่นะ รอพี่บลูกลับมา" ผมยิ้มให้เป็นคำตอบแล้วออกมา

ผมยืนอยู่หน้าห้องมองแสงไฟในห้องที่ลอดใต้ประตู ป็อปคงจะมารออยู่นานแล้ว ผมยังไม่เปิดประตูเข้าไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดกับป็อปยังไง

แต่เหมือนป็อปจะเห็นเงาเท้าผมที่ยืนอยู่หน้าห้องเลยเปิดประตูออกมา เรายืนจ้องกันนิ่ง แม้จะเจอกันช่วงซ้อมหรือเล่นด้วยกันที่ร้านเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันสักคำ ผมพยายามหลบสายตาที่ป็อปมองมาตลอดเวลา คราวนี้เมื่อผมจ้องมองเต็มตาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมร็อคถึงห่วงพี่มันนัก

สายตาป็อปมันดูเศร้า เหมือนร้องไห้อยู่ข้างใน

ผมดันป็อปเข้าห้องและปิดประตู เรายังคงจ้องกัน ผมยกมือขึ้นลูบหน้าป็อปเบาๆหวังอยากให้คลายความเศร้าลง หากทั้งหมดมันเป็นเพราะผม ผมก็อยากทำให้มันหายไป

“กูไม่น่าพูดออกมา...” ป็อปพูดเสียงสั่น
“ทำเป็นไปได้ยินได้ไหม...แล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิม"

“....มัน...คงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้" เมื่อผมพูด ป็อปก็โผเข้ากอดผมแน่น

“จะไม่พูดแล้ว ไม่อยากได้ยินก็จะไม่พูดอีก จะนึกถึงใคร พูดชื่อใครก็ได้ ขอแค่มาเจอกันเหมือนเดิม" เสียงสะอื้นดังตามมาหลังจากพูดจบ ผมกอดตอบแล้วลูบหลัง ป็อปก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้น
“กู...ไม่อยากทำมึงเจ็บ"
“ตอนนี้กูก็เจ็บ" น้ำตาที่หยดลงบนไหล่ผมรับรู้คำพูดนั้นของป็อปเป็นอย่างดีจนผมไม่อาจพูดอะไรได้อีก

“บลู...คบกับกูเถอะ ไม่ต้องรักก็ได้ กูจะไม่เรียกร้องอะไร แค่ให้กูจะเป็นตัวแทนของคนที่มึงต้องการ...เหมือนเดิม"
“...นะ" ป็อปละจากอ้อมกอดแล้วจูบผมเบาๆ แววตาร้องขอแวววาวด้วยน้ำตา

ความคิดของผมตีพันกัน ถ้าทำแบบนั้นป็อปจะมีความสุขจริงหรือเปล่า ยอมที่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้ ยอมที่จะให้ผมนึกถึงคนอื่น ผมรู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนั้นมันผิด ทั้งๆที่ผมไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับป็อป อยากจะจบความสัมพันธ์ที่ก้ำกึ่งเกินเพื่อน แต่ลึกๆในใจผมจริงๆแล้วก็ไม่อาจตัดใจละทิ้งได้

ผมคิดถึงทะเล และก็คิดว่าคงไม่สามารถทำอย่างที่ใจต้องการได้ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ผมจะปกป้องทะเลจนกว่าจะได้สิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่กับผม คนที่ข้างในไม่ได้ใสสะอาด จิตใจที่แหว่งวิ่นแหลกเหลวจากตอนเด็กเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น มันแหลกละเอียดเกินไปจนไม่อาจหลอมรวมให้เป็นปกติ

ยังไงก็คงเป็นไปไม่ได้

ถ้าหากว่าเป็นป็อปที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคนนี้ คนที่เห็นผมสำคัญ คนที่ยอมนอนกับผมโดยไม่ได้ถอยห่างความร้ายกาจที่ผมกระทำ ซ้ำยังพยายามทำให้ผมมีความสุขในทุกๆครั้ง ในความรู้สึกผมก็ไม่อยากปล่อยไปจริงๆ

ผมสงสัย ในอนาคตผมจะรักเขาได้ไหม
มันคงต้องใช้เวลากว่าจะได้คำตอบนั้น

ผมจูบป็อปแล้วกระซิบติดริมฝีปาก "ก็ได้"

น้ำตาหยดลงมาจากตาคู่นั้นอีกครั้งแต่แววตาไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่เคย มันไหวระริกคล้ายดีใจ ผมกระชากเข้ามาบดจูบแล้วผลักลงบนเตียง ความรุนแรงที่ไม่เคยลดลงกลับมีแต่จะเพิ่มขึ้น ร่องรอยขบกัดขึ้นสีจนทั่วตัวและเสียงร้องปานขาดใจ ทำให้รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน

ยิ่งรู้ว่าเจ็บแต่ป็อปก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆผมก็ยิ่งได้ใจ ทั้งคิดถึงและเรียกชื่อคนที่ต้องการออกมา

ป็อปเป็นคนเลือกเอง ผมไม่ผิด

มันเป็นข้ออ้างที่ผมใช้ แทนที่จะปล่อยมือผมกลับกระชากป็อปลงมาเจ็บปวดด้วยกัน

คนบางคนรู้ว่าจะต้องเจ็บปวดแต่ก็ยังไม่ตัดใจ...จนถึงที่สุดกว่าจะรู้ตัวก็ปางตาย

ผมกับป็อป เราก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมื่อทุกอย่างสิ้นสุด ทุกอย่างรอบตัวเงียบงัน ป็อปหลับไปโดยที่ยังกอดเอวผมอยู่ เนิ่นนานจนแน่ใจว่าหลับสนิทแล้วผมก็ยกแขนป็อปขึ้นพาตัวเองออกมาและตรงกลับบ้าน

มีคนรอผมอยู่

ผมเข้าไปในห้องตัวเองที่ยังไม่ได้ปิดไฟ ทะเลนอนนิ่งหลับไปแล้ว ผมอาบน้ำก่อนที่จะปิดไฟแล้วค่อยๆก้าวขึ้นเตียงไม่อยากให้ทะเลตื่น

“กลับมาแล้วเหรอ" ทะเลที่รู้สึกตัวจากน้ำหนักผมที่นอนลงข้างๆถามเบาๆอย่างงัวเงีย
“อืม นอนเถอะ" ผมบอก กอดทะเลจากด้านหลังแล้วซบหน้าลงแถวๆต้นคอ ทะเลเกร็งตัวจนรู้สึกได้ ผมเลยชักมือออกแต่ทะเลก็เอื้อมคว้ามือผมไปกระชับรอบเอวเหมือนเดิม

ความอ่อนโยนของทะเลและสัมผัสของร่างกายตอนนี้ให้ความรู้สึกเต็มตื้น

แค่นี้ก็พอแล้ว

ผมมีคนสนองความรู้สึกทางจิตใจคนหนึ่ง
มีคนสนองความต้องการทางร่างกายอีกคนหหนึ่ง

ทั้งสองไม่อาจรวมเป็นหนึ่ง

สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่...มันเป็นการกระทำของคนเลวใช่หรือเปล่า


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/7LoveWillComeThrough_zps528c9216.jpg)

Song Titles :  Love Will Come Through
Artist :  Travis

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 07-03-2013 18:39:24
เหยดดดด..
ป๊อบเอ้ย.. น่าสงสาร อยากให้นายสมหวังนะ
ชอบคาแรคเตอร์บลู มันดูเป็นมนุษย์ดี มนุษย์ที่เห็นแก่ตัวรักโลภโกรธหลง
ไม่มีใครเพอร์เฟคจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-03-2013 18:58:37
โคตรเลวค่ะ


ไม่อยากจะสงสารแต่ก็สงสารไปแล้ว ใช่ว่าตัวบลูจะมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-03-2013 19:00:40
 เลือกคนน่าสงสารไม่ถูกกก  ฮืออออออออ
สงสารคนอ่านเองดีกว่า ติดเรื่องนี้งอมม
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-03-2013 21:24:00

ตายดีกว่า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 07-03-2013 21:51:32
อยากเมนท์แบบเดิมมากว่า

สงสารใครดี (นี่ก็เมนท์เหมือนเดิมนี่ยะ)

โอ๊ยยยยย TT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 07-03-2013 22:57:09
แค่อ่านตอนแรกน้ำตาก็ไหล ทำไมไม่รู้มันทำให้คิด ถึงเด็กที่เขาไม่มีโอกาศดีๆ เขาจะรู้สึกแบบนี้หรือเปล่า? เงียบเหงา ว้าเหว่ เด็กที่มีแม่ แต่แม่ไม่สนใจใยดี เขาจะต้องการความรักแบบสีฟ้ารึเปล่า?

ตอนที่สอง เข้าใจสีฟ้าว่าเพราะอดีตจึงไม่กล้าเปิดใจและคิดเสมอว่าต้องการความรักแต่ไม่ได้ ดีใจนะที่ทะเลช่วยให้โลกใบใหม่ของสีฟ้าสว่างสดใสขึ้น

ป๊อปเหมือนจะชอบบลูใช่ไหม ถ้าชอบงั้นมันคงเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดเอามากๆ

โอเค สรุปว่าชอบ ปวดใจจัง แผลที่เจ็บอยู่แล้ว ทำไมต้องเอามีดไปกรีดซ้ำด้วยนะทั้งป๊อปและสีฟ้าเลย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 07-03-2013 23:31:41
ถ้าบลูรักป๊อบได้ก็คงดีนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 08-03-2013 01:08:22
คนไม่รักยังไงเขาก็ไม่รักอะป๊อปเอ้ย  :เฮ้อ: หากวันหนึ่งบลูสมหวังกับทะเลขึ้นมา คิดว่าตัวเองทนดูได้ไหม สงสารป๊อบ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 08-03-2013 01:17:17
สงสารทุกคน ;______;

เศร้า,,,,
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 08-03-2013 07:46:47
อ่อดิบลูมันเป็นการกระทำขคนเลวววว . อ๊ากกกให้ป๊อปเป็นนายเอกได้ม๊ายยยย

โอ๊ยยยสงสารอะ บลูก็ไม่ค่อยสำนึกเท่าไหร่ ยังจะเรียกชื่อคนอื่นอยู่อีกฮึ่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 08-03-2013 07:49:29
โอ้
 :sad4:
เศร้าสุดใจ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Tasaitatsu ที่ 08-03-2013 13:13:07
เฮ้ออออออออออออออออออออ

ไม่รู้จะสงสารและเห็นใจใครดี
แต่ละคนก็มีปมในใจกันทั้งนั้น ทั้งเรื่องที่เปิดเผยได้ และเรื่องที่ต้องเก็บและกดมันเอาไว้

เรื่องนี้มัน ดาร์คอินโซบลูจริงๆ แต่ก็ชอบ /เอ๊ะยังไง
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 08-03-2013 14:57:59

คนเราเลือกเกิดไม่ได้

แต่บางครั้งเลือกที่จะทำหรือไม่ทำได้

ใครเลือกทำอะไรก็เตรียมตัวรับผลของการกระทำนั้นด้วย

+ เป็ดค่ะ

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 08-03-2013 20:42:33
ก็เลือกจะเจ็บเองนะป๊อบ
แต่บลูก็เห็นแก่ตัว ใช้อารมณ์มากไปหน่อย ไม่ได้นึกถึงผลที่จะตามมาเลย
มองแบบเป็นกลางๆก็น่าสงสารทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: soluna ที่ 08-03-2013 23:13:04
ควรจะสงสารใครดีน่ะ
 :m15: :monkeysad:
น่าสงสารทั้งนั้น
ทุกคนต่างก็มีปัญหา มีแนวคิดเป็นของตัวเองทั้งนั้น

อยากรู้เกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของ ก้าน - เล
เลดูอ่อนต่อโลกเกินไป   
น่ารักเกิ๊นนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 7 ] 07-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 12-03-2013 15:14:41
ไม่มีใครทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเราได้ไปตลอดชีวิต
บลูเลือกอย่างนี้ ในอนาคตต้องมีปัญหาแน่เลย
แล้วอีกอย่าง เราว่าน้องเลชอบบลูน้า สารภาพไปเห้อ เดี๋ยวก้านคาบไปกินนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 14-03-2013 20:33:03
- 8 -
Kiss Me

http://www.youtube.com/v/kFfKb_WEkCE?hl=en_US&amp;version=3

ภาพตรงหน้าทำผมใจสั่น

ผมเคยแต่มองทะเลจากบนเวทีลงมาข้างล่างท่ามกลางฝูงชน วันนี้ ที่นี่ เราสลับตำแหน่งกัน ผมมองทะเลที่เล่นกีตาร์อยู่บนเวที ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานทะเลดูเจิดจ้าโดดเด่นที่สุด คนๆนี้เหมาะที่จะอยู่ตรงนั้น ทะเลมองเห็นผมและเราก็สบตากันบ่อยครั้ง รอยยิ้มสดใสนั่นก็ส่งมาให้ผม 

บางที...ผมก็ไม่อยากให้ใครเห็นรอยยิ้มของทะเลที่เป็นของผม มันน่ารักจนผมเกิดนึกหวง

ผมไม่ฟังเสียงซาวด์แตกๆจากลำโพงหรือเสียงร้องของก้านสักนิด มองอยู่แค่คนๆเดียว

ทะเล

ทะเล...ที่ไม่ได้เป็นผู้ชายตัวเล็ก ส่วนสูงพอๆกับผู้ชายทั่วไป ไหล่ที่สะพายกีตาร์นั่นก็กว้างหากแต่ทั้งร่างผอมบาง ทั้งแสงไฟ ความตื่นเต้น และการกระโดดไปตามจังหวะทำให้ใบหน้าและตามตัวชื้นเหงื่อ เป็นภาพที่น่ามองและน่าจดจำ

แต่ก็มีภาพบางภาพที่บาดตาเหมือนจงใจแกล้งกัน เมื่อนักร้องนำเดินมากอดคอมือกีตาร์ หากจะมองให้ปกติมันก็ปกติเป็นการกระทำทั่วไปของนักดนตรี แต่ผมไม่ได้มองแบบนั้น เพราะแววตาของนักร้องนำที่ส่งตรงมามันมีแววท้าทายเสมอๆ ทันทีที่ก้านเดินมากอดคอทะเลก็ละความสนใจไปจากผม หันไปมองเพื่อนสนิทและยิ้มให้กัน

เห็นแล้วก็ร้อนวูบวาบในอก

“กูไปรอข้างนอกนะ" ป็อปที่ยืนข้างผมบอก ผมพยักหน้าโดยที่ยังไม่ละสายตาจากเวที

“เล่นใช้ได้เลยนะ"ร็อคที่ยังยืนอยู่ข้างๆเอ่ยปากชม
“ดูแล้วคิดถึงตอนอยู่โรงเรียนเลยว่ะ"

ผมได้แต่เงียบเพราะไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ไม่เคยมีเพื่อนวัยเด็ก ไม่เคยมีช่วงเวลาดีๆหรือใครให้หวนถึง ผมคิดแล้วก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก

“กูว่าเลเล่นเก่งพอๆกับป็อปแล้ว มึงว่าไหม"
“อืม งั้นมั้ง" ผมตอบปัดๆ ไม่อยากจะคิดเปรียบเทียบ...คนทั้งสอง...

เรื่องที่ตกลงว่าคบกันผมกับป็อปไม่ได้บอกใคร แค่รับรู้กันสองคน ถึงป็อปจะหายไปบ่อยๆเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้เศร้าอย่างเคย ร็อคก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรแค่มองเราอย่างสงสัยในบางครั้ง ทะเลเองก็ถามบางวันที่ผมกลับดึก ผมก็ได้แต่บอกว่าทำงานกับเพื่อนบ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง

ความจริงก็คือ...ผมไม่อยากให้ทะเลรู้เรื่องของผมกับป็อป

ทะเลเป็นคนสุดท้ายที่ผมอยากให้รู้ ผมไม่รู้หรอกว่าทะเลจะรู้สึกยังไง แต่ผมก็ไม่อยากให้ทะเลคิดว่าผมเห็นใครสำคัญกว่า...
ไม่อยาก...ให้เห็นผมเป็นของใครและเห็นใครที่เป็นของผม

ยิ่งป็อปไม่เคยเรียกร้องอะไรอย่างที่บอกกับผมไว้ผมก็ยิ่งเห็นแก่ตัวขึ้นทุกที แต่ตราบใดที่ป็อปยังคงยินยอมผมก็ยังจะให้มันดำเนินต่อไป หากการร้องขอมากขึ้นจนผมไม่อาจตอบสนองหรือป็อปเป็นฝ่ายอยากหยุดผมก็พร้อมที่จะปล่อยมือ...

“พี่ป็อป เลเล่นเป็นไงบ้าง" ทะเลสะพายกีตาร์วิ่งมาหาพวกผมแล้วถามป็อปก่อนเป็นอย่างแรก
“เก่งแล้ว ซ้อมเยอะสิเรา" ป็อปพูดแล้วก็ยีหัวทะเล นักเรียนคนแรกของมัน ผมมองแล้วก็รู้สึกสงสัยในใจ สงสัย...ว่าในใจนั่นจะรู้สึกยังไง...กับเจ้าของชื่อที่ผมมักจะเรียกอยู่ทุกครั้ง

ป็อปไม่เคยมีท่าทีผิดปกติกับทะเลเลยไม่ว่าตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ บางทีผมอาจคิดมากไปเองที่กลัวป็อปจะรู้สึกไม่ดีกับทะเล แต่เมื่อเห็นแบบนี้มันก็ทำให้ผมไม่ติดใจและคิดอะไรอีก

ผมมองข้ามมันไปโดยไม่ได้รู้ว่าข้างในลึกๆแล้วที่ป็อปไม่แสดงออกให้เห็นก็ใช่ว่าจะเจ็บไม่เป็น

“พี่บลูคืนนี้เลไปกินข้าวกับเพื่อนนะ อาจจะกลับดึก ฝากบอกแม่หน่อยสิ"
“ไปที่ไหน"
“ยังไม่รู้เลย ก็ตามๆมันไป บอกแม่ว่าไปกับก้านแหละ ไม่ต้องห่วง"

ผมพยักหน้าทั้งที่ในใจไม่อยากจะให้ไปแต่ก็ไม่มีสิทธิอะไรไปห้าม ยิ่งทะเลโตขึ้นยิ่งจะมีสังคมเป็นของตัวเอง สังคมที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและคงทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ

ถึงรู้ว่าควรปล่อยไปแต่ในใจก็รู้สึกเหงาและนึกกลัว หากวันใดวันนึงความสำคัญของผมลดลงจากชีวิตทะเล ลดลงไปเรื่อยๆจนไม่สามารถอยู่ข้างๆได้อีก...ถ้าถึงตอนนั้นผมจะเป็นยังไง...

....

ผมกลับมามหาลัยที่เพื่อนๆนัดติวตัวที่จะสอบกัน ป็อปกลับไปที่คณะในขณะที่ร็อคติดสอยห้อยตามผมมาที่ตึกด้วย เดาจุดประสงค์มันไม่ยาก เพราะมันดูจะติดใจเพื่อนผมอย่างเห็นได้ชัด ส่วนตัวเพื่อนผมก็ยังไม่มีท่าทีเป็นอื่นนอกจากเย็นชา ซ้ำยังจะดูเย็นชากับไอ้ร็อคเป็นพิเศษอีกด้วย

ตั้งแต่รู้จักกับร็อคมาคนที่มันคบด้วยผมไม่รู้จักแม้แต่ชื่อสักคน ผ่านมาและผ่านไปรวดเร็วไม่จริงจังซึ่งก็เข้ากับนิสัยมันดี ถึงจะทะลึ่งทะเล้น กวนตีนบ้าๆบอๆแต่นี่ก็คือเสน่ห์ของมัน มันเข้ากับคนง่ายและไม่ปฏิเสธคนที่เข้ามาผมก็เลยไม่เคยคิดจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมันมากเท่าไหร่

ตอนนี้ผมได้เห็นร็อคในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มุมที่เหมือนกำลังจีบใครสักคน เพราะตูนเป็นเพื่อนผม ผมก็เลยได้เห็นด้านนี้ของมัน นิสัยกวนตีนของร็อคกับปฏิกิริยาตอบสนองของตูนทำให้ผมชอบมองอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก เพราะมันดูไม่ซับซ้อน เป็นการกระทำที่แสดงความรู้สึกตรงๆซึ่งตรงข้ามกับผมอย่างสิ้นเชิง

“อ้าว พี่ร็อค หวัดดี!” ไอ้เคนร้องทักเมื่อผมสองคนนั่งลงกับพวกมัน เพราะเคนมันทักเสียงดังตูนเลยต้องเงยหน้ามองพวกเรา ตูนสบตาทั้งผมและร็อคก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือต่อไม่ได้ทักทายอะไรตามสไตล์ของมัน

ในขณะที่พวกผมนั่งติวกันร็อคมันก็นั่งเฉยๆเท้าคางมองตูนเงียบๆ คนอื่นๆก็คงไม่ได้คิดว่าร็อคมันรบกวนอะไรแต่คงไม่ใช่ในความรู้สึกตูน มันเงยหน้ามาทุกครั้งก็จะเจอแต่สายตาของไอ้ร็อคทำให้คิ้วมันเริ่มขมวดเข้าหากันมากขึ้นทุกที 

“กูไปซื้อน้ำนะ เอาไรกันรึเปล่า" ตูนบอกแล้วลุกขึ้น หน้าบ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดสุดขีด
“กูเอาเป็ปซี่"
“กูเอาโค้ก"
“กูเอา...”
“ถ้ามึงสั่งเอสก็แดกตีนกู" ไอ้ตูนบอกอย่างรู้ทัน พวกมันก็หัวเราะสะใจก่อนจะสั่งของกินกันไป
“เดี๋ยวไปช่วยถือ" ร็อคบอก รู้ทั้งรู้ว่าที่เขาไปซื้อของเพราะไม่อยากเห็นหน้ามันมันก็ยังเสนอหน้าเข้าไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรผมถือได้"
“จะไปซื้อน้ำอยู่พอดี" ถ้อยคำบ่งบอกความตั้งใจว่ายังไงก็จะไปด้วยทำให้ตูนไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินออกไปไม่สนใจคนที่บอกจะไปด้วยกัน

ผมนึกหวั่นๆกลัวตูนมันรำคาญไอ้ร็อคมากจนทนไม่ไหวและออกจากวงไปเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่ไอ้ร็อคบอกว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน กับพี่มันและผมมันยังไม่ถามทั้งที่เกี่ยวข้องกับตัวมันและวงโดยตรง ต่อเมื่อมันทนไม่ไหวหรือเป็นห่วงจริงๆถึงถาม ผมก็คงได้แต่มองดูเรื่องของมันกับตูนที่จะเป็นไปอยู่ห่างๆเช่นกัน

พวกมันหายไปนานก่อนจะกลับมาพร้อมของที่พวกเราสั่ง ตูนดูเฉยๆไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไรมากมายแล้ว ร็อคก็ยิ้มหน้าบานเหมือนคนบ้าอย่างที่มันชอบทำเวลาอารมณ์ดี เราติวกันจนฟ้าเริ่มมืดก็สลายตัวและแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมเดินมาที่มอเตอร์ไซค์คิดจะตรงกลับบ้านก็มีข้อความส่งเข้ามาก่อน

ผมเปิดดูข้อความของป็อป

'อยู่ไหน'

'ที่รถกำลังจะกลับ'

'เดี๋ยวไปหา รออยู่นั่นนะ'


ผมรอป็อปอย่างที่มันบอก ในระหว่างนี้ก็โทรหาน้าเพลงแล้วบอกว่าทะเลไปกินข้าวกับเพื่อน คงจะกลับช้าหน่อย ตัวผมตอนแรกที่คิดจะกลับบ้านก็บอกว่าคงกลับช้าด้วยเหมือนกัน

“ไปกินข้าวกัน" พอป็อปมาถึงผมก็ชวนไปกินข้าว ป็อปยิ้มรับคำชวนแล้วก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน

ผมขับพาไปกินที่ถนนคนเดินใกล้ๆหาด ไม่บ่อยที่เราจะไปไหนด้วยกันแบบนี้สองคนทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เรามักจะไปไหนๆกันสามคนโดยที่มีร็อคอยู่ด้วยซึ่งทำให้บรรยากศระหว่างพวกเราไม่มีความเงียบ ขณะที่เราเดินกันสองคนอยู่นี้แม้จะรู้สึกแปลกแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร และดูจากรอยยิ้มบางๆของป็อปก็เหมือนจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน

“ยังไม่อยากกลับเลย" ป็อปกระซิบบอกระหว่างที่ผมจะพาไปส่งที่บ้านแล้วกอดเอวผมแน่นขึ้น ความหมายสื่อชัดตามนั้น ผมเลยขับรถไปที่เดิมของเรา

“ขออ่านหนังสือนะ" ผมทิ้งตัวนั่งบนเตียงแล้วบอกป็อป วันนี้ไม่มีอารมณ์ทำแบบนั้นเท่าไหร่ แค่ยังไม่อยากกลับบ้านไปอยู่คนเดียวให้คิดฟุ้งซ่านว่าทะเลกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร

“อืม" ป็อปตอบรับ นองลงข้างๆแล้วมองผมอยู่เงียบๆ ผมไม่รู้สึกรำคาญสายตาที่จ้องมองผมตลอดเวลาแต่ก็ใช่จะมีสมาธิมากนัก เกิดจะเข้าใจไอ้ตูนขึ้นมาว่าเวลามีคนจ้องมากๆก็อยากจะรู้ขึ้นมาว่าเขาคิดอะไร ถึงได้จ้องกันแบบนี้

ระหว่างเราความรู้สึกมันซับซ้อนอยู่มาก การที่อยู่ด้วยกันโดยปราศจากการสื่อสารทางคำพูดและทางร่างกายบางทีก็ยากที่จะรู้ได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร สายตาที่เฝ้ามองผมนั้นผมตีความมันไม่ออก ผมวางหนังสือลงข้างเตียงและนอนลงหันหน้าเข้าหาป็อปที่มองผมอยู่ ผมเลือกที่จะไม่พูดออกมาและจ้องมองกลับคล้ายเป็นการถาม

“ถ้ากูพูดออกมา...มึงจะโกรธไหม" ป็อปเอ่ยถามผมในที่สุด
“พูดอะไร"
“......”
“ไม่โกรธหรอก พูดสิ"

“รัก"

“ป็อปรักบลู"

พอป็อปพูดจบก็จ้องหน้าผมเหมือนดูปฏิกิริยาว่าผมจะโกรธรึเปล่า ผมเลือกที่จะยิ้มให้เพื่อให้ป็อปสบายใจว่าผมไม่โกรธที่พูดคำนั้น จะให้ผมโกรธได้ยังไงในเมื่อเขารักผม แม้หัวใจไม่ได้สั่นไหวจากคำพูดนั่นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี

เมื่อเห็นผมยิ้มป็อปก็กระเถิบเข้าหาแล้วจูบผมแผ่วเบา ริมฝีปากที่กดลงมานิ่งค้างคล้ายเน้นย้ำคำพูดก่อนหน้า ก่อนจะค่อยๆขยับบดเบียดเปลี่ยนองศา ผมนอนนิ่งและตอบสนอง ไม่ได้รุกเข้าหา มันจึงเป็นจูบที่อ่อนโยนที่สุดของเรา

เพื่อตอบแทนคำว่ารักของป็อป สิ่งที่ผมให้ได้มันก็คงมีแค่นี้

ก่อนหน้าที่จะรู้จักน้าวิทย์กับน้าเพลงผมไม่รู้ความหมายของคำๆนี้ เพราะผมไม่เคยเห็นและรู้จัก
มันเป็นนามธรรมที่ผมสัมผัสไม่ได้

แต่ผมก็เคยอยากได้มันจากแม่...อยากได้ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร

ผมรู้สึกถึงมันครั้งแรกจากครอบครัวที่ผมอยู่ ครอบครัวที่ไม่เคยพูดคำว่ารักแก่กันแต่การกระทำทุกๆอย่างบ่งบอกชัด
รอยยิ้ม ความเอาใจใส่ ความห่วงใย ความอบอุ่น ความเข้าใจ มันคือทุกๆสิ่งรวมกัน

น้าวิทย์กับน้าเพลงทำให้ผมซึมซับคำๆนั้นและทำให้เห็นว่ามันมีอยู่จริง
ผมเพิ่งรู้ว่าคนบางคนเกิดจากความรักไม่ใช่เซ็กส์ที่มันฝังหัวผมอยู่ตั้งแต่เกิดต่อเมื่อได้เจอพวกเขา...ได้เจอทะเล

ตอนนี้ผมจึงรู้ว่าผมไม่ได้รักป็อปเพราะผมยังเห็นเป็นแค่เซ็กส์ มันเกิดขึ้นและจบไป ไม่มีความรู้สึกใดมากมายกว่านั้น

มันน่าเศร้าที่ผมรักคนที่รักผมไม่ได้

จูบนั้นสิ้นสุด ผมจ้องป็อปนิ่งนาน
ป็อปยิ้มแต่แววตาเจ็บปวดจนปิดไม่มิดเหมือนรับรู้สิ่งที่ผมคิด แล้วเอ่ยสั้นๆ

“กลับกันเถอะ"

......

ผมได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์เลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองลงมาทางหน้าต่าง

แม้ว่าผมจะกลับมานานจนเตรียมตัวจะนอนแล้วทะเลก็ยังไม่กลับมา นั่นทำให้ผมว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมมองลงไปแล้วเจอทะเลที่กลับมาแล้วก็ทำให้สงบใจได้บ้าง ก้านมาส่งทะเลเหมือนเคย ผมมองทั้งสองยืนคุยกันโดยที่ยังไม่มีทีท่าจะบอกลา ลักษณะของก้านกับทะเลเหมือนกำลังโต้เถียงอะไรกันอยู่

ท่าทีของทั้งสองคนดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อก้านเดินเข้าหาและทะเลก็ถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนที่ก้านจะเข้าหามากไปกว่านี้ทะเลก็ผลักก้านจนเซถอยหลังไป ก้านมีท่าทีโมโหก่อนจะกระชากทะเลเข้าไปจับต้นคอแล้วกดจูบ

ใจผมกระตุกวูบ

จูบสั้นเพียงแค่เสี้ยววิทะเลก็พลักก้านออก พูดอะไรบางอย่างแล้วเดินเข้าบ้าน

ผมผละจากหน้าต่าง ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง จิตใจวาบโหวงเหมือนทำอะไรหายไป ผมสับสนและสงสัย นั่นเหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนจูบกัน ผมรู้สึกแบบนั้น

ยิ่งคิด ก็ยิ่งปวดในอก

กำลังมีคนพยายามเอาทะเลไปจากผม เอาไปเป็นของตัวเอง...ต่อหน้าต่อตาผม

ความรู้สึกแบบนี้คืออะไรกัน ทำไมผมถึงเจ็บ...รู้สึกเจ็บ

ก๊อก ก๊อก

ผมตอบรับเสียงเคาะและเห็นทะเลในชุดนอนเดินเข้ามา นั่นทำให้รู้ว่าผมจมอยู่กับความคิดนานแค่ไหน ภาพเมื่อครู่ยังคนติดตาจนผมยังไม่สามารถมองหน้าทะเลตรงๆได้จึงบอกให้ทะเลปิดไฟ

ทะเลก้าวขึ้นเตียงมานอนข้างๆผมเงียบๆและดึงมือผมเข้าไปจับ ผมบีบตอบแน่นเหมือนกลัวใครจะดึงมือทะเลออกไปจากผม

ผมกำลังกลัว

ผมเคยคิดว่าทะเลจะเป็นของผมไม่ได้ เพราะผมไม่อยากจะทำร้ายทะเล
แต่ถ้าการที่ทะเลจะเป็นของใครแล้วผมจะเจ็บปวดขนาดนี้ ผมจะทนได้ยังไง

ในความคิดกับความเป็นจริงมันช่างแตกต่าง
ต่อเมื่อมันมาเกิดขึ้นตรงหน้าผมถึงรู้ว่าผมทนไม่ได้

“พี่บลู เป็นอะไร" เสียงทะเลถามผมให้ตื่นจากความคิด และผ่อนแรงที่บีบมือทะเลอยู่ ทะเลอาจจะเจ็บแต่ก็ถามผมอย่างเป็นห่วง ผมกุมมือทะเลเอามาไว้แนบอก รู้ตัวว่าผมกำลังตัวสั่นก็ตอนที่ทะเลขยับมาใกล้แล้วใช้แขนอีกข้างโอบตัวผมไว้

“เป็นอะไร บอกเลสิ"
“ไม่ได้...เป็นอะไร"
“ตอบแบบนี้ทุกที"
“เล...”
“หืม"
“ทะเล...”

ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่เรียกอยู่แบบนั้น ผมมองตาทะเลที่แวววาวอยู่ในความมืด ทั้งหมดของทะเลที่ผมสัมผัสอยู่ ทั้งมือ สายตาและทุกๆอย่าง ผมอยากให้คนๆนี้เป็นของผม

ถ้าผมจะทำแบบนั้น...มันจะผิดไหม

ถ้าผมทำ...จะผิดต่อน้าวิทย์กับน้าเพลงหรือเปล่า

ผมจ้องริมฝีปากของทะเลที่อยู่ตรงหน้า ภาพนั้นยังคงตามหลอกหลอนจนผมอยากจะลบรอย ผมอยากสัมผัส และก็อยากให้ทะเลรับรู้ถึงสัมผัสของผมเช่นกัน

ลมหายใจขัดเมื่อคิดถึงสิ่งที่คิดจะทำ ถ้าทำไปแล้ว...ทะเลจะโกรธ...จะหนีผมไปหรือเปล่า

สับสนไปหมดแล้ว

ทะเลเลื่อนมือที่กอดผมอยู่ขึ้นมาลูบที่หน้าผม สายตาเป็นกังวล ผมปล่อยมือที่กุมมือของทะเลออกแล้วดึงทะเลเข้ามากอดไว้ทั้งตัว ทะเลก็กอดตอบผมเหมือนทุกครั้ง เรากอดกันอยู่นาน ทะเลที่อยู่ในอ้อมกอดผมตอนนี้ทำให้ผมสงบใจลงได้บ้าง

การกอดเป็นสัมผัสที่ผมชอบเพราะทำให้อุ่นใจ ทะเลขยับตัวเล็กน้อย ผมก็คลายออกเพราะกลัวจะทำให้อึดอัด ทะเลยิ้มให้ผมเมื่อเราสบตากันอีกครั้ง รอยยิ้มนี้ทำให้ผมคิดจะไม่สนใจอะไรอีกต่อไป

ผมพลิกตัวคร่อมทะเลไว้ จ้องมองสีหน้าตกใจและแววตาสงสัยของทะเล สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่ริมฝีปากที่ยิ้มให้ผมเมื่อครู่

เป็นยิ้มที่ผมหวงจริงๆ

ผมโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ใจเต้นกระหน่ำรุนแรง

ทะเลหลับตาลงทันทีที่ผมแนบริมฝีปากลงไป เพียงแค่แตะแผ่วเบาก็ให้ความรู้สึกรุนแรงในใจ
ยิ่งกว่าครั้งนั้น ยิ่งกว่าครั้งไหน

ผมกดลงไปเบาๆ ซ้ำๆ ทะเลยกแขนขึ้นโอบรอบคอผมไว้แล้วกดให้แนบชิดเข้าไปอีก จากเบาๆก็บดเบียดกันแรงขึ้น ผมขบเม้มริมฝีปากจนได้ยินเสียงชัดเจนในความเงียบ

เนิ่นนานจนผละออก แล้วมองตาใสๆที่จ้องผมอยู่ ผมคิดว่าควรจะพอแต่ก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบอีกครั้ง
มันเป็นจูบที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยจูบใคร

อ่อนโยนจนหัวใจผมแทบหยุดเต้น

จูบอย่างทะนุถนอมจากริมฝีปาก แก้ม เปลือกตา และหน้าผาก

มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้เลย รู้แต่ว่าผมไม่คิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับใครหรือเคยรู้สึกกับใครมาก่อน

'รัก'

คำๆนี้ผุดขึ้นในใจ
มันคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อีกแล้ว

นาทีนี้ผมรู้แล้ว...ยอมรับแล้ว...

ผม 'รัก' ทะเล

รัก...จนแทบบ้า

(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/8kissme_zpsd28c4457.jpg)

Song Titles :  Kiss Me
Artist :  Ed Sheeran

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 14-03-2013 20:49:18
เลก็รักบลู สิน่ะะะ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 14-03-2013 21:38:33
โอ้ว ขออีกๆ หน่วงๆขมๆชอบมาก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: soluna ที่ 14-03-2013 22:07:42
ยิ่งอ่าน น้ำตาก็เหมือนจะไหลไปเอง
TwT
ชอบบลูนะ
แต่อยากให้บอกเรื่องป็อป กับเลอ่ะ  กลัวว่า ยิ่งนานไป มันจะยิ่งมีปัญหาอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 14-03-2013 23:26:09
ตับจะระเบิด  :z3:  อัดอึด ฮึดฮัด จะเป็นบ้า
ตายดีกว่า   :z13:
ปล. แต่งดีเกินไปนะคนเขียนนนนน 5555
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Blurry ที่ 16-03-2013 17:55:36
โอววว ชัดเจนว่าปัญหากำลังจะตามมา อารมณ์ตอนนี้มันหวานๆขมๆดีจริงๆ o18
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 16-03-2013 19:44:11
กรี๊ดดดเห็นไหมไอ้บลูๆๆๆๆทะเลยอมให้แกจูบแปลว่าเขาก็ชอบแกเพราะฉนั้น....ปล่อยป๊อปไปเหอะนะๆๆๆๆๆๆเราโครตสงสารป๊อปเลยโฮ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 16-03-2013 21:04:09
แต่เป็นรักต้องห้ามน่ะสิ ทะเลมีการโอบรอบคอตอบด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 8 ] 14-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 17-03-2013 23:00:43
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด นี่มันเรื่องอะไรกันนนน  :z3: :z3: :z3: ทะเลกับก้านมีเรื่องอะไรลับหลังพี่บลูงั้นเรอะ เด๊่ยวจะโดน!
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 21-03-2013 01:44:10
- 9 -
Something In The Air

http://www.youtube.com/v/8haH-Z38TcA?version=3&amp;hl=en_US

ผมไม่เคยสงสัยเลยจนกระทั่งตอนนี้ว่าความรู้สึกที่มีต่อทะเลนั้นมันคืออะไร ผมแค่รู้สึกว่าต้องการเขา ต้องการกระทำตามความคิดดำมืดข้างใน ผมไม่รู้จริงๆว่าลึกๆแล้วที่ต้องการมันไม่ใช่แค่นั้น...มันมากมายกว่านั้นและเลยเถิดไปไกล...

ไกลเกินกว่าที่จะถอนตัว

....

ผมไม่พูด ทะเลก็ได้ไม่ถาม

ผมไม่รู้ว่าทะเลคิดยังไง หรือรู้สึกแบบไหนกับการกระทำแบบนั้นของผม การที่ทะเลไม่ปฏิเสธมันหมายความว่าอะไร ผมไม่สามารถตีความอะไรได้ทั้งนั้นกับท่าทีที่เป็นปกติทุกอย่างของทะเล

จูบเมื่อคืนทะเลทำราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น

ไม่แสดงท่าทีโกรธ รังเกียจ สงสัยหรืออะไรสักนิด มันคงจะดีถ้าทะเลจะแสดงความรู้สึกอะไรออกมาบ้างไม่ให้ผมคิดฟุ้งซ่านแบบนี้

วันนี้ผมมีสอบแต่ดูท่าคงยากที่จะมีสมาธิ ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่น อาบน้ำหรือแม้ตอนกินข้าวเช้าด้วยกันผมก็ยังคิดถึงเรื่องเมื่อคืน คิดเรื่องทะเลกับก้าน คิดถึงจูบของเรา มันทำให้สับสนว้าวุ่นใจ

“เดี๋ยววันนี้ไปส่ง" ผมบอกทะเลตอนที่กินข้าวเสร็จ ทะเลพยักหน้ายิ้มให้ผมแล้วเดินขึ้นห้องไปเอากระเป๋า

ผมจะทำยังไงดี
ทะเลก็ยิ้มเหมือนเดิมแต่ผมรู้สึกไม่เหมือนเดิม

ผมเดินตามทะเลขึ้นมาบนห้อง เคาะสองสามครั้งแล้วเดินเข้าไป ทะเลเดินไปเดินมาเอาหนังสือออกจากกระเป๋าและหาเล่มที่ต้องเอาไปอยู่พักหนึ่ง พอจัดกระเป๋าเสร็จก็เปิดชั้นเอาถุงเท้ามาใส่ ผมนั่งบนเตียงมองทะเลอยู่ตลอดระหว่างนั้นโดยที่ทะเลไม่ได้สนใจผม

"ไปกัน" พอเตรียมตัวพร้อมเสร็จเรียบร้อยแล้วถึงหันมามองผมที่นั่งอยู่

ผมเดินเข้าไปหาแล้วปลดเป้ที่ทะเลสะพายอยู่ลง ทะเลมองผมนิ่งไม่ได้ถอยหนี ทั้งที่รู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร
ผมใช้มือนึงรั้งเอวเข้ามา มืออีกข้างจับใบหน้าแล้วก้มลงจูบ

จูบย้ำๆโดยไม่รุกล้ำก้ำเกิน
ผมโหยหาและต้องการมันมากจนไม่สนใจเหตุผลอะไร

ทั้งที่ในใจอยากกระทำมากมายกว่านี้หลายเท่า อยากจะบดขยี้ให้ได้เลือดและลิ้มเลียรสชาติ ตอนนี้ผมยังห้ามตัวเองได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะทนได้ไหม

และก็นึกสงสัยว่าถ้าเกิดสักวันหนึ่งผมเอาทะเลมาเป็นของผม ยื้อแย่งมา ผมจะทำให้ทะเลมีความสุข หรือทำให้ทะเลทรมานกันแน่

ผมยังไม่มั่นใจหากจะแย่งมาแต่ก็ขอยื้อเอาไว้กับตัวก่อน

ผมเห็นแก่ตัวใช่ไหม
ตอนนี้ผมทำได้แค่นี้จริงๆ

มือของทะเลที่โอบรอบเอวผมขณะที่เราจูบกันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขในเวลาเดียวกัน

หลังจากที่ผมปล่อยออก ทะเลก็หลบตาและยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก ผมยิ้มก่อนจะหยิบเป้ขึ้นมาให้ทะเลสะพายแล้วบอกให้ทะเลไปรอข้างล่างก่อน

ผมเข้ามาหยิบของที่ห้องแล้วรีบลงมาข้างล่างด้วยอารมณ์ปลอดโปร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็รู้สึกได้แค่ชั่วครู่ ผ่านมาเหมือนความฝันแล้วหายไปทันทีที่เห็นก้าน เห็นแววตาขอโทษที่มองทะเล และเห็นท่าทีอ่อนอกอ่อนใจไม่ถือโทษโกรธเคืองของทะเล พอผมเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองก็หันมามอง ทะเลมองผมและหันไปมองก้านเหมือนชั่งใจ

“พี่บลูมีสอบ เลไปกับก้านดีกว่าเดี๋ยวพี่บลูจะไปช้า" 
“ตามใจ"

ผมตอบเหมือนไม่คิดอะไร พยายามทำตัวให้ปกติทั้งที่ในใจแทบคลั่ง อะไรๆก็ดูไม่เหมือนเคยอีกแล้วสำหรับผม ผมหวงทะเลโดยเฉพาะกับเพื่อนคนนี้ เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อนธรรมดา ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดูเกินกว่าคำว่าเพื่อนจากเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อคืน ผมไม่อยากคิดเอาตัวเองเปรียบเทียบ แต่หากว่ามันจะเกินเลยเหมือนความสัมพันธ์ของผมกับป็อปขึ้นมาผมคงยอมไม่ได้ 

ใช่ ยอมไม่ได้...แต่ผมก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง
และยิ่งไม่รู้ว่าทะเลรู้สึกหรือคิดอะไรบ้างไหมกับก้าน...หรือแม้แต่กับผม

ผมเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเองโดยมีสายตาของทะเลมองตาม เมื่อออกรถขับผ่านทั้งสองผมก็เห็นหน้าหงอยๆของทะเลที่มองผมอยู่  โดยไม่สนใจจะหันมองก้านที่กำลังเรียกให้ขึ้นรถสักนิด

...

“ตูนไม่มาด้วยกันเหรอ"
ร็อคถามผมทันทีที่ถึงห้องซ้อม ดูท่าอาการของมันหนักหนาสาหัสขึ้นทุกทีเพราะถามหาแต่ไอ้ตูนทุกครั้งที่เห็นหน้าผม หลังสอบเสร็จวันนี้ผมออกมาเร็วกว่าคนอื่นแล้วก็ตรงมาที่นี่เลย ลืมคิดถึงตูนไปสนิทว่าจะมาซ้อมด้วยกันเพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่น

“เปล่า เดี๋ยวคงตามมา ป็อปล่ะ"
“ไม่รู้ไปไหน ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว"
“อืม" ผมรับสั้นๆ ร็อคเปิดเพลงใหม่ที่คิดว่าเราน่าจะเล่นให้ผมฟัง เราต่างคนต่างฟังต่างซ้อมของตัวเองไปสักพักไอ้ตูนก็มา

“ทิ้งกู" เปิดเข้ามาคำแรกก็ว่าผมก่อนเคืองๆ
“โทษที ลืม"
“เลี้ยงข้าวกูเลย หิว"
“เออๆ ก็ได้" ผมบอกเพราะผิดจริงที่ลืมมันซะสนิท ปล่อยให้มันมาเอง ดูท่าคงจะหงุดหงิดเข้าไปอีกถ้าไม่ได้กินข้าว ผมหันไปชวนร็อคไปด้วยกันเพราะรู้ว่ามันรอให้ชวนอยู่ดูจากหน้าตาระริกระรี้ของมัน

เรากินข้าวเสร็จกลับมาที่ห้องซ้อมก็เห็นป็อปกลับมาแล้ว จากนั้นก็เริ่มซ้อมกัน ผมคิดว่าพวกเราค่อนข้างเข้ากันได้ดีกับนักร้องใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากฝีมือแล้ว การเล่นให้เข้ากันจนผสมกลมกลืนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เสียงเพลงฟังแล้วมีพลังดึงดูดผู้คน

เมื่อผมจดจ่อสมาธิอยู่ที่จังหวะของเพลงก็สามารถทำให้สมองปลอดโปร่ง ลืมความรู้สึกนึกคิดก่อนหน้า ปล่อยใจดำดิ่งลงไปกับดนตรีและล่องลอยไปกับมัน เสียงของตูนมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด เสียงแหบๆที่กำลังโหยหวนอยู่เหมือนกับร้องออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ มันสามารถเข้าถึงบางสิ่งในตัวผม ถึงจะฟังแล้วเศร้าแต่ผมก็ชอบ มันเป็นเสียงที่เหมือนคว้าจับบางสิ่งในใจผมได้

และก็คงไม่แปลกที่มันคงคว้าจับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในใจของร็อคได้เช่นกัน

ผมเห็นสายตาที่ร็อคมองตูน มันเป็นสายตาจริงจังยากจะเห็น อะไรบางอย่างสื่อออกมาให้รับรู้เด่นชัด แค่มองตาผมก็รู้ได้

ร็อค...กำลังตกหลุมรักเพื่อนของผม
ผมรู้

เพราะผมเคยเห็นสายตาแบบนี้ที่มองผม...จากป็อป

ทั้งความรู้สึกของผม ความรู้สึกของป็อป ความรู้สึกของร็อค และเสียงร้องของตูน ทำให้เพลงที่เรากำลังเล่นคล้ายมีอะไรบางอย่างลอยอยู่ในอากาศ มันไม่เป็นรูปเป็นร่าง หากแต่มันมีความหมายและสามารถกระทบกระเทือนเข้ามาในจิตใจ

คล้ายความสุข คล้ายความเศร้า คล้ายความเหงา
คล้ายความรัก

ผมคิดว่าเราทุกคนในห้องนี้สัมผัสและรับรู้ได้



หลังเลิกซ้อมร็อคชวนเราทั้งหมดกลับด้วยกัน แต่ผมบอกให้กลับกันไปก่อนเพราะอยากอยู่ต่ออีกสักพัก ป็อปก็บอกว่าจะอยู่ด้วยเหมือนกัน ร็อคมองพวกผมเหมือนเข้าใจเงียบๆและออกไปพร้อมกับตูนที่ดูจะไม่ชอบสถานการณ์ที่ต้องอยู่กับร็อคสองคนเท่าไหร่ แต่ก็ต้องจำใจไปด้วยกัน

ป็อปยังนั่งเล่นกีตาร์อยู่ ผมหลับตาฟังแล้วปล่อยความคิดดำเนินไปอีกครั้ง ใจล่องลอยไปถึงคนที่ทำผมสับสนว้าวุ่นใจทั้งวันเพราะความสัมพันธ์ซับซ้อนที่ตัวเองเป็นคนก่อเมื่อคืนนี้

ผมถอยกลับไม่ได้และยิ่งไม่อยากถอย แต่ก็เดินหน้าไม่ได้เช่นกัน มันก่ำกึ่งขัดแย้ง ท่าทีของทะเลก็ทำให้ผมหลากใจ อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่คิดไปมันก็อาจเป็นแค่ความใจดีของทะเล...หรืออาจจะแค่ทำไปเพราะไม่กล้าปฎิเสธ ผมไม่สามารถรู้ได้เลยจริงๆ

“คิดอะไร" ผมลืมตามองป็อปที่หยุดเล่นกีตาร์และมาอยู่ตรงหน้าโดยที่ผมไม่รู้ตัว
“คิด...ไปเรื่อย" เกือบจะบอกว่าคิดเรื่องทะเลไปแต่ก็เปลี่ยนใจ
“พรุ่งนี้มีสอบไหม"
“ไม่"
“งั้น อยู่กับกูก่อนนะ" ป็อปพูด นั่งคร่อมตักผม แล้วยื่นซองถุงยางให้ ไม่มีบทสนทนาใดๆต่อจากนี้นอกจากการกระทำ ผมเอื้อมมือไปกดรีโมทเปิดเครื่องเสียง ปรับระดับให้ดังมากพอที่จะสามารถกลบเสียงที่จะเกิดขึ้น

เพลงเมทัลหนักๆสามารถปลุกเร้าอารมณ์ผมได้ดี มันสั่นสะเทือนถึงใจ อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นเต็มที่ช่วยไม่ได้เลยที่ผมจะระบายความอึดอัดออกมาในรูปแบบที่คุ้นเคย ผมดึงสายแจ็คที่ต่อเข้ากับกีตาร์และแอมป์ออก เอามามัดมือของป็อปไว้ข้างหลัง จับป็อปคุกเข่ากับพืื้นปลดกางเกงออก

ไม่มีการจูบ ไม่มีการเล้าโลม

ผมจับสายไฟที่พันมือป็อปยึดเอาไว้แล้วสอดตัวกระแทกเข้าไปคล้ายการขับควบ เสียงร้องของป็อปดังห้ามปรามให้ผมผ่อนแรงลงบ้าง มันคงจะเจ็บเหมือนทุกครั้ง แต่ผมก็ไม่เคยผ่อนแรงและกระทำตรงกันข้ามกับคำร้องขอ

“ร้องสิ ร้องออกมาดังๆ" ผมจิกดึงเส้นผมสีดำให้เงยขึ้นมาแล้วกระซิบบอก จากนั้นก็กระแทกตัวรุนแรง ป็อปร้องออกมาเสียงดังตามที่ผมบอกพร้อมๆกับหยดน้ำตา ผมจับเปลี่ยนท่าทางโดยที่ยังไม่ปล่อยพันธนาการที่มือ มันคงทรมาน ผมรู้ดี

บางทีผมก็อยากให้ป็อปบอกให้หยุด อยากให้ห้ามผม อยากให้ทนไม่ไหว อยากให้เขาหนีจากผมไป เลือกที่จะไปจากผมเอง แต่จนถึงตอนนี้ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนเขาก็ยังไม่ทิ้งผมไป

เพราะอะไร...รักงั้นเหรอ
ใช่ มันคงเป็นคำๆนั้น คำที่ใช้แทนเหตุผลของการกระทำที่ดูงี่เง่าทั้งหมด

ผมจับป็อปให้คร่อมตัก ป็อปเองก็พยายามขยับเคลื่อนอยู่บนตัวผมอย่างเอาใจขณะที่มือทั้งสองยังอยู่ข้างหลังและไม่นานก็ซบลงตรงบ่าผมอย่างหมดแรง

ผมเร่งตัวเองด้วยอารมณ์ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ป็อปหอบหายใจหนักตัวโยกคลอนไปตามแรง แล้วกัดลงไปที่บ่าผมเพื่อระบายอารมณ์ ผมกดหน้าป็อปเข้าให้กัดแรงขึ้นอีก มันให้ความเสียวซ่านจนถึงจุด เมื่อทุกอย่างถึงที่สุดแล้ว ผมก็ปล่อยตัวนิ่งสนิทปรับอารมณ์ สักพักป็อปก็เงยหน้าขึ้นมองผมและขยับเข้าใกล้

ผมหันหน้าหนีคล้ายเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ
คิดยังไม่อยากให้ใครมาซ้ำรอย

ป็อปมองผมด้วยแววตาผิดหวัง ผมแก้มัดที่มือ ดึงเสื้อป็อปขึ้นมาแล้วติดกระดุมให้

“โดนอะไร" ผมถามถึงผ้าพันแผลที่แปะไว้ที่หลังด้านซ้ายของป็อป
“เพิ่งสักมา"
“เจ็บไหม"
“ไม่หรอก อย่างอื่นเจ็บกว่า"ผมรู้ความหมายที่ป็อปกำลังบอกจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ

เราออกห้องซ้อมกันก็ดึกมากแล้ว ครั้งแรกที่นั่นมันเร้าอารมณ์ผมยิ่งกกว่าในห้องพักจืดชืด มันทำให้ผมรู้ว่าผมชอบฟังเพลงเสียงดังๆแล้วทำกิจกรรมอย่างนั้น เราจึงใช้ที่นั่นอีกบ่อยครั้ง...

บ่อย..จนไม่ได้ระวังตัว

...

ผมกลับไปถึงบ้านทะเลก็นอนอยู่ที่เตียงผมแล้ว

สายตาที่ทอดมองผมเหมือนสายตาเมื่อเช้าไม่มีผิด มันเป็นสีหน้าที่ทะเลชอบทำเวลาน้อยใจผม ทั้งๆที่ผมควรจะเป็นคนรู้สึกแบบนั้นเพราะทะเลเลือกที่จะไปกับก้านแทนที่จะไปกับผม

“กลับช้า" ผมยิ้มให้กับคำพูดที่เหมือนกับว่ารอผมอยู่ ทำให้ผมลืมความรู้สึกน้อยใจเมื่อเช้าไปจนหมดสิ้น
“ไปซ้อมมา"
“รอจนง่วง"
“ง่วงก็นอน พี่ไปอาบน้ำก่อน" ผมบอกแล้วเข้ามาอาบน้ำให้เร็วที่สุดเพราะใจมันอยากจะไปนอนเต็มที

ทะเลนอนหันหลังให้ผมอยู่ เมื่อผมก้าวขึ้นไปนอนด้วยทะเลก็พลิกตัวกลับมาแล้วกอดผมไว้ ผมเห็นรอยยิ้มน้อยๆของทะเล ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่จงใจแต่ผมกลับคิดไปแล้วว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ยั่วกัน ผมเขยิบเข้าไปใกล้แล้วจูบเบาๆเหมือนเคย

ผมจูบแม้ว่าตัวผมเองจะสับสน...หรือแม้จะทำให้ทะเลสับสน
เราสับสน เราหวั่นไหว เราทำ...แต่เราก็ไม่ได้พูดถึงมัน ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไป

ลุ่มหลง มัวเมา พร้อมๆกับความคลุมเครือ

.... 

การสอบของพวกเราทุกคนเสร็จสิ้น ผมจบปีหนึ่งในขณะที่ป็อปกับร็อคเรียนจบแล้ว เรายังคงเล่นที่ร้านพี่ตินเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งป็อปและร็อคหลังจากเรียนจบก็รับสอนดนตรีและรับงานไปเล่นตามที่ต่างๆ ทั้งสองคิดจะเปิดโรงเรียนสอนดนตรีและสตูดิโออัดเสียงซึ่งก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปตามสไตล์เรื่อยๆของมัน

ปิดเทอมนอกจากเล่นดนตรีส่วนใหญ่ผมก็อยู่ที่อู่ช่วยงานน้าวิทย์ไม่ค่อยได้ไปไหน ทะเลก็อยู่กับผมแทบตลอดเวลาเหมือนทุกๆปิดเทอม จะมีบ้างที่ออกไปซ้อมดนตรีกับเพื่อนซึ่งไม่บ่อยนัก

ทะเลกลับมาตัวติดผมเหมือนเดิมทำให้ผมลืมสิ้นสิ่งอื่นใด การเปลี่ยงแปลงของเราเป็นไปอย่างช้าๆ เราจูบกันบ่อยแทบจะทุกเวลาที่มีโอกาส บางทีผมก็ทรมานที่ทำได้เพียงแค่จูบแต่ถึงจะแค่นั้นผมก็มีความสุข มันเป็นแค่จูบที่ไม่ได้ดูดดื่มถึงขนาดใช้ลิ้น เพราะผมรู้ว่าหากถึงขั้นนั้นคงยากที่จะหยุดและเลยเถิดไปไกลยากกู่กลับ

ผมชอบตาใสๆของทะเลเวลาปรือตามองขณะที่เราจูบกัน ชอบรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาเมื่อผมกดจมูกลงบนแก้ม ชอบนิ้วเรียวๆที่จับใบหน้าผมในบางครั้ง

การกระทำของทะเลผมจะตีความมันว่าอะไรดี ผมจะเข้าข้างตัวเองไปไหมถ้าจะคิดว่าทะเลก็รักผมเหมือนกัน
ผมอยากคิดให้เป็นแบบนั้นเลยปล่อยไป ไม่ได้ถามหรือบอกอะไร เพราะกลัวว่าสิ่งที่คิดไว้จะไม่ใช่ความจริง

ก้านดูจะหายหน้าไปไม่ได้เห็นหน้าบ่อยๆเหมือนทุกทีซึ่งมันก็ทำให้ผมพอใจและไม่รู้สึกขัดตาบ่อยๆอีกแล้ว ความสัมพันธ์ของผมกับป็อปก็เป็นไปเรื่อยๆอย่างที่เคย ป็อปไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมายไปกว่านั้น

แต่ในบางครั้ง...บางครั้งที่ผมเห็นแววตาของป็อปเปลี่ยนไป...มันดูเลื่อนลอยไม่สะท้อนเงาของผมเหมือนที่เคยเป็น

เราเหมือนทำความต้องการของร่างกายและปล่อยให้มันเป็นไป ผมไม่สามารถตัดขาดได้แม้ใจจะอยาก...แต่ร่างกายมันยังต้องการ ส่วนลึกที่ต้องการปลดปล่อยมันรุนแรงส่วนหนึ่งก็เพราะทะเลด้วย ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าทดแทนยังไงมันก็ไม่สามารถเติมเต็มแต่ก็ยังทำ ความสัมพันธ์ของเรามันเรียงร้อยเกี่ยวเนื่องกันจนตัดไม่ขาด


วันนี้มันก็คล้ายกับหลายๆวัน

ผมนอนอ่านหนังสืออยู่เพราะยังไม่ง่วง เรานอนกันบนฟูกที่ปูกับพื้นในห้องผม ไม่ได้นอนบนเตียงอีกแล้ว เพราะเตียงมันเริ่มเล็กไปจริงๆสำหรับพวกเรา ผมตัดสินใจย้ายลงมานอนกันข้างล่างก็ตอนที่ตื่นมาเห็นทะเลนอนดิ้นออกจากกอดผมไปจนเกือบตกเตียง หลังจากวันนั้นผมก็เลยเอาที่นอนของทะเลที่มีอยู่มาปูและลงมานอนด้วยกัน

ทะเลนอนอยู่ข้างๆผมเลิกเล่นมือถือในมือและชะโงกหน้ามาใกล้ๆดูหนังสือที่ผมอ่านอยู่แล้วถาม

“สนุกเหรอ อ่านนานแล้วนะ"
“อืม เดี๋ยวก็จบแล้ว"
“เลนอนก่อนนะ ง่วงแล้ว"
“รอก่อนสิ"
“รอทำไม พี่ก็อ่านไปสิ เลจะนอนแล้ว"

ผมวางหนังสือทันทีแล้วเดินไปปิดไฟ ดึงทะเลเข้ามากอดไว้แล้วสูดกลิ่นหอมๆของแชมพู ก่อนจะจูบไปทั่วๆใบหน้า ทะเลมองหน้าผมจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะบึ้งก็ไม่บึ้ง ผมเลยหัวเราะออกมา

“หัวเราะอะไร" ผมส่ายหัวไม่ตอบแล้วกดจูบลงไปไม่ให้ทะเลได้ตั้งตัว ผมเท้าตัวคร่อมทะเลไว้แล้วทั้งจูบ ทั้งขบเม้ม ทะเลก็เริ่มทำตามแบบผมบ้างซึ่งมันทำให้อารมณ์ของเราร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มใช้ลิ้นเลียที่ริมฝีปากลิ้มเลียรสชาติ  ทะเลเปิดปากคิดจะทำแบบผมบ้างแต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเมื่อปลายลิ้นเราแตะกับแผ่วเบา

เพียงแค่นั้นก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่าง

ผมสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไม่อาจยั้งตัวเองต่อไป ทะเลส่งเสียงอืออาในลำคอเมื่อผมจูบอย่างโหยหาเต็มไปด้วยอารมณ์ มือผมสอดเข้าไปในเสื้อแล้วบีบเฟ้นหนักๆไปตามตัว แต่แล้วมันก็สิ้นสุดลงในเวลาอันสั้นเมื่อผมได้ยินคำนั้นจากทะเล

“เจ็บ"

ทะเลบอกเพราะผมขบกัดไปที่ปลายลิ้นและดูดเลียอย่างกระหายในความหวานที่ได้ลิ้มรสเป็นครั้งแรก ทะเลเจ็บจนผละออกจากผม แม้จะรู้สึกเสียดายแต่เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดเข้าหากันและสายตาที่มองผมก็ทำให้รู้ตัวว่าผมพลาดไป

เผลอรุนแรงกับทะเลไป...เผลอจนเกือบจะเลยเถิดไปไกล

“ขอโทษ"

ผมบอกแล้วดึงทะเลเข้ามากอด ทะเลก็ส่ายหน้าไม่พูดอะไร แม้จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการแต่ผมก็กอดทะเลไว้ไม่ได้ทำอะไรมากมายไปกว่านี้แล้วบังคับให้ตัวเองหลับไป...พร้อมๆกับความทรมาน

...

แม้รู้ว่าไม่ถูกต้องที่ต้องระบายความอัดอั้นที่บ้าคลั่งกับใครสักคนแต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ผมเคยตัวที่มีคนคอยสนองตอบตลอดเวลาโดยไม่ปริปากบ่น แม้รู้อยู่เต็มอกว่าผิด แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดได้ง่ายๆ
เพราะคนเราใช่จะหยุดทำเรื่องชั่วๆเพราะรู้ว่าชั่ว แต่คนเราจะหยุดก็ต่อเมื่อสำนึกเท่านั้น

หากยังไม่สำนึก เราก็ยังคงทำต่อไป


เสียงเพลงยังคงดังจนสั่นสะเทือนพร้อมๆกับจังหวะการเคลื่อนตัว วันนี้เมื่อซ้อมกันเสร็จแล้วผมก็ไม่รีรอและเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเพราะความต้องการจากเมื่อคืน การตอบสนองโดยไม่ปริปากห้ามปรามของป็อปทำให้เป็นไปอย่างถึงใจอย่างที่ผมอยากให้เป็น

ป็อปจิกมือตะกายฝาผนังแล้วร้องออกมาเสียงดัง ผมขยับตัวเร่งเร้าพลางมองรอยสักรูปดอกกุหลาบที่ปีกหลังด้านซ้าย

มันเป็นดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยคมหนาม

ผมมองดูแล้วอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปไล้เลียช้าๆ แค่นั้นป็อปก็เกร็งตัวเหมือนรู้สึกอะไรบางอย่าง ผมทั้งขบกัด และจูบซ้ำๆอยู่ที่รอยสักนั้น

และนั่นก็เป็นครั้งแรก...ที่ผมได้ยินเสียงร้องครวญครางคล้ายสุขสมของป็อป

ผมไม่รู้ว่าความสุขสมครั้งนั้นมันให้ภาพออกมาเป็นแบบไหนสำหรับคนมอง
ประตูที่แง้มอยู่บ่งบอกว่าใครสักคนเป็นคนเห็นมัน

ใครสักคนที่ไม่ควรเห็น
เป็นคนสุดท้ายที่ควรเห็น

ใช่ มันเป็นความสุขสมครั้งแรกของป็อป
ความสุข...ที่มาพร้อมกับความทุกข์ของเราทุกคน


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/9SomethingintheAir_zps7598473b.jpg)

Song Titles :  Something In The Air
Artist :  David Bowie

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 21-03-2013 02:23:32
ทะเลมาเห็นแน่ๆเลย ดราม่าเอยจงซับซ้อนยิ่งขึ้น
ปกติไม่ชอบเรื่องดราม่านะ แต่เรื่องนี้ทำให้เราชอบอ่ะ รอคอยตอนต่อไปอิอิ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 21-03-2013 02:31:43
ทะเลเป็นคนเห็นเหรอ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 21-03-2013 02:55:37
เอาล่ะเว้ย!! #ตบเข่าฉาด
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 21-03-2013 15:26:08
ทะเลเหรอ??

