พิมพ์หน้านี้ - WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: RIBBINBO ที่ 10-11-2019 19:51:16

หัวข้อ: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 10-11-2019 19:51:16
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
ลูกเพื่อนแม่คนที่1 รามิล เตชนะหิรัญ
  SECRET GARDEN #ความลับของต้นไม้ -END-  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66975.0)

ลูกเพื่อนแม่คนที่2 เบนจามิน เกียรติธนธาดา
  MUSIC BOX #นิยายกล่องดนตรี -END-  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68034.0)

ลูกเพื่อนแม่คนที่3 นพจินดา วรโชติเมธี
  Jewelry Design #อัญมณีที่่รัก -END-  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69816.0)

ต้นไม้ * ดนตรี * อัญมณี * สีน้ำ [NOW]



หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 10-11-2019 20:03:24
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา



PROLOGUE
- Color-



“ ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ….”

เสียงประกาศจากจากสายการบินทำให้ภาคินที่มองออกนอกหน้าต่างหันกลับมาเก็บสัมภาระที่วางไว้ลงกระเป๋า เขาไม่ได้รีบร้อนลงจากเครื่องเหมือนผู้โดยสารคนอื่นให้เขาลงคนสุดท้ายก็ยังได้ไม่มีปัญหา ทันทีที่ลงจากเครื่องบินอากาศร้อนๆ เต็มไปด้วยฝุ่นที่ไม่ได้พบเจอมานานทำให้คินต้องเบ้หน้า เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่เพิ่งเปิด 85% เป็นข้อความจากแก๊งลูกเพื่อนแม่ มากสุดคือไอ้ทิมที่ตัดพ้อว่าลูกกระจ๊อกข้างบ้านไม่ยอมกลับมากรุงเทพสักทีไม่มีใครให้จิกหัวใช้เลยเหงามาก

มีแฟนเป็นตัวเป็นตนยังจะมารังควานเขาอีก

จะว่าไปคินเหมือนคนไปเรียนเมืองนอกแล้วเพิ่งกลับมาบ้านในรอบสิบปี  ไอ้ข้อความยินดีต้อนรับจากทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่ กรุ๊ปเพื่อน กรุ๊ปทำงานหรือแม้แต่กรุ๊ปครอบครัว นี่มันก็เวอร์ไปหน่อย ดีที่ไม่ได้บอกเวลาที่จะมาถึงก็แค่บอกว่าเขาจะกลับมาที่กรุงเทพวันนี้ กลัวว่าจะถือป้ายเอาพวงมาลัยมาคล้องคอกันที่สนามบินถ้าบอกว่ามาถึงตอนไหน

แต่เหมือนจะคิดผิด....

“ไง ลูกกระจ๊อก”

พอก้าวเท้าออกมายังไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ไอ้ทิมคนเดียว มากันครบทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่ รามิลและเบนจามินกำลังยืนดูดกาแฟโบกมือขึ้นมาทักทายกันอย่างพร้อมเพรียง

“มาทำไมกันวะ”

“ทักมาประโยคแรกกูอยากร้องไห้มิตรภาพตั้งแต่สามขวบ”

“พวกมึงก็เวอร์กูก็แค่ไปต่างจังหวัด”

“สระบุรี 2 อาทิตย์ น่าน 1 อาทิตย์ ภูเก็ต 8 วัน แม่ฮ่องสอน 5 วัน สงขลา 4 วัน ขอนแก่น 6 วันและที่พีคที่สุดคือเชียงใหม่สามเดือน กูนึกว่ามึงจะซื้อที่ดินสร้างบ้านอยู่ที่นู่นแล้ว”

“รักกูขนาดนั้นเลยเบนจามิน”

“ขาดมึงหนึ่งคนกูไม่ได้กินบุฟเฟต์มาสี่จ่ายสามหลายมื้อแล้วนะ กูไม่อยากจ่ายราคาเต็ม”

“ส้นตีน เรื่องแค่นี้คุณชายเบนเดือดร้อนเหรอวะรวยจะตายห่า”

“ภาคิน ถ้ามึงรู้ราคากีตาร์แต่ละตัวของแฟนกู มึงจะต้องพกข้าวคลุกน้ำปลาไปกินที่บริษัททุกวัน เห็นตัวเลขแล้วน้ำตากูจะไหล”

“ทำไมมึงไม่ป๋าเหมือนไอ้มิล”

“ไอ้มิลเจอราคาต้นกระบองเพชรของไม้ไปเจ้าพ่ออสังหาก็ถึงกับปาดเหงื่อเลยนะไม่อยากจะฟ้อง”

“เออ ทำไมต้นกระบองเพชรราคาเท่าคอนโดเลยวะกูงงหนัก”

“แฟนทาสของไอ้ทิมประเสริฐสุดเลยสินะ”

“ไม่เถียงเลยเรื่องนี้ ไอ้พอร์ชตามใจไอ้ทิมจนกูคิดว่าถ้าไอ้ทิมอยากได้บ้านบนดาวอังคารมันก็คงจะติดต่อนาซ่าภายในสิบนาที”

บรรยากาศรอบตัวเป็นบรรยากาศเดิมๆ ทำให้คินยิ้มออกมา จริงๆ ก็ไม่ได้หวังว่าจะได้เจอแก๊งลูกเพื่อนแม่ทันทีที่กลับมาหรอก แค่คิดว่ากลับบ้านไปนอนพักสักหน่อยแล้วค่อยนัดเจอกัน แต่ก็นะสงสัยเราสี่คนคบกันมานานเกินไป เลยสื่อสารกันทางโทรจิตแทนถึงได้มารวมตัวกันที่สนามบินแบบนี้ได้ ไอ้ทิมท่าทางจะยังไม่ตื่นดีแต่ก็ยืนมองเขาตาแป๋วเลยยกมือหยิกแก้มมันซะหน่อย เดี๋ยวนี้แก้มย้วยเชียวไอ้พอร์ชน่าจะเลี้ยงดี และแน่นอนว่าเขาโดนเตะแบบเต็มแรง ร้ายกาจไม่มีเปลี่ยน

“แล้วจะไปไหนกันต่อ”

“วันนี้วันอะไรครับคุณภาคิน”

“อาทิตย์”

“แน่นอนแฮปปี้ซันเดย์ของแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“วันนี้คิวใคร”

“กูเอง เบนจามินคนนี้”

“แล้วคิดไว้แล้วหรือยังว่าจะทำอะไร”

“คิดไว้แล้ว”

“ทำอะไรวะ ยิงปืน?”

“ผิด”

“ทำอะไร”

“เจ็ทสกี”

แน่นอนว่าเบนจามินไม่ได้หลอกเดี๋ยวนี้ไอ้เบนเริ่มเบื่อๆ การยิงปืน แล้วหันมาสนใจกีฬาเอ็กซ์ตรีม ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ในบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่เบนเป็นคนเดียวที่สนใจทางด้านกีฬา ส่วนคนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งคือไอ้ทิม รายนั้นเน้นแดกไม่เน้นขยับตัว ทันทีที่มาถึงที่เล่นเจ็ทสกีเบนก็กระโจนลงไปเล่นไม่วายแกล้งไอ้ทิมที่ดูจะไม่มีเรี่ยวแรงในการขับเท่าไหร่ เจ็ทสกียังดูใหญ่กว่าตัวมันเลย สงสาร คินขยับตัวไปมาเพราะรู้สึกเพลียๆ เลยขอนั่งพัก แก้วกาแฟหอมฉุยถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับหัวหน้าแก๊งที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“เหนื่อยป่ะวะ”

“นิดหน่อยกูเดินทางจนชิน”

“แล้วนี่มีแพลนไปไหนอีก”

“ไม่มี..จะกลับมาทำร้านด้วย พ่อด่ากูฉิบหายคุณนายญาดาจะจับกูล่ามโซ่แล้ว”

“เออสมควรด่า มึงแม่งบ้าอยู่ดีๆ บอกจะเปิดร้านทำธุรกิจ วันดีคืนดีมาบอกยังไม่พร้อมขอไปเร่ร่อนก่อนแล้วก็เก็บกระเป๋าออกจากบ้านไปเฉย”

“กูก็เป็นแบบนี้นานแล้วป่ะวะไม่ชินหรือไง”

“ถามจริงในฐานะเพื่อนตาย มึงไม่คิดจะหยุดพักบ้างเหรอวะ”

“ถ้ามีอะไรที่กูอยากหยุดพักได้ ถึงเวลานั้นกูก็คงจะหยุด”

ภาคินเข้าใจคำถามของรามิล ถ้ามองจากคนภายนอกคงมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่โคตรติสท์ อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป บอกตามตรงเขาก็มีความสุขดี เป็นอิสระ ได้เจอใครหลายคน แต่ก็รู้อีกนั่นแหละชีวิตจริงเขาคงจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้อย่างน้อยถ้าอายุมากขึ้นกว่านี้ก็คงจะตะลอนๆ ไปนู่นมานี่ไม่ไหวเหมือนกัน 

“ได้คุยกับพี่เคหรือยัง เขากลับมาไทยถาวรเลยใช่ไหมครั้งนี้”

“ก็คุยในกรุ๊ปครอบครัว ก็เห็นว่าจะอยู่ถาวรนะเพราะพ่อกูเกษียณแล้วก็คงมารับช่วงต่อจากพ่อ”

“มึงไม่คิดจะคุยกับเขาหน่อยเหรอวะ”

“มึงก็รู้มิล พี่น้องบ้านกูไม่เหมือนไอ้เบนที่รักกันเป็นครอบครัวสุขสันต์ มันไม่สนิทกันมานานแล้วป่ะวะไม่มีเรื่องจะคุยด้วย ไลฟ์สไตล์ชีวิต หน้าที่การงานก็ต่างกันโคตรๆ”

“เอาเถอะ กูยังหวังว่าสักวันจะได้เห็นพี่น้องเคคินกอดคอกันร้องไห้อยู่นะ เหมือนวันที่พี่เคแข่งเทควันโดชนะแล้วมึงร้องไห้เหมือนชนะเอง”

“ใครจะร้องไห้วะแก่ป่านนี้แล้ว”

เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่คินไม่ค่อยได้บอกใครเท่าไหร่ ก็มีแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่ที่พอรู้ คินมีพี่ชาย พี่เค คุณากร ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านการเงินและการลงทุนและมันก็เป็นแบบนั้นมาเป็นรุ่นๆ จนกระทั่งมาถึงรุ่นเขา คินรู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าเขาไม่ชอบตัวเลข ไม่ชอบที่จะนั่งคำนวณแก้สมการล้านแปดต่างๆ คินชอบศิลปะ ชอบวาดรูป ชอบที่จะนั่งระบายสีทั้งวันทั้งคืน ซึ่งต่างจากพี่ชาย..

คินมั่นใจว่าตอนเด็กๆ เราสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันดี ใส่ชุดซูเปอร์ฮีโร่ เล่นแปลงร่าง เตะบอล ว่ายน้ำ ต่อเลโก้ โดยเฉพาะเทควันโดเราสองคนเริ่มเรียนพร้อมๆ กัน แต่คินรู้ดีว่าพี่ชายเขามีพรสวรรค์และชื่นชอบกีฬานี้จริงๆ พี่เคทุ่มเทและได้สายดำมาได้ง่ายๆ ต่างจากเขาที่ขี้เกียจจะสอบขึ้นสายเลยเลิกเล่น แต่เมื่อพี่เคเริ่มขึ้นม.ปลาย อยู่ดีๆ พี่ชายของเขาก็ไม่มีเวลาเล่นด้วยเหมือนเมื่อก่อน  พี่เคเรียนพิเศษเยอะจนน่าปวดหัวบางวันคินก็เห็นว่าพี่เคหลับคาหนังสือ และประโยคที่คินจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้

“พี่ไม่อยากเล่นเทควันโดแล้วคินเสียเวลา พี่จะอ่านหนังสือ”

ในตอนนั้นคินไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายที่เคยเล่นด้วยถึงไม่มีเวลาให้เหมือนเดิม สุดท้ายคินก็ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป เวลานานเข้าเราสองคนด็ไม่ใช่พี่น้องที่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน คินรู้ว่าพี่เคเรียนเก่งตั้งแต่แต่เด็กแล้วและแน่นอนว่าคนที่จะสืบทอดธุรกิจ ของครอบครัวเป็นใคร พี่เคเรียนคณะที่บรรดาญาติๆ ต้องการให้เรียน เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร และแน่นอนว่าหลานชายคนเก่งของพิชญเดชาก็ต้องได้รับคำชื่นชมยินดีอยู่แล้ว

ส่วนคิน..

“ทำไมไม่เรียนอะไรที่มันเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวล่ะคิน”

“วาดรูปไปทำไม”

“เรียนอะไรไม่เข้าท่า”

“ทำไมไม่เรียนคณะเดียวกับพี่ชายเรา ภาคิน”


คินไม่ได้โกรธหรอกแต่ก็นะ..นี่มันศตวรรษที่เท่าไหร่กันแล้วทำไมเขาถึงต้องมาฟังประโยคแบบนี้อีกให้เรียนอะไรเกี่ยวกับตัวเลขเขาต้องเป็นบ้าก่อนแน่ๆ คิดเลขสองหลักยัง งง ๆ อยู่เลย และแน่นอนว่าพี่น้องต้องมาพร้อมกับคำเปรียบเทียบ คินได้ยินจนชินว่าทำไมเขาถึงไม่เหมือนพี่ พี่ชายเก่งอย่างนู้นอย่างนี้แล้วเขาล่ะเก่งอะไร ดีนะที่เขาไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ถึงแม้บางครั้งบางประโยคทีได้ยินมันถึงกับจุกไปเหมือนกัน

ส่วนพี่เค..ไม่เคยที่จะปกป้องเขา
ที่เห็นมาตลอดก็แค่ยิ้มรับเท่านั้น

จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันที่ครอบครัวเขาไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พี่เคไปเรียนต่อที่อเมริกาและดูแลสาขาที่นู่น นี่ก็คงจะกลับมาไทยถาวรเพื่อรับตำแหน่งประธานต่อจากพ่อของเขา ถึงจะไม่ได้สนิทกับพี่เหมือนตอนเด็กๆ แต่ก็ใช่ว่าครอบครัวพ่อแม่ลูกเขาจะมีปัญหา พ่อกับแม่ไม่เคยว่าเรื่องที่เขาชอบวาดรูป ถ่ายภาพ กำกับงานแสดง สนับสนุนทุกอย่างด้วยซ้ำแทบจะสร้างสตูดิโอให้ ถึงแม้บางครั้งจะด่าเรื่องที่เขาชอบลอยไปลอยมาไม่หยุดอยู่กับที่สักที คินยังจำคำพูดของแม่ก่อนที่เขาจะไปเชียงใหม่ได้อยู่เลย

“แก๊งลูกเพื่อนแม่มีแฟนหมดแล้วขนาดเจ้าทิมดื้อขนาดนั้นยังมีคนมาสวมแหวนให้เลย คินของแม่จะขึ้นคานเหรอลูกแม่ไม่เลี้ยงยันแก่หรอกนะ”

ประโยคนี่ซึ้งใจตั้งแต่กรุงเทพยันดอยสุเทพ
คุณนายญาดาคุณนายแม่ของเขา

พอนึกถึงแล้วก็ตลกก่อนกลับมาแม่ยังถามแล้วถามอีกว่าเขาพาแฟนกลับมาด้วยไหม พบรักที่เชียงใหม่หรือเปล่า สารพัดคำถามที่เกี่ยวกับว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคต เมื่อก่อนแม่ก็ไม่ได้ตามจี้ขนาดนี้หรอก แต่เป็นเพราะไอ้แก๊งลูกเพื่อนแม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนหมดแล้ว คงกลัวว่าเขาจะโดนเพื่อนทิ้งละมั้ง ถึงถาม24ชั่วโมงขนาดนี้ คินหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มแล้วเหลือบมองหัวหน้าแก๊งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามท่าทางหลุกหลิกเหมือนมีพิรุธทำให้คินต้องมองอย่างจับผิดก่อนจะเอ่ยถาม

“รามิล มึงมีเรื่องจะถามกูใช่ไหมไอ้สองตัวนั้นส่งมึงมาเสือกแน่นอนท่าทางแบบนี้”

“สัด ทำไมมึงรู้วะ”

“มิตรภาพตั้งแต่สามขวบนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ”

“มันอยากรู้ว่าตอนมึงอยู่ที่เชียงใหม่สามเดือนมีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม”

“อะไรเกิด?”

“กูจะไปรู้เหรอแต่ท่าทางมึงแปลกๆ ”

“กูแปลกตรงไหน”

“มีช่วงหนึ่งที่มึงดูอารมณ์ดีมากๆ มีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นแน่ๆ พวกกูมั่นใจ ขนาดเราไม่ได้เจอกันยังสัมผัสได้ รอบๆ ตัวมึงเหมือนเป็นสีชมพู”

“แล้วทุกวันนี้รอบตัวกูเป็นสีอะไรวะ”

“มินิมอลมากภาคินเหมือนชีวิตมึงมีแค่ขาว ดำ เทา สรุปมีอะไรหรือเปล่าหรือว่าตกหลุมรักใครที่นู่น ให้แฟนกูไปสืบไหมแฟนกูเป็นคนเชียงใหม่นะเผื่อมึงลืม”

“ตกหลุมรัก..”

“ชัวร์แน่แบบนี้..ใครวะ”

“ไม่รู้จัก”

“วอท? คืออะไรไม่รู้จัก”

“ก็กูไม่รู้จักเขาจริงๆ รามิล”

คินหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอีกรอบก่อนจะนึกถึงบางอย่างที่เขาเอากลับมาจากเชียงใหม่ด้วย คินไม่ได้โกหกสำหรับเขาไม่รู้จักก็คือไม่รู้จัก  จริงๆ ก็ไม่ได้อยากปิดบังเรื่องนี้กับแก๊งลูกเพื่อนแม่แค่รอจังหวะดีๆ แล้วค่อยเล่าทีเดียวจะดีกว่า เขาก็แค่หวังไว้ว่าเรื่องราวของเขามันจะมีภาคต่อหรือว่าบางทีมันอาจจะจบลงไปแล้วตั้งแต่ที่เชียงใหม่

คนเราจะตกหลุมรักคนที่ไม่รู้จักได้หรือเปล่า?
อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับตัวเขาแล้วในตอนนี้


WATERCOLOR


“เออคิน ข้างๆ ร้านมึงมีคนมาอยู่แล้วนะไม่แน่ใจว่าเขาเปิดร้านอะไร”

เวาเกือบสี่ทุ่ม ภาคินยืนมองร้านของตัวเองที่เคยตั้งใจจะเปิดเมื่อปีที่แล้วแต่อยู่ดีๆ เขาก็เปลี่ยนใจซะดื้อๆ ดีเหมือนกันที่เลื่อนเพราะตอนนี้คินได้ไอเดียในการวาดรูปมาเยอะหลังจากที่ตะลอนๆ ไปทั้วประเทศไทย ที่จริงคินก็เคยทำงานประจำที่บริษัทโฆษณาแต่ทำๆ ไปก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เท่าไหร่เลยลาออก คินไม่ได้เรียนคณะที่เกี่ยวกับการวาดรูปโดยตรงเพราะถือว่าการวาดรูปเป็นพรสวรรค์ นิเทศเอกโฆษณาเลยเป็นตัวเลือกในตอนนั้นแต่ก็นะชีวิตจริงก็ไม่เหมือนตอนเรียนเท่าไหร่

ตอนนั้นกลัวอดตายเหมือนกันนะแต่ดีที่ครอบครัวเขาอยู่ในธุรกิจการเงินการลงทุน คุณนายญาดาเลยจับเขาเข้าคอร์สเรียนรู้เรื่องการบริหารเงิน กองทุน เรื่องหุ้นต่างๆ นานา ถึงได้มีเงินหมุนเวียนให้ใช้ ถึงแม้ตอนเรียนนี่คินแทบกินพาราหมดกระปุกเห็นตัวเลขเยอะๆ แล้วอยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่ก็ดีที่มันทำให้ทุกวันนี้ยังมีเงินซื้อข้าวกิน

อยากร้อยพวงมาลัยไปกราบคุณนายญาดาสักสิบพวง

จริงๆ การเป็นฟรีแลนซ์ก็ไม่ได้แย่สนุกด้วยซ้ำไปได้ทำงานไม่ซ้ำเจอผู้คนหลากหลาย แต่พอถึงจุดๆ หนึ่ง คินก็อยากจะมีธุรกิจของตัวเองเหมือนกันบางทีก็อยากให้รูปที่ตัวเองวาดได้ไปอยู่ในมือใครสักคนที่เขาสนใจเลยเกิดไอเดียเปิดร้านนี้ขึ้นมา ตอนบอกพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณนายญาดาตื่นเต้นกว่าเขาอีก คงดีใจมากที่ลูกชายอย่างเขาจะอยู่กับที่สักที ส่วนพี่เคแค่บอกว่าเรื่องเอกสารทางธนาคารจะดูให้ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา

ร้านที่กำลังจะเปิดเรียกว่าร้านอะไรก็ไม่แน่ใจเพราะมันผสมผสานทุกอย่างไว้ในร้านเดียว หลังจากยกเลิกสัญญาเช่าตึกของไอ้มิลคินก็ตัดสินใจซื้อตึกนี้ทันทีเพราะทำเลที่นี่ดีมาก เห็นครั้งแรกก็ชอบเลย แต่ไอ้มิลด่าไปแปดวันสามคืนไม่ใช่เพราะยกเลิกสัญญาเช่า แต่เพราะไม่มีเพื่อนให้เล่นด้วยเวลาทำงานหนัก

สามสิบกว่าบ้าบอยิ่งกว่าอายุอายุสิบห้าอีกหัวหน้าแก๊งนี่มัน ..

ชั้นสองของร้านคินตั้งใจให้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพยังไงก็มีคนในวงการที่รู้จักมาใช้ตลอดอยู่แล้ว ส่วนชั้นหนึ่งมีมุมกาแฟเล็กๆ ซึ่งแน่นอนว่าเขาชงเองเพราะไปเรียนมาด้วยตัวเอง รวมทั้งรูปภาพที่เขาวาดเองก็วางขายอยู่ในร้าน มีทั้งที่เป็นรูปภาพและโปสการ์ด และแน่นอนว่าทุกอย่างในร้านล้วนแต่เป็นสีขาวและสีดำ คินก็บอกไม่ได้ว่ามันเป็นที่เขาชอบหรือเปล่ารู้ตัวอีกทีเขาก็มีแค่สีดำและสีขาวอยู่รอบตัวไปหมดไม่ว่าจะเป็น

เสื้อผ้า กางเกง
รองเท้า เครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์

คิดไม่ออกเลยถ้ามันมีสีอื่นเข้ามาผสมด้วยนอกจากขาวและดำ
มันจะเป็นแบบไหนกัน


โครม!

ปัง!

คิดอะไรเพลินๆ อยู่หน้าร้านตัวเองก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงปึงปังโครมครามดังออกมาจากร้านข้างๆ  ตอนแรกตั้งใจจะไม่สนใจเห็นรามิลบอกว่าร้านข้างๆ เพิ่งเปิดได้ไม่นานเหมือนกันก็คงจะขนของจัดร้านอยู่ แต่พอจะก้าวเท้าเดินเข้าร้าน เสียงโครมครามก็ดังขึ้นอีกรอบจนต้องหยุดเดินอีกครั้ง  ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อก็มีบางอย่างกลิ้งมาหยุดอยู่ตรงปลายเท้า

หลอดสี..

มันเป็นหลอดสีน้ำที่ใช้จนหมดแล้วมันบี้แบนจนคินคิดว่าไม่น่าจะเหลือสีให้บีบออกมาได้อีก นี่ก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของตั้งใจทิ้งหรือมันกลิ้งออกมาจากกล่องไหนสักกล่อง คินยืนรออยู่นานก็ไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาเก็บเลยคิดเองว่าคงทิ้งแล้วเลยเลือกกี่จะเดินเข้าร้านตัวเองโดยไม่ทันเห็นว่ามีใครสักคนวิ่งออกมาร้านข้างๆ แล้วเก็บหลอดสีหลอดนั้น

ของเยอะกว่าที่คิด

ชั้นสามของร้านคินปรับปรุงให้เป็นห้องนอนมันไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย มีแค่เตียงกับโต๊ะที่ใช้ทำงานเท่านั้นไอ้เบนเห็นครั้งแรกยังบอกว่าเหมือนห้องที่ยังทำไม่เสร็จถ้าคนอื่นมาเห็นก็คงคิดเหมือนเบน  คินเริ่มเอาของออกมาจัดนี่ก็เพิ่งเริ่มรู้สึกว่าข้าวของเครื่องใช้เขามีแต่สีขาว ครีม ดำวนอยู่แค่นี้ กล่องสุดท้ายคือกล่องที่คินเอากลับมาจากเชียงใหม่และเขาก็รู้ด้วยว่าข้างในมันคืออะไร

โปสการ์ดสามสิบกว่าใบ
มันไม่ใช่โปสการ์ดเปล่าๆ มันมีข้อความเขียนไว้ทุกแผ่น

“มินิมอลมากภาคินเหมือนชีวิตมึงมีแค่ขาวกับดำ สรุปมีอะไรไหมหรือว่าตกหลุมรักใครที่นู่น ให้แฟนกูไปสืบไหมแฟนกูเป็นคนเชียงใหม่นะเผื่อมึงลืม”

“ตกหลุมรัก..”

“ชัวร์แน่แบบนี้..ใครวะ”

“ไม่รู้จัก”

“วอท? คืออะไรไม่รู้จัก”

“ก็กูไม่รู้จักเขาจริงๆ รามิล”


เขาไม่ได้โกหกรามิลเขาหลงรักคนไม่รู้จัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ชื่ออะไร มาจากไหน หน้าตาเป็นไงสิ่งที่เขามีก็คือโปสการ์ดและลายมือของอีกฝ่าย วันที่ตัดสินใจจะรู้จักกันมากกว่าโปสการ์ดที่ส่งให้กันทุกวันมันก็สายไปแล้ว อยู่ดีๆ คุณโปสการ์ดสีรุ้งก็หายตัวไปซะดื้อๆ หายไปจากชีวิตภาคินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทิ้งไว้แค่ข้อความบนโปสการ์ด
ที่ทำให้คินตกหลุมรัก

ตอนนี้คินเลยไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มตามหาจากตรงไหน เพราะเขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่างขนาดแค่ชื่อจริงๆ ก็ยังไม่รู้ สุดท้ายก็เลยกลับมาตั้งหลักที่กรุงเทพก่อน เอาเถอะยังไงคินก็ยังไม่หมดหวังเชียงใหม่ไม่ได้ไกลเกินไปเลยถ้าเขาคิดจะไปแต่ก็ไม่แน่สิ่งที่เขาตามหาจริงๆ แล้วมันอาจจะอยู่ใกล้ๆ แบบคาดไม่ถึงก็ได้

โครม!

เสียงกระแทกผนังจากห้องข้างๆ ทำให้กล่องที่ใส่โปสการ์ดร่วงลงมาจากโต๊ะกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น คินถอนหายใจไม่รู้ว่าร้านข้างๆ นี่จะขนของไปถึงกี่โมงกี่ยามปึงปังโครมครามไม่หยุดสักที จังหวะที่กำลังก้มลงเก็บโปสการ์ดที่หล่นอยู่ ข้อความบางข้อความทำให้คินต้องหยิบโปสการ์ดขึ้นมาอ่านใกล้ๆ

คุณเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตไหม? มันจะมีจริงหรือเปล่า?
เดาเลยผู้ชายติสท์ๆ  แบบคุณไม่เชื่ออะไรแบบนี้แน่ๆ
เอางี้..ถ้าเราสองคนเจอกันแบบไม่คาดจะถือว่ามันคือพรหมลิขิตก็แล้วกัน

“เพ้อเจ้อจริงๆ ไร้สาระ”

ก็ถือว่าเดาถูกเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่  ถ้าคนเราจะรักกันมันก็ขึ้นอยู่กับใจของเราเองป่ะวะ จะมาชะตาลิขิตอะไรกัน คินเก็บโปสการ์ดลงกล่องแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิม ท่าทางตอนนี้ร้านข้างๆ คงหยุดขนของแล้วเพราะเห็นเสียงเงียบไป เอาไว้พรุ่งนี้จะไปทักทายก็แล้วกันบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างน้อยทำความรู้จักกันไว้ไม่เสียหาย

ว่าแต่ร้านข้างๆ นี่เขาเปิดเป็นร้านอะไรวะ?


WATERCOLOR


“เหมือนกูยืนอยู่ระหว่างร้านมูจิกับทอยอาร์อัส”

นั่นคือประโยคแรกจากเบนจามินหลังจากที่มันมาร่วมงานเปิดร้านของเขา มันไม่ได้มีพิธีรีตองแบบตัดริบบิ้นอะไรทั้งนั้น ก็แค่เอาป้ายมาแขนไว้ว่า open พ่อแม่ก็มาเจิมร้านด้วยการซื้อกาแฟสองแก้วและรูปวาดที่บอกว่าจะเอาไปติดที่ห้องทำงานของพี่เค ส่วนเจ้าตัวติดลูกค้าเลยมาไม่ได้..

คินไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไรทุกคนก็ต้องมีธุระกันทั้งนั้น  มีแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็วุ่นวายมากพอแล้ว ส่วนร้านข้างๆ คินเพิ่งรู้ว่าเป็นร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับศิลปะ เห็นว่ามีคอร์สสอนวาดรูปด้วย และแน่นอนว่าร้านข้างๆ นี่ทาสีซะเหมือนสีขนมสีลูกอมตอนแรกนึกว่าโรงเรียนอนุบาล

โคตรจะตรงข้ามกับร้านเขาเลย
มาอยู่ข้างกันได้ไงวะ

“ฝากขอบคุณต้นไม้ด้วยรามิล ช่อดอกไม้สวยมาก”

“กูบอกไม้ว่าเปลืองไม่ต้องจัดหรอกสำหรับมึงดอกรักดอกเดียวก็พอ”

“กูสงสัย มึงนี่มีอะไรดีไม้ถึงรักมึงนักหนา”

“เอาช่อดอกไม้คืนกูมาเดี๋ยวนี้”

“คีตาบอกว่างๆ จะมาอุดหนุนรูปวาดมึง บอกชอบรูปพี่คินมากอยากเอาไปติดที่สถาบันถ้าวันนี้ไม่ต้องไปประชุมเรื่องงานเพลงคงมาดีดกีตาร์ที่ร้านมึง”

“แฟนเพื่อนกูทุกคนช่างประเสริฐ ประทับใจไอ้พอร์ชสุดแม่งให้นามบัตรมันเป็นของขวัญ บอกว่าถ้าจะตกแต่งร้านเพิ่มให้ติดต่อมันได้เลยสแตนบายยี่สิบสี่ชั่วโมง สรุปมันยินดีที่กูเปิดร้านหรือมันหาลูกค้าเพิ่ม”

“อย่าว่าแฟนน้องทับทิมคินเดี๋ยวไอ้ทิมโมโหร้านมึงพังภายในพริบตาเลยนะ ว่าแต่มึงทำความรู้จักร้านข้างๆ ยังวะ”

“ก็ว่าจะไปทักทายซะหน่อยแต่ยังไม่มีเวลาเลยว่ะ”

“มองจากข้างนอกโคตรตลกร้านมึงเรียบง่ายไปเลยคิน สีร้านข้างๆ แย่งซีนว่างๆ ก็ไปเรียนวาดรูประบายสีกับเขาบ้างนะชีวิตจะได้มีสีสัน”

“กูโคตรเกลียดการระบายสีน้ำตอนเรียนวาดรูปสมัยมัธยมงานสีน้ำกูทุกงาน นู่นฝีมือไอ้ทิม”

“คนบ้าอะไรบอกผสมสีน้ำยุ่งยากขี้เกียจ มึงแค่บีบสีใส่น้ำแค่นี้”

“มันก็ต้องมีจานสี พู่กัน อะไรอีกมากมายป่ะวะกูขี้เกียจหา กูชอบวาดรูปด้วยดินสอ”

“จ้า พ่องานลายเส้นก็สมกับมึงดีมินิมอลภาคิน”

“เอากาแฟไปให้ร้านข้างๆ ด้วยดิเผื่อเขาจะได้มาเป็นลูกค้าประจำ”

“เป็นไงคิดแบบผู้บริหารรามิลไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทุกนาทีเป็นเงินเป็นทอง”

“เพราะต้นกระบองเพชรแฟนแพงมาก ขายบ้านขายคอนโดเงินก็ยังไม่พอ”

“สัด..เถียงไม่ออกเลยเรื่องจริง”

ภาคินเห็นว่าช่วงบ่ายๆ ลูกค้าเริ่มซาลงบ้างแล้วหลังจากที่ช่วงเช้าแน่นเต็มร้าน  ไม่รู้ว่าไอ้พวกแก๊งลูกเพื่อนแม่จ้างมาเป็นหน้าม้าหรือเปล่า แก้วกาแฟเย็นสองแก้วถือไว้ในมือเตรียมพร้อมเห็นว่าอากาศข้างนอกก็ร้อนพอแล้วคงไม่มีใครอยากดื่มกาแฟร้อนตอนนี้สักเท่าไหร่ เลยเตรียมอเมริกาโนกับลาเต้ไว้เพราะไม่รู้ว่าร้านข้างๆ จะชอบกาแฟแบบไหน

เหมือนได้ยินเสียงเจี๊ยวจ้าวออกมาจากร้าน

คินหยุดอยู่หน้าร้านเมื่อได้ยินเสียงเด็กมากกว่าหนึ่งคนดังออกมา ไม่เหมือนโรงเรียนสอนวาดรูปเท่าไหร่เหมือนสนามเด็กเล่นมากกว่า นี่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปตอนนี้ดีไหมกลัวว่าเด็กจะวิ่งชนกาแฟหกใส่ด้วย คินเลยเลือกที่จะยืนรออยู่หน้าร้าน แค่เพียงไม่นานประตูหน้าร้านก็เปิดออกพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ถือจานสีและพู่กันไว้ในมือ และแน่นอนว่ากำลังวิ่งตรงมาทางที่เขายืนอยู่

“เฮ้ย!”

คินไม่ได้ขยับตัวหนีไปไหนเมื่อเห็นอีกคนวิ่งมาทางนี้เรียกว่าหลบไม่ทันมากกว่า แก้วกาแฟลาเต้กระเด็นไปไกลเหลือแค่อเมริกาโนสีดำที่หล่นลงพื้นใกล้ๆ คินรับร่างคนตรงหน้าไว้เพราะกลัวว่าจะล้มหน้าคว่ำกระแทกพื้น และแน่นอนว่าคนที่วิ่งออกมาก็ปล่อยจานสีน้ำที่อยู่ในมือแล้วมาจับเสื้อของคินไว้ตามสัญชาติญาณ

พอทุกอย่างหยุดนิ่งคินมองคนที่เขากอดเอาไว้ทั้งตัว ผู้ชายตัวขาวผมสีน้ำตาลแดงที่ดูเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย ท่าทางมึนงงเหมือนค่อยๆ รวบรวมสติทำให้คินเลือกที่จะยืนนิ่งๆ ทันทีที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาก็เพิ่งเห็นว่ามีสีน้ำสีชมพูเลอะอยู่ที่ข้างแก้มยาวเป็นแถบส่วนแก้มอีกข้างก็มีสีชมพูถูกวาดไว้เป็นหนวดรวมทั้งปลายจมูกมีจุดสีชมพูอยู่หนึ่งจุด

แมว?

“ครูสีน้ำ!”

สีน้ำ..

เสียงเด็กที่ตะโกนออกมาจากในร้านทำให้ภาคินก้มลงมองเสื้อยืดสีเทาของตัวเอง เพิ่งรู้ว่าตอนนี้มันไม่ได้เป็นสีเทาเหมือนที่ซื้อมา จานสีหล่นอยู่ตรงพื้นด้านล่างแต่สีน้ำที่อยู่ในจานสีตอนนี้กำลังเลอะอยู่บนเสื้อยืดของเขา มันรวมกันเป็นหลายสีจนแทบแยกไม่ออก บางส่วนก็เลอะแขนเขาไปด้วยเรียกได้ว่าเลอะไปทั้งตัว พื้นกระเบื้องสีขาวตอนนี้มีกาแฟอเมริกาโนสีดำสนิทที่หกอยู่บนพื้นมันค่อยๆ รวมกับสีน้ำที่อยู่ยังหลงเหลืออยู่ในจานสี

ก็รู้นะชีวิตของเขามันอาจจะเรียบๆ ไปบ้าง
แต่ก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะต้องเจอสีสันคัลเลอร์ฟูลแบบนี้และขอยืนยันคำเดิม

เกลียดการระบายสีน้ำที่สุดเลยว่ะ!



เมื่อสีทั้งสองผสมกัน
มันก็จะเป็นสีของเรา
WATERCOLOR




TO BE CON
พี่คินมาแล้วค่าาาาาา

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo


หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-11-2019 20:35:35
ชีวิตคินจะได้มีสีอื่นบ้างนอกจากขาวกับดำ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-11-2019 21:05:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

ที่ว่าไม่รู้จักเนี่ย   เคยเจอตัวเป็น ๆ มาก่อนหรือเปล่า?  หรือเจอแค่งานภาพจากโปสการ์ด?
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-11-2019 21:39:41
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 10-11-2019 21:56:07
อยากอ่านต่อแย้วววววววว :hao7: :ling1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 10-11-2019 22:16:39
เตรียมรับสะใภ้แก็งคนสุดท้าย :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 11-11-2019 02:28:25
มาแล้วววววววว สีน้ำและคิน
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 11-11-2019 12:46:45
มาแล้ววว คนสุดท้ายของแก๊งค์ :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 11-11-2019 14:03:17
มาแล้ววว
กี๊ดดดดดดดด

 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-11-2019 19:20:31
คุณคิน


มาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-11-2019 06:25:35
สีสันจะบังเกิดแล้วพี่คิน..นนนน  :hao3:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 12-11-2019 13:41:01
มาแล้วววว เราไถผ่านไปตอนไหน~~~ ^^"

ภาคินหนอ...กว่าจะสมหวังดังใจจะเลอะเทอะอีกกี่มากน้อย 555
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 16-11-2019 09:38:39
สีน้ำคนซนหรือนี้ :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-11-2019 21:47:01
 :3123: :L2: :L1:
รออ่านต่อ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-11-2019 02:43:11
น่าติดตามๆๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ PROLOGUE - Color- up* 10/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 24-11-2019 17:27:17
พี่คินมาแล้ว เปิดเรื่องมาน่ารักสมกับที่รอคอย ครูสีน้ำต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 - Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 01-12-2019 20:29:08
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา


CH.1
- Brown-



“คือเรากำลังเล่นอยู่กับนักเรียนกลุ่มสุดท้าย และคราวนี้กำลังโดนรุมป้ายสีก็เลยจะหนีไปตั้งตัวข้างนอกร้าน”

“.............................................”

“พอเปิดประตูออกไปเจอใครไม่รู้ยืนถือแก้วกาแฟอยู่”

“แล้ว?”

“ตอนนั้นคือเราเบรคไม่ทันและจานสีในมือก็....”

“สาดใส่เขาทั้งหมด”

“มันเป็นอุบัติเหตุณัฐ เราไม่ได้ตั้งใจจะเอาสีไปสาดใส่ใคร”

“กูบอกมึงเป็นรอบที่ล้านแล้วน้ำว่าห้ามวิ่งในร้าน”

“ก็ตอนนั้นสอนเสร็จแล้วนี่”

“แล้วรู้หรือยังสรุปเขาเป็นใคร”

“เจ้าของร้านข้างๆ มั้งเราเดาเอา ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยแต่หน้าตาดูรวยคงเป็นเจ้าของ”

“เสื้อเขาแพงแน่กูว่าตัวละสามหมื่น”

“ร้องไห้แล้ว เฮ้ย..แต่เราก็เลอะเหมือนกันนะ”

“มึงเลอะสีเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วน้ำ เผลอๆ เขาเลอะเยอะกว่ามึงอีกยกมือขึ้นมาสาบานเดี๋ยวนี้ว่าจะไม่วิ่งในร้านอีก”

“อย่าติงต๊องนี่สามสิบกว่าแล้ว”

“ช่วยทำตัวให้เหมือนสามสิบกว่าหน่อยเถอะ กูปวดหัว”

สีน้ำได้แต่ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยเมื่อญาติสนิทกำลังกอดอกถือไม้เรียว (พู่กัน) ทำท่าจะฟาดเขาอยู่  หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ทันทีที่ตั้งสติได้ก็ค้นพบว่าทั้งเนื้อทั้งตัวรวมทั้งเสื้อผ้าเลอะไปด้วยสีน้ำ ปกติเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าเนื้อตัวจะเลอะเทอะเขาชินกับมันแล้ว แต่..คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใครก็ไม่รู้แถมยังเลอะสีน้ำแทบทั้งตัว ทั้งๆ ที่ควรจะพูดอะไรออกมาสักหน่อยแต่ทั้งสองคนต่างคนต่างยืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นก่อนที่สีน้ำจะเป็นฝ่ายที่พูดขึ้นมาคนแรก

“คือ...”

“ผมขอไปล้างตัวก่อนแล้วกัน”

ท่าทางจะโมโหไม่เบาหน้านิ่งขนาดนั้น
ดีที่ไม่ต่อยเขากระเด็น

สีน้ำเห็นอีกฝ่ายเดินเข้าไปในร้านข้างๆ อ้อ...เปิดแล้วสินะเห็นปิดประตูอยู่เป็นเดือน ตอนนี้เดาไม่ออกเลยว่าเจ้าของร้านรู้สึกยังไงถ้าเป็นความประทับใจแรกน่าจะติดลบล้านไปแล้ว สีน้ำก้มลงมองพื้นกระเบื้องที่ตอนนี้เลอะไปด้วยสีและกาแฟ แปลกดีไม่ค่อยได้เห็นสีแบบนี้เท่าไหร่ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมศิลปะบนพื้นกระเบื้อง เสียงตะโกนของญาติสนิทที่ดังจากในร้านทำให้สีน้ำต้องเดินกลับเข้าไป

“มึงควรไปขอโทษเขาน้ำ”

“หน้าตาดูอยากบีบคอเราอยู่”

“ก็มึงเอาสีไปสาดใส่เขาแบบนั้น”

“เราบอกเป็นรอบที่ล้านแล้วว่ามันคืออุบัติเหตุ เราไม่ได้ผิด!”

“แล้วใครผิด”


Watercolor


“ไม่ใช่ความผิดกูแน่นอนมึงดูกูเลอะไปทั้งตัวแบบนี้”

คินกำลังเอาผ้าเช็ดตัวเบาๆ หลังจากที่ไปอาบน้ำอาบท่าล้างสีที่เลอะตัวออกให้หมด นี่ก็ใช้เวลาเยอะอยู่ตอนแรกว่าแค่ล้างน้ำเฉยๆ แต่คิดว่าอาบน้ำเลยน่าจะดีสุด ทั้งขัดทั้งถูกว่าจะออก คินยกแขนขึ้นมาดูซ้ายขวาสำรวจดูว่ายังมีคราบสีหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ทิมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเค้าน์เตอร์คว้าคอเสื้อให้คินมายืนอยู่หน้าแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้

“มึงเดินกลับเข้ามาแบบสีท่วมตัว กูโคตรตกใจ”

“เออ ให้ไปผูกมิตรไม่ได้ให้ไปสร้างศัตรู”

“กูยืนถือแก้วกาแฟหล่อๆ อยู่หน้าร้านนี่กูสร้างศัตรูตรงไหน”

“แล้วอยู่ดีๆ มึงเดินหนีมาเลยแบบนี้แล้วเขาทำยังไง”

“ไม่รู้ เห็นยืนอยู่หน้าร้านแต่จะให้คุยทั้งๆ ที่เลอะสีแบบนั้นก็ไม่ได้ป่ะวะ”

“ตลกฉิบหายทักทายกันสนุกสนานสมกับที่ร้านทาสีสายรุ้ง”

“สัดเอ๊ย ตอนนี้บอกตามตรงกูโคตรเกลียดสีน้ำเลยว่ะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกันอีก!”


กึก!

“......................................................”

เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่หน้าประตูร้าน ผู้ชายผิวขาวผมสีน้ำตาลแดงเสื้อที่ใส่อยู่ยังคงเลอะสี ใบหน้ายังมีรอยหนวดแมวจางๆ ไว้ให้เห็น ทิมหยุดมือที่กำลังเช็ดผมให้คินค้างอยู่อย่างนั้นรวมทั้งเบนและรามิลที่ยกแก้วกาแฟค้างอยู่ท่าเดิม ทุกอย่างรอบตัวเงียบกริบจนคินจับมือทิมให้หลุดออกก่อนจะมองคนที่ยืนอยู่ที่เดิมอีกครั้ง และแน่นอนเดาได้เลยว่าเจ้าตัวจะต้องได้เย็นประโยคที่เขาพูดแน่ๆ

“เดี๋ยวผมมาใหม่แล้วกันคุณน่าจะมีแขก”

คนที่เสื้อยังเลอะสีหันหลังกลับมามองหน้าคินอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากร้านไป แก๊งลูกเพื่อนแม่ทุกคนยังคงค้างอยู่ท่าเดิมแม้ว่าเจ้าของร้านข้างๆ จะเดินออกไปจากร้านคินนานแล้ว เบนคือคนแรกที่รู้สึกตัวเลยเดินออกไปดูตั้งใจจะเอ่ยเรียกแต่ก็ดูไม่ทันเพราะอีกฝ่ายเดินเข้าร้านไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นคือคนที่เอาสีสาดใส่มึง?”

“เออ ”

“คุณหน้าแมวน่าจะโมโหโกรธามึงอยู่นะคิน”

“ที่กูบอกว่าเกลียด กูไม่ได้หมายถึงเขานะเว้ยกูหมายถึงสีน้ำที่มันเลอะอยู่บนตัวกูเมื่อกี้”

“กูสับสนมากตอนนี้”

“คุณหน้าแมวน่าจะชื่อสีน้ำ กูได้ยินเด็กนักเรียนตะโกนเรียกชื่ออยู่”

“บาปกรรมมากมึงบอกว่าเกลียดสีน้ำต่อหน้าครูสอนศิลปะ”

“และที่สำคัญโผล่มาตอนที่มึงตะโกนว่าเกลียดสีน้ำ”

“โบ๊ะบ๊ะเป็นจังหวะซิทคอม”

แก๊งลูกเพื่อนแม่ผลัดกันพูดคนละประโยคจนคินถึงกับถอนหายใจ ตอนแรกนี่มั่นใจว่าเหตุการณ์เลอะเทอะเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วมันไม่ใช่ความผิดเขาแน่นอน  แต่คินก็ตั้งใจจะไปเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านข้างๆ ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าอยู่ดีๆ คุณสีน้ำจะโผล่มาแบบนี้และเข้ามาเจอประโยคเด็ดพอดี ความคิดที่จะผูกมิตรกับร้านข้างๆ ตามที่ไอ้มิลบอกน่าจะล่มไม่เป็นท่า


ไม่เป็นท่าจริงๆ ด้วยว่ะ
ตั้งแต่วันนั้นคินยังไม่มีโอกาสได้คุยกับครูสอนวาดรูปร้านข้างๆ สักที ที่จริงคินจะปล่อยให้มันผ่านเลยไปก็ได้แต่สำหรับเขาวันนั้นจะถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุยังไงเราก็โตๆ กันแล้วคงไม่มานั่งทะเลาะเหมือนเด็กประถม แต่พอเจอสถานการณ์จริงๆ  ก็พูดอะไรไม่ออก จะทักจะทายอะไรก็ดูเกร็งไปหมด มองหน้ากันไม่ถึงสิบนาทีก็ต่างคนต่างเดินเข้าร้านขนาดตอนเช้าเปิดประตูออกมาจากร้านพร้อมกันยังไม่มีการพูดจากันสักคำ

เป็นความสัมพันธ์ในแบบไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ

วันนี้ก็เป็นเช่นกัน คินมีงานนอกสถานที่เลยปิดร้านเร็วหน่อยจริงๆ เป็นงานด่วนกะทันหันเลยไม่ได้บอกใครไว้ ตอนออกจากร้านเห็นคุณสีน้ำกำลังยืนส่งเด็กนักเรียนกลับบ้านอยู่หน้าร้าน หน้าตาก็มอมแมมเลอะสีเหมือนเดิมตอนแรกเห็นอีกฝ่ายก็ยิ้มแย้มดีแต่พอหันมาเห็นหน้าเขาก็หุบยิ้มทันทีเหมือนกดปิดสวิตซ์ คินเลยต้องแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่นแล้วเดินไปที่รถแทน

เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะคุณครู


งานเลิกดึกกว่าที่คิดคินไม่ได้ออกกองนานมากแล้วเหมือกัน ตั้งแต่กลับจากเชียงใหม่นี่ก็คงเป็นงานแรกที่รับ ตอนแรกว่าจะกลับไปนอนบ้านแต่คิดว่าพรุ่งนี้จะมีลูกค้ามาใช้สตูดิโอก็เลยกลับมานอนที่ร้านน่าจะดีกว่า จังหวะที่กำลังจะหยิบกุญแจขึ้นมาไขก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีถุงผ้าสีขาวห้อยอยู่ตรงลูกบิดประตู นอกจากนั้นยังมีแผ่นกระดาษที่มีรูปวาดเป็นผู้ชายตัวสูงตาเป็นขีดๆ ข้างๆ เป็นรูปผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าสะพายกระเป๋าใส่กีตาร์ไว้ข้างหลัง

เบนกับคีตา?

คินหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมากดดูเพิ่งรู้ว่าเบนโทรมาหาหลายสายแล้วแต่เขาไม่ว่างรับ เวลาออกกองทีไรเขาไม่ค่อยได้ยินเสียงโทรศัพท์สักเท่าไหร่ คินเลยกดโทรกลับแค่เพียงไม่นานก็มีคนรับ

“พี่คินตอนนี้พี่เบนกำลังจับน้องอันนาอาบน้ำ ในห้องน้ำเหมือนสงครามเลยเปียกทั้งคนทั้งแมว พี่คินจะคุยกับพี่เบนไหมเดี๋ยวคีย์ไปบอกพี่เบนให้”

“ไม่เป็นไร พี่แค่จะโทรมาถามเรื่องถุงที่อยู่หน้าร้าน”

“อ้อ ไส้อั่วจากเชียงรายพ่อเอามาให้เยอะเลยพี่เบนเลยเอาไปให้พี่คินด้วย แต่ไปถึงแล้วร้านปิดพี่เบนโทรหาพี่คินไม่มีคนรับ เลยฝากพี่ร้านข้างๆ ไว้”

“พี่ร้านข้างๆ ?”

“ใช่ครับ ที่เป็นครูสอนวาดรูป”

คินเงยหน้ามองไปยังร้านสีรุ้งที่ตอนนี้ปิดไฟดับสนิทไปแล้วก่อนจะหยิบกระดาษที่มีรูปวาดผู้ชายสองคนขึ้นมาดูอีกครั้ง เออ..สมกับเป็นครูสอนวาดรูปไม่มีข้อความบอกไว้ด้วยนะแต่วาดรูปลงสีเสร็จสรรพวาดไอ้เบนซะเหมือนตาตี่เป็นขีดๆ แถมยังระบายสีซะสวยงามเหมือนวาดส่งประกวด

“วันนี้คีย์ใส่เสื้อสีฟ้ากางเกงสีน้ำเงินแล้วก็สะพายกีตาร์มาด้วยใช่ไหม”

“เฮ้ย! พี่คินรู้ได้ไงอะเจอคีย์เหรอ”

คินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบถุงผ้าเข้าไปในร้านว่าแล้วครูสีน้ำนี่ลงรายละเอียดไว้หมดทุกอย่างขนาดสีเสื้อผ้ายังเหมือนเป๊ะๆ คินได้ยินเสียงไอ้เบนโวยวายดังลั่นคอนโดก่อนที่คินจะวางสายไปเพราะเบนกำลังต่อสู้กับน้องอันนา บ้านนี้ก็บันเทิงดีสมกับเป็นครอบครัวดนตรีตีกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ คินหยิบรูปวาดจากเจ้าของร้านข้างๆ ใส่ลงกล่องที่อยู่ข้างๆ กล่องโปสการ์ด

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ถ้าเป็นสองสามเดือนก่อนผมคงจะเขียนใส่โปสการ์ดเล่าเรื่องครูสอนวาดรูปหน้าแมวให้คุณรู้แล้ว ผมยังหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะมีโอกาสได้เจอกันนะ”


Watercolor


“ทำตัวลับๆ ล่อๆ ยังกะคนโรคจิตน้ำ”

“นายไร้สีนั่นกลับมาแล้วน่าจะเห็นถุงผ้าที่เราเอาไปแขวนไว้”

“เลิกเปรียบเทียบทุกอย่างรอบตัวเป็นสีได้ไหม เดี๋ยวเขาคิดว่ามึงบ้าหรอกแล้วทำไมเจ้าของร้านไฮโซมึงถึงบอกว่าเขาไร้สีวะ”

“ก็ยังไม่รู้ว่าจะให้เป็นสีอะไรดีแต่ตอนนี้ให้เป็นนายไร้สีไปก่อน”

“และจากที่เห็นสำหรับมึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นสีอะไร”

สีน้ำปิดม่านที่แอบดูอยู่แล้วเดินกลับมานั่งบนเตียง คำถามจากญาติสนิททำให้สีน้ำหันไปมองร้านข้างๆ สีน้ำรู้ตัวดีว่าเขาชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็กๆ อุปกรณ์ที่อยู่กับตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็คือสมุดวาดรูปและดินสอสีไม้ พอโตขึ้นก็เริ่มรู้ว่าตัวเองหลงรักการวาดรูปสีน้ำ  พ่อกับแม่ยังบอกเลยว่าตั้งชื่อเล่นเหมือนเห็นอนาคตเขาล่วงหน้า เพราะอยู่กับกับวาดรูประบายสีมาตั้งแต่จำความได้มันเลยทำให้ชอบเปรียบเทียบทุกอย่างเป็นสีแทนตัวอักษร

วันนี้มีความสุขเลยเป็นสีเหลือง
วันที่เศร้าเป็นสีน้ำเงิน
วันที่สนุกมากๆ จะเป็นสีส้ม

หรือแม้แต่คนที่ได้เจอสีน้ำชอบคิดว่าคนๆ นั้นจะเป็นสีอะไรในสายตาของตัวเองอย่างพ่อกับแม่เป็นสีเดียวกันคือสีขาวเพราะรู้สึกถึงความเรียบง่ายและสงบ ส่วนณัฐเหมือนสีม่วงเพราะมันดูลึกลับเป็นผู้ชายน่าค้นหา

ส่วนผู้ชายร้านข้างๆ..

สีน้ำนึกย้อนกลับไปวันแรกที่ได้เจอกับเจ้าของร้านสุดแสนจะมินิมอล เรายังไม่เคยได้คุยกันสักครั้งที่จริงสีน้ำก็เคืองอยู่นิดๆ ที่ได้ยินเจ้าตัวตะโกนลั่นร้านว่าเกลียดสีน้ำและไม่อยากยุ่งเกี่ยวกันอีก โห…ตอนนั้นนี่เลือดขึ้นหน้าเลยนะคนที่รักการวาดรูปด้วยสีน้ำมาทั้งชีวิตอย่างเขานี่อยากเดินเข้าไปเตะก้านคอมาก

อยากจะกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วถามว่าสีน้ำไม่ดีตรงไหน! แต่ทั้งหมดนั่นทำได้แค่เพียงคิดในใจ ความเป็นจริงก็คือที่ทำได้คือกำหมัดแน่นแล้วเดินกลับมาที่ร้านตัวเอง หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่เคยได้คุยกันอีกทั้งๆ ที่มีโอกาสอยู่ทุกวัน สีน้ำทิ้งตัวนอนบนเตียงก่อนจะตอบคำถามที่ณัฐถามค้างไว้

“บอกไม่ถูกแต่ไม่ใช่โทนสีสว่างแน่ๆ คงต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้”



วันนี้ร้านสีลูกกวาดปิด และตอนนี้มีเด็กผู้หญิงมัดแกละมือหนึ่งกอดตุ๊กตากระต่าย
ส่วนมืออีกข้างกำลังกอดถุงกระดาษยืนอยู่หน้าประตู

“วันนี้น่าจะปิดทั้งวันนะครับ ร้านไม่เปิดมาตั้งแต่เช้าแล้ว”

“พอดีลูกสาวเรียนวาดรูปที่นี่ค่ะ พอดีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเลยซื้อขนมมาฝากครูที่สอนเขา ฉันฝากของไว้ที่คุณได้หรือเปล่าคะ”

คงจะมีธุระต้องรีบไปเพราะท่าทางดูรีบร้อน คินเลยตอบตกลงเด็กหญิงมัดแกละก็ยื่นถุงขนมให้เขาก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วขึ้นรถจากไปทิ้งคินไว้กับถุงขนมที่เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดี คินเลยเดินกลับเข้าร้านแล้วหยิบกระดาษโน๊ตขึ้นมาเขียน เออ..ลืมถามชื่อแต่คิดว่าเขาน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว คินเลยลุกขึ้นจะเอาถุงขนมไปแขวนไว้ที่หน้าประตูร้านแต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เดินกลับมาที่เดิมก่อนจะนึกอะไรได้



"ครูน้ำเห็นถุงขนมที่นาน่าฝากพี่ร้านข้างๆ ไว้หรือเปล่าคะ"

“ได้แล้วครับ ขนมเต็มเลยครูน้ำขอบใจนาน่ามากนะวันนี้ก็พาพี่จีนี่มาด้วยใช่ไหม”

สีน้ำหนีบโทรศัพท์ที่กำลังคุยอยู่พร้อมกับหยิบกระดาษโน๊ตที่มีรูปวาดเป็นลายเส้นเด็กผู้หญิงมัดแกละกอดตุ๊กตากระต่ายขึ้นมาดูใกล้ๆ ถึงมันจะเป็นลายเส้นดินสอเท่านั้นแต่รายละเอียดชัดเจนดี พี่กระต่ายที่ชื่อจีนี่เป็นตุ๊กตาตัวโปรดของลูกศิษย์เขาที่อุ้มไปไหนมาไหนด้วยตลอด นายไร้สีนี่วาดแม้กระทั่งรอยเปื้ัอนตรงข้างแก้มของตุ๊กตาตำแหน่งไม่ผิดเพี้ยนเลย

น่าจะชอบวาดลายเส้น
มิน่าล่ะถึงไม่ชอบสีน้ำ

Watercolor


“คนติสท์ๆ เขาคุยกันแบบนี้เหรอวะ”

“เขียนมันไม่ง่ายกว่าวาดเหรอ”

“คือมึงวาดรูปกันไปมาแต่ไม่คุยกันสักคำนี่คืออะไร”

“เขาคงไม่อยากคุยกับมึงคิน บอกเกลียดสีน้ำดังลั่นขนาดนั้นเป็นกูๆ จะกลับไปเอาสีน้ำมาสาดใส่มันอีกรอบ”

“แล้วไม่คิดจะคุยกันต่อหน้าบ้างเหรอวะร้านอยู่ติดกันขนาดนี้”

แก๊งลูกเพื่อนแม่ถกเถียงกันอยู่ในไลน์ หลังจากที่เขาเล่าความคืบหน้าความสัมพันธ์กับร้านข้างๆ ได้รับรู้ พอมานึกถึงแล้วก็ตลกเราคุยกันผ่านภาพวาดอย่างเดียว หลังจากน้องมัดแกละวันนั้น วันถัดๆ มาคินก็ได้รับรูปวาดอีก ตอนที่ฝนตกหนักคินได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าร้านพอเปิดออกไปก็เจอกระถางต้นกระบองเพชรที่ต้นไม้เอามาให้วางอยู่หน้าประตู จำได้ว่าเขาเอามันไปรับแดดในตอนเช้า คงลืมเอาเข้ามาด้วย แต่ที่คินสนใจคือรูปวาดที่แปะไว้บนกระถางเป็นรูปต้นกระบองเพชรกำลังกางร่มแน่นอนมีการลงสีด้วยสีน้ำเสร็จสรรพ

และวันต่อมาฝนก็ตกหนักอีกแต่คราวนี้คินไม้ได้ลืมเอาเจ้าต้นกระบองเพชรเหมือนวันก่อน แต่สายตาเหลือบไปเห็นกระป๋องที่ใส่พู่กันวางไว้อยู่ตรงโต๊ะหน้าร้าน คินเห็นว่าไฟในร้านก็เปิดอยู่เจ้าของน่าจะลืมมากกว่าเลยรีบวิ่งไปเก็บไว้ก่อนจะหยิบกระดาษมาวาดรูปพู่กันกางร่มแปะไว้บนกระป๋องแล้ววางไว้ตรงหน้าประตู

และมันก็เป็นแบบนี้มาทั้งอาทิตย์

คินไขกุญแจเข้าร้านหลังจากที่เมื่อคืนกลับไปนอนที่บ้านมา และตอนนี้หน้าประตูกำลังมีซองกระดาษสีน้ำตาลวางอยู่แต่แปลกที่ครั้งนี้ไม่ได้มีรูปวาดเหมือนทุกครั้ง คินหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ เดาว่าไปรษณีย์น่าจะส่งผิดมากกว่าคินเลยอ่านที่อยู่ที่แปะไว้หน้าซอง

ธารธารา  ศิริกวิน

ที่อยู่คือของร้านข้างๆ ส่งผิดแน่นอน คินถือซองกระดาษสีน้ำตาลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ร้านข้างๆ จังหวะที่กำลังจะเคาะประตู แต่อยู่ดีๆ ประตูเปิดออกพร้อมกับคนที่คุยกันผ่านทางรูปวาดทั้งอาทิตย์ก็ยืนอยู่ตรงหน้า ท่าทางคงจะตกใจอยู่เหมือนกันเพราะคินเห็นอีกฝ่ายยืนค้างอยู่อย่างนั้น วันนี้ครูสีน้ำไม่ได้เลอะสีเหมือนทุกวันหน้าตาไม่ได้เป็นแมวเหมือนวันแรกที่เจอด้วยน่าจะเป็นเพราะเช้าอยู่ยังไม่ได้เริ่มสอน แต่ท่าทางยืนนิ่งยังกะเจอผีทำให้คินต้องพยายามกลั้นหัวเราะ

“ผมเอานี่มาให้ไปรษณีย์น่าจะส่งผิดที่อยู่มันเป็นร้านของคุณ คุณชื่อธารธาราหรือเปล่า”

“อ้อ..ใช่ครับ”

พอคินยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้อีกฝ่ายต่างคนก็ต่างเงียบแต่ก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหนเหมือนต่างคนกำลังตัดสินใจว่าจะปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้เหมือนทุกครั้งหรือควรจะทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายคินก็เป็นคนเริ่มเป็นฝ่ายพูดก่อน

“ผมว่าเราควรคุยกันต่อหน้าสักทีคุณ..”

“สีน้ำครับ ผมชื่อสีน้ำ”

“ผมภาคิน เรียกคินเฉยๆ ก็ได้ผมถามได้ไหมคุณอายุเท่าไหร่ผมจะได้เรียกถูก”

“ผมน่าจะแก่กว่าคุณคิน”

“31”

“ผม 33 แก่กว่าคุณจริงๆ ด้วย”

“ที่จริงผมคิดว่าคุณน้ำอายุยี่สิบกว่า”

“ผมดูเด็กขนาดนั้นเลย”

“วันแรกที่ผมเจอคุณมีหนวดแมวแล้วก็กำลังวิ่งเล่นอยู่”

สีน้ำนึกย้อนไปวันนั้นเขาเล่นเกมแพ้เด็กๆ เลยโดนเด็กวาดหน้าซะจนหน้ากลายเป็นแมวอย่างที่เห็น พอคิดแบบนี้ก็อายขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน อายุตั้งเท่านี้แล้วยังจะเล่นอะไรเป็นเด็กๆ คุณภาคินยังคงเหมือนวันแรกที่เขาเจอแต่งตัวเหมือนเดิมเป๊ะๆ เสื้อยืดสีเทากับกางเกงยีนส์ที่จริงก็เห็นแต่งตัวแบบนี้ทุกวัน

เหมือนเหมาเสื้อสีขาว ดำ เทา มาทั้งโรงงาน

“โอเค เราจะไม่พูดเรื่องวันนั้นกันแล้วมันเป็นอุบัติเหตุผมขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจจะเอาสีน้ำสาดใส่คุณ”

“ครับ มันผ่านไปแล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไร”

“แต่เรื่องที่บอกว่าเกลียดสีน้ำนี่ผมไม่ลืมนะ”

“วันนั้นผมคงโมโหจริงๆ ผมไม่ถูกชะตากับการระบายสีน้ำเท่าไหร่”

“ถนัดงานลายเส้นเหรอครับ”

“ครับ แค่ไม่ถนัดการผสมสีมันยุ่งยากเลยไม่ค่อยชอบสีน้ำ”

“เจ็บจี๊ดเลย”

“ผมไม่ได้หมายถึงว่าผมไม่ชอบคุณนะ”

“ผมรู้ แล้วไม่คิดอยากจะระบายสีน้ำบ้างเหรอครับ”

“ไม่ชอบก็เลยไม่ได้สนใจ”

“เจ็บจี๊ดอีกแล้วเนี่ยแล้วมีสีที่ชอบไหมครับ”

“ไม่มีครับ”

“คุณคินดูน่าจะชอบสีขาวสีดำ ผมเดาจากร้านคุณ”

“มันดูเรียบๆ ใช่ไหมครับมันคงดูจืดๆ”

“อย่าเข้าใจผมผิดนะผมแค่เดาจากที่ผมเห็น”

“ผมอาจจะเข้าใจยากสักหน่อยขอโทษด้วย”

“ขนาดได้คุยกับคุณผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าคุณคินเหมือนสีอะไร”

“ผม? เหมือนสี? เมื่อกี้คุณน้ำว่าอะไรนะครับไม่ค่อยได้ยิน”

เสียงเรียกจากในร้านทำให้สีน้ำตะโกนบอกณัฐว่ากำลังจะเข้าไป คินเองก็คงต้องกลับไปเตรียมตัวเปิดร้านเหมือนกันเพราะเลยเวลาที่เปิดร้านมานานมากแล้ว จังหวะที่คินกำลังหันหลังกลับแขนเสื้อก็ถูกดึงไว้

“ถ้าวันไหนอยากระบายสีน้ำมาลงคอร์สได้นะ ผมสอนให้ฟรี”

“ผมจะเรียนไปทำไม”

“ก็อยากให้คุณคินชอบสีน้ำขึ้นมาบ้าง”

ต่างคนต่างเงียบอยู่อย่างนั้นเมื่อประโยคมันฟังดูแปลกๆ ครูสอนวาดรูปเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปเลยยกมือขึ้นมาพร้อมกับอธิบายกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด

“ไม่ได้หมายถึงผมนะ หมายถึงสีน้ำที่เป็นสี แต่จริงๆ ก็อย่าไม่ชอบผมด้วยถึงผมจะเคยเอาสีน้ำสาดใส่คุณก็ตาม อธิบายยังไงดีเวลาได้ยินคุณคินบอกไม่ชอบสีน้ำทีไรผมเจ็บจี๊ดตลอดเลย”

นี่เป็นคนแบบไหนวะเนี่ย
ตลกว่ะ

“ไว้ถ้าวันไหนผมสนใจสีน้ำขึ้นมาผมจะให้คุณสอนผมแล้วกัน”

คินกำลังจะเดินต่อแต่แขนเสื้อก็ยังถูกจับไว้เหมือนเดิมจนคินเริ่มจะสงสัยแล้วว่า ครูสอนวาดรูปนี่อายุมากกว่าเขาจริงเหรอวะรู้สึกเหมือนเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย  คินตั้งใจจะหันไปถามว่ามีอะไรอีกหรือเปล่าเพราะเขาเองก็อยากจะเปิดร้านเหมือนกันนี่ก็สายมากแล้ว แต่อยู่ดีๆ คนผมสีน้ำตาลแดงก็ชูถุงในมือขึ้นมาแล้วยื่นให้เขา

“ทานข้าวเช้าหรือยังครับ ปาท่องโก๋เจ้าดังร้านหน้าปากซอย”

“……………….....................”

“สองตัวห้าบาท”

“……………….....................”

WATERCOLOR


“ได้คุยกับร้านข้างๆ แล้วเหรอวะน้ำ”

“เออ เขาชื่อภาคิน”

“แล้วเป็นไงคราวนี้เขาเป็นสีอะไร”

“ไม่รู้ว่ะยังรู้สึกว่าเข้าถึงยากนึกไม่ออกเลยว่าเหมือนสีอะไร”

“คนแรกเลยนะที่ยังไร้สี แล้วนั่นซองอะไรวะ”

“รูปที่เราบอกให้พัดส่งมา เรากลับมาเป็นเดือนๆ ละเพิ่งจะส่งมาให้”

สีน้ำเทรูปออกมาจากซองสีน้ำตาลก่อนจะหยิบขึ้นมาดูทีละใบ บรรยากาศและรอยยิ้มในรูปทำให้คนที่ดูอยู่ยิ้มออกมาถึงจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอยู่ในกรุงเทพแต่ธรรมชาติตอนที่อยู่ที่นั้นก็เรียกได้ว่ามีความสุขมากจริงๆ ณัฐที่เช็ดจานสีอยู่เลยเดินมาดูเพราะเห็นญาติตัวเองเงียบๆ ไป

“คิดถึงเด็กๆ เนอะอยากกลับไปอีก”

สีน้ำยิ้มออกมา
แล้วหยิบรูปขึ้นมาดูใกล้ๆ

“อืม คิดถึงมากเลย”




กว่าจะได้เปิดร้าน
ก็สายมากแล้ว

ชีวิตภาคินหลังจากที่เปิดร้านเสร็จแล้วก็คือการชงกาแฟดำที่คินคั่วเมล็ดเองกับมือ ไอ้ทิมเคยบอกว่ายุ่งยากกว่าจะได้กินแต่ละแก้ว แต่สำหรับคินคิดว่าการที่ทำแต่ละขั้นตอนจนไปถึงลิ้มรสกาแฟมันทำให้เขารู้สึกดี  หลังจากจัดการกับกาแฟเสร็จแล้วคินจะกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะมันเป็นอย่างนี้ซ้ำๆ ทุกวัน บนโต๊ะไม่มีอะไรมากมายมีแค่แมคบุ๊คไว้ทำงาน  แก้วน้ำ แจกันสีใส และแก้วกาแฟสีขาวล้วน

แต่ที่แปลกใหม่สำหรับวันนี้
คือปาท่องโก๋สีน้ำตาลสองตัว

คินมองอยู่นานว่าจะทำยังไงกับมันดี ปกติคินไม่ได้กินอะไรพวกนี้อยู่แล้วอย่างมากก็แต่แซนวิชแฮมชีสอะไรแบบนี้มากกว่า แต่พอนึกถึงหน้าคนที่ยื่นให้มาก็ทิ้งไม่ลง รอยยิ้มที่ยิ้มให้คล้ายจะบอกว่าสิ่งนี้มันอร่อยมากจริงๆ อยากให้ลอง คินเลยหยิบปาท่องโก๋สองตัวมาวางไว้ข้างกัน พอมองแบบนี้ก็แปลกดีบนโต๊ะเขาไม่เคยมีสีอื่นมาก่อนเลยนอกจากดำกับขาววันนี้มันเป็นวันแรกที่มันมีสีน้ำตาล คินเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปก่อนจะกดอัพลงอินสตาแกรมและแน่นอนว่าคนที่แปลกใจกว่าใครเพื่อนคือบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่

timjinda: มึงป่วยเหรอลูกกระจ๊อกทำไมมึงมีปาท่องโก๋บนโต๊ะ! @ppachara ลูกพี่ไม่สบายหนักมาดูใจด้วยพอร์ช
ramin: ในที่สุดไอจีมึงก็มีสีอื่นนอกจากสีขาวและสีดำ ps.กูมองรูปนี้นานมากจนไม้คิดว่ากูบ้าแล้วจ้องเป็นสิบนาที
ิbenktd: กูไม่เห็นมึงกินปาท่องโก๋อีกเลยหลังจากอายุสิบสองขวบ! ตกใจมาก! นอกจากแก้วกาแฟขาวดำก็ยังมีปาท่องโก๋สีน้ำตาล @Keyta มาดูพี่คินกินปาท่องโก๋!

คินเหนื่อยใจกับความเวอร์วังของแก๊งลูกเพื่อนแม่
เอาเถอะตัวเขาเองยังแปลกใจเลยส่วนแคปชั่นน่ะเหรอ


“Brown สองตัวห้าบาท”


จะว่าไปสีน้ำตาลก็สวยดี (นิดนึง)









TO BE CON
ปาท่องโก๋อร่อยนะ นี่มันนิยายรายเดือนหรือเปล่านี่!

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-12-2019 21:15:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุย....ตอนใหม่มาแล้วววววว
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-12-2019 21:33:30
อันแน่ คินเริ่มเติมสีให้ตัวเองแล้ว เอ๊ะ ต้องบอกว่ามีคนมาเติมสีให้คินแล้ว
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-12-2019 21:35:39
น่ารัก มีแต่คำว่าน่ารัก นี่สินะ พรหมลิขิต
ไปเริ่มคุยผ่านโปสการ์ดได้ยังไงล่ะ

ดีนะ คินไม่ใช่คนชอบโวยวายไรมาก
สีน้ำก็ดูอึน น่าเอ็นดู ทิมมีเพื่อนละนะ 5555

ชอบความวาดรูปบอกกัน น่ารักดีค่ะ
วาดยังไงให้รู้ว่า ต้องการบอกอะไร
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-12-2019 21:58:08
ชอบความติส   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-12-2019 23:13:46
ตอนบอกว่าสองตัวห้าบาทนี่แอบขำ เหมือนขายต่อ ฮา รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pacharauksara ที่ 01-12-2019 23:36:05
ชอบๆๆๆ มาต่อไวๆ นะค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 02-12-2019 00:22:46
น้องสีน้ำำำ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.1 -Brown- up* 1/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-12-2019 00:38:40
แก๊งลูกเพื่อนแม่น่ารักตลอดเลย TT
น่ารักดีคุยกันผ่านรูปวาด
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow up* 21/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 21-12-2019 11:18:01
Watercolor
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.2
- Yellow-


เอาข้าวต้มหมูมาฝากกลัวคนโสดสนิทอดตาย

คินหยิบปิ่นโตที่ใส่ข้าวต้มหมูมาจนเต็มแถมยังมีผลไม้ที่ปอกไว้เตรียมพร้อม  นึกภาพตามแล้วก็ขำใครจะไปคิดว่าภาพลักษณ์ตี๋ฮ่องกงอย่างเบนจามินแห่ง KTD จะทำอาหารได้เก่งขนาดนี้  แต่ก็นะอาหารที่ทำให้เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สามขวบนี่มันช่างแตกต่างจากแฟนสุดที่รักจริงๆ คินเห็นคีตาได้กินอาหารหรูหรายังกะเชฟโรงแรมห้าดาวทุกวัน แซลมอนชิ้นใหญ่วางเต็มจานแล้วดูเขา..พอเห็นแบบนี้ก็ทำให้นึกถึงอาหารเช้าเมื่อวันก่อน

ปาท่องโก๋สองตัวห้าบาท..
ร้านมันอยู่ตรงไหนวะ

“เก็บไว้กินตอนกลางวันแล้วกัน”

คินจัดการเอาข้าวต้มหมูใส่ตู้เย็นก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์แล้วเดินไปเปิดประตูร้าน ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกมาจากประตูก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นว่าคุณสีน้ำร้านข้างๆ กำลังตั้งท่าขี่จักรยานแต่สงสัยได้ยินเสียงเขาเปิดประตูเลยหันมามอง

“คุณคินจะไปไหนครับ”

“ว่าจะไปหาอาหารเช้าสักหน่อยแล้วคุณ..”

“ไปกินโจ๊กกันไหมครับ”

“โจ๊ก? แถมนี้มีร้านโจ๊กด้วยเหรอผมไม่เคยเห็น”

“เลยไปอีกสองซอยไม่ไกลเท่าไหร่”

“ไปด้วยจักรยานคันนี้?”

“ไวใจผมได้นะขึ้นมาเลย”

คินยืนมองคนที่ตบเบาะจักรยานสีเทาเหมือนเรียกเด็กๆ ให้ไปนั่ง  คินเลยเดินมาหาพร้อมกับบอกว่าเขาปั่นให้จะดีกว่าเพราะดูจากขนาดตัวแล้วตัวเขาน่าจะหนักกว่าตัวคุณสีน้ำมากอยู่ คินเตรียมพร้อมก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง พอเห็นเขามองก็ยิ้มแฉ่งเออ…คนเรามันจะร่าเริงตั้งแต่หกโมงเช้าได้ยังไงกันวะ

เหมือนโดนหลอก
ไอ้สองซอยของครูสีน้ำนี่มันไม่น่าจะใช่ใกล้ๆ เขาปั่นจักรยานมาเกินสิบนาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีร้านโจ๊กอยู่แถวนี้เลยสักนิด ดีที่วันนี้อากาศไม่ได้แย่เท่าไหร่ถ้าร้อนแบบแสงแดดเผาเขาอาจจะไหม้ตายไปแล้ว แถมคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเอาแต่ชี้บอกว่าตรงนู้นตรงนั้นตรงนี้ขายอะไรบ้าง น่าจะเอนจอยอีทติ้งพอสมควรเพราะเห็นบอกกินมาแล้วทุกร้าน

“ตั้งแต่ผมเปิดร้าน ผมยังไม่เคยไปไกลเกินเซเว่นแถวร้านเลย”

“แถวนี้ของกินเยอะมากเลยนะคุณคินต้องลองมา”

“คุณน้ำก็พาผมมาแล้ววันนี้”

“หมายถึงถ้าคุณคินอยากมากินเอง กินข้าวคนเดียวบ่อยไหมครับ”

“ก็บ่อยนะ จริงๆ ก็ทุกวันผมเฝ้าร้านคนเดียว”

“ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วหารค่าพิซซ่า บอนชอน เคเอฟซีได้เสมอ”

“ผมมีค่าเวลาคุณหิวเหรอไง”

“งั้นมาเรียนวาดรูปสีน้ำไหม”

“ไม่ดีกว่าครับ”

“ไม่หลงกลเลยนายภาคิน”

คินหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินสรรพนามที่เริ่มเปลี่ยนไปเอาเถอะถือซะว่าเป็นการขี่จักรยานกระชับมิตรก็แล้วกัน แสงแดดเวลาเกือบเจ็ดโมงเริ่มสว่างจนคินต้องรีบปั่นไปยังร้านโจ๊กที่เหมือนจะไกลกว่าสองซอยตามที่คนซ้อนท้ายบอก คินเองเพิ่งรู้ว่าร้านค้าที่เปิดตอนเช้ามีเยอะขนาดนี้  เสียงจากคุณสีน้ำยังคงบอกว่าร้านนี้อร่อยขนาดซอยแยกเล็กๆ ยังรู้ว่ามีร้านลับซ่อนอยู่

“ตรงซอยนู้นมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ด้วยครับ ซอยตรงนู้นคุณคินเห็นไหม”

“อย่ายื่นมือออกไป”

คินปล่อยมือจากแฮนด์หนึ่งข้างแล้วจับมือคนที่กำลังชี้ให้ดูซอยร้านอาหารญี่ปุ่นรวบไว้บนตัก เพราะกลัวว่าจะโดนรถเฉี่ยวไปซะก่อนเห็นยื่นออกไปซะจนสุดแขน สีน้ำเงียบลงก่อนจะมองมือตัวเองที่ถูกจับไว้แน่น..ก่อนจะเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้าง วันนี้คุณภาคินก็ยังแต่งตัวเหมือนเดิมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ ผมไม่ได้เซ็ทน่าจะเพิ่งตื่นก็ดูแปลกตาดี แต่ปกติก็ดูเซอร์ๆ แบบนี้อยู่แล้ว สีน้ำเอียงหน้ามามองคนที่ตั้งใจขี่จักรยานแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือเขาออกสักที แต่แค่เพียงไม่นานคุณคินก็รู้สึกตัวค่อยๆ ปล่อยมือออกแล้วไปจับแฮนด์ตามเดิม

“วันนี้วันอาทิตย์คุณคินว่ามันเป็นสีอะไร”

“แดง? ไม่ใช่แดงเหรอครับ”

“วันนี้ของผมเป็นสีเหลือง”

“คุณน้ำดูชอบเปรียบเทียบทุกอย่างเป็นสี”

“ทุกคนที่รู้จักผมก็บอกแบบนั้นนะ มันดูบ้าๆ ใช่ไหม”

“เฮ้ย ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น อย่าเข้าใจผมผิดมันก็ดูเหมาะกับคุณดีแล้วทำไมคุณถึงบอกว่าวันนี้เป็นสีเหลือง”

“ไม่บอกหรอกครับแล้วคุณคินคิดว่าวันนี้ของคุณเป็นสีอะไร”

“แดงมั้ง”

“ทำไมเป็นสีแดง”

“ก็วันนี้วันอาทิตย์”

คินตอบคำถามก่อนจะจอดจักรยานหน้าร้านโจ๊กที่คนเยอะพอสมคววร คนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ลงจากจักรยานก่อนจะบอกก็จริงวันนี้วันอาทิตย์เป็นสีแดงก็ถูกของคุณ แล้วเดินเลยไปจองโต๊ะคินได้แต่มองตามคนที่เดินน้ำหน้าไป สำหรับเขาทุกๆ วันก็เหมือนกันหมดจะวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์จะให้แยกๆ เป็นสีๆ อะไรเขาไม่เคยทำ แค่รู้สึกว่าวันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์สีแดงที่ไม่น่าเบื่อดี

และก็เป็นวันแรกที่อาหารเช้าของเขาเปลี่ยนไป
แก๊งลูกเพื่อนแม่กรี๊ดแน่ถ้าวันนี้ได้รู้ว่าเขากินโจ๊กแทนกาแฟดำ


ร้านโจ๊กรสชาติดีคุณลุงคนขายให้เครื่องเยอะมากคนที่พามากินยิ้มแก้มปริเมื่อเขาบอกว่าอร่อย เป็นการกินอาหารเช้ากับคนที่เพิ่งรู้จักแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรมีบางช่วงที่เราคุยกัน และบางช่วงที่ต่างคนต่างเงียบเพราะมัวแต่กินโจ๊กและคุณน้ำก็เป็นอีกคนที่กลั้นหัวเราะตอนที่เขาบอกชื่อแก๊งเพื่อนสนิทให้ฟัง

“แก๊งลูกเพื่อนแม่?”

“ครับมีสี่คนมีผม เบน ทิมแล้วก็รามิลเป็นหัวหน้า”

“มีหัวหน้าด้วยเหรอครับ”

“มีไปงั้นๆ คนที่มีอำนาจตัวจริงคือทิม”

“มีอำนาจขนาดไหนเนี่ย”

“ขนาดที่ว่าบังคับให้พวกผมไปดรีมเวิลด์ตอนอายุสามสิบได้”

“เดี๋ยวนะ เหมือนผมจะเคยเจอคนหนึ่งที่ตัวสูงๆ ตี๋ๆ วันนั้นเขาฝากของไว้ให้คุณคิน”

“นั่นเบนจามิน”

“อ้อ มีอีกคนสะพายกีตาร์มาด้วยแก้มป่องๆ”

“แฟนเบนครับชื่อคีตาเป็นนักแต่งเพลง ผมว่าคุณน้ำต้องเคยฟังเพลงที่คีตาแต่ง จริงๆ วันแรกที่เราเจอกันแก๊งลูกเพื่อนแม่ผมก็อยู่กันครบนะ”

“ตอนนั้นโมโหอยู่จำใครไม่ได้หรอกจำได้แต่หน้าคุณคิน”

“แค้นไม่เลิกเลย”

“คำว่าเกลียดสีน้ำนี่ฝังใจจนผมเก็บไปฝันร้าย แต่พวกคุณดูสนิทกันดีโตกันขนาดนี้แล้วก็ยังเจอกันทุกวัน”

“เดี๋ยวพวกมันก็มาอีกเราเจอกันบ่อยอยู่แล้วครับ เมื่อก่อนเราเจอกันเช้ากลางวันเย็นเดี๋ยวนี้มีแฟนก็เลยติดแฟนกัน”

“มีแฟนกันหมดแล้วเหรอครับแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“มีหมดแล้วครับ”

“อ้อ..โอเค”

“เหลือผม”

“ครับ?”

“เหลือผมคนเดียวที่ยังไม่มีแฟน ตอนนี้ผมยังไม่มีใคร”

อยู่ดีๆ บทสนทนาก็เงียบไปทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันเรื่องแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่หยุด คุณสีน้ำไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับรู้แต่คินก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่อาจเพราะแสงแดดที่ส่องเข้ามาทำให้เห็นใบหน้าของคุณน้ำแดงขึ้นมาอาจจะร้อนละมั้งเพราะเห็นดื่มน้ำไปสองแก้วแล้ว…

กว่าจะขี่จักรยานกลับมาก็ถึงเวลาที่ต้องเปิดร้าน แต่หน้าร้านของคุณสีน้ำตอนนี้มีผู้ชายใส่แว่นตัวสูงมานั่งรออยู่ท่าทางสนิทสนมกันดีเพราะเห็นอีกฝ่ายยกมือขยี้ผมคุณน้ำซะจนยุ่งเหยิง

“พี่แวะมาหาวันนี้จะไปบ้านรุ่งอรุณด้วย”

“น้ำไม่ได้ไปนานมากเลย”

“เด็กๆ ที่นั่นคิดถึงน้ำกันหมด เดี๋ยวนี้มีแต่คนเอาของไปบริจาคแต่ไม่ค่อยมีใครไปสอนอะไรเด็กเท่าไหร่”

“น้องๆ ที่นั่นชอบวาดรูปนะเอางี้น้ำไปด้วยดีกว่า พี่ภูมิรอก่อน”

“แล้วน้ำไม่สอนเหรอไง”

“มีสอนอีกทีตอนเย็นเลยเดี๋ยวให้ณัฐเฝ้าร้านไปก่อน”

“ก็มีแค่เราสองคนเท่านั้นแหละที่ไปหา ถ้ามีคนวาดรูปได้ไปหาเด็กๆ อีกก็คงจะดี”

โครม..

เสียงของหล่นตรงหน้าประตูจากร้านข้างๆ ทำให้คนทื่ยืนคุยกันอยู่หน้าร้านหันไปมอง ภาคินเอ่ยขอโทษเพราะคิดว่าตัวเองทำเสียงดังรบกวน เลยรีบเก็บบรรดาม้วนฟิล์มที่ทำหล่นไว้ใส่กล่อง สีน้ำก้มลงเก็บฟิล์มที่กลิ้งมาตรงเท้าขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเดินไปหาคินที่กำลังเอื้อมมือไปรับแต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ง่ายๆ


Watercolor


“ถ้าวันไหนคุณคินว่างมาสอนเด็กๆ วาดรูปได้นะครับ”

นั่นคือประโยคจากคุณสีน้ำก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นม้วนฟิล์มพร้อมกับบอกที่อยู่ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ คินพยักหน้ารับเท่านั้นแต่ไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธ  ตอนสายของวันอาทิตย์คินนั่งทำงานไปเรื่อยๆ แต่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ชื่อบ้านรุ่งอรุณลงไป แค่เพียงไม่นานข้อมูลต่างๆ ก็ปรากฏให้เห็น คินค่อยๆ เคาะนิ้วกับโต๊ะเหมือนใช้ความคิด

สุดท้ายป้ายหน้าร้านก็เปลี่ยนเป็น close

บ้านรุ่งอรุณเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่ได้ใหญ่มาก เด็กที่นี่ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อายุไม่เกินสิบสาม ทันทีที่เขาจอดรถเจ้าหน้าที่ก็พาเขามาที่ห้องกระจกที่อยู่ด้านหลัง คินเอ่ยขอบคุณก่อนจะกอดอกยืนมองครูสีน้ำที่กำลังก้มหน้าวาดรูปอยู่ พู่กันในมือค่อยๆ แต้มสีน้ำลงบนกระดาษสีขาว ตรงหน้ามีบรรดาเด็กๆ นั่งมองกันตาแป๋วถึงแม้ในมือของเด็กจะเป็นสีไม้ไม่ใช่สีน้ำ เดาว่าคงกลัวจะเลอะเทอะเลยให้ใช้สีไม้แทน

“วันนี้ใครอยากได้กระต่ายบ้าง เดี๋ยววันนี้ครูจะสอ..”

สีน้ำยังพูดไม่ทันจบประโยคเพราะคนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วยิ้มให้ บรรดาเด็กๆ ที่นั่งอยู่ต่างมองตามคนที่เข้ามาใหม่กันตาแป๋วก่อนที่สีน้ำจะบอกให้เด็กๆ เรียกคินว่าพี่คิน เพราะคินไม่ถนัดวาดสีน้ำเลยเอามาแค่ปากกาเมจิกสีดำมาแท่งเดียว แต่ดูเด็กๆ จะตื่นเต้นกันมากพากันมารุมพี่คินกันใหญ่

“ปากกาวาดรูปได้ด้วยเหรอคะ”

“ได้สิคะ หนูอยากได้รูปอะไร”

“กระต่ายค่ะพี่คินวาดให้หนู”

สีน้ำท้าวคางมองภาคินที่ตอนนี้จะฮอตป๊อปปูล่าในบรรดาเด็กๆ บ้านรุ่งอรุณ เสียงดังเจี๊ยวจ้าวแย่งกันกันให้คุณคินวาดรูปตามที่ตัวเองอยากได้ กว่าจะได้ครบทุกคนก็ทำเอาหมดแรงสีน้ำเห็นท่าทางสะบัดมือไปมาของคนที่นั่งข้างๆ ก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ รูปวาดสุดท้ายเป็นรูปหุ่นยนต์ตัวใหญ่ก่อนที่เด็กผู้ชายจะยกมือไหว้แล้ววิ่งเอาไปเป็นแบบแล้วตัวเองวาดตาม

“สีน้ำผมตกกระป๋องแน่ๆ เจอปากกาเมจิกคุณคินไป”

“เดี๋ยวเด็กๆ ก็เบื่อครับส่วนมากก็ชอบแบบมีสีสันมากกว่า”

“ไม่นึกว่าคุณคินจะมาวันนี้”

“ก็อยากลองทำอะไรแบบนี้บ้าง คุณน้ำน่าจะมาบ่อยคุณดูสนิทกับเด็กๆ”

“ครับ ก่อนที่ผมจะเปิดร้านก็มาบ่อยเหมือนกัน แต่หลังจากกลับมาที่กรุงเทพนี่ก็เพิ่งมีเวลามา”

“ผมนึกว่าคุณเป็นคนกรุงเทพซะอีก”

“ผมเป็นคนกรุงเทพแต่ก่อนหน้านี้ผมไปอยู่ที่อื่นมา ที่จริงผมเปิดร้านก่อนหน้าคุณคินแค่เดือนเดียวเอง”

“ไปทำงานต่างจังหวัดเหรอครับ”

“ทำงาน..เรียกว่าทำงานก็ได้ครับ”

“ผมถามได้ไหมว่าที่ไหน”

“เชียงใหม่ครับ”

กึก..ปลายปากกาเมจิกสีดำหยุดชะงักก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ที่กำลังจุ่มพู่กันสีเหลืองแล้วระบายลงกระดาษสีขาวตรงหน้า คงเพราะว่าเขาเงียบไปไม่พูดอะไรต่อคุณน้ำเลยหยุดระบายสีแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคล้ายจะถามว่าเป็นอะไร คินเลยส่ายหน้าก่อนจะหยิบปากกาเมจิกมาวาดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“ลองระบายสีน้ำไหม”

“ไม่กลัวผมทำเลอะเหรอครับ”

“ไม่เท่าวันแรกที่เราเจอกันหรอก”

พอคิดถึงวันนั้นก็หัวเราะออกมาทั้งคู่ก่อนที่คินจะลองระบายสีน้ำตามที่คุณครูบอก พอเห็นเขาตกลงคุณน้ำก็ยิ้มอย่างดีใจจัดการเลื่อนอุปกรณ์ต่างๆ มาใกล้ๆ คินหมุนพู่กันในมือไปมาไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะเอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ตอนแรกตั้งใจแค่เอาพู่กันจุ่มสีน้ำแล้วระบายๆ แต่คุณน้ำให้ลองตั้งแต่ผสมสีเอง คนที่เกลียดการระบายสีน้ำมาตั้งแต่เด็กต้องมาทำอะไรแบบนี้มันก็เป็นเรื่องยากพอสมควร

“ใส่น้ำเยอะไปอย่าคนสีแบบนั้น”

คินหยุดพู่กันในมือก่อนจะหัวเราะเบาๆ จนสีน้ำต้องเงยหน้าขึ้นมามองพลางถามว่าหัวเราะทำไม คินยกมือสองข้างคล้ายจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องอะไร

“ผมแค่รู้สึกเหมือนโดนครูดุจริงๆ แล้วก็ผมลืมไปแล้วว่าที่จริงคุณน้ำอายุมากกว่าผม”

“ไม่เห็นจะเรียกว่าพี่เห็นเรียกคุณตลอด”

“คุณน้ำก็เรียกผมว่าคุณคินเหมือนกัน”

“น้อ..”

“อย่าคิดจะเรียกผมว่าน้องด้วย ถ้าจะเรียกแค่คินเฉยๆ ก็พอ”

“กลายเป็นผมที่โดนคุณคินดุ”

“เอาไว้เรารู้จักกันมากกว่านี้เรื่องเรียกชื่อค่อยคิดก็ได้ครับ ตอนนี้ถนัดแบบไหนก็เรียกแบบนั้นไปก่อน”

“ผมไม่รู้จะให้คุณคินเป็นสีอะไรดีแต่คุณเป็นคนที่ใจเย็นและมีเหตุผลมากๆ ”

“เปรียบเทียบคนเป็นสีด้วยเหรอนี่”

“แน่นอน”

“ผมไม่มีสีเหรอตอนนี้? เป็นผี?”

“ไม่ใช่สีแบบนั้นจะอธิบายยังไงดี”

“เข้าใจครับ”

“เข้าใจว่าอะไร”

“เข้าใจว่าตอนนี้ผมไม่มีสี แต่ถ้าวันไหนคุณน้ำรู้แล้วว่าผมเป็นสีอะไรช่วยบอกผมด้วยแล้วกัน”

สีน้ำพยักหน้าตกลงก่อนจะหยิบปากกาเมจิกสีดำของคินมาวาดลงกระดาษบ้าง คงเพราะไม่ได้วาดแบบนี้มานานมากแล้วรูปภาพมันเลยตลกๆ  คินเหลือบมองรูปตัวการ์ตูนผู้ชายที่คุณน้ำวาดก็รู้ทันทีว่าไอ้เด็กผู้ชายที่ทำท่าทางกวนๆ นั่นหมายถึงใคร คินเลยเปลี่ยนจากระบายสีท้องฟ้ามาวาดรูปด้วยสีน้ำเพราะไม่ถนัดรูปมันเลยเลอะเทอะจนมองแทบไม่ออกแต่ไอ้หนวดแมวที่อยู่บนหน้าก็รู้ว่านั่นคือใคร

“ผมเชื่อแล้วว่าคุณคินไม่ถนัดสีน้ำ”

“ผมบอกคุณแล้วมันดูไม่เป็นรูปด้วยซ้ำ ผมบังคับข้อมือไม่ค่อยได้เลย”

“หน้าผมเลอะไปหมด มีชัดแค่หนวดแมว”

“สุดความสามารถแล้วครับคุณครู”

“ขอได้ไหมรูปนี้”

“เละขนาดนี้เอาไปทำอะไร”

“เก็บไว้ดูพัฒนาการผมจะคอยดูว่าจะมีสักวันไหมที่คุณคินจะวาดรูปผมด้วยสีน้ำแล้วเหมือนตัวจริง”

ภาคินส่ายหน้าทันทีเพราะดูมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับเขาตอนนี้แค่ผสมสีให้พอดียังทำไม่ได้เลย แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของอีกฝ่ายคินก็เลยตัดสินใจยกรูปวาดที่มันดูเลอะเทอะจนมองแทบไม่ออกให้ มีการเขียนคะแนนข้างล่างกระดาษว่า F อีกต่างหาก แต่สักพักคินก็เห็นว่าคุณน้ำเอาพู่กันจุ่มสีเหลืองแล้วแต้มเป็นจุด พอเห็นว่าเขามองอยู่เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาบอก

“วันนี้สีเหลือง”

เอ้อ..วันนี้วันอาทิตย์สีแดงนะคุณครู

นั่งวาดรูปเล่นกันอยู่ดีๆ เด็กๆ ที่เริ่มระบายสีเสร็จก็รีบวิ่งเข้ามาหาทั้งสองคนเพื่ออวดผลงานของตัวเอง สีน้ำคงจะคุ้นเคยกับเด็กมากกว่าภาคินเลยถูกเด็กๆ ล้อมรอบตัว คินเงยหน้าขึ้นมามองไปรอบๆ ห้องก็เห็นว่ามีเด็กผู้หญิงผมแกละยังคงก้มหน้าก้มตาระบายสีภาพวาดตรงหน้าไม่เลิก คินเลยลุกแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ

“ยังระบายไม่เสร็จเหรอคะ”

“หนูอยากระบายสีสวยๆ เหมือนของครูน้ำค่ะ”

“ฝึกไปเรื่อยๆ หนูก็จะเก่งเหมือนครูน้ำ”

ภาคินเห็นเด็กผมแกละเงยหน้ามายิ้มแฉ่งจนตาหยีก่อนจะก้มลงระบายสีต่อ คินเพิ่งเห็นว่าข้างๆ เด็กผู้หญิงมีแฟ้มพลาสติกสีขาววางอยู่พอเห็นเขามองอย่างสนใจเด็กผมแกละก็หยิบมาให้เขาดูใกล้ๆ พร้อมกับบอกว่า ครูน้ำวาดรูปสวยมากๆ เลยค่ะอันนี้ครูน้ำวาดไว้ให้หนู

คินพอจะเข้าใจข้างในแฟ้มเป็นรูปภาพที่ระบายด้วยสีน้ำทุกรูป มันเป็นรูปวาดง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร มีรูปขนม ผลไม้ ของเล่น ตุ๊กตา ฟุตบอล แล้วก็รูปเด็กผู้หญิงผมแกละเป็นรูปสุดท้ายภาคินนึกไปถึงรูปของตัวเองที่เพิ่งวาดไปแล้วก็หัวเราะเบาๆ มันเทียบไม่ได้กับรูปของคุณน้ำเลยด้วยซ้ำ ภาพที่เขาวาดเหมือนเด็กสามขวบเพิ่งเริ่มจับพู่กันไม่มีผิด คินมองรูปในมือก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าตรงลายเซ็นข้างล่างกระดาษมีสีเหลืองแต้มเป็นจุดอยู่ มันเหมือนกับเมื่อกี้ที่คุณน้ำทำ คินเลยเปิดย้อนดูรูปก่อนหน้านี้มันกมีจุดสีเหลืองเหมือนกันทุกรูป

“สีเหลืองตรงนี้..”

“ตรงไหนคะ”

“ตรงนี้พี่คินสงสัยจังทำไมถึงมีจุดสีเหลืองทุกรูปเลยคะ”

“อ้อ..ครูน้ำบอกว่าสีเหลืองคือความสุขค่ะ”

“ความสุข?”

“ใช่ค่ะ ครูน้ำบอกว่าสีเหลืองของครูน้ำคือวันที่มีความสุขค่ะ”

ภาคินเงยหน้าขึ้นมองครูสีน้ำที่ตอนนี้ยังคงโดนเด็กๆ รุมให้วาดรูปอยู่อีกด้าน
แล้วนึกถึงประโยคของคุณน้ำที่บอกออกมาตอนที่กำลังขี่จักรยาน


“วันนี้ของผมเป็นสีเหลือง”


เป็นครูสอนวาดรูปที่ตลกดีนะ

Watercolor

คินกลับมาเปิดร้านอีกทีตอนสี่โมงเย็น ก่อนจะกลับคุณน้ำแวะเอาดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่กลับร้านไปด้วยบอกว่าวันนี้มีสอนวาดรูปดอกไม้ คินก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ปกติเขาใช้เยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ นึกว่าใช้แค่ไม่กี่ดอกเอาเถอะ ครูสอนศิลปะก็คงจะมีเทคนิคของเขา

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ลูกค้าเยอะเต็มร้าน คินยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ในร้านกำลังอธิบายถึงที่มาของโปสการ์ดต่างๆ ว่ามันคือสถานที่ไหนในประเทศไทยบ้าง ทันทีที่ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายออกไปเสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าทิมกับพอร์ชยืนถือกล่องขนมพร้อมกับโบกมือทักทาย ตั้งแต่เขามาเปิดร้านที่นี่แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็แวะเวียนมาหากันทุกวัน เหมือนเจอฐานทัพใหม่หลังจากที่ไอ้รามิลบ่นเรื่องทุกคนชอบไปนั่งเล่นที่ร้านดอกไม้ของแฟนมัน

“ขนมเค้กอร่อยมากซื้อมาฝาก”

“สำหรับกูของหวานก็เหมือนกันหมดทิม”

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกเรียกขนมทุกอย่างว่าเค้ก คนบ้าอะไร”

“พวกมึงกลัวกูอดตายเหรอไงวะ เมื่อเช้าไอ้เบนก็เอาข้าวต้มมาให้ตอนนี้มึงก็เอาขนมมาให้ เผลอๆ ไอ้มิลอาจจะเอากระเช้าผลไม้มาให้กู”

“นี่แหละมึงแก๊งลูกเพื่อนแม่มิตรภาพตั้งแต่สามขวบยันสามสิบ”

ถึงคินจะบ่นไปเรื่อยเปื่อยแต่เขาก็ขอบใจแก๊งลูกเพื่อนแม่มากจริงๆ ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด แต่ทุกคนก็ใช่ว่าจะลืมความเป็นเพื่อนที่คบกันมานาน และเขาเองก็ดีใจที่แฟนของแก๊งลูกเพื่อนแม่เข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขา วันก่อนต้นไม้ก็มาหาพร้อมกับเอาต้นกระบองเพชรมาให้

เจ้าหนูคีตาของเบนจามินก็แวะมาซื้อรูปที่เขาวาดเอาไปฝากพ่อที่เชียงราย ส่วนไอ้แฟนเด็กของทิมถึงจะชอบพูดจากวนตีนอยู่บ่อยๆ แต่คินเองก็มั่นใจว่าถ้าเขาต้องการจะตกแต่งร้านเพิ่มพอร์ช พชร ก็พร้อมจะช่วยเต็มที่ถึงแม้ว่างานมันจะล้นมือแค่ไหนก็ตาม เออ..พอพูดถึงก็เดินมาหาพอดี

“วันนี้ผมจะมาเหมารูปที่คุณคินวาดไปติดที่ทำงานเอาไว้เรียกลูกค้า ไอ้มีนจะต้องชอบแน่ๆ”

“แค่นี้คิวสถาปนิกพชร ยาวไปถึงดาวอังคารแล้วนะที่กูเห็น”

“แต่ผมมีเวลาให้ทับทิมเหมือนเดิมไม่ต้องห่วงนะคุณคิน กลับบ้านตรงเวลากินข้าวพร้อมหน้ากอดกันก่อนนอนทุกคืน”

“กูอยากถีบมึงออกไปนอกร้านว่ะพอร์ช”

พอเขาทำท่าจะถีบจริงๆ พอร์ชก็รีบเดินหนีไปหาทิมที่กำลังเงยหน้าดูรูปภาพที่เขาอยู่ คินท้าวคางมองทั้งคู่อยู่อย่างนั้นจะว่าไปไอ้พอร์ชนี่ก็รักทับทิมมันเหลือเกิน การแสดงออกทั้งสายตาการกระทำไม่เคยเปลี่ยนไปเลย สงสัยท่าทางไอ้ทิมตอนเลือกรูปที่แขวนอยู่คงน่ารักเกินไปพอร์ชเลยเดินเข้าไปใกล้แล้วจูบตรงข้างขมับเบาๆ จนทิมต้องหันมาทำหน้าดุใส่ แต่ก็นั่นแหละหน้าตาทับทิมนพจินดาก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน พอร์ชเลยเดินมาซ้อนข้างหลังพรอ้มกับเอาคางวางลงบนกลุ่มผมของทิมมันเป็นภาพที่น่ารักดีพอมองอย่างนี้ทับทิมก็เหมือนเด็กลงไปอีกทั้งๆ ที่อายุสามสิบกว่าแล้วแท้ๆ

คิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีดอกกุหลาบสีแดงยื่นมาตรงหน้า
ก่อนที่คุณน้ำจะเอียงหน้ายิ้มแฉ่งพร้อมกับยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลที่จ่าหน้าซองถึงเขา

“ไปรษณีย์ส่งผิดร้านตลอดเลย ผมเพิ่งเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะณัฐน่าจะลืมเอามาให้คุณ”

“สอนเสร็จแล้วเหรอครับ”

 “ครับ..พอดีกำลังเก็บดอกกุหลาบที่ผมใช้สอนวาดรูปเลยถือติดมือมาด้วย อยากได้ไหมครับเหลืออยู่สามดอก ผมเก็บไว้ดอกหนึ่งให้คุณคินสองดอก”

“ให้ผม?”

“คุณคินต้องไม่ชอบดอกกุหลาบแน่ๆ”

“ก็ไม่ได้ชอบดอกไม้อะไรเป็นพิเศษผมเฉยๆ หมด”

“คำตอบสมเป็นคุณมากๆ ดอกกุหลาบผมนี่เศร้าเลย”

“แต่ไหนๆ คุณก็ถือมาแล้วใส่แจกันไว้ตรงเคาน์เตอร์ก็ได้ครับ”

คินรับดอกกุหลาบสีแดงสองดอกมาใส่แจกันแล้ววางบนเคาน์เตอร์พอเอามาตั้งแบบนี้ก็แปลกดี ของทุกอย่างในร้านของภาคินแทบจะเป็นสีดำสีขาวทั้งหมด พอมีแจกันดอกไม้ที่มีดอกกุหลาบสีแดงสองดอกตั้งอยู่มันก็ดูเด่นขึ้นมาทันที  คุณสีน้ำพอเห็นรูปวาดในร้านก็เลยขอตัวไปเดินดูใกล้ๆ จังหวะเดียวกับที่ลูกค้าผู้หญิงที่เลือกโปสการ์ดอยู่แถวเคาน์เตอร์พอเงยหน้าขึ้นมามองแจกันที่ใส่ดอกกุหลาบก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้

“ดอกกุหลาบสวยจัง”

“ขอบคุณครับ”

“ทำไมถึงมีสองดอกล่ะคะ ทุกทีเวลาใส่แจกันเห็นใส่กันสามดอก”

“คนให้เขาให้มาแค่สองดอกครับ”

“จำนวนดอกกุหลาบมีความหมายนะคะ”

“ความหมายเหรอครับผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย”

“ค่ะ ที่ฉันรู้มาก็คือดอกกุหลาบหนึ่งดอกหมายถึงรักแรกพบ แต่ถ้าสองดอกหมายถึงต่างคนต่างหลงเสน่ห์ซึ่งกันและกัน”

ทันทีที่ลูกค้าผู้หญิงพูดจบคุณสีน้ำก็เดินกลับมาตรงเคาน์เตอร์พอดีและแน่นอนว่าต้องได้ยินที่ลูกค้าบอกแน่ๆ ถึงได้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเดาว่าคุณน้ำก็คงไม่ได้นึกถึงความหมายอะไรนี่หรอกนี่ก็บังเอิญให้เขาแบบไม่ได้ตั้งใจ  พอเห็นท่าทางคนที่ยืนตัวแข็งทื่อภาคินได้แต่ยิ้มขำก่อนจะหยิบดอกกุหลาบสองดอกขึ้นมาพร้อมกับหันมามองคุณสีน้ำที่ยืนอยู่

“ดอกกุหลาบสองดอกนี่ยังให้ผมอยู่ไหม”

“งั้นคุณคินเอาไปให้หมดเลย”

สีน้ำยื่นดอกกุหลาบหนึ่งดอกที่เหลืออยู่ในมือให้ภาคินที่เอื้อมมือมารับไว้ แต่ทันทีที่คุณลูกค้าผู้หญิงที่ยังยืนอยู่ที่เดิมบอกความหมายของดอกกุหลาบสามดอกให้รู้ คุณสีน้ำก็เอ่ยขอตัวกลับร้านซะดื้อๆ แถมยังรีบเดินจนเกือบจะชนประตูเวลาเขินจนทำอะไรไม่ถูกนี่ไม่เหมือนคนที่อายุมากกว่าเขาเข้าไปใหญ่

“แต่ดอกกุหลาบสามดอกหมายถึงฉันรักเธอนะคะ”

คินก้มลงมองดอกกุหลาบสามดอกในมือ
ที่ได้มาแบบ งงๆ ก่อนจะยิ้มออกมา

คินเข้าใจมาทั้งชีวิตว่าวันอาทิตย์เป็นสีแดง
แต่ถ้ามันจะเป็นสีเหลืองมันก็โอเคอยู่นะ



ว่าไหม?..











TO BE CON

ตอนนี้ของพี่คินจะเป็นตอนสุดท้ายของซีรีส์แก๊งลูกเพื่อนแม่ในปี 2019 ค่ะ
ขอไปเที่ยวปีใหม่ก่อนะคะกลับมาปีหน้าเลย ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งปี ถึงเราจะต่อนิยายช้ามากๆ
แต่ก็ยังรออ่านกันอยู่ ขออภัยแล้วก็ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

เมอรี่คริสมาสแอนด์แฮปปี้นิวเยียร์นะคะทุกคนนนนนนนน
เรามารีสตาร์ทชีวิตในปี 2020 กันเถอะมามีความสุขให้โลกสดใส

และแก๊งลูกเพื่อนแม่จะอยู่กับเราไปจนถึง 2020 (แน่ล่ะค่ะเพราะเป็นนิยายรายเดือน)เวง 55555


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo



หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-12-2019 12:14:11
ครูสีน้ำน่ารัก..กกก สดใส  :impress2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-12-2019 20:55:51
ต่อไปนี้ทุกวันของคินน่าจะเป็นสีเหลืองแหละน้า
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-12-2019 21:07:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่สีน้ำต้องปิ๊งน้องคินก่อนแน่เลย  ถึงได้เป็นวันนี้สีเหลือง

ในขณะที่น้องคินก็เริ่มจะตกหลุมพรางของพี่สีน้ำเข้าให้เสียแล้วสินะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 22-12-2019 13:25:59
ระวังหลงเสน่ห์ครูสีน้ำนะ เอะหรือว่าครูสีน้ำจะหลงเสน่ห์ภาคิน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 22-12-2019 14:29:54
สีน้ำน่ารัก  :L1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 22-12-2019 15:44:56
น่ารักไม่เปลี่ยนเลยสำหรับนิยายซีรี่ส์แก้งค์นี้ไม่คิดว่าสะใภ้คนสุดท้ายจะโตกว่าแต่ก็น่ารักมากๆรออ่านตอนต่อไปค่ะ ไปเที่ยวให้ปลอดภัยและมีความสุขนะคะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 22-12-2019 16:15:59
โอ้ยน่ารักมากกกกกกกก ทั้งคินทั้งสีน้ำเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-12-2019 17:56:03
ละมุน

อ่อนโยน

ในความรู้สึก
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Kwanmin ที่ 23-12-2019 19:00:38
 :mew1: :mew1:น่ารักมากๆเลยค่ะพี่คิน
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: thebrownbear ที่ 24-12-2019 00:03:30
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ รออ่านเสมอค่ะ ปีนี้แก้งลูกเพื่อนแม่ไปเคาน์ดาวน์ที่ไหนกันคะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-12-2019 00:58:51
เขินเลยคุณครู
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-12-2019 06:15:48
อะไรคือเขินเค้าคะ สีน้ำ ภาคินยังไม่ทันทำไรเลยนะ
ทั้งตอนบอกไม่มีแฟน ทั้งตอนดอกกุหลาบสองดอก สามดอก
เอ็นดูสีน้ำ โลกสดใสมากเลย และพาภาคินออกมาจากโซนได้ด้วย

ภาคินเป็นคนไม่ค่อยอะไรมาก แบบเฉยๆ กับทุกสิ่ง
อินเฉพาะที่อยากอิน และกับแก็งค์ลูกเพื่อนแม่ แค่นั้น
แต่ตอนนี้ ภาคินกำลังจะอินตามสีน้ำบ้างละนะ

วันนี้เป็นสีเหลืองนะคะ ภาคิน
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Aday_s ที่ 27-12-2019 03:04:00
ฉันมารอนักเขียนที่หน้าเล้าเป็ดทุกวันเลยจ้าาาาาา ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ ตามอ่านทุกเรื่องเลย แนะนำให้เพื่อนไปอ่านตาม เพื่อนอินมากค่ะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 27-12-2019 11:55:35
ทำไมผู้ชายอายุ 33 ถึงได้น่ารักขนาดนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 28-12-2019 23:15:00
สีน้ำน่ารักจังแอบชอบน้องคินหรือเปล่านะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 04-01-2020 16:24:54
ชอบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020]
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 19-01-2020 21:03:36
Watercolor
#ที่พักพิงสีน้ำ



คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.3
- Red-



เดี๋ยวนี้อาหารเช้าภาคินแปลกใหม่ทุกวัน
กาแฟดำขมๆ ตกกระป๋องไปเลยเมื่อเจอโจ๊ก ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ลูกชิ้นทอด

ตอนเช้าพอเปิดประตูหน้าร้านเพื่อจะยกกระถางต้นกระบองเพชรให้รับแดดเหมือนทุกวัน แต่พอหมุนลูกบิดกลับพบว่ามีบางอย่างแขวนไว้ตรงประตู หยิบขึ้นมาดูถึงเห็นว่าเป็น หมูปิ้งห้าไม้มีข้าวเหนียวพร้อมเสร็จสรรพ ยอมรับเลยว่าไม่ได้กินอาหารแบบนี้มานานเขาขี้เกียจจะตื่นไปซื้อ ทุกวันนี้กาแฟดำแก้วเดียวก็พอแล้ว

นอกจากอาหารเช้าแล้วยังมีโพสต์อิทที่มีรูปวาดเล่าเรื่องราวในแต่ละวัน  วันนี้เป็นรูปเด็กผู้ชายชูสองนิ้วยิ้มแฉ่งส่วนมืออีกข้างถือหมูปิ้งไว้สามไม้ เออ...ตอนแรกนึกว่าวาดตัวเองแต่ไอ้เสื้อยืดสีเทากางเกงสีดำก็รู้เลยว่าไอ้เด็กผู้ชายนี่มันเขาชัดๆ

ทุกอย่างเหมือนหมดนะ
ยกเว้นไอ้รอยยิ้มนี่น่าจะไม่ใช่ ตั้งแต่วันนี้เขายังไม่ได้ยิ้มเลย

คินวางถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งไว้ตรงเคาน์เตอร์ก่อนจะเดินไปมุมโน้นมุมนี้เพื่อจัดของ พอจัดเพลินๆ ก็ลืมเวลาไปซะสนิทไม่รู้ตัวเลยว่าเวลามันล่วงเลยมาเกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว อาหารเช้าก็ไม่ได้กินตามเคย จังหวะที่กำลังหยิบโปสการ์ดขึ้นมาใส่ไว้บนชั้นเสียงเรียกจากหน้าร้านทำให้คินต้องหันหลังกลับไปมอง

“กินหมูปิ้งข้าวเหนียวยังครับผมเอามาแขวนไว้ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้ว”

“เออ..ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย”

ครูสีน้ำโผล่หน้ามาตรงหน้าประตู เสื้อผ้าหน้าผมดูยุ่งเหยิงตรงแก้มขาวๆ  มีรอยเปื้อนสีแดงเป็นแถบๆ คินยังไม่เคยเห็นครูสอนศิลปะคนไหนมีสีเลอะไปทั้งตัวแบบครูสีน้ำมาก่อน อย่างมากก็แค่มือเท่านั้น

“จะเที่ยงแล้วครับคุณคิน”

“พอดีเมื่อวานผมมีงานเข้ามากะทันหันครับทำเพลินไปหน่อย เพิ่งนอนไปตอนตีสี่เอง”

“วันนี้เลยเปิดร้านสาย”

“ตอนแรกว่าจะไม่เปิด แต่มันดันตื่นขึ้นมาพอดี”

“หมูปิ้งผมเย็นหมดแล้ว ไม่อร่อยแน่”

“ผมกินได้หมดไม่ซีเรียส แล้วทำไมเลอะสีแบบนั้นล่ะครับ”

“มีคลาสเช้าครับ พอดีวันนี้ผมเปิดร้านครึ่งวันเลยเลื่อนคลาสมาเช้าหน่อย”

“แล้วต้องเลอะสีขนาดนี้เลย”

“ผมสนุกไปหน่อยเรื่องปกติ”

“ยังกะเด็กสามขวบ”

“คุณเด็กกว่าผมอีกนายภาคิน”

“ผมไม่รู้สึกว่าผมเด็กกว่าเลย”

“ทำไมเรามาเถียงกันเรื่องนี้ได้ แล้วเมื่อไหร่คุณคินจะกินหมูปิ้งผมเนี่ย”

“เริ่มรู้สึกหิวๆ ขึ้นมาเหมือนกันแล้วครับ กินกาแฟไปแค่แก้วเดียว”

“คุณคินก็บ้างานเหมือนกันนะ”

“ผมว่าผมยังโอเคอยู่ ถ้าคุณน้ำได้เจอพอร์ชแฟนทิมจะเข้าใจคำว่าบ้างานของจริง”

“ขนาดเขาบ้างานยังมีแฟนเลยคุณ”

“กว่าจะมันจะได้ทิมเป็นแฟนผ่านการดราม่าน้ำตาท่วมมาแล้ว”

คินนั่งลงบนเก้าอี้หมุนด้านหน้าเคาน์เตอร์ แต่พอเห็นโพส์ทอิทที่เป็นรูปวาดตัวการ์ตูนผู้ชายก็เลยหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ คนที่วาดให้ก็ยืนหน้าเปื้อนสียิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้า พอเขาชูให้ดู คุณสีน้ำก็เลยหยิบมาเทียบกับหน้าเขา

“ผมวาดหมือนไหม”

“เสื้อผ้าหน้าผมเหมือน แต่มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือน”

“เฮ้ย มันจะไม่เหมือนได้ไง”

“ผมไม่ได้ยิ้มแบบนี้ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นคนยิ้มง่ายเท่าไหร่”

ทันทีที่เขาพูดจบคุณสีน้ำก็ทำหน้าตลกๆ แลบลิ้นปลิ้นตา คงอยากทำให้เขายิ้มเหมือนตัวการ์ตูนที่ตัวเองวาด แต่คงไม่รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นพวกเส้นตื้นอะไรทำนองนั้นเลย แต่คินไม่ได้บอกให้คุณน้ำหยุดทำท่าทางบ้าๆ บอๆ เลยสักนิดได้แต่ยืนกอดอกมองดูครูสอนวาดรูปเอียงหัวซ้ายขวาไปมาอยู่อย่างนั้น  ได้ยินเสียงบ่นเบาๆ ว่าเส้นลึกจริงๆ

พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะยอมแพ้คินเลยยกมือขึ้นมาก่อนจะเช็ดเบาๆ ตรงรอยเปื้อนสีแดงบนแก้มขาว คนที่กำลังทำหน้าตาตลกๆ หยุดนิ่งทันที  สีน้ำใช้สายตากวาดไปทั้วใบหน้าของคินก็ยอมรับตรงๆ ว่าหน้าตาดี ขนาดเป็นคนไม่ได้แต่งตัวอะไรมากมายก็แค่เสื้อยืดสีพื้นๆ กางเกงยีนส์ก็ยังหล่ออยู่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่สีน้ำละสายตาจากคนตรงหน้าไม่ได้

“ระวังหน่อยครับคุณครู สีจะเลอะไปถึงตาแล้ว”

ทั้งน้ำเสียงและสัมผัสตรงแก้มทำให้สีน้ำรู้สึกเขินขึ้นมาซะดื้อๆ รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนแปลกๆ สายตาก็มองซ้ายมองขวาทีไม่ยอมสบตากับคนคินตรงๆ คินเองก็หยุดเช็ดเมื่อเห็นว่าคุณน้ำมีท่าทางแปลกๆ ยิ่งเขามองคนตรงหน้ามากเท่าไหร่คุณน้ำก็ยิ่งแสดงอาการมากเท่านั้น

เขิน?

อยู่ดีๆ คินก็ค่อยๆ ยิ้มออกมาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าเฉยๆ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องยิ้มเมื่อเห็นว่าอาการเขินที่มันดูตลกๆ ของคุณน้ำ คินไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินแต่รอยเปื้อนตรงแก้มมันเกือบจะถึงปลายหางตาอยู่แล้ว เขาก็เลยจะเช็ดออกให้เฉยๆ แต่ก็นะ

เขินแบบนี้ก็น่ารักดี

“คุณยิ้มแล้ว”

“ครับ?”

