พิมพ์หน้านี้ - -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Banoffypie.novel ที่ 10-09-2017 19:36:46

หัวข้อ: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 10-09-2017 19:36:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



★ มุ จ ลิ น ท์ ★

Status : END

Start 11/09/60
End 31/03/61

คุณพ่อลูกหนึ่งอายุสามสิบกว่าอย่างเขาน่ะหรือ
จะมาหลงเสน่ห์พี่เลี้ยงเด็กอายุไม่เต็มสิบเก้าดีอย่างมุจลินท์..
ไม่ใช่ม๊างงงงง #เสียงสู๊ง




บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3702358#msg3702358)

ตอนที่ ๑  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3702360#msg3702360)

ตอนที่ ๒  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3702976#msg3702976)

ตอนที่ ๓  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3704118#msg3704118)

ตอนที่ ๔  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3705070#msg3705070)

ตอนที่ ๕  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3706166#msg3706166)

ตอนที่ ๖  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3708275#msg3708275)

ตอนที่ ๗  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3714765#msg3714765)

ตอนที่ ๘  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3718375#msg3718375)

ตอนที่ ๙ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3726761#msg3726761)

ตอนที่ ๑๐ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3727429#msg3727429)

ตอนพิเศษ :
 วันลอยกระทง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3730258#msg3730258)

ตอนที่ ๑๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3733991#msg3733991)

ตอนที่ ๑๒  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3736913#msg3736913)

ตอนที่ ๑๓  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3741229#msg3741229)

ตอนที่ ๑๔  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3743158#msg3743158)

ตอนที่ ๑๕ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3746419#msg3746419)

ตอนที่ ๑๖  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3748823#msg3748823)

ตอนที่ ๑๗ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3756315#msg3756315)

ตอนที่ ๑๘  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3759940#msg3759940)

ตอนที่ ๑๙  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3761283#msg3761283)

ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3763370#msg3763370)

ตอนที่ ๒๐ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3766081#msg3766081)

ตอนที่ ๒๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3769342#msg3769342)

ตอนที่ ๒๒  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3773264#msg3773264)

ตอนที่ ๒๓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3777957#msg3777957)

ตอนที่ ๒๔ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3783146#msg3783146)

ตอนที่ ๒๕ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3787487#msg3787487)

ตอนที่ ๒๖ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3788657#msg3788657)

ตอนที่ ๒๗ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3790868#msg3790868)

ตอนที่ ๒๘ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3795753#msg3795753)

ตอนที่ ๒๙  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3803984#msg3803984)

ตอนที่ ๓๐  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3808094#msg3808094)

ตอนที่ ๓๑  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3809584#msg3809584)

ตอนที่ ๓๒  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3810511#msg3810511)

บทส่งท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3811765#msg3811765)

ตอนพิเศษ ๑ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3816662#msg3816662)

ตอนพิเศษ ๒ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61800.msg3819313#msg3819313)

พูดคุย ตามทวงนิยายกันได้
FB  https://www.facebook.com/banoffypienovel/
Twit @banoffypiie

หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 10-09-2017 19:43:24
บทนำ

   “ลินท์ หนูเป็นยังไงบ้าง”


   สัมผัสอุ่นนุ่มจากฝ่ามือแตะไปตามร่างกายของเขาที่กำลังร้อนผ่าว อาการปวดหัวจนแทบระเบิดทำให้เขาไม่สามารถจะลืมตามองเจ้าของเสียงนุ่มตรงหน้าได้ชัดนัก ผ้าผืนน้อยที่ชุบน้ำจนหมาดแตะไปตามข้อพับแขนและขา ความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายค่อยๆลดลง กลิ่นแป้งเด็กที่แม่ชอบทาให้เขาหอมกรุ่นติดจมูก

   “แม่” เขาร้องคราง “แม่กลับมาแล้วหรอ..”

“ไอ้หนู” มือหยาบกร้านลูบหัวจับแก้ม “ยายเองลูก..”

   “ยาย” เขาค่อยๆลืมตา “ลินท์นึกว่าแม่มาหา”

   “โธ่ ลินท์เอ๊ย” หญิงชราพูดน้ำตาคลอมองเด็กที่ป่วยไข้ขึ้นเพราะออกไปตากแดดขายขนม “ไอ้หนูของยาย..” ทั้งกอดทั้งจูบปลอบเด็กชายสิบสองขวบที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น หล่อนมองหลานชายคนเดียวที่ไม่มีมารดาเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก ความรักความอบอุ่นที่ยายมีให้ทดแทน ก็ยังไม่สามารถเติบเต็มหัวใจของเด็กคนหนึ่งที่โหยหาความรักจากแม่

   มุจลินท์เกิดที่รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มินตรา ลูกสาวคนเดียวย้ายไปทำงานที่นั่นตั้งแต่จบม.6 หลังจากนั้น3ปีเด็กชายมุจลินท์ถูกอุ้มมาฝากให้เธอเลี้ยงตั้งแต่อายุได้4ขวบ นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นหน้าลูกสาว เมื่อมุจลินท์อายุได้สิบขวบ คุณครูให้ถ่ายเอกสารใบเกิด เด็กชายมองใบเกิดที่ไม่ปรากฏชื่อบิดา เขาไม่เข้าใจว่าพ่อเขาหายไปไหน หรือพ่อไม่รักเขาเหมือนแม่ที่ไม่เคยมาหาเขาเลย

   “ไอ้เด็กไม่มีพ่อแม่”

“มึง น่าจะไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า ไอ้ลินท์”

“มึงอยู่กับยาย ยายก็ลำบากเปล่าๆ”


ทุกครั้งที่ได้คำพูดเหล่านี้ ความรู้สึกโดดเดี่ยวค่อยๆกัดกร่อนหัวใจเด็กชาย เขามักจะนอนกอดยายร้องไห้จนหลับไปทุกคืน เด็กชายพยายามถามไถ่ถึงแม่จากยายที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่จำความได้ แต่กลับได้เพียงรูปถ่ายใบเล็กๆ เด็กชายบรรจงตัดรูปใส่กระเป๋าเงินเก็บไว้ดู รู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้มองรูปแม่ เหมือนเขามีแม่อยู่ข้างๆเสมอ ส่วนยายมีอาชีพขายขนมหวาน หลังจากเลิกเรียนเขามักจะไปช่วยยายขายขนมที่ตลาดเสมอ แต่บางวันที่ยายปวดขาหรือเจ็บข้อเท้าเพราะเดินมากเกินไป เขาจะเป็นคนหิ้วขนมไปขายด้วยตัวเอง

“ไอ้ลินท์” บอล เด็กชายร่างโตที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีเพราะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดินเข้ามาประชิด แรงกระแทกจากคนทีตัวโตกว่าทำให้เด็กชายเซไปเล็กน้อย “วันนี้มีอะไรกินวะ”

“ไม่มี”

“มึงอย่ามากวนตีน” นิ้วชี้จิ้มจึกเข้าที่ขมับจนหัวเขาโคลงไปอีกทาง “ที่มึงถืออยู่เนี่ย เอามาแบ่งกูเลย เร็วๆ”

“ไม่ได้ เราเอาไว้ขาย”

“แค่อันสองอันมึงอย่ามาทำหวง”

“ถ้าจะซื้อเราจะแถมให้ แต่ถ้ามาขอ.. ไม่ได้จริงๆ” เด็กชายส่ายหัวไปมา มองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่ ลำพังแค่เขาคนเดียวคงสู้เด็กที่ตัวโตกว่าไม่ได้แน่

“กูจ่ายก็ได้” บอลยื่นถุงแกงเขียวหวานใส่ในตระกร้าหวายของเขา ถุงพลาสติกใส่ถุงแกงมีกระเป๋าสีน้ำเงินใบโตใส่อยู่ มันมองซ้ายขวารีบโกยขนมใส่กระเป๋าเป้ “กูไปก่อนละนะ”

“เดี๋ยวบอล แกลืมกระเป๋าตังค์” เขาหยิบกระเป๋าเงินวิ่งตามเด็กชายตัวโตที่วิ่งหลบฝูงชนไปอีกทาง แดดร้อนในช่วงเที่ยงทำให้ดวงตาเด็กชายพร่ามัว วิ่งตามได้สักพักก็ยืนหอบหายใจมองหลังบอลที่วิ่งหายไป

“ไอ้ลินท์!” เสียงตวาดดังลั่นมาจากแผงขายของสด ลินท์เงยหน้ามองป้าไมหรือป้าละไม เจ้าของแผงปลาที่เขามักจะมารับจ้างยกของให้ประจำ

“มีอะไรหรือป้า”

“กระเป๋าเงินนั่น..ของกู เอ็งเป็นคนขโมยมาใช่ไหม ไอ้เด็กเลว!” จบประโยคก้านมะยมเรียวเล็กที่ถูกรีดใบออกจนหมดก็หวดเข้ามาเต็มแรงจนเด็กชายสูดปากด้วยความเจ็บ

   “ป้า อย่าตีหนู” สองมือเล็กพยายามยกปัดป้อง ร่างเล็กวิ่งหลบก้านมะยมที่หวดตามแนวขา “หนูไม่ได้ขโมยนะจ้ะป้า” สองมือกระพุ่มไหว้ทั้งน้ำตา ห่อขนมใบตองหล่นรายทางจนโดนคนเหยียบเละไปหมด

“ไอ้ลินท์ มึงอย่ามาโกหกกู” ปากพูดไปมือก็หวดก้านมะยมเสียงดังชั่บ “เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่แบบมึงไม่มีคนอบรมสั่งสอน สันดานมันเลยเป็นอย่างนี้”

“หนูเจ็บ ป้าอย่าตี ฮือๆ” เด็กชายสะอื้น “หนูมีแม่ หนูมียาย หนูมีพ่อ อย่ามาว่าแม่ของลินท์นะ” เด็กชายยังจำที่คุณครูสอนวิชาสุขศึกษาได้ มนุษย์เราเกิดมาได้ต้องมีการปฏิสนธิของชายและหญิง ถ้าเขาไม่มีพ่อกับแม่ เขาจะเกิดมาได้อย่างไร

“แม่มึงไปขายตัวที่พัทยาน่ะซี ป่านนี้ได้ผัวฝรั่งสบายไปแล้ว ส่วนมึง.. ลูกที่เขาไม่เอาก็ทิ้งไว้ที่นี่ ไอ้เด็กเหลือขอ”

“จริงหรือป้า” เหล่าชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อของที่ตลาดยืนมุงดูก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบอย่างออกรสตามประสาเรื่องชาวบ้านคืองานของเรา “ถึงว่า..พวกฉันไม่เห็นแม่มันมาหลายปีแล้วนะ”

“ก็เออสิวะ พ่อมันคงเป็นฝรั่งน่ะสิ ถึงได้ตาน้ำข้าวแบบนี้” เด็กชายปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ก้มลงเก็บซากขนมใส่ตระกร้าหวาย ไม่เคยชินสายตาที่มองมาอย่างดูถูกเหยียดหยามเลยสักครั้ง ได้แต่อดทนตามที่ยายบอก กลืนก้อนสะอึกลงคอ กระพริบตาถี่ไล่หยดน้ำตา รอยแผลตามแนวขาแสบร้อนยามหยัดตัวขึ้นยืน

“มึงจะไปไหนก็ไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะ ไอ้เด็กขี้ขโมย!”
มุจลินท์เดินหันหลังกลับเข้าซอยบ้าน ใจอยากจะวิ่งหนีแค่ไหนแต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยเพราะแสบแผลที่ขา เด็กชายได้แต่กัดฟันแน่นประคองตัวเองค่อยๆเดิน

“ไอ้หนู” ยายสมใจผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้พลาสติกขณะกำลังล้างจาน มือเหี่ยวรีบเอามือที่เปียกน้ำเช็ดไปตามเสื้อผ้า “ใครทำไอ้หนูของยาย”

“ยายจ๋า” น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักอีกระรอกเมื่อได้โผเข้ากอดยาย ครอบครัวหนึ่งเดียวที่ตนเองมี “พ่อกับแม่ไม่รักลินท์หรือ”

“รักสิ” ยายสมใจกอดหลานชายแน่นแล้วโคลงตัวเด็กขี้แยไปมา “ไม่มีพ่อกับแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกน่ะลินท์เอ๊ย”

“แล้วทำไมพ่อกับแม่ไม่มาหาลินท์เลยล่ะ” มือเล็กยกเช็ดน้ำมูกที่มาอุดจมูกจนหายใจไม่ออก “พ่อกับแม่ทิ้งลินท์ไปแล้วใช่ไหม” พูดเสร็จก็ปล่อยน้ำตามาอีกยก “ยาย.. ลินท์อยากมีพ่อแม่เหมือนคนอื่นบ้าง ลินท์อยากมีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนอื่นเขา”

“ใครพูดอะไรให้หลานยายฟังอีก” ยายจับไหล่เล็กที่กำลังสั่นเทิ้ม สบตากับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอมเทาคู่สวยที่กำลังแดงก่ำ “แล้วยายล่ะ ลินท์ไม่รักไม่คิดว่ายายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วหรือ”

“เปล่านะจ้ะยาย” เจ้าตัวเล็กส่ายหน้าพรืด ยกเสื้อสีส้มซีดๆเช็ดน้ำมูก “ลินท์รักยายที่สุดในโลก ยายต้องอยู่กับลินท์ไปนานๆนะ”
สองมือผอมแห้งก้มลงประคองหลานชายที่ก้มกราบแทบเท้า ลูบกลุ่มผมนุ่มมือเสร็จแล้วก็จัดแจงเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เข้าที
“หลานยายหล่อที่สุด”

ชีวิตที่เหลือของยาย หวังแค่ให้หลานชายมีความสุข เติบโตเป็นคนดี เท่านี้ยายก็นอนตายตาหลับแล้ว..

“ยายของลินท์ก็สวยที่สุดในโลก”

เสียงขับกล่อมแผ่วเบาดังมาตามสายลมในช่วงย่ำค่ำ บ้านไม้ชั้นเดียวเก่าผุพังที่หลบมุมอยู่ในซอยแออัด มียายหลานสองชีวิตอาศัยอยู่ เด็กชายนอนหลับบนตักของยายเหมือนเมื่อครั้งยังเล็ก มือขวากำผ้าถุงของยายแน่น ริมฝีปากบางยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย..

เจ้านกกาเหว่าเอ๋ย ไข่ให้ไว้แม่กาฟัก
แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทธรณ์
คาบเอาข้าวมาเผื่อ คาบเอาเหยื่อมาป้อน
ถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเหยื่อมาให้กิน
ปีกเจ้ายังอ่อน คลอแคล ท้อแท้จะสอนบิน
พาลูกไปหากินที่ปากน้ำพระคงคา
ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซร้หาปลา
กินกุ้ง กินกั้ง กินหอย กระพังแมงดา
กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นหว้าโพธิ์ทอง
ปีกเจ้ายังอ่อน คลอแคล ท้อแท้จะสอนบิน
พาลูกไปหากินที่ปากน้ำพระคงคา
ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซร้หาปลา
กินกุ้ง กินกั้ง กินหอย กระพังแมงดา
กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นหว้าโพธิ์ทอง






ขอฝากนิยายเรื่องแรกไว้ในอ้อมอกอ้อมใจค่ะ ^^
https://www.facebook.com/banoffypienovel/
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 10-09-2017 19:47:54
[1]
               
ก้อนเมฆกลมๆขาวปุยที่เขาชอบนั่งมองมันลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า แต่วันนี้มันกลายเป็นสีเทาอมดำดูไม่น่ามองเหมือนทุกที มือเรียวบางยกมือป้องตาไม่ให้เศษฝุ่นที่พัดมาตามแรงลมปลิวเข้าตาได้ มือที่เหลือกระชับตระกร้าไม้สานที่ใส่ขนมห่อใบตองทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ขนมใส่ไส้ ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวต้มมัด ที่ยังคงมีความร้อนคุกรุ่น เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือก คิ้วสวยขมวดมุ่น มุจลินท์อุตส่าห์ไม่เข้าเรียนวันนี้เพื่อที่จะมาช่วยยายขายของแท้ๆเชียว ไม่แคล้วฝนตกหนักเขาคงได้กลับบ้านมือเปล่า เขายืนนิ่งอยู่ปากทางตลาดที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนในช่วงหกโมงเย็น กลับกลายเป็นว่าทุกคนวิ่งหลบเขาเพื่อที่รีบหาทางกลับบ้านให้ทันก่อนฝนตก

                “ขนมไหมครับ ขนมใส่ไส้อร่อยๆยังร้อนๆอยู่เลย” เด็กหนุ่มชะเง้อถามคนผ่านไปผ่านมาแต่ไม่มีใครหยุดฟังเขาสักคน บางคนที่รีบหน่อยก็ใช้ไหล่กระแทกให้เขาหลีกทางไป มุจลินท์กัดริมฝีปากแน่นนึกถึงยายที่ยังนอนซมเพราะฤทธิ์ไข้จากการตากฝนเมื่อสองวันก่อนทำให้เขาต้องหยุดเรียนออกมาขายขนมเพื่อหาเงินไปรักษายาย

“ไม่เอาๆ ฝนจะตกอยู่แล้วยังไม่รีบกลับบ้านอีก”

“ช่วยซื้อสิพี่ ผมจะได้รีบกลับบ้าน”

“หลบไป!!”

“โอ้ย! ไม่เอาก็พูดดีๆสิวะ!”

                มุจลินท์กระเด็นไปอีกทางสองมือพยายามประคองตะกร้าใบเก่าไว้แน่น รองเท้าแตะคีบหลุดไปอีกทางจนเด็กหนุ่มต้องเขย่งเท้ากระย่องกระแย่งไปใส่ให้เข้าที่ ฝนเม็ดใหญ่เริ่มโปรยปราย ผู้คนวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น พระพิรุณช่างบันดาลฝนผิดเวลาเสียจริง เขาล้วงร่มออกมาจากย่ามสีตุ่นที่เก่าจนมีรูรั่วอยู่บ้าง มุจลินท์ไม่สนใจค่อยๆเดินลัดเลาะไปตามริมถนนที่ไร้ผู้คน ปกติแล้วเขาจะมาขายมาลัยตามสี่แยกช่วง4ทุ่มถึงตี2 หรือที่เรียกกันว่า ‘ออกไฟ’ ในชุมชนแออัดที่เขาอาศัยอยู่ ทุกบ้านมักจะส่งลูกหลานออกไปขายพวงมาลัยหรือออกไปทำงานรับจ้าง โชคดีที่เขาหัวดีหน่อยได้ทุนเรียนมหาลัยเขาจึงไม่ได้มีหนทางชีวิตที่ย่ำแย่เหมือนคนอื่นมากนัก ติดเสียที่ว่ายายป่วยหนักมากขึ้นทุกครั้ง เขาต้องหาเงินรักษายายให้เร็วที่สุด ในขณะที่เขากำลังจะข้ามถนน ไฟหน้าของรถยนต์สว่างวาบขึ้นมาในระยะประชิด มุจลินท์ตัวแข็งเกร็ง ตกใจจนขยับเขยื้อนตัวไม่ถูก เขาไม่ใช่ว่าจะตาบอดมองไม่ออกหรอกนะว่ามันขึ้นไฟแดง   

ไอ้พวกเหี้ยผ่าไฟแดง ลืมเอาตาออกมาจากท้องแม่หรือไงวะ!

เอี๊ยดดดดดดด

เสียงล้อบดกับถนนดังลั่น สายฝนที่กระหน่ำ
ไม่ขาดสายทำให้ถนนลื่นมากกว่าทุกวัน ชลธีแตะเบรกทันทีที่เขารู้สึกตัวว่ามีวัตถุอยู่ข้างหน้า เขามัวแต่ใช้ความคิดจนเหม่อไม่ทันมอง ใบหน้าคมคร้ามฉายแววกรุ่นโกรธตัวเองก่อนจะรีบเปิดประตูรถออกไปเห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นล้มพับอยู่ข้างทาง ชลธีตกใจมากไม่คิดว่าเขาจะชนคนจริงๆ มองซ้ายมองขวาเห็นห่อขนมใบตองกระจัดกระจายเต็มพื้น ชลธีรีบวิ่งเข้าไปพยุงตัวคนเจ็บ ได้ยินเสียงร้องโอดโอยก็ยังโล่งใจดีกว่านอนแน่นิ่ง มุจลินท์เบิกตาโพลงทันทีที่เห็นชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวเต็มยศ เด็กหนุ่มกระถดถอยพลางพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ก็ยังเสียหลักจนได้

“ค่อยๆลุก ไม่ต้องรีบ”

“ปล่อยผม!” มุจลินท์ขยับตัวทั้งที่ร้าวไปทั้งแขน ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั่วร่างจนหยาดน้ำตาใสกลิ้งไหลพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น ตอนนี้ไม่รู้ว่าฝนหรือน้ำตาของเขาที่ไหลออกมามากกว่ากันแน่

“ชู่ว ใจเย็นๆ ไหนบอกพี่ซิ ว่าเราเจ็บตรงไหนบ้าง” ชลธีปลอบเสียงอุ่น นิ้วมือเกลี่ยรอยถลอกข้างแก้มเนียนใสเบาๆ เขาเปิดประตูรถด้านหลังก่อนจะหย่อนตัวเด็กหนุ่มที่ยังตัวสั่นให้เข้าไป

“พี่จะพาผมไปไหน ผมจะกลับบ้าน”

“น่วมขนาดนี้ยังจะกลับบ้านไหวหรือ” ชลธีเปิดกระเป๋าเป้หยิบผ้าขนหนูซับใบหน้าและเนื้อตัวอีกฝ่าย “พี่จะพาไปโรงพยาบาล พี่ขับรถชนเรา พี่ต้องรับผิดชอบสิ”

“ผมไม่เป็นอะไร” มุจลินท์น้ำตาคลอ เดิมทีเขากลัวอีกฝ่ายจะยำเขาซ้ำให้ตายคาตีนด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะใจดีพาเขาไปส่งโรงพยาบาล “พี่พาผมกลับบ้านเถอะ”

“ไม่ได้” ชลธีขมวดคิ้วมุ่น เจ้าเด็กคนนี้ดื้อด้านกว่าที่คิด ตัวสกปรกมอมแมม แผลเต็มตัวขนาดนั้นกลับไม่โวยวายเอาเรื่องเขาสักนิด

“ผมไม่ได้เป็นอะไร ฮึก แต่ยายผม..ฮือ”

“ไม่ต้องร้อง เป็นลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันง่ายๆหรอกนะ จำไว้” เขายิ่งแพ้เสียงสะอึกสะอื้นอยู่ด้วย พาลให้นึกถึงมนต์มนัสน้องชายคนเล็กที่ชอบมาอ้อนเขาอยู่บ่อยๆ ชลธีมองตามกระจกรถ เขาเห็นเด็กหนุ่มคุดคู้แนบไปกับประตูรถอีกฝั่ง ตัวสั่นท่าทางเหมือนนกปีกหักที่ต้องการคนปกป้องคุ้มครอง ริมฝีปากบางซีดถามเขาแผ่วเบา

“แลกกับที่พี่พาผมไปโรงพยาบาล พี่พายายผมไปแทนได้ไหม..”

“อะไรนะ?”

“พี่เลี้ยวตรงนั้น ทางเข้าบ้านผม!”

“ใจเย็นๆก่อน ถ้ายังโวยวายกางแขนกางขาแบบนี้พี่ได้ชนคนอื่นอีกรอบแน่!”

“ผมเป็นห่วงยายนี่!”

ชลธีจอดรถก่อนจะมองทางเข้าบ้านอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เขาเห็นกองขยะสุมจนสูงแทบจะท่วมมิดหัวเขา มองไปทางไหนก็ไม่เห็นบ้านคนที่พอจะพักอาศัยได้เลยด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มที่แนะนำตัวเองภายหลังว่าชื่อ ‘ลินท์’ ผลุนออกจากประตูรถก่อนจะเขย่งเท้าเข้าไปอีกทางเมื่อเห็นเขายังไม่รีบเดินตามก็เดินมาจูงให้เข้าไป เมื่อเดินเข้าไปอีกนิดจะเห็นเพิงสังกะสีที่ประกอบขึ้นอย่างไม่เรียบร้อยนักลมแรงฝนเมื่อครู่ทำให้บริเวณหน้าบ้านเต็มไปด้วยเศษขยะ เจ้าลูกเป็ดวิ่งผลุบเข้าไปในที่ที่เจ้าตัวเรียกว่าบ้าน ชลธีสืบเท้าตามก่อนจะพบคุณยายร่างผอมเหี่ยวนอนคู้ตัวใต้ผ้าห่ม

“ยาย ยายจ๋า”

“กลับมาแล้วหรอ ไอ้หนูไม่เปียกฝนใช่ไหมลูก” มือเหี่ยวคลำไปตามตัวหลานชายอย่างรักใคร่ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นนายทหารหนุ่มยืนมองอยู่ไม่ไกล “ใคร.. ใครน่ะลูก”

“ลินท์จะพายายไปหาหมอจ้ะ” 

.
.
ชลธีจ่ายเงินและรับยาเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะหันไปยิ้มทักทายให้กับพยาบาลสาวที่แอบส่งยิ้มให้เขาอยู่ไม่ขาด ถึงเขาจะเป็นทหารทำงานในค่ายแถบสระบุรีแต่ก็มีน้องชายทำงานเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลที่นี่ ทำให้ชลธีเองแวะมาเยี่ยมเยียนน้องชายอยู่บ่อยๆ เขาจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างใด

“ขอบคุณพี่มากๆเลยครับ” มุจลินท์รับยาแล้วกระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม แขนขวาพันผ้ายาวไปถึงข้อศอก แผลตามตัวหลังจากได้รับการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องก็ดูดีขึ้นทันตา ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวปรกหน้าถูกพยาบาลสาวใช้หนังยางสีเหลืองเส้นเล็กๆมัดเป็นจุกให้ ทำให้ชลธีเห็นใบหน้าขาวเนียนรูปไข่รับกับดวงตากลมโตสีเทาที่ช้อนมองเขาระยิบระยับ

ตาสีเทา? ลูกครึ่ง?

ชลธีแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าลูกเป็ดขี้เหร่ที่เขาอุ้มมาตลอดทางนั้น หน้าตาซ่อนรูปกว่าที่คิด

“ไม่เป็นไรครับ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ต้องรับผิดชอบ พี่ขอโทษที่ทำให้เราต้องเจ็บตัวนะ” เขาเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มมือนั่นเบาๆ อีกฝ่ายก้มหน้างุดยอมให้เขาลูบแต่โดยดีทั้งที่เมื่อกี้พยศยิ่งกว่าอะไรดี

ชลธีจุดยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นสองยายหลานกอดกันตัวกลม เขาอาสาจะขับรถไปส่งที่บ้านเด็กหนุ่ม พร้อมกับส่งเงินชดเชยค่าเสียหายให้จำนวนหนึ่ง มุจลินท์ส่ายหน้าวืดเมื่อเห็นแบงค์สีเทาถูกยื่นมาตรงหน้า ถึงแม้การรักษาของคุณยายในวันนี้ คุณหมอจะยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าอาการนั้นมาจากโรคอะไร มุจลินท์ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินอีกมากมายแค่ไหน เขาจะมีปัญญาหามาไหม แต่เขาจะไม่ยอมพึ่งพาใครง่ายๆแน่นอน

“ผมไม่รับ” ลูกเป็ดส่ายหัวอีกรอบก่อนจะค่อยๆพยุงยายลงจากรถ “แค่นี้ก็มากเกินพอแล้วครับ”

“แต่พี่ทำให้วันนี้.. เราขายขนมไม่ได้” ชลธีพูดหนักแน่นแววตาขึงขังจนลูกเป็ดสะดุ้งเฮือก เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าตัวต้องหยุดเรียนเพื่อมาช่วยขายขนมแทนยายที่ป่วย จะไม่ให้เขารับผิดชอบเขาคงไม่ยอมแน่  “จะรับไปดีๆไหม”

“ถ้าผมไม่รับพี่จะทำอะไรผมได้” ใบหน้าหวานทำลอยหน้าลอยตากวนประสาทจนนายทหารหนุ่มหลุดขำ เขาล้วงกระเป๋าสตางค์หยิบนามบัตรสีขาวยัดใส่มือบาง “นี่อะไรครับ” ลูกเป็ดทำหน้าเหรอหราเพ่งสายตามองตัวหนังสือบนนามบัตร

“พี่คงทำอะไรเราไม่ได้หรอก” เขากระซิบข้างหูลูกเป็ด “ถ้าอยากเก็บเงินไว้รักษาคุณยายก็ลองมาทำงานกับพี่ก็แล้วกัน”

“งานอะไรครับ” ลูกเป็ดถามอย่างใคร่รู้ ถ้าเป็นงานสุจริตละก็เขาไม่มีเกี่ยงหรอก! ชลธีมองดวงตากลมโตสุกสกาวของคนตรงหน้าด้วยหัวใจพองโต ถ้าเป็นลินท์ละก็.. คงต้องดูแลดวงใจของเขาได้ดีแน่ๆ

“ลินท์.. มาช่วยพี่เลี้ยงลูกได้ไหม”



 TBC

 :jul1:
ใครชอบหนุ่มในเครื่องแบบบ้างคะ// :hao6: :hao6:


 
 

หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 10-09-2017 19:48:48
รอต่อค่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-09-2017 20:14:05
มีลูกแล้วด้วย!
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-09-2017 20:14:20
ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-09-2017 20:33:00
ชอบ รออ่านอีกค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-09-2017 20:41:43
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 10-09-2017 20:46:32
รอจ้า
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 10-09-2017 21:01:01
เจอคนดีแล้ว ดีใจๆ รอๆ ติดตาม จร้า
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 10-09-2017 21:16:29
แอบมาส่อง
.
.
น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 10-09-2017 21:25:56
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-09-2017 23:15:17
แล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: garnetsecret ที่ 11-09-2017 05:26:29
รออ่านต่อ เรื่อนี้อยู่ในลิสต์ติดตามของเราแน่นอน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 11-09-2017 06:04:59
ติดตามฮะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 11-09-2017 07:32:06
กลิ่นดราม่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 11-09-2017 07:51:49
น่าสนุก มาต่อบ่อยๆนะคะ  :pig4: :pig4: :pig2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-09-2017 09:57:46
หนุ่มในเครื่องแบบด้วยยยย  :hao6:
เป็นกำลังในให้น้องลินท์กับยายนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 11-09-2017 10:20:14
หืมมมมมม ยังไงกันคะ ให้มาเลี้ยงลูกแถมตำแหน่งแม่ของลูกด้วยมั้ยคะเนี่ยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 11-09-2017 10:25:56
โอ๊ะ น่าสนใจ ชลธีพ่อหม้ายลูกติดใช่ไหม ว่าแต่น้องลินท์ชีวิตน่าสงสารมาก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 11-09-2017 11:01:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-09-2017 11:10:55
มีความน่าสนุก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 11-09-2017 11:14:43
มาต่อไวไวเนอะ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2017 12:42:55
ตาม  :mew1: :mew1: :mew1:

อ่านชื่อแล้วนึกถึงพญานาค
ไม่รู้เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพญานาคหรือเปล่า
แต่พออ่านว่าชลบุรี ยิ่งสนับสนุน เพราะติดทะเล

สงสารลินท์ แม่พ่อไม่เห็น
ยังปากชาวบ้านอีก ไม่พูดยังดีเสียกว่า ไม่มีใครว่าตัวเองเป็นใบ้หรอกนะ
คำพูดที่ออกมาทำร้ายจิตใจใคร มีปากพ่นๆไป ไม่รับผิดชอบวาจาตัวเอง
พูดแบบนี้ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของครอบครัวตัวเอง
เขาเรียก เสือก นะรู้ปะ
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 11-09-2017 13:53:23
น้องลินจะได้เลี้ยงลูกอย่างเดียวแน่ๆหรอ อิอิ รอตอนต่อไปอยู่น๊าา
หัวข้อ: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 11-09-2017 21:35:46
ตอนที่ ๒

ไอ้ลินท์แกใจง่ายไปหรือเปล่าวะ เพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน วันนี้ตามเขามาถึงห้อง!

   กระเป๋าเป้ขนาดย่อมสีครีมถูกเจ้าของวางลง ดวงตากลมใสกวาดสายตาไปโดยรอบ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กในสลัมอย่างเขาจะมีโอกาสได้ขึ้นมาเพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของคอนโดหรูใจกลางเมือง มีทั้งแอร์เย็นฉ่ำ โทรทัศน์จอแอลซีดี60นิ้ว โซฟาเข้าชุดสีน้ำตาลอ่อน สไตล์เอิร์ธโทน มุมห้องมีกองของเล่น รถแข่ง หุ่นยนต์ เลโก้สีสันต่างๆ จัดวางเอาไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย เด็กหนุ่มมองแล้วก็รู้สึกคิดถึงตัวเองสมัยเด็กๆที่งอแงจะเอาของเล่น จนยายต้องยอมซื้อหุ่นยนต์พลาสติกตัวเท่ากำปั้นในราคา10บาทให้

“ชอบไหม” นายทหารหนุ่มนั่งลงบนโซฟา มือหนารินน้ำเปล่าใส่แก้วก่อนจะยื่นให้คนหน้าแดงก่ำ

“ชะ ชอบครับ” ลูกเป็ดรับแก้วน้ำมาแล้วกระดกลงคอรวดเร็ว ข้างนอกอากาศร้อนเหลือเกิน เขาไม่น่าขี้งกยืนรอรถเมล์ฟรีเลย ร้อนจนแทบจะละลายไปกับพื้นถนนอยู่แล้ว

“ของลินท์ห้องนั้นนะ” เขาชี้ไปที่ห้องอีกฝั่งหนึ่ง “ตามสบายเลยไม่ต้องเกรงใจ”

“คะ ครับ” เด็กหนุ่มวางแก้วแล้วใช้มือปาดริมฝีปาก “พี่จะให้ผมทำอะไรบ้าง?”

“เป็นพี่เลี้ยงเด็ก วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ลินท์แค่ไปรับ-ส่งลูกพี่ที่โรงเรียน สอนการบ้านง่ายๆ  พี่จะพยายามกลับบ้านให้บ่อยที่สุด ส่วนค่าใช้จ่ายพี่จะโอนเข้าบัญชีธนาคารให้ ขาดเหลืออะไรบอกพี่ได้เลย”

“น้องกี่ขวบครับ”

“ปีนี้4ขวบ”

“เข้าโรงเรียนหรือยังครับ”

“ไทเกอร์ยังอยู่เตรียมอนุบาล” ชลธีใช้นิ้วนวดขมับ “แม่เขาส่งไปตั้งแต่2ขวบครึ่ง เพราะอยากให้ลูกปรับตัวก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาล”

คนรวยนี่ดีจริง.. นึกถึงตัวเองที่ยายเล่าว่ากว่าจะได้เรียนก็ปาไปเกือบ5ขวบ..

“ผมว่าเด็กวัยนี้ควรได้เล่นตามช่วงวัยเขามากกว่าไปอัดเรื่องวิชาการ” เหลือบมองกองหนังสือคิดเลขอย่างง่ายและกระดานลูกคิดเล็กๆเขานึกว่าลูกชายของนายทหารหนุ่มเป็นเด็ก7-8ขวบเสียอีก

“บอกตามตรงพี่ไม่รู้เลยว่าเกศเขาวางแผนอย่างไรบ้าง เราแทบไม่มีเวลาคุยกัน พี่ต้องไปราชการต่างจังหวัดตลอด มีเวลากลับบ้านแค่ไม่กี่วัน ทุกสิ่งทุกอย่างเกศเขาเป็นคนจัดการทั้งหมด” ชลธีพูดเสียงแผ่ว ความรู้สึกเจ็บช้ำตีรวนในอกเมื่อพูดถึงอดีตภรรยาที่เลิกรากันไปเมื่อปีก่อน เมื่อเห็นคนตัวโตทำหน้าเศร้า ลูกเป็ดก็เอื้อมมือไปแตะไหล่เบาๆ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกของการมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ชลธีจะต้องทำหน้าที่เป็นทั้งแม่และพ่อ ยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีกเมื่อตัวเองไม่มีเวลาดูแลลูก

“ผมรู้ว่าพี่ธีมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ผมจะช่วยดูแลน้องไทเกอร์เอง”

“ฉลาม”

“หะ”

“ชื่อเล่นพี่”

“คนบ้าอะไรชื่อฉลาม”

“ไม่ใช่คนบ้าที่ไหน พี่นี่แหละ”

“ถ้าพี่ชื่อฉลาม ผมก็ชื่อปลาวาฬแล้ว”

“ปลาวาฬนั่นชื่อน้องชายพี่”

“หะ?”

“ไม่ต้องมาทำหน้างง ไอ้ลูกเป็ดเอ๊ย” เขาใช้มือขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว เวลาเห็นตากลมๆเบิกกว้างแล้วตลกชะมัด “เดี๋ยวเราไปรับไทเกอร์ที่โรงเรียนกัน จะเปลี่ยนเสื้อผ้าไหม?”

“ไม่เปลี่ยน ผมเพิ่งอาบน้ำมา” แอบดมรักแร้ตัวเองหนึ่งทีมีกลิ่นตุ่ยๆหน่อย แต่ก็ช่างมันเถอะ ใครจะมาดมล่ะ อาบน้ำทีเปลืองน้ำเปลืองสบู่!

“รอพี่แปบนะ” ชลธีถอดเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้าที่ใส่อยู่ออก โชว์ร่างกายบึกบึนอย่างคนออกกำลังกายทุกวัน “โทษที พี่ติดนิสัยเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่เป็นที่มาตั้งแต่สมัยเรียนละ”

“อะ เอ่อไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี ริมฝีปากบางขบแน่น

ไม่ได้เป็นคนถอดสักหน่อยแต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหน้าร้อนๆล่ะเนี่ย!
.
.
.
.
.
.
   “อาลีนนนนน แกะให้โหน่ยยย” เด็กชายแก้มยุ้ยในชุดเสื้อกะลาสีกรมท่ากางเกงลายสก็อตสีน้ำเงิน นั่งยุกยิกบนตักเด็กหนุ่ม ในมือมีลูกอมเต็มกำมือ วันนี้ชลธีรับหน้าที่เป็นพลขับในการไปรับลูกชายตัวป่วนจากโรงเรียน หลังจากแนะนำตัวพี่เลี้ยงเด็กให้ลูกชายฟัง ไทเกอร์เข้าใจ สามารถจดจำชื่อพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ได้และไม่ตื่นกลัวคนแปลกหน้าอย่างที่เขานึกกลัว

“เกอร์กินลูกอมไม่ได้นะครับ ฟันผุ”

“เกอร์ชอบ ทำไมอาลีนไม่ให้เกอร์กิน”

“กินได้แต่ต้องไม่ใช่ทั้งถุงแบบนี้” มุจลินท์ค่อยๆดึงถุงลูกอมออกมาจากกระเป๋าเป้ที่เด็กชายสะพายไปโรงเรียนออกมา “พี่ฉลามให้น้องกินอะไรเนี่ย?” เขาชูถุงลูกอมเคี้ยวหนึบที่เคยเห็นดาราวัยรุ่นเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา

“พี่เปล่า”

“เปล่าได้ยังไง มีเต็มตู้เย็นเลย” เขาแอบเห็นขนมขบเคี้ยวอัดแน่นเต็มตู้เย็นไปหมด 

“พี่เลี้ยงเด็กคนก่อนที่ชื่อชมพูชอบป้อนให้ไทเกอร์กิน” คุณพ่อตอบเสียงอ่อน

“แล้วทำไมพี่ไม่ห้าม”

“พี่เห็นว่าเกอร์กินแล้วจะไม่ร้อง”

“ทีหลังกินไม่ได้นะครับเกอร์” เขาพูดพลางใช้สายตาดุส่งไปให้นายจ้างหนุ่ม “อาลินท์ไม่อยากเห็นเกอร์ร้องไห้ปวดฟันเพราะฟันผุ” ชลธีสะดุ้งโหยง นี่เขาได้พี่เลี้ยงเด็กหรือแม่มากันแน่..

“ทำไมฟันผุครับอาลีน”

“ฟันผุเพราะแมงกินฟันครับเกอร์”

“แมงกินฟันคืออะไรครับอาลีน แล้วฟันอร่อยไหม”

สองเสียงดังเจื้อยแจ้วบนรถท่ามกลางรถติด ชลธีตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวรถเข้าร้านอาหารเพราะเห็นว่าค่ำมากแล้ว เดี๋ยวจะหิวกัน จนกระทั่งจอดรถเข้าซองเรียบร้อย เด็กหนุ่มกับเด็กตัวอ้วนก็ยังพูดคุยกันไม่หยุด จนเขาสะกิดเรียกก็ยังไม่มีใครสนใจ หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน

ให้ตายเถอะ เขากลายเป็นหมาหัวเน่าโดยสมบูรณ์!!
.
.
.
.
.
.
.
‘เพียงแค่จอบแนมซอมเบิ่งอ้ายอยู่ไกลๆ หัวใจน้องนี้ก็มีแฮง ฮู้ว่าอ้ายมีเขา น้องกะสิบ่ขอแข่ง บ่อาจสิไปแย่ง แต่น้องขอสแตนด์บาย..’

   “เปรี้ยว หยิบกะทิให้พี่หน่อย” เด็กหนุ่มตะโกนเสียงลั่นบ้านพลางใช้มือข้างที่ถนัดกวนมะพร้าวที่ขูดเป็นเส้นยาวในกระทะทองเหลือง โรยเกลือและใส่น้ำตาลปี๊บ จนกลิ่นหอมโชยติดจมูก ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนจุดยิ้ม เหลือแค่คนให้เข้าที่แล้วปล่อยให้ส่วนผสมแห้ง.. วันนี้วันเสาร์เขาจึงได้กลับบ้านมาดูแลยายพร้อมทั้งลงมือทำขนมเตรียมไปขายที่ตลาดเป็นประจำเหมือนทุกที  “เปรี้ยว! ได้ยินที่พี่พูดไหมเนี่ย”

‘ซอมเบิ่งอยู่เด้อ ถ้าหากว่าเธอ นั้นเลิกกันกับเขา เรื่องของสองเฮาสิเป็นไปได้บ่  บ่ได้เข้ามาเพื่อกดดัน แต่ว่าฉันนั้นแค่รอ ฟ่าวเลิกกันแหน่เถาะ ผู้สาวขาเลาะ อยากเป็นผู้สาวอ้าย’


เพลงอะไรของมัน!

เสียงเพลงจากวิทยุดังกระท่อนกระแท่นออกมาจากหลังบ้าน มุจลินท์สืบเท้าเร่งเข้าไปในห้องด้านในสุด บ้านไม้ชั้นเดียวสุดซอยติดกับคลองในชุมชนแออัดหลังนี้เขาอยู่มาตั้งแต่เกิดแล้ว แม้อีกไม่นานโครงการสร้างเขื่อนริมคลองลดน้ำท่วมในเมืองกรุงของท่านผู้ว่าฯจะมาในอีกไม่ช้า ชาวบ้านจะได้เก็บเงินออมและมีที่พักอาศัยที่แน่นอนขึ้น เขาจะได้มีบ้านดีๆอยู่อย่างคนอื่นเขาเสียที แต่.. สิ่งที่เขาห่วงมากที่สุดคืออาการเจ็บป่วยของยายต่างหาก ยายถูกย้ายไปนอนในเพิงสังกะสีที่เขาทำขึ้นอย่างลวกๆ ทุกวันก่อนไปรับไทเกอร์กลับจากโรงเรียนเขาจะไปส่งข้าวส่งน้ำและเปรี้ยวจะนอนเป็นเพื่อนในเวลากลางคืน ยายไม่สามารถจะนอนอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ ในเมื่อ ‘มัน’ จะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

เคร้ง เคร้ง เคร้ง


“โอ้ย พี่ลินท์ ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว” เด็กหญิงหัวยุ่งเงยหน้าขึ้นจากฟูกเก่าปริที่เห็นฟองน้ำด้านใน มุ้งสีทึบถูกเปิดขึ้นตามด้วยร่างงัวเงียที่เดินออกมาหน้ามู่ทู่

“พี่ก็คิดว่าแกน่ะไปตัดใบตองมารอพี่แล้ว แล้วนี่ทำอะไรฮะ! ยังไม่ตื่นนอนอีก ตัวขี้เกียจเข้าสิงแกหรือ” มุจลินท์เดินปึงปังเข้าไปเก็บหมอนผ้าห่มให้เข้าที่ “ไปอาบน้ำแล้วมาตัดใบตองให้พี่ เร็วๆเลย”

เด็กหนุ่มเดินออกไปห้องครัวคว้ากะทิขึ้นมาผสมกับแป้งข้าวเจ้า และเกลือป่น เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอใส่หนักมือไปหน่อยหวังว่าขนมใส่ไส้ยายสมใจเจ้าเก่าวันนี้จะไม่เค็มจนโดนลูกค้าด่าตามหลังมาหรอกนะ

“เปรี้ยว! ใบตองได้หรือยัง พี่รอนานแล้วนะ” เสียงเงียบหายไปเกือบยี่สิบนาทีจนมุจลินท์ชักสงสัย วางตะหลิวที่ใช้คนขนมในมือลง “พี่ยอมให้แกเปิดเพลงแล้ว อย่าเงียบแบบนี้สิวะ”

“มาแล้วจ้า!” เด็กสาวกระโดดออกมาจากมุมบ้าน ในมือถือใบตองสีเขียวสดที่เจ้าตัวใช้มีดกรีดเป็นทางยาว เขาสะดุ้งตัวโยนเกือบยกขาถีบผีจำเป็นที่แล่นปราดมาข้างหน้า

“เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง!”

“รอฉันแปบนึงนะพี่ อย่ารม’เสียดิ” เปรี้ยวรีบกุลีกุจอหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางซ้อนกันอยู่ออกมาคลี่เป็นทางยาวก่อนจะปูให้แนบไปกับพื้นไม้ บ้านไม้หลังน้อยแห่งนี้เก่าผุผังเต็มทีเวลาจะนั่งต้องคอยระวังแมลงให้ดี “ฉันขอโทษนะพี่ลินท์ เมื่อกี้ฉันเล่นหวาดเสียวไปหน่อย” เปรี้ยวพุ่มมือไหว้หน้าตาสลด เขาเอื้อมมือเขกหัวเบาๆ

“พี่ไม่โกรธแกหรอกน่า”

เปรี้ยวเป็นหลานลุงกิจกับป้าแจ่ม ลุงกับป้าข้างบ้านที่ขายน้ำเต้าฮวยกับสลัดที่ตลาด ยายพริมซึ่งเป็นยายของเขานั้นเคยรับเลี้ยงเปรี้ยวตอนเล็กๆ เพราะพ่อกับแม่ไปรับจ้างอยู่โรงงานที่ต่างจังหวัด เมื่อครึ่งปีก่อนพ่อกับแม่ของเปรี้ยวขาดการติดต่อกะทันหัน เด็กสาวอายุสิบเจ็ดปีจึงต้องลาออกจากโรงเรียนมาช่วยลุงกับป้าทำงานรับจ้างเล็กๆน้อยๆ ด้วยความที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก มุจลินท์จึงรักเปรี้ยวเหมือนน้องสาวแท้ๆ

“เดี๋ยวไปดูกระทะให้พี่ที” เด็กสาวพยักหน้าก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไปทางห้องครัวที่ติดกับลานบ้าน

โครมมมม! ปัง!

   “กรี๊ดดดดดดดดดด”

“เปรี้ยว!” มุจลินท์สะดุ้งเฮือกปล่อยมือจากใบตองตรงหน้า พุ่งตัวไปตามเสียงร้องของน้องสาว ในใจภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิด สิ่งที่เขากลัวมาตลอด

“ไอ้ลินท์ มึงก็อยู่กับเขาด้วยหรือ” ข้างหน้าเขาคือผู้ชายตัวโตร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม มันชอบสวมเสื้อกล้ามสีสันฉูดตาและลำตัวเต็มไปด้วยรอยสัก ‘สินชัย’ คือเจ้าพ่อเงินกู้แห่งชุมชนย่านนี้ ชาวบ้านที่เดือดร้อนจนต้องไปพึ่งพิงต้องยอมจ่ายดอกแพงแสนแพงเพื่อต่อชีวิตให้ผ่านไปอีกวัน ยายของเขาเคยไปยืมเงินเพื่อนำมาเป็นทุนขายขนมเมื่อสองปีที่แล้ว การคิดเงินของมันคือดอกลอย ต่อให้จ่ายดอกให้มันทุกวัน เงินต้นก็ยังอยู่เท่าเดิมไม่เคยลด เขาพยายามหาเงินมาจ่ายดอกให้มันทุกวัน มันจึงยังไม่มาหาเรื่องเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องพายายไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย 

“พี่ อย่าทำอะไรไอ้เปรี้ยวมันเลย มันยังเด็ก”

“เด็กอะไรวะ เนื้อนมไข่แบบนี้เป็นแม่พันธุ์ได้แล้ว” มันล็อคคอเปรี้ยวแน่นจนเขานึกกลัวน้องจะหายใจไม่ออก เด็กสาวพยายามดิ้นแค่ไหนก็ไร้ผล มุจลินท์จุดยิ้มหวานทำเป็นใจดีสู้เสือ

“ฮือ พี่อย่าทำอะไรหนูเลย” เปรี้ยวกระพุ่มมือไหว้อย่างน่าสงสาร แทบจะก้มลงไปกราบเท้า

“มึงไม่ต้องพูดมาก พ่อกับแม่มึงหายหัวไปเกือบปี บอกกูสิว่ากูจะเก็บเงินที่พ่อแม่มึงเอาไปได้ยังไง”

“ฉัน ฉันมีเท่านี้ พี่เอาไปก่อนนะ ปล่อยไอ้เปรี้ยวก่อน” สองมือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์สามส่วนที่ซักจนขาวซีด มือที่สั่นระริกค่อยๆบรรจงนับแบงค์สีแดง หัวใจเต้นระรัว ภาวนาขอให้มันอย่าทำอะไรไปมากกว่านี้เลย นอกจากยายแล้วก็มีเด็กสาวตรงหน้านี้ที่เขาเป็นห่วงเป็นใยเหมือนน้องในไส้คนนึง

หนึ่งร้อย สองร้อย สามร้อย สี่ร้อย...

เขายอมรับว่าตั้งแต่เกิดจนโตเขาไม่เคยรู้สึกโกรธหรือโทษโชคชะตาที่ต้องเกิดมาจนเหมือนวันนี้เลย..


“เงินแค่นี้มันจะไปพออะไรวะไอ้ลินท์ สู้กูเอาอีนี่ไปให้พวกแม่เล้าขัดดอกสักปีสองปี มันได้ใช้หนี้กูหมดแน่” หัวใจเขาเหมือนหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม ริมฝีปากบางขบกันจนเนื้อแทบแตก เขาไม่มีวันยอมให้ไอ้คนชั่วทำอะไรน้องเขาเด็ดขาด

“ฉันไง เอาฉันไปแทนไอ้เปรี้ยวมันเถอะ มันยังเด็กเกินไป รอให้มันโตกว่านี้เถอะพี่”

“มึงเนี่ยนะไอ้ลินท์ หุ่นขี้ก้างอย่างมึงจะไปทำอะไร” มือหยาบกร้านคว้าแก้มเนียนของเขาแน่น พลิกซ้ายพลิกขวา เมื่อได้เข้ามาดูใกล้ๆ สูดกลิ่นกายหอมกรุ่นเหมือนขนมหวาน นิ้วมือกวาดไล้ไปตามเนื้อแก้ม ผิวขาวสุขภาพดีมีเลือดฝาดแถมยังนุ่มนิ่มไม่ต่างจากผู้หญิง ดวงตาสีสวยที่จ้องมองอย่างแข็งกร้าวดูน่าค้นหา สินชัยกดยิ้มที่มุมปากเป็นรอยลึก นึกในใจคำนวณค่าตัวเด็กหนุ่มตรงหน้า มันคงได้เงินกลับมาชดเชยที่เสียพนันบอลไปเมื่อวานแน่ “เอามึงไปแทนก็ได้ ไอ้พวกชอบของแปลกกระเป๋าเงินหนักคงทุ่มไม่อั้น” มุจลินท์ถอนหายใจเฮือกที่มันยอมตกลงแต่โดยดี เขาสบตากับน้องสาวที่น้ำตาคลอหน่วย มันปล่อยตัวเปรี้ยวลง เด็กสาวผวาวิ่งเข้ามากอดเขาแน่น เขาได้แต่กอดปลอบลูบหัวไปมา

“ฮึก ฮือ”

“จะร้องไห้ทำไม หืม”

“หนูไม่ยอมให้พี่ไป..ฮึก”

“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกน่า ยังไงพี่ก็เป็นผู้ชายนะ” เขากอดตัวเด็กสาวแน่น ใช้มือปาดน้ำตาที่ทะลักทลายออกมาไม่หยุด “เก็บข้าวของแล้วไปนอนกับยายซะคืนนี้”

“ไม่เอา ฉันไม่เอา พี่ลินท์อย่าทำอย่างนี้”

“ดูแลยายแทนพี่ด้วย เดี๋ยวพี่กลับมา” เขายิ้มให้เด็กสาวที่กำลังงอแง เปรี้ยวปาดน้ำตาแล้วก็ยังสะอึกสะอื้น ขนาดโตเป็นสาวก็ยังขี้อ้อนเขาเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ   

   “ร่ำลาเสร็จแล้ว มึงก็รีบตามกูมาได้แล้วไอ้ลินท์ มึงไม่ต้องห่วงมีคนดูแลช่วยมึงแต่งตัวก่อนรับแขกคืนนี้อยู่แล้ว หึ”มุจลินท์กัดกรามแน่นเมื่อเห็นสายตาหยามเหยียดจากคนตรงหน้า ตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะไปขัดขืนอะไรทั้งนั้น ได้แต่ก้มหน้าก้มตาลุกขึ้นปัดฝุ่นที่เกาะติดตามตัว มือบางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อน้องสาว เขาก้มลงไปจุมพิตหน้าผากเนียน

“รอพี่นะเปรี้ยว”

“พี่ลินท์!!” เด็กสาวนั่งทรุดลงกับพื้นปล่อยโฮอย่างไม่อาย ไม่กล้าจะวิ่งตามไปช่วย ไม่กล้าจะไปเรียกร้องให้ใครมาช่วยเหลือ ไม่มีใครสนใจเด็กในสลัมแออัดอย่างเธอและพี่ชายอยู่แล้ว มือเล็กคว้าปลายเสื้อขึ้นมาซับน้ำมูก แผ่นกระดาษเล็กๆสีขาวปลิวหล่นมาบนตัก มือเธอสั่นเมื่อค่อยๆอ่านข้อความในใจช้าๆ 

‘พ.ต. ชลธี พันศิยะวัตร’   

   089-459-XXXX







 
   TBC


 :hao5: :hao5: :hao5:
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ  :mew1:

หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 11-09-2017 22:40:56
ลินท์
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-09-2017 23:14:13
โทรเลยเปรี้ยววว ให้พี่ฉลามมาช่วยยย  :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-09-2017 23:17:11
พี่ฉลามคะ มาช่วยน้องลินทร์ด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 11-09-2017 23:30:27
เปิดมาดราม่าเลย แงงงงง
สงสารลินจัง T______T
แต่คุณพี่ฉลามดูเท่มากๆ
มีเด็กอ้วนน่ารักด้วย
ถึงตอนล่าสุดชีวิตลินดราม่ามาก ฮืออออออ

ดำเนินเรื่องเร็วไปนิด แต่ว่าสนุกค่ะ ชอบ
อัพบ่อยยิ่งชอบ 555555 แล้วก็ภาษาดีง่า เรื่องแรกจริงหรอเนี่ยย ชอบๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ มาติดตาม กดไลค์เพจไว้แล้วด้วย
สุดท้ายขออย่าดราม่ามากนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 12-09-2017 00:05:36
น้องลิน อย่าไปลูกกกกก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-09-2017 00:05:50
เอาเปรียบกันเกินไปจริง ๆ หากินกับคนจนแบบขูดเลือดขูดเนื้อ มันน่าให้ทางการมาจัดการเสีย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 12-09-2017 07:37:20
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-09-2017 10:06:07
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 12-09-2017 10:06:14
ห๊ะ ทำไมซวยแบบนี้
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 12-09-2017 10:17:25
โทรด่วน ค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 12-09-2017 11:13:28
มาให้ทันนะ แง้
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2017 14:10:30
วนเวียนกับเงินกู้นอกระบบ
โทษพ่อแม่ก็ มันอีรุงตุงนัง
ผลเลยมาลงกันเด็ก คนแก่ในบ้าน

เปรี้ยวคงฉลาดโทร.หาให้ฉลามมาช่วยทันนะ
แต่ก็กลัวว่า ไอ้คนชอบของแปลกมันจะไม่เลิกลาล่ะสิ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 12-09-2017 17:22:44
มาต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-09-2017 22:07:59
จะช่วยด้วย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 12-09-2017 23:18:09
ตามมม
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-09-2017 02:51:25
พี่ฉลามช่วยด้วย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 13-09-2017 05:57:43
ผู้ชายในเครื่องแบบเท่มากกก รีบมาช่วยน้องเลยนะคะพี่ฉลามมม
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-09-2017 22:26:08
ตอนที่ ๓

   “เรื่องของเรามันไปต่อไม่ได้แล้ว พี่จะยื้อเกศไว้ทำไม!?..” สายตาตัดพ้อระคนเจ็บปวดของคนตรงหน้าทำให้เขาเผลอกำข้อมือบางเสียแน่น เกศราพยายามใช้แรงอันน้อยนิดดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุม “เกศมาเยี่ยมลูกตามที่พี่ต้องการแล้ว สมใจพี่แล้วก็ปล่อยฉัน!”

   “เกศ..ลูกต้องการคุณ ไทเกอร์ต้องการแม่..”

   “พี่ก็ไปจ้างพี่เลี้ยงเด็กสิ เกศจะไปมีชีวิตใหม่ของเกศ พี่ธีได้ยินไหม! ” ใบหน้าสวยหวานที่ชลธีเคยชอบมองไม่รู้เบื่อ บัดนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขาขบกรามแน่นนึกเกลียดตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้อดีตภรรยาเสียใจ

“เกศจะทิ้งพี่ พี่ไม่ว่า แต่ทำไมถึงใจร้ายกับลูกนัก”

เพี๊ยะ!

“ทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่! เพราะพี่คนเดียว!”

แรงตบจากฝ่ามือบางไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บมากไปกว่าหัวใจของที่กำลังปวดร้าว ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือแผ่นหลังบอบบางของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจกำลังเดินจากไป ชลธีไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายที่ผ่านเรื่องราวเฉียดตายมามากมายอย่างเขาจะรู้สึกอ่อนแอได้ขนาดนี้..


อย่าไปจากพี่ได้ไหม...


ชลธีรู้จักกับเกศราเมื่อสมัยบรรจุตำแหน่งร้อยตรี ผู้หมวดหนุ่มหล่อเป็นที่ต้องตาของสาวๆมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้ ชลธีรู้สึกต้องใจได้เท่าผู้หญิงคนนี้

เกศราเป็นลูกสาวของผู้พันที่เขาสังกัดอยู่ในขณะนั้น เขาเหมือนหมาวัดที่คิดจะเด็ดดอกฟ้าอย่างไรอย่างนั้น เธอเป็นนักเรียนนอกหัวสมัยใหม่ มีความมั่นใจในตัวเอง ทำให้เขาตัดสินใจเดินหน้าตามจีบมาตั้งแต่นั้น ด้วยความอดทนและสม่ำเสมอ ในที่สุดเขาก็ผ่านด่านพ่อตาสุดโหดได้สำเร็จ หลังจากคบกันได้สามปี ชลธีตัดสินสร้างครอบครัวกับผู้หญิงที่เขารัก

เขาว่ากันว่าผู้หญิงที่จะเคียงข้างนักรบได้นั้น ต้องมีความอดทนอดกลั้นและเสียสละเป็นอย่างมาก ชีวิตนายทหารที่ดูสวยหรูไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทำให้ชลธีไม่สามารถหาเวลามาดูแลภรรยาได้อย่างครอบครัวทั่วไป แม้กระทั่งวันคลอดลูกชาย เขาก็ยังติดภารกิจด่วนอยู่ที่ชายแดน มีเพียงกำลังใจที่ส่งไปให้ผ่านสายโทรศัพท์เท่านั้น

ชีวิตอิสระของเกศราถูกจำกัดมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องรับผิดชอบดูแลลูกชายและดูแลธุรกิจเสริมความงามไปพร้อมๆกัน เธอจึงได้ขออนุญาตชลธีจ้างพี่เลี้ยงเด็กชื่อชมพูมาดูแลไทเกอร์ในเวลาที่ต้องไปติดต่องานข้างนอก

นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด …

ชลธีกลับบ้านได้แค่เสาร์อาทิตย์ เขากำลังเลื่อนยศขึ้นเป็นพันตรี นั่นคือการออกจากสังกัดเดิมเพื่อไปเรียนโรงเรียนเสธฯเป็นเวลา1ปี เขาต้องเทียวไปเทียวมาจากประจวบฯ-กรุงเทพฯ แต่เพื่อได้เจอหน้าลูกชายสุดที่รักวัยสองขวบและภรรยา คือกำลังใจที่ทำให้เขาผ่านไปแต่ละวันได้

ระยะหลังชลธีเริ่มสังเกตว่าไทเกอร์ติดขนมหวานและติดโทรทัศน์มากขึ้น บางครั้งถึงขั้นดึงโทรศัพท์จากมือเขาไปกดเล่น ลูกไม่เคยเป็นแบบนี้ เขาตั้งคำถามในใจและสังเกตพฤติกรรมลูกชาย พี่เลี้ยงเด็กจะเข้ามาดูแลในช่วงกลางวันทำให้เขาไม่เคยได้เห็นว่าเลี้ยงลูกชายเขาอย่างไร

เขาและเกศราเริ่มทะเลาะกันมากขึ้นเรื่องการเลี้ยงลูก..

“ถ้าพี่ไม่พอใจ พี่ก็มาเลี้ยงเองสิ!” หญิงสาวขึ้นเสียง คิ้วสวยขมวดเป็นปมแน่น “เกศเลี้ยงลูกพี่คิดว่าไม่เหนื่อยหรือ”

“เกศ!” ชลธีตกตะลึงมองผู้หญิงที่เคยพูดจาอ่อนหวาน หัวใจกระตุกเกร็งเมื่อเห็นแววตาว่างเปล่าของภรรยา

“พี่ไม่มีเวลา เกศก็ไม่มีเวลาเหมือนกัน”

“แต่นี่ลูกนะ เกศจะเลี้ยงเขาทิ้งๆขว้างๆแบบนี้ไม่ได้”

“เกศหาพี่เลี้ยงเด็กมาเลี้ยงไทเกอร์แล้ว พี่จะเอาอะไรจากเกศอีก”

“ถ้าห่วงธุรกิจมากนัก ก็ให้คนอื่นมาทำธุรกิจแทนซะ ขายทิ้งไปเลยก็ได้” เขาขบกรามแน่น ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่เคยพูดมาก่อน ภรรยาของเขาทุ่มเทให้กับสร้างฐานะ เขาก็ยินดี แต่ตัวเขาที่ไม่มีเวลาดูแลลูก ก็คาดหวังให้เกศราทำหน้าที่แม่ให้อย่างเต็มที่

“ไม่!” หญิงสาวจ้องตาเขม็ง “เกศไม่ยอม”

“เกศไม่ห่วงลูกเลยหรือ”

“พ่อมันยังไม่ห่วงเลย แค่มีพี่เลี้ยงดูแลก็พอแล้ว”

“เกศ!! พี่ขอร้อง..” เขารู้สึกเจ็บในอกเมื่อเห็นภรรยาปล่อยโฮ “เลิกทำงานแล้วมาเลี้ยงลูก”

“ไม่” หญิงสาวส่งเสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญ “ให้เกศมีจุดยืนบ้าง จะให้เกศแบมือขอเงินพี่ใช้ตลอดหรือ”

“พี่เลี้ยงเมียพี่ได้ เกศไม่จำเป็นต้องทำงานเลย”

“พี่ไม่เข้าใจเกศ”

“มันไม่ใช่อย่างนั้นเกศ พี่แค่เป็นห่วงลูก”

“เราแยกกันอยู่เถอะค่ะ”

“เกศ..”

ตลอดปีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาเริ่มย่ำแย่ เขาและเกศราไม่ค่อยได้พูดคุยเหมือนแต่ก่อน ชลธีพยายามกลับบ้านบ่อยขึ้นเพื่อมาอยู่กับลูกชาย เขาแอบติดกล้องวงจรปิดในห้องนอนของไทเกอร์โดยไม่ให้ใครรู้ จนกระทั่งวันหนึ่งเรื่องทุกอย่างเริ่มปรากฏ เขารีบดิ่งกลับบ้านทันทีเนื่องจากครูประจำชั้นโทรมาบอกว่าลูกชายเข้าโรงพยาบาลเพราะเป็นไข้ขึ้นสูง และไม่สามารถติดต่อคุณแม่ได้ เขารีบโทรหา คเชนทร์ น้องชายของเขาที่เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลมาจัดการเรื่องขอส่งตัวหลานชายมารักษา
ชลธีเป็นห่วงว่าภรรยาจะล้มป่วยเพราะหักโหมเรื่องบริหารธุรกิจมากเกินไป แต่เมื่อเขากลับไปถึงสิ่งที่เขาเห็นคือภาพของภรรยากำลังร่วมรักกับผู้ชายที่เขาไม่รู้จักบนเตียงนอนของเขาเอง

“พี่ธี!” เกศรารีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างที่เปล่าเปลือย ชลธีชาวาบไปทั้งตัว เขาไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรดี

เขาเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น ความฝันของเขาคือการมีพ่อ แม่ ลูก อยู่กันพร้อมหน้า มีชีวิตที่มีความสุข บางครั้งเขาก็คิดว่า เขาคงจะคาดหวังมากเกินไป

เขานับหนึ่งถึงสิบในใจเกือบร้อยครั้งเพื่อยับยั้งชั่งใจไม่ให้ควักปืนพกในกระเป๋ากางเกงออกมาเป่าหัวมัน เขาได้คำตอบเสียทีว่าทำไมภรรยาเขาถึงได้เปลี่ยนไป ในเมื่อเกศราตัดสินใจที่จะเลือกแบบนี้ เขาก็ควรเคารพการตัดสินใจตั้งแต่แรก ไม่ควรยื้อไว้ให้เนิ่นนานเลย ชลธีเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้และกลับไปหาลูกชายที่โรงพยาบาล และขาดการติดต่อกับเกศราตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
เขาค่อยๆไล่เรียงดูภาพในกล้องวงจรปิดในห้องของลูกชายวัยสามขวบ ไทเกอร์ถูกจับขังในห้องนอนตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน จะมีพี่เลี้ยงวางจานข้าว ห่อขนมและแก้วน้ำไว้ในห้อง โทรทัศน์และไฟถูกเปิดตลอดทั้งคืนเพราะไม่มีใครเข้ามาอีก ไทเกอร์วิ่งไปทุบประตูเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีใครเปิดประตูเข้ามาพร้อมทั้งร้องหาแม่

แม่ที่ไปอยู่ไหนไม่รู้..

ร้องจนกระทั่งหลับไป เมื่อถึงเวลาไปโรงเรียนของอีกวันจะมีพี่เลี้ยงเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้และพาไปโรงเรียน ไม่แม้แต่พาเข้าห้องน้ำอาบน้ำเลยด้วยซ้ำ ชลธีกรอภาพย้อนไปย้อนมา หัวอกของคนเป็นพ่อเหมือนมีใครควักหัวใจของเขาเอามาเหยียบจนบี้แบน นึกถึงลูกชายตัวน้อยที่ตอนนี้ไม่สามารถนอนคนเดียวได้ ความรู้สึกผิดตีรวนในอกยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด

พ่อขอโทษ..
.
.
.
.
.
เสียงเพลงดังสนั่นพาให้วัยรุ่นที่ขยับโยกย้ายไปตามเสียงเพลงออกสเต็ปไปตามจังหวะสนุกสนาน เป็นภาพที่น่ามองยามเห็นสาวสวยในชุดเสื้อผ้าตัวจิ๋วเบียดร่างไปตามอารมณ์ สถานบันเทิงใจกลางเมืองเป็นสถานที่นัดพบของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวยามราตรี กลุ่มชายหนุ่มในชุดลำลองสบายๆในมุมวีไอพีนั่งดื่มเหล้าพลางใช้สายตาสอดส่องเหยื่อสำหรับคืนนี้ ชลธีถอนหายใจเฮือกเหม่อมองไปตามบรรยากาศ เสียงเพลงชวนเต้นไม่ได้ทำให้ชลธีรู้สึกมีอารมณ์ร่วม มันรู้สึกวูบโหวงปวดหนึบ เขาตัดสินใจใช้เหล้าเป็นตัวช่วยในการทำให้นอนหลับคืนนี้

“ไอ้ฉลาม ไอ้ห่า แค่พวกกูชวนออกมากินเหล้าแค่นี้ต้องถอนหายใจเหมือนจะตายให้ได้เลยหรอวะ” ต้นไทรเป็นเพื่อนสนิทของชลธีสมัยเรียนอยู่ที่เตรียมทหาร ถึงแม้จะแยกย้ายกันไปเรียนตามเหล่าต่างๆแต่พวกเขาก็มักจะนัดพบกันอยู่เสมอ เป็นธรรมดาของสังคมนี้ เหล้าและผู้หญิงที่ไม่เคยขาด

“กูแม่งเหมือนคนตายไปแล้วว่ะ”

“กูเห็นไอ้นนท์เลิกกับเมียแล้วก็เป็นแบบมึงได้สามวัน กูพามาเที่ยวแม่งหายเลย” ชัยวัตร นายตำรวจหนุ่มตี๋ขวัญใจสาวๆ ตัวท็อปของกลุ่มที่มักจะเห็นหน้าตาขาวจั้วะของมันตามเพจนายร้อยในโซเชี่ยลมีเดีย

“หายเศร้า?”

“เออ หายไปกับเด็กนั่งดริ้งค์ทั้งคืน ทิ้งพวกกู!” 

“แม่ง!” สองตัวแสบหัวเราะครืนทิ้งให้ชลธีถอนหายใจต่อไป ในเมื่อต้นไทรเทเหล้าไม่ทันใจ เขาก็เลยจัดการชงเหล้าเองเสียเลย ขนาดที่ใครก็ว่าเขาคอแข็งตอนนี้เขาก็เริ่มจะมึนๆแล้วเหมือนกัน

“ว่าไงครับผู้กำกับ เพื่อนโสดทั้งที ใจคอจะไม่หาอะไรปลอบใจไอ้ฉลามมันหน่อยหรือ” ต้นไทรยิ้มกริ่มหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้ชัยวัตร สถานบันเทิงแถบนี้อยู่ในพื้นที่ที่สน.ของชัยวัตรเป็นผู้ดูแล เป็นธรรมดาที่เขาจะมาเก็บดอกเบี้ยเล็กๆน้อยๆ

“ใจร้อนนะมึง ไม่รอไอ้ห่าเต๋าก่อนหรอวะ แม่งได้เลือกทีหลังแล้วชอบโวยวาย” ชัยวัตรพูดถึงอัครพลเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่เป็นทหารเรือประจำอยู่จังหวัดชลบุรี นานๆทีถึงจะขึ้นมาเยี่ยมเยียนพวกเขาที่กรุงเทพ หลังจากทราบข่าวว่าชลธีมีเวลาออกมาสังสรรค์ เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องรีบหาเวลามาปลอบใจเพื่อน

“มึงดูไอ้ฉลามก่อน ทำตัวเหมือนจะตายวันนี้พรุ่งนี้”

“กูสบายดี” เขาวางแก้วหลังจากยกดื่มจนหมดในรวดเดียว สมองเริ่มตื้อ หัวใจสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์

“พูดงี้ได้ไงวะ กูเพื่อนมึงนะ” ชัยวัตรขมวดคิ้วย่น รู้สึกไม่ชอบใจที่เพื่อนรักร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาทำตัวเบื่อโลกได้ขนาดนี้ เขาหันรีหันขวา ชูมือดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว บริกรเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งแจ้นเข้ามาทันที “เดี๋ยวกูจัดให้”

“คืนนี้มีเด็กไหมวะ” เขากระซิบข้างหูเด็กหนุ่มที่หน้าตาตื่นเมื่อผู้กำกับหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ชัยวัตรชักจะหงุดหงิดกับเสียงเพลงที่ดังจนเริ่มฟังไม่รู้เรื่อง “บอกเจ๊ไก่ว่าวันนี้ขอแบบพิเศษๆ”

“ครับๆ” เด็กหนุ่มตัวแข็งเกร็งสูดกลิ่นกายหอมเย็นที่กระจายออกมาจากคนตรงหน้า ผู้กำกับหนุ่มชื่อดังที่เขาเคยกดไลค์ในเฟซบุ๊คให้เมื่อหลายวันก่อน ไม่คิดเลยว่าตัวจริงจะ เอ่อ..

น่ารัก...

ปฐวีเป็นเด็กหนุ่มมหาลัยฯที่มารับจ็อบพิเศษที่ผับชื่อดังแห่งนี้ ด้วยรูปร่างหน้าตาชวนมองจึงได้รับตำแหน่งคอยบริการลูกค้าในโซนวีไอพี จึงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของผู้กำกับหนุ่มเป็นอย่างดี

ชัยวัตรยิ้มกริ่มเมื่อเห็นบริกรหนุ่มหน้าตาดีน้อยกว่าเขารับคำแล้วรีบไปดำเนินการให้ ก่อนจะหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับกลุ่มเพื่อนชายโสด

“ไอ้ฉลาม มึงเป็นอะไรวะ” ผู้กำกับหนุ่มเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนที่จู่ๆก็ทำหน้าเครียดขึ้นมา “มึงใจเย็นๆก่อน กูกำลังเรียกเด็กมา”

“ไอ้วัตร...มึง”
 
.
.
.
.
.
.
.
สองมือบางคอยดึงรั้งกางเกงขาสั้นที่แนบเนื้อจนเห็นรูปทรงก้อนเนื้อให้ลงมา เสื้อกล้ามสีขาวบางจ๋อยที่เขาใส่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะบางจนพาลให้เห็นตุ่มไตสีชมพูอ่อนที่กำลังแข็งเกร็งเพราะอากาศหนาว ทรงผมที่แต่เดิมปรกหน้าถูกจัดเซ็ทให้เห็นดวงตากลมโตสีเทาใสแจ๋ว หน้าตามอมแมมถูกจับแต่งหน้าอ่อนๆ ริมฝีปากสีชมพูรับกับใบหน้ารูปไข่และทรงจมูกเชิดรั้น ตอนนี้มุจลินท์เริ่มจะเกลียดทุกสายตาที่มองเขาเหมือนสินค้าชิ้นหนึ่งชะมัด

“ลินท์มาหาเจ๊ตรงนี้ จะไปนั่งหลบตรงนั้นทำไม”

“ผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ” เขายืดเบียดไปกับเหล่าหญิงสาวที่แต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อย สายตาสอดส่องหาทางหนีทีไล่ ห้องนี้เหมือนห้องรับแขกขนาดใหญ่เป็นที่พักสำหรับหญิงสาวที่มีอาชีพขายเรือนร่างให้กับเสี่ยกระเป๋าหนักหรือผู้มีอิทธิพล มุจลินท์คิดว่าคนอย่างเขาน่ะหรือจะมาทำอะไรแบบนี้ได้ ผู้ชายผอมแห้งมีแต่กระดูกอย่างเขาเนี่ยนะ เขาพบว่าตัวเองคิดผิดมหันต์เมื่อราคาประมูลตัวเขาในคืนนี้จบลงที่ราคาเกือบสามแสนบาท

เงินจำนวนมากที่ทั้งชีวิตเขาจะหาได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้

“คืนนี้ลินท์ต้องทำตัวดีๆนะ เสี่ยเขาจะทำอะไรก็ปล่อยเขา” หญิงสาวรูปร่างอวบวงหน้ายาวตาเล็กตี่เหมือนอาหมวยเอ่ยพลางใช้หวีซี่เล็กบรรจงหวีผมให้เขา “อยู่เฉยๆไม่ต้องขัดขืน เดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง เชื่อเจ๊”

เชื่อก็โง่แล้ว!

เขากำหมัดแน่นสงบสติอารมณ์ให้นิ่งที่สุด ถ้าหากเขาทำอะไรวู่วามไป ไม่เพียงแต่เขาที่เดือดร้อน แต่ยายกับเปรี้ยวก็จะมีอันตรายไปด้วย มุจลินท์รู้สึกเต็มตื้นในอกม่านน้ำตาใสบดบังวิสัยทัศน์จนพร่ามัว เขาแค่ต้องการใครสักคนที่พาเขาออกไปจากที่นี่.. เสียงร้องขอที่ไม่มีวันไปถึง

มุจลินท์ถูกชายชุดดำสองคนพาไปที่ห้องแห่งหนึ่ง ผู้หญิงที่คอยจัดแจงแต่งตัวให้และไปส่งเขาชื่อเจ๊ไก่ หล่อนคอยลูบหัวลูบตัวปลอบให้เขาที่สั่นไปด้วยความกลัวสงบจิตใจลง

“ผมไม่ไปได้ไหม” คนตัวเล็กเสียงสั่น “จะให้ผมทำงานอะไรก็ได้.. แต่แบบนี้ไม่เอาได้ไหมเจ๊”

“ไม่ต้องกลัวไป” เจ๊ไก่ล้วงถุงพลาสติกข้างในมียาเม็ดเล็กสีขาว หล่อนยื่นมาให้เขาหนึ่งเม็ด

“ยาอะไรน่ะเจ๊”

“ยาแก้ปวดหัว” เขารับมาแล้วเพ่งพินิจ อาการปวดหัวตุบๆทำให้มุจลินท์ยิ่งเกิดความกังวล เขาถอนหายใจเฮือก รับมาใส่ปากแล้วกลืนน้ำตาม ในใจครุ่นคิดไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาจะไม่ยอมง่ายๆแน่

ภายในห้องที่ถูกพาเข้ามาเป็นเตียงขนาดหกฟุตถูกปูด้วยผ้าปูสีเบจ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน หน้าต่างเปิดไว้ให้ลมพัดโกรกเห็นวิวเป็นตึกที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟยามค่ำคืน ด้านล่างของโรงแรมคือสถานบันเทิงชื่อดังของเหล่านักท่องราตรีที่เขาไม่มีแม้แต่ปัญญาจะซื้อบัตรผ่าน

 น้ำตากลิ้งลงบนแก้มนวล เขากัดฟันแน่นไม่ยอมให้เสียงร้องหลุดรอดไปแม้แต่นิดเดียว เสียงประตูห้องถูกปิดลง เขานั่งนิ่งอยู่มุมห้อง หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบระเบิด มุจลินท์รู้สึกว่าห้องเริ่มหมุนจนวิงเวียนศีรษะ อากาศที่ตอนแรกรู้สึกหนาวแปรเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มจนทำให้อยากจะ.. ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด

   “ลินท์! ลินท์!”

   “พี่..ฉลาม..” เสียงคุ้นเคยทำให้ดวงตากลมโตฉ่ำปรือขึ้นมามอง เห็นภาพเลือนลางเป็นนายทหารหนุ่ม

   “ลินท์ อย่าเพิ่งหลับ ตื่นมาคุยกับพี่ก่อน” ชลธีเขย่าตัวลูกเป็ดที่ตัวอ่อนปวกเปียก หลังจากที่ได้รับข้อความจากน้องสาวของมุจลินท์ เขาจึงขอความช่วยเหลือจากผู้กำกับหนุ่มเพื่อขอรายละเอียดเจ้าพ่อเงินกู้ สินชัย โชคเข้าข้างที่เจ๊ไก่ เอเย่นต์รับซื้อเด็กสาวในวงการที่ใครต่างรู้จัก คือสายสืบลับๆที่ช่วยชัยวัตรในคดีค้ามนุษย์ เขาจึงทันตัดหน้าประมูลตัวมุจลินท์มาได้อย่างเฉียดฉิว แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมอาการของคนตัวเล็กตรงหน้าเหมือนโดนยา.. ปลุกเซ็กซ์

ไอ้วัตร!

คนที่คิดแผนการพิเรนทร์ๆมีแต่มันคนเดียว!

“ผมร้อน..” สองมือบางดึงรั้งเสื้อให้หลุดออกจากตัว “รู้สึกไม่ดีเลย..”

ชลธีบรรจงวางลูกเป็ดบนเตียงนุ่ม ร่างเล็กบนเตียงสั่นระริก มือทั้งสองดึงรั้งผ้าปูที่นอนจนหลุดลุ่ย เด็กหนุ่มรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก ร่างกายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าร้อนผ่าวเหมือนมีใครเอาไฟมาลน ความรู้สึกแปลกประหลาดยามร่างกายบดเบียดกันทำให้เขาเผลอส่งเสียงร้องน่าอับอายออกมา มุจลินท์ไม่อาจสกัดกลั้นอารมณ์ที่กำลังลุกโชนขึ้นได้

“พี่ฉลาม”

“พี่อยู่นี่..” เขาลูบหัวคนตัวเล็ก “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ”

“กอดผมที..” คนตัวเล็กโผเข้ากอด ชลธีครางฮึ่มในลำคอ กลิ่นหอมกรุ่นจากกายคนตรงหน้าเย้ายวนเหลือเกิน ดวงตาฉ่ำน้ำปรือตามอง “ช่วยลินท์ด้วย…”  อารมณ์เบื้องล่างตีตื้นขึ้นมาในอก ชลธีอยากหักห้ามใจไม่ให้พลั้งมือทำอะไรลงไป เสื้อยืดสีขาวบางถูกเจ้าตัวฉีกทึ้งออกไปอย่างไม่ไยดี ตุ่มไตสีชมพูกำลังแข็งเกร็ง คนตัวเล็กครางเครือไม่ได้ศัพท์

“ฮื่อ.. พี่ฉลาม” ใบหน้ารูปไข่แดงพร่าเมื่อร่างกายถูกบดเบียด “ตรงนั้น..” มือบางค่อยๆรูดรั้งกางเกงขาสั้นออกจากสะโพกอวบ สองขาแยกออกจากกัน ดวงตาคมคร้ามของชายหนุ่มจับจ้องก้อนเนื้อขาวที่กำลังเชื้อเชิญเขา

เขาไม่อยากเอาเปรียบคนตัวเล็ก ในระหว่างที่กำลังเต็มไปด้วยฤทธิ์ยา เขาเป็นผู้ชายอายุสามสิบกว่า เคยมีภรรยาและมีลูกติดอีกหนึ่งคน ส่วนอีกคนยังเป็นแค่นักศึกษาอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ


เห็นคุกอยู่รำไร...

   


TBC

 :hao6: :hao6: :hao6:
เขาทำอะไรกันคะ //ปิดตา 

 :katai4: :katai4:
ขอบคุณคอมเม้นทุกคนเลย ชื่นใจจ้ะ เจอกันตอนหน้านะคะ^^
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-09-2017 23:00:20
จ้าาา
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 13-09-2017 23:23:48
จะตัดจบแบบนี้ไม่ได้นะคะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-09-2017 00:25:21
จ่ะ ที่ไม่อยากเอาเปรียบนี่เพราะได้ยินเสียงไอคุก ๆ อยู่แว่ว ๆ สินะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-09-2017 02:28:16
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-09-2017 05:24:58
อาชีพทหาร ตำรวจ ไม่มีเวลาแน่นอนให้กับครอบครัวอยู่แล้ว
ยิ่งถ้าเมียชอบทำงานนอกบ้าน ลูกยิ่งรับกรรมหนักเลย
ที่แน่ๆทั้งได้คู่เจอคนใหม่มาติดพัน มีกิ๊ก มีชู้กันให้เห็นๆ

ฉลาม เจอลินท์ ดีแล้ว ดีกว่าคนอื่นเจอ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-09-2017 09:27:13
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-09-2017 11:02:25
แน่นอนค่ะพี่ฉลาม เราเห็นสิ่งเดียวกัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 14-09-2017 11:08:33
โอ๊ะ ดีนะพี่หลามมาประมูลทันไม่งั้นหล่ะก็แย่แน่ หรือตอนนี้ก็แย่หว่า ไม่ได้พี่หลามต้องเป็นสุภาพบุรุษนะ เอาน้องไปแช่น้ำเย็นหรือไม่ก็ให้กินยานอนหลับไปเลย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 14-09-2017 12:06:02
น้องคงไม่รอดมือพี่ฉลามสินะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 14-09-2017 14:30:03
 :hao6: :hao6: คุกลอยอยู่รำไร รอตอนหน้าจ้าา
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 14-09-2017 17:03:07
 :katai4:
อ้ากกกก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 14-09-2017 18:29:19
ยินดีเปิดประตูคุกรอพี่ฉลาม :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 14-09-2017 21:02:41
เห็นคุกอยู่รำไร555
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: eium ที่ 15-09-2017 00:46:50
กรี๊ดดดดดพี่ฉลามช่วยน้องด้วยนะคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 15-09-2017 02:18:13
กรี๊ดดดดดด...ช่วยน้องด้วยค่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 15-09-2017 23:45:26
ตอนที่ ๔

จากนี้ไปเขาคงปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อเจอชัยวัตร เพราะเขามักจะเตือนอีกฝ่ายไม่ให้หิ้วเด็กไปปู้ยี่ปู้ยำเสมอ ผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ขวัญใจประชาชนอย่างมันคงไม่ปล่อยให้เขาได้อยู่อย่างสบายใจแน่นอน ถึงแม้เขาจะมีอาการมึนจากแอลกอฮอล์แต่ยังคงครองสติไว้ได้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสั่งให้เขาหยุดอยู่แค่นี้เท่านั้น อาการของคนตัวเล็กเริ่มสงบ ชลธีตั้งใจจะหาผ้าสะอาดมาเช็ดตัวให้ แต่ไม่ทันได้ผละออก มือบางของคนบนเตียงดึงรั้งเสื้อเขาเอาไว้

ดวงตาใสแจ๋วช้อนมองด้วยอารมณ์หวามไหว “ลินท์ต้องการพี่.. แค่พี่คนเดียว” ชลธีรู้สึกเหมือนเส้นสติขาดผึง เขาก้มลงดูดกลืนลมหายใจคนตัวเล็ก ใช้มือช้อนข้อพับขาแล้วดึงเข้าหา อะไรบางอย่างแข็งตึงในกางเกงดุนดันอยู่ใกล้กับแกนกายคนตัวเล็ก มุจลินท์สะท้านเฮือก ผวาฮือบดเบียดร่างกายเข้าหา แรงอารมณ์ลุกโชน ชลธีสูดกลิ่นกายหอมเข้าเต็มปอด

“ลินท์”

“อื้อ”

“ลินท์แน่ใจแล้วใช่ไหม”

“อื้อ” สองขากระหวัดเข้าเอวสอบของทหารหนุ่ม “เร็วๆ..” เมื่อเห็นน้ำสีขาวใสหล่อลื่นออกมาจากตัวตนของคนใต้ร่าง จึงส่งนิ้วเรียวยาวที่เข้าไปทักทายช่องทางด้านหลังที่ปิดสนิท

“จะเจ็บ...ฮึก..” เสียงร้องของมุจลินท์ครางหวิว นัยน์ตาหวานฉ่ำคลอไปหยาดน้ำใส ชลธีก้มลงไปจูบปิดปากคนใต้ร่างที่กำลังสั่นเทา เขารู้ว่ามุจลินท์ยังไม่พร้อม และอาจจะยังไม่ยอมรับเขาในวันนี้ แต่ให้ตายเถอะเขา..หยุดไม่ได้

เขาใช้น้ำหล่อลื่นของคนตัวเล็กชโลมนิ้วก่อนจะส่งเข้าไปอีกครั้ง สองนิ้ว.. สามนิ้ว จูบดูดดื่มพอจะทำให้เด็กน้อยที่ตื่นตระหนกหายตกใจไปได้ชั่วครู่ นิ้วเรียวยาวควานไปตามโพรงนุ่มที่คับแน่น ช่องทางบีบรัดอัตโนมัติจนเขาต้องนิ่วหน้า แม้จะอยากแทรกเข้าไปมากเท่าไหร่ เขาต้องใจเย็นมากกว่านี้ รอกระทั่งเจอจุดสัมผัสอ่อนไหว เด็กน้อยถึงกับครางหงิงในอ้อมกอด ชลธีลงไปจูบหน้าผากที่ชื้นเหงื่อ จุดยิ้มที่มุมปากเบาๆ ก่อนจะถอนนิ้วออก เขาอยากจะฝังตัวตนลงไปซะเดี๋ยวนี้

มุจลินท์นิ่วหน้าเมื่อรู้สึกตึงแน่นที่ช่องทางด้านหลัง รอยจีบสีชมพูที่ไม่เคยใช้เพื่อการนี้บีบอัดตัวตนของชลธีที่ค่อยกดเข้าไปเชื่องช้า

“ลินท์..เจ็บ..ฮึก..อ๊ะ”

“มองหน้าพี่ไว้..คนดี” ป้อนจูบหวานฉ่ำในขณะที่ท่อนล่างกำลังเสือกไสเข้าไปอย่างระมัดระวัง เขารู้ว่ามันเป็นครั้งแรกของน้อง และเขาจะต้องอ่อนโยนอย่างที่สุด  มุจลินท์ผวาโผเข้ากอด มือบางสอดเข้าที่กลุ่มผมสีดำชื้นเหงื่อของคนด้านบน อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศแปรเปลี่ยนร้อนระอุคล้ายสนามรบขนาดย่อม เมื่อตัวตนฝังลึกแน่นจนสุด ร่างหนาดึงดันเข้าออกจนคนใต้ร่างเม้มปากไม่ให้เผลอหลุดเสียงครางออกมา ต่างคนต่างปลดปล่อยอารมณ์ที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ

“อ๊ะ” ดวงตากลมโตคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากสีชมพูเข้มขบเม้มจนห้อเลือด ร่างบางโยกคลอนไปตามแรงกระแทก ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิง ไม่นานนักลูกเป็ดก็กระตุกเฮือกปลดปล่อยน้ำรักออกมาเต็มหน้าท้องขาว

ชลธีขบกรามแน่นยามเห็นคนตัวเล็กไปถึงฝั่ง ร่างกายหนาเคลื่อนไหวดุดัน ก่อนจะส่งหยดหยาดชีวิตฝังแน่นในร่างของอีกคน เขาสอดประสานมือกอบกุมแน่น ก่อนจะทิ้งตัวซบลงซอกคอขาวของคนตัวเล็ก 
.
.
.
.
.
.

เจ็บ..


ใบหน้าหวานบิดเบี้ยว คิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะเป็นเส้นเดียวกัน  เปลือกตาสีไข่ไก่หนักราวกับมีใครเอาหินมาถ่วงไว้ กว่าจะเปิดเปลือกตาขึ้นสู้แสงแดดได้ และทันทีที่รู้สึกตัวความเจ็บแปลบก็แล่นไปทั่วสรรพางค์กาย โดยเฉพาะท่อนล่างที่เหมือนโดนแยกชิ้นส่วนออกเป็นชิ้นๆ มุจลินท์ปวดจนร้องโอดโอย พยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง แสงแดดจัดยามเช้าสาดไล้เข้ามาบริเวณเตียงขาวสะอาด ผ้าห่มผืนบางหลุดไปกองที่ข้อเท้ายามร่างบางพลิกตัว ผิวขาวเนียนปรากฏร่องรอยปื้นแดงกระจัดกระจายไปทั่วร่าง หนักสุดคงจะเป็นรอยฟันที่เห็นนูนลึกเป็นซี่ และรอยช้ำอ่อนที่เริ่มขึ้นเป็นสีเขียวจ้ำ

รอยแดงทั่วตัวหากใครมาเห็นคงนึกว่าโดนยุงป่าหามแน่ๆ

ฉับพลันที่เด็กหนุ่มเห็นร่องรอยบนร่างทั้งตัวก็ชาวาบ ภาพเหตุการณ์ฉายซ้ำไปมาจนเขาอยากจะหยิกตัวเองแรงๆ ไม่ใช่ฝันหรอกหรือ

ระหว่างที่กำลังเรียบเรียงความคิดในหัว มุจลินท์สะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาช้อนเข้าที่ลำคอพลิกให้หันกลับไปซบอกของนายทหารหนุ่ม อาการปวดแปลบช่วงล่างทำให้ลูกเป็ดไม่สามารถขยับได้อย่างใจนึก ได้แต่นอนตัวแข็งเกร็งรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งตกค้างในร่างกาย

“พี่ฉลาม”

“หืม”

“เอ่อ.. คือผมรู้สึกอึดอัด” เขาพยายามดีดตัวออกมาจากวงแขนกว้าง “ปล่อยครับ ผมจะไปเข้าห้องน้ำ”

“งั้นพี่ไปด้วย”

“ผมไปเองได้” ลูกเป็ดละล่ำละลักพยายามผุดลุกขึ้นนั่ง ชลธีที่ไวกว่าช้อนตัวเด็กดื้อเข้าห้องน้ำ ผ้าห่มที่ลูกเป็ดใช้คลุมตัวไว้ถูกดึงออก สายตาคมจดจ้องไปยังเรือนกายขาวเนียนที่เต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาได้ทิ้งเอาไว้

“ไม่เอา..ห้ามมอง”

“ลินท์อายหรือ” คนตัวโตแสนเจ้าเล่ห์ใช้ฝ่ามือโอบอุ้มแกนกายกะทัดรัดในมือ ขยับขึ้นลงจนลูกเป็ดดิ้นพล่าน น้ำสีใสเลอะเปรอะเปื้อนเป็นสัญญาณความพร้อม “พี่ถอดด้วยดีไหม พี่ไม่อยากเอาเปรียบลินท์”

คนบ้า!


มุจลินท์อยากจะทุบคนหน้าตายตรงหน้านัก แต่เขาก็ทำได้แค่โอบวงแขนรอบคอคนด้านบนที่กำลังป้อนจูบเขาอย่างทะนุถนอม เขาส่งเสียงอู้อี้ยามเรียวลิ้นถูกกระหวัด “อย่ากลั้นหายใจสิครับ” ชลธีถอนจูบมองวงหน้าแดงปลั่งที่กำลังหอบหายใจเอาเป็นเอาตาย แค่จูบยังเป็นเสียขนาดนี้

 “ฮื่อ” คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ ถ้าเขารู้ว่าชลธีจะปล่อยให้เขาพักอีกทีก็เที่ยง เขาคงจะแกล้งหลับตั้งแต่แรก!
.
.
.
.
.
.
“พี่ลินท์!” เด็กสาวผมเปียโถมร่างเข้าหาเขา มุจลินท์ขบฟันแน่นรู้สึกสะเทือนไปทั้งร่าง ยายผุดลุกขึ้นนั่งบนที่นอนน้ำตาคลอเมื่อเห็นหลานชายคนเดียวยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจคนเป็นยายแทบแหลกสลายเมื่อได้ยินจากเปรี้ยวว่าใครพาตัวหลานไป

“เปรี้ยวปล่อยพี่ก่อน” เขาก้มลงกราบญาติผู้ใหญ่คนเดียวในชีวิต “ลินท์กลับมาแล้วจ้ะยาย” ยายรวบตัวเขาไปกอดแน่น จับหอมแก้มซ้ายขวา

“ขวัญเอ๊ย ขวัญมาลูกเอ๊ย” สองยายหลานกอดกันตัวกลม เด็กสาวยืนปาดน้ำตาในใจอดโล่งอกไม่ได้ เธอกับยายนอนกอดร้องไห้กันทั้งคืน หลังจากส่งข้อความหาพี่ทหารคนที่เคยช่วยพี่ชายเธอไว้วันนั้น เธอก็ได้แต่ภาวนาขอให้พี่ของเธอปลอดภัย “แล้วเป็นไงมายังไงล่ะลินท์”

“เอ่อ..คือ” เขาอึกอักไม่รู้จะบอกยายยังไง “พี่ฉลามพามาส่งจ้ะยาย”

“สวัสดีครับคุณยาย” ชลธีในชุดลำลองส่งยิ้มทักทายในมือหอบหิ้วของกินมาเต็มมือ เปรี้ยวพุ่มมือไหว้ก่อนจะรับของไปจัดใส่จาน

“พ่อหนุ่มนี่เอง”

“ยายเป็นยังไงบ้างครับ”

“ยายเห็นลินท์มันปลอดภัย ยายก็ดีใจแล้ว ขอบคุณพ่อหนุ่มจริงๆ” ยายพนมมือจะไหว้คนรุ่นหลาน ชลธีรีบเข้าไปรวบมือไว้

“คุณยายอย่าทำแบบนี้เลยครับ มันเป็นเรื่องที่สมควรจะทำอยู่แล้ว”

“โถ พ่อหนุ่ม”

“คือผมพาลินท์มาส่งวันนี้ ผมก็มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณยายเหมือนกันครับ”

“เรื่องอะไรกัน? เจ้าลินท์ไปซนอะไรให้พ่อหนุ่มเดือดร้อนอีก” ยายส่งสายตาไปทางคนตัวเล็กที่กำลังยิ้มแหย “ก่อเรื่องอีกแล้วหรือ ฮึ?”

“ผมอยากพาคุณยายไปอยู่กับลินท์ด้วยครับ” ยายสมใจชะงักเมื่อได้ยิน หันไปมองหลานชายที่กระเถิบเข้ามากอดเสียแน่น

“ลำบากพ่อคุณเปล่าๆ ยายอายุมากแล้ว ไม่อยากจะเป็นภาระให้ใคร”

“คิดเสียว่าผมเป็นหลานคนนึงก็ได้ครับ”

“นะ นะ ยาย ลินท์ไม่ได้ไปอยู่ฟรีๆ ลินท์ทำงานให้พี่เขา ยายไม่ต้องห่วงว่าเราจะไปทำให้เขาเดือดร้อนเลยนะ” เพราะหลานชายคนใหม่ของยายทำเอาเขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืน เขาต่างหากที่เดือดร้อน!  แต่ตอนนี้เขาอยากให้ยายอยู่ในที่ปลอดภัยมากที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาจะพยายามไม่ใส่ใจ


ปึง ปึง ปึง


“ไอ้ลินท์ มึงออกมาเดี๋ยวนี้ กูรู้นะว่ามึงอยู่ที่นี่!” เสียงตะคอกดังลั่นจากหน้าบ้านทำให้มุจลินท์สะดุ้งสุดตัวโผเข้ากอดยายทันที ยายสมใจกอดหลานชายไว้แน่น ความรู้สึกหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจของสองยายหลาน

“คุณมาหาใคร” ชลธีเป็นคนออกมาประจันหน้า เขารู้สึกไม่พอใจที่คนอย่างมันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้

“ไอ้ลินท์ ร้ายนักนะมึง กล้าเอาตำรวจมาจับกูหรือ” ไอ้สินชัยไม่สนใจเขาแถมยังตะโกนเสียงดัง “เมื่อคืนกูหมดเงินประกันไปตั้งหลายหมื่น ไอ้เด็กเหี้ย วันนี้กูจะเอามึงไปขายในซ่อง คอยดู”

“ผมคงไม่ยอมให้คุณทำอย่างนั้น” คิ้วหนาขมวดเข้ม อารมณ์คุกรุ่นตีรวนในอก แค่นึกถึงสภาพของคนตัวเล็กเมื่อวานเขายังรู้สึกใจหาย

“มึงเป็นใคร”

“ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณว่าผมเป็นใคร”

“อ๋อ นี่แขกของไอ้ลินท์มันสินะ เมื่อคืนมันคงเอาถึงใจ จนต้องมาหาถึงสลัมสิท่า”

ผลัวะ

ชลธีปล่อยหมัดลุ่นเข้าไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายล้มไปกองกับพื้น สองมือกุมปากที่มีเลือดไหลออกมา

“อ้ากกกกก”

“พี่ฉลาม!” มุจลินท์กระโดดเข้ากอดเอวสอบของชายหนุ่ม “อย่า! พี่จะทำอะไร อย่าไปทำมันเลย คนอย่างมันไม่มีค่าพอให้พี่ต้องไปวุ่นวายเลย” เขาสูดลมหายใจเข้าออก แรงสัมผัสจากคนตัวเล็กทำให้เขาดึงสติออกมาได้ “นะพี่ ลินท์ขอร้อง”

อย่าผูกเวรผูกกรรมกันไปมากกว่านี้เลย..

ชลธีหยิบปืนพกสีดำมะเมื่อมออกจากกระเป๋ากางเกง ไม่ทันได้ขึ้นไกก็จ่อไปทางเจ้าพ่อเงินกู้ “มึงรีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่กูจะหมดความอดทน”

“ยะ อย่า อย่ายิง” เจ้าพ่อเงินกู้ใช้สองมือโบกเป็นพัลวัน แข้งขาสั่นเหมือนเจ้าเข้า “อย่า อย่า..”

ปัง!

เขายิงปืนขู่ลงไปที่พื้นหนึ่งนัด สินชัยช็อกตาค้าง ปัสสาวะไหลเปรอะเต็มกางเกง หมดสภาพเจ้าพ่อเงินกู้อย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางสติเลือนรางสินชัยได้ยินประโยคดังก้องในหัวก่อนจะหมดสติไป

“คราวหน้าถ้ามึงยังมายุ่งกับคนของกูอีก กูไม่เอามึงไว้แน่...”




TBC


 :hao6: :katai4: :katai1:
ตั้งใจจะเขียนแนวฟีลกู๊ด แต่นี่ก็ฟีลกู๊ดอยู่นะ มั้ง...อิอิ  o22
ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักของเค้าทุกคน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-09-2017 00:52:21
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 16-09-2017 01:31:07
ขอให้ต่อไปนี้มีแต่เรื่องดีๆนะน้องลินท์กับคุณยาย
ไปอยู่ด้วยกันเลยนะคะคุณยายไม่ต้องเกรงใจเจ้าหลานเขย  :laugh:

ชอบมากเลยยย มาต่อบ่อยๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 16-09-2017 03:45:07
Yep...  :hao3: feel good จริงๆค่ะ.... บริจาคเลือดแล้วfeel good  :jul1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 16-09-2017 07:21:01
เขาได้กันแล้ววววว  ฮิ้ววววว
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 16-09-2017 07:38:58
เขาได้กันแล้วววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-09-2017 08:20:51
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2017 08:22:41
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 16-09-2017 09:17:57
พี่ฉลามคนหวงเมีย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: kakilover ที่ 16-09-2017 09:33:40
พี่ฉลามน่าจะหื่น :z1: :haun4: น้องลินคงจะรับศึกหนักแน่เลย มาต่ออีกไวๆนะ รอ รอ รอ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 16-09-2017 12:21:12
 :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-09-2017 13:36:44
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-09-2017 19:37:28
พี่ฉลามคะ เห็นว่าตำรวจตามหาตัวพี่ฉลาม เขาว่ากันว่าพี่ฉลามพรากผู้เยาว์ค่ะ 55555555555555555555555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-09-2017 22:59:10
ติดตามนะค้าบบ
-----
เนื้อเรื่องน่าสนใจนะ ชอบแนวนี้อยู่ แค่เราว่าเรื่องมันเดินเร็วไป ดูตัดตอน บางส่วนขาดๆหายๆ สองตอนแรกโอเคเดินเรื่องนายเอกมาโอเคละ
 เป็นยังไงมายังไง แต่พอมาเจอพระเอกนิรวบรัดไปหน่อย มีคนมาทวงเงิน เอาไปขัดดอกโอเคเข้าใจ แต่พระเอกนี้เกย์หรอบ่งบอกช่วงไหนเราพลาดตรงไหนไป?ชอบผู้ชายตอนไหน?ถ้าเป็นชายแท้ที่อายุค่อนข้างมากไม่น่าจะหวั่นไหวได้ง่าย เข้าไปช่วยนายเอกเราเข้าใจ เออ เป็นหน้าที่ก็ว่ากันไป แต่ไปเอาเค้าเพราะเชิญชวนนิสำหรับเรามันเร็วเกินไปหน่อยคงเพราะพระเอกดูโตดูเข้าใจโลกอยู่นะ
อยากให้คนแต่งใจเย็นๆกว่านี้เน้ออ เนื้อหาดูน่าสนใจอยู่ ไม่ต้องรวบรัดมากก็ได้
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 17-09-2017 12:56:17
รวดเร็วทันใจเหลือเกิน พี่ฉลามจ๊ะ ระวังตำรวจไว้หน่อยก็ดีนะ5555555
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๔] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๕.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-09-2017 18:13:34
คนจิง
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 17-09-2017 23:58:19
ตอนที่ ๕

ช่วงเช้าหลังจากมุจลินท์ส่งไทเกอร์ไปโรงเรียน เด็กหนุ่มรีบเร่งเดินทางไปมหาลัยต่อเพื่อเรียนในคลาสชดเชยซึ่งอาจารย์เปรยไว้ตั้งแต่คลาสที่แล้วว่าจะมีการเก็บคะแนนทำให้เขาออกจากบ้านเช้ากว่าทุกที รถยนต์นิสสันสีขาวจอดเทียบป้ายรถเมล์ที่เขายืนอยู่ เมื่อเห็นรถใครไม่รู้มาจอดบังทัศนวิสัย มุจลินท์จึงเดินหลบไปอีกทาง เขาก้มหน้าอ่านชีทเรียนไม่ทันได้สังเกตว่ากระจกรถเลื่อนลง

“ไอ้ลินท์” เด็กหนุ่มเงยหน้า เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มในรถเป็นคนรู้จักเขาจึงเดินเข้าไปทักทาย

“สวัสดีครับพี่ชุ” เขาพนมมือไหว้รุ่นพี่ ชวิศเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยที่เขาบังเอิญได้รู้จักในวันรับน้องใหม่ ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้เป็นประธานสโมสรนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ รวมไปถึงตำแหน่งเดือนมหาลัยสมัยเจ้าตัวยังเป็นเฟรชชี่ เป็นผู้ชายเพอเฟคร์ที่เขายังชื่นชม “ไปเรียนหรอพี่”

“เออ กูมีเรียนเช้า ไปด้วยกัน เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวรถจะมาแล้ว”

“ไอ้ลินท์ ขึ้นมา เร็วๆ” โรคขี้เกรงใจเขากำเริบแต่เมื่อเห็นสายตาคมดุของชวิศ เขาเลยต้องรีบกระโดดขึ้นรถอย่างช่วยไม่ได้ ถือว่าประหยัดค่ารถไปอีกเก้าบาท

“ขอบคุณครับ”

“เออๆทางเดียวกัน ไปด้วยกัน” ชวิศออกรถมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัย สายตาคมปรายตามองคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งเกร็ง “เสื้อใหม่หรอวะ” ชายหนุ่มสังเกตออร่าจากตัวเด็กหนุ่ม เขารู้ว่าลินท์เป็นเด็กทุนของมหาวิทยาลัยและมีฐานะที่ไม่ค่อยดีนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เขาจะต้องแบ่งแยกคน เขาจึงมักจะไปช่วยอุดหนุนขนมของเด็กหนุ่มเวลาเขาไปทำธุระแถวนั้นเสมอ เจ้าตัวปกติจะใส่เสื้อเก่าสีทึมดูกลมกลืนไปกับผู้คน แต่วันนี้การแต่งตัวทำให้หน้าตาที่น่ารักอยู่แล้ว น่ามองมากขึ้นไปอีก..

“ครับพี่ เพิ่งซื้อมาใหม่” มุจลินท์ยืดอกเต็มที่อวดเสื้อนักศึกษาจั๊วะตัวใหม่ที่เขาเพิ่งได้มา “ผมซักรีดใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มอย่างดีเลย หอมมาก” ดึงปกเสื้อมาดมโชว์ไม่พอยังยื่นไปให้คนที่กำลังขับรถดมอีกต่างหาก “พี่ชุลองดมก็ได้นะ”

ชายหนุ่มไม่ทันได้มองเสื้อขาว สายตาเหลือบไปเห็นแผ่นอกขาวเนียนทำเอาเผลอเบรกรถจนคนตัวเล็กหัวทิ่มไปข้างหน้า

“หมาวิ่งตัดหน้าหรือพี่” ลูกเป็ดคลำหัวป้อยๆ “หัวผมจะโนไหมเนี่ย”

“โทษทีๆ” ชวิศเอื้อมมือไปขยำหัวคนร้องโอดโอย “ไว้พี่จะพาไปเลี้ยงข้าว ไถ่โทษที่ทำให้หัวโน”

“ไม่เป็นไรครับพี่ชุ” นึกถึงน้ำใจที่พี่ชายคนนี้มีให้เสมอมาก็อดตื้นตันไม่ได้ “ช่วงนี้ผมพอจะมีเงินอยู่บ้าง พี่ไม่ต้องเลี้ยงผมหรอก”

“เดี๋ยวนี้ไม่ขายขนมแล้วหรือวะ” มือหนาเอื้อมไปเปิดเพลง คนตัวเล็กฮัมเพลงเบาคลอเคลียไปตามทำนอง ตามประสาคนชอบฟังวิทยุ “กูแวะไปซื้อก็ไม่เจอ”

“ผมได้งานใหม่แล้วพี่ชุ เลยไม่มีเวลามาทำขนมแล้วครับ”

“งานอะไรวะ”

“เป็นพี่เลี้ยงเด็ก”

มุจลินท์นึกถึงนายทหารหนุ่ม แก้มใสก็มีริ้วสีแดงขึ้นอ่อนๆ ชวิศลอบสังเกตแต่ไม่นานนักคนตัวเล็กก็ก้มหน้างุด ยกกระเป๋าสะพายขึ้นมากอดแน่น แถมยังเงียบไม่พูดไม่จา

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ”

“พี่ต่างหากต้องขอบคุณลินท์ที่มาช่วยดูแลลูกชายพี่” มือหนาลูบหัวเขาแผ่วเบา สายตาเอื้อเอ็นดูที่ส่งมาพาลให้หัวใจเขาสั่นไหว “แล้วก็.. ขอโทษเรื่องนั้นด้วยนะ”

“เรื่องอะไรหรือครับ”

“เรื่องที่พี่.. ล่วงเกินลินท์” หัวใจดวงน้อยกระตุกเฮือก สายตาของคนตรงหน้ารู้สึกผิด ราวกับเขาน่าสงสารเหลือเกิน

“พี่ฉลามอย่าคิดมากเลย ผมไม่เป็นอะไร”

“อะไรที่พี่พอจะช่วยลินท์ได้ พี่ยินดีทุกอย่างเลย”

“แค่นี้ก็มากพอแล้วครับ พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือรู้สึกไม่ดีอะไรทั้งนั้น”

“ลินท์ไม่ได้คิดอะไรก็ดีแล้ว”


น้ำตาร่วงเปาะจากปลายหางตา.. เด็กในสลัมอย่างเขาที่ไม่มีคุณค่าใดๆให้เหลียวแล ได้รับการดูแลจากเขาก็มากมายแล้ว ไม่ควรจะหวังอะไรมากไปกว่านี้

ถ้าเขามีโอกาสเลือกเกิด เขาจะเลือกเติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่น มีทุกอย่างเพียบพร้อมเหมือนคนอื่น ไม่ใช่มุจลินท์ที่อ่อนแอและต้องรอรับความช่วยเหลือจากคนอื่นแบบนี้


“ลินท์”

“คะครับพี่”

“ถึงหน้าคณะมึงแล้ว เป็นอะไรวะเหม่ออยู่ได้” ชวิศสะกิดเด็กหนุ่มที่ฟุบหน้าอยู่นานสองนาน เขาพอจะรู้ว่ามุจลินท์มักจะมีปัญหาทางบ้านและไม่ชอบบอกใคร “เครียดอะไรก็ปรึกษากูได้”

“ครับ” เด็กหนุ่มจุดยิ้มให้ก่อนจะลงจากรถ สะพายเป้ขึ้นหลัง มือบางล้วงมือถือยี่ห้อแอปเปิ้ลรุ่นล่าสุดราคาแพงระยับออกมาสไลด์หน้าจอ ปกติเขาใช้แค่มือถือหน้าจอขาวดำสำหรับโทรเข้าออกเท่านั้น แต่ชลธีไม่ยอมให้เขาใช้ เขาจึงได้เครื่องนี้มาแทน รวมไปนาฬิกายี่ห้อแพงและเสื้อผ้าใหม่ครบชุด เขาควรจะดีใจที่เขามีทุกอย่างเหมือนเพื่อนคนอื่น แต่ในใจกลับรู้สึกว่างเปล่า ความรู้สึกปวดหนึบตีรวนในอก

ทั้งวันมุจลินท์เรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ปกติเรียนเสร็จแล้วเขามักจะรีบกลับบ้านไปช่วยยายขายขนม แต่เมื่อต่อไปนี้เขาไม่จำเป็นต้องขายขนมแล้ว เด็กหนุ่มจึงไม่รีบร้อน ค่อยๆเก็บของเตรียมไปรับไทเกอร์ที่โรงเรียนต่อ

“อาลีนนนนนนน” เด็กชายสิรวัชญ์ในชุดเสื้อพละสีฟ้าอ่อนและกางเกงวอร์มสีดำแถบขาววิ่งมาตะครุบต้นขา แก้มยุ้ยถูไถกับผิวจนเขารู้สึกจั๊กจี๋

“คร้าบน้องเกอร์”

“เกอร์คิดถึงอาลีนที่ฉุด”

“เราเพิ่งเจอกันเมื่อเช้านะครับคนเก่ง”

“อาลีน เกอร์อยากไปห้างครับ” เด็กอ้วนทำแก้มป่อง ส่งสายตาออดอ้อน

“ได้สิครับเกอร์ แต่ต้องมีข้อแม้นะ” มุจลินท์นั่งยองๆให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับสิรวัชญ์ เขาจำเป็นต้องมีข้อตกลงก่อน ”เราจะไปเดินเล่นกันเฉยๆไม่มีการซื้อของเล่นนะครับ”

“แต่เกอร์อยากได้หุ่นยนต์ตัวใหม่” เด็กอ้วนชี้ไปทางกลุ่มเพื่อนที่ทยอยเดินออกมาผู้ปกครอง หนึ่งในนั้นถือหุ่นยนต์สีเหลืองที่ไทเกอร์ยังไม่มี ”เพื่อนเกอร์มีตั้งหลายตัว”

“แต่หุ่นยนต์ที่บ้านเรายังไม่พังเลยนะลูก”

“เกอร์อยากได้ ฮึก..ฮืออออออออออ”

“ถ้าวันนี้เกอร์ไม่งอแง พี่จะทำขนมจากคุณแครอทให้ทาน” มุจลินท์มองเด็กอ้วนที่แหกปากร้องลั่น หันซ้ายมองขวาก็เห็นผู้ปกครองท่านอื่นกำลังมองเขาอยู่ เขาจะไม่ยอมตามใจไทเกอร์เป็นอันขาด หากการร้องไห้ลงไปดิ้นที่พื้นทำให้ไทเกอร์ได้ทุกอย่างที่ต้องการ ต่อไปจะต้องมีปัญหาพฤติกรรมในอนาคตแน่ เขาจะค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสิรวัชญ์ ทำให้เด็กอายุสี่ขวบเข้าใจว่าการร้องไห้ไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วเขาจะได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ ในเมื่อมันไม่ได้ผล ไทเกอร์จะเลิกแก้ปัญหาด้วยการร้องไห้อีก

“ม่ายยยยย เกอร์จะเอาของเล่นนนนนนนนนนนนนนนนนน”

“ถ้าเกอร์ทำตามข้อตกลงของอาลีนท์ได้” เขาอุ้มไทเกอร์ให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ไหลที่เหมือนเขื่อนแตก เด็กวัยนี้พลังล้นเหลือจะให้ร้องสักชั่วโมงก็ยังไม่มีปัญหา “อาลินท์จะซื้อของเล่นให้นะครับ”

“ทำยัง..ไง ครับ ฮึก”

“เราจะสะสมแต้มความดีกัน” มุจลินท์ฉีกกระดาษออกมาจากสมุดเปล่า พับเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ใช้ปากกาหมึกดำวาดรูปวงกลมและตัวการ์ตูนง่ายๆ “ถ้าไทเกอร์เป็นเด็กดี อาลินท์จะปั๊มใส่กระดาษใบนี้ ถ้าเกอร์มีตราปั๊มได้ครบสามารถแลกของเล่นจากอาลินท์ได้”

“เด็กดีต้องทำยังไงบ้างครับ..ฮึก” ไทเกอร์ยังมีอาการสะอื้นไห้ แต่เมื่อเห็นตัวปั๊มลายการ์ตูนหลากสีในมือคุณอา ความสนใจก็พุ่งไปที่ของเล่นชิ้นใหม่ทันที

“การเป็นเด็กดีทำได้หลายอย่างครับ” มุจลินท์ชี้นิ้วนับหนึ่ง “เชื่อฟังคุณพ่อและอาลินท์” ชี้นิ้วที่สอง “อาบน้ำใส่เสื้อผ้าเองได้” ชี้นิ้วที่สาม “เก็บของเล่นให้เรียบร้อยเมื่อเล่นเสร็จแล้ว”

“เกอร์ทำได้ๆๆๆ” เด็กอ้วนกระโดดโลดเต้น “อาลินท์ปั๊มให้เกอร์เลย”

“’ได้ครับ งั้นเราไปปั๊มกันที่บ้านนะครับลูก”

“เย่ๆๆๆๆ”

“ลินท์?” เสียงเรียกทำให้เขาเงยหน้า เห็นรุ่นพี่คนเดิมที่เพิ่งเจอกันเมื่อเช้า “มาทำอะไรวะ”

“มารับหลาน” เขาลุกขึ้นยืนพร้อมจูงมือหลานชายตัวกลมที่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำมูก “เดี๋ยวก็กลับแล้วพี่ โลกกลมเนอะเจอพี่โคตรบ่อยอะ”

ชวิศยิ้มแห้ง จะให้เขาบอกว่าแอบขับรถตามมาน่ะหรือ ไม่มีทาง!

“ไหนๆก็เจอละ ไปกินข้าวกับพี่แล้วกัน” เขามัดมือชกด้วยการคว้ากระเป๋านักเรียนลายอุลตร้าแมนของเด็กอ้วนไว้ในมือแล้วเดินไปทางที่จอดรถ “พาหลานไปด้วยก็ได้”

“ผมเกรงใจพี่นะเนี่ย”

“ไม่เลี้ยงก็ได้ แค่ไปกินเป็นเพื่อนกูเฉยๆ” ชวิศเลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเพนเฮ้าส์มากนัก “นี่เด็กที่มึงต้องเลี้ยงหรือวะ”

“คุณลุงพูดม่ายเพราะเยย” เด็กอ้วนผุดลุกผุดยืนจะเอามืออ้วนป้อมไปปิดปากชวิศ

“จริงด้วย ลุงชุเป็นเด็กไม่ดี”

“เด็กม่ายดีอดตัวปั๊มจากนางฟ้านะครับ” ไทเกอร์ดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงตัวปั๊ม “ถึงบ้านอาลีนต้องปั๊มให้เกอร์นะครับ ห้ามลืมมมมม”

“ได้ครับคนเก่ง” เขาอยากจะลงไปฟัดแก้มยุ้ยของเด็กชายตรงหน้าชะมัด ช่างพูดช่างคุยซะเหลือเกิน

“เดี๋ยว นี่พี่ไปเป็นลุงตอนไหน!” เห็นชวิศโวยวาย มุจลินท์กับไทเกอร์ก็หัวเราะคิกคัก วันนั้นชวิศถึงได้รู้ว่าพ่อของเด็กชายสิรวัชญ์เป็นถึงนายทหารหนุ่มที่เข้ามาช่วยเหลือมุจลินท์และคุณยาย เขาแอบเจ็บใจตัวเองที่มาช้าไป ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องได้ดูแลมุจลินท์แน่นอน

รูปลูกชายฉีกยิ้มกว้างอยู่หน้าหม้อสุกี้ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งถูกส่งมาตอนเย็นทางไลน์หลังจากที่ชลธีเพิ่งซ้อมยิงปืนเสร็จ พี่เลี้ยงเด็กกำลังใช้ตะเกียบคีบลูกชิ้นเข้าปาก ท่าทางน่าหวาดเสียวจะหล่น ส่วนข้างๆพี่เลี้ยงเด็กคือชายหนุ่มที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังนั่งอิงแอบส่งสายตาหวานเชื่อมให้

ใครวะ...

แค่เห็นรูปเขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ซะแล้ว 

ชลธีรีบพิมพ์ตอบทันที

“เลิกเรียนหรือยัง?”

“เลิกแล้วครับ”

“พี่เพิ่งเทสต์ยิงปืนเสร็จ” รูปที่ส่งตามไปเป็นรูปสนามยิงปืน

“อย่าลืมทานข้าวนะครับ”

“อืม เย็นนี้พี่ไปกินเลี้ยงกับลูกน้อง” ส่งสติ้กเกอร์รูปหมีชนแก้วมาหนึ่งตัว “ลินท์ก็ด้วย ทานเสร็จแล้วก็กลับบ้านดีๆนะ”

“ไม่ต้องห่วงครับ มีรุ่นพี่มาส่ง”

“รุ่นพี่?”

“ครับ

“เย็นพรุ่งนี้เจอกัน”

“อ้าวทำไมอาทิตย์นี้กลับเร็วล่ะครับ” ลูกเป็ดงง

“คิดถึงไทเกอร์”

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะทำกับข้าวรอนะครับ”
.
.
.
ชลธีขับรถออกจากค่ายตั้งแต่สี่โมงเย็น การจราจรในเย็นวันศุกร์ติดขัดจนเขาชินชา กว่าจะขับรถหลุดออกมาจากห้าแยกลาดพร้าวได้ปาไปเกือบสี่สิบนาที เขาขับตรงดิ่งไปที่เพนส์เฮ้าส์ เหลือบมองนาฬิกาแสดงเวลาหนึ่งทุ่มตรง ป่านนี้มุจลินท์คงไปรับไทเกอร์เรียบร้อยและเตรียมทำกับข้าวรอเขาอยู่ที่บ้านแล้ว ทันทีที่รถกำลังเลี้ยวเข้าที่จอด สายตาพลันเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นเคย

เด็กหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวผูกเนคไทประจำมหาวิทยาลัย ช่วงขาเพรียวยาวสวมทับด้วยกางเกงสแล็คสีดำเรียบ เรือนผมซอยสั้นสีน้ำตาลเข้มรับกับโครงหน้ารูปไข่และดวงตาสีน้ำตาลอมเทา ผิวขาวเนียนและรูปลักษณ์เรียบร้อยช่วยขับให้รูปร่างของมุจลินท์ดูน่ามองมากยิ่งขึ้น เขามองอีกฝ่ายลงจากรถยนต์นิสสันสีขาว ชายหนุ่มอีกคนลงจากประตูรถช่วยมุจลินท์ถือของ ดูแล้วพวกเขาน่าจะเพิ่งกลับมาจากซุปเปอร์มาร์เกตสังเกตได้จากถุงสีเขียวที่เจ้าตัวถืออยู่ ชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่เดินขนาบข้างหน้าตาหล่อเหล่าพิมพ์นิยม เจ้าตัวล้วงผ้าเช็ดหน้าสีเทาซับเหงื่อตามไรผมให้มุจลินท์ ชลธีมองสองคนยืนหัวร่อต่อกระซิกจนเขาหมั่นไส้ต้องเปิดไฟสูงใส่

ปรี้น!

มุจลินท์หันมามองตามเสียงเอามือป้องตาหลบแสงไฟก่อนจะรีบเข้าคอนโดไป ชลธีเห็นชายหนุ่มอีกคนผงกหัวเป็นเชิงขอโทษที่จอดรถนานเกินไปจนขวางทางคนอื่น สายตาคมเพ่งมองหน้าชายหนุ่มคนนั้นชัดๆจึงเข้าใจได้ทันทีว่าคือคนเดียวกับคนในรูปที่มุจลินท์ส่งมาให้เขาคราวก่อน

ชลธีเลิกคิ้วอีกครั้งเมื่อเห็นชวิศมาหยุดอยู่หน้ารถ คนตรงข้ามพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวเหนือข้อศอก มองสบตากับเขาด้วยสายตายียวนก่อนจะรีบขึ้นรถไป ชลธีกำหมัดแน่นอารมณ์กรุ่นโกรธไม่รู้มาจากไหน แต่เขารู้ว่ามันจงใจทำให้เขาเห็นว่ามันกับมุจลินท์มีความสัมพันธ์มากกว่าพี่น้องทั่วไป

“เมื่อกี้มากับใครน่ะลินท์” ยังไม่ทันได้ทักทายลูกชายที่นั่งเล่นระบายสี สองขาก็ก้าวยาวๆมาถึงตัวพ่อครัวที่กำลังง่วนทำอาหาร กลิ่นกะทิหอมกรุ่นลอยออกมาจากห้องครัวชวนให้ท้องร้อง

“พี่ที่มหาลัยมาส่งครับ”

“แค่พี่?”

“ครับ” ลูกเป็ดเบิกตาโพลงดูงุนงงกับคำถามของนายทหารหนุ่ม “พี่คิดว่าผมกับพี่ชุเป็นแฟนกันหรือไง”

“เปล่า” ผู้พันกระแอมไอแก้เก้อ ยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดก็รีบเข้าไปหา เสื้อผ้ายังอยู่ในชุดเต็มยศก็ไม่สน ”เห็นสนิทกันเลยถามดู”

“พี่ชุเขาก็ชอบผู้หญิงนะครับ” มุจลินท์หันหลังให้ “แต่ถ้าจะคบผู้ชายเมื่อไหร่พี่เขาถึงจะมาจีบผม”

“ไม่ได้”

“อะไรนะครับ”

“ห้ามมีแฟน!” ชลธีชะงักกึก รู้สึกว่าตัวเองใส่อารมณ์มากไป “เอ่อ พี่ว่าลินท์ยังเด็กเกินตามใครไม่ทันหรอก รอให้โตกว่านี้เถอะ”

“อะเอ่อ” เขาทำหน้าตาเหรอหรา ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ชลธีพูดมากนัก และที่สำคัญเขาก็ยังไม่คิดมีแฟนสักหน่อย จึงตอบแบบขอไปที ”ครับๆ” พอได้ยินคนตัวเล็กตอบ สีหน้าชลธีก็ดูดีขึ้น มุจลินท์มองตามหลังนายทหารหนุ่มที่เดินออกไปอย่างไม่เข้าใจ ถ้าไม่ติดว่ากำลังคนแกงกะทิอยู่ละก็จะยกขึ้นมาเกาหัวแรงๆสักสองสามที

อะไรของเขาฟะ!

หลังทานข้าวมุจลินท์พาไทเกอร์อาบน้ำเข้านอน เล่านิทานเรื่องโปรดของเจ้าตัวยังไม่ทันจบก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วเพราะเล่นซนมาทั้งวัน เขาจุ๊บหน้าผากเด็กอ้วนเบาๆ รั้งผ้าห่มให้มืดชิดเพราะเด็กอ้วนนอนดิ้นที่สุด เขาเปิดประตูเข้าไปแอบมองคุณยายที่ทานข้าวทานยาก็นอนหลับสนิท ยายชอบบ่นว่านอนไม่สบายตัวเพราะไม่คุ้นเคยกับการนอนเตียง ดื้อดึงจะนอนฟูกเหมือนเดิม แต่เมื่อเห็นคุณยายนอนหลับสนิทจึงโล่งใจแล้วไปหาที่นอนมาปูนอนบ้าง

“ทำไมมานอนที่นี่” นายทหารหนุ่มในชุดนอนเสื้อยืดพอดีตัวอวดรูปร่างบึกบึน ช่วงไหล่กว้างทำให้เสื้อรั้งตึง ทำเอามุจลินท์มองเพลิน ในใจนึกอิจฉาหุ่นชลธี “ไม่ได้ยินที่พี่ถามหรือเรา”

“ผมนอนตรงนี้อยู่แล้ว” ลูกเป็ดกระพริบตาปริบไล่ความคิดไม่ดีออกจากหัว สองมือปัดฝุ่นออกจากฟูกสามฟุตที่เขาแอบเก็บอยู่หลังโซฟา

“พี่ให้ไปนอนในห้องพี่ทำไมไม่นอน” ชลธีสืบเท้าเข้ามาใกล้ ได้กลิ่นยาสระผมน้ำผึ้งอ่อนๆจากเด็กหนุ่ม

“ไม่ดีกว่าครับ” มุจลินท์วางหมอน ก่อนนอนเขาติดนิสัยต้องกราบหมอนสามทีแล้วค่อยนอน ตอนนี้ง่วงเกินกว่าจะสวดมนต์ ”ผมนอนก่อนนะครับ ฝะ...เหวอ!” อยู่ๆดีตัวเขาก็ลอยวืด ”พี่ฉลามทำอะไรเนี่ย เลิกเล่นเลยนะครับ!”

“นอนกับพี่”

“ไม่!”

“นอนกับพี่”

“ปล่อยผม!”

“รังเกียจพี่หรือ” ริมฝีปากสวยที่เขาชอบมองกระซิบข้างหูแผ่วเบา ทำเอาขนลุกเกรียว “พี่ทำอะไรให้ลินท์โกรธ?”

“ปะเปล่า” เขาไม่มีเหตุผลอะไรจะโกรธคนตรงหน้า เขาก็แค่ไม่อยากใกล้ชิดให้หัวใจเขาคันยุบยับต่างหาก! “พรุ่งนี้ผมเรียนแต่เช้านะครับ”

“เดี๋ยวพี่ปลุก” ชลธีอดใจไม่ไหวงับหูคนตัวเล็กจนเจ้าตัวร้องอื้ออ้าหลบหนีเป็นพัลวัน “พี่มีอบรมพลทหารแต่เช้าเหมือนกัน”

เมื่อคนตัวเล็กไม่ตอบอะไรเขาจึงอุ้มเข้าห้องนอน วางลูกเป็ดลงบนเตียงก่อนจะสอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม มือหนารั้งเอวบางให้เข้ามาแนบชิด เมื่อร่างกายสัมผัสกัน ไออุ่นต้องผิวชวนให้รู้สึกวาบหวิว มุจลินท์ตัวแข็งเกร็งไม่กล้าพลิกตัว ก่อนจะข่มตาหลับนอนนับแกะในใจจนผล็อยหลับไป

ชลธีเอื้อมตัวไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเด็กหนุ่ม เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับมุจลินท์ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นนายจ้างและลูกจ้างธรรมดาทั่วไป ยามเมื่อปฎิสัมพันธ์ผูกพันกันทางร่างกาย ความรู้สึกหวงแหนก็ผุดขึ้นมาจากส่วนลึก เขาเติบโตมาจากครอบครัวที่สมบูรณ์และยึดมั่นถือมั่นความรักเดียวใจเดียวของฉันท์สามีภรรยา แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกที่มันกำลังจะเกิดขึ้นนี้ เขายอมรับว่าไม่อาจจะปล่อยไปได้ แม้สถานะทางสังคมของเขาไม่อาจจะยอมรับความสัมพันธ์ของชายและชายเหมือนสังคมข้างนอก มันไม่มีทางได้รับการยอมรับ และเขาไม่ยอมให้มุจลินท์ต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนภรรยาเก่าของเขาแน่นอน เขาอาจจะดูเห็นแก่ตัวที่ต้องการครอบครอง และไม่สามารถตอบคำถามของมุจลินท์ที่ส่งผ่านมาจากสายตานั่นได้... เพราะมันยังคงเป็นเรื่องที่เขายังคิดไม่ตกเสียที ว่าเขาอยากให้มุจลินท์อยู่ข้างๆเพื่อเป็นตัวแทนของใครบางคนหรือไม่

มุจลินท์ยามหลับสนิทดูเหมือนเด็กมอปลายไม่ประสีประสาเวลาเขาจับเนื้อต้องตัว หน้าไอ้ผู้กำกับที่ขู่จับเขาเข้าซังเตลอยแว้บเข้ามาในห้วงความคิดทุกที เอาน่าห่างกันแค่ 14ปีเอง...

  ในใจรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคนตรงหน้าอย่างลึกล้ำ ไพล่ไปนึกถึงชวิศที่ประกาศเป็นศัตรูกับเขาอย่างชัดเจน เหมือนไฟกองเบ้อเร่อสุมอก ท่อนแขนหนาดึงรั้งคนตัวเล็กให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม ตระกองกอดเด็กหนุ่มนุ่มนวลราวกับกลัวจะแตกหัก


ก็ให้มันรู้ไป... คนนั่งคุยหรือจะสู้คนนอนคุย....



TBC



ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักอีกครั้งค่ะ :mew1:
ตอนนี้มีปัญหาเรื่องที่ดำเนินเรื่องเร็วเกินไปหน่อย จะพยายามปรับปรุงนะคะ
หากแต่งจบแล้วจะมีการ Re write อีกครั้งเพื่อให้เนื้อหาสมบูรณ์และสมเหตุสมผลมากขึ้น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น
และดีใจมากๆที่มีคนอ่าน 5555 คุณคือกำลังใจของเรานะคะ :o8:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-09-2017 01:49:45
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 18-09-2017 02:59:07
ร้ายกาจมากค่ะคนนอนคุย :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 18-09-2017 06:23:20
ห้างก้างมากค่ะคุณ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-09-2017 07:28:28
แมลงหวี่มาตอมแล้ว
ทำเอาพี่ฉลามชักหงุดหงิด  :m16:
พี่ก็บอกไปเลยสิว่าพี่ชอบ พี่หวง
พี่ฉลาม มุจลินท์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-09-2017 07:44:25
พี่ฉลาม ขี้หึงนะเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 18-09-2017 12:53:34
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 18-09-2017 13:32:38
แค่14ปีเองจริงๆหราคะ 5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 18-09-2017 14:27:33
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-09-2017 18:50:34
อื้อหือ มีความหึงหวง แต่ความชัดเจนอยู่ไหน
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-09-2017 06:22:32
โหดอีกละ ฉลามบุกจิงๆ 5555
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 19-09-2017 07:26:41
14ปีเอง อายุเป็นแค่ตัวเลขเนาะคุณผู้พัน5555555
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 22-09-2017 14:25:19
ตอนที่ ๖

มุจลินท์จัดแจงซื้อของมาทำอาหารแต่เช้า เขาใช้จักรยานแม่บ้านของลุงยามข้างล่างคอนโดปั่นไปตลาดที่อยู่สามซอยถัดไป ได้เนื้อหมู ไข่ไก่ เต้าหู้มาเต็มตระกร้ารถ นมเย็นสีชมพูใส่ถุงมัดหนังยางแขวนอยู่ตรงแฮนด์ขับ เขาซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ไปฝากยายและเจ้านายอย่างละชุด ส่วนไทเกอร์เขาเตรียมอุ่นนมร้อนไว้ให้ดื่มก่อนไปโรงเรียนแล้ว เด็กหนุ่มสวมเสื้อยืดย้วยสีขาว กางเกงขาสั้นสีกรม ดูไม่เข้ากับคอนโดหรูเลยแม้แต่น้อย เขาไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างสงสัย เดินไปกดลิฟท์ขึ้นไปเพนเฮ้าส์ชั้นบนสุด

“ไปไหนมา” ยังไม่ทันได้ถอดรองเท้าแตะคีบช้างดาว ไฟในห้องก็เปิดพรึ่บพร้อมกับเจ้าของเสียงที่สวมแค่กางเกงผ้าแพรสำหรับใส่นอนสีม่วงเข้ม “ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”

“ผมไปตลาดมา” มุจลินท์พูดแล้วเดินผ่านเลยเข้าไปในห้องครัว ล้างผักล้างเนื้อสัตว์แล้วจัดเก็บเข้าตู้เย็น

แม้จะรู้ว่ามีสายตาคมจับจ้องทางด้านหลัง แต่เขาก็ไม่ได้โต้ตอบกลับไป อย่างแรกเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร อย่างที่สองคือเมื่อคืนนี้เขาโดนชลธีกอดทั้งคืน.. ตอนนี้ก็เลย ทำตัวไม่ถูก

ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เขาและชลธีเผลอไผลมีอะไรกันไปครั้งนั้น เขาก็รู้ตัวเองว่าเข้าหน้าชลธีไม่ติด ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่คิดอะไรและขอโทษเขาก็เถอะ แต่นั่นมันก็ครั้งแรกของเขานะ!

ในใจรู้สึกวูบไหวไม่น้อย แก้มขาวขึ้นริ้วสีแดงเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ใกล้กัน คนอย่างเขาเป็นแค่เด็กในสลัมที่เขาใจดีช่วยเหลือเท่านั้น อย่าไปคิดอะไรแบบนั้นเด็ดขาด บอกตัวเองในใจแต่มือขาวก็ลงมีดหั่นผักไปด้วย

ตึก ตึก ตึก

“ลงมีดเบาๆหน่อยสิ” ชลธีเข้ามาประชิดด้านหลัง มุจลินท์สะดุ้งเฮือกนึกถึงขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังหั่นผักอยู่ “โมโหใครหรือ เคาเตอร์ครัวพี่จะพังแล้วนะ” นายทหารหนุ่มพูดแกมหยอกล้อ จมูกโด่งคลอเคลียแก้มขาวของพ่อครัว

มีนายจ้างกับลูกจ้างที่ไหนเขาถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้บ้าง

เจ้าลูกเป็ดพยายามเบี่ยงตัวหลบ มือหนาคว้าเข้าที่เอวบาง จรดริมฝีปากลงซอกคอขาว มุจลินท์กระตุกเฮือกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต สัมผัสวาบหวามทำเอาพ่อครัวทรงตัวแทบไม่อยู่ต้องใช้มือดันเคาเตอร์ครัวไว้

“ไปตลาดแต่งตัวแบบนี้เนี่ยนะลินท์” อยู่ๆเสียงชลธีก็เข้มขึ้น ”กางเกงสั้นไปหรือเปล่า”

“ผมก็แต่งแบบนี้ตั้งนานแล้ว”

“ไม่ได้”

“ทำไมไม่ได้”

“มันไม่เรียบร้อย”

“อยู่บ้านนะพี่ ไม่ได้ไปเดินแฟชั่นโชว์!” เขาเริ่มโมโห ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชลธีเข้ามายุ่งจุกจิกกับเรื่องส่วนตัวเขาถึงขนาดนี้ นี่มันจะเกินไปแล้วนะ

“เสื้อบางจ๋อยแถมกางเกงยังสั้นขนาดนี้ พี่มองยังเห็นไปถึงไหนต่อไหน.. แล้วคนอื่นล่ะ”

“พี่ฉลาม พี่มองบ้าอะไรเนี่ย”

“ลินท์อยากโชว์ พี่ก็มองไง”

“’แล้วแต่พี่ อยากมองก็มองไป ผมชอบโชว์”

“ไม่! รอบหน้าอย่าแต่งตัวแบบนี้ออกไปข้างนอกอีก” ชลธีกระซิบข้างหู “อยู่กับพี่ค่อยแต่ง”

“ลามก! ทำไมพี่ถึงได้เป็นคนแบบนี้เนี่ย?”

“ช่วยไม่ได้” ชลธีจุดยิ้ม “ลินท์อยากทำให้พี่หลงหัวปักหัวปำเอง”

“ผมเป็นผู้ชายนะ พี่จะมาหลงอะไร?”

“ไม่ให้พี่ไปหลงเมียตัวเอง แล้วจะไปหลงใคร” มือหนาสอดเข้าที่เอวบาง ก่อนจะเลื้อยหายเข้าไปในเสื้อยืดย้วยสีขาว มุจลินท์เบิกตาโพลง รีบดิ้นออกจากการเกาะกุมแต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งแน่นกว่าเดิม

“ไอ้พี่ฉลาม! ปล่อยผม!!”

“ชู่ว เดี๋ยวคุณยายกับลูกตื่นนะ”

“พี่ก็ปล่อยผมสิ”

“ไม่ปล่อย”

“ไม่ปล่อยใช่ไหม ได้!” ลูกเป็ดกัดฟันกรอดก่อนจะกัดเข้าที่แขนหนาของชลธีอย่างแรง นอกจากนายทหารหนุ่มจะไม่สะทกสะท้านแล้ว ชลธียังใช้มือที่ว่างแงะปากเขาออก นิ้วชี้ผลุบหายเข้าไปในโพรงปากเล็ก กวาดน้ำลายสีใสออกมายืดยาว กางเกงขาสั้นสีกรมถูกปลดลงมากองที่ข้อเท้า ร่างบางถูกดันให้โก้งโค้งอวดบั้นท้ายขาว นิ้วที่ชุ่มน้ำลายถูกสอดเข้าช่องทางที่ปิดสนิท มุจลินท์สะดุ้งเฮือกช่องทางหดเกร็งมากขึ้นจนชลธีขมวดคิ้ว

“อย่าเกร็งสิลินท์”

“ฮื่อ” เด็กหนุ่มส่งเสียงเสียงแหบพร่า ช้อนตามองคนตัวโต “ยะอย่า”

นิ้วชี้บิดควงในช่องทางคับแคบจนเจ้าตัวขนลุกเกรียว รู้สึกเสียวซ่านบอกไม่ถูก บั้นท้ายขาวสั่นน้อยๆอย่างเชิญชวน ชลธีขบกรามแน่น คุกเข่าลง ใช้ลิ้นเปียกชื้นแทนนิ้วชี้เพื่อเปิดทาง

“มะ ไม่ ฮึก” เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเปียกชื้น ด้วยความตกใจมุจลินท์พยายามดันสะโพกออกแต่มือหนาที่รั้งเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อย่างที่ต้องการ เรียวขาขาวสั่นระริก ใบหน้าเนียนใสแดงก่ำ ริมฝีปากบางขบเม้มแน่นจนเป็นรอย ถ้าเขาเผลอส่งเสียงแปลกๆออกไป คุณยายกับน้องไทเกอร์ต้องตื่นแน่ “อ๊ะ ฮื่อ”

ชลธีถอนใบหน้าออก ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างผู้ชนะ ส่วนเจ้าลูกเป็ดทรุดไปกองกับพื้น ดวงตาฉ่ำปรือ หอบหายใจถี่อย่างน่าสงสาร เขาช้อนตัวเด็กหนุ่มเข้าอ้อมกอด เห็นเจ้าลูกชายเดินงัวเงียออกมาจากห้อง ดวงตากลมโตมองเขาตาแป๋วเชิงสงสัย ชลธีใช้นิ้วชี้ทาบริมฝีปากจุ๊ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน

อยากดื้อกับเขาดีนัก ต้องเจอลงโทษเสียบ้าง
.
.
.
เด็กชายในชุดนักเรียนกะลาสียืนหน้าบูดอยู่ข้างคุณพ่อ ก่อนจะช้อนตามองคุณอาอย่างเศร้าสร้อย เมื่อรู้ว่าคุณอาจะไม่อยู่หลายวันแล้วไม่มีใครเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนเจ้าเด็กอ้วนก็เริ่มออกอาการต่อต้านทันที

“อาลีนนนน จุ๊บเกอร์”

“จุ๊บครับคนเก่ง”

“อาลีนไปกี่วัน”

“3วันครับ วันอาทิตย์อาลินท์ก็กลับมาแล้วลูก” ลูบหัวเด็กอ้วนที่ทำแก้มป่อง อยู่ด้วยกันไม่ถึงเดือน ไทเกอร์ติดเขาแจ  “เดี๋ยวอาลินท์จะซื้อขนมมาฝากนะครับ”

“เกอร์จะรอนะอาลินท์” สองมือป้อมเกาะขาคุณอาไว้แน่น “กลับมาหาเกอร์ไวๆนะ ”

“อ้อนจังเลยครับคนดี” มุจลินท์หอมแก้มทั้งซ้ายและขวา

“ไปได้แล้วลินท์” ชวิศลงจากรถเปิดท้ายรับกระเป๋าเป้จากมุจลินท์ไปใส่ “เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ” ชวิศหันไปบอกชลธีที่ยืนหน้านิ่ง สีหน้าไร้ความรู้สึก เมื่อวานซืนเจ้าลูกเป็ดมาขอลาเพื่อไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัด เห็นว่าเป็นงานคัดดาวเดือนอะไรสักอย่างของมหาลัย เขาจะไม่ว่าเลยถ้าไม่เห็นไอ้หน้าแหลมนั่นมารับถึงบ้าน

เห็นแล้วรำคาญลูกตาชะมัด

ชลธีพยักหน้ารับรู้ท่อนแขนหนาช้อนเข้าที่ร่องรักแร้ลูกชาย แงะออกมาจากพี่เลี้ยงเด็กได้แล้ว เจ้าเด็กอ้วนเริ่มออกอาการงอแง เบะปากเป็นสระอิ พยายามกลั้นน้ำตาสุดชีวิตเพราะกลัวไม่ได้ขนมจากอาลินท์ ลูกเป็ดเข้ามาหอมแก้มซ้ายขวา ริมฝีปากบางฉีกยิ้มหวานยามได้เล่นกับลูกชายเขา

“หอมแก้มไทเกอร์ก็อย่าลืมหอมแก้มพ่อของไทเกอร์ด้วย” มุจลินท์ชะงัก ใบหน้าร้อนวูบวาบ ใครใช้ให้มาพูดจาสองแง่ส่องง่ามแบบนี้ต่อหน้าชวิศกัน แล้วเขาจะมองหน้ารุ่นพี่ติดได้อย่างไร

“บ้า!” เด็กหนุ่มถลึงตาใส่

“ไม่หอมก็ได้ แต่ว่างแล้วตอบไลน์พี่ด้วยนะ”

“พี่มีเวลาว่างด้วยหรือ”

“ถ้าเป็นลินท์ พี่ไม่ว่างก็หาเวลาให้ว่างจนได้นั่นแหละ”

“เลี่ยน!”

“พี่หวานขนาดนั้นเลยหรือ” นายทหารหนุ่มในชุดฝึกสีเขียวขี้ม้าจุดยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ลูกเป็ดรู้สึกหนาวๆร้อนๆชอบกล สายตาคมของชลธีเหมือนจะมองเขาทะลุไปถึงข้างใน ลูกเป็ดใช้มือบางกระชับเสื้อให้เข้าที ถ้าไม่ใช่เพราะรอยดูดดึงเต็มแผ่นอกฝีมือของคนตรงหน้า เขาคงไม่ต้องใส่เสื้อแจ็คเก็ตปิดขึ้นมาถึงต้นคอขนาดนี้ 

“ผมไม่คุยด้วยแล้ว!” คิดแล้วก็โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้

“ลินท์ เสร็จหรือยัง?” ชวิศที่เข้าไปรอในรถเรียบร้อยแล้วเรียกถาม

“ครับๆพี่ชุ” มุจลินท์หันไปพยักหน้าให้รุ่นพี่ “ไปก่อนนะพี่ฉลาม กับข้าวลินท์ทำใส่ตู้เย็นไว้แล้ว อุ่นได้เลย วันนี้มีพะโล้กับแกงจืดวุ้นเส้นนะครับ”

“ครับ พี่กับลูกจะรออยู่ที่บ้านนะ” มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มของเด็กหนุ่ม ดวงตาดุคมทอประกายอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัดจนมุจลินท์ต้องหลบสายตา ความอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจ เขาชอบความรู้สึกที่เหมือนครอบครัวเดียวกันแบบนี้ที่สุด “เป็นเด็กดีนะครับ” 

“อื้อ”

ทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้ใครมันจะอยากไปกัน!



ผับหรูใจกลางเมืองบรรยากาศไม่พลุกพล่านมากนักเพราะเป็นโซนVIP เป็นที่นัดพบประจำของชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งหลบมุมอยู่เคาเตอร์บาร์ เสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวและกางเกงสแล็คสีครีมทำให้ผู้กำกับหนุ่มดูลดอายุลงไปหลายปี ที่นั่งข้างกันคือชลธีที่กำลังกระดกแอลกอฮอล์เข้าปากไม่หยุด

“เป็นอะไรของมึง นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว” ชัยวัตรบ่นอุบ อยู่ดีๆชลธีก็ไปหาเขาถึงสน.ไม่พอยังลากเขาออกมากินเหล้าอีก

“เรื่องของกู”

“จะเที่ยงคืนแล้วยังจะชวนกูออกมาดริ้งค์อีกนะมึง”ชัยวัตรเหล่ตามองผู้พัน “งานการไม่ทำหรือไง”

“กูมีอะไรให้คิดนิดหน่อย”

“โถ่ ผู้พันครับ เครียดมากระวังหัวล้านนะเว้ย”

“ไม่อยากให้กูเครียดก็มาช่วยกูสิ”

“ตำรวจอย่างกูจะช่วยอะไรมึงได้” เขาแค่นยิ้มพลางเรียกบริกรหนุ่มที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีมาเปิดเหล้าใหม่อีกขวด เด็กหนุ่มบริการชงเหล้าให้เสร็จสรรพก่อนนายตำรวจหนุ่มจะยกขึ้นดื่ม

“มึงเคยมีอะไรกับผู้ชายไหมวะ”

พรวดดดดดดด ชัยวัตรแทบจะสำลักเหล้า เขาใช้มือทุบอกตัวเองเบาๆ

“มึงถามกูอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า” เขาชี้หน้าเพื่อนสนิท

“เออ” ชลธีใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ”ก็อย่างที่มึงคิด”

“ไอ้เหี้ย กูไม่คิดว่ามึงจะเอาจริง เด็กมันเกินสิบแปดหรือยัง!” ชัยวัตรเปิกตาโพลง “ชิบหายละ กูเตือนมึงแล้วใช่ไหม ไอ้ห่าเอ๊ย!”

“เพิ่งสิบเก้าไปเมื่อตอนต้นปี” ชลธีตอบเสียงเข้ม เขายืนยันได้เพราะเป็นคนขอดูบัตรประชาชนเองกับมือ “กูไม่ได้พรากผู้เยาว์น่าไอ้วัตร”

“กูรู้ว่ามึงยังลืมเกศไม่ได้” ชัยวัตรจ้องเขม็งไปทางผู้พัน “มึงคงไม่ได้เอาเด็กมันมาเป็นตัวแทนเกศใช่ไหม”

“กู.. ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”

   “มึงนี่มัน” ชัยวัตรแทบจะทึ้งหัว ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นมุจลินท์ เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่คอยไปรับส่งหลานชายของเขา “ถ้ามึงไม่จริงจัง มึงก็ถอยออกมาเถอะ กูสงสารน้องเขาว่ะ”

“กูปล่อยไม่ได้” ชลธีสบตาชัยวัตร ร่องรอยความรู้สึกผิดท่วมท้นในสายตา “กูไม่ชอบที่มีคนมายุ่งกับเขา กูไม่ชอบถ้าเขาจะมีคนอื่น กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร”

“ถ้ามึงชอบเขามึงก็บอกเขาไปสิวะ” ชัยวัตรตบเข่าฉาดใหญ่ เขาว่าแล้วเชียวว่าสองคนนี้ต้องมีซัมติงอะไรกันสักอย่าง “หรือว่ามึงกลัวพ่อกับแม่มึงจะว่า หรือมึงกลัวใครรับไม่ได้”

“เป็นกูเองที่รับตัวเองไม่ได้” นายทหารหนุ่มตอบเสียงอ่อน “กูไม่เคยคบผู้ชายนะ”

“แต่ก็เคยเอากับผู้ชาย” ชัยวัตรแค่นหัวเราะ สังคมชายล้วนที่มีแต่ชายฉกรรจ์ การปลดปล่อยกำหนัดด้วยกันเองในหมู่สังคมนี้เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว “ยอมรับตัวเองหน่อยเพื่อน มึงอย่าเอาบทบาทหน้าที่ของมึงมาเป็นตัวกำหนดชีวิตทั้งหมด มึงเป็นนายทหาร มึงเป็นผู้พันตำแหน่งใหญ่โต มึงต้องคุมลูกน้องเป็นร้อยๆ”

“..”

“แต่มึงก็แค่ผู้ชายคนนึง มีกิเลศ มีรักโลภโกรธหลงไม่ต่างจากคนทั่วไป มึงจะมาจำกัดความรักเพราะเรื่องเพศ เพราะบทบาทหน้าที่มึงหรือ” ชัยวัตรคว้าแก้วเหล้าของเพื่อนมาเติมให้ “มึงเก็บไปคิดดูดีๆแล้วกัน มันอาจจะต้องใช้เวลาในการยอมรับ แต่กูเชื่อว่าสักวันนึงมึงจะตอบตัวเองได้”

“ตั้งแต่คบกันมา วันนี้มึงแม่งมีสาระที่สุดแล้ว”

“ไอ้เวรนี่ กูเป็นคนมีสาระมาตั้งนานแล้วว่ะ” ชัยวัตรหัวเราะ ลักยิ้มบุ๋มลึกตรงแก้มซ้ายชวนให้น่ามอง ใบหน้าขาวใสขึ้นสีแดงก่ำเพราะแอลกอฮอล์ เด็กหนุ่มในชุดบริกรยืนรินน้ำสีอำพันใส่แก้วให้ผู้กับกำหนุ่ม แต่สายตาจดจ้องไปยังแผงอกขาวที่วับแวบออกมาจากเสื้อเชิ๊ตรัดรูป ปฐวีส่งทิชชู่ให้ชัยวัตรที่เริ่มทรงตัวไม่อยู่ ส่วนชลธีขอตัวไปเข้าห้องน้ำได้สักครู่แล้ว

“มึงชื่ออะไรวะไอ้หนุ่ม”

“วีครับ ปฐวี”

“บริการดี กูชอบๆ” ชัยวัตรควักแบงก์สีเทาแล้วยื่นให้เด็กหนุ่มเป็นทิป เขาจำหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ได้แม่นเพราะมักจะมาบริการเขาทุกครั้งที่มาที่นี่

“ขอบคุณครับ” ปฐวีพยักหัวเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะหยอดเงินทิปใส่ตู้หลังเคาเตอร์ไว้สำหรับแบ่งกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกันวันนี้ “คุณวัตรจะกลับหรือยังครับ ผมจะเรียกรถแท็กซี่ให้”

“ไม่ต้อง เดี๋ยววันนี้เพื่อนพี่ไปส่ง” ชัยวัตรหมายถึงชลธี เพราะมันลากเขามาก็ต้องเป็นหน้าที่มันที่ต้องไปส่งเขาที่คอนโด

“หรอครับ” ปฐวีมองใบหน้าแดงก่ำที่ฟุบกับเคาเตอร์ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆกำจายออกมาจากร่างของชายหนุ่ม ปฐวีไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิตหรืออย่างไรถึงได้เสพติดกลิ่นหอมจากตัวผู้กำกับหนุ่มเช่นนี้ เขามองใบหน้าชัยวัตรด้วยความรู้สึกเอื้อเอ็นดู แต่เมื่อนึกถึงท่าทางสนิทสนมอิงแอบแนบชิดกันเมื่อครู่ของชายหนุ่มกับเพื่อนที่มาด้วย หัวใจของเขาดูเหมือนจะถูกบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก นี่คงไม่ใช่อาการหึงหวงหรอกนะ?

“ไอ้วัตร” ชลธีเขย่าตัวเพื่อนที่สลบเหมือดไปเรียบร้อยแล้ว “บอกกูว่าอย่าแดกเยอะ มึงนี่ล่อไปเป็นขวด เมาเหมือนหมาเลย”

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

“น้องช่วยเรียกแท็กซี่ไปส่งไอ้หมอนี่ที่คอนโดหน่อย” ชลธีเปิดโทรศัพท์ให้เด็กหนุ่มดูแผนที่ “ห้อง A405 โยนมันลงบนเตียงทั้งอย่างนี้เลย”

“อะเอ่อ ให้ผมไปส่งถึงห้องเลยหรือครับ”

“หรือไม่อยากไป?” ชลธีมองหน้าเด็กหนุ่มที่ส่วนสูงพอๆกันกับเขา ถึงแม้จะสวมชุดบริกรปิดมิดชิดแต่ก็พอดูออกว่าไอ้หนุ่มนี่หน่วยก้านใช้ได้ทีเดียว “เห็นมองไอ้วัตรเหมือนจะแดกเข้าไปทั้งตัวขนาดนั้น” 

ปฐวีทำหน้าไม่ถูกเมื่อถูกผู้พันทักเสียขนาดนั้นได้แต่พยักหน้าขอบคุณก่อนจะกุลีกุจอเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วช้อนแขนชัยวัตรพาดบ่าตัวเองก่อนจะพยุงออกนอกร้านไป ชลธีจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นว่าเพื่อนเคยเป็นคิวปิดให้เขาจนได้มุจลินท์มาเป็นของตัวเองรอบนี้เขาเลยขอเป็นคิวปิดให้ผู้กำกับหนุ่มบ้างก็แล้วกัน

แต่จะได้ผัวหรือจะได้เมียอันนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน หึๆ

ปฐวีวางตัวผู้กำกับหนุ่มลงบนเตียงขนาดหกฟุต เปลือกตาปิดสนิทและเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอทำให้ปฐวีรู้ว่าชัยวัตรคงจะไม่ฟื้นคืนสติมาเร็วๆนี้แน่นอน เขาเดินเข้าไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำมาซับวงหน้าขาว ริมฝีปากบางเฉียบสีเข้มน่าลิ้มลองจนเขาอดใจไม่ไหวก้มลงไปดูดดึงสักทีให้หายหมั่นเขี้ยว มือหนาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก ผิวสีแทนติดเข้มของเขาตัดกับผิวของนายตำรวจหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด เขาเคยอ่านบทสัมภาษณ์ทางเพจเห็นว่าชายหนุ่มมีเชื้อสายทางเหนือทำให้แม้จะเรียนหรือจะออกฝึกตากแดดตรากตรำอย่างไรก็ไม่เคยดำได้นาน ตุ่มไตสีเข้มเริ่มแข็งเกร็งเนื่องจากอากาศเย็นเขาจึงรีบเช็ดตัวให้ แต่ทว่าเสียงร้องครวญครางของชัยวัตรทำให้เขาอดใจไม่ไหว ก้มลงไปละเลียดชิมยอดอกจิ้มลิ้มที่อยู่ตรงหน้า

“อื้อ อา” ยิ่งเมื่อเห็นนายตำรวจหนุ่มบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน ปฐวีก็ยิ่งได้ใจสลับไปดึงดูดยอดอกอีกฝั่ง แผ่นอกขาวสั่นสะท้าน แอ่นเกร็งไปทั้งตัว แก่นกายที่อยู่ในบ็อกเซอร์สีขาวอวบอูมจนปฐวีต้องกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ เจ้าตัวส่ายหัวเตรียมหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวให้

“ไม่ดิ้นสิครับ” ปฐวีสะดุ้งเมื่อมือขาวเข้าหมับเข้าที่เอวเขา “คุณวัตรเดี๋ยวผมจะต้องกลับแล้ว” ปฐวีแงะมือออกจากการเกาะกุม พรุ่งนี้เช้าเขามีแข่งกีฬามหาวิทยาลัยที่ต่างจังหวัด แต่คนที่ร้านไม่พอเขาเลยต้องมาช่วยงาน เสร็จธุระแล้วจึงต้องรีบกลับไปพักผ่อนและเตรียมร่างกายให้พร้อมแข่งขัน

“อยู่ด้วยกันก่อน ไม่อยากนอนคนเดียว” ชัยวัตรบ่นพึมพำก่อนจะซุกหน้าเข้าที่แผงอกของเด็กหนุ่ม ปฐวีตัวนิ่งเกร็ง หายใจเข้าออก พยายามสงบสติอารมณ์

ยุบหนอ... พองหยอ...

“โถ่ คุณวัตร” ปฐวีโอดครวญมองนาฬิกาแขวนผนังที่ชี้บอกเวลาตีหนึ่งกว่า “ผมตื่นไปแข่งไม่ไหวคุณต้องรับผิดชอบนะครับ”

“ฮื่อ” ร่างกายปราศจากเสื้อผ้าโผเบียดเขาแนบชิด กลิ่นน้ำหอมที่ติดตามผิวหนังทำให้คนนอนข้างๆเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอด “หนาว..”

ปฐวีตะแคงตัวมองใบหน้าชัยวัตรที่ยังหลับสนิท เขารู้สึกถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นเพราะเจ้าลูกชายที่นอนสงบนิ่งอยู่ในกางเกงเขาดันตื่นขึ้นมากะทันหัน เขาขบกรามแน่นพยายามดึงตัวเองออกมาจากชายหนุ่มโดยไม่ให้เจ้าตัวตื่น ชัยวัตรกระชับอ้อมกอดแน่น ใช้ช่วงขายาวพาดเขาประหนึ่งเป็นหมอนข้างประจำตัว ปฐวีจะไม่เครียดเลยถ้าขาวขาวๆนั่นไม่มาโดนเจ้าลูกชายเขาจนพองคับกางเกงยีนส์ปวดหนึบไปหมด

ปฐวีพลิกตัวขึ้นคร่อมก่อนจะกดจูบลงซอกคอ สูดดมกลิ่นกาย ขบเม้มเป็นรอยแดงจางๆ เนื่องจากผิวที่ขาวจัดทำให้มองเห็นชัดเป็นพิเศษ ชัยวัตรส่งเสียงอืออาแต่ก็ร่วมมือเป็นอย่างดี เขาจับช่วงขายาวแต่หนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนสุขภาพดีแยกออก ก่อนจะแทรกตัวเข้าไป..

คุณวัตรนะคุณวัตร ไม่รู้ด้วยแล้ว!




TBC

ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักของเค้าทุกคนเลยค่าา :กอด1:

 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-09-2017 15:03:06
พ่อสื่อโดนกินซะแล้ววววว :z1: :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: 1O019_ ที่ 22-09-2017 16:22:20
เอ้าวัตรโดนเองเลย 55555555
แซ่บบบ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 22-09-2017 16:39:16
อยู่ดีๆก็ได้ผัวเฉยยยยย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 22-09-2017 16:46:48
โอ้ยยยยฉาก ที่ครัววว  :impress2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 22-09-2017 21:13:26
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-09-2017 22:46:10
เดี๋ยวนะปฐวี นายแกล้งใสใช่มะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-09-2017 00:22:36
 :z1: เสร็จแน่ๆ  :z1:  :z1:  :z1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-09-2017 00:38:40
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-09-2017 00:41:55
จ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-09-2017 01:29:02
ดำเนินเรื่องปานเรือเหาะลำใหม่ ในกองทัพของผู้พันฉลาม ช้อบชอบ น้ำตาซึมตอนแรก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-09-2017 01:38:33
ขนาดนี้แล้วพี่ฉลามยังมาสงสัยอะไรอีกคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 24-09-2017 14:19:27
รอฉลามกินลูกเป็ด :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๖] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๒๒.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 25-09-2017 17:06:43
ซิสหายไปไหนกลับมาต่อนิยายเดี๊ยวนี้ มาไวไวนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๐๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 04-10-2017 23:03:48

ตอนที่ ๗

อากาศเย็นชื้นจากเครื่องปรับอากาศแตะผิวของนายตำรวจหนุ่มที่โผล่พ้นผ้าห่ม คิ้วบางขมวดมุ่นเมื่อแสงแดดยามเช้าส่องแยงตา เขากุมหัวพร้อมอาการปวดหัวจี๊ด รู้สึกหนักที่กลางลำตัวเหมือนถูกรัด ลมอุ่นเป่ารดหน้าทำให้ชัยวัตรค่อยๆเปิดเปลือกตา

หนัก..

ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มผิวเข้มคนหนึ่งกำลังนอนหลับตาพริ้มและกำลัง.. กำลัง..

กอด? กอดเขา?

“เหี้ยย! อะไรวะเนี่ย” เขาสลัดตัวออกจากอ้อมกอดจนเกือบผลัดตกเตียงคิงไซส์ ชายหนุ่มส่ายหัวช้าๆพยายามไล่เรียงเหตุการณ์เมื่อคืน เขาจำได้ว่าตัวเองนั่งดื่มกับเพื่อนที่บาร์ แล้วไหงตื่นขึ้นมากลับมีผู้ชายมานอนกอดเขาบนเตียงในห้องของตัวเองได้ ความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วช่วงล่าง ชัยวัตรตื่นเต็มตาทันที

“คุณวัตร..” เด็กหนุ่มสะลึมสะลือ มือหนารั้งเอวนายตำรวจให้เข้ามาใกล้ “นอนต่อเถอะครับ ยังเช้าอยู่เลย”

“ไอ้!” พูดได้แค่คำเดียว ใบหน้าชายหนุ่มก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “มึงทำอะไรกู”

“ทำ?” ปฐวีลุกขึ้นนั่ง มือซ้ายขยี้ตา เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนก็ปาไปตีสี่ ตอนนี้ลืมตาแทบจะไม่ขึ้น เรี่ยวแรงของเขาถูกผู้กำกับหนุ่มสูบไปทั้งคืน  “สามรอบครับ”

“อะไรนะ”

“เราทำกันไปสามรอบ” ปฐวีเกาหัวแกรก “ถ้าผมไม่กอดคุณไว้จนหลับ มีหวังได้ต่อรอบที่..”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้!” ชัยวัตรเบิกตาโพลง อาการปวดร้าวเหมือนร่างกายจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ คือคำตอบทั้งหมดของเหตุการณ์เมื่อคืน “ไสหัวออกไปจากห้องกู” เขาพยายามขยับตัวไม่ให้สะเทือนไปยังเบื้องล่าง สองแขนที่ยังว่างหยิบเอาเศษซากเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ของเขาโยนออกไปทางประตู

“อย่าโยนครับคุณวัตร” ปฐวีคว้ากางเกงเอาไว้ได้ทันแต่กระเป๋าเงินและบัตรสำคัญร่วงกราวเต็มที่นอน “มีอะไรค่อยพูดค่อยจาสิครับ”

“กูจะแจ้งความ กูจะแจ้งตำรวจ”

“ใจเย็นครับคุณตำรวจ” ปฐวีหลุดขำ เหมือนเจ้าตัวจะโมโหจนหน้าแดงก่ำจนลืมไปว่าตัวเองนั่นแหละเป็นตำรวจ “ผมยินดีอธิบายเรื่องราวทั้งหมด”

“กูไม่ฟัง”

“คุณวัตร”

“เสียแรงที่กูสงสาร ไอ้เด็กเวร!”

“ผมยินดีรับผิดชอบ” เด็กหนุ่มกุมมือของชัยวัตรที่กำแน่น เขากำลังโมโห เขากำลังโกรธ ปฐวีไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจให้ดีถึงได้ทำให้ชัยวัตรไม่พอใจ “ผมขอโทษ”  ชัยวัตรไม่ตอบ หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยช้าๆ เด็กหนุ่มตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

“โคตรเจ็บเลย” ชัยวัตรปาดน้ำตา “ใครจะไปรู้ว่าแม่งจะเจ็บแบบนี้”

“ผมขอโทษ.. คุณวัตร”

“ไปไกลๆตีนกูเลย”

“ให้ผมช่วยนะครับ” ปฐวีจะเข้าไปประคองแต่ก็โดนผลักออกมา “ผมจะพาคุณไปเอาออก”

“นี่มึงไม่ใส่ถุง?” นายตำรวจหนุ่มอ้าปากค้าง รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแต่ก็ไม่สามารถจะขยับเขยื้อนตัวได้มาก

“ขอโทษครับ” ปฐวีไม่กล้าสบตาชายหนุ่มที่กำลังโมโห มือหนาเอื้อมไปแตะผิวขาวเนียนที่เขากกกอดอยู่ทั้งคืน กลับพบว่ามันร้อนผ่าวเหมือนไฟสุม “คุณวัตร..”

“ไม่ต้องมายุ่ง!”

“เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้” เด็กหนุ่มผละจากชัยวัตรที่นั่งอยู่บนเตียง หายไปในห้องน้ำสักครู่ก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็ก ซับผ้าบิดหมาดๆแตะแผ่วเบาไปทั่ววงหน้าขาว เขาบังคับให้ชัยวัตรสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น เจ้าตัวไม่มีแรงแม้แต่จะโวยวายเพราะอาการไข้ เด็กหนุ่มจึงเข้าครัวลงมือทำข้าวต้มหมูร้อนๆให้คนป่วยทาน

“ที่คอนโดคุณวัตรไม่มียาเลยหรือครับ” เขาหาตู้ยาเผื่อว่าชัยวัตรจะเก็บพวกยาแก้ปวดลดไข้เอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ

“ไม่จำเป็นต้องใช้”

“แต่ตอนนี้จำเป็นครับ” เขาคว้ากุญแจห้อง เมื่อคืนตอนมาส่งชัยวัตรเขาสังเกตว่าเดินไปอีกซอยจะมีร้านสะดวกติดกับร้ายขายยาอยู่ “นอนพักนะครับ ผมจะรีบมา”

“จะไปไหนก็ไป”

“ผมปล่อยให้คนป่วยอย่างคุณอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกครับ”

“ตื่นมาก็หาย มึงซื้อมาก็เท่านั้น” ชัยวัตรปรือตามอง อาการปวดหัวเริ่มรุนแรงมากขึ้นจนเขานิ่วหน้า “กูไม่กิน ไม่ต้องมายุ่งกับกู”

“หรือว่าคุณไม่ชอบกินยา” ปฐวีครุ่นคิด “อย่างนี้นี่เอง”

“ออกไปได้แล้ว!”

“ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มยิ้มหวานมองคนบนเตียงด้วยแววตาละมุน “ตอนเด็กๆน้องสาวผมไม่ชอบกินยา ผมก็เอายาเม็ดมาบดละลายน้ำให้ประจำ”

“กู-ไม่-แดก!!!”

ปฐวีรีบหมุนตัวออกมานอกห้องได้ทันก่อนหนังสือประมวลกฎหมายอาญาเล่มหนาของคุณตำรวจจะลอยมาปะทะกับประตูโครมใหญ่ ในฐานะนักศึกษาคณะนิติศาสตร์เขารู้สึกเสียดายหนังสืออยู่เหมือนกัน ขนาดป่วยจนแทบจะเดินเหินไม่ได้ยังฤทธิ์เดชขนาดนี้ ฉับพลันก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ รีบลงลิฟต์ไปทันที

กว่านายตำรวจหนุ่มจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็น ระหว่างที่รอชายหนุ่มตื่นปฐวีเลยถือโอกาสทำความสะอาดคอนโดให้ รวมไปถึงซักผ้า รีดชุดเครื่องแบบ ที่ค้างเติ่งอยู่ในตะกร้า

“ทำไมยังไม่กลับไปอีก”

“วันนี้ผมลางานครับ”

“แล้วไม่มีเรียน?”
“ช่วงนี้มหา’ลัยปิดเรียนเพราะมีงานกีฬามหา’ลัยครับ” เด็กหนุ่มจัดแจงแกะซองยาและเทน้ำเปล่าใส่แก้ว “อยากรู้เรื่องของผมมากขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“เออ จะได้ลากเข้าซังเตถูก” เด็กหนุ่มได้ยินก็หัวเราะร่วน ชัยวัตรเห็นก็เริ่มจะอารมณ์เสีย “ช่วยกลัวกูหน่อยได้ไหม”

“กลัวแล้วครับกลัวแล้ว”

“กวนตีน” 

”ถ้าไม่เป็นห่วงผมคงไม่มานั่งเฝ้าคุณวัตรแบบนี้หรอก”

“กูขอมึงหรือไง”

“ผมเต็มใจ”

“งั้นช่วยออกไปจากห้องกู”

“ไม่ไปครับ” ปฐวียื่นยาให้นายตำรวจหนุ่ม “จนกว่าคุณวัตรจะยอมทานยา”

“เออ ได้!” ชัยวัตรรับยาพาราเม็ดสีขาวมาไว้ในมือ มองอย่างชั่งใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากกินแต่เขาเกลียดการกินยามากที่สุด! สมัยที่เขายังอยู่ชั้นประถมฯ เขาชอบเล่นซนและจะไม่สบายบ่อยมาก ทำให้เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาหัดลองทานยาเม็ดแล้วเม็ดยาติดคอ เล่นเอาเขาเกือบตาย หลังจากนั้นเด็กชายชัยวัตรก็ไม่เคยเล่นซนจนไม่สบายอีกเลย คนเรามันก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบกันทุกคนนั่นแหละ

   “เร็วสิครับ”ปฐวีนั่งมองอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็นายตำรวจหนุ่มนั่งจ้องเม็ดยามาร่วมห้านาทีแล้ว “หรือจะให้ผมละลายน้ำให้”
“ไม่!” ชัยวัตรกลั้นใจหย่อนเม็ดยาใส่ปาก ทันทีที่แตะกับลิ้นรสชาติขมปร่ากระจายทั่วปากจนเขารู้สึกอยากอาเจียน แก้วน้ำเปล่าถูกส่งมาจากเด็กหนุ่มตัวโต เขารับมาดื่มอยู่นานกว่าจะทำให้เม็ดยาลงคอไปได้

“เก่งมากครับ”

“รีบๆกลับบ้านไปได้ละ”

“ขอผมเช็ดตัวให้คุณอีกรอบแล้วผมจะกลับ”

“ได้คืบจะเอาศอก ไอ้เด็กนี่!”