โอ้ยๆ ไม่ยากจะคิดถึงตอนต่อไป :'(
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 21-03-2013 20:01:47
ดราม่าโชย  :m31:  โอ้ยยยย  (วิ่งชนกำแพงตายดีกว่า ) :z13:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 21-03-2013 21:21:27
กรี๊ดดดดดทะเลมาเห็นแน่ๆเลยๅทำไมมันหน่วงอย่างเง้ๆๆๆๆ
มันแบบโอ๊ยยังไงเราก็ยืนยันคำเดิมว่า"สงสารป๊อป" "บลูมันเลวววววว"บลูมันนี่จะให้พูดไงอะมันดูเหมือน2มาตราฐานที่ป๊อปบอกเจ็บแต่บลูก็ไม่ได้หยุดแถมเป็นซาดิสม์ไรไม่รู้สงสัยจะชอบ
 ผิดกับทะเลที่บอกว่าเจ็บก็หยุด(ก็คนเขารักของเขาอะเนอะ
เรื่องมันจะดูสับสนกับตัวเองไปอีกนานไหมคะ(ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละ)

ยังไงคนแต่งก็สู้ๆนะคะรออยูค้าาา
ปล.กุหลาบฟ้านั่นสีฟ้านี่หมายถึงบลูใช่ไหมจ๊ะ
ปล2.อย่าโกรธเรานะถ้าเราจะชอบป๊อปมากกกก...แต่ใครได้คู่กับบลู(เอ๊ะหรือจะไม่มีห้าๆ)เราก็โอเคหมดแต่ๆก็ชอบทะเลนะแต่น้อยกว่าป๊อปนิดนึง...ไม่ใช่ว่าหลังๆป๊อปจะนิสัยไม่ดีนะโฮ
ปล3.เพ้อเยอะไปหน่อย...ก็เราอินอะเราชอบเรื่องนี้มากเลยนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 22-03-2013 14:52:06

ทำอะไรไว้ก็ต้องพร้อมรับผลของการกระทำนั้นด้วย

ในเมื่อคุณเลือกที่จะทำเองก็คงต้องโทษตัวเอง

+ เป็ด

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-03-2013 00:49:59
กรี๊ดด ใครถ้ำมอง ทะเล? ไม่นะ ตายแล้วพี่บลู!!
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 24-03-2013 02:00:41
 :z3: วันนี้ก็มาถึง

ป๊อปก็ร้ายนะนี่  เต็มที่กับชีวิตเชียว

โอ๊ย อยากอ่านๆ  มาต่อเร็วๆนะค้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: kwangun ที่ 27-03-2013 22:29:22
ทะเลเห็นแน่เลยยยยยย :ling3: ดราม่าสุดติ่ง เมื่อไหร่ฟ้าจะสดใส
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 9 ] 21-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 28-03-2013 01:15:39
- 10 -
Cold Water

http://www.youtube.com/v/_rPeRkVmCtg?version=3&amp;hl=en_US

ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ทำๆอยู่นั้นมันผิดหรือถูก กับความรู้สึกต่างๆที่เป็นอยู่ ผมเหมือนพยายามหาทางออกในความมืด คลำหาอะไรที่จะสามารถช่วยได้ในเวลานั้นผมก็คว้าเอาไว้ โดยหวังว่าท้ายที่สุดแล้วจะเจอทางออก

ทั้งที่จริงๆมันไม่มีทางเจอหรอก...ทางออกที่ว่านั่น...จะมีก็แต่ถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆก็เท่านั้น

...

ผมกลับมาถึงบ้านก็ไม่เห็นเงาของคนที่ควรอยู่ในห้องของผม เดินมาหาที่ห้องของทะเลแล้วเคาะเรียกแต่ก็ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ

ทะเลไปไหน

ผมกลับมาก็ดึกแล้วทะเลไม่น่าจะไปไหนในเวลาแบบนี้ ผมกดโทรหาก็เป็นสัญญาณปิดเครื่องเลยตัดสินใจมาหาน้าเพลงที่ห้องแล้วถามหา

"น้องไปค้างกับเพื่อน เพิ่งจะโทรมาบอกน้า"
“เพื่อนคนไหน ก้านรึเปล่าครับ"
“ไม่ได้บอกนะ แต่คิดว่าน่าจะเป็นก้านนั่นแหละ"

ไปไหนทำไมไม่บอก ผมเกิดลางสังหรณ์แปลกๆ ไม่อยากให้เป็นอย่างที่ใจคิด
ไม่ ขออย่าให้เป็น

ตอนผมเห็นประตูห้องซ้อมที่ไม่ได้ปิดสนิทผมตกใจ คิดว่าตัวเองประมาทไปถึงไม่ได้ล็อคไว้ ผมสงสัยว่ามันปิดไม่สนิทเองหรือมีคนเปิดเข้ามา และถ้าหากมีคนเปิดเข้ามา...คนๆนั้นจะเป็นใคร

ผมคิดมากทั้งคืนจนกว่าจะหลับก็เกือบรุ่งสางและตื่นมาช่วงบ่ายๆของวัน เมื่อลงมาข้างล่างผมก็ถามหาทะเลกับน้าวิทย์ก่อนเป็นอย่างแรก

ทะเลก็ยังคงไม่กลับมา

ผมเอาเจ็ทสกีออกไปขี่เพื่อดับอารมณ์ร้อนของตัวเอง วันนี้ฟ้าครึ้มบ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนคงจะตก และทันทีที่ผมออกตัวมันก็เป็นไปตามคาด บนท้องทะเลที่คลื่นลมบ้าคลั่งซัดสาดมันเหมือนอารมณ์ของผมตอนนี้ มันบ้าคลั่งเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและเป็นกังวล

หากว่ามันเป็นอย่างที่ผมกลัว หากว่าทะเลเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น เห็นสิ่งที่ผมเคยเห็น เห็นตัวตนของผมผ่านใครอีกคน เห็นด้านที่ผมพยายามปกปิดเอาไว้

ทะเลจะกลัวผมไหม จะรังเกียจผมหรือเปล่า หรือจะหนีผมไปอย่างที่ทำอยู่

ตอนนี้ผมได้แต่ขอให้มันเป็นเรื่องที่ผมคิดไปเอง เป็นความบังเอิญที่ทะเลแค่ไปค้างกับเพื่อนก็แค่นั้น

...

ทะเลกลับมาตอนเย็นๆโดยมีก้านมาส่งเหมือนที่คิดไว้ ทันทีที่เห็นหน้าผมทะเลก็สะดุ้งสุดตัว วันนี้เป็นวันที่ต้องเล่นที่ร้าน ทะเลคงจะคิดว่าผมไปแล้ว ถึงจะแปลกใจแต่ทะเลก็ไม่ได้พูดอะไร หลบสายตาแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เพียงเสี้ยววิที่เราสบตากัน ผมเห็นสีหน้าที่มีแต่ความอ่อนล้า สายตานั่นก็เหมือนผ่านการร้องไห้มา ทำให้ผมทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้ว่าอะไรทำให้เป็นแบบนั้น

ทะเลเดินขึ้นข้างบนโดยที่มีผมเดินตาม เมื่อทะเลมาถึงหน้าห้องของตัวเองก็เปิดประตูแล้วปิดลงโดยไม่สนใจผมที่ตามมาสักนิดและนั่นมันก็ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมกลัว...ได้กลายเป็นความจริงแล้ว

ผมบิดลูกบิดและพบว่าประตูมันล็อค ผมเขย่ามันอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก

"เล เปิดประตูหน่อย"
“......”
"ทะเลครับ...เปิดประตูให้พี่หน่อย"

บานประตูไม่ได้เปิดออก...ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับอะไรทั้งนั้น

ผมนั่งรอหน้าประตูอยู่นานจนจวนเจียนจะไปร้านไม่ทันแล้วก็ต้องออกมา บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรในตอนนี้ ผมไม่มีใจจะคิดทำอย่างอื่นเลยนอกจากคิดเรื่องของทะเล ตลอดเวลาที่อยู่ที่ร้านผมไม่สนใจอะไรและไม่คุยกับใคร ผู้คนโดยรอบได้แต่มองดูอยู่ห่างๆแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร หลังจากเล่นเสร็จผมก็รีบกลับบ้านทันทีทั้งที่ในใจก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับทะเล ตอนนี้ผมเพียงแค่อยากเห็นหน้า อยากกอดให้รู้ว่าทะเลจะไม่หนีผมไป

พอกลับถึงบ้าน ผมก็ได้แต่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ห้องที่ไม่มีแสงไฟลอดผ่านประตู ลูกบิดยังคงล็อคอยู่แสดงว่าทะเลอยู่ในนั้น ในเมื่อยังไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ก็ได้แต่เดินกลับมาที่ห้องพยายามข่มตาให้หลับเพื่อรอเวลา คิดว่ายังไงทะเลก็ไม่สามารถหลบผมไปได้ตลอด ผมหลับๆตื่นๆจนถึงวันรุ่งขึ้นและลุกขึ้นแต่เช้าเพื่อไปรอทะเลออกมาจากห้อง หมุนลูกบิดอีกครั้ง ห้องยังคงล็อค ทะเลยังไม่ได้ออกมา ผมทิ้งตัวลงหน้าห้อง นั่งลงกอดเข่าและซบหน้าลงไปอย่างที่ชอบทำตอนเด็กๆ มันเป็นการกอดตัวเองไว้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด...

กริ๊ก

ผมเงยหน้ามองทะเลที่มีสีหน้าตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นผมหน้าห้อง ทะเลพยายามปิดประตูกลับไปแต่ผมดันมันไว้ได้ทันแล้วแทรกตัวเข้าไปก่อนปิดประตู

ทะเลขมวดคิ้วมองผมด้วยสายตาหม่นหมอง ผมบอกได้เลยว่าในนั้นมันมีความเจ็บปวด แววตาสดใสของทะเลมันหายไปไหน ทำไมทะเลถึงมองผมแบบนี้ ผมก้าวเข้าไปหาอยากจะดึงเข้ามากอดแต่ทะเลก็ถอยหนี

แค่นั้นผมก็เจ็บร้าวในใจ ทะเลไม่เคยหนีสัมผัสผมแบบนี้มาก่อน ผมรู้ ผมจำได้

จำได้แม้แต่ตอนเด็กๆที่มีทะเลคอยตามต้อยๆแม้ผมจะเป็นฝ่ายเดินหนี จำเด็กตัวน้อยๆที่ยิ้มให้ผมแม้ผมจะนึกเกลียด ทะเลจะยิ้มให้ผมเสมอ จับมือผมเสมอ กอดผมเสมอ แล้วตอนนี้ทำไมทะเลถึงทำแบบนี้ ทำเหมือนรังเกียจกัน

"พี่บลูมีอะไร" ผมจ้องทะเลอยู่นาน ในที่สุดทะเลก็ทนไม่ไหวแล้วเป็นฝ่ายพูดออกมา
“หลบหน้าพี่ทำไม"
“....ไม่ได้หลบ"
“แล้วทำไมไม่ไปนอนที่ห้อง...แล้วล็อคห้องตัวเองทำไม"
“อยากนอนคนเดียว"
“โกรธอะไรรึเปล่า"
“ไม่"

ทะเลบอกแต่ก็ถอยหนีผมอีกเมื่อผมเดินเข้าหา ทะเลไม่ได้พูดเรื่องของผมกับป็อปขึ้นมาผมก็ยังไม่ปักใจว่าทะเลเห็นและจะไม่เป็นฝ่ายพูดมันออกมาเช่นกัน

"มีอะไรจะพูด...จะถามพี่รึเปล่า"
“เลไม่มี...แต่พี่บลู...มีอะไรจะบอกเลบ้างไหม"

“...ไม่มี...”

ไม่ ผมจะไม่พูด มันอาจไม่ใช่เรื่องที่ทะเลอยากจะฟัง บางทีเราอาจพูดถึงคนละเรื่องกัน ผมเดินเข้าไปจับแขนไม่ให้ทะเลถอยหนีอีก เมื่อผมจับทะเลไว้ถึงรู้ว่าทะเลกำลังตัวสั่น ทะเลก้มหน้าไม่มองผม

"เล...เป็นอะไร"
“.....” ผมจับหน้าทะเลให้เงยขึ้นมามองกัน

มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ทำไมทะเลถึงมองผมแบบนี้ ในความเงียบมันคงมีคำนับร้อยนับพันอยู่ในความคิดของเรา แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ผมมองอย่างค้นหาคำตอบ อยากรู้ว่าตอนนี้ทะเลรู้สึกอย่างไรกับผม จากสายตาไม่มีทางรู้ได้ผมจึงเลือกทางที่จะพิสูจน์

ผมก้มลงช้าๆแล้วกดจูบลงไป ทะเลไม่ได้หันหน้าหนีอย่างที่กลัวแต่ผมรู้สึกถึงความสั่นของมือทะเลที่กำเสื้อผมอยู่ตรงอก มันสั่นไหวรุนแรงขึ้นทุกครั้งที่ผมจูบซ้ำลงไป ผมพยายามขบเม้มเพื่อให้ทะเลเปิดทางให้ผมได้เข้าไป แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างนั้นเมื่อครั้งนี้ทะเลไม่ได้ตอบสนองใดๆต่อจูบผมทั้งสิ้น

ผมไม่ลดละความพยายาม ใช้มือกดท้ายทอยให้เข้ามาแนบชิด ถึงตอนนี้ทะเลเริ่มดิ้นรนขัดขืนแต่ผมก็ไม่ปล่อยซ้ำยังบดเบีดรุนแรงจนทะเลต้องเปิดปากเพื่อหายใจ ผมสอดลิ้นเข้าไปทันทีเมื่อได้โอกาส เสียงร้องในลำคอของทะเลและการขืนตัวออกจากอ้อมกอดทำให้ผมเกิดความต้องการขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

มันเป็นจูบที่ผมจาบจ้วงแต่เพียงผู้เดียว ทะเลที่ดิ้นรนไม่เป็นผลก็กัดเข้าที่ลิ้นผม ความเจ็บแปลบที่ปลายลิ้นทำให้ต้องปล่อยออกในที่สุด เมื่อผมเห็นใบหน้าพร้อมคราบน้ำตาของทะเลก็ให้รู้สึกเสียใจ ทะเลยืนปล่อยให้น้ำตาไหลและจ้องมองผมด้วยสายตาผิดหวัง

“พี่บลูเลิกทำแบบนี้สักทีเถอะ...อย่าทำแบบนี้อีกเลย...”

ภาพที่ทะเลยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาทั้งที่มันยังคงไหลลงมาเรื่อยๆ เป็นภาพที่ทำให้ผมปวดใจ ผมจับมือสองข้างของทะเลเอามาไว้รอบเอวผมแล้วกดหน้าทะเลให้ซบลงตรงไหล่

"...ที่ผ่านมาเลน่าจะบอก ถ้ารู้ว่าเลรังเกียจมันขนาดนี้ พี่จะไม่ทำอีกแล้ว..." ผมกระซิบบอกข้างหู

ทะเลเพียงส่ายหน้า แล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนักคล้ายไม่อาจกลั้น



ผมรู้สึกถึงรอยร้าวในหัวใจ


.....

ผมกำลังไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่

สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปแต่ไม่ใช่ที่ตาเห็น ความรู้สึกเหงาก็ไม่ใช่สิ่งที่ตาเห็น ผมและทะเลกลับมาห่างกันอีกครั้งด้วยความเต็มใจอย่างเงียบๆทั้งสองฝ่าย เราไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้โกรธกันแต่ก็ยิ้มให้กันด้วยดวงตาที่หมองเศร้าในทุกครั้งที่สบตา

มันเป็นแบบนี้มาหนึ่งเดือนแล้ว หนึ่งเดือนที่ผมไม่ได้สัมผัสทะเลอย่างที่เคยชิน ไม่ได้กอดหรือแม้แต่จับมือ แต่ความเหงาทางร่างกายมันเทียบไม่ได้เลยกับข้างในจิตใจ มันไม่ใช่ความเหงาเหมือนตอนเด็กๆ ผมบอกไม่ถูกว่ามันเป็นแบบไหนรู้แต่ว่ามันเจือปนด้วยความเจ็บปวดในอก

ความอบอุ่นคุ้ยเคยที่มีทะเลคอยอยู่ข้างๆค่อยๆหายไป ความเย็นเยียบเข้าแทนที่ ความเศร้า ความอ้างว้างถาโถมเข้ามาโดยที่ใครก็ช่วยไม่ได้ แม้ผมไม่ได้นอนเดียวดายแต่ก็ยังรู้สึกว่างเปล่า การที่ผมกอดใครสักคนก็ไม่ได้ทำให้ผมอบอุ่น

โลกเหมือนกลับมาเป็นสีเทา...

รู้สึกอ้างว้าง เหมือนกับว่าไม่มีใครทั้งๆที่มี มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่ผมไม่มีใครจริงๆ

ที่ผมถอยออกมา บ่อยครั้งที่ผมคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นี่มันดีไหม แม้มันไม่ได้ดีกับผมแต่ผมก็อยากรู้ว่ามันดีแล้วสำหรับทะเลใช่ไหม ผมคิดว่าที่ทะเลพูดแบบนั้นเพราะทะเลรังเกียจสิ่งที่ผมทำ...รังเกียจกับสิ่งที่เห็น ผมเข้าใจแบบนั้นมันถูกแล้วใช่หรือเปล่า...

...

ชายหายที่เต็มไปด้วยผู้คนพวกเรารวมตัวอยู่ที่ตรงนี้ เหมือนอย่างที่เคย เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ

เพื่อนผมอยู่ตรงนี้ เพื่อนทะเลอยู่ตรงนี้

ทะเลก็อยู่ตรงนี้

ผมมองดูก้านที่กลับเข้ามาในชีวิตทะเลอีกครั้งในช่วงที่เราห่างกันไป ภายนอกตัวผมคงไม่มีสิ่งใดผิดปกติทั้งที่ภายในใจไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมรู้สึกถึงความร้อนรุ่มรุนแรงที่ยังคงแผดเผาจิตใจเวลาเห็นทะเลอยู่กับก้าน เพราะผมยังจำภาพที่ก้านจูบทะเลได้ติดตาอย่างไม่มีทางลืมได้ลง

ผมลุกขึ้นปลีกตัวเงียบเชียบแทนที่จะนั่งทนมองทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ทิ้งกลุ่มเพื่อนเอาไว้ข้างหลัง เดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆและหยุดมองเมื่อเห็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า

ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกบ้าๆนี่
ใช่ ต้องเรียกว่าความรู้สึกบ้าๆ ความรู้สึกที่มันสลัดยังไงก็ไม่หลุด คล้ายหยั่งรากลึกลงไปในตัวผม หากต้องการกำจัดมันออกไป ผมก็คงต้องเจ็บเจียนตาย

แต่ถึงอย่างนั้น ทุกครั้งที่ผมยืนนิ่งมองดูทะเลอยู่ห่างๆ ผมกลับไม่เคยคิดถึงคำว่าตัดใจ สำหรับผมมันไม่ใช่ความรักแบบนั้น มันไม่ใช่รักที่เกิดขึ้นเพียงแค่สบตา ไม่ใช่รักที่เกิดเพราะความเสน่หา เพราะผมไม่เคยคิดอยากให้เป็นแบบนั้น ผมไม่เคยคิดว่าผมรักทะเลในแบบที่อยากครอบครอง ไม่เคยคิดจนกระทั่งมันเกิดขึ้นมาแล้ว

มันเกิดขึ้นมาเอง

เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วผมก็พยายามคิดย้อนไปว่าความรู้สึกนี้มันเริ่มจากตรงไหน
คำตอบมันก็เริ่มจากมือเล็กๆคู่นั้น มือที่ดึงผมออกมาจากอีกโลก นั่นคือสิ่งแรกที่ทะเลทำกับผม ทำกับความรู้สึกของผม ทีละเล็กทีละน้อยทะเลทำให้ผมรับรู้ว่าความอบอุ่นนั้นเป็นอย่างไรเพียงแค่จับมือกัน เป็นคนๆแรกที่คอยอยู่ข้างๆและคอยวนเวียนอยู่รอบๆตัว เป็นคนแรกที่ผมยึดเหนี่ยวเอาไว้ เป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญ

รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนขาดทะเลไปไม่ได้แล้ว...

ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ต้องการคิดสกปรกชั่วช้าแบบนั้นกับคนที่ผมคิดว่าเป็นน้อง ไม่เลย แม้ตอนที่มันเกิดขึ้นผมก็พยายามควบคุมตัวเอง แม้เกิดความต้องการผมก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความรัก คิดว่ามันเป็นแค่ความต้องการที่ไม่เหมาะไม่ควร

การกระทำของผมทั้งหมด ยิ่งผมพยายายามควบคุมมันเท่าไหร่ มันก็ยิ่งผิดพลาดมากขึ้นเท่านั้น ในช่วงเวลาที่สับสน ป็อปได้เข้ามา หยิบยื่นความรักในรูปแบบที่ผมไม่เคยได้ และผมก็คว้าเอาไว้ ผมใช้ความรักของคนๆหนึ่งที่มีให้กับผมทำร้ายเขากลับไป

ยิ่งทำร้าย ความรู้สึกผมยิ่งกระจ่างชัด

ความรู้สึกกับทะเลกระจ่างชัด
ความรู้สึกกับป็อปยิ่งกระจ่างชัด

การที่พยายามรักใครคนนึงโดยที่ให้ใจกับอีกคนไปแล้วมันมีแต่ความสูญเปล่า ไร้ค่า และเจ็บปวด

ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ยิ่งทำร้ายให้เจ็บปวดมากขึ้นทุกที
ผมรักป็อปไม่ได้ ผมพยายามแล้วแต่ก็รักไม่มากพอที่จะถนอมเอาไว้เหมือนทะเล...

ในเมื่อความรู้สึกมันชัดเจนถึงขนาดนี้แล้วผมก็ได้แต่ถามตัวเองว่า...ผมจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน...


รอบด้านที่มืดสนิท มีคนนั่งลงข้างๆผม
ไม่ต้องมองผมก็รู้ว่าเป็นใคร พระอาทิตย์ตกไปแล้วรอบด้านจึงเริ่มมืดไม่ค่อยมีคน มีเพียงเสียงคลื่นสัดสาดและสายลมที่อยู่รอบๆตัว

ป็อปนั่งอยู่เงียบๆสักพักแล้วก็พูดกับผม

"ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น"
“.......”
"มีคนเคยบอกไหมว่ามึงตาเศร้า"
“.......”
"ทำหน้าแบบนี้ร้องไห้ออกมาเลยยังดีกว่า"

ผมไม่ได้หันไปมองป็อปที่อยู่ข้างๆแต่ยิ้มออกมาแทนที่จะร้องไห้อย่างที่ป็อปบอก น้ำตาของผมมันเหือดแห้งไปแล้ว ผมไม่คิดว่ามันจะไหลออกมาได้ง่ายๆถึงขนาดนั้นแม้จะเจ็บแค่ไหนก็ตาม

"ป็อป...ได้อยู่กับกูแบบนี้...มึงมีความสุขแน่เหรอ"
“ความสุข...มันไม่สำคัญเท่าได้อยู่กับมึง"
“...เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมดีกว่าไหม..."
“ไม่"  ป็อปตอบคำเดียวแล้วลุกขึ้นจะเดินหนีไปแต่ผมก็ลุกไปคว้าแขนไว้
“คุยกันก่อน"
"ไม่คุย จะให้บอกกี่ครั้งว่ากูรักมึง!”
“แต่กูรักคนอื่น...”
“คิดว่ากูไม่รู้หรือไง"
“กูไม่มีทางรักใครเท่าเขา...ไม่มีใครแทนที่ได้เลย...สักคนเดียว" ป็อปยืนนิ่งไป ไม่ต่อต้านหรือคิดเดินหนีอีกผมจึงฉุดให้นั่งลงด้วยกันเหมือนเดิม

“กูรู้...แต่ก็ยังหวัง" จากที่เงียบไปนานป็อปก็พูดขึ้นอีกครั้ง

"กูทำมึงเจ็บ อยู่แบบนี้มึงก็ไม่มีความสุข" ผมบอกและจ้องเข้าไปในดวงตาให้รู้ว่าคราวนี้ผมจริงจังแค่ไหน

เวลาที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าผมไม่มีทางรักเพื่อนคนนี้ได้เหมือนกับทะเล
ไม่...ไม่มีทางเลย

"ยังไงก็เป็นกูไม่ได้ใช่ไหม...”ผมยิ้มเป็นคำตอบ...คำตอบที่ป็อปรู้อยู่แล้วตลอดมา
“ป็อป มึงเป็นคนสำคัญสำหรับกู เป็นเพื่อนที่กูรัก มันต้องมีสักวันที่มึงจะเจอคนที่เขารักมึงมากเท่าๆกับที่มึงรักเขา"

“กูอยากให้คนนั้นเป็นมึง...”

ผมส่ายหน้า ในใจก็รู้สึกเจ็บจากคำพูดนั่น

ป็อปแสดงความเจ็บปวดผ่านแววตาแต่ครั้งนี้ไม่ได้ร้องไห้ให้เห็น ไม่เหมือนครั้งก่อนที่ยื้อยุดอ้อนวอนด้วยน้ำตา ป็อปเอนหัวลงซบตรงไหล่ผม ไม่ได้เอ่ยใดๆอีก มันคงจะดีถ้าเราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ตลอดระยะเวลาที่เรามีความสัมพันธ์กัน ผมรู้ว่ามันมีแต่ความเจ็บปวด เราใช้เวลาด้วยกันมากเท่าไหร่ ป็อปก็เจ็บมากเท่านั้น ป็อปเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจแต่ผมก็เลือกที่จะเพิกเฉยมันและบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่ความผิดของผม ทั้งที่ลึกๆก็รู้แต่ก็หลอกตัวเอง

ผมหลอกตัวเอง...
ป็อป...ก็หลอกตัวเอง

จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมป็อปถึงรักผม รักทั้งๆที่เห็นตัวตนลึกๆ ตัวตนที่สะท้อนจิตใจที่แตกหักบิดเบี้ยวแม้แต่ตัวผมเองยังเกลียด
ถึงที่สุด...ผมก็เป็นฝ่ายปล่อยมือจากป็อป และป็อปก็ยอมปล่อยมือจากผม
ผมรู้ว่าจริงๆป็อปก็เหนื่อยกับที่เป็นอยู่แต่ก็ยังยื้อเอาไว้

ครั้งนี้เมื่อผมจริงจัง ป็อปก็ต้องยอมปล่อยเพราะรู้ว่าผมได้เลือกแล้ว

ระยะเวลาที่ห่างกันผมคิดแล้ว ทบทวนแล้ว ผมตัดสินใจแล้ว...

ผมจะลองดูสักครั้งเหมือนที่ป็อปเคยทำเพื่อความรักของตัวเอง

หากว่าทะเลเป็นคนที่ผมรัก เป็นคนเพียงคนเดียวที่ผมรัก ผมก็จะลองทำทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมาอยู่ในอ้อมกอด
จะผิดหรือถูก...จะเจ็บปวดหรือไม่ ผมไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว

ผมไม่อยากเสียใจที่ไม่ได้พยายาม ไม่อยากเสียใจที่เห็นทะเลไปกับใครโดยที่ผมได้แต่ยืนมอง ทะเลยังไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไง ยังไม่รู้ว่าเขาสำคัญกับผมแค่ไหน...และผมก็จะบอกให้ทะเลรับรู้...จะพยายามทำให้ทะเลรักผมเหมือนที่ผมรักเขา...จะทำให้ทะเลกลับมาอยู่ข้างๆกัน...



ในตอนนั้นผมคิดแบบนั้น...
คิด...โดยที่ไม่รู้ว่าอนาคตที่กำลังมาถึง...มันไม่ง่ายอย่างที่อยากให้เป็น

สิ่งที่ผมไม่รู้ก็คือการที่คนเรารักกันใช่จะมีความสุขเสมอไป...
บางทียิ่งรักมากเท่าไหร่...มันก็ทำให้เราห่างไกลคำว่าความสุขมากเช่นกัน


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/10ColdWater_zps49ef451c.jpg)

Song Titles : Cold Water
Artist : Damien Rice

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทักทายคนอ่านเรื่องนี้สักหน่อย
นี่ก็ผ่านมาครึ่งเรื่องแล้ว คิดไว้ว่าเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่ 20 ตอน แต่ตอนนี้ยังเขียนไม่จบ อาจมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ตามเนื้อเรื่องที่วางเอาไว้ บางช่วงคิดไม่ออกได้เห็นคนอ่านหน้าเดิมคอมเมนท์กันตลอดเกือบทุกตอนยังไม่ทิ้งกันไปก็พอมีกำลังใจอยู่ วันนี้เลยขอตอบคอมเมนท์คุยกับคนอ่านบ้างสักเล็กน้อย...
 
Sofa   ดีใจที่ชอบอ่านเรื่องนี้ค่ะ  :hao5:  เห็นติดตามตั้งแต่ตอนแรกๆเรื่อยมา จนคอมเมนท์ให้ถึงตอนล่าสุด หวังว่าจะคิดตามกันไปถึงตอนจบนะคะ   

403  แม่นแล้ว เป็นทะเลนั่นแล เห็นเม้นตอนก่อนๆดูจะเข้าใจบลูอยู่ไม่น้อย วิเคราะห์ออกมาจนอ่านแล้วรู้สึกว่า เออเข้าใจบลูมันดีจังเลย  :impress:

Candynosugar+  อีกคนที่เห็นเม้นให้ตลอด มีอยู่ตอนนึงที่บอกว่าบลูมันดูเป็นมนุษย์ คำนี้อ่านแล้วมันดีใจจริงๆเพราะตั้งใจอยากให้บลูเป็นแบบนั้น อารมณ์ที่เหมือนเรามองเพื่อนคนนึงแล้วคิดว่า 'มันทำบ้าอะไรของมันอยู่วะเนี่ย ตูไม่เข้าใจ'

aloney  คงได้คำตอบแล้วว่าเป็นทะเลจากตอนล่าสุด อ่านแล้วอยู่ในสภาวะไหนบอกกันบ้าง  :a5:

นางฟ้า  อย่าเพิ่งชนกำแพงตายไปซะก่อน ดราม่ายังไม่หมด 555 (ล้อเล่น)

ammamooty  เพ้อเยอะๆเราก็ชอบอ่าน  :man1: จะชอบตัวละครตัวไหนของเรา เราก็รู้สึกดีทั้งนั้น  จริงๆเราก็ชอบป็อปไม่แพ้กันอย่าว่างั้นงี้ ตอนนี้บลูปล่อยป็อปไปแล้วนะ (ดีใจหรือเสียใจดี) อนาคตของป็อปเราวางแผนไว้ให้เรียบร้อย ถูกใจหรือไม่ติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ (กุหลาบสีฟ้าหมายถึงบลูแน่นอน)

AGALIGO  กรรมของบลูก็คือดราม่าของเรื่อง  :katai1:

-west-  พี่บลูมันก็จะเป็นจะตายอย่างที่เห็น  แอบดีใจที่เห็นคุณ west มาเม้นนิยายให้เกือบทุกตอน เป็นแฟนนิยายอยู่เหมือนกัน  :mew1:

pharm  มาต่อแล้วนะคะ อ่านแล้วเป็นไงมั่งอย่าลืมบอกกัน  :katai4:

kwangun ดราม่าไม่เยอะหรอก วันฟ้าสดใสมีแน่นอน ต้องรอหน่อยแค่นั้นเอ๊งงง (ยิ้มชั่วร้าย)

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ในตอนก่อนๆของทุกคนด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ

 :pig4:

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 28-03-2013 01:58:21
เรื่องนี้ไม่เชิงมาม่านะ แต่ให้อารมณ์สะท้านๆในอกตลอดเวลาเลย ฮืออออ ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปแล้ว ขอหวานๆบ้างนะค้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 28-03-2013 02:18:33
มาต่อล้าวววววววววววว
บลูเอ๋ย.. :z3: เลิกกับป๊อบก็ดีแล้ว..แต่ชีวิตของนายมันยากเนอะ
ไม่รู้ว่ามันผิดไปตั้งแต่ตรงไหนนะ อ่านเรื่องนี้แล้วอินจับจิตดีจริงๆ

ดีใจที่คนแต่งตอมเม้นท์ด้วย ฮิ้ว ชมเลยนะคะว่าแต่งดีจริงๆ
เรื่องนี้เอาไปแนะนำ(กึ่งบังคับ)ให้หลายคนลองอ่านนะ
ทุกคนหลงรักบลูกันหมดเลย ทั้งๆที่มันไม่ใช่คาแรคเตอร์พระเอกแสนดีนะ
แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าบลูมีเสน่ห์ อ่านแล้วมันดึงดูดอยากติดตาม :heaven

ชอบคาแรคเตอร์ที่ดู..สกปรกหน่อยๆ 555 ถ่ายทอดหลายๆมุมของจิตใจ ก็ใจคนมันไม่ได้ขาวสะอาดนักหรอกนี่ :m15:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 28-03-2013 02:30:04
ในที่สุดบลูก็เลิกเห็นแแก่ตัวเสียทีนะ แต่คราวนี้จะกลับตัวทันไหม ความรู้สึกทะเลเสียไปแล้วจะคืนมารึเปล่า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 28-03-2013 06:29:35
เย่//วิ่งรอบบ้าน// บลูเอ๋ยเจ้าทำถูกแล้วแหละ(ฮา)

รอคู่ป๊อป..ห้าๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-03-2013 14:46:26
มาจองไว้
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 28-03-2013 18:34:59
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ ติดมากกกกกกก สนุกสุดๆ 
จริงๆแอบเชียร์บลูป้อป แต่เป็นอะไรที่เหนื่อยแน่ๆถ้าป้อปตะดื้อและรั้ง
บลูต่อไป อ่านไปยิ่งรู้สึกว่าป้อปนี่Mสุดๆ(หรือนี่คือสาเหตุที่ทำให้เราชอบป้อปอ่ะ55)

ป.ล.จะมีมาม่าอะไรหนักอีกมั้ย เรื่องครอบครับทะเลรึเปล่า ลุ้น :katai1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 28-03-2013 20:03:02
อยากอ่านฉากดราม่า สุดติ่ง ของบลูลลลล จังงงง เอาให้สุดๆ หน่วง บีบคั้นอ่ะะ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-03-2013 16:36:40
ตายดีกว่า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 29-03-2013 18:36:59
ติดเรื่องนี้มากๆ
อ่านแล้วหน่วง ฮืออออ
คือไม่มีใครไม่น่าสงสารในเรื่องนี้ แต่ตัดสินใจสักทีก็ดีนะบลู อ่านแล้วบีบหัวใจ บรรยายได้ดีมาก จี๊ดไปด้วยเลยคับ TT_TT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 31-03-2013 20:01:48
โอ้ยยย เค้าสงสารป๊อปปป จะบ้าาา บลูใจร้ายจริงเหอะ tt'
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 31-03-2013 20:42:51
 :hao5: ป๊อปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป....
ขอเจ็บแทนนน~ ดราม่าามมมมมมมมม  :hao3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 10 ] 28-03-13
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 31-03-2013 20:45:03
ตอนล่าสุด...  ชอบจริงๆอะ... มันแบบ
ดราม่าลึก เข้าถึงจริงๆ... ชอบแบบนี้ อ่านแล้วหน่วงในใจเลย
... รอตอนต่อไป ป๊อปกับบลูยังร้าวขนาดนี้ บลูกับทะเลนี่ตายอะ...
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 04-04-2013 01:26:48
- 11-
Tear

http://www.youtube.com/v/dW0JjfqR1-s?hl=en_US&amp;version=3


หลังจากที่ผมตัดสินใจ ทะเลก็หายไปในคืนนั้น
คำที่น้าเพลงบอกว่าไปค้างกับก้านมันก้องอยู่ในหัว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองช้าไปก้าวหนึ่ง

ถึงช่วงหลังเราจะห่างกันแต่ก็ไม่มีสักวันที่ทะเลจะไปนอนที่อื่น ผมจึงอดไม่ได้ที่จะนึกกังวลถึงสาเหตุ มันกังวลจนต้องกดโทรหาแม้จะรู้ว่าทะเลอยู่ที่ไหน มันติดแต่ไม่มีคนรับ ครั้งล่าสุดที่ไปค้างกับก้านก็เพราะเรื่องที่ทำให้เกิดปัญหาจนถึงความสัมพันธ์ปัจจุบัน ครั้งนี้ผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องปกติ พอคิดได้อย่างนั้นก็ไม่อาจข่มตาหลับ คืนนี้ผมอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครข้างกายเหมือนหลายๆวันที่ผ่านมา และมันคงจะไม่มีอีกต่อไปเพราะถึงยังไงความรู้สึกก็ไม่ต่างกัน มันก็แค่ชั่วครู่ที่ผมจะลืมไปได้แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย ผมคิดถึงเรื่องทะเลอยู่แบบนั้นจนหลับไป สะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงประตูห้องของทะเลเปิดและปิดลง ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นกี่โมง แต่แค่รับรู้ว่าทะเลกลับมาแล้ว ผมก็หลับลงอีกครั้งอย่างคลายใจ

ตอนสายๆที่ผมตื่นลงมาข้างล่างน้าเพลงก็บอกว่าตั้งแต่กลับมาตอนเช้าจนถึงตอนนี้ทะเลก็ยังไม่ลงมากินอะไรเลยจึงบอกให้ผมขึ้นมาดู ทะเลล็อคห้องเงียบเชียบ ผมเคาะเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ บางทีทะเลอาจยังหลับอยู่ ผมลงมาบอกน้าเพลงอย่างนั้น วันนั้นทั้งวันผมอยู่ที่อู่ช่วยงานน้าวิทย์ไม่ได้ออกไปไหน ในใจก็รอเวลาที่ทะเลจะลงมา ผมรู้สึกสังหรณ์ถึงอะไรบางอย่างทำให้อารมณ์ปั่นป่วนไปหมด เมื่อวานมันไม่ปกติ วันนี้ก็ยิ่งผิดปกติ

จนถึงตอนเย็นทะเลก็ยังไม่ออกจากห้อง ผมคิดจะขึ้นไปเรียกแต่ก็เห็นก้านมาซะก่อน ก้านมาถามหาทะเลแต่ผมบอกว่าทะเลหลับอยู่ ท่าทีร้อนรนของก้านทำให้ผมแปลกใจ มันร้อนรนเกินไป และอาจเป็นเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ทะเลเก็บตัวเงียบเชียบไม่ยอมลงมา ก้านบอกว่าจะรอแต่ผมบอกปัดว่าให้ค่อยมาหาพรุ่งนี้ ถึงจะดูลังเลอยู่นานแต่สุดท้ายก้านก็ยอมกลับไป

หลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปเรียกทะเลอีกครั้งก็ยังเงียบอยู่เหมือนเดิม ผมบอกน้าเพลงถึงความผิดปกติ บางทีทะเลอาจไม่สบายจนลงมาไม่ไหวก็ได้ น้าเพลงเองก็คิดว่าอาจเป็นอย่างนั้นจึงเอากุญแจห้องทะเลมาให้ผมขึ้นไปดู

ผมเข้าไปในห้องทะเลที่ทั้งมืดและเงียบคล้ายไม่มีสิ่งมีชีวิต ม่านถูกปิดจากหน้าต่างทุกบาน

เห็นเงาทะเลนอนอยู่บนเตียงในห้องที่หม่นมืด

ความกังวลภายในใจค่อยลดลง ผมนั่งลงข้างๆเตียง มองทะเลที่หลับไม่รู้เรื่อง ผ้าห่มถูกถีบร่นอยู่ที่ปลายเตียง บนหน้าซีดๆมีเหงื่อเกาะพราว เป็นจริงดังคาด ทะเลไม่สบาย ผมแตะหน้าผาก ลูบผมชื้นเหงื่อแล้วเรียกเบาๆ ทะเลไม่มีปฎิกิริยาจากเสียงของผม ผมจึงเขย่าตัวให้แรงขึ้นแล้วเรียกอีก แต่ยังไม่มีสัญญาณว่าทะเลจะรู้สึกตัว ผมจึงลงไปบอกน้าเพลง

“บลูไปเช็ดตัวให้น้องหน่อยนะ เดี๋ยวน้าจะทำโจ๊กให้" ผมทำตามที่น้าเพลงบอก เข้ามาในห้องทะเล เปิดม่านพอให้แสงสว่างเข้ามาไม่ให้มืดจนเกินไปแล้วไปรองน้ำในห้องน้ำ

ผมนั่งข้างเตียงแล้วลูบผ้าไปตามใบหน้า ทะเลยังไม่รู้สึกตัวแต่ขมวดคิ้วทันทีที่รู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆของผ้า พอเช็ดไล่มาถึงลำคอก็เห็นรอยบางอย่าง

รอยที่ทำให้ผมนิ่งค้าง

รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งร่าง มือจับเสื้อทะเลไว้แน่น นึกภาวนาให้ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิด

และผมก็ตัดสินใจถอดเสื้อทะเลออก

ร่องรอยที่เคยเห็นมันอยู่บนตัวผมเองทำไมมันถึงสร้างความเจ็บปวดมากกว่าเมื่อมันอยู่บนตัวทะเล แค่คิดภาพทะเลเป็นของคนอื่นเพียงแค่นั้นก็คล้ายทุกๆสิ่งที่ผมเฝ้าถนอมมาแหลกสลายหายไปกับตา

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...

ผมเช็ดรอยสีแดงบนตัวซ้ำๆหวังให้มันหายไป...แล้วมันก็พร่าเลือนลงด้วยม่านน้ำตาของตัวผมเอง

น้ำตาที่ผมคิดว่ามันคงไม่ไหลลงมาง่ายๆ...
ตอนนี้...มันไหลลงมาแล้วพร้อมกับแผลในใจครั้งใหม่ของผม

เมื่อยังคงเช็ดอยู่อย่างนั้นก็ทำให้ทะเลรู้สึกตัวขึ้นมา ทะเลมองผมด้วยสีหน้าอ่อนล้าสักพัก และทันทีที่มีสติรับรู้ก็รีบคว้าผ้าห่มที่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมตัว

“มันทำอะไร...” ผมถามเสียงสั่นทั้งที่รู้อยู่แล้ว ทะเลไม่ตอบ ตาที่มองผมอยู่รื้นขึ้มมาด้วยน้ำตา ทะเลกัดปากแน่นอย่างข่มกลั้น ผมจับผ้าห่มแล้วดึงออก แรงของทะเลตอนนี้ไม่มีมากพอที่จะยื้อไว้ได้ ทะเลจึงกอดตัวเองไว้แทนพยายามปกปิดร่อยรอยไม่ให้ผมมอง

มันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกหลากหลายจนเกินทน

ผมชุบผ้าลงในอ่างแล้วบิดอีกครั้ง ค่อยๆเช็ดแขนของทะเลที่กอดตัวเองอยู่
ห้องทั้งห้องที่เงียบ ผมได้ยินเสียงร้องไห้ของทะเลชัดเจน

ผมเอาเสื้อตัวใหม่มาให้ทะเลใส่หลังเช็ดตัวเสร็จ ทะเลรับไปสวมแล้วก็พลิกตัวหันหลังให้ผมทันที ผมหยิบผ้าห่มที่กระชากออกไปเมื่อกี้มาห่มให้อีกครั้งแล้วทรุดตัวนั่งลงตรงพื้นข้างๆเตียง มองดูทะเลจากข้างหลัง

“บลู เปิดประตูให้น้าหน่อย" น้าเพลงเรียกผมจากข้างนอก ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ น้าเพลงถือถาดโจ๊กและยาเข้ามาในห้องวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้วอ้อมไปดูทะเล

น้าเพลงแตะหน้าผากแล้วลูบหน้าลูบตาทะเลเช็ดเหงื่อให้ ทะเลก็เอื้อมมือมาจับมือน้าเพลงไว้
“กินข้าว กินยานะ แม่เอามาให้แล้ว"
“เลไม่อยากกินอะไรเลย"
“ได้ยังไง ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว"
“เดี๋ยวค่อยกิน" น้าเพลงถอนใจ นั่งลูบหัวทะเลสักพักก็ลุกขึ้น
“บลู ช่วยดูน้องให้กินข้าวกินยาหน่อยนะ น้าลงไปข้างล่างก่อน" น้าเพลงบอกแล้วลูบหัวทะเลอีกสองสามทีจากนั้นก็ออกจากห้องไป

ผมลุกขึ้นไปนั่งบนเตียง จับทะเลให้หันมาแล้วฉุดให้ลุกขึ้นจับนั่งพิงหัวเตียง ทะเลสะดุ้งเหมือนข่มกลั้นความเจ็บ ผมยกชามโจ๊กขึ้มมาแล้วตักป้อนให้ แต่ทะเลไม่สนใจ แย่งชามไปถือแล้วกินเองแค่ไม่กี่คำก็วางลง

เมื่อหยิบยายื่นให้ ทะเลก็รับมารีบกินแล้วนอนหันหลังให้ผมเหมือนเดิม   

ผมมองแผ่นหลังนั้นอยู่เนิ่นนานก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วกอดทะเลไว้ ทะเลพยายามขึืนตัวออก ผมยิ่งกอดแน่นขึ้น

ผมสงสัยว่าในโลกนี้จะมีรูปแบบความเจ็บปวดกี่ร้อยกี่พันอย่าง ผมต้องย้อนไปไกลแค่ไหนไม่ให้รู้สึกเจ็บแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อวาน...หรือตั้งแต่แรก...

เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าถ้าผมเลือกที่จะอยู่กับแม่ตอนนั้นมันจะดีกว่านี้ไหม...มันจะดีกว่าไหมถ้าผมไม่มาอยู่กับน้าวิทย์

ไม่เจอกับทะเล

ไม่มีความรัก
ไม่มีความต้องการ

ไม่ต้องพบเจอ...ไม่ต้องเจ็บปวด

ผมช้าไปหนึ่งก้าว แค่ก้าวเดียวทะเลก็เป็นของคนอื่นไปแล้ว ผมกำลังยอมรับไม่ได้ว่าทะเลที่ผมเฝ้าทะนุถนอมรักษาเอาไว้ ทะเลที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม...เป็นของคนอื่น

ความเจ็บปวดทั้งหมดที่เคยผ่านมามันเทียบไม่ได้กับตอนนี้เลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้

ทำไม...ทำไม...

ยิ่งคิดซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ ความรู้สึกทั้งหมดเหมือนไปรวมตัวกันที่หัวใจ

เจ็บ

หายใจไม่ออก

ผมหอบหายใจแรงแล้วผละออกมาจากทะเล ทิ้งตัวลงที่พื้นกุมหน้าอกเอาไว้ มองไปที่โต๊ะพยายามหาอะไรก็ได้ที่จะช่วยผมจากความรู้สึกในตอนนี้

และผมก็เห็น...สิ่งที่ผมคิดว่ามันคงจะบรรเทาความเจ็บปวดภายในให้หายไปได้

ใบมีดคัตเตอร์แวววาวกระทบแสงไฟ ผมกรีดลงไปซ้ำๆ หลายๆแผล
ให้มันรู้สึกเจ็บ...เจ็บให้มากๆ

เพื่อที่จะแทนที่ความเจ็บที่อยู่ข้างใน

“พี่บลู ทำอะไร" ทะเลลุกขึ้นมามองผมที่นั่งอยู่ตรงพื้น เมื่อเห็นสิ่งที่ผมกำลังทำทะเลก็รีบเข้ามาหาแล้วจับคัตเตอร์ในมือผมโยนทิ้งไป

“...หายใจไม่ออก..."
“ฮือออ พี่บลู" ทะเลร้องไห้แล้วกอดผมแน่น ไม่ให้ผมทำร้ายตัวเอง ผมหอบจนตัวโยนอยู่ที่อกของทะเล

ดวงตาเริ่มพร่ามัว...พร้อมๆกับสติที่ค่อยๆเลือนลาง

....

บาดแผลทางจิตใจมันมองไม่เห็นก็จริง แต่มันก็ร้ายแรงพอๆกับบาดแผลทางร่างกาย มันอาจทำให้คนๆนึงทำร้ายตัวเองหรือแม้แต่เลือกที่จะจบชีวิตลงทันทีที่คิดว่าไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว

แน่นอนว่าคนที่จิตใจเข้มแข็งย่อมไม่เข้าใจถึงเหตุผล

ผมเคยคิดบ่อยครั้งเมื่อนานมาแล้ว คิดอย่างจนตรอกและไร้ทางออก คิดว่าจะทำอย่างไรได้ถึงจะหลุดพ้น ทำอย่างไรมันถึงจะจบจากนรกที่คนอื่นสร้างให้ผม ผมคิด และได้คำตอบ

แต่ผมก็ไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ทำเพราะเริ่มชาชินโดยหารู้ไม่ว่าบาดแผลมันยังคงอยู่ ยิ่งมีบาดแผลผมก็เริ่มอ่อนแอและอ่อนแอลงเรื่อยๆตามร่องรอยที่เพิ่มขึ้น

สำหรับบางคนบาดแผลอาจทำให้จิตใจเข้มแข็งและมีภูมิต้านทานต่อสิ่งเลวร้าย หรืออาจกลายเป็นคนที่ชินชาต่อความเจ็บปวด บางคนเลือกที่จะทำร้ายคนอื่นให้สาสมกับความเจ็บของตัวเอง บางคนเลือกที่จะฝังเรื่องราวเอาไว้และใช้ชีวิตคล้ายคนไร้หัวใจ

สำหรับผม...ในตอนที่บาดแผลมันลึกเข้าไปทุกทีนั้น มีมือๆหนึ่งที่ช่วยกดปากแผลเอาไว้ ผมไม่ได้เยียวยารักษามันด้วยตัวผมเอง เพราะฉะนั้นตอนนี้ หากมีคนดึงมือๆนั้นที่กดแผลผมออก

เลือดของผมก็ยังคงไหล...
พร้อมกับแผลที่ยังคงอยู่...และลึกลงกว่าเดิม

ผมมองผ้าพันแผลสีขาวที่พันขึ้นมาเกือบครึ่งแขนและมองรอบๆห้องในโรงพยาบาล ไม่มีใครอยู่กับผมในห้องเพราะเพิ่งจะออกไปกับหมอหลังจากดูแผลของผมเสร็จ ตอนหมอบอกว่าแผลค่อนข้างลึกและผมเสียเลือดมาก สายตาของทุกคนที่มองผมเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย น้าเพลงนั้นชัดเจนว่าเป็นห่วง น้าวิทย์เต็มไปด้วยคำถาม ส่วนทะเลที่ยังคงหน้าซีดมองผมด้วยสายตารวดร้าว

ผมต้องนอนโรงพยาบาลในคืนนี้เพราะต้องพักฟื้นหลังจากเสียเลือดไปมาก ทะเลบอกว่าจะเฝ้าผมเอง ทั้งๆที่ยังป่วยอยู่แบบนั้น แต่น้าวิทย์และน้าเพลงห้ามยังไงก็ไม่เป็นผล

ทะเลกลับเข้ามาหลังจากกลับบ้าน เสื้อผ้าเปื้อนเลือดก่อนหน้านี้ถูกผลัดเปลี่ยน สีหน้าโดยรวมก็ดีขึ้นแล้วหลังจากนอนซมมาทั้งวัน

ทะเลนั่งลงตรงโซฟาซึ่งห่างจากเตียงผมและเฝ้ามอง

ผมเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ อยากให้มานั่งข้างๆเตียงแต่ทะเลก็ส่ายหน้าปฎิเสธ

ในใจผมยังนึกแต่เรื่องเดิมๆ เหมือนติดอยู่ในวังวนไร้ทางออก ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนจะหายใจไม่ออกอีกครั้ง ผมพยายามหายใจเข้าลึกและเอ่ยปากถามเรื่องที่ค้างคาใจ

“เล...ยอมมันรึเปล่า"
“........” ทะเลไม่ตอบแต่ก็ยังคงจ้องผม ผมเลยตัดสินใจถามคำถามที่ผมอยากรู้...แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะรับได้ไหมกับคำตอบ

“เล...รักมันเหรอ"
“อยากรู้ไปทำไม"  สายตาที่จ้องผมอยู่คล้ายตัดพ้อต่อว่า
“แค่อยากรู้...”
“เลก็อยากรู้เหมือนกัน...ว่าพี่กับพี่ป็อปรักกัน คบกันอยู่ใช่รึเปล่า"
“...พี่กับป็อปไม่ได้มีอะไร...มันจบไปแล้ว"
“ทำไมที่เลเห็นมันไม่ใช่แบบนั้น"
“เห็นอะไร..."
“เลเห็นพี่มีอะไรกัน! เห็นพี่อยู่ด้วยกัน พวกพี่คบกันก็บอกเลสิ ไม่เห็นต้องโกหก ไม่เห็นต้องปิดบัง...”
“เราเคยคบกันก็จริง แต่มันก็แค่นั้น...เราไม่ได้รักกัน พี่ไม่ได้รักป็อป”
“แค่นั้น?...พี่บลูไม่ได้รัก แต่พี่ทำแบบนี้กับทุกคน ให้ความหวังทุกคน!"
“......”
“เลรู้ว่าพี่ป็อปรักพี่บลู เลดูออก แล้วพี่ไปทำแบบนั้นทั้งที่พี่ไม่ได้รัก...เหมือนกับที่พี่จูบเล...ทั้งๆที่พี่ไม่ได้รัก...พี่ให้ความหวัง...ฮึก...แล้วพี่ก็ทิ้งไป"
“.....”
“มันเจ็บ...พี่บลูไม่รู้เหรอ"

ทะเลร้องไห้จนตัวโยนแล้วพยายามพูดต่อ ผมดึงเข็มที่มือออก ลุกขึ้นไปนั่งลงตรงพื้น วางหัวลงบนตักของทะเล แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

“...ไม่รู้...ขอโทษ"
“แล้วที่พี่บลูทำวันนี้มันคืออะไร ทำไมพี่ทำกับตัวเองแบบนี้ ทำให้เลเป็นห่วงแทบบ้า แล้วก็ทำให้เลคิด...คิดเข้าข้างตัวเอง..."

ตอนนี้เองมันทำให้ผมคิดว่าทั้งผมและทะเล เราใกล้กันเกินไป ใกล้จนมองไม่เห็นความรู้สึกอีกฝ่าย เพราะมันพร่าเลือนไม่ชัดเจน
หรือที่จริงเราอาจจะรู้แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะคิด

ทั้งโง่เขลาและขลาดกลัว

“พี่เจ็บ...ที่เห็นเลเป็นของคนอื่น...เจ็บจนทนไม่ไหว"

ผมเงยหน้าขึ้นมาพูดกับทะเลแล้วจ้องตา ทะเลไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองสักนิด ความรู้สึกของผมมันยิ่งกว่าที่ทะเลจะจินตนาการออก มันเก็บกดอัดอั้นอยู่ข้างใน

“พี่รักเล...รัก...มันถึงเจ็บ"

“ฮึก...อึก...” ทะเลสะอื้นหนักขึ้นแล้วโผเข้ากอดผมแน่น ผมใช้มือทั้งสองข้างกอดทะเลเอาไว้ให้แน่นที่สุด ลืมความเจ็บที่แผลไปจนหมดสิ้น

ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคยหลังจากที่ห่างหายไป ระยะเวลาที่เราไม่ได้พูดคุยกันนานนับเดือนทำให้ผมโหยหาอ้อมกอดของทะเลจนไม่อยากแยกจาก

“เมื่อคืนเลเมา เลทำใจไม่ได้เรื่องพี่บลู...กับพี่ป็อป เลไม่รู้ตัว...ไม่ได้ตั้งใจ...ฮึก...เลไม่ได้รักก้าน"
“อย่าร้องไห้...ไม่ต้องพูดแล้ว..."
“เลจะพูด! เลรักพี่บลู รักมาตั้งนานแล้ว รักมาก่อนใคร!”

คำนั้นทำให้ผมยิ้มได้ ยิ้มทั้งน้ำตากับคำที่ผมสงสัยมาตลอด

ที่ผมตัดสินใจว่าจะพยายามให้ทะเลกลับมาอยู่ในอ้อมกอด ให้เขาเป็นของผมมันคงยังไม่สายไป สิ่งสำคัญที่ผมได้รู้คือทะเลเต็มใจที่จะอยู่ในอ้อมกอดนี้ของผมพอๆกับที่ผมต้องการ...

ผมดึงทะเลที่กอดผมอยู่ออกมามองหน้ากัน น้ำตายังไม่หยุดไหล

ผมจับหน้าทะเลไว้ แล้วจ้องมองนิ่ง
ในตาใสๆของทะเลผมเห็นแววตาแบบเดียวกันสะท้อนกลับมา เราต่างถูกอีกฝ่ายดึงดูด และทันทีที่ริมฝีปากแตะกันผมก็รับรู้รสชาติของน้ำตาพร้อมๆกับความสุข จนรู้สึกถึงจังหวะของหัวใจที่เต้นแรงอีกครั้ง

รู้สึกเหมือนได้หัวใจตัวเองกลับคืนมา

แม้จะมีแผลใหม่ที่เจ็บกว่าครั้งไหนเพิ่มเข้ามาในใจแต่ผมก็จะพยายามลืมมัน
จะใช้ความสุขที่มีในตอนนี้เพื่อลืมมัน

แม้ว่ามันจะเป็นความสุขที่เจือความขมขื่นก็ตาม...

สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่อดีต ไม่คิดอยากย้อนไปตอนไหนอีกต่อไปแล้ว ทะเลก็ยังคงเป็นทะเล คนที่ผมเห็นว่าบริสุทธิ์สดใสกว่าใคร แค่ได้ยินคำนั้นจากทะเล ถ้ามันต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างเพื่อให้รับรู้ถึงความสุข ณ เวลานี้...ผมยอมทั้งนั้น

เสียงแผ่วเบาที่กระซิบตอนที่เราจูบกันครั้งนี้ คล้ายกับความฝัน
มันดังก้องและทำให้ผมสั่นสะท้านเข้าไปถึงข้างในจิตใจ...










“เลรักพี่บลู...รักที่สุด"



(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/11Tear_zpsbfa7031c.jpg)

Song Titles : Tear
Artist : Red Hot Chili Peppers


 :katai1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 04-04-2013 01:55:26
ร้องไห้ น้ำตาไหล



..ทุกตอน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 04-04-2013 02:16:07
ดีใจด้วยกับบลูและทะเล แต่หนทางข้างหน้ายังอีกยาวสินะ o7
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 04-04-2013 09:44:11
ชอบเรื่องนี้มาก การบรรยายความรู้สึกในเรื่องนี้ real ดี
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: mamimew ที่ 04-04-2013 16:03:30
งืออออออ

ยอมรับว่าอ่านมารวดเดียว แล้วเพิ่งจะมาเม้นเอาตอนนี้

คือมันแบบ อยากร้องไห้อ่ะ

คือทุกตอนเหมือนจะรับรู้ความรู้สึกบลูฝ่ายเดียวมาตลอด

แล้วพอรับรู้ความรู้สึกทะเลมันแบบ ฮื่อออ พูดไม่ออก  :hao5:

เรารู้แต่ว่าไม่ชอบก้านเลย บังคับทะเลใช่มั้ยเนี๊ยะ !!
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-04-2013 17:08:27
อึดอัด......อ่ะ  หลังจากนี้มันคงจะมีอะไรดีขึ้นบ้่างล่ะนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: papangki ที่ 04-04-2013 19:18:37
ซึ้งอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 04-04-2013 20:47:20
แต่เราว่าเลเจอแบบนี้ก็สมควรกับสิ่งที่บลูทำกับป๊อบแล้วล่ะ แต่ดราม่าไม่หมดง่ายๆหรอกนะ ดราม่าที่น่ากลัวสุดก็คงเป็นครอบครัวว่าพ่อจะยอมรับรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 04-04-2013 21:02:49
ปวด ใจ ชิบ หาย .. :katai1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 05-04-2013 07:54:03
เย่ในที่สุดก็พูดกันก็เข้าใจกัน..รึเปล่านะ...อ้ายก้านนนนเด๊ะโดยเตะก้านคอนะเทอทำไรลงไปๆๆห็ะๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 05-04-2013 09:22:11
กรี๊ดดดด
ช่างมันเถอะทั้งเลทั้งก้าน มาเริ่มกันใหม่เนาะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 05-04-2013 10:39:45
เขียนดีมากๆเลยค่ะ
น่าจะเข้ามาอ่านตั้งนานแล้ว
เป็นนิยายที่หน่วงมาก
แต่ชอบค่ะนี่แหละชีวิตคน :mew4:

สงสารทุกคนในเรื่องมากเลยโดยเฉพาะพี่บลู
เป็นคนที่ชีวิตรันทดมาก ตรงที่เป็นคนที่กลัวจะเสียสิ่งที่รักและพยายามโหยหาความรักนี่แหละค่ะ
แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนกลัวอยู่แล้วนี่เนอะ

ถ้าต่อไปชีวิตมีควาทสุขคงจะดีมากๆเลยนะคะ

ยังไงก็จะติดตามต่อไปค่ะ
ปล.เป็นเม้นท์ที่ยาวที่สุดที่พิมมาเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 05-04-2013 13:42:15
มันเศร้านะ ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันใกล้กันแต่ก็ไม่ยอมพูดคุยให้เข้าใจกันจนสุดท้ายปัญหามันก็เกิดขึ้นมา ถึงจะคลี่คลายลงไปบ้างแล้วแต่ร่องรอยของมันก็ยังอยู่ ต่อให้พยายามลืมมันไปแต่ก็ยังมีตะกอนที่ตกค้างอยู่ในใจอยู่ดี คนอ่านก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทะเลเองก็รักพี่บลูมีแต่เจ้าตัวทั้งคู่นั่นแหละที่ไม่รู้ แล้วพอไม่คุยกันมันเลยกลายเป็นแบบนี้ไง เวรที่สุดคือไอ้ก้าน  :z6: ทั้งๆที่ทะเลก็ให้อภัยมันไปแล้วหลายครั้งหลายหน แต่มันก็ยังทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจและมิตรภาพที่ทะเลให้ มันน่าจับถ่วงน้ำจริงๆ :m16:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 07-04-2013 02:11:21


น้ำตาจะไหล แค่ซึมๆ แต่อ่านไปเราหายใจไม่ออกอ่ะฮืออ มันสะเทือนใจมากๆนะ
 
ทั้งเลแล้วก็บลู จากนี้ก็ลืมเรื่องในอดีตนะแล้วลุกขึ้นมาใหม่ ประคับประคองกันและกันจนกว่าท้องฟ้าจะสดใสในวันหนึ่ง(ถึงเราอาจจะคิดอย่างใจร้ายๆว่า สิ่งที่เลโดนนี่เป็นกรรมขอบลูล้วนๆเลย)

เราไฟว่ค่ะคนเขียน จะมาอีกกี่หม้อมาม่า หรือจะเป็นขนาดจัมโบ้90กรัม เราพร้อม!! #ฮึดพร้อมน้ำตา  :katai4:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-04-2013 15:27:02
ความจริงเห็นเรื่องนี้ผ่านตาไปมาหลายหน แต่ก็ยังไม่ได้เข้ามาอ่านซักที
วันนี้เลยลองเข้ามาอ่านดูซะหน่อย อ่านตอนที่1ยังไม่ถึงครึ่งตอนด้วยซ้ำ  :mew6: ฉันเป็นอะไรไปนี่...
ทำไมมันเกิดอาการจุกแน่นในอก อัดแน่นในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว  :monkeysad: ..ฉันนั่งรองไห้หน้าจอ
อ่านจบตอนที่1 ไม่ไหวแระ ต้องพักยก ออกไปเดินชมนกชมไม้เล่นกับลูกสาวทั้งสองก่อนนะ
ไม่ได้จริงๆนะ เรื่องของเด็กและผู้สูงวัยนี่ มันแบบอารมณ์อ่อนไหวมากเลย

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 07-04-2013 21:23:23
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป :katai2-1:
อ๊ากๆๆ ขอให้มีแต่เรื่องๆดีดีเถอะกลัวที่เกริ่นไว้ตอนก่อนจิงๆ
ไม่เอามาม่าแล้ว   :hao7:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-04-2013 22:55:19
อึดอัด สงสาร เศร้า วูบโหวง กังวล คือความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ขณะที่อ่านจากตอนที่2 จนถึง ตอนท้ายสุด
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 11 ] 04-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Skell_Xiao ที่ 09-04-2013 18:33:27
รู้สึกอยากให้บลูรักป๊อป ทะเลควรแล้วที่จะปล่อยให้บริสุทธิ์ไม่ต้องรับรู้อะไรที่มืดมิด เข้าใจอารมณ์อยู่นะว่าข้างในที่มันว่างเปล่า เงียบเหงา โหยหามันเป็นแบบไหน ข้างในบลูใช่แบบนี้รึปล่าว ? ถึงจะได้ทะเลมา มันจะเต็มจริงๆเหรอ สงสัยจัง ....
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 11-04-2013 23:45:50
-12-
Broken

http://www.youtube.com/v/sSRg8CTc8m0?version=3&amp;hl=en_US


ผมไม่เคยรู้สึกมีความสุขจนถึงขนาดกลัวที่จะสูญเสียไปเหมือนในตอนนี้

มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาด ผมมีความสุขก็จริง ในขณะเดียวกันก็เศร้าอย่างอธิบายไม่ได้

ในห้องพักของโรงพยาบางที่มีเพียงแค่แสงสลัวของวันใหม่ รอบด้านเงียบกริบได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ ผมมองทะเลที่หลับอยู่บนเตียงโรงพยาบาลด้วยกัน ยังไม่อยากหลับตา เพราะกลัวว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่ความจริง

ผมฝืนทั้งที่ง่วงมองคนๆนี้เอาไว้จนความอ่อนล้าบดบัง...ภาพของทะเลจึงค่อยลางเลือน

...