“ตอนนี้คุณคินยิ้มแล้ว”

สีน้ำยกรูปการ์ตูนเด็กผู้ชายที่ตัวเองวาดขึ้นมาเทียบอีกครั้งและแน่นอนว่าคินยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น แต่อยู่ดีๆ ก็เงียบกันทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ และสีน้ำก็เหมือนจะเขินขึ้นมาอีกครั้งเลยเอาโพส์ตอิทไปแปะลงบนเสื้อของคิน แล้วก็ขอตัวไปเก็บของที่สอนไว้ พูดเร็วซะจนคินฟังแทบไม่ทัน ลงท้ายแค่ว่าอย่าลืมกินหมูปิ้งด้วยแต่อยากให้กินแบบร้อนๆ ไว้วันหลังจะซื้อมาให้ใหม่ แล้วก็เดินเลี้ยวเข้าร้านตัวเองไป

เออ..เวลาเขินแล้วตลกดีว่ะ
กลัวจะเดินชนประตูเข้าสักวัน

คินก้มลงดึงโพส์ตอิมรูปตัวการ์ตูนขึ้นมามองอีกครั้ง ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหลุดยิ้มออกมาเหมือนกัน  สายตาเหลือบไปเห็นรอยเปื้อนสีแดงบนนิ้วคงเป็นสีที่มันเลอะอยู่บนแก้มของคุณสีน้ำ จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกับคุณสีน้ำมาชีวิตเขาดูมีสีสันขึ้นเยอะมีสีเลอะอยู่ที่ตัวเขาแทบทุกวัน คินลองดเช็ดมือกับทิชชู่เปียกแต่สีแดงที่ติดอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกเลยสักนิด

สีน้ำนี่มันล้างออกยากขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ก็นะ..ให้มันเลอะแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน


Watercolor


เพิ่งเคยมาครั้งแรกหลังจากที่ได้ยินชื่อมานาน
ร้านดอกไม้ SECRET GARDEN

สีน้ำเงยหน้าขึ้นมามองป้ายชื่อร้านที่ติดอยู่ข้างหน้าประตู วันนี้ปิดร้านครึ่งวันเพราะตอนเย็นจะไปเยี่ยมอาจารย์ที่เคยสอนวาดรูปกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เลยคิดว่าควรจะมีของติดไม้ติดมือกันบ้าง พอถามในกลุ่มเพื่อนๆ ทุกคนก็เลยบอกให้เป็นดอกไม้น่าจะดีคนมีอายุน่าจะชอบ ก็เลยมีคนแนะนำร้านนี้มา จริงๆ ก็ได้ยินชื่อเสียงร้านนี้อยู่แล้วแต่ไม่เคยได้ใช้บริการสักที

“เชิญครับ”

ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านคนที่กำลังตัดกิ่งไม้อยู่ตรงหลังเคาน์เตอร์ก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ โห…ยิ้มสวยมากขนาดเขาเป็นผู้ชายยังรู้สึกว่าสวยเลย เดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน สีน้ำไม่เคยรู้เลยว่าเวลาที่เขาจะซื้อดอกไม้สักช่อนี่มันต้องเริ่มจากตรงไหนมันเลยดูเก้ๆ กังๆ ไปหมด ปกติเขาก็แค่ซื้อดอกกุหลาบไปให้เด็กนักเรียนวาดรูปแค่นั้น แต่คุณเจ้าของร้านที่แนะนำตัวว่าชื่อต้นไม้ใจดี พยายามช่วยเขาเลือกดอกไม้อย่างเต็มที่

มิน่าล่ะลูกค้าถึงได้ติดใจกันขนาดนี้

“พี่ไม้ครับ ชั้นกระบองเพชรตรงมุมด้านซ้ายเอาขนาดนี้ดีไหมครับ หรือว่าใหญ่กว่านี้พี่ไม้ชอบแบบไหน”

“มิลบอกพี่ว่าเอาแค่นี้ก็พอ กลัวว่าจะรับน้ำหนักไม่ไหวพอร์ชว่าไงล่ะถามความเห็นสถาปนิกดีกว่า”

“ผมตามใจลูกค้าครับเนรมิตได้หมด คุณมิลบอกผมไว้แค่ประโยคเดียว”

“บอกว่า”

“แบบไหนก็ได้ที่ไม้อยากได้ เรื่องเงินไม่เกี่ยงพี่รวยมาก”

“หมั่นไส้จริงๆ เลยรามิล”

ผู้ชายที่ใส่ผ้ากันเปื้อนของร้าน SECRET GARDEN เดินมาจากด้านหลังพร้อมกับกางแปลนห้องอะไรสักอย่างให้คุณไม้ดู ก่อนจะหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคนแต่สิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันสีน้ำเองรู้สึกคุ้นชื่อแปลกๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

พอร์ช?
รามิล?


“พี่ไม้ติดลูกค้าอยู่เหรอครับ เดี๋ยวผมเข้าไปแก้แบบก่อนแล้วกันเออ..ทิมบอกผมว่าใกล้ถึงกันแล้วน่าจะประมาณสิบนาที”

ทิม?

ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่ออยู่ดีๆ ประตูหน้าร้านก็เปิดออกพร้อมกับคนตัวเล็กแก้มยุ้ย ข้างหลังสะพายกีตาร์เข้ามาในร้าน คุณไม้เลยเดินเข้าไปหาก่อนจะรับกีตาร์จากคนตัวเล็กมาวางตรงหลังเคาน์เตอร์ สีน้ำพยายามมองหน้าคนตัวเล็กเพราะรู้สึกว่าคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก

“พี่เบนกับพี่มิลจอดรถอยู่ครับ พี่ทิมกับพี่คินกำลังมาพอร์ชเสร็จยังคีย์หิวข้าวจะแย่แล้ว”

“เบนขุนเราจนแก้มยุ้ยขึ้นเยอะเลยคีตา”

เบน?  คีตา? คิน?


“แก๊งลูกเพื่อนแม่”

สีน้ำพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวเพราะเขารู้แล้วว่าทำไมถึงได้คุ้นชื่อทุกคนนัก ต้นไม้หันมามองลูกค้าคนล่าสุดที่ยืนอยู่กลางร้าน พอร์ชเองที่เดินจะเอาแบบที่แก้มาให้ต้นไม้ดูก็หยุดเดินเมื่อได้ยินสิ่งที่สีน้ำบอกออกมา คีตาเอียงหน้าออกมามองก่อนจะนึกขึ้นได้เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูหน้าร้านเปิดอีกครั้ง

“สรุปกินอะไรดีวะกูคิดมาตลอดทาง เจ้าหนูคีตากูไอ้นู่นก็เบื่อไอ้นี่ก็ไม่เอาไม่รู้จะกินอะไร”

“ถ้าถามไม้ ไม้ก็บอกกินได้หมดแฟนมึงอยากกินอะไรทิมเอาไอ้พอร์ชเป็นตัวตัดสิน”

“พอร์ชกินเหมือนที่กูอยากกิน”

“เผด็จการแม้กระทั่งเรื่องอาหาร พอร์ชนี่มันลูกไก่ในกำมือชัดๆ เคยเถียงมึงชนะบ้างไหม งั้นกูเอาคนไม่มีแฟนตัดสินภาคินมึงต้องเลือกแล้ว”

“วนมาที่กูจนได้ ถ้าวันไหนกูมีแฟ…คุณสีน้ำ”

คินยังไม่ทันจะพูดจบประโยคสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ยืนอยู่กลางร้าน SECRET GARDEN ทุกคนในร้านพร้อมใจกันเงียบแล้วมองไปยังลูกค้าคนเดียวที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ สีน้ำเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกสายตาจ้องมาที่เขาคนเดียวเลยกวักมือเรียกภาคินให้เดินเข้ามาหาเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงให้ทุกคนเข้าใจ

“ครูสอนวาดรูปที่อยู่ข้างร้านพี่คินนี่”

พอคุณคีตาพูดขึ้นมาทุกคนก็ร้องอ้ออกมาพร้อมกันก่อนจะเดินเข้ามาแนะนำตัวทีละคน จากวันนั้นวันที่คุณคินเคยเล่าเรื่องแก๊งลูกเพื่อนแม่ให้ฟังก็ไม่นึกว่าวันนี้จะได้เจอครบแก๊งขนาดนี้  คุณไม้เอ่ยขอโทษที่นอกเรื่องจนไม่ได้จัดดอกไม้ให้สักทีแต่เขาก็บอกเองว่าไม่เป็นไร เขาไม่ได้รีบยังไงเขาก็เข้าไปหาอาจารย์ตอนเย็นอยู่แล้ว

“ไปทานข้าวกันไหมครับคุณน้ำ เดี๋ยวไม้จะปิดร้านช่วงบ่ายสามชั่วโมงรอดอกไม้มาส่ง”

“คุณอยู่กับเพื่อนผมไม่กวนดีกว่า”

“ไม่กวนหรอกครับ แก๊งลูกเพื่อนแม่ผมไม่น่ากลัวอ้อ…มีคนหนึ่งที่น่ากลัว”

สีน้ำหัวเราะอออกมาเมื่อมีบางอย่างโยนใส่หัวคุณคินเต็มๆ แน่นอนว่าคนที่โยนมาคือคุณทิมที่เรียกคุณคินว่าลูกกระจ๊อก เออ..ดูมีอำนาจเหนือใครจริงๆ ด้วยขนาดแค่นั่งอยู่เฉยๆ สีน้ำยังรู้สึกถึงความแสบออกมาเลย แต่ยอมรับว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารักมากยังกะตุ๊กตา แฟนหวงน่าดูมิน่าล่ะคุณพอร์ชถึงเอาแต่กอดไม่ปล่อย

สุดท้ายสีน้ำก็มาทานข้าวกับแก๊งลูกเพื่อนแม่
และสงสัยมากว่าคุณคินชินกับฉากสวีทของบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ได้ยังไง

สีน้ำตักซุบเข้าปากเงียบๆ พร้อมกับมองไปยังคุณรามิลกับคุณไม้เขาก็ไม่ได้หวานแหววอะไรขนาดนั้นหรอก แค่คุณรามิลคอยตักอาหารให้คุณไม้ตลอดเวลา มีบ้างที่คุณไม้เอาอะไรที่คุณมิลไม่กินออกจากจานให้นอกจากนั้นก็มีคุยกันหัวเราะกันบ้างแต่สายตาคุณมิลไม่ละสายตาจากคุณไม้สักนาที

“เอาสลัดไหมหรือไม้อยากกินอย่างอื่น”

“พอแล้วมิล เต็มโต๊ะไปหมด”

“ไม้ผอมลงเดี๋ยวแม่หาว่าผมเลี้ยงแฟนไม่ดี”

“เวอร์ตลอดรามิล น้ำหนักผมก็ขึ้นๆ ลงๆ เป็นเรื่องปกติ”


และคู่ต่อมาคือคุณเบนกับคีตา สีน้ำเห็นคุณเบนหั่นสเต็กในจานตัวเองแต่ก็เอาชิ้นเนื้อตักใส่จานคีตาที่นั่งจิ้มมั่นฝรั่งบดอยู่ข้างๆ คีตาน่าจะเด็กกว่าคุณเบนเยอะเหมือนกันยิ่งแต่งตัวกันคนละแนวแบบนี้ก็ดูน่ารักดี คุณเบนแต่งตัวในชุดทำงานเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าสมกับเป็นผู้บริหาร ส่วนคีตายังใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่กางเกงห้าส่วนเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่การที่นั่งเคี้ยวตุ้ยๆ แก้มยุ้ยขยับขึ้นขยับลงมันก็น่าเอ็นดู

“อยากกินอันนี้”

“พี่เบนทำอร่อยกว่านี้อีก”

“ตัวเองทำอร่อยทุกอย่างเลยนะ”

“ถ้าไม่ทำงานที่ KTD พี่จะเปิดร้านอาหารแล้ว”

“มีนักดนตรีในร้านยัง”

“ไม่จ้างหรอกกินจุ”

และก็เถียงกันทุกห้านาที คุณคินบอกว่าคู่นี้ก่อนจะเป็นแฟนกันเคยตีกันมาก่อนถึงขั้นกระชากคอเสื้อจะต่อยกันอยู่รอมร่อ ดูไม่น่าเชื่อมากๆ คุณเบนนจามินดูหลงคีตาแบบที่โงหัวไม่ขึ้นเห็นจับแก้มยุ้ยๆ นั่นทุกห้านาที

และคู่สุดท้าย..

“ทับทิมต้องกินข้าวก่อนจะสั่งขนม”

“นี่คือคำสั่งเหรอ”

“เรื่องอื่นผมยอมทิมหมด แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทิมไม่ชอบกินข้าว”

“งั้นพอร์ชต้องป้อนแล้ว ไม่ค่อยอยากกินข้าวเท่าไหร่”

“อย่าคิดว่าผมไม่กล้า จูบทิมตอนนี้ยังได้น่ารักจนคนมองเยอะแยะไปหมด”

“งั้นต้องชิงจูบก่อน”


อู้หูว..สีน้ำถึงกับวางส้อมลงกับจานเมื่อเห็นว่าคุณทิมเอียงหน้ามาหอมแก้มแฟนเบาๆ น่าจะไม่มีคนได้เห็นเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แต่เพราะเขานั่งมองทั้งคู่อยู่แล้วเลยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ในบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่คู่นี้น่าจะหวานสุดแล้ว กอดกันตลอดเวลา ทั้งจับมือ จับแก้ม ทั้งซบ ทั้งอ้อน พอรู้มาจากคุณคินมาบ้างว่าคุณพอร์ชอายุน้อยกว่าคุณทิมเลยเรียกว่าแฟนเด็ก แต่ก็นะ..ก็แฟนเด็กจริงๆ ทั้งอ้อนทั้งกวน

อายุน้อยกว่า…

สีน้ำเผลอหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณคินก็แค่กินอาหารปกติไม่ได้มีท่าทีผิดแปลกตรงไหน แต่พอหันมาเห็นว่าเขามองอยู่ก็เลยถามว่ามีอะไร สีน้ำไม่ได้ตอบแต่เงยหน้ามองแต่ละคู่แล้วหันมามองหน้าคินอีกที พอเห็นแบบนั้นคินก็พอรู้ว่าตอนนี้คุณสีน้ำรู้สึกยังไง

“เลี่ยนใช่ไหมครับ”

“เฮ้ยไม่ใช่ๆ แค่คิดว่าน่ารักดี”

“นี่แค่เบาๆ ผมเจอจนชินแล้ว”

“ทนได้ไงเนี่ย”

“ภูมิต้านทานมีเยอะมั้งเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรเห็นพวกมันมาตั้งแต่เจอกันจีบกันตีกันแล้วก็รักกัน แล้วคุณน้ำล่ะครับ”

“ผมทำไม”

“ไม่รู้ว่าผมถามคำถามนี้ดีไหม”

“ขนาดนี้แล้วคุณคิน ถ้าไม่ถามจะเอาสีน้ำมาป้ายหน้าคุณ”

“มีแฟนไหมครับหรือมีคนที่คุยด้วยแล้ว”

ทั้งๆ ที่เป็นคำถามปกติแต่ไม่รู้ว่าทำไมสีน้ำรู้สึกแปลกๆ ยิ่งคุณคินวางช้อนแล้วเท้าคางรอฟังคำตอบแบบนี้สีน้ำเลยต้องทำเป็นหยิบน้ำขึ้นมาดื่มแก้เก้อ แต่เหมือนคุณคินจะไม่ปล่อยคำถามนี้ไปง่ายๆ เพราะเอาแต่จ้องไม่ยอมละสายตาไปไหน

“ไม่มีครับไม่ได้คุยกับใครเลย”

สีน้ำหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าตามเดิม ไม่ได้หันกลับไปมองว่าตอนนี้คุณคินทำหน้าแบบไหนอยู่เห็นแว๊บๆ ว่าพยักหน้ารับรู้ก็เท่านั้น เออ..เขาก็คงถามไปตามมารยาทเท่านั้นละมั้งสีน้ำเลยหยิบมีดขึ้นมาหั่นไก่ทอดตรงหน้าแต่อยู่ดีๆ คุณเบนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็พูดขึ้นมา


“คิน มึงยิ้มกับสปาเก็ตตี้ทำไมวะอร่อยขนาดนั้นเลย”



....................
....................................................




หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.2 -Yellow -* [ 21/12/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 19-01-2020 21:05:15
......................
........................................

Watercolor


แก๊งลูกเพื่อนแม่สนิทกันมากคุยกันได้ทุกเรื่องเมื่อกี้คุยเรื่องงานที่ซีเรียส ตอนนี้กำลังมาเรื่องวิธีจีบของเด็กสมัยนี้ หัวข้อนี้มาจากไหนไม่รู้แต่เป็นการถกเถียงที่ไม่จบไม่สิ้นมาเกือบสิบนาทีแล้ว

“เฮ้ย สมัยนี้เขาก็ส่งไลน์ ไดเร็คไอจีกันป่ะวะ”

“เราจีบพี่ยังไงนะคีตา”

“ผมจีบพี่เบนตอนไหนกัน”

“อ้าวแล้วคุณเบนกับคีย์เป็นแฟนกันได้ไง”

“เรื่องมันยาวมากพอร์ช รู้ว่าตอนแรกเกลียดกันฉิบหายไอ้เบนแกล้งคีตาสารพัด แล้วดูตอนนี้ยกหุ้น KTDให้คีตาได้คงทำไปแล้ว”

“โห คุณเบนนี่ไม่เบา”

“มึงมีสิทธิ์มาโหเหรอไอ้ทาสพอร์ช คนที่เจอเพื่อนกูครั้งแรกที่ผับเล่นเกมห่าเหวอะไรไม่รู้แล้วก็มาร้องไห้น้ำตานองหน้า”

“คลาสสิคสุดคือไม้ก้บไอ้มิล รักไอ้มิลมาได้ยังไงสิบปีอะไม้สองวันก็นานเกินพอ”

“อ้าวสัดเบน มึงนี่เพื่อนกูตั้งแต่สามขวบจริงป่ะวะ”

“สรุปเราสามคนนี่ไม่มีใครรักแรกพบทั้งนั้น อยู่ด้วยกันแล้วค่อยๆ รักเออกูสงสัยคนเราจะรักคนที่เราไม่เคยเจอกันได้ป่ะวะ แบบหลงรักกันจากอะไรบางอย่าง”

“คำถามมึง งง มากไม่เคยเจอกันแล้วจะรักกันได้ยังไง”

“ก็กูสงสัย”

“ได้ครับ”

ทั้งโต๊ะที่กำลังเถียงกันอยู่เงียบลงเมื่อคนที่พูดออกมาคือคุณสีน้ำ ภาคินที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยหันมามองเพราะเขาก็ไม่คิดว่าคุณน้ำจะตอบบแบบนี้

“คุณน้ำเคยชอบคนที่ไม่เคยเจอกันเหรอครับ เฮ้ย..ผมถามได้ไหม”

สีน้ำบอกเบาๆ ว่าไม่เป็นไร
ก่อนจะยิ้มออกมา

“เคยครับ”

“แล้วคือคุณน้ำไม่รู้จักเขา”

“ก็ไม่เชิงไม่รู้จักผมจะบอกยังไงดี ผมคุยกับเขาทุกวันแต่เราไม่เคยเจอกันและไม่เคยรู้เลยว่าชื่อจริงๆ เขาชื่ออะไร ระหว่างผมกับเขามันเริ่มต้นไม่เหมือนคนอื่นเท่าไหร่”

“แล้วคุณน้ำไม่อยากรู้จักเขาเหรอครับ”

“อยากครับ แต่เหมือนมันก็สายไปแล้ว”

“แล้วตอนนี้..”

“ผมไม่ได้คุยกับเขาแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้เขาเป็นใคร ทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน”
 
พอเห็นทุกคนทำหน้าเครียดสีน้ำเลยยิ้มออกมาก่อนจะบอกว่าให้ทุกคนผ่อนคลายไม่ต้องซีเรียสเรื่องมันผ่านมาแล้ว เขาไม่ได้เป็นอะไรคุณเบนยกมือขึ้นมาจับหน้าอกตัวเองพร้อมกับบอกรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจ มันก็เป็นท่าทางที่ดูโอเวอร์จนตลกมีการหันไปรั้งคีตาที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้เข้ามาซบ

“คุณน้ำจะได้เพลงรักจากคีตาแน่นอนครับ เก็บค่าลิขสิทธิ์แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงได้เลยตั้งชื่อเพลงตอนนี้ยังได้ รักเธอคนที่ฉันไม่รู้จัก”

สีน้ำหัวเราะกับชื่อเพลงที่คุณเบนตั้งขึ้นมาเล่นๆ แต่พอหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าทำไมคุณภาคินถึงเอาแต่มองหน้าเขาอยู่อย่างนั้น ขนาดเขาเอามือปัดผ่านหน้าไปมาก็ยังไม่รู้สึกตัวจนสีน้ำต้องยกเมนูขึ้นมาให้ดู

“สั่งขนมไหมครับคุณคิน พานาคอตต้าไหม”

“ไอ้คินไม่รู้จักพานาคอตต้าหรอกครับคุณน้ำ มันเรียกขนมทุกอย่างบนโลกว่าเค้ก”

“พานาคอตต้าไม่ใช่เค้กสักหน่อย”

“มันเหมือนกันหมดผมจำชื่อเรียกไม่ได้”

พอคุณคินบอกมาอย่างนั้นสีน้ำเลยเอากระดาษมาวางไว้ใกล้ๆ แล้วหยิบปากกาที่มีหลายสีในแท่งเดียวขึ้นมาวาดรูปพานาคอตต้าลงไป มีการแยกชั้นสีแดงให้เห็นชัดๆ

“นี่เรียกพานาคอตต้านะครับ จริงๆ มันอาจจะมีรสอื่นแต่ผมชอบสตรอว์เบอร์รี่มากที่สุด”

คินมองรูปวาดที่คุณสีน้ำวาดแล้วยิ้มนี่ถ้ามีสีน้ำให้ระบายคุณครูคงทำไปแล้ว จังหวะที่กำลังสั่งขนม อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับทักทายคุณสีน้ำ แก๊งลูกเพื่อนแม่เดาว่าคงเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่มาเรียนวาดรูปกับคุณน้ำเพราะได้ยินแว่วๆ เรื่องคอร์สเรียนวาดรูป

“น้องปุ๊กกี้เป็นเด็กดีครับ ไม่ดื้อไม่ซนตั้งใจเรียนมากคุณกอล์ฟสบายใจได้”

“ได้ยินแบบนี้ก็ผมก็ดีใจ ปกติหลานผมซนตลอดแต่พอไปเรียนวาดรูปกับคุณน้ำ ก็กลับมาบอกว่าครูที่สอนน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้”

“ครับ ผมก็ไม่ได้น่ารักอะไรหรอกครับคงไม่เคยดุเด็กมากกว่าก็เลยเป็นครูที่ดูใจดี”

“แต่ผมว่าที่ปุ๊กกี้พูดก็จริงนะครับ”

“ครับ?”

“ครูสีน้ำน่ารักจริงๆ ”

คุณกอล์ฟพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติแต่สายตาแพรวพราวจนสีน้ำเองเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนอยู่ด้วยเยอะแยะ ขณะที่ยังคุยกับคุณกอล์ฟมือข้างขวาของสีน้ำก็หยิบปากกาขึ้นมาวาดรูปตัวการ์ตูนผู้ชายกำลังแหกปากร้องไห้ ภาคินที่นั่งอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นเลยกลั้นหัวเราะแล้วคว้าปากกาในมือสีน้ำมาวาดตัวการ์ตูนผู้ชายใส่เสื้อคลุมซูเปอร์แมนให้อยู่ข้างๆ ผู้ชายที่กำลังร้องไห้อยู่

“ขนมมาช้าจังวะสั่งไปตั้งนานแล้ว”

อยู่ดีๆ คินก็ยกแขนพาดแขนไปบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาที่หัวไหล่สีน้ำแล้วสุดท้ายก็วางไว้เฉยๆ ตรงเอวก่อนจะรั้งให้สีน้ำเขยิบเข้ามาใกล้จนแทบจะนั่งตัก คนที่โดนกอดตัวแข็งทื่อแต่คินก็ส่งสายตาให้รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรอยู่ เหมือนตอนนี้สีน้ำเองก็คิดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ภาคินกอดอยู่อย่างนั้น คินเลยก้มลงมองมือของคุณน้ำที่วางอยู่บนตักตัวเองส่งสัญญาณ จนสีน้ำต้องยกมันมาวางบนตักของคินแทน

“ตอนนี้ใกล้จะจบคอร์สแล้ว คอร์สหน้าถ้าน้องปุ๊กกี้จะต่อแจ้งชื่อกับณัฐได้เลยนะครับ”   

“แจ้งกับคุณน้ำได้ไหมครับ ยังไงผมก็เป็นคนมาส่งปุ๊กกี้มาเรียนอยู่แล้ว”

คินแกล้งเหลือบสายตามามองคนที่ยืนอยู่ก่อนจะก้มลงมากระซิบเบาๆ เฉียดแก้มขาวไปมา แน่นอนว่าทุกอย่างอยู่ในสายตาของคุณกอล์ฟ ยิ่งคินกระชับกอดสีน้ำมากขึ้นเท่าไหร่ระยะห่างทั้งสองคนมันก็น้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายคุณกอล์ฟต้องเอ่ยขอตัวถอยทัพกลับไป สีน้ำถอนหายใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปไกลแล้ว

“น้องปุ๊กกี้ต้องไม่มาเรียนกับผมแล้วแน่ๆ”

“มาเรียนอยู่แล้วเผลอๆ คุณอากอล์ฟจะตามมาเรียนด้วย”

“แล้วนี่คุณคินทำแบบนี้ทำไม”

“ก็เห็นวาดรูปให้ผมช่วย”

“วิธีอื่นไม่มีแล้วเหรอไง”

“ผมเจอแบบนี้มาเยอะถ้าไม่ใช่วิธีแบบนี้สลัดไม่หลุดหรอก หรือว่าคุณน้ำชอบเขา”

“ไม่ได้ชอบ”

“งั้นวิธีนี้ดีสุดเชื่อผม”

“ถ้าน้องปุ๊กกี้ไม่มาเรียนกับผมแล้ว เด็กชายภาคินต้องมาเรียนวาดรูปสีน้ำกับผมแทน”

“ทำไมผมถึงเป็นเด็กชายภาคิน”

“ก็คุณเด็กกว่าผม”

“ผมลืมไปแล้วว่าตัวเองเด็กกว่าคุณ แต่เรื่องเรียนวาดรูประบายสีน้ำนี่ผมขอผ่าน”

“ไม่ชอบสีน้ำ” / “ไม่ชอบสีน้ำ”

“รู้เลยว่าจะพูดว่าอะไร”

พอพูดเรื่องนี้ก็หน้าตูมขึ้นมาทันที ยิ่งอยู่ใกล้กันแบบนี้ทำให้คินเห็นหน้าชัดๆ พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เลยของขึ้นตลอด ยิ่งเขากลั้นหัวเราะคุณครูสีน้ำก็ดูจะยิ่งโมโหมียกมือขึ้นมาทุบเขาอีกต่างหาก

“สักวันเถอะคุณคินจะตกหลุมรักสีน้ำ”

“ตกหลุมรักเลยเหรอ”

“ใช่!”

“ถ้าตกหลุมรักจริงผมจะไม่เลิกรักง่ายๆ นะ”


“ก็ดี…”

สีน้ำเงียบลงทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเถียงต่อแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดอะไรไม่ออก ยิ่งได้เห็นหน้าคุณคินยิ้มๆ แบบนี้ก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าทั้งโต๊ะอาหารตอนนี้มันเงียบแปลกๆ สีน้ำเลยหันมามองและแน่นอนว่าสายตาทุกคนจ้องมาที่เขาเป็นจุดเดียวท่าทางของทุกคนเหมือนเจอเรื่องประหลาด

“คือ..คุณกอล์ฟมีหลานชื่อน้องปุ๊กกี้เดินไปตั้งนานแล้ว คือ..คิน”

เบนพยายามจะพูดต่อแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่าเพราะเห็นว่าทั้งสองคนยังคงอยู่ท่าเดิม มือไอ้คินยังกอดเอวคุณน้ำไว้แน่นแถมหน้ายังอยู่ใกล้กันไม่มีทีท่าว่าใครสักคนจะเขยิบตัวออกมา พอเห็นท่าทางของคุณเบนสีน้ำเลยรู้สึกตัวค่อยๆ ถอยกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม คินเองก็แกล้งทำเป็นขยับมือไปมา

ต้นไม้ที่นั่งมองอยู่ได้แต่ยิ้มออกมากับท่าทางของทั้งคู่ อยู่ดีๆ ก็มีเศษกระดาษปลิวตกลงมาใต้โต๊ะ ต้นไม้เลยก้มลงไปหยิบขึ้นมาดูพอเห็นรูปตัวการ์ตูนก็พอเดาได้ว่าใครเป็นเป็นคนวาดรามิลเห็นแฟนตัวเองยิ้มอยู่อย่างนั้นเลยชะโงกหน้ามาดูบ้าง

“นี่คินกับคุณสีน้ำคุยกันแบบนี้เหรอเนี่ย”

“ไม่มีตัวอักษรเลยมีแค่ตัวการ์ตูน”

“เดี๋ยวนี้ยังมีคนจีบกันด้วยรูปวาดอยู่อีก”

“วิธีจีบมีตั้งเยอะแยะไม่ใช่แค่คุยกันอย่างเดียวนี่”

“ก็จริง คุณยังจีบผมด้วยต้นกระบองเพชรเลยนะครับคุณพฤกษา”

“จีบอะไรผมให้มิลเฉยๆ หรอก”

“จีบติดต้องดีใจสิ”

“รามิลเดี๋ยวตีเลยนะ”

รามิลมีการยกมือขึ้นมาทำท่าจีบให้ดู ท่าทางติงต๊องจนต้นไม้ต้องหัวเราะออกมาก่อนจะเงยหน้ามองภาคินกับสีน้ำ ไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งคู่คุยกันเรื่องอะไรแต่สิ่งที่รู้คือ ภาคินดูสดใสขึ้นยิ้มเก่งขึ้น หัวเราะบ่อยขึ้น ต้นไม้ก้มลงมองรูปตัวการ์ตูนในกระดาษมันเป็นรูป พานาคอตต้าถ้วยโต ข้างๆ มีเด็กผู้ชายแหกปากร้องไห้ข้างๆ เด็กผู้ชายก็ยังมีอีกคนที่ใส่เสื้อคลุมซูเปอร์แมน


น่ารักดี..


ในที่สุดขนมที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ คุณสีน้ำน่าจะชอบขนมนี่มากเพราะเห็นยิ้มไปกินขนมไป คินลองหยิบมาหนึ่งถ้วยก่อนจะใช้ช้อนตักลงไปบนเนื้อสีขาวพร้อมกับซอสสตรอว์เบอร์รี่ พอเห็นสีของซอสก็เลยเอ่ยถามคนที่นั่งกินขนมอยู่ข้างๆ

“วันนี้ของคุณน้ำเป็นสีอะไร สีเหลืองไหม”

“ไม่ใช่สีเหลืองผมไม่บอกคุณคินหรอก”

“งั้นผมจะบอกของผม”

“ให้ผมเดา มีเทา สีขาว สีดำ”

“ชีวิตผมดูมืดมนขนาดนั้นเลย”

“ก็ผมเห็นคุณคินมีแต่สามสีนี้ ทั้งเสื้อผ้า ทั้งของในร้าน”

“วันนี้ของผมเป็นสีแดง”

“สีแดง? ทำไมถึงเป็นสีแดง”

"วันนี้ผมจำพานาคอตต้าราดซอสสตรอวเบอรรี่ได้แล้วก็..”

คินเอียงตัวก่อนจะกระซิบเบาๆ
ให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน

“ตอนเช้าแก้มคุณเปื้อนสีแดงและตอนนี้หน้าคุณสีน้ำก็แดงมากด้วยเขินเหรอครับ”

พอได้ยินแบบนั้นคนที่กำลังตักขนมอยู่หยุดชะงักแล้วยกมือขึ้นมาจับหน้าตัวเอง สายตาลอกแลกเหมือนเมื่อเช้าไม่มีผิดพอเห็นเขามองคุณน้ำก็เอาแต่ถามซ้ำๆ ว่าหน้าแดงอยู่เหรอพอเห็นเขาพยักหน้าเจ้าตัวก็เขยิบเก้าอี้ออกไปห่างๆ เอามือจับแก้มไปกินขนมไปคงกลัวว่าเขาจะเห็นว่ามันแดงมากกว่าเดิม

ปกติไม่เคยชอบสีแดงเลยนะเป็นสีที่ไม่เคยมองว่าสวย
แต่สำหรับคินวันนี้จะเป็นสีอะไรไม่ได้เลย

นอกจากสีแดงเท่านั้น








TO BE CON

ps: แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร

็HNY 2020 ค่าาาาาช้าไปสิบเก้าวัน พี่คินมาแล้ว!
อ่านตอนเก่าวันอีกรอบหนึ่งก่อนได้ค่ะ ทุกคน แงงงงง


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 19-01-2020 21:57:18
แก้มน้องนางนั้นดีกว่าใคร
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-01-2020 23:19:15
น่ารัก..กกก คู่นี้มาแรงแซงทางโค้ง ต้องหวานหยด มดกัด แน่นวล  :ling1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: pacharauksara ที่ 20-01-2020 00:08:07
โอ๊ยยย ใจละลาย ^^
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 20-01-2020 00:47:44
งื้ออออออออออออ เขากำลังจีบกัน :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-01-2020 00:57:31
น่ารักมากตอนนี้ เคมีดีไปหมดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: KAZUMA ที่ 20-01-2020 01:21:01
เยยยยย้ มาแล้วๆๆ รอตั้งนานแหนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 20-01-2020 07:58:22
แก็งลูกเพื่อนแม่เตรียมต้อนรับสมากชิกใหม่ :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 20-01-2020 08:09:42
จากทั้ง3เรื่องที่ผ่านมาเราชอบการเริ่มต้นของคู่นี้ที่สุดเลย มันเป็นน่ารักมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-01-2020 09:55:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 22-01-2020 19:09:38
 ครูสีน้ำน่ารักจังเลยอ่ะ ลูกกระจ๊อกจะต้องตกหลุมรักแน่นอน  :laugh:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-01-2020 22:29:27
หวานทุกคู่ ไม่มีคู่ไหนน้อยหน้า
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.3 -Red-* [ 19/01/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: davil01 ที่ 23-01-2020 02:32:55
พึ่งเปิดเจอ ไปย้อนอ่านมาทุกเรื่องเลย รอติดตาม
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 -orange* [ 2/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 02-02-2020 20:18:57
Watercolor
#ที่พักพิงสีน้ำ



คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.4
- Orange-



“ไหน..เรามาคุยกันตามประสาแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่คบกันมาตั้งแต่สามขวบหน่อยซิ”

รามิลตบๆ ลงบนเตียงของทิมให้ทุกคนที่กระจัดกระจายกันอยู่ตามมุมห้องให้มารวมตัวกัน วันนี้แก๊งลูกเพื่อนแม่มีนัดทานข้าวที่บ้านของครอบครัววรโชติเมธี คุณย่ากาญจนาเตรียมอาหารต้อนรับยังกะภัตราคารห้าดาว ตามประสาคนสูงวัยหลังจากทิมย้ายไปอยู่บ้านพอร์ชคุณย่าก็ทำท่าเหมือนไอ้ทิมมันย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่จากบ้านพอร์ชมาบ้านทิมใช้เวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้นแถมตั้งแต่ไอ้คินเปิดร้านก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านอีก คุณย่าถึงกับตัดพ้อว่าพอแก่แล้วบรรดาดาลูกหลานพากันหายหน้าหายตา นี่ก็บอกให้พวกเขาสี่คนนอนค้างด้วยกันที่นี่

เล่นใหญ่ซะขนาดนั้นแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็เลย
หอบหิ้วชุดนอนมานอนบ้านไอ้ทิมกันให้ครบทั้งแก๊ง

“ครั้งนี้มีปัญหาหัวใจใครไหม”

“ตั้งแต่เรื่องไอ้ทาสพอร์ชผ่านไปด้วยดีก็ไม่มีหัวข้อนี้เลยว่ะ”

“แก๊งเราเป็นคลับฟรายเดย์ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ภาคิน มึงนึกดีๆ ตั้งแต่ไอ้มิลสับสนเรื่องไม้แม่งเรียกประชุมวันละร้อยรอบ ไม่มีเรื่องอื่นเลยอีหัวหน้าแก๊งแม่งมีปัญหาอยู่เรื่องเดียว”

“ทำไม กูสับสนกูโง่เรื่องความรักกูผิดเหรอ”

“ดีนะไอ้เบนฉลาดเรื่องความรัก พอรู้ตัวว่ารักคีตาแม่งไม่สนห่าเหวอะไรเลยจะเอาให้ได้อย่างเดียวฉากคุกเข่าสารภาพกับเจ้าสัวกรรณเฮียบอยยังเปิดให้กูดูอยู่จนถึงทุกวันนี้”

“ยังอยูอีกเหรอวะเมื่อไหร่มันจะหายไปจากโลกใบนี้ แต่ที่พีคสุดคือไอ้ทิมเรียกประชุม กูนี่สติแทบหลุดแล้วเรื่องใหญ่ด้วยนะโธ่..ทับทิมของพี่เบน”

“ส้นตีนจริงๆ เบนจามิน”

“เหลือแค่มึงแล้วภาคิน รอมึงเปิดอยู่ทุกวินาที”

ทิมกระเถิบตัวมานอนลงข้างรามิลตามด้วยภาคินที่ดึงเสื้อเบนให้มานอนด้วย ถ้าใครมาเห็นก็คงต้องหัวเราะออกมาเพราะทุกคนใส่ชุดนอนแบบเดียวกันแต่คนละสีแถมยังนอนเรียงกันเหมือนโรงเรียนประจำ พอมาถึงเรื่องของคินเจ้าตัวกลับไม่พูดอะไรเอาแต่นอนยิ้มจนทิมต้องยกตัวขึ้นมามองหน้า

“ครูสอนวาดรูปคนนั้น..”

“ทำไม”

“มึงมีซัมติงกับเขากูมองไม่ผิด”

“มึงเห็นอะไรล่ะ”

“มึงกอดเขาด้วย”

“พวกมึงก็รู้ว่าเพราะอะไรทำไมกูถึงต้องทำแบบนั้น”

“มึงอยู่ใกล้กับเขามากๆ เกือบจะจูบกันอยู่แล้ว”

“แล้วต้องนั่งห่างกันขนาดไหน”

“มึงทำเขาหน้าแดง”

“อันนี้ความผิดกูตรงไหนกัน”

“มึงฉลาดจริงๆ ว่ะคินเป็นไอ้เบนยอมรับว่าชอบเขาตั้งแต่กูถามคำถามแรกแล้ว”

“สัดทิม กูแค่ซื่อตรงกับความรู้สึกชอบก็บอกว่าชอบไม่ยึกยักโยเยยุกยิกแบบไอ้คินหรอก”

“กูยังไม่ได้ชอบ”

“เฮ้ยๆ มีคำว่ายังว่ะ”

“กูรู้ว่าพวกมึงเป็นคนแบบไหนเรื่องความรัก”

“ไหนบอกมาซิคุณชายทับทิม นพจินดา”

“รามิลเป็นคนรักเดียวใจเดียว เวลารักใครก็รักอยู่คนเดียวไม่ชายตามองใครทั้งนั้น แล้วมึงเบนจามินเมื่อก่อนชอบหลายคนแต่รักคนเดียว”

“ส่วนมึงทับทิม ไม่เคยรักใครเลยจนมาเจอไอ้พอร์ช”

“และนายภาคิน รักคนยากมากแต่หยอดคนโคตรเก่ง”

“ทำไมกูดูเลวไปเลยวะ”

“แต่มึงหยอดเฉพาะคนที่มึงสนใจนะคินถ้ามึงไม่สนใจเขา คนอื่นเข้ามาคุยด้วยมึงยังไม่อยากจะคุยเลย”

“เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องคุณสีน้ำขอเวอร์ชั่นจริงจัง รามิลมึงเปิดเรื่องซิ”

รามิลที่นอนฟังทั้งสามคนเถียงกันอยู่นานได้แต่หัวเราะเพราะภาคินเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ฉลาดเป็นกรดมันสมองของกลุ่ม เรื่องที่จะให้ยอมรับตรงๆ รามิลเดาได้เลยว่าไม่มีหรอกเค้นถามไปเถอะ ตอนนี้คินกำลังโดนทิมกอดแขนด้านขวาข้างซ้ายก็มีเบนติดหนึบอยู่สงสารมันจริงๆ โดนต้อนจนตัวลีบ

“คิน มึงสนิทกับเขามากขึ้นใช่ไหม”

“ก็สนิทมั้งร้านอยู่ข้างกันเจอหน้ากันทุกวัน บางครั้งเขาก็ซื้ออาหารเช้าให้กูสารพัดสิ่ง อย่างน้อยกูก็ไม่อดตาย”

“จีบเหรอวะ?”

“ไม่น่าใช่ อาจะเป็นคนเฟรนลี่คนหนึ่ง”

“ถ้ามนุษย์สัมพันธ์ดีเขาทำแบบนี้กับทุกคนมึงเคยเห็นเขาซื้อให้คนอื่นไหม”

“ไม่รู้ว่ะไม่เคยเห็น”

“ลองถาม กูรู้ว่ามึงฉลาดที่จะถามอ้อมๆเพื่อให้ได้คำตอบ”

“แล้วถ้ารู้คำตอบแล้วมันยังไงต่อ”

“อันนี้ก็อยู่ที่ตัวมึงแล้วคิน ถ้ามึงรู้ว่าเขาทำแบบนี้ให้มึงแค่คนเดียวมึงจะรู้สึกยังไง”

ภาคินเงียบลงก่อนจะนอนคิดเรื่องที่รามิลพูด เอาจริงๆ เขาก็เคยสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแต่พอเห็นหน้าคุณสีน้ำในทุกๆ วันมันก็ลืมไปหมด มันกลายเป็นความเคยชินตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าทุกวันในตอนเช้าเขาจะเปิดประตูหน้าร้านแล้วก็เจอถุงผ้าใส่อาหารแขวนไว้บางวันก็เจอเจ้าตัวยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู   แล้วถ้าการเอาใจใส่ที่คุณน้ำทำอยู่ทุกวันนี้มีแค่เขาคนเดียวที่ได้รับมันก็คงเรียกได้ว่า

พิเศษ..

“แค่นี้มึงก็นอนยิ้มแล้วอะภาคิน”

“และทำไมกูจะยิ้มไม่ได้”

“ตลกว่ะ วันแรกที่เจอกันเขายังเอาสีน้ำมาสาดใส่มึงอยู่เลย แล้วไอ้คินผู้ซึ่งเกลียดการระบายสีน้ำเข้าไส้ถ้าได้แฟนเป็นครูที่สอนวาดรูปสีน้ำ กูเห็นภาพคุณครูคนนั้นเอาสีน้ำสาดใส่มึงทุกวันแล้วนะคิน”

“มึงคิดไปไกลมากเบน”

“เกลียดอะไรได้อย่างนั้นแม่งมีจริง”

“กูเกลียดสีน้ำที่เป็นสี”

“แต่ชอบคนที่ชื่อสีน้ำ”

“กูยังไม่ได้ชอบ” / “กูยังไม่ได้ชอบ” /“กูยังไม่ได้ชอบ”

“เวลาพวกมึงประสานเสียงนี่น่ากลัวฉิบหาย”

“มึงหูแดงคิน”

“อย่ามากล่าวหากู”

“เลิกลักแล้ว”

“เลิกลักเหี้ยไร”

รามิลได้แต่นอนมองภาคินถูกรุมซ้ายขวา เบนกับทิมก็เอาแต่แกล้งไม่คินไม่เลิกเอาเถอะนานๆ ทีคินถึงจะมีจุดอ่อนให้แกล้งได้ รามิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสามคนที่กำลังหยิบหมอนมาฟาดใส่กันเหมือนตอนเด็กๆ  ถึงตอนนี้จะโตกันสามสิบกว่ารามิลก็ยังชอบช่วงเวลาที่เราได้นอนคุยกันแบบนี้อยู่ดี


“เมื่อกี้เสียงดังกันอยู่เลย ตอนนี้หลับกันหมดแล้วมั้ง”

“คุณย่าคะ แก๊งลูกเพื่อนแม่อายุเท่าไหร่กันแล้วยังมาเดินตรวจเหมือนตอนประถมอยู่อีก”

พลอยเดินตามคุณย่ากาญจนาที่เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องทิมหลานรัก ลองเอาหูแนบกับประตูก็ไม่ได้ยินเสียงคุยกันเหมือนเมื่อกี้เลยตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นตอนนี้ทำให้คุณย่ากาญจนาและพลอยยิ้มออกมา แก๊งลูกเพื่อนแม่ มิล เบน คินและทับทิมตัวโตจนแทบจะเลยเตียงของทิมอยู่แล้ว แต่ทั้งสี่คนก็ยังนอนเรียงกันเหมือนตอนเด็กๆ รามิลนอนหงายโดยมีทิมนอนกอดอยู่ ภาคินกับเบนแขนขาพาดกันไปมาไม่รู้ว่าหลับไปทั้งๆ ที่ยังตีกันอยู่หรือเปล่า คุณย่ากาญจนาเดินเข้าไปห่มผ้าให้ทั้งสี่คนที่หลับสนิทก่อนจะยิ้มออกมา

“ในสายตาของย่า เจ้าสี่คนนี้ก็ยังเป็นเด็กผู้ชายใส่ชุดเอี๊ยมคนละสีวิ่งเล่นไปมาเหมือนเดิมนั่นแหละ”


Watercolor


ข้าวต้มกระดูกหมู

วันนี้เป็นเมนูใหม่ที่สีน้ำไม่เคยซื้อมาให้ภาคินมาก่อน ร้านข้ามต้มชอบเปิดตามใจฉัน หายไปเป็นอาทิตย์เลยก็มีพอเปิดทีคนก็ต่อแถวรอยาวเป็นกิโล ดีนะที่เขาอดทนมากพอไม่งั้นเลิกรอตั้งแต่เห็นแถวแล้ว สีน้ำหยุดอยู่หน้าร้านภาคินเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในชุดทำงานยืนถือถุงอาหารเต็มสองมือ แต่ท่าทางเหมือนตัดสินใจอยู่ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าไปในร้านดี

“ขอโทษนะครับ มาหาคุณภาคินหรือเปล่าครับ”

“อ้อ..ครับคือ”

“ร้านน่าจะยังไม่เปิดถ้าคุณจะรอ เข้ามารอที่ร้านผมก่อนก็ได้”

“ไม่เป็นไรครับผมมีประชุมผมฝากของให้คินหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้ครับ”

สีน้ำรับบรรดาถุงขนมมาถือไว้เอง พอเดินเข้ามาใกล้ๆ ถึงได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ หน้าคล้ายคุณคินอยู่นะแต่ดูมีอายุแถมการแต่งตัวก็ยังเนี๊ยบกว่าคุณคินมากๆ  ทั้งเสื้อทั้งกางเรียบแทบไม่มีรอยยับสักรอย สีน้ำเหลือบไปเห็นตราธนาคารตรงเนคไทด์ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าทำงานอยู่ที่ไหน

“เดี๋ยวครับให้บอกคุณคินว่าจากใคร”

ไม่รู้ว่าเขาเองถามอะไรผิดหรือเปล่าเพราะเห็นอีกฝ่ายชะงักไปพร้อมกับบอกว่าไม่ต้องบอกก็ได้ว่าจากใคร ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อก็เห็นอีกฝ่ายรีบร้อนขึ้นรถน่าจะมีประชุมด่วนจริงๆ  สีน้ำหันกลับมาตั้งใจจะแขวนถุงอาหารไว้ตรงประตูจังหวะเดียวกับที่ประตูหน้าร้านของภาคินเปิดออกพอดี สีน้ำเลยชูถุงอาหารขึ้นมาแล้วยิ้มให้

“ทำไมวันนี้มันถึงเยอะขนาดนี้ครับ”

“จริงๆ ของผมมีแค่ถุงเดียวส่วนที่เหลือ..”

คินเปิดดูบรรดาถุงอาหารสองถุงแต่เห็นแค่กล่องอาหารก็พอรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของ อาหารทั้งหมดมันเป็นของโปรดเขาทั้งนั้นและมันก็มีแค่คนเดียวที่รู้ว่าเขาชอบกินอะไร

“เขายังไม่ทันได้บอกชื่อแต่หน้าคล้ายๆ คุณคิน”

พี่เค..

สีน้ำไม่รู้ว่าอาหารสองถุงนั้นมันมีอะไรผิกปกติหรือเปล่าเพราะเห็นว่าแววตาของคุณคินดูเศร้าแปลกๆ แต่มันก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้นก่อนที่คุณคินจะกลับมาเป็นปกติตามเดิม

“ครับ ว่าแต่ไหนอาหารเช้าผม”

“คุณคินจะกินของผมเหรอ มีของแพงหรูหราให้เลือกตั้งหลายอย่าง”

ภาคินหยิบถุงข้าวต้มมาถือไว้ก่อนจะบอกว่าถุงนี้แน่ๆ สีน้ำเลยหยักหน้าพร้อมกับนั่งลงข้างๆ คินเลยจัดการเทข้าวต้มใส่ชาม ข้าวต้มกระดูกหมูหอมฉุยดูน่ากินดีจังหวะที่คินกำลังจะตักข้าวต้มเข้าปากก็นึกอะไรขึ้นมาได้


“ลองถาม กูรู้ว่ามึงฉลาดที่จะถามอ้อมๆเพื่อให้ได้คำตอบ”


“ข้าวต้มนี่ขายตรงไหนผมไม่เคยเห็น”

“ตรงซอยเก้านู่น แต่อาทิตย์หนึ่งเปิดสักสองวันได้มั้ง วันนี้เขาก็เพิ่งเปิดคนต่อแถวโคตรยาว”

“แสดงว่ามันต้องอร่อยมาก”

“แน่นอน..คุณคินลองชิมแล้วบอกผมว่าอร่อยไหม”

“แล้วคนอื่นเขาว่ายังไงกันบ้างครับ”

“ถามใครล่ะ ก็ผมซื้อให้คุณคินเนี่ย”

“อ้าว..ก็คนอื่นๆ ที่คุณน้ำซื้อให้เขาบอกว่ายังไงบ้าง”

“ผมไม่รู้เพราะผมซื้อให้คุณคินคนเดียว”

“…………………………………………….”

“เดี๋ยว..นี่แกล้งอยู่ใช่ไหม”

“แกล้งอะไร”

“คุณคินยิ้มเจ้าเล่ห์มากๆ ”

“เหรอ ผมยิ้มแบบไหน”

คินแกล้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่สีน้ำจะยกมือขึ้นมาดันไหล่กว้างไว้ แต่คินก็ยังไม่ยอมเลิกยิ้มแถมยังยักคิ้วหลิ่วตาจนครูสีน้ำต้องบอกให้หันกลับไปกินข้าวต้มได้แล้วเดี๋ยวจะเย็นซะหมด

“จริงๆ เลยนายภาคิน”

“สู้ไม่ได้ก็เรียกชื่อจริงตลอดเลยนะคุณครู”

“ถ้ากวนมากๆ จะเรียกเด็กชายภาคิน”

“แล้วเมื่อไหร่จะเรียกคินเฉยๆ พอร์ชยังเรียกทิมว่าทิมเฉยๆ เลยทิมแก่กว่าตั้งหลายปี”

“ก็เขาเป็นแฟนกัน”

“ต้องเป็นแฟนกันเท่านั้นสินะถึงจะเรียกชื่อเฉยๆ ได้”

“ก็แฟนกันเขาจะเรียก..ไรวะเนี่ยคุณคิน!”

“โอเคๆ คุณครูอย่าเพิ่งตีผม ผมจะกินข้าวเช้าแล้วครับกินแบบสงบเสงี่ยมเรียบร้อย”

“วันนี้เป็นเช้าที่คุณคินยิ้มเยอะมากๆ เมื่อก่อนนะหน้านิ่งจนผมเดาอารมณ์คุณไม่ถูกเลย”

คินตักข้าวต้มเข้าปากก่อนจะเหลือบมองคนพูดไปด้วย คุณสีน้ำเป็นคนที่ตื่นเช้าและยังร่าเริงทุกวันถ้าเป็นเขานะตื่นก่อนเจ็ดโมงเขาคงไม่มีอารมณ์มายิ้มแป้นแล้นแบบนี้ได้ คินเงยหน้ามองไปรอบๆ ร้านตัวเอง ภายในร้านเขาก็ยังเป็นสีเดิมๆ เหมือนที่เห็นอยู่ทุกวัน สีดำ สีขาว สีดำ สุดท้ายสายตาก็เขาก็หยุดอยู่ที่คุณน้ำที่ยังคงยิ้มอยู่

“แลกกันไง คุณน้ำซื้ออาหารเช้าให้ผมคนเดียวผมก็ยิ้มให้คุณน้ำคนเดียว”

ครูสอนวาดรูปมือหนักมาก มั่นใจว่าไม่ได้พูดอะไรผิดแต่คุณน้ำบ่นพึมพำว่า วันนี้โดนแกล้งเยอะไปแล้วเลยขอตีสักทีเลยโดนฟาดมาตรงไหล่หนึ่งป๊าบแล้วก็เดินกลับร้านเพราะเห็นมีคลาสสอนต่อ คินเลยกลับมาสนใจข้าวต้มกระดูกหมูในชาม อยู่ดีๆ ก็นึกถึงคำพูดของรามิลที่เคยคุยกัน


“อันนี้ก็อยู่ที่ตัวมึงแล้วคิน ถ้ามึงรู้ว่าเขาทำแบบนี้ให้มึงแค่คนเดียวมึงจะรู้สึกยังไง”



ดีใจไหมเขาก็ไม่รู้แต่ตอนนี้หยุดยิ้มไม่ได้เลยว่ะ
ไอ้คำว่าซื้อให้คุณคินคนเดียวนี่มันมีผลต่อใจเขาขนาดนี้เลยเหรอวะ


ช่วงบ่ายลูกค้าค่อยซาลงหน่อยหลังจากที่ช่วงสายๆ แน่นเต็มร้านจนคินหัวแทบหมุน พอมีเวลาเลยมาจัดตารางสตูดิโอ เพราะช่วงนี้มีคนมาเช่าเยอะจนตารางมันชนกันไปหมด เสียงคุยกันนอกร้านที่ดังเข้ามาทำให้คินลุกขึ้นไปเปิดประตูก่อนจะเห็นว่าคุณสีน้ำยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเคยเจอมาแล้ว

คุณกอล์ฟมีหลานชื่อน้องปุ๊กกี้

พอเห็นท่าทางอึดอัดของคุณสีน้ำคินเลยเลือกที่จะยืนกอดอกพิงประตูรอดูเหตุการณ์อยู่อย่างนั้น ไอ้คุณอากอล์ฟนี่ท่าทางจะตื้อไม่เลิกขนาดตอนนั้นเขาแสดงออกให้รู้ว่าเขากับคุณน้ำเป็นอะไรกันยังจะไม่เลิกจีบอีก ท่าทางคุณน้ำเหมือนอยากหาตัวช่วยเต็มทนมองซ้ายมองขวาจนดูน่าสงสารและแน่นอนจะมีใครล่ะนอกจากภาคินคนนี้

“สีน้ำ”

เสียงเรียกที่ดังขึ้นมาทำให้ครูสอนวาดรูปหันมามองก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาคินท่าทางดีใจเหมือนเจอสมบัติร้อยล้านอยู่ตรงหน้าทำให้คินต้องกลั้นยิ้ม มีการถอนหายใจอย่างโล่งอกอีกต่างหาก

“คุณน้ำจะกอดผมหรือจะให้ผมกอดคุณ”

“ยังไงนะ”

“ผมถามก่อนเพราะกลัวว่าคุณจะไม่โอเค เขายังตื้อไม่เลิกใช่ไหม”

“ครับ เขาดูไม่เชื่อว่าผมมีแฟนแล้วและเขาก็ไม่เชื่อด้วยว่าคุณคินเป็นแฟนผม”

“นับหนึ่งถึงสามเขากำลังจะเดินมา เอาไง”

“แล้วผมต้องทำอะไร”

“หนึ่ง”

“เมื่อกี้บอกให้กอดเหรอ”

“สอง”

“โอเค..อยากทำอะไรก็ทำเลย! ไม่อยากคุยกับคุณกอล์ฟแล้วไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเหมือนกัน”

ทันทีที่คุณน้ำบอกมาแบบนั้นภาคินก็คว้าเอวเข้ามากอดไว้แน่นสีน้ำเลยต้องยกมือขึ้นมากอดเอวคินไว้เช่นกัน คนที่กำลังเดินเข้ามาหาหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของคุณอากอล์ฟดูลังเลคล้ายกับยังไม่เชื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่

“ผมเห็นคุณคุยอยู่กับน้ำนานแล้วมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“ผมมารอรับปุ๊กกี้ครับ”

“อีกนานเหรอครับ”

“ปุ๊กกี้เพิ่งเข้าไปเรียนกับครูณัฐเองครับน่าจะอีกนาน ผมเลยมาคุยกับคุณครูสีน้ำรอ”

“แล้วนี่คุยกันเสร็จหรือยัง”

“ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอกครับ เรื่องทั่วๆไป”

“อ้อ ถ้าไม่สำคัญขอพาน้ำไปก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวครับคือคุณ…”

“ผมชื่อภาคิน มีอะไรอยากถามหรือเปล่าครับแต่ที่จริงผมมีคำถามอยากถามคุณกอล์ฟเหมือนกันนะ แต่คิดว่าจะปล่อยไปก่อนคราวหน้าถ้าผมยังเจอคุณพยายามจะจีบสีน้ำอีก เราคงต้องคุยกันหน่อย"

“……………………………………”

“จีบแฟนคนอื่นหน้าตาเฉยนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะคุณอาของน้องปุ๊กกี้”

คุณกอล์ฟถึงกลับชักสีหน้าก่อนจะบอกว่าขอตัวก่อนเดี๋ยวค่อยกลับมารับปุ๊กกี้  ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเชื่อมากน้อยแค่ไหนแต่ครั้งนี้น่าจะหัวเสียไม่เบา คินก้มลงมองแขนของคุณสีน้ำที่ยังคงกอดเอวเขาอยู่ พอเห็นเจ้าตัวยังกอดเขาอยู่อย่างนั้นคินเลยเลือกที่จะยื่นอยู่ท่าเดิม

“วิธีนี้มันจะดีเหรอถ้าเราหลอกเขาอย่างนี้ก็ต้องหลอกไปตลอดน่ะสิ”

“สนุกดี เคยสงสัยว่าเวลาไอ้ทิมกวนประสาทคนอื่นนี่มันสนุกตรงไหนวันนี้ผมเข้าใจแล้ว”

“แล้วถ้าวันไหนคุณคินมีแฟนขึ้นมาจริงๆ ผมจะต้องบอกคุณกอล์ฟว่ายังไง”

“ถ้าผมมีแฟนขึ้นมาจริงๆ..”

“ก็ใช่ไง ถ้าเกิดแฟนคุณคินมาตบผมขึ้นมาจะทำยังไงกันล่ะทีนี้”

คินก้มลงมองคนที่ยังอยู่ในอ้อมกอด หน้าตายุ่งเหยิงเหมือนเป็นเรื่องเครียดระดับชาติพอเห็นแบบนี้ก็อยากจะแกล้งขึ้นมาอีกรอบ คินกระชับกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะเอนตัวมากระซิบข้างๆ หูและแน่นอนว่าเขาโดนฟาดไม่ยั้งจากครูสอนวาดรูป

“แล้วคุณสีน้ำจะตบตัวเองทำไมล่ะครับ”

วันนี้โดนครูตีทั้งวันเลยเว้ยเด็กชายภาคิน


Watercolor


หลังจากโดนตีไปเกือบสิบทีคุณน้ำก็หายเข้าไปในร้านก่อนจะเดินเข้ามาหาคินอีกรอบพร้อมกับกระดาษวาดรูปในมือ คินเห็นมันเป็นแบบร่างคร่าวๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรพอได้คุยก็เลยรู้ว่ามันคือแบบร่างของใบโบรชัวร์

“บ้านรุ่งอรุณจะจัดงานครับ เป็นงานเล็กๆ แค่จัดแสดงรูปวาดที่เด็กๆ วาดเพราะงบประมาณไม่ได้เยอะเท่าไหร่ผู้อำนวยการก็เลยอยากให้ผมช่วยเรื่องใบประกาศ”

“ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้จริงๆ ผมวาดรูปเป็นอย่างเดียวเลยมาถามความเห็นคุณคินน่าจะดีกว่า”

คินรับกระดาษในมือจากคุณน้ำมาดูใกล้ๆ เท่าที่เห็นงานไม่ได้ยากส่วนมากเป็นรูปวาดของเด็กๆ   คินพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการให้เอง ดีที่คุณน้ำมีไฟล์รูปภาพพร้อมอยู่แล้วเลยไม่ต้องกลับไปที่บ้านรุ่งอรุณอีกรอบ ภาคินเลยนั่งทำใบโบรชัวร์ไปด้วยพร้อมกับเหลือบมองคนที่นั่งขีดๆ เขียนๆ วาดรูปอยู่ข้างๆ  เรื่องราวที่คุยกันตอนแรกมันเป็นแค่เรื่องงานอย่างเดียวแต่หลังๆ ก็เริ่มคุยเรื่องอื่นบ้าง

“รู้ไหมตอนนี้ผมอยากกินอะไร”

“หิวแล้วเหรอครับ”

“อยากกินเฉาก๊วยใส่น้ำเป๊ปซี่”

ทันทีที่ได้ยินมือที่จับเมาส์ปากกาหยุดชะงักก่อนที่ภาคินจะหันมามองคนที่นั่งวาดถ้วยขนมอยู่ข้างๆ อยู่ดีๆ ข้อความในโปสการ์ดที่คินเคยได้รับก็แวบขึ้นมาในหัว มันเป็นลายมือที่เขียนไว้ว่า

เคยกินเฉาก๊วยใส่น้ำอัดลมป่ะคุณ โคตรอร่อยเลยโดยเฉพาะน้ำเป๊ปซี่
ถ้าวันไหนเรามีโอกาสได้เจอกันอยากให้คุณลองนะ


“เงียบทำไมอะคิดว่าผมกินอะไรแปลกๆ อยู่แน่ๆ”

“ไม่หรอก ผมเคยรู้จักคนที่เคยกินแบบคุณ”

“เฮ้ย จริงป่ะผมบอกณัฐแล้วว่ามีคนกินเฉาก๊วยใส่น้ำเป๊ปซี่เหมือนผมไอ้ณัฐชอบด่าว่ากินอะไรไม่เหมือนคนอื่น ถ้าคุณคินเจอเขาบอกเขาด้วยนะว่ามีผมที่กินอยู่”

“ผมก็หวังว่าสักวันผมจะเจอเขานะ”

คินพูดเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาทำงานตามเดิม พอตั้งใจทำงานทุกอย่างก็เงียบลงคุณน้ำเองก็วาดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตอนแรกก็วาดปกติมีชะโงกน้ามาดูงานที่เขาทำบ้าง บางครั้งก็เอนตัวลงไปนอนแล้วก็เด้งตัวขึ้นมาวาดรูปใหม่ท่าทางแบบนั้นมันทำให้คินต้องอมยิ้มก่อนจะบอก

“เอาสีน้ำมาระบายก็ได้นะถ้าคุณเบื่อ”

“เดี๋ยวร้านคุณเลอะ”

“ผมไม่ว่าหรอก เห็นคุณน้ำเอาปากกาสีดำวาดรูปแล้วผมเองก็ไม่ชิน”

“หมายความว่าไง”

“เจอคุณน้ำทีไรเลอะสีตลอด มีทุกสีอยู่บนตัวแต่ไม่เคยเห็นมีสีดำ”

“ผมไปเอาสีน้ำมาได้จริงๆ นะ”

“ได้ครับ”

ท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่นเจ้าตัวยิ้มแฉ่งแล้วก็วิ่งไปเอาอุปกรณ์มา ตอนแรกคินนึกว่าจะมาทั้งหลอดสี พู่กัน จานสีแต่คุณน้ำก็เอามาแค่กระดาษวาดรูปกับกล่องพาสติกสีขาว น่าจะเป็นสีน้ำแบบพกพามีพู่กันสีน้ำมาเสร็จสรรพ เออเดี๋ยวนี้มีแบบนี้ด้วยเว้ยทีตอนนั้นยังหลอกล่อให้เขาผสมสีเองอยู่เลย

“ตรงนี้คุณน้ำจะเอาเป็นรูปภาพของเด็กหรือรูปบ้านรุ่งอรุณดี”

“บ้านรุ่งอรุณก็ได้ครับ อีกด้านหนึ่งมีรูปวาดของเด็กๆ เยอะแล้ว”

“เด็กๆ วาดแต่ผลไม้เนอะ”

“มันก็วาดง่ายสุด วาดกลมๆ แล้วก็มีจุกมีก้านอย่างส้มที่ผมกินอยู่ตอนนี้ก็วาดแบบนี้เลย”

“อร่อยไหมล่ะส้ม”

“อร่อยครับ ไม่มีเมล็ดด้วย”

“กินอีกก็ได้เดี๋ยวแม่ผมก็เอามาให้ใหม่”

สีน้ำเอาส้อมจิ้มชิ้นส้มแล้วถือค้างไว้ลังเลอยู่นานว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายก็ยื่นให้คนที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆ ภาคินเหลือบมองก่อนจะกินส้มที่อีกคนป้อนให้ อยู่ดีๆ บรรยากาศก็เงียบขึ้นมาซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันตามปกติ พอเห็นภาคินเอาแต่ยิ้มมืออีกข้างก็ขยับเมาส์ปากกาไปมา สีน้ำเลยหันมาวาดรูปในกระดาษตามเดิม

“คุณวาดรูปอะไร”

“วาดส้ม”

“ไหนส้ม”

“นี่ไง ผมนั่งระบายสีอยู่นี่”

“อยากได้ส้ม”

“ยังวาดไม่เสร็จเลย”

“ส้มแบบเมื่อกี้”

สีน้ำเริ่มรู้แล้วว่าอีกคนต้องการอะไรเลยจัดการจิ้มส้มแล้วยื่นให้แต่คุณคินก็ไม่ยอมรับจนต้องยื่นให้ถึงปาก ท่าทางสบายจนเกินเหตุสีน้ำเลยจิ้มสีส้มไปตรงแขนคินหนึ่งที จุดสีส้มเด่นชัดตรงแขนทำให้คินก้มลงมองก่อนจะหยิบปากกาเมจิกสีดำมาจุดลงบนแขนขาวของครูน้ำคืนบ้าง

“เลอะหมดแล้ว”

“เคยเห็นแต่เลอะสีอื่น เลอะสีดำซะบ้าง”

“อย่างนี้ผมต้องป้ายคุณคินทุกสีแล้ว มินิมอลดำเทาขาวขนาดนี้”

“วันนี้คุณน้ำดูไม่เหมือนคุณครูเท่าไหร่”

“วันนี้ผมทำไม”

“ดูยุ่งวุ่นวายเหมือนเด็กประถม อยู่นิ่งๆ ไม่เกินสิบนาทีเลย”

“ขอโทษละกันครับจากนี้จะนั่งระบายสีเงียบๆ หรือว่าผมควรกลับร้านก่อนคุณคินจะได้ทำงานได้ถนัดๆ”

“น่ารักดี”

“…………………”

“ยุ่งวุ่นวายแบบเมื่อกี้มันน่ารักดีนั่งระบายสีอยู่ข้างๆ ผมนี่แหละไม่ต้องไปไหนหรอก”

คุณสีน้ำหยิบพู่กันจุ่มสีส้มก่อนจะระบายสีเงียบๆ พอเห็นเขามองอยู่อย่างนั้นก็เอาปากกาพู่กันมาป้ายสีส้มที่แขนเขาอีกรอบ คินเลยเอาปากกาเมจิกสีดำวาดอีโมจิหน้ายิ้มลงบนแขนคุณน้ำบ้าง กลายเป็นว่าตอนนี้แขนของเขาและคุณน้ำเลอะไปด้วยสีน้ำสีส้มและปากกาเมจิคสีดำ ไม่คิดเหมือนกันว่าคนที่ไม่ชอบการระบายสีน้ำอย่างเขาจะยอมให้สีน้ำมาเลอะบนตัวอีกเป็นครั้งที่สอง

ถ้าเป็นเมื่อก่อนระหว่างสีส้มกับสีดำเขาคงเลือกสีดำโดยไม่ลังเล
แต่ตอนนี้คิดว่าสีส้มมันก็สวยเหมือนกัน อีกอย่าง..

วันนี้ส้มก็หวานดีด้วย






TO BE CON

ps: คิน : ยังไม่ได้ชอบ!

มีคนบอกว่าชื่อ #นิยายเราคล้องจองกัน
จริงๆ แล้วชื่อตัวละครก็คล้องนะคะ

พฤกษา - รามิล
เบนจามิน -คีตา
พชร - นพจินดา
ธารธารา - ภาคิน


ว๊าว!! ตั้งเองตื่นเต้นเอง 555555

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-02-2020 20:54:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

เมื่อไรจะรู้ว่าทั้งสองคนคือคนในโปสการ์ดที่คุยกันในตอนนั้น
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-02-2020 23:17:00
ทำไมเขิน   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 03-02-2020 00:54:16
ชอบคู่นี้มากๆเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-02-2020 01:48:00
บรรยากาศรอบตัวเขามันฟุ้งไปหมดดด TT
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-02-2020 07:41:36
แก็งลูกเพื่อนแม่มีปาร์ตี้ชุดนอนด้วย น่าร๊ากกกก :mew4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-02-2020 21:35:17
ต่อให้ไม่มีอิตากอล์ฟอะไรนั่น เขาก็หยอดกันสม่ำเสมอนะเออ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 04-02-2020 00:26:01
เด็กชายภาคินหยอดเก่งจริงๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-02-2020 08:06:48
จ๊ะ ไม่ชอบสีน้ำ ก็ชอบได้แล้ว ตอนนี้ส้มก็หวานแล้ว
อะไรจะเกินกว่านี้ก็ไม่ได้แล้วเนาะ ขยันทำสีน้ำเขินจริงเลย
ภาคินผู้ยังไม่ชอบสีน้ำ แต่การกระทำไปไกลมากจ้า

สีน้ำเหมือนเด็กน้อย น่าเอ็นดู แบบตัวเล็กตัวน้อยมากน่ะ
จะว่าวอแวก็ไม่ใช่ แต่เข้าหาแบบเนียนๆ มาก จับฟัด

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 23-02-2020 19:46:21
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

 
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.5
- blue-



“คินทำไมมึงมีอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงที่แต่ของพวกกูต้องโทรสั่งวะ”

คนที่กำลังจะเอาช้อนเข้าปากหยุดชะงักเมื่อบรรดาเพื่อนๆ ที่มาใช้บริการสตูดิโอทักขึ้นมา เพิ่งรู้ตัวว่าทุกสายตาที่กำลังรออาหารมาสั่งจ้องมาที่จุดเดียว สภาพทุกคนตอนนี้เหมือนซอมบี้เพราะโต้รุ้งกันถึงเช้า นานแล้วเหมือนกันที่เขาทำงานข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ พอเสร็จงานก็คิดว่าจะนอนพักสักแปดชั่วโมงแต่เพิ่งนึกได้ว่ามีอาหารเช้าจากครูสีน้ำรออยู่

เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าคุณน้ำเลย น่าจะงานยุ่งแต่อาหารเช้านี่ไม่เคยขาด ถึงไม่ได้ให้กับมือแต่ก็แขวนไว้ที่หน้าประตู วันนี้ก็เหมือนกัน ตอนแรกว่าจะเงียบๆ แล้วนะเรื่องนี้แต่พอเพื่อนทักขึ้นมาแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี

“สรุปใครซื้อให้”

“หรือมึงจ้างแม่บ้าน”

“กิ๊กเหรอวะ”

“เห็นเงียบๆ ร้ายไม่เบา”

ภาคินส่ายหน้าไปมาเมื่อบรรดาพวกเพื่อนเริ่มเดาไปเรื่อยเปื่อย เรื่องอะไรจะบอกปล่อยให้มัน งง ไปอย่างนี้นี่แหละ จัดการอาหารเช้าเสร็จ เพื่อนก็ยื่นตารางสตูดิโอของอาทิตย์นี้มาให้พร้อมกับบอกว่ามีงานเพิ่มอีกสามงานคงใช้สตูดิโอยาว ในฐานะเจ้าของธุรกิจเขาก็ต้องดีใจอยู่แล้ว ตั้งแต่เปิดร้านมา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ตารางแน่นขนาดนี้

“เออคิน..มีงานถ่ายรูปกับตัดต่อของพี่เต มึงจะรับป่ะวะ เขาฝากถามกูมาเห็นมึงงานยุ่ง”

“งานของพี่เตกูรับหมด”

“กูว่าแล้วรุ่นพี่ผู้มีพระคุณของมึง”

“ช่วยกูตั้งแต่เรื่องเรียนและเก็บซากเวลาแดกเหล้าแล้วเมาหัวทิ่ม”

“แต่มึงจะไหวแน่เหรอวะคิน กลัวมึงอยู่ดีๆ ล้มฟุบตายห่าไปซะก่อน”

“เบาๆ ไม่ได้หนักอะไร”

“จ้า ทำงานหนักขนาดนี้เก็บเงินแต่งเมียแน่ๆ แก๊งลูกเพื่อนแม่มึงมีฟงมีแฟนกันหมดละ ขนาดไอ้จิ๋วตัวแสบทิมยังมีเลยมึง”

“ไปเรียกมันตัวแสบเดี๋ยวเจอมันวีน”

“ก็เพื่อนมึงน่ะตัวจี๊ดเลย หน้าตาโคตรน่ารักแต่แกล้งคนเก่งฉิบหาย มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่องตอบมาจะแต่งงานใช่ไหม”

“ให้กูแต่งกับใคร”

“เอ๊า..แล้วเจ้าของอาหารเช้านี่ไม่ใช่เหรอไง”

“……………………………………………..”

“กูถือคติเงียบใส่ถือว่ามีพิรุธ แต่กูรู้สึกได้อย่างหนึ่ง”

“อะไรวะ”

“มึงมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลยว่ะ  ยิ้มบ่อยด้วยและกูรู้สึกถึงความรักนิดๆ แบบนิดนึงจากตัวมึง ก่อนหน้านี้มึงเฉยมากเหมือนกูมีเพื่อนเป็นหุ่นยนต์”

“หุ่นยนต์เลยเหรอะวะ”

“เออดิ มึงทำอะไรซ้ำๆ แต่งตัวสีเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเรียบๆ เหมือนตั้งโปรแกรมไว้ ถามจริงมีแฟนเหรอวะ?”

ต่อให้เพื่อนเค้นให้ตายคินก็ยังคงไม่ยอมตอบคำถามเพื่อนอยู่ดี พอเห็นว่าเขาเอาแต่ลีลาก็พากันมาแย่งข้าวผัดกุ้งในจานกันใหญ่ดีนะที่ยกจานหนีทัน เอาจริงคินก็ไม่เคยสังเกตตัวเองเลยว่าเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกวัน แต่ก็นะตัวเองจะไปรู้ได้ยังไงถ้าคนรอบข้างไม่บอก

กูรู้สึกถึงความรักนิดๆ

คินก้มลงมองข้าวผัดกุ้งที่อยู่ตรงหน้า
ความรักเหรอ? ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าแต่ไม่เจอหน้าคนที่หาข้าวเช้ามาให้หลายวันแล้ว
เหงา? คิดถึง? คินเองก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนดี



Watercolor

สัปดาห์นรก
ไม่ได้ใช้คำนี้มานาน

ภาคินเคยด่าพอร์ชเรื่องที่ทำงานหนักเกินตัว แต่ตอนนี้เขากำลังทำเหมือนที่พอร์ชทำ ที่จริงเขาไม่ได้บ้างาน ตั้งแต่เรียนนิเทศเวลาที่ใครมาขอให้ช่วยอะไรเขาก็ช่วยทำหมด ถือว่าเป็นประสบการณ์ด้วย พอเรียนจบมาพวกที่รู้จักกันอยู่แล้วต่างก็พากันมาใช้บริการกันไม่เลิก ดีที่ทุกคนเห็นเป็นธุรกิจเลยให้คินคิดเงินตามแบบลูกค้าทั่วไป อันที่จริงเพราะเป็นคนที่รู้จักอยู่แล้วคินก็เลยทุ่มสุดตัว

“คิน หน้ามึงโคตรไม่ไหวไปหาอะไรกินแล้วนอนพักไป”

“กี่โมงแล้ว”

“หกโมงจะครึ่งแล้ว”

“เช้าตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“ไปพักบ้างเหอะมึง แก๊งลูกเพื่อนแม่มึงแม่งประเสริฐสั่งอาหารมาให้มึงด้วยวางอยู่บนโต๊ะ”

คินยกมือขึ้นมาลูบหน้าเบาๆ พลางมองไปที่บรรดาอาหาร ที่แก๊งลูกเพื่อนแม่สั่งมาให้ สงสัยกลัวเขาอดตายปริมาณมันถึงได้เยอะขนาดนี้  ทันทีที่นึกอะไรขึ้นได้คินเงยหน้ามองนาฬิกาก่อนจะวิ่งลงไปข้างล่างแล้วรีบเปิดประตู แผ่นหลังที่คุ้นตาทำให้คืนเอื้อมมือไปคว้าข้อมือคนตรงหน้าแล้วดึงเข้าหาตัว

เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวสีน้ำเลยยกมือขึ้นมาจับเสื้อภาคินไว้แน่น แล้วเงยหน้าขึ้นมามองตั้งใจจะเอ่ยถาม แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นว่าภาคินกำลังยิ้มอยู่ ถึงแม้ว่าใบหน้าหล่อจะดูเหนื่อยล้ากว่าทุกวัน

“คุณคิน”

“ได้เจอหน้าสักที”

“ครับ?”

“คนอะไรเอาแต่อาหารมาให้ไม่อยู่รอให้เจอเลย”

“นี่คุณไหวหรือเปล่า”

“ไม่ไหวผมทำงานหนักมาก”

“ดูจากสภาพก็น่าจะเดาได้อยู่ คุณไม่ได้เปิดร้านมาหลายวันแล้วด้วย”

“คุณน้ำก็หาย”

“พอดีผมต้องไปช่วยงานที่บ้านรุ่งอรุณทุกวันเลยครับ อาทิตย์นี้ก็มีงานแล้วเลยไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ งานที่คุณคินช่วยทำใบโบรชัวร์”

“แล้วไม่อยากเจอหน้าผมเหรอ”

“เดี๋ยว”

“คุณน้ำ”

“ครับ”

“ผมเหนื่อยมากเลย”

“……………………………………….”

นี่คือกำลังอ้อน?

ถึงคุณคินจะไม่ได้ทำหน้าบ๊องแบ้วอะไรแบบนั้น แต่น้ำเสียงก็ไม่ใช่โทนเสียงปกติเรียกว่าอะไรดี ดูซอฟๆ หวานๆ  แต่ดูจากใต้ตาที่ดูคล้ำและท่าทางเหมือนจะสลบทุกนาทีที่พูดว่าเหนื่อย ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง สีน้ำไม่ได้ตอบอะไรคนตรงหน้าแต่ขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบตรงแผ่นหลังกว้างเบาๆ ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากการสัมผัสเท่านั้น คินปล่อยข้อมือขาวที่จับไว้แล้วเปลี่ยนมาโอบเอวคุณน้ำให้เข้ามาใกล้ๆ แทน ภาคินหลุดยิ้มเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคุณน้ำเริ่มแดงขึ้นมา พอเห็นว่าเขายิ้มมือที่ลูบหลังอยู่ก็เปลี่ยนมาเป็นตีเบาๆ แทน

“จะซบก็ได้….นะ”

เหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ภาคินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะซบหน้าลงตรงลาดไหล่เล็กนั่น ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำงานจนลืมวันลืมคืน ตั้งใจจะมาดักรอคุณน้ำที่เอาอาหารเช้ามาให้ทุกเช้าแต่รู้ตัวอีกทีก็เลยเวลาไปแล้วแล้ว มันเลยคลาดกันทุกวันดีที่วันนี้ไม่เป็นเหมือนวันอื่น

ทั้งๆ ที่ร้านก็อยู่ข้างกัน
ไม่เจอกันแค่สองสามวันเขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ไงวะ

“วันนี้ของคุณน้ำเป็นสีอะไร”

“ไม่ได้คิดไว้ แล้วคุณคินล่ะคิดว่าวันนี้เป็นสีอะไร”

“สีฟ้าแล้วกัน”

“ฟ้า? ทำไมถึงเป็นสีฟ้าล่ะครับ”

“ท้องฟ้าสวยและคนใส่เสื้อสีฟ้าทำให้หายเหนื่อย”

สีน้ำเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เห็นอยู่ตอนนี้มันก็สวยอย่างที่คุณคินบอก แต่คนใส่เสื้อสีฟ้า? สีน้ำก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่อยู่เพิ่งเห็นว่ามันเป็นสีฟ้าเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองใส่เสื้อสีอะไร พอเข้าใจที่ภาคินบอกก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกท่าทางเขินมากๆ แต่หนีไปไหนไม่ได้ทำได้แค่ขยับตัวยุกยิกๆ อยู่ตรงนี้ คินเลยต้องกระซิบบอกบางอย่าง คนที่กำลังดันตัวออกเลยต้องอยู่นิ่งๆ อีกครั้ง

“ผมยังไม่หายเหนื่อยเลย”



คินถือถุงผ้าใส่อาหารกลับเข้ามาในร้าน และทันทีที่เปิดประตูบรรดาเพื่อนๆ ก็ต่างพากันสะดุ้งแล้วแยกย้ายไปนั่งกินอาหารเช้าตามมุมร้าน ท่าทางมีพิรุธโคตรๆ  คินรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนทุกคนต้องแอบมองเขาจากในร้าน ไม่งั้นไม่ทำท่าทางแบบนี้หรอก แต่ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะถามขึ้นมา คินหัวเราะก่อนจะบอกเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร

“มึงจะกินซาลาเปาหมูแดงจิ้มน้ำปลาพริกไม่ได้นะ กูกลัวมึงตาย”

เสียงโห่แซวบวกคำด่าลอยตามมาไม่หยุดแต่ภาคินโบกมือลาให้เพื่อน
ก่อนจะเดินเลี้ยวไปทางห้องครัวด้านหลัง

“คนส่งอาหารเช้าน่ารักไม่ใช่เล่นๆ เลยว่ะ”

“ทำไมไม่พาเข้ามาในร้านกูแอบมองจนตาจะเหล่ไอ้คิน”

“เช้านี้มึงดูสดใสขึ้นมาทันทีในขณะที่พวกกูมืดมนมาก”

 “ไอ้คินไอ้ชั่วทุกคนสภาพใกล้ตายเหมือนกันหมด แต่ทำไมมึงมีใครโผล่มาให้กอดตั้งแต่เช้า กูจะสาปแช่งมึงแล้วภาคิน!”





Watercolor

งานเสร็จสักที..
ดีที่ได้ไอ้ทิมมาช่วยไม่งั้นเขาอาจจะตายคาร้านไปแล้วก็ได้ ถ้าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมีแฝดบริหารอย่างเบนจามินกับรามิล พวกเขาสองคน ภาคินกับนพจินดาก็เป็นคู่หูดูโอ้ข้ามคณะ ตอนเรียนต่างคนต่างเรียกมาช่วยทำงานจนบรรดาเพื่อนเองยัง งง ที่เราสามารถทำงานแทนกันได้ทั้งๆ ที่เรียนไม่เหมือนกันเลย นี่แหละมั้งมิตรภาพตั้งแต่สามขวบของแก๊งลูกเพื่อนแม่  แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไอ้ทิมไม่ลากแฟนมันมาด้วย พอมาถึงไอ้พอร์ชก็เริ่มเลย

“ใครสั่งใครสอนผมว่าอย่าบ้างานให้มันมากนัก เอาเวลาไปให้แฟนบ้างอ้อ..ผมลืมไปคุณคินไม่มีแฟน”

ดูมัน..ทำไมไอ้ทาสพอร์ชมันเหิมเกริมขนาดนี้
จะด่ามันทีไอ้ทิมก็จ้องเขม็ง โวะ!..ไอ้พวกเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน!

คินนอนลืมตาอยู่บนเตียง  หลังจากที่หลับไปเกือบสิบชั่วโมง พอร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็รู้สึกเหมือนได้เติมพลัง หน้าจอโทรศัพท์ที่บ่งบอกเวลา ทำให้คินรู้ว่ามันเลยเวลาอาหารเช้ามานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้คุณน้ำเอาอาหารเช้ามาให้เขาหรือเปล่า เมื่อสองสามวันก่อนก็ไม่มีแขวนไว้ให้ด้วย วันแรกที่เปิดประตูแล้วไม่เจอถุงอาหารเขายืนนิ่งอยู่หน้าร้านเกือบสิบวิมีแค่โพส์ทอิทที่วาดรูปเด็กผู้ชายตัวเลอะสีกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับกองงาน นั่นแหละคนเราเขียนคำว่ายุ่งคำเดียวเขาก็เข้าใจแล้ว ก็นะ..การวาดรูปก็สมกับเป็นครูสีน้ำดี

แต่หายไปทั้งอาทิตย์แบบนี้เขาโคคตรู้สึกไม่ชิน นี่ก็กินกาแฟดำเปล่าๆ มาหลายวันแล้ว
กาแฟที่ชงเองมาหลายปีจืดชืดขึ้นมาซะดื้อๆ เป็นอะไรมากไหมวะเขาเนี่ย..

ภาคินเดินลงมาข้างล่างตรงส่วนร้าน นี่ก็ปิดร้านมาหลายวันแล้วลูกค้าก็โทรมาถามเยอะเหมือนกัน ก็ว่ามะรืนนี้จะกลับมาเปิดตามปกติ คินเปิดประตูหน้าร้านก็พบว่ามันไม่มีถุงอาหารแขวนไว้ ท่าทางคุณน้ำยังคงงานยุ่งไม่เลิก..หรือว่าเบื่อจะซื้อให้แล้ววะ เพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวเลยไม่เห็นว่ามีใครเปิดประตูออกมาจากร้านข้างๆ  ท่าทางแปลกๆ ของคินทำให้อีกคนต้องยกมือขึ้นมาโบกๆ ไปมาตรงหน้า

“คุณคินครับ”

“…………………………”

“โอเคนะครับ”

“คุณณัฐ”

“ไม่สบายหรือเปล่า ผมเห็นคุณยืนทำหน้าเครียดอยู่นานแล้ว”

“พอดีผมเพิ่งทำงานเสร็จสมองมันเลยมึนๆ นิดนึง”

“พักผ่อนบ้างนะครับ คุณคินเป็นเหมือนสีน้ำมันเลย นี่ก็ไม่ยอมพักทำงานติดกันมาทั้งอาทิตย์แล้ว”

“คุณน้ำงานยุ่งมากเหรอครับ ผมไม่ได้เจอเลย”

“งานสอนไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ตอนนี้มีงานที่บ้านรุ่งอรุณด้วย น้ำไปช่วยเต็มตัวเลยไม่มีเวลาพัก เออ..พรุ่งนี้นะครับงานที่บ้านรุ่งอรุณถ้าคุณคินว่างมาร่วมงานได้นะชวนเพื่อนมาก็ได้มากันเยอะๆ เด็กๆ คงดีใจ”

คุยอะไรต่ออีกสักพักคุณณัฐก็ขอตัวไปสอน ภาคินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูตารางงาน พรุ่งนี้เขาตั้งใจจะพักอีกวันแล้วค่อยกลับมาเปิดร้าน ยังไงก็ว่างอยู่แล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ โผล่ไปที่งานครูสีน้ำจะตกใจหรือเปล่า แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งอย่างน้อยใบโบรชัวร์งานนี้เขาก็ทำด้วยตัวเองเลยนะ ยังไงก็ขอไปชื่นชมผลงานสักหน่อย



“เหมือนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแล้วเลยว่ะ”

“บ้านรุ่งอรุณคือที่ไหนนะ”

“ให้กูไปช่วยงานว่าที่แฟนมึงใช่ไหมคินเอาตรงๆ ”

ปฏิกิริยาแต่ละคนของแก๊งลูกเพื่อนมันน่าฟาดกระบาลจริงๆ หลังจากที่เขาบอกว่าพรุ่งนี้ถ้าว่างให้ไปช่วยงานที่บ้านรุ่งอรุณหน่อย วันนี้มีรวมแก๊งที่ร้าน SECRET  GARDEN และสถานที่นัดพบของแก๊งนั้นก็คือโรงเรือนกระบองเพชรที่รามิลจ้างไอ้พอร์ชออกแบบให้ใหม่ พอทำใหม่ก็สวยปื๊งจนเขาเองยังเคยถ่ายรูปอัพลงในไอจีคนเข้ามาชื่นชมกันใหญ่

“ก็คือไอ้มิลเคยให้เราไปช่วยขายต้นกระบองเพชรของไม้ และมึงภาคิน…เหตุการณ์แบบเดียวกันเป๊ะ”

“กูไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแบบไอ้มิล”

“เจตนาไม่ดีอะไรวะ ตอนนั้นกูบริสุทธิ์ใจ”

“มึงจะให้พวกกูไปขายต้นไม้แล้วมึงก็จะไปอยู่กับไม้สองคน”

“กูพูดแบบนั้นด้วยเหรอ”

“พูด!”

“ไม้อย่าไปฟัง มิลไปช่วยไม้เพราะอยากช่วยจริงๆ”

พอสู้ไม่ได้ก็หันไปอ้อนแฟนแทน ต้นไม้ก็พอรู้ล่ะว่าใครพูดจริงใครที่เฉไฉไอ้แฟนตัวโตเป็นหมีแต่ทำท่าเหมือนลูกหมายังคงกอดไม่ปล่อย พูดงุ้งงิ้งๆ ไม่หยุดจนเบนต้องโยนกระถางพลาสติกอันเล็กๆ ใส่หัวรามิล เพราะวันนี้อยู่กันครบแก๊ง รวมทั้งต้นไม้ คีตา และพอร์ช คินเลยลองชวนดูอันที่จริงถ้าไม่มีใครว่างคินก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเองก็บอกกะทันหันด้วย

“คีย์ว่างนะ เอากีตาร์ไปเล่นด้วยได้ไหมพี่คิน”

“ได้ เด็กๆ น่าจะชอบแล้วมึงอะเบนหรือมีประชุม”

“กูกำลังวางแผนหนีไอ้มาร์ชอยู่”

“โดดงานตั้งแต่หนุ่มยันแก่ กูเป็นไอ้มาร์ชชิงลาออกตั้งแต่วันแรกมีเจ้านายแบบนี้ปวดหัวตายห่า”

“มึงอย่ามาเสี้ยม มาร์ชรักกู! พรุ่งนี้กูจะไปเป็นคนหล่อขอทำดี”

“กูไปได้นะแต่สายๆ หน่อยมีนัดลูกค้าเรื่องแหวนหมั้นตอนแปดโมง”

“ลูกค้านัดแปดโมงกูร้องไห้ใส่เลย เช้าเกินไม่ตื่น”

“ของกูแปดโมงยังปกติ มึงเจอลูกค้าพอร์ชตีสี่ครึ่งยังเคยมี”

“เดาว่าเป็นผู้หญิงแล้วไอ้ทิมก็ตามไปเฝ้ามึง ใช่ไหมพอร์ช”   

“คุณเบนพูดเหมือนตาเห็น ทับทิมไปทั้งชุดนอนเลยครับลูกค้าผมขำคิกคักแต่ก็บอกว่าแฟนน่ารักดี”

“แต่นิสัยมารร้ายบอกเขาไป”

“สัดเบน! สักวันกูจะขอให้คีตานิสัยเหมือนกู”

"อย่าไปฟังนะคีย์เรื่องไม่ดีๆ"

“พอก่อน สรุปใครไปได้บ้างวะ”

“กูมีประชุมว่ะคงไปไม่ได้ไม้ก็มีลูกค้าที่นัดไว้ เดี๋ยวกูขอเป็นบริจาคแทนแล้วกัน”

“กูกับเจ้าหนูว่าง..ไปได้กูได้การอนุมัติจากผู้ช่วยมาร์ชแล้ว ไอ้มาร์ชดูมีอำนาจกว่าเจ้เบอร์ดี้อีกว่ะตอนนี้”

“เดี๋ยวผมไปพร้อมทับทิมแล้วกัน พรุ่งนี้มีแค่แก้แบบนิดหน่อย”

กว่าจะตกลงกันเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็หลายนาทีอยู่ เวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ก็วุ่นวายอยู่เหมือนกัน ไอ้เบนหันมาตีกับไอ้ทิมโดยมีคีตานั่งดีดกีตาร์ใส่ซาวแทร็คอยู่ใกล้ๆ ส่วนพอร์ชได้แต่คอยจับทิมไว้เพราะกลัวจะโดดถีบใส่ไอ้เบนที่เอาแต่กวนตีนไม่เลิก ภาคินกอดอกยืนพิงชั้นกระบองเพชรก่อนจะนึกถึงพรุ่งนี้

ได้เจอหน้ากันสักทีครูสีน้ำ


Watercolor


“น้องน้ำคะ พี่เอาป้ายพวกนี้ไปวางไว้ตรงทางเดินเลยนะคะ”

“ได้เลยครับ”

“วางใบโบรชัวร์ไว้ตรงไหนดีครับ”

“เดี๋ยววางไว้บนโต๊ะตรงประชาสัมพันธ์เลยพี่ชาติ”

“เดี๋ยวพี่ไปดูเด็กๆ ก่อนนะน้องน้ำ กลัวว่าฝนจะเอาไม่อยู่วันนี้ทุกคนยุ่งๆ”

สีน้ำหยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้า ตั้งแต่เช้าแล้วเขาทำนู่นทำนี่ไม่หยุด ที่บ้านรุ่งอรุณเจ้าหน้าที่มีน้อยจนต้องผลัดกันช่วยงาน สีน้ำหยิบกรอบรูปที่ใส่รูปวาดของเด็กๆ ขึ้นมาถือไว้ รูปภาพระบายสีน้ำในมือมันไม่ได้สวยเลิศเลอเท่าไหร่หรอก แต่มันก็คือสุดฝีมือของเด็กคนหนึ่ง มันมีทั้งความพยายาม ความตั้งใจ รวมอยู่ในภาพนี้ สีน้ำปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ก่อนจะค่อยๆ ติดรูปลงบนผนัง คงเพราะมัวแต่ตั้งใจกับภาพตรงหน้าเลยไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามา

“พี่ฝนเหรอ ช่วยหยิบรูปที่วางอยู่ตรงนั้นให้หน่อยได้ไหมครับ”

“……………………………..”

“พี่ฝ..”

ยังไม่ทันจะได้เรียกชื่อจบภาพตรงหน้าทำให้สีน้ำยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ภาคินในชุดเดิมๆ ที่เห็นเหมือนทุกวันเสื้อสีขาวกางเกงยีนส์กำลังยื่นขวดน้ำให้ ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาก่อนที่คินจะเป็นฝ่านที่หลุดหัวเราะก่อนเพราะหน้าตาคุณน้ำเหมือนเจอผีตอนกลางวันแสกๆ

“มาได้ไงครับ”

“วันนี้มีงานไม่ใช่เหรอ”

“ครับ วันนี้มีงานแต่ผมคิดว่าคุณคินไม่น่าว่างเห็นงานยุ่ง”

“คุณณัฐบอกให้ผมมาได้ อีกอย่างผมเองน่าจะมาช่วยอะไรได้บ้าง”

“มาร่วมงานเฉยๆ ก็ได้ครับผมเกรงใจ”

“ผมไม่ได้มาคนเดียวนะ”

“ควงใครมาด้วยเหรอครับ”

“ควงมาทีเดียวสี่คนเลย”   

ภาคินเบี่ยงตัวให้สีน้ำเห็นชัดๆ เมื่อเห็นว่าตรงทางเดินมีแก๊งลูกเพื่อนแม่สองคนรวมทั้งคีตากับพอร์ช แบกของพะรุงพะรังเต็มสองแขน เสียงพูดคุยถกเถียงกันตลอดทางทำให้สีน้ำยิ้มกว้างกว่าเดิม ทันที่ที่ทั้งสีคนเดินมาถึงตรงที่สีน้ำยืนอยู่ก็พาทักทายจนเสียงดังลั่น คุณเบนจามินก็ยังคงเป็นหนุ่มตี๋ฮ่องกงที่อารมณ์ดีเหมือนเดิม

“พวกผมมาช่วยครับคุณน้ำ มีอะไรใช้พวกเราได้ทุกอย่าง”

“ไอ้มิลกับไม้ไม่ได้มาด้วยแต่ยอดบริจาคมันชนะเลิศแซงทุกคนไปเลย เบื่อเจ้าพ่ออสังหา เบื่อคนรวยๆ”

“แล้วเด็กๆ อยู่ไหนกันเหรอครับ”

“เตรียมการแสดงอยู่ข้างหลังครับ ตอนนี้ผมกำลังติดรูปภาพของเด็กๆ งั้นทุกคนช่วยติดภาพก็ได้ครับผมทำสัญลักษณ์ไว้แล้ว”

สีน้ำยิ้มขำเมื่อทุกคนรับคำแข็งขัน เหมือนเขาเป็นหัวหน้าที่สั่งงานลูกน้อง แก๊งลูกเพื่อนแม่แยกย้ายไปทำงาน เหลือแค่คินที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนที่คินจะเป็นฝ่ายหยิบรูปภาพที่วางอยู่แล้วยื่นให้คุณน้ำที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ เบนจามินกระเถิบตัวมาอยู่ใกล้ทิมก่อนจะสะกิดให้ดูคินที่ยืนหัวเราะอยู่อีกด้าน  มองจากตรงนี้ก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังหยอกล้อกันอยู่ คินกำลังแกล้งคนที่ยืนอยู่บนเก้าอี้คุณน้ำก็เหมือนจะดุแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร มีหันมาฟาดคินทีสองทีแล้วก็ช่วยกันติดรูปกันต่อ

“สรุปกูกับมึงหรือไอ้คินที่มีแฟน ทำไมมันดูหวานแหววกันจังวะ”

“ไอ้คินยังทำตัวเหมือนเดิม แต่งตัวเหมือนเดิมมินิมอลเหมือนทุกวัน แต่พอยู่กับคุณน้ำกูรู้สึกว่ามันมีสีสันขึ้นมาเลย”

เบนกับทิมมองไปยังสองคนที่ยังคงช่วยกันติดรูปอยู่อีกด้าน ไม่รู้ว่าตัวติดกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่ว่าคุณน้ำจะกระเถิบตัวไปทางไหน ไอ้คินก็ขยับตามไปทุกที่ 

งานที่บ้านรุ่งอรุณเริ่มแล้ว เด็กๆ ก็ตื่นเต้นกันใหญ่มีบ้างที่ร้องไห้งอแงเพราะคนเยอะ คงจะตื่นคนแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ถึงเวลาปล่อยให้เด็กๆ วาดรูประบายสี คนที่มาร่วมงานเอ่ยชมว่าเด็กที่บ้านรุ่งอรุณมีฝีมือในการวาดรูประบายสีกันแทบทุกคน สีน้ำเดินดูเด็กๆ พร้อมกับช่วยสอนเทคนิคเล็กน้อยเพราะอยากให้เด็กระบายสีตามใจตัวเองมากกว่า จังหวะที่กำลังจะเดินไปอีกฝั่งอยู่ดีๆ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามากระซิบว่ามีคนมาบริจาคของเพิ่ม

“แขกของน้องน้ำหรือเปล่าคะ ของพี่ที่แจ้งชื่อไว้มาครบแล้ว”

“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเองครับ”

สีน้ำเดินออกมาจากนอกอาคารก่อนจะหยุดเดินเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนพิงรถอยู่คือคนที่เคยเจอกันแล้ว ผู้ชายที่หน้าคล้ายคุณคินเมื่อวันนั้น  พออีกฝ่ายเห็นเขาเดินออกมาก็ทำหน้าแปลกใจอยู่เหมือนกัน

“ผมนึกว่าจะเป็นเบนหรือทิม”

“พอดีเจ้าหน้าที่รู้จักผมอยู่แล้วครับ ไม่ทราบว่าคุณ..เอาของมาบริจาคเหรอครับ”

“ครับ ผมเอาพวกอุปกรณ์กีฬามาให้เห็นทิมบอกว่าพวกเครื่องเขียนมีกันเยอะแล้ว”

“ครับ ขอโทษครับคือเราขอทราบชื่อคนบริจาคด้วยนะครับ คือมันเกี่ยวกับความปลอดภัย”

คนที่ยืนอยู่ทำหน้าไม่ค่อยมั่นใจ สีน้ำเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่เคยบอกชื่อเลยสักครั้ง แต่ถ้ารู้จักกันแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็คงเป็นรู้จักของใครสักคน สีน้ำยืนรออยู่สักพักก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มให้

“คุณากร พิชญเดชา”

เจ้าหน้าที่พาผู้ชายที่เพิ่งบอกชื่อ ให้ไปทำเรื่องบริจาคของที่สำนักงานแล้ว แต่สีน้ำยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนคินที่เดินออกมาตามแตะลงบนไหล่ถึงได้รู้สึกตัว สีน้ำหันมามองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขารู้จักนามสกุลของคุณคิน พิชญเดชา นามสกุลเดียวกันถ้างั้น..คินมองตามท้ายรถที่ขับออกไปจากบ้านรุ่งอรุณ ก่อนจะเอ่ยออกมาเองเพราะเขารู้ว่าคุณน้ำก็คงสงสัย

“พี่ชายผมเอง ชื่อพี่เค”

“พี่ชาย?”

“แต่ไม่ค่อยสนิทกัน”

“พี่ชายแท้ๆ เหรอครับ”

“ครับ เพิ่งมาไม่สนิทกันตอนโต การใช้ชีวิตไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ เลยไม่มีเรื่องให้คุยกันมั้งไม่ได้ทะเลาะอะไรกันร้ายแรงครับสบายใจได้”

ภาคินตัดบทก่อนจะยิ้มบางๆ พร้อมกับบอกให้ครูน้ำเข้าไปข้างในเพราะเด็กๆ เริ่มถามหากันแล้ว สีน้ำเพิ่งสังเกตว่ารอยยิ้มของทั้งคู่มันดูเศร้าๆ เหมือนกันไม่มีผิด คินกำลังยกกล้องในมือขึ้นมาถ่ายรูปบรรยากาศข้างนอกแต่ก็ต้องยกค้างไว้เมื่อได้ยินประโยคที่คุณน้ำบอกออกมา

“สีเทา”

“ครับ? สีเทา?”

“ผมรู้สึกว่าพี่ชายคุณคินเป็นสีเทาเข้มๆ  มันไม่เหมือนสีดำแต่ก็ไม่ใช่โทนสีสว่างแต่ที่ผมสัมผัสได้ เขาดูเหงามากๆ ”

ภาคินลดกล้องในมือลงเมื่อได้ยินที่คุณน้ำบอก เขาไม่รู้เรื่องส่วนตัวของพี่เคมานานแล้วเหมือนกัน เราไม่ได้คุยกันสองคนมานานมาก เหงางั้นเหรอ…ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อสัมผัสตรงข้อมือทำให้ภาคินเงยหน้าขึ้นมามองคุณน้ำอีกครั้ง

“ผมไม่รู้เรื่องครอบครัวของคุณหรอกแต่ผมเชื่อว่าทุกคนมีสองด้านนะ ด้านที่คุณคินเห็นกับด้านที่คุณคินไม่เคยเห็น”


.....................
...............................
............................................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.4 - Orange -* [ 02/02/2020] Page.2
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 23-02-2020 19:54:40
Watercolor

เลอะเทอะทุกครั้งที่ได้จับพู่กันระบายสี

เสื้อสีขาวที่ภาคินใส่มาตอนแรก ตอนนี้มันเลอะสีน้ำเป็นแถบๆ มันเกิดจากงานที่บ้านรุ่งอรุณจบแล้ว เด็กๆ ก็เลยระบายสีเล่นกันตามใจชอบ ทิมกับพอร์ชก็ช่วยเด็กๆ อยู่อีกด้าน  สองคนนี้พอมีความสามารถทางด้านการวาดรูปอยู่แล้วเลยไม่ต้องห่วง ตัดภาพมาที่เบนจามินผู้ซึ่งมันคงในสายวิทยาศาสตร์มาตลอด เจอการวาดรูปเข้าไปถึงกับคิ้วขมวดเป็นปม คีตาหัวเราะแล้วหัวเราะอีกกับฝีมือศิลปะของแฟนตัวเอง ส่วนเขาน่ะเหรอ..

“เสื้อคุณคินเลอะเหมือนวันนั้นเลยเนอะ”

ตัวต้นเหตุคือคนที่ยืนล้างพู่กันอยู่ที่อ่าง ก็นั่นแหละเขายืนถ่ายรูปอยู่ดีๆ คุณน้ำก็บอกว่าถ่ายเยอะพอแล้วให้มาระบายสีด้วยกัน  ตอนแรกจะชิ่งหนีแต่พอเจอสายตาอ้อนๆ ก็ใจอ่อนยอมมานั่งผสมสีน้ำตามที่คุณครูสั่ง ทันทีที่เขาบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าเสื้อเขาจะเลอะสีเขาไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เท่านั้นแหละบรรดาเด็กๆ ก็รุมป้ายสีเขากันใหญ่ แต่พอเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ภาคินก็ได้แต่ปล่อยให้เด็กเล่นสนุกอยู่อย่างนั้น

นอกจากเด็กๆ แล้วคุณครูสีน้ำก็ป้ายสีฟ้าตรงแก้มเขายาวเป็นแถบ
เขาก็เลยเอาคืนบ้าง ตอนนี้แก้มคุณสีน้ำเลยมีสีน้ำเลอะอยู่เหมือนกัน

“คุณคินเหนื่อยไหมครับ เห็นงานยุ่งๆ แล้วยังมาช่วยงานผมอีก”

“งานไม่เหนื่อยแต่อาหารเช้าหายไปสองสามวัน ใจไม่ดี”

“กลัวอดตายเหรอไง”

“กลัวคนที่ซื้อให้หาย ก็หายจริงๆ อาหารก็ไม่มีทิ้งไว้แค่โพสต์อิทแผ่นเดียว”

“……………………………………..”

สีน้ำหยิบพู่กันที่ล้างน้ำเสร็จแล้วมานั่งลงข้างๆ ภาคิน  ด้านหลังของบ้านรุ่งอรุณเงียบสงบดีมีสนามหญ้าและดอกไม้ที่เจ้าหน้าที่ปลูกไว้พอได้นั่งพักก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ก่อนหน้านี้วิ่งวุ่นจนหัวหมุนไปหมด

“ผมไม่รู้ว่าคุณคินรอผมอยู่หรือเปล่า”

“……………………………………..”

“หมายถึงงานยุ่งจนไม่รู้ว่าคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า”

“คิดถึงผม?”

“คิดถึงอาหารเช้าของผม”

“ผมดูเป็นคนเห็นแก่กินขึ้นมาทันที”

“แล้วคิดถึงไหมล่ะไม่ได้กินของอร่อยๆ”

“คิดถึงสิ”

“อดตายแน่”

“คิดถึงคนซื้อให้ต่างหาก”

“จริงๆ คนเล่นมุขนี้เยอะนะแต่ก็พอได้ฟังกับตัวก็เขินอยู่เหมือนกัน”

“มุขซ้ำเหรอเนี่ย”

“ไปหามุขมาใหม่เลย”

“เฮ้ย นี่ออกมาจากใจ”

“คุณคิน..จริงๆ แล้วช่วงที่ผมงานยุ่งผมก็อยากเจอคุณเหมือนกัน แต่ก็รู้ใช่ไหมคือเราสองคน..เอาเป็นว่าผมรู้ว่าถึงคุณจะเล่นหยอดผมอยู่บ่อยๆ  แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจริงแค่ไหน ผมเองก็รู้ลิมิตตัวเองถ้าคุณแค่เล่นๆ ผมรู้ว่าต้องทำยังไง”

“ผมรู้ว่าต้องทำยังไงนี่หมายความว่า?”

“ผมยังซื้ออาหารเช้าให้คุณเหมือนเดิมในฐานะเพื่อน หรือไม่ก็คนที่อยู่ร้านข้างๆ ”

“แล้วมันต่างจากที่ผ่านมาตรงไหน”

“อะไรที่อร่อยมากๆ จะไม่ซื้อให้”

“เอ๊า!”

“เรื่องอะไรต้องทุ่มเทให้เพื่อนที่อยู่ข้างร้านขนาดนั้นด้วย เป็นแค่เพื่อนกินธรรมดาก็พอ ซื้อให้เพราะมีน้ำใจให้เพื่อนร่วมโลก”

ภาคินสาบานว่าเขาพยายามกลั้นยิ้มแล้วแต่มันไม่ได้จริงๆ ประโยคที่ได้ยินมีคำว่าเพื่อนเกินสามคำแล้ว ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาหยิ่งๆ คล้ายกับว่าไม่แคร์มันก็น่ามันเขี้ยวคินเลยเอื้อมมือไปรั้งเอวคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้เข้ามาใกล้ๆ

“มีเรื่องจะสารภาพ ตอนที่คุณน้ำหายไปผมใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตื่นขึ้นมาทำงาน กินกาแฟดำๆ ขมๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นชั่วโมงๆ ทำอะไรซ้ำๆ  วนๆ ไป”

“แล้ว?”

“โคตรเงียบเลยว่ะ”

“เงียบ?”

“อืม..แบบเงียบเหงา”

“เหงาด้วย ปกติเห็นคุณคินอยู่คนเดียวออกจะบ่อย”

“ก็เพราะใครล่ะ เคยโผล่มายิ้มแป้นแล้นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าพร้อมอาหารอร่อยๆ พูดนู่นพูดนี่จนผมชินไปแล้ว”

“อยู่ดีๆ เป็นความผิดผมได้ไง”

“ทำให้ผมคิดถึงก็ต้องเป็นความผิดคุณสิ”

“โห..วันนี้เล่นแรงนะเนี่ย”

“อย่าเขินจนวิ่งหายไปไหนแล้วกันไม่เจอหลายวัน อย่าคิดจะหนีไปไหนอีก”

“ร้านอยู่ข้างกันแท้ๆ”

“นั่นดิแค่เปิดประตูทำไมไม่ทำวะ”

“นี่หมายถึงผมหรือตัวคุณคินเอง”

“เราทั้งคู่”

พอคินตอบมาอย่างนั้นก็นั่งเงียบกันทั้งสองคนก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน สรุปคือหลายวันที่ผ่านมาต่างคนต่างคิดถึงแต่ไม่มีใครกล้าที่จะเริ่มก่อน สีน้ำเองเห็นอีกฝ่ายงานยุ่งขนาดนั้นก็ไม่รู้ว่าถ้าเข้าไปหาจะเป็นการยุ่งวุ่นวายไปหรือเปล่า แต่พอได้ฟังแบบนี้แล้วก็ค่อยโล่งใจ รอยยิ้มที่เคยเห็นอยู่ทุกวันทำให้ภาคินต้องยกมือขึ้นมาลูบแก้มคนข้างๆ ที่ยังคงมีสีฟ้าเลอะอยู่

“ถ้างานยุ่งช่วยบอกผมหน่อยมาให้เห็นหน้าสักห้านาทีก็ยังดี หายไปไม่กี่วันชีวิตผมแปรปรวนไปหมด”

“แล้วคุณคินก็จะบอกผมเหมือนกันใช่ไหม”

“บอกทุกอย่างครับ”

“พูดเพราะขึ้นมาเลย”

“พูดได้ทุกวันล่ะครับ”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยอายุน้อยกว่านะเราน่ะ”

“อย่ามาดุเลยคุณครูผมไม่กลัวหรอก อีกอย่าง…”

“ถ้าผมหยอดเล่นๆ ไม่มานั่งคิดถึงเป็นหมาหงอยแบบนี้หรอกสีน้ำ”

“………………………………………………”

ภาคินแกล้งทำเป็นยืดแขนก่อนจะรั้งร่างคุณน้ำที่นั่งตาโตกับประโยคที่เขาพูด ให้เอนมาซบลงตรงอกกว้างก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับบอกว่า เราควรพักกันทั้งคู่เพราะหน้าตาเริ่มเหมือนซอมบี้ในหนังแล้ว ตอนแรกสีน้ำขืนตัวเอาไว้แต่พอเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรมากกว่ากอดไว้เฉยๆ สีน้ำก็เริ่มผ่อนคลายมือที่กำเสื้ออยู่ค่อยๆ คลายออกเปลี่ยนมาวางพาดบนเอวของคินแทน จะว่าไปก็เหนื่อยจริงๆ ตั้งแต่ทำงานติดกันมาหลายวันเขายังไม่ได้พักเลย จังหวะที่กำลังเคลิ้มหลับเสียงร้องเพลงที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้สีน้ำขมวดคิ้ว


* หลับเถอะนะแก้วตาจงนอนหลับใหล จะอยู่ตรงนี้ไม่จากไปไหน..


เพราะความเหนื่อยล้าทำให้สีน้ำไม่อยากจะขยับตัวไปไหน แต่เพลงที่คุณคินร้องเขารู้สึกคุ้นมาก มันไม่ใช่เสียงร้องที่เขาคุ้นเคยแต่มันเป็นเนื้อเพลงเขารู้สึกว่าเขาเคยเห็นเนื้อเพลงๆ นี้มาก่อน สีน้ำพยายามนึกให้ออกแต่สุดท้ายความง่วงก็ชนะ แต่ก่อนที่เข้าสู่ห้วงนิทราลายมือบนโปสการ์ดก็แว๊บขึ้นมาในหัว

“โปสการ์ด..”


เมื่อวานเห็นคุณเขียนไว้ว่านอนไม่หลับ
จริงๆ มีเพลงแนะนำฟังกี่ครั้งนอนหลับสนิททุกครั้ง

หลับเถอะนะแก้วตาจงนอนหลับใหล จะอยู่ตรงนี้ไม่จากไปไหน..

ถ้าได้เจอกันจะร้องให้ฟังนะคุณ จะร้องเพลงกล่อมให้คุณนอนฝันดี


ภาคินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขาได้ยินคนที่หลับซบอกพึมพำว่าการ์ดๆ อะไรสักอย่างฟังไม่ค่อยชัด มือใหญ่ยกขึ้นมาสัมผัสตรงกลุ่มผมสีน้ำตาแดงเบาๆ คล้ายจะกล่อม ภาคินหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเบียดเข้าหาแล้วกอดไว้แน่นพอเห็นอีกฝ่ายหลับสนิทเหมือนเดิมภาคินก็ยกมือขึ้นมาลูบแก้มที่ยังคงเลอะสีฟ้าเพิ่งรู้ว่าบนหน้าตัวเองก็มีแค่สีฟ้าที่เลอะอยู่ที่แก้มตำแหน่งเดียวกันเป๊ะๆ


“งั้นวันนี้ให้วันของเราสองคนเป็นสีฟ้าก็แล้วกันเนอะ”











TO BE CON

* song : กล่อม
ศิลปิน : ฟลุ๊ค เกริกพล

ps: ร้องเพลงนี้ได้แสดงว่าเราอยู่ในยุคพี่ฟลุ๊ควัยใสเหมือนกัน น๊า นา นา นา

ขอโทษมากๆ นะคะที่มาต่อแต่ละตอนค่อนข้างช้านิดนึง ไม่นิดอะเกือบเดือน แงง!
พอดีงานเรายุ่งยากมากมายมหาศาลอยากลาออกทุกสองวิ แต่ ศก แบบนี้
ไม่ออก! *กอดโต๊ะทำงานแน่น


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb




หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-02-2020 21:20:55
ทำไมคู่นี้ละมุนกว่าทุกคู่ คงเพราะนิสัยของคินและสีน้ำ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: Aday_s ที่ 23-02-2020 22:15:29
ขอบคุณที่มาอัพนิยายให้อ่านนะคะ ช่วงนี้เราฝึกงานเหนื่อยมาก พอได้อ่านนิยายของไรท์ มันฮีลใจเรามากค่ะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-02-2020 22:15:49
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-02-2020 22:18:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

เมื่อไรจะรู้ว่า   ต่างคนต่างก็เป็นคนที่อีกคนถวิลหาจากโปสการ์ดสื่อรัก
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 23-02-2020 22:58:28
รอไขปริศนาน้องคิน พี่เค :mew4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-02-2020 01:19:42
ละมุนมากๆเลย
แอบสงสารพี่เคจัง มีอะไรกันนะสองพี่น้องคู่นี้
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 24-02-2020 08:17:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: iMarchs ที่ 27-02-2020 22:06:11
ดีต่อใจมากๆ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-03-2020 03:08:47
ดีต่อใจ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.5 - Blue -* [ 23/02/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-03-2020 10:59:25
โอย โอย ใจบางไปหมดแล้วค่ะ คุณภาคิน
จะทำแบบนี้กับสีน้ำไม่ได้ หยอดยังไงก็อยากให้รู้ว่าหยอด

ภาคินละมุนมากค่ะ เป็นเอ็นดูสีน้ำมากด้วย

สีน้ำน่ารักดี ห่วงนะ แต่ไม่อยากวุ่นวาย
แต่ตอนนี้วุ่นวายกันได้ละ ภาคินจะยินดีเป็นที่สุด

ทีมลูกเพื่อนแม่ คือทัพเสริมที่ดีมากเลยค่ะ

ภาคินจะกลับไปคุยกับพี่ชายไหมน้า สีน้ำบอกว่าพี่เค้าดูเหงาล่ะ


หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 08-03-2020 20:22:48
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
 

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.6
-Green-


“มึงนั่งเหม่อมาสิบนาทีแล้วน้ำ เป็นอะไรวะ”

พอโดนทักเจ้าตัวที่นั่งนิ่งอยู่หน้ากระดานวาดรูปก็สะดุ้งสุดตัว พอเห็นท่าทางแปลกๆ ของญาติตัวเองก็เลยถามซ้ำอีกครั้งแต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้า แต่พอผ่านไปสักพักก็พยักหน้าทำสลับไปสลับมาเหมือนไม่แน่ใจตัวเอง

อะไรของมัน?

“ณัฐ มึงเคยคุ้นๆ อะไรสักอย่างแล้ว ..แล้ว”

“แล้ว?”

“ไม่รู้ว่ะบอกไม่ถูก คนๆ หนึ่งมันจะเหมือนกันได้ขนาดนั้นเลย”

“มึงพูดเรื่องอะไรเนี่ย แล้วใครเหมือนใคร”

“หรือมันเป็นเรื่องบังเอิญเฉยๆ ”

“ยิ่งพูดยิ่งงง สรุปเรื่องนี้มีตัวละครกี่คน”

“สองคนแต่แค่รู้สึกว่าสองคนนี้มันเหมือนกันมาก แต่มันจะเป็นไปได้เหรอวะ”

“กูอยากให้มึงเล่ารายละเอียดให้กูฟังนะแต่มึงดูยังไม่พร้อมจะเล่า”

“เออ ไม่เล่าดีกว่า”

“ถ้าไม่ใช่ญาติกูเตะไปนู่นแล้วพูดเองเออเองเป็นนางเอกซีรีส์เลย เออ..ช่วงบ่ายมึงว่างแล้วใช่ไหม”

“ว่าง..ย้ายไปสอนเช้าหมดแล้ว”

“แล้วจะไปไหนไหม”

“ยังไม่รู้เลยว่ะ ”

“นอนพักเถอะมึงดูเบลอๆ ชอบกล”

สีน้ำพยักหน้ารับก่อนจะวางพู่กันในมือลง ภาพที่กำลังวาดอยู่คือม้านั่งตัวหนึ่ง แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนก็หน้าร้อนขึ้นมาซะดื้อๆ เลยรีบลุกออกจากเก้าอี้ แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ทำให้ณัฐต้องถามเป็นครั้งที่สามของวันว่า

มึงเป็นอะไรวะน้ำ?

ที่จริงวันนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย สีน้ำจำได้ว่าเขาหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าได้ยินเสียงเพลงที่คุณคินร้องขึ้นมาถึงจะง่วงมาก แต่เขาก็ยังจำเนื้อเพลงนั่นได้แม่น หลังจากนั้นเขาก็หลับสนิทจนไม่รู้เรื่องอะไรอีก  รู้ตัวอีกทีตอนที่คุณทิมเดินมาปลุก เพิ่งรู้ว่าคุณคินก็หลับเหมือนกันแต่..ประเด็นคือเราสองคนหลับแบบกอดกันอยู่บนม้านั่ง

เขาก็รู้นะว่าคุณทิมพยายามกลั้นยิ้มแล้ว แต่สายตาวิบวับนั่นมันก็ทำให้เขาอดที่จะเขินไม่ได้ แถมคุณคินที่หลับอยู่ก็ไม่ยอมปล่อยมือที่กอดเอวเขาสักที ขนาดคุณทิมพยายามสะกิดแล้วสะกิดอีกก็ไม่ปล่อย มีการกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมจนเขาแทบจะจมอกกว้างๆ นั่น

“ไอ้คิน ถ้ามึงแกล้งหลับอยู่กูจะถีบมึงตกเก้าอี้เลยนะ”

เออ..ทิม นพจินดาเป็นคนที่จิ๋วแต่แจ๋วของแก๊งลูกเพื่อนแม่ หน้าตาน่ารักแบบตุ๊กตาแต่น้ำเสียงที่พูดกับคุณคินนี่โหดระดับสิบแต่มันก็ได้ผล อยู่ดีๆ คุณคินก็ลืมตาขึ้นมาซะดื้อๆ จนเขาเองต้องหันไปมองท่าทางก็ไม่ได้ดูง่วงนอนเหมือนเมื่อกี้เลยสักนิด แถมยังลุกขึ้นมานั่งตัวตรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“มึงนี่มันน่ากลัวไม่เคยเปลี่ยนทับทิม มีแฟนแล้วไม่อ่อนโยนขึ้นมาบ้างเลย”

“ทำเป็นแกล้งหลับแล้วเนียนกอดคุณครูสีน้ำอย่างมึง กูไม่ฟาดกระบาลมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

“ร้ายกาจจริงๆ คนอะไร”

“มึงนั่นแหละที่ร้ายไอ้ลูกกระจ๊อก”

คุณทิมยกขาเตะคุณคินหนึ่งทีก่อนจะบอกว่าให้รีบตามไปข้างในห้องประชุม  พอคุณทิมเดินหายไปทุกอย่างก็เงียบกริบสีน้ำจ้องคนข้างๆ อย่างจับผิดก่อนที่ภาคินจะยกมือขึ้นมาปิดตา

“อย่าจ้องแบบนั้นสิ”

“สรุปคุณคินหลับจริงหรือเปล่าเนี่ย”

“หลับจริงแต่ตื่นก่อน”

“แล้วทำไมไม่ปลุกผม”

“ก็เห็นนอนหลับสนิทก็เลยไม่กล้าปลุกอีกอย่าง..”

“อะไร”

“กอดผมแน่นขนาดนั้นใครจะอยากปลุกกัน”

พอรู้เหตุผลจริงก็เลยฟาดใส่แขนสักทีสองที แต่ยอมรับว่าพอได้นอนพักร่างกายก็รู้สึกเหมือนได้เติมพลังขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขารู้สึกเพลียอยู่ตลอดเวลาคงเพราะไม่ได้นอนหลับสนิท พอยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เพิ่งรู้ว่าเกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ภาคินเลยต้องบอกว่ารีบเข้าไปข้างในจังหวะที่กำลังลุกขึ้นข้อมือของคืนก็ถูกจับไว้แน่นจนคินต้องหันมาถามว่ามีอะไร

“ผมได้ยินคุณคินร้องเพลงก่อนที่ผมจะหลับ”

“อ้อ..ผมร้อง”

“เพลง..”