“ให้ผมได้ดูแลคุณเถอะนะครับ”

เพราะเป็นสิ่งเดียวทีผมจะทำให้คุณได้..
.
.
.
รถทัวร์ติดเครื่องปรับอากาศสองชั้น แล่นเข้าจอดหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบฯ บรรยากาศโดยรอบไม่ร้อนอบอ้วนจนเกินไป ตัวรีสอร์ทติดชายทะเลเหมาะแก่การมาพักผ่อนทำกิจกรรม เหล่าเฟรชชี่กึ่งลากกึ่งจูงกระเป๋าลงมาจากรถ มุจลินท์หอบหิ้วสัมภาระตนเองเอาไว้พลางสอดส่องซึมซับบรรยากาศโดยรอบ เป็นเวลาสองวันสามคืนที่พวกเขาเหล่าตัวแทนคณะต่างๆต้องเข้าร่วมกิจกรรมและซักซ้อมการแสดงเพื่อเข้าร่วมการประกวดของมหาวิทยาลัยในสิ้นเดือนนี้ 
     
 “มานี่มา.. พี่ช่วย” ชวิศที่ขับรถตามมาถึงทีหลังเพราะเขาไม่ยอมนั่งรถมาด้วย อันที่จริงเขาแค่ไม่อยากถูกมองด้วยสายตาแปลกๆจากพวกผู้หญิงที่มาเข้าร่วมกิจกรรมก็เท่านั้น “หนักไหมเนี่ย”

“ไม่เป็นไรครับพี่” มุจลินท์ดึงกระเป๋าเป้ออกมาจากมือรุ่นพี่ก่อนจะสะพายขึ้นหลังอย่างสบายๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่อ่อนปวกเปียกทำอะไรเองไม่ได้เสียหน่อย “เดี๋ยวผมไปเข้ากลุ่มก่อนนะครับ” ชวิศพยักหน้าก่อนมองตามหลังเด็กหนุ่มตาละห้อย เขาอุตส่าห์หาเวลาเพื่อที่มาใกล้ชิดรุ่นน้องที่เขาหมายตาเอาไว้ แต่ดูเหมือนแผนที่วางไว้จะพังไม่เป็นท่า แต่ไม่เป็นไรยังมีเวลาอีกเกือบสามวันที่เขาจะได้ใกล้ชิดกับมุจลินท์ให้มากกว่านี้

รุ่นพี่ที่เป็นสต๊าฟจัดเตรียมป้ายชื่อสวมคอให้กับน้องเฟรชชี่ ในป้ายระบุชื่อเล่น ชั้นปีและคณะสังกัด ป้ายแต่ละคนจะมีสีแบ่งกลุ่มคละเคล้ากันไป เขาแทบกั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อเห็นป้ายชื่อลายดอกไม้สีชมพูเด่นหราบนคอของชวิศ ส่วนคนที่โดดเด่นอีกคนหนึ่ง.. เมฆา เดือนคณะนิติศาสตร์ ได้สีฟ้าเป็นรูปปลาโลมา ส่วนของเขาเป็นสีเขียวรูปกบน้อยเคโระ

           น้องปี1ถูกแบ่งแถวเป็นชายและหญิงโดยมีรุ่นพี่แจกหลอดให้คนละอัน ซึ่งแต่ละคนจะได้หลอดขนาดไม่เท่ากัน หลังจากที่พากันร้องเพลงเต้นสันทนาการกันพอหอมปากหอมคอ และแนะนำตัวให้เพื่อนๆต่างคณะได้รู้จักกัน

“เดี๋ยวจ้า เกมส์ยังไม่หมดนะคะ” พี่ชมพูรุ่นพี่คณะศิลปศาสตร์คว้าไมค์จากพี่เหน่งพร้อมทั้งชูหลอดอันเล็กๆที่แจกให้ทุกคนในตอนแรก “เรายังเหลืออีกเกมค่ะ เดี๋ยวให้น้องๆจัดแถวนะคะ” แถวถูกแบ่งเป็นชายหญิงตั้งแต่แรกอยู่แล้วจึงไม่เสียเวลามากนัก “พี่จะให้หนังยางแถวละ1เส้นนะคะ โดยให้น้องๆส่งหนังยาง1วงนี้ผ่านหลอด” พี่ชมพูคาบหลอดไว้ที่ปากก่อนจะวางหนังยางเอาไว้แล้วยื่นหน้าไปหาพี่เหน่งที่คาบหลอดไว้เหมือนกัน

ทุกคนส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นว่าเกมส์เล่นอย่างไร มุจลินท์มองซ้ายมองขวา แถวเขาเป็นผู้ชายทั้งหมด ตัวเขาเองจึงไม่รู้สึกประหม่าสักเท่าไหร่ ชวิศที่ยืนอยู่นอกแถวเดินเข้ามาซ้อนหลัง

“พี่เล่นด้วย” ชวิศยิ้มกริ่มในมือมีหลอดดูดน้ำที่ตัดไว้เรียบร้อยแล้ว “เอาหลอดใส่ไว้ในปากสิวะ” เขาเสียบหลอดเข้าไปในปากลูกเป็ดที่กำลังมึนงง ก่อนจะค่อยๆประคองหลอดที่มีหนังยางเข้ามาเกี่ยวกับหลอดในปากของเด็กหนุ่ม ลมหายใจอุ่นร้อนผะแผ่วแนบชิด ชวิศเอียงคอขยับให้ถนัดก่อนจะสอดมือหนาเข้าที่ท้ายทอย มุจลินท์มึนงงไปกับสัมผัสรวมไปถึงกลิ่นน้ำหอมที่กำจายออกมาจากร่างสูง เด็กหนุ่มไม่ทันพูดอะไรก็มีคนหมุนไหล่ให้เขาหันไป ชายหนุ่มร่างสูงอีกที่อยู่ด้านหน้าต้องย่อเข่าก้มลงมารับหนังยางจากเขา จมูกโด่งเป็นสันเขี่ยกับแก้มเขาแผ่วเบาเพราะหลอดของคนตรงหน้าสั้นมากจนต้องยื่นเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม

“อื้อ” เขาเกร็งปากแน่นอีกนิดเดียวจะส่งได้อยู่แล้วแต่หนังยางดันหล่นลงพื้นเสียก่อน “เฮ้ย”

“ทีมเดือน แพ้แล้วนะคะ” พี่ชมพูประกาศก่อนเสียงวี้ดว้ายจะดังขึ้นอีกระลอก เด็กหนุ่มหน้าเสียที่ทำให้ทีมตัวเองแพ้ “ทีมที่แพ้จะโดนเต้นเพลงฮิปโปค่า”

“มึงจะถอยหนีทำไม” เขาเงยหน้ามองชายหนุ่มเสื้อยืดสีเทาที่มีข้อความสกรีนบนเสื้อว่า HELP ME ตรงหน้าเขาคือชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่สูงกว่าเขาเกือบสิบเซ็นติเมตร คิ้วเข้มหนาที่พาดอย่างพอเหมาะพอเจาะ รับกันดีกับดวงตาคมดุสีดำสนิท โครงหน้าสันกรามชัดเจน หน้าตาเหมือนพระเอกละครไทยที่ยายชอบดูจนเขาเผลอมองอย่างลืมตัว “ทีมแพ้เลยเห็นไหม”

“ขอโทษๆ” เขาพูดเสียงอ่อย “ตื่นเต้นไปหน่อยว่ะ”

“เออ” กรวิชญ์หันหลังกลับไปเข้าแถวเหมือนเดิมเพื่อเตรียมตัวโดนบทลงโทษจากรุ่นพี่ “กูชื่อเกี๊ยม รัฐศาสตร์ ปกครอง ปี1” ชายหนุ่มหันมาแนะนำตัวเองก่อนจะขยี้หัวเขาหนึ่งทีแล้วรีบหันกลับไปเหมือนเดิม

“กูชื่อลินท์ สังเคราะห์ ปี1 ”เขาลูบผมที่ยุ่งให้เข้าที่แอบจิ๊ปากใส่คนข้างหน้าที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ชวิศแอบส่งสายตาให้เขาสนใจพี่ชมพูที่กำลังพาเต้นสันทนาการ เขาเต้นจนเหงื่อซ่ก เสื้อยืดแนบลู่ไปกับผิวรู้สึกเหนียวตัวไปหมด 

“วันนี้เราจะแบ่งกิจกรรมเป็นสองส่วนนะคะ” รุ่นพี่ชายหนุ่มมาดแมนแต่เสียงประหนึ่งสาวน้อยบอบบาง โบกมือให้น้องๆที่กำลังยืนงุนงงหลังจากเต้นเสร็จเข้ามารวมแถว “น้องผู้ชายฝั่งนี้นะคะ ชะนีไปทางนู้นค่ะ” ทุกคนขำพรืด รีบเข้าแถวกันเป็นระเบียบเรียบร้อย

“พี่ชื่อซันนี่นะคะ ปี4 คณะสถาปัตยฯค่า และชะนีอวบอ้วนข้างๆพี่คือพี่มินนี่ ปี4 จากคณะทันตแพทย์ฯค่า เอ้าปรบมือออออออ”

“พี่มินนี่นะคะน้องๆ กิจกรรมแรกหลังจากที่เราทำความรู้จักกันไปแล้ว เราจะมาแบ่งกลุ่มถ่ายรูปเพื่อเป็นรูปโปรไฟล์ในการโปรโมทงานประกวดและสำหรับโหวตตำแหน่ง popular vote นะคะ”

“ธีมในการถ่ายรูปครั้งนี้คืออะไรคะพี่มินนี่” พี่ซันนี่จ่อไมค์ไปให้อีกฝั่ง พี่มินนี่ชูกล่องสีส้มอ่อนขึ้นสูง

“เดี๋ยวจะให้น้องๆมาจับฉลากเลือกธีมจากในกล่องที่มือพี่นะคะ ปีนี้เรามีหลายธีมด้วยกัน ส่วนจะมีธีมอะไรบ้างนั้น.. เอ้าน้องคนแรก” พี่มินนี่ยื่นกล่องให้ผู้หญิงเลือกก่อนและคอยประกาศ หลังจากนั้นให้พี่เลี้ยงต้อนน้องๆเข้าที่พักเพื่อเตรียมตัวถ่ายในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า

“น้องเมฆ ธีมเจ้าชายค่า กรี้ด พี่ขอเป็นเจ้าหญิงนะคะ” พี่ซันนี่ไม่พูดเปล่าเอาตัวเข้าไปถูไถเมฆาที่กำลังทำหน้าเอือม “ต่อมาน้องเกี๊ยม ธีมนักกีฬาค่า โอ้ย อยากออกกำลังกายจุงเบยย”

“น้องทัวร์ ธีมเจ้าชายเช่นกันค่า” เสียงเฮของรุ่นพี่ทำเอารุ่นน้องที่นั่งอยู่หายใจหายคอไม่ค่อยคล่อง มุจลินท์ลุกขึ้นไปล้วงใน
กล่องเจ้าปัญหานั่น ล้วงไปล้วงมากลั้นใจหยิบมาหนึ่งอัน “เอ๋ ธีมนี้ใครเป็นคนคิดคะ” พี่ซันนี่สะกิดพี่มินนี่ให้เข้ามาดูแผ่นกระดาษ
 
 “น้องลินท์ ได้ธีม Sexy boy ค่ะ!” เขาอึ้ง รู้สึกมือไม้เย็นเยียบขึ้นมากะทันหัน

“จริงๆถ่ายกับผมก็ได้นะ” เสียงทุ้มมาพร้อมกับร่างสูงที่เดินฉีกยิ้มเข้ามาใกล้ เขารู้สึกเหมือนเห็นเทวดาลงมาโปรด

เกี๊ยม..

“ธีมนักกีฬาก็ดีครับ” มุจลินท์ตอบ เขาไม่อยากเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้ใครมาจ้องเขามากนัก “ผมจะได้มีเพื่อนถ่ายด้วย”

“แล้วกีฬาอะไรคิดไว้หรือยัง” พี่มินนี่ถาม ทำหน้าเสียดายเมื่อเห็นว่าธีม sexy boy ที่เธอแอบเขียนใส่ไว้ในกล่องไม่มีใครได้ไป
กรวิชญ์จุดยิ้มพลางใช้ท่อนแขนหนาพาดเข้าที่ไหล่ลาดบางของลูกเป็ด “กีฬาว่ายน้ำครับพี่”

มุจลินท์นึกถึงผู้ชายรูปร่างดีมัดกล้ามเป็นสัดส่วนพร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ อวดสรีระสมชาย กางเกงว่ายน้ำตัวจ้อยที่รัดรึงจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน เขาก็อ้าปากค้าง

“....”

“เป็นอันตกลงตามนี้!” พี่ซันนี่ยิ้มแฉ่งจดชื่อเขาลงในกระดาษเรียบร้อย

“เดี๋ยวพี่!”

ขอถอนคำพูด มึงมันซาตานชัดๆ ไอ้เกี๊ยม!

หลังจากพักรับประทานอาหารในตอนเที่ยงและแยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระในแต่ละห้องแล้ว พี่ซันนี่และพี่มินนี่ได้แบ่งกลุ่มเพื่อที่จะนำน้องไปถ่ายรูปโปรไฟล์ กลุ่มชายหญิงถูกแยกออกจากกันและจะมาถ่ายรวมกันในช่วงบ่ายสองโมง หลังจากแบ่งกลุ่มเสร็จเรียบร้อย คอสตูมก็เริ่มเข้ามาจับจอง ทาบชุดกับเรือนร่างนางแบบนายแบบจำเป็น โดยแต่ละชุดได้มาจากการออกแบบของนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาแฟชั่นดีไซน์ ยิ่งได้ดาวและเดือนในแต่ละคณะมาเป็นแบบ ยิ่งทำให้ว่าที่ดีไซเนอร์เกิดประกายความคิด ชุดและเสื้อผ้านับร้อยถูกขนมาเรียงให้พี่เลี้ยงช่วยเลือก ไวเท่าความคิดพี่เลี้ยงแต่ละคณะก็กรูกันเข้ามาช่วยเลือกด้วยความรวดเร็วเพื่อให้คณะตัวเองออกมาดูดีที่สุด

ไอ้ชุดว่ายน้ำของเขานี่จะทำอย่างไรดี..

“อันนี้ใช้ได้หรือเปล่า” พี่เต็มรุ่นพี่คณะที่เป็นพี่เลี้ยงของเขาส่งชุดว่ายน้ำ body suit แบบเต็มตัวสีดำสนิท ผ้าเนื้อลื่นแขนยาวขายาวมีซิบรูดตรงด้านหน้า เขารับมาพิจารณา หมุนซ้ายหมุนขวาเมื่อเห็นว่าชุดแทบจะปิดไม่ให้กายเนื้อได้เล็ดรอดออกมาพบแสงแดดซึ่งมันเหมาะกับเขาเป็นอย่างมาก

“ใช้ได้เลยพี่เต็ม” รุ่นพี่ส่งถุงให้เขาข้างในมีอุปกรณ์ดำน้ำ สน็อกเคิลสีเหลืองสดใส แว่นตาว่ายน้ำ ตีนกบสีดำ เขางุนงงยืนบื้อใบ้ไปชั่วขณะ หอบหิ้วถุงเดินเข้าไปในห้องน้ำ

หลังจากลองชุดเสร็จเรียบร้อย เขาก็รีบไปห้องเก็บตัวที่พี่เต็มได้จองไว้ ภายในห้องมีโซฟายาวสีดำ ฉากกั้นสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและสต๊าฟที่เป็นช่างแต่งหน้ากำลังง่วนหยิบอุปกรณ์เนื้อครีมต่างๆปาดป้ายเกลี่ยละเลงไปบนหน้าผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ

“พี่ชมพู ผมขอบางๆนะ” เจ้าตัวหลับตาปี๋ในขณะที่หญิงสาวร่างเล็กกำลังบรรจงตวัดดินสอเขียนคิ้วอย่างเชี่ยวชาญ ส่วนพี่เต็มนั่งมองเขาคอยถ่ายรูปเขาสลับกับกดโทรศัพท์ ส่วนอีกฟากของห้องยังมีอีกเพื่อนอีกสองสามคนที่กำลังแต่งหน้ารอเข้าฉากถ่ายรูป

“บางแน่ค่ะ พี่ขอเติมลิปกลอสนิดนึง” หล่อนคุ้ยกระเป๋าเครื่องสำอาง “น้องลินท์ปากสวยมาก ทาลิปแล้วน่าจูบมากค่ะ” มุจลินท์รีบหยิบกระจกมาดู เห็นริมฝีปากเขามันเลื่อมแวววาว ได้แต่นึกสงสัยว่ามันดูดีตรงไหน 

เหมือนไปกินไก่ย่างมากกว่านะครับพี่


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 04-10-2017 23:12:32
(ต่อจากด้านบน)

สระว่ายน้ำกลางแจ้งภายในบริเวณรีสอร์ทถูกเซ็ทให้เป็นฉากเพื่อเตรียมการถ่ายรูป โซนนี้ถูกกันเอาไว้อย่างแน่นหนาไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาได้ กรวิชญ์ใช้เวลาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในธีมของตัวเองไม่นาน ชิ้นผ้าบนร่างเขามีแต่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นเนื้อผ้าลื่นแนบสนิทไปกับสรีระ มัดกล้ามเต่งตึงเปิดเผยร่างกายให้สต๊าฟอยู่ในบริเวณนั้นได้ลอบมอง หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าว ส่วนผู้ชายด้วยกันเองยังแอบมองด้วยความอิจฉา

“น้องเกี๊ยมคะ” หญิงสาวรูปร่างบอบบางเดินตรงปรี่เข้ามาพลางยื่นขวดน้ำให้ชายหนุ่ม หล่อนทำใจกล้าเพื่อหาโอกาสในการใกล้ชิดกับกรวิชญ์ “ตอนนี้ร้อนมากเลยเอาไว้ดื่มก่อนนะ”

กรวิชญ์พยักหน้าขอบคุณไม่ได้สนใจผู้หญิงตรงหน้าที่ชวนคุยมากนัก เขากำลังมองหาคนที่จะมาถ่ายรูปพร้อมกันกับเขามากกว่า
 
 “กูมองไม่ออกเลยว่าเป็นมึง” พี่เต็มเดินรอบตัวเขา “เวลาถ่ายนี่มึงถอดสน็อกเคิลด้วยนะ” มันหมายถึงเครื่องช่วยหายใจที่มีช่องให้ใช้ปากงับมีท่อยื่นออกมาเหนือน้ำ เป็นอุปกรณ์สำหรับไว้ดำน้ำบนผิวน้ำเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเวลาสวมมันก็ปิดบังไปครึ่งหน้าแทบมองไม่ออกว่าเป็นใคร

“แต่ผมชอบแบบนี้นะ” มุจลินท์หัวเราะร่วน วิ่งเหยาะกับพื้นโชว์รองเท้าตีนกบ

“ไอ้สัด ชุดมึงนี่มันแหกคอกจริงๆ นี่มึงมาประกวดเอาชนะหรือเอาฮาวะ” พี่เต็มส่งน้ำเปล่าให้เขาดื่มก่อนจะเตรียมเข้าไปบรีฟงานกับช่างภาพ ทันทีที่เขาเดินเข้าไปถึงทุกสายตาก็จับจ้องมายังเขาสลับกับกรวิชญ์

ช่างภาพที่เตรียมมาเป็นเด็กคณะวารสารศาสตร์ ตัวสูงกว่าเขาหลายคืบ สวมหมวกปีกว้างบดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง แถมยังสวมแมสปิดปากอีก เหมือนเขาคุยกับสายลับอย่างไรอย่างนั้น

“เดี๋ยวให้เกี๊ยมถ่ายก่อนนะ” ช่างภาพหันไปพยักเพยิดกับกรวิชญ์และสต๊าฟอีกคน เขานั่งมองกรวิชญ์ที่กำลังจัดท่าทางอย่างสบายๆ ไม่ว่าจะถ่ายท่าไหนก็ดูเป็นธรรมชาติ หยดน้ำเกาะตามเนื้อกายไล้ไปตามผิวคร้ามแดด ดวงตารีสีดำสื่ออารมณ์เจ้าเล่ห์ ทำเอาสาวน้อยที่อยู่บริเวณนั้นหน้าแดงกันไปตามๆกัน

แชะ
แชะ


กรวิชญ์ใช้เวลาถ่ายไม่นาน มุจลินท์ก็โดนเรียกเข้าฉาก เขาต้องลงไปในสระว่ายน้ำครึ่งตัว ถัดจากกรวิชญ์แล้วมาถ่ายเขาต่อเรียกได้ว่าเปลี่ยนอารมณ์อย่างสิ้นเชิง ชุดที่คลุมไปทั่วร่างแทบจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เขาลองว่ายน้ำดำผุดดำว่ายอยู่นานสองนาน ก็ไม่เห็นช่างภาพจะพูดอะไรเอาแต่ถ่ายเขาไปเรื่อยๆ

แชะ
แชะ


“ผมขอถอดออกนะ” เขาถอดสน็อกเคิลออกสะบัดหัวไล่หยดน้ำที่เกาะหัวสองสามที “มันมองไม่เห็นอะไรเลยน่ะครับ” เขาบ่นอุบ แสงแดดปะทะกับหยดน้ำเป็นเม็ดพราวระยิบแสบตาบวกกับวงหน้าหวานทำให้คนที่มองแทบจะลืมหายใจ

แชะ
แชะ


 “เดี๋ยวผมช่วยจัดท่าให้ลินท์เอง” เป็นกรวิชญ์ที่ยืนมองอยู่นานแล้ว เขาคิดว่าคงเป็นเพราะคนหน้าหวานจัดท่าทางไม่เก่งจึงไม่ได้รูปเสียที เขาเลยอาสามาช่วย เขาลงไปสระทั้งชุดเดิม ลูกเป็ดยืนงงมองคนที่ว่ายน้ำเข้ามาหา “เข้ามาใกล้ๆสิ”

“ได้ๆ” กรวิชญ์เข้ามาใกล้ใช้มือหนาเชยคางเขาขึ้น นิ้วโป้งลูบไปยังริมฝีปากบางแวววางน่าจุมพิตนั่น มุจลินท์รู้สึกหมดความมั่นใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องปากเขา

“กูไม่ได้จะว่าอะไรแค่จะบอกว่า..” กรวิชญ์ก้มลงไปกระซิบข้างหู “มึงน่าจูบมาก”

เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สมองตื้อชั่วครู่อยู่ดีๆก็มีคนมาบอกเขาว่าปากน่าจูบ ใบหน้าขาวที่แดงก่ำเพราะแสงแดดกลับแดงระเรื่อขึ้นอีกหลายส่วน มือไม้เก้งก้างไม่รู้จะไปวางตรงไหน กรวิชญ์กลั้นขำเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของคนตรงหน้า เขาเอื้อมมือไปรูดซิบตรงชุด body suit ลง ทันทีที่รูดจนสุดผิวเนื้อขาวนวลเนียนก็ปรากฏแก่สายตาทุกคน

“มีของดี มึงก็ต้องโชว์บ้าง”
.
.
.
ครืด ครืด

มุจลินท์หยิบมือถือสีดำยี่ห้อแอปเปิ้ลรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาจากกระเป๋ากางเกง ชลธีให้เขาไว้ใช้ติดตัวเพื่อจะติดต่อได้สะดวก เดิมทีเขาใช้แค่ซัมซุงฮีโร่เครื่องละแปดร้อยกว่าบาทก็หรูแล้ว แต่ชลธีบอกกับเขาว่าจะซื้อเครื่องใหม่เลยจะยกเครื่องนี้ให้เขาแทน ให้เขารับเฉยๆก็ดูแปลกเกินไป จึงขอให้หักไปในเงินเดือนของเขาเลย

“อาลีนนนนน”ทันทีที่กดรับสาย เสียงหวานเจื้อยแจ้วก็ดังมาก่อนใคร “อ๊ะ ป๊า ทำไมเกอร์ไม่เห็นหน้าอาลีนอะ” เขาหลุดขำก่อนจะกดปุ่มวิดีโอคอลเพื่อให้เห็นหน้าอีกฝั่งได้

“สวัสดีครับคนเก่ง” เด็กชายไทเกอร์ใบหน้าเต็มจอกำลังใช้แก้มย้วยถูไถกับโทรศัพท์ “เลิกเรียนแล้วหรือครับ”

“เลิกแล้วครับอาลีน” เด็กอ้วนใช้สองมือประคองโทรศัพท์ของคุณพ่อ ”วันนี้ป๊าพาไปเที่ยวด้วยครับ”

“ไปเที่ยวไหนกันหรือครับ”

“ต้ะเลลลลลลล” เด็กอ้วนอ้าปากกว้างโบกไม้โบมือพยายามอธิบายว่าทะเลมันกว้างขนาดไหน “อยากให้อาลีนมาด้วยจัง”

“เที่ยวเผื่ออาลินท์ด้วยนะครับลูก”

“ไม่เอา เกอร์จะให้อาลีนมาด้วย” ไทเกอร์หันไปขอความช่วยเหลือจากป๊ะป๋าที่กำลังขับรถอยู่ “ป๊า เราไปรับอาลีนมาเที่ยวด้วยกันได้ไหมฮะ”

“นั่งเฉยๆสิเกอร์” ชลธีโผล่หน้าเข้ามาในจอ ส่งยิ้มหวานฉ่ำพาลให้คนมองอีกฟากของมือถือยกยิ้มขึ้นไม่รู้ตัว “ป๊ากำลังจะไปรับอาลีนให้ไงครับ”

“หือ” มุจลินท์ชะงัก “พี่จะมารับลินท์หรือ”

“ใช่” เขาจุดยิ้มเรียกคะแนนเต็มที่ เรื่องอะไรจะปล่อยปลาย่างไว้กับแมวเจ้าเล่ห์อย่างชวิศ เขาจึงตัดสินใจพาลูกชายและคุณยายไปพักผ่อนโดยเลือกจังหวัดที่มุจลินท์ไป “พี่พาคุณยายมาเที่ยวกับเราด้วย ลินท์ต้องไม่อยากพลาดแน่ๆ”

เมื่อพูดถึงคุณยาย เด็กชายจ่อมือถือไปทางด้านหลัง เห็นคุณยายสมใจครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวนั่งพิงเบาะอยู่ มีหมอนรองคอ และผ้าห่มผืนบางให้คุณยายแก้หนาว มุจลินท์รู้สึกตื้นตันในอก จะมีเจ้านายที่ไหนจะดูแลขนาดนี้

“พี่ฉลามระวังคุณยายเมารถนะครับ” เขารู้ว่ายายไม่ค่อยได้เดินทางไปไหน แค่ขึ้นรถเมล์ยังไปไม่ค่อยถูกเลย เขาจึงค่อนข้างเป็นห่วงสุขภาพคุณยายเป็นพิเศษ

“พี่ให้คุณยายทานยาแก้เมารถแล้ว” เขาชะโงกหน้ามาทางโทรศัพท์ที่ลูกชายตัวแสบถือ หน้าเขาเลยสั่นไปตามแรงเคลื่อนของรถและเจ้าตัวแสบที่ขยับไปมา “ยาดม ยาหม่อง พร้อม”

“ขอบคุณนะครับพี่”

“คุยกับใครน่ะลินท์” ชวิศออกมาจากห้องน้ำ ผ้าขนหนูสีขาวสะอาดปกปิดท่อนล่างหมิ่นแหม่ หยดน้ำใสเกาะไปตามผิวเนียน รูปร่างสมส่วนกำยำสมกับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย เขายืนเช็ดผมที่เปียกชื้นอยู่หน้าห้องน้ำ   

“ลินท์คุยกับ..”

“ป๊า! มีผู้ชายแก้ผ้าอยู่กับอาลีนนนนน”

“เกอร์!” เขาหันไปร้องเรียกเด็กแสบที่กำลังฟ้องคุณพ่อ ชลธีหันมามองขวับก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “เดี๋ยวนะครับเกอร์ เอ่อ พี่ฉลาม ห้องน้ำพี่เขาน้ำไม่ไหลเลยมาอาบห้องผมน่ะ” อันที่จริงชวิศพยายามจะขอมานอนกับเขาโดยอ้างว่าห้องตัวเองน้ำไม่ไหล จนเพื่อนที่ได้นอนห้องเดียวกับเขาขอย้ายไปนอนห้องอื่นแทน

 “งั้นหรือ”

“จริงๆนะครับ” แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกร้อนๆหนาวๆกับสายตาที่ส่งมาด้วยเล่า “งั้นเดี๋ยวลินท์จะออกไปรอข้างนอก”

“ลินท์ จะไปไหน?” ชวิศร้องเรียก เมื่อครู่เหมือนเขาจะได้ยินว่ามุจลินท์คุยกับใครอยู่ “รอพี่แต่งตัวแปบ ไปกินข้าวกัน”

“เอ่อ คือพี่ชุ” เขาอ้ำอึ้งทว่าปลายสายที่เงียบไปยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจ “ผมจะขอออกไปทำธุระ กลับค่ำหน่อยนะพี่”

“อ้าวเห้ย!” จบประโยคมุจลินท์ก็หมุนตัวออกจากห้องไป ทิ้งให้ชวิศขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจไม่น้อยที่ปล่อยให้เหยื่อหลุดรอดไป

ไม่เป็นไร.. คืนนี้ยังอีกยาวไกล

ชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ จัดการสวมใส่เสื้อผ้าฉีดน้ำหอมจนหอมกรุ่นก่อนจะออกจากห้องไป

ท้องฟ้าสีเหลืองอมส้มยามเย็นที่โผล่พ้นขอบฟ้า ดูสวยงามเหลือเกินเมื่อประกอบกับผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่เขาได้มีโอกาสเห็นทะเลของจริงเป็นครั้งแรก มันช่างเงียบสงบเหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เขากางแขนสองข้างรับลมเย็นที่ปะทะเข้ามา สูดหายใจเข้าเต็มปอดรู้สึกปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย จนลืมเรื่องที่คิดในใจไปเสียสนิท แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าเอาความทุกข์มาทิ้งทะเล…

รถยนต์สีดำมันปลาบแล่นเข้าจอดหน้ารีสอร์ท ชายหนุ่มประคองคุณยายลงจากรถหยิบขวดน้ำที่บรรจุน้ำอุ่นรินใส่แก้วพลาสติก “ค่อยๆทานนะครับคุณยาย” ระยะทางจากกรุงเทพ-ประจวบฯใช้เวลาไม่นานนักสำหรับเขา แต่สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่เคยนั่งรถไกลๆอาจจะลำบากเสียหน่อย

“ยายไม่เป็นไรลูก” ยายสมใจจิบน้ำอุ่นจนโล่งคอ “นั่งพักก็หาย” หล่อนรู้สึกเวียนหัวจากการนั่งรถเป็นเวลานาน ได้ยาดม ยาหม่องมาตลอดทาง ได้งีบหลับไปชั่วครู่ ก่อนมาถึงจึงไม่ได้แย่อย่างที่กังวลไว้

 “ป๊า! เกอร์อยากเล่นทะเล!!” เด็กอ้วนร้องตะโกนพลางกระโดดโหยงเหยงชี้มือชี้ไม้ไปทางชายหาดที่ห่างออกไปเกือบ500เมตร ก่อนจะวิ่งไปหลังรถ เขย่งตัวเพื่อที่จะเปิดประตูข้างหลัง “ป๊า เกอร์เอาห่วงยางมา เกอร์อยากเล่น!”

“เย็นแล้วครับลูก” เขาอุ้มเจ้าตัวอ้วนแนบอก ก่อนยกขึ้นขี่คอ ลูกชายตัวแสบหัวเราะชอบใจใหญ่ “ไว้พรุ่งนี้เช้าป๊าจะพามาเล่นนะครับ” ไทเกอร์พยักหน้ามัวแต่ดีใจที่ได้ขี่คอคุณพ่อ ชลธีพาคุณยายและลูกชายเข้าพักโรงแรมที่ได้จองไว้ ใช้สิทธิ์สวัสดิการข้าราชการแล้วลดค่าห้องได้ครึ่งหนึ่ง เขาจึงเลือกห้องสูทที่มีสองห้องนอนแทนห้องเดี่ยวสองห้อง เพื่อจะได้ดูแลคุณยายได้สะดวก

“เกอร์นอนกับยายนะครับ” ตัวแสบวิ่งผลุนเข้าห้องวางกระเป๋าลายดิอะเวนเจอร์บนเตียงสร้างอาณาเขต ก่อนจะเปิดกระเป๋ารื้อชุดนอนลายมิกกี้เม้าส์ออกมากาง

“เกอร์จะนอนแล้วหรือลูก” ยายเดินเข้ามานั่งข้าง มือหยาบกร้านเหี่ยวแห้งลูบกระหม่อมบางของเด็กชาย “กินข้าวกันก่อนค่อยอาบน้ำนะลูกนะ”

“เกอร์รีบนอนพรุ่งนี้ป๊าจะได้พาเกอร์ไปเล่นน้ำเร็วๆครับ” เด็กอ้วนฉีกยิ้มโชว์กำแพงฟันที่หายไปสามซี่ “พรุ่งนี้เช้าคุณยายปลุกเกอร์ด้วยน้า” ยายสมใจหัวเราะ เอ็นดูเด็กชายเหมือนลูกหลานในไส้ ไพล่ไปคิดถึงหลานชายคนเดียวด้วยความรู้สึกรักใคร่เต็มตื้นในอก เวลาไม่กี่เดือนความผูกพันก่อตัวถักทอความสัมพันธ์เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน

ชลธีพาคุณยายและลูกชายไปทานข้าว โดยโทรนัดมุจลินท์ไปเจอกันที่นั่น เด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้า สวมรองเท้าแตะหนีบช้างดาวคู่ประจำ รวงผมสีน้ำตาลอ่อนถูกเซ็ทไว้อย่างดี ใบหน้าหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางค์อ่อนๆขับให้ใบหน้าหวานดูโดดเด่น

“แต่งหน้าหรือ?” ชลธีเอ่ยทัก “จะไปเที่ยวไหนต่อล่ะ” เขาหน้าม้านลืมนึกไปเลยว่าเครื่องสำอางเมื่อตอนกลางวันยังติดทนอยู่ แล้วชลธีมองไม่เห็นหรือว่าเขาแต่งตัวแบบนี้จะไปเที่ยวที่ไหนได้

“เมื่อกลางวันผมมีถ่ายรูปเตรียมงานประกวดดาว-เดือนของที่มหา’ลัยไงครับ”

“อ่อหรอ” ชลธียังนึกฉุนไม่หายเมื่อเห็นรูปถ่ายที่ลูกเป็ดส่งมาให้เขาดูเมื่อตอนเย็น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องโชว์ขนาดนั้น มุจลินท์ทำเป็นไม่สนใจคนอารมณ์ไม่ดีพลางดันเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลง ลอบมองหน้าผู้พันที่เคร่งขรึมผิดปกติก็ได้แต่นึกว่าตัวเองทำอะไรให้ไม่พอใจอีก

เอาแต่ใจชะมัด!


อาหารถูกเสิร์ฟวางเรียงรายเต็มโต๊ะ เด็กชายเคี้ยวเนื้อหมูไม่ละเอียดเพราะฟันหน้าหายไปสามซี่ เดือดร้อนคุณพ่อเลยต้องช่วยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำก่อนจะป้อนเข้าปากลูกชาย

“อ้ามมมม” เสียงเจื้อยแจ้วเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคน “ป๊า ป้อนอาลีนด้วยฮะ อาลีนก็อยากกิน”

“เอ่อ” เขาสะดุ้ง แค่เผลอมองเพลินไปหน่อยเท่านั้นเอง ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อก้มหน้างุดจ้องแต่จานข้าวตัวเอง 

“ไม่เป็นไรลูก อาลินท์เขามีคนอยากจะป้อนเยอะแยะ” มุจลินท์หันขวับไปมองคนพูดที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ส่วนชลธีทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ในใจคุกรุ่น อยากจะอุ้มเจ้าลูกเป็ดไปทำโทษเสียเดี๋ยวนี้

“ป๊าไม่ป้อน เกอร์ป้อนเอง” ไทเกอร์ที่นั่งข้างชลธีผุดลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ก่อนจะยื่นส้อมที่เสียบเนื้อหมูชิ้นเล็กๆเอาไว้ “กินเยอะๆนะครับอาลินท์”


“...” เขางับเนื้อหมูชิ้นเล็กจากส้อมของไทเกอร์ “ขอบคุณนะครับ”

“เกอร์จะตักให้คุณยายด้วย” เด็กชายส่งเนื้อหมูพอดีคำวางบนจานคุณยาย ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นผลงานของตัวเองอยู่บนจานของทุกคน คุณพ่อตัวโตกระแอมไอก่อนจะจับลูกชายให้นั่งทานข้าวดีๆ

“กินเสร็จแล้วเช็ดปากให้เรียบร้อยครับ” ชลธีส่งทิชชู่ให้ลูกชาย “กลับห้องอาบน้ำรีบนอนแต่หัวค่ำนะลูก พรุ่งนี้ป๊าจะพาไปว่ายน้ำครับ”

“เย่” เด็กอ้วนชูกำปั้นขึ้นสูงแล้วร้องเฮ “เกอร์จะได้เล่นน้ำแล้ว!”

ไทเกอร์ร้องเล่นอยู่สักพักแล้วทิ้งตัวนอนลงบนตักคุณยาย หลับปุ๋ยสิ้นฤทธิ์เหมือนตุ๊กตาถ่านหมด มุจลินท์จุดยิ้มก่อนจะก้มลงหอมหน้าผากเด็กชายเบาๆ       

              “รีบกลับเถอะลินท์ เดี๋ยวพี่เขาจะว่าเอานะลูก” ยายลูบหัวหลานชายที่โตเป็นหนุ่มแล้วแต่ยังขี้อ้อนเหมือนเด็ก มุจลินท์ไม่อยากกลับไปนอนโรงแรมเลย เขาไม่อยากอยู่กับชวิศสองต่อสอง หรือว่าคืนนี้เขาควรจะหาข้ออ้างไปนอนกับเพื่อนที่ห้องอื่นดี เขาเริ่มรู้สึกว่าชวิศเข้ามาวุ่นวายกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ

“ลินท์อยากนอนกับยาย”

“อดทนเอาหน่อย เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วลูกเอ๊ย” เขาเดินไปส่งคุณยายและไทเกอร์ที่หลับปุ๋ยคาไหล่ชลธีบนห้องพักที่โรงแรม ก่อนจะขอตัวกลับห้องพักตัวเอง เด็กหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือสีดำที่บอกเวลาสามทุ่มกว่าแล้วป่านนี้ที่ค่ายคงกำลังทำกิจกรรมกันอยู่ ถ้าเขากลับไปทันคงได้เข้าร่วมทันโดยไม่ผิดสังเกตเท่าไหร่นัก

“พี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้” โรงแรมที่เขาพักอยู่ห่างไม่มาก เมื่อตอนเย็นเขาลองเดินมาดูแล้ว “พี่พักผ่อนเถอะครับ” ยังไม่ทันได้เดินไปไหนไกล ชลธีก็ลากเขาไปยังรถยนต์สีดำที่จอดไว้ข้างหน้ารีสอร์ทก่อนจะเปิดประตูยัดเขาเข้าไป

“ไม่ให้พี่ไปส่งเพราะไม่อยากให้ใครเห็นพี่หรือ”

“ใครที่พี่ว่าคือพี่ชุงั้นสิ”

“ใช่”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ชุ!” เขาหันไปบอกนายทหารหนุ่ม ดวงตากลมโตสีสวยสบสายตาคมที่จ้องเข้ามาอย่างลึกซึ้ง “ผมกับพี่ชุ เราเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง..” ริมฝีปากสีสวยที่พูดจาใส่เขาอยู่ตรงหน้าดึงดูดให้เขาก้มลงไปงับก่อนจะละเลียดไล้ไปตามกลีบปากฉ่ำวาว ลิ้นชื้นแฉะเกี่ยวกระหวัดพันพัวจนเด็กหนุ่มรู้สึกวาบไหวแทบจะทรุด มือหนาประคองต้นคอให้เอียงรับจูบได้อย่างถนัดถนี่ ลูกเป็ดพยายามขืนตัวดันแผงอกหนาให้ออกไปจากตัว ผู้พันก็ยิ่งตะโบมจูบก่อนจะฝังหน้าลงซอกคอขาว ลูกเป็ดหดคอหนีใช้กำปั้นทุบไหล่ชลธีไม่หยุด

จะมาทำรุ่มร่ามกับเขาแบบนี้ไม่ได้นะ!

“พี่ฉลาม!” เขาถลึงตาใส่ก่อนจะดันร่างหนาออกไป “พี่ทำบ้าอะไร ถ้าใครมาเห็นเล่า”

“ก็ให้เขาเห็นไปเลย” น้ำเสียงตัดพ้อทำเอาใจเด็กหนุ่มกระตุกวูบ “เขาจะได้รู้ว่าลินท์เป็นของพี่”

“ทำไมพี่ต้องอยากป่าวประกาศด้วย”

“พี่หวง” ชลธีกลั้นใจตอบคำถาม ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบ เขารู้ตัวเองดีว่ารู้สึกอย่างไรแต่เขายังไม่อยากระบุความสัมพันธ์ทั้งๆที่ตัวเองยังโลเลอยู่อย่างนี้ “พี่หวงลินท์”

“หวง?” เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งเหมือนโดนสตั้นเอาไว้ วงหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเบิกโพลงเหมือนลูกเป็ดเวลาตื่นตกใจจะรีบกางปีกวิ่งหนี แต่คนอย่างชลธีไม่ยอมปล่อยลูกเป็ดตัวแสบไปง่ายๆหรอก คิดว่าเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อเห็นคนของตัวเองโชว์เรือนร่างให้ใครต่อใครเห็น

มือหนาเอื้อมยันอีกฝั่งเอาไว้ ส่วนสูง174เซนติเมตรของเขาดูเล็กลงไปถนัดตาเมื่ออยู่ภายในอ้อมกอดของผู้พันหนุ่ม ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อใบหน้าคมเข้มเข้ามาประชิด

“อยากรู้ไหมว่าพี่หวงตรงไหนบ้าง” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มที่ถูกแต่งแต้ม “พี่หวงตรงนี้” ชลธีก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนจะไล้ไปตามซอกคอขาว “ตรงนี้ด้วย”

“ฮื่อ” มุจลินท์เผลอส่งเสียงน่าอายออกมา “ไม่เห็นจะน่าหวงตรงไหนเลย”

“ลินท์ไม่รู้หรอกว่ามีคนอยากเข้าหามากขนาดไหน”

“แล้วทำไมพี่รู้”

“เซ้นส์มั้ง” ชลธีจุดยิ้ม “ลินท์รู้ไหม..  ฉลามเวลามันล่าเหยื่อมันกัดไม่ปล่อยหรอกนะ”

“มะ.. หมายความว่าไง..” มุจลินท์ย่นคอหนีริมฝีปากของนายทหารหนุ่มที่พรมจูบไปทั่ว รอยแดงเป็นจ้ำตามตัวเขายังไม่ทันจางเลย ชลธีไม่ตอบแต่ใช้มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด ไล่ไปตามแผ่นหลังขาวเนียนก่อนจะเลื่อนลงสู่กางเกงผ้า “ฮื่อ..”

“ให้พี่ช่วยลินท์นะ” ไม่ทันได้ตอบอะไรมือหนาก็คว้าเข้าที่แก่นกายของลูกเป็ด ริมฝีปากที่จูบเขาเมื่อครู่ลงไปครอบครองส่วนอ่อนไหวก่อนจะดูดดึงจนลูกเป็ดดิ้นพล่าน มือบางขยุ้มกลุ่มผมผู้พันที่ขยับขึ้นลงถี่รัว มือหนาล็อคเอวบางตรึงไว้กับเบาะรถ

“พี่ฉลาม ฮื่อ” เสียงแหบพร่าขาดห้วงปลุกอารมณ์คนที่กำลังปรนเปรอได้อย่างดี “ลินท์จะไม่ไหวแล้ว..” เด็กหนุ่มพูดได้แค่นั้นก็กระตุกเฮือก ตัวสั่นระริกหอบหายใจถี่ ชลธีรั้งร่างบางเข้าอ้อมกอด ดอมดมกลิ่นกายเด็กหนุ่มที่ผสมกับกลิ่นเหงื่อ ทอดสายตาอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงจุมพิตหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ

“พี่ชอบตอนลินท์แทนตัวเองแบบนี้” ชลธีก้มกระซิบข้างหูมุจลินท์ “น่ารัก”

“บ้า!” ได้ยินอย่างนั้น เขาก็รู้แล้วว่าหากกลับกับชลธี คืนนี้เขาคงไม่ถึงห้องแน่ “ผมจะไปนอนกับยายแล้ว!” 

“เดี๋ยวลินท์ จะปล่อยให้พี่ค้างแบบนี้หรือ”

“เชิญช่วยตัวเองไปคนเดียวเถอะ ตาแก่ลามก!”  ชลธีกำลังจะปลดตะขอกางเกงยังไม่ทันได้จัดการเจ้าลูกเป็ดโทษฐานที่ทำให้เขาทั้งหึงทั้งหวง อารมณ์เสียไปทั้งวัน ชลธีชะโงกหน้าออกไปมองเห็นมุจลินท์วิ่งหันหลังกลับขึ้นโรงแรมไปแล้ว

คืนนี้เจ้าฉลามน้อยถูกทิ้งให้ค้างเติ่งสินะ..
เรื่องมันเศร้า..



TBC



ช่วงนี้นักเขียนติดสอบไฟนอลค่ะ อาจจะช้าไปนิดนึง :sad4: :o12:
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ รักนักอ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-10-2017 03:27:58
มาต่อแล้ว ดีจายยยยย :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-10-2017 06:42:35
หมั่นไส้ชลธี ล่วงเกินน้องไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังไม่ยอมเคลียร์ความรู้สึกตัวเอง
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-10-2017 07:03:00
ลินท์ เสน่ห์ล้นจริงๆ หนุ่มๆมาแนะนำตัวหลายเลย

แค่ชวิศ คนเดียว พี่ฉลามก็หวงหึงแย่และ

พี่ฉลาม รีบๆขอลินท์คบเร็วๆเลย
พี่ฉลาม ลินท์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-10-2017 09:21:36
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-10-2017 13:27:05
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-10-2017 18:25:29
ร้ายยย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 05-10-2017 20:56:10
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 06-10-2017 00:47:40
วีายยยย คนแก่ถูกทิ้งไว้กลางทางง 555 :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 06-10-2017 06:41:50
สมน้ำหน้าคนแก่ โดนทิ้งให้ค้างเลย555555 ชอบเอาแต่ใจดีนัก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 06-10-2017 09:00:57
เอาชัยวัตรกับปฐพีออกหน้าฉากเยอะนะชอบดูเป็นคู่ฮาร์ดคอดี ตบจูบแน่ๆ

แต่ในใจลึกๆแอบเกลียดพี่ชุ ทำไมต้องมาวอแวหนูลินทร์ด้วย

หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 06-10-2017 09:08:08
ชอบๆอ่ะเข้ามาอ่านเรื่อนี้เพราะมีพี่คนนึงแนะนำมา

ตอนแรกอ่านแค่บทนำก็ติดเลย ปกติเป็นคนไ่ม่ค่อยสิงในห้องนี้ ปกติอยู่ห้องนิยายจบแล้ว

อ่านถึงตอนเจ็ดอยากให้มาต่อวันละตอนเลยด้วยซ้ำ ชอบลุคของพี่หลามอ่ะ

แต่มุจลินทร์ก็น่ารักนะ ชอบๆ เชียร์ให้มาต่อเรื่อยๆนะ หวังว่าเมียเก่าพี่หลามจะไม่

กลับมาทำให้มุจลินทร์เสียใจนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 06-10-2017 10:33:00
ฉากตอนถ่ายรูปอ่ะ คุ้นๆเหมือนอ่านอีกหนึ่งมาก่อนรู้สึกว่าตัวเอกจะเป็นอีพี่ที่มาถ่ายรูปกับเดือนรัฐศาสตร์ใช่มั้ยอ่ะ จำได้รางๆว่าเคยอ่าน แง้ๆๆจำไม่ได้ ถึงน้องลินทร์ของเรา ไม่อยากจะให้พ่อฉลามหรอกนะ ฮื่อ...มันดีกับใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๗] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๔.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 09-10-2017 23:56:48
รอค่าาา  :z3:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 11-10-2017 20:15:50
บทที่ ๘

‘เธอกับฉันเราเป็นอะไรช่วยบอกฉันที อยากรู้สายตาที่เธอมีให้กัน มันหมายความว่าอะไร เป็นแค่เพียงอารมณ์อ่อนไหว ที่คงหายไป หรือซ่อนความรักที่มีเอาไว้ เธอคิดยังไงกับฉัน ช่วยบอกฉันที..’

เสียงเพลงจากเครื่องเสียงประจำรถทัวร์ปรับอากาศสองชั้นดังคลอเคลียแผ่วเบาชวนให้เคลิ้มหลับ บ่ายสี่โมงเย็นรุ่นพี่ปีสี่เริ่มแจกขนมของว่างให้กับน้องเฟรชชี่ที่เล่นกิจกรรมถึงดึกดื่น จนพากันนอนหลับสลบไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อวันก่อนเป็นวันปิดกิจกรรมค่ายและคัดเลือกดาวเดือนค่าย มุจลินท์ได้อยู่กลุ่มทำกิจกรรมกลุ่มเดียวกับกรวิชญ์ เขาเลยได้รู้จักเพื่อนต่างคณะเพิ่มขึ้นอีกหลายคนเพราะเดือนคณะรัฐศาสตร์คนนี้คอยช่วยเหลือเขาตลอดการทำกิจกรรม ตกคืนนั้นเขาขอย้ายห้องไปนอนกับกรวิชญ์ โดยให้เหตุผลกับชวิศว่าถูกจับกลุ่มอยู่ด้วยกันเลยต้องเกาะกลุ่มด้วยกัน ทำให้เขาไม่ได้เจอชวิศไปอยู่พักหนึ่ง แม้ชวิศจะพยายามเข้าหาเขาสักกี่ครั้งเขาก็พยายามเว้นระยะห่าง ให้ชวิศได้เข้าใจความรู้สึกของเขา มุจลินท์นั่งแถวหลังสุดริมหน้าต่าง ดวงตากลมโตเหม่อมองทิวทัศน์ที่ค่อยๆเลื่อนไปตามความเร็วของรถ เขากระชับผ้าห่มสีเทาผืนบางที่ชวิศยัดเยียดให้ก่อนจะซุกตัวหาไออุ่น

‘กลับไปเจอกันที่บ้านนะลินท์’ ฝ่ามือหนาแตะที่กลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา ‘ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนพี่นะ’

‘ครับ’ ดวงตาคู่สวยช้อนมอง ใบหน้าเขาและชลธีอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ มือขาวจัดเครื่องหมายปีกสีส้มทองบนอกให้ตรงกับแพรแถบ ป้ายชื่อสีดำเหนือกระเป๋าเสื้อเขาก็บรรจงติด เครื่องหมายสีทองบนบ่ายิ่งดูน่าเกรงขามเมื่อติดลงบนเสื้อของร่างสูง ชลธีต้องเข้าประชุมงานด่วนเกี่ยวกับการฝึกทหารใหม่ ทำให้ต้องพาลูกชายและคุณยายตามไปที่ค่ายด้วย ส่วนเขาก็ต้องกลับไปเข้าร่วมกิจกรรมเหมือนเดิม

‘ติดเก่งขึ้นเยอะเลย’ ชลธีส่องกระจกหน้าตู้เสื้อผ้า ดูความเรียบร้อยของชุดเครื่องแบบอ่อนแขนยาวสีเขียวที่เพิ่งติดเครื่องแบบเสร็จ ริมฝีปากหยักยิ้มเมื่อเห็นลูกเป็ดยืนมองฝีมือตัวเอง ‘ขอบคุณนะครับ’ ชลธีเชยคางเด็กหนุ่มให้รับจูบอ่อนหวาน นายทหารค่อยๆแทะเล็มริมฝีบางที่เผยอรับ กลิ่นกายเฉพาะตัวอ่อนๆที่มุจลินท์คุ้นเคยยามได้ใกล้ชิดติดจมูกจนจำได้ขึ้นใจ ช่วงไหล่หนากว้างที่เขาเคยโอบกอดยามร่างสูงโถมตัวลงมาบดเบียดยิ่งทำให้เขาคิดถึง

จนไม่อยากห่างไปไหน..

เขารู้ว่าตลอดทั้งชีวิตเติบโตขึ้นมาอย่างขาดๆเกินๆต้องการความอบอุ่น ความปลอดภัย และความรักมากมายยิ่งกว่าสิ่งไหน สิ่งที่หล่อเลี้ยงให้เขามีชีวิตอยู่ คือการที่เขามีคุณค่าเพื่อใครสักคน คนแรกคือคุณยายที่ชุบเลี้ยงดูเขายิ่งกว่าบุพการี ป้อนข้าวป้อนน้ำสอนให้เขาเข้าใจชีวิต ชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ ชีวิตที่ต้องขวนขวายทุกสิ่งทุกอย่าง ชีวิตที่ต้องรักตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด

คนที่สองคือใครบางคนที่เข้ามาหยิบยื่นโอกาสให้ ยามเขาเดือดร้อน ยามที่เขาต้องการใครสักคนจับมือในวันที่พายุมรสุมชีวิตพัดพาเข้ามาจนเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด เป็นผู้มีพระคุณ เป็นเจ้าชีวิตที่เขาเทิดทูน รวมไปถึง เป็นเจ้าของหัวใจ.. เสียงเพลงยังคงดังแผ่วเบาแม้เขาจะข่มตาให้ตัวเองหลับ

‘หากเธอต้องการ ให้ฉันเป็นมากกว่านี้ บอกมาเลยให้ฉันรู้ตัวว่ารักที่มี มันตรงกับเธอเหมือนกัน อย่าให้ฉันเก็บ มาคิดเอาเองอย่างนี้ เธอรู้ไหมท่าที ของเธอทำฉันไหวหวั่น และสับสนเหลือเกิน ฉันไม่รู้และยังคงไม่แน่ใจ รักไม่รักใจจริงเธอต้องการ แบบไหน มันยังคงไม่ชัดเจน’

   “ลินท์” กล่องน้ำผลไม้แช่เย็นแตะเข้าที่ข้างแก้มจนเขาสะดุ้ง “กินซะ กูเห็นมึงไม่ยอมกินข้าว เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะยุ่ง” ชวิศนั่งลงข้างเขา สีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

“ขอบคุณนะพี่” เขายกมือไหว้ปลกๆ แล้วก็หันไปเหม่อมองวิวทิวทัศน์เช่นเดิมปล่อยให้น้ำผลไม้ที่วางไว้บนตักมันละลายจนเปื้อนกางเกงไปหมด

ปล่อยให้มันละลายหายไปยิ่งดี..

รวมไปถึงเขาด้วย..


มุจลินท์สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่รถทัวร์จอดเทียบหน้าคณะ เขาคว้ากระเป๋าเป้จากช่องเก็บของด้านบนก่อนจะลงจากรถด้วยความเร่งรีบ เวลาปาเข้าไปสองทุ่มตรงไม่รู้จะยังมีรถตู้เข้ากรุงเทพหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากจะรีบกลับไปเจอใครบางคนที่รออยู่ที่บ้าน อีกใจก็อยากปล่อยเวลาให้มันไหลผ่านเขาไปเช่นนี้ ไม่ต้องรับรู้อะไร.. ชวิศรีบเข้ามาเสนอตัวขับรถไปส่งแต่เขาปฎิเสธไป โชคดีที่กรวิชญ์เข้ามาทักทายจนทำให้ชวิศถอยทัพออกไปเอง

“กลับบ้านยังไงวะ” กรวิชญ์เอ่ยถาม เขาขี่มอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีแดงจอดหน้าเด็กหนุ่ม “เดี๋ยวกูไปส่งท่ารถเอาไหม”

“เออ ขอบใจ” เด็กหนุ่มส่ายหัว ยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี “แต่กูยังไม่อยากกลับบ้าน”

“มึงหัดเป็นเด็กมีปัญหาหรือ” เขาเห็นมันเป็นคนเงียบๆติ๋มๆแถมหน้าตาชวนเอ็นดูพ่อแม่คงจะขี้หวงน่าดู “รถตู้หมดตั้งแต่ทุ่มครึ่งแล้ว มึงต้องขึ้นรถเมลล์กลับแล้วล่ะ”

“มึงกลับห้องเถอะ” เขามองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสองทุ่มครึ่งกว่า “กูอยากกลับเดี๋ยวก็กลับเอง”

“หน้าตาอย่างมึงมายืนตรงนี้คงได้กลับบ้านหรอก” เขาแค่นยิ้ม ส่วนมุจลินท์เดินหนีไปอีกทาง กรวิชญ์ใช้สองเท้ายันกับพื้นเข็นรถมอเตอร์ไซค์ตาม “ถ้ามึงมีเรื่องไม่สบายใจขนาดนั้น ไปนอนห้องกูสักคืนมั้ยล่ะ”

“…”

“พรุ่งนี้เช้าตื่นไปเรียนแล้วมึงค่อยคิดว่าจะเอายังไง” 

รู้ตัวอีกทีเขาก็เงยหน้ารับลมเย็นขณะที่กำลังซ้อนหลังบนมอไซค์ของเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักได้สามสี่วันซะแล้ว กรวิชญ์เป็นคนเข้ากับคนง่าย เขาเห็นมันไปคุยกับวงไหนก็ได้เพื่อนใหม่ทุกครั้งไป ต่างกับเขาที่เข้าสังคมไม่เก่ง พูดไม่เก่ง และไม่ชอบเข้าหาใคร รถมอเตอร์ไซค์สีแดงจอดหน้าอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งข้างรั้วมหาลัย ที่นี่เป็นหอพักชายที่ติดสถานบันเทิงที่สุดก็ว่าได้ เดินลงมาจากหอก็เข้าไปดริ้งในผับได้สบาย

“ห้องกูเล็กหน่อยนะ” กรวิชญ์เปิดไฟในห้อง เห็นเตียงขนาดห้าฟุตคลุมด้วยผ้าปูสีน้ำตาลอ่อน โต๊ะสำหรับทำงานมีไอแมคจอใหญ่ตั้งอยู่ ตู้เสื้อผ้าขนาดพอเหมาะตั้งอยู่ข้างเตียง “ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น ใช้ได้ตามสบาย”

“ขอบใจ”

เขาเข้าไปอาบน้ำได้สักพัก สระผมแล้วใช้ไดร์เป่าผมจนแห้ง เลือกเสื้อยืดที่เขาใช้ใส่นอนเมื่อตอนไปค่าย ลองดมแล้วไม่มีกลิ่นผิดแปลกอะไรจึงหยิบมาใส่อีกรอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเตียง ส่วนเจ้าของห้องยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงห้อง ข้างๆมีกีตาร์สีดำสนิทพิงเอาไว้

“กูนอนแล้วนะ” เขาพูดแค่นั้นแล้วรั้งเอาผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเท้าขึ้นมาคลุมหัว “มึงอาบน้ำเสร็จแล้วปิดไฟให้กูด้วย”

“ตกลงห้องกูหรือห้องมึงกันแน่” กรวิชญ์หัวเราะ “เมื่อกี๊กูเห็นโทรศัพท์มึงสั่น กูเลยกดรับไปนะ บอกมึงอาบน้ำอยู่”

“ใครโทรมา?”

“ไม่รู้” กรวิชญ์พ่นควันออกจากปาก “มึงเมมว่า SHARK ฉลาม? พี่มึงหรือ?”

”มึงรับหรอ” เขาเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง “มึงคุยอะไรกับเขาไปบ้าง!”

“กูบอกแค่คืนนี้มึงนอนห้องกู แล้วก็อาบน้ำอยู่ ให้เขาโทรมาใหม่”

“ตายห่า!”

“มึงไม่ตายกูนี่แหละจะตาย” กรวิชญ์เดินเข้ามาในห้องนั่งตุบอยู่ปลายเตียง กลิ่นบุหรี่อบอวลรอบตัวจนเขาต้องกลั้นหายใจ  “ทำแฟนเขาเข้าใจผิด กูจะโดนยิงกบาลไหมเนี่ย” กรวิชญ์โอดครวญทำเป็นชักดิ้นชักงอ เห็นท่าทางแล้วเขาหมั่นไส้จนอยากจะถีบสักที

“ไม่ใช่แฟน” เขาบอกเสียงแผ่ว “เขาเป็นเจ้านายกู”

“เจ้านายที่ไหนจะเป็นเดือดเป็นร้อนกับมึงขนาดนี้” กรวิชญ์มองนาฬิกาบนฝาผนังห้อง “สามทุ่มครึ่งยังโทรจิกมึงยิ่งกว่าไก่”

“พรุ่งนี้คงไม่มีคนไปส่งไทเกอร์” เขามัวแต่คิดถึงแต่ตัวเองจนลืมเด็กชายตัวน้อย “กูทำงานเป็นพี่เลี้ยง.. ช่วยเขาเลี้ยงลูกชาย”

“กูให้มึงตอบอีกทีนะลินท์” เขาเงยหน้ามองคนถามแสงไฟสีส้มในห้องทำให้ดูเลือนลาง “มึงรักเขาหรือ”

“กู..” เขานิ่งอึ้ง หัวใจเต้นกระหน่ำเหมือนถูกจับได้ ”มึงถามอะไรของมึงเนี่ย”

“กูเห็นนะว่าวันนั้นมีคนมาส่งมึง” ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องตากลมโตสีสวยที่กำลังเบิกโพลง มุจลินท์ไม่คิดว่าจะมีคนเห็นว่าชลธีแอบมาส่งเขาที่หน้าโรงแรมตอนเช้ามืด “มึงหายไปตั้งแต่ทุ่มนึง กิจกรรมตอนกลางคืนมึงก็ไม่เข้า จะบอกไม่บอก”

“เออ กูยอมแล้ว” มุจลินท์รีบเบรกก่อนผู้ที่สถาปนาตัวเองเป็นนักสืบจะซักไซ้ไปมากกว่านี้ เขาพลาดเองจริงๆที่ยอมให้ชลธีไปส่ง ดวงตากลมโตหลุบต่ำ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อแม้ในความมืดสลัว “กูชอบเขา มึงพอใจหรือยัง”

“กูอกหักดังเป๊าะเลย” กรวิชญ์ลงไปนอนที่เตียง ใบหน้าระนาบเดียวกับเด็กหนุ่ม เสียงหัวเราะแผ่วเบาข้างหูทำให้เขาดูไม่ออกว่ากรวิชญ์พูดเล่นหรือพูดจริงกันแน่ “ มึงรักเขาที่ตรงไหน”

“มะไม่รู้” เขาอึกอัก รู้สึกเหมือนกำลังโดนต้อนให้จนมุม ”อีกอย่างกูไม่ดีพอขนาดจะไปรักเขาได้หรอก”

“มึงเอาอะไรมาตัดสินว่ามึงไม่ดีพอ ความรักไม่มีถูกไม่มีผิด มันเป็นสากลโลก ความรักของกู ยังนิยามไม่เหมือนมึงเลย ลินท์ มึงคิดมากเกินไปหรือเปล่า ”

“กูแม่งไม่มีอะไรดีสักอย่าง กูรู้สึกแย่ทุกครั้งที่รู้สึกแบบนี้” เขาก้มหน้างุด มือบางกุมผ้าห่มแน่น รู้สึกอ่อนไหวทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต “กูเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่เคยเจอหน้าพ่อ ไม่ได้อยู่กับแม่..”

“กูไม่เห็นว่ามึงจะมีอะไรแตกต่างกับกู มึงเป็นคนเก่งมีความสามารถ มีน้ำใจกับเพื่อนๆ” ถึงแม้เขาจะเพิ่งรู้จักมุจลินท์แต่ระยะเวลาที่ได้ใกล้ชิดทำให้เขารู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขามีจิตใจดียิ่งกว่าใคร “มึงอย่าดูถูกตัวเองเลย มึงมีคุณค่าในตัวเองเสมอ ที่มึงรู้สึกแย่มาตลอดเพราะมึงไม่รู้สึกคู่ควรกับเขาหรือ”

“อืม”

“เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์หัวใจของมึงเอง”

ตึง ตึง ตึง!

“มึงรีบไปเก็บเสื้อผ้าเถอะ เขามาตามมึงแล้ว ” กรวิชญ์กระชับผ้าขนหนูที่คลุมปิดสะโพกเอาไว้ให้แน่นก่อนจะลุกไปส่องตาแมวหน้าประตูห้อง “มาแล้วครับ มาแล้วครับ” เขาเปิดประตูให้คนหน้าห้องเข้ามา ชลธีหน้าทะมึนตึงกวาดสายตาเข้ามาในห้อง เห็นมุจลินท์กำลังยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าก็รีบตรงปรี่เข้าไปคว้าข้อมือ

“กลับบ้าน!”

“ขอเก็บของก่อนครับ” เด็กหนุ่มยื้อเอาไว้ก่อนจะก้มลงไปปิดกระเป๋าเป้ ชลธีเห็นเจ้าลุกเป็ดหัวยุ่งเสื้อผ้าก็ชุดเดิมที่เคยใส่ไปเจอเขา กลิ่นครีมอาบน้ำที่ไม่คุ้นยิ่งทำให้นายทหารหนุ่มอารมณ์เสีย โดยเฉพาะผู้ชายที่รับโทรศัพท์เขาอยู่ในชุดล่อแหลม พาลให้เขาคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน “กูกลับก่อนนะเกี๊ยม ขอบใจมึงมาก” เด็กหนุ่มหันไปยิ้มเพื่อนที่ยังคงยืนมอง ชลธียิ่งกำข้อมือแน่นขึ้นจนมุจลินท์ขมวดคิ้ว

“ที่ผมยอมบอกที่อยู่ให้คุณมารับลินท์ เพราะผมอยากให้ลินท์เคลียร์กับคุณ” กรวิชญ์เดินเข้ามาประชิด สายตาสบกับชลธีจนเขาเหมือนจะเห็นกระแสไฟวิ่งผ่าน “ไม่ใช่ให้คุณมาทำให้ลินท์เจ็บอีกแบบนี้” จบประโยคชลธีผ่อนคลายแรงที่ข้อมือลง มองลูกเป็ดที่น้ำตารื้นแล้วใจเขาก็อ่อนยวบ

“เรากลับกันเถอะครับ” เขาเงยหน้ามองชายหนุ่มกระตุกแขนเสื้อให้ชลธีรู้สึกตัว จากกำข้อมือในตอนแรก ฝ่ามือหนาเปลี่ยนมาสอดประสานแนบแน่น มุจลินท์แอบพงกหัวเป็นเชิงขอบคุณให้กรวิชญ์ก่อนจะออกจากห้องไป เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบ นานแล้วที่ไม่ได้คลายเครียดด้วยการใช้บุหรี่ ไฟแช็คจุดพรึ่บทำให้แสงไฟสว่างแวบขึ้นมาก่อนบุหรี่จะติด เขาสูดมันเข้าไปเต็มปอดก่อนจะปล่อยควันออกทางจมูก ระเบียงชั้นห้าของเขามองเห็นลานจอดรถชัดเจน รถยนต์สีดำแล่นออกจากไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังคงเหม่อมองแสงไฟประดับประดาในยามราตรีทีไม่เคยหลับใหล แสงไฟส่องประกายระยิบระยับกลบแสงดาวในคืนที่ไม่มีเมฆเช่นนี้ เขานั่งลงบนเก้าอี้เมื่อครู่คว้ากีตาร์ขึ้นมาดีดแก้เครียดอย่างที่สมัยมัธยมชอบทำ

“ฉันรู้ฉันเป็นแค่คนไกล.. ไม่ใกล้ใจเธอเลย ฉันรู้ตัวดีถึงฉันบอกรัก..เธอก็อาจเมินเฉย บอกเธอว่ารักก็ต้องเจ็บ เก็บไว้ยังไงก็ยิ่งเจ็บ มองแล้วไม่เห็นจะมีทางไหน..”
.
.
บรรยากาศภายในรถอึมครึม มุจลินท์แทบไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว ได้แต่มองตรงไปข้างหน้า บางครั้งแอบเหล่หางตามองก็เห็นชลธีหน้าตึงไม่พูดไม่จา ทำเอาเขาไม่รู้จะพูดอะไรดี นั่งถ่างตาบนรถอยู่เป็นชั่วโมงหาวหวอดไปหลายสิบรอบ ชลธีเปิดไฟเลี้ยวก่อนที่รถจะเข้าไปสถานที่สักที่หนึ่ง ซึ่งเขาก็ดูไม่ออกเพราะรอบด้านมืดไปหมด

“เราจะไปไหนกันหรือครับ” ลูกเป็ดกอดกระเป๋าเป้แน่น แอร์หน้าคอนโซลเป่าหน้าจนดวงตาปรือปรอย เที่ยงคืนกว่าแล้วเขาเริ่มชักจะง่วง อยากจะแอบงีบหลับแต่ก็กลัวชายหนุ่มจะโกรธ

“กลับค่าย” ชลธีตอบเสียงเบาไม่แม้แต่จะมองหน้า “ลินท์ไปนอนทีบ้านพักพี่ในค่ายแล้วกัน”

“แล้วน้องเกอร์ล่ะครับ” เด็กหนุ่มถามทันที เขาเป็นห่วงเด็กอ้วนขึ้นมาจับใจ การไปรับ-ส่งที่โรงเรียนเป็นกิจวัตรประจำวันที่เขาติดไปซะแล้ว

“อยู่กับคุณยาย”

“อ่อ  แต่ว่า” เขางงไปหมดอยู่ๆจะให้เขาไปพักในค่ายกับชลธีทำไม “แล้วทำไมผมต้องไปกับพี่ด้วย”

“พี่อยากให้เราอยู่ใกล้ๆ” ชลธีหันมาสบตาใสแจ๋วที่มองตอบเขา “ไม่ได้หรือ”

“....”

“ทำไมไม่ยอมกลับบ้าน พี่โทรหาก็ไม่รับ” เขาเลื่อนมือที่จับพวงมาลัยมากุมไว้ “ลินท์โกรธอะไรพี่”

“ผมเปล่า” เขาส่ายหัวดิก “ผมไม่ได้โกรธ”

“ก็เห็นอยู่ว่าลินท์หลบหน้าพี่” เขากระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้นส่งผ่านความอบอุ่นและความรู้สึกที่เขามี “ไม่อยากเจอพี่แล้วหรือ”

“ไม่ ไม่ พี่เข้าใจผิดแล้ว” ลูกเป็ดยกมือขึ้นโบกไปมา “ลินท์ขอโทษที่ทำให้พี่เป็นห่วง”

รถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านพักปูนสองชั้น รอบล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นเด่นตระหง่าน สองข้างทางมืดสนิทจนเขาแทบจะมองไม่เห็น บรรยากาศวังเวงทำให้เขารีบลงจากรถ หยิบเป้ขึ้นสะพายก่อนจะสำรวจที่ทางแห่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ชลธีไขกุญแจบ้านถอยรถเข้าที่เรียบร้อยจึงพาลูกเป็ดที่กำลังง่วงเข้าบ้าน ข้างในเป็นบ้านพักคล้ายทาวเฮาส์แต่มีอาณาเขตพอสมควร เขาวางกระเป๋าเป้บนโซฟา มองหาห้องครัวรู้สึกอยากจะดื่มน้ำเสียหน่อย

“ห้องนอนอยู่ข้างบน ง่วงก็ไปนอนนะ” ชลธีขยี้ผมเขาอยู่สองสามที ก่อนจะผละไปเข้าห้องน้ำ เขาคว้ากระเป๋าเป้เดินเลียบบันไดขึ้นไปชั้นสอง เห็นกรอบรูปเรียงรายเต็มไปหมด มีตั้งแต่สมัยชลธียังเรียนอยู่เตรียมทหารกับเพื่อนร่วมรุ่น หรือแม้แต่สมัยที่นายทหารหนุ่มยังเป็นนักเรียนในโรงเรียนเหล่า มีภาพงานราตรีที่เหล่านักเรียนนายร้อยจะต้องควงหญิงสาวมาออกงาน เป็นภาพที่ชลธียิ้มอย่างมีความสุขข้างกายมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักในชุดราตรียาวสีชมพูกำลังคล้องแขนเขาไว้ ถัดไปเป็นภาพหญิงสาวอีกคนในชุดงานแต่งงานสีขาว เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากในความคิดของเขา คงจะเป็นแม่ของไทเกอร์อย่างแน่นอน เมื่อเห็นภาพที่สองคนกุมมือกันแนบแน่นและยิ้มให้กับกล้องทำเอาเขาใจกระตุกวูบ รีบผลักประตูห้องเข้าไปก่อนจะทิ้งตัวนอนลงเตียง ในห้องไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมีเพียงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เขาสะดุดตากับกรอบรูปตั้งโต๊ะสีส้มอ่อนเป็นรูปภาพเด็กชายวัยประมาณ10-15ปียืนเรียงกันสามคน ห้อยด้วยเด็กชายตัวน้อยหน้าตาน่ารักที่กำลังยืนอมนิ้ว หลบกล้องอยู่หลังชลธี มองปราดเดียวเขาก็จำได้ทันที ว่าเด็กหนุ่มคิ้วเข้มหนาที่วางพาดดวงตาคมสวยคู่นั้นคือชลธีไม่ผิดแน่

หน้าตาดีมาตั้งแต่เด็กจริงๆ 

“ยังไม่นอนหรือ” เขาสะดุ้งก่อนจะรีบวางกรอบรูปลงบนหัวเตียง ชลธีถือแก้วน้ำเปล่าเข้ามาแก้วหนึ่งยื่นให้เขา

“กำลังจะนอนครับ” เขารับน้ำมาดื่มก่อนจะรีบเอาผ้าห่มมาคลุมตัวม้วนเป็นดักแด้ก่อนจะรีบหลับตาแน่น ชลธีสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มด้วยก่อนจะรั้งเอวให้เข้ามาใกล้ ท่อนแขนหนาสอดเข้าท้ายทอยรั้งให้เด็กหนุ่มแนบกับแผงอก  “ฮื่อ”

“จะตอบพี่ได้หรือยังว่าเราเป็นอะไร” จมูกโด่งจรดหน้าผากเขา “ถ้าไม่ตอบพี่ก็ไม่ปล่อย นอนอึดอัดไปอย่างนี้แหละ”

“ผมเปล่า” เขาบ่นงึมงำ ใบหน้าซุกอยู่ตรงซอกอก ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆประจำตัวที่คุ้นชินก็เริ่มจะเคลิ้มหลับ “ผมคิดมากไปเอง”

“แล้วคิดเรื่องอะไรหรือ” ชลธีเชยคางเด็กหนุ่ม “น้อยใจอะไรพี่?”

“ผม” เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะกลั้นใจตอบ “ผมไม่คู่ควรกับพี่”

“ลินท์ พี่อยากให้ลินท์รู้เอาไว้นะ พี่ไม่เคยคิดว่าลินท์หรือดูถูกลินท์เลยสักครั้ง” นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำสีใสที่ปริ่มอยู่หางตา “พี่จะอยู่กับใครพี่จะเป็นคนเลือกเอง ในเมื่อพี่เลือกแล้วพี่ก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆด้วย” ริมฝีปากสวยพรมจูบซับไปทั่วใบหน้าขาว จมูกโด่งรั้นเป็นสีแดงระเรื่อจนชลธีอดไม่ไหวต้องงับไปหนึ่งที เจ้าลูกเป็ดสะดุ้งส่งสายตาเขียวปั้ดใส่

“ขอบคุณครับ”

ขอบคุณที่มอบคุณค่าและความหมายของการมีชีวิตให้เขาอีกครั้ง

เสียงสะอื้นยังดังแผ่วจนชายหนุ่มอดสงสารไม่ได้ ยิ่งรั้งเด็กเข้ามาให้แนบชิดมากขึ้น “ไหน มีใครงอแง?”

“ไม่มีสักหน่อย” ลูกเป็ดกระเถิบหันหลังหนี ใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาที่ยังเลอะเทอะ “ผมนอนแล้วนะ”

“อยากนอนก็นอนสิ เด็กดื้อ” กระซิบข้างหูก่อนจะแตะลิ้นเปียกชื้นเข้าที่กกหู เด็กหนุ่มย่นคออย่างหนีเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ไม่สามารถดิ้นจนหลุดจากการเกาะกุมได้ 

“ฮื่อ” เขาหันไปดุผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมหลับยอมนอน “ผมง่วงแล้ว”

“พี่ก็ง่วงนะ แต่” เขาดึงข้อมือบางให้ไปสัมผัสอะไรบางอย่างที่กำลังดุนดันหน้าขาเขา “แต่ฉลามน้อยมันตื่นน่ะสิ”

“อื้อ” ไม่ทันได้อ้าปาก พ่อฉลามเพชฌฆาตก็ฉกจูบเขาทันที ลิ้นเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้มรสความหอมหวาน ขบเม้มจนเขารู้สึกหน่วงเบื้องล่าง สองมือคว้าจิกเอาบ่าของนายทหารหนุ่มไว้แน่น ความเสียวซ่านเริ่มกระจายไปทั้งร่างกายเมื่อมือหนาไต่เข้าไปในกางเกงผ้าแพร เริ่มขยับรูดส่วนอ่อนไหวขึ้นลงจนเขาต้องเพิ่มแรงจิกตามอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน

“เต็มที่ ไม่ต้องกลัวพี่เจ็บหรอก” ชลธีจูบซับข้างใบหู รู้สึกเอื้อเอ็นดูเมื่อเห็นดวงตาฉ่ำปรือปรอยมองเขาหวานเยิ้ม น้ำหล่อลื่นสีใสฉ่ำไปทั่วแก่นกาย เขาปลดกางเกงผ้าแพรลง แบะเรียวขาขาวก่อนจะแทรกนิ้วลงไปที่ช่องทาง มุจลินท์ใช้มือดันเขาไว้ไม่ให้เข้ามาแต่ท่าทางและร่างกายที่ได้รับการปรนเปรอไปนั้นกำลังพรั่งพร้อมที่จะยอมรับตัวตนของเขาเข้าไป

“พี่.. ฉลาม” ชายหนุ่มกด แก่นกายเข้าไปช้าๆแช่อยู่สักพักจนเด็กหนุ่มที่นอนตาปรอยด้านล่างเริ่มประท้วงด้วยการใช้ขาเกี่ยวเอวเขาให้เข้าไปใกล้ “ฮื่อ.. เอาอีก”

“อย่ามายั่วพี่น่า” ชลธีฮึ่มในลำคอก่อนจะค่อยๆขยับร่างกายเชื่องช้า เขาพยายามอ่อนโยนให้เด็กหนุ่มให้ได้มากที่สุด เพื่อที่มุจลินท์จะได้ชินและไม่เจ็บปวดกับรสสัมผัสที่เขามอบให้ ยิ่งได้เชยชมมากเท่าไหร่เขาก็รู้สึกเหมือนเสพติดเด็กหนุ่มมากเท่านั้น เนื้อตัวร่างกายขาวผ่องเรียกอารมณ์เขาให้พลุ่งพล่าน “ชักจะเอาใหญ่แล้วนะลูกเป็ด”

“ฮื่อ อ๊ะ” เสียงกระเส่าแสนหวานดังสลับเสียงร่างกายกระทบ เด็กหนุ่มรั้งต้นคอผู้พันมาประทับริมฝีปาก ผ้าปูที่นอนเริ่มหลุดลุ่ยออกจากเตียง หมอนกระเด็นกระดอนไปคนละทิศทาง สะโพกแกร่งสาวเข้าออกอย่างมัวเมาจนมุจลินท์ตัวสั่นตัวคลอนไปตามแรงกระแทก ฟันคมขบเม้มไปตามยอดอกสีชมพูเข้ม “ฮื่อ ตรงนั้น..” ผมยาวสีน้ำตาลระต้นคอเปียกชื้นเรียบลู่ไปตามผิวขาว ชลธีรวบผมลูกเป็ดขึ้นก่อนจะประทับจูบบริเวณต้นคอขาวจนขึ้นสี

“สงสัยต้องซื้อเสื้อคอเต่าให้ใส่อีกสักตัว” นายทหารหนุ่มหัวเราะในลำคอ พลางดันร่างบางให้อยู่เหนือตัวเขา ส่วนเขานอนเอามือไขว้มองร่างขาวที่กำลังขยับร่าง มุจลินท์หอบหายใจแฮ่กแผ่นอกขยับขึ้นลง ไม่ว่าเขาจะมองยังไงก็โคตรเซ็กซี่  “ไหวไหมครับ?”

“ไม่..” เด็กหนุ่มส่งเสียงอ่อนแรง ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ โดนเอาเปรียบอยู่นานสองนานแต่นายทหารหนุ่มก็ยังไม่มีทีท่าจะเสร็จสมเสียที

เขาเหนื่อยแล้วนะ!

ชลธีอมยิ้มเห็นเด็กดื้อทำหน้ามุ่ยเขาเลยต้องขยับเปลี่ยนที่ทางให้คนไม่มีแรงได้นอนสบายๆ แต่นายทหารหนุ่มไม่ยอมให้ลูกเป็ดได้พักนาน เขายกช่วงขาขาวพาดขึ้นบนลาดไหล่กว้าง ก่อนจะขยับเชื่องช้า เขาไม่ได้ทำรุนแรงอะไรมาก แต่ไม่มีการผ่อนความเร็วแม้แต่น้อย จะให้ทำอย่างไรในเมื่อเขาต้องออกกำลังกาย ใช้แรงอยู่ทุกวัน มิหนำซ้ำยังต้องฝีกทหารใหม่นับร้อยจะให้เขาปล่อยเนื้อปล่อยตัวก็ดูไม่ดีเท่าไหร่ มุจลินท์ทุบไหล่เขาดังปั้ก ส่ายหัวว่าไม่ไหวแล้ว เขาก้มลงไปจูบอีกสักพักก่อนจะ คลอเคลียซอกคอขาวที่เขาชอบนักหนา

“เป็นเมียทหารต้องอดทนนะครับ”

ราตรีนี้ยังคงอีกยาวไกล..






   TBC

ตอนนี้เขาก็ยังพ่อแม่แม่งอนกันอยู่เช่นเคย เคี้ยกๆๆ :hao6:
ฝากเพลงไว้ฟังประกอบค่ะ เอ็มวีน่าร้ากก https://www.youtube.com/watch?v=PKVWK6Kp5yk
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ที่สนใจนิยายของพายนะคะ มีพี่ๆสนพ.ให้ความสนใจด้วย ขอบคุณจริงๆ :hao5:
รักนักอ่านทุกคนจ้ะ *กอด * :mew1:
พายเอาปกร่างนิยายเรื่องมุจลินท์มาฝากด้วยค่ะ ฝีมือของคุณซินเวีย พี่หลามแซ่บเว่อ ชุดแน่นไปไหมคะ อิอิ  :katai2-1:

หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 11-10-2017 20:38:51
พี่ฉลามมมมมมมมม :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 11-10-2017 20:56:19
เป็นเมียทหารต้องอดทนนะคับ ตายแทนหนูลิน
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-10-2017 22:03:34
จ้ะต้องอดทน
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2017 22:06:54
สงสารน้องบ้างคุณทหาร
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 12-10-2017 01:20:26
พี่ฉลามนี่ฟิตสุดๆ กินอะไรบำรุงกำลังคะเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-10-2017 11:23:30
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 12-10-2017 11:30:06
ชอบๆ "เป็นเมียทหารต้องอดทน"

รูปที่แนบมาคือปกหรอซิส

ตอนหน้าให้พี่ชุกับเกี๊ยมถอยทัพได้ไหม

เดี๊ยวโหวตเป็ดอวอต์ให้น้าาาา
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 12-10-2017 11:59:43
 o13 ใช่ๆ น้องลินต้องอดทนมากๆ นะค่ะ
 :3123:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-10-2017 14:58:02
 :z1: :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 12-10-2017 19:28:03
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 14-10-2017 12:19:22
กลับมาต่อไวไวนะ ตอน๙ อยากอ่านไวไว

คืนนี้มาไหม หังว่าตอนหน้าพี่ชุจะไม่มา

วอแวน้องแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 17-10-2017 12:45:59
เมื่อไหร่ตอนเก้าจะมาอ่ะ

นี่นั่งรอน้องลินเลยนะ แต่ตอนหน้าขอพี่วัตรกับน้องวีบ้างสิ

รออ่านนะซิส
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 19-10-2017 20:10:16
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 19-10-2017 21:48:53
ฟิตจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-10-2017 12:21:08
มานั่งรอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 20-10-2017 23:29:20
คือเนื้อเรื่องมันผ่านไปเร็วมากและค่อนข้างไม่ต่อกันอ่ะ  :katai4:

อ่านต่อ  :z1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 21-10-2017 03:03:12
พี่หลามมมมมมมมม :pighaun:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 24-10-2017 00:47:17
เลือดสาดกันเลยทีเดียว
 :haun4:
สงสารน้องก็สงสาร 555
 :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 28-10-2017 14:16:57
ตอนที่ ๙

ปัง!

ปัง!


เสียงปืนดังก้องภายในสนามยิงปืนแบบปิด แรงดีดจากกระบอกปืนทำให้เขาเซเล็กน้อยจนต้องยึดเท้าไว้ให้มั่น ช่วงแขนเหยียดตรงมือข้างที่ถนัดจับลำกล้องของปืนไว้แน่นนิ้วชี้ไว้เกี่ยวไกปืน แล้วใช้มืออีกฝั่งประคองจับฐานปืนให้มั่น เล็งไปยังเป้าหมาย เสียงปืนสิ้นสุดลงพร้อมกับเป้าปืนสีขาวเป็นรูพรุน

“ปืนแมกกาซีน สำหรับมือใหม่อย่างเรา พี่ว่ายิงง่ายที่สุด” ชลธีรับปืนมาจากลูกเป็ด เขาสังเกตเห็นมือขาวสั่นระริก “11มม.แรงรีคอยล์จะมากกว่า9มม. เพราะฉะนั้นต้องระวังไว้หน่อยนะ”

“ผมชอบ9มม.ที่สุดแล้ว” มุจลินท์เหล่มองปืนในมือผู้พันหนุ่ม “อย่างน้อยก็ยังเซไม่มาก” เขาหัวเราะแห้ง แค่ยิงปืนไม่กี่นัดใช้พลังมหาศาลกว่าที่เขาคิด แรงดีดจากปืนทำเอาเขาแทบจับปืนไว้ไม่อยู่

“เหนื่อยหรือยัง” ชลธีจุดยิ้มเมื่อเห็นลูกเป็ดหน้ามู่ทู่ “พี่จะสอนปืนลูกโม่ต่อครับ”

“จะให้ผมไปเป็นมือปืนรับจ้างหรือไง” เขาบ่นอุบ มือที่จับปืนเมื่อครู่ยังชาหนึบ เขาปลดที่ครอบหูสีดำออก เหงื่อไหลข้างขมับจนต้องยกแขนเสื้อเช็ด ชลธีจึงรีบส่งขวดน้ำเปล่าให้

“พี่อยากให้เราหัดไว้ป้องกันตัว” เขามองเด็กหนุ่มกำลังยกขวดน้ำดื่มอึกๆ “เวลาพี่ไม่อยู่จะได้ดูแลตัวเองได้”

“คร้าบ คร้าบ” เขาตอบแบบขอไปที ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้พลาสติกที่ตั้งอยู่บริเวณนั้น ตั้งแต่เช้าชลธีพาเขาวิ่งออกกำลังกาย แถมยังพามาสอนยิงปืนอีก คงไม่ได้ให้เขาไปเป็นทหารด้วยอีกคนหรอกใช่ไหม

“เดี๋ยวมาลองแบบ11มม.อีกรอบนะ” นายทหารหนุ่มใส่ลูกกระสุนจนเต็มรังเพลิง “ไหวนะ เมื่อกี๊พี่เห็นมือสั่น”

“ไหวครับ” เขาเดินไปประจำจุดยิง เกิดมาเพิ่งจะเคยจับปืนครั้งแรกจะให้เขาคล่องแคล่วได้เลยที่ไหนกัน เขานึกว่ายิงหลายครั้งแล้วจะชินที่ไหนมือก็ยังสั่นเหมือนเดิม  ชลธีซ้อนตัวเข้าด้านหลังมือสองข้างสอดเข้าไปที่ตำแหน่งที่เขาจับอยู่

“ตั้งสตินะ” เสียงกระซิบข้างหูกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกใจเต้น “เล็งเป้า.. เหนี่ยวไก”

ปัง!

ปัง!

ปัง!


“เก่งมาก” นายทหารหนุ่มก้มลงหอมแก้มลูกเป็ดเร็วๆหนึ่งที ส่วนเจ้าตัวกำลังยืนมองเป้ากระดาษบอกตำแหน่งที่ยิงโดน คราวนี้เข้าจุดตายตั้งสองนัด ท่าทางเขาจะมีพรสวรรค์จริงๆ “เก่งแบบนี้ คืนนี้พี่มีรางวัลให้นะครับ”

“พี่ฉลาม!” เขาหันไปแยกเขี้ยวใส่ คนบ้าอะไรทะลึ่งได้ทุกเวล่ำเวลา

 “ว้าว” เสียงปรบมือดังเปาะแปะพร้อมกับเจ้าของเสียงเดินตรงมายังที่เขายืน ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มหัวเกรียนสวมชุดฝึกทหารสีเขียวเข้มครบชุด เด็กหนุ่มมองกลับไปอย่างสงสัย “เอ้า นึกว่าไอ้มะนาว”

“มะนาวยิงปืนแม่นกว่ามึงอีก ไอ้ปาน” ชลธีผละออกจากเด็กหนุ่มไปทักทายคนมาใหม่ ปานชีวันคือผู้หมวดร้อยโทประจำกองพันที่เขารับผิดชอบอยู่ เป็นรุ่นน้องชมรมยิงปืนสมัยที่เขาเรียนโรงเรียนนายร้อย

“โธ่ พี่หลาม พี่จะล้อผมจนลูกบวชเลยปะ”

“วันนี้ไม่มีฝึกหรือไง”

“มีฝึกว่ายน้ำ เตรียมแข่งหน่วยทหารขนาดเล็กครับ”

“เออ จะทำอะไรก็รีบไปทำ” เขาหันมายิ้มให้เด็กหนุ่ม “ลินท์ ไปกินข้าวกันครับ”

“แล้วพี่จะไม่แนะนำคนนั้นให้ผมรู้จักหน่อยหรอ”

”เสือก!”

“เก็บของดีไว้คนเดียวหรอพี่ เดี๋ยวพี่หลา-” ปานชีวันรีบตะครุบตัวผู้พัน กอดแน่นไม่ยอมปล่อย มุจลินท์ขำตัวงอ ผู้หมวดหน้าโหดแต่นิสัยขี้เล่นแตกต่างกับหน้าตาชะมัด

 “ไอ้ปาน ไปไกลๆตีนกูเลยว้อยย”

“หมวดปาน!” ทหารอีกคนวิ่งผลุนเข้ามา “คนอื่นเขาตามหาหมวดกัน มาทำอะไรที่นี่ครับ”

 “ไอ้ปาน!” นายทหารอีกคนรีบสาวเท้าเข้ามาประชิด แถมยังโบกหัวปานชีวันไปหนึ่งที  “กูให้ลูกน้องมาตามมึงตั้งนานแล้ว หายหัวไปไหนมาวะ”

“พี่นัทททททททท” ผู้หมวดหนุ่มตัวดีดผึง ถอยหลังอัตโนมัติดูท่าทางจะเกรงกลัวคนมาใหม่มาก  “ผมไปละครับบบบบ”

“เดี๋ยวผมไปจัดการไอ้ปานมันก่อนนะพี่” ธนัชหันมาสวัสดีชลธีก่อนจะยิ้มให้เขา ผู้กองคนนี้ตัวสูงๆพอกับชลธีแต่ผิวขาวจัดเหมือนคนไม่เคยโดนแดด หน้าตาติดหวานเหมือนผู้หญิงทำเอาเขามองเพลิน

“ดูแลมันดีๆหน่อย ผู้กอง” ชลธีโบกมือไล่ ลูกน้องในสังกัดแต่ละคนของเขาเหมือนคนอื่นซะที่ไหน ถึงอย่างนั้นเวลาทำงานพวกมันก็มืออาชีพและมีความสามารถมากพอ

ทุกคนเดินออกไปจนหมดจนสนามยิงปืนกลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม ชลธีค่อยๆสอดมือเข้ามากุมมือบางแน่น ริ้วแดงขึ้นที่แก้มขาว ตอนนี้เขาใจเต้นยิ่งกว่าหัดยิงปืนเมื่อครู่เสียอีก

“บ่ายพี่มีประชุม เดี๋ยวพี่จะไปส่งเราที่มหาลัยก่อนนะครับ”

“ครับ”เขาช้อนตามองชายหนุ่มที่สูงกว่าเกือบสิบเซ็น “แล้วพี่จะกลับบ้านเมื่อไหร่ครับ”

“รอบนี้พี่ไม่แน่ใจเลย” ชลธีครุ่นคิด “พี่อาจจะไปประจำที่ชายแดนสักพัก” เขาคิดหนักเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว มีรายงานการลอบส่งยาเสพติดตามแนวชายแดนล็อตใหญ่ ซึ่งเขาเคยเป็นหัวหน้าชุดสมัยเป็นผู้หมวดที่ดูแลเรื่องการจับกุมยาเสพติดจึงต้องไปเป็นที่ปรึกษาเพื่อวางแผนในการรับมือ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะได้รับมอบหมายงานใหญ่จนต้องห่างเจ้าลูกเป็ดหลายเดือนทีเดียว

“…”

“พี่สัญญา ถ้าพี่มีเวลา พี่จะรีบกลับบ้านทันทีเลยครับ”

“ฮื่อ” มุจลินท์เอาหัวชนไหล่ส่งเสียงงอแง “คิดถึงแย่เลย”

“มาอ้อนอะไรตรงนี้เนี่ย” ชลธีฮึ่มในลำคอ “มันฟัดไม่ได้นะรู้ไหม”

“ทะลึ่ง!” เขาถอยหลังกรูด ชลธีขำกับท่าทางเขาไม่หยุด ตั้งแต่เมื่อคืนเขายังปวดเอวไม่หายเลย อยู่ใกล้ทีไรคิดแต่เรื่องใต้สะดือตลอด

ไม่ทะลึ่งสักนาทีจะตายไหมครับ.. ผู้พัน

.
.
.
   แผนที่ถูกกางวางบนโต๊ะสี่เหลี่ยมในห้องประชุมขนาดเล็ก พร้อมด้วยชลธีที่กำลังชี้และอธิบายจุดที่เป็นช่องโหว่ระหว่างชายแดน ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติในการลักลอบขนยาเสพติด ค้ามนุษย์ การขนย้ายของผิดกฎหมายต่างๆ นายทหารระดับสูงผู้เข้าร่วมในการประชุมต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด เนื่องจากเส้นทางที่เป็นจุดบอดมีระยะทางที่ยาวมากจนไม่สามารถที่ป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็น

   “นี่คือเส้นทางที่เราวางกำลังไว้ในครั้งที่แล้ว” เขาปักธงลงบนแผนที่ทหาร “ลากยาวลงมาทางทิศตะวันออกจะถึงทางเข้าของชายแดน” เส้นทางที่ว่าคือสามารถเข้าออกได้ถูกกฎหมายระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนสินค้า ขายของอุปโภคบริโภค

   “ครั้งนี้เราคงใช้แผนเดิมไมได้แล้วนะผู้พัน” นายทหารชำนาญการพิเศษว่าเสียงเครียด เขาใช้ธงอีกอันปักลงไปแถบภูเขาเลยขึ้นไปทางทิศเหนือ “หน่วยข่าวกรองของเราแจ้งมาว่าจะมีการขนย้ายยาเสพติดเลียบมาทางภูเขาแถบนี้”

   ชลธีมองแผนที่ด้วยความครุ่นคิด ต้องใช้กำลังทหารมากมายแค่ไหนถึงจะสกัดไม่ให้พวกยานรกนี่เข้ามาในประเทศของเราได้ เขาตัดสินใจปักธงลงไปบนเขาลูกหนึ่ง นี่คือฐานของหน่วยที่รักษากำลังด้านชายแดน ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณหมู่บ้านของชาวบ้านที่อยู่บนเขา เขาจะต้องกระจายกำลังเพื่อป้องกันให้ไวที่สุด เขาไม่รู้เลยว่ามันจะใช้เวลานานหรือไม่กว่าภารกิจครั้งนี้จะสำเร็จ เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญในอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเขาจะต้องยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างปกป้องเอาไว้ให้ได้

   “เราจะตั้งฐานที่นี่”

   “จะไม่เด่นไปหรือครับผู้พัน อย่างไรพวกมันก็รู้ว่าเป็นฐานของเราอยู่แล้ว”

“เราจะวางกำลังไว้ตรงนี้แค่เพียง ไม่เยอะ” ชลธีใช้ดินสอขีดลากบนแผนที่ “แล้วจะไปตลบหลังมันอีกที ตรงนี้” เขาปักธงในมุมอับจุดอันตรายที่ไม่คาดคิดว่าจะมีใครเข้าไปอยู่ “หมวดจัดนายทหารฝีมือดีให้ผมสักยี่สิบนายก็พอ”   

ทุกคนในห้องประชุมมองหน้ากันไม่คิดมีใครอยากเสี่ยงบุกป่าเข้าไปลึกขนาดนั้น แนวเลียบภูเขามีความชันอย่างมากโดยเฉพาะการเดินทางในหน้าฝนที่เสี่ยงต่อการพลัดตกเขา ต่อให้จะเป็นทหารที่ชำนาญทางมากแค่ไหนก็ยังพลาดกันได้ ใครจะคิดว่าผู้พันหนุ่มอย่างชลธีจะเลือกใช้วิธีบ้าดีเดือดขนาดนี้

“ผมจะประสานกับตำรวจตะเวนชายแดนเพื่อร่วมภารกิจในครั้งนี้กับเราด้วย”ชลธีจุดยิ้ม เขาใช้วิธีนี้ก็เพื่อจะตัดกำลังที่ไม่สำคัญออกไป หากไม่มีใจที่จะทำภารกิจไม่เท่ากับว่าเขาพาลูกน้องไปเสี่ยงหรอกหรือ ภารกิจจะต้องผิดพลาดน้อยที่สุดเพราะฉะนั้น การจัดกำลังพลมีความสำคัญอย่างมาก นี่คือหน้าที่ของหัวหน้าชุดอย่างเขา

“ผมขอถอนตัว” หลายคนเลือกที่จะออกจากการทำภารกิจเพราะไม่ชอบใจที่เขาตัดสินใช้วิธีนี้ แต่เขาก็ไม่สนใจ การลาดตะเวนที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่การมีกำลังพลเยอะ แต่จะต้องมีใจอดทนที่จะทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงต่างหาก

การประชุมกินเวลาเนิ่นนานล่วงเลยจนเกือบค่อนคืน นายทหารหนุ่มได้แต่ยกซดกาแฟจนลิ้นชาก็ยังไม่มีวี่แววว่าการตกลงเพื่อร่วมมือดำเนินการปราบปรามการค้ายาเสพติดจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ เขาลุกออกมาเข้าห้องน้ำ เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่เด็กหนุ่มส่งมาให้เมื่อสองชั่วโมงก่อน เป็นรูปลูกเป็ดยิ้มแฉ่งพร้อมลูกชายคนเก่งที่กำลังนั่งกินข้าวบนโต๊ะอาหารโดยมีคุณยายนั่งอยู่ไม่ห่าง เขาใช้นิ้วลูบไปมาบนรูปภาพหน้าจอ แม้จะไม่ได้เจอ ไม่ได้ยินเสียงแต่เพียงแค่ได้เห็นว่ายังมีคนรอเขาอยู่ที่บ้านก็อดที่จะระบายยิ้มออกมาไม่ได้

“คุยกับสาวที่ไหนถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้เนี่ยลูกพี่” ปานชีวันในชุดลำลองโผล่หัวออกมาจากประตูห้อง เขาเงยหน้ามองคนมาใหม่ก่อนจะสอดโทรศัพท์มือถือกลับเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม “หลังจากประชุมเสร็จ พี่นัชให้ผมมาเชิญพี่ไปทานข้าวครับ”

“เออ เดี๋ยวกูไป” เขาชี้นิ้วไปทางไอ้คนหน้าทะเล้นที่ยืนยิ้มแฉ่ง “ระวังไว้เหอะมึง กวนตีนมากๆกูจะให้ไอ้นัชจัดการ” คนโดนคาดโทษหน้าซีดหน้าเซียวรีบมาพะเน้าพะนอ

“จะให้ผมทำให้อะไรก็ได้ แต่อย่าส่งผมไปอยู่กับพี่นัชเลยนะพี่” ชายหนุ่มตัวโตแอบป้องปากกระซิบ “พี่นัชโคตรฝืด สมัยเป็นเด็กห้องผมโดนใช้ซักถุงเท้า หื้อ โคตรเหม็น ตีนคนหรืออาวุธชีวภาพ” ว่าแล้วก็ทำท่าขนลุกขนพอง

“มันรู้เมื่อไหร่ มึงตายแน่ไอ้ปาน” เขาพูดติดตลก โยนกุญแจรถให้พลขับ ก่อนจะเข้าห้องประชุม

รอยยิ้มของใครบางคนยังคงชัดเจนในความนึกคิด

สัมผัสแนบชิดไออุ่นยังคงตราตรึง

เขาคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆที่พร่ำเพ้อเป็นเด็กหนุ่มริหัดลองมีรักครั้งแรก บางครั้งเขาก็คิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ความหลงชั่วครั้งชั่วคราว เขาอยากจะพิสูจน์ อยากทำอะไรให้มันชัดเจนเสียที

การประชุมเริ่มขึ้นอย่างเข้มข้นอีกครั้ง เขาพยายามที่จะแสดงศักยภาพให้นายทหารท่านอื่นเห็นว่า ท้ายที่สุดแล้วการทำภารกิจในครั้งนี้จะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุมที่สุด เพื่อยับยั้งการแพร่หลายของยานรกและปัญหาสังคมที่จะตามมาไม่จบสิ้น

หน้าจอมือถือเขาสว่างวาบ แอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นหน้าจอ ชื่อเดิม คนเดิม ที่คอยทักถาม เป็นห่วงเขาเสมอ ยังคงเป็นคนเดิม.. เขาแอบจุดยิ้มเลื่อนกดดูข้อความใต้โต๊ะ

‘นอนคนเดียวอีกแล้ว’

‘เมื่อไหร่จะกลับมาครับ’

‘วันนี้กินข้าวไม่อร่อยเลยไม่มีคนบ่น’

‘อย่าลืมทานข้าวนะครับ’

‘จะนอนก็ห่มผ้าหนาๆด้วย’

‘ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้ผมมีเรียนแต่เช้า’

‘ถ้าว่างแล้วก็คอลมาหามั่งนะครับ’

เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นข้อความก็รู้ทันทีว่าคนอีกฟากกำลังงอแงได้ที่ มันกลายเป็นกิจวัตรไปแล้วที่จะต้องตื่นมาเจอหน้ากันทุกวัน พอไม่เจอกันสักวันมันก็เหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไป

‘เดี๋ยวนี้หัดงอแงกับพี่หรือ’

‘ขอโทษครับ’ พร้อมส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายร้องไห้กลับมาหนึ่งตัว

‘จะอ้อนจะงอแงก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องกับพี่คนเดียว’ เขากดส่งสติ๊กเกอร์หมีพ่นไฟไปสามสี่ตัว จนเจ้าลูกเป็ดส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายหัวเราะกลับมา นี่เขาพูดจริงไม่ได้ล้อเล่นเสียหน่อย ช่วยจริงจังด้วยนะครับคนดี

‘แหงอยู่แล้ว ก็ลินท์มีพี่คนเดียว’

‘เป็นเด็กเป็นเล็กหัดวางระเบิดหรือ พี่ละลายไปหมดแล้วเนี่ย’

เขาพิมเองก็เขินเอง อายุอานามก็เลขสามกว่าแล้วยังจะให้มุกจีบเป็นเด็กประถมอยู่ได้ ไอ้ช้างมาเห็นเขาคงหัวร่อตัวงอเป็นกุ้งแน่

“ว่ายังไงผู้พัน” นายพลชั้นผู้ใหญ่หันมาถาม “สรุปแล้วจะเอาอย่างไร”

“ผมจะขอขึ้นไปประจำที่เชียงรายเพื่อปฏิบัติภารกิจครับ” เขาตัดสินใจเด็ดขาด ออกราชการภาคสนามครั้งนี้คงไม่ต่ำกว่าหกเดือน ไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาได้กลับไปกอดคนรอที่บ้านหรือเปล่า แต่เขาก็หวังว่าเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์หัวใจ เขาใช้เวลาเป็นเครื่องเดิมพัน หากเราต่างมีความอดทนรอคอย ความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเขาคงจะชัดเจนได้จริงๆ ว่าคนคนนี้คือคนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างเขาในทุกเหตุการณ์ชีวิต เป็นสายน้ำอันชื่นฉ่ำในวันที่เขาเหือดแห้งหมดแล้วซึ่งทุกสิ่ง ในที่สุดเขาก็จะได้ทำตามหัวใจตัวเองจริงๆเสียที

ได้โปรด.. รอพี่เถอะนะ 
.
.
.
นายตำรวจหนุ่มสวมแว่นกรอบสีเงินเลนส์ถนอมสายตา เพ่งไปที่หน้าจอแล็บท็อบตัวเก่ง หลังจากที่จ้องมานานกว่าสามชั่วโมงอาการปวดขมับก็เริ่มตามมาจนเขาต้องพับหน้าจอ ทิ้งตัวพิงลงเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า เขาสะสางงานที่คั่งค้างใกล้จะเสร็จแล้วแต่ก็ยังมีคดีใหม่ๆเข้ามาไม่หยุดหย่อน ไม่มีเวลากลับบ้านมาเป็นอาทิตย์จนแม่ต้องโทรมาตามทุกวัน ทั้งเป็นห่วงลูกชายคนเล็กที่ไม่ยอมมีครอบครัวเสียที ทั้งเป็นห่วงธุรกิจที่บ้านจะไม่มีใครรับดูแลต่อเพราะพี่สาวและพี่ชายของเขาไปตั้งรกรากกับครอบครัวที่ต่างประเทศกันหมดแล้ว 

 “มีคนมาขอพบครับ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น จ่าเดชเปิดประตูเข้ามา “เอ่อ น้องชายหรือครับเห็นนั่งรอมาสองชั่วโมงแล้ว”

“ผมไม่รู้จักสักหน่อยจ่า” ดวงตารีเรียวคู่สวยมองลอดกรอบสีเงินบาง มองแค่ปราดเดียวคนที่ต้องแบกหน้ามารับคำด่าจากผู้บังคับบัญชาเหงื่อแตกซ่ก “บอกเขาไปว่าผมไม่ว่าง แล้วก็ไม่ต้องมาอีก”

“ผมบอกอย่างที่ผู้กำกับว่ามาสองอาทิตย์แล้วนะครับ” จ่าเดชหยุดพูดไปชั่วครู่ คิดว่าถ้าพูดไปแล้วเขาจะโดนสั่งขังลืมหรือเปล่า แต่เขาก็อดสงสารเด็กหนุ่มที่มานั่งตากยุงไม่ได้ “ถ้าจะโกรธก็คุยกันดีๆสิครับ”

ตึง

“บอกเขาไปอย่างเดิม” ชัยวัตรกระแทกแฟ้มประวัติที่เอามาเปิดลงบนโต๊ะทำงาน “ถ้าผมออกไปแล้วยังเห็นเขานั่งอยู่ มีเรื่องแน่จ่า!”

จ่าตัวดีดผึงรีบเผ่นแผล็วออกจากห้องไป นิ้วมือเรียวยาวยกขึ้นมานวดขมับเบาๆ วันนี้เขาคงใช้สายจ้องคอมพิวเตอร์มากเกินไป หรือจ้องหน้าประตูห้องรอใครบางคนมาเคาะกันแน่ ชัยวัตรยกแก้วน้ำขึ้นจิบ เหลือบเห็นนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง

“หิวข้าวชะมัด” เขากดปิดโน้ตบุคแอบลูบท้องที่กำลังคร่ำครวญ ช่วงนี้รู้สึกปวดท้องบ่อยๆ โรคกระเพาะที่เคยเป็นตั้งแต่สมัยเรียนชอบกำเริบเมื่อเขาทานข้าวไม่ตรงเวลาเสมอ “งานเยอะขนาดนี้ใครมันจะไปมีเวลากินข้าว” หรือว่าเขาควรจะลาออกไปขายข้าวมันไก่อย่างที่แม่บอกจริงๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เขาเงยหน้ามองประตูห้อง เมื่อเห็นไม่มีใครเปิดเข้ามาจึงส่องกระจกออกไปดู เห็นถุงผ้าแขวนอยู่บนลูกบิดประตูพร้อมกระดาษโน้ตหนึ่งใบ เขาเปิดประตูมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นไม่มีใครอยู่บริเวณนี้เลยสักนิดจึงหยิบถุงผ้าน่าสงสัยขึ้นมาดู ข้างในมีกล่องข้าวสีเหลืองอ่อนบรรจุข้าวผัดทะเลอัดแน่นพร้อมไข่เจียว

‘ทานข้าวด้วยนะครับ’

ชัยวัตรขมวดคิ้ว ลายมือยึกยือที่เขียนถ้าให้เดาคงเป็นไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่มาดักรอเขาทุกเขาแน่ เรื่องอะไรเขาจะกิน แอบใส่อะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาไปให้จ่าเดชกินก็แล้วกัน เสียดายของ

เอาตามความจริงเขาก็ไม่ได้คิดจะหลบหน้า เขาชอบการเผชิญหน้าแล้วคุยกันให้เข้าใจไปเลย แต่สิ่งที่ปฐวีต้องการมันมากเกินกว่าที่เขาจะให้ได้จริงๆ แม้ว่าเขาจะยอมรับความสัมพันธ์ของเพศเดียวกันได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการจะมีแฟนเป็นเพศเดียวกันเสียหน่อย

“คิดจะหลบหน้าผมไปอีกนานแค่ไหนครับ” ปฐวีโผล่เข้ามาขวางเขาที่กำลังจะเข้าห้อง ผู้กำกับหนุ่มสะดุ้งเฮือกเกือบทำถุงผ้าหล่นลงพื้น

“เฮ้ย แม่ง หัวใจจะวายตาย เล่นห่าอะไรไม่รู้เรื่อง”   

“ผมอยู่ทั้งคน ผายปอดให้ได้อยู่แล้ว”

“สัส กวนตีน”

“กลัวไม่อยู่กวนตีนแล้วจะมีคนเหงา”

“กลับไปได้แล้วไป นู่น ทางออก เชิญ ผมจะทำงาน”

“ทานข้าวก่อนสิครับ” เขามองไปกล่องพลาสติกสีเหลืองในมือชัยวัตร รอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าเมื่อเห็นว่ามันอยู่ในมือของคนที่เขาคิดถึงมาตั้งหลายวัน “รีบทานเลยนะ เดี๋ยวมันจะหายร้อน”

“รู้แล้ว” ชัยวัตรผลักคนตัวโตไล่เลี่ยกันออกไปอีกทาง อายุแค่นี้ทำไมตัวใหญ่จังวะ “มีธุระแค่นี้ใช่ไหม”

“ได้เห็นหน้าคุณผมก็พอใจแล้ว” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง “นี่แหละธุระของผม”

“เชิญ!” ผู้กำกับหนุ่มปิดประตูดังปัง เหลือบมองกล่องข้าวในมือ กลิ่นหอมของอาหารหอมกรุ่นเตะจมูกจนต้องลอบกลืนน้ำลาย เสียงท้องที่ร้องไม่หยุดทำเอาเขาอยากจะบ้าตาย สงสัยต้องฝากท้องไว้กับข้าวกล่องนี่สักวัน ก็แค่วันเดียวแหละน่า

“คุณวัตร คือว่า วันอังคารหน้า ผมมีแข่งบาสที่มหา’ลัย” ปฐวีแนบริมฝีปากกับบานประตู เขาหวังว่าชัยวัตรจะได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูด “ถ้าคุณว่างแวะมาดูได้นะครับ”

“ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก” เขาตะโกนออกไป อันที่จริงเขาพิงประตูห้องอยู่จึงได้ยินเสียงของคนข้างนอกชัดเจน และเขาก็คิดว่าไม่ใช่กงการอะไรที่เขาจะต้องไปดู งานการเขามีตั้งเยอะแยะ แล้วไอ้เด็กนี่ยังตอแยเขาไม่เลิกเขาคงได้เล่นไม้แข็งแน่

“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมจะขอมาส่งข้าวให้คุณทุกวันเลยแล้วกันนะ”

“ไม่ต้อง!” บางครั้งเขาอาจจะต้องไปตรวจความเรียบร้อยนอกสถานที่หรือกินเลี้ยงกับเพื่อน ทำให้การกินข้าวของเขาไม่เป็นเวลา แล้วเขาก็ไม่ต้องการมารายงานว่าเขาต้องไปไหนทำอะไรกับใครด้วย ไม่ต้องมารอเขา เพราะเขาก็ไม่อยากรอใครเหมือนกัน

เสียงจากข้างนอกเงียบไปแล้ว เขาได้แต่ถอนหายใจ เขามั่นใจว่าตนเองได้ปฏิเสธไปอย่างชัดเจนแล้ว เขาไม่ได้ต้องการให้ปฐวีมารับผิดชอบอะไรในตัวเขา ความสัมพันธ์ทางกายแบบไร้สถานะเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปเสียแล้ว เขาเป็นผู้ชายอายุสามสิบสามที่ผ่านโลกมาแล้วพอสมควร ไม่ใช่หนุ่มน้อยแรกรักอย่างไอเด็กนั่น คิดจะมาผูกมัดเขามันยังเร็วไปร้อยปีโว้ย!

เขาเคลียร์งานอยู่ในห้องจนห้าทุ่มกว่า ไลน์ดังแจ้งเตือนจากเพื่อนสนิทโทรมาชวนไปแฮงค์เอ้าอีกเช่นเคย กดปิดแล็บท็อบตรวจความเรียบร้อยเสร็จแล้วเขาก็เตรียมตัวหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยน บ่อยครั้งที่ต้องนอนค้างที่สน.เขาจึงต้องมีชุดลำลองเตรียมไว้

“จะกลับแล้วหรือครับ” ปฐวีที่กำลังนั่งอ่านหนังสือผุดลุกขึ้นมา “จะกลับคอนโดเลยหรือว่าจะไปไหนต่อครับ”

“ไม่ใช่เรื่องของนาย ไอ้หนู!” เขาจิ้มจึกที่แผงอกของเด็กหนุ่มไม่ให้เข้ามาใกล้จนเกินไป “ดึกดื่นแล้วไม่กลับบ้านกลับช่อง ไม่ไปทำงานพิเศษแล้วหรือ”

“ช่วงนี้ผมมีแข่งกีฬาครับ เลยขอหัวหน้าลาหยุดไว้สักพัก”

“โอ้ นักกีฬาหรือ” ชัยวัตรทำตาโต ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างดูน่ารักเหลือเกินสำหรับเด็กหนุ่ม “กีฬาอะไรล่ะ” เขาเหมือนเห็นหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่กำลังสั่นหางระริก เขาแค่คุยด้วยก็ดีใจจนออกนอกหน้า

“บาสครับ”

“แล้วนักกีฬาไม่พักผ่อนจะเอาแรงที่ไหนไปแข่ง กลับไปได้แล้วไป”

“ก็ได้ครับ” คราวนี้หมาตัวโตหางลู่หูตก เขาอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ

“ที่นี่สถานีตำรวจ ไม่ใช่ที่นายมาจะวิ่งเล่นหรือมานั่งเฝ้าใคร”

“ขอโทษครับ”

 “ฟังนะปฐวี เรื่องที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด ลืมมันไปซะ หากนายล้ำเส้นมาอีก อย่าหาว่าฉันใจร้าย” เขาหันไปทำเสียงดุ ต้องให้เขาใจร้ายใช่ไหมถึงจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

“ผมไม่ลืมได้ไหม”

“นั่นมันก็เรื่องของนาย!”

เขาไม่สนคนที่กำลังส่งสายตาตัดพ้อ เดินหนีไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัวที่จอดเอาไว้ ยังไม่ทันได้ออกรถไปไหนเพราะมัวแต่ก้มลงเก็บของส่วนตัว เด็กตัวโตก็เปิดประตูเข้ามานั่งข้างคนขับเสียอย่างนั้น เขามองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าบึ้งแล้วขมวดคิ้วรู้สึกรำคาญเต็มแก่

“ผมจะไปด้วย”

“ฉันไม่พกเด็กไปด้วยหรอกนะ”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้ว!”

“แต่การกระทำของนายนี่แหละที่ยังเด็ก เที่ยวตามติดฉันไปทั่วแบบนี้ บอกตรงๆนะ รำคาญ”

“ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ ไม่ได้หรือ”

“ฉันโตแล้ว และก็ดูแลตัวเองได้ นายเอาเวลาไปห่วงตัวเองเถอะ!” เขาเห็นปฐวีกำหมัดแน่น ก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา จึงลอบถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ใช่คนชอบพูดจาทำร้ายจิตใจใครง่ายๆหรอก แต่นี่มันจำเป็นจริงๆ หวังว่าเขาจะเข้าใจ

“ผมมันไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือ”

“ถ้าจะพูดถึงการกระทำ ฉันว่านายออกจะเหมือนสตอล์คเกอร์ไปหน่อยนะ”

“เหมือนโรคจิตที่ชอบแอบสะกดรอยตามงั้นหรือ”

“ก็ประมาณนั้น” เขาเหลือบมองเด็กหนุ่มที่เอามือขยี้หัวอย่างเอาเป็นเอาตาย สงสัยวันนี้เขาคงต้องยกเลิกนัดกับเพื่อนแล้วล่ะ เพราะหมาตัวโตดูท่าจะไม่ไปไหนง่ายๆ

‘ผมไม่เคยจีบใครนี่นา”

“ใครบอกว่าให้จีบได้วะ”

“ก็เราเป็นผั---”

“อย่าพูดนะมึง” เขาดันฝ่ามือปิดปากเด็กหนุ่มที่ร้องอู้อี้ “ไม่งั้นกูยิงไส้แตกจริงๆด้วย” ปฐวีพยักหน้าหงึกหงักเขาถึงยอมปล่อยมือออก ฝ่ามือที่เขาใช้ปิดปากเด็กหนุ่มแฉะฉ่ำ

“ขอโทษครับ ผมเผลอเลียไปนิดหน่อย”

“…”

นี่เขากำลังอยู่กับหมาโกลเด้นตัวโตจริงๆใช่ไหมเนี่ย 




TBC


ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด  :mew1: :mew2:
ขอบคุณจริงๆค่า วันนี้พายเอาน้องไทเกอร์มาฝากค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 28-10-2017 15:52:49
น้องไทเกอร์น่ารักเชียวค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 28-10-2017 16:23:29
ชอบๆ มาต่ออีกเยอะๆ นะค๊าาา  :L2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 28-10-2017 17:00:23
ชลธี เป็นทหารเรือ หรือทหารบกครับ
อ่านแรกๆ เหมือนว่าเป็นทหารเรือ แต่ภารกิจ และเนื้อเรื่องตอน 9 เหมือนภาพทหารบกมากกว่า
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 28-10-2017 21:29:15
 :mew4: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-10-2017 21:55:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 29-10-2017 09:14:24
อ๊ากพี่หลามจะไปลาดตระเวณ แล้วนุ้งลินทร์จะโดนพี่ชุคาบไปกินอีกไหม

แต่วัตรกับวีก็มากระชุ่มกระชวยหัวใจเสียจริงๆ

ทำไมตอนนี้ไม่เห็นมี....เลยอ่ะ55555555+
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 29-10-2017 09:24:42
“ผมชอบ9มม.ที่สุดแล้ว” มุจลินท์เหล่มองปืนในมือผู้พันหนุ่ม “อย่างน้อยก็ยังเซไม่มาก” เขาหัวเราะแห้ง แค่ยิงปืนไม่กี่นัดใช้พลังมหาศาลกว่าที่เขาคิด แรงดีดจากปืนทำเอาเขาแทบจับปืนไว้ไม่อยู่


อยากถามนักเขีนว่าพิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ ผมว่าน้องลินทร์จะบอกว่าผมชอบเก้านิ้วที่สุดเลย 55555+

เหมือนจะได้คู่รองเพิ่มมาอีกคู่นะครับ นัทกันปาน ระวังจะลงล็อคแบบวีกับวัตร

รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๙] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๘.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-10-2017 13:13:26
หึหึ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑๐] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 29-10-2017 16:10:04
ตอนที่ ๑๐

   เวลาเจ็ดโมงเช้าคือช่วงเวลาที่มุจลินท์จะวุ่นวายที่สุด นอกจากจะเตรียมไทเกอร์ไปโรงเรียนแล้ว อาหารเช้ายังเป็นเรื่องที่เขาปวดได้ทุกวัน เพราะคุณชายไม่ยอมกินบรรดาผักทั้งหลาย ต้องงัดไม้ตายมาใช้นับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะยอมกินหมดได้ในแต่ละมื้อ วันนี้เป็นคิวคุณแครอทสีสวยที่เด็กหนุ่มตั้งใจทำเป็นพิเศษ ไข่ตุ่นแครอทและแกงจืดหมูสับ  เขาจัดแจงทำข้าวผัดอีกชุดไว้ทานที่มหาวิทยาลัยและแพ็คใส่กล่องข้าวใบเล็กให้ลูกชายตัวน้อยไว้ทานที่โรงเรียน

ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลไทเกอร์ เขามักสังเกตพฤติกรรมเด็กชายอยู่เสมอ หากเผลอเมื่อไหร่เจ้าตัวจะเอานิ้วเข้าปาก หนักเข้าเริ่มมีอาการกัดเล็บจนเล็บเปื่อยยุ่ย เขาต้องพูดคุยทำความเข้าใจทุกครั้ง จบลงที่เด็กน้อยร้องไห้โยเยให้เขาเล่านิทานให้ฟังจนผล็อยหลับไป เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่จะได้มาดูแลไทเกอร์พี่เลี้ยงคนก่อนดูแลน้องอย่างไร คราวหน้าเขาจะถามชลธีให้รู้เรื่องให้ได้

“อาลิน เกอร์ไม่อยากกิน” เด็กชายในชุดนักเรียนเบะปากคว่ำใช้ช้อนส้อมเขี่ยไข่ตุ่นจนเละ เขาจับมือเด็กชายไว้ให้หยุดทำ ของกินไม่ใช่ของเล่น ต้องห้ามปรามกันหลายครั้งถึงจะยอมเข้าใจ

“ทำไมไม่กินล่ะลูก ไปโรงเรียนหนูจะไม่หิวหรือ”

“เกอร์ไม่ชอบกินผัก”

“พูดงี้คุณผักเสียใจแย่”

“เกอร์กินแค่คุณหมูไม่ได้หรอครับ”

“เกอร์ก็จะกลายเป็นแบบคุณหมูนะครับ”

“ไม่อาววววว”

“’งั้นชิมคุณไข่หน่อยนะครับ อ้าม” เขายกช้อนจ่อปาก เด็กชายชั่งใจอยู่ไม่นานก็อ้าปากงับก่อนจะเคี้ยวแก้มตุ่ยเป็นที่เอ็นดูของคุณยายที่กำลังละเลียดข้าวต้มอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ “เก่งจังเลยคนดี คืนนี้อาลินท์จะเล่านิทานให้ฟังนะครับ”

“เอาคุณกาต่ายกับต่าววววว” เคี้ยวไม่ทันหมดก็อ้าปากพูดเจื้อยเจี้ยวเป็นนกแก้วนกขุนทอง มุจลินท์ใช้ผ้ากันเปื้อนซับปากให้ไทเกอร์จนสะอาด ก่อนจะส่งแก้วน้ำเปล่าที่มีหูจับให้เด็กชายถือไว้

“ค่อยๆทานนะครับลูก”

“อาหย่อยจังเลยคร้าบ” เด็กชายตักคุณแครอทเข้าปากแบบไม่ต้องบอก เขาเลือกผักที่มีรสชาติหวานและต้มให้อ่อนจนเด็กวัยสี่ขวบสามารถเคี้ยวได้ “เอาใส่ปิ่นโตเกอร์ได้ไหมครับ เกอร์จะไปแบ่งเพื่อน”

“ได้สิครับลูก” เขาอดไม่ได้จับแก้มยุ้ยของเด็กชายเบาๆ แล้วตระเตรียมอาหารกลางวันใส่ปิ่นโตหรือกล่องเล็กๆให้เด็กชาย แม้ที่โรงเรียนจะมีอาหารกลางวันอยู่แล้วแต่ไทเกอร์ก็ยังคะยั้นคะยอให้เขาทำอาหารให้ไปทานที่โรงเรียนทุกวัน โดยให้เหตุผลว่าเห็นแม่ของเพื่อนทำมาให้เพื่อนทุกวัน ก็เลยอยากมีเหมือนเพื่อนบ้าง

‘หนูอยากมีแม่’

‘…’

‘อาลินท์เป็นแม่ให้เกอร์ได้ไหม’

‘แต่อาลินท์เป็นผู้ชายนะ’

‘เกอร์อยากมีแม่ ฮือ’

‘ไม่ร้องนะลูกนะ’

‘แม่ แม่ ฮือ’


เด็กชายร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนหลับคาตักเขาไป น่าแปลกที่บ้านไม่มีรูปแม่ของไทเกอร์แม้แต่ใบเดียว มีเพียงรูปเด็กชายตัวน้อยกับคุณพ่อเท่านั้น ไม่เหมือนบ้านพักในค่ายของชลธีที่ยังคงมีรูปแต่งงานแขวนอยู่ อีกทั้งเมื่อถามถึงแม่ เด็กชายก็จะร้องไห้ไม่หยุดจนกว่าเขาจะกอดปลอบ เขารู้ดีว่าความรู้สึกโหยหาความรักความอบอุ่นจากแม่นั้นเป็นอย่างไร และเขาก็ไม่อยากให้ไทเกอร์ต้องรู้สึกเหมือนกันกับเขา เขาจึงดูแลไทเกอร์อย่างใกล้ชิดจนเด็กชายติดเขาแจ อย่างน้อยเขาก็อยากเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ให้ลูกชายตัวน้อยได้พึ่งพิงและพักผ่อนยามเหนื่อยล้า นี่คงจะเป็นความรู้สึกของพ่อแม่กระมัง

 เขานั่งแท็กซี่มาส่งไทเกอร์เข้าโรงเรียนพร้อมกำชับเช่นเคยว่าทานข้าวในกล่องให้หมด เด็กชายพยักหน้ารับพร้อมยิ้มโชว์กำแพงฟันที่หายไปสามซี่ เขาก้มลงจุมพิตแก้มขาวที่หอมแป้งเด็ก

“อารักหนูนะลูก”

“เกอร์ก็รัก แม่ลินท์” เด็กชายกระชับกอดแน่นก่อนจะผุดตัวลุกขึ้นจูบแก้มมุจลินท์ “เกอร์ไปโรงเรียนแล้วนะ พ่อบอกเป็นผู้ชายห้ามร้องไห้ แม่ลินท์ไม่ร้องนะ” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร มือเล็กก็บรรจงเช็ดน้ำตาที่คลอของเขา เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นสะกดกลั้นน้ำตาที่กำลังไหลทะลัก เขาก้มลงหอมแก้มเด็กชายตัวน้อยอีกครั้ง ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ขาดหายไป เขารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มอีกครั้ง ผ่านความรักที่เขากำลังได้รับอยู่

“เป็นเด็กดีนะลูก” เขาลูบผมเด็กชายเบาๆ “เดี๋ยวเย็นๆอามารับนะครับ”

“ครับผม!” ไทเกอร์เลียนแบบท่าตะเบ๊ะตามรูปของพ่อที่แขวนอยู่ที่ห้อง ก่อนจะวิ่งหายไปรวมกลุ่มกับเพื่อนกับคนอื่นๆ เขายืนมองจนเด็กชายหายลับไปจากสายตาจึงได้เดินออกมาขึ้นรถเมล์ที่ปากทางเข้า ชลธีทิ้งรถยนต์ไว้ให้เขาใช้หนึ่งคัน พร้อมเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้เขาไปเรียนขับรถ แต่มุจลินท์เองยังไม่มีเวลาว่างที่จะไปเรียนเลยสักครั้งทำให้รถยนต์คันเก่งที่ผู้พันตั้งใจให้เขาไว้ใช้จอดนิ่งอยู่ที่คอนโด เขารอรถประจำทางได้ไม่นานก็รีบขึ้นนั่ง จากโรงเรียนเตรียมอนุบาลกว่าจะถึงมหาวิทยาลัยก็ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง

‘คิดถึงจัง’

‘ครับ’

‘ลินท์ วันนี้พี่กลับบ้านนะ’

‘จริงหรือครับ’

‘พาลูกกับคุณยายไปทานข้าวข้างนอกกันนะครับ’

‘ได้สิครับ วันนี้ผมจะได้ไม่ต้องแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต’

‘อื้ม อยากนอนกอด’

*สติ๊กเกอร์กระต่ายโคนี่วิ่งหนี*


เป็นเวลาสองอาทิตย์กว่าที่เขาไม่ได้เจอชลธีเลย นายทหารหนุ่มบอกกับเขาว่างานที่จะต้องจัดการมีมากมายทำให้ไม่สามารถปลีกเวลากลับบ้านได้ในช่วงนี้ เขาได้แต่ตอบรับให้กำลังใจไป และหวังว่าเขาจะได้กลับบ้านมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที

“เป็นอะไรยะ เห็นยิ้มทั้งวัน” หญิงสาวผมยาวประบ่าสีดำสนิทชุดนักศึกษาชะโงกหน้าเข้ามาดูหน้าจอที่เขาเปิดทิ้งไว้ กัญญาเป็นเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มที่คอยช่วยเหลือเขาในเรื่องต่างๆโดยเฉพาะเรื่องงานกลุ่ม ที่เขาไม่สามารถจะอยู่เย็นเพื่อทำรายงานได้ “ไหนคุยกับใครดู ขอดูหน่อยสิวะ”

“แก้ว พูดไม่เพราะเลยนะ”

“โถ่ๆ พ่อพิกุลทอง”

“ก็กูเป็นผู้ชาย กูพูดได้ มึงเป็นผู้หญิงต้องคีพลุคหน่อย” เขาหัวเราะร่วนที่ได้แกล้งเพื่อน “เดี๋ยวหาแฟนไม่ได้ ซวยเลย”

“ไอ้ลินท์ ไอ้ห่านี่ แช่งกูอีก” กัญญาค้อนใส่วงเบ้อเริ่ม “ไม่ไปรับหลานหรือไง”

“เดี๋ยวไปแล้วๆ ขอบคุณนะมึงที่เป็นธุระให้ เดี๋ยวกูจะส่งงานส่วนที่เหลือให้มึงคืนนี้นะ”

“ไม่ทันก็วันหลัง กำหนดส่งสิ้นเดือนนู้น มึงจะขยันอะไรนักหนา” เธอใช้นิ้วชี้เขี่ยสมาร์ทโฟนเล่น คาบบ่ายที่อาจารย์ยกเลิกคลาสทำให้ว่างเหลือเกินจนต้องมานั่งเล่นอยู่ใต้ตึกคณะ “คืนนี้คงจะได้ส่งหรอก เห็นคุยจี๋จ๋ากับแฟน หวานซะขนาดนั้น”

“ไอ้แก้ว มึงแอบดูหรอ”

“ป๊าว มันเข้าตากูเอง” เห็นเพื่อนทำเสียงสูงหยอกล้อเขาก็อดจะหัวเราะตามไม่ได้ มุจลินท์ยังมีเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่คาบบ่ายเรียนกันคนละวิชาทำให้เทอมนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน

“มึงนี่นะ กวนตีนจริงๆ”

“เออ แล้วพี่ชุหายไปไหนแล้ววะ.. เขาเลิกจีบมึงแล้วหรือ”

“จีบอะไรมึง เขาไม่ได้จีบกูหรอก”

“อย่ามั่ว เขาลือกันให้แซ่ดว่าพี่ชุอกหักจากมึง” เธอเงยหน้าขึ้นมาจ้องเพื่อน ตากลมโตหรี่ลงจนเหลือเส้นบาง นิ้วชี้จิ้มไปที่ลูกเป็ด “ที่ไปเข้าค่ายดาวเดือน มีคนเห็นมึงขึ้นรถไปกับผู้ชายคนอื่น พี่ชุของกูเลยอกหักดังเป๊าะเลย กูก็อุตส่าห์จิ้นซะดิบดี มึงนี่มันทำลายความหวังของมวลมนุษย์สาววายซะจริงๆ”

“เว่อไปแล้ว มึงเอามาจากไหนเนี่ย”

“ในเพจของมหาลัย ตอนแรกก็ไม่คิดว่าเป็นมึงหรอก ถ้าไม่เห็นพี่ชุ”

“ไปกันใหญ่แล้ว อีกอย่างกูไม่ได้เล่นเฟสบุคด้วยซ้ำ”

“ช่างเหอะ แค่พวกขี้เม้าท์ ขี้อิจฉา มึงตอบกูมาดีกว่า ว่าผู้ชายคนนั้นของมึงเป็นใคร” กัญญาล้วงกระเป๋าเป้สีครีมตั้งท่าเตรียมสมุดปากกาพร้อมจดบันทึกเต็มที่

“ขอร้องล่ะ เลิกเอาอิมเมจกูไปเขียนนิยายวายได้ละ”

“เบื่อพวกรู้ทันจริงจริ๊ง” กัญญาทำหน้าเบื่อหน่ายพลางกรอกตาขึ้นฟ้า “เอาล่ะกูพร้อมฟังละ”

“เขาเป็นนายจ้างที่กูทำงานพิเศษอยู่”

“สรุปนี่คบกันหรือยัง”

“ก็ยังนะ” เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งจะให้บอกอย่างไรล่ะว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้

“มึงก็ขอเขาเป็นแฟนสิ”

“ไม่เอา! มึงจะบ้าเรอะ”

“โอ้โหลินท์ ระหว่างอายกับอดมึงจะเอาอะไร ด้านได้อายอดว้อย!”

ระหว่างที่มุจลินท์กำลังทุ่มเถียงกับกัญญาอยู่ใต้ตึกคณะ รถยนต์สีขาวจอดเทียบหน้าอาคารก่อนจะดับเครื่อง ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบอ่อนแขนสั้นสีเขียวขี้ม้าหยุดยืนมองหาเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมตอบข้อความเขาเสียที กระทั่งเจอเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่กับเพื่อน เขาจึงเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะที่มุจลินท์กำลังนั่งอยู่ กัญญาเห็นก่อนจึงสะกิดเรียกเพื่อนให้หันหลังกลับไปดู

“มึงๆ ทหารหล่อ บอกต่อด้วย”

“อะไรนะ” เขาหันไปมองตามเพื่อน เด็กหนุ่มเห็นชลธีกำลังเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มผุดขึ้นทันที เขาสังเกตเห็นร่องรอยความอ่อนล้า นายทหารหนุ่มดูคล้ำและซูบลงอย่างเห็นได้ชัด “สวัสดีครับ” มุจลินท์พุ่มมือไม้ก่อนจะสบตาคมคู่สวยที่เขาคิดถึงนักหนา กัญญาที่กำลังงุนงงยกมือไหว้ตาม

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ” ชลธีหันไปยิ้มให้ กัญญาแทบจะยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมากดถ่ายอยู่แล้ว เธอไม่เคยเจอผู้ชายในเครื่องแบบที่สมาร์ทและดูดีเท่าชลธีมาก่อน จึงตกตะลึงไปชั่วขณะ “พี่ขอพาลินท์กลับเลยนะ” ชลธีคว้าข้อมือขาวแล้วก้าวฉับไปที่รถยนต์ทันที มุจลินท์ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวหันไปโบกมือให้เพื่อนที่กำลังยืนอึ้ง

“อย่าบอกนะว่า.. ?” มุจลินท์ไม่ตอบได้แต่ยิ้มหวานให้ แค่นี้กัญญาก็รู้แล้วว่าอิมเมจของพระเอกนิยายวายคนใหม่ของเธอนั้นคือใคร “เจอแบบนี้ ถึงว่า.. พี่ชุกูตายอะ”
.
.
.
มุจลินท์ดันแผงอกหนาที่โถมทับเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของคนข้างบนบดจูบดูดดึงแถมยังขบปากเขาจนเจ็บไปหมด เรียวลิ้นสอดใส่เข้าไปในโพรงปากนุ่ม กระหวัดเกี่ยวจนเขาแทบจะทนไม่ไหวอยากจะเป็นลมมันเสียตรงนี้ เส้นสายสีเงินโยงเป็นทางยาวหลังจากที่ชลธีถอนจูบ เขาใช้นิ้วโป้งปาดที่ริมฝีปากบางที่บวมเจ่อของลูกเป็ดเบาๆ แค่สองอาทิตย์ที่ต้องอยู่ไกลกันแต่เขารู้สึกนานเหลือเกิน ที่เขารีบร้อนอยากจะกลับบ้านไวๆ คงเป็นเพราะเขาเสพติดสัมผัสจากมุจลินท์เข้าแล้ว

“พอได้แล้วครับ ลินท์เจ็บปากไปหมดแล้ว” เด็กหนุ่มใช้หลังมือถูริมฝีปากที่บวมแดงพลางส่งสายตาดุไปยังชลธีที่ยิ้มกริ่ม พอเจอกันทีไรก็ชอบรังแกเขาอยู่เรื่อย “ไปอดอยากมาจากไหนครับ”

“อยู่แต่ในป่าจะให้พี่ไปจูบกับใครล่ะครับ นางไม้หรือ ไม่เอานะพี่กลัว” ชลธีพูดติดตลกก่อนจะออกรถมุ่งหน้ากลับคอนโด แค่ลูกเป็ดขอแวะปั๊มซื้อน้ำแค่แปบเดียวเขาก็อดใจรอถึงบ้านไม่ไหว จับฟัดไปพอหอมปากหอมคอ “ถ้าลินท์ไม่ให้พี่จูบ พี่ต้องขาดใจตายแน่ๆเลย”

“เดี๋ยวนี้พี่ฉลามปากหวานจังเลยนะครับ”

“แน่ล่ะ ก็พี่ชอบกินอะไรหวานๆนี่ครับ”

“....”

“เงียบเลย สงสัยเขินอยู่” ชลธีคว้ามือขาวมาจับ “คืนนี้ไม่เอา ไม่เงียบแบบนี้นะ พี่ชอบฟังเสียงลินท์ที่สุด”

“ทะลึ่งเกินไปละ!”

“โอ๊ย ตีพี่ทำไมครับ” นายทหารแกล้งร้องโอดครวญให้ดูน่าสงสาร ระดับมุจลินท์ต่อให้ตีมากกว่านี้เขาก็ไม่รู้สึกอะไร ”ตีหนึ่งที พี่ปล้ำสองที เอาสิตีเลย คืนนี้ไม่ต้องนอนก็ยังได้นะ”

“พี่ฉลาม! ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ” มุจลินท์ขบกรามแน่น ขัดใจแค่ไหนก็เอาคืนไม่ได้สักที ส่วนชลธีฮัมเพลงไปตลอดทาง รถยนต์มุ่งหน้าไปรับไทเกอร์ที่โรงเรียนเตรียมอนุบาล ทันทีที่เด็กชายเจอคุณพ่อ ก็ออกอาการตื่นเต้นดีใจ เกาะแข้งเกาะขาร้องเรียกให้คุณพ่ออุ้มไม่หยุด

“คุณพ่อมาแล้วลืมอาลินท์เลยนะครับ”

“แม่ลินท์ไม่งอนนะ” เด็กชายผละจากพ่อโผเข้ากอดมุจลินท์ น้ำหนักไม่น้อยโถมหาเขาทีแทบจะเซหงายหลัง “ดีกัน ดีกันนะครับ”

“เข้าใจหาแม่นะไทเกอร์” ชลธีมองเด็กหนุ่มหน้าหวานที่กำลังช้อนข้อพับรักแร้เพื่อยกลูกหมูขึ้นอุ้ม “ถูกใจพ่อจริงๆ”

“พอเลยครับ” เขารีบอุ้มเด็กชายขึ้นรถ ไม่อยากสบสายตาแพรวพราวของชลธีเลยจริงๆ หัวใจมันเด้งกระดอนออกมาให้ได้เสียอย่างนั้น เขาตรงไปคอนโดเพื่อรับคุณยายออกมาทานข้าวข้างนอก คุณยายนอนพักอยู่ในห้องส่วนตัวด้านในสุด เขาเลือกที่จะไม่เคาะประตูค่อยๆเปิดประตูเข้าไป

“ยายจ๋า” เขาจับมือเหี่ยวย่นของยายขึ้นมาแนบแก้ม “ลินท์จะพายายไปทานข้าวข้างนอกนะ เราไปหาอะไรทานอร่อยๆนะจ้ะยาย”

“ยายไม่ค่อยหิวเลยลูก รู้สึกพักนี้กินอะไรไม่ค่อยลง” ยายสมใจลืมตาขึ้นมามองหลานชาย เหลือบไปมองหน้าต่างเห็นแดดแก่จัดในช่วงเย็นส่องสะท้อนเข้ามาในห้อง หลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จแกก็ล้มตัวนอนพักผ่อนไม่คิดว่าจะนอนยาวจนเย็นขนาดนี้

“ยายไม่ค่อยสบายหรือจ้ะ ลินท์จะเช็ควันเวลาที่หมอนัดอีกทีนะจ้ะ ลินท์จะพายายไปหาหมอ” เขาเอาแก้มนวลถูกับมือของยายไปมา ติดนิสัยขี้อ้อนมาตั้งแต่เด็กๆ เขาเริ่มทำงานกับชลธีมาเกือบครึ่งปีมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งเขาเก็บไว้ใช้กับสำหรับการรักษาของยายโดยเฉพาะ ตอนนี้เขาไม่กลัวอีกแล้ว เขาจะทุ่มเทสุดกำลังเพื่อรักษายายให้หายดี

“โรคคนแก่แหละลูกเอ๊ย ไม่ต้องรักษาอะไรมากมายหรอก ค่าเดินทางค่ายาแพงทั้งนั้น เกรงใจคุณเขา” เด็กหนุ่มประคองคุณยายลงจากเตียงแล้วพามานั่งที่ห้องรับแขก ชลธีที่กำลังช้อนแขนเจ้าลูกชายชูขึ้นเป็นเครื่องบินได้ยินก็เดินเข้ามาใกล้วางเด็กแสบลงบนตักเขา

“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับคุณยาย เงินลินท์เขาทั้งนั้น ไม่ใช่เงินผมหรอก” ชลธียิ้มกว้าง ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เขาโอนให้แต่ละเดือน มุจลินท์ทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เขาดูทุกอย่างทั้งๆที่เขาไม่เคยร้องขอ แถมยังไม่เคยเบิกเงินเพิ่มด้วยซ้ำ เป็นเขาเองที่โอนเงินให้ใช้มากขึ้นทุกเดือนเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะประหยัดจนเกินไป เขากลัวเจ้าลูกเป็ดทำอะไรลำบากเกินตัว เงินแค่นี้เขาให้ เมีย เขาได้อยู่แล้ว

ยายสมใจหันมามองหลานชายที่กำลังนิ่งอึ้ง ที่ผ่านมาแม้ยายจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ก็ไม่ได้ตาบอดจนไม่เห็นพฤติกรรมแปลกๆของเจ้านายกับลูกจ้างสองคนนี้ ว่ามีอะไรที่เกินกว่าความสัมพันธ์ธรรมดาทั่วไป เงินเดือนพี่เลี้ยงเด็กธรรมดาทั่วไปจะพอจ่ายค่ารักษาหมอแพงๆของหล่อนได้อย่างไร

“เอ่อ คือ” มุจลินท์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าเงินที่ได้มาก็คือเงินที่เขาทำงานจริงๆ แต่ชลธีให้มามากเกินไปต่างหาก “คือว่าลินท์”

“ลินท์กับพี่เขาเป็นอะไรกันลูก” ยายไม่เคยดูถูกความรักเพศเดียวกัน และไม่เคยคิดจะต่อว่า หากหลานชายคนเดียวของแก เกิดจะมีคนรักเป็นผู้ชายขึ้นมาจริงๆ แกเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย สอนร้อยพวงมาลัย ทำขนม พับดอกไม้ขาย ย่อมรู้ดีว่ามุจลินท์มีความนุ่มนิ่ม เรียบร้อยขนาดไหน ไม่ค่อยได้เล่นอะไรเหมือนที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วงเท่ากับหลานชายต้องหลบซ่อนสถานะเป็นเบี้ยล่างของผู้มีอำนาจที่ไหน หล่อนไม่ยอมให้หลานชายสุดที่รัก ไปเป็นบ้านเล็กของใครแน่ โดยเฉพาะนายทหารที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างเช่นชลธีจะมาจริงจังอะไรกับเด็กสลัมที่ไม่มีอะไรสักอย่าง หลานชายของหล่อนไม่ใช่ของเล่นหรือดอกไม้ข้างทางที่ใครจะผ่านมาแล้วผ่านไปอย่างไรก็ได้ หากมุจลินท์เจ็บช้ำน้ำใจเมื่อไหร่ หล่อนจะพาหลานชายออกไปจากที่นี่ทันที “ว่าอย่างไรล่ะลินท์?”

“แม่ลินท์เป็นแม่ลินท์ของหนูจ้ะ” ไทเกอร์ใช้สองแขนอวบอ้วนรวบเข้าที่เอวคุณยาย เอาแก้มยุ้ยถูไถจนยายจั๊กจี้ก้มลงดมกลุ่มผมนุ่มของเด็กชายอย่างเอ็นดู “ยายก็เป็นยายของเกอร์ไงจ้ะ”

“น่ารักจริงๆเด็กคนนี้” เมื่อเห็นความน่ารักของเด็กชาย คุณยายก็ใจอ่อนยวบ “ยายหอมทีลูก”

“คุณยายครับ” ชลธีก้มลงกราบแทบเท้า มุจลินท์ตกใจจึงรีบเดินเข้าไปหา ชลธีคว้ามือมุจลินท์มากุมแน่น ดวงตาสีสวยคู่นั้นที่กำลังฉายแววไม่เข้าใจ เพราะเขาทำเฉยเมยกับความรู้สึกเด็กหนุ่มมานาน ทำอะไรไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเลย “ที่ผ่านมาผมกับลินท์ เราเป็นมากกว่านายจ้างและลูกจ้างทั่วไป อย่างที่คุณยายอาจจะเคยเห็นหรือเคยได้ยินอะไรก็ตาม”

“พี่..” มุจลินท์บีบมือชายหนุ่มแน่น เขาไม่รู้ว่าชลธีจะทำอะไรกันแน่

“ผมอยากจะขอขมาที่ผมได้ล่วงเกินน้องไป และอยากจะรับผิดชอบลินท์ ดูแลลินท์” พร้อมกับประสานมือของคนเคียงข้างให้สอดแนบแน่น “ยกลินท์ให้ผมนะครับ”

ไทเกอร์ที่นอนเล่นบนตักคุณยายพงกหัวขึ้นมาได้ยินว่าคุณพ่อจะขออาลินท์ไป ดวงตากลมโตก็เบิกโพลงกลิ้งลงตักคุณยายมาขวางไว้ เสื้อยืดสีเหลืองม้วนขึ้นไปเหนือพุงน้อยๆท่าทางน่าเกรงขามที่ลอกเลียนแบบมาจากป๊ะป๋าได้ใช้จริงก็วันนี้

“แม่ลินท์ของเกอร์!” ชลธีอยากจะเอาหัวโหม่งพื้นเมื่อเห็นลูกชายยืนทำท่าทะเล้นไม่ได้รู้สถานการณ์เอาซะเลย เห็นคุณยายนิ่งไปเขาก็เริ่มใจเสีย 

“ยายก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้ารักกันชอบพอกัน” หล่อนกระแอมไอไม่คิดว่าชลธีจะเล่นไม้นี้ “แต่ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรถึงขั้นนั้นก็อย่าเสียเวลาจะดีกว่าคุณ หลานยายทั้งคนนะ”

“ผมรักลินท์”

“…”

“แล้วลินท์ล่ะ...”

“…”

“ร้องไห้เป็นเด็กขี้แยเหมือนสมัยเด็กๆไม่มีผิด อย่างนี้คงไม่ต้องยกให้คุณเขาแล้ว” เด็กหนุ่มก้มหน้างุดหยดน้ำตาพรั่งพรูออกมาเต็มสองแก้ม ชลธีโยกหัวให้เข้ามาซุกอ้อมกอด มุจลินท์สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กเล็ก ไทเกอร์วิ่งเข้ามาทุบพ่อตัวเองหนึ่งที แล้วโวยวายว่าเขาทำแม่ร้องไห้ ไม่ทันไรก็เปลี่ยนข้างเสียแล้ว เจ้าลูกชายคนนี้!

“ลินท์ก็.. ฮึก.. เหมือนกัน” เสียงอู้อี้ดังออกมาไม่ชัดนัก เขาพยามเงี่ยหูฟังก็ได้ยินแต่เสียงงึมงำ ทั้งกอดทั้งปลอบเด็กงอแงจนได้ที่ถึงได้ยอมผละออกจากอก มุจลินท์ค่อยๆคลานเข่าก้มลงกราบแทบเท้าของคุณยายผู้ดูแลมาทั้งชีวิต

“ลินท์มีคนดูแลแล้วนะลูก อย่าดื้ออย่าซนกับพี่เขานะ”

“ลินท์ขอโทษ” สองมือกระพุ่มไหว้ทั้งน้ำตา “ขอโทษที่ไม่เป็นอย่างที่ยายหวัง”

“แค่เห็นหลานมีความสุข ชีวิตนี้ยายยังต้องการอะไรอีก” เด็กหนุ่มโผเข้ากอด อ้อมกอดอบอุ่นที่เขาได้รับมาตลอดชีวิต วันนี้เขามีใครอีกคนเป็นที่พักพิง ความรู้สึกได้รับความรักมันเป็นเช่นนี้นี่เอง

ชลธีมองภาพตรงหน้า หัวใจรู้สึกปลอดโปร่งเหมือนได้ปลดโซ่ตรวนที่ผูกมัดเขาไว้ออกจนหมด เขาได้บอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง โดยปราศจากบทบาทสถานะทางสังคมที่เขามี ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการความรักไม่ต่างจากมนุษย์คนไหนบนโลกใบนี้ และมุจลินท์คือคนที่ทำให้เขาได้สัมผัสคำว่ารักอีกครั้ง..

และเขาหวังว่าคำว่ารักครั้งนี้จะเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากพอที่จะให้เขาและมุจลินท์ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปได้
.
.
.
(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑๐] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 29-10-2017 16:11:52


สุดท้ายมุจลินท์ก็เป็นพ่อครัวทำอาหารเมนูง่ายๆทานด้วยกันที่คอนโด หลังจากทานข้าวเสร็จเขาก็รีบอาบน้ำเข้าไปนอนอ่านนิทานให้ลูกชายฟังจนหลับสนิท พรุ่งนี้มีงานกีฬาสีซึ่งเขาจะต้องตื่นมาแต่งตัวให้เด็กชายแต่เช้า ทำให้เด็กชายรีบเข้านอนแต่โดยดี เขาเหลือบมองประตูห้อง ไฟสีเหลืองนวลในห้องนอนยังไม่ปิดสักที เด็กหนุ่มนั่งทำรายงานจนเกือบห้าทุ่มไฟในห้องก็ยังเปิดสว่าง เขาคว้าหมอนวางแหมะบนโซฟาก่อนจะทิ้งตัวรีบข่มตานอนหลับ ให้ตายยังไงคืนนี้เขาก็จะไม่ไปนอนในห้องเด็ดขาด

ผล็อยหลับไปได้สักพักเขาก็สะดุ้งตื่นเมื่อใครบางคนรั้งผ้าห่มออกไปจากตัวเขา มุจลินท์ขี้หนาวตั้งแต่เด็กไม่เคยได้นอนห้องแอร์เหมือนคนอื่นเขา อาศัยพัดลมตัวเล็กเป่าลมร้อนออกมาก็ยังถือว่าเย็นแล้วสำหรับเขา พอมานอนในห้องแอร์เขาเลยต้องมีตัวช่วยเป็นผ้านวมผืนหนาตลอด

“ไม่เข้าไปนอนข้างในล่ะครับ” ชลธีในชุดเสื้อกล้ามกางเกงยางยืดขาสั้นสะกิดเขาที่กำลังหลับ พูดอะไรสักอย่างที่เขาได้ยินไม่ชัด “ลินท์หลบหน้าพี่หรือ”

“อือ” เด็กหนุ่มพลิกตัวหนี เอาหมอนปิดหูไม่ให้ได้ยินเสียงรบกวน “ลินท์ง่วง”

 “เดี๋ยวพี่ก็จะไม่อยู่แล้วนะ” ชลธีฝังจมูกลงแก้มขาว กลิ่นแป้งเด็กคลุ้งไปทั่วตัว นี่คงไปอาบน้ำกับไทเกอร์มาอีกแล้วสิท่า “ลินท์คงไม่ได้เจอหน้าพี่อีกนานเลย”

“ไปไหน” เขางัวเงียใช้มือขยี้ตา ยังรู้สึกมึนงงไม่เข้าใจที่ชลธีพูดเท่าไหร่

“ไปราชการสนามที่เชียงรายครับ.. อย่างน้อยๆก็ครึ่งปี”

“หา” ลูกเป็ดเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟา“ไกลไปไหม?”

“ไม่ได้เจอพี่ ก็สมใจลินท์แล้ว พี่ไปนอนก่อนนะครับ”

“เดี๋ยว.. พี่พูดจริงหรือ”

“พี่เคยโกหกลินท์ด้วยหรือ” แค่บางครั้งพูดไม่หมดก็เท่านั้น

“ลินท์.. ลินท์ขอนอนด้วย”

“ตามใจครับ”

ชลธีหันหลังเดินลิ่วเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูดังปัง มุจลินท์ที่กำลังงัวเงียตื่นเต็มตาเมื่อไม่เห็นชลธีอยู่ที่เดินจึงรีบโกยผ้าห่มกับหมอนเดินเข้าห้องตามไป ไฟในห้องปิดสนิทหมดแล้ว แต่แสงจันทร์ข้างนอกที่ลอดผ่านผ้าม่านทำให้เห็นเงาของคนที่นอนบนเตียงลางๆ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของชายหนุ่มทำให้เขาค่อยๆก้าวเบาๆย่องขึ้นไปบนเตียงอีกฝั่ง สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา หมุนตัวจนหัวไหล่ชนกับแผ่นหลังของคนที่นอนหันหลังให้เขาอยู่ สอดมือเข้าที่เอวสอบของชายหนุ่ม แก้มขาวแนบกับเสื้อกล้ามตัวบางของชลธี

“พี่ฉลาม” ลูกเป็ดกระซิบข้างหูเบาๆไม่รู้ว่าชายหนุ่มหลับไปหรือยัง “หันมากอดลินท์หน่อย”

“…”

“ลินท์กอดเองก็ได้” พูดคนเดียวแล้วสอดมือขาวกระชับเอวแน่นกว่าเดิม ได้นอนกอดใครสักคนรู้สึกอุ่นยิ่งกว่าผ้าห่มผืนไหนซะอีก

“เด็กดื้อ” ชลธีพลิกตัวมาอีกฝั่ง สบดวงตากลมโตสีสวยในความมืด ก่อนจะก้มลงฝังจมูกลงแก้มเด็กหนุ่ม

“ฮื่อ ไหนว่าหลับแล้ว”

“แกล้งเด็กหรอกน่า” ชลธีกระชับกอดแน่น สอดมือเข้าที่ช่วงลำคอดึงลูกเป็ดเข้ามาซุกอกอุ่น “เดี๋ยวจะขี้แยเหมือนเมื่อตอนเย็นอีก”

“ห้ามล้อนะ! พอเลยไปนอนไกลๆเลย”

“เหยื่อเข้าปากฉลามแล้วคิดว่าจะปล่อยให้หนีไปง่ายๆหรือ”

“ฮื่อ” มุจลินท์หันหน้าหลบริมฝีปากร้อนที่พุ่งโฉบเข้ามา “พรุ่งนี้ลินท์ไปส่งลูกที่โรงเรียนแต่เช้านะ!”

“เกอร์ไม่ว่าหรอกถ้ารู้ว่าพ่อกำลังจะทำน้องอีกคนให้”

“อื้อ” ชลธีประกบริมฝีปากจนได้ยินแต่เสียงอู้อี้ของเด็กหนุ่ม สองขาดิ้นเร่าเหมือนจับปลาขึ้นมาจากน้ำ ตัวแสบแรงเยอะกว่าที่คิด เขาจูบริมฝีปากบางพร้อมเลื่อนมือเข้าไปในกางเกงยางยืดตัวเก่งของมุจลินท์ที่เก่าแสนเก่า ไม่ว่าอย่างไรเด็กหนุ่มไม่ยอมทิ้งสักที ทั้งที่ยางมันเปื่อยจนต้องผูกปมแน่น แค่เขากระตุกทีเดียว กางเกงก็ลงไปกรอมตรงข้อเท้าขาว มือหนาสัมผัสแก่นกายที่กำลังแข็งตัวสู้มือเขาลูบไล้เบาๆจนคนตัวเล็กกว่าร้องครางกระเส่า เรียวขายาวสั่นระริก ปลายเท้าจิกลงบนที่นอน เมื่อได้ลิ้มรสกับความเสียวซ่านที่เขากำลังจะมอบให้ ขยับขึ้นลงได้สักพักเด็กหนุ่มก็ซุกเข้าที่หน้าอกเขา ริมฝีปากบางที่เขาฉกชิมเมื่อครู่สาละวนอยู่ที่ตุ่มไตสีเข้มของเขา ลิ้นเปียกละเลงดูดดึงจนเขาต้องส่งเสียงร้องห้ามปราม เมื่อลูกเป็ดได้ยินก็ยิ่งลงจูบหนักจนเป็นรอยแดงปื้นเต็มแผ่นอกเขาเต็มไปหมด

เอาคืนพี่ใช่ไหม!?

เขาผลักเด็กหนุ่มลงไปนอนใต้ร่าง ผิวขาวเนียนสะท้อนเสียงไฟเป็นเงาสลัวดูเซ็กซี่เหลือเกินในสายตาเขา มือหนาถกเสื้อยืดตัวบางของเด็กหนุ่มออกไปจนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่า ก้มลงดูดซอกคอและใบหูที่เขารู้ว่ามันไวต่อความสัมผัส เสียงครางผะแผ่วดังคลอเคลียข้างหูจนเขาต้องขบกรามแน่นเมื่อเจ้าลูกชายดึงดันอยากจะเข้าไปในตัวของคนตรงหน้าเต็มแก่ ลิ้นแฉะลากยาวผ่านหน้าท้องเนียนสวยลงมาถึงจุดกึ่งกลางที่กำลังรอการปลดปล่อย ดวงตาฉ่ำปรือของเด็กหนุ่มวิบวับไปด้วยน้ำสีใสคลอหน่อย มุจลินท์ทรมานมานจนอยากจะไปให้ถึงจุดสุขสมเร็วๆ มือขาวคว้าสะเปะสะปะก่อนจะคว้าแก่นกายเขาจ่อช่องทางข้างหลังตนเอง

“ไม่ได้” เขาก้มลงห้ามเสียงแผ่ว “เดี๋ยวลินท์จะเจ็บนะ”

“ฮึก ลินท์ทนได้.. นะ” เสียงอ้อนวอนครวญครางแทบทำให้เขาอยากจะขย้ำคนตรงหน้าให้แหลกคาเตียงซะตอนนี้ ได้แต่กดสัญชาตญาณดิบตัวเองเอาไว้ แทรกกายเข้าไประหว่างท่อนขาเรียว จูบไล่จากข้อเท้าลงมาสะโพก มุจลินท์ตัวสั่นสะท้าน นายทหารหนุ่มจับมืออีกข้างของเขาเอาไว้ไม่ให้เขาใช้มือของตัวเองปลดปล่อย เขาทรมานเหลือเกิน รู้สึกร่างกายร้อนไปหมด

“อื้อ อ๊ะ..“ ลิ้นสากแตะเข้าช่องสีชมพูอ่อน เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกพยายามดิ้นจากการเกาะกุม สัมผัสไปที่ใดความเสียวซ่านก็แล่นไปทั่วทั้งกาย แผ่นอกแอ่นขึ้นเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้ากลืนกินจุดอ่อนไหวของตน “ฮื่อ พี่ฉลาม..”

“อร่อยไปทั้งตัว”

“ฮื่อ!”

“วันนี้พี่ว่าถือเข้าห้องหอแล้วกัน ขอคิดค่าเหนื่อยกว่าพี่จะต้อนเจ้าสาวเข้าห้องได้”

“นี่แผนพี่หรือ”

“เปล่าสักหน่อย” ชลธียิ้มเผล่ ก้มลงจูบปากลูกเป็ดที่กำลังเบะได้ที่ พลางสอดแก่นกายเข้าช่องทางที่พร้อมจะรับเขาเข้าไปทั้งหมด ชลธีรู้สึกรัดแน่นจนเขาต้องส่งเสียงคำราม กดเข้าไปจนสุดก่อนจะขยับเข้าออกเชื่องช้าให้มุจลินท์ปรับตัวให้ชินพร้อมรับศึกหนักต่อไปนี้

เมื่อขยับแตะโดนจุดอ่อนไหว เด็กหนุ่มครางฮือผวาเข้ากอด พร้อมทิ้งรอยฟันไว้เต็มไหล่หนา ชลธีหัวเราะเมื่อเห็นลูกเป็ดพยศ เขาใช้ท่อนแขนหนาช้อนข้อพับขาเรียวยกขึ้นให้กอดเอวเขา มุจลินท์โอบรอบคอก้มลงบดจูบสู้ไม่ยอมแพ้ ชลธียกตัวขึ้นอุ้มทั้งที่แก่นกายยังสอดใส่และขยับเข้าออก เสียงครางเครือสลับเสียงร่างกายกระทบ เขาพาลูกเป็ดมาหยุดอยู่ตรงผ้าม่านที่ปลิวสะบัดตามแรงลม กระจกใสทำให้เห็นบรรยากาศด้านนอกตอนกลางคืนในเมืองหลวงยังมีแสงไฟระยิบระยับ มุจลินท์อดจะเขินอายไม่ได้

“พี่พามาดูดาว”

“มันใช่เวลาดูดาวหรือ ถ้ามีใครเห็นจะว่ายังไง!” มุจลินท์กัดงั่มเข้าที่ไหล่หนา ทันทีเอวสอบก็เด้งสวนขึ้นมาจนเขาต้องหลุดคราง นิ้วมือจิกแผ่นหลังนายทหารหนุ่มจนเป็นทางยาว “เล่นอะไรของพี่!”

“ลินท์กัดพี่ก่อนนี่นา” นายทหารหนุ่มจุ๊บเบาๆที่ปลายจมูก เด็กหนุ่มหน้ามุ่ยเหงื่อไหลเต็มข้างขมับ รู้สึกอึดอัดอยากปลดหล่อยจนทนไม่ไหว “พี่เอาคืนเบาๆเองจ้ะ”

“ฮื่อ อ๊ะ” ใจจริงชลธีก็อยากจะพาลูกเป็ดทัวร์ให้มากกว่านี้ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวยให้เขาเก็บดอกเบี้ยเสียเลย เขาวางมุจลินท์ลงบนเตียงพรมจูบไปทั่วตัวจนเขาพอใจ ดวงตาคมคร้ามสบกับเด็กหนุ่ม ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ

“พี่รักลินท์นะ” ก้มลงจุมพิตบนหน้าผากขาวนวล “ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่พี่เคยทำให้ลินท์ไม่สบายใจ”

“อื้อ ลินท์ก็รักพี่นะ” มือขาวประกบไปที่แก้มชายหนุ่ม ก่อนจะพงกหัวขึ้นมาเอาปากตัวเองแตะปากชลธีดังจุ๊บหลายๆที พร้อมพร่ำบอกคำหวาน “รัก รัก รัก”

“พอแล้ว..” ชลธีห้ามปราม ใช้นิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากสีสวยที่ตอนนี้กำลังบวมเป่ง “ยังมีเวลาให้ลินท์บอกรักพี่อีกทั้งคืน”

“ไม่ได้! ลินท์ไปส่งลูกแต่เช้า ไม่ได้ยินหรือ เฮ้.. อ๊ะ.. อื้อ”


บอกรักจนกว่าแสงดาวจะลาลับจากท้องฟ้าไป..
 






TBC



ขอบคุณที่ติดตามน้องลินท์นะคะ ลืมบอกว่าเตรียมซับเลือดด้วย 55<3  :z1:
ตอนหน้าเจอกัน 7พย ค่ะ มาพร้อมสเกตปก2 ฮุฮุ
พี่หลามเป็นทบ.เหล่าราบนะจ้ะ บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นทหารเพราะชื่อชลธีหรือเปล่าเอ่ย 555
ในเรื่องลงไว้ว่าประจำที่สระบุรี ซึ่งที่นั่นเป็นเหล่าทหารม้าค่ะ//แอ้ก
ในเล่มพายจะรีไรท์และเพิ่มเติม แก้ไขให้สมบูรณ์ไม่ต้องห่วงนะค้า ปั่นหัวฟูอยู่ค่ะ อิอิ
พูดคุยสอบถามเพิ่มเติมในเพจได้ตลอดเลยค่า ตอบไวไม่กัด จุ้บๆ :mew1:
เอาน้องลินท์มาฝากด้วยแหละ น่าร้ากกกกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑๐] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 29-10-2017 16:51:35
เข้าใจแล้วทำไมตอนที่เก้าดูนิ่งๆแต่ยังละมุน

ก็ตอนสิบมาเต็มขนาดนี้ เลือดกำเดาแทบพุ่ง

เหยื่อเข้าปากฉลามแล้ว <<<<<<<<<< ชอบๆคำนี้
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑๐] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-10-2017 17:26:33
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑๐] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 29-10-2017 22:10:16
 :hao6: กรี้ดดด
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑๐] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 29-10-2017 23:33:06
เห็นแววดราม่าจะมาคุแล้วสินะ

ถ้าเกอร์เรียกลินมาแม่ ถ้าวันนึงแม่ตัวจริงกลับมา

ดราม่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑๐] หน้าที่๕ {๑๐๐%} ๒๙.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-10-2017 02:15:21
 :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 03-11-2017 11:55:29
ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง

เมื่อมีเวลาว่าง ชลธีมักจะหาเรื่องกลับบ้านอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าเทศกาลลอยกระทงด้วยแล้ว ชลธียิ่งกังวลไปกันใหญ่ว่าลูกเป็ดจะเหงาที่เขาไม่มีเวลาให้เลย จึงปลีกเวลาจากภารกิจงานที่รัดตัว หาเวลาให้กับคนรักและลูกชายบ้าง ลพบุรี-กรุงเทพฯ ไม่ได้ไกลมากนัก เขาอยากจะพาลูกพาเมียมาอยู่ด้วยใจจะขาดแต่ติดเรื่องเรียนของลูกชายและคนรัก ทำให้ชลธีต้องห่อเหี่ยวและกลับมาพักอยู่ที่ค่ายคนเดียวเป็นประจำ

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้มุจลินท์โทรให้เขาช่วยหาต้นกล้วยให้เพื่อที่จะเอามาทำกระทงไปลอยเอง เขาเห็นว่ามันดูจะน่ายุ่งยากสู้ซื้อเองเลยจะดีเสียกว่า แต่ด้วยไม่อยากจะขัดใจคนรัก จึงให้บรรดาลูกน้องไปจัดการหาให้ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเขาก็ลำเลียงต้นกล้วยที่ตัดแล้วลงท้ายรถแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านทันที ไทเกอร์เห็นคุณพ่อขนของมาเยอะแยะก็วิ่งเข้าไปมุงดู แต่ก็ถูกคุณยายเรียกไปเล่นอีกทาง

“พี่เอามาให้เสียเยอะเลย” ชลธีวางถุงที่ใส่ฐานกระทงลงบนโต๊ะอาหารที่กลายสภาพมาเป็นโต๊ะวางของ “พอไหมครับ”

“ขอบคุณนะครับ” แก้มขาวนวลขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อเห็นว่าคนรักเอาอกเอาใจไม่เคยเปลี่ยน มุจลินท์ติดนิสัยที่ชอบประดิษฐ์ประดอยเอง เพราะคุณยายหัดให้ทำกระทงไว้ลอยเองมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ในกรุงเทพฯจะหาต้นกล้วยจากที่ไหนเขาก็นึกไม่ออก ไม่เหมือนเมื่อครั้งเขาอยู่บ้านเก่าหลังบ้านจะมีต้นกล้วยขึ้นอยู่บ้างสองสามต้น และเขาก็นำมาทำกระทงขายกับยายทุกปี

“ลินท์จะทำกระทงไปลอยด้วยกันวันนี้นะครับ” มือขาวหยิบเลือกฐานกระทงจากต้นกล้วยที่ตัดมาแล้วเรียบร้อย เขาตั้งใจจะทำให้คุณยาย1ใบ ลูกชาย1ใบ ส่วนเขากับชลธีลอยด้วยกันแค่ใบเดียวก็พอ  “สมัยตอนประถมฯ ลินท์ตัดต้นกล้วยหลังบ้านมาทำกระทงขายได้เงินตั้งหลายร้อยแน่ะ"

“พี่อยากอุดหนุนเลย”

“พี่ให้ลินท์ทำไปขายไหมล่ะ ลินท์ชอบขายของ”

“ไม่ต้องหรอก” ชลธีชะงัก เขาจำได้ว่าเคยเห็นคนรักเร่ขายขนมอยู่ข้างทางจนกระทั่งเจอกันเพราะเขาขับรถชน “เรื่องอะไรพี่จะยอมให้ลินท์ออกไปลำบากอีก”

“ผมไม่ลำบากเสียหน่อย” ลูกเป็ดทำหงิกอัตโนมัติ เขาไม่ชอบงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆแล้วรอให้เวลาผ่านไปวันๆ “ไม่ใช่งานหนักอะไรเลย” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อไทเกอร์ก็วิ่งเข้ามาหา

“แม่ลินท์ทำไยยย” เด็กชายมองด้วยดวงตาเป็นประกาย “ลอย ลอย กาโทงงงงง “ ไทเกอร์จะปีนขึ้นมาบนโต๊ะแต่ชลธีรับไปอุ้มได้ทันก่อนจะซนไปมากกว่านี้

“ทำกระทงครับลูก ให้คุณป๊าอุ้มไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเข็มจะตำนิ้วเอา” มุจลินท์ตัดใบตองเป็นทางยาววัดขนาดจากรอบวงฐานต้นกล้วย พันรอบเสร็จแล้วใช้เข็มปักลงไปอย่างคล่องแคล่ว ชลธีจดจ้องมองคนรักที่บรรจงพับกลีบใบตองปักด้วยเข็มลงไปรอบๆกระทง แล้วเสียบด้วยดอกบานไม่รู้โรย สีม่วงแซมขาว ประดับด้วยดอกดาวเรือง ดอกกล้วยไม้ ไทเกอร์งอแงอยากจะช่วยบ้าง มุจลินท์จึงส่งธูปและเทียนให้เด็กชายช่วยมัดหนังยางก่อนจะปักลงไปกลางฐาน เด็กชายปรบมือหัวเราะดีใจแล้วถือกระทงใบน้อยไม่ยอมวาง

“ฉวยยย” เด็กชายตื่นตาตื่นใจเห็นแม่ลินท์ทำกระทงใบตองออกมาคล่องแคล่วก็อดจะอยากทำด้วยไม่ได้ ”เกอร์อยากทำอะแม่”

“มาสิลูก” ตบตักสองที เด็กอ้วนก็ปีนขึ้นไปนั่งบนตัก เขาให้ลูกเลือกต้นกล้วยที่จะทำกระทงด้วยตนเอง ไม่เล็กไม่ใหญ่มากนัก “ได้แล้วใช่ไหมลูก” พยักหน้าตอบก่อนเอื้อมไปหยิบใบตองที่ตัดไว้แล้วมารอไว้ มือขาวซ้อนกับมือเล็กบรรจงม้วนกลีบช้าๆ เด็กชายขะมักเขม้นม้วนกลมๆเหมือนนิ้วชี้ จนต้องแก้กันอยู่หลายรอบจนกว่าจะพอใจ ไทเกอร์เลือกดอกไม้สำหรับปักลงบนกระทง ทั้งปักทั้งแซมจนเต็มล้นไปหมด มุจลินท์หยิบเอาออกบ้างแล้วอธิบายให้ฟังว่าหากกระทงหนักเกินไป จะไม่ลอย ไทเกอร์ฟังพยักหน้าเข้าใจแต่โดยดี

“ฮื่อ คุณแม่~ เกอร์ทำฉวยไหม” เด็กชายชูกระทงขึ้นสูง “คุณกาโทงงงงง”

“สวยมากลูก” แม้จะบิดๆเบี้ยวๆแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังถ่ายรูปลูกชายกับกระทงอัพลงอินสตราแกรมอีกแน่ะ ก็ลูกชายเขาออกจะน่ารักขนาดนี้มันก็ต้องอวดเป็นธรรมดา

“ป๊า~กาโทงของเกอร์แหละ~”

“เก่งมากลูก เอาไปอวดคุณยายสิ” ชลธีลูบหัวลูบหางลูกชาย ก่อนจะจูงมือให้เดินไปหาคุณยาย ฝากลูกชายตัวแสบไว้ที่คุณยายเสร็จเขาก็วนกลับไปหาคนรักที่กำลังยุ่งกับกองต้นกล้วยทั้งหลาย “ทำให้ใครอีกหรือ”
“ของเราไงครับ” มุจลินท์เงยหน้าขึ้นตอบ ขนาดนั่งอยู่ในห้องแอร์ แต่เหงื่อก็ยังผุดเต็มวงหน้าขาว เขาล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าซับเบาๆให้คนรัก “อยากลอยด้วยกันสักปี”

“ทุกปีเลยแล้วกัน เพราะพี่อยากลอยกับลินท์แค่คนเดียว” รอยยิ้มอ่อนหวานยามได้สบสายตาพาให้ใจเต้นระรัว มุจลินท์ก้มหน้างุดเมื่อเห็นว่าชลธีจ้องไม่วางตาพาลให้มือไม้วางไม่ถูกเสียอย่างนั้น

“มองอะไรครับ? ว่างก็มาช่วยลินท์ทำก็ได้นะ”

“พี่มองลินท์ทำแล้วเพลินดีครับ” มุจลินท์ชอบดวงตาคมสีดำสนิทของชายหนุ่มเวลามองแล้วราวกับจะถูกดูดเข้าไป “ชอบเวลาลินท์ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง จะชอบเม้มปาก แล้วลักยิ้มจะบุ๋มลงไป” ไวเท่าความคิดนิ้วชี้ของเขาก็จิ้มลงไปแก้มขาวซะแล้ว

“ฮื่อ ลักยิ้มลินท์เกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย ลินท์ทำกระทงอยู่ไม่กวนสิครับ”

“ก็ลักหัวใจพี่ไปหมดแล้วนี่.. ลินท์ต้องรับผิดชอบพี่ด้วย”

“อืม.. รับผิดชอบยังไงดี”

“ก็...” ร่างสูงใหญ่ประชิดซ้อนข้างหลังเด็กหนุ่ม กดจูบลงต้นคออย่างที่เขาชอบทำเบาๆ มุจลินท์ตัวเกร็จขนลุกขนชันขึ้นมาเสียอย่างนั้น รู้สึกหวามไหวกับสัมผัสอ่อนโยนที่ชลธีชอบทำให้ แต่ตอนนี้เขาไม่ว่างแล้วมันก็ไม่ใช่เวลามาจู๋จี๋ด้วย “โอ๊ย หยิกพี่ทำไมครับ”

“รุ่มร่ามไม่รู้เวล่ำเวลาก็ต้องโดนนะครับ”

“ใจร้าย..”