“ทะเลาะอะไรกัน"
“ไม่มีอะไร แค่ทะเลาะกันแรงไปหน่อย เลขอโทษที่ทำให้พ่อเป็นห่วง"
“มันไม่แค่แรงไปหน่อยแล้วนะเล พ่อถามว่าเรื่องอะไร"
“.......”
“เดี๋ยวพ่อถามบลูเองก็ได้"

ผมได้ยินที่ทั้งสองคุยกันเหมือนมาจากที่ไกลๆ ผมรู้สึกตัว แต่ก็ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง ในใจนึกหาเหตุผลที่จะบอกน้าวิทย์ เรื่องของผมกับทะเลเพิ่งจะเริ่มต้น และมันคงจะจบลงได้ง่ายๆหากน้าวิทย์รู้เข้า ผมนึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่ว่ายังไง...ต่อให้ต้องมันจะเลวร้ายแค่ไหน ผมก็จะไม่มีวันปล่อยทะเลไปแน่นอน

ผมคิด...แล้วหลับไปอีกครั้ง

ตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆ สัมผัสแรกที่รู้สึกที่มือทำให้ผมบีบตอบแน่น ผมลืมตาขึ้นช้าๆหมายใจว่าจะได้เจอคนในความคิดแต่ไม่ใช่

สายตาของป็อปยังคงเจ็บปวดเหมือนครั้งล่าสุดที่จากลา ผมดึงมือออกช้าๆแล้วมองรอบๆห้องหาคนที่อยากเจอแต่ไม่อยู่... ทะเลไม่อยู่ในห้อง

“เลไปกินข้าว ตั้งแต่เช้าไม่ยอมกินอะไรเฝ้าแต่มึงจนไข้กลับ น้าวิทย์กับน้าเพลงเพิ่งจะพาออกไป"
“มึงมาได้ยังไง"
“ก็ไปหาที่บ้านแล้วน้าเพลงบอก...ว่ามึงไม่สบาย"
“.......”
“ถามได้ไหมว่าแขนโดนอะไรมา"
“ไม่มีอะไรหรอก..."

ป็อปจ้องผมเพราะรู้ว่ายังไงก็คงไม่ได้คำตอบอะไร เรานั่งกันเงียบๆอยู่อย่างนั้นเหมือนที่เคย จนในที่สุดก็มีคนเปิดประตูเข้ามา ร็อคกับตูนมาด้วยกัน นั่นทำให้ผมนึกแปลกใจและมองอย่างสงสัย

“มาทำไมวะ เดี๋ยวกูก็กลับแล้ว"ผมพูด
“ก็ป็อปโทรบอกกูว่ามึงอยู่โรงพยาบาล กูก็มาเลย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงเป็นอะไร"

ผมมองไอ้ร็อคกับตูนที่มาด้วยกัน ทั้งคู่สีหน้าที่ดูเป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย ผมจึงบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแค่อุบัติเหตุนิดหน่อย หลังจากนั้นพวกมันก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนผมระหว่างที่รอครอบครัวผมไปกินข้าว เราคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย ป็อปมองแผลผมอย่างสงสัยอยู่ตลอด ถึงพวกมันจะถามผมว่าโดนอะไรมาผมก็ได้แต่ตอบปัดๆ ไม่อยากให้ใครรู้มากเท่าไหร่  เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดจากอารมณ์ภายใน

อารมณ์...ที่ผมไม่หวังจะให้ใครหยั่งถึง

สิ่งที่ผมทำผมควบคุมมันไม่ได้ และยิ่งไม่อยากคิดถึงสาเหตุที่ลงมือทำร้ายตัวเอง
เพราะผมรู้ว่าคงไม่มีใครที่จะเข้าใจมันได้นอกจากตัวผมเอง

หากจะว่าถึงจุดเริ่มต้นผมก็บอกได้เลยว่ามันไม่ได้มาจากตัวผม แต่มาจากผู้คนรอบๆที่พลักผมไปสู่ตรงนั้น...

ในช่วงที่พี่หญิงกับแม่ส่งผมไปกับคนแปลกหน้า ผมไม่รู้ว่าจะทนได้อย่างไรกับความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า มันเป็นความเจ็บที่ผมกลัวว่ามันจะไม่มีวันจบสิ้น เป็นความทรมานที่ไร้ทางออก ผมตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่ไม่รู้จักพอ มีแต่ความรุนแรงและการบีบบังคับ ต่อให้ร้องไห้อ้อนวอนอย่างไรก็ไม่เป็นผล คล้ายเป็นสัตว์นรกในคราบมนุษย์ที่ไม่มีจิตใจ บางคนโชคดีที่ทั้งชีวิตไม่เคยพบเจอ แต่กับผมมันตรงกันข้าม

ในทุกๆวันผมได้แต่หวาดกลัวทุกครั้งที่มีคนมารับ
ทุกครั้ง ทุกครั้ง ที่มันดำเนินไปมันค่อยๆกัดกร่อนจิตใจ

ผมเคยร้องไห้ฟูมฟายกับแม่ อ้อนวอนให้เขาหยุดทำกับผมแบบนั้น ผมอยากหนีไปแต่ก็กลัว เพราะผมไม่เคยเห็น...ไปเคยออกไปที่ไหนนอกจากที่นี่ ผมไม่รู้จะหนีไปที่ไหน  ผมไม่รู้ว่าถ้าหากหนีไปแล้วจะต้องเจอกับอะไร มันอาจจะเลวร้ายกว่านี้ หรืออาจจะไม่ ผมได้แต่ขอร้องกับผู้หญิงคนเดียวที่ผมคิดว่าเขาจะช่วยผมได้ แต่ถ้อยคำที่ตะคอกกลับมามันไม่ได้มีความใยดีสักนิด

“หยุดร้อง!”
“มันจะอะไรนักหนา เจ็บแค่นี้มันจะตายรึยังไง"
“เจ็บก็แค่ทน  ทำๆไปเดี๋ยวก็ชิน!"


ไม่มีแม้แต่ความปรานีในน้ำเสียง และผมรู้ตอนนั้นเองว่าผมไม่มีทางหนีมันพ้น

จากวันนั้น ผมเห็นแค่หนทางเดียวคือการเผชิญหน้ากับมัน ผมพยายามที่จะ'ยอมรับ'ความเจ็บปวด เพื่อที่จะได้รู้สึกชินชาอย่างที่แม่บอก ผมหวังให้ตัวเองรู้สึกแบบนั้น รู้สึกชินจนไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

และผมก็ทำได้

ทุกครั้งที่ความเจ็บชำแรกผ่านเข้ามา ทุกอณูในตัวผมบอกให้ยอมรับ รอยเขียวช้ำและกลิ่นคาวเลือดไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป  และน่าแปลกตรงที่ทุกๆครั้งเมื่อผมเจ็บปวดทางร่างกาย มันทำให้ผมลืมสิ้นถึงความเจ็บปวดในจิตใจ ผมลืมทุกสิ่งเมื่อมันซึมซาบเข้ามา

เมื่อมันผ่านไปเนิ่นนานเข้าผมถึงกับร้องขอความรุนแรงนั้นด้วยตัวผมเอง มันกลายเป็นความเคยชินอย่างที่แม่ว่าอย่างช่วยไม่ได้ เป็นความเคยชินที่บิดเบี้ยว

และผมก็ค้นพบอะไรบางอย่าง...เมื่อผมปล่อยตัวเองให้กระทำรุงแรงโต้ตอบ มันให้ความรู้สึกแปลกใหม่และหฤหรรษ์อย่างสุดแสน

เป็นความสนุกแรกที่ผมเคยรู้สึก

และผมก็เข้าใจมันเป็นครั้งแรกว่าทำไมพวกเขาถึงทำกับผมแบบนั้น
สีหน้าเจ็บปวด เลือดและน้ำตา
ความทรมานจากน้ำมือของผมเมื่อเห็นแล้วก็ให้รู้สึกสาสมใจ เร้าใจ จนผมมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน...ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

แต่เมื่อความสาสมใจผ่านพ้นไป วันแล้ววันเล่า ความคิดผมก็แล่นย้อนกลับมา มันย้อมกลับมาให้ผมได้รู้ว่าส่วนหนึ่งในตัวผมได้ถูกทำลายลงไปแล้ว...ด้วยการกระทำของตัวเอง ผมกลายเป็นหนึ่งในพวกนั้น พวกที่ผมเคยเกลียด พวกที่ทำร้ายร่างกายคนอื่นเพื่อตอบสนองความสุขของตัวเอง

ถึงตอนนั้นมันก็สายไปแล้ว...จิตใจผมที่บิดเบี้ยวไปมันก็ยากที่จะคืนรูปดังเดิม

...

น้าวิทย์ น้าเพลงและทะเลขึ้นมาเพื่อพาผมกลับบ้านหลังจากพาทะเลไปกินข้าวเรียบร้อย ร็อค ป็อปและตูนก็ออกมาพร้อมๆกันก่อนจะค่อยแยกย้าย เมื่อกลับมาถึงบ้านผมก็พาทะเลขึ้นมานอนที่ห้องของตัวเอง ใช้เวลาเพียงไม่นานทะเลก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยาและความอ่อนเพลีย

ก๊อก ก๊อก

“บลู ออกมาคุยกับน้าหน่อย"

น้าวิทย์เรียกผมจากข้างนอกทำให้ต้องปล่อยมือจากทะเลที่ผมจับเอาไว้และพยายามคิดหาคำตอบที่ควรจะบอกกับน้าวิทย์ ผมเปิดประตูออกไปก็เห็นสายตาของน้าวิทย์ที่มองเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นทะเลที่นอนอยู่น้าวิทย์ก็บอกให้ผมปิดประตูแล้วลงไปคุยกันข้างล่าง

“บลูรู้ใช่ไหมว่าน้าจะถามอะไร" เมื่อนั่งลงในสำนักงานน้าวิทย์ก็พูดขึ้นทันที
“ครับ"
“แล้วมันยังไงถึงต้องทำตัวเองแบบนั้น"
“ผม...แค่ประชดทะเล...เราแค่ทะเลาะกัน"
“เรื่องอะไร"
“.....”
“บลู"
“ผมแค่อยากให้ทะเลกลับมาพูดกับผมหลังจากที่ทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เลยทำแบบนั้น...ผมแค่โมโห...เลยไม่ได้คิด"
“น้าก็รู้ว่าเรามีเรื่องกันอยู่ เห็นไม่ค่อยพูดกันพักหลัง ก็ว่าจะไม่ยุ่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้"
“เราเคลียร์กันแล้ว ผมขอโทษที่ทำให้น้าวิทย์กับน้าเพลงเป็นห่วง" 
“บลู...มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะที่ทำร้ายตัวเองขนาดนี้ ครั้งนี้ผ่านไปแล้วน้าไม่ถามก็ได้ แต่ห้ามมีเรื่องแบบนี้ให้เห็นอีก...มีอะไรคุยกันดีๆ อย่าให้ถึงขนาดเจ็บตัวกัน หรือถ้าเรื่องมันหนักหนามากก็มาปรึกษาน้า บลูบอกน้าได้ทุกเรื่อง เข้าใจไหม"
“...ครับ..."

น้าวิทย์มองหน้าผมคล้ายยังคลางแคลงใจเหมือนยังสงสัยอยู่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ผมมองออกมานอกกระจกก็เห็นก้านอีกครั้ง น้าวิทย์บอกให้ผมไปบอกก้านว่าทะเลป่วยอยู่และคงลงมาหาไม่ได้ ผมมองออกไปแล้วก็รู้สึกถึงความโกรธที่คุกรุ่น

ก้าน

มันเป็นคนที่แย่งทะเลของผมไป...ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งใจ

ผมออกไปแล้วบอกให้ก้านตามมาที่หาดเพราะมีเรื่องจะคุย ก้านดูจะไม่สนใจในตอนแรกบอกจะขึ้นไปหาทะเล แต่ก็ยอมตามมากับผมในที่สุดเมื่อผมจ้องด้วยสายตาที่บอกถึงอารมณ์ในตอนนี้

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะห้ามตัวเองให้ยืนอยู่ได้ทั้งที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง ผมรู้ว่าก้านรับรู้ถึงอารมณ์นั้นของผมแต่ก็เลือกยิ้มเยาะอย่างเย้ยหยัน

“มึงห้ามไม่ให้กูเจอเลไม่ได้ตลอดหรอกนะ"
“......”
“ยังไงมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เลเป็นของ..."
“ไม่ต้องพูด!”
“เลเป็นของกู! มึงรับไม่ได้ก็เรื่องของมึง"

สิ้นสุดคำที่ก้านพูดผมก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีก ผมปล่อยหมัดออกไปพร้อมๆกับอารมณ์ทั้งหมด ก้านเซจนทรงตัวไม่อยู่ล้มลงไปนั่งบนทรายแล้วมองหน้าผมด้วยสายตาแบบเดียวกัน

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาต่อยกู"
“เลไม่ใช่ของมึง...”
“หึ...มึงก็รู้อยู่แก่ใจ"
“มึงจะไม่มีวันได้ทำแบบนั้นอีก"
“ทำไมถึงยังมีหน้ามาพูด ทั้งๆที่เป็นคนทำมันเสียใจ! มึงเป็นคนพลักเลมาหากูเอง รู้ไว้ซะ!" ก้านลุกขึ้นมาพลักอกผม อารมณ์ของก้านที่อัดอั้นเอาไว้เหมือนกับมันได้ทลายลงจนไม่อาจปกปิดไว้ได้อีก
"มึงรู้ไหมเลมันจะเป็นจะตายยังไงที่เห็นมึงกับเพื่อนมึง มันเสียใจแค่ไหนมึงก็ไม่เคยเห็น กูนี่! กับกูนี่มันก็พูดพรำ่เพ้อถึงแต่มึง ทั้งๆที่กูก็รักมัน มันก็ไม่เคยมองกู ไม่เคยจะเห็นกูอยู่ในสายตาสักครั้ง เลคิดถึงแต่มึง มองแต่มึง มึงคนเดียว!"
“........”

“มึง...ได้แต่ทำเลเสียใจ ทำไมกูจะแย่งมาไม่ได้...”

คำพูดนั้นเหมือนก้านพูดกับตัวเอง ผมเห็นทั้งแววตาเจ็บปวดและความรู้สึกผิด มันบ่งบอกชัดจนผมไม่อาจพูดอะไรได้ คนที่เจ็บมันไม่ใช่ผมแค่คนเดียว ไม่ใช่เลย จากคำพูดของก้านมันก็ทำให้ผมได้รู้ว่าผมทำให้ทะเลเสียใจแค่ไหน ผมแค่รับรู้ว่าทะเลเป็นของก้านยังรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้ หากว่าทะเลที่เห็นผมกับป็อปด้วยตาตัวเอง...

ไม่ มันผ่านไปแล้ว
ยังไงก็ย้อนกลับไปไม่ได้ มันสำคัญที่ตอนนี้ เวลานี้ กว่าเราจะเข้าใจกันมันไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยที่ผมจะยอมรับใจของตัวเองแล้วดึงทะเลเข้ามาหาตัว ผมบอกไม่ได้ว่าจะไม่ทำร้ายหรือจะทำให้ทะเลเจ็บปวดอีกหรือเปล่า แต่ที่ผมแน่ใจคือผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทะเลอยู่กับผม...เป็นของผม

“มึงน่าจะรู้ว่าเลไม่ได้รักมึง"
“ยังไงก็ช่าง! จะบอกเอาไว้ กูไม่ปล่อยเลให้มึงไปง่ายๆหรอก"

ก้านบอกทิ้งท้ายด้วยสีหน้าท้าทายแล้วเดินจากไป ทิ้งเรื่องราวมากมายไว้ให้ผมได้คิด คำพูดจากปากก้านทำให้ผมรู้ว่าผมทำให้ทะเลเจ็บมากกว่าที่ตัวเองจะรู้ได้

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นลึกๆแล้วผมก็รู้สึกสุขสมเมื่อรู้ว่าเท่าไหร่ที่ทะเลเจ็บ...เขาก็รักผมมากเท่านั้น

...

“ไปไหนมา" ทะเลถามทันทีที่ผมเข้ามาในห้อง
“ตื่นแล้วเหรอ"
“ไปไหนมา" คำถามซ้ำคำเดิมทำให้ผมยิ้มแล้วเดินไปนั่งลงตรงพื้นข้างเตียง
“ก้าน...มาหาเล"
“ยังไม่อยากเจอ"
“ไล่กลับไปแล้ว แถมหมัดไปด้วยหมัดนึง"
“พี่ต่อยก้านเหรอ"ทะเลถามผมแล้วขมวดคิ้ว
“ใช่ เป็นห่วงมันเหรอ"
“ใช้มือข้างไหน"

ผมยกมือข้างที่ไม่มีแผลขึ้นให้ทะเลดูแล้วเอื้อมไปจับมือทะเลไว้ ทะเลก็ถอนหายใจ นั่นทำให้รู้ว่าทะเลห่วงผมในเรื่องที่ตัวเองยังไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ

ทะเล...เป็นแบบนี้เสมอ คอยหยิบยื่นสิ่งที่ผมไม่เคยได้จากใคร

ผมยังจำภาพครั้งแรกที่ทะเลร้องไห้ให้กับผมได้จนถึงตอนนี้และคงไม่มีวันลืม มันเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆของความรู้สึกผมที่มีให้กับทะเล แม้ตัวผมเองก็ไม่คาดว่ามันจะมาถึงจุดนี้

ผมมองทะเลที่ตอนนี้เหม่อไปคล้ายอยู่ในห้วงความคิด ผมรู้ว่าทะเลยังมีเรื่องคาใจอยู่ระหว่างผมกับป็อป เหมือนกับผมที่ยังมีเรื่องคาใจระหว่างทะเลกับก้าน

เมื่อก่อนเราไม่เคยพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาเพราะไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบไหน เราไม่สามารถรู้ได้เลย แม้กระทั่งตอนนี้ ตอนที่ทะเลอยู่ตรงหน้า ผมก็ยังแอบหวั่นใจ จากคำประกาศของก้านก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามันคงไม่ง่าย ผมกำลังอยากได้คำยืนยันให้มั่นใจจากทะเลอีกครั้ง

“เลเคยคิด...ที่จะรักก้านบ้างรึเปล่า"
“เคยสิ" เลพูดแล้วก็จ้องผม จากนั้นก็รีบพูดต่อเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร "แต่มันเป็นไปไม่ได้ ทั้งๆที่เจ็บแต่เลก็ตัดใจจากพี่บลูไม่ได้..."

ผมยิ้มเมื่อทะเลพูดสิ่งที่ผมอยากได้ยินออกมา

“เลรู้ไหม ทำไมพี่ถึงเคยคบกับป็อป" ทะเลมองผมเหมือนกลัวคำตอบก่อนจะส่ายหน้า
“พี่คบเพื่อลืมเล"
“ทำไมต้องลืม"
“.......”
“พี่บลู ทำไมต้องลืมเล..."
“พี่ไม่แน่ใจว่าจะทำให้เลมีความสุข...ถ้าเกิดวันนึงพี่ทำให้เจ็บหรือทำร้ายเล เลจะหนีพี่ไปรึเปล่า"

ทะเลไม่ได้ตอบแต่เอื้อมมือมาโน้มคอผมเข้าไปจูบเบาๆ แล้วก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนที่ผมรัก...รอยยิ้มที่มีให้ผมแค่คนเดียว

“เจ็บแค่ไหน ถ้าพี่บลูไม่ปล่อย เลก็ไม่ไป"

“พี่บลูอย่าทิ้งเล...อย่าคิดจะลืมเลอีกนะ"

จากคำพูดนั้นทำให้ผมอดไม่ไหวที่จะกดจูบลงไปอย่างร้อนแรงเพื่อตอบสนองอารมณ์ที่เกิดจากคำพูดของทะเล ครั้งนี้ผมพยายามจะไม่ทำให้ทะเลเจ็บและใส่ความรู้สึกทั้งหมดของผมให้ทะเลได้รู้

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ผมอยากให้ทะเลรู้ว่าทะเลสำคัญที่สุด
อยากให้รู้ว่า...ผมรักทะเลมากที่สุด

ผมรู้ดีว่าบางทีก็ไม่อาจควบคุมสิ่งที่อยู่ข้างในตัวเองได้ ยิ่งทะเลอ่อนโยนมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งต้องการเขารุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ผมก็ได้แต่หวังว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ทำให้ทะเลเจ็บปวดจนอยากที่จะหนีผมไป หรือต่อให้ทะเลหนีไป ผมก็จะไปตามกลับมา

ตอนนี้ผมกอดทะเลไว้แน่นๆ ให้ได้อุ่นใจ

อนาคตผมรู้ว่ามันคงไม่ง่าย กว่าจะมาถึงจุดนี้มันก็ไม่ง่าย ความสุขในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความกังวล พอได้ทะเลมา ผมก็กลัวที่จะสูญเสียอย่างที่ไม่เคยเป็น ผมพยายามที่จะลบความรู้สึกกลัวนี้ออกไปจากใจแต่ก็ไม่สามารถทำได้

ผมก็ได้แต่คิดกับตัวเองเงียบๆว่าต่อให้อนาคตจะเป็นยังไงผมก็จะไม่มีวันคิดปล่อยทะเลไปอีกแล้ว
ผมจะไม่ให้ทะเลไปไหน...ไม่ให้เป็นของใคร

นับจากนี้...ทะเลจะเป็นของผม...ของผมคนเดียวเท่านั้น



(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/12Broken_zps7811aea2.jpg)

Song Titles : Broken
Artist : Lifehouse

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เล่นน้ำสงกรานต์ให้สนุกนะคนอ่านทุกคน ใครอยู่กรุงเทพเราอาจได้เจอกันบ้าง... :hao3:
ส่วนใครที่ไม่เล่นน้ำแล้วนั่งหน้าคอมอ่านนิยายเราก็จะดีใจมากๆ   :katai2-1:

เจอกันอาทิตย์หน้าเหมือนเดิมค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 12-04-2013 01:16:35
จิ้มค่ะะะะ :z13:
โอยหน่วงอ่ะทั้งๆที่รักกันต่างคนต่างแสดงออกชัดเจนแล้ว

แต่บลูก็ยังระแวงอีก /ทะเลก็คงด้วย

อ่านตอนนี้ไปยิ่งทำให้รู้ว่าบลูนี่แกมัน S จริงๆ #ไม่ใช่อะไรเราชอบ55555555

คนแต่งก็มีความสุขกับวันสงกรานต์นะคะเดินทางปลอดภัยค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: โจ๊กกุ้ง ที่ 12-04-2013 01:24:10
คนที่ทำให้เลเสียใจที่สุดก็คือบลู แต่คนที่ทำให้เลมีความสุขที่สุดก็คือบลูนะ  รักเลจริงๆก็พอเหอะก้าน
บลูนี่มันคนที่อารมณ์บิดเบี้ยวจริงๆ ชอบจังผชมีปม
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 12-04-2013 01:52:14
บลูกลัว เราก็กลัวนะ เห็นสองคนนี้มีความสุขก็นึกกลัวว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง จะมีเรื่องร้ายอะไรตามมาอีก
ไหนจะคุณน้าทั้งสองที่เป็นเหมือนพ่อแม่แท้ๆ ของบลู ถ้าถึงวันนั้น พวกท่านจะมองยังไง จะคิดยังไงกับบลู

มันอินในใจ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 12-04-2013 03:34:03
จากตอนก่อน กำลังคิดว่า ที่ให้ทะเลพลาดพลั้งกับก้านก็ดีแล้ว เพราะทะเลเป็นตัวละครที่แบบ ใสๆ บริสุทธิ์มาก ถ้าเทียบกับบลูนี่แตกต่างกันฟ้ากับเหว การที่ก้านทำแบบนั้นเราคิดว่าทำให้ทะเลเข้าถึงโลกที่มันสกปรกได้ดีทีเดียว แล้วคงเข้าใจโลกของบลูที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้ด้วย(หากบลูคิดจะเล่าให้ฟัง)

แบบยังไงดี อดีตของบลูเราคิดว่า หากใครรู้ ก็คงไม่มีใครรับได้ แม้แต่ป๊อปเองก็คงรับไม่ได้ แต่ทะเลที่เจออะไรมาคล้ายกันน่าจะเข้าใจแล้วในจุดนี้

กลัวตรงพ่อแม่ทะเล ไม่รู้จะย้อมรับความสัมพันธ์นี้ได้รึเปล่า ที่บอกเข้าใจบลูมาตลอด เข้าใจจริงๆรึเปล่า  o7

ขอบคุณคุณสักวันมากค่ะ ชอบนิยายมาก แล้วก็ชอบเพลงที่เอามาโพสไว้ด้วย เราฟังเพลงแนวนั้นเหมือนกัน อุอิ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 12-04-2013 12:41:28

จับมือไว้---แล้วไปด้วยกัน---เหมือนว่าไม่มีวันจะพรากไป

ถ้ามั่นคงกันจริงๆไม่ว่าจะเจออะไรก็จะฝ่าฟันกันไปได้อย่างแน่นอน

+ เป็ดจ้า

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: mamimew ที่ 12-04-2013 14:09:42
ก้าน คงจะรู้สึกแบบเดียวกับป๊อปเลยเนอะ
ยิ่งรักมากแค่ไหน เค้าก็ไม่มีวันรักตอบอยู่ดี
คือบางที อะไรที่อยู่ในบลูมันก็น่ากลัวเกินไป
อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่บลูเจอมา มันเลยหลอมรวมให้เป็นแบบนั้น
เราคิดว่าความคิดบลูน่ากลัวตรง ผมก็รู้สึกสุขสมเมื่อรู้ว่าเท่าไหร่ที่ทะเลเจ็บ...เขาก็รักผมมากเท่านั้น
แต่ก็นั่นแหละ แบบนี้แล้ว บลูยิ่งไม่ต้องการแยกจากทะเล
แต่ถ้าน้าวิทย์รู้ ก็ไม่รู้จะรับได้รึเปล่า บลูจะบอกได้ทุกเรื่องแบบที่น้าวิทย์บอกรึเปล่า
อยากให้สองคนจับมือผ่านไปด้วยกันดีๆจัง
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 12-04-2013 15:34:49
มาเล่นสงกรานต์ แต่อ่านนิยายด้วยก่ะ
สะใจมากตอนนี้ ต่อไปนี้ดูแลน้องดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 12-04-2013 22:09:28
ขอให้.... ราบรื่น ทั้งที่คลื่นใหญ่ของจริงยังไม่มาสินะ ฮะฮะฮะ....
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 12-04-2013 22:15:30
อย่ากังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเลยบลู //ตบไหล่
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 14-04-2013 00:03:21
เป็นกำลังใจให้บลู,เลและคนเขียนค่าาา :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 14-04-2013 05:51:58
ชอบวิธีสื่อสารอารมณ์ ทำให้รู้สึกอึดอัดในแบบที่ดี เหมือนโดนยัดในกล่อง จับฝังไว้ใต้ดิน แล้วพยายามหายใจ...แต่ไม่ได้อยากออกมา 
//เพลงเป๊ะ เข้ากันเว่อร์หลายตอน อินสุดยกให้ Tear - RHCP (ห้วงเวลาของฉัน, น้ำตาของฉัน...ใช่เลย :m15:) ภาพประกอบก็งามตามท้องเรื่อง 
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 12 ] 11-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 14-04-2013 10:06:22
อ่านแล้วอึนในอกอย่างแรง เฮ้อออออ

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ มาต่อไว ๆ น้า ^^
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 18-04-2013 01:20:28
-13-
แต่เพียงผู้เดียว

http://www.youtube.com/v/TbmpqEoTfXs?version=3&amp;hl=en_US

ทะเลใส่เสื้อสีฟ้าตัวโปรดนั่งเล่นกีตาร์อยู่ในห้องของผม เป็นภาพชินตาที่ผมสามารถนอนมองได้ไม่มีเบื่อ ทะเลกำลังแต่งเพลงและทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปกับมัน ไม่มีวอกแวกไขว้เขว อยู่ในโลกส่วนตัวราวกับผมเป็นอากาศ แต่ผมกลับชอบให้เป็นแบบนี้ เหมือนอยู่ในโลกที่มีกันเพียงสองคน ไม่มีใคร ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ต้องคิดถึง

ผมแค่ถือหนังสือเอาไว้ในมือ แต่สายตาไม่ได้จดจ้องอยู่ที่มัน ไม่เลย เวลาไหลไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เป็นนาทีหรือเป็นชั่วโมงผมก็ไม่อาจรู้ จนในที่สุดทะเลเลิกสนใจกระดาษโน๊ตและกีตาร์เงยหน้าขึ้นมองผม

และเราก็ยิ้มให้กัน

พรุ่งนี้ทะเลก็เปิดเทอมแล้ว คงไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันแบบนี้อีกบ่อยๆ ทะเลมองผมเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร หรือบางทีทะเลก็คงคิดเหมือนๆกันจึงทำหน้าหงอยๆออกมา ทะเลเอาคางมาเกยกับเตียงที่ผมนอนอยู่ เมื่อผมยกมือขึ้นลูบหัวทะเลก็กลับตาพริ้ม

“ไปขี่เจ็ทกัน" ผมชวนและทะเลก็พยักหน้าตกลงโดยที่ยังไม่ลืมตา

เราลงมาข้างล่าง ช่วยกันลากเจ็ทสกีไปที่หาด ผมขี่พาทะเลซ้อนไปด้วยกัน ไปให้ห่างไกลจากผู้คนจนแทบไม่เห็นอะไรอยู่ในสายตา รอบด้านมีแค่ผืนน้ำ

มีแค่ทะเล...กับผม

นานแล้วที่ผมไม่ได้พาทะเลซ้อนมาด้วยกันเหมือนตอนทะเลเด็กๆ ความรู้สึกตอนนั้นกับตอนนี้จึงต่างกัน ช่วงที่ได้เจ็ทสกีใหม่ๆผมก็พาทะเลออกมาขี่เล่น ชอบแกล้งขี่เร็วๆส่ายไปมา มันทำให้ผมหัวเราะได้ทุกครั้งที่ทะเลตะโกนบอกว่า 'พี่บลูขี่ช้าๆ ขี่ช้าๆ' ถึงจะเป็นอย่างนั้น ถึงทะเลจะกลัวแต่ก็ไม่วายขอให้พาขี่เล่นตลอด จนเมื่อผมเริ่มขี่มันจริงจัง และทะเลโตมากพอที่จะขี่เองแล้วผมก็ไม่ได้พาออกมาอีก

ผมชะลอเครื่องก่อนจะหยุดจอดนิ่งๆ ทะเลปล่อยสองแขนที่โอบรอบเอวผมออก ผมลุกขึ้นแล้วนั่งหันหน้าเข้าหาทะเล รอบๆด้านที่ไม่มีใคร มีแค่เราสองคน ท้องฟ้าและทะเล ทำให้ผมคิดทำสิ่งที่อยากทำ  ผมดึงทะเลเข้ามาใกล้ๆจนขาเราเกยซ้อนกัน ใบหน้าของทะเลอยู่ใกล้จนผมเห็นละอองน้ำเล็กๆเป็นประกาย

ตาใสๆจ้องมองผมเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง แต่ผมก็ยังแกล้งอยู่เฉย ผมยิ้มมุมปากเมื่อทะเลยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แตะริมฝีปากเข้ากับผมเบาๆ แล้วถูจมูกไปมากับจมูกผมพร้อมรอยยิ้ม ผมรั้งเอวทะเลเข้ามาแล้วเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเมื่อเป็นฝ่ายทนไม่ได้เสียเอง

บนเจ็ทสกีที่ไหวคลอนตามแรงคลื่น ริมฝีปากของเราทั้งสองบดเบียดกันครั้งแล้วครั้งเล่า ผมไม่อยากหยุด ทะเลก็ไม่อยากหยุด มีเพียงสิ่งเดียวที่อยากหยุดคือเวลา...

เป็นครั้งแรกที่ผมอยากหยุดทุกสิ่ง หยุดคิดถึงอดีตที่ขมขื่น หยุดคิดถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน

แต่ระหว่างที่คิดอยู่นั้น เวลาก็กำลังดำเนินไป...ดำเนินไป...ต่อให้ต้องการแค่ไหนก็ไม่มีใครหยุดมันไว้ได้

...

ทันทีที่ทะเลเปิดเทอมจิตใจผมก็ไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุข

ผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ชอบมองไปถึงสิ่งร้ายๆที่อาจเกิด หรือบางทีมันอาจเรียกอีกอย่างว่าความกลัว...
ผมได้แต่มองทะเลก้าวเท้าเข้าโรงเรียนไปจนลับสายตา แล้วก็ได้แต่คิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น  มันเป็นเขตแดนที่ผมไม่สามารถก้าวเข้าไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับทะเลและก้านผมก็ไม่สามารถรับรู้ได้ทั้งนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่นึกหวั่น แม้จะรู้ว่าทะเลมีใจให้กันแต่ก็ใช่ว่ามันจะลบความทรงจำนั้นออกไปได้ทันที ยิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ผมเจ็บและฝังใจมันก็ยิ่งฝังแน่นและแจ่มชัด

หลังจากส่งทะเลที่โรงเรียนผมกลับมาบ้านแล้วทิ้งตัวลงนอน พยายามหักห้ามจิตใจที่ว้าวุ่นให้สงบลง กลิ่นของทะเลที่ยังอยู่รอบๆตัวทำให้ผมนึกถึงเจ้าตัวที่กอดไว้ทุกคืน ตั้งแต่ช่วงที่เกิดเรื่องจนเข้าใจกัน เปิดเผยความรู้สึกของกันและกัน  เราก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่ด้วยกัน สำหรับผมมันเหมือนความฝัน ฝันที่มีทะเลอยู่ในอ้อมกอด ผมไม่เคยคิดว่ามันจะสามารถเป็นจริง ไม่เคยคิดว่าทะเลจะรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึก ทุกครั้งที่ทะเลมองผมอย่างเปิดเผยความรู้สึกต่อทะเลมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที

ผมหลับตาลงและจินตนาการ อีกครั้งที่คิดถึงทะเล ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปตามใจอยาก ไม่ว่าทะเลจะเคยหรือไม่เคยกับใครผมก็ยังไม่อยากทำร้ายเขาอยู่ดี ผมมันขี้ขลาดและไม่กล้าพอเพราะยังกลัวผลที่จะตามมา ทั้งที่ในด้านมืดส่วนที่ลึกที่สุดของผมนั้นอยากจะกดทะเลเอาไว้ อยากได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทรมานและเรียกแต่ชื่อผม...ณ ขณะที่ผมนึกคิดถึงสัมผัสและปลดปล่อยตัวเองอยู่นี้ ผมก็คิดว่าความอดทนของผมมันคงจะสิ้นสุดลงเร็วๆนี้ เพราะยิ่งผมอดทนอดกลั้นมากแค่ไหน...มันก็เหมือนระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง...

จนใกล้จะถึงศูนย์



ช่วงบ่ายที่แดดร้อนแผดเผา ผมมาหาป็อปกับร็อคเพราะไม่อยากอยู่คนเดียวให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ ผมเห็นรถของร็อคจอดอยู่หน้าตึกก็คิดว่ามันคงอยู่ตามคาด ที่นี่นอกจากจะเป็นห้องซ้อมดนตรีแล้วตอนนี้ยังเป็นโรงเรียนสอนดนตรีควบคู่กันไปด้วย มันจึงใช้เวลาอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่ ตามหาตัวไม่ยากนัก

ผมขึ้นมาหาที่ห้องซ้อมประจำของเราก่อน เปิดเข้าไปก็เจอร็อคกับตูน ผมไม่แปลกใจที่เห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันเท่าไหร่ เพราะผมรับรู้ความเปลี่ยนแปลงเงียบๆระหว่างทั้งสองและดูท่าคงจะพัฒนาไปไกลจากที่เห็นอยู่ในตอนนี้

ริมฝีปากทั้งสองที่ประกบกันเป็นไปอย่างเนิบช้า มีเพียงเบสที่ร็อคถืออยู่เป็นตัวกั้น ไม่มีใครรู้สึกตัวสักนิดว่าผมมายืนอยู่ตรงนี้และผมก็ไม่อยากให้พวกมันรู้จึงถอยออกมาเงียบๆ

ผมนั่งอยู่ที่เดิมๆหน้าตึกและปล่อยควันล่องลอยฆ่าเวลา ไม่รู้ว่าตอนนี้ป็อปอยู่ที่ไหน เดินหาทั่วตึกแล้วก็ไม่เห็นเจอ จะขึ้นไปถามร็อคก็ไม่รู้จะขัดจังหวะอะไรมันอีกหรือเปล่า

“พี่บลูทำไมมานั่งอยู่นี่ ไม่ขึ้นไปข้างบน" แจ๊สที่เพิ่งมาถามแล้วก็นั่งลงข้างๆกัน
“ป็อปไปไหนรู้ไหม"
“ที่บ้านไม่เห็นนะ นึกว่าอยู่นี่ซะอีก"
“ไม่อยู่ พี่หาแล้ว"

สิ้นคำพูดแจ๊สก็นั่งเงียบๆ เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมาได้แต่นั่งถอนหายใจ ผมคิดว่าก็คงไม่พ้นเรื่องของผมกับป็อป เพียงแต่แจ๊สไม่กล้าถามตรงๆออกมาเหมือนร็อคก็เท่านั้น ผมเลยเลือกเป็นฝ่ายที่จะถามแจ๊สออกมาเอง

“ช่วงนี้ป็อปเป็นไงบ้าง"
“พี่บลูอยากได้คำตอบแบบไหน"
“ตรงๆ"
“เป็นห่วงเหรอ" คำถามที่เหมือนประชดทำให้ผมหันไปมองแจ๊สและเห็นความไม่พอใจอยู่ในนั้น “แจ๊สไม่รู้เรื่องอะไรมาก พี่ไปถามพี่ร็อคเถอะ" พูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าตึกไป แต่ไม่นานหลังจากนั้นร็อคก็ลงมาแล้วเรียกผมให้ขึ้นไปห้องซ้อมด้วยกัน

“หายไปนานเลยนะมึง แขนหายรึยัง"
“ไม่เป็นไรแล้ว"
“มึงจะไม่บอกกูจริงๆเหรอว่าโดนอะไร"
“หายแล้วก็ช่างมันเถอะ"

ร็อคมองผมเหมือนเข้าใจว่าผมไม่อยากเล่า ผมมองตูนกับร็อคสลับกันแต่ไม่ได้ถามอะไรออกมา ดูตูนมันจะร้อนตัวขึ้นมาก็รีบแก้ตัวกับผมไปน้ำขุ่นๆ

“กูนึกว่าวันนี้มีซ้อม...”

ผมอยากจะบอกมันว่าไม่เห็นต้องแก้ตัวแต่ก็พยักหน้าตามที่มันบอก เราคุยกันพักนึงตูนก็บอกกว่าจะกลับหอร็อคมันก็เลยลงไปส่งข้างล่างแล้วกลับขึ้นมาคุยกับผมต่อ

“พี่กูมันเกือบไปไม่รอดนะที่มึงทิ้งมัน" ร็อคเปิดประเด็นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แล้วตอนนี้เป็นไงบ้าง"
“รอยสักเต็มตัวมันแล้ว"
“.......”
“กูก็คิดแล้วว่าสักวันจะต้องเป็นแบบนี้ กูบอกให้ป็อปตัดใจจากมึงมาตั้งนานแล้ว แต่มันฟังที่ไหน"
“...กูเคยคิดว่าอยู่กับป็อปอาจจะดีก็ได้ "
“แต่กูกลับคิดว่ามันจะดีได้ยังไงในเมื่อมึงไม่ได้รักมัน"
“มึงจะโกรธ...กูก็ไม่ว่า...”
“ถ้าจะโกรธมึง ก็ต้องโกรธป็อปด้วย...โทษแต่มึงได้ยังไง”

ถึงร็อคจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ยังรู้สึกผิด ตลอดเวลาผมก็รู้สึกผิด เมื่อผมตัดสินใจปล่อยป็อปไปก็รู้สึกว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและควรจะทำมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ป็อปเจ็บก็จริงแต่อีกไม่นานเมื่อป็อปตัดใจได้ผมก็หวังให้เขามีความสุข...ผมหวังให้เขามีความสุขจริงๆ

“แล้วตอนนี้มึงกับเล...เกินพี่น้องธรรมดารึยัง"

ผมนิ่งเงียบก่อนจะตัดสินใจบอกไปว่าความสัมพันธ์เราเป็นแบบไหนและดูร็อคก็ไม่ได้แปลกใจ เหมือนรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ การได้คุยกับร็อคมันดูง่ายและสบายใจจนผมบอกความรู้สึกกังวลที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างทะเลกับก้านออกไป ผมเล่าแค่ว่าก้านเคยบอกว่าจะแย่งทะเลไปจากผม ไม่ได้เล่าถึงคืนนั้นของทั้งสองที่ทำให้ผมเจ็บเจียนตาย

ร็อครับฟัง ครุ่นคิด แล้วเอ่ยถาม

“บลู...มึงกับเลไม่เหมือนพี่น้องธรรมดามาตั้งนานแล้ว รู้ตัวรึเปล่า"ผมไม่ตอบแค่ส่ายหน้า

“ความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่มีใครมาแทรกได้ง่ายๆหรอก...คนที่เจ็บต่อจากพี่กูก็ไอ้ก้านนั่นแหละ"

...

จากคำพูดของร็อคทำให้ผมคลายความกังวลลงไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ทั้งหมด

ทุกๆวันที่ผมไปรับไปส่งทะเลผมจะเห็นก้านมาคอยหรือเดินมาด้วยกันทุกครั้ง ทะเลที่เห็นสีหน้าผมก็พยายามบอกให้ผมมั่นใจบ่อยครั้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจริงๆระหว่างที่อยู่ที่โรงเรียน เมื่อผมเห็นตาใสๆที่จ้องมองเหมือนอยากให้เชื่อว่าไม่ได้โกหกผมก็คิดเชื่อ

ผมเชื่อว่าทะเลไม่ได้คิดอะไร แต่ก้านคงคิดไปอีกอย่าง

ก้านมองผมอย่างท้ายทายเหมือนๆกับที่ผมมอง เราต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
ผมมีความคิดของผมที่ว่า...ทะเลรักผม...ยังไงทะเลก็เป็นของผม
ก้านก็เหมือนจะมีความคิดของก้านที่ว่า...ทะเลเคยเป็นของก้าน...นั่นทำให้ทะเลเป็นของก้าน


ไม่นานหลังจากที่ทะเลเปิดเทอมตัวผมเองก็ได้เวลาไปเรียนบ้างเหมือนกัน มันเป็นช่วงที่ยุ่งวุ่นวาย ผมยังจำได้ดีว่าปีที่แล้วเกลียดกิจกรรมแค่ไหนปีนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น มันทำให้ผมไม่มีเวลาไปไหนหรือทำอะไรได้ตามใจคิด ผมจำต้องปล่อยให้ทะเลกลับบ้านเองบ่อยๆ เมื่อผิดนัดเข้าหลายๆครั้งก็ดูเหมือนทะเลจะชินเสียแล้วที่ต้องกลับเอง ผมพูดเป็นเชิงร้องขอกับทะเลว่าอย่าให้ก้านเป็นคนไปรับไปส่งแทนผม และทะเลก็ทำตามนั้นเพื่อให้ผมสบายใจ ผมจึงค่อยวางใจ

ผมวางใจ...เชื่อใจจนเกินไป...จนบางทีเมื่อเห็นภาพที่ไม่ควรจะเป็นก็รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง...

ในช่วงก่อนรับน้องและช่วงที่ต้องไปรับน้องสามวันผมแทบจะไม่ได้เห็นหน้าทะเลหรือคุยกันมากนัก มันเป็นช่วงยุ่งๆที่ผมไม่ได้คิดอะไรมากมาย ถึงจะคิดถึงทะเลแต่มันก็แค่สามวัน สิ้นสุดจากกิจกรรมนี้ผมก็จะได้ช่วงเวลาที่สงบสุขคืนมาดังเดิมทำให้ผมนึกดีใจและกลับบ้านมาด้วยความปลอดโปร่ง

ในตอนที่ผมกลับถึงบ้านทะเลยังไม่กลับมาจากโรงเรียน ผมจึงเก็บของแล้วมานั่งคอยอยู่ในสำนักงานเพราะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทะเลก็คงจะมา ไปรับตอนนี้ก็คงไม่ทัน ไม่นานหลังจากนั้นทะเลก็กลับมาตามที่คาดกับคนที่ผมไม่คาดว่าจะเห็น

เพราะผมได้บอกทะเลแล้ว...ขอร้องกับทะเลแล้วว่าอย่าให้เพื่อนคนนี้มาส่งอีก

ทำไมทะเลถึงยังทำ

ผมนั่งมองการกระทำของทั้งสองคนนั้น มองพวกเขายิ้มให้กัน มองพวกเขาคุยกันด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในอก จะเป็นใครผมก็ไม่ว่าทั้งนั้น...ทำไมต้องเป็นก้าน

การที่เห็นก้านยกมือขึ้นลูบหัวทะเลเบาๆเป็นการบอกลาทำให้ความอดทนของผมสิ้นสุด

ผมลุกขึ้นแล้วออกมาจากสำนักงานขึ้นมาบนห้องตัวเอง ทะเลร้องทักผมแต่ผมไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะหันไปมอง อารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นมามันเดือดเกินกว่าจะห้ามได้ ผมคิดไปต่างๆนานาว่าในสามวันที่รู้ว่าผมไม่อยู่ทะเลจะให้ก้านมาส่งทุกวันรึเปล่า หรืออาจจะมาก่อนหน้านั้นในวันที่ผมกลับดึกๆก็ได้

ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนจะคลุ้มคลั่ง

แผลในใจก็ยังคงเป็นแผลในใจ ผมไม่สามารถห้ามใจไม่ให้คิดได้เลยจริงๆ

“พี่บลู...”ทะเลเรียกผมจากข้างนอกห้อง ผมไม่ได้ตอบอะไร พยายามนอนสงบจิตใจอยู่บนเตียง แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดเมื่อทะเลเปิดประตูเข้ามา

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่" ทะเลถามและนั่งลงบนเตียงในขณะที่ผมนอนจ้องเพดาน ผมรู้ว่าทะเลมองผมอยู่และคงจะกำลังคิดแก้ตัว

“โกรธเหรอ...”
“มันไม่มีอะไรจริงๆนะ ก้านแค่มาส่งเฉยๆแค่นั้นเอง"

กี่ครั้งกี่ครั้งก็พูดแบบนี้! ทะเลไม่คิดแต่มันคิด ทำไมถึงไม่เข้าใจ
“หึ ต้องให้นอนกันอีกรอบหรือไงถึงจะบอกว่ามีอะไร"
“.........”
“ว่าไง หรือทำกันไปแล้วแต่พี่ไม่รู้"
“เลไม่เหมือนพี่...กับพี่ป็อปหรอกนะ"
“ใช่...ไม่เหมือน เพราะของพี่มันจบไปแล้ว...แต่เลไม่"
“พี่บลู! ทำไมถึงไม่เชื่อเลว่ามันไม่มีอะไร!”
“ก็เห็นๆกันอยู่"
“ทำไมพี่เป็นแบบนี้...”

ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ผมถามตัวเอง...
คำตอบที่ชัดแจ้งในใจก็คือกลัวจะโดนแย่งไป...กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก

ถ้าจะให้เป็นแบบนั้น...ผมคงทำใจไม่ได้อีกแล้ว

ผมลุกขึ้นนั่ง จ้องเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและความไม่พอใจของทะเล ยิ่งเห็นแบบนั้นอารมณ์ผมยิ่งเดือด ผมกดทะเลลงนอนก่อนจะคร่อมทับไว้ ทะเลมองผมด้วยแววตาตื่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็น ผมไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ ตอนนี้ผมทั้งโกรธและกลัว...กลัวตัวเอง...กำลังกลัวความคิดของตัวเอง

ไม่อยากจะทนต่อไปแล้ว จะเป็นยังไงก็ช่าง!

ผมบดจูบรุนแรงเข้ากับริมฝีปากของทะเล จูบด้วยอารมณ์ทุกอย่างที่รู้สึกอยู่ในตอนนี้จนรู้สึกได้ถึงรสคาวของเลือด ทะเลที่อยู่ข้างใต้แม้จะพยายามต่อต้านด้วยความกลัวแต่ก็ไม่เป็นผล

ผมปลดเข็มขัดของทะเลออก เอามามัดมือทั้งสองไว้บนหัวเตียงแล้วก้มลงจูบอีกครั้งพลางปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของทะเลไปด้วย เมื่อเห็นแผ่นออกที่อยู่ตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะโลมเลียและขบกัดอย่างกระหาย ทะเลร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่เสียงของความเจ็บนั้นเหมือนกระตุ้นอารมณ์ผมให้โหมแรงยิ่งขึ้น

กับคนที่อยู่ตรงหน้า ผมไม่อยากเฝ้าฝัน...ไม่อยากจินตนาการอีกแล้ว

ผมลุกขึ้นไปล็อคห้อง เดินกลับมาที่เตียง ถอดเสื้อตัวเองออกแล้วโถมทับทะเลเอาไว้ ก้มลงซุกหน้ากัดที่ซอกคอและตามตัว ทั้งสัมผัส ทั้งรสชาติของทะเลให้ความรู้สึกหวามไหวจนต้องฝากร่องรอยเอาไว้ในทุกๆที่

“พี่บลู...เลเจ็บ"
“เลขอโทษ...”

ผมไม่สนใจคำที่ทะเลบอก ได้แต่จ้องร่างตรงหน้าและปลดเปลื้องเสื้อผ้าท่อนล่างของทะเลออกจนหมด ทะเลพยายามห่อตัวเพื่อปกปิดสิ่งนั้นเอาไว้ ผมจึงดึงข้อเท้าของทะเลให้แยกออกแล้วแทรกตัวเองเข้าไปตรงกลาง

สองมือของทะเลที่ถูกมัด ร่องรอยขบกัด และร่างเปลือยเปล่าทำให้ผมเกิดความต้องการอย่างรุนแรง อยากจะฝังกายลงไปซะเดี๋ยวนี้

ผมใช้นิ้วกดลงไปในนั้นเพียงไม่นานก่อนจะพยายามแทรกกายเข้าไป ทะเลหอบหายใจหนัก ความเจ็บปวดจากสีหน้าของทะเลนั่นยิ่งเร้าอารมณ์

ผมจ้องมอง ไม่อยากแม้แต่จะกระพริบตาขณะที่กดเข้าไปอย่างช้าๆ

ใช่ ทรมานเข้า

ทะเลกัดปากเอาไว้เหมือนไม่อยากจะร้องออกมา ผมจึงบีบสองข้างแก้มไม่ให้ทะเลกัดมันอีกและปล่อยเสียงร้องให้ผมได้ยิน เสียงแผ่วเบาในลำคอที่เล็ดลอดออกมาทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะก้มลงบดขยี้ริมฝีปากนั้นพร้อมๆกับกดกายเข้าไปจนสุด

“ทะเล...”

ผมเรียกแล้วกระแทกตัวเข้าซ้ำๆ จ้องมองสีหน้าเจ็บปวดและน้ำตา ยิ่งเจ็บปวดผมก็ยิ่งกระทำรุนแรง อารมณ์ตอนนี้บ้าคลั่งยิ่งกว่าพายุ มันเต็มไปด้วยตัณหาที่ไม่รู้จักจบสิ้น

ผมสงสัยว่าความหวงแหนและอยากครอบครองนี้...ความสุขระคนเจ็บปวดนี้...ใช่ส่วนหนึ่งของความรักด้วยหรือเปล่า

ทำไมทรมานเหลือเกิน...

ข้อมือเริ่มแดงช้ำ สองขาที่พาดอยู่บนบ่าโยกไหวตามแรงกระแทก

ยิ่งผมทำก็เหมือนบางสิ่งบางอย่างในตัวผมแตกร้าว ผมรู้สึกได้...รู้สึกได้ว่ากำลังทำลายสิ่งที่เฝ้าถนอมมา

กำลังทำลาย...ทำร้ายคนที่รัก...แต่ก็หยุดไม่ได้...ผมหยุดไม่ได้

“พี่บลู...เลรักพี่บลู...” ทะเลบอกผมพร้อมกับเสียงสะอื้น ผมเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดออก คว้ามือทะเลมาจับเอาไว้แล้วบีบแน่น ทะเลเอื้อมมืออีกข้างขึ้นมาเช็ดหน้าให้ผม นั่นทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้

“เชื่อเลนะ เลรักแต่พี่บลูจริงๆ" น้ำตาผมที่ไหลลงมาอีก ทะเลก็ไล้นิ้วเช็ดให้เบาๆ เป็นสัมผัสที่อ่อนโยนที่สุดและกระทบกระเทือนจิตใจที่สุด ผมจับมือข้างนั้นมาจูบอย่างทะนุถนอม

“ขอโทษ...” ผมบอกแล้วผ่อนจังหวะลงเนิบช้า ทะเลโอบสองแขนไว้กับคอผมแล้วดึงเข้าไปจูบ เป็นจูบที่ทั้งเร่าร้อนทั้งอ่อนหวาน

“รัก...เล...รักทะเล”
“พี่...บลู...อะ..”

เราต่างเรียกชื่อกันและกันอย่างไม่รู้จักพอ ผมรู้ได้ว่ามันไม่ใช่แค่เซ็กส์กับคนๆนี้ ผมรู้สึกอิ่มเอมทุกครั้งที่เขาเรียกชื่อผม แค่เขากระซิบชื่อผมข้างหูผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว อยากได้ยินอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จังหวะกายไม่ได้รุนแรงเท่าที่ควรจะเป็น แต่มีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็น

เขาเป็นของผมแล้ว...ทะเลเป็นของผมแล้ว...

แม้ผมจะทำร้ายทะเลกี่ครั้ง ทะเลก็ยังมอบความอ่อนโยนให้ผมเสมอ เขาเป็นคนเปลี่ยนผม เป็นคนเดียวที่สามารถทำได้

ผมมองทะเลที่โอนอ่อนผ่อนตามไปตามจังหวะ ช่างดูไร้เดียงสา...
ดูน่ารักจนอยากถนอมเอาไว้

ช่วงเวลานี้...ผมมีความสุขจนสามารถหลั่งน้ำตา

ลึกๆข้างใน














ผมหวังอยากให้จิตใจที่บิดเบี้ยวของผม...กลับคืนรูปดังเดิม


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/13E410E150E480E400E1E0E350E220E070E1C0E390E490E140E350E220E270_zpseb8d59ef.jpg) (http://s1299.photobucket.com/user/zuckone/media/13E410E150E480E400E1E0E350E220E070E1C0E390E490E140E350E220E270_zpseb8d59ef.jpg.html)

Song Titles : TO BECOME ONE OF US (OST. แต่เพียงผู้เดียว)
Artist : GREASY CAFE



 :hao5:  :pig4:

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 18-04-2013 02:12:47
อารมณ์แบบสีเทา จะสุขก็สุข จะทุกข์ก็ทุกข์ เลือกไม่ถูก อ่านตอนนี้เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ เพราะกังวลไปถึงพ่อแม่ เอาใจช่วยทั้ง2คน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 18-04-2013 02:14:13
ตอนนี้ ค่อยๆอ่านทีละบรรทัดอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวดราม่า o7

แต่ก็ไม่มี ฮุฮิ ดีแล้วน้า รักกันๆนะบลูกับทะเล  :m4:

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 18-04-2013 07:44:30
ไอ้บลูนี่มันฮึ่ยๆๆ เห็นไหมป๊อปมันเหมือนคนบ้่าไปแล้วววว...เฮ้ยต้องพูดถึงทะเลดิห้าๆๆ

เอาใหม่ๆ ไอ้บลูนี่มันฮึ่ยๆๆ เห็นไหมทะเลเขาดีแค่ไหนดีนะเขาไม่โกรธอะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-04-2013 13:01:07
โห~~~~~~~!!!!
บลูโหดมากอ่ะ แต่ก้อน่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายแหล่ะนเาะ ><
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 18-04-2013 13:09:01
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าน้ำตามันสามารถไหลลงมาเมื่อไหล่ก็ได้เลยอ่ะ

แต่ได้สุกยอดมากค่ะ

สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 18-04-2013 13:09:11

ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เลือกกันเองทั้งนั้น---ไม่ได้มีใครมาบังคับซักหน่อย
ในเมื่อเลือกที่จะทำแล้ว---ก็ต้องพร้อมที่จะรับผลของการกระทำนั้นด้วย

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 18-04-2013 15:45:54
คือ.. อารมณ์นี้อยากเห็นบลูถูกน้องมันจับกดบ้างไรบ้าง ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: mamimew ที่ 18-04-2013 21:33:42
โอ้ยยย มันเป็นอะไรที่หน่วง
นี่ไงล่ะ ที่บอกความคิดบลูน่ากลัว
แต่พอจริงๆแล้ว ไอความรู้สึกที่บิดเบี้ยวของบลูมันแก้ได้ด้วยทะเลนะ กิกิ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-04-2013 22:22:45
อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-04-2013 22:30:11
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ิะ บีบหัวใจดีจริงๆเลย เค้านี่ชอบนิยายดราม่าจริงๆด้วย  :mew4:
แต่ตอนนี้มันหวานๆขมๆนะคะ ทั้งพี่บลูกับน้องทะเลก้าวผ่านไปอีกขั้นแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นก็จะเป็นกำลังใจให้นะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 18-04-2013 22:56:06
เทามาก

เทามากๆ 
แต่ชอบสุดๆเลย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 18-04-2013 23:17:56
จะเป็นยังไงต่อนะ

บลูเอ๊ย ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีแต่ด้านมืดมนอย่างเดียวหรอกน้าาาา
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 19-04-2013 00:09:21
สงสารป๊อปมากๆ ขอให้เจอรักที่แท้จริงนะป๊อป รักที่สดใส รักที่ดี รักที่เป็นของป๊อปจริงๆ

บลูก็เหมือนเดิม รู้สึกตัวก่อนที่มันจะสายไปนะ อย่าเอาแต่คิดว่าอยากจะปรับๆ ปรับจริงๆสักที ฮือ

ทะเลยอมแกทั้งหมดแล้วนะบลู เอ้า สู้กันต่อไป!!

ขอบคุณคนเขียนนะคะ อินมากๆจริงๆเข้ามาเช็คทุกวันเลยอ่ะ55 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 19-04-2013 04:34:49
ได้กันแล้ว.. แต่ว่า อย่าว่าแต่บลูที่กลัวอนาคตเลยนะ
เราก็กลัว.. กลัวใจคนเขียนด้วย :ling3: แต่ก็นั่นแหละ เสน่ห์ของเรื่องนี้คือการที่เราเดาอะไรต่อไม่ถูกเลย o22
หวังแต่ว่าให้นายได้เจอความสุขไวๆนะบลู

ติดตาม ตามต่อ ตามติดดด
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 13 ] 18-04-18
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 19-04-2013 05:16:43
ได้เสียใช่ไหม ที่เขาเรียกกัน? ...รู้สึกว่าทั้งสองต่าง "ได้" และต่าง "เสีย" บางสิ่ง น่ากังวล  :mew5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 25-04-2013 17:50:35
-14-
High Hopes

http://www.youtube.com/v/Q6SiOnTLVfk?hl=en_US&amp;version=3


นิ้วของทะเลลูบไล้อยู่ที่แขนของผม ตรงร่อยรอยของใบมีดที่ฝากเอาไว้ ผมหลับตาเคลิ้มไปกับสัมผัสเบาๆ หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราไม่ได้พูดอะไรกันเหมือนต่างคนต่างอยู่ในห้วงความคิด เพราะเมื่อใช้อารมณ์ลงมือทำสิ่งใดไปแล้วก็มักจะมีความคิดตามมาหลังจากนั้นเสมอๆ ผมรู้ว่าผิดที่ทำแต่ก็รู้อยู่แล้วว่าสักวันมันต้องเกิด  ผมทำร้ายทะเลก็จริง แต่ผมไม่เสียใจ ยิ่งไปกว่านั้นที่ผมรู้สึกคือดีใจ ผมอาจจะเลวที่คิดแบบนี้ แต่นั่นมันเป็นความจริงที่ผมรู้สึกและไม่อาจปฎิเสธให้เป็นอื่นได้จริงๆ

ทะเลนอนหันหลังโดยมีผมกอดเอาไว้ ผมโอบแขนเข้ากระชับมือของทะเลแล้วกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“เจ็บรึเปล่า" ทะเลเงียบไปสักพักจนผมเริ่มใจเสีย คิดว่าทะเลคงโกรธ ผมจึงกดจูบลงที่หลังคอแล้วคลอเคลียอยู่อย่างนั้นแทนคำขอโทษ

ทะเลหันกลับมามองหน้ายังเงียบไม่ได้ตอบอะไร ผมมองทะเลไล่เรื่อยลงมาจากใบหน้า ตามลำคอและตามตัว บางแห่งเป็นสีม่วงช้ำ บางแห่งเป็นรอยกัดช้ำเลือด มันมากกว่าที่ผมคิดจนทำให้รู้ว่าถามคำถามที่ดูโง่มากๆออกไป

ผมเริ่มรู้สึกเสียใจ...ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อไปดี ยิ่งทะเลไม่พูดผมก็เริ่มกลัว กลัวว่าจะรับไม่ได้กับสิ่งที่ผมเป็น กับสิ่งที่ผมทำ

“พี่บลูโกรธเลมากเลยเหรอ" ทะเลวาดแข่งโอบกอดผมแล้วถามขึ้น ทะเลกำลังตีความการกระทำของผมว่ามันคือความโกรธทั้งที่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ แต่ผมก็ไม่รู้จะบอกยังไง มันเกิดขึ้นเพราะความโกรธก็จริงแต่สิ่งที่กระทำมันเป็นส่วนหนึ่งของตัวผม

“พี่โกรธ...แต่...” ผมจะบอกทะเลยังไงดีให้ทะเลเข้าใจ เรื่องอดีตผมก็อยากให้มันเป็นอดีตอยู่อย่างนั้น แต่บางทีมันก็เป็นแบบนั้นไม่ได้ในเมื่ออดีตทำให้ผมเป็นผมอยู่ในขณะนี้ มันฝังรากลึกในการกระทำและความรู้สึกนึกคิด

“ขอโทษ...”ผมพูดได้แค่นี้ แค่นี้จริงๆในตอนนี้
“พี่ไม่ต้องขอโทษเลแล้ว เลแค่อยากรู้ว่าทำไมถึงโกรธขนาดนั้น"
“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าโกรธหรือไงที่เห็นเลไปไหนมาไหนกับก้าน ทั้งๆที่ก็รู้ว่าก้านคิดยังไงกับเล"
“แต่เลไม่ได้คิดเหมือนก้าน ทำไมพี่บลูถึงไม่คิดว่าตรงนี้มันสำคัญกว่า"

ใช่ ตรงนี้มันสำคัญกว่าผมรู้ แต่จะไม่ให้คิดได้ยังไงในเมื่อรู้ว่าก้านกำลังพยายามทำอะไรอยู่ ซ้ำยังเคยทำสำเร็จไปแล้วด้วยครั้งหนึ่ง

เหตุผลแค่นี้ของผมมันก็มีน้ำหนักเหมือนกัน ใช่ว่าผมอยากเป็นคนไร้เหตุผลหึงงี่เง่าถึงขนาดนั้น

ผมถอนใจ ไม่ได้บอกสิ่งที่คิดออกมาให้ทะเลฟังแล้วคว้าเอามือทะเลมาบีบเล่น ไม่มีบทสนทนาใดๆอีก แต่ในหัวความคิดกลับไหลไปเรื่อยๆ

ข้อมือของทะเลเป็นรอยชัดเจน แต่ที่ๆเหมือนจะชัดที่สุดคือตามลำคอ รอยมันเข้มมาก คงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาย ถ้าน้าวิทย์กับน้าเพลงเห็นเข้าจะทำยังไง ยังดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ยังพอหลีกเลี่ยงได้บ้าง ผมคงต้องพยายามเก็บทะเลไว้ในห้องก่อน ไม่ให้ใครเห็นเป็นดีที่สุด...