“อยากฟังอีกเหรอของดีมีครั้งเดียว ไม่ร้องให้ใครฟังง่ายๆ หรอกนะ”

“คุณคินรู้จักเพลงนี้อยู่แล้วเหรอครับ”

“เพลงเก่ามากใช่ไหม แต่มันก็ต้องมีคนรู้จักเหมือนกันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก”

“ผมขอถามอะไรคุณคินหน่อยได้ไหม”

“ครับ?”

“คุณคินเคยไปเชีย..”

“ไอ้คิน! คุณน้ำ รีบเข้ามาเร็ว มาถ่ายรูปกับเด็กๆ กันครับ”

ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยค คุณเบนจามินก็โผล่หน้ามาพร้อมกับกวักมือเร่งให้เขารีบเดินเข้าไปข้างใน สีน้ำเลยต้องหยุดคำถามไว้แค่นั้น แผ่นหลังกว้างตรงหน้าทำให้สีน้ำต้องสลัดความคิดบางอย่างออกไป

บางทีมันก็แค่เรื่องบังเอิญก็อย่างที่คุณคินบอก
มันก็ต้องมีคนที่รู้จักเพลงนี้เหมือนกัน ไม่ใช่แค่คุณคินคนเดียวสักหน่อย

พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น สีน้ำก็ถอนหายใจ ทั้งๆ ที่บอกตัวเองแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมในใจมันถึงปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้สักที สีน้ำหยิบกล่องกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมาวางบนโต๊ะ นานแล้วนะที่เขาไม่ได้หยิบสิ่งนี้ขึ้นมาอ่าน ทันทีที่เปิดกล่องออกโปสการ์ดมากมายหลายแผ่นอัดแน่นอยู่ภายในกล่อง สีน้ำค่อยๆ รื้อโปสการ์ดจนเจอใบที่เขียนเนื้อเพลง เพลงเดียวกับที่คุณคินร้องให้ฟัง

“เพลงเก่ามากใช่ไหม แต่มันก็ต้องมีคนรู้จักเหมือนกันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก”

แล้วถ้าเป็นคนๆ เดียวกันจริงๆ
คุณอยู่ใกล้ผมแค่นี้เองเหรอ คุณโปสการ์ด


Watercolor


“ทำไมปิดร้านเร็วจังครับ”

ภาคินล๊อคประตูร้านเสร็จหันไปตามเสียงที่เอ่ยทัก  เห็นคุณครูสีน้ำหอบอุปกรณ์วาดรูปไว้เต็มสองแขนก็เลยเข้าไปช่วยถือ  พอเข้ามาในร้านภาคินก็วางอุปกรณ์ไว้บนโต๊ะก่อนจะเงยหน้ามองไปรอบๆ ร้าน เพิ่งสังเกตว่าวันนี้ดูเงียบกว่าทุกวัน ทุกทีจะมีเสียงเด็กๆ วิ้งเจี๊ยวจ้าวดังลั่นไปหมด

“วันนี้ไม่มีสอนเหรอครับทำไมดูเงียบๆ ”

“ช่วงบ่ายมีคลาสเดียวครับณัฐกำลังสอนอยู่ ของผมมีแค่ช่วงเช้าตอนนี้ก็เลยว่าง คุณคินก็ปิดร้านเหมือนกันนี่ ”

“พอดีวันนี้มีออกงานอีเว้นท์”

“ออกงานอีเว้นท์โห..ฟังดูเป็นเซเลปขึ้นมาเลยนะ”

“จริงๆ ผมต้องไปขายต้นไม้”

“ขายต้นไม้?”

ภาคินพยักหน้ายืนยันว่าเขาไปขายต้นไม้จริงๆ ไม่ได้หลอกอีกฝ่ายแต่อย่างใด ครูน้ำทำหน้าตาไม่เชื่อแถมยังถามอีกว่าขายต้นไม้ที่เป็นต้นๆ ไม่ใช่รูปวาดหรือรูปถ่ายต้นไม้ใช่ไหม มีการยกมือขึ้นทำท่าทางเป็นต้นไม้อีกต่างหาก คินหัวเราะกับท่าทางจริงจังนั่นก่อนจะย้ำเป็นรอบที่สามว่าต้นไม้ที่เป็นต้นไม้ไม่ใช่ภาพวาดหรือรูปถ่าย อยู่ดีๆ ภาคินก็นึกอะไรขึ้นมาได้

“คุณน้ำ…ไปขายต้นไม้ด้วยกันไหมครับ”



Green Party
สีน้ำเงยหน้ามองป้ายสีน้ำตาลที่มีตัวอักษรสีเขียวเขียนไว้อยู่ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นงานคล้ายๆ สวนจตุจักรขนาดย่อมที่ขายต้นไม้อย่างเดียว แต่พอเดินเข้ามาข้างในมันมีทั้งเสื้อผ้า ของแฮนด์เมด อาหารเครื่องดื่ม  แล้วก็มีเวทีไว้ให้แสดงดนตรี ทุกอย่างดูเพลินตา จนสีน้ำไม่ได้สังเกตว่าคนที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดเดินตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีบางอย่างดันหน้าผากเขาไว้

“ดูทางด้วยครับคุณครู”

“คุณคินมาขายต้นไม้ที่นี่เหรอครับ”

“ที่นี่แหละครับ”

“มาคนเดียวเนี่ยนะ”

คินส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินนำไปที่บูธฝั่งที่เขียนว่า Tree & Flower  พอเห็นชื่อร้านที่ติดไว้สีน้ำก็เริ่มเข้าใจ ที่แท้ก็มาช่วยคุณต้นไม้นี่เอง เดาได้เลยว่ามาทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่แน่ๆ แบบนี้อย่างน้อยก็ต้องมีคุณรามิล แต่ตอนนี้สีน้ำเห็นแค่คุณไม้กับผู้ชายอีกคนที่เขาเองก็ไม่รู้จัก

“นี่ขนาดปีนี้เราซื้อบูธเพิ่มเป็นสองร้านแล้ว ร้านเราก็ยังดูเล็กอยู่ดี”

“งานหน้าจะซื้อสักห้าบูธเลยครับคุณเต้”

“โห..พี่ไม้ SECRET GARDEN โด่งดังระดับประเทศขนาดนี้ แล้วไหนบรรดาผู้ช่วยขายต้นไม้หน้าตาระดับพระเอก สองบูธมันจะไปพอได้อย่างไร”

“คนเต็มร้านเลยเนอะคิดถึงปีแรกที่มาออกบูธมีแค่เราสองคนเอง วิ่งวุ่นกันจนหัวหมุน”

“และปีต่อมาก็มีแฟนพี่ไม้ เพื่อนของแฟนพี่ไม้และแฟนของเพื่อนของแฟนพี่ไม้ SECRET GARDEN ออกบูธทีไรทุกคนได้แฟนกลับไปตลอด”

“สรุปร้านพี่เป็นร้านกามเทพไม่ใช่ร้านขายดอกไม้แล้ว”

“พี่ไม้ดูดิ พี่มิลมาคนแรกในฐานะเด็กฝึกงานแล้วตอนนี้เป็นแฟนเจ้าของร้าน คีตามาในฐานะคนที่ทำงานกับพี่เบนแล้วตอนนี้เป็นไงกลายเป็นเจ้าหนูของพี่เบนไปแล้ว พอร์ชมาในฐานะลูกค้าของพี่ทิมแล้วตอนนี้ก็กลายมาเป็นแฟนเด็ก”

“เออ ก็จริงเหมือนกันนะเนี่ย”

“เป็นไง คราวนี้ก็เหลือพี่คินแล้วถ้าวันนี้ควงใครมาด้วยคราวหน้าก็เป็น……. แฟน กัน ได้ เลย”

ทันทีที่พูดจบประโยคคนที่เต้กำลังพูดถึงก็เดินเข้ามาในร้านพอดี และแน่นอนว่าคนที่เดินตามมาข้างหลังทำให้เต้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น นี่นับเป็นปีแรกเลยนะที่พี่คินพาคนอื่นมาด้วย ทุกทีพี่แกฉายเดี่ยวตลอด ท่าทางยืนตะลึงเหมือนเจอสิ่งประหลาดทำให้คินต้องยกมือขึ้นมาปัดๆ ไปมาตรงหน้าเต้

“เป็นไรวะเต้”

“ไม่มีอะไรพี่คิดว่าพี่คินจะมาคนเดียวซะอีก”

“อ้อ..เออไม้เราชวนคุณสีน้ำมาด้วยนะ”

“ตามสบาย ผ้ากันเปื้อนอยู่หลังร้านคินไปเอาได้เลย”

ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในคินแนะนำครูสีน้ำให้เต้ได้รู้จักบอกสถานะว่าเป็นเพื่อนที่เปิดร้านอยู่ติดกัน ภาคินรู้สึกว่าวันนี้ไอ้เต้ดูแปลกๆ มีการพูดซ้ำๆ ว่า เพื่อนที่เปิดร้านอยู่ติดกัน วนอยู่อย่างนั้น แต่ไอ้สายตาล้อเลียนนั่นทำให้ภาคินอยากจะยกขาเตะมันไปไกลๆ อยู่เหมือนกัน

“วุ่นวายหน่อยนะวันนี้แก๊งลูกเพื่อนแม่ว่างตรงกันพอดีก็เลยมากันหมดทุกคน แฟนพวกมันด้วย”

“เพื่อนคุณคินดูติดแฟนเนอะ”

“ก็เป็นกันทั้งแก๊ง ผมก็เป็น”

ประโยคสุดท้ายภาคินเอียงตัวเข้ามากระซิบข้างหู สีน้ำเลยศอกใส่ก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น พอเดินเข้าไปข้างหลังก็เป็นอย่างที่คุณคินว่า แก๊งลูกเพื่อนแม่อยู่กันครบทุกคน เสียงพูดคุยดังลั่นแต่พอทันทีที่ทุกคนหันมาเห็นว่าใครที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ ทุกคนก็เงียบลงก่อนที่คุณคินจะแตะลงบนแขนให้เขาเดินเข้าไป คุณเบนจามินก็ยังเป็นผู้ชายอารมณ์ดีโบกมือทักทายเขาพร้อมกับตาตี่ๆ ก่อนที่ทุกคนในแก๊งจะเอ่ยทักทายเขากันทุกคน คุณรามิลหัวหน้าแก๊งแค่ยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนของร้านมาให้สองชุด


ขายต้นไม้ก็คือขายต้นไม้

สีน้ำดูตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าด้านหลังร้าน มีต้นกระบองเพชรจำนวนเยอะมากวางเรียงรายอยู่ น่าจะถ่ายรูปเกินร้อยรูปไปแล้วตอนนี้ ต้นไม้เห็นท่าทางแบบนั้นเลยบอกให้สีน้ำชอบต้นไหนให้หยิบไปได้เลย เจ้าตัวเอ่ยขอบคุณใหญ่เหมือนเด็กเวลาที่ผู้ใหญ่ให้ของเล่น ภาคินเคยคิดนะว่าครูสีน้ำดูเด็กกว่าอายุจริง ขนาดอยู่กับไม้ที่อายุเท่ากับพวกเขาครูสีน้ำก็ยังดูเด็กกว่าอยู่ดี

ต้นไม้หยิบต้นกระบองเพชรมาเรียงตรงชั้นหน้าร้าน พอเห็นบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ช่วยกันขายต้นไม้อย่างขยันขันแข็งก็อดที่จะปลื้มใจไม่ได้ สัมผัสตรงเอวทำให้ต้นไม้หันไปมองข้างๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อใบหน้าของรามิลเลอะไปด้วยเศษดินเต็มไปหมด ทุ่มเทกับงานที่สุดก็คงจะเป็นคนนี้

“คนมาช่วยเราเยอะเลยเนอะ ไม้จะได้ไม่เหนื่อย”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่เรียกลูกค้าได้อีกแน่นอน”

“ถ้าไม่ตีกันตายไปซะก่อน”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ
เสียงที่ดังออกมาจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

“เอาเพลงมันส์ๆ หน่อยดิคีตา”

“นี่มันกีตาร์คลาสสิคอะพอร์ชไม่ใช่กีตาร์ไฟฟ้า มันส์สุดได้แค่นี้”

“อยากฟังเพลงร็อคเล่นให้หน่อย”

“มาเล่นเองเลย”

ทั้งสองคนยังคงเถียงกันเรื่องเลือกเพลงที่จะเล่นไม่หยุด จนต้นไม้ต้องกลั้นหัวเราะ ก่อนจะตบไหล่รามิลเบาๆ พร้อมกับบอกว่าไปห้ามเด็กตีกันหน่อย รามิลส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“เกิดเป็นหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่นี่มันไม่ง่าย ต้องคอยห้ามไอ้ทิมตีกับไอ้เบนยังต้องมาห้ามเจ้าหนูกับแฟนเด็กมันอีก”

ถึงจะบ่นแค่ไหนคนที่ได้ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งก็เดินเข้าไปห้ามทัพ  ต้นไม้ได้แต่มองไปรอบร้านๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดที่คนสองคนที่นั่งอยู่ตรงมุมร้าน เพราะสีน้ำไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับต้นกระบองเพชรเท่าไหร่ ภาคินเลยหยิบหนังสือเกี่ยวกับต้นกระบองเพชรให้สีน้ำลองอ่าน พอสีน้ำเจอต้นกระบองเพชรที่เหมือนในหนังสือก็รีบชี้ให้คินดู มันคงน่าเอ็นดูคินถึงได้นั่งเท้าคางแล้วยิ้มไม่หยุด

“พี่คินดูมีสีสันขึ้นนะพี่ไม้”

“สีสัน? ยังไงนะ?”

“เมื่อก่อนพี่คินเขาดูเป็นผู้ชายแบบนิ่งๆ โคตรติสท์ ไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่  วันนี้ผมเพิ่งเคยเห็นพี่คินดูแลใครสักคน ทั้งผูกผ้ากันเปื้อนให้ จับผม จัดเสื้อผ้า ”

“พี่ก็ไม่เคยเห็นคินในมุมแบบนี้เหมือนกัน”

“อย่างตอนนี้เขานั่งอยู่ข้างกันพี่คินในความรู้สึกผม ก็ยังเป็นผู้ชายที่นิ่งๆ ดูติสท์ๆ เหมือนเดิม ส่วนคุณน้ำก็ดูเป็นคนสดใสมากๆ”

“จะบอกว่าสองคนนี้ตรงกันข้ามกันเหรอ”

“ใช่ แต่อยู่ด้วยกันแล้วโคตรลงตัว”

ต้นไม้หันไปมองทั้งคู่อีกครั้ง ภาคินไม่ได้พูดอะไรเอาแต่นั่งมองคุณสีน้ำที่พูดนู่นพูดนี่ไม่หยุด มีบ้างที่หัวเราะพร้อมกัน ภาคินแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็อยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทากางเกงยีนส์ในแบบเดิมๆ และคุณน้ำใส่เสื้อยืดสีชมพูกางเกงสีขาวสามส่วน เป็นการแต่งตัวที่คนละแนวอย่างเห็นได้ชัด  สำหรับต้นไม้ภาคินคือผู้ชายที่เข้าถึงยากที่สุดในแก๊งลูกเพื่อนแม่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากๆ ทำอะไรตามใจตัวเอง คิดจะไปไหนก็ไป จะมาก็มา ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ตะลอนไปทั่ว แต่วันนี้เท่าที่เห็น..

ภาคิน อาจจะเจอคนที่อยากจะหยุดพัก
ไปตลอดชีวิตแล้วก็ได้




พันธุ์กระบองเพชรเยอะมาก
ให้จำทั้งชีวิตก็น่าจะจำไม่หมด

ตอนแรกสีน้ำไม่กล้าที่จะหยิบจะจับอะไรเท่าไหร่เพราะกลัวว่าต้นกระบองเพชรจะเสียหาย แถมในที่นี้เขาก็รู้จักแค่คุณคินคนเดียวเลยเดินตามติดคุณคิน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเดินไปไหนสีน้ำก็เดินตามไปด้วย เดินวนไปวนมารอบตัวจนคินต้อนจับให้อีกคนนั่งลงข้างๆ แล้วขายต้นไม้ด้วยกัน

“วันนี้เหมือนผมเป็นคุณครูแล้วคุณน้ำเป็นนักเรียนเลยนะ อยู่ไม่นิ่งเลย”

“ก็ผมไม่กล้าขายกลัวตอบลูกค้าผิด”

“เอาแค่ใส่ถุงก็พอ เดี๋ยวเต้กับไม้เป็นคนอธิบายลูกค้าเอง”

“ลูกค้าดูสนใจแก๊งลูกเพื่อนแม่มากกว่าต้นกระบองเพชรอีก”

“เป็นงี้ทุกครั้งที่มา ผมโดนจีบหนักสุดเพราะทุกทีมาคนเดียว”

“นี่ผมผิดหรือเปล่าเนี่ยที่มาด้วยหรือคุณคินอยากโดนจีบ”

ภาคินยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร ลูกค้าสาวสวยหน้าร้านที่ยืนรอจังหวะอยู่นานแล้ว เอ่ยถามกับคินไม่หยุดเหมือนทั้งร้านมีแค่คินคนเดียว สีน้ำที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้แต่นั่งมองทั้งคู่ถามตอบกันไปมาตอนแรกก็เรื่องต้นกระบองเพชรแหละ แต่พอนานๆ ไปก็ได้ยินเรื่องเบอร์ เรื่องไลน์ สีน้ำเห็นภาคินหันมามองหน้าเขาเหมือนรอให้เขาตอบ ทุกอย่างตรงหน้าเงียบสนิทก่อนที่สีน้ำจะยกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้คินตรงหน้าผากก่อนจะจับลงบนแก้มคินเบาๆ พร้อมกับบอกว่าอากาศร้อนเนอะ

ภาพตรงหน้าเหมือนแทนคำตอบทุกอย่าง
ลูกค้าสาวสวยยืนกะพริบตาปริบๆ เอ่ยขอตัวแล้วเดินไปจ่ายเงินอีกด้าน

“ยิ้มทำไม”

“ทุกครั้งเวลามีคนมาจีบแก๊งลูกเพื่อนแม่เห็น ไม้ คีตา พอร์ช ออกโรงตลอดวันนี้เข้าใจแล้ว”

“เข้าใจว่าอะไร”

“เวลามีคนหวงมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง”

“เช็ดเหงื่อให้เฉยๆ หรอก”

“งั้นกลับไปให้ไลน์เขาก่อนนะเมื่อกี้ยังไม่ทันได้บอกเลย”

“ภาคิน..”

คินหัวเราะเมื่อครูสอนวาดรูปเรียกชื่อซะเสียงแข็งเลยเอียงตัวมาพูดให้ได้ยินสองคนว่า ไม่คิดจะให้ไลน์ใครทั้งนั้นสบายใจได้ แต่ประโยคสุดท้ายสีน้ำอยากจะเอาต้นกระเพชรโยนใส่จริงๆ

“หวงผมบ่อยๆ นะน่ารักดี”


Watercolor


“กระถางหมดแล้วครับต้องขอโทษด้วยจริงๆ ”

สีน้ำหันไปมองคุณไม้ที่เอ่ยขอโทษลูกค้าที่ซื้อกระบองเพชร แล้วต้องการเปลี่ยนกระถางเป็นกระถางสวยๆ แต่วันนี้ลูกค้าซื้อกระถางกันไปจนหมดแล้ว ลูกค้าทำหน้าเสียดายคงเพราะอยากได้กระถางที่สวยกว่ากระถางกระเบื้องสีน้ำตาลธรรมดาๆ สีน้ำมองไปยังกระเป๋าผ้าที่เขาเอาติดตัวมาด้วยก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“เพ้นท์กระถางได้ไหมครับ อยากได้รูปอะไรผมเพ้นท์ให้ได้”

ตอนนี้ลูกค้าไปรุมตรงคุณสีน้ำกับภาคินกันใหญ่หลังจากที่คุณน้ำเดินมาหยิบสีอะครีลิคออกมาจากกระเป๋า บรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ตาโตเมื่อเห็นบรรดาหลอดสีมากมายที่คุณน้ำหยิบออกมา สีน้ำเลยบอกว่าตอนแรกพกไว้เพราะตอนเย็นมีเวลาเหลือคิดว่าจะไปวาดรูปกับเพื่อนต่อไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้ใช้ตอนนี้

“วาดหัวใจได้ไหมคะ”

“ได้ครับ”

“อยากได้รูปดอกทานตะวัน ยากไปไหมคะเกรงใจ”

“ผมวาดได้ครับ”

“หนูอยากได้กระต่ายอยู่บนกระถางค่ะ พี่วาดให้หนูนะ”

“รอแป๊บนึงนะคะ”

ภาคินที่นั่งอยู่ข้างๆ ช่วยครูสีน้ำที่ดูจะฮ็อตขึ้นมาซะดื้อๆ  มีบ้างที่คินวาดเป็นลายเส้นสีดำ เพราะลูกค้าผู้ชายบางคนชอบแบบนี้มากกว่าการลงสี สีน้ำชะโงกหน้ามาดูลายที่ภาคินวาดลงบนกระถางก่อนจะบอกว่าสวยดีเหมือนลายกราฟฟิค ภาพที่ทั่งคู่นั่งข้างกันอีกคนถือพู่กันระบายสีต่างๆ ลงบนกระถาง ส่วนคินมีแค่ปากกาเมจิกสีดำแท่งเดียวค่อยๆ วาดลายลงบนกระถางเช่นกันภาพมันน่ารักจนทิมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ พอร์ชเดินมาข้างหลังแล้วดูรูปที่ทิมเพิ่งถ่ายไป

“ลูกกระจ๊อกของทับทิมจะมีแฟนแล้ว”



....................
..................................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 08-03-2020 20:32:00
  watercolor

หลังจากที่นั่งวาดรูปบนกระถางอยู่นาน คินก็เงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่หน้าร้าน พ่อกับแม่เขาหัวเราะก่อนจะบอกว่าคุณป้าใบบัวพิมพ์มาในไลน์ว่าต้นไม้กับรามิลอยู่ที่นี่ พอดีมาทานข้าวกับเพื่อนแถวนี้เลยแวะมาหา สีน้ำยกมือไหว้ทั้งสองคน แต่ตอนนี้ในสายตาของพ่อกับแม่คุณคินคงคิดว่าเขาเป็นเด็กกะโปโลแน่ๆ เพราะทั้งมือทั้งผ้ากันเปื้อนเลอะไปด้วยสีที่กำลังระบายอยู่

“เดี๋ยวนี้มีเพ้นท์กระถางด้วยเหรอแม่นึกว่าขายต้นกระบองเพชรอย่างเดียว”

“เพิ่งมีเมื่อกี้เลยแม่ บอกกี่ครั้งว่าอย่าเช็ดแบบนั้น..เดี๋ยวเข้าตา”

คินจับมือครูน้ำไว้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาเช็ดสีตรงข้างแก้ม คินเลยหยิบทิชชู่เปียกออกมาก่อนจะค่อยๆ เช็ดลงบนแก้มเบาๆ ท่าทางอ่อนโยนในแบบที่ไม่เคยเห็นทำให้พ่อกับแม่ที่ยืนอยู่หันมามองหน้ากัน สีน้ำเห็นท่าทางของคนเป็นผู้ใหญ่เลยจับมือคินที่กำลังเช็ดอยู่ให้หยุดก่อน

“เดี๋ยวพ่อกับแม่จะแวะไปที่ธนาคารหน่อย พี่เคประชุมตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่เลิกเลย ต้นกระบองเพชรสวยดีนะพ่อ เอาไปวางบนโต๊ะทำงานเคดีไหม อ้าว..ตายละแม่ต้องไปแล้วจอดรถนานไม่ได้”

พ่อกับแม่เดินออกไปแล้วก่อนไปยังเข้ามาหอมแก้มเขาซ้ายขวาจนเขาต้องบอกว่าโตแล้วนะ เห็นคุณน้ำแอบยิ้มอยู่เหมือนกันภาคินกลับมานั่งที่เดิม ประโยคที่แม่บอกยังคงวนเวียนอยู่ในหัว พี่เคทำงานหนักเขาก็รู้ งานธนาคารไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เขาเองไม่เคยรู้เลยว่าพี่เคมีวันหยุดเหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า เห็นทำงานอยู่ตลอดเวลา สัมผัสตรงต้นแขนทำให้คินหันมามองก่อนที่สีน้ำจะชี้ไปที่ต้นกระบองเพชรต้นหนึ่ง

“ต้นนี้ไหม”

“อยากได้เหรอ”

“พี่ชายคุณเขาจะชอบไหม”

“พี่เคอะนะ?”

“ถ้าไม่รู้จะเริ่มคุยยังไงให้ต้นกระบองเพชรก็ได้ แค่ให้เฉยๆ”

“ผมว่าอย่า..”

“ชีวิตมันไม่แน่นอนนะ อยากทำอะไรต้องรีบทำ”

ภาคินมองไปยังต้นกระบองเพชรที่สีน้ำชี้ให้ดูก่อนจะหยิบขึ้นมามองใกล้ๆ จริงๆ มันก็น่ารักดี ตอนนี้ในใจเขาสับสนไปหมดเราไม่ได้คุยกันมาหลายปีแล้วอยู่ดีๆ จะไปทักทำงานหนักไหม เหนื่อยหรือเปล่ามันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน ถึงแม้ในใจลึกๆ เขาก็ยังห่วงพี่ชายตัวเองที่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ และเขาเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย คินยื่นกระถางต้นไม้ให้สีน้ำที่รับมาถือไว้

“เพ้นท์ให้หน่อยครับ”

“รูปอะไร”

“เด็กผู้ชายใส่ชุดเทควันโด”


ถึงจะอยากรู้ว่าทำไมต้องรูปนี้ แต่สีน้ำคิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่พี่น้องเขารู้กันสองคนเลยเลือกที่นั่งวาดรูปตามที่คินบอก ทันทีที่สีน้ำวาดเสร็จก็ยื่นให้คินแล้วบอกว่าให้เขาวาดหรือเขียนอะไรสักหน่อย คินลังเลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเอาปากกาเมจิกสีดำเขียนตัวอักษรว่า

KK

คินหยิบต้นกระบองเพชรแล้วรีบวิ่งออกไป หลังจากที่โทรหาแม่ได้ทันก่อนที่แม่จะขับรถไปที่ธนาคาร ทันทีที่เดินกลับมาคินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเหมือนทำภารกิจระดับชาติยังไงไม่รู้ เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วร้านค้าต่างๆ เริ่มทยอยปิดพร้อมกับวงดนตรีเริ่มเล่นเพลงในช่วงเย็น คินถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะบอกให้สีน้ำไปเดินเล่นในงาน

บรรยากาศช่วงเย็นสบายกว่าตอนกลางวันเยอะ มีลมพัดเบาๆ พร้อมกับเสียงเพลงของของวงดนตรีที่เล่นเพลงอะคูสติก สีน้ำกับคินเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านขายโปสการ์ด ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมองบรรดาโปสการ์ดต่างๆ ก่อนที่สีน้ำจะเอ่ยออกมา

“เขียนโปสการ์ดกันไหมครับ”

“เขียนให้ใคร”

“เขียนสลับกันไง คุณคินเขียนให้ผม ผมเขียนให้คุณคิน”

“เอางั้นก็ได้”

“แต่ว่าไม่ให้กันตรงๆ นะห้ามเขียนชื่อด้วยเขียนเสร็จแล้วเอาไปติดตรงบอร์ดนู่นเดี๋ยวไปหาเอง”

“เข้าใจแล้ว ผมก็จะหาของคุณน้ำ คุณน้ำก็จะหาของผม”

“ครับ มาดูกันว่าเราจะหากันเจอไหม”

พอต่างคนต่างเข้าใจคินกับสีน้ำก็แยกกันเลือกโปสการ์ด แล้วนั่งเขียนกันคนละมุม ทันทีที่เขียนเสร็จคินให้สีน้ำไปติดบอร์ดก่อน ตามด้วยตัวเอง พอเดินกลับมาก็หัวเราะกันทั้งคู่เพราะคิดว่าเล่นอะไรเป็นเด็กๆ สีน้ำให้ภาคินไปหาโปสการ์ดก่อนเอาจริงๆ เขาก็ไม้ได้รู้สึกว่าตัวเองจะหาของคุณคินเจอเลยด้วยซ้ำยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเดินกลับมาแล้วซ่อนโปสการ์ดไว้ตรงด้านหลังด้วยใบหน้ามั่นใจเต็มร้อยก็เริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

ตอนนี้บนเวทีมีคีตานั่งเล่นกีตาร์อยู่ ข้างๆ เวทีเบนจามินก็ยืนกอดอกคอยส่งยิ้มให้อยู่เรื่อยๆ คินกับสีน้ำเลยเดินมาตรงที่เขาแสดงดนตรีทั้งสองคนเลือกที่จะยืนอยู่ด้านหลังสุดเพราะด้านหน้าคนค่อนข้างเยอะ สีน้ำเห็นคุณรามิลขยับตัวไปตามเสียงเพลงก่อนจะจับคุณไม้ให้เต้นไปด้วย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มนั่นเป็นรามิล เตชนะหิรัญในแบบที่สีน้ำเองก็เพิ่งเคยเห็น

ถ้าหันมาอีกด้านจะเจอคุณทิมกับพอร์ช ที่ยืนดูคีตาเล่นกีตาร์อยู่ ในมือซ้ายของพอร์ชถือแก้วน้ำพันช์ไว้ส่วนมืออีกข้างก็พาดไหล่คุณทิม และแน่นอนว่าเอวของพอร์ชคุณทิมก็กอดไว้แน่นเช่นกัน  สีน้ำยิ้มออกมาเมื่อเห็นฉากหวานแหววของแก๊งลูกเพื่อนแม่ก่อนที่สายตาจะหันกลับมามามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“เปิดโปสการ์ดพร้อมกันไหมครับ”

สีน้ำพยักหน้าพร้อมกับโปสการ์ดสองใบที่ยื่นให้กันและกัน ทันทีที่เห็นลายบนโปสการ์ดต่างคนก็ต่างยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พลิกอีกด้านที่เป็นข้อความเลยสักนิด ลายโปสการ์ดของทั้งคู่เป็นลายสีขาวเรียบๆ แต่มีตัวอักษรที่เขียนไว้ว่า

Chiang Mai

สีน้ำมองโปสการ์ดอยู่อย่างนั้นก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ พลิกโปสการ์ดที่อยู่ในมือให้เห็นด้านที่เป็นตัวอักษร แต่บนโปสการ์ดของทั้งคู่ไม่มีตัวอักษรเลยสักตัว โปสการ์ดที่อยู่ในมือของภาคินเป็นรูปเด็กผู้ชายสองคนที่กำลังยืนดูวงดนตรีเล่นอยู่และที่สำคัญมือของทั้งคู่กำลังจับกันไว้แน่น ส่วนโปสการ์ดในมือของสีน้ำเป็นรูปผู้ชายสองคนที่ยืนหันหน้าเข้าหากันแค่อีกคนกำลังโดนจูบหน้าผาก

ต่างคนต่างเงียบ..

สีน้ำยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ เขานึกถึงภาพที่ตัวเขาเองวิ่งลงบันไดไปที่บอร์ดของโฮมสเตย์แล้วมองหาโปสการ์ดที่ปักหมุดเอาไว้ทุกเช้า ข้อความบนโปสการ์ดคือข้อความที่สีน้ำเฝ้ารอทุกวัน ทั้งๆ ที่มันไม่ได้เกี่ยวกับโปสการ์ดใบนี้เลยด้วยซ้ำแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงคิดถึงมันขึ้นมา สีน้ำมองโปสการ์ดในมือแล้วเงยหน้าของภาคินที่กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน

“ถูกอันใช่ไหม อันนี้คือโปสการ์ดของคุณน้ำ”

“ครับ แล้วอันนี้”

“อันนั้นก็ของผม”

“ผมนึกว่าคุณคินจะเขียนเป็นข้อความ”

“ผมก็นึกว่าคุณน้ำจะเขียนเป็นข้อความเหมือนกัน”

“อยากวาดรูปมากกว่า”

“เราสองคนไม่เคยได้เห็นลายมือกันสักทีเนอะ เอาแต่วาดรูปกันทั้งคู่”

ภาคินกระเถิบเข้ามาใกล้สีน้ำมากขึ้น สายตาที่มองกันทำให้สีน้ำยิ้มออกมา เสียงกีตาร์ของคีตายังเล่นเพลงรักไปเรื่อยๆ  แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเข้ากับบรรยากาศดี

“คุณน้ำรู้ไหมตอนนี้ผมรู้สึกยังไง”

“……………………………….”

“เหมือนเจอสิ่งที่ผมอยากเจอมาโดยตลอด”

“หมายถึงอะไรเหรอครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าเจอแล้ว”

คินก้มลงมองคนที่ยืนหน้าแดงอยู่ ดีที่ตรงนี้ไม่มีคนเท่าไหร่เพราะทุกคนไปอยู่ตรงหน้าเวทีกันหมด เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ทำให้คินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ชื่อที่จุดแจ้งเตือนคือชื่อที่คินไม่ได้เห็นมานานมากแล้วมันนานมากจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเรื่องสุดท้ายที่เราคุยกันคือเรื่องอะไร คินกดเข้าไปก่อนจะเห็นว่ามันคือรูปกระถางต้นกระบองเพชรที่เป็นลายเด็กผู้ชายใส่ชุดเทควันโดพร้อมกับข้อความสั้นๆ ที่พี่ชายเขาพิมพ์มา

Thanks..

คินหลับตาลงทุกอย่างมันตีตื้นขึ้นมาจนอยากจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ถึงแม้ว่ามันไม่ได้เป็นประโยคยาวๆ เหมือนที่เราเคยคุยกันเหมือนแต่ก่อน แต่แค่นี้มันก็ดีมากแล้ว ดีมากแล้ว คินลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นคุณสีน้ำยืนยิ้มให้เขาอยู่ตรงหน้าถ้าไม่ใช่เพราะคุณสีน้ำที่บอกให้เขาเอาต้นกระบองเพชรให้พี่เค เหตุการณ์วันนี้มันคงไม่เกิดขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่า…คิน”

อยู่ดีๆ ภาคินรวบเอวคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้ทุกอย่างแนบชิดจนแทบไม่มีที่ว่าง ก่อนที่คินจะแนบหน้าผากตัวเองลงไป มือของสีน้ำกำเสื้อยืดสีเทาของคินไว้แน่นก่อนจะค่อยๆ คลายออกแล้วเปลี่ยนมาวางบนไหล่กว้างนั่น สีน้ำหลับตาลงก่อนที่คินจะก้มลงจูบหน้าผากค้างไว้

“ขอบคุณสีน้ำ”

คินลืมตาขึ้นมามองคนในอ้อมกอดที่เอาแต่ยืนตัวแข็งทื่อแถมยังหน้าแดงจนแทบจะระเบิดแล้วหัวเราะเบาๆ เลยแกล้งจุ๊บหน้าผากลงไปอีกทีเลยโดนฟาดไหล่กลับมา สีน้ำหันไปมองหน้าเวทีเมื่อคีตาดีดกีตาร์เป็นเพลงที่ชอบพอดี คินเหลือบมองมือของคุณสีน้ำก่อนจะค่อยๆ จับมือมาประสานกันมันเป็นรูปเดียวกับที่คุณน้ำวาดเอาไว้ในโปสการ์ด ไม่มีคำพูดใดๆ อีกมีแค่เสียงดนตรีและโปสการ์ดสองใบที่อยู่ในมือของทั้งคู่ คินเงยหน้ามองป้ายที่ติดไว้ตรงต้นไม้ก่อนจะยิ้มออกมา


Green Party
วันนี้เป็นปาร์ตี้สีเขียว
ที่มีความสุขมากจริงๆ






TO BE CON

ps: และเขาก็ยังไม่รู้นะคะว่าเธอคือใครใครคือเธอในโปสการ์ด 55555
ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่ แต่เราอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ ทวิตมาทวงได้ คอมเมนท์ได้ ได้หมดจ้าาาาขอเงินไม่ได้เพราะไม่มีเหมือนกัน T__T


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb











หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Blue -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-03-2020 21:00:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

เฮ้อ....จนป่านนี้  ยังไม่เห็นลายมือของกันและกันอีกเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 08-03-2020 21:04:44
ตอนแรกเราคิดว่าในบรรดาสามเรื่องก่อนที่อ่านมาเรื่องของต้นไม้กับคุณมิลโรแมนติคที่สุดแล้วนะ แต่เรื่องนี้กลับโรแมนติคและอบอุ่นมากขึ้นไปอีก เค้าเหมือนมาเติมเต็มให้กันเป็นความแตกต่างที่ลงตัวมากๆ นี่ขนาดยังไม่รู้เรื่องโปสการ์ดนะ ถ้ารู้คงจะยิ่งน่ารักมากกว่านี้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-03-2020 22:19:10
ละมุนละไม... :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-03-2020 00:24:02
คุณสองคนทำให้เรามีความสุขไปด้วย
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 09-03-2020 03:12:11
ชอบจังงง ละมุนมากๆค่ะ ชอบบรรยากาศรอบตัวของสองคนนี้จัง  :กอด1: คนเป็นคู่กันยังไงก็ต้องมาเจอกันในสักวันเนาะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 09-03-2020 10:35:08
เหมือนเรายืนมองสีน้ำกะภาคินอยู่ตรงนั้นด้วย ลุ้นมาก แล้วก็ยืนตัวบิดเขิลลลล :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-03-2020 21:25:50
ความแตกต่างที่ลงตัว :mew3:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-03-2020 01:02:16
พอเริ่มเอะใจกันแล้วก้ภาพตัด กี๊ดดดดดดดดดดดดด ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 10-03-2020 18:31:46
 o13
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 14-03-2020 22:36:48
“ลูกกระจ๊อกของทับทิมจะมีแฟนแล้ว”  :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 12-04-2020 02:49:39
รอน้าาา คิดถึงครูสีน้ำ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.6 - Green -* [ 8/03/2020] Page.3
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-04-2020 22:27:34
ดีมาก ดีงามที่สุดค่ะ สีน้ำทำชีวิตภาคินมีสีสันจริงๆ ค่ะ
และทำให้ภาคินมีแรงใจคุยกับพี่เคแล้ว เป็นการเริ่มต้นที่ดีเนาะ
เต้พูดไม่ผิดหรอกนะ แต่คู่นี้ เค้ามีแววก่อนจะมาแล้วนี่สิ

สีน้ำน่ารัก เหมือนเด็กน้อย ตอนจะเขินก็เอ็นดู
ตอนจะยอมก็น่าฟัดมาก แหมมม อะไรคือยอมให้กอด

รอเปิดตัวจริงจังแล้วค่ะ แต่ก่อนอื่น ให้เค้ารู้ตัวกันก่อนเนาะ
ว่าคนในโปสการ์ดเป็นใคร ที่ไม่ใช่แค่โปสการ์ดวาดรูปแบบนี้
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 13-04-2020 21:31:00
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

 
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.7
-Cream-


เคยอยากรู้แต่ไม่กล้าถามกันไหม?

ตอนนี้สีน้ำกำลังเป็นแบบนั้นอยู่ แต่มากกว่าความอยากรู้มันคืออาการเขิน…โดนจุ๊บหน้าผากกลางที่สาธารณะคนเรามันก็ต้องเขินกันบ้าง จำได้ว่าตอนที่เขากับคุณคินเดินกลับมาหาแก๊งลูกเพื่อนแม่ หน้าก็แดงจนทุกคนเอ่ยถามเขากันใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยได้แต่แกล้งเฉไฉไปว่าร้อน นู่น นี่ นั่น แถมตัวต้นเหตุยังทำหน้าลอยหน้าลอยตาจนอยากจะฟาดสักทีสองที พอนึกถึงมันก็เขินขึ้นมาอีกแล้ว สีน้ำสะบัดไล่ภาพที่ยังคงอยู่ในหัวให้หายไป

แต่ที่เขาสงสัย..

“ทำไมถึงไม่กล้าถามวะ เชียงใหม่ แค่เชียงใหม่”

“………………………………………………………..”

“เอาไว้ค่อยถามแล้วกัน”

สีน้ำหยิบโปสการ์ดจากงาน Green party มาดูใกล้ๆ อีกครั้งก่อนจะปักหมุดไว้บนกระดาน พอเห็นรูปตัวเองที่คุณคินวาดให้ครั้งแรกที่ปักอยู่ข้างๆ กันก็หัวเราะออกมา ไม่รู้ตอนนี้ฝีมือของคุณคินจะพัฒนาไปถึงไหนแล้วก็นะ..ไม่รู้ว่าตอนนี้

จะชอบสีน้ำขึ้นมาบ้างหรือยัง?

Watercolor


“มาทำอะไรกันวะ”

“นี่คือคำทักทายเพื่อนรัก เพื่อนสนิท เพื่อนตายของแก๊งลูกเพื่อนแม่หรือนี่”

“ก็พวกมึงยกโขยงมาร้านกูเนี่ย”

“วันนี้ไม้ปิดร้านต้องหาที่นั่งเล่นใหม่”

“มิลกับเบนคิดถึงคินนะ ตั้งแต่ไปขายต้นไม้คินก็ไม่มาที่ร้านเลย”

“งานยุ่งมากไม้ ตอนนี้คิวจองสตูยาวไปถึงสิ้นเดือน แล้วก็มีงานอื่นด้วย”

“กูจะเกาะมึงกินนี่แหละคิน กูเจอเป้าหมายของกูแล้วพี่เบนไม่ทำงานแล้วนะคีตา”

“มึงคือใครนะเสนอหน้ามาทำไมไอ้ตี๋ แล้วนี่ไอ้ทิมไปไหน”

“แฟนมันป่วย ตอนโทรไปหาน้ำเสียงไอ้พอร์ชเหมือนใกล้ตาย แต่ไอ้ทิมบอกมันเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา”

จริงๆ ก็เป็นอย่างที่แก๊งลูกเพื่อนบอก เขาแทบไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ วนเวียนอยู่แค่ที่ร้านตัวเองเดินขึ้นเดินลงชั้นหนึ่งสองสามอยู่แค่นี้ ขนาดบ้านตัวเองก็ยังไม่กลับเลย คุณญาดาก็โทรมาถามอยู่ทุกวัน แต่ยอมรับว่าเป็นการทำงานหนักที่เขาเองไม่ได้เหนื่อยเหมือนที่ผ่านมาคงเป็นเพราะ

“คุณคินผมมาเอารูปวาดลายเส้น….”

เสียงเปิดประตูเข้ามาในร้านทั้งๆ ที่ป้ายที่ห้อยไว้เป็นคำว่า Close ทุกคนที่นั่งกันอยู่ต่างหันมามองคนที่เดินเข้ามาเป็นจุดเดียว พอเห็นคนเยอะๆ สีน้ำก็เลยชะงักค้างอยู่หน้าประตู พอเห็นว่าเป็นคนรู้จักก็เลยเอ่ยทักทายแก๊งลูกเพื่อนแม่ก่อนจะเดินไปหาคินที่ลุกไปหยิบรูปมาให้เลือก

“ไม่เอาแนวนี้ ขอแบบโรแมนติคๆ หน่อย”

“ถ้าจะเอาแบบโรแมนติค คิดผิดแล้วมั้งมาใช้รูปผม”

“ขอแบบหวานที่สุดสไตล์ภาคิน”

“มีแต่รูปวิว สิ่งของ หมาแมว ไม่ชอบวาดรูปคน”

“ตรงมากครับ”

“กาแฟสองแก้วหวานสุดแล้ว วาดในร้านกาแฟ”

“หวานยังไงอะ”

“ผมเห็นผู้ชายกับผู้หญิงสองคนสั่งกาแฟสองแก้ว แล้วเขาก็นั่งคุยกัน หัวเราะกัน น่ารักดีผมก็เลยวาดไว้”

“สมกับเป็นคุณคินดี”

“สมกับเป็นผม? ยังไงนะ”

“แทนที่จะวาดรูปคนแต่คุณคินก็เลือกวาดรูปแก้วกาแฟแทนไง”

“ก็ผมบอกแล้ว”

“ไม่ชอบวาดรูปคนเข้าใจแล้วครับ แต่ผมรู้สึกคุ้นที่นี่มากๆ นึกไม่ออกหรือผมจะเคยเดินผ่านร้านนี้”

“ที่นี่ไม่ได้อยู่กรุงเทพร้านนี้อยู่ที่…”

“คือไม่ได้อยากขัดจังหวะแต่ก็ขอนิดนึง”

เบนจามินแกล้งส่งเสียง หลังจากเห็นทั้งคู่ยืนคุยกันสองคนอยู่นานสองนาน สีน้ำพอได้ยินเสียงเบนก็เริ่มรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่กันสองคนเลยแก้เก้อว่าต้องกลับไปที่ร้านแล้ว และแน่นอนว่าเจ้าตัวเขินจนคินต้องตะโกนบอกว่าอย่าเดินชนประตูนะ เลยมีเสียงตะโกนกลับมา

ไม่ชนโว้ย!

คินหัวเราะเพราะคิดว่าครูน้ำน่าจะเขินจริงถึงกับขึ้นวะโว้ยขนาดนี้ เบนคีตารามิลและต้นไม้หันมามองคนที่ยืนหัวเราะอยู่คนเดียว ท่าทางอารมณ์ดีเกินร้อยในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้ทุกคนได้แต่หันมามองหน้ากัน รามิลเอียงหน้ามากระซิบกับต้นไม้ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ตอนเราจีบกันเป็นแบบนี้ไหม”

“จีบตรงไหน มิลสนใจแต่ต้นกระบองเพชรต่างหาก”

“แต่คินดูสดใสมากขึ้นนะ ตอนนี้รอบตัวมันเหมือนเดิมทุกอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ สีเฟอร์นิเจอร์  สีขาวสีดำสีเทา แต่พอเมื่อกี้คุณน้ำเดินเข้ามาเหมือนเป็นสีสว่างๆ ท่ามกลางสามสีนี้”

“สีสว่างๆ เลยเหรอ”

“เหมือนเป็นสีน้ำท่ามกลางลายเส้นดินสอ”

“เปรียบเทียบเก่งนะเนี่ยรามิล”

เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทุกคนหันไปมองที่ประตู
แล้วก็เจอคนที่กำลังพูดถึงยืนอยู่ คุณสีน้ำยิ้มให้หนึ่งทีพร้อมกับบอก..

“ถ้าไม่ได้ไปไหนกันมา workshop ที่ร้านได้นะครับ”



วันนี้ร้านสีขนมลูกกวาดไม่ได้มีลูกศิษย์ตัวจ้อย วิ่งเล่นป้ายสีจนเลอะเทอะเหมือนทุกวัน  แต่ถูกจัดสถานที่ให้มีกระดานวาดรูประมาณแปดอันตั้งอยู่ ณัฐที่กำลังเดินเอาอุปกรณ์ต่างๆ วางตามกระดานเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่หน้าประตู พอสีน้ำบอกว่าจะมีคนมา workshop ด้วยณัฐก็เลยให้เด็กในร้านยกกระดานออกมาเพิ่ม

“มึงด้วยไหมน้ำ”

“เฮ้ย..ไม่ดิ”

“ก็เห็นมาเป็นคู่ๆ”

“เออ..เอาไงดีคุณคินจะวาดกับใคร”

“คุณคินก็คู่กับมึงไง ยากไรวะ”

“ไม่ดีมั้งถามเขาก่อนจะดีกว่า”

“ทำไมเหรอครับ”

คงเห็นทั้งสองคนยืนเถียงกันอยู่นานสองนาน และก็ได้ยินชื่อเขาแว่วๆ เลยตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นมา คินเห็นณัฐหลุดขำออกมาก่อนจะบอกว่างาน workshop วันนี้เป็นงานของคู่รัก หัวข้อจะเกี่ยวกับความรักล้วนๆ แต่คงเพราะเห็นเขามาคนเดียวเลยตกลงกันไม่ได้ คินเลยหันหน้ามาคุยกับคนที่มาชวน

“ไม่เห็นบอกผมว่าต้องมาเป็นคู่”

“คือตั้งใจมาชวนแก๊งลูกเพื่อนแม่แต่ลืมไปว่า….”

“ภาคินเป็นคนเดียวในแก๊งที่ไม่มีแฟน”

“โสดอยู่คนเดียวเลย”

“ตอนนี้โสดเหรอวะเนี่ย”

“ต้องหาคู่แล้วนะ”

“งั้นผมคู่กับคุณณัฐ”

“จะบ้าตาย”

“ล้อเล่น เดี๋ยวผมยืนดูกับคุณน้ำก็ได้”

แค่เพียงไม่นาน workshop ที่ร้านก็เริ่มขึ้นบรรดาคู่รักต่างทยอยเข้ามาในร้าน ภาคินยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเบนกับคีตา รามิลกับต้นไม้ที่นั่งอยู่อีกด้าน พอมาเห็นแบบนี้ก็ตลกดีเหมือนกัน ไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองมานั่งทำอะไรแบบนี้มาก่อน ทั้งรามิลและเบนจามินมาสายบริหารที่ไม่เคยสนใจการวาดรูปเลยสักนิด พอเห็นถาดสีน้ำที่ณัฐเอามาวางให้ก็ตื่นเต้นจนไม้กับคีตาต้องบอกให้เงียบๆ ลงบ้าง

“เพื่อนคุณคินดูไม่ถนัดวาดรูปเลยนะ นี่ผมไม่ได้บังคับมาใช่ไหม”

“มันสองคนมาสายวิทยาศาสตร์เต็มร้อยเลย แต่มิลชอบถ่ายรูปส่วนเบนเล่นดนตรีได้รู้ใช่ไหมมันทำงานที่ KTD”

“ผมเคยเห็นคุณเบนในนิตยสาร แต่งตัวเนี๊ยบมากๆ”

“เดี๋ยวได้เห็นฝีมือพวกมันแล้วคุณน้ำอาจจะหัวเราะก็ได้”

“อย่าไปหัวเราะงานศิลปะของใคร เดี๋ยวตีเลย”

“ครับ คุณครู”

พอถึงเวลาเริ่มงาน ณัฐก็เริ่มการบรรยายถึงหัวข้อที่จะวาด จะว่าไปคินเองก็ไม่เคยร่วมงานอะไรแบบนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะการวาดรูปสีน้ำ แค่คิดถึงการผสมสีก็ปวดหัวขึ้นมาทันที คินตั้งใจจะหันไปถามคุณน้ำที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่คินก็เลือกที่จะเงียบลงแล้วมองสีน้ำที่ค่อยๆ บีบหลอดสีลงในถาด หยิบพู่กันมาจุ่มน้ำแล้วคนสีในถาดไปเรื่อยๆ สีหน้าและแววตาที่ตั้งใจทำให้คินเลือกที่จะมองอยู่อย่างนั้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้

“อยากระบายสีน้ำเหรอไง”

“เวลาที่คุณน้ำตั้งใจทำอะไรสักอย่างดูน่ารักดี”

“ผสมสีเนี่ยนะ?”

“ทุกทีผมเจอคุณน้ำเวอร์ชั่นเหมือนเด็กประถม”

“ลืมไปแล้วแน่ๆ ว่าผมแก่กว่า”

“แล้วมีแฟนเด็กกว่ามันไม่ดีตรงไหน”

“ฟังที่ณัฐพูดเลย”

พอโดนหยอดครูสีน้ำก็เลยสั่งให้ภาคินหันกลับไปฟังณัฐที่กำลังบรรยายอยู่อีกด้าน เอาจริงๆ ภาคินไม่เคยที่ต้องมานั่งวาดรูปตามหัวข้อแบบนี้มาก่อน เขาค่อนข้างมีความคิดที่เป็นอิสระ รูปวาดของเขาคือรูปที่เขาอยากจะวาดซะมากกว่า แต่มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวคนเรามันก็ต้องมีครั้งแรกกันบ้าง ไอ้เบนกับไอ้มิลตั้งใจฟังที่คุณณัฐพูดเหมือนประชุมเรื่องธุรกิจร้อยล้านให้ล้านเปอร์เซ็นต์ว่ามันไม่เข้าใจ

“คุณมิลกับคุณไม้เหมือนสีเขียวเลยเนอะ”

“เพื่อนผมมีสีแล้วเหรอครับ”

“ครับ คุณไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆ เวลาอยู่ใกล้ๆ ส่วนคุณมิล…เหมือนสีเขียวเข้มๆ บางครั้งก็ดูจริงจังแต่บางครั้งก็ดูเป็นคนสบายๆ”

“ตรงเป๊ะ แล้วเบนกับคีตา”

“คุณเบนเหมือนสีน้ำเงิน สำหรับผมคุณเบนมีมุมที่เป็นผู้ใหญ่ แต่บางครั้งก็ขี้เล่นมากๆ กลายเป็นเด็กไปเลย ส่วนคีตา…เหมาะกับสีฟ้าที่สุด  นิ่งๆ ไม่ค่อยพูด แต่ก็มีความสดใสนะตอนที่คีตาเล่นกีตาร์แล้วยิ้ม ให้อารมณ์เหมือนมองท้องฟ้าในวันที่อากาศดีๆ ”

“ลึกซึ้งมาก แต่ก็จริงเมื่อก่อนคีตาเงียบกว่านี้อีกครับ ตอนที่เจอกับเบนแรกๆ ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะเลย แต่ถ้ามีอะไรกี่ยวกับดนตรีคีตาจะมีความสุขมากๆ ”

“ส่วนคุณทิมกับพอร์ช”

“คู่นี้ผมเดาสีได้ไม่ยาก”

“แดงใช่ไหมครับ แต่คนละเฉดนะ”

“พอร์ชเป็นสีแดงอิฐ  มีความเชื่อมันในตัวเองสูงมาก ชอบเอาชนะและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ทับทิม..ก็คงเป็นสีแดงทับทิม ”

“ตัวแสบ”

“ก็อาจจะเป็นแบบนั้นนะ ทิมเป็นสีแดงทับทิมที่มีสน่ห์มาก แต่ทิมใช้คำว่าอะไรดีมั่นคงไม่สิ…เวลารักใครหรือชอบอะไรก็จะชอบอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ”

“โห..นี่ครูสอนวาดรูปหรือหมอดูกันแน่เนี่ย เพื่อนผมกลายเป็นขบวนการจูเรนเจอร์เลย”

“เหลือคุณคินคนเดียวที่ไม่มีสี”

“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้รู้สักทีว่าผมเป็นสีอะไรสำหรับคุณน้ำ”

“ไม่มีสีต่อไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

สีน้ำยกมือขึ้นมาทาบลงบนแก้มของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยอมรับเลยว่าภาคินคือคนแรกที่เขายังนึกไม่ออกว่าเป็นสีอะไร ทั้งๆ ที่ภายนอกภาคินก็มีแค่ สีดำ สีขาว สีเทา สลับกันไปมาอยู่แค่นั้น  แต่พอได้รู้จักจริงๆ ภาคินมีอะไรที่เขาคาดไม่ถึงเยอะไปหมด คินเหลือบตามองมือที่ทาบแก้มเขาอยู่แล้วยิ้มออกมานานๆ ทีคุณสีน้ำจะยอมสัมผัสเขาก่อน คินเลยยกมือขึ้นมาทาบทับก่อนจะทำหน้าอ่อนใจเมื่อไอ้เบนกับรามิลแกล้งทำเสียงวี๊ดวิ้วจนเขาต้องยอมปล่อยมือออก  ขนาดคุณณัฐยังแกล้งทำเสียงกระแอมก่อนจะเริ่มบรรยายอีกรอบ

“ทุกคนเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมครับ เชื่อไหมว่าบางทีเราสองคนได้เจอกันเพราะพรหมลิขิต”

ภาคินที่กำลังนั่งวาดรูปไปเรื่อยเปื่อยเงยหน้าขึ้นมามองณัฐที่กำลังพูดอยู่ ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่กับหัวข้อนี้ ที่มา workshop กันวันนี้มันเกี่ยวกับคู่รัก บางคู่จะแต่งงานกันเดือนหน้าอยู่แล้ว บรรยากาศมันเลยดูหวานๆ นิดนึง พอได้ยินประโยคที่ณัฐพูดคินก็ส่ายหน้ายิ้มๆ จนสีน้ำต้องเอ่ยถามขึ้นมา

“ไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตเหรอครับ”

“บอกตามตรงก็ไม่ได้เชื่อเท่าไหร่  อย่างเรื่องดูดวงผมก็เฉยๆ ดูได้แต่ก็ไม่ได้เชื่อคุณน้ำล่ะครับ”

“ห้าสิบห้าสิบ ก็ไม่ได้เชื่อไปซะหมด”

“แล้วคิดว่าเราสองคนเจอกันเพราะพรหมลิขิตหรือเปล่า”

“โอ้โห…ประทับใจมากเราเจอกันครั้งแรกสีเลอะเต็มตัวไปหมด”

“เราเจอกันครั้งแรก..”

“ครับ อย่าบอกนะว่าลืม”

“ใครจะลืมคนที่เอาสีมาสาดใส่ผมได้ลง แต่จริงๆ ..มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตผมเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นพรหมลิขิตถ้า..”

“ถ้า?”

“ถ้าผมได้เจอเขาอีกครั้ง เจอเขาแบบที่ไม่ใช่ตัวอักษร”

“ผมไม่รู้นะว่าเรื่องอะไร แต่ถ้าสมมุติคุณคินได้เจอเขาแล้วมันจะเป็นยังไงต่อเหรอครับ”

“แค่อยากขอบคุณเขา…แค่นั้นจริงๆ ครับช่วงเวลานั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ สำหรับผม”

“แล้วถ้าเขาสวย”

“เออ..ลืมคิดข้อนี้เลย”

“ระดับดารา”

“ตัดสินใจยากเลยทีนี้”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรเข้าใจได้”

“ผมแกล้งคุณเล่น คุณน้ำ”

“แล้วถ้า….คนนั้นเป็นผม”

สีน้ำหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ภาคินเลยโน้มตัวมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน

“จะกอดไม่ปล่อยเลย”


Watercolor


เป็นการ workshop ที่เลอะเทอะมาก

หมายถึงไอ้มิลกับไอ้เบน ให้วาดรูปสองสามรูปยังเลอะสีน้ำแทบทั้งตัว ขนาดต้นไม้และคีตายังถอนหายใจใส่พวกมัน หัวข้อพรหมลิขิตนี่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่คุณณัฐก็บอกว่ามันไม่ได้จำกัดความอะไรเลย อยากวาดอะไรก็วาด บรรดาคนที่มา workshop ก็ดูชอบกันมาก ส่วนมากก็วาดของขวัญที่เคยให้กันไม่ก็รูปแหวนแต่งงาน

ภาพของรามิลกับต้นไม้เป็นรูปต้นกระบองเพชร  ถึงแม้ว่าสองคนนั้นไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมแต่สำหรับคินเขารู้อยู่แล้วว่ามันหมายถึงอะไร และแน่นอนว่าคุณสีน้ำทำหน้าอ้อนให้เขาเล่าให้ฟัง คินก็เลยเล่าให้ฟังคร่าวๆ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดเจ้าตัวซาบซึ้งจนเกือบจะร้องไห้แล้ว

“สิบปี!”

“ขนาดผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีใครรักข้างเดียวมาตั้งสิบปี”

“โรแมนติคมาก แต่คุณมิลก็ดูรักคุณไม้มากนะ”

“ตอนนี้ก็งงไปหมดสรุปใครเป็นคนที่รักมาสิบปี ไอ้มิลแทบจะถวายชีวิตให้ไม้แล้ว”

“ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง”

“ถ้าคุณไม้รู้เลิฟสตอรี่ของแก๊งลูกเพื่อนแม่แต่ละคนจะต้องตกใจ ไอ้ทิมกับพอร์ชนี่เสียน้ำตาไปเป็นกะละมัง”

“คนอย่างทิมดูไม่น่ารักใครง่ายๆ ”

“ทิมไม่เคยรักใครเลยคนเข้ามาจีบเป็นแสนเป็นล้าน แต่เลือกไอ้พอร์ชที่ทำมันร้องไห้จะเป็นจะตาย”

“พอร์ชก็ดูไม่ใช่เล่นๆ ”

“ก็ไม่เบากันทั้งคู่ ซอฟสุดก็น่าจะเป็นเบนกับคีตา”

“รูปที่คุณเบนกับคีตาวาดคือไวโอลินกับกีตาร์”

“คุณน้ำเคยฟังโปรเจคสิบเพลงรักของ KTD ไหมครับ”

“เคยครับ ผมชอบเพลงสุดท้ายมาก ทุกช่วงเวลา ( With you B) คนแต่งคือคีตาใช่ไหม”

“แล้วรู้ไหมครับว่า B หมายถึงใคร”

สีน้ำพยายามนึกพลางฮัมเพลงไปด้วยก่อนจะตาโตขึ้นมาเมื่อรู้ว่า B หมายถึงใคร สีน้ำกระเถิบเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าชี้ไปที่เบนจามินที่ตอนนี้กำลังหยิบพู่กันมาจุ่มสีฟ้าแล้วมาป้ายที่แก้มคีตา พอภาคินพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าสิบเพลงรักคือเพลงที่คีตาแต่งให้เบนจามินทั้งหมด

“ไม่ธรรมดาเลยนะ ไม่ธรรมดาเลย”

“เหลือของผมแล้ว”

“คุณคินอยากให้เป็นแบบไหนเหรอครับ”

“เปิดร้านอยู่ข้างๆ กันวันแรกที่เจอโดนสีน้ำสาด แล้ววันต่อมาก็มีอาหารเช้ามาให้ทุกเช้า”

“.......................................................”

“ไม่โรแมนติคเหรอ”

“โรแมนติคตรงไหนเนี่ย คุณคินยังตะโกนดังลั่นว่าผมเกลียดสีน้ำอยู่เลยจำได้ไม่ลืม”

ภาคินหัวเราะก่อนหยิบปากกาเมจิกสีดำขึ้นมา พร้อมกับจับมือครูสีน้ำมาวางไว้บนตักแล้ววาดรูปอีโมจิรอยยิ้มลงบนหลังมือ สีน้ำเลยพลิกมือก่อนจะจุ่มสีน้ำแล้ววาดรูปรอยยิ้มแบบเดียวกันบนหลังมือของภาคิน คำพูดของภาคินที่ได้ยินทำให้สีน้ำยิ้มออกมา

“ไม่แน่นะเรื่องของเราอาจจะโรแมนติคในแบบที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้”



หัวข้อต่อจากพรหมลิขิตคือ ความทรงจำดีๆ นี่ก็ไม่ใช่หัวข้อที่จะวาดกันง่ายๆ อีกเหมือนกัน ตอนแรกก็จะไม่วาดอะไรหรอกแต่คุณณัฐบอกว่าไหนๆ ก็เข้าร่วมแล้วก็เลยอยากให้วาด ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวคุณน้ำก็โดนบังคับให้วาดเหมือนกัน ดีที่ยังอนุญาตให้เขาวาดด้วยดินสอได้

แต่จะวาดอะไรล่ะวะ?

บอกแล้วว่าไม่เคยที่จะวาดตามหัวข้ออะไรแบบนี้มาก่อน ภาคินเลยได้แต่นั่งหมุนดินสอในมือไปมา พอหันไปมองครูสอนวาดรูปก็น่าจะประสบปัญหาแบบเดียวกันเพราะเห็นนั่งถือพู่กันค้างอยู่ในมือมานานมากแล้วเหมือนกัน

“คุณน้ำคิดไม่ออกเหรอครับ”

“ไม่รู้ว่าจะเอาความทรงจำช่วงไหนดี”

“ผมนี่ว่างเปล่าเลย”

“แย่แล้วเราสองคน”

“นี่ workshop หรือสอบวาดรูปต้องเครียดขนาดนี้เลยเหรอครับ”

“ผมรู้สึกแย่เวลานั่งอยู่หน้ากระดานวาดรูปแล้วคิดไม่ออกว่าจะวาดอะไร”

“ผมเริ่มเครียดไปด้วยแล้วนะ ทุกทีผมก็วาดรูปตามใจฉัน”

ท่าทางของคนสองคนที่นั่งหน้าเครียดคิ้วขมวดอยู่หน้ากระดานวาดรูป ทำให้ณัฐที่มองอยู่หัวเราะเบาๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าหัวข้อที่เขาให้วาดมันยากไปหรือเปล่าถึงได้ทำท่าเครียดเหมือนกันเป๊ะๆ ขนาดนี้ ณัฐเลยลากเก้าอี้มานั่งระหว่างกลางทั้งสองคน

“คิดไม่ออกเหรอครับ ความทรงจำดีๆ มันก็ไม่ได้ยากนะคุณคิน”

“ผมคิดไม่ออกขอโทษนะครับ ตั้งแต่เรียนจบมาไม่เคยวาดรูปตามหัวข้อเลยถ้าไม่ใช่เรื่องงาน”

“ความทรงจำที่ดีๆ บางทีก็ไม่ได้ลึกซึ้งขนาดเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นหรอกครับ อาจจะเป็นแค่เมื่อวานเราได้กินเค้กอร่อยๆ ก็เป็นความทรงจำดีๆ แล้ว”

“เค้กเนี่ยนะ”

“ครับ แค่เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วแต่เวลาที่เรานึกถึง แล้วมีความสุขมันก็คือความทรงจำดีๆ ไม่ใช่เหรอครับ”

น่าจะเข้าใจกันทั้งคู่..เพราะเห็นญาติตัวเองอย่างสีน้ำหันมามองหน้าเขาก่อนจะยิ้มให้หนึ่งที แล้วลากกระดานวาดรูปไปอีกด้านคงต้องการสมาธิถึงได้ปลีกตัวออกไป ส่วนผู้เข้าร่วม workshop อย่างคุณคินก็ลากดินสอในมือลงบนกระดาษอย่างเดียวไม่สนใจอย่างอื่นก็คงคิดได้แล้วมั้งว่าจะวาดอะไร

ก็อยู่ด้วยกันได้เนอะ
ดินสอกับสีน้ำ


.............
.......................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 13-04-2020 21:37:38
Watercolor

การ workshop กับคอร์สวาดรูป ครั้งแรกในชีวิตผ่านไปด้วยดี จะว่าไปก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ถึงแม้ว่าคุณน้ำอยากจะฟาดเขาเต็มทีที่ไม่ยอมแตะสีน้ำเลยเอาแต่วาดรูปด้วยดินสอ ก็นะของอย่างนี้มันต้องให้เวลากันบ้าง เพราะงานที่ทำติดกันมาหลายวัน ทำให้ภาคินเริ่มรู้สึกร่างกายมันเมื่อยล้าจนอยากจะนอนพักสักหน่อย  เวลาทำงานหนักแบบนี้ทีไรหน้าไอ้พอร์ชก็ลอยมาเหมือนตอกย้ำว่าเคยสอนมันไว้ยังไงแต่ตัวเองดันทำไว้เอง

เออ..และพอเวลาป่วยขึ้นมาแบบนี้
ก็อิจฉาไอ้พอร์ชขึ้นมาเหมือนกันตอนวีดีโอคอลกับทิมไอ้พอร์ชยังอ้อนนอนหนุนตักมันอยู่เลย

คินถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ก่อนจะจับกระเป๋ากางเกงด้านหลัง กระเป๋าสตางค์..หายไปไหนวะ? พยายามค้นหาทั้วทั้งตัวก็ไม่เจอตอนนี้รู้สึกปวดหัวจนหัวแทบระเบิด เดินวนไปวนมารอบห้องแล้วก็ไม่มีหรือว่าจะลืมไว้ที่ร้านของคุณน้ำ เออตอนนี้ช่างมันก่อนแล้วกัน คินแกะยาลดไข้แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง

นอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น



“น้ำ..คุณเมจะลงมาลงคอร์สนะ”

“ที่กำลังจะแต่งงานใช่ป่ะ วันนี้ใส่ชุดสีฟ้าๆ”

“เออ..ติดใจการวาดรูปบอกครูน้ำน่ารัก ใครมาลืมกระเป๋าสตางค์ไว้วะ”

ณัฐที่กำลังเก็บอุปกรณ์หยิบกระเป๋าสตางค์สีดำขึ้นมาดูใกล้ๆ สีน้ำเลยเดินเข้ามาดูด้วย รู้ว่ามันอาจจะไม่ดีแต่มันก็จำเป็นจริงๆ ณัฐเลยเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบบัตรประชาชนขึ้นมา ก่อนจะเก็บไว้ตามเดิมแล้วยัดใส่มือสีน้ำทันที

“ไรวะ”

“ของคุณคินเอาไปคืนดิ ป่านนี้เขาคงหาอยู่”

“ตอนนี้ดึกแล้วนะ”

“แค่ร้านข้างๆ มึงเดินไปห้านาทีเองน้ำ เร็ว..ของสำคัญบัตรเยอะแยะเผื่อจำเป็น”

สีน้ำพยักหน้าก็จริงของณัฐมันเป็นของสำคัญ รีบเอาไปคืนคุณคินน่าจะดีกว่า พอคิดแบบนั้นสีน้ำก็วางถาดสีในมือหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกไปยังร้านข้างๆ ณัฐที่เพิ่งนึกคิดได้เลยหันกลับมาอีกครั้งตั้งใจจะเรียกญาติตัวเองแต่คงไม่ทันเพราะเห็นแผ่นหลังเดินเลี้ยวออกไปแล้ว

“น้ำมึงใส่ชุดนอน เออ…ชุดนอนลายหมีสีครีม”


ร้านเงียบมากปิดไฟแล้วด้วย สีน้ำลองไลน์หาคุณคินแต่ไม่มีข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว รออยู่นานแต่ก็เงียบสนิทเลยลองโทรไปแต่คนรับเป็นเสียงแหบๆ พร้อมกับบอกว่าให้เข้ามาได้เลยประตูไม่ได้ล็อค สีน้ำหยุดอยู่ตรงบันไดขั้นแรกคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงดีวะ ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าเราเรียกสนิทกันถึงขนาดจะขึ้นไปบนห้องส่วนตัวได้หรือเปล่า สงสัยเห็นเขาหายไปนานเจ้าของร้านเลยโทรมาตามรอบที่สอง

ห้องมินิมอลมาก
เหมือนทุกอย่างซื้อมาจากร้านมูจิ
 
ทันทีที่สีน้ำเดินเข้ามาในห้องนอนของคิน ก็ต้องหลุดขำออกมาเพราะทุกอย่างในห้องมีแค่สามสี ขาว ดำ เทา วนอยู่แค่นั้น สีน้ำชูกระเป๋าสตางค์ในมือขึ้นมาพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงคนป่วยที่นอนลืมตามองเขาอยู่  ลองเอามือแตะหน้าผากก็ค่อยโล่งใจหน่อยไม่ได้มีไข้ตัวร้อนถึงขนาดที่ต้องพาไปโรงพยาบาล

“กินยาหรือยัง”

“กินแล้วครับไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ผมแค่เหนื่อยๆ”

“ที่จริงวันนี้คุณคินน่าจะได้พัก เห็นทำงานติดกันมาหลายวัน ยังต้องมานั่งวาดรูปทั้งวัน”

“สีน้ำ มาหาผมหน่อย”

ภาคินลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงเขยิบตัวให้เหลือพื้นที่ว่าง
พร้อมกับเอื้อมมือไปจับข้อมือสีน้ำให้นั่งลงบนเตียงด้วยกัน

“กลัวติดหวัดผมหรือเปล่า”

“ผมแข็งแรงกว่าที่คุณคินคิดอีก แล้วนี่..เสื้อ”

“ผมร้อนถอดแล้วโยนไปไหนไม่รู้ ถ้าไม่โอเคผมจะลุกไปใส่”

“ ไม่เป็นไรผมไม่ถือหรอกคุณป่วยอยู่ นอนพักอีกสักหน่อยไหมครับ”

“วันนี้ทั้งวันเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนเลย”

“ป่วยแล้วอ้อนเหรอเด็กชายภาคิน”

“ผมไม่ได้อ้อนผมอยากอยู่กับคุณน้ำ”

“นี่เขาเรียกว่าอ้อน”

“อ้อนมันต้องแบบนี้ต่างหาก”

ภาคินหยิบหมอนมาวางบนตักสีน้ำแล้วล้มตัวนอนลงไป พอมองหน้าคนที่เขานอนตักอยู่ก็เห็นว่าไม่ได้มีท่าทีไม่ได้ชอบใจตรงไหน สัมผัสตรงเส้นผมทำให้คินยิ้มออกมามีการยกมือทาบแก้มวัดไข้เขาอีกต่างหาก นี่ก็ไม่ได้อ้อนใครสักคนมานานแล้วเหมือนกันยอมรับเลยว่าภาคินไม่เคยชอบคนอายุมากกว่ามาก่อน ทุกทีจะเป็นฝ่ายถูกอ้อนซะมากกว่า

“นอนมองหน้าแล้วยิ้มนี่ผมกลัวแล้วนะ”

“ถ่ายรูปให้แก๊งลูกเพื่อนแม่กับไอ้ทาสพอร์ชได้ไหมครับ”

“รูปผม? หรือรูปคุณ ?”

“รูปเราสองคน แต่ไม่เห็นหน้าคุณน้ำ”

“แล้วจะถ่ายทำไม”

“หมั่นไส้ไอ้พอร์ชมันกวนตีนอยากชนะ”

“เด็กมากภาคิน”

ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ยอมพยักหน้าให้ถ่ายได้ คินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปหน้าตัวเองแต่ในรูปดูก็รู้ว่ากำลังนอนตักใครสักคน มือของสีน้ำที่กำลังลูบผมเขาอยู่ ทำให้ไอ้เบนถึงกับส่งสติกเกอร์มาเกินห้าตัว และแน่นอนว่าคนที่แพ้ไม่เป็นอย่างไอ้พอร์ชก็มาลงรูปแบบเดียวกัน

porsche: เดี๋ยวนี้ลูกพี่ร้ายไม่เบา เสื้อก็ไม่ใส่

KIN : กูร้ายมานานแล้วเหอะ มึงป่วยแล้วมีไอ้ทิมให้อ้อนคนเดียวหรือไงกูก็มีเหมือนกัน

Tim: ใครวะ? ครูสอนวาดรูป?

KIN :@Tim กูมีใครที่ไหนอีกเหรอก็มีอยู่คนเดียว เขาอ่านอยู่ด้วยเบาๆ กันหน่อย

porsche: จะแข่งกับผมเหรอคุณภาคิน

BEN : รำคาญ! ไอ้พวกแฟนเด็ก!

KIN : @BEN ติดเด็กอย่างมึงจะสู้อะไรได้ และกูจะเป็นแฟนเด็กที่ไม่น่าถีบแบบไอ้พอร์ช

porsche: ผมน่ารัก! ทับทิมบอกว่าผมน่ารัก!

TIM : พวกมึงเลิกแกล้งพอร์ชได้ไหม เดี๋ยวแฟนกูไข้ขึ้นอีกรอบปล่อยให้มันนอนดีๆ เถอะ ตั้งแต่ป่วยนี่กูประสาทแดกจะแย่แล้ว

BEN : แฟนกูแบบเต็มปากเต็มคำเจ็บหัวใจ แก๊งลูกเพื่อนแม่กลายเป็นหมาหัวเน่า @R.MIN มึงมาดูไอ้เด็กหัวจุกที่มึงเลี้ยงมากับมือเลยนะไอ้หัวหน้าแก๊ง

R.MIN : สัด กรุ๊ปนี้ไม่เคยมีสาระอะไรเลย

ภาคินวางโทรศัพท์ลงเมื่อรู้สึกว่าพอจ้องนานๆ ก็เริ่มปวดหัว แถมตอนนี้ยังมีอะไรน่าสนใจกว่าโทรศัพท์ตั้งเยอะ สีน้ำถามถึงเรื่องที่ workshop วันนี้ แถมยังบอกให้เขาลองวาดด้วยสีน้ำดูบ้างเอาแต่วาดรูปด้วยดินสอไม่ก็ปากกาเมจิกสีดำตลอด พอทำหน้าหนักใจคินก็เลยโดนตีเบาๆ ยังไงการวาดรูปด้วยสีน้ำก็เป็นสิ่งที่เขาไม่ถนัดอยู่ดี

“ไม่คิดว่าคุณคินจะให้ผมขึ้นมาบนห้อง”

“แล้วเป็นไงครับเหมือนที่คิดไว้ไหม”

“เป๊ะเลย มินิมอลแบบสุดๆ”

“ตอนนี้สิ่งที่มีสีสันที่สุดในห้องผมก็คือชุดนอนลายหมีสีครีมของคุณน้ำ”

พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาภาคินก็ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงแล้วหัวเราะเบาๆ เพราะเจ้าตัวทำหน้าตกใจ สงสัยคงจะลืมว่าตัวเองใส่ชุดนอนอยู่ถึงได้ทำหน้าตกใจขนาดนั้น พอสีน้ำยิ้มออกมาพร้อมกับบอกว่าไม่คิดว่าจะต้องออกไปไหนเวลาใส่ชุดนอน พอดีรีบเอากระเป๋าสตางค์มาคืนเลยไม่ได้เปลี่ยน

ภาคินพยักหน้ามองคนที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียงก่อนจะค่อยๆ รั้งเอาตัวคุณน้ำเข้ามามากอดไว้ สีน้ำชะงักไปนิดนึงแต่พอเห็นว่าภาคินแค่กอดไว้เฉยๆ เลยไม่ได้ว่าอะไร แต่เพราะคินไม่ได้ใส่เสื้ออยู่ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอามือไปไว้ตรงไหน คินเลยบอกเบาๆ ว่า แค่วางไว้แต่จะกอดเลยก็ได้นั่นแหละถึงได้โดนฟาดอีกหนึ่งที

“ไม่เห็นต้องเปลี่ยนชุดเลย ยังไงผมก็ต้องเห็นคุณน้ำใส่ชุดนอนอยู่แล้ว”

“ดูมั่นใจมากเลยนะ”

“ได้ผมแล้วจะทิ้งเหรอ”

“ได้ตอนไหน! ฟาดอีกสักทีดีไหม”

“วันนี้..คุณน้ำวาดรูปอะไรหัวข้อพรหมลิขิตกับความทรงจำที่ดีๆ ”

“เรื่องอะไรจะบอก”

“เนี่ยคนเรา ผมไปขอคุณณัฐดูดีไหม”

“ณัฐนี่อยู่ข้างผมรู้ไว้ซะ”

“ตอนนี้เหมือนผมจะไข้ขึ้นเลย แต่ผมไม่อยากกินยาและนอนแล้ว”

“เดี๋ยวก็เป็นหนัก พักผ่อนเถอะครับ”

สีน้ำจะผละออกแต่ท่าทางภาคินจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ทำตัวงอแงแถมยังกอดเอวไว้แน่น พอโดนดุไปสองสามทีก็เลยต้องยอมปล่อยให้สีน้ำกลับร้านไปนอนบ้างเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว คินเดินมาส่งตรงหน้าประตูห้องใจจริงอยากจะเดินไปส่งข้างล่างเหมือนกันแต่ก็โดนดุเป็นรอบที่สี่เพราะคุณน้ำไม่อยากให้เขามึนหัวไปกว่านี้ จังหวะที่กำลังเดินลงไปข้างล่างอยู่ดีๆ สีน้ำก็เหลือบไปมองกล่องสีน้ำตาลที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงสนใจกล่องสีน้ำตาลนั่นนักทั้งๆ ที่มันก็เป็นกล่องสีน้ำตาลธรรมดา

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“อ้อ..เปล่าครับกล่องใบนั้น”

“memories box”

“ครับ?”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ดึกแล้วเดี๋ยวคุณณัฐปิดร้านไม่ให้คุณน้ำเข้า”

“เมื่อไหร่เราจะเลิกกันว่าคุณสักที”

“งั้นเรียกไรดี สีน้ำเฉยๆ ได้ไหม”

“ไม่เรียกพี่สีน้ำเหรอผมแก่กว่านะ”

“ไอ้พอร์ชไม่เห็นเรียกทิมว่าพี่”

“เรียกอะไรก็ได้ไม่ได้เครียดเรื่องอายุขนาดนั้นหรอก งั้นผมกลับก่อนนะคิน

“สีน้ำ”

เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังจะเดินลงบันไดไปต้องหันหลังกลับมาอีกรอบ ไม่มีคำพูดอะไรจากคนที่เรียกเอาไว้ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่สีน้ำจะเดินเข้าไปหาคินที่ยกมือขึ้นมากอดสีน้ำไว้ทั้งตัว สีน้ำเลยยกมือขึ้นมากอดเอวคินไว้หลวมๆ

“ตัวร้อนแล้วไข้ขึ้นแน่ๆ”

“ไม่สบายหอมได้ป่ะวะ”

“คิดดังไปนะภาคิน”

คินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปหาคนที่เงยหน้าขึ้นมามอง ก็ตั้งใจจะแกล้งเล่นแค่นั้นแต่พอเจอสายตาที่มองเขาอยู่ ภาคินก็ล้มเลิกที่จะแกล้ง ตอนแรกหน้าผากคือเป้าหมายแรกแต่อยู่ดีๆ คินก็หยุดอยู่เฉยๆ จนสีน้ำตั้งใจจะเอ่ยถาม สุดท้ายก็ต้องเงียบลงเมื่อภาคินกดจมูกลงบนแก้มขาวเต็มแรงพอเห็นเขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก็ย้ายมาหอมอีกข้าง คินซบหน้าลงกับไหล่เล็กๆ นั่นอยู่ดีๆ คำพูดที่เขาพูดกับครูสีน้ำก็ย้อนกลับเข้ามาอีกรอบ


“แล้วถ้า….คนนั้นเป็นผม”

สีน้ำหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ภาคินเลยโน้มตัวมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน

“จะกอดไม่ปล่อยเลย”



ภาคินกระชับกอดให้แน่นขึ้นไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากกอดสีน้ำมากขนาดนี้ อาจจะเพราะตอนนี้ป่วยอยู่เลยอยากอ้อนเป็นพิเศษ สีน้ำยกมือขึ้นมาลูบหลังเขาเบาๆ พร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปซื้อโจ๊กให้ ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ มันทำให้คินต้องยิ้มออกมา แต่แค่เพียงไม่นานเขาก็โดนฟาดเป็นครั้งที่ห้าเมื่อเขากระซิบบางอย่างกับสีน้ำ

“วันนี้ของผมเป็นสีครีมนะ เพราะอยากให้คนใส่ชุดนอนลายหมีสีครีมนอนที่นี่ด้วยกันแล้ว”


watercolor

ไอ้น้ำจะได้กลับมานอนไหมวะ ?
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้มันเอากระเป๋าสตางค์ไปคืนคุณคินตอนนี้

เอาเถอะ..โตๆ กันแล้วจะนอนไหนก็ได้เรื่องของมัน ณัฐก้มเก็บกระดาษที่ปลิวไปใต้เก้าอี้ แต่พอหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ เลยรู้ว่ามันไม่ใช่เศษกระดาษแต่เป็นรูปวาดของสีน้ำกับของภาคิน ณัฐหัวเราะเมื่อเห็นว่าหัวข้อพรหมลิขิตของทั้งคู่มันคือเหตุการณ์เดียวกัน รูปของไอ้น้ำคือแก้วกาแฟที่หกอยู่บนพื้น ส่วนของคินคือจานสีที่ตกอยู่บนพื้นเหมือนกัน ถึงของคินจะเป็นรูปขาวดำตามแบบลายเส้นดินสอก็ตาม

“เออ ก็พรหมลิขิตจริงๆ วันนั้นยังจะด่ากันอยู่เลยแล้วดูตอนนี้บ้านช่องก็ไม่กลับมาแล้ว”

ณัฐวางรูปหัวข้อพรหมลิขิตไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบรูปที่เกี่ยวกับความทรงจำดีๆ ขึ้นมาดู ของสีน้ำมันเป็นรูปกระดาน? หรือบอร์ดอะไรสักอย่างตรงกลางมีรูปคล้ายๆ โปสการ์ดปักหมุดอยู่ตรงกลางบอร์ด ณัฐเองถึงจะสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าญาติเขาจะเอาความทรงจำไหนมาวาดออกมาเป็นภาพ

อาจจะแค่ประทับใจที่ขายโปสการ์ดอะไรสักอย่างมั้ง

ณัฐเลยหยิบรูปของภาคินขึ้นมาดูบ้าง แต่พอเห็นรูปที่ภาคินวาดไว้ณัฐก็มองนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะหยิบรูปของสีน้ำขึ้นมาดูอีกที กระดาน บอร์ด โปสการ์ด ทุกอย่างในภาพแค่ดูผ่านๆ ยังรู้เลยว่ามันคือสถานที่เดียวกัน ณัฐจำได้ว่าทั้งสองคนนั่งวาดรูปคนละมุมและทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำตอนวาดรูปหัวข้อนี้

และที่สำคัญ
คนสองคนจะมีความทรงจำที่เหมือนกันขนาดนี้ได้ยังไงกัน?

ณัฐมองภาพวาดสีน้ำของญาติตัวเองสลับกับมองภาพวาดลายเส้นดินสอของภาคิน จะว่าไปสถานที่นี้เขาก็คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นมาก่อนมั่นใจว่าเขาเคยไปที่นี่มาเหมือนกัน ณัฐใช้นิ้วเคาะลงบนภาพของทั้งสองคนพยายามนึกให้ออกว่ามันคือที่ไหน

กระดานบอร์ด

ลายไม้แบบนี้

ข้างๆ เป็นบันได

เคาน์เตอร์ไม้ที่มีรูปสลักช้าง

กระดาษที่ติดอยู่บนบอร์ด

โปสการ์ด

ณัฐลืมตาขึ้นมาเมื่อทุกอย่างมันเป็นรูปเป็นร่าง
จนเขาแน่ใจแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน


เชียงใหม่..








TO BE CON

ps: ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามเดือน...
พี่คินกลับมาแล้วค่าาาา

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่ แต่เราอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า รักษาสุขภาพกันด้วยนะรักษาค่าไฟกันด้วย (อันนี้เจ็บปวดมากจริงๆ)
เมื่อไหร่ไวรัสจะอ่อนแอแล้วตายไปไม่ไหวแล้วนะคะ!


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinb

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-04-2020 22:20:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

คินกับสีน้ำ  ยังไม่รู้ว่าเคยเจอกันมาก่อนแล้วแบบไม่เห็นหน้าค่าตา

ส่วน ณัฐ  นายเก่งมาก
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-04-2020 23:38:37
น่ารัก..กกกกกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 14-04-2020 09:49:20
เด็กชายภาคินอ้อนเก่ง :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 14-04-2020 17:53:38
   พรหมลิขิตชัดๆ  :impress2: คิดถึงน้องคินกับสีน้ำมากๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 14-04-2020 20:42:19
รอต่อจิ๊กซอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-04-2020 22:33:57
ลุ้น ๆ ต่อให้ไม่มีอดีตร่วมกัน ปัจจุบันก็รักกันจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-04-2020 05:38:54
ตอนอยู่ด้วยกัน เค้าทำตัวแบบชินมือกันมากแล้วค่ะ เป็นน่ารัก
แต่ยังไม่ตกปากรับคำเป็นแฟน แต่การกระทำ คำพูด ไปไกลละจ้า

เอ็นดูความอ้อนของภาคิน เป็นเด็กน้อยที่มีคนให้อ้อนอะเนาะ
สีน้ำก็เอาใจพอตัวเลยค่ะ แถมดูจะยอมและตามใจมากอยู่
ชอบความเข้ากันของคู่นี้ มองตา คำพูดแต่ไม่มีกี่คำ ก็เข้าใจกันได้

ว้าววว เจอคนมาสะกิดแล้วค่ะ ณัฐยังเจอความทรงจำนี้เลย
แล้วภาคินกับสีน้ำ ที่มีความทรงจำเดียวกัน จะไม่ให้คิดถึงได้ไง
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: thebrownbear ที่ 06-05-2020 03:00:04
น่ารักจังค่ะอ่านแล้วอุ่นๆในใจ ยังคงรักแก็งลูกเพื่อนแม่เหมือนเดิม โซคิ้ว
คุณนักเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 13-05-2020 22:51:33
ใกล้จะได้รู้กันแล้วว พรหมลิขิตจริงด้วย :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: YoKu ที่ 14-05-2020 01:19:55
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ไม่ใช่แค่โลกของคินที่สดใสเลยค่ะ
นี่โลกของเราก็สดใสตามสีน้ำไปด้วยเลย
อยากจะรู้เรื่องราวที่เชียงใหม่มากๆเลยค่ะ ต้องโรแมนติกแบบสูสีกับต้นไม้แน่ๆ

ปล. อยากจะไปดูแลพี่เคแทนน้องคินเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 14-05-2020 20:45:38
คิดถึงแก๊งค์ลูกเพื่อนแม่ :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: nutty2554 ที่ 15-05-2020 06:52:04
ติดเรื่องนี้เข้าไปแล้วสิ
คินคนไม่มีสี แต่นาทีนี้  เหมือนไอหวานๆ ลอยฟุ้งเต็มไปหมด
ชอบความฉลาดสุดในแก๊งค์
ชอบความแอบหลอกถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
ชอบความหยอดอ้อนแบบไม่มีทีท่าแบบแผน

งื้ออ 
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: seaNON ที่ 17-05-2020 06:16:27
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-05-2020 13:11:57
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: iMarchs ที่ 23-05-2020 22:24:52
กลับมาได้หรือเปล่า ปั๊ป ปา ดั๊ป ปา กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี  :katai4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 03-06-2020 20:17:36
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
 


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.8
-Pink-



สีน้ำเคยคิดดว่าญาติที่สนิทกันมากอย่างณัฐแปลกๆ                                                                                             
แต่ก็ไม่เคยเคยคิดว่ามันจะแปลกประหลาดขนาดนี้

“ณัฐ นั่งมองหน้าเรามาสิบนาทีแล้ว”

“สีน้ำ”

“เรียกชื่อเล่นเต็มยศซะด้วย”

“ตอนที่มึงอยู่ที่เชียงใหม่…”

ปลายพู่กันที่กำลังแต้มสีอยู่หยุดชะงักไปนิดเดียว แต่ณัฐที่จ้องจับผิดอยู่แล้วเลยเห็นว่าญาติตัวเองมีอาการผิดปกติไปจากเดิม เลยคิดว่าเขามาถูกทางแล้ว เลยรีบลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ คนที่กำลังวาดรูปอยู่ก่อนจะหยิบพู่กันมาถือไว้

“เชียงใหม่มันทำไม”

“ตอนนั้นมึงไปก่อนกูเดือนหนึ่ง กูตามไปทีหลัง”

“แล้ว..มันทำไมวะ”

“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”

“หมายถึง?”

“มีคนมาจีบบ้างไหมหรือมีใครเข้ามาหา ”

“จะมีได้ไงวะ ถ้ามีณัฐเองก็ต้องเห็น”

“ก็จริงของมึง”

“แล้วมาถามอะไรแปลกๆ ”

“เคยเล่าเรื่องตอนที่อยู่เชียงใหม่ให้คุณคินฟังไหม”

“เคยบอกแค่ว่า ก่อนหน้านี้ไปทำงานที่เชียงใหม่เฉยๆ แต่ไม่ได้เล่าอะไรเลยอยู่ดีๆ จะไปเล่าให้เขาฟังทำไม”

“น้ำ..เคยเจอคุณภาคินมาก่อนหรือเปล่า”

ทันที่ที่เขาเอ่ยถามไอ้คนที่กำลังผสมสีอยู่ก็เทน้ำพรวดพราดใส่จานสีจนเลอะเทอะไปหมด  ณัฐหัวเราะเบาๆ เออ..จะทำอะไรก็ดูพิรุธไปหมดเลยเว้ย หรือว่าเป็นเพราะเขาถามเรื่องคุณคินถึงได้เขินขนาดนี้ ไหนๆ ก็แสดงอาการขนาดนี้แล้วยังไงก็ขอถามต่อเลยแล้วกัน

“ถามว่าอะไรนะ”

“ถามว่ามึงเคยเจอคุณคินมาก่อนหรือเปล่า”

“หน้าร้านไงเอาสีน้ำไปสาดใส่เขา”

“ไม่ดิ กูหมายถึงก่อนหน้านั้น”

“……………………………………….”

“ไม่ตอบแสดงว่าเคยเจอ”

“พยายามนึกอยู่แต่ว่านึกไม่ออกเลยว่าเคยเจอที่ไหน”

“จริงป่ะ”

“จริง”

“แล้วเชียงใหม่”

“วนกลับมาเชียงใหม่อีกแล้วนะ มันทำไมนัก”

ณัฐยกมือยอมแพ้พร้อมกับบอกว่าไม่มีอะไรแค่ถามเฉยๆ เผื่ออาจจะรู้จักกันมาก่อน ตอนพูดนี่ก็จับผิดญาติตัวเองไปด้วย แต่ไม่เห็นจะมีอาการหลุกหลิกอะไรก็ยังวาดรูปตามปกติ พอจ้องมากก็โดนด่าอีกณัฐเลยหยิบรูปวาดที่ workshop แล้วยื่นให้

“เป็นไงได้เต็มสิบป่ะวาดแบบสุดฝีมือ”

“ทำไมความทรงจำมึงถึงเป็นที่นี่วะน้ำ ที่พักที่เชียงใหม่?”

“นอนสบายดีออก”

“กูรู้จักมึงดีแค่นอนสบายมึงไม่เอามาวาดรูปแบบนี้หรอก”

“วันนี้เป็นอะไรถามแปลกๆ เชียงใหม่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับเราก็เลยวาด…แค่นั้น”

“ไม่หลุดเลยเว้ย โอเคไว้จะมาเสือกใหม่”

“นี่จะมาหลอกถามอะไรอีกเออ..แล้วไหนรูปของคุณคินวันนั้นเขาวาดรูปอะไร ยังไม่เห็นเลย”

“ไม่ให้ดู”

“อ้าวไรวะ”

“กูเป็นคนจัดworkshop ต้องให้คะแนนก่อน”

“คุณคินวาดรูปลายเส้นดินสอต้องให้คะแนนด้วยเหรอไง รายนั้นไม่รู้ว่าจะยอมระบายสีน้ำตอนไหน”

“อีกไม่นานหรอกมั้ง อนาคตแฟนก็ชื่อสีน้ำก็ต้องมีสักวัน”

“วันนี้เป็นไรป่ะเนี่ยถามจริง แซวเยอะกว่าทุกวัน”

ณัฐส่ายหน้าก่อนจะก้มลงมองรูปวาดของคุณคิน ใจจริงเขาก็อยากจะถามสิ่งที่เขาคาใจให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่กล้าที่จะถามตรงๆ ไม่รู้สิแค่รู้สึกว่าบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องของคนสองคนมากกว่า  ถ้ามันถึงเวลาทั้งสองคนก็คงรู้กันเอง แต่..สำหรับเขาที่รู้จักกับสีน้ำมาตั้งแต่เกิด เห็นหน้าตาน่าเอ็นดูแบบนี้แต่จริงๆ เจ้าแผนการณ์เยอะแยะไปหมด

บางที…สีน้ำกำลังคิดอะไรอยู่ก็ได้                                                                     
ใครจะไปรู้

“กูสมมุตินะถ้ารูปหัวข้อพรหมลิขิตกับความทรงจำของมึงกับคุณคินเป็นรูปเดียวกัน..”

“รูปเดียวกัน? บ้า จะเป็นรูปเดียวกันได้ไงวะต่างคนต่างวาด”

“กูสมมุติเฉยๆ ”

“ก็..”

สีน้ำจุ่มสีที่อยู่ในถาดก่อนจะแต้มลงไปบนกระดาษที่อยู่ตรงหน้า รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าทำให้ณัฐต้องยิ้มตาม รูปภาพของของสีน้ำบอกอารมณ์คนวาดได้อยู่เสมอ ดูแค่นี้ก็รู้ว่าคนวาดกำลังมีความสุข สีเหลือง สีชมพู เต็มไปหมด สีน้ำวางพู่กันแล้วหันมายิ้มให้

“ถ้าสมมุติว่ามันเป็นรูปเดียวกันแสดงว่าเราเจอเขาแล้ว”

 

watercolor


วันนี้สีน้ำไปซื้ออาหารเช้าสายกว่าทุกวัน เพราะว่าวันนี้ตั้งใจจะไปซื้อหมูปิ้งเจ้าดังที่อยู่อีกซอย  ชื่อเสียงที่โด่งดังก็เลยต้องต่อคิวรอนานแต่ก็คุ้มค่าแล้วเพราะสีน้ำแทบจะเหมามาทั้งร้าน  ทันทีที่จอดจักรยานก็ต้องหยุดมองคนที่กำลังเดินวนไปวนมาอยู่หน้าร้านของภาคิน และแน่นอนว่าเป็นคนที่เขารู้จักอยู่แล้ว

“คุณเค..”

เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เคหยุดเดิน ก่อนจะเห็นคนผมสีน้ำตาลแดงยิ้มให้ ครูสอนวาดรูป ? น่าจะใช่ละมั้งเคยได้ยินทิมเคยพูดถึงตอนมาที่บ้านอยู่เหมือนกัน พวกรายละเอียดเขาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะเป็นคนที่เปิดร้านอยู่ข้างๆ คิน เขามาที่นี่ทีไรก็เจอตลอด

“ผมเจอคุณที่นี่ แล้วก็เจอกันที่บ้านรุ่งอรุณใช่ไหมครับ”

“จะว่าไปผมยังไม่เคยได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อสีน้ำนะครับร้านผมอยู่ข้างๆ คิน”

“เป็นครูสอนวาดรูปเหรอครับผมเคยได้ยินแก๊งลูกเพื่อนแม่พูดถึงคุณอยู่เหมือนกัน”

“ครับ ผมสอนวาดรูป”

“คินก็ชอบวาดรูป”

“แต่ไม่ชอบวาดสีน้ำ มันน่าทุบจริงๆ”

เคหลุดขำเพราะหน้าของคนที่ชื่อสีน้ำทำหน้าเหมือนโกรธแค้นคินมานานหลายปี ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกานี่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องไปประชุมแล้ว กับข้าวมากมายในมือก็ยังไม่ได้เอาให้คินสักที นี่ก็ยืนอยู่หน้าร้านนานมากแล้ว เคเงยหน้ามองสีน้ำที่ยืนยิ้มอยู่แล้วยื่นถุงผ้าในมือให้

“แม่บอกว่าเดี๋ยวนี้คินทำงานหนักมากไม่ค่อยได้กลับบ้านเลยทำอาหารของโปรดคินมาให้คือ..ผมฝากคุณน้ำให้แล้วกัน”

“เขียนอะไรให้คินหน่อยไหมครับ”

“ผมว่าไม่ดีกว่า”

“ถ้าไม่เขียนวาดรูปก็ได้นะครับ”

“วาดรูปนี่ผมไม่ถนัดจริงๆ”

“ผมวาดให้ได้นะ”

“เดี๋ยวครับคุณ…น้ำ”

เคพยายามจะเรียกคนที่วิ่งหายเข้าไปในร้านของตัวเอง แล้วกลับมาพร้อมกับกระดาษและปากกาพู่กันสีน้ำหลายสี ตอนแรกเคตั้งใจจะปฏิเสธเพราะเขาเองก็ไม่กล้าจะเขียนข้อความอะไรให้น้องชายตัวเอง แต่พอเห็นความตั้งใจของครูสอนวาดรูปก็เลยใจอ่อน

“รูปอะไรดีครับ”

“เด็กผู้ชายใส่ชุดเทควันโดก็ได้ครับ แค่รูปเดียว”

สีน้ำพยักหน้าก่อนจะเริ่มระบายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เคมองตาไม่กะพริบเพราะไม่คิดเลยว่ามันจะวาดกันได้ง่ายๆ ขนาดนี้ ยิ่งเป็นสีน้ำนี่เขาว่ามันก็ยากอยู่นะ แต่แค่เพียงไม่นานรูปเด็กผู้ชายใส่ชุดเทควันโดก็เสร็จเรียบร้อยเจ้าตัวบอกอาจจะไม่ค่อยสวยเพราะรีบวาด แต่เขาก็ยังยืนยันว่านี่ก็สวยมากแล้ว

“รูปเด็กใส่ชุดเทควันโดนี่เป็นความลับของของคุณเคกับคินเหรอครับ”

“ที่จริง…มันเป็นความลับของผมคนเดียว”

สีน้ำพยักหน้าแล้วยื่นรูปวาดให้คุณเคแปะลงบนกล่องพลาสติกก่อนที่จะขอตัวไปทำงาน  เป็นพี่น้องที่ฟอร์มจัดกันทั้งคู่แต่เอาเถอะแค่นี้ก็คงดีขึ้นมากแล้ว  สีน้ำเปิดประตูเข้าไปในร้านและแน่นอนว่าเจ้าของร้านกำลังทำหน้าตาเครียดอยู่หน้าคอมตัวเดิม

“อาหารเช้ามาช้ามากผมหิวแล้ว”

“วันนี้มีให้เลือก”

สีน้ำชูถุงผ้าที่ใส่กล่องอาหารอยู่ขึ้นมา ส่วนอีกข้างก็คือถุงหมูปิ้ง ทันทีที่เห็นรูปวาดที่แปะอยู่บนกล่องใส่อาหารคินก็รู้แล้วว่าใครที่เป็นคนเอามาให้ สีน้ำยังบอกอีกว่าแม่เขาเป็นคนฝากมาให้เพราะเห็นว่าเขาไม่ได้กลับบ้านเลยช่วงนี้ คินได้แต่ส่ายหน้าไปมา

เอาแม่มาอ้าง



“คินอยากกินตับทอดกระเทียม แกงส้มชะอม แล้วก็ปลาสลิดทอดใช่ไหมเห็นเคมาบอกว่า ได้ยินทิมบ่นๆ เดี๋ยวนี้คินงานยุ่งอยากกินข้าวฝีมือแม่ ”




เขาจำได้ว่าไม่เคยไปบอกอะไรไอ้ทิมทั้งนั้นแหละ และอาหารทั้งหมดนี่มันอาหารจานโปรดตอนเขาเด็กๆ และแน่นอนว่ามีแค่คนเดียวที่รู้ว่าเขาชอบอะไรก็โตมาพร้อมกัน คินดึงรูปวาดเด็กผู้ชายในชุดเทควันโดที่แปะอยู่ขึ้นมาดูใกล้ๆ พร้อมกับเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นเขามองก็ยิ้มแฉ่ง

“ผมอยากให้น้ำได้กินอาหารฝีมือแม่ผม คุณนายญาดาทำอาหารอร่อยมาก”

“แล้วหมูปิ้งผม”

“จริงๆ พี่เคน่าจะไม่ได้กินหมูปิ้งมานานแล้ว…”

สีน้ำอมยิ้มพร้อมกับบ่นเบาๆ ฟอร์มจัดกันทั้งคู่ก่อนจะยื่นถุงหมูปิ้งให้อีกฝ่าย แต่ภาคินก็ส่ายหน้าดันถุงหมูปิ้งให้ออกห่าง ยึกๆ ยือๆ กันอยู่นานจนในที่สุดภาคินก็ยอมแพ้หยิบถุงหมูปิ้งแล้วเดินออกไปหน้าร้าน ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่เคจะยังอยู่หรือเปล่า แต่เขาก็คิดถูกจริงๆ ท้ายรถเบนซ์ยังคงจอดอยู่ นี่ก็ว่าสายมากแล้วนะ คินลังเลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเคาะกระจกรถแล้วยื่นถุงหมูปิ้งให้

“แลกกัน”

คำพูดสั้นๆ แต่มันก็นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เราได้คุยกันต่อหน้าตรงๆ แบบนี้ เคเหลือบมองไปยังร้านของคินที่เปิดประตูทิ้งไว้ ก็เห็นใบหน้าของครูสอนวาดรูปโผล่มาพร้อมกับโบกมือให้เขาอีก ยิ่งตอนที่คินหันกลับไปทำท่าไล่ให้กลับเข้าไปในร้านนี่มันก็น่ารักดี พอเห็นว่าสายแล้วคินก็เลยกลับไปที่ร้านท่าทางเก้ๆ กังไม่รู้จะพูดอะไรดีมันทำให้เคต้องยิ้มอีกครั้ง

“ตลกทั้งคู่”

เคก้มลงมองหมูปิ้งในมือแล้วหันไปมองทั้งคู่ที่เดินกอดคอกันเข้าไปในร้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าภาคินน้องชายของเขาสดใสขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้ามันเป็นเพราะคุณสีน้ำเขาก็ไม่แปลกใจเลย ขนาดเขาที่เจอกันไม่กี่ครั้งยังรู้สึกถึงพลังบวกได้จากคนๆ นี้ อย่างน้อยคุณสีน้ำก็ทำให้เขาได้กลับมาคุยกับน้องชายอีกครั้ง

“โหมดน้องชายคินก็น่ารักเหมือนกันเนอะ”

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“น่ารักแล้ว”

“ไม่เห็นน่ารัก ไม่ได้ยินใครชมว่าผมน่ารักมานานตั้งแต่ห้าขวบ”

“เขินเหรอ”

สีน้ำยกมือขึ้นมาหยิกแก้มคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ภาคินไม่ได้โวยวายอะไรได้แต่ปล่อยให้สีน้ำวอแวกับแก้มเขาอยู่อย่างนั้น คินยอมรับเหมือนกันว่าถ้าไม่มีสีน้ำเขาคงไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาพี่เคก่อน ถึงแม้เราจะพูดกันอยู่แค่สองคำก็เถอะก็ถือว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้  และทันทีที่อีกฝ่ายปล่อยมือจากแก้มเขาภาคินก็ก้มลงไปหาพร้อมกับหอมแก้มสีน้ำเต็มฟอด

“เฮ้ย!”

“เฮ้ยไร”

“ไว้ใจไม่ได้เลย”

“ผมเนี่ยไว้ใจได้สุดๆ แล้วในแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ผมชอบทิมสุดในแก๊งนะ”

“หยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้”

“น่ารักออก”

“คุณสีน้ำครับ ถ้าคุณรู้ว่าตั้งแต่สามขวบผมโดนมันโขกสับอะไรบ้าง แล้วคุณจะสงสารผม”

“ก็คินเป็นลูกกระจ๊อก”

“เออ คนเราอยู่ทีมผมสิครับโดนทิมแกล้งนี่ไม่ช่วยนะ”

“ผมต้องโดนทิมแกล้งด้วยเหรอเนี่ย”

“แต่งเข้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็โดนทิมแกล้งมาแล้วทั้งนั้น ต้นไม้คีตาไอ้พอร์ชโดนมาแล้วทั้งนั้น”

“...................................................”

“เอ๊า เขินไม่ต้องกลัวทิมเล่นเบาๆ ”

“คินพูดเองเออเองอยู่คนเดียว”

“เวลาเรียกคินรู้สึกดีขึ้นเยอะ เรียกคุณอยู่ได้ตั้งนาน เออน้ำ คีตาฝากมาบอกด้วยว่าถ้ามี workshop ขอมาแจมด้วยอีก ครั้งที่แล้วได้แรงบันดาลใจไปแต่งเพลงเยอะเลย”

“วาดรูปเนี่ยนะ”

“คีตาเอาทุกอย่างบนโลกมาแต่งเพลงได้หมด ไอ้เบนทำข้าวไข่เจียวยังเอามาแต่งเพลงได้เลย”

“เก่งจัง เรื่องดนตรีผมไม่ได้เลย”

คินยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและหน้าจอก็แสดงชื่อเบนจามินขึ้นมาพอดี ทันทีที่กดรับเสียงไอ้เบนก็ดังลั่นออกมาจนคินต้องเอาโทรศัพท์ให้ห่างจากหู ท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรไอ้เบนพูดซะแทบหายใจไม่ทัน

“สรุปว่าครูสอนวาดรูปที่มึงดีลไว้เกิดป่วยกะทันหัน และวันนี้เป็นวันที่ต้องถ่ายเอ็มวีก็เลยอยากจะให้สีน้ำไปช่วยหน่อย นี่กูเข้าใจถูกใช่ไหม”

พอได้ยินชื่อสีน้ำก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คินพยักหน้าก่อนจะกดวางโทรศัพท์จากเบน ท่าทางรอฟังเขาพูดตาแป๋วมันก็ดูน่ารักดี พอเขาแกล้งเล่นตัวไม่ยอมบอกก็โดนทุบเข้าให้วันนี้มีแต่คนใจร้อนจริงๆ เลยเว้ย คินก้มหน้ามาใกล้ๆ ก่อนจะบอก

“ครูสีน้ำรับงานนอกเวลาไหมครับ”

 
watercolor


ถึงแม้ว่าปกติแล้วสีน้ำเองก็ฟังเพลงดูรายการทีวีอยู่บ่อยๆ คอนเสิร์ตก็มีไปบ้างแต่ก็ไม่เคยนึกว่าวันหนึ่งจะได้มายืนอยู่ในบริษัทที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาตั้งแต่เด็กอย่าง KTD และท่าทางเขาคงจะแสดงออกมากเกินไปคนข้างๆ ถึงได้อมยิ้มขำไม่เลิกสักที

“ชอบนักร้องคนไหนถ่ายรูปคู่ได้นะบอกไอ้เบนได้เลย”

“คินไม่ตื่นเต้นเหรอ”

“ผม ทิมและรามิลเล่นซ่อนแอบที่ KTD มาตั้งแต่หกขวบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นแล้ว”

สีน้ำกระเถิบตัวเข้าหาคินเมื่อเดินมาถึงสถานที่ๆ นัดกันไว้ พอเจอสถานที่จริงแบบนี้ก็เริ่มกลัวขึ้นมาเหมือนกัน พอเห็นคีตาที่นั่งดีดกีตาร์อยู่เงยหน้าขึ้นมาโบกมือให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยอย่างน้อยก็มีคนรู้จักนอกจากภาคิน  เบนจามินยังคงโอเวอร์ไม่เปลี่ยนตั้งแต่เดินเข้ามาก็ยังกอดคินแน่นทำท่าทางซึ้งใจจนคินต้องบอกว่าพอก่อน รักษาภาพลักษณ์ผู้บริหารไว้บ้าง

“คุณน้ำแค่ดูว่าท่าทางการจับพู่กัน การวาดรูป ผสมสีอะไรแบบนี้ของนางเอกถูกต้องหรือเปล่าก็พอครับ ถ้ามันผิดหรือมีตรงไหนไม่โอเคคุณน้ำท้วงได้เลยนะ ”

“เนื้อหามันเป็นยังไงเหรอครับ”

“มีผู้หญิงกับผู้ชายเป็นคนรักกันครับ ทั้งสองคนเป็นจิตรกรวันหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้ชายสูญเสียการมองเห็นทำให้ไม่สามารถวาดรูปได้อีก ”

“ดราม่าเหมือนกันนะเนี่ย”

“ถามคนแต่งได้เลยครับ ตอนผมฟังครั้งแรกน้ำตาไหลเป็นกะละมัง”

เบนจามินหันหน้าไปทางคนที่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่อีกด้าน สีน้ำหัวเราะออกมาเมื่อสิ่งที่คุณเบนบอกมันตรงกับสิ่งที่เขาคิดไว้พอดี ว่าแล้วว่าเพลงนี้คีตาต้องเป็นคนแต่ง ตอนแรกก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ปลอบใจตัวเองมาตลอดทาง มันก็เหมือนกับการสอนวาดรูปนั่นแหละ แต่พอมีฉากมีกล้องมีไฟมีทีมงานสีน้ำก็เริ่มเกร็งๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

“เรามี workshop กันมาแล้วครับแต่วันนี้ถ่ายจริงก็เลยอยากให้มีผู้เชี่ยวชาญหน่อย เผื่อมีอะไรผิดพลาด”

“ผมยินดีช่วยนะครับ ไม่ได้ลำบากอะไร”

“มีอะไรไม่เข้าท่าด่าไอ้คินได้เลยครับ”

“อ้าว ไอ้เบนวันนี้กูมีผู้มีพระคุณกับมึงนะ”

“ตอนนี้มึงไร้ประโยชน์ละคิน ไปยืนนู่นมุมตึก ไม่ก็กลับไปเปิดร้านมึงเลยคนบ้าอะไรเปิดร้านเดือนละสามวัน”

“ทำไม ใครจะทำไมกูจะเปิดร้านปีละวันก็ได้ รวย”

“ขอให้คุณนายญาดาตัดมึงออกจากกองมรดก”

“กูน่ะลูกรักเขาคุณนายไม่มีทางให้กูตกระกำลำบากหรอกไอ้ตี๋”

ท่าทางเถียงกันไม่จบไม่สิ้น ทำให้สีน้ำต้องยิ้มอย่างเอ็นดูขนาดทีมงานที่รอทำงานอยู่อดที่จะหัวเราะไม่ได้ มันก็ดูน่ารักดีที่ผู้ชายสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ มายืนเถียงกันเหมือนเด็กๆ พอเถียงกันจนหนำใจก็เดินแยกย้ายกันไปทำงาน ช่วงแรกก็ยังไม่มีอะไรมาก สีน้ำแค่จัดท่าทางให้นักแสดงเล็กน้อย แต่ถึงฉากสำคัญเป็นฉากที่ผู้ชายสูญเสียดวงตาแล้วนั่งนิ่งๆ อยู่ที่กระดานวาดรูป ผู้หญิงจะยืนอยู่ด้านหลังคอยจับมือแล้ววาดรูปไปพร้อมๆ กัน

สีน้ำเข้าไปบอกวิธีผสมสีคร่าวๆ พร้อมกับทำท่าทางวาดรูประบายสีน้ำให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่พอถ่ายจริงๆ ผู้กำกับก็บอกว่าไม่ได้ อารมณ์ไม่ได้ ไม่ผ่านฉากนี้ไปสักที สีน้ำได้แต่ยืนเงียบๆ เพราะเขาเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องการแสดงอะไรแบบนี้เลย แต่ฉากแบบนี้มันน่าจะยากสำหรับคนที่ไม่ได้ถนัดเรื่องการวาดรูปอยู่เหมือนกัน

“มี่เข้าไม่ถึงอารมณ์เลยค่ะ ครูน้ำทำให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยได้ไหมคะมาลองเล่นบทมี่หน่อย”

นางเอกของเรื่องไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธเลยลากสีน้ำให้มาอยู่ตรงหน้ากระดานวาดรูป  ก่อนที่มี่จะบอกบทให้ฟังสีน้ำพยักหน้าแล้วจับพู่กันให้พระเอกของเรื่องถือไว้ แต่จังหวะสีน้ำกำลังจะจับมือพระเอกเอ็มวี เสียงกระแอมก็ดังขึ้นทุกสายตาเลยหันไปมองหน้าภาคิน เบนจามินก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ก่อนที่พระเอกของเรื่องจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผู้กำกับ

“ผมขอเป็นฝ่ายดูก่อนได้ไหมครับ อยากรู้ว่าต้องแสดงอารมณ์ท่าทางแบบนั้น”

“แล้วใครจะมาเล่นแทนเรา”

อยู่ดีๆ เบนจามินก็ผลักภาคินออกมาพร้อมกับบอกมีคนแสดงแทนแล้ว ถึงจะ งงๆ เล็กน้อยแต่คินก็ไม่ได้โวยวายอะไร พอเดินมาถึงตรงที่สีน้ำยืนอยู่ก็เริ่มเกร็งๆ ขึ้นมาเหมือนกัน เห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ สีน้ำเลยถามย้ำอีกครั้งว่าแน่ใจเหรอไง ก็นะมาถึงตอนนี้ก็ไม่น่าจะปฏิเสธได้แล้ว ป่ะวะ

“คนที่ไม่ชอบระบายสีน้ำแต่ต้องมาระบายสีน้ำ”

“น้ำต่างหากที่เป็นคนที่ระบายไม่ใช่ผม”

“นั่งเลยครับเด็กชายภาคิน”

เสียงผู้กำกับบอกแค่ว่าตามบทที่เล่นเป็นยังไง แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดลงลึกเพราะอยากให้ทั้งคู่ทำตัวตามสบาย เพราะตามบทฝ่ายชายต้องสูญเสียดวงตา เบนเลยเอาผ้ามาผูกตาให้คิน ทันทีที่ผู้กำกับสั่งเริ่มสีน้ำก็ค่อยๆ จับมือคินจุ่มสีน้ำที่ผสมไว้ในจานสีก่อนจะระบายสีลงบนกระดาษสีขาวตรงหน้า เพราะไม่ถนัดกับการลงน้ำหนักมือ บวกกับสายตาที่มองไม่เห็นทำให้ทุกอย่างมันดูขัดๆ ไปหมด สีน้ำเองก็รู้สึกได้ เลยหยุดพู่กันที่กำลังลงสีแล้วก้มลงไปกระซิบเบาๆ

“ระบายสีน้ำครั้งนี้เป็นยังไงบ้างครับ”

“มองไม่เห็น”

“เอาความรู้สึก แบบใช้ใจ”

“โห…น้ำเน่าเหมือนกันนะเรา”

“ตั้งใจทำงานเลย ห้ามวอกแวกเขินจะตายอยู่แล้วคนมองเต็มไปหมด”

“รู้สึกแปลกๆ ผมไม่ค่อยจับพู่กันเท่าไหร่”

พอคินบอกแบบนั้นสีน้ำเลยเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่จับมือคินจุ่มสีอีกครั้งแล้ววาดลงบนกระดาษตรงหน้า เพราะมัวแต่กังวลว่ารูปมันจะออกมาไม่ดีท่าทางมันก็ยังไม่ได้ พอมองไปที่ผู้กำกับก็ส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าที่ต้องการไม่ใช้แบบนี้ สีน้ำเลยก้มลงมากระซิบอีกครั้ง

“ตอนนี้ผมวาดแม่น้ำ”

“ผมรู้สึกว่าน้ำวาดวงกลมนะ แม่น้ำจริงเหรออย่ามาหลอก”

“จินตนาการไง เอารูปอะไรดี”

“ดอกไม้”

“นี่ ดอกทิวลิป”

“เว่อร์ วาดสามเหลี่ยมจะเป็นดอกทิวลิปได้ไง ตอนนี้คุณใช้สีอะไรอยู่”

“สีเขียว”

“งั้นวาดต้นหญ้า”

“เสร็จแล้ว”

“ป้ายๆ สองทีเป็นต้นหญ้าได้ไงวะ”

“หาเรื่องเหรอภาคิน”

“มีสีแดงไหม เอาแอปเปิ้ล”

“วาดแล้ว”

“แอ๊บเปิ้ลอะไรลากเป็นเส้นตรง”

“ระบายสีน้ำสนุกแล้วล่ะสิ ชอบสีน้ำยัง”

“ก็…ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ”

“………………………………….”

“เขินใช่ไหมผมรู้”

“มองไม่เห็นคินจะรู้ได้ยังไง”

“บีบมือผมแน่นซะขนาดนี้”

เหมือนทั้งสองคนลืมไปแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่ ท่าทางของทั้งคู่มันค่อยๆ ผ่อนคลายไม่ได้เกร็งเหมือนตอนแรก สีน้ำที่นั่งซ้อนหลังคินอยู่กระเถิบตัวเข้าหาคินจนแนบชิดกับแผ่นหลังกว้าง ภาคินที่ปิดตาด้วยผ้าอยู่เริ่มรู้สึกสนุกกับการวาดระบายสีน้ำตรงหน้า โดยที่มือใหญ่ยังคงถูกครูสีน้ำจับเอาไว้แน่น

สีหน้าของคินจากตอนแรกที่ดูไม่ค่อยพอใจแต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มขึ้นมา สีน้ำหลากสีถูกป้ายลงบนกระดาษสีขาวตรงหน้า มันไม่ได้เป็นรูปวาดอย่างที่สีน้ำบอกหรอก มันเป็นแค่สีน้ำหลายๆสีป้ายไปป้ายมาก็เท่านั้นไม่ได้รูปวาดสวยงามเลยด้วยซ้ำ  แต่มันก็ทำให้คนที่มองไม่เห็นรู้สึกมีความสุขไปกับการระบายสีน้ำได้

เสียงดีดนิ้วดังขึ้นพร้อมกับผู้กำกับหันมามองนักแสดงสองคน
ที่ยืนอมยิ้มกันอยู่ข้างหลังมอนิเตอร์

“แบบนี้แหละใช่เลย ขอแบบนี้อารมณ์นี้รอยยิ้มแบบนี้ เป๊ะมาก!โคตรเป๊ะ! เบน..เบนจามินกูไม่กล้าสั่งคัทเลยว่ะ ไปบอกให้หน่อยเขาเขินกันทั้งกองแล้ว พอก่อนน่ารักกันจังเว้ย”


.......................
....................................................




หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.7 - Cream -* [ 13/04/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 03-06-2020 20:27:17
watercolor


“กูมาทันใช่ไหม”

“ถ่ายเสร็จแล้วมึงช้าเหอะทิม กูส่งรูปไปตั้งนานแล้วนะ”

“คนเขามีงานมีการทำโว้ย รอพอร์ชคุยกับลูกค้าด้วยกูเลยโทรตามไอ้มิลมาอีกทีแล้วงานเป็นไง”

“ดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก กูอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสีน้ำสักสามมื้อ”

“เลี้ยงไอ้คินด้วยสิ”

“คุณภาคินเกินหน้าเกินตามาก พี่เก้าผู้กำกับพยายามโน้มน้าวให้เล่นงานหน้า”

“ไม่ได้ผลแน่นอน ขนาดพระเอกละครเวทีคณะยังไม่ยอมเล่นสงสารแพม ตื้อไอ้คินตั้งแต่ปีหนึ่งยันเรียนจบ แล้วนี่คีตาไปไหน”

“นู่น สงสัยไอ้ไอเดียในการแต่งเพลงใหม่อีกแล้วมั้ง เห็นวิ่งไปหาคุณน้ำทีไอ้คินที”

เบนชี้ไปที่เจ้าหนูของเขาที่กำลังดีดกีตาร์แล้วคุยกับคุณสีน้ำไปด้วย แต่สงสัยท่าทางเคร่งเครียดพอสมควรเพราะเห็นคิ้วขมวดเป็นปม แค่เพียงสักพักคีตาก็เดินกลับมาหาเบนจามินพอเห็นทิมก็ยกมือไหว้แล้วพร้อมกับเอนตัวมาซบเบนเอาแก้มป่องๆ นั้นวางแปะไว้บนต้นแขนเบนแล้วก็เงียบอยู่อย่างนั้น

“นี่คือคีตาเป็นอะไรวะเบน”

“น่าจะใช้ความคิดอยู่ เป็นแบบนี้บ่อยๆ เวลาแต่งเพลงไม่ได้”

“โห..เดี๋ยวนี้รู้หมดเลยนะว่าน้องเขาคิดอะไร”

“อ้าว นี่แฟนกู”

“ผมสงสัย..”

อยู่ดีๆ คนที่เงียบอยู่ก็เอ่ยขึ้นมาทำให้ทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่หันมามอง คีตาพูดขึ้นแค่นั้นก็เงียบลงไปอีก แต่สายมองไปยังภาคินและสีน้ำที่ยังคงนั่งวาดรูปเล่นอยู่อีกด้าน ทั้งเบนและทิมมองตามสายตาของคีตาท่าทางแปลกๆ ทำให้เบนวางมือลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลนั้นคล้ายจะถามว่ามีอะไร

“ผมสงสัยว่าพี่คินกับคุณน้ำเขาเคยเจอกันมาก่อนเหรอครับ”

“ทำไม?”