ท่าน้ำวัดกัลยาณมิตรดูคนจะพลุกพล่านน้อยกว่าท่าน้ำในแถบนี้มากพอสมควร เพราะคนแห่แหนกันไปลอยกระทงที่สะพานพุทธกันเสียหมด เขาจุดไฟธูปเทียนบนกระทงของลูกชาย ให้ลูกชายอธิษฐานและขอขมาพระแม่คงคา เด็กชายพูดเจื้อยแจ้วน่ารักน่าชังเป็นที่เอ็นดูของคนที่พบเห็น

“เสร็จแล้วใช่ไหมลูก เดี๋ยวเราค่อยๆปล่อยลงแม่น้ำนะครับ” ชลธีช่วยประคองลูกชายโดยมีมุจลินท์คอยจับตัวไว้แน่น ไทเกอร์ปล่อยกระทงลงบนแม่น้ำ แสงเทียนกระทบกับใบหน้าเด็กชาย ดวงตากลมโตสีดำแวววาวมองกระทงนับสิบนับร้อยใบล่องลอยอยู่บนแม่น้ำ

“ฉวยจังเลย” ชี้มือชี้ไม้ไปที่แม่น้ำสีดำสนิทยามค่ำคืน “ฉวยยยยย” อดไม่ได้ก้มลงจุ๊บแก้มป่องของลูกชาย ไทเกอร์หัวเราะคิกคักยื่นปากจะจุ๊บเขากลับ เล่นกันอยู่สักพักคุณยายที่ลอยกระทงเสร็จแล้วจึงจูงมือไทเกอร์ไปอีกทางเพื่อดูเขาจุดดอกไม้ไฟ เด็กชายตื่นเต้นยืนมองร้องเสียงดังอู้หู้ว ส่วนชลธีโอบเอวคนรักไปตรงท่าน้ำ จุดธูปเทียนบนกระทงเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงอธิษฐาน

“ตาลินท์อธิษฐานแล้ว”

“ไวจัง”

“พี่คิดไว้ตั้งนานแล้ว”

“’งั้นรอลินท์แปบนึง” เด็กหนุ่มหลับตาพริ้มอยู่ไม่กี่อึดใจก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะค่อยๆพากันปล่อยกระทงลงสู่แม่น้ำ เขาเหม่อมองกระทงใบน้อยล่องลอยตามกระแสน้ำ จนคลื่นลมพัดพาหายลับไป มือหนาเลื่อนมากุมข้อมือคนรักก่อนจะประสานกันแนบแน่น

“พี่อธิษฐานว่าอะไรหรือ”

“ขอให้ลินท์อยู่กับพี่ตลอดไป” ชลธีจ้องดวงตาเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน จนอีกคนยิ้มแก้มแทบจะปริ “แล้วลินท์ล่ะ”

“ก็..” เด็กหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด “ลินท์ขอ.. ขอให้ลินท์ตายก่อน เพราะลินท์คงอยู่ไม่ได้.. ถ้าไม่มีพี่” แค่คิดว่าจะต้องสูญเสียคนตรงหน้าไป น้ำตาใสคลอหน่วยปริ่มจะไหล หัวใจเขาก็บีบรัดแน่นจนเจ็บไปหมด ภารกิจของชลธีที่ต้องไปประจำที่ชายแดนมันทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายอาทิตย์แล้ว ทั้งกังวล ทั้งเป็นห่วงไปหมด ชลธีมองคนรักที่น้ำตาคลอแล้วสงสารจับใจ เขาสวมกอดมุจลินท์แน่น บรรจงจูบเบาๆที่ขมับ

“เด็กบ้า แล้วไม่คิดหรือว่าถ้าลินท์เป็นอะไรไป พี่จะอยู่อย่างไร” กดจูบลงแก้มขาวอีกที “ไหนจะลูกชายเราอีก ใครจะช่วยพี่ดูแลลูกล่ะ พี่ไม่หาแม่ให้ไทเกอร์แล้วนะ”

“...”

“พี่สัญญาว่าจะรีบกลับมา.. ไม่ร้องนะ” ใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาเด็กขี้แยจนแห้ง “เห็นลินท์ร้องไห้แล้วพี่ใจคอไม่ดีเลย”

“รักพี่นะ”

“รักเหมือนกันครับ คนดี” ริมฝีปากค่อยๆบรรจงจูบเคล้นคลึงอ่อนหวานเนิ่นนานราวกับอยากจะจดจำความรู้สึกเอาไว้ในใจอีกนานเท่านาน สองมือยกขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม เอนเอียงรับจูบให้ถนัดถนี่ ความรู้สึกโหยหาคิดถึงคนรักอัดแน่นเต็มอก แต่เขาจะต้องอดทน เข้มแข็ง เพื่อรอเวลาที่เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง..

เขาจะต้องทำให้ได้..



 :hao5: :hao5:
วันนี้ใครไปลอยกระทงที่ไหน เดินทางปลอดภัยนะคะ รัก <3
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 03-11-2017 12:08:25
ใต้ความหวานยังมีความละมุนซ่อนอยู่ อยากรู้จริงทำไมเกอร์เรียหพี่หลามว่าป๊า

ทำไมไม่เรียกน้องลินทร์ว่าม้าหล่ะ ม่าม้า ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

แต่ลอยกระทงมันต้องมีต่อกว่านี้อีกนิด
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-11-2017 12:29:48
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-11-2017 15:58:25
หวานละมุน :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 03-11-2017 22:03:20
อิจฉคนมีคู่

หวานกันมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-11-2017 22:23:31
มีพ่อแม่ลูก น่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 04-11-2017 04:18:10
อิจฉาน้องลินทร์ :ruready สุขสันต์ลอยกระทงค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 04-11-2017 21:31:13
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 05-11-2017 11:15:36
เราพลาดตอนลอยกระทงไปได้อย่างไร

น่าจะมีแจ้งเตือยเวลาลงตอนใหม่ๆ

แต่อิจฉาน้องลินทร์จริงๆ และคู่รองเขาไปลอยกันที่ไหนน้า

๕๕๕๕๕+
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-11-2017 18:36:12
ครอบครัวนี้ น่ารักมาก ไทเกอร์ยิ่งน่ารักใหญ่
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 09-11-2017 23:37:32
ตอนที่ ๑๑

ชลธียันตัวเองขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่ม เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มส่งเสียงดังลั่นจนเขาต้องเอื้อมมือไปกดปิด สายตาคมเบนมาจับจ้องเรือนร่างขาวเนียนที่พร่างพรายไปด้วยรอยจูบเต็มแผ่นอก เห็นเด็กหนุ่มนอนหลับสนิทหายใจเข้าออกสม่ำเสมอก็อดไม่ได้สอดแขนเข้าที่เอวบางของมุจลินท์รั้งตัวให้หันมาแนบอก คิ้วได้รูปสวยขมวดน้อยๆเมื่อถูกกระชับเอวแน่นจนรู้สึกสะเทือนช่วงล่างที่ชาหนึบ ลูกเป็ดหนีออกจากการเกาะกุมคว้าหมอนข้างมากอดหมับแล้วนอนนิ่งสนิท คนแอบมองจุดยิ้มบางเบาค่อยๆลุกออกจากเตียง เตรียมตัวพาลูกชายไปโรงเรียนแทนพี่เลี้ยงที่ตื่นขึ้นมาไม่ไหว ก้มลงไปกดจูบแก้มขาวอีกรอบ ไม่อยากไปไหนทั้งที่บรรยากาศในห้องยังอบอวลไปด้วยความสุขเลย

“ป๊า!” ไทเกอร์ผลักประตูเข้ามาพร้อมร้องเรียกเสียงดัง เมื่อเห็นมุจลินท์ยังนอนหลับอยู่ตัวแสบก็จะพุ่งกระโจนกระโดดขึ้นบนเตียง ชลธีช้อนเอวขึ้นมาได้ทันก่อนยกมือแตะปากให้เบาเสียง ไทเกอร์เข้าใจว่าไม่อยากให้ปลุกแม่ลินท์จึงเอามือปิดปากแน่นพยักหน้าเข้าใจแต่โดยดี “แม่ลินท์ยังไม่ตื่นหยอ”

“ใช่ครับ”

หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กให้ลูกชายถือไว้แล้วเดินนำเข้าห้องน้ำ ไทเกอร์ยืดหลังตรงเดินตามคุณพ่อเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย มุจลินท์สอนให้เด็กชายอาบน้ำและแต่งตัวใส่เสื้อผ้าด้วยตนเองมาสักพักแล้ว แม้จะทุลักทุเลตอนสวมกางเกงอยู่บ้าง ต้องเอามือเกาะคุณพ่อเอาไว้แล้วแหย่ขาเข้าทีละข้าง มือเล็กจ้อยค่อยๆหยิบเสื้อจับใส่กระดุมเรียบร้อย แป้งหอมกรุ่นปะเต็มตัวลายพร้อยเป็นตุ๊กแก กลิ่นเดียวกับคนที่เขานอนกกกอดทั้งคืน  มือหนาคว้ากระเป๋านักเรียนลายสไปเดอร์แมนขึ้นมาสวมให้ลูกชาย “ให้แม่ลินท์พักผ่อนนะครับ วันนี้ป๊าจะไปส่งเอง”

“เย่ๆ” เด็กชายกระโดดโลดเต้นไปรอบตัวชลธี “ป๊าไม่ไปทำงานหรอ ป๊าจะอยู่กับเกอร์ใช่ไหม”

“ป๊าอยู่กับเกอร์ครับสิครับ ไม่ไปไหนหรอกลูก”

“เกอร์คิดถึงป๊า” เด็กชายชูมือออดอ้อนให้คุณพ่ออุ้มเหมือนเคย “เกอร์อยากให้ป๊าอยู่กับเกอร์นานๆ ไม่อยากให้ป๊าไปทำงานเลย”

“ป๊าไม่ทำงานจะหาเงินจากไหนมาเลี้ยงลูกหมู”

“เกอร์ไม่ใช่ลูกหมูววววว” เด็กน้อยทำปากจู๋ “ป๊าว่าเกอร์ เกอร์จะฟ้องแม่ลินท์!”

“เอาใหญ่แล้วนะเดี๋ยวนี้” เขามองลูกชายที่ชักจะทโมนขึ้นทุกวัน “ไม่เรียกลูกหมูแล้วครับ ไม่ฟ้องแม่ลินท์นะ”

“ฮิๆ ก็ได้คับ” สองพ่อลูกหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน เด็กชายเดินไปขึ้นนั่งบนเก้าอี้ บนโต๊ะทานข้าวมีข้าวต้มหมูชามเล็กที่คุณยายต้มไว้ให้ ทานจนเสร็จเรียบร้อยแถมยังเบิ้ลไปอีกชาม ทำเอาคุณยายยิ้มแก้มปริที่เห็นหลานชายคนใหม่เจริญอาหาร เด็กชายนั่งปุกลงกับพื้นหยิบถุงเท้ามาสวมทั้งสองข้าง กระเตงกระเป๋าใบใหญ่ที่สะพายข้างหลังไปเปิดตู้รองเท้า หยิบรองเท้านักเรียนสีดำของตัวเองออกมา ชลธีมองลูกชายที่จัดการตัวเองได้อย่างคล่องแคล่วก็จุดยิ้มอารมณ์ดี ลูบหัวลูกชายคนเก่ง

“ลูกชายป๊า.. เก่งมาก”

“แม่ลินท์สอนมาดีฮะ” ไม่วายอวยคนที่นอนหลับอยู่ในห้องจนคุณพ่อนึกขำ

“เดี๋ยวอาลินท์ไปส่งด้วยครับ” ชลธีและลูกชายหันไปมองคนมาใหม่ มุจลินท์ในชุดลำลองเรียบร้อย เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนและกางเกงสามส่วนเหนือเข่า ใบหน้าหวานติดบึ้งเล็กๆไม่ยอมมองหน้าชลธีสักนิด เด็กหนุ่มเตรียมกระติกน้ำและหมวกปีกกว้างสีฟ้าอ่อนให้เด็กชายใส่กระเป๋าเป้ของเขาไว้ก่อนจะจูงมือเด็กชายเดินลิ่วออกไป มุจลินท์ยังเคืองเรื่องเมื่อคืนที่ชลธีไม่ยอมให้เขานอนจนเขาตื่นมาส่งลูกชายไปโรงเรียนไม่ไหว ถ้าหากคุณยายไม่เข้าไปปลุกเขาในห้อง เขาคงอดไปงานกีฬาสีของไทเกอร์แน่ๆ แค่คิดก็รู้สึกอยากจะทุบคนที่ทำให้เขารู้สึกปวดไปทั้งตัวแบบนี้ ชลธีเห็นท่าทางไม่ดีก็นึกในใจว่าแย่แล้ว รีบเดินตามไปแทบจะทันที เดินเบียดไหล่จนเด็กหนุ่มต้องกระเถิบถอยหนี

“ลินท์...”

“มีอะไรหรือครับ”

“เดี๋ยวพี่ไปส่งลูกเอง ลินท์นอนพักดีกว่าไหม” เห็นลูกเป็ดหน้าซีดเซียวเพราะนอนไม่พอ ชลธีเลยรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะกว่าเขาจะปล่อยให้เด็กหนุ่มได้นอนก็เกือบ.. ตีห้า

“ผมจะไปดูไทเกอร์แข่งกีฬา” มุจลินท์เอ่ยเสียงแข็ง “ผมบอกพี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ว่าลูกมีกีฬาสี”

“…ก็” เขาได้ยินแว้บๆผ่านหูไปนิดหน่อย ก็ตอนนั้นใครจะมาตั้งใจฟังเล่า มัวแต่ตั้งใจทำอย่างอื่นน่ะสิ มุจลินท์ไม่ตอบและไม่สนใจชายหนุ่มที่เดินตามมาอีก หันไปพูดคุยกับเด็กชายที่กำลังตื่นเต้นดีใจ

“เกอร์วิ่งเปี้ยวกับเก้าอี้โดนตี”

“ดนตรีครับลูก”

“โดนนนนนนตีนนนนนน”

“โถ่ ลูกชายยยยย” เอ็นดูจนอยากไปฟัดแก้มยุ้ยนั่นแรงๆสักที “ค่อยๆหัดพูดให้ชัดๆนะลูก” เด็กวัยนี้กำลังช่างพูดช่างคุย และชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา รวมไปถึงซึมซับพฤติกรรมจากผู้ใหญ่ที่เป็นต้นแบบ เขาจึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกชาย

“แม่ลินท์” ไทเกอร์ชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่ม “ยุงกัดหรอครับ.. แดงเต็มเลย”

“พรืดดดดดด” ชลธีที่เดินตามแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อเจ้าลูกชายตัวดีดันทักรอยจูบอ่อนๆช่วงต้นคอที่เขาแอบทำไว้เมื่อคืน มุจลินท์ตะปบต้นคอก่อนจะหันมามองเขาตาเขียวปั้ด

“หัวเราะอะไรครับ” ถ้าสายตาของเจ้าลูกเป็ดเป็นกระบอกปืน ป่านนี้ร่างเขาคงพรุนไปหมดแล้ว “เพราะพี่คนเดียวเลย…  วันนี้นอนคนเดียวไปเลยนะ.. ผมจะนอนกับลูก”

“พี่นอนด้วย”

“ไม่”

“ไม่มีคำว่าไม่ พี่ไม่ยอม” เรื่องอะไรจะยอมนอนกอดหมอนข้างคนเดียวในห้อง มีเมียก็ต้องนอนกอดเมียสิ มุจลินท์ไม่สนใจเขาเลยสักนิด มัวแต่หยอกล้อกับไทเกอร์ไปตลอดทาง ให้ตายเถอะ เขาไม่ชอบให้มุจลินท์เมินเขาแบบนี้เลย
 
“ก็เรื่องของพี่สิครับ..”

“โถ่ ลินท์”

“ผมจะไม่ใจอ่อนกับพี่แล้ว”

“ลินท์ไม่สงสารพี่หรือ ให้พี่นอนเหงาอยู่คนเดียว”

“ถ้าผมสงสารพี่ แล้วผมไม่มีแรงตื่นมาส่งลูก ผมไม่สงสารพี่ดีกว่า”

“ป๊าโดนแม่โกรธแย้วววววววว” เด็กชายหัวเราะร่า วิ่งล้อมหน้าล้อมหลังจนมุจลินท์เวียนหัว จับอุ้มขึ้นแทบจะไม่ไหวเพราะจ้ำม่ำเสียเหลือเกิน เดือดร้อนคุณพ่อต้องรับไปอุ้มแทน

“ไม่เข้าข้างป๊าเลยนะเกอร์!”

“ฮิๆ”

กว่าจะมาถึงโรงเรียนก็เกือบเก้าโมงกว่าเพราะทะเลาะกันมาตลอดทาง มุจลินท์พาไทเกอร์ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดวอร์มสีเขียวอ่อนในห้องน้ำของโรงเรียน วันนี้ที่โรงเรียนคนเยอะกว่าทุกวันเพราะผู้ปกครองแห่กันมาดูลูกหลานแข่งขันกีฬา เกือบจะหาที่จอดรถไม่ได้จนชลธีต้องปล่อยลงกันหน้าโรงเรียนก่อนแล้วถึงจะตามเข้ามา เขาให้เด็กชายเปลี่ยนเป็นรองเท้าพละสีขาวพอดีกับเท้าเล็กป้อม ตรวจเช็คเครื่องแบบจนเสร็จเรียบร้อย จึงก้มลงจุ๊บแก้มยุ้ยของเด็กชายเบาๆ

“เต็มที่นะครับเกอร์.. อาจะคอยถ่ายรูป เป็นกำลังใจให้นะลูกนะ”

“ขอบคุณครับแม่ลินท์” สองมือเล็กกระพุ่มไหว้นอบน้อม ดวงตากลมโตสีดำเป็นประกายแวววาวเมื่อรู้ว่าตนเองจะได้แข่งกีฬาเล่นกับเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน ไทเกอร์เป็นเด็กรูปร่างสมส่วนยกเว้นแก้มยุ้ยและตาโตกลม ผมหยักศกน้อยๆทำให้ไทเกอร์เหมือนตุ๊กตาน่ารักน่าเอ็นดู และนิสัยมีน้ำใจทำให้เด็กชายเป็นที่รักของคุณครูและเพื่อนๆ เขามองตามหลังเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งไปรวมกลุ่ม ความรักและความผูกพันที่มากขึ้นทุกวันอัดแน่นในอกจนอธิบายไม่ถูก เขาอยากจะอยู่มองดูไทเกอร์เติบโตขึ้นทีละนิด คอยโอบอุ้มค้ำชูดั่งต้นไม้ใหญ่ เป็นร่มเงาและที่กำบังยามลูกชายเหนื่อยล้า..

 ในมือคอยถือกล้องโทรศัพท์เก็บรูปเด็กชายตัวน้อย ลักยิ้มบุ๋มลงแก้มซ้าย ประกอบกับรูปร่างสูงเพรียวโดดเด่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มดูมีเสน่ห์เรียกสายตาจากผู้ปกครองคนอื่นและแขกเหรื่อที่มาเข้าร่วมกิจกรรม

“ โอ๊ะ ขอโทษครับ” เขาถอยหลังไม่ได้ทันมองว่ามีคนยืนอยู่จนชนเข้าอย่างจัง ดีว่าอีกคนคว้ากล้องโทรศัพท์มือถือที่หลุดมือของเขาไว้ได้ทัน หัวใจแทบจะร่วงไปที่ตาตุ่ม เพราะพังขึ้นมาคงซ่อมหลายบาท แค่คิดเงินในบัญชีลดลงเขาก็รู้สึกใจจะขาด 

“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์คืน สบกับดวงตาสีน้ำตาลเทาคู่สวย จนนิ่งชะงักไป “เอ่อ”

“ครับ?” มุจลินท์หยิบโทรศัพท์ที่ชายหนุ่มถือค้างไว้แล้วพงกหัวเป็นเชิงขอบคุณ ลูกชายเขาใกล้จะแข่งเก้าอี้ดนตรีแล้ว จะต้องรีบไปจับจองที่นั่งเพื่อหามุมสวยๆเสียหน่อย แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังจ้องเขาไม่หยุด “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“ตาคุณสวยมากเลย” ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ดวงตารีเรียวสีดำสนิทดูเข้ากันกับคิ้วเข้มและตัดกับผิวขาวจัดอย่างลงตัว ทรงผมซอยสั้นทันสมัยเซ็ททรงอย่างดี ดูๆแล้วอายุน่าจะมากกว่าเขาไม่เท่าไหร่ “เป็นลูกครึ่งหรือครับ”

“เอ่อ..ครับ”

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขารู้สึกไม่ชอบคำถามประเภทนี้เลยสักนิด หากใครมาถาม เขาก็จะหัวเราะกลบเกลื่อนไป เพราะตัวเขาเองยังไม่เคยเจอหน้าพ่อเลยสักครั้ง แม้รูปร่างภายนอกเขาอาจจะมีส่วนคล้ายคลึงแต่เขาก็ไม่กล้าพูดได้เต็มปากสักที

“ลินท์” ชลธีเข้ามาแทรกระหว่างเขาและชายหนุ่มคนนั้นซึ่งน่าจะเป็นผู้ปกครองของเด็ก “ลูกจะแข่งแล้ว ไปทางโน้นดีกว่าครับ”

“คะครับ..” ท่อนแขนหนาพาดที่ไหล่ลาดบางก่อนจะโอบหลบไปอีกทาง ชลธีหายใจฮึดฮัดไม่พอใจ แค่ห่างจากสายตาชั่วครู่ก็มีคนนั้นคนนี้เข้ามาคุยด้วยตลอด แล้วเวลาเรียนที่มหาลัยล่ะ... ชลธีไม่อยากจะคิดแต่ในหัวสมองคิดฟุ้งซ่านไปไหนต่อไหน.. ไม่ได้การละ เขาคงต้องรีบไปตีสนิทกับเพื่อนของมุจลินท์ซะแล้ว

เห้อ อาการหวงเมียเด็ก.. กำเริบ...

ไม่ทันได้ดับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง เด็กหนุ่มเอาหัวมาพิงไหล่เขาไว้ ชลธียกมือลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ อยากจะกอดอยากจะหอมให้ชื่นใจกว่านี้แต่ก็ติดว่าอยู่ข้างนอก ขืนทำอะไรลงไปได้โดนเจ้าลูกเป็ดโกรธอีกแน่

“เป็นอะไรครับ.. หืม อ้อนพี่จังนะ”

“ขอบคุณนะ”

“ขอบคุณเรื่องอะไรครับ?”

“ที่รักลินท์..” มุจลินท์ก้มหน้างุด “รักเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้”

“ไหน มีเด็กขี้แยอยู่แถวนี้หรอ”

“ใครเขาขี้แยกันเล่า”

“คิดมากเกินไปแล้วเจ้าลูกเป็ด”

“ลินท์ไม่ใช่ลูกเป็ดนะครับ!” เมื่อไหร่ชลธีจะเลิกเรียกเขาแบบนี้สักที เขาหน้าเหมือนเป็ดตรงไหนกัน หน้าหวานงอง้ำแต่ทำอย่างไรก็น่าเอ็นดู ชลธีรีบรุนหลังเด็กหนุ่มให้เดินไปดูกิจกรรมที่กำลังจะเริ่มในไม่ช้า ผู้ปกครองที่มาต่างหาพื้นที่จับจองกันจนแน่นขนัด ขืนช้ากว่านี้คงไม่มีที่ดีๆให้เขาดูลูกชายแน่ๆ

“ไปดูลูกก่อนแล้วเดี๋ยวกลับไปคุยกันต่อที่บ้าน”

“ฮื่อ” จูงมือเด็กขี้แยเดินกลับเข้าไปดูไทเกอร์ที่กำลังเตรียมพร้อมแข่งขัน ในใจมุจลินท์ก็อดจะรู้สึกตื่นเต้นแทนไม่ได้และไม่อยากจะพลาดสักวินาทีเดียว ในช่วงเวลาที่ลูกชายกำลังเติบโตตามวัยเขาก็อยากจะเก็บภาพและความทรงจำเอาไว้ให้มากที่สุด

เสียงเพลงดังพร้อมเด็กๆกระโดดโลดเต้นล้อมรอบเก้าอี้ห้าถึงหกตัว เด็กชายตัวน้อยแก้มป่องในชุดวอร์มสีเขียวอ่อน โยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง มุจลินท์อดจะอมยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นความน่ารักของลูกชาย มือถือถูกยกขึ้นมาถ่ายเก็บภาพความประทับใจเรื่อยๆ เกมเก้าอี้ดนตรีเปิดเพลงวนจนจบ เด็กวิ่งกรูเข้าไปนั่งเก้าอี้กันอย่างสนุกสนาน หลังจากเล่นกันจนพอใจ คุณครูก็เชิญผู้ปกครองเข้าไปเล่นบ้าง เด็กชายวิ่งมาเกาะแขนมุจลินท์พาไปเข้าวงเพื่อเล่นเกม ชลธีเลยรับหน้าที่เป็นช่างภาพแทน ดวงตาคมมองผ่านกล้องเห็นเด็กหนุ่มในชุดกางเกงสามส่วนขาสั้นเหนือเข่าสวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน ผมสีน้ำตาลเข้มสะท้อนแสงแดดออกสีน้ำตาลสีสวยชัดเจนยิ่งขับให้ผิวขาวเนียนและร่างสูงโปร่งนั้นดูโดดเด่น เขาอดรู้สึกขัดใจกางเกงตัวนั้นไม่ได้ มันสั้นเกินไปแล้ว...

เพลงแด๊นซ์จังหวะสนุกสนานเปิดคลอพร้อมเด็กน้อยจูงมือผู้ปกครองเดินวนรอบเก้าอี้พลาสติก ข้อเท้าผูกด้วยลูกโป่งสีสดใสที่ข้อเท้าไทเกอร์

“เดินห่างๆคุณอานะลูก เดี๋ยวอาวิ่งแล้วหนูเกาะอยู่จะล้มเอา”

“ฮะแม่”

ได้ยินไทเกอร์เรียกเขาเสียงเจื้อยแจ้วว่าแม่อย่างนั้นแม่อย่างนี้ก็อดจะเก้อเขินไม่ได้ เรียกในบ้านยังพอว่า มาเรียกข้างนอกท่ามกลางผู้ปกครองคนอื่น เขาก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน

ปรี๊ดดดดด

ทันทีที่เพลงจบเขารีบวิ่งไปนั่งลงบนเก้าอี้ทันที แต่ดูเหมือนจะช้ากว่าผู้ปกครองอีกคนที่แทรกตัวมาจากข้างหลัง รู้ตัวอีกทีเขาก็นั่งแหม่ะลงบนตักผู้ปกครองคนนั้นไปแล้ว

“เห้ย” เขาเด้งตัวลุกขึ้นทันทีแต่มือของผู้ชายคนนั้นกักเอวเขาไว้แน่น 

“คุณนั่งเถอะ” ชายหนุ่มคนนั้นดันตัวเองออกมาแล้วให้มุจลินท์นั่งแทนที่ เขาถึงได้เห็นหน้าชัดๆว่าคือคนที่เขาเดินชนเมื่อครู่

“คุณชนะก็นั่งไปสิ แล้วก็ปล่อยมือผมด้วย”

“อ๊ะ ขอโทษครับ”

ชลธีเริ่มขมวดคิ้ว มองสองคนที่กระซิบกระซาบอยู่กลางสนาม กางเกงสามส่วนรั้งขึ้นไปจนเห็นขาเรียวขาวเนียนที่เขาชอบลูบนักหนา ให้ตายเหอะ กลับบ้านไปเขาจะต้องเผากางเกงตัวนี้ทิ้งให้ได้ สังเกตเห็นมือผู้ชายคนนั้นจับมือเด็กหนุ่มแน่น ชลธีหายใจเข้า ยุบ หายใจออก หนอ มือกำโทรศัพท์แน่นและแทบจะเดินไปแยกสองคนนั้นออกจากกัน มุจลินท์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาขอบสนามใบหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ ไทเกอร์วิ่งโผเข้าหากอดเอวเด็กหนุ่มไว้แน่น เขาก้มลงกอดปลอบเด็กชายที่น้ำตาจะไหลรอมร่อที่เห็นแม่ลินท์เดินออกมาจากวง

“ไม่ร้องนะลูก อาขอโทษนะครับ เล่นไม่ทันไรก็แพ้ซะแล้ว”

“ฮือ แม่ลินท์ของเกอร์” เด็กชายเริ่มงอแง ปากเบะ “ลุงคนนั้นจะมายุ่งกับแม่ เกอร์ไม่ให้” เขาพอจะเข้าใจเด็กวัยนี้ที่จะหวงหรือติดกับคนที่สนิท คงเข้าใจว่าเขาโดนแกล้งก็เลยร้องไห้ออกมา เด็กหนุ่มกอดปลอบโยกไปโยกมา ชลธีเดินเข้าอุ้มลูกชายแนบอก สายตาตวัดไปมองชายหนุ่มคนนั้นที่กำลังหันมาสบตากันพอดี

“ลุงคนนั้นจะเอาแม่ลินท์ไป” เด็กอ้วนชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่มคนนั้นฟ้องพ่อตัวเองใหญ่ “ลุงของทอฟฟี่” ทอฟฟี่คือเพื่อนห้องเดียวกับไทเกอร์ เด็กผู้หญิงมัดแกละสองข้างที่วิ่งไปหาชายหนุ่มคนนั้นหันมาโบกมือให้ไทเกอร์ที่กำลังหน้าบูด

“ใครจะมาเอาอาไปได้ล่ะครับลูก” มุจลินท์อดจะหัวเราะกับความรักของเด็กชายไม่ได้ “เพื่อนเรียกแล้วหนูไปเล่นกับเพื่อนไหมครับ” ไทเกอร์ชั่งใจมองเพื่อนอีกสองสามคนที่กำลังรวมกลุ่มเล่นเกมถัดไป จึงพยักหน้าให้พ่อวางลงพื้น ก่อนจะวิ่งเผ่นแผล็วไป

“แล้วพี่ทำไมต้องหน้าบูดด้วย” หันมาเจอนายทหารหนุ่มเก๊กหน้าขรึมก็อดที่จะถามไม่ได้ “เลียนแบบลูกหรือ ลินท์ไม่โอ๋นะ”

“…”

“พี่ฉลาม..”

“...”

“ไม่พูดกับลินท์หน่อยหรือ” เขาเดินไปยืนตรงหน้าชายหนุ่มที่ดูเหมือนอารมณ์กำลังคุกรุ่น อะไรกัน เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย  “โกรธอะไรหรือครับ”

“ห้ามใส่กางเกงตัวนี้อีก”

“หะ?” เขาก้มลงมองกางเกงสามส่วน “ไม่เอา ตัวนี้ตัวโปรดของลินท์นะ”

“เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่ มันสั้นเกินไป พี่ไม่ชอบ”

“กางเกงที่บ้านมีเยอะแยะ ไม่ต้องเปลืองเงินหรอกครับ”

“พี่หวงไม่ได้หรือ ก็ดี.. จะได้รู้ไว้ว่าไม่มีสิทธิ์”

“พี่.. ไปกันใหญ่แล้ว” ชลธีหน้าบึ้งกว่าเดิมแทบยังหันหน้าหนี งอนตุ๊บป่องไปแล้ว เป็นไทเกอร์เวอชั่นตัวโตชัดๆ มุจลินท์ใช้นิ้วจิ้มแขนหนา กระพริบตาปริบๆ รู้สึกตัวหดลงเหลือนิ้วเดียว ปกติชายหนุ่มจะใจดีกับเขาเสมอ ไม่เคยแสดงออกว่าโกรธหรือไม่พอใจเขาเลยสักครั้ง คงจะไม่ชอบให้เขาใส่กางเกงขาสั้นจริงๆ “ฮื่อ ลินท์ขอโทษ ลินท์จะไม่ใส่กางเกงตัวนี้แล้ว”

“อยู่กับพี่สองคนใส่ได้.. หรือไม่ใส่อะไรเลยก็ได้”

“คนหื่น”

“อะไรนะ”

“เปล่าครับ” คนบ้ากามเอ๊ย!

   บรรยากาศในโรงเรียนเต็มไปด้วยเสียงเพลงและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ลูกโป่งสีสันสดใสผูกตามอาคารเรียนพร้อมกับเชือกหลากสีสัน ทำให้เขาคิดถึงสมัยตัวเองเรียนชั้นประถมฯที่โรงเรียนวัดใกล้บ้าน ชอบเข้าแถวรับแจกขนมไปแบ่งกินกับยายเสมอ มุจลินท์ผละออกจากชายหนุ่ม สอดส่ายตาหาลูกชายที่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับเพื่อน อดไม่ได้จะต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพจนเต็มโทรศัพท์ไปหมด กลับบ้านไปเขาจะเอารูปไปอวดคุณยาย แล้วก็อัดรูปใส่อัลบั้มเก็บไว้ดูให้เยอะๆเลย แค่คิดก็รู้สึกมีความสุข มือบางล้วงกระเป๋าเป้หยิบกระติกน้ำเตรียมไว้ให้ลูกชายดื่มก่อนจะแข่งวิ่งเปี้ยว


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนพิเศษ : วันลอยกระทง] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๓.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 09-11-2017 23:39:07


(ต่อจากข้างบน)


“แม่!”

“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมครับลูก”

“ฮื่อ ม่ายเหนื่อย” ปากจิ้มลิ้มเจื้อยแจ้วว่าไม่เหนื่อยแต่เหงื่อฉ่ำเต็มหน้าแถมยังหอบแฮ่กอีก “เกอร์แข็งแรงฉุดๆ” ยกแขนขึ้นเบ่งกล้ามให้เขาดูอีกแน่ะ เห็นแต่ไขมันก้อนกลมๆเด้งดึ๋งดั๋ง เจ้าตัวหัวเราะคิก พยายามเบ่งกล้ามให้เขาดูทั้งสองแขน

“ลูกชายเก่งมาก” จูบข้างขมับเด็กชายเบาๆ ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ พวงแก้มขาวแดงปลั่งเป็นมะเขือเทศดูน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“เกอร์จะเอาเหรียญทองมาให้แม่”

“แม่จะคอยดูตรงนี้นะลูก” เด็กหนุ่มพูดเสร็จก็ชะงักกึกเพราะเผลอแทนตัวเองเป็นแม่ซะอย่างนั้น

“ฮือ” เด็กอ้วนวิ่งเข้ามากอดแน่น “แม่จ๋า”

“ขี้แยจังเลยหมูอ้วน”

“เกอร์ ฮึก มั่ย ฮึก อ้วงงงงง มั่ยอ้วงงงงงงงงง”

“โอ๋ๆ แม่ลินท์รักหนูนะลูก ไม่ร้องนะครับ” ปาดน้ำตาที่ไหลลงออกมาจากแก้มป่องเสร็จก้มลงฟัดแก้มยุ้ยๆของลูกชาย “เดี๋ยวแม่พาไปเตรียมตัวนะครับ ไหนๆพร้อมแล้วหรือยัง”

“พ้อมแย้ววววววววว” ฉีกยิ้มโชว์ฟันหลอเสร็จก็จูงมือมุจลินท์ไปสนามโรงเรียนซึ่งคุณครูกำลังจัดสถานที่กันอยู่ เขาล้วงกระติกน้ำแล้วค่อยๆป้อนให้ลูกชาย

“กินน้ำหน่อยครับ”

“ชื่นจายยยยย”

“เอาอีกไหมลูก”

“ม่ายยยยย” ชี้ไปที่พุงป่องๆ “ป๊าไม่ให้กินน้ำก่อนวิ่งเยอะเดี๋ยวจุกคร้าบ” พอพูดถึงชลธีเขาก็ลุกขึ้นกวาดสายตามองหาชายหนุ่ม อีกไม่นานไทเกอร์ก็จะลงแข่งแล้ว ไม่รู้ชลธีไปยืนตรงไหน ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรหาก็ไม่เห็นจะรับ ช่วงนี้เขาเห็นชลธีชอบแอบหลบไปคุยโทรศัพท์คนเดียว คงจะเป็นเรื่องงานเพราะเขาไม่เห็นชลธีกลับค่ายมาหลายวันแล้ว เรื่องที่จะย้ายไปทำงานที่เชียงรายก็ยังไม่ได้คุยกันให้ชัดเจนเลยว่าเป็นอย่างไร ใจหนึ่งเขาก็อยากจะถามให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากรับรู้ว่าจะห่างกันอีกแล้ว แต่เขาไม่อยากทำให้ชลธีลำบากใจที่เห็นเขาไม่สบายใจเลย ร่างสูงโผล่มาซ้อนข้างหลังเขาได้อย่างไรไม่รู้ มือหนาแตะที่เอวบางก้มลงกระซิบแผ่วเบาข้างหู

“โทรหาพี่หรือ” น้ำเสียงติดหัวเราะ “ไปเข้าห้องน้ำมาครับ”

“ฮื่อ ลูกจะวิ่งแข่งแล้ว” เขายู่คอหนีตอหนวดของชายหนุ่มที่ชอบมาสะกิดผิว“ไปจองที่เถอะ ลินท์อยากถ่ายรูป”

“ดูเป็นห่วงจังเลยนะคุณแม่”

“ก็ลูกลินท์ทั้งคนนะ” พูดพร้อมทำหน้าขึงขังจริงจังจนชลธีแทบจะหลุดหัวเราะ ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะน่ารักได้ขนาดนี้ ทั้งดูแลเอาใจใส่เขาและไทเกอร์เป็นอย่างดี ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ทั้งยังเอ็นดูไทเกอร์เหมือนลูกแท้ๆ เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกให้มุจลินท์มาช่วยดูแลลูกชายเขา เด็กหนุ่มมีจิตใจดี และทำให้เขาประทับใจตั้งแต่วันแรกที่เจอ ไม่คิดเหมือนกันว่าเวลาไม่นานจะทำให้เขาตัดสินใจอยากจะดูแลมุจลินท์ไปเรื่อยๆแบบนี้

“ยิ้มอะไรแบบนั้นน่ะครับ”

“คนมันมีความสุข” เขาพูดยิ้มๆ แล้วจับจูงมือลูกชายไปที่สนามโรงเรียน “ค่อยๆวิ่งนะลูก ไม่ต้องรีบมาก เดี๋ยวจะหกล้ม ป๊าไม่ว่าถ้าลูกชายป๊าจะแพ้หรือชนะ” เขาอยากให้ลูกชายรู้จักการแพ้ชนะ ไม่ยึดติดว่าจะต้องชนะเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็จะอยู่เคียงข้างลูกชายเสมอ ไทเกอร์ยืนกัดเล็บมองไปที่สนามด้วยความกังวล หันซ้ายหันขวามองคุณพ่อทีนึง มองแม่ลินท์ทีนึง

“ป๊ากับแม่ลินท์จะรอตรงนี้นะครับ” เด็กชายหยักหน้าก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าไปในกลุ่ม

“ช่วงนี้ไทเกอร์ชอบกัดเล็บมาก” เขาเอ่ยช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่เด็กชาย “ก่อนที่ลินท์จะมาดูแล ลูกเป็นแบบนี้มานานหรือยังครับ” ชลธีไม่หันมาสบตา เงียบสนิทจนเขาต้องเอื้อมมือไปสัมผัส

“มันเป็นความผิดของพี่เอง” เขาตอบเสียงสั่น “ถ้าพี่มีเวลาดูแลลูกมากกว่านี้..”

“หมายความว่ายังไง?”เขาตกใจจนเผลอขึ้นเสียง “ใครทำอะไรลูก!?”

“ลินท์อยากรู้จริงๆหรือ”

“ก็ต้องอยากรู้อยู่แล้ว” ชลธีเงียบไปสักพักก่อนจะเอื้อมมือมากุมเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น เขาไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหากได้แบ่งปันสิ่งที่เขาได้เจอมา เด็กหนุ่มจะรู้สึกอย่างไร

“ช่วง3ปีก่อน.. พี่ยังเป็นแค่ผู้กองยศร้อยเอก ต้องไปปฏิบัติภารกิจประจำชายแดนเพื่อตามคดียาเสพติด พี่ยอมรับว่าพี่ทุ่มเทเวลาให้กับงานมากจนไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย เกศต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เขาก็คงจะเครียด” ชลธีเอ่ยชื่อถึงภรรยาเก่าเป็นครั้งแรกในรอบเกือบปี ความรู้สึกผิดที่ยังกัดกร่อนในใจ บาดแผลยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลา “เขาขอให้พี่จ้างพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยดูแล เพราะเขาเหนื่อยและจะต้องทำงาน ตอนนั้นเกอร์เพิ่งได้สองขวบกว่าๆ แม่เขาก็อยากให้เข้านอร์สเซอรี่”

ชลธีกุมมือเด็กหนุ่มแน่น “ปรากฏว่าเกอร์ถูกพี่เลี้ยงขังอยู่ในห้อง ไม่ได้กินข้าวกินน้ำ กลับมาจากโรงเรียนก็จะอยู่แต่ในห้องนั้น” เด็กหนุ่มตัวชาวาบ เมื่อรู้ว่าไทเกอร์นอนคนเดียวไม่ได้สาเหตุมาจากอะไร

“พี่กลับมาอีกทีลูกก็..” เขาข่มเสียงที่กำลังสั่น “มือช้ำ หัวช้ำ ทั่วตัวช้ำไปหมด พี่เลี้ยงบอกกับพี่ว่าลูกเล่นซนกับเพื่อน มันคงจะเป็นปกติธรรมดาของเด็ก แต่พี่ไม่เชื่อ พี่เลยติดกล้องวงจรปิดที่ห้องนอนลูกชาย กว่าพี่จะกลับมาเจออีกครั้ง เกอร์ก็ป่วยเป็นโรคขาดสารอาหารจนต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาล”

“เกอร์..”

“เกอร์เอามือทุบประตุ เอาหัวโขกกับประตู ร้องหาแต่แม่.. แม่ที่ไม่ดูดำดูดีลูกชายตัวเองเลย”

“ทำไมคุณเกศเขาถึงไม่สนใจลูกล่ะ”

“เกศไม่พอใจที่พี่ไม่มีเวลาให้ เขาเลยประชดพี่ด้วยการไปคบกับคนอื่น ส่วนเรื่องลูกเขาก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ลินท์รู้ไหม ว่าเกศรู้ทุกอย่างว่าลูกเจออะไรบ้าง แต่เขาไม่เคยจะสนใจไยดีเลย”

“วันที่พี่เจอเขานอนกับผู้ชายคนอื่นบนเตียงพี่ พี่ฟ้องหย่า และขอสิทธิ์ในการเลี้ยงลูกแต่เพียงผู้เดียว” มุจลินท์นิ่งอึ้ง ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าชลธีและไทเกอร์จะเจอเรื่องราวเช่นนี้ ส่วนเขาแม้จะอยู่ในสลัมขายของไปวันๆ แต่ยายสมใจก็ดูแลและเลี้ยงดูอย่างดีเท่าที่จะทำได้

“พี่จะไม่ยอมให้คุณเกศเจอลูกเลยหรือ” มันทรมานเกินไปสำหรับเด็กคนหนึ่งที่จะไม่ได้เจอแม่ แค่คิดเขาก็รู้สึกแย่มากแล้ว เพราะเขาใฝ่ฝันอยากจะเจอพ่อกับแม่มาตลอดชีวิต

“ไม่ใช่ไม่ยอม แต่เขาเจอลูกไม่ได้ลินท์ ไม่ว่ายังไงก็ห้ามเจอ”ชลธีเม้มปากแน่น “ตอนนั้นเกอร์อาการหนักมาก หมอบอกว่าช็อคและพฤติกรรมถดถอย ลูกถูกabuse** มานานมาก ทำให้พัฒนาการช้า เขาจะชอบดูดนิ้วกัดเล็บตลอดเวลา”

“...”

“พี่ทำใจไม่ได้ที่จะเห็นลูกเป็นแบบนั้น เกือบปีที่พี่ต้องดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ในที่สุดไทเกอร์ก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ถึงไม่ได้ดีที่สุด แต่พี่ก็พอใจแล้ว”ดวงตาคมฉายแววเจ็บปวดอย่างที่เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน มันช่างอ้างว้างและสิ้นหวังกว่าที่เขาคิดมากนัก ”จนพี่ได้มาเจอลินท์ พี่ก็รู้สึกได้ทันทีว่าลินท์จะดูแลลูกชายของพี่ได้”

“พี่ไม่ต้องห่วง ลินท์จะดูแลลูกให้ดีที่สุด..”

“ขอบคุณนะลินท์ ขอบคุณที่อยู่ข้างๆพี่” ไม่พูดเปล่าพลางใช้ท่อนแขนเกี่ยวเอวเข้ามาแนบชิด เห็นดวงตากลมสวยคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา ก็รับรู้ได้ว่ามุจลินท์รักและเอ็นดูไทเกอร์มากขนาดไหน ส่วนเขาน่ะอยากจะแสดงความรักใจจะขาด

“นี่เราอยู่นอกบ้านกันนะ!” ชลธีหลุดยิ้มออกมา เห็นเจ้าลูกเป็ดหน้าแดงก่ำ ทำหน้าตาโมโหยิ่งน่าแกล้งเข้าไปอีก “ลินท์ไปดูลูกก่อนนะ”

   เด็กหนุ่มเดินหนีไปอีกทาง แทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่นี่ไม่ใช่ห้องที่อยู่กันสองคนเสียหน่อย ถึงเนื้อถึงตัวกันกลางวันแสกๆคนอื่นเขาจะมองอย่างไร คิดแล้วก็ทั้งโกรธทั้งเขิน เดินไปสงบสติอารมณ์หยุดยืนมองลูกชายตัวน้อยที่กำลังเข้าที่เตรียมออกวิ่ง ในใจรู้สึกปวดหนึบนึกถึงเรื่องที่ชลธีพูดแล้วก็รู้สึกสงสารไทเกอร์จับใจ ไม่ว่าอย่างไรชีวิตคนเราก็ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างจริงๆ...

“ไทเกอร์สู้ๆ” เด็กหนุ่มป้องปากตะโกนออกไปเสียงดัง จนเด็กชายเห็นแล้วยิ้มเขินม้วนต้วน เขาชูสองนิ้วเป็นเชิงสู้ๆให้กำลังใจให้เด็กชายที่กำลังตั้งท่ารอเปลี่ยนวิ่งกับเพื่อน เด็กชายออกวิ่งตัวปลิว เห็นจ้ำม่ำขนาดนั้นแต่วิ่งเร็วเหมือนกัน ในช่วงที่กำลังเอี้ยวตัวอ้อมหลักแล้วต้องวิ่งกลับไป เพื่อนที่วิ่งตามมาข้างหลังชนเอาจนได้ ร่างเล็กกระเด็นไปอีกทาง หัวใจเขาแทบหล่น แข้งขาก้าวไม่ออก คนที่ถึงตัวไทเกอร์คนแรกคือชลธี อุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นมา หางคิ้วแตกรอยเลือดเป็นทางยาว ไทเกอร์ร้องไห้จ้า เขาตั้งสติได้เสร็จรีบวิ่งเข้าไปหาเด็กชายทันที แค่เห็นเลือดเขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว

“เกอร์ เกอร์” เด็กหนุ่มล้วงกระเป๋าหยิบผ้าขนหนูที่เตรียมไว้ซับเลือดไม่ให้เข้าตา เขาไม่ชอบเวลาเด็กชายร้องไห้เสียเลย “คนเก่งของแม่”

“ฮือ เกอร์เจ็บ” สองแขนชูมาทางเขา เขาช้อนตัวลูกชายออกมาจากชลธี ทุกคนในสนามหยุดชะงักตั้งแต่ไทเกอร์ร้องไห้เสียงดัง คุณครูรีบวิ่งกันไปหากล่องปฐมพยาบาลแล้วเข้ามาช่วยทำแผล แต่เด็กชายไม่ยอมได้แต่นอนซบไหล่เขานิ่ง จนกระทั่งผล็อยหลับไป เขาและชลธีตัดสินใจพาไทเกอร์ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

“ลินท์ไหวไหม” นายทหารหนุ่มถามเด็กหนุ่มที่อุ้มลูกชายมาตลอดทาง กว่าจะถึงที่จอดรถมุจลินท์ไม่ยอมปล่อยให้เขาได้ช่วยอุ้มลูกเลย วงหน้าหวานคิ้วขมวดมุ่น หันมามองชายหนุ่มที่เดินตามมา ส่ายหัวว่าไม่เป็นไรแล้วรีบเดินต่อ มุจลินท์ค่อยๆอุ้มไทเกอร์ที่นอนคอพับคออ่อนขึ้นรถ ชลธีรีบขับรถอย่างรวดเร็ว

“เราเลยมาแล้วนี่ครับ”

“ไปที่รพ.x ดีกว่า” เขาจุดยิ้มเอื้อมมือไปกุมมือขาวที่เย็นเฉียบ ตอนนี้หน้าตาเจ้าลุกเป็ดดูไม่ได้เลย ซีดเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้ “น้องชายพี่เป็นหมออยู่ที่นั่น” พอได้ยินอย่างนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ก้มลงมองลูกชายที่หลับไปพร้อมคราบน้ำตา

การจราจรติดขัดจนเขาอยากจะลงจากรถแล้ววิ่งไปให้รู้แล้วรู้รอด ความกังวลเกาะกุมจนเขาเริ่มจะปวดตึ้บ ชลธีคอยชวนเขาพูดคุยตลอดเวลาไม่ให้เขาเครียดมากไปกว่าเดิมแล้วพร่ำบอกว่าลูกจะไม่เป็นอะไร ลงจากรถชลธีรีบรับเด็กชายไปจากเขา มือไม้ชาดิกจนแทบไม่รู้สึกอะไรแต่เขาก็ไม่สนรีบสาวเท้าตามนายทหารหนุ่มเข้าไปทันที พยาบาลรับเด็กชายไปทำแผล เขาเห็นชลธียืนคุยกับใครสักคนคน เป็นชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์ขาวรูปร่างสูงใหญ่ เครื่องหน้าไม่ต่างจากชลธีมากนัก สันกรามชัด ผิวสีแทน แต่ดวงตาคมดูมีประกายความอบอุ่นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“หลานเป็นอะไรน่ะพี่”

“วิ่งเปี้ยวแล้วล้มคิ้วแตก”ชลธีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตอนนี้ร้องไห้จนหลับไปแล้ว”

“เดี๋ยวรอเกอร์ทำแผลก่อนแล้วกัน”คเชนทร์ดูไม่ตกใจเท่าไหร่นัก สมัยเด็กๆพวกเขาวิ่งเล่นปีนต้นไม้กันหล่นกันมาหัวร้างข้างแตกกันเป็นเรื่องธรรมดา “ลูกหมูเอ๊ย วิ่งอีท่าไหนละเนี่ย”

“ก็วิ่งปกตินี่แหละ แต่เพื่อนดันวิ่งมาชนเสียก่อน” นายทหารหนุ่มไม่อยากจะนึกถึงเมื่อลูกชายตื่นเลย “ตื่นมาแล้วคงไม่อาละวาดมั้งนะ”

“ทำไมอะ”

“จะเอาเหรียญทองไปฝากแม่เขา” แล้วพยักเพยิดมาทางเด็กหนุ่มที่นั่งหน้าซีด “ถ้าไม่ได้เหรียญทองต้องร้องไห้บ้านแตกแน่”

“มีแม่ใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นผมจะรู้เรื่อง” คเชนทร์ขมวดคิ้ว คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเด็กหนุ่มที่ไหนมาก่อน “นี่ไม่ใช่คนที่พี่พามาหาหมอรอบนั้นหรอ”

“ความจำดีนี่หว่า”

“เอ้า ไหนบอกว่าเด็กที่ไหนไม่รู้ แล้วตอนนี้” คเชนทร์ชี้นิ้วสลับไปมา “เป็นเมี..เอ๊ย เป็นแม่ใหม่ไทเกอร์ไปได้ยังไง”
“ลามปามแล้วมึง ไอ้ช้าง”ชลธีแทบจะง้างมือตบกะโหลก“พี่สะใภ้มึงนะ”

“หวัดดีคร้าบบบ” คเชนทร์แกล้งยกมือไหว มุจลินท์ตัวดีดผึงจากเก้าอี้รับไหว้แทบไม่ทัน ไม่ว่าดูอย่างไรเขาก็เด็กกว่าคเชนทร์อยู่แล้ว นี่คงไม่ได้ไหว้แกล้งไหว้เขาให้เขาอายุสั้นหรอกใช่ไหม “แฟนพี่นี่น่ารักดีเนอะ พี่ชื่อช้างนะครับ เป็นน้องชายพี่ฉลาม”

“ชื่อลินท์ครับ”เขากระพุ่มมือไหว้เหลือบตามองคนตัวโตที่ยิ้มอารมณ์ดี “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“แล้วเมื่อไหร่จะพาไปเปิดตัวที่บ้าน”นายแพทย์หันไปหยอกล้อพี่ชาย “แม่ไม่ว่าหรอกน่า ดูผมกับมะนาวสิ”

“เออ กูพาไปแน่ๆ คนนี้จริงจัง”

“กี่คนๆก็พูดแบบนี้ตลอด ลินท์อย่าไปเชื่อพี่ฉลามนะ รายนี้โคตรเจ้าชู้ประตูดิน”

“ไอ้เหี้ยช้าง” ชายหนุ่มร้องเสียงสูง “ให้กูมีชีวิตสงบสุขบ้างเถอะ” คเชนทร์ขำลั่น มีความสุขที่ได้แกล้งพี่ชายขี้เก๊กที่เขาหมั่นไส้มาตั้งนาน ก็แหงล่ะ นายทหารหนุ่มพี่ชายแท้ๆของเขาคนนี้เป็นศัตรูหัวใจเขามาหลายปีกว่าแฟนเขาจะยอมตัดใจได้ 

“เห็นพี่ปล่อยวางจากเรื่องเก่าๆได้ ผมก็ดีใจแล้ว ไม่อยากเห็นพี่ทนทุกข์ทรมานอีกแล้ว พ่อกับแม่รอพี่กลับบ้านอยู่นะ” คเชนทร์ตบไหล่พี่ชายสองสามทีก็ขอตัวไปดูไทเกอร์ที่พยาบาลเพิ่งทำแผลให้เสร็จ

“ไปดูลูกกัน” ชลธีเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังมึนงงตั้งสติไม่ค่อยจะอยู่ “ไม่ต้องตกใจนะช้างมันไม่ตกใจที่เห็นพี่คบกับลินท์” เขาป้องปากกระซิบ “แฟนมันก็น้องชายข้างบ้านนั้นแหละ”

ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ให้ตายเถอะ ผู้ชายบ้านนี้...

ไทเกอร์นอนอยู่ในอ้อมกอดมุจลินท์นิ่ง ไม่หือไม่อือ ดวงตากลมโตปรือปรอยง่วงนอนเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดที่เขาเพิ่งป้อนไปก่อนออกมาจากโรงพยาบาล ค่อยๆวางลูกชายบนเตียงนุ่ม ไทเกอร์โผเข้ากอดไม่ยอมให้เขาไปไหน มุจลินท์จุดยิ้มก่อนจะสอดตัวเข้าไปนอนข้างๆ “วันนี้ฟังนิทานเรื่องอะไรดีครับ ..”

“กาต่ายกับต่าวว” ฟังเรื่องนี้มาสองเดือนแล้ว ดูเหมือนลูกชายจะติดใจ

“ครับๆ ลูกชาย..” สอดแขนให้เด็กชายเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”

มุจลินท์สะลึมสะลือจำได้ว่าตัวเองนอนเล่านิทานให้ลูกชายฟัง ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเงาทาบทับลงมาถึงได้รู้สึกตัวว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆเตียง สัมผัสอบอุ่บจากฝ่ามือหนาลูบหัวเขาไปมา

“ลุกขึ้นมาทานข้าวก่อนสิ”ชลธีถามเสียงเบาเพราะกลัวลูกชายจะตื่น “นอนตอนเย็นระวังจะปวดหัว พี่กลัวเราจะไม่สบาย”

“พี่หิวหรือยัง เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานนะ” ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน ลืมเตรียมอาหารเย็นเสียสนิท คุณยายจะต้องทานยาตรงเวลาเพราะฉะนั้นเขาจะต้องรีบเข้าครัว

“พี่ไปทานข้างนอกกับคุณยายแล้ว ซื้อมาฝากลินท์กับลูกด้วย”ชลธีลูบแก้มขาวไปมา “วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน ลุกขึ้นมาอาบน้ำทานข้าวเถอะ เดี๋ยวพี่จะช่วยดูลูกเอง”

“ครับ”

“ทานยาด้วยนะ”มือหนาอังไปที่หน้าผากเนียน“เราหน้าซีดมากเลย”

“ลินท์เป็นห่วงลูก” เห็นลูกเป็ดทำหน้างอง้ำ เขาก็อดใจไม่ไหวก้มลงไปกดจูบที่ริมฝีปากหวาน บดเบียดความร้อนลงไปแผ่วเบา คนกำลังงัวเงียตื่นเต็มตาทันที “ฮื่อ..” ไม่นานคนตัวบางกว่าก็จูบตอบ เค้นคลึงดูดดึงด้วยความรัก สายตาสอด
ประสานหวานฉ่ำ

“สรุปคืนนี้..”

“ลินท์จะนอนกับลูก”

“พี่นอนด้วย” ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถาล่ะวะ...

“ไม่...” ลูกเป็ดพูดเสียงแข็ง “กลับไปนอนห้องตัวเองเลยครับ” นี่เขายังไม่ลืมคดีเมื่อคืนที่ทำเอาเขาปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลย ร้ายนักใช่ไหมผู้พัน.. เดี๋ยวเจอ ไอ้ลินท์

“ลินท์...”

“ไม่”

“ลินท์ครับ” อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้เชียว อย่างไรก็ไม่ใจอ่อน

“จะงดแค่วันนี้ หรือจะงดไปทั้งอาทิตย์”

“….ก็ได้ครับ”


เก่งมาจากไหนก็แพ้มนุษย์เมีย....



TBC

Child physical abuse** การทำร้ายร่างกายในเด็ก
 
มาเต็มตอนแล้วนะคะ แก้คำผิดแล้วค่ะ ขอโทษจริงๆที่ให้รอนาน
ฝากฟีดแบคด้วยน้า ขอบคุณที่เอ็นดูน้องลินท์ค่ะ :hao6:
เอาร่างปก2 มาอวดด้วยยยยย หวานมว้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-11-2017 00:16:21
ที่แท้พี่ฉลามก็เป็นพี่ของพี่ช้างของมะนาวนี่เอง (เคยอ่านเรื่องนั้นค่ะ แต่คนเขียนยังแต่งไม่จบ เลยได้แต่สงสารพี่ช้างวนไป ฮา)
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 10-11-2017 00:55:47
ว้ายยย

ไม่น่าเลยค่ะ

พีี่ฉลาม
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 10-11-2017 01:33:59
ผู้ชายในเครื่องแบบ มีความหลงเมีย และกลัวเมียที่แท้ทรู้เด้อ :z2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 10-11-2017 09:18:15
อ่านตอนใหม่แล้วรู้สึกอยากฟัดน้องไทเกอร์ตามเลย

เอ็นดูในความน่ารัก  พี่ช้างโผล่มานิดๆหน่อยๆเองอ่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 10-11-2017 09:28:17
ตอนนี้่อ่านแล้วละมุนมากชอบอ่ะดูหวานกันซะ

ตอนหน้าขอให้พี่ชุกับเกศหายสาปสูจน์ไปเลยนะ

จะดีมาก แบบไม่อยากให้กลับมาเลยสองคนนี้

ถ้ากลับมามีแววดราม่าแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-11-2017 11:34:36
เอ็นดูน้องไทเกอร์
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-11-2017 21:03:14
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๑] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๐๙.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 13-11-2017 14:42:53
 :impress2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 14-11-2017 21:50:26
ตอนที่ ๑๒

เด็กหนุ่มหมุนตัวซ้ายขวาหน้ากระจกบานใหญ่ได้เกือบสิบนาทีแล้ว เสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีน้ำตาลตัวเก่งสวมทับเสื้อยืดสีเหลืองอ่อน กางเกงยีนส์สีซีดขายาวแนบไปกับขาเรียวยาว เขาหมุนแล้วหมุนอีกก็ยังไม่พอใจ กลัดกระดุมเสื้อจนถึงต้นคอก็ยังเห็น ไอ้รอยยุงกัดแดงๆระเรื่อเต็มลำคอ เปิดตู้เสื้อผ้าก็เจอแต่เสื้อคอเต่าสีขาวแขนยาวที่ชลธีซื้อไว้ให้แขวนอยู่ในตู้ ซึ่งเขาไม่เคยหยิบมาใส่เลยสักครั้งเพราะมันบางแนบเนื้อเสียขนาดนั้น เสียงเคาะประตูหน้าดังสองสามทีพร้อมกับเจ้ายุ่งตัวเบ้อเร่อที่ทำเอาเขาปวดหัวกับการใส่เสื้อผ้า ยืนพิงประตูห้อง ดวงตาคมมองเขาตั้งหัวไล่ลงมายันปลายเท้า

“มองอะไรครับ?” เขาหันไปถามเสียงขุ่น รอยคิสมาร์คเต็มตัวจนเขาไม่กล้าออกไปไหนมาหลายวันแล้ว มันน่าโมโหจริงๆ

“ทำไมดุจังล่ะ” ชลธีรีบสาวเท้าเข้ามาสวมกอดทางด้านหลัง กดจูบลงต้นคอหอมกรุ่นกลิ่นแป้งเด็กเบาๆ “ตั้งแต่เป็นแฟนกันก็ดุจังเลยนะ”

วงหน้าขาวแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเอ็นดู ตั้งแต่เปิดเผยความรู้สึกต่อกัน ชลธีก็มักจะแสดงความรักอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมาจนบางครั้งเขาก็รู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

“ปล่อยก่อน ลินท์จะแต่งตัว” เขาสะบัดคนตัวโตให้หลุดออก “พี่ออกไปรอข้างนอกนะครับ”

“ไม่เอา ไหนยังไม่เสร็จเดี๋ยวพี่ช่วย” ฉกจูบแก้มขาวนวลไปอีกหนึ่งที “ทีลินท์ยังช่วยพี่แต่งตัวเลย”

“ให้พี่ช่วยแต่งตัวงั้นวันนี้ก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว” เล่นเดี๋ยวจูบเดี๋ยวกอดเดี๋ยวลูบ ไม่พ้นได้ไปเล่นกันบนเตียงอีกแน่ เขาขอยอมแพ้ รับศึกหนักผู้พันทุกวันจนเขาแทบไม่มีแรงตื่นไปเรียน จนเขาต้องออกกฎห้าม แต่ชลธีก็ยังไม่ยอม

“โถ่ เบื่อคนรู้ทัน” ทำปากจู๋คิดว่าน่ารักหรืออย่างไร ขยิบตาแบบนั้นคิดว่าจะยอมหรือ

อือ ยอมก็ได้....

“พี่ช่วยลินท์ที” เด็กหนุ่มหันไปเผชิญหน้า ชลธีหยิบผ้าพันคอมาม้วนรอบคอเขาแล้วจุ๊บแก้มเบาๆหนึ่งที

“แฟนพี่ดูดีอยู่แล้ว ไม่ต้องแต่งอะไรมาก” มือหนาเขี่ยแก้มขาวเบาๆ “แค่ปิดรอยตรงคอก็พอ เดี๋ยวคุณแม่จะตกใจ” เขาเบิกตาโพลงเกือบจะยกกำปั้นขึ้นหมายจะทุบนายทหารหนุ่มสักที แต่ก็ทุบไม่ลง ใช้หัวดันเข้ากับไหล่หนาออดอ้อนขอกำลังใจ ชลธีอยากพาเขาและคุณยายไปพบคุณพ่อและคุณแม่ ครอบครัวของชลธีมีบ้านอยู่ในแถบชานเมืองจังหวัดปทุมธานีไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเขานัก ชลธีมีพี่ชายหนึ่งเป็นวิศกรอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนน้องชายอีกสองคนเป็นหมอและทนายความ ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลพันศิยะวัตรก็เป็นเจ้าของภัตราคารหรูชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แล้วครอบครัวชลธีจะยอมรับคนรักของลูกชายที่เป็นนักศึกษาจนๆมีแต่ตัวได้อย่างไร แค่คิดก็รู้สึกกังวลจนปวดหัวตุบ หัวใจบีบแรงจนอึดอัด

“ลินท์กลัว” วงหน้าขาวซุกเข้าที่อกอุ่นของชายหนุ่ม “กลัวไปหมดทุกอย่างเลย”

“ลินท์มีพี่อยู่ทั้งคน จะกลัวอะไรอีก”

“กลัวสิ กลัวแม่พี่ไม่ชอบลินท์ กลัวที่บ้านพี่จะไม่ยอมรับ.. พวกเรา”

“พาลูกสะใภ้ไปให้ทั้งที จะไม่ยอมรับได้ยังไง” เห็นเจ้าลูกเป็ดทำหน้ายู่ก็อดเอ็นดูไม่ได้

“พี่ฉลาม ลินท์ไม่ตลกนะ” เขาไม่ใช่ผู้หญิง แถมยังเป็นผู้ชายทั้งแท่ง แล้วพ่อแม่ของชลธีจะไม่ตกใจหรือ อีกอย่างชลธีเป็นนายทหารมีหน้ามีตาจะให้เขาออกตัวเป็นคนรัก แล้วคนอื่นจะคิดยังไง

“ลินท์อย่าเพิ่งไปคิดอะไรที่มันยังไม่เป็นจริงสิ” ลูบกลุ่มผมนุ่มสองสามที “ทำหน้าบึ้งแบบนี้เดี๋ยวหน้าเหี่ยวนะ”
“ชอบแซวอยู่เรื่อย”เขาเบะปาก“ลินท์กลัวจริงๆ”

“ลินท์เชื่อใจพี่ไหม”

“เชื่อสิ”

“ก็ไม่ต้องไปคิดอะไร.. นะครับ” สัมผัสอุ่นแตะหน้าผากขาวเนียน เพียงอึดใจเดียวแต่รู้สึกเนิ่นนานในความรู้สึก ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ มองสบตาของชลธีแล้วเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้น ความไม่มั่นใจที่มีอยู่ค่อยๆจางหายไป มือหนาที่เกาะกุมไม่ยอมปล่อยทำให้เขารู้สึกปลอดภัยเหมือนอยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา คำว่ารักแม้ไม่เอ่ยออกมาแต่สายตาที่มองทอดมาพร้อมรอยยิ้มนั้น

เต็มไปด้วยความรักอัดแน่นเต็มอก…

“ดูไอ้ช้างสิ คบกับมะนาวมาตั้งหลายปี” ชลธีโยกคนตัวเล็กกว่าไปมา “ที่บ้านพี่เปิดกว้างมากกว่าที่ลินท์คิดนะ”
“ฮื่อ ลินท์จะไม่คิดมากแล้ว” ถึงชลธีจะบอกอย่างนั้นแต่มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี ในหัวคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่งตัวแบบนี้จะเรียบร้อยหรือยัง แล้วควรจะมีของฝากติดไม้ติดมือไหมนะ เขาไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดีเลยกังวลไปหมด

“ลินท์เป็นคนน่ารัก คุณพ่อคุณแม่พี่ต้องเอ็นดูแน่ๆ” เจ้าลูกเป็ดครางในลำคอแถมยังซุกเขาแน่นเข้าไปอีก บดเบียดเนื้อตัวหอมหวานเข้ามาใกล้เขาแบบนี้ ไม่สงสารเขาบ้างเลย “เด็กขี้ยั่วเอ๊ย”

“ลินท์ยั่วพี่ตรงไหนฮะ?” มุจลินท์เงยหน้าขึ้นมาถาม ไม่พูดเปล่าหยิกเข้าที่แขนเขาตั้งหลายที ชลธีหลบเป็นพัลวัน เห็นตัวบางๆแต่มือหนักเป็นบ้า

“โอ๊ย พี่ยอมแล้ว พี่ยอมแล้ว”สองมือยกขึ้นไร้ทางต่อต้าน“ดุแบบนี้เห็นทีพี่จะมีกิ๊กยากแล้ว”

“พี่ฉลาม!”

“พี่ล้อเล่นจ้ะ” แค่พูดเล่นหน่อยเดียวทำเป็นหน้างอเดินหนีเขาไปนอกห้องอีกแล้ว มุจลินท์อุ้มลูกชายและจูงมือคุณยายเดินลิ่วไม่ยอมมองหน้าเขาสักนิด ไทเกอร์หันมาหัวเราะคิกคักใส่เขา ได้แต่รีบกุลีกุจอขนของใส่ท้ายรถ เป็นแกงบวดฟักทองที่คนรักตั้งใจทำเต็มที่อยากให้ที่บ้านเขาได้ชิม มุจลินท์หันมามองค้อนเขาอีกรอบก่อนจะขึ้นรถไป

เขาว่าเมียดุ.. แปลว่าเมียรักใช่ไหม..

รถยนต์นิสสันสีขาวจอดนิ่งสนิทหน้าบ้านเดี่ยวสองชั้น ข้างตัวบ้านมีต้นไม้ใหญ่ขนาบทั้งสองด้านบรรยากาศดูร่มรื่น สบายตา เขาค่อยๆประคองคุณยายลงจากรถ หมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวโตขนสีน้ำตาลเป็นเงาวิ่งมาคลอเคลียข้างๆ เด็กหนุ่มแอบสะดุ้งนิดหน่อยที่เจ้าหมาตัวโตเข้ามาใกล้

“กาทิ้!” เด็กชายวิ่งเข้าไปหา “เกอร์มาหากาทิ้แย้ว”

“โฮ่ง!”

“คิดถึงกาทิ้!”

“โฮ่ง!”

“ลินท์เดี๋ยวพี่ช่วยพาคุณยายเข้าบ้านนะ” ชลธีเข้ามาประคองอีกทางแต่เขาส่ายหัวไม่เป็นไร ดวงตากลมโตมองไปโดยรอบแอบใจเต้นเมื่อจะได้เจอครอบครัวของ ‘คนรัก’ ครั้งแรก ตอนที่เขานั่งอยู่บนรถก็ยังกังวลจนหน้าซีด โดนชลธีแซวไปเสียหลายรอบ

“อ๊ะ น้องลินท์?” ทันทีที่ก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ก็เห็นคนนั่งอยู่เต็มโซฟา เขาก้มหน้างุดเดินก้มหน้าไม่กล้ามองใครจนได้ยินเสียงร้องทักจึงเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มหน้าหวานที่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟาสวมเสื้อยืดสีส้มคนนั้นหน้าคุ้นจริงๆ “พี่นัสเอง!”

“พี่นัสจริงด้วย” มนต์มนัสคือรุ่นพี่สายรหัสของเขาที่เพิ่งเจอกันไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เจ้าตัวเป็นนักสังคมสงเคราะห์ประจำอยู่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ จึงมีโอกาสได้รวมตัวนัดเลี้ยงข้าวกับน้องๆในสายรหัสกันไปเมื่อไม่นานมานี้ แล้วพี่นสมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร.. ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ชลธีก็พาเขาไปนั่งที่โซฟาสีครีมอ่อน เขายิ้มตอบให้คเชนทร์ที่นั่งอยู่ข้างพี่นัส ส่วนชายหนุ่มอีกคนกำลังนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสืออยู่ยังเงยหน้าขึ้นมามองเขาเล็กน้อย ไม่นานนักมีหญิงสาวเดินออกมาจากหลังบ้านใบหน้ามีริ้วรอยเริ่มบ่งบอกอายุที่มากขึ้น รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้เขานั้นทำให้เขารู้ทันทีว่าต้องเป็นคุณแม่ของชลธีแน่นอน เขากระพุ่มมือไหว้ผู้ใหญ่นอบน้อม 

“ตามสบายเลยนะลูก เดี๋ยวพ่อเขามา มัวแต่ไปปีนต้นมะม่วงอยู่” ทั้งห้องหัวเราะครืน พี่นัสเดินไปรับจานผลไม้จากมือคุณแม่ เป็นมะม่วงสุกสีเหลืองกับข้าวเหนียวราดกะทิ คเชนทร์รีบจ้วงช้อนตักจากจานคนแรกจนโดนพี่นัสตีมือ

“ตะกละ พี่ช้างรีบหรือ”

“ตีพี่อีกแล้วนะ!”

“ไม่ให้ตีแล้วจะให้ทำอะไร” คเชนทร์ไม่ตอบแต่ทำแก้มป่องใส่ ทุกคนช่วยกันรุมแกล้งคเชนทร์จนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง บรรยากาศอบอุ่นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เขากวาดสายตามองกรอบรูปเรียงรายอยู่ตามผนังบ้านจึงได้มองเห็นสมาชิกคนอื่นๆเต็มตา

“ยินต้อนรับนะคะ” ปัทมายิ้มส่งแก้วน้ำให้คุณยาย “ทานน้ำนะคะคุณแม่”

“ขอบใจจ้ะ”

“คูนย่า” ไทเกอร์โผเข้าหา “คูนย่า”

“หลานย่า.. ไม่เจอกันหลายเดือนเลย คิดถึงย่าไหมจ้ะ” ปัทมาหอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวาของหลานชาย แก้มยุ้ยนุ่มนิ่มยิ่งทำให้คุณย่าหมั่นเขี้ยวอยากฟัดพุงกลมๆ

“คิดถึงงงงงง” เจ้าตัวพูดเสร็จก็วิ่งไปนั่งบนตักมุจลินท์ “แม่ลินท์ของเกอร์ฮะย่า” ปัทมามองหน้าชลธีแล้วยิ้มกริ่ม ตั้งแต่ที่ชลธีเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มให้เธอฟัง เธอก็อยากเจอมุจลินท์มาตลอด และไม่เคยคิดจะรังเกียจแม้แต่น้อย เธอกลับนับถือหัวใจที่เข้มแข็งมากกว่า

“มีอะไรจะบอกแม่ไหม”

“แฟนผมชื่อลินท์ครับแม่” เด็กหนุ่มกระพุ่มมือไหว้อีกรอบ มือสองบีบกันไปมาจนแน่น ชลธีเห็นอย่างนั้นจึงเอื้อมไปกุมมือขาวเอาไว้ “ไม่มีอะไรหรอก”

“ต้องขอโทษคุณแม่ด้วยที่ลูกชายปัททำตัวไม่น่ารักเลย ไม่ทำอะไรให้ถูกต้องเสียก่อน” หล่อนบ่นลูกชายจนหูแฉะไปหลายรอบแล้ว อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแต่ทำตัวเหมือนเด็กๆ ยังไม่นับสามีของเธอที่คาดโทษเจ้าลูกชายคนรองไว้แล้ว

“ฉลามเขามาคุยกับยายแล้ว.. ถ้าเขารักกันยายก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกลูก” มุจลินท์ไม่รู้จะเอาหน้าตัวเองไปไว้ตรงไหนแล้ว คุณยายเล่นพูดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ เขาเขินมากจริงๆ

“ไม่ได้นะคะคุณแม่”ปัทมาหันไปทำหน้าดุใส่ลูกชาย“ฉลาม.. รู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำอย่างไร”

“ผมจะจัดการให้เรียบร้อยก่อนผมไปเชียงราย” เขาวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว อย่างไรก็ไม่ยอมให้คนรักอยู่ตามลำพังแน่นอน

“ไม่! ต้องภายในเดือนนี้.. แม่จะจัดห้องไว้ให้ ลูกต้องพาหนูลินท์กับคุณยายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้าน”

“อะเอ่อ” เด็กหนุ่มมึนงงเริ่มจะไม่เข้าใจว่าคุณแม่พูดถึงเรื่องอะไรกัน ถ้าฟังไม่ผิดจะให้เขาย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านนี่หรือ “อะไรนะครับ”

“มาอยู่ที่บ้านกับแม่นะลินท์”ปัทมาเอื้อมมือลูบหัวลูบไหล่เจ้าลูกเป็ด“ให้เราได้ดูแลหนูนะจ้ะ อย่างไรเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” เท่าที่เห็นมุจลินท์เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึงยี่สิบเลยด้วยซ้ำ แถมยังมีหน้าที่ที่ต้องดูแลคุณยายอีก ถ้าลูกชายของเธอดูแลได้ไม่ดี เธอไม่ยอมเป็นอันขาด

“แต่ว่า..”

“นะลูกนะ”ปัทมาเชียร์สุดฤทธิ์ ก่อนจะไปเจอสามีกำลังเข้ามาพอดี “อ้าวคุณ.. มาดูลูกชายคนใหม่ของฉันสิ”

“สวัสดีครับคุณแม่”พิพัฒน์ยกมือไหว้คุณยาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เด็กหนุ่ม “ไหว้พระเถอะลูก”

“ฉันจะให้หนูลินท์เข้ามาอยู่ภายในเดือนนี้.. คุณว่ายังไง?” ปัทมาหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากที่จะให้มุจลินท์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้ไปไกลหูไกลตาเหมือนเมื่อครั้งชลธียังคบหากับเกศรา

“ไหนๆก็มาแล้วก็มาอยู่เลยลูก”พิพัฒน์เอ่ยติดตลก ดวงตาคมฉายแววเอ็นดูอย่างปิดไม่มิด มุจลินท์รู้เลยทันทีว่าชลธีถอดแบบมาจากใคร “ช้างมันไม่ยอมกลับบ้านดีนัก ก็เอาห้องมันให้น้องอยู่แทน”

“พ่อ!”คเชนทร์โอดครวญ“ผมก็จะพานาวมาอยู่เหมือนกัน” จบประโยคมนต์มนัสก็ทุบไหล่แฟนตัวเองทันที

“พี่ช้าง! ใครเขาจะมาอยู่ด้วยกัน”

“งั้นพี่ไปอยู่กับนาวก็ได้จ้ะ” คเชนทร์ตอบเสียงอ่อน ทุกคนหัวเราะครืนส่วนพี่นัสหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว งั้นที่บอกว่าแฟนพี่ช้างที่เป็นน้องชายข้างบ้านก็คือพี่มะนาวหรอกหรือ..

“ยินดีต้อนรับนะลูกนะ.. มาอยู่ด้วยกันนะคะคุณแม่ อย่าได้เกรงใจเลย” ปัทมาเชื้อเชิญด้วยความจริงใจ มุจลินท์รีบกระพุ่มมือไหว้ผู้ใหญ่อีกรอบ

“เอ่อ ขอบคุณครับ.. แม่” ปัทมาสวมกอดเด็กหนุ่มแนบแน่น ลูบหน้าลูบหัวยกใหญ่ เขาน้ำตารื้นอยู่ที่ขอบตา ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเหลือเกิน

“งั้นผมก็เป็นโสดอยู่คนเดียวสิเนี่ย” ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆมองลอดแว่นขึ้นมา สมุทธ ลูกชายคนที่สามของบ้าน รูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากพี่น้องคนอื่น สันกรามชัด คิ้วเข้มดกดำ ดวงตาคมเฉี่ยว แต่ผิวขาวเนียนได้คุณแม่มาเต็มๆ ดูเป็นชลธีเวอชั่นคุณชายชัดๆ 

“จะมีไม่มีก็ไม่แตกต่างกันหรอกครับคุณทนาย” คเชนทร์เอ่ยแซวพี่ชายของตัวเอง “พี่ปลาเล่นอ่านแต่หนังสือตลอดเวลา ผู้หญิงคนไหนเขาจะรับรักครับ”

“เออ ทำไงได้วะ” ทนายหนุ่มทำหน้าเหม็นเบื่อ ส่งหนังสือเล่มบางให้เด็กหนุ่มที่กำลังกกกอดกับมารดาตนอยู่เป็นของขวัญ มุจลินท์ไหว้ก่อนจะรับของจากผู้ใหญ่

“ยินดีต้อนรับนะครับน้องลินท์ พี่ชื่อปลาวาฬเป็นน้องชายพี่ฉลาม” เขามองวงหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่ม มองไปมองมาดูอย่างไรมุจลินท์ก็เหมือนเด็กมัธยมมากกว่า “จะว่าไปน้องลินท์อายุถึง18หรือยัง?”

“19แล้วครับ”เขาเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาตอบ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกลินท์ พี่ปลาแค่โล่งใจที่พี่ฉลามไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์มากกว่า ฮ่า” คเชนทร์ตอบแทน ส่วนมุจลินท์หน้าแดงระเรื่อ ไม่กล้าสบตาสายตาแพรวพราวของนายทหารหนุ่มที่ส่งมาเลย

“ได้ทีขยี้จังเลยนะมึง”

“ผมล้อเล่นครับพี่.. ใครจะไปกล้าว่าพี่ชายสุดที่รักได้ลงคอ” ทุกคนหัวเราะกระจาย คุณหมอช้างขี้เล่นแตกต่างจากชลธีจนเขาหัวเราะไปกับมุกตลอด ส่วนพี่นัสที่นั่งข้างพี่ช้างคอยห้ามปรามไม่ให้คนรักป่วนไปมากกว่านี้ ชลธีเอื้อมมือมากุมมือเขาไว้

“ขอบคุณที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพี่นะครับ..” แหวนทองคำขาวค่อยๆเลื่อนเข้านิ้วนางข้างซ้ายเขาเชื่องช้า เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองคนรักนิ่ง “ถือว่าพี่ตีตราจองลินท์ไว้แล้วนะ.. พี่สัญญาจะดูแลลินท์และลูกให้ดีที่สุด”

“ขอบคุณนะครับ” กระพุ่มมือไหว้คนรักแนบอก ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง.. อิงแอบซุกอกอุ่นซึมซับความรักเข้าสู่หัวใจ แม้จะได้ยินเสียงใครร้องโห่แซวเขาก็ไม่สนแล้วตอนนี้   

ความสุขที่มีคนรักมันอบอุ่นเช่นนี้นี่เอง..
 
“แม่ลีนนนน.. เกอร์อยากกิน” เจ้าตัวเล็กชี้ไปที่ข้าวเหนียวมะม่วงสุกในจาน เขาหยิบช้อนคันเล็กแล้วตักมะม่วงสุกใส่ถ้วยใบเล็กให้ลูกชายถือไว้ ฝึกให้หยิบจับช้อนส้อมด้วยตัวเอง สองมือเล็กป้อมค่อยๆถือช้อนตักเข้าปาก ตักแล้วหล่นอยู่หลายรอบจนไม่นานก็ทานจนหมดถ้วย มุมปากเล็กเต็มไปด้วยคราบเปื้อนจากมะม่วง เขาคอยซับทิชชู่ให้ลูกชาย

“อร่อยมั้ยลูก”

“อาหย่อย”

“อิ่มหรือยังครับ”

“เกอร์อิ่มแย้ว” ลูบท้องป่องของตัวเองก่อนจะหัวเราะคิก ไทเกอร์นอนเล่นบนโซฟาหลังจากไปเปิดศึกชิงรีโมททีวีจากอาช้าง เขาให้เด็กชายหนุนตักนอนดูโปเกม่อนจนหนำใจ

“ทานนมสักหน่อยไหมครับ แม่จะชงใส่แก้วให้ ทานเสร็จแล้วเราไปนอนกัน” ช่วงบ่ายเจ้าตัวเล็กเริ่มตาปรือปรอยได้เวลานอนกลางวัน ผุดลุกมาอ้อนให้เขาอุ้ม

“อาวคับ”เด็กชายขยี้ตา“เกอร์ง่วง” เขายกลูกชายขึ้นอุ้ม ชลธีนำเขาไปห้องนอนด้านบนซึ่งเป็นห้องของชายหนุ่มเอง ด้านในมีเตียงหกฟุตปูด้วยผ้าสีขาวสะอาด ผ้าม่านสีครีม และเฟอร์นิเจอร์ ไม่มากนัก ดูเรียบง่ายแต่อบอุ่น หัวยังไม่แตะหมอนไทเกอร์ก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดเขาเสียแล้ว ห่มผ้าให้ลูกชายจนเรียบร้อย เตรียมจะลงไปช่วยคุณแม่กับคุณยายทำขนมหวาน อยู่ๆชลธีก็รวบเขาเข้าไปกอด กดจมูกลงข้างแก้มเขาฟอดใหญ่

“เดี๋ยวพี่ฉลาม” เขาโดนหอมแก้มจนช้ำไปหมดแล้ว “ทำอะไรครับลูกนอนอยู่นะ”

“นอนแล้วก็ยิ่งดีใหญ่เลย”ชายหนุ่มกระซิบ“พี่จะได้ทำน้องให้เกอร์ได้”

“ตลกแล้ว มันใช่เวลามาพูดเล่นหรอครับ”เขาพยายามดันตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมกอด แต่เหมือนจะยิ่งตรงกันข้าม ชลธีกอดเขาแน่นมากกว่าเดิมอีก “รีบลงไปดีกว่าพ่อกับแม่รออยู่นะครับ”

“ขึ้นมาแล้วมีหรือพี่จะปล่อยไปง่ายๆ.. เข้าปากฉลามแล้วก็อย่าหวังว่าจะรอด” ชายหนุ่มกดจูบลงริมฝีปากสีสวยเคล้นคลึงยั่วเย้าก่อนจะสอดลิ้นอุ่นชื้นจนลูกเป็ดร้องฮือกำเสื้อของเขาไว้แน่น รสสัมผัสจูบรุนแรงโหยกระหายทำเอาเด็กหนุ่มแทบจะล้มทั้งยืน มือหนาคว้าเอวบางไว้ ค่อยๆผ่อนแรงลงเป็นจูบเนิบช้าอ่อนหวาน

“ฮื่อ”ลูกเป็ดครางเสียงอ่อน หัวสมองขาวโพลนไปหมด “อึก.. อื้อ”

“หวาน”ชลธีถอนจูบเชื่องช้าก่อนจะจ้องมองคนรักที่ดวงตาฉ่ำหวานริมฝีปากบวมเจ่อ“แฟนพี่.. หวานที่สุดเลย”
“คนบ้า!” บริภาษได้แค่นั้น ชายหนุ่มก็โจนจ้วงดูดดึงริมฝีปากบางอีกยก ใช้ลิ้นอุ่นชื้นละเลียดชิมความหวานของอีกฝ่าย ละมุนละไม หวาบไหวในอก จนอดไม่ได้ต้องส่งเสียงครางออกมาด้วยความพึงใจ “อื้อ..”

“ร้องมาอีกเยอะๆเลยสิ.. พี่ชอบฟัง” ผ้าพันคอของลูกเป็ดหลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขากำลังกดจูบบนซอกคอขาวเนียน ยิ่งเขาเห็นร่องรอยจูบสีชมพูที่ตัวเองทำเอาไว้ก็ยิ่งโหมอารมณ์ให้อยากประทับตีตราจองคนตรงหน้ามากขึ้นเท่านั้น

“พอ..แล้ว” เด็กหนุ่มบอกเสียงพร่า มือบางดันแผงอกหนั่นแน่นของผู้พันไว้ เจ้าลูกเป็ดจูบตอบได้แค่ชั่วครู่ก็ดึงดันถอนจูบออก แต่ชลธีช้อนต้นคอกดเอาไว้ไม่ให้เด็กหนุ่มหนี มุจลินท์แทบจะละลายอยู่ในอ้อมกอด มือหนาฟอนเฟ้นเข้าไปในเสื้อยืดเขาอย่างรวดเร็ว สะกิดตุ่มไตสีอ่อนจนชูชัน “ฮื่อ..” ลูกเป็ดรู้สึกหน่วงบริเวณท้องน้อยยิ่งชลธีบดเบียดลงมายิ่งทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มมากขึ้นไปอีก

“ลินท์.. ลินท์” 

“ฮื่อ.. อึก” มือหนาเคลื่อนเข้าไปในกางเกงผ้ายืดค่อยๆปลดกระดุมก่อนจะดึงรั้งออกจากสะโพกอวบ กอบกุมแก่นกายของเจ้าลูกเป็ดที่กำลังตื่นตัว แค่เขาสะกิดส่วนปลายคนตัวเล็กก็ครางเครือสั่นไปทั้งตัว..

“ป๊าทำแม่ร้องไห้ทำไม!” เด็กหนุ่มชะงักกึกหันไปมองลูกชายที่นอนหลับปุ๋ยเมื่อครู่กลับลืมตาแป๋วคลานเข้ามาดันหน้าของคุณพ่อให้ออกไปจากเขา “แม่ลินท์หายใจมะออกแย้ว”

   “ไทเกอร์!” เขาดันนายทหารหนุ่มออกจากตัว ผุดลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะอุ้มลูกลงจากเตียง ไม่รู้เมื่อกี้ลูกตื่นมาเห็นอะไรหรือเปล่า เขาอยากจะทุบชลธีจริงๆ “ทำไมนอนแป๊บเดียวเองครับ”

“เกอร์อยากเล่นกับกาทิ้” เจ้าตัวเล็กพูดถึงหมาโกลเด้นฯตัวโต “เกอร์อยากเลี้ยงหมา”

“ยังเลี้ยงไม่ได้ครับ”ชลธีมองผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของคนรักกับลูกชายก่อนจะลูบหัวทั้งคู่ “เกอร์เล่นกับกะทิไปก่อนแล้วกันนะลูก”

“ฮื้อ กาทิ้มันอยู่ตัวเดียวมันเหงานะป๊า”ไทเกอร์โผตัวจะพุ่งไปหาคุณพ่อจนเขาประคองไว้แทบไม่ไหว “เกอร์อยากหาเพื่อนให้กาทิ้!”

ชลธีรับไทเกอร์ไปอุ้มแทนเขา พ่อลูกเถียงกันเรื่องเรื่องเลี้ยงสุนัขตัวใหม่โดยมีเขาเดินตามลงไปด้านล่าง ช่วงบ่ายสี่โมงเย็นคุณแม่ชวนเขาเข้าครัวทำกับข้าวง่ายๆทานกันที่บ้าน รวมไปถึงสอนเทคนิคการทำอาหารให้เขาติดตัวเอาไว้ ท่านบ่นว่าไม่มีลูกสาวมาคอยช่วยงานครัวสักที ถ้าเขาได้มาอยู่คงจะเป็นเพื่อนเล่นกับคุณแม่ให้หายเหงาได้บ้าง เขาได้แต่ยิ้มเขินรู้สึกดีเหลือเกินที่คุณแม่ของชลธีเอ็นดูเขาขนาดนี้ ระหว่างที่กำลังง่วนทำแกงเขียวหวานไก่ในครัว ชลธีรับหน้าที่ดูแลลูกชายจอมแสบที่ดูจะอยากรื้อข้าวของออกมาเล่นไปเสียหมดทุกอย่าง จนสุดท้ายอาปลาต้องอุ้มไปเล่นกับกะทิที่สนามหญ้าบริเวณหน้าบ้านแทน

กลิ่นกะทิกับเครื่องแกงผสมกันจนหอมอบอวลไปทั่วห้องครัว เขาจัดเตรียมถ้วยชามสำหรับใส่อาหารคาวและของหวานเป็นแกงบวดฟักทองที่เขาลงมือทำเองกับมือ คุณแม่ชมเปาะว่าทำอร่อยจนต้องให้เขาช่วยสอนทำบ้าง ชลธีเดินเข้ามาดูคุณแม่และคนรักที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องครัว แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าทำให้เขาต้องผละออกมารับ

“สวัสดีครับ”

“พี่.. พี่ฉลาม” เสียงผู้หญิงสั่นเครือจากปลายสายทำเขาขมวดคิ้ว “ช่วยเกศด้วย.. มาหาเกศที เกศไม่ไหวแล้ว”

“เดี๋ยวเกศ.. ใจเย็นๆก่อน” เขาเดินออกมาคุยนอกตัวบ้าน น้ำเสียงสะอึกสะอื้นจากภรรยาเก่าทำเอาเขาอดจะสงสัยไม่ได้ หลังจากที่เลิกรากันไปเขาและเกศราก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย ข่าวในสังคมแวดวงไฮโซลงข่าวครึกโครมว่าเธอคบหากับผู้ชายไปรโฟล์ดีไม่เคยขาด และเขาไม่เคยคิดสนใจเลยสักครั้ง

“ตอนนี้เกศไม่มีใครเลย.. เกศอยากเจอลูก” น้ำเสียงแหบพร่าเหมือนผ่านการร้องไห้อยากหนักทำให้ชลธีรู้สึกเห็นใจอยู่เหมือนกัน “พี่ฉลามออกมาเจอเกศได้ไหมคะ”

“พี่ไม่ว่างหรอก”

“พี่อยู่กับใครหรือคะ”

“อยู่บ้านคุณแม่”ชลธีตอบเสียงห้วน เหลือบมองคนรักที่กำลังยกขนมหวานมาให้ชิม “ถ้าไม่มีธุระอะไรด่วน ไว้เกศค่อยนัดพี่วันหลังนะ”

“เดี๋ยวสิคะ” หญิงสาวรีบเรียกชายหนุ่ม หลังจากคบหากับชลธีมานานหลายปี เกศรารู้นิสัยผู้ชายคนนี้ดี หากได้ลองตัดใจตัดใครออกไปจากชีวิตครึ่งหนึ่ง.. อย่าได้หวังจะได้กลับมาญาติดีกันอีก แต่มีหรือที่หล่อนจะยอมรามือง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรูปภาพที่สมุทธอัพลงในอินสตราแกรมเมื่อครู่แล้วล่ะก็ หล่อนคงไม่ใจร้อนรีบโทรหาชลธีอย่างนี้ “งั้นเป็นวันพรุ่งนี้นะคะ.. เกศคิดถึงลูก” หากหล่อนยกเอาเรื่องลูกขึ้นมาอ้างมีหรือชลธีจะไม่ใจอ่อน

“พี่มีให้เวลาเกศได้ไม่นานนะ”

“แค่พี่ยอมเจอ.. เกศก็ดีใจแล้วค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” หล่อนกดวางก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไอโฟนใส่ในกระเป๋าหนังใบใหม่ล่าสุดที่เพิ่งถอยออกมาจากช็อป ริมฝีปากสีแดงสดเหยียดยิ้ม เครื่องหน้าสะสวยที่ประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางทำให้หล่อนดูเซ็กซี่โดดเด่นเหมือนนางแบบหลุดออกมาจากแม็กกาซีน

“สรุปพี่เขายอมเจอแกไหมเกศ” แพรว เพื่อนสนิทสมัยมัธยมของหล่อนเอ่ยถาม ชีวิตคู่ของเธอและชลธี สังคมทั่วไปรับรู้มาโดยตลอด และยังเป็นคู่รักที่มีแต่คนอิจฉาและให้ความสนใจ แต่เมื่อเรื่องที่หล่อนหย่ากับชลธีถูกเปิดเผยออกมา แม้จะรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ยอมให้ใครมานินทาได้ เธอยอมคบหากับผู้ชายมากตาหลายตาเพื่อที่จะไม่ให้ใครดูถูกว่าเธอถูกทิ้ง

“พี่ฉลามน่ะหรือจะไม่ใจอ่อน”หญิงสาวเชิ่ดหน้าขึ้นสูง ชุดเดรสพอดีตัวรัดแน่นจนเห็นทรวดทรง “ฉันต้องรู้ให้ได้.. ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่”

“พี่ฉลามคงไม่หน้ามืดคว้าผู้ชายมาคบหรอกมั้งแก เขาเป็นถึงนายทหารยศใหญ่ขนาดนั้น” 

“ก็ให้มันรู้ไป.. ว่าจะกล้าจะหักหน้าฉันได้” เธอก็อยากจะรู้ว่าชลธีจะกล้าเอาผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาออกหน้าออกตาแทนหล่อนได้อย่างไร หล่อนไม่ยอมแน่ นึกถึงรูปภาพครอบครัวที่หล่อนเคยเป็นส่วนหนึ่งก็อดใจหายไมได้ แม้จะรู้ว่าแม่สามีไม่ค่อยชอบพอที่เธอเป็นคนหยิบหย่งทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแต่ครอบครัวของชลธีก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี วันนี้กลับมีใครมาแทนที่เธอเสียได้ แหวนทองคำขาวบนนิ้วนางของผู้ชายคนนั้นเหมือนแหวนที่ชลธีเคยให้เธอไว้สมัยยังคบกันก่อนแต่งงาน และหล่อนก็เป็นคนอ้อนขอแหวนเพชรเป็นแหวนแต่งงานแทน ชลธีบอกว่าแหวนนี้เป็นแหวนที่มีคุณค่าทางจิตใจสำหรับเขาเป็นอย่างมากเพราะเป็นแหวนที่พ่อกับแม่ใช้หมั้นหมายมาก่อน แม้หล่อนจะไม่ยอมใส่เลยสักครั้ง แต่ชลธีก็ไม่เคยว่าอะไร.. ในเมื่อวันนี้มันกลับกลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว เธอในฐานะภรรยาเก่ากลับอยากได้ของที่เคยเป็นเจ้าของกลับคืน

ในเมื่อหล่อนไม่ได้.. ก็ต้องไม่มีใครได้..




TBC

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 14-11-2017 22:10:49
ไหนบอกจะไม่ดราม่าไง แล้วเกศมาทำไม

ให้เกอร์จัดการ แต่ตัวละครเริ่มโผล่มาเยอะขึ้นแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 14-11-2017 22:36:59
ไปแล้วไปลับ ไม่ต้องกลับมาซิยายเกศ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-11-2017 23:13:57
หล่อนมันบ้า
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 15-11-2017 00:43:33
พี่หลามงานงอกแล้ว
จะเป็นไงต่อนะ
รีบมาต่อเร็วๆนะคัฟ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-11-2017 01:13:39
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-11-2017 06:00:40
จ้างสามร้อยดักตบนังเกศที
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 15-11-2017 14:18:37
กำลังขำคุณพ่อที่โดนลูกขัดจังหวะ อดกินเด็กเลย แต่มีเกศมาขัดอารมณ์ซะงั้น แง่งงง
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 16-11-2017 10:21:57
ใครรู้จักนักเขียนบ้าง โทรตามมาแก้บทหน่อย ทำไมทำแบบนี้

กำลังละมุนเลย

พอเกศมาบรรยากาศดูหมองๆยังไงไม่รู้ ไม่เข้าใจเลย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-11-2017 12:29:45
อ้าวป้า ป้าจะกลับมาทำไมเนี่ยืไม่มีใครเขาต้อนรับแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maneemantra7 ที่ 22-11-2017 11:24:52
รอจ้า :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๓] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๒.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 22-11-2017 14:25:44
ตอนที่ ๑๓

มุจลินท์เห็นคนรักยืนคุยโทรศัพท์อยู่จึงไม่ได้เดินเข้าไปใกล้มากนัก รอจังหวะที่ชลธีว่างเขาจึงเดินเข้าไปหา “พี่ฉลามมาทานขนมสิครับ” เด็กหนุ่มยกถ้วยแกงบวดฟักทองที่เพิ่งไปอุ่นร้อนๆมาให้ “เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ”

“จ้ะ เดี๋ยวพี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ชลธีจุดยิ้มเดินเข้ามาในตัวบ้านก่อนจะรับถ้วยขนมมาจากคนรัก ในใจยังครุ่นคิดถึงภรรยาเก่าที่ติดต่อมาเมื่อสักครู่ เขาเคยตัดสินใจที่จะไม่ไปเจอเกศราอีกแล้วนับตั้งแต่วันที่แยกทางกัน แต่อีกใจก็อดสงสารหัวอกคนเป็นแม่ไม่ได้ เกศราคงอยากจะเจอลูกบ้าง เขาคงไม่ใจไม้ไส้ระกำเกินไปใช่ไหม

“เกอร์ก็อยากกินบ้างอ่า” เด็กชายชี้ไปที่ถ้วยในมือคุณพ่อ กระพริบตาปริบๆเหมือนตอนอ้อนขอของเล่น มุจลินท์กำลังให้ลูกชายงดทานขนมอยู่ เพราะเจ้าตัวเริ่มจะอ้วนมากเกินไปแล้ว

“หนูกินเยอะแล้วนะครับ” ใช้นิ้วชี้จิ้มพุงป่องๆที่ล้นทะลักจนเสื้อยืดที่ใส่ให้แทบจะปริแตก “อ้วนมากเดี๋ยววิ่งไม่ไหวแล้วล้มอีก แม่เป็นห่วงนะครับ”

“ฮื่อ จุนแม่”เด็กชายวิ่งเข้าไปกอดก่อนจะเอาแก้มย้วยถูไปมา“เกอร์กินนิดเดียวเอง นะๆ”

“เมื่อกี้เราทานข้าวเหนียวมะม่วงไปตั้งเยอะแล้วนะลูก”

“แม่ลินท์...งะ” เบะปากเตรียมจะงอแง ชลธีเห็นเลยตักให้ลูกชายชิมหนึ่งคำ “หย่อย..”

“พี่ฉลามตามใจลูกอีกแล้ว” เขาอยากจะมัดสองพ่อลูกไว้ด้วยกันจริงๆ ทั้งดื้อทั้งยังชอบตีมึน “เกอร์อยู่กับคุณพ่อนะครับ เดี๋ยวแม่ลินท์ไปช่วยคุณยายในครัวต่อ”

“เอ้อ ลินท์” สมุทธร้องทักก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือให้ “เล่นอินสตราแกรมมั้ยเรา?”

“ไม่ได้เล่นหรอกพี่ปลา” ขนาดเฟซบุ๊กเขายังเล่นไม่เป็นเลย แล้วนับประสาอะไรกับแอปพลิเคชั่นชื่อแปลกๆแบบนั้น “ลินท์เล่นแค่ไลน์อย่างเดียวจ้ะ”

“พี่ฉลามไม่รู้จักสอนแฟนเลยหรือไง”หันไปมองพี่ชายที่กำลังป้อนขนมลูกชายอยู่ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย“ลินท์ลองเล่นดูนะ พี่จะได้แท็กเราได้” เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ว่าสมุทธเป็นผู้ชายที่ทันสมัยพอตัวดูจากการแต่งกาย ขนาดอยู่บ้านยังสวมเชิ้ตกับกางเกงผ้าพร้อมออกข้างนอกได้ทุกเวลา

“พี่ลงรูปหรือจ้ะ”เขาได้ยินเพื่อนพูดถึงมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยได้เล่นเหมือนคนอื่นเขาสักที “ไหนๆลินท์ขอดูหน่อย” เขาเห็นรูปตอนที่ชลธีกุมมือเขาไว้หลังจากสวมแหวนให้เรียบร้อยแล้วพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวก็อดตกใจไม่ได้ แถมคนยังกดไลค์หลายร้อยอีก เขาอยากจะบ้าตาย

“มีแต่คนอยากเห็นแฟนพี่ฉลามใจจะขาด” สมุทธขยิบตาหนึ่งทีท่าทางยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด

“ตลกละไอ้ปลา แฟนกู!”

“ผมอยากอวดพี่สะใภ้นี่” ชายหนุ่มแค่นยิ้ม เห็นเกศรามากดไลค์แล้วรู้สึกสะใจ เขารังเกียจผู้หญิงมักมากหลายใจอย่างนี้ที่สุด ทำพี่ชายเขาเสียใจไม่พอยังจะทำร้ายลูกชายตัวเองได้ลงคอ คิดหรือว่าเขาไม่รู้ว่าเกศราสร้างกระแสเพื่อจะเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายเขาขนาดไหน

เรื่องอะไรเขาจะซ่อนมุจลินท์เอาไว้ล่ะ..

“หยุดความคิดของมึง แล้วรีบไปหาเมียของตัวเองได้แล้ว” ชลธีที่อุ้มลูกไว้บนตักตะโกนเรียกสมุทธที่แกล้งทำเป็นโอบมุจลินท์แล้วเดินหลบไปหลังบ้าน “ไอ้ปลา! ไอ้!”

“พี่ฉลามโคตรขี้หวงเลย”ทนายหนุ่มป้องปากกระซิบ “ลินท์คงเบื่อแย่”

“ไม่หรอกจ้ะ”เด็กหนุ่มชินแล้วกับความขี้หวงของคนรัก“ปกติพี่เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ” เห็นพวงแก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ สมุทธก็เริ่มเข้าใจว่าพี่ชายเสือยิ้มยากของเขาตกหลุมพรางเด็กเพราะอะไร ก็เด็กอายุสิบเก้าที่ไหนมันจะใสซื่อได้ขนาดนี้วะ

“ลินท์อย่าไปยอมพี่ฉลามมากนะรู้มั้ย.. ต้องคุมให้อยู่หมัด”

“จ้ะพี่ปลา” เขาพยักหน้าเก็บจำคำสอนเอาไว้ สมุทธแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อคิดว่าได้แกล้งชลธีซะแล้ว “ไหนพี่ปลาจะสมัครให้ลินท์ใช่ไหมจ้ะ” เขายื่นโทรศัพท์ให้ชายหนุ่ม รู้สึกตื่นเต้นดีใจ อยากเห็นรูปอื่นๆของคนรักตัวเองบ้าง เวลาทำงานชลธีไม่ค่อยจะส่งรูปมาให้เขาดูสักเท่าไหร่

“ได้ๆ เดี๋ยวพี่ทำให้” สมุทธจัดการสมัครให้เด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งกดฟอลโล่วสมาชิกในบ้านไว้แทบทุกคน

“คุณแม่ก็เล่นหรือจ้ะพี่ปลา”

“เขาก็เล่นกันหมดนั่นแหละ” ยิ้มเอ็นดูให้มุจลินท์ที่กำลังตื่นเต้น “ลองอัพรูปดูสิ อย่าลืมตั้งค่าส่วนตัวนะ”

“จ้ะ เดี๋ยวลินท์จะลองเล่นดู”

“ไว้อัพรูปไทเกอร์ลงบ่อยๆ พี่คิดถึงหลาน”

“ได้เลยพี่ปลา ลินท์มีรูปไทเกอร์เยอะมากกก” เด็กหนุ่มลากเสียงยาว ดวงตากลมโตสีสวยเบิกกว้าง ก่อนจะหัวเราะคิก ลักยิ้มที่แก้มขาวบุ๋มลึกลงไปเล่นเอาเขามองเพลิน “กดตรงนี้ใช่ไหมจ้ะ ลินท์อยากเปลี่ยนสี”

“ใช่ๆตรงนี้ไว้เปลี่ยนฟีลเตอร์”

“ทำอะไรกัน”

ทนายหนุ่มสะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นไปก็เจอชลธีกำลังอุ้มลูกชายตัวอ้วนหน้าทะมึนมาทางเขา โอ้โห ดุยิ่งกว่าจงอางหวงไข่อีกมั้งเนี่ย!


“ลินท์ให้พี่ปลาสมัครอินสตราแกรมให้ครับ”เด็กหนุ่มโชว์โทรศัพท์ให้ชายหนุ่มดู “ลินท์จะเอาไว้อัพรูปลูก” เห็นคนรักมีความสุข มีหรือชลธีจะกล้าขัด เขาแค่ไม่ชอบใจที่เห็นสมุทธเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มเพื่อยั่วประสาทเขามากกว่า ไอ้น้องสารเลว!

“ไหน เอารูปไหนลงดี” เขาเดินมายืนข้างๆคนรัก มองรูปลูกชายในคลังภาพที่เด็กหนุ่มๆค่อยเปิดขึ้นไปเรื่อยๆ “มีรูปตัวเองบ้างไหมเนี่ยลินท์” เขาก็อยากพกรูปเจ้าลูกเป็ดไว้เหมือนกันนะ

“ลินท์ไม่ชอบถ่ายรูปน่ะครับ” มือขวาค่อยๆเลื่อนขึ้นไปดูรูปภาพช่วงที่เขากับชลธีไปเที่ยวทะเลที่ประจวบด้วยกัน ตอนนั้นเขาไปค่ายเก็บตัวดาวเดือนของมหาลัยพอดิบพอดีจึงมีโอกาสได้แว๊บไปเที่ยวบ้าง เขาอยากได้รูปลูกชายใส่ห่วงยางนั่งปั้นทรายที่ริมชายหาดมาลงในอินสตราแกรมเป็นรูปแรก แต่ยังไม่ทันที่จะได้เจอรูปที่ตั้งใจหา รูปเด็กหนุ่มในชุดว่ายน้ำbody suitแนบเนื้อสีดำสนิทตัดกับผิวขาวจัด รูดซิบลงมาจนสุดโชว์หน้าท้องขาวเนียนก็ปรากฏแก่สายตา เด็กหนุ่มริมฝีปากแดงสีเชอรี่เผยอเล็กน้อย ดวงตากลมโตปรือฉ่ำหลบแสงแดด หากใครเห็นก็คงตะลึงกับกริยา’ยั่วยวน’ของคนในภาพเป็นแน่

“ไหนบอกไม่ชอบถ่ายรูป” ชลธีถามเสียงต่ำ รู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นภาพเจ้าลูกเป็ดที่ใส่ชุดวาบหวิวขนาดนั้น ที่สำคัญ.. ไปถ่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาไม่รู้!

“อะเอ่อ” เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่ามีรูปนี้อยู่ในเครื่องด้วย “รูปตั้งนานแล้วครับ ตั้งแต่ตอนที่ไปเก็บตัวค่ายดาวเดือนที่ประจวบฯครั้งนั้น”

“อืม.. แล้วลินท์ไม่คิดจะบอกพี่มั่งหรือ” ชลธีอดจะน้อยใจไม่ได้ เรื่องที่เด็กหนุ่มไปไหนมาไหนไม่ค่อยอยากจะบอก หรือทำอะไรเกินตัวแล้วไม่เคยจะขอความช่วยเหลือจากเขา ถึงแม้ว่าเขาและมุจลินท์เพิ่งจะตกลงคบหากันฉันท์คนรักอย่างจริงจัง แต่เขาก็อยากให้เด็กหนุ่มเปิดใจและพูดคุยกับเขาทุกเรื่องมากกว่านี้ คนอื่นอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ในการใช้ชีวิตคู่การพูดคุยกันตรงๆมันช่วยทำให้เราเข้าใจกันและกันมากขึ้น เขาเชื่อมั่นอย่างนั้น.. 

“ลินท์ลืมไปเลย ไม่ได้สนใจจริงๆนะครับ” เด็กหนุ่มมองคนรักที่ไม่ยอมสบตา เขารู้ว่าชลธีไม่ชอบให้เขาแต่งตัวโชว์เนื้อหนัง แค่เขาใส่กางเกงขาสั้นยังบ่นเขาไปสามวันเจ็ดวัน แล้วนับประสาอะไรกับชุดที่แทบจะเปลือยท่อนบนของเขาอย่างนี้

เฮ้อ.. มีงานเข้า... 

“ไปคุยกับพี่เขาดีๆเถอะลินท์.. ลุงเขาขี้งอน” สมุทธตบบ่าเด็กหนุ่มเบาๆก่อนจะพยักเพยิดไปทางที่ชลธีเดินออกไป เขาอยากจะขำกับมุกพี่ปลาอยู่หรอกนะ แต่เวลานี้ให้หัวเราะคงไม่ไหว

รู้สึกผิดชะมัด..

ช่วงเย็นเขาช่วยคุณแม่จัดโต๊ะอาหาร มีต้มยำรวมมิตรและไข่เจียว เจ้าตัวเล็กชอบทานไข่เจียวที่สุด อ้อนขอให้เขาตักให้อยู่หลายครั้ง ส่วนคุณยายชอบทานแกงจืดหมูสับกับข้าวสวยร้อนๆ คุณแม่และพี่ๆดูแลเขา หยิบของกินอร่อยๆใส่จานเขาไม่หยุด จนเขาต้องบอกพอ บรรยากาศพูดคุยเสียงหัวเราะมาจากพี่ช้างที่ชอบเล่นมุกแป้กตลอดจนพี่นัสยังเอือม ส่วนชลธีก้มตาหน้าก้มตาทานข้าวไม่ยอมมองหน้าเขาสักนิด สมุทรคอยชวนเขาคุยให้เขาไม่กังวลจนเกินไป หลังจากทานของหวานกันเสร็จคเชนทร์ก็ขอตัวไปนอนบ้านแฟน เขาจึงพาลูกชายเข้านอน และช่วยคุณยายจัดการเรื่องทานยา เด็กหนุ่มเปิดประตูห้องเข้าไปเบาๆ โคมไฟตั้งโต๊ะเปิดไฟสีเหลืองนวลสลัวทำให้เห็นเงาคนที่นั่งอยู่บนเตียง เขาตั้งใจจะเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน แต่คนรักที่ยังมึนตึงกับเขาอยู่ มันก็อดที่จะรู้สึกอึดอัดไม่ได้

“พี่ฉลามอาบน้ำแล้วหรือครับ” เขานั่งลงบนเตียงใช้ผ้าขนหนูซับผมที่เปียกให้แห้ง “ดึกแล้วรีบนอนกันเถอะครับ”

“อืม”

“พี่ยังโกรธลินท์อยู่หรือ”ตัดสินใจพูดออกไปเสียงอ่อน“ลินท์ขอโทษ พี่คุยกับลินท์หน่อยเถอะนะ” เขาไม่ชอบที่คนรักเฉยชาไม่สนที่สุด หยดน้ำตาใสคลอหน่วยจะไหลอยู่รอมร่อ

“พี่ไม่ชอบที่ลินท์ทำอะไรอยู่คนเดียว ไม่เห็นพี่อยู่ในสายตา”ชายหนุ่มพูดโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ ทำเอาหัวใจเจ้าลูกเป็ดกระตุก“เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือ”

“ลินท์..”สอดมือเข้าที่ช่วงเอวนายทหารหนุ่ม“ลินท์ผิดไปแล้ว”

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นใส่พี่เลย”เขาพูดแค่นี้มุจลินท์ก็แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว อย่างนี้ใครจะไปกล้าดุกันเล่า“พี่ใจอ่อนพอดี”

“ง่า” ลูกเป็ดร้องเสียงหลงรู้ว่าชลธีหายโกรธแล้วก็ยิ้มกว้างก่อนจะโผเข้าซุกอกคนรัก “คืนนี้ขอกอดหน่อยนะครับ”

“แค่กอดอย่างเดียวหรือ”

“ทะลึ่ง!”

“ไม่มีใครว่าข้าวใหม่ปลามันหรอกน่า”ชายหนุ่มกดจมูกลงแก้มขาวเนียน ดมกลิ่นแป้งเด็กหอมกรุ่น“พี่ต้องลงโทษคุณภรรยาที่ดื้อสุดๆ”

“ลินท์ดื้อมากเลยหรือ”

“ดื้อมากกกกกก”

“โหย”

“มีอะไรต้องบอกพี่นะรู้ไหม เราก็เหมือนคนคนเดียวกันแล้ว”คว้าเอวเจ้าลูกเป็ดเข้ามาแนบชิด เส้นผมบางสีน้ำตาลอ่อนยังเปียกชื้น จนเขาต้องช่วยเกลี่ยออก “ลินท์พึงพาพี่ได้เต็มที่ ให้พี่ได้ดูแลแฟนพี่บ้างเถอะ เรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเก็บกับข้าวมากินข้ามวันแล้ว”

“พี่รู้ได้ยังไง!”

“คุณยายบอก”

“โถ่”
“ไม่ต้องมาร้อง จะประหยัดอะไรขนาดนี้ เกิดท้องเสียขึ้นมาจะทำยังไง รถพี่ก็มีให้ใช้ ทำไมยังต้องโหนรถเมล์ไปเรียนอีก”

“มันเปลืองนะ”

“ไม่เปลือง”

“เอ๊ะ พี่ฉลาม!”

“ไม่เอาแล้วนะลินท์” เขาหันหัวเจ้าลุกเป็ดให้ตรงกับเขา มองสบเข้าไปในดวงตากลมคู่สวยที่กำลังจ้องตอบเขาอยู่ “พี่ดูแลลินท์ยังไม่ดีหรือไง”

“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มหลุบตาหนี ไม่กล้าสบสายตาคมที่เหมือนจะจ้องทะลุร่างเขา

“อยู่กับพี่ไม่ต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องอดทนอะไรทั้งนั้น” เขาประคองใบหน้าหวานด้วยสองมือ แก้มขาวพองติดมือเขาเมื่อเจ้าลูกเป็ดยิ้มเขิน “ลินท์เหนื่อยมาเยอะแล้ว พักบ้างเถอะนะ”

“ลินท์จะได้พักถ้าพี่ไม่.. ไม่” เขาพยายามขืนตัวออกจากการเกาะกุมแต่ก็ดิ้นไม่หลุด สายตาแพรวพรายของนายทหารหนุ่มทำเขารู้สึกแปลกพิกล

“ไม่อะไรครับ”

“ฮื่อ อย่า..” มือที่ว่างสอดเข้าไปในชุดนอนของเด็กหนุ่ม ลูบไล้จุดอ่อนไหวที่เขารู้จักดี มุจลินท์ครางเครือไม่ได้ศัพท์ซุกหน้าเข้ากับอกเขา “ลินท์ง่วงแล้วครับ”

“งั้นนอนดีๆซิ” เขาจับเด็กหนุ่มพลิกหงายก่อนจะขึ้นคร่อม ฝังจูบลงซอกคอเบาๆ “พี่ให้ลินท์นอนแล้ว”

“แล้วพี่ล่ะ”

“พี่ยังไม่ง่วงเลย” ชลธียังไม่ทันได้ชิมเจ้าลูกเป็ดเลยจะให้เขารีบนอนไปทำไม ดวงตาคมมองไล่ตั้งแต่วงหน้าหวานเรื่อยลงมาถึงกระดุมชุดนอนที่เขาแอบปลดเมื่อครู่ทำให้เสื้อนอนผ้าซาตินทิ้งตัวลงโชว์ไหล่ขาวเนียน กลุ่มผมแผ่สยายเต็มหมอนส่งกลิ่นหอมของแชมพูยี่ห้อที่เขาใช้ประจำ “ลินท์ก็นอนเฉยๆ.. พักผ่อนไงครับ”

“เฮ้.. เดี๋ยวก่อน อื้อ..” เขาจูบเบาๆที่หัวไหล่มนกลมก่อนจะพรมจูบเรื่อยลงมาตามแอ่งชีพจรแล้วขึ้นไปหยุดที่ริมฝีปากหวาน เด็กหนุ่มปรือตามองคนรักที่กำลังบรรจงจูบแผ่วเบา หลับตาซึมซับความอบอุ่นจากร่างกายร้อนที่กำลังทาบทับลงมา

Rrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังพร้อมแรงสั่นสะเทือน ทำให้เจ้าลูกเป็ดเอื้อมมือไปหาต้นตอเสียง มือขาวพยายามคว้าสะเปะสะปะแต่ก็ถูกชายหนุ่มดึงรั้งเอาไว้จนโทรศัพท์หล่นตุบอยู่ข้างเตียง

“ใครโทรมา..” ลูกเป็ดถามเสียงพร่าก่อนจะถูกจูบอีกรอบ มุจลินท์คิดว่าปากเขาต้องเปื่อยแน่ถ้าชลธียังไม่หยุดจูบเขาพร่ำเพรื่อแบบนี้ “พี่จะไม่รับหรือ..”

“ไม่.. ช่างสิ มาขัดจังหวะพี่ทำไม” ไม่ว่าจะโทรมาเรื่องสำคัญเกี่ยวกับภารกิจหรือเรื่องคอขาดบาดตายอะไรเขาก็ไม่สนใจแล้ว ตอนนี้เขาสนอยู่อย่างเดียวคือการได้ใช้ภาษากายบอกรักกับคนตรงหน้าเท่านั้น

“แต่ว่า..”

“ไม่มีแต่..” ก้มลงดูดดึงริมฝีปากบนเจ้าลูกเป็ดจนเจ้าตัวหน้ามุ่ยทุบไหล่เขาดังอัก ก่อนจะสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปชิมความหวานที่เขารู้สึกว่าเสพติดเหลือเกิน..

“ฮื่อ.. อ๊ะ” เสียงครวญครางหวานรัญจวนสลับกับเสียงกระทบร่างกายยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ความเป็นชายของนายทหารหนุ่มให้ลุกโชนและปรารถนาครอบครองคนตรงหน้าให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว..

หญิงสาวกำโทรศัพท์ในมือแน่น ริมฝีปากสีแดงสดบดกัน คิ้วขมวดเป็นปมจนใบหน้าบิดเบี้ยว เกศราใช้ความกล้าโทรหาคนรักเก่าอีกครั้งและหวังว่าจะได้เจอกับนายทหารหนุ่มในวันพรุ่งนี้ แต่สิ่งที่เธอได้รับคือเสียงพร่ำบอกรักของชายหนุ่มที่มีให้กับคนอื่น และเธอก็ฉลาดพอจะเข้าใจว่าอีกฝั่งกำลังเกิดเหตุการณ์อะไร ความโกรธพรั่งพรูจนเธออยากจะกรีดร้องและเต้นเร่าๆ แต่เธอไม่มีสิทธิ์จะไปเรียกร้องอะไรกับชลธีได้อีกแล้ว มือบางกดโทรศัพท์อย่างรวดเร็วต่อสายหาคนที่จะสามารถให้คำตอบของเธอได้

มุจลินท์.. คือใครกัน..
.
.
 “ลูกเป็ดหน้าบูด” ชายหนุ่มแกล้งเขี่ยแก้มคนรักที่กำลังพองลม อาการงอนของคนตรงหน้าที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มองว่ามันน่าเอ็นดูทุกที

   “ไม่ต้องมายุ่งกับลินท์เลย” เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนีพลางใช้กำปั้นมือทุบไปตามแนวสะโพก อาการปวดแปรบหลังจากทานยาไปได้สักครู่แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น โซฟาตัวยาวกลายเป็นที่นอนพักประจำเพราะอยู่ในห้องรับแขกที่สามารถมองเห็นและดูแลลูกชายไปด้วยได้ เขามองค้อนตัวการตาเขียวปั๊ด ขนาดอยู่ที่บ้านคุณแม่แท้ๆชลธียังไม่ยอมให้เขาได้นอนหลับสบายๆ แถมต้องทนสายตาหยอกล้อของสมุทธตลอดช่วงเช้า คงไม่ต้องบอกว่าเมื่อคืนเสียงเขาเล็ดลอดไปถึงไหนต่อไหน ชลธีพาเขากลับคอนโดมาตอนช่วงบ่าย เขาจึงได้เวลาพาไทเกอร์นอนกลางวันกับคุณยายในห้อง

“ไม่ให้พี่ยุ่งกับลินท์แล้วจะให้ไปยุ่งกับใคร”

“ไม่ต้องมาใช้ไม้นี้กับลินท์.. ลินท์ไม่ได้อึดเหมือนพี่นะ” มุจลินท์ตัดพ้อ เขาไม่ใช่คนที่ออกกำลังกายทุกวัน ถึงแม้จะพอมีกล้ามเนื้อจากการทำงานรับจ้างขนของอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แข็งแรงมากพออย่างชลธี หากเทียบกับนายทหารหนุ่มแล้ว เขาเหมือนคนขี้ก้างไปเสียด้วยซ้ำ

“บ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน”

“งดไปซะเถอะ”

“ใจร้าย..”

   มุจลินท์เอื้อมมือไปหยิกแก้มคนรักอย่างที่เขาชอบทำ นายทหารหนุ่มตวัดก่อนจะงับนิ้วมือเด็กหนุ่มเข้าโพรงปากอุ่นร้อน จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอมเทาคู่สวยของเด็กหนุ่ม ความรู้สึกเสียวแปรบแล่นลามจากปลายนิ้ว ลิ้นอุ่นชื้นเล้าเลียเย้ายวนจนลูกเป็ดต้องชักนิ้วหนี

“หึๆ”

“พี่นี่อันตรายสุดๆ” อันตรายต่อการเต้นของหัวใจเขาเหลือเกิน หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวแรงเหมือนจะกระเด็นกระดอนออกมาจากอก ขนแขนลุกซู่ไปทั้งตัว

“อยู่กับลินท์พี่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าควบคุมตัวเองไม่ค่อยจะได้” 

“งั้นไปตรงนู้นเลย” เขาชี้ไปที่โซฟาอีกตัวที่อยู่อีกฝั่ง ก่อนจะตวัดผ้าห่มคลุมโปงหนีสายตาร้อนแรงที่นายทหารหนุ่มเพียรส่งสัญญาณบางอย่างให้เขาไม่ขาด

เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือไง คนบ้า!


ร้านอาหารกึ่งผับย่านสถานบันเทิงคราคล่ำไปด้วยผู้คนในช่วงเย็น โต๊ะไพรเวทในสุดของร้านอาหารถูกจองไว้ตั้งแต่วันที่เธอนัดชลธีมาเจอได้สำเร็จ ช่อดอกกุหลาบที่ประดับประดาอยู่รอบข้างทำให้บรรยากาศราวกับอยู่ในช่วงเวลาอันแสนพิเศษ เกศราสั่งอาหารเมนูโปรดที่ชายหนุ่มชอบมาเตรียมรอไว้สองสามอย่าง ไวน์องุ่นชั้นดี ยี่ห้อโปรดที่หล่อนโปรดปรานถูกรินใส่แก้วทรงสูง ดวงตากลมโตสีดำขลับฉายแววระยิบระยับ ขนตายาวเป็นแพงอนสวย เครื่องหน้าสวยหวานทำให้เกศราจัดว่าเป็นผู้หญิงที่หน้าสะสวยคนหนึ่ง หล่อนใส่ชุดเดรสสีหวานกระโปรงระบายเย็บด้วยลูกไม้ดูน่าทะนุถนอม

หล่อนมองไปยังอดีตคนรักที่กำลังเดินตรงเข้ามาทางเธอ ชลธีสวมเชิ้ตและกางเกงสแล็คสีพื้น ช่วงไหล่กว้างและกล้ามเนื้อหนั่นแน่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูดีเป็นที่สะดุดตาของสาวน้อยสาวใหญ่ เกศราฉีกยิ้มกว้างทอดมองบรรยากาศที่ราวกับย้อนอดีตไปช่วงที่เธอและชลธียังคบหากัน

“ทานอะไรมาหรือยังคะ เกศสั่งไว้ให้พี่แล้ว”

“พี่ทานมาแล้วครับ” เขาเหลือบมองเมนูอาหารก่อนจะยิ้มอ่อนให้หญิงสาว เมื่อเย็นมุจลินท์ทำข้าวผัดต้มยำให้เขาทานเสียจนอิ่มแปล้ ใจจริงเขาอยากจะเจอเกศราช่วงเวลากลางวันมากกว่า แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่สะดวกและยืนยันที่จะนัดเจอช่วงค่ำเขาก็ไม่อยากบังคับอะไร คิดถึงคนรักที่งอแงหาว่าเขาหนีเที่ยวก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาไม่ได้บอกเจ้าลูกเป็ดเรื่องที่มาเจอคนรักเก่าในวันนี้ ใจหนึ่งเขาไม่อยากให้คนรักคิดมาก สองเขาและเกศราเป็นเพียงเพื่อนกันและจะไม่มีทางกลับไปใช้ความสัมพันธ์แบบเดิมอย่างแน่นอน

“เกศก็สั่งมาเสียเยอะเลย พี่ฉลามช่วยทานหน่อยนะคะ” หล่อนเห็นท่าทางเลิกลั่กชอบมองนาฬิกาของชลธีก็รู้สึกไม่พอใจ “พี่ฉลามคะ”

“ครับ”

“ลองทานดูสิคะ.. อร่อยมากเลย” หล่อนตักอาหารวางบนจานให้ชายหนุ่ม ก่อนจะรินไวน์ส่งให้ ชลธีหยักหน้าขอบคุณแต่ไม่แตะต้องอาหารเลยสักนิด

“เกศอยากเจอพี่.. มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” นายทหารหนุ่มเลือกที่จะถามไปตรงๆ หญิงสาวชะงักไปครู่ก็คลี่ยิ้มหวานให้ เขาอยากคุยธุระกับเกศราให้เสร็จโดยเร็ว อยากกลับไปบ้านไปนอนกอดลูกกอดเมียจะแย่อยู่แล้ว

“เกศอยากเจอลูก..” หล่อนสบตากับชายหนุ่ม ดวงตากลมโตสั่นระริกสกัดน้ำตาที่จะไหลอยู่รอมร่อ ดูน่าสงสารและน่าทะนุถนอม “เกศว่า.. เราลองกลับมาอยู่ด้วยกันดีไหมคะ”

“พี่ว่าเราคุยกันจบไปนานแล้วนะเกศ”

“เกศรู้ว่าเกศผิด แต่เกศก็พร้อมจะปรับปรุงตัว” มือเรียวบางเลื่อนไปกอบกุมมือของชายหนุ่มเอาไว้ “กลับไปอยู่กับลูก.. เราจะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ไงคะ”

“พี่ให้โอกาสเกศมานานมากแล้ว” ทั้งๆที่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าทรยศและสวมเขาให้เขาตลอด ทอดทิ้งลูกชายเพียงคนเดียวของเขา ถึงอย่างนั้นก็ยังให้โอกาสนับครั้งไม่ถ้วน แต่หล่อนก็ยังเลือกที่จะทำร้ายครอบครัวได้ลงคอ

“เกศยอมรับไม่ได้ ไทเกอร์ต้องมีแม่ และเกศก็เป็นแม่ของลูก”

“ไม่เป็นจำเสมอไป”

“พี่หมายความว่ายังไง” หล่อนเริ่มไม่พอใจ ขึ้นเสียงสูงใส่ชายหนุ่ม “คิดจะเอาใครมาแทนที่เกศงั้นหรือ”

“ไม่มีใครแทนที่ใครได้ทั้งนั้นเกศ พี่ก็มีชีวิตของพี่” ชลธียืนยันน้ำเสียงหนักแน่น “เกศก็มีชีวิตของเกศ.. และเกศยังเป็นแม่ของไทเกอร์”

“แต่เกศไม่ยอมให้พี่ยกใครขึ้นมาแทนเกศ”

“เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะเกศ เมื่อไหร่เกศจะเลิกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพี่เสียที”

“ทำไมคะ” หยาดน้ำตาไหลรินลงแก้มนวล “เพราะไอ้เด็กผู้ชายที่ชื่อลินท์นั่นใช่ไหม!”

“เกศ!”

“ทำไม? ทำไมเกศจะพูดถึงมันไม่ได้ !?”

“เกศไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องคนของพี่”

“พี่ฉลาม!”

หล่อนคว้ารูปจากในกระเป๋าสะพายขึ้นมาปาใส่หน้าชลธี เป็นรูปมุจลินท์ที่ถูกแอบถ่ายในบริบทต่างๆ ทั้งที่มหาวิทยาลัย และที่โรงเรียนของลูกชาย ชายหนุ่มเบิกตากว้างจ้องมองหญิงที่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาเก็บรูปทุกใบของคนรักขึ้นมา มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ

“พี่ไปคว้ามันมาได้ยังไง ไอ้เด็กสลัมเหลือขอพรรค์นั้น” หล่อนร้องตะโกน  “เกศรับไม่ได้! คนอย่างมันก็เป็นได้แค่นายบำเรอในซ่องเท่านั้นแหละ”

“เกศ! หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” ได้ยินใครมาต่อว่าคนรัก จะมีสักกี่คนที่ทนฟังได้ เขาคว้าข้อมือบางมาบีบ รั้งหญิงสาวที่กำลังอารมณ์คุกรุ่นให้เข้ามาหา หล่อนใช้มือทุบชลธีไม่หยุด ปากก็ร้องตะโกน

“ไม่ ไม่ ไม่!” ใบหน้าสวยส่ายสะบัดไปมา

“เลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตพี่ได้แล้ว” เขาพยายามสกัดกลั้นอารมณ์โกรธ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่เขาเคยรัก “พี่รักลินท์ พี่ไม่ได้รักเกศแล้ว ฟังนะ.. ความรักของพี่ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมายอมรับ พี่มีความสุขกับครอบครัวทุกวันนี้พอแล้ว”

“ฮึก.. ฮือ”

“ พี่ไม่เคยห้ามไม่ให้เกศเจอลูกเลย แต่สิ่งที่เกศทำมันทำให้ลูกไม่กล้าเจอหน้าเกศแล้ว พี่ขอร้องล่ะนะ.. เราอย่าเจอกันเลยจะดีกว่า”

“พี่ฉลาม..ฮึก” สองมือกระพุ่มไหว้ชายหนุ่ม “อย่าเพิ่งไป เกศขอร้อง เกศผิดไปแล้ว..นะ”

“มันสายไปแล้ว” เขารวบมือของเกศราลง ไม่ต้องการให้ถึงกับต้องไหว้เขาขนาดนี้ เพราะเรื่องทุกอย่างหล่อนเป็นคนจบเองกับมือ “เกศยังมีใครอีกมากมายที่พร้อมจะดูแล.. ไม่จำเป็นต้องเป็นพี่”

ในวันที่เหลือตัวคนเดียว ความสัมพันธ์ครอบครัวที่เธอทิ้งขว้างกลายเป็นสิ่งที่เธอโหยมามากที่สุด ความรักฉาบฉวยที่ผ่านเข้ามาในแต่ละคืนไม่อาจทำให้เธอมีความสุขได้สักครั้ง เกศราต้องการครอบครัวของเธอกลับคืนมา ครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนเดิม

“ฮึก ฮือ” เสียงร้องอย่างน่าสงสารทำเอาชลธีอดจะเห็นใจภรรยาเก่าไม่ได้ เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอใช้ซับน้ำตา ไหล่บางสั่นน้อยๆตามแรงสะอื้น หล่อนปัดผ้าเช็ดออก ดวงตาแดงก่ำจ้องมองดวงตาสีดำขลับของชายหนุ่ม ไร้แววตาของความรักความอบอุ่นที่เธอเคยได้รับ ไม่มีวันที่เธอจะได้ความรักจากผู้ชายคนนี้แล้วใช่ไหม

“พี่ไม่อยากให้เกศยึดติดพี่.. เรายังเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันได้นะ”

ไม่.. หล่อนตอบชายหนุ่มในใจ

“ค่ะ” ช้อนตามองชายหนุ่มก่อนร่างบอบบางจะโอนเอนล้มลง ชลธีช้อนตัวเข้าไปรับได้ทัน หล่อนหอบหายใจถี่ ซุกอกอุ่นของชลธี “เกศเวียนหัวมากเลย.. พี่ไปส่งเกศหน่อยได้ไหมคะ” 

ชลธีพยักหน้าก่อนจะเรียกบริกรมาคิดเงิน ชายหนุ่มค่อยๆประคองหญิงสาวขึ้นรถ เขารู้ว่าเกศราร่างกายไม่ได้แข็งแรงมากนัก เมื่อเห็นอาการป่วยก็พร้อมที่เข้าไปช่วยเหลือโดยไม่คิดอะไร ดวงหน้าซีดขาวอิงแอบแนบชิดชายหนุ่มไม่ห่าง ริมฝีปากสีสวยคลี่ยิ้มบาง


หากไม่มีมันสักคน ยังไงชลธีก็ต้องกลับมาหาหล่อนแน่.. 

   เธอไม่ยอมแพ้หรอก..




TBC

หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๓] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๒.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 22-11-2017 15:20:49
อ่านจบแล้วบอกเลย ตอนหน้าอยากให้น้องลินทร์มาตบอีเกศมาก

หน้าด้านมากคนเขาไม่เอายังไปประกาศปาวๆๆว่าเป็แฟนพี่หลามอีก

ลงตอน14เร็วๆนะ ค้างมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๓] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๒.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-11-2017 15:31:01
เกศนี่คงจะขุดไม่ขึ้นแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๓] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๒.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2017 15:57:45
พระเอกเรื่องนี้ต้องไม่โง่นะบอกไว้เลย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๓] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๒.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-11-2017 19:21:05
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๓] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๒.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 22-11-2017 21:47:06
โอ๊ยยยย อยากตบนังเกศ
น้องลินท์อย่าไปยอมนะลูก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๓] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๒.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 23-11-2017 15:39:29
โอ่ยยยน้องลินทร์ระวังตัวด้วยนะ พี่ฉลามดูน้องด้วยยย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๓] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๒.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 25-11-2017 02:34:50
โอยยย ไม่เอาฉากมอมยาแล้วตื่นมาจะให้รับผิดชอบ หรือยั่วแล้วโดนแอบถ่ายรูปไปให้อีกคนเห็นน้าา เจอเยอะแล้ว ฮือออ

ปล.ตัวร้ายดันชื่อเดียวกับคนที่เกลียดพอดี อิเกศราาาาาาาาา  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 25-11-2017 22:08:58
ตอนที่ ๑๔

   เด็กหนุ่มพลิกตัวไปมากระสับกระส่ายนอนไม่หลับทั้งที่เหนื่อยมาทั้งวัน กลอกตามองเพดานห้องอย่างคนใช้ความคิด เหลือบมองไปด้านข้างเตียงที่ใช้พักผ่อนทุกวันกลับดูกว้างเหลือเกินเมื่อไม่มีชลธี พื้นที่ด้านข้างเย็นเฉียบ เขากระชับผ้านวมผืนหนาให้รั้งเข้ามาหาตัวมากขึ้น แม้จะไม่เคยชินกับการนอนในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศแต่เขาก็ได้คนรักนอนกอดทุกวันจนเคยชินไปแล้ว นาฬิกาบนหัวเตียงแสดงเวลาสี่นาฬิกาของเช้าวันใหม่ เขาข่มตาพยายามให้หลับอยู่นานสองนานแต่ด้วยความเป็นห่วงชลธีทำให้เขาไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจได้ เมื่อชลธีจะไปสังสรรค์กับเพื่อนเขาก็ควรใจกว้างและให้ความเป็นส่วนตัวกับคนรักบ้าง ถึงกระนั้นก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี

   สองขาวยาวก้าวลงจากเตียง ดิ่งออกไปห้องครัว เปิดตู้เย็นดูของสดเพื่อเตรียมทำอาหารในมื้อต่อไป เขาติดนิสัยตื่นเช้ามาช่วยยายทำขนมตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว โดยเฉพาะการไปตลาดตั้งแต่เช้ามืดเป็นกิจวัตรที่มุจลินท์ชื่นชอบมาก โทรศัพท์ส่งเสียงร้องตั้งปลุกเขาจึงหยิบมาปิด ทำให้เห็นข้อความจากเพื่อนในกลุ่มส่งมามากมาย โดยเฉพาะหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มที่กำลังโวยวายใส่เขาไม่หยุด

‘ลินท์’

‘มึงๆๆๆๆ’

‘โอ้ย มันหายไปไหนเนี่ย’

กัญญาส่งข้อความมารัวเร็วพร้อมส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์หน้าตาตื่นมาเกือบสิบตัว

‘มีอะไรวะ’ เขาส่งข้อความตอบกลับไป

‘ไม่ตอบกูปีหน้าเลยวะ’ ดูจากประโยคสั้นห้วนเพื่อนเขาคงต้องอารมณ์เสียอยู่แน่ๆ ‘เบื่อคนมีความรักโว้ย’

‘กวนตีน’

‘กูจะบอกว่า กูขอยืมชีทเรียนคาบที่แล้วไปซีร็อกซ์หน่อยดิ” แก้วพิมตอบกลับมาพร้อมสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายโคนี่น้ำตาไหลพราก “ไอ้ชีต้าฉี่รด เหม็นฉิบหาย” ชีต้าคือแมวเปอร์เซียที่เพื่อนเขาเลี้ยงไว้ที่ห้อง นี่คงไปทะเลาะกับแมวมาอีกล่ะสิถึงได้มาหงุดหงิดใส่เขาขนาดนี้

‘เดี๋ยวกูเอาไปให้ วันนี้กูเข้ามอมีเรียนบ่าย’

‘เออ ช่วยโผล่หน้ามาทีเหอะ มัวแต่อยู่กับแฟนนะมึงอะ’

‘อย่าบ่นๆ เดี๋ยวกูไปให้เจอ’

‘เออๆแล้วไม่หลับไม่นอน อย่าบอกนะว่ามานั่งอ่านหนังสือ’

‘เปล่า กูนอนไม่หลับ’

‘รีบนอนรีบมาเรียนเร็วๆ มีคนตามหาตัวมึงให้ควั่ก.. นี่มึงลืมงานประกวดดาวเดือนหรือวะ’

‘เชี้ย’ เขาเผลออุทานออกมาเสียงดัง ‘อาทิตย์หน้าแล้วนี่หว่า’

‘รีบตามไปซ้อมการแสดงเลย สมงสมองไปหมดละมึงอะ’

‘เออๆเดี๋ยวกูรีบไป’

คุยกับกัญญาเสร็จเขาจึงรีบกดเลื่อนหาชื่อรุ่นพี่จากแอปพลิเคชั่นสีเขียว ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่เล่นโซเชี่ยลอะไรนัก ต่อให้มีไลน์ก็เถอะ เขาก็ไม่ได้ตอบใครสักเท่าไหร่ เลื่อนไปด้านล่างจนเจอไลน์รุ่นพี่คณะที่ทักมาเมื่อวันก่อน เขารีบกดพิมหาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งขอโทษขอโพยที่ลืมเสียสนิท มองนาฬิกาเกือบจะตีห้าแล้วเขาจึงตัดสินอาบน้ำแต่งตัวขี่จักรยานไปตลาด

ขากลับมุจลินท์ไม่ลืมที่จะแวะซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากลุงยามพร้อมปาท่องโก๋อีกสองตัว เจ้าด่างหมาจรจัดตัวน้อยที่เขาชอบให้อาหารมันตั้งแต่ตัวยังเล็กๆ จนตอนนี้ตัวมันขยายใหญ่เกือบสูงเท่าเข่าเขาอยู่แล้ว เจ้าด่างกระดิกหางใส่เขาไม่หยุด เขาจึงหยิบหมูย่างที่ซื้อมาเผื่อให้มันกินไปสองไม้

“คุณลินท์ตื่นเช้าจังเลยครับ”

“มาใส่บาตรน่ะครับ อีกอย่างตลาดตอนเช้าของถูกมากเลย” ลุงพรยิ้มให้เด็กหนุ่ม เขาทำงานเป็นยามรักษาความปลอดภัยกะดึกของที่นี่มาก็หลายปี ยังไม่เคยเห็นใครขี่จักรยานออกไปตลาดสดที่อยู่ถัดจากคอนโดไปตั้งสองซอยเลยสักครั้ง เพราะตรงข้ามคอนโดก็มีซุปเปอร์มาเก็ตเปิดตลอด24ชม.อยู่แล้ว แถมเด็กหนุ่มยังมีน้ำใจซื้อขนมมาฝากเขาทุกครั้ง เขาจึงเอ็นดูและให้เกียรติเด็กหนุ่มมากเป็นพิเศษ

“ยังไงก็ระวังหน่อยนะครับ แถวนี้รถวิ่งเร็ว ยิ่งตอนเช้าๆด้วย”

“ขอบคุณนะครับลุงพร” เด็กหนุ่มกระพุ่มมือไหว้รับคำเตือนจากผู้ใหญ่ ไม่ถือตัวเลยสักนิด “ผมฝากอาหารเม็ดไว้ให้เจ้าด่างมันหน่อยนะครับ”

“โอ๊ย คุณลินท์ไม่ต้องหรอกครับ มันกินอะไรก็ได้ ไม่ต้องถึงขนาดกินอาหารเม็ดไฮโซโก้เก๋หรอกครับ เปลืองแย่เลย” เขาเห็นเจ้าด่างกระดิกหางไปมา ก็รู้สึกเอ็นดู ลูบหัวมันแผ่วเบาจนมันเลียมือเขาไม่หยุด

“ให้มันได้กินอะไรดีๆบ้างเถอะครับลุงพร” เขาลูบหัวจนมันครางหงิงนอนหงายท้องโชว์ท้องที่แห้งจนเห็นกระดูกโผล่ “มันจะได้ตัวอ้วนๆน่ารัก จะได้มีคนมาเอาไปเลี้ยงเร็วๆ” เห็นมันครางหงิงๆวิ่งหาคนเพื่อขออาหาร โดนตีบ้างโดนเตะบ้างมันก็ยังสู้เพื่อจะมีชีวิตอยู่

แล้วจะไม่ให้เขาช่วยเหลือมันได้อย่างไร..

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับคุณลินท์เดี๋ยวลุงจะช่วยดูให้”

“ขอบคุณมากเลยนะครับลุงพร เดี๋ยวลินท์จะลองหาบ้านให้มันดู” เขานึกถึงลูกชายที่อยากเลี้ยงสุนัขคู่กับเจ้ากะทิ และเห็นว่าที่บ้านของคุณแม่ก็มีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะเลี้ยงสุนัขได้อีกสักตัว อย่างไรก็ตามเขาก็อยากลองขอคนรักเสียก่อน รถยนต์นิสสันสีขาวแล่นผ่านหน้าเขาไป เห็นปราดเดียวเขาก็จำทะเบียนได้แม่นจึงรู้ว่าคนรักมาถึงแล้ว เด็กหนุ่มโบกมือลาเจ้าด่างก่อนจะเข็นรถจักรยานเก่าๆเข้าที่จอดค่อยๆหอบหิ้วของสดที่ซื้อมาจากตลาดขึ้นไป

“ไปตลาดมาอีกแล้วหรือ” ชลธีร้องทักเมื่อเห็นเด็กหนุ่ม เขายังอยู่ในชุดเดิมเหมือนเมื่อวาน หน้าตาอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืน เด็กหนุ่มจึงเดินเข้าไปลูบแก้มแผ่วเบา ก่อนจะดุนหลังคนรักให้เข้าไปอาบน้ำ

“ครับ แครอทหมดพอดี จะทำไข่ตุ๋นแครอทให้ลูกชาย”

“พี่ก็อยากทานเหมือนกัน”

“ไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะครับ” ดุนหลังไม่ค่อยจะไหว เขาสู้แรงชลธีไม่เคยได้จริงๆ “เหม็นกลิ่นน้ำหอม.. ฉุนจมูกมากเลย”

“จริงหรือ” เขายกแขนขึ้นมาดมได้กลิ่นน้ำหอมจริงๆอย่างที่มุจลินท์บอก คิ้วหนาขมวดมุ่นนึกไม่ออกว่ากลิ่นมาได้อย่างไร พลางมองคนรักที่กำลังง่วนเข้าครัวจัดแจงแยกของใส่ตู้เย็น “จริงๆด้วยแหะ”

“นั่นไง รีบไปอาบน้ำเลย”

“จะไม่ถามพี่หน่อยหรือว่าพี่ไปไหน ทำไมกลับเอาป่านนี้” เดินเข้ามาประชิดเด็กหนุ่มที่กำลังหันหลังให้เขา เสื้อยืดสีขาวบางเฉียบแถมปลายเสื้อยังลุ่ยจนเห็นเส้นด้าย ชายหนุ่มพูดจนปากเปียกปากแฉะว่าให้เลิกใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ทั้งย้วยทั้งขาดวิ่นได้แล้วแต่คนรักก็ไม่ยอมท่าเดียว “ปล่อยให้พี่หึงลินท์อยู่คนเดียว.. ไม่หึงพี่หน่อยหรือ”


“ก็พี่ฉลามไปกับเพื่อนนี่ครับ” เด็กหนุ่มหันมายิ้มหวาน รู้สึกขำคนรักที่งอแงเหมือนเด็ก “ทำไมลินท์ต้องหึงด้วยเล่า ปล่อยลินท์เลยนะครับ”

“เมียไม่สนใจ พี่เสียใจอะ” กอดเอวเด็กหนุ่มแน่นก่อนจะซุกหน้าลงไหล่ลาดบาง กลิ่นตัวหอมที่เขาคุ้นเคยเริ่มทำให้เขาเคลิ้มหลับและอยากนอนกอดหมอนข้างประจำตัวเขาไว้ตลอดคืน

“ฮื่อ.. อย่าครับ เดี๋ยวลินท์ไปส่งลูกเสร็จจะไปเรียนต่อเลย เย็นนี้ฝากพี่ไปรับลูกด้วยนะครับ”
“ให้พี่ไปรับที่มหา’ลัยไหม?”

“ลินท์อาจจะค้างที่ห้องเพื่อนนะครับ” เขาหันไปทำแก้มป่องใส่คนรัก รู้อยู่แก่ใจว่าชลธีได้เวลามาพักผ่อนกับครอบครัวก่อนไปออกราชการสนามที่เชียงรายเขาก็อยากใช้เวลาให้มีค่าที่สุด แต่เรื่องนี้มันก็จำเป็นที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ “ลินท์ต้องเตรียมตัวไปประกวดเดือนที่มหาวิทยาลัยครับ”

“ประกวดอะไร?” นายทหารหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง จากที่จะเคลิ้มหลับเมื่อครู่กลับมาตื่นเต็มตาและพร้อมจะแยกเขี้ยวใส่หากมีใครมายุ่มย่ามกับคนของเขา “ยังไม่จบอีกหรือ”

“เอ่อ.. ยังครับ”

“พี่จะไปรับส่งลินท์เอง ไม่ต้องห่วง ไม่อย่างนั้นก็เก็บของย้ายไปอยู่บ้านคุณแม่เลย ไม่ไกลจากมหา’ลัยด้วย  พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

“เอางั้นเลยหรือครับ” เด็กหนุ่มย้ำเสียงอ่อน ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปแต่เขายังไม่คุ้นชินต่างหาก “เก็บของคงใช้เวลาอีกหลายวันเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวพี่ให้คนมาช่วยขนเอง” ชลธีว่าพลางก้มลงจูบแก้มขาว เด็กหนุ่มสะดุ้งจนแครอทที่กำลังล้างอยู่จะหล่นจากซิงค์

“ไปอาบน้ำเลยครับ” หันไปดุคนรักที่ชอบแทะโลมเขา ไม่รู้ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้ “ไม่อย่างนั้น.. งด!”

“ดุจังเลยเจ้าลูกเป็ด” ชลธีหัวเราะร่าก้มลงโฉบงับแก้มเด็กหนุ่มเร็วๆก่อนจะเผ่นแผล็วไปอีกทาง มุจลินท์กุมแก้มที่ร้อนผ่าวมองแผ่นหลังกว้างของคนรัก หลังจากเตรียมของทำอาหารแล้วเขาเดินเข้าไปปลุกลูกชายที่นอนดูดนิ้วอยู่ให้ลุกไปอาบน้ำ ต้มน้ำอุ่นให้คุณยายจิบยามเช้า ก่อนจะรีบมาเตรียมอาหารใส่กล่องให้ลูกชายไปทานที่โรงเรียน ถึงชีวิตตอนเช้าเขาจะดูวุ่นวายขนาดไหน มุจลินท์ก็รู้สึกว่ามีความสุขเหลือเกิน

Rrrr

เสียงโทรศัพท์บ้านในห้องรับแขกดังช่วงเวลาเกือบเจ็ดโมง เขาออกมาจากห้องนอนหลังจากเข้าไปดูว่าชลธีพักผ่อนเรียบร้อยแล้วจึงวิ่งออกมารับโทรศัพท์ เหลือบมองลูกชายที่กำลังตักไข่ตุ๋นเข้าปากก็อดจะยกยิ้มไม่ได้

“สวัสดีครับ”

“พี่ฉลามอยู่ไหม?” น้ำเสียงเย่อหยิ่งของผู้หญิงที่เขาไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา “เรียกเขามาคุยกับชั้นหน่อย”

“พี่ฉลามกำลังพักผ่อนอยู่ครับคงไม่สะดวกคุยตอนนี้ ถ้ายังไงฝากเรื่อง..”

“ฝากบอกเขาด้วยแล้วกันว่าขอบคุณมากที่ช่วยอยู่ดูแลชั้นทั้งคืน” เสียงหัวเราะคิกคักดังลอดออกมาจากสาย ตัวเขาชาวาบหัวใจกระตุกวูบ “พี่ฉลามคงจะเพลียมากๆเลย” มุจลินท์ไล่เลียงเหตุการณ์และคาดเดาเรื่องราวในหัวประโยคเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

อยู่ด้วยกันทั้งคืน.. นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

“ไม่ต้องตกใจหรอกนะ เพราะปกติพี่ฉลามเขาก็ดูแลชั้นมาตั้งนานแล้ว.. อ้อ แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกชายชั้นด้วย..”

“คุณคือ..?”

“ใช่ ชั้นเป็นเมียพี่ฉลามและเป็นแม่ของไทเกอร์ ส่วนแก ไอ้เด็กสลัม รีบไสหัวออกไปได้แล้ว!” เสียงหวานแผดขึ้นสูงจนเขาต้องเอาหูโทรศัพท์ออกห่าง มือที่ว่างอีกข้างคอยประคองโทรศัพท์เอาไว้ มือขาวสั่นระริกและไม่มีแรง ก้อนสะอึกจุกอยู่ที่ลำคอจนไม่อาจจะเปล่งเสียงอะไรออกมาได้ “จำเอาไว้ว่าคนอย่างแกมันก็แค่ตัวบำบัดความใคร่เท่านั้น อย่าได้สะเออะสำคัญตัวผิด.. ไม่งั้นเขาจะมาหาชั้นเพราะอะไร”

เขาถือโทรศัพท์แข็งค้างเอาไว้อย่างนั้น ไม่รู้เกศราวางไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ริมฝีปากบางสั่นน้อยๆอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ รู้สึกปวดหนึบที่อกข้างซ้ายจนร้าวไปหมด มือขาวยกขึ้นปาดน้ำตา เขาแทบจะล้มลงตั้งแต่ได้ยินประโยคนั้น ตอนนี้เด็กหนุ่มอยากจะคุยกับชลธีให้รู้เรื่อง แต่ก็กลัวว่าหากเรื่องที่หญิงสาวพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง ความฝันอันหอมหวานที่เขากำลังมีความสุขมันจะเป็นแค่เพียงภาพลวงตาตลอดไป..

เขาจะทำอย่างไรดี...



เด็กหนุ่มส่งลูกชายเข้าโรงเรียนเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย หัวใจเขายังเต้นรัวแรงมือสั่นไปหมดจนไม่ได้เดินเข้าไปบอกชลธีที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง คุณยายถามว่าเขาว่าเป็นอะไรทำไมหน้าซีด เขาส่ายหัวดิกไม่กล้าสบตาผู้บังเกิดเกล้า ขณะยืนรอรถก็ยกมือขึ้นนวดขมับที่รู้สึกเวียนหัวไปหมด คิดทบทวนประโยคที่ได้ยินมาจากหญิงสาว เขาควรจะถามชลธีให้รู้เรื่อง พูดกันตรงๆว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อีกใจก็ไม่กล้าถาม คิดวนเวียนจนกระทั่งถึงห้องเรียน คาบวิชาการให้คำปรึกษาผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วพร้อมการบ้านอีกหลายชิ้น หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้ใต้ตึกคณะ มุจลินท์นั่งลงพร้อมกับนนท์และปิงเพื่อนในกลุ่ม

“ไอ้ลินท์ เป็นอะไรวะ” นนท์ทัก เขาเห็นเพื่อนนั่งเรียนในคาบมัวแต่เหม่อลอยเหมือนคนคิดอะไรอยู่ “นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยมึง”

“กูปวดหัวนิดหน่อย”

“งั้นรีบไปหาข้าว กินยาเลย เร็วๆ ไอ้แก้วพาลูกมึงไปโรงอาหารที” ชายหนุ่มหันไปบอกกัญญาที่กำลังกดเล่นเกมโทรศัพท์อย่างเมามันส์ เจ้าตัวเงยหน้าหันมามองมุจลินท์ที่หน้าซีดจริงๆจึงยอมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า

“โอเค” กัญญาลุกขึ้นจับจูงเด็กหนุ่มที่หน้าตาซีดเซียวไปโรงอาหารตามที่ต้องการ หล่อนคาดคั้นเอาตั้งแต่ในคาบเรียนแล้วจึงรู้ว่าเพื่อนไม่ยอมกินข้าว ใบหน้าขาวยิ่งซีดหนักเข้าไปอีก แถมยังทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรตลอดเวลา หล่อนไม่ได้อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนนัก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม.. ลองเป็นเรื่องที่มุจลินท์ไม่สบายใจมันจะมีเรื่องอะไรไปได้

“แก้วส่งตรงนี้แหละ” เด็กหนุ่มพยายามประคองตัวเองให้ยืนมั่นคง “โรงอาหารคนมันเยอะ ร้อนด้วย”

“ก็ซื้อมากินตรงนี้” หลอนนั่งหย่อนก้นลงม้าหินอ่อนข้างโรงอาหาร บรรยากาศร่มรื่นมีต้นไม้ขึ้นประปรายทำให้นักศึกษาบางคนที่ไม่มีที่นั่งเลือกที่จะมาทานตรงนี้กัน

“อือ งั้นรอตรงนี้นะ” เจ้าของหน้าซีดหันมาบอกก่อนจะพาตัวเองที่เหมือนร่างไร้วิญญาณเข้าไปฝ่าสงครามในช่วงเวลาพักเที่ยง หล่อนมองจนลับตาจึงคิดอะไรเพลินๆระหว่างรอ ชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆเฉียดผ่านหน้าเธอไปอย่างหวุดหวิวพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งลง

ใครวะ..

 เมื่อครู่เธอยังเห็นเพื่อนของเธอเดินไปคงจะไม่เสร็จเร็วขนาดนี้แน่ พอเงยหน้าขึ้นเธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร ชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษา เชิ้ตสีขาวแขนสั้นที่ปลดกระดุมลงสองเม็ดและกางเกงยีนส์ขาดวิ่นที่เหมือนไปฟัดกับหมาที่ไหนมา เดือนคณะรัฐศาสตร์...

“นี่นายตรงนี้มีคนนั่งแล้ว”

“รู้” เขาตอบโดยไม่มองหน้า “ชั้นมารอเจอเพื่อนเธอ” พูดได้แค่นั้นก็ตั้งอกตั้งใจกินอาหารตรงหน้าไม่สนใจเธอสักนิด ถึงจะอยู่คนละคณะกันก็จริงแต่เธอก็เจอเจ้าเดือนคณะรัฐศาสตร์คนนี้บ่อยเพราะตึกคณะที่เชื่อมติดกันทำให้ต้องเดินผ่านหน้าห้องเรียนกันอยู่เสมอ จะว่าไปหมอนี่ก็เหมาะจะเป็นอิมเมจพระรองนิยายเธอเหมือนกันนะ

“มองอะไร” เธอชะงัก เหมือนคนทำผิดที่ถูกจำได้เลยกระแอมไอแก้เก้อ กะอีแค่มองจะอะไรนักหนายะ “มองกันขนาดนี้ อุ้มกลับบ้านเลยมั้ย”

“ใครมันจะไปอุ้มนาย ประสาท” พูดแล้วก็หันหน้าหนี ในใจนับหนึ่งถึงร้อยรอให้มุจลินท์มาถึงเร็วๆเพราะหล่อนไม่เคยต่อปากต่อคำหมอนี่ชนะเลยสักครั้ง

“อ้าว เกี๊ยม” มุจลินท์เดินมาหน้าตาเหรอหราเมื่อเห็นใครบางคนนั่งโต๊ะเดียวกับเพื่อนเขา “ไม่เจอกันตั้งนานเลย”

“ก็ใครมันหายหัวไปล่ะ ไอ้เปี๊ยก”

“ห้ามเรียกเปี๊ยกนะ”

“ไอ้เตี้ย” 

“เออ” เด็กหนุ่มขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับมนุษย์ผู้มีสกิลกวนบาทาคนทั่วราชอาณาจักรอย่างหมอนี่เหมือนกัน จึงลงมือทานข้าวผัดที่ตัวเองซื้อมา

“ไม่สบายหรือ” กรวิชญ์มองหน้าเด็กหนุ่ม “หน้าซีดๆ”

“ใช่ ลินท์มันไม่สบาย”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวทานยาก็หายแล้ว” เขาโบกมือเป็นพัลวันเห็นคนอื่นเป็นห่วงก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ข้างในยังรู้สึกปวดหนึบจนแทบหายใจไม่ออกเหมือนเคย “ขอบใจที่เป็นห่วงนะ”

“กูกลัวจะไม่มีคนเต้นคู่กับกูต่างหาก”

“หา” เด็กหนุ่มอ้าปากหวอพร้อมกับช้อนและส้อมที่ร่วงลงกระทบจานดังเคร้ง เขารู้จากรุ่นพี่ว่าจะต้องมีการแสดงร่วมกับคณะต่างๆแต่ไม่ได้บอกว่าเขาจะเต้นคู่กับเดือนคณะรัฐศาสตร์สักหน่อย “เต้นคู่กับมึงเนี่ยนะ?”

“จริงๆ กูไม่ได้โกหก เย็นนี้เจอกันที่หอประชุมเหมือนเดิม” กรวิชญ์ลุกขึ้นก่อนจะขยี้กลุ่มผมของลูกเป็ดจนยุ่งเหยิงไปหมด เขาจะอ้าปากด่าแต่ก็ไม่ทัน เจ้าคนกวนประสาทเดินหายไปทางโรงอาหารซะแล้ว

“ไปสนิทกันตอนไหนวะ มึงกับไอ้เดือนนั่น”

“รู้จักกันตอนไปค่ายนั่นแหละ ไม่มีอะไร”

“อ้อ แล้วไป.. เห็นมันมาชอบวอแวมึง หรือว่ามันจะชอบมึงวะ” เขาแทบจะสำลักเม็ดข้าวออกมาใส่หน้าเพื่อน พูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ

“มันมีแฟนอยู่แล้ว”

“จริงดิ”

“แต่เหมือนทะเลาะกันอยู่มั้ง” เขาจำกรอบรูปไม้ข้างหัวเตียงนั่นได้แม่น คนที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์อย่างกรวิชญ์น่ะหรือจะเอารูปคู่มาตั้งถ้าไม่ใช่รูปคนสำคัญ “กูไม่ได้ถามซะด้วยสิ”

“เซ็งเลย”

“เลิกจับกูไปจิ้นกับคนโน้นคนนี้ได้แล้วไอ้แก้ว”

“กลัวตัวจริงมึงจะโกรธหรือยังไงจ้ะ” พอกัญญาสะกิดแผลทันใดนั้น มุจลินท์สะดุดกึกขอบตาก็เริ่มร้อนผ่าว หยดน้ำอุ่นทำท่าจะไหลจนเขาต้องกลั้นก้อนสะอึกลงคอ “ลินท์ มึงเป็นอะไรวะ”

ทุกประโยคที่เกศราเน้นย้ำทิ่มแทงลงไปในส่วนลึกของเขาไม่หยุด เป็นความจริงที่เขาเป็นแค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า เติบโตมาในสลัม ไม่ได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่น ต้องช่วยคุณยายขายของหาเงินไว้ใช้ไปโรงเรียน ตกเย็นต้องเอาพวงมาลัยที่ร้อยไปเร่ขายตามถนน เงินจะเอาไว้ซื้อขนมหรือของเล่นสักชิ้นยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ มีชีวิตเติบโตมาอย่างขาดๆเกินๆ แล้วจะมีอะไรไปเทียบเคียงกับอดีตภรรยาของคนรักที่พรั่งพร้อมทุกอย่างและยังเป็นแม่บังเกิดเกล้าของไทเกอร์ลูกชายที่เขารักมากที่สุด คำที่ว่าเขาเป็นได้แค่นายบำเรอสะท้อนก้องในหัว นึกถึงสิ่งที่ทุกคนเคยปรามาสแม่เขาเอาไว้

“แม่มึงคงไปขายตัวที่พัทยาสบายไปแล้วน่ะซี”

“แม่อย่างมึงเรียนจบแค่นั้นคงเป็นได้แค่ผู้หญิงกลางคืนนั่นแหละ”

“นี่มึงยังคาดหวังให้แม่มารับมึงไปอยู่ด้วยอีกหรือ มาพามึงไปหาเงินสินะ หน้าตาดีอย่างมึงคงหาแขกได้ไม่ยากหรอกมีเงินก็ลืมข้านะว้อย ไอ้ลินท์”


เขาไม่ชอบให้ใครมาว่าแม่อย่างนั้น แม้จะพยายามปฏิเสธอย่างไรก็ไม่มีใครฟัง เขาต้องทนฟังเสียงล้อเลียนแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก คำพูดของคนมันทำให้เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งเกิดบาดแผลในใจจนสะสมนานวันเข้ากลายเป็นแผลใหญ่โต และวันนี้แผลนั้นมันเปิดอีกครั้ง แม่เขาไม่ใช่อย่างที่ใครพูด เขาอยากตะโกนออกไปอย่างนั้น เขาไม่ใช่อย่างที่เกศราเอ่ยสักนิด เขาและชลธี เรารักกัน 

รักคืออะไร.. รักคือการที่คนสองคนแชร์ชีวิตและดูแลกันและกันใช่หรือไม่ มีได้เพียงแค่คนสองคนเท่านั้น และเขาก็เป็นคนที่มาทีหลัง.. หากชลธีเห็นเขาเป็นคนรักจริง ทำไมยังกลับไปหาภรรยาเก่าที่เลิกรากันไปแล้ว จนเขาต้องมาทวงคืน เป็นเขาเองที่เข้ามาทำให้ครอบครัวของคนอื่นร้าวฉานหรือเปล่า แบบนั้นเขาไม่ชอบเลย เขาอยากให้ชลธีพูดกับเขาตรงๆมากกว่าจะให้เกศรามาพูดกับเขาแบบนี้

(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 25-11-2017 22:11:04
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


กัญญาเอื้อมไปแตะไหล่ที่สั่นเทิ้มของเพื่อน เสียงสะอึกสะอื้นแผ่วเบาที่หล่อนได้ยินทำเอาใจกระตุบวูบ เธอรู้มาตลอดว่าเพื่อนเป็นคนที่เข้มแข็งแค่ไหน ทัศนคติที่มองโลกในแง่ดีและให้กำลังใจตนเองทำให้เธออดจะชื่นชมมุจลินท์ไม่ได้ เธอไม่ได้ครึ่งนึงของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยซ้ำ นิ้วมือขาวแต่หยาบกร้าน ทำให้รู้ได้ทันทีว่ามุจลินท์ผ่านอะไรมามากเหลือเกิน เธอสวมกอดลูกเป็ดที่พยายามกลั้นเสียงร้อง

“ชู่ว ไม่เอาไม่ร้อง”

“ฮึก..แก้ว กูไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”

“กูไม่ชอบเห็นมึงร้องไห้เลย” หล่อนลูบหัวเจ้าเด็กขี้แย นับวันเพื่อนคนนี้ยิ่งเหมือนลูกเธอไปทุกที

“ฮึก.. แฟนเก่าพี่ฉลามเขาบอกให้คืนของของเขากลับไป..” เสียงสะอึกสะอื้นทำเอากัญญาใจไม่ดีรีบหาทิชชู่มาช่วยเช็ดหยดน้ำตา

“หา เมียเก่าเขามาทวงคืนเลยหรือวะ กูนึกว่าจะมีแต่ละครหลังข่าว” กัญญาลองแตะผิวขาวของคนตรงหน้า เธอก็ต้องตกใจเมื่ออุณหภูมิร่างกายขึ้นสูงจนร้อนจี๋  “โอ๊ย แล้วทำไมตัวมึงร้อนแบบนี้เนี่ย” หล่อนจับใบหน้าลูกเป็ดพลิกไปมา “มากินยาเลย เดี๋ยวกูพาไปนอนพัก” หล่อนหยิบยาจากกระเป๋า เทน้ำเปล่าใส่แก้วพลาสติกแล้วยื่นให้เพื่อน เด็กหนุ่มรับมาไว้ในมือก่อนจะกระดกเข้าปาก อาการเครียดส่งผลให้เขาปวดหัวจนไข้ขึ้น ดวงตากลมโตแดงก่ำเมื่อยล้าจนอยากจะปิดตา กัญญารีบพยุงเพื่อนขึ้นยืนแต่ตัวที่ใหญ่กว่าทำให้เธอประคองได้ไม่ถนัดนัก

เธอโทรให้เพื่อนสองคนมารับมุจลินท์ไปนอนที่หอพักก่อน หอชายที่มหาวิทยาลัยผู้หญิงขึ้นไม่ได้เสียด้วย ก่อนที่เธอจะส่งมุจลินท์ขึ้นหอพัก เธอแอบเอาโทรศัพท์เพื่อนมาไล่หาเบอร์ชลธี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาควรจะรับรู้ว่าทำให้เพื่อนหล่อนเครียดจนไม่สบายขนาดนี้

“ใช่พี่ฉลามหรือเปล่าคะ.. หนูชื่อแก้วนะคะ เป็นเพื่อนลินท์”

“ลินท์.. ลินท์ทำไมหรือ”

“จู่ๆลินท์ก็ไม่สบายค่ะ ไข้ขึ้นตัวร้อน แก้วเลยให้นอนพักอยู่ที่หอของนนท์” กัญญามองซ้ายขวา หาที่หลบเพื่อคุยกับนายทหารหนุ่ม “ลินท์ดูเครียดตั้งแต่เช้าแล้ว เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ พี่ทะเลาะอะไรกับลินท์หรือเปล่าคะ”

“ไม่มีนะ” ชายหนุ่มครุ่นคิดก่อนที่เขาจะเข้าห้องไปพักผ่อน ยังหยอกล้อกับมุจลินท์อยู่เลย ก็ไม่เห็นคนรักจะโกรธเคืองอะไร “เดี๋ยวพี่จะไปรับลินท์เดี๋ยวนี้”

“พี่ฉลามแน่ใจนะคะ” หล่อนคันปากอยากจะบริภาษแฟนของเพื่อนเสียเหลือเกิน แต่ก็ปล่อยให้เพื่อนของเธอเป็นคนจัดการเองดีกว่า เรื่องนี้เธอเป็นคนนอก เธอก็จะคอยเฝ้าดูและจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนเธอแน่ “เดี๋ยวแก้วจะรออยู่ที่หน้าหอพักชาย แล้วเจอกันค่ะ”

เขาลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า ในใจอดจะกังวลกับอาการป่วยของคนรักไม่ได้ มุจลินท์ไม่เคยป่วยกระทั่งล้มหมอนนอนเสื่อมาก่อน หรือว่าจะทำงานบ้านหนักเกินไป ยังไม่ทันที่เขาจะออกจากคอนโด เสียงโทรศัพท์ก็แผดขึ้นมาอีกรอบ มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเกศราที่โทรมาหาเขาแต่เช้า เขาเลือกที่ไม่สนใจอยู่หลายครั้ง จึงรับเพื่อตัดความรำคาญ

“มีอะไร” เขากรอกเสียงลงไปอย่างเหนื่อยหน่าย เกศราทำทุกวิถีทางให้เขากลับไป ทำไมเขาจะไม่รู้ โดยเฉพาะเมื่อคืนเกศราแกล้งป่วยให้เขาช่วยดูแล เขาจึงส่งเธอเข้าโรงพยาบาลทันทีและไม่ยอมไปส่งที่บ้านเด็ดขาด โชคดีที่เขาได้คเชนทร์มาช่วยจึงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เขายอมเฝ้าเธอนอนให้น้ำเกลือทั้งคืนจึงกลับบ้านเกือบเช้า คเชนทร์บ่นอุบว่าเขายอมเกศรามากไปอีกแล้ว เขาสัญญากับตัวเองว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย

“พี่พูดกับเกศห้วนๆอย่างนี้ได้ไง” เสียงหวานแหลมหวีดขึ้นจนชลธีต้องยกโทรศัพท์ออกจากหู “เกศเป็นเมียพี่นะ”

“แค่เคยเท่านั้นเกศ เกศก็รู้ว่าตอนนี้พี่มีคนที่ต้องดูแลแล้ว หรือว่า.. ที่เกศทำเป็นเข้าใจพี่ ก็เพื่อจะได้อยู่ก่อกวนพี่ไปนานๆ?”

“พี่ฉลาม!” เสียงกระเง้ากระงอดของหญิงสาวที่เขาเคยหลงกลมันใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว “เกศไม่เคยก่อกวนนะคะ”

“พี่ขอตัวนะครับ” เขาหมดอารมณ์จะคุยเต็มที

“เดี๋ยวก่อน! พี่ฉลาม..” กดตัดสายก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือลงบนที่นอน ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเป็นชุดลำลองธรรมดา ก่อนออกไปเขาบอกคุณยายว่าเขาจะไปรับมุจลินท์และไทเกอร์อาจจะกลับมาค่ำเสียหน่อย ช่วงกลางวันคุณยายจะนอนพักผ่อนเขาจึงแจ้งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดและทำกับข้าวอ่อนๆให้คุณยายทาน รถมักติดในช่วงเวลาเลิกเรียนกว่าเขาจะวนเข้าไปรับลูกชายได้ใช้เวลาเกือบชั่วโมงครึ่ง เด็กชายสะพายกระเป๋าเป้การ์ตูนวิ่งทั่กๆเข้ามาหาพร้อมทั้งมองซ้ายมองขวา

“ป๊า” กระตุกปลายเสื้อคุณพ่อเบาๆ “แม่ลินท์ล่ะ” ในมือเด็กชายมีกระดาษที่ระบายสีเสร็จแล้วอยู่หนึ่งใบ ไทเกอร์ค่อยๆบรรจงเปิดกระเป๋าเป้และใส่กระดาษเข้าแฟ้ม

“เดี๋ยวเราจะไปรับคุณแม่กันนะครับ” ไทเกอร์พยักหน้าดีใจ เขายกลูกชายขึ้นอุ้ม เจ้าตัวกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก “หิวข้าวแล้วหรือยังครับ?”