ผมวางแผนแล้วจัดการดูแลทะเลหลังจากนั้น พยายามไม่ให้น้าวิทย์ น้าเพลงสงสัย ให้ทะเลลงมาข้างล่างให้เห็นหน้าบ้างแต่ก็ไม่ให้เดินไปใกล้จนเกินไป พอถึงวันที่ไปเรียนรอยที่ข้อมือก็เริ่มบางแล้วแต่รอยที่คอก็ยังชัดเหมือนเดิม มันใหญ่มากจนพลาสเตอร์ก็ช่วยไม่ได้ ผมจึงคิดตัดสินใจพาทะเลโดดเรียนก่อนวันนึงโดยหวังว่าหลังจากวันนี้แล้วมันคงจะดีขึ้น

...

วันจันทร์เราออกจากบ้านมาตอนเช้าเหมือนปกติที่ไปโรงเรียน ผมเอาเสื้อผ้าของทะเลใส่กระเป๋าตัวเองมาด้วย เมื่อออกมาสักพักผมก็แวะปั๊มให้ทะเลเปลี่ยนชุดแล้วพาไปตลาด เรากินข้าวแล้วเดินอยู่แถวนั้นจนแดดของช่วงสายเริ่มแรงขึ้นผมจึงพาทะเลหลบร้อนมาเดินในห้างที่อยู่ใกล้ๆ

ทะเลมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาที่อยู่กับผม ผมอยู่กับทะเลมานานจนรู้ว่านั่นเป็นรอยยิ้มของความสุข และมันก็เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มไปด้วย ความสุขเล็กๆของผมดำเนินไปเพียงไม่นานก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ ทะเลหยิบมันออกมาดูชื่อที่หน้าจอเหมือนชั่งใจก่อนจะกดตัดสาย ไม่ทันที่ทะเลจะเก็บเข้ากระเป๋ามันก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทะเลหันมามองหน้าผมอย่างลำบากใจ

“รับสิ" ผมบอก พาทะเลมานั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่แถวนั้น แล้วเดินปลีกตัวออกมา ไม่อยากจะเห็นท่าทางลำบากใจของทะเลอีก
“ว่าไง" ทะเลรับโทรศัพท์แล้วคว้ามือผมเอาไว้ไม่ให้ไปไหน พอผมหันไปมองทะเลก็บีบมือผมแน่นแล้วพูดกับคนในสาย
“อยู่ข้างนอก"
“เปล่า"
“ไม่มีอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไป"
“เออน่า มึงเข้าเรียกเหอะ ไว้เจอกัน"

ทะเลตัดบทแค่นั้น เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเอียงคอมองผมอย่างครุ่นคิด

“อะไร" ผมถาม
“โกรธอีกรึเปล่า" ทะเลถามกลับ ผมถอนใจแล้วส่ายหน้า ไม่อยากให้ทะเลคิดมากถึงขนาดนั้น ยอมรับว่าก็ไม่ได้พอใจเพราะดูยังไงๆก้านมันก็ยังตามทะเลอยู่ไม่เลิกลาง่ายๆ แต่ผมก็ไม่อยากเอาอารมณ์มาลงกับทะเลอีก

ผมกอดคอทะเลเดินหาร้านเครื่องดนตรีกัน นึกขึ้นมาได้ว่าอยากได้ไม้กลองใหม่ เดินอยู่ไม่นานจนเจอร้าน เราต่างคนต่างดูของที่ตัวเองสนใจ ใช้เวลาอยู่ในนั้นเรื่อยๆไม่รีบร้อน ผมได้ไม้กลองใหม่มาคู่หนึ่งอย่างที่หวัง หันไปหาทะเลก็ยังคงสนใจแต่กีตาร์และดูท่าว่าคงอีกสักพักผมเลยดูของในร้านต่อเพื่อรอทะเล

ผมดูไปเรื่อยๆจนสะดุดอยู่ที่ปิคกีตาร์ มีอยู่อันหนึ่งที่สะดุดตาผม มันเป็นปิคสีฟ้าเหลือบๆธรรมดาๆแต่ทำให้นึกถึงสีของน้ำทะเล ผมหยิบขึ้นมาดูเพียงแค่ไม่ถึงนาทีก็ตัดสินใจซื้อมาเก็บเอาไว้ให้ทะเล

เราเดินกันในห้างนั้นจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆ เมื่อขาเราล้าเกินกว่าที่จะเดินต่อไปผมก็คิดว่าเราควรจะกลับกันได้แล้ว ผมชวนทะเลกลับทะเลก็พยักหน้าเพราะรู้ดีว่าวันนี้ผมมีเล่นที่ร้านตอนเย็น เราสองคนเดินลงมาชั้นล่างของห้างไม่ทันที่จะได้กลับออกไปก็มีเสียงๆหนึ่งเรียกทักผมขึ้นก่อน

“บลู...บลูใช่ไหม..."

เป็นเสียงผู้หญิง เสียงที่ทำให้ผมไม่นึกอยากหันไปมอง แต่รู้สึกตัวก็หันไปหาแล้วตามสัญชาตญาณ

ผมเห็นคนที่ไม่เจอมากว่าสิบปี แต่ผมก็ยังจำได้ จำผู้หญิงที่ให้กำเนิดผมได้

แม่มองผมด้วยแววตาเหมือนดีใจ ผู้หญิงตรงหน้าดูมีอายุขึ้นแต่ก็ยังเหมือนเดิม ยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ชอบแต่งตัว รักสวยรักงามดูแลแต่ตัวเองจนไม่คิดแม้แต่จะสนใจลูก

ผมหันหลังให้ผู้หญิงคนนั้น เหมือนที่อยากหันหลังให้อดีตแล้วคว้ามือทะเลเดินออกมาไม่สนใจเสียงเรียกที่ตามมาอีก ทะเลมองผมคล้ายอยากจะถามแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

รู้สึกตัวอีกทีผมก็พาทะเลมาถึงที่ห้องซ้อมแล้ว ภาพในอดีตซ้อนทับปัจจุบันจนผมแทบไม่รู้ตัว แม้พยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปคิดถึงมันก็ยังห้ามไม่ได้ ในใจผมนึกสงสัยในแววตาของแม่ สงสัยว่าอะไรที่ทำให้แม่ดีใจเมื่อเจอผม ในเมื่อสำหรับผมมันมีแต่ความรู้สึกเลวร้ายในอดีต

ผมตัดผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตตั้งนานแล้วและไม่เคยคิดจะกลับไปหาอีก ในเวลาที่ได้เจอกันอีกครั้งผมไม่มีอารมณ์ใดๆให้กับคนที่เป็นแม่ของผม ไม่ได้รู้สึกถึงสายสัมพันธ์ใดๆที่ลึกซึ้งผูกพันธ์อีกต่อไป จะมีก็แต่การกล่าวโทษ...ผมโทษแม่ที่ทำให้ผมเป็นคนที่แตกหัก ไม่สมบูรณ์ทางจิตใจ...โทษที่เป็นคนทำให้ผมเป็นคนที่ไม่คู่ควรกับสิ่งที่ได้มา...

ผมพยายามปัดความคิดเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้วมองทะเลที่นั่งอยู่ข้างๆ เราอยู่ในห้องซ้อมกันสองคนเพื่อรอป็อปกับร็อคสอนเสร็จจะได้ไปที่ร้านพร้อมๆกัน ทะเลหยิบกีตาร์ไฟฟ้าที่วางอยู่แถวนั้นมาเล่นเป็นทำนองเพลงที่ทะเลแต่ง ผมเห็นนิ้วเรียวๆของทะเลที่เกากีตาร์อยู่ทำให้นึกถึงปิคอันนั้นขึ้นมาได้ ผมหยิบปิคที่ซื้อมาเมื่อตอนบ่ายมายื่นให้ตรงหน้าทะเล

“สีฟ้า...เหมือนตาพี่บลูเลย" ทะเลจับพลิกดูไปมาแล้วบอกผม

ผมยิ้ม ในใจตอนที่ซื้อกลับคิดว่ามันสีเหมือนน้ำทะเล...

ทะเลยิ้มตอบผมจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง เป็นยิ้มเหมือนตอนเด็กๆเวลาดีใจเมื่อได้ของ มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงตรงลักยิ้มนั่น...

ไม่ทันที่ผมจะผละออกป็อปก็เปิดประตูเข้ามา พอเห็นเราทั้งสองป็อปก็ยิ้มให้ ดูเป็นยิ้มที่ฝืนๆ ป็อปทักทายปกติที่สุดแต่ผมเห็นสายตาจับจ้องอยู่ที่คอของทะเล ก่อนจะหันมาสบตาเข้ากับผมแล้วมองเมินไปที่อื่นไม่ได้หันมามองพวกเราอีก

เราทั้งสามตกอยู่ในความเงียบที่ให้ความรู้สึกอึดอัด บางทีทะเลก็เหลือบมองผม บางทีก็เหลือบมองป็อป ไม่มีใครคิดหาบทสนทนาที่เหมาะกับช่วงเวลานี้ได้เลย

ผมเอื้อมไปเอากีตาร์มาจากมือทะเลและเล่นมันเพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดที่เป็นอยู่ ผมไม่ได้เล่นกีตาร์เก่งเหมือนอีกสองคนที่อยู่ในห้องแต่ก็แค่เล่นมันไปเรื่อยๆ สักพักป็อปก็หยิบกีตาร์ของตัวเองมาเล่นคลอกับผม ทะเลดูจะเหม่อไปเหมือนจมอยู่ในความคิดของตัวเองพลางมองปิคในมือ

จู่ๆผมก็รู้สึกหน่วงๆในอก มันเป็นความรู้สึกเศร้าลึก บอกไม่ได้ว่าอะไรหรือทำไมทำให้รู้สึกแบบนี้

ผมมองป็อปที่นั่งพิงผนังห้องตรงข้ามกับผมที่นั่งอีกฝั่งหนึ่ง

เมื่อเราสบตากัน สายตาของป็อปก็ยังไม่เปลี่ยนไป

นานแล้วที่ไม่ได้มองป็อปเต็มๆตา ครั้งสุดท้ายผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ ช่วงเวลาตั้งแต่เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ผมพยายามรักษาระยะห่างเพื่อให้ป็อปตัดใจ นิสัยของป็อปผมรู้ดีว่ามันอ่อนไหวและเปราะบางกว่าที่เห็นภายนอก แม้บางครั้งจะเป็นห่วง อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ผมก็ได้แต่ถามเอาจากร็อคหรือแค่มองอยู่ห่างๆ

แม้ผมจะอยากให้เพื่อนคนนี้ของผมมีความสุขแต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อผมให้เขาไม่ได้

“เลลงไปรอข้างล่างนะ" ทะเลบอกแล้วลุกออกไป ผมไม่ได้รั้งเอาไว้

หลังจากประตูปิดลงป็อปก็ลุกขึ้นมานั่งลงข้างๆผมตำแหน่งเดียวกันที่ทะเลนั่งแล้วพูดกับผม

“กูคิดถึงมึง"
“ป็อป...”
“แค่บอกเฉยๆ"
“มึงไม่ควรจะคิดแบบนี้"
“กูไม่ได้บังคับให้มึงรู้สึกแบบเดียวกันสักหน่อย"
“มึงทำให้กูลำบากใจ ทำให้คิดว่ากูเป็นคนที่ทำให้มึงไม่มีความสุข" ป็อปส่ายหน้าตอบคำพูดของผม
“กูจะพูดให้มึงสบายใจก็ได้ว่ากูกำลังพยายามตัดใจจากมึงอยู่" ป็อปพูดแล้วยกมือขึ้นลูบแขนของตัวเองที่มีรอยสักอยู่ตรงนั้น เป็นรอยสักใหม่ที่ผมเพิ่งเห็น จริงอย่างที่ร็อคว่า ตอนนี้รอยสักมันแทบจะเต็มตัวป็อปแล้ว

ผมอดคิดไม่ได้ว่าป็อปกำลังเสพติดความเจ็บปวด และเหมือนกับว่าผมเป็นคนส่งต่อมัน ผมอยากให้ป็อปคิดทำจริงๆกับสิ่งที่พูด คิดตัดใจ เพราะผมรู้ดีว่าตัวผมไม่ได้มีค่าอะไรมากมายขนาดนั้น

“อยู่กับเลมีความสุขไหม" ผมยิ้มให้ป็อป ให้เขาตีความมันเอาเอง จริงๆแล้วจะความสุขหรือความทุกข์ผมไม่สามารถบอกกับใครได้ ถึงบอกไปใช่ว่าคนๆนั้นจะรู้และเข้าใจ ถ้าผมบอกว่าตัวผมมีความสุขในขณะที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะรับรู้...

เราอยู่ในห้องได้สักพักไม่นานหลังจากนั้นร็อคกับตูนก็เข้ามา เมื่อครบแล้วพวกเราจึงเริ่มเก็บของเพื่อไปที่ร้าน ทะเลดูเงียบไปเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีโอกาสได้คุยกัน จากสายตาของทุกคนเหมือนกับว่ารับรู้ความความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงระหว่างผมกับทะเล มันไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดแต่สำหรับทะเลผมก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกแบบไหนกับท่าทางที่เงียบไปในตอนนี้

...

ในระหว่างที่รอขึ้นเล่นเรานั่งกันอยู่โต๊ะประจำหน้าร้าน บทสนทนาของพวกเราเป็นไปอย่างเรื่อยๆไม่ได้เจาะจงอะไรเป็นพิเศษ เมื่อมีคนเดินมาหยุดยืนที่โต๊ะของเราทุกคนจึงเงียบและจ้องมองผู้มาใหม่ด้วยแววตาสงสัย

คนๆนั้นมองไปที่ป็อปแล้วยิ้มให้ ผมจึงเลื่อสายตาลงมาที่ป็อปที่มีแววตาตกใจเพียงชั่วครู่ก่อนจะเลือนหายไปแล้วทักขึ้น

“มาได้ไง"
“ก็ป็อปเคยบอกว่าเล่นที่นี่ เลยมาดู" เขาพูด มองไปรอบๆโต๊ะแล้วหยุดมองที่ผม
“ใช่ปาร์ครึเปล่า" ร็อคถามขึ้น ผู้ชายคนนั้นจึงพยักหน้า
“เฮ้ย ไม่เจอนานเลยว่ะ เป็นไงบ้าง"

ร็อคชวนเพื่อนเก่ามันนั่งด้วยกัน ผมฟังมันแนะนำแล้วบอกว่าเป็นเพื่อนสมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเก่า ผู้ชายที่ชื่อปาร์คคนนี้ตัวค่อนข้างใหญ่พอๆกับผม สีหน้าของเขาไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆนักแต่เป็นคนที่มีแววตาแพรวพราว เหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่าเขากำลังรู้ในสิ่งที่เรากำลังคิด...ผมที่ยาวประมาณบ่าถูกรวบเอาไว้ทำให้เห็นรอยสักที่ท้ายทอย

ดูรวมๆแล้วเป็นคนที่ให้ความรู้สึกอันตรายอยู่หน่อยๆ

เมื่อร็อคถามว่าไปเจอกับป็อปที่ไหนมาก็เลยรู้ว่ารอยสักทั้งหมดของป็อปเป็นฝีมือของเพื่อนคนนี้ ป็อปเป็นลูกค้าประจำที่ร้านของพี่ชาย เขาว่าอย่างนั้น มันทำให้ผมนึกถึงรอยสักของป็อปบนแผ่นหลัง ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันสวย และผมก็ชอบรูปดอกกุหลาบสีฟ้าอันนั้นเป็นพิเศษ

เราคุยกันได้ไม่นานก็ต้องเข้ามาเตรียมตัว ผมให้ทะเลเข้ามานั่งข้างในที่เดิมเหมือนปกติ ปาร์คก็กลับไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน หลังจากเล่นเสร็จผมก็บอกลาเพื่อนและปลีกตัวพาทะเลกลับบ้านมาก่อนไม่ได้อยู่ต่อ

ผมกังวลใจไม่น้อยจากท่าทีเหม่อลอยตลอดเวลาของทะเล ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ ผมจำรอยยิ้มเมื่อตอนกลางวันที่เราอยู่ด้วยกันได้ แปลกที่ว่าพอจะหมดวันก็เหมือนกับรอยยิ้มมันค่อยๆหายตามไปโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ ผมดึงทะเลมากอดเมื่อทะเลทิ้งตัวลงนอนบนฟูกข้างๆ ทะเลนอนนิ่งสงบในอ้อมกอดเหมือนว่ากำลังจะกลับ ผมจึงหลับตาลงบ้าง ยังไม่ได้ถามอะไรแม้ในใจจะอยากรู้

“พี่ป็อปยังรักพี่บลูอยู่..." จู่ๆทะเลก็พูดขึ้น ผมจึงคลายกอดออกเพื่อมองหน้าทะเล ดีใจที่ทะเลพูดออกมาก่อนโดยที่ผมไม่ต้องถาม
“...ทำไมถึงคิดแบบนั้น"
“เลไม่ได้คิด แต่เลรู้...พี่ป็อปจะเกลียดเลไหม...ถ้ารู้ว่าเรา...”
“รักกัน" ผมต่อให้ คำที่ทะเลอึกอักไม่กล้าพูดมันออกมา "ป็อปไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเกลียดเล ถ้าจะเกลียดก็ต้องเกลียดพี่เพราะพี่เป็นคนทำร้ายเขา"
“เขาจะเกลียดพี่ได้ยังไงเล่า...”
“อย่าคิดมากเลย อีกไม่นานป็อปก็คงทำใจได้"ผมยกมือขึ้นเขี่ยผมที่ปรกหน้าทะเลไปด้านข้าง แล้วพูดให้คลายกังวล เพราะรู้ว่าป็อปคงไม่คิดกับทะเลแบบนั้น
“พี่บลู...คนอื่นเขารู้ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน"
“ถ้าป็อปกับร็อคน่ะรู้เพราะพี่บอกเรื่องของเล แต่คนอื่นพี่ไม่ได้สนใจว่าเขาจะรู้รึเปล่า"
“เลเริ่มกลัวว่าพ่อกับแม่จะรู้...เลไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะว่ายังไงถ้าเกิดรู้เรื่องของเราขึ้นมา"

ผมเงียบ ในใจก็นึกกังวลเหมือนกันกับเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด ผมคิดมาตลอดถึงความผิดถูกจนเป็นหนึ่งเหตุผลที่หักห้ามตัวเองไว้ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเหตุผลก็คือเหตุผล เอาชนะอารมณ์ความรู้สึกของผมไม่ได้อยู่ดี

“นอนเถอะ อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย"

ตอนนี้ผมยังไม่อยากให้ทะเลคิดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ มันยังเร็วเกินไปถ้าจะบอกให้น้าวิทย์กับน้าเพลงรับรู้แต่ผมคิดเอาไว้ว่ายังไงมันก็ต้องมีสักวันที่ผมจะบอกพวกเขา

แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้

ยังไม่ใช่...เพราะผมเพิ่งจะได้ทะเลมา...และยังไม่พร้อมถ้าหากจะต้องเสียทะเลไป

...

จากวันนั้นเพียงไม่กี่วัน ผมก็เจอคนที่ไม่คิดจะเจออีกครั้งหนึ่ง การมาถึงครั้งนี้เป็นไปอย่างจงใจทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องการที่จะให้ผมมีความสุข เมื่อเห็นแม่อีกครั้งก็เหมือนเห็นเงาดำในอดีต มันไม่มีคำว่ายินดีเพราะไม่รู้สึกดีใจแม้สักนิดที่ได้พบ

เจ๊หนิงพาแม่มาหาผมด้วยสีหน้าลำบากใจ คงกังวลกับความรู้สึกของผมไม่น้อย ผมไม่มีความรู้สึกไม่พอใจเจ๊หนิงแต่รู้สึกไม่พอใจแม่เพราะผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผม

แม่บอกว่าต้องการคุยกับผมเจ๊หนิงจึงเข้าไปหาน้าวิทย์ในบ้าน ทิ้งผมไว้ที่หน้าอู่กับแม่ เมื่อผมนั่งลงที่ม้าหิน แม่ก็นั่งลงตามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมไม่ได้ยิ้มตอบรอยยิ้มนั่นได้แต่นั่งเฉยๆรอให้แม่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“บลูสบายดีไหมลูก" ผมมองแม่ด้วยความฉงนใจในคำพูด แม่ไม่เคยจะพูดกับผมแบบนี้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ทั้งน้ำเสียงและคำพูด มันไม่ใช่เลย เหมือนไม่ใช่แม่ที่ผมเคยรู้จัก
“ครับ"
“แม่ดีใจที่ได้เจอบลู"
“......”
“...อยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง...มีความสุขไหม" ผมได้แต่ยิ้มหยันในคำพูด ไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามคำถามที่ผมอยากรู้
“แม่มาทำไม"
“แม่คิดถึงบลู...อยากมาหา..."
“......”
“บลูโตขึ้นจนแม่แทบจำไม่ได้...แม่คิดว่าจะไม่ได้เจอบลูอีกแล้ว" ผมมองผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า 'แม่' ทุกคำแทนที่คำว่า 'ฉัน' ที่พูดกับผมเมื่อก่อน ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรเลยว่าแม่ต้องการอะไรจากผม

เมื่อผมไม่ตอบอะไรเราจึงตกอยู่ในความเงียบ ผมไม่ตอบสนองอะไรจนแม่คงรู้สึกได้เลยไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ในระหว่างนั้นทะเลก็กลับมาจากโรงเรียนเมื่อเห็นผมนั่งอยู่หน้าอู่จึงมองทั้งผมและแม่ด้วยความสงสัย ผมยิ้มให้บางๆเหมือนเป็นการบอกว่าไม่มีอะไรทะเลจึงเดินเข้าบ้านไป

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วแม่ก็กลับเถอะ" ผมเอ่ยปากไล่โดยไม่รู้สึกผิดสักนิด ไม่คิดอยากอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว

“แม่ไม่ได้อยู่กับพี่หญิงแล้ว...แม่แต่งงานเมื่อสี่ปีก่อน...แล้วบลูก็มีน้องชายด้วยนะ"

แม่รีบพูดเมื่อผมลุกขึ้น คำพูดของแม่หยุดขาของผมที่คิดจะเดินหนี รู้สึกแปลกใจที่ประโยคนั้นของแม่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บร้าวได้ เพราะความสุขในน้ำเสียงของแม่ มันบอกชัดว่ากำลังอยู่ในครอบครัวที่ผมเคยฝันถึง ครอบครัวที่เคยนึกอยากให้แม่มีผู้ชายแค่คนเดียวแล้วรักผมเหมือนลูกเหมือนที่แม่คนอื่นรัก

ผมกำลังรับรู้ว่าสิ่งที่ผมเคยฝันทั้งหมด...เป็นของอีกหนึ่งเลือดเนื้อของแม่...เป็นของน้องชายผม

“ถ้าบลูอยากกลับไปอยู่กับแม่...”

“ผมไม่อยาก"

ผมพูดตัดบท ไม่อยากจะฟังอะไรต่อไป ผมไม่นึกว่าตัวเองจะรู้สึกอะไรกับคำพูดของแม่แต่ผมก็รู้สึก มันแปลกดีที่ผมจินตนาการครอบครัวใหม่ของแม่ที่อยู่กันอย่างมีความสุขแล้วก็ให้นึกชิงชังจากน้ำเสียงที่ดูรักใคร่ ทั้งที่กับผมทำอะไรไว้บ้างคิดว่าผมจะลืมไปแล้วกลับไปอยู่ด้วยหรือยังไง

“อย่ามาที่นี่อีก ผมอยากให้เราต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม หวังว่าแม่คงเข้าใจ" ผมบอกแล้วเดินเข้าบ้านมา ไม่สนใจอะไรอีก ผมเห็นน้าวิทย์ น้าเพลงและทะเลที่มองอยู่ห่างๆแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับใครทั้งสิ้น

ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแอที่ยังมีความรู้สึกกับอดีต เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าแม่ผมก็ยังมีความรู้สึกเสี้ยวเล็กๆที่ผมโหยหา นานมาแล้วที่ผมอยากได้ความรักความใจดีของแม่อย่างที่แม่ให้ผมในตอนนี้ เมื่อรู้สึกว่ามันสายไปก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกสะเทือนจิตใจ

ผมยิ้มหยันๆให้กับความโชคร้ายของตัวเอง นึกเข้าใจคำว่าโชคชะตากำลังเล่นตลก
ทั้งที่จริงๆมันไม่ใช่เรื่องตลก แต่ผมก็ยิ้ม หัวเราะให้กับโชคชะตา...ไม่นึกอยากร้องไห้...

ช่างเถอะ

ผมพอใจกับปัจจุบันแล้ว

น้าวิทย์ น้าเพลงและทะเลเป็นครอบครัวของผม...ไม่ใช่แม่

และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป...ผมคิดอยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป...

ใช่...ผมคิด ผมหวัง


แต่สุดท้ายคำว่าตลอดไปมันก็มีอยู่แค่ในความฝัน...
ยาก...ที่จะรักษาเอาไว้ได้...ในชีวิตจริง



(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/14HighHopes_zps7ac07d4a.jpg) (http://s1299.photobucket.com/user/zuckone/media/14HighHopes_zps7ac07d4a.jpg.html)


Song Titles : High Hopes
Artist : Kodaline

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 25-04-2013 18:06:32
ตอนนี้เหมือนว่า เริ่มจะมีตัวปัญหาโผล่เข้ามาอีกหลายคน โดยเฉพาะแม่ ไม่น่าจะมาหาบลูแค่ชวนไปอยู่ด้วยหรอกมั้ง น่าสงสัย
ส่วนเพื่อนเก่าของป๊อปกับร็อคนี่ จะทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าทำอะไรทะเลเลยนะ เรื่องนี้ไม่ได้กลัวอะไรนอกจากกลัวทะเลโดนทำร้าย

อร้าก

 :hao5:

ขอบคุณค่ะ

ปล. อ่านมาตั้งหลายตอน เพิ่งมานึกได้ตอนนี้ว่า ป๊อป ร็อค บลู มันเป็นประเภทของเพลง อร้าก ชื่อแปรผันกับนิสัยของตัวละครไหมนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 25-04-2013 18:28:36
กลับมาให้เสียใจอีกทำไมมมม  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 25-04-2013 19:23:11
อ่านแล้วกังวลเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับครอบครัวยังไงก็ไม่รุ้แฮะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 25-04-2013 19:32:00
บาดแผล ความซับซ้อน ความรุนแรงทางอารมณ์ ปมต่างๆในชีวิตบลู

ทำให้นึกไม่ออกว่าเรื่องนี้จะดำเนินไปสู่ปลายทางที่มีความสุขได้อย่างไร???
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 25-04-2013 19:59:13
ทะเลในโลกสีฟ้า ทำไมมองเห็นแต่สีเทา
พิมพ์ไปมือสั่นไป เรื่องนี้มันค่อยๆ สั่นคลอนหัวใจเราจริงๆ นะ

เศร้าลึก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 25-04-2013 20:51:46
ปาร์คนี่คู่กับป๊อปใช่ป่ะ(มองหาคู่ให้สุดๆ)

ปล.แน่ะสงสารบลู..อยากรู้จังว่าแม่บลูมาทำไมอะ จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากกว่าเดิมป่ะ
ปล1.อันที่จริงเม้นเกี่ยวกับป๊อปต้องมาอยู่ในปล.ข้างบนแทยเม้ยเกี่ยวกับบลูดิเพราะเรื่องหลักเป็นของบลู ..กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 26-04-2013 00:51:36
กลัวใจแม่บลูจริงๆ จะมาทำอะไรรึเปล่า ฮึ่ม

ปาร์คคู่ป๊อปรึเปล่าคะ #ก๊าก ถามงี้เลย

ถ้าสองคนนี่คู่กันเราขอดีใจก่อนได่ไหม55 เราว่าคนที่จะรักป๊อปและคู่กับป๊อป

นี่ถ้าเป็นอบอุ่นคงรั้งป๊อปไม่ได้แน่ๆ (เพราะแค่นี่ความเศร้ายังผลักให้ป๊อปจมกับการทำร้ายตัวเองอย่างนี้:-/

ต้องดูอันตรายและดุมากพอที่จะรั้งเอาไว้แหละฉุดขึ้นมานี่แหละค่ะ

ก๊าก ไปไกลเลย นี่แค่เพิ่งโผล่555555

ขอบคุณคนแต่งอีกเช่นเคยค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-04-2013 01:10:22
เขียนได้ดีจริง ๆ ค่ะคุณขา บรรยายอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านมืดมัว สลัว สว่าง
โอยอิฉันจะตาย สงสารบลู ถึงแม้ตอนนี้ใครจะมองว่านายร้ายแค่ไหนก็ตามที
สิ่งที่หลอมรวมความเป็นบลูมาถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะผ่านมันมาได้ง่าย ๆ
ป็อปรักคนที่ไม่ได้รักตอบก็เจ็บ ก้านก็เช่นกัน
ส่วนบลูและทะเลแม้จะรักกัน ชีวิตพวกเขาก็ใช่ว่าจะราบรื่น
สิ่งที่รออยู่ข้างหน้า บางทีอาจไม่ใช่ความสุขหรือความสมหวัง
คนอ่านก็ได้แต่หวังว่าชีวิตนายบลูมันจะไม่บลูไปกว่านี้
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: tumprom ที่ 26-04-2013 01:29:32
 o13
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-04-2013 06:33:54
ยังไงแม่ก็คือแม่ ที่กลับมาส่วนหนึ่งอาจจะเพราะรู้สึกผิดกับบลู แต่ในความรู้สึกผิดจะมีความรักไหม อันนี้ไม่รู้ แต่นั่นคงเป็นสิ่งที่บลูต้องการ
เราโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นนะ เวลาอ่านเรื่องของบลูแล้วนึกเห็นใจตลอดเวลา ชีวิตคนเรามันเป็นได้ถึงขนาดนี้ ทำไมไม่เจอแต่เรื่องดีๆนะ :mew4:
ทะเลคงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจบลูมาตลอด แต่ตอนนี้ทั้งคู่ได้ก้าวข้ามอะไรมาเยอะแล้ว และมังคงกระทบกับครอบครัวที่บลูรักแน่ๆ :z3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 27-04-2013 23:53:40
เห็นด้วยกับรีบน

คนเขียนสู้ๆฮ้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 14 ] 25-04-13
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-04-2013 21:47:57
ตายไปเลย ตู T.T
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 02-05-2013 23:18:18
-15-
Stand by Me

http://www.youtube.com/v/8gz0GtVmlvw?hl=en_US&amp;version=3


นานแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับแสงไฟสลัวของร้านยามคำ่คืน แต่เวลานี้ผมกลับรู้สึก

เพราะได้เจอผู้หญิงคนนั้น...

“เมาแล้วมึง จะกลับไหวไหมวะ" ร็อคพูดแข่งกับเสียงเพลง ทะเลก็มองเหมือนอยากจะห้ามแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปาก ผมยืนซ้อนหลังกอดทะเลเอาไว้มือหนึ่ง อีกมือก็ยกแก้วขึ้นดื่มไม่สนใจเสียงห้ามปรามของเพื่อน

ผมไม่ใช่คนที่ชอบดื่มจนถึงขั้นไร้สติแต่สำหรับวันนี้ผมกลับใช้มันเพื่อที่จะได้ไม่มีสติรับรู้ แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรแต่ทุกอย่างมันยังชัดเจนในความรู้สึก ผมไม่เคยจะพูดถึงเรื่องเก่าๆกับใคร เหตุผลง่ายๆแค่อยากเก็บมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด หวังให้มันอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ทำร้ายความรู้สึกของผมอีก แต่คำว่าลึกที่สุดไม่ได้แปลว่าเราจะสามารถลืมมันได้ คำว่าลึกที่สุดของผมคือเรื่องที่ฝังใจที่สุด ยากที่จะลืมเลือนที่สุด

น่าแปลกที่เรื่องที่อยู่ลึกที่สุดของผมนั้นเป็นเรื่องของแม่ ไม่ใช่เรื่องร้ายๆที่ผมเคยเจอ ผมมีความรู้สึกขัดแย้งมากมายกับแม่ บอกไม่ได้ว่ารัก แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเกลียด มันทำให้ผมสับสนรวดร้าวอยู่เพียงลำพังมาโดยตลอด

การที่เจอกันอีกครั้งทำให้ความทรงจำเก่าๆหลั่งไหลเข้ามา จำความอึดอัดยามที่เห็นแม่เอาใจคนอื่น ใจดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผมได้ และยิ่งจำได้ว่าแม่พยายามทำให้พี่หญิงพอใจด้วยการยกผมให้ไปทำเรื่องแบบนั้นได้ง่ายๆ

ผมจำความรู้สึกเหล่านั้นได้ดี ไม่ใช่แค่ไม่เคยให้ความรัก...แต่แม่ยังเป็นคนผลักไส...เป็นคนที่ยืนมองผมทุกข์ทรมานด้วยสายตาไม่รู้สึกรู้สา

ไม่มีเหตุผลสมควรที่ผมจะรักหรือมีเยื่อใย...แต่ผมก็มี
ผมมีหัวใจ...แต่แม่ไม่มีหัวใจ

นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวด

“เดี๋ยวเลขับกลับดีกว่า" ทะเลพูดกับผมขณะที่เราเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ เพื่อนๆทุกคนพร้อมใจกันกลับเพื่อที่จะให้ผมหยุดดื่ม สติผมไม่ได้ครบถ้วน แต่ก็รับรู้ความเป็นไป ยิ่งไปกว่านั้นแทนที่แอลกอฮอล์จะทำให้ผมลืมอะไรๆไปได้มันกลับทำให้ทุกๆอย่างที่พยายามเก็บเอาไว้ชัดเจนกว่าเดิมขึ้นหลายเท่า สติที่น้อยลงทำให้ผมยากที่จะทัดทานความคิดที่หลั่งไหลออกมา

“กลับดีๆนะ เลดูไอ้บลูมันด้วย เห็นแบบนี้มันเมาแทบจะไม่รู้เรื่องแล้ว" เสียงร็อคพูด
“ครับ ไม่ต้องห่วง พี่ร็อคก็ขับรถดีๆนะ" พอเพื่อนแยกไปแล้ว เลก็สตาร์ทรถพาผมกลับบ้าน ผมซบหน้าอยู่ที่ซอกคอของทะเลอยู่ตลอดเวลา ไม่บ่อยนักที่ผมจะเป็นคนซ้อนผมจึงใช้เวลานี้คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

เราถึงบ้านเป็นเวลาที่เพิ่งจะล่วงเข้าวันใหม่ รอบบ้านเงียบเชียบมืดสนิทผมเลยไม่สนใจอะไรนอกจากคนตรงหน้า อารมณ์เริ่มปะทุขึ้นมาตั้งแต่ที่ได้ซุกไซร้อยู่ระหว่างทางทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะดึงทะเลเข้ามาจูบตั้งแต่ลงจากรถ ทะเลตอบสนองเพียงเล็กน้อยแล้วพยายามพาผมเข้าบ้าน  ตลอดทางขึ้นห้องเป็นไปอย่างลำบากเพราะผมไม่ให้ความร่วมมือ กอดเกี่ยวทะเลเอาไว้กับตัวแล้วพรมจูบลงไปตามใจอยาก

“พี่บลูขึ้นห้องก่อน" ทะเลพูดแล้วยันตัวผมออก เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็รีบฉุดทะเลขึ้นห้อง อารมณ์ตอนนี้มากมายเกินต้านทานไหว ผมรู้ดีว่ากำลังรักษาแผลใจด้วยวิธีเดิม  แม้รู้แต่สติอันน้อยนิดทำให้ความคิดที่จะหยุดไม่มีอยู่ในหัว

ผมกระแทกตัวทะเลกับประตูห้องทันทีที่ประตูปิดลง จูบครั้งนี้ทะเลตอบสนองผมอย่างร้อนแรงเพียงกัน ผมปลดทุกอย่างออกด้วยความเร่งร้อน เมื่อแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้นผมก็ยกตัวทะเลขึ้น ทะเลเกี่ยวขาเข้ารอบเอวผมโดยที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน ผมพาเราทั้งคู่ทิ้งตัวลงบนเตียง เริ่มขบกัดอย่างที่ชอบทำ เสียงของทะเลที่ออกมาจากลำคอแทบทำให้อุณหภูมิในร่างกายถึงจุดเดือด

ทะเลนอนหอบหายใจแรงบิดตัวไปมาทุกครั้งที่ผมขบกัดแล้วไล้เลียรอยแผล เมื่อร่อยรอยปรากฎจนผมพอใจแล้วจึงเงยหน้าจ้องมอง เราสบตากันในความมืด ผมไล้นิ้วไปมาที่ปากของทะเลก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปข้างในแล้วบอกให้ทะเลดูดมัน สัมผัสของลิ้น แรงดูด และสีหน้าที่เหมือนฝืนใจของทะเลทำให้ความรู้สึกตรงนั้นทรมานด้วยความต้องการ ผมจ้องมองภาพตรงหน้า...ปล่อยให้ความทรมานดำเนินไปสักพักแล้วค่อยดึงนิ้วตัวเองออกมาเพื่อกดเข้าไปอีกที่หนึ่ง ทะเลพยายามถดตัวหนีเหมือนกลัวสัมผัสเจ็บปวดที่เคยเจอแต่ผมจับดึงเอาไว้ไม่ให้ถอยหนี

“...เจ็บ" ผมทนไม่ไหวแทนที่ตัวผมเองเข้าไปแทนนิ้วทะเลก็ร้องออกมา การดิ้นรนขัดขืนของทะเลมากขึ้นทุกทีที่ผมพยายามเข้าไป ผมไม่รู้ว่าถ้าหากเป็นผมที่สติครบสมบูรณ์ยังจะคงทำต่อไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้ไม่มีความคิดนั้น เพราะทุกความรู้สึกนึกคิดและตัวตนที่ผมเก็บกดเอาไว้กำลังเปิดเผยตัวตนออกมา

“พี่บลู...เลเจ็บ...หยุดเถอะ" ผมชอบท่าทางเจ็บปวดและแววตาอ้อนวอนของทะเลในตอนนี้ มันทำให้ผมพอใจอยู่ลึกๆอย่างไม่สมควร

ผมกดตรึงข้อมือทั้งสองข้างของทะเลไว้กับเตียงแล้วกดกายลงไปพลางมองสีหน้าคนที่ผมรัก น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่มองสบผม มันเป็นสีหน้าทรมานที่ผมเคยนึกฝัน

“รู้ไหม...ว่าพี่ชอบเห็นเลร้องไห้...” ผมบอกแล้วเลียคราบน้ำตาบนใบหน้าของทะเล เพียงเสี้ยววิที่ผมเห็นแววตาหวาดกลัวของทะเล...

เป็นแววตาที่แสดงหวาดกลัวถึงขั้วหัวใจ

ผมเริ่มขยับกายเป็นจังหวะหนักหน่วงขึ้น กำรอบข้อมือที่พยายามขัดขืนของทะเลเอาไว้ เมื่อไม่มีท่าทีว่าผมจะหยุดลงซ้ำยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทะเลก็เริ่มสะอื้นไห้อ้อนวอนผม

“เลไม่ไหวแล้ว...พี่บลู...ไม่ไหว...” ผมยิ้มให้กับคำขอที่เปล่าประโยชน์ของทะเลแล้วปล่อยมือข้างหนึ่งออกมากดปิดปากทะเลไว้

เสียงร้องของทะเลครางเครืออยู่ให้ลำคอขณะที่ผมกระแทกตัวหนัก น้ำตาทะลักทลายออกมาจากสองตาบ่งบอกความเจ็บปวดทั้งหมด

ความดิบเถื่อนในตัวผมถูกระเบิดออกมาจากสติที่เลือนหาย ครั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวตนของผม เงามืดในจิตใจผม ความเจ็บปวดของผม...ทะเลได้รับรู้มันทั้งหมด

หลังจากนี้ก็อยู่ที่ว่าทะเลจะรับมันไหวไหม...กับด้านนี้ของผม
จะรักผมมากพอไหม...ที่จะมองข้ามมันไป

“เรียกชื่อพี่สิ" ผมพูดออกมาเบาๆ เมื่อเอามือที่ปิดปากทะเลออกทะเลก็พูดชื่อผมออกมาตามที่ผมร้องขอ เสียงสั่นๆที่เรียกย้ำๆทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนไปหมด

ครั้งแรกของเรากับครั้งนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเพราะผมไม่อาจหยุดได้ง่ายๆ เมื่อทะเลหมดแรงขัดขืนก็ปล่อยให้ผมกระทำตามใจ ทะเลหลับตาแน่น กดเล็บฝังลงในเนื้อของผมระบายความเจ็บปวด

เนิ่นนานจนสิ้นสุด...ผมทิ้งตัวลงกอดทะเลเอาไว้...แล้วปล่อยให้ตัวเองพูดสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจออกไป

“ถ้ารักพี่...อย่าทิ้งพี่ไป...”

"อย่าทิ้งพี่...เหมือนกับแม่..."



ก่อนสิ้นสติสุดท้าย...ผมรับรู้ถึงแรงกอดรัดโดยปราศจากคำพูดใดๆ

...

เสียงเคาะห้องทำให้ผมลืมตา

ความรู้สึกปวดตึบในหัวทำให้ผมลุกไม่ขึ้น ได้แต่ส่งเสียงขานรับออกไป

“ครับ"
“เลอยู่ในนั้นรึเปล่า สายแล้วนะลูก"
“อยู่ครับ แต่ยังไม่ตื่น เดี๋ยวผมปลุกแล้วรีบไปส่งน้องเอง" ผมตะโกนบอกออกไปทำให้ทะเลรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ทะเลนอนปรือตาด้วยสีหน้าอ่อนล้า ความทรงจำของเมื่อคืนที่ฉายซ้ำในหัวผมทำให้ต้องถามออกมาอย่างเป็นห่วง
“เลไหวไหม ถ้าไม่ไหวไม่ต้องไปก็ได้ เดี๋ยวพี่บอกน้าเพลงเอง"
“ไหว...”เลบอกแล้วพยายามลุกขึ้น จากสีหน้าก็รู้ว่าทะเลฝืนอยู่ ผมมองท่าทางนั้นก่อนช่วยพาไปห้องน้ำ

หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาระหว่าเรา ตลอดเวลาผมได้แต่ลอบมองปฎิกิริยาของทะเล กลัวเหลือเกินว่าเหตุการณ์เมื่อคืนจะทำให้ทะเลหวาดกลัวผม  ผมคิดมากไปถึงว่ากลัวที่ทะเลจะอยากหยุดความสัมพันธ์ของเรา

ผมจมอยู่ในความคิด ทะเลก็ไม่ได้เอ่ยปาก
เราปล่อยให้เป็นแบบนั้น จนกระทั่งถึงหน้าโรงเรียน ทะเลหันหลังคิดจะจากไปโดยไม่มีคำบอกลาทำให้ผมต้องคว้าแขนทะเลไว้

“เดี๋ยวเย็นนี้มารับ"

ทะเลยิ้มบางๆพยักหน้าตอบคำพูดของผมแล้วเดินเข้าโรงเรียนไป จากท่าทางแบบนั้นทำให้ผมเริ่มกังวลมากขึ้น กังวลว่าที่สุดแล้วความสุขที่ผมได้มา...มันจะจบลงในช่วงเวลาแค่สั้นๆ

...

เรียนไม่รู้เรื่อง...

ผมนั่งเรียนช่วงเช้าด้วยอาการมึนหัวอยู่ตลอด จนแล้วจนรอดก็ทนไม่ไหวต้องกลับบ้านก่อนที่จะเข้าเรียนช่วงบ่าย ด้วยความที่ดื่มมากกว่าปกติหลายเท่าบวกกับความเครียดและสภาวะทางอารมณ์ทำให้พิษไข้ค่อยๆแสดงอาการ

ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนผมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้เพื่อไปรับทะเล เมื่อหลับตาลงทุกอย่างในร่างกายก็เหมือนหยุดทำงาน ผมหลับลึก เวลาเคลื่อนผ่านไปนานในความรู้สึกเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นแสงสลัวของพระอาทิตย์ในตอนเย็นที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา อาการปวดหัวยังไม่ทุเลาลงแต่กลับเพิ่มขึ้น ผมหันกลับพลิกตัวไปอีกทางก็เห็นทะเลนอนหลับอยู่ข้างๆผม

ทะเลกลับมาแล้ว...

ผมไม่ได้ยินเสียงปลุกที่ตั้งไว้ หรืออาจได้ยินแต่กดปิดมันโดยที่ไม่รู้สึกตัว แม้จะยังมึนๆอยู่ก็ยังรู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาที่ปล่อยให้ทะเลรอจนต้องกลับมาเอง 

ในห้องเงียบๆ ผมได้แต่นอนมองทะเลอยู่อย่างนั้นเพราะไม่สามารถลุกขึ้นได้ ร่างกายหนักอึ้งสิ้นเรี่ยวแรง อาการทางร่างกายเหมือนจะส่งผมไปถึงจิตใจ ไม่รู้ว่าความอ่อนแอมาจากไหนอยู่ๆถึงทำให้ผมอยากร้องไห้...แค่เห็นทะเลน้ำตาผมก็ไหลออกมา...รู้สึกปวดใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องที่ปกติแล้วแกล้งทำลืมไป คอยระวังระไวไม่ให้มันเข้ามาในความคิด...มันกำลังย้อนกลับมา

ตอนนี้ผมรู้สึกเกลียดตัวเอง เกลียดทุกอย่างที่เป็น เกลียดทุกอย่างที่เจอ

มันทำให้ผมเป็นคนที่ไม่คู่ควรกับคนตรงหน้า

อารมณ์ที่กลั่นออกมาเป็นน้ำตาทำให้ต้องกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้  แต่ถึงจะไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาทะเลก็ยังรู้สึกตัวตื่น
“พี่บลูร้องไห้ทำไม...ปวดหัวเหรอ...บอกเลสิ" ทะเลบอกด้วยสายตาเป็นห่วง ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพอ่อนแอถึงขีดสุด
“เดี๋ยวเลไปเอายามาให้นะ" ทะเลรีบลุกออกไปจากห้องแล้วกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมรับยามากินอย่างว่าง่ายเมื่อทะเลยื่นมาให้ถึงปากแล้วดื่มน้ำตาม

ทะเลนั่งอยู่ข้างๆเตียงมองผมด้วยสายตาอ่านยาก ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก ปวดหัวจนต้องหลับตาลง ภายในห้องเงียบเชียบจนผมใกล้หลับ แต่เมื่อผมได้ยินเสียงทะเลลุกขึ้นจึงต้องฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง

“อย่าไปไหน...”
"พี่ไม่อยากให้เลไปไหน..."

คำพูดผมทำให้ทะเลหันกลับมา...ทะเลเดินเข้ามาหา ดึงผ้าห่มที่ยับย่นปลายเตียงขึ้นมาห่มให้ผมแล้วสอดตัวลงนอนข้างๆ ทะเลพลิกตัวเข้าหาผม...วาดแขนโอบกอดเข้าชิดแล้วพูดเบาๆ

“เลไม่ได้จะทิ้งพี่บลูไปไหน...ไม่เคยคิดจะทิ้ง"

ทะเลพูดเหมือนรู้สิ่งที่ผมกลัว มือก็ลูบหลังผมเบาๆเหมือนปลอบเด็กเล็กๆ ผมหลับตาลงอีกครั้งด้วยความอุ่นใจและกอดทะเลแน่นเข้า

ความคิดทั้งหมดหยุดลง...
ขณะที่อยู่ในอ้อมกอดนี้...ไม่มีอะไรที่จะทำร้ายผมได้อีกแล้ว

...

หลังจากวันนั้นใช้เวลาสามสี่วันกว่าที่ผมจะหายดี ผมนอนซมอยู่บนเตียงแทบไม่ได้ลุกไปไหน มีทะเลคอยปลุกให้กินข้าวกินยาตามเวลา อารมณ์ผมไม่คงที่อยู่หลายๆครั้งที่รู้สึกตัว และก็เหมือนเดิมที่ทะเลต้องปลอบให้้เข้ารูปเข้ารอย...

วันนี้เมื่อพิษไข้ซาไปมากแล้วผมก็ลุกจากเตียงลงมากินข้าวเพราะรู้สึกอยากอาหาร ช่วงบ่ายนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน มีแต่พี่ๆที่อู่ที่ทำงานกันอยู่ น้าวิทย์คงจะไปธุระข้างนอก ผมมองนาฬิกาก็เห็นว่าอีกไม่นานทะเลคงจะกลับมาเลยฝากพี่ๆให้บอกทะเลว่าผมอยู่ที่หาด

ผมหยิบบุหรี่ติดมือมาด้วยเพราะความอยาก เมื่อนั่งลงบนทรายและจุดไฟแช็คที่ปลายมวนก็ให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ผมมองภาพทิวทัศน์เหมือนเดิมๆที่ไม่เคยเบื่อ แม้สีของทะเลจะไม่ได้งดงามจับใจแต่ผมก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้ ชอบฟังเสียงคลื่นและบรรยากาศอย่างที่มันเป็น

ผมขยี้ก้นบุหรี่ลงบนทรายข้างตัวแล้วนั่งทอดอารมณ์อยู่อย่างนั้นเพียงไม่นานทะเลก็มานั่งลงเคียงข้าง สิ่งที่ทะเลทำอันดับแรกที่มาถึงคือเอามือมาวางบนหน้าผาก จากนั้นค่อยถามขึ้น

“กินยาแล้วใช่ไหม"
“หายแล้ว"
“ไม่ได้กินอีกล่ะสิ...รอนี่เดี๋ยวเลไปเอาให้"
“ไม่ต้องหรอก หายแล้วจริงๆ" ผมจับมือทะเลไว้ไม่ให้ลุกขึ้น

ไม่มีใครพูดอะไรหลังจากนั้น เรามองออกไปในท้องทะเลที่กว้างไกลสุดสายตา มือของเรายังจับกันไว้ไม่มีใครดึงออก

“ผู้หญิงที่มาที่บ้านเมื่อวันก่อน...ใช่แม่ของพี่บลูรึเปล่า" ทะเลถามเบาๆแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน ที่ทะเลสงสัยอาจเป็นเพราะการกระทำที่ดูแปลกไปของผมหลังจากที่เจอแม่ ผมเงียบทิ้งช่วงเรียบเรียงความคิด ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกทะเลไหม หรือถ้าบอกต้องเริ่มจากตรงไหน

“ใช่" ผมเลือกตอบแค่สั้นๆ ไม่ขยายความมากกว่านั้น
“เลไม่เคยเจอเลย...”
“........”
“พี่บลูไม่เห็นเคยพูดถึงแม่...หรือเรื่องก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับครอบครัวเรา...เลอยากถามหลายครั้ง อยากรู้เรื่องของพี่ อยากให้พี่เล่าให้ฟัง...แต่พี่ก็ไม่เคยพูด"
“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าฟัง"
“ถ้าเป็นเรื่องของพี่บลู...เลอยากฟัง..."

ผมครุ่นคิดตามที่ทะเลร้องขอ คิดว่ามันจะเกิดผลดีขึ้นไหมถ้าทะเลจะรับรู้ถึงเรื่องที่ผ่านมา รู้ถึงอดีตทุกๆอย่างของผม ผมว่ามันดำมืดเกินไปไม่สมควรที่ทะเลจะต้องรู้เรื่องแบบนั้น...แต่ในอีกใจผมก็อยากให้ทะเลเข้าใจในตัวผม เข้าใจทุกอย่างที่ผมเป็น

สายตาทะเลที่มองผมสะท้อนความรู้สึกตามคำพูด ยากนักที่จะปฎิเสธแววตาแบบนี้ ผมเสมองไปทางอื่นยังไม่อาจพูดอะไรออกไป

“...แต่พี่บลูไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร"

ผมกระชับมือทะเลให้ลุกขึ้นแล้วพาไปเดินเลียบชายหาดด้วยกัน เท้าของเราสัมผัสน้ำเป็นครั้งคราวจากคลื่นที่ซัดขึ้นมา แม้จะเดินมาไกลมากแล้วก็ตาม ทะเลก็ยังจับมือกันเดินเคียงข้างอย่างอดทนในความเงียบของผม

จนในที่สุดผมก็เริ่มพูดออกมา

“เลจำตอนที่พี่มาอยู่ด้วยใหม่ๆได้ไหม"
“จำได้สิ จำได้ด้วยว่าพี่ไม่ยอมพูดกับเล"
“ตอนนั้นพี่เกลียดเล...ทั้งเกลียด ทั้งอิจฉา..."
“.........”
“พี่คิดว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรม ทำไมเลถึงมีครบทุกอย่าง...มีในสิ่งที่พี่ไม่มี มีพ่อมีแม่ มีคนคอยห่วงคอยตามใจ...พี่คิดแต่ว่าทำไมถึงไม่มีพ่อแม่แบบน้าวิทย์กับน้าเพลง..."

“ทำไม...พี่ถึงมีแม่เป็นผู้หญิงขายตัว...”

ผมเว้นช่วงสักพักแล้วจากนั้นก็เริ่มเล่ายาวต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เล่าตั้งแต่จำความได้ว่าอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ทะเลรับฟังเงียบเชียบแต่ก็รู้ว่าตั้งใจฟังทุกอย่างที่ผมพูด เมื่อถึงตอนที่ผมถูกส่งไปให้ฝรั่งทะเลก็บีบมือผมแน่น ผมเล่าไปด้วยอารมณ์ที่อัดอั้น เป็นครั้งแรกที่ได้บอกความรู้สึกนั้นกับใครสักคนออกมาเป็นคำพูดไม่ใช่การกระทำ

ผมเลือกที่จะบอกแล้ว...และก็บอกออกมาทั้งหมด

ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือเปล่าที่ให้ทะเลรับรู้...ทะเลน้ำตาไหลลงมาเงียบๆขณะที่ฟังเรื่องราวของผม ผมไม่ได้อยากให้ทะเลสงสารหรือเศร้าเสียใจไปกับมัน...ไม่ได้อยากเห็นทะเลทุกข์ไปกับอดีตของผม...แต่มันก็ช่วยไม่ได้...ผมรู้อยู่แก่ใจว่าทะเลเป็นคนยังไง ทะเลโตมากับผม โตมากับด้านที่สวยงาม เมื่อต้องมารับฟังอีกด้านนึงที่ผมเก็บไว้ก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสะเทือนจิตใจมากกว่าตัวผมที่เป็นคนเล่า

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกแบบทะเล รู้สึกสงสารผม...สังคมที่ผมเคยอยู่ต่างรายล้อมด้วยผู้คนที่เหมาะกับสถานที่นั้นๆ...พวกคนที่มีพื้นที่ในหัวใจเพียงน้อยนิดสามารถอยู่ในที่แบบนั้นได้อย่างมีความสุข บางทีมันอาจดีถ้าผมมีความคิดแบบคนพวกนั้น จะได้ไม่ต้องคร่ำครวญเจ็บปวดให้ดูน่าสมเพชอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...

“เลเชื่อไหมว่าวันนั้นแม่พี่ชวนไปอยู่ด้วยกัน แค่พูดแค่นั้นก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย...ไม่เคยคิดถึงอะไรเลยนอกจากตัวเอง"

ทะเลยังคงไม่พูดอะไรเมื่อผมเล่าจบ ผมพาทะเลกลับเข้าบ้านเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ทะเลเดินตามมาเงียบๆจนถึงบนห้อง สีหน้ามีแต่ความหม่นหมอง เมื่ออยู่ในที่ลับตาคนผมจึงกอดทะเลเอาไว้แล้วพูดปลอบเพื่อให้ทะเลสบายใจ

“ทุกอย่างที่เล่ามันผ่านไปหมดแล้ว ผ่านไปนานมากแล้ว"
“.......”
“แค่รู้เอาไว้ แต่อย่าไปคิดถึงมัน"

ทะเลพยักหน้ารับกับบ่าของผม ผมรู้สึกได้ถึงความชื้นของน้ำตาทะเลผ่านเสื้อ ทะเลร้องไห้อยู่นานหลังจากนั้นโดยมีผมเป็นคนปลอบ แต่เมื่อยิ่งปลอบทะเลกลับจะร้องไห้หนักขึ้นผมเลยได้แต่กอดอยู่เฉยๆให้ทะเลปล่อยอารมณ์ออกมา ผมอยากให้ทะเลปล่อยออกมาให้หมดไม่ให้มันตกค้างในใจอีกต่อไป

ทะเลพร่ำบอกรักผมและบอกว่าเขาจะไม่ทิ้งผมไปทั้งน้ำตา

ผมรู้สึกได้ถึงความรักของทะเลที่มากมายจากทั้งคำพูดและการกระทำ ทำให้ผมไม่นึกเสียใจที่บอกทุกอย่างออกไป

ผมหวังให้อะไรๆนับจากนี้มันดีขึ้น...ให้มันดีมากพอที่จะลบเรื่องร้ายๆที่ฝังใจ

ตราบใดที่ยังมีทะเลอยู่ผมก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
ผมคิดถึงอนาคตที่มีแต่ทะเล...ไม่ได้คิดถึงอนาคตหากที่ไม่มีทะเล

ไม่ได้คิดถึงความไม่แน่นอนตรงนั้น...

ผมฝันเฟื่องถึงแต่ความสุข...มัวเมาไปกับความรัก
อย่างน้อยๆก็ทำให้ผมเป็นสุขได้

แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ...แค่ชั่วขณะหนึ่งก็ตาม


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/15StandbyMe_zpsc4e86fc2.jpg) (http://s1299.photobucket.com/user/zuckone/media/15StandbyMe_zpsc4e86fc2.jpg.html)

Song Titles : Stand By Me
Artist :  Oasis


 :เฮ้อ:  :pig4:

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 03-05-2013 02:11:20
อึดอัดๆ รู้สึกเหมือนว่ามันยังเศร้าไม่หมด เหมือนกับว่าอนาคตเรายังต้องเศร้าไปกับบลูมากขึ้นๆ

อยากเห็นบลูมีความสุขจริงๆ บ้าง เพราะจนตอนนี้ก็ยังรู้สึกคล้ายกับบลูกำลังใช้ถังอ็อกซิเจนอยู่ไต้ทะเล
รอว่าเมื่อไหร่อากาศหมดบลูคงตายอยู่ไต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่นั้นแน่
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 03-05-2013 11:10:29
อ่าาดีแล้วบลูที่เล่าให้ทะเลฟังนะ
อ่านดูแล้วเหมือนจะหมดดราม่าแต่คงจะไม่และเหมือนจะมีต่อไปเรื่อยๆ แง้.

สงสารอะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-05-2013 11:41:18
เหมือนทะเลเป็นความหวังทั้งหมดของบลู แล้วถ้ามันไม่เป็นไปตามนั้นหละ ไม่อยากจะนึก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-05-2013 14:58:46
ในที่สุดก้อได้ระบายอารายออกมามั่งเนอะ บลู
ก้อหวังแต่ว่ามันจะช่วยให้เเผลในใจ ไม่เหวอะหวะไปกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 03-05-2013 17:39:05

“ทุกอย่างที่เล่ามันผ่านไปหมดแล้ว ผ่านไปนานมากแล้ว"

“แค่รู้เอาไว้ แต่อย่าไปคิดถึงมัน"

แทนที่จะบอกน้อง---น่าจะบอกตัวเองดีกว่าไหม
จะได้ไม่ต้องทำร้ายร่างกายน้องอีกเพราะน้องไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์
รู้ทั้งรู้ว่ามันเจ็บแค่ไหนเพราะบลูก็เคยโดนมาก่อนแต่กลับมาทำกับน้อง
ตัวเองยังไม่ชอบเลยแต่ก็ทำกับคนอื่นแบบที่เคยโดนกระทำมาในอดีต
คนที่มีปัญหาและต้องได้รับการรักษาน่ะคือตัวเอง---ไม่ใช่คนอื่น
ไม่ต้องให้คนอื่นมาเข้าใจหรอก---แค่จัดการกับตัวเองอย่าให้ไปทำร้ายคนอื่นอีกก็พอ

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 03-05-2013 18:58:07
เลน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 03-05-2013 21:11:47
บรรทัดสุดท้าย ทำให้หวาดผวากับตอนต่อไปตลอดเลยนะคะ :mew5:
แต่พี่บลูคิดอย่างนั้นก็ดีนะ มันไม่บั่นทอนกำลังใจตัวเองดีค่ะ มองโลกในแง่ดีเข้าไว้นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 03-05-2013 22:18:23
ทำไมยิ่งอ่านยิ่งอึดอัดดดดดดด

 :katai5: :katai5: :katai5:
 :ling3: :ling3: :ling3:


หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 04-05-2013 21:06:48
ความสุขมักสั้นเสมอ
 :katai1: :katai1: :katai1:
คนเขียนสู้ๆจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 15 ] 02-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 09-05-2013 03:50:52
-16-
Run

http://www.youtube.com/v/gLMyBBZmL2M?hl=en_US&amp;version=3

ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความสงสัย
จากการพบเจอธรรมดาๆหลายๆครั้งผมก็เริ่มสังเกตการกระทำของผู้ชายคนนี้มากขึ้น

เพื่อนของป็อบกับร็อคที่ชื่อปาร์คเป็นคนที่ดูสะดุดตาในทุกครั้งที่พบเจอ จากปกติที่ผมไม่ค่อยสนใจคนรอบข้างมากนักกลับรู้สึกสนใจผู้ชายคนนี้

สายตาแพรวพราวกับรอยยิ้มที่มุมปากของปาร์คดูมีเสน่ห์ชวนให้ใครหลายๆคนมอง แต่รอบยิ้มมุมปากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นยิ้มถึงนัยน์ตาทุกครั้งเมื่อเขาจ้องมองหรือพูดคุยกับป็อป

ไม่แน่ว่าตัวปาร์คเองจะรู้สึกตัวหรือเปล่าที่เขาแสดงออกแบบนี้

ระยะหลังๆปาร์คมาที่นี่ทุกครั้งที่เรามาเล่นที่ร้าน และในหลายๆครั้งผมก็เห็นปาร์คกับป็อปมาด้วยกันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเกินเลยกว่าเพื่อน

มันไม่ใช่ตัวผมสักเท่าไหร่ที่จะคิดสนใจเรื่องของคนอื่น แต่กับป็อปผมไม่นับว่าเป็นคนอื่น พูดให้ถูกต้องจากใจจริงก็เหมือนอยากจะให้ป็อปหลุดพ้นจากความรู้สึกที่ยึดอยู่กับผม มันไม่ใช่การผลักไส แต่แค่อยากเห็นเขาได้รับสิ่งที่ผมให้ไม่ได้จากใครสักคน...

“ถ้ากูไม่รู้จักมึงกูคงคิดว่ามึงกำลังหึงป็อปมัน" ร็อคบอกระหว่างที่ยืนสูบบุหรี่อยู่แถวที่จอดรถ เรากำลังจะกลับแต่ยืนรอป็อปที่กำลังคุยธุระกับพี่ติน
“กูแค่สงสัย..."
“ไอ้ปาร์ค...มันชอบป็อปมาตั้งแต่เรียนอยู่ด้วยกันแล้ว..." ร็อคพูดประโยคนั้นออกมาโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก ผมไม่แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้ามันเป็นจริงอย่างที่ร็อคว่า...ถ้าระยะเวลาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ความรู้สึกของปาร์คยังไม่เปลี่ยนแปลง ผมก็อยากให้ป็อปเปิดใจ
“ดีแล้ว...” ผมเอ่ยความใจในออกมาลอยๆจนไอ้ร็อคต้องถามอย่างสงสัย
“ดีอะไรของมึง"
“หรือมึงว่าไม่ดี"
“มึงอย่ากวนตีน ดีไม่ดีอะไรวะ"
“ก็ดีแล้วถ้าป็อปเจอคนที่รักมันจริงๆ...”

ร็อคถอนหายใจกับคำพูดของผมไม่พูดอะไรอีก เวลาผ่านไปเชื่องช้าขณะที่เรายืนเงียบๆอยู่ในห้วงความคิด ผมทิ้งก้นบุหรี่ขยี้ด้วยปลายเท้าแล้วดูนาฬิกาคำนวณเวลากว่าจะถึงบ้าน ใจหวังให้ทะเลยังไม่หลับไปก่อน

ไม่นานป็อปก็ออกมาพร้อมกับปาร์ค ทั้งสองยื้อแย่งกีตาร์กันมาตลอดทาง ป็อปพยายามดึงกีตาร์ของตัวเองออกจากไหล่ปาร์คด้วยสีหน้าไม่พอใจ ผิดกับปาร์คที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเมื่อป็อปไม่สามารถเอาของๆตัวเองคืนไปได้

“ยุ่งกับกูจริงๆ" เสียงป็อปด่าออกมาอย่างหัวเสีย ไม่บ่อยนักที่ป็อปจะมีอารมณ์แบบนี้ให้เห็น คนดื้อเงียบแบบป็อปมักจะเก็บอารมณ์อะไรต่างๆเอาไว้ข้างในมากกว่า
“กูกลับนะ" พอทั้งสองมาถึงผมก็บอกเพื่อที่จะแยกกัน ทุกคนพยักหน้ารับรู้มีแค่ปาร์คที่ยืนมองผมนิ่งๆเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง...เหมือนประเมินอะไรสักอย่าง...ซึ่งมันก็ทำให้ผมนึกอยากจะแกล้งเพื่อดูท่าทีบ้างเหมือนกัน

“พรุ่งนี้เจอกัน" ผมบอกเจาะจงไปที่ป็อปแล้วเอื้อมมือไปโยกหัวมันไปมาอย่างที่ทำนานๆครั้ง ป็อปยิ้มให้ผมแต่ก็เหลือบสายตาไปมองปาร์คชั่วครู่ก่อนจะกลับมามองที่ผมอีกครั้ง เมื่อผมปล่อยมือออกปาร์คก็มายืนข้างๆป็อปแล้วกอดคอเอาไว้ น่าแปลกที่ครั้งนี้ป็อปไม่ได้แสดงออกอะไรเพื่อให้รู้ว่ายังมีเยื่อใยให้ผมอยู่

ผมคิดว่าช่วงเวลาที่ทับซ้อนของเราคงจะหมดลงแล้ว อีกไม่นานผมก็คงได้เพื่อนที่มีความรู้สึกให้กันเพียงเพื่อนคนเดิมกลับมา...