“ก็..”

ตั้งแต่ตอนที่เขาถ่ายทำและให้พี่คินกับคุณน้ำมาลองเล่นให้นักแสดงดู ตอนนั้นคีตาเองก็นั่งอยู่ด้วยและอยู่ดีๆ ก็ได้ไอเดียเพลงรักขึ้นมาทันทีที่เห็นทั้งคู่ เลยตั้งใจว่าจะลองเข้าไปคุยดู เพราะเห็นว่าคุณสีน้ำยังคงสอนมี่มี่นางเอกของเรื่องเกี่ยวกับการระบายสีน้ำอยู่เลยเลือกที่จะไปหาพี่คินก่อน

“เพลงรัก? คีตาจะแต่งเพลงให้พี่?”

“ไม่ได้แต่งให้พี่คินสักหน่อย”

“ล้อเล่น.. ขืนแต่งจริงไอ้เบนกระทืบพี่ตายพอดี”

“ผมก็ตายด้วย”

“ไหน..เป็นไงแล้วอยู่ดีๆ จะมาแต่งเพลงอะไรตอนนี้”

“ไอเดียมันไม่เข้าใครออกใคร เรามันพวกเดียวกันนะพี่คินผมรู้”

“เออ เข้าใจแล้วเพลงรักของคีตามันเป็นยังไง”

“ผมสมมุติเหตุการณ์นะ คือพี่คินเจอคุณน้ำเพราะว่าร้านอยู่ข้างๆ กันใช่ไหม คือคีย์อยากรู้ว่าถ้าพี่คินกับคุณน้ำได้เจอกันแบบอื่น พี่อยากเจอคุณน้ำแบบไหนเหรอ”

“…………………………………………………………..”

“แบบบังเอิญเดินชนกัน หรือว่าเจอกันที่ร้านกาแฟแล้วพี่คินก็เข้าไปจีบ”

“พี่เข้าไปจีบเลยเหรอ”

“ให้คุณน้ำเป็นฝ่ายเข้ามาจีบก็ได้เอ๊า!”

ภาคินหัวเราะออกมากับท่าทางของเจ้าหนูคีตา ท่าทางจริงจังเหมือนกำลังจะสอบเข้ามหา’ลัย คินหันไปมองคนที่กำลังพูดถึงอยู่ เจอกันแบบอื่นเหรอ..คีตาหันไปมองคุณน้ำบ้างเพราะเห็นพี่คินมองไม่วางตา รอยยิ้มของภาคินทำให้คีตาแปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะปกติพี่คินจะไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ ชอบทำหน้าเฉยๆ แต่พอเห็นคุณน้ำยกมือป้ายแก้มตัวเองและสีชมพูที่กำลังระบายอยู่เลอะเป็นแถบพี่คินก็ยิ้มอย่างเอ็นดู คีตาเองก็ได้แต่อมยิ้ม

โห..ฟอร์อินเลิฟเต็มร้อยเลยแบบนี้

“พี่อยากให้พี่กับคุณน้ำเรารู้จักกันโดยที่เรายังไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน”

“แบบไหนนะ”

“ผ่านการวาดรูป ผ่านตัวอักษร”

“อ้อ..แบบที่ต่างคนต่างเขียนโพส์ตอิทให้กันไว้ที่ร้านกาแฟแต่ต่างคนต่างไม่รู้ว่าเป็นใครใช่ไหม แล้วค่อยมารู้จักกันทีหลัง”

“เออ..แบบนั้นแหละน้ำเน่าเกินไปไหม”

“สำหรับพี่คินไม่เน่าหรอกเขาเรียกโรแมนติค แล้วทำไมถึงอยากเจอคุณน้ำในแบบนั้นล่ะครับ”

ภาคินหยุดดินสอในมือที่กำลังลากเส้นให้เป็นรูปคล้ายๆ จดหมาย
ไม่ก็โปสการ์ดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คีตา

“จะได้รู้ว่าพี่เองตกหลุมรักคนๆ เดียวกัน ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”

คนติสท์ๆ อย่างพี่คินก็มีมุมแบบนี้เหมือนกันเนอะ ตอนได้ยินคำตอบเขาเองก็อึ้งไปเหมือนกัน คีตาก้มลงจดบางอย่างลงในสมุดเล่มโปรดที่ใช้อยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อคุณสีน้ำที่ขอตัวไปล้างหน้าล้างตากลับมานั่งตรงหน้ากระดานวาดรูปตามเดิม ถึงแม้จะล้างหน้าออกไปแล้วแต่สีชมพูข้างแก้มยังคงเห็นเป็นรอยจางๆ อยู่ดีเหมือนเด็กๆ ไม่มีผิด

“สรุปคีตาจะถามพี่เรื่องเพลงเหรอ”

“ผมเรียกว่าพี่น้ำได้ไหม”

“ได้ครับ แต่บอกก่อนว่าเรื่องดนตรีนี่พี่น้ำไม่มีความรู้เลย”

“ผมแค่อยากได้ไอเดียนิดเดียวงั้นขอถามเลยนะครับ สมมุติว่าถ้าพี่น้ำเจอกับพี่คินแบบอื่น พี่น้ำอยากเจอพี่คินในแบบไหนเหรอครับ”

“แบบอื่น? หมายถึงถ้าสมมุติพี่ไม่ได้เอาสีน้ำไปสาดใส่คินวันนั้น อยากให้เราเจอกันแบบไหนพี่เข้าใจถูกใช่ไหม”

“ใช่ครับ แบบนั้นเลย”

“อืม….ไม่รู้ว่าคีตาจะหาว่าพี่เพ้อเจ้อหรือเปล่า”

“ผมขอใบ้เลยนะผมก็ไปถามพี่คินมาแล้ว คำตอบของพี่คินก็ทำผมช็อคไปเหมือนกัน คนนิ่งๆ ทื่อๆ แบบนั้นไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะคิดอะไรแบบนี้”

“ใบ้ได้ไหม คินตอบว่าอะไร”

“ความลับครับ นี่เพลงของผมไว้ให้ฟังตอนแต่งเสร็จ”

“พี่อยากเจอคิน…ไม่สิเรียกว่าอะไรดี เคยเห็นที่เขาเขียนโน้ตให้กันโดยที่คนสองคนไม่รู้จักกันมาก่อนไหม คุยกันมาเรื่อยๆแล้วอยู่ดีๆ เราก็ได้รู้จักคนๆ หนึ่งแล้วก็มารู้ทีหลังว่าคนที่เราเขียนโน้ตให้เขากับคนที่เราเจอคือคนๆ เดียวกัน”

“…………………………”

“คีตาพอนึกออกไหม”

“…………………………”

“คีตา”

“…………………………”

“คีย์”

“คะ..ครับ”

“ทำหน้าเหมือนเจอผีเลย มันดูไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหม”

“ไม่หรอกครับ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”

“มันดูเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย”

 “ก็คือถ้าได้เจอกันแบบนั้น พี่น้ำอยากให้พี่คินเป็นคนที่เขียนโน้ตคุยกันเหรอ”

“ถ้าใช่ก็ดีน่ะสิ”

“…………………………..”

“ไม่ว่าจะเป็นคนที่เขียนโน้ตหรือว่าคนที่ได้เจอกันเพราะเอาสีน้ำไปสาดใส่ ก็เป็นคนเดียวที่พี่ตกหลุมรักอยู่ดี”


ทันทีที่ได้ยินคำตอบ คีตาที่ก้มหน้าจดรายละเอียดอยู่เงยหน้ามองกระดานวาดรูปที่สีน้ำหยิบพู่กันมาป้ายๆ ให้มันเป็นรูปคล้ายๆ กระดาษโน้ตไม่ก็โปสการ์ดสักอย่าง คีตานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเผลอคิ้วขมวดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด ทำไมคำตอบของทั้งสองคนมันเหมือนกันขนาดนี้วะ มันจะเป็นไปได้ยังไงกันขนาดรูปวาดที่ตอนนี้ที่พี่น้ำกำลังวาดเล่นๆ ยังคล้ายๆ กับรูปลายเส้นดินสอที่พี่คินวาดเลย

หรือว่าคำตอบของทั้งสองคนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ? คีตาก้มลงมองสมุดของตัวเองสลับกับรูปวาดที่พี่สีน้ำระบายอยู่ คีย์เวิร์ดที่เขาเขียนไว้ กระดาษโน้ต บังเอิญได้เจอ ตกหลุมรักคนเดิม  เหมือนกันทุกอย่างขนาดนี้..ได้ยังไงกัน


watercolor


“วันนี้ไอ้พอร์ชว่างกับเขาก็เป็น”

“ขอโทษเถอะครับลูกพี่ ได้ข่าวว่าตอนนี้ลูกพี่คินงานเยอะแซงหน้าสถาปนิกสุดหล่ออย่างผมไปแล้ว”

“กูหล่อและขยัน”

“แต่ไม่มีแฟน”

“มึงนี่ยังกวนตีนเหมือนเดิมไอ้ทาส”

พอร์ชเอี้ยวตัวหลบเมื่อคินปาดินสอที่ถืออยู่ใส่เต็มแรง รามิลที่เพิ่งเลิกประชุมแล้วตามมาทีหลังบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าไอ้ทิมให้แวะร้านขนมของเพื่อนไอ้พอร์ชแล้วกวาดขนมมาให้หมด ท่าทางของนักธุรกิจแต่งตัวเต็มยศแต่หอบพะรุงพะรังเต็มสองมือทำให้แก๊งลูกเพื่อนแม่ที่นั่งรออยู่ต้องหัวเราะออกมา

“เพื่อนไอ้พอร์ชยังตกใจ แทบไม่เหลือขนมให้เขาขายซื้อแทบทั้งร้าน”

“กูน่ารักและใจดี อันนี้ฝากให้ไม้ด้วย พวกมึงหยุดรื้อเดี๋ยวนี้เลยนะให้คุณน้ำเลือกก่อนวันนี้ทำงานหนัก”

“สตรอว์เบอร์รี่เต็มเลย”

“ไอ้ทิมมันบ้าผลไม้นี่มากครับน้ำ ถ้าที่บ้านพอร์ชปลูกได้มันคงปลูกให้ทิมหิ้วตะกร้าไปเก็บเองแล้ว”

“ต้นไม้ธรรมดายังตายจะเอาอะไรกับสตรอว์เบอร์รี่”

“งั้นผมขอเค้กแล้วกันครับ จริงๆ อยากกินน้ำอะไรหวานๆ มากกว่าเวลาที่เหนื่อยๆผมจะกินน้ำนี้ตลอดเลย”

“น้ำอะไรครับ ผมสั่งให้ได้ครับชั้น 20 มีคาเฟ่อยู่”

“ก็..”

“นมชมพู”

คนที่บอกชื่อเครื่องดื่มออกมาไม่ใช่สีน้ำแต่เป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทุกคนเงียบกริบแล้วหันมามองหน้าภาคินคล้ายจะถามว่ารู้ได้ยังไง รวมทั้งสีน้ำที่เอาแต่จ้องเขาไม่วางตา ภาคินหัวเราะออกมาเพราะท่าทางทุกคนมันดูตลกจริงๆ

“ถูกเหรอ ผมก็เดาเอา”

“เดา?”

“คนที่กินแต่กาแฟแบบมึงรู้จักนมชมพูด้วยเหรอวะ เคยกินเหรอไง”

“ไม่เคยกิน แต่ถ้าน้ำชอบให้ลองก็ได้”

เสียงโห่แซวดังขึ้นจนสีน้ำต้องยกมือขึ้นมาทุบคนข้างๆ เบนจามินจะโทรไปสั่งที่คาเฟ่แต่สีน้ำบอกว่าอยากไปสั่งเองมากกว่า ทิมเลยอาสาไปเป็นเพื่อนเพราะภาคินโดนผู้กำกับเรียกไปคุยด้วยคงเพราะว่าคินเคยทำงานในสายงานเดียวกันเลยคุยกันถูกคอ ตลอดทางสีน้ำไม่ได้พูดอะไรแต่ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ทำให้ทิมเลือกจะที่เงียบจริงๆ ก็เห็นว่าคุณน้ำทำท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่ไอ้คินบอกว่านมชมพูแล้ว นมชมพูมันทำไมกันวะ?

“ถูกเหรอ ผมก็เดาเอา”

 เดาเอางั้นเหรอ..


“วันนี้ทำงานเหนื่อยมากๆ โคตรเหนื่อยต้องได้กินนมชมพู! ให้หายเหนื่อย มีคนแปลกเหมือนเราป่ะอยากรู้ เวลาที่เหนื่อยๆจะต้องไอ้นมชมพูนี่ทุกครั้งเลย คุณล่ะมีเครื่องดื่มที่ชอบไหม? ”



สัมผัสที่แขนทำให้สีน้ำรู้สึกตัวเมื่อเผลอคิดอะไรนานไปหน่อย คาเฟ่ของ KTD ก็ยังคงดูหรูหราตามฉบับบริษัทชื่อดัง พนักงานดูคุ้นเคยกับคุณทิมดีมีการทักทายหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม จะว่าไป KTD ผู้บริหารกับเจ้านายก็ดูกันเองกว่าที่คิด ไม่ได้มีพิธีรีตองเท่าไหร่ ขนาดผู้ช่วยของคุณเบนที่ชื่อมาร์ชยังสามารถเดินมาลากคอเสื้อคุณเบนให้กลับไปเซ็นเอกสารที่ห้องทำงานได้ เป็นผู้ช่วยที่มีอำนาจมากจริงๆ

“ผมสั่งให้คินเลยนะครับหรือว่าคุณน้ำจะสั่งให้คินเอง”

“คินกินกาแฟไปแล้ว ผมสั่งอย่างอื่นให้ได้ไหมครับ”

“ที่จริงคินมีเครื่องดื่มที่เอาไว้กินกับขนมหวานโดยเฉพาะ มันบอกว่าตัดเลี่ยนดี”

“ให้ผมลองเดาไหมครับ”

“อาจจะยากหน่อย มันเป็นเครื่องดื่มที่คนไม่ค่อยนึกถึง”

สีน้ำเงียบสักพักเมื่อพนักงานถามถึงเครื่องดื่มที่จะสั่ง ทับทิมหันมามองคนที่เงยหน้ามองเมนูที่ติดไว้ด้านบน  เมนูเครื่องดื่มเกือบยี่สิบชนิดเขาเองก็ไม่รู้ว่าคุณน้ำจะเลือกถูกหรือเปล่า ทันทีที่พนักงานถามซ้ำอีกครั้งสีน้ำก็ยิ้มออกมา

“ชาคาโมมายล์ร้อนครับ”

“……………………………..”

“ถูกเหรอ ผมก็เดาเอา”

ประโยคเดียวกันเป๊ะๆ เหมือนกับตอนที่คินบอกเครื่องดื่มของคุณน้ำ ทับทิมยืนถือแก้วชาเขียวค้างไว้อย่างนั้นเมื่อได้ยินเครื่องดื่มที่คุณน้ำสั่งให้คิน ทันทีที่แก้วชาคาโมมายล์วางตรงหน้าสีน้ำก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะลงที่ปากตัวเองคล้ายจะบอกว่าอย่าบอกภาคินว่าเขาเป็นคนสั่งเครื่องดื่มนี้  ทับทิมหัวเราะเมื่อรู้สึกว่าครูสอนวาดรูปคนนี้ท่าทางจะไม่ธรรมดาเหมือนกัน 

“นึกว่าจะไม่ได้กินซะแล้ว ชาคาโมมายล์กูเห็นขนมที่มึงซื้อมาก็นึกถึงชานี่ขึ้นมาทันที”

“คิน มึงเคยบอกใครเรื่องชานี่ป่ะเท่าที่รู้มีแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่เพราะมึงไม่เคยไปกินขนมหวานกับใครที่ไหน”

“ก็มีแค่พวกมึงแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วก็…เคยเขียนบอกใครคนหนึ่ง”

“เขียน?”

“งงเหรอจ๊ะทับทิม ไม่บอกหรอกจ่ะ”

คินยกมือมาจิ้มหน้าผากทิมให้หงายหลังจังหวะเดียวกับที่สีน้ำเดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี ทิมเลยปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ภาคินเหลือบมองแก้วนมชมพูในมือของสีน้ำก็ทำท่าขนลุกเพราะคิดว่ามันต้องหวานมากแน่ๆ พอเห็นท่าทางแบบนั้นสีน้ำเลยให้อีกฝ่ายลองชิม

“เป็นไง”

“ก็อร่อยดี”

“ขอความจริง”

“หวานเกินแต่ก็กินได้แบบนิดเดียว นิดเดียว”

“ผมไม่บังคับคินกินหรอก เราไม่เห็นต้องชอบเหมือนกันเลย”

ภาคินยิ้มให้พร้อมกับลากเก้าอี้ของสีน้ำให้เข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวสีน้ำเลยต้องคว้าแขนคินไว้ พอเข้ามาใกล้ๆ คินก็เพิ่งเห็นว่าตรงแก้มของสีน้ำมีคราบสีชมพูจางๆ คินเลยยกมือไปลูบออกเบาๆ

“เอานมชมพูป้ายแก้มทำไม”

“คนบ้าแล้วแบบนั้น มันล้างไม่ออก”

“ก็เรื่องปกติของน้ำ ทุกทีเลอะทั้งตัว”

“แล้ววันนี้ได้ระบายสีน้ำรู้สึกยังไงบ้างครับ”

“เอาจริงๆ เพราะผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย คิดมาตลอดว่าเวลาระบายสีน้ำต้องลงน้ำหนักแค่ไหน ต้องระบายไปทางเดียวกันไหม หรือแม้กระทั่งตอนผสมสีผมเองก็กังวลว่าจะต้องผสมน้ำเท่าไหร่ มันเหมือนต้องมีหลักการ”

“เหมือนอยู่ในกรอบ”

“ครับ มันต่างจากเวลาที่ผมวาดรูปด้วยดินสอ แต่วันนี้สนุกนะผมชอบเวลาที่เอาพู่กันจุ่มสีแล้วก็ระบายๆ ไปเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก”

“แสดงว่า..”

“ยังชอบแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์อย่าเพิ่งดีใจครับคุณครู”

“ก็ยังดี เมื่อก่อนคินตะโกนปาวๆ ว่าเกลียดสีน้ำ”

“แค้นไม่เลิกเลยนะ”

“แน่นอนเดี๋ยวจะกลับมาแก้แค้น”

“แบบไหนดี เอาแบบให้ผมหลงรักสีน้ำแบบหัวปลักหัวปำไม่ต้องไปไหนแล้วชาตินี้ดีไหม”

“…………………………….”

“รออยู่นะครับ รีบมาแก้แค้นเร็วๆ ”

คินก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน สีน้ำเลยต้องยกมือขึ้นมาชกแขนเบาๆ แต่สุดท้ายมือก็โดยจับประสานนิ้วไว้แน่น สีน้ำพยายามบอกแล้วว่าที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่เยอะแยะแต่ภาคินก็ดูไม่ได้สนใจเท่าไหร่ สีน้ำมองไปยังแก้วนมชมพูของตัวเองที่วางอยู่คู่กันกับแก้วชาคาโมมายล์ของคิน

“ไม่นึกว่าเราจะได้มานั่งกินอะไรแบบนี้ด้วยกันเนอะ”

“ได้มาเห็นกับตาว่าน้ำกินนมชมพูจริงๆ”

“แปลกตรงไหน”

“ไม่แปลกแต่ดีใจที่ได้เห็น”

“ดีใจ? กินน้ำเนี่ยนะ”

“น่ารักเหมือนที่คิดไว้”

“กินนมชมพูแล้วน่ารักขึ้นมาเลย”

คินมองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าไม่มีใครสนใจเขาเลยจับมือสีน้ำขึ้นมาหอมเร็วๆ จนสีน้ำต้องทำหน้าดุเพราะยังมีทีมงานคอยเดินเก็บอุปกรณ์กันอยู่ แต่ภาคินดูไม่เดือดร้อนอะไรมีการยิ้มให้อีกต่างหาก ภาคินมองไปยังแก้วนมชมพูของสีน้ำที่วางอยู่บอกตามตรงมันเป็นเครื่องดื่มที่เขาเองไม่เคยคิดจะกินมาก่อน ทั้งสีและรสชาติ มันไม่ใช่สไตล์เขาเลย ตามความจริงสีชมพูนี่เป็นสีที่เขาไม่จะนึกถึงเลยด้วยซ้ำ ไม่ถึงกับไม่ชอบแต่ถ้าให้เลือกเขาก็คงจะไม่เลือกสีนี้  แก้วนมชมพูที่วางอยู่ถูกคุณน้ำหยิบไปดื่มพอเห็นเขามองอยู่ก็ยิ้มให้จนเขาเองก็ยิ้มตาม

แต่ถ้ามีใครถามว่าวันนี้ของภาคินเป็นสีอะไรเขาจะบอกทันทีเลยว่าวันนี้ของภาคินเป็นสีชมพู  หวานจังเลยวะ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นได้ถึงขนาดนี้เหมือนกัน

ถ้าแก๊งลูกเพื่อนแม่รู้นี่โดนแซวสามวันสามคืนแน่นอนสาบาน


watercolor


“ไอ้คินมันนึกว่าโลกนี้มีแค่มันกันคุณน้ำเหรอวะ ลากเก้าอี้คุณน้ำมาใกล้ซะจนนึกว่าจะให้นั่งตักห่างไม่ได้เลยขาดใจ”

“ช่วงอินเลิฟก็งี้แหละ แล้วเจ้าหนูคีตามึงไปไหน”

“ไปนอนแล้ว เห็นไปหามาร์ชเมื่อกี้วันนี้เหมือนเจอเรื่องไม่คาดคิดมั้ง ดูอ๊องๆ ทั้งวันเอาแต่มองหน้าไอ้คินกับคุณน้ำไม่รู้เป็นอะไร สงสัยไม่เคยเห็นพี่ภาคินเวอร์ชั่นเพ้อเจ้อเป็นพระเอกละคร”

“ KTD มีที่นอนด้วยเหรอวะ”

“ไอ้มาร์ชมีทุกอย่างจนกูงง เผลอๆ มันอาจจะนอนค้างที่นี่ไม่กลับบ้านกลับช่องแล้วมึงเป็นอะไรเนี่ยทิม เงียบเชียว”

พอเบนทักขึ้นมาแบบนั้นทุกคนเลยหันไปมองทิม พอร์ชยกมือขึ้นมาลูบแก้มคนที่เอาแต่ยืนหน้านิ่งพลางถามว่าเป็นอะไรก่อนหน้านี้ก็ยังเห็นยิ้มแย้มแจ่มใสดีอยู่ ทิมกอดอกพร้อมกับมองไปยังคินและคุณน้ำที่นั่งอยู่อีกด้าน ตอนแรกทิมตั้งใจจะปล่อยผ่านเรื่องที่คุณน้ำสั่งชาที่คินชอบถูก หรือว่าคินเคยบอกคุณน้ำมาก่อนแต่ดูท่าทางก็ไม่น่าใช่ถ้าไม่ใช่เพื่อนในแก๊งลูกเพื่อนแม่ ไอ้คินก็กินแต่กาแฟ เพราะปกติมันไม่ได้กินของหวานกับใครที่ไหนอยู่แล้ว

“ถูกเหรอ ผมก็เดาเอา”

“ก็มีแค่พวกมึงแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วก็…เคยเขียนบอกใครคนหนึ่ง”



“ทับทิม เงียบไมวะ”

“กูว่า คุณสีน้ำต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เลยว่ะ”

“ไม่ธรรมดาคือ?”

“ไม่รู้ แบบดูมีอะไรมากกว่าที่เราเห็นกูชอบเขานะ ถ้าเขาจะมาเป็นเพื่อนสะใภ้คนสุดท้ายของแก๊งเรา”

“เอาแล้วมึง..คนอย่างไอ้ทิมบอกว่าใครไม่ธรรมดานี่กูเริ่มคิดแล้วนะ ไอ้คินที่ฉลาดมากๆ ยังแพ้คุณน้ำอีกเหรอวะ”

“ตอนคีตาไอ้ทิมก็บอกแบบนี้ มึงคิดดูถ้ามีไอ้ทิม คีตาและคุณสีน้ำอยู่ด้วยกัน”

“โลกไม่สงบสุขแน่เลยว่ะ”

“โลกสงบสุข กูคินไอ้พอร์ชนี่แหละที่ไม่สงบสุข พอร์ชมึงยกแก้วชาเขียวมึงมาชนกับกูเลย กูชนเผื่อไอ้คินล่วงหน้าด้วย”

“ดีนะที่ต้นไม้กูเป็นคนปกติ”

“เออ..มีแต่คนร้ายๆ คนแบ๊วๆ อย่างกูตัวสั่นไปหมด”

“พวกมึงไม่คิดว่าตอนนี้คินมันเหมือนตอนที่มันอยู่เชียงใหม่เหรอวะ”

อยู่ดีๆ ทิมก็พูดขึ้นมา แก๊งลูกเพื่อนแม่เลยมองไปยังภาคินที่นั่งวาดรูปเล่นกับคุณน้ำอยู่อีกด้าน เอาจริงๆ พวกเขาสามคนก็คิดเหมือนกันว่า ภาคินในตอนนี้มันเหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปหาคินที่นู่นแต่จากการพูดคุยผ่านโทรศัพท์หรือวีดีโอคอล พวกเขาสังเกตได้ว่าที่เชียงใหม่ต้องมีอะไรดีๆ แน่ๆ และก็เดาไว้ว่าภาคินจะต้องตกหลุมรักใครสักคนที่อยู่ที่นั่น  ตอนนั้นส่งไอ้มิลไปสืบมาสรุปก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย รู้แค่ว่าคินไปชอบใครก็ไม่รู้ หน้าตาเป็นไงก็ไม่รู้ ชื่อแซ่อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรสักอย่าง หัวหน้าแก๊งนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ

“ไม่ใช่คนที่เชียงใหม่กลับมาแล้วมาเจอคุณน้ำอีกนะยุ่งเหยิงเลยทีนี้ ”

“……………………………………………..”

“ยกเว้นว่า..คนๆ นั้นกับคุณน้ำมันจะเป็นคนๆ เดียวกันคนที่เราเดากันว่าไอ้คินตกหลุมรัก อันนี้ก็บังเอิญเกินไปหน่อย อะไรมันจะพรหมลิขิตขนาดนั้นละครเชียว”

“……………………………………………..”

“แต่ไอ้คินมันบอกว่ามันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครไม่ใช่เหรอ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนที่มันชอบเลยสักนิดเดียว มันจะเป็นคุณน้ำได้ไงหรือว่าต่างคนต่างไม่รู้ว่าเคยคุยกันวะ เซอร์ไพรส์มากกูนี่คิดเป็นตุเป็นตะเลย”

“……………………………………………..”

 “พวกมึงเงียบอีกแล้วนะ อย่าบอกนะว่าคิดจริง”

“……………………………………………..”

เบนจามินมองหน้าทิมและรามิลที่คิ้วขมวดเหมือนใช้ความคิดอยู่ ยกเว้นพอร์ชที่ยักไหล่เพราะเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก ทับทิมยกแก้วกาแฟในมือขึ้นมาดื่มพร้อมกับนึกตามที่เบนพูดไปด้วย


“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตคินเลยนะ”


 

 

 




To be con

ps: ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามเดือน (เกือบถึง)
ต่อไปนี้จะไม่หายไปนานแล้วค่ะ จะพยายามมาเร็วๆ
กลัวทุกคนลืมพี่คินแอนด์เดอะแก๊งลูกเพื่อนแม่ T_T ขอบคุณทุกคนที่ยังรออยู่นะคะ โค้งงงง

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่ แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo
Thanks: theme



 

 

 

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 03-06-2020 22:08:35
คิดถึงน้องคิน คิดถึงสีน้ำ คิดถึงแก๊งลูกเพื่อนแม่  :กอด1:
อ่านตอนนี้แล้วมันพรหมลิขิตชัดๆ  :-[
รออยู่น๊าาาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-06-2020 22:09:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 03-06-2020 22:10:10
ปริ่มใจมากกก อ่านยาวๆ คิดถึงคนแต่งที่สุด ในที่สุดก็มา  :hao5:

อย่าทิ้งคนอ่านนะคะ ฮื่ออออ  :monkeysad:

รอสีน้ำกะภาคิน เปิดใจกันตรงๆ สักที ลุ้นไปกะแกงค์ลูกเพื่อนแม่ด้วยแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-06-2020 00:19:07
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-06-2020 15:19:56
ให้มันเป็นสีชมพู.... :L2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 05-06-2020 02:05:54
โลกนี้ช่างสีชมพูจริงๆ :hao7:หวานกันอีกแย้วววว :hao6:

เพื่อนๆเริ่มสงสัยเริ่มรู้ละ เหลือแค่2คนนี้ละ เมื่อไหร่จะรู้สักที :katai1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: seaNON ที่ 05-06-2020 15:54:41
ถ้าหายนานกว่านี้จะแจ้งความแล้ว :katai4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: YoKu ที่ 06-06-2020 23:26:00
น่ารักมากเลยค่ะ อ่านแล้วเขิน แบบเขินมากๆ
อยากเห็นคินตอนรู้ว่าสีน้ำคือคนในโพสอิท
อยากรู้ว่าคนที่โคตรจะไม่เชื่อในเรื่องอะไรแบบนี้จะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 06-06-2020 23:28:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-06-2020 12:42:55
คิดถึงมากค่ะ รอคอยเสมอ

โอ๊ยยย ทำไมต้องทำให้ทุกคนสงสัย ตอนนี้สงสัยจะครบแก๊งค์ละนะ
ณัฐก็เด๋อไปแล้วคนนึง คิวต่อมาเป็นคีตา แต่ตอนนี้เป็นทับทิม แล้วมากระตุ้นคนอื่นตามคิว 5555

ภาคิน เดาว่า รู้ว่าเป็นสีน้ำ และจะค่อยๆ ปล่อยของ
สีน้ำน่าจะรอจังหวะให้ภาคินเปิดตัว เพราะณัฐบอกสีน้ำแสบไม่เบา และทิมก็บอกเหมือนกัน



หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.8 - Pink -* [ 03/06/2020] Page.4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-06-2020 16:26:33
ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นคนละคนก็ฮากริบละนะงานนี้
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 07-07-2020 14:10:49
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
 

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.9
-Peach-



“มึงสั่งนมชมพูมานั่งมองเฉยๆ เหรอวะคิน”

“คนชอบกินไม่อยู่”

“ซึมเลยภาคิน เป็นบุญตาของกูมากๆ ที่ได้เห็นมึงเวลามีความรัก”

“กู? ทำไมวะแปลกเหรอไง”

“แปลก สำหรับกูนะมึงคือคนที่เฉยมากๆ ไม่สนใจเรื่องแบบนี้เลย เวลาที่มึงอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่มึงคือที่ปรึกษาให้เพื่อน มึงคือคนที่เพื่อนจะพึ่งพา แน่แหละมึงฉลาดและมีสติสุดเท่าที่กูสังเกต”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“คือมึงแม่งฉลาดและรู้ทันคนอื่น จนกูนึกภาพไม่ออกเลยว่าเวลาที่มีความรัก ภาคินจะเป็นแบบไหน”

“กูก็เคยมีแฟน มึงอย่าเวอร์”

“ไม่เหมือนว่ะ ตอนนั้นมึงไม่ได้รักมากขนาดนี้”

“ขนาดไหน”

“ขนาดที่นั่งมองแก้วนมชมพูแล้วยิ้มคนเดียว..มึงก็มีมุมแบบนี้เนอะกิ๊บกิ๊วว่ะ น่ารักจังเลยภาคิน”

คินดันหัวเพื่อนที่ทำเป็นแกล้งจะเดินเข้ามาหยิกแก้ม แต่พอนึกตามเพื่อนที่พูดแบบนั้น เอาเข้าจริงก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันนี่ก็ทำตัวกุ๊กกิ๊กขึ้นทุกวัน เมื่อก่อนเขาคงไม่ออกจากบ้านเพื่อไปซื้อเครื่องดื่มสีสันสดใสขนาดนี้ แถมไอ้คนที่อยากให้ดื่ม ก็ไม่อยู่ นี่คิดว่าตัวเองตื่นเช้าสุดในรอบปีแล้วนะ แต่ก็ยังไม่ทันครูสีน้ำที่ยังตื่นเช้ากว่าเขาอีก พอไปเคาะประตูร้านข้างๆ ยืนเก๊กหน้าหล่อเต็มที่ หวังไว้ว่าคนที่จะเปิดประตูออกมาคือสีน้ำ แต่กลายเป็นณัฐที่พอเห็นเขาก็ทำหน้า งงๆ


“น้ำไม่อยู่ครับ วันนี้พาเด็กๆ ไปวาดรูปนอกสถานที่”


รู้สึกเหมือนได้ยินเหมือนเศษหน้าแตกดังเพล้ง เพราะยืนเก๊กทำหน้าหล่อชนิดพระเอกละครมาเอง คุณณัฐก็น่าจะตลกเขาอยู่เหมือนกันเห็นพยายามกลั้นหัวเราะ สุดท้ายภาคินก็ต้องเดินถือแก้วนมชมพูกลับมานั่งมองที่ร้านตัวเอง

“มึงอยู่กันได้ใช่ไหม เดี๋ยววันนี้กูต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน”

“ได้ครับ อยู่ไม่ได้กูปล้นของร้านมึงไปขายหมดนี่แหละ รวย”

“นี่กูไว้ใจถูกคนป่ะวะ”

“คิน แล้วมึงโอเคเหรอวะที่ต้องไปเจอญาติๆ มึง”

“กูใช้พลังทุกครั้งเวลาที่ต้องกินข้าวกับบรรดาญาติกู มึงก็รู้กอล์ฟ”

“เอาแก๊งลูกเพื่อนแม่มึงไปคนหนึ่งดิไปสู้ ไอ้ตัวจิ๋วอะ ตั้งแต่มีแฟนไม่เห็นหน้าเห็นตาฝากบอกกอล์ฟคิดถึง”

“มึงไม่โดนแฟนมันเตะก่อน ก็โดนไอ้ทิมแกล้งมึงอีกรอบ”

“จำได้ไม่ลืมจ้าตอนปอห้าเอาจิ้งจกปลอมมาใส่ในแก้วน้ำกู กูกรี๊ดลั่นโรงเรียนไอ้นพจินดาปอห้าห้องสาม”

พอนึกถึงวีรกรรมเก่าๆ ก็หัวเราะกันออกมาทั้งคู่ ป่านนี้ทิมน่าจะจามไม่หยุดโดนไอ้กอล์ฟนินทาขนาดนี้ ภาคินตบไหล่เพื่อนที่กำลังเช็คไฟที่สตูดิโอก่อนจะขอตัวขึ้นไปเก็บของที่ห้อง ทันทีที่ประตูปิดลงภาคินก็ถอนหายใจเขาไม่เคยชอบเลยเวลาที่ต้องไปกินข้าวที่บ้านพร้อมญาติมากมาย ทั้งๆ ที่น่าจะชินเพราะเจอเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ก็นะ..พอเจอหลายๆ ครั้งก็ต้องบั่นทอนจิตใจเป็นเรื่องธรรมดา บรรดาญาติๆ เขาก็ไม่เคยจะพูดเรื่องอื่นกันสักที พูดแต่เรื่องเดิม ๆ


คิน..ทำงานอะไรอยู่ เห็นเที่ยวตลอด
บอกให้เรียนเหมือนเคทำไมไม่เรียน ไปเรียนทำไม นิทง นิเทศ
มาช่วยงานที่ธนาคารไม่ดีกว่าเหรอ
วาดรูป ถ่ายรูป นี่เงินมันจะพอใช้ได้ไงกัน



เดาได้เลยว่าวันนี้ก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก ที่อดทนเพราะเห็นว่าเป็นญาติและก็ไม่อยากทำให้พ่อกับแม่ลำบากใจด้วย ทั้งๆ ที่พ่อกับแม่ก็บอกแล้วว่าเขาเป็นลูกที่ดี ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหายตรงไหน ตัวคินเองก็ดีใจอยู่หรอกแต่เขาก็อยากจะมีสักครั้งที่เห็นคนที่เป็นพี่ชายแท้ๆ ปกป้องเขาบ้าง

แต่นั่นแหละ เขาคงหวังมากเกินไป  ที่จริงเหตุผลหนึ่งที่เขาอยากเจอคุณน้ำในตอนเช้าก็เพราะเหตุผลนี้ด้วย อยากเติมพลังก่อนที่ต้องไปเจออะไรแบบนี้ คินเปิดกล่องสีน้ำตาลออกมาค้นหาโปสการ์ดใบหนึ่งแล้วนำมาหนีบไว้ตรงบอร์ด ก่อนจะหยิบดินสอมาเคาะลงไปตรงคำว่า นมชมพู

“ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกันนะเรา”




ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คุณลุง คุณป้า น้า อา เอาแต่ถามเรื่องงาน เรื่องแฟน ถามเป็นรอบที่ยี่สิบห้าว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานสักที สามสิบกว่าแล้ว ตอนแรกภาคินก็ตอบเลี่ยงๆ ไป แต่พอตอบประเด็นหนึ่งก็ถามจี้อีกประเด็นหนึ่ง ไม่จบไม่สิ้นสักที

“แล้วมันจะมั่นคงเหรอ บอกแล้วว่าให้มาช่วยงานตาเคไปเรียนอะไรก็ไม่รู้ป้าไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์..”

เคร้ง! ทุกคนบนโต๊ะอาหารนิ่งสนิทเมื่อคินโยนช้อนส้อมลงบนจานจนเสียงดังลั่น  คุณนายญาดาหันมามองมองลูกชายคนเล็กที่ยังคงนั่งท่าเดิมอยู่แบบนั้นพยายามจะเอื้อมมือไปจับไหล่ลูกชาย แต่คินกลับลุกขึ้นยืนซะก่อน

“ถ้าจะพูดเรื่องเดิมๆ ขอตัวก่อนนะครับ..ถ้าผมมันไม่ได้เรื่องขนาดนั้นลืมๆ ไปบ้างก็ได้ว่ามีผมเป็นหลานหรือว่ามีญาติชื่อภาคิน”

ก่อนที่คินจะหันหลังเดินออกไป สายตาก็มองไปยังพี่ชายที่เงยหน้าขึ้นมามองสายตาของพี่ชายคินเองก็ไม่เคยรู้เลยว่ามันหมายความว่ายังไง  ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา คินลองหยุดแล้วรอดูท่าทางของพี่เค แต่สุดท้ายมันก็เหมือนเดิมจบแบบเดิมๆ พี่เคเงียบโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ คินเลยยกมือไหว้พ่อกับแม่ก่อนจะเดินออกจากบ้าน ว่าแล้ว..มันต้องเป็นแบบนี้  ไม่เคยจะมีอะไรเปลียนไปเลยสักครั้ง ทันทีที่เดินมาถึงรถที่จอดไว้ สายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าเด็กผมจุกที่เกาะกำแพงบ้านมองเขาอยู่

“กลับมานอนบ้านเหรองไงทิม”

“ลูกกระจ๊อก”

“ไม่มีอะไรหรอกมึงก็เดิมๆ กูชินแล้ว”

“แล้วมึงจะไปไหน ไปจังหวัดอะไร”

คินเดินมาที่กำแพงสีขาวก่อนจะเอื้อมมือมาดึงผมจุกของทิมเบาๆ แก๊งลูกเพื่อนแม่ทุกคนรู้ดีว่าเวลาเจอเรื่องครอบครัวแบบนี้เขาเองจะขับรถไปต่างจังหวัดคนเดียว ไปนั่งคิดอะไรสักพักให้หัวมั่นโล่งแล้วค่อยกลับ บางทีก็ไม่มีจุดหมายว่าที่ไหนก็แค่ขับไปเรื่อยๆ

“ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน”

“บอกกูด้วยนะ”

“บอกทุกครั้งอยู่แล้ว”

“กูฟ้องไอ้มิลเรียบร้อย เบนด้วยมึงโดนด่าแน่นอนชอบหนีไปคนเดียว”

“กลับมาจะไปหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดแล้วกัน”

คินยิ้มบางๆ เมื่อลูกกระจ๊อกอย่างเขาต้องมาลูบหัวไอ้เจ้านายที่จิกหัวใช้มาตั้งแต่ปอสาม ไอ้ทิมทำหน้าบึ้งตึงก่อนที่เขาจะโบกมือลา ที่จริงคินก็รู้ว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่ชอบให้เขาหนีไปไหนคนเดียวแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องงานพวกนั้นไม่ว่าอะไรอยู่แล้วแต่เขาก็เจอแบบนี้บ่อยๆ พอเขากลับมาจากต่างจังหวัด รามิลจะคอยเตือนสติ ไอ้เบนบ่นยาวเหยียดเป็นหมีกินผึ้งเพราะกลัวเขาเกิดอุบัติเหตุ  และตบท้ายด้วยไอ้ทิมที่งอนจนเขาต้องเป็นฝ่ายง้อ ภาคินถอนหายใจแล้วนั่งหลับตาอยู่ในรถเขาเองก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน มันมืดแปดด้านไปหมด มันเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไร

หัวหิน
กาญจนบุรี
ระยอง
ภูเก็ต
หรือจะไปเชียงใหม่ ..


“เชียงใหม่..”


ภาคินลืมตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะสตาร์ทรถออกไป


Watercolor


เชียงใหม่ใกล้กว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ภาคินยืนกอดอกมองคนที่ใส่ผ้ากันเปื้อนแต่สีน้ำก็ยังเลอะเต็มไปหมด บางส่วนก็เลอะแขนเลอะแก้ม รอยยิ้มยามที่พูดคุยกับเด็กนักเรียนสดใสจนคินเองยังต้องยิ้มตาม คินรอจนนักเรียนคนสุดท้ายโบกมือลาครูสอนวาดรูปก่อนจะเดินเข้าไปหา สีน้ำหันมามองคนที่กำลังเดินมาวันนี้ภาคินแต่งตัวทางการมากกว่าทุกวัน มีเช็ตผมขึ้นเรียบร้อยแปลกๆ จากแววตาที่ดูอ่อนล้าและใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้มทำให้สีน้ำเลือกที่จะยืนอยู่หน้าร้าน และทันทีที่คินหยุดอยู่ตรงหน้าสีน้ำเลยยกมือขึ้นมาแตะแก้มเบาๆ

“เป็นอะไรครับคิน เหนื่อยเหรอ”

เพียงแค่ประโยคเดียวคินตัดสินใจรวบตัวคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่น สองแขนกอดรัดช่วงเอวใบหน้าซบลงตรงไหล่เล็กๆ นั่น  ภาคินไม่ได้สนใจคราบสีน้ำที่มันยังเลอะอยู่บนตัวของครูสอนวาดรูปเลยสักนิด และเดาได้เลยว่าตอนนี้มันน่าจะเลอะเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่เขาใส่อยู่เหมือนกัน สีน้ำเองก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นมาลูบแผ่นหลังกว้าง

ไม่มีคำพูดใดๆ
มีแค่การสัมผัสเท่านั้น

ภาคินหลับตาลงวันนี้เขารู้สึกว่าเขาเจอแล้ว…
ไม่ต้องไปจังหวัดไหนขอแค่มีคนๆ นี้คนเดียวก็เพียงพอแล้ว พอแล้วจริงๆ




“ไม่มีสอนแล้วเหรอครับวันนี้”

“หมดแล้วครับตอนเช้าผมพาเด็กๆ ไปวาดรูปที่สวนสาธารณะใกล้ๆ นี่เอง คลาสเมื่อกี้ก็คลาสสุดท้ายแล้ว คินล่ะครับปิดร้านเหรอ”

“สตูดิโอเปิดครับ แต่ร้านข้างล่างปิด”

“เหมือนที่คุณเบนบอก คินเปิดร้านปีละสามวัน”

“เดือนนี้สิบวันแล้ว…น้ำไม่ถามผมเหรอครับว่าเกิดอะไรขึ้น”

ท่าทางหงอยๆ เหมือนหมาตัวโตโดนให้งดอาหารทำให้สีน้ำยิ้มออกมา แบบนี้ภาคินค่อยดูเหมือนคนที่อายุน้อยกว่าเขาหน่อย ทุกทีเห็นชอบทำท่าวางมาดเหมือนคนที่อายุเลยวัยสี่สิบกว่าไปแล้ว พอเห็นเขาเงียบเจ้าตัวก็หางลู่หูตกมากกว่าเดิมจนสีน้ำต้องยกมือขึ้นมาจัดผมให้คนตรงหน้า

“ถ้าคินอยากเล่าผมก็จะฟัง แต่ถ้ายังไม่พร้อมผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก”

“แสนดีที่หนึ่งถึงแม้บางครั้งจะดูร้ายๆ เหมือนไอ้ทิมอยู่เหมือนกัน”

“ฟาดสักทีดีไหม”

“อย่าตีผมวันนี้ผมอ่อนแอ”

“ไปเที่ยวกันไหมครับ”

“ตอนนี้?”

“ครับ เที่ยวแบบวัยรุ่นๆ”


วัยรุ่นสมัยนี้ชอบมาดูนิทรรศการศิลปะเหรอวะคินก็สงสัยอยู่เหมือนกัน  นึกว่าเขาจะไปเที่ยวพวกคาเฟ่น่ารักๆ กันซะอีก ก็ตั้งแต่ตอบรับคำคุณน้ำก็ไปอาบน้ำอาบท่าล้างคราบสีที่ติดตามตัวออก แค่เพียงไม่นานก็ออกมาพร้อมหน้าตาใสปิ๊งก่อนจะบอกว่าเดี๋ยววันนี้จะพาไปเที่ยวเอง เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจแบบนั้น ภาคินเลยได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นไกด์พาเที่ยวเป็นคนจัดการเองทุกอย่าง

นั่นแหละตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู่กลางนิทรรศการภาพวาดสีน้ำ บอกตามตรงถึงแม้ว่าคินจะอยู่ในแวดวงของวงการศิลปะแต่นับครั้งได้เลยนะที่จะมีเวลามาเดินดูนิทรรศการแบบนี้ ตั้งแต่ทำฟรีแลนซ์ก็ลืมช่วงเวลาที่เดินดูงานศิลปะไปเหมือนกัน

“เบื่อไหมครับ”

“ไม่นะครับก็เพลินดี ไม่เคยได้ดูภาพวาดสีน้ำจริงจังมาก่อนเลย”

“ก็คินไม่ชอบ”

“ขอแก้ตัว เรียกว่าไม่ถนัดจะดีกว่า”

“ยังไม่เคยได้ลองเลย”

“จะค่อยๆ เรียนรู้ครับคุณครู น้ำรู้ไหมไอ้มิลเคยทำนิทรรศการภาพถ่ายต้นกระบองเพชรให้ไม้ด้วยนะ”

“แบบนี้เลยอะนะ”

“แบบนี้เลยเวอร์โคตรๆ รูปใหญ่เท่าฝาบ้าน”

“ไปว่าเพื่อน”

“เพื่อนทำไว้ยิ่งใหญ่มาก ของตัวเองจะต้องใหญ่ขนาดไหนคิดไม่ออกเดี๋ยวแพ้”

“แก๊งนี้นี่มันจริงๆ เลย”

ภาคินหัวเราะเมื่อเห็นว่าสีน้ำถอนหายใจแล้วเดินหนีไปอีกทาง ภาพวาดสีน้ำสีสันสดใสจนทำให้คินรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง แต่คนที่เดินอยู่ข้างๆ น่าจะตื่นเต้นมากกว่า เพราะเห็นเอาแต้จ้องรูปตาไม่กะพริบจนคินต้องแกล้งเอามือไปปัดๆ ผ่านหน้าถึงจะรู้สึกตัวเชื่อแล้วว่าชอบภาพวาดสีน้ำมากจริงๆ จะว่าไปได้มาเดินดูอะไรแบบนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายดีเหมือนกัน  พออกจากนิทรรศการก็เลยนั่งพักกันที่ร้านกาแฟ และแน่นอนว่าคินกำลังจ้องไอ้ก้อนขนมตรงหน้าแบบซีเรียส จนสีน้ำก็กลั้นหัวเราะ

“ผมรู้จักนี่เรียกว่าบราวนี่”

“แล้วอันนี้ล่ะครับ”

“เค้ก เค้ก เค้ก แล้วก็เค้ก ”

“จะบ้าตาย”

ก็คงจะจริงอย่างที่คุณทิมเคยบอกว่าคินเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่สนใจขนมหวานเลยสักนิด ให้กินมากสุดก็แค่สองคำ สีน้ำมองคนที่กำลังยกกาแฟดำขึ้นมาดื่ม จะว่าไปภาคินก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกัน คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังคงแต่งตัวโทนสีเดิมๆ ขาว ดำ เทา ขนาดเครื่องดื่มก็ยังไม่เคยเปลี่ยน สีน้ำเคยคิดว่าเขาจะใช้ชีวิตกับคนที่สุดแสนจะมินิมอลขนาดนี้ได้ยังไงกัน  มันตรงกันข้ามกับเขาไปหมดซะทุกอย่าง

“มองผมแล้วยิ้มแบบนี้คืออะไร จีบเหรอ”

“ทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปด แก่แล้วนะ”

“ใครแก่กว่านะ”

“กวนขนาดนี้แสดงวาอารมณ์ดีแล้วสิ”

คินไม่ได้ตอบอะไรแต่หยิบโปสการ์ดที่ซื้อมาจากนิทรรศการภาพวาดสีน้ำขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ วาดบางอย่างลงไป สีน้ำเข้าใจแล้วที่คินบอกว่าถนัดลายเส้นมากกว่าเพราะตอนที่คินวาดรูปมันมีสเน่ห์มากจริงๆ การจับดินสอ การลากเส้น หรือแม้แต่การแรเงา คินเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เอาแต่จ้องโปสการ์ดอยู่อย่างนั้นก่อนจะชูโปสการ์ดในมือขึ้นมา

“อยากได้เหรอครับ”

“ไปซื้อมาตอนไหน”

“ผมเห็นน้ำตั้งใจดูรูปอยู่เลยไม่อยากกวน เห็นโปสการ์ดสวยดีเลยแวะไปซื้อ”

“เสียดายผมอยากได้บ้าง”

“ไม่ให้หรอกนะ งก”

“ใจร้ายจริงๆ วันนี้ผมเป็นคนพามาเที่ยวแท้ๆ ”

“เที่ยวแบบวัยรุ่นหรือเที่ยวในวัยสามสิบ”

“ไอ้คนที่หงอยเป็นลูกหมาหายไปไหนแล้ว”

“สีน้ำ..ไว้วันหลังไปทำกิจกรรมซันเดย์กับแก๊งลูกเพื่อนแม่กันนะ”

“กิจกรรมวันอาทิตย์ที่คินเคยบอก จะดีเหรอครับมันเป็นวันของเพื่อนกับคิน”

“ไม้ คีตา พอร์ชก็มา กิจกรรมแรกก็เจอกันที่สนามยิงปืนก่อนเลย”

“ยิงปืน?”

“ไม่ต้องตกใจครับ ตอนแรกไม้กับคีตาก็ไม่ถนัดแต่พอหลังๆ ยิงแม่นแบบตรงเป้าไม่มีพลาด ไอ้มิลกับไอ้เบนกลัวจนตัวสั่น ส่วนพอร์ชกับทิมเหมือนแข่งทีมชาติ สู้กันไม่มีอ่อนข้อ งง ไปหมดนี่แฟนหรือศัตรู แข่งแบบเอาเป็นเอาตาย”

“แต่ที่คินบอกมาคือทุกคนเขาเป็น..เป็น”

สีน้ำเงียบไปไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรที่ทำจะทำให้ตัวเองเขินน้อยกว่านี้ดี ภาคินลุกขึ้นมานั่งดีๆ พร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มแต่สายตาเอาแต่จ้องสีน้ำคล้ายจะแกล้งคนตรงหน้าให้พูดคำนั้นออกมาสักที แต่สงสัยวันนี้เขาคงจะไม่ได้ยินเพราะเจ้าตัวเอาแต่หยุดอยู่ที่คำว่า เป็น เป็น เป็น แค่นั้น จนสุดท้ายคินต้องยอมแพ้วางแก้วกาแฟไว้ข้างแก้วนมชมพู ก่อนจะจับมือสีน้ำขึ้นมาแนบที่แก้มตัวเอง

“พาไปหาแก๊งลูกเพื่อนแม่ขนาดนี้แล้ว จะเป็นอะไรไปได้อีกครับสีน้ำ”



หลังจากกลับจากนิทรรศการและร้านกาแฟ ทั้งสองคนก็พากันกลับมาที่ร้านเพราะเห็นว่าฟ้าฝนเริ่มไม่ค่อยดี เห็นมืดมาแต่ไกล ตอนแรกสีน้ำอยากให้คินพักผ่อนเพราะวันนี้น่าจะเจอเรื่องหนักมาพอสมควร แต่ภาคินก็ส่ายหน้าไปมาท่าทางหงอยๆ เหมือนลูกหมาตัวโตกลับมาอีกรอบ สีน้ำเลยใจอ่อนให้คินทำตัวติดเป็นปาท่องโก๋ ตอนนี้ก็เอาแต่นั่งมองเขาวาดรูปอยู่ข้างๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่สีน้ำยอมให้ใครสักคนเข้ามานั่งในห้องทำงาน ปกติเวลาวาดรูปสีน้ำไม่เคยให้ใครเข้ามาในห้องเพราะเขาต้องใช้สมาธิ แต่ภาคินยกเว้นไว้สักคนแล้วกันนี่ก็นั่งดูหนังสือภาพเล่มใหญ่ไม่พูดไม่จาคงกลัวว่าว่าจะกวนเขาเชื่อฟังยิ่งกว่านักเรียนเขาซะอีก แต่ก็นะ..อยู่ด้วยกันแต่ไม่คุยกันนี่มันก็เงียบไปหน่อย

“คุยได้นะครับ”

“เดี๋ยวโดนครูน้ำดุ”

“จะตีด้วยเนี่ยถ้ายังกวนอยู่แบบนี้ คิน..ลองระบายสีน้ำเล่นไหมไม่ต้องวาดเป็นรูปก็ได้เอาที่คินอยากทำ สำหรับผมเวลาไม่สบายใจมันช่วยได้เยอะเลย”

สีน้ำยื่นสมุดวาดภาพพร้อมกับพู่กันให้ภาคินที่นั่งอยู่ข้างๆ คินหมุนพู่กันในมือไปมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะตัดสินใจจุ่มลงบนสีเขียวที่น้ำผสมไว้แล้วป้ายๆ ลงบนกระดาษสีขาวตรงหน้าคินบ่นเบาๆ ว่าไม่สวยเลยแต่สีน้ำก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรบอกแค่ว่าอยากวาดอะไรก็วาดอยากระบายอะไรก็ทำเลย ไม่มีคำพูดอะไรอีกสีน้ำนั่งวาดรูปของตัวเองส่วนภาคินก็นั่งขัดสมาธิแต้มสีน้ำไปเรื่อยๆ

“วันนี้ผมไปทานข้าวกับญาติมา…..”

สีน้ำหยุดพู่กันที่กำลังแต้มสีอยู่ ก่อนจะหันมามองคนที่กำลังนั่งระบายสีน้ำอยู่ข้างๆ ภาคินยังคงเล่าไปเรื่อยๆ กับเรื่องที่เจอในวันนี้ แต่มือก็ไม่ได้หยุดระบายสีน้ำไปด้วย คล้ายอยากให้มีคนรับฟังและสีน้ำก็แค่นั่งอยู่เงียบๆ ฟังทุกถ้อยคำที่ภาคินกำลังเล่า

“ทั้งๆ ที่น่าจะชินได้แล้วแต่ผมก็ยังหวังว่าพี่เคจะปกป้องผมสักครั้ง เหมือนตอนเด็กๆ”

“คินมีสิทธิ์ที่จะน้อยใจยังไงคินก็เป็นน้องชาย สำหรับผมที่เป็นคนนอกก็คงบอกได้แค่ว่าทุกคนมีเหตุผล บางทีพี่เคเขาก็อาจจะมีเหตุผลของเขา และก็ทุกคนมีด้านที่เราไม่เคยเห็นนะคิน”

“………………………………………”

“จะน้อยใจ จะโกรธก็ได้แต่อย่าเกลียดพี่ชายเลยนะ เท่าที่ผมเห็นพี่เคเขาก็พยายามมากแล้ว พยายามที่จะดูแลน้องชายอย่างคิน ทุกอย่างที่ผ่านมาผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง”

“น้ำรู้ไหม ทุกครั้งที่ผมเจอเรื่องแบบนี้ผมขับรถออกต่างจังหวัดไปอยู่คนเดียวตลอด นั่งคิดอะไรเงียบๆ พออารมณ์เข้าที่ถึงค่อยกลับมา”

“แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่ไปล่ะครับ”

“ที่นี่ก็ต่างจังหวัดนะ”

“ต่างจังหวัดตรงไหน ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ขนาดนี้”

“เพราะผมนึกถึงเชียงใหม่ ผมถึงมาที่นี่”

สีน้ำวางพู่กันที่กำลังระบายสีกระดาษตรงหน้าลงก่อนจะหันมามองคนที่พูดประโยคเมื่อกี้ออกมา ภาคินเลยยิ้มให้ เขาไม่ได้พูดผิดและความหมายก็หมายความตามนั้นจริงๆ สีน้ำกระเถิบเข้าไปใกล้คินพร้อมกับจูบลงบนหน้าผากคินเบาๆ มันเป็นการปลอบใจคินรู้ วงแขนคินรั้งเอวสีน้ำให้เข้ามาแนบชิดจนตัวสีน้ำขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนที่คินจะทำแบบเดียวกันบ้าง แก้มขาวตรงหน้าคือเป้าหมายต่อไปคินเอียงหน้าสูดความหอมก่อนจะย้ายไปอีกข้างให้เท่าเทียมกัน

“ถ้าไม่สบายใจจะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่อยากให้ไปต่างจังหวัดคนเดียวเลย”

“ตลอดเวลาเลยใช่ไหม”

“ตลอดเวลา คิดซะว่าที่นี่เหมือนเชียงใหม่อย่างที่คินบอกให้เป็นที่ให้คินได้พักเวลาที่เหนื่อย”

“ผมเข้าใจแก๊งลูกเพื่อแม่แล้ว รามิลเวลาเจอปัญหาที่บริษัทมันจะกลับไปหาไม้ที่ร้าน Secret Garden เบนจะกลับคอนโดไปฟังคีตาดีดกีตาร์ ทิมจะกลับไปหาพอร์ชที่บ้านสามร้อยล้านของมัน และตอนนี้ผม”

“…………………………………”

“มาเชียงใหม่แล้วระบายสีน้ำกับครูสอนวาดรูป”

ทันทีที่คินบอก รอยยิ้มพร้อมกับแววตาของสีน้ำทำให้ภาคินต้องกระชับกอดแน่นขึ้นพร้อมกับจูบลงบนข้างขมับ สีน้ำมองตามมือของคินที่ยื่นโปสการ์ดที่ซื้อในงานนิทรรศการมาให้ มันเป็นโปสการ์ดรูปท้องฟ้ายามเย็น สีของท้องฟ้ามันเหมือนกับสีของลูกพีช สีน้ำรับมันมาถือไว้รูปวาดเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนหันหลังมองภาพวาดสีน้ำและเขาเองก็รู้ดีว่าสองคนในโปสการ์ดคือใคร

“ไม่มีแลกกันเลย ผมน่าจะซื้อมาบ้าง”

ภาคินส่ายหน้าไปมาก่อนจะก้มลงมาบอกใกล้ๆ คนที่ยังคงนั่งอยู่บนตัก เพิ่งเห็นว่าแก้มขาวของสีน้ำเป็นรอยแดงจางๆ สงสัยเขาจะฟัดแก้มสีน้ำหนักไปหน่อยถึงได้ขึ้นสีแบบนี้ไม่รู้ว่าเพราะเขินเขาด้วยหรือเปล่า คินเลยกดจมูกลงบนแก้มนุ่มอีกครั้ง


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ต่อจากนี้เราอยู่แลกโปสการ์ดกันได้ตลอดเวลาอยู่แล้วสีน้ำ”


Watercolor

“มันอยู่ในกรุงเทพจริงเหรอวะ ทุกทีโผล่นู่นสมุย เชียงราย ขอนแก่น เหนือใต้ออกตก”

“เออ คินมันไลน์มาสั้นๆบอกแค่ว่าอยู่ร้าน”

“ร้านมืดสนิทขนาดนี้มีคนอยู่อีกเหรอ กูโทรหาเพื่อนมันที่มาสตูดิโอหมดทุกคนแล้วนะไม่เห็นมีใครเจอคินเลย”

ณัฐกำลังกอดอกยืนมองเมมเบอร์ของแก๊งลูกเพื่อนแม่ ชะเง้อชะแง้เกาะกระจกร้านคุณคินเหมือนเป็นพวกมิจฉาชีพจะมาปล้นร้านคนอื่น ทั้งสามคนบ่นแล้วบ่นอีกแต่ทุกประโยคมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง คุณรามิลหัวหน้าแก๊งเดินวนไปวนมาอยู่หน้าร้านคงจะร้อนใจที่ติดต่อคุณภาคินไม่ได้ คุณเบนกำลังอุ้มคุณทิมให้มองลอดผ่านกระจกดูข้างในร้าน ท่าทางจะรีบร้อนกันออกมาจากออฟฟิศคุณเบนจามินยังเสียบปากกาไว้ตรงหลังหู น่าจะรีบกันมากจริงๆ ณัฐยืนมองอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาทั้งสามคน

“ขอโทษนะครับ คุณคิน..”

บรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องทำงานของครูสีน้ำ ณัฐหัวเราะกับท่าทางเหมือนเจอผีของทั้งสามคน ยืนนิ่งกันเป็นหุ่น แก๊งนี้นี่มันบันเทิงดีจริงๆ ก็น่าตกใจอยู่เหมือนกัน ก็ภาพตรงหน้าที่ทุกคนเห็นคือบนโซฟามีครูสอนวาดรูปกำลังระบายสีน้ำอย่างตั้งอกตั้งใจน่าจะไม่ได้สนใจอะไรรอบตัว ถึงมองไม่เห็นคนที่ยืนกันอยู่หน้าประตู แต่ที่พวกเขาสนใจก็คือคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนตักคุณน้ำคือเพื่อนเขาเอง ภาคินนอนกำพู่กันไว้แน่นบนอกมีกระดาษสีขาวที่แต้มไปด้วยสีน้ำหลากสี แถมตามหน้าตามตัวยังเลอะไปด้วยสีน้ำอีกต่างหาก

เป็นภาพที่แก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ทั้งสามคนเลือกที่จะยืนอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่า คุณน้ำละสายตาจากภาพวาดตรงหน้าแล้วก้มลงมองคินที่นอนหลับสนิทอยู่บนตัก สักพักก็ยกมือขึ้นมาทาบลงบนแก้มคินคงเช็คดูว่ามีอาการป่วยหรือเปล่า ท่าทางอ่อนโยนและสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงทำให้ ทั้งสามคนยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆ ถอยออกมาแล้วปิดประตูเบาๆ

เบนจามินและรามิลยกมือขึ้นมากอดคอทิมคนละข้างซ้ายขวา
เมื่อเห็นว่าเจ้าชายน้อยของเขากำลังยิ้มอยู่

“ลูกกระจ๊อกไม่ต้องหนีไปไหนไกลๆ อีกแล้วเนอะ เจอที่พักใจแล้ว”





To be con



ps: นิยายรายเดือน ขออภัยที่มาช้ามากค่ะทุกคน
ตอนนี้เราซื้อคอมใหม่แล้วหลังจากคอมเก่าดับตลอดต้องชาร์ตแบตทุกสิบนาที ฮืออออ

PS.1 คู่นี้ดูเป็นคู่รักฉลาดหลักแหลมนะคะ มิสเตอร์แอนด์มิสซิสสมิทธิ์
ps.2 อย่าลืมไปร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่อง #สมรสเท่าเทียม กันด้วยนะคะ

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo



 
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-07-2020 16:35:55
พี่เค!! ขอเหตุผลด้วยค่ะ   :m16:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-07-2020 20:31:22
คนมีความรักมักละมุน อ่านแล้วฮีลใจ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้งโอ๋ ที่ 07-07-2020 20:43:28
งืออออออออออิิ  :mew2: อยากอ่านอีกกกกกดด
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 07-07-2020 22:27:41
รู้สึกถึงความอุ่นๆ ในห้องนั้น  :teach: :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-07-2020 02:31:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 10-07-2020 01:15:23
ละมุนใจมาก :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 11-07-2020 20:37:16
อยากรู้พอสีน้ำไปกิจกรรมแก็งค์ลูกเพื่อนแม่ที่สนามยิงปืน จะแม่นเข้าเป้าขนาดไหน :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 11-07-2020 21:16:08
ลูกกระจ๊อกมีแฟนแล้วววว  :o8:
คิดถึงแก๊งลูกเพื่อนแม่   :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: iMarchs ที่ 23-07-2020 15:21:22
ไม่เข้มข้น เราไม่นอน  :katai4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: LonelyBoiZ ที่ 26-07-2020 21:32:49
รอฉันรอเธอออยู่
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 27-07-2020 22:34:15
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH 10
-purple -


   เสียงยิงปืนยังคงดังอย่างต่อเนื่องซึ่งมันก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ผิดปกติคือสายตาของแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่กำลังจ้องเขาอยู่ ภาคินหัวเราะกับท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสนิท แต่ก็พยายามไม่สนใจแล้วหันกลับไปยิงปืนต่อ คินเดาว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่อยากรู้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น เขาถึงไปโผล่ที่ร้านของสีน้ำแทนที่จะไปต่างจังหวัดเหมือนที่เคย พอนึกย้อนกลับไปวันนั้นก็รู้สึกสงสารสีน้ำอยู่เหมือนกัน ขาคงจะชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้วเพราะเขาเล่นนอนหลับจนเวลาไปเลย ตอนที่รู้สึกตัวตื่นเขาไม่ได้ลุกขึ้น แต่ลืมตานอนมองคนที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ เชื่อแล้วว่าเวลาวาดรูปสีน้ำมีสมาธิมากจริงๆ ขนาดเขานอนมองแบบนี้สีน้ำยังไม่รู้สึกตัวเลย

จังหวะที่คินนอนมองหน้าครูสอนวาดรูปอยู่อย่างนั้น  อยู่ดีๆ สีน้ำก็ก้มลงมามองพร้อมกับยกมือขึ้นมาจะแตะลงบนแก้มเขา แต่พอเห็นเขาลืมตาอยู่คงตกใจ

“แต๊ะอั๋งผมเหรอ”

“มานอนตักผมเป็นชั่วโมง ใครกันแน่ที่แต๊ะอั๋ง”

“เจ็บขาหรือเปล่า”

“ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว”

“ขอโทษ”

“อย่าเพิ่งลุก”

สีน้ำดันไหล่คนที่กำลังจะลุกขึ้นนั่งให้กลับไปนอนลงตามเดิม  พอเห็นสีน้ำทำหน้าเบ้ภาคินก็เลยไม่กล้าขยับตัวนอนตัวแข็งจนสีน้ำต้องบอกว่าเวอร์ไป พอเห็นว่าขาที่ชาเริ่มโอเคขึ้นแล้วภาคินเลยตะแคงตัวหันหน้าเข้าหาหน้าท้องคนที่นั่งอยู่


“ฟัดพุงเลยดีกว่า”

ภาคินไม่ได้พูดเล่นเพราะหลังจากที่บอกแบบนั้น ก็จัดการฝังใบหน้าลงไปถึงจะมีเสื้อผ้ากั้นอยู่แต่มันก็รู้สึกอยู่ดี สีน้ำพยายามตีไหล่คนที่เอาแต่แกล้งเขาไม่เลิก จนสุดท้ายคินเห็นครูสีน้ำเริ่มจะเหนื่อยเพราะหัวเราะมากเกินไปเลยหยุด พอตั้งสติได้ภาคินก็เลยโดนฟาดใส่

“ตีแรงมาก”

“ก็ดูทำ”

“เหนื่อยหรือเขิน”

“กลับร้านไปได้แล้ว”

พอสีน้ำพูดขึ้นมาแบบนั้น ภาคินเลยยกนาฬิกาขึ้นมาดู เพิ่งรู้ว่ามันดึกมากขนาดนี้แล้วนี่เขาก็นอนหลับเพลินไม่ได้รู้เรื่องเลย พอเขาลุกขึ้นมานั่งได้ก็เอาแต่นั่งอยู่แบบนั้น จนสีน้ำต้องดันตัวให้ลุกขึ้นกลับบ้านกลับช่องไปได้แล้ว ภาคินเลยต้องเดินไปที่หน้าประตูแต่ก็ไม่วายหันหลังกลับมามองคนที่เดินตามมา แล้วยืนกอดอกพิงประตูไว้

“ลีลาเหลือเกิน วันนี้จะเดินถึงร้านไหม”

“ผมว่าเราก็แก่เกินจะจีบกันแล้ว”

“พูดคำว่าแก่อีกคำเดียวต่อยเลยนะ จะแก่ไม่แก่แล้วยังไง”

“อยากนอนกอด ไม่อยากกลับร้านไปนอนคนเดียว”

“ณัฐฟ้องพ่อแม่ผมแน่”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่นอนกับแฟนหมดเลยนะ เหลือผมคนเดียวเนี่ย”

“แล้วที่ผ่านมาอยู่ได้ไง เขาหวานแหววกันขนาดนั้น”

“เออนั่นดิ เมือก่อนเข้มแข็งมั้งตอนนี้อ่อนแอ”

“กลับไปนอนเถอะครับ วันนี้คินเหนื่อย”

คินทำหน้าเบ้เมื่อสีน้ำใช้การอ้อนแทน คงรู้ว่าเขาแพ้อะไรแบบนี้คินเลยต้องยกมือยอมแพ้ ยังไงวันนี้ก็คงต้องถอยไปก่อน แต่จะไปก็ทำท่าอิดออดจนสีน้ำต้องดันตัวให้คินเดินออกไปร้านสักที ภาคินใช้ทีเผลอก้มลงมาหอมแก้มสีน้ำเร็วๆ หนึ่งทีแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางสบายใจผิดกลับตอนมาลิบลับ ภาคินจำได้ว่าเขาเดินฮัมเพลงกลับเข้ามาในร้านตัวเองแต่ก็ต้องตกใจกับบรรดาของกินที่วางอยู่หน้าร้าน

แก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
เวลาเศร้า เหงา ทุกข์ สุข ของอร่อยๆ ช่วยได้เสมอ( ถึงแม้บางครั้งจะเยอะเกินไปก็ตาม)


กลับมาที่สนามยิงปืน

“แล้วทำไมมึงไปไม่ชวนคุณน้ำมาด้วย”

“ตอนแรกเขาจะมาแต่อยู่ดีๆ ต้องไปสอนเด็กแทนคุณณัฐ กูว่าเขายังดูเกร็งๆ อยู่ด้วยเวลามาเจอพวกมึง เดี๋ยวตอนบ่ายจะแวะไปหาสักหน่อย”

“แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่มึงไม่ได้หนีไปต่างจังหวัด”

“ก็ต่างจังหวัดอยู่นะ กูไปเชียงใหม่”

“เมื่อไหร่กูจะรู้เรื่องเชียงใหม่สักทีเนี่ย ตอนนี้พล็อตละครของมึงกับคุณสีน้ำอยู่ในหัวกูเป็นล้านๆ พล็อต คีตาได้เพลงใหม่สองร้อยเพลงแล้วมั้ง”

“รอให้อะไรๆ มันเข้าที่ก่อน จริงๆ ก็อยากคุยเรื่องนี้กับพวกมึง ถือว่ากูเรียกประชุมเลยแล้วกัน”

ถือว่าเป็นการรวมตัวประชุมของแก๊งลูกเพื่อนแม่เรื่องเกี่ยวกับความรัก หลังจากที่ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันมาตั้งแต่เรื่องของทับทิมกับพอร์ช พอทั้งคู่แฮปปี้เอนดิ้งกันเรียบร้อยก็ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้อีก ที่จริงแล้วภาคินก็เคยจะประชุมเรื่องความรักเหมือนกันแต่คราวนั้น…จบเกมไปซะก่อน

“วันนี้พอร์ชกับคีย์แข่งกันหรือยัง”

“ยังเลย”

“ไปแข่งตอนนี้เลยไหม”

“ก็ได้นะผมยังไม่เหนื่อย ไปไหมเจ้าเด็กเปี๊ยก”

“เดี๋ยวจะล้มแชมป์ให้ดูมาเลยนายพชร”

พอคินพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ต้นไม้ที่นั่งอนู่ข้างรามิลเลยรู้ว่าต้องทำยังไง ต้นไม้รู้ว่าถึงแม้พวกเขาจะสนิทกันมากกว่าแต่ก่อน แต่แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ยังคงมีเรื่องที่ต้องการคุยกันแค่ในแก๊งอยู่ดี รามิลหันมายิ้มให้เมื่อไม้บอกว่าเดี๋ยวไปดูสองคนนั้นให้ กลัวว่าจะเอาปืนตีหัวกันตายไปซะก่อน ยังไม่ทันจะได้แข่งกันเป็นเรื่องเป็นราว คีตาก็วิ่งกลับมากระโดดกอดคอเบนจากด้านหลังแล้วหอมแก้มเต็มฟอด จังหวะเดียวกับที่พอร์ชเดินอ้อมมาด้านหลังแล้วก้มลงมาหอมแก้มทับทิมเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งแข่งกลับไปหาต้นไม้ที่ยืนรออยู่ รามิลได้แต่กอดอกพร้อมกับบอกว่าต้นไม้ไม่เห็นวิ่งมาหอมมั่ง

“พวกแฟนเด็กนี่เอาใหญ่”

“เป็นแฟนเด็กซะเองก็ไม่ได้แย่ป่ะวะคิน”

“ถ้าไม่นับเรื่องที่อ้อนได้ นอกนั้นกูโดนดุโดนตีทั้งวัน”

“พูดแบบนี้ยอมรับแล้วสินะ แล้วไหนเรื่องที่จะคุย”

“ก็เรื่องนี้ที่จะคุย สีน้ำ”

“ทำไมวะกูก็เห็นมึงกับเขาก็ดูแฮปปี้ดี วันนั้นยังไปนอนตักเขาอยู่เลย”

“กูแค่รู้สึกว่า เขาต้องรู้แน่ว่ากูเป็นใครแต่ไม่ยอมบอกตรงๆ เหมือนรอดูว่าใครที่จะยอมรับก่อน”

“หมายถึง….ที่เชียงใหม่”

“กูได้ยินคำว่าเชียงใหม่วันละล้านรอบ แต่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติมเลย”

“ใจเย็นดิวะกูก็หาคำตอบอยู่ กูแค่บอกพวกมึงไว้ก่อนว่าถ้ากูพูดอะไรแปลกๆ อย่าคิดว่ากูบ้าแล้วกัน”

“แล้วทำไมมึงไม่ยอมรับก่อน”

“ง่ายไป..อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำยังไงต่อ”

“เออ! คุยกันตรงๆ ก็จบแล้วป่ะวะชอบทำอะไรให้มันยุ่งยาก”

“ก็เพราะถ้ามันใช่จริงๆ มึง…ชีวิตกูโคตรมหัศจรรย์เลยนะเว้ย แล้วก็สีน้ำก็ไม่ธรรมดาเลยว่ะ เพิ่งเคยเจอคนที่ทำให้กูไปไม่เป็นก็ครั้งนี้ พูดถึงเชียงใหม่ทีไรเฉไฉตลอดแบบเนียนๆ ด้วยนะ เชื่อเขาเลย”

“กูเชื่อว่ามึงคงคิดมาดีแล้ว คนอย่างมึงนะภาคินฉลาดเป็นกรดแต่อย่าลืมเซฟความรู้สึกด้วยนะเว้ย”

“....................”

“แล้วก็อย่าลืมเคลียร์ตัวเองด้วย กูยังไม่ลืมนะว่าที่มึงไปอยู่เชียงใหม่เพราะอะไร”

เบนเอื้อมมือมาตบไหล่คินเบาๆ ทุกคนในแก๊งรู้ดีว่า ภาคินเห็นเฉยๆ ทำตัวไม่สนใจโลกเท่าไหร่ แต่เรื่องความรักภาคินจริงจังเสมอ ถ้ารู้สึกไปแล้วก็จะยึดติดอยู่แบบนั้น ไม่มองคนไหน ทุ่มเทให้คนๆ เดียว ที่จริงก็เป็นกันทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราคบกันมาตั้งแต่สามขวบหรือเป็นกันมาแบบนี้ตั้งแต่เกิด



Watercolor



“น้ำอยู่โรงพยาบาลครับ”

ภาคินยืนนิ่งไปสักพักเมื่อคุณณัฐบอกมาอย่างนั้น  เขาคงทำหน้าตกใจจนคุณณัฐต้องบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ตอนกลับจากพาเด็กๆ นักเรียนแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนที่เขาโทรไปอาจจะรับโทรศัพท์ไม่ได้ ก็คงจะเป็นอย่างที่คุณณัฐบอกเพราะแค่เพียงไม่นานคุณน้ำก็โทรกลับมาหา ค่อยยังชั่วที่ไม่ได้เป็นอะไรแค่โดนรถเฉี่ยวมีรอยถลอกนิดหน่อย  แต่ที่ไปโรงพยาบาลก็เพราะคู่กรณีอยากให้มาตรวจเพื่อความปลอดภัย

“น้ำ..ผมไปหาได้ไหม”


สีน้ำกดวางสายจากคนที่กำลังมาหา ทั้งๆ ที่บอกแล้วแท้ๆ ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก มีแผลตรงข้อศอกเล็กน้อย ตรงเข่าอีกนิดหน่อย แต่ดูท่าภาคินจะไม่ได้ฟังเขาเลยยังยืนยันจะมาหาให้ได้ ตอนแรกก็จะปฏิเสธแต่เพียงแค่ประโยคเดียวสีน้ำก็เลยต้องยอมใจอ่อน

“ผมเป็นห่วง”

ตามใจเขาก็แล้วกัน



สีน้ำตั้งใจจะเดินไปนั่งรอตรงโซฟาอีกด้านของโรงพยาบาล จะว่าไปก็แผลก็เริ่มตึงๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน จังหวะที่กำลังจะเดินเลี้ยงตรงหัวมุม เสียงที่คุ้นเคยทำให้สีน้ำหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังยืนคุยกับหมอคือคนที่เขารู้จัก

คุณเค..พี่ชายภาคิน

“ทำงานหนักไปไหมเค ถอดสายน้ำเกลือไม่ถึงห้านาทีก็ต้องไปประชุมต่อยอดมนุษย์เหรอวะ”

“กูไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“สภาพเหมือนซอมบี้ยังจะมาบอกไม่เป็นอะไรมาก อย่าเครียดผ่อนคลายหน่อย”

“งานมันพักได้ที่ไหน”

“ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกากูยังไม่เห็นมึงพักเลย แล้วน้องชายมึง..ได้คุยกันยัง”

“เหมือนจะดีขึ้นแต่….ก็เหมือนเดิม”

“ไหนบอกว่าโอเคแล้วไงวะ วันก่อนยังถ่ายรูปหมูปิ้งมาอวดกูอยู่เลย”

บทสนทนาของทั้งสองคนหยุดลงแค่นั้นก่อนที่คุณหมอจะตบ ไหล่คุณเคเบาๆ  พร้อมกับตบท้ายว่าขอให้ดีกับน้องเร็วๆ ตอนเด็กๆ ก็เห็นเล่นด้วยกันบ่อยๆ  สีน้ำกระเถิบตัวหลบหลังเสาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคุณเคเดินแยกกับคุณหมอแล้วเดินไปอีกทาง สีน้ำชะโงกหน้ามาดูอีกครั้งให้แน่ใจว่าคุณเคเดินไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหลบแต่คิดว่าคุณเคคงไม่อยากเจอใครที่รู้จักที่นี่  พอเห็นว่าสถานการณ์โอเคแล้ว เลยถอยตัวกลับมาที่เดิมแต่ก็ต้องร้องลั่นเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า

“ตกใจอะไรขนาดนั้น”

“หายตัวมาหรือไง ทำไมมาเร็วขนาดนี้”

“ผมขับรถปกติเลย แล้วน้ำมองอะไรอยู่”

“ไม่มี ไม่ได้มอง”

“ตอบเร็วมีพิรุธมาก แล้วเป็นยังไงเจ็บตรงไหนครับ”



พอภาคินถามขึ้นมาสีน้ำเลยพลิกข้อศอกให้ดูแผล จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเท่าไหร่มากแต่อาจจะมีปวดๆ ตัวบ้างเพราะตอนล้มก็ล้มแรงอยู่เหมือนกัน ภาคินมองแผลอยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะแกล้งทำเป็นเป่าฟู่ๆ เหมือนเด็กๆ เวลาที่เหกล้มแล้วมีแผล พอสีน้ำเห็นเขาทำแบบนั้นก็หัวเราะลั่นพร้อมกับบอกนี่อายุเท่าไหร่กันแล้ว ภาคินเลยต้องบอกว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ชอบทำตอนเด็กๆ เลยติดมา

“สามสิบกว่ากันแล้วนะเนี่ย”

“ไอ้มิลหลอกว่าเป็นมนต์วิเศษตั้งแต่เด็ก เป่าแล้วจะไม่เจ็บจะได้ไม่ต้องร้องไห้ เชื่อกันอยู่ตั้งนาน”

“โดนหัวหน้าแก๊งหลอกเหรอครับ”

“พอไอ้ทิมรู้ความจริงว่าโดนหลอก กระโดดเตะไอ้มิลทันที”

สีน้ำหัวเราะกับวีรกรรมต่างๆ ของแก๊งนี้คุยไปคุยมาเริ่ม งง ไปหมดสรุปใครเป็นหัวหน้าแก๊งใครเป็นลูกน้อง เห็นมีแต่คนแกล้งคุณรามิลกันทั้งนั้น ทั้งสองคนเดินมาข้างหน้าโรงพยาบาลตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับบ้าน แต่พอจะเดินเลี้ยวไปยังรถที่จอดอยู่แขนเสื้อของภาคินก็ถูกดึงไว้ก่อนที่สีน้ำจะชี้ไปทางสวนสาธารณะที่มีงาน

“ไม่เจ็บแผลเหรอครับ”

“ผมจะเดินดูงานนี้แหลครับแต่เกิดอุบัติเหตุซะก่อน”

“งานเหมือนที่ไปขายต้นกระบองเพชรให้ไม้เลย”

“ครับ แต่งานนี้หมือนจะเป็นดอกไม้มากกว่า มีพวกผลไม้ด้วย”

ภาคินหันมามองคนที่ชะเง้อเข้าไปในงานเหมือนเด็กๆ ที่ตื่นเต้นเวลาได้ไปเที่ยว เขาคิดมานานแล้วว่าสีน้ำเป็นคนที่พลังงานเยอะมาก อย่างน้อยตอนนี้เพิ่งประสบอุบัติเหตุล้มกลิ้งไปกับถนน ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอาการเจ็บแผลตรงไหนยังหันมาลากเขาเข้าไปในงานที่จัดไว้อีกต่างหาก

เป็นคนที่สดใสขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ


ท่าทางงานจะถูกใจครูสอนวาดรูปมาก ดอกไม้สดดอกไม้แห้งวางเรียงรายอยู่เต็มทั้งสองข้าง ส่วนมากก็มาจากทางภาคเหนือของประเทศ ตอนแรกทั้งสองคนยังคงเดินคุยกันเรื่อยเปื่อย แต่ไม่รู้ว่าทำไมทันทีที่ก้าวขาเข้ามาตรงที่ป้ายเขียนติดไว้ว่า เชียงใหม่ ต่างคนก็ต่างเงียบกันทั้งคู่ ชื่อร้านต่างๆ ที่มาออกงานวันนี้มันคุ้นเคยจนบางครั้งสีน้ำต้องหยุดแล้วยืนมองอยู่นาน

“คุณคินเคยมาเดินงานแบบนี้ไหมครับ”

“หมายถึงที่นี่หรือว่าเชียงใหม่”

“ถ้าผมหมายถึงเชียงใหม่”

“เคยครับ ปกติก็ไม่ค่อยชอบเดินอะไรแบบนี้เท่าไหร่ แต่มีโอกาสได้ไปครั้งหนึ่งก็คล้ายๆ แบบนี้แต่อากาศเย็นสบายกว่านี้เยอะ น้ำล่ะเคยไปเหมือนกันใช่ไหม”

“ไปบ่อยเลย ไปซื้อดอกไม้มาใส่แจกันเอาไว้วาดรูป”

“คิดว่าที่เดียวกันไหม”

“งานแบบนี้ที่เชียงใหม่มีหลายงานเลยนะ เราจะอยู่ที่เดียวกันเหรอครับ”

“นั่นสิ ถึงตอนนั้นเราเดินอยู่ที่เดียวกันแต่เราก็ไม่รู้จักกันอยู่ดี”

“เราอาจจะเดินสวนกันก็ได้นะ แล้วเราก็เดินผ่านกันไปเลย”

“แล้วผมก็ได้มาเจอสีน้ำอีกครั้ง”

มันก็เป็นแค่ประโยคธรรมดาๆ แต่สีน้ำกลับรู้สึกว่ามันเขินขึ้นมาซะดื้อๆ ภาคินกุมมือสีน้ำไว้เบาๆ ก่อนจะประสานนิ้วไว้แน่น สีน้ำก้มลงมองมือที่จับกันไว้ ก่อนที่ภาคินจะเดินนำไปใบหน้าที่เรียบเฉยค่อยๆ ยิ้มออกมาเมื่อมือที่เขาจับอยู่กระชับตอบ ร้านดอกไม้แห้งที่มาออกงานเป็นสิ่งที่สีน้ำสนใจ ยิ่งมันอยู่ในขวดแก้วสวยงามเจ้าตัวก็มองตาละห้อยคงอยากได้มากกว่าสามอันแต่ราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่ ภาคินเงยหน้ามองบรรยากาศที่ไม่ได้สัมผัสมานานตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่ เมื่อก่อนเขาก็เดินถ่ายรูปวาดรูปไปเรื่อย จนมาเจองานที่คล้ายๆ แบบนี้ จำได้ว่าเขาสั่งกาแฟดำนั่งดื่มอยู่หน้าร้านแล้วก็วาดรูปไปเรื่อยเปื่อย

“ดอกลาเวนเดอร์หมดแล้วค่ะ มีแต่คนชอบวันนี้เลยเหมาไปหมดร้านเลย”

ลาเวนเดอร์..


ภาคินพอจำได้ว่ามันคือดอกไม้ที่มีสีม่วง และท่าทางคุณน้ำจะชอบมันมากพอเห็นว่าเขาจัดไว้ในสวนขวดแก้วก็ยิ่งอยากได้ แต่พอเจ้าของร้านบอกว่ามีคนจองไว้แล้ว สีน้ำก็ทำหน้าเศร้าพลางบอกว่าวันนี้ต้องไม่ใช่วันของเราแน่ๆ อยากซื้ออะไรก็หมดไม่ก็มีเจ้าของจับจองไปหมดแล้ว ภาคินเลยบอกว่าอยากได้ดอกไม้อะไรบอกต้นไม้ไว้ก็ได้ SECRET GARDEN มีอยู่แล้ว แต่สีน้ำก็บอกว่าเกรงใจ เพราะคุณไม้ชอบไม่คิดเงินและดอกไม้ก็ไม่ใช่ถูกๆ ด้วย พอเดินมาจนสุดทางทั้งสองคนก็หยุดซื้อกาแฟ

ภาคินเดินไปดูภาพถ่ายที่เขาติดไว้ข้างร้าน คิดถึงต้นไม้ ใบหญ้า ภูเขา เมฆ หมอก เหมือนกันนะ ตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่เขาก็ไม่เคยได้เห็นอะไรแบบนี้อีกเลยวันๆ ก็อยู่แต่ในสตูดิโอ เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ทำให้ภาคินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นเป็นแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็เลยเดินกลับไปหาสีน้ำที่นั่งรออยู่หน้าร้าน

สีน้ำเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อนั่งมองบรรยากาศในงานเพลินๆ ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่ภาคินที่เดินถือแก้วกาแฟเดินเข้ามาหา สีน้ำรู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่มันก็เป็นแค่ภาพลางๆ เท่านั้น เขารู้สึกคุ้นกับภาพภาคินใส่กางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาวเดินถือแก้วกาแฟท่ามกลางบรรยากาศงานดอกไม้แบบนี้ แต่มันก็นึกไม่ออกว่ามันคือที่ไหน

“น้ำ …สีน้ำ”

“ครับ”

“เห็นเหม่อๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”

“ตอนเช้าน้ำไปยิงปืนกับกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่ได้ วันนี้พวกมันเลยมาที่ร้านคิดซะว่ามาปาร์ตี้แล้วกัน”

สีน้ำหยักหน้ารับก่อนที่ภาคินบอกให้เขารอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวไปเอารถมารับด้านหน้าเพราะรถจอดอยู่ไกลจากงาน กลัวว่าสีน้ำจะเดินแล้วเจ็บแผลขึ้นมา ระหว่างที่เดินกลับไปเอารถภาคินหันไปมองร้านดอกไม้แห้งร้านหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปถาม..


.......................
..............................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.9 - Peach -* [ 07/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 27-07-2020 22:40:38
Watercolor


อยู่กันครบแก๊งจริงๆ

ร้านของภาคินกลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆ เมื่อมีขนมและของกินมากมายวางอยู่กลางโต๊ะ มีคีตาคอยเล่นกีตาร์ ข้างๆ มีแมวขนฟูน้องอันนาสะบัดหางไปมา พอร์ชกำลังจัดแก้วและต้นไม้ที่เช็ดจานอยู่อีกด้าน พอหันมามองตรงโซฟา รามิล เบนจามิน และทิม กำลังนั่งเถียงกันอยู่ สีน้ำยอมรับว่าเขาก็เกร็งๆ อยู่เหมือนกัน ถึงเขาจะกับภาคินจะอยู่ในฐานะคนคุยกันอะไรประมาณนั้นแต่ก็ไม่รู้เลยว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่จะคิดกับเขายังไง

“เมื่อเช้าเห็นคินบอกว่าคุณน้ำไม่ว่างมายิงปืนด้วย เลยคิดว่าตอนเย็นมาทานข้าวด้วยกันจะดีกว่า”

“ที่จริงผมเห็นว่ามันเป็นเวลาของคินกับเพื่อน ก็เลยไม่อยากรบกวน”

“คุณน้ำ ตอนไอ้พอร์ชง้อไอ้ทิมมันยังเสนอหน้ามาทุกกิจกรรมของแก๊งลูกเพื่อนแม่เลยครับ ขนาดตอนกินข้าวมันยังพกจานชามมาจากบ้านเองเลย ไล่เท่าไหรก็ไม่ไป”

“ลูกพี่เบนด่าผมหน้าด้านเลยดีกว่า”

“ห้ามว่าพี่เบน”

“หนอยแน่ะเจ้าเด็กเปี๊ยก ตอนพี่เบนไปอเมริกาไม่ต้องมาเล่นที่บ้านเลยนะไม่เลี้ยงน้องอันนาให้ด้วย”

“จะไปอยู่กับพี่ทิม”

“ไม่ให้อยู่”

“ไปหาพี่ไม้ก็ได้”

ต้นไม้ที่จัดจานอยู่เริ่มเวียนหัวเมื่อคีตาวิ่งมาอีกด้าน พอร์ชก็วิ่งมาอีกด้านถกเถียงกันซ้ายขวา มีการลงไม้ลงมือผลักหัวกันพอเป็นพิธีก่อนที่ต้นไม้จะบอกให้ทั้งสองคนเช็ดจานกันคนละใบ ตอนแรกก็ทำอย่างเงียบๆ ผ่านไปสองนาทีก็เอาผ้าเช็ดจานมาปาใส่กัน จนต้นไม้ต้องเอาตะเกียบเคาะลงบนศีรษะทั้งสองคนให้หยุดเล่นกันสักที

“ผมว่าคุณน้ำต้องเอาไปเลี้ยงสักคนแล้ว”

“สักวันต้นไม้จะปวดหัวตาย เด็กโข่งสองคนนี่มันตีกันตลอดเวลา”

“เหมือนอันนาของไอ้เบนกับรูบี้ของไอ้ทิมไม่มีผิด”

แก๊งลูกเพื่อนแม่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะหันมาบอกสีน้ำที่หัวเราะออกมา พร้อมกับบอกว่าถ้าวันไหนคุณเบนไปทำงานที่ต่างประเทศให้คีตามาวาดรูปที่ร้านก็ได้ เบนเลยพยักหน้ารับเพราะเขาก็กลัวว่าคีตาจะเหงาเหมือนกันบางทีไม้ก็ต้องทำงาน พอร์ชกับทิมก็ไม่ได้ว่างตลอดเวลา

“ไม่ต้องกลัวแก๊งลูกเพื่อนแม่นะครับคุณน้ำ ถ้าภาคินมั่นใจพามาหาแล้วแสดงว่า…ก็ต้องใช่”

“เห็นเราสามคนเป็นเพื่อนได้เลยครับ ไม่อยากให้คุณน้ำเกร็ง”

“เวลาไม่สบายใจหรือมีเรื่องอะไรแย่ๆ ไปหาไม้ที่ร้าน SECRET GARDEN ก็ได้ครับ ไอ้คินทำตัวไม่ดีหรือออกนอกลู่นอกทางมาฟ้องผมได้เลย ผมจัดการให้บอกไอ้ทิมก็ได้ครับนั่นเจ้านายไอ้คิน”

ภาคินที่ยืนพิงโต๊ะอยู่ข้างๆ เลยปาขนมใส่หัวหน้าแก๊งที่หลบไปอยู่หลังทิม พอคินจะปาอีกเจอหน้าทิมเลยเปลี่ยนเป็นป้อนขนมแทน โดยมีเบนจามินยืนส่ายหน้ามาพร้อมกับบอกว่าไม่ได้เรื่องเลยลูกกระจ๊อก เลยเกิดการถกเถียงกันยกใหญ่ถึงเรื่องตำแหน่งในแก๊งที่ปรับเปลี่ยนกี่ครั้งภาคินก็ยังเป็นลูกกระจ๊อกอยู่ดี เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนในแก๊งลูกเพื่อนแม่หยุดเถียงแล้วหันมามองหน้าสีน้ำ

“ไม่มีอะไร เวลาคินอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วน่ารักดี ทุกทีเห็นทำหน้าขรึมๆ ตลอดเลย”

“แล้วน้ำชอบแบบไหนมากกว่ากัน”

“ก็ทั้งสองแบบ ภาคินแบบมินิมอลหรือแบบที่อยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็คือภาคินอยู่ดี”

“อยากกอดน้ำตอนนี้เลย พวกมึงปิดตากันได้ป่ะวะ”

ภาคินกางแขนทำท่าจะเข้ามากอดสีน้ำจริงๆ แต่โดนสีน้ำยกมือห้ามไว้ก่อนเลยทำได้แค่คว้าเอวเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ภาคินติดเพื่อนมันเป็นสิ่งที่เขารู้ตัวเองดี เวลาอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่เขาจะเป็นตัวของตัวเองแบบสุดๆ เหมือนรามิลที่ติงต๊องไม่เหลือภาพลักษณ์ของนักธุรกิจ เบนจามินที่ชอบเล่นเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ทับทิมที่เป็นเพียงเด็กผู้ชายมัดจุก ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับตรงนี้ได้แต่เพื่อนเขาทั้งสามคนก็เจอแล้ว และเขา..ภาคินหันมามองสีน้ำที่กำลังหัวเราะกับท่าทางตลกๆ ของเบนจามิน พอจ้องนานไปหน่อยสีน้ำก็ยกมือขึ้นมาแตะแก้มพลางถามว่ามีอะไร ภาคินส่ายหน้าก่อนจะเอียงแก้มเข้าหามือที่จับอยู่

“อ้อนเหรอ”

“มีคนให้อ้อนแล้ว เมื่อก่อนต้องดูพวกมันสวีตกันตลอดเลย”

“โถ..หัวเดียวกระเทียมลีบ”

“อยากให้พวกมันอิจฉาบ้าง กอดผมโชว์หน่อย”

นอกจากจะไม่ได้กอดแล้วยังโดนตีอีกต่างหาก สีน้ำหันไปมองอาหารบนโต๊ะหน้าตาทุกอย่างน่าทานมากๆ พอถามว่าทำเองเหรอและคีตาก็ผายมือไปยังเบนจามินที่สีน้ำเพิ่งเห็นว่าใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกันที่ท่าทางเหมือนตี๋มาเฟียขนาดนี้แต่ชอบทำอาหาร

เบนจามินเข้ามาชวนคุยเรื่องอาหารว่าเขาชอบกินอะไร ไม่ชอบอะไรเผื่อวันหลังจะทำให้ทาน แก๊งลูกเพื่อนแม่พอได้รู้จักก็เข้าถึงง่ายกว่าที่คิด ขนาดทิมนพจินดาที่เคยเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ไฮโซว่าเย่อหยิ่ง ถือตัวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอได้รู้จักจริงๆ ก็เหมือนเด็กๆ ท่าทางจะชอบกินขนมมากเห็นกอดขนมถุงใหญ่อยู่บนโซฟา นั่งกินคุ้กกี้แก้มตุ่ยโดยมีพอร์ชกำลังจับมัดจุกให้อยู่ สีน้ำเองก็คุยกับทิมเรื่องนี้เหมือนกันและคำตอบที่ได้

“อ้อ ผมก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ ไม่รู้เรียกว่าหยิ่งหรือเปล่าแต่ไม่คุยกับคนที่เข้ามาแบบเจตนาไม่ดีเสียเวลา”

เลิศเลอสมคำร่ำลือ
นพจินดาแห่งวงการจิวเวลรี่

สีน้ำรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเมื่อได้คุยกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ รวมถึงต้นไม้ คีตาและพอร์ชด้วย ตอนแรกเห็นพอร์ชกับคีตายังเถียงกันอยู่ แต่พอคีตาเริ่มชงเครื่องดื่มก็เลิกตีกันซะดื้อๆ หันมาชนแก้วกันแทน ขนาดรามิลที่เดินเข้าไปหาทั้งสองคนยังบอกพอมีแอลกอฮอล์ก็สามัคคีกันขึ้นมาเลยนะ คีตาชงเครื่องดื่มเก่งมากเขาเองยังมองตาค้าง ตอนที่เห็นเจ้าตัวผสมสูตรที่เขาไม่รู้จักมาก่อนแต่รสชาติมันอร่อยมาก นักแต่งเพลงนี่ความสามารถหลากหลายจริงๆ

หายากเหมือนกันนะแก๊งเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่เด็กและยังสนิทกันจนถึงอายุป่านนี้ จะว่าไปเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของภาคินเวลาอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่เป็นสิ่งที่สีน้ำชอบมากที่สุด จังหวะที่เขาหันไปมองภาคิน เจ้าตัวก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้พร้อมกับบอกว่าให้รอเขาตรงนี้ก่อน

แค่เพียงไม่นานภาคินก็เดินลงมาจากชั้นบน ท่าทางเหมือนซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง ทำให้สีน้ำพยายามชะเง้อดูแต่ภาคินก็เอนตัวหลบไปมา พอเห็นสีน้ำขมวดคิ้วภาคินเลยต้องบอกยอมแพ้พร้อมกับเอาบางอย่างที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมา ทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสีน้ำก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น…

ดอกลาเวนเดอร์


“ผมเจอร้านหนึ่ง แต่มันเหลือแค่ช่อนี้ช่อเดียวผมเห็นน้ำอยากได้มาก แต่มันหมดทุกร้านเลยดีที่ร้านนี้ยังเหลืออยู่”

“………………………………..”

“ตอนแรกเขาจะไม่ขายแล้วผมอ้อนวอนอยู่นานสองนาน”

“………………………………..”

“วันนี้น้ำเจ็บตัวด้วย ผมอยากให้น้ำอารมมณ์ดีดอกลาเวนเดอร์ช่อนี้น่าจะช่วยได้”

“ภาคิน”

“ครับ”

“ขอกอดโชว์แก๊งลูกเพื่อนแม่หน่อย”

ทันทีที่ได้ยินภาคินก็หัวเราะ ก่อนจะกางแขนเมื่อสีน้ำเดินเข้ามาหาพร้อมช่อดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ภาคินวางมือลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลแดงเบาๆ ก่อนจะกระชับให้แน่นขึ้น พอเหลือบมองบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ต้องกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นว่า รามิลและต้นไม้กำลังยืนคุยกันอยู่หยุดชะงักทันที เบนจามินที่กำลังคีบผักสลัดใส่จานค้างไว้อย่างนั้นคีตาที่กำลังถือแก้วเป๊กก็หยุดค้างท่าเดิมหลังจากเทใส่อีกแก้วไปแล้ว ทับทิมที่นั่งอยู่บนตักพอร์ชตาโตขึ้นมาทันที พอร์ชเองเหมือนจะสติหลุดไปนิดนึงแต่ก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้เขา

“เพื่อนช็อคตายหมดแล้วตอนนี้”

“นี่เป็นครั้งแรกเหรอ”

“ครั้งแรกที่กอดใครสักคนต่อหน้าเพื่อน แล้วก็ครั้งแรกที่ให้ดอกไม้ใครสักคน คือเมื่อก่อนไม่ได้เป็นคนมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งแบบนี้เท่าไหร่ เรื่องดอกไม้ใบหญ้านี่ไม่เคยคิดจะทำเลย พอพูดเองแล้วก็เขินเอง”

“………………………..”

“น้ำไม่เชื่อเหรอ”

“……………”

“ไปถามแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ได้ว่าผมเคยทำแบ…”

“คินน่ารัก มากอดอีก”

คราวนี้ทุกคนส่งเสียงแซวดังลั่นเมื่อสีน้ำกอดคินอีกครั้ง ทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าใบหน้าของภาคินมีความสุขมากแค่ไหน แล้วก็แปลกใจมากด้วยที่เห็นภาคินให้ดอกไม้สีน้ำ คนที่ทื่อๆ ไม่ค่อยโรแมนติคจะทำอะไรแบบนี้กับเขาก็เป็น รามิลเงยหน้ามองบรรยากาศในร้านที่มีแต่สีขาว สีดำ สีเทา ขนาดไอ้ตัวเจ้าของร้านยังใส่ชุดเดิมๆ กางเกงยีนส์เสื้อยืดสีขาว ทุกอย่างเหมือนเดิม เหมือนภาคินที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก จะมีก็แต่คนที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายทางกับช่อดอกไม้ลาเวนเดอร์สีม่วงที่อยู่ในอ้อมกอดของภาคินที่เพิ่มเข้ามา

ก็คงจะเป็นสีสันที่ลงตัวที่สุดแล้วสำหรับภาคิน



“กอดนานกว่านี้เพื่อนล้อแน่สีน้ำ”

“ไม่กล้ามองหน้าใครเลยทำไงดี”

“เมื่อกี้ยังกอดไม่ปล่อยอยู่เลย”

“เงียบเลยห้ามพูด”

พอแกล้งพูดต่อก็โดนฟาดอีกสองสามที ภาคินหยุดมองคนที่กำลังกอดช่อดอกลาเวนเดอร์สีม่วงไว้ในอ้อมแขน อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกคุ้นกับภาพนี้ขึ้นมาซะดื้อๆ แต่สาบานได้เลยว่าชีวิตนี้ยังไม่เคยซื้อดอกลาเวนเดอร์ให้ใครเลยจริงๆ แล้วเขาจะเคยเห็นที่ไหนกัน สีน้ำพอเห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็เลยเงยหน้าขึ้นมามอง  ต่างคนต่างเงียบแล้วมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ภาคินจะหลับตาลงเหมือนนึกอะไรก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับรั้งคนที่ถือช่อดอกลาเวนเดอร์เข้ามากอดอีกครั้ง มันต่างจากกอดสองครั้งแรกแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมสีน้ำถึงรู้สึกว่าต่าง กอดครั้งนี้มันเหมือนกับว่า

ดีใจที่ได้เจอ


ภาคินกระชับกอดสีน้ำให้แน่น เมื่อภาพเหตุการณ์บางอย่างที่เชียงใหม่แว๊บขึ้นมาในหัว เขาไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า จะใช่คนๆ เดียวกันไหมแต่ความรู้สึกเขามันเชื่อไปแล้ว และเขาเองก็เชื่อความรู้สึกตัวเอง

ภาคินบอกแล้วว่าตอนที่อยู่เชียงใหม่ เขาไม่ได้ไปงานที่มีดอกไม้ต้นไม้เท่าไหร่ ส่วนมากก็เดินถ่ายรูปวาดรูปไปเรื่อยๆ จำได้ว่าครั้งนั้นเขาเดินหลงเข้าไปมัน ก็เหมือนงานวันนี้ที่เขาเพิ่งไปกับคุณน้ำมา ภาคินตัดสินใจเดินไปสั่งกาแฟอเมริกาโน แล้วนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่หน้าร้าน ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่คนๆ หนึ่งที่ยืนเลือกดอกไม้อยู่ร้านถัดไป มองจากตรงนี้เห็นหน้าไม่ชัดหรอกเห็นแค่ด้านข้างเท่านั้นแถมอีกฝ่ายยังใส่หมวกอยู่ด้วย

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ภาคินหยิบดินสอขึ้นมาวาดรูปคนที่ไม่รู้จัก คนๆ นั้นยังคงเลือกดอกไม้ไปเรื่อยๆ ภาคินเองก็ค่อยๆ ร่างดินสอจนรูปเกือบเสร็จสมบูรณ์เหลือแค่รอดูว่าคนนั้นจะเลือกดอกไม้อะไร แต่ยังไม่ทันจะได้วาด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นถึงเวลาที่คินต้องไปแล้ว รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกันสงสัยจะไม่ได้วาดต่อ เลยลุกขึ้นใส่แว่นกันแดดพร้อมกับหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาพอดีกับๆ คนนั้นที่เลือกดอกไม้เสร็จสักที จังหวะที่กำลังเดินสวนกันภาคินก็ยิ้มออกมา

ดอกลาเวนเดอร์สีม่วง..


“เราอาจจะเดินสวนกันก็ได้นะ แล้วเราก็เดินผ่านกันไปเลย”




ปลายรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินหยุดเดินก่อนจะหันหลังกลับไปมองคนที่เพิ่งเดินสวนกันเมื่อกี้ น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวไม่ใช่คนที่นี่ ผู้ชายตัวสูงสะพายกล้องถ่ายรูป กางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสีขาวพร้อมกับถือแก้วกาแฟจากที่ได้กลิ่นน่าจะเป็นอเมริกาโนโคตรจะมินิมอลเลย คุมโทนตั้งแต่หัวจรดเท้าถึงจะเห็นหน้าไม่ชัดเพราะอีกฝ่ายใส่แว่นกันแดดเอาไว้แต่ก็นะ เท่ดีเหมือนกัน นานๆ ถึงจะเจอคนแบบนี้ ก็ไม่รู้จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า โลกกว้างขนาดนี้

สีน้ำรู้สึกได้ว่าภาคินเอียงหน้ามาจูบตรงข้างขมับเบาๆ
เลยยกมือกอดเอวภาคินไว้แน่นแล้วก้มลงมองดอกลาเวนเดอร์สีม่วงที่ถือไว้


“แล้วผมก็ได้มาเจอสีน้ำอีกครั้ง”








*ถ้าฉันอยู่ตรงนี้ให้นานกว่าที่เคยมา ใช้เวลามองหานานกว่าที่เคยใช้
เดินให้ช้าลงกว่านี้ในทุกที่ที่เคยไป จะเป็นไปได้ไหมที่จะได้พบใครคนนั้น








To be con

PS.พี่คินจะมารักเรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงมาทั้งหมู่เหรอคะ...หึ
* เพลงให้นานกว่าที่เคยมา Klear - ไผ่ พงศธร


ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo





หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-07-2020 23:53:42
เรื่องความรักลงตัวแล้ว..สถานีต่อไปก็พี่ชายนะคะ..เป็นกำลังใจให้หนุ่มมินิมอล  :L2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-07-2020 00:47:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 28-07-2020 08:51:47
 o13
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 28-07-2020 11:59:03
แก๊งลูกเพื่อนแม่น่าร๊ากกกก
เขยกับสะใภ้กลุ่มก็น่ารัก
แต่พี่ต้นไม้ควรมีผู้ช่วยตอนพชรกับคีตาตีกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-07-2020 16:34:48
ดราม่าน้อยสุดแล้วมั้งคู่นี้
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 28-07-2020 20:15:01
เค้าแค่เดินสวนกันนี่เอง ก็นึกว่าทำไมจำกันไม่ได้นะ แต่ตอนนี้หวานละมุนมาก  :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 31-07-2020 23:07:30
 :hao4: ถ้าบังเอิญเจอกันแบบนี้ก็คงจะดีครับ อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงเรื่องราวที่เคยผ่านมาเลย
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 02-08-2020 18:37:16
โรแมนติคมากครับ :really2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: iMarchs ที่ 05-08-2020 14:15:51
ทับใจมาก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 05-08-2020 17:49:14
อบอุ่นละมุนใจมากๆๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-08-2020 15:04:18
หวานอบอุ่นละมุนละไม :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-08-2020 20:42:23
น่ารัก ดูอบอุ่น และทุกคนเข้าถึงกันได้ครบแก็งค์

ภาคินเป็นคนที่ชัดเจน และทำเพื่อนช็อคได้ทุกอณูจริงๆ เลย
สีน้ำก็น่ารักมากค่ะ ทั้งหวาน ทั้งน่าแกล้ง และน่าเอ็นดูไปหมด

เข้าใจว่ามั่นใจกันตั้งแต่ครั้งไปบริจาคของแล้วซะอีก
แต่ยังไม่ชัวร์กันซะงั้น แต่ตอนนี้คงเกินร้อยแล้วเนาะ


หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-08-2020 07:10:17
ใจฟูกันไปอีก ดูเหมือนต่างคนต่างรอให้ใครสักคนเอ่ยปากก่อน

สีน้ำน่ารักอะ เป็นคนเย็นๆ ที่ใช้ชีวิตได้น่ารัก
คินก็ใช้ชีวิตปกติแหละ แค่ซื้อนมชมพูมามองให้เพื่อนสงสัยเล่นไปงั้นเอง

คินเปิดประชุม ต้องคืบหน้ากว่านี้ละนะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.10 - Purple -* [ 27/07/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 21-08-2020 22:14:57
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 24/08/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 24-08-2020 20:22:33
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.11
-White -



สตูดิโอของคินมีลูกค้าสนใจมากกว่าที่คิด จริงๆ อาจจะเป็นเพราะคอนเนคชั่นเก่าๆ ตอนที่เขายังเรียนที่มหาวิทยาลัยก็ว่าได้ บรรดารุ่นพี่รุ่นน้องที่หายหน้าหายตาไป ต่างก็ติดต่อขอใช้สตูดิโอกันจนแน่น บางทีก็ขอใช้ตรงส่วนของร้านค้าถ่ายรูป จะว่าไปงานรัดตัวจนยุ่งเหยิงไปหมด แถมยังมีงานนอกตารางที่เขารับไว้อยู่แล้ว อย่างวันนี้เขารับปากกับเพื่อนไว้ว่าจะมาเป็นบาริสต้าให้ที่ร้านกาแฟที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ ขนาดแก๊งลูกเพื่อนแม่ยังบอก

“มึงเหมือนคนที่มีงานประจำทำแต่ก็ยังทำงานเหมือนฟรีแลนซ์ มุมกาแฟร้านตัวเองก็มีแต่ไม่ขายซื้อเครื่องไว้ตั้งโชว์”

เขาไม่ได้เถียงเบนหรอกมันก็จริงอย่างที่เบนบอก ท่าทางเขาก็ยังเป็นคนรักอิสระเหมือนเดิมนั่นแหละแค่ตอนนี้มันมีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนบ้าน เหมือนเจอที่พักพิง คินชอบเวลาที่เปิดประตูแล้วเจออาหารเช้าแขวนไว้ บางครั้งก็เจอครูสอนวาดรูปยืนถือของพะรุงพะรังแล้วยิ้มแฉ่งอยู่หน้าร้าน เจ้าตัวดูมีความสุขกับการเลือกสรรอาหารเช้าให้เขาทานซะเหลือเกิน บางวันก็ตื่นซะเช้าตรู่ไปจองคิวโจ้กชื่อดัง ผู้ชายที่ตัวคนเดียวมาตลอดพอมีคนมาดูแลแล้วมันก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้

“คินยิ้มอะไรวะ กูเห็นมึงยืนถือแก้วกาแฟนานแล้วเนี่ย”

คินเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเอาแต่นึกถึงสีน้ำ พอได้ยินเพื่อนทักแบบนั้นก็เลยก้มลองมองแก้วกาแฟที่ตัวเองถืออยู่ท่าทางเขาจะคิดถึงอีกคนนานไปหน่อยควันหอมๆ ถึงได้จางหายไปแล้ว คินเลยตัดสินใจวางแก้วกาแฟลงบนเคาน์เตอร์ แต่สงสัยจะวางแรงไปหน่อยน้ำสีดำเลยหกออกมาจากแก้ว

“อีกแล้วนะ เจอหน้ากันทีไรทำกาแฟหกใส่ตลอด”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นหน้าเคาน์เตอร์ทำให้คินที่ถือผ้าจะเช็ดกาแฟที่หกชะงักค้าง ท่าทางเขาคงจะช็อคจริงเพราะคนที่ยืนอยู่ถึงกับยกมือขึ้นมาโบกไป ก็ใครมันจะไปคิดว่าคนที่กำลังนึกถึงจะมายืนอยู่ตรงหน้า ครูสอนวาดรูปสีน้ำตัวเป็นๆ ยืนหอบอุปกรณ์เต็มสองแขน

“มาได้ไงครับ”

“วันนี้มีสอนวาดรูปที่นี่ คินมาทำอะไร”

“มาชงกาแฟ”

“ชงกาแฟ?”

“นี่ร้านเพื่อนผม ปกติผมมาชงให้เพื่อนอยู่แล้วมันเป็นกาแฟสูตรพิเศษ”

“ตอนอยู่ร้านผมไม่เห็นได้กินเลย”

“ก็คุณกินแต่นมชมพูทุกวัน ไม่เห็นรู้ว่าชอบดื่มกาแฟด้วย”

“กลับร้านไปวันนี้ขนเครื่องชงกาแฟออกมาเลยนะ”

“ร้านปิด คุณสีน้ำต้องรอหน่อยนะครับ”

“เนี่ย กวน”

สีน้ำเอาพู่กันมาฟาดใส่หนึ่งทีก่อนจะเดินไปทักทายกับเพื่อนเขา ที่จริงที่นี่เป็นร้านกาแฟที่จัดกิจกรรมต่างๆ ทุกอาทิตย์ ต้นไม้ก็เคยมาสอนวิธีจัดสวนต้นกระบองเพชร คีตาก็เคยมาสอนกีตาร์ที่นี่เหมือนกัน รู้อยู่แล้วแหละว่าวาดรูปนี่ยังไงก็ต้องมีแต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสีน้ำ เพื่อนเขาเองก็เหมือนจะรู้อะไรขึ้นมาถึงได้มองระหว่างเขากับสีน้ำไปมา พอสีน้ำขอตัวไปเตรียมอุปกรณ์ เจ้าของร้านกาแฟก็รีบเดินเข้ามาหาแถมยังยกที่คีบน้ำแข็งชี้หน้าเป็นอาวุธอีกต่างหาก

“อะไรวะ”

“มึงรู้จักกับเขาเหรอคนที่สอนวาดรูปที่ร้านกูวันนี้”

“เปิดร้านอยู่ข้างกันเจอหน้ากันทุกเช้า”

“แค่นั้นหรือมากกว่านั้น”

“ต้องบอกมึงด้วยเหรอไง”

“มีซัมติง?”

“ตอนนี้กูมีแค่เขา”

“กูอยากกรี๊ดให้ดังลั่นร้าน ภาคิน ภาคินคนที่สุดแสนจะเฉยเมยกับความรักใช้ชีวิตตะลอนๆ ไปทั่วโลกในที่สุดมึงก็เจอแล้วใช่ไหม”

“ก็เพราะกูตะลอนๆ ไปทั่วกูถึงได้เจอเขา”

“งงนิดหน่อย ไหนบอกเขาเปิดร้านข้างมึงไงแล้วมึงต้องตะลอนไปทำไม เออช่างเถอะมึงจะมีแฟนกูก็ดีใจ คนมินิมอลๆ อย่างมึงจะได้มีสีสันในชีวิต”

“มึงพูดเหมือนแก๊งลูกเพื่อนแม่กูเลยนะไอ้นนท์”

“แน่นอน กูเอฟซีทิมนพจินดาเอกจิวมาตั้งแต่ปีสอง ตอนมันมาช่วยมึงมาทำงานที่คณะกูยืนเฝ้าเป็นทหารยามเลยมึง แต่เพื่อนมึงไม่เคยจำชื่อกูได้เลย เรียกกูว่านายกาแฟเพราะจำได้ว่าบ้านเปิดร้านกาแฟ”

“ทำไมมีแต่คนเป็นแฟนคลับไอ้ทิมวะ”

“เราจะหาใครหน้าตากุ๊กกิ๊กเหมือนตุ๊กตาบลายธ์แต่นิสัยเหมือนแอนนาเบลได้อีกบนโลกใบนี้”

“กูฟ้องไอ้ทิมร้านมึงพังภายในห้านาทีแน่”

เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทำให้สีน้ำที่เตรียมอุปกรณ์อีกด้านต้องหันมามอง ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกันแต่รอยยิ้มของภาคินทำให้สีน้ำนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ตั้งแต่ที่เขาโดนรถเฉี่ยววันนี้ถึงคิวนัดตรวจอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ พอเดินออกมาจากห้องตรวจสีน้ำก็เจอคนเดิมกับที่เคยเจอเมื่อครั้งที่แล้ว

คุณเค..

คราวนี้สีน้ำไม่ได้หลบหลังเสาและดูว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าใครที่ยืนอยู่ตรงหน้า จนกระทั่งปลายเท้าหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง คุณเคดูท่าจะตกใจเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงนี้แถมยังมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าใครจะมาเจอเข้า

“ผมมาคนเดียวครับ คินไม่ได้มาด้วย”

ท่าทางโล่งอกทำให้สีน้ำมั่นใจว่า การที่คุณเคมาที่โรงพยาบาลคงไม่ต้องการให้ใครรู้ สีน้ำมองผู้บริหารธนาคารที่ดูเหนื่อยล้า จนเขาเองกลัวว่าจะเป็นลมไปต่อหน้าเลยชวนกันไปนั่งตรงโซฟา พอนั่งลงก็เงียบกันทั้งคู่สีน้ำลอบมองหน้าคุณเคตั้งแต่เขารู้จักคุณเคมาแทบจะไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มหรือแววตามีความสุขเลยสักครั้ง มันดูหม่นหมองไปหมด

“สีเทา”

“ครับ?”

“ผมแค่รู้สึกว่าคุณเคเหมือนสีเทา เทาแบบเข้มมากๆ”

“มันแปลว่าผมไม่ค่อยสดใสใช่ไหม”

“ไม่ค่อยมีความสุขครับ อย่างน้อยตอนนี้มาที่โรงพยาบาลก็คงไม่ใช่สุขภาพดีใช่ไหม”

“ผมแค่ไม่สบายนิดหน่อย”

“ครั้งที่แล้วผมก็เจอคุณเคนะครับแต่ไม่ได้เข้าไปทัก คุณเคมาโรงพยาบาลบ่อยมากหรือว่า..”

“เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงครับอย่าเพิ่งคิดไปไกล”

เครีบยกมือปฏิเสธคนที่นั่งอยู่ด้วยเพราะกลัวว่าจะคิดไปถึงไหนต่อไหน แถมท่าทางก็ยังดูตลกตาโตทำหน้าช็อคจนเขาเองยังอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ พอเห็นอีกฝ่ายหัวเราะสีน้ำก็เริ่มเบาใจขึ้นมาหน่อย เสียงหัวเราะของคุณเคทำให้สีน้ำมองอยู่อย่างนั้น

“ตอนนี้สีเทาเริ่มอ่อนลงเป็นสีเทาอ่อนแล้ว”

“ครูสอนวาดรูปชอบเปรียบทุกอย่างเป็นสีเหรอครับ”

“ไม่รู้ว่าผมเป็นคนเดียวหรือเปล่า”

“แล้วคินเป็นสีอะไรครับ”

“ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าภาคินสีอะไร”

“คนแรกเลยใช่ไหมครับที่ไม่รู้ว่าสีอะไร”

“ครับ คนแรก”

“คนพิเศษก็งี้แหละ”

“หูว นายธนาคารก็แซวคนอื่นเป็นเหมือนกันนะเนี่ย”

พอได้ยินแบบนั้นเคก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเงียบลงเหมือนตัดสินใจว่าพูดดีหรือไม่ดี สีน้ำเองก็พอจะดูออกเลยนั่งเงียบๆ รอเวลาให้อีกฝ่ายได้ตัดสินใจ แค่เพียงไม่นานคุณเคก็พิงหลังไปกับโซฟาที่นั่งอยู่

“ผมพักผ่อนไม่ค่อยพอมันแบบหลับๆ ตื่นๆ เลยลองมาคุยกับหมอดูครับ”

“……………..”