“หิวแย้วววววว ป๊าๆๆรีบไปหาแม่” ลูกชายดิ้นคลุกคลักจนเขาต้องรีบหย่อนเข้ารถ ชลธีขับรถไม่เร็วเหมือนทุกครั้งตามที่คนรักเคยร้องขอเอาไว้ โดยเฉพาะยิ่งมีลูกชายนั่งมาด้วยกันแล้ว เขาจะต้องยิ่งระมัดระวังมากขึ้น กว่าชลธีจะถึงมหาวิทยาลัยก็เกือบหกโมงเย็น เขาจอดรถที่หน้าหอพัก เจอกัญญาที่กำลังนั่งรออยู่จึงเดินเข้าไปหา

“สวัสดีคุณน้าสิครับ”

“ซาหวาดดีคร้าบ” เด็กชายยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย “หนูชื่อไทเกอร์ ลูกแม่ลินท์ กับพ่อหลามฮะ”

“อุ๊ย” กัญญาตาโตมองเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักที่กำลังกระพุ่มมือไม้หล่อน ผมหยักศกสีดำเข้ม ดวงตากลมโตเป็นประกาย ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารัก ไม่ว่าดูอย่างไรก็... โตขึ้นจะต้องหล่อถอดแบบคุณพ่อมาอย่างแน่นอน “น้าแก้วนะจ้ะ เป็นเพื่อนแม่ลินท์” เรียกเพื่อนเขาว่าแม่อย่างนี้น่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย

“อายุเท่าไหร่แล้วจ้ะ”

“ฉี่ขวบ” เด็กชายพูดพร้อมกับชูนิ้วสี่นิ้วให้กัญญาดู ยิ้มแฉ่งโชว์ฟันหน้าที่หายไปสามซี่ น่ารักน่าเอ็นดูจนเธออยากจะจับมาฟัดเสียจริงๆ

“เดี๋ยวแก้วโทรตามนนท์ให้พาลินท์ลงมานะคะ เห็นว่าไข้ลดแล้วแต่ยังสะลึมสะลืออยู่”

“ครับ เดี๋ยวพี่รอตรงนี้นะ” เขาตอบ ตอนนี้ชลธีอยากเจอเด็กหนุ่มเร็วๆแล้ว ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นเขาจะได้พาไปหาหมอ แต่นิสัยประหยัดของคนรักจะยอมไปหาหมอกับเขาหรือไม่นี่สิ

“อะไรนะ ไอ้ลินท์ไม่ยอมลงมา” เธอขึ้นเสียงสูง เห็นเค้าลางของความยุ่งยากที่กำลังจะตามมา “มึงบังคับมันเป็นไหมล่ะ ยังไงก็เอามันลงมาให้ได้” เสียงโวยวายนนท์ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์พร้อมกับเสียงของตัวปัญหา หล่อนใช้ความคิดตัดสินใจก่อนจะหันไปมองคนรักของเพื่อนที่กำลังเฝ้ารออย่างเป็นห่วง

“มันป่วยจริงหรือเปล่าวะ แรงเยอะฉิบหาย”

“มึงไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวลงมาข้างล่าง กูได้คนไปอุ้มมันละ” หล่อนกรีดยิ้มเจ้าเล่ห์ หันไปทางชลธี “รบกวนพี่ฉลามขึ้นไปรับลินท์หน่อยนะคะ” กัญญายิ้มหวานและอาสาจะดูแลไทเกอร์ให้ เธอจึงส่งชลธีเข้าไปในหอพักพร้อมกับนนท์ สภาพหอพักเป็นตึกสูงเกือบสิบชั้นเก่าแก่สีที่ทาตามตัวอาหารหลุดลอกไปตามกาลเวลา นักศึกษาส่วนใหญ่จะอยู่หอพักในเพราะราคาถูกและสะดวกในการมาเรียนมากกว่า ชลธีขึ้นลิฟต์ไปชั้นเจ็ด ห้องพักด้านในเป็นห้องแฝดมีห้องรับแขกขนาดไม่กว้างมาก นนท์เปิดประตูก่อนจะหันมามองเขา

“ลินท์อยู่ข้างในครับ” เขาเดินเข้าไปในห้องที่ไม่ได้เปิดไฟ ผ้าม่านเปิดอยู่ครึ่งหนึ่งทำให้ในห้องพอจะมีแสงสว่างอยู่บ้าง เขาเจอก้อนกลมๆที่กำลังคลุมโปงอยู่ที่เตียง ทันทีที่เอื้อมมือไปแตะก็โดนเสียงตวาดขึ้นมาดังลั่น

“ไม่ต้องมายุ่ง กูไม่กลับ” เสียงครางเครือไม่ได้ศัพท์ดังออกมาอู้อี้จนเขาต้องเงี่ยหูฟัง “บอกไอ้แก้วด้วยว่ากูจะนอนค้างกับมึง” นนท์ยืนหน้าซีดเผือดก่อนจะเผ่นแผล็วออกมาให้คู่รักเคลียร์กันเอาเอง ชลธีขมวดคิ้วมุ่นไม่รู้เจ้าลูกเป็ดโมโหอะไรเขาถึงขนาดไม่ยอมกลับบ้าน เขานั่งลงก่อนจะค่อยๆแตะไปส่วนร่างกายที่โผล่พ้นมาจากผ้าห่ม

ตัวยังรุมๆ ยังร้อนอยู่เลย   

เห็นอาการคนรักเป็นอย่างนี้ ความเป็นห่วงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นสูง เขาค่อยๆแงะผ้าห่มออกจากคนที่กำลังนอนทับ อยากจะอุ้มลงไปทั้งอย่างนี้แต่เจ้าลูกเป็ดคงจะไม่ยอมแน่

“ลินท์ครับ” เขากระซิบข้างหูคนที่นอนไม่สนใจ เจ้าตัวขยับเล็กน้อยเหมือนยังได้ยินไม่ค่อยชัด “พี่มารับลินท์แล้วนะ” จบประโยคก้อนกลมๆที่กำลังม้วนตัวอยู่ก็ดีดผึงขึ้นมา วงหน้าขาวซีดแต่ช่วงแก้มแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำปรือและไออุ่นร้อนจนเขาสัมผัสได้

“พี่มาได้ยังไง”

“พี่มารับเรากลับบ้าน”

“ลินท์ไม่กลับ”

“ทำไมไม่กลับ” เขาเริ่มขมวดคิ้ว เวลาคนรักไม่สบายพยศยิ่งกว่าเวลาปกติถึงสามเท่าจริงๆ “ถ้าลินท์ไม่กลับพี่จะอุ้มเราลงไปทั้งอย่างนี้เนี่ยแหละ” ตั้งท่าจะอุ้ม เจ้าตัวส่ายหน้าพรืดรีบพลิกตัวไปอีกด้านของเตียง

“โอ๊ย” กุมหัวแล้วร้องออกมาจนเขาต้องรีบพุ่งตัวเข้าไปหา “ลินท์ปวดหัว”

“ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ยังจะดื้ออีกนะ”

“ฮึก.. ใช่ลินท์ดื้อ ดื้อมากด้วย” สองแขนผลักเขาอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ไม่ได้สะกิดตัวเขาเลยสักนิด “ดื้อก็ไม่ต้องมารัก ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปเลยนะ”

“ไปกันใหญ่แล้ว เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย ไหนบอกพี่สิ.. ลินท์เป็นอะไร”

“ฮึก.. พี่หลอกลินท์ พี่มีคุณเกศอยู่แล้ว พี่จะกลับไปหาเขาแล้วพี่จะมาคบกับลินท์ทำไม” ดวงตาแดงก่ำจ้องมองเขาอย่างเจ็บปวด เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

“อะไรนะ” ชลธีนึกว่าเขาหูฝาด เห็นลูกเป็ดงอแงร้องไห้นึกว่าเป็นเพราะพิษไข้เพียงอย่างเดียว “ลินท์เอามาจากไหน มันไม่เป็นเรื่องจริงเลย พี่มีลินท์คนเดียวนะครับ” รวบลูกเป็ดเข้ามากอดใช้นิ้วมือหนาเกลี่ยหยดน้ำตา

“ก็.. ฮึก คุณเกศโทรมาหาพี่แต่เช้า เขาบอกลินท์ว่าพี่ไปอยู่กับเขาทั้งคืน” ชลธีโกรธจนขบกรามแน่น ก้มลงจูบหน้าผากเนียนที่ร้อนผ่าว ชายหนุ่มไม่คิดว่าเกศราจะเล่นไม้นี้เข้าทางมุจลินท์ให้เข้าใจผิดเขา ให้ทะเลาะกันเองแล้วคิดว่าเขาจะเลิกกับลูกเป็ดแล้วกลับไปหางั้นหรือ

ไม่มีทาง!

จากความรู้สึกเฉยชากลับกลายเป็นไม่พอใจจนใกล้เข้าสู่รังเกียจมากขึ้นทุกที เขากระซิบข้างหูเด็กหนุ่มที่กำลังจมอกเขาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงแผ่ว “ใช่ เขาอยากให้พี่กลับไป”

“ฮึก.. ฮือ.. พี่ฉลามใจร้าย” ได้ยินอย่างนั้นเสียงร้องก็ยิ่งดังมากขึ้น “พี่ทำให้ลินท์รักแล้ว พี่จะทิ้งลินท์หรือ ไอ้คนใจร้าย ลินท์เป็นของพี่แล้วนะ ฮือ.. ฮึก” เห็นเด็กหนุ่มต่อว่าเขาด้วยริมฝีปากแดงก่ำ ดวงตากลมโตที่เคยสุกใสบัดนี้บวมช้ำ เนื้อตัวร้อนผ่าวแทบไม่มีแรงแต่ก็ยังยกมือมาทุบเขาได้ตั้งหลายที เขารวบตัวมากอดแน่น ยิ่งเห็นน้ำตาคนรักเขาก็ยิ่งรับรู้ว่ามุจลินท์รักเขามากขนาดไหน

“ใช่ ลินท์เป็นของพี่แล้ว ของพี่คนเดียวด้วย”

“ฮึก...”

“แล้วพี่ล่ะ ไม่ได้เป็นของลินท์หรอกหรือ” เขาย้อนถามเด็กหนุ่ม

“เป็นสิ..”

“เป็นแล้วทำไม ลินท์ถึงไม่แสดงความเป็นเจ้าของพี่ให้มากกว่านี้ บอกเขาไปสิว่าพี่ก็เป็นของลินท์” เด็กหนุ่มช้อนดวงตาแดงก่ำมองคนรัก “หรือว่าลินท์ไม่กล้าบอกใครๆว่าลินท์เป็นแฟนพี่”

“มะไม่ใช่”

“รังเกียจที่เป็นแฟนพี่หรือ”

“ปะเปล่านะ” มุจลินท์ตอบเสียงสั่น พยายามสูดน้ำมูกกลับเข้าไป “ลินท์ไม่เคยรังเกียจพี่เลย.. ลินท์รักพี่” ได้ยินอย่างนั้นเขาก็กดจูบลงแก้มอุ่น ใช้นิ้วทัดผมสีน้ำตาลอ่อนเข้าข้างหู

“พี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้น นอกจากลินท์จะไม่ต้องการพี่ ไล่พี่ให้ไปหาคนอื่น”

“ไม่เอา...” มุจลินท์ตอบเสียงเบาหวิวรีบโผเข้ากอดคนรัก

“ว่าไง อยากให้พี่ไปไหม”

“ไม่อยาก”

“ไม่อยากแล้วต้องทำยังไง” นิ้วมือเกลี่ยไปที่ริมฝีปากแดงก่ำนุ่มนิ่มจนอยากจะฝังจูบลงไป “หื้ม.. ทำยังไง”

“ก็.. ก็ รักพี่มากๆ”

“อะไรอีก”

“ไม่ดื้อกับพี่ เป็นเด็กดี.. เป็นแฟนที่ดี แล้วก็ เอ่อ แสดงความเป็นเจ้าของพี่บ้าง”

“แสดงยังไง”

“บอกคนอื่นๆว่าเราเป็นแฟนกัน”

“แค่แฟนเองหรือ?”

“เป็น.. เป็นครอบครัว”

“เป็นแม่ของลูกชายพี่ด้วย”

“ฮื่อ.. จริงด้วย”

“แล้วต้องบอกใครบ้าง”

“เอ่อ..”

“แล้วคนที่โทรมาบอกลินท์ว่าพี่จะกลับไปหาเขาเนี่ย ลินท์บอกเขาไหมว่าลินท์เป็นอะไรกับพี่”

“ไม่ได้บอก..”

“ไม่บอกเขาก็ไม่รู้น่ะสิ” ชลธีสบดวงตาคนรัก “แล้วลินท์คิดว่าถ้าพี่จะกลับไปหาเขา พี่จะพาลินท์เข้าบ้านไปไหว้คุณพ่อคุณแม่ทำไม”

“ก็.. ก็”

“ลินท์หวงพี่ให้มากกว่านี้ได้ไหม ทำไมชอบคิดว่าตัวเองไม่มีค่าอยู่เรื่อย”

“ไม่รู้ ลินท์ไม่มั่นใจในตัวเองเลย”

“งั้นคราวนี้ลินท์ต้องมั่นใจในตัวเองแล้ว เพราะอะไรรู้ไหม” เขาวางมือลงบนอกข้างซ้ายของคนรัก รู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจดวงน้อยๆที่อยู่ข้างใน “ลินท์มีหัวใจที่สวยงาม ลินท์ของพี่มองโลกในแง่ดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร แต่ว่า.. บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรขาวบริสุทธิ์ไปทั้งหมด ลินท์ต้องปรับตัวเองให้เป็นสีเทา”

“สีเทา?”

“หัดเห็นแก่ตัวเสียบ้าง พี่เป็นของลินท์ ลินท์ก็ต้องเห็นแก่ตัวไม่ให้ใครมายุ่งกับพี่สิครับ”

“จะดีหรือ”

“ดีไม่ดีไม่รู้แหละ จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับพี่ ไม่ชอบไม่ใช่หรือ”

“ไม่ชอบ ไม่ชอบมากๆ” เจ้าลูกเป็ดน้ำตาคลอเบ้าอีกแล้ว ดูท่าเขาจะไปกระตุ้นต่อมขี้หึงของคนรักให้เกิดขึ้น ก็ดีเหมือนกัน “แล้วพี่ไปอยู่ทำไมกับเขาทั้งคืน” มุจลินท์หันมาจ้องเขาเขม็ง กำแขนเสื้อเขาจะยับไปหมด

“เขาบอกพี่ ว่าเขาไม่สบายให้ไปส่งที่ห้อง” มุจลินท์เบิกตาโพลง ในหัวคงคิดไปไหนถึงไหน เขาเอามือแตะริมฝีปากเด็กหนุ่มส่ายหัวเบาๆ “พี่พาเขาไปหาที่รพ.ไอ้ช้าง มันเลยให้เกศแอดมิท นอนแบ๊บให้น้ำเกลือทั้งคืน พี่ก็เลยไปนั่งเฝ้ากลัวเขาจะทำอะไรเรียกร้องความสนใจจากพี่อีก”

“จริงหรือ”

“ไม่เชื่อโทรไปถามไอ้ช้างหรือจะไปโรงพยาบาลก็ได้นะ พยานพี่มีเยอะแยะ”

“ฮื่อ” ลองพูดมาขนาดนี้แล้วเขาจะไม่เชื่อได้อย่างไร พิงหัวเข้ากับอกกว้างของชลธี “ลินท์ขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไรหรือครับ”

“ลินท์งี่เง่า”

“ต่อให้จะงี่เง่า ขี้งอน ขี้หึง พี่ก็ยังรักลินท์เหมือนเดิม ลินท์อาจจะคิดว่าตัวเองไม่มีค่าในสายตาใครๆ แต่ลินท์มีค่ามากที่สุดสำหรับพี่ สำหรับไทเกอร์ ไหนจะคุณยายอีก เห็นไหมมีอีกตั้งหลายคนที่เขารักลินท์”

“ฮึก..”

“ไม่ว่าจะลินท์จะเป็นใครมาจากไหน.. ไม่สำคัญ” เขาช้อนต้นคอเด็กหนุ่มที่ยังร้อนระอุให้แหงนขึ้น ก่อนจะบรรจงแตะริมฝีปากลงไปบางเบา “วันนี้เรารักกัน.. มันก็เพียงพอแล้ว”

“ฮื่อ.. เดี๋ยวติดไข้” มุจลินท์ไม่รู้เลยว่าใบหน้าที่กำลังร้อนผ่าวนั้นมาจากฤทธิ์ไข้หรืออาการเขินจากคนตรงหน้ากันแน่ หัวใจดวงน้อยกลับมาชื่นฉ่ำอีกครั้ง หมอกควันแห่งความไม่เข้าใจสลายออกไปอย่างรวดเร็วหากเราพูดคุยกัน คงจะจริงอย่างที่ชลธีบอก หากคู่ชีวิตที่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตด้วยกันปิดกั้นกันไปเสียทุกเรื่องไม่เคยพูดคุยความรู้สึกกันเลย สักวันก็คงจะต้องแยกทางกันไปด้วยความไม่เข้าใจ

“ไม่ติดหรอก เพราะพี่แข็งแรง” ชลธีกระซิบข้างหูคนรัก “ทั้งแข็งแล้วก็มีแรง”

“โอ้ย ไปไกลๆเลย!” เด็กหนุ่มผลักคนตรงหน้าให้ออกห่างแต่ยิ่งผลักก็เหมือนแรงกอดจะยิ่งแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เขามีแฟนเป็นคนหื่นกามขนาดนี้เลยหรือ

“รอลินท์หายก่อน พี่จะคิดทบต้นทบดอกเลย”

“ฮื่อ ไม่เอา”

เสียงหยอกล้อของคู่รักดังออกมาให้ได้ยินเป็นระลอก คนรอหน้าห้องยืนชะเง้อคอยว่าเมื่อไหร่จะปรับความเข้าใจกันแล้วรีบพาออกมาเสียที นนท์เดินไปเดินมาวนอยู่หน้าห้องเหมือนหนูติดจั่น ใจอยากจะเคาะก็กลัวจะเสียมารยาท แต่ตอนนี้เขาไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ

“ออกมาจู๋จี๋กันข้างนอกได้ไหม ผมปวดขี้!”




TBC
เรื่องนี้ฟีลกู้ดนะคะ เพราะฉะนั้นดราม่าจะไม่นาน
และพระเอกเราก็ไม่โง่ด้วย 555555
เอาเป็นว่าสถานการณ์สงบสุข ทุกคนได้โปรดวางเปลือกทุเรียนในมือลงด้วย
ไรท์กลัวแล้ว555555555
ตอนหน้าเราจะพาดูเขาจู๋จี๋กันค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-11-2017 22:27:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-11-2017 22:39:49
 o13
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-11-2017 22:48:52
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 25-11-2017 23:59:57
 :hao7: พี่ฉลามอยากให้เมียหวง อิอิ กลัวเมียไม่รักหราาา
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 26-11-2017 05:47:37
อย่าไปยอมนะลินท์
พี่ฉลามอย่าใจอ่อนอีกนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-11-2017 11:15:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 26-11-2017 11:47:15
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-11-2017 14:48:49
เพิ่งมาอ่าน หลงน้องลินท์
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 27-11-2017 16:49:49
ชอบๆชอบตรงพระเอกไม่โง่นี่แหละ..นางเอกก็งอนแต่พอดี..จิกไว้ลูกสะมีหนูก็ต้องเป็นของหนูสิ..
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๕] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 01-12-2017 23:08:26
ตอนที่ ๑๕

เด็กหนุ่มรู้สึกตัวเบาหวิวเหมือนลอยได้อยู่กลางอากาศราวกับมีปีกงอกสยายขึ้นมากลางหลัง เขาโผบินท่ามกลางแสงตะวันยามเย็นที่อาบไล้ไปทั่วผิวกาย จู่ๆเมฆดำทะมึนก็ปรากฏขึ้นห้อมล้อมตัวเขาแน่นจนหายใจแทบไม่ออก สองมือและสองขาพยายามตะเกียกตะกายออกจากหมอกสีดำนั่นแต่ทำอย่างไรก็ไม่หลุด

“ลินท์..” เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้เขาสะดุ้งตื่น ดวงตากลมโตกระพริบตาปริบๆมองไปรอบห้อง หน้าต่างบานใหญ่มีแสงแดดลอดเข้ามาจนเขาเริ่มแสบตา ด้านข้างคือชลธีที่กำลังนอนกอดเขาแน่น แน่นเสียจนเขากระดิกตัวไม่ได้เลยสักนิด เจ้าตัวใช้สายตาแปลกๆจ้องมอง จนเขาต้องยกผ้านวมขึ้นมาปิดจนถึงต้นคอ “ฝันร้ายหรือ”

“ก็พี่กอดลินท์ซะแน่น นึกว่าจะหายใจไม่ออกแล้ว” เจ้าตัวบ่นอุบพลางใช้สายตาค้อนไปที่ชายหนุ่ม เวลานอนนายทหารหนุ่มจะไม่ชอบใส่เสื้อเว้นเสียแต่กางเกงผ้าแพรที่ชอบใส่ติดตัวเท่านั้น

“พี่ขอโทษ ก็ลินท์ตัวหอมนี่นา”

“คราวหลังลินท์จะไปนอนกับลูก แล้วให้พี่นอนคนเดียวแล้ว”

“โถ่ เมียจ๋า.. พอหายไข้แล้วเอาใหญ่ ทีเมื่อคืนยังอ้อนพี่อย่างนั้นอย่างนี้”

“โอ๊ย” ชายหนุ่มสูดปากด้วยความเจ็บเมื่อโดนคนรักทุบเข้าให้ “ตีพี่ทำไมครับเนี่ย”

“ชอบล้อลินท์ดีนัก”

เมื่อวานเขาไข้ขึ้งสูงจนชลธีต้องไปรับถึงมหาวิทยาลัย เพราะไม่ยอมไปโรงพยาบาลจึงโดนคนรักบังคับกินยาและเช็ดตัวให้จนเขาอาการดีขึ้น ส่วนไทเกอร์ถูกคุณยายสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้เพราะกลัวจะไข้จากเขา ทำให้เจ้าตัวเล็กร้องงอแงไม่หยุด จนต้องให้คุณยายพาเข้านอนแทน เห็นลูกร้องแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้ เขาเลยตั้งใจว่าหากอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาจะไปทำขนมให้ลูกชายทานเป็นของปลอบใจที่คุณแม่ไม่ไปเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนหนึ่งคืน ขณะที่กำลังจะลุกออกจากเตียงแต่ชลธีก็รั้งเอวเขาเอาไว้   

“เดือนหน้าพี่ก็ต้องไปแล้ว” ใบหน้าคมคร้ามซุกเข้าที่หน้าท้องเขา นายทหารหนุ่มสูดดมกรุ่นกลิ่นคนรักที่ตัวเองชอบทำ ยิ่งรู้ว่าเมื่อตนเองจะต้องไปทำงานไกลก็อดจะคิดถึงคนรักไม่ได้

“เวลาผ่านไปไวจังเลยนะครับ”

“นั่นสิ” เขารั้งให้มุจลินท์ลงมานอนข้างๆ “ไม่ได้กอดเมียพี่คงเหงาแย่”

“กอดต้นไม้ไปก่อนนะครับ หึหึ” เจ้าลูกเป็ดหัวเราะเสียงใส อาการตัวร้อนไม่มีแล้วแม้จะยังตัวอุ่นๆอยู่บ้างก็เถอะ แต่พูดเสียงใสแจ๋วได้ขนาดนี้คงจะไม่เป็นอะไรมาก ชลธีคิดในใจหากเขาไม่อยู่สักคนใครจะดูแลครอบครัว จะฝากฝังใครที่ไว้ใจได้บ้าง

“ลินท์ไม่คิดถึงพี่เลยหรือ”

“คิดถึงสิครับ มีแฟนหื่นๆอยู่คนเดียว”

“รู้ได้ยังไงว่าพี่หื่น ยังไม่ทันได้พิสูจน์เลย” ชลธีไม่พูดเปล่าส่งนิ้วมือหนาเข้าไปในกางเกงผ้ายืดที่เจ้าลูกเป็ดชอบใส่นอน สะกิดปลายจุดอ่อนไหวที่กำลังแข็งตัวชูชันสู้มือเขา ร่างกายของคนเพิ่งหายป่วยไข้ยังคงอุ่นทำให้ส่วนนั้นร้อนผ่าว เขาลูบไล้จนน้ำสีใสไหลออกชื่นฉ่ำ

“ฮื่อ พี่ฉลาม..” เจ้าตัวมองสบตาเขา เม้มปากแน่นพยายามสกัดกลั้นอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นสูง ชลธียิ่งได้ใจรูดรั้งขึ้นลงเป็นจังหวะมากขึ้นจนลูกเป็ดต้องอ้าปากหอบครางแล้วยึดไหล่เขาไว้เป็นที่พึ่ง วงหน้าขาวซุกเข้ามาที่ไหล่หนาของเขาพร้อมทั้งใช้ลิ้นเลียดูดดึงผิวเนื้อเขาจนเป็นรอยแดง เขาช้อนร่างคนรักขึ้นมานอนทับตัวเอง ปลดกางเกงผ้าให้ลงไปกองที่ข้อเท้า มือที่ว่างใช้น้ำหล่อลื่นเมื่อสักครู่ทาให้ชุ่มนิ้วก่อนจะกดเข้าไปในรอยจีบสีชมพูที่กำลังเชิญชวนเขา มุจลินท์ร้องเสียงพร่า “เบาๆ..อ๊ะ พี่”

“เบาพอไหม” เขากดเข้าไปแค่หนึ่งนิ้วแช่แล้วหมุนควงจนมุจลินท์แหงนหน้าเริ่ดด้วยความเสียว นิ้วหนาผลุบเข้าออกเป็นจังหวะและรู้สึกได้ถึงแรงรัดถี่ที่กำลังบีบโอบนิ้วมือเขาอยู่ เขาค่อยๆถอนออกนิ้วออกอย่างเชื่องช้าแล้วสอดเข้าไปทีเดียวสองนิ้ว เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกกัดริมฝีปากแน่นไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา “อย่ากัดสิ” เขาใช้นิ้วมือแทรกเข้าโพรงปากนิ่มให้เจ้าตัวเผยอรับก่อนจะดูดดึงจนเขาเองเริ่มจะรู้สึกปวดหนึบที่ช่วงล่างเหมือนกัน ลองได้เห็นเรือนร่างของคนรักที่กำลังคร่อมตัวเขาแถมยังส่งสายตาเชิญชวนอย่างนี้เป็นใครก็ไม่อาจจะทนไหว

มือขาวกอบกุมแก่นกายคนรักที่ดันนูนออกมาทิ่มจนรู้สึกได้ เจ้าตัวใช้สะโพกอวบถูไถเสียดสีจนชายหนุ่มต้องขบกรามแน่นบังคับตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นไปจับลูกเป็ดกดลงกับเตียงแล้วฝังร่างเข้าไปเดี๋ยวนั้น

“อื๊อ...” เสียงครวญครางยั่วยวนพร้อมตุ่มไตสีสวยที่กำลังแข็งตึงเชิญชวนให้เขาขบกัด “จะออก..” เขามองคนรักที่กำลังสุขสมเพียงแค่ได้สัมผัสทางด้านหลัง เขาหยุดนิ้วก่อนจะดุนดันแก่นกายที่กำลังร้อนสวนเข้าไป “อ๊า..พี่.. เบาๆ.. อื๊อ” ลูกเป็ดแอ่นรับและดูดกลืนของเขาไปจนหมด ทิ้งตัวลงบนอกเขาพลางหอบหายใจถี่ กำมือทุบเข้ามาที่ไหล่เขาเบาๆพร้อมทั้งทำแก้มพองลมน่าเอ็นดู เขายิ้มแล้วกดจูบลงข้างแก้มซับเหงื่อข้างขมับให้มุจลินท์ก่อจะสวนตัวตนขึ้นไปจนสุด คนที่อยู่ด้านบนจิกไหล่เขาแน่น

“เบาๆหน่อยไม่ได้หรือ..อ๊า” ลูกเป็ดตอบเสียงพร่าพร้อมทั้งช่วยขยับสะโพกให้เข้าจังหวะ ยามที่ปลายแก่นกระแทกโดนส่วนที่ไวต่อความรู้สึก เด็กหนุ่มจะยิ่งโผเข้ากอดเขาแน่น “ฮื่อ ลินท์เสียว” ยิ่งได้ยินเสียงเมียร้องครวญครางยิ่งทำให้อารมณ์นายทหารฮึกเหิมปรับความเร็วจนร่างบางสั่นสะท้านและเสร็จสมทั้งๆที่ไม่ได้สัมผัสด้านหน้าเลยสักนิด 

“เมียพี่น่ารักที่สุด” เจ้าลูกเป็ดหน้าแดงตัวแดงไปหมดแล้วทันทีที่สบตากับเขา “รักลินท์ที่สุดเลย”

“ฮื่อ.. คนบ้ากาม” เด็กหนุ่มก้มลงไปรับจูบหวานจากชลธี ยิ่งจูบดุดันมากเท่าไหร่ช่วงล่างก็ยิ่งสวนขึ้นมามากเท่านั้น นี่ชลธีจะฆ่าเขาให้ตายคาเตียงหรือไง

“บ้ากามแล้วรักไหมล่ะ” นายทหารหนุ่มมองคนรักไม่วางตา ดุนดันแก่นกายที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกตรงเข้าจุดอ่อนไหวทำให้เจ้าลูกเป็ดสั่นสะท้าน

“รักสิครับ” ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากที่แวววาวจากการจูบ ลูกเป็ดกัดงับเข้าที่ใบหูคนรักแล้วกระซิบเสียงเบา “ก็มีอยู่คนเดียว”

“ลองมีหลายคนสิ.. พี่จะเล่นให้เดินไม่ได้เลย” พูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นมุจลินท์เหงื่อไหลหยดเป็นทางก็เอื้อมไปเช็ดให้ “เหนื่อยมั้ย”

“เหนื่อยสิ มีแรงเท่าไหร่พี่เล่นใส่มาไม่ยั้ง” ตวัดดวงตากลมโตมองเขาอย่างคาดโทษ แต่ก็ครวญครางอยู่ร่างกายเขาด้วยความเต็มใจ

เมียใคร.. น่ารักเป็นบ้า..


“ฮ่าๆ ก็เมียพี่น่าฟัดเสียขนาดนี้”

“ฮื่อ” อดไม่ไหวก้มลงไปจูบอีกรอบ คราวนี้เรียวลิ้นกระหวัดดูดดึงจนเกิดเสียงดัง ชายหนุ่มอยากจะฝากรอยเอาไว้ทั่วร่างขาวที่เขาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ชลธีตวัดคนรักให้นอนพักบนเตียงบ้าง มองร่างขาวนวลที่นอนเปลือยกายตรงหน้าเจ้าฉลามน้อยก็ยิ่งแข็งแกร่งจนปวดหนึบ เขาก้มลงจูบต้นขาด้านใน ขบเม้มจนเป็นรอยแดงไปทั่ว มุจลินท์เขินอายจนอยากจะเอาหน้ามุดหมอนแต่ก็ละสายตาไปจากตรงหน้าไม่ได้เลย แก่นกายของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเสร็จสมไปเริ่มแน่นตึงเป็นสัญญาณพร้อมบรรเลงเพลงรักอีกครั้ง ชลธียกยิ้มที่มุมปาก 

ปัง ปัง ปัง

“แม๊!! แม่อยู่ไหน” เสียงเคาะประตูจากหน้าห้องทำให้มุจลินท์หันขวับไปตามเสียง ได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกชายพลันทำให้อารมณ์ที่มีหดหายไปทันที “เกอร์จะหาแม่ ฮืออออ แม่จ๋า-----”

“ไทเกอร์ แม่อยู่นี่ลูก” มุจลินท์กระเด้งตัวขึ้นมารีบควานหาเสื้อผ้าที่เมื่อครู่ถอดทิ้งออกไปอย่างไม่ไยดี ตอนนี้สภาพห้องเหมือนเพิ่งเกิดสงครามขนาดย่อม เสื้อและกางเกงกระจัดกระจายไปทั่วจนไม่รู้ของใครเป็นของใคร “พอแค่นี้ก่อนนะพี่”

“เดี๋ยวลินท์!”

“พี่ไปทำเองในห้องน้ำแล้วกันนะ” เขาสวมเสื้อและกางเกงอย่างรวดเร็ว แล้วโยนกางเกงผ้าแพรขึ้นไปบนเตียงให้ชลธีใส่ “ลินท์ขอไปดูลูกก่อน ไม่งอนนะ”

ชลธีมองคนรักที่กุลีกุจอรีบเปิดประตูไปอุ้มลูกชายที่กำลังเบะปากร้องไห้โยเยขึ้นมาอุ้ม

“ไหนๆลูกชายแม่ลินท์ร้องไห้ทำไมครับ” ลูกชายโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำหูน้ำตาไหลมารวมกันหมด “ไม่ร้องนะลูก เดี๋ยวให้คุณป๊าพาไปเที่ยวกันเนอะ”

“เกอร์ ฮึก.. เกอร์”

“ไม่ร้องนะครับคนดีของแม่” กดจูบลงแก้มป่องที่กำลังสะอึกสะอื้น “เช้านี้อยากกินอะไรครับ”

“กินข่ายยยยยย” เด็กชายกลั้นก้อนสะอึกแล้วตอบเสียงดัง  “คุณไข่แดงแบบไม่สุกได้ไหมฮะแม่”

“ปะ เดี๋ยวแม่พาไปทำคุณไข่นะครับ เกอร์ต้องช่วยคุณแม่ปอกไข่ด้วย ดีไหมครับ”

“เย้ คูนแม่---”

เขามองเมียและลูกชายกำลังเดินออกจากห้องไปอย่างมีความสุข.. ส่วนเขากำลังค้างเติ่งกับฉลามน้อยเดียวดายแต่เพียงผู้เดียว

ยศสูงแค่ไหน.. เมียก็ใหญ่กว่าอยู่ดี

ชลธีหอบตะกร้าผ้าเปียกที่เพิ่งเอาขึ้นจากเครื่องซักผ้าวางแหมะตรงระเบียงด้านนอกที่มีราวตากผ้ายาวออกไป ลูกชายตัวกลมที่เดินตามเขามากำลังเล่นกิ๊ฟท์หนีบผ้าแล้วหันมายิ้มแฉ่งให้คุณพ่อที่วันนี้ต้องแปลงร่างเป็นพ่อบ้านหนึ่งวันเพราะคนรักไปเรียนที่มหา’ลัยแต่เช้า เขาต้องรับหน้าที่ดูแลบ้านทุกอย่างโดยมีคำสั่งจากลูกเป็ดว่าห้ามเรียกแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดเด็ดขาด

“นี่แน่ะ นี่แน่ะ” ไทเกอร์เอากิ๊ฟท์สำหรับหนีบผ้ามาหนีบขากางเกงคุณพ่อแล้วหัวเราะคิกคัก “หูยย เหมือนเม่นเยย”

“ไปนอนเล่นกับคุณยายก่อนนะครับลูก”

“ม่ายยย เกอร์อยากเล่นเครื่องบิน” เด็กชายตัวน้อยยกมือขึ้นสูง สองแขนป้อมอ้ากว้างส่งสายตาออดอ้อนให้คุณพ่ออุ้ม เด็กชายชอบที่คุณพ่ออุ้มขึ้นสูงๆโยกไปมาเหมือนนั่งเครื่องบิน

“งั้นรอคุณพ่อตากผ้า แปบนะลูก ถ้าป๊าทำงานบ้านไม่เสร็จเดี๋ยวโดนคุณแม่บ่น”

“คูนแม่ไม่บ่นหรอกฮะ คูนแม่ใจดีจะตาย” เด็กตัวกลมกระโดดโลดเต้น วิ่งไปหยิบกระดาษปั๊มดาวที่คุณแม่ให้เจ้าตัวเล็กปั๊มไว้แลกของเล่น อีกสองดวงไทเกอร์จะได้กันดั้มตัวใหม่ วันนี้จะต้องช่วยคุณพ่อทำงานบ้านแล้วให้คุณแม่ปั๊มดาวให้ได้

“ครับลูก งั้นนั่งรอคุณพ่อตรงนี้นะ พื้นมันเปียกเดี๋ยวหนูจะลื่นเอา”

“คับ!!” ตะเบ๊ะเลียนแบบรูปคุณพ่อที่ติดฝาผนัง ก่อนจะนั่งจุ้มปุ๊กตรงหน้าประตู “เกอร์รอนะ”

“ดีมากครับ”

“เกอร์รออออออนะป๊า” เด็กชายนั่งรอได้สักพักก็วิ่งเข้าไปในห้องแล้วออกมาเกาะประตูใหม่ “ป๊าค้าบ.. เสร็จยังอะคับ”

“แปบนะลูก เหลืออีกครึ่งตะกร้าแล้ว”

“ค้าบบบบบ” วิ่งหายเข้าไปในห้องอีกสามนาที“ป๊าคร้าบบบ เสร็จยังอะ” 

“ครับๆ.. เดี๋ยวพ่อเก็บของก่อน” นายทหารหนุ่มรีบวางตะกร้าเก็บไม้แขวนเสื้อเสร็จก็อุ้มลูกชายขึ้นแนบอก หอมแก้มป่องของลูกชายทั้งซ้ายและขวาจนไทเกอร์ร้องจ๊ากเอาหน้าหนีเป็นพัลวันจนเขาตกใจ

“เป็นอะไรลูก”

“หนวดป๊าทิ่มแก้ม เกอร์จั๊กจี๋ คิๆ” เด็กชายย่นคอเอามือสั้นป้อมจับแก้มตัวเองก่อนจะหัวเราะคิกคัก

“เดี๋ยวเกอร์โตก็จะมีหนวดป๊ะป๋า” ชลธีหลุดหัวเราะมองลูกชายตัวแสบ “หล่อเหมือนป๊าไง”

“ทำไมคูนแม่ไม่มีหนวดมั่งอะ” ไทเกอร์จับแก้มคุณพ่อแล้วดึงไปมา “คูนแม่ตัวข๊าวขาว ไม่เห็นเหมือนป๊าเลย” จะว่าไปเมียเขาขาวเนียนไปทั้งตัวจริงๆ อยากได้ไปนอนกอดที่ค่ายทุกคืน..

“ป๊าทำงานไงลูก ต้องตากแดดทุกวัน”

“ทอทหารอดท๊น! ใช่ไหมฮะ” ตะเบ๊ะใส่คุณพ่ออีกรอบก่อนจะหันมากอด “เกอร์ชอบกอดคูนแม่ คูนแม่ตัวห๊อมหอม” พูดไม่ทันจบประโยคนิ้วสั้นก็ทิ่มเข้ามาตรงคอเขา “ตรงนี้ๆๆ คุณแม่ชอบโดนยุงกัดฮะ เกอร์จะตียุงให้ตายเลยมากัดแม่ลินท์” เขาสะอึกเบาๆ

“คูนพ่อต้องซื้อยามาฉีดนะฮะ เกอร์เห็นที่โรงเรียนเขามาฉีดยุง ยุงตายหมดเลยฮะ”

“ครับลูก” ชลธียิ้มแห้ง รู้สึกว่าลูกชายเขาจะตาดีเสียเหลือเกิน “เดี๋ยวป๊าจัดการให้นะครับ” อุ้มลูกชายวางที่โซฟา คุณยายกำลังนั่งเด็ดผักคะน้าเตรียมทำกับข้าวตอนเย็น

“ฝากเกอร์หน่อยนะครับ เดี๋ยวผมไปถูบ้านแปบเดียว” เขาวางแก้วน้ำอุ่นลงบนโต๊ะให้คุณยายได้จิบระหว่างวัน ส่วนลูกชายผุดลุกผุดนั่งทำท่าจะปีนลงมาจากโซฟา

“ไม่ต้องหรอกลูก เดี๋ยวลินท์ก็มา” คุณยายเงยหน้าขึ้นมาตอบ 

“ไม่เป็นไรครับ ลินท์กลับมาเหนื่อยๆจะได้ไม่ต้องทำอีก”

“เกอร์ช่วยนะฮะ!” เด็กชายวิ่งมาเกาะขาเขาไว้หนึบเวลาเขาเดินก็เกาะไปด้วย ไทเกอร์หัวเราะเสียงใสชอบเล่นกับคุณพ่อเป็นที่สุด ยิ่งรู้ว่าคุณพ่อจะไปทำงานเด็กชายจะร้องไห้ไม่หยุด ชลธีรู้ว่าตัวเองไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกก็อยากจะดูแลลูกชายให้ดีที่สุด

“ช่วยอยู่เฉยๆสักสิบนาที ป๊าจะดีใจมากเลย”

“ให้เกอร์ช่วยเถอะน้า เกอร์ทำเป็น ”

“ถูพื้นเนี่ยนะลูก”

“เกอร์เห็นแม่ลินท์ทำบ่อยๆ แค่เอามาจุ่มน้ำแล้วก็ถูๆๆๆๆๆ” เจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคัก วิ่งเข้าไปหยิบไม้ถูที่ยังแห้งมาถูพื้นให้คุณพ่อดู ชลธีกุมขมับไม่รู้ว่ามุจลินท์เลี้ยงยังไงถึงทำให้ไทเกอร์อยู่เฉยๆได้

เขาและลูกชายช่วยกันถูพื้นอยู่ร่วมชั่วโมงกว่าจะเสร็จโดยให้เจ้าตัวเล็กเกาะหลังเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะลื่นเอาได้ เด็กชายชอบใจเมื่อเห็นคุณพ่อถูบ้าน ชลธีอุ้มลูกชายที่มอมแมมเพราะลงไปกลิ้งกับพื้นหลังจากถูเสร็จจนต้องจับอาบน้ำ วิ่งไล่จับกันอีกครึ่งชั่วโมงเพราะไทเกอร์ไม่ยอมถอดชุดเก่งที่แม่ลินท์ซื้อมาให้ แถมยังชอบใจที่ได้วิ่งเล่นกับคุณพ่อ ชลธีไม่คิดว่าเลี้ยงเด็กจะยากขนาดนี้ เหลือบมองนาฬิกาเห็นเวลาเพิ่งจะบ่ายโมง ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกคิดถึงคนรักมากเป็นพิเศษ

“แม่บอกว่าผู้ชายจะมีช้างน้อย”

“หรอครับลูก”

“ช้าง ช้าง ช้างน้องเคยเห็นช้างหรือป่าววววว” เด็กชายตีฟองสบู่อยู่ในอ่างอาบน้ำโดยมีเขานั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง “ช้างมันตัวโตไม่เบา ตะหมูกยาวยาวววววววว”

“ดีๆลูก ฟองเข้าปากพ่อหมดแล้ว”

“มีหูมีงาหางยาววววววววววววว”

“ป๊าว่าเกอร์มีช้างน้อยไหมฮะ”

“มีสิครับ ผู้ชายทุกคนก็มีนั่นแหละ”

“แล้วป๊ามีไหมฮะ”

“มีสิ”

“ขอดูหน่อยฮะ!” เด็กชายลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังไปหาคุณพ่อ “หูวววววว ช้างน้อยตรงไหนฮะ แม่โกหก”

“ไม่ได้โกหกลูก เพราะว่าป๊าโตแล้วไงครับ”

“ถ้าเกอร์โต ช้างก็จะโตด้วยใช่ไหมฮะ” เด็กชายถามเจื้อยแจ้วพลางใช้มือจับช้างน้อยของตัวเองไปด้วย คนรักบอกเขาว่าเด็กวัยนี้เริ่มรู้ว่าตัวเองเพศอะไร เริ่มทำความรู้จักกับร่างกายของตัวเอง และจะสังเกตบทบาทของผู้เป็นพ่อเพื่อเลียนแบบพฤติกรรม เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ปิดกั้นหรือปิดบังแต่เราจะเรียนรู้กับลูกไปพร้อมๆกัน

“ใช่แล้วครับ ลูกชายป๊าเก่งมาก” เขาวักน้ำขึ้นมาลูบหน้าที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ ก่อนจะใช้น้ำล้างตัวลูกชายที่กระโดดโลดเต้นไปด้วยร้องเพลงช้างไปด้วย กว่าจะจับอาบน้ำแต่งตัวใส่เสื้อผ้าเขาต้องเสียเวลาไปอีกสองชั่วโมงเต็ม ตอนนี้เขารู้สึกล้าเหลือเกิน..

เมื่อไหร่เมียจะกลับมา ....

มุจลินท์ถอดรองเท้าถุงเท้ายังไม่ทันเสร็จดีลูกชายสุดที่รักก็วิ่งมารับถึงหน้าประตู กว่าเขาจะถึงคอนโดก็เกือบสองทุ่มเข้าไปแล้ว เพราะมีงานที่มหาวิทยาลัยทำให้เขาต้องซ้อมการแสดงจนถึงเย็นทุกวัน ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนแต่กลับมาเจอลูกชาย เจอคนรักเขาก็มีแรงฮึดได้ทุกครั้ง เด็กหนุ่มกวาดสายตามองรอบห้อง วันนี้ห้องดูสะอาดกว่าปกติแถมยังเงียบกริบ ปกติชลธีจะนั่งดูสารคดีอยู่ที่โถงรับแขกจนกว่าเขาจะมาถึง ส่วนคุณยายคงเข้านอนไปเรียบร้อยแล้ว

   “แม่! แม่ลีนนนนนน”

“จุ๊บ คนเก่ง ไหนคุณพ่อละครับ” หอมแก้มลูกชายดมกลิ่นแป้งหอมกรุ่น ใบหน้ากลมเต็มไปด้วยคราบแป้งเต็มไปหมด นี่คนรักเขาเอาลูกไปชุบแป้งทอดมาหรือ...

“ป๊าบอกว่าให้บอกแม่ว่าป๊าเหนื่อยมากเลยนอนหลับฮะ”

“หะ?” เขาชะงัก “อะไรนะครับลูก”

“ป๊านอนหลับฮะ”

“งั้นแม่ลินท์ไปเรียกป๊ามาทานข้าวก่อน หนูไปอยู่กับคุณยายนะครับ”

“ได้ฮะ!” เด็กชายรับคำเสียงใสมองคุณแม่ที่กำลังเดินเข้าห้องนอนไปพลางลูบท้องกลมที่เต็มไปด้วยข้าวผัดกุ้งจานโปรดที่คุณพ่อสั่งมาจากร้านอาหาร คุณพ่อกำชับว่าหากคุณแม่มาแล้วให้บอกว่าอะไรบ้าง คุณพ่อบอกว่าคุณพ่อจะทำน้องให้เกอร์ “ป๊า เร็วๆนะเกอร์อยากได้น้องแล้ววววววววววววววว”

   คืนนั้น มุจลินท์ไม่ได้ออกมาจากห้องอีกเลย...

มุจลินท์ใช้ทุกวันศุกร์ที่มีคาบเรียนแค่ช่วงเช้าเดินทางมาโรงเรียนของลูกชายหลังจากเรียนเสร็จ เป็นอันรู้กันในกลุ่มว่าเด็กหนุ่มได้เปลี่ยนสถานะจากพี่เลี้ยงเด็กมาเป็นคุณนายอย่างเป็นทางการเสียที ลูกเป็ดในชุดนักศึกษาถูกระเบียบค่อยๆเปิดประตูห้องเรียนชั้นอนุบาลเข้าไป ห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีกระดานไวท์บอร์ดสีขาวและโต๊ะยาวสีสันสดใสสำหรับให้เด็กๆนั่งเรียน ตอนนี้สมาชิกในห้องกำลังปรบมือร้องเพลงเสียงดังโดยมีคุณครูช่วยนำ เด็กน้อยในชุดนักเรียนกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกน่าเอ็นดู มุจลินท์มองหาลูกชายที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่กลางวง วันนี้ไทเกอร์ร้องเพลงเสียงดังพร้อมเต้นประกอบท่าทางเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มหน้าขาวแต่เจ้าตัวเล็กก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เก้าอี้ไม้สีครีมหลังห้องคือที่ประจำที่เขามักจะมาใช้นั่งมองลูกชายเสมอจนเหมือนเป็นกิจวัตรไปแล้ว พัฒนาการเด็กชายในวัยสี่ขวบสมวัยดี เริ่มหยิบจับดินสอวาดรูป จับช้อนเอง ติดกระดุมเอง ใส่รองเท้าเอง มันรู้สึกดีจริงๆที่เห็นลูกค่อยๆเติบโตขึ้น เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นมันเป็นอย่างไร เขาเติบโตมากับยายผู้ที่สั่งสอนเขาจนมาได้ขนาดนี้ จะเรียกได้ว่ายายเป็นทั้งพ่อและแม่ของเขาเลยก็ว่าได้

“สัตว์บก สัตว์ปีก สัตว์น้ำ” ทุกคนปรบมือร้องเพลงเข้าจังหวะ เขาแอบเผลอพึมพำขยับปากตามอยู่บ้างส่วนสายตาจดจ้องไปที่ลูกชายที่กำลังตั้งใจเล่นเกมทายชื่อสัตว์ เด็กๆหัวเราะกันสนุกสนาน เขามองแล้วอดจะยิ้มให้กับภาพตรงหน้าไม่ได้ เด็กช่างเป็นผ้าขาวสะอาด และบริสุทธิ์เสียจริงๆ

“สัตว์ปีก!” คุณครูพูดจบเป็นอันว่าทุกคนหยุดร้องเพลง ลูกชายเขายกมือขึ้นสูงก่อนจะตะโกนตอบด้วยความมั่นใจ

“ปลาท๊องงงงงงงงงงงงงง”

พรืดดดดดดด

เขาแทบกลั้นขำไม่อยู่ แต่ไม่อยากให้ลูกชายเสียกำลังใจ “ตอบใหม่สิครับ สัตว์ที่อยู่บนพื้นดินมีอะไรบ้าง” เจ้าตัวเล็กหันมามองเขา ดวงตาสีดำกลมโตส่องประกายวิบวับเมื่อเห็นแม่ ปากจิ้มลิ้มสีสดฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเกาหัวอย่างใช้ความคิด มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าเวลาลูกชายเขากำลังทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างช่างเหมือนคุณพ่อเสียเหลือเกิน

“แมววววววววววว”

“เย่ๆๆ” เมื่อคุณครูเฉลยว่าคำตอบถูกต้อง เพื่อนๆทุกคนก็ปรบมือกันเกรียวกราว ส่วนเจ้าลูกชายยิ้มโชว์กำแพงฟันที่หายไปสามซี่ไม่หยุด

“เก่งมากครับ” เขาปรบมือให้ลูกชายที่กำลังวิ่งมาหาเขา

“แม่ลินท์” เด็กชายวิ่งมากอดหมับส่วนอีกมือนั้นกำกล่องข้าวที่เขาใส่ข้าวผัดกุ้งไว้ให้เมื่อเช้า แต่ตอนนี้ในกล่องว่างเปล่าเสียแล้ว ไม่เสียแรงที่เขาตื่นมาทำให้ลูกชายทานทุกวัน

“หูย วันนี้ก็กินหมดอีกแล้วนะครับ” เขาชมเปาะพร้อมกับก้มลงไปฟัดแก้มยุ้ยที่กำลังแดงก่ำ

“แบ่งทอฟฟี่กินฮะ” ไทเกอร์หันไปชี้เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักผูกผมเปียที่กำลังมองมาทางนี้ “ทอฟฟี่บอกว่าข้าวผัดอาหย่อยม๊ากมาก”

“น่ารักที่สุดเลยคนเก่งของแม่” เขาจำเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนั้นได้เมื่อครั้งที่มางานกีฬาสีของลูกชายคราวก่อน “มองแต่สาวอยู่นั่น ไม่สนใจแม่เลย” เจ้าลูกชายมัวแต่หันไปส่งยิ้มให้ก่อนกวักมือเรียกสาวน้อยขี้อายให้เข้ามาหาเขา

“ฮิๆ ทอฟฟี่ ๆ นี่แม่เรา” เด็กหญิงยกมือไหว้ก่อนจะปิดตัวเขินอายไม่ยอมมองหน้าเขา เอ.. หรือว่านี่จะแฟนของลูกชายเขาล่ะเนี่ย

“หนู.. ชะชื่อ ทอฟฟี่ค่ะ”

“พี่ลินท์นะครับ”

“เรียกแม่ลินท์ก็ได้” ไทเกอร์บอกเสียงดังอย่างภาคภูมิใจแล้ววิ่งเข้ามากอดเขาแน่น ทอฟฟี่ที่เขินอายยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ก่อนจะเดินมากอดเขาบ้าง

เด็กๆน่ารักจริงๆ

“เกอร์ ทำไมแม่เกอร์เป็นผู้ชายล่ะ” เด็กผู้ชายตัวอ้วนกลมและสูงกว่าลูกชายเขามากกว่าคืบที่อยู่แถวนั้นปรี่เข้ามาพร้อมกับถามอย่างใสซื่อ ไทเกอร์ที่กำลังกอดเขาหันไปมองขวับ

“ทำไมล่ะม่อน นายมายุ่งอะไรกับแม่เรา” เด็กชายหันไปบอกเสียงดัง “อย่ามายุ่งกับแม่เรานะ!”

“ม่อนถามเกอร์ดีๆนะ ทำไมต้องเสียงดัง เกอร์มีแม่เป็นผู้ชายจริงๆด้วย เกอร์มีแม่เป็นตุ๊ด เป็นตุ๊ด เป็นตุ๊ด” เด็กชายตัวอ้วนตะโกนเสียงดังจนเด็กๆในบริเวณหันมามองกันเป็นตาเดียว

“ตุ๊ดคืออะไร” เขากุมขมับกำลังจะรั้งเด็กชายให้เข้ามาหา แต่สองคนที่กำลังต่อล้อต่อเถียงไม่ได้ยินเสียงเขาที่กำลังห้ามเลยสักนิด

“ตุ๊ดคือผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิงไง”

“แม่เรามีช้างน้อย แม่เราไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย”

“เป็นผู้ชายแล้วจะเรียกว่าแม่ได้ไง ไอ้ตุ๊ด ไอ้ตุ๊ด”

ผลัวะ!!

ไทเกอร์กระโจนใส่ฝ่ายตรงข้ามทันทีและเหตุการณ์เริ่มชุลมุนวุ่นวายหนักกว่าเดิมเพราะลูกชายของเขาใช้เท้าสั้นป้อมถีบเข้าไปที่จุดยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรงแล้วตามด้วยหมัดคนละตุ้บสองตุ้บแลกกันแบบไม่ยั้ง จนเขาปรี่เข้าไปรีบคว้าลูกชายออกมาแทบไม่ทัน ไทเกอร์ตัวสั่นกำหมัดแน่นจนเขาต้องพาไปนั่งคุยในที่ส่วนตัว

“เกอร์.. ”

“มันมาว่าแม่” เด็กชายน้ำตาคลอเบ้าตัวสั่นไม่หยุด

“ฟังแม่นะครับ แม่รู้ว่าหนูกำลังโกรธ หนูกำลังเสียใจใช่ไหมครับ”

“…” ไทเกอร์พยักหน้าพร้อมกับเม็ดน้ำที่กลิ้งมาบนผิวแก้ม เจ้าตัวรีบปาดมันทิ้งหนำซ้ำยังไม่ยอมส่งเสียงสะอื้นจนเขาอยากจะดึงเข้ามากอดเสียเดี๋ยวนั้น

“ถึงแม้เราจะเป็นผู้ชาย ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน แต่เราไม่ควรใช้ความรุนแรงกับคนอื่นนะลูก” อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะให้เด็กสี่ขวบหัดควบคุมอารมณ์ แต่เขาจะต้องอธิบายให้ลูกได้เข้าใจ

“ฮึก แม่”

“แม่รู้ว่าเกอร์ไม่ชอบ และเกอร์กำลังรู้สึกไม่ดี” เขาลูบผิวแก้มแดงของลูกชายแก้มซ้ายมีรอยถลอกเล็กน้อย ก่อนจะช่วยจัดเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยให้เข้าที่ “แล้วแม่ก็รู้ว่าหนูรักแม่มาก”

“ฮึก ฮือ”

“ใช่ไหมครับ”

“ระรัก.. ฮึก”

“ถ้าแม่โกรธที่เกอร์ดื้อแล้วแม่ตีหนู หนูจะชอบไหม”

“มะไม่.. ฮึก แม่อย่าตี” เสียงร้องเริ่มดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาพูดจริงจังและไม่ยอมกอดเหมือนทุกที แค่เห็นน้ำตาลูกไหลเขาก็แทบจะทำใจไม่ได้ ไม่อยากจะมองให้ตัวเองใจอ่อนโอ๋ลูก โอบอุ้มลูกอยู่เรื่อยไป

“เกอร์โกรธเพื่อนแล้วเกอร์ไปตีเพื่อนเขาแบบนั้น เพื่อนเขาก็คงไม่ชอบเหมือนกันนะครับ”

“เกอร์ ฮึก จะไม่ตีเพื่อนอีก” เด็กชายชูนิ้วก้อยเป็นเครื่องหมายสัญญาระหว่างเขา เขายื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวก่อนที่ลูกจะโผเข้ามากอดเขาแน่น ซุกซบไออุ่นร้องไห้จนเสื้อเขาชื้นแฉะเป็นวง น้อยครั้งมากที่เขาจะดุไทเกอร์และเลือกที่จะใช้วิธีพูดกับลูกด้วยความเข้าใจ ไทเกอร์เข้าใจที่เขาพูดในบางครั้งทำได้บ้างและทำไม่ได้บ้าง ไม่เป็นไร ตราบใดที่เขาได้มีโอกาสดูแล เขาจะทุ่มเททั้งกายและใจ หล่อเลี้ยงต้นกล้าหน่อเล็กต้นนี้ให้แข็งแรงเอง

“แม่รักหนูนะครับ” เขากดจูบลงกระหม่อมบางของลูกชายเบาๆ ดวงตากลมโตยังแดงก่ำเพราะร้องไห้ไปเมื่อครู่ “อยากให้หนูรู้เอาไว้”

“เกอร์รู้ฮะ”

“น่ารักจังคนดีของแม่” เขาจูงมือลูกชายเข้าไปเอากระเป๋านักเรียนในห้องเรียนหลังจากนั้นจึงพาไปขอโทษเพื่อนตัวโตกว่าที่กำลังร้องไห้จ้าเพราะเจ็บแก้มที่ลูกชายเขาไปต่อยจนฟันน้ำนมที่กำลังโยกนั้นหลุดออกมา เห็นตัวน้อยๆแต่แรงไม่น้อยเลยจริงๆ มุจลินท์พาลูกชายกลับบ้านทันทีไม่ได้แวะซื้อของเหมือนอย่างเคย จนกระทั่งเมื่อเจ้าตัวเล็กกำลังถอดเสื้อผ้าใส่ลงตะกร้าเตรียมอาบน้ำนั่นแหละ คุณพ่อตัวโตถึงได้เห็นรอยถลอกตามตัวลูกชายเต็มตา คิ้วเข้มถึงได้ขมวดเป็นปมแน่น คล้ายกำลังมีคำถาม

“เกอร์.. ไปทำอะไรมาครับ”

“ฮะป๊า” ตัวแสบถอดกางเกงลิงที่ม้วนขดเป็นเลขแปดแล้วเดินต้วมเตี้ยมไปหย่อนใส่ตะกร้า เขาเห็นแล้วอมยิ้มเบาๆดูสองพ่อลูกกำลังคุยกัน “เกอร์เป็นนักรบฮะ”

“หือ?”

“เป็นนักรบก็ต้องมีบาดแผลไงฮะ” เด็กชายชูแขนขวาขึ้นทำท่าเบ่งกล้ามเหมือนซุปเปอร์แมน “เกอร์จะปกป้องแม่ลินท์เอ๊งงงงงง”

“เก่งมากครับลูกชายป๊า” ชลธีอุ้มลูกชายแนบอกหัวเราะคิกคักกันสองคนไม่หยุด

เขารู้แล้วว่าตัวแสบได้นิสัยมาจากใคร…



TBC

มุ้งมิ้งๆ //เอาความหวานมาฝากค่ะ <3
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๕] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 02-12-2017 01:27:00
เอ็นดูน้องเกอร์
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๕] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-12-2017 09:09:09
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๕] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 02-12-2017 10:40:35
ไม่ได้มาอ่านสองตอนแล้วรู้สึกว่า
 
ตอนที่14อารมณ์เดือดมาก ทำไมกล้าทำกับลินแบบนี้ เกศเป็นแค่เมียเก่าพี่หลามเองนะ

พอเจอตอนที่15 เข้าลืมความโกรธที่มีต่อเกศเลยอะไรจะละมุนปานนี้ ชอบความน่ารักของน้องเกอร์ ดูซนตามวัย

มาต่อไวไวนะ กำลังตามจบอยู่

หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๕] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 02-12-2017 10:43:09
เข้าใจคำว่าฟ้าหลังฝนเลย หลังเรื่องร้ายจะมีเรื่องดีๆเข้ามาเสมอ

แต่เหมือนเกศยังร้ายไม่สุดแต่ไม่สน ตอนหน้ามาให้น้องลินจัดการ

เอาพี่มะนาวมาช่วยด้วยน้าน้องลินมีพี่สะใภ้กี่ขนมาให้หมดเลย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๕] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-12-2017 22:34:04
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 05-12-2017 23:16:47
ตอนที่ ๑๖

   มุจลินท์ไม่กลับมานอนที่คอนโดหนึ่งอาทิตย์แล้ว.. เจ้าตัวบอกเขาแค่ว่าต้องไปซ้อมการแสดงที่มหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมประกวดแข่งขันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ชายหนุ่มยิ่งฟุ้งซ่านไม่ได้นอนกอดคนรักแค่วันเดียวเขาก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้ว นี่ไม่ได้เจอหน้ามาเป็นอาทิตย์เขาแทบจะทนไม่ไหวอยากจะไปอุ้มเมียกลับมานอนกกให้มันรู้แล้วรู้รอด! แต่ก็ทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ มีหวังเจ้าลูกเป็ดได้โกรธเขาพาลไม่ให้เขาเข้าใกล้ไปอีกหลายวันแน่ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาเรียนรู้อยู่อย่างหนึ่ง ห้ามทำให้ลูกเป็ดโกรธ เพราะเขาจะอดทุกสิ่งทุกอย่าง

แค่คิดก็แทบจะขาดใจ..

ชายหนุ่มได้แต่ใช้แม่นางทั้งห้าจินตนาการถึงร่างขาวนวลเนียนที่คิดถึงนักคิดถึงหนา อดใจรอถึงเวลาที่สมควร คอยดูเถอะเขาจะคิดทบต้นทบดอกเอาให้สาสมกับที่เขาต้องอดทน!

ชลธีจอดรถยนต์นิสสันสีขาวที่ลาดจอดรถตรงข้ามตึกบรรยายเรียนรวม ขณะที่นั่งรออยู่ในรถเขาส่องกระจกหันซ้ายหันขวาเช็คความเรียบร้อยของทรงผมที่เขาอุตส่าห์ยอมลงทุนเข้าร้าน ส่วนที่นั่งด้านข้างเป็นหนุ่มตี๋ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คสีดำเรียบไปกับช่วงขาเพรียว กำลังนั่งไขว่ห้างโดยบนตักมีเด็กชายผมหยักศกดวงตากลมโตกำลังจิ้มไอแพดอยู่

“วัตร มึงอย่าให้ลูกกูเล่นไอแพด” ชลธีหันไปบอกเพื่อนที่กำลังสอนลูกชายเขาเล่นเกม “เกอร์ครับ คืนคุณลุงเขาไปนะลูกนะ”

“เกอร์อยากเล่นเกม เกมแข่งรถ ปู้น ปู้น” เด็กชายโยกไปตามเกมรถ ดวงตาทอประกายที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ “สนุกอะป๊า”

“แม่ลินท์บอกยังไง ไม่ให้หนูเล่นเกินวันละ1ชั่วโมงไม่ใช่หรือครับ” พักหลังเขาจะต้องอ้างชื่อมุจลินท์ตลอด เพราะลูกชายเขาติดและเชื่อฟังเจ้าลูกเป็ดมาก เรียกแม่เจื้อยแจ้วอย่างกับว่าเป็นแม่ลูกกันจริงๆ

“เกินแล้วหรอฮะป๊า” ไทเกอร์ทำปากยู่ใบหน้าฉายแววสลดจนคุณลุงวัตรสงสาร

“ไม่เกินลูก ไอ้หลามให้ลูกเล่นๆไปเหอะน่า”

“ตามใจเด็ก ระวังไว้เหอะมึง” นายทหารหนุ่มยิ้มร้ายมองเพื่อนตัวดีที่ติดรถเขามาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ชัยวัตรตวัดสายตามองกลับพลางขบเม้มริมฝีปากแน่นราวกับพยายามควบคุมอารมณ์ เขาติดรถเพื่อนมาที่มหาวิทยาลัยของมุจลินท์เพราะไอ้เด็กตัวแสบที่ชอบมาพัวพันอยู่ใกล้ๆเขามีแข่งกีฬาบาสที่นี่พอดี

“ดะเด็กอะไร” เขาหลบสายตา “มึงก็พูดไปเรื่อยนะ”

“ไม่มาหาเด็กแล้วมึงจะติดรถกูมาทำไม”

“กูว่างต่างหาก”

“อ่อหรือ” ชลธีกลอกตา “ไม่ใช่ว่าเขามีแข่งกีฬากันที่นี่เรอะ”

“ไอ้หลาม!”

“อย่าตามใจเด็กมากก็แล้วกัน” นายทหารหนุ่มจุดยิ้มมองเพื่อนที่ทำท่าทางเลิกลั่กก็รู้ทันทีว่ามันมีอะไรซ่อนเร้นกับไอ้เด็กนั่นแน่ เขาก็ไม่ใช่คนที่อยากรู้เรื่องของคนอื่นนักหรอก.. ก็แค่อยากจะบอกเอาไว้

“ทำไมวะ”

   จะได้ไม่เกียมัวเหมือนกูไงครับ!

    “กูจะไปหาลินท์แล้ว จะกลับก็มารอกูแถวนี้แล้วกัน” ชลธีบอกเพื่อนที่กำลังอุ้มลูกเขาอยู่ ไทเกอร์ยอมปล่อยไอแพดแล้วเพราะเขาบอกว่าจะพาไปหามุจลินท์ “เกอร์มาหาป๊าเร็วครับ” เขาอุ้มลูกชายส่วนมืออีกข้างมีช่อดอกไม้กุหลาบสีแดงช่อใหญ่ วันนี้แต่งหล่อมาสุดชีวิตเพื่อมาดูเมียประกวดเดือนมหาลัย ขอสลัดคราบหนุ่มในเครื่องแบบมาเป็นป๋าสักวันก็แล้วกัน

“กูละเบื่อไอ้พวกติดเมียจริงๆ”

“มึงพูดไม่ดูตัวเองเลยไอ้วัตร ติดแฟนเด็กยิ่งกว่าอะไรดี”

“ไม่ใช่แฟนโว้ย” ผู้กำกับหวีดเสียงสูงไม่รู้ตัว “ฟังนะไอ้หลาม กูยังโสด และโสดมากด้วย”

“กูรู้แล้วมึงโสด ไม่ต้องเน้นย้ำขนาดนั้นก็ได้” นายทหารหนุ่มหัวเราะ “เฮ้ย เพื่อนพี่ยังโสดว่ะไอ้วี” ชัยวัตรสะดุ้งหันไปมองข้างหลัง เจอเด็กตัวโข่งในชุดนักกีฬากำลังมองมาที่เขาตาละห้อย ชายหนุ่มปั้นหน้าแทบไม่ถูก เขาไม่ได้พูดอะไรผิดเสียหน่อย เขายังโสดจริงๆ แม้จะมีคนช่วยคลายเหงาทุกคืนก็เถอะ

“มาถึงนานแล้วหรือครับคุณวัตร” ปฐวีสวัสดีนายทหารหนุ่มก่อนจะหันมามองหนุ่มตี๋ที่ยืนกอดอก “ทานอะไรมาหรือยังครับ เดี๋ยวผม..”

“พอๆ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรกูขนาดนั้น” เขาโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร “มึงล่ะ แข่งเสร็จหรือยังทำไมมาอยู่ตรงนี้”

“ผมกลัวคุณจะหลงทางเลยมารอรับที่นี่ดีกว่า” ปฐวีพูดเสียงเบา แต่สายตาก็แอบลอบมองนายตำรวจหนุ่มไม่วางตา ในใจมีความยินดีวาบผ่านไม่คิดด้วยซ้ำว่าชัยวัตรจะมาจริงๆ

“เห็นกูเป็นเด็กสามขวบหรือไง เอ้า นำไปสิ”

เขาแยกกับชลธีที่จะไปหอประชุมที่จัดงานของมหา’ลัย ส่วนเขาเดินคู่กับปฐวีไปตามทางเดิน ชายหนุ่มไม่คุ้นเคยบรรยากาศมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ เรียนจบมอต้นก็เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ต้องอยู่โรงเรียนประจำอยู่3ปี พอเข้าโรงเรียนเหล่าก็ฝึกหนักไม่มีเวลาไปหาแฟนที่ไหน คบๆเลิกๆจนแม่เขายังเอือมระอา ไม่เคยได้คบใครจริงๆจังๆ ส่วนใหญ่ก็วันไนท์สแตนด์ จะมีก็ไอ้เด็กข้างละมั้ง..

Friend with Benefit

เพื่อนนอน


จะเรียกอย่างนั้นก็คงไม่ผิดเพราะไอ้เด็กคนนี้มันตื้อที่จะขอมาดูแลเขา เขาก็ผิดเองนั่นแหละที่ให้อารมณ์เบื้องล่างขึ้นมานำจนเผลอไผลไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ยอมรับว่ารู้สึกดีเวลามีใครมาทะนุถนอมยิ่งเวลาบนเตียงมันรู้สึกจั๊กจี้อย่างไรไม่รู้ ทั้งเขาและปฐวีส่วนสูงห่างกันไม่มาก เป็นผู้ชายตัวโตทั้งคู่เวลาเดินคู่กันเหมือนเพื่อนชายในแก๊งค์อะไรสักอย่างมากกว่าจะเป็น เอ่อ แฟน

ปฐวีพยายามบอกเขาว่าความสัมพันธ์ที่เรากำลังมีอยู่นั้นมันมากเกินกว่าคู่นอนทั่วไป.. ใช่ เขารู้ว่ามันกำลังพัฒนาไปมากกว่านั้น แต่เขาไม่ยอมรับง่ายๆหรอกน่า เขามีอิสระมากพอในชีวิตที่จะเลือกคู่รัก และยิ่งเขาเป็นที่จับตามองของสังคม เขาจะไปมีแฟนเป็นผู้ชายได้อย่างไรกันล่ะ ให้เป็นเพื่อนนอนก็ดีแค่ไหนแล้ว.. ได้เข้ามาในโลกส่วนตัวมากขนาดนี้ ไม่เคยมีใครได้เข้ามาหรอกนะ อยากจะบอกเหมือนกัน แต่เดี๋ยวเด็กมันจะได้ใจ

“เป็นอะไรหรือครับคุณวัตร เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” ปฐวีหันมามองคุณตำรวจที่เดินอมยิ้ม เดินมาด้วยกันผ่านกลุ่มนักศึกษาหน้าตาน่ารัก ไม่รู้ไปถูกใจสาวคนไหนหรือเปล่าถึงได้ตาหวานเยิ้มแบบนี้

“กะ.. ก็ดูวิวเพลินๆ มหาลัยที่นี่สวยดีนะ ต้นไม้เยอะดี”

“หรือครับ ไม่ใช่มองสาวๆเพลินหรอกนะ”

“อ่า” เขาชะงัก มองเด็กหนุ่มที่ส่งสายสายตาละห้อยนั่นมาอีกแล้ว เขาไม่ชอบเลย ช่วยเอาสายตาหมาน้อยของเอ็งเก็บไปซะ

“ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ผมคงรู้สึกกับคุณมากเกินไป” เด็กหนุ่มหยุดเดินหันมาสบตาคนตัวขาวจริงจัง ชัยวัตรรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอยู่ๆมาคุยอะไรกับตรงนี้ มันใช่เรื่องไหมวะ!

“วี กูถามตรงๆ มึงชอบกูจริงๆหรือ” นายตำรวจหนุ่มตัดสินใจถาม “ไม่ใช่ว่ามึงแค่เสพติด.. เอ่อเซ็กซ์”

“ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆคุณ ได้ดูแลคุณ มันแปลว่าผมแค่อยากจะเอากับคุณแค่นั้นหรือไง” ปฐวีพูดเสียงแข็ง คิ้วหนาขมวดเป็นปมแน่น ในใจรู้สึกไม่พอใจที่คนตรงหน้าคิดอย่างนั้น ถ้าเขาคิดอยากจะมีเซ็กซ์จริงๆเขาไปหาคนอื่นก็ได้ไม่ต้องมาตามตื้อทำตัวน่ารำคาญให้ชัยวัตรมาว่าอย่างนี้หรอก

“ไอ้วี พูดเบาๆสิ”

“อายทำไมครับ คนเยอะแยะ”

“นั่นแหละ กูอาย!”

“รีบไปนั่งเถอะครับ ผมจะแข่งอีกสิบนาทีแล้ว ผมเตรียมที่นั่งไว้ให้คุณแล้วจะได้ดูผมชู๊ตมุมเท่ๆ” เด็กหนุ่มพาเขามานั่งโซนวีไอพี บริเวณนี้ไม่มีคนเข้ามาวุ่นวายและยังเห็นสนามชัดเจน

“เออน่า แข่งเสร็จก็คิดมาแล้วกันว่าจะกินอะไร” เห็นเด็กมันหน้ามุ่ยไม่รู้โมโหอะไร เขาก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน “เดี๋ยวเลี้ยงเอง”

“ผมอยากเลี้ยงคุณวัตรบ้าง”

“เก็บเงินไว้ใช้เถอะมึง จะได้ไม่ต้องไปทำงานที่ผับนั่นแล้ว”

“เป็นห่วงผมหรือครับ ดีใจจัง”

“รีบไปได้แล้วโว้ย!”

มุมที่เขานั่งสามารถเห็นทีมของปฐวีได้ชัดเจนโดยเฉพาะช่วงที่หมอนั่นกำลังเลี้ยงลูกหรือพุ่งเข้าไปแย่งบาสจากฝ่ายตรงข้าม รูปร่างสูงใหญ่ช่วงตัวที่หนาในชุดนักบาสเสื้อกล้ามสีเหลืองอ่อนที่เว้าจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน เออๆ เขา ยอมรับก็ได้ว่ามันหุ่นดีจริงๆ

นี่กูมองอะไรวะ..

ผู้กำกับหนุ่มสะบัดหัวลบภาพหุ่นสุดเอ็กซ์ที่เข้ามารบกวนสายตาเงยหน้ามาอีกทีเขาก็เห็นเด็กหนุ่มมองมาทางเขา ดวงตากลมสีดำสนิทมองเหมือนจะทะลุเข้าไปข้างใน เขารีบเสมองไปทางอื่นรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมากะทันหัน มามองเขาท่ามกลางคนเยอะขนาดนี้เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ...

ปฐวีกำลังอยู่ในสนามแข่งช่วงเวลาควอเตอร์สุดท้าย ทีมของเขามีคะแนนนำฝ่ายตรงข้ามเกินกว่าครึ่ง ช่วงหลังแทบไม่ต้องวิ่งให้เหนื่อย เลยพอมีเวลามองคนตัวขาวโอโม่ที่นั่งอยู่ข้างสนาม ชายหนุ่มหน้าตี๋สวมเสื้อเชิ้ตสีเทาพอดีตัวยิ่งขับให้ผิวขาวเด่นกว่าเดิม กางเกงสแล็คสีดำพอดีตัวที่แนบเนื้อจนรัดรึงเห็นแก้มก้นขาวอวบที่เขาชอบสัมผัสนั่นอีก ลมร้อนในโรงยิมมันคงจะร้อนมากไปจนนายตำรวจหนุ่มสะบัดคอเสื้อให้เห็นเนื้อขาววับแวม

แม่งเอ๊ย.. โคตรยั่ว

เขาเผลอมองนานไปหน่อยจนเพื่อนเดินเข้ามาสะกิด แค่เห็นคนตัวขาวนั่งมองเขาก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ตั้งแต่มีความสัมพันธ์แบบคู่นอน เขาก็เอาตัวเองไปใกล้ชิดให้นายตำรวจเห็นอยู่เสมอ แทบจะใส่พานเสนอตัวเองอยู่แล้ว ก็ทำอย่างไรได้ เขาหลงรักผู้กำกับปากแข็งคนนั้นตั้งนานแล้วนี่นา

เกมจบลงและทีมเขาชนะอย่างที่คิด แข่งในมหาลัยตัวเองมันก็ดีไปอย่างเพราะเคยชินกับพื้นที่และสไตล์การเล่นของทีมที่ซ้อมกันอย่างหนักหน่วง ถึงแม้จะมีหน้าที่ที่ต้องทำมากมายแต่เขาก็สามารถแบ่งเวลาไปหาคนตัวขาวนั่นได้ทุกวัน ปีแรกของการเรียนมหาลัยเขาปรับตัวได้ค่อนข้างดี อาจจะเป็นเพราะเขาได้เรียนในสิ่งที่ชอบและได้เล่นกีฬาที่รักควบคู่ไปด้วย บางช่วงเขาแบ่งเวลาไปทำงานพิเศษเพื่อเก็บเงินเป็นค่าเทอมให้น้องสาวที่กำลังเรียนอยู่ม.4 ที่บ้านเขาเปิดร้านอาหารเล็กๆอยู่ย่านฝั่งธน พอเขามาเรียนมหา’ลัยไหนจะค่าเทอม ค่าหอ ค่าครองชีพที่จะใช้ทุกวันอีก ปฐวีไม่อยากรบกวนพ่อและแม่มากไปกว่านี้เลยเลือกที่จะหาเงินใช้เอง

จนเขาได้เจอชัยวัตรอีกครั้ง..
   

เจ้าตัวจำไม่ได้หรอกว่าเคยเจอเขามาก่อน เขายังจำใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ขยี้ผมเขาจนยุ่งเหยิงได้ดี คุณตำรวจที่แวะมาทานอาหารที่ร้านและช่วยแม่เขาที่โดนพวกกู้นอกระบบมาพังร้านได้ทันพอดี ถ้าหากเขาไม่ได้ชัยวัตรมาช่วยเอาไว้ ป่านนี้เขากับแม่ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ความรู้สึกเต็มตื้น มันปลาบปลื้มอยู่ในอก จนทำให้เขาอยากเป็นตำรวจเหมือนชัยวัตร แต่แม่ไม่อยากให้เขาไปทำงานเสี่ยงอันตราย อีกทั้งเขายังมีน้องสาวที่ต้องดูแล เขาจึงเลือกที่จะเรียนอย่างอื่นแทน เขามาเจอชัยวัตรอีกครั้งตอนเขาอยู่ม.5ในเพจของเฟซบุ๊คที่มีคนติดตามหลักแสน ห่างจากครั้งแรกเกือบ5ปี ความรู้สึกปลาบปลื้มในครั้งแรกมันเปลี่ยนไป หัวใจมันกลับเต้นแรง และอยากเจออีกสักครั้ง...

“จะไปกันได้หรือยัง” ชายหนุ่มตัวขาวเรียกเขาเสียงดัง ทุกคนในบริเวณนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงที่เริ่มจำหน้าของผู้กำกับหนุ่มไฟแรงคนนี้ได้ รีบควักโทรศัพท์ออกมาเพื่อเก็บภาพทันที ปฐวีรีบก้าวไปถึงตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะลากชายหนุ่มไปอีกทาง เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าชัยวัตรอยู่กับเขา ไม่อยากให้ใครมอง ไม่อยากให้ชายหนุ่มเป็นที่รู้จักของใครมากมายอีกต่อไปแล้ว

“กำลังจะยิ้มให้สาวถ่ายรูปเลย รีบลากออกมาทำไมวะ” เขากำลังจะหันไปยิ้มให้สาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่มาขอถ่ายรูป

“จะโชว์ตัวไปถึงไหนครับ”

“โมโหหิวแล้วหรือไง”

“ใช่ โมโห และอยากกินคุณซะตรงนี้” เด็กหนุ่มประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็วและกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหู ชายหนุ่มขนลุกพรึ่บรีบผลักเด็กหนุ่มให้ออกห่าง

“เห้ย ไอ้วี อย่าเพิ่ง มาเสี้ยนอะไรตรงนี้ นี่มันที่สาธารณะนะโว้ย”

“งั้นมานี่” เด็กหนุ่มตัวโตลากคนตัวขาวเข้าไปในห้องน้ำชาย “อยู่กับผมในนี้กับผมสักแปบ ให้คนกลับออกไปให้หมดก่อน”

“หลบทำไมวะ นี่ใคร กูคนของประชาชนนะ”

“เป็นคนของผมคนเดียวได้ไหมครับ”

“เห้ย อื๊อ” มือหนาบีบก้นอวบเต็มไม้เต็มมือจนคนตัวขาวร้องอู้อี้ “ปล่อยกู ไอ้วี ตรงนี้ไม่ได้”

“ไม่มีคนอยู่ ไม่มีใครเห็นแล้วไงครับ หรือคุณยังไม่พอใจ”

“จะบ้าหรือไง มาเอาในห้องน้ำ มันจะเฮนไตเกินไปหน่อยไหม!”

“มันก็เร้าใจดีนะครับ”

“หยุดความคิดเดี๋ยวนี้เลยโว้ย!” 

เขาพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม คิดว่าแรงตัวเองก็เยอะพอตัวทั้งขนาดตัวก็ไม่ได้ต่างกันมาก แต่ทำไมเขาถึงสะบัดตัวไม่หลุดสักทีวะ

“อย่าดิ้นมากเลยครับ ถึงคุณจะฝึกร่างกายมาดีขนาดไหน ก็สู้หนุ่มๆอย่างผมไม่ได้หรอก” เขายิ้มเยาะ ปฐวีเคยแอบแม่ไปเรียนติวเข้าโรงเรียนเตรียมทหารอยู่พักหนึ่ง เรื่องศิลปะป้องกันตัวเขาก็มาเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้ใช้จริงๆ

“ทำร้ายพนักงานเจ้าหน้าที่ มีโทษทางกฎหมายนะ!”

“ทำร้ายอะไรกันครับ ผมกำลังทำให้คุณมีความสุขแท้ๆ”ปฐวีพูดเสียงแผ่ว ดูเร้าอารมณ์เหลือเกินในความคิดเขา “ดูสิ ขนาดนี้แล้วคุณยังปากแข็งเหมือนเดิมเลยนะครับ” เด็กหนุ่มใช้มือหนาสอดเข้าไปในเสื้อตัวบางเขี่ยตุ่มไตที่กำลังเริ่มแข็งและลูบไล้จุดอ่อนไหวที่เขารู้จักดี

“ฮื๊อ อ๊า อย่า ไอ้วี”

“คุณจะห้ามผมได้หรือเปล่านะ” ละเลียดจูบตามซอกคอขาวที่พรมน้ำหอมกลิ่นประจำ ยิ่งได้กลิ่นอารมณ์เบื้องล่างเขาก็ยิ่งพลุ่งพล่าน “ลองดูกันสักยกก่อนแล้วกันครับ”

ชัยวัตรหน้าเหยเก ไม่รู้ไอ้เด็กบ้าไปโมโหอะไรมาถึงได้มาลงกับเขาแบบนี้ ทั้งที่ทุกทีออกจะอ่อนโยนกับเขาซะขนาดนั้น เป็นคนสองบุคลิกหรือยังไงกันวะไอ้เด็กนี่!!



บรรยากาศในหอประชุมเต็มไปด้วยความคึกคัก นักศึกษาวัยสดใสในชุดนักศึกษาละลานตาจนชลธีรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันที เขามองซ้ายมองขวาหาเพื่อนของมุจลินท์ที่ทำการจองที่นั่งให้เขาไว้เรียบร้อยแล้ว ที่นั่งคล้ายโต๊ะเล็คเชอร์แต่เป็นเบาะนวมบุสีแดงมีผนักพิง กะจากสายตาคร่าวๆน่าจะจุคนได้เกือบหนึ่งพันคนเลยทีเดียว มีการแบ่งโซนเป็นคณะต่างๆอย่างชัดเจนป้ายไฟต่างๆป้ายเชียร์สีสันสดใสเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็รับรู้ได้ถึงพลังอันแรงกล้าของวัยรุ่นที่กำลังสดใหม่ ส่วนเขาก็อุ้มลูกชายสุดที่รักเข้าไปหาที่นั่งที่จะสามารถมองเห็นคนรักได้ชัด เขาไมได้บอกมุจลินท์ว่าเขาจะมาดูในวันนี้ถึงแม้จะได้รับคำชวนจากเจ้าลูกเป็ดแทบทุกวันก็ตาม ถือโอกาสมาเซอไพร์สแฟนไปในตัว ไทเกอร์มองซ้ายมองขวาขยุกขยิกอยู่ในอ้อมกอดของคุณพ่ออยากจะลงไปวิ่งกับพื้นแทบไม่ไหว เพราะเห็นคนเยอะแยะ เด็กชายรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ยิ่งเห็นเวทีตั้งตระหง่านที่ประดับประดาไปด้วยป้ายไฟสีสันแปลกตาก็ยิ่งร้องเรียกหาแม่

“แม่ลินท์อะป๊า” จ้องไฟวิบวับบนเวทีจนเริ่มจะตาลาย เด็กชายซุกหน้าเข้ากับไหล่คุณพ่อ “เกอร์จะหาแม่.. ฮือ ฮือ”

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนดีของป๊า” เขาจูบกลุ่มผมนุ่ม “เดี๋ยวแม่ลินท์ก็มาแล้วครับ”

“ฮือ ฮือ เกอร์จะหาแม่”

“เดี๋ยวแม่จะออกมาทางนู้นไงครับ” ชลธีชี้ไปที่เวที “เดี๋ยวแม่ลินท์เสร็จงาน เราจะได้ไปรับคุณแม่กลับบ้านกันนะครับ”

“ฮื่อ”

“น้องงอแงหรือคะพี่ฉลาม” กัญญานั่งลงข้างๆชายหนุ่ม “สงสัยแกจะง่วงนะคะ”

“ครับ นี่ก็จะได้เวลานอนรอบเย็นแล้ว” เขาจับลูกชายนอนบนตักก่อนจะลูบหัวให้เด็กชายเบาๆ ก่อนออกมาไทเกอร์ไม่ได้ทานนมหรือของว่างมาเลยคงจะหิวเลยงอแง

“คงต้องรออีกสักพักเลยกว่าลินท์จะออกมา” กัญญายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูสลับกับมองไปที่เวที “คิวการแสดงของลินท์ได้ลำดับที่5ค่ะ”

“รอได้ครับ ตั้งใจมาดูตั้งแต่แรกแล้ว”

“ปกติเหมือนพี่จะไม่ค่อยว่างหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถาม นานพอดูกว่าเธอจะได้เจอผู้ชายที่เพื่อนสนิทแอบรักแอบเพ้อ เห็นว่าเป็นนายทหารตำแหน่งใหญ่โต “ไม่ค่อยได้เจอพี่ฉลามเลย มีแต่ลินท์เล่าให้ฟัง”

“อ่อครับ ปกติพี่จะประจำอยู่ที่ค่าย นานๆจะได้กลับบ้านที” เขายิ้มให้กัญญา รู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่นึกถึงว่าใครอเขาอยู่ “แต่ช่วงนี้พี่ลามาอยู่กับครอบครัวก่อนไปราชการสนามที่เชียงรายครับ”

“หา ไปไกลจังเลยค่ะ.. พี่จะไปนานไหมคะ”เธอเริ่มจะเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาเสียแล้วสิ

“พี่จะพยายามไม่ให้เกินครึ่งปี” ชลธีตอบ ถ้าเขาปิดภารกิจได้จบเร็วเมื่อไหร่ก็ได้กลับบ้านเร็วเมื่อนั้น ยิ่งตอนนี้เขาคบหากับมุจลินท์ฉันท์คนรักด้วยแล้ว ยิ่งไม่อยากอยู่ห่างกันเลย “พี่ฝากดูลินท์หน่อยนะน้องแก้ว”

“ไม่มีปัญหาค่ะ จะดูแลยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลย”

“ขอบคุณนะครับ”

“แล้วพี่บอกกับลินท์มันหรือยังว่าพี่จะไปนานขนาดนี้”

“บอกแล้วล่ะ แต่ไม่อยากบอกเวลาที่แน่นอน พี่กลัวจะกลับมาไม่ทันแล้วเขาจะรอเก้อ จริงๆก็อยากพาไปด้วย แต่เขาติดเรียนไหนจะต้องดูแลลูกชายกับคุณยายอีก ที่สำคัญมันอันตรายมากด้วย พี่คงทำงานไม่ได้แน่ๆ”

“เดี๋ยวแก้วจะช่วยดูแลเองค่ะ พี่ฉลามไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จริงจังกับเพื่อนของเธอจริงๆ โอ๊ยเธอก็อยากได้แฟนเป็นหนุ่มในเครื่องแบบหล่อแมนแบบนี้บ้างเหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะเห็นผู้ชายรักกันมันก็ฟินดี!

“พิแก้ว”

“จ๋า น้องเกอร์” หันไปสบกับดวงตากลมสีดำใสแจ๋วที่กำลังจ้องเธอเขม็ง “จำชื่อน้าได้ด้วยหรือจ้ะ”

“แม่บอกฮะ”

“คิดถึงคุณแม่ไหมจ้ะ”

“คิดถุงมากกกกกก” เด็กชายลากเสียงยาวพร้อมกับทิ้งตัวที่ตักคุณพ่อ “แม่ลินท์ไม่ได้ทิ้งเกอร์ไปใช่ไหม”

“เปล่าจ้ะ แม่ติดธุระ เดี๋ยวก็มาแล้ว” กัญญาอมยิ้มในความออดอ้อนของเด็กชาย มิน่าล่ะเพื่อนเธอถึงได้รักถึงได้หลงเสียขนาดนี้ “ถ้าเกอร์ง่วงก็นอนพักก่อนเดี๋ยวแม่ลินท์มาน้าแก้วจะปลุกนะจ้ะ”

“ฮะ”


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 05-12-2017 23:18:57

(ต่อจากด้านบน)


เด็กชายนอนหลับตาบนตักพ่อได้สักพักก็ผล็อยหลับ แม้รอบข้างจะเสียงดังแค่ไหนเด็กชายก็ยังหลับได้สนิทแถมยังดิ้นอีกต่างหาก กัญญาและชลธีนั่งรออยู่อีกราวๆครึ่งชั่วโมงจึงถึงเวลาเปิดงาน พิธีกรเป็นชายและหญิงหน้าตาดีสองคนซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นดาวและเดือนมหาวิทยาลัยจากปีที่แล้ว เริ่มพูดคุยทักทายผู้ชมในหอประชุมและประกาศคะแนนป็อบปูล่าห์โหวตหรือตำแหน่งขวัญใจสื่อมวลชนที่กดไลค์จากเพจโดยคิดเป็น80%และรวมคะแนนในห้องส่งในรอบการแสดงของแต่ละคน ภาพที่ฉายขึ้นทางจอโปรเจคเตอร์เป็นรูปที่ถ่ายในช่วงเข้าค่ายเก็บตัวซึ่งแต่คนละจะมีธีมที่แตกต่างกันออกไปจนกระทั่งถึงรูปของมุจลินท์ในชุดว่ายน้ำที่แทบจะเปลือยแผ่นอกทำเอาชลธีชะงัก

เห้ย…

ตะลึงรูปเมียตัวเองไม่พอ ยังมีรูปคู่ที่ถ่ายกับผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งเขาคุ้นเคยว่าเป็นเพื่อนของคนรัก คิ้วดำเข้มขมวดแน่นอย่างไม่พอใจ ภาพที่เขาเห็นคราวก่อนในมือถือเจ้าลูกเป็ดยังมีมากกว่าที่เห็นอีกหรือ เขาไม่ได้โกรธคนรัก เขาก็แค่หวง ไม่อยากให้ใครเห็นแฟนเขาก็เท่านั้น ไทเกอร์เงยหัวขึ้นมาจากตักคุณพ่อ ดวงตากลมฉ่ำปรือปรอยด้วยความง่วงงุนเมื่อได้ยินเสียงฮือฮาจากรอบข้าง จากที่งัวเงียกลายเป็นตื่นเต็มตาเมื่อเห็นรูปคุณแม่โชว์หราอยู่ในจอโปรเจคเตอร์ มือสั้นป้อมชี้ไปที่จอก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะดิ้นให้หลุดออกจากการเกาะกุมของคุณพ่อ

“จะไปไหนครับเกอร์” ชลธีคว้าลูกชายเอาไว้ได้ทัน “วิ่งในนี้ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวหลงนะ”

“เกอร์จะไปหาแม่” ไทเกอร์ทำปากยู่ “แม่อยู่ในนั้น”

“แม่ไมได้อยู่ในนั้นครับ ป๊าก็คิดถึงแม่เหมือนกัน เดี๋ยวเราค่อยไปหาแม่ด้วยกันนะครับ”

“ฮือ พาเกอร์ไปนะ”

“ครับๆ มานั่งนี่ก่อนเร็ว” เขาอุ้มลูกชายนั่งตัก “เดี๋ยวแม่จะขึ้นบนเวทีเราต้องปรบมือให้คุณแม่นะครับ”

“ได้ฮะ”

“ทานน้ำได้นะคะน้องเกอร์” กัญญาลุกออกไปซื้อน้ำและขนมมาเผื่อหลาน เมื่อครู่เห็นเจ้าตัวเล็กงอแงเธอก็อยากจะช่วยชลธีดูไทเกอร์อีกแรง เพราะเพื่อนเธอเคยบอกว่าไทเกอร์ติดมุจลินท์มากและไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ง่ายๆ “เดี๋ยวแม่ลินท์มาจะได้ให้แม่ลินท์พาไปเที่ยวนะคะ”

“ขอบคุงฮะ” กระพุ่มมือไหวก่อนจะรับขนมไปถือไว้แต่ไม่ยอมกิน “เกอร์อยากเจอแม่”

“ดูนู่นครับ แม่จะมาแล้ว” ชลธีชี้ไปที่เวทีที่เริ่มทยอยให้ผู้ประกวดมาแนะนำตัว ไทเกอร์จะยืนขึ้นไปมองคุณแม่ที่อยู่บนเวที เด็กชายร้องกรี๊ดจะวิ่งไปหาแต่เขาตะครุบไว้ได้ทัน บนเวทีเต็มไปด้วยเด็กหนุ่มและเด็กสาวในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเดินโชว์ตัวบนเวทีเรียกเสียงกรี๊ดจากแม่ยกด้านล่าง เขาอุ้มลูกชายเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นคนรักในชุดนักศึกษาเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวผูกเนคไทประจำมหาลัยสีกรมท่าและกางเกงสแล็คสีดำพอดีตัว เครื่องหน้าหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์อ่อนๆยิ่งทำให้ขับใบหน้าดูโดดเด่น คิดถึงพวงแก้มขาวเลือดฝาดที่เขาชอบงับเล่น ทำเอานายทหารหนุ่มยิ้มกริ่มมองเจ้าลูกเป็ดไม่วางตา

“แม่ แม่ลินนนน” ไทเกอร์โบกไม้โบกมือจะให้แม่หันมามองแต่ก็ไม่ได้ผล เจ้าตัวเริ่มจะเบะจนเขาต้องอุ้มลูกออกมาจากฝูงชนที่กรูกันเข้าไปถ่ายภาพและกองทัพแม่ยกที่ร้องตะโกนชื่อกันเสียงดัง “ป๊า แม่ๆๆแม่อยู่นู่น”

มุจลินท์ยืนฉีกยิ้มให้กล้องที่กำลังจับภาพ เขาติดหมายเลขประดับอก ดวงตากลมโตสีสวยเริ่มล้าเพราะแสงแฟลชเข้าตามากเกินไป กรวิชญ์เห็นจึงกระตุกแขนเสื้อเพื่อน

“มองไปทางอื่นบ้าง”เขากระซิบ “เดี๋ยวตาลายเดินเป๋หรอกมึง”

“เออ ปวดตาเลยว่ะ” เขาหลบสายตาไปมองทางอื่นบ้างจนเห็นใครบางคนหน้าตาคุ้นๆกำลังมองมาทางนี้ และยิ่งคุ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นเด็กชายตากลมแป๋วกำลังเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้

ไทเกอร์.. พี่ฉลาม..

ในอกข้างซ้ายหัวใจเต้นระรัวเร็วเมื่อเห็นใครบางคนส่งยิ้มให้ วันนี้ชลธีดูต่างไปจากทุกทีร่างสูงในชุดเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีน้ำเงินพร้อมผมทรงใหม่ที่เขาไม่เตยเห็นมาก่อน ส่วนลูกชายก็กำลังจะงอแงจะมาหาเขาให้ได้ หนึ่งอาทิตย์พอดีที่เขาได้ยินแค่เสียงของอีกฝ่าย เขากลั้นยิ้มจนปวดแก้มมองคนรักที่ส่งยิ้มมาให้ไม่วางตา ไม่ยอมบอกกันก่อนเลยว่าจะมา เด็กหนุ่มส่งยิ้มหวานให้คนรักยิ่งทำให้ถูกจับตามองจากช่างภาพมากยิ่งขึ้น เสียงกดชัตเตอร์ดังต่อเนื่องจนกรวิชญ์รีบมาดึงเพื่อนไปเข้าประจำที่ก่อนที่พิธีกรจะเข้ามาสัมภาษณ์แล้วปล่อยให้ผู้เข้าประกวดเข้าไปเตรียมการแสดงด้านหลังเวที

“แฟนมึงมาดูหรือไง หน้าบานเป็นกระด้งเลยนะ” กรวิชญ์ได้โอกาสก็แซวเขาทันทีที่อยู่ด้วยกันสองคน มันคงจะดูออกว่าเขาเก็บอาการดีใจมาตลอดทาง ตอนนี้เขาแทบจะกำหมัดแล้วร้องเย่ขึ้นมา

“อือ โอ๊ยดีใจว่ะ เขาคงกะมาเซอไพร์สกูแน่ๆ”

“งั้นมึงก็ต้องยิ่งทำให้ดี”

“เออ รู้แล้วล่ะน่า”

เขาผละจากกรวิชญ์เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องที่เขาใช้แต่งตัวถูกกั้นฉากเพื่อแบ่งให้คณะอื่นร่วมใช้ด้วย ชุดที่เขาใส่เป็นเสื้อยืดสีขาวมีลายสีสันสดใสสวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีเหลืองและกางเกงยีนส์ขาดๆวิ่นๆเหมือนไปฟัดกับตัวอะไรมาสักอย่าง ไหนจะรองเท้าผ้าใบสีเจ็บจี๊ดที่พอใส่รวมกันทั้งชุดแล้วเขาก็อยากรู้จริงๆ ..

ใครมันเป็นคอสตูมวะ กูอยากจะร้อง

“เสร็จยังวะ” เกี๊ยมเดินออกมาจากห้องลองชุด มันใส่แจ็คเก็ตสีม่วงอ่อนทับกับเสื้อยืดสีชมพู กางเกงยีนส์ฟอกเป็นด่างๆดวงๆกับรองเท้าผ้าใบสีแสบลูกตาเช่นกัน พอมายืนข้างกันแล้ว..เอ่อ เขาคนหนึ่งล่ะที่ไม่กล้าใส่ชุดแบบนี้ออกจากบ้านเลย กลัวหมาเห่าชะมัด

“เสร็จแล้วๆ”

“แต่งขึ้นเหมือนกันนี่หว่า แม่งเหมือนฝรั่งเลยว่ะ”

“ฝรั่งห่าไรล่ะ” หันไปด่าเพื่อนเสร็จเขาก็กลับเช็คเสื้อผ้าหน้าผมอยู่หน้ากระจกต่อ ทำสมาธิอยู่สักพัก พอรู้ว่าคนรักมาดูก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก โอ๊ยยย ขอถอนคำพูดที่ว่าอยากให้มา ตอนนี้ตื่นเต้นจนตัวเกร็งไปหมดแล้ว

“เอ้าๆ หน้าซีดเป็นผักต้มเลยมึง ไหวป่ะเนี่ย”

“กูไหว กูแค่ตื่นเต้นไปหน่อย”

“งั้นก็ไปกันได้แล้ว” เขาพยักหน้ารับก่อนจะผ่อนลมหายใจเดินตามกรวิชญ์ไปที่ทางออก เห็นคู่อื่นกำลังเตรียมตัวกับการแสดงเหมือนกัน รู้สึกเหมือนมีเพื่อนค่อยสงบจิตใจได้นิดหน่อย กติกาในการแข่งรอบนี้คือต้องจับคู่กับเพื่อนต่างคณะเพื่อและทำการแสดงหนึ่งอย่างโดยตัดสินเป็นรายบุคคลจากคะแนนโหวตในหอประชุมผ่านการนับคะแนนจากดอกกุหลาบและทางออนไลน์ที่กำลังliveสดทางเฟซบุ๊คอยู่ตอนนี้

ตื่นเต้นชะมัด!


แสงไฟจากสปอร์ตไลท์ส่องสว่างกลางเวทีเป็นสัญญาณเริ่มต้นการแข่งขัน แต่ละทีมที่จับคู่ออกไปทำการแสดง เขาและกรวิชญ์กำลังเป็นคู่ถัดไปเขาใช้มือเย็นเฉียบถูกันไปมาตั้งสติให้มั่นคงก่อนที่จะออกไป

“ลำดับต่อไปขอเชิญ น้องลินท์จากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และน้องเกี๊ยมคณะรัฐศาสตร์ครับ!” หัวใจเขาเต้นจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอกให้ได้ เกี๊ยมมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มให้กันแล้วเดินออกไปยืนกลางเวทีเสียงดนตรีดังขึ้นเป็นจังหวะ เขากระชับไมโครโฟนที่ติดข้างหูแน่น ก่อนจะออกท่าทางไปตามเสียงเพลง

ได้พบกับเธอฉันก็มั่นใจว่าเธอเท่านั้นที่ฉันต้องการ
ทั้งร่างกายและ DNA ที่อยู่ข้างใน มันบอกว่าต้องใช่เธอ
ที่ตามหามานาน เรามาผ่านมันไป เธอกับฉันพร้อมกัน
แค่เธอเท่านั้นที่ต้องการ แค่เธอ come with me
เธอคือคนที่ฟ้าส่งมอบให้ฉัน Like a dream.
When i meet you Take it Take it
ขอเธอช่วยคว้ามือคู่นี้ อย่าไปฝืนโชคชะตา
อย่ากังวลเลย my Love เรื่องระหว่างเราไม่ใช่ความบังเอิญ
ที่จริงคือโชคชะตา Baby ต่างกันแค่ไหน เพราะคือเราคงต้องใช่
ต้องใช้เวลานานเพียงใด เราจึงได้พบ จากทุกนาที ที่ยาวนาน
หลายปีผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไร ไม่ว่าวันไหนแค่เรา
ยืนเคียงกันไปทุกเวลา DNA เรื่องเราไม่ใช่แค่ความบังเอิญ
ที่ทำให้ฉันพบเธอคือโชคชะตา DNA
I want it this love I want it real love
I just look at only your love
เธอ Can control ฉัน Too many เพราะมันคือ DNA
ที่ต้องการเพียงแค่เธอ ไม่มีวันทิ้งกัน
I love us ก็เราสองคือ True lovers**


สิ้นสุดเสียงเพลงเสียงปรบมือดังกระฮึ่มพร้อมพิธีกรที่ประกาศเรียก เขาและกรวิชญ์หอบหายใจแฮ่กแตะมือกันก่อนจะกอดคอกันเดินเข้ามากลางเวที เรื่องเต้นที่เขาไม่ถนัดและกังวลมาหลายอาทิตย์ ในที่สุดเขาก็ผ่านมันมาจนได้ “เป็นที่ถูกใจจากบรรดาแฟนคลับมากๆเลยครับ ตอนนี้คะแนนโหวตจากในแฟนเพจของเราพุ่งสูงมาก”

“เพลงที่จบไปเมื่อครู่ เป็นเพลงที่น้องลินท์และน้องเกี๊ยมได้แปลงมาจากเพลงต้นฉบับนะคะเพราะมากๆเลย” พิธีส่งยิ้มหวานให้พร้อมกับเอ่ยแซว “เกิดคู่จิ้นคู่ใหม่ของมหา’ลัยเราเลยนะคะ”

“เดี๋ยวเราจะให้กองเชียร์เข้ามาให้ดอกกุหลาบนะครับ” ในหอประชุมเริ่มเกิดเสียงฮือฮาอีกครั้ง “มีเวลาแค่5นาทีเท่านั้นนะครับ”

ทุกคนกรูกันเข้ามาส่งดอกกุหลาบให้คนที่ตัวเองเชียร์ มุจลินท์แทบเซเมื่อด้านหน้าเวทีมีการแย่งชิงพื้นที่เพื่อจะเข้ามาถึงตัวเขาให้มากที่สุด เขาหัวเราะเบาๆแต่ก็รับดอกไม้มาอย่างรวดเร็ว

“ระวังกันด้วยนะครับ เดี๋ยวล้ม”

“น้องลินท์น่ารักมากเลยครับ” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษายื่นดอกไม้มาให้เขาพร้อมกับส่งยิ้ม เขาเอื้อมมือไปรับก่อนจะบอกขอบคุณ “มีแฟนหรือยังครับ”

“แฟนไม่มี” เสียงดุเข้มดังขึ้น “มีแต่ผัวและลูกชายอีกหนึ่ง”

“แม่!”เสียงร้องเรียกทำให้เขาหันไป เห็นลูกชายกำลังงอแงได้ที่พร้อมจะวิ่งมาหาเขาทันทีถ้าปล่อยมือ “จะหาแม่ลินท์!” คนเมื่อครู่สะดุ้งเฮือกมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไทเกอร์ถือช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่จัดไว้อย่างสวยงาม

“ให้แม่หรือครับ”

“ให้แม่ฮะ แม่ลินท์ของเกอร์เท่ที่ฉุด”

“น่ารักจังเลยคนเก่ง ขอบคุณนะครับ” เขาสบตาหวานฉ่ำของคนรัก ที่มองเขาเหมือนจะกลืนกินไปทั้งตัว ก่อนจะหันไปรับดอกไม้อยู่เรื่อยๆแล้วส่งไปด้านหลังส่วนช่อใหญ่ยังคงถือไว้ “ขอบคุณที่มาดูลินท์นะครับ”

“ไม่มาเชียร์เมียคงไม่ได้แล้วล่ะ” ชลธีเห็นเจ้าลูกเป็ดอายม้วนก็ยิ่งหยอดเข้าไปอีก “น่ารักขนาดนี้”

“ค่อยกลับไปคุยที่บ้านนะครับ”

“เดี๋ยวพี่รอนะ”

“แม่ แม่ ไม่เอา จะหาแม่” ไทเกอร์โผออกจากอ้อมอกคุณพ่อ ดิ้นขลุกขลักจะขึ้นไปบนเวทีให้ได้

“เกอร์!!” เห็นลูกร้องไห้เขาก็อดใจไม่ไหว ยิ่งไทเกอร์ทำท่าจะหล่นออกมาจากวงแขนชลธี เขาก็ยิ่งเป็นห่วงเลยส่งมือไปรับเด็กชายขึ้นมาอุ้ม “ทำไมไม่ฟังป๊าล่ะครับลูก”

“จะหาแม่------”

“หมดเวลาแล้วครับ” มุจลินท์กำลังจะถอยกลับเข้าไปด้านในแต่มองหาชลธีไม่เจอ ไทเกอร์ยังอยู่ในอ้อมอกเขา เด็กชายหยุดร้องแล้วจ้องมองไปรอบๆเวที เขาอุ้มลูกข้างนึงอีกข้างถือช่อดอกไม้กระทั่งเดินกลับเข้าไปยืน ทุกคนก็พากันมองเด็กชายที่เขาอุ้มเป็นตาเดียว ไทเกอร์หัวเราะคิกคัก ส่วนเขาเริ่มจะเวียนหัวขึ้นมาดื้อๆ ก่อนจะหันไปสบตากับชลธีกำลังยืนหลบมุมพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เขา

พี่ฉลาม คิดจะให้คนอื่นรู้ว่าเขามีลูกแล้วสินะ

ร้ายจริงๆว้อย!

 

TBC
เฮนไต = การ์ตูนโป๊ *
ดัดแปลงเป็นเวอชั่นภาษาไทยจากเพลง DNA วง BTS**
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 06-12-2017 02:52:41
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-12-2017 08:16:33
 :katai3: พ่อร้ายกาจมาก ลูกก็จัดเต็ม 5555
ประกาศให้รู้กันทั่วว่าน้องลินไม่ว่างแล้วนะจ๊ะ มีผัวพร้อมลูกอีกหนึ่ง  o13
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 06-12-2017 09:25:54
:hao3: พ่อมันร้าย
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-12-2017 09:30:16
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 06-12-2017 09:32:08
อ๊าก ทำไมวีวัตรต้องตัดเข้าโคมไฟด้วย เขายังไม่ได้กันเลยทำไมทำแบบนี้


กลับมาต่อคู่วีวัตรก่อน นานๆจะโผล่มาที กลับมาก่อน


นักเขียนหายไปไหนกลับมาก่อน
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 06-12-2017 09:35:11
เพิ่งเห็นมุมร้ายของพี่หลาม อะไรจะหวงเมียขนาดนั้น

นี่ไม่อยากจะคิดว่าพี่ชุจะเห็นไหม ว่าลูกเป็ดมีลูกแล้ว

อยากให้จนจะจบเรื่องหนูเกศไม่โผล่มาเลย จะดีใจมากก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 06-12-2017 17:39:48
ไทเกอร์กับแม่รินทร์น่ารักมากกกก  :L2:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: 05th_of_06th ที่ 06-12-2017 20:22:26
พี่ฉลามมันร้ายยยยย 555555555
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-12-2017 20:55:02
 :hao7: พี่ฉลามเจ้าเล่ห์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-12-2017 22:13:19
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 07-12-2017 19:53:32
พ่อเจ้าเล่ห์ ลูกน่ารัก ไม่รอดแล้วลินท์ :mew4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 10-12-2017 00:10:23
อ่านทันแล้ววววว หวานๆดี
รอตอนต่อไปฮะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 11-12-2017 09:42:00
นักเขียนมาต่อได้แล้ว ทำไมหายไปนานแบบนี้ รีบมาต่อเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 12-12-2017 17:39:58
ตามมาจากหน้าแนะนำ ดีงามจริงๆ รอๆนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 13-12-2017 02:08:23
โ้อ้ยคูนนวัตรจะโดนกิน ในห้องน้ำหราาา 555 :hao3:

ส่วนพี่ฉลามนั้นหลงเมียยิ่งกว่าสิ่งใด
น้องเกอร์ของเจ้ 55555
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๖] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๐๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 14-12-2017 12:44:30
พี่ฉลามร้ายจริงๆ ส่งลูกไปยืนด้วยให้รู้ไปเลยว่ามีเจ้าของแล้ว 55555555
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๗] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๑๘.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 18-12-2017 22:12:10
ตอนที่ ๑๗

   มุจลินท์ยืนนิ่งอึ้งอยู่บนเวทีโดยมีลูกชายวัยสี่ขวบกำลังถือช่อดอกไม้สีแดงสดให้เขาอยู่ ดวงตากลมสีเทาสวยจ้องไปที่คนรักที่กำลังยกยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เร็วที่สุดหันไปสบตากับกรวิชญ์ที่กำลังหอบดอกไม้พะรุงพะรัง เจ้าลูกเป็ดรีบปรี่เข้าไปหาเพื่อนส่วนไทเกอร์ที่เขากำลังอุ้มหัวเราะกรี๊ดกร๊าดคิดว่าเขาเล่นด้วย กรวิชญ์เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงสงสัยก่อนจะเอาดอกไม้ฝากให้กับทีมงานของกองประกวด

“เด็กที่ไหนวะ มึงไปเอามาได้ยังไง”

“ลูกกูเอง”

“หา” กรวิชญ์อ้าปากค้างเห็นเพื่อนตัวเองอุ้มเด็กหน้าตาน่ารักมาจากไหนไม่รู้ไม่งอแงแถมยังมองเขาตาเป็นมันอีก เขารีบโบกมือให้สต๊าฟด้านหลังเวทีมาช่วยอุ้มเด็กออกไป “มึงเอาไปฝากพี่ข้างหลังเขาไว้ก่อน”

“เกอร์ครับ โอ๋ๆ ไปรอคุณแม่ที่ข้างหลังก่อนนะครับ”

“ไม่เอา ---เกอร์ไม่ไป” เมื่อเห็นคนแปลกหน้ามารุมมองทำท่าจะอุ้มไปจากแม่ เด็กชายยิ่งเบะปากทำท่าจะร้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น เด็กหนุ่มรีบปลอบทั้งโยกทั้งกอดด้วยความคิดถึง

“ไม่งอแงนะลูก เดี๋ยวก็กลับบ้านกันแล้ว” เขาบอกลูกชายที่น้ำตารื้นอยู่ขอบตาทำท่าจะไหลอยู่รอมร่อ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ ให้ตายเถอะ เขาแพ้น้ำตาลูกชายจริงๆ

“เหี้ย ลูกมึงจริงหรอเนี่ย”

“ก็เออสิวะ!”

“เอายังไงดี มึงจะอุ้มลูกไปตอบคำถามเรอะ”

“ถ้าวาง ลูกกูร้องแน่”

“หาไรอุดปากซะ”

“ไอ้เหี้ยเกี๊ยม ลูกกูนะไม่ใช่ตุ๊กตาไขลาน”

“มึงก็เอาไปฝากแฟนมึงสิ” มุจลินท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ดีว่าชลธีทำอย่างนี้มีจุดประสงค์อะไร เขามองไปรอบๆเวทีก็ไม่เห็นชลธีแล้ว “เร็วๆเลยยังเหลือเวลาอยู่นิดหน่อย”

“หาไม่เจอแล้ว” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “หายไปไหนก็ไม่รู้”

“แมะ แม่ลินนน” เด็กชายสะอึกสะอื้นสูดน้ำมูกใสที่กำลังไหล “กลับบ้านกัน”

“แปบเดียวนะครับคนเก่ง หนูไปอยู่กับคุณพ่อได้ไหม แม่ขอทำงานก่อน” เขาใช้ทิชชู่บรรจงซับน้ำตาและน้ำมูกให้ลูกชาย ดวงตากลมโตสีดำและจมูกจิ้มลิ้มแดงก่ำเขายิ่งรู้สึกสงสารลูกจับใจ

“งานไย.. ฮึก” ลูกชายเอียงคอถามกระชับช่อดอกไม้แน่น “เกอร์ทำด้วยยยยยยย”

“ฮื่อ ไม่ได้ครับ เห็นไหมครับคนเยอะแยะเลย ให้แม่ทำงานก่อนนะ” เขาไม่อยากทิ้งลูกชายไว้กับใครที่ไม่รู้จักเลยแต่ตอนนี้เขาอยู่บนเวทีไม่มีเครื่องมือติดต่อสื่อสารหาใครทั้งนั้น ริมฝีปากสีชมพูสวยเม้มแน่นอย่างคนใช้ความคิด จะปล่อยลูกชายไว้คนเดียวก็ไม่ได้ด้านหลังเวทีคนผ่านไปผ่านมาเยอะแยะเขาไม่ไว้ใจ แต่ถ้าเขายอมทนให้ลูกร้องจนกว่าเขาจะเสร็จงาน ไทเกอร์ต้องไม่สบายแน่ๆ

“เกอร์อยากอยู่กับแม่นี่ฮะ”

“ไอลินท์ เร็ว!” กรวิชญ์เร่งหนักจนเขาปวดหัวตุบไปหมด

“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”

มุจลินท์ถอนหายใจเฮือกอุ้มลูกชายด้วยแขนขวา เด็กชายตัวน้อยถือช่อดอกไม้สีแดงสด ดวงตากลมโตสีดำเป็นประกายเมื่อเห็นแสงสีบนเวที ผมหยักศกถูกดัดอ่อนๆให้เป็นทรง สวมชุดเอี๊ยมยีนกับเสื้อแขนสั้นสีเขียว กลิ่นดอกไม้อ่อนๆติดตามตัวลูกชายจนเขาอยากจะก้มลงไปงับแก้มป่องนั่น ถ้าไม่ติดว่าเขาจะต้องเข้าประกวดงานของมหาวิทยาลัย เขาก็อยากจะรีบกลับไปนอนกอดลูกชายให้หายคิดถึงจริงๆ ถ้าชลธีเล่นไม่เล่นไม้นี้กับเขา เขาคงจะอารมณ์ดีกว่านี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะทุบคนรักหลายๆที คิดได้ยังไงปล่อยลูกมาอยู่กับเขา!

เด็กชายซุกหน้าเข้ากับอกเขาเมื่อแสงสีสวยที่เด็กชายอยากจะวิ่งเข้าไปเล่นมันแสบตาจนเขาต้องใช้ช่อดอกไม้บังแสงเอาไว้ พิธีกรเรียกเชิญแต่ละคณะขึ้นบนเวทีโดยแบ่งเป็นชายและหญิง เขายืนข้างกรวิชญ์ที่กำลังแจกยิ้มหวานไปทั่ว แสงแฟลชยิ่งสาดมาที่เขาหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นไทเกอร์เสียงดังเซ็งแซ่ระงมไปทั่วหอประชุม เด็กหนุ่มตื่นเต้นจัดหัวใจเต้นรัวเร็ว ได้มองหน้าลูกชายความตื่นเต้นที่มีถึงจะลดลงไปบ้าง

“พาใครมาด้วยคะเนี่ยน้องลินท์” พิธีกรผู้หญิงที่เขาจำชื่อไม่ได้ยื่นไมค์มาถามลูกชายเขาที่มองตาแป๋ว “หนูชื่ออะไรจ้ะ”

“ทะ.. ไทเกอร์”

“น่ารักจังเลย น้องชายหรือคะ”

“เอ่อ” เขายิ้มเจื่อน “ครับ”

“แม่”

“คะ”

“แม่หนู” ไทเกอร์มองไมโครโฟนตาวาวก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด “แม่ลินท์”

“อ่า น้องพูดเก่งจังเลยนะคะ มากับคุณแม่หรือจ้ะ”

“ฮะ มากับแม่ ป๊าด้วย” ไทเกอร์ตอบพร้อมแจกยิ้มหวานเรียกเสียงกร๊ดกร๊าดจากพิธีกรและผู้ชมทั้งหอประชุม “เกอร์อยากอยู่กับแม่ ให้แม่กลับบ้านได้ไหมฮะ”

“เกอร์ ไม่งอแงนะครับ” เขาก้มลงเอ็ดลูกชายที่กำลังจะพยศอีกรอบ สายตาก็มองกวาดหาคนรักที่หาเรื่องแกล้งเขาได้ดีจริงๆ

อย่าให้เขาเจอนะ!

“เดี๋ยวให้คุณแม่มารับเนอะ ให้พี่ลินท์ตอบคำถามก่อนนะจ้ะ” พิธีกรทำท่าจะให้เขาวางลูกชายลงและเข้าร่วมประกวดตามกำหนดการแต่ไทเกอร์ส่ายหัวดิกแล้วซุกเข้ากับอกเขา

“นิไงแม่เกอร์” เด็กชายร้องประท้วงเสียงดังจนเขาใจสั่นไปหมด เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง เขาเม้มปากแน่นไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าทุกคนรู้ว่าเขามีลูกจริงๆจะเป็นยังไง “แม่----” ไทเกอร์ร้องเรียกแล้วซุกเข้ากับไหล่เขา ดูจะงอนที่เขาไม่ยอมบอกว่าเป็นแม่ คิ้วได้รูปสวยขมวดแน่นเมื่อเห็นชลธีกับกัญญาโบกมือให้อยู่ด้านล่าง มุจลินท์มองคนรักด้วยสายตากรุ่นโกรธอยากจะวิ่งลงไปทุบคนหน้าตายที่แกล้งเขานัก

“อ่า” พิธีกรหญิงมองเขาสลับกับไทเกอร์ก่อนจะสลับไปสัมภาษณ์คนอื่นแทน เขาใช้มือที่ว่างกวักมือเรียกชลธีให้มารับลูกกลับไป เห็นคนรักยิ้มหวานใส่เขาก็ยิ่งอารมณ์เสีย แค่นี้รูปเขากับลูกชายก็เด่นหราไปทั่วแฟนเพจแล้ว นายทหารหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เวทียังไม่วายยิ้มกริ่ม เขารีบอุ้มลูกไปส่งให้คนรักที่รอรับอยู่

“พี่เล่นบ้าอะไรเนี่ยหะ” เขาก้มหอมแก้มลูกชายก่อนจะส่งลูกชายให้ชลธีอย่างระมัดระวัง ไทเกอร์งอแงอยากอยู่กับเขาต่อแต่ก็ยอมให้คุณพ่ออุ้มแต่โดยดี “เล่นแบบนี้ลินท์ไม่ตลกด้วยนะ”

“ขอโทษครับ” ชลธีพูดเสียงเบาแต่ยิ้มหยีจนดวงตาเป็นเส้นตรง “พี่แค่ฝากลูกไว้แปบเดียวเอง”

“ลินท์โกรธมาก” เขาพูดจริงจัง

“ยกโทษให้สามีคนนี้นะครับ”

“ไม่!”

“โถ่ลินท์” นายทหารหนุ่มหน้าจ๋อยมองหน้าคนรักด้วยสายตาเว้าวอน “จะให้พี่ทำอะไรก็ได้ พี่ยอมหมดเลย ขอแค่อย่างเดียว ไม่โกรธพี่นะครับ”

“หึ..” ได้ฟังแล้วแทนที่จะโกรธเขากลับใจเต้นแรงจนต้องหุบยิ้มจนปวดแก้ม “กลับบ้านไป พี่โดนแน่!”

“แม่ลินนนน” เด็กชายมองแม่ตาละห้อยไม่มีแรงจะร้องได้แต่ยื่นมืออ้วนป้อมออกไปหา “แม่จ๋า..” ได้ยินเสียงลูกเรียกหัวใจก็อ่อนระทวยอยากจะอุ้มแล้วกลับบ้านมันเสียตอนนี้

“ไหนๆแม่ขอหอมแก้มหน่อย”

“จุ๊บ” เด็กชายทำปากจู๋ก่อนจะยื่นไปหาเด็กหนุ่ม เขาประทับริมฝีปากลงแก้มป่องสองฟอด ได้กลิ่นดอกไม้อ่อนๆหอมชื่นใจ กำลังจะลุกขึ้นยืนแต่แรงโฉบที่แก้มขวาของเขาทำเอาคิ้วกระตุก ชลธียิ้มแผล่ก่อนจะถอยออกจากเวที เขากุมแก้มขวาเบาๆ

“ก็เห็นลูกหอม พี่ก็อยากหอมบ้าง..”

มุจลินท์หน้าชาไม่อยากจะลุกขึ้นยืนเลย แสงแฟลชและเสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นโดยรอบ ตอนนี้เขาอยากจะตะกุยพื้นแล้วแทรกตัวลงไปในพื้นแล้วไปโผล่ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ให้ตายเถอะ นี่มันที่บ้านที่ไหนกันเล่า!

เขา-อยาก-จะ-บ้า!



มือหนาละเลียดไล้ไปตามลาดไหล่หนาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่น ผิวขาวจัดดูสว่างแม้จะอยู่ในความมืด ปฐวีอดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปขบเม้มแล้วใช้ลิ้นแฉะชื้นแตะไล่ไปตามแอ่งชีพจรของคนตัวขาวก่อนจะเลื่อนขึ้นมาชิมใบหูส่วนที่ไวต่อความรู้สึกมากที่สุด ชัยวัตรย่นคอหลบริมฝีปากเขา ตาเรียวรีแทบจะลืมไม่ขึ้นเมื่อเขาบรรจงบดเบียดริมฝีปากสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปก่อนที่ผู้กำกับจะอ้าปากบริภาษเขาได้ทัน เขาดูดริมฝีปากล่างของอีกคนจนรู้สึกได้ว่ามันเริ่มบวมเป่ง มือที่ว่างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงไปกรอมข้อศอกช่างดูเย้ายวนให้เขาอยากจะกอดชัยวัตรมากขึ้นไปอีก ผู้ชายตัวโตสองคนในห้องน้ำทำให้ห้องดูเล็กลงไปถนัดตาจะขยับหรือพลิกเปลี่ยนท่าทางไม่ได้ดั่งใจเหมือนเตียงนอนสีขาวนุ่มบนคอนโดผู้กำกับเลยสักนิด เสียงครวญครางของคนตัวขาวยามที่เขาใช้มือถูไถไปตามร่างกายที่เริ่มร้อนระอุยิ่งทำให้เด็กหนุ่มได้ใจ ขบเม้มผิวขาวจัดจนเป็นรอยแดงจ้ำ หากใครมาเห็นคงคิดว่าผู้กำกับหนุ่มโดยยุงหามมาแน่ๆ

“ฮื้อ.. อย่าสิวะ โอ๊ยเจ็บ” ชัยวัตรสูดปาดเมื่อความเสียวแล่นปลาบไปทั่วร่างกาย ยิ่งเด็กหนุ่มก้มลงฉกชิมตุ่มไตสีชมพูเข้มเขายิ่งสั่นสะท้าน “มะ ไม่เอาตรงนั้น”

“แล้วพี่วัตรชอบตรงไหนครับ” ปฐวีถาม ดวงตากลมสีดำสนิทส่องประกายวิบวับ เขาชอบความรู้สึกที่ได้เป็นเจ้าของคนตรงหน้ามากที่สุด ยิ่งได้ครอบครองเขายิ่งต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ

แค่นี้ยังไม่พอ..

เขาใช้มือปลดกางเกงสแล็คคนตัวขาวอย่างรวดเร็วก่อนจะสอดนิ้วยาวเข้าไปสัมผัสแกนกายที่กำลังชูชัน ชัยวัตรสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาใช้นิ้ววนไล้ส่วนหัวที่กำลังฉ่ำเยิ้ม เห็นชายหนุ่มกัดริมฝีปากเพื่อสะกดเสียงครางเขาจึงยื่นนิ้วเข้าไปในโพรงปากอุ่น ชัยวัตรดูดนิ้วเขาตอบเบาๆ ท่าทางตรงหน้ายิ่งทำให้เขาอยากขยี้ให้จมเตียง แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เขาคุ้นเคย ศูนย์กีฬาภายในมหาลัยมีคนพลุกพล่านมากเกินไป

“อ้าขาสิครับ” เขาสอดมือหนาเข้าไปที่สะโพกสอบ

“อื้อ พอแล้ว” ชายหนุ่มส่ายหน้าพยายามถอยหนีแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเขากำลังกอบกุมส่วนอ่อนไหวอยู่

“ยังไม่พอ”

“ที่นี่มันไม่ได้!” ชัยวัตรขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะต่อยหน้าไอ้เด็กบ้ากามสักหมัดสองหมัด แต่จิตใต้สำนึกกลับดันยินยอมปล่อยให้ร่างกายเขาได้รับการเสพสมจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกอิ่มเอิบจากเพื่อนนอนคนนี้มากนัก

ไม่เข้าใจเลย..

“เจ็บมั้ย” เขาสอดนิ้วเข้าไปที่ช่องทางคับแคบที่ไม่มีสารหล่อลื่นเป็นตัวช่วยใดๆทั้งสิ้น เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงแรงโอบรัดจนเขาต้องเพิ่มจำนวนนิ้วเพื่อช่วยให้คนตัวขาวไม่เจ็บมากนัก “มองหน้าผมสิ”

“ใครมันจะไปมองกัน” ชัยวัตรก้มหน้าหงุดรู้สึกเกลียดตัวเองที่ดันเคลิ้มไปกับประโยคที่ดูเป็นห่วงเป็นใยนั่น เขาค่อยๆแบะขาขาวของตัวเองออกเพื่อให้เด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น ปฐวีเห็นท่าทางว่าง่ายของผู้กำกับแล้วรู้สึกเอ็นดูจึงก้มลงหอมข้างขมับที่เริ่มมีเหงื่อเปียกชื้น

“ร้อนแย่เลย” เขาซับเหงื่อให้ชัยวัตร

“ก็รีบทำให้มันเสร็จๆสักที กูหิวแล้ว” พูดไม่ทันขาดคำร่างกายผู้กำกับหนุ่มเริ่มกระตุกเมื่อเด็กหนุ่มแตะเข้าไปลึกถึงจุดอ่อนไหว ร่างกายสั่นสะท้านจนเผลอส่งเสียงแปลกๆออกมา “ฮื้อ..”

“จุ๊ๆ เบาสิครับ”

“มันลึกไปแล้ว...”

“ไม่ชอบหรือ” ปฐวีกดจูบแก้มขาวที่เขาชอบแอบมองบ่อยๆ มันไม่นุ่มเหมือนแก้มน้องสาวที่เขาชอบหยิกแต่เนียนลื่นมือกว่าที่คิดเมื่อเทียบกับผิวเขาที่อยู่แต่ในร่มยังหยาบกระด้างกว่าเยอะ “ได้เสียงพี่วัตรคราง ก็นึกว่าพี่ชอบ..”

“ฮื้อ..” เขาซบลงไหล่ของเด็กหนุ่มเมื่อแก่นกายอุ่นร้อนแทรกลึกล้ำเข้ามาในตัว ปฐวีประคองขาขาวให้เกี่ยวรอบเอวเขาไว้ก่อนจะเสือกไสเข้าออกเชื่องช้า “อ๊ะ...”

“พี่วัตร..”

  ได้เสียงแหบพร่าเรียกเขาว่าพี่วัตรอย่างนั้นพี่วัตรอย่างนี้เหมือนเขาหลอกเด็กมาทำมิดีมิร้ายอย่างไรไม่รู้ทั้งๆที่คนโดนล่อลวงจริงๆน่ะมันเขาต่างหาก!

 เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้องน้ำสลับกับเสียงครวญครางดังผะแผ่ว ยิ่งได้ยินเสียงคนเดินเข้าห้องน้ำหรือพูดคุยกันเด็กหนุ่มก็ยิ่งกระแทกกระทั้นเข้าออก จนเขาเกือบจะกลั้นเสียงเอาไว้ไม่อยู่ มือขาวพยายามเอื้อมไปรูดรั้งแก่นกายตัวเองให้ถึงจุดหมายเสียที แต่โดนเด็กตัวโตรวบข้อมือเอาไว้แน่น เขาขบเม้มริมฝีปากดวงตารีเรียวคู่สวยจ้องไปที่ส่วนเชื่อมต่อที่กำลังผลุบเข้าผลุบออก

“มองอะไรครับพี่วัตร” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มใช้ลิ้นเลียมุมริมฝีปากยามดันแก่นกายเข้าไปจนสุดแล้วถอนออกก่อนจะสอดเข้าไปลึกอีกครั้ง “ทะลึ่งจังเลยนะครับ”

“อื๊อออออออ” ชัยวัตรตัวสั่นตัวคลอนตามแรงโยกก่อนจะปลดปล่อยทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องเบื้องล่างเลยสักนิด สมองส่วนคิดวิเคราะห์เขามึนเบลอคิดไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ เขารู้เพียงแค่.. เขากลับไปมีเซ็กซ์กับผู้หญิงเหมือนปกติไม่ได้อีกแล้ว


แย่.. นี่มันเข้าขั้นวิกฤติชัดๆ



โซนร้านอาหารหลังมหา’ลัยในช่วงเย็นเต็มไปด้วยนักศึกษาที่ออกมารับประทานอาหารและจับจ่ายซื้อของใช้ บนถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ในช่วงเวลาเร่งรีบ ชัยวัตรเดินหลบรถมอเตอร์ไซค์ที่ขึ้นมาขับบนทางเท้าจนตัวเองเซไปชนกับเด็กหนุ่มตัวโตที่เดินขนาบมาไม่ห่าง

“ไหวไหมครับคุณวัตร” ปฐวีแตะช่วงเอวชายหนุ่ม “ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมเอามอ’ไซค์ขับออกไปส่--”

“ไม่ต้อง!” คนตัวขาวหันพูดเสียงเข้มพลางทำหน้าดุใส่ จนปฐวีต้องหยุดพูดและได้แต่มองคนข้างหน้าที่เดินกะเผกจนเขาอดสงสารไม่ได้

“อย่าดื้อสิครับ.. ผมเป็นห่วงนะ” แผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินนำเขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันมามองเขาตาขวาง ถ้าทำได้ผู้กำกับหนุ่มคงจะบีบคอเขาไปแล้ว

 “แล้วใครมันดันทุรังทำในห้องน้ำล่ะ” ชัยวัตรบ่นอุบอิบในขณะที่กำลังเดินกระย่องกระแย่งหมดมาดนายตำรวจหนุ่มหล่อ “โอ้ย เอวกูแม่งปวดไปหมดแล้ว”

“โถ่คุณวัตร”

“อะไร”

“ไปพักที่ห้องผมก่อนแล้วกันครับ” เด็กหนุ่มเชื้อเชิญ “นอนพักสักตื่นแล้วค่อยกลับนะครับ

“ห้องมึง?” คนตัวขาวทวนซ้ำก่อนจะยิ่งขมวดคิ้วแน่น “กู-ไม่-ไป!”

“งั้นก็ไปหาอะไรทานก่อน แล้วค่อยกลับนะครับ” เขาจับจูงมือชัยวัตรไปหาร้านอาหาร ปกติเขาจะได้ศอก เข่า มาเป็นรางวัลตลอดหากรุ่มร่ามกับชัยวัตรในที่สาธารณะแต่คราวนี้ผู้กำกับหนุ่มคงจะไม่ไหวจริงๆถึงไม่มีแรงแม้แต่จะเอาคืนเขา

โคตรรู้สึกผิด..

“พี่เจ็บมากไหม”

“มึงให้กูทำบ้างไหมละ มีแรงเท่าไหร่เล่นใส่ไม่ยั้งเลย” ชัยวัตรบ่นไม่เลิกพร้อมส่งสายตาเขียวปั้ดให้ แต่ก็ยอมเดินตามเด็กหนุ่มแต่โดยดี “หิวข้าวแล้ว เร็วๆเลย”

“ครับๆ ทานอะไรดี”

“อะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ด” เห็นท่าทางอิดโรยของชัยวัตร เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มกุลีกุจอหาร้านอาหารจนได้ที่ต้องการ 

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนตัวขาวเป็นที่ถูกจับจ้องเมื่อเขาพาเดินเข้าไปในร้านอาหาร แต่ผู้กำกับที่กำลังหงุดหงิดไม่ทันได้สังเกต ชายหนุ่มมองหาโต๊ะที่ว่างก่อนจะรีบเดินไปนั่งด้วยสภาพที่เรียกได้ว่าใครมาเห็นคงจะออกปากแซว

เอน็จอนาถ.....

“พี่วัตรอยากทานอะไรดีครับ” ปฐวีที่เดินตามหลังมานั่งลงตามคนตัวขาวที่กำลังนั่งมองเมนู

“สั่งให้หน่อย เอาเมนูที่ขึ้นชื่อที่สุด”

“ได้ครับ งั้นผมขอเป็นผัดพริกไก่“

“เฮ้ย กูบอกไม่เอาเผ็ดไง”

“ลองดูครับร้านนี้อร่อย.. เสร็จแล้วเดี๋ยวแวะไปอาบน้ำที่ห้องผมก่อนกลับแล้วกัน”

“เออๆ กินข้าวก่อนโคตรหิว”

“มื้อนี้ผมเลี้ยงนะ” เขาพูดเสียงเบา “โทษฐานทำคุณเหนื่อย”

“ไม่ต้อง!” ชัยวัตรหันขวับแถมจะแยกเขี้ยวใส่เขา “กูบอกว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง ห้ามขัด”

“ก็ได้ครับ”

“ไม่ต้องทำหน้าหงอยเหงาเศร้าซึม กู-ไม่-สง-สาร”

“อ้าวไอ้วี!” เขาหันไปตามเสียงเรียกก็เจอฝูงเพื่อนที่คณะนับสิบคนกำลังเข้ามานั่ง “มึงแข่งบาสเป็นยังไงบ้าง.. โทษทีว่ะไม่ได้ไปเชียร์เลย”

“ก็เหรียญทองว่ะ”

“ไอ้เหี้ยย โคตรเจ๋ง เลี้ยงอะไรพวกกูเนี่ย” พวกมันเข้ามากอดคอตบหัวเขาคนละทีสองที ร้องเย้วๆเสียงดังจนทุกคนในร้านมองกันเป็นตาเดียวไม่เว้นแม้แต่นายตำรวจหนุ่มที่มองเพื่อนเขาไม่วางตา

“เลี้ยงห่าอะไรล่ะ” เขาอยากจะไล่พวกมันออกไปไกลๆจริงๆ “ไว้ค่อยนัดเจอกันที่ร้านเดิม”

“เออๆ รีบไล่พวกกูจัง หนีบใครมากินข้าวหรือ”

“เอ่อ.. นี่คุณวัตร” เขาแนะนำอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อเห็นหน้าตาของชายหนุ่มชัดๆพวกมันถึงกับตาลุกวาว

“เอ๊ะ พี่คนนี้หน้าคุ้นๆ” ไอ้แอลเป็นคนแรกที่ยื่นหน้าเข้าไปหานายตำรวจที่กำลังงุนงง “นี่มันพี่วัตร ผู้กำกับในเพจนายร้อยใช่ไหมครับเนี่ย ผมขอลายเซ็นไปฝากน้องสาวผมหน่อยได้ไหมครับ” มันรีบล้วงหาเศษกระดาษในกระเป๋าเป้ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอาหาร ชัยวัตรหยิบปากกามาเซ็นชื่อให้ลวกๆ ก่อนจะยื่นคืนให้เด็กหนุ่ม เขาไม่ได้รู้สึกดีใจที่ผู้ชายมาขอลายเซ็นสักนิด แต่ดูเหมือนไอ้แอลจะยังไม่หยุด มันควักโทรศัพท์ไอโฟนขึ้นมาขอเซล์ฟฟี่ยื่นหน้าแนบชิดกับนายตำรวจจนปฐวีเริ่มตากระตุก

ไอ้ห่าแอล มันจะเกินไปไหมวะ

   “ขอบคุณครับพี่ โอ้โหไอ้เหี้ยคนอะไรโคตรหล่อ” ไอ้แอลกระโดดโลดเต้นดีใจเหมือนถูกหวย “ตัวจริงโคตรขาว แถมตัวหอมสัดๆ”

“ไอ้แอลไปไกลๆเลยมึง”

“มึงไปรู้จักพี่เขาได้ยังไง ไม่บอกกู!”

เรื่องอะไรกูจะบอกมึง!

เขาแค่นยิ้มใส่เพื่อนที่โวยวายใส่เขาเหมือนเด็ก ในใจลิงโลดไปไหนต่อไหนเหมือนได้เปิดตัวแฟนกับเพื่อน

“งั้นกูขอนั่งด้วย” มันหันไปยิ้มหวานเยิ้มให้ชัยวัตรที่กำลังสไลด์มือถือ “ขอนั่งด้วยนะครับพี่วัตร”

“เชิญเลยครับ” เขาตอบก่อนจะไปสนใจข้อความในโทรศัพท์

อาหารบนโต๊ะถูกทยอยนำมาวางส่งกลิ่นหอมจนนายตำรวจหนุ่มต้องหยุดจากการเล่นโทรศัพท์แล้วเริ่มรับประทานอาหารไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังแอบมองอากัปกิริยาที่เป็นธรรมชาติของนายตำรวจหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการเคี้ยวข้างซ้ายจนแก้มขาวตุ่ยข้างนึงเหมือนหนูแฮมสเตอร์ แถมยังกินท่าทางน่าเอร็ดอร่อยอีก คนเลือกร้านอาหารอย่างเขาก็พลอยยิ้มหน้าบานไปด้วยเมื่อเห็นคนตัวขาวเจริญอาหารขนาดนี้

“พี่วัตรรู้จักกับไอ้วีได้ยังไงหรือครับ”

“เอ่อ ก็รู้จักโดยบังเอิญ”เขาตอบอ้อมแอ้ม ไม่ลงรายละเอียดลึก

“ดีจัง ผมประทับใจพี่วัตรมาก โชคดีจังเลยนะครับที่วันนี้เราได้เจอกัน ผมชื่อแอลนะครับ เป็นเพื่อนกับไอ้วี”

“อ้อ เรียนคณะเดียวกันหรือ” เขาถาม รู้สึกว่าไอ้เด็กคนนี้มันพลังงานสูงเสียเหลือเกิน

“ใช่ครับ สอบติดรับตรงพร้อมกัน แถมยังอยู่หอใกล้กันอีก”

“นี่มึงจะมานั่งซักพี่เขาให้ขาวเลยไหมวะ รีบแดกแล้วรีบไปไหนก็ไปเลย” ปฐวีพูดขึ้นมากลางวงในใจรู้สึกคันยุบยิบเมื่อเห็นชายหนุ่มมัวแต่คุยกับเพื่อนไม่สนใจเขาเลย

“กูไม่รีบ” ไอ้แอลลอยหน้าลอยตาตอบ จนเขาเริ่มหงุดหงิดมันที่เป็นก้างขวางคอ ทั้งๆที่วันนี้ชัยวัตรตั้งใจมาดูเขาแข่งบาสแท้ๆ

“พี่อิ่มแล้วล่ะ” ชัยวัตรตอบ ลุกขึ้นยืนควักกระเป๋าเงินมาจ่ายค่าอาหาร “ไปได้ละ”

“ครับ” ปฐวีลุกขึ้นเดินตามผู้กำกับโดยมีเพื่อนที่มองตาม

“ไว้เจอกันคราวหน้านะครับพี่” มันส่งเสียงเรียก เขาได้แต่หันกลับไปชูนิ้วกลางใส่ เริ่มจะรำคาญไอ้เพื่อนตัวแสบที่ชอบมายุ่งย่ามกับชัยวัตรเต็มทน บ่อยครั้งที่เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึงหวงกับการที่ผู้กำกับหนุ่มเป็นที่รู้จักของใครต่อใครมากมาย มีคนจับจ้องตลอดเวลา เขาอยากจะเก็บ เก็บคนตรงหน้าเอาไว้ให้เป็นของเขาคนเดียว เขารู้ว่าความรู้สึกของเขามันผิด แต่ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความรู้สึกที่พลุกพล่านในใจได้เลย

“อะไรของมึงวะ กลับแล้วทำไมไม่บอกกู!” เขารีบเดินไปหานายตำรวจหนุ่มที่กำลังโวยวาย “ไอ้คนเห็นเมียสำคัญกว่าเพื่อน!”

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

“ไอ้หลามแม่งพาลูกเมียกลับไปแล้ว ลืมกูไปได้ยังไง” ชัยวัตรหัวเสีย หากไม่ติดเรื่องรถสปอร์ตสุดหรูของเขาที่เพิ่งเข้าอู่คงไม่ต้องรบกวนติดรถมากับเพื่อนที่ติดเมียยิ่งกว่าอะไรดีมาด้วย จริงๆเขาไม่ควรพึ่งมันตั้งแต่แรก!

“แล้วพี่จะกลับยังไงละครับ”

“เดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่เอา พรุ่งนี้มีงานสำคัญ”

“ผมทำให้พี่ลำบากหรือเปล่าที่ต้องมาดูผมแข่ง” ปฐวีหน้าเสีย

“กูไม่ได้ลำบากอะไรทั้งนั้น กูอยากมาก็คือมา” ชัยวัตรตอบก่อนจะมองเด็กหนุ่มที่กำลังคลี่ยิ้มกว้าง “มีคนอยากให้กูมาดูมาก กลัวถ้ากูไม่มาแล้วจะแพ้”

“ขอบคุณนะครับ” เขากระพุ่มมือไหว้คนแก่กว่า ริมฝีปากสวยของชายหนุ่มยกยิ้มจนเขาเผลอมองนาน “ขอบคุณที่ใส่ใจความรู้สึกผม”

คนที่ไม่มีสถานะใดๆควรค่าให้ใส่ใจ

“งั้นกูกลับก่อนนะ”

“เดี๋ยวสิครับพี่วัตร” ปฐวีเรียก รู้สึกเก้ๆกังๆอย่างไรชอบกล “ค้างที่ห้องผมก่อนไหม”

“ห้องมึง?”

“แล้วพรุ่งนี้เช้าผมจะไปส่ง”

เขากดยิ้มที่มุมปากจดจ้องดวงตาเรียวรีของนายตำรวจหนุ่มตรงหน้า เด็กหนุ่มขบกรามแน่น หัวใจเต้นระรัวอยากรู้คำตอบจากคนตัวขาวเต็มทน ปฐวีรู้ตัวดี เขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะสั่งห้ามไม่ให้คนตรงหน้าเขาไปทำภารกิจเสี่ยงอันตราย และไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะช่วยอะไรได้ เขาเป็นนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะดูแลและปกป้องผู้ชายตรงหน้านี้..

ได้โปรด ขอโอกาสให้ผมด้วย


TBC

เหมือนพายจะลืมลงตอนพิเศษให้ แหะๆ เด่วจะแวะมาลงให้อ่านนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๗] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๑๘.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-12-2017 22:28:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๗] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๑๘.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 19-12-2017 10:25:57
มีคนซึนว่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๗] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๑๘.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 19-12-2017 14:45:35
ทำไมชอบความเอาแต่ใจปากร้ายแต่ก็รักของวัตร แล้วชอบความอบอุ่นของวีอ่ะ

ถึงจะอ่อนกว่าแต่ก็ตามใจพี่วัตรตลอด
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๗] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๑๘.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 19-12-2017 14:49:38
ขำพี่หลามอ่ะ ทำไมร้ายแบบนี้ส่งลุกไปหาแม่ ๕๕๕๕๕๕

หวังว่าพี่ชุคงถอยทัพกลับไปนะ อย่าได้มายุ่งกับลูกเป็ดเชียว
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๗] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๑๘.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: koko0540 ที่ 24-12-2017 23:28:52
ดีต่อใจจริงๆเลยย   :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 25-12-2017 15:01:28
ตอนที่ ๑๘

 “และผู้ที่ได้รับรางวัลป็อบปูล่าโหวตได้แก่.. ”

“...”

“น้องลินท์จากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ค่ะ” จบประโยคของพิธีกรเสียงปรบมือพร้อมเสียงร้องเชียร์ก็ดังก้องทั่วทั้งหอประชุม “ขอเสียงปรบมือให้กับน้องลินท์ด้วยนะคะ”

เขามึนงงกับแสงแฟลชและสปอร์ตไลท์ที่สาดผ่านทำให้ดวงตาเขาจับจุดโฟกัสได้ไม่ชัดเจนนัก กรวิชญ์ตบไหล่เขาสองสามทีก่อนจะพยักหน้าให้ เรียวขายาวสั่นน้อยๆยามเดินมายืนกึ่งกลางเวที ทุกคนจับจ้องเขาตามด้วยเสียงกรีดร้องเซ็งแซ่จากผู้ชมที่อยู่ด้านหน้า นี่มันต้องมีเรื่องอะไรผิดพลาดแน่ๆ เขาเนี่ยนะจะได้รางวัลคะแนนโหวตสูงที่สุด พิธีกรที่เห็นเขาทำหน้าไม่เข้าใจพูดถึงคะแนนของเขา ก่อนจะฉายรูปเขาขึ้นโปรเจคเตอร์พร้อมแสดงจำนวนไลค์และจำนวนแชร์หลักหมื่น ใต้คอมเม้นมีรูปเขาที่กำลังอุ้มไทเกอร์หยอกล้อกันบนเวที เขารู้สึกได้ว่าตัวเองมือสั่นและเย็นเยียบไปหมด รูปค่อยๆเลื่อนลงมาจนกระทั่งเจอรูปที่เขากังวลมากที่สุด

รูปที่ฉลามบรรจงหอมแก้มเขาหน้าเวที

หัวใจหล่นวูบแทบจะล้มทั้งยืน เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร จะมองเขาอย่างไร แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เขาต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ รู้สึกปวดหัวตุบๆ คนอย่างเขาชอบที่จะอยู่เงียบๆไม่เป็นที่สนใจของใคร มากกว่าให้มาจับจ้องเขามากนัก เขาไม่ชอบ ไม่ชอบเลยจริงๆ

“ตอนแรกพี่ก็คิดนะคะว่ากระแสคู่จิ้นเกี๊ยมลินท์มาแรงแซงโค้งมากๆ.. กลายเป็นเปิดตัวคู่เรียลไปซะได้” พิธีกรหัวเราะคิกคักก่อนจะหลีกทางให้เขา มีทีมงานคอยช่วยเขาสวมสายสะพาย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเขาไม่ทันตั้งตัว… ผลประกาศรางวัลต่อๆไปผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเดือนมหาลัยก็เป็นของคณะแพทย์ที่เป็นตัวเต็ง ส่วนกรวิชญ์ได้รองอันดับหนึ่งถือว่าคะแนนมาสูสีกันเลยทีเดียว

“แม่!”

“ไทเกอร์”

“แม่จ๋า-----” เด็กชายวิ่งเข้ามาเกาะขาก่อนจะช้อนตามองเขา “กลับบ้านนนนน”

“หิวไหมครับลูก” เขาช้อนรักแร้ลูกชายแล้วยกขึ้นอุ้ม เด็กชายยื่นหน้าจุ๊บแก้มเขาเบาๆ “ฮื่อ จั๊กจี๋นะครับ” ไทเกอร์รวบต้นคอแม่เข้ามาใกล้แล้วซุกเข้าซอกคอก่อนจะหลับตานิ่ง เขาโยกตัวลูกชายไปมา เห็นเจ้าตัวแสบใช้พลังไปเสียเยอะคงจะเหนื่อยอยากจะนอนเต็มที

“ยินดีด้วยนะครับ สำหรับรางวัล”

“..” เขาไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีเมื่อเห็นนายทหารหนุ่มยิ้มหวานให้ ตอนแรกที่เขาอยากจะทุบชลธีให้น่วมแต่พอเข้าจริงๆก็ใจอ่อนจนได้

“ลินท์ คุยกันก่อน”

“พี่มีอะไรกับลินท์ก็พูดมา”

“พี่คิดถึง”

อืม.. ใจอ่อนยวบอย่างกับน้ำผึ้งโดนลนไฟ

“แค่นี้หรอ”

“พี่อยากนอนกอดลินท์”

“แล้วไงต่อ”

“พี่หวงลินท์”

ให้ตายเหอะ เขากลั้นยิ้มจนแก้มเขาจะแตกแล้ว สงบใจไว้..

“อื้อฮึ”

“พี่ไม่ชอบให้ใครเข้ามาใกล้ลินท์ทั้งนั้น พี่ขึ้หึงลินท์ก็รู้”

“ทหารเขาขี้หวงกันทุกคนเลยหรือ”

“คนอื่นพี่ไม่รู้ แต่พี่อะใช่” ชลธีจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมของคนรัก “พี่หวงก็เพราะรัก”

อือ ตายไปเลย….

“ก็เลยอยากให้คนอื่นรู้” เขาอุ้มลูกชายที่กำลังงัวเงียเดินไปทางที่จอดรถ “รู้กันทั้งมหาลัยเลยด้วย”

“แล้วไม่ดีหรือ” นายทหารหนุ่มที่เดินตามมารีบมาเดินขนาบข้างเขาพร้อมทำเสียงตัดพ้อ “หรือไม่ชอบให้พี่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ พี่จะได้ไม่ทำอีก”

มันก็ต้องรู้สึกดีอยู่แล้วถ้าหากคนรักแสดงอาการหึงหวงหรือเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเรา มันก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคงจะรักเรามาก เออ ไอ้ลินท์ แก้มเอ็งจะแตกแล้ว

“ก็… ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ” เขาทำเป็นไม่สบตาชลธี “แต่พี่ไม่ห่วงสถานะตัวเองหรือ” ใครจะมองเขาอย่างไรเขาไม่เคยสนใจอยู่แล้ว เด็กสลัมที่ถูกคนอื่นมองด้วยสายตาเวทนา น่าสงสาร ไร้ค่าอย่างเขา เฉยชากับสายตาคนอื่นมาตั้งนานแล้ว แต่ชลธีไม่ใช่ เขามีหน้ามีตาในสังคมมีคนรู้จักมากมาย หากรูปแพร่กระจายไป ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือจะรับได้หรือ ถ้ามันส่งผลกับการทำงานล่ะจะเป็นยังไง แค่คิดเขาก็รู้สึกแย่แล้ว

“พี่ไม่สน” ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่น “แต่ก่อนพี่แคร์นะ พี่แคร์สายตาคนรอบข้างว่าเขาจะมองพี่ยังไง ลูกน้องพี่จะมองยังไง ผู้บังคับบัญชาเบื้องบนจะรับได้ไหม”

“แล้วพี่ทำแบบนี้ทำไม ถ้ามันทำให้พี่ต้องลำบากใจ”

“ลินท์ ฟังพี่นะ พี่ทำงานพี่ใช้ความสามารถของพี่ล้วนๆ” เขาสบตาคนรัก “พี่ไม่จำเป็นต้องแคร์ คนที่พี่ควรแคร์มากที่สุดคือลินท์และลูก ครอบครัวของเรา”

“พี่แน่ใจนะว่าพี่จะไม่เสียใจทีหลัง” เขายอมรับว่าตัวเองกังวลมากและไม่อยากให้ชลธีต้องมาเดือดร้อนเพราะตัวเอง “ลินท์ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องรักร่วมเพศในสังคมทหารมีอยู่อย่างลับๆถึงจะไม่มีการลงโทษอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ถูกกีดดันต่างๆนาๆ

“พี่ก็แค่ลาออก”

“จะบ้าหรอ!” เขาเหวใส่ “ลินไม่ยอมแน่ ลินท์ไม่ยอมให้พี่ทิ้งสิ่งที่พี่รักมาหาลินท์หรอก”

“ลินท์ห้ามพี่ได้หรือ.. ลินท์จะใจร้ายทิ้งพี่ได้ลงคอหรือ”

“แต่ลินท์ไม่อยากเห็นพี่ทรมาน มีคนอีกมากที่ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของเราและคอยตั้งคำถาม”

“ก็ให้เขาตั้งไปสิ พี่เหนื่อยกับการทำตามความคาดหวังของสังคมเต็มทน” เขาพยายามอธิบายให้เจ้าลูกเป็ดเข้าใจความรู้สึกของเขาและเลิกปกป้องเขาสักที “ลินท์ พี่ก็คือคนนะ พี่ก็เป็นมนุษย์คนนึงที่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป ลินท์จะให้พี่เก็บลินท์เอาไว้ข้างหลังไปอีกนานแค่ไหน”

“...”

“พี่จะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคนที่พี่รัก”

“ในเมื่อพี่เลือกแบบนี้ลินท์ก็จะไม่ห้ามอีก”

“อยู่ให้พี่รักก็พอ แค่อย่าทิ้งพี่กับลูกไปได้ไหม”

มันคือคำขอร้องจากผู้ชายคนหนึ่ง

“ลินท์จะไปทิ้งคนที่ลินท์รักได้ยังไง ชีวิตของลินท์สมบูรณ์ได้ก็เพราะพี่และลูกเข้ามา ลินท์ต่างหากที่ต้องบอกพี่ว่าอย่าทิ้งลินท์ไป” ความรู้สึกอัดแน่นที่อยู่ในอกแทบจะทะลักทลายออกมาเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ

“อย่างนั้นลินท์ก็ห้ามดูถูกตัวเองอีกได้ไหม ถือว่าพี่ขอ”

“อื้อ”

“ลินท์มีค่ากับพี่กับลูกมากขนาดไหน ลินท์น่าจะรู้” เขาลูบหัวเด็กหนุ่ม “ชีวิตนี้พี่คงไม่มีเวลาให้ลินท์มากนัก พี่คงทำอะไรที่ลินท์ต้องการไม่ได้มากมาย แต่ลินท์เชื่อพี่เถอะ ถ้าพี่ได้รักใครแล้ว พี่จะขอรักไปจนตาย”

“...”

“แต่ว่าหากพี่กลับมาไม่ได้ ลินท์จะลืมพี่ก็ไม่เป็นไร”

“ฮึก ทำไมพี่ต้องพูดแบบนี้”

“พี่ขอโทษ.. ไม่ร้องนะคนดี” เขาโอบกอดคนตัวเล็กกว่าลูบหลังที่กำลังสั่นน้อยๆเพราะแรงสะอื้น เขาไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรรุนแรงเกินไปหรือเปล่า “ถ้าเป็นไปได้พี่ก็อยากอยู่กับลินท์และลูกให้นานกว่านี้” เวลาของเขามันใกล้จะหมดเต็มที หลังจากนี้เขาต้องกลับไปรับใช้ชาติกับพี่น้องร่วมอุดมการณ์ที่กำลังรอเขาอยู่ หนทางข้างหน้าดูยาวไกลและมีแต่อุปสรรคเหลือเกิน เขานึกกลัว กลัวจะไม่มีโอกาสได้โอบกอดคนรักเช่นนี้อีก

“พี่จะต้องกลับมาสิ พี่สัญญากับลินท์แล้ว” มุจลินท์พูดทั้งน้ำตา “แค่ครึ่งปีลินท์รอได้ แต่อย่าให้ลินท์เลิกรอพี่เลย.. นะครับ”

“พี่สัญญา พี่จะกลับมาหาลินท์” เขากดจมูกลงกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาออกจากดวงตาคู่สวย เด็กหนุ่มซุกเข้าอกเขาแน่น ชลธีเห็นคนรักร้องไห้ปานจะขาดใจเขาก็ทำได้แค่ปลอบโยนเท่านั้น เรื่องอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และไม่อาจคาดเดา

พี่จะกลับมา.. แม้จะเหลือเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจ..
   

   “เดี๋ยวก่อนลินท์” เขาถูกผลักลงบนที่นอนพร้อมกับริมฝีปากเล็กที่ตามมาบดจูบเขาอย่างไร้เดียงสา เขาไม่ได้จูบตอบเจ้าลูกเป็ดที่เริ่มก่อนอย่างรีบร้อน “ฮื่อ ลินท์ มันจะดีหรือ” เขาตอบเสียงพร่ามองคนรักที่กำลังบรรจงแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออก ผิวขาวเนียนและยอดอกที่เขาคุ้นเคยเปิดเผยต่อสายตา รู้สึกปวดหน่วงตรงท้องน้อยยามที่ริมฝีปากเล็กใช้ลิ้นแตะเบาๆที่แก่นกาย

“ดีสิ” เขานิ่งอึ้งมองริมฝีปากเล็กกำลังกลืนกินจุดอ่อนไหว เขาเกร็งหน้าท้องแน่นบังคับตัวเองไม่ให้ขยับสะโพกผ่านโพรงปากเล็ก

แม่งเอ๊ย.. โคตรเอ็กซ์

“ลินท์ครับ วันนี้พี่ว่าเราพอก่อนไหม” เขาเอื้อมไปแตะศีรษะคนรักก่อนจะเจอสายตาดุที่ส่งมาให้ มุจลินท์ใช้มือขาวปาดน้ำสีใสที่ยืดออกจากริมฝีปากเป็นทางยาว “ลินท์เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะครับ” เขาเห็นท่าทางอิดโรยของคนรักตั้งแต่นั่งรถกลับมาคอนโด ไม่รู้ว่าสาเหตุที่เจ้าตัวลุกขึ้นมาทำแบบนี้เป็นเพราะที่คุยกันก่อนกลับหรือเปล่า เขาอยากให้คนรักพักผ่อน ได้ฟื้นฟูร่างกายที่ผ่านการซ้อมเหนื่อยล้ามาทั้งอาทิตย์

“ลินท์ไม่เหนื่อย” เจ้าตัวพูดพร้อมกับปลดกางเกงสแล็คสีดำเข้ารูปกองลงไปกับพื้น แยกเรียวขาขาวก่อนจะนั่งทับลงบนแกนกายนายทหารหนุ่มที่กำลังโป่งพอง มือขาวลูบไล้ส่วนอ่อนไหวจนจนชลธีกัดฟันกรอด

“ละ ลินท์ ไว้วันหลังเถอะ”

“ไม่!” เด็กหนุ่มตอบเสียงดังก่อนจะกดจูบถูไถไปตามซอกคอนายทหารหนุ่ม ท่าทางเก้ๆกังๆไม่ประสีประสาของเจ้าลูกเป็ดยิ่งทำให้ชลธีแทบคลั่ง

“ลินท์ถือว่าพี่ขอเถอะ วันหลังนะ”

ชลธีไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเดิมทีนายทหารอย่างเขาเวลาทำงานก็ไม่ได้มีเวลาจะปลดปล่อยความสุขให้ตัวเองมากนัก เขาจึงสามารถที่จะสกัดกลั้นอารมณ์ได้พอสมควรแต่พอมาเจอคนรักที่ยั่วยวนเรียกร้องให้เขากอดแบบนี้

ใครมันจะไปอดใจไหว!


ห่างหายกันไปเป็นอาทิตย์เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะรุนแรงกับลูกเป็ดมากขนาดไหน ถึงได้พร่ำบอกมุจลินท์ให้หยุดสักที แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่สนใจเขาเลยสักนิด ใบหน้าสวยเชิ่ดขึ้นเมื่อค่อยๆกดสะโพกลง สอดแกนกายเข้าช่องทางรักที่อุ่นร้อน ชลธีเกร็งจนหน้าท้องแข็งปั๋งมองเจ้าลูกเป็ดที่ตัวแดงไปทั้งตัว สะโพกเล็กค่อยๆขยับขึ้นลงเชื่องช้า มือขาวค่อยๆสอดเข้าที่รอบคอนายทหารหนุ่ม เสียงครวญคราวดังผะแผ่วที่ข้างหู เด็กหนุ่มบดเบียดเข้ากับร่างกายเขา

“ฮื่อ พี่ฉลาม.. พี่ อ๊ะ”

“ลินท์” เขาโอบกอดคนรัก “ไหนบอกพี่ซิเป็นอะไร”

“ลินท์อยากเป็นของพี่”

“ก็เป็นอยู่แล้ว” เขากดจูบข้างแก้มเด็กที่ชื้นเหงื่อ “เป็นของพี่คนเดียว”

“ยะ.. ยังไม่พอ อ๊า” ใช้เล็บจิกเข้าที่ไหล่นายทหารหนุ่มเพื่อระบายอารมณ์เสียวซ่าน “ลินท์อยากให้พี่อยู่ด้วยในตัวลินท์เยอะๆ”

แม่งเอ๊ย... ชักทนไม่ไหว

“ทำไมล่ะ.. ลินท์กลัวอะไร บอกพี่ได้ไหม”

“กลัวพี่ไม่กลับมา.. อ๊ะ กลัวพี่ทิ้งลินท์ไป”

“พี่ไปทำงาน ไม่ได้ไปหาสาวที่ไหนสักหน่อย” เขาสูดปากพยายามอดทนไม่ให้จับคนรักกดลงบนเตียงแล้วเผลอทำอะไรรุนแรง “พี่ไปทำงาน ไปแต่ตัวแต่หัวใจอยู่ตรงนี้” เขากดจูบลงแผ่นอกของเด็กหนุ่มที่ขยับขึ้นลง

“พี่ไปตั้งนาน พี่จะลืมลินท์หรือเปล่า”

“ไม่ลืม พี่ไม่มีวันลืมลินท์เด็ดขาด”

“อ๊ะ อ๊า จริงนะ”

“จริงสิครับ” เจ้าลูกเป็ดที่เรียนรู้ได้ไวจนเขาทึ่งเริ่มจะขยับรัวเร็วจนเขาต้องกัดฟันกรอด “ลินท์สิจะลืมพี่ มีหนุ่มๆมาเกาะแกะตลอด คงไม่อยากรอพี่เข้าสักวัน”

“ไม่มีทาง พี่ไม่รู้หรอว่าลินท์รักพี่แค่ไหน”

“อือ แล้วแค่ไหนละครับ”

“รักมาก อ๊ะ อ๊ะ รักจน.. รักใครไม่ได้อีกแล้ว” เขามองเด็กหนุ่มที่เม้มปากแน่นก่อนจะจูบพรมไปทั่วใบหน้าค่อยๆเกลี่ยน้ำตาที่ไหลลงข้างแก้ม รู้สึกสงสารมุจลินท์จับใจ เขาเข้าใจความรู้สึกที่ไม่อยากสูญเสียนี้ดี

“พี่ก็รักลินท์เหมือนกัน” นายทหารหนุ่มพลิกตัวให้เจ้าลูกเป็ดอยู่ใต้ร่าง ขบกัดตามตัวเด็กหนุ่มจนขึ้นรอยแดงไปทั่ว ขยับเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความดุดัน ฝากฝังความรักอัดแน่น เสียงร้องประสานสลับเสียงกระทบร่างกายพร้อมคำบอกรักที่ผลัดกันพูดอย่างไม่รู้จบ คนสองคนใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขจดจำความรู้สึกผูกพันที่เอ่อล้นเต็มหัวใจตราบนานเท่านาน

จนกว่าเราจะพบกันอีกครั้ง..

(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๗] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๑๘.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 25-12-2017 15:04:14

(ต่อจากด้านบน)

มุจลินท์ขยับตัวใต้ผ้านวมอย่างเมื่อยล้า บริเวณช่วงสะโพกปวดหนึบไปหมดจนไม่อยากจะลุกไปไหน เมื่อคืนไม่รู้ว่าเขาเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้รุกชลธีอย่างนั้น เขาไม่น่าหาเรื่องหลวมตัวเข้าปากฉลามเลย มีแต่เสียกับเสีย รู้สึกเขินอายจนเอาหน้าซุกเข้ากับหมอนนุ่ม แต่พอนึกได้ว่าจะต้องไปดูลูกชายเขาก็ผุดลุกขึ้นมาทันที

“โอ๊ย” ไม่ทันขาดคำเสียงร้องโอดโอยก็ตามมา ยิ่งเมื่อผ้านวมหลุดลุ่ยออกจากร่างกาย รอยจ้ำแดงทั่วตัวก็ปรากฏแก่สายตาจนเขาอดจะอุทานออกมาไม่ได้ “เห้ย!” พลิกแขนขาว ก้มลงมองแผงอก หน้าท้อง ต้นขาด้านใน ไม่มีตรงไหนที่ไม่มีร่องรอยรัก

“ลินท์” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาคนรักที่กำลังสำรวจร่างกาย นายทหารหนุ่มกดยิ้มตรงมุมปากลึก เห็นเจ้าลูกเป็ดตกใจก็นึกขำ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ “ตื่นแล้วหรือ ลุกไหวไหมครับ?”

“ลูกละครับ”

“กินข้าวเสร็จแล้วตอนนี้นอนดูการ์ตูนกับคุณยายน่ะ” เขาตอบ ก่อนจะหันไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวให้คนรัก เห็นสภาพมุจลินท์แล้วเขาก็คิดว่าตัวเองทำหนักเกินไปจริงๆ ก็ใครใช้ให้เจ้าลูกเป็ดยั่วยวนเขาขนาดนั้นเล่า ชลธีใช้หลังมือแตะหน้าผากไล้ลงมาซอกคอของเด็กหนุ่ม 

ตัวไม่ร้อน โชคดีที่ไข้ไม่ขึ้น…

“อะเอ่อ” เด็กหนุ่มช้อนตามองคนรักก่อนจะรับผ้าขนหนูขึ้นมาถือ “เดี๋ยวลินท์ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

“ไหวนะ?”

“วะไหวสิ ลินท์ไม่ได้เป็นอะไร”

“ก็เห็นร้องโอดโอย”

“ไม่เห็นมีใครร้องสักหน่อย”

“สงสัยพี่ต้องทำห้องเก็บเสียงแล้วล่ะมั้ง”

“ไม่เห็นจำเป็นเลยครับ” เขาก้มหน้างุดไม่รู้จะเอาหน้าไปที่ไหน รู้เพียงแค่เมื่อคืนเขาปลดปล่อยอารมณ์ไปเต็มที่ไม่ได้กลั้นเสียงเหมือนทุกที ไม่รู้จะมีใครได้ยินหรือเปล่า เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนจริงๆ

“เย็นนี้พี่จะพาไปเที่ยวนะ” เขากระซิบข้างหูคนรัก “อาบน้ำให้ตัวหอมๆเลยเดี๋ยวพี่มารับ”

“พี่จะไปไหนหรือครับ”

“ไปเอาชุดครับ” ชลธีพูดแค่นั้นก็หายไปจากห้องปล่อยให้เขานั่งสงสัยอยู่อย่างนั้น เด็กหนุ่มค่อยๆขยับตัวกลิ้งลงจากเตียงแข้งขาสั่นไปหมดเมื่อต้องพยุงน้ำหนักพาตัวเองไปห้องน้ำ เขาก้มลงมองต้นขาไม่มีคราบสกปรกเลยสักนิดจึงรู้ทันทีว่าคนรักช่วยกำจัดน้ำรักออกจนหมดแล้ว

อายชะมัด...

ขัดตัวไปก็เขินไปถูอย่างไรรอยแดงก็ไม่หายสักทีจนผิวขาวเขาแดงเถือกไปทั้งตัว จ้องมองตัวเองในกระจก ดวงตาสีน้ำตาลเทาคู่สวยกำลังจ้องตอบ ริมฝีปากบางและจมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าหวาน มือขาวเอื้อมไปแตะตัวเองในกระจกที่ใบหน้าไล่ลงมาที่คอขาวก่อนจะมาหยุดที่รอยจ้ำแดงบนแผงอก เด็กหนุ่มนึกอายอีกรอบเมื่อภาพเมื่อคืนกรอไปมาในหัวไม่หยุด

มุจลินท์รีบอาบน้ำแต่งตัวออกมาหาคุณยายและลูกชายที่ห้องรับแขก เสียงหัวเราะคิกคักของไทเกอร์ดังขึ้นมาเป็นระรอกยิ่งทำให้เขารีบสาวเท้าเข้าไปหาลูกชาย

“ไทเกอร์ครับ ทำอะไรอยู่เอ่ย” เขาชะงักเมื่อเห็นผู้ชายตัวโตผิวเข้มกำลังอุ้มลูกชายเขาอยู่ “อะ เอ่อ พี่หมวดปาน สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับคุณลินท์” ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีขาวแขนยาวเต็มยศ ตัดกับผิวสีเข้มชัดเจน เครื่องหมายเต็มอกทั้งซ้ายและขวาพร้อมแพรแถบ กระบี่ยาวสีเงินถูกวางอยู่ไม่ห่าง “ไม่ต้องตกใจนะครับ ผมมารับคุณลินท์แทนพี่ฉลามเอง”

“ระรับไปไหนหรือครับ” เขาถามละล่ำละลักพลางหันไปมองหน้าคุณยาย “ลินท์ขอคุยกับพี่ฉลามก่อนได้ไหมครับ”

“พี่ฉลามให้ผมมารับคุณลินท์ ถ้าผมไปงานโดยไม่มีคุณลินท์ ผมตายแน่” ชายหนุ่มร้องโอดโอยวางเด็กชายลงบนโซฟาสีครีมก่อนจะหยิบถุงชุดให้เขา ด้านในเป็นสูทสีเทาพร้อมเนคไทครบชุด

“ต้องใส่ด้วยหรือครับ”

“ครับ พี่ฉลามเป็นคนจัดหาและเลือกด้วยตัวเองเลยครับ”

“บอกได้ไหมครับว่างานอะไร”

“งานเลี้ยงธรรมดาทั่วไปครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้มโชว์ฟันขาวเป็นระเบียบ “รีบไปแต่งตัวเถอะครับ เดี๋ยวเราจะไปไม่ทัน” เขาโดนดุนหลังให้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง ส่วนคุณยายกำลังปลี่ยนชุดให้ลูกชายที่กระโดดโลดเต้นดีใจจะได้ไปเที่ยว เขายืนมองชุดอยู่ครู่นึงก่อนจะรูดซิบเอามาทาบกับตัวเอง

เอาก็เอาวะ…

เขาใส่ชุดอย่างทุลักทุเลเพราะชุดขนาดพอดีตัวมากจนแนบไปรูปร่าง หันซ้ายหันขวาอยู่หน้ากระจกก่อนจะออกจากห้องมาเจอลูกชายในชุดสูทขาสั้นสีเทาเหมือนกับเขาและติดหูกะต่าย ช่างน่ารักเหลือเกิน จนเขาอยากจะหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายเดี๋ยวนี้

“คุณลินท์..”

“พี่ปานเรียกลินท์เหมือนที่เคยเรียกเถอะ มาเรียกคุณๆแบบนี้ลินท์ไม่ชินเลย” เขาพูดพลางอุ้มลูกชายขึ้นแนบอก มองหน้าชายหนุ่มที่ดูกระอักกระอ่วน

“จะให้พี่เรียกคุณนายเสมอตัวได้ยังไง”

“พี่ปาน!”

“ต่อหน้าพี่ฉลามก็ให้พี่เรียกคุณก็แล้วกัน เดี๋ยวกบาลพี่จะแยกออกเป็นสองส่วน” ปานชีวันหน้างอง้ำโดนเบื้องบนสั่งให้มารับลูกกับเมียไม่พอยังสั่งนั่นสั่งนี่จนเขาจำไม่หวาดไม่ไหว แม้ตอนแรกๆปานชีวันจะตกใจเรื่องความสัมพันธ์ของชลธีและเด็กหนุ่มแต่เขาก็ยอมรับในการตัดสินใจของรุ่นพี่ “คนอะไรโหดชิบหาย! อย่าไปฟ้องนะลินท์ พี่ตายแน่!”