...

ไฟในห้องสว่างจ้าเมื่อผมมาถึง แต่คนที่นอนบนเตียงได้หลับไปเรียบร้อยแล้ว การที่ทะเลไม่ได้นอนข้างล่างบนฟูกเหมือนเป็นการบอกว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะหลับไปแต่ก็เหนื่อยล้าเกินไปที่จะรอผม ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ทะเลก่อนจะไปอาบน้ำ คิดไว้ว่าคืนนี้อาจไม่ได้นอน กว่าจะได้นอนคงเป็นตอนเช้าหลังจากทำงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ให้เสร็จ

ช่วงนี้ทุกๆอย่างสำหรับผมเป็นไปอย่างราบรื่น สิ่งที่คั่งค้างในใจคลี่คลาย สามอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ทะเลรับรู้เรื่องของผมเป็นช่วงที่เราใช้เวลาเพื่อรักษาเยียวยาจิตใจของกันและกัน หลังจากที่ทะเลรับรู้เรื่องราวของผมใหม่ๆตอนนั้นทุกอย่างเกือบจะเรียกได้ว่าย่ำแย่ เพราะมันคงเป็นเรื่องที่หนักเกินไปสำหรับทะเล แววตาที่สดใสของทะเลดูหม่นเศร้าจนต้องปลุกปลอบกันนานกว่าจะให้ทะเลเข้าใจได้ว่าเรื่องพวกนั้นมันผ่านไปแล้ว...

สำหรับผม การได้บอกสิ่งที่เก็บกดเอาไว้ในใจมาเนิ่นนานกับคนที่สำคัญที่สุดทำให้ผมเหมือนได้รับการปลดปล่อยในแง่ของความรู้สึก ตลอดมาไม่มีใครเคยรับรู้ถึงด้านนี้ของผม สิ่งที่กลั่นออกมาจากจิตใจไม่ได้ทำให้ทะเลนึกกลัวแต่กลับทำให้ทะเลเสียใจเจ็บปวดไปกับมัน ความอ่อนโยนของทะเลทำให้เป็นไปแบบนั้น...

นาทีนี้ผมรู้แล้วว่าทะเลรักผมมากพอที่จะอยู่ข้างกันไม่ว่าผมจะเป็นยังไงก็ตาม

เมื่อเราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ตัวผมกับความเจ็บปวดก็เหมือนเพื่อนที่อยู่ห่างไกล

สายตาของทะเลเปลี่ยนไปนับจากวันนั้น ทุกครั้งที่ทะเลมองมาที่ผม...แววตายังคงความอ่อนโยน...แต่เป็นความรู้สึกอ่อนโยนลึกล้ำ ความรู้สึกเจ็บปวดที่เจือปนอยู่ในนั้นมีเสน่ห์ยากที่ผมจะถอนสายตา

แรงดึงดูดระหว่างกันเข้มข้นเมื่อทะเลเข้าถึงด้านลึกในจิตใจ

การใกล้ชิดก่อเกิดอารมณ์ที่ไม่อาจต้านทาน ความอดทนก็ไม่ได้คงทนอยู่นาน รสชาติของทะเลที่เคยได้รับเป็นชนวนที่ปล่อยให้คลื่นอารมณ์พัดพาไป ทะเลไม่ได้หวาดกลัวอย่างที่คิดไว้เมื่อผมรุกเข้าหา ไม่มีสายตาที่บ่งบอกถึงความหวาดหวั่น ทั้งไม่ได้เอ่ยห้ามใดๆ ทุกอย่างที่เป็นไปให้ความแปลกใหม่สำหรับผม...

อาจเรียกได้ว่าเป็นการร่วมรัก...เป็นครั้งแรก...

ผมไม่ได้กระทำรุนแรงเพียงเพราะอยากเห็นอีกฝ่ายทรมานอย่างที่ผ่านมา แต่กระทำทุกอย่างตามแรงอารมณ์รักใคร่ที่อยู่ในใจ ทะเลปล่อยตัวไปกับทุกสัมผัสของผมอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เสียงครางเครือและสีหน้าทรมานเพราะความสุขสมให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

ไม่ยากเลยที่เราจะมัวเมาไปกับมัน...

ผมถลำตัวลึกอยู่ในความรู้สึกนั้น หลายครั้งหลายครา ไม่อิ่มไม่พอ จนแทบจะหลงลืมไปว่าผมกำลังกระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร...ในที่ๆไม่สมควร...กับคนที่ไม่สมควร... 


สีของท้องฟ้าเรื่อเรือง ยามรุ่งเช้าอากาศเย็นสบาย ผมปิดคอมพิวเตอร์เมื่องานทุกอย่างเสร็จสิ้น ลุกขึ้นบิดตัวไปมาคลายความเมื่อยแล้วทิ้งตัวนอนข้างๆทะเลโอบกอดแนบชิดไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่านหนึ่งตกเตียงเพราะพื้นที่อันน้อยนิด ไม่นานผมก็หลับไปตามอีกฝ่ายไปด้วยความง่วงและอ่อนเพลีย

ผมตื่นอีกทีเพราะเสียงโทรศัพท์ เป็นตูนที่โทรมาบอกให้ผมอย่าลืมไปส่งงานวันนี้ ผมมองนาฬิกาเป็นเวลาบ่ายกว่า บอกตูนว่าคงเข้าไปไม่เกินบ่ายสามแล้วค่อยวางสายไป  ผมอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนมานั่งเช็คงานที่ทำไปเมื่อคืน มีหลายจุดที่ผมอยากแก้ไขให้เรียบร้อยเลยใช้เวลานานกว่าที่คิด ก่อนออกจากบ้านผมจึงตัดสินใจไปรับทะเลก่อนแล้วค่อยไปมหาลัยเพราะกว่าจะกลับมารับทะเลคงต้องรอนานเกินไป

พวกเพื่อนนั่งกันอยู่ที่โต๊ะประจำคณะของเราแทบจะครบทุกคนในกลุ่มเมื่อผมมาถึง ผมฝากทะเลไว้กับพวกมันก่อนแล้วค่อยขึ้นไปส่งงาน พอผมที่เป็นคนสุดท้ายที่ส่งงานเรียบร้อยลงมาพวกมันก็ชวนกันไปกินข้าวสังสรรค์อย่างที่ชอบทำประจำ ไม่ว่างานจะชิ้นเล็กชิ้นน้อยแค่ไหนก็ยังหาเรื่องไปกันทุกที

ผมไปกินข้าวกับพวกเพื่อนๆแต่ก็ไม่ได้ไปต่อกับพวกมัน ผมพาทะเลกลับถึงบ้านค่ำๆ มีพี่ๆที่ยังทำงานในอู่เหลือกันอยู่สองสามคน พี่กอล์ฟลูกน้องคนสนิทของน้าวิทย์บอกว่าน้าวิทย์กับน้าเพลงไปงานแต่งญาติคงจะกลับดึกๆ เมื่อเห็นว่าเราทั้งสองกลับมาแล้วพวกเขาจึงอยู่ต่อกันอีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านตามคำสั่งของน้าวิทย์ที่สั่งเอาไว้

ในอู่ขนาดใหญ่เมื่อไม่มีคนก็ให้ความรู้สึกเงียบงันวังเวง ผมปิดไฟชั้นล่างให้หมดเหลือเพียงดวงเดียวให้ความสว่างรอน้าวิทย์กับน้าเพลงกลับมา ใจแรกคิดจะขึ้นข้างบนเลยแต่เห็นทะเลที่เดินตามผมไปมารอขึ้นไปพร้อมกันก็อดไม่ได้ที่จะหันมาสนใจ ทะเลมองผมเหมือนสงสัยว่าทำไมถึงไม่ไปข้างบนสักที ผมจึงยิ้มบอกความนัยแล้วดึงทะเลเข้ามาใกล้ แค่นั้นทะเลก็เข้าใจ...

“เดี๋ยวพ่อแม่กลับมา...”
“ยังไม่มาหรอก นี่ยังไม่ดึกเลย"
“...เมื่อเช้าแม่เข้ามาในห้องมาปลุกเล แม่มองแปลกๆที่เห็นเรานอนด้วยกัน...เลกลัวแม่จะรู้...”
“น้าเพลงอาจจะไม่ได้คิดอะไร” ผมบอกแล้วจูบที่ริมฝีปากทะเลเบาๆอย่างปลอบใจ ก่อนจะบดเบียดแรงขึ้นเพราะรสสัมผัสของคนตรงหน้า ทะเลคล้ายจะต่อต้านแต่ก็ทำไม่ได้นาน

เมื่อผมเบี่ยงเบนความสนใจของทะเลเป็นผลสำเร็จจึงพาทะเลขึ้นรถตู้สีดำติดฟิล์มมืดสนิทที่จอดอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นรถที่รอลูกค้ามารับแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย สิ่งที่ผมสนใจคือทะเลที่นอนหอบหายใจหนักอยู่ใต้ร่าง...เบาะหลังรถไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ก็เป็นบรรยากาศที่ตื่นเต้นแปลกใหม่

เราเหมือนวัยรุ่นริรักที่ไม่เห็นสิ่งใดในสายตา การร่วมรักเป็นไปอย่างร้อนแรงขาดซึ่งการยับยั้งชั่งใจ ยิ่งรู้ว่าเสี่ยงก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์

เราทำกันหนึ่งครั้งบนรถตู้ หนึ่งครั้งหน้ากระโปรงรถยนต์อีกคัน

นับวันผมยิ่งชอบความรู้สึกที่ได้ทำแบบนี้กับทะเล เรียกให้ถูกต้องคือผมหลงใหลคลั่งไคล้ทุกสัมผัส ผมรู้ว่าตัวเองมีความต้องการสูง เมื่อรวมเข้ากับความรักมันจึงเป็นสิ่งที่ยากจะถอนตัว...

น้าวิทย์กับน้าเพลงกลับมาดึกมากในคืนนั้น เหตุการณ์ตื่นเต้นเป็นแค่การเพิ่มอรรถรส ผมรับรู้ความตื่นเต้นนั้นได้จากสายตาของทะเลที่คอยลอบมองไปที่ประตู แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้มีใครที่เปิดเข้ามาอย่างที่เรานึกกลัว

...
 
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ทะเลได้บอกผมไว้แล้วว่าวันนี้มีนัดทำรายงานที่บ้านของเพื่อนที่ชื่อฟอร์ด เราตื่นกันตอนสายๆอาบน้ำกินข้าวแล้วบอกน้าเพลงว่าจะไปข้างนอกกันคงจะกลับมาตอนเย็นๆ ผมพาทะเลไปส่งตามที่ทะเลบอกทาง เมื่อมาถึงบ้านและเห็นหน้าเพื่อนทุกคนที่มาก็ทำให้ผมเปลี่ยนความตั้งใจในตอนแรกที่ว่าจะมาส่งเฉยๆ ทั้งฟอร์ดและทะเลไม่ได้ว่าอะไรที่ผมบอกว่าจะอยู่รอทะเลที่นี่ด้วย จะมีก็แต่ก้านที่ทำหน้าตาเฉยเมยไม่บ่งบอกอารมณ์แล้วเดินเข้าบ้านไปก่อนใคร

บ้านของฟอร์ดไม่มีใครอยู่ เพื่อนทะเลที่มากันสี่ห้าคนนั่งทำงานที่หน้าทีวีชั้นล่างซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ผมนั่งอ่านการ์ตูนที่ฟอร์ดหามาให้เพื่อฆ่าเวลา ผมอาจทำตัวเหมือนไม่ไว้ใจทะเลแต่จริงๆไม่ใช่ ผมก็แค่อยากจะดูให้แน่ใจเท่านั้นว่าที่ทะเลเคยบอกผมว่าคุยกับก้านรู้เรื่องแล้วมันเป็นจริงอย่างที่ว่ามา

เพื่อนๆทะเลค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับผม จากที่นั่งรออ่านหนังสือเฉยๆผมก็เริ่มช่วยอะไรที่สามารถช่วยได้ วันนั้นทั้งวันผมแทบจะไม่ได้คิดเรื่องทะเลกับก้าน ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปอย่างน้อยๆก็ในความรู้สึกผม ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของก้านที่มีต่อทะเลมันเป็นแบบไหนในตอนนี้ แต่จากทุกๆอย่างที่แสดงออกต่อผม แม้ไม่ได้ดูเป็นมิตรแต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงเจตนาแบบเดิม ไม่มีแววตาท้าทายแบบเดิมๆ ไม่มีแสดงออกที่ดูมากกว่าเพื่อนกับทะเล แค่นี้ผมก็คิดว่าตัวเองได้ก้าวข้ามความรู้สึกบางอย่างก่อนหน้านี้ไปได้ ถึงแม้ไม่ลืม แต่ผมก็ปล่อยวาง

เราทำงานกันเสร็จก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ผมพาทะเลตรงกลับบ้านเลยเพราะได้บอกน้าเพลงไว้เมื่อเช้าว่าจะกลับไปกินข้าว ทะเลกอดเองซบหน้าอยู่ที่บ่าของผมระหว่างทางที่ผมพากลับ เป็นการกระทำตามความเคยชินที่ผมอยากให้มันคงอยู่แบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

ผมรู้สึกปลอดโปร่ง มีความสุขโดยปราศจากความกลัวอยู่ในนั้น

ผมเริ่มชินกับความสุขที่มี...คิดว่าคงไม่มีใครพรากมันไปได้ง่ายๆเพราะผมคงจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไป

แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิด...
เมื่อมันเกิดขึ้นจริงผมก็ไม่สามารถกำมือไว้ให้แน่นพอที่จะรั้งมันเอาไว้อยู่ดี

...

บรรยากาศในอู่แปลกไปกว่าทุกที...

เมื่อเราก้าวเท้าเข้าบ้านก้าวแรกก็รู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่จ้องมองมา พอผมจ้องมองตอบก็ไม่มีใครที่กล้าสบตา ทะเลเองก็คงรู้สึกถึงความผิดปกตินี้จึงหันมามองผมอย่างตั้งคำถาม

ผมเริ่มรู้สึกหวั่นใจ พยายามจับสังเกตอะไรสักอย่างจากใครสักคน แต่ก็ไม่มีใครบอกผมได้ จะมีก็แต่พี่มดที่ค่อนข้างสนิทกับผมที่จ้องผมโดยที่ไม่หลบสายตา พี่มดพยักหน้าขึ้นไปข้างบนเหมือนเป็นการบอกอะไรสักอย่าง เมื่อผมมองตามขึ้นไปก็เข้าใจได้ทันที

ใจของผมกระตุกรุนแรง

กล้องวงจรปิดในอู่มีอยู่หลายตัว ผมไม่เคยนึกสนใจมันเลยจนกระทั่งวันนี้ แม้จะเคยเห็นน้าวิทย์เปิดดูอยู่ในบางครั้งบางคราวก็ไม่เคยนึกถึง และเพราะไม่ได้นึกถึง ถึงทำแบบนั้นลงไปเมื่อวานด้วยความย่ามใจ

ทะเลมองตามสายตาผมขึ้นไปแล้วก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มองผมด้วยแววตาหวาดหวั่น ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาเมื่อสิ่งที่เรานึกกลัวเมื่อวานเป็นความจริง ผมรู้ได้เลยว่าคงไม่ใช่สิ่งดีๆที่รอเราอยู่ และทั้งหมดก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวผมเอง

น้าวิทย์กับน้าเพลงเดินออกมาจากสำนักงานทันทีที่เห็นเราทั้งสอง ใบหน้าเคร่งเครียดจนเราไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้าวิทย์มองผมกับทะเลด้วยอารมณ์ที่ผมเดาไม่ถูก

“ขึ้นไปคุยกันข้างบน" น้าวิทย์พูดแล้วเดินนำเราทั้งสามคนหลบจากสายตาทุกคนขึ้นมาบนชั้นสองนั่งลงตรงโซฟาหน้าทีวีจากนั้นก็นิ่งเงียบ เราสองคนถูกกดดัน ผมเห็นท่าทางกังวลของทะเลจึงเอื้อมมือไปจับเอาไว้ด้วยความเคยชิน การกระทำนั้นทำให้น้าวิทย์ตวัดสายตามองมาก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“เราสองคน ทำแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว"
“ผมกับเลคบกัน ช่วงหลังจากที่ผมเข้าโรงพยาบาล...”
“คบกัน?”
“ครับ"

น้าวิทย์กับน้าเพลงรับฟังด้วยใบหน้าข้องใจและคาดไม่ถึงในตำตอบ ผมไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรได้นอกเหนือจากนี้ เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรมันก็คงไม่ได้ดูดีขึ้นมาในสายตาของทั้งสอง

“พ่อกับแม่อาจจะรับไม่ได้ที่เรารักกันแบบนั้น แต่มันก็เป็นไปแล้ว เลอยากให้พ่อกับแม่เข้าใจ...”

น้าวิทย์ส่ายหน้าให้กับคำพูดของทะเล ท่าทีที่แสดงออกจากแววตาและสีหน้าที่ต่อต้านทำให้ผมรู้สึกกลัวกับความคิดของน้าวิทย์

“วันที่แม่บลูมาหา มาบอกน้าว่าอยากให้บลูกลับไปอยู่ด้วย น้าก็ไม่เคยคิดที่จะให้บลูกลับไป...แต่ตอนนี้...น้าว่าบลูกลับไปอยู่กับแม่ของบลู...มันน่าจะดีกว่า"

ได้ยินคำที่น้าวิทย์พูด หัวใจผมเหมือนโดนบีบรัด

“วิทย์...” น้าเพลงเรียกแต่น้าวิทย์ก็ยกมือห้ามและพูดกับผมต่อไป
“น้าไม่เคยคิดว่าบลูจะทำแบบนี้กับเลได้..."
“พ่อ!”
“ผมรักเล ไม่ได้ทำเพราะอะไรอย่างที่น้าวิทย์คิด"
“จะรักกันได้ยังไง บลูก็ผู้ชาย เลก็ผู้ชาย แล้วก็เป็นพี่น้องกัน อยู่กันมาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้บลูเจออะไรมาบ้างน้าก็ไม่อยากเอามาคิด แต่พอมาเป็นแบบนี้แล้วจะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง"
“เรื่องนั้นของผมมันไม่เกี่ยวกัน..."

ผมพยายามอธิบายแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะน้าวิทย์ไม่คิดจะฟังสิ่งที่ผมพูดสักนิด...ไม่คิดจะเข้าใจอะไรเลย...

พอเป็นเรื่องของทะเล...ผมก็หมดความสำคัญเอาได้ง่ายๆ...เหมือนตอนเด็กๆไม่มีผิด

เหตุผลที่น้าวิทย์กำลังคิดก็แค่ว่าผมซึ่งเป็นคนนอก...กำลังทำร้ายทะเล...ซึ่งเป็นลูกของพวกเขา

“น้าจะโทรบอกเจ๊หนิงให้แม่บลูมารับ"
“พี่บลูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมพ่อต้องให้ไปอยู่ที่อื่น...แม่...ช่วยพูดกับพ่อหน่อย...นะ...” ทะเลหันไปพูดกับน้าเพลงที่มีท่าทีสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิด แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอย่างที่ทะเลขอ
“ผมไม่ไปอยู่กับแม่” ผมบอกน้าวิทย์ ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่กลับไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น
“แต่บลูอยู่ที่นี่ไม่ได้"

น้าวิทย์มองผมอย่างจริงจังในคำพูด ผมรู้ว่าภายใต้เสียงเรียบๆของน้าวิทย์กำลังโกรธเกินกว่าที่จะลุกขึ้นมาตวาดดุด่าเหมือนตอนเด็กๆ

ผมเคยนึกถึงวันที่น้าวิทย์กับน้าเพลงรู้เรื่องของผมกับทะเลแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ และมันก็เลวร้ายกว่าที่คิด...

ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วผมจะทำอย่างไรต่อไปก็ยังนึกไม่ออก แน่นอนว่าผมไม่อยากแยกจากทะเล เคยคิดว่าต่อให้อะไรจะเลวร้ายแค่ไหนก็ไม่มีวันปล่อยมือ แต่ก็ไม่ใช่กับคนตรงหน้าทั้งสอง เพราะความสำคัญของพวกเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าทะเลเลย

ผมนั่งนิ่งเงียบ มีทะเลที่นั่งน้ำตาไหลอยู่ข้างๆกัน

ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร...

“น้ารักบลูเหมือนลูก...แต่บลูก็ทำพวกน้าเสียใจ...สิ่งที่เราทำมันไม่ถูก มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น...น้าคงปล่อยให้อยู่ด้วยกันมากเกินไปมันถึงออกมาเป็นแบบนี้...”

“พ่อเลยคิดง่ายๆไล่พี่บลูออกจากบ้านงั้นเหรอ...คิดว่ามันจะเปลี่ยนอะไรได้หรือไง"
“เล!”

น้าวิทย์ตวาดออกมาเสียงดังจนเราทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก ตั้งแต่ที่ผมมาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีสักครั้งที่น้าวิทย์จะขึ้นเสียงกับทะเล ผมจึงรู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ หากน้าวิทย์ว่าเรื่องที่เราเป็นอยู่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกผมก็เปลี่ยนความคิดของเขาไม่ได้...น้าวิทย์เห็นสิ่งที่ไม่ควรได้เห็นกับลูกของตัวเอง ผมรู้ว่าภาพนั้นมันคงติดตาจนคำพูดและความรู้สึกของผมกับทะเลมันส่งไปไม่ถึง

ผมรู้ว่าที่ผมควรทำคือไปจากที่นี่ตามที่น้าวิทย์ขอ...เพื่อความสบายใจของพวกเขา

ผมรู้...แต่ผมไม่อยากไป เพราะหากผมก้ามเท้าออกจากบ้านก็ไม่แน่ว่าผมกับทะเลจะเป็นยังไงต่อไป การที่น้าวิทย์ห้ามเราสองคนอยู่ด้วยกันคงไม่จบแค่ว่าผมออกจากบ้านไปถึงจะพอใจ แต่รวมถึงการตัดขาดความสัมพันธ์ของเรา...ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากให้เกิด...

“บลูไปเก็บของ เลลงมาข้างล่างกับพ่อ" ทะเลดื้อเงียบไม่ไปไหนคว้าจับมือผมไว้แน่นและผมก็บีบมือนั้นตอบเช่นเดียวกัน เราสองคนไม่มีใครลุกไปไหน ได้แต่นั่งยื้อเวลาของอนาคตที่ต่างรู้ว่าจะเป็นไปเช่นไร

เรื่องที่เรารักกันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับกันได้...ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนผมก็ยังหาทางออกไม่เจอ

“ไม่ได้ยินที่พ่อพูดเหรอ"
“ถ้าพ่อไม่ให้พี่บลูอยู่ที่นี่ เลก็จะไม่อยู่เหมือนกัน"
“แค่นี้ยังทำตัวมีปัญหาไม่พอใช่ไหม!”

“ผมจะไป...น้าวิทย์ไม่ต้องให้แม่หรือใครมารับผม ถ้าแค่ผมไปแล้วจะทำให้สบายใจผมก็จะทำ แต่ถึงยังไงน้าวิทย์ก็บังคับความรู้สึกของเราให้เป็นอย่างที่น้าวิทย์ต้องการไม่ได้อยู่ดี"

ผมเห็นสายตาเจ็บปวดของน้าวิทย์...สายตาเจ็บปวดของน้าเพลง ความผูกพันธ์ของพวกเราทำให้จุดแตกหักเจ็บร้าวถึงข้างใน หากการที่จะยอมรับเรื่องของเรามันยากเย็นถึงขนาดนี้ผมก็จะไม่ฝืน...

ผมดึงทะเลเข้ามากอดแล้วกระซิบบอกให้ทะเลอยู่ที่นี่และรอผม

ที่ทะเลเลือกที่จะไปกับผมก็เหมือนกับการตัดสินใจโดยไม่ยั้งคิด มันรวดเร็วกะทันหันจนเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง แต่สำหรับผมไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางให้ทะเลไปจากที่นี่เพราะตัวผม...แม้ว่าเราจะต้องแยกจากกันผมก็ต้องยอม ผมรู้ว่าไม่มีอะไรดีๆที่รอเราอยู่เมื่อเราออกจากที่ที่เราเรียกว่าบ้าน...และผมก็รู้ดีกว่าใครว่าโลกแห่งความเป็นจริงของชีวิตมันโหดร้าย

สิ่งสำคัญของผมคือทะเล และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทะเลคงไม่ใช่การหนีออกจากบ้านไปกับผม ผมคิดแบบนั้น จึงเลือกที่จะเดินจากไปเองในตอนนี้...

ผมเก็บของบนห้องแล้วโทรบอกให้ร็อคมารับ น้าวิทย์รั้งทะเลไว้ไม่ให้ตามผมขึ้นมา หลังจากที่ทะเลได้ยินคำพูดของผมก็นั่งลงร้องไห้อย่างหมดแรง...ผมได้แต่มองภาพนั้นอย่างปวดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้...


ค่ำวันนั้นผมออกมาจากบ้านที่อาศัยอยู่เป็นเวลาสิบเอ็ดปี

ผมสูญเสียหลักยึดในชีวิต...กลับมาเคว้งคว้างอ้างว้าง...
ความสุขหายไปต่อหน้าต่อตา...โบยบินคว้าจับไม่ได้...มองออกไปก็ไม่เห็น

ฟ้าฝนเหมือนจะเป็นใจกับช่วงเวลานี้จึงหลั่งรินลงมาไม่ขาดสาย...

...ผมทิ้งหัวใจเอาไว้...


และเดินจากที่นั่นมาอย่างไม่มีวันหวนคืน...


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/16Run_zps66c3887f.jpg) (http://s1299.photobucket.com/user/zuckone/media/16Run_zps66c3887f.jpg.html)

Song Titles : Run
Artist : Snow Patrol

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คนอ่านหายหมดแล้ว  :katai1:
อาทิตย์หน้าอาจจะไม่มานะคะ ไม่รู้มีคนรออยู่รึเปล่าแต่บอกไว้ก่อน
จิตตกไปพักนึงเลยเขียนไม่ได้ (แต่ตอนนี้โอเคแล้วรอเขียนต่อ)
อีกไม่กี่ตอนก็จบเป็นไปได้ไม่อยากให้มันขาดตอนให้เสียความตั้งใจ เอาเป็นว่าถ้ามาได้จะมาแล้วกันเน้อ  :katai4:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: soluna ที่ 09-05-2013 06:16:10
TT^TT
อ๊ากกกกกก
สถานการณ์อยู่นอกเหนือการทำนายจริงๆ
ไม่คิดเลยว่าจะ มีวันนี้
แค่ปกิ บรรยากาศก็อึมครึมจะแย่อยู่แล้ว
แล้วถ้า สองคนนี้ต้องห่างกัน มันไม่แย่ไปกว่านี้เหรอ
เศร้า ~ TT^TT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 09-05-2013 06:22:53
พิมพ์ๆ ไปหายหมด เพราะเพลอกดF5 เศร้า
ในที่สุดสิ่งที่กลัวก็เกิดจนขึ้นได้
ต่อจากนี้คุณผู้เขียนจะทำให้เนื้อเรื่องมันเศร้าทำร้ายจิตใจแค่ไหนก็ทำเถอะค่ะ ตามสบาย (มิได้ประชดแต่อย่างได)
สำหรับเรา เศร้าที่สุดและน่ากลัวที่สุดก็คือการที่พ่อแม่ทะเลรู้ความจริงนี่ล่ะ แถมรู้ความจริงจากกล้องวงจรปิดอีก โอ๊ววว มันsad

หนึ่งคนตรงนี้รออ่านทะเลในโลกสีฟ้าอยู่นะคะ ไม่เคยหายไปไหน เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 09-05-2013 07:11:17
รู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าฉากแบบนี้จะต้องมีในเรื่องนี้ แต่ทำใจไม่ได้แงะ อ่านแล้วสงสารทะเล บลู
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 09-05-2013 08:01:47

รออ่านอย่างสม่ำเสมอค่ะ

ชอบอารมณ์หน่วงหนักที่อวลอยู่ในเรื่องมากกกกก

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 09-05-2013 09:01:10
ยกมือโบกไหวๆ
เรารอเรื่องนี้อยู่ทุกอาทิตย์นะจ๊ะ

อ่านแล้วแบบ ฮึ่มมมม เอาน่า วันนึงน้าวิทย์น้าเพลงก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี อดทนหน่อยแล้วผ่านมันไปด้วยกันนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 09-05-2013 10:54:49

ถ้ามั่นคงและรักกันจริงๆ

ก็พิสูจน์ตัวเองให้เค้าเห็น

ซักวันนึงเค้าต้องยอมรับได้แน่ๆ

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-05-2013 12:00:07
วันนี้อาจไม่ใช่วันของบลูและทะเล
แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
อย่าพึ่งเปลี่ยนใจก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 09-05-2013 16:15:08
อ่านอยู่ดีดี ก็น้ำตาไหล
โคตรสงสารบลู สงสารตั้งแต่เเรก
จนตอนนี้ก้ยังน่าสงสารอยู่

แล้วตอนนี้เลก้ยิ่งหน้าสงสาร ><
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: riangkarn ที่ 09-05-2013 17:08:20
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ อ่านรวดเดียวสิบหกตอนเลย
ตอนแรกกะแล้วว่าสุดท้ายพ่อแม่ของทะเลต้องรู้เรื่องแน่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้
น่าสงสารนะคะ อยากให้ทั้งคู่ได้มีความสุขร่วมกันต่อไปอีกนานกว่านี้สักหน่อยก็ยังดี
แต่ก็คิดว่าบลูก็ทำถูกแล้วแหละค่ะที่ไม่ให้ทะเลออกมาจากบ้านด้วยกัน ยังไงซะ ทะเลก็ยังเป็นลูกของน้าวิทย์กับน้าเพลงอยู่ดี
ต่อไปบลูจะเป็นยังไง จะไปทำงานที่ไหน อยู่ยังไงก็ไม่รู้ หวังว่าจะไม่หายไปจากชีวิตของทะเลเลย

รออ่านตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 09-05-2013 19:08:14
มรสุมลูกนี่ มันหนักเกินไป บลูจะไหวไหมน่ะะะะะ  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 09-05-2013 20:38:16
งะ .... ง่าาา อย่าดราม่านะ สงสารบลูอะทำไมชีวิตถึงดูหม่นๆ เฮ้ออ.ตอนจบอย่าให้มีใครตายน้า(ทำไมเราคิดว่าจะมีคนตายนะ)

ปล.ปาร์คป๊อป ปาร์คป๊อป ปาร์คป๊อป ปาร์คป๊อป
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: เมล่อนคอซอง ที่ 10-05-2013 01:45:40
มันช่างได้อารมณ์ Deep blue   แบบ ซึมลึกไปในใจโคตรๆ
ตัวละครทุกตัวล้วนอยู่ในโลกสีเทาที่มีความเหงาเป็นตัวนำทาง

 บลูที่เกลียดทะเลในวัยเด็ก
ทะเลที่ชอบตามบลูไปทุกที่ 
รอยสักบนตัวที่มีเพิ่มมาของป๊อป

สิ่งที่แต่ละตัวละครทำ  อาจแค่ต้องการจะบอกใครสักคนว่า ' เฮ้ ฉันอยู่ตรงนี้นะ' เท่านั้นเอง ..

เจ็บหนักหลายคนเลยนะเนี้ย เรื่องนี้

แต่งเก่งจริงๆขอชื่นชมจากใจๆ
เราเคยฟังเกือบทุกเพลง ทุกวง ที่คุณนำมาใส่ในแต่ละตอน
เลยทำให้เราเข้าใจอะไรสักอย่างที่คุณอยากจะบอก   
มันสื่อให้เห็นว่าคุณเป็นคนมีความเอาใจใส่ในการทำอารมณ์ร่วมกับนิยายอยู่มาก 
แต่ความรู้สึกโดยรวมเราว่าเรื่องนี้ทั้งเรื่องมันช่างเหมาะกับเพลง vincent เหลือเกิน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: Lovecartoon1996 ที่ 10-05-2013 15:08:08
ง่าาาบลูเลสู้ๆน้า
ทำให้พ่อแม่เห็นเลย
ว่ารักกันปานใด555 :hao3:

คนเขียนก็สู้ๆเช่นกันจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: 403 ที่ 11-05-2013 22:58:44
อ่านตอนนี้แล้ว เอิ่ม ... เดาว่าฉากนี้ต้องเกิดขึ้น และก็เป็นจริงๆ แต่สิ่งสำคัญคือ มันมีวิธีบอกตั้งหลายทางนะ แต่บลูกลับทำให้น้าเพลงกับน้าวิทย์รับรู้แบบนี้เองถึงจะไม่ตั้งใจก็เถอะ

น้าเพลงกับน้าวิทย์คงไม่ใช่คนใจร้ายอะไรขนาดนั้น ที่ไล่บลูออกจากบ้านเป็นเพราะคงช็อคอย่างแรงและทำใจไม่ได้เท่านั้น พอได้เห็นท่าทีของทะเลคงให้อภัยบลูได้เองละ(มั้ง)

แต่เรากลัวใจบลูมาก อย่าคิดหรือทำอะไรหลงผิดโดยการทำร้ายตัวเองหรือคนอื่นอีกเด็ดขาดเลยนะ อดทนๆ

คนแต่งสู้ๆจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 13-05-2013 01:02:00
มันซ่าน ความรู้สึกหลายๆอย่างปนเปผสม คลุ้งกันจนมั่ว

ไม่ฟุ้ง ไม่หอม ไม่หวาน แต่หวามไหว

ยังขอบอกคำเดิมว่าแต่งเก่งจริงๆค่ะ

คนแต่งทำให้เรา'รู้สึก'ไปกับเรื่องนี้จริงๆ

เหมือนถูกดึงให้เข้าไปในโลกสีหมอก

ติดตามต่อไปค่ะ

เราเชื่อว่าจะต้องมีฟ้าหลังพายุ(ลูกใหญ่ด้วย ฝนคงไม่พอ5555

แต่ก็หวัง ว่าคงจะผ่านช่วงฝนไล่ช้างมานานแล้วนะคะ ฮ่าๆ

ขอบคุณมากๆค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 13-05-2013 23:34:38
 :hao5: เพิ่งตามมาอ่านค่ะ ดราม่าสุดยอด!! ชีวิตบลูเศร้าสมชื่อจริงๆ ชอบมากๆ  o13

มาต่อไวๆน้าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 20-05-2013 16:11:21
ดีดดิ้น
กรีดร้อง
แล้วก็รอต่อไป...จะติดตาม รอชมบทสรุปของเรื่องนี้ให้ได้นะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: riangkarn ที่ 28-05-2013 10:11:13
อยากบอกว่า เข้ามาดูทุกวันเลยค่ะว่าอัพหรือยัง

ติดนิยายเรื่องนี้แบบสุดๆไปเลย

มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-05-2013 10:23:55
รอพี่บลูกับน้องทะเลอยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 28-05-2013 12:47:52
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึนมาก แต่ก็เลิกอ่านไม่ได้
ยิ่งอ่านยิ่งติด มันไม่ได้เศร้าจนน้ำตาไหล แต่ก็ไม่ไ้ด้สุขไปในเวลาเดียวกัน
มันให้ความรู้สึกแบบ อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
เป็นนิยายที่แสดงถึงตัวตนของมนุษย์ได้ดีสุดๆ
มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง
ชอบมากๆ มาลงต่อเร็วๆนะค่ะ จะรอติดตาม
อยากรู้ว่าบลูจะทำยังไงต่อไป ชีวิตบลูในวันข้างหน้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 29-05-2013 00:42:26
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ เชื่อว่าต้องผ่านมันไปได้
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 29-05-2013 09:25:23
แบบว่าไม่ได้หายไปไหนนะคะ แค่รอให้มันเยอะๆแล้วค่อยมาอ่านอ่ะค่ะ เพราะความเศร้ามันค้างคามาก นี่ยังคิดเลยว่าน่าจะรอให้ตอนต่อไปมาก่อนแล้วค่อยอ่านเพราะตอนล่าสุดทำร้ายจิตใจกันมาก ไม่ใช่ว่าไม่ได้เตรียมใจไว้นะเพราะคิดอยู่แล้วว่าวันนึงเรื่องมันต้องดำเนินมาถึงจุดนี้แต่ก็อยากจะมีความสุขบ้าง ได้ม้ายยยยยย นี่ขนาดตอนหวานๆพอมันผ่านมุมมองของบลูมันก็เป็นความสุขหม่นๆ พอถึงตอนต้องจากกันก็....พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน แต่คิดในแง่ดีนี่จะเป็นการพิสูจน์ไปเลยว่าทั้งสองคนเกิดมาเพื่อคู่กันจริงรึเปล่า หรือน้องทะเลมีค่าคู่ควรกับการเป็นคนที่รักแต่ไม่ใช่คนที่จะอยู่คู่กัน นึกถึงเพลง คนบางคนผ่านมาให้รักไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน~
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 16 ] 09-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 30-05-2013 15:41:21
-17-
Here With Me

http://www.youtube.com/v/y0Pu9FqXV1Q?version=3&amp;hl=en_US


ไร้ค่า...เป็นสิ่งที่ผมให้คำจำกัดความตัวเองเนิ่นนานมาแล้ว

นานมาก...จนผมเกือบลืมเลือนไป

เวลานี้คำๆนี้กลับมาตอกย้ำผมอีกครั้งเมื่อผมโดนคนที่คิดอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นครอบครัวไล่ออกจากบ้านอย่างไม่ไยดี เขาทำราวกับว่าตัวผมเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ต้องกำจัดให้เร็วที่สุด แม้เหตุผลจะสมควร...จิตใจผมก็แหลกเหลวย่อยยับจากการกระทำนั้นอยู่ดี

ระยะเวลาที่จากที่นั่นมาเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นทุกขณะ ผมตระหนักความจริงที่ว่าปัจจุบันมีแค่ตัวผม ไม่มีคำว่า 'ครอบครัว' อีกต่อไปแล้วในทุกๆวินาทีที่เคลื่อนผ่าน ความทรมานเมื่อถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวกัดกินจิตใจ

พื้นที่ๆผมเคยมีตัวตนอยู่ทั้งกับแม่และกับน้าวิทย์...ต่างไม่ใช่ที่ของผม

ผมไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม เป็นความจริงที่น่าเศร้าที่ต้องจำใจยอมรับ ผมจมอยู่กับอารมณ์สูญเสียที่มีเพียงตัวเองที่เข้าใจ เหม่อมอง หม่นหมอง ล่องลอย มีควันบุหรี่ลอยอวลเป็นม่านกางกั้นตัดขาดจากผู้คนรอบข้าง

ป็อปกับร็อคให้ผมมาอยู่ด้วยที่บ้านของพวกมัน ความเป็นห่วงฉายชัดทุกครั้งที่มองดูผม เราแทบไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ผมบอกพวกมันสั้นๆว่าน้าวิทย์กับน้าเพลงรู้เรื่องของผมกับทะเลแล้วแค่นี้ทั้งสองคนก็เดาเรื่องราวทั้งหมดได้และไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก แต่ถึงจะอย่างนั้นพวกมันก็เฝ้าผมไม่ห่างสายตา ผมรู้สึกได้...และก็รู้ว่าพวกมันกลัวอะไร...คราวนั้นที่ผมทำร้ายตัวเองมันก็คงจะรู้แม้ผมจะบ่าบเบี่ยงไม่เคยพูดถึงแต่รอยแผลก็บ่งบอกชัดในตัวของมันเอง...


“เลต้องรอนานแค่ไหน กว่าพี่บลูจะกลับมา"

ผมได้รับข้อความของทะเลตั้งแต่คืนวันนั้นที่ผมออกจากบ้าน นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ทะเลส่งมาก่อนจะติดต่อไม่ได้อีกเลย ผมอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาบ่อยครั้งราวกับว่ากำลังจ้องมองทะเลอยู่ มันเป็นสิ่งๆเดียวที่ทำให้รู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างกัน จากทุกสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดผมไม่กังขาใดๆในความรักของเรา...แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้รู้สึกว่ามันกำลังถูกสั่นคลอน เหตุผลก่อนหน้าที่ผมเคยคิดแต่ก็หลีกเลี่ยงและหลงลืมมันกลับมาในสำนึกอีกครั้ง ผมรู้ว่าเรื่องของเราเป็นไปได้ยากตั้งแต่ต้นแต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ทะเลไม่ใช่คนที่ผมควรจะรัก...ผมรู้ตั้งแต่แรก แต่จะรักหรือเลิกรักเหตุผลไม่ใช่ตัวกำหนด ผมเคยฝืนความรู้สึก สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น พอปล่อยให้ความรู้สึกนำทาง เหตุการณ์ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดน้อยไปกว่ากัน...

ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่เมื่อมันซัดโถมมาถึงในช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดก็เหมือนสะดุ้งตื่นจากฝันเพื่อมาพบกับความเป็นจริงอันน่าชัง...ดึงความรู้สึกผมให้ลงต่ำได้อย่างน่าใจหาย

สามอาทิตย์ที่ผ่ามมาผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเพื่อที่จะปกปิดอารมณ์ที่รู้สึกไว้ภายในไม่อยากให้ใครได้รับรู้ กลบเกลื่อนความทรมานเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย...ผมไปเรียน ไปเล่นที่ร้าน ซ้อมดนตรี ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตตรงส่วนนี้เอาไว้ไม่ให้สูญเสียมันไปอีก

ส่วนสิ่งที่เสียไปแล้วผมก็ได้แต่แหงนหน้ามองดูมัน...

เกือบทุกๆวันหากเป็นไปได้ผมจะยืมรถของร็อคเพื่อกลับมาที่บ้าน ในยามดึดดื่นเงียบสงัดบ้านปิดเงียบไม่มีแสงไฟผมจะยืนมองอยู่ข้างนอก ผมไม่แน่ใจว่าการที่ยืนอยู่ตรงนี้จะช่วยเยียวยาหรือซ้ำเติม แต่ที่แน่ๆคือผมอยากจะอยู่...และเฝ้าดูทะเลอยู่ห่างๆแม้จะมองไม่เห็น...

จากการที่ผมไม่เจอทะเลทั้งที่โรงเรียนและที่บ้านทำให้รู้ว่าน้าวิทย์จริงจังกับเรื่องของเราทั้งสองคนมากแค่ไหน ยิ่งระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวัง ผมคิดถึงไออุ่นของทะเลเมื่อได้กอดเขาไว้ในอ้อมแขนมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด ในเวลาที่ผมนอนจึงไม่อาจหลับสนิทแม้สักครั้ง ฝันร้ายจู่โจมในยามที่จิตใจผมอ่อนแอและผมก็ไม่สามารถปกปิดมันไว้ได้เมื่ออยู่ในห้วงไร้สติ ร็อครับรู้ได้เมื่อผมนอนกระสับกระส่ายอยู่ที่ข้างเตียงมันบ่อยเข้า ความที่ไม่รู้จะทำอย่างไรมันก็คงไปปรึกษากับป็อปเพื่อช่วยกันหาทางออกกับเรื่องของผม

ตัวตนของผมที่ป็อปเคยสัมผัสในช่วงที่เราเคยอยู่ด้วยกันมีส่วนให้มันกังวลยิ่งกว่าใคร ป็อปคอยแต่จะป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆตัวผมและเฝ้าสังเกต สายตาที่ใช้มองผมราวกับว่าเห็นเศษซากที่แตกหักและพยายามเก็บรวบรวมซากนั้นเพื่อต่อให้คืนสภาพเดิม...ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้

ผมมองความห่วงใยของป็อปด้วยหัวใจเฉยชาในทีแรก แต่เมื่อเวลาไหลผ่านไปผมก็ไม่อาจป้องกันตัวเองจากความรู้สึกที่ผมโหยหา ผมยอมปล่อยให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอออกมาในคืนวันหนึ่ง ร็อคไม่ได้นอนที่บ้านจากเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ และแม้ผมจะบอกป็อปว่าอยากอยู่คนเดียวป็อปก็ยังไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ กลางดึกคืนนั้นผมสะดุ้งตื่น พยายามข่มตาหลับต่อก็หลับไม่ลง ผมลุกขึ้นนั่งหายใจเข้าออกในความมืด ไม่มีสิ่งใดในความรู้สึกนึกคิดเป็นรูปเป็นร่าง เวลาผ่านไปนานเกือบชั่วโมงผมจึงหันไปมองคนที่คาดว่าจะหลับอยู่แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ป็อปนอนมองผมเงียบเชียบ ไม่มีความง่วงในแววตาแม้แต่น้อย ความรู้สึกบางอย่างที่ป็อปส่งมาทำให้น้ำตาผมไหลโดยไม่รู้ตัว

ป็อปได้แต่นอนมองด้วยความตกใจกับน้ำตาของผมที่เคยเห็นเป็นครั้งแรก ไม่ได้ลุกขึ้นหรือแม้แต่พูดอะไรออกมาสักคำราวกับกลัวว่าผมจะหยุดการกระทำนี้

สิ่งที่รู้สึกยามนี้ยากอธิบาย ผมกำลังรู้สึกอุ่นใจที่มีป็อปอยู่ข้างๆ มันเป็นความอุ่นใจแสนเศร้า พอถึงจุดอ่อนแอการมองเห็นใครสักคนที่รักเราทำให้กำแพงที่พยายามตั้งเอาไว้พังทลายลงได้ง่ายๆ ไม่เกี่ยวกับว่าเราจะรักคนๆนั้นตอบหรือไม่ แต่จุดสำคัญในยามอ่อนแอคือเราต้องการที่จะอยู่กับคนที่เรารู้ว่าเขารักเราเพื่อปลอบประโลมจิตใจ

ที่สุดแล้วคืนนั้นผมก็หลับลงได้อีกครั้ง แม้จะไม่มีบทสนทนาหรือสัมผัสระหว่างกันผมก็นึกเข้าใจสิ่งที่ป็อปพยายามสื่อ

ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว...

ป็อปสื่อออกมาแบบนั้น

...ผมได้แต่ยิ้มเศร้าให้เขาก่อนจะหลับตา...

...

ผมเก็บตัวอยู่ในห้องซ้อมในเวลาที่ไม่มีเรียนไม่มีซ้อม มันเป็นที่ๆป็อปกับร็อคยินดีจะยกให้ผมอย่างเต็มใจ วันนี้หลังจากซ้อมกลองเป็นชั่วโมงจนเหนื่อยผมก็ทิ้งตัวลงกับพื้นนอนพัก ความสับสนทุกข์ใจของผมลอยอยู่ในอากาศบีบอัดออกมาเป็นความหม่นเศร้าอีกครั้ง เสียงดนตรีผ่านเครื่องเสียงดังแว่วเข้ามาในความคิดเป็นพักๆ ขณะที่ความคิดและความรู้สึกของผมกำลังจมลึก บอกไม่ถูกว่ากำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงบานประตูเปิดออกและปิดลง จากนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เข้ามา เขานั่งลงบนเก้าอี้และหมุนไปมาจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดรบกวนประสาท

“ตายรึยังวะ"

เสียงพูดที่ดูเหมือนพูดกับตัวเองเป็นเสียงไม่คุ้นเคยแต่ก็รู้ว่าเป็นใคร ปาร์คพูดออกมาและนิ่งเงียบไป ผมนอนอยู่แบบนั้นไม่ตอบสนองอะไร ในใจนึกหงุดหงิด ไม่นานผมก็ไม่สามารถนอนอยู่แบบนั้นได้อีกเมื่อปาร์คยังคงทำเก้าอี้เสียงดังไม่หยุด ผมลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่ง

“โทษที ทำให้ตื่น" ปาร์คบอกแต่ดูก็รู้ว่าจงใจทำแบบนั้น
“ป็อปเลิกสอนกี่โมงรู้ไหม ไปหามันแล้วมันไล่บอกให้มารออยู่กับมึงที่นี่ก่อน" ปาร์คใช้คำพูดสนิทสนมกับผมทั้งๆที่เราแทบไม่เคยพูดคุยกันตรงๆสักครั้ง ผมมองท่าทางสบายๆของปาร์คก่อนตอบคำสั้นๆ
“ไม่รู้...เดี๋ยวมันก็คงมา"

จบคำแค่นั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เสียงเพลงที่เปิดเอาไว้ช่วยให้เราไม่อึดอัดและต่างคนต่างอยู่ในส่วนของตัวเองไป ถึงจะไม่ได้อยู่คนเดียวแต่ปาร์คก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกเฝ้ามองเหมือนอยู่กับเพื่อนทั้งสองของผม คงเพราะปาร์คไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรของผมมากนัก แม้สายตาจะสงสัยอยู่ในบางทีแต่ไม่นานปาร์คก็เลิกที่จะสนใจ

หลังจากผ่านไปสักพักประตูห้องก็เปิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นตูนที่คงจะมารอไอ้ร็อคมันเลิกสอนด้วยอีกคน ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมไม่ถามให้มากความ

“พรุ่งนี้ไม่มีเรียนนะ อาจารย์เลื่อนไปชดเชยอาทิตย์หน้า เคนเพิ่งโทรบอก" ตูนนั่งลงข้างๆผมแล้วบอกขึ้น ผมพยักหน้าตอบกลับไป นึกเสียดายที่ไม่มีเรียนเพราะยิ่งผมว่างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ผมคิดฟุ้งซ่าน...

ในตอนนี้จากห้องที่เป็นเขตส่วนตัวของผมกลายเป็นที่สาธารณะสำหรับพวกว่างนั่งรอคนไปโดยปริยาย ทั้งสองคนนอกเหนือจากตัวผมมีจุดร่วมที่เหมือนกัน นั่นคือการมาเพื่อที่จะเจอคนของพวกมัน ความสัมพันธ์ที่คล้ายกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาจากมุมมองนี้ แต่ในอีกมุมกลับกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในสายตาของน้าวิทย์...ยิ่งคิด...ผมก็อดไม่ได้ที่ผมจะเอ่ยถามตูนออกไป

“ตูน พ่อกับแม่งมึงรู้รึเปล่าเรื่องไอ้ร็อค" ตูนมองผมอย่างแปลกใจที่ผมถามขึ้นมา แต่คงเป็นเพราะปัญหาที่ผมกำลังเผชิญอยู่ทำให้ตูนบอกเรื่องส่วนตัวออกมาง่ายๆ
“ไม่รู้หรอก กูมาเรียนนี่ ปิดเทอมค่อยกลับไปก็ธรรมดาที่เขาจะไม่รู้อะไร"
“มึงคิดจะบอกไหม"
“ยังเร็วไป กูยังไม่ได้คิด"
“ถ้าเกิดวันนึงเขารู้ขึ้นมา...มึงว่าเขาจะรับได้รึเปล่า"
“กูก็ไม่แน่ใจ...”
“.......”
“แต่กูคิดว่ากูจะไม่เลิกกับใครเพราะพ่อแม่รับไม่ได้หรอก..."
“แล้วถ้าพวกเขาเสียใจที่มึงทำแบบนั้น...” ตูนถอนใจกับคำพูดกึ่งคำถามของผม
“ไม่รู้สิ...ถ้ากูคิดว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อนกูก็ไม่คิดว่ามันผิด"

ผมรับฟังแล้วครุ่นคิด มุมมองที่ตูนบอกและเหตุผลจะเอามาเปรียบเทียบกับเรื่องของผมก็คงจะไม่ได้ซะทีเดียว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมมันซับซ้อนมากกว่านั้น น้าวิทย์กับน้าเพลงเป็นคนที่ผมเรียกว่าครอบครัว แต่ก็ไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆที่จะคิดเอาแต่ใจตัวเองได้ ผมไม่อาจปฎิเสธอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการ ชีวิตใหม่และทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเคยให้มันมีความหมายเกินกว่าจะเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านั้นได้

"มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา...” ปาร์คที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นลอยๆ “ถ้าจะให้ยอมรับเรื่องแบบนี้เลยมันก็ออกจะแปลก...ไม่คิดงั้นเหรอวะ..."

ผมหันไปมองปาร์คที่มีสีหน้าจริงจังดูแตกต่างไปจากทุกที สิ่งที่ปาร์คต้องการสื่อผมเข้าใจ มันต้องใช้เวลาผมรู้...แต่ก็ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานแค่ไหน...และไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นไหมด้วยซ้ำ...

ผมกลับเข้าวังวนเดิมๆกับการหาทางออกไม่เจออีกครั้ง ตอนนี้ผมอยากเจอทะเลที่สุด อยากเห็นหน้า อยากรู้ว่าทะเลจะเป็นยังไง จะเป็นเหมือนกับผมไหม...

“อยู่กันครบเลย" ร็อคเปิดประตูเข้ามามองรอบๆห้องแล้วพูดขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากความคิด ไม่นานป็อปก็ตามเข้ามา หลังจากนั้นพวกมันทุกคนก็ตกลงกันว่าจะไปกินข้าวที่ไหน ผมอยู่ตรงนี้และกำลังมีปัญหาพวกมันจึงมักพาผมไปนู่นมานี่ไม่อยู่กับที่เพราะคิดว่าคงช่วยผมได้ไม่มากก็น้อย เรามาลงเอยกันที่ร้านอาหารประจำที่มักมากินกันก่อนจะไปเล่นที่ร้าน คืนนี้เราเล่นเป็นวงสุดท้ายช่วงดึกจึงนั่งยาวไปจนถึงช่วงค่ำๆ

ปกติแล้วการที่มีร็อคอยู่จะทำให้ผมไม่สามารถอยู่กับความคิดตัวเองได้ มันจะคอยกระตุ้นผมให้มีส่วนร่วมกับบทสนทนาอยู่เสมอโดยเฉพาะในช่วงนี้ เมื่อมีปาร์คที่ดูจะกวนตีนไม่น้อยไปกว่ากันเพิ่มมาก็ทำให้ผมได้สังเกตเพื่อนใหม่คนนี้ชัดๆอีกครั้ง สายตาของปาร์คที่ผมเจอเขาแรกๆบ่งบอกสัญญาณไม่เป็นมิตรเปลี่ยนไปมาก โดยที่ผมไม่รู้ตัวสายตาที่แสดงออกกับผมก็เหมือนกับที่มองเพื่อนๆคนอื่นๆไปแล้ว จะมีพิเศษอยู่กับแค่คนเดียวที่มันนั่งข้างๆอยู่ตอนนี้

ผมนึกแปลกใจกับท่าทีของป็อปอยู่เหมือนกันเมื่อได้เห็นบ่อยเข้า ผมไม่เข้าใจว่าป็อปกำลังคิดอะไรอยู่ ป็อปเป็นคนปกปิดอารมณ์ของตัวเองได้ดีหากเขาไม่ต้องการที่จะให้ใครรู้ก็จะไม่มีใครรู้ กับปาร์คแล้วแววตาที่ป็อปใช้มองไม่เหมือนกับที่มองผม มันเป็นสายตาแปลกประหลาดที่ผมตีความมันไม่ออกเหมือนมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ผมไม่อาจเข้าใจได้ ปาร์คมักจะหงุดหงิดบ่อยๆเมื่อป็อปใช้สายตาแบบนั้นจ้องมอง กฎแรงดึงดูดของปาร์คดูจะใช้กับป็อปไม่ได้ผล ความสัมพันธ์ที่คล้ายจะใช่เมื่อได้มองดีๆแล้วกลับยังไม่เป็นอย่างที่คิดมันทำให้ผมอยากจะรู้ว่าในที่สุดแล้วฝ่ายใดที่จะเป็นฝ่ายชนะ

...

ร้านพี่ตินผู้คนก็ยังแน่นขนัดแม้จะเป็นวันธรรมดา ช่วงที่เราขึ้นเล่นเป็นช่วงที่ทุกคนคึกคักสุดขีด ผมปล่อยพลังงานไปกับจังหวะอารมณ์ที่หนักหน่วงรุนแรงแทบไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น จวบจนเพลงสุดท้ายที่จังหวะเนิบช้าผมจึงค่อยเงยหน้ามองบรรยากาศโดยรอบ

และเห็นดวงตาคุ้นเคยที่จ้องตรงมา...

ผมจังหวะสะดุดแทบล้มเลิกกลางคัน ทะเลยืนอยู่ตรงนั้นที่เดิมเหมือนที่มาทุกครั้ง ในร้านที่มีเพียงแสงไฟไม่มากนักทำให้บอกไม่ได้ว่าเป็นความจริงหรือภาพลวงตาที่เกิดจากความคิดของผมเอง ผมนึกอยากให้เพลงสุดท้ายนี้จบโดยเร็วเพื่อพิสูจน์สิ่งที่สงสัย ผมมองทะเลเอาไว้แทบไม่ละสายตาเพราะกลัวว่าจะหายไป

เมื่อจังหวะสุดท้ายสิ้นสุด...ผมก็ลุกขึ้นกระโดดลงจากเวทีเพื่อไปหาคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

ผมดึงทะเลเข้าหาตัวและสัมผัสได้ถึงไออุ่น...เป็นทะเลจริงๆ...

ผมกอดรัดทะเลแน่นไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองอยู่ แขนทะเลก็กอดรัดผมรุนแรงเช่นเดียวกัน เราดื่มด่ำช่วงเวลานั้นชั่วอึดใจก่อนที่ผมจะพาทะเลออกมาข้างนอก เราอยู่หลังร้านที่ไม่มีใครผ่านไปผ่านมาให้ความเป็นส่วนตัวมากพอที่ผมจะจูบคนตรงหน้าอย่างกระหาย หัวใจบีบรัดจากความรู้สึกคิดถึงจนเต้นถี่แรง

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมผละออกช้าๆแล้วถาม ทะเลมองผมเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็พยายามข่มกลั้นกัดริมฝีปากเอาไว้
“ดึกขนาดนี้เลมายังไง"
“เอารถพี่บลูมา...เลแอบพ่อออกมา...”

ผมคิดว่าเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันเลยเข้าไปบอกพวกไอ้ร็อคให้กลับกันไปก่อนและอาจไม่กลับบ้าน แค่เห็นร็อคพยักหน้ารับรู้ผมก็รีบออกมาอย่างรวดเร็วไม่ได้สนใจสายตาเป็นห่วงของพวกมัน

ผมพาทะเลมาเปิดห้องพักที่อยู่ไม่ไกล ไม่ถามหาความสมัครใจหรืออะไรทั้งนั้น ทะเลก็ยอมตามผมมาโดยไม่ปริปากถาม เมื่อถึงห้องพักเราต่างก็เงียบเหมือนไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ผมจับจ้องคนตรงหน้าแน่นิ่งและเห็นแววตาหม่นเศร้าไม่ต่างจากของผมก็รู้สึกหน่วงหนักในใจ ผมคิดอยากเห็นทะเลที่สดใสคนเดิมเมื่อนานมาแล้ว คิดถึงรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้ผมหลงรัก อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นคนทำให้รอยยิ้มนั้นกลายเป็นอดีตไป

ทะเลยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบใบหน้าผม เป็นสัมผัสที่บอกว่าคิดถึงและปลอบประโลมใจผมในเวลาเดียวกัน ผมยิ้มตอบสัมผัสรักใคร่แล้วจูงทะเลมาที่เตียง

“เลเพิ่งรู้ว่าจำเบอร์พี่บลูไม่ได้ก็ตอนพ่อเอาโทรศัพท์เลไป" ทะเลบอกเมื่อเราสองคนนอนลงหันหน้าเข้าหากัน
“พี่บลูอยู่ที่ไหนตอนนี้...อยู่กับพี่ป็อปรึเปล่า"
“อืม"ผมจับมือทะเลมาไว้ตรงอก แล้วมองทะเลไม่วางตา "พี่อยู่กับสองคนนั้น"
"เกือบเดือนที่พี่ไม่อยู่เลแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว...พ่อไม่ให้เลไปไหนเลยนอกจากโรงเรียน เลพยายามคุยกับพ่อหลายครั้งแต่พ่อไม่ก็ฟังอะไรที่เลพูด...เลไม่รู้จะทำยังไงแล้ว...เลเป็นห่วงพี่บลู กลัวพี่เสียใจ...กลัวพี่จะทำร้ายตัวเองอีก..."
“พี่ไม่เป็นไร...”
“ไม่จริงหรอก ดูตาพี่ก็รู้ ตอนที่พี่เห็นเลพี่ทำหน้าแบบไหนรู้ตัวรึเปล่า มันทำให้เลคิดว่าน่าจะออกมาหาพี่ตั้งนานแล้ว" วูบหนึ่งในความคิดหลังจากได้ยินทะเลพูดทำให้ผมไม่อยากปล่อยให้ทะเลกลับไป ความรู้สึกของทะเลที่มีต่อผมเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่สุด ผมต้องการความรักของทะเล ต้องการความรู้สึกห่วงใยที่มีให้ผม เพราะมันเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยผมได้

"ตั้งแต่ออกมาจนถึงตอนนี้พี่ก็ไ่ม่รู้จะทำยังไงเรื่องของเรา" ผมพูดขึ้นเบาๆ "พี่ไม่มีสิทธ์ในตัวเลสักนิดถ้าเทียบกับน้าวิทย์...พี่เลยทำอะไรไม่ได้สักอย่าง"
“พี่บลูไม่ต้องทำอะไร...แค่ไม่เปลี่ยนใจจากเลก็พอ"ทะเลขยับเข้ามากอดผมเอาไว้   “เลได้คุยกับแม่แล้ว แม่ไม่ได้ต่อต้านเรื่องของเราเท่ากับพ่อเลก็เลยเล่าให้แม่ฟัง ถึงแม่จะตกใจที่เห็นภาพแบบนั้นแต่เลคิดว่าแม่เข้าใจ...เลเห็นว่าแม่ห่วงพี่บลูแล้วก็ดูเศร้าตั้งแต่พี่ไม่อยู่..."

ผมไม่ค่อยได้พูดอะไรมากนักได้แต่นอนฟังทะเลพูดไปเรื่อยๆ ทะเลเล่า ผมก็ขานรับให้รู้ว่าฟังอยู่ ผมรู้สึกสบายใจที่สุดที่มีทะเลอยู่ด้วยในตอนนี้ แต่ก็แค่เพียงไม่นานที่ผมมีสติอยู่ได้ ความอบอุ่นและกลิ่นที่คุ้ยเคยทำให้ผมเผลอหลับไป ผมปล่อยความกังวลทั้งหมดแล้วหลับสนิท ความเหนื่อยอ่อนทางจิตใจและทางร่างกายทำให้หลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เวลาที่มีเพียงน้อยนิดผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ทะเลปลุกขึ้นมาเพื่อบอกว่าต้องกลับบ้านแล้ว

“ใกล้เช้าแล้ว...เลต้องกลับก่อนที่พ่อกับแม่จะตื่น"
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ผมบอกแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้เลยมองหาปากการอบๆห้อง เมื่อเจอแล้วก็เขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงบนฝ่ามือของทะเล ผมบอกให้ทะเลจำมันไว้ด้วยเพื่อจะได้ติดต่อกัน

เมื่อถึงหน้าบ้านทั้งผมและทะเลต่างก็ยังไม่ยอมถอยห่าง ท้องฟ้ายังมืดอยู่ก็ยังดูเหมือนพอมีเวลา ผมรู้สึกดีขึ้นที่ได้เจอทะเลและคลายกังวลไปด้วยส่วนหนึ่ง ช่วงเวลาแสนสั้นกับทะเลยังคงเป็นช่วงที่ทำให้ผมทั้งสุขทั้งเศร้า ผมกอดทะเลแน่นก่อนจะปล่อยเขาไปในที่สุดเเมื่อเริ่มเห็นแสงที่ขอบฟ้า

“เลจะไปหาพี่บลูที่ร้านอีกถ้าออกมาได้"

ทะเลพูดทิ้งท้ายก่อนตัดใจหันหลังเดินจากผมไป

...