“ไม่ได้บอกให้ที่บ้านรู้กลัวว่าเขาจะเป็นห่วงกัน หมอเป็นเพื่อนของผมเองบอกว่ายังไม่ถึงขั้นร้ายแรงอะไร”

“คุณคินก็รู้ไม่ได้เหรอครับ”

“ผมไม่อยากให้คินมารู้เรื่องงานของผมเท่าไหร่ เขามีความสุขกับงานที่เขาทำอยู่แค่นี้ก็ดีแล้ว ดีที่คินเขาเลือกทางนี้ผมไม่อยากให้คินเป็นเหมือนผม”

“………………”

“มันไม่ใช่ความผิดของคินหรอกครับ ผมเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้เองคินเองก็โดนญาติๆ ว่ามาตั้งแต่เด็ก”

“………………”

“คินก็อดทนมากเหมือนกันนะครับ แค่ชอบศิลปะมากกว่าคำนวณทำไมถึงเป็นเรื่องเลวร้ายก็ไม่รู้”

“………………”

สีน้ำไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เขายินดีที่จะรับฟังทุกอย่างที่คุณเคบอก ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันต่อเสียงโทรศัพท์ของคุณเคก็ดังขึ้นเดาว่าน่าจะมีคนโทรมาตาม สีน้ำพยักหน้าก่อนจะยกมือไหว้อีกฝ่ายแต่ก่อนที่คุณเคจะเดินแยกออกไปอยู่ดีๆ ก็หันตัวกลับมามองแล้วยิ้มให้

“ผมดีใจที่คินไม่ใช่สีเทาเข้มเหมือนผม ฝากคุณสีน้ำทำให้เขามีความสุขมากๆ ด้วยนะครับ”

ก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่นะ

Watercolor


รู้สึกเหมือนมีเน็ตไอดอลมาทำงานที่ร้านกาแฟ
ตอนนี้หน้าเคาน์เตอร์ชงกาแฟมีคนมารุมเต็มไปหมด

สีน้ำหมุนเก้าอี้ที่นั่งวาดรูปอยู่หันไปมองในส่วนของร้านกาแฟ ตอนนี้ดูท่าครึกครื้นพอสมควรอย่างแรกก็น่าจะเป็นเพราะรสชาติกาแฟจะว่าไปร้านนี้ก็ดังอยู่เห็นคนรีวิวบ่อยๆ ครั้งแรกที่คุณนนท์ติดต่อมาให้เขามาร่วมกิจกรรมวาดรูปที่ร้านเขายังตื่นเต้นเลย บรรดาคนที่กำลังวาดรูปอยู่ มีการกระซิบกระซาบถึงบาริสต้าที่กำลังตั้งใจชงกาแฟไม่ได้สนใจอย่างอื่น มีบ้างที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ลูกค้าที่ถามถึงวิธีชงกาแฟ

“ภาคิน พิชญเดชา เมื่อก่อนเคยเห็นชื่อตามงานโฆษณากับนิทรรศการศิลปะแต่หาตัวยากมาก”

“หาตัวยากแปลว่าอะไรวะ”

“เขาไม่ค่อยอยู่กับที่เหมือนรับงานทั่วราชอาณาจักร แต่ตอนนี้เห็นเปิดร้านอยู่ที่กรุงเทพ”

“ทำไมข้อมูลมึงแน่นปึกขนาดนี้”

“หล่อรวยนามสกุลดังไฮโซแต่ดูติสท์ๆ ขนาดนี้กูจะพลาดได้ไง โสดอยู่คนเดียวในแก๊งลูกเพื่อนแม่ด้วย”

“กูเคยได้ยินชื่อแก๊งนี้บอสกูชอบสั่งดอกไม้ร้านของแฟนรามิล แต่เคยเห็นตามสื่อบ่อยๆ คนตี๋ๆ ชื่อเบนป่ะใช่ป่ะวะ”

“เออ คนนั้นชื่อเบนจามินกูยังเคยซื้อต่างหูของคนที่ชื่อทิมที่เป็นแฟนสถาปนิกที่หล่อๆ”

“แต่แน่ใจนะว่าคนนี้โสด”

“โสดสนิทชัวร์กูมั่นใจ!”


สีน้ำพยายามกลั้นขำกับบทสนทนาตรงหน้า เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ดังเหมือนดาราไอดอลขนาดนี้ ว่าแต่ภาคินนี่โสดสนิทเลยเหรอ สงสัยต้องไปถามเจ้าตัวซะแล้ว ยังไม่ทันจะลุกไปถามอยู่ดีๆ คนที่กำลังนึกถึงก็ลากเก้าอี้แล้วมานั่งลงข้างๆ สีน้ำที่กำลังระบายสีขาวรูปวาดตรงหน้าหยุดชะงักพอเงยหน้าขึ้นมามองรอบๆ ตัวคนที่กำลังตั้งใจวาดรูปอยู่เลยเงยหน้าขึ้นมามองกันหมด พอเห็นคนมองเยอะภาคินเลยหมุนเก้าอี้หันหลังให้แทน

“ว่างแล้วเหรอครับ”

“พักก่อนผมชงกาแฟจนมือเป็นตะคริวแล้ว”

“มีคนรู้จักคินเยอะแยะ ดังกะเน็ตไอดอล”

“ผมดัง? หมายถึงผม?”

สีน้ำพยักหน้าก่อนจะบอกให้ลองหันมามองคนที่กำลังเรียนวาดรูปอยู่  ภาคินเลยหมุนตัวกลับมาอีกรอบพอเห็นหลายคนมองอยู่อย่างนั้นเลยลองยกมือโบกมือไปมาพร้อมกับบอกว่าสวัสดีครับทุกคนเลยพากันหัวเราะ พอนานเข้าคินก็เริ่มเขินขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกันเลยหมุนเก้าอี้มามองคนที่กำลังวาดรูปอยู่ สีน้ำเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งมองเขาเงียบๆ เลยเลือกที่จะนั่งวาดรูปต่อ

“ว๊าว”

สีน้ำหันมามองคนที่ส่งเสียงออกมาเมื่อเขาเอาพู่กันจุ่มสีน้ำแล้วสะบัดลงบนกระดาษตรงหน้า ท่าทางเหมือนเด็กเจอของเล่นที่ถูกใจทำให้สีน้ำต้องยื่นพู่กันพร้อมกับบอกว่าให้ลองทำ ภาคินผู้ซึ่งไม่ถูกกับการระบายสีน้ำคิดอยู่นานว่าจะลองทำดีไหมเพราะกลัวว่าทำออกมาแล้วจะไม่สวยอย่างที่สีน้ำทำ

“แค่จุ่มสีแล้วดีดแบบนี้หรือเคาะพู่กันให้สีหยดลงกระดาษ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ได้นะครับ”

“สวยเหมือนกันนะเนี่ย”

“จริงๆ ใช้แปรงก็ได้แต่กลัวว่าจะเลอะเทอะกว่านี้”

“สนุก ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

“ตอนผมสอนเด็กๆ ก็ชอบกันครับมันไม่ยากเท่าไหร่”

“เด็ก?”

“ประมาณหกเจ็ดขวบ”

ภาคินหัวเราะตัวเองเมื่อรู้สึกว่าการระบายสีน้ำของเขาน่าจะเทียบเท่าเด็กหกขวบ แต่เขาก็รู้อยู่แล้วศิลปะไม่ได้จำกัดอายุ มันไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว คราวหน้าสงสัยจะต้องไปลงเรียนพร้อมกับนักเรียนของครูสีน้ำซะแล้ว พอภาคินเห็นว่าภาพตรงหน้าสวยแล้วก็คืนพู่กันให้กับสีน้ำได้วาดรูปต่อ มีบ้างที่สีน้ำลุกไปดูภาพวาดของคนที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ จะว่าไปคินก็ไม่เคยเห็นสีน้ำเวอร์ชั่นครูสอนวาดรูปเลยพอได้เห็นใกล้ๆ ครูสีน้ำก็ดูจริงจังขึ้นมาทั้งๆ ที่ทุกครั้งเวลาเจอกันชอบทำหน้าตาแป้นแล้นอยู่เรื่อย

“ที่จริงผมมีเรื่องจะบอกน้ำด้วย”

“ครับ”

“ตั้งแต่อาทิตย์หน้าจะมีพี่ที่เคยทำงานด้วยกันมาใช้สตูผม”

“แล้ว?”

“คือหนึ่งในนั้นมีคนที่ผม แบบยังไงดี แบบเคย”

“กิ๊กเก่าเหรอ”

“เฮ้ยไม่ถึงกับกิ๊กเลยแบบเคยหยอดๆ กันช่วงหนึ่งแถมตอนนี้เขามีแฟนแล้ว”

“อ้อ”

“ตอบสั้น”

“อ้อออออออออ”

“กวนว่ะ”

“คินไม่ต้องคิดมากหรอก งานก็คืองานผมรู้แต่ก็ขอบใจที่มาบอก”

“ไม่หวงผมหน่อยเหรอแบบนิดนึงก็ยังดี เมื่อกี้ตอนชงกาแฟมีคนถ่ายรูปไปเป็นร้อยรูปเลยมีคนมาขอเบอร์ด้วย”

“ให้ไปเหรอครับ”

“ถ้าบอกว่าให้”

“วันนั้นทิมบอกผมอย่างหนึ่งไม่คิดว่าจะได้ใช้วันนี้เหมือนกัน”

“ทิม ทับทิมนพจินดา”

“ครับ ทับทิมแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ขนลุกซู่เลยตอนนี้ ไหนไอ้ทิมบอกว่าไง”

สีน้ำเอาพู่กันจุ่มสีขาวในถาดสีแล้วเอามาป้ายแก้มภาคิน มันไม่ได้เลอะอะไรมากมายแค่เป็นแถบสีขาวจางๆ เพียงเท่านั้น แต่บรรดาคนที่กำลังวาดรูปอยู่บางคนก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ คินยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองแล้วขมวดคิ้ว คินไม่แน่ใจว่าไอ้การเอาสีมาป้ายแก้มเขานี่คือทับทิมบอกมาว่ายังไง

“เอาสีขาวมาป้ายนี่คือ?”

“ทิมบอกว่าให้เล่นเกม ‘s กับคินบ้าง”

“โดยเอาสีน้ำมาป้ายเนี่ยนะ”

“ใช่ก็นี่ภาคินนี่สีน้ำผมป้ายสีขาวจองไว้แล้ว ป้ายอีกดีกว่า”

คินจับข้อมือของครูสอนวาดรูปไว้ทันเมื่ออีกคนทำท่าจะเอาพู่กันมาป้ายที่แก้มเขาอีกรอบ ก็พอเข้าใจความหมายเกม ‘s ของทิมอยู่เหมือนกันแต่ท่าทางสีน้ำจะเลือกใช้วิธีเด็กน้อยไปหน่อย ถ้ารู้ว่าทิมเคยเล่นเกมนี้กับพอร์ชแบบไหนสงสัยน่าจะช็อคตาตั้ง พอคิดได้แบบนั้นภาคินก็ยิ้มออกมาก่อนจะกระตุกข้อมือให้สีน้ำเอนตัวเข้ามาหาพร้อมกับจูบลงข้างขมับเร็วๆ หนึ่งที คราวนี้คนโดนจูบตัวแข็งทื่อและไม่ใช่แค่สีน้ำที่ช็อคคนที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ก็น่าจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไป เสียงพู่กันที่หล่นลงพื้นทำให้ทุกคนรู้สึกตัว ภาคินก้มลงมากระซิบบางอย่างให้ได้ยินกันแค่สองคน

“นี่สิครับเกม ‘s ของแก๊งลูกเพื่อนแม่”

คินหัวเราะเมื่อสติของสีน้ำเริ่มกลับมาเข้าที่เลยโดนฟาดใส่ตามเคยมีการดันเก้าอี้ให้เขาไปนั่งห่างๆ อีกต่างหาก และยิ่งตลกมากกว่าเดิมเพราะคนที่กำลังนั่งวาดรูปกระซิบกับเพื่อนแต่สงสัยว่าจะดังไปหน่อยคินกับสีน้ำเลยได้ยินไปด้วย

“ไหนมึงบอกว่าเขาโสดสนิทโสดคนเดียวในแก๊งลูกเพื่อนแม่ไงวะ…”

นนท์เจ้าของร้านกาแฟตั้งใจจะตามคินไปชงกาแฟต่อเพราะเห็นหายไปนาน แต่พอมาเห็นภาพตรงหน้าก็เลือกที่จะเงียบลงแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้ ภาคินที่เขารู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยไม่ชอบการระบายสีน้ำโคตรๆ แล้วดูวันนี้มันเป็นสิ่งที่นนท์เองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็นภาพนี้ ภาพที่ภาคินมือหนึ่งถือแก้วกาแฟอเมริกาโนที่ตัวเองชงเอง ส่วนมืออีกข้างก็ถือจานสีให้คุณสีน้ำคอยจุ่มสี แล้วดูสองคนนี้แต่งตัวกันโคตรตรงกันข้ามคินยังคงคอนเซปต์เสื้อผ้าสามสี เทา ขาว ดำ ไม่เคยเปลี่ยนส่วนคุณสีน้ำอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตลายทางสีฟ้าสดใส จังหวะที่คินยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มพร้อมกับคุณสีน้ำหันมาจุ่มพู่กันลงบนจานสีทำให้นนท์เลือกที่จะกดถ่ายรูปนี้ไว้

น่ารักดี…ผู้ชายกาแฟดำกับนายสีน้ำ



................
..........................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White-* [ 24/08/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 24-08-2020 20:27:40
Watercolor

เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังอยู่หน้าร้านทำให้ภาคินที่เพิ่งเดินลงมาจากข้างล่างต้องส่ายหน้าอย่างขำๆ พวกพี่ๆ ที่เคยทำงานด้วยแกล้งส่งเสียงโหยหวนเพราะรออยู่นานแล้ว ดีที่สนิทกันอยู่แล้วถึงได้มาส่งเสียงแบบนี้ได้ ทันทีที่คินเปิดประตูสายรุ้งหลากหลายสีก็กระจายใส่เต็มหน้า บนหัวทุกคนใส่หมวกปาร์ตี้เตรียมฉลอง คินรู้ว่าทุกคนมาแสดงความยินดีที่เขาเปิดร้านและสตูดิโอเป็นของตัวเองแต่เขาเปิดร้านมาครึ่งปีแล้วก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาฉลองให้อยู่อีก

“ขอบคุณมากพี่ แค่มาใช้บริการสตูดิโอผมก็ดีใจมากแล้ว”

“ชื่อเสียงร้านมึงโคตรโด่งดังเลยคิน”

“ร้านผมดังขนาดนั้นเลย”

“เออ โด่งดังเรื่องที่เปิดเดือนละสามวัน เวรเอ๊ยเพื่อนกูบอกมากี่ทีๆ ก็ขึ้นป้ายว่า close ตลอดไม่เคยได้ซื้อของเลย”

“เดี๋ยวจะเปิดบ่อยขึ้นแล้วที่ผ่านมาตารางมันยังไม่ค่อยลงตัว งานนอกที่รับมายุ่งด้วย”

คินทักทายพี่ๆ ที่ขนอุปกรณ์เดินเข้ามาในร้านก่อนที่คินจะบอกให้ขึ้นไปชั้นสองได้เลย แต่คนที่เดินมาเป็นคนนสุดท้ายทำให้คินยืนพิงประตูแล้วยิ้มให้ ปลายรุ้งยังคงคอนเซ็ปต์สาวหมวยสุดแสนจะเท่ พอเห็นหน้าเขาก็ร้องเฮ้ยเสียงดังลั่นพร้อมกับทุบไหล่เขาดังปักๆ

“เป็นไงคิน สบายดีนะไม่เจอกันโคตรนานเลยข่าวสุดท้ายคือแกหนีไปเชียงใหม่ หายต๋อมไปเลยนะ”

“สบายดีรุ้งอะ ยังทำงานที่นี่อยู่อีกเหรอเห็นบ่นลาออกรอบที่ร้อย”

“ไม่มีที่ไปว่ะพูดแล้วเศร้าซึมขนาดตอนนี้ยังใช้ผู้หญิงอย่างฉันแบกของ แล้วนี่กลับจากเชียงใหม่ได้ก็ดีขึ้นแล้วสินะ”

“ไม่ได้เป็นอะไรมากรุ้งก็พูดเวอร์”

“เจอรักใหม่แล้วใช่ป่ะ กิ้วๆ”

“คิน วันนี้ซื้อหมูปิ้งมาเผื่อ…”

เสียงที่ดังขึ้นหน้าประตูทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง สีน้ำยังใส่ผ้ากันเปื้อนสีแดงแถมข้างแก้มยังเลอะไปด้วยสีเป็นปื้นๆ วันนี้มีสิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือผ้าโพกหัวสีเดียวกับผ้ากันเปื้อนด้วย พอเห็นว่ามีใครยืนอยู่ด้วยก็เลยเอ่ยทักทายก่อนที่คินจะแนะนำให้รู้จัก คินเห็นบรรดาอาหารเช้าที่สีน้ำถือมาก็รีบเข้าไปช่วย คนที่ซื้ออาหารเช้ากำลังพูดเจื้อยแจ้วว่าวันนี้ซื้ออะไรมาให้บ้างคินเองก็พยักหน้ารับพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดตรงแก้มที่เลอะสีไปด้วย

“อร่อยมากเจ้านี้เหมาซาลาเปามาหลายไส้ให้คินเลือก พูดจนเหนื่อยผมต้องกลับไปสอนแล้ว”

ครูสอนวาดรูปวันนี้เหมือนเด็กลงกว่าอายุจริงเยอะ นี่ก็พูดไม่หยุดตั้งแต่เจอร้านขายขนมจีบซาลาเปาเจ้าใหม่ แถมวันนี้มีผ้าโพกหัวน่ารักทำให้คินรู้สึกมันเขี้ยวเอาแต่ยืนลูบแก้มอยู่อย่างนั้น ปลายรุ้งที่ยืนอยู่ที่เดิมรู้สึกตัวเองเหมือนไร้ตัวตนมากๆ ได้แต่ยกมือโบกไปมาพร้อมกับพูดเบาๆ ว่าฮัลโหล

“คนนี้เหรอที่บอก”

“ครับ แต่ยืนยันนะผมไม่ได้คิดอะไรกันแล้ว”

“ยืนยันอีกเสียงค่ะ เพื่อนกันร้อยเปอร์เซ็นต์”

ทั้งสองคนปฏิเสธเสียงแข็งทำหน้าจริงจังจนสีน้ำหัวเราะออกมา ก่อนจะพยักหน้าแล้วขอตัวไปสอนนักเรียนต่อ ปลายรุ้งก็นึกว่าคุณสีน้ำจะไปไหนไกลก็แค่เดินเลี้ยวไปร้านข้างๆ แต่ภาคินก็มองตามซะจนลับสายตาจนปลายรุ้งต้องบอกเสียงดังว่าเวอร์จริงๆ แต่พอภาคินบอกว่าคุณน้ำเป็นครูสอนวาดรูปและสอนคลาสระบายสีน้ำ ปลายรุ้งก็ยกมือทาบที่อก

“คุณพระคุณเจ้านึกภาพแกระบายสีน้ำไม่ออกเลยคิน เห็นแต่ภาพโยนจานสีทิ้ง”

“ตอนนี้ก็ยังไม่ถนัดแต่ก็เคยลองแล้วก็ไม่ได้แย่นะ แต่ก็ยังขี้เกียจผสมสีเอง”

“ดีเนอะ คุณน้ำดูไว้ใจคินดีแต่แฟนเรา..”

คินพอรู้ว่าแฟนของรุ้งเป็นคนขี้หึง เมื่อวันก่อนพวกพี่ๆ ก็เกริ่นให้เขาฟังแล้วตอนแรกจะไม่ให้รุ้งมาด้วยซ้ำ แต่คนที่มีความรับผิดชอบเรื่องงานอย่างรุ้งไม่ยอมแน่ๆ แฟนรุ้งเองก็รู้ว่าเขาเป็นใครเคยคุยกับรุ้งแบบไหน ถึงได้ไม่ไว้ใจตัวคินก็เลยเลือกที่จะบอกกับสีน้ำก่อนเหมือนกัน ดีที่สีน้ำเข้าใจเขาในเรื่องนี้ แต่ทางฝ่ายรุ้งเขาก็ไม่แน่ใจเลย

งานลากยาวมาจนเกือบห้าทุ่ม
ตอนนี้ในสตูดิโอของคินทุกคนสภาพเหมือนซอมบี้

ตอนแรกเสียงโทรศัพท์ของรุ้งดังแทบทุกสิบนาทีจนหลังๆ เจ้าตัวปิดเครื่องแล้วกลับไปตั้งใจทำงานต่อ แต่ดูจากสีหน้าแล้วคินคิดว่าเจ้าตัวก็น่าจะไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน ในที่สุดงานเสร็จสิ้นจนเกือบเที่ยงคืนทุกคนนอนแผ่ลงบนพื้นก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นมาเก็บของ ปลายรุ้งที่เก็บอุปกรณ์ประกอบฉากร้องออกมาเสียงดังลั่นเมื่อโดนขอบพลาสติกบาดนิ้ว ภาคินที่อยู่ใกล้ที่สุดเลยชะโงกหน้ามาดูดีที่แผลไม่ได้ลึกมากคินเลยหยิบพาสเตอร์มาแปะลงบนนิ้วให้ อยู่ดีๆ ประตูสตูดิโอก็เปิดออกพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้านิ่งสนิท และยิ่งเห็นว่าคินกำลังจับมือรุ้งอยู่อีกฝ่ายก็ดูโมโหมากกว่าเดิมก่อนจะเดินเข้ามากระชากคอเสื้อคินแล้วต่อยลงบนหน้าเต็มแรง

เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด รุ้งพยายามดึงแขนแฟนตัวเองที่เอาแต่จะเข้าไปกระชากเสื้อคินตลอดเวลา เสียงโครมครามดังลั่นร้านจนสีน้ำที่เดินเข้าในร้านคินต้องขมวดคิ้ว ตอนแรกสีน้ำก็คิดว่าข้างบนยังทำงานกันอยู่เลยหันหลังจะเดินกลับแต่พอหยุดฟังดีๆ มันเหมือนคนกำลังทะเลาะกัน สีน้ำเลยรีบวิ่งขึ้นไปดูชั้นสองก็ต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังกระชากเสื้อคินอยู่แถมใบหน้าของคินยังมีรอยช้ำตรงแก้ม

“รุ้งบอกให้หยุด! แบงค์ ”

“จะให้คิดยังไงแบงค์เปิดประตูเห็นมันยืนจับมือรุ้งอยู่!”

ทุกถ้อยคำสีน้ำได้ยินทั้งหมด ปลายรุ้งพยายามอธิบายว่ามันไม่ได้มีอะไรภาคินแค่แปะพลาสเตอร์ให้เท่านั้น แต่ดูคนที่กำลังโมโหอยู่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นยังคงพูดตามที่ตัวเองเห็นพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าที่ตามมาดูเพราะรุ้งปิดโทรศัพท์ และกลัวว่าถ่านไฟเก่าจะร้อนขึ้นมาอีกรอบถ้าอยู่ใกล้กันแบบนี้ จังหวะที่แบงค์กำลังจะยกมือต่อยภาคินอีกครั้ง ก็ต้องหยุดชะค้างเมื่อมีอีกคนเข้ามาขวางไว้

“ถ้าคุณทำร้ายคินอีกผมฟาดคุณแน่”

ขาตั้งกล้องในมือของอีกฝ่ายทำให้แบงค์ชะงักไปเหมือนกัน ภาคินที่มึนหัวเพราะโดนเหวี่ยงไปมาพอตั้งสติได้และเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลยดันตัวสีน้ำให้ไปยืนข้างหลังแต่เจ้าตัวก็ดูท่าจะไม่ยอมแถมยังกระชับอาวุธในมือไว้แน่น

“ตอนนี้ผมสามารถแจ้งความคุณได้ด้วยซ้ำ”

“…………………….”

“เชื่อใจแฟนตัวเองซะบ้าง ไม่ใช่มาทำร้ายคนอื่นแบบนี้”

“…………………….”

“ผมไม่ได้พูดเล่นและผมก็พร้อมจะฟาดไอ้นี่ใส่หัวคุณจริงๆ”

“…………………….”

พอสีน้ำพูดแบบนั้นแบงค์ก็เหมือนจะใจเย็นลง เสียงร้องไห้ของปลายรุ้งที่สะอื้นไม่หยุดทำให้สติของแบงค์เริ่มกลับมา พอหันมองรอบตัวข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น แถมใบหน้าของภาคินตรงแก้มก็เป็นรอยช้ำ พอเหตุการณ์ปกติพี่ที่เป็นหัวหน้าเลยบอกให้รุ้งพาแฟนกลับไปก่อน เดี๋ยวจะเคลียร์ทางนี้ให้เองดีที่ข้าวของที่เสียหายไม่ได้มีอะไรที่สำคัญ ส่วนมากก็เป็นพวกแจกันดอกไม้ ไม่ก็หนังสือที่เอามาประกอบฉาก ภาคินกับสีน้ำเลยมานั่งรอข้างล่างเพราะสตูดิโอตอนนี้แทบจะไม่มีที่ให้นั่งแล้ว เวลาเกือบตีสองพวกพี่ๆ ก็เข้ามาเอ่ยขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย พร้อมกับบอกจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่คินก็ส่ายหน้าเพราะว่าไม่ยังไงมันก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด 

“ทำแผลก่อนหน้าช้ำไปหมดแล้ว ดีนะที่โดนแค่หมัดเดียว”

“เจ็บ..”

สีน้ำที่กำลังแต้มสำลีไปบนแผลหยุดก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเบ้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นยังเก๊กหน้านิ่งว่าไม่เจ็บอยู่เลย สีน้ำเลยกระเถิบเข้าใกล้มากกว่าเดิมเพราะจะได้ทำแผลได้ถนัดๆ ภาคินมองคนที่กำลังตั้งใจทำแผลให้เขาอยู่ตอนนี้ ภาพเหตุการณ์ที่สีน้ำเอาแต่มาขวาง แถมยังทำท่าจะเอาขาตั้งกล้องฟาดใส่มันทำให้คินยิ้มออกมา เขานึกว่าสีน้ำจะโกรธเขาซะตอนที่แบงค์บอกว่าเห็นเขายืนจับมือกับรุ้งอยู่

“ถามได้ไหม จะอาขาตั้งกล้องฟาดแบงค์จริงเหรอครับ”

“ไม่จริงหรอกทำเท่ไปงั้น”

“และยังจะไปสู้กับเขา”

“ก็เขาจะต่อยคินนี่”

พอรู้เหตุผลภาคินก็ยิ้มออกมาทั้งๆ ที่เจ็บแผลตรงโหนกแก้มจะแย่อยู่แล้ว สองมือเลยยกขึ้นมาโอบเอวสีน้ำเข้ามากอดไว้แน่น แววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงทำให้คินต้องแนบหน้าผากกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด

“รู้ไหม ผมนึกภาพคุณไว้เยอะมากก่อนที่เราจะเจอกัน”

“แบบไหนบ้าง”

“อาจจะเด็กกว่า อาจจะแก่กว่า ใส่แว่น ดัดฟัน ผมสั้น ผมยาว คิดไว้หมดทุกแบบ แต่มีอย่างหนึ่งที่คิดไว้ว่าตรงนะ”

“อะไร”

“ดูบ๊องๆ”

“คนเรา..แล้วเป็นไงผิดหวังไหมล่ะ”

ภาคินส่ายหน้าไปมาพร้อมกับกอดกระชับให้แน่นขึ้นจนแทบไม่มีช่องว่าง ภาคินพูดเบาๆ ว่าขอบคุณ ตั้งแต่เกิดมาก็ผ่านการมีเรื่องชกต่อยมาเหมือนกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนปกป้องเขาขนาดนี้ สีน้ำไม่ลังเลที่จะช่วยเขาเลยด้วยซ้ำสายตาและท่าทางแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นห่วงเขามาก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วภาคินเงยหน้าจูบลงบนหน้าผาก

“ดีใจที่เป็นคุณสีน้ำ ผมดีใจที่เราได้เจอกัน”

สีน้ำยิ้มออกมาเมื่อได้ยินก่อนที่ระยะห่างของเราสองคนต่อยๆ สั้นลงเรื่อยๆ เสียงหัวใจที่ดังขึ้นจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร ภาคินค่อยๆ ก้มหน้าลงมาจนเกือบจะแนบชิดกับริมฝีปากของอีกฝ่าย

“ภาคิน..”

เสียงเรียกชื่อที่ดังออกมาทำให้คินหยุดชะงัก แต่สุดท้ายสีน้ำก็ไม่ได้พูดอะไรต่อมีเพียงมือที่ยกขึ้นมาวางลงบนอกกว้างของเขาแค่เพียงเท่านั้นภาคินก็ก้มลงแนบจูบลงไปพร้อมกับรั้งให้สีน้ำให้ขึ้นมานั่งบนตัก มือของสีน้ำที่วางอยู่เฉยๆ ค่อยๆ เลื่อนมากอดคอคินไว้ คินตั้งใจไว้แล้วว่ายังไม่ใช่ดีฟคิสเราทั้งคู่ต้องการเวลามากกว่านี้ แต่แค่เท่านี้คินก็จะบ้าตายแล้วเหมือนกันความอ่อนนุ่มที่สัมผัสอยู่ตอนนี้ทำให้คินไม่อยากจะหยุดสักวินาที มีให้อีกฝ่ายพักหายใจก่อนจะแนบจูบลงไปอีกครั้งจนสีน้ำต้องยิ้มออกมาก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายพอก่อน ภาคินยิ้มนิดๆ ก่อนจะก้มลงไปจูบครั้งสุดท้ายแล้วผละออก

“เพิ่งโดนต่อยมาแท้ๆ”

“ดีนะไม่โดนต่อยที่ปาก”

“น่าจะโดนสักทีสองที แล้วนี่คินไม่บอกแก๊งลูกเพื่อนแม่เหรอครับ”

“พรุ่งนี้ค่อยบอกแล้วกันมันดึกแล้ว พวกมันอยู่กับแฟ..”

ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคเสียงดังโหวกเหวกก็ดังขึ้นอีกรอบ คินกับสีน้ำเลยเดินออกมาดูและก็เป็นอย่างที่คิด สีน้ำค่อยๆ สอดมือมาประสานมือกับคินไว้แน่นก่อนจะบอก

“ขบวนการจูเรนเจอร์ คิดไว้แล้วว่ายังไงแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ต้องมาวันนี้”

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ภาคินยิ้มออกมา รถยนต์สองคันจอดอยู่ที่หน้าร้านของเขาคันแรกเป็นของรามิลและต้นไม้ พอรามิลลงมาสลับให้ต้นไม้ขับแทน ภาคินยกมือโบกให้ต้นไม้ที่ยิ้มให้พร้อมกับยกมือทำสัญลักษณ์ว่าโอเคเพราะต้นไม้ถามว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ส่วนคันหลังคือรถของพอร์ชที่พอเห็นหน้าเขาก็ตะโกนดังลั่น

“ลูกพี่ มีเรื่องมีราวไม่โทรเรียกผมเลยนะจะได้มาช่วย” เลยโดนไอ้ทิมที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟาดใส่เข้าให้

นอกจากพอร์ชกับทิมแล้วเบาะข้างหลังยังมีเบนจามินกับคีตา ท่าทางคีตาจะง่วงมากจริงๆ ถึงได้สะลืมสะลือเหมือนคนเพิ่งตื่นแต่ก็ยังเดินมาหาเขาพร้อมกับถามว่า พี่คินต่อยชนะไหม ภาคินหัวเราะออกมาก่อนจะขยี้ผมเจ้าหนูของไอ้เบนจนผมยุ่งเหยิง แก๊งลูกเพื่อนแม่และแฟนของทุกคนอยู่ในชุดนอนดูก็รู้ว่ารีบมาขนาดไหน รามิลคุยอะไรกับต้นไม้ก่อนจะจับตัวมาหอมลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลสองที เบนจามินจูงมือคีตาให้มาทีรถของรามิลก่อนจะบอกต้นไม้ว่าฝากคืนหนึ่งแล้วบีบแก้มกลมๆ นั้นจนคีตาต้องดันมือไอ้เบนออก

“เดี๋ยวผมมารับพรุ่งนี้เช้าหรือทิมจะเข้าสาย มีนัดลูกค้าไหม”

“มีตอนบ่าย เดี๋ยวโทรไปบอกพี่ต่ายแล้วกันว่าไม่เข้าบริษัทตอนเช้า ล็อคบ้านดีๆ ด้วย”

ทับทิมกำชับเรื่องบ้านอีกรอบพอร์ชเองรับคำสั่งพร้อมทวนซ้ำว่าต้องทำอะไรบ้าง ก่อนที่พอร์ชจะก้มลงมาหอมแก้มทิมทั้งสองข้างตามด้วยหน้าผากอีกครั้ง แล้วหันมาโบกมือลาพวกเขาที่ยืนอยู่ ไอ้เบนบ่นเบาๆ ว่าเวอร์เหลือเกินคู่นี้ทำยังกะไอ้ทิมไปไหนไกล เดี๋ยวนี้พวกเขามีภูมิต้านทานขึ้นเยอะถ้าเป็นเมื่อก่อนไอ้พอร์ชทำแบบนี้ รับรองโดนถีบกระเด็นไปนู่นแล้ว อีกอย่างเพื่อนเราก็เป็นคนยื่นแก้มให้อีกคนหอมก่อนอีกต่างหากว่ามันไม่ได้เลย

พอเสร็จภารกิจร่ำลาแฟน
แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็เดินกอดอกเข้ามาหาคินที่ยืนอยู่

“มาทำไมกันป่านนี้”

“เพื่อนรักกูมีเรื่องขนาดนี้พวกกูจะนอนหลับเหรอไง ไอ้หัวหน้าแก๊งโทรมาบอกกู กูนี่ช็อคแทบจะกรี๊ด เล่นบอกมึงโดนกระทืบกูนึกสภาพมึงนอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้วคิน”

“เบนนี่มึงออกมาจากคอนโดด้วยชุดนอน ใส่แว่น รองเท้าแตะได้แสดงว่ามึงตกใจจริง”

“แก่ป่านนี้ยังจะมีเรื่องต่อยเพราะผู้หญิงอีกเหรอนี่ภาคิน หล่อนักเหรอเราหน้าเหมือนกงยูเหรอไง นู่น เจ้านายมึงทับทิมหน้าบึ้งตึงตั้งแต่รู้ว่ามึงมีเรื่อง ดีที่พี่ที่ทำงานเก่ามึงเขามีเบอร์ไอ้มิลโทรมาเล่าซะละเอียดยิบ”

“แล้วนี่จะแจ้งความป่ะวะ”

“เดี๋ยวกูคุยกับรุ้งก่อนไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตเท่าไหร่เลยว่ะ”

“โดนเขาต่อยหน้าช้ำขนาดนี้”

ทับทิมยังคงหน้าบึ้งไม่เลิกถึงจะตีกันบ่อยๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกกระจ๊อกก็แน่นแฟ้นมาตั้งแต่สามขวบ ภาคินเลยยกมือดึงผมจุกทิมเบาๆ เมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่ทำหน้านิ่งอยู่แบบนั้น

“เป็นไร”

“ลูกกระจ๊อกห้ามมีแผลสิ”

“นิดเดียวเอง สองวันก็หายเลิกทำหน้าบึ้งได้แล้ว ตอนหกขวบโดนมึงเอากระติกน้ำฟาดใส่ยังเจ็บกว่าอีก”

“มึงเอารองเท้ากูไปซ่อนก่อนเหอะตอนนั้น”

พอคินหัวเราะได้ทับทิมก็เลิกทำหน้าบึ้ง แล้วถอนหายใจใส่แต่พอเห็นว่าแผลของคินใส่ยาเรียบร้อยแล้วก็เบาใจขึ้นมาหน่อย แก๊งลูกเพื่อนแม่พยายามแย่งกันถามไถ่อาการ มีบังคับให้คินไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความชัวร์แต่คินก็ยังยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่พอทับทิมทำหน้าบึ้งอีกรอบคินเลยต้องยกมือบีบไหล่เบาๆ พร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบไปตรวจเลยจ่ะ

พอเผลอพูดมากไปหน่อยคินก็เบ้หน้าเพราะแผลเริ่มระบม สีน้ำเลยลุกขึ้นดูแผลให้คินพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวไปหายาแก้ปวดให้คินกินก่อนเดี๋ยวต้องเจ็บแผลมากแน่ๆ ท่าทางเป็นห่วงของสีน้ำทำให้แก๊งลูกเพื่อนแม่มองตาปริบๆ พอสีน้ำเดินเข้าไปหายาข้างในแล้ว รามิล เบนจามิน และทับทิมก็หันมามองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงประโยคของคนที่โทรมาบอก


“คุณที่อยู่ร้านข้างๆ ชื่อสีน้ำสีเทียนสีอะไรสักอย่างกูไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าแฟนปลายรุ้งทำท่าจะต่อยคินอีกรอบ น้องเขาหรือพี่วะเออนั่นแหละเตรียมสู้ทันที เอาตัวมาขวางด้วยนะเว้ยเขาโคตรเป็นห่วงไอ้คินเลยกูประทับใจ”






To be con

PS พี่คินเป็นคนที่ฉลาดมากๆ นะคะ 555
นิยายรายเดือน..


ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า

#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo







หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 24-08-2020 20:42:52
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 24-08-2020 23:04:45
มาแล้ววว คิดถึงสีน้ำที่สุด  :katai2-1:

รอทุกวันเลย ไม่นึกว่าจะรายเดือนจริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-08-2020 23:13:12
แก็งค์นี้น่ารักกันทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 25-08-2020 02:02:29
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 25-08-2020 10:53:30
สีน้ำคือซุปเปอร์ฮีโร่ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 25-08-2020 15:20:30
เขาจูบกันแล้ววววววจูบอีกๆๆขอจูบอีก :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 25-08-2020 19:27:21
สีน้ำห้าวมากเอาขาตั้งกล้องมาสู้ :mew1: ชอบความผูกพันของแก็งส์ลูกเพื่อนแม่จริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-09-2020 08:51:13
ชอบความชัดเจนแต่คลุมเครือนี้จังเลย
ขยันแสดงออก และเหมือนจะบอกกัน แต่ไม่อะไรสักที
จูบกันล้ำหน้าไปอีก ห่วง หวง ออกนอกหน้าไปอีก แหมมมมม

โอ๊ยยย ไวมากจ้า ทุกคนมาไวมาก ปลื้ม รักกันดีนะชาวแก๊ง
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-09-2020 09:46:20
ชอบความเหนียวแน่นของแก๊งค์ลูกเพื่อนแม่จริง ๆ
เอ็นดูfcพี่ทับทิม
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.11 - White [ 28/04/2020] Page.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ben33 ที่ 25-09-2020 16:37:52
 :L1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 27/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 27-09-2020 20:22:04
WATERCOLOR

#ที่พักพิงสีน้ำ



คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร?

ภาคิน พิชญเดชา



CH.12 - Silver Glitter



คินไม่เอาเรื่องแฟนของรุ้งแต่ก็ให้ชดใช้ข้าวของที่เสียหาย และดูท่าทางอีกฝ่ายก็น่าจะสำนึกผิดแล้วเหมือนกัน ตอนแรกแก๊งลูกเพื่อนแม่บอกให้เขาแจ้งความเพราะว่าถึงกับเลือดตกยางออก แต่อีกใจก็สงสารรุ้งอย่างน้อยก็รู้จักกันมานาน ตอนที่แฟนของรุ้งตั้งใจมาขอโทษที่ร้าน เขาเองก็บอกว่าให้ตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ดีๆ ถ้าวันดีคืนดีทำร้ายร่างกายรุ้งขึ้นมาจะว่ายังไง รุ้งพยักหน้าแล้วก็บอกว่าตอนนี้ขอเลิกกับแฟนแล้วเพราะครั้งนี้เรื่องมันร้ายแรงมากทำใจไม่ได้จริงๆ

พอขอโทษชดใช้ค่าเสียหายจ่ายเงินกันเสร็จสรรพ ทุกอย่างกำลังจะจบกันด้วยดี อยู่ดีๆ ทุกคนในร้านของคินก็หยุดนิ่ง เมื่อเห็นว่าทับทิมเดินไปหยุดตรงหน้าแบงค์ที่เงยหน้าขึ้นมามองพอดี

“อย่าคิดว่าที่เพื่อนผมไม่แจ้งความแล้วคุณจะไปทำแบบนี้กับคนอื่นได้อีก ขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าเพื่อนผมมีแผลที่เกิดขึ้นเพราะคุณอีกครั้ง ชีวิตคุณไม่มีวันสงบสุขแน่”

“………”

“นี่ประโยคบอกเล่านะ ให้รู้ไว้เฉยๆ”

“………”

ตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานหนึ่งที ทุกคนในร้านเงียบสนิทไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงอะไรออกมา ภาคินกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นว่าแบงค์เองถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่พอทิมถามซ้ำอีกครั้งว่าเข้าใจไหมเจ้าตัวก็พยักหน้าพร้อมกับพูดเร็วๆ ว่าเข้าใจครับๆ ซ้ำไปซ้ำมา คินและแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เจอเหตุการณ์แบบนี้จนชินเลยได้แต่ยืนเฉยๆ พอร์ชแฟนดีเด่นยกนิ้วโป้งให้ไอ้ทิมที่หันมายิ้มให้ ส่วนแฟนคลับนัมเบอร์วันอย่างสีน้ำที่ยืนอยู่ข้างคินถึงกับปรบมือรัวๆ ไม่หยุดแถมยังมีการเอียงหน้ามากระซิบบอก

“เท่เนอะ วันหลังถ้ามีคนมาแกล้งทำแบบนี้บ้างดีกว่า”

ภาคินได้แต่หัวเราะแหะๆทำไมทุกคนถึงมีไอ้ทิมเป็นไอดอลกันหมดเลยวะ





วันนี้ภาคินปิดร้านเพื่อจัดการข้าวของที่มันเละเทะและต้องการพักผ่อนด้วย ไม่รู้ว่าด้วยอายุที่มันมากขึ้นหรือเปล่าร่างกายมันถึงฟื้นตัวช้ากว่าทุกครั้ง ก็ไม่คิดว่าการที่โดนต่อยแค่ครั้งเดียวจะทำให้เขาไข้ขึ้นได้นานหลายวันขนาดนี้ ไอ้มิลถึงกับบุกมาที่ร้านแล้วจับเขายัดใส่รถพาไปโรงพยาบาลทันที ทั้งๆ ที่เขาเองก็บอกแล้วไม่ต้องไปโรงพยาบาลให้มันวุ่นวาย แต่รามิลก็ไม่ยอมแถมยังเอาไอ้ทิมมาขู่อีกต่างหาก

“มึงอย่าลีลาได้ไหมคิน ทำตัวเป็นเด็กห้าขวบกลัวหมอไปได้”

“กูไม่ได้กลัวแต่ขี้เกียจ”

“ไอ้ทิมสั่งมามึงกล้าขัดคำสั่งมันเหรอไง”

“นี่มึงเป็นหัวหน้าแก๊งจริงป่ะวะเนี่ยรามิล ไม่ไปโว้ยกูขี้เกียจไป”

“ไอ้ทิมรู้ขึ้นมาเดี๋ยวได้ตายคู่ เร็ว”

กว่าจะถกเถียงกันเสร็จก็หลายนาที รามิลหัวหน้าแก๊งไร้อำนาจยกโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ พร้อมกับขู่ว่าจะโทรหาไอ้ทิมทันทีถ้าเขาไม่ไปหาหมอวันนี้ สุดท้ายภาคินก็ยกมือยอมแพ้ก่อนจะสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่เมื่ออยู่ดีๆ ไอ้ทิมก็โทรมาเช็คว่าเขาไปโรงพยาบาลจริงหรือเปล่า ไอ้นี่ก็น่ากลัวจริงๆ เหมือนมีญาณทิพย์รู้ไปหมดทุกอย่าง พอถึงโรงพยาบาลคินก็เลยไล่ให้ไอ้มิลไปทำงานทำการเดี๋ยวขากลับเขากลับเองได้ ดีที่รามิลยังเชื่อฟังบ้างไม่งั้นต้องมานั่งรอกันครึ่งค่อนวัน ทันทีที่พยาบาลเรียกชื่อเขาให้เข้าไปในห้อง หมอที่รักษาประจำพอเห็นหน้าที่ช้ำก็ตาโตตกใจขึ้นมาทันที

“แผลนี่โดนต่อยชัดๆ พี่ไม่ได้ทำแผลให้คินมาตั้งแต่มหา’ ลัยใช่ไหมที่จำได้ ตอนนั้นที่มีเรื่องกับคนที่มาจีบน้องทิม”

“ทีทิมเรียกน้องเชียวนะ”

“แหม ดูหน้าด้วยน้องทิมของพี่หมอน่ารักขนาดไหน”

“เจอฤทธิ์น้องทิมแล้วจะเปลี่ยนเป็นไอ้ทิมแทบไม่ทัน”

“เนี่ย ทั้งไอ้เคทั้งคินเอาแต่ขู่พี่แบบนี้ พี่กลัวจริงๆ แล้วนะ”

“ลองไปจีบสิเดี๋ยวจะรู้ว่าเป็นยังไง”

“เหมือนชวนไปทำอะไรที่มันเสี่ยงตาย วีรกรรมนพจินดาแห่งวงการจิลเวอรี่ได้ยินมานักต่อนัก อีกอย่างน้องทิมมีแฟนแล้วอย่ามาหลอกล่อให้พี่โดนแฟนเขากระทืบ”

“นึกว่าจะกล้า”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง แล้วไปต่อยกับใครมาวะไอ้เครู้ยัง”

“แผลเล็กน้อยเองพี่ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ฉีดยาแก้ไข้หน่อยแล้วกัน มาโรง’ บาลกันทั้งพี่ทั้งน้อง”

“พี่หมอว่าอะไรนะ”

คินหรี่ตามองเพราะประโยคสุดท้ายที่พี่หมอพูดเขาไม่ค่อยได้ยิน แต่หมอก็ส่ายหน้าพร้อมกับเรียกพยาบาลให้เข้ามา คินยกมือไหว้หมอที่รู้จักกันดีเพราะเป็นเพื่อนของพี่เค ก่อนจะออกจากห้องตรวจ ภาคินก็หันมาบอกว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับพี่ชายก่อนที่พยาบาลจะเดินมาตาม คนเป็นทั้งหมอและเพื่อนของพี่ชายได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น แล้วก้มลงไลน์ตัวเองที่เผลอบอกเคไปแล้ว

เวรกรรม..บอกช้าไปว่ะน้อง





“ไอ้พี่หมอนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”

ภาคินแบกของพะรุงพะรังเต็มสองมือเมื่อพยาบาลฉีดยาเสร็จ คินก็เลยจะมาเอ่ยลาพี่หมออีกรอบแต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้องพักก็เจอพี่หมอยืนยิ้มแฉ่งพร้อมกับของกินบำรุงล้านแปดที่วางอยู่บนโต๊ะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าใครที่ส่งมาให้อุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าบอกพี่เค แต่เอาเหอะเห็นพี่หมอหัวเราะแหะๆ อย่างสำนึกผิด ก็เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ก่อนจะออกจากห้องพี่หมอยังย้ำว่าพี่เคเป็นห่วงเขามาก คินที่กำลังจะจับลูกบิดประตูได้แต่กำมือแน่นก่อนจะบอกบางอย่าง

“พี่เคควรห่วงตัวเองให้มากๆ ก่อนที่จะมาห่วงผม ถ้าเขามาหาพี่หมอพุธหน้าก็ฝากบอกเขาด้วยแล้วกัน”

พี่หมอได้แต่ถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคินออกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พี่น้องจะกลับมาคืนดีกันได้สักที ดูก็รู้ว่ายังรักกันขนาดนี้แค่เขาบอกว่าคินป่วยไอ้คนพี่ก็ส่งของมาให้ ตอนแรกจะให้บอกด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนสั่งเอง โห..คินมันคงเชื่อหรอก แถมไอ้คนน้องยังบอกให้คนพี่ให้ห่วงตัวเองมากๆ อีกด้วย

ว่าแต่มันรู้ได้ไงวะว่าเคมันมาหาหมอที่นี่ทุกวันพุธ?



Watercolor

“ไปโรงพยาบาลหรือไปช้อปปิ้งกันแน่เนี่ย”

สีน้ำยืนกอดอกพิงประตูหน้าร้าน มองคนที่ป่วยจนโดนเพื่อนหามไปโรงพยาบาลหอบอาหารเต็มสองมือ ภาคินจัดการเปิดประตูร้านตัวเองวางของไว้ตรงโต๊ะแถวนั้น แล้วเดินเข้ามาหาครูสอนวาดรูปก่อนยกมือกอดคนตรงหน้าไว้ ท่าทางหมดแรงอ่อนล้าแถมยังอ้อนเกินกว่าเหตุทำให้สีน้ำต้องยกมือขึ้นมาลูบหลังเบาๆ ดีหน่อยที่อุณหภูมิในตัวภาคินลดลงแล้ว สองสามวันก่อนเข้าไปเช็ดตัวยังดูป่วยหนักอยู่เลย

“เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล คินไปนอนพักก่อนดีกว่า”

“ผมนอนจนเบื่อไม่ไหวแล้วสีน้ำ อยากทำอย่างอื่น”

“ห้ามทำงานครับ มิล เบน ทิมสั่งผมเอาไว้”

“เบื่อ”

“ก็คินป่วย”

“ผมเบื่อ”

“อย่ามาดื้อกับผมนะ”

“เบื่อ”

“ภาคิน”

“ภาคินเบื่อ”

“จะเอายังไงเนี่ย มาวาดรูปที่ร้านผมไหม”

“ไม่เบื่อแล้วครับ ไปวาดรูปกัน”

สีน้ำอยากจะหัวเราะให้ตายภาคินในเวอร์ชั่นแฟนเด็กนี่งอแงกว่าที่คิด แต่เจ้าตัวก็คงเบื่ออย่างที่บอกเพราะเห็นนอนซมอยู่หลายวัน แถมแก๊งลูกเพื่อนแม่ยังสั่งห้ามทำงานอีก ดีที่รามิลมาลากไปโรงพยาบาลได้สำเร็จไม่งั้นไม่รู้เลยจะหายป่วยเมื่อไหร่ สีน้ำเดินตามหลังภาคินที่เอ่ยทักทายณัฐที่กำลังเก็บกระดานวาดรูป สีน้ำเลยมาบอกขอสองอันไปตั้งในห้องทำงานส่วนตัวหน่อย ณัฐทำหน้าตาล้อเลียนทำเสียงกิ๊วๆ ก่อนจะยกกระดานเข้าไปให้

พอเอาเข้าจริงภาคินก็ไม่รู้ว่าจะวาดอะไรเหมือนกัน ได้แต่นั่งมองกระดานวาดรูปตรงหน้าอยู่อย่างนั้น ลองร่างดินสอคร่าวๆ ก็ไม่มีไอเดียเข้ามาในหัวเลยสักนิด พอเหลือบมองสีน้ำฝ่ายนั้นก็ยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมข้าวของทั้งถาดสี พู่กัน และบรรดาสีน้ำหลากหลายสี อุปกรณ์เยอะแยะเต็มไปหมด

“ไม่วาดเหรอครับ”

“ผมไม่รู้ว่าจะวาดอะไร”

“งั้นเอาเหมือนที่ผมสอนนักเรียน เอาเป็นให้วาดตามคำที่ผมบอก”

“ผมขอเป็นคนกำหนดคำด้วย”

“ได้ครับ”

“ผมจะวาดด้วยดินสอนะ”

“โธ่คนเราอยู่ในถิ่นผมเองยังไม่ยอมใช้สีน้ำอีก”

“รูปหนึ่งผมคงใช้เวลาสักสามชั่วโมง”

“ตามใจคินเลยวาดด้วยดินสอก็ได้”

“น้ำผมขอใช้กระดาษที่มันเล็กกว่านี้ เอาเล็กเท่าการ์ดหนึ่งใบก็ได้ อีกอย่างเราต่างคนต่างวาดแล้วเอามาแลกกันนะ”

“สนุกใหญ่เลยเนอะ เมื่อกี้ยังทำท่าเป็นหมาหงอย”

“เริ่มได้แล้วครับคุณครู ผมขอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน”

พอได้ยินคำนั้นสีน้ำก็รู้สึกเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเหมือนกัน ทุกทีเขาเป็นคนบอกคำแล้วให้เด็กๆ เป็นคนวาด แต่วันนี้กลายมาเป็นคนวาดเองมันเลยรู้สึกแปลกๆ ภาคินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสะบัดมือเตรียมพร้อมมาก พอคินเห็นว่าสีน้ำเองก็พร้อมแล้วเลยพยักหน้ารับก่อนจะบอกคำแรก

“เชียงใหม่”

ภาคินเงยหน้าเมื่อเห็นว่าครูสีน้ำชะงักไปเหมือนกันเมื่อได้ยินคำนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเหลือบตาขึ้นมามองยิ้มมุมปากแล้วเอาสีน้ำมาจุ่มลงบนถาดสี คินเลยหยิบดินสอมาร่างเป็นรูปบ้าง แน่นอนว่ารูปของคินต้องเสร็จก่อนของสีน้ำเพราะเขาวาดด้วยดินสอ พอเขาวางดินสอลงครูน้ำก็แกล้งพูดดังๆ รอก่อนเลยเจ้าคนวาดรูปลายเส้น

“หมดเวลาแล้ว”

“เฮ้ย มีจับเวลาได้ไง”

“ไม่งั้นสีน้ำวาดไปถึงพรุ่งนี้ทำไง นี่เพิ่งคำแรกเอง”

“หนอย ไอ้เจ้าดินสอ”

ภาคินหยิบกระดาษที่วาดเสร็จแล้วโบกไปมา ส่วนคนที่กำลังลงสีน้ำได้แต่ยกพู่กันขึ้นมาทำท่าขู่ ก่อนจะบอกว่าเสร็จแล้ว ภาคินเลยนับหนึ่งถึงสามแล้วทั้งสองคนก็ยื่นกระดาษที่วาดรูปออกมาพร้อมกัน ต่างคนต่างนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่ารูปที่ภาคินวาดคือตัวเขาและรูปที่เขาวาดก็คือภาคิน

“เชียงใหม่? และทำไมถึงเป็นรูปผม?”

“ไม่รู้”

“ไม่รู้จริงอะ”

“แล้วคินทำไมวาดผม”

“ไม่บอก”

“เนี่ย ทำมาเป็นเล่นตัว”

“หรือว่าเราเคยเจอกันที่เชียงใหม่”

“มั่วเปล่า”

“ก็น้ำวาดรูปผม มันเกี่ยวกับเชียงใหม่ตรงไหน”

“คินก็วาดรูปผมเหมือนกัน ผมกับเชียงใหม่เกี่ยวกันตรงไหน”

“ผมไม่มีทางบอกก่อนหรอก”

“ผมก็ไม่บอกเหมือนกัน”

“งั้นคำต่อไปมาเลย น้ำเป็นคนบอก”

ต่างคนต่างไม่ยอมบอกเหตุผลที่วาดรูปอีกฝ่าย เลยหันไปหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาเตรียมวาด สีน้ำหมุนพู่กันในมือไปมาแล้วนั่งมองกระดาษตรงหน้าอยู่แบบนั้น ภาคินเห็นอีกฝ่ายเงียบไปเลยเอียงหน้ามาดู พอเห็นสีน้ำทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วก็หัวเราะออกมาสงสัยจะคิดคำยากๆ ให้เขาวาดแน่ๆ แต่อยู่ดีๆ สีน้ำก็หันมายิ้มให้ก่อนจะบอกออกมา

“อาหารเช้า”

ภาคินพยักหน้านึกว่าจะเป็นคำที่ยากกว่านี้ซะอีก ท่าทางอีกฝ่ายคงมีภาพอยู่ในหัวแล้วแน่ๆ ถึงได้เอาพู่กันจุ่มสีแล้วระบายลงกระดาษตรงหน้า ภาคินหันกลับมามองกระดาษของตัวเองก่อนนจะนั่งเท้าคางมองอยู่อย่างนั้น อาหารเช้า โอ้โห…เป็นล้านอย่างเลยมั้ง นี่ก็ไม่รู้จะวาดอะไรดีแต่อยู่ดีๆ ภาพอาหารเช้าบางอย่างก็แว๊บเข้ามาในหัวเลยหยิบดินสอค่อยๆ ร่างให้เป็นรูป

“เสร็จยังภาคิน”

“ทำมาเร่ง”

“นับหนึ่งถึงสาม”

“โอเค วาดเสร็จแล้ว”

คินวางดินสอลงหลังจากแรเงารูปวาดในกระดาษ ก่อนจะยื่นให้สีน้ำพร้อมกับรับของสีน้ำมาไว้กับมือ ทั้งสองคนนับพร้อมกันก่อนจะพลิกกระดาษ เป็นครั้งที่สองที่ต่างคนต่างเงียบเมื่อรูปอาหารเช้าที่อยู่ในมือของทั้งคู่ดูยังไงก็เป็นรูปเดียวกัน ขนมปังปิ้งพร้อมกับขวดแยมผลไม้หลากหลายรส สีน้ำชูรูปวาดในมือขึ้นมา

“นึกว่าคินจะวาดกาแฟ”

‘’ ตอนแรกก็จะวาดกาแฟแต่อยู่ดีๆ ก็นึกถึงขนมปังปิ้ง”

“ของร้านไหนเหรอครับ”

“ตอนผมอยู่ที่เชียงใหม่เขามีบริการอาหารเช้าฟรี แล้วผมก็กินขนมปังปิ้งทุกวันเพราะมันอร่อยสุด แยมเขาทำเองด้วย”

“อร่อยจริง ผมกินหลายแผ่นเลย”

“น้ำชอบแยมรสอะไร”

“ส้ม เคยลองเสาวรสแล้วเปรี้ยวมากแล้วคินล่ะ”

“ส้มเหมือนกันครับ ผมชอบส้มที่สุด”

“กินขนมปังปิ้งทาแยมส้มแล้วก็นั่งดูไร่ส้มจากระเบียง คิดถึงจัง”

ภาคินอมยิ้มเมื่อได้ยินที่สีน้ำบอกออกมาก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับชูภาพขนมปังปิ้งในมือขึ้นมา สีน้ำมองตามรูปแล้วหันมามองหน้าคินคล้ายจะถามว่ามีอะไร

“ว่าแต่ อาหารเช้าที่เป็นขนมปังปิ้งของน้ำอันนี้มันคือที่เดียวกับของผมเหรอครับ หรือว่ามันเป็นของร้านไหนถึงมีไร่ส้มเหมือนที่ผมเคยไปพักเลย”

“…………”

เหมือนเด็กที่เผลอพูดอะไรออกไปแล้วคนฟังจับได้ สีน้ำเลยหลบสายตาเสหันไปมองทางอื่น ท่าทางของคนตรงหน้ามันน่ารักจนคินต้องก้มลงมาหอมแก้มหนึ่งที เลยโดนพู่กันเคาะหัวไปหนึ่งที ก่อนที่สีน้ำจะกลับมานั่งตัวตรงพร้อมกับท่าทางจริงจังเหมือนตอนสอนเด็กนักเรียน มีการชี้กระดาษเปล่าตรงหน้าให้เขาบอกคำต่อไปมาสักที ภาคินเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะบอก

“สถานที่”

สีน้ำถือพู่กันค้างไว้อย่างนั้นแล้วหันไปหยิบหลอดสีมาบีบสีเพิ่ม ภาคินเหลือบมองเห็นว่าเป็นสีน้ำตาลอาจจะเป็นบ้านไม่ก็รีสอร์ทสักหลัง คินเองก็ค่อยๆ ลากดินสอจะว่าไปรูปที่เขาจะวาดมันก็รายละเอียดเยอะเหมือนกัน นี่ก็พยายามนึกแล้วค่อยๆ วาดออกมา แต่ดูสีน้ำจะสนุกมากเห็นตั้งใจวาดแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด จนคินบอกว่าวาดนานเกินไปแล้วเจ้าตัวถึงได้วางพู่กันลง

“อันนี้ตั้งใจวาดมาก”

“อย่าบอกนะว่าวาดร้านนี้”

“ไม่ใช่สักหน่อย ของคินวาดทุกที่ในประเทศหรือเปล่าเห็นไปมาแล้วทุกจังหวัด”

“น้ำเดาไม่ถูกแน่ว่ามันคือที่ไหน เอารูปมาดูซิ”

ต่างคนต่างมั่นใจว่าอีกคนต้องเดาไม่ถูกแน่ว่าสถานที่ในรูปคือที่ไหน แต่ทันทีที่พลิกกระดาษดูทั้งสีน้ำและภาคินต้องเอารูปมาดูใกล้ๆ ก่อนจะเอามาเทียบกันถึงแม้ของสีน้ำจะเป็นการระบายสีแต่รายละเอียดก็ยังเห็นชัดเจน มันเป็นรูปคล้ายๆ อาคารเรียนที่ตั้งอยู่บนเขา มีกระดานดำ มีกระดานวาดรูป ส่วนรูปของภาคินถึงจะเป็นเส้นดินสอแต่ก็พอมองออกว่าเป็นอาคารไม้ มีชั้นหนังสือ

“ที่นี่คือ..”

“โรงเรียนที่ผมไปสอนเด็กวาดรูปตอนที่อยู่เชียงใหม่ครับ ทางมันไปลำบากมากเลยแต่เด็กๆ ดีใจมากเลยเวลาที่เขาได้ระบายสี เด็กบางคนวาดรูปเก่งกว่าผมอีก”

“………”

“ทุกวันตอนบ่ายผมจะให้เด็กๆ มานั่งบนเนินหญ้าแล้ววาดรูป ก้อนเมฆ ต้นไม้ ดอกไม้ พระอาทิตย์ อากาศดีมากด้วย”

“ยกเว้นตอนฝนตก”

“ใช่! อาคารหลังคารั่ว ทุกครั้งที่ฝนตกนะผมต้องรีบเก็บข้าวของตลอดเลย ไม่งั้นเปียกแน่ๆ อ้อ..หลังจาดวาดรูปเสร็จก็จะเดินไปเก็บสตรอว์เบอรี่มากิน”

“เก็บได้เป็นตะกร้า กินแล้วก็กินอีกกินได้ทั้งวัน”

“ผมเคยกินติดกันเป็นอาทิตย์เลยนะชอบมาก เก็บมาเต็มตะกร้าเลยคุณลุงพรชัยเจ้าของไร่ใจดีมาก แล้วก็มีอีกอย่างที่กินทุกวัน”

“ข้าวไข่เจียวใส่ดอกอัญชัญ”

“อร่อยมาก กินจนตัวจะกลายเป็นสีม่วงได้แล้ว ว่าแต่…”

ภาคินเขยิบตัวเข้ามาใกล้เมื่อเห็นสีน้ำเงียบไป สีน้ำอมยิ้มก่อนจะหยิบรูปของภาคินขึ้นมาโชว์อีกรอบ หน้าตาที่ดูเจ้าเล่ห์ทำให้คินเริ่มไม่ไว้วางใจเลยตั้งใจจะถอยหลังไปตั้งหลักแต่สีน้ำกลับดึงเสื้อให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“รู้ได้ไงว่าหลังคารั่ว รู้ได้ไงว่ามีไร่สตรอว์เบอรี่ รู้จักไข่เจียวดอกอัญชัญได้ยังไง หรือว่าคินก็เคยไปที่นี่เหมือนกันแล้วรูปที่คินวาดอันนี้คือ..”

เหมือนเหตุการณ์คุ้นๆ ภาคินแกล้งยกมือขึ้นมาทาบลงบนหน้าผากตัวเอง แถมยังทำท่าปวดหัวซะจนโอเวอร์ สีน้ำได้แต่มองคนที่แกล้งแสดงอย่างหมั่นไส้ดูก็รู้ว่ากำลังเฉไฉอยู่

“รู้สึกว่าไข้ผมจะกลับมาแล้วล่ะ ต้องไปนอนพักแล้วขออีกสองคำพอนะ”

“ไหนบอกหายแล้ว”

“มันจะหายกันง่ายๆ ได้ไง”

“คนเจ้าเล่ห์ ตาผมใช่ไหมผมเริ่มคิดคำไม่ออกแล้ว”

“เอาคำง่ายๆ พอนะที่ผ่านมาเกินคาดคิดมาก”

“ที่เกินคาดคิดน่ะรูปวาดต่างหาก จะเหมือนกันทุกรูปได้ไง”

“มา บอกคำต่อไปมาได้เลยผมจองคำสุดท้ายไว้แล้ว”

“สีคำว่าสี คัลเลอร์”

“ไหนบอกง่าย”

“แล้วยากตรงไหน”

สีน้ำยิ้มแฉ่งก่อนจะหยิบพู่กันมาจุ่มสีแล้วค่อยๆ ระบายลงบนแผ่นกระดาษตรงหน้า ส่วนภาคินได้แต่นั่งหมุนดินสอในมือไปมาพร้อมกับมองคนที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี สีงั้นเหรอ…ภาคินนึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน สีน้ำชอบบอกว่าเขาเป็นคนแรกที่ไม่รู้ว่าจะให้เป็นสีอะไร จนถึงตอนนี้ก็ใม่รู้ว่าสำหรับสีน้ำเขามีสีประจำตัวแล้วหรือยัง พอนั่งนึกถึงวันนั้นวันที่โดนสีน้ำสาดใส่คินก็รู้แล้วว่าเขาจะวาดอะไร คินลุกออกจากที่นั่งแล้วจัดการลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ สีน้ำที่หันมามอง

“ทำอะไร”

“ยืมสีหน่อย”

“สีน้ำเนี่ยนะ”

“ใช่”

ภาคินหยิบพู่กันมาจุ่มสีน้ำทีละสีแล้วป้ายลงไปบนกระดาษสีขาว ครูสอนวาดรูปได้แต่นั่งมองภาคินที่ดูสนุกกับการป้ายสีน้ำไม่หยุดอยู่อย่างนั้น ตอนนี้กระดาษของภาคินเต็มไปด้วยสีน้ำหลากหลายสีจนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง พอป้ายสีเสร็จภาคินก็มองหาบางอย่างจนสีน้ำต้องเอ่ยถาม

“ผมอยากได้ไอ้นี่ ที่มันฟรุ้งฟริ้งๆ วิ๊บวับๆ”

“มันคืออะไร”

“ที่มันเป็นเกล็ดๆ ที่เขาเอาไว้โรยบนการ์ดแล้วมันวิ๊งๆ ผมเรียกไม่ถูก”

“กากเพชร?”

“เออ! เนี่ยแหละที่ต้องการน้ำมีไหม ผมอยากได้กากเพชร”

ถึงจะงงๆ แต่สีน้ำก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาแถวที่เก็บพวกอุปกรณ์ พยายามหาอยู่นานในที่สุดสีน้ำก็เจอกากเพชรสีเงิน ทันทีที่ยื่นให้ภาคินเจ้าตัวก็ยิ้มดีใจเหมือนเด็กนักเรียนที่เขาสอนไม่มีผิด พอเห็นภาคินค่อยๆ หยิบกากเพชรแล้วเอามาโรยบนกระดาษที่แต้มสีน้ำหลากหลายสีเอาไว้ สีน้ำก็ร้องหูว…ออกมาเบาๆ ยังแกล้งแซวว่างานชิ้นนี้สีสันคัลเลอร์ฟูมาก

“เสร็จแล้วครับ แล้วของน้ำเสร็จแล้วหรือไงเห็นเอาแต่นั่งมองผม”

“เสร็จนานแล้ว ง่ายจะตาย”

“ไหน เอามาแลกกันซิ”

สีน้ำเอื้อมไปหยิบกระดาษที่ระบายสีเรียบร้อย แล้วยื่นให้ภาคินที่หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ มันไม่ใช่รูปวาดแต่ทั้งแผ่นกระดาษมันเป็นสีดำจางๆ คล้ายๆ เวลาที่กาแฟหกใส่กระดาษ

กาแฟ?

“นี่คือคำว่าคัลเลอร์เหรอ สีดำ? ไม่สิ หรือว่าน้ำตาลเข้มมันปนๆ กัน”

“สีของกาแฟตอนที่มันหกใส่เสื้อผม”

“วันนั้นที่ผมเป็นคนทำใช่ไหม”

“เก่งไปหมดซะทุกอย่างเลยภาคิน ผมนึกถึงวันแรกที่เราเจอกันก็เลยวาดสีของกาแฟตอนที่มันหกใส่ แล้วของคินสีน้ำหลายๆ สีนี่คืออะไร”

“ถ้าจะบอกว่าผมนึกถึงวันแรกที่เราเจอกัน เลยออกมาเป็นรูปนี้น้ำจะเชื่อผมไหม”

“ไอ้สีๆ หลายๆ สีนี่คือสีน้ำที่ผมทำหกใส่คินเหรอครับ”

“วันนั้นสีน้ำที่อยู่บนตัวผมเยอะกว่าอีก”

“แล้วกากเพชร?”

“มันวิ๊บวับเหมือนน้ำไงผมหมายถึงว่ามันสดใสดีเหมาะกับคุณ ตั้งแต่วันนั้นชีวิตผมมีสีสันวิ๊บวับวิ๊งๆ ขึ้นเยอะ”

“วันนั้นคินทำท่าเหมือนจะต่อยผมแถมยังตะโกนลั่นว่าเกลียดสีน้ำ”

“เรื่องนี้นี่จำไปจนตายแน่ๆ”

“ใครจะลืม นายคนไม่มีสี”

ภาคินหัวเราะกับสรรพนามที่สีน้ำเรียกก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอวให้เข้ามาใกล้ๆ สีน้ำเลยเอนตัวมาพิงคินไว้พร้อมกับมองกระดาษที่แต้มสีน้ำและกากเพชรไปด้วย พอลองขยับกระดาษมันก็วิ๊บวับเหมือนที่คินบอก เออ..เหมือนตอนนี้เขาเป็นเด็กนักเรียนเองเลย แค่กากเพชรสีเงินบนกระดาษก็ตื่นเต้นขนาดนี้

“แล้วหลังจากนั้นก็มีคนมาจีบผมด้วยข้าวเช้าทุกวัน”

“น่าจะปล่อยให้อดตายจริงๆ ผมแค่ทำความรู้จักตามประสาคนที่อยู่ร้านติดกัน”

“จีบก็บอกว่าจีบ”

“โอ๊ย เอาคำสุดท้ายมาเลยเลิกเล่นแล้ว ไปนอนเลยไปคนป่วย”

พอสู้ไม่ได้ก็โวยวายภาคินเลยขยับตัวพร้อมกับกอดกระชับสีน้ำให้แน่นขึ้น ท่าทางจริงจังของภาคินทำให้สีน้ำต้องตั้งใจฟัง มือที่กอดเอวคินอยู่ก็เผลอกอดแน่นกว่าเดิม จนคินต้องแอบยิ้มก่อนจะก้มลงไปแนบหน้าผากกับคนตรงหน้า

“โปสการ์ด”

“…………..”

ทุกอย่างเงียบสนิทไม่มีเสียงตอบรับมีแค่สายตาของสีน้ำที่จ้องเขาอยู่ ภาคินเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองหน้าเขาอยู่อย่างนั้นเลยจุ๊บหน้าผากไปหนึ่งที สีน้ำเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวแล้วผละออกไปนั่งหน้ากระดานวาดรูปตามเดิม ภาคินเองก็เลยหันไปหยิบดินสอขึ้นมาถือไว้บ้าง เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีสีน้ำก็เหลือบมองอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งๆ อยู่หน้ากระดานวาดรูป จนภาคินบอกว่าหมดเวลาแล้วสีน้ำเลยลุกขึ้นพร้อมกับยื่นกระดาษให้ คินเลยยื่นของตัวเองให้ด้วยต่างคนต่างยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่าไม่กล้าที่จะพลิกกระดาษดูว่าอีกด้านจะเป็นรูปอะไร และทันทีที่ทั้งสองคนพลิกกระดาษในมือพร้อมกัน

กระดาษเปล่า..

ทั้งภาคินและสีน้ำต่างคนต่างพลิกกระดาษในมือไปมา เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้มีรูปวาดอะไรเลยพอเงยหน้าขึ้นมามองตั้งใจจะถามให้รู้เรื่องแต่อยู่ดีๆ ก็หัวเราะออกมาทั้งคู่ ภาคินเอื้อมมือไปรั้งให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักสีน้ำเลยยกมือคล้องคอไว้

“ทำไมไม่วาดล่ะ โปสการ์ดมันยากเหรอ”

“ไม่ยาก”

“แล้ว?”

“คินก็ไม่วาด”

“ผมมีของผมอยู่ใบหนึ่ง ไม่อยากวาดใหม่”

“วาดเอง?”

“เขียนเองด้วย”

“ผมก็มีวาดไว้แล้วเหมือนกัน ระบายสีเองกับมือแล้วก็..มีข้อความที่เขียนไว้แล้ว”

“แล้วเราจะไม่เอามาแลกกันเหรอครับ”

“แค่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา”

“ไว้ถ้าถึงวันนั้นผมจะกอดน้ำไว้ไม่ปล่อยเลย”

“ผมก็รอให้ถึงวันนั้น”

“………..”

“ผมก็จะกอดคินไว้เหมือนกัน”

คินกระชับกอดคนบนตักไว้แน่นจนสีน้ำหัวเราะออกมาเมื่อแก้มขาวถูกฟัดไม่หยุด ก่อนที่คินจะหยุดชะงักแล้วทำหน้าตกใจ สีน้ำเลยหน้าตาตื่นไปด้วยแค่เพียงไม่นานภาคินก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้นมา เพิ่งเห็นว่ากากเพชรสีเงินมันยังคงติดอยู่ที่มือของคินเต็มไปหมด เดาได้เลยว่าตอนนี้มันคงติดเต็มหน้าเต็มผมของสีน้ำแล้วแน่ๆ ทั้งๆ ที่คินพยายามกลั้นหัวเราะแล้วแต่ก็ไม่ไหวจริงๆ คนที่หน้าและผมเต็มไปด้วยกากเพชรสีเงินทำได้แต่ปัดๆ สะบัดผมไปมาเพื่อให้มันหลุดออก แต่ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกมาแถมภาคินยังแกล้งป้ายให้มันเลอะมากกว่าเดิม

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยเพราะใคร”

“ให้ป้ายคืน ยอมเลอะด้วยก็ได้”

ภาคินแบมือแต่สีน้ำก็ทำแค่ตีๆ ลงไปบนมือของคินแค่นั้น ภาคินยิ้มอย่างเอ็นดูคนตรงหน้าอายุมากกว่าเขาแท้ๆ แต่ตอนนี้มันน่ารักซะจนเขาอยากจะกอดไว้แน่นๆ ไม่อยากให้ใครได้เห็นสีน้ำในมุมแบบนี้ ผมสีน้ำตาลแดงยุ่งเหยิงเพราะเจ้าตัวสะบัดผมไปมาแถมแก้มขาวๆ ก็มีกากเพชรติดอยู่เต็มไปหมด ภาคินก้มลงมาใกล้ๆ พร้อมกับแนบแก้มตัวเองกับแก้มของสีน้ำให้เลอะกากเพรไปด้วย ก่อนที่จะย้ายไปทำแบบเดียวกันอีกข้างทำสลับไปสลับมา จนแก้มคินเองตอนนี้ก็เต็มไปด้วยกากเพชร สีน้ำส่ายหน้ายิ้มๆ สุดท้ายก็เลอะกากเพชรกันทั้งคู่ เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้ คินเอียงหน้าเข้ากับมือของที่สีน้ำที่กำลังเช็ดแก้มเขาอยู่ ก่อนจะบอกบางอย่างที่ทำให้สีน้ำต้องหัวเราะออกมา

“คุณคือคนแรกเลยนะที่ผมเล่นอะไรแบบนี้ด้วย ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นกาแฟดำเวอร์ชั่นโรยด้วยกากเพชรวิ๊บวับ”









                                                     
     To be con



PS.ก่อนจะถึงโปสการ์ดใบสุดท้าย
พี่คินจะต้องเจอกับเหตุผลที่ไปเชียงใหม่ก่อนนะคะ..*ยิ้ม

หายไปนานเหลือเกิน...นิยายรายเดือนของเรา
อาจจะมาช้าแต่สัญญาว่าจบแน่นอนค่ะทุกคน
ขอบคุณนะคะที่ยังรอกันเสมอ ^^


ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่

 แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo





























หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-09-2020 21:59:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 27-09-2020 22:27:59
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-09-2020 22:52:01
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 28-09-2020 04:07:26
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะครับ รอๆๆตอนต่อไป :katai2-1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-09-2020 20:50:09
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-10-2020 22:12:54
อ่านไปยิ้มไป :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-10-2020 20:57:00
ลุ้นทุกตอน
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-10-2020 01:43:25
โอยยยย หัวใจ เต้นแข่งเค้าใหญ่เลย
เอ็นดูสีน้ำกับภาคินมากค่ะ วอแวกันเก่ง น่ารักมาก
ชอบโมเมนท์ที่อยู่ด้วยกัน จะหวานอย่างเดียวก็ไม่ใช่
แต่รู้สึกอบอวลไปหมดเลย

55555 ทับทิมก็ยังคงเป็นหัวหน้าตัวจริง
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.12 - Silver Glitter [ 29/09/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 30-10-2020 22:53:43
หายไปนานเลยคับ :sad4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 1/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 01-11-2020 20:11:24
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ
 
คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?

ภาคิน พิชญเดชา


CH.13 - Gray -



หายป่วยสักที

หลังจากวันนั้นวันที่ไปวาดรูปเล่นที่ร้านของสีน้ำ ภาคินก็รู้สึกร่างกายมันฟื้นตัวเร็วขึ้นไม่รู้ว่าเพราะยาที่พี่หมอฉีดให้ หรือเป็นเพราะสีน้ำกันแน่ พอคิดถึงวันนั้นคินก็หยิบบรรดาโปสการ์ดที่วาดเล่นกันขึ้นมาดูอีกครั้ง รูปวาดที่สีน้ำทำให้คินยิ้มออกมาทั้งๆ ที่เราสองคนต่างรู้กันอยู่แล้วว่ามันคืออะไร แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับตรงๆ นี่ขอบอกเลยนะว่าสีน้ำเป็นคนแรกที่ทำให้เขาเสียอาการ ชนิดที่ว่าหาอะไรมารับมือไม่ทัน เคยคิดว่าตัวเองเจ้าเล่ห์ในระดับที่ใครๆ ก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่กลายเป็นว่าวันนี้ไม่ว่าเขาจะหลอกล่อให้สีน้ำยอมสารภาพเรื่องเชียงใหม่ด้วยวิธีไหน เจ้าตัวก็จะมีวิธีทีเฉไฉไปเรื่องอื่นจนได้ เชื่อเขาเลยให้ตาย

“คอยดูนะวันไหนที่ยอมรับจะไม่ปล่อยตัวสักวินาทีเลย”

คินเอาโปสการ์ดที่วาดรูปวันนั้นใส่ลงไปในกล่องสีน้ำตาล หวังไว้สักวันสีน้ำจะได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องนี้ทั้งหมด คินหันไปมองนาฬิกาเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่นัดถ่ายงานแล้ว ไอ้ทิมบ่นยาวเหยียดสองสามชั่วโมงว่าเพิ่งจะหายไข้ แต่ก็ยังจะรับงานที่มันตากแดดตากลม ร้านก็ไม่เคยจะเปิดลูกค้าด่าฉิบหายวายวอด เออ..ยิ่งกว่าแม่อีกคนนี้อยากกราบสักสามครั้ง จังหวะที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์อยู่ดีๆ มือก็ไปโดนสมุดบันทึกปกสีดำตกลงบนพื้น คินเลยก้มลงไปเก็บแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรูปถ่ายโพลารอยด์ที่สอดไว้ในสมุด รูปถ่ายที่เขาเองก็ลืมมันไปแล้ว ผู้ชายผมสีดำมีลักยิ้มสองข้างฉีกยิ้มสดใสกอดคอตัวเขาที่ถือรูปวาดลายเส้นดินสออยู่



“เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้วคิน”

“………”

“ถ้าเรากลับจากญี่ปุ่นแล้วคินยังรู้สึกกับเราเหมือนเดิม ค่อยมาคุยกันอีกทีนะ”

“………”



ตั้งแต่วันนั้นมันผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ..

 

watercolor


“ผมได้ยินเรื่องครูสีน้ำมานาน เพิ่งเคยได้เจอตัวจริงก็วันนี้”

“เรียกผมสีน้ำเฉยๆ ก็ได้ครับ”

“น้องสาวผมอยากจะมาเรียนวาดรูปทุกวันเอาแต่พูดว่าครูน้ำน่ารัก รู้งี้ผมมาส่งน้องสาวผมด้วยตัวเองตั้งนานแล้ว”

“อ้อ…ครับ”

เหตุการณ์ตรงหน้านี่มันอะไรกันวะ คินเชื่อเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ เหมือนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากคุณอาของน้องปุ๊กกี้ที่หายสาบสูญไปแล้วยังจะมีอีกเหรอนี่ ภาคินยืนกอดอกมองคนสองคนกับเด็กผมแกละอีกหนึ่งคนอยู่หน้าร้าน เดาว่าผู้ชายตัวสูงคนนั้นน่าจะเป็นผู้ปกครองของน้องผมแกละ น่าจะอยู่ในวัยนักศึกษาด้วยซ้ำดูจากหน้าตา แต่ไอ้อาการตาเยิ้ม หน้าแดง ตอนคุยกับสีน้ำนี่มันคืออะไร เขิน? หวั่นไหว ? ชอบ?

เออ คนเราขนาดสีน้ำอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนใบหน้าแต้มไปด้วยสีมอมแมม ไอ้คนนั้นก็ยังยืนมองแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น

“วันนี้แฟนครูน้ำไม่มาหาเหรอคะ”

“แฟน?”

“พี่ที่หล่อๆ ชอบใส่เสื้อสีขาวสีดำทุกวันค่ะ โอ๊ะ! นั่นไง พี่เสื้อดำ!”

เด็กหญิงผมแกละยกมือไหว้คินก่อนจะโบกมือทักทาย ภาคินเอ็นดูเด็กนักเรียนของสีน้ำ เขาก็จำไม่ได้หรอกว่าเด็กคนไหนชื่ออะไร ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นที่รักของเด็กๆ ด้วยซ้ำ แต่เจ้าเด็กผมแกละคงไม่รู้ว่าทำพี่ชายตัวเองอกหักเพราะเจ้าตัวเอาแต่พูดว่าเขาเป็นแฟนของครูสีน้ำ เจอหน้าทุกวัน ซื้อขนมมาให้ บางวันก็มานั่งเรียนวาดรูปด้วย ยิ่งสีน้ำไม่ได้ปฏิเสธเอาแต่ยืนยิ้มๆ ยิ่งทำให้ผู้ชายคนนั้น เอ่ยขอโทษก่อนจะขอตัวกลับ ภาคินแอบยกนิ้วโป้งให้เด็กผมแกละที่หันมาขยิบตาให้เขาอย่างรู้กัน

เออ..เด็กสมัยนี้นี่มันเลิศจริงๆ



“เด็กนักเรียนผมไปเป็นพวกของคินตั้งแต่เมื่อไหร่”

“คนมันหล่อขนาดนี้ เด็กก็ต้องรู้แล้วว่าอยู่ฝั่งใคร”

“หลงตัวเองไม่เคยเปลี่ยน”

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง มีอีกไหมแบบนี้ที่เข้ามาจีบ”

“เยอะเลยนับไม่ถ้วน”

“อย่ามาหลอก”

“ผมน่ารักจะตาย”

“หัวร้อนแล้วเนี่ย หน้าตาเลอะไปด้วยสีแบบนี้คนยังเข้ามาเต๊าะอีก”

“ไม่น่ารักเหรอ”

“เดี๋ยวนี้มีถามแบบนี้ด้วย”

“แล้วนี่คินจะไปไหน ทำงานข้างนอก?”

“เปลี่ยนเรื่องทันทีเลยนะ วันนี้ผมมีถ่ายงานตรงสวนรถไฟ”

“เพิ่งหายไข้แท้ๆ”

ภาคินหัวเราะคิดไว้ไม่มีผิดว่าสีน้ำจะต้องบ่นเหมือนไอ้ทิม แถมตอนนี้ยังยืนทำหน้าบึ้งตึงแต่คินก็รู้ว่าสีน้ำเป็นห่วง ตอนเขาป่วยก็เรียกว่าหนักเอาการคงอยากให้เขาหายสนิทก่อนจะรับงานข้างนอก แต่ก็นะคนอย่างภาคินให้นอนเฉยๆ ต่อ เขาจะต้องขาดใจตายแน่ๆ สีที่เปื้อนอยู่ตรงแก้มขาวทำให้คินเอื้อมมือไปเช็ดให้เบาๆ พร้อมกับถามว่ามีคลาสสอนอีกไหมสีน้ำส่ายหน้าไปมา ภาคินเลยหยุดเช็ดสีที่เลอะตรงแก้มแล้วก้มลงมาใกล้ๆ

“ตามไปดูแลคนป่วยที่ยังไม่หายดีหน่อยได้ไหมครับ”

 
Watercolor

สวนรถไฟร้อนเหมือนที่ภาคินบอก ถึงสีน้ำเคยชินกับการพาเด็กๆ ออกมาวาดรูปตามสถานที่ต่างๆ แต่ก็หลบอยู่ตรงใต้ต้นไม้ ไม่ได้ตากแดดเหมือนกับภาคินตอนนี้ ภาคินเวลาที่เป็นช่างภาพมีสเน่ห์จนละสายตาไม่ได้ ปกติก็เรียกได้ว่าหน้าตาดีอยู่แล้วพอจับกล้องก็เลยเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาคนที่เดินไปเดินมาได้ สีน้ำสังเกตว่ามีบางคนที่หยุดดูตอนที่คินกำลังถ่ายรูปนางแบบที่หมุนตัวไปมาอยู่ตรงสนามหญ้า นี่ขนาดแต่งตัวธรรมดาสุดๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ยังหล่อได้ขนาดนี้

“พักก่อนแล้วกัน ผมอยากได้แสงตอนเย็นๆ ไว้เดี๋ยวมาถ่ายกันอีกรอบ ร้อนไหมครับ”

“นิดหน่อย ตากแดดขนาดนี้ไข้ไม่กลับเหรอไง”

“ทุกคนประคบประหงมเหมือผมอายุหกขวบ”

“ตัวเองไม่ใช่เด็กๆ แล้วเหอะโดนต่อยครั้งเดียวยังไข้ขึ้นจนนอนซม”

“ไม่ได้เจ็บตัวนานร่างกายไม่ชิน”

“พูดเหมือนเจ็บตัวบ่อย”

“ตำแหน่งผมในแก๊งคือลูกกระจ๊อกของไอ้ทิม เมื่อก่อนใครจะมาจีบไอ้ทิมต้องผ่านด่านผมคนแรก”

“โห..เท่ไม่เบาแล้วมีใครเคยผ่านบ้างไหม”

“ไอ้พอร์ชนี่ไงคนแรกและคนสุดท้าย”

“พอร์ชเก่งเหมือนกันนะเนี่ยเห็นดูเล่นๆ”

“มันมีความอยากเอาชนะอยู่ในสายเลือด คู่นี้แข่งกันทุกอย่างตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนจนตอนนี้ เมื่อวานมันยังแข่งกันปีนผาจำลองกันอยู่เลย ปวดหัว”

“เหมาะกันดีออก เดาได้เลยว่าพอร์ชต้องยอมแกล้งแพ้เพื่อให้ทิมชนะ”

“แม่นยังกะตาเห็น พอร์ชยอมทิมทุกอย่างเกิดมาเพื่อยอมเธอสโลแกนชีวิตมัน แล้วน้ำวาดรูปอะไรรูปผมหรือเปล่า”

“คนเรา”

ภาคินเอนตัวลงบนพื้นหญ้าใกล้ๆ สีน้ำที่นั่งวาดรูปอยู่ เสียงเอ่ยแซวดังขึ้นมาทำให้คินต้องหันไปมอง บรรดาทีมงานที่นั่งพักอยู่ไม่ไกลเริ่มส่งเสียงกันเป็นระยะจนคินต้องยกมือขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าพอก่อน แต่ท่าทางจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ เสียงแซวยังคงดังอย่างต่อเนื่อง สีน้ำก็หัวเราะไปตามประสาแต่ประโยคหนึ่งที่สีน้ำได้ยินชัดเจนคือ

“นานแล้วนะที่ไม่ได้พาใครมาทำงานด้วยตั้งแต่..”

หนึ่งในทีมงานยังไม่ทันพูดจบประโยคก็โดนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟาดเข้าให้ สีน้ำเหลือบมองคินที่มองหน้าเขายิ้มๆ แต่เพียงแค่แว๊บเดียวที่เห็นว่าแววตาของคินเปลี่ยนไป ก่อนจะกลับมายิ้มให้เขาเหมือนเดิม

“ไม่เคยมีใครมาเฝ้าเวลาทำงานเหรอไง”

“ใช้คำว่าเฝ้าเลยนะ”

“นั่งรอก็ได้”

“ไม่มีหรอกครับ งานผมมันต้องใช้สมาธิแล้วเวลาเลิกงานก็ไม่แน่นอนด้วยให้ใครมารอเขาก็เบื่อกัน”

“แล้วไม่กลัวผมเบื่อเหรอครับ”

“แล้วเบื่อไหมครับ”

“ผมถามก่อน”

“ไม่รู้สิ แค่อยากให้อยู่ใกล้ๆ อยู่ในสายตาตลอด”

เสียงโห่แซวดังขึ้นมาอีกรอบและสีน้ำเองก็เขินขึ้นมาจริงๆ เขาไม่ได้คาดคิดว่าภาคินจะตอบเขาแบบนี้ แถมยังตั้งใจพูดเสียงดังอีกต่างหาก รู้ว่าตั้งใจแกล้งเขาแน่ๆ ตัวต้นเหตุหัวเราะชอบใจก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวมาล้มลงนอนบนตัก คินเอียงหน้ามาดูรูปภาพที่สีน้ำวาดมันเป็นรูปวาดวิวทั่วๆ ไป แต่ฝีมือระดับสีน้ำก็เรียกว่าโคตรสวย เพราะเผลอมองนานรูปนานไปหน่อยสีน้ำเลยแตะลงบนแก้มของคินเบาๆ

“ผมเคยสัญญากับแก๊งลูกเพื่อนแม่ว่า ถ้าใครแต่งงานผมจะเป็นคนถ่ายรูปให้ทุกคน”

“แล้วถ่ายให้ครบทุกคนยัง”

“ครบแล้ว”

“อยากเห็นรูปเลย”

“เดี๋ยวผมเอาให้ดู รามิลกับต้นไม้เหมือนถ่ายพรีเวดดิ้งกันจริงๆ ดอกไม้เต็มไปหมด เบนกับคีตาก็ถ่ายที่นี่ผมยังจำวันนั้นได้อยู่เลย ส่วนทิมกับพอร์ชถ่ายรูปห้าชั่วโมงเถียงกันไปแล้วสามชั่วโมง ผมแทบเป็นลม”

“น่ารักออก”

“เรามาซ้อมกันไหมครับ”

“ซ้อม?”

“ผมถ่ายให้น้ำก่อนไว้ตอนถ่ายคู่ไว้ให้ไอ้มิลมาถ่าย ไอ้มิลถ่ายรูปสวยนะมันชนะการประกวดด้วย”

“เป็นเรื่องเป็นราวเลยเนอะ เดี๋ยวก่อนคิน..”

“ลุกเร็ว!”

ภาคินลุกขึ้นมานั่งก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาเช็คแสง พอหันกล้องมาทางสีน้ำที่ยกกระจกขึ้นมาส่อง เจ้าตัวก็เหลือบมองแล้วหัวเราะใส่ ภาคินชี้ไปทางถาดสีน้ำที่วางอยู่ ครูสอนวาดรูปรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรเลยรีบยกมือขึ้นมาปฏิเสธทันที แต่ภาคินก็หยักหน้าแถมยังทำสายตาอ้อนสุดพลัง พอเห็นแบบนั้นก็เลยยอมใจอ่อน ภาคินค่อยๆ จุ่มสีแดงแล้วป้ายลงบนแก้มขาว อีกข้างก็วาดเป็นดอกไม้ พระอาทิตย์ พระจันทร์  จนสีน้ำต้องยกมือว่าพอแล้ว

เพราะไม่ใช่การทำงานเลยไม่ต้องเก๊กท่าอะไรให้วุ่นวาย สีน้ำตอนแรกก็ดูจะเขินๆ ที่ต้องถ่ายรูปกลางแจ้งทั้งๆ ที่หน้าเต็มไปด้วยสี แต่พี่ๆ ทีมงานของคินก็บอกว่าน่ารักดี สีน้ำเลยค่อยๆ ผ่อนคลายมากขึ้น คินเปลี่ยนมุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ถ่ายไปหัวเราะไปเพราะเขารู้สึกเหมือนถ่ายเด็กประถมกำลังวิ่งเล่นทั้งๆ ที่คนตรงหน้าอายุมากกว่าแท้ๆ

เพราะทั้งคู่มัวแต่ถ่ายรูปเลยไม่เห็นว่ารามิลกับต้นไม้ที่อุ้มน้องอันนาไว้ในอ้อมแขนกำลังเดินเข้ามาหา ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศตรงหน้ามันสดใสหรือเพราะเสียงหัวเราะของทั้งคู่ที่ดังลั่นทำให้ทั้งสองคนเลือกที่จะยืนมองอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ต้นไม้จะให้รามิลเป็นคนอุ้มน้องอันนาไว้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ มิลเอียงหน้ามามองรูปที่ต้นไม้ถ่ายไว้มันเป็นรูปที่ภาคินกับสีน้ำยืนข้างกันเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรที่เป็นพิเศษ

“สองคนนี้สไตล์แตกต่างกันเลยเนอะ”

รามิลมองรูปที่ต้นไม้ถ่ายไว้อีกครั้ง สีน้ำอยู่ในชุดกางเกงสีขาวเสื้อยืดสีฟ้าแถมใบหน้ายังเลอะไปด้วยสีต่างๆ เต็มไปหมด ในขณะที่ภาคินยังคงคอนเซปต์ขาวดำไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ดีๆ เหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันแบบนี้ก็แว๊บขึ้นมาในหัวของรามิล หัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่มองไปยังทั้งสองคนที่ยังคงถ่ายรูปเล่นกันอยู่ เสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นทำให้ต้นไม้หันมามองสายตาที่มิลมองสีน้ำกับภาคิน ต้นไม้เลยแตะมือลงบนต้นแขน ที่จริงก็พอรู้เรื่องราวมาบ้างเลยตบๆ มือคล้ายจะบอกว่ามันอาจจะไม่มีอะไร รามิลเลยหันมายิ้มให้ก่อนะจะถาม

“ไม้ว่าคนที่เหมือนกันทุกอย่างกับคนที่ตรงข้ามกันทุกอย่าง คนไหนคือคนที่จะอยู่กับคิน”

ต้นไม้เข้าใจที่รามิลเอ่ยถามเลยหันไปมองภาคินที่กำลังเช็ดหน้าให้สีน้ำอยู่ตรงกลางสนามหญ้า ภาคินวันนี้แตกต่างจากตอนนั้นมากเหลือเกิน ตอนนั้นที่ต้นไม้หมายถึงคือก่อนที่จะไปเชียงใหม่…ต้นไม้เลื่อนมือมาลูบหัวน้องอันนาที่มิลอุ้มอยู่

“บางทีคนที่ตรงข้ามกันทุกอย่างอาจจะใช่สำหรับคินก็ได้นะ”

 

watercolor

ภาคินกลับไปทำงานแล้วสีน้ำเลยมานั่งวาดรูปต่อ ไม่รู้ว่าภาคินกดถ่ายไปทั้งหมดดี่รูปแค่คาดว่าน่าจะเยอะอยู่ นี่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยเลยมั้ง จังหวะที่กำลังแต้มสีลงบนภาพอยู่ดีๆ ก็มีเจ้าเหมียวขนฟูฟ่องเดินเข้ามาหา ตอนแรกสีน้ำก็ไม่กล้าจับเท่าไหร่หน้าตาพี่ท่านดูไม่ค่อยเป็นมิตร แต่พอมองนานๆ เข้าก็รู้สึกคุ้นอยู่เหมือนกัน

“อันนา?”

น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะเจ้าเหมียวได้ยินชื่อที่เขาเรียกก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับอ้อนใหญ่ สีน้ำจำได้เพราะคีตาชอบลงรูปเจ้าแมวตัวยักษ์นี่บ่อยๆ ในอินสตาแกรม พอลองจับน้องอันนาก็ดูชอบอกชอบใจทิ้งตัวนอนข้างสีน้ำไม่ไปไหน

“สิทธิพิเศษเลยนะเนี่ย ปกติน้องอันนาไม่เอาใครเลยนอกจากแก๊งลูกเพื่อนแม่ คีตา ต้นไม้แล้วก็พอร์ช”

“หน้าตาผมอาจจะดูใจดี”

“หรือไม่ก็เพราะคุณน้ำเป็นว่าที่แฟน..”

“พอก่อนเลยครับ คุณมิลมาได้ไง”

“เบนกับคีตาไม่ว่างก็เลยให้ผมกับไม้ไปรับคีตาที่ร้านเสริมสวย เห็นคินบอกในกรุ๊ปว่าทำงานอยู่นี่เลยแวะมาหา”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่นี่ความสัมพันธ์เหนียวแน่นหนึบ”

“น่าจะไม่มีใครคบแล้วมากกว่า ดูนิสัยแต่ละคนไอ้ทิมยืนหนึ่ง”

“น่าอิจฉาออกครับ ผมยังไม่เคยเห็นใครสนิทกันเท่าแก๊งลูกเพื่อนแม่เลย”

“พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งลูกเพื่อนแม่หรือยังครับ”

เพราะรามิลแกล้งทำเสียงเหมือนพระเอกละคร สีน้ำเลยหัวเราะไปด้วยแต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องตลก แต่รามิลเห็นว่าแววตาของสีน้ำมันมีความกังวลใจอยู่ รามิลเลยกระเถิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม

“ผมขอถามได้ไหมเรื่องของคุณน้ำกับคิน”

“หมายถึงความสัมพันธ์เหรอครับ”

“ครับ ตอนนี้เรียกว่าอะไรดีคนคุย?”

“รู้สึกว่าตัวเองแก่เกินจะใช้คำนั้นแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเหมือนกัน”

“ภาคินสำหรับคุณน้ำเป็นยังไงบ้าง”

“ก็เป็นคนสบายๆ ชิล ๆ เป็นตัวของตัวเองสูงมาก ไม่ค่อยพูดแต่เวลาพูดก็กวนๆ เทคแคร์ดีเอาใจใส่เก่ง อันนี้น่าจะเป็นกันทั้งแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ถูกเป๊ะ คุณน้ำนี่มอง..”

“แต่เรื่องความรักยังไม่แน่ใจ ดูลังเล ไม่กล้าตัดสินใจเหมือนยังรออะไรสักอย่างอยู่ ไม่รู้ว่ารอใครกลับมาหาหรือเปล่า”

“………”

“ผมเดาถูกเหรอ”

รามิลเข้าใจที่คินบอกแล้วว่าสีน้ำคือคนที่ฉลาดมากๆ รู้ทันคินทุกอย่างแม้กระทั่งตอนนี้ อย่างน้อยก็มองคินออกว่าเป็นคนแบบไหน สีน้ำไม่ได้ใส่อารมณ์หรือชักสีหน้าเลยสักนิดตอนที่คุยกัน มีแค่ปลายพู่กันที่จุ่มสีเทาแล้วป้ายไปบนกระดาษสีขาวที่อยู่ตรงหน้า พอเห็นเขาเงียบไปสีน้ำเลยหันมายิ้มให้พร้อมกับบอกว่าอย่าเครียดๆ ถือซะว่าคุยกันเฉยๆ รามิลเองก็เงียบไปตอนนี้ในหัวกำลังใช้ความคิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ดีหรือเปล่า แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วก็คิดว่าควรจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“ตอนที่คินอยู่ที่เชียงใหม่ ผมเบนและทิมคิดว่าคินน่าจะตกหลุมรักใครสักคนที่อยู่ที่โน่น”

“ตกหลุมรักเลยเหรอครับ”

“ครับ ขนาดไม่ได้เห็นกับตานะแต่สัมผัสได้จากตัวอักษรหรือเวลาที่เราได้วิดีโอคอลกัน”

“ภาคินตอนนั้นเป็นยังไงเหรอครับ”

“เป็นเหมือนตอนนี้ครับ”

สีน้ำหยุดระบายสีเทาแล้วหันมามองหน้ารามิล จากท่าทางและแววตาของหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้พูดไปเรื่อยเพื่อให้เขาสบายใจ แต่มันเป็นสิ่งที่รามิลตั้งใจให้เขารับรู้จริงๆ สีน้ำเลยพยักหน้าก่อนจะระบายสีต่อ

“แล้วใครล่ะครับที่คินตกหลุมรัก”

“เป็นเรื่องเดียวที่คินยังไม่เล่าให้แก๊งลูกเพื่อนแม่ฟัง แต่ผมมีผู้ต้องสงสัยแล้ว”

“แสดงว่าคุณมิลเจอเขาแล้ว”

“อาจจะเป็นคุณน้ำที่นั่งระบายสีอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ก็ได้”

“แล้วถ้าเกิดว่าไม่ใช่ผมล่ะครับ”

“ถ้าตอบในฐานะเพื่อนสนิทตั้งแต่สามขวบของภาคิน คนที่เชียงใหม่จะเป็นความทรงจำที่ดีของคิน ส่วนคุณน้ำจะเป็นคนที่ภาคินรักครับ”

“สมกับเป็นคำตอบของหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ แต่ผมยังยืนยันคำเดิมนะครับคินยังเหมือนมีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจ ความสัมพันธ์ของผมกับคินมันดูเรื่อยๆ ก็จริง”

“……………”

“แต่คินเองก็เองเหมือนยังไม่กล้าที่พัฒนาไปมากกว่านี้ เขายังรออะไรอยู่หรือเปล่า”

“……………”

“และแน่นอนภาคินที่ผมรู้จักเขาไม่มีวันพูดออกมาด้วยตัวเองหรอกครับ”

รามิลถอนหายใจกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะเงียบไป สีน้ำเห็นท่าทางแบบนั้นเลยปล่อยให้รามิลเป็นฝ่ายตัดสินใจ เขาไม่ได้บังคับให้คุณรามิลบอกเขาเข้าใจดีว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวและละเอียดอ่อน หัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่เงยหน้ามองกระดาษที่ถูกแต้มไปด้วยสีเทาเพิ่งสังเกตว่ามันค่อยๆ ไล่ระดับความเข้มขึ้นเรื่อยๆ

“คุณน้ำรู้ใช่ไหมครับว่าคินเป็นคนที่แบ่งความสัมพันธ์ไว้ชัดเจน คนนี้คือลูกค้า คนนี้คือเพื่อนร่วมงาน คนนี้คือเพื่อน คนนี้คือเพื่อนสนิท”

“ครับ”

“ก่อนที่คินจะไปเชียงใหม่มันเกิดเรื่องหลายเรื่องขึ้นพร้อมๆ กัน ตอนนั้นคิดว่าเป็นช่วงที่พังที่สุดในชีวิตของคินแล้ว”

“……………”

“รวมทั้งเรื่องความรัก”

“……………”

“เป็นครั้งแรกสำหรับคนที่แบ่งเส้นความสัมพันธ์ไว้ชัดเจนอย่างคิน เลือกที่จะก้าวออกจากเฟรนด์โซน”

“……………”

“เลือกที่บอกรักเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่ง”

ทุกอย่างเงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกและตอนนั้นเอง ที่รามิลเห็นว่าสีเทาบนกระดาษสีขาวที่สีน้ำระบายสีมันเป็นสีเทาที่เข้มที่สุดแล้ว

 
..................
........................................

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 01-11-2020 20:20:16
watercolor


“ตอนนั่งรอผม วาดรูปอะไรไม่เห็นให้ดู”

“วาดรูปน้องอันนาแต่ยังไม่เสร็จเลยกะว่าจะมาลงสีเพิ่ม”

“อยากดูรูปที่ถ่ายกันไหม เดี๋ยวผมจะเอาไฟล์ลงเผื่อว่าจะต้องแต่งสี”

“อยาก แต่ขอเอาของไปเก็บก่อนเดี๋ยวผมมาหาอีกรอบ ไปล้างหน้าด้วยใครก็ไม่รู้เอาสีมาระบายหน้า”

“ชุดนอนได้เลยนะไม่ถือนอนนี่เลยก็ได้ไม่ถือเช่นกันโอ๊ย!”

หลอดสีน้ำปาใส่หัวคินทันที คนที่โดนได้แต่ลูบหัวป้อยๆ อะไรจะปาของทุกอย่างใส่หัวคนได้แม่นขนาดนี้ มีการโบกมือลาแล้วก็เดินหายไปร้านข้างๆ ภาคินเลยหยิบกล้องออกมาจัดการกับรูปที่ถ่ายวันนี้ พอเอารูปลงคอมก็นั่งดูรูปไปเรื่อยๆ เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเขาหรือครูสอนวาดรูปที่อายุน้อยกว่ากันแน่ นับว่าวันนี้เป็นวันที่เขาถ่ายรูปในแบบที่ต่างออกไป

คินชอบถ่ายรูปวิวมากกว่าคนแต่ถ้าให้ถ่ายก็ถ่ายได้ แต่ส่วนมากมันจะเป็นรูปในโทนสีขาวดำซะมากกว่า ที่จริงรูปวันนี้คินไม่ค่อยอยากแต่งแสงอะไรเท่าไหร่ อยากให้มันเป็นรูปตามธรรมชาติแบบนี้ดีแล้ว ยังไงสำหรับคินสีน้ำก็เหมาะกับแสงแดดสดใสแบบนี้ คินจัดการไฟล์รูปก่อนจะดึงออกมาไว้ตรงหน้าจอเพื่อให้สีน้ำได้ดู

อยู่ดีๆ สายตาคินก็เหลือบไปเห็นโฟล์เดอร์ที่ไม่ได้เปิดนานแล้ว นิ้วมือก็เคาะกับโต๊ะเหมือนใช้ความคิด ตั้งใจจะย้ายไปเก็บไว้ที่อื่น แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้คินต้องผละจากคอมไปรับแล้วทิ้งไฟล์ทุกอย่างที่จะจัดการไว้อย่างนั้


“ไหนบอกออกไปกับคุณคิน ทำไมหน้าเลอะแบบนั้น”

“ก็คุณคินของณัฐเป็นคนทำ”

“อยู่ที่ไหนก็เลอะสีเนอะ สมกับที่ชื่อสีน้ำ”

“ณัฐว่าเป็นสีน้ำหลายๆ สีหรือว่าเป็นแค่สีดำสีขาวดีกว่ากัน”

“ถามอะไรแปลกๆ”

“ยังไงเขาก็น่าจะเลือกสีที่เขาชอบป่ะวะ”

“เฮ้ย โอเคป่ะเนี่ย นานๆ ทีถึงจะเห็นเวอร์ชั่นอ่อนแรงขนาดนี้”

ณัฐขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าญาติตัวเองมีท่าทางไม่ค่อยปกติ แววตาก็ดูหม่นๆ เหมือนมีเรื่องให้คิด ทั้งๆ ที่ตอนที่ออกไปกับคุณคินก็เห็นว่ายังสดใสดี พอเห็นสีน้ำเป็นแบบนั้นณัฐเลยเดินเข้ามาหากับวางมือลงบนกลุ่มผมนั่นเบาๆ ไม่มีคำพูดอะไรอีก แต่สีน้ำก็ยิ้มให้พร้อมกับบอกว่าตัวเองสบายดีแค่เพลียๆ เพราะวันนี้ตากแดดเยอะไปหน่อย ณัฐเลยบอกให้อีกฝ่ายไปพักผ่อน ทันทีที่สีน้ำเดินขึ้นชั้นสองไปแล้วสายตาณัฐก็เหลือบไปเห็นกระดาษวาดรูปที่ตกอยู่ คงเป็นของสีน้ำเมื่อกี้เห็นถืออยู่หลายแผ่น ณัฐก้มลงเก็บขึ้นมาตั้งใจจะเอาไปให้ แต่พอเห็นสีที่อยู่ในกระดาษก็ทำให้ณัฐหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น

เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเลยทำให้รู้ว่าสีน้ำชอบเปรียบเทียบคนกับสี และอีกอย่างที่ณัฐรู้ก็คือรูปที่วาดในแต่ละวันก็สามารถบอกความรู้สึกของสีน้ำได้ ณัฐถอนหายใจก่อนจะก้มลงกระดาษวาดรูปที่เต็มไปด้วยสีเทาแล้วเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบน

หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร

 

สีน้ำวางอุปกรณ์วาดรูปทั้งหมดไว้ตรงโต๊ะทำงานก่อนจะเดินมาล้มตัวลงนอนบนเตียง ยอมรับว่าตอนนี้จัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้เท่าไหร่ มันสวิงจนสีน้ำปวดหัวไปหมด สิ่งที่รู้มาจากคุณรามิลมันวนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอด ทั้งๆ ที่คิดไว้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับคุณคินมันน่าจะเรียกว่าค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ได้รีบร้อนอะไรก็มีแค่เรื่องที่ เชียงใหม่  ที่รอให้ถึงเวลาของมันเอง พอคิดถึงตรงนี้สีน้ำก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาที่โต๊ะทำงาน พอเปิดกล่องสีน้ำตาลออกมาบรรดาก็เจอโปสการ์ดหลากหลายใบที่เขาเองไม่ได้หยิบออกมานานแล้ว สีน้ำค่อยๆ หยิบโปสการ์ดออกมาทั้งหมดแต่อยู่ดีๆ กลับมีหนึ่งใบที่ร่วงลงมาบนพื้น สีน้ำเลยก้มลงไปหยิบแต่ข้อความที่ปรากฏบนโปสการ์ดทำให้สีน้ำเลือกที่จะอ่านมันอีกครั้ง..



“นึกว่าน้ำจะมาสักตีสองนานมาก”

“จะรีบไปไหนร้านอยู่ข้างๆ นี่ไม่หนีไปไหนหรอก”

“ไม่หนีจริงนะ”

“ถ้าหนีไปจริงๆ คินจะทำยังไง”

“แล้วสีน้ำจะหนีไปไหน”

“เชียงใหม่”

“คนอะไรจะหนีแล้วยังมาบอกสถานที่ๆ จะไป”

ภาคินหัวเราะเมื่อเห็นว่าสีน้ำเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอบอกไปแล้ว มีการพูดกับตัวเองว่าเออว่ะ..ท่าทางตลกๆ นั่นทำให้คนที่กำลังอุ่นนมอยู่หลังเคาน์เตอร์ต้องเดินออกมาหา กลิ่นนมหอมๆ ทำให้สีน้ำรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างภาคินเลยยื่นแก้วให้อีกคนถือไว้ก่อนจะรวบเอาทั้งตัวสีน้ำเข้ามากอดไว้อ้อมแขนรัดช่วงเอวไว้แน่น ยิ่งสีน้ำอยู่ในชุดนอนสีเข้มตัวก็ยิ่งดูเล็กมากกว่าเดิม เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เรายังไม่ได้กอดกันเลยทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันทั้งวัน

“มันร้อนเดี๋ยวหก ภาคิน”

“เวลาเรียกชื่อจริงเหมือนกำลังโดนดุ”

“เนี่ยดุจริง”

“นอนนี่ไม่ได้เหรอครับ”

“มันทำไมนัก”

“เราแก่กันแล้วนะ แก๊งลูกเพื่อนแม่นอนกอดแฟนหมดแล้ว”

“อิจฉาเพื่อนเหรอ”

“มาก”

"ขนาดไหน"

"ที่สุด"

“ดูรูปก่อนถ้าสวยแล้วจะตัดสินใจอีกที”

“ฝีมือระดับนี้แล้ว”

ภาคินกอดเอวสีน้ำให้นั่งลงตรงหน้าคอมก่อนจะเปิดไฟล์รูปให้ดู แน่นอนว่ามันจะต้องมีรูปทีเผลอที่ภาคินไม่ได้ลบออกและเหมือนจะเยอะกว่ารูปที่ตั้งใจถ่ายซะอีก ดูไปสี่ห้ารูปภาคินเลยบอกให้เขาดูไปพลางๆ ก่อนเพราะแก้งานค้างไว้ต้องส่งพรุ่งนี้ สีน้ำพยักหน้าแล้วดูรูปต่อ ฝีมือของภาคินไม่ใช่เล่นๆ รูปสวยระดับมืออาชีพมากๆ พอเงยหน้าเห็นว่าภาคินยังคงก้มหน้าก้มตากับงานอยู่เหมือนเดิม

“หน้าผมเลอะสีทุกรูป ไม่มีรูปปกติเลย”

“ผมตั้งใจ มันเป็นคอนเซปต์ของผม”

“คอนเซปต์อะไรกัน”

“สีน้ำ ชื่อนี้เลยสีน้ำที่ผมเจอครั้งแรกหรือว่าสีน้ำที่ผมเจอทุกครั้งมีสีน้ำเลอะอยู่ตลอด”

“ฟังแล้วเหมือนผมเป็นเด็กนักเรียนมากกว่าครูอีกนะ”

“อ้าวแน่นอน เด็กชายสีน้ำคู่กับเด็กชายภาคิน”

“ตลก”

“น้ำชอบรูปไหนเลือกไว้ได้เลย”

สีน้ำยกมือขึ้นว่าทำท่าโอเคก่อนจะค่อยๆ เปิดดูรูปไปเรื่อยๆ ภาพเขาที่หน้าเลอะไปด้วยสีน้ำกำลังยิ้มให้กล้อง เอาจริงวันนี้ก็ทำตัวย้อนวันเหมือนสมัยวัยรุ่น เขาไม่ได้ถ่ายรูปแบบนี้มานานแล้วและยิ่งกับคนที่ตัวเองชอบ ก็ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ถึงภาคินจะบอกว่าปกติไม่ค่อยได้รูปในแนวสดใสแบบนี้เท่าไหร่ แน่แหละเจ้าตัวมินิมอลชอบแนวขาวดำซะขนาดนั้น อยู่ดีๆ สีน้ำก็เผลอกดปิดโฟล์เดอร์รูปไป ตั้งใจจะเปิดขึ้นมาใหม่แต่ตาก็เหลือบไปเห็นโฟล์เดอร์ที่ตั้งชื่อไว้ NW ไว้ตรงหน้าจอ

ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นการเสียมารยาทแต่ไม่รู้ว่าทำไมสีน้ำถึงเลือกที่จะกดเข้าไปดู ไฟล์รูปค่อนข้างจะเยอะจนสีน้ำต้องไล่ดูไปเรื่อยๆ ภาคินยังคงชวนเขาคุยอยู่เหมือนเดิม สีน้ำก็แค่ตอบเออออไปตามประสา รูปในโฟล์เดอร์เป็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด มีทั้งวัด คาเฟ่ ร้านอาหาร ทุกภาพเป็นรูปโทนขาวดำทั้งหมด

จริงๆ มันก็อาจจะเป็นแค่งานของภาคินเท่านั้นไม่ได้มีอะไร แต่พอเลื่อนดูรูปมาเรื่อยๆ สีน้ำก็ต้องหยุดเมาส์ที่กำลังเลื่อนดูรูป มันเป็นภาพผู้ชายตัวสูงผมสีดำ มีลักยิ้มสองข้าง แน่นอนว่าทุกรูปยังคงเป็นรูปสีขาวดำ สีน้ำค่อยๆ เลื่อนดูรูปต่อเป็นรูปผู้ชายคนเดียวในอิริยาบทต่างๆ ไม่ว่าจะเดิน จะนั่ง จะยิ้มหรือหัวเราะ ไม่มีรูปไหนที่เป็นสีสันสดใสเลยสักรูปทุกรูปเป็นโทนสีเดียวกัน แต่ยอมรับเลยว่ามันสวยมากๆ ทั้งสีของรูป ทั้งองค์ประกอบ รวมทั้งคนในรูปด้วย อยู่ดีๆ สีน้ำก็นึกถึงคำพูดของคุณรามิลที่คุยกันในวันนี้

“เป็นครั้งแรกสำหรับคนที่แบ่งเส้นความสัมพันธ์ไว้ชัดเจนอย่างคิน เลือกที่จะก้าวออกจากเฟรนด์โซน”

“……………”

“เลือกที่บอกรักเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่ง”


รูปสุดท้ายที่สีน้ำเลื่อนดูมาจนสุดมันคือรูปคู่ของทั้งสองคน ภาคินก็ยังอยู่ในชุดที่เขาเองคุ้นเคยอยู่ทุกวันเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์และคนข้างๆ ที่ยิ้มจนลักยิ้มบุ๋มลงทั้งสองข้างใส่เสื้อยืดสีดำที่สกรีนไว้ว่า

 

นาวา..

 

สีน้ำไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรรู้สึกแบบไหน แค่ถือวิสาสะเปิดดูรูปเขาก็เสียมารยาทจะแย่อยู่แล้ว จะให้ถามตรงๆ ว่าคนในรูปเป็นใครก็รู้ว่าตัวเองยังไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น มันสับสนจนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง พอได้มาเจอความจริงบางทีสีน้ำก็รู้สึกว่าตัวเองเพ้อเจ้อมากไป เชียงใหม่ โปสการ์ด ความบังเอิญ พรหมลิขิต มันก็อาจจะเป็นแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไปแค่นั้นก็ได้ พอคิดถึงเรื่องนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าข้อความบนโปสการ์ดที่วันนี้เขาทำตกมันเขียนไว้ว่ายังไง


ที่คุณถามว่ามาเชียงใหม่ทำไม เพราะส่วนมากก็มาเที่ยว

ไม่ก็หนีความจริงอะไรสักอย่างเพื่อมาพักรักษาจิตใจ ใช้ธรรมชาติบำบัด

เก่งเหมือนกันนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะมาเที่ยวบ้างเหรอไงแต่ก็นะ คนเรามันหนีความจริงกันไม่พ้นทั้งนั้น

ขอตอบข้อสอง..ตอนอ่านโปสการ์ดใบนี้ห้ามหัวเราะนะ

ที่มาที่เชียงใหม่ก็เพราะว่า อกหัก เจ็บเหมือนจะตายเลย..


 

 

 

 

 
To be con



อ้าว! พี่คิน!
PS. นิยายรายเดือนที่เกินเดือนมาหนึ่งวัน..โซซอรี่


อาจจะมาช้าแต่สัญญาว่าจบแน่นอนค่ะทุกคน
ขอบคุณนะคะที่ยังรอกันเสมอ ^^
ตอนนี้บ้านเมืองของเรานั้นอาจจะทำให้ทุกคนเครียดกัน ยังไงถ้าอยากพักผ่อนมาอ่านนิยายผ่อนคลายกันสักแป๊บ
แต่ถ้าทุกคนยังไม่พร้อมอ่านก็ไม่เป็นไรนะคะ ค่อยกลับมาอ่านก็ได้นะ ไม่โกรธกัน ไม่โกรธกัน
แต่แต่งนิยายตอนนี้ก็๋ยากเช่นกัน อารมณ์สวิง360 แงงงงเนี่ย #ถ้าการเมืองดี

เลิฟทุกคนที่เข้ามาอ่านจ้าาาาา


ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่

 แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-11-2020 20:53:29
สีน้ำยิ้มไว้นะ..เอาใจช่วย..ยยยย   :hao5:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-11-2020 20:55:48
เห้อ  :hao5:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-11-2020 02:04:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 02-11-2020 03:26:41
 :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 04-11-2020 19:30:55
รอตอนต่อไป ขอให้เปลี่ยนจากสีเทาเแฌนสีสดใสไวๆ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-11-2020 21:46:16
หวานๆอยู่ ดราม่าย่างกรายเข้ามาซะแล้ว
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-11-2020 13:57:36
รวดเดียวจบ และจุกมากกกกก
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.13 - Gray [ 01/11/2020] Page.6
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 10-11-2020 05:41:17
ไม่เอาดราม่าได้ไหม :hao5:ไม่อยากเห็นครูน้ำผู้สดใสต้องเศร้าใจเลย :hao5:
ภาคินรีบเคลียร์ใจตนเองเร็วๆ เลย

วาร์ปไปสิ้นเดือนทีอยากอ่านต่อแล้วววว :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 28-11-2020 12:52:37
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.14
Black




ปกติสีน้ำเป็นคนที่ตื่นเช้าอยู่แล้ว อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ แต่พอหกโมงเช้าสีน้ำก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง ทันทีที่ลืมตาเพดานห้องที่ไม่เหมือนทุกวันทำให้สีน้ำยิ้มออกมา เขารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน.. เมื่อคืนหลังจากที่ดูรูปที่ถ่ายเมื่อวานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภาคินก็ทำเป็นเนียนล็อคประตูร้านเสร็จสรรพ มีการยืนรออยู่ที่บันไดอีกต่างหาก เอาเถอะทำขนาดนี้แล้วก็คงไม่ได้กลับบ้านกลับช่องแน่ๆ ณัฐเองก็เหมือนจะรู้พอเขาไลน์ไปบอกว่าไม่กลับ ญาติสนิทก็ตอบกลับมา

“รู้แล้วจ้า เชิญตามสบาย”

นี่เขาเองก็ไม่ใช่วัยรุ่นวัยใสอายุอานามก็ขนาดนี้แล้ว แต่พอเดินเข้ามาในห้องภาคินก็รู้สึกเขินๆ ขึ้นมาบ้าง ถึงแม้จะเคยมาแล้วก็ตามเถอะ ห้องของคินก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย โทนสีก็มีอยู่สามสี เทา ขาว และดำ พอล้มตัวลงนอนเราทั้งสองคนคุยกันหลายเรื่อง ส่วนมากก็เป็นเรื่องของแก๊งลูกเพื่อนแม่ วีรกรรมตั้งแต่เด็กยันแก่ของแก๊งนี้ให้เล่าสามวันสามคืนก็คงไม่จบ พอเวลาล่วงเลยจนเกือบจะตีสอง ภาคินก็เริ่มจะหมดแรงแบตหมดคงเพราะวันนี้ตากแดดมาทั้งวัน สีน้ำพอเห็นท่าทางแบบนั้นเลยยกมือจับผมคินให้เข้าที่เข้าทางพร้อมกับบอกว่าให้นอนได้แล้วเพิ่งจะหายป่วยแท้ๆ ยังจะออกไปทำงานตากแดดตากลม แทนที่คนง่วงจะหลับตาตามคำสั่งกลายเป็นว่าคินสอดแขนให้สีน้ำขยับตัวมานอนซบบนอก

“เป็นแฟนเด็กแบบไอ้พอร์ชมันดีแบบนี้นี่เอง”

“ดียังไง”

“ผมอยากอ้อนน้ำเยอะๆ”

“คินไม่ได้ดูเด็กเหมือนพอร์ชกับทิม คินเจ้าเล่ห์กว่าพอร์ชเยอะ”

“แน่นอน ผมฉลาดสุดในแก๊งแล้ว”

“ผมนึกว่าคุณมิลจะเก่งสุดซะอีก หัวหน้าแก๊งเลยนะ”

“หัวหน้าแก๊งต๊อกต๋อยจะไปมีอำนาจอะไร ภาคินคนนี้ต่างหากที่ฉลาด”

“แน่ใจ”

“ชัวร์”

“แล้วคนฉลาดอย่างคินจะแพ้อะไร”

“แพ้คนอย่างคุณไง สีน้ำ”

“แพ้ผมตรงไหน”

“รู้ทันผมทุกอย่างแล้วก็…รู้วิธีที่จะทำให้ผมเป็นบ้าด้วย”

ภาคินจับมือคนที่เล่นอยู่ตรงท้องเขาให้หยุด ก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ยิ่งเจ้าตัวหัวเราะเสียงใสคินก็รู้แล้วว่าไอ้ที่มาทำให้เขาสติแตกนี่ตั้งใจแน่ๆ เลยจัดการพลิกตัวให้สีน้ำลงมานอนบนเตียงแทน พอเห็นหน้าใกล้ๆ แบบนี้ต่างคนก็ต่างหัวเราะเพราะไม่คิดว่าเราสองคนจะมีวันที่มานอนเตียงเดียวกันแบบนี้ได้ ย้อนไปเมื่อก่อนนี่พูดกันนับคำได้เลยเอาแต่วาดรูปส่งข้อความกันไปมา อยู่ร้านข้างกันแท้ๆ แต่ไม่ยอมเจอหน้ากัน สีน้ำยกมือขึ้นมาไล้ไปตามแก้มของคินก่อนที่คินจะเอียงหน้ามาจูบมือเบาๆ

“ผมนอนคนเดียวมาได้ไงตั้งหลายเดือน ทั้งๆ ที่น้ำอยู่ใกล้ๆ แค่นี้”

“ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา”

“เราสองคนถ้าลองนับแล้วก็นานมากแล้วนะ ผมต้องรออีกนานเท่าไหร่”

“สำหรับผมไม่มีอะไรให้คินต้องกังวลใจเลย มีแค่คินเท่านั้น”

“ผม..”