“ตาย แน่ ตาย แน่” ลูกชายร้องตามคุณอาเสียงดังจนเขาแทบจะหลุดหัวเราะออกมา

“อย่าไปแซวคุณอาสิครับ”

“แฮ่ๆ” ไทเกอร์หัวเราะคิกแลบลิ้นใส่คุณอาที่หน้าดำสลับแดง “คูนป๊าจายดี”

“สวัสดีคุณยายก่อนครับ บอกคุณยายหน่อยลูกว่าเราจะไปไหนกัน”

   “หวัดดีคร้าบคูมยาย เกอร์ไปเที่ยวกับแม่ลีนน้า” เด็กชายกระพุ่มมือไหว้คุณยายก่อนจะกันมาถามเขา “คูนยายไม่ไปด้วยหรอครับแม่”

“ไปเที่ยวกันให้สนุกเถอะลูก” คุณยายลูบหัวลูบหางหลานชายตัวเล็ก เด็กหนุ่มรู้ว่าคุณยายติดหลานชายคนใหม่มากแค่ไหน “เดี๋ยวยายรออยู่นี่นะเกอร์ ไปกับแม่ไม่ดื้อไม่ซนนะลูกนะ”

“คร้าบผม”

“ลินท์ไปก่อนนะครับ” โผเข้ากอดคุณยายหอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวาจนพอใจ เด็กชายโบกมือให้คุณยายพร้อมยิ้มหวานให้ไม่ขาด “ไปกันครับพี่ปาน”

ปานชีวันเป็นพลขับหนึ่งวัน ปกติเขาก็เป็นคนขับรถให้ชลธีอยู่แล้วในวันที่ต้องออกราชการนอกพื้นที่หรือไปประชุมต่างจังหวัด เหลือบมองกระจกรถเห็นเด็กหนุ่มกำลังกล่อมเด็กชายให้นอนบนตัก สายตาอ่อนโยนที่ส่งผ่านนั้นทำเอาเขาตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อก่อนเขาเคยมีโอกาสได้ดูแลเกศราและไทเกอร์และรับรู้พฤติกรรมของหญิงสาวมาก่อน รายนั้นหัวสูงเย่อหยิ่งไม่เคยคิดจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ชอบเข้างานสังคมและงานสังสรรค์ยิ่งอยู่ในสังคมคุณหญิงคุณนายด้วยแล้ว มักจะเจอเกศราทุกครั้งไป เขาแอบนึกคิดในใจอยู่เหมือนกันรู้สึกสงสารหลานชายที่จะขาดแม่แต่พอมาเจอเด็กหนุ่มคอยเอาใจใส่ดูแลไทเกอร์ยิ่งกว่าไข่ในหิน เขาก็เบาใจ อดคิดอกุศลไม่ได้ว่าลูกพี่คนเก่งของเขาไปเจอพี่เลี้ยงเด็กคนนี้มาจากไหน

อยากได้บ้างวุ้ย 

เขาไม่เคยนึกรังเกียจเลยสักนิด มันเป็นเรื่องรสนิยมส่วนบุคคล และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่กลับชอบมีคนมาเดือดร้อนแทน เขาก็ได้แต่หวังว่าชลธีจะสามารถปกป้องดูแลเด็กหนุ่มจากคนไม่หวังดีที่จ้องจะทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้

“ไทเกอร์หลับง่ายแฮะ”

“คงเหนื่อยที่เล่นกับพี่ปานน่ะสิครับ” ลักยิ้มแก้มข้างซ้ายบุ๋มลงยามเด็กหนุ่มกดยิ้ม ทำเอาปานชีวันหลบรอยยิ้มพิฆาตแทบไม่ทัน “ที่ที่เราจะไปอยู่ไกลไหมครับ”

“ไม่ไกลหรอกลินท์ โรงแรมอยู่ข้างหน้านี่เอง”

“หรอครับ” เด็กหนุ่มขยับตัวให้ลูกชายได้นอนสบายตัว มือลูบกลุ่มผมหยักศกนุ่มมือของลูกชายแผ่วเบา “ใจคอจะไม่บอกจริงๆหรือครับพี่ปานว่ากำลังจะพาลินท์ไปงานอะไร”

“งานเลี้ยงน่ะ” ปานชีวันตอบก่อนจะหันไปสนใจทางข้างหน้าแทน “งานเข้าสังคมพบปะทั่วไป ไม่ใช่งานใหญ่โตอะไร” มุจลินท์นิ่งฟังรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ที่ชลธีพาเขาออกงานไม่ใช่อยากจะพาไปเปิดตัวกับคนอื่นอย่างที่เขาคิดหรอกใช่ไหม

“…”

“ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีอะไรหรอกน่า” เขาไม่ได้บอกมุจลินท์ถึงรายละเอียดงานมากไปกว่านี้เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มเป็นกังวล หน้าที่นอกเหนือจากการขับรถเขาไม่รู้ด้วยแล้ว!

“จะดีหรือพี่ปาน ลินท์เริ่มไม่อยากไปแล้วนะ”

“เห้ย ไม่ได้” ปานชีวันร้องลั่น เกิดเด็กหนุ่มไม่ยอมไปเขาต้องแย่แน่ งานนี้ตายแบบไม่เห็นศพ “ไปก่อนเถอะ คิดซะว่าพาไทเกอร์ไปเที่ยว”

“แต่ลินท์ไม่เคยไปงานพิธีรีตองแบบนี้” ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยออกงานอย่างคนอื่นเขา วางตัวไม่ถูกเลยจริงๆ แค่คิดว่าจะต้องเป็นจุดสนใจของคนอื่นมือไม้ก็เย็นเฉียบขึ้นมาแล้ว

“ใจเย็นๆก่อน พี่จะอยู่ด้วยไม่ต้องห่วง”

“ครับ”

รถราสัญจรผ่านไปมาบนท้องถนนแน่นขนัดและขยับตัวเชื่องช้า เขานั่งนิ่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนปานชีวันเลี้ยวรถยนต์เข้าโรงแรมหรูใจกลางเมือง ตึกสูงหลายสิบชั้นตั้งตระหง่านท่ามกลางความเจริญของเมืองหลวง ห้อมล้อมไปด้วยตึกสูงเรียงรายขนาบทั้งสองข้าง เขาปลุกลูกชายที่กำลังนอนหลับให้ตื่นแล้วอุ้มลงจากรถ ไทเกอร์ตื่นเต็มตาเมื่อเห็นคนพลุกพล่าน บริเวณด้านในของโรงแรมประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์หรู โคมไฟแชงเดอร์เรียส่องแสงระยิบระยับบนเพดานจนลูกชายต้องแหงนคอมองชี้มือชี้ไม้ใหญ่ ปานชีวันเดินนำเขาขึ้นลิฟต์ ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบขาวแขนยาวถือกระบี่เงินยาวท่วงท่าสง่างามทำเอาสาวๆที่เดินผ่านเหลียวหลังมองจนคอแทบหัก

เขามาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงตามที่ปานชีวันบอก เด็กหนุ่มกวาดตามองอย่างรวดเร็ว เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่จุคนได้หลายร้อยคน มีเวทีประดับด้วยช่อดอกไม้สีสันสวยสดใสมีซุ้มถ่ายรูปและโต๊ะลงชื่อ และมีซุ้มอาหารแบบค็อกเทลคอยให้บริการ

งานแต่ง?


“ลินท์รอตรงนี้นะ” ปานชีวันบอก ชายหนุ่มกำลังมองหาชลธี เขาอุตส่าห์พาลูกกับเมียมาส่งแล้วไม่รู้เจ้าตัวไปอยู่ไหน เขาจะต้องไปเตรียมทำซุ้มกระบี่นะ!

“พี่ปาน ไหนบอกจะอยู่กับลินท์ไง” เขาวางลูกชายลงจับจูงมือเล็กไว้แน่น “ลินท์ไม่รู้จักใครเลยนะ” เขาไม่ชอบเลยต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักใคร

“พี่ฉลามกำลังมา ส่วนพี่ต้องไปเตรียมทำซุ้มกระบี่ ลินท์รอตรงนี้ โอเค๊?” ปานชีวันพูดรัวเร็วก่อนจะแยกไปอีกทาง เขายืนนงเป็นลูกเป็ดตาแตก

เขาจูงมือลูกชายไปโซนค็อกเทลได้น้ำผลไม้มาหนึ่งแก้ว เป็นน้ำส้มคั้นแก้วเล็กเสียบหลอดให้ลูกชายค่อยๆดื่ม ไทเกอร์ชอบมากร้องขอจะเอาอีก เขาชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอคนรักในชุดเครื่องแบบสีขาวแขนยาวพอดีตัว ชุดเครื่องแบบแนบไปกับรูปร่างสูงหนา ชลธีจุดยิ้มมองเจ้าลูกเป็ดที่ไม่กล้าสบตาเขา ชุดสูทสีเทาที่เขาเลือกให้เด็กหนุ่มใส่ได้พอดีเป๊ะจนเห็นช่วงขาเพรียวที่เขาชอบมอง สีชุดตัดกับผิวขาวเนียนและเข้ากันกับชุดลูกชายพอดี

“พี่ฉลาม..”

“วันนี้เมียพี่น่ารักจัง”

“มาเรียกอะไรตรงนี้ครับ!” เขาใช้นิ้วชี้แตะปากเป็นเชิงเงียบ “ไม่ได้อยู่ที่บ้านสักหน่อย”

“ป๊าค้าบ”

“ค้าบลูก”

“เกอร์อยากได้” เด็กชายชี้ไปที่เครื่องหมายปีกสีส้มทองบนอก “เกอร์อยากได้”

“ไม่เอาลูกไม่แกะของคุณป๊านะครับ”

“อยากได้โตขึ้นก็เป็นทหารแบบพ่อนะครับ”

“ตะหานนนนนนนน”

“อย่ามาปลูกฝังลูกแบบนั้นนะครับ ไทเกอร์ยังเด็ก”

“เป็นทหารแบบพี่ไม่ดีตรงไหนหรือ” เขาตัดพ้อเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ย “มีศักดิ์ศรีสมเกียรติลูกผู้ชาย”

“จะให้ลินท์พูดตรงนี้ได้ทะเลาะกันเปล่าๆ”

“ลินท์ยังกังวลเรื่องที่พี่ไปทำงานอยู่อีกหรือ” เขาถามคนรัก ไม่เคยคิดอยากจะทะเลาะด้วยเลยสักครั้ง “พี่นึกว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วซะอีก”

“ลินท์ขอโทษ” เด็กหนุ่มพูดเสียงเบา “ลินท์เป็นห่วงพี่มากเกินไป”

“พี่เข้าใจและไม่เคยโกรธลินท์เลย พี่รู้ว่าลินท์รักพี่รักลูกรักครอบครัวมาก” ชลธีเอื้อมมือไปลูบหัวคนรัก “พี่จะชดเชยให้”

“ชดเชย?”

“เป็นภรรยาของพี่ ก็จะต้องได้รับเกียรติเทียบเท่ากับพี่ด้วย”

“จะดีหรือครับ”

“ถ้าลินท์ยังไม่ยอมรับ กลับบ้านไปคราวนี้พี่ได้พิสูจน์ทั้งคืนอีกแน่”

“พี่!” เขาแทบสำลัก “โอเคลินท์ยอมแล้ว”

“แม่จ๋า” เด็กชายกระตุกเสื้อเขาแล้วชี้ไปทางโต๊ะของว่างที่เป็นขนม “แม่ เกอร์อยากกินอะ”

“หิวหรือครับ หนูทานข้าวเลยดีกว่าไหมลูก ทานแต่ขนมจะไม่อิ่มนะครับ”

“กินนนนนนนนนนนนน”

“กินเก่งทั้งแม่ลูกจนตัวกลมแล้ว” ชลธีแซว “แต่ก็ดีนะพี่ชอบแบบพอดีมือ จับตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปหมด”

“พี่ฉลาม!” เขาปรามชายหนุ่มด้วยเสียงที่คิดว่าเบาที่สุด ชอบมาหยอดมาแกล้งเขาอยู่เรื่อย ถึงจะยอมรับว่าช่วงนี้น้ำหนักขึ้นก็เถอะ แต่ไม่ได้ตัวกลมอย่างที่ชลธีบอกเสียหน่อย

“คิดยังไงถึงพาลินท์มา ให้พี่ปานไปรับตกอกตกใจหมดเลย”

“งานแต่งรุ่นน้องน่ะ แต่มีรุ่นพี่ที่พี่เคารพมากมาร่วมงานด้วยพี่เลยอยากมาเจอเขาก่อน”

“ใครหรือครับ”

“เขาเป็นนายทหารปกครองสมัยพี่เรียนโรงเรียนนายร้อย เป็นเหมือนต้นแบบในการทำงานของพี่ เป็นคนที่พี่เคารพนับถือไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง”

“ดีจังครับแล้วเจอกันหรือยัง”

“ก็รอลินท์มาก่อน พี่จะพาลินท์ไปเจอ”

“หือ ลินท์เนี่ยนะ”

“ใช่” เขาเอื้อมมือไปหยิกแก้มลูกชายที่กำลังพองลมไม่พอใจที่ไม่ได้กินขนม “ไปหาลุงเทียนก่อนนะลูก เดี๋ยวป๊าให้คุณแม่พามาทานข้าว” นายทหารหนุ่มบอกลูกชายพร้อมทั้งชี้มือไปทางหน้าเวที

“เย่ๆ ป๊าก็มากินด้วยน้า” เด็กชายวิ่งปร๋อนำหน้าเขาแต่ยังอยู่ในระยะสายตา ไทเกอร์วิ่งสลับเดินจนเด็กหนุ่มอดจะเป็นห่วงไม่ได้เผลอก้าวเท้าตาม

“ไม่เป็นไรหรอกลินท์ ปล่อยให้ลูกได้เล่นในแบบของเขาเถอะ” ชลธีตอบพลางคว้ามือขาวที่เย็นเยียบมากุมไว้ ชลธีสั่งกำชับลูกน้องให้คอยดูแลความเรียบร้อยภายในงานและช่วยดูแลลูกชายไว้แล้ว แต่มุจลินท์ไม่รู้ถึงได้กังวลจนออกทางสีหน้าชัดเจน

“พี่ไม่อยากให้เราประคบประหงมลูกจนเกินไป” นายทหารหนุ่มจ้องเข้าไปในดวงตามุจลินท์ “เกอร์ยังเด็กก็จริงแต่พี่อยากให้เขาได้ลองผิดลองถูก ได้ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง พี่เข้าใจที่ลินท์เป็นห่วงลูก แต่เชื่อเถอะว่าพี่ก็ห่วงไม่แพ้กัน” เขาบีบมือขาวแน่น

“แต่..”

“พี่ให้ลูกน้องช่วยดูแลแล้ว เบาใจหรือยัง” ก้มลงกระซิบข้างหูเจ้าลูกเป็ด “ต่อไปจะได้ถึงเวลาของเราเสียที”

“ฮื่อ” เด็กหนุ่มลืมตัวเผลอทุบเข้าไปต้นแขนชายหนุ่มหนึ่งที “ชอบพูดจาสองแง่สองง่ามจริงๆ”

“ลินท์นั่นแหละที่คิดไปถึงไหนต่อไหน หึๆ”

หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเดรสสีชมพูผ่ายาวพร้อมกระเป๋าคลัชเข้าชุด เดินเข้ามาในห้องประชุมอย่างมั่นใจเธอมองหาคนรู้จักภายในงานก่อนจะสะดุดกับร่างสูงที่คุ้นตา เกศราได้รับคำเชิญจากคุณพ่อที่เป็นผู้บังคับบัญชาให้มาร่วมงานแต่งของรุ่นน้องที่หล่อนรู้จัก หลังจากห่างหายไปจากการเข้าสังคมพักใหญ่ เกศราก็ตัดสินใจมางานแต่งงานของรุ่นน้องในครั้งนี้ ในใจคิดคาดหวังเผื่อว่าจะได้เจอชลธีบ้าง ใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่เธอเมื่อครู่ เธอจำได้แม่นว่าคือคนรักเก่าไม่ผิดแน่ ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปทักทาย นายทหารหนุ่มกลับคว้ามือเด็กหนุ่มที่ยืนใกล้กันเดินไปอีกทาง เธอตกตะลึงกำหมัดแน่น ขบกรามอดกลั้นอารมณ์โกรธที่พวยพุ่งขึ้นมา ความเสียใจ น้อยใจ ประดังประเดเข้ามาจนตัวสั่นไปหมด ทั้งๆที่ชลธีเคยเป็นของเธอมาก่อนทำไมเธอจะเอากลับคืนมาไม่ได้!

ไม่ว่าอย่างไรมันก็ยังเป็นหอกข้างแคร่ทิ่มแทงในใจหล่อนไม่หยุด

 มุจลินท์ ทำไมแกไม่ตายๆไปสักที!



TBC

ขอบพระคุณแม่ยกทุกท่านที่เอ็นดูพิหลามและน้องลินท์นะคะ
ต่อไปจะดราม่าไหมน้า อย่าลืมมาลุ้นไปด้วยกันนะคะ
/กำเปลือกทุเรียนแน่นมาก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 25-12-2017 15:43:00
เงาแค้นจริงๆผู้หญิงคนนี้ ตัวเองทิ้งเขาไปก่อนแท้ๆ 
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-12-2017 16:15:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-12-2017 18:28:16
คงไม่ใช่จ้างวานให้ใครมาฆ่าลินหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-12-2017 18:56:45
จบค้างอีกแล้ว (มือกำเปลือกทุเรียน สายตาเล็งไว้ที่เกศรา)
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-12-2017 19:55:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-12-2017 03:17:22
เปลือกทุเรียนในมือพร้อม รอตบ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: morningpaper ที่ 26-12-2017 03:42:34
แตะต้องน้องเมื่อไหร่ ฉันต้มน้ำร้อนราดแกจริงๆด้วย เลือกที่จะออกไปแล้วก็ไปอยู่ที่ชอบที่ชอบสิยะ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2017 14:13:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MiNaTeuk ที่ 26-12-2017 18:43:50
หลงรักไทเกอร์แล้ววววว♥
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๘] หน้าที่๘ {๑๐๐%} ๒๕.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2017 23:51:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 27-12-2017 20:05:35
ตอนที่ ๑๙

ชลธีกระชับมือคนรักให้แน่นขึ้นแล้วค่อยๆ เดินฝ่าฝูงชนที่กำลังยืนพูดคุยถ่ายรูปกินเลี้ยงสังสรรค์ ลูกเป็ดพยายามแงะมือตัวเองออกอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้สักนิด เห็นสายตาเขียวปั้ดและแก้มพองลมยามไม่ได้อย่างใจ นายทหารหนุ่มก็อยากจะเอื้อมมือบีบให้หายมันเขี้ยว รูปร่างสูงเพรียวบางของเด็กหนุ่มเริ่มมีน้ำมีนวลจนเขาสังเกตได้ ตามช่วงสะโพกและต้นแขนเริ่มมีเนื้อหนังนุ่มนิ่มไปหมด เขาขอสารภาพยืดอกรับอย่างแมนๆ เลยว่า.. โคตรชอบ

“เดินก็มองทางด้วยสิครับ มองแต่หน้าลินท์เดี๋ยวก็ชนคนอื่นเขาหรอก” มุจลินท์บอกคนรักที่เอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่นั่น

“ลินท์ก็จูงมือพี่ไปแทนสิ” เขาพูดพร้อมจุดยิ้มเจ้าเล่ห์

“ฮื่อ เลิกมองได้แล้ว อยู่ด้วยกันทุกวันยังจะมาจ้องอีก” เขาพยายามจะเอามือออกเพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจคนอื่นแต่ชลธีก็ยังไม่ยอมแถมยังมายียวนใส่อีก

“พี่ชอบมองหน้าลินท์นี่นา ก็ชอบมองทุกส่วนนั่นแหละ”

“พอเลย อยู่ใกล้พี่แล้วเปลืองตัวชะมัด”

“ฮ่าๆ”

“ไม่ต้องหัวเราะเลยนะครับ แล้วก็ปล่อยมือลินท์ได้แล้ว”

“ไม่ปล่อย ทำไมพี่จะจับมือลินท์ไม่ได้” ชลธีเริ่มหน้ามุ่ย “จับมือเมียตัวเองก็ไม่ได้”

“พี่ฉลาม ชู่ว!”

“ห้ามพี่พูดอีกอะ”

“ไม่ได้ห้าม ก็ เอ่อ พูดกันสองคนก็ได้นี่”

“ที่นี่ก็ได้.. จะที่ไหนพี่ก็จะพูด!” ในเมื่อเจ้าตัวยืนกรานเขาตามใจก็ได้

เห้อ มีแฟนแก่ที่อารมณ์แปรปรวนเหมือนเด็กสี่ขวบต้องทำอย่างไรครับ


เด็กหนุ่มไม่ขัดขืนปล่อยให้คนรักจูงมือแม้จะรู้สึกหน้าร้อนเวลามีคนมองด้วยสายตาแปลกๆ ก็เถอะ ชายหนุ่มพาเขามาซุ้มถ่ายรูปที่มีคู่บ่าวสาวกำลังยืนถ่ายภาพกับผู้ร่วมงาน เขารีบหลบหลังชลธีอัตโนมัติเมื่อเห็นสายตาของใครบางคนมองมาทางนี้ ว่าจะไม่ตื่นเต้นหากเจอบรรดาเพื่อนของชลธีแต่เอาเข้าจริงมันก็อดตื่นเต้นไม่ได้ มือเขาเย็นเฉียบไปหมด

“แม่จ๋า----” เด็กชายวิ่งมาเกาะขาเขาแน่น “แม่อยู่นี่เอง”

“ไปเล่นที่ไหนมาครับลูก” เขาถามลูกชายที่เหงื่อแตกพลั่ก ขนาดในหอประชุมหนาวขนาดนี้เจ้าตัวแสบยังมีเหงื่อเต็มตัวได้ต้องไปวิ่งเล่นที่ไหนมาแน่ “เหนียวตัวไหมครับเนี่ย”

“ไปเล่นตรงนั้นมาฮะ มีดอกไม้เยอะแยะเลย ส้วยสวยฮะแม่ลินท์” ไทเกอร์ชี้ไปซุ้มดอกไม้ ที่มีคนเข้าไปถ่ายรูปหนาแน่น

“เดี๋ยวทำธุระกับป๊าก่อนเดี๋ยวเราไปถ่ายรูปกันบ้างเนอะ” เด็กชายพยักหน้าก่อนจะวิ่งไปจับชายเสื้อคุณพ่อที่กำลังคุยกับเจ้าบ่าวอยู่

“อ่าว ไทเกอร์” ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งในชุดเครื่องแบบสโมสรทหารบกสูททักซิโด้สีขาวกางเกงดำแถบแดงดูสง่างามเหมาะสมกับวันพิเศษทักลูกชายเขาที่อายม้วนต้วนเมื่อเจอคนแปลกหน้า

“สวัสดีอาไทเขาหน่อยลูก”

“หวัดดีค้าบบบ” ไทเกอร์กระพุ่มมือไหว้มองหน้าคุณอาที่ไม่คุ้นหน้าก่อนเดินหันหลังไปหาคุณแม่

“ไท.. นี่ลินท์” ชลธีคว้ามือเขาแล้วดึงให้เขาเข้าไปใกล้ “แฟนกู”

แฟนกู… อืม ได้ยินแบบนี้เขาอยากจะระเบิดตัวเองให้หายไปเลย

“เห้ย เอาจริงดิพี่” รุ่นน้องชลธีที่ชื่อไททำหน้าแตกตื่นตกใจมองเขาไม่วางตา “เปลี่ยนรสนิยมไม่บอกไม่กล่าวกันล่วงหน้าเลยนะ”

“อย่ามากวนตีนกู” นายทหารหนุ่มขมวดคิ้วมองรุ่นน้อง “เดี๋ยวกูฟ้องเมียมึงหรอกว่าสมัยเรียนมึงนี่แหละ..อุ้ป” เจ้าบ่าวพุ่งพรวดใช้มือเข้าปิดปากชลธีแน่น

“โอ้โห เล่นแบบนี้เลยหรอเฮียหลาม”

“ไอ้สัด ปล่อยกู มือแม่งเค็มฉิบหาย”

“ผมไหว้ละ กราบเลย ห้ามบอกเมียที่เคารพรักเด็ดขาด” ไทแทบจะยกมือไหว้

“เรื่องไปอาบอบนวด แต่ไปโผล่บาร์เกย์ใช่ไหม”

“โอ๊ยยย เฮียยยผมกราบล่ะ” เจ้าบ่าวหนุ่มอยากจะร้อง รีบเปลี่ยนเรื่องโดยหันไปหาเด็กหนุ่ม “น้องลินท์ไปเจอได้ไงครับเนี่ย คนแบบนี้ ทั้งหล่อ สมาร์ต ดูดี”

มุจลินท์หลุดหัวเราะ มองรุ่นพี่รุ่นน้องหยอกล้อกัน “เจอข้างถนนนี่แหละครับ” เขาตอบไปตามความจริงว่าเจอกันที่ไหน ดูเหมือนเจ้าบ่าวจะตกใจไปเล็กน้อยแล้วมองชลธีด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

“โห เฮีย เดี๋ยวนี้ไปหลอกเด็กตามโรงเรียนใช่ไหม” ไทเริ่มอยากจะเอาคืนรุ่นพี่ “จบมอปลายหรือยังครับ”

“ปีหนึ่ง แล้วครับพี่ไท”

“คุก คุก คุก ไม่รู้อะไรติดคอนะเฮีย” เจ้าบ่าวแกล้งกระแอมไอ ส่วนเขานี่หน้าร้อนไปหมดแล้ว

“เดี๋ยวกูขอไปคุยกับเมียมึงแปบ เดี๋ยวกูมา”

“โอ๊ย เฮีย ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ” ไทรับกักตัวรุ่นพี่เอาไว้ “แล้วเจอพี่เทียนหรือยัง”

“ยังเลย เดี๋ยวมาถ่ายรูปกับมึงก่อน” ชลธีตอบ “ไอ้ปานกับไอ้นัชมาช่วยเป็นซุ้มกระบี่ใช่ไหม โชคดีนะมึง”

“ขอบคุณครับเฮีย” ไทยกมือไหว้รุ่นพี่ด้วยความเคารพรัก สายสัมพันธ์พี่น้องที่เชื่อมถึงกันไม่มีวันตัดขาด เป็นธรรมเนียมที่สังคมทหารต้องให้ความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า “ฝากดูแลเฮียหน่อยนะน้องลินท์ อย่าทิ้งเฮียพี่ไปอีกคนล่ะ”

“ครับพี่ไท ขอให้พี่ไทกับแฟนมีความสุขมากๆ นะครับ”

เขาอุ้มลูกชายเข้าไปถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาวท่ามกลางซุ้มดอกไม้สีหวานที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยผะแผ่วอ่อนหวานเข้ากับบรรยากาศชื่นมื่นของความสุข เขามองพี่ไทและเจ้าสาวจับจูงมือกันด้วยความทะนุถนอมดูแลทุกฝีก้าวประคับประคองช่วยเหลือกันด้วยความรัก เป็นภาพที่หวานจนเขาอดจะเขินตามไม่ได้

“พี่บอกแล้วว่าให้เราแต่งงานบ้างลินท์ก็ไม่เชื่อ”

“พี่ยังพูดเรื่องนี้ไม่จบอีกหรือ” เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าคนรักพูดเล่นหรือพูดจริงกันแน่ “ชอบแกล้งลินท์อยู่เรื่อย”

“พี่ไม่ได้พูดเล่นสักหน่อย พูดจริงๆ”

“บ้า!”

“เกอร์ครับ เดี๋ยวป๊าจะขอแม่ลินท์แต่งงาน เกอร์ต้องช่วยป๊านะครับ แม่เขาจะได้อยู่ป๊ากับเกอร์ตลอดไปเลย” คนตัวโตหันไปหาลูกชาย เขาต้องหาแนวร่วมเสียหน่อย

“แม่ลีนแต่งงานกับป๊าสิ แบบอาไท” เด็กชายชี้ไปคู่บ่าวสาวที่เจอเมื่อครู่ “เกอร์อยากให้แม่ลินท์อยู่กับเกอร์นานๆ” เด็กชายส่งสายตาออดอ้อนแถมซุกเข้าหาเขาอีก

“แม่ไม่ได้ไปหน่อยสักหน่อย ป๊าเขาแค่แกล้งแม่เท่านั้น”

“แม่อยู่กับเกอร์นะ นะนะ”

“ครับๆ อยู่กับเกอร์ไปนานๆ เลย” เขายิ้มขำให้กับท่าทางลูกชาย “น่าฟัดจริงๆ เลยลูกใคร”

“ลูกแม่ลินนนนนนน” ไทเกอร์ทำปากจู๋ยื่นไปหามุจลินท์ “จุ้บ”

“จุ้บกันๆ” เขาเลยก้มลงหอมแก้มลูกชายไปสองฟอด

“อะไรกัน ป๊าเป็นส่วนเกินอีกแล้ว เกอร์ต้องจุ้บป๊าด้วย”

“ป๊าๆ จุ้บๆ” เด็กชายหันไปทำปากจู๋ใส่คุณพ่อก่อนจะกดจมูกเล็กลงแก้มชายหนุ่ม ชลธีสลับไปหอมแก้มลูกชายบ้างก่อนจะหันไปงับแก้มเด็กหนุ่มที่กำลังเหวอ

“เห้ยพี่!” เขาร้อง “เอาอีกแล้วนะ”

“ช่วยไม่ได้ลินท์อยากน่ารักเอง”

“ลินท์ไม่น่ารักก็ได้ ลินท์จะดื้อให้ดู”

“ถ้าดื้อก็จะโดนหนักกว่านี้ จะลองไหมล่ะ พี่อะไหวอยู่แล้วแต่ลินท์น่ะสิ” นายทหารหนุ่มยักคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์ อยากแกล้งลูกเป็ดให้ร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างเขาชะมัด

“ป๊าอย่าแกล้งแม่ลิน” เด็กชายโบกมือไปมา “ห้ามแกล้งงงงงงงงง”

“ป๊าไม่ได้แกล้งแม่ลินท์สักหน่อยลูก”

“จริงหยอคับ”

“จริงสิครับลูก.. ปะ เดี๋ยวไปหาลุงเทียนกัน” ชลธีพาเขาและลูกไปยังโต๊ะรับรองที่มีผู้ใหญ่นั่งอยู่เต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มวัยกลางคนหน้าตาคมเข้มบุคลิกดุดันเห็นในครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นทหารอย่างแน่นอน ชลธียกมือไหว้ก่อนจะแตะเอวเขาให้เข้ามาใกล้

“พี่เทียน นี่ลินท์ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง”

“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่ด้วยความนอบน้อม สายตาของนายทหารผู้ใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์ร์มาโชกโชนจ้องมองเขาเหมือนจะประเมินในคราแรกก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความเอ็นดู

“อืม เป็นยังไงบ้างล่ะลินท์”

“สบายดีครับพี่เทียน”

“อยู่กับฉลามเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ มีความสุขดีครับ”

“อดทนหน่อยนะ ชีวิตครอบครัวทหารมันก็แบบนี้ ไม่ค่อยมีเวลา มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยคุยกัน ถนอมน้ำใจกันไว้” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะหันไปมองเด็กชายที่มองเขาตาแป๋ว

“ไทเกอร์จำลุงได้ไหมครับ”

“ไม่ฮะ”

“ลุงเทียนครับ” ชลธีบอกลูกชาย

“หวัดดีฮะลุงเทียน” เด็กชายยกมือไหว้ ดวงตากลมโตสีดำขลับจับจ้องไปที่ใบหน้าคุณลุงไม่วางตา “ลุงเทียนมีหนวด” เด็กชายชี้แล้ววิ่งจะไปจับ มุจลินท์รวบตัวลูกชายไว้ได้ทันก่อนไทเกอร์จะกระโดดขึ้นตักคุณลุง

“แสบได้พ่อมันจริงๆ ฮ่าๆ” เทียนชัยหัวเราะ “เห็นมึงมีความสุขกูก็ไม่ห่วงแล้ว ครั้งนี้มึงก็ดูแลรักษาให้ดีๆ ไม่ต้องมาปรึกษากูแล้ว”

“ยังไงพี่เทียนก็เป็นพี่ที่ผมเคารพรักอยู่เสมอครับ”

“ไปๆ ไปดูแลลูกเมียได้แล้ว ก่อนที่มึงจะต้องไปทำงานอีก อีกสองอาทิตย์ใช่ไหม?”

“ครับ จดหมายส่งตัวกำลังจะมาแล้ว ผมคงต้องเตรียมตัว” เขาตอบ

“คุยกับคนที่บ้านให้ดี อย่าให้มีปัญหาอีกล่ะ”

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะครับ”

“เออ มึงเอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้ก็พอ”

เขายกมือไหว้บอกลาบุคคลที่เคารพรักเหมือนญาติผู้ใหญ่อีกครั้ง แม้นายทหารหนุ่มใหญ่อย่างเทียนชัยจะเคยผ่านประสบการณ์จากหน่วยฝึกที่หฤโหดหรือแม้กระทั่งการลงไปประจำการณ์ในพื้นที่ที่มีการก่อการร้ายก็ตาม เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์มากพอที่จะแนะนำให้ชลธีเอาตัวรอดจากภารกิจในครั้งนี้ได้ อุปสรรคและปัจจัยต่างๆ ในการทำงานแต่ละครั้งไม่เหมือนกันสักครั้ง เป็นความท้าทายอย่างยิ่งในอาชีพทหาร เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีที่ต้องธำรงเอาไว้ เขามองชายหนุ่มที่เดินจากไป ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ท่อนขาที่ไร้ความรู้สึก ขาของเขากำลังจะเดินไม่ได้ เป็นผลมาจากการถูกระเบิดเมื่อหลายปีก่อน แม้เขาจะไม่มีโอกาสได้กลับไปรับใช้ชาติอีก แต่เขาก็ยังมีความหวังจากรุ่นน้องไฟแรงคนอื่นๆ ที่กำลังจะสานต่อปณิธานต่อไป แม้สุดท้ายจะไม่ได้อะไรกลับมาก็ตาม

แม้แต่ชีวิต…
.
.
.
.
.
“ลินท์”

“ครับ?”

“ลินท์อยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษไหม” เขาถามขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่ท้องถนน ชลธีขับรถพามุจลินท์และลูกชายกลับบ้านทันทีที่งานจบ ไม่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนเก่าที่แวะเวียนมาเจอหรือรุ่นน้องที่ชักชวนไปแฮงค์เอ้าท์ เขาอยากให้เวลากับครอบครัวให้มากที่สุด

“ไม่มีนะครับ ลินท์ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหนหรอก” เด็กหนุ่มตอบ “ถามลูกชายแล้วกันครับว่าอยากไปไหน”

“ต้ะเล!” เด็กชายส่งเสียงร้องดังลั่น สงสัยว่าจะอยากไปทะเลจริงๆ “เกอร์อยากว่ายน้ำอ่า”

“ชอบทะเลหรือครับลูก”

“ชอบม้ากมากฮะ”

“พี่จะพาลินท์ไปเที่ยวหรือ” พอเห็นลูกดีใจขนาดนั้นเขาก็เริ่มอยากจะไปทะเลบ้างแล้วเหมือนกัน เด็กหนุ่มจึงหันไปถามคนรัก “ไปทะเลก็ได้นะครับ”

“ได้สิ ชดเชยครั้งที่แล้วที่ไม่ได้เที่ยวเต็มที่แล้วกัน”

“ชวนคุณพ่อกับคุณแม่ไปด้วยดีไหมครับ พี่ปลาก็ไลน์มาชวนลินท์ไปเที่ยวอยู่”

“ไม่ต้องไปคุยกับมันมาก วันๆ อ่านหนังสือจนเพี้ยนไปแล้ว”

“อะไรกันครับ พี่ปลาแค่กลัวลินท์เหงาเลยชวนลินท์กับคุณยายไปทานข้าวที่บ้านใหญ่ต่างหาก”

“แล้วไป” ชลธีตอบ “ถ้ามาชวนเมียพี่ไปเที่ยวที่อื่นพี่เล่นมันกบาลแยกแน่!”

“ฮื่อ พี่นี่ยังไง จะไม่ให้ลินท์ไปไหนเลยหรือ”

“ถ้าพี่ขังลินท์ได้พี่ขังไปแล้ว” นายทหารหนุ่มพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน “ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยคอยดู จะนอนกอดเช้ากอดเย็น.. หึๆ คิดแล้วก็ชื่นใจจัง”

“ชื่นใจจางงงงงงงงง”

“ลูกได้ยืนหมด พูดอะไรเนี่ย”

“สงสัยคืนนี้ต้องฝากเกอร์ไปนอนกับคุณยายอีกวัน”

“ทุกที!!” เขาได้นอนกับลูกชายไม่กี่ครั้งแทบจะนับนิ้วได้ ไม่รู้ชลธีไปกินดีหมี หรือยาชูกำลังมาจากไหนถึงได้แรงดี มีแรงสะกิดเขาได้ทุกวี่ทุกวัน แค่คิดก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ถ้าเขาท้องได้ป่านนี้คงมีลูกตั้งทีมฟุตบอลได้แล้ว

“ฮ่าๆ” ชลธีหัวเราะ ไอ้เรื่องแกล้งเมียให้โมโหเนี่ยมันงานถนัดเขาจริงๆ นะ

ชายหนุ่มใช้มือที่ว่างลูบกลุ่มผมเด็กหนุ่มที่กำลังพิงซบลูกชาย มือหนาไล้ลงมาซอกคอแตะที่หลังคอลูกเป็ดเบาๆ เขาหันไปมองสบตากับชลธี

“มีอะไรหรือครับ”

“เปล่า พี่ก็แค่คิดว่าพี่โชคดีจังเลยเนอะที่พี่เจอลินท์” ชลธีพูดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “พี่ตื่นขึ้นมาเจอลูกเป็ดนอนน้ำลายไหลทุกวันน่ารักเป็นบ้า”

“พี่ฉลาม! อย่ามาแซวกันนะ” เด็กหนุ่มทำจมูกย่นพยายามพูดเสียงเบาเพราะลูกชายงีบหลับคาอกเขาไปแล้ว “ใช่สิ ลินท์นอนน้ำลายไหลยืดทุกวัน ลินท์ไปนอนกับลูกก็ได้”

“พี่แซวเล่นจ้ะคนดี” เขารีบหยุดแกล้งลูกเป็ดทันที หากมุจลินท์โมโหขึ้นมามันจะไม่คุ้ม นี่สินะที่เขาบอกว่า รักชีวิตอย่าคิดสู้เมีย “พี่กำลังคิดว่าจะพาลินท์ไปฮันนีมูนที่ไหนดี”

“บ้าหรอ ฮันนีมูนอะไรกัน”

“พี่ยอมแต่งงานกับลินท์ตั้งแต่ลินท์ให้แหวนพี่เมื่อวันเกิดแล้ว” นายทหารหนุ่มโชว์แหวนที่ได้รับเมื่อวันเกิดที่ผ่านมา เด็กหนุ่มนห้าร้อนผ่าวรู้สึกเหมือนเขาขอชลธีแต่งงานอย่างไรไม่รู้ “เลือกมานะครับจะไปสวีทกันที่ไหน”

“ลินท์อยากชวนพี่ปลา พี่ช้าง พี่นัสไปด้วยได้ไหม”

“ลินท์จะให้พวกตัวแสบมาขัดขวางทางรักของพี่หรือ ไม่มีทาง! พี่ไม่ยอมให้มันมาแน่ๆ” ชลธีขับรถไปบ่นงึมงำไปตลอดทางจนถึงคอนโด ส่วนเขาได้แต่ส่งสายตาเขียวปั๊ดให้กับความขี้หวงของชายหนุ่ม เขาอุ้มลูกชายที่กำลังนอนหลับปุ๋ยวางลงบนเตียงนุ่ม เด็กชายร้องอืออาก่อนจะสะดุ้งตื่นแล้วโผเข้ากอดเขาแน่น

“แม่จ๋า” ไทเกอร์ร้องเรียก “คืนนี้นอนกับเกอร์ไม่ได้หรือฮะ”

“ได้สิครับ เดี๋ยวเราไปนอนห้องใหญ่กันนะ ปะลุกไปอาบน้ำกับแม่ก่อน”

“เย่ๆ นอนกับป๊าด้วยนะ”

เขาพาลูกชายไปอาบน้ำให้สบายตัวโดยให้เจ้าตัวเลือกชุดนอนเอง หยิบแปรงสีฟันและแก้วน้ำสำหรับบ้วนปากเอง ชุดนอนวันนี้เป็นสีเหลืองอ่อนลายหมีพูห์ หลังจากอาบน้ำประแป้งจนตัวลายพร้อมแล้ว เด็กชายหยิบหมอนตัวเองในห้องวิ่งไปจุ้บคุณยายหนึ่งทีแล้วเข้าไปหาคุณพ่อที่กำลังเตรียมเข้านอน

“วันนี้จะนอนกับป๊าหรือครับ”

“นอนกับป๊าฮะ” ไทเกอร์ปีนขึ้นเตียงวางหมอนใบเล็กตรงกลางก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มนุ่ม นอนมองคุณพ่อและคุณแม่ตาแป๋ว

“เมื่อกี๊มีคนบ่นกับแม่ว่าง่วง ทำไมตอนนี้ไม่ยอมนอนล่ะครับ”

“อยากฟังคุณแม่เล่านิทาน” เด็กชายขยี้ตา “กาต่ายกับต่าววววว”

“ให้คุณพ่อเล่ามั่งดีไหม”

“นิทานของพี่เป็นเรื่องฉลามกับลูกเป็ดน่ะสิ”

“พอเลย” มุจลินท์รีบเบรคเพราะไม่มั่นใจนิทานของชายหนุ่มคือเรื่องอะไรกันแน่ ดูจากสายตาแพรวพราวแล้วคงจะไม่พ้นเรื่องให้เขาเปลืองเนื้อเปลืองตัว “ลินท์เล่าเองดีกว่า”

ชลธีถอดเสื้อนอนและสวมกางเกงผ้าแพรติดร่างกายตัวเดียวเช่นเคย มุจลินท์อุ้มลูกชายที่หลับสนิทแล้วให้เขยิบมาทางริมเตียงใช้นอนข้างและตุ๊กตาตัวโปรดของลูกชายกั้นไว้ ส่วนเขานอนตรงกลางตระกรองกอดลูกชายเอาไว้

“กอดพี่ด้วยสิ”

“พี่ก็นอนกอดหมอนข้างไปก่อนแล้วกัน”

“นอนกับเมียก็ต้องกอดเมีย”

ฟอด!


“อาบน้ำก็ยิ่งตัวหอม” เขาสูดกลิ่นตัวเด็กหนุ่ม “หอมไปทั้งตัวเลย”

“ก็ใช้แชมพู สบู่ยี่ห้อเดียวกันนะครับ ลินท์จะไปหอมมากกว่าพี่ได้ยังไง”

“ไม่รู้แหละ พี่ชอบ” เขาพูดพลางกระชับอ้อมกอดให้คนรักเข้ามาใกล้ เสพติดการสัมผัสจากมุจลินท์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น “ชอบกลิ่นหอมๆ จากตัวลินท์ ชอบดม ชอบหอม ชอบกอด ชอบ…”

“พอแล้วครับ เสียงดังลูกก็ตื่นพอดี”

“งั้นเบาๆ ก็ได้” ชายหนุ่มกระซิบ “พี่ขอกอดหน่อยสิ”

“อื้อ เอาสิ ก็นอนกอดกันทุกวันอยู่แล้ว”

“เสพติดการกอดลินท์ไปแล้วทำไงดี พี่นอนไม่หลับแน่ถ้าไม่มีลินท์”

“เว่ออีกแล้ว”

“เอ้าจริงๆ พี่เข้าป่านอนกลางดินกินกลางทราย ไม่เคยได้นอนหลับเต็มตาสักคืนหรอกนะ”

“ลินท์เป็นห่วงพี่จัง”

“เป็นห่วงพี่ก็ต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ไปให้ความหวังใคร ห้ามแจกเบอร์ ห้ามแจกไลน์”

“เดี๋ยวๆ ไม่มีหรอกน่า พูดเหมือนลินท์หล่อเลือกได้อย่างนั้นแหละ”

“ลินท์ไม่หล่อ แต่ลินท์น่ารัก เรื่องหล่อน่ะยกให้พี่เถอะ หึๆ”

“วันๆ ลินท์ไม่ได้เจอใครสักหน่อย”

“ไม่รู้แหละ มีเมียเด็กก็ต้องหวงเป็นธรรมดา” ชลธีพูดพลางใช้มือที่ว่างลูบคางอย่างคนใช้ความคิด “ยิ่งพี่ไม่อยู่ด้วย ไม่ได้ๆ เดี๋ยวให้ไอ้ปานมาช่วยดูแล”

“ไม่ต้องเลย ให้พี่ปานไปทำงานเถอะ จะมาเฝ้าลินท์ทำไม”

“จะได้คอยช่วยลินท์ได้ หรือไม่.. ลินท์ต้องย้ายไปอยู่กับคุณแม่พี่ที่บ้านใหญ่” ชายหนุ่มกำชับเสียงหนักแน่น “ไม่งั้นพี่ไม่วางใจ”

“เอาที่พี่สบายใจแล้วกัน แต่พี่สัญญากับลินท์ได้ไหมว่าพี่จะกลับมาหาลินท์กับลูก”

“พี่สัญญา”

“พูดแล้วห้ามคืนคำ”

“พี่ขอค่าสัญญาเป็นจูบหวานๆ แล้วกันนะคนดี” เขาใช้ริมฝีปากแตะไล้ไปวงหน้าขาวก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบาง ค่อยๆ ทาบทับสอดแทรกความอุ่นร้อนของลิ้นไปช่วงชิมความหวาน มือที่ว่างก็ลูบไล้สะโพกกลมมนของคนรัก ขยำเบาๆ จนลูกเป็ดร้องครางเครือใช้ฝ่ามือดันอกเขาออก แต่มีหรือที่ชลธีจะยอม ใช้มือหนาสอดเข้าไปในกางเกงขาสั้นยางยืดบีบบั้นท้ายนุ่มเบาๆ

“พี่นอนท่านี้ได้ไหม”

“เอามือออกไปเลยนะครับ”

“ใจร้าย” ชายหนุ่มโอดครวญ “ไม่สงสารพี่หรือ”

“ไม่”

“ง่า”

“ดูทำเสียงเข้า”

“มีเมียเด็กก็ต้องทำตัวเด็กๆ เข้าไว้”

“ใครสอนพี่เนี่ย”

“ไอ้ปาน”

“โดนพี่ปานแกล้งแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มหัวเราะ “คิดว่าทำตัวเด็กแล้วลินท์จะยอมหรือ”

“ไม่ยอมพี่คงต้องใช้ท่าไม้ตาย” เขาพูดเสียงจริงจัง “รวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว”

“ฮื่อ” ลูกเป็ดเขยิบหนีให้พ้นจากคนบ้ากาม “ลูกนอนด้วยพี่อย่ามาทำทะลึ่งนะ”

“ก็ทำข้างนอกก็ได้ เปลี่ยนบรรยากาศ”

หาข้ออ้างลื่นไหลได้ตลอด คงไม่ใช่ฉลามแล้วล่ะ แต่เป็นปลาไหลแทน!

“นู่นเลยครับ” เด็กหนุ่มชี้ไปที่ห้องน้ำ “จัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วค่อยมานอน”

“โถ่ลินท์.. ผัวจะขาดใจตายอยู่แล้ว”

“พี่ฉลาม! ผัวเผออะไร”

“พี่ไง” ชายหนุ่มชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “ลินท์ก็เป็นม..”

“เงียบเลยนะครับ” เขาทำเสียงดุใส่ชายหนุ่ม

“ก็ได้ พี่ทำเองก็ได้” ชลธีพูดจบก็ถอนมือที่กอดเอวลูกเป็ดออกแล้วพลิกตัวหันหลังให้ มุจลินท์แอบเหลือบมองคนรักเล็กน้อย ชลธีคงจะไม่งอนเขาเพราะแบบนี้หรอกใช่ไหม เด็กหนุ่มดึงผ้านวมให้ขึ้นมาช่วงอกและดูว่าลูกชายนอนดิ้นถีบผ้าออกจากตัวอีกหรือเปล่า เขาปิดเปลือกตาแต่ยังหลับไม่สนิท ท่ามกลางความเงียบเสียงร่างกายเสียดสีกับเนื้อผ้าดังสวบสาบ ตามด้วยเสียงหอบหายใจ

“ลินท์ ฮื่อ.. อ่า ลินท์” เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อเสียงครางต่ำส่งเสียงเรียกเป็นชื่อเขา เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งหันไปมองชลธีที่กำลังกำแก่นกายรูดขึ้นลง ใบหน้าคมเข้มได้รูปบิดเบี้ยวไปด้วยความสุขสม ดวงสีดำสนิทจ้องมาที่เขา มันเปี่ยมไปด้วยความต้องการ เขากลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากเมื่อเห็นชลธี ภาพยั่วเย้าอารมณ์ตรงหน้าเริ่มทำให้เขาปวดหนึบบริเวณท้องน้อย

“พี่ฉลาม!” เด็กหนุ่มร้อง “ลินท์ให้ไปทำในห้องน้ำไม่ใช่ตรงนี้” เขาทุบไปที่ต้นแขนหนาของคนรัก พยายามไม่มองฉลามน้อยที่กำลังแข็งขืนเต็มมือ

“ไม่มีลินท์ก็ไม่มีความหมาย” เขากัดริมฝีปาก ยิ่งได้เห็นคนรักกำลังจ้องมองความรู้สึกเสียวพร่าก็แล่นไปทั่วกาย “ขอพี่มองหน้าลินท์หน่อย”

“ไป ไปเลย.. ไปห้องน้ำเดี๋ยวนี้!” เด็กหนุ่มลงจากเตียงดึงคนรักที่กำลังสาวแกนกายขึ้นลงอย่างเอาเป็นเอาตายให้ลุกขึ้น เขาอยากจะบ้าตายไม่คิดเลยว่าชลธีจะดื้อขนาดนี้ แล้วยังมีการมาบอกว่าเขาดื้อ.. คนที่ดื้อคือพี่นั่นแหละ!

หลังจากลากชายหนุ่มตัวโตออกมาได้สำเร็จ สภาพของชลธีตอนนี้ทำเอาเขาไม่อยากจะมอง กางเกงผ้าแพรที่ใส่ติดตัวเมื่อกี้มันหายไปไหน!

“ลินท์จะทำอะไรพี่”

“ก็ช่วยทำให้พี่สงบ จะได้ไปนอนสักที” ล็อกประตูห้องน้ำเสร็จแล้วเขาดันหลังชายหนุ่มให้ไปติดกำแพงปูนที่เย็นเยียบทำเอาชลธีสะดุ้งเบาๆ เขานั่งคุกเข่าใช้มือเล็กกำแก่นกายคนรักไว้ในมือน้ำหล่อลื่นสีใสที่ปริ่มออกมาทำให้เวลาขยับขึ้นลงง่ายขึ้น นายทหารหนุ่มกลั้นเสียงครางมือหนาคว้าเข้าที่กลุ่มผมนุ่มของลูกเป็ด ดวงตาสีน้ำตาลเทาจ้องมองอย่างผู้ชนะและรูดรั้งมือให้เร็วขึ้น ก่อนจะใช้ริมฝีปากบางจูบส่วนหัวและใช้ลิ้นเปียกชื้นแตะเบาๆ ครอบครองความอ่อนไหวจนลึกสุด ดูดดึงจนได้รับเสียงร้องของชายหนุ่มดังสลับเสียงหอบหายใจ

“ลินท์.. ปล่อย พี่จะ ฮึ่ย!” เขากระชับมือที่ต้นคอเด็กหนุ่มไม่ให้ขยับไปมากกว่านี้แต่ลิ้นเจ้าลูกเป็ดที่ไม่ยอมหยุดทำเอาเขาเสียวจนตัวโยน “ลินท์ หยุดก่อน.. แฮ่ก” เขาปลดปล่อยออกมาภายในริมฝีปากเล็ก เด็กหนุ่มไอแค่กพยายามกลืนน้ำรักลงคอ

”แค่กๆ ๆ”

“ลินท์คายออกมา เร็ว!”

“ฮื่อ กินหมดแล้ว”

“กินทำไมเนี่ย”

“ก็อยากลองกินดู”

“มันสกปรก คายออกมา” เขาใช้มือรองที่ริมฝีปากเด็กหนุ่ม แต่เจ้าตัวส่ายหัวดิกแถมยังปิดปากตัวเองแน่น “ทำไมดื้อกับพี่ หือ?”

“พี่ ดื้อกับลินท์ก่อน”

“หึ เมียดื้อก็ต้องจัดการ”

“ฮื่อออออออ” เด็กหนุ่มถูกจับให้เงยหน้ารับจูบที่เข้ามาประทับอย่างไม่ทันตั้งตัว ลิ้นร้อนชื้นเกี่ยวกระหวัดภายในโพรงปากดูดดึงเอาคราบน้ำรักที่เขากลืนกินไปเมื่อครู่จนหมด ร่างกายเขาร้อนวูบวาบจากสัมผัสที่คนรักกำลังปรนเปรอให้ ส่วนอ่อนไหวเริ่มตึงคับแน่นกางเกงนอน

“จะดื้อกับพี่อีกไหมครับ?”

“แฮ่ก.. แฮ่ก” เจ้าลูกเป็ดหอบหายใจมองเขาตาเขียวปั้ด “ดื้อ!”

“ดีๆ” เขาใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง แล้วถลกเสื้อนอนตัวบางของคนรักขึ้นจนเห็นยอดอกที่กำลังแข็งเกร็ง ลงลิ้นแตะตุ่มไตสีหวานจนเด็กหนุ่มครางเครือไม่ได้ศัพท์ “ชอบไหมครับ?”

“ฮื่อ”

“ชอบไหม ผู้ชายในเครื่องแบบ” เขาลูบไล้แก้มขาวของลูกเป็ดที่ขึ้นสีระเรื่อ น่างับ น่าฟัด น่ากัดเป็นบ้า! “แบบไม่ใส่อะไรเลย….”

“ฮื่อออออ” เด็กหนุ่มร้องโวยพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่มแต่ไม่มีแรงมากพอ ชลธีไม่ได้ทำอะไรคนรักมากไปกว่านั้นแค่เห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนของมุจลินท์เขาก็เลิกแกล้ง ชายหนุ่มบรรจงจูบซับเหงื่อให้คนรักพลางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามตัวเบาๆ เขาพาเด็กหนุ่มมาส่งที่เตียง จัดท่าทางให้คนรักได้นอนสบายตัว จนกระทั่งเห็นเด็กดื้อนอนหลับสนิทไปแล้วส่วนเขาก็ได้เวลาพักผ่อนสักที มือหนาลูบไล้ไปตามกรอบหน้าเด็กหนุ่มด้วยความรักใคร่อย่างสุดซึ้ง ในที่สุดเขาก็พบเจอความเจอความสุขที่อยู่ไม่ไกลตัวเลย.. ขอให้หลังจากนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษของเราทั้งคู่ตลอดไป

“ฝันดีนะครับคนดีของพี่”



TBC

มาม่ายังไม่มานะคะ ป้าเกศไปเตรียมตัวก่อน
ตอนหน้ามาดูพี่หลามพาเมียไปฮันนีมูนนะจ้ะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมากๆ เลย ดีใจมาก
คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า
เดี๋ยวเอาตอนพิเศษมาลงให้ค่ะ รัก <3

หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-12-2017 20:22:35
น้ำยังไม่เดือด ไม่เป็นไร แต่เปลือกทุเรียนยังกำไม่ปล่อยนะจ๊ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 27-12-2017 20:28:20
 :-[ :-[ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-12-2017 21:08:41
เรื่องนี้มาม่าชอบคว่ำแบบไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-12-2017 22:20:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 28-12-2017 07:35:07
น้องลินน่ารัก พี่หลามก็แสนดีฟิลกู้ดสุดๆ หรือระหว่างรอมาม่าชามโต :hao4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 28-12-2017 11:22:37
อ่านตอนใหม่แล้วแบบโอ๊ย ทำไมมันละมุนแบบนี้

มีไทเกอร์เป็นกามเทพตัวน้อย เกอร์ต้องช่วยแม่ลินทร์นะลูก

ทำให้แม่ลินยอมแต่งงานกับพ่อหลามให้ได้น้า
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 28-12-2017 11:26:22
ไม่อยากให้พี่หลามไปเลย น้องอยู่คนเดียวกับลูก

ไม่ได้กลัวว่าพี่หลามจะไม่กลับมา แต่กลัวเมียเก่าพี่หลามจะกลับมารังแกน้อง

สงสารน้อง น้องยิ่งงคิดมากๆอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่๑๙] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๒๗.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 31-12-2017 10:16:06
พี่หลาม,. หื่นมาก... เพลาๆหน่อยน้องลินท์ช่ำในหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 31-12-2017 19:24:48
ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีกับคนดีของหัวใจ

“คุนแม่ๆๆ ซานต้าคอสฮะ”

“ไหนครับ”

เด็กชายวัยสี่ขวบในชุดนักเรียนกะลาสีชี้มือไปที่คุณลุงซานต้าคอสที่กำลังแจกขนมในห้างสรรพสินค้า หลังจากที่เขารับเจ้าตัวเล็กกลับจากโรงเรียนจึงแวะมาซื้อของใช้ และหาของขวัญให้ลูกชายไปจับฉลากในงานปีใหม่วันพรุ่งนี้

“เกอร์อยากไปเอาของขวัญจากคูนลุง”

“ไปกันครับ” เขาจอดรถเข็นเอาไว้ แล้วจูงลูกชายไปโซนของขวัญ ช่วงปลายเดือนธันวาคมบรรดาร้านค้าเริ่มแต่งร้านให้มีสีสันสดใส มาสคอตซานต้าคอสดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาเด็กๆที่ตั้งตารอ เห็นแววตาประกายสุกใสของลูกชาย เขาเองก็อยากจะตามใจลูกชายอีกนิด

“คุนแม่ เกอร์ซื้อได้ไหมฮะ” ไทเกอร์ชี้ไปที่ของเล่นเป็นรถไฟรูปไดเสาร์ “เกอร์มีแต้มๆๆๆ” เด็กชายหยิบกระดาษใบเล็กๆที่บรรจงพับเก็บไว้กระเป๋านักเรียนลายหมีพูห์ เขาตั้งกฏในการซื้อของเล่นกับลูกชายเอาไว้ นอกจากค่าขนมที่ไทเกอร์จะหยอดกระปุกทุกวันแล้ว เจ้าตัวยังตั้งใจเก็บแต้มสะสมทุกวัน ทั้งช่วยเขากวาดบ้าน ถูบ้าน พับผ้า แม้จะดูเหมือนมาช่วยป่วนมากกว่าก็เถอะ

“ได้สิครับ เกอร์จะเอาอันไหน”

“สีฟ้าฮะแม่”

“เลือกของขวัญไปจับฉลากด้วยนะลูก”

“ฮุก คุนแม่ เอาหมี”

“หมีหรอคับ”

“หมีตัวนี้ฮะ”

ริลัคคุมะ..

เขาชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นเจ้าหมีสีน้ำตาลหน้านิ่งตัวอ้วนกลมในอ้อมกอดของลูกชาย ไทเกอร์มองเขาตาแป๋ว พยักหน้ายืนยันว่าจะเอาตัวนี้กลับบ้านให้ได้ เมื่อกี๊ยังเห็นสนใจรถไฟไดโนเสาร์อยู่เลย เขาอยากจะตีตัวเองนักเห็นเจ้าหมีก็ดันไปนึกถึงคนรักจนได้

“ลินท์ครับ” ชลธีรวบตัวเขาไปกอด ตั้งแต่เปิดหนังที่พี่หมีส่งมาให้ดูชายหนุ่มก็เข้ามาเกาแกะเขาตลอด บอกหนาวแล้วมาขอกอด บอกง่วงแล้วมาขอซบ ขอพิง อะไรก็ได้ให้ตัวติดกันแม้ว่าเขาจะเอาหมอนข้างกั้นเอาไว้แต่ก็โดนชายหนุ่มคว้าออกทุกที “หมีน่ารักไหม” ชายหนุ่มยื่นกล่องเล็กๆรูปหมีริลัคคุมะเต็มไปด้วยภาษาญี่ปุ่น

“ฮื่อ น่ารักดีครับ ขนมหรือ” เขากำลังจะแกะแต่ถูกคนรักห้ามไว้

“เดี๋ยวพี่แกะให้ครับ..”

“หมากฝรั่งหรือ”

“ก็คล้ายๆหมากผรั่งนะ”

“ไหนครับ”

“มาดูใกล้ๆสิ” 

หลังจากนั้นเขาก็ได้ดูหมีทั้งคืน..


“แม่ลินท์.. ไม่ได้หยอ” เด็กชายร้องถาม “เกอร์อยากได้”

“ได้สิครับ” เขาส่ายหัวไล่ความคิดเมื่อครู่ก่อนจะรับตุ๊กตาหมีจากลูกชาย พลิกดูราคาแล้วไม่แพงมาก “เดี๋ยวให้พี่เขาห่อนะ เดี๋ยวเราไปถ่ายรูปกับลุงซานต้าคอสกัน” เขาไปจ่ายเงินแล้วให้พนักงานช่วยห่อกล่องของขวัญแต่เด็กชายไม่ยอมอยากไปได้นอนกอดที่บ้าน เขาจึงเลือกของขวัญที่ให้ลุกชายไปจับฉลากพรุ่งนี้ใหม่ แล้วค่อยพาไทเกอร์ไปถ่ายรูปกับลุงซานต้าคอส

กดส่งรูปถ่ายให้คนรักดูผ่านแอปพลิเคชั่นสีเขียว ดูเหมือนชายหนุ่มจะแอบงอนที่ไม่ยอมให้เขามาด้วย ส่งข้อความมาเร่งเร้าให้เขารีบกลับ

“กลับบ้านหรือยัง”

“อีกสักพักเลย ลินท์ยังได้ของไม่ครบ”

“พี่ไปรับนะ”ชลธีตอบพร้อมส่งสติ๊กเกอร์ไลน์หมีบราวน์ขับรถ

“ฮื่อ ตามใจสิครับ”

มุจลินท์พิมตอบไปอมยิ้มไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์เสร็จจึงจูงมือลูกชายเข้าร้านไอศครีม สั่งรสสตรอเบอรี่ของโปรดให้เจ้าตัวเล็กที่ดี๊ด๊าสุดๆ “แม่คร้าบ แม่ๆๆ เกอร์เอาสตรอเบอรี่”

“นี่ไงครับ” เขาดันถ้วยไอศครีมตรงหน้าเด็กชาย “ค่อยๆทานนะครับ”

“อาหย่อยยยยยยย”

นั่งมองลูกชายที่กำลังทานอย่างมีความสุขแล้วแอบถ่ายรูปไทเกอร์กำลังตักไอศครีมเข้าปากกดโพสในอินสตราแกรม ทั้งพี่ช้างกับพี่ปลาแย่งกันใหญ่ว่าปีใหม่นี้ใครจะเป็นคนเลี้ยงไอศครีมหลาน เขาหัวเราะ ส่วนลูกชายที่เห็นเขาไม่ยอมทานสักทีจึงตักของตัวเองมาป้อนให้บ้าง

“แม่ๆๆ อ้ามมมม”

“อ้ามม” เขาอ้าปากรับ “ขอบคุณครับลูก”

“สนุกกันใหญ่เลย ไม่ชวนป๊าเลย” ชลธีแตะไหล่เขาเบาๆแล้วนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างข้างๆ “ไหน ทานอะไรกันอยู่ครับ”

“จุนป๊า! อ้ามมมม”

“ลูกชายป๊าน่ารักที่สุด” เขารับไอศครีมที่ลูกชายกำลังป้อนเข้าปาก

“ฮิๆๆ”

“ทานด้วยกันไหมครับ” เด็กหนุ่มชวนคนรัก ไอศครีมที่เขาสั่งมาดูเหมือนจะทานไม่หมด

“ไม่เป็นไร พี่จองร้านอาหารเอาไว้แล้ว พี่จะพาเราไปทานข้าวคุณยายรออยู่ที่นั่น”

“อ่าว ลินท์กำลังจะซื้อของไปทำเลย”

“พักหน่อยน่าลินท์ เพิ่งสอบเสร็จแท้ๆ” ชายหนุ่มมองคนรักที่พองแก้ม เมื่อคืนก็อ่านหนังสือจนดึกแล้วไปสอบแต่เช้าได้นอนเต็มอิ่มหรือเปล่าก็ไม่รู้ แทนที่จะพักผ่อนกลับยังต้องมาดูแลเขาและลูก ชลธีอยากให้เจ้าลูกเป็ดได้พัก วันสุดท้ายของปีทิ้งความทุกข์ความเหนื่อยล้าให้หมดไปกับปีนี้เถอะ

“ก็ได้ครับ”

“พี่ไม่อยู่ อย่าฝืนตัวเองให้มากนัก”

“ลินท์รู้แล้ว ลินท์แค่อยากจะดูแลพี่ให้ดีที่สุดนี่นา”

“พี่ยังอยู่กับลินท์อีกหลายปี ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีต่อๆไป จะรักลินท์และลูกเสมอไป” เขากุมมือคนรัก เด็กหนุ่มหน้าเห่อร้อนทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะพูดซึ่งหน้า ส่วนลูกชายกำลังตักไอศครีมเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

“ลินท์ก็เหมือนกัน”

“เหมือนยังไง”

“รักพี่กับลูก.. เสมอไป”

“สัญญากับพี่แล้วนะ”

“ฮื่อ ค่อยบอกกันตอนอยู่สองคนก็ได้นี่ครับ” เขาเขินจะแย่อยู่แล้ว

“คืนนี้ลินท์คงไม่มีเวลามาบอกพี่หรอก” ชลธีจุดยิ้ม หลังจากไปทานข้าวด้วยกันทั้งครอบครัว เขาอยากจะพาเด็กหนุ่มไปขับรถเล่นกินลมชมวิวสวีทนอกบ้านเสียหน่อย “พี่พาลินท์เค้าดาวท์ทั้งคืน”

“เอาสิ ลินท์อยากเค้าดาวท์บ้าง” เห็นคนอื่นเขาไปเที่ยวกันในช่วงปีใหม่แต่ตัวเองต้องทำงานรับจ้างหาเงินเก็บไว้เรียนทุกปี ถึงจะแอบน้อยใจในโชคชะตาตัวเองอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยปีนี้ก็มีอะไรดีๆเข้ามามากมายเหลือเกิน เขาได้ครอบครัว ได้คนรักที่แสนดี ได้ดูแลคุณยาย เท่านี้เขาก็ดีใจมากแล้ว.. เด็กหนุ่มยิ้มสดใสกระพุ่มมือไหว้นายทหารหนุ่มผู้เป็นคนรัก

“อื้อ ได้สิ” ชลธีลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกเป็ด วงหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อน่าเอ็นดูเหลือเกิน กลิ่นกายคนตัวเล็กหอมอ่อนๆที่เขาดอมดมได้ไม่รู้เบื่อ

“ขอบคุณนะครับ”

“อยู่ให้พี่รักไปนานๆนะ”

“ลินท์จะอยู่เป็นรักให้พี่ตลอดไป.. Happy New yaer นะครับ”

“แฮปปี้นิวเยียยยยยยยยย” ไทเกอร์ชูมือที่มีช้อนตักไอศครีมขึ้นสูงแล้วหัวเราะคิกคัก เด็กหนุ่มผละไปเช็ดริมฝีปากที่เปื้อนให้ลูกชาย ไทเกอร์ทำปากจู๋ยอมให้เขาเช็ดแต่โดยดี

“พรุ่งนี้หยุดใช่ไหมครับ”

“หยุดแล้วครับ เปิดเรียนต้นเดือนหน้า” เด็กหนุ่มเงยหน้ามาตอบขณะกำลังง่วนในการดูแลลูกชาย เขาชอบมองเหลือเกิน

“ดีเลย ลินท์จะได้พักผ่อน”

และพี่จะได้ใช้ริลัคคุมะให้หมดสักที..


++++++++++++++++++++++++++


พรุ่งนี้เริ่มต้นปีใหม่
ขอให้นักอ่านที่น่ารักของพายมีความสุข และพบเจอสิ่งดีๆตลอดปี2561นะคะ
Happy New Year ค่ะ
ขอบคุณที่เราได้เจอกันในปีนี้ รักคนอ่านค่ะ <3

หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-12-2017 19:56:56
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-12-2017 20:46:38
Condom ริรัคคุมะ5555 น้องลินท์เป็นคนใสๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 31-12-2017 21:05:04
อ่านแล้วชอบจัง

อยากเห็นพาร์คตอนเกอร์โตจริงๆ อยากรู้จะหื่นเหมือนพ่อ หรือขี้อ้อนเหมือนแม่กันน้า
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 01-01-2018 00:03:53
เค้าดาวน์กัน อือ อือแล้วม๊างงงง
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 01-01-2018 01:12:05
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 01-01-2018 13:17:13
อยากรู้ว่าเคาท์ดาวน์ท่าไหน เอ้ยที่ไหนกัน.... :hao7:
สวัสดีปีใหม่ค่ะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-01-2018 13:41:39
สวัสดีปีใหม่ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 04-01-2018 09:22:10
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ
เรื่องไปเรื่อยๆแบบนี้ชอบมาก คู่นี้เค้าน่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ วันสุดท้ายของปีฯ] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๓๑.๑๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-01-2018 14:43:29
ตามทันแล้ว สนุกมากๆเลยค่าาาา~
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 05-01-2018 14:40:26
ตอนที่ ๒๐

บรรยากาศริมทะเลในตอนเย็นเงียบสงบ แสงสีส้มบรรจบขอบฟ้าสุดลูกหูลูกตาดูสวยเหลือเกิน ความมืดเริ่มเกาะกุมท้องฟ้า หมู่ดาวทักถอแสงประกายระยิบยับล้อแสงไฟจากในเมืองที่สาดแสงแข่งสู้ เขาใช้เท้าเขี่ยผืนทรายละเอียดสีขาวอุ่น เด็กหนุ่มชอบเหลือเกินเวลาเดินย่ำแล้วเท้าจมลงไปในทราย ตัวโคลงเคลงไปมายามย่ำเท้าเร็ว เสื้อกล้ามสีขาวที่แอบคนรักเอามาใส่เดินเล่นเริ่มจะบางเกินไปเมื่ออากาศในตอนกลางคืนมีอุณหภูมิลดลง

ชลธีพาเขามาเที่ยวพักผ่อนที่จังหวัดจันทบุรีได้สองวันแล้ว เขาพักอยู่ที่รีสอร์ทแถวหาดเจ้าหลาว เป็นรีสอร์ทสไตล์โมเดิ้นที่มีบ้านพักส่วนตัว ชลธีให้เขาเป็นคนเลือกและจะพักผ่อนอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเตรียมตัวขึ้นไปปฏิบัติภารกิจที่เชียงราย แค่คิดเขาก็ใจหาย ไม่อยากจะให้เวลามันผ่านไปเลย เด็กหนุ่มจึงอยากอยู่คนเดียวสักพักทำใจยอมรับความห่างไกลที่กำลังจะมาถึง

“ลินท์..” ชลธีเรียกหาคนรักที่แอบหนีเขามาเดินเล่นแล้วหายไปเป็นชั่วโมง “ถ้าพี่จับได้ คืนนี้ไม่ต้องนอน!” นายทหารหนุ่มพูดเสียงเข้มเมื่อเห็นหลังคุ้นเคยวิ่งผลุนไปหลบข้างต้นไม้ในกระถางของรีสอร์ท

“…”

“นับหนึ่ง..”

“…”

“นับสอง”

“ลินท์มาแล้ว ลินท์มาแล้ว” เด็กหนุ่มโผล่ออกมาจากจุดที่เจ้าตัวยืนมองอยู่ เนื้อตัวเลอะเทอะเต็มไปด้วยทราย “ลินท์ขอมาเดินเล่นแป็บเดียวเอง” เจ้าลูกเป็ดหน้ามุ่ยรีบปัดเศษทรายออกจากตัว

“รอลูกตื่นก่อนก็ได้ หรือจะรอพี่คุยธุระเสร็จก่อนไม่ใช่อยากจะไปไหนก็ไป ไม่บอกใคร”

“ก็ลินท์..” จะให้บอกได้อย่างไรว่ากำลังทำใจที่คนรักจะต้องห่างไกล เขาไม่อยากให้ชลธีเป็นห่วง พอๆกับไม่อยากให้ชายหนุ่มเป็นกังวลเรื่องเขาด้วย

เด็กหนุ่มเริ่มหน้าเสียเพราะเดือดร้อนคนรักต้องออกมาตาม เขาก็ไม่ทันได้ดูเวลาเสียด้วยว่าออกมานานเท่าไหร่แล้ว ชลธีขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเสื้อกล้ามตัวบางและกางเกงขาสั้นที่เจ้าลูกเป็ดใส่

“พี่บอกให้ทิ้งกางเกงตัวนี้ไปนานแล้วนี่” เขาบอกเสียงดุก่อนจะรีบถอดเสื้อยืดของตัวเองออกแล้วสวมทับให้คนรักที่กำลังตัวสั่นเพราะอากาศเย็น “แล้วแอบเอาเสื้อกล้ามพี่มาใส่อีก มันตัวใหญ่เกินไปหน่อยไหม หืม?”

“ทำไมพี่ฉลามดุจัง” แค่เสื้อผ้าก็ต้องหวงด้วย

“ไม่ได้ เรื่องนี้พี่ไม่ยอม” เขาตอบเสียงเข้ม จะให้ลูกเป็ดว่าเขาขี้หวง ขี้หึงอะไรก็ได้แต่เขาไม่ชอบใจจริงๆที่คนรักแต่งตัวไม่เรียบร้อย

ของพี่พี่มีสิทธิ์ดูได้คนเดียว

“คนอื่นเขาก็ใส่กันเยอะแยะนะครับ”

ยัง ยังจะเถียง เมียใครทำไมดื้อแบบนี้

“ไม่ได้”

“โห่” มุจลินท์ส่งเสียงโห่ร้องอย่างไม่จริงจัง แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าเขาตัวใหญ่เกินไปหรือเปล่าเสื้อยืดที่สวมให้คนรักถึงได้หลวมโพรกจนคลุมกางเกงขาสั้นที่เจ้าตัวใส่อยู่ซะมิด มองแบบนี้เหมือนเจ้าตัวใส่เสื้อแค่ตัวเดียว ส่วนขาเรียวยาวที่โผล่พ้นออกมาวับๆแวมๆคล้ายเชิญชวนให้เขาสัมผัส

อืม เมียใครวะ เซ็กซี่ชะมัด

“เกอร์ตื่นนานแล้ว รอคุณแม่พาไปทานข้าวนะครับ” เขาอดใจไว้ แม้ตอนนี้จะได้แค่มอง แต่คืนนี้เขายังเวลาลงโทษลูกเป็ดตัวดื้ออีกมาก นายทหารหนุ่มคิดได้อย่างนั้นจึงก้มลงกระซิบหูคนรัก “หรือจะให้พี่กินก่อนดี”

“ละ ลินท์ไปหาลูกดีกว่า”เด็กหนุ่มละล่ำละลักรีบเดินจ้ำอ้าวไปทางที่พักทันที ชลธีจุดยิ้มรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มใช้มือยาวรวบเข้าที่เอวคนรักก่อนจะดึงให้เข้ามาหา เขารู้สึกว่าคนรักจะมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้างแล้ว เวลาจับรู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มเหมือนกอดตุ๊กตามีชีวิต มันทำให้เขาเสพติดการสัมผัสลูกเป็ดมากขึ้น

“โอ๊ย”

“ลินท์บอกแล้วใช่ไหม อย่ามารุ่มร่ามข้างนอก” เด็กหนุ่มใช้นิ้วบิดเข้าที่เนื้อแขนชลธีอย่างจังจนชายหนุ่มร้องโอดโอย อันที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่เขาร้องให้มันโอเวอร์ไปอย่างนั้น เผื่อเมียจะสงสาร แต่เปล่าเลย ยิ่งร้องก็ยิ่งบิดจนแขนล่ำๆเขาช้ำหมดแล้ว

“ลินท์ พี่เจ็บนะ”

“ลินท์หยิกให้เจ็บ พี่จะได้ไม่ทำอีก”

“ตรงนี้ไม่เห็นมีใครสักหน่อย”

“ไม่มีใครก็ไม่ได้ อายผีสางเทวดาบ้างสิครับ”

“พูดอย่างกับพี่ลามกอะไรขนาดนั้น”

“ใช่!” พูดเสร็จเจ้าตัวแสบก็สะบัดหน้าหนีเหมือนนางเอกละครหลังข่าวที่กำลังงอนพระเอกและต้องการให้ไปง้อเดี๋ยวนี้ แต่มันไม่เหมือนตรงที่เด็กหนุ่มดันไปสะดุดเก้าอี้ที่ขวางทางอยู่ข้างหน้าจนลมคะมำลงไปกับพื้น

“ด่าผัวมาก เป็นไงล่ะ” เขาอุ้มคนรักให้ลุกขึ้นมา เจ้าตัวเช็ดน้ำตาป้อยๆใช้มือที่ว่างลูบหน้าผากที่เป็นรอยปื้นแดงเพราะล้มไปกระแทกโต๊ะพอดี

“ลินท์เจ็บหัวจัง.. เลือดออกไหมอะ”

“ไหนๆ พี่ช่วยดูให้ โห แดงเลยอะ” เขาลูบรอยแดงเบาๆก่อนจะจุมพิตลงข้างขมับเด็กหนุ่ม “เพี้ยงๆ หายเจ็บนะครับคนดี”

“ฮึก”

“ไม่ร้องนะครับ” เขารวบเด็กหนุ่มเข้ามากอด ชลธีเริ่มสังเกตุว่าตั้งแต่ที่เขาพาครอบครัวมาพักผ่อน เจ้าลูกเป็ดเริ่มมีอาการแปลกๆไป ซึมกะทือชอบเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรในใจตลอดเวลา อย่างตอนนี้ก็เหมือนจะอ้อนให้เขาดูแลมากกว่าทุกที “เจ็บแผลหรือครับ ปะ เดี๋ยวพี่พาไปทายานะ”

“เจ็บ เจ็บไปหมดเลย” เด็กหนุ่มชี้ไปที่หน้าผากเนียนขาว นายทหารหนุ่มยกมือลูบรอยถลอกเบาๆ ก่อนจะไล่ลงมาปาดน้ำตา “ตรงนี้ กับตรงนี้ด้วย” เด็กหนุ่มเม้มปากเน้นกำข้อมือหนาของคนรักไปทาบที่อกข้างซ้าย พร่ำบอกทั้งน้ำตา ในใจแม้จะกลัวชายหนุ่มบ่นที่เขางี่เง่างอแงอยู่บ่อยครั้งแต่เขาก็ยอมดีกว่าต้องเก็บไว้ในใจจนอกแทบแตกตายแบบนี้ เขารู้สึกเคว้งคว้างเหมือนหัวใจถูกแย่งออกไปต่อหน้าต่อตา มันวูบโหวงจนแทบรู้สึกว่างเปล่า เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ความรู้สึกสูญเสียที่เขากำลังจะเจอ มันเจ็บปวดกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก

“ลินท์..” ชลธีเริ่มทำตัวไม่ถูก เขากุลีกุจอใช้ปลายเสื้อซับหน้าซับตาให้คนรัก

“ฮึก” มุจลินท์สะอึกสะอื้น ดวงตากลมโตเริ่มแดงช้ำ “ตั้งแต่จำความได้.. ลินท์มีแค่ยาย ยายคนเดียวที่อยู่กับลินท์ ลินท์ไม่เคยเจอพ่อ และแม่ก็ไม่เคยมาหา ลินท์บอกกับยายเสมอว่าลินท์อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น ตอนนี้ลินท์มีพี่ มีลูกแล้ว ฮึก ลินท์ไม่อยากเสียใครไปอีก ฮือ พี่ไม่ไปไม่ได้หรือ..”

“ลินท์เป็นแบบนี้พี่ไม่อยากไปเลย” เขากอดคนรักแน่น เสียงสะอื้นหายไปบ้างแล้วมีแต่เสียงสูดน้ำมูก “พี่สัญญากับลินท์แล้วนี่นาว่าจะกลับมาหาไวๆ แล้วกังวลอะไรอีก หืม?”

“ลินท์ไม่อยากห่างจากพี่”

“พี่ก็เหมือนกัน” เขาไม่อยากจะสารภาพเลยว่าที่เขาตัดสินใจจะไปสาเหตุหนึ่งก็มาจากเด็กหนุ่ม เขาอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักที่มีต่อเราทั้งคู่ แต่ดูเหมือนเขาจะดูถูกความรู้สึกของคนรักมากเกินไป มุจลินท์ให้เขาหมดแล้วทั้งกายและใจแล้วเขาอยากจะพิสูจน์อะไรอีก

“ลินท์เป็นห่วง”

“ครับ พี่รู้”

“ลินท์ ฮึก”

“พอแล้ว พี่รู้ รู้ว่าลินท์รักพี่” เขาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของเด็กหนุ่มออก ถึงหน้าจะมุ่ยจะยุ่งขนาดไหนแฟนของเขาก็น่ารักที่สุดอยู่ดี “ยังไม่หยุดร้องไห้ เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอกครับ”

“ฮื่อ ปวดตุบๆ” 

“เห็นไหม ลินท์ต่างหากที่ชอบทำให้พี่เป็นห่วง”

“ขอโทษ”

“พี่ฝากหัวใจไว้กับลินท์ทั้งดวงแล้ว ลินท์ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” เขาจูงมือเด็กดื้อที่ยังหน้าหงิกงอกลับบ้านพัก “พี่ขอแค่อย่างเดียว.. รอพี่ได้ไหมครับ” มุจลินท์สบตาคนรักที่จ้องเข้ามาในส่วนลึก มือเขาที่เย็นเฉียบเพราะอากาศหนาวสอดประสานกับมือหนาของชลธีแนบแน่น ดวงดาวบนฟ้าส่องแสงระยิบระยับเหมือนจะเป็นพยานในสัญญาที่เขาจะยึดมั่นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ลินท์จะรอ..”

- - - - - - - - - - - -

กุ้งตัวโตที่ถูกแกะเปลือกเรียบร้อยแล้วถูกวางใส่จานของเขาจนพูน เขาต้องหยิบใส่จานคืนให้กับคนแกะได้ทานบ้าง ชายหนุ่มมัวแต่นั่งแกะกุ้งให้เขาไม่ยอมทานอะไรบ้างเลย ส่วนลูกชายเคี้ยวปลาหมึกแก้มตุ้ยก่อนจะคายทิ้งเพราะเคี้ยวไม่ขาดสักที ไม่รู้ชลธีป้อนลูกเข้าไปได้ยังไง เขาใช้ทิชชู่รองก่อนจะให้ลูกชายคายทิ้งแล้วหาน้ำให้จิบ แต่ลูกชายยังง่วนกับการกินอาหารทะเลที่วางบนโต๊ะจนละลานตา เขามองสภาพแล้วยังคิดไม่ออกว่าจะทานหมดกันจริงๆ เดือนร้อนคุณยายต้องอุ้มเจ้าตัวเล็กไปนั่งตักแล้วทานเนื้อปลานึ่งหอมฉุย เขามองคุณยายบิเนื้อปลาแล้วเป่าลมร้อนด้วยปากก่อนจะป้อนลูกชาย คิดถึงสมัยเด็กๆที่ยายชอบป้อนเขาแบบนี้เหมือนกัน

“พี่ฉลามทานบ้างสิครับ” เขาตักต้มยำทะเลน้ำข้นของโปรดใส่ถ้วยให้คนรัก “ฮื่อ แกะมาทำไมเยอะแยะ ลินท์กินไม่หมดหรอก”

“กินเยอะๆจะได้อ้วนๆ”

“ไม่เอา! ไม่อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ มันเปลือง”

“พี่ซื้อให้ใหม่ก็ได้”

“เปลือง!”

ลูกชายเห็นเขากับคุณป๊าคุยกันเสียงดังก็หัวเราะคิกคักก่อนจะหันไปรับเนื้อปลาจากคุณยายแล้วเคี้ยวแก้มพอง เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบน้ำส้มแล้วส่งให้คุณยายที่กำลังง่วนดูแลหลานชายคนโปรด

“ยายก็ทานเยอะๆนะครับ”

“ไม่ค่อยหิวเลยลินท์เอ๊ย หนูกินไปเถอะ” ยายรับน้ำส้มไปจิบแล้วป้อนเนื้อปลาให้ลูกชายต่อ ส่วนชายหนุ่มที่นั่งข้างเขากำลังมุ่งมั่นกับการย่างกุ้ง

“ลินท์อิ่มแล้วนะครับ”

“ทานอีกนิดสิ” ชายหนุ่มคีบกุ้งที่กำลังสุกได้ที่ใส่จาน “พี่อยากให้ลินท์แก้มพองๆกว่านี้”

“ไม่เอาอะ” เขาบ่นอุบ รู้สึกแน่นท้องจนกางเกงที่ใส่มาจะปริแตก ถ้าน้ำหนักเขาขึ้นมากกว่านี้เขาต้องใส่กางเกงตัวนี้ไม่ได้อีกแล้วแน่ๆ “ลินท์ท้องจะแตกแล้ว”

“อึดอัดหรือ” ชายหนุ่มหันมามองคนรักที่พิงหลังกับเก้าอี้อย่างคนยอมแพ้ “อย่างกับท้องสามเดือนแน่ะ”

“โอ๊ย บ้า!” ใช้สองมือกอบกุมพุงน้อยๆแล้วหันหน้าหนีไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนอายุมากกว่าเพราะรู้ว่าเถียงอย่างไรก็ไม่เคยชนะสักที “เช็คบิลเถอะ ลินท์ไม่ไหวแล้ว” เขาโอดครวญจมูกเริ่มรับกลิ่นย่างไฟไม่ไหว เขาไม่น่าตามใจปากเพราะชลธีเลยจริงๆ

“ครับๆ” ชายหนุ่มจัดแจงเคลียร์อาหารที่ยังเหลือจ้วงใส่ปาก ยกมือเรียกบริกรมาคิดเงิน

“เดี๋ยว” เด็กหนุ่มแตะแขนคนรักที่กำลังควักกระเป๋าเงิน ชลธีหันไปมองเจ้าลูกเป็ดที่กำลังตัวพองกลมดิก เห็นแล้วอยากจะฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว “บอกเขาให้ห่อที่เหลือกลับไปด้วยนะครับ”

“ไหนบอกอิ่มแล้วไงครับ”

“เสียดาย” สั้นๆแต่ได้ใจความทำเอารอยยิ้มระบายเต็มหน้าของนายทหารหนุ่ม เขาจัดการค่าอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงพาครอบครัวกลับบ้านพักที่ห่างจากร้านอาหารไม่มากนัก พรุ่งนี้เขามีโปรแกรมพาคุณยายไปไหว้พระแต่เช้า แล้วจะพาลูกชายไปเที่ยวอ่าวคุ้งกระเบน ส่วนเจ้าลูกเป็ดคืนนี้มีนัดว่ายน้ำกับเขาที่สระ

“ลูกหลับแล้วหรือ” เขาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังใส่ชุดเตรียมลงสระ ส่วนเด็กหนุ่มกำลังง่วนเลือกกางเกงว่ายน้ำที่เขาซื้อมาให้

“หลับตั้งแต่ยังไม่ถึงห้องเลยครับ ตอนนี้กอดคุณยายนอนหลับกันไปทั้งคู่แล้ว” เขาใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบเศษชุดออกจากถุงช้อปปิ้งที่คนรักซื้อมาให้ นี่มันกางเกงว่ายน้ำหรือเศษผ้า!

“…” เขารื้ออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่มีชุดว่ายน้ำที่เขาต้องการเลยสักนิด

“กางเกงว่ายน้ำก็ที่มือนั่นไงครับ” ชลธียิ้มกริ่ม มองเจ้าลูกเป็ดกระฟัดกระเฟียดกับกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กจิ๋วที่เขาซื้อมาให้ จะว่าเขาเอาคืนก็ไม่ถูกใครใช้อยากให้ไปใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายรูปเปลือยเสียขนาดนั้น

“ลินท์ใส่ไม่ได้หรอกครับตัวเล็กขนาดนี้”

“มันยืดได้ ไหนลองใส่สิ”

“ฮื่อ พี่ก็อย่ามองสิ! หันหน้าไปทางอื่นเลย”

“เอ้า” เขาหันหลังไม่มองตามที่เด็กหนุ่มบอก ไม่รู้ทำไมพอเมียสั่งอะไรต้องทำตามทุกที ร่างกายเป็นไปอัตโนมัติซะอย่างนั้น “พี่ไปว่ายน้ำรอนะครับ” นายทหารหนุ่มใส่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีดำแนบไปกับรูปร่าง เปลือยท่อนบนอวดหุ่นหนากำยำเรียกสายตาจากสาวๆที่ออกมาว่ายน้ำช่วงดึก เขาแอบเสียดายเล็กน้อยนึกว่าคนจะน้อยกว่านี้ลืมนึกไปว่าช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ คนเริ่มหาวันหยุดออกมาเที่ยวต่างจังหวัดกัน แล้วอย่างนี้เขาจะสวีทกับลูกเป็ดได้ไหมละเนี่ย

“พี่ฉลาม..”

“ครับ”

“ลินท์ไม่ว่ายแล้วได้ไหมอะ หนาว..” เด็กหนุ่มใช้ผ้าขนหนูของเขาห่อตัวมาจนมิดแล้วเดินตัวสั่นเข้ามาหา กวาดสายตามองสระว่ายน้ำที่มีคนอยู่ประปราย “ดูดิ เขาทะยอยกันขึ้นหมดแล้ว”

“เอาผ้าขนหนูออกแล้วลงสระกับพี่”

“หนาว ลินท์หนาว”

“แล้วใครสัญญาว่าจะออกมาว่ายน้ำกับพี่เมื่อตอนกลางวัน” เขาทวงคำ

“ฮื่อ ก็ได้ๆ” ลูกเป็ดทำท่าจะไม่ยอมในตอนแรก แต่ก็ยอมปลดผ้าขนหนูออก ผิวขาวเนียนลื่นที่เขาชอบสัมผัสดูสว่างเหลือเกินแม้จะอยู่ภายใต้เสียงไฟสีเหลือง กางเกงว่ายน้ำตัวเล็กรัดรึงจนแทบปริแตก เขามั่นใจว่าเลือกไซส์มาถูกขนาดแล้วแต่คงไม่ทันนึกว่าช่วงนี้ร่างกายเจ้าลูกเป็ดอ้วนท้วนสมบูรณ์มากขึ้นแค่ไหน

“คับไปหน่อยนะเนี่ย”

“ลินท์อ้วนแล้วอะ ไม่น่ากินกุ้งเยอะเลย”

“แค่กินกุ้งไปเมื่อกี๊เอง เว่อแล้ว” เขาบิดแก้มขาวเบาๆ ก่อนจะจูงมือไปที่สระ ใช้ร่างกายที่ตัวหนากว่ามาตรฐานชายไทยบดบังเรือนร่างขาวผ่องของคนรัก

“อึดอัดตัวเองชะมัด”

“ก็สมส่วนดี ไม่ได้อ้วนเลย คิดมาก”

“ลินท์ไม่เคยอ้วนขนาดนี้นี่นา”

“เอาน่า พี่ชอบ”

อือออออออออ ยอม!

เขานั่งลงขอบสระเอาเท้าจุ่มแล้วมองคนรักที่ดำผุดดำว่าย เด็กหนุ่มว่ายน้ำไม่แข็งแม้ตอนเด็กๆจะชอบโดดลงไปเล่นน้ำคลองหลังบ้านก็เถอะ เขาขอแค่นั่งมองอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว นั่งมองอยู่สักพักชลธีก็หายไปจากครรลองสายตา

“เห้ย” ขาที่จุ่มอยู่ในน้ำถูกดึงลงไปในสระ เขากลั้นหายใจเมื่ออยู่ใต้น้ำก่อนจะค่อยๆลืมตาเจอคนรักที่กำลังยกยิ้มยียวน มุจลินท์ทำหน้าบู้พยายามเอาตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุม เขากลั้นหายใจในน้ำนานๆไม่ได้เหมือนชายหนุ่ม เจ้าลูกเป็ดชี้นิ้วบอกว่าจะขึ้นข้างบนแต่นายทหารหนุ่มไม่ยอมกลับบดเบียดริมฝีปากถ่ายทอดอากาศให้เขาซะงั้น เด็กหนุ่มเอียงคอรับจูบหอมหวานค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามคนรักที่กำลังดันเขาขึ้นเหนือน้ำ ต่อให้เขาหายใจได้เองชลธีก็ยังไม่ยอมถอนจูบออก ลิ้นเรียวกระหวัดดูดดึงจนเขาต้องส่งเสียงครางประท้วง

จูบขนาดนี้ก็เอาปากเขาไปเลยแล้วกัน


รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเสียงรอบข้างเงียบสนิท มีคนเล่นน้ำอยู่ประปรายแต่ไม่ได้สนเขาและชลธีเลยสักนิด หยดน้ำพร่างพรายเกาะเป็นเม็ดใสตามใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีดำกลมจ้องเขาเป็นประกายวิบวับราวกับสัตว์ป่าที่หิวโหยและพร้อมจะกระโจนเข้าหาเหยื่อทันทีที่หากไม่ระมัดระวังตัว เขาเผลอจ้องมองตาคู่สวยจนไม่รู้ตัวว่ามือหนากอบกุมแก้มก้นก่อนจะแหวกกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วของเขาเข้าไปเชยชม เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกจ้องตาคนรักเขม็ง

“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะครับ” เขาร้องพลางทุบไหล่หนาไปที

“หือ พี่ไม่ได้ยินเลย ลินท์พูดอะไรนะ”

“คนบ้า!” เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างพองคับแน่นตรงหน้าขา ปีศาจหื่นกามเอ๊ย! “ฮื่อ ปล่อยลินท์”

“ถึงบ้าก็บ้ารักลินท์นะเออ” เขาตอบก่อนจะจูบลงข้างขมับคนรัก “พี่ก็อยากหาเวลาสวีทอยู่กันสองคนบ้าง ดูสิใจคอลินท์จะไล่พี่ออกไปไกลๆตลอด พี่น้อยใจนะเนี่ย”

“ลินท์เปล่า” เด็กหนุ่มตอบอ้อมแอ้ม “ลินท์ไม่ชอบทำข้างนอกนี่”

“ไม่ชอบแบบ outdoor ?”

“มีแต่คนทะลึ่งแบบพี่เท่านั้นแหละที่ชอบ”

   “งั้นลินท์ก็คงกลายเป็นคนทะลึ่งแล้วล่ะ เพราะพี่จะทำให้ลินท์ชอบ”

“ฮื้อ!” เขาร้องครางเมื่อแก่นกายถูกคนตรงหน้าสัมผัส มันไม่ได้รุนแรงจนเขาเจ็บ แต่เขาปวดหนึบเพราะความวาบหวิวจนอยากปลดปล่อยมากกว่า ชลธีจับของเขาเอาไว้แล้วรูดรั้งเบาๆ เขาสูดปากผวาตัวโยนรีบโผเข้าเกาะชายหนุ่ม “พี่ ฉลาม.. ไม่เอาตรงนี้”

“แล้วเอาตรงไหน”

“ตรงอื่น”

“อย่าทำเสียงแบบนี้” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ “เดี๋ยวก็ได้ outdoorจริงๆหรอก”

“ตรงอื่น นะนะ” เขากระซิบข้างหูคนรัก ตอนนี้ร่างกายที่เปียกน้ำไวต่อสัมผัสมากกว่าปกติ “ลินท์อาย”
“ขอแค่ลินท์บอก พี่จะตามใจทุกอย่าง”

“ขอบนเตียงนอนนุ่มๆ ลินท์จะได้มองหน้าพี่.. ชัดๆ” วงหน้าขาวแดงระเรื่อไม่กล้าสบตาสายตาร้อนแรงของอีกฝ่ายที่กำลังมองมาเหมือนจะกลืนกิน ตอนนี้กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วคับแน่นจนเขาอยากจะถอดมันออกตรงนี้

“ฮึ่ม” ชลธีครางในลำคอรีบช้อนตัวคนรักที่ตัวเริ่มซีดเพราะแช่น้ำขึ้นมาอุ้ม “ลินท์ยั่วพี่เองนะ” เด็กหนุ่มตาปรือปรอยเพราะโดนทั้งน้ำเย็นและลมหนาวจนเริ่มงัวเงีย สองมือขาวโอบรอบคอคนรักแน่น

ชลธีอุ้มคนรักเข้ามาในบ้านพัก วางลงบนเตียงก่อนจะเริ่มเช็ดตัวให้ตัวให้คนที่ผล็อยหลับคาอ้อมกอดเขา เจ้าลูกเป็ดเป็นอย่างนี้ทุกที เขารู้ว่าคนรักไว้ใจเขาขนาดไหนถึงได้ยอมหลับปุ๋ยในอ้อมกอดง่ายๆ แล้วถ้าเป็นคนอื่นล่ะ จะทำยังไง เสียงครางเครือดังลอดจากริมฝีปากสีสวยยามที่ผ้าเช็ดตัวลากผ่านผิวขาว

“ฮื่อ พี่ฉลาม”

“จะลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วค่อยนอนไหมครับ”

“นอน อยากนอน”

“อะนอน แต่ต้องเช็ดตัวก่อน”

“นอนกับพี่” เจ้าตัวใช้มือขาวกอดเอวเขาไว้แล้วซุกเข้าที่หน้าท้อง นายทหารหนุ่มเผลอหดเกร็งรู้สึกอ่อนไหวยามแตะต้องผิวเย็นของคนรัก “อยากนอนกอดอะ”

“ก็กอดอยู่ทุกวัน ไม่เบื่อหรือ”

“ไม่เบื่อ ไม่มีวันเบื่อ ไม่มีทางเบื่อด้วย” ทำปากยู่ใส่เขาทั้งที่ยังหลับตาอีกต่างหาก

“ปากหวานจริงๆไอ้เด็กคนนี้” เขาบิดจมูกเด็กหนุ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว ลูกเป็ดสะบัดหน้าให้มือเขาหลุดก่อนจะงับนิ้วเขาเล่น ลิ้นร้อนแตะก่อนจะดูดนิ้วเขาเหมือนลูกอม ความเสียวแปรบแล่นผ่านนิ้ว ชลธีชะงักมองคนช่างยั่วที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ผิวขาวจัดขึ้นสีแดงระเรื่อไปทั้งตัว ชลธีใช้นิ้วเกี่ยวกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วออกจากสะโพกอวบ เขาเพิ่งสังเกตว่ามันรัดจนผิวขาวของเด็กหนุ่มเป็นรอยแดงเข้ม คราวหน้าเขาคงจะต้องกะขนาดใหม่เสียแล้ว

“แค่ปากหรอที่หวาน”

“หืม อะไรนะ” เขานึกว่าตัวเองหูฝาด

“ลินท์หวานแค่ปากหรือ”

“ไม่รู้สิ” เขาจรดริมฝีปากจูบหน้าผากขาว หยิบไดร์มาเสียบปลั๊กเป่าใส่ผมสีน้ำตาลเส้นบางของเจ้าตัวยุ่ง ขยี้เบาๆจนเจ้าตัวลุกขึ้นนั่งดีๆ “ร้อนเกินไปบอกพี่นะ”

“ฮื่อ พี่ไม่ตอบลินท์อะ”

“จะให้ตอบว่าอะไรล่ะครับ”

“ลินท์หวานแค่ปากหรือ” เจ้าตัวเน้นย้ำพร้อมส่งสายตาค้อนปะหลำปะเหลือกมาให้เขาอีกต่างหาก ชลธีไม่ยอมตอบได้แต่ยักคิ้วใส่เด็กหนุ่มอย่างกวนๆ

“เดี๋ยวพี่จะนวดให้อยู่เฉยๆนะ”

“โอ๊ย ไม่นวดแล้ว”

“ไม่นวดก็ได้ครับ เดี๋ยวหยิบชุดนอนมาให้ใส่นะ”

“ไม่ใส่”

“จะแก้ผ้านอนหรือไง มันหนาวนะ” เขาท้วงเมื่อเห็นแค่ผ้าขนหนูผืนบางคลุมปิดร่างกายเด็กหนุ่มไว้เท่านั้น “เดี๋ยวเป็นหวัดนะครับ ใส่เสื้อสักตัวก็ยังดี”

“ลินท์อยาก”

“อยากอะไรครับ?”

“อยากทำ”

“ทำอะไรล่ะ?”

“ก็.. ก็ทำไง” เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น ไม่กล้าสบตาคนรักที่กำลังจ้องมาเขม็ง อารมณ์เขายังค้างอยู่ที่สระว่ายน้ำ เล่นมาเล้าโลมปลุกปั่นอารมณ์เขากระเจิดกระเจิงขนาดนั้นแล้วอยู่ๆชลธีจะมาให้เขานอนหลับเฉยๆแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน! เหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีกไม่มากแล้ว จะมามัวอายเหมือนทุกครั้งคงจะไม่ได้

ไอ้ลินท์ ลุย ลุย ลุย

ในใจสั่งลุยแต่ขาแทบก้าวไม่ออก รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้ ชลธีมองคนรักที่สลับหน้าตาเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหน้าแดงไปมาเหมือนคิดอะไรอยู่แล้วก็นึกขำ เมื่อกี๊เขาแค่แกล้งทำเป็นเมินไปอย่างนั้น เขาแต่อยากให้คนรักแสดงความต้องการออกมาบ้าง มีแต่เขาที่ต้องการมากขนาดนี้เหมือนเขาเอาเปรียบเจ้าลูกเป็ดยังไงไม่รู้

“พี่ง่วงแล้ว นอนกันเถอะลินท์”

“พี่ฉลามเดี๋ยวก่อนครับ”

 เขาโผเข้ากอดชายหนุ่มแน่น ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี คราวที่แล้วอารมณ์มันพาไปแต่คราวนี้สติครบถ้วน แถมไฟยังเปิดสว่างจ้า จะทำอะไรก็เห็นกันหมดพอดี โถ่….

“จะเผด็จศึกพี่หรือ” ชายหนุ่มทำท่ากอดตัวเอง “อย่านะ”

“เป็นของลินท์ซะดีๆ” เจ้าลูกเป็ดหัวเราะคิกเห็นชายหนุ่มเล่นเขาก็เลยเล่นตาม ไล่พรมจูบไปทั่วแผ่นอกหนาที่ขยับขึ้นลง เรื่อยลงมาหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวสวย

“ลินท์ครับ” ชลธีเรียกคนรัก “จะทำจริงๆหรือ”

“จริงสิ” เขาหมายมั่นปั้นมือเตรียมปลดผ้าขนหนูแต่ก็ไม่ลืมจะวิ่งไปกดสวิตส์ไฟให้ดับมืดซะก่อน พอมืดจนไม่เห็นอะไรเขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที รู้สึกฮึกเหิมขึ้นเป็นกอง เด็กหนุ่มสอดมือขึ้นไปเล่นตุ่มไตสีเข้มจนนายทหารหนุ่มกระตุก

“เล่นอะไรเนี่ย” ชลธีพูดไปอย่างนั้นแต่ก็แอบยิ้มกริ่มในความมืด เมื่อมองไม่เห็นสิ่งใด.. สัมผัสเพียงแผ่วเบาก็ทำให้รู้สึกวาบหวามได้ เขารั้งเอวคนรักให้เข้ามาใกล้ฝังจูบลงซอกคอและดูดเม้มเนื้ออ่อนจนเกิดเสียงจ๊วบ

“อื้อออออ กัดลินท์ทำไมเนี่ย”

“หมั่นเขี้ยว” ในที่สุดเขาก็ทนรอลูกเป็ดไม่ไหวพลิกคนรักให้มานอนใต้ร่าง เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟข้างเตียง ไฟสีเหลืองกระทบร่างขาวนวลที่นอนบิดเร่าดูเย้ายวนจนเขาเริ่มจะ “คิดจะปล้ำพี่ยังเร็วไปอีกร้อยปี”

“ไม่ได้ปล้ำ”

“แล้วจะทำอะไร หืม?” เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้ว เขาต้องกราบ เอ๊ย กำราบลูกเป็ดตัวดื้อเสียหน่อย

“จะยัดเยียดความเป็นเมียให้จ้ะ”

ดู ดูพูดเข้า!   

ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวดื้อยังรั้งคอเขาไปจูบ เขาเลยถือโอกาสสอดมือเข้าท้ายทอยคนรักเอียงคอให้รับจูบหอมหวาน ไล่ขบเม้มใบหูขาวที่กำลังสั่นระริก ดูดขบยอดอกจนเด็กหนุ่มครางเสียงหลง เรื่องจุดอ่อนทั่วทั้งร่างกายขาวผ่อง ไม่มีตรงไหนที่เขาไม่รู้

“งั้นคืนนี้ก็ช่วยยัดเยียดให้พี่หลายๆครั้งเลยแล้วกัน.. เมียจ๋า”




TBC

เอ็นดูน้องลินท์ หลงพี่หลาม ชอบน้องเกอร์ ก็คอมเม้นท์ให้กำลังใจนักเขียนกันได้นะจ้ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามมากๆเลยค่ะ รัก<3
พายไม่ได้ลงNCต่อจากนี้ให้ กลัวจะมีถี่เกินไปเลยตัดเข้าโคมไฟสักหน่อย
ใครอยากอ่านก็คอมเม้นท์พูดคุยกันได้ พายจะได้มาเพิ่มให้จ้า อิอิ :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 05-01-2018 16:07:41
อ่านแล้วขำไม่หยุดเลย

ทำไมวันนี้ลูกเป็ดคึกจัง อยู่ๆจะยัดเหยียดความเป็นเมียให้พี่หลาม

แต่ไม่น่ารีบตัดเข้าโคมไฟเลย ตั้งกล้องแปปได้ไหม
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 05-01-2018 18:43:03
โถถถถถ :ling1: เดี๋ยวพี่หลามต้องห่างกับน้องไปไกลละน๊าาาาา ขออีกๆๆๆๆ 555 :haun4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-01-2018 20:53:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 05-01-2018 20:59:33
นู๋ลิน... อัพเวล... แล้ว
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-01-2018 23:17:37
น้องลินท์ร้ายกาจขึ้นนะเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 05-01-2018 23:44:19
ชอบๆ น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 05-01-2018 23:55:56
ง่อวววววววววววววว น้องลินอัพเลเวล
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-01-2018 07:40:26
น่ารักมากกก :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-01-2018 15:44:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 06-01-2018 23:39:34
น้องลินทร์ร้ายน่ารักมากเลย 5555
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๐] หน้าที่๙ {๑๐๐%} ๐๕.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maainmint ที่ 07-01-2018 19:37:26
 :hao3: ลินท์หื่นน ขอหวานเยอะๆก่อนทั้งสองต้องนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 10-01-2018 22:03:18
ตอนที่ ๒๑

   มุจลินท์กลับมาจากไปเที่ยวพักผ่อนได้สามวันแล้ว ได้เวลากลับมาใช้ชีวิตตามปกติตื่นเช้าไปส่งลูกชายที่โรงเรียนแล้วนั่งรถไปเรียนต่อ เลิกเรียนก็กลับมารับลูกชายกลับบ้าน แต่วันนี้เขาขอลาหยุดหนึ่งวันเพราะตั้งใจจะช่วยคนรักจัดของใส่กระเป๋าที่จะต้องเดินทางไปทำงานที่เชียงรายในวันพรุ่งนี้ เด็กหนุ่มวางเสื้อผ้าลงบนเตียงคอยเลือกชุดที่ใหม่และดูสภาพดีก่อนจะทยอยพับใส่ลงกระเป๋า นายทหารหนุ่มมองคนรักด้วยแววตาอบอุ่น เอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มก่อนจะฝังจูบลงไปเบาๆ สองมือสอดเข้าที่เอวบาง เด็กหนุ่มย่นคอหนีสัมผัสจั๊กจี๋ ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

   “ฮื่อ ลินท์ยุ่งอยู่”

“สนใจพี่หน่อยสิครับ”

“ลินท์ขอจัดของก่อนได้ไหม เอ..ชุดลำลองต้องเอาไปเพิ่มไหมครับ” เด็กหนุ่มว่าพลางค้นเสื้อผ้าเขาในตู้เพิ่มเติม “ช่วงนี้อากาศหนาวด้วยพี่ควรเอาเสื้อกันหนาวไปด้วยนะ”

“ไม่ต้องเอาไปเยอะหรอกครับ”

“จะดีหรือ” เขาทำหน้ายุ่ง “ลินท์ว่าเอาไปเผื่อดีกว่านะครับ” ว่าแล้วก็พับเสื้อยืดใส่กระเป๋าพร้อมเสื้อกันหนาวอีกสามตัว ชลธีไม่ได้ห้ามอะไร ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเอาไปเขาก็ไม่ได้ใส่เท่าไหร่ หากอยู่ในหน่วยฝึกส่วนใหญ่ก็จะใส่เสื้อฝึกหรือชุดลำลองที่ดูก็รู้ว่าเป็นทหาร แต่ที่บ้านเขาไม่มีชุดแบบนั้นสักตัว เขาแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวชัดเจนและไม่อยากให้คนรักอึดอัดกับสถานะสังคมของเขา

“พี่ว่าพกลินท์ไปด้วยดีกว่า..”

“ถ้าไปได้ลินท์จะรีบยัดตัวเองเข้าไปในกระเป๋าเลย”

“หึๆ” เขาจับหัวคนรักโคลงเคลงไปมาก่อนจะดึงเข้ามากอด “คิดถึงพี่เยอะๆนะครับ”

“คิดถึงทุกเวลานี่เยอะพอไหม”

“ดีมาก เมียพี่น่ารักที่สุด” เขาก้มลงหอมแก้มเด็กหนุ่ม ไม่ว่าจะกี่ครั้งเขาทำได้ไม่รู้เบื่อ

“ถ้าไปอยู่ไกลๆแล้วนอกใจ ลินท์ตามถึงเชียงรายแน่!”

“พี่ไม่มีแน่นอนจ้ะ” เวลานอนยังจะไม่มีพี่จะเอาเวลาที่ไหนไปหาหลีหญิง อยากจะบอกแต่ก็กลัวเมียหาว่าเถียง “ทำไมถึงคิดว่าพี่จะเป็นอย่างนั้นล่ะ”

“ก็ทหารเขาว่าเจ้าชู้.. ไปประจำที่ไหนก็ได้เมียที่นั่น”

“ใครเขาจะเจ้าชู้ก็ช่างเขา แต่พี่ไม่ใช่ ลินท์ไม่เชื่อใจพี่หรือ”

“ลินท์เชื่อ แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ พี่อยู่ไกลลินท์ไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรบ้าง”

“ถ้าพี่รายงานลินท์ได้ พี่จะโทรมารายงานทุกวันเลยดีไหม” ป้อนจูบลงกลางหน้าผากขาวของเจ้าลูกเป็ด “ขี้กังวลแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ”

“ฮื่อ ไม่เห็นจะดี ลินท์ไม่อยากฟุ้งซ่าน”

“งั้นก็.. ” เขายกโทรศัพท์เด็กหนุ่มขึ้นมาเปิดกล้องหน้าก่อนจะกดถ่ายรูป “เอ้ายิ้มหน่อย”

“อ้ะ”

“รูปคู่ไว้ตั้งหน้าจอ” ชายหนุ่มกดยุกยิกโทรศัพท์ เขาไม่ทันได้มองว่าทำอะไรบ้าง เรื่องเทคโนโลยีเขาก็ตามไม่ค่อยทันเสียด้วย “ส่วนรูปนี้ไปตั้งโปรไฟล์ไลน์”

“เดี๋ยวๆพี่จะทำอะไรน่ะ!”

“กดตั้งในเฟซบุคด้วย พี่เห็นนะว่าลินท์สมัครเฟซบุคแล้ว”

“เอาไว้ติดต่องานกับเพื่อนเฉยๆเองนะครับ”

“ไม่ได้ ตั้งให้หมด” เขาใช้อำนาจที่ตัวเองมีเพียงน้อยนิดจัดการตั้งรูปโปรไฟล์ของเจ้าลูกเป็ดทุกแอปพลิเคชั่นทุกอันที่นึกได้ “ไอจีก็ด้วย”

“ฮื่อ กลัวใครมาจีบลินท์หรือไง ไม่มีหรอกน่า” เด็กหนุ่มโอดครวญ ไม่รู้ว่าคนรักทำอะไรกับโทรศัพท์เขาบ้าง

“อย่างน้อยก็ไอ้หน้าตี๋นั่น”

“พี่ชุไม่ได้จีบลินท์”

“พี่ไม่เชื่อหรอกนะลินท์ว่ามันจะไม่จีบ ยิ่งพี่ไม่อยู่ด้วยทางสะดวกมันเลย”

“คิดมากนะครับ”

“ก็พี่หวงของพี่ ก็เหมือนกับที่ลินท์หวงพี่ไง” ชลธีส่งโทรศัพท์คืน “ห้ามเอาลงจนกว่าพี่จะกลับมา”

“ไม่เอาลงหรอกครับ” เขาดีใจจะตายที่ได้มีรูปคู่ แต่ตั้งในไลน์เด่นหราขนาดนี้ถ้าเพื่อนเขาเห็นมันคงแซวเป็นเดือนแน่ “ลินท์ชอบ.. ลินท์ก็อยากบอกคนอื่นว่าลินท์มีแฟน”

“จริงหรือ”

“อื้อ”

“ก็เห็นลินท์ไม่ค่อยอยากบอกใคร”

“ตอนนี้อยากบอกแล้ว”

เดี๋ยวนี้ชักทำตัวน่ารักน่าจับฟัดมากขึ้นทุกที..

“พี่ก็ตั้งของพี่ด้วยดีกว่า” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งค่า “อืม เสร็จละ”

“เอาจริงหรือครับ”

“พี่ไม่เคยพูดเล่นอยู่แล้ว” นายทหารหนุ่มยิ้มกริ่มมองคนรักด้วยสายตาพราวระยับ “พูดคำไหนคำนั้น” เขาเห็นหน้าตาตกใจของลูกเป็ดแล้วอยากจะงับแก้มเสียจริงๆ

“ฮื่อ ไม่คิดว่าจะทำจริงๆนี่นา” เขาแทบจะลงไปดิ้นกับพื้นจริงๆให้ตายเถอะ นี่ชลธีทำจริงๆหรือ? เอามือกุมแก้มที่ยิ้มจนปวดไปหมด ชลธีก็สวมกอดเขาจากข้างหลังใช้ริมฝีปากจุ้บหลังคอเขาแผ่วเบา

“ลินท์ พรุ่งนี้พี่ก็ไปแล้วนะ”

“ลินท์ไม่ไปส่งนะ” ลูกเป็ดทำปากบู้ “กลัวทำใจไม่ได้”

“สัญญากับพี่ได้ไหม จะดูแลตัวเองดีๆ” นายทหารหนุ่มพลิกให้คนรักหันมามอง เจ้าลูกเป็ดสบดวงตาสีดำสนิทที่ทอแววอ่อนโยน เขาชอบมองตาของชลธีที่สุด “อะไรที่พี่บ่นไม่ให้ทำ ก็อย่าทำ ห้ามดื้อ ห้ามซน”

“คร้าบๆ” เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่ว “ลินท์คงจะเหงามาก”

“มีไทเกอร์กับคุณยายอยู่ ไหนจะคุณพ่อกับคุณแม่ที่บ้านใหญ่อีก ลินท์มีครอบครัวเคียงข้างเสมอ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”

“อย่าลืมลินท์นะ”

“ไม่ลืม”

“ลินท์รักพี่นะ” เขาช้อนตามองชลธี อยากจะจดจำความรู้สึกที่มีกันและกันให้นานมากกว่านี้จริงๆ มือหนายกขึ้นลูบไล้ไปตามแก้มขาวผ่องของคนรัก

“ครับ รักเหมือนกัน”

ชายหนุ่มจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายโอนเข้าบัญชีให้เด็กหนุ่มทั้งหมดและจะโอนให้ทุกเดือนโดยให้ปานชีวันเป็นคนดูแล และเตรียมย้ายข้าวของไปอยู่บ้านใหญ่ มุจลินท์ไม่ได้ปฏิเสธ เห็นพ้องต้องกันว่าอยู่ที่คอนโดก็รังแต่คิดถึงคนรักเปล่าๆ ไปอยู่บ้านใหญ่มีคุณพ่อและคุณแม่ช่วยดูแลจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะคุณแม่ชอบชวนเขาทำอาหารทุกวัน เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋าทยอยใส่รถเอาไว้

“ไปอยู่บ้านใหญ่พี่จะไม่ต้องห่วง”

“ฮื่อ ไม่มีอะไรน่าห่วงสักหน่อย”

“พี่ฝากหัวใจพี่ไว้หน่อยนะลินท์” เขากดสัมผัสบางเบาที่ริมฝีปากบาง ก่อนจะแตะลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปชิมความหวานให้ซึมซาบในใจ “ให้แล้วไม่รับคืน” กดจูบอีกครั้งที่ข้างแก้ม มือหนาปาดน้ำตาของคนรักที่ไหลลงมา

“ลินท์ก็ไม่รับคืน” เขาเบื่อตัวเองที่เป็นคนเสียน้ำตาง่ายเสียจริง ลองได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชลธีเขาก็อ่อนไหวได้ทุกครั้ง “มันเป็นจะเป็นของพี่คนเดียว”

“แม่ แม่จ๋า” ไทเกอร์วิ่งปุกเข้ามาหาเขา มือเล็กป้อมยื่นมาช่วยเช็ดน้ำตา “แม่ย้องไห้ โอ๋ๆ ไม่ย้อง”

“ป๊าฝากดูแลคุณแม่ด้วยนะครับ” ชลธีอุ้มลูกชายขึ้นแนบอก หอมแก้มป่องจนชื่นใจ

“ป๊าไปไหน ไปทำงานอีกแล้วหยอ”

“ครับลูก ถ้าป๊าไม่อยู่ เกอร์ต้องทำยังไง หืม?”

“ดูแลคูนแม่ ดูแลคูนยาย”

“ฮึก”

“แม่ ฮึก ไม่ย้อง” เด็กชายดันตัวเองออกจากคุณพ่อพยายามจะไปหาคุณแม่ เขาเลยต้องวางลูกชายลง เด็กชายใช้มือเล็กป้อมเช็ดน้ำตาให้เด็กหนุ่ม “ฮือ ไม่ให้แม่ย้อง ไม่อาว” ชลธีมองสองแม่ลูกที่กอดกันตัวกลม เด็กชายเห็นแม่ร้องก็จะร้องตาม เขาเข้ามาโอบกอดทั้งคู่เอาไว้ทั้งลูบทั้งกอดปลอบ

“แม่ไม่ร้องแล้วครับ” เขาปาดน้ำตาจนแห้ง “เกอร์ก็ไม่ร้องนะลูกนะ”

“ฮึก”

“ป๊ารักเกอร์ รักแม่ลินท์นะครับ รอป๊านะครับ”

 สองแขนโอบกอดคนรักและลูกชายบรรยากาศกรุ่นกลิ่นไปด้วยความรักอันหอมหวน นายทหารหนุ่มใช้ร่างกายเก็บเกี่ยวสัมผัสอบอุ่นและให้หัวใจจดจำความทรงจำให้มากที่สุด เขาไม่รู้อนาคตเลยว่าจะเป็นเช่นไร

หากชาตินี้โชคชะตาได้ลิขิตเอาไว้แล้ว.. เขาก็จะฝืนให้ดู!

- - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - - - - - -- - -

แม้จะมีบางอย่างที่แปลกออกไปนั่นก็คือเขาได้ย้ายมาอยู่บ้านใหญ่พร้อมคุณยายและลูกชาย ที่บ้านของชลธีต้อนรับเขาเป็นอย่างดี เขาได้อยู่ห้องของชลธีแม้จะแอบเขินนิดหน่อยแต่ก็ขัดคุณนายใหญ่ของบ้านไม่ได้ คุณยายพักอยู่ห้องริมสุดซึ่งสามารถรับลมได้เหมาะกับการพักผ่อน ส่วนไทเกอร์จะผลัดไปนอนห้องคุณอา คุณย่า และคุณยายแล้วแต่ในแต่ละวัน เด็กชายดีใจที่มีเพื่อนเล่นมากกว่าเดิม แต่เขาก็อดห่วงไม่ได้ว่าทุกคนจะตามใจไทเกอร์จนเกินไป เขายอมรับบางครั้งก็เป็นเขานี่แหละที่ตามใจลูกชาย คงถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกันจริงจังถึงวิธีการเลี้ยง เพื่อให้ไทเกอร์สามารถปรับตัวเมื่อไปอยู่ร่วมกับเพื่อนๆในอนาคตได้

ปานชีวันได้รับมอบหมายให้มาดูแลเขาเป็นการส่วนตัวโดยไม่มีใครรู้ ทุกคนเข้าใจว่าผู้หมวดหนุ่มยศร้อยโทอยู่ที่ชายแดนเช่นเดียวกับคนรักของเขา ชลธีกำชับหนักหนาว่าให้ปานชีวันคอยดูแลและอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่มุจลินท์ไม่ต้องจัดการอะไรมากมายถึงขนาดจะต้องมีคนคอยช่วยเหลือ หน้าที่ของผู้หนวดจึงกลายเป็นพลขับไปโดยปริยาย

“พี่ปานครับ เย็นนี้ไม่ต้องมารับลินท์นะ” เขาง่วนกับการจัดกระเป๋าหนังสือ เมื่อคืนเผลอนอนหลับไปพร้อมกับลูกชายเลยไม่ทันได้จัด วันนี้เขามีนัดกับเพื่อนเสียด้วย

“อ้าว ทำไมล่ะ ให้พี่มารับเถอะมืดค่ำแล้วจะกลับบ้านยังไง”

“ลินท์จะอ่านหนังสือกับเพื่อนน่ะครับ มีการบ้านต้องส่ง” เข้าสู่เทอมที่สองของชีวิตปีหนึ่ง เขาได้เรียนวิชาคณะมากขึ้นและงานก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว “ลินท์นั่งรถตู้กลับเองได้ครับ มันไม่ได้ไกลมาก”

“ตามใจ เสร็จแล้วโทรบอกพี่ด้วยแล้วกัน”

“คร้าบคุณพ่อ”

“ทำเป็นเล่นไป ขืนพี่ไม่บอก พ่อทูนหัวเอ็งเล่นพี่หัวแตกแน่”

“พี่ปานติดต่อพี่ฉลามได้หรือครับ” เขาโทรหาชลธีไม่ติดมาสองอาทิตย์แล้ว ครั้งล่าสุดคือนายทหารหนุ่มกำลังเตรียมขึ้นไปประจำหน่วยในหมู่บ้านบนเขา

   “พี่ก็ฝากพี่นัชไปบอก รายนั้นต้องลงมาส่งข่าวข้างนอกทุกวัน”

“ลินท์เป็นห่วงจัง ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”

“ได้ข่าวยังไงพี่จะมาบอกแล้วกัน” ปานชีวันจอดรถหน้าคณะ “ไม่ต้องฟุ้งซ่านให้มาก ตั้งใจเรียนไป”

“ขอบคุณครับ” เขากระพุ่มมือไหว้ปานชีวันที่เขานับถือดั่งพี่ชาย ผู้หมวดหนุ่มสอนอะไรเขาหลายอย่างเหลือเกิน เขาได้ข้อคิดและทักษะในการใช้ชีวิตเพิ่มเติมจากประสบการณ์ของตนโตกว่า เขารู้สึกเหมือนได้พี่ชายเพิ่มอีกคน ยังไม่รวมพี่ช้างและพี่ปลาที่คอยแวะเวียนมาหาเขาตลอด

อบอุ่นจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี..

ชีวิตขาดๆเกินๆอย่างเขากลับได้รับความรักได้รับการยอมรับได้โอกาสได้อะไรมากมายที่เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ เขากระชับกระเป๋าเป้แน่นรีบวิ่งเข้าตึกคณะในช่วงสาย บอร์ดประกาศกิจกรรมที่ตั้งอยู่บริเวณทางเดินเต็มไปด้วยนักศึกษาที่มุงดู เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นจนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสาวเท้าเข้าไปดูใกล้ๆ

เกิดอะไรขึ้น..

เบื้องหน้าคือเพื่อนของเขา กัญญากำลังขยำกระดาษอะไรบางอย่างพร้อมฉีกทิ้งลงพื้น เสียงก่นด่าดังไปทั่วบริเวณจนเขาต้องสะดุ้งเฮือก เขาไม่เคยเห็นเพื่อนเขาโมโหขนาดนี้มาก่อน นนท์คอยดึงรั้งหญิงสาวที่กระฟัดกระเฟียดเอาไว้ นั่นทำให้เขาต้องรีบถลาเข้าไปในวง แหวกผู้คนที่มุงดูให้เข้าไปถึงตัวเพื่อนให้ได้มากที่สุด

“มองอะไรกันวะ เรื่องของชาวบ้านอย่าทำเป็นสู่รู้”

“ไอ้แก้ว หยุดโวยวายได้แล้ว คนเขาจะมาสนใจก็เพราะมึงแหกปากนี่แหละ”

“กูโมโห! ทำกับเพื่อนกูแบบนี้ได้ยังไง”

“ใจเย็นๆมึง”

“แก้วเป็นอะไร?” เขาเดินเข้าถึงตัวเพื่อน ทุกคนที่มุงล้อมมองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด “มีอะไรกันหรือเสียงดังมากเลย”

“ไม่มีอะไรหรอกลินท์ เราไปเรียนกันเถอะ” นนท์รีบดึงกัญญา “ไปเร็วมึง” วงล้อมเริ่มแตกกระจายเมื่อกัญญาส่งสายตาอำมหิตไปทั่ว เศษกระดาษปลิวว่อนเต็มพื้นจนเขาต้องหยิบขึ้นมาดู

“ลินท์อย่าดู!”

ภาพในกระดาษคือรูปเขาไม่ผิดแน่ เด็กหนุ่มสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นเหมือนครั้งที่เขาไปเที่ยวทะเลและภาพผู้ชายที่กำลังกดจูบลงมาคือนายทหารหนุ่มไม่ผิดแน่ จู่ๆหัวใจเต้นรัวแรงมือไม้สั่นไปหมดเมื่ออ่านข้อความที่เขียนใต้ภาพ เขาหรี่ตามองก่อนจะกำกระดาษแน่น

‘เด็กขายตัว’

‘แย่งผัวชาวบ้าน’

‘กะหรี่’


“มันมาได้ยังไง” เขาถามเสียงสั่น

“กูก็ไม่รู้ มาถึงก็เห็นมันติดทั่วคณะแล้ว” กัญญาตอบพลางกำหมัดแน่น

“ไอ้แก้วเห็นเลยโวยวายใหญ่ ลินท์ก็รู้มันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเพื่อนมันแน่” นนท์เป็นคนคอยห้ามเพื่อนในกลุ่มเสมอ เขาเป็นคนรักสันโดษและไม่ชอบมีเรื่องนะ จะมีก็แต่เพื่อนที่ลากเขาไปเอี่ยวทุกที เขาเลยต้องรับหน้าที่เป็นกรรมการห้ามมวยทุกครั้งไป

“มึงไปมีศัตรูกับใครที่ไหนหรือเปล่า ถึงได้เล่นกันแรงขนาดนี้” กัญญาเผลอสบถออกมาสลัดภาพผู้หญิงเรียบร้อยไปในทันที “กูรู้นะว่ามึงกับพี่เขาเป็นอะไรกัน ไม่ใช่อย่างที่ในถูกกล่าวหาแน่ๆ”

“เห้อ ดีนะที่มีพวกมึง” เขาแทบทรุดลงกับพื้น ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ส่วนมือเขาสั่นระริกจนควบคุมไม่ได้ “ที่คิดไว้ก็มีอยู่คนเดียว”

“เมียเก่า? เห้ย เล่นแรงไปแล้ว มึงแจ้งความได้เลยนะ”

“อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยแก้ว กูไม่อยากให้พี่ฉลามเป็นห่วง” เขาได้แต่ขบกราม ไม่รู้จะทำอย่างไรดี และไม่อยากให้คนรักต้องเป็นกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“เขาจะต้องรู้ว่าการจัดการที่ไม่เด็ดขาดมันทำให้ปัญหาคาราคาซังแบบนี้”

“โถ่ แก้ว”

“มึงอย่าได้ดูถูกผู้หญิงเชียว ลองได้ถูกแย่งของรัก มันก็กลายร่างเป็นนางมารกันได้ทุกคน นางเอกดาวพระศุกร์อย่างมึงไม่รอดแน่”

“ไปกันใหญ่ละ” นนท์กุมขมับไม่รู้จะห้ามเพื่อนอย่างไร แต่ตอนนี้ได้เวลาเรียนแล้วเขาต้องลากเพื่อนไปเข้าห้องให้ได้ก่อน “ไปเรียนก่อนค่อยว่ากัน เร็ว” เขาพยักหน้ารับ กระดาษในมือถูกฉีกทิ้งไม่ไยดีลงถังขยะ

เวลานี้เด็กหนุ่มต้องตั้งสติอย่างมาก เขารู้สึกมึนงงสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไหนจะสายตาแปลกๆของคนอื่นๆที่มองมาอีก เขาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้เขาเหมือนลูกน้องที่ไร้ปีกแม่ปกป้องคุ้มครองและจะต้องดูแลตัวเองให้ได้ ได้แต่หวังว่าเขาจะผ่านมันไปด้วยดี..

“ลินท์มึงไม่ต้องเครียดนะ ถ้าเป็นนังนั่นจริงๆกูจัดการเอง” กัญญาตอบเสียงดังเป็นมั่นเหมาะ ไม่เสียแรงที่มีดีกรีเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวยยักษ์ใหญ่

“แก้ว มันไม่ต้องขนาดนั้น” เขาโบกมือเป็นพัลวัน “แค่ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้ตามจองล้างจองผลาญไม่เลิก”
“มึงระวังตัวไว้แล้วกัน” หญิงสาวครุ่นคริดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายต้องการจะเล่นสกปรก มันจะต้องมีครั้งต่อไปแน่นอน

“เออๆ ขอบใจมากนะ”

“มึงต้องบอกพี่ปาน” กัญญากดเสียงต่ำ เรื่องนี้หล่อนไม่ยอมจริงๆด้วย “เดี๋ยวนี้นี่คือคำสั่ง”

“เลิกเรียนก็ได้ สัญญาจะบอกพี่ปานจริงๆ” เขาไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตจริงๆ เลยต้องตอบเพื่อนอย่างขอไปที

“พูดแล้วก็โมโหแทน”

“เอาน่า”

“มึงก็เอาน่า ปล่อยเขาไป เดี๋ยวก่อนอยู่นั่น” กัญญาขมวดคิ้วแน่น อัญเชิญวิญญาณนางร้ายเข้าร่าง หล่อนจะไม่ยอมให้เพื่อนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว “จะทำตัวเป็นนางเอกหรือวะ”

“แค่ไม่อยากทำร้ายผู้หญิง” เขาตอบ “แค่นี้เขาก็โกรธเกลียดกูมากพอแล้ว”

“ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ถ้ามึงยังเฉยๆละก็มันหนักกว่านี้แน่”

“ฮื่อ แก้วก็ อย่าไปจองเวรจองกรรมเลย อโหสิกรรมไปเถอะ”

“โอ๊ย พ่อมหาจำเริญ!”

กัญญาอยากจะพุ่งเข้าไปหยิกแก้มขาวของเพื่อนตรงหน้านัก ทั้งๆที่หล่อนเป็นเดือดเป็นร้อนถึงเพียงนี้ เจ้าตัวก็ยังไม่โกรธ ไม่อยากจะเอาเรื่องคู่กรณีเลยสักนิด ไม่รู้เพื่อนเธอไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้โดนตามรังควาญไม่หยุดหย่อน เสียงหักนิ้วดังกรอบแกรบจนนนท์ยังสะดุ้งมอง มุจลินท์ส่ายหัวให้เพื่อนก่อนจะรีบลากกันไปเข้าห้องเรียน
สามชั่วโมงในการเรียนภาคเช้าไม่ได้เข้าหูเลยสักนิด อาจารย์ฉายสไลด์ไปเรื่อยพร้อมกับบรรยาย เขาได้ฟังผ่านๆ มันคงพูดไม่ได้เต็มปากว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มขีดๆเขียนๆใช้ปากกาไฮไลท์ไปตามที่อาจารย์บอกแต่ใจกลับลอยไปไหนต่อไหน

คิดถึง..

เขาคิดถึงชลธีเหลือเกิน


ห่างกันแค่ไม่กี่อาทิตย์แต่กลับเนิ่นนานในความรู้สึก ในอกเหมือนมีโพรงอากาศเป็นหลุมลึกที่โหยหาไม่จบสิ้น และเป็นเขาเองที่ไม่สามารถออกมาจากหลุมนั้นได้ ติดกับอยู่ในห้วงแห่งความรักที่มีแต่ความทรมาน

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

เขาจำไม่ได้แล้วว่าใครเคยบอกเอาไว้หรือได้ยินมาจากที่ไหน บัดนี้เขาเริ่มจะรู้ซึ้งถึงประโยคนั้น.. แม้มีรักแล้วย่อมต้องพานพบกับความเจ็บปวดใจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วางใจให้เขาแล้วเ ขาจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครอง บุญใดที่เขาสั่งสมมาขอช่วยปกปักรักษาคนรักให้แคล้วคลาดปลอดภัยด้วยเถิด

“ลินท์ ไม่อยู่อ่านหนังสือแล้วหรือ”

“วันนี้ขอกลับบ้านก่อนดีกว่าว่ะ รู้สึกปวดหัวยังไงไม่รู้” หลังเลิกเรียนที่นัดกันเอาไว้ว่าจะทำการบ้านเป็นอันต้องยกเลิกเพราะตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจอยากจะทำอะไรทั้งนั้น ได้แต่ขอโทษขอโพยเพื่อนที่เบี้ยวนัดอีกครั้ง

“มึงอย่าเครียดแล้วกัน พวกกูเป็นห่วง”

“เออ ขอบใจนะ”

“แล้วนี่พี่ปานจะมาหรือยัง”

“ก็ เอ่อ ใกล้แล้ว” เขาตอบกัญญา “ไม่ต้องรอๆ กลับไปกันก่อนเลย”

“เออๆ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”

“บาย”

หลังจากกลุ่มเพื่อนพากันเดินจนลับสายตาเขาก็ลุกขึ้นจากม้านั่ง แวะเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินเตร็ดเตร่ไปตามทางเพื่อกลับบ้าน วินรถตู้ในมหาลัยอยู่ห่างจากตึกเรียนพอสมควรแต่มันก็ไม่ได้ลำบากมากนักหากจะเดินลากเท้าชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ และมันทำให้เขากลับมาใจลอยอีกแล้ว.. มองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาห้าโมงกว่า ป่านนี้ไทเกอร์คงจะรอเขาอยู่ที่บ้านแล้ว นึกถึงลูกชายก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาทันที

รถตู้สีขาวปลอดจอดหน้าเขาขณะกำลังข้ามฝั่งไปอีกฟากของถนน ประตูรถตู้ถูกเปิดอย่างรวดเร็วพร้อมกับแรงกระชาก เด็กหนุ่มกลิ้งเข้าไปด้านในลำตัวกระแทกกับพนักพิงอย่างแรงจนต้องร้องโอดโอย ข้างในรถมืดจนเขาแทบมองไม่เห็นอะไร ใบหน้าเชิ่ดขึ้นตามแรงกระชากที่ผม เสียงตะคอกดังขึ้นพร้อมกับวัตถุเย็นที่จี้เอว

“อย่าส่งเสียงถ้ามึงยังไม่อยากตาย!”



TBC

เตรียมถัง กะลังมัง กันด้วยค่าทุกคน
รองน้ำตากันหน่อย ดราม่ามาแล้ววววววว /วิ่งหนี
ช่วงนี้พายจะยุ่งๆนิดหน่อย ป่วยๆด้วยค่ะ แง
ขอบคุณที่ยังรอกัน คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้น้องลินท์กันด้วยน้า
รัก <3
พายจะเปิดพรี นิยายเรื่องนี้วันที่ 1 มีนาคมนี้ สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเพจนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-01-2018 22:41:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 10-01-2018 23:31:26
ต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-01-2018 23:51:47
กัญญาพูดถูก อย่าประมาทแรงอาฆาตของผู้หญิง
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-01-2018 00:05:34
อ้าว งานเข้าแล้ว ใครจะมาช่วยได้บ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-01-2018 02:00:25
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-01-2018 02:29:46
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-01-2018 09:01:47
เข้าทางพี่ฉลามเลยสิ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 11-01-2018 17:13:04
น้องลินทำไมดื้ออออ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-01-2018 17:51:31
จะทำอะไรน้องลินท์ ในมือฉันมีเปลือกทุเรียนนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 11-01-2018 19:44:02
พี่หลามเมียโดนฉุด.. เอาไงดี
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 11-01-2018 20:37:20
แง๊  :katai1: ใครจะมาช่วยน้องลินท์ของพี่
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Maainmint ที่ 12-01-2018 00:28:32
 :katai4: สถานการณ์ตอนนี้ไม่โอเคแล้วนะพี่หลาม ช่วยลินท์ด้วยยยยยย
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 13-01-2018 01:38:02
แบบนี้ใครจะรับรู้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 15-01-2018 20:24:23
เพิ่งได้อ่านค่ะ สนุกมากกกก
ลินน่ารักกกก น้องเกอร์น่ากอดดด
รออ่านตอนต่อไปนะคะ ลุ้นมาก น้ำตา ผ้าเช็ดหน้าพร้อม
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 16-01-2018 08:03:41
 :serius2: เกิดอะไรขึ้นลินจะโดนอะไรเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 17-01-2018 19:45:11
ตอนที่ ๒๒

   กลิ่นสนิมผสมกับน้ำมันรถส่งกลิ่นฉุนแรงจนเขาต้องย่นจมูก เปลือกตาขยับเชื่องช้าเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสลัวเด็กหนุ่มรู้สึกเย็นชื้นไปตามลำตัว พื้นที่เขานอนอยู่เย็นเฉียบ มีแอ่งน้ำขังเป็นหลุมตื้นโดยรอบ ข้อมือขยับไม่ได้เพราะถูกมัดไว้ด้านหลัง เขาปวดช่วงไหล่เรื่อยลงไปกลางหลังเพราะถูกจับให้นอนผิดรูป เสียงครางแผ่วเบาเพราะความเจ็บปวดทำให้เด็กหนุ่มได้สติขึ้นมาบ้าง ลืมตามองไปรอบๆเห็นเศษซากเครื่องยนต์เก่าๆที่ถูกชำแหละแยกส่วน มิน่าถึงได้กลิ่นเหม็นนัก เขาพยายามดันตัวขึ้นแต่ก็ถูกใครบางคนเหยียบยันเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น เห็นจากหางตามันเป็นรองเท้าส้นสูงสีแดงสด ส้นแหลมเจาะเข้าที่เนื้ออ่อนจนเขาน้ำตาเล็ด

   “เจ็บด้วยหรือไง” น้ำเสียงที่เขาเคยได้ยินเมื่อคราวรับโทรศัพท์ครั้งนั้นเป็นเสียงเดียวกันไม่ผิดแน่ หล่อนย่อตัวแล้วใช้มือรั้งกลุ่มผมจนใบหน้าเขาเชิดขึ้นสบกับดวงตากลมสวยของหญิงสาว เป็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆ..

“คุณต้องการอะไรจากผม”

“เพื่อความสะใจที่ได้เห็นชีวิตแกย่อยยับ!”

“ผมไปทำอะไรให้คุณ คุณเกศ.. รา”

“เพราะแกแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของฉันไป จะไม่ให้ฉันเกลียดแกได้ยังไง หา ไอ้พวกวิปริต!” หล่อนใช้นิ้วจิ้มจนหัวเขาโยกโคลงไปอีกทาง เขาขบริมฝีปากแน่น ข่มอารมณ์โกรธที่ตีรวนมาในอก

เขาผิดอะไร.. คนอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะมีความรักเลยหรือไง

“คุณจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่คุณต้องการแน่”

“ฉันต้องได้!” ดวงตากลมโตดูเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินที่เขาพูด หล่อนตวาดเสียงสั่น “ไทเกอร์เป็นลูกฉัน!”

“เขาก็เป็นลูกผมเหมือนกัน”

“แก!”

ฝ่ามือตบเข้าที่แก้มซ้ายจนเขาหน้าหัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนเด็กหนุ่มต้องบ้วนเลือดทิ้งลงพื้น เชือกไนล่อนมัดรึงแน่นจนแทบขยับไม่ได้ ข้อมือเขาซีดจนรู้สึกชาหนึบ เด็กหนุ่มพยายามตั้งสติ เขาจะต้องหาทางหนีออกไปให้ได้ มองซ้ายมองขวาดูลักษณะแวดล้อมคล้ายกับโรงรถที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ เขาพยายามประคองตัวให้ลุกขึ้นนั่ง

“ระหว่างแกกับชีวิตยายแก แกก็จะเลือกอะไรดีล่ะ” สิ้นประโยคเขาถึงกับหันขวับไปมองเจ้าของเสียง ความรู้สึกกลัวพุ่งวาบขึ้นมาในอก ทำไมเกศราถึงได้รู้เรื่องชีวิตเขาไปเสียทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

“คุณจะทำอะไร!”

“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน..”

“ผมคิดไม่ถึงจริงๆว่าคนอย่างคุณ จะจิตใจอำมหิตได้ถึงขนาดนี้”

“เพราะแกมันโง่ ฉันเลยไม่ต้องลำบาก” เกศรากดยิ้มที่มุมปาก “เอามันไปขัง”

แรงกระชากทำเอาเขาตัวลอยจากพื้น เชือกที่ยังรัดแน่นยิ่งรัดรึงซ้ำขึ้นไปอีกจนเขาต้องร้องโอดโอย กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งในปากฝาดเฝื่อนจนเขาอยากจะอาเจียนออกมา กลุ่มชายฉกรรจ์เกือบห้าคนตรงเข้ามาลากเขาออกไป ผิวเนื้อครูดกับพื้นปูนสกปรกจนเป็นรอยถลอกไปหมด เขาเจ็บไปหมดจนแทบไม่รู้อะไรแล้ว ในขณะที่สติกำลังจะดับวูบความเจ็บปวดแรงบดที่มือทำให้เขาลืมตาขึ้น เชือกไนล่อนที่มือถูกแก้ออกแต่มันชาจนเขาไม่สามารถจะยกมันขึ้นได้ รองเท้าส้นสูงสีแดงก้าวมายืนหยุดตรงหน้าเขาที่กำลังนอนแผ่ไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะเหยียบเข้าที่มือซ้ายเขา

“โอ๊ย ปล่อย!”

“ไปหลอกล่อยังไงถึงได้มันมาล่ะ” ปลายรองเท้ากดเหยียบเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย แหวนทองคำขาวที่สวมบนนิ้วนางข้างซ้ายถูกบดขยี้แทบจะแหลกคาพื้น เขากลั้นเสียงสะอื้นทั้งๆที่เจ็บจนอยากจะร้อง เขาสบโอกาสถมน้ำลายปนเลือดใส่ทันที

ถุ้ย!

“ไอ้เด็กเหลือขอ! แกอยากตายนักใช่ไหม” เด็กหนุ่มขดตัวงอเป็นกุ้งเมื่อโดนหญิงสาวใช้เท้าเตะเข้าที่ท้องอย่างแรง ก่อนจะยกขึ้นเหยียบซ้ำ เขาพยายามหลบและใช้แรงทั้งหมดที่ตัวเองป้องกันตนเองแต่ก็ไม่เป็นผล

“ต่อให้คุณฆ่าผมให้ตาย คุณก็จะไม่มีวันได้สิ่งที่ต้องการ”

เพราะเขาจะไม่ยอมเสียไปเหมือนกัน!

“เอามันไปไกลๆฉัน!”

“…” เขานอนหอบหายใจอย่างอ่อนแรง แม้เชือกถูกคลายออกแต่ก็ยังขยับไม่ได้ เขานอนนิ่งอยู่ได้ไม่นานก็ถูกหิ้วปีกเข้าไปโยนในห้อง มีฟูกเก่าๆและหมอนที่เหลืองซีดอีกหนึ่งใบ

“คุณนายบอกให้ทำอะไรกับมันก็ได้” คางเขาถูกจับเชิดขึ้น นิ้วมือสากลูบไล้วนบริเวณแก้มจนเขาขนซู่ด้วยความรังเกียจ กลิ่นเหงื่อเหม็นหืนตีขึ้นจมูกจนเวียนหัว

“มึง อย่า!”

“ทำไม?”

“คนของผู้พันเขา หรือมึงจะลองดี?”

“เขาจะมาสนใจอะไรกับอีตัววะ เขาก็มีคุณนายแล้วทั้งคน” มันยิ้มเหี้ยมเกรียมก่อนจะมองเข้าไปร่มผ้าเพื่อชื่นชมผิวขาวน้ำนมของเด็กหนุ่ม “เอาน่าสมบัติผลัดกันชม”

“แต่เขาเลิกกับคุณนายไปนานแล้ว ไอ้โง่! คนที่ผู้พันพาไปออกงานคือไอ้เด็กนี่!”

“ท่านๆเขาก็พาอีหนูออกงานกันทั้งนั้น มึงอย่ามาฝ่อ ถ้ากลัวก็หลบไป!”

“เออ กูเตือนมึงแล้วนะ!” อีกคนหลบไปอีกทาง ส่วนที่เหลือคุมเชิงอยู่ด้านนอก เขาพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง สัมผัสหยาบกร้านแตะเข้าที่เข็มขัดก่อนจะปลดมันออกเนิบช้า

“แม่ง ขาวฉิบหายเลยโว้ย!”

“ปล่อย..อือ” เขารังเกียจสัมผัสที่แตะต้องร่างกายเขาตอนนี้ที่สุด

“ลาภปากกูแล้ววันนี้” มันลูบแก้มเขาอยู่ครู่หนึ่งจนสบโอกาส เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจงับเข้าที่นิ้วมือมันจนได้รสเลือด “โอ๊ย! ไอ้เด็กเหี้ย กัดกูหรือวะ”

“เออ!”

“แม่งเอ๊ย” มันสะบัดมือไปมา สูดปากร้องด้วยความเจ็บปวด เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งสายตาจ้องไปที่มันด้วยความโกรธ เขาก็เจ็บไปทั้งตัวแทบจะขยับไปไหนไม่ได้แต่เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยให้ใครมารังแกแน่ “ฤทธิ์เยอะมากใช่ไหมมึง” มันปรี่เข้ามาใกล้คว้าเข้าที่คอเขาก่อนจะออกแรงบีบ

“อึก..”

“ชอบเจ็บตัวก็ไม่บอก! เดี๋ยวกูจัดให้” มันออกแรงบีบมากขึ้นจนเขาต้องใช้มือทุบให้ปล่อย ก่อนจะโยนเขาไปนอนที่พื้นแล้วตามลงมาคร่อม เด็กหนุ่มใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดดันร่างของมันให้ออกไป “ไหน รับแขกให้มันดีหน่อยๆ”

เสื้อนักศึกษาถูกดึงกระชากจนกระดุมหลุดรุ่ย เขากระเถิบถอยจนหลังติดกำแพง หลบหนีมือสากที่แตะไปทั่วร่างกาย เด็กหนุ่มขบกรามแน่นยกมือขึ้นไหว้ทั้งน้ำตา ทำยังไงก็ได้ให้หนีออกไปให้พ้น เขายอมทุกอย่างแล้วจริงๆ ในใจกระหวัดคิดถึงคนรัก ถ้าหากเขาจะต้องเป็นของคนอื่น เขาคงไม่มีหน้ากลับไปหาชลธีแน่

“อย่าทำลินท์เลย ลินท์ไหว้ล่ะ..”

“อะไรของมึงนักหนา” มันปลดกางเกงของตัวเองลง เขาได้แต่เบือนหน้าหนี “ทำอย่างกับไม่เคย อย่ามาตอแหล!”

“ลินท์ขอร้อง..”

“เออ เดี๋ยวกูจะให้มึงร้องทั้งคืนเลย มานี่!”

“ยะอย่า!”

“แหกปากแบบนี้กูชอบ!”

“มะไม่!” เขาร้องเสียงดังหลับตาปี๋เมื่อเห็นร่างของมันโน้มทับลงมา “ปล่อย!” เขาใช้มือผลักออกร่างของมันหงายหลังตึงแน่นิ่งนอนกับพื้นไป เด็กหนุ่มงุนงงแต่ก็รีบคว้าเสื้อของตัวเองมาปกปิดร่างกาย สายตาเหลือบไปเห็นรองเท้าหนังสีน้ำตาล ในใจเต้นระรัวค่อยๆมองไล่ขึ้นไป

“ลินท์?”

“พะ..พี่” 

“ลินท์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ชวิศตรงเข้าไปประคองเด็กหนุ่มที่เนื้อตัวมอมแมม ไม่ว่าจะพลิกตัวไปทางไหนก็เจอแต่รอยแผลเต็มไปหมดสภาพที่เห็นทำเอาอารมณ์โมโหตีรวนในอก “นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เขากำหมัดแน่นรู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่เอะใจให้มากกว่านี้ เขาบังเอิญเจอมุจลินท์กำลังจะกลับบ้านแต่ก็หายไปกับรถตู้คันหนึ่ง ถ้าเขามาช้ากว่านี้ไม่รู้คนตรงหน้าจะเป็นอย่างไรบ้าง

“ฮึก พี่ชุ.. ช่วยผมด้วย” เด็กหนุ่มโผเข้ากอดรุ่นพี่ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะรู้สึกดีมากไปกว่าการรอดพ้นจากเงื้อมือของคนชั่วอีกแล้ว น้ำเสียงสะอึกสะอื้นยิ่งทำให้ชวิศเผลอดึงน้องเข้ามากอดแนบอก ฉวยโอกาสจุมพิตไปตามแนวหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “ผมกลัว”

“ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้อง”

“ฮึก.. ฮือ”

“ลินท์เล่าให้พี่ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“ดะได้.. ครับ” ชายหนุ่มสอดแขนประคองเด็กหนุ่มที่แทบจะลุกไม่ขึ้น จนกระทั่งต้องอุ้มช้อนท่าเจ้าหญิง เด็กหนุ่มกำลังตกใจขวัญเสียเลยไม่ได้ทักท้วงได้แต่ซุกหน้าเข้ากับอกอุ่น เกลียดตัวเองที่อ่อนแอไม่สามารถพึ่งตัวเองได้ ต้องรอคอยให้คนอื่นมาช่วยเหลือทุกครั้งไป

เขาเกลียด เขาเกลียดตัวเองในตอนนี้จริงๆ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ปานชีวันเดินวนไปวนมาในห้องอย่างหนูติดจั่น มือหนากดสายโทรศัพท์เป็นระวิงจนสายแทบจะไหม้ เขาเร่งติดต่อให้ลูกน้องฝีมือดีตามหาตัวมุจลินท์ที่อยู่ๆก็หายตัวไป เขาไม่น่าไว้ใจเจ้าลูกเป็ดเลยจริงๆ แต่จะไปโทษเด็กหนุ่มอย่างเดียวก็ไม่ถูก เป็นเพราะเกศราที่ไม่ยอมจบเรื่องเสียที เขาถึงได้หัวหมุนขนาดนี้ สบถใส่อากาศได้สักพัก โทรศัพท์ในมือก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง เห็นว่าเป็นเบอร์ธนัชลูกพี่คนสนิทก็ไม่รีรอกดรับอย่างรวดเร็ว

“พี่นัช”

“ลินท์อยู่ไหน?”

“อะ เอ่อ” ปานชีวันยกโทรศัพท์ออกมาจากหูก็ยังเห็นเบอร์ธนัชอยู่ดีแล้วไหงดันเป็นเสียงของชลธีไปเสียได้ งานนี้เขาก็มีแต่ตายกับตายน่ะสิ “พี่ฉลาม..”

“เออ กูเอง”

“ขอโทษครับพี่ ตอนนี้ผมยังหาน้องไม่เจอเลย” เขาพูดเสียงแผ่ว

“หมายความว่าไงวะไอ้ปาน?” เสียงเข้มดังทะลุจนเขาต้องยกโทรศัพท์ออกห่างหูโดยเร็วไม่อยากนั้นอาจจะแก้วหูแตกก็เป็นได้ “กูให้มึงไปดูแลเมียกู มึงก็ยังทำไม่ได้ กลับมาที่ค่ายเลย กูจะส่งไอ้นัชไปแทน!”

“ผมจะรีบหาน้องให้เจอเร็วที่สุดครับพี่”

“อย่าให้กูต้องลงมือไปเอง”

“มะไม่เป็นไรครับ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยครับ” เขาพูดรัวเร็วก่อนอีกฝั่งจะกดวางสาย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ความเครียดเริ่มเข้ามาเกาะกุม แทนที่จะมานั่งคิดอยู่คนเดียวสู้ไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นดีกว่า หลังจากที่ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรคืบหน้าจากลูกน้อง ปานชีวันเลือกที่ติดต่อผู้กำกับหนุ่มเพื่อขอกำลังเสริม

“มีอะไรวะ”

“เฮียคร้าบบบ”

“น้ำเสียงแบบนี้ กูว่ากูกดวางสายเลยดีไหม?”

“เฮียวัตรอย่าทำแบบนี้ ช่วยผมก่อน ไม่อย่างนั้นผมต้องโดนพี่ฉลามเล่นงานแน่ๆ” ปานชีวันโอดครวญ มือขวาเปิดลิ้นชักหยิบปืนพกคู่ใจสีดำสนิทขึ้นมาตรวจสภาพ เขาเลือกอยู่สักพักก่อนจะเหน็บเข้าที่เอว

“มึงไปทำอะไรอีกล่ะ”

“ทำเมียผู้พันหาย”

“เออดี อะไรนะ มึงว่าอะไรนะไอ้ปาน” ชัยวัตรตบโต๊ะเสียงดัง เสียงตะคอกไม่ได้ต่างจากที่คุยกับชลธีเมื่อครู่เลยสักนิด เขาก็ลืมไปว่าทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน “มึงเล่ามาเดี๋ยวนี้!”


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

มุจลินท์เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วโดยมีชวิศคอยช่วยทำแผลอยู่ใกล้ๆ ด้วยความดื้อของเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมไปโรงพยาบาลทำให้ลำบากเขาต้องมาพามาที่คอนโดช่วยปฐมพยาบาลให้ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกฟ้ำจนดูไม่ได้โดยเฉพาะมือซ้ายที่บวมเหมือนจะปริแตก ชายหนุ่มพยายามจะขอดูแต่เด็กหนุ่มไม่ยอม เขาเลยได้แต่ช่วยทายาแค่บริเวณภายนอกที่เป็นแผลถลอกและพวกรอยช้ำ เขาแตะสำลีลงไปบนผิวขาวจัด เสียงร้องสูดปากดังเป็นระยะ เขามองเด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดและกางเกงนอนขาสั้นที่เขาเอามาให้ใส่ เสื้อตัวใหญ่จนไหล่ตกไปอีกข้างโชว์ไหล่ขาวกลมกลึง ชวิศสลัดภาพที่วนเวียนอยู่ในหัวก่อนจะค่อยๆลงมือแผ่วเบาอีกครั้ง

“อูย”

“เจ็บไหมล่ะ”

“เบาๆหน่อยสิพี่” เด็กหนุ่มหน้ายู่ “กดทีแขนผมแทบจะหัก”

“เว่อละมึง” เขาหัวเราะ เผลอใช้มือโยกหัวไปหนึ่งทีจนเด็กมันร้องโอดโอยนั่นแหละถึงได้รู้สึกตัว “ขอโทษๆ กูชินมือไปหน่อย”

“โหย พี่แม่ง!”

“จะกินอะไรไหมล่ะ เดี๋ยวกูทำให้”

“พี่ทำเป็นด้วยหรือ” มุจลินท์ใช้สำลีแตะเบาๆที่หัวเข่าตัวเองแล้วทำหน้ายับยู่ยี่ไปมาจนชวิศอดขำไม่ได้จริงๆ “เอาดิ ผมอยากลองชิมฝีมือพี่ดูเหมือนกัน จะออกมาเป็นยังไงกันล่ะเนี่ย ฮ่าๆ”

“ให้มันน้อยๆหน่อย อย่ามาดูถูกกันนะ”

“เอ้า รอกินเลยครับ”

ชวิศหายตัวไปในครัวได้สักพักก็มาพร้อมกับข้าวต้มหมูสับหอมกรุ่น ถ้วยสีฟ้าควันลอยฉุยจนเจ้าลูกเป็ดต้องอ้าปากร้องว้าว เด็กหนุ่มรีบยกซดแต่ก็ต้องร้องจ๊ากออกมาเสียงดังเพราะข้ามต้มร้อนจนลวกปาก เขาซับทิชชู่ให้เด็กหนุ่มแผ่วเบา ร่องรอยความอบอุ่นฉายชัดในแววตายามได้มองเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาเคยคิดอยู่เหมือนกันว่าขอแค่ได้ดูแลเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว 

“ร้อนๆๆ”

“รีบกินทำไมเล่า มานี่เดี๋ยวเป่าให้”

“ไม่เอา ผมกินได้ ผมโตแล้วนะ” เด็กหนุ่มจะแย่งช้อนกลับมาแต่ร่างกายก็ไม่เอื้ออำนวย จะกแขนหรือขยับไปทางไหนก็ปวดไปหมด ได้แต่มองรุ่นพี่กำลังบรรจงเป่าข้าวต้มที่ร้อนให้มันอุ่น

“อ้าปาก”

“ไม่ต้องป้อนก็ได้พี่ เอามานี่!”

“อย่าดื้อสิวะ อย่าให้ต้องบ่นนะมึงเนี่ย”

“ก็ได้!” เขานั่งรอเหมือนลูกนกรอแม่นกป้อนอาหาร ชวิศบรรจงป้อนเขาอย่างนุ่มนวล เด็กหนุ่มค่อยๆเคี้ยวเพราะปวดแผลที่มุมปาก “อื้อหือ อร่อยอะ”

“เป็นไงล่ะ ติดใจล่ะสิ”

“เอาอีกๆ”

“แดกเองเถอะ!” เขาเลื่อนจานไปตรงหน้าเด็กหนุ่มที่ส่งสายตาวิบวับน่าหมั่นไส้ “ค่อยๆแดก เดี๋ยวสำลัก ไม่รู้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน”

“อร่อยที่สู้ดดด”

“อ่ะ นี่ยาแก้อักเสบ แล้วที่มือมึงเนี่ยไม่เป็นไรจริงๆหรอ” เขามองมือซ้ายเด็กหนุ่มที่บวมช้ำ “พรุ่งนี้กูจะพาไปหาหมอนะ ห้ามขัดกูด้วย”

“เจ็บดิพี่ โคตรเจ็บเลยอะ” เขาก้มลงมองแหวนทองคำที่ติดนิ้ว สภาพมันยังเหมือนเดิมแม้มือเขาจะพังยับเยินไปแล้วก็ตาม ยิ่งมองเขาก็ยิ่งนึกถึงคนที่สวมใส่ให้ ความรู้สึกอัดแน่นในอกจนเอ่อตื้นออกมาเป็นน้ำตา

คิดถึงเหลือเกิน..

“ร้องไห้ทำไมอีก”

“ฮึก ฮือ” น้ำตาไหลหล่นเปาะเข้าชามข้าวต้มจนชวิศต้องยกหนี เด็กหนุ่มปาดน้ำตาป้อยๆ “คิดถึง”

“คิดถึงใคร คิดถึงมันใช่ไหม”

“พี่เรียกแฟนผมให้มันดีๆหน่อย!”

“จะให้กูเรียกมันดีๆได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นสาเหตุให้มึงถูกยำเละขนาดนี้” ชวิศแทบจะตะคอกใส่ จะให้เขารู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นคนที่เขารักอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ “ลินท์ มึงรู้บ้างไหมว่าถ้ากูไปไม่ทันมันจะเกิดอะไรขึ้น”

“ฮึก ทั้งหมดผมผิดเอง”

“มึงยังจะปกป้องมันอีกหรือไง” เขาขมวดคิ้วแน่น ส่งสายตาตัดพ้อไปที่เด็กหนุ่ม ทั้งๆที่เขามาก่อน ทั้งที่เขาพร้อมจะดูแลมันทุกอย่าง “ทำไมวะ ทำไม..”

“พี่ชุ..”

“ทำไมเป็นกูไม่ได้.. ลินท์ ทำไมถึงเป็นกูไม่ได้”

“ฮึก ลินท์ขอโทษ”

เด็กหนุ่มร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนผล็อยหลับไปบนโซฟาทั้งๆที่ใบหน้ายังมีคราบน้ำตา เขานั่งมองคนที่นอนหลับด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งอยากปกป้องดูแลทั้งอยากจะทะนุถนอม แม้กระทั่งอยากจะแย่งมาเป็นของตัวเอง เขารู้ดีว่าสิ่งที่คิดมันไม่ได้เป็นความคิดที่ดีนัก แต่บางครั้งมันก็ยากจะหักห้ามใจ

เวลาล่วงเลยจนดึกดื่น ชวิศลุกไปเปิดสวิตส์กระติกน้ำร้อนเพื่อชงโอวัลติลให้เด็กหนุ่ม พร้อมกับอุ่นข้าวต้มให้ร้อนคงจะพอดีกับที่มุจลินท์จะตื่นขึ้นมา ตระเตรียมยาอีกชุดไว้เผื่อเจ้าตัวยังไม่หายปวดแผล

“อือ.. กี่โมงแล้วอะพี่ชุ”

“จะห้าทุ่มแล้ว”

“ตายห่า.. อูย” เด็กหนุ่มฝืนลุกขึ้นมาทั้งๆที่ยังเจ็บแผล เผลอร้องเสียงหลง “ผมต้องกลับบ้านแล้ว”

“มึงนอนที่นี่สักคืนก็ได้”

“แต่ว่า” เขาหายตัวมาแบบนี้ปานชีวันคงเป็นกังวลจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันพอดี อย่างน้อยถ้าเขากลับไปทุกคนจะได้ไม่เป็นห่วง เขาอยากเจอลูกชาย อยากเจอยายจะแย่อยู่แล้ว

“พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวกูแวะพามึงไปหาหมอเสร็จแล้วจะพาไปส่งที่บ้าน” เขานั่งลงปุบข้างเด็กหนุ่ม “มึงไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น กูอยู่นี่แล้ว”

“อือ” เขาคิดในใจ เอาอย่างนั้นก็ได้ “ขอบคุณนะพี่ชุ” เขากระพุ่มมือไหว้ปลกๆเพราะมือยังปวดหนึบเลยออกมาท่าประหลาดมากกว่าไหว้

“ลินท์ ให้กูช่วยเอาไหม”

“ช่วยอะไรหรือพี่”

“มึงไม่อยากให้ยัยนั่นมายุ่งวุ่นวายกับมึงกับยายมึงใช่ไหม?” เด็กหนุ่มพงกหัวมองรุ่นพี่ตาแป๋ว “เอางี้ดีไหม กูจะช่วย” ชวิศผ่อนลมหายใจเชื่องช้า กดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เขาใช้ท่าทางที่ดูเป็นมิตรแทรกซึมให้เด็กหนุ่มตายใจว่าเป็นรุ่นพี่ที่แสนดีที่พร้อมจะดูแลปกป้องน้องเสมอ เขาเลือกที่จะยื่นข้อเสนอที่ทรมานหัวใจเด็กหนุ่มที่สุด เขาจะใช้การเดิมพันครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ในระหว่างที่ศัตรูหัวใจยังไม่สามารถกลับมาดูแลได้ เขาจะขออาสาทำหน้าที่นี้.. แทนเอง

“อื้อ..”

“ลินท์ คบกับกูเหอะ”

เขายอมมาตลอด แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมอีกต่อไป..

มุจลินท์จะต้องเป็นของเขา!





TBC

นิยายเรื่องนี้เป็นฟีลกู้ดนะจ๊า5555 จริงจัง ยังไม่ได้เกลาเลยค่ะมีคนอยากอ่านเลยรีบลง ตรงไหนแปลกๆจะแก้ให้ตอนรีไรท์นะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ เมื่อวานป่วยด้วยค่ะเลยไม่ได้แวะมาอัพให้ ;-;

จบตอนนี้พายขอแจ้งงดอัพมุจลินท์นะคะ เจอกันต้นเดือนกพ. หรือถ้าเรื่องสั้นที่พายเขียนเสร็จไวจะมาต่อให้ค่ะ ขอคอมเม้นเป็นกำลังใจกันนิดนึงนะคะ รัก<3 :mew2: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-01-2018 19:48:43
ถ้าเป็นพี่ฉลามนี่จะพ่นไฟเลยนะ ไหนจะลูกน้องไม่ได้เรื่องปล่อยให้เมียหาย ไหนจะคนพูดไม่รู้เรื่องพยายามแย่งเมียคนอื่นอีก เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-01-2018 20:09:11
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 17-01-2018 20:14:34
ชวิศ.... ไม่เอานะ... ไม่ทำแบบนี้นะ.. ลินท์มีเจ้าของแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-01-2018 21:05:41
อ้าววว ซะงั้น
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-01-2018 21:07:38
เหมือนลินท์หนีเสือปะจระเข้ แฮะ หนีเกศ มาเจอชู โอ้ยยย ทำไงดี
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-01-2018 22:19:47
ชวิศไอ้ตัวร้าย ต้องฟ้องพี่ฉลามให้  :z6: แรงๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-01-2018 22:27:32
อ้าว คิดว่าจะดี
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 17-01-2018 22:45:17
พี่ฉลามกลับมาจัดการเลยนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 18-01-2018 00:36:47
เข้าใจนะว่าลินเป็นคนดี แต่แบบนี้ดีและโง่ด้วยอ่ะ ทำไมต้องยอมทำไมต้องให้คนอื่นรังแก เป็นผู้ชายคนนึงป่ะ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-01-2018 00:51:16
พี่ฉลามรีบกลับมาจัดการเร็ว!
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 18-01-2018 00:57:22
ลินท์ไม่คิดจะโทรหาใครหน่อยหรอ คือก็รอดมาแล้วป่ะ
ไม่คิดว่าคนอื่นจะเป็นห่วงเลย
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 18-01-2018 09:53:08
รู้สึกไม่ได้เข้ามานาน

แต่อ่านแล้วแบบน้องจะต้องเอาคืนนางเกศบ้างใช่ไหม

เราว่ายังไงน้องก็ต้องสู้ สู้แรกอย่าให้พี่ชุบังคับได้

สู้สอง อย่าให้นางเกศมารังแก

แต่ยังแซ่บอยู่นะ แอบถามได้ไหม จะมีม่าอีกไหม
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-01-2018 18:52:49
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากอ่านตามทันแล้ว
ลินอย่าไปใจอ่อนรับคำชุมันนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-01-2018 19:11:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 25-01-2018 21:46:00
ตอนที่ ๒๓

“เมื่อกี๊.. พี่ว่าอะไรนะครับ”

“คบกับกูสิ ถ้ามึงไม่อยากมีปัญหามากไปกว่านี้ เขาจะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับมึงกับยายมึงอีก” ชวิศสบตาเด็กหนุ่มที่มองตอบกลับมาด้วยความจริงจัง “พี่ช่วยลินท์ได้นะครับ”

“ผมคงทำไม่ได้!” เขาตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีคนรักอยู่แล้วนะพี่ชุ ทำแบบนี้เรื่องมันจะไปกันใหญ่” คิดดูแล้วมันคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และเขาไม่อยากให้ชลธีคิดว่าเขาเป็นฝ่ายนอกใจเสียหน่อย หากมีเรื่องอะไรเขาก็มักจะปรึกษาคนรักอยู่เสมอ ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่อยู่เขาก็ขอไม่ตัดสินใจทำอะไรบ้าๆคนเดียวแน่

“มึงแน่ใจแล้วหรือ ถ้าหากมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกล่ะ เขาจะมาดูแลมึงได้?”

“ที่ผ่านมาเพราะลินท์เอาแต่คอยพึ่งพาทุกคน” เขาพูดเสียงแผ่ว แม้จะยังรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เพิ่งพบเจอแต่เขาก็จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างคือประสบการณ์ที่เขาจะต้องเรียนรู้ และที่ผ่านมาใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชวิศรู้สึกอย่างไรแต่เขาก็พยายามวางตัวเว้นระยะห่างเป็นรุ่นน้องมาตลอด เขาไม่อยากให้เอาความรู้สึกมาเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ เรายังเป็นพี่น้องกันได้ เขาเชื่ออย่างนั้น 

“ลินท์ยังมีพี่นะ”

“ลินท์ต้องโตด้วยตัวเองได้แล้ว” เขายิ้มให้ชายหนุ่ม “ที่ผ่านมาขอบคุณพี่ชุมากนะครับ แต่ว่าลินท์คงต้องกลับบ้านแล้ว”

“ลินท์ ฟังพี่ก่อน”

“ครับ?”

“พี่รักลินท์นะ” เขาชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคจากอีกฝ่าย มันไม่ได้รู้สึกใจเต้นแรงหรือวายหวิวเหมือนได้ฟังจากชลธี เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายจริงๆ

“ขอบคุณนะครับ แต่ลินท์ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” เขาตัดสินใจบอกแม้มันดูจะเป็นการทำร้ายคนฟังไปบ้าง แต่เขาก็ต้องทำอะไรให้มันชัดเจน “ลินท์รักพี่ฉลามครับ” ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอีกครั้ง หวังว่าคราวนี้ชวิศจะเข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของเขา ทุกอย่างที่ผ่านมาเขาจะจดจำและเรียนรู้เอาไว้ ต่อไปนี้เขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที

ชวิศทิ้งมือลงข้างตัวอย่างเหนื่อยล้า หน่วงหนึบที่อกข้างซ้ายอย่างไม่มีสาเหตุ สายตาจับจ้องไปที่ร่างของเด็กหนุ่มที่ยับเยินตรงหน้าแล้วต้องนับถือหัวใจ คงไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนใจเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาได้แล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาจะฝืนยัดเยียดตัวเองให้ไปทำไมทั้งที่เขาไม่เคยต้องการ เขาควรถอดใจเลิกหวังกับคนที่มีเจ้าของหัวใจแล้วสักที

“สภาพอย่างนี้จะกลับยังไงไหว เดี๋ยวกูไปส่งเอง” เขามองเด็กหนุ่มแล้วก็ต้องส่ายหัว มีแรงลุกขึ้นยืนก็ดีแค่ไหนแล้ว นี่ได้นอนไปรอบนึงสีหน้าค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย “เสื้อผ้าพวกนั้นก็ทิ้งไว้เถอะ”

“ขอบคุณนะพี่” เขานั่งลงที่เดิมอย่างเชื่องช้าไม่อยากขยับตัวมากเพราะยังรู้สึกเจ็บตามบาดแผล มองนาฬิกาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ดึกขนาดนี้ยังไงเขาก็คงจะกลับเองไม่ได้ โทรศัพท์ที่มีก็หล่นหายไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ จะให้ขอยืมชวิศมาโทรเขาก็ขอไม่รบกวนจะดีกว่า  “ช่วยไปส่งลินท์ที่… ทีนะครับ”

ชวิศลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูรถให้เด็กหนุ่มที่ค่อยๆก้าวลงอย่างไม่มั่นคงนัก เขาพาเด็กหนุ่มมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากคอนโดเขามากนัก รถเข็นของโรงพยาบาลถูกเตรียมมารอรับผู้ป่วย เมื่อเห็นคนเจ็บจึงรีบส่งตัวเข้ารักษาทันที เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นบุรุษพยาบาลจึงเรียกถามเสียงแผ่ว

“ขอเจอหมอคเชนทร์ครับ” ก่อนจะหันไปทางชวิศที่กำลังมองมา “ส่งแค่นี้แหละครับ ขอบคุณมากนะพี่” ยกมือไหว้อีกครั้งก่อนจะยิ้มหวานให้ 

“ไม่ให้กูอยู่เป็นเพื่อนก่อนหรือ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าวืด

“ไม่เป็นไรครับพี่ เจอกันที่มหา’ลัยนะครับ” ชวิศยอมเลิกราเพราะอีกฝ่ายดึงดันยืนยันอย่างหนักแน่นไม่ให้รอ เขาจึงยอมล่าถอยมองรถเข็นที่ถูกพาออกไปจนลับตา

“ลินท์ ทำไมเป็นขนาดนี้” รออยู่ได้ไม่นานคเชนทร์ที่เข้าเวรอยู่พอดีก็วิ่งผลุนเข้ามาหาเขา จับซ้ายจับขวาจนเขาร้องโอดเพราะโดนแผล “ใครทำวะเนี่ย!”

“พี่ช้าง อย่าเพิ่งโวยวายลินท์ยังไม่ตาย”

“รู้ว่าไม่ตาย ไม่งั้นคงไม่มานั่งเถียงแบบนี้” เขาแทบกุมขมับเมื่อเห็นสภาพมุจลินท์ ตอนนี้คุณหมอร้อนรนด้วยความตกใจคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาส่งไลน์หาคนรักพร้อมทั้งบอกคนที่บ้านให้รู้ข่าว “พี่บอกมะนาวแล้วเดี๋ยวคงมา”

“ลินท์เจ็บมากเลย” เขาชูแขนซ้ายที่บวมปริ “พี่ช้างไม่ถอดแหวนออกได้ไหม”

“แทนที่จะห่วงตัวเอง” ขยี้หัวเด็กหนุ่มเบาๆ เห็นหน้าตาเด็กมันจะร้องไห้แล้วก็อดสงสารไม่ได้ “ไอ้พี่บ้ามันคงไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าต้องเข้าเฝือกจริงๆก็คงต้องตัดว่ะ” ดูแล้วถอดไม่ได้ก็คงต้องตัดอย่างเดียว

“ฮือ”

“อ้อ พี่บอกทุกคนที่บ้านแล้วนะ” เมื่อตอนเย็นเขาทราบจากปานชีวันว่าเด็กหนุ่มหายตัวไปทุกคนใจร้อนพยายามจะตามหาแต่สุดท้ายเขากลับมาเจอในสภาพอย่างนี้ “แต่ยังไม่ให้มาเยี่ยมตอนนี้”

“ทำไมละครับ”

“อยู่ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลให้ละเอียดเถอะ” ไม่อยากจะบอกน้องมันว่าสภาพขนาดนี้ให้ที่บ้านมาเห็นได้มีระเบิดลงแน่ อย่างกับไปวิ่งชนรถสิบล้อ “พี่ฉลามจะได้ไม่เป็นห่วง”

“อย่าเพิ่งบอกพี่ฉลามไม่ได้หรือครับ” เจ้าลูกเป็ดก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าถ้าได้คุยกับชลธีแล้วจะโดนดุหรือเปล่า “ลินท์อยากบอกเอง”

“ช้าไปละ” เขาบอก “พี่ถ่ายรูปลินท์เมื่อกี๊ส่งไลน์ไปละ” พี่มันควรมาเห็นสภาพแฟนตัวเอง เขาละกลุ้ม!

“พี่ช้างงงงงงงงง” เขาอ้าปากมากก็ไม่ได้ด้วยเจ็บแผล ได้แต่ส่งสายตาโกรธเคืองไปที่นายแพทย์หนุ่ม

“อะ มีคนจะคุยด้วย” คเชนทร์ส่งโทรศัพท์มาให้เขา พอได้เห็นรูปประจำตัวไลน์อีกฝ่ายเขาก็อยากจะส่งโทรศัพท์คืนทันที แต่ก็ทำไม่ได้   

“…”

“ลินท์..” พอได้ยินเสียงชลธีน้ำตาก็ตีตื้นขึ้นมาคลออีกแล้ว นี่เขาอ่อนไหวเกินไปใช่ไหม

“พี่ฉลาม”

“เป็นเด็กดีไหมครับ” เสียงคุ้นเคยที่เขาไม่ได้ยินมาเกือบสามอาทิตย์ คิดถึงจับใจ..