มีความเปลี่ยนแปลงในตัวผมหลังจากวันนั้นที่เจอกับทะเล ทุกอย่างดูไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมดเหมือนกับก่อนหน้า ผมหลุดออกจากอารมณ์หม่นหมองเพื่อใช้ชีวิตต่อไปอย่างที่ควรจะทำ ชีวิตผมถูกพัดพาไปจากจุดหนึ่งสู่อีกจุดหนึ่งซึ่งต้องยืนบนขาของตัวเอง ผมโตมากพอที่จะรู้ว่าควรใช้ชีวิตคนเดียวอย่างไร เรื่องครอบครัวผมควรจะทำใจซะในเมื่อมันไม่มีทางที่จะเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ในไม่ช้าเรื่องที่ผ่านมาก็จะเป็นแค่อีกหนึ่งรอยแผลเป็นให้หวนนึกถึง

นอกจากเรียนและเล่นที่ร้านผมตั้งใจจะทำงานให้มากขึ้น ร็อคกับป็อปรีบเสนอให้ผมช่วยสอนกลองให้กับโรงเรียนดนตรีเล็กๆของพวกมันทันทีที่รู้ว่าผมตั้งใจจะหางาน ผมให้ชั่วโมงว่างทุกชั่วโมงกับพวกมันเพื่อรับงานสอน  เมื่อลงมือทำจริงๆจังๆทั้งเรียนและทำงานผมก็คิดว่าไม่ได้หนักหนาเกินไปนักและมีส่วนดีตรงที่ไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องส่วนตัว

ผมเจอกับปาร์คที่นี่บ่อยๆจนเป็นเรื่องชินตา ผู้ชายผมยาวประบ่าพร้อมรอยสักตรงท้ายทอยคนนี้ชอบมานั่งรอป็อปในห้องซ้อมทำให้เราได้พูดคุยกันมากขึ้น ร็อคเคยบอกครั้งหนึ่งว่าผมกับปาร์คดูมีอะไรที่คล้ายกันแต่มันก็บอกไม่ถูกว่าคืออะไร บางทีอาจเป็นในส่วนของความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกร็อคถึงพูดแบบนั้น ผมพูดคุยกับปาร์คได้อย่างสนิทใจเท่าป็อปกับร็อคและก็ต้องยอมรับว่าปาร์คเป็นคนมีแรงดึงดูดผู้คนให้เข้าหาไม่เว้นแม้แต่ผม

ช่วงนี้ผมคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะมีที่เป็นของตัวเองไม่ต้องรบกวนเพื่อนฝูงจึงเริ่มหาห้องพัก พอพูดกับปาร์คไปได้ไม่กี่คำมันก็เสนอห้องว่างที่พี่มันมีอยู่และคิดไว้ว่าจะเปิดให้เช่า ห้องที่ปาร์คว่าอยู่ชั้นบนของร้านสัก พี่ปาล์มพี่ชายปาร์คเคยอยู่ที่นี่แต่ก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้วตั้งแต่แต่งงานไม่กี่เดือนก่อน

“พี่ปาล์มคิดราคากันเองเพราะเป็นเพื่อนกู ลองดูก่อนแล้วกัน กูว่ามึงน่าจะชอบ" ปาร์คว่าเมื่อพาเรามาถึงที่ร้านช่วงค่ำวันหนึ่ง ผมกับป็อปที่มาด้วยกันเจอพี่ปาล์มแล้วทักทายเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่เขากำลังสักให้ลูกค้าอยู่
"ร้านเพิ่งจะย้ายมาที่นี่แค่สองสามปี เมื่อก่อนพี่ปาล์มรับสักมันที่บ้านนั่นแหละคิดว่าจะทำเล่นๆ เอาเข้าจริงลูกค้าเยอะจนกูต้องช่วย" ปาร์คเล่า

อาคารพาณิชย์สองชั้นที่นี่ยังดูใหม่อยู่มาก ห้องชั้นสองก็ค่อนข้างใหญ่ มีเฟอร์นิเจอร์ครบเกือบทุกอย่าง และผมก็ชอบตรงที่มันดูมีความเป็นส่วนตัวอยู่มาก

“กูว่าที่นี่ก็ดีนะบลู ไม่ไกลทั้งมหาลัยทั้งตึกพวกกู" ป็อปพูด ผมเห็นปาร์คเหล่มอง
“อืม ดีเหมือนกัน ไม่ไกลบ้านเท่าไหร่ด้วย..." ผมเห็นด้วยอย่างที่ป็อปว่า อีกอย่างที่ผมคิดคือที่นี่ไ่ม่ไกลจากหาดแล้วก็ไม่ไกลจากบ้านเก่าของผม เมื่อเป็นดังนั้นเราจึงลงมาคุยเรื่องค่าเช่ากับพี่ปาล์มข้างล่าง

ผมตกลงเช่าที่นี่และย้ายเข้ามาอยู่ในอาทิตย์ถัดมา นอกจากย้ายที่อยู่ใหม่ผมก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ด้วยเพื่อความสะดวก การที่เล่นที่ร้านมานานทำให้ผมไม่เดือดร้อนมากนักเมื่อจะต้องอยู่คนเดียว จะติดอยู่อย่างเดียวคือสภาพจิตใจที่ยังไม่ปกติดีเท่าไหร่

จากที่ทะเลมาหาวันนั้นผมก็ยังไม่ได้เจอทะเลอีก จะมีเป็นบางครั้งที่ทะเลโทรมาหาผมจากเครื่องของคนอื่น เราคุยกันเกือบทุกวันแต่ก็ไม่นาน การได้ฟังแต่เสียงดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำมีแต่จะโหยหามากขึ้น แม้ผมจะเริ่มทำใจแล้วว่าจะไม่มีวันได้กลับไปอยู่ที่บ้านอีกผมก็ยังนึกเศร้าอยู่ในบางครั้ง การที่ต้องอยู่คนเดียวไร้คนที่เคยอยู่ข้างๆกันก่อเกิดความเหงาขึ้นในใจ

หากว่าไม่มีตั้งแต่แรกก็คงจะไม่รู้สึกขาด...ผมนึกเปรียบเทีบกับความเหงาในวัยเด็กแต่มันกลับไม่ใช่แบบเดียวกัน ยามกลางคืนห้องใหม่ที่ไม่คุ้ยเคยทำให้เวลาเดินช้า รู้สึกนานเนิ่นและเงียบสงัด สร้างความเย็นเยียบในหัวใจได้อย่างทรมาน ช่างดูเป็นชีวิตใหม่ที่เปราะบางจนผมไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหน...


การรอคอยของผมสิ้นสุดลงเมื่อผมได้เห็นหน้าคนที่อยากเจออีกครั้งสามอาทิตย์ถัดมา

ผมยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าร้านเพื่อหวังที่จะเจอทะเลอย่างเคย และแม้หวังอย่างนั้นพอได้เห็นทะเลจริงๆผมก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ทะเลมาด้วยชุดนักเรียนเหมือนไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน แววตาโหยหาที่ทะเลมองผมทำให้รู้ว่าแรงดึงดูดเข้มข้นระหว่างกันยังคงอยู่ เมื่อผมดึงทะเลมากอดก็ได้รับรู้ถึงการเต้นของหัวใจทะเลที่รุนแรงไม่ต่างกัน คืนนั้นหลังจากเล่นเสร็จผมพาทะเลมาที่ห้องเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน

ผมไม่ถามทะเลว่าทำไมถึงมาหาผมไม่ได้เพราะรู้ดีว่าจะเป็นตัวเองที่เจ็บหากได้ยินท่าทีต่อต้านของน้าวิทย์ที่มีต่อผมอีก

“เลขอโทษที่ไม่ได้มาหา" ทะเลพูดและแสดงออกทางแววตาอย่างที่บอก
“คิดถึง" ผมพูดเสียงสั่นเหมือนไม่ใช่เสียงตัวเอง ทะเลได้ยินแบบนั้นก็โผเข้ากอดผมแล้วร้องไห้ออกมา
“...เลก็คิดถึงพี่บลู เลไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน..."

ผมนึกคำพูดปลอบใจไม่ออก ในสถานการณ์นี้ไม่รู้ว่าใครที่ทรมานไปกว่ากัน ผมก้มลงจูบทะเลแล้วแสดงความต้องการอย่างชัดแจ้งออกมา ทะเลไม่ได้ว่าอะไรที่ผมรุกเร้าหนักขึ้นและตอบสนองผมไปพร้อมๆกับน้ำตา

“กอดเลแรงๆก็ได้...เลไม่เป็นไร"ทะเลกระซิบบอกเมื่อผมทาบทับลงกับเตียง ทะเลรู้ว่าผมกำลังยับยั้งชั่งใจกับความดิบเถื่อนที่ผมมีอยู่ภายใน

แม้ความเจ็บปวดจะท่วมท้นแต่ผมก็มีความคิดที่อยากจะแสดงความรักมากกว่าแสดงด้านที่จะทำร้ายกัน ผมยิ้มให้ทะเลบางๆกับคำพูดที่เขาเอ่ยกับผม บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมความเจ็บปวดจากความรักจึงเกิดขึ้นได้แม้เราจะรักกัน ผมเจ็บให้กับอะไรบางอย่างตลอดมาจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น

หากจะหาเหตุผลที่ใกล้เคียงที่สุดคือผมไม่อาจครอบครอง

ความคิดนั้นทำให้การร่วมรักกับทะเลที่ผ่านมาไม่เคยพอ ไม่ว่าจะตอกย้ำสักกี่ทีก็ไม่เคยถมเต็ม

หลังจากกิจกรรมอันยาวนานทะเลก็หลับไปในอ้อมกอดผม...ผมมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าแล้วลูบไล้แผ่วเบา

ไม่อยากให้ทะเลกลับไป

ไม่อยากเลย...

ผมไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา...เวลาที่ทะเลอยู่ที่นี่ความเหงาที่มีอยู่ทุกวันหายไปและดึงวันเวลาที่เราอยู่ด้วยกันกลับคืนมา ช่วยไม่ได้เลยที่ตอนนี้ผมจะคิดเห็นแก่ตัวอยากให้ทะเลอยู่กับผมตลอดไป

มันจะเป็นไปได้ไหม...มันจะผิดมากหรือเปล่าหากผมทำแบบนั้น

ผมคิด...และมองแผ่นหลังของทะเลที่ค่อยๆเลือนหายไปเพราะความชื้นจากน้ำตา...


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/17HereWithMe_zps17a96545.jpg) (http://s1299.photobucket.com/user/zuckone/media/17HereWithMe_zps17a96545.jpg.html)

Song Titles : Here With Me
Artist :  The Killers

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หายไปตั้งสองอาทิตย์ แหะๆ  :try2:
เห็นมีคนรออยู่ด้วย แอบดีใจ
ตอนที่ผ่านมาชอบหลายๆคอมเม้นท์เลย
เพลง vincent ของคุณ เมล่อนคอซอง ก็โดนมาก
เพลงของคุณ 1wariya1 นี่ก็เศร้าเชียว (ถ้าบลูกับทะเลจะไปในทิศทางนั้น)

อาทิตย์หน้าก็ไม่แน่ว่าจะมาไหม สปีดต่ำสุดๆ
แต่เรื่องมันคงไม่เศร้าไปมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ เขียนเองก็เศร้าเหมือนกัน... :ling3:

ยังไงถ้ายังไม่เฮิร์ทกันจนเกินไปก็เจอกันตอนหน้านะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 30-05-2013 15:48:01
 :m15: ชิวิตมันเศร้า!!!   :ling1:

ไม่เป็นไรค่ะๆ ค่อยๆแต่ง คนอ่านรอได้  แต่ถ้ามาเร็วได้ก็ดี555 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-05-2013 16:10:06
ทะเลมาทีบลูก็ดีขึ้น มีชีวิตชีวา
หวังว่าทั้งสองคนจะหาทางออกที่ดีได้
ไม่อยากให้เศร้าไปกว่านี้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 30-05-2013 16:51:10
อย่าพึ่งให้น้าวิทจับได้น่ะะะะ  :ling2: :ling3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 30-05-2013 18:14:07
หน่วงแบบเบาๆ รอจนกว่าวันที่ฝนจะหยุดตกค่ะ

 /นี่เพิ่งเข้าหน้าฝน :katai1:

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 30-05-2013 18:42:29
โอ๊ยดรามา  :o12:
ขอให้ผ่านดราม่าไปไวไว
แล้วไม่ใช่ว่าบูลไปทำเรื่องเพิ่มมาอีกนะ อยู่ดีดี มีแค่เลคนเดียวก็พอ
ชอบคุณแม่เล น่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้
แต่พ่อนี่ไม่ไหวเลย ดีนะที่เลไม่หนีออกจากบ้านน่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 30-05-2013 22:11:12
โถ่น่าวิทย์
ใจอ่อนเถอะ
สงสารทั้งเลทั้งพี่บลูเหลือเกินนน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 31-05-2013 06:05:41
พี่บลู น้องเล จะผ่านมรสุมชีวิตครั้งนี้ไปได้ไหมนะ :m15:
ยังดีที่คุณแม่ไม่ค่อยว่าอะไร แต่คุณพ่อนี่แหละด่านใหญ่ เฮ้อ เลิกเศร้าซะทีเถอะน้า พลีสสสสส :hao5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-05-2013 08:58:31
TTTTTT^TTTTTTT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 31-05-2013 10:43:46
เห็นคนเขียนมาอัพเราเลยมาอ่านถึงรู้ว่ามันจะค้างก็เถอะ
ปัญหาเรื่องพ่อแม่ก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน
ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นน้าวิทย์นะเราก็จะทำเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้แหละ
คิดดูสิว่าบลูเป็นใคร อดีตของบลูใช่ว่าน้าวิทย์จะไม่รู้นะ
ต่อให้ทั้งคู่ไม่ใช่ชายรักชาย ถ้าบลูเป็น ญ หรือทะเลเป็น ญ ก็เหอะ
การที่พ่อแม่จะวางใจให้คบกันอย่างบริสุทธิ์ใจมันยากนะ
สิ่งที่พอจะเป็นไปได้คือบลูต้องเป็นคนดีจริงๆ ต้องมั่นคง จริงใจ พิสูจน์ให้พ่อแม่ของทะเลเห็นไปเลย
แต่ตอนท้ายๆแอบกลัวความคิดบลู ทำไมลางๆเหมือนจะพาทะเลหนีเลยหว่า
ถ้าจะพาหนีจริงๆมันก็อาจจะดีนะ แต่ก็ตัดอนาคตของทะเลอ่ะ เพราะกำลังของทั้งสองคนไม่พอจะส่งเสียให้เรียนจบทั้งคู่หรอก
ตายแล้ว :katai1: ฉันพล่ามอะไรมากมาย อย่าไปฟังมากนะ อิอิ
อาทิตย์หน้าไม่มาไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆแต่งไป เอาให้มันลึกซึ้ง น้ำตาหยดแหมะๆไปเลยก็ได้จ้า :mew6:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 11-06-2013 23:32:05
หลังจากไม่ได้เข้าเล้าเป็ดนาน(ในความคิดตัวเอง) มาอ่านตอนล่าสุด แปลก ที่แม้ว่าจะเป็นเวลานานแล้วหลังจากอ่านตอนที่16 พอมาอ่านตอน17 มันเหมือนกับแค่เมื่อวานนี้เองที่เพิ่งอ่านตอน16 มา มันไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นความทรงจำ ความรู้สึก แต่เพียงบรรทัดแรกก็สามารถต่อติดอารมณ์เดิมๆ ได้

ทุกๆ ตอนที่ผ่านมา มักจะเป็นอารณ์เศร้าๆ อึนๆ บวกความกลัว กลัวว่าจะเป็นแบบนั้น กลัวว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ตอนล่าสุด มันกลับไม่ใช่ความกลัวแล้ว มันเหมือนกับ.. อยากจะร้องไห้โฮออกมาให้สุดๆ ให้สมกับความรู้สึกที่ผ่านมา

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะคะ
 
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 12-06-2013 02:21:38
อ่านแล้วมันรู้สึกมึนๆอึงๆไปกับเนื้อเรื่อง ร้องไห้เลยสงสารบลูเกิน
ยกนิ้วให้เลยค่ะกับความสมจริงของตัวละคร ความมีมิติในอารมณ์ของแต่ละตัว
เป็นเสมือนบุคคลที่พบเจอได้ในชีวิต
 ในส่วนเนื้อเรื่องก็ทำได้ดีมากค่ะ ไม่มีอะไรสะดุดเลยแม้แต่น้อย 
หวังว่าสุดท้ายแล้วจะแฮปปี้นะค่ะ TT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-06-2013 17:14:50
ปวดตับ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 17 ] 30-05-13
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 17-06-2013 23:31:24
บลู    สู้ๆๆ   ต้องยืนหยัดให้ได้นะ!!!!   สร้างเนื้อสร้างตัวแล้วสู่ขอทะเลเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย   :hao3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 12-07-2013 00:01:49
-18-
Closer

http://www.youtube.com/v/rH-iTWfGXAI?version=3&amp;hl=en_US

แม้ผมจะไม่ได้พูดว่าอยากให้เขาอยู่แต่ผมก็คิดว่าทะเลรู้ความรู้สึกของผมดียิ่งกว่าใคร จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถเห็นแก่ตัวรั้งทะเลไว้ ผมมักจะเป็นแบบนี้เมื่อเป็นเรื่องของทะเล ต้องคิดหน้าคิดหลัง ไตร่ตรองเกินจำเป็นจนสับสนระหว่างความรู้สึกและเหตุผล แต่ที่สุดแล้วสิ่งที่ทำให้ผมไม่อาจทำตามความต้องการของตัวเองก็เพราะผมรู้ว่าไม่ว่ายังไงมันจะทำร้ายทะเลให้เกิดรอยแผลในจิตใจจากการหันหลังให้กับครอบครัวของตัวเอง

เวลาเช้ามืดผมขี่มอเตอร์ไซค์เลียบชายหาดพาทะเลกลับบ้าน อากาศเย็นชื้นจากลมที่ปะทะหน้าทำให้คลายความง่วงไปได้บ้าง เช่นเดียวกับครั้งที่แล้วที่ต้องจากกัน เรายืนนิ่งยื้อเวลาอยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลนัก บรรยากาศของการลาจากทำให้ผมหยิบบุหรี่่ขึ้นมาเพื่อหวังปลดปล่อยความเครียดที่มีอยู่แต่ทะเลเอื้อมมือคว้าไฟของผมไว้ก่อนที่ผมจะยกขึ้นจุด ผมมองตามไฟแช็คที่อยู่ในมือทะเลก่อนจะละสายตาขึ้นมองคนที่ถือมันไว้

รอยยิ้มขี้เล่นที่ผมไม่นึกว่าจะได้เห็นปรากฎอยู่บนใบหน้าทะเล มันไม่ใช่รอยยิ้มหมองเศร้าที่มักเห็นและคุ้นเคยในช่วงนี้ แม้จะแปลกใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ทะเลเห็นผมยิ้มก็ทำให้ลักยิ้มยิ่งกดลึก ผมนั่งลงบนเบาะรถแล้วคาบบุหรี่เอาไว้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ลืมเรื่องรบกวนใจเพียงแค่รอยยิ้มเดียวที่ผมอยากเห็นมาตลอด ทะเลค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆดึงบุหรี่ออกจากปากผมแล้วแทนที่ด้วยริมฝีปากของตัวเอง

“กว่าจะยิ้ม" ทะเลพูดเบาๆ เมื่อผละออกทะเลก็ยื่นบุหรี่ให้ผมคาบเหมือนเดิมแล้วจุดไฟให้
“พี่บลูรู้ไหมว่าเลกลัวอะไรที่สุด" ทะเลถาม หย่อนไฟแช็คลงกระเป๋ากางเกงผม
“อนาคต" ผมตอบคำตอบที่เป็นของผมเข้าไปแทนเพราะมันดูกว้างมากพอจะรวมคำตอบของทะเลเข้าไปด้วย
“ไม่ใช่ เลไม่ได้กลัวอนาคต แต่เลกลัวความคิดของพี่" ผมขมวดคิ้วกับคำตอบ ทะเลจับมือผมแล้วสอดประสานนิ้วของตัวเองเข้ามาโดยไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม
“ทำไมต้องกลัว"
“เลเดาใจพี่ไม่ออก เลเข้าไปไม่ถึงเพราะพี่ชอบเก็บทุกอย่างไว้..."
"....."
"ก่อนหน้านี้เลไม่รู้ว่าทำไมพี่บลูถึงเข้าถึงยาก เราอยู่ด้วยกันแต่เลก็คิดว่าไม่ได้รู้จักพี่ทั้งหมด พี่ชอบทำในสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เหมือนจมอยู่กับอะไรบางอย่างที่เลไม่สามารถจะเข้าใจ...ถึงตอนนี้เลจะรู้สาเหตุ...แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าพี่คิดอะไร...ไม่รู้ว่าพี่เจ็บแค่ไหนเวลาที่พี่ปกปิดมันเอาไว้ เลกลัวว่าสิ่งที่กำลังเป็นอยู่มันจะทำให้พี่เจ็บจนสุดท้ายก็เลือกที่จะจบเรื่องของเรา" ทะเลพูดด้วยรอยยิ้มเศร้าๆแบบเดิม
“เลสำคัญกับพี่มากกว่าที่เลคิด" ผมบอก ดึงทะเลลงมานั่งตักแล้วกอดเอาไว้ "ไม่จำเป็นต้องกลัวสักนิด ถ้าพี่ทนไม่ไหวสิ่งที่พี่จะทำคือพาเลมาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ตัดใจทิ้งไป"
“งั้นเมื่อไหร่จะทนไม่ไหว" ทะเลถามทีเล่นทีจริง ไม่ได้รู้เลยว่าอยู่ใกล้จุดนั้นมากแค่ไหน
“ใกล้แล้ว...” ผมเอ่ยความจริงที่อยู่ในใจ จากนั้นก็นั่งนิ่งมองออกไปตรงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นกอดทะเลไว้ไม่ยอมปล่อยออกทั้งที่รู้ว่าถึงเวลาแล้ว
“เดี๋ยวนี้ห้องพี่บลูเป็นห้องเลแล้วนะ เลนอนห้องพี่ตลอดเลย"
“ยกให้" ผมพูดอู้อี้อยู่ตรงบ่าของทะเล
“แต่ยิ่งอยู่ห้องนั้นก็ยิ่งคิดถึงพี่บลู..."
“คอยฟังเสียงรถเอาไว้ ตอนดึกๆวันไหนที่ไม่ได้เล่นที่ร้านพี่จะมาหา"

ทะเลยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เราจากกันด้วยความคิดที่ว่าอีกไม่นานคงได้เจอกันจึงทำให้ยิ้มได้ด้วยความหวัง ผมมองส่งทะเลเข้าบ้านและเดินลงชายหาดเพราะอยากสัมผัสกับผืนทราย ผมคิดถึงเจ็ทสกีของผม คิดถึงความรู้สึกอิสระ คิดถึงหลายๆอย่างของมันจนรู้สึกใจหาย ตอนนี้รอบๆด้านสว่างแล้วแต่ก็มีเพียงผมคนเดียวที่ชายหาดแห่งนี้ ผมเดินทอดน่องเพียงลำพังและซึมซับความรู้สึกที่คุ้นเคย ทรายและน้ำทะเลยังคงเป็นเพื่อนที่ผมพึ่งพายามเหงา มันไม่ได้ช่วยคลายเหงาแต่มันทำให้ความอ้างว้างของผมมีความหมาย ผมนึกถึงคำพูดของทะเลที่คุยกันก่อนหน้านี้ ที่ทะเลบอกว่ากลัวความคิดผม คำที่บอกถึงความแคลงใจในตัวผมทำให้รู้ว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรให้ทะเลมั่นใจได้เลยนอกจากคำพูด อะไรที่ผมจมอยู่มักฉุดรั้งให้ผมเลือกนิ่งเฉยแทนที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกหรือการกระทำออกมาเพราะผมเคยชินที่เก็บกดความรู้สึกเอาไว้

ผมถอนหายใจ คิดอยากทำให้ทะเลสบายใจเมื่ออยู่กับผมเหมือนที่ผมสบายใจเมื่อได้อยู่กับทะเล ไม่ใช่ทำให้ทะเลคอยหวั่นใจกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและกลัวใจผมที่ดูเหมือนจะไม่เข้มแข็งพอ...

เกือบชั่งโมงที่ผมเดินเหม่อลอยอยู่กับความคิดตัวเอง เมื่อเดินกลับไปที่รถผมก็หันกลับไปมองบ้านอย่างเคยชิน

ผมมอง...เห็นบ้าน...กับคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น

น้าวิทย์ยืนกอดอกนิ่งเหมือนรูปปั้นอยู่หน้าอู่ สายตาจับจ้องที่ผมแต่ก็ไม่ได้ใกล้พอที่จะเห็นแววตาและสีหน้าว่ากำลังเป็นแบบไหนหรืออยู่ในภาวะอารมณ์ใด ตัวผมก็หยุดอยู่กับที่ไม่อาจขยับเขยื้อน ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นน้าวิทย์ก็หันหลังเดินเข้าบ้านทิ้งให้ผมได้แต่ยืนมองเพียงฝ่ายเดียว ผมไม่รู้ว่าน้าวิทย์ยืนอยู่ตรงนั้นมานานแค่ไหนและเห็นอะไรบ้าง   

ผมปิดกั้นความคิดที่หลั่งไหลเข้ามาพยายามไม่คิดมากเกินจำเป็น ระยะเวลาเป็นสิบปีที่อยู่ด้วยกันมันอัดแน่นไปด้วยความทรงจำ ยิ่งกว่านั้นคือสิ่งที่เรียกว่าความผูกพัน

ชั่วขณะที่เรายืนจ้องกันอยู่ในที่ไกลๆ...
ผมไม่อาจบอกได้ว่าความรู้สึกเศร้าเสียใจที่เป็นอยู่ตอนนี้เป็นความรู้สึกของผมหรือความรู้สึกของน้าวิทย์ที่ส่งมากันแน่...

...

ถึงผมจะบอกทะเลว่าจะมาหาวันที่ไม่มีเล่นที่ร้านแต่ผมก็ไม่ได้ทำตามคำพูดซะทีเดียว ในวันถัดมาหลังจากเล่นเสร็จแล้วผมก็ตรงมาหาทะเลโดยหวังใจว่าทะเลจะได้ยินเสียงรถผมและชะโงกมองลงมา

ตอนที่ผมไปถึงประมาณเกือบตีหนึ่ง ไฟในห้องของผมปิดเงียบ ผมจอดรถที่หน้าบ้านโดยที่ยังไม่ดับเครื่อง ปล่อยให้มันดังอยู่นานจนกว่าจะคิดถอดใจ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นความคาดหวังของผมเป็นจริงเมื่อได้ยินเสียงบานประตูและเห็นทะเลที่ก้าวออกมาอย่างระแวดระวัง ผมดับเครื่องแล้วนั่งลงตรงหน้าบ้านกับทะเลที่ตาปรือฟ้องชัดว่าผมเป็นคนปลุกให้ตื่น ถึงจะรู้สึกผิดอยู่หน่อยแต่ก็ดีใจที่ทะเลได้ยินเสียงรถผมแม้จะยังหลับอยู่

วันนี้เราคงได้แต่นั่งกันอยู่ตรงนี้ เป็นแค่เพียงการพบหน้าให้คลายความคิดถึง ผมคิดว่าแค่ได้เห็นหน้าทะเลก็เพียงพอแล้วและไม่อยากที่จะเสี่ยงไปมากกว่านี้ ไม่อยากให้น้าวิทย์จับได้ที่พาทะเลไปไหนต่อไหน ที่ได้เห็นท่าทีนิ่งเฉยของน้าวิทย์เมื่อวานผมก็ไม่อาจวางใจได้ว่าน้าวิทย์กำลังคิดอะไร

ทะเลเอนหัวมาซบไหล่ผมนิ่งแต่ผมรู้ว่าทะเลไม่ได้หลับ เราแค่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มีเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสกันและความเงียบแค่นี้ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจ

ผมรู้สึกว่าช่วงเวลานี้มันช่างเรียบง่ายเหลือเกิน เรียบง่าย...เปราะบาง...เพียงแค่นั่งหายใจอยู่ข้างกันก็มีความหมาย

เรานั่งอยู่แบบนั้นได้ไม่นานนักผมก็ต้องไล่ทะเลเข้าบ้านเพราะยุงข้างนอกนี่ทำให้ทะเลนั่งเกาจนแขนขาลายไปหมด แต่ทะเลกลับไม่สนใจยังคงนั่งกอดแขนผมทำทีไม่ได้ยินที่ผมพูด

“เข้าบ้าน"
“พี่บลูเพิ่งมา เลยังไม่อยากให้กลับเลย"
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ ถ้าพี่มาหาได้จะมาทุกวัน" พอผมพูดแบบนั้นทะเลก็มองผมด้วยแววตาสดใส ไม่มีเค้าความง่วงอยู่อีกแล้ว
“จริงนะ" ผมยิ้มให้ก่อนจะฉุดทะเลให้ลุกขึ้นแล้วไปส่งหน้าประตู


ตั้งแต่นั้นการแอบนัดพบกันทุกวันเป็นสิ่งที่ผมตั้งตารอคอย แม้จะดึกดื่นแค่ไหนทะเลก็ไม่เคยให้ผมมาเก้อ พอได้ยินเสียงรถทะเลจะปลุกตัวเองเพื่อมาพบผมเสมอ จากครั้งที่ผมไล่ทะเลเข้าบ้านเพราะยุงเป็นเหตุหลังจากนั้นทะเลก็พกยากันยุงลงมาด้วย ให้เราอยู่ด้วยกันได้นานขึ้น ทะเลพูดแบบนั้นครั้งหนึ่งขณะที่ฉีดยากันยุงบนแขนผมแล้วทาให้ หลายครั้งของการพบเจอเราเพียงนั่งจับมือกันจนชื้นเหงื่อหรือแค่ซบอิงกันเท่านั้น แต่ถึงจะแค่นั้นผมก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เกี่ยวกันแน่นระหว่างเรา การแสดงออกยิ่งเรียบง่ายมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันลึกซึ้ง

เป็นอีกด้านของความรักที่ดูบริสุทธิ์ นิ่งสงบแต่ก็อิ่มใจ

หากผมหยุดอยู่นิ่งๆและมองดูดีๆก็จะพบว่าคนข้างๆผมก็ไม่เคยไปไหนไกลจากผมเลย ทะเลที่มักวนเวียนอยู่รอบตัวไม่เคยละความพยายามที่จะไล่ตามผม ทั้งเมื่อก่อนหรือแม้แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าความดำมืดที่ห่างไกลเป็นแรงดึงดูดที่ทำให้ทะเลเข้าหาผม เหมือนๆกับที่ผมถูกความอ่อนโยนของทะเลดึงดูด

เวลาที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มันทำให้ความรู้สึกนึกคิดของผมมีความเปลี่ยนแปลง ผมยังคิดอยากให้ทะเลมาอยู่ด้วยกันแต่ขณะเดียวกันผมก็รักช่วงเวลานี้ของเรา...รักที่มันบอกได้ว่าทะเลรักผมมากเช่นเดียวกับที่ผมรักเขา ภายใต้สถานการณ์ไม่แน่นอนสั่นคลอนจิตใจมีบางอย่างค่อยๆหยั่งรากลงในใจ

ซึ่งผมและทะเลต่างก็รู้สึกได้เหมือนๆกัน

...

เวลาล่วงเลยมาเกือบสามเดือนหลังจากที่ผมออกมาจากบ้านผมถึงได้รับการติดต่อจากเจ๊หนิง ดูเหมือนว่าน้าวิทย์จะไม่ได้บอกเรื่องที่ผมไม่อยู่ที่นั่นแล้วให้เจ๊รู้ถึงเพิ่งจะโทรมาหา เจ๊หนิงบอกว่าไปที่บ้านแล้วไม่เจอผมจึงถามกับน้าวิทย์แล้วค่อยทราบเรื่องราวทั้งหมด ผมรับรู้ความเป็นห่วงเป็นใยของเจ๊หนิงได้จากน้ำเสียง มันไม่ได้แตกต่างไปจากตอนที่ถามผมเรื่องพี่หญิงเลยสักนิดแม้จะรู้เรื่องของผมกับทะเลแล้ว เจ๊หนิงถามเรื่องราวคร่าวๆและนัดผมให้มาเจอกันในวันรุ่งขึ้น ถึงจะรู้ว่าเจ๊หนิงเป็นห่วงแต่ผมก็อดคิดในแง่ร้ายไม่ได้ว่าเจ๊หนิงจะบอกให้ผมเลิกยุ่งกับทะเลด้วยอีกคน แต่ผมก็แค่คิดไปอย่างนั้น ผมไม่ได้ปฎิเสธนัดแม้จะกังขาในเจตนาเพราะความรู้สึกอยากเจอเจ๊หนิงนั้นมีมากกว่า

จุดนัดพบของเราเป็นร้านอาหารในห้างๆหนึ่งที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของคนที่นี่ ผมรอเจ๊หนิงในร้านอาหารมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาและเห็นเงาสะท้อนอันเลือนลางของตัวเองบนกระจก ผมสงสัยไร้สาระไปเรื่อยเปื่อยว่าทำไมชีวิตของพวกเขาถึงดูมีความสุขกันนัก มันเป็นข้อสงสัยตั้งแต่เด็กๆเวลาผมมองเหล่านักท่องเที่ยวบนชายหาด ไม่ว่าตอนนั้นหรือตอนนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ ผมนั่งเงียบๆมองดูผ่านกระจกที่กั้นโลกของผมกับโลกของพวกเขาเอาไว้...

เจ๊หนิงมาหลังจากเลยเวลานัดไปได้ไม่นาน หลังจากทักทายเจ๊หนิงก็บ่นถึงความวุ่นวายที่ร้านกว่าจะออกมาได้ให้ผมฟังยาวเหยียด ผมฟังด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย การฟังเรื่องของคนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ทำได้เพียงแต่นั่งฟังไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย เราสั่งอาหารและคุยกันเรื่องทั่วไปก่อนที่หัวข้อสนทนาจะมาถึงเรื่องหลักซึ่งก็คือเรื่องของผม

“ทำไมบลูไม่บอกเจ๊ตั้งแต่ที่ออกจากบ้าน" เจ๊หนิงเปิดประเด็นถามด้วยอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ
“ผมคิดว่าน้าวิทย์คงจะบอก แล้วผมก็ไม่อยากให้เจ๊ลำบากใจ"
“เรื่องนี้เจ๊มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก เป็นคนฝากบลูไว้กับวิทย์แต่ก็ไม่มีใครคิดจะบอกเจ๊สักคำ...แล้วยังไงตอนนี้...เล่าให้ฟังมาตั้งแต่แรกซิ"
“ก็อย่างที่เจ๊รู้...ผมกับเลแอบคบกัน...แล้วน้าวิทย์ก็จับได้เพราะเทป...”
“เลยอมบลูใช่ไหม...บลูไม่ได้บังคับน้องใช่ไหม" ผมรู้ว่าเจ๊หนิงกำลังคิดอะไรจึงได้แต่ยิ้มขื่นๆ
“ผมรักเล...แล้วเลก็บอกว่ารักผม...เจ๊พอจะเข้าใจความเป็นไปได้ของมันไหม" เจ๊หนิงจ้องผมราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง ผมเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง ความรู้สึกเศร้าจู่จับหัวใจ
“ก็แค่ถามเพื่อความแน่ใจ ทำไมเจ๊จะไม่เข้าใจ...”
“เจ๊หนิงว่ามันผิดไหม"
“ถ้าถามเจ๊ เจ๊ก็ว่ามันไม่ผิด แต่คำตอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เจ๊ก็เข้าใจวิทย์ที่รับไม่ได้ สำหรับคนที่รับไม่ได้เขาก็เห็นเป็นอีกแบบ"
“ผมไม่อยากให้การกระทำของเราที่น้าวิทย์เห็นเป็นตัวตัดสินแต่ผมก็อธิบายอะไรไม่ได้ ยิ่งผมพูดว่ารักเลน้าวิทย์ก็ยิ่งไม่อยากฟัง ผมไม่รู้ว่ามันผิดที่ตรงไหนสำหรับน้าวิทย์ ผิดที่ผมทำ...ผิดที่ผมรักเล...ผิดที่อดีตของผม...หรือผิดที่เราทั้งคู่เป็นผู้ชาย"

ความเงียบเข้าครอบงำเราหลังจากนั้น เจ๊หนิงเหมือนค่อยๆจมลึกอยู่ในความคิดของตัวเอง

“วิทย์อาจจะมีเลือดของพ่อเข้มข้น...” เรากินข้าวกันเงียบๆสักพัก เจ๊หนิงก็พูดลอยๆขึ้นมา

"บลูรู้ไหมว่าที่เจ๊เป็นอยู่นี้พ่อเจ๊ก็ไม่เคยยอมรับ การถูกคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ปฎิเสธตัวตนของเรามันเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร จุดนี้เจ๊ก็ผ่านมันมาเหมือนกัน"
“แล้วเจ๊ทำยังไง"
“ก็มันเป็นสิ่งที่เราเป็นจริงๆถึงเขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับมันก็เท่านั้นในเมื่อมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้"
“ใช่...มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้...ผมเคยพยายาม สุดท้ายก็เหมือนเดิม” เจ๊หนิงยิ้มเมื่อได้ยินผมพูด ยิ้มแบบมีเลศนัยให้ผมเกิดความรู้สึกเก้อเขิน
“รักกันมานานแค่ไหนแล้ว"
“ผมบอกไม่ได้หรอก...กว่าจะเป็นรักแบบนี้มันก็เป็นรักอีกแบบ"
“บลูดูมีความสุขกว่าที่เจ๊เคยเห็น ถ้ามันเป็นเพราะเลจริงๆเจ๊ก็ว่าเรื่องของเรามันไม่ใช่สิ่งที่ผิดเลย..." ผมรู้สึกอุ่นใจที่เจ๊หนิงพูดแบบนั้น เหมือนกับว่าเจ๊หนิงกับผมอยู่ในโลกด้านเดียวกันที่จะสามารถเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบายอะไร
“ที่ผ่านมาผมนึกขอบคุณเจ๊ในทุกๆอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้ผมอยากขอบคุณเจ๊หนิงที่สุดคือทำให้ผมได้เจอกับเล" แม้จะเคยรู้สึกกระดากอายจนไม่กล้าพูด แต่ครั้งนี้ความรู้สึกทั้งหมดมันทำให้ผมต้องพูดมันออกมา และผมก็แปลกใจว่าเมื่อได้พูดมันออกมาแล้วไม่ใช่ความอายที่ผมรู้สึก มันกลับเป็นความรู้สึกดีใจที่ได้เห็นเจ๊หนิงยิ้มรับคำขอบคุณของผมอย่างเต็มใจ

เราคุยต่ออีกพักใหญ่ๆกว่าจะแยกย้ายกัน เจ๊หนิงพูดถึงแม่ให้ฟังบ้างแต่ผมก็คร้านที่จะสนใจ ผมว่าการที่ไม่มีแม่ในชีวิตของผมนั้นจะดีกว่า แม้ว่าผมจะไม่เหลือใครแล้วก็ตาม เจ๊หนิงเสนอความช่วยเหลือหลายๆอย่างแต่ผมก็ปฎิเสธ ผมเล่าให้ฟังว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนทำอะไรบ้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าผมโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเด็กผู้ชายที่เจ๊หนิงจำภาพนั้นไว้

“เจ๊ดีใจที่เห็นบลูไม่เป็นไร...เรื่องของบลูกับเลเจ๊จะลองคุยกับวิทย์ให้ แล้วถ้ามีเรื่องอะไรหลังจากนี้เจ๊ก็อยากให้บลูบอกเจ๊...จำไว้ว่าบลูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว"

เจ๊หนิงพูดทิ้งท้ายก่อนที่เราจะจากลา ผมมองเห็นความหวังจากคำพูดของเจ๊หนิง...อนาคตที่มองไม่เห็นเมื่อมีแสงเล็กๆส่องเข้ามามันยิ่งใหญ่เสมอ...แม้ว่าแสงนั้นจะริบหรี่แค่ไหนก็ตาม

...

ช่วงสอบเป็นช่วงที่ผมและทะเลตกลงกันว่าอาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก เราต่างคนต่างใช้ชีวิตที่ไม่มีส่วนใดทับซ้อนกัน ส่วนใหญ่แล้วผมจะไปหาทะเลวันเสาร์อาทิตย์แต่ก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันได้ไม่นานอยู่ดี ผมมีงานที่แทบจะเรียกได้ว่าล้นมือ เวลาว่างที่ผมใช้สอนทำให้มีเวลาทำงานของมหาลัยน้อยลง การแบ่งสัดส่วนตรงนี้ยังไม่ลงตัวเลยยุ่งวุ่นวายอยู่พอสมควร

มีบางครั้งบางทีเหมือนกันที่ผมอยากเจอทะเลจนทนไม่ไหวแล้วไปรับมาแม้จะเป็นวันธรรมดา ผมให้ทะเลมานอนที่ห้องแล้วตัวเองก็นั่งทำงานไปเหมือนกับว่าขอแค่ให้ได้อยู่ด้วยกันบ้างก็ยังดี ทะเลชอบลากหมอนมานอนข้างๆมองดูผมจนหลับไปทุกครั้ง ขอบเขตที่เราจะอยู่ด้วยกันยังคงเป็นตอนกลางคืนเสมอๆ ไม่ว่าน้าวิทย์จะรู้หรือไม่รู้ผมก็ไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งไปมากกว่านั้น ผมไม่เคยเห็นน้าวิทย์อีกเลยตั้งแต่คราวที่น้าวิทย์ยืนอยู่หน้าบ้าน ทะเลเล่าให้ผมฟังว่าจนถึงตอนนี้น้าวิทย์ก็ยังไม่ยอมคุยกับทะเลเรื่องของผม ใจผมก็ไม่คิดเร่งรีบให้น้าวิทย์เข้าใจมันแต่ก็ยังคงหวังอยู่ว่าสักวันน้าวิทย์จะเข้าใจ

ความสัมพันธ์ที่คล้ายจะสุขสมหวังแต่ก็ไม่ ทำให้ผมกับทะเลยิ่งจับมือกันให้แน่นขึ้น อารมณ์ต่างๆพัฒนาไปในทิศทางที่ทำให้ผมประหลาดใจ โดยไม่รู้ตัวผมก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานใจเมื่อไม่ได้มีทะเลอยู่ใกล้ๆอีกแล้ว ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เราก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ช่วงเวลาที่วุ่นวายทำให้ผมอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้เหลียวมองอดีตและไม่ได้กังวลกับอนาคต

ที่ๆผมอยู่เริ่มมีความทรงจำของทะเลเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา ทะเลจะจากไปโดยทิ้งกลิ่นเฉพาะตัวไว้บนหมอนและกลับมาใหม่เมื่อกลิ่นนั้นเจือจาง เมื่อเห็นผมมีเครื่องเสียงเก่าๆอยู่ทะเลก็ขนแผ่นเพลงที่เป็นของผมกับเพลงที่ทะเลชอบเอามาไว้ให้ หนึ่งในนั้นมีแผ่นที่เป็นเพลงที่ทะเลแต่งให้ผมด้วย ครั้งแรกที่ผมได้ฟังเพลงนั้นผมคิดว่ามันเป็นเพลงเศร้ามากกว่าที่จะเป็นเพลงรัก ทะเลบอกกับผมว่าผมให้ความรู้สึกที่เหมือนกับเพลงนี้...

“ให้ความรู้สึกเศร้า...แต่ก็ละสายตาไม่ได้...เลรักความรู้สึกนั้นในตัวพี่บลู"

คำพูดที่มาพร้อมรอยยิ้มของทะเลทำให้ผมรู้สึกราวกับถูกโอบกอด ผมไม่มีความรู้สึกว่าต้องการเป็นเจ้าของหรือครอบครองใดๆเหมือนแต่ก่อน ไม่จำเป็นเลย แววตาของทะเลบอกได้ว่าเขายังเป็นของผมตราบใดที่แววตานั้นมันยังไม่เปลี่ยนไป ผมพยายามแสดงออกมากกว่าที่เคยเพื่อให้ทะเลรับรู้ความรู้สึกของผมเช่นเดียวกัน ระหว่างเรามีทั้งความสุข แต่บางอารมณ์ก็ยังเจือปนด้วยความเศร้าและความเหงา อารมณ์ต่างๆพวกนี้ไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว ความเหงาทำให้การพบเจอกับทะเลเต็มไปด้วยความสุขใจ และอดเศร้าใจไม่ได้ทุกครั้งเมื่อมีการจากลา

หลังจากที่ทะเลผ่านพ้นช่วงสอบและปิดเทอมกลางภาคไปแล้วจึงค่อยถึงช่วงสอบของผม ทะเลเข้าใจที่ผมไม่ค่อยได้ไปหาและเป็นฝ่ายมาหาผมเองอยู่หลายครั้ง ทะเลใช้มอเตอร์ไซค์ที่เคยเป็นของผมออกมาหาโดยบอกน้าวิทย์ว่าออกมาซ้อมดนตรีกับเพื่อน แต่บอกน้าเพลงว่ามาหาผม ทะเลบอกว่าไม่อยากโกหกน้าเพลงและก็รู้ว่าน้าเพลงจะไม่ห้าม ยิ่งกว่านั้นน้าเพลงยังช่วยพูดกับน้าวิทย์ให้ปล่อยทะเลออกมาข้างนอกอีกด้วย บางทีผมก็อยากจะคิดว่าน้าวิทย์รู้เรื่องที่ทะเลออกมาแต่ก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้ มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ผมคิดไปแบบนั้น หนึ่งในนั้นก็คือเรีื่องที่เจ๊หนิงเล่าให้ฟังว่าคุยกับน้าวิทย์ให้ผมแล้ว...ที่เหลือก็ให้ผมรอดูผลของมันเอาเอง...


วันนี้ทะเลมาหาผมเช้ากว่าทุกวันด้วยเหตุผลเดิมที่เคยบอกว่า ให้เราอยู่ด้วยกันนานขึ้น

มันเป็นวันหยุดที่ผมว่างทั้งวันเพราะพรุ่งนี้ผมมีสอบ ผมงดสอนจนกว่าจะสอบเสร็จและไม่มีเล่นที่ร้าน ผมได้ใช้เวลาอยู่นิ่งๆอ่านหนังสือ อยู่กับทะเล เป็นโมงยามอันแสขสุข เสียงเพลงที่แว่วเข้ามาในโสตประสาทขณะที่ผมอ่านหนังสืออย่างเคร่งเครียดไม่ได้ทำให้ผมรำคาญหรือเสียสมาธิ ตรงกันข้ามผมกลับชอบเพราะมันทำให้ห้องไม่เงียบเหงาจนเกินไป ทะเลนั่งพิงกับเตียงเล่นกีตาร์เบาๆอยู่เป็นเพื่อน บรรยากาศตอนกลางวันทำให้นึกถึงตอนอยู่ที่บ้านด้วยกันแบบนี้ทุกๆช่วงปิดเทอม

เสียงเพลงเงียบลงพร้อมๆกับที่ผมพักสายตา ผมคลานไปหาทะเลแล้วพาดหัวลงนอนตักหลับตา สัมผัสของนิ้วทะเลไล้บนหน้าผมเบาๆให้ความรู้สึกสบายจนไม่อยากทำอะไร แค่ทะเลอยู่กับผม ที่นี่ก็เป็นเหมือนบ้าน และไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ขอแค่มีทะเลอยู่มันก็จะเป็นบ้านสำหรับผม

“ถ้าสอบเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันไหม" ทะเลถามพร้อมกับแนบฝ่ามือเข้าที่แก้มผม ผมยิ้มเพราะรู้สึกชอบน้ำเสียงติดจะอ้อนของทะเลที่ใช้ถาม
“เลอยากไปไหน" ผมลืมตามองหน้าทะเลที่กำลังยิ้มอยู่เหมือนกัน
“ไปไหนก็ได้ ไกลๆ...”
“พี่อยากไปทะเล"
“ไม่เบื่อเหรอเห็นทุกวัน" ผมจ้องหน้าทะเลสักพักก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เบื่อ"
“ทำไมพี่บลูถึงชอบทะเล..." คำถามแปลได้สองความหมาย แต่ผมก็รู้ว่าทะเลถามออกมาในความหมายเดียว
“อธิบายยากมันเป็นความรู้สึกตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่อยากไปเพราะอยากเห็นทะเลที่อื่นบ้าง ที่ๆมันใสกว่านี้"
“ไปสิ เลไปที่ไหนก็ได้"
“แล้วจะบอกน้าวิทย์ว่ายังไง"
“ก็บอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อน ปิดเทอมครั้งที่แล้วเลก็ไปเที่ยวกับพวกก้าน พ่อกับแม่ก็ให้ไปไม่เห็นเคยว่าอะไร"

จริงๆแล้วผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนมากมายนัก ที่ๆเราอยู่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวผมจึงไม่เห็นความจำเป็นหรือคิดอยากไปไหนเท่าไหร่ มีบางทีที่น้าวิทย์กับน้าเพลงพาไปเที่ยวตอนที่เรายังเด็กๆเหมือนกัน แต่มันก็นานมาแล้ว ด้วยความที่เราเป็นผู้ชายพอโตมากพอที่จะไปไหนเองได้ทั้งสองก็เลิกพาเราไปเที่ยวไปโดยปริยาย กับเพื่อนก็มีแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่วางแผนไปเที่ยวกันจริงจังซึ่งผมก็ไปบ้างไม่ไปบ้างตามอารมณ์

มาคราวนี้ไม่มีเหตุผมอะไรที่จะตอบปฏิเสธ...ผมตอบตกลงกับทะเลว่าจะพาไปเที่ยวหลังสอบเสร็จเพราะเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ผมแค่อยากไปที่ไหนก็ได้ที่ได้ใช้เวลาอยู่กับทะเล...

อีกครั้งที่ทะเลเผยรอยยิ้มดีใจเมื่อผมรับปาก ดูน่ารักไร้เดียงสาเหมือนตอนหกขวบไม่มีผิด หากเป็นไปได้ผมอยากจะทำให้ทะเลยิ้มได้แบบนี้ตลอดไป เพราะยิ้มของเขาที่ทำให้โลกของผมสดใสได้แม้จะรู้สึกเจ็บปวด ผมลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปจับใบหน้าทะเลไว้ รอยยิ้มของทะเลค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบเมื่อผมกดนิ้วไล้หัวแม่มือไปบนริมฝีปาก พอมันขึ้นสีแดงเข้มขึ้นผมจึงแตะริมฝีปากตัวเองลงไปเบาๆ ซ้ำๆ

และเหมือนกับทุกครั้งที่มันไม่เคยพอ ผมกระเถิบเข้าใกล้...กดจูบดูดดื่ม

เมื่อให้ความรู้สึกซาบซ่านจนพอใจแล้วผมก็ทิ้งตัวลงนอนตักทะเลเหมือนเดิมและหลับตา ผมงีบหลับไป ตกเย็นถึงค่อยตื่นขึ้นมาและพบว่าในห้องไม่มีใคร

มีเพียงกระดาษโน๊ตที่ทะเลเขียนทิ้งไว้

ขอโทษที่กลับก่อนแล้วไม่ได้ปลุกบอกแม่ไว้ว่าจะกลับเร็ว
เลซื้อข้าวมาไว้ให้ ตื่นแล้วกินด้วยนะ
แล้วเจอกันวันสอบเสร็จ
เลจะมารอที่นี่...



(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/18Closer_zps29c58921.jpg) (http://s1299.photobucket.com/user/zuckone/media/18Closer_zps29c58921.jpg.html)

Song Titles : Closer
Artist :  Travis

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แอบมาลงเงียบๆ  :katai5:

 :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-07-2013 05:50:50
มาเงียบจริงๆฮ่ะ แต่มันไม่รู้สึกหดหู่แล้วล่ะ :mew4:
มีความหวังขึ้นมาบ้างแล้วเนอะ เวลาช่วยได้ ขอแค่มั่นคงต่อกัน น้าวิทย์ต้องเห็นใจแน่นอน
เป็นกำลังใจให้นะสองหนุ่ม :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 12-07-2013 06:10:06
'ผมรู้สึกว่าช่วงเวลานี้มันช่างเรียบง่ายเหลือเกิน เรียบง่าย...เปราะบาง...เพียงแค่นั่งหายใจอยู่ข้างกันก็มีความหมาย'...' ขอแค่มีทะเลอยู่มันก็จะเป็นบ้านสำหรับผม' ชอบประโยคนี้จังงงง อ่านแล้วรู้สึกขนลุกซู่555

เจ้หนิงดีมากกกกก :ling1:

เดีี๋ยวพ่อก็คงยอมแล้วแหละดูรักกันลึกซึ้งมากๆเลย :กอด1:

มาต่อเร็วๆน้าาา :mew1:

ปล.เพลงCloserเพราะจังงง
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 12-07-2013 11:44:44
เนื้อเรื่องดี เพลงประกอบก็เพราะอ่ะ o13

หน่วงๆๆดี  :mew2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 12-07-2013 15:07:10
ขออย่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับ ทะเล และบลูอีกเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-07-2013 22:42:57
สุขปนเศร้าเหงาเหงาซึ้งซึ้ง   
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 13-07-2013 01:17:20
ความรู้สึกตอนอ่านจบคือเรียบตึง

ตอนสุดท้ายของตอนที่บลูหลับไปแล้วตื่มมาเจอจดหมายของเล

บอกเลยว่า คว้าง เรารู้สึกแบบนั้น

มัน'deep'จนเราไม่อาจแน่ใจในความสุขที่ทั้งสองได้รับมันสุขจริงๆหรือเปล่า

แต่ยังไงๆ ความสุขก็คือความสุข

   ขอบคุณคนเขียนอีกเช่นเคยค่ะ :กอด1:

//แอบมาเปิดดูทุกวันเลย อัพแล้วอ่ะ ดีใจสุดๆ,:-7

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 13-07-2013 02:03:41
อ่านแล้วอิ่มในใจมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-07-2013 11:04:40
พี่บลูเปิดใจมากขึ้นไม่จมดิ่งอยู่คนเดียว นี่น่าจะเป็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น
น้องเลยังเป็นกำลังใจที่เข้มแข็งเสมอมา
เจ๊หนิงก็ดีเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ

ปล.เพลงเพราะมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 13-07-2013 18:35:46
เพิ่งมาตามอ่าค่ะ หน่วงสุดๆไปเลยเรื่องนี้

อ่านแล้วรู้สึกใจหนักๆ มีตะกอนในใจตลอดเลย อยากให้จบแฮปปี้มาก สงสารบลูสุดๆ  :m15:

แล้วมาต่อไวๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 18 ] 11-07-13
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 31-07-2013 03:54:03
แอบมาลงเงียบๆ จนคนอ่านจับไม่ได้ ไหวตัวไม่ทัน นี่ถ้าไม่เปิดหน้านิยายไปเรื่อยๆ คงไม่เห็นจริงๆ แอบดีใจแบบว่าไม่คาดคิดว่าจะได้อ่านตอนใหม่

ตอนล่าสุดน่ะ เหมือนช่วงเวลาใกล้เช้าเลย คือท้องฟ้าที่มีดวงดาวเริ่มเห็นแสงจางๆ ที่ขอบฟ้า รอว่าเมื่อไหร่แสงมันจะสว่างขึ้นๆ จนเห็นเป็นสีทองที่ขอบฟ้า ทีนี้ก็รอแค่พระอาทิตย์ดวงโตจะโผล่ออกมาให้เห็น อารมณ์ประมาณนั้นเลย

เรื่องนี้ไม่ได้หวังให้เรื่องเรื่องมันสดใสซาบซ่า แต่ก็อยากเห็นแสงสว่างเรื่องเรืองในเรื่องนะคะคุณผู้เขียนขาาาาาาาา (แอบมีความหวัง)
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 01-08-2013 22:07:43
-19-
I'm Yours

http://www.youtube.com/v/a7ss2D_OYqk?version=3&amp;hl=en_US


ผมได้ยินเสียงถอนหายใจตัวเองเมื่อเขียนคำสุดท้ายลงในกระดาษข้อสอบ วิชาสุดท้ายจบลงแล้ว...

ผมวางปากกา ใจคิดถึงคนที่บอกว่าจะรออยู่ที่ห้อง ผมอนุญาตให้ทะเลเข้ามาในความคิดหลังจากพยายามผลักไสออกไปเพื่อจะได้มีสมาธิในการสอบ เพื่อนๆแต่ละคนดูเหมือนจะมีสิ่งที่อยากจะทำหลังสอบเสร็จจึงดูปลอดโปร่งโล่งใจพอๆกัน พวกที่สอบเสร็จแล้วชวนกันไปสังสรรค์อย่างเห็นเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ผมบอกกับพวกมันว่าให้ไปร้านพี่ตินถ้ามาได้เพราะวันนี้ผมไปเล่นที่นั่นรวมทั้งไอ้ตูนด้วย พอตกลงกันได้ผมก็ปลีกตัวออกมาก่อน ผมเจอร็อคอยู่ใต้อาคารเลยแวะเข้าไปหาก่อนกลับ มันนั่งใส่หูฟังเล่นโทรศัพท์แต่ก็เหลือบตามามองเมื่อผมนั่งลงข้างๆ

“หิวข้าว ตูนล่ะ"
“เดี๋ยวก็มา จะหมดเวลาแล้ว" ผมพูด ร็อคเลิกเล่นมือถือแล้วดึงหูฟังออกเพื่อจะคุยกับผม
“รีบไปไหนรึเปล่า ไปกินข้าวกัน"
“เลรออยู่ เดี๋ยวก็ต้องกลับ แต่มาบอกมึงก่อนว่าอาทิตย์หน้ากูจะขอลางานทั้งอาทิตย์"
“ไปไหนวะ" มันถามผมแต่ตากลับมองไอ้ตูนที่กำลังเดินมากับพวกเพื่อนๆ
“กูจะไปเที่ยวกับเล แต่ไม่แน่ว่ากี่วันเลยลาไว้อาทิตย์นึง"
“เออ ไปเหอะ นานๆจะไปสักทีนะมึงน่ะ วันไหนบ้างก็โทรลาเด็กเองนะ วงเดี๋ยวกูให้ม่อนมาเล่นแทนให้" ผมพยักหน้าตอบรับ ตูนเดินมาถึงพวกเราพอดีและชวนผมไปกินข้าวเหมือนที่ร็อคชวนผมจึงปฎิเสธอีกครั้ง

“แล้วเจอกันตอนเย็น"

ผมบอกลาแล้วขับรถกลับห้องอย่างคนใจร้อน พอถึงที่ยังไม่ทันขึ้นข้างบนก็เจอพี่ปาล์มที่นั่งว่างไม่มีลูกค้ามองอย่างรู้ทันบอกกับผมว่าทะเลรออยู่บนห้องเป็นชั่วโมงแล้ว  ผมเดินขึ้นห้องด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน อาจเป็นเพราะผมรอเวลาที่จะเจอทะเลอยู่ตลอดหรืออาจจะเป็นเหตุผลอื่นผมก็ไม่มีเวลามาใส่ใจ

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง จิตใจสงบลงเมื่อเห็นทะเลนอนอยู่บนเตียง ห้องคงจะร้อนมากทะเลถึงถีบทุกอย่างให้พ้นจากตัว มีเพียงหมอนใบเดียวที่ทะเลนอนคว่ำแล้วกอดมันเอาไว้ ผมพยายามเดินให้ไร้เสียง ไม่อยากจะปลุกให้ตื่นเพราะทะเลดูหลับลึก ผมเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นมานอนบนเตียงกับทะเล นี่แหละคือเวลาแสนสุขที่ผมรอคอย ผมนอนตะแคงกอดอกมองทะเลเนิ่นนานจนในที่สุดทะเลก็เห็นความเคลื่นไหวจากเปลือกตา ทะเลค่อยๆลืมตาขึ้นและกระพริบถี่ พอเห็นผมทะเลก็ส่งยิ้มมาให้ทั้งที่งัวเงีย

“กลับมานานรึยัง" ผมส่ายหัวตอบ ไม่ได้พูดอะไร
“เลเก็บกระเป๋ามาแล้ว จะพาไปเที่ยววันไหน"
“บอกน้าวิทย์กับน้าเพลงแล้วเหรอ"
“บอกแล้ว บอกด้วยว่าไปหลายวัน ยังไม่รู้กลับวันไหน" ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าน้าวิทย์กับน้าเพลงจะรู้ไหมว่ามากับผม ลึกๆในใจกังวลอย่างบอกไม่ถูก
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พ่อกับแม่ไม่ห้ามก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ"
“อืม...ดีแล้ว” ผมลูบหัวทะเลและพยายามยิ้มให้ไม่ต้องคิดอะไรมากไปด้วยอีกคน
“ตกลงไปวันไหน" ทะเลถามเอาคำตอบ ผมรู้ว่าทะเลอยากจะไปวันนี้เลยด้วยซ้ำเพราะดูท่าเตรียมพร้อมมาหมดแล้ว
“พรุ่งนี้..."

คำตอบคงเป็นที่พอใจทะเลจึงขึ้นมาโถมทับบนตัวผมแล้วกอดแน่น ผมกอดตอบแล้วซุกไซ้ซอกคออย่างสบโอกาส ทะเลหัวเราะออกมาเบาๆแล้วจู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นไล่ผมไปจัดกระเป๋า ผมทำเฉยไม่อยากทำทะเลจึงเดินไปเก็บของให้ผมแทน 

บ่ายๆเราออกมาหาอะไรกินแล้วก็หาซื้อของใช้จำเป็นที่ต้องเอาไปด้วย ทะเลจดมาเป็นรายการเหมือนเราไปกันหลายคนหรือไม่ก็ไปกันหลายวัน เราไปกันเองไม่ได้มีรถผมจึงต้องคอยปรามไม่ให้ของเยอะจนเกินไปจนยัดเข้ากระเป๋าไม่ลง หลังจากซื้อของกันจนครบแล้วทะเลก็นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไป กล้องถ่ายรูป...กล้องดิจิตอลตัวโปรดที่เอาไว้ถ่ายรูปเล่นทะเลกลับลืมมันซะสนิท แม้อยากจะกลับไปเอาแต่ก็คงจะไม่ได้ในเมื่อตอนนี้น้าวิทย์กับน้าเพลงคิดว่าทะเลไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เมื่อเป็นอย่างนั้นเราจึงตกลงกันว่าจะเดินหาซื้อกล้องที่ใช้ได้พอถูไถกับการเที่ยวในครั้งนี้

เราใช้เวลาจนถึงเย็นเดินเล่นและซื้อของอย่างไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ผมแวะเอาของมาเก็บที่ห้องก่อนจะไปร้านพี่ติน ใจจริงก็อยากให้ทะเลรออยู่ที่ห้องแต่ทะเลก็ปฎิเสธตามคาด วันนี้เพื่อนที่คณะท่าทางจะมากันเยอะและเตรียมปลดปล่อยกันเต็มที่ผมเลยไม่อยากให้ทะเลไปอยู่ท่างกลางเพื่อนผมในสภาพแบบนั้นเท่าไหร่
 
อย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อไปถึงที่ร้านก็คลาคล่ำไปด้วยคนคุ้นเคย ไม่เฉพาะแต่รุ่นตัวเองยังมีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องหรือแม้แต่คนต่างคณะติดสอยห้อยตามกันมา ผมเดินเข้าไปหาพวกในวงที่อยู่ตรงบาร์ก่อนให้พวกมันช่วยดูทะเลให้ในระหว่างที่ผมโดนเพื่อนในกลุ่มลากตัวไป พวกมันยืนยันหนักแน่นไม่ให้ผมต้องห่วงในขณะที่ทะเลเริ่มหน้างออยากจะตามไปกับผม ทะเลไม่รู้หรอกว่าผมไม่อยากให้ใครชวนทะเลชนแก้วหรือแม้แต่ชวนคุย มันหงุดหงิดเวลาที่มีคนทำแบบนั้นทั้งที่บางคนก็ดูบริสุทธิ์ใจ

พอฝากทะเลไว้กับเพื่อนสนิทได้ผมก็หายมาอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งจนถึงเวลาใกล้ขึ้นเล่นไอ้ร็อคถึงมาตาม ป็อปที่เดินมาด้วยดูอารมณ์เสียมากแต่ผมก็ไม่มีเวลาถาม ผมมองหาทะเลอีกครั้งและเห็นว่าอยู่กับปาร์คจึงส่งสายตาเป็นการบอกว่าให้มันดูทะเลให้ด้วยระหว่างนี้

แอลกอฮอล์ที่ผมได้รับทำให้ผมใส่อารมณ์เต็มที่ แสงไฟวูบวาบและเสียงโห่ร้องปลุกอารมณ์ให้คล้อยตามได้ไม่ยาก ผมไม่เคยเบื่อที่จะได้เล่นเพราะผมชอบบรรยากาศเข้มข้นของทุกสิ่งอยู่รวมกันที่ตรงนี้ มันคืออารมณ์ดิบที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองทางสมอง เพียงแต่ปล่อยให้ความรู้สึกพาไป วันนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดคืออารมณ์ของมือกีตาร์ที่พาให้เพลงของเราฟังดูดุดันร้อนแรง ไม่บ่อยนักที่ป็อปจะอารมณ์เสียจนพาอารมณ์เพลงมาถึงในจุดนี้ ซึ่งผมคิดว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักเมื่อมันได้ระบายออกมาที่นี่ ผมมองคนที่น่าจะเป็นต้นเหตุของป็อปที่ยืนอยู่กับทะเลก็ดูมีท่าทีหัวเสียไม่ต่างกัน

ทั้งผม ร็อค และตูนแอบแลกสายตากันอยู่หลายครั้งด้วยความสงสัยและเป็นห่วง เมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ผมก็มายืนอยู่กับทะเลปล่อยให้พวกเพื่อนๆที่ดูจะประคองสติกันไม่อยู่แล้วสนุกกันต่อไป ทะเลที่อยู่ข้างๆผมมองอย่างตั้งคำถาม คำถามของทะเลก็เหมือนๆกับคำถามของพวกเราที่ยืนกันอยู่ตรงนี้และไม่มีใครรู้คำตอบ เราถูกกดดันด้วยอารมณ์ที่ยังคงคุกรุ่นของคนสองคนอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ไม่นานนักป็อปก็ขอตัวกลับก่อน พอป็อปออกไปพวกเราก็เบนสายตามาที่ปาร์คที่ดูเหมือนกำลังต่อสู้อยู่กับอารมณ์ของตัวเอง ปาร์คทำนิ่งเฉย แต่หากดูจากสายตาทุกคนก็รู้ว่าปาร์คอยากตามออกไปมากแค่ไหน แต่ก็นั่นแหละ เราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งสิ้น นาทีที่ปาร์คไม่อาจปฎิเสธความต้องการของตัวเองได้อีกเขาก็วิ่งออกไปโดยไม่แม้แต่จะบอกลาเพื่อนสักคำ

...