“วันนี้นอนก่อนเถอะจะตีสามแล้ว ไม่ได้นอนกันสักทีห้ามชวนคุยแล้วด้วย”

“รู้สึกว่าน้ำโตกว่าก็ตอนที่ผมโดนดุ”


สีน้ำเลือกที่จะตัดบทแล้วรั้งให้ภาคินนอนซบลงมา มือที่คอยลูบผมเบาๆ ทำให้ภาคินเลือกที่จะเงียบลง ถึงจะสงสัยในสิ่งที่สีน้ำพูดถึงก็ตาม ตอนแรกคินยังคงไม่กล้านอนไปทั้งตัวเพราะกลัวว่าสีน้ำจะหนักแต่พอนานเข้า คินก็ค่อยๆ ผ่อนคลายแล้วปล่อยทุกอย่างตามที่ใจอยากจะทำ คินกระชับกอดให้แน่นขึ้นพร้อมกับเอียงหน้ามาจูบขมับสีน้ำเบาๆ เสียงพูดอู้อี้ๆ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องที่ดังขึ้นสีน้ำเลยต้องตั้งใจฟังอีกรอบ

“ผมสบายใจ ไม่อยากไปไหนแล้วผมอยากพักตรงนี้”

สีน้ำไม่ได้ตอบรับอะไรเพราะอีกฝ่ายน่าจะหลับไปแล้ว มันก็ตลกดีเหมือนกันถ้าใครได้เห็นภาพตอนนี้ ผู้ชายตัวโตเป็นหมีนอนซบอกเขาอยู่ สีน้ำค่อยๆ เลื่อนมือไปลูบกลางหลังคินเบาๆ คล้ายจะกล่อมให้นอนหลับ เขารู้ว่าภาคินนอกจากเรื่องงานแล้วก็ยังมีเรื่องครอบครัวที่ยังคงคิดอยู่ตลอด ถึงแม้ภายนอกจะชอบทำเป็นไม่สนใจแต่ลึกๆ คินก็ยังชอบนึกถึงเรื่องของคุณเค และเขาเองก็รู้ด้วยว่าคินกำลังทำอะไรอยู่ หลากหลายเรื่องมันถาโถมเลยทำให้คินต้องเหนื่อยมากกว่าที่เคย ถ้าตอนนี้เขาเป็นเหมือนที่พักพิงให้คินได้สีน้ำก็ยินดี ถึงแม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของคนที่ชื่อนาวาจะยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาก็ตาม

เขาไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เท่าไหร่
แต่เวลามีความรักมันห้ามความรู้สึกกันได้ที่ไหน

พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนสีน้ำเลยก้มลงมองอ้อมแขนที่ยังคงกอดช่วงเอวเขาไว้แน่น ภาคินยังคงหลับสนิทลองยกมือให้หลุดออกก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังกอดแน่นกว่าเดิมอีก ตอนแรกมันก็อบอุ่นดีแต่ตอนนี้เริ่มจะเมื่อยตัวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกันคินกอดแน่นซะจนหายใจแทบไม่ออก เลยต้องแกล้งตีแขนคนขี้เซาแรงๆ

“ตื่นมาก็ทำร้ายร่างกาย”

“ผมจะเป็นตะคริวตายแล้ว”

“กอดนิดกอดหน่อยทำบ่น”

“กอดทั้งคืนเลย”

“ซ้อมไว้ก่อน น้ำต้องเจอผมนอนกอดแบบนี้ทุกวัน”

“ติดเป็นตังเมเลยนะ”

“บอกแล้วว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ติดสัมผัสมาก”

ถึงจะอยากกอดต่อแต่คินก็สงสารสีน้ำอยู่เหมือนกัน โดนเขากอดขนาดนั้นคงต้องเมื่อยตัวกันบ้างเลยต้องยอมปล่อยตัวให้สีน้ำลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วขยับแขนไปมา คินเลยกระเถิบตัวมานั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับมองคนที่ใส่ชุดนอนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปด้วย น่ารัก..น่ารักมากสีน้ำตอนตื่นนอนน่ารัก ไม่รู้เรียกว่าหลงหัวปักหัวปำหรือเปล่า แต่คินคิดว่าตอนนี้สีน้ำตอนนี้โคตรธรรมชาติ ท่าทางมึนๆ เหมือนเด็กเพิ่งตื่น คินเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไว้และเหมือนคนโดนถ่ายจะรู้ตัวเลยยกมือชูสองนิ้วแล้วยิ้มเหมือนจนตาหยี

“ส่งไปในกรุ๊ปลูกเพื่อนแม่นะ”

“อ้าวเฮ้ย!”

“เฮ้ยไร”

“สภาพแบบนี้เนี่ยนะ”

“ต้นไม้ คีตา ไอ้พอร์ชก็สภาพแบบนี้แหละเดี๋ยวน้ำคอยดู”

ทันทีที่ได้ยินสีน้ำรีบกระเถิบตัวเข้ามาหาคินที่อ้าแขนรอไว้อยู่แล้ว และมันก็เป็นอย่างที่คินว่ารามิลส่งรูปต้นไม้ในชุดนอนสีเขียวแต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจคือเวลานี้แทนที่จะอยู่บนเตียง แต่ต้นไม้กลับอยู่ในโรงเรือนกระบองเพชร แถมในรูปเดาได้เลยว่าเพิ่งตื่นแถมในมือยังถือต้นกระบองเพชรไว้ ส่วนคนต่อมาคือเบนจามินทันทีที่เห็นรูปทั้งคินกับสีน้ำก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เบนส่งรูปคีตาที่นั่งกอดจานอยู่ตรงเคาน์เตอร์ห้องครัว แต่ตาเรียวนั้นหลับสนิทแถมข้างๆ ยังมีน้องอันนาแมวหน้าหยิ่งที่พิงเจ้านายตัวเองหลับตาอีกตัว ยิ่งข้อความที่เบนจามินพิมพ์มายิ่งทำให้สีน้ำต้องอมยิ้ม

Ben: บอกจะตื่นมาช่วยกูทำอาหารเช้า หันมาอีกทีหลับทั้งคนทั้งแมว กูงง

คนสุดท้ายคือทับทิม รูปที่ส่งมาทำให้แก๊งลูกเพื่อนแม่หัวร้อนกันหมด  ทิมส่งรูปพอร์ชที่นอนอยู่บนเตียงโดยไม่ได้ใส่เสื้อดีที่ยังมีผ้าห่มคลุมไว้ รูปแรกก็ยังโอเคอยู่เพราะเป็นรูปเดี่ยวของพอร์ช แต่รูปที่สองเป็นรูปที่พอร์ชขยับมานอนบนตัวทิมที่นอนอยู่ข้างๆ แถมยังหอมแก้มทิมโชว์อีก นี่ขนาดทิมใส่เสื้อผ้าครบยังทำแก๊งลูกเพื่อนแม่หัวร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าแก้ผ้าแก้ผ่อนกันอยู่มีหวังระเบิดลงบ้านพอร์ชไปแล้ว สีน้ำเห็นข้อความของรามิลที่บอกว่า เหมือนจะชินแต่ก็ไม่ชินเด็กผมจุกที่เคยเดินตามกูต้อยๆ หายไปไหน แล้วก็ต้องหลุดขำออกมา

“ทุกคนหวงทิมมาก จนผมสงสัยว่าพอร์ชผ่านด่านแก๊งลูกเพื่อนแม่มาได้ยังไง”

“ยาวมาก ถ้าอยากฟังน้ำต้องมาค้างกับผมทั้งเดือน”

“มหากาพย์ขนาดนั้นเลย”

“น้ำอาจจะไม่เชื่อว่าทิมกับพอร์ชผ่านอะไรมาบ้าง เพราะทุกวันนี้เห็นว่าสองคนนั้นรักกันมากใช่ไหม”

“ผมไม่เคยคิดว่าความรักมันเป็นเรื่องง่ายๆ หรอกครับ ทุกคนก็เจออุปสรรคกันทั้งนั้น”

“ผมไม่อยากเจอแล้ว”

“อุปสรรคเหรือความรัก”

“อุปสรรคสิคุณ ผมยังอยากมีความรักอยู่”

“ที่ผ่านมาเจอมาหนักเหรอครับ”

“สำหรับผมเรียกว่าหนักถึงขั้นอยากหนีไปไกลๆ เลย”

“เชียงใหม่?”

“จริงๆ อยากหนีไปยุโรปแบบเท่ๆ แต่ไม่มีตังค์”

“อดเท่เลยสินะ”

“แต่เชียงใหม่ก็ดีนะ…ไม่คิดอย่างนั้นเหรอครับสีน้ำ”

ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินทำให้สีน้ำต้องเงยหน้าขึ้นมามอง คนที่ตัวเองนอนซบอยู่ ภาคินไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่หันมายิ้มให้แล้วก้มลงมาจุ๊บหน้าผากคนที่ยังมองเขาตาแป๋วอยู่ พอเห็นว่าสีน้ำไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไรก็เลยแกล้งทำเป็นจุ๊บรัวๆ จนสีน้ำต้องยกมือขึ้นมาดันหน้าคินให้ออกไป พอเห็นว่าถึงเวลาที่ควรจะต้องลุกออกจากเตียงสักที คินเลยขอตัวไปอาบน้ำเพราะวันนี้มีธุระที่ต้องออกไปข้างนอก สีน้ำล้มตัวนอนลงบนเตียงแต่ก็ต้องลุกขึ้นมานั่งอีกรอบเพราะเสียงของภาคินที่ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

“น้ำมีสอนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ วันนี้ร้านปิดณัฐมีอีเว้นท์ไปวาดรูปข้างนอก เอาพวกอุปกรณ์ไปด้วย”

“ไปกับผมไหม”

“ไปไหนครับ”

“เพื่อนผมโทรมาบอกว่ามีงานนิทรรศการพวกแสดงรูปภาพ อยากให้ผมไปดูน้ำน่าจะชอบเหมือนกัน”

“ครับ แต่เพื่อนคินจะโอเคหรือเปล่า”

“โอเคอยู่แล้ว”

พอได้ยินแบบนั้นสีน้ำก็เลยตอบตกลงก่อนจะลุกออกจากเตียงแล้วเดินดูรอบๆ ห้องนอนของภาคิน ถึงจะเคยมาแล้วแต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นชัดๆ เหมือนตอนนี้ สีของห้องเหมือนยกร้านมูจิมาไว้ที่นี่ไม่มีหลุดคอนเซ็ปต์ใดๆ ทั้งสิ้น สีน้ำเดินมาที่โต๊ะทำงานก็เรียกว่ารกพอสมควร มีทั้งเศษกระดาษ โน๊ตงาน และรูปถ่ายต่างๆ กระจายเต็มโต๊ะ สีน้ำมองกล่องสีน้ำตาลที่วางอยู่เดาว่าคงเป็นกล่องเอาไว้ใส่รูปถ่าย พอยกนาฬิกาขึ้นมาดูคงต้องกลับไปอาบน้ำอาบท่าบ้างแล้ว แต่อยู่ดีๆ รูปโพราลอยด์ก็ร่วงลงมาจากสมุดเล่มหนึ่ง สีน้ำเลยก้มลงไปหยิบขึ้นมาดูแต่ก็ต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นว่ารูปโพราลอยด์ที่เขาเห็น มันคือรูปคนเดียวกับที่เขาเห็นในคอมของภาคินเมื่อวานนี้ ทันทีที่พลิกรูปก็เห็นตัวเลขที่อยู่ด้านหลัง

“วันที่?”

สีน้ำเงยหน้ามองปฏิทินที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วพลิกรูปดูอีกครั้ง

“วันนี้….”

Watercolor

ก่อนจะไปงานนิทรรศการแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็นัดกินกินข้าวครบทั้งแก๊ง พอถึงร้านอาหารพอร์ชก็โดนรุมทันทีเนื่องจากรูปที่ส่งมาเมื่อเช้า ส่วนคนส่งรูปอย่างทิมก็เดินตัวปลิวไปที่โต๊ะปล่อยให้แฟนสุดที่รักโดนเพื่อนรุมอยู่อย่างนั้น แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ยังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิม สำหรับสีน้ำเขายังยืนยันตามเดิมอย่างที่เขาเคยบอก รามิลและต้นไม้ยังคงเป็นสีเขียวถ้ามองจากภายนอกก็เป็นคู่รักในอุดมคติ ภาพที่สีน้ำเห็นอยู่บ่อยๆ ต้นไม้จะคอยฟังรามิลพูด แต่การดูแลเทคแคร์เอาใจใส่ของทั้งคู่ไม่เคยลดลงเลย ไม่ว่าจะเป็นการจัดเสื้อ จัดผม หั่นอาหารหรือว่าเช็ดปากให้

“ซุปข้าวโพด”

“พี่เบนเบื่อจะตายอยู่แล้ว”

“ของโปรดมันจะเบื่อได้ยังไง”

“พี่ทำอร่อยกว่า”

“เข้าครัวไปขอเขาทำเลยนะ”

บทสนทนาที่คุ้นเคยมันทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารหัวเราะ ถึงแม้จะเถียงกันทุกประโยคแต่ใบหน้าของทั้งคู่มีแต่รอยยิ้ม เบนยกมือขึ้นมาบีบแก้มเจ้าหนูที่นั่งอยู่ข้างๆ จนแก้มยุ้ยๆ นั่นบู้บี้ คีตาทำได้แค่ตีๆ ลงบนแขนของเบนจามินก็เท่านั้น คีตาหัวเราะจนลักยิ้มบุ๋มลงไปมันดูน่ารักดี บรรยากาศรอบๆ ตัวของสองคนนี้ยังคงเป็นสีฟ้าสดใสเหมือนที่เขาเคยคิด มันก็เหมาะสำหรับคู่รักนักดนตรีส่วนคู่สีแดง..

“เล่นเกมกันพอร์ช ทายสิว่าวันนี้ผมจะสั่งอะไร”

“ขอประโยคชวนเล่นเกมอีกรอบซิทับทิม”

“เล่นเกมกันพอร์ช ทายสิว่าวันนี้ทิมจะสั่งอะไร”

“สิ่งที่คนชนะจะได้”

“เลี้ยงข้าวมื้อนี้”

“กระจอก”

“ขับรถให้”

“เบสิคมาก”

“อาบน้ำพร้อมกันทั้งอาทิตย์”

“เริ่มเกมได้เลยครับ”

ถึงเป็นข้อตกลงที่ชาวแก๊งลูกเพื่อนแม่หูผึ่งแถมพอร์ชยังโดนช้อนส้อมที่วางอยู่บนโต๊ะปาใส่ แต่เจ้าตัวก็ดูหน้าระรื่นไม่เลิก ได้ยินคุณเบนบ่นเบาๆ ว่า คู่พวกมึงเป็นอะไรกับเกมนักหนาแข่งกันได้ทุกเรื่องเป็นบ้าเหรอ ที่ผ่านมาน้ำตาตกในไม่พอเหรอไงยังจะเล่นกันอีก ทับทิมที่นั่งเท้าคางหัวเราะอยู่ทำได้แค่ยกมือลูบแก้มพอร์ชเบาๆ หลังจากโดนเบนจามินที่นั่งอยู่ข้างๆ ลงไม้มือเพราะความหมั่นไส้ สีน้ำยังแอบยิ้มเมื่อได้ยินพอร์ชบ่นเบาๆ ว่าเป็นทาสของแก๊งนี้โดนทำร้ายร่างกายตลอด แต่ก็ยังไม่วายแกล้งแหย่ด้วยการเข้าไปหอมทิมให้แก๊งลูกเพื่อนแม่โวยวายไม่เลิก

“น้ำนั่งมองเจ้าพวกนี้แล้วยิ้มทำไม”

“คิดว่าจะเจอกันกี่ครั้งทุกคนก็ยังมีสีเหมือนที่ผมคิดไว้เลย”

“แล้วเมื่อไหร่ผมจะมีสี คู่เราจะเป็นสีอะไร”

“นั่นสิ ทำไมคินไม่มีสี”

“ผมไม่เหมาะกับสีอะไรเลยเหรอครับ”

“ไม่ใช่ไม่เหมาะ แต่สำหรับผมไม่รู้ว่าคินเป็นสีอะไร”

“สีรุ้งหรือเปล่า”

“มินิมอลขนาดนี้”

“แล้วผมไม่ใช่สีเทา สีขาว สีดำเหรอครับมันต้องมีสักสีในสามนี้”

“ไม่ใช่”

สีน้ำส่ายหน้าไปมาจนคินยกมือยอมแพ้เพราะว่าคุยเรื่องนี้อีกสักกี่ครั้ง เขาก็ยังไม่มีสีสักที ยังคงเป็นภาคินนายไร้สีอยู่เหมือนเดิม บรรยากาศบนโต๊ะอาหารวุ่นวายเหมือนทุกครั้งที่รวมตัวกัน พอร์ชกับคีตาแย่งเนื้อที่วางอยู่ตรงหน้ากันไม่เลิก จนต้นไม้ต้องเอามีดตีมือทั้งสองคนให้หยุดไม่งั้นเนื้อคงกระเด็นออกจากจานไม่ได้กินกันพอดี สีน้ำเลยบอกว่าต้นไม้เหมือนพี่คนโตเลยทั้งๆ ที่ตามความจริงแล้วถ้านับตามอายุแล้วเขาเป็นคนที่อายุมากที่สุด รามิลสังเกตว่าคุณสีน้ำเริ่มจะสนิทกับแก๊งลูกเพื่นแม่มากขึ้นเมื่อก่อนยังดูเกร็งๆ ไม่ค่อยกล้าคุยอะไร ตอนนี้ก็กำลังตื่นเต้นที่ต้นไม้ชวนไปเที่ยวที่ร้าน SECRET GARDEN

“มาได้เลยนะครับพี่น้ำ ทุกคนก็มาที่ร้านผมเป็นเรื่องปกติ”

“จริงครับ เวลาที่คีย์แต่งเพลงไม่ได้ก็ไปที่ร้านของพี่ไม้ พอร์ชเวลาตีกับลูกค้าก็ไปขอเต้ขับรถส่งดอกไม้ พี่ทิมก็ชอบมานั่งออกแบบแหวนที่นี่ ทุกคนเวลามีเรื่องไม่สบายใจก็มาที่ SECRET GARDEN”

“ฟังแล้วเหมือนสวนแห่งความลับในนิยายเลย”

“สวนแห่งความลับจริงๆ ครับ มานั่งมองต้นกระบองเพชรของพี่ไม้ก็รู้สึกดี”

“ไว้ผมมีเรื่องไม่สบายใจจะแวะไปหาต้นไม้นะครับ”

“SECRET GARDEN ยินดีต้อนรับครับ”

ต้นไม้พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ สีน้ำคิดมานานแล้วว่าต้นไม้เป็นคนที่ยิ้มสวยมากๆ หลังจากนี้คงต้องมีสักวันที่ไปวาดรูปที่ร้านของต้นไม้บ้างแล้ว สัมผัสที่แตะลงบนแขนทำให้สีน้ำต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ภาคินตักอาหารใส่จานให้ พอเห็นอาหารที่คินตักก็ยิ้มออกมาเพราะมันเป็นของที่ชอบทั้งหมด ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าภาคินรู้อยู่แล้ว แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่คินใส่ใจอยู่เหมือนกัน คินหันไปคุยกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ตามเดิม จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าสำหรับเขาและภาคินทำไมถึงยังไม่มีสีเหมือนคู่อื่นๆ  แต่ก็คงมีสักวันละมั้งที่ได้รู้ว่าเราสองคนจะเป็นสีอะไร

Watercolor

หลังจากกินข้าวกลางวันที่แสนจะวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงโวยวายถกเถียงแย่งของกินของพอร์ชกับคีตา เบนจามินที่เอาแต่แกล้งพอร์ชไม่เลิก ต้นไม้บ่นรามิลเรื่องที่ชอบสั่งอาหารมาเยอะเกินไป หรือแม้แต่ภาคินที่โดนทับทิมถอนหายใจใส่เรื่องที่จำชื่อเรียกขนมหวานไม่ได้สักที แต่สีน้ำก็คิดว่ามันอบอุ่นมากแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่คบกันมาตั้งสามขวบเจอหน้ากันแทบบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงยังมีเรื่องคุยกันมากมายขนาดนี้ สี่คนนี้คุยกันทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องงาน เรื่องกิน เรื่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งเรื่องความรัก สีน้ำเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องของเราสองคนภาคินคุยอะไรบ้างกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพื่อนสนิทแบบนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว คิดอะไรเพลินๆ ก็ถึงงานนิทรรศการที่ภาคินบอกว่าจะมาวันนี้ ดูจากป้ายหน้างานและสีของนิทรรศการน่าจะเป็นแบบที่คินชอบ เพราะมันสุดแสนจะมินิมอลเหลือเกิน

“นี่เป็นนิทรรศการแบบไหนเหรอครับ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพื่อนผมบอกมาถึงก็รู้เองแต่ไม่แปลกหรอกครับ ทุกทีผมมางานแบบนี้บ่อยแต่ส่วนมากจะเป็นภาพถ่ายแนวขาวดำมากกว่า แต่งานนี้เพื่อนบอกเหมือนจะเป็นรูปวาดเส้นดินสอ”

“งานถนัดคินเลยนี่”

“ครับ เพื่อนผมถึงกำชับว่าผมต้องมาให้ได้”

ทั้งๆ ที่มันเป็นประโยคธรรมดาทั่วๆ ไปแต่สีน้ำถึงได้รู้สึกแปลกๆ ภาพแผ่นหลังของภาคินที่เดินนำไปทำให้สีน้ำต้องหยุดเดิน แต่อยู่ดีๆ คนที่มองอยู่ก็หันหลังกลับมาก่อนจะยื่นมือออกมาให้จับ สีน้ำยิ้มให้แล้วยื่นมือไปจับไว้ ตลอดทางเดินคำบรรยายต่างๆ ที่ติดไว้ทำให้ภาคินเริ่มขมวดคิ้วเพราะมันมีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น จนกระทั่งคินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซุ้มทางเข้า เพื่อนที่เป็นคนบอกให้มางานก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็กอดคินไว้แน่นตบๆ หลังเหมือนไม่ได้เจอกันมานาน ทันทีที่คินเบี่ยงตัวให้เห็นคนที่มาด้วย สีน้ำไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าเพื่อนของคินชะงักไปแป๊บหนึ่ง พร้อมกับทำหน้าตกใจที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้

“กูนึกว่ามึงจะมาคนเดียวซะอีกคิน”

“นี่ครูสอนศิลปะเลยนะเว้ยเหมาะกับงานนี้ที่สุดแล้ว แล้วนี่งานใครเมื่อไหร่มึงจะบอกกูสักที”

“กูอยากให้มึงดูด้วยตัวเอง”

“ลับลมคมในจังวะ”

“เอาน่าเข้าไปได้แล้ว”

เพื่อนผลักหลังคินให้เข้าไปข้างใน ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในงานสีน้ำก็มองไปรอบๆ  คนในนิทรรศการค่อนข้างเยอะพอสมควร เพิ่งเห็นว่ามันคือโปรเจกต์จบของนักศึกษาที่จบมาจากมหา’ลัยที่ญี่ปุ่น มิน่าล่ะถึงมีภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย สีน้ำหันมามองคินที่ค่อยๆ เดินดูเริ่มต้นตั้งแต่ภาพแรก ทั้งๆ ที่มันเป็นภาพลายเส้นดินสอที่ดูแล้วก็รู้สึกว่าสวยมากเลยนะแต่ภาคินกลับขมวดคิ้ว แล้วรีบเดินดูรูปต่อไปโดยที่ไม่ได้หันมามองสีน้ำที่ยังคงหยุดดูรูปอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมาภาคินก็คลาดสายตาไปแล้ว สีน้ำเลยหันกลับมามองดูรูปตามเดิม พอไล่ดูรูปมาเรื่อยๆ สีน้ำก็รู้สึกว่าภาพทั้งหมดมันดูคุ้นๆ เหมือนเขาเคยเห็นมาก่อน  สีน้ำหยุดเดินแล้วย้อนกลับไปดูตั้งแต่ภาพแรก

ภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย

ภาพของร้านอาหาร

ภาพต้นไม้และดอกไม้

ภาพของผู้ชายที่ถือดินสอไว้ในมือ

ภาพของผู้ชายที่กำลังถ่ายรูปอยู่

ภาพของผู้ชายกำลังยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้

และรูปที่อยู่ตรงหน้าสีน้ำตอนนี้คือรูปที่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้ากระดานวาดรูปและในมือถือดินสอไว้

เขารู้แล้วว่าทำไมเขาถึงคุ้นกับภาพวาดทั้งหมดนี้ ทุกภาพทุกอย่างมันเหมือนกับรูปที่เขาเคยเห็นในคอมของภาคิน เพียงแค่รูปเหล่านั้นถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดลายเส้นดินสอแทน สีน้ำขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงมองลายเซ็นที่อยู่มุมภาพ มันเป็นคำว่าอะไรเขาเองก็อ่านไม่ออก

“เป็นรูปเรือค่ะ ลายเซ็นเป็นรูปเรือ”

“เรือเหรอครับ”

“ผลงานทั้งหมดเป็นของนักศึกษาที่จบมาจากหลักสูตรพิเศษที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ ส่วนที่เอามาจัดแสดงเป็นโปรเจกต์จบส่วนผลงานที่คุณกำลังชมอยู่นี้เป็นของนักศึกษาที่ชื่อ..”

“นาวา”

“รู้จักเหรอคะ”

“คือ…”

“ค่ะ นาวา ปิติภูวดล”

สีน้ำไม่ได้ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังอธิบายเกี่ยวกับผลงานตรงหน้า แต่พยายามมองหาคินว่าอยู่ตรงไหน ทันที่เห็นหลังของภาคินก็ยิ้มออกมาตั้งใจจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือภาพของคนสองคนที่กำลังยืนดูรูปอยู่ด้วยกัน คนข้างซ้ายคือคนที่เขารู้จักดีอยู่แล้วคนที่เจอหน้ากันอยู่ทุกวันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง ส่วนคนข้างขวาคือคนที่สีน้ำไม่เคยเจอมาก่อน แต่จากรูปถ่ายที่เห็นได้เห็นเมื่อวานสีน้ำก็ไม่เคยลืมหน้าได้อีกเลย ขนาดมองจากตรงนี้การแต่งตัวของทั้งสองคนยังเป็นโทนสีเดียวกัน พอเงยหน้ามองไปรอบๆ งาน สีน้ำก็นึกไปถึงตอนที่อยู่ในห้องนอนของภาคิน ตัวเลขที่อยู่ด้านหลังของรูปโพราลอยด์ที่เขาเจอเมื่อเช้า

วันที่ก็คือวันที่จัดนิทรรศการงั้นเหรอ..

พนักงานยังคงอธิบายผลงานให้สีน้ำได้ยินอยู่เรื่อยๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยว่ามีขายของที่ระลึกอยู่ตรงด้านนู้น สีน้ำเอ่ยขอบคุณพนักงานที่ขอตัวเดินไปทางอื่น ตอนแรกตั้งใจจะรอให้ทั้งสองคนคุยกันเสร็จก่อนแต่ท่าทางจะนานกว่าที่คิด สองเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาภาคินและเจ้าของผลงานทั้งหมดในนิทรรศการนี้ แต่บทสนทนาของทั้งคู่ทำให้สีน้ำเลือกที่จะหยุดเดิน

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เดือนที่แล้ว”

“ไม่เห็นบอกเลย”

“เซอร์ไพรส์ไงไม่ว๊าวเหรอวะจริงๆ ก็เขียนวันที่บอกไว้นะ คินจำไม่ได้เองมากกว่า”

“ก็มันนานมาแล้ว”

“เป็นไงผลงานระดับนี้ ภาคิน..ฝีมือวาดรูปเราดีขึ้นยัง”

“นาวา..”

สีน้ำไม่ได้ฟังบทสนทนานั้นต่อคิดว่ามันคงเป็นเรื่องของเขาสองคนมันคงไม่ดีถ้าเขาจะเข้าไปตอนนี้ ใบหน้าของภาคินที่สีน้ำเห็นอยู่ทุกวันยังคงนิ่งเฉย มีบ้างที่หลุดยิ้มเวลาที่คุณนาวาอธิบายรูปภาพที่ตัวเองวาดให้ฟัง สีน้ำมองไปรอบๆ นิทรรศการ ภาพวาดลายเส้นทั้งหมดในงาน เขาเองก็เห็นบ่อยๆ เพราะมันเหมือนภาพวาดที่วางขายอยู่ที่ร้านของภาคิน ยอมรับเลยว่ามันเป็นงานที่ตัวเองไม่ถนัด จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองวาดรูปลายเส้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้ เรื่องราวที่คุณรามิลเล่าให้ฟังมันยิ่งทำให้สีน้ำเข้าใจแล้วว่าทำไมคินถึงได้ตัดสินใจที่ก้าวข้ามคำว่าเพื่อน ภาพของทั้งสองคนที่ยังคงยืนดูรูปอยู่ด้วยกันพร้อมกับบทสนทนาที่เขาเองไม่เข้าใจสักนิด สีน้ำเลยเลือกที่จะเดินไปเลี้ยวไปตรงซุ้มขายของที่ระลึกแทน เจ้าหน้าที่แนะนำของที่ระลึกหลายอย่าง ตอนแรกสีน้ำไม่ได้ตั้งใจจะซื้อหรอกแต่พอเห็นเจ้าหน้าที่คิดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาอธิบายอย่างแข็งขันก็เลยเปลี่ยนใจ

“มีถุงผ้า แก้วน้ำ แล้วก็โปสการ์ดค่ะสนใจอันไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”

“โปสการ์ดครับ”

“มีสามสีค่ะ สีขาว สีเทา แล้วก็สีดำ”

สีน้ำมองโปสการ์ดสามสีที่วางเรียงกันอยู่ บอกตามตรงเขาไม่ค่อยมีโปสการ์ดที่มันสีโทนนี้สักเท่าไหร่ ส่วนมากก็เป็นลายที่มีสีสัน ไม่ก็เป็นลายที่เขาวาดเองซะมากกว่า  แต่ถ้าจะให้เลือกสีใดสีหนึ่งในตอนนี้ล่ะก็..

“สีดำครับ ผมขอโปสการ์ดสีดำ”


ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกสีนี้ ก็แค่คิดว่าวันนี้สีดำก็สวยดีเหมือนกัน


..................
.........................................

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 01/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 28-11-2020 12:55:27
Watercolor


“ผมหาน้ำตั้งนาน”

ภาคินเดินมาหาคนที่กำลังนั่งกินนมสีชมพูอยู่ แปลกใจเหมือนกันทุกทีสีน้ำมักจะดื่มเครื่องนี้เวลาเหนื่อยๆ ปกติไม่ค่อยเห็นดื่มเวลาแบบนี้ พอคินถามเจ้าตัวก็บอกว่าแค่อยากกินก็เท่านั้น สีน้ำเลยแกล้งแหย่ให้อีกคนดื่มแน่นอนว่าภาคินผู้รักกาแฟเป็นชีวิตจิตใจได้แต่ส่ายหน้าจนสีน้ำหัวเราะเพราะคินทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาจีนขมๆ แต่พอทีเผลอคินก็ก้มลงมาดูดนมชมพูที่น้ำถืออยู่

“ตายหรือยังเนี่ย กินไปซะขนาดนั้น”

“นี่ก็เวอร์จังวะ”

“ก็ทุกทีเห็นทำหน้าเบ้เวลาเห็นผมกินนมชมพูนี่”

“อร่อยดี แต่ให้กินทั้งแก้วไม่ไหว”

“พ่อมนุษย์กาแฟกินน้ำหวานไม่ได้ ของหวานก็เรียกไม่ถูก”

“รู้จักบราวนี่ก็คุ้กกี้แล้วกัน เออ..น้ำ”

สีน้ำพอรู้ว่าคินจะทำอะไรเลยลุกขึ้นแล้วเดินมาหาคนที่กำลังยืนอ่านคำแสดงความยินดีอยู่ตรงบอร์ด ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ สีน้ำก็รู้สึกว่าคนตรงหน้ามีสเน่ห์มากๆ ถึงแม้จะอยู่ในชุดโทนสีเรียบๆ ก็ตาม ภาคินแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักโดยที่ภาคินบอกว่านาวาคือเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเพราะอีกฝ่ายไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น

“ครูสอนวาดรูป?”

“ครับ ผมสอนวาดรูปสีน้ำ”

“โอ้มายก็อต คือคุณน้ำเปิดร้านข้างๆ คินแล้วก็สอนวาดรูปสีน้ำด้วย”

“ใช่ครับ ผมถนัดสีน้ำที่สุด”

“แล้วตานี่ไปเรียนวาดรูปด้วยเหรอครับ”

“โลกแตกก่อนมั้งครับถ้าคินจะมาเรียนวาดรูปสีน้ำ”

“ผมก็ว่างั้น เกลียดสีน้ำยังกะอะไร”

ถึงแม้มันจะเป็นความจริงแต่พอได้ฟังอีกครั้งสีน้ำก็รู้สึกหน่วงๆ ในอกอยู่เหมือนกัน สีน้ำไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่หัวเราะไปกับคุณนาวาก็เท่านั้นโดยมีภาคินยกมือขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าขอเถอะเมื่อคุณนาวากำลังจะเล่าวีรกรรมที่ผ่านมากับคอร์สศิลปะ สีน้ำได้แต่ยืนยิ้มๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าคินบอกความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนกับคุณนาวาว่ายังไงแต่เขาไม่โกรธคินหรอก เพราะระหว่างเราสองคนก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ

“เออ คินกลับกี่โมงอยู่กินข้าวป่ะ เนี่ยพวกอาร์ทก็จะไปฉลองจำอาร์ทได้ป่ะคนที่ไปเรียนพร้อมเรา นิวด้วยคนที่หลอกให้คินมาที่นี่”

“เออ ก็ว่าถามมันเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมบอกว่างานใคร”

“ก็อยากให้คินมาดูด้วยตัวเอง”

“……………….”

ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรเสียงเรียกของอาจารย์ทำให้นาวาต้องเดินเข้าไปหา พอนาวาเดินออกไปแล้วก็เหลือคนสองคนที่ยืนมองหน้ากันอยู่ ความเงียบทำให้คินทำตัวไม่ถูกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงเหมือนทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด

“ผมกลับเองได้ ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“สีน้ำ”

“คินเดินดูรูปต่อก็ได้”

“รูปในงานนี้”

“เขาทำให้คุณภาคิน รูปทั้งหมดในงานนี้”

“น้ำรู้”

“ก็คินเป็นคนบอกว่าผมรู้ทันคุณทุกเรื่อง จริงๆ ผมนิสัยไม่ดีเองเมื่อวานเผลอไปกดดูรูปแล้วก็ได้เห็นเวอร์ชั่นลายเส้นดินสอในวันนี้ ด่าผมได้นะตอนนั้นความเสือกมันเยอะไปหน่อย”

“เป็นการสารภาพความผิดที่น่ารักซะจนโกรธไม่ลงเลย”

“นึกว่าจะโดนด่าซะอีก”

“บอกแล้วว่าผมแพ้คนอย่างคุณสีน้ำ”

“แต่เขาก็น่าจะมีเรื่องคุยกับคินเยอะนะ ผมกลับเองได้จริงๆ ครับไม่ต้องห่วง”

สีน้ำยิ้มให้แล้วชี้ไปตรงทางออก ภาคินหันไปมองนาวาที่เดินกลับมาพอดีแล้วหันกลับไปมองสีน้ำที่ถือแก้วนมชมพูไว้ส่วนมืออีกข้างก็ถือโปสการ์ดสีดำหนึ่งใบ เสียงเรียกชื่อเขาของนาวาดังขึ้นภาคินสังเกตว่าแผ่นหลังเล็กที่เขาเห็นอยู่ทุกวันของสีน้ำหยุดเดินไปแป๊บหนึ่งเหมือนรออะไรอยู่ก่อนจะเดินต่อ ภาคินยิ้มออกมาแล้วตัดสินใจหันไปบอกนาวาว่าไว้วันหลังพร้อมกับวิ่งไปหาคนที่เดินน้ำหน้าไปแล้ว มือที่วางพาดไว้บนเอวทำให้สีน้ำที่เดินอยู่หยุดชะงัก ก่อนที่ภาคินจะก้มลงมาดูดนมเย็นในแก้วที่สีน้ำถืออยู่ ไม่ได้มีคำพูดอะไรนอกจากเสียงหัวเราะของสีน้ำเมื่อเห็นคินทำหน้าเบ้อีกรอบคงเพราะความหวาน

ภาพทั้งสองคนที่เดินออกไปพร้อมกันทำให้นาวาเลือกที่จะยืนมองอยู่อย่างนั้น นิวคือคนที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับวางมือลงบนไหล่เบาๆ นาวายิ้มออกมาเมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เปลี่ยนไปจนตอนนี้เขาเองก็รู้สึกว่ามันอาจจะสายไปแล้วสำหรับบางเรื่อง

“คนที่ชื่อสีน้ำที่มากับคินเขาซื้อโปสการ์ดสีดำด้วยนะนาวา โปสการ์ดที่มึงบอกเองว่าจะมีคนซื้อจริงเหรอวะตอนที่มึงวาด”

“นั่นสิ”

“หรือเขาชอบสีดำวะ”

“ไม่รู้ว่าเขาชอบสีดำหรือเปล่าแต่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคินกินนมชมพู”

“เออ ทุกทีเห็นแดกแต่กาแฟ”

นาวาหันไปมองบอร์ดที่เอาไว้เขียนแสดงความยินดี แน่นอนว่าเขาหวังจะได้เห็นลายมือของภาคินที่เขียนไว้ แต่ไม่ว่าจะหาสักเท่าไหร่ก็ยังไม่เห็น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายลืมเขียนให้หรือตั้งใจจะไม่เขียนให้ อยู่ดีๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นรูปเรือสีเขียวน้ำทะเลที่อยู่ตรงริมสุด แปลกดีทั้งๆ ที่คนอื่นเขียนเป็นข้อความแต่คนนี้กลับเป็นรูปวาดแทนมีการระบายสีเรียบร้อยสวยงามโคตรๆ มีใครที่ไหนพกปากกาสีน้ำไว้กับตัวแบบนี้บ้าง แต่พอเห็นชื่อที่เขียนกำกับไว้นาวาก็ยิ้มออกมา

“บางที สีน้ำก็อาจจะเหมาะกับคินมากกว่าลายเส้นดินสอแล้วก็ได้นะ”







To Be Con

#ที่พักพิงสีน้ำ #ซีรีส์ลูกเพื่อแม่
@ribbinbo / twitter






















หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 28-11-2020 13:53:34
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 28-11-2020 14:19:58
เห็นชื่อตอนนี่หยิบทิชชู่รอแล้วนะ
ดีที่พออ่านจบแล้วไม่ต้องใช้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-11-2020 14:56:59
เวลานาวาผ่านแล้วผ่านเลย
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 28-11-2020 20:33:33
งื้อออออออเด็กชายภาคินรู้ว่าสีน้ำรู้สึกยังไง เลยเลือกที่จะอยู่กับสีน้ำ :hao7:

ใช่แล้วนาวา เวลาเปลี่ยนไปอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปด้วย ภาคินก็เช่นกัน :hao3:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-11-2020 20:44:21
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าวววววว

ทำไมนาวาทำงี้หล่ะ?

แต่ก็นะ.....ตอนนี้คินเขามีที่พักพิงใหม่แล้วหล่ะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-11-2020 22:26:05
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 01-12-2020 14:45:50
ความรักของคู่นี้น่ารักดีค่ะ แต่ก็นะ ต้องมีเรื่องราวกันหน่อย
วันนี้ก็เหมือนสีน้ำคงได้ความชัดเจนขึ้นแล้วนะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-12-2020 21:06:23
สีน้ำเจ๋งอะ ตอบกลับได้ดี คุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก เป็นเราวิ่งหนีไปร้องไห้แล้ว
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-12-2020 17:19:58
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-12-2020 13:33:28
ภาคินคงเป็นคนที่ฉลาดจริงๆ เพราะไม่หลงทาง  :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 30-12-2020 14:15:25
 :n1: :sad4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: seaNON ที่ 30-12-2020 15:06:51
กลับมาได้ไหม กลับมาหาฉัน
 :mew2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.14 - Black [ 28/11/2020] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 31-12-2020 00:07:21
ลุ้นยันบรรทัดสุดท้าย  :ling2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 17-01-2021 16:03:01
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา


CH.15
gold glitter




“คือกูไม่เข้าใจกูจำได้ว่า นาวาปฏิเสธมึงแล้วก็ไปเรียนที่ญี่ปุ่นแต่กลับมาแบบยิ่งใหญ่ โปรเจกต์จบทั้งหมดที่โชว์ที่งานคือมึงเป็นแรงบันดาลใจ โอ้โห..กูอึ้งเลยคินอึ้งเลย”

“ตอนกูเห็นรูปครั้งแรกกูก็ตกใจเหมือนกันเว้ยเบน ความทรงจำขึ้นมาเป็นฉากๆ เหมือนในหนัง”

“แถมเขายังวางแผนให้มึงไปดูงานของเขาแบบเซอร์ไพร์สด้วย”

“นาวาเซอร์ไพร์ส์กว่าป่ะมึง ไอ้คินดันไปพร้อมกับคุณสีน้ำ”

“ก็กูไม่รู้ก็นึกว่างานนิทรรศการรูปวาดทั่วไปป่ะวะ”

“แล้วถ้ามึงรู้ว่าเป็นงานของนาวา มึงจะไปโดยที่ไม่มีคุณน้ำเหรอไง”

“…………………”

อยู่ดีๆ ทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบแล้วหันมามองหน้าคินที่นั่งอยู่บนโซฟา วันนี้มีประชุมแก๊งลูกเพื่อนแม่พร้อมกับหัวข้อที่หายไปนาน นั่นคือเรื่องความรัก ตอนที่คินส่งข้อความมาในกรู๊ปแชทแก๊งลูกเพื่อนแม่ ทุกคนในแก๊งได้แต่มองค้างอยู่อย่างนั้น ปกติภาคินไม่ค่อยปรึกษาเรื่องความรักเท่าไหร่ ครั้งล่าสุดก็น่าจะเป็นเรื่องนาวาแต่มันก็นานมากแล้ว นอกนั้นก็เรื่องงานที่ต้องการความคิดเห็นบางอย่าง และตั้งแต่มีคุณสีน้ำก็ไม่เห็นคินจะมาปรึกษาอะไรก็เห็นทั้งคู่ก็ดูมีความสุขดีเลยแปลกใจที่อยู่ดีๆ คินก็เรียกประชุม พอทุกคนตกลงกันได้สถานที่ประชุมก็ยังเป็นบ้านของทิมเหมือนเดิม

“ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้ากูรู้ว่าเป็นงานของนาวากูจะได้บอกสีน้ำก่อนว่านาวาเป็นใคร”

“แล้วตอนนี้คุณน้ำรู้หรือยังว่านาวาเป็นใคร”

“อาจจะรู้แค่ว่ากูกับเขาเคยมีบางอย่างที่มากกว่าเพื่อน แต่มากกว่านั้นกูยังไม่ได้เล่าอะไร”

“ไม่รู้ก็แปลกรูปมึงทั้งงาน”

“ที่จริงสีน้ำเคยเห็นรูปนาวาก่อนจะไปงานนิทรรศการ”

“รูปอะไรวะ”

“รูปที่กูเคยถ่ายนาวาทั้งหมด”

“โอ้มายก็อต! วันนี้กูตกใจกับเรื่องมึงหลายเรื่องมากคิน กูเห็นมึงกับสีน้ำก็ดูรักกันดีไม่นึกว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก”

“แล้วคุณน้ำเขาว่ายังไงบ้างวะเรื่องรูปนาวา”

“ไม่ได้ว่าอะไรเลย เขาขอโทษกูด้วยซ้ำที่ไปเปิดดู”

“เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมีสติดีว่ะ ถ้าเป็นไอ้ทิมป่านนี้ไอ้พอร์ชหัวแตกเพราะโดนคอมทุ่มใส่หัว”

“แค่หัวแตกมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

“น่ากลัวสัด กูเริ่มสงสารพอร์ชแล้วนะจะตายก่อนอายุสามสิบเปล่าวะ”

รามิลส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าเบนกับทิมเริ่มตีกันอีกแล้ว พอหันมาเห็นคินที่นั่งมองโทรศัพท์อยู่เลยลุกจากเตียงมานั่งข้างๆ หัวหน้าแก๊งเริ่มเป็นงานเป็นการหลังจากคุยทีเล่นทีจริงมาตั้งแต่ตอนเย็น ภาคินวางโทรศัพท์ก่อนจะเอนศีรษะไปกับพนักพิงเหมือนมีเรื่องที่คิดไม่ตก

“แล้วนี่เครียดเรื่องอะไร”

“ไม่ได้เครียด”

“แล้วปัญหามันคืออะไรวะ หรือมึงยังรักนาวาอยู่”

“กูมั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับนาวาแล้ว แค่คิดว่าทำไมนาวาถึงทำอะไรแบบนี้ให้กู ชอบกูเหรอหรือยังไง ตั้งแต่เรียนที่ญี่ปุ่นแม่งก็หายไปเลย กลับมาอีกทีโปรเจกต์จบกลายเป็นเรื่องราวของกูกับเขาเฉย”

“สงสัยก็ไปถาม”

“ไม่ได้คุยนาน”

“ไม่อยากคุย”

“ไม่ใช่ กูไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง จะให้ถามตรงๆว่า ทำไมทำโปรเจกต์จบเป็นเรื่องนี้กูก็รู้สึกแปลกๆ”

“หรือกลัวคำตอบ”

“หมายถึง”

“ถ้านาวาตอบมาว่าทำให้ทั้งหมดนี่เพราะชอบมึง มึงจะตอบเขาว่ายังไง”

“………………”

ภาคินไม่ได้ตอบคำถามของรามิลแต่มองไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่กลางโต๊ะ มันขึ้นข้อความในไลน์สลับไปมาอยู่สองชื่อ นาวา และ สีน้ำ ทั้งสองคนส่งข้อความมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ภาคินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปตอบข้อความของสีน้ำ พอเห็นรูปของครูสอนวาดรูปที่โดนเด็กๆ วาดหน้าเป็นรูปน้องหมามีการวงกลมล้อมรอบดวงตาเป็นสีๆ มันดูตลกจนคินหัวเราะออกมา รามิลเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่พิมพ์ไปว่า น้องหมาตัวนี้น่ารักดี เอ้อ….ไอ้คินก็มีมุมกุ๊กกิ๊กแบบนี้เหมือนกันเว้ย แรงสัมผัสตรงไหล่ทำให้ภาคินเงยหน้าขึ้นมามอง

“มึงเป็นคนฉลาดแต่ชอบไม่พูดให้มันชัดเจน เรื่องเดียวเลยที่มึงต้องเคลียร์”

“กูไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยก็โง่เรื่องความรัก”

“ฉลาดกว่ากูแล้วกัน ตอนกูกับต้นไม้สับสนฉิบหายทำไม้ร้องไห้อยู่ตั้งนาน แต่มึงดูมีแผนในหัวอยู่ตลอด ตอนนี้มึงก็มีกูรู้ อย่างน้อยวันนี้มึงก็เลือกสีน้ำนะไม่ได้ปล่อยให้เขากลับคนเดียว”

“มึงรู้ป่ะวะมิล ตอนกูเห็นสีน้ำเดินออกไปในหัวกูคิดว่าไม่ได้ดิวะ มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้”

“ก็ดีแล้วมึง กูเดาได้เลยว่าคุณน้ำต้องบอกมึงว่าไม่เป็นไรแล้วก็ยิ้มให้”

“เหมือนมึงอยู่ในเหตุการณ์แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ว่ะแต่ตอนนั้นในหัวกูคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว”

“เวลาอะไรวะ”

“เชียงใหม่”

“มา! สักทีกูจะได้รู้เรื่องนี้สักที! เก็บไว้นานเหลือเกินนะมึง ไอ้เหี้ยเอ๊ยกูตื่นเต้นมากพอได้ยินคำว่าเชียงใหม่”

“มึงอาจจะช็อคตายก็ได้นะเบน ถ้ามึงรู้เรื่องทั้งหมด”

“ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้ ตำนานรักเชียงใหม่จะสู้ตำนานรักสิบปีของต้นไม้ได้หรือไม่”

“แล้วอะไรที่ทำให้มึงตัดสินใจได้วะ”

คำถามของรามิลทำให้ภาคินมองไปยังโทรศัพท์อีกรอบ ข้อความใจในไลน์ยังคงโชว์ข้อความของทั้งสองคน และมันก็เป็นของสีน้ำที่บอกว่าฝันดี เดาว่าคงไปวาดรูปต่อแล้วมีการส่งรูปวาดสีน้ำเป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งถือนมชมพูมาให้ดู ดูจากรูปก็น่าจะเป็นเขานั่นแหละ แก๊งลูกเพื่อนแม่กลับมานั่งรวมตัวกันอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินคำว่าเชียงใหม่ คินเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนจะบอก

“ไม่อยากให้น้ำต้องบอกคนอื่นว่าเป็นครูสอนวาดรูปที่เปิดร้านข้างกัน อีกอย่าง…กูอยากนอนกอดเขาทุกวันเหมือนพวกมึงนอนกอดแฟนแล้ว”

Watercolor


ภาคินกลับมาที่ร้านในตอนเช้าเพราะมีงานที่ต้องแก้และวันนี้ตั้งใจจะเปิดร้านด้วย ลูกค้าด่ากันเหลือเกินดีนะที่เขาเปิดขายออนไลน์ด้วยลูกค้าก็เลยสั่งซื้อกันได้ง่าย นั่งแก้งานอยู่ดีๆ เสียงกดออดหน้าร้านทำให้ภาคินเงยหน้าขึ้นมามองพอยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เห็นว่ามันถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว วันนี้มาแปลกเว้ยทุกทีสีน้ำก็ส่งเสียงทักทายแทนการกดออดนานแล้ว ภาคินลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาที่ประตู

“วันนี้ทำไมถึงกดออ…”

ภาคินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ครูสอนวาดรูปที่เขาคิดถึง แต่กลายเป็นคนเพื่อนที่เคยสนิทอย่างนาวา ยืนถือของกินเต็มสองแขนพร้อมกับกาแฟดำสองแก้วในมือ

“ร้านเปิดยัง”

“ยัง ใครจะเปิดร้านตั้งแต่หกโมงเช้า”

“เข้าได้ไหมเนี่ยหรือต้องรอเก้าโมงก่อน”


ภาคินเบี่ยงตัวให้อีกคนหอบของเข้ามา อีกฝ่ายพอเห็นร้านเต็มๆ ตาก็ร้องว๊าวพร้อมกับบอกว่าสมกับเป็นร้านภาคินจริงๆ ทุกอย่างโคตรมินิมอล นาวายังคงเดินดูร้านไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร คินเองก็ไม่รู้จะเริ่มคุยยังไง แปลกดีเหมือนกันทั้งที่เมื่อก่อนเราสองคนสนิทกันจนแทบจะแย่งกันคุยด้วยซ้ำตอนนี้กลับกลายเป็นเริ่มต้นบทสนทนาไม่ถูก แต่สำหรับคินคนที่บอกรักแล้วโดนตอบกลับมาว่าเป็นแค่เพื่อนก็ดีอยู่แล้ว มันก็ต้องทำตัวไม่ถูกป่ะวะ

“คินทำท่าเหมือนกลัวเราเลยนะ”

“งง นิดหน่อย”

“ขอโทษ”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องตอนนั้น”

“ก็ขอโทษไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“มีอะไรจะถามเราไหม”

“อยากถามเรื่องโปรเจกต์จบ นาวาทำไมถึงเป็นรูปเราวะ”

“กินอาหารเช้าก่อนได้ไหมหิว”

ภาคินรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจเลี่ยงที่จะคุยเรื่องนี้ ก็ดีเหมือนกันเพราะเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าถ้าเริ่มแล้วบทสนทนามันจะจบลงตรงไหน นาวาในวันนี้ดูโตขึ้น แต่การแต่งตัวสไตล์ต่างๆ ยังคงเหมือนเดิมก็แน่ล่ะมันไม่ได้ต่างจากเขาเท่าไหร่เพราะเราสองคนมีทุกอย่างที่คล้ายกันเลยทำให้เข้ากันได้ง่าย เสียงเรียกของนาวาทำให้คินเดินเข้าไปหาพร้อมกับของกินเต็มโต๊ะ นาวาก็ยังรู้ว่าเขาชอบอะไรเหมือนเดิม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงดีใจอยู่หรอกแต่ตอนนี้… เสียงเสียงชื่อของคินที่ดังขึ้นอยู่หน้าประตูก่อนที่สีน้ำจะโผล่หน้าเข้ามา..ภาคินเห็นสีน้ำชะงักไปนิดนึงเมื่อเห็นว่ามีใครนั่งอยู่ในร้านก่อนจะเอ่ยทักนาวาที่หันมาแล้วยิ้มให้

“ไหนอาหารเช้าผม”

“เต็มโต๊ะละนะ”

“อยากกินของน้ำ”

“ไม่ให้กินแล้วดีกว่า”

“อ้าว เฮ้ยไม่ได้ดิสีน้ำ!”

สีน้ำยังไม่ทันจะได้ก้าวเข้ามาในร้านก็เปลี่ยนใจหมุนตัวเดินออกไป จนคินต้องวิ่งตามมาคว้ามือเอาไว้ ปาท่องโก๋สองตัวห้าบาทที่สีน้ำไปต่อคิวซื้อถูกคินยื้อแย่งเอาไว้จนสำเร็จ แถมยังเอาไปกอดไว้ยังกะเด็กๆ ที่กลัวว่าใคจะแย่ง ตอนแรกสีน้ำตั้งใจจะเดินกลับเข้าไปในร้านของตัวเองแต่พอมาเจอแบบนี้ก็อดที่จะขำไม่ได้

“โตแล้วนะ”

“ผมเด็กกว่าคุณครับ”

“ทีอย่างนี้มาบอกเด็กกว่า”

“น้ำ นาวามาหาผมอาจจะมีเรื่องที่ต้องคุยกัน”

“ครับ ตื่นเช้าเหมือนกันเนอะ”

ภาคินพยายามกลั้นยิ้มเพิ่งเคยเห็นสีน้ำในมุมแบบนี้ ทุกทีเห็นอีกฝ่ายทำตัวนิ่งๆ มาโดยตลอด ยอมรับเลยว่าเขารู้สึกดีที่สีน้ำแสดงออกมาบ้าง เออ..เวลาหึงก็น่ารักดีคิ้วนี่ขมวดหน้าก็มู่ทู่เชียวคินค่อยๆ สอดนิ้วประสานมือไว้ก่อนจะพาสีน้ำมาตรงม้านั่งที่วางไว้ด้านหน้าร้าน

“เปลี่ยนบรรยากาศกินอาหารเช้าตรงนี้กัน”

“แล้ว..”

“ทำไม”

“เขาซื้อของกินมาให้คินเต็มเลยนะ”

“ก็อยากกินปาท่องโก๋สองตัวห้าบาท”

“รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ดีใจนิดนึงแบบนิดนึง”

“ดีใจเรื่อง”

“เรื่องที่คินอยากกินปาท่องโก๋”

“ดีใจเยอะๆ ไม่ได้เหรอไง”

“เสียฟอร์มแย่”

“ดูอารมณ์ดี ไหนวันนี้เป็นสีอะไร”

“สีทองวิบวับ”

“เพราะ?”

“ปาท่องโก๋สองตัวห้าบาทดูมีค่าเหมือนปาท่องโก๋เคลือบทองคำสองตัวห้าหมื่น”

“น่ารักจังวะ”

“เฮ้ย ก็น่ารักทุกวัน”

“ไหนขอหอมคนน่ารักหน่อย”

“นี่มันหน้าร้าน! ภาคิน!”

สีน้ำหน้าตาตื่นเมื่อเห็นว่าภาคินจะเข้ามาหอมจริงๆ ทั้งผลักทั้งดันแต่ก็สู้แรงไม่ได้เลยโดนคินหอมหัวไปเต็มๆ พอเห็นท่าทางกวนประสาทของคินสีน้ำก็ยิ้มออกมา ก่อนจะแบ่งปาท่องโก๋กันคนละครึ่ง คินบ่นเบาๆ ว่าอยากได้กาแฟสีน้ำเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ คินก็นึกว่าเจ้าตัวจะสั่งเดลิเวอรี่ให้มาส่ง แต่กลับกลายเป็นณัฐที่เดินออกมาจากร้านของสีน้ำด้วยท่าทางง่วงนอนสุดพลัง ยังใส่ชุดนอนลายสนู๊ปปี้อยู่ด้วยซ้ำแต่ในมือมีกาแฟดำหนึ่งแก้วส่วนอีกแก้วคือนมร้อน คินเอ่ยขอบคุณอย่างขำๆ เพราะเพิ่งเคยเจอคุณณัฐในสภาพเพิ่งตื่นนอนแบบนี้ ก่อนกลับเข้าร้านยังมีการผลักหัวสีน้ำหนึ่งที

เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นหน้าร้านทำให้คนที่ยืนพิงประตูอยู่ ได้แต่มองภาพของคนสองคนที่นั่งกินปาท่องโก๋กันอยู่ด้วยกัน นาวาก้มมองแก้วกาแฟดำของตัวเอง เรื่องราวที่ภาคินเคยสอนเขาชงกาแฟหรือแม้แต่ภาพที่เราสองคนนั่งดื่มกาแฟพร้อมกันได้ย้อนกลับเข้ามา แต่ภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือภาคินที่ดื่มกาแฟดำกำลังชนแก้วกับคุณสีน้ำที่ดื่มนมร้อนแล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน มีแกล้งกันบ้าง หยอกกันบ้าง มองจากด้านหลังแบบนี้ก็แปลกดีภาคินก็ยังแต่งตัวอยู่แค่สามสี ขาว เทา ดำ และคนที่นั่งข้างๆ อยู่ในชุดกางเกงสามส่วนสีเนื้อและเสื้อสีเขียวสดใสตัวใหญ่


สำหรับนาวาภาคินก็ยังเป็นภาคินที่ชอบดื่มกาแฟดำเหมือนเดิม แต่งตัวเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับนาวาก็คือ ความรู้สึกของภาคิน มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ


Watercolor


อาจเป็นเพราะภาคินไม่ได้เปิดร้านนาน ลูกค้าที่ติดตามอยู่ในช่องทางออนไลน์เลยตัดสินใจมาหากันถึงที่ร้าน ตอนแรกก็ตกใจอยู่เหมือนกันเพราะคินเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีลูกค้าเจ้าประจำกับเขาด้วย ทั้งๆ ที่ร้านก็ไม่ค่อยจะเปิด ตอนแรกคินตั้งใจจะคุยกับนาวาให้มันรู้เรื่องรู้ราว แต่อยู่ดีๆ  ลูกค้าก็มากันเต็มร้านคินเลยต้องไปรับลูกค้าแทน นาวาเห็นว่าภาคินหัวแทบหมุนเพราะลูกค้าเอาแต่เรียกหาเจ้าของร้านแทบทุกห้านาที นอกจากลูกค้าแล้วก็คงมีแฟนคลับของพี่ภาคินไม่มากก็น้อยเห็นมีถ่ายรูปคู่ด้วย ยังกับดารา

“พี่คินถ่ายรูปสวยโคตรชอบวาดรูปก็เก่ง ผมติดตามพี่มานาน”

“เริ่มจะเขินขึ้นมาแล้วนะอย่าชมกันแบบนี้”

“แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นไปต่างจังหวัดเลยพี่ เมื่อก่อนพี่โคตรตะลอนๆ เที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ล่าสุดพี่ไปไหนนะ”

“เชียงใหม่”

“เออ อยู่โคตรนานผมนึกว่าพี่จะไม่กลับมากรุงเทพแล้ว ทำไมไปอยู่นานขนาดนั้น”

“อกหัก”

คำตอบของคินทำให้ทุกคนในร้านหยุดชะงักรวมทั้งนาวาที่กำลังหยิบโปสการ์ดให้ลูกค้าอยู่ สายตาที่มองกันทำให้น้องผู้ชายที่เอ่ยถามได้แต่มองหน้าคนนู้นคนนี้ทีเหมือนหาตัวช่วย คงรู้สึกผิดที่ถามอะไรออกไปแบบนั้น

“เฮ้ยพี่คิน ผมไม่ได้ตั้งใ….”

“แต่ก็พบรักที่นู่นด้วย”

“อั๊ยยะ! ว่าแล้วมิน่ารูปวาดหลังๆ ดูฟอลอินเลิฟแปลกๆ”

“นี่ก็แฟนพันธ์แท้จริงๆ เลยเว้ยดูออกด้วย”

คินแทกมือกับน้องผู้ชายก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น เสียงเรียกของลูกค้าทำให้นาวารู้สึกตัวแล้วส่งโปสการ์ดให้ บทสนทนาเมื่อกี้ ขนาดไม่ได้เป็นเรื่องราวนาวายังรู้สึกได้ว่าตอนที่อยู่เชียงใหม่ภาคินได้เจออะไรดีๆ แน่ๆ ว่าแต่พบรักงั้นเหรอ..แล้วคุณสีน้ำนี่มันยังไงกัน

“รูปนี้ดีมาก วาดลายเส้นดินสอยังไงให้สวยขนาดนี้”

“ลองไหมครับ”

“ได้เหรอคะ”

“ที่ร้านผมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”

ภาคินเลื่อนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงแล้วหยิบกระดาษสีขาวออกมาแล้วลองวาดเล่นๆ แต่เพราะมีฝีมืออยู่แล้วลูกค้าภายในร้านเลยตื่นเต้นกันใหญ่ ปกติภาคินไม่เคยสอนใครวาดรูปจริงจังมาก่อนเขาวาดรูปได้แต่จะให้สอนเทคนิคอะไรต่างๆ เขาก็พูดไม่ถูก ไอ้ทิมเคยบอกว่าเขาอธิบายให้คนเข้าใจยาก ก็จริงอย่างที่ทิมว่าเพราะเขาชอบวาดรูปตามใจฉันพวกทฤษฎีต่างๆ เขาก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่

“ตรงนี้ต้องวาดยังไง แรเงาได้เลยไหมคะ”

“ก็..ยังไงดีผมอธิบายไม่ค่อยถูก”

“แรเงาได้เลยครับอย่าให้เข้มเกินไป”

นาวาที่ยืนมองอยู่เลยเป็นฝ่ายบอกแทนเพราะเห็นภาคินเอาแต่ขมวดคิ้ว พอลูกค้าไม่ถนัดนาวาเลยอาสาเป็นฝ่ายวาดให้ดูแทน สุดท้ายก็กลายเป็นว่าภาคินกับนาวานั่งวาดรูปอยู่ข้างกันแทน

“ยังพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิมภาคิน”

“ถนัดวาดไม่ถนัดพูด เก่งขึ้นเยอะเลยนี่”

“แน่นอนครับ ผมผ่านการเหลาดินสอมาแล้วสามหมื่นแท่งกว่าจะเรียนจบ”

“เมื่อก่อนยังไม่กล้าแม้แต่จะแรเงา แค่ลากเส้นยังยึกๆ ยือๆ ”

“คุณเห็นโปรเจกต์จบผมไหมครับภาคิน เอนะเอถ้ามีเอบวกๆๆๆก็คงจะได้”

“หลงตัวเองว่ะ”

“คุณสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่ชอบวาดรูปลายเส้นดินสอเหมือนกันเหรอคะ ดีจัง”

ลูกค้าชี้ไปที่กระดาษวาดรูปตอนนี้มันเป็นรูปแจกันดอกไม้ที่วางอยู่ตรงหน้า ภาคินหันไปมองนาวาที่ยักคิ้วให้แล้วก้มลงไปวาดรูปตามเดิม จะว่าไปมันนานมากแล้วนะที่เขาไม่ได้นั่งวาดรูปด้วยกันแบบนี้ เพราะมีความชอบเหมือนๆ กันรวมทั้งการวาดรูปลายเส้น เราสองคนเลยชอบมานั่งวาดรูปพร้อมกันบ่อยๆ คุยกันบ้าง ตีกันบ้างแต่ส่วนมากจะนั่งวาดรูปเงียบๆ มากกว่า คินถอนหายใจเมื่อรู้สึกว่าวันเวลาเหล่านั้นมันผ่านไปนานแล้ว แต่ก็ไม่คิดจะวันนี้ตอนนี้เราสองคนจะกลับมานั่งวาดรูปด้วยกันแบบนี้ได้อีก

ทั้งๆ ที่ห่างกันไปขนาดนั้นแท้ๆ


ภาพคนสองคนที่นั่งวาดรูปอยู่ข้างกัน นอกจากลูกค้าที่เห็นกันทั้งร้านแล้วยังมีอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูร้าน ทั้งๆ ที่ปกติสีน้ำสามารถเดินเข้าไปในร้านได้เลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือส่งเสียงเรียกภาคิน สีน้ำรู้สึกมาตลอดว่าเวลาที่คินวาดรูปโคตรจะมีสเน่ห์ มือที่จับดินสอ สายตาที่เอาแต่จ้องรูปวาดตรงหน้า ทุกอย่างมันทำให้ภาคิน พิชญเดชาดูดีจนละสายตาไม่ได้ แต่ก็นะ..นับครั้งได้เลยมั้งที่เราสองคนจะนั่งวาดรูปด้วยกัน เพราะเราชอบไม่เหมือนกัน

ภาคินรักการวาดรูปด้วยลายเส้นดินสอ
และตัวเขา รักการระบายสีน้ำมากที่สุด

“สัดเอ๊ย ตอนนี้บอกตามตรงกูโคตรเกลียดสีน้ำเลยว่ะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกันอีก!”

อยู่ดีๆ ประโยคที่คินเคยพูดออกมาตอนที่เราเจอกันครั้งแรกก็ย้อนกลับเข้ามา ทั้งๆ ที่บอกกับตัวเองไว้ว่าจะเชื่อใจภาคิน มีอะไรให้ถามอีกฝ่ายก่อน แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดจะให้เดินดุ่มๆ เข้าไปถามว่าทำอะไรกันอยู่มันก็ไม่ใช่ป่ะวะ สีน้ำรู้เลยว่าตอนนี้หัวสมองโคตรว่างเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะเข้าไปหาคินเหมือนทุกวันหรือกลับไปรอที่ร้านตัวเองดี พอยืนมองทั้งสองคนที่ยังคงนั่งวาดรูปอยู่ข้างกันแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้านาวาไม่ได้ปฏิเสธคินในวันนั้น ทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันดี สุดท้ายสีน้ำตัดสินใจเดินกลับเข้าไปที่ร้านตัวเอง แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนกล่องสีน้ำตาลที่ใส่โปสการ์ดที่เชียงใหม่ยังคงวางอยู่ที่เดิม มีแค่หนึ่งใบที่หนีบไว้ตรงกระดาน

ใบสุดท้าย..ที่ยังไม่ได้ให้




................
...............................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 17-01-2021 16:08:46



“น้ำออกไปข้างนอกครับ ไม่ได้บอกว่าไปไหน”

“..........”

“แต่ผมคิดว่าคุณคินน่าจะปล่อยสีน้ำไปก่อนจะดีกว่าครับ”

คินไม่ใช่คนโง่และเข้าใจที่คุณณัฐบอก สีน้ำคงไม่อยากจะเจอเขาในตอนนี้ แต่อย่างน้อยคินก็อยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ยังดี คุณณัฐก็ใจแข็งน่าดูหน้าก็ยิ้มอยู่นะแต่ส่ายหน้าไม่ยอมบอกท่าเดียว เดาได้เลยว่ากำลังด่าเขาอยู่ในใจแน่ๆ ถึงไม่รู้ความผิดตัวเองแบบชัดเจนร้อยเปอร์เซ็น แต่ก็พอเดาออกได้ว่าเรื่องอะไร นาวา..เพิ่งกลับไปเมื่อกี้และทั้งวันเราสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวสักที เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับลูกค้าที่มากันเต็มร้าน

เขาไม่ได้ตั้งใจจะละเลยสีน้ำแต่นั่นแหละไม่อยากจะแก้ตัวเหมือนกันเขารู้ว่าเขาผิด  คินยกนาฬิกาขึ้นมาดูตอนนี้มันสามทุ่มแล้วด้วยซ้ำ แต่สีน้ำก็ไม่เห็นจะไลน์มาหาหรือโผล่หน้ามาทักทายเหมือนเดิม รู้ว่าสีน้ำเองก็โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ ที่ต้องมารายงานเวลาไปไหนมาไหน แต่เขาก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี

อีกอย่างตอนนี้เราทั้งสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย
สีน้ำคงคิดว่าไม่เห็นจะต้องบอกเขาเลย

ท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากทำให้ณัฐที่ยืนกอดอกมองอยู่ยิ้มออกมา จะว่าไปเพิ่งเคยเห็นคุณภาคินเป็นแบบนี้เหมือนกัน ปกติเห็นเก๊กขรึมนิ่งๆ แบบพระเอกตลอด ก็งี้แหละความรักต่อให้เก่งแค่ไหนพอเป็นเรื่องของตัวเองมันก็เป็นเรื่องยากทั้งนั้น เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นณัฐเลยกดเข้าไปดู ไอ้คนที่หนีเที่ยวส่งยิ้มหวานพร้อมกับชูสองนิ้วมาให้ เหมือนกับโชว์หลักฐานว่าสบายดี ไม่ต้องห่วง ณัฐยิ้มกับรูปที่ญาติตัวเองส่งมาให้

“อยากจะส่งรูปให้คุณคินดูจริงๆ”

watercolor


“ร้อยวันพันปีไม่เคยจะโผล่มาหา พอมาทีแดกเหล้าซะกูนึกว่ามึงอกหัก”

“……………….”

“สัด จริงเหรอวะเนี่ย”

“อยากกินเหล้าเฉยๆ มันผิดตรงไหน คิดถึงมึงใจจะขาด”

“โห..สีน้ำเพื่อนรักคนร้ายๆ อย่างมึงกูรู้หรอกมากินร้านกู เพราะจะได้เมาหัวทิ่มแบบไม่เป็นภาระใครแต่ภาระกู”

“เพื่อนตายว่ะ”

“แล้วเป็นไรวะอกหักเหรอไง ครูสอนวาดรูปที่สอนเด็กแต่โดนผู้ปกครองเด็กจีบไม่เว้นวันอย่างมึงจะอกหักเหรอวะ”

“บอกแล้วว่าแค่อยากกินเฉยๆ”

“กินเหล้าคนเดียวแปลกมากน้องสีน้ำเอ๊ย แต่ก็เชิญตามสบายเมาหัวทิ่มไปเลยกูดูเอง”

เพราะลูกค้ามากันเยอะกว่าทุกวัน เพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านเลยต้องผละออกไปก่อนจะไปยังบอกบาร์เทนเดอร์ให้ชงเหล้าให้เขาดีๆ เอาชนิดที่ชอตเดียวแล้วสลบ ตอนแรกสีน้ำไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่หรอกแต่อารมณ์ตอนนั้นมันดิ่งซะจนอยากจะดื่มอะไรให้มันลืมๆ ไปบ้างก็เท่านั้น เออ..แล้วเพลงในร้านก็เข้ากับชีวิตรักเขาดีจริงๆ สีน้ำวนนิ้วมือไปตามขอบปากแก้วท่าทางเหม่อๆ เหมือนคนไม่รู้ตัวทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านกอดอกมองอยู่นาน เพราะคิดอยู่ว่าจะเข้าไปทักดีเหรอเปล่าเห็นว่านั่งดื่มอยู่เดียว แต่ก็นะเข้าไปทักสักหน่อยก็น่าจะดี

“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลย”

เก้าอี้ข้างๆ ที่ว่างอยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายตัวสูงใหญ่มาจับจองพร้อมกับหันไปสั่งเครื่องดื่ม เพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านทำท่าจะเดินเข้ามาหาเพราะคิดว่าเขาโดนจีบ ดีที่เขายกมือทำสัญลักษณ์ว่าโอเคเพื่อนถึงหันไปกลับไปทำงานตามเดิม สีน้ำหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ วันนี้ดูแปลกตากว่าทุกวัน

“นายธนาคารวันนี้หล่อกว่าทุกครั้งที่เจอ”

“ก็มาเที่ยวจะมาแต่งตัวเนี๊ยบๆ ได้ไงล่ะครับ”

“ก็ยังดีที่คุณเคไม่ได้ใส่สีขาวสีดำสีเทา”

เคไม่ได้เอ่ยถามว่าคินหายไปไหนแต่ก็พอเดาได้ว่าอาจจะมีปัญหาอะไรกันอยู่ ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้สีน้ำมานั่งดื่มอยู่คนเดียวแบบนี้ นี่ก็ว่าคนสนใจน่าจะเยอะอยู่เห็นในร้านก็มีคนที่มองๆ อยู่บ้างคงรอจังหวะเข้ามาทำความรู้จัก ขนาดแต่งตัวเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากางเกงสีขาวธรรมดาๆ แล้วนะไม่ได้โชว์ตรงไหนด้วยซ้ำ

“ไม่ถามผมเหรอว่าทำไมมาคนเดียว”

“สงสัยเหมือนกันครับ ปกติแก๊งลูกเพื่อนแม่ติดแฟนมากแล้วก็หวงแฟนมากด้วย คินเองก็เป็นตั้งแต่เด็กแล้วมั้งขี้หวง เดาว่าคุณสีน้ำหนีมา”

“พี่น้องบ้านนี้นี่..”

“ทำไมครับ”

“ไม่คุยกันแต่รู้กันทุกเรื่อง”

“ผมว่าคุณสีน้ำเมาแล้ว”

เคพยายามดึงแก้วเหล้าออกจากมือคนที่จะเอาแต่กระดกเข้าปากอยู่เรื่อย ท่าทางเรื่องระหว่างคินกับครูสอนวาดรูปคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วมั้ง คนที่โดนหาว่าเมาก็พยักหน้ายอมรับพร้อมกับบอกว่ายังคุยรู้เรื่องยังมีสติอยู่ พอเห็นอีกฝ่ายมั่นใจตัวเองขนาดนั้นเคก็เลยพยักหน้าเออออไปก่อน เขาว่าอย่าเถียงคนเมา

“คินเป็นคนจริงจังในทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิต เรื่องงาน หรือเรื่องความรัก เห็นตะลอนๆ ไปทั่วแบบนั้นแต่นั่นคือสิ่งที่คินวางแผนไว้แล้วเหมือนกัน”

“………………”

“สำหรับเรื่องคุณน้ำเท่าที่ผมสังเกต คินจริงจังมากแล้วนะครับแต่คุณน้ำก็รู้ใช่ไหมครับ คนเราต่อให้คิดมาดีแล้วแค่ไหนมันก็อาจจะมีผิดพลาดกันได้”

“คินไม่ได้ผิดหรอกครับ หรือผิดไม่รู้สิ ผมรู้แค่ว่าวันนี้ผมน้อยใจสุดๆ เลยที่สุดเลยแบบไม่เคยเป็นมาก่อน”

“เลยหนีมากินเหล้า”

“คนเรามันต้องมีช่วงเวลาแบบนี้กันบ้าง ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกเลย”

“หนีวันนี้ได้แต่ต้องกลับไปคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะครับ ป่านนี้คินตามหาทั่วกรุงเทพแล้ว ผมรู้คนอย่างภาคินไม่ปล่อยให้ผ่านไปหรอก”

“ดี หัวหมุนซะบ้างหรือจริงๆ คินอาจจะอยู่กับคนอื่นแล้วสนุกกว่าผมก็ได้”

“ใคร? แฟนเก่า”

“เพื่อน…สนิทเคยสนิทมั้ง”

“อ้อ นาวาน่ะเหรอครับ”

ทันทีที่ได้ยินชื่อคนที่นั่งฟุบหน้ากับโต๊ะก็เด้งตัวขึ้นมาทันที พร้อมกับพูดเบาๆ ว่าทำไมใครๆ ก็รู้จักวะ เคหัวเราะออกมาพร้อมกับบอกว่าตอนนั้นเรื่องของคินกับนาวาเขาก็พอรับรู้มาบ้าง เหมือนจะเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดาทั่วๆ ไปแต่แววตาที่ดูเจ็บปวดเหมือนมันเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงทำให้สีน้ำเลือกที่จะบอกว่าไม่อยากฟัง

“เอาเป็นว่าผมไม่ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับความรักของคุณสีน้ำกับคินแล้วกัน ความรักยังไงก็เป็นเรื่องของคนสองคน แต่ในฐานะที่เป็นพี่ชายของคิน หมายถึงพี่ชายที่เคยสนิทกันมาก่อน”

“…………”

“คุณได้มาเป็นสะใภ้คนเล็กของพิชญเดชาแน่นอน”

ไม่รู้ว่าคนฟังเขินหรือเมาเพราะตอนนี้หน้าแดงไปหมดทั้งหน้าแล้ว เหล้าในแก้วก็หมดแต่เจ้าตัวไม่ได้ขอใหม่เหมือนก่อนหน้านี้คงรู้ลิมิตตัวเองดี อยู่ดีๆ สีน้ำก็เด้งตัวมานั่งเท้าคางแล้วมองเหม่อไปข้างหน้าก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มคุยบ้าง

“คินบอกว่าผมเป็นคนที่รู้ทันคินแทบทุกอย่าง”

“ครับ?”

“อยากรู้เหมือนกันว่ากับคนพี่ผมจะรู้ทันคุณเคไหม”

“รู้ทันผม”

“คุณเคคอยตามดูคินอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมครับ”

“ผมไม่คิดว่าจะมีใครรู้”

“ผมไม่รู้ว่าปัญหาระหว่างพี่น้องคืออะไร แต่คุณเคเหมือนจะพยายามกันให้คินออกจากบางอย่าง ไม่ได้ตั้งใจจะใจร้ายหรอกแต่ลึกๆ ก็ยังห่วงอยู่”

เคยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังไม่แปลกใจเลยที่น้องชายเขาจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ เขาเคยคิดว่าคินเป็นคนที่ฉลาดมากๆ แล้วนะแต่ก็เหมือนจะยังแพ้ครูสอนวาดรูปผมสีน้ำตาลแดงคนนี้อยู่ดี สีน้ำเอามือเล่นแก้วเหล้าเปล่าๆ ตรงหน้าพร้อมกับพูดเบาๆ ว่าสมกับเป็นพี่น้องกันใช้วิธีเดียวกันไม่มีผิด

“ผมขอบอกอะไรคุณเคหน่อยได้ไหม”

“ตามสบายเลยครับ”

“ถ้าจะกันให้คินออกห่าง ถ้าจะทำเป็นใจร้ายก็ขอให้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ แต่ถ้าจริงๆ แล้วไม่ได้คิดแบบนั้น ถ้าจะปกป้องก็ปกป้องให้ถึงที่สุด อาจจะเท่กว่าก็ได้นะ”

เคหันมามองคนที่พูดจบแล้วยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มคงจะมึนหัวเต็มที เห็นยกมือขึ้นมาบีบขมับหลายรอบ นี่ขนาดไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเขามาก่อนยังมองออกขนาดนี้ ครูสอนวาดรูปคนนี้โคตรจะไม่ธรรมดาเลย

“คุณสีน้ำคิดว่าตัวเองเป็นสีอะไร”

เหมือนเป็นคำถามง่ายๆ แต่สีน้ำกลับขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้าพลางบอกไม่เคยคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร เพราะตัวเองเปลี่ยนไปทุกวัน พอได้ยินคำตอบเคก็ไม่ได้สงสัยอะไรเท่าไหร่มันก็เหมาะกับตัวของคุณสีน้ำดี คนที่นั่งหน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หันมาชี้นิ้วใส่เขา

“คุณเคเป็นสีเทา”

“สีเทาเข้มคุณน้ำเคยบอกผมแล้ว”

“ไม่ วันนี้อ่อนลงมาเป็นสีเทาอ่อนแล้วนะ สบายใจขึ้นมาแล้วล่ะสิ”

เคว่าสะใภ้คนเล็กของพิชญเดชาน่าจะถูกใจพ่อกับแม่ไม่น้อย ขนาดเขาเพิ่งได้เจอไม่กี่ครั้งยังรู้สึกเอ็นดูเหมือนมีน้องชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน จะว่าไปก็จริงอย่างที่เจ้าตัวว่าเหมือนสิ่งที่เขากังวลมาตลอดมันถูกปลดล็อคออกไปแล้ว เหลือแค่ว่าเขาจะตัดสินใจเด็ดขาดอีกทีเมื่อไหร่ แต่ก็คิดว่าคงเร็วๆ นี้ ไม่ปล่อยให้นานกว่านี้แน่ๆ แต่ตอนนี้ท่าทางคนเมาก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกันเพราะเคเห็นสีน้ำยกมือขึ้นมาลูบหน้าหลายที นี่เคก็คิดว่าคงรู้จักกับเจ้าของร้านเพราะเห็นฝ่ายนั้นเดินเข้ามาหาดูตลอด แต่จะปล่อยให้นั่งอยู่ด้วยท่าทางแบบนี้ก็ดูจะอันตรายไปหน่อย

“กลับบ้านไหมครับ ผมไปส่งให้ได้หรือให้ผมโทรบอกใครให้มารับ”

สีน้ำนั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด เขายังไม่อยากกลับไปที่ร้านตอนนี้สักเท่าไหร่อีกอย่างก็ไม่รู้ด้วยว่าเจอหน้าภาคินเขาต้องทำตัวแบบไหน แต่ก็หมดหนทางไม่รู้จะไปที่ไหนแล้วเหมือนกัน อยากไปอยู่ในที่ๆ รู้สึกว่าสบายใจ อยู่ดีๆ คำพูดของคุณต้นไม้แฟนของคุณรามิลก็แว๊บขึ้นมาในหัว

“ไว้ผมมีเรื่องไม่สบายใจจะแวะไปหาต้นไม้นะครับ”

“SECRET GARDEN ยินดีต้อนรับครับ”


คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ไปที่นี่จริงๆ  “คุณเคช่วยไปส่งผมที่หนึ่งหน่อยได้ไหมครับ”


Watercolor


“ไม้จะบอกคินไหมว่าคุณสีน้ำอยู่ที่นี่”

“ไม้ว่า เดี๋ยวคินก็รู้เองคงไม่ยอมนอนหรอกถ้าไม่ได้เจอคุณสีน้ำภายในคืนนี้”

“แก๊งลูกเพื่อแม่เป็นแบบนี้ทุกคนสินะ”

“ทุกคนจริงๆ ครับ”

“รามิลก็เป็นเหรอ”

“ติดเป็นตังเมเลยรายนั้น”

เคหัวเราะเมื่อรู้สึกว่ารามิล เตชนะหิรัญเพื่อนของน้องชายที่เขาเห็นตั้งแต่เด็กเวลาทำงานก็เห็นเก๊กเป็นผู้บริหารนิ่งขรึม ก็ไม่คิดว่าเวลาอยู่กับแฟนแล้วจะเป็นแบบนี้ ต้นไม้หันไปขอบคุณพี่ชายของคคิน ก่อนจะหันไปช่วยคีตากับพอร์ชพยุงคนเมาเข้าไปในร้าน  คีตาเอ่ยถามอีกครั้งว่าให้พาสีน้ำไปที่ไหนต้นไม้มองไปรอบๆ ร้านพร้อมกับบอกว่าให้พาไปนอนพักที่ห้องข้างหลังก่อนแล้วกัน  ไม้เองก็รู้ว่าที่สีน้ำมาที่นี่ก็คงมีเรื่องที่ไม่สบายใจคิดว่าปล่อยให้นอนพักสักหน่อยจะดีกว่า แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ประชุมกันไม่เสร็จสักที พอคิดถึงสี่คนนั้นก็ยิ้มออกมา

ขนาดภาคินที่คิดว่าฉลาดเป็นกรดยังพ่ายแพ้ให้กับความรักเลย



มึนหัวโคตรๆ
ตอนนี้สีน้ำทำได้แต่ลืมตามองเพดานห้อง

ก็พอรู้นะว่าตัวเองอยู่ไหนแต่ตอนนี้หัวมันหนักจนลุกไม่ขึ้น แต่นอนอยู่อย่างนี้ก็รู้สึกเวียนหัวอยู่เหมือนกัน สีน้ำนับหนึ่งถึงสามแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงรู้ถึงสภาพตัวเองตอนนี้เลยว่าดูไม่ได้แน่ๆ พอมองไปรอบๆ ห้องก็เห็นว่าเป็นห้องโล่งๆ มีแค่เตียงและเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น  คงเอาไว้ให้แขกพักมากกว่า พอสติค่อยๆ กลับมาสีน้ำเลยเดินออกจากห้อง ก่อนจะหยุดอยู่หน้าโรงเรือนที่เหมือนเพาะชำต้นไม้  ไม่รู้ว่าที่นี่เขาเข้าไปได้หรือเปล่า แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าข้างในจะเป็นแบบไหน สีน้ำเลยตัดสินใจแง้มม่านพลาสติกแล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู สิ่งที่เห็นทำให้สีน้ำมองค้างอยู่อย่างนั้น

ต้นกระบองเพชรหลากหลายพันธ์วางเรียงรายอยู่นับร้อยๆ ต้น รวมทั้งเจ้าของร้านดอกไม้ที่ในมือถือต้นกระบองเพชรอยู่ในมือหันมายิ้มให้ พร้อมกับบอกให้เขาเข้ามาข้างในได้เลย

“ปวดหัวไหมครับ เต้น่าจะมียาแก้แฮงค์ถ้าคุณน้ำอยากได้”

“ผมโอเคขึ้นแล้วนะ ขอเดินดูต้นกระบองเพชรได้ไหมครับจะระวัง”

“ตามสบายเลยครับ”

เพราะไม่เคยเห็นต้นกระบองเพชรหลากหลายสายพันธ์ขนาดนี้มาก่อน สีน้ำเลยสนใจเป็นพิเศษจริงอย่างที่ทุกคนบอก SECRET GARDEN ทำให้รู้สึกสบายใจ  สีเขียวของต้นกระบองเพชรทำให้สีน้ำผ่อนคลายขึ้นเยอะ พอเดินดูจนทั่วก็กลับมานั่งมองเจ้าของร้านเปลี่ยนกระถาง

“อยากวาดรูป”

“ผมไม่มีอุปกรณ์วาดรูปเลย วันนี้ไม่พกมาเหรอเห็นคินบอกปกติคุณน้ำพกปากกาพู่กันตลอด”

“ใครจะพกไปกินเหล้ากันล่ะครับ”

“ผมไม่คิดว่าจะได้เจอคุณน้ำเวอร์ชั่นนี้มาก่อนเลย ว่าแต่ผมถามได้ไหมคุณน้ำโกรธคินเหรอ”

“ไม่ได้โกรธครับ แค่ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ค่อยออกเลยอยากให้หัวสมองโล่งๆ สักหน่อย แล้วตอนนี้คุณรามิลไม่อยู่เหรอครับ”

“ไปประชุมกับแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ประชุม?”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่ประชุมกันแบบนี้บ่อยๆ ครับ ถือคติรวมหัวกันแก้ปัญหาดีกว่าตัวคนเดียว เรื่องประชุมมีตั้งแต่พรุ่งนี้ใส่เสื้อสีไหนดีจนถึงหุ้นตกกำไรหาย”

“อย่าบอกนะว่าวันนี้คือเรื่องผม”

“ครับ คินเรียกประชุมด่วนจี๋ มิลแทบวิ่งออกจากร้านบอกว่าภาคินมีเรื่องใหญ่มาก เบนกับทิมเลยแวะเอาพอร์ชกับคีตามาทิ้งไว้นี่”

“โห..รู้สึกผิดเลย”

“ไม่ผิดหรอกครับแก๊งนี้ก็เวอร์แบบนี้ตลอด เดี๋ยวก็ชินมีอะไรแปลกๆ อีกเยอะ”

“คุณไม้เคยทะเลาะกับคุณรามิลไหมครับ”

“ตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยทะเลาะกันแบบร้ายแรงเลย ก่อนที่ผมคบกันรามิลก็เคยหายไปนะครับนานกว่าคุณน้ำอีก ตอนนั้นผมคิดว่าความรักของผมคงจบแล้ว”

“............”

“แต่ผมก็ยังมีความหวังนะ ผมรอมิลมาตั้งสิบปี เหมือนคู่ของผมรักกันดีใช่ไหม แต่กว่าจะรักกันได้ก็เจอเรื่องเยอะเหมือนกัน คีตากับพอร์ชก็ด้วยไม่มีรักไหนที่ง่ายหรอกครับ”

“ผมคิดว่าตัวเองโตแล้วนะเนี่ย แต่จริงๆ ก็รู้สึกตัวเองไม่มีเหตุผลเลย”

“ไม่ต้องมีเหตุผลบ้างก็ได้ครับ ตอนที่ผมยังไม่ได้เป็นแฟนมิลผมทำอะไรหลายอย่างที่ไม่มีเหตุผลเท่าไหร่แต่ก็มีความสุขดี”

สีน้ำนั่งลงกับพื้นตรงหน้าของเจ้าของร้านที่เช็ดกระถางต้นกระบองเพชรไปด้วย  รอยยิ้มที่สีน้ำคิดว่ามันสวยมากถูกส่งมาให้พร้อมกับยื่นต้นกระบองเพชรต้นหนึ่งให้เขามาถือไว้ ครูสอนวาดรูปเงยหน้ามองไปรอบๆ โรงเรือนทุกวันนี้ไม่ค่อยได้อยู่กับต้นไม้ใบหญ้าเท่าไหร่พอได้มาอยู่แบบนี้ก็ผ่อนคลายดี

“คุณเหมาะกับชื่อต้นไม้จริงๆ ผมรู้สึกถึงลมเย็นๆ แค่นั่งอยู่ด้วยก็รู้สึกสบายใจ”

“ผมได้ยินคนบอกแบบนี้ตลอดเลย บอกว่าอยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกเย็นเหมือนมีลมพัด”

“มิน่าล่ะคุณรามิลถึงรักคุณไม้มาก”

“ต้องเอาคืนเยอะๆ ผมรอมิลมาตั้งหลายสิบปี”

เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นไปทั่วโรงเรือน ทำให้พอร์ชและคีตาโผล่หน้าเข้ามาหาพร้อมกับถามเรื่องอาหารที่จะสั่ง แต่สีน้ำส่ายหน้าไปมาเพราะตอนนี้ยังมึนๆ อยู่เลยให้กินอะไรเข้าไปสงสัยจะไม่ไหว เพราะฤทธ์แอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลืออยู่สีน้ำเลยขอตัวไปนอนพักอีกสักหน่อย  เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นสีน้ำเลยหยิบขึ้นมาดูข้อความจากณัฐทำให้สีน้ำยิ้มออกมา

“ไปนอนบ้านคนอื่นเขาได้ยังไงเมาแล้วไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง คนร้านข้างๆ เป็นห่วงตายห่าแล้ว”

เป็นญาติที่น่ารัก
ประทับใจ

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 17-01-2021 16:15:07
ภาคินรู้ว่าสีน้ำนอนพักอยู่ในห้องนี้หลังจากที่ประชุมกันเสร็จกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ ต้นไม้ก็โทรมาบอกมิลว่าสีน้ำอยู่ที่นี่ แปลกใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ดีๆ คนที่ตามหาก็โผล่มาที่ SECRET GARDEN แต่ก็โล่งใจที่ได้รู้สักทีว่าสีน้ำอยู่ที่ไหน บอกตามตรงเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย ความรู้สึกที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธจนไม่คุยด้วย ไม่อยากเห็นหน้ากันแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะทำยังไงดี นี่ก็เข้าใจสีน้ำเหมือนกันที่ยังไม่อยากเจอเขาตอนนี้ แต่จะให้เขากลับไปนอนหลับสบายก็ไม่ได้เหมือนกัน

 ยืนลังเลอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป  เตียงกลางห้องมีสีน้ำที่นอนหลับตาอยู่ส่วนคนที่นั่งอยู่ที่พื้นขีดๆ เขียนๆ เนื้อเพลงอยู่ตรงพื้นด้านล่างคือเจ้าหนูคีตาของไอ้เบน  คีตาพอเห็นเขาก็ยู่หน้าใส่ทันทีภาคินเลิกสนใจเจ้าเด็กแก้มยุ้ยแล้วนั่งลงตรงบนเตียงพร้อมกับยกมือลูบผมคนที่นอนหลับตาอยู่

ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรภาคินแค่สัมผัสกับเส้นผมสีน้ำตาลแดงนั่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ กระเถิบตัวแล้วก้มลงมาหาแก้มขาวที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสแก้มอย่างที่ตั้งใจเจ้าหนูคีตาก็ยื่นหน้าเข้ามาหา

“ไม่รักไม่ต้องไปหอมเขาเลยนะ”

ภาคินไม่ได้พูดโต้ตอบคีตา เพียงแค่ยิ้มออกมาแล้วก้มลงหอมแก้มขาวของสีน้ำเต็มฟอด พอจะก้มลงมาอีกครั้งก็ต้องหยุดค้างไว้เมื่อเจ้าหนูของไอ้เบนยังคงจ้องเขาไม่เลิก

“จะจูบนะจะอยู่ดูเหรอ”

“แก๊งลูกเพื่อนแม่นี่มันจริงๆ เลย”

คีตาค้อนใส่หนึ่งทีก่อนจะเก็บอุปกรณ์ต่างๆ มาหอบไว้เต็มสองแขน พอเขาถามว่านั่งทำอะไรตรงนี้ เจ้าเด็กแก้มยุ้ยบอกว่าเป่ายิ้งฉุบแพ้พอร์ชเลยโดนส่งมาสืบเรื่องเขากับสีน้ำ พอได้ฟังเหตุผลภาคินก็อยากจะสั่งทั้งคีตาและไอ้พอร์ชหันหน้าเข้ามุมห้องสำนึกผิด แต่ก็ขอสั่งสอนเจ้าพวกนี้สักหน่อยก็น่าจะดี ยังไม่ทันจะได้เอ่ยวาจาว่ากล่าวตักเตือนอะไรคีตาก็สวนขึ้นมาซะก่อน

“แต่พี่ทิมสั่งมาอีกทีนะ”

โอเค…ยอมแพ้ก็ได้
คนสั่งนี่มันมีอำนาจจริงๆ

คีตาโบกมือก่อนจะปิดประตูห้อง ภาคินยังคงนั่งอยู่บนเตียงมือก็ลูบผมสีน้ำเบาๆ เขาไม่ได้รีบเร่งอะไรเพราะว่าตอนนี้สีน้ำก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ก่อนหน้านี้เขากระวนกระวายใจจนขนาดไอ้เบนถึงต้องจับให้เขานั่งเฉยๆ บ้างเพราะเขาเอาแต่เดินวนรอบห้องจนเพื่อนเวียนหัว แต่ก็นะจะให้นั่งมองทั้งคืนแบบนี้ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่

“เลิกแกล้งหลับได้แล้วครับ”

คิดจะหลอกคนอย่างภาคิน
บอกเลยใช้มุกนี้ไม่น่าจะได้ผล

ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นคนที่แกล้งหลับตาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาทีละข้าง พอเห็นหน้าภาคินเต็มๆ ตาก็หลับตาปี๋อีกครั้ง พอเห็นท่าทางแบบนั้นภาคินก็หัวเราะออกมา พร้อมกับสอดมือช้อนหลังให้คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นมานั่งพิงอกตัวเองไว้ สีน้ำก้มลงมองมือที่กอดเอวตัวเองไว้แน่นแล้วหันมามองหน้าคนที่นั่งซ้อนหลังอยู่

“มากไปหรือเปล่าเนี่ย”

“กอดแน่นไปเหรอ”

“เราควรต้องคุยกันก่อนหรือเปล่า”

“หายเมาแล้วหรือไงคุณพี่”

“สบายมากคุณน้อง นี่แค่นอนหลับตาเฉยๆ”

“โกรธผมมากเหรอถึงหนีไปไม่บอกผมเลย”

“แค่ไปกินหล้าเอง”

“ไม่เอง น้ำไปไหนผมก็ไม่รู้ ถามคุณณัฐก็ไม่ยอมบอกทำท่าเหมือนจะบีบคอผมด้วย แต่ผมดีใจนะที่น้ำมาที่นี่ที่ SECRET GARDEN”

“มาที่นี่แล้วสบายใจเหมือนที่คุณไม้บอก”

“แสดงว่าน้ำมีเรื่องไม่สบายใจ เกี่ยวกับผมใช่ไหม”

“………”

สีน้ำไม่ได้ตอบที่คินถามและภาคินก็ไม่ได้เร่งเร้าให้ตอบ มีเพียงสัมผัสตรงหลังมือเพียงเท่านั้น เพราะสีหน้าของสีน้ำดูเคร่งเครียดคนที่กอดอยู่ด้านหลังเลยจูบตรงข้างขมับพร้อมกับบอกว่าถ้ายังไม่พร้อมที่จะคุยกันวันนี้ก็ไม่เป็นไร ภาคินตั้งใจจะให้สีน้ำพักผ่อนก่อนขืนดึงดันที่จะคุยโดยที่อีกฝ่ายไม่พร้อมแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น อ้อมกอดที่ค่อยๆ คลายออกทำให้สีน้ำต้องจับมือของคินไว้ก่อนจะตัดสินใจหันหน้าเข้ามาหาแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ๆ จนคินต้องกระชับกอดให้แน่นขึ้น

“ไม่รู้จะพูดดีหรือเปล่า”

“ผมอยากให้เราคุยกันทุกเรื่อง เรื่องของเรา เรื่องงาน เรื่องอะไรทั่วๆ ไปมีสาระก็ได้ไร้สาระก็ได้ ปาท่องโก๋ไม่อร่อย ท้องฟ้าไม่สวย วันนี้ของคุณเป็นสีอะไร วันนี้ของผมเป็นสีนั้นสีนี้”

“ภาคิน”

“ครับ”

“วันนี้ที่ร้าน..”

“ที่ร้านทำไมครับ”

สีน้ำยังดูลังเลว่าจะเล่าดีหรือเปล่าจนภาคินต้องยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มที่ตอนนี้มันขึ้นสีแดงจางๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ คินได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าเหม็นเหล้าจะตาย แต่ภาคินก็ส่ายหน้าแล้วย้ายมาหอมอีกข้างแล้วแนบแก้มตัวเองไว้แบบนั้น เขาอยากให้สีน้ำผ่อนคลายมากกว่านี้ สีน้ำยังคงเงียบอยู่อย่างนั้นก่อนจะยกมือรั้งให้ภาคินผละออกมา

“ผมเห็นคินกับคุณนาวานั่งวาดรูปอยู่ด้วยกัน คือ..”

ภาคินคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ขัดสีน้ำเขาปล่อยให้ครูสอนวาดรูปพูดทุกอย่างที่อยากพูด มีบ้างที่หยุดพูดแล้วเหลือบตามองเขา แต่คินก็พยักหน้าพร้อมกับบอกให้เล่าต่อได้เลย

“รู้สึกตัวเองไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่”

“หึงแล้วหนีไปกินเหล้าเลยเหรอ ผมต้องจำไว้แล้ว”

“บอกว่าน้อยใจ”

“ผมไปอยู่ใกล้ใครไม่ได้แล้ว ร้านเหล้าขายดีแน่”

“ภาคินนี่มัน..”

“ขอโทษครับ”

สีน้ำตั้งท่าจะทุบคนตรงหน้าแต่พอได้ยินประโยคนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นวางมือบนไหล่กว้างแทน ที่จริงสีน้ำก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นความผิดของคินหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายก็ยอมพูดออกมาก่อน ทั้งแววตาและท่าทางก็ไม่ได้ดูล้อเล่นเลยสักนิด ภาคินกอดกระชับแล้วยกตัวให้สีน้ำให้ขึ้นมานั่งบนตัก

“ผมอาจจะคิดมากไปเอง”

“ผมผิด ผมคุยกับน้ำอยู่แต่ผมก็ยังทำแบบนั้นเป็นใครก็ต้องคิดมาก ถ้าน้ำไปนั่งวาดรูปกับแฟนเก่าหรือคนที่เคยชอบผมก็เป็นบ้าได้เหมือนกัน”

“คินไม่ชอบวาดสีน้ำเราเลยไม่เคยได้นั่งวาดรูปพร้อมกันเลย ตอนนั้นที่เห็นคุณนาวากับคินนั่งวาดรูปลายเส้นดินสอด้วยกันผมแบบ..ยังไงดี”

“พูดได้เลย ผมฟังอยู่”

“คิดว่าคินจะอยู่กับคุณนาวาแล้วมีความสุขมากกว่าอยู่กับผมหรือเปล่า แล้วตอนนี้เขาก็กลับมาแล้ว คินจะอื้ออ!”

สีน้ำยังไม่ทันพูดจบประโยคภาคินก็ก้มลงมาจูบ ตอนแรกแค่จะจูบเบาๆ แค่นั้นแต่เพราะตอนนี้อารมณ์ของสีน้ำมันอ่อนไหวจนคินจะอยากเรียกความมั่นใจกลับคืนมา เลยตัดสินใจประคองแก้มนุ่มทั้งสองข้างไว้ ภาคินยิ้มนิดๆ ก่อนจะก้มลงไปหาอีกครั้งสีน้ำหลับตาลงพร้อมกับสอดมือเข้าไปตรงกลุ่มผมของคิน เมื่ออีกฝ่ายเร่งจังหวะคล้ายจะบอกให้เขาเปิดปากมากกว่านี้ และทันทีที่ยอมให้คินทำตามใจสีน้ำก็ขยำเสื้อที่คินใส่อยู่มันยับยู่ยี่ ทั้งๆ ที่ปกติเราก็จูบกันบ่อยแต่ครั้งนี้สีน้ำรู้เลยว่ามันต่างออกไป คินจริงจังและตั้งใจให้เขาแทบหมดแรง

เราทั้งสองคนผละออกมาเพียงนิดและสีน้ำยังไม่ทันหายเหนื่อนคินก็ก้มลงมาหาอีกรอบ มือใหญ่ที่ประคอบหลังอยู่ค่อยๆ เอื้อมมือมาข้างหน้าแล้วปลอดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าของสีน้ำออก เสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวใหญ่พอโดนปลดกระดุมทำให้ไหล่ตกลงมา ภาคินยังคงแต้มจูบอยู่อย่างนั้นก่อนจะเลื่อนลงมาตรงข้างแก้มค่อยๆ ไล่ลงมาตรงซอกคอขาวและจูบเบาๆ ตรงไหล่ กระดุมเม็ดที่สองถูกปลดออกจนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแทบจะหลุดจากตัว แค่คินก็ปล่อยให้มันค้างไว้แบบนั้น สีน้ำแทบกลั้นหายใจเมื่อคืนยังคงแต้มจูบเบาๆ ตรงไหปลาร้าและวนเวียนอยู่ตรงแถวๆ ไหล่และแก้ม

“คิน”

“ผมรู้ยังไม่ใช่วันนี้ แต่ไม่น้อยใจผมแล้วได้ไหมอย่าคิดว่าผมอยู่กับน้ำแล้วจะไม่มีความสุข รู้ใช่ไหมเราไม่ต้องชอบเหมือนกันก็ได้ คุณวาดสีน้ำ ผมวาดดินสอแค่เราอยู่ด้วยกันก็พอ”

“……………”

“ผมยอมรับว่าผมเคยมีความสุขตอนที่ได้วาดรูปพร้อมกับนาวาแต่มันก็นานมาแล้ว วันนี้ความรู้สึกมีแค่สนุกดีเหมือนเรานั่งวาดรูปกับเพื่อนคนหนึ่ง”

“……………”

“แค่นั้นเลย แค่นั้นจริงๆ”

“………….”

“ผมขอโทษที่ไม่อธิบายอะไรให้ชัดเจน ผมขอโทษพูดให้ฟังทั้งคืนยังได้”

“พอแล้วครับ ผมเข้าใจแล้ว”

สีน้ำก็ไม่คิดว่าคนอย่างภาคินจะอธิบายถึงขนาดนี้ และแววตาของคินตอนนี้มันบอกได้เลยว่าทุกอย่างที่พูดมามันไม่ใช่เรื่องโกหก สีน้ำยกมือขึ้นมาสัมผัสลงบนแก้มของภาคินแล้วยิ้มให้ สงสัยภาคินจะทำให้เขาซึ้งไปหน่อยหยดน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมาแต่ภาคินก็ค่อยๆ ปาดมันทิ้งตามด้วยจูบลงบนแก้มขาวอีกครั้ง

“วันนี้ดีไหม”

“อะไรดี”

“จูบผม”

“ถามอะไรแบบนี้เนี่ย”

“ไม่เคยจูบใครนานขนาดนี้มาก่อน จริงๆ ก็ไม่อยากหยุดแต่กลัวน้ำขาดใจตาย”

“นึกว่าจะบอกว่ามีรสเหล้าซะอีก”

“เรื่องนี้ด้วย ผมไม่ได้ห้ามน้ำแต่บอกผมหน่อยว่าไปกินที่ไหน แต่ถ้าอยากเจอของเด็ดแนะนำคีตามือชงเหล้าอันดับหนึ่ง”

“คีตา?”

“ไม่ได้โม้ ไอ้เบนน๊อคสลบไปแปดชั่วโมงตื่นมาคีตายังนั่งชงเหล้าอยู่เลย อยากได้สูตรไหนชงได้หมด”

“ต้องไปตีซี๊ซะแล้ว”

“เป็นแฟนแก๊งลูกเพื่อนแม่เดี๋ยวก็สนิทหมดทุกคน”

“คิน”

“ครับ”

“ต่อจากนี้ผมจะบอกคินทุกเรื่องเลย”

“ไหนบอกซิวันนี้ยังเป็นสีทองอยู่ไหม หรือว่าเป็นสีอื่นแล้ว”

“วันนี้ยังเป็นสีทองแบบประกายวิบวับ เพราะรู้สึกม๊อบแม๊บในใจแบบใจฟูมีความสุข”

“ศัพท์ประหลาดไม่เคยได้ยินแต่ความหมายดีนะ พิมพ์บอกแก๊งลูกเพื่อนแม่บ้างดีกว่าว่าวันนี้ผมรู้สึกม๊อบแม๊บในใจ”

สีน้ำหัวเราะออกมาเมื่อคินทำท่าจะพิมพ์ลงไปในกรุ๊ปจริงๆ แถมพิมพ์ไปด้วยทำหน้าตาจริงจังไปด้วย ท่าทางที่เหมือนเด็กๆ สีน้ำนึกเอ็นดูเลยเอียงหน้ามาหอมแก้มคินบ้าง คนโดนหอมยิ้มออกมาก่อนจับเสื้อเชิ้ตที่หลุดร่วงลงมาตรงไหล่ของสีน้ำให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะดึงขึ้นมาติดกระดุมเหมือนเดิมคินก็ก้มลงมาจูบตรงไหล่เปลือยแรงๆ ทำให้สีน้ำก็ย่นคอเพราะรู้สึกจั๊กจี้ พอเห็นท่าทางแบบนั้นก็เลยแกล้งหอมไม่หยุด ทั้งจูบทั้งหอมจนสีน้ำหัวเราะออกมา กว่าคินจะหยุดแกล้งก็แทบหมดแรงสีน้ำเลยสั่งจริงจังว่าหยุดเล่นก่อน พร้อมกับจัดการติดกระดุมเสื้อเชิ้ตเอง

“สีน้ำ”

“หืม”

“พรุ่งนี้ผมจะเคลียร์ทุกอย่าง”

“ครับ”

“แล้วเรามาเล่าเรื่องที่เชียงใหม่ไปพร้อมๆ กันนะ”

“………..”

มือที่กำลังติดกระดุมเสื้ออยู่หยุดชะงักพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามอง แววตาของคินไม่มีความสับสนหรือแกล้งเล่นอีกแล้ว และสีน้ำเองก็คิดว่ามันคงถึงเวลาสักทีที่เราสองคนจะคุยกันเรื่องนี้ ภาคินกระชับกอดไว้แน่นเมื่อสีน้ำขยับตัวเข้ามาหาแล้วแนบหน้าผากลงมา

“ครับ ผมจะวาดรูปรอแล้วเราจะกลับไปที่เชียงใหม่ด้วยกัน”






To be con


ps.ใครจะพระเอกเท่าพี่คินไมีมีอีกแล้ว
ข่าวคราวเงียบหายไปสองสามเดือน (ยังไม่ถึง) ขอโทษค่ะที่หายไปนานขนาดนี้ แต่พี่คินกลับมาแล้วจ้า
และก็ถึงเชียงใหม่สักที 555555

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่
แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-01-2021 17:20:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back

ความหลังครั้งที่เชียงใหม่  จะได้เปิดเผยสู่สาธารณชนแล้ว

ว่าแต่...อีกกี่เดือนหว่า จึงจะได้รู้  อิอิ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 17-01-2021 18:37:39
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-01-2021 00:01:12
อ้อมกันไปมา
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 18-01-2021 22:10:46
สีน้ำกับน้องคินมาแล้ว คิดถึงมาก
สีน้ำน่ารักที่สุดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 19-01-2021 08:37:16
 :hao4: เชียงใหม่ อีกครั้ง ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-01-2021 14:46:27
งื้อออ รีบมาต่ออีกน้าาา
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 20-01-2021 06:14:31
มาให้หายคิดถึงแล้วววววววว :hao7:
อ่านจบนี่อยากวาปไปเดือนหน้าเลย o18 o18
จะได้รู้เรื่องราวของเชียงใหม่แล้ว :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 26-01-2021 11:45:27
รอลุ้นเชียงใหม่เป็นสีอะไร :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-01-2021 23:05:21
นาวา=ตัวเร่งปฏิกิริยา
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.15 - Gold glitter [ 17/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 30-01-2021 22:33:49
คิดถึง :sad4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 27-02-2021 21:58:13
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.16
Rainbow

*ชื่อ ตัวละคร สถานที่ในนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติเท่านั้น

 

 

ภาคินไม่คิดว่าจะได้กลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สอง

งานนิทรรศการของนักศึกษาที่เขากับสีน้ำเคยมาแล้ว ตอนนั้นยอมรับว่าเพราะมัวแต่ตกตะลึงกับผลงานเลยไม่ได้มีโอกาสได้ดูงานอย่างละเอียด คราวนี้ภาคินตั้งใจว่าจะเดินดูทุกรูปทุกผลงานของนักศึกษาที่ชื่อว่า นาวา ปิติภูวดล จะว่าไปฝีมือของนาวาเรียกได้ว่าพัฒนามากๆ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน คินยืนมองรูปวาดลายเส้นดินสอที่เป็นเหมือนห้องประชุมสักห้องแล้วยิ้มออกมา เขารู้ว่าที่นี่คือที่ไหน

มันคือครั้งแรกที่เราเจอกัน

ตอนนั้นภาคินได้บัตรเชิญจากพี่ที่เคยร่วมงานกัน มันเป็นบัตรเชิญคอร์สบรรยายงานศิลปะและแน่นอนว่ามีให้ลงมือทำด้วย ตอนแรกคินตั้งใจจะอยู่แค่แป๊บเดียวเท่านั้น แต่พอถึงเวลาจริงๆ เขาก็ไม่กล้าลุกออกไปกลางคันเพราะกลัวว่าจะเสียมารยาท จนสุดท้ายคินก็ต้องนั่งวาดรูปตามที่วิทยากรบรรยายอยู่บนเวที นั่งขีดๆ เขียนๆ ไปเรื่อยเปื่อย พอได้ยินเสียงพิธีกรบอกว่าต่อไปจะเป็นการระบายสีน้ำเบื้องต้น ทันทีที่ได้ยินภาคินก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ไม่รู้เลยว่าคอร์สวันนี้จะเกี่ยวกับการระบายสีน้ำด้วย หรือควรออกไปตั้งแต่ตอนนี้ดี ยังไม่ทันจะได้เก็บอุปกรณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากคนข้างๆ

“คุณๆ คุณๆ นายๆ ทางนี้”

คินหันไปมองทางด้านซ้ายมือก็เจอผู้ชายตัวผอมกำลังยิ้มให้เขาอยู่ ยิ้มซะจนลักยิ้มบุ๋มลงทั้งสองข้าง คินนึกว่าเขาเจอฝาแฝดเพิ่งรู้ว่าคนข้างๆ แต่งตัวเหมือนเขาเป๊ะๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อยืดสีเทากางเกงยีนส์สีเข้มรองเท้าผ้าใบสีขาว รู้สึกเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่เลย คินไม่ได้ตอบรับคนข้างๆ แต่ก็เงียบรออีกฝ่ายว่าจะพูดอะไร

“หนีออกไปข้างนอกกันป่ะ”

“หนี? หนีไปไหน”

“ผมไม่ถนัดระบายสีน้ำเลย ไม่ค่อยชอบด้วยเห็นคุณทำหน้าเซ็งๆ อาจจะอยากออกไปข้างนอกเหมือนกัน”

ประหลาดมาก..

นอกจากจะแต่งตัวเหมือนกันแล้วยังไม่ชอบระบายสีน้ำเหมือนกันอีกต่างหาก คนข้างๆ คินยิ้มแฉ่งก่อนจะชี้นิ้วไปที่ประตูแล้วเดินย่องๆ ออกไป คินหัวเราะออกมาเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอคนแปลกๆ ที่นี่ แต่เอาเถอะจะให้เขาอยู่ต่อก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันเลยตัดสินใจเดินตามคนที่เพิ่งรู้จักออกไปข้างนอก ทันทีที่เขาปิดประตูก็เจอฝาแฝดเออเรียกอย่างนี้ไปก่อนแล้วกันยืนรออยู่แล้ว พอเขาถามว่าจะไปไหนเจ้าตัวก็ชี้ไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ

อเมริกาโน

เออ..เชื่อเลยไม่คิดว่าจะมีคนบนโลกใบนี้ที่ใช้ชีวิตเหมือนเขาได้อีก ปกติภาคินไม่ค่อยได้ความรู้จักกับเพื่อนใหม่ส่วนมากก็รู้จักกันตามงานบ้าง เมื่อก่อนตอนที่เขายังทำงานบริษัทโฆษณาเขาก็สร้างคอนเนคชั่นไว้เยอะพอสมควร แต่จะให้มานั่งทำความรู้จักใหม่ เธอชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็รู้สึกว่าเขาแก่เกินไปแล้วที่จะทำอะไรแบบนั้น แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนที่นั่งจิบกาแฟอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เพิ่งรู้ด้วยว่าอายุเท่ากัน

“เรายังไม่รู้ชื่อกันเลย”

“นั่งดื่มกาแฟกันมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”

“นึกว่าจะลุกหนีไปตั้งแต่สิบห้านาทีแรกแล้ว แล้วชื่ออะไรครับ”

“ภาคิน เรียกคินก็ได้”

“เราชื่อนาวา”

“นาวา?”

“เรือไง ลายเซ็นเราเป็นรูปเรือ”

นั่นเป็นครั้งแรกที่ภาคินรู้จักคนที่แต่งตัวเหมือนกันตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมความชอบก็เหมือนกันด้วย เราสนิทกันเพราะชอบอะไรเหมือนๆ กันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อาหารเครื่องดื่ม และการวาดรูปลายเส้นดินสอเหมือนกัน นาวาชอบบอกว่าตัวเองยังไม่เก่ง รูปวาดก็เลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่พอเห็นท่าทางหงอยๆ แบบนั้น คินก็เลยอาสาจะช่วยสอนให้ ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ตัวติดกันเหมือนคู่หูปาท่องโก๋ แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็เคยถามเขาเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับนาวา แต่ตอนนั้นคินก็บอกว่าแค่เพื่อนคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ในใจของคินนั้นยอมรับเลยว่ามันล้ำเส้นคำว่าเพื่อนที่เขาขีดเอาไว้แล้ว

ทุกครั้งที่คินถ่ายรูปให้นาวา

ทุกครั้งที่สอนนาวาวาดรูป

ทุกครั้งที่เราอยู่ใกล้ชิดกัน

ยอมรับเลยว่ามันไปไกลกว่าคำว่าเพื่อนตั้งนานแล้ว

วันนั้นคินเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มีกับนาวาไป ทั้งๆ ที่ในใจก็ยังแอบมีความหวังว่านาวาจะคิดเหมือนกันบ้าง เพราะทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันทุกอย่างมันดีมากๆ จนเขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าสักเสี้ยวหนึ่งเราจะคิดตรงกัน แต่มันไม่ใช่..

“เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้วนะคิน”

“………”


คินจำประโยคนั้นได้ขึ้นใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนคินไปเองหมดทุกอย่าง จริงๆ แล้วนาวาอาจจะแค่อัธยาศัยดีแค่เพียงเท่านั้น อาจจะแค่เป็นเรื่องสนุกที่เราได้ทำอะไรด้วยกัน ตอนนั้นคินยอมรับเลยว่าเขาโคตรเจ็บ อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้เผื่อใจไว้เลยว่าคำตอบที่ได้มาจะเป็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นคินก็ยังยิ้มให้นาวาพร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร นาวาเองก็คงกลัวเขาเสียใจถึงได้ขอโทษไม่หยุด และในตอนนั้นเองที่คินเพิ่งรู้ว่านาวากำลังจะไปเรียนต่อ

“ถ้าเรากลับจากญี่ปุ่นแล้วคินยังรู้สึกกับเราเหมือนเดิม ค่อยมาคุยกันอีกทีนะ”

“………”


ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนคินตั้งตัวไม่ทัน เขาเพิ่งสารภาพรัก โดนปฏิเสธ และคนที่ชอบกำลังจะไปเรียนต่อโดยที่ไม่เคยบอกเขามาก่อน คินเข้าใจมาตลอดว่าเราสนิทกันแล้วทำไมเรื่องแบบนี้เขาถึงรู้เป็นคนสุดท้าย แต่คินก็ไม่แน่ใจว่าเขามีสิทธิ์ถามหรือเปล่า มันสับสนไปหมดสุดท้ายคินก็ทำได้แค่ยิ้มให้แบบฝืนๆ พร้อมกับบอกว่าขอให้โชคดี

วันนั้นคินรู้สึกว่าเขาโคตรไม่ไหว ทุกอย่างมันหนักหนามันถาโถมจนตั้งตัวไม่ทัน สุดท้ายเขาก็นึกถึงครอบครัว คินแค่อยากกลับมาบ้านอยากพักจากทุกเรื่องที่เจอ เขาอยากได้ใครสักคนในครอบครัวที่นั่งข้างๆ ฟังเรื่องราว และกอดปลอบตอนที่เขารู้สึกแย่ขนาดนี้ และคนที่คินคิดถึงคือพี่ชาย พี่ชายของเขาที่คอยปลอบเขาเมื่อตอนยังเด็กถึงแม้ว่าตอนโตมาเราอาจจะไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน แต่คินขอแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่เจอมันไม่ใช่อย่างที่คินคิดเลยสักนิด ไม่ใช่เลย..

ตอนนั้นคินคิดอะไรไม่ออกนอกจากจะหนีไปไกลๆ เท่านั้น ไกลจากทุกคน ไกลจากทุกเรื่อง นั่นแหละเขาถึงตัดสินใจไป เชียงใหม่ โดยไม่มีกำหนดกลับ

 

นิทรรศการ


“รูปนี้วาดยากสุด เราไม่รู้ว่าคินตอนกำลังวาดรูปคิดอะไรอยู่ เราวาดเกือบร้อยรูปเลยมั้งกว่าจะผ่าน วาดไม่รู้ตั้งกี่ครั..”

“นาวา ทำไมถึงเป็นรูปเรา”

“นั่นสิทั้งๆ ที่ใจร้ายกับคินขนาดนั้น”

“ไม่ได้ใจร้ายหรอก ไม่รักก็คือไม่รักไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย เราแค่สงสัยตอนนั้นนาวาดูมั่นใจมากว่าให้กับเราได้แค่เพื่อนจริงๆ”

คินไม่อยากที่จะอ้อมไปอ้อมมาอีกแล้ว เขาต้องการจะพูดเรื่องนี้กับนาวาให้มันจริงจังสักที และเขาก็คิดว่านาวาเองก็พร้อมแล้วเหมือนกัน ระหว่างเราสองคนมีแค่ความเงียบเพียงเท่านั้นและนาวากำลังมองรูปภาพตรงหน้า มันเป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งกำลังวาดรูปอยู่และคินก็รู้ว่ามันคือตัวเขาเอง

“ขอโทษนะคิน”

“ขอโทษอีกแล้ว”

“ตอนนั้นตอนที่คินบอกว่าชอบเรา เรารู้สึกกับคินแค่เพื่อนอย่างที่คินบอกจริงๆ เราไม่พร้อมจะมีใครเลยและเราก็คิดแต่เรื่องที่จะไปเรียนต่อ คือไม่พร้อมสักอย่าง”

“เข้าใจ”

“แต่พอเราไปญี่ปุ่น เรากลับคิดถึงคินตลอดตอนนั่งเรียนอยู่ครูให้แรเงา เรายังเผลอเรียกชื่อคินเลยเพื่อนถึงกับ งง ว่าใครคือคิน เพราะปกติเวลาที่เราแรเงาไม่ได้ คินก็ช่วยเรา”

“แต่ก็หายไปเลย ไม่เห็นติดต่อมา”

“เอาจริง รู้สึกผิดเหมือนในละครที่เพิ่งรู้ใจตัวเองตอนที่พระเอกไม่อยู่แล้ว โคตรเหงาเลยว่ะคินแต่ก็เข้าใจเราใช่ไหม ปฏิเสธเขาขนาดนั้นใครจะกล้าทักไป แต่คินเองก็หายไปเหมือนกันเราเคยถามมิล มิลแค่บอกว่าคินไปต่างจังหวัด”

“ถามแก๊งลูกเพื่อนแม่ด้วยเหรอ ไหนบอกไม่ค่อยกล้าคุย”

“รามิลน่ากลัวน้อยสุดแล้ว ถ้าไปถามทิมอาจจะโดนต่อยมาทำเพื่อนเขาเสียใจขนาดนี้ ทิมดูไม่ค่อยชอบหน้าเราเท่าไหร่”

ภาคินเลือกที่จะเดินดูรูปในนิทรรศการไปด้วยพร้อมกับคุยไปด้วย อย่างน้อยตอนนี้บรรยากาศก็ดูผ่อนคลายกว่าเมื่อหลายวันก่อน รอยยิ้มของนาวาไม่ได้ดูฝืนเหมือนเมื่อตอนเราเจอกันแรกๆ พอเห็นแบบนี้คินก็เริ่มสบายใจขึ้นมาหน่อย อาจเป็นเพราะเราสนิทกันมาก่อน เลยทำให้คินรู้ว่าตอนนี้นาวาเองก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันจะเป็นไปในทิศทางไหน

“นาวายังไม่ตอบคำถามเราเลยทำไมถึงเป็นรูปเรา โปรเจกต์จบไม่ใช่ง่ายๆ ต้องใช้เวลาอยู่กับมันตลอดแล้วนี่”

“ใจเย็น ที่จริงหัวข้อของเราไม่ใช่อย่างที่คินคิดหรอก”

“หัวข้อ?”

“ตอนเราคุยกับอาจารย์ ให้ทายว่าเราบอกหัวข้อโปรเจกต์จบคืออะไร”

“คิดไม่ออก คงไม่ใช่คำว่าคิดถึงอะไรแบบนั้นใช่ไหม”

“มั่วแล้ว”

“ยอมแพ้”

“สิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจ”

ทันทีที่ได้ยินภาคินก็หันมามองคนที่กำลังยืนยิ้มอยู่ นาวาพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับย้ำว่ามันคือคำนี้จริงๆ คินมองไปรอบๆ นิทรรศการ เพิ่งสังเกตว่ารูปภาพที่นาวาวาดมันเริ่มต้นตั้งแต่วันที่เราเจอกัน จนถึงวันสุดท้ายที่เขาบอกความรู้สึก

“เราบอกอาจารย์ว่า มันเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเรามาตลอด ภาคิน พิชญเดชาคือผู้ชายที่ชอบวาดลายเส้นดินสอ แต่งตัววนๆ อยู่แค่สามสี ชอบกินกาแฟดำและไม่ชอบระบายสีน้ำ เป็นความทรงจำที่ดีของเรานะ”

“นาวา”

“หัวข้อนี้มันก็เหมาะกับลายเส้นดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอดีตหมดเลยและคินก็รับรู้แล้วด้วย”

“วาดเก่งแล้ว คนชมกันตั้งเยอะแยะ”

“วันนี้สำหรับเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างอยู่ในใจกันอีกแล้วนะภาคิน ขอโทษด้วยถ้าทำให้ลำบากใจ ทะเลาะกับคุณสีน้ำหรือเปล่า”

“ไม่ถึงกับทะเลาะหรอกเขาโอเคแล้ว ตอนนี้ก็รออยู่ที่เชียงใหม่”

“เชียงใหม่? เดี๋ยวนะที่เคยบอกว่าพบรักที่เชียงใหม่ก็คือคนนี้เหรอ”

“เรื่องยาวมากและตัวเราเองยังไม่อยากเชื่อเลย”

“ไว้ถ้าพร้อมจะเล่า หมายถึงถ้า..เราสามารถคุยกันได้แบบเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนค่อยเล่าให้เราฟังนะ”

ภาคินพยักหน้าถึงแม้ว่าเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปี แต่มันก็อาจจะมีสักวันก็ได้ ตอนนี้เราสองคนเดินมาถึงรูปสุดท้ายและคินเห็นว่านาวาถอนหายใจเหมือนโล่งอก สำหรับตัวคินเองก็ยอมรับว่าสบายใจกว่าที่คิดไว้เขานึกว่าเราสองคนจะจบลงด้วยน้ำตาหรือผิดใจจนไม่สามารถกลับมาคุยกันได้อีก

“อยู่ไทยยาวเลยไหม หรือจะไปไหน”

“ตอนนี้คงอยู่ไทยก่อนมีงานทำแล้วนะเว้ย ลืมบอกไม่ตกงานเตะกระป๋องอีกต่อไป”

“เออ ดีใจด้วยเงินทองเป็นสิ่งสำคัญ”

“น้อมรับคำสอนลูกชายเจ้าของธนาคาร เออ..กับพี่เคเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน รู้ไหมว่าใครทำให้มันดีขึ้น”

“คุณสีน้ำ”

“รู้ได้ไงวะ”

“ตอนนี้ชีวิตนายภาคินมีแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วก็คุณสีน้ำ”

“เออ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้กลับมาคุยกับพี่เคได้อีกถึงจะไม่ได้สนิทเหมือนตอนเด็กๆ ก็ตามเถอะ แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อน”

“โสดป่ะ พี่เค”

“ไม่โสดแฟนสวยมาก แต่งงานปีหน้า”

“เกลียดมึงมากภาคิน ตัดเส้นทางสะใภ้ธนาคารแบบไม่เหลือเยื่อใย”

คินหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่านาวายังบ่นไม่เลิก พอเดินมาถึงบอร์ดที่ให้เขียนแสดงความยินดี นาวาก็ยืนมองอยู่อย่างนั้นหลากหลายข้อความที่ทุกคนเขียนให้ทำให้นาวายิ้มออกมา ทุกข้อความมันสมกับความพยายามและความทุ่มเทที่ทำมาทั้งหมด ก่อนที่คินบอกว่าขอตัวก่อนเพราะต้องไปแล้ว พอถามว่าไปไหนและคำตอบที่ได้มาคือเชียงใหม่ นาวาก็พยักหน้าพร้อมกับอวยพรให้โชคดี

“นาวา อ่านบอร์ดด้วยนะ”

ภาคินหันหลังกลับมาบอกแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไป นาวาเลยเงยหน้ามองบอร์ดที่ให้เขียนข้อความแสดงความยินดีอีกครั้ง พอเห็นข้อความที่เขียนเอาไว้เลยกระเถิบตัวเข้าไปดูใกล้ๆ 


ไม่ค่อยเข้าใจศิลปะเท่าไหร่แต่รูปสวยมาก วาดไอ้คินหล่อกว่าตัวจริง – เบนจามิน เกียรติธนธาดา

คินพามาดูงานนี้บอกว่าเป็นโปรเจกต์จบของเพื่อนเพิ่งรู้ว่าเป็นของนาวา รูปสวยมากถ้ามีรูปที่ขายขอซื้อไปแต่งบ้านได้ไหม (ไม่เอารูปไอ้คิน) - รามิล เตชนะหิรัญ

ขอโทษที่เมื่อก่อนนิสัยไม่ดี ตอนนี้ก็ยังนิสัยไม่ดีอยู่แต่เป็นเพื่อนกันได้นะ รูปโคตรสวยตอนเราเรียนไม่เคยวาดได้แบบนี้ ps.ถ้าแต่งงานจะให้ออกแบบแหวนก็บอกได้ จริงๆ เราเป็นคนใจดี - นพจินดา วรโชติเมธี



แก๊งลูกเพื่อนแม่ก็ยังเป็นแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เขาเคยรู้จัก เมื่อก่อนยอมรับเลยว่าเขาไม่ค่อยกล้าคุยกับแก๊งลูกเพื่อนแม่เท่าไหร่ทั้งๆ ที่สนิทกับคินแต่คนอื่นๆ ก็ไม่ค่อยได้คุย แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้ว่าเพื่อนแก๊งนี้รักและเป็นห่วงภาคินจริงๆ เป็นกลุ่มเพื่อนที่จะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนตาย และข้อความสุดท้ายที่ได้อ่านทำให้หยดน้ำตาไหลออกมาก่อนที่นาวาจะยิ้มจนลักยิ้มสองข้างบุ๋มลงไป

เก่งมาก ยินดีด้วยนะแล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เพื่อนรัก – ภาคิน พิชญเดชา



................
.......................

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/01/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 27-02-2021 22:04:21
Watercolor

คินยืนมองร้านของตัวเองอยู่หน้าร้าน พอเห็นสีดำสีขาวสีเทาก็ต้องกลั้นยิ้ม พอหันไปดูร้านที่อยู่ข้างๆ ก็นะ..โคตรตรงกันข้าม ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันก็ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีวันนี้ได้ ภาพวันที่สีน้ำทำกาแฟหกใส่เขาทั้งตัวย้อนกลับมาให้นึกถึง ครูสอนวาดรูปที่ดูเหมือนหัวหน้าห้องของเด็กๆ ซะมากกว่า ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มทั้งเนื้อทั้งตัวเลอะไปด้วยสีน้ำ ยอมรับตามตรงตัวเขาเองไม่เคยมีสเป็คที่ชัดเจน แต่สำหรับครูสอนวาดรูปที่ชอบระบายสีน้ำก็เกินคาดคิดไปมากเหมือนกัน คินตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปด่านแรกที่เขาเจอคือคุณณัฐ ที่วันนี้กลับมาเป็นคุณครูใจดีไม่ได้ตีหน้ายักษ์เหมือนเมื่อวันก่อน

“มาหาน้ำเหรอครับ”

“ครับ ว่าจะกลับเชียงใหม่พร้อมกัน”

“ถึงเวลาแล้วเหรอครับ”

“คุณณัฐรู้?”

“ไม่รู้รายละเอียดหรอกครับ ผมแค่ประติดประต่อเรื่องเองที่จริง..ผมก็ไปที่เชียงใหม่เหมือนกันนะแต่ไม่คุ้นคุณคินเลย เราไม่ได้เจอกันเลยเหรอครับ”

“อาจจะไม่ถึงเวลาที่ได้เจอกันมั้งครับ”

“หมายถึงผมหรือสีน้ำ”

พอโดนแซวแบบนั้นภาคินเลยยกมือยอมแพ้ ขอตัวเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งวาดรูปอยู่ด้านในห้อง พอพ้นหลังภาคินไปแล้วณัฐก็หยิบรูปวาดสถานที่ที่ทั้งสองคนวาดตอนที่เขา work shop ออกมา ที่จริงเขาก็อยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของทั้งคู่รู้สึกเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากเหมือนกัน ถ้าทำเป็นพรีเซนเทชั่นตอนแต่งงานรับรองแขกทั้งงานได้ตกตะลึงแน่ๆ

 

ในที่สุดก็ถึงเชียงใหม่..

คินเปิดประตูห้องทำงานของครูสอนวาดรูป และแน่นอนว่าภาพที่เขาเห็นก็คือ สีน้ำกำลังนั่งวาดรูปอยู่หน้ากระดาน ตามมือตามแขนเลอะไปด้วยคราบสี ลามไปถึงข้างแก้มขาวที่มีสีฟ้าจางๆ ทันทีที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขายืนอยู่หน้าประตูก็ยิ้มให้

“กลับมาแล้วเหรอครับ”

คินเดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นมือไปเช็ดข้างแก้มที่เลอะสีให้ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้ากระดานวาดรูปที่ตั้งอยู่ข้างๆ เพิ่งเห็นว่ามันมีดินสอที่เหลาไว้ให้เสร็จสรรพ เหมือนเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้วคินหยิบดินสอขึ้นมาแล้วค่อยๆ วาดรูปบ้างก่อนที่คินจะเริ่มเล่าบางอย่าง

“วันนั้นคือวันที่ผมโดนนาวาปฏิเสธ ตอนนั้นโคตรว่างเปล่าไม่รู้ว่าจะต้องไปไหนทำอะไร สุดท้ายผมก็เลือกที่จะกลับบ้าน”

“………”

“แต่น่าจะคิดผิด”

“………”

“ผมแค่อยากคุยกับใครสักคนในครอบครัวของผม คนแรกที่นึกถึงคือพี่ชาย วันนั้นผมไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นผมเห็นป้าของผมที่ทำงานธนาคารกับพี่เคมาที่บ้าน

“………”

“ทันทีที่เห็นหน้าผมพี่เคก็ปิดประตูห้องทำงานใส่หน้า ผมเข้าใจว่าพี่เคกำลังจะมารับช่วงต่อจากพ่อคงต้องเรียนรู้งาน เขาก็กำลังเครียด”

“………”

“ผมรออยู่หลายชั่วโมงจนในที่สุด..”

ภาคินที่สภาพร่างกายและจิตใจอ่อนล้าลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าประตูห้องทำงานของพี่ชายที่เขาจ้องมาหลายชั่วโมงเปิดออกมาพร้อมกับคุณป้าที่ดูจะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ ป้าญาณีคือคนที่เอาแต่ว่าเขาไม่หยุดตั้งแต่เขาเลือกที่จะเรียนทางอื่น ที่ไม่ใช่ทางด้านการเงินหรือสายบริหารที่จะนำมาใช้กับธุรกิจของครอบครัวได้ คินเองก็พยายามที่จะไม่ไปต่อล้อต่อเถียงด้วยเพราะพ่อกับแม่ก็เคยขอไว้ และธุรกิจที่อยู่มาจนถึงวันนี้ได้ก็เพราะป้าด้วย

ยอมรับเลยว่าใช้ความอดทนที่สุดในชีวิตแล้ว

 

“ฉันบอกแล้วนะเค ถ้ายังทำไม่ได้ตามที่ฉันหวังไว้..”

คินไม่รู้ว่าป้าญาณีกระซิบอะไรกับพี่เคแต่สีหน้าของพี่ชายมันดูเครียดขึ้นมาทันที เดาได้เลยว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆ คินยกมือไหว้ป้าตามปกติ แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็แค่พยักหน้าแล้วเดินเลยผ่านไปคล้ายไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเท่าไหร่

“พี่เค มีเรื่องอะไรหรือเปล่าป้าญาณีพูดอะไรกับพี่”

“ไม่มีเรื่องอะไร”

“เรื่องงานหรือเปล่า บอกผมได้นะ”

“บอกว่าไม่มีอะไร”

“ทำไมผมถึงยุ่งไม่ได้วะ ให้ผมไปที่ธนาคารเลยไหม”

“อย่า!”

“เฮ้ย ป้าญาณีก็ทำไม่ถูกเจ้ากี้เจ้าการเราสองคนตั้งแต่เด็ก หรือให้ผมเข้าร่วมประชุม..”

“พอสักทีภาคิน! อย่ามายุ่งเรื่องงานของพี่ ไม่ต้องไปที่ธนาคารไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น มันไม่เกี่ยวกับเรา ไม่เกี่ยวเลยสักนิด จะไปไหนก็ไป!”

ทันทีที่เคพูดจบทุกอย่างรอบตัวก็เงียบสนิท ภาคินไม่รู้ว่าเพราะวันนี้เขาอ่อนแอเกินไปหรือเปล่าถึงได้รู้สึกว่า คำพูดของพี่ชายมันทำให้เขาเลือกที่จะเงียบอยู่อย่างนั้น เรื่องราวที่เจอมาวันนี้ทั้งๆ ที่อยากจะเล่าให้พี่ชายคนเดียวฟัง คำปลอบใจ อ้อมกอดหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมันหายวับไปกับตา

“คิน..พี่”

คินไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คินก็แค่ปาดน้ำตาออกแล้วเดินหันหลังไป ตอนนั้นคินแค่เดินไปบ้านข้างๆ ก็คือบ้านทับทิม คุณย่ากาญจนาของไอ้ทิมร้องลั่นเมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้าบ้านด้วยน้ำตานองหน้า ทิมเองถึงกับโยนถุงขนมทิ้งแล้วเข้ามากอดเขาไว้แน่น คงเป็นครั้งแรกละมั้งที่ทุกคนเห็นเขาร้องไห้หนักขนาดนี้เรียกได้ว่าชีวิตมันพังไปหมดไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวและความรัก สุดท้ายแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็มาที่บ้านทิมกันครบ ตลกดีอกหักคนเดียวเพื่อนสนิทกลับกอดกันร้องไห้เป็นชั่วโมง

“พวกมึง กูจะไปเชียงใหม่นะ”

“กลับเมื่อไหร่”

หลังจากนอนคิดมาทั้งคืนในที่สุดคินก็แค่คิดว่าเขาอยากจะไปพักที่ไหนไกลๆ ให้หัวสมองมันโล่งๆ สักหน่อย ทั้งๆ ที่คินเองก็มีแพลนจะเปิดร้านของตัวเองแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่พร้อมอยู่ดี ก่อนหน้านี้เขาเองก็ตะลอนๆ ไปทั่วประเทศและคิดว่าจะพอสักทีเลยจะกลับมาทำธุรกิจแต่สงสัยคงยังไม่ใช่ตอนนี้ หลังจากที่บอกแก๊งลูกเพื่อนแม่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มและอ้อมกอดของทุกคน และทันทีที่เขาตอบคำถามที่รามิลถามค้างไว้

“ยังไม่มีกำหนดกลับ” ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิทก่อนที่ทุกคนจะเข้ามากอดเขาพร้อมกันจนแทบหายใจไม่ออก

“ถ้าสบายใจแล้วรีบกลับมานะ”

จะมีใครดีไปกว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่มีอีกแล้ว

 



“ทำไมเริ่มเรื่องดราม่าขนาดนี้”

ภาคินหันไปมองสีน้ำที่ทำหน้าตาเหมือนลูกหมาถูกทิ้งก็ยิ้มออกมา พร้อมกับบอกว่ามันผ่านไปแล้วเขาไม่ได้เจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอีกแล้ว คินชะโงกหน้าไปดูรูปวาดของสีน้ำมันเป็นเพียงรูปวาดท้องฟ้าเพียงเท่านั้น

“วันแรกที่ผมไปถึงเชียงใหม่ ท้องฟ้าเป็นสีแบบนี้เลย”

“ทำไมน้ำถึงไปเชียงใหม่”

“ก็..”



เสียงร้องที่ดังลั่นสตูดิโอวาดภาพทำให้สีน้ำที่กำลังผสมสีหยุดชะงัก ก่อนที่เพื่อนสนิทอย่างอิฐวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นท่าทางเหมือนเกิดเรื่องร้ายแรงสีน้ำเลยต้องจับตัวเพื่อนให้นั่งลงสงบสติอารมณ์ก่อน

“เกิดอะไรขึ้นวะ”

“มึง น้ำสีน้ำ”

“เออ กูเองค่อยๆ เล่า”

“มึงจำได้ป่ะที่กูลงชื่อโครงการที่จะไปสอนเด็กๆ วาดรูปที่เชียงใหม่”

“โครงการของครูแก้วใช่ป่ะวะ ถ้าจำไม่ผิด”

“เออใช่คือมึงน้ำกูลงชื่อไปแล้ว แต่กูก็สมัครทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้วมันเพิ่งประกาศผลเมือกี้นี้”

“ผลคือ”

“กูได้ ไอ้เหี้ยยยย!”

“เฮ้ย! คอนแกรทว่ะแล้วนี่มึงแหกปากคือเรื่องนี้เหรอวะ กูตกใจหมด”

“เรื่องนี้ด้วยแล้วก็เรื่องโครงการของครูแก้วด้วย กูโทรไปหาครูแก้วแล้วเขาบอกว่าไม่เป็นไรแต่มึงกูเกรงใจครูเขาว่ะ เขาจัดการให้กูทุกอย่างเลยแล้วอยู่ดีๆ กูจะไปบอกว่าไปไม่ได้แล้วคือกูต้องเตรียมตัวเรื่องทุนเยอะมาก”

“เข้าเรื่องเลย”

“มึงไปแทนกูหน่อยสีน้ำ”

“เมื่อไหร่นะ”

“อาทิตย์หน้า”

“ไอ้อิฐ”

“มึง กูพยายามหาคนแล้วแบบไม่มีใครไปได้เลยว่ะ กูโทรหาณัฐแล้วมันบอกว่าให้ถามมึงก่อนมันบอกว่าร้านที่พวกมึงจะเปิดไอ้ณัฐจะอยู่ดูงานให้เองเดือนหนึ่ง แล้วมันค่อยตามมึงไป”

“นี่พวกมึงตกลงกันเสร็จสรรพแล้วสินะ”

“เหลือแค่มึงพยักหน้าสีน้ำ”

“แล้วนี่กูต้องไปที่ไหน”

อิฐยิ้มแฉ่งก่อนจะกางแผนที่ประเทศไทยขนาดย่อ พร้อมกับใบโครงการต่างๆ ของครูแก้ว รูปภาพมากมายพร้อมกับเอาพู่กันวงไว้ตรงสถานที่ให้สีน้ำเห็นชัดๆ

“หมู่บ้านเหมือนฝัน จังหวัดเชียงใหม่”

 

Watercolor

 

“นี่ผมต้องไปกราบเพื่อนคุณที่ชื่ออิฐแล้ว”

“ก็อยากจะกราบมันเหมือนกัน อยากร้อยพวงมาลัยเองด้วยซ้ำ”

“อย่างนี้แสดงว่าน้ำอยู่เชียงใหม่ก่อนผมเหรอ”

“ก็คงใช่ ว่าแต่คินไปอยู่ที่ไหนในเชียงใหม่ ทำไมอยู่ดีๆ ไปโผล่ที่นั่นได้มันไม่ได้ไปกันง่ายๆ เลยนะ”

ภาคินหันมาวาดรูปที่ค้างไว้ต่อพร้อมกับบอกสีน้ำว่า ตอนที่อยู่เชียงใหม่ไปทุกที่ที่อยากจะไปถ่ายรูปบ้างวาดรูปบ้าง วันดีคืนดีก็ไปเรียนชงกาแฟเพิ่งรู้เหมือนกันว่าคาเฟ่ที่เชียงใหม่เยอะขนาดนี้ ตอนนั้นเป็นชีวิตที่สุขสบายดีไม่ต้องคิดอะไรมากตื่นมาเดินไปเรื่อยๆ กินข้าวร้านที่ไม่เคยกิน ชิมอาหารที่ไม่เคยได้ลอง ทำนู่นทำนี่มีอะไรใหม่ๆ ให้ลองทำทุกวัน

และวันนั้น วันที่คินบังเอิญไปเจอตลาดที่ขายพวกดอกไม้ต่างๆ เดินหลงเข้าไปอยู่นาน เลยถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเหนื่อยเลยนั่งพักดื่มกาแฟ เผอิญสายตาก็เหลือบไปเห็นใครสักคนที่กำลังเลือกดอกไม้อยู่หน้าร้าน ท่าทางตั้งอกตั้งใจเลือกดอกไม้ทำให้ภาคินหยิบดินสอขึ้นมาวาดคนที่ไม่รู้จัก พอร่างดินสอไปเรื่อยๆ ก็รอให้คนนั้นเลือกดอกไม้รูปนี้ก็จะเสร็จ แต่อยู่ดีๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

“ภาคินเพื่อนของเบนใช่ไหม ว่างไหมคะตอนนี้พอดีจะให้เข้ามาคุยเรื่องรูปถ่าย”

คินตอบตกลงก่อนจะเก็บของทั้งหมดลงกระเป๋า พอเดินออกมาหน้าร้านคนนั้นที่เลือกดอกไม้อยู่ก็เลือกเสร็จพอดี จังหวะที่เดินสวนกันภาคินก็ยิ้มออกมา ดอกลาเวนเดอร์สีม่วง..เอาไว้เขาค่อยไปวาดต่อแล้วกัน ถึงจะไม่เห็นหน้าคนที่เลือกดอกไม้ชัดๆ ก็ตามเถอะ

ทันทีที่คินมาถึงร้านคาเฟ่ที่เปิดเป็นสตูดิโอถ่ายภาพด้วย เพื่อนของเบนจามินก็ออกมาต้อนรับพร้อมกับบอกว่า ชอบรูปที่เขาถ่ายมากเลยอยากให้มาติดไว้ที่ร้าน คงเห็นจากไอจีเขาถึงได้ติดต่อเบนจามินอีกที พอตกลงกันเสร็จสรรพคินเลยขอตัวเดินไปรอบๆ ร้านก่อนจะหยุดอยู่ที่รูปถ่ายรูปหนึ่ง มันเป็นรูปคล้ายๆ หมู่บ้านที่อยู่บนดอย ทั้งๆ ที่มีรูปถ่ายเป็นร้อยๆ รูปแต่ไม่รู้ว่าทำไมคินถึงติดใจกับสถานที่ในรูปนัก

“ขอโทษนะครับ ผมอยากรู้ว่าที่นี่ในรูปคือที่ไหน”

“อ้อ หมู่บ้านเหมือนฝันค่ะเลยจากนี้ไปก็เยอะเหมือนกัน”

“หมู่บ้านเหมือนฝัน..ผมไปที่นี่ได้ไหมครับ”

“ไปเช้าเย็นกลับไม่น่าได้นะคะ มันค่อนข้างไกลมากทีเดียว จริงๆ มีที่พักข้างบนแต่จะต้องจองก่อนเขารับนักท่องเที่ยวแค่ไม่กี่คนเอง”

“เสียดายจังครับ ถ้าได้เห็นกับตาต้องสวยมากแน่ๆ”

“เดี๋ยวยุ้ยถามแฟนยุ้ยให้นะคะ พอดีเขาต้องไปติดต่อเรื่องส้มที่นั่นบ่อยๆ”

“ขอบคุณมากครับ”

ภาคินนั่งรอเพื่อนของเบนติดต่อกับแฟนอยู่ที่ร้าน รู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากจะไปที่หมู่บ้านเหมือนฝันนี่นัก แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก และในที่สุดคุณยุ้ยก็บอกข่าวดีว่าแฟนของคุณยุ้ยจะพาเขาไปติดต่อผู้ใหญ่บ้านของที่หมู่บ้านให้เรียบร้อยแล้ว ระยะทางที่ไปก็เรียกได้ว่าไกลจากตัวเมืองมากทีเดียว ภาคินหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายไปเรื่อยเปื่อย ถึงจะนั่งรถจนปวดเนื้อปวดตัวไปหมด แต่ทันทีที่คุณลุงคนขับตะโกนว่าถึงแล้วภาคินก็รีบเปิดกระจกแล้วชะโงกหน้าออกไปรับอากาศ อากาศบริสุทธิ์ที่ตีหน้าทำให้ภาคินหลับตาซึบซับบรรยากาศ ก่อนที่คุณทิศแฟนคุณยุ้ยพาเขาไปแนะนำตัวกับผู้ใหญ่บ้านที่ดูมีอายุพอสมควร ตอนแรกก็รัวภาษาถิ่นใส่แต่พอเห็นเขากะพริบตาปริบๆ ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นภาษากลางแทน

“เป็นเพื่อนยุ้ยกับทิศเองใช่ไหม จะดูแลอย่างดีเลยมาเป็นแขกบีไอวี”

“วีไอพีหรือเปล่าครับ”

“นั่นแหละๆ เอ้อหน้าตาหล่อเหลายังกะพระเอกละคร เป็นคนติสท์ๆ เหรอไม่ค่อยมีคนหนุ่มๆ มาที่นี่เท่าไหร่ชื่ออะไรล่ะเรา”

“ภาคินครับ เรียกคินได้เลยครับ”

“แล้วทำงานทำการอะไร”

“ผมเป็นฟรีแลนซ์ครับ”

“มันคืออาชีพอะไร”

“คือผมเป็นช่างภาพครับ ที่ถ่ายรูปให้ออกมาสวยๆ”

“อ้อ ดีๆ ถ่ายหมู่บ้านเหมือนฝันให้สวยๆ นะแต่ห้ามเอาไปทำอะไรที่ไม่ดีล่ะบอกไว้ก่อน แล้วนึกยังไงอยากจะมาที่นี่อกหักเรอะ”

“ก็….ครับทำนองนั้น”

“บ๊ะ! มาเลียแผลใจไกลเชียว เอาน่าๆ เผลอๆ จะได้พบรักใหม่ที่นี่ป่ะไปดูที่พักกัน”

ภาคินได้แต่พยักหน้าขำๆ เมื่อผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามากอดคอเขาปลอบใจ นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันเขาไม่ได้รู้สึกเกร็งอะไรกับการต้อนรับ รู้สึกสบายใจด้วยซ้ำ พอเดินมาถึงที่พักคินเองก็เอ่ยขอบคุณผู้ใหญ่บ้าน คุณลุงอธิบายว่าที่พักที่นี่สร้างไว้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้วเลยสะดวกกว่าที่อื่นน้ำไฟมีพร้อม คินรับคำเมื่อคุณลุงบอกอีกว่าที่พักเขาอยู่ฝั่งขวาอย่าเดินขึ้นบันไดผิดฝั่ง

“ฝั่งซ้ายเป็นที่พักสำหรับครูแก้วและก็คนที่เขามาช่วยสอนเด็กๆ ในหมู่บ้าน”

“ครับ ครูแก้ว?”

“ครูในหมู่บ้าน ปีนี้สนุกสนานกันใหญ่เห็นตัวเลอะสีน้ำกันทุกวี่ทุกวัน เด็กๆ นี่หน้าเป็นหมีเป็นแมว เออ..วาดรูปเป็นไหมเรา”

“วาดได้แต่ไม่ถนัดสีน้ำเลยครับ ขอไม่รบกวนครูแก้วเขาดีกว่า”

“ทำตัวให้มันมีสีสันหน่อยพ่อหนุ่มอย่าอึมครึม ว่างๆ เดินไปดูได้เขาสอนกันอยู่ตรงนู้น”

คินยกมือไหว้ผู้ใหญ่บ้านที่โคตรใจดี ก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อยังมีการบอกวลีเด็ดว่าอกหักดีกว่ารักไม่เป็น! ทำเสียงจริงจังจนเขาต้องกลั้นขำสุดชีวิต ภาคินตั้งใจจะเอาของไปเก็บที่ห้องพักแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นบอร์ดที่ติดอยู่ตรงบันไดทางขึ้น มันดูเป็นบอร์ดที่ใครเอาอะไรมาติดก็ได้ ตามใจฉันสุดๆ ส่วนมากก็เป็นรูปวาดของเด็กๆ ไม่ก็พวกใบประกาศโฆษณาต่างๆ คินยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปก่อนจะเดินขึ้นบันได พร้อมกับหมุดที่ปักรูปวาดท้องฟ้าที่ระบายสีน้ำหลุดออกมาทำให้รูปวาดนั้นปลิวแล้วตกลงบนพื้น

First day ^^

หมู่บ้านเหมือนฝัน

 

“คินหมายถึงเราอยู่คนละฝั่งแบบมีบันไดกั้นแค่นั้น”

“โคตรตลกแต่มันก็ทำให้ผมเชื่อเรื่องนี้เหมือนกันนะ”

“เรื่องอะไร”

“พรหมลิขิต อยู่ดีๆ ผมได้มาอยู่ที่นี่มาเจอคุณ…สีน้ำ”

“เราไม่ได้เจอหน้ากันสักหน่อย”

สีน้ำยื่นหน้ามาดูรูปวาดของคินบนกระดาน มันเป็นรูปคนสะพายกระเป๋าใบโตพร้อมกับยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย น่าจะเป็นตัวเองที่เพิ่งมาถึงหมู่บ้านเหมือนฝันวันแรก ภาคินแกล้งดันหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้กลับไปวาดรูปตามเดิม ก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องที่เชียงใหม่ต่อ

วันที่สองที่อยู่ในหมู่บ้านเหมือนฝัน ภาคินไม่ได้ทำอะไรมากก็แค่เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ชาวบ้านบางคนเห็นกล้องถ่ายรูปก็มีเขินๆ กันบ้างๆ แต่พวกเด็กๆ กลับสู้กล้องวิ่งเข้ามาฉีกยิ้มกันใหญ่ คินเองขออนุญาตทุกครั้งที่จะถ่ายรูปใคร ดีที่เขาพกเครื่องปริ้นท์แบบพกพามาด้วย พอรูปที่เขาถ่ายออกมาเด็กๆ ก็ตื่นเต้นเอาไปอวดคนนู้นคนนี้ พอเห็นว่าแสงแดดเริ่มร้อนกว่าเมื่อเช้าคินเลยเดินกลับเข้าที่พัก เพิ่งเห็นว่าตรงอาหารเข้ายังมีอยู่เลยเดินเข้าไป ตรงบริเวณครัวจะมีแม่ครัวคอยทอดไข่กระทะ ปิ้งขนมปัง  ชงกาแฟให้คนที่เข้ามาพักอยู่แล้ว

“ไม่เคยเห็นหน้ามาใหม่เหรอพ่อหนุ่ม”

“ครับ เพิ่งมาถึงเมื่อวาน”

“มากับครูแก้วเหมือนกันเหรอที่เขามาวาดรูปกัน”

“ไม่ใช่ครับ ผมมาคนเดียว”

“หน้าตาไม่ผ่องใสเลย หนีรักมาล่ะสิมาๆ ป้าปิ้งขนมปังให้เลือกแยมได้เลย เอากาแฟอะไร”

ภาคินหัวเราะเบาๆ พร้อมกับบอกว่ามีแต่คนดูออกว่าเขาอกหักอยู่ เห็นทักกันหลายคนแล้วแม่ครัวพอได้ยินแบบนั้นก็เอื้อมมือมาตบไหล่เขาเบาๆ พร้อมกับปิ้งขนมปังให้เขาสองสามแผ่น ตรงหน้าเขามีถาดใส่แยมสองสามขวด เพราะคิดว่าสายขนาดนี้แล้วคงไม่มีใครกินอาหารเช้าอีกเลยจัดการแยมส้มจนหมดถาด ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับแม่ครัวเพื่อเดินไปดูไร้ส้มที่อยู่ข้างๆ จังหวะที่จะเลี้ยวพอดีกับมีใครสักคนเดินเข้ามา คินเลยเบี่ยงตัวหลบเพราะกลัวว่ากาแฟจะหกใส่

“ขนมปิ้งสองแผ่นครับ ป้า! แยมส้มหมดแล้ว!”

เสียงตกอกตกใจเหมือนเกิดเรื่องร้ายแรงทำให้แม่ครัวรีบเดินออกมาดู พอเห็นสีหน้าจะร้องไห้ของคนตรงหน้าก็หัวเราะอย่างเอ็นดู พร้อมกับบอกว่ามีคนชอบเหมือนกันแล้ว หลังจากทุกคนที่นี่ต่างติดใจแยมเสาวรสกันทั้งนั้น แม่ครัวเอ่ยปลอบใจคนที่บ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับยื่นนมอุ่นๆ ให้

“เดี๋ยวเย็นๆ ป้าทำนมชมพูให้กินนะ น้องสีน้ำ”


หมู่บ้านเหมือนฝันมีพื้นที่เยอะมาก คินเดินมาสองสามวันก็ยังไม่หมด คิดถูกแล้วที่มาที่นี่เขารู้สึกสบายใจทั้งๆ ที่มาอยู่แค่ไม่กี่วันเท่านั้น ทุกคนในหมู่บ้านใจดีชอบให้เขาลองทำนู่นทำนี่ตลอดเวลา ไม่เหงาเลยสักวัน เพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ได้เปิดดูในไลน์ว่า นาวาจะส่งอะไรมาหรือเปล่า ในไอจีอัพรูปอะไรบ้างไหมเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้ว สิ่งสุดท้ายที่เขาได้จากนาวาก็คือรูปโพราลอยด์และด้านหลังเขียนวันที่ไว้ คินก็ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร รู้แค่ว่าวันที่นาวาไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นเขาไม่ได้ไปส่งและนาวาฝากรูปนี้ไว้กับเพื่อนของเขาอีกที คิดอะไรเพลินๆ แรงสะกิดตรงแขนทำให้ภาคินหันมามองพร้อมกับเจอเด็กผู้ชายที่ยิ้มแฉ่งตรงข้างแก้มมีคราบสีน้ำเลอะอยู่

“ครับ? เรียกพี่เหรอ”

“วันนี้ครูแก้วกับพี่ๆ ทำข้าวไข่เจียวแจกทั้งหมู่บ้านเลย เห็นพี่นั่งอยู่คนเดียวเลยเอามาให้”

ภาคินเอนตัวแล้วมองไปยังกลุ่มคนที่มะรุมมะตุ้มกันอยู่แถมอาคารเรียน มีกลิ่นหอมฉุยของข้าวไข่เจียวลอยฟุ้งๆ ไปทั่ว คินเอ่ยขอบคุณเด็กน้อยก่อนจะสังเกตว่าไข่เจียวมันมีสีม่วงๆ แซมอยู่ด้วย คงเพราะเขาขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยเด็กตรงหน้าเลยร้องอ้อซะดังลั่น

“ดอกอัญชัญครับ ไข่เจียวใส่ดอกอัญชัญ”

แปลกดีไม่เคยกิน คินพยักหน้าก่อนเจ้าเด็กน้อยจะฉีกยิ้มอีกครั้ง ตั้งท่าจะวิ่งกลับไปตรงโรงเรียนแต่เหมือนคิดอะไรได้ก็วิ่งกลับมาหาเขาอีกรอบพร้อมกับล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยัดใส่มือเขา

“พี่ดูเงียบๆ เจอเรื่องเศร้ามาเหรอพี่ ผมให้สตรอว์เบอรี่ไร่ลุงพรชัยอร่อยอย่างนี้เลย”

มันเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้จะบอกยังไง ตั้งแต่มาที่นี่มีแต่คนห่วงใยเขาตั้งแต่คุณลุงผู้ใหญ่บ้าน ป้าแม่ครัวหรือแม้แต่เด็กน้อยตรงหน้า ภาคินยิ้มออกมามันเป็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นจากใจจริงๆ มันไม่ได้ฝืนอย่างที่ทำมาตลอด คินยกมือลูบผมเด็กเบาๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งกลับไปที่โรงเรียน ส่วนคนที่เพิ่งได้ข้าวไข่เจียวดอกอัญชัญกับสตรอว์เบอรี่ก็ตักอาหารใส่ปาก ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าข้าวไข่เจียวสีม่วงๆ กับผลไม้ลูกแดงๆ จะทำให้เขารู้สึกดีได้ขนาดนี้  เด็กผู้ชายตัวจ้อยพอวิ่งกลับมาที่โรงเรียนก็พูดเจื้อยแจ้วกับคนที่กำลังทอดไข่เจียวอัญชัญอยู่ หลังจากที่เจ้าตัวขออาสาเอาข้าวไข่เจียวดอกอัญชัญไปให้ผู้ชายที่นั่งหันหลังมองวิวอยู่ตรงเนินเขา

“เขาไม่น่ากลัวนะพี่สีน้ำ หน้าไม่ค่อยยิ้มแต่ยิ้มแล้วหล่องี้เลยเหมือนพระเอกละคร”


ที่นี่มืดเร็วและคนที่นี่ก็นอนเร็วมากด้วย ภาคินเดินกลับเข้าที่พักวันนี้ได้นั่งวาดรูปเป็นชั่วโมงๆ รู้สึกดีเป็นบ้า เขาไม่ได้จับดินสออีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องกับนาวา มันเหมือนเขาค่อยๆ ปลอดล็อคไปทีละอย่าง จังหวะที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดก็เห็นบางอย่างที่ติดอยูตรงบอร์ดทางขึ้นที่พัก ตอนแรกนึกว่าเป็นแค่รูปภาพธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปแต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ มันกลับไม่ใช่

โปสการ์ด?

มันเป็นโปสการ์ดรูปถ่ายทั่วๆ ไป เหมือนที่เขาเห็นในร้านของยุ้ยเพื่อนของเบน แต่ที่คินสนใจไม่ใช่รูปโปสการ์ด มันคือข้อความต่างหากที่เขากำลังจ้องอยู่

วันนี้มันดีมาก วันนี้ของคุณเป็นยังไงบ้าง : )

นอกจากข้อความบนการ์ดแล้วยังมีจุดที่เป็นสีเหลืองอยู่ตรงมุมโปสการ์ดด้วย เหมือนเป็นสีน้ำระบายไว้ คินมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่าเจ้าของโปสการ์ดอยู่แถวนี้หรือเปล่า แต่ดึกขนาดนี้น่าจะไม่อยู่แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้เขายืนมองโปสการ์ดใบนั้นอยู่เป็นนาที ก่อนจะตัดสินใจดึงหมุดออกแล้วเก็บโปสการ์ดใบนั้นไว้ พอลองค้นๆ ของในกระเป๋าก็เจอกับโปสการ์ดที่ซื้อมาจากร้านของยุ้ยเลยหยิบปากกามาเขียนข้อความแล้วปักหมุดไว้บนกระดาน

 

................
........................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 27-02-2021 22:11:04
Watercolor



“ยืนมองอะไรอยู่น้ำ ไม่ไปกินข้าวเหรอไงเดี๋ยวแยมส้มก็หมดอีกหรอก”

“เดี๋ยวตามไป”

มีคนตอบจริงๆ ด้วยว่ะ สีน้ำยืนมองกระดานตรงทางขึ้นห้องพักอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโปสการ์ดที่ติดอยู่ ตัวโปสการ์ดก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ก็เหมือนโปสการ์ดที่ขายในร้านกาแฟ หรือร้านขายของฝากในตัวเมือง แต่ไอ้ข้อความที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันอะไรกันวะ

*อยู่คนเดียวได้บ้างแล้ว กินข้าวไข่เจียวได้นิดหน่อย ดื่มน้ำผลไม้ได้เล็กน้อย ค่อยๆ ดีขึ้นทุกวัน : )

สีน้ำมองซ้ายมองขวาอีกรอบ ในมือก็ถือโปสการ์ดใบแรกที่มีคนตอบกลับมา ความรู้สึกในตอนแรกคืออยากรู้ว่าเป็นใครแต่พอมาคิดดูอีกทีปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้ดีกว่า เหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยก่อนที่เขียนจดหมายหาคนที่ไม่รู้จัก ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนเล่นด้วย สีน้ำเลยเก็บโปสการ์ดใบแรกที่มีคนเขียนกลับมาลงกระเป๋าแล้วเดินเลี้ยวไปตรงห้องครัว วันนี้ดูคนในหมู่บ้านวุ่นวายพอสมควร เห็นคนเดินไปเดินไปถือดอกไม้กันคนละดอก แต่ละคนแต่งตัวสวยป้ายหน้าด้วยแป้งขาวผ่อง จนครูแก้วต้องเฉลยให้ฟัง

“งานประจำปีหมู่บ้าน ดอกไม้ที่ถือกันเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาหลายปี ใครที่เอาดอกไม้ไปวางตรงต้นไม้ตรงนู้น แล้วใครที่เก็บของเราไปจะเป็นเนื้อคู่กัน”

โรแมนติกดีเหมือนกันสีน้ำเห็นผู้หญิงหลายคนถือดอกไม้ต่างชนิดกันไป ก่อนจะเดินไปวางตรงต้นไม้  จริงๆ แล้วตามธรรมเนียมไม่ได้บอกว่าเฉพาะผู้หญิงจะเป็นใครก็ได้ เลยมีผู้ชายบางคนก็ไปวางที่ต้นไม้เช่นกัน พอยืนมองอยู่นานครูแก้วก็เอนตัวมากระซิบว่าลองบ้างซิ ไหนๆ ก็มาที่นี่แล้ว

“เฮ้ย ไม่ดีมั้งครู”

“เอาน่า เผื่อได้แฟนจากที่นี่”

“เอาจริงเหรอ”

“เอาไปอวดอิฐหน่อย อยากชิ่งหนีไปอังกฤษดีนัก”

พอโดนยุเข้าหน่อยสีน้ำก็เดินไปดูดอกไม้ที่ชาวบ้านมาวางไว้ มันมีดอกไม้หลากลายชนิดไม่ว่าจะเป็น กุหลาบ ลิลลี่ เยอร์บีร่า แต่ที่สีน้ำสนใจมากที่สุดคงเป็นดอกลาเวนเดอร์สีม่วง สีน้ำหยิบดอกลาเวนเดอร์ขึ้นมาถือไว้ คุณยายที่เป็นคนเฒ่าคนแก่อวยพรขอให้เขาได้เจอเนื้อคู่เร็วๆ ครูแก้วบอกให้เขาเขียนอะไรบ่งบอกว่าดอกไม้ของเราแตกต่างจากของคนอื่น แต่จะให้เขียนข้อความซึ้งๆ ตอนนี้ก็คิดไม่ออกหรอก ในที่สุดสีน้ำก็วาดรูปจานสีน้ำกับพู่กันแล้วเอาเชือกมาผูกไว้

 

“ถูกใจอันไหนหยิบเลยพ่อหนุ่ม”

ภาคินที่กำลังถ่ายรูปผู้คนในหมู่บ้านเอาดอกไม้มาวางตรงต้นไม้อยู่ก็ส่ายหน้าไปมา เมื่อผู้ใหญ่บ้านที่อธิบายธรรมเนียมเก็บดอกไม้ของที่นี่ให้ฟัง คินได้แต่บอกว่าให้คนในหมู่บ้านจะดีกว่า แต่ผู้ใหญ่บ้านยกมือตบอกตัวเองปึกๆ พร้อมกับบอกว่าอย่าให้คนเก่ามารบกวนจิตใจเรา ต้องเริ่มใหม่! ภาคินนึกขำตั้งแต่มาอยู่นี่เขาได้คำคมจากผู้ใหญ่บ้านหลายครั้งแล้ว พอเห็นความตั้งใจของผู้ใหญ่ก็เลยต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ คินวนไปรอบๆ ตอนแรกก็ว่าจะหยิบๆ ดอกไม้อะไรมาก็ได้สักดอกเพราะเขาไม่ได้เชื่อเรื่องเนื้อคู่อะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็สายตาก็เหลือบไปเห็นดอกลาเวนเดอร์ ภาคินยิ้มแล้วก้มลงหยิบขึ้นมาแต่ไม่ได้สังเกตเห็นป้ายรูปจานสีที่ห้อยไว้ คงเพราะไม่ได้ผูกไว้แน่นมันเลยร่วงหล่นลงพื้น

“ดอกลาเวนเดอร์ เอ้อดีๆ พ่อหนุ่มคนที่เอามาวางต้องน่ารักมากแน่ๆ ขอให้เป็นเนื้อคู่นะ”

คินได้แต่ยิ้มกับคำอวยพรของผู้ใหญ่บ้าน ถ้าเป็นจริงตามธรรมเนียมก็ตลกดีเหมือนกันแก๊งลูกเพื่อนแม่คงต้องมาที่นี่กันทุกเดือน ภาคินเดินกลับไปที่พัก ตอนนี้ในใจเขาอยู่ที่บอร์ดตรงบันไดแล้ว ทั้งๆ บอกตัวเองว่าไม่ได้หวังว่าคนในโปสการ์ดจะคุยกับเขาทุกวันหรอกแต่ก็นะ คนเราก็ต้องอยู่ได้ด้วยความหวัง และมันก็มีจริงๆ โปสการ์ดพร้อมข้อความแปะอยู่ตรงกลางบอร์ด พอมองใกล้ๆ ก็เห็นสีม่วงเป็นวงๆ อยู่ตรงมุมโปสการ์ดเหมือนเดิม

ได้ไปวางดอกไม้ไหมคุณ

คินหัวเราะก่อนจะหยิบโปสการ์ดที่เตรียมไว้ออกมา

เป็นคนไปเก็บดอกไม้

สีน้ำยืนมองโปสการ์ดที่ตอบกลับมาแล้วเก็บลงกระเป๋าเหมือนทุกวัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าจริงๆ แล้วคนที่เขียนในโปสการ์ดก็คือคนในหมู่บ้านนั่นแหละ แต่ก็ไม่อยากจะไปค้นหาอยู่ดีว่าเป็นใคร หมู่บ้านเหมือนฝันมีส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยว และสีน้ำก็เห็นเหมือนกันว่ามีนักท่องเที่ยวเดินไปเดินมาเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ดูจากภาษาที่เขียนตอบกลับมาดูไม่น่าจะเป็นชาวบ้านที่นี่ อีกอย่างที่พักของเขาก็ไม่เห็นมีชาวบ้านขึ้นมาสักคน

“น้องสีน้ำ วันนี้อย่าลืมมาเอานมชมพูนะป้าเตรียมไว้ให้”

สีน้ำเอ่ยขอบคุณคุณป้าแม่ครัวที่ชอบชงเครื่องดื่มสุดโปรดให้เขาอยู่บ่อยๆ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ทำงานหนัก ครูแก้วไม่ได้ให้เขาสอนเด็กๆ วาดรูป แต่ให้ไปปีนหลังคาซ่อมรอยรั่วของโรงเรียน จริงๆ ก็อยากทำตั้งนานแล้วเพราะฝนตกทีไรก็ต้องอพยพไปนั่งตรงเนินทุกที สีน้ำใส่หมวกแก๊ปพร้อมกับเอาผ้าโพกหัวแล้วหยิบเครื่องมือเตรียมตัวซ่อม เห็นไอ้พัดเพื่อนที่มาด้วยกันโบกมืออยู่อีกด้านก็อุ่นใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมเหตุการ์ณซ่อมหลังคา

“พ่อหนุ่ม เสียงดังหน่อยนะวันนี้เขาซ่อมโรงเรียนกัน ฝนตกซู่ซ่าทีไรเปียกไปหมด”

ภาคินที่เดินถ่ายรูปมาเรื่อยๆ พยักหน้ารับที่จริงเขาไม่เคยเข้ามาตรงนี้มาก่อน เพราะเห็นเป็นที่ทำกิจกรรมของชาวบ้านที่นี่ กลัวว่าเขาจะวุ่นวายด้วย คินถามว่ามีอะไรให้เขาช่วยก็บออกได้เพราะเห็นตอนนี้ทุกคนก็ปีนป่ายกันอยู่บนหลังคา ผู้ใหญ่บ้านชี้เลยเข้าไปในโรงเรียนบรรดาชั้นหนังสือเก่าผุพังทำให้หนังสือบางเล่มต้องเอาออกมากองข้างนอก คินเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสัญญาณ ยังดีที่มันยังขึ้นมาให้เห็นอยู่บ้าง คินเลยกดโทรออก

“ว่าไงลูกพี่ ตอนนี้อยู่ส่วนไหนของโลก”

“กวนตีนไม่เปลี่ยนเลยไอ้พอร์ช มีเรื่องให้ช่วยเห็นรูปที่ส่งไปให้ไหม คิดให้หน่อยทำยังไงให้ใส่หนังสือได้หมดในพื้นที่แค่นั้น”

“งานด่วนไหมพี่”

“เดี๋ยวนี้”

“โหลูกพี่คิน”

“ทำได้ถ้ากลับไป กูเลี้ยงเหล้ามึงเลยจ่ายไม่อั้น”

“งานง่ายๆ ว่ะพี่สองนาทีเสร็จรอแบบที่ผมส่งไปได้เลย ขออนุญาตทับทิมให้ผมด้วยนะถ้าจะเลี้ยงเหล้า”

“อ่อนจังวะกินเหล้าก็ต้องขอ”

“รอพี่มีแฟนแล้วจะรู้ซึ้ง”

กวนตีนที่หนึ่งแต่ก็เก่งที่หนึ่งแค่เพียงไม่นาน พอร์ชพชรก็ส่งแบบชั้นหนังสือมาในไลน์ดูจากแบบก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่ คินมองแบบอยู่สองสามนาทีก่อนจะเดินไปถามหาพวกไม้กับชาวบ้าน ตอนแรกทุกคนมองเขาอย่างไม่ค่อยไว้วางใจแต่พอเห็นเขาเลื่อยไม้เป็นรูปเป็นร่างก็ตื่นเต้นกันใหญ่ แค่เพียงไม่นานชั้นหนังสือก็เสร็จเรียบร้อยแถมยังใส่หนังสือได้มากเดิมอีกต่างหาก เพราะนั่งทำอยู่นานเศษไม้ต่างๆ ติดตามตัวไปหมดเลยขอตัวไปอาบน้ำใหม่อีกรอบ และแน่นอนบรรดาเด็กๆ ที่เห็นชั้นหนังสือใหม่ก็ตาลุกวาวรีบวิ่งไปดูใกล้ เหลือแต่สีน้ำกับพัดที่ยืนมองหน้ากันอย่าง งงๆ จนชาวบ้านแถวนั้นบอกว่ามีนักท่องเที่ยวมาทำให้สีน้ำยิ้มออกมา ใครมาทำให้เก่งจังเลยวะ



“พ่อหนุ่มคนหล่อๆ คนนั้นเพิ่งกลับมาไม่ใช่รึจะออกไปไหนอีก”

“ว่าจะไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินหน่อยครับ สีสวยดี”

“อยากดื่มอะไรไหมป้าชงให้ เอานี่ไหม”

ภาคินรีบส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าป้าแม่ครัวหยิบนมชมพูขึ้นมา แอบขำเล็กน้อยเมื่อได้ยินป้าบ่นเบาๆ ว่าคนกรุงไม่ได้ชอบกินน้ำแบบนี้กันเหรอ พอเห็นเขาทำท่ากลัวน้ำสีชมพูนั่นมากคุณป้าแม่ครัวเลยถามว่าอยากกินน้ำอะไร คินนึกอยู่นานก่อนจะเหลือบไปเห็นชาที่วางอยู่ด้านหลัง

 

18.45 น.

ยังไม่หนึ่งทุ่มแต่ท้องฟ้าก็มืดมิดเหมือนสามทุ่ม เหมือนเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่คินต้องเดินไปที่บอร์ดตรงทางเดินขึ้นบันได และก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่ามีโปสการ์ดสีรุ้งปักหมุดไว้ตรงกลางบอร์ด

“วันนี้ทำงานเหนื่อยมากๆ โคตรเหนื่อยต้องได้กินนมชมพู! ให้หายเหนื่อย มีคนแปลกเหมือนเราป่ะอยากรู้ เวลาที่เหนื่อยๆจะต้องไอ้นมชมพูนี่ทุกครั้งเลย คุณล่ะมีเครื่องดื่มที่ชอบไหม? ”


เออ…นมชมพูมันฮิตที่นี่เหรอวะทำไมใครๆ ก็ชอบกิน
คินหยิบโปสการ์ดที่เตรียมไว้ก่อนจะเขียนบางอย่างตอบกลับไป

“ไม่ชอบเครื่องดื่มหวานๆ ทุกชนิด กาแฟใส่นมก็ไม่ชอบ ถ้ารองจากกาแฟดำที่ชอบที่สุดคือชาคาโมมายล์ร้อน แต่ชอบดื่มนมชมพูก็ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่มีอะไรแปลกกว่านี้ไหม?”

 

watercolor

 

เคยกินเฉาก๊วยใส่น้ำอัดลมป่ะคุณ โคตรชอบเลยโดยเฉพาะน้ำเป็บซี่
ถ้าวันไหนเรามีโอกาสได้เจอกันอยากให้คุณลองนะ


เออ..หลังจากที่บอกนมชมพูว่าไม่แปลก เมนูแปลกๆ ก็มาเลยเว้ย เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ภาคินคุยโปสการ์ดกับคนไม่รู้จัก ใครก็ไม่รู้ ชื่ออะไรก็ไม่รู้ หน้าตาเป็นแบบไหน เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง รู้แค่เพียงว่าเขารู้สึกสบายใจมากๆ เวลาที่ได้คุยกันแบบนี้ คินเฝ้ารอโปสการ์ดทุกวัน ตอนนี้รู้สึกว่าอาการอกหักมันค่อยๆ ดีขึ้นเขาไม่ได้นั่งซึม ฟูมฟายหรืออยากจะรู้ว่าตอนนี้นาวาทำอะไรอยู่ที่ไหน หรือจะคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า

ทุกๆ อย่างมันถูกแทนที่ด้วยข้อความบนโปสการ์ด ถ้าแก๊งลูกเพื่อนแม่รู้เรื่องทั้งหมดคงได้หัวเราะเขาตายกันไปข้าง คนที่ไม่เชื่อเรื่องเนื้อคู่ พรหมลิขิต ดันมาตกม้าตายมาตกหลุมรักคนในโปสการ์ด หน้าตาชื่อแซ่อะไรก็ไม่เคยเห็น ส่วนข้อความในโปสการ์ดที่เขาได้มันมีทั้งเรื่องสาระและไร้สาระแต่มันก็ทำให้เขายิ้มได้ทุกครั้ง

แถมในโปสการ์ดยังมีจุดสีต่างๆ ให้เขาสงสัยว่ามันคืออะไร ทำไมถึงมีจุดสีบนโปสการ์ดทุกอัน แต่เขาก็ไม่ได้ถามกลับไปเพราะคิดว่ามันอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าตัว และอีกอย่างโปสการ์ดที่คินได้มานั้นล้วนแต่เป็นสีสดใส เรียกได้ว่าสีรุ้งได้เลย ตรงข้ามกับโปสการ์ดของเขาอย่างสิ้นเชิงเพราะทุกอันมันเป็นลายขาวดำทั้งหมด และข้อความเราที่คุยกันนั้น..

- วันนี้มีดาวตก! คุณอธิษฐานอะไรไหม

- ขอให้หิมะตก ล้อเล่นจริงๆ เวลาอธิษฐานเขาห้ามบอกคนอื่นไม่ใช่เหรอเดี๋ยวมันไม่จริง



-  กินข้าวไข่เจียวดอกอัญชัญทุกวัน จนตัวจะเป็นสีม่วงอยากเอาไปใส่พิซซ่าที่บ้านบ้างอยากรู้ว่ามันจะรสชาติยังไง สีม่วงสวยดี

- ไม่เบื่อข้าวไข่เจียวดอกอัญชัญ กินได้ทุกวันแต่พิซซ่าดอกอัญชัญขอไม่ลองนะ ขอผ่าน

 

 - เมื่อคืนฝันร้ายน่ากลัวมากฝันเห็นผี นอนไม่ค่อยหลับเลยคุณ

 - เมื่อวานเห็นคุณเขียนไว้ว่านอนไม่หลับ จริงๆ มีเพลงแนะนำฟังกี่ครั้งนอนหลับสนิททุกครั้ง หลับเถอะนะแก้วตาจงนอนหลับใหล จะอยู่ตรงนี้ไม่จากไปไหน..ถ้าได้เจอกันจะร้องให้ฟังนะคุณ จะร้องเพลงกล่อมให้คุณนอนฝันดี

 

 - ขอถามได้ไหมทำไมถึงมาเชียงใหม่เหรอ แล้วมาที่นี่ที่ไกลมากๆ ขอเดานะข้อแรกมาเที่ยวเฉยๆ อยากสัมผัสธรรมชาติ ส่วนข้อสองมาที่นี่เพราะอกหัก ต้องหนีมาไกลๆ เพื่อให้ธรรมชาติบำบัด ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร

 - ที่คุณถามว่ามาเชียงใหม่ทำไม เพราะส่วนมากก็มาเที่ยว ไม่ก็หนีความจริงอะไรสักอย่างเพื่อมาพักรักษาจิตใจ ใช้ธรรมชาติบำบัด เก่งเหมือนกันนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะมาเที่ยวบ้างเหรอไงแต่ก็นะ คนเรามันหนีความจริงกันไม่พ้นทั้งนั้น ขอตอบข้อสอง..ตอนอ่านโปสการ์ดใบนี้ห้ามหัวเราะนะ ที่มาที่เชียงใหม่ก็เพราะว่า อกหัก เจ็บเหมือนจะตายเลย..

 

  - โอ๋เอ๋นะ เดี๋ยวสักวันคุณก็จะดีขึ้นความรักที่ผ่านมาก็จะเป็นแค่ความทรงจำ เดี๋ยวคุณก็จะเจอความรักครั้งใหม่ที่ทำให้คุณมีความสุข ขอให้คุณเจอเร็วๆ นะเศร้านานๆ มันไม่ดีชีวิตต้องสดใสนะคุณ

 - บางทีตอนนี้ก็อาจเจอความรักครั้งใหม่อย่างที่คุณบอกขอบคุณนะ

 

-ตอนนี้มีความสุขอยู่หรือเปล่า

-ตอนนี้โคตรมีความสุข : )



 - คุณเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตไหม? มันจะมีจริงหรือเปล่า? เดาเลยผู้ชายติสท์ๆ  แบบคุณไม่เชื่ออะไรแบบนี้แน่ๆ  เอางี้..ถ้าเราสองคนเจอกันแบบไม่คาดจะถือว่ามันคือพรหมลิขิตก็แล้วกัน

- ทำไมถึงคิดว่าเป็นผู้ชาย? ไม่บอกหรอกนะและก็ไม่ได้เชื่อเรื่องนี้ด้วย ออกแนวเพ้อเจ้อ แต่ถ้าเราได้เจอกันในแบบไม่คาดคิด จะคิดว่าเป็นพรหมลิขิตก็ได้ แต่ขอแบบไม่คาดคิดจริงๆ

 

- ไม่ชอบของหวาน ไม่ดื่มเครื่องดื่มหวานๆ พูดจาห้วนมาก แข็งทื่อเป็นหินเดาไว้ก่อนว่าเป็นผู้ชาย เราจะรอเจอกันแบบไม่คาดคิดเหรอ ไม่อยากรู้จักกันก่อนเหรอ กลัวคุณหายไปเหมือนกันนะยิ่งดูติสท์ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณไปโผล่ที่ใต้จะทำไง คุณ..เรามาเจอกันไหม มีโปสการ์ดที่อยากให้คุณด้วยตัวเอง

- ไม่อยากหนีไปไหนแล้วตอนนี้ เหมือนเจอที่พักพิงเวลาที่เหนื่อย อยากรู้จักคุณนะอยากเจอคุณด้วย พรุ่งนี้จะรอโปสการ์ดของคุณ มีโปสการ์ดที่อยากให้คุณด้วยตัวเองเหมือนกัน



คุยกับคนแปลกหน้าในโปสการ์ดมาเดือนหนึ่งเต็มๆ โปสการ์ดสามสิบกว่าใบที่ได้มาไม่มีใครรู้เรื่องนี้สักคน ทุกวันนี้ตื่นเช้าแล้วรีบวิ่งไปที่บอร์ดตรงบันไดไอ้พัดก็มองแปลกๆ แล้วดีที่มันไม่ได้สังเกตเห็น สีน้ำเอาพู่กันจุ่มลงน้ำเมื่อวาดรูปลงบนโปสการ์ดเสร็จเรียบร้อย เขาคิดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายน่าจะกลับมาตอนเย็นๆ พอเงยหน้ามองนาฬิกาก็คิดว่าเหลืออีกตั้งนานเลยตั้งใจจะไปหาครูแก้วก่อน แต่อยู่ดีๆ พัดก็พรวดพราดเปิดประตูเข้ามาหน้าตาตื่น

“น้ำ ณัฐโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน!”



ภาคินหยุดอยู่ที่หน้าที่พักก่อนจะหลับตาเรียกกำลังใจ ในมือมีโปสการ์ดหนึ่งใบที่เตรียมเอาไว้เขาหวังไว้ว่าทันทีที่เขาเปิดประตู จะเห็นใครสักคนยืนถือโปสการ์ดรออยู่เช่นกัน คินนับหนึ่งถึงสามก่อนจะเปิดประตูแต่ก็ต้องยืนค้างกันอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าตรงหน้าบอร์ดว่างเปล่า ไม่มีใครยืนอยู่สักคนหรือว่ามาเร็วไป? คินเลยยืนรออยู่สักพักแต่ก็ยังไม่เห็นมีใครเดินลงมาหรือเดินเข้ามาจากหน้าประตูเลย คินถอนหายใจเมื่อคุณโปสการ์ดน่าจะไม่มาแล้วเลยตัดสินใจเดินขึ้นไปบันไดไปพร้อมกับประตูที่เปิดออก คินเลยหันไปมองแต่เห็นมีแค่ผู้ใหญ่บ้านที่เหมือนจะเพิ่งจะกลับมาจากในตัวเมือง

“ผู้ใหญ่ดื่มน้ำดื่มท่าซะก่อน เป็นไงบ้าง”

“ไปส่งคนของครูแก้วกลับกรุงเทพ เขาบอกว่าแม่ป่วยเข้าโรงพยาบาลด่วนต้องรีบกลับไปดู”

“อ้าว แล้วจะมีคนมาแทนอีกไหม ยังอยู่ไม่ครบสามเดือนเลย”

“มีๆ อีกสองสามวันญาติเขาจะมาแทนสลับกันๆ เดี๋ยวต้องลงไปรับในตัวเมือง”



สีน้ำนั่งรอไฟล์ทบินพร้อมกับนั่งมองโปสการ์ดในมือไปด้วย ในที่สุดก็ไม่ได้เจอคนในโปสการ์ด ตั้งแต่ณัฐโทรมาบอกเรื่องแม่ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหันสีน้ำก็รีบเก็บของลงกระเป๋า กวาดทุกอย่างมาหมดเพิ่งมารู้ตัวว่านัดใครไว้ก็สายไปแล้ว จะเขียนโปสการ์ดทิ้งไว้ก็ไม่ทันแล้วเช่นกัน และก็รู้ว่าคงไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านเหมือนฝันอีกเพราะเขาเองก็ทิ้งให้ณัฐดูแลร้านที่จะเปิดคนเดียวนานแล้ว คราวนี้คงต้องเป็นเขาที่ต้องจัดการทุกอย่างบ้างช่างเองก็เร่งอยู่ทุกวัน

“หวังว่าเราจะได้เจอกันในแบบที่ไม่คาดคิดนะ สักวันหนึ่ง”


คุณโปสการ์ดหายไป..

สามวันแล้วที่คินไม่เห็นโปสการ์ดติดอยู่ที่บอร์ด ทุกคนที่นี่คิดว่าเขายังไม่หายจากอาการอกหักเพราะเห็นกลับมาซึมอีกรอบ โปสการ์ดใบสุดท้ายเขาเองก็ยังไม่ได้ให้ แถมยังไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเจ้าของโปสการ์ดสีรุ้ง ไม่รู้ด้วยว่าจะต้องไปหาที่ไหน คินเงยหน้ามองปฏิทินที่ติดไว้ตรงผนัง เขาอยู่ที่นี่เกินวันเวลาที่ตั้งใจไว้ และมันถึงเวลาที่เขาต้องเดินทางไปจากที่นี่แล้ว คินสะพายกระเป๋าพร้อมกับเก็บโปสการ์ดลงกระเป๋า พอเดินมาหน้าหมู่บ้านผู้ใหญ่บ้านก็ยืนรออยู่แล้ว

“เป็นไง พ่อหนุ่มอกหัก”

“ดีขึ้นแล้วลุงเป็นเพราะที่นี่เลย ผมขอบคุณลุงมากนะแล้วผมรบกวนหรือเปล่าครับที่จะต้องลงไปส่งที่ตัวเมือง”

“ไม่รบกวนๆ ลุงต้องไปรับคนของครูแก้วคนใหม่อยู่แล้ว เออๆ ว่างๆ อกหักอีกก็มาพักที่นี่ได้ ยินดีต้อนรับ”

“งั้นผมคงอยู่สักสิบปี”

“โว๊ะ คนอะไรอกหักทั้งปีทั้งชาติหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี่เหร่”

ภาคินหัวเราะก่อนจะยกมือไหว้ป้าแม่ครัวที่เดินออกมาส่งด้วย ตลอดทางคินได้แต่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เขาไม่เคยคาดคิดเลยนะว่าคนอย่างภาคิน จะอกหักจนต้องหนีมาพักใจแล้วก็ตกหลุมรักแล้วก็อกหักวนเวียนอยู่อย่างนี้ภายในเวลาไม่กี่เดือน เอาเถอะตั้งแต่วันนี้เขาคงต้องปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ตอนนนี้คนในโปสการ์ดอาจจะกลับกรุงเทพเดินดูดนมชมพูอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ใครจะไปรู้ ไม่แน่เราอาจจะได้เจอกันในแบบที่ไม่คาดคิดอย่างที่เคยเขียนไว้ในโปสการ์ด

“ถึงแล้วพ่อหนุ่มเมืองกรุง แล้วนี่ยังไงจะกลับกรุงเทพเลยเหรอ”

“ยังหรอกครับ ว่าจะเที่ยวต่อสักเดือนแล้วค่อยกลับไปทำงานหาเงิน”

“เออๆ โชคดีๆ ยินดีที่ได้พบนะถ่ายรูปสวยลุงชอบ”

คินยกมือไหว้ผู้ใหญ่บ้านก่อนจะกลั้นขำอีกครั้งเมื่อผู้ใหญ่บ้านยกมือตบอกตัวเองปักๆ พร้อมกับบอกคำคมให้ฟังว่า ต้องรักตัวเองให้มากๆ คนหล่อๆ อย่างเราเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาจีบเป็นร้อย คินพยักหน้ารับก่อนจะสะพายกระเป๋าแล้วเดินไปอีกทาง พอหันกลับไปก็เจอผู้ชายตัวสูงที่ใส่หมวกแก๊ป แต่เห็นแค่ด้านหลังเท่านั้น

“ชื่อณัฐใช่ไหมที่มาแทนอาสีน้ำ มาๆ ขึ้นรถเลย”


 


หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 27-02-2021 22:15:34
Watercolor

ทุกอย่างเงียบสนิทเมื่อเรื่องเล่าจากเชียงใหม่จบแล้ว ทั้งสองคนนั่งนิ่งอยู่หน้ากระดานวาดรูป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนสีน้ำไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง คนที่เขาเฝ้ารอมาตลอดคือคนที่เขาเจอหน้ากันอยู่ทุกวัน ทั้งๆ ที่พอจะเดาได้บ้างแล้วแต่พอได้มาฟังด้วยตัวเองแบบนี้ เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกแบบไหน ภาคินเอื้อมมือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้ลุกขึ้นมาหาพร้อมกับรั้งให้นั่งลงบนตัก สีน้ำยกมือสัมผัสบนใบหน้าของคินเบาๆ สายตาของทั้งสองคนยังไม่ละจากกันสักวินาทีเหมือนอยากจะมองหน้ากันให้ชัดๆ

“ขอโทษครับที่วันนั้นไม่ได้ไปตามนัด”

“มันอาจจะถูกกำหนดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ให้เราเจอกันในแบบที่ไม่คาดคิดไง”

“แบบสีน้ำสาดใส่เหรอครับ”

“ไม่คาดคิดมาก่อนจริงๆ”

ภาคินแนบหน้าผากกับคนที่นั่งอยู่บนตัก เขาเคยคิดว่าเรื่องพรหมลิขิต เนื้อคู่เป็นเรื่องเพ้อเจอไร้สาระ แต่พอเกิดขึ้นกับตัวเองเขาก็รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก  ภาคินหลงรักคนๆ หนึ่งจากตัวอักษรจนวันนี้เจ้าของตัวอักษรได้มาอยู่ตรงหน้าและเขาก็ได้กอดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นคนในโปสการ์ดหรือครูสีน้ำก็คือคนๆ เดียวกันที่ทำให้เขาตกหลุมรัก คินแนบจูบลงบนหน้าผากขาวแล้วค้างเอาไว้ เขาอยากกอดอยากหอมให้คุ้มค่ากับการรอคอยครั้งนี้

“คินชอบผมตั้งแต่ตอนไหน”

“ไม่รู้ตัวเลย รู้แค่ว่าผมเฝ้ารอโปสการ์ดทุกวันข้อความในโปสการ์ดมันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ แค่ได่อ่านผมก็ยิ้มได้แล้ว”

“ผมเหมือนที่คินคิดไว้ไหม”

“คิดว่าจะต้องเป็นคนที่สดใสมาก ทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้อ่านข้อความ จุดสีบนโปสการ์ดของน้ำคือสีตามอารมณ์ใช่ไหม และผมจำได้ว่าสีเหลืองของน้ำคือความสุข และผมเห็นสีเหลืองแทบทุกอันเลย”

“แล้วคินรู้ได้ไงว่าผมเป็นคนเดียวกันกับคนที่เขียนโปสการ์ด”

“ถ้าผมบอกว่า ตั้งแต่คำว่าเชียงใหม่จากน้ำจะเชื่อไหม มันเหมือนคำที่ติดค้างอยู่ในใจแล้วทุกอย่างที่น้ำทำ ความบังเอิญหลายอย่างมันทำให้ผมมั่นใจแต่เห็นน้ำไม่ยอมบอกผมก็เลยไม่พูด แล้วน้ำล่ะครับ”

“เซ้นส์มั้ง ไม่รู้เลยผมแค่รู้สึกว่ามันต้องใช่แน่ๆ ลุ้นอยู่ตั้งนานว่าใครจะเป็นฝ่ายบอกก่อน แต่คนฉลาดอย่างภาคินต้องไม่พูดก่อนแน่ๆ แต่ขอบอกอีกอย่างหล่อกว่าที่คิดนะเรา”

“ถามจริง หล่อขนาดนี้ไม่เคยเห็นผมที่หมู่บ้านเลยเหรอครับ”

“ไม่เคยเลย นั่นสิทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้แปลกมากจริงๆ ไปอยู่ที่ไหนมา”

“สงสัยอยากให้ผมเลอะสีน้ำมั้ง ด่าไว้เยอะ”

“สมน้ำหน้า อยาเกลียดสีน้ำดีนัก”

“ตอนนี้เลยไปไหนไม่รอดเลยเหมือนที่น้ำเคยบอก สักวันผมจะตกหลุมรักสีน้ำ”

เพราะคำพูดที่ไม่ได้ตั้งตัวทำให้สีน้ำชะงักไปพร้อมกับเงียบลง แก้มขาวๆ ตรงหน้าเริ่มแดงขึ้นมาเองจนคินหัวเราะแล้วกระชับกอดไว้แน่น สีน้ำเองก็กอดไหล่คินไว้เช่นกัน ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองคนก้มลงมองโปสการ์ดที่ถืออยู่ในมือ และคิดว่ามันควรจะถึงเวลาของมันสักที

ไม่รู้ว่ามันเป็นเสียงหัวใจของใคร แต่มันดังจนทั้งสีน้ำต้องยกมือขึ้นมาจับไว้ โปสการ์ดทั้งสองใบยื่นให้กันและกันสีน้ำยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่ามันเป็นโปสการ์ดที่คินวาดด้วยลายเส้นดินสอด้วยตัวเอง มันเป็นรูปพระอาทิตย์ตกดินแล้วสีน้ำก็รู้ว่ามันคือรูปพระอาทิตย์ตกดินที่หมู่บ้านเหมือนฝัน สีน้ำพลิกโปสการ์ดแล้วอ่านข้อความ



- เพราะผมจะได้โปสการ์ดของคุณตอนเย็น ตอนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วตลอด ผมเลยวาดรูปนี้ด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นเวลาที่ผมเฝ้ารอโปสการ์ดจากคุณ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับผมชื่อคิน ภาคิน พิชญเดชา



โปสการ์ดในมือของคินคือรูปภาพพระอาทิตย์กำลังขึ้น มันถูกระบายด้วยสีน้ำสดใสและยังมีสีเหลืองที่หมายถึงความสุขแต้มไว้ตรงมุมเหมือนทุกอันที่คินเคยได้  และเมื่อพลิกโปสการ์ดข้อความที่ปรากฏให้เห็นทำให้คินต้องยิ้มออกมา หยดน้ำตาของสีน้ำหยดลงบนมือของคิน คินเลยต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขารู้ว่าสีน้ำเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากเขา มันเป็นเรื่องเรื่องเหลือเชื่อที่สุดในชีวิตของเราสองคนแล้ว



- ผมตื่นตอนเช้าตอนพระอาทิตย์ขึ้นทุกครั้งเพื่อรีบไปหยิบโปสการ์ดของคุณที่จะตอบกลับมา ผมระบายสีน้ำเองเลยนะและนั่นแหละคือชื่อของผม…



อ้อมกอด

หยดน้ำตา

จูบที่เต็มไปด้วยความรัก

และข้อความสุดท้ายบนโปสการ์ด



ยินดีที่ได้รู้จักครับผมชื่อสีน้ำ ธารธารา ศิริกวิน

 

 

 

** ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิต ฉันไม่เชื่อว่ารู้ว่ารักมีจริงไหม

จนวันที่เธอมาเปลี่ยนมันไป เปลี่ยนฝันให้กลายเป็นเรื่องจริง

แล้วเธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า ที่เราพบกันนั้นบังเอิญจริงไหม

ไม่มีใครรู้ใครเข้าใจ แค่มีเธอจับมือฉันไว้ก็พอ








To be con
*แปลงเนื้อเพลงมาจาก แอบดี ศิลปิน แสตมป์ อภิวัฒน์

** Music: เธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า Boy Sompob

 

Ps. ยาวมากค่ะแต่ตัดจบไม่ได้จริงๆ ใช้เวลาพิมพ์ตอนนี้หนึ่งเดือนกว่าขุ่นพระขุ่นเจ้า
อีกสองตอนพี่คินจะจบแล้ว และก็จะเป็นตอนอวสานของแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วนะคะ ^^
อยู่ด้วยกันมานานมากจริงๆ ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด

อาจจะมาช้าแต่สัญญาว่าจบแน่นอนค่ะทุกคน
ขอบคุณนะคะที่ยังรอกันเสมอ ^^

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่

 แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-02-2021 22:24:49
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-02-2021 22:28:45
หวาน...นนนนนน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-02-2021 00:05:32
เป็นการเฉลยที่แบบโรแมนติกจัง ฮือออออ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-02-2021 01:10:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 28-02-2021 02:24:20
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-03-2021 21:19:05
พรหมลิขิต  :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 04-03-2021 03:36:27
เป็นตอนที่ดี ดีมากกกก ละมุมอบอุ่นหัวใจที่สุด :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 04-03-2021 11:29:14
จะจบแล้ว วูบบบเลย คิดถึงทุกตัวละครเลยอะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-03-2021 23:01:42
ชอบมาก
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-03-2021 23:29:10
รออออ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: littleplatong ที่ 13-03-2021 22:25:25
โรแมนติกจัง ล้ำลึกมาก อ่านแล้วรู้สึกอิ่ม รอเก็บเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 16-03-2021 15:06:01
ละมุนมากจ้าาาาาา ชอบบบบบอ่ะ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-03-2021 20:34:12
สองหนุ่มส่งความรู้สึกดี ๆ ให้กันผ่านโปสการ์ด โรแมนติกสุด ๆ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.16 - Rainbow [ 27/02/2021] Page.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-04-2021 17:16:26
 :z13:รอนะคับ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 11-04-2021 15:58:27
WATERCOLOR
#ที่พักพิงสีน้ำ

คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร ?
ภาคิน พิชญเดชา

CH.17 – Light gray




“ผมตื่นเช้าตีห้ากว่าๆ เด็กๆ ชอบเล่นมากกว่าครับ พอให้เรียนอะไรยากๆ อย่างพวกคิดเลขก็จะเอาแต่บ่นว่าเหนื่อย พอมาถึงคลาสวาดรูประบายสีน้ำจะตื่นเต้นกันมากๆ”

“น้ำอยู่ที่โรงเรียนทุกวัน ผมก็อยู่ในหมู่บ้านทุกวันเป็นไปได้ยังไงที่เราไม่เคยเจอกันเลย”

“ก็ตอนนั้นคินอกหักไง อาจจะยังไม่มีเวลามามองเห็นคนหน้าตาดี”

“อ้อเหรอ”

พอเห็นเขาตอบน้ำเสียงกวนตีนขึ้นมาหน่อยก็โดนฟาดใส่ โดนเขากอดขนาดนี้แน่นก็ดิ้นขลุกขลัก ภาคินได้แต่กลั้นหัวเราะใจจริงสีน้ำคงอยากจะลุกขึ้นมาเตะเขาอยู่เหมือนกันแต่ก็คงจะกลัวผ้าผ่อนหลุด เพราะตอนนี้ทั้งตัวมีแค่เสื้อนอนเขาตัวเดียวส่วนกางเกงชุดเดียวกันเขาก็ใส่อยู่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราทั้งคู่ เรื่องของเราสองคนมันเกินคาดคิด เกินกว่าที่คาดฝันไว้เยอะมาก สีน้ำร้องไห้ไม่หยุดหลังจากที่ได้ฟังเรื่องโปสการ์ดที่เชียงใหม่ จนเขาเองก็น้ำตาคลอไปด้วย เรานั่งกอดกันมีจูบปลอบกันบ้าง และทุกอย่างก็เริ่มขึ้นเมื่อเขาเองไม่อยากจะปล่อยให้สีน้ำหายไปไหนอีกแล้ว และแน่นอนว่าเขาโดนฟาดรัวๆ ตอนที่กระซิบบอกบางอย่างกับคนที่นั่งอยู่บนตัก

“ไปห้องผมได้ไหมเกรงใจคุณณัฐแล้วก็….ทุกอย่างที่ต้องใช้อยู่ที่นั่น”



มันเป็นเซ็กส์ที่โคตรดี โคตรมีความสุข ภาคินไม่ได้รีบร้อนไม่ได้เอาแต่ใจฝ่ายเดียว เขาคอยดูและคอยฟังเวลาที่สีน้ำร้องขออะไร ต้องการแบบไหน มีบ้างที่อารมณ์ของเราสองคนพุ่งขึ้นสูงจนต้องบีบมือกันไว้แน่น จากนั้นก็หัวเราะ ยิ้มให้กัน แต่ก็แค่ไม่นานเพราะคินเลือกที่จะจูบมากกว่า สีน้ำเองก็ไม่ได้ละสายตาไปจากคินเลยสักวินาทีจนคินต้องคอยบอกว่ามองกันแบบนี้ก็รู้สึกเขินเหมือนกัน มันไม่ใช่เซ็กส์ครั้งแรกของเราทั้งคู่มันก็เลยไม่ได้เคอะเขินเท่าไหร่ อย่างน้อยก็รู้ว่าต้องทำแบบไหน

แต่สิ่งที่ทำให้สีน้ำรู้สึกประทับใจคือ ภาคินเอาใจใส่ทุกการกระทำไม่ว่าจะเป็นการแต้มจูบ การกอด การสอดใส่ หรือแม้แต่การขยับตัว บางทีก็อ่อนโยนจนสีน้ำต้องยกมือขึ้นมาไล้ไปตามแก้มของคินพร้อมกับบอกว่า ทำตามใจแบบที่อยากจะทำได้เลย นั่นแหละหลังจากนั้นสีน้ำเลยต้องกอดคินไว้แน่นเพราะเจ้าตัวทำตามใจจริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คินโคตรเก่ง…แต่สีน้ำก็จะไม่บอกให้รู้หรอกนะเดี๋ยวจะได้ใจไป จังหวะสุดท้ายแต่รอบที่เท่าไหร่สีน้ำก็จำไม่ได้แต่อารมณ์มันตีขึ้นมาจนสีน้ำต้องหลับตาแน่นเมื่อคินเร่งจังหวะไม่หยุดแต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงกระซิบ

“ได้เจอกันสักทีสีน้ำ”

สีน้ำยิ้มออกมาพร้อมกับกระชับมือที่ประสานกันไว้แน่น ที่จริงสีน้ำเองก็ได้ยินคำนี้ที่คินบอกมาตลอดทั้งคืนแต่ถ้าคินอยากได้ยินเขาก็จะพูดให้ฟังอีกก็ได้

“ครับ เราได้เจอกันแล้ว…คิน”

ทันทีที่ได้ยินภาคินก็ครางต่ำพร้อมกับสีน้ำที่หลับตาเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ภาคินทิ้งน้ำหนักตัวพร้อมกับนอนซบลงบนตัวสีน้ำ ท่าทางเหนื่อยอ่อนทำให้สีน้ำอยากจะตีให้ตาย เพราะคนที่ควรจะเหนื่อยมันเป็นเขาซะมากกว่าพอเขาบอกแบบนั้นคินก็บอกว่านี่เรียกว่าพักเดี๋ยวก็ต้องต่ออีก ถึงสีน้ำจะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดเล่นแต่ก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ พอเขาบอกให้ทำตามใจก็เอาแต่ใจไม่หยุด นอนเล่นกันอยู่สักพักคินก็ลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มสีน้ำเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ขืนนอนด้วยกันนานกว่านี้คงได้มีต่อจริงๆ ตอนแรกตั้งใจจะเข้านอนพร้อมกันแต่พอคินแต่งตัวเสร็จหันมาอีกทีสีน้ำก็หลับสนิทไปซะแล้ว

คินติดโปสการ์ดใบสุดท้ายที่เพิ่งได้มาวันนี้ลงบนบอร์ดตรงโต๊ะทำงานก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง เสื้อนอนสีเทาตัวใหญ่มีปักชื่อตรงอกว่า Kin ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ทำให้คือบรรดาแม่ๆ ของแก๊งลูกเพื่อนแม่ ไม่ใช่พวกเขาหรอกแก่ป่านนี้จะมาปักชื่อบนเสื้อทำไมกัน ปกติคินไม่ค่อยได้ใส่ชุดนอนตัวนี้เท่าไหร่ นานๆ ทีถึงจะหยิบออกมาใส่สักครั้งแต่เขาก็เห็น รามิล เบน แล้วก็ไอ้ทิม เอาเสื้อตัวนี้ให้บรรดาแฟนๆ ใส่กัน

ตอนนั้นเขายังคิดอยู่เลยว่าติงต๊องว่ะแต่ก็นะ วันนี้มาเป็นเองซะได้พอเห็นสีน้ำใส่ก็ยอมรับว่ามันน่ารักดีอยากจะฟัดให้จมเตียง เออ..พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองก็คลั่งรักเหมือนกันนะ และก็เหมือนที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ติดแฟนขนาดไหน แค่ตอนนี้คินก็ไม่อยากให้สีน้ำหายไปจากสายตาแล้ว ทันทีที่เขาสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มคนที่นอนหลับอยู่ก็ขยับตัวตื่นจนคินต้องคว้าตัวมากอดไว้พร้อมกับจูบหน้าผากเบาๆ

“ฝันดีครับ”



พอคิดถึงเรืองเมื่อคืนคินก็ยิ้มออกมาทุกอย่างมันเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่ฝัน และตอนนี้มันเป็นเช้าวันอาทิตย์ที่คินคิดว่าปกติคนทั่วไปจะตื่นสายเท่าไหร่ก็ได้ แต่เพราะส่วนมากแก๊งลูกเพื่อนแม่ชอบมีกิจกรรมที่ทำวันอาทิตย์ เขาเลยต้องตื่นเช้าตามสัญชาติญาณไปแล้ว ก็คิดว่าเช้ามากแล้วนะแต่ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมา ก็เจอสีน้ำที่นอนตะแคงจ้องเขาตาแป๋ว และเอาแต่นอนมองเขาไม่พูดไม่จาจนคินต้องสอดมือให้อีกคนขึ้นมานอนซบบนอกแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรสักที จนคินต้องเอ่ยถามถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

“ก็ไม่นะ อาจจะมีเมื่อยตัวนิดหน่อย”

“น้ำบอกผมได้ ถ้าไม่โอเคตรงไหนถ้าเจ็บมากน้ำต้องบอกให้ผมรู้”

“จ้าพ่อคุณ ผมรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าชายเลยนะคินดูแลดีมาก”

“เฮ้ย คนแคระเปล่า”

“หวานได้ไม่ถึงห้านาที”

หลังจากนั้นเราก็นอนคุยเรื่อยเปื่อยส่วนมากก็เป็นเรื่องที่เชียงใหม่ หลากหลายเรื่องราวทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วเราสองคนไม่ได้อยู่ไกลกันเลย แต่ทำไมเราถึงไม่เคยได้เจอกันก็ไม่รู้ยังกับมีกำแพงมากั้น เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ทำให้คินหยิบขึ้นมาดูมันเป็นข้อความจากเบนที่บอกว่านัดวันนี้คือสนามยิงปืน ทันทีเขาอ่านข้อความในไลน์จบก็หันมามองคนที่นอนซบอกเขาอยู่พอจ้องนานเข้า สีน้ำก็ถามว่ามีอะไร

“ที่จริงวันนี้เป็นวันกิจกรรมของแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“ผมรู้ คินเคยบอกแล้ว”

“น้ำอยากอยู่กับผมไหม”

“หมายถึง คินจะอยู่กับผมวันนี้? แล้วไม่ไปหาแก๊งลูกเพื่อนแม่เหรอครับ”

“………………..”

พอเห็นอีกฝ่ายเงียบสีน้ำก็ยิ้มให้แล้วลุกขึ้นมานั่งมองหน้าคนที่กระเถิบตัวมานั่งพิงหัวเตียง หน้าตาเคร่งเครียดเหมือนคำถามที่เขาถามเป็นคำถามที่ยากมาก เขารู้ว่าคินก็ติดเพื่อนและแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็สำคัญสำหรับคินมาก ถ้าเป็นคนอื่นสีน้ำก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจตรงนี้มากแค่ไหน แต่สำหรับสีน้ำที่รู้จักทั้งคินและแก๊งลูกเพื่อนแม่มานานในระดับหนึ่งเขารู้ว่าความสัมพันธ์ของแก๊งนี้มันยิ่งกว่าเพื่อนรักซะอีก

“ผมโอเคถ้าคินจะต้องไปหาแก๊งลูกเพื่อนแม่ ผมไม่ได้หายไปไหนซะหน่อยร้านเราก็อยู่ข้างๆ กัน คินกลับมาก็เจอผมแล้ว ถ้าเราคบกันอาจจะต้องมีปรับกันบ้าง แต่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรที่ทำให้คินไม่สบายใจหรือไม่มีความสุข”

“…………………….”

“คินมีแก๊งลูกเพื่อนแม่ มีอะไรที่อยากทำโดยที่ไม่มีผม ออกไปถ่ายรูปดื่มกาแฟคินทำได้หมดเลย ผมก็ออกไปวาดรูปข้างนอก ไปเดินซื้อดอกไม้ ขนม คนเดียวผมก็ทำได้ เพียงแค่เราคุยกันให้เข้าใจ”

“สีน้ำ ตอนนี้ผมเหมือนเด็กแปดขวบเลย”

“อย่ากังวลเลยภาคิน ผมรักคุณขนาดนี้แล้ว”

“ตายแน่ ไปไหนไม่รอดแล้วคราวนี้”

“ดี ได้ข่าวว่าภาคิน เมมเบอร์แก๊งลูกเพื่อนแม่เนื้อหอมมากเพราะว่าโสดอยู่คนเดียวในแก๊ง”

“ข่าวมั่วแล้ว”

“หล่อนักเหรอเรา”

“มองหน้าผมสิครับ คุณสีน้ำ”

หลงตัวเองไม่เคยเปลี่ยนแถมยังยื่นหน้ามาหอมแก้มแรงๆ จนแก้มขาวของสีน้ำบุ๋มลงไป คนโดนหอมเลยต้องไล่ให้อีกคนไปอาบน้ำอาบท่าเพราะมัวแต่ลีลาเบนจามินถึงกับโทรมาตามรอบที่สอง เพราะกลัวว่าคินจะหลับต่อ คินลุกออกจากเตียงไปคุยโทรศัพท์ก่อนจะกลับมานั่งลงบนเตียง

“วันนี้ ไม้คีตาแล้วก็พอร์ชก็ไปด้วย”

“ครับ”

“ผมไม่ได้บังคับน้ำนะ ถ้าน้ำยังไม่โอเคที่จะเจอแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“แต่หน้าตาคินอยากให้ไปนะ”

“โห..นี่ก็พยายามเก๊กหน้าแล้ว”

“ผมไปได้ ไม่เห็นแปลกเลยถ้าเราต้องไปเจอเพื่อนของแฟนตัวเอง”

“เนี่ย มันน่ารักขนาดนี้อาบน้ำกันดีกว่าเดี๋ยวไอ้ทิมโทรมาด่า กลัว”

สีน้ำหัวเราะลั่นก่อนจะบอกว่าเดี๋ยวกลับไปอาบน้ำที่ร้านยังไงเสื้อผ้าก็อยู่ที่นั่น แน่นอนว่าภาคินทำหน้างอ เหมือนแผนอาบน้ำพร้อมแฟนล่มสลายไปต่อหน้า สีน้ำเลยต้องบอกว่าขอขัดใจซะบ้างเมื่อคืนเอาแต่ใจไปเยอะแล้ว แต่ก่อนจะออกจากห้องคินก็จัดการมอร์นิ่งคิส จนสีน้ำต้องทุบอกให้คินเบาลงหน่อยเพราะแทบจะหมดลมหายใจ และแน่นอนว่าไอ้เบนโทรมาตามรอบที่สามหลังจากที่เขาส่งรูปตัวเองยิ้มเข้าไปในกรุ๊ปไลน์

TIM: บ้าแต่เช้า

KIN: ติดแฟนผิดตรงไหนพวกมึงก็เป็น!


 

Watercolor



“นี่มึงจะร้องไห้กับเลิฟสตอรี่ของเพื่อนทุกคนเลยหรือไงเบน”

มันเป็นอย่างที่รามิลบอกตอนนี้ภาพตรงหน้าสีน้ำมันตลกอย่างบอกไม่ถูก ภาคินมาขออนุญาตเล่าเรื่องเชียงใหม่ให้แก๊งลูกเพื่อนแม่ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสียหายอะไรและทันทีที่เล่าจบคนที่ปล่อยน้ำตารินไหลพร้อมกับปล่อยโฮคือเบนจามิน โดยมีคีตาคอยลูบหลังปลอบอยู่ข้างๆ แถมคีตายังได้ไอเดียในการแต่งเพลงอีกต่างหากบอกว่าเพลงใหม่มาแน่ๆ เดือนนี้ แต่ที่เขาต้องกลั้นยิ้มก็คือรูปลักษณ์เบนจามินที่ดูเหมือนพวกมาเฟียโหดๆ มันช่างขัดกับที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ซะเหลือเกิน นั่นแหละเขาถึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“สตอรี่ของผมกับทับทิม คุณพี่เบนก็ร้องเหรอครับ”

“ร้องอะไรล่ะ! ของมึงมีอะไรที่น่าประทับใจเอ่ยน้องพอร์ช ทำเพื่อนกูร้องไห้ไม่พอทำอาหารก็ไม่ได้เรื่อง ครัวกูเกือบไหม้”

“ผมแอบเห็นน้ำตาคลอนะตอนผมสวมแหวนให้ทิม”

“กูน้ำตาคลอเพราะแหวนมึงเม็ดทับทิมมันเล็กไป ทับทิมที่กูเลี้ยงมาตั้งแต่สามขวบมันควรจะได้ใหญ่กว่านี้”

“เงินเดือนสถาปนิกจะไปสู้ทายาทKTD ได้อย่างไรกัน ผมต๊อกต๋อยจะตาย”

“กล้าพูด บ้านมึงแพงกว่าคอนโดกูล้านเท่าแน่จริงยกบ้านให้ไอ้ทิมสิ กูจะได้ซึ้งกับเลิฟสตอรี่ของมึง”

“ให้แล้วทิมไม่เอา ทิมบอกอยากได้ผมมากกว่า”

“มั่นหน้าเหลือเกิน”

เบนทำหน้าหมั่นไส้เมื่อพอร์ชพาดแขนไปตรงเก้าอี้ที่ทิมนั่งอยู่ข้างๆ แถมไอ้เพื่อนตัวดียังนั่งหัวเราะคิกคักกับคำพูดของพอร์ชมีการกระเถิบตัวเข้าหาเมื่อเห็นหลายๆ คนรอบๆ ตัว มองมาที่พอร์ช เข้าใจได้ว่าพอร์ชเองก็ถือว่าดังพอตัวในแวดวงไฮโซถึงจะไม่ค่อยออกงานให้เห็นเท่าไหร่ แต่ที่ดังกว่าก็คือ นพจินดาแห่งวงการจิวเวลลี่จากที่ดังอยู่แล้วก็ดังขึ้นไปอีก หลังจากเปิดตัวว่าคบกับพอร์ชอยู่ แต่ทิมก็คือทิม สนใจที่ไหนไม่แคร์อะไรเลยด้วยซ้ำ ส่วนไอ้พอร์ชรายนั้นรักไอ้ทิมแทบจะถวายชีวิตให้เรื่องนอกใจอะไรแบบนี้ไม่ต้องห่วงเลย

“วันนี้ต้องฉลองกันแล้ว ภาคิน พิชญเดชาไม่โสดอีกต่อไป”

“รามิลมึงเลี้ยงเลย”

“กูตลอดนั่นแหละ หัวหน้าแก๊งมันมีค่าแค่นี้”

“ขอถามคุณน้ำได้ไหม ชอบคินตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”

“เบนหมายถึง ภาคินที่อยู่ข้างร้านใช่ไหม”

“ครับ ตอนแรกที่เจอกันนึกว่าจะญาติดีกันไม่ได้แล้ว ทั้งกาแฟและสีน้ำเลอะตัวกันขนาดนั้น”

“ก็…เป็นคนแปลกๆ ละมั้ง”

“น่ะ กูว่าแล้วคินมึงมันแปลก”

“มึงปกติเหรอเบน ประหลาดกว่ากูอีก”

“ที่จริงคินเหมือนคนไม่สนใจอะไรเฉยไปหมดทุกอย่าง แต่พอรู้จักคินเป็นคนที่ใจดีมากๆ เขาไม่ค่อยพูดแต่การกระทำเขาเต็มร้อย ขออะไรเขาก็ช่วยไม่เคยปฏิเสธเลย ตอนนั้นมันอาจจะเป็นแค่ความประทับใจแต่พอนานเข้า..”

“………………”

“ก็คิดว่าตกหลุมรักไปแล้ว”

เสียงโห่แซวของแก๊งลูกเพื่อนแม่ดังลั่นจนคินต้องปาขนมที่วางอยู่บนโต๊ะใส่ เพราะตอนนี้นั่งกันอยู่ที่สนามยิงปืนไม่ใช่สถานที่ส่วนตัว สีน้ำเริ่มตัวลีบลงเรื่อยๆ เพราะเริ่มรู้สึกเขินเหมือนกันที่จะต้องมาเล่าอะไรแบบนี้แต่ก็ยอมรับว่ามันทำให้เขาสนิทกับแก๊งลูกเพื่อนแม่มากขึ้น และทุกคนก็เอาแต่บอกว่าถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องเล่าก็ได้

“แล้วบรรดาอาหารเช้านี่พี่น้ำซื้อให้คินทุกวันเลยเหรอครับ”

“ตอนแรกแค่จะซื้อให้เพราะอยากผูกมิตรนะ ไหนๆ ก็อยู่ร้านข้างกันรู้จักกันไว้ดีกว่า”

“แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นจีบคินด้วยอาหารเช้าแทน”

“เฮ้ย ก็ไม่รู้ว่าจีบหรือเปล่าก็..”

เพราะสีน้ำลังเลเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่าทุกคนในโต๊ะเลยต้องตั้งใจฟังเป็นพิเศษ แถมยังเงียบสนิทเหมือนเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ ขนาดภาคินเองก็ยังลุ้นไปด้วยว่าสีน้ำจะตอบว่าอะไร พอเห็นหน้าทุกคนคนที่โดนจ้องสีน้ำก็ต้องกลั้นหัวเราะก่อนจะเอื้อมมือมาปิดหูคินไว้แต่คิดว่ายังไงคินก็น่าจะได้ยินอยู่ดี

“ก็พอชอบแล้วก็อยากให้คนที่ชอบกินอาหารอร่อยๆ ทุกวัน เห็นกินแต่กาแฟดำตลอดเลย”

เสียงโห่แซวดังขึ้นอีกครั้งและแน่นอนว่าครั้งนี้ดังกว่าเดิม ภาคินจับมือของสีน้ำที่ปิดหูเขาอยู่แล้วมาวางไว้บนตักตอนแรกก็เก๊กกลั้นยิ้มอยู่ แต่พอสีน้ำหันมาแกล้งยิ้มใส่พร้อมกับบอกว่าพูดจริงไม่ได้โกหกคินก็ต้องยกมือยอมแพ้

“ไม่ไหวแล้วว่ะ มึงเลิกถามน้ำเรื่องกูได้แล้ว”

“ไอ้คินตายห่าแน่นอน เจอแบบนี้เข้าไปกูตื่นเต้นจังไม่เห็นไอ้คินเวอร์ชั่นนี้มานาน เก่งกล้าสามารถทุกเรื่องยกเว้นเรื่องความรักใจพี่คินเหลวเปลวเป็นน้ำเปล่า คุณน้ำครับเอาอีก”

“พอแล้ว!”

“ก็ชอบ..”

“นี่ก็แกล้งผมไม่เลิก สนุกใหญ่”

“นานๆ คินจะเสียอาการบ้างนี่ทุกทีเห็นเก่งตลอด”

พอได้ยินแบบนั้นภาคินก็ค่อยๆ เอียงตัวเอาแก้มไปวางแหมะบนไหล่ของสีน้ำ ท่าทางเหมือนหมีตัวใหญ่แต่ทำท่าทางเหมือนลูกหมาทำให้เบนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แกล้งทำท่าขนลุกเพราะไม่เห็นคินในเวอร์ชั่นนี้มานาน แต่ก็เอาเถอะเขาไม่ได้อายุน้อยๆ กันแล้ว ดีไม่ว่าดีไอ้คินขอแต่งงานแซงหน้าเพื่อนทุกคนไปอีก พอเบนนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็หันมาสะกิดทิมอีกที ทิมเองเลยพยักหน้าตอบ

“เออ คินไม่กลับบ้านบ้างเหรอไง คุณนายญาดาถามถึงมึงทุกวันเลยนะ”

“อาทิตย์นี้ว่าจะเข้าไปมีกินข้าวกับญาติ”

“แล้วมึงโอเคเหรอวะ”

“กูไม่อยากหนีอีกแล้วว่ะ ยังไงก็ต้องเจออยู่ดีพ่อกับแม่บอกกูว่ามีเรื่องจะคุยด้วยดูเครียดๆ”

“มึงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้พี่เคทำงานหนักมาก กูเจอเขาทีไรเหมือนซอมบี้เข้าไปทุกวันไหนบอกว่าเขาจะแต่งงาน ไม่เห็นเตรียมงานอะไรเลยมึง”

“อยากจัดการเรื่องนี้ด้วยว่ะ มันค้างคามาหลายปีแล้ว”

“ผมไปซ้อมยิงปืนกับต้นไม้ได้นะคิน คุยกันไปก่อนได้”

สัมผัสตรงแขนทำให้ภาคินหันมามอง เพราะเห็นเป็นเรื่องครอบครัวเผื่อว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ต้องการความเป็นส่วนตัวสีน้ำเลยจะลุกไปยิงปืน แต่พอเห็นคินเงียบไปสีน้ำเลยลองเรียกชื่อคินอีกครั้งจนภาคินต้องจับมือสีน้ำไว้แน่น แก๊งลูกเพื่อนแม่รู้ดีว่าเวลาแบบนี้คินต้องการอะไร เพียงแต่ทั้งสามคนเลือกที่จะเงียบแล้วรอดูเหตุการณ์ตรงหน้าแทน

“น้ำ ไปเจอครอบครัวผมไหม”

“…………….”

“ผมอยากให้น้ำไปด้วย อยากให้อยู่กับผม ผมต้องใช้ความอดทนมากเลยเวลากับเจอกับป้าญาณี”

“…………….”

“อยากให้น้ำได้เจอพ่อกับแม่ผมด้วย”

“…………….”

“ในฐานะแฟนของภาคิน”

ทุกอย่างเงียบสนิทและสีน้ำก็เอาแต่มองหน้าคินอยู่อย่างนั้น สำหรับคินเองมันไม่ได้เร็วไปเลยเวลาที่เชียงใหม่ เวลาที่เราเจอกันที่นี่ ทุกอย่างมันนานพอที่เขาจะมั่นใจกับคนตรงหน้าแล้ว คินอยากให้รู้ว่าเขาจริงจังกับความรักครั้งนี้และจะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว แต่คินก็เข้าใจถ้าสีน้ำจะยังไม่พร้อม สำหรับความรักแบบเราที่เป็นผู้ชายทั้งคู่…แต่อยู่ดีๆ สีน้ำก็ยิ้มออกมาพร้อมกับกระชับมือที่จับไว้แน่น

“ผมอยากไป ว่าแต่ต้องบู๊ไหมแบบต้องลงไม้ลงมือเผื่อเขาแกล้งคินจะได้สู้”

ไม่ใช่แค่คินที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะแก๊งลูกเพื่อนแม่ต่างก็ทำแบบเดียวกันจนสีน้ำหัวเราะ พร้อมกับบอกว่าเหมือนเห็นแฝดสี่ คินเอ่ยขอบคุณก่อนจะขอตัวพาสีน้ำไปยิงปืน เพราะอยากให้ทั้งคู่ใช้เวลากันสองคนถึงจะเป็นวันของแก๊งลูกเพื่อนแม่แต่ทุกคนเข้าใจดีว่า ทั้งภาคินและสีน้ำต่างก็รอเวลานี้มานานแค่ไหน ต้นไม้พาคีตากับพอร์ชกลับมานั่งที่โต๊ะเมื่อเห็นว่า คินกับสีน้ำช่วยกันสอนยิงปืนแบบนั้นมันน่ารักดี

“พี่คินเวลามีความรักโคตรโรแมนติกเลย เหมือนมีสีหลายๆ สีอยู่รอบตัวปกติมีแต่สีเทาๆ ดำๆ”

พอคีตาพูดแบบนั้นทุกคนเลยหันไปมองทั้งคู่ และทุกคนก็เห็นด้วยว่ามันเป็นอย่างที่คีตาบอก คินยังคงอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์สีเข้ม และคุณสีน้ำก็อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ดลายทางสีน้ำเงินกางเกงสีขาวห้าส่วนรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ ดูเด็กกว่าไอ้คินอีก ขนาดยืนคู่กันสีสันของเสื้อผ้าโคตรแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนยิ้มออกมาคือเสียงหัวเราะและการหยอกล้อของทั้งสองคน เพราะสีน้ำไม่เคยยิงปืนมาก่อนเลยดูตื่นเต้นมากๆ คินเลยต้องช่วยสอนตั้งแต่เริ่มต้น แล้วพอยิงได้ถึงคะแนนจะได้ไม่เยอะเท่าไหร่เพราะเป็นครั้งแรก แต่สีน้ำก็ดีใจจนต้องกระโดดกอดแขนคินไว้แน่นคินเองถึงจะขำปนเอ็นดู แต่ก็ลูบหลังพร้อมกับบอกว่าเก่งแล้ว แต่เพราะรู้สึกว่ามีสายตาที่มองอยู่คินเลยเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ของสีน้ำ และทันทีที่เห็นสายตาของแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่มองอยู่คินก็ยิ้มให้

มันเป็นรอยยิ้มของภาคินที่ทุกคนในแก๊งลูกเพื่อนแม่ชอบมากที่สุด

ทับทิมมองคินกับสีน้ำอยู่อย่างนั้นในที่สุดลูกกระจ๊อกก็ได้เจอคนที่รักสักที เพราะสนิทกันมาตั้งแต่สามขวบและบ้านอยู่ติดกัน มันเลยทำให้ทิมรู้สึกดีใจกับเพื่อนมากจริงๆ สัมผัสตรงข้างแก้มทำให้ทิมหันไปมองพอร์ชที่กำลังลูบแก้มเขาอยู่ เพราะนานๆ ทีพอร์ชจะได้เห็นทับทิม นพจินดาในมุมแบบนี้เลยรั้งทิมให้เข้ามาซบตรงอก มือใหญ่วางลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลนั่นเบาๆ พอร์ชเองรู้ว่าทับทิมแก๊งลูกเพื่อนแม่มากแค่ไหน

“ลูกกระจ๊อกของทับทิมมีคนดูแลแล้วเนอะ”



เบนกับรามิลก็ไม่ต่างกัน เบนจามินที่ปกติจะร่าเริงเกินร้อย แต่วันนี้ก็ซาบซึ้งกับความรักของคินกับสีน้ำจนแทบอยากจะร้องไห้อีกรอบ คีตาเห็นแบบนั้นเลยลุกขึ้นเดินมาข้างหลังแล้วโน้มตัวมากอดคนตัวโตสูงร้อยแปดสิบ แต่ตอนนี้ทำท่าทางเหมือนเด็กประถมเตรียมพร้อมจะน้ำตาร่วงได้ตลอด มีการบอกโอ๋ๆ ไม่ร้องนะพี่เบน ตอนแรกจะซึ้งอยู่หรอกแต่เบนก็อดที่จะขำกับการปลอบของคีตาไม่ได้

“ไม้รู้ไหม ตั้งแต่เด็กภาคินคือคนที่แก้ปัญหาให้แก๊งลูกเพื่อนแม่มาตลอดเลย”

“……..”

“ตั้งแต่ทำการบ้านตอนประถม มีเรื่องตอนมอต้น เรียนต่อตอนมอปลาย สอบเข้ามหา’ลัย หรือแม้แต่ปัญหาตอนทำงาน”

“………..”

“มิลเคยถามนะว่าเก่งขนาดนี้ทำไมมึงถึงไม่เป็นหัวหน้าแก๊งให้มันรู้แล้วรอดไปเลย รู้ไหมว่าคินมันตอบว่าไง”

“………..”

“มันบอกว่า มันเป็นไม่ได้หรอกมันช่วยเพื่อนได้ทุกเรื่อง แต่รามิล เตชนะหิรัญคือคนที่เสียสละและคิดถึง มัน เบน และทิมก่อนตัวเองเสมอ”

“………..”

“คินมันบอกว่า ทุกครั้งที่มีขนมสามชิ้น ของเล่นสามอัน มิลจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ มันบอกว่ามันรู้ทุกครั้งเลยเวลาที่ต้องจับฉลาก มิลจะกำกระดาษคำว่าไม่ได้ไว้ในมือเพื่อให้มัน เบน และทิมได้ ดูมัน..ฉลาดตั้งแต่เด็กจริงๆ อุตส่าห์กำไว้อย่างดีแล้วแท้ๆ”

“………..”

“และมันนั่นแหละที่บอกอีกว่า รามิล เตชนะหิรัญเป็นหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่ดีที่สุดในโลกแล้ว”

ต้นไม้ไม่ได้เอ่ยตอบรามิลเพียงแค่ยื่นมือไปประสานนิ้วกันไว้ ต้นไม้รู้ดีรามิล เฝ้ามองความเป็นไปของแก๊งลูกเพื่อนแม่มาตลอดตั้งแต่ เบนจามิน ทับทิม และภาคิน ถึงแม้มิลจะบอกอยู่เสมอว่า ภาคินเก่งจะตาย ฉลาดทุกเรื่อง แต่ลึกๆ แล้วรามิลก็ยังห่วงภาคินอยู่ดี ต้นไม้มองไปยังคินและสีน้ำที่ยังอยู่ยิงปืนกันอยู่ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ไม้เองไม่ได้เห็นจากภาคินบ่อยนักปรากฏให้เห็น ต้นไม้หันมามองหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ก่อนจะยกมือของรามิลขึ้นมาแนบแก้มตัวเอง

“ตอนนี้ก็สบายใจได้แล้วคุณหัวหน้าแก๊ง”

 




..................
.................................................


หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 11-04-2021 16:07:52
watercolor


ถ้าถามว่าตื่นเต้นไหม สีน้ำก็จะบอกว่าตื่นเต้นมาก เกิดมายังไม่เคยคบใครจริงจังถึงขนาดต้องไปเจอญาติเขาทั้งตระกูลขนาดนี้ สีน้ำยืนสงบสติอยู่หน้ากระจกสำรวจหน้าผมเครื่องแต่งกายว่าโอเคแล้ว ก่อนจะหันไปมองโปสการ์ดทีเชียงใหม่อีกครั้งเหมือนให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง ก่อนจะเจอภาคินแน่อนนว่าต้องเจอญาติตัวเองก่อน เหมือนณัฐจะรู้ทันเตรียมตัวเอ่ยปากแซวเขาตั้งแต่ก้าวเท้าลงบันได

พอเห็นสายตาเขาณัฐก็เปลี่ยนมาเป็นทำเสียงฮิ้วๆ แทน ก่อนจะออกจากร้านณัฐเองก็บอกว่า พ่อแม่เขาก็อยากเจอภาคินเหมือนกันไอ้ณัฐบอกไปโม้ไว้เยอะว่าหล่ออย่างนู้น ดีอย่างนี้ ที่จริงสีน้ำก็ตั้งใจจะพาคินไปหาอยู่แล้ว แต่เพราะครอบครัวเขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องความรักของเขา แต่สำหรับภาคินที่นามสกุลเป็นที่รู้จักครอบครัวก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน

“วันนี้คุณคินหล่อมากเลยนะเนี่ย”

ทันทีที่เปิดประตูคนที่ยืนรออยู่หน้าร้านก็เงยหน้ามายิ้มให้ และพอได้ยินที่เขาทักก็เก๊กท่าพระเอกซะจนสีน้ำทำหน้าหมั่นไส้ แต่เป็นอย่างที่สีน้ำบอกจริงๆ วันนี้ภาคินใส่เสื้อเชิ้ดกางเกงก็เป็นแบบทางการไม่ใช่ยีนส์อย่างทุกวันแต่สียังคงคุมโทนอยู่เหมือนเดิม ตลกเหมือนกันกินข้าวที่บ้านตัวเองแท้ๆ แต่งตัวเหมือนไปกินที่โรงแรมหรูห้าดาว

“ปกติไม่แต่งแบบนี้หรอก”

“แสดงว่าวันนี้พิเศษ”

“แน่นอน พาแฟนเข้าบ้านครั้งแรก”

“คนที่ตื่นเต้นและหัวใจจะวายตายก่อนคือคนนี้ต่างหาก”

“ไม่ต้องกลัวนะผมจะอยู่กับน้ำ”

“ไปกินข้าวไม่ใช่ไปรบ”

เพราะไม่อยากให้เครียดภาคินเลยแกล้งหยอกให้สีน้ำสบายใจ ตอนแรกก็คิดว่าแค่ตื่นเต้นแต่พอเห็นประตูรั้วสีน้ำก็ชักจะกลัวๆ ขึ้นมาจริงๆ เลยเอาแต่นั่งถูมือไปมาในรถจนไม่รู้ตัวขนาดภาคินเดินมาเปิดประตูให้ สีน้ำถึงได้รู้สึกตัวนี่คงจะเหม่อจริงๆ ปกติก็เปิดประตูเองลุกออกมาเดินไปเดินมาแล้ว ภาคินรั้งให้สีน้ำมายืนพิงรถไว้ก่อนจะถามซ้ำอีกครั้งว่าโอเคนะ ถ้าไม่พร้อมค่อยวันอื่นก็ได้แต่สีน้ำก็ยืนยันว่าโอเคมาถึงขนาดนี้แล้ว ภาคินเลยยิ้มให้ก่อนจะจูบลงบนหน้าผากขาวตรงหน้า

เสียงกระแอมที่ดังขึ้นตรงกำแพงบ้านทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกัน แน่นอนว่าเพื่อนข้างบ้านต้องมาให้กำลังใจ ทับทิม นพจินดาโผล่หน้ากลมๆ พร้อมกับผมจุก คุยกันไปสักพักทับทิมก็ยกมือขึ้นมาแปะกับมือสีน้ำพร้อมกับบอกว่า เอาพลังไป! ท่าทางเหมือนเด็กๆ แต่สีน้ำก็ยังเล่นด้วยมีการกำหมัดให้สู้ๆ พร้อมกันอีกต่างหาก เออ..เข้ากันได้ดีจริงๆ



“ผมมาเร็วหน่อย อยากให้น้ำได้เจอกับพ่อแล้วก็คุณนายญาดาก่อน”

บ้านพิชญเดชาหรูหราตามบ้านคนรวย แปลกดีเหมือนกันห้องของภาคินที่นี่โคตรจะแตกต่างจากที่ร้าน เฟอร์นิเจอร์สีทองระยิบระยับไปหมด คินเดินตามหาแม่ตัวเองหลังจากที่พ่อบอกว่าแม่อยู่ข้างบนบ้าน พ่อเขาหลังจากเกษียณก็ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยงานอดิเรกคือการเล่นหุ้น ที่เหลือก็เดินเล่นตัดหญ้าเลี้ยงนก ตอนที่พาสีน้ำมาสวัสดีพ่อก็แค่รับไหว้พร้อมกับถามว่าชอบนกไหม ภาคินหัวเราะเบาๆ แน่ล่ะว่าสีน้ำโดนพ่อเขาแกล้งแน่ๆ สีน้ำได้แต่บอกว่าดูเฉยๆ ได้แต่ไม่กล้าจับ แล้วพ่อก็เงียบก่อนจะหัวเราะชอบใจเมื่อสีน้ำตอบกลับมาอีกครั้ง

“ผมวาดรูประบายสีน้ำนกได้นะครับ ลงสีให้เหมือนเปี๊ยบเลย”

“เออดี คินชอบวาดแต่ดินสอเจ้าเมฆาลูกพ่อไม่มีสีสันเอาซะเลย”

ในที่สุดคินก็เจอแม่สักที คุณนายญาดานั่งดูรูปอยู่ในห้องของพี่เค พอได้ยินเสียงฝีเท้าแม่เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มให้ก่อนจะกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปหาทั้งคู่ สีน้ำนั่งลงตรงพื้นก่อนจะยกมือไหว้ คุณนายญาดาแกล้งแซวลูกชายว่าพาแฟนมาเปิดตัวแต่งตัวซะหล่อ ทุกทีมากินข้าวบ้านเสื้อยืดกางเกงบอลด้วยซ้ำ

“คุณนายมาทำอะไรในนี้”

“มาช่วยตาเคเคลียร์ของหน่อย จะแต่งงานอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยมีเวลาเลย”

“งานหนักเหรอครับ”

“งานธนาคารก็หนักอยู่แล้วแต่นี่…เออคินไว้หลังกินข้าวเสร็จพ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วยนะ”

“เรื่องพี่เค? งานแต่ง? หรือเรื่องอื่น”

“เดี๋ยวก็รู้”

“โหคุณนาย บอกแบบนี้ใครจะกินข้าวลง”

“เฮ้ย เรื่องดี”

“หลอกป่ะเนี่ย คุณนายอย่าทำแบบนี้กับลูกชายคนเล็ก”

“แม่ไปดูกับข้าวดีกว่า อยู่กับสีน้ำไปก่อนไว้ดึกๆ มาคุยกันนะคะวันนี้ค้างที่นี่ได้ไม่ต้องรีบกลับ”

“แม่ หนีเลยนะ”

สีน้ำกลั้นขำกับท่าทางของคุณนายญาดา ที่ก่อนไปยังโบกมือลาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกอีกต่างหาก พ่อกับแม่ของภาคินใจดีกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก อัลบั้มรูปตรงหน้าคือรูปสมัยเด็กของสองพี่น้องเคคิน สีน้ำเปิดดูทีละรูปแล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อตอนเด็กๆ นี่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แต่งตัวเหมือนกันอีกต่างหาก ภาคินชะโงกหน้ามาดูก่อนจะบอกว่าเมื่อก่อนตอนเด็กไม่ค่อยหล่อ พี่เคหล่อกว่ายิ่งเล่นกีฬาได้สาวก็กรี๊ดเต็มไปหมด สีน้ำเหลือบมองภาคินที่พูดไปยิ้มไปเดาได้เลยว่าตอนเด็กต้องสนิทกับพี่ชายมากแน่ๆ

ภาคินยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะบอกว่าให้ลงไปข้างล่างได้แล้ว คินเลยหยิบอัลบั้มรูปไปเก็บที่ชั้นตามเดิมจังหวะที่กำลังวางอัลบั้มรูป อยู่ดีๆ ก็มีกล่องสีเทาอ่อนร่วงลงมาพร้อมกับของในกล่องที่กระจายเต็มพื้น ภาคินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าในกล่องคือบรรรดาเหรียญที่พี่ชายเขาเคยแข่งเทควันโด 

นอกจากบรรดาเหรียญแล้วยังมีรูปถ่ายเกี่ยวกับการแข่งเต็มไปหมด รวมทั้งรูปคู่ของเขากับพี่เคที่เคยถ่ายด้วยกันตอนที่พี่เคได้เหรียญทอง แผ่นกระดาษที่ตกอยู่ตรงปลายเท้าทำให้คินหยิบขึ้นมา ทันทีที่อ่านจนถึงประโยคสุดท้าย คินก็กำกระดาษในมือไว้แน่น

อาชีพในฝัน : นักเทควันโดทีมชาติ



มันไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว ทุกใบพี่เคเขียนไว้เหมือนกันหมด
โดยเฉพาะใบที่เขากำลังอ่านอยู่ตอนนี้



สิ่งที่อยากเป็น : ผมอยากเป็นนักเทควันโดทีมชาติที่ไปแข่งทั่วโลก  ครอบครัวของเราทำธุรกิจธนาคาร ป้าญาณีบอกว่าสักวันผมกับน้องต้องมาทำงานตรงนี้แทนพ่อ แต่ภาคินน้องชายผมไม่ชอบตัวเลขเลยคินชอบวาดรูป คินวาดรูปสวยมากไม่รู้ว่าคินอยากเรียนอะไรอาจจะสถาปัตย์ไม่ก็พวกคณะศิลป์ ไม่เป็นไร…การเงินก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอกผมจะทำงานแทนพ่อเอง คินจะได้วาดรูป



คำตอบของเด็กในวัยสิบห้าสิบหกปีมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยคินเข้าใจมันทั้งหมด สายคาดเอวสีดำที่เขาถือไว้ตอนนี้มันเก่าจนแทบจะขาด บรรดาเหรียญทองก็สีลอกจนแทบมองไม่เห็น พี่เคไม่ได้อยากเป็นนายธนาคาร และคินก็ไม่รู้มาก่อนว่าพี่เคต้องเสียสละมากขนาดนี้ อยู่ดีๆ ภาคินก็นึกถึงคำพูดของสีน้ำ



“ผมไม่รู้เรื่องครอบครัวของคุณหรอกแต่ผมเชื่อว่าทุกคนมีสองด้านนะ ด้านที่คุณคินเห็นกับด้านที่คุณคินไม่เคยเห็น”




ในขณะที่เขาเรียนอะไรก็ได้ที่อยากเรียน อยากทำอะไรที่อยากทำ ไปไหนก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ แต่พี่เคต้องยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อมาทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเลยสักนิด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ อยู่ดีๆ หยดน้ำตาเขาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สีน้ำเลยเดินเข้ามาหาพร้อมกับกอดไว้แน่น

“น้ำเคยบอกใช่ไหมว่าพี่เคเหมือนสีเทา”

“ครับ ครั้งแรกที่เจอรู้สึกถึงสีนี้เลย”

“ผมไม่อยากให้พี่เคเป็นสีเทาแล้ว สีน้ำ”

“เจอครั้งล่าสุดคุณเคเป็นสีเทาอ่อนแล้วนะ”

“เปลี่ยนสีได้ไหม ไม่อยากให้พี่เคเป็นสีเทาเลย”

“อาจจะเปลี่ยนสีไม่ได้แต่เป็นสีเทาแบบที่มีความสุขได้นะ ภาคินก็ลองทำดู”

มันเป็นบทสนทนาที่ใครมาฟังก็คงขมวดคิ้ว แต่สำหรับภาคินเขาเข้าใจที่สีน้ำต้องการจะสื่อ คนที่เอาแต่หนีพี่ชายตัวเองมาตลอดหลายปีตอนนี้มันคงถึงเวลาสักทีที่เขาจะเลิกหนีได้แล้ว เสียงเคาะประตูพร้อมกับแม่บ้านที่บอกว่าอาหารพร้อมแล้วทำให้ทั้งสองต้องผละออกจากกัน พอมองหน้าก็หัวเราะออกมาทั้งคู่เพราะอยู่ดีๆ ก็มาร้องไห้งอแง คินหลับตาก่อนจะแบมือให้สีน้ำจับก่อนจะเดินลงไปที่ห้องทานข้าว



watercolor



โคตรเหมือนละครหลังข่าว ตอนนี้สีน้ำนั่งตัวเกร็งไปหมดบรรดาญาติๆ ของภาคินเอาแต่มองหน้าเขาคล้ายจะถามว่าใคร แต่ภาคินก็ยังไม่มีทีท่าจะพูดอะไรสีน้ำเลยนั่งเงียบไปด้วยแต่เดาเลยคนอย่างภาคิน มีแผนอยู่ในหัวอยู่แล้วแน่ๆ แค่เพียงไม่นานคนที่มาถึงคนสุดท้ายก็คือพี่เคที่ดูเหนื่อยล้าก็รีบเข้ามานั่ง ลูกชายคนโตของพิชญเดชาดูชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งข้างๆ เขาคือภาคิน ปกติรวมญาติกันทีไรไม่เคยได้นั่งใกล้กันสักที แต่ยังไม่ทันได้เริ่มกินคนที่เริ่มบทสนทนาก็คือป้าญาณีที่กอดอกอยู่ตรงข้าม

“ไปพบลูกค้าเป็นยังไงบ้างตาเค”

“เขาขอคิดดูก่อนครับ”

“คิด? นี่ครั้งที่สองแล้วใช่ไหมที่เราไปคุย”

“ครับ”

“แล้วเกิดอะไรขึ้น! รู้ใช่ไหมว่าการที่เขาบอกแบบนี้แสดงว่าเขามีตัวเลือกที่ดีกว่า ทำไมทำงานแย่ขนาดนี้ เคป้าบอกเราหลายครั้งแล้วนะ”

“ป้าณีครับ”

“ทำงานไม่ได้เรื่อง ไหนใครบอกเก่งนักเก่งหนาจบเมืองนอกเมืองนาแทนที่จะทำให้ธุรกิจเจริญขึ้น ป้าผิดหวังกับเรามากนะ”

“มาผิดหวังอะไรกับลูกผม” / “หยุดว่าพี่ชายผมสักที”

เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันทำให้ทุกคนในโต๊ะเงียบสนิทโดยเฉพาะป้าญาณีที่ดูจะตกใจ เคเองก็เงยหน้าขึ้นมามองคินที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อกี้เขาว่าเขาได้ยินไม่ผิด คินเรียกเขาว่าพี่ชาย ..คำที่เขาไม่ได้ยินมานานมากแล้ว แถมพ่อเขาก็ยังวางช้อนแล้วยกขึ้นมากอดอกจ้องป้าญาณีไม่เลิก

“เท่าที่ผมรู้งานนี้มันเป็นของลูกชายคุณป้าไม่ใช่เหรอครับ พี่แคน นครินทร์คนเก่ง”

“แกจะไปรู้เรื่องอะไรตาคิน งานการธนาคารไม่เกี่ยวกับแกเลยสักนิดเคยมาแยแสด้วยเหรอไงไปวาดรูปถ่ายรูปของแกไปสิ”

“ก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกแต่ทนไม่ได้แล้วว่ะ”

“คิน..”