“อื้อ ฮึก เป็นเด็กดีครับ”

“ลินท์”

“ครับ”

“เจ็บไหม”

“ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลย ฮึก”

“แล้วร้องไห้ทำไมครับ” เสียงทุ้มอ่อนโยนแอบดุเขาเบาๆ “เด็กดีต้องไม่โกหกพี่นะ”

“อื้อ เจ็บ เจ็บไปทั้งตัวเลย”

“พี่ขอโทษ” ชลธีสงสารคนรักจับใจ “ไม่ได้อยู่ใกล้ๆคอยดูแล ลินท์โกรธพี่ไหม”

“ไม่โกรธ ฮึก ฮือ” เขาสูดน้ำมูกเสียงดัง “เมื่อไหร่พี่จะกลับมาหาหนู หนูคิดถึง” ร้องไห้เสียงดังแถมยังสะอึกอีก ไม่รู้อีกฝั่งจะได้ยินเสียงเขารู้เรื่องไหม

“พี่อยากกลับไปหาหนูจะแย่แล้ว” ชลธีตอบพลางจุดยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคนรักออดอ้อน “แต่งานพี่ยังไม่เสร็จเลย หนูลินท์รอพี่นะ”

“อื้อ นานแค่ไหนก็จะรอ”

“อยู่รักษาตัวให้หายไวๆ” เขาอยากจะไปกอดเด็กหนุ่มเดี๋ยวนี้ มันเจ็บปวดแค่ไหนที่ปกป้องคนที่รักไว้ไม่ได้ เขาโกรธมากและกำลังข่มอารมณ์ “ลินท์จะบอกพี่ได้ไหมว่าใครทำ”

“ฮึก ฮือ” เด็กหนุ่มได้แต่ส่งเสียงแผ่วเบามาตามสาย “ลินท์ขอโทษ.. ขอโทษที่อ่อนแอ ต่อไปลินท์จะเข้มแข็งกว่านี้”

“ไม่ร้องน่าคนดี พี่ไม่ชอบเลย ว่าไงครับบอกพี่ได้ไหม..”

“คุณเกศ.. บอกว่าถ้าลินท์ไม่เลิกกับพี่ เขาจะทำร้ายลินท์ จะทำร้ายคุณยาย ลินท์กลัว”

“พี่ไม่ยอมแน่” ได้ยินอย่างนั้นเขาก็เผลอกำหมัดแน่น เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด  “พี่จะไม่ยอมให้เขามาทำร้ายลินท์อีกแล้ว”

“ลินท์ไม่มีสิทธิ์จะรักพี่เลยหรือ ฮึก”

“ทำไมจะไม่มีล่ะ พี่เป็นของลินท์คนเดียวนะรู้ไหม” สิ้นประโยคโทรศัพท์ก็ส่งเสียงเตือนเปลี่ยนเป็นภาพวีดีโอ ชายหนุ่มในชุดลำลองสวมหมวกปีกกว้างหนวดรกครึ้มดูแปลกตา ชลธีหน้าตาดูซีดเซียวกว่าทุกครั้ง จนเขาอดจะเป็นห่วงไม่ได้

“พี่ฉลามได้นอนมั่งหรือเปล่า”

“นอนสิ พี่นอนทุกวันแหละ” เขายิ้มขำเมื่อเห็นลูกเป็ดทำหน้าจ๋อย “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ดูแลตัวเองก่อน แก้มบวมซะขนาดนั้น” เด็หนุ่มรีบตะปบแก้มก่อนจะร้องโอ๊ยออกมา

“บวมมากเลยหรือครับ”

“ยังไงก็น่ารักสำหรับพี่อยู่ดี”

“ฮือ”

“ถ้าอยู่ใกล้นะจะจับจูบให้เข็ด ลูกเป็ดขี้แยเอ๊ย”

“อยากให้อยู่ใกล้จะแย่แล้ว หนูเหงา พี่ไม่เหงาหรอ”

ดูความอ้อนของเมีย สะบักสะบอมก็ยังแผ่รังสีความน่ากินได้อีก

“พูดอีกทีพี่จะจดใส่บัญชีหนังหมาเอาไปทบต้นทบดอกแน่นอน”

“ฮื่อออออออ ทะลึ่ง!”

“ลินท์.. พี่รักลินท์นะ”

“ลินท์ก็.. รักพี่ฉลามเหมือนกันครับ”

“ไหนชูมือสิ” เขาเห็นรูปที่คเชนทร์ส่งมาให้แล้วใจหล่นวูบ นึกสงสัยทำไมมือข้างนั้นถึงได้บวมช้ำขนาดนั้น

“มะ ไม่เอา”

“ลินท์” เขาทำเสียงเข้ม

“ก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มยกมือข้างซ้ายที่พังยับเยินโชว์ให้ผู้พันดูตามที่ร้องขอ อีกฝ่ายทำหน้าตกใจไปแวบหนึ่งก่อนจะทำหน้าเคร่งเครียด เขาถามเสียงอ่อน “พี่ไม่โกรธใช่ไหมถ้าพี่ช้างจะตัดแหวนออก”

“พี่จะซื้อให้ใหม่”

“แต่ว่าวงนี้..”

“ลินท์สำคัญสำหรับพี่มากกว่าอะไรทั้งหมด” เขาพูดพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาให้อีกฝ่ายผ่านจอโทรศัพท์ ได้ยินเสียงได้เห็นหน้ายังพอช่วยบรรเทาความคิดถึงที่สุมอกได้บ้าง “อดทนไม่นานพี่จะกลับไปลินท์กับลูกนะครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าทั้งน้ำตา คุยกันได้อีกสักครู่ชลธีจำใจต้องวางเพราะถูกเรียกตัว เขาบอกลาคนรักและสัญญาว่าจะหาทางติดต่อมาอีกครั้ง

“เอาล่ะเตรียมไปพักผ่อนนะครับคนป่วย ร้องไห้จนตาปูดหมดแล้ว”

“คิดถึงพี่ฉลาม”

“ตอนพี่อยู่ห่างกับมะนาวก็คิดถึงแบบนี้เหมือนกัน”

“ทำไมมันทรมานจังอะพี่ช้าง”

“ความรักมันก็อย่างนี้แหละลินท์” นายแพทย์หนุ่มเข็นรถเข็นคนป่วยขึ้นตึก เมื่อครู่เขาประสานกับทางวอร์ดเพื่อขอห้องพิเศษเรียบร้อยแล้ว “มีทั้งทุกข์และสุข.. ทั้งทรมาน แต่ลินท์เชื่อไหมว่าเราก็ยังโหยหามันเสมอ”

“ลินท์ปวดใจ กระวนกระวาย รู้สึกไม่มีความสุขเลยพี่” เขากังวลจนแทบทุรนทุรายแค่คิดว่าชลธีจะต้องไปเผชิญอันตรายขนาดไหน เหมือนใจจะขาด..

“เพราะลินท์ยกใจให้พี่ฉลามเขาไปหมดแล้ว” เขาพูดไปเรื่อยๆกระทั่งกดลิฟต์ “ลินท์ลองคิดว่าตัวเองเป็นพี่ฉลามดูสิ เห็นคนรักสภาพเป็นแบบนี้จะทำยังไง”

“คงโกรธ โมโหมาก อยากจะฆ่าให้ตายไปเลย”

“งั้นลินท์เตรียมสวดมนต์แผ่เมตตาได้เลย”

“ทะ ทำไมหรอพี่ช้าง”

“พี่ว่าไม่เกินหกโมงเช้าคงไม่มีซากให้เห็นแล้วล่ะ”

“พี่พูดอะไร ลินท์ไม่เห็นเข้าใจเลย” นายแพทย์หนุ่มหัวเราะไปตลอดทางจนกระทั่งส่งผู้ป่วยขึ้นเตียงเพื่อเตรียมพักผ่อน เด็กหนุ่มให้ความร่วมมือดีก่อนจะหลับปุ๋ยหลังจากทานยาแก้ไข้ คเชนทร์ขอเป็นผู้ดูแลคนป่วยและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตอนนี้มุจลินท์ก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวเขาแล้ว ลองเห็นน้องโดนทำแบบนี้ตัวเขาเองยังอดโมโหแทนไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับชลธีที่มีอำนาจล้นมือขนาดนั้น

เล่นกับใครไม่เล่น เสือกมาเล่นกับสัตว์ดุร้าย.. อย่างฉลาม

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

“ให้กูกระทืบมึงให้ตายก็ยังน้อยไป พวกมึงว่าไหม” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม ใช้เท้ายันหัวไหล่คนที่ร่วงไปนอนกับพื้น ปานชีวันและชัยวัตรได้เบาะแสจากชลธีจึงตัดสินใจบุกเข้าไปที่พักของลูกน้องเก่า ซึ่งผู้พันหนุ่มเคยมอบหมายให้ดูแลเกศราเมื่อครั้นยังคงคบหา มันเป็นลูกน้องที่รู้จักพวกเขาดี กลับไม่รู้ว่าของของนายเป็นสิ่งที่ไม่ควรยุ่งวุ่นวาย

“หมวด ผมไม่รู้จริงๆ” มันยกมือไหว้ปลกๆ เสื้อผ้าสะบักสะบอมเพราะโดนพวกเขารุมยำคาตีน “คุณนายเขาใช้ผม เขาให้เงินผม.. ผมก็ทำทั้งนั้น”

“มึงทำงานให้เขามานานหรือยัง”

“ก็ตั้งแต่ผู้พันยังรักกับคุณนายนั่นแหละครับ”

“แล้วมึงไม่รู้หรือเขาเลิกกันไปตั้งนานแล้ว!”

“รู้ครับรู้” มันกัดปากเพราะเขากดแรงไปที่หัวไหล่ “แต่ไม่รู้ว่าผู้พันเขามี.. อึก คนใหม่ไปแล้ว”

“มึงเลิกทำงานให้เขาซะ”

“ผมทำไม่ได้จริงๆครับ”

“ทำไม มึงมีอะไรที่บอกกูไม่ได้”

“คือ คือ” มันอ้ำอึ้งอยู่นานก่อนจะยอมบอก “คุณเกศ เธอรบเร้าคุณพ่อ เลยมีคำสั่งเบื้องบนให้พวกผมต้องมาช่วยดูแล” มันพูดแล้วหลบตาเขาทันที ปานชีวันขมวดคิ้วแน่นนึกถึงบิดาของเกศราซึ่งนายพลที่เพิ่งเกษียณไป แต่เขาก็ลืมคิดไปว่ายังมีอำนาจบารมีล้นเหลือพอที่จะสั่งการอะไรได้บ้าง

“ตกลงมึงจะเอายังไง”

“ไม่เอายังไงครับหมวด”

“ให้มันอยู่เหมือนเดิมนี่แหละ” ชัยวัตรใช้มือปิดจมูกแน่น กลิ่นควันแถวนี้เหมือนเผาป่าอะไรสักอย่าง ควันโขมงขึ้นฟ้าตลอดเวลากลับไม่มีใครสนใจ “ให้มันเป็นสายให้เรา”

“ว่าไง”

“ครับๆหมวด”

“ไปบอกคนของมึงด้วย แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“ผมจะทำตามที่หมวดต้องการทุกอย่าง”

“ดี” นายทหารหนุ่มขบกรามแน่นเก็บปืนเข้ากระเป๋ากางเกง “ถือว่ามึงตัดสินใจได้ถูกต้อง” เขาหันไปพยักเพยิดให้กับลูกน้องนับสิบที่จัดการสั่งสอนพวกมันเสียหมอบ พื้นที่แถวนี้อยู่บริเวณชานเมืองไม่ไกลจากกรุงเทพนักเป็นพื้นที่ของครอยครัวเกศราที่ปล่อยโล่งร้างเขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเกิดเพิงพักให้คนเข้ามาอยู่ได้ แถมแต่ละคนที่เข้ามาอยู่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเป็นทหารเก่าที่เคยเป็นลูกน้องเขาทั้งนั้น แม้พวกนี้ผ่านการฝึกมาไม่มากนัก แต่ก็ใช้เป็นลูกมือได้ ต่างกับลูกน้องที่เขาคัดเลือกมาโดยเฉพาะ พวกนี้ผ่านการฝึกมาอย่างหนักหน่วง ฝีมือมันคนละระดับชั้นกัน

“พอได้ละ เดี๋ยวพวกมันเงียบหายไปแล้วจะเป็นพิรุธ” ผู้กำกับพยักหน้าก่อนจะเดินหันหลังกลับไปที่รถสปอร์ตสีดำสนิท ด้านในมีเด็กหนุ่มที่กำลังชะเง้อคอมองหา “กูไปก่อนละ มึงจะทำอะไรต่อก็ตามสบาย”

“ผมขออีกสักพักแล้วจะกลับเอง” ปานชีวันยังมีอารมณ์กรุ่นโกรธ เขาโทษตัวเองที่ดูแลน้องไม่ดี ก็สมควรแล้วที่ชลธีจะด่าว่าเขาขนาดนั้น “สะสางบัญชีอีกนิดหน่อย” ขอเขาระบายความแค้นที่โดนลูกพี่ด่ามาเสียยืดยาวอีกสักพัก ไม่งั้นเขาคงนอนตายตาไม่หลับ

“อย่าหนักมากนะว้อย เดี๋ยวมันจะตายซะก่อน”

“เอาน่า เฮียไปรอที่ร้านเถอะ เดี๋ยวผมตามไป” ผู้หมวดหนุ่มขยับคิ้วขึ้นลงท่าทางทะเล้น “เดี๋ยวแฟนเฮียที่รอที่รถจะคอยนานนะครับ”

“พ่อง!” ชัยวัตรชูนิ้วกลางใส่ก่อนจะรีบซอยเท้ากลับไปที่รถทันที

แม่ง กวนตีนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

เขาทิ้งตัวลงเบาะหนุ่มถอดเสื้อแจ็คเกตออกแล้วโยนไปที่หลังรถ ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากอะไรผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยก็ปะเข้าที่หน้าผากขาว เขาหันไปมองเด็กตัวโตที่ยิ้มแฉ่งให้

“ยิ้มอะไร”

“เหนื่อยไหมครับ?”

“ไม่ได้ออกแรงอะไรน่า ปานมันขนลูกน้องมาเยอะขนาดนั้น” เขาบ่นเมื่อเห็นรุ่นน้องที่ยังไม่เลิกนิสัยมุทะลุกล้าได้กล้าเสียจริงๆ เล่นยกคนมาขนาดนั้นไม่ผิดสังเกตก็บ้าแล้ว ดีที่เขามาช่วยเปิดทางให้ ไม่งั้นละมึงเอ๊ย นึกว่าจะไปรบที่ไหน

“เราจะรอพี่ปานไหมครับ”

“ไม่ต้องอะ ไปที่ร้านเลย”

“ฝับที่เดิมหรือครับพี่วัตร”

“อือ ไม่ชอบก็ไปที่อื่นก็ได้นะ”

“ที่ไหนก็แหละครับที่มีคุณ”

“พอ กูจะอ้วก” เสหน้าไปทางอื่นแต่ที่จริงกำลังกลั้นยิ้มสุดชีวิต เด็กหนุ่มมัวแต่ขับรถไม่ทันมองกระจกรถว่ามีใครแอบมองอยู่ ชัยวัตรเกาหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจนี่เขาคงจะอาการหนักแล้วจริงๆ ตั้งแต่ที่รู้จักกับปฐวีดูเหมือนอะไรๆก็จะดลใจให้เข้าทางเด็กหนุ่มนี่ตลอด กลายเป็นว่าคนที่เข้านอกออกในคอนโดเขาคือเจ้าเด็กตัวโตนี่ซะอย่างนั้น

“อย่าเพิ่งอ้วกสิครับ ยังไม่ทันได้ทานอะไรเลย”

“แล้วมึงไม่หิวหรือ?” เลิกเรียนเสร็จก็วิ่งแจ้นมาหาเขา ไม่เห็นไปเที่ยวที่ไหนกับเพื่อนเลยสักครั้ง ตัวเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย

“ทานรองท้องมาเมื่อเย็นแล้วครับ”

“นี่แต่มันจะสี่ทุ่มแล้ว”

“ก็นั่นแหละครับ” ปฐวีเงียบไปสักพักมองท้องถนนข้างหน้าแล้วหันมาตอบ “ผมรอกินพร้อมพี่วัตรดีกว่า” ไม่พูดเปล่าแต่ยังหันมายิ้มแฉ่ง รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้มึงจะยิ้มบ่อยไปแล้วนะ เป็นบ้าหรอ

เออ เออ ดี ดี ดีมาก แล้วกูจะยิ้มทำไมเนี่ย!

“ทีหลังไม่ต้องรอ มึงจะมารอกูทำไม.. กูทำงานไม่ตรงเวลานะวี”

“ให้ผมรอพี่เถอะ”

“เออ ตามใจ” เขาเลิกบ่นเลิกห้ามมันยังดีเสียกว่า เพราะห้ามอะไรไม่เคยได้ นี่เขาเป็นถึงผู้กำกับ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เลยนะ แต่ไอ้เด็กนี่กลับทำเขาเหมือนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกชินกับการมีอยู่ของปฐวี อาจจะเป็นเพราะทุกเช้าตื่นมาเจอหน้า ได้ทำอะไรร่วมกันในชีวิตประจำวันละมั้ง เด็กหนุ่มแทบจะจำตารางเวลางานของเขาได้เสมอ จนเขาแทบไม่ต้องบอก ส่วนเขารู้อะไรเกี่ยวเจ้าเด็กนี่บ้างไหม

ไม่เลย..

เพราะความสัมพันธ์ที่มันไม่มีชื่อเรียกแบบนี้เขาก็ไม่รู้จะไปก้าวก่าวชีวิตส่วนตัวของเด็กหนุ่มทำไม แค่ที่เป็นอยู่เขาก็รู้สึกโอเคมากแล้ว จากที่เขาเคยไล่เคยด่ามันไปพักหนึ่งจนอ่อนอกอ่อนใจ เขาก็ปล่อยตามสบาย เมื่อถึงจุดนึงที่มันอิ่มตัวก็คงต้องโบกมือบ๊ายบายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

แม่ง ทำไมรู้สึกแปลกๆวะ

“พี่วัตรเป็นอะไรหรือครับ หน้าซีดๆ”

“กูคงหิวข้าวมั้ง”

“งั้นผมจะรีบไปสั่งให้นะครับ” เด็กหนุ่มจอดรถเข้าซองเรียบร้อยก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้เขา แล้วสาวเท้านำหน้าเขาไปจัดการเรื่องโต๊ะอาหารจนเรียบร้อย ไม่รู้ทำไมที่เขารู้สึกตะหงิดๆใจบอกไม่ถูก

“ที่หลังมึงไม่ต้องทำเหมือนเป็นเบ๊กูขนาดนี้ก็ได้”

“ผมอยากดูแลพี่นี่นา”

“กูบอกกี่ครั้งแล้วว่ากูดูแลตัวเองได้” ถ้าจะเป็นเซ็กซ์เฟรนด์ก็อยากให้ปฏิบัติเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นต้องมาดูแลเขาเลยสักนิด แบบนี้เขายิ่งรู้สึกผิดที่เหมือนเอาเด็กมาใช้งาน

กูบาปเลยนะเนี่ย

“ทานเยอะๆนะครับพี่วี” เด็กหนุ่มตักอาหารให้เขาเสียพูนจาน “นี่น้ำเปล่าครับ”

“ขอบใจๆ” เขาลงมือทานอยู่สักพักโดยมีมือดีคอยตักอาหารให้อยู่เสมอจนเขาก็อยากจะถามเหมือนกันว่าได้กินไปบ้างหรือเปล่า แต่ตอนนี้สติดันมาหยุดอยู่ที่ข้อความในไลน์ที่ปานชีวันมันส่งมา เป็นรูปถ่ายที่มันกำลังคลอเคลียกับสาวๆในไนท์คลับอย่างสบายใจ ไอ้น้องเวรบอกกูจะมากินข้าวแต่เสือกทิ้งกูไปหาหญิง น่าให้ไอ้หลามด่ามันอีกสักที

“เดี๋ยวเสร็จแล้วพากูไปที่คลับSหน่อยนะ”

“ดื่มอีกแล้วหรือครับ” เด็กหนุ่มทำหน้าจ๋อยเมื่อรู้ว่าเขาจะไปสังสรรค์กับเพื่อนหรือรุ่นน้อง เป็นเขาเองที่ห้ามไม่ให้เด็กหนุ่มตามไปทุกครั้งเพราะไม่อยากตอบคำถามใคร “ผมก็ต้องนอนคนเดียวอีกแล้ว” ทำหน้าแบบนั้นเขายิ่งใจอ่อน นับวันมันชักจะเอาใหญ่ คอยดูรอบหน้าเขาจะไม่ตามใจเด็ดขาด

“งั้นก็ไปด้วยกันนี่แหละ”

“ขอบคุณนะครับ”

เสียงเพลงดังเป็นจังหวะสนุกสนานทำให้การขยับเคลื่อนไหวร่างกายดูมีชีวิตชีวา ยิ่งเขาได้นั่งจิบเบียร์มองสาวๆในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามทำนอง มันก็ยิ่งรู้สึกคึกคักตาสว่างได้ทั้งคืน เขาเสมองไปทางเด็กหนุ่มที่นั่งจิบโค้ก ถัดไปเป็นปานชีวันที่กำลังโอบสาวๆทั้งสองข้าง มีเด็กสาวคอยรินเบียร์ให้ไม่ขาด คุยกันหัวร่อต่อกระซิกไม่สนใจเขาเลยสักนิด ชัยวัตรลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หนุ่มหล่อขาวตี๋เป็นที่สนใจของบรรดาสาวๆทันทีที่เข้ามายืนกลางฟลอร์

“ไม่หึงหรือวะ” ปานชีวันสะกิดเด็กหนุ่มที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เด็กหนุ่มกำลังเก็บอารมณ์ขุ่นมัว เขารู้ดีว่าชัยวัตรเป็นที่นิยมของทุกเพศขนาดไหน แถมวันนี้ก็ยังนั่งจิบเบียร์ทำตาปรือโปรยเสน่ห์ใส่คนอื่นไปทั่ว พอมากับปานชีวันเขาเลยไม่อยากออกอาการอะไรมาก แต่ไม่คิดว่าผู้หมวดจะดูเขาออกง่ายขนาดนี้

“ผมก็ตามใจพี่วัตรเขาตลอดนั่นแหละ”

“พี่วัตรแกฮอตมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนา” ไอ้คนชงอย่างเขามันก็ต้องชงไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าขมวดคิ้วเป็นปมแน่นเขาก็ยิ่งอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป “มีหนุ่มๆสาวๆมาติดเยอะอย่างนี้” ทำท่าชูมือขึ้นกลางอากาศให้มันดูเว่อวังเด็กมันจะได้เชื่อ

“อันนั้นผมก็พอรู้มาบ้าง แต่ว่าตอนนี้พี่วัตรมีผมคนเดียว” เขามั่นใจเพราะอยู่กับชายหนุ่มตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่าลึกๆผู้กำกับหนุ่มต้องการให้เขาอยู่ข้างๆต่อไปอีกไหม

“มึงแน่ใจหรอว่าเขามีมึงคนเดียว” พูดแล้วก็ผินหน้าไปทางเวที หนุ่มตี๋กำลังออกเสต็บมันส์หยดจนสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังไม่ขาด “ไอ้วี กูว่ามึงเล่นของยากแล้วว่ะ”

   เขาได้แต่มองตามร่างสูงโปร่งจนกระทั่งเห็นชายหนุ่มถูกรวบเข้าไปกอด เขากระเด้งตัวจากที่นั่งทันที แล้วเดินเข้าไปในวงล้อมมันเดี๋ยวนั้น คนที่ล้อมหน้าล้อมหลังผู้กำกับหนุ่มไม่ได้มีแต่ผู้หญิงอย่างเดียว บรรดาชายหนุ่มที่เพ่งเล็งคนตัวขาวเอาไว้เริ่มเข้าประชิดจนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป

   “พี่วัตร กลับห้องกันเถอะครับ”

   “เต้นกันก่อนดิ กำลังสนุกเลย”

   “พี่เมาหรือเปล่าเนี่ย”

   “กินไปนิดเดียวเอง ไม่มาววววววว” น้ำเสียงอ้อแอ้จนเขาต้องเข้าไปใกล้ ตวัดเอวให้เข้ามาหา ถ้าอยากเต้นก็เต้นมันเข้าไป ส่วนเขาจะยืนเป็นไม้กันหมาอย่างนี้นี่แหละ!

   “อึดอัดน่าวี เข้ามาเบียดทำไม”

   “ไม่ให้ผมเบียดแล้วให้คนอื่นมาเบียดพี่แทนหรือไง”

   “เขาก็เต้นกันสนุกๆน่า”

   “ผมไม่สนุกกับพี่ด้วยนะ”

   “อื้อออออ” เด็กหนุ่มคว้าต้นคอคนตัวขาวเข้ามาใกล้แล้วกดจูบ บดเบียดริมฝีปาดร้อนชื้นเข้าหาความหวานจากคนตรงหน้า เสียงประท้วงร้องอื้ออึงแต่เขาก็ไม่สนใจ หากเขาไม่แสดงความเป็นเจ้าของก็คงอยากจะมีคนลองของอีกเรื่อยๆ “มาจูบอะไรตรงนี้!”

   “ถ้าพี่ไม่ยอมกลับห้องกับผมดีๆ” เขากระซิบใกล้ใบหูที่แดงระเรื่อ ตอนนี้ชายหนุ่มตัวแดงไปทั้งตัวแล้ว “ผมจะทำมากกว่านี้อีก คอยดู”

   “อย่านะว้อย!” ผู้กำกับหนุ่มสะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่ทันได้ขัดขืนก็โดนเด็กหนุ่มจับจูงออกมาจากฝูงคนจนได้ ปานชีวันที่นั่งดูอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง อดนับถือเด็กหนุ่มในใจไม่ได้ เด็กคนนี้มันแน่จริงว่ะ

   “ผมกลับก่อนนะพี่” เขายกมือไหว้ปานชีวันส่วนมืออีกข้างก็ประคองชายหนุ่มที่เริ่มจะงัวเงียเอาไว้ไม่ห่าง เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่อยากให้คลาดสายตา

   “เออๆ ฝากเฮียกูด้วย” เขาตะโกนบอกพลางมองเด็กหนุ่มโอบกอดรุ่นพี่ออกไป ส่วนเขาเองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกอึกใหญ่ นึกแล้วถอนหายใจเชื่องช้า “ดีแล้วที่กูไม่มีเมีย!”
   


TBC
พี่ปานไม่ควรมีเมียค่ะ ควรจะมี…..มากกว่า55555
ตอนหน้าเรามาดูพี่หลามบู๊ๆ กันนะคะ
ขอกำลังใจเป็นคอมเม้นท์เช่นเคย ขอบคุณค่า <3
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 25-01-2018 22:17:42
โดนแน่ๆ.. โดนแน่ๆ... พี่วัตร... โดนสามีทำโทษแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 25-01-2018 22:24:04
ยัยเกศตัวร้าย พี่หลามจัดการอย่าให้ได้ผุดได้เกิดเลยนะคะ :fire: เมื่อไหร่พี่หลามจะกลับมาหาเจ้าลูกเป็ดซักที  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-01-2018 22:27:40
รอดูว่าพี่ฉลามจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2018 00:09:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-01-2018 00:45:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-01-2018 01:05:02
เกศไม่เหลือซากแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-01-2018 01:13:05
รอพี่ฉลามกลับมาจัดการค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-01-2018 08:40:24
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 27-01-2018 11:18:42
เอาให้แหลกเฮีย..นู๋ลินช้ำขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 27-01-2018 17:10:43
 :ling1
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 27-01-2018 17:53:53
อินางเกศแกไม่รอดแน่
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-01-2018 19:36:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 03-02-2018 14:51:40
 :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-02-2018 19:22:00
ยัยป้าาาาา ต้องโดนดี กล้ามาทำกับหัวใจฉลามแบบนี้
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 03-02-2018 20:43:09
ตอนที่ ๒๔

กลุ่มผมดำแผ่กระจายเต็มหมอนค่อยๆขยับเชื่องช้าโผล่จากผ้านวมผืนหนา ดวงตากลมปรือปรอยหลบแสงแดดที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง เขาปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ตามลำตัวที่ยังมีรอยถลอกเริ่มขึ้นแผลตกสะเก็ดจนรู้สึกคันเขาอยากจะแกะ แต่ก็โดนคุณยายเอ็ดจนเขาได้แต่ปล่อยให้แผลแห้งและหลุดลอกไปเอง เขายังจดจำใบหน้าคุณยายเมื่อเห็นสภาพเขาที่โรงพยาบาลครั้งแรกได้ ท่านร้องไห้แล้วกอดเขาไว้เสียแน่น ยายถามซ้ำๆว่าเขาอยากจะไปอยู่ที่อื่นไหม หากเขาไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่แล้วยายจะพาเรากลับไปอยู่ด้วยกันสองคนเหมือนเดิม เขาได้แต่ส่ายหัวดิก เพราะคิดว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเกินไป แล้วเขาก็ไม่อยากจะหลบหนีปัญหาอีกต่อไปแล้วด้วย

“แม่จ๋า” เสียงผลักประตูมาพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่โผล่ก้อนหัวสีดำเข้ามาในห้อง “แม่ลินท์..”

“จ๋าลูก”

“แม่หายเจ็บยังฮะ” เด็กชายเกาะอยู่ข้างเตียงไม่กล้าปีนขึ้นไปเพราะกลัวโดนแผลเขา ไทเกอร์ร้องไห้โฮอยู่นานที่เห็นเขานอนโรงพยาบาล อีกทั้งยังงอแงกับปานชีวันให้พาไปหาเขาทุกวัน จนเขาได้กลับมาพักฟื้นที่บ้านลูกชายคนเก่งก็อยู่คลอเคลียเขาไม่ห่าง

“ดีขึ้นแล้วครับลูก หนูมานอนกับแม่ไหม”

“นอนนนนนนนน” กระโดดขึ้นเตียงทุลักทุเลเพราะติดพุงก่อนจะโผเข้ากอดเขา เด็กชายโถมน้ำหนักตัวและแก้มยุ้ยให้เขาได้กกกอดสูดดมกลิ่นสบู่หอมหวานจากตัวลูกชายด้วยความรักใคร่

“ทานข้าวหรือยัง ฮึ?” ก้มมองลูกชายที่นอนคอพับคออ่อนในอ้อมกอดเขา

“คุณยายทำต้มจืดให้เกอร์กิน”

“ต้มจืดอะไรหรือครับ?”

“ใส่ตำลึงและมีหมูสับฮะแม่” เด็กชายพูดเสียงเจื้อยแจ้วพลางชูไม้ชูมือแสดงท่าทางประกอบ เล่นอยู่ไม่นานก็ผล็อยหลับคาตักเขา มือทั้งสองข้างเขาพันไปด้วยผ้าก็อตแม้จะยังขยับนิ้วมากไม่ค่อยได้แต่เขาก็พยายามแตะไปตามผิวอุ่นนุ่มของลูกชายแผ่วเบา เปลือกตาขยับนิดหน่อยตอนที่เขาแตะโดนพวงแก้มใสสีเลือดฝาด

ไทเกอร์หลับไปแล้ว.. เขาก้มลงจุมพิตเด็กชายก่อนจะขยับท่าทางให้นอนได้สบาย วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ลูกชายไม่ได้ไปโรงเรียน เจ้าตัวที่นอนกับคุณยายจึงมาหาเขาแต่เช้า หากวันไหนที่ต้องไปโรงเรียนก็จะงอแงไม่อยากไป โวยวายว่าจะอยู่กับเขาจนคนที่บ้านต้องปลอบต้องโอ๋อยู่นานกว่าจะยอม เขาคงจะให้ทุกคนเลี้ยงแบบตามใจจนเกินไป อยากได้อะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่เคยขัดใจ เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้าโตมากกว่านี้ ฤทธิ์เยอะกว่านี้จะปวดหัวแค่ไหน

ต้องฝึกให้ลูกชายมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบแต่เด็ก ต้องเลี้ยงอย่างมีเหตุผลไม่ใช้การตีเป็นตัวแก้ไขปัญหา เขาเลือกที่จะคุยและทำข้อตกลงระหว่างกันทุกครั้งที่ไทเกอร์มีอาการงอแงเกิดขึ้น ไทเกอร์รับฟัง.. แต่เด็กคือเด็ก เขาจะดูแลลูกชายให้ดีที่สุดให้สมกับที่ชลธีฝากฝังเขาเอาไว้..

เขาลุกขึ้นเชื่องช้าเพราะยังเจ็บแสบกับแผลยามเสียดสีกับเนื้อผ้า ค่อยพาร่างกายที่ยังไม่หายดีไปชำระล้างให้สะอาดเรียบร้อย เขาหยุดเรียนมาเดือนหนึ่งเต็มๆโดยมีเพื่อนช่วยดูแลเรื่องเรียนทำให้เขาพอจะเบาใจได้บ้าง ส่วนพี่ปานยังคอยมาดูแลเขาเหมือนเดิม เขาขอโทษขอโพยพี่ชายใจดีไปเสียยกใหญ่ที่ดื้อจนทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนเกือบโดนชลธีจับย้ายไปทำงานที่อื่น ส่วนพี่ช้างและพี่ปลายังคอยแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ โดยเฉพาะพี่นัสต์ที่ดูแลเขาอย่างกับไข่ในหิน คุณพ่อและคุณแม่ที่ดูแลจนเขาไม่แทบต้องทำอะไร ทุกคนเป็นห่วงเขามาก เขารู้สึกดีเหลือเกิน ครอบครัวสมบูรณ์ที่เขาต้องการมานานแสนนาน..

เขาปลดเสื้อนอนออกแล้วมองแผลเป็นทางยาวพาดผ่านแล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว เขาไม่กลัวแผลเป็นหรืออับอายใครทั้งนั้น จะห่วงก็แค่คนรักที่ระเบิดอารมณ์ยามได้เห็นน่ะสิ

ตื้ด ตื้ด ตื้ด

เด็กหนุ่มที่เปลือยท่อนบนเปิดประตูห้องน้ำออกไปเพื่อรับโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงดังเพราะกลัวลูกชายที่นอนหลับจะตื่น เขากดรับก่อนจะหันไปมองลูกชายที่พลิกตัวไปมา

“สวัสดีครับ”

“ลินท์”

“ครับ ลินท์พูดอยู่” เขาไม่ได้เมมเบอร์ไว้จึงไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ถ้าเรียกชื่อเขาก็คงจะเป็นคนรู้จักเขาแน่ๆ เสียงแผ่วเบาที่ตอบกลับมาทำให้เขาต้องเงี่ยหูฟังดีๆ

“ทำอะไรอยู่”

“พี่ฉลาม?” หัวใจพองโตทันทีที่รับรู้ว่าคนที่ติดต่อกลับมานั้นเป็นใคร มือขาวเผลอจิกกางเกงนอนด้วยความตื่นเต้น ถ้าหากร่างกายเขายังสมบูรณ์ดีคงวิ่งกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องแล้วด้วยซ้ำ “ละ.. ลินท์กำลังจะไปอาบน้ำ” เขาตอบได้แค่นั้นอีกฝ่ายก็เปลี่ยนการโทรเป็นคอลวิดีโอมาแทน มือเจ้ากรรมดันไปกดรับอัตโนมัติ ลืมคิดไปว่าสภาพตัวเองตอนนี้เป็นยังไง

“ลินท์” ทันทีที่เปิดกล้องเขาก็เห็นชายหนุ่มในชุดลำลองเสื้อเชิ๊ตแขนสั้น ผมที่เคยสั้นอยู่เสมอกลับยาวจนเกือบปรกหน้า หนวดรกครึ้มให้ความรู้สึกแปลกตา อดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนรักถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้

“ไม่คุ้นพี่เลย”

“แหงล่ะ” นายทหารหนุ่มกระซิบเสียงแผ่ว “พี่ข้ามฝั่งชายแดนมาหาข้อมูลนิดหน่อย”

“หา?”

“เดี๋ยวก็กลับไปอีกฝั่งแล้วครับ” เพราะที่ตั้งไม่มีสัญญาณเลยยากที่จะติดต่อกลับมาหาคนรัก เขาเลยต้องถือโอกาสติดต่อช่วงที่ทำงานนอกพื้นที่แทน

“มานานหรือยัง”

“เป็นอาทิตย์ได้แล้วล่ะ”

“พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เขาถามชลธี ใบหน้าซูบผอมทำให้เขาอดกังวลไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะซูบกว่าครั้งที่แล้วที่เคยคุยกันเสียอีก

“แล้วเราล่ะ ทำไมยังดูไม่ดีขึ้นเลย”

“หนู หนูดีขึ้นแล้ว” เขาตอบก่อนจะชูสองนิ้ว โชว์ผ้าก็อตที่พันไปทั่วมือ “หนูขยับได้แล้ว”

“ไหนพี่ขอดูหน่อย”

“พี่จะดูอะไรครับ”

“ถอดเสื้อแล้วหนิ” นายทหารหนุ่มเร่งเร้า “ไหนพี่ขอดูแผลหน่อย”

“จะดีหรือ..” เด็กหนุ่มก้มหน้างุด “หนูอาย..”

“มากกว่านี้ก็เห็นแล้ว หนูเปิดให้พี่ดูหน่อย.. นะครับ” ได้ยินเสียงขอร้องของชลธีเขาแทบจะลงไปกลิ้งกับพื้นซะเดี๋ยวนั้น ค่อยๆลดจอโทรศัพท์เลื่อนไปตามลำคอ แอ่งชีพจร และเนินไหล่บาง เรื่อยลงมาแผงอกที่เป็นรอยจ้ำสีม่วงช้ำเต็มไปหมด

“พอหรือยังครับ..”

“ทำไมแผลเยอะขนาดนี้” เขาขมวดคิ้ว ครั้งที่แล้วเห็นรูปแค่ภายนอกที่คเชนทร์ส่งมาให้ก็ว่าเยอะแล้ว แผลข้างในร่มผ้ากลับเยอะกว่าที่คิดเสียอีก “หนูโดนทำอะไรกันแน่”

“อะเอ่อ..” เขาอ้ำอึ้ง “หนู คือหนู”

“ถ้าไม่อยากบอกพี่ก็ไม่เป็นไร”

“เปล่านะครับ” เขาส่ายหัวดิก “ไม่ใช่ไม่อยากบอก”

“พี่ไม่ว่าอะไรหนูหรอก” เขาขยับหมวกที่สวมอยู่ให้เห็นดวงตาคู่คมชัดเจน “พี่เป็นห่วงหนูก็แค่นั้น” ชายหนุ่มขบกรามแน่น ถ้าเขาอยู่ใกล้ๆคงหลอกล่อให้เด็กหนุ่มบอกเขาได้สักที เขารู้ว่ามุจลินท์ไม่อยากจะไปพูดถึงอีกแต่เขาเห็นทีไรก็อดเจ็บใจไม่ได้ทุกครั้ง

“มันจะ.. จะข่มขืนหนู..” “แต่พี่ชุมาช่วยหนูไว้ก่อน” นายทหารหนุ่มชะงักกึกมองใบหน้าที่เหลือร่องรอยความช้ำให้เห็น มือที่ว่างกำแน่นจะเห็นเส้นเลือดปูดโปน เขาได้ความมาจากปานชีวันเรื่องทำร้ายร่างกายแต่ดูเหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้นเหมือนอย่างที่เขาคิดจริงๆ

“โธ่ลินท์..”

“หนูไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรจริงๆ” เขาส่งโบกมือไปมา “หนูรักพี่นะ” สบดวงตาคู่คมที่มองมาอย่างลึกซึ้ง ถ้าได้ลองอ้อนชลธีน่าจะอารมณ์ดีมากขึ้น

“ไม่เจอกันเกือบสองเดือนแล้วนะ”

“อื้อ เร็วจังเลยเนอะ”

“หนูคิดถึงพี่บ้างไหม”

“คิดถึงที่สุดเลย”

“ไหนคนดีของพี่อาบน้ำอยู่หรือเปล่า”

“กำลังครับ เดี๋ยวขอวางจากพี่ก่อน”

“ไม่ต้องหรอก.. พี่อยากดู

“ฮื่อ ไม่ดีมั้งครับ” เขาคว้าผ้าขนหนูมาคลุมท่อนบน แต่สายตาระยิบระยับทำเอาเขารู้สึกเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ไว้รอพี่กลับมาก็ได้..”

“แต่พี่อยากดูตอนนี้.. หนูจะใจร้ายกับพี่ได้ลงคอหรือ” เขากลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คิดถึงเหลือเกิน ใจเต้นระรัวไปหมด “นะครับ” เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นใบหน้าเห่อร้อนจนแดงก่ำ เขาตั้งมือถือไว้ตรงชั้นวางหน้ากระจก ค่อยๆปลดกางเกงนอนเรื่อยลงต้นละลงมาจากต้นขาขาวนวล ช่วงขาเพรียวปรากฏแก่สายตาชายหนุ่ม มีร่องรอยช้ำบ้างประปราย เขาสำรวจด้วยสายตาจนพอใจมองคนรักที่กำลังกดขวดแชมพูเทลงบนหัวอย่างทุลักทุเลเพราะมือใช้ได้แค่ข้างเดียว

“หนูแสบตาอะ มองพี่ไม่เห็นเลย”

“พี่รอหนูอาบน้ำเสร็จก็ได้ หนูอาบเถอะ” เขาบอกพลางมองเด็กหนุ่มที่กำลังถูไถไปตามร่างกายช้าๆ ฟองสบู่สีขาวฟูฟ่องค่อยๆไหลลงมาตามผิวขาว เผลอกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ไหวเมื่อเขาดันรู้สึกปวดหนึบตรงใจกลางส่วนอ่อนไหวขึ้นมาเสียอย่างนั้น คนห่างเมียมานานอย่างเขาไม่ได้ไปปลดปล่อยกับใคร ได้มาดูเมียตัวเองอาบน้ำใครมันจะไปทนไหวกัน!

“ทำไมเสียงเงียบจัง” คนตัวขาวเงยหน้าขึ้นมามองโทรศัพท์ก็เห็นสายตาคมกริบมองเขาอยู่ตลอด “อุ่ย..” ชายหนุ่มกดยิ้มมุมริมฝีปากมองเจ้าลูกเป็ดกำลังลูบไล้ไปตามร่างกายผอมบาง เขาอุตส่าห์ขุนจนมีเนื้อมีหนังแล้วแท้ๆ ตอนนี้กลับผอมเหมือนเดิมอีก คุณแม่เขาบ่นให้ฟังว่าเด็กหนุ่มทานข้าวได้น้อยลง เป็นห่วงว่าจะตรอมใจเลยไม่มีใครยอมให้อยู่คนเดียวเลย

“พี่ช่วยไหมครับ”

“มะไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มบอกก่อนจะวิ่งเข้าไปหาฝักบัวที่เปิดน้ำอุ่นเอาไว้ หลับตาขยี้หัวได้สักพักภาพคนรักที่กำลังมองมาทำให้เขาสะท้านไปทั้งกาย จุดอ่อนไหวกลางลำตัวเริ่มแข็งขืนจนต้องหันหลังหลบ

มาตั้งอะไรตอนนี้เนี่ย!

“หันมาหาพี่สิครับ”

“ฮื่อ แปบนะครับ” เขารีบล้างตัวคว้าผ้าเช็ดตัวมาคลุมแต่ก็ดูเหมือนจะช้ากว่าคนที่ตาไวกว่า

“หนูอารมณ์หรือ?”

“ปะเปล่าสักหน่อย” เขาหน้าแดงก่ำจะใช้มือปิดก็ใช้ได้ข้างเดียว ไม่มีอะไรเป็นใจเลยสักนิด เขาอยากจะแทรกรูท่อหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ

“ทำให้พี่ดูหน่อยสิครับ”

“ทะทำ?”

“นั่นแหละ”

“ฮื่อ อย่าแกล้งหนู..”

สาบานได้ว่าถ้าเขาอยู่ตรงนั้นเจ้าลูกเป็ด.. ไม่รอด

เด็กหนุ่มห่อตัวด้วยผ้าขนหนูมองคนอีกฟากฝั่งที่กำลังจ้องตาไม่กะพริบ ก็จริงอย่างที่ชลธีบอกว่าเขามีอารมณ์จริงๆแต่จะให้ทำต่อหน้าแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยไหม 

“ลินท์ครับ.. นะ” ในที่สุดเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับนายทหารหนุ่มอยู่ดี เขานั่งพิงขอบอ่างอาบน้ำผ้าขนหนูสีขาวเลิกขึ้นจนเห็นเรียวขาขาวผ่อง มือขวาที่ว่างค่อยๆกอบกุมส่วนอ่อนไหวที่กำลังแข็งเกร็ง ตอนนี้ตัวเขาแดงก่ำเป็นกุ้งเผาไปหมดแล้ว ค่อยๆขยับรูดรั้งตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งโชนยิ่งได้สบตาคมของคนรักที่จ้องมองมาไม่กระพริบก็ยิ่งทำให้รู้สึกวาบหวิวสะท้านไปทั้งกาย

“อะฮื่อ พี่ฉลาม..” ชายหนุ่มมองคนรักที่กำลังบิดเร้า ยามริมฝีปากสีสวยร้องเรียกชื่อเขา อาการปวดหนึบที่มีอยู่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนปวดร้าว นายทหารหนุ่มขบกรามแน่นนึกในใจว่าไม่ควรไปเล่นไฟจริงๆ สุดท้ายเขานั่นแหละที่ต้องกลับมาจัดการตัวเอง

“เรียกพี่หรือครับ?”

“ฮื่อ คิดถึงพี่..” ดวงตาฉ่ำปรือยามเปิดเปลือกตาเชื่องช้า หยดน้ำไหลเรื่อยลงมาข้างขมับหยดลงตามร่างกายที่เริ่มแห้ง ภาพตรงหน้าทำเอาเขาทรมานจริงๆ

เจ้าลูกเป็ดเล่นกับตัวเองอีกไม่นานก็เสร็จสมจนหอบคราง ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อค่อยๆเดินไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา “พอแล้วนะ.. หนูเหนื่อย”

“อย่าไปแทนตัวเองแบบนี้กับใครนอกจากพี่นะ”

“อ้าวทำไมละครับ” เขาชอบพูดกับคุณยายแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เขาชอบอ้อนชอบคลอเคลียคุณยายจะตายไป แม้จะโดนแซวว่าตัวโตเบ้อเริ่มก็ยังแทนตัวเองว่าหนูอยู่นั่นแหละ

“พี่หวงหนู”

“ฮื่อ หนูไปแต่งตัวก่อนแล้ว” เขาส่ายหัวให้กับคนรักที่ชอบพูดหยอกเย้า แค่นี้เขาก็อายจนไม่รู้จะยังไงแล้ว ชอบขยันหยอดให้เขาใจสั่นอยู่เรื่อยเลย

“หนูต้องดูแลตัวเองดีๆนะ”

“พี่จะกลับมาหาหนูแล้วใช่ไหม” เขาเปิดประตูห้องน้ำออกไปก็ยังเห็นลูกชายนอนหลับปุ๋ยจึงหันกล้องมือถือไปให้ชลธีดูลูกชายบ้าง “หนูกับลูกอยากเจอพี่ไวๆแล้ว”

“รอพี่นะครับ..” ชลธียิ้มให้คนรัก ตอนนี้เขาพยายามจัดการที่เกิดขึ้นให้เร็วและรัดกุมที่สุด แม้จะมีอุปสรรคเข้ามาบ้างแต่เขาก็พยายามให้มันผ่านไปได้ด้วยดีทุกครั้ง ลูกน้องในชุดปฎิบัติการเขายังอยู่ครบทุกคนแค่นี้เขาก็พอใจมากแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด

“จุ้บ” เขายื่นปากจู๋ไปใกล้จอมือถืออย่างกับคนบ้า อดไม่ได้จนหัวเราะคิกคัก ส่วนคนอีกฝั่งก็เล่นตามเขาบ้าง เด็กหนุ่มยิ้มกว้างคิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆของคนรักชะมัด การรอคอยนี่มันช่างทรมานและยาวนานเหลือเกิน

“พี่ไปก่อนนะครับ” ได้เวลาที่เขาจะต้องไปทำงานแล้ว มองนาฬิกาข้อมือสีดำของตัวเองก็ต้องขอวางจากเจ้าลูกเป็ดก่อน สายตาเว้าวอนทำให้เขาอยากจะกลับไปหาเด็กหนุ่มซะเลยตอนนี้ กลับไปกอดแรงๆให้หายคิดถึง

“หนูนับวันรอแล้วนะ” เขาชูนิ้วนับเลขไปมา “ถ้ามาช้าหนูจะมีกิ๊กจริงๆด้วย”

“อย่าดื้อให้มากนักลูกเป็ด หนูก็รู้ว่าพี่ไม่ได้ใจดี” ชายหนุ่มเลียริมฝีปากช้าๆก่อนจะจ้องคนรักเขม็ง “ถ้าอยากเตียงพังก็ลองดู” ส่งยิ้มยั่วเย้าจนคนฟังหน้าแดงก่ำอีกรอบ

“พี่!”

วางไปแล้ว วางไปแล้ว วางไปแล้ว

เด็กหนุ่มเดินงุ่นง่านไปมาในห้องประโยคเมื่อครู่ทำเอาเขาปวดหนึบต้องวิ่งเข้าห้องน้ำอีกรอบ เบื่อนักคนชอบมาทำให้อยากแล้วจากไป ฮือ พี่ฉลามคนบ้า!


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ต่อด้านล่างนะคะ
   

   

หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 03-02-2018 20:44:56

   ชายหนุ่มร่างสูงกำลังพิงกำแพงปูนหน้าซอยซึ่งอยู่ด้านหลังตลาดในย่านเมืองที่มีผู้คนพลุ่กพล่าน มือขวาที่โผล่ออกมาจากเสื้อยีนแขนยาวคีบบุหรี่ที่กำลังเผาไหม้ ริมฝีปากเขาพ่นควันแผ่วเบา สายตาคมเข้มมองไปตามทางที่คนเดินผ่านไปผ่านมา บิดตัวยืดเส้นยืดสายเมื่อเห็นใครบางคนกำลังจะเดินเข้าไปในซอยลึกด้านใน

   “จะไปไหน?” เขาตะปบไหล่ชายหนุ่มร่างสูงที่สวมหมวกปิดใบหน้าเกือบครึ่ง แถวนี้เป็นเขตหวงห้ามที่มีมาเฟียคอยควบคุม จะมาเดินเล่นตามใจก็คงจะไม่รักตัวกลัวตายแล้ว “กูถามไม่ได้ยินหรือวะ?”

   “กูมีนัด” พูดได้แค่นั้นชายหนุ่มก็ปาลงบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้รองเท้าผ้าใบที่ตัวเองสวมขยี้จนดับมอด มองสบตากับผู้มาใหม่อย่างจับผิด “ถ้าไม่มั่นใจก็ให้คนข้างในออกมารับกู”

   “บอกชื่อมึงมา” เขากดโทรศัพท์แล้วพูดคุยกับคนในสาย สายตายังไม่ละออกจากผู้มาใหม่

   “กูชื่อเต็ม”

   “คนไทยหรือวะ” มันหรี่ตามองเขาอีกรอบ ก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์เสียงกระซิบกระซาบ

   “อย่าลีลา” เขาตอบพลางลูบกระเป๋ากางเกงด้านหลังที่เสียบปืนพกเอาไว้ นายทหารหนุ่มไม่อยากจะใช้กำลังเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่าลูกน้องที่เข้ามาหาข่าวในบ่อนคาสิโนเกิดติดต่อไม่ได้มาสามวันแล้ว เขาจึงต้องเข้ามาจัดการด้วยตัวเอง ชลธีรู้ว่ามันเสี่ยงแต่ไม่มีหนทางที่จะได้ตัวคนของเขาคืนมาซึ่งไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เขามองหน้ามันเขม็งหยั่งเชิงกันอยู่ครู่หนึ่ง มันจึงพยักหน้าก่อนจะเดินนำทางเขาเข้าไปด้านใน

   สภาพภายนอกเป็นเพียงตึกแถวธรรมดาแต่เมื่อเขาก้าวขาผ่านเข้าประตูรั้วเหล็กเข้าไป กลิ่นเหล้าและกลิ่นยาเสพติดคละเคล้าไปกับกลิ่นเหงื่อของนักพนันที่กำลังเบียดเสียดยัดเยียดแย่งกันเข้าไป ดูปราดเดียวเขาก็รู้ทันทีว่าคนพวกนี้มาแสวงหาโชคกันอย่างจริงจังคงจะหวังรวยกลับไปแน่นอน กวาดสายตามองไปทั่วบริเวณก็ยังไม่เห็นคนที่เขากำลังตามหา จนกระทั่งไอ้คนคุมมันพาเขาไปแลกเหรียญสำหรับใช้เล่นเสี่ยงโชค เขาเอาเงินไทยแลกเหรียญออกมาเกือบสองหมื่น มันพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะผละจากเขาไป นายทหารหนุ่มทำทีสังเกตไปตามวงต่างๆก่อนจะหยุดที่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งหน้าระรื่นนับเงินไม่หยุด

   ไอ้นารถ..

   เขาไม่ได้ข่าวลูกน้องฝีมือดีคนนี้มาหลายวันไม่คิดว่ามันจะผันตัวมาเป็นคนคุมบ่อนได้ในเวลาอันรวดเร็ว นฤนารถเป็นรุ่นน้องเขาตั้งแต่เรียนเตรียมทหารด้วยกัน ก่อนจะแยกเหล่าไปเรียนคนละที่ ปัจจุบันผู้กองนารถเป็นตำรวจตระเวนชายแดนที่มีฝีมือคนหนึ่ง และเป็นคนที่เขาไว้ใจเป็นอย่างมาก เขามองมันจนแน่ใจว่ามันปลอดภัยดี อย่างน้อยที่สุดมันก็ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เขากังวล ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าไปสู้หน้า ‘หม่อมแม่’ ของไอ้นารถแน่ๆ

   บ่อนที่นี่เต็มไปด้วยนักเที่ยวที่เข้ามาเสี่ยงโชคอย่างที่ใครๆต่างก็ให้สมญานาม แม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังแต่ก็มีการคุ้มกันแน่นหนาทำให้การแทรกซึมเข้ามาหาข้อมูลเป็นไปด้วยความยากลำบากอยู่ไม่น้อย รายงานข้อมูลที่ได้มาคราวที่แล้วทำให้เขารู้ว่าเจ้าของที่นี่มีส่วนเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดที่ขนส่งผ่านเส้นทางชายแดน เขากำลังสงสัยนายทุนรายใหญ่คนหนึ่งที่เป็นคนไทยซึ่งเข้ามาครอบครองอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจหลายอย่างเพื่อให้การฟอกเงินสกปรกเป็นเรื่องที่ไม่มีใครจับได้

   “เฮ้!” เขาโบกมือทักทายหนุ่มร่างสูงผิวสีแทนไปทางเข้มจัดตามแบบฉบับชายไทย คิ้วหนาดกดำอยู่เหนือดวงตากลมสีดำชั้นตาสองชั้น จมูกโด่งจัดและริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มยามได้สบตากับเขา นายตำรวจหนุ่มมากฝีมือที่คราวนี้เขาได้มาช่วยในการทำภารกิจ นฤนารถ.. ไม่สิต้องเรียกว่า หม่อมหลวงนฤนารถ ราชนิกุลหนุ่มที่ละทิ้งยศฐาบรรดาศักดิ์และความสะดวกสบายมาทำงานเสี่ยงอันตรายจนหม่อมแม่ต้องปวดเศียรเวียนเกล้า ลำบากเขาไม่น้อยที่ต้องมาคอยดูแลยามมันเข้าเรียนใหม่ๆ “ไอ้นารถ ไม่คิดจะติดต่อกูมาเลยใช่ไหม กูนึกว่าตายห่าไปแล้ว”

   “กำลังมันเลยพี่” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปชั้นสองด้านบน กลุ่มหญิงสาวที่กำลังหัวร่อต่อกระซิกมองลงมาอย่างท้าทาย ดูจากรูปการณ์แล้วคงไปทำให้ใครถูกใจเข้าแล้วสินะ

   “ไปทำอะไรมาวะ” เขาลากคอมันออกมาจากวง กระซิบข้างหูแล้วตบไหล่เหมือนคุยเล่นสนิทสนมแต่ความจริงกำลังคุยเรื่องเคร่งเครียดกันอยู่ “ผู้กองกลายเป็นหนุ่มฮอตไปซะแล้ว”

   “โถ่พี่ ผมก็ฮอตมาตั้งนานแล้วนะ” นฤนารถกระตุกยิ้มเดินนำพี่ชายผ่านกลุ่มคนที่เริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆออกประตูด้านหลังอีกฟาก ตึกแถวที่ต่อเรียงรายราวกับโรงแรมแม้จะดูซอมซ่อแต่ก็ถูกปรับปรุงให้เหมือนที่พักขนาดย่อม นายทหารหนุ่มกวาดสายตามองโดยรอบ ก่อนจะเดินตามนฤนารถเข้าไป

   เดินลัดเลาะเข้าไปตามทางเดินที่ไม่เปิดไฟสักดวง แม้จะตอนกลางวันแต่ก็ยังดูมืด นายตำรวจหนุ่มหยุดอยู่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งก่อนจะไขกุญแจเข้าไป ด้านในมีเตียงเก่าและโต๊ะเก้าอี้ครบชุดสภาพกลางเก่ากลางใหม่ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงถอดเสื้อเชิ๊ตทิ้งขว้างไปอีกทาง

   “มีห้องส่วนตัวซะด้วย” เขามองรุ่นน้องที่ยักคิ้วให้ “ไปทำอะไรมาวะ”

   “ผมปลอมตัวเป็นนักพนันปกติธรรมดา อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปเข้าตามาม่าซังของแก็งค์ ผมก็เลยได้เป็นคนช่วยจัดการคุมบ่อนนิดๆหน่อยๆ” นายตำรวจหนุ่มยิ้มแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวออกจากกระเป๋าเป้มาเตรียมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ติดตัวกับเขา ดมมาทั้งวันจนเขาเอียนจะแน่แล้ว

   “โอ้โหหม่อม” ชลธียิ้มขำ ไอ้หนุ่มหน้าตายที่สนใจแต่งานดันไปถูกตาผู้หญิง “ได้อะไรมามั่งวะ”

   “ข้อมูลว่าเจ้าของบ่อนคือคนไทยแน่นอน” สายตาคมจ้องมาที่ชลธีแน่วแน่ “ธุรกิจยาเสพติดขยายเครือข่ายมาจากที่นี่ก่อนจะส่งของออกไปขายข้ามชายแดน”

   “งั้นแสดงว่าที่ผ่านมามีการลักลอบขนย้ายยา แล้วเราจับไม่ได้เลยสักครั้ง” นายทหารหนุ่มครุ่นคิด พลางไล่เรียงข้อมูลที่ได้มา “เป็นไปได้ไหมที่จะ..”

   “คนของเราเป็นสายให้มันแน่” นายตำรวจหนุ่มตอบทันที “ยิ่งเข้าไปใกล้มันมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า แค่เราอาจจะคงไม่พอแล้วนะครับ”

   “หมายความว่ายังไงวะ”

   “นอกจากยาเสพติด ที่นี่ยังมีงานที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับพวกมันอีกอย่างหนึ่ง พวกมันจะตะเวนไปหลอกหญิงสาวให้เข้ามาทำงานแล้วขายให้พวกไอ้แก่ตัณหากลับที่ใจป้ำยอมทุ่มซื้อ นี่มันเข้าข่ายค้ามนุษย์ชัดๆ”

   “อะไรกันวะเนี่ย”

   “เราต้องแจ้งทางหน่วย ลำพังแค่ทีมเราเกือบสิบคน” เขากดส่งรูปที่แอบถ่ายให้รุ่นพี่ “ผมบอกตรงๆนะว่าไม่ไหว” รูปถ่ายถูกส่งมาให้นายทหารดู ด้านบนชั้นสองถูกจัดให้เป็นสถานบริการที่นำเด็กสาวมาค้าบริการทางเพศอย่างผิดกฏหมาย กลายเป็นว่าคดียาเสพติดที่เขากำลังตามสืบมีเบื้องหลังที่มากกว่านั้น การค้ายาเสพติดเป็นเพียงหนึ่งในธุรกิจย่อยที่สร้างเม็ดเงินให้พวกมัน

   “ได้.. กลับหน่วยไปประชุมก่อน” ลำพังหัวหน้าชุดอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจที่จะจัดการในเรื่องที่เกินขอบเขตได้ หากเรื่องนี้มีความเป็นมาไม่ชอบมาพากลมากกว่าที่เขาคิด เราจะต้องยิ่งดำเนินการให้รัดกุมที่สุด นายตำรวจหนุ่มขอตัวไปอาบน้ำก่อน ส่วนเขารีบส่งข้อมูลไปให้ทางหน่วยเพื่อเตรียมประชุมวางแผนให้เร็วที่สุด

   “งานนี้ผมคงต้องให้พี่ช่วยแล้วล่ะ”

   “จะให้กูไปทำอะไรอีกล่ะ”

   “เข้าไปทำงานข้างในกับผม”

   นฤนารถพาเขากลับมาที่บ่อนเดิม คนคุมจำหน้านายตำรวจหนุ่มได้แม่นเพราะรู้ว่าคอยช่วยมาม่าซังดูแลอยู่ชั้นสองเขาจึงติดสอยห้อยตามเข้าไปได้อย่างสบายๆ สองขายาวก้าวขึ้นบันไดปูนสีขาว บรรยากาศชั้นสองให้อารมณ์แปลกๆจนเขาต้องนิ่วหน้า กลิ่นยาและเหล้าคละคลุ้มแรงกว่าด้านล่างเสียอีก นฤนารถพาเขาไปพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ในห้องรับรองแขกส่วนตัวที่ถูกประดับประดาราวกับเป็นโรงแรมชั้นดี เธอสวมชุดแนบเนื้อสีครีมอ่อน อวดสัดส่วนเว้าโค้งยั่วยวนสายตาชายหนุ่ม

   “พาผู้ช่วยคนใหม่มาแล้วหรือกิต”

   “นี่พี่เต็มครับ” เขาผายมือแนะนำนายทหารหนุ่มที่ใช้ชื่อแฝง มาม่าซังมองด้วยสายตาคมกริบก่อนจะยกมือเอื้อมหมายจะสัมผัสลูบไล้ แต่นายทหารหนุ่มเบี่ยงตัวหลบได้ทัน

   “ชั้นชื่อมาเรีย” หล่อนยิ้มหวาน “เป็นคนคุมชั้นสองของที่นี่”

   “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

   “จะมาร่วมงานกันนานหรือเปล่าล่ะ” ริมฝีปากแดงสดจุดยิ้ม “กำลังอยากได้ผู้ช่วยมาแก้ขัดพอดี”

   “ผมอยู่ได้นานเท่าที่คุณจะต้องการ” หรือในความหมายก็คือตราบเท่าที่เขาจะเก็บข้อมูลและสืบสาวจนเจอตัวการใหญ่ เขาอยู่ได้อีกนานเลยล่ะ

   “ปากหวาน” หล่อนหัวเราะใช้มือที่ทาเล็บสีแดงสดป้องปาก “มานั่งข้างๆนี่สิ” เขามองหน้าหนุ่มรุ่นน้องนายตำรวจหยุ่มพยักเพยิดไปทางมาม่าซัง เขาจึงเดินไปนั่งข้างๆ

   “หุ่นดีจังเลยน้า” มือบางลูบไล้ไปตามผิวสีน้ำผึ้งสวย

   “ปล่อยเถอะครับ” เขาปลดมือหญิงสาวออกอย่างมีมารยาท “ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัว”

   “ไม่สนใจหน่อยหรือ เล่นตัวจังเลยน้า” หล่อนยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปอีก ดวงตากลมโตส่งประกายระยิบระยับ ราวกับเจอของเล่นถูกใจ

   “ผมมีภรรยาแล้วครับ” 

   นายตำรวจหนุ่มที่ยืนฟังอยู่อยากจะโขกหัวตัวเองให้กะโหลกยุบ เห็นๆอยู่ว่ามาม่าซังถูกใจแล้วแท้ๆ หากเปลี่ยนใจแล้วไม่รับพวกเขาทำงานแผนก็พังหมดน่ะสิ นฤนารถก็พอรู้อยู่หรอกว่ารุ่นพี่ของเขาคนนี้เป็นคนที่เถรตรงมาก กระทั่งอยู่ในหน้าที่ก็ยังเกรงใจภรรยา ไม่ยอมแม้แต่จะใช้ร่างกายตัวเองเป็นข้อแลกเปลี่ยน

   หล่อนหัวเราะแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากหน้าท้องหนั่นแน่นที่เต็มไปซิกแพคนั่น สายตาฉ่ำหวานราวกับต้องการให้ตอบสนองทำเอาเขามองรุ่นพี่ไม่วางตาลุ้นว่าชลธีจะทำอะไร นายทหารหนุ่มจับมือหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะเลื่อนออก

   ดี ดี ดี ดี

    นฤนารถกรอกตาขึ้นฟ้า ขนาดผู้ชายอย่างเขาที่ใครก็เรียกว่าตายด้านยังรู้จักวิธีเข้าหาผู้หญิงเลย แต่ดูเหมือนผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วอย่างชลธีจะไม่ยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัวง่ายๆ บรรดาเด็กสาวต่างก็ชะเง้อคอมองเข้ามาในห้อง สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่กำลังคุยกับมาม่าซัง  ชลธีจัดเป็นผู้ชายหน้าตาดีอย่างจับตัวหาได้ยากจริงๆ ผู้ชายที่อายุยิ่งเยอะก็ยังมีเสน่ห์เป็นที่ถูกใจของบรรดาสาวน้อยทั้งนั้น

   “อย่าใจร้ายกันเลยค่ะ” หญิงสาวลูบไล้ไปตามอกแกร่ง “ที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก.. ใช่ไหมกิต”

   “ครับ ไม่มีเลย” นายตำรวจหนุ่มยิ้มพลางกอดอกทำท่าสบาย “พี่เต็มไม่ต้องห่วงหรอก คุณมาเรียดูแลดีมากๆเลยล่ะ” เว้นเสียแต่ว่าต้องหลบหลีกให้ได้ก็แล้วกัน

   “ขอบคุณนะครับ” ชลธีลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินมายืนข้างเขา

   “เริ่มงานกันเลยไหม”

   “ไม่มีปัญหา”

   เธอพาชลธีไปที่ห้องพักก่อนจะอธิบายงานต่างๆเท่าที่เขาเข้าใจคือการดูแลบรรดาเด็กสาวเพื่อจัดคิวในช่วงรับแขก ส่วนนฤนารถกลับไปทำหน้าที่ตามเดิมและจะผลัดมาช่วยเขา ชลธีขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นตารางรายชื่อและอายุ สะอิดสะเอียนกับวงการสีเทาที่ใช้ชีวิตมนุษย์เป็นของเล่น เขาพยักหน้าทำเป็นเข้าใจ อุปกรณ์อัดเสียงในกระเป๋ากางเกงที่เขาใช้เก็บข้อมูลยังทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ ที่นี่มีเด็กสาวเกือบร้อยคน ทั้งที่สมัครใจและถูกบังคับมา ชลธีไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนายทหารอย่างเขาจะได้ลองมาทำอะไรแบบนี้ เป็นแมงดาในซ่องอย่างที่เขาเคยเห็นในละครเนี่ยนะ เข้าเก็บข้อมูลบันทึกในความทรงจำ ข้อมูลที่ได้ทั้งหมดนอกเหนือจากค้ายาเสพติดจะถูกส่งไปยังหน่วยและขึ้นตรงต่อผู้บังคับบัญชาสูงสุดที่มีอำนาจหน้าที่ดูแล เขาได้แต่แจ้งกลับไปยังทีมที่กำลังรอคอยให้เขากลับไปที่หน่วย เขาจะพยายามใช้เวลาเก็บข้อมูลให้เร็วที่สุด

   “ฮึก.. ฮือ” เสียงร้องห่มร้องไห้ดังระงมออกมาจากห้องสุดท้าย เขาเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สองเท้าก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว เปิดประตูที่ล็อคกลอนเอาไว้แน่หนา “ช่วย.. ด้วย”

    กลิ่นเหม็นเน่าส่งกลิ่นออกมาจนเขาต้องยกมือปิดจมูก มันเน่าจนเขาต้องกลั้นหายใจ ภาพตรง
หน้าคือกองมนุษย์ที่นอนทับถมกันเต็มไปหมด โซ่ตรวนที่ข้อเท้าถูกมัดแน่นจนเห็นเป็นคราบเลือดเกาะเป็นทางยาว เด็กสาวแต่ละคนสภาพสะบักสะบอมร่องรอยความช้ำตามร่างกายทำให้เขานึกไปถึงคนรักที่กำลังบอบช้ำไปทั้งกาย ฉับพลันที่เขากำลังจะพุ่งตัวเข้าไปช่วยเด็กสาวเหล่านั้น เสียงก็ดังออกมาจากข้างนอก

   “ใครเข้าไปในห้องนี้วะ?” เขาชะงักกึก หันด้านหลังไปมองผู้ที่มาใหม่ มองหลุบพื้นไม่สบตาแล้วกระชับหมวกปีกกว้างให้แนบชิดใบหน้ามากขึ้น รองเท้าหนังสีดำก้าวเข้ามาตรงหน้าเขา เขาพงกหัวนอบน้อมแม้จะเผลอขบกรามแน่น “มึงเป็นเด็กใหม่ของมาเรีย?” เขาเงยหน้ากำลังจะตอบแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนตรงหน้าช่างมีใบหน้าเหมือนคนที่เขารู้จักนัก

   “ครับ”

   “ไม่มีความจำเป็นอะไรมึงก็ไม่ต้องเข้ามาที่นี่” ชายหนุ่มผมดอกสีเลาบอกกับเขาก่อนจะหันหลังเดินกลับไป เขานึกย้อนไปมาดึงช่วงเหตุการณ์ที่เกิดอะไรหลายอย่างขึ้นแล้วก็ต้องสะดุดกึก มือรีบล้วงกระเป๋าหาโทรศัพท์ที่หย่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ล้วงอยู่สักพักเจ้าเครื่องอัดเสียงเจ้ากรรมที่พกเอาไว้ดันลงมาแทน กลุ่มนักเลงที่กำลังเดินเข้ามาผลัดเวรเฝ้ามองเขาเขม็ง

   “เห้ย มึงทำเหี้ยอะไรวะ?” มันพุ่งเข้ามาจะหยิบของที่หล่นแต่เขาเตะออกไปอีกทาง พวกมันมองหน้าเขาอย่างสงสัย เริ่มสาวเท้าเข้ามาหาทีละคน เขามองอีกฝ่ายที่ตัวขนาดสูสีกับเขายังไม่เท่ากับมันมาเกือบสิบคน

   ทำไมซวยอย่างนี้วะ..
   


   TBC
   พี่หลามบู๊ๆๆๆ
   พายยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ ขออภัยแมะๆด้วยอยากรีบลงไวๆ ^^
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-02-2018 21:09:11
โดนจับได้ซะละมั้งงานนี้
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-02-2018 21:27:07
ลูกเมียรออยู่นะพี่
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 03-02-2018 22:09:26
อย่าโดนจับได้เลยนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-02-2018 22:20:32
หนูลินกับไทเกอร์รออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-02-2018 23:52:26
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-02-2018 09:20:10
ขอให้ปลอดภัยนะพี่ฉลาม
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-02-2018 11:27:47
พี่หลามสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-02-2018 12:22:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: pepo17 ที่ 08-02-2018 14:51:06
:sad4: โอ้ยๆๆๆ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 08-02-2018 16:10:51
พี่จะบู๊แล้ว
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๔] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๐๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 09-02-2018 21:38:07
พี่ฉลามให้น้องทำอะไรให้ดูเนี่ยยยย
ทะลึ่ง!!!

เอาแล้วววว จะบู๊แล้วมั้งเนี้ยยยย
สู้นะพี่ ลูกเมียรออยู่ (ตบไหล่)
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 10-02-2018 23:07:32
ตอนที่ ๒๕

   “มึง!!”

   “พวกมึงทำอะไรกันวะ นี่พี่กูเอง” นฤนารถได้ยินเสียงโวยวายเลยเอะใจผละออกจากงานที่ทำอยู่แล้วเดินขึ้นมาชั้นสองพอดี กลุ่มลูกน้องที่กำลังเดินตรวจตรากำลังปรี่เข้าไปหารุ่นพี่เขา

   “มึงไม่ได้บอกพี่มึงหรือว่าตรงนี้นายไม่ให้เข้ามายุ่ง” มันมองหน้าเขาแล้วชี้ไปที่ห้องด้านในสุด ห้องที่เขายังไม่เคยแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ “ทำตัวน่าสงสัย ระวังตัวไว้เหอะมึง” หัวโจกชี้หน้าใส่ชลธีก่อนจะเดินหันกลับไปประจำเวรยามตามที่เดิม เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเดินเข้าไปตบไหล่รุ่นพี่

   “พี่อย่าเพิ่งไปยุ่งกับพวกมันจะดีกว่า” นายตำรวจหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นไม่มีใครจึงพูดด้วยเสียงแผ่ว “เท่าที่ผมรู้มา อาทิตย์หน้าพวกมันจะนัดส่งของครั้งใหญ่ เราจะตามพวกมันไป” อุตส่าห์สวมรอยเข้ามาเป็นลูกน้องจนพวกมันตายใจได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้นเขาจะต้องถล่มรังของพวกมันให้ได้

   “แจ้งทีมของเราให้พร้อม เราจะรวบพวกมันให้หมด” ชลธีพูดเสียงเครียด คิ้วหนาขมวดแน่นเมื่อเห็นสภาพที่แท้จริงของบ่อนกาสิโน ทั้งยาเสพติดและขบวนการค้ามนุษย์

   “ส่งข่าวไปทางหน่วยด้วยแล้วกัน ผมไม่ไว้ใจพวกมันเลย” หากมีคนในเป็นสายจริงๆ พวกเขาต้องแย่แน่ เขาจะต้องกำจัดเชื้อร้ายออกไปให้เร็วที่สุด

   “ได้” เขารับคำ “มึงก็ระวังตัวด้วย ไม่มีใครไว้ใจได้ทั้งนั้น”

   “พี่ก็อย่าไปเผลอตัวเผลอใจให้คุณมาเรียก็แล้วกัน” นฤนารถยิ้มขำก่อนจะพูดทีเล่นทีจริง เห็นปานชีวันบอกว่าแฟนของชลธีน่ารักมาก เขาก็ชักอยากจะเห็นบ้างเหมือนกันว่าจะสักแค่ไหนกันเชียว ถึงทำให้นายทหารหนุ่มหัวหน้าทีมของเขายึดมั่นถือมั่นได้ขนาดนี้

   “ไม่มีทางว้อย!”

   เขาคุยกับนฤนารถได้สักครู่จนอีกฝ่ายขอตัวไปทำงานต่อ งานที่คอยบริการลูกค้า VIP ในการเข้ามาเล่นการพนันทำให้นายตำรวจหนุ่มดูจะช่ำชองเป็นพิเศษ ทำเอาลูกค้าติดใจกันเป็นทิวแถวไม่เว้นแม้แต่สาวๆชั้นสองที่มองตามกันตาละห้อย ชั้นสองดูเหมือนจะเงียบสงบมากขึ้นเมื่อบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ต่างพากันเข้าห้องไปแต่งตัวเพื่อเตรียมรับแขกในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาคว้าเครื่องอัดเสียงที่เตะกระเด็นไปอีกทางขึ้นมาเก็บ เมื่อเช็คว่าเครื่องไม่มีปัญหาอะไรจึงเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม ก่อนจะกลับเข้าห้องพักเพื่อเตรียมทำงานต่อไป เสียงตึงตังในห้องที่เขากำลังเดินผ่าน ทำให้เขาชะงักก่อนมองลอดเข้าไปในห้องที่กำลังเปิดประตูอ้ากว้าง ห้องที่ติดกันเรียงรายเหมือนเป็นที่อยู่ขนาดย่อมของบรรดาหญิงสาวที่ใช้เรือนร่างทำมาหากิน แม้จะมีเสียงอะไรลอดออกมาแต่ก็ไม่มีใครสนใจราวกับไม่ใช่เรื่องของตนเอง

   “ไม่ ปล่อยหนู!”

   “อีแพร ออกมานี่เดี๋ยวนี้”

   “ไม่!”

   “พี่ช่วยหนูด้วย!!” ชลธีเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กผมยาวประบ่าผิวขาวเหลืองกำลังสะบัดข้อมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม หลังจากเห็นเขาอยู่หน้าประตูเธอก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสงสาร เสียงกรีดร้องโหยหวนคร่ำครวญราวกับจะขาดใจ ภาพตรงหน้าทำเอาเขารู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย

   “คนใหม่ใช่ไหมน่ะเรา” หญิงสาวร่างบอบบางในชุดแนบเนื้อหันมามองเขา ก่อนจะกวักมือให้เขาเข้าไปใกล้ๆ “มาจัดการมันหน่อยซิ” หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขา ไม่สนใจเด็กผู้หญิงที่ลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นเลยสักนิด “อ้อ!อย่าทำมันแรงนะ คืนนี้แขกเขาจองมันไว้แล้ว”

   “คืนนี้?”

   “ใช่ เดี๋ยวเราก็พามันไปส่งด้วยเลยแล้วกัน” หญิงสาวส่งกุญแจห้องให้เขาแล้วกำชับเสียงหนักแน่น “แขกคนนี้ VIP ต้องไปตรงเวลาห้ามให้เสียเด็ดขาด เดี๋ยวชั้นฉจะให้คนมาช่วยแต่งตัวให้มัน”

   ปัง!!

   เสียงปิดประตูดังลั่นทำเอาเด็กหญิงสะดุ้งเฮือก ดวงตากลมโตบอบช้ำแดงก่ำผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเสมอเข่าขมุกขมอมเป็นรอยเปื้อนไปทั่ว เขาเดินเข้าไปใกล้ส่งมือเข้าไปสัมผัสร่างเล็กสั่นระริกก่อนเสียงร้องไห้ฮือจะดังขึ้นมาอีกระลอก

   “ไม่ต้องร้อง พี่ไม่ทำอะไรหนู”

   “ฮึก ฮือ อย่าทำหนูเลย” สองมือเล็กกระพุ่มมือไหว้เขาทั้งน้ำตา ภาพซ้อนคนรักทาบทับเข้ามาจนเขาเผลอขบกรามแน่น แค่คิดว่าหากคนที่เขารักต้องมาเผชิญสภาพแบบนี้ใจเขาคงไม่อาจทานทน “ปล่อยหนูไปเถอะนะ”

   “ไม่ต้องร้องแล้ว” เขาบอกเสียงแผ่วมือหนาลูบไปที่ศีรษะเล็กก่อนที่เจ้าตัวจะเงยหน้ามองด้วยสายตาตกตะลึงเสียงสะอื้นยังคงดังออกมาไม่หยุด

   “ฮึก.. ฮือ”

   “พี่ไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” เขาก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไร หากเป็นลูกชายเขาคงคว้ามากอดไปแล้ว

   “จริงหรือจ้ะ พี่ไม่โกหกหนูใช่ไหม”

   “ไม่โกหกแน่นอน” เขาลูบหัวเด็กหญิง “แต่เราบอกพี่ได้ไหมว่าเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

   “หนูไม่รู้ อยู่ดีๆก็มีคนเอาตัวหนูมา” เด็กหญิงส่ายหัว สองมือปาดน้ำมูกน้ำตามารวมกันจนเขาต้องใช้กระดาษทิชชู่ซับรอยเปื้อนทั่วใบหน้าออกให้หมด

   “พ่อกับแม่หนูรู้ไหม?”

   “หนูไม่มีพ่อกับแม่ หนูอยู่กับป้า” ตอบเขาเสร็จเด็กหญิงก็ทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ จนเขาต้องลูบหัวลูบหลังอยู่หลายครั้ง

   “ไม่ร้องนะครับคนดี”

   “หนู.. จะ ฮึก ไม่ร้อง” สองมือบอบบางนั่งกอดเข่าใบหน้าซุกลงไปส่งเสียงอู้อี้ “หนูกลัว”

   “หนูชื่ออะไรครับ?” เขานั่งลงข้างๆ “ไหนบอกพี่ได้ไหม?”

   “ชื่อแพรค่ะ”

   “อายุเท่าไหร่แล้วครับ”

   “สิบสามค่ะ.. ฮึก” เด็กหญิงปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มอีกรอบ ดวงตากลมจ้องเขาไม่วางตา “พี่จะช่วยหนูออกไปใช่ไหม”

   ชลธีเจอคำถามนี้เข้าไปเขาไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีแต่ที่แน่ๆเขาจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้แน่ ชายหนุ่มเอื้อมไปลูบหัวเด็กหญิงไปมาเพื่อให้หยุดร้อง เขาก็เป็นพ่อคนมีลูกชายหนึ่งคน หัวอกคนเป็นพ่อแม่ที่มีลูกไม่อาจจะยอมรับสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นตรงหน้าได้ ในหัวเขาคิดแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด คว้าโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงติดต่อหารุ่นน้องที่เพิ่งแยกจากกันได้ไม่นานนัก

   “ไอ้นารถ”

   “มีอะไรพี่”

   “กูมีเรื่องให้ช่วย” เขาเล่าสิ่งที่เขาเจอให้กับนายตำรวจหนุ่มฟัง ไม่ว่าเด็กคนนี้จะมาด้วยวิธีอะไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายเด็กบริสุทธิ์คนนี้แน่ นฤนารถส่งเสียงอืออาตอบรับเขาเหมือนไม่ตั้งใจฟัง คงจะอยู่ในที่ที่พูดมากไม่ได้นัก

   “พี่แน่ใจนะ”

   “กูจำเป็นต้องทำ”

   “พี่รู้ไหมว่าข้างในนั้นไม่ได้มีแค่เด็กผู้หญิงคนนั้นคนเดียว” นายตำรวจหนุ่มเตือนรุ่นพี่ด้วยความหวังดี “ถ้าพี่ช่วยเด็กคนนี้ พี่ก็ต้องช่วยทั้งหมด” เขาเองใช่ว่าจะไม่เข้าใจ.. ไม่สมควรมีผู้บริสุทธิ์คนไหนโดนทำร้ายทั้งนั้น

   “ทั้งหมดคงไม่ทัน.. แต่เด็กคนนั้นกูจะต้องไปส่งให้แขกวันนี้.. กูยอมไม่ได้นารถ” นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจพรูบีบขมับเพื่อคิดหาทางออก ข้างในมีการคุ้มกันแน่นหนากว่าที่คิดนัก ไอ้พวกที่จ้องจะเล่นงานพวกเขามันไม่ยอมปล่อยให้เขาไปยุ่งเกินหน้าที่แน่ๆ

   “พี่ใจเย็นๆก่อน” เขาไม่เคยเห็นรุ่นพี่คนนี้หลุดอาการโมโหมาก่อน แม้จะเจอกับสถานการณ์ไหนก็ตาม นฤนารถไม่แน่ใจว่ามีอะไรไปสะกิดความรู้สึกในใจของผู้พันหรือเปล่า

   “กูกำลังคิดอยู่”

   “พี่บุกไปคนเดียวไม่ได้แน่”

   “กูรู้” นายทหารหนุ่มรู้ทั้งรู้ว่ามันเสี่ยงขนาดไหนแต่เขาก็ไม่อยากปล่อยเด็กคนนี้เข้าไป “มึงติดต่อไอ้นัชให้กูที ให้มันเข้ามาที่นี่” นฤนารถแทบกุมขมับ ชลธีคงจะให้ธนัชมารับเอาเด็กผู้หญิงคนนั้นกลับไปส่งบ้าน ให้ตายเถอะ ชลธีไม่ยอมแพ้เลยจริงๆ 

   “ฟังผมก่อน.. ถ้าเด็กคนนั้นหายไป พี่ตายแน่” เขาย้ำอีกครั้ง “เจ๊มาเรียแล้วก็ไอ้บอสใหญ่มันไม่เอาพี่ไว้แน่”

   “ไม่ลองก็ไม่รู้”

   “งั้นพี่ก็โทรไปบอกลาเมียพี่ได้เลย!” นฤนารถขมวดคิ้วแน่นกดวางสายแล้วติดต่อนายทหารหนุ่มลูกน้องคนสนิทของชลธีทันที หวังว่าธนัชจะช่วยให้รุ่นพี่เขาใจเย็นลงได้บ้าง เขาคนเดียวตอนนี้ห้ามไม่อยู่แล้ว!

   เวลาล่วงเลยไปเกือบสองทุ่มครึ่งเขาพยายามสำรวจตามจุดต่างๆรอบทั้งตัวตึก แต่มีคนคุ้มกันหนาแน่นและตรวจตราตลอดเวลาจนเขาแทบจะไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหน ได้แต่คอยปลอบเด็กหญิงที่กำลังผวาอยู่ไม่หาย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ตั้งใจจะพาเด็กคนนี้หลบหนีออกไปจากขุมนรกนี้ให้ได้

   “อีแพร” ทันทีที่ประตูห้องเปิดร่างสมส่วนของหญิงสองคนก็เข้ามาในห้องเด็กหญิงโผเข้ากอดเขาทันทีเขาต้องทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่อยๆแกะมือเด็กออกช้าๆ “เงียบแล้วก็ดี ร้องแหกปากอยู่ได้นะมึง น่ารำคาญจะตายห่า” เธอนั่งหย่อนก้นลงข้างเขา ส่วนอีกคนที่ตามมาก็มานั่งขนาบข้างเขาอีกฝั่ง

   “อุ๊ย.. พี่ชื่ออะไรอะจ้ะ ไม่เคยหน้ามาก่อนเลย” หันไปมองหน้าคนที่มาช่วยแล้วก็ทำเสียงแง่งอน “พี่โบว์ไม่เห็นบอกชั้นเลยว่ามีพี่สุดหล่อคนนี้ด้วย”

   “อีนี่ ทำไมกูต้องบอกมึงด้วย” หล่อนหันไปด่ากันก่อนจะเบนสายตามามองเขาหยาดเยิ้ม

   “หนูชื่อกลอยนะจ้ะ พี่ล่ะ?”

   “ชื่อเต็ม”

   “พี่ชายพี่กิตแน่ๆเลย ชั้นเห็นเขาเม้ากันอยู่”

   “อีนี่ให้มันน้อยๆหน่อย แต่งหน้าให้อิเด็กบ้านี่ได้แล้ว” หล่อนคว้าเข้าที่ไหล่เล็กของเด็กหญิง ดวงตากลมเบิกโพลงพยายามกระเถิบถอยหนีจนชิดเข้าไปมุมห้อง ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างขอความช่วยเหลือ

   “มะ.. ไม่เอา”

   “น้องแพร อยู่เฉยๆก่อน” เขาเรียกให้เด็กหญิงอยู่เฉยๆให้ความร่วมมือไปก่อน แต่ดูเหมือนว่าความกลัวในใจของเด็กหญิงจะฝังแน่นลึกจนลืมอะไรที่เตรียมกันเอาไว้

   “ทีพวกกูพูดจนปากจะฉีกมึงไม่เคยจะฟัง พอผู้ชายพูดนิดพูดหน่อยฟังเขาเชียวนะ” หญิงสาวคนเดิมหันมาด่าใช้นิ้วจิ้มที่หัวเด็กหญิงจนเซไปอีกทาง “ฤทธิ์เยอะนักนะมึง”

   ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเด็กหญิงอยู่ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ต่อไปเป็นหน้าที่ที่เขาจะต้องพาเด็กไปส่งให้กับแขกตามเวลาที่กำหนดเอาไว้คืออีกครึ่งชั่วโมง หญิงสาวส่งกุญแจห้องให้เขาและบอกทางลัดที่จะเดินออกจากชั้นนี้โดยที่ไม่มีคนเห็น

   “ได้” เขามองกุญแจบนฝ่ามือ ท่องจำเลขห้องได้ขึ้นใจ “ต้องให้ไปรับกลับมาไหม”

   “ไม่ต้องไปรับมันหรอก คงจะสว่างโน่นแหละ”

   “เสร็จงานแล้วพี่ไปไหนหรือเปล่า ชั้นอยากจะชวนพี่ไปทานข้าวด้วยกันสักหน่อย” หญิงสาวที่ชื่อกลอยหันมายิ้มหวานให้ เขาได้แต่ส่ายหน้า

   “พี่ไม่ว่างหรอก ต้องไปช่วยงานไอ้กิตต่อน่ะ”

   “หูย เสียดายอะ นานๆทีจะมีผู้ชายหน้าตาหล่อๆโทนอบอุ่นมาบ้าง ที่นี่มีแต่หน้าโจรทั้งนั้น เสียลูกตาชะมัด” หล่อนบ่นเสียงอุบก่อนจะส่งสายหวานเชื่อมให้เขาอีกครั้ง

   “พอเลย อิกลอยไปทำงานต่อได้แล้ว” 

   “โถ่ เจ๊ ขออ่อยผู้ชายหน่อยก็ไม่ได้อะ” หล่อนทำท่าสะบัดสะบิ้งก่อนจะเดินเชิดไปอีกทาง 

   “อย่างมึงต้องไอ้พวกข้างล่างโน่น.. ไป๊” โบว์หันมามองหน้าเขาก่อนจะเดินออกจากห้องตามกลอยไป หลังจากที่ออกไปกันจนหมดแล้ว เขาก็หันมาหาเด็กหญิงที่ขอบตาแดงก่ำทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ สองมือขยุ้มเสื้อเขาไว้แน่น

   “ฮือ.. หนูกลัว”

   “ไม่ต้องกลัวพี่อยู่ตรงนี้แล้ว”

   “พี่จะไม่พาหนูไปใช่ไหม”

   “ฟังพี่นะแพร พี่จะพาหนูไป” ทันที่เขาพูดจบเด็กหญิงก็ถอยห่างจากเขา

        "ไม่เอา.. หนูไม่ไป" เด็กสาวร้องตะโกนพยายามจะวิ่งหนีจากเขา แม้ว่าเขาจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง ได้แต่หันมาทุบมาตีเขาปากก็พร่ำพูดไม่หยุด "พี่ใจร้าย"

     "ไม่เชื่อใจพี่หรือ"

     "หนูกลัว.. พี่สาวคนก่อนก็พูดแบบนี้ แล้วเขาก็ไม่กลับมาหาหนูอีกเลย"

     "แต่พี่ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน เชื่อใจพี่นะครับ"

     "จริงนะๆ" เด็กสาวยกมือเกี่ยวก้อยสัญญาเขาจึงจูงมือพาเด็กหญิงหาทางออกจากตัวตึกไป ระหว่างทางที่เขาไปนั้นไม่มีใครผ่านมาสักคนราวกับถูกตระเตรียมไว้โดยเฉพาะ ลัดเลาะไปตามทางได้สักพัก ชายหนุ่มสังเกตสองฟากฝั่งของทางเดินเป็นทางยาวเชื่อมไปยังห้องพักบรรยากาศคล้ายโรงแรม ชลธีมองดูลาดเลาก่อนจะส่งสัญญาณให้กับลูกน้องที่ซุ่มรออยู่.. สุดท้ายนฤนารถก็ต้องตามใจหัวหน้าทีมอย่างเขาด้วยการติดต่อธนัชให้ ชลธีหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กที่เขาซ่อนเอาไว้ขึ้นมาติดต่อ

    "กูจะไปรอที่ห้อง A45"

    "รับทราบ"

“งานนี้อย่าชักช้านะมึง”

“ทราบ!” ตกลงกับทีมที่เตรียมพร้อมรออยู่เรียบร้อยแล้ว เขาก็จัดการทิ้งโทรศัพท์แล้วพาเด็กหญิงไปตามหมายเลขห้องที่ได้รับกุญแจมา ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสี่ห้องอยู่ด้านในสุด เขาเคาะประตูอยู่สองสามทีก่อนจะถือวิสาสะไขกุญแจเข้าไป ความเย็นจากแอร์สะท้อนออกมาทันทีที่เปิดประตูออก ไฟในห้องมืดสลัวมีเพียงทีวีเปิดไว้เท่านั้น เขาหรี่ตามองเมื่อสังเกตว่าในห้องไม่ได้มีคนอยู่เพียงแค่คนเดียว กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่วห้องดูจากสภาพแล้วคงจะมีปาร์ตี้กันมาแน่ เด็กหญิงหลบอยู่ด้านหลังเขาเกาะกุมเสื้อเขาแน่น

“มาแล้วหรือ” เมื่อเจ้าของห้องเห็นผู้มาใหม่จึงเปิดไฟให้สว่างทั่วห้อง เขาเห็นชายหนุ่มสูงวัยสวมชุดคลุมอาบน้ำ ใบหน้าที่คุ้นเคยเหมือนเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว

“ครับ.. ท่าน” ชลธีเบิกตาโพลงเมื่อชายหนุ่มสูงวัยที่เดินเข้ามาหาเขาคือ.. นายทหารชั้นสูงที่เขาเคารพยิ่งและเคยมีศักดิ์เป็นถึงพ่อตาของเขา

พ่อของเกศรา..

(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 10-02-2018 23:12:26
(ต่อจากด้านบน)



ชลธีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะปรับสีหน้าให้เหมือนเดิมหมวกปีกกว้างที่บดบังใบหน้าไปกว่าครึ่งทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ทันได้สังเกตมากนัก ไหนจะหนวดรกครึ้มและผมเผ้าที่ยาวทำให้กัมพลจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่เสียงและท่าทางของกัมพลที่เขาเห็นเมื่อครู่คงจะดื่มเหล้าไปมากไม่มีสติสัมปชัญญะเท่ากับตอนปกติ



“มาส่งแล้วมึงก็กลับไปได้ละ” เขาหันไปมองชายสูงวัยอีกคนที่นั่งจิบเหล้าอยู่บนโซฟา ในมือถือแก้วไวน์ทรงสูงยกจิบ เรือนร่างสมส่วนบึกบึนแม้ใบหน้าจะมีร่องรอยแห่งอายุ แต่สายตายังเฉียบคมราวกับเหยี่ยวจ้องมองเขาราวกับประเมินอยู่ ถ้าเขาจำไม่ผิดชายตรงหน้าคือคนที่เขาเคยเจอในห้องนั้นไม่ผิดแน่



“ฮึก.. ฮือ”



“ชู่ว” เขาหันไปหาเด็กหญิงที่เริ่มตื่นตกใจ



“หนูกลัว”



“ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกลัว” เขาหันไปบอก ทำทีว่ากำลังดุเด็กหญิงให้เงียบซะ “คุณมาเรียฝากเรื่องมาบอกนายน่ะครับ เลยอยากจะแจ้งให้นายทราบ”



“เด็กใหม่หรือวะไม่เคยเห็นหน้า”



“ครับ งั้นผมขอคุยกับท่านสักครู่นะครับ” เขาเข้าไปใกล้ค่อยๆ รินไวน์ใส่แก้วทรงสูง พยายามจะถ่วงเวลาจนกว่าทีมที่เขาได้เตรียมเอาไว้จะพร้อมบุก เขาต้องแสดงละครให้แนบเนียนที่สุดเพื่อให้เหยื่อตายใจ แต่ถ้าหากเขาเข้ามารวบพวกมันตอนนี้นอกจากพวกมันจะรู้ว่าพวกเขาแฝงตัวเข้ามา เขายังไม่ได้หลักฐานที่แน่ชัดที่จะเอาผิดพวกมันได้เลย เพราะฉะนั้นเขาจะต้องใช้แผนครั้งนี้เป็นการเดิมพัน เขาส่งสายตาให้เด็กหญิงเข้าไปหลบในห้องนอนก่อน แล้วจึงเปิดปากถาม



“คุณมาเรียเธออยากเจอท่านเป็นการส่วนตัวเลยให้ผมมาแจ้งท่านน่ะครับ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ไอ้เรื่องที่บอกไปน่ะโกหกทั้งเพ ไม่หาเรื่องอยู่คงได้โดนไล่ออกจากห้อง พอได้ยินชื่อหญิงสาวคนสวยเจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมก็กระตุกยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะรับแก้วไวน์จากเขาไปดื่ม



“เมื่อไหร่ก็คุยได้ทั้งนั้น ไม่เห็นต้องให้คนมาบอกเลย”



“ไปทำอะไรให้งอนอีกหรือเปล่าล่ะ” กัมพลถามก่อนจะหัวเราะขำ กระดกแก้วเหล้าที่เขาชงให้เมื่อครู่ขึ้นดื่ม



“คงเป็นเรื่องที่กูไม่ได้ไปนอนด้วยหลายอาทิตย์แล้วล่ะ”



“มึงนี่น้ำยาดีจริงๆ ไอ้ตรี”



“กูกับมึงก็พอกันนั่นแหละ” เขานั่งฟังไปเรื่อยสองมือก็รินเหล้าให้ไม่หยุด ดูท่าจะคอแข็งไม่เบา กัมพลที่เขารู้จักเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มีแต่คนนับหน้าถือตา และเคยเป็นผู้บังคับบัญชาสมัยที่เขายังประจำอยู่ที่หน่วยเก่าและนั่นทำให้เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดเกศราถึงขั้นคบหาและได้แต่งงานด้วยกันในที่สุด เขาไม่คิดเลยว่าอดีตพ่อตาที่เขาเคยเคารพนับถือจะมีพฤติกรรมน่ารังเกียจขนาดนี้



เขานั่งฟังโดยทำเป็นไม่รู้เรื่องสิ่งที่ทั้งสองคนพูดเลยสักนิด จับใจความได้ว่าหุ้นส่วนที่กำลังลงทุนในเรื่องของการผลิตยาเสพติด กัมพลเป็นคนช่วยออกค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีอิทธิพลที่นี่นั่นก็คือคนที่อยู่ข้างเขาในตอนนี้ เขากำหมัดแน่นรู้สึกเห็นจุดไต้ตำตอ การทำภารกิจที่แล้วมาพลาดท่าและสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อยไม่ใช่เพราะเราไม่มีความสามารถแต่เป็นเพราะมีคนทรยศที่รู้ทางหนีทีไล่และแผนต่างๆ ของเขาเป็นอย่างดี เขาผิดหวังเหลือเกิน สิ่งยั่วยุเช่นเงินตรามันทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรือ เห็นทีที่เขาบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นมันคงจะเป็นจริง



เขายังไม่ทันได้ชำระความกับภรรยาเก่าเรื่องที่ทำร้ายคนรักเขาเสียด้วยซ้ำ ยิ่งคิดอารมณ์ไม่พอใจก็ตีตื้นขึ้นมาทันที เขาไม่อยากทำร้ายผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของลูก เพราะเขายังให้เกียรติเกศราเช่นเดิม แต่สิ่งที่เกศราทำเหมือนตบหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปจากชีวิตเขาสักที!



กัมพลพูดถึงเรื่องหุ้นส่วนอีกครั้งและนัดหมายตกลงกันว่าจะส่งของที่ไหนอย่างไร รวมไปถึงแผนตบตาหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เขาเป็นหัวหน้าทีมว่าจะทำอย่างไร



“เรื่องจัดการน่ะไม่ยากหรอก พวกมันไม่มีทางรู้แน่ว่าใครเป็นสายให้พวกเรา”



“ถ้าจับได้ก็คงจับไปนานแล้ว คราวนี้ต้องใช้เงินเท่าไหร่ล่ะ ไอ้พล”



“ขอไม่มากว่ะ เพื่อนกัน รับรองกูจะปิดปากเงียบสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”



เขาเอื้อมไปจับเครื่องบันทึกเสียงที่พกเอาไว้มันยังคงทำงานอยู่ เสียงฝีเท้าเดินบริเวณหน้าห้อง เขาจึงขอตัวทำทีไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดประตูห้อง เปิดแง้มเล็กน้อยจึงเห็นธนัชในชุดบริกรเต็มยศกำลังยิ้มแผล่ให้เขา



“จัดเลยไหมครับ”



“ทำไมมึงมาคนเดียววะ”



“พี่นารถรออยู่ข้างล่าง ให้ผมมาคนเดียว” นายทหารหนุ่มยักไหล่ “แค่นี้ก็เอาอยู่” ว่าแล้วมันก็ทำหน้ายิ้มแป้นเข็นรถใส่เครื่องดื่มเข้ามาเพิ่มเติมก่อนจะออกไปก็จะสายตาให้เขาปริบๆ แล้วยื่นปืนพกสีดำมะเมื่อมไว้ให้เขาใช้พกติดตัว เขาส่ายหน้าเพราะไม่ต้องการพกอาวุธอะไรให้มีพิรุธอะไร เขายังต้องแสดงละครเป็นเด็กใหม่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น



เขาจัดแจงบริการเหมือนอย่างเคยจนกระทั่งเหล้าดีกรีแรงที่ธนัชเป็นเอาเข้ามาให้ทำให้คนคอแข็งเริ่มจะไม่ไหวค่อยๆ ล้มลงนอนคอพับคออ่อนไปกับโซฟา เขาถอดหมวดโยนลงกับพื้นเมื่อเห็นว่าพวกมันไม่มีทางจะโงหัวตื่นขึ้นมาได้ในตอนนี้ จัดการถ่ายรูปและปั๊มรอยนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน ธนัชเข้ามาค้นข้อมูลก่อนจะจัดแจงส่งให้หน่วยแต่ก็โดนชลธีห้ามเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าใครบ้างที่เป็นสายให้กับขบวนการนี้ และความจริงที่น่าตกใจก็ปรากฎเมื่อมันคือ ชาตรี ก้องกัลป์ ผู้ร่วมหุ้นรายใหญ่ของบริษัทบิ้กเบิ้มในไทย เดาได้ไม่ยากว่าพวกมันเอาเงินสกปรกมาฟอกผ่านธุรกิจที่ถูกกฎหมายไปมากมาย ส่วนกัมพลอดีตพ่อตาเขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป คนที่กระทำความผิดจะต้องได้รับโทษ



“แล้วจะเอายังไงต่อดี”



“อย่าเพิ่งบอกใครทั้งนั้น”



“ไม่บอก แล้วเราจะบุกไปกันเองหรือ” ธนัชได้ยินมาว่าพวกมันมีอาวุธสงครามในครอบครองเพราะมีนายหทารคอยหนุนหลัง ยิ่งไม่มีใครเอาผิดได้ก็ยิ่งเหิมเกริมมากขึ้นไปใหญ่ เขาไม่อยากจะนึกสภาพเลยว่าหากไปกันทั้งทีมเกือบสิบคนอาวุธที่เขามีอยู่จะจัดการได้หรือเปล่า ครั้นจะแจ้งทางหน่วยก็ยิ่งอันตราย เพราะฉะนั้นเขาจะต้องมั่นใจว่ามีคนที่ไว้ใจได้เสียก่อน



“มันต้องมีทางออกสิ”



“ผมไม่ให้พี่ไปคนเดียวแน่”



“กูก็ไม่ไปคนเดียวหรอก กูต้องกลับไปหาลูกหาเมีย”



“นึกว่าจะโชว์เท่ ลุยเดี่ยวซะแล้ว” เขาหรี่ตามองหัวหน้า “เห็นพี่นารถบ่นใหญ่ ว่าพี่ชอบนอกแผนจนทุกคนหัวปั่นไปหมด แค่เด็กคนเดียวจะทำให้แผนเสียไปหมด”



“กูรู้น่าว่าทำอะไรอยู่”



“ทุกคนเขาก็เปนห่วงพี่กันทั้งนั้น” ธนัชเองก็เป็นห่วงรุ่นพี่อยู่ไม่น้อย “คิดถึงคนข้างหลังบ้างนะพี่..”

“กูรู้” เขาเผลอคิดถึงคนรักที่กำลังรออยู่และเขายังมีลูกชายวัยสี่ขวบที่กำลังน่ารักน่าชัง ใครมันจะไม่อยากใช้ชีวิตกับครอบครัวล่ะ แต่หน้าที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาก่อน..



“เสร็จธุระแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ” ธนัชบอกชายหนุ่ม “พี่ซูบมากกว่าเดิมอีกนะ” อย่าว่าแต่ลูกน้องทักเลย เขาวิดีโอคอลกับลูกเป็ดก็ยังเป็นห่วงเขาเสียยกใหญ่ พูดแล้วก็คิดถึงอยากกลับไปกอดให้ชื่นใจเหลือเกิน



“มึงเคลียร์ตรงนี้ให้กูด้วยแล้วกัน”



“ได้พี่ พวกผมอยู่ข้างนอกกันไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงตัวเองเถอะ”



“เป็นน้องกูหรือเป็นแม่กูเนี่ยหา ไอ้นัช”



“ฮ่าๆ” เขาคงไม่ขอบอกว่าโดนปานชีวันจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องดูแลชลธี ตั้งแต่ที่รุ่นน้องไปช่วยดูแลภรรยาผู้พัน ดูท่าว่าจะติดฝ่ายนั้นแจเปลี่ยนข้างไปอย่างสิ้นเชิง เขาชักจะหมั่นไส้มันจริงๆ



“กูฝากด้วยนะ” เขาบอกรุ่นน้อง คว้าโทรศัพท์มือถือส่วนตัวขึ้นมาส่งข้อความหาเด็กหนุ่มที่ป่านนี้คงจะนอนหลับปุ๋ยกับลูกชายไปแล้ว



คิดถึงนะครับ..



ข้อความที่ส่งหากันในวันที่ห่างไกลแม้มันจะไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกอ้างว้างลดลงแต่ก็ช่วยบรรเทาความคิดถึงในใจที่มีให้กันได้ เขาหวังว่าจะได้เจอกับคนรักในเร็ววัน การอยู่ห่างไกลมันช่างทรมานเหลือเกิน



ชลธีให้ธนัชพาเด็กหญิงข้ามฝั่งไปที่ไทยเพื่อดำเนินการช่วยเหลือติดตามครอบครัว ส่วนนฤนารถก็ตระเตรียมหญิงสาวหน้าตาสะสวย ยังดูอ่อนเยาว์ให้สลับเข้ามาแทนโดยมีเขาเป็นคนจัดท่าทางให้เรียบร้อย ในเมื่อเขายังไม่ได้หลักฐานสำคัญที่จะมัดตัวนักธุรกิจรายใหญ่คนนี้ก็อย่าหวังว่าเขาจะยอมปล่อยไปโดยง่าย กุญแจต่างๆ ที่เขาค้นได้ก็ให้นฤนารถนำไปจัดการปั๊มให้เรียบร้อย ฤทธิ์ยาที่ผสมไว้ในเหล้าทำให้พวกมันจะฟื้นอีกทีคงจะปาไปเที่ยงของอีกวัน และจะจำเหตุการณ์ในช่วงเวลาก่อนที่จะหลับไม่ได้



ทุกอย่างผ่านไปเรียบร้อยเขายังได้กลับไปทำงานปกติได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะเกิดคำถามว่าเด็กหญิงคนนั้นหายไปไหนแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้และไม่กล้าทวงถามนายใหญ่ได้



ชลธีได้ทำงานคลุกคลีอยู่ในบ่อนอยู่หลายอาทิตย์ แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการแต่เขาก็จับสังเกตได้ว่าลูกน้องของนายใหญ่กำลังยุ่งวุ่นวายกันขนาดไหน บรรดานักท่องเที่ยวที่เข้ามาเสี่ยงโชคและต้องกลับไปมือเปล่ามีเข้ามาได้ทุกวัน บางคนขอกู้ยืมเงินของบ่อนมาเล่นต่อก็จะถูกทำสัญญาและยึดทรัพย์สินจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เขาเริ่มได้ข้อมูลมากขึ้นและรอคอยวันเวลาที่พวกมันจะเริ่มขนย้ายสินค้าเข้าประเทศไทย



“วันพรุ่งนี้ที่บ่อนปิดนะจ๊ะ พี่จะไปเที่ยวไหนหรือเปล่า” กลอยเด็กสาวหน้าตาสะสวยที่ชอบเข้ามาพูดคุยกับเขาเสมอ เธอเล่าให้ฟังเพียงว่าลุงของเธอขายเธอให้กับมาเรียได้สามปีแล้ว “เนี่ย เขาจะข้ามฝั่งไปที่ไทยกัน พี่เต็มไปกับพวกชั้นหรือเปล่าจ๊ะ”



“ทำไมถึงปิดล่ะ”



“ก็มีงานข้างนอกน่ะจ้ะ เห็นเขามาว่าอย่างนั้น”



“แล้วหยุดบ่อยไหม พี่มาทำงานตั้งนานไม่เคยจะมีวันหยุด”



“เดือนละครั้งนะจ๊ะพี่”



“เขาไปทำอะไรกันหรือ พวกนั้น” พยักพเยิดไปอีกทางที่มีกลุ่มชายนั่งสุมหัวคุยอะไรกันสักอย่าง



“ไปช่วยทำงานน่ะจ้ะพี่ พี่ก็อยากไปทำหรือจ๊ะ เห็นว่าเงินดีนะ”



“พี่สนใจอยู่เหมือนกัน”



“ชั้นไปคุยให้ไหมจ๊ะพี่ พวกนั้นชั้นก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง”



“ขอบคุณมากนะกลอย”



“จ้ะ”



เขาส่งยิ้มให้หญิงสาว แม้ใครจะดูออกว่าเธอชอบเขามากขนาดไหนเขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีมากไปกว่าคนรู้จักเลยสักครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้เข้าร่วมกับพวกมันในการขนส่งของ ส่วนนฤนารถคอยส่งข่าวให้ธนัชและทีมทุกวัน แม้ข่าวจะยังไม่ถูกส่งไปถึงหน่วยแต่เขาก็ได้เตรียมลูกน้องฝีมือดีที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนัก และพร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือ



“ข่าวมาว่าอีกสองวันมันจะขนของไปส่งที่ชายแดน”



“เราจะต้องบอกทางหน่วยเพื่อขอกำลังเสริมนะครับ”



“กูมีคนที่พอจะไว้ใจได้ มึงไปแจ้งข่าวแล้วไปเจอกันที่นี่เวลานี้” ข่าวนี้จะต้องไปถึงอย่างรอบคอบที่สุด “แบ่งทีมของเราไว้เสริมด้วย เพราะว่าวันนั้นมันจะไม่ได้มีเพียงยาเสพติดอย่างเดียว”



เพราะมันยังมีอาวุธสงคราม..



“ครับ ผมจะจัดการตามแผนของเรา” ธนัชรับคำ “ยังไงพี่ก็ระวังตัวด้วยนะครับ”



“ไอ้นารถไปด้วย กูจะระวังตัว”



“พวกเราจะรอไปที่จุดนัดพบนะครับ”



“ตกลงตามนี้”



นายทหารหนุ่มติดตามกลุ่มที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการขนส่งสินค้า เขาเข้าไปช่วยขนลำเลียงของขึ้นรถ ทั้งหมดเป็นลังไม้ขนาดใหญ่ถูกวางเรียงซ้อนกัน ราวกับลังใส่ผลไม้ ไม่มีกลิ่นไม่มีความผิดปกติใดๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาหากเราจะเห็นรถขนสินค้าวิ่งเข้าออก อาจจะถูกตรวจจากเจ้าหน้าที่บ้างเพราะปัญหาแรงงานข้ามชาติที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายจะต้องถูกส่งกลับประเทศ แต่หากหลบซ่อนดีๆ ก็ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะตรวจตามเจอ เขาช่วยพวกมันขนโดยไม่มีปริปากบ่น แม้เหงื่อจะเริ่มไหลตามขมับจนเสื้อเปียกชุ่ม



“หน่วยก้านดีนะมึง”



“ขอบคุณครับ”



“เสร็จทางนี้ก็ไปทางนู้นต่อ งานของมึง.. คุณมาเรียเขาฝากมา” เขาทำหน้าเหลอหลาอยู่สักพักก็เข้าใจ เมื่อเห็นกลุ่มหญิงสาวที่กำลังยืนออกันอยู่ สายตาหนุ่มๆ วัยฉกรรจ์จ้องมองด้วยตาหื่นกระหาย เขาผุดลุกขึ้นใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่คล้องคอซับเหงือที่เปียกโชกจนแห้ง แล้วเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนมองเขาอยู่.. มาเรีย



ข่าวที่เขาได้ข้อมูล เธอเป็นคนไทยและเป็นภรรยาลับของนายใหญ่ที่ขอเข้ามาช่วยงานเนื่องจากภรรยาหลวงอยู่ที่กรุงเทพในเมื่อเธอไม่สามารถจะอยู่อย่างเชิดหน้าชูตาได้ เธอก็เลยขอมาช่วยงานที่นี่ และคัดเลือกหญิงสาวเข้าไปทำงานในประเทศไทย ผู้ชายทุกคนที่เธอเลือกเข้ามาเป็นลูกน้องล้วนแต่ต้องผ่านมือเธอมาแล้วทั้งนั้น ยกเส้นเสียแต่เขาคนหนึ่งที่หาทางหลบหนีได้อยู่เรื่อยไป



“เหนื่อยหน่อยนะเต็ม”



“ไม่เป็นไรครับคุณมาเรีย มันเป็นงานที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”



“กลัวเหนื่อยแล้วจะไม่ยอมทำงานกับชั้นต่อน่ะสิ”



“ผมอยู่กับคุณอยู่แล้วล่ะครับ”



“ปากหวานจริงๆ ผู้ชายคนนี้” หล่อนกรีดนิ้วที่ทาเล็บสีแดงสดไล้ตรงช่วงอกเขาผ่านหน้าท้องแข็งแล้ววนไปมาเหมือนอยากจะสำรวจเสียเต็มประดา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยวนเวียนอยู่บริเวณเขาเมื่อเจ้าหล่อนเข้ามาแนบชิดใกล้โดยไม่กังวลสายตาของใครที่มองมาเลยสักนิด “พรุ่งนี้ฝากช่วยดูแลเด็กๆ ไปส่งถึงที่หน่อยนะ เสร็จแล้วกลับมาเอารางวัลจากชั้นแล้วกัน”



“ครับ” เขาพยักหน้ารับ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลของหญิงสาวฉายแววพอใจอย่างปิดไม่มิด บรรดาลูกน้องที่ช่วยกันขนของเมื่อครู่เดินเข้ามากอดคอเขากันใหญ่



“ลาภปากของเอ็งจริงๆ ไอ้เต็ม!” เขาจุดยิ้มที่มุมปากไม่ได้เอ่ยอะไรมากนัก เห็นทุกคนเริ่มไว้ใจเขามากขึ้น นายทหารหนุ่มจึงขออยู่กินข้าวและก๊งเหล้าสักพัก จึงขอตัวกลับห้องไปพักผ่อน



ชลธีถึงห้องก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดคอลหาคนรัก เวลาปาไปช่วงสามทุ่มครึ่งแล้วตอนนี้น่าจะดูทีวีอยู่กับลูกชายหรือไม่ก็กำลังทำการบ้าน เขารอสายอยู่ไม่นาน เจ้าลูกเป็ดก็กดรับพร้อมเสียงร้องเพลงของลูกชายที่ดังแว่วเข้ามา



“พี่ฉลาม.. ว่างแล้วหรือครับ”



“อื้อ คิดถึงชะมัดเลย”



“เปิดกล้องได้ไหม ลูกอยากคุยด้วยน่ะครับ” คิดถึงสภาพเขาตอนนี้ไทเกอร์เห็นคงจะตกใจมากกว่า แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าเมียกับลูกชายก็เถอะ



“เดี๋ยวไทเกอร์จะตกใจ”



“งั้นเดี๋ยวลินท์ถ่ายรูปส่งไปให้นะ”



“ถ่ายมาเยอะๆ เลย พี่ชอบดู”



“พี่ก็เอามาแลกกันสิ”



“ถ่ายได้แต่อย่างอื่นนะ ลินท์จะดูไหม”



“อะไรอะครับ ถ้าพี่ทะลึ่งลินท์วางสายจริงๆ ด้วย” เขาหลุดหัวเราะขำเมื่อได้ยินเสียงลูกเป็ดขู่ฟ่อ นึกสภาพตอนนี้คงจะพองแก้มใหญ่แล้ว น่าแกล้งจริงๆ



“โธ่ พี่ไม่แกล้งแล้วครับ”



“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่”



“ใกล้แล้วล่ะลินท์ พี่ก็อยากกลับไปหาลินท์จะแย่แล้วเหมือนกัน” เขาหยอกล้อคนรัก ทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนอีกฝั่งเงียบไป “อ้าว หายไปไหนแล้ว”



“งื้อออออ ดีใจ” เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องแทบจะวิ่งไขโยไปรอบห้องเมื่อได้ยินว่าใกล้จะได้เจอกัน เกือบห้าเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เจอชลธีเลยสำหรับคนอื่นมันอาจเป็นเวลาที่ไม่นาน แต่สำหรับเขามันช่างยาวนานยิ่งกว่าการรอคอยอะไรทั้งหมด



“พี่รักลินท์นะ” เขากระซิบเสียงแผ่ว “ได้เวลาพาภรรยาไปถอยแหวนวงใหม่แล้ว”



“ฮื่อ ลินท์ก็รักพี่เหมือนกันครับ.. ลินท์กับลูกรอพี่อยู่นะ” แค่ได้ยิน.. ความเหนื่อยล้าความเครียดและความกดดันต่างๆ ของการทำงานแทบจะมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง



“ขอบคุณนะครับ”



สำหรับความรักที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก



- - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - - - -



ช่วงเวลาเกือบเที่ยงคืนของอีกวัน หลังจากที่ขนย้ายของกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาที่จะต้องขนย้ายสินค้าไปจุดหมาย นายทหารหนุ่มนั่งอยู่บนรถบรรทุกคันใหญ่ที่กำลังแล่นผ่านถนน เส้นทางที่รถจำนวนหลายสิบคันกำลังตรงไปคือเส้นทางที่เป็นทางผ่านในการข้ามพรมแดนประเทศ เขาให้นฤนารถติดต่อกับทีมเพื่อนัดรอกันที่จุดนัดพบ แม้จะทำเหมือนทุกอย่างปกติแต่เขาก็อดรู้สึกตึงเครียดไม่ได้ เกือบสองชั่วโมงที่เดินทางจนสองข้างทางที่มืดสนิทไม่สามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่อง แสงไฟเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ จนต้องหยิบไฟฉายเพื่อใช้ในการมองเห็น



“เสียงดังจริงๆ กูบอกให้เงียบ!”



“ฮึก.. ฮือ”



“อยากตายตรงนี้ก็ร้อง กูจะยิงแม่งให้หมด!”



เขาหันไปมองรถอีกคันที่กำลังตามมาติดๆ เป็นรถที่ขนหญิงสาวมาเต็มคันรถเพื่อจะส่งไปขายต่อในภูมิภาคต่างๆ เขาจ้องเขม็งพยายามจดจำหน้าตาของพวกมันเอาไว้ หากเขาได้เวลารวบตัวเมื่อไหร่พวกมันไม่มีทางรอดแน่ อีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มขนย้ายสินค้าและกระจายออกไปตามเส้นทางต่างๆ ใกล้จะถึงจุดนัดพบของเขาเป็นจังหวะที่พวกมันจะจอดรถพักพอดี เขาลงจากรถทำทีไปพูดคุยกับพวกมัน นายตำรวจหนุ่มก็ติดตามมาส่งสัญญาณให้เขาปลีกตัวออกมายังจุดนัดพบ รอบด้านมีแต่ต้นไม้ขึ้นสูง เดาได้ว่าเริ่มจะเข้าสู่เส้นทางธรรมชาติแล้ว



“เรียบร้อยไหมวะ”



“เรียบร้อยแล้วพี่ ผมแจ้งกับคนที่หน่วยที่พอจะไว้ใจได้แล้ว กำลังเสริมกำลังจะตามมา”



“กูจะเข้าไปเอาพวกผู้หญิงออกมา เตรียมคนมาแล้วใช่ไหม” ธนัชอยู่ในชุดลายพรางเต็มยศและรองเท้าคอมแบท หมวกถูกสวมเข้าอย่างแน่นหนา เขาพยักหน้าให้รุ่นพี่ก่อนจะหันไปเรียกทีมที่เหลือให้เตรียมตัว



“ดี!” ชลธีกลับเข้าไปในกลุ่มอีกครั้ง ตรงไปยังรถที่มีแต่ผู้หญิง คนเฝ้ามันร้องทักเขาก่อนจะเชิญชวนให้ดื่มเหล้า เขายิ้มรับแต่ไม่รับแก้วมาถือไว้ ท่อนแขนหนาตวัดเข้าที่ลำคอมันก่อนจะใช้ศอกอีกข้างกระทุ้งจนมันล้มลง ล้วงกุญแจออกมาได้ก็ไขประตูเปิดออกทันที เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังระงมไม่หยุด ทันทีที่เห็นเขาเสียงร้องก็ดูเหมือนจะดังขึ้น



“ชู่ว” เขาให้ทุกคนเงียบเสียง “ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไทย ถ้าหากอยากให้ผมช่วยพวกคุณต้องเงียบก่อน” บางคนที่เป็นคนไทยที่หลงเข้ามาทำงานก็จะฟังเขาเข้าใจ แต่ถ้าหากเป็นหญิงสาวต่างชาติแม้จะฟังเขาไม่ค่อยออกแต่ก็ยินยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี



“ขอบคุณค่ะ”



“ค่อยๆ ลงมานะ” เขาประคองหญิงสาวลงมาทีละคนโดยมีนฤนารถคอยช่วยดูลาดเลาให้ ช่วงพักทุกครั้งจะมีการตั้งวงกันกว่าจะได้กลับมาเขาก็คงจะพาหญิงสาวไปได้ไกลมากแล้ว



“เรียบร้อยหมดแล้วพี่” เขาไขกุญแจเข้าไปที่เดิมก่อนจะทำเนียนเข้าไปในวง หัวหน้าที่เป็นคนคุมรถทั้งหมด เคยมีเรื่องกับเขามาแล้วสมัยทำงานใหม่ๆ อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นเด็กใหม่ที่ได้รับความเอ็นดูจากคุณมาเรียทำให้หลายคนไม่ชอบขี้หน้าเขาอยู่เหมือนกัน



“เมื่อไหร่รถจะออกอีกหรือพี่” เขานั่งลงข้างๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบแล้วแอบถาม



“อีกสักพักใหญ่โน่นแหละ”



“แล้วจะไปส่งของทันหรือครับ”



“โอ๊ย ทางสะดวก ไม่มีทหาร ตำรวจมาเฝ้าเส้นทางแถวนี้หรอก ไอ้เต็ม!”



“จริงหรือครับ”



“เออสิวะ มาดื่มเลยๆ” เขาถูกลากเข้าไปในวงเหล้าอีกครั้ง พวกมันเกือบยี่สิบคนไม่ทันได้สังเกตเสียงที่เงียบหายไปของผู้หญิงพวกเขาเลยมีเวลาเตรียมตัวที่จะรวบหัวพวกมัน เขาปลึกตัวออกมาอีกครั้งเพื่อรอทีมที่กำลังจะมาเสริม



“ทำไมทีมเสริมยังไม่มาอีก”



“อะเอ่อ” ธนัชอึกอัก เขาแจ้งเวลากับหน่วยไว้เสียดิบดีแต่ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แวว



“นานกว่านี้พวกมันขนข้ามกันไปเสร็จแน่”



“ผมติดต่อให้แล้ว น่าจะอีกสักพัก”



“กูฝากด้วยนะนัช” นายทหารหนุ่มสวมถุงมือสีดำและหยิบปืนพกเสียบเข้ากางเกงอีกกระบอก เสียงเอะอะโวยวายทำให้เขารีบเร่งกลับไปยังจุดรถจอด เห็นพวกมันกำลังวิ่งวุ่นตามหาอะไรสักอย่างกันให้ควั่ก อีกไม่นานเขาจะได้จัดการพวกมันให้ราบคาบ เขารู้สึกสะอิดสะเอียดเหลือเกิน



“ไอ้เต็ม! มึงหายไปไหนมา”



“ผมก็ไปยิงกระต่ายมาน่ะสิ”



“ผู้หญิงแม่งหายไปไหนหมดเลย ใครมาช่วยพวกมันไป”



“ในนี้ทั้งลึกทั้งมืดขนาดนี้ ใครจะเข้ามาช่วยล่ะ” เขาพูดยียวนกวนประสาทแถมยังยักคิ้วข้างเดียว



“มึงเด็กใหม่ น่าสงสัยที่สุด” มันเข้ามากระชากคอเสื้อเขา “ต้องแดกลูกปืนสักเม็ดไหมมึงถึงจะยอมพูด!”



“ใครกันแน่ที่ต้องแดกลูกปืน!” เขาจ่อปืนพกเข้าที่ท้อง โลหะเย็นเฉียบสีดำรูปทรงคุ้นเคยจนมันต้องปล่อยมือออกจากคอเสื้อเขา “กูทนเห็นความเหี้ยของพวกมึงมานานแล้ว”



ปัง!!



ทุกอย่างเริ่มชุลมุนวุ่นวายเมื่อเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เขายิงพวกมันร่วงไปอีกสองคนเมื่อมันพยายามจะเข้ามาใกล้ ตอนนี้ทีมเขาคงจะพร้อมเข้าบุกแล้ว เขาจึงตะโกนเรียกนายตำรวจที่กำลังควงปืนยิงสู้ไม่แพ้เขา



“พี่ ผมติดต่อไอ้นัชไม่ได้แล้ว!”



“อะไรของมันวะ!”



“ผมก็ไม่รู้!”



“เหี้ยเอ๊ย” เขาโยนปืนพกทิ้งเมื่อเห็นว่าลูกกระสุนหมด เขาชะล่าใจไม่ได้เตรียมกับรุ่นน้องให้รอบคอบกว่านี้ ในขณะที่เขาเริ่มจะบุกแล้วแต่ไม่รู้มันหายหัวไปไหน ทีมคนอื่นๆ ก็คงกำลังง่วนกับการพาหญิงสาวกลับไปที่ปลอดภัย เขาหันซ้ายหันขวาหาทางออกเมื่อไม่มีทางหนีที่ดีไปกว่าการเข้าไปในป่าที่มืดสนิทเขาก็ต้องยอม เพื่อถ่วงเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อทีมจะได้มาถึง นฤนารถวิ่งตามเขามาติดๆ แถมยังยิงปืนรัวไม่หยุด



ปัง!



ไหล่เขาสะบัดไปอีกข้างเมื่อแรงกระสุนทะลุเข้าที่ไหล่ขวา นายตำรวจหนุ่มตะโกนร้องลั่นก่อนจะวิ่งเข้ามาหา เขาส่ายหัวชี้นิ้วให้รุ่นน้องวิ่งไปข้างหน้า



“พี่เป็นยังไงบ้าง”



“ไม่ต้องห่วงกู มึงวิ่ง กูบอกให้วิ่งไป!” เขาฉีกแขนเสื้อออกแล้วพันเข้าที่แผล เสียงปืนดังลั่นอีกระลอกทำให้เขาหันไปมองบริเวณโดยรอบ เส้นทางธรรมชาติที่คดเคี้ยวและไม่มีการถางทางยิ่งทำให้การเดินทางยากลำบากช่างทรมานสำหรับเขาที่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น



ปัง!



นายตำรวจหนุ่มทรุดลงกับพื้นเมื่อกระสุนเฉี่ยวเข้าที่เข่าและอีกนัดที่ไหล่ซ้าย เขาหันกลับไปยิงอีกจนลูกกระสุนหมด ชลธีล้วงปืนพกในกระเป๋าอีกกระบอกแล้วกำไว้แน่นพยายามกัดฟันลากตัวเองให้ไปให้ไกลที่สุด มือกุมไหล่ที่รู้สึกได้เลือดซึมจนปวดหนึบ นฤนารถช่วยพยุงเขาแม้ตัวเองจะโดนจนเสียเลือดไปไม่ได้ต่างจากเขา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว จนเขาต้องพันผ้าให้แน่นหนามากขึ้น กลิ่นเลือดจะเรียกสัตว์ให้เข้ามาและนั่นคงจะเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากขึ้น



เดินทะลุเข้าป่าไกลอยู่เกือบชั่วโมงจนเขาต้องนั่งพิงต้นไม้ใหญ่เพื่อพักเอาแรง เสียงปืนยังมาอีกระลอกไม่หยุด พวกมันกัดเขาไม่ยอมปล่อยจริงๆ นายทหารหนุ่มเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีสัญญาณหวังจะช่วยให้ทีมกำลังเสริมที่กำลังตามเขามารู้จุดที่เขาอยู่ แต่ในป่าที่ความมืดปกคลุมเช่นนี้เป็นเรื่องยากเหลือเกิน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดวงดาว มองหากลุ่มดาวเหนือเพื่อที่จะหาทางออกจากป่า เสียงน้ำดังอยู่ไม่ไกล.. เมื่อมีแหล่งน้ำ ตามหลักแล้วน้ำไหลลงจากที่สูงเขาก็สามารถรู้ทิศและหาทางออกได้อย่างง่ายดาย และนั่นหากไม่ใช่ตอนกลางคืนที่เขาไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ



ปัง!



ปัง!



เขาหลักผลักนฤนารถให้ออกไปอีกทางเมื่อเห็นพวกมันใกล้เข้ามา แหล่งน้ำที่นายทหารหนุ่มได้ยินคือเสียงน้ำตกที่อยู่ใกล้เนินภูเขาสูง หากเดินลัดเลาะไปตามทางย่อมเจอทางออกจากป่าแต่ร่างกายที่เสียเลือดเป็นชั่วโมงไม่สามารถที่จะทนไหว เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ร่างของชลธีจะร่วงหล่นลงไปต่อหน้าต่อหน้านายตำรวจหนุ่ม



“พี่!” นฤนารถร้องลั่นก่อนจะหันกลับไปยิงปืนใส่กลุ่มคนที่กำลังยิงรัวประชิดในระยะใกล้ เหนือหัวด้านบนเขาเห็นเฮลิคอปเตอร์กำลังบินอยู่เหนือท้องฟ้า เขาจำมันได้เพราะสลักเลขประจำหน่วยเอาไว้ ทีมเขามาแล้ว.. แต่ไม่สามารถลงจอดได้.. เพราะเป็นป่ารกชัฏ



“หลอกพวกกู ตายซะเหอะมึง!”



“แม่งเอ๊ย” นฤนารถสบถมองด้วยสายตาแข็งกร้าว แขนขวาเขาปวดจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ มันชาจนแม้แต่จะเหนี่ยวไกก็ยังทำไม่ได้



“ตามเพื่อนมึงไปลงนรกเถอะ”



ปัง!



ปัง!



เสียงปืนที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องหลับตาแน่น ร่างสูงสั่นสะท้านก่อนจะร่วงหล่นลงไปยังน้ำตกเบื้องล่าง..





TBC



เตรียมผ้าเช็ดหน้ากันนะคะแม่ๆ <3

ขอคอมเม้นท์เดี๋ยวพายมาต่อให้อีกจ้า รักกกกก

หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-02-2018 23:33:49
โอ้ยยยยยย ขอให้ปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-02-2018 01:05:31
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-02-2018 01:14:57
มีดราม่า ชัวร์ เตรียมทิชชูซับน้ำตาแปป
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 11-02-2018 02:00:37
พี่ฉลามเป็นคนดี ความดีจะคุ้มครองตัวพี่นะคะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-02-2018 02:01:02
อย่าเอาแบบความจำเสื่อมนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 11-02-2018 06:49:05
โอ้... ไม่นะ... ไม่เอา... นะ... พี่ฉลาม... ไปทำใจแปป
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 11-02-2018 08:03:23
ฉลามต้องรอดกลับไปหาลูกเมียนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-02-2018 12:14:08
คุณพระคุ้มครองพี่ฉลามด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-02-2018 15:53:07
อย่าตายนะ!!
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 12-02-2018 00:05:00
กลัวววววววว  ㅠ ㅠ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Darklife ที่ 12-02-2018 00:17:23
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 12-02-2018 21:14:02
 :m15:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-02-2018 00:41:42
ตอนที่ ๒๖

เพล้ง!

มุจลินท์หันขวับไปตามเสียงเห็นมือเล็กจ้อยกำลังก้มลงไปหยิบเศษแก้วที่กระจัดกระจายเต็มพื้น เขาวิ่งปรี่เข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเล่นของอันตรายอย่างฉิวเฉียด ดูเหมือนชั้นวางของที่มีรูปครอบครัวจะมีรูปร่วงหล่นลงมาจนกระจกแตก

“ไม่เล่นนะครับลูก มันจะบาดนิ้วเลือดออกนะครับ” เขาคุยกับลูกชายที่กำลังคิดว่ากระจกเป็นของเล่น เด็กชายชี้ไปที่พื้น

“รูปป๊า..”

“เดี๋ยวแม่ลินท์จัดการเองนะครับ หนูไปนั่งรอตรงนู้นนะลูก” เขาพาลูกชายไปนั่งบนโซฟาก่อนจะกุลีกุจอไปหยิบไม้กวาดมาจัดการเก็บเศษแก้วให้เรียบร้อย ก่อนจะก้มลงหยิบรูปคนรักในชุดนายทหารสีขาวกำลังยิ้มกว้างยามเข้ารับพิธีติดดาวสมัยเรียนจบใหม่

“หน้าตาไม่เปลี่ยนเลยแฮะ” เขาหยิบรูปขึ้นมาใส่กรอบรูปอันใหม่ ลูกชายที่เห็นเขากำลังสนใจกับรูปก็วิ่งเข้ามาเล่นด้วย เขาเลยหันไปโชว์รูปชลธี “นี่ใครเอ่ย”

“คุณป๊า”

“เดี๋ยวคุณป๊าจะกลับมาแล้วนะลูก”

“เกอร์คิดถึงป๊าฮะแม่”

“เรามารอคุณป๊าด้วยกันนะครับ” เด็กหนุ่มฟัดแก้มขาวป่องของลูกชาย กลิ่นแป้งเด็กโคโดโมะลอยฟุ้งจนอดไม่ได้ที่จะหอมลงไปอีกหลายฟอด

“ฮื่อ คุนแม่ ~” เจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกดิ้นอยู่ในอ้อมกอดเขา เปิดเทอมครั้งหน้าไทเกอร์ก็ขึ้นชั้นอนุบาลแล้ว เขาที่เป็นผู้ปกครองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ช่วงที่ว่างเขาก็จะคอยดูแลฝึกให้ลูกชายหัดวาดรูป เขียน บนกระดาษต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนไปโรงเรียนใหม่

“ลินท์” เขาหันไปตามเสียง เห็นปานชีวันเดินเข้ามาหน้าตาตื่น มองเขาที่กำลังอุ้มเด็กชาย “ทำอะไรกันอยู่น่ะ พี่ได้ยินเสียงเหมือนอะไรแตก”

“เมื่อกี๊กรอบรูปหล่นลงน่ะครับ คงจะยึดไม่ติด” กรอบรูปมันก็เก่ามากแล้วด้วย เขาเลยจัดการเปลี่ยนให้ใหม่ซะเลย

“รูปพี่ฉลามน่ะหรือ” ปานชีวันหันไปมองบนชั้นวางรูป

“ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่าพี่” เขานึกขึ้นได้เลยชวนผู้หมวดนั่งพักก่อน “มาถึงเหนื่อยๆ เดี๋ยวลินท์ไปหาอะไรให้ทานนะครับ”

“ลินท์ ช่วงนี้พี่อาจจะไม่ค่อยได้เข้ามาหานะ”

“อื้อ ทำไมล่ะครับ งานที่หน่วยเยอะหรือ?”

“ก็.. ช่วงนี้เริ่มฝึกพลทหารน่ะ” ชายหนุ่มพูดไปอย่างนั้น “แต่ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดลเยนะ” ตอนนี้ที่หน่วยมีเรื่องให้ทำจนเขาหัวปั่นไปหมด โดยเฉพาะเรื่องของชลธี..

“ลินท์ปิดเทอม ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ” เด็กหนุ่มจุดยิ้มให้ปานชีวัน พี่ชายที่เขาเคารพไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ ก่อนจะเดินหันหลังไปหาอะไรมาให้ผู้หมวดหนุ่มทานในครัว ส่วนเด็กชายเห็นคุณอามาก็วิ่งเข้ามาหาชูมือให้อุ้ม

“อา อาปานนนน”

“ว่าไงครับ หลานอา”

“คุณอาเห็นป๊าเกอร์ไหม”

“…” เขามองเด็กชายหน้าตาจิ้มลิ้มวงหน้าถอดแบบจากบิดาไม่มีผิดเพี้ยน ดวงตากลมโตสีดำสุกใสมองเขาด้วยความไร้เดียงสา “เกอร์ครับ..”

ปานชีวันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อคืนเขาได้ข่าวจากหน่วยว่าทีมเสริมได้ไปช่วยทีมปฏิบัติภารกิจและสามารถรวบของกลางเป็นยาเสพติด และช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกจับไปค้ามนุษย์ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ธนัชรายงานมันน่าตกใจมากกว่านั้นคือตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกลับกลายเป็นว่ามีนายทหารผู้ใหญ่ที่คอยสนับสนุนและหาช่องทางหลีกเลี่ยงให้กลุ่มนายทุน ทำให้หน่วยยังไม่กล้าที่จะแถลงข่าวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแค่เกิดความผิดพลาดที่เล็กน้อยทำให้กำลังเสริมไปช้า และไม่สามารถช่วยเหลือหัวหน้าทีมได้

พวกเขาหาชลธีและนฤนารถไม่เจอ..

เกือบสองวันเต็มๆ ที่ชลธีหายไป ทีมลาดตระเวนพยายามกระจายกำลังเพื่อค้นหา หลังจากรวบตัวการได้ทั้งอาวุธและหลักฐานคาหนังคาเขา ไฟล์บันทึกเสียงของนายทหารหนุ่มที่ให้ธนัชเก็บไว้ยิ่งเป็นหลักฐานมัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด ทันทีที่ทราบว่าชลธีและนฤนารถเป็นอย่างไร ทางหน่วยคงจะได้แถลงข่าว เมื่อข่าวออกสื่อเมื่อไหร่ เขาก็ไม่รู้จะบอกมุจลินท์อย่างไรดี เขาไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายกับรุ่นพี่ขนาดนั้น แต่สภาพแวดล้อมของสถานที่เกิดเหตุทำให้การค้นหามีความยากลำบากมันทำให้เขาท้อเหลือเกินกับการตามหา

“อาปาน.. ป๊าล่ะฮะ”

“เดี๋ยวป๊าก็กลับมาแล้วครับ”

“เกอร์คิดถึงป๊า” เขากอดหลานชายแน่น ความรู้สึกไม่คาดคิด ตกใจ เสียใจ มันประดังประเดจนเขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก แค่ได้กลับมาเจอเด็กหนุ่มและลูกชายที่กำลังรอคอยชลธีอย่างมีความหวัง

เขาพูดไม่ออก..

“วันนี้มีบัวลอยนะครับพี่ปาน” เด็กหนุ่มยกถาดเข้ามา เห็นปานชีวันกำลังหยอกล้อกับลูกชายก็หลุดยิ้มขำ สองคนนี้ตัวติดกันแจ ต่อให้เขาไม่อยู่ถ้าหากมีปานชีวันไทเกอร์ก็ไม่งอแงเลยสักนิด

“หอมจัง ฝีมือคุณยายแน่ๆ”


“สมกับเป็นขาประจำเลยนะครับ”

“โถ่ พี่มาฝากท้องทุกวัน ทำไมจะจำรสมือคุณยายไม่ได้กัน” ผู้หมวดนั่งลงบนโซฟา วางหลานลงบนตัก สองมือเล็กจะเอื้อมไปหยิบถ้วยบัวลอยแต่คุณอาหยิบไว้ได้ทัน “เดี๋ยวอาป้อนนะครับ”

“อ่ามมม” เด็กชายเคี้ยวขนมเต็มปาก มือก็ชี้ไปที่ไข่แดงสีเหลืองในถ้วย “เอาไข่..”

“กินเก่งจริงๆ หลานใครเนี่ย”

“หลานคูนอาฮะ”

“เคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูดครับเกอร์” เด็กอ้วนพยักหน้าหงึกหงักให้คุณแม่แล้วก็ทำตาปริบๆ อ้อนคุณอาให้ป้อนอีกคำ เด็กหนุ่มส่ายหัวยกมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปคู่อาหลานแล้วอัพลงอินสตราแกรมเหมือนอย่างเคย เขาลงรูปเป็นประจำทุกวันเหมือนจดไดอารี่ เผื่อว่าชลธีกลับมาจะได้รู้ว่าเขาคิดถึงมากขนาดไหน

ห้ามมองท้องฟ้า ห้ามคิดถึงคุณ ห้ามไม่ได้หรอก.. ไม่มีทาง #148days

เวลาท้อใจก็อย่าลืมคิดถึงหนูนะ.. ให้รู้เอาไว้เลยว่าหนูเอาใจช่วยอยู่ จะร้องเพลงให้พี่ฟัง จะเต้นให้พี่ดู จะยิ้มให้พี่อยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะมีแรง #149days

พอคิดว่าหลายๆ คนกำลังมองท้องฟ้าและคิดถึงใครบางคน รอที่จะขอพรให้ใครบางคนได้กลับมาไวๆ หนูคิดถึงพี่จัง #150days

“เป็นรูปพี่กับไทเกอร์ แต่แคปชั่นนี่ไม่ใช่เลยนะ” ปานชีวันเห็นแท็กในอินสตราแกรมเลยกดเขาไปดู เลยขอแซวเจ้าลูกเป็ดสักหน่อย

“ฮื่อ พี่ปานอย่าแซวสิ”

“ฮ่าๆ”

“อ้ามมมมมม” เด็กชายอ้าปากจะงับช้อนที่คุณอาถือคาเอาไว้

“เกอร์อย่ากระชากช้อนอาครับ”

“เกอร์อยากกินนนน”

“ใจเย็นๆ ครับเกอร์ เดี๋ยวคุณอาเขาป้อน” เด็กหนุ่มเห็นลูกชายอยากกินเลยจะไปตักมาให้แทนจะได้ไม่ต้องไปแย่งกับคุณอา “อยากกินเองหรือครับ แม่จะตักใส่ถ้วยให้รอก่อนนะลูก” ปานชีวันอุ้มลูกหมูให้เข้าที่ ล็อกเอาไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งจนเด็กชายหันมาค้อนตาเขียวใส่เขา

เป็นเด็กเป็นเล็กดูทำเข้า มันน่าแกล้งไหมล่ะแบบนี้ เด็กอ้วนเอ๊ย!

มุจลินท์ถือถ้วยเข้ามาพอดีเด็กอ้วนเลยถือโอกาสกระโดดออกจากตักคุณอา แต่ปานชีวันไม่ยอมแถมยังอุ้มไปรอบ ไทเกอร์หัวเราะคิกคัก เขาต้องเข้าไปห้ามปรามเพราะกลัวจะอ้วกบัวลอยออกมาจนหมดเสียก่อน วันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่สักคนเพราะคุณแม่พาคุณยายไปไหว้พระที่ต่างจังหวัดโดยมีคุณพ่อเป็นพลขับส่วนตัว ส่วนเขาที่เพิ่งสอบเสร็จจึงขอพักผ่อนกับลูกชายอยู่ที่บ้านกันสองคน

“ลินท์พี่เดี๋ยวไปรับโทรศัพท์ก่อน ฝากอุ้มหลานที”

“วางลงก็ได้ครับ ไทเกอร์อยากจะลงเต็มแก่แล้ว” ลูกชายทำปากยู่เมื่อคุณอาแกล้งไม่ให้ทานบัวลอยเสียที เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มและแรงฟัดแก้มอีกรอบ

“อาปานอย่าแกล้งงง”

“จะฟัดให้แก้มช้ำเลย!”

“ฮื่อ แม่ลินท์ ช่วยด้วยยยยย” เด็กอ้วนวิ่งเข้ามากอดเขา ส่วนคุณอารีบหยิบโทรศัพท์ออกไปคุยข้างนอก เขาพาลูกชายไปนั่งทานขนมดีๆ ก่อนจะเปิดโทรทัศน์ให้ดูการ์ตูน

‘รายงานข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติบริเวณชายแดนตอนเหนือของประเทศ เบื้องต้นจับกุมพร้อมของกลางไว้ได้ครบถ้วนพร้อมหญิงสาวอีกสามสิบชีวิตที่ถูกนำไปค้ามนุษย์ ขณะนี้ทีมลาดตระเวนกำลังตามหาร่างของหัวหน้าชุดทีมปฏิบัติการพิเศษ พันตรีชลธี พันศิยะวัตร และผู้ช่วยหัวหน้าทีมร้อยตำรวจเอกนฤนารถ ที่หายสาบสูญไปจากที่เกิดเหตุเมื่อวันที่.. ผ่านมา

รูปผู้ชายในเครื่องแบบที่เขาคุ้นเคยถูกฉายขึ้นบนหน้าจอโทรทัศน์ รีโมตในมือถือเขาร่วงหล่นจากมือ ค่อยๆ ขยี้ตามองทีวีเมื่อครู่อีกครั้งด้วยหัวใจที่สั่นระทึก เด็กชายเงยหน้ามองตามเขา ริมฝีปากส่งเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมทั้งชี้ไปที่หน้าจอ

“ป๊า.. ป๊า”

ไม่จริง…..

ไม่…

มันต้องไม่ใช่…

“ฮึก..” เขาอุ้มลูกชายขึ้นแนบอกก่อนจะเดินสาวเท้าออกไปหาคนที่กำลังยืนหน้าดำคร่ำเครียด ปานชีวันผละออกจากการคุยมือถือ มองหน้าเขาด้วยสายตาตกตะลึงไปเล็กน้อย “พี่ปาน..”

“ลินท์”

“ไม่จริงใช่ไหมครับ!” เขาเผลอถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติ “พี่ฉลามไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมพี่ พี่ปานบอกลินท์ที..”

“ลินท์.. ใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้ทุกคนกำลังพยายามเต็มที่” เขาตอบพลางมองใบหน้าขาวที่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ หยด
น้ำตาร่วงพราวเต็มแก้ม มือที่ว่างกระชากเสื้อเขาไปมา

“แล้วทำไมพี่ไม่บอกลินท์ ทำไม!”

“ลินท์ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวไทเกอร์ตกใจ” เขาจะรับไทเกอร์มาอุ้มแต่เด็กหนุ่มไม่ยอม

“พี่รู้มาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงเก็บเอาไว้”

“พี่ยังเชื่อว่าพี่ฉลามจะต้องไม่เป็นอะไร เขาจะต้องกลับมา” ผู้หมวดหนุ่มหน้าเสียไปทันที “พี่ไม่อยากให้ลินท์ไม่สบายใจ” ปานชีวันประคองเด็กหนุ่มที่กำลังจะเซล้ม ใบหน้าขาวซีดเผือด น้ำตาร่วงพรูจนดวงตาสีสวยแดงก่ำ เสียงร้องไห้โฮดังออกมาอย่างน่าสงสาร เขาลูบกลุ่มผมเด็กหนุ่มเบาๆ

“ฮึก ฮือ..” เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังไม่หยุด “ไหนพี่บอกจะกลับมาหาหนูไง ฮือ..”

“แม่จ๋า” เด็กชายตกใจรับกอดแม่เอาไว้แน่น “ฮือ แม่อย่าร้อง”

“ทำไมพี่.. ฮึก ผิดสัญญากับหนู” เสียงร้องปนเสียงตัดพ้อทำเอาคนมองหัวใจกระตุก สงสารเหลือเกิน “แล้วหนูจะอยู่ยังไง.. ฮึก”
“ลินท์ใจเย็นๆ” เขาทนไม่ไหวต้องเข้าไปกอดปลอบ เด็กหนุ่มมองเขาทั้งน้ำตา กำมือแน่นแล้วทุบอก

“ลินท์ไม่ไหวแล้ว.. หัวใจมันจะขาดแล้วพี่” มันปวดลึกจนแทบจะหายใจไม่ออก “หนูบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าหนูขอตายก่อน ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมาหนูอยู่ไม่ได้จริงๆ”

“แม่จ๋า.. อย่าร้อง” เด็กชายดึงปลายเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้แม่ น้ำตาน้ำมูกผสมปนเปไปหมด สองมือเล็กจับแก้มขาวของเด็กหนุ่มก่อนจะก้มลงจุ๊บแผ่วเบา “แม่เจ็บตรงไหนบอกเกอร์ที เกอร์จะเป่าให้” เขารวบลูกชายเข้ามากอดแน่น ก้มลงหอมแก้มซ้ายหอมขวาด้วยความรักใคร่อย่างสุดซึ้ง หัวใจที่กำลังเต้นรัวในอกกำลังบอบช้ำอย่างแสนสาหัส มันทรมานราวกับมีใครมาเฉือนหัวใจเขาทิ้งไป..


โลกที่ไม่มีเธอ
เป็นโลกที่ฉันไม่เหลือใคร
มีเพียงร่างกายที่หายใจ
แต่ทั้งหัวใจสลาย..

//
แค่เพียงภาวนาไปอย่างสิ้นหวัง
ให้ฉันได้พบเธออีกครั้งหนึ่ง
แค่มองตากัน
และกอดฉันอีกครั้งหนึ่ง
อย่าปล่อยให้ทรมานอย่างนี้เลย
#Lastday


(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 13-02-2018 00:43:39
(ต่อจากด้านบนค่ะ)

“ลินท์ กินข้าวหน่อยสิวะ”

“แก้ว กูไม่หิวว่ะ”

“เมื่อวานมึงไม่กิน วันนี้มึงก็จะไม่กินไม่ได้!” กัญญาลุกขึ้นมาส่งเสียงดัง การกินข้าวมันเป็นเรื่องที่ต้องบีบบังคับกันขนาดนี้เลยหรือ เธออยากจะจับเพื่อนนอนกับตักแล้วป้อนให้กินทีละคำจริงๆ

“กูเหนื่อย กูอยากนอน ปล่อยกูอยู่คนเดียวเถอะนะ” เด็กหนุ่มพูดเสร็จก็ตวัดผ้านวมคลุมโปงหนีไปนอนอีกครั้ง

“ให้มึงอยู่คนเดียวแล้วมึงก็ร้องไห้.. ร้องไห้ทั้งวัน ข้าวปลาไม่ยอมแดก อยากตายนักหรือไง!” รู้ตัวอีกทีก็เผลอหลุดตัวขึ้นเสียงดังใส่ไปซะแล้ว ก้อนผ้านวมสั่นไหวน้อยๆ ก่อนจะเสียงร้องจะดังสะอื้นออกมา

“ฮึก.. ฮือ”

“ลินท์ กูขอโทษ” เธอเข้าไปกอดก้อนกลมไว้แน่น “กูจะไม่ตวาดมึงแล้ว ไม่ร้องนะ”

“กูไม่ไหวแล้ว มึง กูไม่ไหวจริงๆ” เขาโผล่หัวออกมาจากผ้านวมพลางใช้มือปาดน้ำตาที่กำลังไหลไม่หยุด

“ลินท์ มึงตั้งสติหน่อย เขาแค่หาพี่ฉลามไม่เจอ มึงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ฮะ!”

“กูกลัว กูกลัวอะมึง” เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่ง ดวงตาแดงก่ำราวกับคนที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วง ใบหน้าที่เคยสดใสกลับเศร้าหมองจนเธอที่เป็นเพื่อนสนิทยังอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้

“ไม่เป็นไรนะมึง ไม่เป็นไร”

“เกี๊ยม เราฝากลินท์หน่อยนะ” กัญญาจะลงไปหาอะไรให้เพื่อนทานสักหน่อย จึงหันไปบอกอีกคนที่นั่งเงียบอยู่ในห้องมาสักพักแล้ว “อย่าให้มันอยู่คนเดียวเลยช่วงนี้”

“ได้ ก็ตั้งใจจะมาอยู่เป็นเพื่อนมันอยู่แล้ว” กรวิชญ์หันมาตอบแล้วเดินขึ้นมานั่งบนเตียงของเด็กหนุ่ม

“เออ ขอบใจ” วางหนังสือการ์ตูนลงบนชั้นแล้วหันมาพูดกับชายหนุ่ม “เดี๋ยวไอ้นนท์ตามมา ชวนมันหาอะไรทำละกัน เดี๋ยวเรามา”

“อื้อ” เขาลงมานั่งยองๆ ข้างเตียง มองคนตัวเล็กกว่าที่นอนกอดหมอน ใบหน้าสวยเปื้อนคราบน้ำตาเป็นทางยาว เขาใช้นิ้วเกลี่ยออกเบาๆ ดึงผ้านวมคลุมให้จนมิดไหล่ เขาเองก็ไม่รู้จะปลอบคนตัวเล็กอย่างไรเหมือนกัน..

กัญญามาอยู่ที่บ้านของลูกเป็ดครบอาทิตย์หนึ่งแล้ว ตั้งแต่ที่ได้ข่าวจากปานชีวันว่าเกิดอะไรขึ้นกับชลธี เพื่อนในกลุ่มก็ไม่มีใครอยู่เฉยได้สักคน ต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนเด็กหนุ่มตลอด เธอรู้จักนิสัยเพื่อนดีว่าเป็นคนคิดมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่รู้ข้างใจจิตใจสภาพจะย่ำแย่ขนาดไหน เอาแต่ร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร จนเธอต้องพาไปเที่ยวข้างนอกบ้าง พาไปดูหนังบ้างแต่ดูเหมือนจะยังไม่เป็นผล

“ลินท์ทานอะไรหรือยังลูก” คุณยายยกชามข้าวต้มออกมาจากในครัว “แล้วหนูหิวหรือยัง ยายทำข้าวต้มกุ้งเอาไว้” ถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่นวางอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมเตะจมูกจนเธออยากจะแย่งเด็กหนุ่มทานเหลือเกิน

“ลินท์เป็นยังไงบ้างจ้ะหนูแก้ว” คุณแม่ของชลธีถามถึงเจ้าลูกเป็ดที่อาการยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอได้แต่ยิ้มแหยกลับไป

“ไม่ยอมทานข้าวเลยค่ะ”

“เป็นห่วงจังเลย เดี๋ยวแม่ขอไปดูหน่อยดีกว่า” คุณแม่อาสายกถ้วยข้าวต้มไปแทน เธอจึงนั่งลงและหาอะไรทานเสียก่อน

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูตามไปนะคะ” กัญญาหันมาสนใจกับอาหารตรงหน้าแทน อาหารฝีมือคุณยายอร่อยจนเธออยากจะมาฝากท้องที่นี่ทุกวันจริงๆ

“ยายฝากลินท์หน่อยนะลูก ตั้งแต่เด็กๆ นอกจากยายแล้วลินท์ก็ไม่มีใคร”

“คุณยายเก่งจังเลยนะคะ เลี้ยงเจ้าลินท์มาคนเดียว” เธอบอกด้วยความชื่นชม “ตอนเด็กคงซนน่าดูเลย”

“เจ้าลินท์มันดื้อเงียบ ไม่เถียงแต่ไม่ทำตาม เลี้ยงกันมาตั้งแต่เล็กๆ เหนื่อยแค่ไหนขอแค่เห็นหลานกินอิ่มนอนหลับ ยายก็พอใจแล้ว” คุณยายพูดไปยิ้มไป “แต่มันอดทน ทั้งอึดทั้งถึก ใครจะด่าจะว่าอะไรก็ไม่เคยตอบโต้เขา”

“หนูก็หวังว่าลินท์จะเข้มแข็งและผ่านมันไปได้นะคะ”

“คนเราจะมีชีวิตอยู่ด้วยกันได้นานสักแค่ไหนกันลูก ..อย่างน้อยที่สุดเขาจะอยู่ในความทรงจำเราตลอดไป”

กัญญาพยักหน้ารับ คงเป็นอย่างที่คุณยายว่า ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก เวลาเป็นยิ่งกว่าสายลมพัดผ่านตัวเราไปมารู้ตัวอีกทีก็ใช้ชีวิตไม่ทันเสียแล้ว เธอรู้สึกเหมือนคุณยายหลังค่อมขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่บ่งบอกร่องรอยความสูงวัยแม้จะไม่แสดงอาการอะไรออกมาเธอก็รู้สึกได้ว่า เป็นห่วงหลานชายตัวเองขนาดไหน เธอเดินเข้าไปกอดอยากจะแบ่งปันกำลังใจที่เธอมีให้คุณยาย

“ลินท์จะต้องดีขึ้นนะคะ” กัญญากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “หนูจะอยู่ข้างๆ ลินท์กับคุณยายเอง” คุณยายกอดหญิงสาวตอบ เธอยิ้มรับอ้อมกอดอบอุ่น อย่างน้อยหลานชายก็มีเพื่อนที่ดีไว้ในชีวิตอยู่หลายคน

“นนท์!” เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากประตูบ้านจนเธอต้องผละออกจากคุณยายแล้วไปดู เป็นปานชีวันที่กำลังทุ่มเถียงอะไรสักอย่างกับนนท์

“ชู่ว!”

“พี่ไม่ใช่หมาใช่แมว เรียกแค่นี้ทำไมต้องทำท่ารังเกียจด้วยวะ”

“จะเสียงดังทำไมอยู่ใกล้กันแค่นี้.. ผมให้พี่ติดรถมาด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว” เด็กหนุ่มกำลังหัวเสียอย่างที่สุด คนบ้าอะไรจะกระโจนเข้ามาตัดหน้ารถ ถ้าเขาเผลอเหยียบไปไม่ติดคุกหัวโตเลยหรือยังไง! “เช็คสมองบ้างนะ” เขาพูดทิ้งไว้ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

“เป็นห่วงพี่ด้วยว่ะ ขอบใจนะ”

“มันด่าหรือเปล่าพี่ปาน”

“ด่าตรงไหนแก้ว นนท์มันห่วงพี่ชัดๆ” ผู้หมวดหนุ่มยิ้มหวานแล้วหันไปอ้อนผู้อาวุโสของบ้าน “ใช่ไหมครับคุณยาย” เธอมองแล้วก็ต้องถอนหายใจ.. ยังจะมีหน้าไปหาแนวร่วมอีก กัญญาส่ายหัวไปมายกชามข้าวต้มกุ้งจะขึ้นไปให้กรวิชญ์ที่มาช่วยอยู่เป็นเพื่อน ส่วนไทเกอร์ออกไปห้างกับคเชนทร์และมนต์มนัสคาดว่ากว่าจะกลับถึงบ้านคงค่ำๆ คุณแม่กับคุณพ่อของพี่ฉลามใจดีแล้วก็น่ารักมากๆ แม้ว่าพวกเธอจะมาขอนอนค้างเพื่ออยู่เป็นเพื่อนลูกเป็ดตั้งหลายวันก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนปานชีวันก็ไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านและค่ายที่จังหวัดลพบุรี จะว่าไป.. เธอรู้จักกับปานชีวันเพราะเพื่อนสนิทแนะนำให้ นายทหารหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เธอก็แอบปันใจให้อยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าปานชีวันดันชอบไปเซ้าซี้แกล้งไอ้นนท์เพื่อนเธอเสียอย่างนั้น

นี่เธออดกินอีกแล้วใช่ไหม…

- - - - - - - - -
เด็กหนุ่มดวงตาบวมช้ำจนแดงก่ำ รู้เขาสึกปวดเบ้าตาจนแทบลืมตาไม่ขึ้นแค่จะเปิดเปลือกตายังรู้สึกหนักอึ้ง เขาก็เลยนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้น แต่พอหลับตาภาพคนรักก็วนเวียนในหัวไม่หยุด เขาไม่สามารถลบออกไปจากความคิดได้เลย มือบางลูบหมอนที่วางเคียงข้างไปมา..

“มึงจะทำร้ายตัวเองอีกนานไหม”

“กูเปล่า” หันไปตอบกรวิชญ์ที่กำลังยืนเท้าสะเอวเป็นกุมารทอง

“ก็เห็นๆ อยู่” ชายหนุ่มถอนหายใจ “ลินท์ที่กูรู้จักเข้มแข็งกว่านี้เยอะ ไม่ว่าเรื่องอะไรมันก็จะกัดฟันสู้”

“แต่เรื่องนี้กูสู้ไม่ไหวจริงๆ ว่ะ” แค่คิดเขาก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบแล้ว ไม่รู้จะห้ามไม่ให้ตัวเองคิดได้ยังไง

“ไอ้ลูกเป็ดเอ๊ย” เขาเอื้อมมือไปขยี้หัวจนยุ่ง เจ้าตัวไม่หือไม่อืออะไรปล่อยให้เขาทำอยู่อย่างนั้น “พี่เขาคงไม่อยากเห็นมึงนั่งซังกะตายแบบนี้หรอก เชื่อกูเหอะ..”

“ขอบใจมึงนะที่อุตส่าห์มาหา”

“ไอ้เตี้ยเอ๊ยยย เรื่องแค่นี้เองว่ะ”

“อืออออ หยุดเรียกกูว่าเตี้ยนะ มึงแค่สูงเกินไปต่างหาก” เด็กหนุ่มหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่ทำตัวกวนประสาทจนเขาเผลอหลุดหัวเราะออกมา อย่างน้อยเวลาเขามีเรื่องไม่สบายใจ กรวิชญ์ก็ยังเป็นอีกคนที่คอยรับฟังเขาเสมอ

“เห็นไหมมึงหัวเราะแล้ว” มันจะเข้ามาบีบจมูกแต่เขาโยกตัวหลบได้ทัน

“กูหัวเราะก็จริง แต่ข้างในมันไม่ใช่เลย..”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“แม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก.. น้องลินท์ทานข้าวหรือยัง?” คุณแม่เข้ามาในห้องแล้วก็ส่งยิ้มหวานให้เขา เด็กหนุ่มลุกขึ้นไปช่วยคุณแม่ถือถ้วย เป็นข้าวต้มกุ้งของโปรดของเขาเอง

“ยะยังเลยครับแม่ ลินท์ไม่ค่อยหิว”

“ไม่หิวก็ทานรองท้องไว้นะลูก ผอมไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ”

“ครับแม่ ลินท์จะทาน.. บ้าง” เขาวางถ้วยข้าวต้มเอาไว้บนโต๊ะ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เกิดความอยากอาหาร ด้วยไม่อยากให้คุณแม่ต้องเสียใจเขาก็เลยตักมาชิมสักคำ

“ไหน ทำไมตายังบวมอยู่อีก แอบร้องไห้หรือ”

“กะก็มีบ้างครับ” เขาตอบตามความจริงเพราะหลักฐานมันอยู่บนหน้าเขาทั้งหมดแล้ว

“ร้องไห้ได้ แม่ไม่ได้ว่าอะไร แต่แม่ไม่อยากเห็นหนูเศร้าเลย มันยิ่งบั่นทอนหัวใจนะลูก” คุณแม่ลูบหัวเขาไปมา คำพูดอ่อนโยนที่แสดงความเป็นห่วงทำให้เขานึกถึงคนรักขึ้นมาทุกที

“ลินท์พยายามบังคับตัวเองแล้ว แต่.. แต่ลินท์ทำไม่ได้ครับ”

“โธ่..” เธอเข้าไปกอดเด็กหนุ่ม “หนูเป็นห่วงพี่เขาเท่าไหร่ แม่ก็ห่วงมากเท่านั้น”

“ฮึก ฮือ” ไม่ไหวแล้ว.. น้ำตามันไหลไม่หยุดจริงๆ

“พี่ฉลามต้องบ่นแม่แน่ๆ ที่ทำให้หนูร้องไห้” เธอช่วยเด็กหนุ่มซับน้ำตา แม้เธอจะเป็นห่วงลูกชายเหมือนกัน แต่ก็เชื่อว่าชลธีจะต้องไม่เป็นอะไร

“ลินท์ไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ”

“อดทนนะลูกนะ เดี๋ยวก็จะดีขึ้น”

“ฮึก ฮือ..”

เด็กหนุ่มที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปชะงักก่อนจะเดินวนไปมารออยู่นอกห้อง เห็นแม่แฟนกับลูกสะใภ้กอดกันตัวกลมเขาก็ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ รออีกสักแปบแล้วค่อยเข้าไปก็ยังได้ เพราะยังไงคืนนี้เขาก็ตั้งใจจะมานอนเป็นเพื่อนมุจลินท์อยู่แล้ว

“นนท์.. ลินท์หลับอยู่หรือ?”

“ผมบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าอยู่ใกล้กันแค่นี้ไม่ต้องเสียงดังก็ได้”

“เสียงดังตรงไหนวะ” อยู่กับลูกน้องก็พูดอย่างนี้ตลอด จะไปรู้ไหมแบบไหนดังไม่ดัง เขาบ่นอุบเมื่อเห็นเด็กมันทำหน้าหงิก “แล้วทำไมไม่เข้าไปอะ”

“อีกแปบก็ได้พี่” เขาบอกแล้วทำสีหน้าเหม็นเบื่อ “ทำไมมีเรื่องอะไรจะบอกมันหรือเปล่า?”

“ก็…” เขากลอกตาไปมาใช้ความคิด พยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวว่าจะบอกเด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องอย่างไรดี สองอาทิตย์แล้วที่ไม่มีใครได้ข่าวของชลธีและนฤนารถ แต่เขา.. ได้

มันอาจจะไม่ใช่ข่าวดีที่สุดที่ทุกคนคาดหวังและรอคอย แต่เขาก็หวังว่ามันจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจให้ชื่นฉ่ำ เจ้าลูกเป็ดมันจะได้เลิกร้องไห้เวลาเจอหน้าเขาสักที เขารู้สึกไม่ค่อยดีเลยสักครั้งที่เห็นน้ำตาของเด็กหนุ่ม เขาได้รับแจ้งจากทางหน่วยเมื่อหลายวันก่อนว่าหน่วยลาดตระเวนเจอร่างของชลธีเพียงคนเดียวตั้งแต่วันแรกแล้วแต่ไม่ให้ออกข่าวเพราะจะเสียรูปคดี ธนัชเป็นคนที่คอยจัดการทุกอย่างและยังเป็นคนบอกกับเขาเองว่า.. ชลธียังมีชีวิตอยู่ ผู้พันหนุ่มรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและไม่ต้องการให้บอกครอบครัวจนกว่าจะรักษาตัวให้หายดี

เขาก็พอจะเข้าใจว่าชลธีไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครมาพูดว่าร้ายวิชาชีพที่ตัวเองรัก เขาก็เคยเป็นเหมือนกันเพราะที่บ้านไม่เข้าใจและไม่อยากให้เขาเป็นทหารเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้น อีกอย่างชลธีก็คงกลัวว่าคนรักจะทนไม่ไหวที่เห็นสภาพเป็นแบบนั้น แต่เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ชลธีใจร้ายและคิดสั้นเกินไป เขาอยากจะรู้นักว่าถ้ามาเห็นสภาพเจ้าลูกเป็ดในตอนนี้ ยังคิดจะทำแบบนี้อีกไหม!

“ลินท์”

“สวัสดีครับพี่ปาน”

“ไง กินข้าวได้แล้วหรือเรา” เขาเข้าไปนั่งข้างลูกเป็ดที่สีหน้าดีขึ้นกว่เมื่อวานนิดหน่อย แต่ตายังบวมอยู่เหมือนเดิม

“ครับ”

“วันนี้ว่างหรือเปล่าน่ะ” ผู้หมวดหนุ่มถาม “พี่จะพาไปที่ไหนสักหน่อย”

“ว่างครับ”

“งั้นลินท์มากับพี่นะ” เขาพูดแค่นั้นก็เดินออกมาจากห้อง สบตากับไอ้เพื่อนตัวสูงหน้าหล่อที่มันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง นนท์เดินเข้ามาหาเขาเลียบๆ เคียงๆ อยู่นานจึงเอ่ยปากถาม

“พี่จะพาลินท์ไปไหนน่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า”

“กวนประสาทผมอีกแล้วนะ นี่ผมถามพี่ดีๆ นะ”

“พูดจ้ะๆ จ๋าๆ ก่อนสิแล้วพี่จะบอก” ขยิบตาให้เด็กตัวแสบหนึ่งที เจ้าตัวมองเขาตาขวางแล้วก็เดินหนีไปอีกทาง อะไรกันวันนี้แกล้งไม่สนุกเลยแฮะ

รออีกไม่นาน.. เด็กหนุ่มก็พร้อมเดินทาง วันนี้เจ้าลูกเป็ดอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาว ทำหน้าซึมกะทือ ผมเผ้าเหมือนคนไม่ได้หวีมาสักสิบชาติ แถมขอบตาดำคล้ำนั่นมันอะไรน่ะ เขาเห็นแล้วก็ขัดหูขัดตาอยากจะบ้องกะโหลกสักที ทำไมถึงได้ทำร้ายตัวเองอย่างนี้นะ

“หวีผมก่อนไป” เขาบอกก่อนจะส่งหวีให้ “แต่งตัวหล่อๆ ด้วย”

“คร้าบบบ”

เขาขับรถที่จอดทิ้งไว้ที่บ้านของชลธีกลับค่ายที่จังหวัดลพบุรีโดยมีตุ๊กตาหน้ารถเป็นเด็กหน้าบูดที่เขาต้องชวนคุยด้วยตลอดเวลา กล่องทิชชู่วางอยู่บนหน้าตักเด็กหนุ่ม ทุกอย่างในรถเงียบสนิทถ้าหากเขาไม่ชวนคุยก็ดูเหมือนเจ้าลูกเป็ดจะหลุดเข้าภวังค์ของตัวเองทันที

“ง่วงก็นอนหลับไปได้เลยนะ”

“ลินท์ไม่ง่วงหรอก นอนมาเยอะแล้ว” ดวงตากลมโตที่เคยสดใสตอนนี้มันมืดมนจนน่าใจหาย

“งั้นก็ดี” เขาชวนลูกเป็ดคุยจะได้ไม่ไปคิดมากอะไรอีก “พี่จะได้มีคนช่วยงาน”

“งานอะไรหรือครับ?”

“ก็ไม่ยากหรอก” ผู้หมวดหนุ่มยิ้มกว้าง “งานสบายลินท์ทำได้อยู่แล้ว”

“ให้ไปวิ่งกับพลทหารอีก ไม่เอาแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางขมวดคิ้ว จำได้แม่นว่าตัวเองเคยโดนปานชีวันแกล้งอะไรไปบ้าง

“ใครมันช่างแกล้งน้องพี่ได้วะ”

“พี่นั่นแหละ!”

ปานชีวันจอดรถหน้าใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขามองซ้ายมองขวาสังเกตสถานที่ก็เริ่มจะคุ้นตา บรรยากาศร่มรื่นที่เต็มไปด้วยต้นไม้รวมไปถึงบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งที่ตั้งตระหง่าน รั้วบ้านสีเขียวอ่อนและกระถางต้นไม้ดอกกุหลาบที่เริ่มเหี่ยวเฉาทำให้เขาจำได้ทันทีว่าที่นี่คือที่ไหน.. บ้านพักของชลธี

“พี่พาลินท์มาที่ทำไม” เขาไม่อยากจะเข้าไปเห็นอะไรก็ตามที่ทำให้คิดถึงคนรักขึ้นมาอีก ต่อให้ทุกคนจะตัดใจกับการตามหาแล้ว เขาก็ยังเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง เขาสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกสิ่งอย่างขอให้ชลธีปลอดภัย แต่ก็ไม่มีข่าวคราวเลยสักครั้ง

“อย่าเสียงดังล่ะ”

“เดี๋ยวพี่!” ปานชีวันไขกุญแจคล่องแคล่วก่อนจะเข้าไปข้างในบ้าน สภาพทุกอย่างยังคงเหมือนที่เขาเคยมาเมื่อนานมาแล้ว บรรยากาศยังคงอบอุ่นและชวนให้คิดถึงคนรักเหลือเกิน

“เดินเบาๆ หน่อย”

“รู้แล้ว”

เขาค่อยๆ เดินตามปานชีวันขึ้นไปชั้นสองเมื่อเห็นผู้หมวดหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของชลธี หัวใจก็เริ่มสั่นอย่างบ้าคลั่ง มันรู้สึกตื่นเต้นราวกับเขากำลังคาดหวัง มือบางสั่นระริกยามผลักประตูเข้าไป ดวงตากลมโตหรี่ตาเล็กน้อยเมื่อแสงสะท้อนเข้าตาเพราะหน้าต่างด้านในห้องถูกเปิดออกทุกบานเพื่อรับลม ส่วนบนเตียงมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังนอนหลับสนิทที่หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ นั่นคือใครบางคนที่เขารอคอยมาตลอดหลายเดือน

“พี่ฉ.. ฉลาม” เขาอยากจะวิ่งไปกอดคนที่นอนอยู่บนเตียงเสียเดี๋ยวนั้น “ฮึก.. ฮือ ลินท์ฝันไปใช่ไหม” ยกมือมาตบแก้มตัวเองได้หรือเปล่า เขาเลยหยิกตัวเองมันก็รู้สึกเจ็บ ของจริงนี่หว่า..

“เบาๆ หน่อย ชู่ว”

“หนูมาหาพี่แล้ว ฮึก พี่ได้ยินหนูไหม” มือบางสั่นระริกยาวจะลูบไล้ไปตามโหนกแก้มที่ซูบผอมของคนรัก “พี่ฉลามเป็นอะไร ทำไมถึง..” เขาเห็นผ้าพันแผลติดอยู่รอบดวงตาจึงหันไปถามปานชีวันที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ผู้พัน.. ตกลงจากเนินเขาหลังจากที่ยิงต่อสู้กับคนร้าย แรงกระแทกทำให้” เขาเงียบไปชั่วครู่มองเด็กหนุ่มที่กำลังนิ่งอึ้ง “ดวงตา.. สูญเสียความสามารถในการมองเห็น แพทย์ประจำหน่วยบอกแค่มีเพียงการผ่าตัดเท่านั้นที่จะทำให้ช่วยการมองเห็นดีขึ้น แต่มันอาจจะไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์..”