วันนี้กับเมื่อวานดูแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อคืนนี้แม้จะดื่มหนักกว่าจะกลับก็ดึกมากแต่ทะเลก็ยังตื่นเช้ามาปลุกผมเพื่อทวงสัญญา ผมใช้เวลาหลับบนรถทัวร์ที่มุ่งลงใต้อยู่หลายชั่วโมงกว่าจะตื่นเต็มที่ก็เกือบจะถึงจุดหมาย เรานั่งรถต่อเรือใช้เวลาทั้งวันในการเดินทาง ตอนนี้เราอยู่บนเรือที่จะพาไปเกาะๆหนึ่งฝั่งอันดามัน ไม่ว่ามองออกไปทางไหนเราก็ถูกล้อมรอบด้วยผืนน้ำ เป็นผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มไม่คุ้นตาปราศจากความทรงจำไม่เหมือนที่ๆเราจากมา ผมสูดลมทะเลเข้าลึก เริ่มจะตื่นตัวกับบรรยากาศแปลกตา

ไม่นานผมก็เห็นเกาะที่เป็นจุดหมายของเรา พอใกล้เข้าไปเรื่อยๆน้ำทะเลก็เป็นสีฟ้าอ่อนกระจ่างใส มันสวยจนผมจ้องมองไม่ละสายตา เกิดอยากกระโจนลงไปทันทีทันใด ผมหันไปมองทะเลที่ยังคงสนใจแต่การถ่ายรูป เสียงชัตเตอร์ของกล้องดิจิตอลดังอยู่ข้างๆผมตลอดจนไม่แน่ใจว่ามีรูปผมอยู่ในกล้องมากเท่าไหร่แล้ว ทะเลกดชัตเตอร์อีกครั้งแล้วลดกล้องในมือลงเมื่อเห็นผมหันมาสนใจ สีหน้าทะเลดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางแต่ก็ดูกระตือรือร้นในขณะเดียวกัน ผมขยับปีกหมวกแก๊ปที่ทะเลใส่เอียงไปด้านข้างมาบังแดดด้านหน้าให้แม้แสงจะอ่อนลงแล้ว พอเรือแล่นช้าลงผมกับทะเลก็เตรียมตัวเก็บของ

หลังจากลงเรือกว่าจะหาที่พักได้ก็เย็นจนพระอาทิตย์ตกดิน เราไม่ได้จองที่พักจึงลำบากหน่อยเพราะถึงจะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวแต่นักท่องเที่ยวก็ยังเยอะอยู่ดี รีสอร์ทที่เราเข้าพักดูเงียบสงบ บ้านพักเล็กๆไม่ได้หรูหราอยู่กลมกลืนกับธรรมชาติ ทันทีที่เข้าห้องทะเลก็เริ่มเดินไปเดินมาสำรวจห้อง ห้องน้ำ ไม่เว้นแม้แต่ในตู้ เมื่อไม่มีอะไรให้สำรวจอีกต่อไปทะเลก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงข้างผมที่นอนอยู่ก่อนแล้ว

“อย่าเพิ่งนอน ไปกินข้าวกันก่อน" ทะเลทำท่าจะหลับผมเลยต้องพูดดักไว้ก่อน ทะเลพยักหน้าตอบดูหมดพลังงานเมื่อหัวถึงหมอนผมเลยปล่อยให้ทะเลนอนพักไปแล้วลุกขึ้นเอากระเป๋าเราสองคนไปเก็บให้เป็นที่เป็นทาง

ด้วยความที่เหนื่อยสะสมมาตลอดการเดินทางคืนนั้นเราก็นอนหลับยาวไปจนสายๆของเช้าวันใหม่ ทั้งผมและทะเลไม่ได้ต้องการทำอะไรเป็นพิเศษในวันนี้จึงปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปกับการนอนเอื่อยเฉื่อยอยู่บนเตียง พอตกบ่ายค่อยไปเดินเล่นหากิจกรรมทำ เราจองทัวร์ดำน้ำในวันพรุ่งนี้ก่อนจะเช่าเรือคายัคพายเล่นรอบๆเกาะ

เราตระเวนไปทั่วจนเย็นย่ำ แค่มาถึงที่นี่ไม่เท่าไหร่ผมก็อยากจะอยู่ต่อไปนานๆเท่าที่จะเป็นไปได้ มีบางช่วงที่ผมรู้สึกว่ามันพิเศษ เช่นเวลาที่เรามีเรื่องขัดใจกัน หรือทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่บอกได้ว่าเราสบายใจแค่ไหนที่เห็นเรื่องพวกนี้สำคัญพอที่จะทะเลาะกัน

ผมแอบกกกอดช่วงเวลาพิเศษนี้เอาไว้ไม่ได้บอกทะเลว่าผมชอบมันแค่ไหน...

เวลาผ่านไปไม่ได้เร็ว ไม่ได้ช้า จากวัน สองวัน เป็นสามวัน

เราเที่ยวทุกๆที่จนไม่เหลืออะไรให้สำรวจอีกต่อไป แต่ทั้งผมและทะเลไม่มีใครพูดถึงวันกลับ อ้อมกอดของกันและกันยังเป็นสิ่งที่เราต่างก็ต้องการและโหยหา ไม่มีทางที่เราจะอยากกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันไม่แน่นอนที่รออยู่...


เสียงเพลงเศร้าสะเทือนใจที่เราแบ่งปันผ่านหูฟังคนละข้างดูเข้ากับแสงยามบ่ายและเสียงคลื่นอย่างน่าประหลาด ในมือของผมมีหนังสือ ในมือของทะเลมีกล้อง แต่ไม่มีใครสนใจสิ่งที่มีอยู่ เรามองออกไปที่น้ำสีฟ้าใสระยิบระยับจากแสงแดด เป็นเหมือนที่ๆคุ้นเคยแต่ก็ไม่ใช่ ผมกำทรายสีขาวไว้ในมือและปล่อยให้มันร่วงปลิวไปกับลม ดื่มด่ำความรู้สึกจากภายใน ทรายสีขาวในมือของผมละเอียดจนไม่สามารถปั้นออกมาเป็นรูปเป็นร่างแต่ดูบริสุทธิ์งดงาม พลันภาพอดีตอันเงียบเหงาก็วาบเข้ามาในความทรงจำ หากว่าทรายสีขาวของที่นี่จะให้ค่าแทนความรู้สึกสุขใจ ทรายหยาบๆที่เคยเล่นสนุกกับมันอยู่คนเดียวก็ให้ค่าแทนความว้าเหว่ที่ฝังลึกไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“พี่บลู...พี่คิดเหมือนกันไหมว่าไม่อยากให้พระอาทิตย์ตก...ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้...ไม่อยากให้ถึงวันต่อๆไป" ทะเลเอ่ยถามผมเนิบช้ากับสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้
“คิด..." ผมตอบ โปรยทรายลงบนมือทะเลที่รองเอาไว้ ก่อนจะกอบกุมมือที่เต็มไปด้วยทรายนั้นไว้อีกที 
“เลมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับพี่บลู...ตั้งแต่เด็กๆแล้วที่รู้สึกแบบนี้พี่รู้รึเปล่า..."
“เพราะเลเห็นพี่เป็นเพื่อนเล่น"
“ตอนเด็กๆคงใช่...แต่ตอนนี้พี่บลูไม่ใช่..." ทะเลพูดแล้วมองผมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมว่าตอนนี้ผมเป็นอะไรสำหรับเขาแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนโดนบอกรักทางสายตา

ผมเป็นคนไม่ค่อยบอกความรู้สึกตัวเองออกมาทางคำพูด เพราะความรู้สึกบางอย่างก็ยากที่จะหาคำมาอธิบาย ผมอยากบอกทะเลว่าผมก็มีความสุขเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน แต่มันก็ไม่อาจใช้คำว่าความสุขได้ในเมื่อความรู้สึกผมมันมากมายเกินกว่าคำๆนั้น

ทะเลหยิบกิ่งไม้แถวนั้นมาเขียนชื่อของผมแล้วส่งไม้นั่นให้ผมเขียนชื่อของทะเลลงไปข้างกัน จากนั้นทะเลก็ถ่ายรูปทรายสีขาวที่มีชื่อเราสองคนเก็บเอาไว้...

มันไม่ใช่รูปที่มีผม...ไม่ใช่รูปที่มีทะเล...เป็นแค่ชื่อของเราที่เขียนบนทราย...แต่เมื่อผมย้อนกลับมามองภาพนี้ทุกครั้ง...ผมจะคิดถึงความทรงจำที่นี่ของเราเสมอ...

ผมกับทะเลนั่งกันอยู่ที่หาดจนเห็นเค้าของเมฆฝน น้ำทะเลดูลึกลับแปรปรวนเมื่อปราศจากแสงจากดวงอาทิตย์ ชื่อของเราสองคนที่เขียนเอาไว้ค่อยๆเลือนลงจากหยดน้ำ ต้นไม้ที่เรานั่งอยู่ดูจะไว้สำหรับหลบแดดโดยเฉพาะจึงไม่ได้ช่วยอะไรเลยในเวลานี้ ทะเลเก็บไอพอด กล้อง และหนังสือของผมใส่กระเป๋าแล้วชวนกลับบ้านพัก คนที่อยู่แถวหาดก่อนหน้านี้ต่างก็แยกย้ายหลบฝนไปหมดแล้ว เราเปียกขึ้นทุกทีจนต้องลุกขึ้น ไม่ทันที่ทะเลจะเดินไปไหนผมก็ฉุดทะเลกลับมาก่อน

เพราะรู้ว่าที่ตรงนี้ไม่มีใครผมถึงยังอยากอยู่ตรงนี้...ตรงที่รอบด้านเป็นม่านฝนและมีเพียงเราสองคน ผมเบียดทะเลจนหลังติดต้นไม้แล้วค่อยๆก้มหน้าลงเข้าไปใกล้ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ ผมมองทะเลที่หลับตารอสัมผัสแล้วแตะริมฝีปากคนตรงหน้าเบาๆ...

ผมทำทุกอย่างเหมือนครั้งแรกที่เราจูบกัน...คลอเคลีย...บดเบียดซ้ำๆโดยไม่ได้รุกล้ำ

จูบกลางสายฝนดำเนินไปยาวนานจนเราทั้งคู่เปียกปอน ผมจับมือทะเลวิ่งกลับบ้าน อารมณ์ปั่นป่วนไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผมรอทะเลไขห้องอย่างใจร้อน ไม่ต้องบอกทะเลก็คงจะรับรู้ว่าจูบนั้นมีผลต่อผมอย่างไร แค่ประตูห้องปิดลงเท่านั้นเราก็โผเข้าหากันด้วยความต้องการ สัมผัสร่างกายกันและกันอย่างร้อนแรง ตัวเราสองคนที่เปียกโชกทำให้พื้นเป็นรอยหยดน้ำตามทางจนถึงห้องน้ำ ผมปลดเปลื้องเสื้อผ้าของทะเลออกจนเปลือยเปล่า ดันทะเลเข้าไปใต้ฝักบัวแล้วเปิดน้ำ ทะเลยังโอบแขนทั้งสองข้างไว้ที่รอบคอผมไม่ปล่อยดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้งและอีกครั้งอย่างเอาแต่ใจ ผมรู้ว่าทะเลคงไม่อยากให้ผมจ้องมองร่างของตัวเองจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจแต่การกระทำนี้มันทำให้ผมยิ่งคลั่ง

ผมจับข้อมือทะเลออกและตรึงไว้ที่ผนังห้องน้ำ ทะเลปรือตามองผมที่กำลังจ้องมองมาที่ร่างของตัวเองแล้วหลบสายตา ผมมองความอ่อนใสไร้เดียงสาของทะเลด้วยความหวามไหว มันดูน่าบดขยี้ให้แปดเปื้อนอย่างที่สุด ผมเป็นฝ่ายจูบทะเลอีกครั้ง พยายามยับยั้งตัวเองสร้างความคุ้นชินให้ทะเลก่อน เริ่มรุกเร้าสร้างความทรมานให้ทะเลเช่นเดียวกับที่เขาทำต่อความรู้สึกผม ให้เขาทรมานเจียนคลั่งอย่างที่ผมเป็น...

ทะเลทรุดลงนั่งเมื่อผมรุกเร้าหนักเข้า แววตาใสๆเต็มไปด้วยความต้องการอย่างเปิดเผย ผมปลดกางเกงของตัวเองแล้วดึงทะเลขึ้นมานั่งตัก กดตัวทะเลลงมาเพื่อให้รับผมเข้าไป ถึงเวลานั้นผมก็ปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองพัดพาไป อารมณ์หนักหน่วงรุนแรงถูกส่งต่อไปหาทะเลที่ตอบสนองทุกสัมผัสอย่างเต็มใจ

ทะเลจิกทึ้งเสื้อผมพยายามเก็บกลั้นเสียงร้องครางไม่ให้ดังเกินไปอย่างที่ชอบทำตอนถึงจุดนั้นของอารมณ์ ต้นขาทั้งสองข้างบีบเกร็งรัดเอวผมแน่นก่อนจะผ่อนคลายลง

เมื่อครั้งแรกของเราจบลงกลางสายน้ำใต้ฝักบัว ครั้งต่อมาก็เริ่มขึ้นอีกครั้งบนเตียง 

วันนั้นและตลอดทั้งคืนเราไม่ได้ออกจากห้องไปไหน ผมเห็นฝนที่ยังคงตกอยู่ตลอดจากหน้าต่าง รู้สึกเปลี่ยวเหงาจนต้องกอดทะเลไว้เพื่อเติมเต็มบางอย่างภายในใจ บางครั้งการร่วมรักของเราก็รุนแรงด้วยตัณหา แต่บางครั้งก็อ่อนโยนด้วยความรัก ทะเลมักเรียกร้องคำว่ารักจากผมในเวลาแบบนี้ เหมือนๆกับที่ผมเรียกร้องให้เขาเรียกชื่อผมเพื่อรู้สึกถึงความมีตัวตน

เมื่อถึงยามเหนื่อยอ่อนเราเพียงกอดก่ายกัน เป็นของกันและกันผ่านความรู้สึก ผ่านความร้อนจากร่างกายที่แนบสัมผัส

ผมซบอกทะเลหลับตา นิ้วของทะเลเกี่ยวพันเส้นผมของผมเล่น รู้สึกอิ่มเอมสุขใจ ผมไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้...ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่านี้ ผมได้ยินเสียงหัวใจ ได้กลิ่นของทะเลที่จดจำได้ขึ้นใจ ความสุขมันเรียบง่ายเวลาที่ไม่มองมันผ่านความเจ็บปวด ผมรู้สึกว่าเราเป็นของกันและกัน ผมเป็นของทะเล...ทะเลเป็นของผม เป็นความรู้สึกลึกซึ้งเท่าที่จะลึกซึ้งได้...รักเท่าที่จะรักได้...

ผมบอกทะเลว่าเขาเป็นโลกทั้งใบสำหรับผม เป็นคำพูดจากใจที่ไม่ใช่คำว่ารัก ทะเลไม่ได้พูดอะไรตอบเมื่อได้ยินเพียงแต่กอดผมแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ...ทะเลร้องไห้ให้กับความสำคัญของตัวเอง ร้องไห้ให้กับผม ร้องไห้ให้กับสิ่งที่กัดกินผมอยู่ภายใน ผมรู้ว่าทะเลเข้าใจมันทั้งหมด เข้าใจว่าการเป็นโลกทั้งใบของผมนั้นมีความหมายมากแค่ไหน

เวลานี้ผมไม่นึกกลัวอีกแล้วอนาคต
อะไรจะเกิดก็ช่าง

ถ้าหากว่ามันจะเลวร้าย...ผมก็จะนึกถึงช่วงเวลานี้...
ช่วงเวลาที่ผมมีทะเลอยู่ข้างๆ...ยิ้มให้ผม...ร้องไห้ให้ผม



รักผม

...

เรากลับจากที่นั่นในอีกสองวันถัดมา เกือบจะครบหนึ่งอาทิตย์ที่ผมลางานเอาไว้จึงไม่สามารถยื้อช่วงเวลานี้ให้นานขึ้นได้อีกแล้ว ผมชวนทะเลอยู่ที่ห้องผมอีกสองสามวันเพราะยังอยากที่จะอยู่ด้วยกันอีกสักหน่อยซึ่งทะเลก็ไม่ได้ปฎิเสธ

ผมกลับมาทำงานเต็มเวลาชดเชยส่วนที่ขาดไปด้วยจึงไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากนักแต่ก็รู้สึกดีทุกครั้งเมื่อนึกว่ามีคนรออยู่ และยิ่งเป็นความสุขใจเมื่อเปิดประตูมาและเจอคนๆนั้น แค่วันนี้วันเดียวที่ผมไม่อยู่ห้องของผมก็ดูเปลี่ยนไป ทะเลล้างรูปที่เราไปเที่ยวมาทั้งหมดเอามาแปะบนผนังห้องบนหัวเตียงเต็มไปหมด มีรูปที่เราถ่ายคู่กัน รูปที่ทะเลถ่ายผม รูปที่ผมถ่ายทะเล รูปทะเล รูปท้องฟ้าปะปนกันไป ผมสะดุดตากับรูปทรายที่เขียนชื่อเราสองคนไว้ก็ตอนนั้น มันอยู่ท่ามกลางรูปของเราแต่ก็โดดเด่น ผมนึกชอบมันขึ้นมาทันทีเพราะยังจดจำช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนั้นได้

“เลก็ชอบรูปนี้" ทะเลกระโดดขึ้นเตียงมากอดผมจากข้างหลังแล้วพูดขึ้นเมื่อเห็นผมมองอยู่ที่ภาพนี้

ผมดูรูปทุกรูปของเราอยู่นิ่งนาน ทะเลก็กอดผมไว้นิ่งๆ ต่างคนต่างนึกถึงสถานที่แห่งนั้นที่อยู่ห่างไกล ผมจับมือทะเลที่กอดเอวผมอยู่แล้วก็นึกอยากทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาโดยพลัน

“เลกล้าสักไหม" จู่ๆผมก็ถามขึ้น
“กล้า แต่ก็ไม่เคยคิดจะสัก" ทะเลมองหน้าผมอย่างสงสัย "พี่อยากให้เลสักเหรอ"
“อืม...สักที่เดียวกัน...”ทะเลพยักหน้าตอบตกลงทันทีโดยไม่แม้แต่จะถามว่าเราจะสักตรงไหน

ผมพาทะเลลงมาข้างล่างหาดูว่าพี่ปาล์มกลับไปหรือยัง โชคดีที่พี่ปาล์มยังอยู่ถึงแม้ว่าจะเย็นมากแล้ว ผมบอกพี่ปาล์มว่าอยากให้สักชื่อของทะเลตรงตำแหน่งด้านข้างนิ้วนาง ซึ่งเป็นที่ๆไม่โจ่งแจ้งเกินไปมีแค่ตัวเองเท่านั้นที่จะเห็น และทะเลก็จะสักชื่อของผมลงไปตรงนั้นเช่นเดียวกัน

การสักชื่อของอีกฝ่ายลงไปเป็นการสื่อสิ่งที่อยู่ในใจผมออกมาให้เป็นรูปเป็นร่าง มันสื่อนัยยะหลายอย่างทั้งการเป็นของกันและกัน และแทนค่าความรักที่ไม่มีวันลบเลือน

แม้จะกะทันหันแต่ทะเลก็ตอบรับความต้องการของผมด้วยรอยยิ้มที่บอกว่าเขาเต็มใจ ผมให้ทะเลเป็นคนเลือกแบบตัวอักษรที่จะเขียนเป็นชื่อของเราสองคน การสักชื่อแค่นั้นเจ็บเพียงแค่เล็กน้อย และภายในเวลาไม่นานเราก็มีชื่อเล็กๆของอีกฝ่ายอยู่บนนิ้ว รอบๆชื่อยังเป็นรอยแดงสดใหม่  ผมกับทะเลต่างก็พอใจและจ้องมองไม่ลดละ

ถึงจะเป็นการตัดสินใจเพียงชั่วแล่นแต่มันกลับให้ความรู้สึกท่วมท้น บ่อยครั้งหลังจากนั้นที่เราลูบไล้นิ้วของอีกคนอย่างพอใจที่เห็นชื่อของตัวเองอยู่บนนั้น...เป็นความรู้สึกพอใจลึกๆที่ได้เป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์...

ผมคิดว่ารอยสักอันนี้มีความสำคัญแต่ไม่คิดว่าในเวลาต่อมามันจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ


ทะเลอยู่กับผมต่ออีกสามวันหลังจากนั้น

ตลอดอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน เรากอดกัน  พลอดรักกัน ร่วมรักกัน บอกรักกัน ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
เราใช้มันอย่างคุ้มค่าราวกับรู้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสุดท้าย...

ก่อนที่ทุกอย่างมันจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของการพบเจอ

ก่อนที่เราจะจากลา...


(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/19Imyours_zps1b9bf0d9.jpg)


Song Titles : I'm Yours
Artist :  The Script

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนหน้าสุดท้ายแล้ว  o18
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-08-2013 22:31:18
มีหลายความรู้สึกทั้งรัก ซึ้ง เศร้า ปะปนกันไปหมด
ยังไม่ปลอดโปร่ง ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นอีก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 01-08-2013 23:53:02
ขอแฮปปี้นะคะๆๆๆๆๆ ToT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 02-08-2013 00:40:16
มีคนเคยบอกว่าการจากลามีอยู่เพื่อพบกันใหม่

เราเชื่อนะ

คือเห็นประโยคสุดท้ายนี่ใจแว้บละ55

ขอบคุณสำหรับตอนนี้ค่ะ :man1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 02-08-2013 01:01:04
จากลาในแง่ไหน?
เพราะเล่าเรื่องจากมุมของคนที่มีหลุมดำในใจอย่างบลูซินะ เลยรู้สึกว่าพอจะมีความสุขมันก็ยังมีความเศร้าแฝงเร้น

อะไรจะเกิดก็เกิดเถอะ เตรียมใจไว้แล้ว
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 02-08-2013 04:55:41
 :hao5: ชอบเรื่องนี้ๆ ให้ความรู้สึกหน่วงๆดีจังเลย

แต่เราแอบคิดว่าคงจะจบไม่เศร้า(ละมั้ง?!)   :hao3:

มาต่อเร็วๆน้าา :mew1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 02-08-2013 07:54:07
อ่านแล้วหน่วงมากก
รอตอนต่อนะฮะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 02-08-2013 10:29:24
 :a5:  ตอนหน้าสุดท้าย!!!!!!!!!!!!!!!!!!    ง่ะ จะจบยังไงน้ออออออออออ :hao5: :hao5:  อย่าเศร้าน๊าาาไม่อยากกินมาม่าจะจบอยู่แว้วววว :katai1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 02-08-2013 12:33:16

เรื่องนี้ก็สนุกไปอีกแบบแตกต่างจากเรื่องรักหวานแหววทั่วไป

จะรอติดตามว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 02-08-2013 14:01:53
อย่าจบแบบเศร้าเลยนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 02-08-2013 21:50:31
การจากลาหรอ :hao7:

อะไรจะลาไปไหน ใครจะไปไหน :katai1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-08-2013 11:51:14
มารอน้องทะเล
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 19 ] 01-08-13
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 21-08-2013 16:58:27
ตามอ่านจนทัน แต่อดใจหายกับตอนจบไม่ได้
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 29-08-2013 02:38:01
-20-
Yellow

http://www.youtube.com/v/yKNxeF4KMsY?hl=en_US&amp;version=3


บ้านที่เคยเป็นที่พักพิงอยู่ในระยะสายตาใกล้เข้าไปทุกทีแล้ว...

ช่วงสามสี่ทุ่มแบบนี้รถที่มีบนถนนเบาบาง  ผมขับรถเอื่อยเฉื่อย กินลม มองข้างทาง ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนบอกให้ทะเลกลับบ้านแต่การกระทำกลับสวนทางกับคำพูด ผมคิดว่าตอนนี้น้าวิทย์กับน้าเพลงคงต้องเริ่มเป็นห่วงบ้างแล้ว อาทิตย์กว่าๆที่ผ่านมานี้มันยาวเกินกว่าปกติที่ทะเลไปเที่ยวกับเพื่อนครั้งไหนๆ ต่อให้แกล้งทำเป็นลืมไม่อยากให้ทะเลกลับไปก็หนีความเป็นจริงไม่ได้อยู่ดี

หน้าบ้านเปิดไฟส่องสว่างเอาไว้ราวกับกำลังรอคอยคนที่จะกลับมา พอเราไปถึงผมก็จอดรถแล้วดับเครื่อง ทะเลลงมายืนอยู่ตรงหน้ายังไม่เดินเข้าบ้านและมองผมอย่างสังเกตท่าที

“ไว้อีกวันสองวันเลจะไปหาใหม่นะ" ผมพยักหน้า ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะใจหายไปทำไมกับการจากลาแค่ชั่วคราว
“จะรอ" ทะเลยิ้มรับคำพูดผม ถอยหลังไปจนถึงประตูบ้านแล้วค่อยหันหลังเปิดเข้าไป

...จะรอ...

เป็นคำที่ผมบอกทะเลทิ้งท้ายเอาไว้ และหมายความตามนั้นตลอดอีกหลายปีต่อมา...

...

ช่วงที่ทะเลเพิ่งกลับไปผมก็กลับมาสอนและอยู่กับเพื่อนซะส่วนใหญ่ ทั้งซ้อมเพลงใหม่และไปไหนๆกับพวกมันบ้าง ผมไม่ได้คิดอะไรมากที่ทะเลไม่ได้มาหาอีกเป็นอาทิตย์หลังจากนั้น แม้จะคิดถึงหรืออยากเจอแต่ผมก็อดทนรอ  ผมเลิกคิดแง่ร้าย เหม่อลอยหรือซึมเซาเหมือนแต่ก่อนเวลาที่ไม่มีทะเล ผมคิดว่าความเชื่อใจนั้นช่วยได้ รอยสักบนนิ้วนั้นก็ช่วยได้ มันเป็นความรู้สึกเหมือนมีกันและกันอยู่ตลอดโดยไม่ได้พบหน้า ทำให้อุ่นใจทุกครั้งที่ผมคิดถึงทะเล

“มีเด็กมาถามหามึงเยอะนะช่วงนี้" อยู่ดีๆร็อคก็พูดขึ้นขณะที่เรามานั่งสูบบุหรี่หน้าตึก เป็นช่วงต้นชั่วโมงที่ต่างคนต่างรอนักเรียนของตัวเอง
“เด็กที่ไหน"
“ก็ทั้งเด็กที่กูสอนแล้วก็เด็กป็อป ตั้งแต่กลับมาหน้าตามึงรับแขกกว่าแต่ก่อน มีแต่เด็กมากรี๊ดจนบางทีกูก็อิจฉานะ" ผมฟังแล้วได้แต่หัวเราะกับคำพูดของมัน
“จะอิจฉาทำไม ตูนไม่ได้มากรี๊ดกูด้วยซะหน่อย"
“ทำเป็นเล่นไป ผู้ชายแอบมองมึงอยู่เงียบๆก็มี กูเห็น"
“เพ้อเจ้อ" ผมว่า มันมองหน้าผมยิ้มๆแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“เหมือนกูไม่ได้เจอเลนานแล้ว ฝากบอกหน่อยว่าคิดถึง" ผมเหล่มองมันแล้วก็ถอยหายใจ พอมันพูดถึงทะเลผมก็นึกอยากเจอเหมือนกัน
“กูก็ไม่ได้เจอมาเป็นอาทิตย์แล้ว บอกจะมาหาแล้วก็ปล่อยให้รอ..."
“มึงก็ไปหาเองสิ บ้านอยู่แค่นี้"
“.....”
“ทำไมวะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันอีกใช่ไหม"
“ไม่มีหรอก คิดว่าวันสองวันนี้ไม่มาเดี๋ยวกูก็คงไปหา" ผมพูดเพื่อให้มันและตัวเองสบายใจ ผมดูออกว่าร็อคเป็นห่วง ถ้อยคำหยอกเล่นของมันมักทำให้ผมผ่อนคลายสบายใจที่จะเล่าเรื่องของตัวเองแบบนี้เสมอ

“นึกว่าหายไปไหน" ผมกับร็อคหันไปมองตามเสียงเห็นป็อปที่เดินออกมา "เด็กมึงสองคนเพิ่งโทรมาลา" ป็อปบอกแล้วนั่งลงข้างๆ
“ว่างเหมือนกันเหรอ" ป็อปพยักหน้าตอบคำถามผมแล้วขอบุหรี่จากเราสองคนบ้าง

หมดจากชั่วโมงนี้เราทุกคนก็ไม่มีสอนแล้ว วันนี้เป็นวันพุธที่มีเด็กเรียนน้อยและก็ไม่ต้องไปเล่นที่ร้านต่อเราเลยนั่งคุยกันไปเรื่อย ไปๆมาๆป็อปมันก็ถามถึงเรื่องเจ็ทสกี เพราะรู้ว่าผมรักมันไม่แพ้ดนตรีที่คลุกคลีอยู่ทุกวันมันถึงแปลกใจที่ไม่ได้เห็นผมขลุกตัวอยู่ที่หาดขี่เจ็ทสกีทั้งวันอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ

“ไม่ได้ขี่ตั้งแต่ออกจากบ้าน นานมากแล้ว ถ้าจะเล่นจริงๆก็ต้องไปเช่า"
“ไปไหมล่ะ ตอนนี้เลยก็ได้" ป็อปชวน ผมมองควันลอยอ้อยอิ่งยังไม่ได้ตอบอะไร มันสองคนก็มันได้เร่งรัดให้ผมพูด ทิ้งเวลาให้ผมคิด เจ็ทสกีไม่ใช่แค่การไปเล่นสนุกธรรมดาทั่วไปสำหรับผม ที่ไม่ได้กลับไปเล่นเพราะผมยังคิดถึงเจ็ทสกีคู่ใจทั้งสองลำ ผมมองไม่เห็นว่ามีทางไหนที่จะได้ขี่มันอีกครั้งหากความสัมพันธ์กับน้าวิทย์ยังคงเป็นแบบนี้ มองไม่เห็นว่าจะได้กลับไปแข่งอีกได้ไหมหากไม่มีมัน หรือว่าสุดท้ายแล้วผมต้องตัดใจจากทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด

ป่วยการที่จะคิดมาก...
ในที่สุดผมก็ลุกขึ้นแทนคำตอบ

“ไปรถมึงนะ ยืมชุดไว้เปลี่ยนด้วย" ผมบอกไอ้ร็อค มันยิ้มกวนตีนเหมือนรู้อยู่แล้วว่ายังไงผมจะไป

เราสามคนกลับมาที่ชายหาดซึ่งเป็นที่ประจำของเราหลังจากห่างหายไป ผมเลือกเช่าเจ็ทสกีกับพี่ที่รู้จักกันดีที่อยู่แถวนั้นโดยไม่ได้ตอบอะไรเมื่อเขาถามถึงเจ็ทสกีของผม พอได้ลองขี่จริงๆแล้วมีความแตกต่างกันเพียงแค่เล็กน้อยในความรู้สึกแต่ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิดไว้ ยังไงการได้เร่งความเร็วและความรู้สึกที่ได้ปลดปล่อยมันก็ทำให้ผมเป็นสุขได้มากกว่าที่จะยึดติดอยู่กับสิ่งใด

ป็อปกับร็อคที่เป็นคนชวนแค่มานั่งจิบเบียร์อยู่เป็นเพื่อนมองดูผมที่เป็นจุดเล็กๆอยู่กลางทะเลเพียงเท่านั้นก็ถือเป็นการผ่อนคลายของพวกมันแล้ว ผมใช้เวลาอยู่บนทะเลได้ไม่นานพระอาทิตย์ก็ตกดิน สองเท้าของตัวเองได้แต่จำใจเดินขึ้นฝั่งมานั่งจิบเบียร์กับพวกมันก่อนที่เราจะกลับ ยามนี้รู้สึกดีที่มีเพื่อนทั้งสองที่ยังคงอยู่กับผมไม่ไปไหน เราสามคนและที่นี่เกือบทุกอย่างให้ความรู้สึกเหมือนตอนเราอายุสิบเจ็ด เหมือนตอนที่เราได้รู้จักกันใหม่ๆ แต่ในความเหมือนนั้นก็มีความต่าง อะไรที่ผ่านมาไม่อาจทำให้ผมเป็นผมคนนั้นตอนอายุสิบเจ็ด เราทุกคนไม่เหมือนตัวเองในอดีต เราเติบโตมาด้วยกัน เปลี่ยนไปด้วยกัน แต่ก็ยังคงอยู่ด้วยกัน เป็นความสำคัญของเพื่อนที่น้อยครั้งนักที่ผมจะนึกถึง...

“กูกับร็อคว่าจะถามมึงนานแล้ว...แต่ยังไม่มีจังหวะเหมาะ” ป็อปหันมาพูดกับผม สีหน้าบอกบ่งบอกความสำคัญของคำถาม ร็อคเองก็มองทั้งผมและป็อปอย่างรอคอยอะไรบางอย่าง
"บลู ถ้ากูขอให้มึงมาทำเพลงจริงจังกับพวกกู จะมีทางเป็นไปได้ไหมวะ"

ผมเงียบ ยังไม่ได้ตอบอะไรไปในทันที ความหมายของทั้งสองคนผมเข้าใจมันดี ที่พวกมันถามอย่างจริงจังขนาดนี้คือพวกมันตัดสินใจแล้วว่าจะผลักดันวงของเราไปสู่อีกจุดหนึ่ง ซึ่งจุดนั้นถึงเราจะเคยคุยกันบ้างแต่ผมก็ยังไม่เคยคิดถึงขนาดนั้นจริงๆจังๆมาก่อน แม้จะเข้าใจ แต่ผมก็ต้องใช้เวลาคิดถึงความต้องการของตัวเอง

“คิดไปก่อน ยังไม่ต้องรีบตอบก็ได้ มันเป็นความฝันของกู แต่อาจไม่ใช่ฝันของมึง..."
"แต่ถ้าหากว่ามันใช่กูก็จะดีใจมาก" ร็อคพูดเสริมพี่มัน อีกครั้งที่คำพูดของมันทำให้ผมยิ้ม
“มึงถามตูนเรื่องนี้รึยัง"
“ถามแล้ว แต่มันก็เหมือนมึง ยังไม่ได้ตอบ" ผมพยักหน้า ผมกับตูนเรียนด้วยกัน คณะเดียวกันย่อมเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังเรียนอยู่เป็นการเรียนรู้เพื่อเอาไว้ใช้สำหรับอนาคต หากเปรียนเทียบกับผมแล้วการตัดสินใจของตูนน่าเป็นห่วงกว่าผมอยู่มาก เพราะสิ่งที่ผมเรียนอยู่ผมก็รักมันเท่ากับดนตรี เลือกทางใดทางหนึ่งผมก็รักมันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าผมจะเลือกทางไหนก็เท่านั้นเอง

“จริงๆแล้วความฝันของกู…ไม่เหมือนพวกมึงหรอก" ผมพูดออกมาตามความรู้สึก ณ เวลานั้น พอผมบอกพวกมันก็มองหน้าผมเหมือนกลัวว่าผมจะปฏิเสธ คงไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังจะพูดมันคนละเรื่องกัน เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจ เรื่องที่ผมไม่เคยบอกพวกมันหรือบอกใครมาก่อน ผมสูดหายใจเข้าลึกหรี่ตาเพ่งมองอะไรที่อยู่แถวนั้นก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ตอนเด็กๆกูมีความหลังฝังใจ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีตัวตนในสายตาของคนอื่น กูไม่มีแรงผลักดันในการใช้ชีวิต อยู่ก็เพราะต้องอยู่ อยู่ทั้งที่ไม่รู้ว่าอยู่เพื่ออะไร กูถามตัวเอง คำถามมันผุดขึ้นมาทุกครั้งที่เจ็บ ทุกครั้งที่เหงา แต่กูก็เด็กเกินไปที่จะรู้คำตอบ…มันก็เลยกลายเป็นความฝัน…ฝันของกูไม่เหมือนคนอื่น มันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลยถ้าเอาไปเปรียบเทียบกัน กูแค่อยากรู้ว่ากูเกิดมาเพื่ออะไร นั่นแหละฝันของกู…มีแค่นั้นเอง…”

ป็อปกับร็อคนิ่งเงียบรับฟังสิ่งที่ผมพูด จริงอยู่ว่าพวกมันไม่เคยถาม หลายครั้งที่มีท่าทีสงสัย แต่มันก็เว้นพื้นที่ส่วนตัวไว้ให้ พอผมบอกเล่าเรื่องราวออกมาเองเพียงเล็กน้อยทั้งสองคนจึงมองผมด้วยสีหน้าและแววตาบอกความรู้สึกที่เหมือนกัน

“กูคิดว่ามึงน่าจะเจอคำตอบแล้ว” หลังจากที่เงียบมานานป็อปก็พูดประโยคนี้ ผมมองที่ป็อป แต่ป็อปไม่ได้มองที่ผม สายตามองตรงไปที่ใดสักแห่ง
“อืม” ผมตอบรับ ละสายตาจากเพื่อนก้มมองกระป๋องเบียร์ที่อยู่ในมือ

ไม่จำเป็นต้องบอกคำตอบ



สองวันผ่านพ้น ทะเลก็ยังไม่ได้มาหา ผมเริ่มคิดถึงเหตุผลว่าอะไรทำให้ทะเลออกมาไม่ได้ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงปิดเทอม และเหตุผลเดียวที่ผมคิดออกก็คือน้าวิทย์…

ผมตัดสินใจไปหาทะเลตอนกลางคืนอีกครั้งเมื่อไม่สามารถสงบจิตใจได้อีกต่อไป ผมรู้สึกอัดอัดกับคำถามที่ถามตัวเองอยู่ตลอดว่าทำไมและเริ่มฟุ้งซ่านขึ้นทุกทีเมื่อหานั้นคำตอบไม่ได้

ที่หน้าบ้านปิดไฟมืดและเงียบ มีแค่เสียงรถผมที่ทำลายความเงียบเหล่านั้น
ผมรอ

จากนาที เป็นชั่วโมง
รู้สึกทรมานร้อนรนขึ้นทุกที

ทะเลหลับ ไม่อยู่ โดนห้าม หรือทะเลไม่อยากลงมาหา คำถามที่มีอยู่แล้วเพิ่มขึ้นนับไม่ถ้วน ทั้งรู้สึกสับสนไม่เข้าใจ

สุดท้ายผมก็กลับมาพร้อมความรู้สึกนั้นอย่างช่วยไม่ได้ ผมเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้ อะไรที่สำคัญ วันเวลาเดิมๆกลับมาอีกครั้งและครั้งนี้ก็หนักหนาสาหัสกว่าเก่า ผมไปบ้านทะเลอีกหลายวันหลังจากนั้นแต่ก็เป็นเหมือนเดิม ทุกๆคืนไฟจะปิดเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ ไม่มีความเคลื่อนไหวในความมืด โลกเหมือนหยุดนิ่งระหว่างที่ผมเฝ้ารอ รู้สึกตัวอีกทีก็เกือบเช้า

ตอนนี้ผมอยากเจอทะเลแทบบ้าแล้ว ความรู้สึกนี้มันทำให้ผมเลือกที่จะไปเผชิญหน้ากับน้าวิทย์ มันเป็นวิธีเดียวที่ผมคิดได้ เป็นวิธีเดียวที่จะได้คำตอบ แค่ใช้ความกล้าเดินเข้าไปหา ขอแค่ได้เจอ ให้รู้ว่าทะเลไม่ได้เป็นอะไร แค่ได้คำตอบ แค่รู้สาเหตุ ถึงจะเป็นเรื่องไม่น่าฟังก็ยังดีกว่าไม่รู้อยู่แบบนี้

ผมเอาเวลาว่างตอนบ่ายวันหนึ่งไปที่บ้าน พี่ๆที่อู่มองผมอย่างแปลกใจแต่ก็ทักทายเป็นกันเองไม่ผิดไปจากเมื่อก่อน พอผมถามหาน้าวิทย์พี่มดกลับบอกว่าไม่อยู่ ไม่มีใครอยู่นอกจากช่างเพราะน้าวิทย์ น้าเพลง และทะเลไปกรุงเทพ อีกสองสามวันนี้น่าจะกลับ ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินแบบนั้น ตัดความกังวลบางส่วนเกี่ยวกับทะเลออกไป ผมตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็จะมาที่นี่อีก อยากมาคุยกับน้าวิทย์ ไม่อยากหลบๆซ่อนๆอีกทั้งที่น้าวิทย์ก็น่าจะรู้เรื่องของเรา

พี่มดพูดคุยเล่าเรื่องราวตั้งแต่ผมไม่อยู่ให้ฟังว่าปฏิกิริยาที่น้าวิทย์กับทะเลมีต่อกันเป็นอย่างไร ทะเลาะกันบ่อยแค่ไหนกว่าทะเลจะออกจากบ้านแต่ละครั้ง ทั้งสองยังคงมึนตึงใส่กัน และน้าวิทย์ก็ดูเครียดกับเรื่องของผมกับทะเลมากจนเดี๋ยวนี้พวกช่างชอบเกี่ยงกันไม่อยากเข้าหา

ระหว่างที่พี่มดเล่าผมมองไปที่เจ็ทสกีของผมที่จอดอยู่ด้านใน เห็นมันยังจอดอยู่ที่เดิมของมันไม่ได้หายไปไหนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองยังคงอยู่ที่นี่

“พี่เห็นเฮียดูแลมันแทนบลูอยู่บ่อยๆ บางทีก็ไปลูบๆคลำๆ เห็นแล้วก็เศร้าว่ะ” พี่มดพยักพเยิดไปที่เจ็ทสกีของผมแล้วว่า   

ผมรับฟังพร้อมๆกับความเสียใจ กลับออกมาจากที่นั่นพร้อมกับความรู้สึกผิด ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจแต่ผมก็สร้างรอยร้าวเอาไว้กับครอบครัวของผม ผมรู้ว่าน้าวิทย์รักทะเล และน้าวิทย์ก็รักผม ผมไม่เคยนึกถึงความรู้สึกน้าวิทย์ให้ลึกซึ้งเลยว่าการที่เขาไล่ผมออกจากบ้านไม่เพียงแต่จะทำให้ผมเสียใจ แต่คนที่เอ่ยปากไล่ก็เสียใจเจ็บปวดไม่แพ้กัน


ผมไปที่บ้านตอนกลางวันแทนที่จะเป็นตอนกลางคืนตลอดอาทิตย์จากวันนั้นแต่ก็ยังไม่มีใครกลับมา น้าวิทย์โทรมาสั่งงานทุกวันจากคำบอกเล่าของพี่มดแต่ก็ไม่ได้บอกอยู่ดีว่าจะกลับวันไหน

ผมรอด้วนความอดทน
จนในที่สุดพวกเขาก็กลับมา

น้าวิทย์กับน้าเพลงกลับมา…แต่ทะเลไม่ได้กลับมา

น้าวิทย์กับน้าเพลงมาถึงในเช้าวันหนึ่ง ผมไปถึงตอนเย็นวันนั้นจึงได้พบกับทั้งสอง เมื่อได้เผชิญหน้ากันน้าวิทย์ก็มองผมอย่างสำรวจตรวจตราแล้วบอกให้ผมเข้าไปคุยกันในบ้าน ผมแปลกใจ มองหาทะเลด้วยความรู้สึกร้อนรนอยากเจอ

น้าเพลงเข้ามาหาถามความเป็นอยู่ของผมด้วยความเป็นห่วงทันทีที่เจอหน้า เราสามคนขึ้นมาที่ชั้นบน คนที่ผมคิดว่าจะได้เจอก็ไม่อยู่บนนี้ น้าวิทย์กับน้าเพลงดูมีเรื่องที่จะคุยกับผมจริงจังยิ่งทำให้นึกหวั่นใจ เรื่องเดียวที่ต้องคุยกันเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้นอกจากเรื่องของทะเล

“เลอยู่ไหนครับ” ผมทนไม่ไหวถามคำถามที่อยากรู้ที่สุดออกไป
“กรุงเทพ” น้าเพลงบอก ไม่ได้ขยายความเพิ่มเติมแล้วหันไปมองน้าวิทย์
“เลจะอยู่ที่นั่น ไม่กลับมาแล้ว” ผมใจหาย เจ็บเสียดด้วยความไม่เข้าใจว่าอะไรคือไม่กลับมาแล้ว “น้าให้เลย้ายไปเรียน ไปอยู่กับป้าที่นั่นจนกว่าจะเรียนจบ” น้าวิทย์หยุดดูท่าทีของผมก่อนจะพูดต่อ

“บลู…น้าตกลงกับเลแล้ว และน้าก็จะขอร้องบลูเหมือนกับที่น้าขอเล…” ผมสบตากับน้าวิทย์ เห็นชัดๆเต็มตาถึงความเหนื่อยล้า และความลำบากใจกับสิ่งที่เขาจะบอก

“น้าอยากให้บลูกับเลห่างจากกันจนกว่าเลจะเรียนจบ บลูทำให้น้าได้ไหม”

ไม่ได้ เป็นคำตอบแรกที่เข้ามาในหัว แต่ผมก็ไม่ได้พูด

“ในสายตาน้าเลยังเด็ก น้าอยากให้เลโตพอที่น้าจะเชื่อในการตัดสินใจเรื่องของบลู”น้าวิทย์อธิบายด้วยเหตุผล ไม่เหมือนกับคราวที่แล้วที่ใช้อารมณ์ตัดสินเรื่องของเรา ผมรับฟัง เข้าใจและเจ็บปวดเพราะรู้ว่าไม่สามารถปฏิเสธ

“หลังจากเลเรียนจบ ถ้าผมกับเลยังรู้สึกเหมือนเดิม…น้าวิทย์จะยอมรับเรื่องของเราใช่ไหมครับ...”
 
น้าวิทย์มองผม เว้นระยะเล็กน้อยเหมือนลังเลใจ แต่ที่สุดแล้วก็ตอบออกมา

“ใช่”

หนทางที่จะให้น้าวิทย์ยอมรับเรื่องของเราตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าผมในแบบที่ไม่คาดคิด นับจากนี้ไปจนถึงวันที่ทะเลเรียนจบคือเวลาห้าปี มันคือเงื่อนไขของเวลา และผมไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจ ทะเลก็คงจะปฏิเสธมันไม่ได้เหมือนๆกัน น้าวิทย์เลือกหนทางนั้นให้ผมกับทะเลแล้ว...

ถึงจะเข้าใจแต่ผมก็เจ็บเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอคนที่ผมรัก คนที่เป็นโลกทั้งใบสำหรับผม

ผมพยักหน้าตอบรับกับสิ่งที่น้าวิทย์ขอแล้วซบหน้าลงกับฝ่ามือ พยายามเก็บกลั้นอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ ผมนั่งอยู่แบบนั้นไม่รับรู้สิ่งใดๆรอบตัว ไม่ได้มีใครพูดอะไรอีก เวลาผ่านไปในความเงียบ ผมสัมผัสได้ว่ามีมือมาลูบหลังของผมอย่างปลอบโยน สัมผัสอบอุ่นที่ผมจำได้นั้นทำให้ผมร้องไห้ ผมสะอื้นเหมือนครั้งแรกที่น้าเพลงจับมือผม ผมครวญครางอย่างเจ็บปวดเหมือนครั้งแรกที่น้าเพลงกอดผม

“น้าเพลง...” ผมกอดน้าเพลงแน่น หวังว่ามันจะบรรเทาความเจ็บปวดของอนาคตนับจากนี้
“บลูรักน้องไหม"
“รัก...ผมรักทะเล...”
“น้องก็รักบลู ร้องไห้เหมือนบลู น้ารู้ว่ามันเจ็บแต่ถ้าบลูกับเลผ่านมันไปได้ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เจ็บอีก...เวลาไม่กี่ปีน้าเชื่อว่าบลูจะโตขึ้น อยู่ด้วยตัวเองได้...ดูแลน้องได้...แล้วน้าก็จะไม่ห่วง"

น้าเพลงกอดตอบผม พูดปลุกปลอบใจผมที่อีกครั้งมันเจ็บร้าว น้าเพลงไม่สนใจที่จะลุกขึ้นไปเปิดไฟทั้งที่รอบด้านปกคลุมไปด้วยความมืดเพียงแต่นั่งอยู่กับผม น้าวิทย์ไปจากตรงนี้นานแล้วหลังจากที่ผมตอบตกลงแต่โดยดี

“บลูต้องเข้าใจน้าวิทย์นะ ต้องเข้าใจว่ามันยาก"
“ผมรู้ ผมขอโทษ...”

น้าเพลงส่ายหน้ายิ้มให้ผม และพูดคำพูดที่ผมอยากได้ยินจากน้าวิทย์กับน้าเพลงที่สุด

"บลูไม่ได้ทำอะไรผิด...ความรักของบลูไม่ใช่เรื่องผิดนะลูก...”

...

เป็นที่แน่นอนแล้วว่าวงของเรามีเป้าหมายเดียวกัน เมื่อผมกับตูนตอบตกลงกับคำชวนก็สร้างความสุขให้พวกมันเป็นอย่างมากราวกับว่าความฝันเป็นจริงแล้วทั้งที่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ

ผมเดินหน้าต่อไปโดยใช้วงของเราเป็นจุดเริ่มต้นกลับมาลุกขึ้นยืนหลังจากที่พายุผ่านไป ผมไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะมีเพื่อนแต่ก็ยังรู้สึกเหงาเมื่ออยู่ลำพังในห้องเล็กๆของตัวเอง

วันนั้นหลังจากกลับมาผมซุกกายบนเตียงที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นของทะเล พยายามเก็บกอดจดจำไว้ เก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ไปไหนเป็นเวลาหลายวันจนเป็นไข้ สร้างความลำบากให้เพื่อนต้องดูแลยามผมอ่อนแอทุรนทุรายเหมือนจะตายไปต่อหน้าต่อตาพวกมัน ผมพูดพร่ำถึงความหลังอันเจ็บปวดเมื่อไม่ได้สติ บางครั้งเรียกร้องไม่ให้ใครทิ้งผมไป แต่บางครั้งก็ผลักไสเหมือนเห็นผู้คนที่ทรมานผม ทำร้ายผมในอดีต

ผมเจ็บเหมือนจะตาย แต่ก็ผ่านมันมาได้

ทุกความเจ็บปวดที่ผ่านมาทำร้ายผม...ความรักที่ว่าสวยงามก็ทำร้ายผม...แต่ไม่ได้ฆ่า คนเราไม่ได้ตายง่ายดายถึงเพียงนั้น
ในเวลาต่อมาเมื่อความเสียใจเจือจางผมก็เลือกใช้ชีวิตต่อไปด้วยความหวังและเฝ้ารอ

ผมเรียน ในขณะเดียวกันก็ทำเพลง ทำงานไปด้วย ผมกลับไปหาน้าวิทย์กับน้าเพลงบ่อยๆซึมซับความรู้สึกเดิมๆเป็นครั้งคราว นานๆทีน้าวิทย์หรือน้าเพลงจะเล่าให้ผมฟังบ้างว่าทะเลเป็นยังไงบ้าง ผมรู้สึกว่าน้าวิทย์กำลังเฝ้าดูความรักของเราด้วยความรู้สึกที่ค่อยๆเปลี่ยนไปตามระยะเวลาและเห็นสายตาอ่อนโยนบางครั้งที่ทอดมอง

เกือบสามปีผ่านไป มีแค่ความรู้สึกของผมที่มีต่อทะเลยังคงเดิมในขณะที่ทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนแปลง ทันทีที่ผมกับตูนเรียนจบฝันของป็อปกับร็อคก็เป็นความจริง

เราได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงค่ายหนึ่งทำให้ชีวิตผมหลังจากนั้นไม่เหมือนเดิม พวกเราเริ่มเป็นที่รู้จักซึ่งไม่เป็นที่คุ้นชินกับผมอย่างมาก คนที่เข้าหามีมากมายแต่ผมก็เว้นระยะห่างกับพวกเขาเอาไว้ โลกส่วนตัวผมเริ่มถอนร่นเข้ามาจนเหลือแค่ห้องของตัวเองที่ให้ความเป็นส่วนตัวกับผมอย่างแท้จริง

จากวันที่ทะเลไม่อยู่ห้องของผมที่ทะเลตกแต่งเอาไว้ก็ยังเหมือนเดิม ผมปล่อยไว้แบบนั้นเพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนทะเลยังคงอยู่กับผม ผมจะนึกถึงทะเลที่นอนข้างๆเมื่อผมนอนบนเตียง จะนึกถึงช่วงเวลาที่เราไปเที่ยวกันเมื่อมองภาพบนฝาผนัง นึกถึงเสียงกีตาร์เมื่อผมอ่านหนังสือ รายละเอียดทุกอย่างผมจดจำได้หมดกระทั่งเสียงบอกรักของทะเลที่ยังก้องอยู่ในความทรงจำ

ตอนนี้ทุกครั้งที่ผมคิดถึงทะเลมันทำให้ผมยิ้มได้

ผมไม่ได้บอกคำตอบกับเพื่อนตอนที่คุยกันเรื่องความฝันของผม...เพราะคิดว่ามันรู้...
คำถามที่ว่าเกิดมาเพื่ออะไร...ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่เจอคำตอบ

คนบางคนวิ่งวนแหวกว่ายอย่างน่าเจ็บปวดอยู่กับความว่างเปล่า ผมพบเจอด้านมืดในจิตใจมนุษย์และรู้ว่าเมื่อเขาทำสิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่ความสุข แต่เพียงแค่ปลดปล่อยความทุกข์ของตัวเอง
 
ผมเคยแหวกว่ายอยู่ในความเจ็บปวดเช่นเดียวกันแต่ในขณะเดียวกันผมก็เรียนรู้...เราไม่ใช่แค่เกิดมาเพื่ออะไร...แต่สามารถเกิดมาเพื่อใครได้เช่นกัน

ไม่ว่าทะเลจะรู้หรือไม่แต่ผมคิดว่าทะเลเกิดมาเพื่อผม...เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา ให้ความรักที่คนอย่างผมโหยหา และเมื่อผมโตขึ้นผมถึงได้ตอบตัวเองว่าผมก็เกิดมาเพื่อทะเล

ผมอยากทำให้ทะเลมีความสุข อยากทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคนๆนี้โดยไม่ได้หวังอะไรนอกจากรอยยิ้ม อยากเป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายได้รับ

ผมอยากจะอยู่เพื่อคนๆนั้น...เพื่อทะเลของผม


.
.
.
.

ในวันที่น้าวิทย์กับน้าเพลงยื่นเงื่อนไขให้กับผม ผมกลับมาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง เป็นกระดาษที่น้าเพลงยื่นให้ก่อนจาก...กระดาษที่เขียนข้อความของทะเลที่ฝากถึงผม ตอนนี้มันแปะอยู่ที่หัวเตียง อยู่ท่ามกลางภาพของเรา

ผมอ่านข้อความนั้นซ้ำ ที่มีเพียงแค่สั้นๆ และใช้ชีวิตทุกๆวันอยู่กับปัจจุบัน




'รอเลนะ เลรักพี่บลู'



(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/20Yellow_zpsb33bb21d.jpg) (http://s1299.photobucket.com/user/zuckone/media/20Yellow_zpsb33bb21d.jpg.html)

                                  -END-



Song Titles : Yellow
Artist :  Coldplay

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในที่สุดก็จบจนได้  :hao5:
เขียนนิยายนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ นับถือคนที่เขียนนิยายแล้วมาต่อได้อย่างสม่ำเสมอมาก เรากว่าจะเขียนได้แต่ละตอนนี่สาหัสสุดๆ

ขอบคุณมากเลยนะคะที่อ่านจนมาถึงตรงนี้ ไม่รู้ว่าตอนจบจะถูกใจกันไหม แต่เราคิดว่ามันจบแบบที่เราต้องการมากที่สุดแล้ว
เขียนๆเรื่องนี้บางทีก็ร้องไห้ เราตกใจมากที่มันเป็นไปได้ ไม่เคยรู้เลยนอกจากอ่านเรื่องของคนอื่นแล้วตอนเขียนเองก็ร้องไห้ได้เหมือนกัน เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ

ขอยกรายชื่อเพื่อขอบคุณนักอ่านที่ให้กำลังใจเราตรงนี้เป็นการพิเศษ แค่เล็กๆน้อยๆแต่มีความหมายสำหรับมากเราค่ะ
 
igaga , BBChin JungBB , แมวดำ , -Blackcloud- , Jthida , fuku , Ellette , janamanza , phakajira ,
bulldog17 , didi , MEME_B , Syntyche , iforgive , indy❣zaka , sin , irksome , Alyssa , mujika_keita,
chisarachi , kwangun , Millet , krappom , กุหลาบเดียวดาย , berlyn,pharm , Tasaitatsu , Blurry,
♥lvl♀‘O’Deal2♥ , Kaewkaew , vipkava , mamimew , ka[ze]na , papangki , Fujoshi , yayee2,
Skell_Xiao , uknowvry , Lovecartoon1996 , wargroup , Windyne ,poppycake , nicedog,
tumprom , smmikie , เมล่อนคอซอง , 111223 , suck_love , kwangkoyha , sweetbasil , Minnie~Moo,
pockypocky , myd3ar , honey honey drop , อายทำไม


และขอขอบคุณนักอ่านขาประจำที่เม้นให้เกือบทุกตอน อยากบอกว่าบางคนตอนไหนไม่เจอแอบใจหาย คนอ่านยิ่งน้อยๆอยู่ 555

drasil , Sofa , AGALIGO , นางฟ้า , nunnan , 1wariya1 , aloney , 403 , candynosugar+ ,
oaw_eang , ammamooty , -west- , soluna , Starry , iamew , malula , BeeRY , Theomen

ขอบคุณสำหรับนักอ่านที่ตามอ่านเงียบๆด้วย คิดว่าน่าจะมีอยู่บ้าง  :pig4:


ตั้งแต่ต้นมีแพลนไว้ว่าจะทำเรื่องนี้เป็นหนังสือ ใฝ่ฝันมานานอยากมีหนังสือบ้าง คิดว่าคงจะเป็นแค่เล่มเล็กๆดูจากจำนวนหน้าแล้ว แต่เดี๋ยวไปจัดการเขียนตอนพิเศษก่อนแล้วไว้มาบอกรายละเอียดอีกที นักอ่านคนไหนสนใจก็บอกกันหน่อยนะคะ(เหมือนสำรวจคร่าวๆให้รู้ว่ามีบ้างไหม) น่าจะเขียนเรื่องของทะเลเพิ่ม แล้วก็มีเรื่องของป็อปกับร็อค บางตอนอาจเอาลงที่นี่ด้วย  :man1:

สุดท้ายขอบคุณที่ติดตามและหวังว่าจะได้เจอกันอีกในเรื่องหน้านะคะ

สักวัน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 29-08-2013 07:42:19

ขอบคุณนะคะสำหรับงานเขียนที่เราประทับใจมากเรื่องหนึ่ง

ชอบตอนจบแบบนี้นะคะ ...มันไปได้ดีกับโทนและอารมณ์ของเรื่องราวทั้งหมด

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 29-08-2013 08:09:17
จบแล้ววว ขอบคุณสำหรับนิยายจ้าาา
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-08-2013 08:42:28
ไชโยจบแล้ว


หลังๆ เราไม่กล้าเข้ามาอ่านค่ะ เพราะเราเครียดมากอ่านแล้วอินจัด (- -"
รออ่านแบบรวดเดียวจบ เป็นตอนจบที่คุ้มค่ากับการรอคอยมากๆ
ขอบคุณที่สร้างบลูและทะเลขึ้นมานะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-08-2013 13:01:12
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายดีๆจ้า
ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีจริงๆไม่ว่าเศร้า ผิดหวัง หดหู่ รวมทั้งอารมณ์รัก
ทำให้อินไปกับทั้งบลูและทะเล ที่สำคัญภาษาสละสลวยมาก แถมยังได้ฟังเพลงเพราะๆตั้งหลายเพลง
เรายกมือจองสองเล่มเลยจ้า ชอบจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 29-08-2013 13:09:55

จบได้ดีนะ---ให้มันเป็นเรื่องในอนาคต
แล้วให้คนอ่านได้คิดต่อไปด้วย

ถ้ามั่นคงซะอย่างก็จะผ่านไปได้อย่างแน่นอน
ไม่ต้องไปทำตัวประชดชีวิตหรือต่อต้านรุนแรงอะไร
แค่พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าเราจริงจังนะไม่ได้เล่นๆ

ดีใจด้วยที่จบจนได้แต่ก็แอบเสียดายที่จบซะแล้ว
แต่ไม่เป็นไรถ้ามีเรื่องใหม่ก็จะคอยติดตามต่อไปนะ

+ 1 + เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 29-08-2013 13:49:44
ไม่ค่อยได้เข้าบอร์ด แต่วันนี้พอเขามา เห็นเป็นตอนจบ รีบอ่านเลย
และก็เป็นอีกตอนที่ต้องเสียน้ำตาอยู่หน้าจอ (เข้าใจความรู้สึก ทั้งของบลู เพลง วิทย์)
ด้วยการใช้ภาษา ลีลา ท่วงทำนองในการเขียนชั้นเยี่ยม จึงทำให้คนอ่านอินเนอร์ไปกับตัวละคร
แถมจบเรื่องราวลงแบบ...แบบ...แม้ปมจะคลี่คลายแล้ว(แถมเป็นไปในทางที่ดีอีกด้วย)
แต่ก็ดูเหมือนจะยังมีอะไรเล็กๆคาใจคนอ่าน(สงสัยจะเป็นเราคนเดียวกระมัง)
ทำให้คนอ่านเกิดมีคำถามขึ้นในใจได้อีก ให้คนอ่านคิดจินตนาการต่อไปอีก
แบบนี้จัดว่า เป็นการจบนิยายแบบมืออาชีพเลยนะ อยากบอกอีกทีว่า นิยายเรื่องนี้เยี่ยมจริงๆ
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 29-08-2013 14:51:53
ชอบอ่ะ ผ้ใหญ่ก็ทำตัวได้ดีมากๆ ให้โอกาสเด็กด้วย :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 29-08-2013 14:55:58
อ่าาจบแล้ว แอบใจหายนะเนี่ย ไม่ค่อยได้เข้ามาเลยค่ะ เรียนอย่างเดียวเลยนี่ก็อ่านรวดเลย π_π
ถึงแม้มันจะจบแบบ(แอบ)แฮปปี้ (รึเปล่านะ..แต่คงใช่)แต่มันก็หน่วงๆอยู๋ดี 55 ตั้งแต่ต้นจนจบภาษาดีมากๆเลยอะชอบๆ

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ><
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 29-08-2013 16:28:14
 :hao5:  ซึ้งอ่ะ จบสวยมากเลยค่ะ ชอบอารมณ์เวลาอ่านมากๆเลย มันอบอุ่น ปน หน่วงๆ

ขอบคุณคนแต่งมากเลยค่ะ แต่งเรื่องอื่นต่อน้าา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-08-2013 16:30:22
อ้าวววววววววววว

แล้วไม่มีตอนได้เจอกันหรอ

ให้รออย่างเดียวมันไม่ฟินอ่าาาาาา

TTTT^TTTT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 29-08-2013 18:43:25
 :a5:   อยากได้ตอนพิเศษ อ่าาาาาาาา  :hao5:

จบได้เฉ๋งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  (วิบัติเพื่อเสียง) :katai3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 29-08-2013 19:23:50
จบได้ละมุนมาก
ไม่ได้รู้สึกค้างคาอะไร เหมือนมีคำตอบในตัวว่าบลูจะรอ และเลจะกลับมาโดยไม่ต้องเขียนถึงบทสรุป
สัมผัสได้ถึงความรักที่ลึกซุึ้งของทั้งสองคนจริงๆค่ะ
ภาษาเรื่องนี้เขียนสวยมาก อ่านแล้วเหมือนหลุดไปในโลกของเลกับบลูจริงๆเลย
ขอบคุณนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ ^_^ 
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-08-2013 19:51:53
ก่อนหน้านี้งานเยอะมาก มาอ่านอีกที จบแล้ว แว้กกกกกก :katai1:
เป็นตอนจบที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มอยู่นะคะ ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆให้อ่านค่ะ
สนใจรวมเล่มด้วยคน อยากอ่านตอนพิเศษหลังจากนี้จังเลย จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันไหมนะพี่บลูกับน้องเล :mew6:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 30-08-2013 00:42:54
เขียนเก่งมากกกกกกกกกกกก อ่านแล้วหน่วงทั้งเรื่อง อยากอ่านตอนพิเศษจังค่ะ ตอนนี้บลูเป็นคนของประชาชนแล้วสินะ แต่เชื่อว่าอย่างบลูคงยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเลอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 30-08-2013 01:09:17
พกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :mc4: :mc4:

คือแฮปปี้ ถึงไม่ได้เจอกัน แต่เราคนอ่านสามารถรับรู้ได้ว่ามันแฮปปี้ จบมีความสุขในแบบของบลูและทะเลเอง  :katai2-1:

ขอบคุณ คุณสักวัน มากนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1: ที่ไม่ทำร้ายจิตใจคนอ่าน ทั้งที่คนอ่านอย่างเราก็เตรียมใจไว้แล้วว่าถ้าเรื่องดำเนินมาแบบนี้ มันต้องจบไม่สวยแน่ๆ รักคุณสักวันที่สุดเลยยยยย  :m3: :m3:

สาบานเลยว่าอ่านไปลุ้นไปมากกก

อ่านบรรทัดนี้ตาเหลือบบรรทัดถัดไป เป็นตอนจบที่ทำให้เรายิ้มกว้างที่สุดดดดด [เพิ่งมายิ้มกับตอนนี้แหละ ตอนก่อนหน้าคือโศก น้ำตาไหลพราก]

ขอบคุณที่ทำให้บลูรู้จักกับความสุข คือต้องเจอกับความทุกข์ ความทรมาน ต้องพบเจออะไรมากมายตั้งแต่เด็ก และเกินกว่าเด็กทั่วไปจะรับได้ เพียงเพื่อให้ได้เจอกับทะเล มันคุ้มจริงๆค่ะ  :sad4:

me/บุคมาร์กไว้เป็นเรื่องประทับใจอีกเรื่องหนึ่ง

+1 +เป็ด  :t2:

แล้วจะรอเรื่องต่อไปนะคะ

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: mamimew ที่ 30-08-2013 10:50:03
จบแล้วววววว

จริงๆแอบเสียดายที่ไม่ได้มารอตอนใหม่แล้ว 5555

ก็สารภาพว่าบางตอนอ่านบ้างเม้นบ้างไม่เม้นบ้าง  แต่ติดตามเรื่อยๆ

จบแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบเนาะ ไม่หนักหน่วงเท่าไหร่หลังจากหน่วงมาทั้งเรื่องแล้ว

อยากได้หนังสือนะจริงๆ อยากได้ตอนพิเศษแบบ หลังจากเลเรียนจบด้วย

อยากรู้ว่าเค้าจะใช้ชีวิตต่อด้วยกันแบบไหนนะอะไรงี้ 55555

ก็ขอบคุณคนแต่งที่ทำให้เรามีนิยายน่าติดตามแบบนี้อ่านกันเนอะ

ชอบภาษาที่ใช้ในเรื่อง แล้วชอบการสื่อสารของบลูมาก

ชอบหลายๆประโยคที่พออ่านเจอแล้วแอบจุก แบบ มันแบบ เจ็บเลยยย 555555

ถ้าแต่งเรื่องอื่นอย่าลืมมาบอกกันนะคะ จะคอยติดตาม ^^

 :-[  :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ซึมลึก ที่ 30-08-2013 11:22:03
 :hao5:  ตามอ่านมานานมาก  ขอโทษคุณนักเขียนด้วยที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเลย

(เป็นพวกชอบเก็บกดไว้ แล้วมาระเบิดในตอนท้าย)

เราติดการเล่าเรื่องของคุณนักเขียนนะ  ลุ้นดี  ชอบบบบบบบบ

พล็อตเรื่องนี้เราเฉยๆ 
แต่คุณคนเขียนเก่งมากนะ  ที่เอาพล็อตเฉยๆ (สำหรับเรา) มาทำให้คนอ่านเสพติดงอมแงมได้

รอเรื่องต่อไปนะ  :hao7:

รางวัลนักเขียนหน้าใหม่กับเรื่องประทับใจของปีนี้
เราจะโหวตให้คุณ สักวัน เราชื่นชอบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 30-08-2013 12:05:58
จะมี special part ให้ได้ตามต่อมั๊ยอ่ะ

อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 30-08-2013 12:31:39
ยังต้องรอกันไปอีกหลายปีเลย

แต่ต่อไปก็คงจะได้มาอยู่ด้วยกันนะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Rhapsody-PT ที่ 30-08-2013 16:36:56
ถ้าทำหนังสือ ก็เยี่ยมไปเลย ชอบค่ะ การบรรยาย ภาษา มันทำให้รู้สึกได้ เพิ่งมาอ่านก็อ่านรวดเดียวจบเลย
ยังไงจะรอติดตามนะคะ ทั้งตอนพิเศษ ทั้งเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 30-08-2013 21:22:41
อ่านรวดเดียวจบเลย รอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 30-08-2013 21:31:08
เราดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้นะ เรารู้สึกไปตามท่วงทำนองของคนกลุ่มนี้

ขอบคุณมากๆนะคะที่แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา

จริงๆเรื่องของทะเลกับบลูถ้าจบไว้แค่นี้เราว่ามันก็ดีนะคะ55 /จะโดนว่ามั้ย แง

เรารู้สึกว่า เออ การรอคอยมันมีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว และเราว่าการจบแบบนี้มันสวยงามในแบบของมันอยู่แล้ว

แต่อยากอ่านตอนพิเศษของคู่อื่นมากๆค่ะ(ฮา)

อีกอย่างคืออยากสัมผัสแบบเป็นเล่มด้วย คิดมาตั้งแต่ตอนเกือบกลางเรื่อง

ถ้าเรื่องนี้ได้รวมเล่มมันก็ดีเนาะ  :hao3:

สุดท้ายก็....