“นั่งอยู่เฉยๆ เลยพี่เคเดี๋ยวน้องชายอย่างผมจัดการเอง”

ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรภาคินก็หยิบซองกระดาษสีน้ำตาลออกมาพร้อมกับเทรูปของญาติตัวเองที่ชื่อ แคน กระจายเต็มโต๊ะ บรรดาญาติๆ ต่างหยิบขึ้นมาดูก่อนจะยกมือขึ้นมาทาบอก เมื่อรูปที่เห็นคือแคนหลานชายที่เขารู้จักกันดีกำลังเล่นคาสิโนอยู่ที่ต่างประเทศ และมันไม่ใช่แค่ที่เดียวมันหลายที่จนนับไม่ถ้วน นอกจากคาสิโนแล้วยังมีบ่อนในประเทศด้วย

“ทุกโปรเจกต์ที่เป็นของพี่แคนลูกคุณป้า ทำไมพี่เคถึงต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด คนที่บอกว่ามีงานที่ตางประเทศแต่เข้าคาสิโนแทบทุกวันนี่มันหมายความว่ายังไง”

“…………..”

“ไม่เคยเข้าประชุม ไม่เคยมาทำงาน แต่ได้เงินเดือน โบนัส เงินปันผล มันยุติธรรมสำหรับพี่ชายผมงั้นเหรอครับ”

“…………..”

“ป้ารู้ไหมว่าพี่ชายผมต้องเสียสละมากแค่ไหน ป้าณีเคยรู้อะไรบ้าง!”

“ตาเค! ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้ภาคินมายุ่งกับธุรกิจธนาคาร ไม่งั้นฉันจะสั่งให้มาทำงานด้วยกันไม่ต้องวาดรูปไร้สาระอะไรนั่นอีก ฉันเตือนแล้วนะเค อยากให้ฉันบังคับคินมาทำงานที่ธนาคารมากใช่ไหม”

“อย่ามายุ่งกับน้องชายผม! ผมยอมทุกอย่างแล้ว ยอมทำงานให้พี่แคนตามที่ป้าบอก กันคินออกจจากธุรกิจธนาคารบ้าๆ นี่ ป้าให้สัญญากับผมแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับคินอีก”

“เค!”

“เพราะผมกลัวว่าป้าณีจะใช้วิธีสกปรกกับคินผมถึงยอมขนาดนี้ คินคือน้องชายของผมนะครับ”

“ก็ดู..”

“อย่ายุ่งกับภาคิน จะให้ผมเอารายละเอียดที่พี่แคนเอาเงินไปเล่นที่คาสิโนออกมาให้ดูไหมครับ แค่โกหกว่าไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วไปหมดตัวที่นู่นก็แย่พอแล้วมั้ง”

“สรุป นี่พวกเธอตามสืบเรื่องลูกชายฉันกันทั้งสองคนเลยใช่ไหม!”

“ผมทนไม่ไหวแล้ว ที่จริงผมน่ะโง่เองแทนที่จะปกป้องคินแบบที่พี่ชายควรจะทำแต่กลับเอาแต่ผลักไสให้ออกไป ป้ารู้ไหมผมไม่เคยมีความสุขเลยที่คินกับผมไม่ได้คุยกันเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ เพราะป้าเอาแต่ขู่ผมว่าจะบีบบังคับให้คินมาทำงานธนาคารให้ได้”

“……….”

“เลิกยุ่งกับเราสองพี่น้องได้ไหม ยังไงป้าก็เป็นญาติผมคนหนึ่งแต่ถ้าป้าไม่อยากจะนับเราเป็นหลานผมก็ไม่ว่าอะไร ผมกับคินก็ไม่ได้อยากมีญาติแบบป้าเหมือนกัน”

“มันจะมากไปแล้วนะ!”

ทั้งโต๊ะเงียบกริบ ญาติบางคนถึงกับยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาเมื่อเห็นว่าหลานชายอย่างเค คุณากรที่เห็นทำงานงกๆ จะรู้สึกแบบนี้ และยิ่งรู้เรื่องลูกชายของป้าญาณีทุกคนก็เริ่มไม่ไว้ใจกลัวว่าปล่อยไว้แบบนี้อาจจะเกิดการยักยอกเงินบริษัทได้ ตอนนี้ป้าญาณีเองก็เริ่มสติแตก เสียงกระแทกช้อนที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่หัวโต๊ะ พ่อของเคหันมายิ้มให้ลูกชายทั้งสองคนก่อนจะบอกบางอย่างที่ทำให้ทุกคนบนโต๊ะพากันตกใจ

“อยากลาออกไหมเค พ่ออาจจะถามช้าไปขอโทษด้วย ทั้งๆ ที่พ่อกับแม่ควรจะปกป้องลูกมากกว่านี้ แต่ถ้าลูกอยากไปทำอย่างอื่นพ่อกับแม่ก็เข้าใจ ไปได้เลยนะ”

“ไม่ได้!”

“พี่นั่นแหละที่ไม่ได้ บอกไว้ก่อนว่าพรุ่งนี้พี่โดนสอบสวนหนักแน่ลูกชายพี่น่ะ ไม่ใช่แค่ภาคินที่ตามสืบเรื่องนี้ กลับบ้านไปเตรียมตัวตอบคำถามบอร์ดบริหารดีกว่ามั้ง แล้วก็อย่าคิดหนี..มีคนจับตาดูอยู่”

ป้าญาณีดูไม่มีทางสู้และตอนนี้ก็อายกับการกระทำของลูกชายตัวเองมากเหมือนกัน สุดท้ายน้าดาวคือคนที่ทนไม่ไหวเลยตัดการให้ทุกอย่างเพราะตัวเองก็เป็นอีกคนที่รู้เรื่องนี้ เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นถึงความสามารถของน้าดาวเพราะทุกทีเจ้าตัวไม่แสดงอาการอะไรเวลาโดนป้าญาณีต่อว่า คงเพราะอดทนมานานเหมือนกันเลยระเบิดทุกอย่างออกมา ป้าญาณีถึงกับหนีกลับไปตั้งหลัก

แน่นอนว่าไม่มีใครแตะอาหารตรงหน้า บรรดาญาติๆ ที่เหลือได้แต่ถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้ว่าที่ป้าญาณีเอาแต่เข้มงวดกับเค เพราะว่าอยากปิดบังเรื่องที่ลูกตัวเองติดการพนันทั้งในประเทศและนอกประเทศ เร่งให้เคทำงานแล้วใส่ชื่อลูกตัวเองลงไปในโปรเจกต์ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ตอนนี้คงไม่มีใครอยากจะกินอาหารสักเท่าไหร่ และคินเองก็ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงกับพี่ชายตัวเอง ทั้งๆ ที่ป้าญาณีก็ลุกออกไปแล้ว คินก้มลงมองมือของสีน้ำที่วางมือลงบนหน้าตักก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

“ทุกคนครับ ที่จริงวันนี้ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักคนๆ หนึ่ง”

“………..”

“ไม่รู้ว่ามันเหมาะที่จะพูดตอนนี้หรือเปล่า แต่ผมตั้งใจจริงๆ อย่างน้อยในอนาคตเขาก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับผม”

“………”

“นี่สีน้ำ แฟนผมครับ”

สีน้ำยกมือขึ้นมาไหว้ทุกคนแต่ทุกอย่างตรงหน้าก็เงียบกริบจนสีน้ำเริ่มใจไม่ดี บรรดาญาติที่เป็นผู้ใหญ่หันมามองหน้ากันแต่คินก็เบาใจ เมื่อเห็นว่าคนที่เด็กกว่าเขาหรือหลานในวัยมัธยมยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับบอกว่า วันนี้โคตรเท่! คินยิ้มขำและพอเห็นสีน้ำเอาแต่กำกางเกงเขาแน่นคล้ายกับไม่มั่นใจเลยต้องสอดมือเข้าไปจับไว้แทน

“คิน นี่เราชอบ..”

“ครับ ผมชอบผู้ชายผมเป็นเกย์ น้าดาวเข้าใจถูกต้องแล้วครับ”

“น้ารู้ น้าแค่จะถามว่านี่เราชอบวาดรูปจนได้แฟนชื่อสีน้ำเลยเหรอเนี่ย”

“ผมไม่ชอบวาดสีน้ำครับ แต่เขาเอาสีน้ำมาสาดใส่ผม”

“เฮ้ย! ภาคิน”

ท่าทางลืมตัวของสีน้ำทำให้ทุกคนที่มองอยู่หลุดยิ้ม คินยังบอกว่าอยากให้ญาติทุกคนรับรู้ว่าแฟนเขาคือใคร ไม่ได้หวังว่าใครจะรับได้ทั้งหมดยังไงเรื่องแบบนี้เขาก็เข้าใจ คินยอมรับว่าเขาไม่ค่อยได้คุยกับบรรดาญาติตัวเองสักเท่าไหร่ มีที่อายุเท่าๆ กันก็พอทักทายกันบ้าง อยู่ดีๆ เค้กน่าจะเด็กกว่าเขาสักห้าหกปีก็ตะโกนขึนว่านี่มันเป็นยุคไหน จะคบใคร เพศไหน ก็ไม่ต้องแคร์ ก่อนจะประกาศดังลั่นว่า ใครมีปัญหาให้มาเคลียร์ได้เลย บรรดาญาติผู้ใหญ่เลยพากันหัวเราะกับท่าทางนักเลงนั่น

“โตๆ กันแล้วป้าๆ น้าๆ ก็ไม่เข้าไปยุ่งหรอกแต่เราน่ะภาคิน มาให้เจอหน้าบ่อยๆ แวะมาที่ธนาคารบ้างไม่ต้องไปทำงานก็ได้ ยังไงเราก็พิชญเดชาคนหนึ่ง”

“จะดีเหรอน้าดาว”

“ทำไมล่ะ มากับแก๊งลูกเพื่อนแม่เราก็ได้ เมื่อก่อนจะยังมากินข้าวกันได้ทั้งแก๊ง ตาเบนจามินโตอาตี๋ของน้าตัวโตเท่าไหนแล้วนะไม่เจอกันนาน”

“ไว้บอกแก๊งลูกเพื่อนแม่ให้นะครับ”

“ส่วนเค..ถ้าอยากลาออกน้าก็เข้าใจ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมทำงานที่นี่ต่อได้ยังไงผมก็อยู่กับมันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว”

“มีสิ่งที่อยากทำไหม”

“มีครับ แต่ผมทำไปพร้อมกับงานธนาคารได้ มันอาจจะเคยเป็นความฝันแต่ตอนนี้มันเป็นแค่งานอดิเรกผมก็พอใจแล้วครับ”

“ลาพักร้อนใช้ซะมั่ง ลางานไปเตรียมงานแต่งได้แล้วเจ้าสาวน้อยใจแย่ น้ำฟ้าน่ารักนะเจอที่ธนาคารก็ยิ้มหวานให้”

“ครับ ว่าจะคุยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันยังไม่ได้เริ่มอะไรสักทีกลัวเขาหนีไปแต่งกับคนอื่น”

“ภาคิน”

“ครับ”

“ฉลาดไม่เปลี่ยนเลยนะ รู้เลยว่าวางแผนมานานเอกสารของตาแคนเราเป็นคนส่งให้น้าใช่ไหม รายละเอียดวันเวลาเป๊ะขนาดนั้น”

“ผมทนเห็นพี่ชายผมโดนเอาเปรียบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ ผมก็รักพี่ชายผมเหมือนกัน”

“โตขึ้นเยอะเลยนะแล้วก็ดูสดใสขึ้นด้วย เมื่อก่อนเจอกันทีไรดูอึมครึมตลอด”

“สดใสขึ้นเพราะคนนี้ครับ”

“โอ๊ย หลงแฟนเหลือเกินนะเรา สีน้ำ”

“ครับ”

ทั้งโต๊ะเงียบลงเมื่ออยู่ดีๆ น้าดาวก็ดูเป็นงานเป็นการแถมยังเรียกสีน้ำด้วยน้ำเสียงที่ดูน่ากลัวอีกต่างหาก สีน้ำยิ้มให้พร้อมกับกระชับมือของภาคินไว้แน่น ก่อนที่น้าดาวจะยิ้มออกมาพร้อมกับบอกว่าแกล้งเล่นเห็นนั่งซะตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ เสียงโวยวายดังลั่นโต๊ะตามด้วยบรรดาเด็กๆ ที่ทำท่ามอบมงให้น้าดาว พร้อมกับบอกว่ารู้แล้วว่าใครที่จะมาทำตำแหน่งนี้แทนป้าญาณี

ภาคินมองภาพวุ่นวายตรงหน้าก่อนที่จะชะงักไปเพราะสัมผัสตรงกลุ่มผม พี่เคยังคงมองบรรดาญาติปรบมือชอบใจแต่มือก็คอยลูบผมเขาเหมือนตอนเด็กๆ สุดท้ายน้าดาวก็ต้องบอกให้ทุกคนมานั่งกับที่ก่อนจะบอกว่าต่อไปนี้ก็ให้เริ่มกันใหม่ พร้อมกับหันมายิ้มให้สีน้ำที่ยิ้มตอบ

“พิชญเดชายินดีที่ได้รู้จักนะ สีน้ำ”



เป็นการกินข้าวบ้านแฟนที่แปลกใหม่มากมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย อย่างตอนนี้บรรดาญาติๆ ของพิชญเดชากำลังสั่งข้าวไข่เจียวกับแม่บ้าน เพราะไม่อยากจะแตะต้องอาหารที่คุณป้าญาณีเป็นคนสั่ง คนเริ่มเรื่องนี้คือคุณเคที่บอกว่าไม่ได้กลับมากินข้าวบ้านมานานแล้วติดประชุมตลอด เลยสั่งข้าวไข่เจียวหมูสับ พอคุณเคเริ่มก็ภาคินก็ยกมือตามว่าขอไข่เจียวดอกอัญชัญแต่ป้านิ่มก็สวนกลับมาว่า จะไปเก็บดอกอัญชัญมาจากไหนเลยเปลี่ยนเป็นไข่เจียวแหนมแทน แล้วหลังจากนั้นก็ต่อกันเป็นทอดๆ ครบทั้งครอบครัว ตรงหน้าสีน้ำตอนนี้ก็มีข้าวไข่เจียวใส่หอมแดงหอมฉุยวางอยู่

“ฝีมือป้านิ่มไม่เคยตก แค่ข้าวไข่เจียวก็ชนะเลิศ”

“เออ คินวันก่อนป้าสั่งรูปจากร้านเราด้วยนะคิน เอามาติดที่ห้องทำงานสวยเช้ง”

“ไม่บอกผมเองล่ะครับ จะได้เอามาให้”

“ของซื้อของขาย ขืนบอกเราก็ให้ฟรีๆ อีก”

“เปล่า ถ้าเป็นของป้าก้อยผมจะได้บวกเพิ่ม”

“ตาคินนี่เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กยันโต แล้วอีกอย่างเปิดร้านบ้างย่ะ ฉันบอกลูกค้าไปกี่คนกี่คนเขาก็บอกร้านเจ๊งไปแล้วหรือเปล่า เห็นปิดประตูตลอด โมโหเลยมาว่าร้านของหลานฉันเจ๊ง”

เสียงหัวเราะของภาคินทำให้สีน้ำหันไปมอง เขาไม่รู้หรอกนะว่าทุกครั้งที่คินกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับญาติๆ จะมีความรู้สึกแบบไหนแต่ครั้งนี้น่าจะแตกต่างออกไป เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ บนโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่มันก็คงจะดีกว่าทุกครั้ง และสิ่งที่ทำให้สีน้ำชื่นใจที่สุดก็คือ  พี่เคค่อยๆ แบ่งข้าวไข่เจียวหมูสับในจานตัวเองแล้วแบ่งให้คินที่เอ่ยขอบใจเบาๆ ท่าทางเกร็งๆ ของทั้งคู่ทำให้คนบนโต๊ะอาหารต้องแอบยิ้ม

กว่าทุกคนจะแยกย้ายก็ดึกมาแล้ว ทั้งโต๊ะอาหารเลยเหลือเฉพาะ พ่อ แม่ พี่ชายและภาคิน นั่งเงียบกันอยู่นานจนพ่อเป็นฝ่ายเริ่มก่อน พ่อและแม่ของคินเอ่ยขอโทษลูกทั้งสองคนที่ไม่เคยปกป้องอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเคต้องเจออะไร แล้วก็ขอโทษคินเหมือนกันที่ปล่อยให้ป้าญาณีเอาแต่ว่า เพราะคิดมาตลอดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นทั้งสองคนจะลำบาก สรุปแล้วเรื่องที่พ่อแม่จะคุยด้วยหลังกินข้าวก็คือเรื่องนี้แต่ภาคินก็เป็นฝ่ายเปิดเรื่องซะก่อน

“ตอนนี้พ่อกับแม่โอเคหมดนะถ้าเคจะไม่ทำงานที่ธนาคารต่อ ไปทำบริษัทอื่นหรืออยากทำธุรกิจเองแบบคินก็ได้”

“ผมทำงานที่ธนาคารต่อได้ ผมเรียนรู้งานทางด้านนี้มาเยอะแล้วไว้ถ้ามีอะไรที่อยากทำผมจะค่อยๆ เริ่ม พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ”

“ไม่อยากเป็นนักเทควันโดทีมชาติแล้วเหรอไง”

เคเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าคินรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่สุดท้ายเคก็ส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่ามันเป็นความฝันในวัยเด็ก และก็มันคงย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว ยังไงทางที่ดีที่สุดก็ควรอยู่กับปัจจุบันจะดีกว่า ภาคินยอมรับว่าเขาเคยยกให้พี่เคเป็นไอดอล และความรู้สึกนั้นก็หายไปเมื่อพี่เคกับเขาต้องห่างกัน จนกระทั่งวันนี้พี่ชายคนเดียวต้องทำห่างเหินกับเขา ต้องทนให้ใครคนหนึ่งเจ้ากี้เจ้าการชีวิต เพียงเพราะไม่อยากให้ทำเข้ามาทำงานธนาคารที่โคตรไม่ชอบ แล้วก็เท่ที่หนึ่งตอนที่ทิ้งความฝันในวัยเด็กเพื่อรับผิดชอบงานที่ต้องทำ

“ไว้ว่างๆ กลับมาแข่งกันไหม”

“สายเหลืองจะมาท้าสายดำเหรอ”

“นัดมาเลยเดี๋ยวได้รู้”

ภาคินยกหมัดตั้งท่าเหมือนจะสู้จริงๆ เคแค่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะบอกขนาดยกมือตั้งท่าเริ่มยังผิดเลย แน่นอนว่าภาคินแกล้งทำเป็นปล่อยหมัดใส่พี่ชาย ที่แกล้งทำเป็นหลบไปมาเสียงหัวเราะของทั้งคู่ทำให้คนเป็นแม่ปล่อยโฮออกมา จนทุกคนรวมถึงแม่บ้านต่างตกอกตกใจกันใหญ่ แต่เจ้าตัวก็แค่ปาดน้ำตาแล้วบอกว่า นึกว่าชาตินี้พี่น้องทั้งสองคนจะกลับมาดีกันไม่ได้แล้ว พี่น้องเคคินเลยต้องกลับมากอดคอให้แม่ได้ชื่นใจอีกครั้ง

“แล้วตามสืบเรื่องพี่แคนมานานหรือยัง”

“นานแล้วพี่เค ที่จริงก็สงสัยมานานตอนแรกเห็นใช้เงินโคตรเก่ง ทั้งซื้อรถแพงๆ คอนโดอีก ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่ขนาดนี้ งานรวมญาติก็ไม่เคยมา ป้าญาณีเอาแต่บอกประชุมต่างประเทศประชุมอะไรนักหนา”

“เรื่องนี้พี่ก็สงสัย ทุกโปรเจกต์มีชื่อพี่แคนทุกงานแต่ไม่เคยเห็นเข้าประชุม”

“ป้าญาณีหลอกให้พี่เคทำงานแทนพี่แคน บางงานไม่ใส่ชื่อพี่ด้วยซ้ำใส่แค่ชื่อลูกตัวเองยอมได้ที่ไหน”

“เก่งเหมือนเดิมนะเรา พี่เพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เอง”

“เอ๊า..ใช้เงินของตระกูลเราไปเล่นพนัน มันก็ควรจะต้องเจอกันสักตั้งผมยังไม่เคยได้ใช้สักบาท”

“เกือบดีแล้ว”

“เฮ้ย ล้อเล่นรวยด้วยตัวเองได้ไม่ง้อหรอกนะ”

“งั้นหุ้นก็ไม่ต้องเอา”

“มีแฟนต้องดูแลอย่าทำแบบนี้ หลอดสีน้ำหลอดละสามพันนะนายธนาคารรู้ยัง”

พอถูกพาดพิงสีน้ำก็ฟาดใส่พร้อมกับบอกว่าเวอร์ตลอด เคหันมายิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณสีน้ำที่เจอกันวันนั้นที่ผับ พอพูดเรื่องนี้คินก็ขมวดคิ้วจนสีน้ำต้องบอกว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง และมันก็เป็นอย่างที่สีน้ำคิดมาตลอดคุณเคพยายามให้คินออกห่างจากงานธนาคาร แต่ก็ยังห่วงน้องชายคนนี้คอยดูคอยตามอยู่ตลอด คินเองถึงจะบอกว่าต่างคนต่างอยู่ แต่ก็ให้คนไปสืบทุกเรื่อง เพราะกลัวว่าพี่ชายจะโดนเอาเปรียบ รู้แม้กระทั่งว่าพี่ชายต้องไปพบแพทย์เรื่องที่นอนไม่ค่อยหลับเพราะเครียดเรื่องาน สีน้ำยังเคยแอบเห็นว่าคินสั่งสินค้าต่างๆ ที่ทำให้นอนหลับแล้วแอบส่งไปให้พี่ชาย

“สีน้ำครับ”

“ครับ”

“ตอนนี้สีของผมยังเป็นสีเทาอยู่หรือเปล่า”

“ครับแต่เป็นสีเทาอ่อน แล้วก็เป็นสีเทาอ่อนที่เท่มากๆ”

“ขอบคุณสำหรับคำพูดวันนั้นนะครับ ถึงคุณจะเมาเล็กน้อยแต่มันทำให้ผมคิดได้จริงๆ”


“ถ้าจะกันให้คินออกห่าง ถ้าจะทำเป็นใจร้ายก็ขอให้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ แต่ถ้าจริงๆ แล้วไม่ได้คิดแบบนั้น ถ้าจะปกป้องก็ปกป้องให้ถึงที่สุด อาจจะเท่กว่าก็ได้นะ”



เคยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าขอบคุณ สีน้ำเองก็ยิ้มรับไม่น่าเชื่อเลยว่าตอนเมาเขาก็พูดอะไรที่มันมีประโยชน์ได้เหมือนกัน และแน่นอนว่าคนที่นั่งอยู่ตรงกลางของทั้งสองคนอย่างคินต้องรีบแทรกตัว พลางถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องท่าทางไม่ยอมเหมือนเด็กอนุบาลทำให้ทั้งสีน้ำและเคหัวเราะ

“ค่อยสมกับเป็นน้องชายคนเล็กหน่อย”

“วันนี้ดูอายุน้อยกว่าผมด้วย ทุกทีคินชอบทำตัวโตกว่าอายุตลอด”

“เมื่อก่อนร้องเก่งจะตาย โดนทิมแกล้งก็วิ่งร้องไห้จ้ากลับบ้านแล้ว”

“อยากเห็นเลย ภาคินตอนเด็กต้องน่ารักมากแน่ๆ”

“พอทั้งคู่เลย! สนิทกันตั้งแต่ตอนไหน เจอกันที่ไหนอะไรยังไงแล้วใครเมาขอรายละเอียดหน่อย สีน้ำเล่ามา”

เคกับสีน้ำต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่คินโวยวาย และคนที่ปล่อยโฮอีกรอบก็ยังเป็นแม่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นภาพพี่น้องสุขสันต์แบบนี้อีกครั้ง


...............
...................................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 11-04-2021 16:20:50
Watercolor

 

“ผมสงสัยมากว่าทำไมคินถึงมีชุดนอนที่ปักชื่อตัวเองเยอะขนาดนี้”

“บรรดาแม่ๆ ของแก๊งลูกเพื่อนแม่ชอบให้เราสี่คนใส่ชุดเหมือนกันตั้งแต่เด็กยันโต มีเป็นสิบยี่สิบชุดเลยมั้ง”

“น่ารัก เหมือนฝาแฝดสี่คนเลย”

“ถ้าน้ำได้เห็นรูปแก๊งลูกเพื่อนแม่ตอนเด็ก น้ำจะต้องชอบ”

สีน้ำก้มลงมองชุดนอนสีขาวที่มีชื่อภาคินปักไว้พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองอยู่โรงเรียนประจำ ภาคินกวักมือให้สีน้ำเดินมาหาพอเดินมาถึงโซฟาหน้าทีวีคินก็รั้งให้อีกคนนั่งลงบนตักพร้อมกับกอดไว้แน่น สีน้ำรู้ว่าวันนี้คินมีความสุขมากแค่ไหน ไหนจะเรื่องครอบบครัว ไหนจะเรื่องพี่ชาย ทุกอย่างเหมือนถูกปลดล็อคหมดแล้ว

“ที่จริงผมกลัวเหมือนกันนะที่น้ำต้องมารู้เรื่องของป้าญาณี มันไม่ใช่เรื่องดีเลย”

“ผมสัญญาผมจะไม่เอาไปบอกใครที่ไหน ยังไงมันเป็นเรื่องของครอบครัวคินไว้ใจผมได้”

“ขอบคุณน้ำที่เขียนโปสการ์ดใบนั้น”

“ขอบคุณที่คินตอบกลับเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะมีคนบ้าจี้เล่นด้วย”

“ไว้ถ้ามีเวลาเรากลับไปที่หมู่บ้านเหมือนฝันกันไหม”

“เอาสิ ผู้ใหญ่บ้านตกใจแน่เลย”

“ว่าจะไปกราบสักครั้งให้คำคมชีวิตผมไว้เยอะมาก”

สีน้ำตลกกับท่าทางของคินที่ทำท่าเหมือนผู้ใหญ่บ้าน มีการตบอกปั๊กๆ ภาคินก้มลงไปหอมแก้มขาวตรงหน้าแล้วค้างไว้ท่านั้น จนสีน้ำต้องตีลงบนไหล่กว้างนั่นเบาๆ พอโดนตีก็ย้ายไปอีกข้างทำสลับไปมาจนคนบนตักหัวเราะจนเหนื่อไปหมด ภาคินรู้ซึ้งถึงคำว่า ติดแฟน ของแก๊งลูกเพื่อนแม่ก็วันนี้ ที่ผ่านมาเห็นทุกคนในแก๊งมีอาการเดียวกันหมด แต่ก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองก็เป็นแบบพวกมัน เผลอๆ อาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ ความคิดบางอย่างก็แว๊บขึ้นมาในหัว

อยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลา



คิดอะไรเพลินๆ คนบนตักก็เริ่มจะง่วงคงเพราะตื่นเช้าไหนจะตื่นเต้นที่ต้องมาเจอครอบครัวเขาอีก คินเลยให้สีน้ำนอนลงบนโซฟาจัดแจงเอาหมอนมาให้หนุนตัก ตอนแรกก็ยังนอนมองหน้าเขาอยู่พอผ่านไปสักพักก็หลับสนิท คินเลยเปิดทีวีพร้อมกับเล่นผมคนที่นอนอยู่บนตักไปด้วย เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นพร้อมกับแก๊งลูกเพื่อนแม่โผล่หน้าเข้ามา คินยกมือขึ้นมาท่าทางบอกว่าอย่าเสียงดัง

“คุณน้ำสู้กับป้ามึงจนเหนื่อยสินะ”

“กูต่างหากที่สู้ นึกว่าป้าณีจะเอาจานข้าวปาใส่หัวกูแล้ว”

“กูรู้เรื่องหมดละ แม่มึงเล่าเรื่องแบบละเอียดยิบปล่อยโฮรอบที่ห้าที่เห็นมึงกับพี่เคกลับมาสนิทกันเหมือนเดิม”

“เออ เป็นวันที่กูโคตรสบายใจแล้วพวกมึงมาทำไมกันดึกดื่น”

“เพื่อนรักเพื่อนตายกูต่อสู้กับวายร้ายกูต้องมาให้กำลังใจ ไอ้ทิมเรียกพวกกูมาเป็นกำลังเสริมเผื่อคุณสีน้ำกับมึงโดนรังแก”

“กูซึ้งใจมากเบนน้ำตาจะไหล”

“หนอยแน่ะมีแฟนแล้วเล่นตัวเหรอมันน่าถีบนัก แล้วไม่เอาคุณน้ำไปนอนดีๆ เมื่อยแย่”

“เขาอยากนอนกอดกู”

“มึงอยากอดเขากูรู้ ต้องให้บรรยายไหมว่านิสัยติดแฟนของแก๊งลูกเพื่อนแม่มันขนาดไหน”

“เออ ทำไมก็มีให้กอดแล้วจะทำไม แล้วมึงไม่กลับบ้านไปกอดคีตาเหรอไง”

“คีตากลับเชียงรายกูจะกอดน้องทับทิมวันนี้ ขนเสื้อผ้ามาพร้อม”

“ไอ้เบนไล่ไอ้พอร์ชกลับคฤหาสน์ร้อยล้านของมัน ไอ้พอร์ชส่งสายตาอาฆาตใส่ไอ้เบนไม่หยุด”

“โธ่ รามิลเพื่อนรักพรุ่งนี้กูก็ส่งทับทิมคืนสู่อ้อมกอดมันแล้วไหม เรื่องเยอะมากไอ้พอร์ชทำหน้าตาเหมือนจะขาดใจตายสมน้ำหน้า”

“แกล้งมันไม่หยุดสงสารไอ้พอร์ชจริงๆ”

“แล้วมึงล่ะคิน ตอนนี้สรุปเป็นแฟนกันแบบทางการแล้ว”

“เออ”

“ไม่มีนิทรรศการแบบไอ้มิล แต่งเพลงแบบกู สวมแหวนแบบทิมเหรอวะ”

“พวกมึงมันเวอร์”

“ไม่ได้ดิ แก๊งเรามันโอเวอร์มาตั้งแต่เกิดต้องเล่นใหญ่ให้สุด”

“แก่แล้วเล่นอะไรใหญ่โตรู้กันสองคนพอ”

“ไม่สนุกเลย ไอ้ภาคินกูอุตส่าห์ตื่นเต้นมึงมีแฟนทั้งทีกูอยากปิดซอยเลี้ยง”

“เออ เสาร์หน้าพวกมึงว่างหรือเปล่าพี่เตเขาจัดงาน เชิญกูไปพูดเรื่องวาดรูปลายเส้นกับภาพถ่ายขาวดำ ไปให้กำลังใจกูหน่อยพูดบนเวทีครั้งแรก”

ภาคินยื่นใบจัดงานให้ทั้งสามคนดู รามิล เบนและทิมพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าสำหรับเมมเบอร์แก๊งลูกเพื่อนแม่เขาไปได้อยู่แล้ว อยู่ดีๆ ทั้งสามคนก็เงียบพร้อมกันแล้วหันไปมองหน้าคินที่ก้มลงมองคนที่นอนหลับอยู่บนตัก มือคินก็ยกขึ้นมาลูบผมคนบนตักเบาๆ แต่คินรู้สึกว่ามีสายตากำลังจ้องอยู่เลยเงยหน้าขึ้นมามอง และแน่นอนว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่กำลังจ้องเขาเหมือนจับผิด

“อะไรของพวกมึง”

“นี่มึงไปพูดเฉยๆ ใช่ไหมงานนี้”

“ทำไม”

“กูว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ มึงถึงบอกให้พวกกูไป”

“ก็บอกว่าตื่นเต้นกูพูดบนเวทีครั้งแรก”

“เราคบกันมาตั้งแต่สามขวบนะ แค่มองตากูก็รู้แล้วว่ามึงจะทำอะไร”

“กูจะทำอะไร”

“เออ ไอ้คนฉลาดต้อนขนาดนี้ยังไม่บอกเจอกันที่งาน กูจะไม่กะพริบตาเลยคอยดูมันต้องมีอะไรแน่ๆ”

“คิดมากเกินไปแล้วพวกมึง”

“มึงนั่นแหละคิน ฉลาดเจ้าเล่ห์อย่างมึงพวกกูดูออก”

ภาคินส่ายหน้าไปมาก่อนจะยกมือที่จับผมสีน้ำค้างไว้เมื่อคนบนตักขยับตัว ท่าทางจะง่วงจริงๆ ขนาดเขาคุยกันขนาดนี้สีน้ำก็ยังไม่ตื่น แต่จะว่าไปนอนแบบนี้ก็อาจจะไม่สบายตัว ภาคินเลยจัดการอุ้มคนที่นอนหลับให้มานอนบนเตียงดีๆ ห่มผ้าให้เรียบร้อยพร้อมกับจูบหน้าผากอีกหนึ่งครั้งแต่ก็ยังนอนมองคนที่หลับตาสนิทอยู่แบบนั้นไม่ได้ลุกไปไหน

“เหมือนกูเคยเจอเหตุการณ์นี้มาแล้วตอนไอ้มิลกับต้นไม้ ไม้หลับแบบนี้ มึงกอดไม้แบบนี้ จูบแบบนี้ สายตาที่มองไม้ก็แบบนี้”

“ไม่เห็นแปลกเบน แก๊งเรามันก็เป็นแบบนี้กันหมดขนาดไอ้ทิมตอนนอนยังกอดพอร์ชแน่นติดเป็นตังเม”

"นอนกอดแฟนผิดตรงไหนไม่ทราบ หรือมึงมีปัญหาเบนจามิน"

"ใครจะไปมีปัญหากับมึงทับทิม นอนกอดแฟนก็น่ารักดีไม่หนาวอบอุ่น"

"กวนตีน ขอให้คีตากลับเชียงรายสามเดือน"

"อันนี้นี่แหละปัญหาสามวันกูก็แทบขาดใจ"

“จะว่าไป...พวกเราสี่คนก็โตกันหมดแล้วเนอะ”

ภาคินยังคงนั่งมองสีน้ำที่หลับสนิทอยู่บนเตียง มือก็ลูบผมไปแถมยังไม่ยอมหยุดยิ้มอีกต่างหากทุกการกระทำอยู่ในสายตาของแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่ยืนมองอยู่ท่าทางอ่อนโยนของภาคิน รามิลคว้าเอาเบนและทับทิมมากอดคอซ้ายขวาก่อนจะบอกบางอย่างที่ทำให้เบนและทิมต้องยิ้มออกมา

“ในฐานะหัวหน้าแก๊งลูกเพื่อนแม่กูยินดีกับพวกมึงทุกคนที่ได้เจอความรักที่ดีๆ กูดีใจด้วยจริงๆ”





 
To be con

ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ^^

ในทวิตเตอร์อาจจะไม่ได้ทวิตเกี่ยวกับนิยายเท่าไหร่

 แต่เราอ่านทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ จังๆ ที่เกี่ยวกับนิยาย
เลยนะคะ เอฟวี่ติงทุกช่องทางเลยจ้า


#ที่พักพิงสีน้ำ#ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 11-04-2021 18:42:04
 :-[ :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-04-2021 21:24:52
อบอุ่น..อ่อนหวาน..นนนนนน   :กอด1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-04-2021 22:41:39
เคลียยย
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 12-04-2021 18:22:07
พอใกล้จะจบก็ใจหาย แต่อบอุ่น หวานมากๆ รักแกงค์นี้ทุกคนเลย :m1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-04-2021 06:30:58
หวานไปกับความรักของคินกับสีน้ำ  อบอุ่นไปกับคินและครอบครัว
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 15-04-2021 23:37:49
พอใกล้จะจบก็ใจหวิวๆ ไม่อยากให้จบเลย :hao5:

รอลุ้นว่าคินจะเซอร์ไพรส์อะไร :hao3:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-05-2021 00:12:19
ชั้นน่ะรักแก๊งลูกเพื่อนแม่ :hao5:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ CH.17 - Light gray [ 11/04/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 23-05-2021 22:57:06
รีบๆมาต่อนะครับ รักนิยายชุดนี้มาก  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 30-05-2021 18:45:41

WATERCOLOR

#ที่พักพิงสีน้ำ


คุณคิดว่าตัวเองเหมือนสีอะไร?

ภาคิน พิชญเดชา

Epilogue

- Watercolor-



 

 

“หล่อไปหรือเปล่า”

เสียงที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกต้องหันมามอง สีน้ำอยู่ในชุดนอนที่ปักชื่อเขานั่งหัวฟูอยู่บนเตียง พอเห็นภาพแบบนี้แล้วก็ตลกดี ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าจะมีวันนี้ จากคนที่เอากาแฟสีน้ำสาดใส่กันในวันนั้นแต่ตอนนี้มานั่งยิ้มหวานอยู่บนเตียงเขาได้ ภาคินเไม่ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่แต่กลับเลือกที่จะเดินเข้ามาหาสีน้ำแทน สัมผัสตรงหน้าผากทำให้สีน้ำหลับตาลง

“ไปเป็นวิทยากรจริงหรือเปล่าเนี่ย แต่งตัวหล่อขนาดนี้”

“แฟนหล่อขนาดนี้ควรภูมิใจครับ”

“มาค้งมาครับ”

“จะไลฟ์ในอินสตาแกรม แล้วก็มีพวกนิตยสารไฮโซ รายการทีวีด้วยไอ้มิลบอกจะได้เป็นการโปรโมทร้านคินไปในตัวแล้วก็..”

“ก็?”

“ไม่มีไร”

“มีแน่”

“ไม่มี”

“มี”

“คุณธารธารา”

“คุณภาคิน”

“ยอมแพ้ทำอะไรรู้ทันตลอด มีพลังวิเศษใช่ไหม”

“ไม่เนียนเองมากกว่า ตอนนี้ดังแล้วนะคินผู้จัดละครวิ่งไล่ตามจับตัวกันให้วุ่น”

“บอกแล้วว่าไม่สนใจวงการบันเทิง แต่บางครั้งคอนเนคชั่นก็สำคัญในวงการธุรกิจ”

“เข้าใจครับ”

“น้ำเข้าใจแต่คนอื่นไม่เข้าใจ”

“คนอื่นคือ?”

“คนอื่นเข้าใจว่าผมโสด”

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นครูสอนวาดรูปก็หัวเราะออกมา เพราะหลังจากที่ความสัมพันธ์กับครอบครัวกลับมาดีกันแล้ว พิชญเดชาก็ร่วมมือร่วมใจกันช่วยสนับสนุนกิจการของภาคิน อยู่ดีๆ ร้านของคินที่เปิดปีละสามวันก็ต้องเปลี่ยนแผนมาเปิดแทบทุกวัน มีปิดบ้างบางวันเวลาที่คินต้องรับงานข้างนอก นอกจากร้านจะดังแล้วเจ้าของร้านก็ดังด้วยเช่นกัน

ปกติแวดวงไฮโซไม่ได้สนใจลูกชายคนเล็กของพิชญเดชาเท่าไหร่เพราะชอบทำตัวลึกลับหาตัวจับยาก แต่เพราะตอนนี้ฝีมือการวาดรูป ถ่ายภาพ บวกกับหน้าตาของภาคินที่หล่ออยู่แล้ว กลายเป็นว่าผู้คนต่างพากันสนอกสนใจพิชญเดชาคนเล็กขึ้นมาซะดื้อๆ แถมพิชญเดชาคนโตใกล้จะเข้างานงานวิวาห์อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เรื่องหัวใจก็คงไม่ตื่นเต้นเท่ากับภาคินที่ทุกคนยังคิดว่าโสดอยู่

“อยากเปิดตัวเหรอ”

“อยากบอกทุกคนเลยแฟนอยู่ร้านข้างกันครับ”

“ผมไม่ได้ห้ามอะไรนะแต่เข้าใจว่าเพราะนามสกุลคินเป็นที่สนใจ”

“ผิดเลยที่เกิดมาหล่อและรวยมาก”

“คนเรา”

“เอาเป็นว่าถ้าผมทำอะไรน้ำจะไม่โกรธผมนะ”

“แสดงว่าจะทำ”

“ช่วยทำเป็นไม่รู้สักเรื่องเถอะ ถ้าวันไหนผมขอแต่งงานน้ำจะมารู้ทันผมไม่ได้”

“เดินมาขอตรงๆ ก็แต่ง ตามใจคินเถอะผมโอเคทุกอย่างอยู่แล้ว”

“ครูสอนวาดรูปแสนดีที่หนึ่งอยากอวดแก๊งลูกเพื่อนแม่”

“เมื่อไหร่จะมาเรียนระบายสีน้ำล่ะครับ”

“รีบแต่งตัวไปทำงานดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพี่เตด่าเอา”

พูดเรื่องระบายสีน้ำทีไรต้องโดนแกล้งคะขาจนสีน้ำต้องฟาดใส่สักที แต่ก็ยังช่วยติดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายยังติดไม่เสร็จให้เรียบร้อย พอแต่งตัวเสร็จคินก็เดินลงไปข้างล่าง แน่นอนว่าวันนี้ร้านปิดเพราะเจ้าของร้านมีงานข้างนอก ภาคินยืนชงกาแฟของตัวเอง ก่อนจะหยิบเอานมสดมาอุ่นให้สีน้ำ อ้อมกอดที่กอดรัดจากด้านหลังทำให้คินต้องหันไปยิ้มให้ ครูสอนวาดรูปล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยพอได้กลิ่นนมอุ่นๆ ก็ยิ้มแฉ่ง ทุกอย่างระหว่างเราสองคนยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แก้วกาแฟของภาคินยังคงเป็นแก้วสีขาว และแก้วนมของสีน้ำเป็นแก้วสีเหลืองที่มีหน้าสไมล์ลี่ เสียงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไปเป็นเรื่องปกติก่อนที่ภาคินจะบอกว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว

“น้ำเลิกสอนกี่โมงนะ”

“มีคลาสเช้าคลาสเดียวน่าจะเสร็จประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง”

“เสร็จแล้วตรงดิ่งมาหาผมเลยนะ”

“ตื่นเต้นจริงๆ สินะเด็กชายภาคิน”

“ผมกลัวพูดไม่รู้เรื่อง”

“ไหน..มาให้กำลังใจหน่อยซิ”

สีน้ำที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่หน้าร้านต้องเรียกให้คนที่เปิดประตูหน้าร้านออกไปแล้วเดินกลับมาหา สีน้ำรับคนที่ตัวโตเหมือนหมีเข้ามากอดไว้แน่น ภาคินก็ซุกซบตรงลาดไหล่เหมือนขอกำลังใจ ไม่มีคำพูดอะไรเป็นพิเศษมีเพียงแค่สัมผัสเบาๆ เท่านั้น กอดกันอยู่นานสีน้ำก็ต้องบอกว่าเดี๋ยวสายคินเลยต้องผละออก มือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยแก้มสีน้ำเบาๆ ตามด้วยการหอมแก้มที่สีน้ำต้องหัวเราะเพราะอีกฝ่ายเล่นหอมแรงไม่มียั้งไว้ เสียงเรียกเบาๆ ที่หน้าประตูทำให้ทั้งสองคนต้องผละออกมา ขอเดาว่าเป็นลูกค้าของร้านภาคินที่ยืนทำหน้าช็อคกันอยู่หน้าร้าน

“คือขอโทษด้วยครับ วันนี้ร้านปิดพรุ่งนี้จะกลับมาเปิดเหมือนเดิมครับ”

ทุกคนที่ยืนหน้าร้านพยักหน้ารับแต่ก็ไม่วายหน้าแดงๆ เมื่อหันมามองคนที่ยังยืนอยู่หน้าประตู คินเลยหันไปมองตามแน่นอนว่าสีน้ำยังอยู่ในชุดนอนที่ปักชื่อเขาตัวบะเร่อบะร่า แถมเมื่อกี้ก็คงจะเห็นที่เขาหอมแก้มไปเต็มๆ สีน้ำเองก็น่าจะทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่ยิ้มเขินๆ ก่อนจะขอตัวเข้าร้านคินไป

“พวกข่าวซุบซิบแวดวงไฮโซบอกว่า คุณภาคินเจ้าของร้านโสด”

“ผมว่าข่าวมั่ว”

“ก็น่าจะมั่วค่ะเห็นเต็มตาขนาดนี้ จะมาซื้อโปสการ์ดแต่มาเห็นฉากหวานแหวว แฟนน่ารักดีนะคะ”

“ถ้าสนใจวาดรูปเชิญร้านข้างๆ ได้เลยครับครับแฟนผมสอนวาดรูปอยู่”

“ดีค่ะ ไม่ซื้อโปสการ์ดแล้วไปวาดรูปดีกว่า”

“อ้าวเฮ้ย..”

สีน้ำที่ยืนพิงประตูอยู่ในร้านยังแอบขำกับบทสนทนาของภาคินกับลูกค้า แต่ก็ดีใจที่เห็นว่าคินดูจะผ่อนคลายมากกว่าเดิมเห็นตื่นเต้นมาตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้ว่านอนหลับบ้างหรือเปล่า จะว่าไปนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าคินจะทำอะไร เห็นคุยกับแก๊งลูกเพื่อนแม่นานอยู่เหมือนกัน ต้นไม้ยังไลน์มาบอกเลยว่าวางแผนทำอะไรแผลงๆ แน่ๆ ถ้าสุมหัวกันขนาดนี้ ตลกที่สุดก็ตอนที่คีตากับพอร์ชบอกว่าให้เขาแกล้งทำท่าทางตกใจตอนที่มีอะไรเกิดขึ้น เอาจริงๆ สีน้ำก็เดาไม่ออกเลยว่าภาคินจะทำอะไรแต่ก็เอาเถอะ แต่แก๊งลูกเพื่อนแม่นี่ก็น่ารักจริงๆ สามสิบกว่ากันแล้วแต่ก็เล่นกันเหมือนเด็กสามสี่ขวบ

 

Watercolor

 

คนเยอะกว่าที่คิด

ตอนแรกภาคินก็จะไม่ตื่นเต้นกับงานนี้แล้วนะ แต่พอเอาเข้าจริงก็รู้สึกสั่นๆ อยู่เหมือนกัน พี่เตเข้ามาแซวทำเสียงกิ๊วๆ เมื่อเห็นว่าวันนี้แต่งตัวหล่อกว่าทุกวัน ผมเผ้าก็ดูเป็นทรงไม่ใช่ปล่อยให้ปปรกหน้าปรกตา แต่พี่แกก็ยังตบไหล่พร้อมกับบอกว่าถึงเขาจะแต่งแบบไหนแต่มันก็ยังคงความเป็นตัวเขาอยู่ดี เออ คินชอบตรงนี้ คินยกนาฬิกาขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่ายังมีเวลาเหลือเฟือเลยไปเดินเล่นรอบๆ งาน

ที่จริงพ่อแม่และพี่เคก็บอกว่าจะแวะมางานนี้ด้วย ทั้งๆ ที่คินก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไรแค่แก๊งลูกเพื่อนแม่มาก็พอแล้ว แต่ก็สู้ความตั้งใจอันแรงกล้าของครอบครัว พิชญเดชาไม่ได้ก็เลยไม่อยากขัด แถมพี่เคยังย้ำอีกว่าตอนเขาเต้นบนเวทีงานโรงเรียนอนุบาลยังขนไปหมดทั้งครอบครัวเลย ก็เข้าใจได้แต่นั่นตอนสี่ขวบนี่สามสิบกว่าแล้ว..

งานพี่เตก็เรียกได้ว่างานรวมตัวบรรดาแวดวงไฮโซอยู่พอสมควร เห็นมีผู้ใหญ่หลายคนที่จำเขาได้เลยเข้ามาทัก นอกนั้นก็มีบูทงานศิลปะต่างๆ มาตั้งอยู่ด้วย คินเดินเข้าไปดูกระถางต้นไม้ที่เพ้นท์ลายเอาไว้แล้วยิ้มออกมา เขากำลังนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่สีน้ำไปช่วยต้นไม้ขายต้นกระบองเพร คนอะไรวาดรูปได้ตลอดเวลา คิดอะไรเพลินๆ เสียงเรียกชื่อจากด้านหลังทำให้คินต้องหันไปมอง

“เรียกผมหรือเปล่าครับ”

“ค่ะ พะแพงเอง”

“พะแพง?”

“พี่คินจำแพงไม่ได้หรอกค่ะ เราเคยเจอกันไม่กี่ครั้งแต่ว่าแพงเคยไปร้านพี่คินด้วยนะคะ แพงซื้อรูปมาตั้งที่โต๊ะทำงานด้วย”

“อ้อ ขอบคุณครับสรุปแล้วเราเคยรู้จักกันไหมครับ”

“แม่แพงรู้จักแม่พี่คินค่ะ อาทิตย์ที่แล้วบ้านแพงยังได้การ์ดแต่งงานจากพี่เคเลยยินดีกับพี่เคด้วยนะคะ”

“ขอบคุณครับ ขอโทษ..คือผมไม่ค่อยรู้จักเพื่อนของแม่เท่าไหร่นอกจากแก๊งลูกเพื่อนแม่ ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาอุดหนุนผลงานของผม”

“ว่าแต่มางานนี้คนเดียวเหรอคะ ข่าวซุบซิบเรื่องจริงเหรอนี่”

“ข่าวซุบซิบ?”

“เขาบอกว่าพี่คิน ภาคิน พิชญเดชา ลูกคนชายคนเล็ก โสดสนิท โสดอยู่คนเดียวในแก๊งลูกเพื่อนแม่ด้วย เพื่อนแพงที่เป็นแฟนคลับแก๊งลูกเพื่อนแม่ยืนยันว่าจริงค่ะ”

“ผมได้ยินเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจชีวิตผมขนาดนี้”

“แก๊งลูกเพื่อแม่ดังจะตาย แต่ทุกคนรู้ว่ามีแฟนไปหมดแล้วเหลือพี่คินนี่แหละค่ะที่ทุกคนรอจับจอง”

“ผมดูเหมือนคนโสดเหรอครับ”

“ไม่โสดเหรอคะ!”

“ผมแค่สงสัยว่าทำไมทุกคนถึงคิดว่าผมโสด ทุกทีผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่แต่ตอนนี้ก็เริ่มคิดว่าควรจะทำอะไรให้ชัดเจนสักที”

“แสดงว่าไม่โสด”

“รอดูดีกว่าครับ”

“ที่จริงแม่แพงให้ลองมาคุยๆ กับพี่คินค่ะแต่พี่คินไม่ใช่สเป็คแพง แต่ว่าแพงพูดมากและก็ขี้เกียจทะเลาะกับแม่ พี่คินคิดซะว่ามีน้องสาวสวยๆ มาคุยด้วยก็พอนะคะ”

“โอเคครับน้องแพง ขอบคุณนะครับไว้มาที่ร้านอีกนะ”

“ค่ะ แพงเป็นแฟนคลับพี่ทิมแห่งแก๊งลูกเพื่อนแม่นะคะฝากบอกว่าแพงรักพี่เขา มีเขาเป็นไอดอลในการใช้ชีวิต”

ทันทีที่ได้ยินคินถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับ ทำไมทุกคนรอบตัวที่เขาเจอถึงเป็นแฟนคลับไอ้ทิมกันหมดวันๆ ไม่เห็นมันทำอะไรนอกจากวางแผนแกล้งคน แต่ยอมรับว่าเซ้นส์เขามันบอกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าผู้หญิงที่เขาคุยด้วยไม่ได้ทีท่าทีจะจีบเขาตั้งแต่แรก แต่เรื่องที่ติดใจคือเรื่องที่เขาโสด? สงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันเขาว่าเขาติดแฟนเป็นตังเมขนาดนี้ ทำไมทุกคนถึงคิดว่าเขาโสดกัน ทุกทีคินไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ใครจะพูดยังไง เขียนข่าวแบบไหนเพราะยังไงเขาก็ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้ว แต่พอนึกถึงคำพูดของพอร์ชตอนที่มันจับมือโชว์แหวนให้บรรดานักข่าวดู ตอนนี้ก็เริ่มคิดเหมือนมันบ้างแล้ว

 

“ลูกพี่คิน บางทีมันก็รำคาญถามอะไรเยอะแยะ อีกอย่างเป็นการประกาศไปในตัวเลยว่าทับทิมเป็นของผม คนที่จะเข้ามาจีบจะได้เลิกคิด พี่ก็รู้คนจ้องจะเต๊าะแฟนผมครึ่งประเทศ”

 

จะว่าไปแบบที่ไอ้พอร์ชพูดก็น่าสนใจ และแน่นอนว่าคนอย่างภาคิน พิชญเดชาคนที่มีแผนอยู่ในหัวสามพันแปดร้อยแผนจะเปิดตัวแฟนแบบธรรมดาๆ ไม่ได้ เสียชื่อมันสมองของแก๊งลูกเพื่อนแม่หมด

 
watercolor

 

“พร้อมหรือยัง ภาคิน”

เตเดินเข้ามาตรงห้องพักด้านหลัง ยกมือทักทายรุ่นน้องที่รู้จักตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ตอนนี้โตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อ งานวันนี้เตตั้งใจจะเชิญคินมาเป็นวิทยากรตั้งนานแล้วแต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวอยากทำหรือเปล่า เพราะปกติคินโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง และไม่ค่อยเห็นออกสื่อเท่าไหร่

“ตื่นเต้นนิดหน่อยพี่ เออพี่เต..ผมขอเพิ่มอะไรนิดหน่อยได้ไหม”

“หมายถึงกิจกรรมบนเวที?”

“ใช่ครับ แค่อยากลองวาดรูปจริงๆ ให้ทุกคนได้เห็น”

“เอาเลยคิน พี่บอกแล้วยกเวทีให้มึงตามสบาย กูไม่ได้อยากให้งานมันซีเรียสมากอยากให้ทุกคนที่มาได้ฟังเหมือนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันมากกว่า”

“แต่มีกล้องและนักข่าวด้วยนะพี่”

“ผลพลอยได้ว่ะ บังเอิญแม่อยากอวด”

คินแกล้งทำหน้าเบ้ใส่ก่อนที่พี่เตจะบอกว่าอยากทำอะไรก็ทำ เต้นบนเวทียังได้เลยอย่าไปเครียดพอได้ยินแบบนี้คินก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย เขาไม่ได้ทำอะไรเวอร์วังแบบมีลูกโป่ง มีพลุอะไรแบบนั้นหรอกเขาก็แค่อยากทำอะไรที่เป็นตัวเองก็แค่นั้น เสียงเรียกของทีมงานเมื่อถึงเวลา คินเลยต้องลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อม

เอาวะ

​เสียงพิธีกรแนะนำตัวคนที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังเวที ด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดูแปลกตากว่าทุกวันทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านล่างส่งเสียงกันใหญ่ แน่นอนว่ามีแก๊งลูกเพื่อนแม่ ต้นไม้ คีตาและพอร์ชที่อยู่ดีๆ วันนี้พร้อมใจกันว่างกันโดยมิได้นัดหมาย หรือมันนัดหมายกันก็ไม่รู้ และคนสำคัญนอกจากครอบครัวแล้วยังมี ครูสอนวาดรูปสีน้ำที่พอเห็นเขาก็ยิ้มแป้นใส่พร้อมกับบอกว่าสู้ๆ

การพูดคุยบนเวทีค่อนข้างเป็นกันเอง ดีที่พี่เตขึ้นมาร่วมด้วย คินค่อยๆ เล่าเรื่องที่เขาชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มค้นพบว่าเขาชอบที่จะวาดรูปด้วยลายเส้นดินสอ เคยลองวาดรูปด้วยสีอย่างอื่นก็รู้สึกไม่ถนัดเท่าไหร่ นอกนั้นก็เริ่มถ่ายรูปจนมันพัฒนามาเป็นธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ

“วาดภาพลายเส้นดินสอมานานแล้วคุณคินเคยอยากลองวาดเป็นสีบ้างไหมครับ”

“ถ้าคนรอบตัวจะรู้ดีครับว่าผมไม่ถนัดวาดอะไรที่เป็นสีเลย ประโยคที่ได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือผมเกลียดสีน้ำ”

“แสดงว่าไม่ชอบจริงๆ”

“ไม่เชิงไม่ชอบ ยังไงดี..เรียกว่าไม่ค่อยถนัดมากกว่าเคยลองแล้วมันไม่ค่อยดีก็เลยไม่เอาเลย”

“เขาบอกว่าเกลียดอะไรจะได้แบบนั้น”

ประโยคจากพิธีกรทำให้บรรดาคนที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีพากันหัวราะ แล้วหันมามองคนที่ยกดอกไม้ขึ้นมาปิดหน้า คินเองก็ยังอดที่จะหัวเราะไม่ได้พร้อมกับตอบพิธีกรไปว่า ก็คงจะจริงครับ คนทั่วไปคงจะคิดว่าคินแค่ตอบรับไปอย่างนั้น แต่คนที่รู้เรื่องอยู่แล้วได้แต่กลั้นหัวเราะ

“คุณคินไปทั่วประเทศขนาดนี้ มีจังหวัดไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

“ทุกจังหวัดผมก็ประทับใจหมด แต่มีจังหวัดหนึ่งที่ผมอยากขอบคุณตัวเองที่ตอนนั้นเลือกไปที่นั่น ขอบคุณจังหวัดเชียงใหม่ครับ”

“เกริ่นมาซะขนาดนี้แสดงว่า..”

“อกหักครับก็เลยหนีไปพักใจ”

“เอาแล้ว เอาแล้ว! พูดเรื่องวาดรูปมากันเยอะแล้ว ตอนนี้เชื่อได้เลยว่ามีคนสนใจเรื่องหัวใจของคุณคินพอสมควร ไม่ทราบว่าตอนนี้สถานะเป็นยังไงบ้างเอ่ย ได้ยินข่าวมาเยอะแล้วพี่ชายของบ้านพิชญเดชาก็สละโสดไปแล้ว คนเล็กว่ายังไงเอ่ย”

“ก่อนจะตอบคำถามเรื่องนี้ ผมขอสาธิตการวาดรูปของผมให้ทุกคนดูก่อนได้ไหมครับ”

“โอ๊ะ! เตรียมมาเหรอครับ”

“เตรียมมาครับ แต่ผมขอความร่วมมือจากคนที่อยู่ด้านล่างเวทีด้วยนะครับ”

พอภาคินบอกแบบนั้นก็มีสตาฟออกมาเตรียมสถานที่ กระดานวาดรูปถูกยกออกมาตั้งคินลุกขึ้นไปกระซิบบางอย่างกับพี่เต แค่เพียงสักพักพี่เตก็เดินลงมาข้างล่างเวทีก่อนจะตรงดิ่งมาที่สีน้ำ พร้อมกับบอกว่าขอเชิญร่วมกิจกรรมบนเวที คนที่นั่งถือช่อดอกไม้อยู่ถามซ้ำอีกพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คล้ายจะถามซ้ำอีกครั้งว่าใช่แน่เหรอ เตยิ้มขำก่อนจะพยักหน้าบรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่รอยยิ้มนั่นแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเพื่อนตัวเองบนเวทีต้องมีแผนแน่ๆ ขนาดต้นไม้ยังต้องกลั้นยิ้ม ส่วนคีตากับพอร์ช ยกมือขึ้นแปะกันเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างลูกพี่ภาคินต้องทำอะไรสักอย่างในวันนี้

“นั่งตรงนี้เลยครับ”

พี่เตจัดเก้าอี้ให้เรียบร้อย แต่สีน้ำก็ยังคง งง ๆ กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเลยเดินไปหาภาคินที่กำลังเตรียมอุปกรณ์อยู่ เพราะวันนี้คินใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวเลยตั้งใจจะพับแขนเสื้อแต่ไม่ถนัด สีน้ำก็เลยเอื้อมมือไปพับแขนเสื้อให้เรียบร้อย คินก้มศีรษะลงมาให้สีน้ำจัดผมเพราะผมที่เซ็ทไว้มันเริ่มจะหลุดมาปรกหน้าปรกตา การดูแลเอาใจใส่โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวทำให้คนที่อยู่ข้างล่างเวทีพากันอมยิ้ม

“คินจะวาดผมเหรอ”

“ไปนั่ง ไปนั่ง”

“ทำอะไรแปลกๆ แน่”

“สีน้ำ..โอเคไหมถ้าผมจะบอกทุกคนว่าเราเป็นอะไรกัน”

“ทุกทีคินก็ไม่ได้คิดมากเรื่องนี้นี่”

“ถามก่อนเผื่อน้ำไม่โอเค”

“ผมโอเคนะ อย่าคิดมากเลยไม่ต้องกลัวผมโกรธด้วยแต่ไม่บอกเหรอว่าคินจะทำอะไร”

“สยบข่าวลือ”

คินตอบแค่นั้นแถมครูสอนวาดรูปทำหน้างงมากว่าเดิม แต่ก็ยอมไปนั่งบนเก้าอี้ที่ทีมงานเตรียมไว้ให้ คินค่อยๆ ลากดินสอให้มันเป็นรูปเป็นร่าง คนที่นั่งเป็นแบบได้แต่นั่งนิ่งตัวเกร็งเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายวาดไปถึงไหน จากคนที่เคยสอนคนอื่นวาดรูปแต่อยู่ดีๆ วันนี้ต้องมานั่งเป็นแบบให้ใครสักคนวาดก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ภาคินเหลือบมองคนที่นั่งเป็นท่อนไม้ก็หัวเราะแล้วเดินเข้ามาหา

“ตื่นเต้นเหรอน้ำปล่อยตัวสบายๆ หน่อย”

“ลองมานั่งเฉยๆ ท่ามกลางคนเป็นร้อยดูมั่ง”

“ถ้าเขินมากๆ ก็มองมาที่ผมคนเดียว”

“อย่ามาจีบ”

“ไอ้มิลบอกมาถึงเป็นแฟนกันแล้วก็ต้องจีบกันทุกวัน”

สีน้ำยกมือฟาดคนตรงหน้า พร้อมกับกระซิบให้กลับไปนั่งวาดรูปเร็วๆ ถึงคินจะเจ็บตัวแต่ก็รู้สึกว่าสีน้ำดูผ่อนคลายขึ้นมาก คินเลยแกล้งทำหน้าตาตลกๆ เวลาที่วาดรูปไปด้วย คนที่นั่งเป็นแบบเลยต้องกลั้นหัวเราะแต่พอนึกขึ้นได้ว่ามีคนที่อยู่ด้านล่างเวทีมองอยู่เยอะก็กลับมาเก๊กหน้าขรึมตามเดิม จนคินต้องเป็นฝ่ายที่หัวเราะซะเอกกลับท่าทางตลกๆ นั่น

“คือผมขอขัดจังหวะนิดนึงได้ไหมครับคุณคิน”

“ถามได้ครับ”

“ในช่วงแรกคุณคินบอกว่าไม่ค่อยถนัดวาดรูปคนเท่าไหร่ ทำไมวันนี้ถึงสาธิตการวาดรูปคนให้ดูครับ”

“พิเศษมั้งครับ”

“หมายถึงวันนี้พิเศษหรือว่าคนที่มาเป็นแบบพิเศษ..”

“ที่จริงที่ผมวาดรูปวันนี้มีหัวข้อนะครับ แต่ผมขอบอกตอนที่วาดเสร็จแล้วดีกว่า”

แค่เพียงไม่นานรูปที่ภาคินวาดก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ทุกคนที่ดูอยู่ด้านล่างต่างยอมรับว่าฝีมือการวาดรูปของคินไม่ธรรมดาเลย นี่ขนาดใช้เวลาไม่นาน ในที่สุดคินก็วางดินสอพร้อมกับขยับมือไปมา เสียงพิธีกรเข้ามาพูดคุยก่อนที่คินจะเข้าไปแตะข้อศอกให้สีน้ำลุกออกจากเก้าอี้เพื่อมาดูรูปที่เขาวาด สีน้ำส่งเสียงว๊าวเบาๆ เมื่อรูปที่คินไว้มันสวยมากจริงๆ

“ขอโทษด้วยครับงานมันอาจจะไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ แต่ผมตั้งใจวาดนะครับ”

“แล้วตกลงงานที่วาดวันนี้หัวข้อคืออะไรเอ่ย เชื่อว่าคนที่มาร่วมงานและคนที่ดูอยู่ทางไลฟ์ตอนนี้ก็คงอยากรู้กันแล้ว”

ภาคินยิ้มเขินๆ ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนไปเป็นภาคินคนเจ้าเล่ห์ แก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เห็นสายตาแบบนั้นก็หันมามองหน้ากันพร้อมกับบอกเบาๆ ว่าเอาแล้ว เบนจามินเตรียมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายฉากเด็ดไว้ รามิลหันไปมองรอบๆ ตัวเพิ่งเห็นว่ามีกล้องจากนักข่าว รายการบันเทิงต่างๆ รวมทั้งแขกผู้ร่วมงานที่เป็นบรรดาคุณหญิงคุณนายไฮโซ ทิมเลยกดเข้าไปดูจำนวนคนที่เข้ามาดูไลฟ์ตอนนี้ก่อนจะเอียงหน้ามากระซิบกับรามิล

“เพื่อนมึงเล่นใหญ่ดีนะ ออกสื่อทุกช่องทาง”

“เคยเบาเหรอแก๊งลูกเพื่อนแม่เรา”

“ตอนไอ้เบนก็ทำแบบนี้ป่ะวะ”

“ตอนไอ้เบนมันบอกแบบอ้อมๆ ไม่ได้เปิดตัวคีตาตรงๆ แต่เชื่อเลยไอ้คินมันไม่อ้อมแน่มาขนาดนี้แล้ว”

ตอนนี้ทุกคนที่งานดูจะลุ้นกับหัวข้อวาดรูปของภาคิน รวมทั้งตัวสีน้ำเองที่หันมาจ้องคินตาแป๋ว เจ้าของรูปวาดแตะเอวให้สีน้ำเดินมาข้างหน้าเวที พิธีกรเลยถามซ้ำอีกครั้งจนคนในงานต่างเงียบเพื่อรอฟังคำตอบจากภาคิน

“หัวข้อที่ผมวาดวันนี้ก็คือ”

“………..”

“แฟนครับ”

“แฟน?”

“ครับ ผมวาดรูปแฟนตัวเอง”

คนที่ช็อคกับคำตอบไม่ใช่แค่พิธีกรบนเวทีและแขกที่มาร่วมงาน แต่รวมทั้งคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งๆ ที่พอเดาได้ว่าคินมีแผนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะบอกตรงๆ แบบนี้เลย ท่าทางเหมือนสติหลุดออกจากร่างทำให้คินต้องกลั้นยิ้มแล้วคว้าเอาสีน้ำให้มายืนใกล้ๆ แค่เพียงไม่นานเสียงโห่แซวก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกดชัตเตอร์ไม่หยุด

“มีคำอธิบายรูปภาพนี้เพิ่มเติมไหมครับ”

“งานลายเส้นมันอาจจะต้องใช้เวลางานนี้มันอาจจะรีบไปหน่อย เดี๋ยวผมจะกลับไปลงรายละเอียดให้ชัดกว่านี้ติดตามได้ที่อินสตาแกรมของร้านผมได้เลย จะได้เห็นเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์แบบ”

“ขอประโยคสุดท้ายแบบเด็ดๆ หน่อยครับ เดี๋ยวจะหมดเวลาแล้ว”

“ผมภาคิน พิชญเดชาไม่โสดนะครับมีเจ้าของแล้ว”

สีน้ำได้แต่หันหน้าหลบก่อนจะทุบหลังคนที่ประกาศตัวโจ่งแจ้ง แต่น่าจะทุบดังไปหน่อยคินเลยจับมือสีน้ำมากุมไว้เพราะกลัวว่าเขินแล้วจะลงไม้ลงมืออีก เสียงปรบมือชอบอกชอบใจดังลั่น ขนาดพี่เตยังยกนิ้วโป้งให้เพราะภาคินทำให้บรรยากาศในงานดูผ่อนคลายมากกว่าเดิม ตอนแรกเขากลัวว่าแขกที่มาร่วมงานดูเบื่อๆ แต่พอภาคินขึ้นมาบนเวทีก็เริ่มสนุกสนานมากขึ้น เขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรแบบนี้อยู่แล้ว เขารู้จักคินมานานเราสนิทกันจนแทบจะเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่ก็นะเปิดตัวได้สมกับเป็นแก๊งลูกเพื่อนแม่ดี

แน่นอนว่าช่อดอกไม้จากร้าน SECRET GARDEN ยังคงเป็นช่อดอกไม้ที่สวยที่สุด คินเอ่ยขอบคุณต้นไม้ที่วันนี้มางานแถมยังจัดช่อดอกไม้มาให้ พอแก๊งลูกเพื่อนแม่ร่วมตัวกันก็ดูเป็นที่สนใจของบรรดาแขกที่มาร่วมงาน คินให้สีน้ำถือช่อดอกไม้เพราะดูเจ้าตัวจะชอบมาก พอร์ชกับคีตาเดินกลับมาหลังจากที่ทั้งคู่ไปห้องน้ำ พออยู่กันครบแบบนี้ทุกคนในงานก็พร้อมใจกันหันมามอง

“ไหนบอกมึงมาพูดเรื่องวาดรูปลายเส้นเฉยๆ ไงคินเปิดตัวแฟนเฉย”

“นึกว่าพวกมึงจะรู้กันอยู่แล้ว”

“เดาไว้แล้วแค่ไม่นึกว่าจะวาดรูปโชว์คนทั้งงานแบบนี้ วาดรูปแฟนครับ ว๊าวเลยว๊าว!”

“เปิดตัวธรรมดาก็ไม่ใช่แก๊งลูกเพื่อนแม่ป่ะวะ”

“พี่คินเวอร์มาก”

“โห เจ้าหนูคีตาคนที่แต่งเพลงให้เอ็งแล้วให้นักร้องมาร้องเพลงให้ไม่เวอร์เลยเนอะ”

“ผมเบาไปเลย อยากให้ทิมเปิดตัวผมใหม่”

“พวกมึงนะพอร์ช จับมือโชว์แหวนขนาดนั้นก็ไม่เบาเท่าไหร่”

“สีน้ำยังเขินอยู่เลย”

ต้นไม้ทักคนที่เอาแต่ยืนถือช่อดอกไม้เงียบๆ แต่หน้านี่แดงไปถึงใบหู ตอนนี้ดูน่าจะยังคงช็อคไม่เลิก คินหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วก็ต้องหัวเราะออกมานานๆ ทีเลยนะถึงจะได้เห็นสีน้ำเสียอาการแบบนี้

“กว่าจะเลิกเขินแขนเสื้อกูน่าจะขาดก่อนกำซะแน่นขนาดนี้”

คินยกแขนเสื้อขึ้นมาให้ทุกคนเห็นว่าตอนนี้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ขยำแขนเสื้อเขาจนยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว พอโดนทักเจ้าตัวก็เลยรีบปล่อย แต่คินก็ไวกว่ารีบคว้ามือสีน้ำมาจับไว้แทน ยืนคุยกันอยู่ดีๆ ก็มีช่างภาพจากนิตยสารชื่อดังเดินเข้ามาขอถ่ายรูปภาคิน สีน้ำเลยผละออกไปยืนรอข้างๆ กับแก๊งลูกเพื่อนแม่

ช่างภาพยังคงถ่ายรูปคินไปสองสามรูปก่อนจะบอกคินว่าคงคอนเซปต์มินิมอลเหมือนเดิม เสื้อผ้าอะไรไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม คินยกมือขอเวลานอกเพราะแม่โทรเข้ามาพอดีเลยเรียกสีน้ำให้คุยแทน ช่างภาพลองกล้องไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจุดโฟกัสมาหยุดที่คินและสีน้ำ

เขาไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่ชัดแต่ที่ภาคินพูดบนเวทีก็คงจะเป็นอย่างที่เจ้าตัวว่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรช่างภาพเลือกที่จะมองทั้งคู่ผ่านกล้องอยู่อย่างนั้น ภาพตรงหน้าคือภาพที่ภาคินกอดอกมองคนสีน้ำคุยโทรศัพท์ สายตาดูก็รู้ว่าเอ็นดูอีกฝ่ายมากแค่ไหน มีบ้างที่หลุดยิ้มตอนที่สีน้ำกระตุกแขนเสื้อคินรัวๆ เหมือนหาตัวช่วย

“ขอถ่ายรูปคู่ได้ไหมครับ ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร”

สีน้ำดูจะตกใจเมื่อได้ยินแต่คินก็บอกว่าแล้วแต่ได้เลย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ตอบตกลง ช่างภาพอมยิ้มเมื่อเห็นว่าสีน้ำทำตัวไม่ค่อยถูกแต่ก็เข้าใจได้ เลยให้เวลาทั้งคู่ปรับท่าทางนิดหน่อย เป็นครั้งแรกที่ช่างภาพเห็นถึงความแตกต่างของทั้งคู่ คนข้างๆ ภาคินอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายทางสีชมพูอ่อน กางเกงห้าส่วนสีขาวและรอยยิ้มที่ยิ้มให้กับกล้อง มันดูสดใสจนเขาเองยังยิ้มตาม ช่างภาพเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยขอบคุณทั้งสองคน จังหวะที่กำลังเดินไปทางอื่นก็ตัดสินใจหันกลับมาบอกบางอย่าง ที่ทำให้ภาคินยิ้มรับกับประโยคนั้นก่อนจะประสานมือกับสีน้ำให้แน่นขึ้น

“พวกคุณทั้งสองคนเหมาะสมกันมากครับ”


..............
.................................................

หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 30-05-2021 18:51:36
Watercolor


“คินว่า ผู้ใหญ่บ้านจะจำเราสองคนได้ไหม”

“อาจจะจำได้ว่าคนที่อกหักแล้วหนีมาพักใจที่นี่”

สีน้ำแกล้งทำหน้าเบ้ก่อนจะรับประเป๋ามาถือไว้เอง ในที่สุดเราสองคนก็กลับมาที่หมู่บ้านเหมือนฝัน หลังจากที่พยายามเคลียร์งานกันอยู่หลายอาทิตย์ ภาคินมองไปรอบๆ ทุกอย่างที่นี่ยังคงเหมือนเดิม ยังเป็นที่ๆ ที่ทำให้รู้สึกสบาย รู้สึกผ่อนคลาย เหมือนครั้งแรกที่เขามา เสียงดังเป็นเอกลักษณ์อยู่ตรงหน้าที่พักทำให้ทั้งคู่เดินเข้าไปหา ผู้ใหญ่บ้านคนเดิมกำลังยืนคุยกับชาวบ้านและแน่นอนว่าคำคมเด็ดๆ หลายประโยค ยังคงมีให้ทุกคนเสมอ

“แขกสองคนที่จองไว้มาถึงแล้วครับ ผู้ใหญ่”

“เออๆ ไหนๆ ไปทักทายสักหน่อย”

ผู้ใหญ่บ้านค่อยๆ หมุนตัวมาเจอทั้งสองคนที่ยืนรออยู่แล้ว ต่างคนต่างเงียบแล้วมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นเพราะกลัวว่าจะจำกันไม่ได้แล้วจะหน้าแตกเอา คินกับสีน้ำยกมือไหว้ผู้ใหญ่บ้านที่รับไหว้ตอบก่อนที่จะถามเรื่องสารทุกข์สุขดิบทั่วๆ ไป ภาคินกับสีน้ำไม่ได้โกรธที่ผู้ใหญ่บ้านจำเขาทั้งสองคนไม่ได้ ผู้คนมากหน้าหลายตาผ่านมาก็ผ่านไปจะให้จำหมดทุกคนก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งสองคนหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินนำหน้าไปยังที่พัก แต่อยู่ดีๆ ก็ต้องหยุดเดินเมื่อได้ที่ผู้ใหญ่บ้านทักขึ้นมา

“กลับมาสอนเด็กๆ ระบายสีน้ำเหรอแล้วเราล่ะพ่อหนุ่มอกหักมาอีกแล้วเรอะ เฮ้อ..คนเราหน้าตาหล่อเหลาแต่อาภัพรัก”

ทันทีที่ได้ยินภาคินและสีน้ำต่างก็เข้ามากอดแขนผู้ใหญ่บ้านคนละข้าง เสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อผู้ใหญ่บอกว่าแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ไปงั้นถึงจะแก่แล้วแต่ก็ยังความจำดี พอถามถึงห้องพักก็บอกไว้ว่าจองไว้หนึ่งห้อง ตอนแรกนึกว่าจะเต็มซะแล้ว

“แล้วรู้จักกันเหรอพ่อนุ่มสองคนทำไมมาด้วยกันได้”

“ก็..ครับ”

“แล้วพ่อแม่สบายดีแล้วใช่ไหมครั้งที่แล้วเห็นรีบกลับก่อน”

“สบายดีแล้วครับผู้ใหญ่”

“แล้วเราล่ะไง อกหักอีกไหมคราวนี้”

สีน้ำกลั้นยิ้มก่อนจะชี้ไปข้างบนคล้ายจะบอกว่าขอขึ้นไปก่อน คินเลยพยักหน้าแล้วยืนคุยกับผู้ใหญ่บ้านต่อ พอเขาส่ายหน้าตอบคำถามที่ผู้ใหญ่บ้านถามค้างไว้ แน่นอนว่าเจ้าแห่งคำคมถึงกับตบไหล่เขาดังป๊าบพร้อมกับบอกว่ามันต้องแบบนี้! พอผู้ใหญ่ถามว่าเป็นสาวที่ไหนคินก็ส่ายหน้าอีกครั้งก่อนจะมองขึ้นไปชั้นบน เมื่อสีน้ำชะโงกหน้ามาโบกมืออีกรอบ รอยยิ้มของภาคินทำให้ผู้ใหญ่บ้านมองสลับไปสลับมาระหว่างทั้งคู่ก่อนจะตบไหล่ภาคินรัวๆ

“บ๊ะ! บอกแล้วว่าต้องพบรักที่หมู่บ้านเหมือนฝันนี่”

“อยากขอบคุณตัวเองเหมือนกันครับที่มา ไม่งั้นคงไม่ได้เจอ”

“ดีๆ รักกันไว้ รักกันไว้”

ภาคินเลยทำเป็นตบอกตัวเองเหมือนที่ผู้ใหญ่บ้านชอบทำ พอทำพร้อมกันก็หัวเราะออกมาทั้งคู่ เสียงเรียกหน้าประตูทำให้คินต้องขอตัวเพราะท่าทางผู้ใหญ่บ้านน่าจะงานยุ่ง จังหวะที่คินกำลังเดินขึ้นบันไดผู้ใหญ่บ้านก็ตะโกนเรียกเขาอีกครั้ง

“เออ พ่อหนุ่มเมืองกรุงมาครั้งนี้ดูสดใสกว่าครั้งก่อนเยอะเลยนะ มีความรักแล้วมันดีจริงๆ คนหนุ่มๆ สมัยนี้”

ประโยคท้ายๆ เหมือนพูดกับตัวเองซะมากกว่า คินแค่ยิ้มรับพร้อมกับตบอกตัวเองอีกรอบ หลังจากที่เก็บชองเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็เลือกที่จะเดินเล่นในหมู่บ้าน มีชาวบ้านหลายคนที่จำทั้งสองคนได้โดยเฉพาะพวกเด็กๆ ที่สีน้ำเคยสอน วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังกันใหญ่ ข้าวไข่เจียวดอกอัญชัญพร้อมกับสตรอว์เบอร์รีไร่ลุงพรชัยคืออาหารกลางวันสำหรับวันนี้ ภาคินและสีน้ำนั่งลงตรงเนินเขาก่อนที่สีน้ำจะเล่าเรื่องตอนที่อยู่ที่นี่ให้ภาคินฟัง

“ไม่นึกว่าจะมีวันนี้วันที่เราได้นั่งกินข้าวไข่เจียวอัญชันด้วยกัน”

“ครั้งที่แล้วผมนั่งกินคนเดียว ซึมมากด้วย”

“คนหล่ออกหักแบบที่ผู้ใหญ่บ้านว่า”

หลากหลายเรื่องราวที่ได้คุยกันจะว่าไปมันก็เหลือเชื่อทั้งๆ ที่บางครั้งเราไม่ได้เราสองคนไม่ได้อยู่ห่างกันเลยสักนิด พอคินบอกไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตใดๆ แต่พอมันเกิดกับตัวเองก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน สีน้ำเบ้หน้าใส่พร้อมบอกว่าไม่โรแมนติกเลยก่อนจะยกแก้วนมชมพูขึ้นมาชนแก้วกาแฟดำ คุณป้าแม่ครัวที่บ้านพักชงให้กับมือแถมยังจำเขาทั้งสองคนได้อีกต่างหาก

เพราะอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้วคินเลยชวนกลับที่พัก แต่อยู่ดีๆ สีน้ำก็ขอตัวไปทักบรรดาคุณครูที่โรงเรียนก่อน ถึงจะงงๆ เพราะเมื่อกี้สีน้ำก็ไปหาทีนึงแล้วแต่คินก็พยักหน้า แต่กว่าจะเดินมาถึงที่พักคินก็แวะถ่ายรูปเรื่อยๆ กว่าจะถึงที่พักฟ้าก็มืดพอดี จังหวะที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดสายตาก็เหลือบไปเห็นโปสการ์ดที่ปักไว้ตรงกลางบอร์ด



-พรุ่งนี้ไปวาดรูปด้วยกันไหม-



ลายมือที่คุ้นเคยแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นของใคร คินหยิบโปสการ์ดแล้วเดินขึ้นมาที่ห้องพัก พอเห็นเจ้าของโปสการ์ดแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้คินก็เลยต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วย แต่ก็แอบเห็นว่าสีน้ำเอาแต่จ้องเขาไม่หยุดคล้ายจะถามว่าเห็นโปสการ์ดที่ติดไว้หรือเปล่า และแน่นอนภาคินคนฉลาดที่สุดในแก๊งลูกเพื่อนแม่ทำตัวเนียนได้สมกับฉายา สุดท้ายสีน้ำก็เลิกสนใจแล้วล้มตัวลงนอน เป็นคืนแรกของเราที่หมู่บ้านเหมือนฝันเลยนอนคุยเล่นกันอยู่สักพัก ก่อนที่จะหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เสียงเพลงที่ดังขึ้นทำให้สีน้ำรีบลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แต่ก็รู้สึกงงๆ อยู่เหมือนกันเพราะไม่ได้ตั้งปลุกไว้ แถมไอ้คนที่นอนกอดกันทั้งคืนก็ไม่อยู่ในห้องแล้วด้วย พอจัดการอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแต่ยังไม่เห็นภาคินอยู่ดี อยู่ดีๆ สีน้ำก็นึกขึ้นได้เลยคว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งลงไปตรงบอร์ดหน้าบันได และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด



- ตอบรับคำชวนมาวาดรูปด้วยกันนะครับ-



โปสการ์ดที่เป็นลายเส้นดินสอบ่งบอกสไตล์เฉพาะตัวจะมีใครคนไหนได้อีก สีน้ำหยิบโปสการ์ดแล้วเดินไปที่ระเบียงที่พักอีกด้าน ทันทีที่เดินมาถึงภาพตรงหน้าก็ต้องทำให้หยุดอยู่กับที่ ภาคินในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสีขาวกำลังเตรียมกระดานวาดรูปพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ มีทั้งดินสอและสีน้ำ ยืนมองอยู่นานก็ไม่เห็นว่าภาคินจะรู้สึกตัวสักที สีน้ำเลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาพร้อมกับสวมกอดจากด้านหลัง

“นึกว่าคินจะไม่เห็นโปสการ์ดซะแล้ว”

“จะมีใครมาติดโปสการ์ดกลางบอร์ดเหมือนคุณอีกล่ะครับ”

“แล้วคินเอาอุปกรณ์มาจากไหน”

“ไปยืมมาจากที่โรงเรียน เดี๋ยวนี้มีพวกอุปกรณ์การเรียนใหม่ๆ เยอะขึ้นมากเลยนะ”

สีน้ำพยักหน้าก่อนจะผละออกมานั่งตรงหน้ากระดานวาดรูป คินเลยนั่งลงข้างๆ แก้วกาแฟดำและถาดสีน้ำที่วางอยู่ทำให้ครูสอนวาดรูปหลุดยิ้มเพราะนึกถึงวันแรกที่เจอกัน พอแห็นเขาจ้องอยู่อย่างนั้นภาคินก็ยื่นหน้าเข้ามาหาพลางถามว่าเขายิ้มทำไม สีน้ำเลยต้องบอกว่านึกถึงวันแรกที่เจอกันเฉยๆ

“เราเคยไม่ชอบกันขนาดนั้นได้ไง”

“คุณสาดสีน้ำใส่ผมทั้งตัวใครจะไปชอบลง หน้าก็มอมแมมเหมือนเด็กประถม”

“เด็กประถมอะไรผมเป็นครูสอนวาดรูป”

“หัวหน้าแก๊งเด็กประถม มีหนวดแมวด้วยผมจำได้”

“น่ารักล่ะสิ”

“ไม่แพ้บอกไว้เลย แบ๊วๆ อะไรแบบนั้นไม่ใช่แนว”

“จริงเหรอ”

“ผมภาคิน บอกเลยว่าแข็งแกร่งที่สุดในแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้ว”

สีน้ำตอบรับว่าอ้อยาวๆ ก่อนจะค่อยๆ เขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆ คินแล้วซบหน้าลงตรงอกกว้าง คินไม่ได้ขยับตัวไปไหนแค่มองดูว่าสีน้ำจะมาไม้ไหน อยู่ดีๆ เจ้าตัวที่ซบอกอยู่ก็ช้อนตาขึ้นมามอง

“ไม่น่ารักเหรอคะ”



โห..



“รู้เลยใครสอนมา”

“ทับทิม นพจินดาไอดอลของพี่สีน้ำ”

“พอสนิทกันก็ถ่ายทอดวิชาให้เลยนะ เข้าใจความรู้สึกไอ้เบนแล้วว่าทำไมคีตาถึงอัพเลเวลเร็วขนาดนั้น”

“ตอบก่อนไม่น่ารักเหรอคะ”

พอเห็นคินทำท่าทางเฉยๆ สีน้ำเลยเบ้หน้า แล้วทำท่าจะผละออกแต่คินก็คว้าแขนเอาไว้พร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มแรงๆ จนสีน้ำร้องอื้อ..จังหวะที่กำลังจะยกมือฟาดใส่ภาคินก็จับมือของสีน้ำไว้ทันก่อนจะก้มลงมาบอกบางอย่างใกล้ๆ

“น่ารักค่ะ”

แน่นอนว่าคนเขินดันเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ทับทิม ภาคินยังบอกอีกว่าอยู่กับไอ้ทิมมาตั้งแต่สามขวบ แผนนี้ใช้ไม่ได้ผลหรอก เขาโดนไอ้ทิมเอาหน้าตาน่ารักทำท่าทางน่ารักมาหลอกใช้เขาตั้งแต่อนุบาล เขารู้ทันหมด สีน้ำอยากจะบ้าตายภาคินคนฉลาดเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ เดี๋ยวต้องไปคิดแผนกับทับทิมและคีตาใหม่ แต่พอมานั่งคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปก็หัวเราะออกมา

“ตลกว่ะไม่น่าทำเลย”

“เมื่อกี้ยังคะขา”

“ไม่เล่นแล้ว”

“เอาผมอยู่หมัดขนาดนี้ไม่ต้องไปตามไอ้ทิมมันหรอก ปล่อยให้มันแกล้งไอ้พอร์ชคนเดียวก็พอ”

“อยู่ดีๆ ผมก็ชนะเฉยเลย”

“มัวแต่เล่นยังไม่ได้วาดรูปกันสักที”

ภาคินหยิบดินสอแล้วชี้ไปที่กระดาน สีน้ำเลยกลับไปสนใจกระดานวาดรูปตามเดิมวิวตรงระเบียงของที่พักเป็นมุมที่เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้น ต้นไม้ที่มีสีเขียวขจี ภูเขารายล้อมรอบด้าน สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้สีน้ำยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆ แต้มสีลงบนกระดาษวาดรูปตรงหน้า เพราะมัวแต่ใช้สมาธิกับการวาดรูปสีน้ำเลยไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้ภาคินกำลังนั่งมองอยู่

“น้ำเคยบอกว่าเรายังไม่เคยนั่งวาดรูปด้วยกันจริงๆ จังๆ เลยใช่ไหม”

“ตอนนั้น..ที่ผมเห็นคินกับนาวานั่งวาดรูปด้วยกันผมยอมรับว่าน้อยใจ เราสองคนชอบไม่เหมือนกันคินไม่ชอบสีน้ำผมกลัวว่าคินจะอึดอัด”

“วันนี้เรานั่งวาดรูปด้วยกันแล้วนะ”

“คินไม่เบื่อใช่ไหม”

“อยู่กับแฟนจะเบื่อได้ไงไหน..วาดรูปอะไร”

ภาคินชะโงกหน้าไปดูรูปวาดที่สีน้ำวาด เขาเชื่อในฝีมือของสีน้ำอยู่แล้วรูปภาพตรงหน้าถึงจะยังไม่เสร็จดีแต่ก็สวยมากแล้วสีน้ำชี้พู่กันไปตรงพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นสีแดงอมส้มมันดูสวย สีน้ำเลยยื่นพู่กันให้คินลองระบายดูบ้างคินรับพู่กันนั้นมาก่อนจะค่อยๆ ระบายสีลงไป ท่าทางของภาคินไม่ได้ดูฝืนหรือไม่ชอบเหมือนครั้งก่อนๆ

“ถึงจะหลงตัวเองแต่จ้องกันขนาดนี้ผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะ”

“คินยิ้มด้วย ครั้งแรกที่คินระบายสีน้ำจำได้ไหมที่บ้านรุ่งอรุณ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้”

“ตอนนั้นผมไม่ชอบจริงๆ แล้วก็ไม่คิดจะเปิดใจด้วย”

“ตอนนี้ชอบแล้ว?”

“ชอบระบายอย่างเดียวไม่ชอบผสมสี”

เออ คำตอบก็สมเป็นภาคินดี ตอนนี้ก็ยังระบายสีไม่หยุดพอสีหมดมีการเอาพู่กันเคาะจานสีให้เขาผสมสีเพิ่มให้ด้วย ท่าทางสบายเกินสีน้ำเลยอยากจะฟาดใส่ พอระบายสีน้ำจนพอใจคินก็ยื่นดินสอให้อีกฝ่ายลองบ้าง สีน้ำก็รับมาถือไว้เฉยๆ จะว่าไปเขาก็ไม่เคยลองวาดลายเส้นดินสอเหมือนกัน คินลากเก้าอี้ให้สีน้ำเขยิบเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะบอกว่าต้องทำแบบไหนบ้าง ท่าทางตั้งอกตั้งใจของแฟนตัวเองมันดูน่ารักจนคินต้องก้มลงมาจูบขมับเบาๆ แน่นอนว่าคนที่กำลังตั้งใจแรเงาอยู่ยกมือดันหน้าภาคินให้ถอยออกไป

“สีน้ำ”

“ครับ”

“น้ำเคยคิดไหมว่าตัวเองเหมือนสีอะไร”

“ไม่รู้เลย หลายสีมั้งแบบสีรุ้งหลายๆ สีรวมกัน รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปทุกวินาทีสีก็คงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนกัน”

“น้ำเคยบอกว่าผมเป็นคนแรกที่ไม่รู้ว่าเหมือนสีอะไร”

“นายคนไม่มีสี ผมเคยเรียกคินแบบนี้”

“แล้วตอนนี้ผมก็ยังไม่มีสีเหรอครับ”

สีน้ำวางดินสอในมือลงแล้วหันหน้ามามองภาคินเต็มๆ ตา จะว่าไปก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักเขาก็ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเหมือนสีอะไร ขนาดตอนนี้สีน้ำก็ยังให้คำตอบไม่ได้อยู่ดี แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ตรงไหนเลยสีน้ำยกมือวางลงบนแก้มของคินเบาๆ

“ไม่มีสีแบบนี้ก็พิเศษดี แล้วคินล่ะอยากเป็นสีอะไร”

รูปวาดสองรูปเสร็จเป็นที่เรียบร้อย รูปวาดพระอาทิตย์กำลังขึ้นโผล่พ้นขอบฟ้าของสีน้ำเป็นรูปวาดที่มีสีสันสดใส พระอาทิตย์สีแดงอมส้มที่เราสองคนช่วยกันระบายมันออกมาสวยงามอย่างที่ตั้งใจไว้ และรูปวาดลายเส้นดินสอของภาคินก็เช่นกันแสงและเงาที่ช่วยกันทำให้รูปนี้สวยกว่าที่คิดไว้ ไม่มีคำพูดอะไรอีกคินรั้งให้สีน้ำเอนตัวมาซบลงตรงอกพร้อมกับดูรูปไปพร้อมกัน เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันเป็นสิ่งที่โคตรวิเศษ

โปสการ์ดที่เขียนให้กันในวันที่เรายังไม่รู้จักกัน
หรือจะเป็นกาแฟดำและถาดสีน้ำในวันนั้นที่ทำให้เราได้เจอกันครั้งแรก


และในตอนนี้มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ในอ้อมกอดของภาคินมีครูสอนวาดรูปหน้าแมวซบอยู่ไม่ห่าง รูปวาดตรงหน้าก็เป็นสิ่งที่คินเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเหมือนกัน ใครจะไปคิดว่าคนที่มีความชอบต่างกันขนาดนี้จะอยู่ด้วยกันได้ ในวันนั้นที่อกหักปัญหาชีวิตที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดเกือบทำให้ภาคินแทบจะไม่มีที่ให้ไปหรือพักใจแล้ว แต่ในที่สุดเขาก็ได้เจอกับที่พักพิงสุดท้าย โปสการ์ดที่มีข้อความสั้นๆ ในวันนั้นหรือจะเป็นอาหารเช้าที่ได้รับในทุกๆ วัน ทุกอย่างมันคือความรักและความสบายใจที่ภาคินอยากเรียกว่ามันบ้าน และสัญญาว่าจะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว

“สีน้ำ ผมว่าที่จริงแล้วผมเหมือนทุกสี”

“ทุกสีเลยเหรอ”

ผมจะเป็นสีเหลืองที่หมายถึงความสุข
ผมจะเป็นสีฟ้าที่หมายถึงความสดใส
ผมจะเป็นสีเขียวที่หมายถึงความสดชื่น
ผมจะเป็นสีชมพูที่หมายถึงความรัก
ผมจะเป็นสีส้ม สีแดง สีเทา สีดำ สีขาว สีรุ้ง

ภาคินยิ้มให้คนที่เงยหน้าขึ้นมามองก่อนที่คินจะก้มลงไปจูบหน้าผากขาวตรงหน้า สีน้ำหลับตาลงเมื่อคินไม่ยอมผละออกไปไหนยังคงค้างจูบไว้อย่างนั้น รูปวาดสีน้ำและรูปวาดลายเส้นที่วางอยู่คู่กัน โปสการ์ดสองใบที่หนีบไว้ตรงกระดาน กาแฟดำ นมร้อน ถาดสีน้ำ ดินสอ อ้อมกอด จูบที่อบอุ่น

“ทุกสีที่สีน้ำต้องการ”

และผมจะเป็นภาคิน พิชญเดชาของคุณคนเดียว


...........
..................................
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: RIBBINBO ที่ 30-05-2021 18:58:33

Watercolor

Epilogue


SECRET GARDEN

ต้นไม้ยกกระถางดอกไม้เข้ามาวางตรงชั้นในร้านก่อนจะปิดประตูร้าน พร้อมกับพลิกป้ายเป็นคำว่า close วันนี้เขาปิดร้านเร็วกว่าปกติเพราะวันนี้บรรดาแก๊งลูกเพื่อนแม่และแฟนของทุกคนเกิดอยากจะรวมตัวกันขึ้นมาซะดื้อๆ พอจัดการหน้าร้านเสร็จแล้ว ก็ตั้งใจจะขึ้นไปเรียกรามิลที่หายไปตั้งแต่กลับมาจากที่ทำงาน แต่ยังไม่ทันจะได้ขึ้นไปตาม รามิลพร้อมกับชุดอยู่บ้านก็เดินลงมาพอดี

“ล็อคประตูเรียบร้อยแล้วนะไม้”

“เรียบร้อยแล้ว มิลเคลียร์งานเสร็จไหมทำต่อก็ได้นะ”

“ไม่อยากคุยแล้วคุณชัยชอบจับผิดมิล”

“งอแงตลอด”

“อยู่กับแฟนกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ดีกว่าวันนี้”

กลับสู่โหมดอ้อนแฟนเต็มตัว รามิลทิ้งมาดผู้บริหารแล้วเดินไปหยิบต้นกระบองเพชรที่เลี้ยงเองขึ้นมาถือไว้ ตั้งใจจะเอาไปอวดกับแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่มารวมตัวกัน ต้นไม้ได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็ยกมือขึ้นมาจับผมเผ้ารามิลให้เข้าที่เข้าทาง รามิลเลยคว้าเอวต้นไม้แล้วเดินไปยังสวนด้านหลังด้วยกัน

“คีตา อยากฟังสิบเพลงรักแบบสดๆ ร้องให้ฟังหน่อย”

“ไอ้พอร์ชนี่มันเพลงพิเศษที่คีตาแต่งให้กู กูควรได้ฟังคนเดียว”

“เขาก็ฟังกันทั้งประเทศนะคุณพี่เบน”

“โว๊ะ เมื่อไหร่มึงจะเลิกกวนตีน”

สวนด้านหลังตอนนี้เรียกว่าวุ่นวายมากเลยทีเดียว คีตาดีดกีตาร์ไปเรื่อยๆ แกล้งทำเสียงประกอบเมื่อเห็นว่าพี่เบนกับพอร์ชเริ่มจะตีกันอีกแล้ว รามิลวางต้นกระบองเพชรไว้กลางโต๊ะพร้อมกับบอกว่าเลี้ยงมากับมือออกดอกสวยงาม แต่แก๊งลูกเพื่อนแม่ที่เห็นรามิลอยู่กับต้นกระเพชรตั้งแต่จีบต้นไม้ก็ไร้ซึ่งความตื่นเต้นใดๆ เลยทำเป็นพยักหน้ารับรู้ ก็นะไอ้มิลอวดต้นกระบองเพชรในไลน์กรุ๊ปลูกเพื่อนแม่ทุกวี่ทุกวันไม่เห็นจะน่าตกใจตรงไหน

“ไม่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้านานแล้วว่ะ”

“มึงพูดเหมือนเราไม่เจอกันนาน บ้านห่างกันสองซอยเมื่อวานไอ้ทิมยังปีนข้ามรั้วมาแดกข้าวบ้านกูอยู่เลย”

“กูไม่เคยเข้าใจไอ้ทิมทำไมไม่เดินเข้าทางประตูดีๆ กูเห็นมันปีนข้ามกำแพงไปบ้านไอ้คินตั้งแต่สามสี่ขวบ”

“เสียเวลา ปีนเร็วกว่า”

“เมื่อก่อนขาสั้นกูต้องไปรับมันตรงกำแพงด้วย กระโดดใส่กูทุกวัน”

“ลูกกระจ๊อกสมตำแหน่ง”

“ตำแหน่งกูไม่เคยขยับ ตั้งแต่โสดจนมีแฟน”

“ตอนนี้ไอ้คินตายห่าแน่นอนรับใช้ทั้งไอ้ทิมทั้งสีน้ำ โชคดีนะลูกกระจ๊อก”

คินหันไปอ้อนแฟนที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับบอกให้สีน้ำสู้ให้หน่อยอยากย้ายตำแหน่ง แต่แน่นอนว่าสีน้ำที่มีทับทิมเป็นไอดอลได้แต่ส่ายหน้าแถมยังมีการไปแปะมือกับทับทิมอีกต่างหาก มีคีตาเข้ามาร่วมวงรวมพลังตามด้วยต้นไม้ที่รามิลถึงกับร้องห้ามรัวๆ แต่ก็ห้ามไม่ได้ ภาพตรงหน้ามันดูน่ารัก ทับทิมเป็นคนเข้าถึงยากทุกคนรู้ดี แต่สำหรับแฟนของแก๊งลูกเพื่อนแม่ทับทิมเปิดใจให้ทุกคน เมื่อวันก่อนก็เอาสร้อยข้อมือที่ออกแบบเองมาให้ ต้นไม้ คีตา และสีน้ำ และแน่นอนว่าไอ้พอร์ชเองก็ได้เหมือนกัน

“ไอ้มิลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว มึงเป็นอะไรเนี่ยหัวหน้าแก๊ง”

“กูจะซึ้งไม่ได้เลยเหรอไง ไอ้พวกนี้นี่กูดีใจที่พวกมึงมีแฟน มีความรักที่ดีๆ”

“ไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้วขอสุนทรพจน์หน่อย”

รามิลมองไปรอบๆ โต๊ะที่นั่งอยู่ จะว่าไปพวกเขาสี่คนโตกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ จากเด็กสามสี่ขวบที่พ่อแม่พามาให้รู้จักกัน ถูกจับแต่งตัวให้เหมือนกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเราสี่คนจะกลายมาเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายจนถึงวันนี้ รามิลหันไปมองคู่รักนักดนตรี คีตายังคงถือกีตาร์ไว้บนตักและเบนจามินยังคงนั่งลูบแก้มป่องๆ นั่นไม่หยุดแต่ก็รอฟังที่เขาจะพูดไปด้วย

“เบนจามิน ไอ้เด็กตาตี่ที่อารมณ์ดีเกินร้อยจนกูคิดว่ามึงบ้าแล้ว เจ้าชู้จนกูนึกไม่ออกเลยว่ามึงจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนได้ยังไง คนที่เคยผิดหวังในความรักจนถึงกับนั่งกอดไวโอลินร้องไห้จะเป็นจะตาย”

“…………”

“และมึงก็เป็นเบนจามินคนที่ดีขึ้นเพราะนักแต่งเพลงคนหนึ่ง กูโคตรดีใจในวันที่มึงประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงานและความรัก ขอบใจนะคีตาที่เข้ามาในชีวิตเบน เป็นกล่องดนตรีให้เบนให้มันตลอดไปเลยนะ”

“…………”

คีตายิ้มให้รามิลจนลักยิ้มบุ๋มพร้อมกับดีดกีตาร์เป็นการตอบรับ รามิลเบนสายตาไปยังคู่รักอัญมณี ทับทิม นพจินดาในวัยสามสิบกว่าก็ยังคงมัดจุกเหมือนเมื่อตอนสามขวบ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคนที่มัดจุกให้ทิมไม่ใช่แค่พวกเขาสามคนอีกต่อไปแล้ว พอร์ช พชรคืออีกคนอีกคนที่ทิมยอมให้

“ทับทิม ไอ้เด็กที่โคตรเอาแต่ใจตั้งแต่กูพบเจอมาบนโลกใบนี้ เกิดมาไม่เคยเจอเด็กคนไหนร้ายกาจเท่ามึงมาก่อน และก็เป็นคนที่กูห่วงที่สุดในแก๊งลูกเพื่อนแม่ ตั้งแต่เด็กมึงบอกตลอดเลยว่าคนอย่างมึงไม่คู่ควรจะมีความรัก ไม่มีใครอยากจะอยู่กับคนที่นิสัยที่ไม่ดีอย่างมึง”

“…………”

“คนที่ออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นเป็นร้อยๆ วงแต่ไม่เคยคิดจะออกแบบให้ตัวเอง แต่กูก็เคยบอกมึงแล้วทับทิมว่าสักวันมึงจะได้เจอความรักที่ดี จะมีคนที่มึงอยากออกแบบแหวนแต่งงานให้ตัวเอง มึงคือคนที่เสียใจเพราะความรักจนเกือบจะยอมแพ้แต่ในที่สุดมึงก็ได้เจอคนที่มึงรักและรักมึงในแบบที่มึงเป็น”

“…………”

“พอร์ชกูจะบอกมึงไปจนตายถ้ามึงทำเพื่อนกูเสียใจเมื่อไหร่ มึงได้เจอแก๊งลูกเพื่อนแม่เวอร์ชั่นที่มึงคาดไม่ถึงแน่นอน”

“ขู่เป็นร้อยครั้งผมก็จะบอกให้แก๊งลูกเพื่อนแม่เป็นร้อยๆ ครั้งเช่นกันว่า มันจะไม่มีวันนั้นครับผมสัญญา ผมจะดูแลแก้วตาดวงใจของแก๊งลูกเพื่อนแม่ให้ดีที่สุดครับ”

“ต่อให้ไอ้ทิมร้ายกว่านี้”

“ร้ายให้สุดๆ ไปเลยผมไม่ไปไหนหรอก”

“มึงนี่พระเอกฉิบหาย”

“ขอซีนหล่อให้ผมบ้างเถอะ พวกลูกพี่แย่งไปกันหมด”

ถึงจะกวนตีนที่หนึ่งแต่รามิลก็เชื่อว่าคนอย่างพอร์ช พชร คือคนที่พวกเขาไว้ใจที่จะฝากให้ดูแลทับทิม เจ้าเด็กผมจุกยิ้มให้เขาทั้งๆ ที่น้ำตาคลออารมณ์อ่อนไหวมาอีกแล้วแน่ๆ พอร์ชรั้งทิมเข้ามาใกล้ๆ เมื่อเห็นว่าทิมจะร้องไห้อยู่รอมร่อพอไอ้ทิมน้ำตาไหลไอ้เบนกับไอ้คินส่งเสียงล้อไม่เลิก จนไอ้ทิมแทบจะปาขนมบนโต๊ะใส่มันทั้งสองคน รามิลเหลือบไปเห็นแหวนทับทิมที่นิ้วนางข้างซ้ายของทั้งคู่ก็ยิ้มออกมาเขายังจำเหตุการณ์วันนนั้นได้ดี

“มา ภาคิน”

“กูแล้วเหรอตื่นเต้นว่ะ”

“ตื่นเต้นเหี้ยไร”

“กูกับมึงรามิลไม่เคยคุยกันแบบหวานแหววตั้งแต่เด็ก ไอ้ทิมเป็นคนสร้างปัญหา ไอ้เบนช่วยไอ้ทิม กูแก้ปัญหา มึงออกรับหน้า เราสองคนไม่มีซีนซึ้งเลย”

“พลิกล็อคสุดก็คือมึงนี่แหละกูบอกไว้เลย กูนึกว่ามึงจะมีแฟนสักสี่สิบ”

“สัด นานเกิน”

“ก็มึงตะลอนๆ ทั่วประเทศไม่หยุดกูจะไปรู้เหรอว่ามึงจะมีแฟนตอนไหน และดูเลิฟสตอรี่มึงเอาไปสร้างเป็นหนังได้เลย โปสการ์ดสื่อรัก”

แต่ก็จริงอย่างที่ภาคินบอก เขากับคินเป็นผู้ชายประเภทไม่พูดกันซึ้งๆ แต่ต่างฝ่ายต่างรู้อยู่แล้วว่าคิดอะไรอยู่ ถ้าห่วงก็แค่ตบไหล่ แต่จะมาเข้ามากอดมาบอกว่าเออ เป็นห่วงว่ะมันไม่ใช่แนวเท่าไหร่ แต่ในฐานะหัวหน้าแก๊งเขาก็เป็นห่วงภาคินไม่แพ้ใครเหมือนกัน ตอนนี้พูดได้เลยว่าเขาหมดห่วงคินเรื่องความรักแล้ว สีน้ำที่กำลังระบายสีลงบนสมุดวาดภาพตรงหน้าถึงกับหัวเราะกับท่าทางของภาคินไม่หยุด

“ภาคิน ไอ้เด็กที่โคตรฉลาด เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ์ณ คนที่คอยแก้ปัญหาให้แก๊งลูกเพื่อนแม่ กูดีใจมากที่กูได้รู้จักมึง ตั้งแต่วันที่มึงหายไปเชียงใหม่กูโคตรเป็นห่วงมึงเลย ถึงมึงจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ”

“………”

“ขอสารภาพว่ากูถึงกับขอให้มึงได้เจอใครสักคนที่นั่น ให้มึงได้เจอกับใครสักคนที่รักมึงจริงๆ และเป็นที่พักพิงให้มึงในวันที่มึงเจอเรื่องแย่ๆ จะได้ไม่ต้องหนีไปไหนอีก”

“เจอจริงด้วยว่ะ”

“เออดิ เพราะกูไม่เคยเห็นมึงเสียศูนย์ขนาดนั้นมาก่อน ตอนนั้นกูถึงเป็นห่วงมึงมากถึงมึงจะฉลาดแค่ไหน เก่งแค่ไหนแต่กูก็อยากให้มึงได้เจอคนที่เขามาดูแลมึงเหมือนกัน สีน้ำ..ผมไม่เคยพูดแบบนี้กับใครเลยเพราะคิดว่าคินดูแลตัวเองได้มาตลอด แต่วันนี้ผมขอฝากภาคินไว้ด้วยนะครับ”

“ไม่ต้องห่วงเลย ผมจะดูแลนายภาคินคนนี้ให้เองข้าวเช้าก็ซื้อให้ ร้านก็ดูให้ ห้องก็กวาดให้”

“ทำให้ขนาดนี้เราแต่งงานกันได้ยัง”

“เนี่ย มึงมันเจ้าเล่ห์ไอ้คิน”

“อย่าแซงคิวผม”

“มึงเด็กสุดแต่งทีหลังเลยพอร์ช สักสามสิบห้า”

“นานเกิน อยากแต่งพรุ่งนี้”

“ได้ข่าวว่ากูกับคีตาคบก่อนพวกมึงสองคนอีก อย่ามาๆ ตามคิว”

“ก็มึงมัวแต่บินไปอเมริกาไม่แต่งสักที”

“ทำงานเก็บเงินก่อนสิโว้ย เดี๋ยวไม่มีเงินมาเลี้ยงลูกเขา”

“ต้องบอกกี่ครั้งว่าคีตารวยกว่ามึงเบนจามิน”

“เมื่อกี้เรายังคุยกันเรื่องมิตรภาพอันยาวนานของแก๊งลูกเพื่อนแม่กันอยู่เลย กูพูดซะยืดยาวพวกมึงนี่”

“แต่กูตื้นตันจริงนะรามิล ไม่คิดว่าเราสองคนจะมีวันได้พูดอะไรแบบนี้ขอกอดทีหัวหน้า”

ภาคินทำท่าจะเข้ามากอดรามิลเพราะซึ้งจัด แต่ดีที่เขายกมือห้ามไว้ทัน บรรยากาศในตอนนี้มันดีจนรามิลอยากให้เวลามันเดินช้าๆ เขาอยากซึมซับทุกอย่างเอาไว้ให้นานที่สุด สัมผัสตรงต้นแขนทำให้รามิลหันไปมองก่อนที่ต้นไม้จะเอนศีรษะมาซบ จะว่าไปเขาก็ขาดคนนี้ไปไม่ได้เหมือนกันคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต รามิลเอ่ยขอบคุณสีน้ำเบาๆ แต่เจ้าตัวก็ยังได้ยินอยู่ดีเลยเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ รามิลยกกล้องในมือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้

ตั้งใจกดถ่ายต้นกระบองเพชรที่วางอยู่ตรงหน้า แล้วหันกล้องมาถ่ายต้นไม้ที่ยิ้มหวานให้ รามิลหันกล้องไปถ่ายกีตาร์ของคีตาและไวโอลินของเบนจามินที่วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเลื่อนจุดโฟกัสไปที่กล่องดนตรีที่อยู่ในมือของทั้งคู่ และเมื่อเบนไขลานแล้วเสียงจากกล่องดนตรีดังขึ้น มันก็เป็นเสียงดนตรีเหมือนกล่องดนตรีทั่วๆ ไปแต่มันอาจจะพิเศษสำหรับทั้งคู่ก็ได้

เสียงหัวเราะของทับทิมทำให้รามิลยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาอีกครั้ง พอร์ชกำลังแกล้งแหย่ไอ้ทิมจนไอ้ทิมเขินซะจนหน้าแดงเหมือนชื่อของมัน รามิลส่ายหน้าไปมาเมื่อพอร์ชหอมแก้มทิมจนสำเร็จ รามิลเลือกที่จะถ่ายแหวนทับทิมของทั้งคู่แทน ตั้งแต่วันที่สวมแหวนให้กัน รามิลยังไม่เคยเห็นทั้งสองคนถอดแหวนเลยสักครั้ง

พอดูรูปที่ถ่ายไว้ก็สวยดีเหมือนกัน เหมือนเขากำลังถ่ายพรีเวดดิ้งให้เพื่อนอยู่เลย รามิลยกกล้องอีกครั้งพร้อมกับโฟกัสไปที่กาแฟดำกับแก้วนมชมพู มันเป็นเครื่องดื่มที่ดูไม่เข้ากันเท่าไหร่แต่พอมาอยู่ด้วยกันแล้วมันก็ดูลงตัว สีน้ำกำลังระบายสีรูปเล่นโดยมีภาคินคอยมองอยู่ มีบ้างที่หยิบดินสอมาวาดเล่นด้วย พอวาดไม่ถนัดคินก็รั้งให้สีน้ำขยับมาพิงอกตัวเองแล้ววาดรูปไปพร้อมกัน สีน้ำกับดินสอก็เข้ากันดี

รามิลรู้ว่าสักวันเขาทั้งสี่คนก็ต้องเติบโตและมีทางเดินเป็นของตัวเอง เขาเคยจินตนาการไว้หลายร้อยแบบว่าถ้าวันหนึ่งแก๊งลูกเพื่อนแม่เวลาที่มีความรักจะเป็นแบบไหน เขากลัวไปต่างๆ นานาว่าเราจะเข้ากับแฟนของเพื่อนไม่ได้ หรือว่าแฟนแต่ละคนจะไม่เข้าใจเรื่องที่เราสี่คนติดเพื่อนกันมากเกินไป แต่วันนี้บอกตามตรงว่าเขาสบายใจและไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ภาพตรงหน้าที่เขาเห็นทำให้รามิลอยากยิ้มทั้งน้ำตา

เบนจามินยอมเล่นไวโอลินเมื่อต้นไม้บอกว่าอยากฟัง นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ยินเบนเล่นดนตรี ทับทิมกำลังคุยกับสีน้ำเรื่องเครื่องประดับที่ใส่อยู่ ส่วนคีตา พอร์ชและภาคินกำลังดีดกีตาร์แล้วร้องเพลงด้วยกัน รามิลบอกได้เลยว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แก๊งลูกเพื่อนแม่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ต่อให้เราอายุสามสิบสี่สิบหรือจะแปดสิบก็จะยังมีเราสี่คนเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

มีรามิลเป็นหัวหน้าแก๊ง
เบนจามินเป็นทหารองครักษ์
ทับทิมคือเจ้าชายน้อย
ที่ขาดไม่ได้คือลูกกระจ๊อกภาคิน

และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

 

 

แด่ความรักและมิตรภาพ
แก๊งลูกเพื่อนแม่


พฤกษารามิล เบนจามินคีตา พชรนพจินดา ธารธาราภาคิน


ต้นไม้ ดนตรี อัญมณี สีน้ำ




 

The End

 

ในที่สุด #ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่ ก็ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะคะ ใจหายเบาๆ ไม่เบา ฮือ อย่างแรกเลยขอปรบมือให้ตัวเองที่แต่งนิยายสี่เรื่องจนจบบริบูรณ์ได้ น้ำตาจะไหลเป็นสายน้ำแต่ก็ทำได้แล้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยายทั้งสี่เรื่องนะคะ ขอบคุณทุกคนที่คอมเม้นท์ ติด#ในทวิตเตอร์ หรือแวะเข้ามาอ่าน ก็ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ ถึงแม้เราจะมาต่อช้ามากๆ แต่ทุกคนก็ยังรอและยังจำแก๊งลูกเพื่อนแม่ได้อยู่

หลังจากจบเรื่อง ที่พักพิงสีน้ำ จะขอไปจัดการกับต้นฉบับเรื่องที่เหลือให้เรียบร้อยก่อนนะคะครึ่งปีหลังตั้งใจจะให้เสร็จทั้งหมดเลยค่ะ #ความลับของต้นไม้ ตอนนี้ยังซื้อกับ สนพ.Hermit ได้อยู่นะคะ ในส่วนของ e-book ก็มีเช่นกันค่ะ แล้วก็จะกลับมาแก้คำผิดในทุกเรื่องด้วยค่ะ เยอะอยู่ (แง) หากมีข้อผิดพลาดตรงไหนหรือประเด็นในนิยายไม่ถูกต้องบอกกันได้ตลอดเลยนะคะ ยินดีค่ะ ส่วนเรื่องใหม่มีที่คิดพลอตไว้แล้วแต่ก็ขอเวลาเก็บรายละเอียดเยอะกว่านี้หน่อยค่ะ กรี๊ดดดดดด

 

สุดท้ายนี้

ขอให้ทุกคนมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
และหวังว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่ รามิล เบนจามิน นพจินดา ภาคิน
จะทำให้ทุกคนยิ้มได้และจดจำพวกเขาไว้ในใจตลอดไปนะคะ ^^




 

 

 

ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ (โค้ง)
ปล.เมื่อไหร่โควิดและรัดบานชุดนี้จะหายไปจากโลกคะ *กำหมัด


 

 


หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 30-05-2021 19:51:58
สนุกมากทั้ง4ตอนเลยค่า ขอบคุณนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 30-05-2021 23:39:47
ขอบคุณสำหรับความรักและมิตรภาพ
ขอบคุณแก๊งลูกเพื่อนแม่
มันดีมากๆ สนุกมากๆ ประทับใจค่ะ

สุดท้ายขอบคุณผู้เขียนมากๆค่ะ
 :กอด1:   :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 01-06-2021 22:14:46
ขอบคุณครับ อ่านแล้วมีความสุข สุขใจ กับมิตรภาพและเรื่องราวความรักดีๆ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 02-06-2021 22:14:00
ขอบคุณที่มาสร้างความสุขให้เรานะครับ อ่านสนุกมาก ชอบทั้ง4เรื่องเลย มีครบทุกรส หวังว่าจะมีเรื่องต่อไปมาให้อ่านอีกนะครับ ขอบคุณมากๆๆๆๆครับ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-06-2021 00:28:54
ขอบคุณน้าาาา
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-06-2021 21:35:14
 ขอบคุณมากค่ะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ติดตามความรักและมิตรภาพของแก็งส์ลูกเพื่อนแม่ :mew1:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-06-2021 23:27:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 24-07-2022 15:11:49
สนุกมากเลย กลับไปอ่านทุกเรื่องอีกรอบ ประทับใจกับมิตรภาพของแก๊งลูกเพื่อนแม่มากค่ะ
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: Nongsea13 ที่ 28-08-2022 14:47:19
 o13 o13 o13 o13 o13

ตามมา 4 เรื่อง ของแก็งค์ลูกเพื่อนแม่  อยากจะบอกว่า ชอบมากค่ะ จะติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: WATERCOLOR #ที่พักพิงสีน้ำ Epilogue - Watercolor [ 30/05/2021] Page.8
เริ่มหัวข้อโดย: pedgampong ที่ 08-12-2022 17:29:00
ฟีลกุ้ดมากๆ เป็นซีรีย์ที่ดีกับใจฟุดๆ ขอบคุณนะคะ