“ฮึก.. ฮือ”

“พี่ฉลามเขาไม่อยากให้ลินท์เป็นห่วง ก็เลยสั่งไม่ให้บอกใคร”

“ฮึก.. ฮือ” เขากลั้นเสียงร้อง ไม่อยากให้คนที่กำลังพักผ่อนสะดุ้งตื่น “พี่เขากลัวหนูจะทิ้งหรือ.. มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ”

“ไม่ต้องร้องแล้ว”

“ต่อให้จะเป็นยังไง.. หนูก็รัก จะเป็นอะไรก็ช่าง หนูรับได้ทั้งนั้น..” เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากกว้าง กอบกุมมือที่ร้อนผ่าวของคนรักเอาไว้ หัวใจที่เหมือนตายไปแล้วตอนนี้เหมือนได้รับน้ำอมฤตให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง “ขอแค่พี่กลับมา.. ฮึก”

กลับบ้านของเรา…



TBC

รีบเขียนรีบลงเนอะ ประโยคไหนผิดพลาดหรือมีคำผิดจะมาแก้ให้ภายหลังนะจ๊ะ
ตอนนี้ง่วงมากจริงๆ ๆ ๆ
ขอหายไปสักสองวันเคลียร์งานเสร็จแล้วจะมาต่อให้นะจ๊ะ
แม่ๆ ช่วยคอมเม้นท์ให้กำลังใจ พายจะได้มาไวๆ อิอิ

หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-02-2018 00:55:39
อ่านไปร้องไห้ไป ทำไมกรรมไม่สนองคนชั่วๆนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-02-2018 01:34:10
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: ง่าา ตาบอดเหรอออ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 13-02-2018 04:33:35
โชคดีมี่พี่ฉลามรอดกลับมาแต่ตาบอดอ่ะลินท์ได้เจอพี่ฉลามแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 13-02-2018 06:35:59
แสดงว่าอีกคนตายแล้วหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 13-02-2018 06:47:18
อยากให้รอดทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-02-2018 07:34:06
น้องลินท์ได้เจอพี่ฉลามแล้ว
เจ้าของหัวใจมาอยู่ใกล้แบบนี้ น่าจะแข็งแรงเร็วอยู่นา
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-02-2018 08:48:27
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-02-2018 09:00:23
น้ำตาคลอเลย...
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 13-02-2018 09:51:05
 :hao5: สงสารน้องอ่ะ น้ำตาไหลตามเลย  :mew4:
 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-02-2018 09:59:52
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 13-02-2018 13:38:50
พี่ฉลามสู้ๆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 13-02-2018 14:38:41
หน่วงชะมัด
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 16-02-2018 22:45:21
ตอนที่ ๒๗

เด็กหนุ่มหยิบหมอนและผ้าห่มมาจากอีกห้องก่อนจะพยายามเปิดประตูเข้าไปโดยใช้เสียงให้น้อยที่สุด ค่อยๆ ปูผ้าห่มกับพื้นห้องที่เย็นเฉียบ เขากะระยะไม่ให้ใกล้กับเตียงมากเกินไปและสามารถมองเห็นคนบนเตียงได้ชัดเจน ทิ้งตัวลงนอนแต่ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอมเทาระยิบระยับยามได้เห็นคนรักอยู่ใกล้แค่เอื้อม ชลธีพลิกตัวไปมาและพยายามจะลุกขึ้นนั่ง มือทั้งสองข้างควานหาสะเปะสะปะไปทั่ว เขาจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งจึงเข้าใจว่านายทหารหนุ่มคงอยากจะจิบน้ำ เลยลุกขึ้นไปรินน้ำเปล่าใส่แก้ว ทันทีที่เสียงฝีเท้าดังชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงก็ตวาดเสียงดังจนเขาสะดุ้ง

“ใคร! ใครอยู่ในห้อง!?”

เด็กหนุ่มเหลือบมองก่อนจะค่อยๆ ถือแก้วน้ำเข้าไปหา คิดไม่ตกว่าจะบอกนายทหารหนุ่มอย่างไรดีเพราะปานชีวันไม่ให้เขาบอกความจริงกับชลธีว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว และผู้หมวดหนุ่มยังได้บอกกับชลธีเอาไว้ว่าจะมีคนมาช่วยดูแล แม้ผู้พันจะปฏิเสธอย่างไรแต่รุ่นน้องก็ไม่ยอมปล่อยให้ได้อยู่คนเดียว เด็กหนุ่มเลยได้โอกาสสวมรอยเป็นคนดูแล นี่คืองานที่ปานชีวันบอกให้เขาช่วยสินะ เด็กหนุ่มแอบดัดเสียงเล็กน้อยไม่ให้คนรักจำได้ “เอ่อ คือว่า.. ผมเป็นคนที่จะมาช่วยดูแลคุณครับ” เมื่อชายหนุ่มยังนิ่งเงียบเขาเลยถือโอกาสพูดต่อ “คุณปาน..”

“ไปบอกไอ้ปานมันด้วยว่าผมไม่ต้องการ!” เด็กหนุ่มยังพูดไม่ทันจบประโยค นายทหารหนุ่มก็ตวาดเสียงแข็งจนเขาสะดุ้งอีกรอบ “ผมดูแลตัวเองได้!”

“แต่คุณมองไม่เห็น.. แล้วจะช่วยเหลือตัวเองได้ยังไง”

“ผมบอกให้ออกไป!”

เขานิ่งเงียบมองชลธีที่กำลังสบถอย่างหัวเสีย ชลธีไม่ยอมให้เขาดูแลและไล่เขาออกไปหลายต่อหลายครั้ง เขารู้ว่าการมองไม่เห็นมันเป็นเรื่องที่กวนใจและทรมานมาก ยิ่งคนที่ทำอะไรได้เองทุกอย่างกลับต้องมารอความช่วยเหลือจากคนอื่น เป็นเขาก็คงไม่อาจจะสงบใจไว้ได้ แต่เรื่องอะไรที่เขาจะยอมไปง่ายๆ กัน จะปล่อยให้คนรักอยู่คนเดียวได้อย่างไร เด็กหนุ่มถือแก้วน้ำเข้าไปใกล้โดยจับมือชลธีให้สัมผัสกับแก้ว

“ใจเย็นๆ ดื่มน้ำก่อนนะครับจะได้ทานยา” เขาเตือนความจำของชายหนุ่มที่จะต้องทานยา จึงไม่มีอาการอาละวาดอย่างที่เขานึกกลัว “จะได้หายไวๆ นะครับ” ชลธีไม่พูดอะไรมากและยอมทานแต่โดยดี เขาจัดการเรื่องยาที่จะต้องทานและช่วยทำแผลให้เรียบร้อย ช่วงแรกอาจจะไม่ค่อยคล่องอยู่บ้างแต่เขาก็ตั้งใจมาก แค่เห็นแผลตามตัวของชลธีเขาก็อดสงสารไม่ได้

“ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไรครับ.. คุณอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า”

“ไม่.. ไม่เป็นไร” เขาส่ายหัว “คุณออกไปเถอะ”

“มีอะไรก็บอกผมได้นะครับ”

“อืม”

มุจลินท์ไม่ได้ออกจากห้องอย่างที่นายทหารหนุ่มคิด เขานั่งมองคนรักที่กำลังพยายามลุกจากเตียงอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนเขาอดรนทนไม่ไหวต้องเข้าไปช่วยประคองไม่ให้ล้ม นายทหารหนุ่มตัวใหญ่กว่าเขามากจนเขาเกือบเผลอล้มทับไปแล้ว เสียงฮึดฮัดของคนป่วยดังมาอีกรอบ ชลธีหงุดหงิดที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างใจนึก หงุดหงิดกับโลกแห่งความมืดที่เขารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว หงุดหงิดที่จะต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นทุกครั้งไป.. ชลธีนึกเกลียดตัวเองจับใจ เขากลายเป็นคนไร้ความสามารถไปเสียแล้ว

“ผมอยากเข้าห้องน้ำ”

“ได้ครับ ค่อยๆ เดินนะ” ประคองชายหนุ่มเดินไปตามทาง ชลธีใช้มือสัมผัสไปทั่วพยายามนึกถึงสถานที่ที่ตัวเองเคยอยู่และจดจำให้คุ้นชิน แม้เขาจะมีโอกาสหายแต่ก็ไม่แน่ร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่เป็นสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้ ชลธีควานหาปุ่มเปิดไฟอย่างเคยชิน จนกระทั่งรู้สึกตัวว่าต่อให้เปิดยังไงเขาก็ไม่มีทางเห็น นายทหารหนุ่มจึงยอมเดินเข้าไปห้องน้ำแต่โดยดี เด็กหนุ่มเห็นอาการแล้วอยากจะเข้าไปกอดปลอบเหลือเกิน “จะอาบน้ำเลยไหมครับ”

“อืม”

การอาบน้ำยังคงทุลักทุเลอยู่บ้างเพราะต้องระวังไม่ให้โดนแผลที่เพิ่งจะผ่าตัด ชายหนุ่มไม่ยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัวแม้แต่ตัวน้อย เขาจึงต้องแอบบังคับถูสบู่ให้ จนเขาพาชลธีเข้าไปนอนที่เตียงและห่มผ้าให้เรียบร้อย ค่อยตรวจเช็คแผลตามตัวว่าไม่มีปริแตกและแผลเย็บไม่ได้อักเสบอะไร เขาจึงได้เบาใจและยอมผละไปนอนที่นอนตัวเอง คอยนอนตะแคงมองชายหนุ่มที่กระสับกระส่ายไปมา

“นอนไม่หลับหรือครับ”

“กี่โมงแล้ว”

“สองทุ่มแล้วครับ”

“เอาโทรศัพท์มาให้ที.. กดโทรหาปานให้หน่อย”

“นี่ครับ” เขาส่งโทรศัพท์มือถือให้ชายหนุ่ม

“ปาน มึงอยู่ไหน? มึงอยู่กับลินท์หรือเปล่า?” เขาใจหายวาบเมื่อชลธีถามหาถึงเขา ถึงแม้ว่าปานชีวันจะบอกเขาแล้ว เขาก็ยังบังคับให้ปานชีวันบอกคนที่บ้านเรื่องอาการป่วยของนายทหารหนุ่มด้วย เขารอเวลาได้จัดการกับคนรักที่ทำให้เขาทรมานแทบตายอยู่หลายวัน

[ไม่ได้อยู่นะพี่ ผมเพิ่งออกมาจากบ้านพี่มาเมื่อกี้นี้เอง]

“ลินท์เป็นยังไงบ้าง ไทเกอร์ล่ะ”

[ยังไม่ยอมกินข้าว..]

“ลินท์เลิกร้องไห้หรือยัง”

[พี่คิดว่าไงล่ะ?]

“กูฝากดูแลลินท์ด้วย..” ชลธีพูดได้แค่นั้นก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวก่อนจะสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มเงียบเชียบ เด็กหนุ่มนอนมองคนรัก จนคิดว่าชลธีคงจะนอนหลับไปแล้วค่อยๆ คลานเข้าไปที่เตียงแตะใบหน้าคมคร้ามที่เขาแสนคิดถึงเบาๆ ยังไม่ทันจะได้ดึงมือออกก็โดนมือหนาคว้าเอาไว้ก่อน

“จะทำอะไร?”

“ปะ.. เปล่า”

“อย่ามายุ่งวุ่นวายกับผมมาก ผมไม่ชอบ” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำ “อย่าให้มีอีก”

“ขะขอโทษครับ” เด็กหนุ่มชักมือกลับหันหลังเดินกลับไปนอนบนที่นอน ตะแคงข้างมองชายหนุ่มจนผล็อยหลับไป ไม่ได้แตะต้อง ไม่ได้กอด ไม่ได้จูบให้หายคิดถึงก็ไม่เป็นไร.. อย่างน้อยพี่ก็ยังอยู่ในสายตาหนู อยู่ใกล้กับหนู…

เพล้ง!

เสียงแตกของแก้วทำให้เขาสะดุ้งตื่น เขาขยี้ตาอยู่สักพักก็เห็นชลธีกำลังจับกรอบรูปที่แขวนอยู่บนผนังแล้วปามันลงกับพื้น เจ้าลูกเป็ดอ้าปากค้างพลิกตัวหลบเศษแก้วที่กระเด็นเกือบจะโดนหน้าแทบไม่ทัน เมื่อวานเขาคงนอนดึกไปถึงได้ไม่ตื่นตามเวลา มารู้สึกตัวก็ตอนที่ชลธีกำลังอาละวาด ไม่รู้โมโหหิวหรือเปล่า

“คุณทำอะไรเนี่ย”

“หลบไป!”

“คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้นหรือไง!” เขาคว้ามือหนาของคนรักเอาไว้ แวบหนึ่งเขาลืมดัดเสียงจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก “แค่กๆ ทำไมถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้นะ” แกล้งไอกลบเกลื่อนก่อนจะคว้ามือคนป่วยที่กำลังพยศให้เดินมานั่งที่เตียง

“อยู่เฉยๆ เดี๋ยวผมมา”

“ทำไมผมต้องฟังคุณด้วย”

“ก็…” เขาอึกอัก อยากจะตะโกนใส่หน้าด้วยความโมโหว่าตัวเองเป็นใครแต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ “ก็ผมเป็นคนดูแลคุณไงเล่า!” เด็กหนุ่มพูดได้แค่นั้นก็วิ่งลงไปข้างล่าง เข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วรีบก็ไปเตรียมอาหารเช้า เปิดตู้เย็นที่มีของสดที่ปานชีวันเตรียมมาให้จึงลงมือทำอาหารทานง่ายๆ ให้คนป่วย ด้านบนไม่มีเสียงของแตกหรือเสียงโวยเขาถึงได้เบาใจ

“ค่อยๆ ทานนะครับ.. วันนี้มีข้าวต้มกุ้งกับไข่ตุ๋น” ชลธีนิ่งเงียบไม่หือไม่อือไม่ยอมตอบอะไรเขาทั้งนั้น นี่กำลังกวนประสาทเขาอยู่ใช่ไหม? “นี่คุณ!”

“รู้ยังไงว่าผมชอบทานอะไร?”

“ก็ คุณปานชีวันเป็นคนบอก” เขาตอบแล้วเลื่อนถ้วยข้าวต้มเข้าไปใกล้ “ก่อนที่ผมจะมาดูแลคุณ ผมก็ต้องศึกษาข้อมูลก่อนสิ”

“หึ”

“กินสิครับ เดี๋ยวมันเย็นหมดหรอก” เขาจ่อช้อนไว้ที่ปากคนป่วยแล้วบอกกึ่งบังคับ “อ้าปาก”

“ผมไม่ใช่เด็กนะ”

“ยิ่งกว่าเด็กอีก ถ้ายังไม่ยอมทาน!” กว่าชลธีจะยอมทานได้ต้องต่อปากต่อคำกับเขาอีกสักพัก นายทหารหนุ่มทานได้แค่ครึ่งหนึ่งก็ขอทานยา แม้เขาจะคะยั้นคะยอให้ทานเพิ่มอีกสักหน่อยก็ไม่ยอม หลังจากนั้นเขาจึงช่วยคนรักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็พามานั่งที่เตียงเหมือนเคย..

“ไม่เบื่อหรือ มานั่งเฝ้าคนตาบอด”

“ไม่เบื่อครับ” เขาไม่อยากจะบอกว่ายิ่งกว่าเต็มใจด้วยซ้ำ

“แปลกคน” ชายหนุ่มล้มตัวลงนอน “คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะผมไม่ว่า หรือจะไปเลยก็ได้”

“คุณชลธี!” เขาชักจะเริ่มโมโหกับคนดื้อซะแล้ว ทำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะหาย ใจคอจะไม่อยากเจอเขาแล้วใช่ไหม

“ผมอยากอยู่คนเดียว”

“ไม่ได้” เขาตอบเสียงแข็ง ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมอยู่ห่างจากชลธีอีกแล้ว ต่อให้เอาช้างมาฉุดเขาก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น!

นายทหารหนุ่มไม่ตอบแต่นอนหันหลังให้เขาไม่ยอมคุยกับเขาสักคำจนกระทั่งเกือบหกโมงเย็นปานชีวันเข้ามาเยี่ยมถึงจะยอมเปิดปากพูด ส่วนเขาไม่ได้พูดอะไรมาก ทำหน้าที่ของตัวเอง เตรียมอาหาร เตรียมยา ช่วยทำแผลและพาเดินเพื่อไม่ให้แผลกดทับ

“เป็นยังไงบ้าง” ปานชีวันแอบมาคุยกับเขาส่วนตัว

“ขี้หงุดหงิดชะมัด” เด็กหนุ่มบ่นอุบ “ลินท์เอาแทบไม่อยู่”

“แรกๆ หนักกว่านี้อีก ผู้ช่วยพยาบาลไม่เคยอยู่ได้เกินหนึ่งวัน”

“ขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“อาละวาดซะขนาดนั้น” ปานชีวันถอนหายใจเฮือก “กว่าจะพักรักษาตัวเพื่อเข้าผ่าตัดคงอีกหลายเดือน”

“นานจังเลยครับ”

“พี่คงหวังแค่ลินท์ได้คนเดียว” เขาไม่รู้จะไปหาใครที่เอาชลธีอยู่อีกแล้ว ก็หวังพึ่งแต่เด็กหนุ่มคนนี้คนเดียวเป็นถึงคนรักย่อมต้องรู้วิธีจัดการกับชลธีอยู่แล้ว ผู้หมวดหนุ่มอยู่เป็นเพื่อนเขาอีกพักหนึ่งจึงขอตัวกลับก่อน ปานชีวันเข้าไปบอกลารุ่นพี่ที่กำลังนั่งเฉยอยู่บนเตียง

“ผมกลับก่อนนะครับ” ผู้หมวดหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะแวะมาหาใหม่ พี่ก็อย่าไปไล่คนดูแลเขานะ ผมหาให้ไม่ได้แล้ว” ประโยคหลังเขาแอบพูดติดตลกแต่ดูเหมือนผู้พันจะไม่ขำกับเขาด้วย

“อยู่ไม่ได้ก็ออกไป”

“พี่ฉลาม..”

“ส่วนมึงจะไปไหนก็ไป กูอยากอยู่เดียว”

“พี่ไม่อยากจะฟังข่าวลินท์หรือ” ปานชีวันพูดแล้วเงยหน้ามองเขา “พี่แม่งโคตรใจร้ายเลยนะรู้ตัวบ้างไหม”

“…”

“ถ้าลินท์มันมีแฟนใหม่ขึ้นมา ผมจะหัวเราะสมน้ำหน้าพี่ คอยดู”

เพล้ง!

“มึงออกไปเลยไป!” คนป่วยปาดของที่ใกล้ตัวออกระเนระนาดไปหมด แผ่นอกขยับขึ้นลงถี่มือทั้งสองข้างกำแน่น เขาหันไปถลึงตาใส่ผู้หมวด

“ผมเตือนพี่แล้วนะ คิดว่าแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวแล้วเท่หรือ”

“กูอยากอยู่เดียว!” ปานชีวันหันมามองหน้าเขาแล้วตบไหล่เบาๆ เขารีบเข้าไปพยุงชลธีที่กำลังพยายามลุกขึ้นแต่ก็โดนผลักออกมา

“โอ๊ย”

“ออกไป”

“นี่คุณ!”

“นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม คนนอกไม่ต้องมายุ่ง” สิ้นประโยคเด็กหนุ่มกำมือแน่น ขมวดคิ้วเป็นปม รู้สึกโกรธจนต้องหายใจเข้าออกช้าๆ แม้ว่าชลธีจะไม่รู้ว่าเป็นเขาแต่การที่ถูกบอกว่าเป็นคนนอกแล้วต้องมองคนรักใช้ชีวิตด้วยความเจ็บปวด เขาเองก็รู้สึกทรมานไม่ต่างกัน เด็กหนุ่มไม่สนใจคำพูดที่ผลักไล่ไสส่งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเข้าไปประคองชลธีที่ให้นั่งเรียบร้อย มือขาวปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ

“เดี๋ยวทานยานะครับ” เขาส่งยาให้ชายหนุ่มถือไว้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมทานเสียที

“อืม”

“กินให้หมดสิครับ”

“รู้แล้วน่า”

“อาบน้ำด้วยนะครับ”

“อืม” เขาจัดแจงพาชายหนุ่มเข้าไปอาบน้ำตามเดิม ค่อยๆ ล้างแผลเช็ดแผลให้เรียบร้อย แต่งตัวเรียบร้อยก็ลงมานั่งเปิดทีวีให้ฟังเสียง กิจวัตรเดิมๆ ที่เขาเองไม่เคยเบื่อแต่คนป่วยคงเบื่อหน่ายจนแทบทนไม่ไหวแล้ว เขามองคนรักที่กำลังนั่งฟังข่าว แหวนทองคำขาวที่เขาเคยให้คนรักเอาไว้วางอยู่ไม่ห่าง เขาเลยถือวิสาสะหยิบมาดูสภาพของมันด้วยความคิดถึง..

“ใครใช้ให้มายุ่งกับของๆ ผม!” ชลธีคว้าข้อมือบางแล้วบิดไปอีกทางจนคนตัวเล็กร้องโอดโอย มือเขาจะหักหรือเปล่าเนี่ย ทำไมคนป่วยถึงได้แรงเยอะแบบนี้นะ!

“อย่านะ ผมเจ็บ!”

“บอกมาว่าคุณต้องการอะไรกันแน่!” แรงกระชากจนเขาแทบน้ำตาเล็ด ปวดไปทั้งแขนจนอยากจะร้องไห้
“ลินท์เจ็บ..”

“อะไรอีก.. คราวนี้อะไรอีกล่ะ”

“พี่ฉลาม.. หนูเจ็บ”

“….” ชลธีอึ้งไปชั่วครู่ “ลินท์?”

“ก็ใช่น่ะสิ! พี่ปานไม่ให้บอกพี่ว่าเป็นหนู ก็พี่อยากให้พี่ปานปิดหนูทำไมล่ะ” อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าไม่บอกเขาได้ตายคาบ้านพักชลธีแน่ๆ ฮือ เจ็บชะมัด

“ลินท์จริงๆ หรือ?” เขาถามทวน มือที่จับไว้ค่อยๆ ปล่อยออก “งั้น.. คนที่ทำอาหารให้ทาน”

ข้าวต้มกุ้งของโปรดและไข่ตุ๋นทรงเครื่องรสมือที่คุ้นปาก…

“หนูเอง”

“คนที่ป้อนยาล่ะ”

กลิ่นตัวที่เขาคุ้นเคย ลอยวนเวียนรอบจนเขาต้องไล่ให้ออกไปห่างๆ ..

“หนูเอง”

“คนที่พาไปอาบน้ำ ถูสบู่?”

“ก็หนูเองนั่นแหละ” เด็กหนุ่มเริ่มจะโมโห มีเขาคนเดียวที่อยู่มาตั้งสองวัน “จะเป็นใครไปได้ล่ะ!”

“คนที่แอบหอมแก้มพี่?”

“อืออออ หนูเอง” เขอเผลอตอบก่อนจะร้องลั่น “พี่รู้ได้ไงเนี่ยยยย” เห็นชลธีนิ่งเงียบเขาเลยเข้าไปใกล้ ไม่รู้จะโกรธมากไหม แต่คิดไปคิดมาคนที่ควรจะโกรธต้องเป็นเขาสิ! มือหนาแตะไปตามตัวเขาลูบตั้งแต่หัว ใบหู ใบหน้าที่ค่อยๆ ลูบไล้ตั้งแต่คิ้ว จมูก ริมฝีปาก

“อื๊อ พี่ฉ..ฉลาม” ชายหนุ่มรั้งร่างที่เล็กกว่าให้เข้ามาใกล้ สูดกลิ่นหอมที่เขาคิดถึงเหลือเกิน “ปล่อยหนูก่อนหนูอึดอัด..” ริมฝีปากหนาพรมจูบไปตามใบหน้า เกลี่ยไล้ไปตามซอกคอขาว เด็กหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างดันแผ่นอกหนาเอาไว้แต่ก็เอาไม่อยู่ วนเวียนอยู่ข้างแก้มสักพักค่อยๆ เลื่อนมาที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่ม ดูดดื่มดึงรั้งด้วยความรุนแรงจนเจ้าลูกเป็ดต้องส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอ จะจูบให้ปากเขาหลุดออกมาหรือยังไง เสียงหอบหายใจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ แรงอารมณ์ปะทุขึ้นมาอย่างง่ายดายจนเขาต้องเขยิบตัวหลบออก เมื่อเขายิ่งหนีแรงโอบยิ่งมากขึ้นตามด้วยมือแกร่งที่ช้อนข้อพับที่ขาเขาไว้แล้วช้อนอุ้มในท่าเจ้าหญิง

“พี่..เดี๋ยวหนูตก.. ปล่อยหนูก่อน!” เขาโวยวายพลางกอดรัดคนรักไว้แน่น

“ลินท์”

“หือ?”

“บอกทางพี่ที.. เตียงไปทางไหนครับ”

(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 16-02-2018 22:48:18
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


เด็กหนุ่มได้ยินคำพูดจากคนรักก็เบิกตาโพลงใช้กำปั้นทุบเข้าไปที่แผงอกหนา “ปล่อยหนูลงเดี๋ยวนี้นะ!” เจ้าลูกเป็ดดิ้นพล่าน ท่อนแขนแข็งแกร่งก็ยิ่งบีบรัดแน่นขึ้น “พี่ฉลาม!”

“ไม่.. พี่ไม่ปล่อยหนู” นายทหารหนุ่มยืนยันคำเดิม ค่อยๆก้าวเท้าไปข้างหน้าทั้งๆที่มองไม่เห็นอะไร ความมืดที่เขาต้องเผชิญอยู่คนเดียวราวกับชีวิตนี้เขาไม่เหลือใครอีกต่อไปมันช่างทรมาน เขายอมปิดบังคนรักเพราะอยากรักษาอาการป่วยให้หายดี ตอนนี้เขาไม่ต่างจากคนพิการที่แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่ามุจลินท์จะรับเขาได้หรือไม่ มันคือสิ่งที่เขากลัวมากที่สุด

กลัวเมียทิ้ง…


“อื้อ เดี๋ยวก็ล้มลงไปทั้งคู่หรอก”

“ถ้าพี่ปล่อยหนูลง จะไม่หนีพี่ไปใช่ไหม”

“พูดอะไรของพี่เนี่ย” เขาเหวลั่น “หนูเนี่ยนะจะหนี”

“ก็หนูรู้แล้วว่าพี่…”

“รู้แล้วยังไงครับ” เด็กหนุ่มชักเริ่มโมโห “พี่คิดว่าหนูจะทิ้งพี่หรือ?”

บ้าที่สุด! กล้าคิดว่าเขาจะทิ้งไปได้ยังไง

“พี่ไม่รู้เลย.. มันกังวลไปหมด”

“เลยไม่ให้พี่ปานบอกหนูหรือ? มันน่าทุบไหม!” เด็กหนุ่มน้ำเสียงสั่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ชลธีรู้ว่าเขาเสียใจขนาดไหน มือขาวปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด “ทำไมพี่ดูถูกความรักของหนูแบบนี้”

“พี่ผิดไปแล้ว” เขาวางคนรักลง แล้วรวบลูกเป็ดเข้ามากอดแน่น สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆที่เขาชอบนัก “ให้อภัยคนโง่อย่างพี่นะครับ”

“พี่ฉลามบ้า! บ้า บ้า” เขารัวกำปั้นทุบไปอย่างไม่แรงนัก เสียงสะอึกสะอื้นของลูกเป็ดทำให้ชลธีรู้ว่าเขาได้ทำให้คนรักเสียใจขนาดไหน

“พี่ขอโทษ” ชลธีพูดเสียงแผ่ว เขารู้สึกผิดจริงๆที่คิดอะไรไปเองคนเดียว “ขอโทษนะครับคนดี”

“ฮึก ฮือ”

“ไม่ร้องนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว”

“ฮึก ฮือ” เด็กหนุ่มพูดทั้งน้ำตา เขาทั้งกลัวทั้งเสียใจความรู้สึกอะไรต่อมิอะไรประดังประเดเข้ามาหาไม่มีหยุด มันทรมานแทบจะขาดใจ “ถ้าพี่หายไปอีก หนูไม่ยอมแน่ๆ”

“จะไม่ไปไหนแล้วครับ”

“อยู่กับหนูนะ”

“ครับ” เห็นคนรักพยักหน้า ลูกเป็ดก็ยิ้มกว้างเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มชายหนุ่มเบาๆ ชลธีเลิกคิ้วเมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสข้างแก้ม เขากุมมือคนรักไว้แน่น ยกขึ้นจูบแนบกับริมฝีปากอุ่น “เมียพี่น่ารักที่สุด..”

ชลธียกเด็กหนุ่มขึ้นอุ้มค่อยๆก้าวขาตามที่บอก วงแขนขาวคล้องคอคนรักกลุ่มผมนิ่มซบลงตรงไหล่หนา “ตรงหน้าเป็นบันไดแล้วครับ”

“อ๊ะ” ชลธีเซเล็กน้อย “อีกกี่ขั้นครับ”

“ช้าๆนะครับ อีก7ขั้น”

“เยอะจัง” นายทหารบ่นอุบ “พี่ใจร้อนจะแย่แล้ว”

ถ้าวิ่งได้เขาคงวิ่งไปแล้ว!

“พี่จะรีบทำไมครับ เพิ่งทานยาง่วงแล้วหรือ”

“อะอือ พี่รู้สึกง่วงๆยังไงไม่รู้”

“งั้นปล่อยหนูลง หนูพาพี่ไปง่ายกว่าอีก” เขาเงยหน้าขึ้นมองคนรัก ลูบที่ท่อนแขนแผ่วเบา “ให้หนูลงก่อน”

“ก็ได้ครับ”

เด็กหนุ่มค่อยๆจับจูงคนตัวโตที่เลิกโวยวายขึ้นบันไดด้วยความระมัดระวัง มือสอดประสานแนบแน่นถ่ายทอดความรู้สึกร้อนผ่าวที่แสดงถึงสัญชาตญาณแห่งการมีชีวิต แค่รู้ว่าชลธีปลอดภัยและยังมีชีวิตอยู่เขาแทบจะปลดทุกสิ่งออกทั้งหมด เหมือนก้อนหินที่ถ่วงใจเขาไว้มันหายไป เหมือนได้ต่อลมหายใจอีกครั้ง

“ถึงแล้วครับ” เขาพาชลธีไปนั่งที่เตียง กุลีกุจอจัดแจงหมอนและผ้าห่มให้เรียบร้อย ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นจนเขาต้องเอ่ยปากถาม “เป็นอะไรหรือครับ”

“อย่าบอกนะว่า.. หนูนอนที่พื้นตลอดเลย”

“ก็.. เอ่อ จะให้หนูไปเบียดพี่ได้ไงล่ะ” เขาเกาหัวแกรก “หนูไม่ได้บอกด้วยว่าตัวเองเป็นใคร”

“ไอ้ปานนะ.. ไอ้ปานไอ้น้องเวร” กล้าดียังไงถึงปล่อยให้เมียเขาลำบากขนาดนี้ ยังไม่รวมที่เขาเผลอตวาดขึ้นเสียง แถมยังว่าต่างๆนาๆอีก “พี่ขอโทษนะครับ”

“ไม่ต้องขอโทษแล้ว หนูไม่ได้โกรธ แค่พี่อยู่กับหนู..ก็พอแล้ว หนูไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”

“จริงหรือ”

“แต่ว่าตอนนี้ พี่ต้องการ..”

“พี่จะเอาอะไรบอกหนูก็ได้ หนูจะหยิบให้” เขาหันไปถามคนรัก เผื่อจะได้ช่วยหยิบจับอะไรในขณะที่คนป่วยยังเงียบกริบแบะกวักมือให้เขาเข้าไปใกล้แทน “เอาอะไรหรือ?”

“ไม่ต้องแล้วล่ะ เพราะพี่หาเจอได้แล้ว” นายทหารหนุ่มคว้าตัวเด็กหนุ่มได้ก็ดึงให้เข้ามาใกล้ เขาผลักลูกเป็ดให้นอนเอนราบไปกับเตียง แม้เขาจะมองไม่เห็นแต่เสียงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขารู้ว่าร่างกายของเขาและคนรักกำลังเข้าใกล้กันมากขนาดไหน

ร้อน.. จนแทบละลาย

“อื้อ พี่ต้องพักผ่อนนะ!” เขานึกขึ้นได้ก็กระเด้งตัวขึ้น “เดี๋ยวหนูโดนแผลพี่”

“ไกลหัวใจน่า” เขาบอกพลางหัวเราะขำ นิ้วมือไล้ไปตามวงหน้าของลูกเป็ดอย่างรักใคร่ เขาสัมผัสอย่างระมัดระวัง จินตนาการยามได้โอบกอดคนรักในวงแขนใบหน้าหวานมักขึ้นสียามเขาหยอกล้อคลอเคลียไม่ห่างจนเขาอดใจไม่ไหวก้มลงดูดดึงริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่นทุกครั้งไป

“อื้อ หนูเจ็บ” คนตัวเล็กกว่าบ่น ไม่รู้คนรักเป็นอะไรถึงได้ชอบเล่นอะไรรุนแรงกับเขาเหลือเกิน เล่นขบกัดขนาดนี้ปากเขาแตกขึ้นมาจะทำยังไง! “อย่ากัดปากหนูสิ”

“ก็ปากหนูหวาน.. พี่ชอบ”

“บ้า!”

ชลธีปลดกระดุมเสื้อของเด็กหนุ่มอย่างคล่องแคล่วไม่นานนักลูกเป็ดก็โดนลอกคราบ คนเจ้าเล่ห์ใช้ท่อนแขนหนากักเขาไว้ไม่ให้ไปไหน ฉกจูบไปทั่วใบหน้าใช้นิ้วเขี่ยยอดอกที่เริ่มแข็งเกร็งเพราะแรงเสียดสัมผัส เขารูดชุดชั้นในของเด็กหนุ่มออกจนไม่เหลืออาภรณ์ใดๆ มุจลินท์ยกมือขึ้นลูบแก้มคนรักไล่ขึ้นไปยังผ้าพันแผลบริเวณดวงตา

“เจ็บไหม”

“เจ็บสิ” เขาจับมือคนรักไว้แล้วดึงมาจูบอย่างที่ชอบทำ “แต่ถ้าไม่ได้อยู่กับหนู.. พี่คงเจ็บมากกว่า”

“หนูก็เจ็บ เจ็บตรงนี้มากเลย” ดึงฝ่ามือชายหนุ่มให้ทาบทับเหนืออกข้างซ้าย หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วจนอีกคนยังรู้สึกได้ หากชลธีเป็นอะไรไปมากกว่านี้เขาคงเจ็บมากกว่าเป็นสิบเท่า

“ต่อไปหนูจะไม่เจ็บตรงนั้นแล้ว” กดจูบที่แก้มขาวแรงๆสักที “เพราะน่าจะเจ็บตรงอื่นมากกว่า” ลูกเป็ดเอียงคอมองคนรักที่ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็ยังไม่เข้าใจ นี่เขาจะยังต้องเจ็บอีกหรอเนี่ย!

ร่างเล็กผวาเฮือกเมื่อสัมผัสแปลกปลอมแตะเข้าที่ช่องทางรักมันบีบรัดแน่นจนนายทหารหนุ่มต้องกัดฟันข่มอารมณ์พลุ่งพล่านไม่ให้ตัวเองเสือกไสตัวตนเข้าไปจนสุด เขาเลือกใช้นิ้วชี้กดเข้าไปในนั้นจนมิดแล้วหมุนควงจนลูกเป็ดบิดเร้าหอบหายใจรวยระริน

“พี่จ๋า อย่าทำแรงนะ”

“พี่ทำแรงไปหรือครับ”

“ก็ไม่ได้แรงอะไรมากหรอก.. แต่หนูไม่ได้ทำนานแล้ว” เขาตอบเสียงเบาก่อนจะหลบหน้าไปอีกทาง ถึงแม้ชลธีจะไม่มองเห็นแต่เขาก็เขินอายเกินกว่าจะพูดในระยะประชิดขนาดนี้ ชายหนุ่มจุดยิ้มแล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกผวาเข้ากอดเขา “แกล้งหนูหรือ!”

“เปล่า พี่มองไม่เห็น” เขาปฏิเสธหน้าตาย ลมหายใจที่แผ่กระจายความอุ่นร้อนของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดหนึบที่กลางกายขึ้นมาอีกรอบ เขาถอนลมหายใจเชื่องช้ากัดฟันแน่น ใช้มือรูดแก่นกายของคนตัวเล็กสลับกับสอดนิ้วเข้าออก

เบาก่อน เบาก่อน..

“อื้ออออออ” เด็กหนุ่มกระตุกก่อนจะปลดปล่อยออกมาเต็มหน้าท้อง ตั้งแต่ที่ชลธีไม่อยู่เขาก็ไม่เคยได้ปลดปล่อยด้วยตัวเองเลยสักครั้ง รู้สึกตกใจไม่คิดว่ามันจะออกมาเยอะขนาดนี้

“หื้ม” ชลธีเลิกคิ้วเมื่อเห็นเสียงคนรักเงียบไป “เหนื่อยแล้วหรือ”

“เปล่าพี่.. หนูแค่อาย” เขาเอามือปิดหน้า “ออกมาเยอะมากเลยอะ”

“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวก็ออกมาเยอะกว่านี้” ซับเหงื่อข้างขมับให้คนรัก “เพราะไม่พอแค่นี้หรอก”

“ไม่เอาแล้ว หนูกลัวเจ็บ”

“พี่จะทำเบาๆ สัญญาด้วยเกียรติของทหารเลย”

“หนูไม่เชื่อ!”

“โถ่คนดีตอนนี้พี่ป่วย พี่ไม่มีแรง..” ชายหนุ่มโอดครวญ รู้สึกเหมือนท้องฟ้าถล่มลงมาตรงหน้า อดอยากปากแห้งมาหลายเดือน เรื่องอะไรจะยอมทน “รับรองว่าพี่จะทำเบาๆ”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องทำดีไหม”

อ้าว………

“ถ้าหนูไม่พร้อม.. พี่ก็มะ”

“พี่อยู่เฉยๆเดี๋ยวหนูทำเอง”

เดี๋ยว!

หนู!

ทำ!

เองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ใครสั่งใครสอนให้พูดจาแบบนี้วะ!

ชายหนุ่มก้มลงบดจูบริมฝีปากคนรักอีกรอบ เจ้าตัวพยายามดันตัวให้หลุดออกจากอ้อมกอดเขา คราวนี้เขายอมปล่อยให้เด็กหนุ่มไต่ขึ้นมานั่งบนตัวเขา มุจลินท์นั่งมองเรือนร่างแน่นหนาไปด้วยกล้ามเนื้อพลางพิจารณาว่าไม่ควรโดนแผลตรงไหนบ้าง มือขาวค่อยๆปลดกางเกงผ้าแพรของชายหนุ่มหลุดปลิวออกไป ชลธีเผลอสบถครางออกมา เขามองไม่เห็นเลยไม่รู้ว่าจะโดนทำอะไรบ้าง จนกระทั่งลิ้นอุ่นแตะเข้าที่ส่วนหัวของแกนกายที่ร้อนระอุ นายทหารหนุ่มเกร็งจนหน้าท้องขึ้นกล้ามชัด ใช้มือหนาคว้าเข้าที่หัวของลูกเป็ดที่กำลังโยกขึ้นลง โพรงปากอุ่นและลิ้นร้อนทำเอาเขาอยากจะระเบิดตัวตายซะตอนนี้

“หนู.. พอก่อน”

“ไอ่(ไม่)!!”

“อ๊ะ หนูอย่า.. เดี๋ยวพี่เสร็จ”

“อื้อ”

“ลินท์ พี่ขอ.. นะครับ” เขาพูดเสียงพร่า ลมหายใจขาดห้วงเมื่อคนรักออกแรงห่อปากวนไล้ตรงจุดอ่อนไหวจนเขาเริ่มไม่ไหว ความรู้สึกแล่นปราดไปทั่วท้องน้อย เขาใช้สองมือหนาประคองศีรษะเล็กของคนรักเอาไว้ “อ๊ะ..” เด็กหนุ่มถอนริมฝีปากออก ใช้หลังมือปาดน้ำสีใสที่โยงใยเป็นสาย ดวงตากลมโตเป็นประกายยามได้เห็นนายทหารหนุ่มอดกลั้นด้วยความทรมาน เขาค่อยๆกดตัวลงเบื้องล่างดูดกลืนท่อนเนื้อที่กำลังแข็งขืนเข้าไปช้าๆ ร่างเล็กแอ่นตัวโยนยามถูกครูดโดนจุดอ่อนไหว นายทหารหนุ่มกัดฟันกรอดพยายามไม่ใช้มือของตัวเองกดสะโพกเล็กลงจนสุด

“แฮ่ก..”

“อ๊ะ อืออออ” มือขาววางลงบนไหล่คนรักที่พิงหัวเตียงเอาไว้ ค่อยๆขยับสะโพกขึ้นลง เด็กหนุ่มรู้สึกคับแน่น จุกเสียดจนต้องสูดปากร้อง “อื้ออ หนูจุก.. อ๊า ไม่ไหว”

“ละ.. ลินท์” 

“พี่ฉ.. ฉลาม” เขาประคองใบหน้าคมคร้ามของคนรักที่กำลังบิดเบี้ยวด้วยแรงอารมณ์แล้วกดจูบข้างริมฝีปากแผ่วเบา “หนูรักพี่นะ”

“ฮึ่ม!” ยิ่งดวงตามองไม่เห็นประสาทสัมผัสอย่างอื่นก็ยิ่งไวกว่าปกติ ชายหนุ่มกระชับต้นคอคนรักไว้แน่นแล้วตวัดร่างเล็กให้ลงมานอนแทนเขา ลูบไล้ท่อนขาขาวเนียนแล้วพาดขึ้นบ่า เสียงร้องครางดังถี่เมื่อเขากดแก่นกายแทรกเข้าไปช่องทางรักที่กำลังอ่อนนุ่มทำให้เขาเข้าไปด้านในได้ง่ายดายสำรวจคนรักได้อย่างหมดจดและจับจองทุกพื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว

“อ๊ะ.. อ๊า” เขาสะบัดหน้าไปมาบนหมอน “ละ ลึกไปแล้ว”

“แล้วชอบไหม?” เขากระซิบข้างหูคนรัก เสียงกระทบของผิวเนื้อดังจนน่าอาย สลับกับเสียงเตียงสั่นกึกกัก

ตึง!

ตึง!

ตึง!

“เบาหน่อยพี่.. หนูไม่ไหว.. อ๊ะ”

“ไม่ไหวก็ปล่อยออกมาครับ” เขาจุดยิ้มกว้าง เสียงแหบพร่าของเด็กหนุ่มยิ่งกระตุ้นเขามากขึ้นไปอีก “เด็กน้อยเอ๊ย”

“อะ.. อื้อ หนูไม่เด็กแล้วนะ”

“อายุเท่าไหร่แล้ว” แกล้งถามเด็กที่งอแงก่อนจะหยอกเย้าด้วยจูบหวาน

“สิบเก้า”

“เด็กกว่าพี่แค่สิบสี่ปีเอง” เด็กหนุ่มใช้เล็บจิกเข้าที่ท่อนแขนนายทหารหนุ่มระบายความเสียวซ่านพร้อมกระตุกอีกครั้ง ชายหนุ่มก้มลงจูบลูกเป็ดดังจ๊วบ กดสะโพกถี่รัวก่อนจะฝังหยาดหยดแห่งชีวิตเต็มช่องทางจนเขารู้สึกได้ถึงความเปียกชื้น

“ตาลุงบ้า!”

“พี่รักลินท์ที่สุดเลย..” ชลธีทิ้งตัวลงนอนข้างๆคนรักสอดแขนเข้าที่ช่วงเอว คลอเคลียอยู่บริเวณซอกคอขาวไม่รู้เบื่อ “ถ้าลินท์ท้องได้.. ป่านนี้ไทเกอร์คงมีเพื่อนวิ่งเล่นไปแล้ว..”

“ฮื่อ” เขาเหนื่อยจนตาจะปิด ไม่ทันได้ยินว่าคนรักพูดอะไร

“งั้นพี่ทำน้องให้ไทเกอร์ดีกว่า เผื่อจะติดขึ้นมาจริงๆ” ชลธีพูดติดตลกแต่มือเริ่มซุกซนลูบไล้ไปทั่วตัวเขาอีกแล้ว เด็กหนุ่มหันไปอีกข้างพลิกตัวหนีแต่ก็ไม่ทันความไวของนายทหารหนุ่ม มุจลินท์ถูกจับพลิกจับหงายอยู่หลายชั่วโมงจนแทบไม่มีเสียงร้องห้าม ต้องปล่อยเลยตามเลยให้คนป่วยที่แรงดีกว่าเขาสูบพลังจนเกือบเช้า

เด็กหนุ่มผล็อยหลับไปตั้งแต่รอบที่ห้าหรือหกเขาก็จำไม่ได้แล้ว เสียงครวญครางเงียบสงบไปสักพัก เขาจึงร้องเรียกหาและไม่มีการตอบกลับ เขาจึงหยุดพักและโอบกอดลูกเป็ดไว้แน่น ลูบไล้ไปที่หน้าท้องขาวที่ดูเหมือนจะป่องขึ้นมานิดหน่อยแล้วยิ้มกริ่มดีใจ

ใกล้จะได้ตั้งทีมฟุตบอลแล้ว…


TBC
อิพี่หื่นเกิน น้องแค่อ้วนค่ะ ไม่ได้ท้อง55555
คอมเม้นท์ให้พี่หลามด้วยค่า ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความกามได้ กรั่กกก
รักคนอ่านที่สุดด <3
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-02-2018 22:58:50
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: 05th_of_06th ที่ 16-02-2018 23:24:18
โอยยยยพี่หลามมนี่ขนาดมองไม่เห็นนะะะะ ทำไมไม่อ่อนโยนกับน๊องงง  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-02-2018 00:56:11
แอร๊ยยย เขินจัง
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-02-2018 00:58:32
โธ่ คนเขียนทำร้ายน้องอ่ะ ทำไมว่าน้องลินท์อ้วน ฮา
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-02-2018 09:28:24
ว่าน้องได้ไง 55555
อาปานพาไทเกอร์มาหาพ่อด้วย สงสารเด็กน้อยคิดถึงพ่อแม่แย่แล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 17-02-2018 09:36:55
น่ารักกกกพี่ฉลามหายไวๆๆน้า
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-02-2018 09:48:41
พี่ฉลามจัดหนักอะไรขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-02-2018 09:48:57
อื้อหือออออ :haun4: :haun4: :haun4: นี่ขนาดมองไม่เห็นนะเนี่ยยยยยยยยยยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-02-2018 11:08:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 17-02-2018 11:38:42
ไม่ได้เข้ามาอ่านแค่แว็บเดียว พี่หลามหลงไปเจอมาม่าซัง ไปเจอพ่อเกศ แถมมาตาบอด

แอบดราม่าจนแบบโอ๊ยไม่ไหวแล้ว แต่พอมาเจอหนูลินทร์บอกมาเดี๊ยวหนูทำเอง

นี่ลืมไปเลยว่าเคยดราม่าอะไรไว้ ๕๕๕๕๕๕๕๕

หวังว่าถ้าพี่หลามหายนางเกศกับพ่อจะไม่รอดคุกนะแบบนี้
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 17-02-2018 11:42:44
พี่หลามกลับมาแล้ว อ่านไปก็ว่าลืมอาราย

ลืมเม้นให้กำลังใจนักเขียนนี่เอง

ตอนหน้าเตียงจะสั่นนอีกไหมครับ๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 17-02-2018 16:23:06
กลัวจะม่านะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-02-2018 19:02:12
พี่ฉลามคนหื่น
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 17-02-2018 23:06:54
พี่ฉลามได้ยาดี... หายไวแน่ๆ... ว่าแต่นู๋ลินท์เค้าให้มาดูแลคนเจ็บป้อนข้าวป้อนยา.. ทำมั้ยโดนฉีดยาซะเองละ... 555
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 18-02-2018 01:44:53
ยามเจ็บยามไข้ก็ไม่เว้นนะคะพี่หลาม
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Darklife ที่ 18-02-2018 05:39:42
ขนาดมองไม่เห็นก็หยุดตาลุงแกไม่ได้จริงๆ :z1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 18-02-2018 07:13:36
ขนาดมองไม่เห็นเล่นซะน้องหมดแรง  :oo1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 25-02-2018 09:29:20
ตอนที่ ๒๘

   ความรู้สึกอุ่นจนร้อนทำให้ลินท์รู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา ค่อยๆเปิดเปลือกตาด้วยความง่วงงุนก็เห็นคนตัวโตกำลังสวมกอดเขาเอาไว้ แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแต่สิ่งที่เขารู้สึกผิดปกติก็คืออุณหภูมิร่างกายของชลธีที่ร้อนผ่าวจนน่ากลัว ลินท์ใช้หลังมืออังไปยังหน้าผาก ซอกคอ และบริเวณช่วงตัว และต้องตกใจกับรอยเล็บเป็นทางลากยาวทั่วแผ่นหลัง เขาเม้มปากแน่นด้วยความขัดเขิน ส่ายหัวไม่ให้ตัวเองมองภาพตรงหน้าแล้วคิดถึงสมรภูมิรบขนาดย่อมบนเตียงเมื่อคืนว่าเป็นเช่นไร เขาถดตัวขึ้นยืนตั้งใจว่าจะไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้คนรักเสียหน่อย

   “พี่ฉลาม..”

   “อะอืม” เจ้าตัวครางเครือไม่ได้ศัพท์ มือหนาปะป่ายไปตามตัวเขาจนต้องเอนหลบ ลินท์กระซิบข้างหูคนรัก และแตะไปตามเนื้อตัวให้คนที่ยังนอนหลับรู้สึกตัว

   “พี่ตัวร้อนมากเลย หนูจะเช็ดตัวให้นะ”

   “ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มส่งเสียงแหบแห้งแล้วคว้าข้อมือบางเอาไว้ดึงรั้งให้ลินท์เข้าไปใกล้ แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมโอนอ่อนตาม พยายามแกะข้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุม ชายหนุ่มส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอ “แค่พี่นอนกอดลินท์ก็หายแล้วครับ”

   “ไม่ได้นะครับ!” เขาดุคนรักที่ออกอาการไม่ยอมเชื่อฟัง “พี่นั่นแหละ หักโหมมากเกินไป ตัวเองป่วยอยู่แท้ๆ”

   “พี่หักโหมอะไรหรือ?”

   “ก็… ก็”

   “ก็อะไรหรือครับ” เป็นเขาเองที่ตอบไม่ถูก มือไม้ไม่รู้จะไปวางไว้ที่ตรงไหนได้ยกมือขึ้นปิดหน้าทั้งๆที่อีกฝ่ายมองไม่เห็นด้วยซ้ำ เขาเขินมากจริงๆ..

   มันเป็นการแนบชิดร่างกายครั้งแรกหลังจากที่ไม่เจอกันเกือบครึ่งปี ชลธีไม่ยอมให้เขาได้หยุดพักหายใจเลยด้วยซ้ำ ทุกตารางนิ้วของร่างกายถูกตีตราจองโดยมีเจ้าของพร่ำบอกรักทั้งคืน กระทั่งเขายังไม่รู้ตัวว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

“ฮื่อ เช็ดตัวดีกว่าครับ” ลินท์ใช้ผ้าชุบน้ำบิดจนชุ่มแตะลากไปที่ตามแอ่งชีพจร ซอกคอ และแผ่นอกหนาที่เป็นรอยข่วนไปทั่ว เป็นเขาเองที่รู้ว่าชลธีป่วยก็ยังใส่แรงไปเยอะเหมือนกัน

   ชลธีสะดุ้งยามที่คนรักบรรจงเช็ดตัว เนื้อผ้าลากไล้ไปทั่วร่างกายจนเขาเริ่มรู้แปลกๆ จึงใช้มือหนาควานหาเด็กหนุ่มแล้วดึงรั้งเข้ามาใกล้ ใช้ริมฝีปากคลอเคลียไปตามเนื้อขาวเท่าที่จะทำได้ “อือ อย่าจูบ เดี๋ยวหนูติดไข้ไปด้วยก็ไม่มีใครดูแลพี่พอดี”

   “พี่ไข้ขึ้นหรือ”

   “อื้อ ตัวร้อนมากเลยเนี่ย” เขาอังหน้าผากคนรักอีกทีเป็นการยืนยัน

   “สงสัยเมื่อคืนพี่จะปั๊มลูกหนักไปหน่อย”

   “พี่ฉลาม!” เขาเหวใส่ ยกมือขึ้นจะทุบคนป่วยแต่ก็อดใจไว้ คนบ้าอะไรชอบพูดให้เขาเขินจริงๆ

   “เมื่อไหร่จะมีน้องให้พี่น้า”

   “เงียบเลยนะครับ!” เขาตีเบาๆไปที่ฝ่ามือยุบยับที่คอยลูบไล้เขาอยู่ตลอดเวลา

   “หนูไม่รักพี่หรือ” ชลธีทำน้ำเสียงตัดพ้อ ส่วนคนฟังอย่างเขาแทบจะละลายไปกับพื้นแล้ว “มาให้พี่กอดหน่อยเร็ว”

   “มะไม่ต้องอ้อนเลยนะ.. เดี๋ยวหนูเอายามาให้” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “รอหนูแปบนะ”

   เขาลงมาที่ห้องครัวจัดเตรียมยาที่ชายหนุ่มต้องทานตามเวลาและน้ำเปล่า ไม่ลืมที่จะทำอาหารอ่อนๆให้คนป่วยทาน หลังจากที่ลองไปรื้อค้นตู้เย็นได้เนื้อหมูและผักมานิดหน่อย วันนี้จึงตั้งใจจะทำข้าวต้มหมูสับให้คนป่วยทาน เขามัวแต่ง่วนอยู่ในครัวไม่ทันสังเกตเสียงรถจอดที่หน้าบ้าน เขาชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นชายหนุ่มกำลังหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามา

   “พี่ปาน ลินท์ช่วยครับ” กำลังจะออกไปช่วยแต่เสียงห้ามของปานชีวันก็ดังขึ้นเสียก่อน

   “ไม่เป็นไรๆ บอกพี่มาละกันว่าเก็บตรงไหนบ้าง” เขาขนพวกผลไม้และของสดมาฝากเด็กหนุ่ม “เหนื่อยน่าดูเลยสิ” มองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูอิดโรยแล้วนึกสงสารในใจ ใครจะไปรองรับอารมณ์ของผู้พันได้ แค่คิดเขาก็ขอส่ายหัว ไอ้ปานคนนึงล่ะที่ขอบาย!

   “ก็.. นิดหน่อยครับ” เขาตอบอ้อมแอ้ม จริงๆแล้วเรื่องดูแลชลธีก็ไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องดูแลบนเตียงก็นักหนาเอาการพอดู ใบหน้าขาวร้อนวูบวาบเมื่อนึกถึงคนรัก ขนาดป่วยก็ยังคึกคักได้ตลอดเวลา ส่วนเขาน่ะหรือแค่พูดเสียงอ่อนเขาก็ใจอ่อนแล้ว

   “วันนี้ทำอะไรกินหรือ” ปานชีวันเดินไปดูที่เคาเตอร์ครัวพลางลูบท้องเบาๆ “พี่กำลังหิวพอดีเลย”

   “ข้าวต้มหมูสับครับ พี่ปานอยู่ทานข้าวกันก่อนนะครับ”

   “เออๆ” ชายหนุ่มมองหามีดแล้วหยิบผลที่ขนมาเมื่อครู่จัดแจงล้างน้ำสะอาดแล้วลงมือปลอก เป็นมะม่วงสีเหลืองสุกกลิ่นหอมหวานเชียว ถ้ามีข้าวเหนียวราดน้ำกะทินะสุดยอดไปเลย

   “ไปหาพี่ฉลามก่อนนะพี่” ลินท์ยกถาดเตรียมขึ้นชั้นบน ปานชีวันกวักมือไล่แถมยังงับมะม่วงโชว์

“รีบไปๆ” เขารีบส่งสายตาให้เด็กหนุ่มรีบไป ขืนชักช้าเดี๋ยวอาละวาดขึ้นมาตัวใครตัวมันนะโว้ย!

   “พี่ฉลามครับ ทานยานะ” เด็กหนุ่มวางถาดลงแล้วค่อยๆประคองชายหนุ่มขึ้นนั่ง เขาอยู่ใกล้ชลธีทีไรเหมือนคนไม่มีกระดูกเข้าไปทุกที ชอบซบเขา ดึงเขาไปกอดอยู่นั่น

“อือ ไม่กินไม่ได้หรือ” คนตัวโตเริ่มงอแง เพราะทานยาทุกวันจนเริ่มจะเอียนแล้ว เขาเองก็แอบเห็นใจแต่ก็ใจอ่อนไม่ได้เพราะนั่นหมายถึงอาการป่วยที่หายช้าของคนรัก

   “ทานนะครับ แล้วเดี๋ยวทานข้าวกัน” รับแก้วน้ำกลับมาแล้วรินน้ำเพิ่มให้คนป่วยได้จิบอีกรอบ “พี่ปานมานะครับ รออยู่ข้างล่างแน่ะ”

   “ไอ้ปาน?”

   “ครับ”

   “ให้มันขึ้นมาหาพี่หน่อยนะครับ”

   “อะ ได้ครับ” ลินท์ให้ชายหนุ่มนอนพักแล้วเดินลงมาเตรียมทำอาหาร เขาเลยถือโอกาสบอกปานชีวันที่กำลังนั่งกินผลไม้อยู่ในครัว “พี่ปานครับ พี่ฉลามเรียกหาแน่ะครับ”

    “หือ เออๆ เดี๋ยวกูไป” เขาเคี้ยวมะม่วงในปากจนหมดยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินขึ้นบันไดชั้นสอง เลี้ยวไปทางห้องนอนของผู้พันหนุ่มที่เปิดแง้มเอาไว้

   “ไงเฮีย” เขาทักทายเสียงร่าเริง สีหน้าของชลธีดูดีขึ้นเยอะมาก เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่ให้เด็กหนุ่มมาช่วยดูแล เขาจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาคนดูแลอีก

   “มึงเอาเมียกูมา ไม่บอกกู” นายทหารหนุ่มปาหมอนออกไปข้างหน้า “ไอ้..” เขาอยากจะด่ามันเหลือเกินควานหารอบตัวก็ไม่มีอะไรที่จะปามันได้แล้ว

   “โอ๊ยพี่.. รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ปานชีวันโอดครวญ แล่นถลาเข้าไปบีบนวดรุ่นพี่ยกใหญ่ “พี่ไปโดนแมวที่ไหนมันข่วนมาเนี่ย”

   “มึงกวนตีนละ” เขายกมือลูบแผ่นอกที่แสบแปรบๆเพราะรอยเล็บของลูกเป็ด “ข่าวไอ้นารถ ไปถึงไหนละ”

   “ยังไม่เจอเลยครับ” เขาเอ่ยเสียงเครียด ผู้กองหนุ่มเป็นกำลังสำคัญและอนาคตอีกยาวไกล เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเรื่องกับคนดีๆแบบนี้ได้ “ทุกหน่วยวิ่งเต้นกันยกใหญ่”

   “แม่งเอ๊ย” ชลธีกัดกรามแน่น นฤนารถเป็นรุ่นน้องที่เสียงเป็นเสี่ยงตายกับเขามา เขาะจะยอมปล่อยให้มันเป็นอะไรได้ยังไง “ไม่วิ่งกันได้ยังไง หม่อมแม่ของไอ้นารถเป็นใครมึงก็รู้” เขาหมายถึงมารดาของนฤนารถที่เป็นถึงราชนิกูลผู้มีหน้ามีตาในสังคม

   “ผมก็ภาวนาให้พี่เขากลับมาปลอดภัย”

แม้มันจะริบหรี่เหลือเกินก็ตาม..

   “มันต้องรอดสิวะ” ชลธียังมีความเชื่อมั่นในตัวของรุ่นน้องอยู่ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับนายตำรวจหนุ่มสักอย่าง และเขาจะต้องรู้ให้ได้

   “เออพี่.. พี่นัชฝากของเยี่ยมไข้มาให้เยอะแยะเลย เดี๋ยวให้ลินท์เอาขึ้นมาให้นะ” ปานชีวันกำลังจะหันไปเรียกเด็กหนุ่ม แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อเสียงกึกก้องกัมปนาทของรุ่นพี่ดังขึ้น

   “หยุด มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งเมียกู ไปทำมาให้กูกินเลย” มันเอาเมียมาให้เขาโขกสับโดยไม่บอก เขายังไม่ได้คิดบัญชี รอให้เขาหายดีก่อนเถอะ

   “พี่แม่งใจร้าย” ชายหนุ่มครวญ “ทำคุณบูชาโทษจริงๆ กระซิกๆ” แกล้งทำเป็นบีบน้ำตาหวังว่ารุ่นพี่จะเห็นใจแต่เปล่าเลย ชลธีกลับโบกมือไล่เขาออกไป

   “ไปไกลๆตีนกู”

   “ทะเลาะอะไรกันหรือครับ” ลินท์ยกถาดที่มีข้าวต้มหมูสับหอมกรุ่น พร้อมน้ำส้มคั้นสีสวยจัดเตรียมให้คนรักได้ทาน “พี่ฉลามมาทานข้าวเร็ว” ชลธีได้ยินเสียงลูกเป็ดก็หูผึ่งรีบกระเด้งตัวขึ้นมาหันหน้าไปตามเสียง

   “จ้ะ ป้อนพี่ด้วยนะที่รัก” เสียงอ่อนเสียงหวานเสมอหากเป็นมุจลินท์

   “อื้อหือ คุยกับน้องกับเมียนี่คนละเรื่อง หน้ามือเป็นหลังส้นตีนแตกเลยนะเฮีย” ปานชีวันแขวะ แอบกัดฟันกรอดมองรุ่นพี่ที่สองมาตรฐาน ใช่สิ เขามันคนไม่มีเมีย เขาไม่เข้าใจหรอก!

   “ไปๆ เมียกูมาละ”

   “ฮื่อ ไปแกล้งพี่ปานอีก” ลินท์อดแอบขำไม่ได้ สองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรจะต้องกวนกันตลอด

   “หิวข้าวจังเลยจ้ะ” เขาว่ากันว่าเวลาเราป่วยจะกลับไปเป็นเด็กคงจะจริง เพราะคนตัวโตตรงหน้าเขาช่างขี้อ้อนเหลือเกิน

   “ทานเสร็จแล้วต้องนอนพักนะครับ” เขาตักข้าวต้มแล้วเป่าจนหายร้อน จ่อเข้าที่ปากคนป่วย “ถ้าไม่นอน เดี๋ยวไข้ขึ้นอีก”

   “จ้ะ” ชลธีให้ความร่วมมือผิดกับตอนแรกลิบลับ หน้าตาเริ่มดูดีขึ้นไม่ซีดเผือดเหมือนวันก่อน กินข้าวได้เยอะขึ้น ชวนเขาคุยเรื่องต่างๆ ดูอารมณ์ดีขึ้นเยอะ “ลินท์.. พี่คิดถึงลูก”

“กลับไปอยู่บ้านเรากันดีกว่าครับ” เขาใช้ทิชชู่ซับริมฝีปากให้ชายหนุ่ม ชลธีคว้าข้อมือบางเอาไว้แนบกับแก้มอุ่น ถูใบหน้าไปมากับฝ่ามือเขาสลับกับพรมจูบ

“ลินท์จะอยู่กับพี่ใช่ไหม” เขารู้ว่าคนรักจะไม่จากเขาไปไหน แต่อีกใจหนึ่งมันก็กลัว กลัวว่าสักวันหนึ่งหากเขาไม่กลับไปเหมือนปกติ เด็กหนุ่มคงไม่อดทนกับเขาอีกต่อไป

“อื้อ ไม่ไปไหนหรอก” เขาย้ำซ้ำอีกรอบ กดจูบลงริมฝีปากหยักของคนรัก ฉกจูบเร็วๆจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน “แน่นะ”

“ลินท์สัญญา”

หัวใจและร่างกายของลินท์มันเป็นของพี่แต่เพียงผู้เดียว..
   
   
- - - - - - - - - - -

สายฝนโปรยปรายเป็นสายไม่หยุดตั้งแต่ช่วงเช้า ก้อนเมฆสีเทาอึมครึมและแรงลมทำให้บรรยากาศด้านนอกไม่น่าย่างกรายออกไปเลยสักนิด ผู้กำกับหนุ่มเดินออกมามองบริเวณหน้าต่าง ส่องหาใครบางคนคุ้นเคยที่มักจะมาหาเขาในเวลานี้ ยิ่งเสียงฟ้าร้องดังสลับแสงวูบวาบบนท้องฟ้า เขายิ่งรู้สึกไม่ดี หงุดหงิด กังวลกับอะไรบางอย่างที่เขาก็ยังไม่เข้าใจ ชัยวัตรเปิดโทรศัพท์ดูตารางสอนที่เด็กหนุ่มส่งมาให้ ปกติวันพุธปฐวีจะเลิกเรียนประมาณสี่โมงเย็นและซ้อมกีฬาจนถึงหกโมงเย็นเป็นประจำ แต่ตอนนี้เกือบสองทุ่มแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว

โทรไปดีไหมวะ..

เขามองนาฬิกาถี่มากขึ้นจนเริ่มจะหงุดหงิด ตัดใจกดเบอร์โทรไปไม่กี่อึดใจเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นตามด้วยเด็กหนุ่มตัวโตในชุดกีฬาบาสโผล่หน้าเข้ามา แถมตัวยังเปียกมะล่อกมะแล่กไปหมด

“ขอโทษที่มาช้านะครับ” เขาวางกระเป๋าลงกับพื้นล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับ “ฝนตกหนักมากเลย ผมรอตั้งนานแล้วก็ไม่หยุดสักที”

“ไม่โทรมาบอกวะ” จะได้ไปรับ..

ประโยคต่อมาเขาพูดอยู่คนเดียวในใจไม่รู้อยู่ๆ ปากมันเป็นอะไรถึงพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น ปฐวีเงยหน้าขึ้นมามองผู้กำกับหนุ่มที่ทำหน้ายับยู่เหมือนกำลังหงุดหงิดอะไร

หรือจะโกรธที่เขามาช้า?

“ไม่เป็นไรครับ ข้างนอกฝนตกหนัก รถก็ติดด้วย” เขารู้ว่าชัยวัตรเป็นคนชอบขับรถเร็วและมักจะอารมณ์เสียกับรถติดในเมืองหลวงและเป็นเขาทุกครั้งที่อาสาขับรถให้เสมอ “คุณรออยู่นี่ดีแล้วครับ”

ชัยวัตรมองเด็กหนุ่มที่ยิ้มหวานให้เขาก็เริ่มจะชักหมั่นไส้ เป็นเด็กเป็นเล็กแต่บังอาจมาทำให้เขาเหมือนเด็กคิดว่าคนอย่างเขาดูแลตัวเองไม่ได้หรือยังไงกัน ทำไมต้องเป็นห่วงเขาจนรีบตากฝนมาขนาดนั้น เห็นแล้วมันหงุดหงิดชะมัด
“เออ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป” เขาพยักพเยิดไปทางห้องน้ำด้านในห้อง “แล้วก็ไปทานข้าวกัน”

“เอ่อ คือว่าคุณวัตรครับ”

“มีอะไร”

“คืนนี้ผมคงไม่ได้ไปค้างด้วยนะครับ” ปฐวีถือโอกาสอยู่ในห้องเพียงลำพังกับผู้กำกับหนุ่มถอดเสื้อบาสสีเหลืองที่เปียกชุ่มออก อวดร่างกายกำยำสีแทนที่มัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อสวย หยดน้ำเกาะตามผิวเนียนจนอีกฝ่ายมองไม่หยุด

“ทำไม”

“พ่อกับแม่ไปทำบุญที่ต่างจังหวัดครับ ไม่มีใครอยู่ผมเลยต้องไปนอนเป็นพื่อนน้อง” ชัยวัตรพยักหน้ารับรู้ เขาเคยได้ยินเด็กหนุ่มเล่าให้ฟังว่ามีน้องสาวแท้ๆ อยู่คนหนึ่ง “คุณวัตรไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”

“กูจะไปว่าอะไรมึงล่ะ” เขาส่ายหน้า แม้จะรู้สึกวูบโหวงที่วันนี้เตียงกว้างจะว่างเปล่า “งั้นก็รีบไปแต่งตัว จะได้รีบๆ กลับ” เขาไล่เด็กมันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง ปฐวีลู่ไหล่ลงทำท่าเหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้ง

“เอ้า ยังไม่รีบไปอีก”

“คือ” เขาอ้ำอึ้ง คิดชั่งใจอยู่นานสองนานว่าจะพูดดีหรือไม่ “คุณวัตรไปนอนที่บ้านผมไหมครับ”
ผู้กำกับหนุ่มมองหน้าเจ้าเด็กหนุ่มอย่างตกตะลึง ดวงตาเรียวคมสีดำสนิทจากปฐวีมองเขาอย่างมีความหวัง ในใจรู้สึกโลดเต้นจนแทบจะขยับมุมปากไม่ให้ยิ้มไม่ได้ นี่เขาเป็นอะไร หยุดยิ้มไม่ได้!

“ก็.. เอาสิ”

“ขอบคุณนะครับพี่วัตร” ปฐวียิ้มกว้างอวดฟันขาวที่เรียงกัน ดวงตาหยีจนเป็นสระอิก่อนจะรีบขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชัยวัตรเอามือทาบหน้าอกรู้สึกเหมือนมีใครเอากลองมารัวข้างใน มันเต้นตึกตักจนเขากลัวใครจะมาได้ยินเหลือเกิน

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาต้องแย่แน่ๆ …

- - - - - - - - - - - - - - -

ชัยวัตรเพิ่งวางสายจากเพื่อนสนิทที่ติดต่อมา ชลธีกำลังเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากคนรัก ตอนนี้นายทหารหนุ่มกำลังจะย้ายกลับไปพักฟื้นที่บ้าน เขาใจหายใจคว่ำมากขนาดไหนที่รู้ข่าวว่าเพื่อนและรุ่นน้องฝีมือดีหายตัวไปหลังจากเข้าจู่โจมเพื่อจับกุมผู้ร้ายในคดียาเสพติด ถึงแม้ว่าตอนนี้ทางหน่วยจะยุติการค้นหาตัวนฤนารถแม้ว่าจะไม่พบตัวนายตำรวจหนุ่มก็ตาม เขาก็ได้แต่หวังว่ามันจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“หนูเอาน้ำผลไม้มาให้ค่ะพี่วัตร” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดนักเรียนมอปลายโผล่หน้าเข้ามาในห้อง ก่อนจะวางถาดน้ำบนโต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็กให้เขา “ทานเยอะๆ นะคะ หนูคั้นน้ำส้มเองกับมือเลย”

“ขอบคุณนะครับน้องหวาน” นายตำรวจหนุ่มยิ้มให้เด็กสาวที่เขินอายม้วนต้วน “เรียนมออะไรแล้วครับ”

“มอห้าแล้วค่ะ ตอนนี้หนูก็เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว”

“ตั้งใจเรียนนะครับ ขอให้สมหวังกับคณะที่อยากได้นะ”

“ขอบคุณค่ะพี่วัตร” เด็กสาวยืนกุมกระโปรงนักเรียนแน่น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอผู้กำกับหนุ่มคนดังในโซเชี่ยลตัวเป็นๆ แถมยังมานอนค้างที่บ้านของเธออีก ทำไมพี่วีถึงไม่ยอมบอกเธอว่ารู้จักถึงขั้นสนิทสนมกันขนาดนี้ เธออยากจะร้องกรี๊ดแล้ววิ่งไปกดคอลไลน์เม้ากับเพื่อนจะแย่ “หนูขอ.. เซลฟี่กับพี่วัตรได้ไหมคะ”

ชายหนุ่มกดยิ้มที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ทำให้สาวเล็กสาวใหญ่ใจละลายมาแล้วทั่วบ้านทั่วเมือง “ได้สิครับ” ชัยวัตรยืนเต็มความสูงก่อนจะย่อตัวให้องศาอยู่ในเฟรมกล้อง เด็กสาวชูสองนิ้วเอียงหัวมาหาเขาเล็กน้อย

“หวานทำอะไรน่ะ!” มือหนากระชากโทรศัพท์ไปติดมือ จนเด็กสาวและนายตำรวจหนุ่มหน้าเหวอ “ออกมานี่”

“พี่วี!” วันหวานกระทืบเท้าเร่าๆ อยากจะกระโดดกัดหูพี่ชายตัวเองให้หลุดคาปากเธอนัก “เอาโทรศัพท์หนูคืนมานะ!”

“พี่ไม่อนุญาตให้เธอถ่ายรูปคุณวัตร”

“ก็หนูปลื้มพี่วัตรนี่นา หนูไม่ได้ไปอวดใครสักหน่อย”

“พี่จะแน่ใจได้อย่างไร ว่ารูปจะไม่หลุดไปไหนต่อไหน” เขาขมวดคิ้วแน่น ขืนให้รูปของผู้กำกับหนุ่มหลุดออกไป ความสัมพันธ์ที่เป็นความลับของเขาเกิดถูกขุดคุ้ยขึ้นมา เขาจะทำอย่างไร.. กว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้เขาจะต้องใช้เวลามากมายขนาดไหน เรื่องอะไรเขาจะยอมเสียมันไป “กลับห้องไปนอนซะ อย่าดื้อ”

“พี่วี บ้า!” วันหวานสะบัดหน้ากระเง้ากระงอดแล้วออกไปจากห้องทันที เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง ห้องนอนของเขาไม่ได้ใหญ่โตเหมือนห้องที่คอนโดหรู เป็นเพียงตึกแถวสามชั้นที่อยู่กันสี่คนพ่อแม่ลูก ด้านล่างถูกปรับปรุงให้เป็นร้านอาหารตามสั่งขนาดย่อม มารดาเขาติดแอร์ และปรับเฟอร์นิเจอร์ให้โมเดิร์นขึ้นมาตามยุคสมัยจากคำแนะนำของเขา

“น้องสาวตัวเองแท้ๆ ขี้หวงจังเลยนะ” ชัยวัตรยิ้ม ลงไปนอนกลิ้งบนเตียงแคบที่ไม่รู้ว่าผู้ชายตัวโตจะนอนไปได้ยังไงตั้งสองคน “หวงเจ้าของน่าดู”

“ไม่ให้หวงคุณ แล้วจะให้ผมไปหวงใคร” ปฐวีไม่พูดเปล่า ทิ้งตัวลงทาบทับคนที่นอนอยู่ก่อนแล้ว เสื้อกล้ามตราห่านคู่สีขาวบางและรอยแป้งเย็นที่ทาไปทั่วตัวของชายหนุ่ม ยิ่งทำให้เขาอยากจะเอาหน้าเข้าไปถูไถทักทายให้หายมันเขี้ยว นายตำรวจหนุ่มพลิกตัวหลบไม่ทันเพราะขนาดเตียงไม่เอื้ออำนวยจึงโดนเด็กหนุ่มทับเข้าไปเต็มๆ

“อื้อ ออกไปก่อน มันร้อน!” จริงๆ มันก็ไม่ได้ร้อนอะไรขนาดนั้นหรอก สิ่งที่ทำให้เขาร้อนก็คือคำพูดจากเจ้าเด็กตัวโตนั่นต่างหาก!

“ตัวพี่วัตรเย็นมาก”

“ออกไปปปปปป” เขาดิ้นขลุกขลักเมื่อมือหนาสอดเข้ามาในเสื้อกล้าม “เห้ย อย่าจับ”

“ขอเช็คอุณหภูมิร่างกายหน่อยสิครับ”

“ไอ้วี ไอ้ลามก!”

“อย่าดิ้นสิครับ เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก”

“มึงไปนอนพื้นเลยไปปปปป” เขาหลบลิ้นร้อนที่แตะแล้วเลียวนไล้เข้าไปในใบหู “อื้อออออ อย่าเลียหู!” เขาหดตัวหนีย่นคอส่ายหน้าไปมาก็ไม่สามารถหลบลิ้นร้อนที่ลากเลียไล้ลงมาซอกคอนั่นได้

“หวาน”

“จะบ้าเรอะ!” เขาหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกวูบไหวไปทั่วร่างจากสัมผัสของคนตรงหน้า “กูทาแป้งทั้งตัวขนาดนี้ หยุด.. หยุดเลยนะมึง” เขาพูดเสียงสั่น ยังหอบหายใจไม่หายเมื่อต้องสู้แรงกับไอ้เด็กบ้าพลัง แค่โดนลิ้นชุ่มแตะเข้าที่เนื้ออ่อนเขาก็แทบจะอ่อนปวกเปียกอยู่ภายใต้อ้อมกอดมันแล้ว

“ผมกินได้ทั้งหมดนั่นแหละ” เขากระซิบเสียงแผ่วอยู่ข้างใบหูที่แดงก่ำ “ก็พี่วัตร อร่อยจะตาย” แค่ไม่กี่คำพูดของปฐวีเขาก็รู้สึกปวดหนึบขึ้นมากลางกายซะแล้ว ใช้ท่อนขาหนีบส่วนอ่อนไหวเอาไว้ไม่ให้มันดุนดันกางเกงบอลตัวบางออกมาสวัสดีแฟนคลับ

“วัตร กูไม่เล่น” เขาจะพลิกตัวหนีคว้าหมอนมาได้ก็กอดหมับ เด็กหนุ่มดึงออกจากมือเขาแล้วโยนออกไปอีกทาง นายตำรวจหนุ่มขบกรามแน่น “กูจะนอน!”

“แต่ผมยังไม่ง่วง พี่จะห้ามผมได้ไหมล่ะ” มันกระตุกยิ้มยั่วเย้า ยิ่งดูแล้วก็คันไม้คันมืออยากจะบ้องกะโหลกไอ้เด็กเจ้าเล่ห์สักที “พี่ไม่ต้องห่วง หวานมันนอนไว ไม่เกินสี่ทุ่มก็หลับปุ๋ยแล้ว”

“ไม่โว๊ย” เขาถลึงตาใส่เด็กหนุ่ม “ที่นี่ไม่ใช่คอนโดสักหน่อย” เรื่องอะไรจะมาบ๊ะจ้ำบ๊ะกันในบ้านที่มีคนอื่นอยู่ด้วย เขาไม่ใช่คนที่อดกลั้นไม่ได้ขนาดนั้น

“บ้านผมก็เหมือนบ้านพี่นั่นแหละ” เขาก้มลงหอมแก้มเนียนของชายหนุ่ม “พี่จะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่ ผมจะย้ายไปห้องใหญ่ให้ทันทีเลย” เขาหมายถึงห้องว่างอีกห้องที่ไม่มีคนอยู่ มันกว้างมากพอที่จะนอนกันได้สองคน เขาก็เคยแอบคิดเล็กๆ ว่าหากชัยวัตรยอมมาอยู่กับเขาจริงๆ จะมีความสุขขนาดไหนกัน..

“ตลกละ”

“ผมพูดจริงๆ” เขาย้ำเสียงหนักแน่น

“ไม่รู้ละ นอนๆ” ชายหนุ่มพลิกตัวหนีแล้วข่มตาหลับ จู่ๆก็มีสัมผัสแล่นผ่านช่วงขาจนเขาต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นมา ปรากฏว่ากางเกงบอลเขาถูกรูดลงไปกองที่ข้อเท้าซะแล้ว “ไอ้วี!” เขาพูดได้แค่นั้นก็ถูกปิดด้วยปากอุ่นร้อน ลิ้นซุกซนเข้ามาโรมรันพันตูจนชายหนุ่มมึนเบลอเผลอใช้ลิ้นตัวเองสู้พัวพันจนเด็กหนุ่มส่งเสียงครางต่ำด้วยความพึงพอใจ

“อืมมม” มือหนาเขี่ยตุ่มไตสีชมพูสวยที่แข็งเกร็งขึ้นมาสู้ เขาบดถูไถไปมาแล้วถอนริมฝีปากลงไปขบกัดจนมันเป็นรอยช้ำ จากสีชมพูกลายเป็นสีกุหลาบเข้มสวยแถมยังสู้ปากจนเขาต้องดูดเม้มอยู่นานสองนาน

“อย่า.. กัด!” ชายหนุ่มคว้ากลุ่มผมสีดำแล้วจิกเอาไว้แน่น จากตอนแรกที่ขัดขืนฝืนตัวเองออกจากอ้อมกอด กลับกลายเป็นเขาแอ่นอกบดเบียดเข้าหาเด็กหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว เลือดลมแล่นลงช่วงล่างจนปวดหนึบ อยากจะระบายอารมณ์ออกมาเร็วๆ

“พี่วัตร..” ปฐวีเงยหน้ามองคนใต้ร่างที่สั่นระริกมองแก่นกลางพองตัวเต็มที่พร้อมจะระเบิดออกมา เขาใช้นิ้วแตะน้ำหล่อลื่นที่ปลายหัวหยัก ลูบไล้ไปมาจนชายหนุ่มสั่นกึก

“วี.. พี่เสียว” เสียงครวญครางออกมาจากริมฝีปากสีสวย “จะทำ.. ก็รีบทำ..” เสียงพูดในห้วงอารมณ์ช่างยั่วเย้าหวานฉ่ำ เขาสังเกตเห็นใบหน้าแดงก่ำของชัยวัตร เด็กหนุ่มก็รู้สึกฮึกเหิมอยากจะกระแทกกระทั้นตัวตนแสดงความเป็นเจ้าของร่างกายนายตำรวจหนุ่มซะตอนนี้ นิ้วหนาสอดแทรกเข้าไปในช่องทางเพื่อเตรียมตัวให้รับความใหญ่โตของเขา นิ้วครูดกับผนังเนื้อนุ่มแตะจุดอ่อนไหวจนชายหนุ่มต้องยกสะโพกเข้าหา ปฐวีขบกรามเมื่อเห็นภาพตรงหน้า มันทำให้เขาแทบจะหมดความอดทน!

“อึก” เด็กหนุ่มค่อยๆ ดุนดันแก่นกายที่ร้อนระอุเข้าไปเชื่องช้า หลังจากที่ปรับตัวได้สักพักจนแน่ใจว่าจะไม่ทำให้ชัยวัตรต้องรู้สึกเจ็บ เด็กหนุ่มจึงเริ่มขยับสะโพกหมุนควงจนชายหนุ่มครางไม่ได้ศัพท์ ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวกลุ่มผมสั้นสีดำกระจายเต็มหมอน รอยจูบบนแผ่นอกที่เขาขยันหมั่นเติมทุกวันยังคงกระจายเป็นสีแดงระเรื่อให้เขาได้ชื่นชม

“เบาหน่อย เบาก่อน..” นายตำรวจหนุ่มใช้มือดันหน้าท้องของอีกฝ่ายยามที่ทาบทับลงมา เสียงกระทบเนื้อสลับเสียงคำรามด้วยความสุขสมดังไปทั่วห้อง จนลืมนึกไปว่าบ้านนี้ไม่ได้มีเขาอยู่กันเพียงสองคน “ดังเกินไปแล้ว มึง พอก่อน..”

“ไม่!” ปฐวีส่ายหัวก่อนจะกระแทกกายเข้ามาหนักๆ เพื่อลงโทษชายหนุ่ม เรียกร้องให้หยุดทั้งๆ ที่ต้องการจนแทบทนไม่ไหวแล้วแท้ๆ “ถ้าผมหยุด พี่ค้างแน่!”

“อื้อออออออ” ฝ่ามือหนารูดรั้งจุดอ่อนไหวจนแทบจะปลดปล่อยออกมา สุดท้ายเด็กหนุ่มก็หยุดมือ คว้าเอวสอบของชายหนุ่มขึ้นมาพลิกตัวกลับด้านจนเห็นรูรักที่อ้ากว้างตามความอวบของเขา เด็กหนุ่มดันกลับเข้าไปอีกครั้งโดยไม่ได้ผ่อนแรง ชัยวัตรจุกหน่วงและเสียวซ่านจนเกือบปลดปล่อย เขาเอี้ยวตัวหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยังไม่รามือ มือหนาบีบก้นขาวอวบจนเป็นรอยแดง

“อยากเสร็จแล้วหรือครับ”

“อือ.. เบาๆ หน่อย เดี๋ยวน้องได้ยิน” ชายหนุ่มร้องขอ แต่ดูเหมือนคนควบคุมเกมจะไม่ยอมตามใจยังคงเสือกไสตัวตนเข้ามาถี่รัว “อ๊ะ อ๊า” เมื่อห้วงอารมณ์พุ่งจนถึงขีดสุดคนตัวขาวก็กระตุกไปทั้งร่างก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอน เด็กหนุ่มยังคงโจนจ้วงอยู่อีกหลายต่อหลายครั้งกว่าจะตามไป

“อื้ออออ” ความรู้สึกอุ่นร้อนภายในร่างทำให้เขาชะงัก มองเด็กตัวโตที่ยิ้มแผล่ก่อนจะขบฟันแน่น ชายหนุ่มยกขาที่ยังสั่นระริกขึ้นก่อนจะถีบโครมจนไอ้ตัวแสบกลิ้งตกเตียง น้ำสีขาวขุ่นไม่รู้ของใครเป็นของใครเลอะเปรอะเปื้อนจนเต็มที่นอน แล้วยังไหลลงมาจากช่องทางสีสดของเขาที่ยังปิดไม่สนิท

“นี่มึงสดอีกแล้วหรือวะ!!!”



TBC. :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :heaven
เอาคู่รองมาเสิร์ฟให้แม่ๆหายคิดถึงจ้า
รอพายแปบน้าาา ช่วงนี้ติดงานตั่งต่างมากมาย T_T
อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะค้าาา ฝากคอมเม้นท์ ขอกำลังใจจากแม่ๆด้วยจ้ะ
รัก <3 :mew1: :กอด1:


   
   


หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: tika17 ที่ 25-02-2018 09:34:07
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-02-2018 09:47:53
เอาใจช่วยพี่ฉลาม
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-02-2018 10:23:44
คิดถึงไทเกอร์เหมือนกันนะเนีย เมื่อไรจะได้เจอกันนะ แล้วนฤนารทไม่ตายใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 25-02-2018 10:55:30
แซ่บทั้งคู่หลักและคู่รอง  :hao6: รอได้จ้า
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 25-02-2018 10:58:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 25-02-2018 12:29:24
พี่วัตรร้อนแรงงง์ไม่เบา
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 25-02-2018 13:08:59
 :m25: คู่นี้ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 25-02-2018 13:57:24
โอ๊ยยยยย พี่จะหื่นขนาดนี้ไม่ได้ ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-02-2018 15:32:12
คู่รองก็แซ่บ!!
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-02-2018 15:51:11
 :katai2-1: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 25-02-2018 17:45:44
คู่รองนี่แซ่บจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 25-02-2018 20:12:55
บะบะโอ้บะบะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-02-2018 20:20:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๑] ๑๐๐% ๑๐.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 12:02:42
 :ling1:  :sad11: สงสารน้องลินท์
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๒] ๑๐๐% ๑๑.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 14:51:35
 :a5:  :o12: เปรี้ยววววว โทรเลยลูก ให้ไวเลย แง้

ลินท์เอ้ย คนเรานะ เห้อม คนที่มีก็มีมากมาย

พอคนที่ไม่มีบทจะไม่มีก็ไม่สักบาท  :z3:

ปูลู น้องไทเกอร์น่ารักจังลูก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๓] หน้าที่๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 15:16:08
ว้าย!! ปิดตาส่องช่องว่างระหว่างนิ้ว อิอิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๕] หน้าที่๓ {๑๐๐%} ๑๘.๐๙.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 16:01:47
 :katai1: คุณผู้พันนนน เอาให้แน่นอน คิดให้ดีๆเด้อ

น้องยิ่งเด๋อๆ อย่าทำน้องเสียใจมากนะ ยิ่งซื่อๆ  :hao5:

แล้วก็ระวังไว้นะ เผลอทำไม่ดีกับน้องระวังพี่ชุมาคาบไปแดร้กเด้อ
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่ ๘] หน้าที่๔ {๑๐๐%} ๑๑.๑๐.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 17:16:31
แง้ เกี๊ยมมม  สรุปคือชอบลินท์จริงๆหรอ มากอดๆ :hao5:

เกี๊ยมยอมหลีกง่ายๆ แต่ชุนี่คงไม่ง่าย เมฆาอีกคงไม่ใช่อีกคนนะ

หวั่นใจจริงๆกลัวเกศกลับมาป่วน พ่อแม่พี่ฉลามอีก สู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๒] หน้าที่๖ {๑๐๐%} ๑๔.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 19:20:49
แหมมม แม่คุณ! อย่ามาทำเป็นหวงก้างนะ

ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เห็นหัวละจ๊ะ

พอเขามีใหม่ละทำเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ   :z6:

น้องลินท์อย่ายอมนะลูก   :teach:
หัวข้อ: Re: ★ มุ จ ลิ น ท์ ★ [ตอนที่๑๔] หน้าที่๗ {๑๐๐%} ๒๕.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 20:02:00
เดี๋ยวนะนนท์! 55555555555  :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๑] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๐.๐๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 23:01:02
กรี๊ดดดด  :beat: นังคุณเกศใช่ไหม  :z6:

ตบมันค่ะ แก้วมาจัดการมันนน พี่ปานนน มาช่วยน้องด่วนๆ

ห่วงคนที่เหนือรู้เรื่องแล้วไม่มีสมาธิก็ห่วง

ขอให้ลินท์ปลอดภัย :call:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๒] หน้าที่๑๐ {๑๐๐%} ๑๗.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-02-2018 23:14:03
เอ้า อิพี่ชุวววววววววว คิดว่าจะดีแล้วเชียว  :ling2:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-02-2018 23:35:53
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๕] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๐.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 27-02-2018 00:40:41
ม่ายยยยยยย  :mew4: แอบอ่านสปอยมา ใครอ่ะ ฮือออ

หม่อมหรอ หรือนัชที่ไม่รอด  :m15: ฮือออ น้ำตาซึม

 :z3:  :o12: เสียใจ หม่อมมมมม อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๖] หน้าที่๑๒ {๑๐๐%} ๑๓.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 27-02-2018 00:49:07
ไม่นะหม่อมมม โฮฮฮฮฮฮ  :o12:  หม่อมมมมมม  :ling3:

อยากให้หม่อมรอดอ่ะ ทำไม ทำไม (อินเกินㅋㅋㅋ)
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๗] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๑๖.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 27-02-2018 01:25:06
คุณฉลามมมมมม นี่ขนาดมองไม่เห็นยังหื่นได้ขนาดนี้!

หม่อมมมม หม่อมจะไม่รอดจริงๆหรอ  :monkeysad:


***เพิ่มเติม***
แค่หาหม่อมไม่เจอใช่ไหม งั้นก็มีโอกาสรอด ฮือ

ขอให้มีคนช่วย ขอให้นารถรอด แง้ ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 27-02-2018 21:05:10
ขนาดมองไม่เห็นนะ น้องยังแย่ถ้ามองเห็นจะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 05-03-2018 09:35:12
 :jul1: :haun4: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๘] หน้าที่๑๓ {๑๐๐%} ๒๕.๐๒.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 09-03-2018 00:44:00
โอ้ย พี่ฉลามม ตาบอดยังกินน้องได้แบบชิลขนาดนี้ ถ้าพี่หายแล้วไม่แกล้งน้องสามวันนติดเลยรึ พี่ต้องใจเย็นๆนะพี่~  :hao7:
หัวข้อ: Re: มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๙] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๑๔.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 14-03-2018 11:00:59
ตอนที่ ๒๙

   ปึง! ปึง! ปึง!

   “พี่วี ตื่น!” เสียงเคาะประตูดังถี่รัวจนชายหนุ่มตัวโตสองคนที่กำลังนอนซุกซบบนเตียงเล็กค่อยๆโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม “พ่อกับแม่กลับมาแล้ว!”

   เขาเงี่ยหูฟังเสียงตะโกนที่แว่วเข้ามาในโสตประสาท ก่อนจะหันไปสอดมือเข้าหาเอวสอบของคนข้างๆ เนื้อขาวนวลอุ่นจัดเมื่อขดตัวอยู่ในผ้าห่มทั้งคืน อุ่นจนเขาไม่อยากจะไปไหนอยากจะนัวเนียอยู่ใต้ผ้าห่มนี้ไปนานๆ

   “วี น้องเรียก” ชัยวัตรลืมตาไม่ขึ้น แต่ใช้มือหนาผลักไหล่คนที่เข้ามาใกล้ออกไป “ออกไปคุยกับน้องไป..”

   “ไม่เอา” เด็กหนุ่มสูดกลิ่นตัวบริเวณไหล่ของคนตัวขาว “อยากกอดพี่วัตรอยู่เลย”

   “ให้มันน้อยๆหน่อย ลามปามแล้วมึงเนี่ย”

   “วีชอบกอดพี่วัตรที่สุดเลย” พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียแล้วก็กระชับกอดให้แน่นขึ้น ชายหนุ่มชะงักกึกรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมากะทันหัน แค่คำพูดเล็กน้อยเขาก็ดันใจเต้นไปกับเจ้าเด็กนี่ได้.. บ้าชะมัด

   “อือ.. ชอบเหมือนกัน”

   “หืม”

   “กูนอนต่อละ”

   “ฮื่อ เดี๋ยวสิครับพี่วัตร” เด็กหนุ่มยันตัวเท้าคางกับหมอน ดวงตากลมสีดำเป็นประกาย สลัดความง่วงงุนออกจนหมดสิ้น “เมื่อกี๊พี่พูดอะไรนะ”

   “จะนอน”

   “พี่วัตรคร้าบ”

   “หนวกหูโว้ย!”

   นึกว่าหลับไปแล้ว ดันหูดีอีก!

   “พี่วัตร ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่นะ” เด็กหนุ่มคลอเคลียแถวซอกคอขาว อยากจะงับเบาๆแต่กลัวโดนถีบตกเตียงอีก “ตื่นเช้ามาเจอพี่ ตอนเย็นกลับบ้านมาเจอพี่ ตอนกลางคืนได้นอนกอดพี่ทุกคืนแบบนี้ ผมมีความสุขเป็นบ้าเลย”

   “…”

   “ถ้าผมจะบอกพี่ว่า..” ชัยวัตรกลั้นหายใจรอลุ้นว่าเด็กหนุ่มจะพูดอะไร อีกใจก็ไม่อยากฟังเพราะหัวใจที่มันเต้นข้างในสั่นไหวจนเกินจะต้านทาน “ผมอยากดูแลพี่แบบนี้ไปเรื่อยๆ อยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพี่ พี่จะคิดยังไง”

“…”

“เรา.. คบกันไหมครับ..”

   ชัยวัตรเอี้ยวตัวไปมองคนพูดที่กำลังส่งสายตาแพรวพราวระยิบระยับให้เขาไม่ขาด มือหนาเอื้อมมาสอดประสานเข้ากับเขาค่อยๆกอบกุมกระจายความอุ่นผ่านสัมผัสผิวที่แนบชิด วูบหนึ่งเขารู้สึกสั่นไหวคล้อยไปตามความรู้สึกส่วนลึกในใจ แต่อีกด้านกลับไม่มั่นใจกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพราะเขาเองยังไม่อยากจะผูกมัดกับใคร จะให้คนอย่างเขาคบหรือมีความรักกับใครมันจะเป็นไปได้หรือ..

   “ผมไม่เร่งรัดพี่หรอก” เด็กหนุ่มว่าพลางเกลี่ยเส้นผมนุ่มที่ปรกหน้าผากของนายตำรวจหนุ่มออก “แต่ผมจะแทรกซึมเข้าไปอยู่ทุกส่วนในชีวิตของพี่ จนพี่ขาดผมเองไม่ได้”

   “ตลกเหอะ” นายตำรวจหนุ่มหันไปทำหน้าเข้มใส่ ทั้งที่ปากจะเหยียดยิ้มแต่เขาต้องกัดเอาไว้ “ใครจะขาดใครไม่ได้กันแน่”

   “พี่เล่นแบบนี้ ผมก็แย่น่ะสิ” ปฐวีได้ยินก็เคลื่อนใบหน้าไปซุกหมอน ใบหูแดงก่ำจนเขาสังเกตได้ “แค่นี้ผมก็ขาดพี่ไม่ได้แล้ว”

   “จริงหรือ?” ผู้กำกับหนุ่มถามย้ำ อยากจะแกล้งไอ้เด็กตัวโตให้กลิ้งตกเตียงไปเลย “กูทำให้มึงขาดกูไม่ได้จริงดิ?”

   “ก็ผม..” เด็กหนุ่มโผล่หน้าออกมาจากหมอนนุ่ม ใบหน้าแดงก่ำช่างน่าเอ็นดู ลุกขึ้นนั่งตัวตรงสูดหายใจแรงๆแล้วก็จับมือเขาไว้แน่น “รักพี่นี่นา”

   ชัยวัตรเบิกตาโพลงมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าความรู้สึกมันก้ามข้ามผ่านคำว่าเพื่อนนอนมานานแค่ไหน แต่เขาก็สัมผัสความรู้สึกรักจากดวงตาคู่นั้นได้จริงๆ อยู่ดีๆมาบอกรักไม่ทันตั้งตัว เขาเลยไม่รู้จะตอบว่าอะไรได้แต่จ้องดวงตากลมสีดำขลับอยู่อย่างนั้น 

   “…”

   “…”

   “ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า.. เดี๋ยวลงไปด้างล่างด้วย พี่นอนต่อไปเถอะนะครับ” ปฐวีทำลายความเงียบด้วยการผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

   “อือ” เขาตอบได้แค่นั้นก็มุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม หัวใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมาจากในอก ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาต้องมาเขินเพราะคำบอกรักของเด็กเนี่ยนะ บ้าไปแล้วไอ้วัตร! 

   เขานอนลืมตาในผ้าห่มที่ยังอบอวลไปด้วยกลิ่นกายของเด็กหนุ่ม ไม่ว่าจะขยับย้ายตัวไปทางไหน มันก็ทำให้เขานึกถึงคำพูดของเด็กหนุ่มวนเวียนในหัวไม่หยุด เสียงประตูห้องงับปิดเบาๆทำให้ผู้กำกับหนุ่มโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม ลุกขึ้นนั่งเอามือทาบอกตัวเอง ช่วงนี้หัวใจเขาเต้นแรงผิดปกติ หรือว่าเขาต้องลองไปให้หมอตรวจดูซะแล้ว..

   ผู้กำกับหนุ่มจัดแจงใส่เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มที่เตรียมเอาไว้ให้อย่างดี เป็นเสื้อยืดสีพื้นและกางเกงผ้าขายาว เขามองอยู่สักครู่ก่อนโยนทิ้งไปอีกทางอย่างไม่ดี ก่อนจะไปรื้อตู้เสื้อผ้าได้กางเกงแบงแบงมาใส่หนึ่งตัว เขาตัดสินใจลงไปด้านล่างซึ่งเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาตลอดเวลาจนเขาเห็นแล้วก็ยังเวียนหัวแทน คนที่วิ่งไปมาคือเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม และผู้ชายตัวโตที่ใส่ผ้ากันเปื้อนถือถาดอาหารเสิร์ฟลูกค้า หญิงสาวดูมีอายุที่อยู่ตรงโต๊ะแคชเชียร์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวเหลืองดวงตาคมสีดำกริบมองแล้วคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หล่อนยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

   “สวัสดีครับ” เขากระพุ่มมือไหว้คนอายุมากกว่า “ผมเป็น..”

   “วี บอกแม่แล้วล่ะ มาทานข้าวก่อนเร็ว” เธอจูงมือเขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะว่าง เปิดเมนูให้เขาเลือกจิ้มได้ตามใจชอบ “อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะลูก” เสียงหวานใสพร้อมสายตาที่มองเขาด้วยความอ่อนโยน เขาพยักหน้ารับ ไม่วายยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่อีกรอบ

   “คุณแม่ใจดีจังเลย”

   “ทานเยอะๆนะวัตร เดี๋ยวแม่ให้วีมาดูแล อีกสักพักที่ร้านคนน่าจะเบาลงแล้ว.. โทษทีนะจ้ะ วันหยุดก็แบบนี้แหละ” เธอตอบเสียงใส มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความปลื้มปริ่ม

   “ที่ร้านทำกันอยู่แค่นี้หรอครับ”

   “จ้ะ ถ้าวันไหนวีว่างก็มาช่วย เพราะพ่อเขาทำคนเดียวไม่ค่อยไหวแล้ว อายุเริ่มจะเยอะแล้ว”

   “นินทากันเผาขนเลยนะแม่” ผู้ชายสูงวัยผิวขาวจั๊วะ เดินยกจานที่ลูกค้าทานเสร็จแล้วเข้าหลังร้าน เขายกมือไหว้ นี่คงจะเป็นคุณพ่อของเด็กหนุ่ม พอลองมองดูแล้วปฐวีน่าจะได้แม่มาเกือบร้อยเปอร์เซ็นเลยทีเดียว ทั้งน้ำเสียง หน้าตา คำพูดคำจาหวานหู

   “ก็ลูกชายพาเพื่อนมาบ้านทั้งที แม่ก็ต้องเทคแคร์” เธอหันไปยิ้มให้สามี ส่วนมือก็ถือผ้าสะอาดคอยเช็ดตามโต๊ะต่างๆ “แล้วนี่ยัยลันตาบอกจะมาหาเจ้าวีไม่รู้มาถึงหรือยัง”

   “อะไรนะแม่ ยัยลันตาจะมาหรอ” หวานทำหน้าเลิ่กลั่กส่วนในมือก็กดโทรศัพท์ยิก “ยังไม่เลิกจะมาจับพี่วีอีก”

   “ก็ไปว่าพี่เขา”

   “หนูไม่ชอบยัยนั่นนี่” วันหวานขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ชาย สมัยก่อนรั้วบ้านติดกันเธอก็เลยได้รู้จักลันตาตั้งแต่เด็กๆ ยัยนั่นมันร้ายคิดจะจับพี่ชายเธอทำแฟนไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เคราะห์ดีที่เธอเข้าไปสะกัดแผนร้ายได้ตลอด จนกระทั่งพี่วีจะต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยและย้ายไปอยู่หอ ยัยลันตาหายไปพักใหญ่ แต่ก็ไม่วายยังกลับมารังควาญอีกหรือ เธอไม่ยอมแน่!

   เด็กสาวหันไปมองผู้กำกับหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้เรียบร้อย ใช้สายตาค่อยๆมองสังเกตตามเนื้อตัวร่างกายขาวผ่องที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อผ้า ให้ตายเถอะ คนบ้าอะไรผิวดีจริงๆ วันหวานยอมรับว่าแอบปลื้มผู้กำกับหนุ่มมานานแล้ว ทั้งรูปร่างหน้าตาและหุ่นทรมานใจสาว อยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ ถ้าไม่ติดว่าเมื่อคืนเธอได้เสียงแปลกๆออกมาจากห้องพี่ชายจนกระทั่งเธอต้องมาเงี่ยหูฟังนั่นแหละ!

   ยัยลันตา ชั้นมีพี่สะใภ้แล้วย่ะ!

   เด็กสาวกำมือแน่นแล้วร้องเยสในใจ ส่วนในมือถือก็เม้ากับเพื่อนในกลุ่มเรื่องพี่สะใภ้คนใหม่ เธอไม่ซีเรียสเรื่องรสนิยมของพี่ชายอยู่แล้ว เพราะเธอเองเรียนโรงเรียนหญิงล้วนตั้งแต่เด็กยังพาแฟนที่เป็นผู้หญิงมาไหว้พ่อกับแม่อยู่เลย ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ พี่ชายเธอสุดยอด เล่นของสูง(อายุ)ซะด้วย

   “หวาน ไปเสริฟโต๊ะนู้นไป อย่ามัวแต่เล่นโทรศัพท์” ปฐวีส่งถาดให้น้องสาวที่ทำหน้ายับยู่ เห็นท่าทางทะโมนเกินวัยแล้วอยากจะเขกกะโหลกสักที เขามองหาคนตัวขาวที่นั่งอยู่ด้านในสุด เรียวขาขาวแม้จะมีกล้ามเนื้อก็ยังดูสวยโผล่พ้นออกมาจากกางเกงแบงแบงขาสั้นเหนือเข่าเป็นคืบ เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว กางเกงที่เขาเตรียมไว้ให้ไม่ใช่ตัวนี้นี่

   “วีมานั่งกับพี่เขาลูก”

   “ครับแม่” เขานั่งลงตรงข้ามนายตำรวจหนุ่ม “พี่วัตรสั่งอะไรหรือยังครับ”

   “อื้อ สั่งแล้ว” ชัยวัตรเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่มได้เพียงครู่ก็ต้องหลบไปมองที่อื่น เขายังไม่ลืมประโยคบอกรักในห้องหรอกนะ ไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ตรงไหนแล้วตอนนี้

   “พี่วัตร”

   “หืม?”

   “พี่เป็นอะไรหน้าแดงๆ”

   “อากาศร้อนมั้ง” เขาเสตามองไปทางอื่น ยกมือเกาหัวแก้เก้อทั้งๆที่แอร์ในห้องก็เย็นเฉียบจะไปร้อนได้ยังไง เห็นเด็กหนุ่มจุดยิ้มที่มุมปากเขาก็รู้ตัวว่าพลาดท่าเสียแล้ว เสียเชิงชะมัด.. 

“กางเกงตัวนี้ตั้งแต่ผมอยู่มอห้าแล้วพี่ใส่ได้ด้วยหรือ?”

“อะไร?” เขาก้มลงมอง “ใส่ได้ มันสบายดี”

“มันสั้นไป”

“กูใส่แบงแบงมาตั้งแต่เรียนเตรียมทหารละ” เขาตอบ เห็นสีหน้าถูกขัดใจของเด็กหนุ่มแล้วค่อยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย “เลิกชวนคุย จะกินข้าว” แม่ยกกับข้าวเข้ามาให้เยอะเสียจนเขาน่าจะทานไม่หมด เลยต้องบังคับเด็กหนุ่มให้กินเป็นเพื่อนด้วยกัน

“แม่มึงใจดีสุดๆ” เขาตอบทั้งๆที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่ในปาก ลืมภาพผู้กำกับหนุ่มแสนไฮโซไปได้เลย ตัวจริงเขาก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นแหละ “มึงบอกแม่ว่าอะไร? เพื่อน?” เห็นมารดาของเด็กหนุ่มต้อนรับเขาอย่างดี เลยอยากจะรู้ว่าเด็กหนุ่มไปบอกอะไรหรือเปล่า

“เมีย”

พรวดดดด

ข้าวผัดต้มยำทะเลกระจายเต็มโต๊ะ เขาคว้าน้ำเปล่ายกขึ้นดื่มก่อนจะจ้องเด็กหนุ่มเขม็ง ปฐวีหัวเราะเสียงดังกุมท้องแน่น ตัวสั่นตัวคลอนจนทุกคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียว อดไม่ได้ที่จะด่าจริงๆ ไอ้เด็กคนนี้!

“สัด!”  กูยังไม่ตอบสักคำว่าจะเป็นแฟน มึงนี่ข้ามขั้นเกินไปละ!

“กินเด็กเขาว่าเป็นอมตะนะครับ” เขาคว้าทิชชู่เช็ดมุมปาก พลางมองหน้าไอ้เด็กที่ยิ้มกว้างแล้วโคตรหมั่นไส้ ห่างแค่สิบกว่าปีเองเว้ย! เยอะตรงไหน? “แต่ผมกินคนแก่.. ก็เป็นนิรันดร์ครับ”

เดี๋ยวก็รู้ว่าจะตายตรงนี้ได้ไหม ไอ้..!

นายตำรวจหนุ่มก้มหน้าก้มตาจัดการกับข้าวผัดต้มยำทะเลตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาแพรวพราวของเด็กหนุ่มที่มองไม่วางตาเลยสักนิด ปฐวีสวมเสื้อกล้ามหลวมโคร่งทำให้เห็นไหปลาร้าและกล้ามอกโผล่ออกมาวับแวมให้ชัยวัตรต้องเผลอเบือนสายตาไปมองอย่างอื่นบ้าง 

“อะ.. อิ่มละ”

“ยังไม่หมดเลย พี่วัตรทานนี่ด้วยสิครับ” เด็กหนุ่มเลื่อนจานผัดเปรี้ยวหวานให้เขาและต้มยำกุ้งน้ำข้นที่เหลืออยู่เต็มถ้วย เขากลืนน้ำลายลงคอ อาหารเต็มโต๊ะเยอะขนาดนี้เขาจะกินหมดได้ยังไง เขาเรียกให้มาช่วยกินไม่ได้ให้มานั่งมองหน้าเขาเสียหน่อย

“ช่วยกินหน่อย” เขามองหน้าปฐวี “เร็วๆ เดี๋ยวมันเย็นแล้วจะไม่อร่อย”

“จูบ”

“หะ?”

“ถ้าผมช่วยกิน พี่ต้องยอมให้จูบ” นายตำรวจหนุ่มชะงักค้างมองเด็กตัวโตที่ทำหน้ายิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ เขาขมวดคิ้วมุ่นรีบหยิบถ้วยเข้ามาใกล้ใช้ช้อนตักเข้าปาก เด็กหนุ่มร้องจิ๊จ๊ะในลำคอที่เขาไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ยังไม่วายเอื้อมมือมาเช็ดคราบเปื้อนข้างแก้มเขาอีก ชัยวัตรใช้เท้าสะกิดใต้โต๊ะพร้อมขยับปากชัดๆ

เดี๋ยว-แม่-เห็น.. ไอ้-สัส!

“เห็นก็เห็นไปสิ ผมไม่มีอะไรปิด..อื้อ!” เขาพุ่งเข้าไปปิดปากเด็กหนุ่มจนแน่น เห็นแม่ของปฐวีหันมามองเขาก็ต้องยิ้มหวานส่งไปให้ หวังว่าจะมีไม่มีใครได้ยินนะ!

“พูดเหี้ยอะไรของมึง”

“อี้อ่อยอ้ม(พี่ปล่อยผม!)” เด็กหนุ่มส่งสายตาคาดโทษให้เขา เดี๋ยวนี้ชักปีกกล้าขาแข็ง ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกว่าใครเป็นใคร “พี่วัตร ผมเจ็บนะ” พอเห็นมันทำหน้าไม่พอใจเขาก็ปล่อยมือออก ความอุ่นร้อนที่ได้สัมผัสยังรู้สึกได้เต็มฝ่ามือ

“อย่ากวนตีนอีก เข้าใจ๊”

“แค่บอกแม่ว่าผมกับพี่เป็นอะไรกัน มันแย่มากเลยหรอ”

“กูบอกตอนไหนว่าจะคบกับมึง”

“ผมได้พี่กับตั้งหลายรอบแล้ว เมื่อคืนไอ้หวานก็ดะ..อื้อ” ชัยวัตรหน้าตึง หันขวับไปมองเด็กหนุ่มแล้วกระโจนเข้าไปล็อคคออีกรอบ 

“กูไม่แดกแล้ว ขึ้นไปบนห้องกับกูเดี๋ยวนี้!”

“อื้อ!”

“พี่วี!” นายตำรวจหนุ่มที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากหันไปตามเสียงก็เห็นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มผูกผมแกละสองข้างกำลังโบกไม้โบกมืออยู่หน้าประตู ชัยวัตรเห็นวันหวานเบะปากเป็นสระอิก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้าน “ลันตาไม่เจอพี่วีตั้งนาน คิดถึ้งคิดถึงค่ะ”

“ลันตา เอ้อ สวัสดี” ปฐวีผละออกจากชายหนุ่มยิ้มหวานให้เด็กสาวซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่เขายังเด็ก “กินอะไรมาหรอยังล่ะ?”

“ยังเลย ข้างนอกร้อนมากๆ”

“งั้นนั่งพักก่อน”

“ขอบคุณนะ วีใจดีตลอดเลย”

ชัยวัตรมองเห็นออร่าสีชมพูเปล่งประกายออกมาจากเด็กสาว มันชัดเจนจนปิดไม่มิดว่าคิดกับปฐวีเกินกว่าเพื่อนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เขาเลือกที่จะไม่สนใจแม้หางตาจะแอบเหลือบมองอยู่ตลอดเวลา ผู้กำกับหนุ่มนั่งลงที่เดิมคว้าน้ำส้มคั้นมาดูดมองหน้าจอโทรทัศน์จอแบนที่แขวนอยู่บนฝาผนัง 

   ‘ทีมหน่วยลาดตะเวนยุติการค้นหา ร.ต.อ นฤนารถ หลังหายสาบสูญนานสองสัปดาห์’

   ชัยวัตรขบกรามแน่นมองรูปถ่ายรุ่นน้องขึ้นจอด้วยความรู้สึกชอกช้ำ ตั้งแต่ที่นฤนารถหายไปเขาขออาสาไปค้นหาด้วยตนเองด้วยซ้ำ ชายหนุ่มที่เป็นเรี่ยวแรงกำลังของหน่วยจะต้องสังเวยให้กับการปฎิบัติภารกิจอีกคนงั้นหรือ เขาไม่เคยยอมรับได้สักครั้งเมื่อพบเห็นข่าวทำนองนี้ นฤนารถเป็นรุ่นน้องที่เขาสนิทสนมราวกับเป็นน้องชายคนหนึ่ง เขายอมรับไม่ได้.. ยอมรับไม่ได้จริงๆ

   เขาคว้าทิชชู่มาซับหางตาเมื่ออารมณ์อ่อนไหวและความรู้สึกสูญเสียกำลังเล่นงานเขา ชัยวัตรยังมีความหวังว่ารุ่นน้องของเขาจะต้องไม่เป็นอะไร จะต้องกลับมาหา มาช่วยงานเขาเหมือนเดิม

“พี่วัตรเป็นอะไร”

“ไม่ๆ กูไม่ได้เป็นอะไร” เขาส่ายหัว “ไปนั่งกับเพื่อนไป ไม่ต้องมายุ่ง” เขาแค่รู้สึกเสียดายและเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องคนสำคัญในชีวิตได้อีกครั้ง

“ไม่เป็นอะไรแล้วจะร้องไห้ได้ยังไง” ปฐวีลนลาน เห็นคนตัวขาวเช็ดน้ำตาแล้วเขาใจคอไม่ดี ทำอะไรไม่ถูก เดิมทีจะต้องไปต้อนรับเพื่อนที่ไม่เจอมานานแต่ก็พะว้าพะวงเป็นห่วงชายหนุ่ม “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” เขาย้ำ “นั่งพักเดี๋ยวก็หาย”

“ผมปล่อยพี่ไม่ได้หรอก อยู่นี่แปบนะครับเดี๋ยวผมมา”

“เออๆ” เขาโบกมือไล่ เห็นหลังมันไวๆกระโจนเข้าไปในห้องครัว หายเข้าไปสักพักเสียงโหวกแหวกโวยวายก็ดังขึ้นมา วันหวานแผดเสียงเอาแต่ใจก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้ามาที่โต๊ะmลันตากำลังนั่งอยู่

“จะกินอะไร”

“ไปตามวีมา”

“พี่วีให้ฉันมาดูแลเธอ” วันหวานกัดฟันกรอด นึกชังน้ำหน้าผู้หญิงตรงหน้าเต็มทน ถ้าไม่ติดว่าปฐวีมาขอร้องเพราะจะไปดูแลนายตำรวจหนุ่มละก็ อย่าได้หวังว่าเธอจะโผล่หน้ามาเจอ “รีบๆกินแล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว”

“ฉันจะฟ้องวี!”

“เอาเลย!”

ชัยวัตรมองเด็กสาวสองคนที่จ้องตากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาพยายามจะเดินเข้าไปคุยทักทายตามประสาหนุ่มฮอตอารมณ์ดีแต่ก็โดนกระชากจากเด็กหนุ่มเสียก่อน มองข้อมือหนาที่คว้าไหล่เขาไล่ขึ้นสบตาปวดร้าวที่กำลังแดงก่ำ

“เป็นอะไรอีก”

“ผมนั่นแหละต้องถามว่าพี่เป็นอะไร” ปฐวีถาม สายตาดูเป็นกังวล “ร้องไห้ทำไมครับ?”

“อะไรของมึงเนี่ย” เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม ขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มตรงหน้า “เรื่องของกูน่า”

“ผมถามจริงๆเหอะ” คนตัวโตน้ำเสียงสั่นเครือจนเขาต้องเงียบเสียง “พี่เคยเห็นผมอยู่ในสายตาบ้างไหม”

“…”

“ผมเป็นห่วงพี่นะ พี่เข้าใจความรู้สึกผมบ้างหรือเปล่า”

“เดี๋ยวอะไร กูงงไปหมดละ”

“ผมเคยคิดพอใจกับสถานะตัวเองตอนนี้ ไม่เคยอยากจะเรียกร้องอะไรขอแค่ได้อยู่ข้างๆพี่ก็พอ” ปฐวีก้มหน้าพูดพึมพำ “แต่เอาเข้าจริง ผมแม่งทำไม่เคยได้ ผมอยากเป็นทุกอย่างของพี่ เป็นคนที่พี่ต้องการ”

“…”

“ขอถามตรงๆนะ ผมไม่มีวันจะเป็นคนนั้นได้เลยใช่ไหม”

“วี..”

“ผมขอโทษที่ถามอะไรแบบนี้ พี่คงไม่สบายใจ” ปฐวีเดินนำไปทางบันได เอี้ยวตัวมาตอบแต่ไม่ยอมสบตาเขา “ไปนอนพักหน่อยไหมครับ เดี๋ยวบ่ายๆผมจะไปส่งที่คอนโด” ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ชอบท่าทีห่างเหินอย่างนี้ของเด็กหนุ่มเอาเสียเลย หัวใจบีบรัดแน่นจนเขาปวดหนึบอยากจะคว้าแผ่นหลังกว้างที่งองุ้มมากอดแน่นๆ

“วี..”

“ครับ”

“ไปนอนเป็นเพื่อนหน่อยสิ”

“ครับ”

เขาเป็นฝ่ายจับจูงเด็กตัวโตเดินขึ้นชั้นบนแทน จากบรรยากาศคึกคักกลับมีเพียงเสียงเท้ากระทบขั้นบันไดเท่านั้น เขาผลักประตูเข้าไปกดเปิดไฟ เดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วนั่งลงบนเตียง ปฐวีมองหน้าเขาสายตาเจ็บปวดจนเขาเริ่มจะทนไม่ไหว

“เป็นอะไรอีก” เขาดึงมือเด็กหนุ่มให้ลงนั่งข้างๆ แต่เด็กดื้อก็ไม่ยอมนั่งลงดีๆ “ทำหน้าทำตาดูไม่ได้เลยนะ”

“…”

“วี.. งอนอะไรพี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย มองสบตาเข้าไปยังอีกฝ่าย ถึงแม้เขาจะไม่เคยบอกไม่เคยเอ่ยอะไรออกไปให้มันชัดเจนมัวแต่ลีลาและคิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเอง แต่ถ้าหากสังเกตตัวเองดีๆ เป็นเขาเองนั่นแหละที่ไม่ยอมให้ปฐวีอยู่ไกลจากสายตาเลยสักครั้ง

“ผมไม่ได้งอนเสียหน่อย”

“เห็นหน้าก็รู้แล้ว คิดว่าพี่ตาบอดหรือยังไง”

“พี่ใส่ใจผมด้วยหรือ?”

“นั่นไง งอนใหญ่แล้ว” เขาตบเตียงปุๆ “มานี่เร็ว เขยิบมานั่งข้างๆพี่มา”

“ไม่”

“จะมาไม่มา”

“ก็ได้” ปฐตอบเสียงอ่อนยอมนั่งข้างเขาแต่โดยดี เขาคว้ามือเด็กหนุ่มมากุมไว้แน่น หายใจเข้าออกเชื่องช้า ตั้งสติตัวเองไม่ให้หัวใจที่เต้นแรงมันดังจนอีกฝ่ายได้ยิน

“พี่แค่น้ำตาซึมที่เห็นข่าวรุ่นน้อง ไม่ได้ร้องไห้ให้ใครทั้งนั้นแหละ” เขาตอบ “คิดไปถึงไหนวะ?”

“ผมก็แค่คิดว่า.. พี่ไม่อยากบอกเพราะเห็นผมเป็นคนนอก มันก็น่าน้อยใจทั้งๆที่ผมห่วงพี่มากขนาดนี้” ปฐวีก้มหน้างุด บีบมือเขาตอบ

“ไอ้บ้าเอ๊ย มันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องบอก”

“แต่ผมอยากรับรู้ทุกเรื่องของพี่นะ”

“อยากรู้ขนาดนั้นเลย?” เขายิ้มขำ “รู้ไปแล้วจะได้อะไรวะ”

“ผมอยากแบ่งเบาความรู้สึกพี่บ้าง อยากเป็นคนที่พี่เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังทุกวันหรือแบ่งปันเรื่องเหี้ยๆให้ฟังในวันที่มันโคตรแย่”

“เรื่องแย่ๆของพี่ อยากจะฟังไปทำไม”

“ผมก็จะได้ปลอบพี่ บอกพี่ว่าผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน” เด็กหนุ่มเงยหน้าสบตาเขา สายตาแน่วแน่ “จะขออยู่ข้างๆพี่จนกว่าพี่จะไม่ต้องการ”

ชัยวัตรรับรู้ได้เลยว่าหัวใจตอนนี้ของเขามันแทบระเบิด เขารู้แล้วว่าทำไมเขาถึงมีอาการประหลาดที่แม้แต่ตัวเองก็ยังตอบไม่ได้ หัวใจมันสั่นมันอ่อนไหว มันอยากเห็นอีกคนอยู่ในสายตา มันอยากอยู่ชิดใกล้ไม่อยากไปไหนไกล อยากมีชีวิตที่มีอีกคนอยู่ข้างๆไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เขาเพิ่งรู้ว่าคำตอบที่เขาหามานาน แท้จริงแล้วมันอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง..

“เป็นแฟนตำรวจต้องอดทนนะ” ชัยวัตรฟุบลงลาดไหล่กว้างของอีกฝ่าย ไม่อยากให้เห็นใบหน้าร้อนผ่าวยันใบหู “จะไหวหรือ”

“ไม่รู้สิครับ” เด็กหนุ่มจรดริมฝีปากเข้าใกล้ คลอเคลียแก้มขาวที่แดงจัด “สงสัยผมต้องลองเป็นดูแล้วล่ะ”

“ก็เอาสิ ตำแหน่งคุณนายยังว่าง”

 ปฐวีชะงักกึกมองคนตัวขาวที่แก้มขึ้นสีระเรื่อด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ หัวใจเต้นรัวเร็วราวกับมันจะเด้งออกมาจากอก อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆเพื่อพิศูจน์ว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า เมื่อเห็นผู้กำกับหนุ่มยังนั่งมองเขาตาแป๋วเด็กหนุ่มจึงเชิดคางมนขึ้นแล้วบดจูบลงอย่างรวดเร็ว แขนหนาตวัดเอวให้เข้ามาใกล้ชิดและใช้ริมฝึปากดูดกลืนลมหายใจแตะลากไล้ชิมรสทั่วทุกอณูประกาศความเป็นเจ้าของอย่างย่ามใจ ในเมื่อเขาได้โอกาวที่ได้อยู่ข้างๆผู้ชายคนนี้ทุกตำแหน่งของร่างกายนี้เขาจะเป็นคนตีตราจองแต่เพียงผู้เดียว

TBC

คู่นี้คบกันแล้วนะคะ หลังจากพี่วัตรเล่นตัวมานาน
คู่นี้เจอกันอีกทีในตอนพิเศษในเล่มนะจ้ะ อิอิ
มีเกมแจก Boxset ในเพจนะคะ ไปร่วมสนุกกันได้ค่ะ
page : Banoffypie


หัวข้อ: Re: เปิดจองวันนี้ถึง๑พค.๖๑ ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๙] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๑๔.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 14-03-2018 11:41:25
ว้ายยย คู่นี้ละก็หวานกันจริงๆเล้ย  :katai2-1:

ส่วนข่าวหม่อมนั้น.....  :o12:
หัวข้อ: Re: เปิดจองวันนี้ถึง๑พค.๖๑ ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๙] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๑๔.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-03-2018 20:04:49
อู้หูวววว กว่าจะได้คบกัน
หัวข้อ: Re: เปิดจองวันนี้ถึง๑พค.๖๑ ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๙] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๑๔.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-03-2018 00:54:09
คบกันแล้ววววว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เปิดจองวันนี้ถึง๑พค.๖๑ ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๙] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๑๔.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-03-2018 03:10:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เปิดจองวันนี้ถึง๑พค.๖๑ ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๙] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๑๔.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-03-2018 08:56:47
ฟินนนน~
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 23-03-2018 15:28:28
ตอนที่ ๓๐

   เสียงหัวเราะของไทเกอร์ดังขึ้นไม่ไกลจากที่เขาอยู่นั่งมากนัก ชายหนุ่มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ไม้รับลมที่ลอยผะแผ่วในช่วงเย็นย่ำ เสียงเห่าของเจ้ากะทิดังสลับกับเสียงของลูกชาย เขาเอียงหูรับฟังซึมซับความรู้สึกอบอุ่นที่มีคนรักอยู่รายล้อม ครอบครัวคือยาชั้นดีในการเยียวยาความเจ็บปวดของเขาจริงๆ หากไม่ได้มุจลินท์เขาคงจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว จากคนที่มีร่างกายสมบูรณ์กลับต้องมาสูญเสียการมองเห็น คนที่เป็นเสาหลักของครอบครัวที่ต้องทำงานหาเลี้ยงลูก คนที่เป็นผู้นำมาตลอดกลับต้องมีคนอื่นมาคอยดูแล มันเป็นเรื่องที่เขาทำใจให้ยอมรับได้ยาก

   ชลธีกลับมาอยู่บ้านได้สองอาทิตย์แล้ว แม้จะโดนคุณพ่อและคุณแม่บ่นจนหูชาเรื่องที่เขาปิดบังไม่ยอมบอกใครจนทำให้เรื่องราวใหญ่โต ท้ายที่สุดเขาก็คิดได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเสียหน่อย ยังมีคนรักและครอบครัวที่จะเป็นกำลังใจให้เขาอีกตั้งหลายคน

   “พี่ฉลาม.. หลับอยู่หรือเปล่าครับ”

“เปล่าครับ พี่ฟังลูกชายเล่นอยู่” เขาหันไปตามเสียงเรียกของเด็กหนุ่ม

“เข้าบ้านกันนะ วันนี้หนูทำขนมบัวลอยด้วย” เด็กหนุ่มประคองคนรักให้ลุกขึ้น ชลธีเบี่ยงตัวไม่ให้จับจนเขาต้องหยุดแล้วมองคนรักที่พยายามจะช่วยเหลือตัวเอง

“ไหนพาพี่ไปชิมบัวลอยหน่อยนะครับ”

“ฮื่อ” เขาเดินเข้าไปสอดประสานนิ้ว ส่งผ่านความอบอุ่นจากฝ่ามือ “พี่ต้องทานเยอะๆด้วยนะ”

“ได้สิครับ”

“พี่กังวลเรื่องผ่าตัดหรือครับ” เขาตัดสินใจถาม ช่วงที่ผ่านมาเขามักจะเห็นคนรักมีท่าทีเงียบขรึมและไม่ค่อยพูดจา อาจจะเป็นเพราะกำหนดการผ่าตัดที่ใกล้เข้ามาทำให้ชายหนุ่มเป็นกังวล

“นิดหน่อย”

“พี่ไม่ต้องกลัว.. หนูอยู่ข้างๆพี่นะ” เขากระชับมือให้แน่นขึ้น “จะไม่ยอมไปไหนด้วย”

“พี่รู้แล้วครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”

เด็กหนุ่มซุกเข้าที่แผงอก มือขาวสอดเข้าที่เอวสอบ กลิ่นกายที่เขาคุ้นชินทำให้เขารู้สึกสงบมากขึ้น อีกไม่กี่วันคนรักจะต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้ว ทุกคนที่บ้านคอยเป็นกำลังใจให้นายทหารหนุ่ม เขารู้ว่าชลธีกังวลเรื่องที่หากผ่าตัดแล้วอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ทำให้เขาต้องคอยพูดคุยและอยู่ใกล้ๆเสมอ ยิ่งชลธีเครียดเขาก็ต้องช่วยให้คนรักผ่อนคลายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

   “ป๊าคับ” เด็กชายวิ่งเข้ามากอดคุณพ่อจนเขาต้องจับชลธีเอาไว้ไม่ให้ล้มลง กะทิวิ่งวนรอบตัวส่งเสียงเห่าใช้หัวถูไถกับช่วงขาจนเขาต้องเอี้ยวตัวหลบด้วยความจั๊กจี๋ ลูกชายเห็นก็หัวเราะตัวงอเป็นกุ้ง “ฮ่าๆ กาทิ้อย่าทำคุณแม่น้า”

   “เกอร์เล่นจนเลอะไปหมดแล้วนะลูก เข้าบ้านไปอาบน้ำนะครับ”

   “เกอร์อยากอาบน้ำกับป๊าอะแม่ลินท์” ว่าแล้วไทเกอร์ก็หันไปออดอ้อนคุณพ่อ เดี๋ยวนี้ลูกชายขี้อ้อนเก่งมากเป็นขวัญใจของทุกคนในบ้านจริงๆ “นะคับป๊า”

   “ได้สิลูก เดี๋ยวเราอาบน้ำกันด้วยกันนะ” ชลธีตอบพลางสัมผัสไปตามตัวของเด็กชายลูบกระหม่อมเล็กไปมาด้วยความเอื้อเอ็นดู

   “เย่ วันนี้อาบน้ำกับคุนป๊าแหละ”

   “โฮ่ง!”

   มุจลินท์แทบจะเวียนหัวเมื่อต้องรับมือกับลูกชายที่นับวันเริ่มจะพูดเก่งมากขึ้นเขาต้อนสองคนพ่อลูกเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเลเพราะไทเกอร์อ้อนจะให้เขาอุ้ม เดือนร้อนคุณพ่อต้องอุ้มลูกชายขึ้นแนบอกส่วนเขามีหน้าที่จับจูงทั้งคู่ไปตามเส้นทางที่ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ ภายในบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นกะทิที่เขาใช้ทำขนมหวาน คุณแม่กับคุณยายกำลังง่วนอยู่ในครัวเพราะต้องเตรียมอาหารตอนเย็น วันนี้คเชนทร์และสมุทรจะกลับมาทานข้าวที่บ้านทำให้ตอนนี้ทุกอย่างดูคึกคักและเต็มไปด้วยรอยยิ้มของทุกคน

   คุณปู่เดินเข้ามาเปิดโทรทัศน์แล้วนั่งจิบกาแฟ ส่วนเด็กชายคนเล็กสุดของบ้านถอดเสื้อยืดสีเหลืองลายหมีพูห์ออกทันทีที่คุณพ่อเหยียบเข้าประตูบ้านดิ้นร้องขอคุณพ่อให้วางลงเพราะเห็นในโทรทัศน์มีคุณฮีโร่กำลังจะมา เขาหันไปอุ้มลูกชายออกจากอกชลธี

   “เดี๋ยวเราจะไปทำอะไรกันครับ”

   “อาบน้ำคับ.. แต่ว่า” ไทเกอร์มองตาละห้อยไปทางทีวี “คุณเรนเจอร์มาแล้ว..”

   “หนูจะถอดเสื้อแล้วจะไปดูการ์ตูนทั้งอย่างนี้หรือครับลูก”

   “งะ คุณแม่…” เด็กอ้วนทำแก้มพอง หน้าตาอาลัยอาวรณ์การ์ตูนเหลือเกิน “เกอร์อาบน้ำก่อนก็ได้คับ”

   “เสื้อผ้าถอดเสร็จแล้วต้องเก็บไว้ไหนครับลูก”

   “ใส่ตระกร้าผ้าคับ” เด็กชายทำปากยู่ มองผลงานตัวเองที่หล่นแหมะอยู่หน้าประตูบ้าน “เกอร์ขอโทดคับ” กระพุ่มมือไหว้แล้วโผเข้ากอดคุณพ่อซุกหน้าแล้วแช่นิ่งไม่กล้าสบตากับคุณแม่

   “เด็กดีของป๊า” ชลธียิ้มขำให้กับความแสบของเด็กชาย “เด็กดีต้องทำอย่างไรครับลูก”

   “เกอร์เป็นเด็กดีคับ” เจ้าตัวรีบวิ่งไปเก็บเสื้อที่ถอดทิ้งไว้ใส่ตะกร้าผ้า แล้ววิ่งมารายงานตัว “เรียบร้อยแล้วคับ”

   “ลูกชายของป๊าน่ารักที่สุด”

“เกอร์รักป๊า เกอร์รักคุณแม่” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นจนคุณปู่ที่นั่งฟังยังหัวเราะขำ

“แล้วย่าล่ะรักไหม” คุณย่าถือถ้วนขนมหวานออกมาจากครัว ตั้งลงโต๊ะญี่ปุ่นหน้าโซฟา กลิ่นหอมหวานกระจายฟุ้งจนเจ้าตัวเล็กหันไปมองตาโต “เจ้าตัวแสบอ้อนคุณพ่อตลอดเลย น่ารักจริงๆหลานคนนี้”

“เกอร์ก็รักคุณย่า กับคุณยายคับ” ได้รับคำชมก็ยิ่งตัวลอย รีบยิ้มแฉ่งบอกรักทุกคนในบ้าน

“ปากหวานจริงๆ” คุณยายชมเปาะ เห่อหลานชายคนเล็กกันทั้งบ้าน “ไปๆ รีบอาบน้ำเดี๋ยวมาทานข้าวกันนะลูกนะ”

“เย่ๆ” เขาจับจูงลูกชายไว้ส่วนอีกมือก็จับแขนคนรักเอาไว้ พากันขึ้นบันไดไปอาบน้ำชั้นบน ส่วนเสื้อผ้าเขาจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

“ไปรอคุณแม่ที่ห้องน้ำนะครับ” มุจลินท์กำชับกับลูกชาย ไทเกอร์พยักหน้าหงึกหงัก “อย่าลืมหยิบผ้าขนหนูนะ”

“คร้าบบบบบบบบบ” เห็นลูกชายวิ่งเผ่นแผล็วไปแล้วเขาก็หันมาจัดการกับคนรักต่อ

“อาบน้ำพร้อมลูกเลยใช่ไหม.. ให้หนูไปช่วยไหม”

“ไม่ต้องหรอก แค่ลินท์ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่ก็พอ” มือหนาคว้าเข้าที่เอวบางแล้วรวบเข้ามาใกล้ “นะครับ” กระซิบข้างหู ลมร้อนพัดแผ่วจนเขารู้สึกวูบวาบ ต้องผละออกมาใช้มือขาวค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกเผยให้เห็นรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีแทนแลดูซีดลงกว่าเดิมเพราะคนตรงหน้าป่วยมาเกือบเดือนแล้ว เขาถอดเสื้อออกเสร็จก็คว้าผ้าขนหนูคล้องบ่าคนรัก

“เสร็จแล้วเรียกหนูแล้วกันนะ จะเข้าไปช่วย”

“ครับ ขอบคุณนะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหนูหรอก ได้ดูแลพี่ทุกวันมันคือความสุขของหนู” เขาก้มหน้าเอียงอาย “เราเป็นคนรักกันไม่ใช่หรือ”

“พี่ชอบที่หนูเรียกพี่แบบนี้จัง เหมือนเราเป็นมากกว่าแฟน จริงๆเราก็เป็นมากกว่าแฟนอยู่แล้วนี่ครับ.. คุณภรรยา” ชลธีแตะริมฝีปากไปทั่วใบหน้าเด็กหนุ่ม กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ข้างๆเขาคือใคร

“ฮื่อ ไม่ใช่เวลามาเล่นนะครับ เร็วเข้าจะได้ทานข้าวนะ” เด็กหนุ่มรีบรุนหลังให้คนรักเข้าห้องน้ำที่มีลูกชายกำลังรออยู่ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ

“คร้าบ”

เสียงน้ำเปิดออกจากฝักบัวดังซู่ซ่า ชลธีกะระยะทางเดินเข้าไปทางอ่างอาบน้ำค่อยๆก้าวลงไปนั่ง ลูกชายยืดตัวขึ้นมาช่วยจับคุณพ่อ

“ป๊า.. ตรงนี้คับ” ไทเกอร์ดึงให้คุณพ่อนั่งแช่น้ำด้วย ปกติเด็กชายจะชอบอาบน้ำกับคุณพ่อเป็นประจำ หลังๆมานี้เจ้าตัวแสบรู้ว่าคุณพ่อไม่ค่อยสบายเลยไม่ค่อยไปกวนมากนัก “ป๊าเจ็บไหมคับ”

“หื้ม เจ็บอะไรหรือลูก”

“ตรงนี้” มือสั้นป้อมลูบที่แก้มสากแตะแผ่วขึ้นไปที่ขมับ แผลที่ยังพันอยู่บริเวณดวงตาทำให้เด็กชายรู้สึกสงสัยว่ามันคืออะไร

“ไม่เจ็บเลยครับ ป๊าเป็นซุปเปอร์แมน”

“จริงหรอคับ” เด็กชายนั่งบนตักคุณพ่อ “เกอร์จะดูแลป๊า ดูแลคุณแม่เองนะคับ”

“โตเป็นหนุ่มแล้วหรือเรา เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่นะ หื้ม?” ชลธีก้มลงจุมพิตลูกชาย เขาอยากเห็นลูกชายเติบโตขึ้น มันจะดีแค่ไหนถ้าหากเขากลับไปมองเห็นได้อีกครั้ง

“เกอร์ไม่อยากให้แม่ร้องไห้ ไม่อยากให้ป๊าเศร้า” เด็กชายพูดเสียงแจ๋ว นั่นทำให้เขาชะงัก เขาแสดงออกมากไปจนแม้แต่ลูกชายก็ยังสังเกตได้งั้นหรือ

“โถ่ลูก” กอดลูกชายแน่นจนเจ้าตัวจมเข้าไปในอ้อมกอด

“เกอร์รักป๊านะคับ”

“ป๊าก็รักเกอร์นะลูก” เขาก้มลงหอมแก้มเด็กอ้วนที่ปีนี้อายุสี่ขวบต้องไปเรียนชั้นอนุบาลแล้ว  “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูห้ามทิ้งคุณแม่นะ”

“เกอร์ไม่ทิ้ง เกอร์ไม่ทิ้ง ไม่เอา” เด็กชายซุกเข้าหาคุณพ่อแล้วกอดไว้แน่น “ป๊าห้ามทิ้งเกอร์นะ อย่าทิ้งเกอร์นะ” น้ำตาเด็กชายปริ่มจะไหลหากไม่มีคุณพ่อและคุณแม่

“ใครจะทิ้งเด็กอ้วนได้ลง มาเร็วรีบอาบน้ำจะได้ไปทานข้าวนะครับ”

“ค้าบบบ นี่ฉะบู่” ไทเกอร์บีบออกจากขวดแล้วชะโลมทาตัวถูจนเกิดฟองทั่ว เด็กชายหันไปถูให้คุณพ่อ แล้วเอื้อมไปหยิบอีกขวดที่อยู่ข้างกัน “นี่แชมพูคับ”

“ระวังเข้าตานะครับ” ชลธีช่วยลูกชายสระผมเพราะกลัวฟองจะเข้าตา แต่ดูเหมือนเด็กชายจะชอบ เพราะหัวเราะคิกคักเล่นน้ำไม่หยุด

“เกอร์ถูหลังให้ป๊านะคับ”

“ใครสอนเราเนี่ย”

“คุณแม่คับ คุณแม่บอกว่าอาบน้ำต้องอาบให้สะอาดต้องถูให้ทั่วคับ”

“หึหึ” ชายหนุ่มจุดยิ้ม “เก่งจังเลย”

สัมผัสได้ถึงมือเล็กป้อมที่กำลังถูไถอยู่บริเวณหลัง เขานึกขำเอ็นดูลูกชายจอมแสบจนอยากคว้ามาฟัดให้จมเขี้ยว เสียงหัวเราะดังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบหายไป

“เกอร์ครับ ไปไหนแล้วลูก”

“หนูพาลูกออกไปแต่งตัวแล้วจ้ะ” ใยฟองน้ำขัดเข้าที่บ่าเรื่อยลงมาท่อนแขน เสียงคนขัดดังอยู่ไม่ไกลจากหู ตามด้วยกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ “แช่น้ำนานเดี๋ยวไม่สบายพอดี”

“ช่วยพี่อาบน้ำก่อนสิ” เมื่อรู้ว่าเป็นคนรักเขาจึงหันไปกระเซ้าแหย่ มือหนาดึงคนรักให้ลงมาอาบด้วยกัน
“พี่อาบได้อยู่แล้ว ยังจะมาแกล้งหนูอีก” เด็กหนุ่มขืนตัวเอาไว้แต่ก็สู้แรงไม่ได้ เสื้อผ้าเขาเปียกไปครึ่งตัวแล้วเพราะมัวแต่เล่นกับชลธี

“นะครับ นะ”

“หนูช่วยถูตัวแล้ว” เด็กหนุ่มร้องห้ามแต่ก็ไม่ทันมือหนาของอีกฝ่ายที่ลูบไล้ไปทั่วตัวจนเขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ “อ๊ะ อือ.. พี่” ชลธีเชยคางคนรักให้รับจูบดูดดึงจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ เขาตัวอ่อนยวบแทบจะล้มทั้งยืน

“หวานที่สุดเลย”

“พอแล้ว.. เดี๋ยวคุณแม่กับคุณยายรอนานนะครับ” ดันแผงอกหนาให้ออกห่าง ไม่รู้ทำไมชลธีถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนอยู่เรื่อย จะสัมผัสไวเกินไปแล้วนะ!

“อีกหน่อยน่า” ชายหนุ่มกอดคนรักแน่น ดอมดมกลิ่นหอมหวาน “ยังรู้สึกไม่พอเลย”

“ฮื่อ อย่าจับนะครับ!” เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกลูบไล้ไปตามจุดอ่อนไหวที่เริ่มชูชัน “ปล่อยหนูก่อน..”

“ร้อนขนาดนี้เลยหรือ?” ชลธีหยอกเอินมุจลินท์น้อยที่เริ่มบวมคับกางเกง เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว เขินคนรักที่รู้ทันเขาไปเสียทุกอย่าง

“เพราะพี่นั่นแหละ อืออออออ.. อ๊ะ” มือหนารูดตามความยาวอีกสองสามครั้งแก่นกายพอดีตัวของเด็กหนุ่มก็พร้อมสู้เต็มที่ มุจลินท์ขบริมฝีปากกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอด เขาไม่อยากให้คนรักได้ใจจนแกล้งเขาบ่อยๆ สองมือขาวโอบรัดรอบคอคนป่วยซุกใบหน้าเข้าลาดไหล่ สะอื้นเสียงเบาก่อนจะกระตุกไปทั้งตัวเมื่อความเสียวแล่นวาบไปหมด

“ไวจัง” ชายหนุ่มกระซิบเสียงพร่าเมื่อรู้สึกถึงน้ำอุ่นที่เลอะเต็มฝ่ามือเขา “เดี๋ยวความรู้สึกไวเป็นพิเศษนะ”

“ฮือ” เขาอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด ไม่เคยต้านทานสัมผัสเร่าร้อนจากคนรักได้เลย หรือว่าที่จริงแล้วเขานั่นแหละที่หื่น! “ฮืออออ”

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ” ชายหนุ่มกอดปลอบลูบหัวคนรักไปมา “พี่ไม่แกล้งแล้ว.. คนดี”

“คนบ้า!”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ลินท์.. ลินท์เสร็จหรือยัง แม่ให้พี่มาตามแล้วนะ” คเชนทร์เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของพี่ชายก็ไม่เจอใครก็นึกขึ้นได้ว่าคงจะอยู่ในห้องน้ำ เงี่ยหูฟังพร้อมเคาะประตูอีกรอบ

พี่ช้าง!

“อะอื้อ” เด็กหนุ่มละล่ำละลักตอบ มือก็คอยดันคนรักให้ออกห่าง “คอยแปบนะพี่ช้าง ลินท์ช่วยพี่ฉลามแต่งตัวอยู่จ้ะ”

“อะ..โอเค” ฝั่งคเชนทร์ได้ยินเสียงแปลกๆก็รีบหันตัวกลับออกไปแทบไม่ทัน ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันถึงพี่ชายคนรองของเขา ร้ายไม่เบาจริงๆ!

“แต่งตัวซะที่ไหน” ชลธีกอดหมับไม่ยอมปล่อย ซุกไซ้ซอกคอขาว

“อื้อ พี่ฉลามอย่าซน” เดิมทีเขาก็สู้แรงคนรักไม่เคยได้อยู่แล้ว รอบนี้ต้องปัดป่ายไม่ให้มือปลาหมึกซุกซนไปมากกว่านี้ ไม่งั้นเขาไม่ได้ลงไปทานข้าวแน่ๆ “ไม่มีวันไหนที่ไม่ทะลึ่งเลยนะครับ”

“ช่วยไม่ได้ เมียพี่น่ารักพี่ก็ต้องอยากรักเป็นธรรมดา”

“ร้ายกาจ!” ยั้งมือไว้ทันไม่ให้ไปทุบคนรักที่หัวเราะร่วน เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปตามร่างกายที่เปียกชื้น เตรียมเสื้อผ้าให้ชลธีสวมใส่ เป็นเสื้อยืดกางเกงผ้าที่เจ้าตัวชอบใส่ประจำ

“ลินท์เบื่อพี่ไหม” ชลธีรับรู้ได้ถึงเอาความใจใส่ของเด็กหนุ่มที่คอยดูแลเขาอยู่ทุกวันไม่เคยปริปากบ่นเลยสักครั้ง นึกแล้วก็ซึ้งใจกับความรักของอีกฝ่าย เขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆ

“ไม่เบื่อ”

“พี่ทำให้ลินท์เสียเวลาหรือเปล่า”

“ไม่นี่ครับ” เขาจับจูงคนรักออกมาจากห้องน้ำหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว “พี่นั่นแหละ ต้องอยู่กับหนูไปตลอดชีวิตพี่จะเบื่อหนูไหม หนูไม่ยอมให้พี่ไปมีคนอื่นได้อีกแล้วนะ” เขาขู่ฝ่อ ถ้าชายหนุ่มเห็นหน้าเขาตอนนี้คงนึกหมั่นเขี้ยวจับกินอีกรอบแน่ๆ แต่เรื่องอะไรเขาจะให้เห็นกันเล่า! เขาจะไม่ยอมปล่อยผู้ชายตรงหน้าไปให้ใครเด็ดขาด ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาสอนให้เขาต้องรู้จักเห็นแก่ตัวมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากจะเสียคนรักไป

ชลธีจับกระแสน้ำเสียงได้ก็เข้าใจอารมณ์ขุ่นมัวของเด็กหนุ่ม ในที่สุดเจ้าลูกเป็ดก็เริ่มจะโตขึ้นมาบ้างแล้วสินะ เขากอดคนรักแนบแน่น พร่ำบอกความในใจ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความหวาน หัวใจฟูพองไปด้วยความรักเต็มอก

“ไม่มีวันที่พี่จะเบื่อหนูแน่นอน..”


“ผมรอพี่จนไส้กิ่วแล้วนะ.. อาบน้ำขัดขี้ไคลออกมาเป็นกระบุงแล้วมั้ง” คเชนทร์หันไปกระทุ้งพี่ชายเพื่อให้อีกคนเงียบปากก่อนจะโดนด่าจนซวยไปด้วยกันทั้งคู่ เด็กหนุ่มเดินลงมาจากด้านบนได้ยินเสียงแซวก็ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น รีบสาวเท้าประคองคนรักไปนั่งที่โต๊ะอาหาร

“พี่ปลาก็พูดไป พี่ฉลามไม่สบายก็เห็นอยู่” คเชนทร์รีบแก้ตัว มองเห็นใบหูแดงก่ำของเด็กหนุ่มก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ขืนปากเปาะมากกว่านี้ได้โดนพี่ชายคนรองเล่นแน่

“ไม่สบายแต่เตะปี๊บดัง กูก็ถือว่ายังสบายดี” สมุทรหัวเราะเสียงดัง ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มยิ่งก้มหน้างุดเข้าไปอีก มุจลินท์เผลอบีบแขนคนรักด้วยความเขินอาย

“อย่าให้ถึงตากูมั่งนะ มึงมีเมียเมื่อไหร่ กูจะเล่นให้หนัก” ชลธีตอบ ค่อยๆหย่อนตัวนั่งเก้าอี้ เด็กหนุ่มรีบกุลีกุจอหยิบจานข้าวตักให้ผู้ใหญ่ก่อน วันนี้มีแกงส้มชะอมไข่ของโปรดคนรัก และผัดผักรวมมิตร ยังไม่รวมกับข้าวอื่นๆเรียงรายสวยงามบนโต๊ะอาหาร กลิ่นหอมจนคนนั่งรอน้ำลายสอคุณแม่ตั้งใจทำทุกอย่างสมกับเป็นแม่ครัวเก่าจริงๆ

“ยากว่ะพี่ชาตินี้.. คนที่จะทนผมได้เนี่ย..”

“ไม่มี ผมตอบแทนให้เลย เอ้า!”

“อ่าวไอ้ช้าง.. เดี๋ยวกูก็โทรฟ้องมะนาวหรอก กูรู้นะว่าคืนก่อนมึงไปปาร์ตี้เลี้ยงส่งน้องหมอคนสวยไม่ยอมบอกใคร” ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน ส่วนคเชนทร์หน้าเลิ่กลั่ก สมุทรตักทอดมันปลากรายเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับอย่างคนถือแต้มเหนือกว่า

“ไอ้พี่ปลาแม่งรู้ได้ไงวะ”

“กูเป็นนักสืบ สนิทกับโคนันนะ มึงรู้ไว้ซะ”

“คุยกับมันวันนี้ก็ไม่จบหรอกช้าง” ชลธีตอบ “ปล่อยมันไปเหอะ” ชายหนุ่มหันไปรับข้าวที่คนรักป้อน เจ้าลูกเป็ดคอยเช็ดริมฝีปากไม่ให้หกเลอะเทอะ คอยถามว่าอยากทานอะไร นายทหารหนุ่มไม่มีอิดออด เด็กหนุ่มป้อนอะไรเขาก็อ้าปากรับทั้งนั้น

“ทำไมพี่ทำกับผมแบบนี้ล่ะ ไม่มีใครเข้าข้างผมเลยอะแม่” สมุทรหันไปหามารดาที่นั่งอยู่อีกฝั่ง กำลังพูดคุยกับคุณยายและคุณพ่อไม่ได้สนใจเขาสักนิด

“ไปขอพี่หมีมาอยู่ข้างสิ” แม่หันไปตอบลูกชายตัวขาวแล้วกลับไปป้อนข้าวไทเกอร์ต่อ สมุทรทำปากยู่งอนมารดาหมดมาดทนายหนุ่มคนเก่งเลยทีเดียว

“รายนั้นก็ไปอยู่ญี่ปุ่นกับเมียเพลินเลยไม่ยอมกลับมาสักที ผมอยากอุ้มหลานแล้วนะ” คนเชนทร์บ่นถึงพี่ชายคนโตที่ไปเป็นวิศวกรที่ประเทศญี่ปุ่น “รอบนี้จะได้ของฝากเป็นอะไรนะ”

“มึงก็ได้หรอวะ” นายทหารหนุ่มถามน้องชาย “ได้อะไร?”

“ของแบบนี้พูดกันตรงโต๊ะอาหารได้หรือ พ่อกับแม่นั่งอยู่ผมอายนะ” สมุทรยิ้มเจ้าเล่ห์ทำเป็นเขินอาย แต่มือยังคงจ้วงอาหารบนจานไม่หยุด ทุกครั้งที่กลับมาที่บ้านเขาต้องเจริญอาหารทุกทีสิน่า

“เอ้า ผมก็ได้” คเชนทร์เงยหน้าขึ้นมาตอบ ไพล่ไปนึกถึงของเล่นที่พี่ชายส่งมาให้ รอบนั้นทำเอามนต์มนัสไม่คุยกับเขาเป็นอาทิตย์

ของฝากจากพี่หมี…

มุจลินท์นั่งนึกครุ่นคิดไปถึงของฝากที่คนรักเคยบอก นั่นคงไม่ใช่กล่องลายหมีน่ารักที่เขาเจอใต้เตียงหรอกใช่ไหม.. หันไปมองคนป่วยอีกรอบแล้วอยากจะทุบนัก ไม่คิดเลยว่าของขวัญของพี่หมีจริงๆแล้วมันคือถุงยางลายริลัคคุมะ!

“ทานข้าวเถอะ” สมุทรจ้วงหมูทอดเข้าปากไม่สนใจใครทั้งนั้น “ชักช้าอด!”

“พี่ปลาแม่ง” คุณหมอที่นั่งอยู่ข้างๆส่ายหัวให้พี่ชาย “ไวตลอด”

“ทานเยอะๆนะลูกนะ” คุณยายดันจานอาหารให้เข้ามาใกล้ เด็กหนุ่มกระพุ่มมือไหว้แล้วตักแบ่งใส่จานให้คนรักทาน ช่วงนี้เขาดูแลชลธีใกล้ชิดทำให้นายทหารหนุ่มทานอาหารมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

“พี่ฉลาม อ้ามครับ” เขาเรียกคนรัก “ค่อยๆเคี้ยวนะไม่ต้องรีบ”

“นี่ก็หวานกันตลอด” สมุทรมองแล้วก็อิจฉาตาร้อน หันไปมองน้องชายตัวเองก็แชทกับแฟนอมยิ้มจนน่าหมั่นไส้ ส่วนเขาน่ะหรือ.. “ทำไมผมไม่มีเมียอะแม่”

“ไปหาสิยะ!” คุณแม่เหมือนจะรำคาญ รีบหันไปแยกเขี้ยวใส่ “หน้าตาก็ดีได้ฉันไปหมดเปลือก แกต้องได้เมียสิ!”

“พี่กับน้องเขาก็มีแฟนกันหมด ทำไมปลาหาไม่ได้หรือลูก” คุณพ่อถามลูกชาย ทั้งโต๊ะหัวเราะครืนแม้กระทั่งเจ้าลูกเป็ดก็อดไม่ได้จะหลุดขำ 


“ทำไม จะเอาผัวหรือพี่” คเชนทร์ได้ทีแซวพี่ชายแล้วก็ยิ้มขำ จะว่าไปแล้วพี่ชายเขาคนนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าตัวบ่นหรอก ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมก็มีผู้หญิงวิ่งตามกันเป็นทิวแถว ด้วยใบหน้าหวานทั้งจมูกโด่งได้รูปและดวงตากลมดำขลับถอดแบบมาจากคุณแม่ทุกอย่าง ทำให้บุคลิกของสมุทรราวกับคุณชายผู้สูงส่งมากกว่า

“พ่อง” สมุทรหันไปบริภาษน้องชายตัวแสบ ปากก็ขมุบขมิบบ่นในใจไปด้วย

“ฮ่า”

หัวเราะกันเข้าไป อย่าให้เขาได้มีนะโว้ย จะเอามาเดินอวดโชว์ที่บ้านสักสามเดือน!


(ต่อด้านล่าง)


หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 23-03-2018 15:30:15
(ต่อจากด้านบน)

หลังจากทุกคนในบ้านรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มุจลินท์ก็พาคนรักไปนั่งพักที่โซฟาสีเทาเข้มที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก ในมือถือถ้วยขนมใบเล็กใส่บัวลอยไข่หวานไว้เต็ม เขาบรรจงตักให้พอดีคำเป่าด้วยปากจนมันหายร้อนก็ยื่นเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม “พี่ฉลาม ทานบัวลอยนะครับ”

“อ้า” นายทหารหนุ่มอ้าปากรอก่อนจะค่อยๆละเลียดชิมความหวานจากขนมฝีมือคนรัก มือหนากุมมือของอีกฝ่ายไว้แนบแน่น ลูกเป็ดจะแงะออกก็ไม่ยอมปล่อยจนต้องยอมให้ชลธีจับเอาไว้อย่างนั้น

“หนูตักขนมไม่ได้”

“พี่ไม่กินก็ได้.. พี่อยากกินหนูมากกว่า”

ฮือ คนบ้า ไม่คิดว่าเขาจะอายบ้างหรือยังไง!

“บัวลอยที่ว่าหวานยังแพ้เลยนะครับว่าไหม” สมุทรแซวพี่ชายอีกรอบ และได้หมอนอิงปามาเป็นรางวัล เขาลูบหัวป้อยๆ สาบานว่าชลธีมองไม่เห็นจริงๆทำไมถึงได้ปาแม่นนัก!

“ใครหาแฟนให้พี่ปลาได้ ผมจ่ายเลยสามหมื่น!” 

“ไอ้น้องเวร!” เขาหันไปด่าคเชนทร์ “ไปๆ มึงรีบไปหามะนาวเลยไป”

“ไม่ต้องไล่ผมก็ไปแน่.. ไปหาแฟนดีกว่า”

“เบื่อคนมีแฟนโว้ย”

   คุณหมอยกมือไหว้ผู้ใหญ่ในบ้าน บอกลาพี่ชายและเด็กหนุ่มเสร็จก็เตรียมตัวจะออกไปโรงพยาบาล เช็คโทรศัพท์ว่าคนรักกำลังรออยู่ที่ไหนก็รีบเร่งจะสตาร์ทรถออก แต่ในระยะสายตากลับเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน เขาชะโงกหัวออกไปดูคิดว่าตัวเองคงจะตาฝาดแน่ๆ แต่แล้วเมื่อหญิงสาวคนนั้นขยับตัวเขาก็ได้เห็นกับตาว่าเป็นใคร คเชนทร์ลงจากรถเดินออกไปยังประตูบ้าน

   “คุณมาหาใครครับ?”

   “ช้าง.. พี่เกศเอง.. พี่มาหาพี่ฉลาม”

“คุณยังมีหน้ามาเจอพี่ผมอีกหรือ” คุณหมอตอบเสียงแข็ง “คุณทำอะไรลงไปบ้าง รู้ตัวไหม?” เขาจำสภาพของมุจลินท์วันนั้นได้เป็นอย่างดี รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนลงมือและสั่งการทั้งหมด อยากจะเอาผิดให้ได้สักครึ่งกับที่น้องชายและพี่ชายเขาโดนกระทำ แต่จิตใต้สำนึกของความเป็นคนยังหลงเหลืออยู่มากพอที่จะให้กฎหมายเป็นคนตัดสินและลงโทษทั้งหมด

“พี่อยากคุยกับพี่ฉลามจริงๆ พี่ติดต่อเขาไม่ได้เลย เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม”

“พี่ผมจะอยู่หรือตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ”

“ขอร้องล่ะนะช้าง”

“คราวนี้จะมาไม้ไหนอีกครับ” คเชนทร์กำหมัดแน่น อารมณ์กรุ่นโกรธพวยพุ่งขึ้นมา “ผมว่าทางที่ดีคุณควรจะกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองจะดีกว่า”

ข่าวของนายพลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจสีเทาเป็นข่าวดังอยู่พักหนึ่งเนื่องมาจากพี่ชายเขาเป็นคนจับกุมและได้หลักฐานมัดตัวจนแน่น หลังศาลตัดสินจำคุกและดำเนินคดีกับบิดาของหญิงสาว ถึงแม้จะเคยเป็นฐาติเกี่ยวดองกันแต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจสักนิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขานึกด้วยซ้ำว่าเกศราจะหลบหนีข่าวคาวไปอยู่ต่างประเทศเสียอีก ไม่คิดว่าจะกลับมาที่นี่อีก ที่ที่เคยเป็นบ้านของหล่อน..

“ถือว่าช่วยพี่เถอะ”

“ผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะไม่เข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านผมอีก”

“พี่สัญญา”

คเชนทร์คิดอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจเปิดประตูบ้านก่อนจะเดินนำหญิงสาวเข้าไปในบ้าน เขาสังเกตดูแล้วคงจะไม่มีปัญหาอะไร ลำพังผู้หญิงตัวแค่นี้คงจะทำอะไรใครไม่ได้อยู่แล้ว ทันทีที่หญิงสาวเหยียบย่างเข้าไปในบ้านทุกคนก็ดูจะตกตะลึง เกศรายกมือไหว้ก่อนจะมองหาอดีตคนรัก เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนขมวดคิ้วแน่นบังชลธีเอาไว้ไม่ให้ใครบางคนเห็น
“เกศมาขอโทษทุกคนค่ะ แล้วก็อยากเจอพี่ฉลาม”

“เสร็จธุระแล้วก็กลับไปซะ” คุณแม่ส่งเสียงเข้ม หล่อนอุ้มหลานชายที่นอนกลางวันขึ้นชั้นสองของบ้านทันที ไม่สนใจหญิงสาวที่ยกมือไหวสักนิด

“เกศขอคุยกับพี่ฉลามได้ไหมคะ”

“มีอะไรก็พูดมา” ชลธีตอบ เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหันไปมองคนรัก เขายื่นมือไปกุมชายหนุ่มเอาไว้ “อยากเจอพี่มากไม่ใช่หรือ” เกศรากระตุกเฮือกค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ กระพุ่มมือไหว้เชื่องช้า วงหน้าหวานแดงก่ำดูน่าสงสารหยดน้ำตาไหลพรากอาบแก้มเต็มไปหมด

“เกศขอโทษที่เกศเคยทำไม่ดีกับพี่กับทุกๆคน เกศฝากดูแลลูกด้วยนะคะ”

“อืม”

“เกศแค่อยากจะรู้” หล่อนเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามาด้วยสายตาแววับ “พี่ทำกับคุณพ่อได้ยังไง พี่จับพ่อเกศเข้าคุกทำไม ทำไม!” หล่อนตะโกนทั้งน้ำตา ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใคร

“คุณพ่อทำผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย พี่ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ”

“พี่ช่วยได้ แต่พี่ไม่ช่วย! คนใจร้าย ทำไมพี่ไม่ตายๆไปซะ แค่ตาบอดมันยังน้อยไป!”

เพี้ยะ!

เด็กหนุ่มเงื้อมมือฟาดไปยังแก้มขาว แม้จะออกแรงไม่มากแต่ก็ทำให้เกศราหน้าหันไปอีกทาง

“คุณออกไปจากบ้านผมได้แล้ว” เขาพูดเสียงสั่น ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยโกรธใครมากขนาดนี้ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาว่าร้ายคนที่เขารักเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้!

“แก! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกกล้าตบหน้าฉันหรือ”

“ที่ผมทำมันยังน้อยไปกับสิ่งที่คุณทำกับครอบครัวของผม” เขาอโหสิกรรมให้ทุกอย่างแต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้เกศราเข้าใจได้ง่ายๆ ที่เขาไม่เอาเรื่องไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมไปทุกอย่าง นับแต่นี้ต่อไปเธอไม่มีสิทธิ์มายุ่งย่ามกับครอบครัวของเขาอีก!

“กรี๊ดดด ฉันจะฆ่าแก ฆ่าพวกแกให้หมด” เกศรากรีดร้องด้วยความโมโห หล่อนรู้สึกสูญเสียทุกอย่างทั้งครอบครัว คนรักหรือแม้แต่ทรัพย์สินเงินทองที่ถูกยึดไปจนหมด คเชนทร์รีบล็อคตัวเอาไว้ก่อนที่จะคลุ้มคลั่งมากไปกว่านี้ “พี่จะต้องโดนทิ้งแน่ ไม่มีใครเขาอยากได้คนตาบอดแบบพี่หรอก จำเอาไว้!”

“ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไปคุยกันที่โรงพัก ผมก็อยากจะรู้นักว่าคดีที่คุณพ่อคุณโดน คุณน่ะหรือจะไม่รู้เรื่อง!”

“ปล่อยฉัน!” คเชนทร์พาตัวหญิงสาวไปขึ้นรถ ส่วนสมุทรรีบออกไปเตรียมรถ งานนี้ทนายหนุ่มอย่างเขาไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่ กล้ามาว่าพี่ชายเขาได้อย่างไร! “ออกไปนะ ไอ้พวกบ้า!”

“เตรียมคำพูดของคุณไปให้การในชั้นศาลเถอะ!” เสียงเอะอะเงียบลงเมื่อรถยนต์ส่วนตัวของคเชนทร์แล่นออกนอกรั้วบ้าน เด็กหนุ่มนั่งทรุดลงที่โซฟาโผเข้ากอดคนรักไว้แน่น 

“พี่ฉลาม”

“พี่ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรจริงๆ” เขาตอบคนรักทั้งๆที่มือของตัวเองเย็นเฉียบไปหมด มุจลินท์บีบมือให้กำลังใจ

“หนูจะอยู่กับพี่นะ” เขากอดชลธีพร่ำบอกวนไปมา ลูบแผ่นหลังหนาขึ้นลง

“อยู่กับพี่นะ” ชลธีกดจูบลงข้างขมับ กระชับกอดคนรักให้แน่นขึ้น ความเป็นห่วงที่ส่งผ่านมาเขาได้รับทุกอย่าง มันช่างอบอุ่นเหลือเกินจนไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรดี

“ครับ”

เราจะเคียงข้างกันในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือเลวร้าย.. เขาให้คำสัญญา

TBC.

สวัสดีค่า <3

งานหนังสือที่จะถึงนี้ พายจะแวะไปแจกโปสการ์ดและมีกิจกรรมพูดคุยกันเล็กน้อยเกี่ยวกับนิยายเรื่องมุจลินท์
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 15:43:02
ถึงเวลา กำจัดชะนี  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-03-2018 16:23:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-03-2018 16:42:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 23-03-2018 18:26:54
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-03-2018 18:49:57
ช่วงนี้บวกเป็ดไม่ได้เลย จะพยายามเม้นต์ให้แทนนะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 23-03-2018 19:02:41
อ้าว คิดว่าสำนึกผิด ที่ไหนได้สติแตกซะงั้น  :hao4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-03-2018 23:43:22
พี่ฉลามต้องหายสิ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 24-03-2018 07:58:10
เกศรา อยู่เฉยๆก็ไม่เดือดร้อนละ
หลังจากเรื่องทุกอย่างกล้ามาวุ่นวายบ้านนี้อีกได้ไง
แค่ลินตบมันยังน้อยไป
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-03-2018 08:37:36
สงสารพี่ฉลามกับน้องลินท์จัง
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-03-2018 10:00:34
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๐] หน้าที่๑๔ {๑๐๐%} ๒๓.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 24-03-2018 16:17:49
ตอนอ่านรีบนมีแต่คำว่าน่ารัก พอรีต่อมา :fire: หัวร้อนแทบไม่ทัน
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 26-03-2018 18:10:02
ตอนที่ ๓๑

ชลธีขยับตัวได้ยากลำบากร่างกายเขาเหมือนหินถูกถ่วงไม่สามารถจะพลิกไปไหนได้ตามใจชอบ ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดศีรษะเพื่อบรรเทาอาการปวดแปลบ ส่วนแผลที่ดวงตาที่เขาเพิ่งเข้ารับผ่าตัดยังคงไม่สามารถถอดออกได้  นายทหารหนุ่มเข้ารับการผ่าตัดเมื่ออาทิตย์ก่อนแม้เขาจะมีความกลัวในใจอยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าเขาไม่ลงมือทำอะไรเลย ชายหนุ่มยังมีความหวังว่าตัวเองจะกลับมาหายเป็นปกติ ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวได้เหมือนเดิม พักที่โรงพยาบาลได้ไม่นานเขาก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านโดยมีคนรักคอยช่วยดูแล

   ช่วงหลังมานี้เขาฝันว่าตัวเองหล่นวูบตกมาจากเขาเหมือนเหตุการณ์ในครั้งนั้น ช่วงเวลานั้นโผล่แวบเข้ามาในหัวบ่อยมากจนเขาจำไม่ได้ว่าฝันแบบนี้มาแล้วกี่ครั้ง แค่ต้องตื่นมาพบกับความมืดสนิทเขาก็รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งมันช่างอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวเกินใจจะทน ทุกครั้งที่เผลอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเขาจะต้องควานหาคว้าตัวคนรักเข้ามาแนบอก ชลธีพยายามไม่ออกแรงเยอะเพราะกลัวเด็กหนุ่มจะเจ็บตัวเพราะเขา

   “ลินท์.. ลินท์”

   “หนูอยู่นี่” เด็กหนุ่มพงกหัวขึ้นมาจากหมอน ค่อยๆกระเถิบเข้าไปหาชายหนุ่ม “ไม่เป็นไรนะ”

“พี่กลัว พี่กลัวจริงๆนะ”

“ไม่มีอะไรต้องกลัวนะครับ”

“ครับ”

“นอนกันนะครับ” เขากอดคนรักแนบแน่น พร่ำบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน “หนูจะกอดพี่เอาไว้เอง”

“พี่รักลินท์นะ”

“หนูก็รักพี่เหมือนกัน”

มุจลินท์รอจนคนรักหลับสนิทเขาก็ลุกขึ้นมาห่มผ้าให้เรียบร้อย ช่วงฟ้าใกล้สว่างเขามักจะตื่นขึ้นมาตระเตรียมยาเอาไว้ให้คนป่วยเหมือนอย่างเคย และลงไปห้องครัวเตรียมของสดทำกับข้าวเหมือนทุกวัน เขารับหน้าที่ดูแลชลธีทุกอย่าง มีคุณแม่และคุณยายสลับเปลี่ยนกันอยู่บ้างเพราะเขายังต้องดูแลไทเกอร์อีกคน ถึงจะเหนื่อยแต่เขาก็มีความสุข เขามีครอบครัว มีคนรัก มีลูกชายน่ารักหนึ่งคน เพื่อนๆที่มหาลัยก็แวะมาหาเขาอยู่ไม่ขาดสายและคอยตามงานให้ในช่วงที่เขาต้องไปเฝ้าชลธีที่โรงพยาบาล

ชายหนุ่มไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลและเร่งเร้าคเชนทร์ให้รีบพากลับ เขาเลยได้มีเวลาอยู่กับคนรักที่บ้านบ่อยขึ้น เขาจับความรู้สึกได้ทันทีว่าชลธีกำลังกลัว กลัวว่าตัวเองจะกลับมามองไม่เห็นเหมือนเคย สำหรับเขาแล้วต่อให้ชลธีจะเป็นอย่างไรเขาก็ยังรักเหมือนเดิม..

“ลินท์” เด็กหนุ่มกำลังง่วนอยู่ในครัว ได้ยินเสียงเรียกมาจากด้านบน “ลินท์..”

ตึง!

เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกละจากจานที่กำลังล้างอยู่วิ่งถลาขึ้นไปด้านบนบ้านอย่างรวดเร็ว เปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็เห็นชายหนุ่มกลิ้งหล่นจากเตียงนอนในลักษณะนอนคว่ำหน้า เขารีบเข้าไปประคองคนรัก ตัวเองยังไม่หายดีแท้ๆแต่ก็ยังซนไม่เข้าเรื่องน่าตีจริงๆ

“พี่ฉลามเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ลินท์ลงไปทำกับข้าวให้พี่มา” เมื่อคืนเขารับรู้ได้ว่าคนรักสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อยมาก จนเขาสงสัยว่าชลธีได้นอนบ้างหรือเปล่า เห็นความกังวลของคนรักเขาก็ไม่อยากเครียดไปด้วย ไม่อยากให้มีบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านอีกแล้ว เขาต้องคอยคุยคอยอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา

“พี่ไม่เป็นอะไรครับ” ชลธีตอบพลางยันตัวเองขึ้นมาจากพื้น “แค่ลงจากเตียงผิดท่าไปหน่อย”

“ไปอาบน้ำแปรงฟังแล้วลงมาทานข้าวนะครับ ให้ลินท์ช่วยอะไรไหม”

“ไม่เป็นไร พี่ทำเองได้” ชลธีพยายามทำอะไรด้วยตนเองเพราะไม่อยากเป็นภาระ แค่คิดว่าเด็กหนุ่มจะต้องดูแลเขาไปตลอด ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้

“งั้นหนูไปเตรียมเสื้อผ้าให้นะ”

“ขอบคุณนะครับ”

ลินท์เปิดตู้เสื้อผ้า หาเสื้อผ้าโปรดของคนรักที่อัดแน่นเต็มตู้ เลือกเสื้อยืดสีเทาและกางเกงสามส่วนมาเตรียมเอาไว้ อาทิตย์หน้าชลธีมีนัดกับคุณหมอและจะได้เปิดแผลออกเพื่อที่คุณหมอจะได้เช็ค เขาไม่ได้เป็นกังวลเรื่องดวงตาของชายหนุ่มเท่าไหร่ จะห่วงก็แค่ความรู้สึกของคนรักเท่านั้น สภาพร่างกายเปลี่ยนไปเป็นใครบ้างจะไม่ช็อค ชลธีต้องปรับตัวมากมายจริงๆ เขาพับผ้าได้อีกสักครู่นายทหารหนุ่มออกมาจากห้องน้ำโดยคาดผ้าขนหนูไว้หมิ่นเหม่ ดีที่อยู่ในห้องนอน เขาล่ะกลัวว่ามันจะหลุดจริงๆ

“เดี๋ยวนี้ไม่ฉีดน้ำหอมแล้วหรือ”

“ฮื่อ พี่รู้ได้ไง แอบดมหนูหรือ”

“อืม หอมดี เวลานอนกอดพี่ชอบดม.. หรือพี่ดมไม่ได้” ชลธีทำเสียงตัดพ้อ เดี๋ยวนี้ชักทำแง่งอนจนเขาต้องเอาใจเป็นพิเศษ

“ได้สิ” เดินเอาผ้าไปเก็บที่ตู้แล้วก็มาช่วยคนป่วยที่ยืนเป็นตุ๊กตาให้เขาช่วยแต่งตัว “แก่แล้วขี้น้อยใจนะ!”

“ไม่แก่สักหน่อย ยังเตะปี๊บดัง” กระซิบข้างหูคนรักจนเด็กหนุ่มหน้าแดงซ่านไปหมด “หรือจะพิสูจน์?”