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :man1:

รอคอยอย่างสม่ำเสมอนะคะ^^

ป.ล. เราก็ดีใจที่ได้เป็นกำลังใจเหมือนกันค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 30-08-2013 22:27:34
อ่านไปน้ำตาตกเลยชอบมากครับเรื่องนี้ อ่านแล้วบีบหัวใจ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 31-08-2013 02:02:17
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก แล้วก็อ่านรวดเดียวจบค่ะ
เขียนดีมากๆ อ่านแล้วกินใจสุดๆ แต่ละตอนกว่าจะจบ อ่านแล้วแอบกดดัน รู้สึกเหมือนอยู่ใต้น้ำเลยค่ะฉากดราม่าเนี่ย บีบคั้นหัวใจมาก

แต่อ่านตอนแรกคิดว่าบลูจะรับเสียอีก ฮาา

รออ่านตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 31-08-2013 16:35:51
โฮวววววววววววววววววว
ทำไมมันดราม่าขนาดนี้
แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้จริงๆ
เราชอบจัง
ก็โอเคอ่ะ ที่รอ เดี๋ยวก็จะกลับมาเจอกันสินะะ
สู้วววว
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 31-08-2013 17:18:41
หลงรัก...ทะเล กับบลู แล้วสิ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: pick ที่ 31-08-2013 22:51:34
ขอบคุณคนแต่งสำหรับนิยายดีๆนะคะ ^^

จริงๆแล้วไม่ชอบอ่านนิยายแบบที่มันมืดมนสักเท่าไหร่ แต่พอได้เริ่มอ่านแล้วก็แทบหยุดอ่านไม่ได้เลยทีเดียว

ทุกๆอย่างทั้งการเขียนบรรยายอารมณ์ความรู้สึกของบลู เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันกัดกินเข้าไปในความรู้สึกของเราจริงๆ

คนแต่งทำให้เราข้ามทุกสิ่งที่เราไม่ชอบ ทั้งเรื่องการทำร้ายร่างกาย การที่ตัวเอกต้องไปเป็นของคนอื่น ความดาร์คของเรื่อง

...เพียงเพราะเราตกหลุมรักตัวอักษรของเรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้คนแต่งในเรื่องต่อๆไปนะคะ และขอโทษด้วยที่ไม่ได้ติดตามแต่แรก เพราะมีหลายๆอย่างที่ต้องทำใจก่อนอ่านจริงๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 01-09-2013 12:26:49
จบได้หน่วงๆเหมือนตอนเปิดเรื่อง
แต่ก็ดีนะ เพราะมันยังมีความรู้สึกให้หวังอ่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: pingwowo ที่ 01-09-2013 16:18:58
อันนี้อยากเม้นจิง คือแบบเรื่องนี้สุดยอดมากนะในความคิดของเราแบบคนแต่งโค๊ตเมพอะแบบเรื่องนี้แต่งขึ้นแล้วมันมีความรู้สึกร่วมแบบสุดๆฉุดอารมณ์เราสุดๆเลยอะ แบบพอมานั่งนึกดูเรื่องนี้เหมือนแบบคล้ายเรื่องเล่าจากชีวิตจริงเลยแบบถ่ายทอดได้ดีมาก(แต่แต่งขึ้นใช่ปะ) แบบที่ว่าเรารู้สึกร่วมด้วยในความคิดที่ว่ามีความสุขพร้อมกับความทุกข์ไปด้วยของบลูอะ แล้วแบบพอนั่งดูในชีวิตของบลูแล้วเป็นคนที่ในชีวินี้มีเรื่องราวผ่านมาเยอะเเยะมากมาย แบบตรึงใจอะบรรยาเป็นคำพูดไม่ค่อยถูกเท่าไร คือแบบเวลาไปอ่านของคนบ้างคน เค้าก็แต่งดูนะสนุกแต่เหมือนทั้งเรื่องมันไม่ค่อยจะมีอะไรเลย แต่เรื่องนี้แบบมันประทับใจแบบจำได้เรื่องที่ผ่านเข้าในชีวิตของบลูเลยอะ อ่านของคนอื่นสักพักเดี่ยวก็ลืม แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะอยู่ในความทรงจำของเราไปอีกนาน

ยังไงจ่อจากนี้จะติดตามผลงานของนักเขียนในเรื่องต่อไปค่ะ :impress3: :mew6: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 01-09-2013 18:39:23
จบปริ่มอ้ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 02-09-2013 23:47:46
เป็นตอนจบที่เกือบจะเศร้า แต่ไม่เศร้า... ดีมากเลยค่ะ ชอบแบบนี้  คิดว่าดีที่สุดกับเรื่องนี้แล้ว  :katai2-1:

เอ่อ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการเอ่ยชื่อติดโผหนึ่งในแฟนประจำ

จริงๆนางฟ้าไม่ได้หายหรอกค่า ตามอ่านอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้เม้น ขอโทษนะตะเอง  :z10:

 รักคนแต่งนะ จิบิ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 04-09-2013 09:56:27
อ่านแล้วมันรู้สึกเทา ๆ บางทีก็เหมือนอยู่ใต้น้ำ หายใจไม่ออก
ได้แต่บอกว่าทำไมมันเศร้าอย่างนี้
เขียนดีมากฮ๊าฟฟฟฟ  เอารางวัลโนเบลไปเบยยยย
ชอบ ๆ จากใจ ขอบคุณนะฮ๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 05-09-2013 20:32:24
ตามอ่านจนจบ ขอบอกว่าสนุกมาก มันประทับใจมากคะแบบว่า เล่ามาตั้งแต่แรกจนจบ เราว่ากำลังดีมากดำเนินเรื่องไม่เร็วไม่ช้าไป อารมณ์ที่บรรยายทำให้เข้าใจบลูเลยนะ อ่านไปร้องไห้ไป เราอ่านบนรถเมล์แอบน้ำตาหยดด้วยย 555 แต่ไม่อาย อินมาก ลุ้นมาก ตอนจบก็ดีมากนะเราจบ มันเข้ากับอารมณ์ของเรื่องและบลูมากเลย ชอบมากๆค่ะ อยากอ่านเรื่องใหม่ๆ จะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 06-09-2013 07:47:44
ชอบตอนจบมากกกกกกกกก

แต่ขอตอนพิเศษ ได้มั้ยๆๆ  :hao5:

เขียนดีจริงๆค่ะ อ่านแล้วอินแล้วหน่วงตามทุกตอนเลยค่ะ ถ้ามีเรื่องใหม่จะตามไปอ่านนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 10-09-2013 00:12:44
ทำไมพึ่งเจอเรื่องนี้ สนุกมาก ชอบมาก หน่วงทั้งเรื่อง ขอบคุณคนเขียน เก่งจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 10-09-2013 19:31:26
จบอย่างเป็นจริงได้ ใครไม่เป็นพ่อแม่ไม่รู้หรอกว่าเขารู้สึกอย่างไร
เมื่อลูกชายรักกันกับพี่ชายที่รับมาเลี้ยง  จบได้ดีค่ะ
ถ้าทำหนังสือขอช่วยบอกข่าวด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
รอตอนพิเศษ (ถ้ามี ^^)
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 11-09-2013 20:48:01
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: evil_kun ที่ 12-09-2013 21:33:49
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบ!!!
น้ำตาไหลคาออฟฟิสไปหลายรอบเลยค่ะ

ชอบการบรรยายเล่าเรื่องของคนเขียนมากเลย อ่านแล้วกดดัน ซึมเศร้า หดหู่ ดี
อ่านแล้วเหมือนกำลังจะจมน้ำตลอดเวลา ฮา....

รอตอนพิเศษนะคะ ถ้ามีตอนเล็กๆหลังจากทั้งคู่กลับมาเจอกัน คงจะช่วยเติมความหวานให้เรื่องนี้บ้างนะคะ ที่ผ่านมาหวานอมขมกลืนตลอด ^_^

ปล.ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกๆค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 13-09-2013 22:35:04
 :เฮ้อ:
 อยากอ่านให้จบแต่ไม่ไหวขอพักก่อนนะคะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องหนัก ๆ ดีๆ ค้าา
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 14-09-2013 10:22:42
ตอนจบทำให้ร้องไห้เลยทีเดียว ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบภายในยี่สิบตอน แต่จบได้เหมาะสมแล้วค่ะ ไม่ต้องบอกก็ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ แต่เรื่องนี้เขียนออกมาได้เศร้ามาก แม้ในฉากที่โรแมนติกก็ยังเศร้าๆเป็นหม่นๆเทาๆเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยายผ่านบลูหรือเปล่า แต่เราก็คิดว่าคนเขียนทำออกมาได้ดีนะที่สามารถเป็นตัวตนของบลูแล้วถ่ายทอดออกมา  แล้วทำให้คนอ่านได้รับรู้ความเป็นบลูไปพร้อมๆกันได้ ส่วนเรื่องรวมเล่มเราก็สนนะ แต่ขอประมเินราคากับกำลังทรัพย์ตัวเองก่อน ถ้าไม่แกลบมากเกินไปอ่ะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: keniji01 ที่ 14-09-2013 12:27:33
 :katai2-1: สุดยอดมากครับ อ่านรวดเดียวจบเลย อยากบอกว่าซาบซึ้งจริง ๆ  ตัวละครมีความลึก และกว้าง เขียนบทบรรยายได้ดีมาก มองเห็นภาพได้ชัดเจน กระชับได้ใจความ มีแต่ก้านเท่านั้นที่เป็นตัวประกอบที่ขาดความลึก หรือบทบาทน้อยไปหน่อย แต่อาจเป็นเพราะว่าเขียนจากในมุมมองของบลูคนเดียว ไม่ได้มองจากมุมของเลหรือของคนอื่น ๆ ขอบคุณผู้แต่งครับสำหรับเรื่องดี ๆ ที่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ikoolpaul ที่ 14-09-2013 14:04:34
อ่านจบตอนนึง
ถอนหายใจทีนึง
ฮื่อออออออ

มันเป้นเรื่องที่หม่นมากอะ
หม่นสุดๆ บรรยากาศเทาๆฟุ้งเต็มไปหมด
แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้

เข้าใจเลยว่าทำไมทั้งทะเลทั้งป๊อบถึงได้หลงรักบลู
ในความหม่น ในความเทาที่ออกมาจากตัวบลู
มันชวนเศร้า หดหู่ แต่ทรงเสน่ห์มาก
คนเขียนสุดยอดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: ภัทร ที่ 14-09-2013 16:10:36
 :mew2: เรื่องนี้แบบว่าได้ใจมากครับ สนุก เศร้า เหงา ลุ้น ครบเลย ยังไม่อยากให้จบเลย อยากเห็นผลของการรอคอย ของทั้งบลูและทะเล ว่าจะสวยงาม หรือร่ำโศก แต่ยังไงก็ขอบคุณคนเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Pentoh ที่ 15-09-2013 13:09:20
หวัดดีครับ ผมเพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
เป็นเรื่องราวที่ดีมาก ชอบครับบผมม

ลุ้นอยู่ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ช่วยมีตอนพิเสดหน่อยสิ
เอาให้เคลียเลยครับ ว่า สมหวังไหม
ถึงแม้ ว่าตอนจบมันจะเคลียอยู่แล้ว ว่าน่าจะสมหวัง!!
แต่มันติดๆๆ อยากให้เคลียเลย นะครับบบ
แฟนคลับ นิยาย เร่ืองนี้จะได้สมหวังกัน
ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆมาถ่ายทอดให้ผมและคนอื่นๆ ได้อ่านกัน
ขอให้มีความสุขเช่นกันนะ ครับ ผมจะรอตอนพิเสด
ทำหนังสือ ออกมา ผมก็จะซื้ออออ :)))))
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 16-09-2013 19:48:36
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ก็หลังจากที่คนเขียนแต่งจบแล้ว

คนเขียน เขียนออกมาได้ดีมาก ๆ
ถ่ายทอดความหม่นหมอง และความรู้สึกของบลูได้ดีและชัดเจน
เรื่องนี้ให้อารมณ์เทา ๆ ได้มุมมองที่ต่างไปจากเรื่องอื่น
คำบรรยายรายละเอียดต่าง ๆ ในนิยายช่างเจ็บปวด คล้อยตามไปกับตัวละครที่มีอดีตฝังใจ

ถือว่าเป็นนิยายดราม่าอีกเรื่องที่เราประทับใจ เป็นกำลังใจสำหรับงานเขียนชิ้นต่อ ๆ ไป

ยอดเยี่ยมมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 18-09-2013 23:06:34
น้ำตาซึมเลยค่ะ  ดีนะที่จบแบบ HAPPY ไม่งั้นซึมไปหลายวันเลย
คนเขียนแต่งเก่งมาก ภาษาก็ดี การแต่งก็เริด
กดบวกกระหน่ำเลย  :katai4:

รอเรื่องต่อไปนะค่ะ  แอบหวังว่าจะมี  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 22-09-2013 14:58:12
รอตอนพิเศษ อิอิ

เหมือนนิยายฝรั่งเลย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Linyu_ta ที่ 27-09-2013 01:12:22
อ่านจบแล้วววววววววววววววว  :sad4: :o12:

เพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้เมื่อตอนบ่าย แล้วก็ยาวมาจนดึกดื่น ต้องอ่านไป คลายเครียดไป เพราะนิยายของคุณสักวัน ทำให้อึดอัด หน่วง หนึบได้ทุกตอนจริงๆค่ะ นับถือมากกกก

ปกติแล้วเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านนิยายดราม่า หน่วงๆ แต่แอบมาส่องคอมเม้นท์เห็นว่าตอนจบแฮปปี้เลยขอลองสู้กับดราม่าสักตั้ง ฮ่าาาาาาาาาาา เพราะติดใจวิธีเขียน วิธีบรรยาย และเนื้อเรื่องของคุณสักวันมากๆ ใช้ภาษาเรียบง่ายแต่ก็ดูสวย เล่าได้ลื่นไหล ทำให้อินกับตอนแต่ละตอนมากๆค่ะ 

รู้สึกนิยายของคุณสักวันเป็นดราม่าที่น่าติดตามมาก เพราะมันต่างจากดราม่านิยายอื่น ดราม่าแบบไม่น้ำเน่า เป็นดราม่าที่ดูจริง เป็นปัญหาจริงที่ไม่ใช่จะต้องมีทางออกเสมอไป แต่ก็สามารถค่อยๆหาทางออกนั้นเจอ  ทำให้อยากรู้ว่าชีวิตของบลูจะเป็นอย่างไรต่อไป ชีวิตของคนๆนี้ จะมีความสุขสมหวังบ้างหรือเปล่า ความเศร้าและฝันร้ายจะไปจบอยู่ตรงไหน คอยลุ้น และเป็นกำลังใจให้บลูอยู่ตลอด เศร้า เสียใจ ท้อไปกับบลู เหมือนบลูมีชีวิตจริงๆ และคิดว่าบลูเป็นคนเก่งมากที่สามารถกลับมายืนและก้าวเดินต่อไปได้  ต่อไปนี้ก็หวังให้บลูสู้ต่อไป อีกไม่กี่ปีทะเลของบลูก็จะกลับมา ^^v

ปล. เราก็ชอบตอนจบแบบนี้นะคะ มันดูลงตัว แต่เราก็ยังแอบอยากเห็นบลูกับทะเลได้อยู่ด้วยกันอยู่นะคะคุณสักวัน ขอความกรุณาด้วยน๊าาาาา ><
ปล.สอง  ลงชื่อจองซื้อนิยายเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ \^^/ อยากได้มาครอบครองมากกกกกกกกกกกก
สุดท้ายขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ^^ หวังว่าจะได้ติดตามเรื่องต่อไปอีกนะคะ (ขออย่าดราม่ากว่านี้เลยนะคะ ><)
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 04-10-2013 23:42:55
เป็นนิยายที่ไม่กล้าเดาบรรทัดต่อไปเลยล่ะ (เรื่องอื่นอาจจะไม่กล้าเดาตอนต่อไปต่อเรื่องนี้ต้องบอกว่าไ่ม่กล้าเดาบรรทัดต่อไป) ให้ความรู้สึกหน่วงๆ ความบิดเบี้ยวของหัวใจที่มีอยู่จริง อ่านแล้วไม่ต้องตีความมากเลย แต่จะบอกว่าความรู้สึกของบลูเข้าถึงได้ยากมากเหมือนที่ทะเลพูด เหมือนกับทะเลที่หาจุดหยั่งไม่เจอ มันดำมืดไม่มีทางออก คนเขียนเขียนดีมากเลยอ่ะ จะรอเรื่องใหม่นะค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwjung ที่ 05-10-2013 21:50:20
งะ จบไวอะ. อิบลูนี่ก็หน้ากลัวยุนา
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: Linyu_ta ที่ 08-10-2013 18:02:06
เข้ามาบอกคิดถึงบลู กับทะเล  :mew6: ไม่รู้ป่านนี้สองคนจะเป็นยังไงบ้างแล้ว เค้ายังแอบรอตอนพิเศษอยู่นะคะ อิิอิ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 16-10-2013 15:05:19
ชอบมากๆเลยค่ะ
อ่านรวดเีดียวเลย
ตั้งแต่เช้ายันบ่าย
จนจบ
น้ำตาไหลไปกับเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรก
จะติดตามต่อไปนะค่ะ
รออ่านเรื่องต่อไปค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] 29-08-13 -จบ-
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 21-10-2013 11:10:38
โศกขนาดไหน แต่ก็ประทับใจค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: สักวัน ที่ 11-11-2013 00:32:15
(http://i1299.photobucket.com/albums/ag77/zuckone/1420488_751916818167296_118881088_n_zps07802f42.jpg) (http://s1299.photobucket.com/user/zuckone/media/1420488_751916818167296_118881088_n_zps07802f42.jpg.html)

สวัสดีค่ะ   :mew1:
หลังจากหายไปพักนึงวันนี้กลับมาแจ้งข่าวรวมเล่มแล้วค่า

ทะเลในโลกสีฟ้าเปิดให้จอง Pre Order กับสำนักพิมพ์เฮอร์มิตแล้วนะคะ รายละเอียดตามนี้เลยค่ะ

[ เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ – 10 มกราคม 2557]
หนังสือสามารถจัดส่งหลังจากปิดจองประมาณ 1 เดือน ( 10 กุมภาพันธ์ 2557 )

ชื่อเรื่อง : ทะเลในโลกสีฟ้า
ผู้แต่ง : สักวัน
ปก : ยิงสปอต ดันนูน
ขนาด : 13 X18.5
จำนวนหน้า : 320+
ของแถม : ที่คั่นหนังสือและตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บ
ของแถมรอบจอง : พวงกุญแจรูปปิ๊กกีตาร์
ราคา 350 บาท (รวมค่าจัดส่งลงทะเบียน )


สั่งจอง : http://www.hermitandmomiji.com/product/86/pre-order-
Page Hermit : https://www.facebook.com/HermitBooks

---------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้ก็ปิดโหวต SENGPED AWARDS เรียบร้อยแล้ว เห็นคนอ่านโหวตเรื่องนี้ตอนเปิดตั้งแต่รอบแรกดีใจมาก โหวตจนเข้าไปถึงรอบชิงด้วย
ผลโหวตรอบสุดท้ายทั้งหมด 56 เสียงนี้ขอบคุณมากๆจากใจจริงนะคะ ขอบคุณค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:  :heaven
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Saantos ที่ 11-11-2013 02:10:05
อ่านจบแล้วนะคะ

ตอนแรกกลัวมากเลยไม่กล้าอ่าน

เกือบจะหยุดอ่านกลางคันแล้วค่ะ

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Linyu_ta ที่ 11-11-2013 15:10:19
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด น้ำตาจะไหล ดีใจมากๆเลยค่ะ  :hao5: :heaven ตอนเปิดมาเจอตกใจมากรีบเข้ามาดูเลย ในที่สุดก็จะได้บลูกับทะเลมาครอบครองแล้ว ฝันใกล้เป็นจริงแล้วค่ะ อิอิ

เดี๋ยวจะรีบไปโอนทันทีเลยนะคะ แต่แอบเสียดายนิดหน่อยที่อีกตั้งหลายเดือนถึงจะได้ >< แต่ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เองรอได้เสมอ ยังไงสิ่งที่แฮปปี้ที่สุดก็คือเป็นรูปเล่มแล้ว :impress2: ปูเสื่อนอนรออย่างใจจดจ่อนะคะ  :L1:

ยังไงก็ยังรอผลงานใหม่ของคุณสักวันอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 12-11-2013 05:02:05
คืออ่านไม่จบ เราไม่นอนอ่ะ
ดูนาฬิกาอีกที ตีห้าพอดีเป๊ะ 55555

ชอบเรื่องแนวนี้มาก
อึมครึม ปวดตับได้ใจ
ลุ้นทุกตอนว่าจะเป็นยังไงต่อไป
สุดท้ายก็จบด้วบความอึมครึม แต่ชอบ  :mew6:
อยากอ่านตอนพิเศษจัง ต้องสั่งหนังสือสินะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: PRMWi ที่ 14-11-2013 02:08:38
ฮือออออออออ ~~~

ปลื้มใจมากๆเลยค่ะ ในที่สุดก็ประกาศรวมเล่มเสียที
รู้ไหมคะ เราอ่านเรื่องนี้แล้วก็ไปเล่าให้เพื่อนฟังต่อ (เพื่อนไม่ใช่สาววายด้วย)
แล้วเพื่อนบอกว่า สุดยอด ฮ่าๆๆๆ แล้วเราก็ชอบไปงุ้งงิ้งว่า เราอยากได้ แต่เราเจ็บหัวใจจัง

แล้วเมื่อวานเราก็ถามเพื่อนเราว่า เธอจำเรื่องทะเลในโลกสีฟ้าที่ชั้นเลยเล่าให้ฟังได้ไหม
เพือนก็ดันจำได้ (ปกติมันไม่จำอะไรแบบนี้)

นั่นหละ เราก็คิดถึงเลยบอกว่าอยากซื้อมากเมื่อไหร่จะเปิดให้สั่งจอง
แล้ววันนี้ก็มาถึง ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai2-1: :katai4: :katai4:  :katai3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: miyuujung ที่ 14-11-2013 16:36:40
อีกไม่นานต้องได้อยู่ด้วยกันแน่ เพราะ ทะเล(อยู่)ในโลกสีฟ้า(บลู) เสมอไป

ซึ้งมากค่ะ คนเขียนเก่งมาก 

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 15-11-2013 22:10:32
จองกับเฮอร์มิดเรียบร้อยแล้วค่า  :mc4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-11-2013 00:08:59
เรื่องนี้สนุกนะ  อ่านอีกรอบก็ยังสนุก ขมๆหวานๆดี
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 16-11-2013 12:36:14
น้ำตาซึมเลย ดีที่จบแบบแฮปปี้ไม่งั้นน้ำไหลแบบหยุดไม่อยู่แน่เลย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: snack ที่ 19-11-2013 16:19:57
อ่านแบบลากยาวจบเลย...เขียนออกมาได้ดีมากบรรยายแต่ละความรู้สึก เหงา เศร้า  โดดเดี่ยว เจ็บปวดได้แบบ

บีบคั้นอารมณ์คนอ่านแบบเรามากเลย..แอบเสียน้ำตาไปมากมายกับความทุกข์ที่บลูได้รับมาตั้งแต่เด็ก

ความเจ็บปวด อ้างว้าง ไร้ค่าของบลูถูกเติมเต็มด้วยความรักของทะเลแค่นี้โลกของบลูก็เปลี่ยนไปแล้ว

ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะคะ... :pig4:

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 21-11-2013 23:08:30
เป็นเรื่องเขียนดีมาก ละมุนละไม นุ่มนวล หวามและหวานในอารมณ์ ตามอ่านอย่างติดด้วยว่าไม่อาจละไปได้ ชอบความรักของบลูกับทะเล ทั้งสองต่างเป็นของกันและกัน แม้กระทั่งชื่อก็ยังข้องเกี่ยวกัน

ได้แต่หวังว่า เมื่อเจอกันอีกที ทั้งสองจะได้ใช้หัวใจรักให้เต็มที่

ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 26-11-2013 23:03:13
“ให้ความรู้สึกเศร้า...แต่ก็ละสายตาไม่ได้...รักความรู้สึกนั้นในเรื่องนี้"

เจ็บ จุก หน่วง ปวดท้อง ปวดใจ อมยิ้ม กลัว ลุ้น หวัง รอ มือเท้าเย็น ลอยคว้าง
คุณทำให้เราเป็นแบบนั้น
เข้าไปอยู่ในโลกสีฟ้าของบลูและเฝ้ามองโลกทั้งใบที่ชื่อทะเล

ขอบคุณมากนะคะที่เป็นนักเขียน ขอบคุณ
หลายถ้อยคำในเรื่องมันกินเข้าไปในใจเลยจริงๆ สุดยอดมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 28-11-2013 00:01:19
ขอบคุณครับ  :L1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 10-12-2013 12:04:53
เรื่องนี้ถือว่าเป็นนิยายเข้มข้นอีกหนึ่งเรื่องที่ตีแผร่ระหว่างคนหนึ่งคนที่ตกอยู่ด้านมืด และพอมาพบกับแสวงสว่างก็ออก สีโทนสีเทา ไม่ได้ดูเพอร์เฟค กับแสงสว่าง ทุกเรื่องราวของชีวิตย่อมมีความมืดที่เป็นเงื่อนไข และข้อจำกัดของแสงสว่าง อดีต ทำให้ดูเป็นชีวิตจริง มีลุ้น เครียดกับเหตุการณ์ แต่ดูเหมือนบางครั้งชีวิตต้องพบเจอกับปัญหามากไปจนบางครั้งก็คาดเดาได้ว่าเรื่องที่กำลังสุขอยู่นั้นจะต้องเป็นทุกข์กับเรื่องที่กำลังมีสุขนั้น

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-12-2013 20:24:25
 :เฮ้อ:หน่วงสุดๆ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lady-Rabbit ที่ 29-12-2013 18:41:23
อ่านรวดเดียวจบเลยค่าาาาาา ขอบอกว่าชอบสไตล์การเขียนมากๆๆๆ

เล่าเรื่องออกมาได้ดี เวลาบลูเจ็บเราก็รู้สึกเจ็บปวดตามบลูไปด้วยจริงๆ

จะติดตามเรื่องต่อๆไปแน่ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-01-2014 17:56:46
 :o12: น้ำตาท่วมจอทุกตอน
ขอตอนที่ยิ้มแบบไม่มีน้ำตาสักตอนเถอะ
ขอบคุณคนเขียนมาก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 19-01-2014 19:21:57
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ คนเขียนเขียนดีมากกก ชอบมาก น้ำตาซึมไปหลายตอนเลย
ช่วงแรกๆนี่หน่วงมาก สงสารทุกคน ทั้งบลู ทะเล ป๊อป ดีใจที่แต่ละคนปรับความเข้าใจกันได้
อ่านจบเห็นว่าเปิดจองรวมเล่มถึงวันที่ 10 นี่แอบใจหายนึกว่ามาไม่ทันซะละ
เข้าไปดูในเว็บปรากฎว่าเค้าเลื่อนเป็นวันนี้วันสุดท้าย นี่รีบไปจอง+โอนเงินเลยค่ะ กลัวพลาด :-[
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 08-02-2014 23:36:58
แปะป้าบบบไว้
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 09-02-2014 00:20:49
ได้รับหนังสือแล้วค่าา (แต่เราสั่งช้าเลยไม่ได้ของแถม แอบเสียใจจ TT)
หนังสือขนาดพอดีมือมากค่ะ ชอบ มาถึงรีบเปิดอ่านตอนพิเศษก่อนเลย
น่ารักมากกกทุกคู่เลยค่ะ อ่านแล้วก็อยากอ่านอีกเยอะๆ รู้สึกไม่พอ55

edit: ได้รับของชำร่วยแล้วล่ะค่ะ(เห็นของแล้วมันได้ฟีลนี้จริงๆนะคะ55) ของพึ่งมาถึงเมื่อวาน ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 09-02-2014 18:46:39
สวัสดีครับ

เพิ่งมีโอกาสมาอ่านหลังจากที่จบและเพิ่งปิดรับออเดอร์ T_T
อ่านวันเดียวจบ สนุกมาก ไม่วางตาเลย
ที่ชอบที่สุดคือการที่คนแต่งทำให้เห็นถึงความคิดอ่านของบลูที่โตขึ้นอย่างมีเหตุผล
บลูคือเด็กที่ไม่ได้มีความไร้เดียงสา มีสีดำปนเปื้อนอยู่ในจิตใจ เพราะไม่เคยมีใครชำระล้างให้
พอมาเจอครอบครัวที่สมบูรณ์ แน่นอนในเมื่อบลูไม่เคยรู้ว่าอะไรคือรักบริสุทธิ์ ทำให้ไม่ยอมรับและเหยียดหยามความรักนั้น
พอมาเจอเล คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ทำให้บลูเปลี่ยนไป รวมทั้งป๊อบเองก็เหมือนกัน
ทำให้ลูเข้าใจความเป็นไปและเข้าใจในความรักได้อย่างถ่องแท้

เราชอบที่บลูช่วงที่โดนไล่ออกจากบ้านน้าวิทย์มาก
บลูดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่เกเร มีอนาคต และทำให้มั่นใจว่าบลูจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ อย่างพาเลหนีไป หรือตายคู่เพื่อความรัก
ซึ่งถ้าจบแบบนั้นเราจะไม่แฮปปี้เท่าแบบนี้

ประทับใจมากจริง ๆ ครับ
คุณเก่งมาก ๆ เลยนะ
จะรอผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปนะครับ o13
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 10-02-2014 13:35:48
ปกติก็ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรที่มันก่อให้เกิดความกดดันบีบคั้นทางอารมณ์เท่าไหร่นะครับ เพราะรู้สึกว่าการอ่านนิยายน่าจะทำเพื่อความบันเทิงมากกว่า แหะๆ

แต่นิยายที่มีปมปัญหาของตัวละครแบบนี้
มันทำให้นิยายดูจริงมากๆ และนั่นทำให้นิยายเรื่องนี้กลายเป็นนิยายที่สวยงามสำหรับผม
แม้จะอ่านไปด้วยความเครียด กังวล กลัว หรืออารมณ์กดดันบีบคั้นอีกต่างๆนานา
แต่มันก็เป็นนิยายที่มีเสน่ห์ในแบบของมัน

ชอบที่ประเด็นในเรื่องเป็นประเด็นที่ควรเป็นประเด็น สิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวทำดูมีเหตุผล
ถึงจะงี่เง่า เลวหรือดราม่า แต่มันก็มีสาเหตุของของการแสดงออกเหล่านั้น
และกลับเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวละครดูเป็นจริงมากขึ้น

อ่านช่วงแรกแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองมาโซคิสหน่อยๆ (พอๆกับตัวละครหลายๆตัวในเรื่อง)
อ่านไปเครียดไปเจ็บไปแต่ยังยังคงอ่าน

อ้อ ที่สำคัญมากคือภาษาสวยมากครับ หาที่ผิดไม่ได้เลยและรู้สึกว่าถ้อยคำถูกกลั่นกรองออกมาเป็นอย่างดี ชื่นชมจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 12-02-2014 01:31:59
อ่านจบแล้ว ชอบคะ ดราม่าถูกจริตมาก ให้อารมแบบ อ่าน หรือจะฯ เลย แต่เรื่องนี้ เบากว่าเยอะ ไม่อึดอัดมาก แต่หน่วงดี เราชอบบบบบ
เสียดายมาเจอทีหลัง ไม่งั้นเราโหวตให้แน่ๆ
รองานเขียนชุดต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: bizarre ที่ 12-02-2014 23:50:08
เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วรู้ว่ามันเศร้าแต่ก็วางไม่ลงจริงๆค่ะ

 :mew2: เลยอ่านจนจบเฉยเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 13-02-2014 22:56:18
อ่านจบแล้วก็รู้สึก อึนๆ นะ  หน่วงด้วย  :sad11: :m15:

สำหรับเราอยากให้มันแฮปปี้มากกว่านี้ :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Silvercrowkk ที่ 25-10-2014 00:55:51
อ่านจบแล้วครับ
เพราะว่ากำลังจะแพลนว่าจะสั่งกับสนพ
อ่านไปหน่วงทั้งเรื่อง
มันรู่
้สึกบีบทั้งเรื่อง
แต่มันแบบพอดีๆ
จนมาประโยคสุดท้ายก่อนคำว่าend นี่แหละ
น้ำตาพลากเลย
เห้ออ

ใจจริงยากเหฺนจบอีกแบบมากกว่า
แต่ก้นะซื้อๆๆๆๆ
55555
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 27-10-2014 01:04:13
ไม่มีคำบรรยาย ทั้งเนื้อเรื่องความหม่นของตัวละคร เพลงเพราะทุกเพลง หม่นแต่อ่านจบแล้วอุ่นในหัวใจสนุกมากๆ คะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 06-11-2014 07:42:36
อ่านจบแล้ว
ขอบคุณ สักวันนะคะ ที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
อ่านแรกๆกับวัยเด็กของ บลูแล้วบอกตามตรงต้องอ่านข้ามค่ะ
ทำใจไม่ได้มัน ดาร์ค น่าสงสาร
ถัดมาพอบลูได้มาเจอทะเล โหย มันเป็นความอบอุ่น
รักแบบหม่นๆ หน่วงๆ จนกระทั่ง โดนกระชากอารมณ์ด้วยเรื่องของก้าน
ชอบมากเลยนะคะ ภาษาการบรรยายไหลลื่นดีมาก
ซื้อมาเป็นเล่มเรียบร้อยแล้วด้วยคะ
จะคอยเป็นกำลังใจให้คนแต่ง และรอผลงานเรื่องต่อไปนะคะ :o8:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 08-02-2015 13:11:41
ขอบคุณ คุณสักวัน
นิยายของคุณทำคนอ่านอย่างเราหัวใจหวั่นไหวตลอดทั้งเรื่อง
มันพาเราดำดิ่งไปในโลกสีฟ้าได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
ทั้งที่ปกติเป็นพวกลัทธิสุขนิยม ชอบเสพแต่ความสุข และความฮา
แต่คุณทำเราถอนตัวไม่ขึ้นเมื่อได้เริ่มอ่านเพียง 15 บรรทัด
นิยายของคุณมีรสขมอมหวานและเฝื่อนหัวใจมากกกกกกก
มันขมมากๆ นะ แต่ก็ยังหลอกล่อด้วยความหวานให้คนอ่านติดกับ
   แต่คือ.....ทั้งหมดทั้งมวล.......คุณทำให้เราชอบนิยายเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆ ค่ะ  :กอด1: :L1: :pig4:
แต่ตอนจบของเรื่องมันดีนะ...........แต่มันก็ยิ่งทำให้เราโลภ อยากอ่านตอนพิเศษที่ทั้งบลูและทะเลจะได้กลับมาเจอและอยู่ด้วยกันอีกครั้ง...............(มันคือความโลภจริงๆค่ะ แต่อยากให้มีสุดๆๆๆ)  ขอบคุณอีกครั้งนะค้าาาาาาา :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-02-2015 07:57:30
ร้องไห้หนักมาก หน่วง เศร้า

ทุรนทุราย ชอบมาก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 11-02-2015 13:13:43
แงงงงง

มาไม่ทันจองหนังสือออ  :z3:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: jambool ที่ 13-02-2015 19:04:10
 :hao5:  สนุกมากๆเลยค่ะ

เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว รู้สึกเศร้า เหงาๆ ไปพร้อมกับตัวละครเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 16-03-2015 14:11:12
ในที่สุดก็เดินทางมาเจอเรื่องนี้...

โดยทั่วไปแล้วเนื้อเรื่องอาจไม่แปลกใหม่ แต่การดำเนินเรื่องแปลกมากค่ะ
การเล่าเรื่องจากความรู้สึกนึกคิดของบลู ทำให้เรื่องออกแนว 'บลู' มากทีเดียว

จากที่เริ่มอ่านจากตัวหนังสือตัวแรก เรื่อยมากจนกระทั่งตัวสุดท้ายในตอนที่ 20
มีหลากหลายความรู้สึกที่ไหลผ่านไป การบีบมือตัวเองแน่น การเจ็บหน่วงของหัวใจ
การค่อยๆ เลื่อนบรรทัดไปทีละบรรทัดอย่างช้าๆ บอกได้อย่างดีว่าตั้งใจและอินไปกับเรื่องทั้งหมด

คนเขียนเริ่มเขียนตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ปล่อยให้คนอ่านค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในความคิดของบลู
ให้เราค่อยๆ เข้าใจบลูไปทีละนิด ให้เรามองเห็นสิ่งที่ผิดและสิ่งที่ถูกจากสิ่งที่บลูคิดและบลูเป็น
มีหลายช่วงเวลาที่เราไม่เห็นด้วยกับบลู แต่ก็บอกไม่ได้ว่าบลูผิด เพราะจากสิ่งที่บลูต้องเจอมันหล่อหลอมให้บลูเป็นอย่างนั้น

ในบางช่วงบางตอน นึกสงสารบลูจับใจที่ต้องเผชิญเรื่องราวทั้งหมด และกักเก็บมันไว้กับตัวเอง
พยายามเรียนรู้ถูกผิดด้วยตนเอง เพื่อที่จะอยู่บนโลกที่บิดเบี้ยวใบนี้ของบลู
และทะเล เด็กน่ารักใสๆ คนนี้ที่มาทำให้บลูค่อยๆ เปลี่ยนไป


'ทะเลในโลกสีฟ้า' เกือบจะมืด เกือบจะหม่น สีฟ้าที่เกือบจะเป็นสีดำแต่ก็ไม่ใช่
มันยังคงเป็นสีฟ้าอยู่ อาจไม่สดใส แต่ก็ยังชัดเจน
เป็นการอ่านที่เรียกว่าบีบหัวใจโคตรๆ มันหม่น มันหน่วง มันอึดอัด
แต่ก็ไม่อยากปล่อย ไม่อยากปิด ไม่อยากให้มันจบ
การเดินเรื่องจากสีดำจางๆ จนกลายเป็นดำมิด และค่อยๆ จางลงอีกครั้ง


เข้าใจคำว่าทะลคือโลกทั้งใบของบลูจริงๆ ค่ะ
เรามองว่าทะเลเป็นแสงสว่างในโลกมืดๆ ของบลู เป็นสิ่งที่ทำให้สีมืดๆ ทึบๆ ในใจของบลูค่อยๆ สว่างขึ้น
เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวบลู ความรุนแรงที่ลดลง ความทะนุถนอมที่มีมากขึ้น ความเข้าใจในชีวิตที่มีมากขึ้น
และที่สุดแล้ว บลูสามารถปล่อยวางได้มากขึ้นจากทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

เราคิดเหมือนน้าเพลงว่า เวลาไม่กี่ปีบลูจะโตขึ้น อยู่ด้วยตัวเองได้...ดูแลทะเลได้...แล้วน้าวิทย์จะวางใจได้มากขึ้น
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ เรื่องนี้ค่ะ ยอมรับว่าชอบมากทั้งโครงเรื่อง เนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง บรรยากาศของเรื่อง และภาษาที่ใช้
คุณคนเขียนสามารถทำให้คนอ่านเดินตามความรู้สึกของบลูได้ไม่หลงทางเลยจริงๆๆ เป็นเรื่องที่สะท้อนจิตใจของเด็กคนหนึ่งในสภาวะหนึ่งได้อย่างดี และเราได้เดินตามเขามาจนถึงวันที่เค้าเติบโตพอที่จะดูแลคนอีกคนหนึ่งที่เป็นโลกทั้งใบของเขาได้อย่างแท้จริง


สุดท้ายแล้ว จากสีดำตอนต้นเรื่อง มันดำเนินมาจนกระทั่งเป็นสีฟ้าสดใสแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้ม ที่ 07-04-2015 15:53:37
ชอบมากๆ เขียนดีมากๆ เราชอบผลงานของคุณค่ะ
 ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 31-07-2015 20:42:45
แง๊!!! จบแบบไม่รู้ตัว โอ๊ย ไม่อาจบอกความรู้สึกได้มันขาดห้วง และยังหม่นๆ อยู่ สงสารบลูตั้งแต่ตัวอักษรแรกที่ได้อ่าน จนถึงตัวสุดท้าย แอบน้ำเสียน้ำตาให้ผู้ชายตาสีฟ้าไปหลายฉาก สงสารมากเลย คนแต่งใจร้ายให้สองคนมาเจอหน่อยได้มั้ยคะ แต่สนุกมากเลยค่ะ ถึงจะไม่เอิ่มเอมแต่ก็ซึมซับทุกความรู้สึกจากตัวละคร ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 18-09-2015 00:23:51
อ่านแล้วรู้สึกหน่วง เศร้า หดหู่ แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้
คนแต่งได้อินสุด ๆ ถ้อยคำสละสลวย ลึกซึ้งกินใจ
เป็นชวิตในโลกของความเป็นจริง สมเหตุสมผล
รู้สึกรักนิสัยอย่างเลจัง
ถึงตอนจบแล้วอยากได้หนังสือ ไม่รู้ว่ายังมีไหม
ผ่านมาแล้ว 2 ปี เดี๋ยวต้องลองหาดู
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: fabaceae ที่ 19-09-2015 19:49:16
สวัสดีค่ะ อ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยยังไม่มีลอกอินตอนนี้มีละเลยกลับมาคอมเม้นให้หน่อย
เป็นเรื่องที่เราชอบมากๆเรื่องนึงเลยค่ะ อ่านแล้วยังไม่ลืมง่ายๆอ่ะ เราว่ามันเรียลดีติดอยู่ในสมองไปนานเลย
ชอบค่ะปกติเราไม่ชอบแนวดราม่าเท่าไหร่แต่เรื่องนี้ดีมากแล้วก็คิดว่ามันไม่ดังเท่าที่ควรอ่ะ

เรามีรสนิยมในการฟังเพลงคล้ายๆกันด้วยนะคะ :)
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: theG ที่ 11-10-2015 10:16:00
เพิ่งได้มาอ่าน ตอนอ่านไม่ได้ดูวันที่ คิดไว้แต่ ถ้าเปิดจองหนังสือเมื่อไหร่ เราจะไม่พลาดแน่ๆ
แต่พออ่านจนจบปุ๊บ... อ้าว เรื่องนี้จบไปตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว ฮืออออออออออ  :ling1: ถ้ามีรีปริ้นท์เมื่อไหร่ช่วยแจ้งด้วยนะคะ อยากได้เก็บไว้มากจริงๆ  :z3:

อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้ตรงที่มันหม่นและมันเรียลนี่แหละค่ะ
ชอบบลูตรงที่บลูเป็นตัวละครที่เป็นคนจริงๆ มีรัก โกรธ หลง เห็นแก่ตัว อิจฉา แต่ถึงเราจะรู้ว่าบลูก็ไม่ดีอย่างนั้น อะไรต่างๆ ก็ยังทำให้เราเชียร์บลูอยู่ตลอดเลย /ปาดน้ำตา  :hao5: เรื่องจบแบบนี้คือดีแล้วแหละค่ะ เข้ากับความเป็นบลูดี

ปล.อยากอ่านตอนพิเศษมากเลย โฮรววว

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 12-10-2015 01:04:04
ทุกอย่างมันหม่นมันเศร้าตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบ ขอมีตอนพิเศษที่ให้ความรู้สึก สมหวังด้วยน้าาาา อยากอ่านมากกกกก เรื่องนี้ร้องไห้หนักมาก สงสารทุกคน แต่ชีวิตต้องเดินหน้า  o13 จะรอตอนพิเศษน้า
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 19-10-2015 18:11:45
เขียนดีจังเลยค่ะ จะติดตามผลงานนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 20-10-2015 00:41:15
เพอิงได้มาอ่านเรื่องนี้
คุณวางโครงเรื่องให้เราซึมซับความคิด. ความรู้สึกจนเราเติบโตมาพร้อมกับบลู   
คือดีย์!! :hao6:
#ว่ามีรวมเล่มไหมม.   อยากได้
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 25-02-2016 18:44:45
เมื่อไหร่จะครบ 5 ปีสักที อยากเห็นความสุขสมหวังของทั้งคู่จัง บอกตรงๆว่าตอนเห็นชื่อเรืองไม่คิดว่าจะหน่วงจิตแบบนี้ หน่วงแบบหน่วงจริงหน่วงจัง หน่วงแบบไม่มีตอนไหนให้เราผุดรอยยิ้มขึ้นมาได้เลย

 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 07-05-2016 21:24:33
กลับมาอ่านอีกรอบ
ชอบฉากจูบบนเจ็ทสกี เขินมาก!  :mew1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 03-07-2016 10:55:08
ตอนนี้อ่านถึงหน้า 3
อยากบอกว่าสงสารป็อบมากๆ 
ชอบการบรรยายมากๆ
ชอบความสัมพันธ์ระหว่างป็อบกับบลูมาก
แต่อยากให้ป็อบคู่กับบลูตอนจบง่ะ TT
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 18-07-2016 11:38:55
โอ้ยยยยย เกลียดแนวนี้ที่สุด มันสีบลูทั้งเรื่องเลย :ling3:

แต่นี่อ่านจนจบ แต่จบดีนะ เราเชื่อใจน้องทะเล น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ดึงดาว ที่ 08-10-2016 10:20:27
 :hao5: ความรักชั่งลึกซึ่ง กินใจซะเหลืิอเกิน #ร้องให้หนักมากกก
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 14-10-2016 16:43:09
มันหน่วง ไม่ทุกข์ ไม่สุข ตลอดระยะเวลาที่อ่าน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่างกลางกลุ่มเมฆหมอกหนา ไม่เชิงอึดอัด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสบายนัก เหนือสิ่งอื่นใดคือวางไม่ลง มันสนุกทั้งๆที่เรื่องกำลังเศร้า แต่เรามองว่ามันได้อรรถรส นิยายดีๆไม่จำเป็นต้องสวีทมากมาย เอ็นซีเยอะแยะ หรือพระนายรักกันทั้งเรื่อง แต่นิยายที่ดีคือนิยายที่ผู้แต่งสามารถเล่าเรื่องได้ถึงอรรถรส ทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วม และเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ เราว่าคุณทำมันได้ครบทุกข้อ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 26-11-2016 12:43:23
หลงเข้ามาอ่านเพราะมีกรณีโดนลอกนิยาย เห็นชื่อเรื่องน่าสนใจเลยลองมาอ่านดูค่ะ
เปิดมาบทเเรกตอนเช้า...รู้ตัวอีกทีก็นั่งน้ำตาไหลเงียบๆ ในตอนจบเรื่องแล้ว
อ่านแล้วซาบซึ้ง อิ่มอก  กินใจ เป็นความอวลๆ มวลๆ มาก
เหมือนโดนสะกดให้เข้าไปอยู่ในเรื่อง เฝ้าดูโลกของบลู
เป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 26-11-2016 23:05:44
อ่านจบแล้ว ความรู้สึกยังไม่จบ
เพราะเราไม่รู้ด้วยมั้งว่าหลังจาก 5 ปีเป็นยังไง  :z3:
ฮืออออ เรื่องแรกที่แต่งเลยเหรอคะ ทำไมงานดีขนาดนี้
มันดีงามจนอยากจะกราบงามๆหลายที  :mew1:
คือแบบ รู้เลยว่าทำการบ้านมาหนักมากเรื่องวางพลอต
ตัวละครแต่ละตัวมีที่มาที่ไป เหตุผลของการกระทำ
และที่แน่ๆ ถึงจะจบแบบนี้ แต่เรารับรู้ได้ว่าสองคนรักกันแบบใจจริง
ห้าปีต่อมาก็คงแฮปปี้ แต่ก็ยังอยากรู้ ไม่รู้ทำไม ฮือออออออ
แต่ละตอนมันอัดแน่นจนแบบ ร้องไห้ คือมันดีมาก หยุดอ่านไม่ได้เลย
มันสะกิดปม สะกิดใจ สะกิดอะไรเยอะแยะไปหมดจนร้องไห้
ฮือออออออ จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากๆที่สละเวลามาแต่งให้ รู้เลยว่าไม่ใช่งานง่ายเลย
ขอบคุณจริงๆค่ะ


ปล รู้จักเรื่องนี้จากดราม่า รู้สึกขอบคุณที่ดราม่านำพาให้เราได้พบกัน

หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 27-12-2016 11:06:01
ได้เข้ามาอ่านช้ากว่าคนอื่น. รวดเดียวจบ. จึงได้รับรู้ความรู้สึกและการกระทำของตัวละคร โดยเฉพาะ. บลู.  ได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน.   มันมีทั้งดาร์ก  มาโซ    เคร้า  ซึ้งใจ    มันทำให้มีความรู้สึกร่วมได้มากกว่าปกติ.  มีผลสะเทือนอารมณ์. สะเทือนจิตใจ.    และที่คนๆหนึ่งเปรียบเหมือนเป็นโลกทั้งใบให้กับอีกคน. จบได้สวยงาม.  มีแง่คิดมุมมอง.    เราชอบ ภาษาที่ใช้. มันสร้างความรู้สึกให้เข้าถึงตัวละครได้เป็นอย่างดี.  เราชอบนิยายแนวนี้มากๆๆๆ. เรารักเรื่องนี้เลยค่ะ.   ขอบคุณที่สุด. เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2016 13:49:29
ซึ้งมาก หน่วงมาก
จบด้วยดี
แม้ไม่มีฉากจบ
บลู ทะเล  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อยากขอตอนพิเศษหวานๆละมุน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Prattana ที่ 08-04-2017 19:53:37
เข้ามาอ่านในปี 2017 เราเจอกันช้าไปสินะ ฮืออออ
ชอบมากๆเลย ยิ่งมาอ่านทีเดียว20ตอนรวด
อารมณ์มันต่อเนื่องยิ่งซึมลึกในหัวมากมาย

ผู้แต่งแต่งดีมากเลยค่ะ ทั้งอารมณ์เศร้า หน่วง
หรือกระทั่งอารมณ์รักก็บรรยายได้ดีไปหมด
ชอบตอนเค้าไปเที่ยวด้วยกันมากๆค่ะ
อินจัดขนาดอยากช่วยเค้าทั้งสอง
ด้วยการล็อคเวลาให้หยุดเดิน ให้เค้าอยู่กันที่นั่นตลอดไป


ประโยคสุดท้ายก่อนจบจากทะเลคือสั้นๆ แต่กระชากใจสุดๆ
และทำเราร้องไห้ส่งท้ายได้อย่างสวยงามค่ะ 555

ขอบคุณมากๆนะคะ
รู้เลยว่าผู้แต่งต้องใช้พลังมากแค่ไหนกว่าจะได้นิยายเรื่องนี้
เราชอบมากๆค่ะ เดี๋ยวจะไปตามล่าหาซื้อหนังสือเก็บไว้


หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 24-05-2017 12:01:10
อ่านจบแล้ว~
ชอบอ่ะ
มัน...หม่นมากกกกกกก
ทำท่าจะเลิกอ่านหลายครั้งแล้ว
แต่ทำไม่ได้ 555
แล้วก็อ่านต่อมาจนจบนี่แหละ
รู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นบลูมาตั้งแต่เกิด
แล้วมีความรู้สึกว่า
อยากเห็นเด็กคนนี้มีความสุขจากหัวใจซักครั้ง
รู้สึกดีที่ในวันนี้บลูค้นพบความหมายของชีวิตตัวเอง
ได้พบได้เจอคนที่สำคัญกับชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นน้าวิทย์ น้าเพลง ทะเล ร็อคและป๊อบ
ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา ทั้งร้ายและดี
เป็นสิ่งที่ทำให้บลูเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง
และเชื่อว่า บลูสามารถผ่านมันไปได้ตลอดรอดฝั่ง
แม้แรกๆจะหวั่นใจน่าดูก็ตาม

ชอบตอนจบนะ
มันให้ความรู้สึกโทนเดียวกับเนื้อเรื่องดี
ไม่ได้สดใสซาบซ่าแหวกเนื้อเรื่อง
สิ่งที่รู้สึกตอนอ่านตอนจบ
รู้สึกได้ถึงท้องฟ้าสีส้มจางๆ
และแสงอาทิตย์ที่รำไรสดใสที่เส้นขอบฟ้าด้านตะวันออก
มัน..รู้สึก สุขสงบ อิ่มใจ และเต็มไปด้วยอนาคตที่เรืองรอง

อ่านจบแล้วมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้มาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 12-07-2017 02:47:51
เรื่องนี้เศร้ามากๆ อยากให้เอาตอนพิเศษมาลงอ่ะค่ะ บลูได้เจอกับทะเล
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ZYRUS ที่ 18-07-2017 16:10:39
เพิ่งเจอและเข้ามาอ่านเรื่องนี้ตอนบ่ายๆเมื่อวาน และตอนนี้ตาคล้ำมากค่ะ 555555
ปกติเราไม่ค่อยอ่านดราม่า เพราะจิตใจอ่อนไหวอยู่เป็นทุนเดิม และแนวดราม่าก็มักจะมีความดราม่าที่เกี่ยวกับความรักซะส่วนใหญ่ แต่เรื่องนี้เป็นดราม่าที่ตอบโจทย์เรามากค่ะ รู้สึกไม่ค่อยจะเจอ TwT แนวแบบดราม่าจากชีวิตของตัวเอกจริงๆ ยิ่งพระเอกมีปม แตกสลายจากภายในยิ่งทำให้หลงรักเรื่องนี้เลยค่ะ
ชอบความสม่ำเสมอของโทนเรื่องที่คุมได้ดีตลอดเลย ไม่ทำให้ร้องไห้ก็จริง แต่ก็บีบๆสลับคลายบ้าง หน่วงตลอด หม่นๆเทาๆเหมือนยืนอยู่ริมทะเลตอนครึ้มๆฝน ยิ่งอ่านยิ่งสงสารบลู เอาใจช่วยตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่เขาเผชิญมาตลอดชีวิตมันหนักหนาจริงๆ เพราะสงสารและเห็นใจ เลยทำให้เราเข้าใจในทุกการกระทำ ไม่ด่าอะไร 5555555 เพราะคิดในมุมของเรา เราเจอแบบนั้นบ้าง คงจะเละกว่าบลูแน่นอน...
น้องทะเลน่ารัก TwT ไม่แปลกใจว่าทำไมบลูถึงรักและยึดติดกับน้องขนาดนี้ นอกจากน้องก็ชอบพวกเพื่อนของบลูทุกๆคน ถ้าไม่มีคนกลุ่มนี้ บลูคงแย่กว่าเดิม ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ;____;
ยิ่งเม้น ยิ่งยาว ฮืออออ สรุปว่าเราชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ ทุกอย่างลงตัวไปหมด อ่านแล้วเหมือนได้ยินเสียงคลื่นและกลิ่นทะเลจากฉากหลังของเรื่องตลอดเลย
ปล.แอบประทับใจคู่ของพี่ร็อคน้องตูน อยากรู้ว่าพี่เขาจะจีบน้องคนหยิ่งอย่างไร คึ___คึ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 03-08-2017 23:40:21
เป็น อีก เรื่อง ที่ ดี มาก ๆ
ถ่ายทอดทุกอารมณ์ของตัวละครได้ดีมากๆ
รู้สึกถึงความรู้สึกที่ออกมาจากตัวหนังสือจริงๆ
เสียดายที่พึ่งได้เข้ามาอ่าน
ประทับใจมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Guitar. ที่ 21-08-2017 00:08:44
ชอบมากเลย คนเขียนอธิบายได้เข้าถึงตัวละครดี ถึวจะดราม่านิดๆก็เหอะ  o13
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 12:49:41
 :oo1:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ttke72 ที่ 03-12-2017 23:51:07
ชอบเรื่องนี้มากๆครับ เป็นเรื่องที่ผมอ่านทุกคำ ทุกบรรทัด ถ่ายทอดความรู้สึกได้ดี เพลงก็ค่อนข้างเข้านะครับ เป็นเรื่องที่ดีเรื่องนึงสำหรับผมเลยครับ เขียนต่อไปอีกนะครับ ชาบูๆ :call:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 04-12-2017 11:10:40
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายหนึ่งในใจเราเลยค่ะ มันเทาๆแต่ให้อารมณ์เข้าถึงตัวละครได้มากจริงๆ :กอด1: ขอบคุณมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 30-09-2018 08:53:53
สนุกดีครับบบ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 18-10-2018 07:38:17
หมดน้ำตาไปเป็นกะตัก  :hao5: แต่ประทับใจมากเลย
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 21-11-2018 16:54:46
เสียดายมากค่ะ ที่ไม่ได้มาเกาะขอบโต๊ะในตอนที่ไรท์กำลังเขียนเรื่องนี้อยู่ ทั้งๆที่เราก็สิงในเล้ามาเกือบ10ปี (แต่เพิ่งจะสมัครแอคมาคอมเม้นเป็นตอนอายุ28  :hao5:) ไม่รู้ว่าพลาดได้ยังไง

เราเป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีก1เรื่อง เราชอบสำนวนการเขียนที่ลื่นไหล อ่านตั้งแต่8โมงเช้า จนจบตอน 4โมงเย็น แต่ต้องพักก่อนไปทำอย่างอื่นแล้วค่อยมาคอมเม้น ชอบความ เป็น happy end ที่สุขแต่ก็ไม่ยิ้ม ในความคิดเราคือบลูกับทะเล เป็นส่วนนึงที่เติมเต็มส่วนที่ขาดหายของกันและกันมากๆ ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับนิยายเรื่องนี้ สนุกมากๆสนุกจนเราหยุดอ่านไม่ได้

อยากได้หนังสือมากๆแต่ไม่รู้จะไปตามที่ไหนแล้วค่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-11-2018 00:05:47
เครียด ขอยอมรับว่าอ่านผ่านๆ ยังน้ำตาซึม ขอบคุณความรักของทุกคนที่ทำให้ บลู มีชีวิตที่ดี ขอบคุณนักเขียนที่สร้างสรรค์ผลงานได้ยอดเยี่ยม
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 17-03-2019 00:39:54
ตามมาจากกระทู้นึงในพันทิป และต้องตามหาหนังสือกันต่อไป มีรีไรท์ หรือ อีบุค มั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 02-05-2019 23:39:26
 :pig4:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Noize ที่ 07-05-2020 13:46:24
ทะเลจะอยู่ในโลกสีฟ้าตลอดไป ฮือออ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: อมยิ้มรสส้ม ที่ 07-05-2020 16:59:34
เป็นเรื่องเเรกที่ไม่อยากให้พระเอกนายเอกคู่กันเลยจริงๆ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: อมยิ้มรสส้ม ที่ 07-05-2020 17:32:35
ยิ่งบลูคบกับป๊อปทั้งๆที่ไม่ได้รักมันก็จะยิ่งเเย่กว่าเดิมอีก :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำหูู้ปาโก๋ ที่ 08-09-2020 22:31:52
มันดีจริงๆ นะ  เพื่อคนคนนึง
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-04-2021 00:51:44
จบสะแล้ว
อยากมห้ทั้งสองคนมาเจอกันก่อนจบ
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 19-04-2021 15:12:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้ารักพ่อนะคะ ที่ 13-11-2022 18:06:48
เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ :sad11: o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: ทะเลในโลกสีฟ้า [ 20 ] แจ้งข่าวหน้า 11 (11/11/13)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 02-03-2024 14:11:41
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)

เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)