“มะไม่เป็นไรครับ”

“แล้วจะรีบไปไหน” ชลธีพูดดักทางเอาไว้เพราะเห็นเสียงคนรักเงียบไป “ไม่อยู่ช่วยพี่แต่งตัวก่อน”

“พี่ก็แต่งเองได้ แต่ชอบแกล้งหนูทุกที”

“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่อยากให้หนูช่วยพี่นี่นา” ชายหนุ่มจุดยิ้มหวาน “นะครับ” แค่ได้ยินเสียงออดอ้อนจากคนรักเขาก็แทบจะใจอ่อนเสียตรงนั้น

“ก็ได้ครับ” เขาจับแขนชายหนุ่มให้กางออกแล้วบรรจงสวมเสื้อยืดให้ มือเขาเผลอไปโดนหนวดที่ขึ้นเขียวครึ้มของชายหนุ่มจนรู้สึกจั๊กจี๋จนต้องชักมือกลับ ชลธีทำหน้าสงสัยแต่ไม่ได้พูดอะไรจนเด็กหนุ่มช่วยเขาสวมกางเกงจนเสร็จเรียบร้อย

“พี่ว่าตัวนี้มันคับนะ”

“นั่นสิ พี่อ้วนขึ้นหรือเปล่า”

“น่าจะใช่นะ เล่นกินๆนอนๆมาเกือบสามเดือนไม่ได้ออกกำลังกายเลย”

“โอ๋ๆ ถึงอ้วนก็รักนะ”

“ไม่เอาหรอก พี่จะไม่ยอมอ้วนเด็ดขาด” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “ขุนลินท์ให้อ้วนยังดีกว่า.. จะได้ไม่มีคนมายุ่ง!” ชายหนุ่มทำเสียงเข้มจนเจ้าลูกเป็ดทำปากยู่ใส่

“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับหนูเลย คนบ้า!” ได้ยินเสียงลูกเป็ดบ่น เขาก็รวบเอวบางเข้ามาใกล้ ซุกไซร้ซอกคออุ่นขบเม้มจนเกิดเสียงดังจุ้บ เจ้าลูกเป็ดหดคอหนีเป็นพัลวัน ส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย “อย่า อย่าทำหนู มันจั๊กจี้”

“หื้ม? จริงหรือ”

“ม่ายยย พี่จ๋า อย่า ยะอย่า” เด็กหนุ่มดิ้นจนกลิ้งหลุนลงไปกับเตียง ชายหนุ่มรีบประคองจนร่วงหล่นลงไปบนเตียงทั้งคู่ เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่และหัวเราะไปด้วย หนวดขึ้นเป็นตอทิ่มเนื้ออ่อนจนเขาขนลุกซู่ ไม่ไหว เขาบ้าจี้!

“ปกติไม่เห็นเป็นอย่างนี้ หรือว่า..” เขาลูบหนวดเข้มไปมา

“ฮืออออ หนูยอมแล้ว ว้ากกกก”

“มาให้ฟัดซะดีๆ”

“ช่วยด้วยยยยย ว้ากกกกกก”

“เสียงดังแบบนี้เดี๋ยวคุณแม่คิดว่าพี่ปล้ำหนูจะทำยังไง”

“งั้นพี่ก็หยุดสิ ไม่เอาแล้วว”

“ไม่หยุด” เขาจุดยิ้ม “ร้องให้ตายก็ไม่มีคนมาช่วยหรอกน่า”

“คนบ้า ออกไปนะ” เขาพยายามดันคนรักออกไปแต่ไม่ขยับเลยสักนิด นี่คนป่วยจริงๆหรือ! “ผีเข้าหรอไงฮะ! ปล่อยหนูนะ”

“อืม ผีทะเลซะด้วย” เขาเลิกเสื้อยืดของเด็กหนุ่มขึ้นใช้มือหนาควานหาตุ่มไตแล้วบี้ไปมา เล่นจนพอใจก็ก้มลงงับยอดอกทั้งดูดทั้งเลียจนมันชื้นแฉะ เจ้าลูกเป็ดดิ้นคลุกคลักก่อนจะต้องยอมปล่อยให้เขาได้ชิม มือบางเลื่อนเข้าไปโอบรอบคอ

“อืมมมมม” ส่งเสียงร้องอย่างพอใจพร้อมทั้งแอ่นอกให้ตรงกับริมฝีปากที่กำลังกินอย่างกระหาย “หนูต้องไปทำกับข้าวนะ ถ้าพี่ไม่หยุดมันจะไม่เสร็จนะ”

“เอาไว้ก่อน พี่ขอกินตรงหน้านี้ก่อนแล้วกันนะครับ” เขากดจูบแนบลงไปกับริมฝีปากที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วข้างหู เกี่ยวกระหวัดดูดดึงอย่างไม่มีใครยอมใคร มือหนาฟอนเฟ้นผิวเนื้อนุ่มไปทุกอณูตีตราจองและแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเอาแต่ใจ ขบเม้มไปตามเนื้ออ่อนจนมั่นใจว่ามันขึ้นรอยจึงผละไปที่อื่น โดนเฉพาะช่วงโคนขาด้านในที่เขาทั้งเม้มทั้งเลียจนเด็กหนุ่มสั่นสะท้านไปทั้งกาย

“ฮื่อ หนวดพี่มันโดน”

“ไม่ชอบหรือ” เขาแตะลิ้นไปที่รอยพับใช้น้ำลายเบิกทางให้ช่องทางขยายตัว เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกด้วยความเสียวซ่าน พยายามยันหัวคนรักออกไปให้พ้น

“อย่าทำแบบนี้ ไม่เอา!” เจ้าลูกเป็ดพูดน้ำตาคลอ เขาบอกกี่รอบทำไมไม่ฟังกันบ้าง มันจั๊กจี๋!

“ยิ่งลินท์ห้าม ยิ่งเหมือนยุพี่” เขาหัวเราะหึ ก้มลงเบิกทางต่อแล้วล็อคขาเด็กหนุ่มเอาไว้

“อื๊อ พี่ อย่า” เขาดึงรั้งผ้าปูที่นอนจนมันติดมือออกมา แต่ชลธีก็ยังไม่หยุด เขาจั๊กจี๋จนจะขาดใจตายอยู่แล้วนะ! “ฮือ คนบ้า อ๊ะ..หนูเสียว”   

“หื้ม ไหน.. ตรงนี้หรือ” เขาเน้นย้ำไปจุดเดิมและได้รับคำตอบเพียงเสียงครางหวานหู จึงใช้นิ้วสอดเข้าไปเชื่องช้าควานหาจุดอ่อนไหว ชลธีถอนนิ้วออก เขารูดตามความยาวแก่นกายคนรักสองสามครั้งแล้วค่อยๆครอบครองด้วยริมฝีปาก เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ขบเม้มริมฝีปากสะกัดกั้นเสียงไม่ให้หลุดเล็ดรอด เขาเกร็งหน้าท้องยามถูกโอบล้อมด้วยผนังอุ่นนุ่ม มองเห็นชลธีกำลังใช้ปากให้เขาแบบนี้เขาจะเขินจนเป็นลมจริงๆแล้วนะ

“พี่ไม่ต้องทำให้หนูขนาดนี้ก็ได้”

“พี่จะทำ”

“ฮื่อ ไม่ต้อง อ๊ะ”

“อย่าห้ามพี่!” 

“ฮื่อ หนูไม่ไหวแล้ว หนูจะตายแล้ว” เด็กหนุ่มโวยวายลั่นพลางแอ่นตัวโยน ปลดปล่อยอารมณ์สู่ห้วงความสุขอันลึกล้ำ มือสองข้างยังกำผ้าปูที่นอนแน่น หอบหายใจถี่รัว สภาพเตียงตอนนี้เหมือนเพิ่งเกิดสงครามชัดๆ เขามองคนรักที่เก็บกลืนน้ำรักเข้าไปจนหมด จะลุกขึ้นไปห้ามตอนนี้ก็ไม่มีแรง

“ไม่มีใครตายทั้งนั้น” ชายหนุ่มโยกตัวขึ้นไปจูบข้างแก้ม กอดรัดเจ้าลูกเป็ดจนแน่น “มีแต่คนมีความสุข”

“ละแล้วพี่ล่ะ”

“พอแล้ว ให้หนูไปทำกับข้าวดีกว่า”

“เอ้า.. แบบนี้ได้ยังไง” เขาหันไปมองคนรักที่นอนเคียงข้าง เจ้าตัวหายใจสม่ำเสมอเหมือนกับว่าหลับไปแล้ว “พี่ฉลาม” เขาพยายามปลุกแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ตอบสนอง เมื่อกี้ยังคุยกับเขาอยู่ดีๆ คิดว่าแกล้งเขาแล้วจะรอดไปง่ายหรือ? เด็กหนุ่มพลิกตัวคนรักให้นอนหงาย ใช้นิ้วเรียวยาวกรีดลงบนขอบกางเกง สองมือขาวกอบกุมแก่นกายอุ่นร้อนที่กำลังสู้มือเขา ขยับขึ้นลงจนคนแกล้งหลับเผลอสะดุ้งเฮือก ใช้นิ้วชี้เกี่ยวกางเกงตัวเองออกก่อนจะนั่งทับลงไปเบาๆถูไถให้ฉลามน้อยเสียดสีกับก้อนกลมนุ่มของเขา

“จะตื่นไม่ตื่น?”

“…”

“หึ!” เด็กหนุ่มแอ่นก้นงอนขึ้นเล็กน้อยใช้มือขาวกอบกุมแก่นกายคนขี้แกล้งก่อนจะถูไถอยู่ปากช่องทาง ทิ้งตัวลงทีละนิดจนมิด แอบสังเกตเห็นคนที่นอนอยู่ขบกรามแน่นเป็นสันนูน อยากแกล้งเขาดีนัก คราวนี้เจอเขาแกล้งคืนบ้าง! “ฮื่อ.. อ๊ะ” ส่งเสียงครางหวานพร้อมขับเคลื่อนเนิบนาบ และค่อยๆขี่ควบเร็วขึ้นเมื่อเห็นหน้าท้องเกร็งคัดจนซิกแพ็คชายหนุ่มขึ้นชัดเจน

“ฮึ่ม!” ชลธีอดรนทนไม่ไหวตะปบเข้าที่สะโพกขาว เปลี่ยนหน้าที่เป็นคนบังคับขยับขึ้นลงแทนบ้างหลังจากเด็กหนุ่มไม่ยอมทำให้เสร็จสักที “แกล้งพี่หรือครับคนดี?”

“ใครแกล้งใครก่อนกันแน่!”

“พยศนักนะ”

“อื้อ.. อ๊ะ เบาก่อน” ชลธีไม่ออมแรงเลยสักนิด คว้าสะโพกเขาไว้มั่นแล้วโจนจ้วงอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาตาพร่าไปหมดใกล้จะแตะจุดสูงสุดรอบที่สอง ความรู้สึกเสียวแปลบแล่นขึ้นที่หัวไหล่ “อื้อ พี่.. อย่ากัดหนูสิ”

“อย่าเพิ่งสิ รอพี่ก่อน”

“เบาก่อนพี่ฉลาม เบา เบา”  รู้จักไหมคำว่าเบา!

“ฮึ่มมมมม” ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นจนสุดแรงหลั่งน้ำรักเข้าไปจนหมดสิ้น เขารั้งตัวคนรักเข้ามากอดคลอเคลียไม่ห่าง ช่วยเช็ดเหงื่อชื้นแฉะข้างกรอบใบหน้า

“หนูลุกไม่ไหวแล้ว”

“ไม่ไหวก็นอนพัก”

“หนูต้องไปทำกับข้าวนะ” เขาดันตัวเองขึ้นมาอย่างลำบาก รู้สึกปวดเมื่อยขบไปทั้งตัว แค่จะขึ้นมาดูคนรักทำไมเขามาอยู่ในสภาพนี้ได้เนี่ย พี่ฉลามนะพี่ฉลาม!

“ไม่ต้องเดี๋ยวพี่ทำเอง”

“ไม่ได้!” เขารีบรั้งชลธีให้ลงมานอนที่เตียง คว้าผ้านวมมาห่มให้เรียบร้อย ขืนให้ไปยุ่งในครัวมีหวังห้องครัวได้ระเบิดเป็นจุณแน่ “รอหนูอยู่นี่นะ ทานข้าวทานยาเสร็จเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“ไม่”

“อยู่ที่นี่นะครับที่รัก”

“ก็ได้” ชายหนุ่มถดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ส่วนเขารีบสวมกางเกงให้เรียบร้อย เขาต้องไปจัดการครัวข้างล่างก่อน ป่านนี้ไทเกอร์คงจะตื่นแล้ว เขาเปิดประตูห้องก็เจอคุณหมอกำลังอุ้มลูกชายยิ้มแฉ่ง พอไทเกอร์เห็นเขาก็งอแงจะให้เขาอุ้มให้ได้ เขารับลูกชายมาอุ้มเปรยตามองคเชนทร์ที่ทำหน้าจืดเจื่อน

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่ช้าง หิวข้าวหรือ?”

“ก็ไม่หรอก พี่แค่แวะมาบอกว่าหมอเลื่อนนัดพี่ฉลามเป็นวันศุกร์นี้แทนนะ” เด็กหนุ่มนึกในใจ นับวันได้ราวๆอีกสามวันข้างหน้า 

“อ่อ ได้ครับ พี่ฉลามจะมารับใช่ไหมหรือให้ลินท์พาไป”

“เดี๋ยวพี่มารับแล้วกัน”

“ได้เลยครับ”

“จะว่าไป.. พี่ฉลามก็ยังไม่หายดี ลินท์ก็อย่ารุนแรงกับพี่เขามากนะ เดี๋ยวมันจะกระเทือนแผล” คุณหมอตอบได้แค่นั้นก็เดินลิ่วไปอีกทาง ไทเกอร์บีบแก้มเขานั่นแหละถึงจะรู้สึกตัว

รุนแรง? เขาทำอะไรรุนแรงหรือ?

“แม่ลินท์คับ”

“จ๋าลูก”

“ไหนน้องเกอร์ละคับ”

“น้องไหนหรือครับลูก”

“คุมอาช้างบอกว่าคุมแม่กับป๊าทำน้องให้เกอร์อยู่คับ”

“…….”

ไอ้พี่ช้าง ไอ้พี่บ้า!

- - - - - -

คเชนทร์เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องตรวจรอพี่ชายที่เข้าไปได้สักพักแล้ว ส่วนเด็กหนุ่มนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้พลาสติกหน้าห้อง มือเรียวขาวประสานตั้งขึ้นชันเข่าเอาไว้ ใบหน้าหวานซีดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านานแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนรักออกมาเสียที เวลาที่ผ่านไปช่างเชื่องช้าไม่ทันใจคนที่กำลังร้อนรุ่ม เขาคิดไม่ตกชักจะเริ่มกังวลไปอีกคน หน้าจอโทรศัพท์ยังคงมีข้อความเด้งขึ้นมาไม่ขาดสาย เป็นข้อความจากครอบครัวและเพื่อนที่เป็นห่วงส่งผ่านกำลังใจมาให้ เขาอมยิ้มอยู่คนเดียว เปิดอ่านแล้วก็ตอบกลับไปยังทุกคน

เขารู้ตัวดีว่าตั้งแต่ได้มาดูแลชลธี เขาเองก็แบกความเครียดไว้มากไม่แพ้กัน เมื่อนึกย้อนชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เล็ก คิดไปคิดมาแล้ว นี่มันยังได้ไม่ถึงครึ่งที่เขาเคยเจอด้วยซ้ำไป เด็กหนุ่มถอนหายใจพร่างพรู ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ หันไปมองคเชนทร์ที่กำลังเดินวนเป็นหนูติดจั่นก็นึกขำ

“พี่ช้างนั่งพักก่อนก็ได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรลินท์ พี่ไม่เป็นอะไร” ใบหน้าคมเข้มซีดเจื่อนขนาดนั้น คุณหมอคนเก่งยังโบกมือให้เขาว่าไม่เป็นไร เขามองเห็นความรักความอบอุ่นที่ทุกคนมีให้กัน แล้วนึกรักขึ้นมาจับใจ สายสัมพันธ์อบอุ่นของครอบครัวมันช่างแข็งแกร่งเสียจริงๆ

“พี่ฉลามจะต้องหายดี เชื่อลินท์สิ”

“พี่ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น”

“เดี๋ยวลินท์เครียดตามพอดี”

“เห้ย อย่ามาเครียดตามสิ ไม่ต้องมองเลย หันไป”

“มีงี้ด้วย” เด็กหนุ่มทำแก้มพองลมใส่ชายหนุ่ม แก้มกลมขาวใสนั่นน่าจะบีบให้แหลกจริงเชียว ขณะที่คเชนทร์กำลังแกล้งหยอก คุณหมอก็เข็นรถเข็นของชลธีออกมาจากห้อง ชายหนุ่มสวมเสื้อชุดสบายๆที่คนรักเลือกให้ แต่สิ่งที่แปลกตาคือไม่มีสิ่งใดรบกวนปิดบังบริเวณสายตาเหมือนเคยอีกแล้ว มุจลินท์มองสบดวงตาที่เลื่อนลอย โบกมือไปมาอยู่ข้างหน้า ชลธียังนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พี่ฉลาม..” เขาเข้าไปหาคนรัก “เป็นยังไงบ้างครับ”

“ลินท์เองหรือ พี่นึกว่าใคร” ชลธีเอื้อมไปแตะท่อนแขนคนรัก “คล้ำลงไปนะ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าต้นไม้หลังบ้านไม่ต้องไปรดมัน ให้ลุงมิ่งมาจัดการ” เด็กหนุ่มตาโตใช้มือปิดริมฝีปากแน่นด้วยความตกใจ นี่หมายความว่าชลธีมองเห็นเขาแล้วใช่ไหม

“ฮึก.. ฮึก หนูไม่ได้ไปรดน้ำบ่อยสักหน่อย ก็ฟักทองที่ซื้อเมล็ดมารอบนั้นมันเหลือนี่”
“เด็กดื้อเอ๊ย” เขาลูบหัวเจ้าลูกเป็ด ภาพตรงหน้ายังคงเลือนลางแต่ทว่าสามารถรู้ได้ว่ามีใครอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขายังกลับมามองเห็นได้ไม่ชัดนักและยังต้องรักษาอีกระยะหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่น่ายินดีว่าเขาจะมีโอกาสที่จะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน

“ฮึก.. ฮือ”

“ร้องไห้ทำไม หื้ม?”

“หนูดีใจนี่นา” เขาปาดน้ำตาที่จู่ๆก็ไหลออกมาเองไม่รู้ตัว ชลธีลุกขึ้นนั่งยืนเดินโดยไม่จำเป็นต้องมีคนช่วยอีกต่อไป คเชนทร์หายไปคุยกับจักษุแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้ เป็นที่ยืนยันว่าชลธีจะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมจริงๆ และต้องใช้เวลาการปรับตัวอีกสักพัก คุณหมอหนุ่มยิ้มแป้นด้วยความดีใจ เท่านี้พี่ชายเขาก็หมดทุกข์หมดโศกเสียที 

“พี่อยากกลับบ้านจัง” ชลธีดูซูบไปอยู่บ้างเพราะได้แต่นั่งๆนอนๆ เขาหันไปรบเร้าคนที่เข็นรถเข็นให้ ชายหนุ่มจะเดินเองแต่เจ้าลูกเป็ดไม่ยอมท่าเดียว “พี่อยากเจอลูก”

“อดใจอีกแปบเดียว เดี๋ยวพี่ช้างขึ้นไปเคลียร์ธุระเสร็จจะไปส่งเราที่บ้านนะครับ”

“ลินท์”

“หื้ม?”

“ลินท์”

“มีอะไรหรือเปล่า เรียกหนูทำไม” เขาหยุดรถเข็นแล้วเดินไปนั่งยองๆตรงหน้า จับมือหนาให้มาซุกกับแก้มขาวอุ่นของเขา “หนูอยู่นี่แล้ว..”

“พี่นึกว่าฝันไป” ชายหนุ่มยกมือจะตบหน้าตัวเองแต่เจ้าลูกเป็ดห้ามไว้ได้ทัน “ตบพี่ที”

“ไม่ได้ฝันสักหน่อย!” เขาพูดเสียงสั่น “พี่จะกลับมามองเห็นแน่นอน”

“มันเหมือนฝัน เหมือนฝันเกินไป.. พี่คิดว่าตัวเองจะไม่กลับมาหายซะแล้ว”

“ไม่ได้ฝัน จริงๆ พี่ไม่ได้ฝัน” เขาถูไถใบหน้าไปกับมือหนาของคนรัก

“พี่กลัวเหลือเกิน ถ้าชีวิตนี้พี่ไม่สามารถได้มองสบตากับลินท์แบบนี้ ไมได้มองเห็นลูกชายเติบโต พี่ก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย”

“ชู่ว” เขายื่นมือไปปิดริมฝีปากคนตรงหน้าเอาไว้ “พี่ไม่ต้องคิดมากแล้ว มีหนูอยู่ข้างๆ หนูจะไม่ยอมปล่อยให้พี่เป็นอะไรแน่”

“เก่งจริงนะเรา ตัวแค่นี้” ชลธียิ้ม มองคนรักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น

“ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่ หนูสู้ตาย” เขาชูสองนิ้วยิ้มเริงร่า “หนูโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอ ได้รักกับพี่”

“พี่สิต้องบอกว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอลินท์ พี่ยังจำเด็กตัวกระเปี๊ยกที่วิ่งตัดหน้ารถพี่ได้อยู่เลยนะ”

“พี่นั่นแหละ ขับรถไม่ดูเลย คนกำลังข้ามถนนแท้ๆ!” เขาบ่นอุบเมื่อนึกวันแรกที่ได้เจอกัน สายฝนชุ่มฉ่ำที่ตกไม่ขาดสายวันนั้นทำให้เขาตาพร่ามัวจนแทบจะมองหน้าผู้ชายตรงหน้าไม่ชัดด้วยซ้ำ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาตบปากรับคำมาช่วยดูแลไทเกอร์จนได้

“ขอบคุณอะไรก็ตามที่ส่งลินท์ให้มาหาพี่ มาเจอพี่ ให้พี่ได้รักได้ดูแล”

“คงเป็นเวรกรรมของพี่มากกว่าที่ต้องมาเจอหนู” เขายิ้มแหย เกาหัวแกรก

“ถ้าเป็นเวรกรรมจริงๆ ก็ขอให้ติดตามพี่ไปทุกภพทุกชาติเลยก็แล้วกัน”

“พี่พูดอะไรเนี่ย ของแบบนี้เขาพูดเล่นๆได้หรือ” เด็กหนุ่มถลึงตาใส่ชลธี อยากจะตีปากที่พูดไม่หยุดนั่นสักทีให้หายมันเขี้ยวจริงๆ

“เชื่อหรือเรา?”

“ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่!” เรื่องแบบนี้เขาพูดกันเล่นๆได้ที่ไหนกันเล่า!

“พี่พูดแล้วไม่คืนคำหรอกนะ ลองได้ผูกพันกับพี่แล้วในชาตินี้ ไม่ว่าจะเวียนว่ายตายเกิดอีกกี่สิบครั้งคนที่พี่จะรักมีเพียงลินท์คนเดียว”

“พี่ฉลาม!” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ทนไม่ไหว รู้สึกขนลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ไม่เอาไม่พูดแล้ว ขนลุก”

“สิ่งที่พี่จะทำให้เราได้ในชาตินี้ นอกจากรักและดูแลจนกว่าชีวิตของพี่จะหาไม่ นั่นคือการให้เกียรติยกย่องเป็นคู่ชีวิต นั่นคือเกียรติยศของทหาร”

“หนูรับรู้ว่าพี่ว่ารักหนูมากแค่ไหนก็พอแล้ว” เขาไม่เคยต้องการอะไรอีกแล้วจริงๆ แค่ได้ดูแล ได้รัก ได้อยู่ข้างๆกันเหมือนทุกวันนี้ มันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้วจริงๆ

“ลินท์”

“คะครับ” ชลธีลุกจากเก้าอี้รถเข็น ก่อนจะนั่งคุกเข่า เอื้อมมือไปจับเรียวนิ้วขาวขึ้นมาจุมพิต เด็กหนุ่มมึนงงจะสะบัดมือออกก็ไม่กล้า ที่นี่โรงพยาบาลนะ นี่ชลธีจะทำอะไร?

“แต่งงานกับพี่นะ”

“…”

เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจ้องเขาและชลธีเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าวหัวใจเต้นระส่ำจนกลัวว่ามันจะเด้งออกมานอกอก เขาเหลือบไปเห็นคเชนทร์ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นค้าง เขาเขินจนอยากจะแทรกพื้นหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ เด็กหนุ่มรวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิด พยักหน้าลงก่อนจะตอบ

“คะครับ”

“พี่เคยขอลินท์กับคุณยายไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่พี่จะต้องทำอะไรให้ถูกต้องจริงๆสักที” ชายหนุ่มลุกขึ้น ดึงคนรักเข้ามากอดแนบอก “ขอบคุณที่ให้เกียรติเป็นคู่ชีวิตพี่นะครับ” ชายหนุ่มใช้หัวแม่มือปาดน้ำอุ่นที่คลอหน่วยของเด็กหนุ่ม โยกตัวเข้าไปกดจูบข้างขมับ เจ้าลูกเป็ดโผเข้ากอดร้องไห้โฮขยุ้มเสื้อเขาจนยับย่น ชลธีหันไปมองน้องชายที่กำลังเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะช้อนตัวคนรักขึ้นอุ้ม

“อื้อ ปล่อยหนูลง!”

“ไม่ได้” เขาก้มลงกระซิบ เดินตามหลังคเชนทร์ไปที่รถยนต์ “พี่จะพาเจ้าสาวเข้าห้องหอมันต้องอุ้มท่านี้”

“คนบ้า!”

“พูดแล้วไม่คืนคำนะครับคนดี” ชลธีจุดยิ้ม หัวใจพองโตจนปิดบังความสุขล้นเอาไว้ไม่อยู่ “ถ้ายังจำไม่ได้.. คืนนี้พี่จะทวนให้ใหม่ตั้งแต่ต้นเลย”



TBC

อีกไม่เกินสามตอนจะจบแล้วค่า <3
ขอบคุณที่เอ็นดูน้องลินท์นะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 26-03-2018 18:23:55
 :m12: :m3:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 26-03-2018 19:07:07
นัลลั๊คคคค  :กอด1: ลูกเป็ดต้องอยู่กับพี่ฉลามตลอดไปเลยน๊า
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 26-03-2018 19:13:58
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-03-2018 19:14:51
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-03-2018 19:18:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-03-2018 19:49:31
ว๊าย!  :o8: กลับมามองเห็นแล้วยิ่งหื่นนะพี่ฉลาม
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-03-2018 20:29:10
 :L1:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 26-03-2018 20:31:06
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-03-2018 20:45:32
ดีใจ  พี่ฉลามจะหายแล้ววว
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-03-2018 21:54:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-03-2018 23:40:05
หมดเคราะห์ หมดทุกข์ หมดโศก
ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-03-2018 01:24:40
เฮียหลามจะหายแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรมาทำให้วุ่นวายอีกแล้วล่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-03-2018 09:04:03
ฟินนนน~
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 27-03-2018 09:12:41
หนูน่ารัก ใครๆก็ต้องรักค่ะ จะจบแล้ว ใจหาย
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๑] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๖.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-03-2018 07:53:44
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 28-03-2018 21:56:40
ตอนที่ ๓๒

   สายฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำตั้งแต่ช่วงเที่ยงจนล่วงเลยถึงเวลาเลิกเรียน เด็กหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือกระสับกระส่าย ยืนหลบฝนอยู่ใต้อาคารเรียนร่วมยี่สิบนาทียังไม่มีวี่แววของรถยนต์เข้ามารับ เขากดโทรศัพท์หาชลธีหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย นี่ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วแต่เขายังไม่ได้ออกจากมหาลัยเลยด้วยซ้ำ ความกังวลร้อนใจทบทวีคูณเมื่อนึกถึงลูกชายที่กำลังรออยู่ที่โรงเรียน

   ‘พี่ฉลาม แวะไปรับลูกเลย หนูติดฝนอยู่ที่มอ’

   เขายืนรอคำตอบอยู่สักครู่ก็ยังไม่มีวี่แววตอบกลับ พาลนึกสงสัยว่าคนรักกำลังทำอะไรอยู่ สองเดือนแล้วที่อาการของชายหนุ่มดีขึ้นมากจนสามารถมองเห็นได้เหมือนคนปกติทั่วไป และเพิ่งได้รับอนุญาตจากเขาให้ขับรถไปไหนมาไหนได้เสียที ในเมื่อไม่ได้รับคำตอบเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเรียกแท็กซี่ไปลงหน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อนั่งรถตู้กลับบ้าน ส่วนบรรดาเพื่อนที่หายไปนั้น ต่างคนต่างติดกิจกรรมชมรมไม่มีใครว่างให้เขาได้ขอความช่วยเหลือ

   ‘พี่ฉลามมมมมม’

   ‘งื้อ หายไปไหนแล้วครับ’

   ‘อย่าเงียบแบบนี้สิ’


   ทันทีที่นิ้วกดส่งข้อความไปจนครบ โทรศัพท์ในมือก็สั่นครืดคราด เขากดรับรีบกรอกเสียงลงไป ตรงที่เขาอยู่เป็นป้ายรถเมลล์หน้าห้างสรรพสินค้ามีท่ารถตู้และรถเมลล์เข้ามาจอดเทียบท่าไม่ขาดสาย ประกอบกับสายฝนที่ยังคงพร่างพรายไม่หยุด เสียงในตอนนี้จึงดังกลบเสียงคนในโทรศัพท์ไปจนหมด

   “ลินท์ อยู่ไหนแล้วครับ”

   “หนูไม่ค่อยได้ยินพี่เลย ตรงนี้เสียงดังมาก”

   “งั้นแชร์โลเคชั่นมา ไทเกอร์อยู่กับพี่แล้ว.. เดี๋ยวพี่ไปรับนะ”

   “อ๊ะ ได้ครับ” เด็กหนุ่มค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยที่มีคนไปรับลูกชายกลับจากโรงเรียน เขาค่อยๆเดินหลบบรรดาผู้คนที่รีบเร่งเดินทางกลับบ้าน เพราะมัวแต่กดโทรศัพท์ส่งโลเคชั่นให้คนรักจึงไม่ทันมองคนที่กำลังเดินสวนมาจึงชนจนไหล่กระทบกัน เขาเซไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นไปจะขอโทษขอโพยก็ต้องตกใจเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก

   “พี่ลินท์!”

   “เปรี้ยว!” เขาร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นหน้าเด็กสาวชัดๆ เปรี้ยวเป็นด็กสาวที่โตมากับเขาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่เขาย้ายมาอยู่กับชลธี เปรี้ยวได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่อกับเปรี้ยวอีกเลย

   “หนูคิดถึงพี่จังเลย อ้วนขึ้นหรือเปล่าจ้ะ” เปรี้ยวโผเข้ามากอด เธอลากพี่ชายเข้าหลบที่ร้านอาหารข้างทาง ควักทิชชู่ให้เด็กหนุ่มซับเหงื่อและหยดน้ำฝนที่เปื้อนไปตามกรอบหน้า

   “เจอหน้ากันทักว่าอ้วนเลยหรือไง ยัยเด็กคนนี้”

   “หนูเห็นพี่สบายดี หนูก็ดีใจ” เด็กสาวยิ้มแฉ่งเข้ามากอดแขนเขาเสียแน่น

   “แล้วเราล่ะ เป็นยังไงบ้าง” เห็นเด็กสาวหน้าตาสดใสก็อดคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ “เรียนไปถึงชั้นไหนแล้ว”

   “จะจบมอหกแล้วจ้ะพี่ ตอนนี้กำลังหาเงินเรียนมหาลัยอยู่” เด็กสาวยิ้มร่าเริง “ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ ตอนนี้เปรี้ยวอยู่กับพ่อแม่แล้ว”

   “ค่อยยังชั่วหน่อย.. มีอะไรติดขัดก็บอกพี่ได้นะ” กับน้องสาวคนนี้มีหรือที่เขาจะไม่ช่วยเหลือ ตอนนี้เขาไม่ได้ขัดสนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาอยากจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าอย่างไรถ้าน้องสาวอยากเรียนเขาก็จะส่งเรียนให้ได้

   “จ้ะพี่ ขอบคุณพี่ลินท์มากๆเลยนะ”

   “มีอะไรก็ช่วยกัน เปรี้ยวก็เหมือนน้องสาวของพี่แหละ”

   “พี่ลินท์น่ารักที่สุดในโลก” เด็กสาวยิ่งกระชับกอดแน่น เธอคิดถึงพี่ชายคนนี้เหลือเกิน “เอ้อ เมื่อวานก่อนเห็นลุงโทรมาหา เห็นลุงแกบอกว่าแม่พี่ติดต่อมาน่ะจ้ะ เห็นว่าไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอ ลุงก็เลยบอกไปว่าพี่กับยายย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว”

   แม่?

   “หมายความว่ายังไง แม่พี่มาหา?”

   “จ้ะ เห็นลุงกับป้าว่าอย่างนั้น” ฟังเด็กสาวพูดจบ เขาก็มือไม้สั่นไปหมด จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นี่เขาจะได้เจอแม่แล้วจริงๆหรือ? เขาฝันไปหรือเปล่า?

   “พี่ขอเบอร์ลุงไว้หน่อยได้ไหม” อยากหยิกแก้มตัวเองดูสักครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าตัวเองหูไม่ฝาด แต่สติที่มีก็ให้รีบขอเบอร์ติดต่อของคุณลุงเอาไว้

   “ได้ๆ แกน่าจะขอเบอร์แม่พี่เก็บไว้อยู่นะ แต่ลุงติดต่อพี่ไม่ได้ เลยไม่รู้จะบอกยังไง”

   “ขอบใจนะเปรี้ยว”

   “เดี๋ยวพี่เม็มไว้นะ อะนี่จ้ะ” เธอยื่นโทรศัพท์ให้พี่ชายดู ทั้งคู่คุยกันอยู่อีกสักพักชลธีก็โทรตามเขา แลกเบอร์โทรและช่องทางติดต่อกันเรียบร้อย เขาก็ให้สัญญาว่าต้องพาเปรี้ยวไปทานขนมแน่ๆ ทั้งคู่กอดกันตัวกลมด้วยความคิดถึง เปรี้ยวย้ายเข้ามาอยู่บ้านเช่าแถวชานเมือง พ่อและแม่ได้งานใหม่เป็นนิคมอุตสาหกรรมอยู่แถวนั้น เธอเลยได้อานิสงส์เข้ามาเรียนในกรุงเทพด้วย เด็กสาวถือกาสเข้าไปสวัสดีชลธีก่อนจะขอตัวกลับบ้านก่อน

   “ลินท์เป็นไรหน้าซีดๆ” ชายหนุ่มเอ่ยทักเพราะเห็นคนรักขึ้นมาบนรถก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา “ไม่สบายหรือ ตากฝนมาใช่ไหม?”

   “ไม่ได้เป็นอะไรครับพี่ แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” ยังไม่ทันจะได้ตอบ เจ้าตัวแสบก็ร้องเรียกหา

   “แม่ฮะ.. แม่” ไทเกอร์นั่งอยู่บนหลังชะโงกเข้ามาจะขอนั่งตักเหมือนอย่างเคย เขาอุ้มลูกมานั่งตักตัวเอง ก้มลงจูบหน้าผากขาวใสของเด็กชาย

   “ไหนวันนี้มีการบ้านอะไรไหมครับลูก”

   “เกอร์ทำเสร็จหมดแล้วฮะ”

   “เรื่องอะไรล่ะ หื้ม?” ชลธีที่ยังสงสัยจึงถามซ้ำอีกรอบ “มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้นะ”

   “พี่ฉลาม..” เขานั่งนิ่งกำมือที่เย็นเฉียบเข้าด้วยกัน “ลินท์อยากไปหาแม่” ชลธีได้ฟังก็นิ่งเงียบ เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มไม่มีแม่ มีแต่คุณยายที่คอยดูแลมาตั้งแต่เด็ก ชายหนุ่มรู้ดีว่ามุจลินท์อ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก

   “ไปสิ จะให้พี่พาไปไหม” เขาพยักหน้ารับ เห็นวงหน้าซีดเซียวค่อยมีสีเลือดขึ้นมาหน่อยจึงเบาใจลงไปบ้าง

   “ไปครับไป!”

   กว่าจะถึงบ้านต้องฝ่าฟันรถติดเกือบชั่วโมง มุจลินท์รีบพาลูกชายไปอาบน้ำและทานข้าว ในหัวก็ยังคิดวนเวียนเรื่องที่จะโทรหาคุณลุง เขาอยากรู้ว่าแม่มาหาเขาเพราะอะไร แม่จะกลับมาอยู่กับเขาแล้วใช่ไหม หลากหลายคำถามที่เขาอยากจะถาม อยากจะพูดคุยกับแม่เหลือเกิน เด็กหนุ่มเคาะประตูห้องคุณยายก่อนจะผลักเข้าไปเห็นคุณยายยังไม่นอนก็รีบวิ่งถลาเข้าไปกอดไปอ้อนซบเหมือนเมื่อครั้งตัวเองยังเป็นเด็ก

“ยายจ๋า”

“กลับมาเหนื่อยๆทำไมไม่ไปอาบน้ำอาบท่าล่ะลูก” ยายสมใจทัก เมื่อเห็นใบหน้ากังวลของหลานชายก็ลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบประโลม “เดี๋ยวไม่สบายจะโดนพี่เขาดุเอานะ”

“ลินท์เจอเปรี้ยวจ้ะ” เขาเงยหน้ามองหน้ายาย สองมือยังโอบกอดร่างสูงวัยของหญิงชรา “เปรี้ยวบอกว่าแม่ติดต่อไปหาลุง”

“อะไรนะ.. จริงหรือ?” ยายสมใจตกใจมากส่งเสียงร้องพร้อมอุทานออกมาเสียงดัง ด้วยไม่คิดว่าลูกสาวของตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ หล่อนถอดใจไปตั้งนานแล้ว..

“ลินท์จะโทรถามคุณลุงให้แน่ใจอีกที ยายจ๋า.. แม่กลับมาแล้ว.. แม่ไม่ได้ทิ้งหนูจริงๆ”

“โถ่ หลานยาย ป่านนี้แล้วหนูยังคิดมากอยู่อีกหรือ?”

“หนูอยากเจอแม่” เขาซุกหน้าลงบนตักยาย ปลดปล่อยหยดน้ำตาออกมา “ชีวิตนี้หนูไม่ขออะไรอีกแล้ว”

“ลูกเอ๊ย..”

ลินท์อ้อนยายอยู่อีกพักใหญ่เขาก็ตัดสินใจโทรหาคุณลุงเพื่อสอบถามว่าแม่เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ พูดคุยกันอยู่เกือบชั่วโมงได้ความว่าแม่ของเขานั้นป่วยหนักและอยากเจอเขากับยายมากจึงได้มาหาที่บ้านเดิมที่เคยอยู่ในชุมชนแออัดแต่กลับไม่เจอใคร จนได้พบกับคุณลุงคุณป้าที่รู้จักกันจึงทราบว่าเขาและยายย้ายไปอยู่ที่อื่นร่วมปีแล้ว เด็กหนุ่มตกใจมือไม้สั่นเพียงรู้ว่าแม่บังเกิดเกล้าของตนป่วยหนัก ความน้อยใจตัดพ้อที่คิดว่าแม่ไม่รักก็ไม่ได้นึกถึงอีก เขาได้ชื่อเบอร์โทร และชื่อตึกที่แม่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐที่ไม่ไกลจากบ้านเดิมที่เขาอยู่นัก

    “พี่..” เด็กหนุ่มเดินคอตกเข้าห้องนอน ชลธีกำลังสวมเสื้อยืด “พรุ่งนี้พี่ฉลามพาหนูไปหาแม่ได้ไหม”

   “ที่ไหนหรือ”

“โรงพยาบาลครับ” เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ท่าทางซึม “แม่ไม่สบาย แม่อยากเจอหนู..” เขาดูก็รู้ว่าคนรักกำลังงอแงอยากให้คนกอดปลอบ

“มางอแงกับพี่มา” เขาดึงเจ้าลูกเป็ดมากอด “นี่คือสิ่งที่ทำให้เราไม่สบายใจงั้นสิ”

“ลินท์เป็นห่วงแม่”

“ถ้าคุณแม่รู้ว่าน้องลินท์ของคุณแม่ขี้แยแบบนี้จะว่ายังไง”

“หนูไม่อยากร้อง แต่มันไหลออกมาเองนี่นา”

“เด็กน้อยเอ๊ย”

“ฮึก.. ฮือ.. พี่ฉลาม” เขากำเสื้อยืดของคนรักแน่น “คืนนี้กอดหนูหน่อยนะ”

“พี่ก็กอดอยู่ทุกคืน” กดจูบลงข้างแก้มขาวนวลได้รสชาติเค็มปะแล่มจากน้ำตาเด็กขี้แย เขาปาดจนมันแห้งสอดมือเข้าที่ซอกคอดึงรั้งร่างบางเข้าสู่อกอุ่น “นอนพักผ่อนกัน ฝันดีนะครับ ที่รัก”

   ขอให้ค่ำคืนปัดเป่าฝันร้ายให้มลายไป..

มุจลินท์ปลุกคนรักแต่เช้า เด็กหนุ่มกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เขาทำข้าวกล่องอย่างง่ายๆเผื่อคุณยาย และแวะเข้าไปหาคุณพ่อกับคุณแม่บอกกล่าวกับผู้ใหญ่ว่าจะไปที่ไหน เด็กหนุ่มได้กำลังใจและได้รับพรกลับมา ความรู้สึกหนักอึ้งค่อยๆถูกผ่อนคลายลงไปบ้าง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลเด็กหนุ่มรีบติดต่อกับเคาน์เตอร์พยาบาลเพื่อขอเยี่ยมทันที ชลธีรู้ว่าคนรักกำลังใจร้อน รั้งข้อมือขาวให้เดินช้าลง ด้านในตึกผู้ป่วยห้องของมินตราถูกแยกออกมาพิเศษและจะต้องแจ้งพยาบาลก่อนการเข้าเยี่ยมทุกครั้ง ทุกคนสวมแมสปิดปากและจมูกให้มิดชิดก่อนจะดันประตูเข้าไป บนเตียงขาวสะอาด หญิงสาวรูปร่างผอมแห้งกำลังนอนหลับตาสนิท เด็กหนุ่มยังจำรูปภาพของแม่ที่พกเอาไว้ติดตัวได้เสมอ สภาพที่เปลี่ยนไปทำให้เขารู้ว่าแม่ป่วยหนักจริงๆ

   “แม่.. แม๋จ๋า” เขาเรียกเสียงเบา มือยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด “แม่มินของหนู”

“ละ..ลินท์?” หญิงสาวค่อยๆเปิดเปลือกตาเชื่องช้า พยายามดันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง

“ยัยมิน” คุณยายพูดเสียงแหบพร่า น้ำตาคลอด้วยความสงสารลูก

“แม่… หนูขอโทษ” มินตราหันไปมองผู้มาเยี่ยมก่อนจะกระพุ่มมือไหว้มารดาบังเกิดเกล้าที่ไม่เจอกันร่วมยี่สิบปี น้ำตาที่กักเก็บไว้ก็ไหลท่วมท้นเต็มใบหน้า มือหยาบเอื้อมไปหมายจะลูบหัวลูกชายคนเดียวแต่ก็ต้องชะงักเพราะกลัวเชื้อโรคร้ายที่รุมเร้าเธอตลอดหลายปีต้องแตะต้องโดนตัวลูกไปด้วย “ลินท์แม่ขอโทษ แม่ขอโทษ..”

“แม่ป่วยหนักขนาดนี้ทำไมไม่บอกหนู หนูจะหาเงิน หนูจะทำทุกอย่างให้แม่หาย ฮึก”

“โรคที่แม่ป่วยไม่มีทางหายขาดหรอกลูก คนอื่นมีแต่จะรังเกียจ” มินตราหันหน้าหนีก่อนจะกระแอมไอ “แม่ไม่อยากให้หนูต้องมาป่วยเหมือนแม่อีกคน ไม่อยากให้ใครมองลูกแม่ไม่ดี”

“หนูไม่สน หนูไม่เห็นสนใจเลย” เด็กหนุ่มสะอึกสะอื้น อยากเข้าไปกอดแม่ใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ พยาบาลกำชับชัดเจนให้ระวังเรื่องการสัมผัส “ทำไมแม่ใจร้ายอย่างนี้ ไม่ยอมให้หนูได้ทำหน้าที่ลูกเลย”

“เป็นบุญของแม่แล้ว ที่มีลูกกตัญญูอย่างหนู แค่นี้แม่ก็ตายตาหลับ”

“ไม่เอา ไม่เอา แม่มิน ไม่เอา แม่ต้องอยู่กับหนู” มุจลินท์แผดเสียงร้องอย่างหนัก เขาทรุดลงข้างเตียงร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง จนชลธีต้องเข้ามากอดปลอบ

“แม่สู้มานานเหลือเกิน”

“แม่!” เด็กหนุ่มปิดหู ส่ายหน้าไม่อยากฟัง “แม่อย่าพูดแบบนี้”

“มิน.. ลูกต้องเข้มแข็งสิ” คุณยายพูดทั้งน้ำตา ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากสายตาที่ส่งผ่านซึ่งกันและกัน

“หนูเหนื่อยเหลือเกินจ้ะ” มินตรายกมือไหว้มารดาอีกครั้ง ก่อนจะล้วงกระเป๋าสะพายใบเล็กที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมา เป็นสมุดบัญชีเงินฝากสองเล่ม “นี่เป็นเงินเก็บทั้งหมดที่หนูเก็บเอาไว้ให้น้องลินท์กับแม่ เอาเก็บไว้ใช้นะจ้ะ”

“ฮึก ฮือ หนูไม่เอา หนูไม่อยากได้” เด็กหนุ่มตัดพ้อ

“ลินท์ ใจเย็นๆ” ชลธีเข้ามากอดปลอบ ค่อยๆลูบหลัง “ค่อยๆคุยกับคุณแม่นะครับ”

“ฮึก ฮือ”

“คุณใช่ไหมที่ช่วยดูแลน้องลินท์กับคุณยายมาตลอด” มินตรายกมือไหว้ผู้มีพระคุณ เธอทราบมาจากคุณลุงที่อยู่แถวบ้านมีคนช่วยดูแลลูกชายของเธอ “ขอบคุณนะคะ”

“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับคุณแม่ เพราะลินท์และคุณยายต่างก็เป็นครอบครัวของผม คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลน้องลินท์เอง” เธอเห็นแววตาหนักแน่นและมั่นคงของอีกฝ่ายจึงได้วางใจลง สิ่งที่คิดเป็นกังวลว่าลูกจะอยู่อย่างลำบากค่อยๆผ่อนเบาลง

“พี่ฉลามเป็นแฟนหนู” เด็กหนุ่มพูดเสียงดังฟังชัด “หนูพาแฟนมาให้แม่ดูตัวนะ”

“ร้ายจริงๆนะเรา” มินตราหัวเราะขำ สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ ไม่ได้ตกใจที่ลูกชายคนเดียวมีคนรักเป็นเพศเดียวกัน ขอเพียงสิ่งใดที่ลูกชายทำแล้วมีความสุข หล่อนก็พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง หัวใจอิ่มเอมเมื่อได้พบหน้ากับมารดาและลูกชายสักครั้งก่อนที่ร่างกายที่ป่วยมานานจะรับไม่ไหว “แม่รักหนูนะลินท์.. ไม่มีแม่คนไหนอยากจะทิ้งลูกไป”

“หนูก็รักแม่.. หนูไม่โกรธแม่เลยนะ แม่ต้องหายไวๆนะจ้ะ” เขาก้มลงกราบแทบเท้าของมารดาบังเกิดเกล้า มินตราค่อยๆลูบหัวลูกชาย ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่อีกสักครู่ก่อนที่พยาบาลจะมาแจ้งหมดเวลาเยี่ยม

เด็กหนุ่มขยันมาเฝ้าแม่ทุกวัน แม้จะได้เพียงเวลาแค่ไม่นานแต่เขาก็พยายามมาให้ได้ อาการของแม่เริ่มตอบสนองช้าแล้ว บางครั้งทำได้แค่เปิดเปลือกตามองหน้าเขา แทบจะขยับปากพูดไม่ได้ เขาปรึกษากับคเชนทร์ว่าจะมีทางรักษาอาการของแม่ให้หายได้ไหม แต่ดูเหมือนอาการวัณโรคเข้าสู่ห้วงระยะสุดท้ายแล้ว

เขาถูกจำกัดไม่ให้เข้าใกล้ได้แต่ยืนมองแม่ที่นอนหายใจรวยรินที่เตียง เขาอยากให้แม่หาย อยากให้แม่อยู่กับเขาต่อ อยากใช้ชีวิตด้วยกัน ทำเรื่องอะไรอีกมากมายด้วยกัน แต่ดูเหมือนคำขอครั้งนี้เขาจะไม่มีหวังจริงๆ ภายในคืนนั้นเอง พยาบาลก็โทรแจ้งกับเขาว่าแม่เสียชีวิต เขาทำใจได้สักพักแล้วเพราะคเชนทร์คอยอธิบายให้เขาได้เข้าใจและทำตามความต้องการของแม่ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เขานำสมุดบัญชีที่แม่เก็บเงินไว้ให้ใส่เข้าบัญชีตัวเอง แม่อยากให้เขามีความสุข อยากให้เขามีชีวิตที่ดีกว่าที่แม่เคยมี เขาสัญญากับตัวเองเอาไว้ ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด

“ลินท์..”

“พี่ฉลาม”

“ไม่เป็นไรนะครับคนดี” ชายหนุ่มดึงคนรักเข้ามากอดแนบแน่น กดจูบอย่างที่เคยทำเป็นประจำ “คุณแม่จะคอยมองหนูอยู่บนสวรรค์นะครับ”

“ฮึก ฮือ”

งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายโดยมีคนสนิทภายในครอบครัวที่ไปร่วมงานเพียงเท่านั้น เขาบวชหน้าไฟให้แม่คงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ลูกชายอย่างเขาจะกระทำให้แม่ได้ในชาตินี้ ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ แต่เขาก็ได้รับกำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว เพื่อน คนรัก เขาไม่อยากให้แม่เป็นห่วง มีแต่ต้องยิ้มสู้เท่านั้น เขาจะต้องเข้มแข็งให้ได้

เด็กหนุ่มกลับมาเรียนปกติ ใช้ชีวิตดังเดิมแต่ความรู้สึกวูบโหวงในใจไม่มีอีกแล้ว เหมือนได้ปลดล็อคความรู้สึกลึกๆที่ติดค้างในใจ เขาได้ทราบข่าวเรื่องที่เกศราถูกจับเข้าคุกเพราะมีหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเงินผิดกฎหมาย เขานึกแล้วก็ขออโหสิกรรมให้ และอย่าได้ข้องเกี่ยวกันอีกเลย

ในระหว่างที่เขากำลังไว้ทุกข์ให้กับแม่ ทำให้เขาพลาดข่าวสำคัญอีกอย่างหนึ่ง รุ่นพี่ที่เขาเคารพอย่างชวิศกำลังมีคนรักใหม่ หลังชายหนุ่มโพสต์รูปจับมืออีกฝ่ายในอิสตราแกรม เขาคงจะไม่ตกใจเท่าไหร่ถ้าหากชื่อที่แท็กในรูปนั้นไม่ใช่กรวิชญ์เพื่อนสนิทอีกคนของเขาเอง

ชลธีกลับไปทำงานและได้เลื่อนยศเป็นพันโท แม้ว่านายทหารหนุ่มจะได้กลับบ้านแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็ไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป เขากำลังทำเรื่องขอย้ายมาทำงานใกล้บ้านเนื่องด้วยถึงวาระในการย้ายตำแหน่งพอดี เป็นข่าวดีและเขาได้แต่หวังว่าจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกวัน..
- - - - -

ชลธีเกลี่ยเส้นผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนที่เพิ่งยาวขึ้นมาได้ไม่มากของคนรัก หน้าผากเกลี้ยงเกลาขาวเนียนและคิ้วเรียงตัวสวย ขนตายาวเป็นแพ และจมูกโด่งเชิดรั้น เขาใช้นิ้วแตะไล้ไปตามผิวอ่อนนุ่มจนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกตัว ชลธีชอบมองเจ้าลูกเป็ดเวลานอนหลับที่สุด

น่ารัก..

ทุกคืนวันศุกร์คงเป็นวันที่เด็กหนุ่มหวาดกลัวเขามากที่สุด หากเขากลับมานอนที่บ้านเมื่อไหร่นั่นหมายความคืนนั้นเด็กหนุ่มจะไม่มีทางได้นอนหัวค่ำแน่.. กลิ่นกายคุ้นเคยกระทบจมูกเมื่อร่างกายขาวผ่องเขยิบเข้ามาแนบชิด เขาอยากจะฝากฝังตัวตนลงไปทุกครั้งเพียงแค่ได้มอง.. มุจลินท์มีอิทธิพลกับเขามากจริงๆ

เขาว่ากันว่าทหารมักจะกลัวเมียคงจะไม่ผิดนัก เพราะเขาทั้งรักทั้งหลงเด็กหนุ่มจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว

“ฮื่อ มานอนมองหน้าหนูทำไม? ไปอาบน้ำสิครับ” มุจลินท์ลืมตาตื่นก็พบชายหนุ่มกำลังเท้าแขนมองเขาก็รีบกระเถิบตัวออกห่าง

“อยากนอนมองหน้าหนูทั้งวันเลย”

“ทะลึ่ง!” ทำปากยู่ใส่คนขี้แกล้งที่นอนอยู่เคียงข้าง

“พี่ดีใจนะ ที่เราได้อยู่ด้วยกันในวันนี้” ชลธีเอื้อมตัวเข้าไปกดจูบข้างแก้มคนรัก ดวงตาสีดำสนิทหวานเชื่อมยามมองคนตัวเล็กกว่าในอ้อมกอด “ลินท์คือของขวัญล้ำค่าของพี่จริงๆ”

“หนูก็อยากอยู่กับพี่ทุกวัน” เจ้าลูกเป็ดหน้าร้อนผ่าว แดงก่ำไปยันใบหู ยกมือปิดไม่ยอมให้นายทหารหนุ่มได้เห็น อยากพูดอะไรก็พูดไม่คิดว่าเขาจะเขินบ้างเลย!

“อยู่กับพี่ไปนานๆเลยนะ”

“อื้อ” เด็กหนุ่มที่กำลังปิดหน้าตอบเสียงหวาน ชลธีตวัดผ้านวมให้คลุมตัวเขา รั้งเอวบางให้เข้ามาใกล้ก่อนจะกระหน่ำจูบไปตามรอยช้ำที่เขาฝากไว้ตั้งแต่เมื่อคืน จูบเลียไล้อ้อยอิ่งไปตามผิวขาวที่ขึ้นรอยช้ำ จนคนถูกทำรู้สึกวาบหวามแทบจะปล่อยตัวไปกับความรู้สึกที่ถูกปรนเปรอ

“แล้วก็ปั๊มน้องให้ไทเกอร์สักสองคน”

“พี่ฉลาม!”

เด็กหนุ่มดิ้นในอ้อมกอดของคนรักแล้วถือโอกาสจูบตอบคนขี้แกล้ง ผลัดกันปลดเปลื้องอารมณ์ภายในใจ ตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับชลธีเขาถูกเติมเต็มด้วยความรัก เติมเต็มด้วยความเอาใจใส่จากผู้ชายคนนี้ด้วยความทะนุถนอมและให้เกียรติเสมอมา ชลธีสอนให้เขารู้จักคำว่าครอบครัว สอนให้เขารู้จักชีวิตที่แท้จริง เขาไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะยังมีแบบทดสอบชีวิตอีกมากมายแค่ไหนที่ต้องพบเจอ แต่เขาเชื่อว่า.. กำลังใจจากที่เรารักคือพลังที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ สองมือขาวค่อยๆเลื่อนโอบรอบคอดึงรั้งใบหน้าคมเข้มให้เข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน

“ถ้าปั๊มไม่ได้ก็อย่าหยุดนะ!”


TBC
ตอนหน้าเป็นบทส่งท้ายค่า 
กราบขอบพระคุณแม่ๆทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้..
รักนะคะ
ฝากคู่พี่นารถและน้องปาปังในเรื่องสุขศาลาด้วยค่า <3
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-03-2018 23:57:17
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-03-2018 00:52:58
ว๊ายยยจะจบแล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-03-2018 01:14:14
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-03-2018 02:57:03
มีลูกให้เยอะๆ เลย ชอบ ๆ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-03-2018 08:54:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 29-03-2018 09:02:25
คอมพลีสแล้วนะลิน
ละมุนมาก ครอบครัวสวยงาม
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-03-2018 09:09:35
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 29-03-2018 16:30:40
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-03-2018 19:49:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2018 00:05:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๓๒] หน้าที่๑๕ {๑๐๐%} ๒๘.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-03-2018 00:32:25
จะจบแล้ว~
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 31-03-2018 21:46:47
บทส่งท้าย

   กลิ่นดอกไม้หอมผะแผ่วล่องลอยตามสายลม ซุ้มดอกไม้สีชมพูอ่อนถูกประดับประดาจัดวางเรียงอย่างสวยงาม ชูช่อเบ่งบานออกดอกอวดความสวยงามเป็นที่ประทับใจของแขกเหรื่อที่มาในงาน เด็กชายรูปร่างสูงเพรียวสวมชุดทักซิโด้สีเทาถือกระเช้าดอกไม้แจกแขกเหรื่อในงาน ผมหยักศกสีดำสนิทรับกับดวงตากลมสีดำวาวอิ่มน้ำ ใบหน้าขาวผ่องยิ้มสดใสก่อนจะกระพุ่มมือไหว้แขกที่เข้ามาในงาน โต๊ะกินเลี้ยงถูกจัดขึ้นเรียบง่าย มีแม่ครัวประจำจากภัตราคาร และพนักงานบริการมาช่วยเสริฟอาหาร ภายในห้องส่วนตัวเด็กหนุ่มในชุดสูทสีขาวกำลังหมุนตัวอยู่หน้ากระจก พยายามปัดทรงผมให้เข้าที

   เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มอีกคนจะผลักประตูเข้ามาตาม ชลธีอยู่ในชุดขาวกางเกงสีดำแถบแดงเป็นชุดเครื่องแบบในพิธีโอกาสสำคัญดูสง่างามสมเกียรติ และวันนี้ก็เป็นงานสำคัญที่สุดของเขาอีกงานหนึ่ง

   งานแต่งงาน..

   แม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกกฎหมาย แต่เขาก็ขอให้เกียรติคู่ชีวิตด้วยการจัดงานเล็กๆให้สมกับความรักที่มุจลินท์มีให้เขา ชายหนุ่มมองคนรักที่กำลังหันหลังให้ ผิวขาวผ่องยิ่งดูสว่างเมื่อสวมสูทสีครีมสว่างราวกับเทพบุตรผู้งดงามจากสรวงสรรค์ ดวงตากลมสีน้ำตาลเทาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาโยกไหว เด็กหนุ่มหันไปปะทะกับร่างสูงใหญ่ที่ซ้อนด้านหลัง ชลธีตวัดเอวบางให้คนรักเข้ามาใกล้

   “พี่ฉลามเข้ามาได้ยังไง”

   “พี่ก็เปิดประตูเข้ามานี่แหละ”

   “ฮื่อ หนูยังแต่งตัวไม่เสร็จ รอข้างนอกก่อนสิครับ” เขาดันคนรักให้ออกไปรอด้านนอก แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ

   “พี่รอไม่ไหวนี่นา” ชลธีกดจูบข้างแก้มขาว “ไม่ได้กอดมาเป็นเดือนแล้ว”

   “ใครใช้ให้พี่บ้างาน ออกไปฝึกกับทหารอีกล่ะ” เด็กหนุ่มทำเสียงแข็ง “คราวนี้เดี้ยงมา หนูจะไม่ดูแล้ว”

   “ฮื่อ เมียจ๋า” ชลธีโอดครวญ “สัญญาจะออกภาคสนามให้น้อยลงนะครับ”

   “ไม่เชื่อ!” เด็กหนุ่มหันหน้าไปอีกทาง ไม่อยากจะบ่นคำแก้ตัวของนายทหารหนุ่ม “ลินท์จะมีกิ๊กให้ดู”

   “ถ้าพี่ทำปืนลั่นขึ้นมา ลินท์ก็อย่ามาว่าพี่ใจร้ายแล้วกัน”

   “อื้อ! คนบ้า!” เขาสะบัดหน้าใส่ชลธี ท่าทางแง่งอน “พี่ไม่คิดถึงใจหนูเลย พูดว่าเข้าใจๆ แต่เคยทำได้ไหมครับ”

   “พี่ผิดไปแล้วจริงๆ ดีกันนะคนดี” ในฐานะผู้มีประสบการณ์เขาก็อยากสอนรุ่นน้องที่กำลังจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน มันเลยอดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปช่วยในการฝึก เขารู้ว่าเด็กหนุ่มไม่พอใจแต่นายทหารหนุ่มก็รายงานตลอดเวลาไม่ได้หนีหายไปเหมือนแต่ก่อน ชลธีกอดคนรักจนแทบจมเข้าไปในอก 

   “แม่ฮะ แม่ลินท์” เสียงลูกชายดังขึ้นที่หน้าประตู ก่อนจะโผล่หน้าเข้ามา “คุณยายเรียกฮะ”

   เขาเห็นลูกชายโผล่หน้าเข้ามาในห้องเขาก็ดีดตัวออกจากคนรักอัตโนมัติ วงหน้าขาวขึ้สีแดงระเรื่อชวนให้คนที่จ้องมองอยู่ตลอดอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสนัก “ครับๆ เดี๋ยวแม่ออกไปนะลูก”

   “อาช้างกับอาปลารออยู่ด้วยฮะ” เด็กชายตาเป็นประกายเมื่อเห็นคุณอาอยู่เต็มบ้าน ในที่สุดเขาก็มีเพื่อนเล่นเสียที! “ลุงหมีก็มาด้วยฮะ”

   “เดี๋ยวป๊าพาคุณแม่ลงไปเอง เกอร์ไปต้อนรับก่อนนะครับ”

   “ครับป๊า!” เด็กชายตะเบ๊ะด้วยท่าประจำก่อนจะปร๋อออกไป เขาเตรียมตัวจะลงไปด้านล่างแต่ก็ถูกคนรักดึงเข้าไปกอดอีกรอบ

   “พี่ฉลาม!” เจ้าลูกเป็ดส่งเสียงดุแต่ไม่จริงจังนัก “ปล่อยลินท์ก่อน” ชลธีมองใบหน้าคนรักก็ยิ่งรู้สึกหวานล้ำในจิตใจ เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาเพิ่งรับปริญญาไปเมื่อปลายปีก่อนและเข้ามาช่วยกิจการของมารดาเขา มุจลินท์กำลังจะอายุเต็ม21ปีบริบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ส่วนสูงจะเท่าเดิมแต่ความอวบอิ่มมีน้ำมีนวลของร่างกายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเขาจะจับไปทางไหนก็นุ่มหยุ่น อยากจะกกกอดทั้งวันไม่อยากไปไหน เจ้าตัวยังไม่พอใจเรื่องที่เขาไม่มีเวลากลับบ้าน ทั้งๆที่ทำเรื่องย้ายมาอยู่ใกล้บ้านแล้วก็ยังหาเรื่องออกไปจนได้

   “จะไม่ปล่อยจนกว่าลินท์จะหายงอนพี่”

   “ลินท์ไม่ได้งอนเสียหน่อย” เขาบ่นงึมงำในลำคอ “ลินท์แค่เป็นห่วงพี่”

   “พี่รู้ครับ ที่รัก”

   “รู้แล้วแต่ยังดื้อ! ต้องให้ลินท์โมโหใช่ไหม ถึงจะหยุด”

   “อย่า อย่าจ้ะ ไม่ดีนะ”

   “หึ!” เด็กหนุ่มย่นจมูกก่อนจะทำเสียงหึใส่ ใบหน้าหวานงอง้ำแต่ก็ช่างน่าดูเหลือเกินในสายตาเขา มือหนารั้งเอวบางให้เข้ามาแนบชิด สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ในใจอยากจะฝังจูบบนเนื้อขาวโผล่พ้นคอเสื้อให้เป็นรอยช้ำให้หมด บางครั้งชลธีก็นึกสงสัยตัวเองว่าทำไมถึงได้มีอารมณ์รุนแรงหึงหวงคนตรงหน้าได้มากขนาดนี้ เด็กหนุ่มพยายามหมุนตัวให้หลุดจากอ้อมกอด แต่เขาไม่ยอมปล่อย

   “ต้องลงไปข้างล่างแล้วนะครับ”

   “ไปพร้อมกันนะ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม จับจูงคนรักให้ออกไปยังลานในสวนหลังบ้านที่คุณพ่อและเขาช่วยกันเนรมิตจนเป็นสวนดอกไม้ขนาดย่อม แขกเหรื่อในงานเป็นคนใกล้ชิดที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเพียงเท่านั้น มุจลินท์ก้มหน้าหลบซ่อนแก้มแดงฉ่ำจากสายตาทุกคนที่จ้องมองมา มองกันอย่างนี้เขาก็เขินเป็นเหมือนกันนะ!

   “เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะหลานยาย” หญิงชรานั่งบนรถเข็น มือหยาบกร้านลูบไปตามเนื้อตัวหลานชายเพียงคนเดียวที่รักสุดหัวใจ การมีชีวิตอยู่จนได้เห็นหลานเติบใหญ่มีครอบครัวเป็นฝั่งฝาทำให้หล่อนหมดห่วง หลานมีคนรักดูแล ช่วยกันประคับประคองห่วงใยซึ่งกันและกัน “หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูกนะ”

   “ขอบคุณนะจ้ะยาย” เขาก้มลงกราบแทบเท้า “หนูรักยายที่สุดเลย”

   “ขอบคุณคุณยายที่ให้โอกาสผมดูแลน้องนะครับ”

   “ยายฝากน้องด้วยนะลูก” หล่อนเอื้อมมือแตะไปที่ชายหนุ่ม ส่งผ่านความรู้สึกต่างๆ หล่อนขอฝากหัวใจอีกดวงที่หล่อนรักเหลือเกิน ได้โปรดโอบอุ้มดูแลให้ตลอดรอดฝั่ง อย่าทอดทิ้งให้หลานหล่อนก็สูญเสียสิ่งใดอีกต่อไปเลย “ขอบคุณฉลามที่เข้ามาเติมเต็มน้อง”

   “ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุดครับ”

   “แม่กับพ่อฝากพี่ฉลามด้วยนะจ้ะลูก” คุณแม่เข้ามากอดเขา น้ำตาคลอหน่วยเหมือนจะไหลอยู่รอมร่อ “ถ้าดื้อก็ตีได้ตามสบายเลยนะ”

   ทุกคนหัวเราะครืน ไทเกอร์วิ่งเข้ามากอด จับมือเขาและชลธีคนละข้าง เด็กชายมองทุกอย่างรอบตัวดูน่าสนใจพยายามฟังที่คุณย่าพูด ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มสดใส เขาก้มลงไปหอมแก้มลูกชาย

   “หอมพี่ด้วยสิ” เขาเงยหน้าไปค้อนคนพูดตาเขียวปั้ด

   “ฮื่อ คนเยอะแยะ”

   “ยังไงก็ต้องจูบโชว์อยู่ดี” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มอารมณ์ดี “พี่รอช็อตนี้อยู่นะเนี่ย จะจูบให้วิญญาณให้หลุดออกมาเลย”

   “หนูทุบพี่แน่!” เรื่องชอบโชว์ขอให้บอก นายทหารหนุ่มชอบเหลือเกินกับการแสดงออกว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไง!

   “ก็พี่อยากอวดเมีย”

   “หนูอายนะ!” จูบกันสองคนก็พอทำไมต้องโชว์คนอื่นด้วย คนบ้า!

   ชลธีหัวเราะร่วน ดวงตาสีดำสนิทหยีเป็นสระอิ เด็กหนุ่มมองรอยยิ้มของชายหนุ่มเพลิน รู้อยู่แก่ใจดีว่าชลธีมีเสน่ห์มากแค่ไหน เขาไม่เคยนึกฝันจะได้พบเจอคนรักที่เพรียบพร้อมอย่างนี้ด้วยซ้ำ มือขาวสอดประสานมือของคนรักแนบแน่นก่อนจะเอนซบหัวไปยังไหล่หนา

   “อย่าทำตัวน่ารักแบบนี้สิ พี่ใจคอไม่ดีเลย”

   “ทำตัวแบบไหน?”

   “ทำตัวน่าฟัดแบบนี้ไงครับ” ชลธีเชิดคางเด็กหนุ่มขึ้น ก่อนจะตวัดจูบลงไปฉกชิมริมฝีปากชมพูระเรื่อ บดเบียดความร้อนระอุกลืนกินอย่างดูดดื่ม เด็กหนุ่มรู้สึกลมหายใจขาดห้วงจะยกมือขึ้นมาดันให้คนรักปล่อยแต่ก็ไม่ทัน ชลธีรวบมือไว้ก่อนจะดูดดึงอยู่นานสองนาน

   “พี่ฉลาม!” เขาหอบหายใจ โกยลมเข้าทางปาก ก่อนที่จะรู้สึกตัวเขาก็สังเกตได้ว่าทุกคนจับจ้องเขาเป็นตาเดียว กัญญากำลังอ้าปากค้างเกี๊ยวหมูในมือหล่นใส่ถ้วยใบเล็กที่หล่อนถือเอาไว้ ชวิศเบือนหน้าหนีไปอีกทางโดยมีกรวิชญ์โอบรอบคอ สมุทรที่กำลังจิบน้ำชาแทบจะสำลักโดยมีคนรักตัวขาวจั๊วะกำลังยื่นทิชชู่ให้ ชัยวัตรกุมขมับโดยมีปฐวีอยู่เคียงข้าง มนต์มนัสกำลังยกมือปิดตาเด็กชายที่กำลังมองมาทางเขา คุณหมอหนุ่มกระแอมไอ..

   “อะแฮ่ม.. คู่บ่าวสาวครับ จะให้ส่งตัวเข้าหอเลยไหม?”

   “ได้”

   “พี่ฉลาม!” เขาหันไปทุบชายหนุ่มที่ยังหัวเราะขำไม่หยุด ทั้งโกรธทั้งอายในเวลาเดียวกัน “โชคดีหรือโชคร้ายกันเนี่ย!” เด็กหนุ่มบ่นกระปอดกระแปด อายแทบแทรกแผ่นดินหนี

   นายทหารหนุ่มมองคนรักที่หน้าแดงก่ำ มุจลินท์เป็นเด็กขี้อายมาแต่ไหนแต่ไร ไม่รู้เป็นอะไรยิ่งเห็นท่าทีเขินอายของคนรัก เขาก็ยิ่งอยากจะแกล้งมากขึ้นไปอีก อยากจะกกกอด อยากเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว เขาจะตีตราทำสัญลักษณ์เอาไว้ ว่านี่คือคนของเขา เป็นของเขาทั้งเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ ชายหนุ่มเอียงตัวเข้าไปแนบชิด กระซิบข้างหูแผ่วเบา 

“โชคดีแล้วทูนหัว มีผัวเป็นทหาร..”



-จบบริบูรณ์-
๓๑.๐๓.๖๑
๒๑:๓๔


ในที่สุด.. ก็มาถึงตอนนี้.. พายรักคนอ่านทุกคนนะคะ
ขอบคุณจริงๆที่ให้กำลังใจกันเสมอมา
ฝากผลงานเรื่องอื่นๆของพายด้วยนะคะ
สุขศาลา (พี่นารถxปาปัง)
มนต์มนัส (พี่ช้างxมะนาว)
Why....So sweet? รักหวานหวาน
พายจะกลับมาอัพภาคพิเศษให้อ่านกันเร็วๆนี้นะคะ
ขอเคลียร์ต้นฉบับเตรียมส่งพิมพ์ก่อนค่า จุ้บๆ <3
ตอนนี้ มุจลินท์เปิดจองอยู่ถึง 1 พค นะคะ สามารถติดตามได้ทางเพจค่า ^^
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-03-2018 22:04:13
 :hao5:จบแล้วอ่าาา ขอตอนพิเศษด้วยน๊าาา
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 31-03-2018 22:19:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-03-2018 22:29:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-04-2018 00:49:43
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-04-2018 00:58:10
 :mc4: :mc4: ฉลองงงงงงงงงงงง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-04-2018 04:29:04
กรี๊ดดดดด  น้องลินท์จบแล้วอ่ะ  :hao5: ขอบคุณนะคะ  :pig4:

แต่เหนืออื่นใด! เราเห็นเรื่องหม่อม พี่นารถของน้องงง

มีเรื่องของตัวเองงี้แสดงว่าหม่อมรอด แง้  :sad4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-04-2018 04:52:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 01-04-2018 08:38:31
ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-04-2018 09:21:28
แฮปปี้เอนดิ้ง ขอบคุณนะคะ สนุกมากเลย^^
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 01-04-2018 09:44:49
 :กอด1: :กอด1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-04-2018 10:37:03
ขอบคุณค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 01-04-2018 12:18:55
 :mew1:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: linpanyaporn ที่ 01-04-2018 18:19:25
ขอบคุณค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-04-2018 20:18:15
ขอบคุณค่ะ
รอคู่พี่ช้างกับมะนาวนะคะ
ปล. อยากอ่านคู่พี่ชวินด้วยง่ะ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 01-04-2018 22:33:58
 :mew1:

จบแล้ววววววว

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 03-04-2018 07:20:32
อ่านมา3วัน จบแล้วค่า ^^
อยากมีพี่ฉลามในชีวิตจริงมากเลยค่ะ เป็นคนดี ทำงานดี รักลูกรักเมีย
น้องลินท์น่าอิจฉามากๆค่ะ ไทเกอร์ก็น่ารัก
สงสารน้องมากตอนที่ถูกขังไว้ TT
ตอนพี่ฉลามก่อนผ่าตัดก็นะ ไม่คิดว่าจะมีนั่นไ โอยเขิงงงงง><
อยากอ่านตอนหนูลินทืง้อพี่ฉลามอีกเยอะๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 04-04-2018 23:15:06
น่ารักสุดใจ..รักเรื่องนี้มากมาย  :heaven
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 05-04-2018 16:51:43
 o13
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-04-2018 23:44:03
จบแล้วว
สนุกมาก น่ารักดี
อยากอ่านตอนของทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 08-04-2018 19:21:31
 :katai1:ยังอยากอ่านต่อ สนุกกก
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 10-04-2018 00:47:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 10-04-2018 15:41:54
หลงรักน้องเกอร์เลย
อยากอ่านเรื่องหม่อมนารถเร็วๆแล้ว
ขอตอนพิเศษคู่ชวิศกับกรวิชญ์หน่อยค่า
คู่นี้คืออะไรยังไงอ่ะ น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 11-04-2018 19:30:37
ตอนพิเศษ ๑

   เสียงล้อรถโฟร์วีลบดกับพื้นดินดังขึ้นก่อนจะจอดสนิทอยู่หน้าบ้านพัก เด็กหนุ่มหิ้วกระเป๋าเป้เดินทางใบโตลงจากรถอย่างทุลักทุเล เขาประคองกระติกน้ำลายหมีพูห์ที่กำลังจะหล่นมิหล่นแหล่ก่อนจะตัดสินใจวางมันลงกับพื้น ไหนก็จะมาเที่ยวแบบลุยๆแล้ว เปื้อนนิดเปื้อนหน่อยคงไม่เป็นไร ผมสีน้ำตาลเข้มถูกมัดจุกขึ้นเป็นน้ำพุ เสื้อเชิ้ตพอดีตัวลายสับปะรดและกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีขาว เขาสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เก่งยิ่งขับให้เด็กหนุ่มดูเหมือนเด็กมอปลายมากกว่าเด็กมหา’ลัยด้วยซ้ำ ปานชีวันลงจากประตูคนขับรีบวิ่งอ้อมรถเข้ามาช่วยเด็กหนุ่มถือของ

   “ไหวไหม พี่ช่วย”

   “ไม่ๆๆ ลินท์ถือเองได้ครับ”

   “สวัสดีครับหมวด”

   “มาช่วยคุณลินท์ยกของที” ปานชีวันหันไปบอกลูกน้องที่วิ่งเข้ามาต้อนรับ พลทหารสองคนมองหน้ากันก่อนจะมองไปที่เด็กหนุ่มอีกครั้ง ทำหน้างุนงงราวกับว่าเมื่อกี๊ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม “นี่แหละคุณลินท์ งงอะไรกัน?”

   “ครับๆ”

   คงไม่มีใครคิดว่าคุณลินท์ที่ใครๆต่างก็พูดถึงจะดูเด็กขนาดนี้...

    “ลินท์ถือเองก็ได้ครับ”

   “ให้ผมช่วยเถอะนะครับ จะได้เดินสบายๆ” พูดได้แค่นั้นกระเป๋าใบโตก็อันตธานหายไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ไม่คิดเลยว่าบ้านพักตากอากาศของปานชีวันจะสวยขนาดนี้ ใครจะไปคิดว่านายทหารหนุ่มตรงหน้าคือทายาทเจ้าของที่ดินเกือบพันไร่ซึ่งอยู่เครือธุรกิจที่มีชื่อเสียง เจ้าตัวบอกว่าเขาเป็นเพียงลูกชายคนเล็กที่ไม่ขอรับช่วงต่อและใฝ่ฝันอยากเป็นทหารมาตั้งแต่เด็ก ที่นี่จึงเปรียบเสมือนบ้านมากกว่าที่จะเอาไว้แสวงหาผลประโยชน์

   ภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ไม่ไกลมากนัก แต่ที่เด่นชัดก็คือต้นไม้เขียวขจีที่ขึ้นเป็นกลุ่มหนาแน่น ทำให้อากาศร้อนอบอ้าวเมื่อครู่เย็นขึ้นในทันตา เด็กหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเล่น สังเกตเห็นเงาวูบไหวโผล่แวบผ่านหน้าจอก็สะดุ้งเฮือก ลมเย็นๆปัดเป่ารดที่ต้นคอจนขนลุกชันทั้งแขน

   “เป็นอะไรน่ะ” ปานชีวันหันไปมองเด็กหนุ่มที่ทำท่าแปลกประหลาด ไม่รู้ไปยืนตากแดดทำไมตรงนั้น

   “ปะเปล่า แค่รู้สึกว่ามันเย็นๆ”

   “ร้อนจะตายห่า เข้าบ้านเร็ว”

   “อื้อ”

   เขารีบวิ่งตามปานชีวันเข้าไปในบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้สักที่ปลูกท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้รายล้อมโอบรอบราวกับอยู่กลางป่าอย่างไรอย่างนั้น เขารีบสะบัดหัวแล้ววิ่งตามแผ่นหลังของปานชีวันเข้าไปด้านใน เขามองซ้ายมองขวาไปรอบๆ ตัวบ้านด้านในก็ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์มากนัก ดูเหมือนจะมีฝุ่นเกาะราวกับไม่มีใครอยู่มานานแล้ว

   “นี่ทำความสะอาดแล้วหรือไง?” ปานชีวันหันไปมองลูกน้องทั้งสองคนที่ก้มหน้างุดแถมส่ายหัวไปมา “เกิดอะไรขึ้นวะ” เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ กลิ่นดินลอยผะแผ่วอยู่ในอากาศราวกับว่าฝนเพิ่งจะตกไป เขารีบมองออกไปด้านนอกก็เห็นท้องฟ้าสว่างสดใสดี กระจกที่ติดอยู่ไม่ไกลนักสะท้อนแสงวิบวับกับพระอาทิตย์จนเขาแสบตา แล้วไอ้ลมเย็นๆกับกลิ่นดินที่เหมือนฝนเพิ่งตกมันมาจากไหนกัน

   “พี่ฉลามจะมากี่โมงหรือครับ”

   “เดี๋ยวประชุมเสร็จก็มาแล้ว อยากไปเที่ยวแล้วหรือ” ผู้หมวดหนุ่มหันไปถาม

   “ใช่ครับ!” ลินท์พูดเสียงใส “เพิ่งสอบเสร็จทั้งทีนะครับ”

   “ดีๆ เดี๋ยวพี่จะพาทัวร์เอง” ปานชีวันรับคำ ช่วงนี้เป็นวันหยุดช่วงสงกรานต์ หลังสอบเสร็จคุณยายเลยให้เขาไปพักผ่อนเสียบ้างโดยมีคุณแม่เป็นคนช่วยดูแลไทเกอร์ให้ ส่วนคนรักที่หายไปเป็นผู้ฝึกทหารใหม่อยู่เกือบเดือนก็ต้องมาประชุมอยู่ต่างจังหวัด โชคดีที่พี่ปานอาสาพาเขามาหา เลยได้รู้ว่าพี่ชายของเขาคนนี้..

   เจ้าสัวน้อยชัดๆ!

   เด็กหนุ่มจัดแจงเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องเรียบร้อย ตัวบ้านสองชั้นกว้างขวางกว่าที่เขาคิด ปานชีวันยกห้องปีกขวาสุดให้เขาและชลธีอยู่ส่วนอีกด้านปานชีวันจะเป็นคนอยู่เอง เขาออกมายืนเล่นริมระเบียงสูดอากาศบริสุทธิ์จนชุ่มปอด หางตาก็พลันไปเห็นผู้หญิงชุดขาวกำลังยืนหันหลังอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน กระพริบตาอีกทีผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว เขาสะดุ้งเฮือกมือไม้อ่อนจนแทบทรงตัวไม่อยู่

   เมื่อกี๊มันอะไรกันน่ะ?

   “ลินท์ มองอะไรน่ะ”

“ปะเปล่าครับ” เด็กหนุ่มหันไปมองตามเสียง จึงผละออกจากระเบียงแล้วรีบลงไปด้านล่าง คว้ากระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายขึ้นหลัง เตรียมพร้อมจะไปเล่นสงกรานต์ เขาไม่ได้เล่นสงกรานต์มากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ปีนี้มีโอกาสเขาจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ

   “พี่ฉลามมาแล้ว เดี๋ยวพี่จะพาไปเล่นน้ำในตัวเมือง”

   “เย่” เขาส่งเสียงร้องก่อนวิ่งลงมาจากชั้นบน เห็นคนรักในชุดอ่อนสีเขียวเข้มพร้อมเครื่องแบบเต็มยศ ชลธีหันมามองสภาพคนรักแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ใช้นิ้วชี้ขึ้นไปด้านบน เด็กหนุ่มทำตาโตรีบเข้าไปนั่งข้างปานชีวันทันที เรื่องอะไรจะให้ไปเปลี่ยนชุด ไม่มีทาง!

   “ลินท์ไม่เปลี่ยน”

   “ไม่เอาขาสั้น” ไม่รู้ว่าตัวนี้มันโผล่มาได้ยังไงเขามั่นใจว่าเก็บไปทิ้งหมดแล้วแท้ๆ “ไม่กลัวดำหรือครับ”

   “ไม่กลัววววว”

   “ดื้อจริง”

   “นานๆที ให้หนูใส่เถอะน้า” เขาทำเสียงออดอ้อนมีหรือชลธีจะไม่ใจอ่อน “หนูจะไม่ดื้อไม่ซนเป็นเด็กดี”
   “หึ” ชลธีกดยิ้ม อยากจะขำให้กับท่าทางแก่นกะโหลกของคนรัก มันน่าจับมาตีก้นนัก บทจะดื้อก็ดื้อจนน่าตี “ให้แค่วันนี้วันเดียวนะครับ”

   “เย่!”

   เขารอชลธีเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เลยขอไปรอที่รถ เด็กหนุ่มขึ้นรถโฟร์วีลคันเก่งของผู้หมวดหนุ่ม เตรียมปืนฉีดน้ำของไทเกอร์เอาไว้เรียบร้อย ในระหว่างที่กำลังจัดกระเป๋าเป้ใบเล็ก ก็พลันหันไปมองกระจกรถ ใบหน้าขาวซีดของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังสบตาเขาอยู่ ผิวหน้าขาวจนเห็นเส้นเลือดพาดไปมา ดวงตากลมโตโปดปูนราวกับจะถลนออกมา เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงแทบจะโยนปืนฉีดน้ำในมือทิ้ง เขากุมคอตัวเองแน่นเมื่อมือขาวของหญิงสาวเข้ามาบีบพร้อมทั้งใส่แรงกดจนเขาหายใจแทบไม่ออก เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปปลดล็อครถ พยายามส่งเสียงร้องแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยิน แรงบีบที่คอเริ่มจะทำให้สติที่มีเลือนลาง เขาจึงตัดสินใจกัดฟันหลับตาแน่นคิดถึงบทสวดมนต์ก่อนจะท่องในใจ..

   ชลธีเปิดประตูรถเข้าไปก็เห็นคนรักนอนนิ่ง จึงเอะใจรีบเข้าไปเขย่าตัวเด็กหนุ่ม บริเวณลำคอขาวกลับเต็มไปด้วยรอยแดงเข้ม “ลินท์ ลินท์..” เด็กหนุ่มปรือตามองฉ่ำปรือก่อนจะโอบรอบคอคนรักแล้วเอาหน้าเข้ามาซุกแน่น “ลินท์เป็นอะไร?”

   “ลินท์ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ”

   “แล้วรอยที่คอนี่ล่ะ”

   “อ่อ คงจะนอนดิ้นไปหน่อยครับ” เด็กหนุ่มจุดยิ้มเย็น มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ “เราจะไปกันได้หรือยังครับ”

   “เออๆ มาแล้ว อย่าเร่งสิวะ” ปานชีวันหันไปมอง สบตากับผู้พันหนุ่มที่ผ่านกระจกรถ “จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
   บรรยากาศในรถเป็นไปด้วยความเงียบ เด็กหนุ่มเอาแต่มองวิวทิวทัศน์ด้านนอก นิ่งเงียบไม่ได้พูดจากับใคร ชลธีคว้าเอวบางให้เข้ามานั่งใกล้ชิด กดจูบที่ต้นคออย่างที่ชอบทำเป็นประจำ คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งก่อนจะเอนตัวให้เข้าไปแนบชิดใกล้ขึ้นอีก มือขาวเกลี่ยริมฝีปากของนายทหารหนุ่มก่อนโน้มคอลงมาจูบ ปานชีวันที่กำลังขับรถอยู่แทบจะร้องอุทานด้วยความตกใจ

   “อื้อ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “หวานจัง”

   ชลธีหรี่ตามองท่าทางยั่วยวนของคนตรงหน้าที่ดูไม่คุ้นเคย เขากระชับตัวคนรักให้ซบลงที่แผ่นอกหนา เด็กหนุ่มผล็อยหลับไปในทันที เขากดจูบลงหน้าผากนวล ปล่อยให้เด็กหนุ่มหลับไหลในอ้อมกอดจนกว่าจะถึงที่หมาย

บรรยากาศในตัวเมืองคึกคักอย่างที่คิด ถนนคนเดินคราคร่ำไปด้วยฝูงชนถือกระป๋องน้ำใส่ดินสอพองและปืนฉีดน้ำคนละอัน สาดน้ำกันด้วยความสนุกสนาน เด็กหนุ่มที่เพิ่งตื่นมองไปโดยรอบก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นคว้าปืนฉีดน้ำของตัวเองขึ้นมาถือไว้

“ลินท์ขอไปเล่นได้ไหม” ช้อนตามองแกมขอร้อง ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เด็กหนุ่มกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก่อนวิ่งเข้าไปเดินในฝูงชน ชลธีเห็นอย่างนั้นก็ถอดเสื้อเชิ้ตแล้วโยนไปที่ผู้หมวด

“กูฝากหน่อย เดี๋ยวเย็นจะมาเอา”

“แค่นี้ก็ต้องตามเลยหรือพี่”

“เออ!” นายทหารหนุ่มหันมายกยิ้ม “มึงลองหาเมียสักคนสิ เดี๋ยวก็รู้เอง”

“ไม่ดีกว่า ผมยังไม่อยากมีห่วงผูกคอ” ผู้หมวดทำหน้าสยองใส่ ก่อนจะเก็บสัมภาระบนรถเข้าไปในร้านอาหาร ที่นี่ก็เป็นอีกธุรกิจของครอบครัวเขา ปานชีวันจ้างคนมาช่วยดูแลในระหว่างที่ไปทำงานและจะแวะเข้ามาในช่วงวันหยุดเท่านั้น ร้านอาหารกึ่งผับนี้เป็นที่นิยมมากและดึงดูดชาวต่างชาติที่มาเข้าพักเสมอ ลูกน้องสองคนที่นำเขามาก่อนหน้านี้รีบเตรียมที่นั่ง ท่าทางลุกลี้ลุกรนทำให้ปานชีวันสงสัยจนต้องเรียกลูกน้องเข้ามาคุย ไม่ว่าเขาจะถามอะไรทั้งสองคนก็จะส่ายหัวพรืดพร้อมทั้งหลบตาเขา ปานชีวันขมวดคิ้วแน่น เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา

“พวกมึงกลัวอะไรกัน?”

“ไม่ๆ พวกผมไม่ได้กลัวอะไร จริงๆนะครับ” ทั้งสองคนยังทำหน้าเลิกลั่กไม่หยุด “แต่ว่าหมวดจะพักที่บ้านนั่นจริงๆหรือครับ”

“ก็ใช่น่ะสิ มีเรื่องอะไรอีก” ตอนไปถึงบ้านเขาก็ยังไม่ได้คุยให้เรียบร้อย มันชักจะประหลาดเกินไปแล้ว ทำความสะอาดทุกวันแล้วฝุ่นกับหยากไย่นี่มันมากจากไหนกัน “เรื่องที่พวกมึงไม่ยอมเข้าไปทำความสะอาดบ้านหรือ?”

   “พวกเราทำความสะอาดจริงๆนะครับหมวด”

   “ไม่น่าเป็นไปได้”

   “พวกเราไม่มีทางโกหกคุณชาย เอ่อ หมวดแน่ครับ” หนึ่งในนั้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เผลอเรียกตำแหน่งในบ้านของผู้ชายตรงหน้าเสียแล้ว “คือเมื่อครึ่งปีก่อน มีผู้หญิงคนหนึ่งมาฆ่าตัวตายละแวกนั้น…” 

   “อะไรนะ?”

   ชายหนุ่มฝ่าฝูงชนตามหลังคนรักไปไม่ห่าง เร่งฝีเท้าได้ไม่เต็มที่นักเพราะผู้คนเบียดเสียดเล่นน้ำกันมากเหลือเกิน จนเขาได้แต่ตะโกนเรียก “ลินท์ รอพี่ด้วยสิครับ” ชลธีเรียกเด็กหนุ่มเอาไว้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจกลับเดินทิ้งห่างไปไกลจากเขาด้วยซ้ำ “ลินท์!”

   “อ๊ะ พี่ฉลาม” เด็กหนุ่มหันมามอง ทำหน้าตาตกใจ “มาด้วยหรือครับ” เจ้าตัวยิ้มหวานให้ บนแก้มขาวนวลเริ่มมีรอยแป้งดินสอพองปะอยู่ทั่ว เสื้อเชิ้ตลายสับปะรดสีเหลืองเปียกน้ำฉ่ำจนเรียบลู่ไปกับผิว เห็นอย่างนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ คนของเขา เรื่องอะไรจะให้ไปโชว์แบ่งปันคนอื่นด้วย

   “มาคุมเมีย” พูดไปตรงๆแต่เด็กหนุ่มเพียงเบิกตาขึ้นเล็กน้อยแล้วก็อมยิ้ม

   “ลินท์ไม่ได้ดื้อซักหน่อย” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ขยับเข้ามาบดเบียดใกล้ตัวเขา มือขาวเลื่อนมากอดเอวเขา สายตาหวานฉ่ำยั่วยวนจนเริ่มได้กลิ่นอันตราย

   ไม่ใช่

   นี่มันไม่ใช่แล้ว..

   ชายหนุ่มดึงข้อมือคนรักออกมาจากกลุ่มคนที่หนาแน่น เด็กหนุ่มขืนตัวเล็กน้อยเพราะไม่อยากไป ดวงตากลมโตคู่สวยมองเขาอย่างเว้าวอน สัญญาณอันตรายเริ่มปกคลุมความรู้สึกของเขา เหมือนมันกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง เขาปล่อยมือคนรักเพราะกลัวจะเจ็บ เจ้าตัวยิ้มแฉ่งก่อนจะเข้ามาออดอ้อน ใบหน้าขาวถูไถบริเวณบนแผงอกหนา จนเริ่มเกิดความรู้สึกหวาบไหว

   “เราไปที่อื่นกันดีไหมครับ”

   “เอาสิ” เขาจ้องดวงตากลมก่อนจะประคองคนตัวเล็กกว่ากลับไปทางเดิม

   “เอ้า ทำไมกลับมาเร็วจัง” ปานชีวันกำลังง่วนกับการจัดร้าน เห็นมุจลินท์กับชลธีกลับมาไวจึงเอ่ยทัก เขามองนาฬิกายังไม่ทันจะสามโมงเย็นด้วยซ้ำ

   “ก็พี่ฉลามไม่อยากให้ลินท์ไปเล่นแล้ว”

   “ไปดื้ออะไรอีกล่ะ ตัวแสบ” ปานชีวันหัวเราะ

   “ลินท์เปล่าสักหน่อย” เด็กหนุ่มนั่งลงบนโซฟา เสื้อผ้าที่เปียกชื้นทำให้ร่างกายที่เย็นเฉียบอยู่แล้วเย็นมากขึ้นไปอีก ชลธีจับไปตามตัวของเด็กหนุ่มก่อนจะให้ไปถอดเสื้อออก

   “ลินท์ครับ ไปอาบน้ำก่อนนะ”

   “ฮื่อ”

   เขามองสบตากับปานชีวันก่อนจะยักคิ้วให้ ชายหนุ่มยังไม่เดินตามคนรักไปในทันที เขากำลังจะถามอะไรบางอย่างที่สงสัยในใจ แต่เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นมาจากด้านบนเสียก่อน ปานชีวันยกยิ้มล้วงสายสิญจน์ออกมาให้รุ่นพี่ ทั้งเขาและชลธีต่างเคยบวชพระสมัยเป็นนักเรียนนายร้อย ต้องไปจำพรรษาที่วัดป่าและปฎิบัติธรรมในถ้ำซึ่งอยู่ในป่าลึก เป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่บ่อยครั้ง

“ไม่รู้ไปซนอีท่าไหนจนได้ของแถม”

“ขอบใจ” ชายหนุ่มรับสายสิจน์มาจากปานชีวัน ก็รีบขึ้นไปบนห้อง เสื้อผ้าที่เตรียมมากระจัดกระจายไปทั่วห้อง มันถูกฉีกทึ้งจนขาดวิ่น เสียงของตกแตกกระจายยังคงดังไม่หยุด เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เด็กหนุ่มกำลังกรีดร้องโหยหวย แต่ทว่ามันเป็นเสียงผู้หญิง.. มือขาวคว้าเศษแก้วที่แตกขึ้นมากำจนบาดมือเลือดไหลออกมาไม่หยุด

   “ฮึก.. ฮือ”

   “ลินท์!” เขารู้สึกตกใจกับภาพตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ลินท์เป็นคนกลัวเลือดมาก แต่เลือดที่ไหลเปรอะตัวเด็กหนุ่มอยู่ตอนนี้ก็พอจะทำให้ลินท์เป็นลมไปได้แล้ว

   “พี่ฉลาม ช่วยหนูด้วย อึก..” เศษแก้วที่กำในมือเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด มืออีกข้างพยายามดันมือที่กำเศษแก้วเอาไว้ เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นส่งเสียงสะอึกสะอื้น ชลธีเห็นอย่างนั้นก็จะเข้าไปใกล้ แต่เสียงผู้หญิงเย็นยะเยียบดังขึ้นแผ่วเบาแต่ชัดก้องในโสตประสาท “ถ้ามึงเข้ามา กูจะเอามันไปอยู่ด้วย”

   “ลินท์.. ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้ว” เขาไม่สนใจคำพูดใดๆของหญิงสาว พลางปลอบประโลมคนรักที่กำลังร้องไห้ ลินท์จิตอ่อนเกินไปเลยชักนำวิญญาณภูตผีได้ง่าย ยิ่งเข้ามาอยู่ในที่แปลกถิ่นแบบนี้ด้วยแล้ว สำหรับเขาที่ต้องปฎิบัติภารกิจในป่า อยู่ในป่าเป็นเดือนๆเคยเจอมามากกว่านี้ด้วยซ้ำ

   “ลินท์.. ”

   “พี่รักลินท์นะครับ”

   “หนูก็รักพี่นะ.. ” เด็กหนุ่มพูดทั้งน้ำตา ตอนนี้เขากลัวไปหมด จู่ๆร่างกายเหมือนไม่เป็นของตัวเอง ทั้งๆที่ชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่เขากลับขยับตัวเข้าไปหาไม่ได้เลย ชลธีวางสายสิญจน์ลงบนกระหม่อมคนรักก่อนที่เขาจะท่องบทสวดมนต์ เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกรอบตามด้วยข้าวของขยับเคลื่อนตกลงมาแตก มือที่กำเศษแก้วถูกบีบให้กำแน่นมากขึ้น จนเด็กหนุ่มต้องกัดฟันแน่น เลือดไหลออกมามากเกินจนเขาเริ่มจะเวียนหัว ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอด ท่อนแขนขาวเงื้อขึ้นหมายจะใช้เศษแก้วแทงชายหนุ่มให้ได้แผล

   “คนดีของพี่” ชลธีพึมพำบทสวดมนต์ก่อนจะเป่ากระหม่อมคนรักอีกครั้ง เศษแก้วเฉียดผิวเขาจนเป็นทางยาว เด็กหนุ่มชักกระตุกวูบหนึ่งก่อนจะสลบไสลอยู่ในอ้อมกอด

- - - - - -
ต่อด้านล่างนะคะ


หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 11-04-2018 19:32:29
ต่อจากด้านบนค่ะ
- - - - - - - -



มุจลินท์สะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาปวดหัวหนึบเหมือนมีค้อนนับร้อยทุบมาที่หัวเขาพร้อมๆกัน เด็กหนุ่มนั่งพักอยู่สักรู่จึงกวาดสายตามองไปรอบห้อง ตัวเขาถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดนอนสบายตัว จู่ๆก็รู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาไม่มีสาเหตุ ก่อนจะสูดปากด้วยความเจ็บเมื่อเผลอลงน้ำหนักไปที่มือข้างซ้ายที่มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบ เขาสังเกตว่ามีสายสิญจน์ผูกอยู่ด้วย

   ไม่ใช่ฝันหรอกหรือ?

   เขาพยายามปลอบใจตัวเองว่ามันคงเป็นแค่ความฝัน เรื่องที่เขาเห็นวิญญาณผู้หญิงคนหนึ่งพยายามจะเข้ามาบีบคอ แถมยังสิงร่างเขาจะทำให้เขาไปอยู่ด้วยให้ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุก เด็กหนุ่มลุกออกจากเตียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง ที่นี่คือชั้นสามของตึกขนาดใหญ่ซึ่งข้างล่างสุดของตึกเป็นร้านอาหารกึ่งผับที่ปานชีวันเป็นเจ้าของ เขามองนาฬิกาติดฝาผนังบอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม เขายังรู้สึกตกใจตัวเองที่นอนหลับไปนานขนาดนี้

เด็กหนุ่มรู้สึกคอแห้งและท้องไส้เริ่มส่งเสียงร้องเพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่กลางวัน เขาลงบันไดไปเชื่องช้าเสียงดนตรีสดกระหึ่มลอดออกมายามประตูถูกเปิดเข้าออก เขาลงมาชั้นล่างสุดก็เห็นทุกคนนกำลังวิ่งง่วน ลินท์ยกมือไหว้พี่ๆพนักงานที่กำลังทำงาน ทุกคนมองเขาเหมือนจะมีคำถามอยากจะถามแต่ก็ไม่มีใครกล้าถามจนกระทั่งความหิวทำให้เขาต้องเปิดปาก

   “พี่ปานอยู่ไหนหรือครับ” ทุกคนชี้ออกไปเคาร์เตอร์ด้านนอก เขาพงกหัวพลางลูบท้องไปพลาง “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มมองไปรอบร้านที่ประดับประดาไปด้วยแสงสีแตกต่างจากตอนกลางวันที่เขาเห็นอย่างสิ้นเชิง ยิ่งช่วงนี้เป็นหน้าเทศกาลด้วยคงไม่แปลกถ้าร้านจะแน่นขนัดแบบนี้ เขาเห็นปานชีวันอยู่อีกฝั่งกำลังกระดกแก้วเหล้าขึ้นจิบ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามยังไงก็ดูเหมือนจะไม่สามารถฝ่ากลุ่มคนที่กำลังเต้นโยกย้ายส่ายเอวเข้าไปได้เลย

   หิวข้าวววววววววววว!

    อาการโมโหหิวเริ่มเข้ามาจนหมดความอดทน บอกได้เลยว่าอย่าขัดใจคนกำลังหิว!

   “ขอทางหน่อยนะครับ” เขาแหวกทางแล้วใช้ตัวไหลเข้าไปในฝูงชน กว่าจะหลุดออกมาได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน “อ๊ะ พี่ปาน” เขาพยายามเรียกมีผู้หญิงสองคนยืนเต้นขวางทางเขาอยู่ เสียงเพลงก็ดังจนไม่มีใครได้ยินเขาเลย ปานชีวันกำลังรินแก้วเหล้าให้ใครบางคน เขาขยี้ตาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นคือคนคุ้นเคย

   พี่ฉลาม..

   “ทานเยอะๆนะคะธี” หญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังนั่งขนาบข้างนายทหารหนุ่ม “ปอสั่งมาตั้งเยอะแยะ”

   “พอแล้วดีกว่าครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแต่ก็ไม่วายแก้วที่ลดลงไปของเขาก็ยังถูกรินเพิ่มเติมไม่หยุด ในใจเขาอยากจะกลับไปนอนกกเมียจะแย่ แต่ปานชีวันดันพาญาติมาจนได้ หญิงสาวคนนี้เป็นรุ่นน้องเขาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมฯด้วยซ้ำ

   โลกมากลมอะไรตอนนี้?

   “มาเที่ยวกันทั้งที แค่นี้ไม่พอหรอกค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวาน ชุดแสคแขนกุดสีชมพูหวานผ่ายาวขึ้นมาถึงปลีน่องขาว เพียงแค่ยกสลับขาก็ดูน่าหวาดเสียวแทน “กว่าเจ้าปานจะพาพี่ธีมาได้”

   “ผมไม่เกี่ยวนะครับบบบบบ” ปานชีวันส่ายหัว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่สาวตัวเองจะชื่นชอบชลธีขนาดนี้

   “ดื่มเป็นเพื่อนกันก่อนนะคะ”

   มุจลินท์เห็นชายหญิงหัวเราะกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน ยิ่งทำให้คิ้วสวยขมวดมุ่นเป็นปม เขาพยายามคิดในแง่ดีว่าเขาอาจจะไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าคนรู้จัก แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะ…

   หงุดหงิด!

   เด็กหนุ่มตัดสินใจกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยอารมณ์โกรธ ผู้คนเบียดเสียดจนไม่รู้ใครเป็นใคร เขาที่หลงไปนั่งโต๊ะใครก็ไม่รู้ยกแก้วที่วางอยู่กระดกขึ้นดื่มอึกใหญ่ หวาน.. เด็กหนุ่มไม่ใช่คนดื่มแอลกอฮอลล์จึงไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่กลิ่นแอลกอฮอลล์เจือจางแต่ฉ่ำไปด้วยความละมุนของรสหวาน ทำให้เขายกซดจนหมดอย่างรวดเร็ว

   “ชอบหรือ” ชายหนุ่มที่นั่งในกลุ่มนั้นถามเขา พลางยกขวดจะรินให้ “เอาอีกไหม”

   “เอา” เขาตอบก่อนจะยื่นแก้วให้เติมให้อีก “ขอเยอะๆเลยครับ”

   “ชื่ออะไรล่ะเรา ยังดูเด็กๆอยู่เลย”

   “ไม่เด็กแล้ว อายุยี่ฉิบ” เขาคว้าแก้วมาได้อีกก็ยกดื่มรวดเดียวหมด รสหวานกระจายไปทั่วปาก เขารู้สึกนึกชอบขึ้นมาจริงๆ สงสัยต้องไปหาซื้อมาใส่ตู้เย็นที่บ้านบ้างแล้ว

   “โคตรเด็ก” ชายหนุ่มทำตาโต ก่อนที่คนอื่นในกลุ่มจะหันมามองเขา

   “เอ้า แล้วพี่ๆอายุเท่าไหร่กันหรือครับ” เขาถาม มองหน้าแต่ละคนแล้ว ก็ไม่น่าต่างจากเขาเยอะเท่าไหร่

   “จะเกือบสามสิบกันหมดแล้วโต๊ะนี้” พวกเขาหัวเราะขำ “ว่าแต่น้องมากับใครล่ะ?”

   “มาคนเดียว”

   “นึกว่ามากับแฟน”

   “ไม่มีครับ!” เขากระแทกเสียงแล้ววางแก้วบนโต๊ะด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นถ้าชลธียุ่งกับคนอื่นได้ เขาก็จะหาเพื่อนใหม่บ้าง!

   “อย่าหงุดหงิดเลย อยากกินอะไรก็กิน อะ” ชายหนุ่มยิ้มหวานแล้วเลื่อนจานไก่ทอดไปตรงหน้า เสียงท้องร้องดังขึ้นทันที นี่เขาหิวจนแทบจะกินไก่ได้ทั้งตัวอยู่แล้ว

   “เย่!” เขากระพุ่มมือไหว้ หลับตาแน่น “ขอบคุณคร้าบบบบ” เขาก้มหน้าก้มตากิน ยิ่งกินเขาก็ยิ่งรู้สึกมึนหัว เสียงเพลงดังสนั่นแต่เขากลับรู้สึกง่วงขึ้นมาเสียอย่างนั้น สติที่เริ่มเลือนลางทำให้เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะ รับรู้ถึงแรงสะกิดถึงเงยหน้าขึ้นไปมอง เป็นพี่ชายใจดีที่ชอบรินน้ำให้เขานั่นเอง

   “ง่วงก็ไปเต้นสิ สนุกๆน่า”

   “ฮื่อ เต้นๆ” เขาพยายามเบิกตากว้าง ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินโงนเงนตามไป “เต้นๆ”

   ชลธีตัดสินใจผุดลุกขึ้นจากโต๊ะขอตัวไปหาคนรักที่นอนพักอยู่ชั้นบน หญิงสาวหน้าเสียเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยเขาออกมา เขาอยากไปดูมุจลินท์สักหน่อย นอนหลับไปนานขนาดนั้นตื่นมาคงจะหิวแล้ว ปานชีวันที่หน้าซีดเผือดรีบคว้าข้อมือเขาเอาไว้

   “พี่จะไปไหน”

   “ขึ้นห้องไง กูจะไปดูเมียกู” ชายหนุ่มสะบัดมือออก “มึงมีอะไร?”

   “พี่รอผมแปบหนึ่งได้ไหม” ชายหนุ่มแทบจะยกมือไหว้ขอร้อง “นะเฮีย รอแปบนึง” ปานชีวันรั้งชายหนุ่มเอาไว้ ถ้าหากชลธีดึงดันออกไปตอนนี้ ได้เจอแจ็คพอตแน่ ใครจะไปรู้ว่าน้องชายเขามันจะขึ้นไปเต้นบนเวทีนั่นได้! ตอนนี้เขากำลังสั่งให้ลูกน้องเอาตัวลินท์ลงมา แต่ดูเหมือนลินท์จะเมามากจนไม่ยอมลงมาดีๆ

   “กูจะไป ถอย!”

   “เฮียยยยยย” ปานชีวันเขาหันไปมองลูกน้อง “ทำไมคุณลินท์ลงมา พวกมึงไม่บอกกูก่อนวะ!”

   “ชูมือขึ้นแล้วหมุน หมุนนนนนน ชูมือขึ้นโบกไปมา” ชายหนุ่มสะดุดกับเสียงร้อง ขณะที่กำลังฝ่าฝูงคนไปทางหลังร้าน เด็กหนุ่มเสื้อเชิ้ตสัปปะรดกำลังเต้นโยกย้ายอยู่บนฟลอร์ ใบหน้าแดงก่ำฉ่ำเยิ้มกำลังยิ้มหวานอย่างน่ารัก เสื้อช่างบางแสนบางเมื่อกระทบกับแสงไฟจนมองเห็นผิวขาวใสด้านใน ไหนจะกางเกงขาสั้นสีขาวที่รั้งขึ้นไปนั่นอีก มุจลินท์จะทำให้เขาบ้าตายให้ได้เลยใช่ไหม

   “ลินท์!” เขาตะโกนเรียกแต่ก็ยังแข่งกับเสียงเพลงที่ดังไม่ได้ “ลงมาเดี๋ยวนี้!” ในเมื่อพูดแล้วไม่ได้ยินเขาก็ต้องใช้ไม้ตาย ชายหนุ่มขึ้นไปบนเวทีก่อนจะรวบร่างเล็กยกขึ้นพาดบ่า เด็กหนุ่มตกใจพยายามดิ้นลงจากความสูง
   “ปล่อยนะ!”

   “ยังอยู่ใช่ไหม ยังไม่ออกไปอีกใช่ไหม”

   “ปล่อยนะ หนูจะเต้น!”

   “ดี ถ้าไม่ออกง่ายๆคืนนี้ก็ไม่ต้องนอน!” รวบตัวแสบได้แล้ว เขาก็ฝ่าวงล้อมคนขึ้นไปห้องนอนชั้นบน ทั้งๆที่เขาให้พักผ่อนแท้ๆ ยังจะออกมาซนได้อีก แผลที่มือก็ยังไม่หายดี ถ้าแผลเปิดขึ้นมาแล้วอักเสบจะทำยังไง ชายหนุ่มหน้ามืดอารมณ์โมโหครอบครองสติสัมปชัญญะจนหมดสิ้น เขาวางเด็กหนุ่มลงบนเตียง เสื้อเชิ้ตหลุดรุ่ยจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน

   “ทำไมหนูต้องยั่วคนอื่นด้วย”

   “หนูไม่ได้ยั่ว หนูแค่ไปเต้นเฉยๆ”

   “แต่ที่พี่เห็นมันไม่ใช่เลยนะครับ” เสียงโห่ร้องยามเห็นเอวบางโผล่พ้นขอบกางเกงตอนสะโพกกำลังส่ายไปมา มันทำให้เขาอารมณ์ขึ้นถึงขีดสุดจริงๆ

   “ก็แล้วแต่พี่จะคิด ทีพี่ยังไปนั่งจู๋จี๋กับคนอื่นได้ แล้วทำไมหนูจะทำมั่งไม่---อื้อออออ” เขาก้มลงฉกชิมริมฝีปากเจื้อยแจ้วที่ท้าทายเขาอย่างน่าโมโห ทั้งกัดทั้งดูดดึงริมฝีปากจิ้มลิ้มจนเยิ้มฉ่ำไปด้วยน้ำลาย เด็กหนุ่มหอบหายใจพยายามกระเถิบตัวร่นถอยจากเขาจนไปติดเตียง

   “ฮื่อ ไม่เอา”

   “แสบขนาดนี้ คงไม่ใช่หนูหรอก ต้องมีใครมาสิงหนูแน่ๆ” เขาปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง “ไม่เป็นไรนะ พี่จะไล่มันออกให้หนูเอง”

   “อื้ออออออ” เด็กหนุ่มพลิกตัวจะหนี แต่ด้วยอาการมึนเมาจึงขยับตัวได้เชื่องช้าไม่ทันหมอผีหนุ่มที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าเขาออกไปอย่างรวดเร็ว เสื้อเชิ้ตลายสัปปะรสตัวบางที่ชลธีนึกอยากจะฉีกเป็นชิ้นๆ ในที่สุดเขาก็ได้ฉีกมันกับมือ รวมไปถึงกางเกงขาสั้นตัวนี้ด้วย!

   อย่าหวังจะได้ใส่มันอีก!

   “อ้าปาก” ชลธีพูดเสียงดุ ใช้นิ้วชี้แตะไล้ไปขอบปากสีสวยก่อนจะแหย่เข้าไปด้านใน “ดูดซะ”

   “ฮื่อออออ อนอ้า(คนบ้า)” เด็กหนุ่มแทบจะสร่างเมาในทันทีเมื่อถูกจับแยกเรียวขาออกกว้าง ปลายนิ้วชุ่มฉ่ำที่สอดในปากเมื่อสักครู่ถอนออกก่อนจะวนเวียนไล้ที่ช่องทางสีหวานที่กำลังขมิบตอบรับเขา ชายหนุ่มค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปเชื่องช้าทีละนิ้ว ก่อนจะควานหาจุดกระสันที่หลบซ่อนอยู่ภายใน เด็กหนุ่มดิ้นเหมือนปลาขาดน้ำ เขาหอบหายใจตัวโยน ใบหน้าขาวสะบัดส่ายไปมาบนหมอน “พี่ อย่าทำหนู”

   “พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่จะไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปให้นะครับ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาสาบานได้ว่าไม่เคยเจอชลธีในลักษณะนี้มาก่อน คนที่โดนผีเข้าน่าจะเป็นนายทหารหนุ่มมากกว่า!

   “อย่า หนูเสียว ฮึก” เขาดิ้นไปมาพร้อมส่งเสียงครางอย่างน่าสงสาร

   “เสียวหรือ” ชายหนุ่มกระซิบเสียงพร่า ถอนนิ้วออกอย่างง่ายดาย แวบหนึ่งที่เขาเห็นแววตาเสียดายของเด็กหนุ่มพาดผ่าน อารมณ์กำลังพุ่งสู่จุดสูงสุดแล้วมาทิ้งให้ค้างแบบนี้มีใครชอบบ้าง!

   “ฮือออออ” เด็กหนุ่มร้องไห้โฮ อาการมึนหัวยังไม่หายดี เขาไม่รู้และคิดอะไรไม่ออกแต่ความรู้สึกวูบโหวงยามถูกถอนนิ้วออกจากตัว มันทำให้เขารู้สึกไม่ดีจริงๆ “อย่าทิ้งหนูไป”

   “เมาแล้วงอแงจริงๆ” เขาหัวเราะ อยากจะดัดนิสัยแฟนเด็กที่พยศนัก “ผีจะออกหรือยัง”

   “ยัง” ดวงตากลมฉ่ำน้ำช้อนมองเขา ใบหน้าเริ่มแดงก่ำขึ้นมาอีกรอบ “ยังไม่ออกเลย”

   “เดี๋ยวพี่ช่วยนะครับ” ชลธีจุดยิ้ม เขาปลดกางเกงยีนส์ตัวเก่งออกจากตัว แก่นกายที่พองคับแน่นแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ยิ่งเห็นร่างขาวกำลังบิดเร้าอยู่ตรงหน้า เขาก็อยากจะสั่งสอนเด็กน้อยตัวดีคนนี้ให้รู้สักที
   ว่าตัวเองเป็นของใคร!

   จ่อท่อนเนื้อไปมาอยู่ปากช่องทางที่กำลังหุบอ้าด้วยความตื่นเต้น เด็กหนุ่มกำลังเมา ไม่รู้จะด้วยสาเหตุอะไรที่ออกมาแล้วไม่ยอมบอกเขาหนีไปกินเหล้ากับใครไม่รู้จนเมาเละเทะขนาดนี้ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองหัวใจมันก็ต้องลงโทษกันหน่อย!

   “ระ เร็ว” ท่อนขาเรียวแบะอ้ากว้างกว่าเดิมจนเห็นอะไรต่อมิอะไรชัดเจน ครั้งนี้เขาไม่ยอมปิดไฟเหมือนทุกที สัดส่วนเว้าโค้งที่ลงตัวกับผิวขาวนวลยิ่งทำให้เขาตาพร่าไปหมด “นะครับ”

   ชลธีตามใจคนรักด้วยการกดแก่นกายอุ่นลงไปรวดเดียวจนสุด เด็กหนุ่มรู้สึกจุกจนต้องแอ่นอกขึ้นมา ช่องทางขยายกว้างพอดีกับขนาดของนายทหารหนุ่ม สอดประสานอยู่ภายในสักครู่ ชลธีก็เริ่มขยับเคลื่อนไหว คราวนี้เขาใช้ความเร็วมากกว่าปกติจนเด็กหนุ่มหัวสั่นหัวคลอน กรีดร้องด้วยอารมณ์รัญจวน ผิวขาวตอนนี้แดงก่ำไปทั้งตัวราวกับกุ้งที่เพิ่งลวกจนสุก

   “ฮื่อออออออ”


   “ชอบไหมครับ” เขากัดที่ไหล่ขาวกลมกลึงออกแรงจนได้เลือดติดริมฝีปากมา ดูเหมือนเขาจะรุนแรงมากเกินไป เด็กหนุ่มมีน้ำตาซึมออกมาจนเขาต้องโยกตัวขึ้นไปจูบซับ “เจ็บหรือครับ”

   “เอาอีก”

   “หึ!” เขาจับร่างเล็กให้กอดคอเขาเอาไว้แล้วยกตัวขึ้นทาบกับผนังห้องเย็น กดตัวตนเข้าออกจนเด็กหนุ่มร้องไม่หยุด เล็บจิกเข้าที่แผ่นหลังเขา เขามั่นใจว่าคงได้เลือดแต่ก็ไม่ได้สนใจ ดูดกลืนยอดอกสีเชอร์รี่ที่กำลังตั้งชูชัน ทั้งขบทั้งเม้มจนเด็กหนุ่มครางเครือกระตุกและเสร็จเลอะเทอะหน้าท้องเขาหนึ่งรอบ “ออกหรือยัง?” เขาถามยั่วเย้า ดูเหมือนมุจลินท์จะเริ่มได้สติ ส่งสายตาค้อนให้เขาก่อนจะงับลงที่ต้นคอเขาบ้าง

   “ไม่ออก!”

   “คืนนี้พี่จะไล่ให้ทั้งคืนเลย”

เสียงหวานดังผะแผ่วลอดออกมาจากห้องนอน ตามด้วยเสียงเตียงลั่นเอียดอ๊าด เสียงครางแว่วหวาน เด็กหนุ่มงับริมฝีปากตัวเองไม่ให้เผลอหลุดเสียงแปลกๆออกไป ชายหนุ่มสอดมือหนาเข้าที่ช่วงเอวบาง เค้นก้อนกลมจนเป็นรอยมือแดง ใช้แรงจากสะโพกอัดกดตัวตนลงไปถี่รัว มือขาวปะป่ายไปรอบก่อนจะจิกหัวเตียงด้วยความเสียวซ่าน ทั้งตัวแข็งเกร็งใกล้จะปลดปล่อย ชายหนุ่มคว้ามือคนรักออกมาจับ เห็นแล้วกลัวจะเจ็บเลยให้คล้องคอเขาเอาไว้แทน เด็กหนุ่มมองตาเขียวปั๊ด ส่วนสะโพกยังคงเคลื่อนไหวไปตามแรงคนด้านบน เสียงกรีดร้องดังหวีดขึ้นมาเมื่อนายทหารหนุ่มยกตัวเขาขึ้นนั่ง กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของการร่วมรักลอยเจือจางในอากาศ

   “เมื่อไหร่พี่จะพอสักที หนูเหนียวตัวไปหมดแล้วนะ!” เขาสร่างเมาแล้วเพราะถูกกระตุ้นอย่างหนัก เด็กหนุ่มปัดป่ายมือปลาหมึกที่กำลังลูบไล้ไปตามผิวของเขา

   “ฮื่อ”

   “ไม่ต้องมาร้องฮื่อ!” เขาแยกเขี้ยวใส่ชลธี “พอแล้ว หนูจะได้อาบน้ำนอน”

   “ไม่พอ!”

   “หนูจะหลับให้ดู”

   “คิดว่าถ้าหนูหลับแล้วพี่จะหยุดหรือ?”

   “พี่ฉลามมมมมม” เด็กหนุ่มอดใจไม่ไหว ตีเขาไปหนึ่งที “ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ”

   “คนแบบไหน หื้ม?” ชลธียิ้มเยาะ “มาว่าพี่ทีหนูยังเต้นบนเวทีได้เลย”


   “หนูไม่รู้ หนูเมา!” เขาตอบหน้าตื่นๆ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะบ้าง “หนูไปทำอะไรน่าเกลียดหรือ”

“ทำ.. จนพี่ต้องเอาตัวมาลงโทษ ถามจริงๆ.. หนูโกรธอะไรพี่หรือครับ” เขากระชับอ้อมกอดแน่นแต่ช่วงล่างยังคงสอดประสาน ยามขยับเคลื่อนไหวตัว เด็กหนุ่มจะมุ่นคิ้วเบาๆ เขาเห็นก็ยิ่งรู้สึกน่ารักเลยไม่ยอมเอาออกง่ายๆ

“หนูแค่ไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะพี่ก็เท่านั้นแหละ”

   “เมียหึงชื่นใจจังเลย”

   “พูดอย่างกับหนูไม่เคยหึง”

   “หนูหึงแต่ไม่แสดงออกไง พี่จะรู้ไหมเล่า”


   “หนูหึงหมดนั่นแหละ คนนะไม่ใช่พระอิฐพระปูนจะมานั่งดูแฟนตัวเองใกล้ชิดคนอื่นได้”

   “เวลาอยู่บนเตียงแล้วหนูพูดเก่งขึ้นนะ”

   “อยู่ที่ไหนก็พูดเก่งทั้งนั้น” เด็กหนุ่มเริ่มงอแง ชลธีรังแกเขามากเกินไปแล้ว “อื้อ พี่จับอะไร อย่า”

   “เดี๋ยวพี่ช่วยเอาออกนะครับ”

   “รีดหนูไปจนหมดตัวจะเอาอะไรมาออก” เขาแทบตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งโดนไฟเมื่อชายหนุ่มขยี้ซ้ำไปยังจุดอ่อนไหวอีกครั้ง “อ๊ะ พี่ฉลาม อย่าจับ”

   “แล้วทีหนูไปเข้าค่ายรับน้องตั้งหลายวัน ไม่คิดถึงพี่บ้างเลย” ชายหนุ่มเอ่ย อันที่จริงเขาก็มีอารมณ์น้อยใจเป็นเหมือนกันแต่ไม่ได้แสดงออกมากนัก

“ทำไมจะไม่คิดถึง” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อน ช้อนดวงตากลมมองคนรัก “ก็ส่งไลน์หาทุกวันนะครับ”
“ไม่พอ”

“งั้นพี่มากับหนูเลยไหม”

“ไปได้พี่ก็จะตามไป” ชายหนุ่มจุดยิ้ม เขาลูบกลุ่มผมนุ่มของคนรักแผ่วเบา “พี่หวงเมีย”

“ฮื่อ พูดอะไรเนี่ย” ปิดหน้าปิดตาไม่กล้ามองคนตรงหน้า ชลธีเลยเอื้อมมือไปบีบแก้มขาวของเด็กหนุ่ม

“ไหนๆ ขอดูหน้าคนขี้อายหน่อย”

“ไม่เอาไม่ให้ดู”

เด็กหนุ่มหมุนตัวหลบเป็นพัลวัน แต่ก็สู้แรงคนตัวโตกว่าไม่ได้ จนต้องยอมนอนเฉยๆให้ถูกกอดรัดจนพอใจ ผิวเนื้อเต็มไปด้วยเหงื่อซึมเสียดสีกันยิ่งทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ แต่เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจ ยิ่งซุกไซร้เข้าแผงอกหนาจนแทบจมเข้าไป

“อ้อนหรือ” ชายหนุ่มก้มลงจูบที่หน้าผากเนียน “น่ารักเกินไปแล้ว”

“หนูเปล่า.. ปกติก็นอนกอดพี่ทั้งคืนอยู่แล้ว”

“หนูชอบดิ้นมากกว่า พี่ต้องจับเข้ามาใกล้ทุกที” เด็กหนุ่มหดคอหัวเราะแหะๆ แอบสบดวงตาเรียวสีดำสนิทของคนตรงหน้า เขารู้สึกได้ถึงนิ้วโป้งหนากำลังเกลี่ยแก้มเขาอยู่

“ไม่ง่วงหรือครับ”

“ยังไม่อยากนอนเลย อยากนอนมองลินท์แบบนี้ไปเรื่อยๆ”

“แล้วหนูจะนอนหลับไหม”

“ถ้าไม่หลับพี่ก็จะพาทำอย่างอื่นต่อ”

“หนูหลับแล้ว!” เด็กหนุ่มมุ่นคิ้วก่อนจะรีบหลับตา นอนตัวเกร็งในอ้อมกอดอุ่นของคนรัก

“สรุปออกหรือยัง” ชายหนุ่มยิ้ม ดวงตาสีดำเข้มเป็นประกายราวกับนักล่าที่กำลังเจอเหยื่อโอชะตรงหน้า เด็กหนุ่มรู้สึกหนาวๆร้อน พยายามพลิกตัวหนีแต่ก็ปวดช่วงสะโพกจนขยับไปไหนไม่ได้แล้ว

   “ออกแล้ว ไม่มีแล้ว!”

   ลองมีผีที่ไหนมาสิงอีก เขาจะแช่งชักหักกระดูกเลยคอยดู ฮือ!



   //
ตอนนี้พายปิดต้นฉบับอยู่ ถ้าเคลียร์เสร็จเมื่อไหร่จะมาลงเวอชั่น mpreg ให้อ่านนะคะ ที่เล้าลืมลง แงแง
ตอนพิเศษนอกเหนือจากนี้เจอกันในเล่มค่า รัก <3


หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-04-2018 00:04:59
ปั๊มเงิน รอพรีหนังสือสิคะ รออะไร :katai4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 12-04-2018 00:07:39
น่ารัก
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-04-2018 09:41:03
ผีเข้า!
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 15-04-2018 08:42:44
เรื่องนี้ทหารหื่นทั้งเรื่อง ฮ่าาชอบไทเกอร์
อยู่ดีดีก้หาแม่ให้พ่อซะงั้น
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-04-2018 19:10:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 17-04-2018 00:06:31
มีผีด้วย  อู้วววววว
พี่ฉลามยังคงหื่นเหมือนเดิม
สนุกมากค่า ^^
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 17-04-2018 06:43:10
น้องลิน..... ผีเข้าเสียงั้น
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-04-2018 15:32:42
 :pighaun: เป็นวิธีปราบผีแบบใหม่สิ่่นะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๑] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๑.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 17-04-2018 22:24:03
พี่ฉลามไม่ทิ้งลาย..จากสายคุณไสยกลายร่างเป็นสายหื่น  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-04-2018 02:02:22
เสื้อลายสัปประรดตามมาหลอกหลอนถึงในนี้เลยเหรอคะ ㅋㅋㅋ

------------------------- เพิ่มคห.

กรี๊ดดดด ว่าแล้วไง ว่านังผีร้ายนั่นต้องสิงลินท์ น่ากลัวอ่ะ

อ่านตอนตีสองแถมยังไม่อาบน้ำนี่มัน.....  :o12:

ป.ล. รอเวอร์ท้องได้นะคะ ชอบ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 18-04-2018 09:54:03
ตอนพิเศษ ๒

   ‘เห็นเขามีโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจแล้วเมื่อไหร่จะมีโครงการฝากหัวใจไว้กับตำรวจบ้างครับ..’

   ‘เสี่ยวว่ะ มุกสมัยไหนของมึงเนี่ย?’

   ‘ขอโทษนะครับมุกผมมันเก่าไป.. แต่อย่างอื่นผมไม่เก่านะ’

   ‘อือ แป้กอะ ไม่เห็นจะขำเลย’

   ‘พี่วัตรช่วยตบมุกหน่อยสิ ใจร้ายจังเลย’

   ‘ไม่ตบ กูตบไม่เป็น’ เขาส่งสติ๊กเกอรหมีดูดบุหรี่ไปหนึ่งตัว ตั้งแต่คบเด็กดูเหมือนว่าในโทรศัพท์เขาจะมีอะไรแปลกๆมากขึ้น อย่างเช่นสติ๊กไลน์แอ๊บแบ๊วที่ต้องส่งก่อนนอนไม่งั้นเด็กมันไม่ยอมจริงๆด้วย ‘ตบเป็นแต่.. ตบด้วยปากกระชากด้วยลิ้นว่ะ’ เขาส่งกลับไป อีกฝั่งแทบจะอ่านในทันที

   ‘ช่วยตบผมแรงๆทีครับ’

   “ไอ้ทะลึ่ง!” เขาสบถออกมาก่อนจะวางโทรศัพท์แล้วกลิ้งลงบนเตียงกว้าง เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้เจอปฐวี เพราะอีกฝ่ายจะกลับต่างจังหวัดไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดแถบภาคอีสาน ส่วนเขาก็วุ่นกับการตรวจตราในช่วงเทศกาลเป็นพิเศษ ชีวิตยิ่งกว่าวุ่นวายไม่สิวุ่นวายเป็นสิบ ปฐวีโวยวายที่เขาไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกัน เจ้าเด็กตัวโตส่งสติ๊กเกอร์ไลน์หมีงอแงจนไอโฟนเขาแทบค้าง

   ไอ้เด็กบ้า!

   ถึงจะด่าไปแค่ไหนแต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มขึ้นไม่หยุด เรื่องความใส่ใจไม่เคยต้องเป็นห่วง ปฐวีดูแลเขาดีมาก จนบางครั้งเขาก็รู้สึกเกรงใจไม่น้อยเหมือนกัน

   ‘วีรักวัตรนะ’

   ‘อือ’

   ‘รักวัตรที่สุดเลย’

   ‘รู้แล้วน่า’

   ‘คิดถึง.. อยากกอดด้วย’

   ‘ก็รีบกลับมาสักที เจ้าเด็กบ้า!’

   ‘งั้นก็ช่วยเปิดประตูห้องให้หน่อยสิ ผมลืมเอากุญแจติดมาด้วย’

   ‘หะ หา’

   เขาเดินออกไปเปิดประตูก็เจอเด็กหนุ่มตัวโตกำลังยิ้มโชว์ฟันขาว ด้านหลังมีเป้ใบโตที่สะพายติดหลังมาด้วย เขาชะโงกออกไปมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นมีใครจึงรีบดึงคนรักเข้ามาในห้อง

   “ไหนบอกไปห้าวันไงนี่เพิ่งผ่านไปกี่วันเอง”

   “ผมไม่ห่างจากพี่วัตรนานนี่ครับ”

   “นี่กูมีแฟนหรือมีลูกวะเนี่ย” เขากุมขมับ แต่ในใจอดจะลิงโลดไม่ได้เมื่อเห็นว่าเด็กมันคิดถึงเขาจนแทบทนไม่ไหว ส่วนเขาก็คิดถึง.. ไม่ต่างกัน

   “ผัวต่างหาก”

   “อื้อ” เขาสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเด็กมันพุ่งตัวเข้ามากอด เวลาอยู่ด้วยกันสองคน ปฐวีมักจะแสดงออกกับเขาตรงไปตรงมาอย่างนี้เสมอ “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยมากอด”

   “คิดถึงจังเลย” ปฐวียังคงกอดเขาไม่ยอมปล่อย จนเขาต้องใช้ศอกกระทุ้งให้เด็กมันออกไป

   “พูดอยู่นั่นแหละ พูดครั้งเดียวรู้เรื่อง”

   “ผมรู้ว่าพี่ชอบให้ผมพูดบ่อยๆน่า”

   “ไป-อาบ-น้ำ”

   “คร้าบแม่ เอ๊ย เมีย เอ๊ย ถูกแล้ว”

   “เดี๋ยวเหอะมึง!” ไอ้เรื่องกวนบาทานี่ไม่มีใครเกินจริงๆ

    เด็กหนุ่มเข้าไปอาบน้ำได้ไม่นาน ออกมาก็เห็นคนรักนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไปแล้ว ปฐวีนั่งลงขอบเตียง ไล้กรอบหน้าของผู้กำกับหนุ่ม เขารีบกลับมาจากบ้านย่าที่ต่างจังหวัดเพื่อให้ทันได้เล่นสงกรานต์กับคนตรงหน้าต่างหาก แต่ดูเหมือนผู้กำกับหนุ่มจะอ่อนเพลียจากการทำงาน งั้นเขาควรจะให้คนรักนอนพักอยู่ที่คอนโดไปคงจะดีกว่า

   “หิวหรือยังครับ”

   “ไม่ ช่วงนี้ลดน้ำหนักอยู่”

   “แค่นี้ก็หุ่นดีจะแย่แล้วครับ”

   “ไม่” เขาส่งสายตาขุ่นเคืองไปทางเด็กหนุ่ม ปฐวีในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขานั้นกำลังยืนถือถ้วยขนมในมือ เขานึกอิจฉาหุ่นเด็กหนุ่ม เขาไม่ได้แก่เกินไปจนฟิตหุ่นไม่ได้เสียหน่อย

   “พี่วัตร ผมซื้อบัวลอยของโปรดมาฝากเลยนะเนี่ย”

   “ไม่กินว้อย”

   “เสียใจอะ ซื้อมาแฟนไม่กิน ไม่สนใจ” เห็นเด็กหนุ่มซึมกะทือไปถนัดตาเขาก็เลยรู้สึกผิดขึ้นมา ผุดลุกขึ้นมาจากเตียง

“กินก็ได้ แต่นิดเดียวนะ” ในที่สุดเขาก็ใจอ่อนจนได้

“ขอบคุณนะครับ” เด็กหนุ่มกอดเอวคนรักเอาไว้หลวมๆ จูบแก้มขาวเบาๆ ไม่ได้เจอชัยวัตรมาตั้งหลายวัน พอได้มาแนบชิด อะไรที่มันเคยสงบก็เหมือนจะตื่นตัวขึ้นมาในทันที ยิ่งเมื่อตอนเขาเล่นเฟสบุ๊คเจอผลโหวตหนุ่มน่าโดนปะแป้งวันสงกรานต์แห่งปี เจ้าของอันดับหนึ่งดันเป็นเจ้าของร่างสูงตัวขาวจั๊วะที่กำลังนั่งข้างๆเขาอีก อีกใจหนึ่งก็หวงคนรักไม่อยากให้ใครได้เห็นเลย “วัตรครับ”

“อื้อ อะไรอีก”

“ขอผมชิมบ้างสิ”

“อื้ออออ” เด็กหนุ่มก้มลงบดเบียดริมฝีปากสีสวย กวาดความหวานของน้ำกะทิที่ยังคงอยู่ในปากดูดกลืนจนอีกคนต้องจับบ่าเขาเอาไว้ “จะกินก็กินในจานสิ!”

“อร่อยสู้กินกับวัตรไม่ได้หรอก”

“เออ!” เขามองค้อนตาเขียวปั๊ด ทำอะไรเด็กมันไม่ได้เลยสักอย่าง ตั้งแต่คบกันจริงจังเขาก็ไม่เคยลงไม้ลงมือเท่าไหร่ มีแต่ไอ้เด็กบ้านี่แหละที่ชอบลงไม้ลงมือกับเขา! “เฮ้ จับอะไรน่ะ”

“ตรวจเช็คร่างกายครับ ไม่ได้เจอกันหลายวัน”

“นี่ เป็นหมอก็ไม่ใช่ ถอยออกไปเลยนะ” เขาดันศีรษะคนรักที่กำลังไล้ต่ำลงไปด้านล่าง แม้เสียงห้ามจะดูกระท่อนกระแท่นไม่ได้จริงจังก็เถอะ “วี.. อย่า”

“ตัวพี่วัตรอุ่นจัง”

“เดี๋ยวพี่จะไปข้างนอก กลับมาแล้วเราค่อย.. นะ” เขามีงานที่ต้องออกไปทำ ก็รู้ๆกันอยู่วันหยุดคือวันทำงาน แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ยอม ทำหน้าบูดบึ้งใส่เขาอีก โมโหอะไรอีกล่ะเนี่ย?

“ไม่ให้ไปครับ จะไปแจกไลน์สาวๆหรือไง ผมไม่ยอมแน่!”

“อื้อ วี อย่า” เขาครางเครือในลำคอ ไอ้เด็กนี่ล็อคตัวเขาเสียแน่นเขาจะผลักออกหรือดิ้นให้หลุดก็ไม่ได้ เสียชื่อตำรวจหมดเลยโว้ย

“ต้องให้ผมเอาพี่อีกกี่ครั้ง พี่ถึงจะจำได้ว่าพี่เป็นของผม” เขาทุบหลังเด็กหนุ่มด้วยความโมโห มันไม่ฟังอะไรเขาเลย เอะอะจะจับกดท่าเดียว ไม่รู้ไปอดอยากปากแห้งมากจากไหน ริมฝีปากเด็กหนุ่มแตะไล้ไปตามจุดอ่อนไหวที่คุ้นเคยดี คนตัวขาวจิกเล็บแน่น ปั่นป่วนไปตามผิวที่ถูกสัมผัส

“มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยวี ฟังพี่ก่อนได้ไหม”

“รอเสร็จภารกิจตรงนี้ก่อนแล้วกันนะครับ”

“วี ไม่ได้ เดี๋ยวค่อยมาทำ” เขาเกร็งขึงไปหมดเมื่อเด็กหนุ่มใช้ริมฝีปากครอบครองความเป็นชายของเขาจนสุด มันเข้าไปลึกจนรู้สึกได้ถึงความร้อน เขาแทบจะเสร็จสมยามลิ้นเลียไล้ไปตามหัวหยักที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อลื่น ชายหนุ่มหอบฮักอยู่บนโซฟา ปฐวีมองภาพตรงหน้าก่อนจะยกยิ้ม เขาปลดกางเกงชายหนุ่ม คว้าเข็มขัดที่หลุดติดกางเกงออกมามัดข้อมือขาวของผู้กำกับหนุ่มเอาไว้ ชัยวัตรสะดุ้งเมื่อนิ้วอุ่นสอดเข้าที่ช่องทางรัก สติสัมปชัญญะที่มีเริ่มจะเคลิบเคลิ้มไปตามอารมณ์อ่อนไหว เขาขบกรามแน่น

“อื้อ.. ฮึ่ม”

“อ๊ะ ฮื่อ วี ปล่อยพี่ก่อน”

“เจ็บหลังไหมครับ.. ผมพาไปที่เตียงนะ” เขาเห็นว่าที่ตรงโซฟามันคับแคบเกินไปกลัวชัยวัตรจะเจ็บหลัง เลยอุ้มเจ้าตัวไปที่เตียงโดยที่ยังมีส่วนสัมผัสค้างคา “ฮึบ.. ไหวไหมครับ”

“ไหว ไหว.. แต่พอก่อน” ชายหนุ่มห้ามปราม อายุเขาก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน หลังเขายิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ ไอ้เด็กนี่มันยังจะไม่หยุดง่ายๆใช่ไหม “เบาๆไม่ได้หรือไงวะ”

“ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มวางเขาลงบนเตียง ชัยวัตรยันตัวขึ้นนั่ง ยังรู้สึกสั่นไหวไม่หายกับสัมผัสที่ได้รับเมื่อครู่ เขาเกือบจะเผลอไผลไปแล้วด้วยซ้ำ “ผมคิดถึงพี่วัตรมากไปหน่อย”

“ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะ” เขายกมือเขกหน้าผากเด็กหนุ่มที่ทำหน้าซึม “กลัวจะไม่ได้หรือยังไง ไม่หนีไปไหนหรอกน่า”

“ก็พี่วัตรจะหนีผมไปเล่นน้ำสงกรานต์กับคนอื่น”

“กูไปตรวจด่าน!” อยากตะโกนใส่หน้าว่าเขาไปทำงานว้อย!

“อ่าว”

“เดี๋ยวจะไปแล้ว วีจะไปด้วยกันไหม”

“ปะ ไปครับ”

   เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบคราวนี้เขาไม่ให้ปฐวีเข้าใกล้เด็ดขาด เดี๋ยวเด็กมันเกิดสปาร์คขึ้นมาอีกรอบ เขาจะไม่ได้ทำงานกันพอดี ชัยวัตรขับรถมาที่สถานีตำรวจ คุยธุระกับนายตำรวจท่านอื่นถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ที่กำลังป้องกันและลงตรวจ คุยธุระอยู่สักพัก เขาก็เตรียมจะออกไปที่หน่วยที่ตั้งด่านตรวจ คิดเอาไว้ว่าตรวจความเรียบร้อยเสร็จอีกสักพักเขาจะพาเจ้าเด็กไปหาอะไรอะไรอร่อยๆทาน เห็นแบบนี้เขาก็อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง

   เด็กหนุ่มตามเขาลงมาจากรถ ตรงที่เขามาจั้งจุดตรวจเป็นแยกที่มีสถานบันเทิงเนืองแน่น เป็นย่านท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเดินเที่ยวมากมาย ชัยวัตรรับทราบข้อมูลก่อนจะประสานสั่งงานไปยังหน่วยตรวจต่างๆที่กระจายกันไปตามจุดเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน เมื่อไม่มีเหตุอะไรร้ายแรงเขาจึงขอตัวกลับก่อน ในขณะที่กำลังกวาดสายตาหาคนรัก เขาก็รู้สึกได้ว่าเจ้าเด็กตัวโตหายไป เขาเดินวนอยู่แถวนั้นพยายามชะเง้อมองหาจึงเห็นว่าเจ้าตัวกำลังโดนรุมปะแป้งจากสาวๆที่เข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์บริเวณนี้

   “ฮอตจริงๆ” ชายหนุ่มยกเบียร์ขึ้นจิบ มองสภาพคนรักที่ขาวโพลนเหมือนกุ้งชุบแป้งทอด

   “ฮอตอะไรล่ะครับ ผมยอมโดนปะแทนพี่เลยนะ”

   “ฮ่าๆ สุขสันต์วันปีใหม่ไทยนะ” เขายื่นเบียร์อีกกระป๋องให้ปฐวี เจ้าตัวรับไว้แต่ก็ไม่เปิดดื่ม กลับมองหน้าเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง

   “ตัวเปียกแบบนี้จะกลับยังไง” เขารู้ว่าชัยวัตรเห็นแต่ไม่ช่วยเขาเลย ให้เขาโดนสาวๆปะแป้งจนตัวเปียกซ่กขนาดนี้ เขาไม่ได้เตรียมใจมาเล่นสักหน่อย

   “เดี๋ยวถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยละกัน”

   “พี่วัตร ไม่เอาน่า”
   “น่ารักจะตาย ดูสิ” เขาโชว์รูปเด็กหนุ่มที่ตัวขาวโพลน กดอัพลงอินสตราแกรมด้วยแคปชั่นเท่ๆ เขาขำอยู่คนเดียวตั้งนานสองนาน เชื่อได้เลยว่าเจ้าตัวยังไม่เห็นภาพนี้แน่ๆ

   หมาชุบแป้งทอด55555

   “ไม่เห็นน่ารักเลยพี่วัตร ลบเถอะ” เขาพูดแกมขอร้อง ใครมันอยู่ในสภาพนี้แล้วจะดูดีบ้าง ไม่มีหรอก!

   “ฮ่าๆ”

   “ไม่ลบใช่ไหม” ปฐวีประชิดเข้ามาใกล้คนรัก แล้วใช้ปากจุ้บเบาๆที่แก้มขาว “นี่แน่ะ”

   “วี!! ที่นี่ไม่ใช่ที่ห้องนะ” ชัยวัตรกระโดดหนี แป้งดินสอพองติดไปตามเสื้อเขาเลย เจ้าเด็กบ้า!

   “ลองเป็นที่ห้องพี่ไม่โดนแค่นี้แน่”

   “กลัวตายเลย” เขายกยิ้มอย่างท้าทาย จะเอาชนะเขายังเร็วไปอีกสิบปี “ไปเก็บเวลมาใหม่นะน้อง”

   “ฮึ่ม” ในที่สุดปฐวีก็ลากชัยวัตรขึ้นรถ “งั้นเราไปเก็บเวลกันสองคนที่ห้องแล้วกันนะครับ”

   “วี!” เขาร้องทัก แถวนี้คนเดินไปเดินมาพลุ่กพล่าน ไม่ได้อยู่กันสองคนในห้องสักหน่อย ไม่อายบ้างหรือไง!

   “จำชื่อผัวตัวเองได้นี่ครับ” จับจูงมือขาวไว้แน่น ออกแรงแล้วดึงไปที่รถที่จอดทิ้งไว้ “กลับห้องกันดีกว่า” สายตาแพรวพราวของปฐวีทำให้เขาต้องยอมเดินตามเด็กหนุ่มขึ้นรถไป เพราะตัวเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ไปเก็บเลเวลกระชับความสัมพันธ์ สงครามบนเตียงของเราสองคน….

   “อือ” เด็กหนุ่มชะงักเมื่อเห็นว่าคนรักไม่มีทีท่าขัดขืนเหมือนทุกครั้ง นี่เขาหูฝาดไปหรือเปล่า! “กูว่างอีกสามวัน”
   “อะ.. ครับ?”

   “อย่าออกนอกห้องก็แล้วกัน”



//คิดถึงจังเลย^^
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-04-2018 14:30:32
 o13
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-04-2018 19:24:30
คู่นี้ก็มาสายโหดตลอด :hao3:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 20-04-2018 22:59:06
คู่นี้ฮาร์ตคอร์ไปอี๊กกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-04-2018 03:45:25
แซ่บเวอร์   :hao6:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 27-04-2018 23:30:08
คู่รองหื่นไม่แพ้คูหลัก  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-04-2018 00:06:02
คู่นี้ก็แซ่บ!
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 28-04-2018 19:17:59
สนุกมากกก ,, คู่พี่ฉลามกับหนูลินท์นี่รักแท้ได้เลยอ่ะ

และอยากฟัดไทเกอร์มาก เด็กอะไรพูดเก่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 09-05-2018 21:46:40
คู่หลักหรือคู่รองก็แซ่บเว่อร์ หุหุ ว่างๆก็มาอีกนะ  ไร้ท์สุดสวยมาลงตอนพิเศษเพิ่มบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:20:26
สนุกมากก ครบทุกอารมณ์จริงๆ คือดี

ชอบพี่ฉลาม ผู้ชายที่มีความมั่นคง  o13
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 19-06-2018 16:04:24
เรื่องนี้ทั้งน่ารัก ทั้งแซ็บมากเลยค่า
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 26-06-2018 16:21:05
เรื่องน่ารักมากๆเลยค่ะ
มีครบทุกรสเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 02-10-2018 09:06:33
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [ตอนพิเศษ๒] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๑๘.๐๔.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 29-10-2018 15:41:07
คิดถึงน้องลินท์จังครับ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Banoffypie.novel ที่ 30-10-2018 23:24:24
Special Halloween

   บรรดาร้านในห้างสรรพสินค้าเริ่มคึกคักในช่วงปลายเดือน เหล่ามนุษย์เงินเดือนออกมาจับจ่ายใช้เงินทำให้บรรยากาศคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ยิ่งมีเทศกาลวันฮัลโลวัน ร้านค้าต่างๆก็ตกแต่งด้วยฟักทองเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาชมสินค้าในร้าน ยิ่งลูกชายวัยห้าขวบจะต้องแต่งตัวธีมฮาโลวีนไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ เป็นหน้าที่ของคุณแม่ที่จะต้องพาลูกชายมาช็อปปิ้งเสื้อผ้า

เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษา ใบหน้ารูปไข่ขาวจัด ดวงตากลมสีน้ำตาลเทาสวย ขนตาเป็นแพงอนยาวกำลังตระกรองกอดเด็กชายตัวกลมขึ้นแนบอก ก่อนจะวางลงกับพื้นเมื่อเด็กชายใช้นิ้วมืออ้วนป้อมชี้เข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า เขามองก่อนพยักหน้าใช้มือจับจูงกันไปท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองด้วยความเอ็นดู

พี่ชาย..? น้องชาย..?

เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งท่าทางสุภาพ ใบหน้าสวยหวานที่ดูไปทางลูกครึ่งเรียกสายตาให้คนมองเยอะอยู่แล้ว แถมยังพ่วงเด็กชายตัวกลมแก้มยุ้ยในชุดอนุบาล แก้มขาวจัดที่ขึ้นริ้วสีแดงและดวงตากลมสวย มองแล้วแทบจะละสายตาไปไม่ได้เลย

“แม่คับ” เด็กชายแก้มยุ้มใช้มืออ้วนป้อมจับชุดคลุมสีดำยาวพลางหมุนตัวเป็นวงกลมให้ชายผ้าพลิ้ว เสียงหัวเราะดังพร้อมกับเสียงห้ามปรามของเด็กหนุ่ม “เกอร์จะเป็นพ่อม๊ดดด”

   “อยู่เฉยๆก่อนครับลูก แม่จะใส่หมวกให้”

   “ได้คับ” เด็กชายกระชับหมวกที่แม่สวมให้ก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งใส่กระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในร้าน พร้อมทั้งแยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่ได้มีความน่ากลัวเอาซะเลย มุจลินท์มองลูกชายตัวเองทำท่าทางประหลาดก็นึกขำ อยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ให้คุณปู่คุณย่าดูคลายเหงา เด็กชายหันมามองเขาก่อนจะยิ้มแยกเขี้ยว แต่เขี้ยวดันหายไปทั้งแถบเพราะฟันเพิ่งหลุดออกไปสามซี่
   น่ากลัวมากครับลูกชาย..

   “น่ากลัวจังเลยคุณพ่อมด”

   “เกอร์น่ากลัวหรือครับแม่ ไม่เอาอะ เกอร์ต้องหล่อสิ” เด็กชายยื่นปากจู๋ ก่อนจะตะเบ๊ะท่าสุดเท่อย่างที่ชอบทำประจำ เขาอดจะขำไม่ได้ ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้จนแก้มแทบแตก

   “แต่หนูแต่งเป็นพ่อมดในวันฮาโลวีน มันต้องน่ากลัวไม่ใช่หรือลูก”

   “หล่อด้วย น่ากลัวได้ไหมคับแม่”

   “ได้สิครับ” เขาลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกชาย ก่อนจะจ่ายเงินให้พนักงาน เจ้าลูกชายตัวแสบไม่ยอมถอดเสื้อผ้าออก ดึงดันจะใส่ชุดนี้กลับบ้านให้ได้ หวังว่าคงจะไม่ใส่นอนด้วยหรอกนะ เด็กหนุ่มจับจูงลูกชายไปที่ลานจอดรถ หลังจากที่แอบซุ่มฝึกขับรถได้ไม่นานเขาก็ได้ใบขับขี่มาครอบครอง เมื่อคนรักรู้ก็จัดการเรื่องรถยนต์ส่วนตัวให้ทันทีราวกับเตรียมพร้อมเอาไว้นานแล้ว มุจลินท์จึงมีรถยนต์ขับไปรับส่งลูกชายและขับไปเรียนในช่วงวันธรรมดา

   ทันทีที่ถึงตัวบ้านเขาก็สังเกตเห็นรถของชลธีจอดนิ่งสงบ จึงชะโงกหน้าเข้าไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดเครื่องแบบชุดอ่อนแขนสั้น เครื่องหมายติดหน้าอกและตรงบ่าสีทองอร่าม ขับให้ใบหน้าคมคร้ามดูเปี่ยมเสน่ห์ กลิ่นอายชายชาตรีเข้มข้น ถ้าให้ควงชลธีออกไปข้างนอกทั้งชุดแบบนี้เห็นทีสายตาจะไม่ได้มองที่เขาแน่นอน

   “ไหนพี่ฉลามบอกลินท์ว่าอาทิตย์นี้จะไม่กลับบ้าน?” เขาอุ้มลูกชายลงจากรถ ยังไม่ทันมองคนรักที่กำลังอ้าแขนรอรับลูกชาย

   “บอกก็ไม่เซอร์ไพร์สสิครับ” ชลธีจุดยิ้ม เขาจูงลูกชายเข้าไปในบ้าน

“เกอร์เป็นพ่อมดที่หล่อไหมครับคุณยาย” เมื่อถูกวางลงกับพื้น เด็กชายก็หมุนตัวเป็นวงกลมอวดชุดหล่อ เขาเห็นแล้วยังเวียนหัวแทน คุณยายยิ้มแก้มปริ ส่วนคุณพ่อเดินเข้าไปแหย่ลูกชาย

“เกอร์เป็นพ่อมดที่หล่อที่สุดในโลกเลยครับ”

“หล่อเท่าป๊าเลย โอเคไหมคับ” เด็กชายทำมือเป็นวงกลม น่ารักน่าเอ็นดู ก่อนจะร้องเพลงเจื้อยแจ้ววิ่งถลาเข้าไปหาคุณยาย สองยายหลานคุยกันกระหนุงหระหนิงก่อนจะพากันไปเข้าครัว ปล่อยให้เด็กหนุ่มยืนปะทะกับนายทหารหนุ่มเพียงลำพัง มุจลินท์ไม่รู้จะคุยอะไรเพราะกำลังเคืองที่คนรักไม่ยอมกลับบ้านเสียที ชลธีไม่เห็นใครอยู่แถวนี้จึงถือโอกาสรวบคนตัวขาวเข้ามากอดแน่น แก้มขาวขึ้นริ้วสีแดงน่าเอ็นดูทำเอาเขาอดใจไม่ไหวก้มลงฟัดแก้มนิ่มไปหลายที

   “ฮื่อ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิครับ อาบน้ำแล้วนอนไปเลย!”

   “ใจร้าย พี่ไม่ได้กลับบ้านต้องครึ่งค่อนเดือน ใจคอจะไล่พี่ไปไหนครับที่รัก”

   “พี่รับปากกับลินท์แล้วไม่ใช่หรือครับ” เด็กหนุ่มช้อนดวงตาคู่สวยปริ่มน้ำมอง ทำเอาผู้พันถึงกับสะอึกไปรอบ “แล้วคราวนี้หายไปครั้งละเป็นเดือนๆแบบนี้ พี่ฉลามไม่น่ารัก ลินท์จะไม่รักพี่แล้ว”

   “อย่าพูดแบบนี้สิ พี่ใจจะขาดแล้วนะ” ชายหนุ่มใจอ่อนยวบเป็นเทียนโดนไฟแผดเผา แค่ได้ฟังประโยคตัดพ้อพร้อมกับใบหน้าที่เอ่อล้นไปด้วยความน้อยใจ ตอนนี้จะให้เขาทำอะไรเขาก็ยอมได้ทั้งนั้น

   “ลินท์ไม่พูดก็ได้ จะทำเมินเฉยเหมือนพี่ไม่ตัวตนก็แล้วกัน!”

   ฉิบหาย... เมียโกรธ

   ชลธีลูบใบหน้าก่อนจะเห็นภรรยาคนสวยเดินหนีขึ้นห้องไปเรียบร้อย เขาทรุดลงกับโซฟาไม่อาจจะอธิบายเรื่องงานให้คนรักได้ฟังทุกเรื่อง เขากลัวมุจลินท์จะเป็นห่วง กลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นกังวลเรื่องเขา ส่วนงานที่เขาทำมันก็เป็นปกติที่จะต้องเสี่ยง พบเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลา ตั้งแต่เขากลับมารอบก่อนก็ไม่ได้กลับไปทำงานแถวชายแดนอีก แต่ดูเหมือนมุจลินท์จะไม่เข้าใจ เขาคงจะต้องคุยกับเด็กหนุ่มให้รู้เรื่อง

   มือหนาผลักประตูห้องนอนเข้าไปแผ่วเบา เห็นเด็กหนุ่มกำลังนั่งหันหลังในมือกำลังกดโทรศัพท์ไม่หยุด เขาตรงเข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง ฉกชิมแก้มขาวหอมกรุ่นก่อนที่คนตัวเล็กจะหันมาแยกเขี้ยวดันเขาให้ออกห่าง

   “ทำไมพี่กอดลินท์ไม่ได้ล่ะ”

   “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ” เด็กหนุ่มไม่มองหน้าสักนิด ทำเอาชายหนุ่มใจฝ่อ ในใจคิดว่าจะทำยังไงให้คนรักหายโกรธดี ถ้าไม่ติดว่ามุจลินท์ต้องไปเรียนทุกวันเขาก็อยากจะอุ้มกลับไปนอนกกที่บ้านพักใจจะขาด แต่เรื่องเรียนต้องมาก่อนเขาก็อดใจรอได้ ทั้งที่มันคิดถึง มันโหยหาขนาดไหน

   “ขอพี่อยู่แบบนี้สักพักก่อน”   

   “ไม่เอาครับพี่ฉลาม อย่าดื้อ!” เดี๋ยวนี้ดุเขาใหญ่เลย “พรุ่งนี้ลินท์ต้องพาลูกไปโรงเรียนแต่เช้า เดี๋ยวอาบน้ำลงไปกินข้าวคงจะนอนเลย พี่ก็พักผ่อนรีบนอนนะ..อื้อ!”

   “อย่าผลักไสพี่เลย ได้โปรด” เขาก้มลงบดเบียดริมฝีปากอุ่นร้อนประทับอีกฝ่าย ชายหนุ่มดูดดึงเชื่องช้าแทะเล็มไปตามกลีบปากนิ่มที่สั่นระริก ลูกเป็ดน้อยสั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อถูกเขารุกหนัก

   “ลินท์แค่จะให้พี่พักผ่อน” มุจลินท์ไม่อาจต้านทานรสจูบหวานที่ในใจแสนโหยหา กลิ่นอายชายหนุ่มเข้มข้นจนเขาเผลอส่งลิ้นโต้กลับไปอย่างลืมตัว มือขาวขย้ำเข้าที่ปกเสื้อของชายหนุ่ม ขืนตัวเองเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายโถมน้ำหนักตัวลงมา ถ้าหัวเขาแตะเตียงเมื่อไหร่ คงจะไม่รอดจากปากฉลามแน่

   “พี่อยากพักกับลินท์”

   “ทำไมงอแงจังเลยครับ” ใช้สองมือแตะแก้มสากของคนตรงหน้า “ทำงานเหนื่อยใช่ไหมครับ?”

   “เหนื่อยสิ อยากกลับบ้านทุกวันเลย”

   “ลินท์หายงอนก็ได้”

   “จริงนะ”

   “อื้อ ลินท์ก็คิดถึงพี่เหมือนกันครับ” เขาตอบ ดวงตาใสกระจ่างจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาของอีกฝ่าย ฉับพลันก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่แตะไล้ตามเนื้อกาย เขาปัดฝ่ามือของคนรักเป็นพัลวัน ปากร้องห้ามแต่อีกฝ่ายไม่หยุดเลยสักนิด “ฮื่อ มือพี่ซนเกินไปแล้ว!”

   “พี่อยู่ใกล้ลินท์ก็เหมือนน้ำมันอยู่ใกล้ไฟ ใครจะไปทนไหว”

   “คนบ้ากาม! อย่ามาเล่นลิ้นนะ”

   “พี่ยังไม่ได้เล่นเลยนะ หรือว่าลินท์ชอบให้พี่เล่น?”

   “คนบ้า! หยุดนะ” เขาร้องครางเครือ ใช้ฝ่ามือจับเข้าที่แก้มสาก ให้อีกฝ่ายยั้งลิ้นอุ่นแตะวนอยู่ที่ใบหู เด็กหนุ่มหดคอหนี แต่ยิ่งหนีก็ดูเหมือนคนรักจะไม่ยอมหยุด----โว๊ย อยากให้เขาคลั่งตายหรือไง

   ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เขาก็มัวแต่วุ่นเรื่องเรียน ไหนจะเรื่องของลูกชายอีก ใครมันจะไปมีอารมณ์จัดการด้วยตัวเอง พอชลธีกลับมาที เขาก็เหมือนถูกจุดไฟให้ลุกพรึ่บแค่แตะไปตามจุดอ่อนไหวที่คนรักรู้จักดี เขาก็อ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว

   แบบนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาก็รอ... ไม่ใช่หรือไง! 

   “ลินท์ปิดหน้าทำไมครับ” ชายหนุ่มมองคนรักตรงหน้า เขาเริ่มหอบหายใจถี่เมื่อเล่นกับเด็กหนุ่มจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยแทบจะเปลือยอยู่แล้ว “แน่ะ.. เขินพี่หรือ” เด็กหนุ่มส่ายหัวก่อนจะค่อยๆลดมือลง ดวงตากลมสวยเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา จนคนมองอย่างเขาลมหายใจแทบสะดุด เสื้อนักศึกษาหลุดจนกรอมไปที่ข้อศอก แทบกระดุมยังหลุดไปไหนต่อไหนแล้วไม่รู้ กางเกงสแล็คสีดำถูกปลดลงมากรอมที่ข้อเท้าพร้อมกับกางเกงชั้นในสีขาว ลำคอขาวผ่องปรากฎรอยจ้ำแดงที่มดตัวใหญ่อย่างเขาเป็นคนทำ ส่วนเขายังอยู่ในชุดเครื่องแบบครบถ้วน ดูแล้วเหมือนเขาเป็นฝ่ายกระทำย่ำยีเด็กหนุ่มอย่างไรไม่รู้

เด็กหนุ่มช้อนตามอง ริมฝีปากบวมเป่งเพราะถูกเขาขบเม้มเจ่อขึ้นมาเล็กน้อยอย่างน่าสงสาร เขาขบกรามเผลอลอบกลืนน้ำลายกับภาพตรงหน้า ข่มความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนขึ้นมาจนอึดอัดไปหมด

   “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำดีกว่าครับ” เด็กหนุ่มหลบตา พยายามยันตัวเองขึ้นมานั่ง เมื่อเห็นสภาพเนื้อตัวที่ถูกฟัดไปเมื่อครู่ใบหน้าก็เห่อร้อน เขาข่มความอายหยัดตัวจะลุกไปอาบน้ำ

   “จะไปไหน พี่ยังไม่ให้เราไปง่ายๆหรอก” เขาถลึงตามองคนรักที่คว้าข้อมือเอาไว้


   “หมดเวลาแล้วครับ ลินท์จะไปอาบน้ำ”

   “ทำไมไม่มองพี่ บอกพี่มาตามตรงเรายังหายโกรธพี่ใช่ไหม”

   “ลินท์เปล่า..” เขาตอบแต่ก็ไม่ยอมมองคนตรงหน้า ชลธีในชุดเครื่องแบบเมื่อครู่เซ็กซี่ทรมานใจเขาเกินไป เรื่องอะไรเขาจะตอบให้ได้ใจเล่า! เด็กหนุ่มปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติแล้วตอบ “ไม่ได้โกรธแล้วจริงๆ”

   “งั้นเราก็มาออกกำลังกายก่อนอาบน้ำดีกว่า”

   “ฮื่อ พี่ฉลาม!” เขาร้องเสียงหลงเมื่อถูกอุ้มพาดบ่า----เห็นเขาเป็นอะไรเนี่ย!

   “คิดจะหนีพี่ มันไม่ง่ายนะครับ”

   “ไมได้หนี..” ยังพูดไม่ทันจบเขาก็ถูกวางลงบนเตียงนุ่มเหมือนเดิม เสื้อนักศึกษาถูกดึงออกอย่างแผ่วเบา รวมไปถึงกางเกงที่เขาบรรจงใส่มันใหม่เมื่อครู่ก็หลุดลอยออกไปที่ปลายเตียงซะแล้ว ในขณะที่เขาตัวเปล่าเปลือยอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมถอดชุดเครื่องแบบ หรือว่าจะลืม? “พี่ฉลามถอดเสื้อผ้าก่อน”

   “หื้ม?” ชายหนุ่มชะงักไปเล้กน้อย ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกเล็กน้อย เผยแผงอกหนาสีแทนสวย เขาเห็นเด็กหนุ่มแอบแสร้งมองก่อนจะหมุนหน้ากลับไปก็นึกขำ ไม่ใช่ว่ากำลังเขินที่เขาใส่เครื่องแบบนี่น่ะหรือ “ได้สิ เดี๋ยวพี่ถอดบ้าง” เขาพูดอย่างนั้นแต่ก็ปลดแค่ช่วงล่าง อวดโชว์แก่นกายที่กำลังแข็งเกร็งพร้อมจะออกรบ

   “คนขี้โม้ ไม่ยอมถอด!”

   “เห็นคนแถวนี้เขินตัวแดงเป็นมะเขือเทศแล้วมันอดแกล้งไม่ได้”

   “หนูจะงอนพี่แน่ๆ!”

   “ไม่เป็นไรพี่ยังมีเวลาง้อลินท์ทั้งคืน..” เขาพูดพร้อมยิ้วยั่วเย้า ส่งนิ้วมือหนาพร้อมใช้น้ำหล่อลื่นของเด็กหนุ่มที่พรั่งพร้อมเป็นของเขาสอดแทรกเข้าไปในความอุ่นนุ่มทั้งคับแน่นโอบล้อมเขาทุกทิศทางจนเผลอคิดว่าถ้าส่งตัวตนเข้าไปตอนนี้ จะรัดเขาแน่นขนาดไหนกันนะ

   “ใจร้าย อย่าแกล้งหนู” ปกติเวลาเห็นคนรักอ้อน เขาก็จะยอมตามใจได้ง่ายๆ แต่คราวนี้ความอยากแกล้งมันมีมากกว่า เขาขยับนิ้วเข้าออกตระเตรียมให้เรียบร้อย คนตัวเล็กสั่นระริกไปทั้งร่าง พยายามข่มไม่หลุดเสียงร้องออกมาให้ได้ยิน มือหนาดันเรียวขาเพียวยาวให้แบะออกกว้าง เด็กหนุ่มงับนิ้วตัวเองเอาไว้ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็กลัวจะเจ็บ เขาส่งจุมพิตร้อนเข้าไปมัวเมา สองมือเรียวคว้าลำคอหนายึดเอาไว้เป็นที่พึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขย้ำปกเสื้อคนรักแทนเพราะเริ่มมึนกับรสจูบ

   “พร้อมนะ”

   “ถ้าไม่พร้อมแล้วพี่จะหยุดหรือ” เขามองค้อน ก็ได้เสียงหัวเราะในลำคอของชายหนุ่มมาแทน ชลธีดุนดันแก่นกายเชื่องช้า เขาไม่ได้ทำรักกับเด็กหนุ่มมาเป็นเดือนต่อให้อยากจะฝากฝังมากแค่ไหน แต่ก็ต้องคำนึงถึงคนรักเป็นอันดับแรก กว่าจะเสือกไสตัวตนเข้าไปจนสุดทาง เหงื่อเขาก็ผุดเต็มร่าง

   มุจลินท์มองใบหน้าคมคร้ามของคนรัก เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นจนเขาเอื้อมมือไปเช็ดให้ ยิ่งมองชลธีในเครื่องแบบอารมณ์พลุ่งพล่านมันก็ซัดสาดจนเขาแทบจะเสร็จ ถ้ามองต่อไปเขาอาจจะทนไม่ไหวขึ้นมาก็ได้ ชายหนุ่มเห็นท่าทางเอาอกเอาใจก็เริ่มเร่งจังหวะมากขึ้น เด็กหนุ่มอ้าปากไม่มีเสียงสองมือจิกเข้าที่บ่าของชายหนุ่มแน่น ชลธีคว้าออกแล้วรีบเอามือขาวผ่องมาดู กลัวมือของเจ้าลูกเป็ดครูดกับเครื่องหมายเป็นรอย ถ้าเจ็บตัวขึ้นมาจะทำยังไง 

   “เดี๋ยวพี่ถอดออกดีกว่า”

   “มะ ไม่ต้องก็ได้”

   “เดี๋ยวโดนเราเจ็บตัว” ชายหนุ่มพูดเสียงพร่า กระนั้นก็ยังขยับสะโพกไม่หยุด “ไม่อยากเห็นลินท์เจ็บ”

   “ไม่เจ็บสักหน่อย” เขาทำแก้มพองลม ไหนๆก็อยากเซอร์วิสเขาไม่ใช่หรือ งั้นก็อย่าถอด!

   “ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก” เขาหัวเราะ ตอนแรกที่จะแกล้งหลายเป็นเขานี่แหละโดนแกล้งเสียเอง สวมเครื่องแบบทั้งอย่างนี้มันร้อนจะตายไป “พี่จะได้ทำบ่อยๆ”

   “ฮื่อ!” คนตัวเล็กเชิ่ดหน้าด้วยความเสียวซ่าน เมื่อถูกกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่ทันตั้งตัว เกือบจะหลุดเสียงร้องออกไปแล้วเชียว “อา.. อ๊ะ เบาก่อน”

   ก๊อก ก๊อก

   เสียงเคาะประตูทำเอาเด็กหนุ่มที่กำลังจะขึ้นสวรรค์หันขวับไปมองตามเสียง เขาใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดดันคนรักให้ออกไปแต่ชลธีกลับไม่ยอมหยุด เขาถลึงตามองด้วยความกรุ่นโกรธ ขยับปากไร้เสียงเป็นคำพูดให้ชายหนุ่มปล่อยเขาไปก่อน เสียงเคาะแบบนี้ถ้าให้เขาเดาคงจะเป็นลูกชายแน่นอน เวลานี้คงจะมาเรียกเขาไปกินข้าวเหมือนทุกวัน

   “คูมแม่ ป่าป๊า” เสียงเคาะรัว ทำเอาใจอ่อนยวบ อยากจะวิ่งออกไปหาลูกแต่ขลธีไม่ยอมยังส่งตัวตนแข็งแกร่งเข้ามาจนเขาบิดเร้าไปทั้งตัวด้วยแรงอารมณ์ “คูมแม่คร้าบ”

   “คร้าบ” เขาส่งเสียงตอบรับออกไปก่อนจะดันคนรักให้ถอยห่าง ชลธียินยอมถอดถอนออกไปด้วยความรู้สึกเสียดาย เขาคว้าชุดคลุมอาบน้ำมาสวม เปิดประตูแง้มออกไปเห็นพ่อมดน้อยในชุดเต็มยศกำลังถือตระกร้าลูกอมเอาไว้ แล้วนั่นไปเอาไม้กวาดในห้องครัวมาถืออีก

   ทำไมน่ารักอย่างนี้!

   อยากจะพุ่งเข้าไปน้วยแก้มลูกชาย แต่ชลธีกลับสอดมือเข้ากอดเอวแน่น เขาไม่อยากแสดงอาการไม่น่ารักต่อหน้าลูกชายเลยได้แต่ยิ้มแห้งส่งให้ไทเกอร์

   “Trick or Treat!” เด็กชายพูดเสียงดังก่อนจะยิ้มแฉ่ง เขาลูบกลุ่มผมนิ่ม มือซุกซนจากด้านหลังเริ่มซุกซน ตวัดชุดคลุมอาบน้ำเขาขึ้นก่อนจะแทรกแก่นกายเข้าช่องทางที่เปียกชื้น รอบนี้ใช้เวลาไม่นานก็ถูกช่องทางสีหวานดูดรัดเข้าไปจนหมด ชลธีเลียริมฝีปาก เขาจับสะโพกกลมกลึงของคนรักก่อนที่จะขยับเชื่องช้า ปล่อยให้เด็กหนุ่มคุยกับลูกชายเจื้อยแจ้ว โดยมีประตูห้องขวางเอาไว้

   “แม่ขออาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวไปเล่นด้วยนะครับคนเก่ง”

   “ได้คับ!” เด็กชายวิ่งปร๋อลงไปด้านล่างพร้อมไม้กวาดที่อันใหญ่พอๆกับตัว เด็กหนุ่มปิดประตูลงกลอนแรงกระแทกหนักหน่วงก็แทบจะไม่มีทีท่าจะเบาลง เขาจุกจนร้าวไปทั้งตัว ไปกินดีหมีมาหรือไงถึงได้แรงเยอะขนาดนี้!

   “ลินท์คุยกับลูกอยู่นะ”

   “พี่ไม่อยากเสียเวลา ไหนๆคืนนี้ลินท์ก็นอนเร็ว” เขาตอบ ก่อนจะส่งแรงเข้าไปไม่หยุด “วันฮัลโลวีนพ่อมดน้อยต้องยอมให้ป๊ากินคุณแม่ทั้งคืนนะ”

   “คนบ้า คนผีทะเล คนลามก” เขาก่นด่า เสียงขาดๆหายๆ ร่างกายสั่นคลอนบิดเร้าไปหมด

   “Trick or Treat!” ชายหนุ่มกระซิบถามพลางยิ้มหวานก่อนจะมองคนตัวเล็กที่ส่งสายตาเขียวปั๊ดมาให้ มุจลินท์ครางเครือไม่ได้ศัพท์เขากำลังจะเสร็จอยู่แล้ว ยังจะมาเล่นอะไรแบบนี้อีก! “ว่าไงครับจะเลือกอะไรดี?”

“เลือกอะไรก็ไม่ต่างกัน”

ต่อให้เขาจะเลือก.. สุดท้ายเจ้าผีร้ายตนนี้ก็ลากเขาลงไปฟัดที่เตียงอยู่ดี!

เจ้าผีลามก!

FIN


//

พอจะหายคิดถึงกันบ้างไหมคะ 
พายคิดถึงนักอ่านทุกคนเลยค่า..

หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 31-10-2018 00:28:15
พี่ฉลามแรงดีไม่มีตก..สงสารเอวน้องบ้าง  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-10-2018 19:53:50
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 01-11-2018 10:34:52
เลื่อนไปเลื่อนมาอ้าวพี่หลามมาแล้ว ชอบอ่ะตอนนี้ทำไมดูเผ็ดร้อนจัง

อยากมีน้องแบบไทเกอร์เลย ทำไมน่าฟัดแบบนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: lovebear ที่ 01-11-2018 10:46:51
“Trick or Treat!” อยากให้มีใครมาถามแบบนี้อ่ะ
 
แต่พี่หลามอย่าแกล้งน้อง อย่าทำน้องหลามอย่าทำแค่รอเดียว ๕๕๕๕๕๕๕

มาแบบเฉพาะกิจมากๆครับ หายคิดถึงเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 01-11-2018 16:44:36
แกล้งน้องทำไมพี้ฉลาม  อิแ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-11-2018 23:55:36
ผีหื่น!
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-11-2018 09:20:00
โอ้ยย ร้อนแรงกันจริงๆ  :m25:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 02-11-2018 16:58:08
ตายละ  :jul1: ไทเกอร์ก็น่ารัก น่าเอ็นดูละเกินลูกเอ๊ยมันเขี้ยวจริงๆ
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 04-11-2018 16:58:47
HAPPY HALLOWEEN
หัวข้อ: Re: ★ มุจลินท์ ★ [ตอนที่ ๒๓] หน้าที่๑๑ {๑๐๐%} ๒๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-11-2018 20:09:16
 :เฮ้อ: ทุกวันนี้เรายังหวังว่าหม่อมจะยังมีชีวิตอยู่นะคะ  :monkeysad:

หวังว่ามีใครสักคนบังเอิญเจอหม่อม และที่สำคัญเลยคือ

หวังว่าจะมีเรื่องของหม่อมค่ะ อยากรู้เรื่องหม่อม อยากให้หม่อมยังไม่ตาย  :o12:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [บทส่งท้าย] หน้าที่๑๖ {๑๐๐%} ๓๑.๐๓.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-11-2018 00:14:27
อ้าวววว เราเพิ่งเห็นว่ามีเรื่องของหม่อมด้วย กรี๊ดด  :mc3: :mc2:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-11-2018 00:26:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:31:24
 :pig4: