พิมพ์หน้านี้ - Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: KarmaNavy ที่ 30-05-2017 22:42:40

หัวข้อ: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 30-05-2017 22:42:40
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


Rule of secret Love
“กฎของคนแอบรัก”


คำนิยม

มอบแด่...ใครบางคนที่มีความรักที่แม้จะรู้ว่าไม่มีวันเป็นไปได้
แต่ก็ยังหวังว่าสักวันความรู้สึกที่หาสาเหตุไม่ได้นี้จะได้ประกาศออกไปในที่สุด
และมอบแด่...ใครคนนั้นที่กลายเป็นกำลังใจและรอยยิ้มทั้งหมด นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน
หากได้อ่านถึงบรรทัดนี้ ช่วยยิ้มและกล่าวคำว่าขอบคุณมากกว่าขอโทษ
ช่วยยิ้มยินดีมากกว่าร้องไห้ ช่วยมีความสุขมากกว่าความเจ็บปวด
และช่วยรับรู้ไว้ว่า ไม่ว่าช่วงเวลานี้จะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน
ผมอยากให้คุณรู้ว่า
‘นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม’
[/size]




เพิ่งเคยลงในเล้าเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ (-/\-) : NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” กฎข้อที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 30-05-2017 22:49:47
กฎข้อที่ 1 อย่าให้เขารู้ตัว
เราไม่มีทางรู้ว่าความรักจะดำเนินไปทางไหน
จนกว่าจะถึงจุดจบ






บนโลกนี้สิ่งที่พิเศษกว่าท้องฟ้าที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลาย พิเศษกว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติที่บางครั้งเกิดจากการที่สิ่งเล็กๆ รวมตัวกัน พิเศษยิ่งกว่าการกำเนิดของโลกใบนี้

ผมคิดว่า มันคือใครคนหนึ่ง

อ่า เขาอาจจะไม่ได้พิเศษสำหรับทุกคนหรอกครับ มองจากสายตาคนอื่นๆ เขาก็แค่ผู้ชายที่หน้าพอใช้ได้คนหนึ่ง เก่งหน่อยก็เรื่องมีน้ำใจ พิเศษกว่านั้นอีกนิดก็รอยยิ้มนั้นที่สดใสชะมัด! เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่า คนอื่นเขามีความสุขเวลามองรอยยิ้มของเจ้าตัวน่ะ...
เราถึงไหนแล้วนะ? ขอโทษครับ นอกเรื่องไปหน่อย

ที่บอกว่าเขาคือคนพิเศษน่ะ หมายถึงเขาพิเศษกับคนอย่างผมเป็นพิเศษน่ะครับ

เขาพิเศษตรงที่ไม่ว่าผมจะอยู่ในช่วงอารมณ์ที่แย่แค่ไหน กำลังร้องไห้อยู่หรือกำลังเครียดคร่ำครวญกับเกรดที่พากันร่วงเหมือนหุ้น แม้กระทั่งกำลังโกรธใครบางคนจนนึกอยากจะแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาด พังทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง แค่เห็นเขาปรากฎตัวขึ้นมา แค่เห็นเขาขยับ ยิ้ม หัวเราะ หรือแม้แต่แค่ขมวดคิ้ว ผมก็สามารถกลับมายิ้มได้ทันที

อะไรนะ? มันพิเศษตรงไหนงั้นเหรอ?

ถึงมันจะเป็นเหมือนอะไรที่ธรรมดาสุดๆ แต่เอาเข้าจริงความพิเศษมันอยู่ตรงที่มันธรรมดา แต่กลับพิเศษสำหรับเรานี่แหละครับ
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีอะไรที่ธรรมดาโคตรๆ แต่แสนพิเศษสำหรับตัวเอง คุณผู้ชายที่ร่ำรวยมีทุกอย่างที่หลายคนอิจฉา ทุกคนคงคิดว่าสิ่งพิเศษของเขาคือเงินที่ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด แต่ในความจริงแล้วสิ่งที่พิเศษสำหรับเขา อาจจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงในตอนเช้าที่เขาได้กอดและหอมแก้มลูกๆ ของเขาก่อนไปโรงเรียนก็เป็นได้ คุณผู้หญิงที่สวยและมีคนมาจีบมากมาย ใครๆ คงคิดว่าสิ่งพิเศษของเธอคือความรักที่ใครๆ ต่างมอบให้เธอมากมายอย่างไม่ต้องร้องขอ ทว่าบางทีสิ่งพิเศษของเธออาจจะเป็นการแต่งงานอย่างเรียบง่ายกับชายสักคนที่รักและอยากจะดูแลเธอไปทั้งชีวิตที่เหลือเท่านั้น เห็นไหม? สิ่งพิเศษไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นสิ่งที่คนทั่วไปหามาไม่ได้เลย

บางครั้งแค่ในความรู้สึกของเราเชื่อว่ามันพิเศษ...มันก็พิเศษแล้วล่ะครับ

เหมือนกับผมในตอนนี้ที่รู้สึกว่าเขาคนนั้นคือคนพิเศษของผมไง

มันเริ่มต้นจากตรงไหนงั้นหรือครับ?
 
อืม...น่าจะเป็นวันที่ท้องฟ้าสว่างและไม่ค่อยมีเมฆวันนั้นล่ะมั้งครับ

มันเป็นช่วงสายของวันเสาร์ที่ร้อนสุดๆ แต่ผมกลับต้องเดินออกจากหอเพื่อมาหาอะไรกินก่อนที่จะเป็นลมตายในห้องพักของตัวเอง แดดข้างนอกร้อนเสียจนผมมองเห็นตัวลอยขึ้นมาจากถนนตามไอน้ำเลยทีเดียว ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังถือว่าผมดวงดีใช้ได้ที่เดินมาถึงร้านอาหารตามสั่งได้โดยที่ไม่ได้ล้มลงไปนอนกองกับพื้นเล่นที่ไหนสักที่

ผมที่กำลังนั่งกินข้าวอย่างเอาเป็นเอาตายใช้เวลาที่กำลังเคี้ยวให้อาหารชิ้นโตๆ ลงท้องไปโดยไม่ติดคอตายไปเสียก่อน มองเหม่อออกไปด้านนอกของร้านเพิงริมทาง มองรถที่วิ่งกันรวดเร็วจนเหมือนไม่กลัวว่าหากมีใครสักคนจะข้ามถนน แล้วเกิดกะจังหวะก้าวข้ามผิดขึ้นมาทำให้เกิดอุบัติเหตุเลยสักคัน แต่ผมก็เข้าใจแหละ ในวันเวลาที่ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยเวลาตามกฎและทุกคนมีเวลาเท่าๆ กัน แต่ก็ใช่ว่ามันจะวัดแค่เวลา เพราะบางทีต้นทุนของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน มันย่อมมีการแข่งขันเกิดขึ้น

แต่มันจะดีสักแค่ไหนกัน หากว่าในช่วงเวลาที่แข่งกันแบบนี้ จะมีคนที่ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบคนอื่นสักเล็กน้อย เพื่อให้ใครอีกคนได้เดินนำไป

ภาพที่ผมเห็นตอนนี้คือคุณยายท่านหนึ่งยืนอยู่ริมถนนตรงบริเวณทางม้าลาย ดูเหมือนว่าท่านกำลังจะข้ามถนนพอดี ทว่าก็ไม่สามารถข้ามได้เนื่องจาก บริเวณนี้ไม่มีสัญญาณไฟและเป็นบริเวณที่มีรถเยอะมากในช่วงสายๆ แบบนี้ ท่านจึงได้แต่ยืนแล้วรอเล่า รอจนกว่ารถจะบางตาแล้วท่านถึงจะข้ามมาได้ แต่จะรอสักเท่าไหร่ก็ไม่มีใครใจดียอมชะลอรถให้คนข้ามเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนเร่งรีบเพื่อที่จะได้ไปถึงจุดหมาย

จนบางครั้งก็ลืมที่จะเผื่อแผ่ความมีน้ำใจสักเล็กน้อยให้คนอื่น ด้วยกลัวจะเสียเปรียบ

ผมรีบยัดข้าวทั้งหมดที่เหลือเข้าปาก รีบจ่ายเงินและรีบที่จะวิ่งเพื่อที่จะข้ามถนนไปรับคุณยายท่านนั้น แหม...ฟังดูเป็นคนดีใช่มั้ยครับ ผมมันคนขี้ใจอ่อนน่ะครับ ถึงจะเห็นแก่ตัวมากกว่าก็เถอะ ทว่ามีน้ำใจกับคนแก่คนเฒ่าสักนิดก็ไม่ได้ทำให้ผมเสียหายอะไรนี่นา (‘—‘ )

ผมวิ่งไปที่ทางม้าลายตรงข้ามกับคุณยาย กำลังยกมือขอทางอยู่แล้วเชียว ไม่คิดว่าจะมีคนที่ใจตรงกันยกมือขอทางขึ้นมาเสียก่อน

มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างคุณยาย ประคองท่อนแขนและค่อยๆ พาแกเดินข้ามถนนมาทีละก้าว กระทั่งมาถึงอีกฝั่งทำให้ผมได้เห็นเขาชัดเจนขึ้น

“เมื่อยแย่เลยนะครับยาย แต่เดินอีกนิดเนอะ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”

“ขอบคุณนะจ๊ะ”

“ครับ ยินดีรับใช้ครับผม”


เสียงพูดคุยกลั้วเสียงหัวเราะพร้อมกับร่างคนแก่และชายหนุ่มหนึ่งคนผ่านผมไปช้าๆ แต่ไม่รู้ทำไมในสายตาของผมมันช้ากว่านั้น ช้าเหมือนทุกอย่างรอบตัวมันหยุดและมีเพียงคนๆ นั้นเคลื่อนไหว ช้าจนผมเห็นรอยยิ้มนั้นชัดเจนและได้กลิ่นหอมๆ จากอีกฝ่ายด้วย

ทว่ามันก็มีสิ่งหนึ่งที่สวนทางกับภาพช้าๆ เหล่านั้น

มันคือหัวใจของผมที่เต้นรัวในอกเหมือนกำลังมีใครสักคนเล่นเพลงร๊อคข้างในนั้น

เลือดจากทุกส่วนในร่างกายสูบฉีดผ่านเส้นเลือดฝอย จนชีพจรของผมดังตุบตุบชัดเจนในหู เสียงมันคล้ายลำโพงขยายเสียงเบสทุ้มๆ ราคาแพง เพราะมันดังจนกลบทุกเสียงไปหมดเลย

แม้ว่าผู้ชายคนนั้นกับคุณยายจะหายไปจนลับสายตา ผมก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกในวินาทีนั้นได้เพียงแค่นึกถึงรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง
แม้กระทั่งตอนนี้ที่วันเวลาได้พัดพาเอาช่วงเวลาที่น่าประทับใจนั้นใส่กล่องที่ชื่อว่าความทรงจำไปแล้ว แต่ผมก็ยังจำได้เสมอ จำได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองที่เกิดจากผู้อื่น

และจากนี้มันคงจะเปลี่ยนต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเราได้พบกันอีก

การพบกันที่ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นตอนนี้หรือพรุ่งนี้ บางทีอาจจะเป็นมะรืนนี้หรือปีหน้า แต่ผมเชื่อว่าสักวันความคิดถึงที่มีพลังศรัทธามากมายอยู่ในนั้น จะนำพาผมไปพบเขาได้อีกครั้ง

อาจจะไม่ได้พัดพาผมเดินเข้าไปในชีวิตของเขา มันอาจจะมีแรงนำให้ผมทำได้แค่อยู่รอบตัวเขาเหมือนสายลมสักสายที่เขาอาจจะรู้สึกถึงการมีอยู่ แต่สักวันก็จะเลือนหายไปคล้ายกับไม่เคยมีอยู่ แต่ทว่าแค่นั้นก็มากพอแล้ว

เพราะมันคือการแอบรัก รักแบบที่มีความปรารถนาเดียวต่อผู้ที่ถูกมอบความรักให้คนนั้น

ความปรารถนาดี...ที่จะมอบให้เสมอ

ให้จนกว่าจะรับรู้

หรืออาจจะให้...จนกว่าจะไม่มีให้อีกต่อไป

อืม แย่ละสิ

มันออกจะเศร้า แต่ทำไมผมถึงได้ยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้กันหว่า?

คงเป็นเพราะ วันนี้เราได้เจอกันแล้วล่ะมั้ง

คุณคนที่อยู่ท่ามกลางเพื่อนมากมายและกำลังหัวเราะกันเกี่ยวกับหนังตลกที่พวกคุณเพิ่งไปดูมา คุณที่แต่งตัวเสื้อนิสิตไม่เรียบร้อยเหมือนคนอื่นแต่กลับดูดีกว่าคนอื่นๆ คุณยิ้มสวยสุดๆ คนนั้น ถึงผมจะไม่กล้ามากพอที่จะไปปรากฎตัวต่อหน้าคุณ แต่ยังไงก็ ยินดีที่ได้ (กลับมา) เจอนะครับ

บ้าจริง

“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียววะ”

ผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย

ตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สองในมหาลัยแห่งหนึ่งที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโดดเด่นมากมาย กำลังนั่งหาข้อมูลสำหรับทำรายงานที่จะต้องส่งภายในอาทิตย์หน้าในห้องสมุดกับเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เปิดเทอมปีหนึ่ง เป็นรายงานที่ยากพอสมควรครับ ตอนที่ได้ฟังหัวข้อครั้งแรกทำเอาเครียดเลย แต่พอมานั่งหาข้อมูลแล้วได้เจอกับคนๆ นั้น ผมก็รู้สึกว่าไอ้รายงานมหายากเนี่ย บางทีผมอาจจะทำออกมาได้ดีก็ได้เสียอย่างนั้น

อานุภาพความรักนี่ทำให้คนเพ้อเจ้อได้เหมือนคนพี้ยาจริงๆ นะครับเนี่ย

ผมกลับไปสนใจเพื่อนที่ถามคำถามมาคนนั้นด้วยการส่ายหน้าแล้วก้มหน้าก้มตาเปิดหนังสือสลับกับหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มจากอินเทอร์เน็ต มีบางครั้งที่สายตาไม่รักดีแอบเผลอเหล่มองกลุ่มเพื่อนที่มีคนๆ นั้นอยู่ด้วยเป็นระยะ แต่เหมือนบางทีจะมองนานไปหน่อยจนลืมว่าตัวเองมาที่หอสมุดเพื่อที่จะทำงาน ไม่ใช่มาส่องคน ดีแล้วล่ะที่เพื่อนทักขึ้นมา ผมจะได้ตั้งใจทำงานให้มันเสร็จๆ ไปเสียที

พูดมาตั้งนานผมยังไม่เคยแนะนำตัวเองเลย ต้องขอโทษจริงๆ ครับ

เอาแบบง่ายๆ ก็ชื่อคิงครับ ผมมีน้องชายหนึ่งคนชื่อแจ๊ค เสียดายไม่มีน้องสาวอีกคน พ่อกับแม่จะได้ตั้งชื่อแหม่ม...เอ้อ ชื่อมันคล้องจองสมกับเป็นพี่น้องตรงไหนวะเนี่ย อย่าถามว่าทำไมตั้งชื่อแบบนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ ผมก็ไม่เคยถามซะด้วยสิ สงสัยเพราะพวกเขาพบรักผ่านวงไพ่มั้งครับ

ไม่มีเรื่องถนัดเป็นพิเศษ ไม่มีอะไรที่ชอบหรือเกลียดเป็นพิเศษเหมือนกัน แต่มีคนพิเศษ แฮ่ (/_\)

พิเศษแบบที่พิเศษอยู่ข้างเดียวอ่ะครับ เขาไม่รู้เรื่อง 5555555

คนพิเศษของผมชื่ออะไรงั้นหรือครับ? ไม่อยากบอกเลยอ่า กลัวคนจะมาชอบเหมือนกัน... แต่เป็นกรณีพิเศษแล้วกัน คุณคนพิเศษของผมชื่อเพจครับ เรียนอยู่คณะเดียวกัน มหาลัยเดียวกัน หอเดียวกันและห้องอยู่ชั้นเดียวกันกับผมด้วยแหละ ヾ(*´∀`*)ノ

ผมว่าต้องมีคนมองผมว่าเป็นโรคจิตแหงเลย ไม่ใช่นะครับ! เปล่าโรคจิตขนาดที่จะตามติดชีวิตเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงขนาดนั้น มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ นะ!

เรื่องมหาลัยฯ บังเอิญมาเจอกันและรู้ว่าเขาก็เรียนที่นี่ก็ตอนรับน้องครับ ตอนนั้นเขาเป็นรุ่นพี่ปีสามที่มาคอยยืนคุมการรับน้องของพวกพี่ปีสองไม่ให้มันรุนแรงหรือมีอะไรที่ผิดกฎ ตอนเห็นหน้าเขานี่ผมแทบจะลุกขึ้นไปกรี๊ด แต่ต้องพยายามห้ามใจเอาไว้ด้วยการจิกต้นขาตัวเองแรงๆ ทั้งเพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองแสดงอาการออกไปและเพื่อทำการทดสอบว่า เรื่องที่มันเกิดขึ้นเนี่ย มันคือเรื่องจริงที่ผมไม่ได้ฝันไป!

ไม่นึกไม่ฝันไปเลยว่าคณะที่ชอบโคตรๆ จะนำพาให้ผมได้มาเจอกับคนที่ทั้งชอบโคตรๆ คิดถึงโคตรๆ คนนี้!

ต่อมาเรื่องหอและห้องพักนี่ก็บังเอิญครับ หอนั้นเป็นหอที่ใกล้ที่สุดแล้วถ้าดูจากระยะทางที่เดินไปมหาลัยได้ในเวลาสั้นๆ โชคดีสำหรับผมมากที่ดันมาจองตอนที่มีคนหนึ่งออกไปพอดี จึงได้อยู่ในหอนี้พร้อมกับในวันที่ย้ายออกได้เจอกับเขาคนนั้นตอนกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี ยังจำได้ดีถึงวันนั้นเลยครับ ผมที่อยู่ในชุดนิสิตที่เพิ่งกลับมาจากกิจกรรมในมหาลัย ห้อยป้ายชื่อเด่นหราเลยและมีสัญลักษณ์ของคณะบนป้ายชื่อ ทำให้พี่เพจที่กำลังจะก้าวออกไปข้างนอกชะงักและเดินเข้ามาหาผมเสียก่อน

หัวใจของผมตอนนั้นเต้นเร็วมาก รัวเหมือนตัวเองตอนตีกลองเพลง Burnout Syndromes ที่ประกอบอนิเมะเรื่องโปรดอย่าง Haikyuu! ยิ่งระยะห่างของพวกเราลดน้อยลงมากเท่าไหร่ หัวใจผมก็ยิ่งสูบฉีดเลือดมากขึ้น มากขึ้น จนอดนึกกลัวไม่ได้ว่าผมอาจจะเป็นลมไปเลยก็ได้ พี่เขายิ้มมาให้และพูดแค่ว่าดีใจที่ได้เจอน้องในคณะมาอยู่หอเดียวกัน เพราะทั้งหอตอนก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามาอยู่นั้น มีพี่เขาคนเดียวที่เรียนคณะต่างจากคนอื่นในหอ เขายังพูดเรื่องอื่นอีกนิดหน่อยเกี่ยวกับการแนะนำการใช้ชีวิตในหอพัก พวกข้อห้ามอะไรเทือกๆ นั้น แต่อยากจะขอโทษมากจริงๆ ที่ผมดันไม่มีสติมากพอจะจำได้ทั้งหมด ที่จำแม่นสุดเห็นจะเป็นยิ้มของพี่เพจในตอนนั้นและมือที่เอื้อมมาตบบ่าก่อนจะจากไปของเขา

‘ไว้เจอกันตอนรับน้องมหาลัยนะ’

หัวใจจะวายยย!

จำได้ดีเลยว่าพอย้ายของเสร็จแล้วมารู้จากคุณผู้ดูแลหอว่าผมอยู่ห้องข้างพี่เขา ผมนี้กรี๊ดอัดกำแพง ดิ้นอยู่บนเตียงไปมาเกือบชั่วโมงกว่าจะระงับจิตระงับใจของตัวเองได้

หลังจากนั้นก็ต้องยอมรับแล้วล่ะครับว่าโรคจิตจริงๆ คือหอพักของผมเนี่ยมันจะมีสองฝั่งครับ ฝั่งที่หันหน้าไปตะวันออกกับตะวันตก ผมกับพี่เขาอยู่ฝั่งตะวันออกและฝั่งนั้นจะพิเศษกว่าอีกฝั่งตรงที่จะมีระเบียงเล็กๆ และไม่ถูกบังจากตึกสูงๆ รับแดดยามเช้าได้ดีเลยทีเดียว เพราะแบบนั้นทำให้ผมได้รู้นิสัยของพี่เขาอีกอย่างคือ พี่เขาตื่นเช้ามากเลยและชอบออกมาดื่มกาแฟที่ริมระเบียงก่อนจะเข้ามหาลัย ไม่ว่าวันนั้นจะร้อน จะหนาวหรือฝนเพิ่งหยุดตก ก็จะเห็นพี่เขาออกมายืนประจำ ภาพที่คุ้นเคยคงเป็นพี่เพจในเสื้อยืดสีดำกับกางเกงบ๊อกเซอร์สีเทา แก้วกาแฟสีแดงลายจุดกับหัวยุ่งๆ เหมือนผ่านสมรภูมิรบมาทั้งคืนนั่น พิงระเบียงโล่งๆ มองแดดยามเช้าไป จิบกาแฟไป มันเป็นบรรยากาศที่ทำให้ตอนเช้าน่าตื่นมามากเลยทีเดียว เลยทำให้เด็กที่ชอบตื่นสายอย่างผมพลอยมีนิสัยที่ดีตามเขาไปด้วย กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเปิดเทอมหรือวันหยุด ถ้าไม่ได้ตื่นเช้าเวลาเดิม ต่อให้อยากนอนต่อผมก็นอนไม่ลงอยู่ดี...

พี่เพจไม่ค่อยกินข้าวเช้าหรือถ้ากินก็กินพวกแซนวิซง่ายๆ ที่ขายก่อนเข้ามหาลัย แกจะแวะซื้อประจำเพราะคนขายเป็นคุณป้าที่ดูไม่ค่อยสบายคนหนึ่ง แกทำอร่อยนะผมลองไปซื้อตามมาแล้ว (ทำไมฟังละดูน่ากลัวชิบเป๋ง) เหมือนว่าแกจะมีลูกชายป่วยคนหนึ่งมั้งเลยต้องมาขาย เพราะโรคที่ลูกชายเป็นมันเรื้อรังเลยต้องเปิดขายมาตลอดหลายปี แกบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เพจมาเริ่มซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่หลายปีแล้วเหมือนกันที่ป้าเห็นพี่เพจมาทักทายทุกเช้าก่อนเข้ามหาลัย

แถมแกยังเล่าให้ฟังอีกว่า บางทีตอนหลังวันปีใหม่พี่เพจก็มีของขวัญมาให้ทั้งป้าทั้งลูกชายด้วย คนดีสุด!

ถามไปถามมา ตอนนี้ผมก็สนิทกับป้าไปอีกคนแล้วครับและแน่นอนว่าผมขอร้องไม่ให้ป้าบอกเรื่องเกี่ยวกับผมให้พี่เขาฟังโดยเด็ดขาด! ไม่งั้นผมตายแน่ ความแตกชัวร์ -.-

พี่เพจไม่มีรถหรือมอเตอร์ไซต์ แกอาศัยการขนส่งมวลชนอย่างเดียวเวลาไปไหนมาไหน ไม่ก็ติดรถเพื่อนๆ ไปเอา เคยได้ยินแว่วๆ ตอนพี่เขาบนกับเพื่อนว่า ทุกวันนี้รถติดจะแย่ ขี้เกียจมีรถไปให้รถมันติดเพิ่มอีกคัน อืม... แต่จากที่ผมสังเกตมา ผมว่าพี่เขาคงแค่ขี้เกียจขับมากกว่า พี่เพจมีนิสัยติดตัวอย่างหนึ่งคือขึ้นอะไรก็ตามที่เป็นพาหนะ (ยกเว้นพวกมอเตอร์ไซต์หรือจักรยานนะ) แกจะหลับ! หลับเหมือนตายอ่ะ คนปลุกก็ไม่ขยับ หลับแล้วหลับเลย จนกว่าจะถึงปลายทางถึงจะตื่นขึ้นมาเอง

จะถามล่ะสิว่าทำไมรู้? โฮ่! ถึงจะขี้ป๊อดและเป็นแค่คนแอบรัก แต่อย่างน้อยๆ ก็เคยมีวาสนาสั้นๆ ในการได้นั่งข้างพี่เพจนะครับ! ตอนนั้นมีรับน้องนอกสถานที่ครับ แล้วเกิดมีการแอบสลับที่กระทันหัน เพื่อนที่นั่งข้างผมไปนั่งข้างรุ่นพี่คนอื่นแทนมันเลยว่าง พี่เพจที่ไม่มีที่เลยมาหลับอยู่ข้างๆ ผมนี่แหละ เพราะครั้งนั้นผมเลยได้รูปตอนที่เขาหลับมาหลายรูปเลย กดชัตเตอร์รัวๆๆ ไม่กลัวเมมกล้องจะเต็ม เพราะผมมีเมมกล้องเอาไว้ตามถ่ายพี่เขาอยู่แล้ว ฮ่าๆ

จนทุกวันนี้มันจะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว รูปด้านข้างของพี่เพจในยามหลับก็ยังเป็นรูปพื้นหลังของผมมาตลอด ไม่เคยเปลี่ยนเลย
เอาละ ผมชักจะแสดงด้านโรคจิตมากเกินไปแล้วล่ะ พวกคุณอย่าเพิ่งกลัวผมเลยนะ นานๆ ทีจะมีคนมานั่งฟังผมเพ้อถึงพี่เขานี่นา! คนแอบรักมันเศร้าตรงที่เราพูดกับใครไม่ได้เลยนี่แหละว่าเราชอบใคร (´;ω;`)

อะไรนะ ทำไมถึงไม่ยอมสารภาพงั้นเหรอ? โนวววว คุณคิดว่ามันมีสักกี่เปอร์เซ็นกันที่คนแอบรักหน้าตาธรรมดาแบบผมเนี่ยจะสมหวัง? แถมอีกฝ่ายเป็นผู้ชายด้วย ถึงเดี๋ยวนี้ความรักแบบที่สามจะมีมากมายเหมือนดอกเห็ดในสังคม แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถยอมรับคำบอกรักจากคนที่เพศเดียวกันได้ทุกคนสักหน่อย

ผมยังไม่อยากถูกเกลียดหรือถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ จากเขา

โอเค ทำอย่างกับว่าตอนนี้เขามองผม เขาไม่เห็นผมในสายตาก็จริง แต่นั่นก็มีความสุขดีออก ดีกว่าถูกเกลียดนะ

ผมยอมให้เขาไม่รับรู้ความรู้สึกของผมไปตลอดชีวิต ยังจะดีกว่าให้เขารู้ว่าผมชอบแล้วทำตัวเย็นชาหรือเกลียดใส่อ่ะ

หรือหากผมจะบอกเขา คงเป็นวันที่ผมแน่ใจแล้วว่าเราคงไม่มีวันได้เจอกันอีก อาจจะเป็นวันที่พี่เขาเรียนจบหรือผมต้องย้ายไปที่ไหนที่ไกลจนการกลับมาหาเขาเป็นเรื่องยาก วันนั้นผมอาจจะพิจารณาเรื่องนี้ใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้ผมยังได้อยู่กับพี่เขาอีกตั้งหนึ่งปีแน่ะ! ดังนั้น ไม่พูดออกไปหรอก

บางคำพูดเราก็ไม่จำเป็นที่ต้องพูดออกไปเสมอ แม่ผมเคยพูดเอาไว้

และวันนี้มันก็ได้ใช้...ไปกับความรู้สึกนี้

ความรู้สึกของคนแอบรักที่ไม่มีวันส่งไปถึงนี่แหละ









แต่เราเลือกได้ที่จะให้ความรักเราดำเนินไปแบบไหน
และผมเลือกให้มันเป็นความสุข
แม้ว่ามันจะเป็นความสุขและรักที่เกิดขึ้นเพียงแค่ผมคนเดียวก็ตาม
[/i]








วันนี้เป็นอีกวันที่มีการเรียกประชุมปีสองและปีสูงๆ เรื่องเกี่ยวกับการรับน้องนอกสถานที่ที่วนกลับมาอีกครั้ง น้องปีหนึ่งที่โดนรับน้องไปในปีที่แล้วขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ เช่นเดียวกับที่ปีอื่นๆ ขยับย้ายตัวเองเป็นรุ่นพี่ปีที่สูงขึ้น แต่แม้จะมีหลายอย่างที่เปลี่ยน แต่เรื่องการรับน้องรวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ยังคงยึดธรรมเนียมเดิมๆ เหมือนเช่นที่ผ่านมา คิงเปิดประตูห้องที่ร้างคนก่อนจะเลือกมุมที่เงียบสงบเพื่อนั่งรอการประชุมที่กำลังจะมาถึง ปกติในการประชุมเขามักจะเป็นผู้ตามหรือคนที่คอยคล้อยตามเพื่อนๆ เสียมากกว่า เขาไม่มีความคิดที่อยากจะออกความคิดเห็นหรือเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ชอบที่จะได้รับคำสั่งและทำตามไปมากกว่า อ่า...แต่แน่นอนว่าคำสั่งนั้นจะต้องได้รับการยอมรับจากตัวเองก่อนละนะ ถึงจะยอมทำแต่โดยดี

เขาเลือกนั่งที่ใกล้กับหน้าต่าง เอาไว้เผื่อตอนที่ฟังเรื่องที่ประชุมเบื่อๆ จะได้มองออกไปนอกหน้าต่าง ชมนกชมไม้แก้เบื่อไปเรื่อย แถมตรงนี้ก็ลมโกรกดีด้วย ถ้าได้นอนกลางวันตรงนี้จะดีแค่ไหนนะ...

ดูท่าคงจะมีคนคิดเหมือนกันกับเขาเช่นกัน

“...”

ภาพที่เห็นคือผู้ชายตัวสูงที่ทิ้งตัวลงนอนอยู่ใกล้ๆ กับที่ที่เขายืนอยู่ นิ่งด้วยอาราหลับสนิท คล้ายไม่สนใจความเป็นไปของโลก ไม่สนแม้กระทั่งตัวเองจะถูกลมพัดเอาใบไม้หรือขยะปลิวมาสุมที่ตัวเลยแม้แต่น้อย คนๆ นั้นคือ...

พี่เพจ!!!

พ่อแก้วแม่แก้ว ฟหกดเสวง!!!!

ถ้าเขาเอาหน้าตัวเองแทนกระทะเขาว่าป่านนี้คงทอดไข่ดาวไหม้เกรียมไปแล้วล่ะ คิงยืนอึ้งมองรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบชอบนั่งหลังห้องพิงกำแพงนอนหลับอยู่ริมหน้าต่าง ทำให้ตอนที่เขาเข้ามาไม่เห็นอีกฝ่าย ลมเย็นๆ ที่ตัดกับแดดตอนบ่ายพัดเข้ามาในห้อง อาบไล้ใบหน้าของคนที่ยังอยู่ในห้วงนิทราอย่างอ่อนโยน จนคนที่มองอยู่เผลอมองเคลิ้มใจลอย

เขาทิ้งตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าพี่เพจมองใบหน้าที่หลับสนิทนั่น ก่อนจะสังเกตเห็นใบไม้ที่ปลิวมาติดที่ตามเส้นผมของอีกฝ่าย ซึ่งไม่ได้ติดแบบธรรมดาเสียด้วย ใบเล็กๆ ของต้นนนทรีที่กำลังหลุดร่วงจากต้นปลิวมาติดตามกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มของพี่เพจ  เขาจึงพยายามเบามืออย่างที่สุดในการใช้นิ้วของตัวเองเขี่ยเอาใบไม้เหล่านั้นให้ออกจากเส้นผม เกือบจะเสร็จอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่มีเสียงเปิดประตูห้องและเสียงพูดคุยของกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นปีของเขาดังขึ้นเสียก่อน

“อ้าว คิง มาเร็วจัง”

“...” เขาตอบกลับแค่รอยยิ้มแหยๆ พยายามบังคนที่หลับอยู่สุดชีวิต ก่อนจะทำเนียนเลื่อนเก้าอี้ของตัวเองไปนั่งข้างหน้าต่างเช่นที่เคยเป็น ทำราวกับเมื่อกี้เขาไม่ได้สังเกตเห็นคนที่หลับอยู่เลยแม้แต่น้อย

ทันทีที่คนร่วมประชุมทยอยมาจนครบ การประชุมก็เริ่มต้นขึ้น เขาแทบไม่ได้สนใจเสียงทุ่มเถียงของเพื่อนและรุ่นพี่ในหัวข้อการประชุมครั้งนี้ นั่นเพราะว่าแดดยามบ่ายไม่ได้ถูกเมฆก้อนใหญ่บังอีกแล้ว มันจึงสาดลงมาทางหน้าต่าง แน่นอนว่ามันโดนเขา...และใครอีกคนที่แอบมานอนหลับอยู่ด้วย

คิงหันกลับไปมองคนที่หลับอยู่ สังเกตเห็นว่าหัวคิ้วของพี่เพจขมวดเหมือนโดนรบกวนการนอนกลางวันจากแสงแดด เขาจึงคิดหาวิธีที่จะบังแดด ลองเอามือบังก็แล้วก็ยังไม่ได้ ลองเลื่อนเก้าอี้มีช่วยบังก็บังได้แค่ตัวของพี่เขา สุดท้ายเขาจึงฉวยโอกาสที่ทุกคนให้ความสนใจประธานชั้นปีของเขาพูดเกี่ยวกับกำหนดการเวลาของการรับน้องนอกสถานที่ ลุกขึ้นยืนอยู่ริมหน้าต่าง ซึ่งมันทำให้เขายิ้มออกมาในที่สุด เพราะเมื่อเขาใช้ตัวเองต่างม่านบังแสงแดดให้พี่เพจได้สำเร็จ คนที่นอนหลับอยู่ก็เหมือนจะนอนสบายขึ้น เห็นแบบนั้นเขาเลยเผลอยิ้มออกมา ก่อนยิ้มนั้นจะแข็งค้างกับสายตาหลายสิบคู่ที่มองมา

“น้องคิงมีเรื่องจะเสนอเหรอครับ ยืนทำไมเอ่ย”

“อ่า...เมื่อยเฉยๆ ครับ ไม่มีอะไร”

จะบอกว่ายืนบังแดดให้รุ่นพี่ปีสี่มันก็กระไรอยู่นี่นะ

เมื่อได้ฟังเหตุผลที่ดูก็รู้ว่าแถสุดๆ ทุกคนก็เลิกให้ความสนใจในตัวของเขาแล้วกลับไปประชุมต่อ จนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าและผลการประชุมจบลงเป็นที่น่าพอใจนั่นล่ะ ทุกคนถึงได้ค่อยๆ แยกย้ายไปทีละคนสองคน เขาเองก็ต้องไปเช่นกันเพราะยังมีเรียนตอนบ่ายอีกคาบ...กระนั้น ก่อนที่จะออกไปจากห้องก็อดที่จะมองคนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องคนนั้นไม่ได้

จะสะกิดดีมั้ยว่าเลิกประชุมแล้ว?

หรือจะปล่อยให้เขานอนต่อไปดีกว่า?

“คิง ไม่ไปเรียนเหรอ”

“อืม จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

อย่าดีกว่า

เขา...อย่าพูดคุยหรือทำอะไรที่มันมากกว่านี้ไปดีกว่า

ว่าแล้วมือที่ยื่นหมายจะวางบนบ่าเพื่อปลุกคนที่หลับอยู่ก็ชะงักค้างอากาศ ก่อนจะดึงกลับไปยังข้างตัวเอง คิงยิ้มพร้อมกับก้าวถอยหลังแล้วเดินหายไปจากห้องเล็กๆ นั่น

โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า คนที่คิดว่าหลับอยู่นั้น...รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา


“ไอ้เพจ จะนอนหรือซ้อมตายวะ ลุกเว้ย!!”

“ไม่ต้องปลุกมันก็ได้ มันรู้ตัวตลอดนั่นล่ะน่า”

“คนบ้าอะไรจะนอนแล้วรู้ตัวได้”

“ไอ้เพจนี่ไง ถ้าไม่ใช่หลับบนรถหรือพวกอะไรที่มันเคลื่อนที่ได้ ไอ้นี่ไม่มีทางหลับสนิทหรอก”

คนที่ถูกเพื่อนนินทาค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมามองเพื่อนสนิทสองคนที่รออยู่หน้าห้อง ร่างสูงลุกขึ้นปัดเศษใบไม้ที่ปลิวมาเกาะตามตัวออก ฉวยกระเป๋าที่วางทิ้งเอาไว้แล้วเดินตามมาสบทบเงียบๆ ก่อนจะแจกฝ่ามือให้เพื่อนคนละที โทษฐานที่นินทาคนหลับ แม้จะหลับไม่สนิทก็เถอะ

ช่วยไม่ได้นี่หว่า ใครให้เขาเป็นคนความรู้สึกไวกัน หลับก็จริงแต่ถ้ามีอะไรขยับไหวอยู่ใกล้ๆ ก็รู้สึกตัวตื่นทั้งนั้นล่ะ


เพราะแบบนั้น

ภาพของเด็กปีสองที่เขาคุ้นหน้าคนนั้นที่กำลังปัดใบไม้ออกจากเส้นผมหรือแม้กระทั่งการยืนตากแดดแทนม่านให้เขาอย่างซื่อๆ นั่น เขาเห็นและจำได้ทั้งหมดนั่นล่ะ


“คิง ไม่ไปเรียนเหรอ”


ชื่อนี้ คุ้นๆ หูแฮะ...

“ยิ้มอะไรของมึงวะไอ้เพจ ขนลุก!”

“เสือก”

“ไอ้เชี่ยนี่ ถามดีๆ นะเว้ย”

อืม...บางทีเขาคงต้องใช้บริการน้องในสายตัวเอง ถามถึงอะไรสักหน่อยล่ะ





ฝากด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ :)
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก”
เริ่มหัวข้อโดย: Khanomni ที่ 31-05-2017 20:23:46
น่่ารักกก>< พี่เพจก็อยากรู้จักน้องแล้วใช่มั้ยล้ะะ5555  รออ่านค่ะ ไรท์ก็สู้ๆนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” กฎข้อที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 01-06-2017 22:57:12
กฎข้อที่ 2 อย่ามีพิรุธ
ยากกว่าการที่ผมต้องแก้สมการคณิตศาสตร์ยากๆ
ยากกว่าที่ต้องแยกสารสองอย่างด้วยกรวยบุชเนอร์
คือการบังคับตัวเองไม่ให้มองตามคุณเหมือนคนโง่ๆ







พี่เพจมีสถานที่พิเศษที่ไม่ว่าจะแวะไปเมื่อไหร่จะต้องพบพี่เขาอยู่

ที่นั่นคือ หอสมุดของมหาวิทยาลัย

ผมเพิ่งมารู้ว่าเขาชอบอ่านหนังสือมากๆ ก็ตอนเข้ามหาลัยนี่แหละครับ แถมยังเป็นการรู้โดยบังเอิญอีกเสียด้วย เพราะการหาหนังสืออ่านเพิ่มเติมครั้งนั้น ทำให้ผมได้เจอกับพี่เพจที่หาตัวยากเหลือเกินคนนั้นที่มุมหนึ่งของหอสมุด ยังจำได้ดีถึงตอนที่ตัวเองดึงหนังสือออกจากชั้นหนังสือแล้วมันถูกแทนที่ด้วยใบหน้าของใครบางคนที่ก้มอ่านหนังสือในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ มองแค่แวบเดียวผมก็จำได้แล้วว่าเจ้าของใบหน้านั่นเป็นใคร เพราะแบบนั้นวินาทีแรกที่เห็นผมถึงได้พลิกตัวหลบอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะเห็นว่าใครคนที่ผมหลบหน้านั้นไม่ได้สนใจผมเลยแม้แต่น้อย ผมจึงทำใจกล้าเดินกลับมาที่เดิม

แอบยืนมองเสี้ยวใบหน้าของพี่เพจที่โผล่พ้นชั้นหนังสืออยู่จนพี่เขาเดินจากไป

มันดูเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในความรู้สึกของผม แต่กว่าจะรู้ว่ามันเกือบครึ่งชั่วโมงก็ตอนที่ผมก้าวขาออกจากที่เดิมแล้วรู้สึกขามันปวดเมื่อยแปลกๆ นั่นล่ะ -_-;

หลังจากนั้นผมก็มาหอสมุดบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น จนสนิทกับอาจารย์ที่ประจำที่หอสมุด สนิทกับป้าแม่บ้านในแต่ละชั้น โดนเพื่อนแซวบ่อยครั้งว่าเป็นหนอนหนังสือ ไอ้เนิร์ดประจำ โดยที่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าการมาอ่านหนังสือหาความรู้อะไรนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรกับผมเท่าการที่ได้เจอพี่เพจเพียงไม่กี่วิ

บางครั้งเราเดินสวนกันที่บันไดระหว่างเปลี่ยนชั้น บางครั้งเราเดินผ่านชั้นหนังสือที่พี่เขาหาและบางครั้งเราก็ติดอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับทำให้ผมตื่นเต้นและอดที่จะกลั้นหายใจไม่ได้ ตอนที่พี่เขาพูดว่าขอบคุณเบาๆ และเดินออกไป

ถึงจะดูเหมือนผมจะเจอพี่เขาบ่อยๆ แต่เอาเข้าจริงมานับครั้งก็น้อยเหลือเกินที่เราได้เจอกันนานกว่าเสี้ยววินาที

และมีเพียงครั้งเดียวที่เราได้พบกันด้วยหน่วยเป็นนาที ไม่ใช่หน่วยวินาทีเช่นที่ผ่านๆ มา

นั่นคือวันนี้

“มีใครนั่งหรือเปล่า...อ้าว น้องคณะเดียวกันนี่”



#%&^**)*_)*_++)%@#@!!!!



เวรล่ะ จะดีใจที่พี่เขามานั่งด้วยหรือจะสติแตกที่ใกล้กับพี่เขาเกินไปดีวะเนี่ย (;_;)

“หวัดดีครับ พี่เพจ”

วันนี้พี่เพจแต่งตัวได้...อืม ถูกระเบียบกว่าปกติเล็กน้อย สงสัยวันนี้อาจจะมีควิซหรืออาจารย์ที่สอนเคร่งเรื่องการแต่งตัวละมั้ง ปกติพี่เพจจะใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อนิสิตแขนสั้น ไม่มีเนกไท ผมเผ้ากระเซิงบ้างตามเวลาตื่นนอนแล้วหารถเมล์มามหาลัยไม่ทัน จนต้องพึ่งพาพี่วินทั้งมาส่งและจัดทรงผมให้ (วันไหนพี่แกผมถูกเซตเสียหล่อ นั่นคือตื่นเช้าหรือไม่ได้นอนเลย555) แต่วันนี้ใส่เสื้อนิสิตแขนยาว (แม้ตอนนี้จะพับแขนขึ้นแล้วก็ตาม) มีเนกไท (ที่ปลดห้อยโตงเตงปลายเก็บใส่กระเป๋าที่อกเสื้อ) กางเกงนิสิต (ที่เดฟซะ...กลัวว่าจะรัดเป้าจนแตก -__-) ส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าหนังที่ไม่ได้ใส่ถุงเท้า มีอย่างเดียวที่เหมือนทุกวันคือผมกระเซิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนนั่นล่ะครับ แต่ถ้าถามผมว่าหล่อมั้ย

หล่อครับ หล่อกว่าใคร หล่อกว่าเดือนทุกมหาลัย

หล่อใจละลาย (///▽///)

“นั่งได้ครับ ไม่มีใครนั่ง”

พี่เพจพยักหน้าแล้ววางหนังสือที่เพิ่งไปหยิบมาจากชั้นลงกับโต๊ะ ซึ่งระหว่างที่แอบมองผมก็ทำเป็นเปิดหนังสือในมือเล่นๆ ไปมาไม่ให้พี่เขาจับสังเกตได้ว่า ความจริงแล้วผมไม่ได้สนใจตัวหนังสือในนั้นสักนิด

“ยังนั่งอยู่ที่นี่นานป่ะ”

“ก็...” ผมมองนาฬิกาที่ใส่อยู่ ตอนนี้เข็มชี้ที่เลขสิบสอง ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าผมจะเข้าเรียนคาบบ่าย จึงพยักหน้าให้
 
“อีกชั่วโมงหนึ่งครับ”

“งั้นพี่ฝากของบนโต๊ะแล้วก็โทรศัพท์กับกระเป๋าเงินแปบนะ ไปหาหนังสือก่อน”

ผมรับโทรศัพท์และกระเป๋าเงินของพี่เพจมาแบบงงๆ กว่าจะรู้ตัวว่าพี่เขาฝากอะไรเอาไว้ ผมก็แทบจะกัดริมฝีปากสะกดเสียงร้องโวยวายของตัวเองแทบไม่ทัน ไอ้ครั้นจะวิ่งไปกรี๊ดกร๊าดในห้องน้ำก็ไม่ได้ รับคำบัญชาจากพี่เพจว่าจะนั่งโต๊ะเฝ้าของ ผมก็ต้องนั่งต่อไป

 ฮืออออ เป็นความทรมานที่มีความสุขจังโว้ยยยย

ไม่นานพี่เพจก็กลับมาพร้อมกับหนังสืออีกกองโต ผมมองมันอึ้งๆ ลืมความรู้สึกฟินๆ ที่ได้เฝ้าของและโต๊ะให้คนที่ชอบไปเลย ได้ยินมาว่าช่วงนี้ปีสี่กำลังวุ่นกับโปรเจ็กจบนี่หว่า พี่เพจเองถึงจะดูเล่นไปเรื่อยแต่เวลาที่ต้องจริงจัง ก็จริงจังมากจริงๆ

ภาพตรงหน้าทำให้ผมที่ฉวยเอาหนังสือขึ้นบังระยะสายตา แทบไม่สามารถละสายตาออกไปได้ ภาพคนพิเศษของผมที่สวมแว่นเพิ่มความขลัง (?) ตรงหน้า อ่านหนังสือ เท็กซ์บุ๊คภาษาต่างประเทศอย่างใจจดจ่อ งดงามจนละสายตาไม่ได้ เหมือนผมโดนมนต์เสน่ห์ให้ตกหลุมซ้ำแล้วซ้ำอีกจนลุกขึ้นมาไม่ไหว

หัวใจเต้นแรง...ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ได้เจอ

“...”

ทันทีที่คนที่อ่านหนังสือผุดรอยยิ้มคล้ายเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นสบตากับผมที่หลบสายตาไม่ทัน

เหมือนเวลารอบตัวผมหยุดหมุน แม้กระทั่งหัวใจก็ยังเต้นช้าลงจนจับชีพจรไม่ได้

ปากของพี่เพจกำลังขยับเป็นคำพูด ที่ผมไม่ทันจับใจความได้

ทว่าร่างกายกลับทำเกินที่สมองสั่ง เมื่อมันสูบฉีดเลือดไปกองที่ใบหน้าและบังคับให้ผมหลบตาในที่สุด

ประโยคนั้นที่ออกจากปากพี่เพจกำลังจะทำให้ผมหัวใจวาย...

“มองอะไรครับ น้องคิง

ไอ้เชี่ยยย พี่เขารู้ชื่อผมได้ยังไง!!!







ผมถูกคุณดึงดูด
ยากที่จะต่อกรไม่ให้หลงไปกับเสน่ห์ของนัยน์ตาคู่นั้น
แต่อันที่จริง ผมไม่ได้อยากขัดขืนสักหน่อยนี่นะ...









ใบหน้าอึ้งแกมช๊อกของคนตรงหน้าทำให้เพจหลุดหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหวในที่สุด

ตาของรุ่นน้องร่วมคณะเบิกโตจนเหมือนไข่ห่าน ไหนจะริมฝีปากที่อ้าๆ หุบๆ เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดออกมาไม่ได้นั่นอีก อย่างกับปลาทองแน่ะ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นสุดท้ายเด็กคนนั้นก็สงบสติอารมณ์จนพูดออกมาเป็นประโยคได้สำเร็จ

“พะ...พี่เพจรู้จักชื่อผมได้ไงอ่ะ”

“คุ้นๆ หน้าอยู่แล้วก็ไปถามอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“...”

“เหมือนจะเห็นเรามาด้อมๆ มองๆ พี่อยู่บ่อยๆ อ่ะ”

“...!!”

คราวนี้ไม่ใช่ไข่ห่านแล้ว นี่มันไข่ไดโนเสาร์! เพจหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังจนคนในหอสมุดหันมามองกันหมด เดือดร้อนเจ้าเด็กตรงหน้าที่ดูจะขี้ตื่นตระหนกกว่าคนอื่นๆ กระซิบเสียงเครียด คว้าหนังสือที่ถือมาตีลงที่ไหล่เขาเพื่อห้ามไม่ให้เขาหัวเราะอีก

“พี่เพจ! หยุดหัวเราะนะ”

“ฮ่าๆๆๆ”

“พี่เพจ เสียงดัง!”

“5555555+”

“=__= ผมเกลียดพี่เพจแล้ว”

เพจพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาที่หางตา มองหน้าบูดๆ ของคิงด้วยความเอ็นดู

“ทำอย่างกับเราตอนแรกเราชอบพี่อยู่งั้นแหละ”

“...ก็เป็นไอดอลไง”

คิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาและกล่าวประโยคนั้นออกมาเบาๆ เหมือนคนไม่มั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองพูด มองจากตรงนี้เห็นได้ถึงความสั่นไหวของแก้วตาสีดำสนิทสะท้อนเงาของเขาและแก้มแดงๆ ของเด็กนั่นได้ชัดเจน ทำให้ภาพในใจของเพจ คิงกลายเป็นรุ่นน้องขี้อายและน่าแกล้งไปเสียแล้ว

ฟังคำตอบของรุ่นน้องแล้วเขาอดเลิกคิ้วไม่ได้ ท่าทางเรื่อยเฉื่อยเปลี่ยนไปเป็นจริงจังขึ้นมา เขานึกถึงตัวเองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แล้วได้แต่ยิ้มแหย เขาที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนหรือเป็นเด็กเก่งมากความสามารถของคณะ ดีหน่อยก็เล่นกีฬาได้บางอย่าง

ไม่ได้เป็นเด็กกิจกรรมจ๋า โดดกิจกรรมก็บ่อย ไม่ได้เป็นเด็กมีระเบียบเรียบร้อยในกรอบในกฎ

นิสัยรึ? ก็...ไม่ได้น่าเป็นแบบอย่างสักเท่าไหร่เลย

มีตรงไหนให้ชื่นชมกัน?

เขาก็แค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง

“มีตรงไหนให้น่าเอาเป็นแบบอย่างกัน พี่เนี่ย?”

“ชอบแบบไอดอลไม่ได้หมายถึงว่าจะอยากเป็นแบบพี่เสียหน่อย”

คิงเบ้ปากเอ่ยงึมงำ ก่อนจะวางหนังสือที่คว้าไปตีรุ่นพี่ลงกับโต๊ะ เผลอหยิกตัวเองไปหนึ่งทีที่ทำเรื่องร้ายกาจไปกับคนพิเศษของตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย ไม่น่าเกิดมาเป็นคนขี้เขินแล้วชอบทำร้ายร่างกายคนอื่นเลยวุ้ย -“-;;

“มันคงเหมือนกับเราชอบนักร้อง นักแสดงสักคนแบบนั้นละมั้งที่ผมพูดว่าชอบพี่น่ะ”

“อ๋อ เพราะงั้นเลยชอบมาแอบมองที่ริมระเบียงทุกวันสินะ”

“เฮ้ย!! รู้ได้ไงอ่ะ”


“-.- ยืนอยู่ที่เดิมทุกวัน ทำไมจะไม่เห็น”

“...”

“ออกมาทุกเช้าก็เห็นเราแอบมองจากในห้องตลอด ก็ยังเคยสงสัยอยู่ว่ามองทำไมว้า...หรือพี่ลืมใส่กางเกงเราถึงได้มอง ไร’เงี้ย”

“ก็แค่มองเฉยๆ”

“คร้าบ ไม่ได้ว่าไร”

ไม่รู้ทำไมพอเห็นหน้าบูดๆ ของเด็กนี่แล้วเขารู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากจะแกล้งให้น้องมันโกรธจริงๆ เพจจึงจบบทสทนาด้วยการยื่นมือไปยีเส้นผมและโยกหัวน้องเล่นด้วยความเอ็นดู ยิ้มจนดวงตาที่พราวระยับนั่นหยีเป็นเส้นโค้ง เหมือนจันทร์เสี้ยว โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังทำให้คนที่นั่งตรงข้ามใจเต้นแรง

“คราวหน้าไม่ต้องมองเฉยๆ เข้ามาคุยก็ได้ พี่ไม่กัดเราหรอก”

ควบคุมตัวเองไม่ได้และ...

“ตั้งใจอ่านหนังสือไป...เฮ้ย!!! คิง”

เลือดกำเดาไหลในที่สุด

คิงยกมือขึ้นปิดจมูกของตัวเองที่มีเลือดกำเดาทะลักออกมา อันที่จริงตอนนี้ที่ควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นลมและนั่งตัวตรงเอนพิงพนักได้นี่ก็เก่งมากแล้ว เขาไม่คิดว่าตัวเองจะโดนดาเมจจากการยีผมและรอยยิ้มของพี่เพจ เพราะแบบนั้นจึงตั้งการ์ดป้องกันพลังทำลายจากทั้งสองอย่างนั้นไม่ทัน ดวงตาของเขาเริ่มมองภาพตรงหน้าไม่ชัดแล้ว แต่ที่เป็นแบบนั้นก็ดี

เพราะไม่งั้นคิงคงได้หงายหลังเพราะใบหน้าที่ใกล้เสียจนได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ นั่นของพี่เพจเป็นแน่

“คิง! ไหวป่ะเนี่ย ไม่สบายเหรอ”

“...”

พี่เพจ ผมสบายดี ดีมากเลยครับ (//,,//)

“เลือดไหลไม่หยุดเลย... อาจารย์ครับ!! มีน้องเป็นลมครับ”

“พี่เพจ...ฮือออ เอาหน้าออกไป” แม้จะไร้เรี่ยวแรง แต่คิงก็พยายามจะเซฟเลือดตัวเองโดยการประท้วง ยกมือดันใบหน้าของเพจออกจากใบหน้าตัวเองเบาๆ แต่เสียงที่พูดดันเบาอย่างกับเสียงยุงบิน การสื่อสารเลยผิดพลาด กลายเป็นว่าหน้าที่เป็นต้นเหตุของเลือดกำเดาไหล กลับเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“อะไรนะ หายใจไม่ออก? เฮ้ย คิงทำใจดีๆ เอาไว้”

ความหล่อจู่โจม!! ไอ้คิงตาลายแล้วครับพี่!!!

โอ๊ยยย เลือดจะหมดตัวก็วันนี้ละโว้ยยยย เอาหน้านั่นออกป๊ายยย ไอ้พี่เพจจ!!!

สุดท้ายวันนั้นเขาก็ต้องไปนอนพักฟื้นในห้องพยาบาลตลอดคาบบ่าย ต้องขาดเรียนอย่างเสียไม่ได้

ทว่า...ถ้ามีพี่เพจมานั่งเฝ้าข้างเตียงแบบนี้...



ไอ้คิงก็ยอมเป็นแบบนี้อีกครั้งก็ได้ครับ ฮืออ (//////)









พี่เพจช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย (-.-) จะพยายามมาต่อให้เรื่อยๆ นะคะ ฝากด้วยค่ะ :) : NAVY

หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 02-06-2017 07:54:33
555555 พี่เพจเอ้ยยย ยังไม่รู้ตัวอีกว่าเป็นสาเหตุ 555
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: yagiza ที่ 02-06-2017 08:17:32
ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟเรื่องนี้มันช่างดีงาม ช่างดีต่อใจสุดๆเลยค่ะ :o8: :o8:
ขอติดตามและเป็นกำลังใจให้นะคะ>< :L2:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-06-2017 14:36:02
รอติดตามจร้า ^^
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 03-06-2017 16:19:55
กฎข้อที่ 3 อย่าแอบยิ้มให้เขาเห็น[/b]
ไม่รู้เลยว่าการรักใครสักคนมันยากและเจ็บปวดถึงขนาดนี้
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น
ผมก็ไม่เคยเสียใจแต่อย่างใดที่รักคุณ
[/i]






แต่ก่อนการได้เจอพี่เพจเป็นอะไรที่ผมชอบมากและเฝ้ารอให้ได้เจออีกบ่อยๆ


ทว่า ในวันนี้ผมไม่อยากเจอพี่เขาเลยครับ

เปล่าจะเลิกชอบนะ แต่ว่า...ไม่มีหน้าจะเจอแล้วต่างหาก!

มันสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ห้องสมุดวันนั้นครับ...

‘พี่ขอโทษนะ เรามีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่าหืม? ทำไมเลือดกำเดาไหลซะน่ากลัวเลย -_-;’

ฮืออออออ พี่หล่อเกินไปจนผมเลือดกำเดาไหลไง (โว้ยย) ครับ

ขายขี้หน้าชิบเป๋ง! แงงงง

ก็นั่นแหละครับ ช่วงสองสามวันนี้ผมเลยไม่ได้ไปดักรอเจอพี่เพจเลยสักวันเดียว กิจวัตรประจำวันที่ต้องแอบมองพี่แกทุกเช้าก็งดไป เพราะถูกจับไต๋ได้แล้วว่าไปแอบมองเขา มีอย่างเดียวที่เหมือนเดิมคือ ผมยังคงเดินตามพี่เพจไปมหาลัยทุกวันเหมือนเดิม

วันนี้ก็เช่นกัน ภาพแผ่นหลังกว้างในชุดนิสิตไม่เรียบร้อยนั้นลอยเด่นอยู่ด้านหน้าผมไม่ไกล แต่ก็ไม่ใกล้เสียจนคนที่ผมกำลังเดินตามอยู่รู้สึกได้ว่ามีคนเดินตามมา

วันนี้พี่เพจมีเรียนเช้าและตื่นเช้าเสียด้วย เลยไม่ได้ขึ้นวินไปเรียน ทรงผมเลยไม่กระเซิงเป็นเพิงหมาแหงนเหมือนวันอื่นๆ ที่ตื่นสาย

ผมวิ่งไปที่แผงป้าขายแซนวิซฉีกยิ้มให้แกเหมือนทุกที กำลังจะอ้าปากพูดแล้วเชียว ป้าก็ยิ้มและพูดดักเสียก่อน “เหมือนเจ้าเพจใช่มั้ยล่ะ อ่ะ ป้าเตรียมไว้ให้แล้ว”

“หูยยยย รู้ใจไอ้คิงก็มีแต่ป้านี่แหละครับ อ่ะ นี่ครับค่าแซนวิช”


ป้ารับเงินของผมไปแล้วพูดแซว “ตั้งแต่เจอหน้าจนวันนี้ก็จะสองปีแล้ว จะไม่ให้ป้าจำได้ได้ยังไง”

“คนมันมั่นคงก็เงี้ยอ่ะป้า คิงไปเรียนก่อนน้า”

“จ้า ไปดีมาดี”

ผมพยักหน้าแล้ววิ่งถอยหลังกลับโบกมือบ๊ายบายป้าอย่างที่ทำเป็นประจำ แต่แปลกแฮะ วันนี้ป้ากลับไม่ยิ้มหัวเราะเหมือนเดิม กลับตีหน้าเหมือนด้านหลังผมมีผีซะงั้น ผมจึงหยุดวิ่งแล้วมองป้าด้วยความสงสัย เห็นแกไม่ตะโกนอะไรกลับมาจึงหันหลังกลับเดินต่อ ใครจะไปรู้ว่าจะไปชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง

อ้าว เสาไฟฟ้ามาตั้งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

อืม...แต่เสาไฟฟ้าทำไมใช้น้ำหอมกลิ่นกาแฟไหม้เหมือนพี่เพจเลยหว่า?

จะว่าไปไม่ใช่แค่น้ำหอมว่ะ

“ตื่นเช้าเนอะ มาม.เวลานี้ทำไมไม่บอก จะได้เดินมาด้วยกัน”

เสียงก็ใช่เว้ยเฮ้ยยยย!!!

พี่เพจ!! (อีกแล้ว)

ตอนแรกก็ว่าจะเขินตามเสต็ป แต่พอจะเขินภาพวันก่อนๆ ที่ผมเผลอเลือดกำเดาไหลและเป็นลมไปต่อหน้าต่อตาพี่เพจ ทำให้ใบหน้าที่แดงแจ๋จนลุกเป็นไฟ เปลี่ยนเป็นสีม่วงและกลายเป็นสีขาวในที่สุด

ไอ้ชิบหาย! ไม่ๆๆๆๆ ไม่เจอหน้าพี่เพจตอนนี้ ไม่!!

คิดได้แบบนั้นผมก็ตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อที่จะวิ่งหนีกลับไปยังแผงป้าแซนวิซ รอให้พี่เพจเดินไปไกลแล้วค่อยเดินตามอีกที คราวนี้จะเว้นระยะเป็นสี่ห้าร้อยเมตรเลย! ฮือออออ

แต่พี่เพจดูจะไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นครับ

เพราะพี่แกดันฉวยโอกาสตอนที่ผมตะลึงอยู่กับความทรงจำอันน่าอับอายนั่น คว้าสายกระเป๋าสะพายของผมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนที่ผมตัดสินใจจะวิ่งไปไหนไม่รอด เสียงหัวเราะของพี่เพจตอนที่ผมยอมถอดใจไม่วิ่งและหันกลับมาพุ่งกระแทกหัวใจผมอย่างจัง ไหนจะยิ้มสดใสรับยามเช้านั่นอีก

น่าอายก็น่าอายว่ะ ไอ้คิง! ใช่ว่ามึงจะมีบุญได้เจอพี่เพจยิ้มสดใสแบบนี้ให้ทุกวัน (/////)

แต่ยิ่งผมไม่ห้ามพี่เพจก็ยังหัวเราะอยู่แบบนั้นไม่เลิก ตอนแรกผมก็หน้าแดงเขินอายหรอกนะ แต่ตอนนี้ชักจะรำคาญและรู้สึกว่าพี่แกกวนประสาทโคตรๆ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังหัวเราะไม่เลิก ผมเลยตัดสินใจเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อกี้

คนบ้าอะไรวะ หัวเราะอยู่เป็นนาที หายใจทางผิวหนังเหรอ!

“ไปหนายย”

“เฮ้ย!!! ไม่เล่นนะพี่เพจ ริมถนนนะเว้ย” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อผมเดินผ่านพี่แกแล้วแขนยาวๆ นั่นวาดมาโอบไหล่ของผมไว้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเคียงไหล่ผม

“แน่ะ เอาแต่คิดว่าพี่จะแกล้ง ไปๆ เดินไปม.กัน”

เสียงหัวเราะพี่เพจหายไปแล้ว แต่รอยยิ้มกวนๆ ยังติดอยู่ที่ริมฝีปากนั่น เรียกสายตาของผมให้มองอยู่ตลอดจนอดกลัวไม่ได้ว่า จะเผลอมองรอยยิ้มของพี่เพจจนลืมมองทาง แต่ไหนๆ ก็โดนพี่แกเนียนโอบไหล่แล้ว ผมก็รบกวนให้พี่เพจช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยบนทางเท้าด้วยละกันครับ -.,- โฮะๆ

เกือบจะหลุดยิ้มอีกแล้ว ผมกัดปากตัวเองแน่น พยายามอย่างมากที่จะไม่ยิ้มออกมาให้พี่เพจเห็น ผมจะให้พี่เพจรู้ไม่ได้ว่าการที่เพจโอบผมแบนี้มันทำให้ผมโคตรเขิน โคตรฟิน โคตรของโคตรหอม...เอ้ย! ไม่ใช่ !!

อ่า...แต่พี่เค้าก็ตัวหอมจริงๆ นะ นอกจากกลิ่นกาแฟไหม้ที่พี่เพจจะมีติดตัวประจำในวันที่ตื่นเช้า บางทีในวันที่ตื่นสายและแต่งหล่อไม่ทัน กลิ่นกาแฟไหม้จะเปลี่ยนเป็นกลิ่นสบู่หอมๆ แทน อย่าถามต่อเลยนะครับว่าผมไปได้กลิ่นมาได้ยังไง มันค่อนข้างจะน่าอายนิดๆ น่ะนะ

แหม...ลิฟต์เลิฟมหาลัยผมก็เยอะ แต่มันก็แคบๆ ไง วันไหนคนเยอะหน่อย ผมก็แอบเนียนๆ ซุกหน้าเขาที่ไหล่พี่เพจไรเงี้ย

ฮือออ เปล่าโรคจิตนะเว้ยย พลอยชมพูในเอ็มวีปลิวยังซุกพี่ต่อได้ ทำไมผมจะซุกพี่เพจไม่ได้อ่ะ!

ขอกำไรนิดๆ หน่อยๆ เอง พี่เพจไม่สึกหรอหรอกครับ (. .  )

แต่ถึงจะพยายามควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้ามากแค่ไหนก็ตาม ผมก็ไม่ลืมได้ว่า บางครั้งร่างกายมันมักจะมีการแสดงออกโดยอัตโนมัติ มากกว่าจะรอให้สมองสั่งการ

ดังนั้นเมื่อพี่เพจก้มหน้าลงมาหา พร้อมรอยยิ้มที่ผมไม่วันชนะนั่น

“ยิ้มอะไรคิง ท่อน้ำมันตลกตรงไหนฮะ”

ผมก็เผลอยิ้มออกมาจนได้

“ผมเปล่าขำท่อน้ำสักหน่อย”

เพราะเขินพี่ เพราะชอบพี่ต่างหากวุ้ย!

“จริงง่ะ คนอะไร ไม่มีเรื่องขำ เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็ขำ”

“ตลกพี่มั้ง”

“หน้าพี่เหมือนหม่ำหรือไง ออกจะหล่อ”

“...”

“อะไร พูดความจริงทำมารับไม่ได้” พี่เพจโวยเสียงหลงเมื่อผมทำหน้าเอือมระอาใส่พี่แกตอนที่ชมตัวเองด้วยความภูมิใจ แน่นอนครับว่าพี่หล่อเสมอในสายตาของผม แต่ครั้นจะให้ผมพยักหน้ายิ้มรับร่า คงจะไม่ได้

หนึ่งพี่เพจเหลิงและน่าจะกวนตีนผมมากขึ้น

สองผมจะหลุดพิรุธอย่างอื่นแน่ๆ และข้อสุดท้าย...

พี่เพจแกมีนิสัยอย่างหนึ่งที่ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว ไม่รู้ว่าพี่เพจรู้ตัวหรือเปล่า แต่เขามักจะเป็นแบบนี้กับคนรอบตัวเสมอโดยไม่รู้ตัว

“ครับๆ หล่อมากครับพี่”

“ดีมาก! น่ารักที่สุดดด”

พี่เพจยิ้มกว้าง ยกมือข้างซ้ายที่ว่างอยู่ขึ้นหยิกแก้มของผม แม้แรงจะไม่เบาจนทิ้งรอยแดงไว้บนแก้มผม ผมก็ยังเขินอยู่ดีที่ถูกหยิกแก้มเหมือนพี่เขากำลังเอ็นดู

แต่ทว่ายัง... ยังไม่พอ! พอเห็นว่าแก้มผมแดงเถือกเพราะถูกหยิก ไอ้พี่เพจก็ยังมาอ่อย (?) ต่อด้วยการลูบแก้มข้างนั้นเบาๆ แถมบริการเป่าลมกลิ่นมิ้นต์ พึมพำให้ผมหายเจ็บไวๆ อีกด้วย!!!

โอ้ยยยย ผมจะตายอีกแล้ววว ช่วยด้วยยย

นี่แหละครับ เหตุผลข้อสุดท้ายที่ผมไม่อยากพูดรับคำชมใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับพี่เพจ

(โคตร) ขี้อ่อย!!

“แก้มแดงแจ๋เลยอ่ะ พี่ขอโทษนะเว้ย หยิกแรงไปหน่อย”


“...”

“แต่แก้มเรานิ่มจัง ก็ไม่อ้วนนะ ทำไมแก้มนิ๊มนิ่ม...หืม?”

“...”

พี่เพจชะงักไปเมื่อผมยกมือขึ้นห้าม อย่างกับพระพุทธรูปปางห้ามญาติ สายตาของผมจับจ้องไปยังทางเดินข้างหน้า แต่แท้จริงแล้วเหมือนจิตผมกำลังหลุดไปอีกโลก มืออีกข้างยกขึ้นปิดครึ่งหน้าตัวเอง พอดีกับที่มีเลือดซึมออกมาตามง่ามนิ้ว
อืม ผมรู้สึกเหมือนว่า...เลือดกำเดามันจะไหลอีกแล้วล่ะ

สุดท้ายในเช้าวันนี้ พี่เพจก็ต้องสละแขนเสื้อของตัวเองที่ปกติจะพับขึ้นเสมอแทนทิชชู่ให้ผมซับเลือดที่ยังคงไหลอย่างต่อเนื่องอย่างกับน้ำตกไนแองการ่า เดินจับมือจูงแขนผมจนถึงหน้าห้องพยาบาลที่เดิม ต่างไปตรงที่พี่เขาเหมือนจะรู้แล้วว่าทำไมผมถึงเลือดกำเดาไหล เดาได้จากเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างอารมณ์ดีนั่น คล้ายกับคนที่ค้นพบอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาอารมณ์ดี

พี่เพจส่งผมที่หน้าประตูห้องพยาบาล ระหว่างที่ผมกำลังไหว้บอกลา พี่เพจที่กำลังพับแขนเสื้อก็พูดลอยๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

“ถ้าหมอมียารักษาโรคขี้อายของคิงก็ดีดิเนอะ”

“...ทำไมอ่ะ”

“อ้าว ไม่งั้นคราวหน้าพี่แกล้งแหย่เราอีก เราคงเลือดไหลหมดตัวพอดี”

“...”

“เลิกเขินพี่เพราะมองพี่เป็นไอดอลได้แล้ว มองพี่เป็นรุ่นพี่ธรรมดาๆ ก็พอ พี่สงสารจมูกเราว่ะ”

“จะพยายามนะ” ผมตอบรับเสียงอ่อย ไม่กล้าสบตากับพี่เพจเลยแม้แต่น้อย ทว่าพี่เขาคงไม่สังเกตเห็น

“ตั้งใจเรียนนะ พี่ไปล่ะ”

ผมโบกมือตอบ มองแผ่นหลังกว้างนั่นไปจนลับสายตา อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ผมคงทำไม่ได้อย่างที่พูด

พี่เพจครับ ผมว่าห้ามไม่ได้เลือดกำเดาหยุดไหล ยังง่ายกว่าที่พี่บอกให้เลิกชอบพี่อีกนะครับ







เพราะมีคนเคยพูดไว้ ว่าแค่ได้พบกับคนที่ชอบก็ดีแค่ไหนแล้ว
ต่อให้สุดท้ายจะไม่สามารถทำให้คุณมาชอบผม
ผมก็ชอบที่จะได้ยิ้มไปกับคุณแบบนี้ไปเรื่อยๆ แบบนนี้อยู่ดี








“พักนี้ไปห้องพยาบาลบ่อยไปมั้ยคิง ไม่สบายตรงไหนป่าวเนี่ย”

“เปล่า...เราสบายดี”

คนถูกเป็นห่วงจากเพื่อนร่วมคณะ เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองชีทเรียนในมือ ไม่ยอมสบตากับเพื่อนๆ ที่อยู่รอบตัว ด้วยกลัวว่าจะถูกมองออกถึงพิรุธที่ซ่อนในแววตา นัยน์ตาของเขามันไม่เคยเลยที่จะปิดความรู้สึกของตัวเองไว้ได้ เขาจึงติดนิสัยที่ไม่ค่อยสบตาคู่สนทนาเวลาคุยด้วย เพราะกลัวว่าดวงตาของตัวเองจะเผยสิ่งที่คิดเอาไว้ออกมาทั้งหมด

มันคงแย่และบางครั้งคงน่าเขินอายไม่น้อยที่ถูกคนอื่นเดาออกถึงความรู้สึกได้ง่ายๆ เช่นนั้น

โดยเฉพาะกับคนที่ชอบ เป็นคนที่เขาไม่นึกอยากให้อีกฝ่ายเดาความรู้สึกของเขาออกเลยแม้แต่น้อย

ทว่าเขาก็ไม่มีความพยายามมากพอที่จะดึงสายตาตัวเองออกมาจากอีกคนเลย

เหมือนว่าพี่เพจเป็นขั้วบวกและเขาเป็นขั้วตรงข้ามที่ถูกดึงดูดให้เข้าหา มองหาและไม่สามารถต้านทานแรงดึงดูดไร้ที่มานั่นได้ ได้แต่โอนอ่อนและยอมให้ตัวเองถูกแรงดึงนั้นให้ขยับเข้าไปใกล้เช่นคนไม่รู้ตัว

ปล่อยให้หัวใจรับความหวั่นไหวและความสุขเบาบางนั้นมาหล่อเลี้ยงให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“เอ้อ คิง ตอนประชุมเรื่องรับน้องครั้งที่แล้ว คิงได้มีหน้าที่อะไรป่ะ”

เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่นะ ทำไมอ่ะ?”

“งั้นเราให้คิงมาช่วยเป็นฝ่ายสวัสดิการได้มั้ยอ่ะ คนขาดพอดี”

“ได้ดิ”

รองประธานพึมพำขอบคุณเขาทั้งรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับจดชื่อของเขาลงไปในกระดาษที่เหมือนจะเป็นรายชื่อและหน้าที่ของแต่ละคนในชั้นปี เอาเข้าจริงจะให้เขาอยู่หน้าที่อะไรก็ได้อยู่แล้วน่ะนะ ขอแค่ไม่ต้องไปออกอยู่หน้าสุดหรือพวกสายพิธีกรเรียกเสียงโห่ฮาก็พอ

“ลืมบอก ฝ่ายสวัสดิการพี่ปีสามกับพี่ปีสี่นัดรวมเย็นวันนี้นะคิง อย่าลืมไปล่ะ”

“ได้”

ถ้าเขาไม่ลืมนะ...

เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบลงไป เมื่ออาจารย์ได้เข้ามาและเริ่มการเรียนการสอนขึ้น คิงบอกให้ตัวเอง่วยลืมเรื่องของพี่เพจหรือภาระหน้าที่ออกไปครู่หนึ่งก็ยังดี เพื่อมาทำความเข้าใจกับเรื่องที่ต้องเรียนในวันนี้ ซึ่งก็ยังยากเช่นเดียวกับทุกวัน เรียกได้ว่าหากพลาดเหม่อหรือหลับไปนิดหน่อย ก็จะเรียนตามทำความเข้าใจไม่ทันอย่างแน่นอน ดังนั้นภาพที่ทุกคนเห็นประจำก็คือคิงที่มักจะเท้าคางมองอาจารย์ที่สอนอยู่ด้านหน้าสลับกับการก้มหน้าก้มตาจดด้วยปากกามาร์กเกอร์หลากสี น้อยครั้งที่จะเห็นอีกคนหลับ หันมาคุยกับเพื่อนหรือเล่นโทรศัพท์

แต่ถึงจะน้อยครั้ง ใช่ว่าจะไม่เคยทำนะ เช่นตอนนี้เป็นต้น...

“นี่มันแก๊งค์พี่ปีสี่ไม่ใช่เหรอวะ?”

“ไหนๆ”

เสียงกระซิบกระซาบดังเข้ามาในหูของคิง อะไรก็ไม่สะดุดใจเท่าคำว่า ‘พี่ปีสี่’ แล้วล่ะในตอนนี้ ดังนั้นแม้ว่าจะพยายามรักษาประคองสติให้อยู่กับตัวหนังสือยึกยือตรงหน้ามากแค่ไหน หูของเขาก็ไม่อาจสนใจบทเรียนได้อีกแล้ว

“โหยย กลุ่มพี่สิงห์โคตรเข้ม! งานอะไรวะมึง?”

“งานเทศกาลดนตรี...ปีที่แล้วมีงานนี้ด้วยเหรอวะ?”

“เขาเพิ่งมาจัดมั้ง? ปีที่แล้วเขาห้ามจัดนี่”

“ไหนๆ มีวงไหนมาบ้าง”

เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนเพื่อนที่นั่งอยู่แถวหน้าๆ จำต้องส่งเสียงให้เพลาๆ การใช้เสียงกันบ้าง เสียงพูดคุยเกี่ยวกับงานดนตรีถึงได้เบาลงไปเล็กน้อย กระนั้นก็ยังดังเหมือนเสียงนกกระจิบกระจาบจนอาจารย์ปล่อยพัก เสียงนั้นถึงได้ดังขึ้นอีกครั้ง เรียกให้คิงที่อดทนมาเกือบสองชั่วโมงอดใจไม่ไหวในที่สุด

ขอพื้นที่ให้ส่องหน่อย (โว้ยย) ว่ามีพี่เพจมั้ย (/-  -\)

“ขอดูหน่อยดิ”

“คิงไปเปล่า?”

“...ขอดูก่อนแล้วกัน”

แม้จะรับคำเหมือนเผื่อเลือก แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดอย่างพี่เพจแล้ว คิงก็ได้แต่กัดปากกลั้นเสียงตะโกนในใจที่ร้องบอกเป็นร้อยครั้งว่า ‘ไปโว้ยยย!!’ ไว้ในใจ เขาตีหน้านิ่งแล้วเลื่อนโทรศัพท์คืนยังเพื่อน ทันทีที่แอบส่งรูปนั้นเข้าไลน์ตัวเองเรียบร้อย ทำเหมือนว่างานเทศกาลดนตรีมันก็แค่งานดนตรีธรรมดาทั่วไป ทั้งที่ในใจนี่คิดถึงตัวเองไปยืนเต้นกรี๊ดกร๊าดในงานเรียบร้อย

พี่เพจจะขึ้นเวที วงพี่เพจจะแข่งในงานเทศกาลดนตรี!!!

ถึงจะเคยได้ยินผ่านๆ มาบ้างว่าพี่เพจนั้นเคยมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง ทั้งยังเคยไปลงแข่งฝึกปรือฝีมือหลายงาน แต่เขาก็ไม่เคยได้เห็นภาพพี่เพจสะพายกีต้าร์ตัวโปรด แสดงฝีไม้ลายมือบนเวทีเสียที ดังนั้นเมื่อเห็นว่าพี่เพจจะกลับสู่เวทีอีกครั้ง เขาจึงค่อนข้างตื่นเต้นและมีความตั้งตาคอยมากกว่าทุกที

ไม่ได้การแล้ว เขาต้องเตรียม...เตรียมอะไรดี? ผ้าเชียร์? แท่งไฟ? เอ้อ...ไม่ได้ไปคอนเสิร์ตเคป๊อบ งั้นป้ายชื่อวงหรือจะเตรียมดอกไม้ดีหว่า?

พี่เพจจะชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างดอกไม้กับป้ายชื่อวงนะ?

“ว่าไงคิง สรุปไปเปล่า?”

เพื่อนร่วมคณะหันมาถามอีกครั้ง เหมือนต้องการรู้จำนวนคนที่แน่นอนเพื่อจะได้หาบัตรได้ครบ คิงลังเลอยู่นิดหน่อยที่จะตอบ ให้ตอบทันทีก็ดูกระตือรือร้นไปหน่อย ขัดกับเมื่อกี้ที่ทำเล่นตัวชิบหาย -_-;

“เอ่อ...มีใครไปบ้างอ่ะ”

“มีกลุ่มเราห้าคนกับพวกผู้หญิงอีกสองกลุ่ม น่าจะราวๆ สิบห้าคน ถ้ารวมคิงก็สิบหก”

“ระหว่างนั้นจะอยู่ด้วยกันตลอดเลยเหรอ?”

“ไม่หรอก ทำไมอ่ะ? คิงไม่สะดวกใจจะไปกับพวกเราเหรอ?”

คิงส่ายหน้ายิ้มนิดๆ ปฏิเสธคำกล่าวนั้น

“เปล่าหรอก เราไป แต่ถ้าหายไประหว่างดูคอนเสิร์ตอย่าตกใจแล้วกัน”

เพราะเขาจะไหลไปหน้าเวทีไปหาพี่เพจ ไม่ว่างมาจ๊ะจ๋ากับกลุ่มเพื่อนเว้ย!!!

“ได้ๆ งั้นคิงไปด้วยนะ”

“อืม”

“โอเค ไว้เจอกันเสาร์หน้าหอประชุมตอนหกโมงนะ ประตูเปิดหกครึ่ง”

ในที่สุด เขาจะได้เห็นพี่เพจบนเวทีสักที!!







ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้กันเรื่อยๆ :) ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 03-06-2017 16:53:19
 :laugh:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-06-2017 16:54:27
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-06-2017 17:09:11
พี่เพจนี่ก็ขยันอ่อยจริง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 03-06-2017 18:06:53
งือออออ นุ้งคิงน่ารักกกกกกก พี่เพจก็อย่ามาอ่อยแล้วทำให้น้องเสียใจนะ!
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 05-06-2017 13:54:45
กฎข้อที่ 4 อย่าเผยความรู้สึกออกไป
คุณไม่ได้สมบูรณ์แบบเลย ที่รัก
แต่เพราะแบบนั้น
คุณถึงได้กลายมาเป็นส่วนต่อเติมให้ผมสมบูรณ์ได้ในที่สุด






เด็กๆ ผมเคยวาดฝันเอาไว้เสียมากมาย อยากจะเป็นคุณหมอถือเข็มฉีดยาเท่ๆ อยากเป็นนักธุรกิจสร้างฝันตัวเองขึ้นมาด้วยสองมือ แม้กระทั่งอยากเป็นทหารอาการ ขับเครื่องบินรบไปทั่วท้องฟ้ากว้าง

จวบจนโตขึ้น ผมผ่านเรื่องราวมากมายเกินกว่าจะนับได้หมดว่ามีเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเท่าไหร่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ความฝันของผมก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสิ่งที่ผมเห็นและรู้สึก

เมื่อผมมองพ่อแม่ของผมที่พลันแก่ชราลงทุกปีที่ผมเติบโต ผมมักจะคิดเสมอว่าผมขอเป็นอะไรก็ได้ที่หาเงินให้พ่อและแม่ของผมได้อยู่สบาย ได้ไปไหนมาไหนอย่างที่ใจหวัง ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าเงินเดือนนี้จะพอจ่ายหรือไม่

เมื่อการเงินมั่นคงพอที่จะสร้างชีวิตของตัวเอง ผมก็แค่อยากสร้างบ้านหลังเล็กๆ สักหลัง มีเพื่อนบ้านที่น่ารัก เลี้ยงหมาสักตัว...และอยู่จับมือกับใครสักคนไปจนแก่เฒ่า

พอถึงตอนนี้เมื่อคิดๆ ดูก็ได้แต่หลุดหัวเราะ เพราะไอ้เรื่องสุดท้ายเนี่ย ผมดันไม่เคยคิดเสียด้วยว่า คนที่ผมอยากจะจับมือดูแลกันไปจนแก่นั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

ก่อนที่จะมาเจอพี่เพจ ไม่คิดหรอกครับว่าจะชอบผู้ชาย คือผมก็เด็กผู้ชายวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป มีชอบหญิงตามจีบข้ามโรงเรียนก็ออกบ่อย เพียงแต่ที่มันต่างออกไปคงเป็น...ผมไม่เคยลืมพี่เพจไปจากหัวใจได้อย่างจริงจัง

บ้านเกิดของผมอยู่ต่างจังหวัด แต่โรงเรียนมัธยมและมหาลัยที่ผมเรียนอยู่นั้นอยู่คนละจังหวัดแถมไกลกันสุดๆ ผมเลยใช้ชีวิตเด็กหอมาตั้งแต่ครั้งมัธยมจึงเคยชินกับการอยู่คนเดียวมาตลอด ผมไม่คาดหวังถึงตัวเองในอนาคตว่าจะมีใครมาอยู่ด้วยหรือจะได้เจอใครมาเปลี่ยนความคิดแบบนั้น จวบจนวันที่ได้พบกับพี่เพจ...มันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่เหมือนการที่ได้พบพี่เขามันทำให้ผมเปลี่ยนไปจากเดิม

ผมอยากมีพี่เขาอยู่ในชีวิต อยากมีคนๆ นั้นที่ผมไม่อาจลืมคนนั้นมาอยู่ในชีวิตของผม

ไม่ต้องเป็นคนรักก็ได้ แต่แค่อยากให้ในสายตาของผมได้มีเงาร่างพี่เขาบ้างสักครั้งก็ยังดี

พอผมคิดได้แบบนี้ ผมก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาผมไปจีบหญิงถึงได้จีบไม่เคยติด ทั้งยังโดนตอกหน้าว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วทำไมถึงมาจีบคนอื่น อะไรแบบนั้น

บางทีพวกเธอคงจะมองออกด้วยสัญชาตญาณอันละเอียดอ่อนของเพศหญิง พวกเธออาจจะมองเห็น...อะไรบางอย่างที่ผมมักซ่อนอยู่ในแววตาของตัวเองยามที่ทอดมองตัวเธอ

เธอคงมองออกว่าผมมักจะจินตนาการเสมอ ถึงใครคนนั้นที่ตอนนั้นผมไม่มีโอกาสได้พบอีกครั้งคนนั้น

มองเห็นว่าผมมักจะคิดถึงภาพตัวเองได้เดินเคียงข้างคนๆ นั้น

พวกเธอมองออกว่าพบรอใครบางคนอยู่

เพียงแต่ต่อให้ละเอียดอ่อนเพียงใด เธอก็ยังมองออกเพียงแค่ผมชอบคนๆ นั้นมาก แต่ไม่ได้มองเห็นถึงความสิ้นหวังที่แฝงในความรู้สึกที่แสดงอกมานั้น

ความสิ้นหวังที่มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด

ผมไม่มีวันมีเขาในชีวิต ไม่ว่าจะรอนานอีกเท่าไหร่

แม้กระทั่งวันนี้ที่เราได้เจอกันอีก ผมก็ยังรู้สึกเช่นเดิม ไม่ว่าระยะห่างระหว่างเราจะสั้นลงอีกกี่เซ็น มันก็ยังคงเดิม

ผมรู้อยู่แล้ว รู้ตั้งแต่รักหมดหัวใจ

ผมมีสิทธิแค่มองพี่เขามีความสุขกับใครสักคนที่เขารักไปตลอดชีวิตเท่านั้น

“ไม่เข้าไปหรือไง?”

“...!!!” ผมสะดุ้งไปกับแรงที่กดลงบนไหล่ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและเสียงโหวกเหวกบริเวณห้องซ้อมดนตรีของมหาลัย ซึ่งตอนนี้ถูกยึดครองโดยกลุ่มรุ่นพี่ปีสี่ของคณะผมเอง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมมอยู่ตรงนี้ จากตรงนี้ผมมองเห็นเพียงกลุ่มผมของพี่เพจขับไหวไปมาเท่านั้น เพราะบริเวณทางเข้าออกที่เห็นประตูกระจกใสมีแต่บรรดาแฟนคลับของกลุ่มพี่เพจออเต็มไปหมด จนผมไม่มีทางแทรกเข้าไปได้ เมื่อมองไปยังใบหน้าของผู้ที่ทักผม ผมก็อดจะอึ้งไปไม่ได้ เสียงนี่ ผมลืมไปได้ยังไงกัน

เขาคือนักร้องนำของวงที่พี่เพจเป็นมือกีต้าร์หรือพี่สิงห์ หัวหน้าวง Merci ของพี่เพจ

“ไม่ดีกว่าครับ คงไปรบกวนเปล่าๆ”

ผมยิ้มเจื่อนๆ ขยับถอยห่างไปจากตัวของพี่สิงห์เล็กน้อยด้วยความประหม่า แต่ก็ยังไม่ประหม่าเท่าตอนที่ยืนข้างพี่เพจ พี่สิงห์มีสีหน้าไม่เข้าใจนิดหน่อย ก่อนจะพูดทิ้งท้ายหนึ่งประโยค

“เห็นวันนั้นเดินมากับไอ้เพจ นึกว่าสนิทกันเสียอีก”

“...”

“ถ้ายังไงอยากเข้าก็เดินเข้าไปดูได้ เด็กคณะเราพี่ไม่ว่าอะไรหรอก”

แล้วพี่สิงห์ก็ตบหัวผมเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป

ถ้าแค่เดินมาด้วยกันหมายถึงสนิท แล้วพี่ที่อยู่กับพี่เพจมาเกือบสี่ปีควรให้คำจำกัดความว่าไงล่ะครับคุณพี่

โชคดีที่หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มผู้หญิงบางส่วนที่มีเรียนต่อรอบบ่ายพากันทยอยหายไป จนมีที่ว่างเหลือสำหรับผมให้แทรกเขาไปยืนมองได้ ผมจึงได้เห็นบรรยากาศซ้อมภายในได้ค่อนข้างชัดเจน จากตอนแรกที่พี่สิงห์เข้าไปก็ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วที่พวกพี่เขาเริ่มซ้อมกัน ทว่ากลับมีเหงื่อเกาะพราวไปตามเนื้อตัวเหมือนไปวิ่งรอบสนามกันมาสักสิบรอบ จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้ซ้อมดนตรีเนี่ยมันเหนื่อยขนาดนั้นเลยหรือไง

ผมก้มหน้ามองนาฬิกาที่เดินต่อไปเรื่อยๆ สลับกับมองรอบตัวที่คนเริ่มบางตาลงทุกที แหงล่ะ ตอนแรกก็คงจะเห่อกันมาดูกลุ่มนักดนตรีซ้อมขึ้นแสดงงานเทศกาลดนตรี แต่ใครมันจะบ้าเห่อดูเฝ้าจนซ้อมจบกัน

อ้อ มีอยู่คน

ผมเอง -_-)//

ใครใช้ให้ชอบเขาหัวปักหัวปำ จนรู้สึกว่าแค่ได้มองเสี้ยวหน้าผ่านกระจกก็มีความสุขแล้วแบบนี้กันเล่า!

ดังนั้นสภาพความเป็นอยู่ของผมในหลายชั่วโมงต่อมาคือปักหลักนั่งอยู่แถวๆ หน้าห้องซ้อม คอยมองเข้าไปข้างในบ้าง แอบสลับมาให้ความสนใจงานที่หยิบออกมาทำบ้าง จนแสงสุดท้ายของวันหายไปเมื่อตอนที่ผมหายไปซื้อของและกลับมายังห้องซ้อมที่ยังเปิดไฟอยู่นั่นล่ะ ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าควรกลับหอได้แล้ว เพราะดูท่าพวกพี่เขาน่าจะซ้อมกันดึก

ผมดูของในถุงเซเว่นอันประกอบไปด้วยพวกน้ำ เกลือแร่หรือพวกเครื่องดื่มชูกำลัง มีแม้กระทั่งขนมหรือของกินเล่นที่น่าจะช่วยแก้เรื่องความหิวของพี่เขาได้ไม่มากก็น้อย ก่อนจะวางมันลงหน้าประตูโดยพยายามให้คนที่เดินออกมาเห็นมันชัดๆ แน่นอนว่าผมผูกถุงและกำกับชื่อพี่เพจเอาไว้กันคนมาแอบฉวยหยิบไปหรือมีการเข้าใจผิดกันขึ้น

ก่อนจะไปผมแอบยื่นหน้าเข้าไปดูข้างใน พวกพี่เขายังคงซ้อมกันอย่างบ้าคลั่งเหมือนจะไปแข่งเวทีระดับโลก กระนั้นเมื่อเห็นพี่เพจที่ดีดกีต้าร์อย่างเอาเป็นเอาตาย ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

คืนนี้จะนอนหลับไหมหนอ ไอ้คิงจอมเพ้อเจ้อ

ผมก้าวออกจากบริเวณห้องซ้อมดนตรีท่ามกลางความมืดมิดและแสงสลัวจางๆ จากไฟถนน แล้วถอนหายใจ

เฮ้อ...

คืนนี้ผมคงต้องรอจนกว่าเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆ ดังขึ้น ถึงจะหลับสนิทอีกแล้วสินะ










“เพจ มีคนฝากมาให้มึงแน่ะ”

เสียงพูดอันเป็นเอกลักษณ์ของเกมมือเบสของวงดังขึ้นหลังจากหายไปเข้าห้องน้ำในเวลาพัก เพจละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนบนผนังบอกเวลาเกือบสามทุ่ม แล้วรับถุงนั้นมาจากเพื่อน ทันทีที่เห็นของในนั้นก็อดถามกลับไปไม่ได้

“ใครวะ?”

“ถามกูแล้วกูจะถามใครล่ะ ก็ซ้อมด้วยกันตลอด แฟนคลับมึงมั้ง”

“หิว มีของกินมั้ย?” ทีม มือกลองลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงมาหาเขาเมื่อได้ยินว่ามีของฝากมา ก่อนจะฉวยไส้กรอกเวฟกับเกลือแร่ไปหนึ่งขวด ซึ่งของที่เหลือเขาก็ได้ขี้เหนียวอะไร จึงยื่นแจกจ่ายให้เพื่อนในวงจนครบ เหลือเอาไว้สองสามอย่างที่เป็นของโปรดของเขา ราวกับคนซื้อของพวกนี้จะรู้ดีว่า ต่อให้จะให้เขาแค่คนเดียวเขาก็จะแบ่งเพื่อนในวงจนหมดอย่างไรอย่างนั้น

“แฟนคลับมึงแน่ๆ ไม่งั้นจะรู้ได้ไงว่ามึงแพ้กุ้ง” นิน รับหน้าที่เล่นคีย์บอร์ดพูดขึ้นบ้างโดยมือหนึ่งถือกล่องข้าวผัดไก่เกาหลีที่เขาชอบซื้อบ่อยๆ ขึ้นมา อีกข้างถือขนมปังกระเทียมเข้าปากเคี้ยวไม่หยุด เพจเองก็คิดแบบนั้นจึงฉวยเอาข้าวกล่องกลับมาเปิดกิน แต่กระนั้นก็ยังคาใจอยู่นิดๆ

โอเค เขาแม้จะไม่ได้หล่อเหลาเทียบเท่าเหล่าดาวเดือนหรือเด่นอะไรขนาดนั้น แต่ก็มีแฟนคลับมีคนมาชอบไม่น้อยไม่แปลกที่จะมีคนหอบเอาข้าวของมาให้ แต่ไม่เคยมีแฟนคลับหรือใครคนนั้นกล้าเอาของที่จะให้มาทิ้งไว้แบบนี้ ส่วนมากจนกว่าเขาจะรับนั่นล่ะถึงจะยอมไป ไม่มีหรอกมาวางทิ้งไว้แล้วเขียนแค่ชื่อของเขา

ใครกันนะ?

สิงห์กระดกเครื่องดื่มชูกำลังนิ่วหน้าคิดนิดหน่อย แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปมันจะดูเป็นไปไม่ได้ แต่...มันอาจจะเป็นจริงก็ได้ “เมื่อกี้ก่อนซ้อมกูเจอเด็กที่เคยเดินมากับมึงด้วย เพจ”

“คนไหน?”

“ทำอย่างกับมีหลายคน คนที่ทำแขนเสื้อมึงเปื้อนเลือดอ่ะ”

“อ้อ น้องคิง ทำไม?”

“ไม่รู้เข้าใจผิดหรือเปล่านะ แต่ที่สังเกตมาตลอด พวกที่มาดูๆ เราซ้อมทุกทีไม่ค่อยมีเด็กคณะเราสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่คณะอื่น บางทีคนที่เอาของมาวางเอาไว้อาจจะเป็นน้องมันก็ได้ เพราะถ้าเป็นเด็กคนอื่น เขาคงจะถือวิสาสะเข้ามาให้กับตัวมากกว่า”

“...ไม่ใช่มั้ง” คิงน่ะนะ?

อืม...เขาคิดภาพเด็กคนนั้นหอบถุงเซเว่นใหญ่ๆ มาวางเอาไว้ไม่ออกเลยแฮะ

“ตอนแรกกูก็ถามแล้วนะว่าจะเข้าไปดูในห้องซ้อมไหม? น้องมันก็ส่ายหน้าไม่เอาลูกเดียว โคตรขี้เกรงใจ ทั้งที่กูไม่ได้ห้ามอะไรเลยกับน้องในคณะ พอรวมๆ กับที่กูเห็นว่ามึงเคยเดินมากับน้องมัน เลยคิดว่าน้องน่าจะซื้อมาให้มึงนั่นแหละ แต่ไม่กล้าเอาเข้ามาให้”

“...”

“แต่...ก็แค่การสันนิฐานนะ”

เพจหลุดยิ้มออกมานิดหน่อยแล้วพยักหน้าตาม “คงงั้นมั้ง”

เขาไม่ได้คล้อยตามอะไรกับสิ่งที่เพื่อนพูด แต่ไอ้ที่เพื่อนบอกว่าคิงน่าจะเป็นคนทิ้งไว้น่ะ เห็นด้วยเต็มๆ

ถามว่ามั่นใจมั้ย? อืม...ก็เกินครึ่งนะ

รู้ได้ยังไงน่ะเหรอ?


‘บัตรประจำตัวนิสิต ชื่อ – นามสกุล: นายคนิน นาวากุล...’


คงไม่มีใครคนไหนแอบซื้อของมาให้แล้ว ‘เผลอ’ ทำบัตรประจำตัวนิสิตของคนอื่นหล่นในถุงหรอก

.

.

อันที่จริง ถ้าหากคิงเป็นผู้หญิงและแสดงออกว่าชอบเขาอีกสักนิด เขาว่านี่มันการอ่อยชัดๆ เลยนะเนี่ย -.-









แต่ผมรู้ดี รู้หมดทั้งใจนั่นล่ะ
ผมรู้ว่าส่วนที่ขาดหายที่คุณรอ
มันไม่มีวันเป็นผม
[/i]









ถนนหนทางตอนกลางคืนช่วงใกล้เข้าวันใหม่ยังคงวังเวงและเงียบเหงาเช่นที่ผ่านๆ มาเหมือนเดิม

เพจคุ้นเคยและชินเสียแล้วกับที่บางทีเขาพาสภาพร่างโทรมๆ ของตัวเองหลังจากซ้อมดนตรีเพื่อไปแสดงในงานดนตรีกลับหอในช่วงเวลาแบบนี้ นี้ก็ร่วมสัปดาห์แล้วที่เขาใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับการเรียน อ่านโน้ตหรือซ้อมดนตรี ทุ่มเทกับโปรเจ็คในสองสามชั่วโมงก่อนจะหลับเป็นตาย แล้วตื่นขึ้นมาในรุ่งสางเพื่อไปเรียนวนลูปเดิมๆ

มันเคยเป็นแบบนั้นมาตลอดจริงๆ

ยอมรับว่าเหนื่อยและบางทีก็เหงานิดๆ ทว่าเขาก็มีเพื่อนเยอะแยะ ทำไมยังเหงาอีกนะ

บางทีอาจจะแค่อิจฉาก็ได้ แต่เวลาที่เขาได้เห็นเพื่อนเดินออกจากห้องซ้อมแล้วเจอใครรออยู่ ไม่ว่าจะหลับรอหรือตื่นรอ มันก็ชวนอบอุ่นใจจริงๆ ทั้งที่คนเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาเอาอกเอาใจ แค่ถามว่าเหนื่อยไหม? กลับบ้านกัน... แค่นั้นแต่ทำให้เขาอิจฉาอย่างประหลาด

เฮ้อ...อยากมีแฟนกับเขาบ้างจริงๆ น้า

พอคิดมาถึงตรงนี้เพจก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ บนถนนสายเล็กๆ ที่ตรงไปยังหอพักของตัวเอง คนแบบเขาเนี่ยนะอยากจะมีแฟน เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครมาเดินข้างเขา เขาที่ทั้งเอาใจแต่และดื้อรั้นแบบที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันรู้ได้เท่าตัวเขาเอง แม้ภายนอกเขาจะดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ดูเหมือนไม่อะไรกับใครมาก ตัวเขานี่แหละรู้ดีที่สุดว่าเขานั้นนิสัยเสียแค่ไหน
ยากที่จะหาคนที่ทนเขาได้ นอกจากครอบครัวของเขาคงไม่มีอีก

หรือถ้ามี

“พี่เพจ? ทำไมกลับดึกจังครับ”


เขาก็อาจจะมองข้ามไปแบบไม่รู้ตัวก็ได้

“พี่ต้องถามเรามากกว่ามั้ง? จะตีหนึ่งอยู่แล้วนะ ลงมาทำอะไร”

คิงดูลนลานนิดหน่อย ก่อนเหมือนจะสังเกตเห็นถุงในมือตัวเองจึงยกขึ้นมา “เอ่อ...อ่านหนังสือแล้วหิว เลย...”

“แวะเซเว่นหาอะไรกินว่างั้น” เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารัวๆ เหมือนเขาไม่เชื่อ เพจก็หลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งจนได้ แต่ครั้งนี้เขาหัวเราะเต็มเสียงทั้งยังทิ้งร่องรอยเอาไว้เป็นรอยยิ้มที่มุมปาก ลากยาวไปถึงในดวงตาที่หยีโค้งอารมณ์ดี ร่างสูงกวาดแขนไปโอบไหล่รุ่นน้องที่ยืนห่างจากตัวเองไม่กี่ก้าว พูดจาเอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน

“งั้นเดี๋ยวไปหาที่นั่งเล่นใต้หอกัน พี่ซื้อข้าวมากินเหมือนกัน”

ราวกับเขารู้ รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่มีทางผลักให้เขาถอยห่าง หากเขาจะแสดงตัวตนของ ‘ตัวเอง’ ออกมาอีกสักนิด ทั้งที่เขาไม่ได้มั่นใจอะไรเลยสักนิด

เขาแค่วางใจในตัวเด็กคนนี้ แม้จะมีเวลาทำความรู้จักคุ้นเคยแค่เพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น

ทว่าเพจกลับไม่รู้เลยว่า ต่อให้เขาแสดงความดื้อรั้นเอาแต่ใจมากขึ้นอีกนิด เด็กคนนี้ก็ไม่เคยนึกว่า ซ้ำร้ายจะยินดีเสียด้วยซ้ำที่ได้พบมุมที่ไม่ว่าใครก็ยังไม่ได้พบจากเขา

คิงฉวยเอาไอติมสีหวานเข้าปาก กัดกร้วมๆ สลับกับมองสีหน้าเหนื่อยล้าของคนข้างๆ ไปด้วย โชคดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่เขาดันเลือกไอติมแท่งยักษคู่ จึงออกแรงหักมันแบ่งออกเป็นสองส่วน ยื่นส่วนที่ยังไม่มีรอยกัดไปให้อีกคน
 
“กินมั้ยครับ ชื่นใจดีนะ”

“แต้งกิ้ว”

ทังสองคนเดินไปตาทางที่สว่างด้วยแสงไปไม่กี่จุด ผ่านความเงียบรอบตัวไปโดยไร้ซึ่งคำพูด หากก็ไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ ราวกับพวกเขาเดินเคียงข้างกันเช่นนี้มาเนิ่นนาน นานจนไม่ต้องหาคำพูดหรือบทสนทนาใดมาเปรยเพื่อขับไล่ความกระอักกระอ่วนของความสัมพันธ์ที่ก่อร่างได้ไม่นาน

หรือบางที...มันอาจเป็นเพราะมีหนึ่งฝ่ายที่ยอมสละตัวให้เป็นที่ไว้วางใจ จนทำให้อีกคนรับรู้ถึงความสบายใจยามที่ได้อยู่ด้วยก็เป็นได้

“ช่วงนี้พี่เพจกลับดึกบ่อยไปไหมครับเนี่ย?”

“ดึกเหรอ? ช่วงปีสองที่ไปกินเหล้าทุกวันดึกกว่านี้อีก”

“แต่นี่พี่อยู่ปีสี่แล้ว โปรเจ็คมันหนักมากไม่ใช่หรือครับ” คิงเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ มองสบดวงตาคู่นั้นที่ก้มลงมองเขาเช่นกัน รอบใต้ตาของเพจดำคล้ำเหมือนคนอดนอน

“ตาดำเป็นหมีแพนด้าเลย นี่อย่าบอกนะครับว่ากลับจากซ้อมดนตรีแล้วพี่ยังนั่งอ่านทำโปรเจ็คต่ออีกอ่ะ”

“งานมันเร่ง” เพจตอบสบายๆ พลางกัดไอติมไปด้วย เขายกมือข้างที่ถูกน้ำหวานจากไอติมหยดใส่ขึ้นเลียเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกก็เห็นเพียงแต่ใบหน้าของคิงหันไปทางอื่น แม้จะแปลกใจแต่เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรไปมากกว่าน้องมันแค่มองวิวดูทางอะไรเรื่อยเปื่อย ใครจะไปรู้ หากเพจยอมชะโงกหน้ามองไปด้วยความสงสัยอีกนิด เขาก็จะเห็นริ้วแดงเรื่อตั้งแต่แก้มไล่จรดใบหูขาวสะอาดนั่น เพราะคิงดันอดคิดอกุศลไม่ได้กับภาพที่รุ่นพี่ที่ชอบแลบลิ้นเลียคราบน้ำหวานบนมือตัวเอง

ไม่ได้หื่นนะเว้ย! ก็ผู้ชายป่ะวะ!!

“เราอ่ะ ทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ อ่านหนังสือเตรียมสอบก็เร็วไปมั้ง”

“แค่อ่านทบทวนบทเรียนเฉยๆ ครับ”

จุดๆ นี้ใครมันจะไปกล้าบอกวะ ว่านั่งเล่นเกมเฝ้าประตูห้องตัวเอง รอเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆ น่ะ -_-

แถมมันไม่ใช่คืนแรกเสียด้วยสิ...

เพจพยักหน้าเอ่ยชมเชยรุ่นน้องที่ขยันแสนขยัน พร้อมกับเล่าเรื่องตัวเองตอนใกล้สอบให้ฟัง เสียงหัวเราะที่เคล้าคลอไปกับลมเย็นๆ ของตอนกลางคืนทำให้คิงรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ บรรยากาศที่เหมือนตอนนี้ทั้งโลกมีเพียงแค่พวกเขาสองคนที่ยังตื่นอยู่

ชอบที่ได้เดินกลับหอด้วยกัน

เขาชอบพี่เพจมากจริงๆ

ไม่นานพวกเขาก็เดินถึงหอพัก ใต้ตึกยังคงมีแสงไฟและเง่างของยามประจำหอพักรางๆ เพจมองนาฬิกาในโทรศัพท์ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม จริงๆ เขาก็อยากจะนั่งกินข้างล่างให้มันเสร็จๆ บนห้องจะได้ไม่มีกลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้ก็จะตีหนึ่งครึ่งเข้าไปแล้ว เขากลับไปกินบนห้องดีกว่า

“พี่ว่าจะไปกินในห้องแทนละ คิงล่ะ?”

คิงเองก็เดาได้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้จึงพยักหน้า เดินตามกันไปยังห้องพักของแต่ละคน

ก่อนจะแยกย้ายเพจเรียกรุ่นน้องไว้ที่หน้าห้อง ล้วงหยิบบัตรนิสิตที่อีกฝ่ายลืมเอาไว้ในถุงเสบียงนั่น ไม่รู้ว่าลืมจริงหรือถูกเก็บได้ แต่ยังไงก็คืนไปก่อนแล้วกัน

“อ่ะ เก็บบัตรดีๆ สิคิง”

“ขอบคุณครับ พี่เพจไปเก็บได้จากไหนอ่ะ ผมหาตั้งนานแน่ะ” สีหน้าแปลกใจของคิงไม่ได้เหนือความคาดหมายของเพจสักเท่าไหร่ เขาแสร้งยิ้มหน้าซื่อตอบคำตอบที่รู้อยู่แล้วว่าจะทำให้เด็กตรงหน้าทำสีหน้าแบบไหนออกมา

จะยังไงคิงก็เป็นเด็กที่เขาแกล้งแล้วสนุกที่สุดอยู่ดี

“ในถุงขนมที่วางหน้าห้องซ้อมดนตรีน่ะ”

“...”

“ข้าวผัดไก่เกาหลีอร่อยมากกกก รู้ได้ไงว่าพี่ชอบ” เพจอมยิ้มเมื่อสีหน้าสบายๆ ของคิงค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าโกหกแอบมีความลับ หลบตาเขาเป็นพัลวัน ไม่รู้ทำไมเขาถึงดีใจสุดๆ ที่ตัวเองไม่ได้เดาผิด

เป็นเด็กคนนี้จริงๆ ด้วย

“ขอบคุณนะ พวกพี่รอดตายเลยล่ะ”

“...ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร เดี๋ยวจะซื้อไปฝากอีกแล้วกันครับ”

คิงว่าเสียงเบา แต่กระนั้นด้วยเวลาย่างเข้าวันใหม่ จะมีใครมายืนคุยเสียงดังนอกห้องเหมือนพวกเขาอีก เพจจึงได้ยินอย่างชัดเจน ยิ่งแสงไฟสลัวๆ ตามทางเดินอาบไล้พวงแก้มที่ขึ้นสีริ้วแดงๆ จากความเขินอาย รอยยิ้มมุมปากก็ยิ่งขยายกว้าง

“งั้นคราวหน้าขอเสต็กลุงหนวด”

“หากินเองเถอะครับ แบบนั้นน่ะ -_-^”

“อ้าว ไหนว่าจะซื้อให้อ่ะ”

“แพงไปป่ะล่ะ อยากกินก็เอาเงินมาสิครับ”

“นี่จะเลี้ยงรุ่นพี่ไม่ใช่หรือไงคิง มาขอเงินได้ไงน่าเกลียด”

“รุ่นพี่ที่ขูดรีดเงินรุ่นน้องมาเลี้ยงตัวเองนี่น่าอายน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะครับ -_-“

“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ซื้ออะไรมาก็ได้ พี่กินหมดแหละ” คิงหน้าบูดขึ้นทุกที แต่เพจกลับยิ้มแป้น ดันหลังให้อีกคนกลับเข้าห้อง ทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะเป็นฝ่ายปิดประตู เพื่อส่งอีกคนเข้านอนในตอนเช้าวันใหม่เสียที

“นอนได้แล้ว เด็กดีเขาไม่นอนดึกหรอกนะ”

“มานอนเช้าแทนเลยไง โคตรเด็กดีเลยดิเนี่ย”

“ไปนอนได้แล้ว!”

“พี่เพจด้วย รีบกินข้าวอาบน้ำนอนได้แล้วนะครับ”

เพจยิ้มอ่อนใจ โคลงศีรษะให้เด็กที่ดื้อไม่ยอมนอนเสียทีตรงหน้า “แล้วเมื่อไหร่จะได้นอนล่ะ ฮึ?”

“จนกว่าพี่จะเข้าห้อง”

“...”

“ผมแค่อยากได้ยินเสียงพี่ปิดประตูเข้าไปเท่านั้นเอง”

“ได้ๆ พี่ปิดประตูแล้วนอนเลยนะ”

“ครับ”

“คิง”

“ครับ?”

“ฝันดีนะ”

พระเจ้าช่วย กล้วยทอด

เดาสิครับว่าเช้าวันนี้ไอ้คิงจะได้นอนกับเขาไหม?







ยังคงอ่อยอย่างต่อเนื่องงง
ฝากติดตามเช่นเคย :) :NAVY

หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 05-06-2017 17:18:58
นุ้งคิงไม่ได้ตั้งใจอ่อยเนอะ 555

พี่เพจ เรื่อย ๆ มากแต่เนื่อยๆ  แบบน่าร๊ากกกชอบจัง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 05-06-2017 17:55:44
น่าฮักขนาดดดดดด
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 05-06-2017 21:00:18
ละมุนนนนน. น่าฮักแท้
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 06-06-2017 22:26:34
งืออชอบบบบบ
รอค่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 08-06-2017 17:11:52
กฎข้อที่ 5 อย่าพูดในสิ่งที่คิด
คนบางคนเกิดมาให้เรามองแล้วรู้สึกสบายตา
แต่คนบางคนเกิดมา...เพื่ออยู่ข้างเราให้เราสบายใจ









“น้องคนนั้นก็โอเคนนะ ลองไปคุยมาแล้ว น้องว่าอยู่หอ ซ้อมเย็นได้”

“งั้นจดลงไปเลย เอาเยอะๆ ก่อนแล้วค่อยคัดทีหลัง”

“คิง น้องพิมว่าไงบ้าง”

ผมส่ายหน้าเมื่อวิ่งมาหากลุ่มเพื่อนที่รออยู่ “น้องบอกว่าแม่ห่วงอ่ะ คงไม่ได้”

แม้จะเสียดาย แต่พวกเขาก็คงมางอนง้อเด็กแค่คนเดียวไม่ได้ โชคดีที่คณะของผมสัดส่วนของผู้หญิงและผู้ชายพอๆ กัน เวลามีกิจกรรมอะไรที่ต้องใช้ทั้งแรงงานและเรื่องความสวยความงาม มักจะพร้อมและเพียงพอเสมอ อย่างตอนนี้เป็นต้น

เฮ้อ ผมละเกลียดงานกีฬาภายในจริงๆ เล้ยย!

ใช่ครับ ตอนนี้แม้จะผ่านช่วงเปิดเทอมมานานแล้ว แต่กิจกรรมนั้นยังคงมีและดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ครั้งก่อนๆ เป็นงานใหญ่ระดับมหาลัยในช่วงวันแรกๆ ของการเปิดเทอม เช่นพวกการรับน้อง ไหว้ครูอะไรแบบนั้น แต่ครั้งนี้จะเป็นเกี่ยวกับงานกีฬา การแข่งแสตนด์และผู้นำเชียร์ รวมถึงมีการแข่งวิชาการด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะต้องวุ่นวายกับการเรียนเพื่อต่อยอดไปยังการสอบแล้ว พวกผมยังต้องแบ่งสมองมานั่งจัดการเกี่ยวกับงานกิจกรรมเหล่านี้ไม่ให้ขาดช่วงอีกด้วย

เห็นอนาคตตัวยเองรำไรเลยล่ะครับ ไม่แคล้วคงได้เปิดฟาร์มหมีแพนด้ากันทั้งคณะ

หวังว่ารุ่นน้องจะไม่แสบเหมือนรุ่นพวกผมนะครับ ตอนรุ่นผมนี่คุมก็คุมยาก ซ้อมก็ไม่ค่อยมา ลำบากใจแทนรุ่นพี่สุดๆ

ผมเองก็ไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้หรอกครับ แต่ก็อย่างว่า มาเรียนในสังคมที่ใหญ่ว่าหนึ่งห้องสี่เหลี่ยมของมัธยม เราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับที่ที่อยู่ ไม่อย่างนั้นเราก็ต้านทานกระแสสังคมไม่ได้ ถึงจะอย่างนั้นแม้จะต้องตามกระแสแต่ก็ต้องรักษาความเป็นตัวเองไม่ให้หายไปด้วย การใช้ชีวิตในสังคมที่มีคนหมู่มากนี่ทั้งยากและน่ารำคาญพอสมควรเลยสำหรับผมที่รักที่จะอยู่มุมเงียบๆ มุมหนึ่งเท่านั้น

แต่ถ้าเทียบกับการทำตัวแข็งข้อมีปัญหา ผมยอมเข้าวุ่นวายแบบนี้ดีกว่า

“แล้วฝั่งกีฬาขาดกี่คน กีฬาอะไรบ้าง”

“เปตองขาดสองคน ส่วนวอลเลย์หญิงขาดอีกคนหนึ่ง นอกนั้นมีครบแล้ว”

“โอเค เดี๋ยวให้ฝ่ายกีฬาเขาไปหาคนเพิ่มมา เน้นด้วยนะว่าส่งรายชื่อวันพรุ่งนี้ไม่เกินเที่ยง ยังไงก็ต้องได้ชื่อมาก่อน แข่งได้ไม่ได้ยังไง ค่อยว่ากันอีกที”

“มีอะไรให้เราช่วยอีกหรือเปล่า” ผมพูดขึ้น ใจจริงอยากจะไปแบบไม่ถามเลยล่ะ แต่มันก็จะดูแย่เกินไป เพื่อนทั้งสองส่ายหน้าผมจึงพูดขอตัวและวิ่งออกมาในที่สุด ซึ่งจุดมุ่งหมายของผมจะป็นที่ไนไปไม่ได้นอกจาก ห้องซ้อมดนตรีนั่นแหละครับ

อีกไม่กี่วันก็จะงานแสดงดนตรีแล้ว ก็ต้องมีอัดฉีดนักดนตรีสักหน่อย -.-

อะไรนะ? ผมน่ะเหรอเอาเรื่องของกินมาบังหน้า? เฮ้ยย ใส่ร้าย

...

ครับ เอาของกินไปเซ่นถวายเพราะอยากเห็นหน้าพี่เพจเฉยๆ ก็ได้ครับ คนอื่นน่ะมันของแถม -_-

จากวันนั้นที่พี่เพจรู้แล้วว่าผมเป็นคนเอาของกินขนมไปให้ก็ผ่านมาเกือบห้าวันแล้วที่ผมคอยเทียวส่งน้ำส่งข้าวให้คนในห้องซ้อม บางวันมาเย็นบ้างเพราะผมเลิกเย็น บางวันก็มานั่งรอพวกพี่เขามาซ้อมบ้าง แล้วแต่เวลาเรียนของพวกเราทั้งคู่ แต่ก็มีบางวันเช่นเดียวกันที่ผมและพี่เขาเลิกเรียนในเวลาใกล้เคียงกันและ...มีใครบางคนมาหาถึงห้องเรียน

นึกมาถึงตรงนี้แก้มผมก็ร้อนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อนึกถึงช่วงเวลาดังกล่าว

มันคือเรื่องของเมื่อวานครับ หลังจากที่อาจารย์ปล่อยให้นิสิตทั้งหลายที่ผจญกับความรู้ที่อาจารย์พยายามจะยัดเข้าให้หัวที่มีสมองก้อนน้อยแรมต่ำนี่ให้หมดภายในสองชั่วโมง ผมก็พบว่าประตูห้องนั้นออกไม่ได้เสียแล้ว

เพราะการปรากฎตัวของใครบางคนเรียกให้ความสนใจของทุกคนไปอออยู่ที่ประตู จนเหลือเพียงแค่ทางแคบๆ ให้เดิน
ผมเองก็เหมือนคนอื่นๆ แหละครับที่อดสงสัยไม่ได้ว่ามีใครมายืนอยู่จนทำให้การจราจรติดขัดแบบนี้ จึงรีบเก็บข้าวใส่กระเป๋าสะพายใบโปรดแล้วสะพายมันเดินลงมายังหน้าประตูห้อง

“มาหาใครคะ?”

“มาหารุ่นน้องคนหนึ่งน่ะ”

“มาจีบปีหนูเหรอคะ จีบใครอ่ะ?”

“ฮ่าๆๆ ไม่ใช่ๆ มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย อืม...มาลักพาตัวมั้ง”


ยิ่งใกล้บทสนทนาคลอเคล้าด้วยเสียงจอแจฟังไม่ได้ศัพท์หลายเสียงยิ่งดังขึ้น แต่ที่ดังสุดเห็นจะเป็นเสียงของคนที่อยู่ใจกลางของวงสนทนานั้นล่ะ แน่นอนว่าผมจำได้ตั้งแต่ประโยคที่ได้ยินและนั่นทำให้ผมรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้ๆ ใกล้จนผมมองเห็นว่า ‘ใครคนนั้น’ ที่ว่าคือพี่เพจ

“พี่เพจ?”

“ไง เลิกเรียนช้าจัง พี่รอตั้งนานแน่ะ”


ผมฝ่าวงล้อมของผู้หญิงพลางขอโทษไปด้วย มองคนตรงหน้าด้วยแววตางงๆ “พี่มาหาผมทำไมอ่ะ”

“ไหนว่าจะเลี้ยงเสต็กพี่”

“บอกตอนไหน พี่เพจอ่ะมั่ว”

“ชิ ตามน้ำหน่อยไม่ได้หรือไง?”


ผมทำเป็นเมินท่าทางดูงอนๆ ที่แสนน่ารักนั่น เบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นเนียนๆ “แล้วไม่ซ้อมหรือครับวันนี้”

“ซ้อมดิ แต่วันนี้ซ้อมช้าหน่อย พวกไอ้ทีมมันมีเรียนเสรี มีแค่พี่กับไอ้สิงห์ที่เลิกเร็ว เลยมาชวนเอาไปกินข้าว ไปเปล่า?”


ความจริงผมควรจะเกรงใจและปฏิเสธตามวิสัยของรุ่นน้องที่แสนดีและขี้เกรงใจ ซึ่งสถานการณ์รอบตัวนี่ก็เอื้ออำนวยให้ผมต้องทำอย่างนั้นเสียเหลือเกิน ทั้งสายตาของเพื่อนร่วมเอกหรือแม้กระทั่งสายตาที่มองออกถึงความอิจฉาเล็กๆ จากผู้หญิงต่างเอก

ทว่า...โทษทีนะครับที่ผมไม่ได้แสนดีและขี้เกรงใจขนาดนั้น

เรื่องอะไรผมจะยอมเสียโอกาสที่ได้ไปกินข้าวกับพี่เพจเพราะสายตาคนอื่นด้วยล่ะ -.-

“ไปครับ”

“โอเค! ป่ะ ไอ้สิงห์มันรอที่ร้านนานแล้ว”


ผมพยักหน้ายิ้มๆ เดินผ่านบรรดาหญิงสาวที่มองตามมาด้วยความอิจฉา อย่างที่บอกครับ แม้ว่าพี่เพจจะไม่ได้หล่อขนาดเดือนมหาลัยหรือนายแบบ แต่พี่เขาก็ถือว่าดูดีกว่าระดับทั่วไปเล็กน้อย ไหนจะนิสัยและรอยยิ้มที่ขับเสน่ห์ในตัวของพี่เพจออกมา จนทำให้พี่เขาเป็นที่หมายปองทั้งจากผู้หญิงและผู้ชาย

ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

และเหมือนจะตกในหลุมรักของพี่เขาลึกที่สุดเสียด้วย!

ก็อย่างที่ว่าแหละครับ นึกๆ ดูแล้วผมยังอดชมตัวเองไม่ได้ที่ครองสติได้จนมาถึงหอพักหลังจากที่พี่เพจกลับไปซ้อมกันหลังกินข้าวเสร็จ โดยไม่สติหลุดลอยไปโลกที่สามเสียก่อน ผมได้นั่งใกล้ๆ พี่เพจ มองพี่เขากินข้าวคุยกับเพื่อน ฟังเสียงหัวเราะและท่าทางที่มีชีวิตชีวานั่นในที่ที่ใกล้ตัวพี่เขามากที่สุด

แม้ว่ามันจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ไปมากกว่านี้ ผมก็ยังมีความสุขมากอยู่ดีล่ะนะ

ทว่าทันทีที่ผมมาถึงห้องซ้อนดนตรี ความคิดและความทรงจำที่แสนงดงามเมื่อวานก็เป็นอันพังทลายกับความวุ่นวายตรงหน้านี่เอง

“พี่สิงห์คะ >_< หนูได้ยินว่าพี่ชอบของหวาน นี่ค่ะ! เอแคลร์เบเกอรี่เจ้าอร่อย”

“ขอบคุณครับ”

“เพื่อนหนูฝากมาให้พี่ทีมกับพี่เกมด้วยนะคะอีกสองถุง”

“พี่นินคะ หนูเอาสายไหมมาฝากก”

“พี่เพจคะ หนูเอาขนมจีบมาให้ เจ้านี้หนูกินประจำอร่อยมากค่ะ!”

“ขอบ...” เพจ

“พี่เพจ เอาแซนวิชสอดใส่ความรักของเกมมี่ดีกว่าค่ะ อร่อยและอิ่มท้องกว่าขนมจีบอีกแน่นอน”

“เอ่อ...ขอบใจ” เพจ

“เอ๊ะ! พูดงี้หาเรื่องหรือไงยะ”

“หรือจะเอาละอิชะนีน้อย!”

“ไม่ทะเลาะกันๆ ขอบคุณทั้งคู่นะครับ -O-;;” ตอนแรกผมก็ค่อนข้างตกใจและเครียดพอสมควรแหละทีเห็นภาพที่หญิงสาวและหญิงเหลือน้อยทั้งหลายพากันกรูเข้าไปให้ขนมและข้าวของแก่หนุ่มๆ ในห้องซ้อมดนตรี ทั้งยังหงุดหงิดนิดๆ ตอนที่เห็นว่ามีผู้หญิงหลายคนพยายามที่จะกระแซะเข้าไปหาพี่เพจและพี่คนอื่นจนเกินงาม แต่กระนั้นผมก็พยายามบังคับให้ตัวเองยืนอยู่ที่เดิมและตีหน้านิ่งไม่แสดงอาการใดๆ ออกไปทั้งสิ้น

ผมเปล่าหึงนะ! ไม่ได้หึงเล้ยยย (เสียงสูง) -_-^

แต่พอเห็นการโต้เถียงที่เกิดขึ้นระหว่างส่งมอบข้าวของ ฟังบทสนทนาที่ค่อนข้างจะแดกดันกันเองแล้วก็อดขำตามไม่ได้และเพราะแบบนั้นมันทำให้คนที่หน้าเจื่อนพยายามยิ้มรับของจากบรรดาแฟนๆ มาสังเกตเห็นผมเข้า พี่เพจดูแปลกใจในตอนแรก แต่ก็พลันยิ้มออกมาเหมือนโล่งอกในที่สุด

พี่เพจยิ้มและพูดอะไรสักอย่างกับกลุ่มผู้หญิงที่มุงและขวางทางหน้าห้องเล็กน้อย ก่อนจะฝ่ากลุ่มคนมาหาผมฉวยรั้งข้อมือของผมให้เดินตามอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งว่าเพิ่งตามหาควายที่หายไปเพิ่งเจอและต้องการนำมันกลับคอกให้ไวที่สุด (ด่าตัวเองเป็นควายก็ได้เว้ยเฮ้ย) ผมสาวเท้าตามอย่างไม่กล้ามีแม้แต่คำถามว่าลากผมมาทำไม (วะ) ครับ? ผ่านผู้หญิงที่มองผมอย่างเคลือบแคลง กระทั่งเข้ามาในห้องซ้อมเรียบร้อย พี่เพจปล่อยมือของผมและเดินออกไปบรรดาแฟนคลับว่าจะเริ่มซ้อมและไม่สามารถออกมารับของได้อีกแล้ว พวกเธอจึงยอมสลายตัวกันไปในที่สุด เหลือเพียงแต่แฟนบอยอันดับหนึ่ง (แน่นอนว่าแต่ตั้งตัวเองเรียบร้อย) ยืนงงในดงคนหล่อเพียงคนเดียว

“เฮ้อ วุ่นวายสุดๆ”

พี่ทีมที่กำลังเช็กกลองเงยหน้าขึ้นมองพร้อมยิ้มแซว “ใครใช้ให้มึงใจอ่อนยอมรับมาล่ะ ไม่รับมาสักคนตั้งแต่แรกก็จบล่ะ”

“มันก็เสียน้ำใจคนให้ป่ะวะ สงสัยคราวหน้าต้องบอกจริงๆ จังๆ แล้วมั้งว่าไม่รับของฝาก” พี่เพจบ่นอุบอิบ หัวถูกมือตัวเองยีฟูจนไม่เหลือเค้าทรงเดิมขณะดินมาหาผม ใบหน้าที่ยุ่งเหยิงขยับเป็นรอยยิ้มสายหนึ่งพาดผ่านใบหน้า เรียกควาสดใสให้กลับมายังตัวของพี่เขา

“ไหน ซื้ออะไรมาฝากพี่”

“ไม่ค่อยจะกลืนน้ำลายตัวเองเลยนะครับ” ถึงปากจะว่าแต่มือของผมก็ยื่นถุงที่เต็มไปด้วยของกินมากมายไปให้อีกคนอยู่ดี ความจงรักภักดีที่น่าอายนี่โคตรจะ...เฮ้อ =_= ผมจะมีวันไหนที่ขัดใจพี่เขาได้บ้างวะ

พี่เพจร้องโห่ฮาไปตามประสาคนชอบแสดงท่าทางโอเวอร์ในหมู่เพื่อนฝูง หอบถุงข้าวของของผมไปให้เพื่อนแต่ละคน ส่วนผมก็ยืนยิ้มเจื่อนๆ กับคำขอบคุณที่ไหลบ่ามาหาอย่างกับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ทั้งที่เมื่อกี้ทุกคนก็ต่างแสดงออกถึงความยุ่งยากใจในการจัดการเจ้าของฝากทั้งหลายที่ได้มาจากแฟนคลับ แต่กลับรับของฝากจากผมได้หน้าตาเฉย

เอาเถอะ ถือว่าเป็นสิทธิพิเศษของเด็กคณะเดียวกันแล้วกัน -.,- จะพยายามไม่คิดลึกกว่านั้น...ไม่คิด

“คิง ยิ้มพิลึกอะไรน่ะเรา?”

ผมรีบหุบยิ้มที่ไม่รู้ยิ้มไปเมื่อไหร่ ตวัดสายตาขุ่นเคืองไปหาต้นเสียง พอเห้นว่าเป็นพี่นินก็ชะงักไปนิดหน่อย โอเค ผมหน้าด้านพูดได้ว่าตัวเองสนิทกับพี่เพจ แต่กับเพื่อนร่วมวงของพี่เขานี่ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าถามว่าพวกพี่เขาสนิทกับผมไหม? เอาง่ายๆ คือถ้าเหยียบเล่นบนหัวผมได้ก็คงทำไปแล้วล่ะ -_-

“ยิ้มเฉยๆ ไม่ได้หรือครับ”

“มันจะไม่มีอะไรเลย ถ้าเราไม่ยิ้มไปมองไอ้เพจไปด้วยอ่ะ”

“มองอะไร!! ใส่ร้าย” โอ๊ยยย จะตาไวกันไปไหนวะ!

“ตะโกนด้วยเว้ยเฮ้ย แซวเล่น! หูยย โกรธจริงจังอย่างกับรับว่ามองจริงๆ น่ะแหละ”

พี่นินว่าเสียงทะเล้นพร้อมลุกขึ้นไปหาพี่เพจที่หัวเราะร่วนไปกับเพื่อนๆ คนอื่น จับตัวเพื่อนที่สูงพอกันหมุนซ้ายหมุนขวาเหมือนแม่เล้าเตรียมส่งเด็กในสังกัดให้เสี่ย ทันทีที่พยักหน้าก็ผลักพี่เพจมาหาผมที่ยืนทำอะไรไม่ถูกกลางวง แล้วเอ่ยสำทับ

“อ่ะ ยกให้ เอาไปเลย ไม่ให้เอามาคืนนะคิง”

“พูดอะไรเนี่ย ผมไม่เล่นด้วยหรอกนะ” ปากก็ว่างั้นล่ะครับ ใครใช้ให้ผมฟอร์มจัดขนาดนี้

ถ้าเอาความจริงไม่ห่วงฟอร์มล่ะก็ จับกดได้ก็ทำแล้วล่ะตอนนี้ -.,- ไม่อยากคืนเหมือนกันครับพี่นิน

พี่ๆ คนอื่นๆ ก็เข้ามาร่วมเล่นด้วย ต่างพากันผลักและหัวเราะเฮฮากับมุกฝืดๆ ของพี่นิน ก่อนจะวิ่งเล่นไปมาทั่วห้อง ไม่คล้ายกับพี่ปีสี่ที่เคยเก๊กหน้าเข้มตอนครั้งงานรับน้อง พี่สิงห์ที่ไม่ได้ร่วมเล่นกับเพื่อนเดินมาหยุดอยู่ข้างผม มองผมด้วยแววตารู้ทันจนอดระแวงไม่ได้

“แน่ใจหรือไง?”

“แน่ใจ...อะไรเหรอครับ?”

“ที่ว่าไม่เอาน่ะ จริงเหรอ”

“...”

“ชอบไม่ใช่หรือไง”

“...”

“...”

ผมยิ้มออกมาขณะมองความวุ่นวายตรงหน้า ผิดแต่รอยยิ้มนี้คล้ายจะเป็นรอยยิ้มที่ทั้งยอมรับและปลงสังเวชในตัวเองมากกว่าจะเป็นยิ้มที่มีความสุขเช่นเคย

“ไม่มากพอที่จะกล้าทำให้สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้พังหรอกครับ”

“...”

“ตอนนี้มีความสุข...มากพอแล้ว”










แต่บางคนก็เป็นได้แค่คนที่เดินผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วจากไป
ไม่เป็นที่จดจำของใคร
แม้จะทุ่มเทหมดหน้าตักจนตัวเองไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม









หากจะมองให้ดีๆ แววตามันก็เหมือนจะฟ้องทุกอย่างในหัวใจคนเราได้เป็นอย่างดี ดีเสียยิ่งกว่าคำพูดเสียอีก

สิงห์รู้และเข้าใจประโยคนี้มาตลอด

และเข้าใจมากขึ้นเมื่อได้รู้จักรุ่นน้องคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาโดยบังเอิญ

เพจเพื่อนเขานั้น แม้จะไม่ได้รู้จักกันยาวนานเป็นสิบปี แต่กระนั้นสี่ปีในรั้วมหาลัย ในห้องเรียนหรือกระทั่งหอพักเท่าแมวดิ้นตายก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขานั้นเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนนี้เป็นหรือเข้าใจสิ่งที่เพื่อนคนนี้ชอบ พวกเขาทั้งห้าจับมือกอดคอร่วมผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกันมากมาย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น หากใครถามว่าเขาสนิทกับใครมากที่สุด คนๆ นั้นก็เป็นเพจอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้วยนิสัยกึ่งเล่นกึ่งจริง ทะเล้นแต่บทจะจริงจังก็สามารถพึ่งพาได้ของเพื่อนคนนี้ ทำให้เขาผ่านช่วงเวลาทั้งดีและร้ายหลายต่อหลายครั้งมาได้อย่างง่ายดาย

และด้วยนิสัยแบบนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่หากเพจจะเป็นดนเดียวในกลุ่มที่มีคนตามชอบตามขอความรักมากที่สุดคนหนึ่ง
เขาเห็นการแสดงความรักมากมาย มองเห็นความทุ่มเทหรือพยายามที่จะไขว่คว้าเอาความรักที่เพื่อนของเขาเก็บเอาไว้ลึกสุดใจออกมาของใครมามากมาย จนบางครั้งก็อดเบื่อหน่ายแทนเพื่อนไม่ได้ที่จะครั้งก็เจอแต่ลูกไม้เดิมๆ จนเบื่อ

จะมีก็แต่คนหนึ่ง...ที่ต่างออกไป

เขาว่ากันว่า ผงเข้าตาตัวเองยากจะเอาออกคงจะจริง

เพราะเพจไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเด็กคนนั้นที่ตัวเองจับมือให้เข้ามาในชีวิตโดยบังเอิญจากความสงสัยครั้งนั้นจะมีสิ่งใดซ่อนอยู่ ซึ่งเกี่ยวกับเจ้าตัวอย่างดิ้นไม่หลุด

จะว่าเพื่อนเขาหัวไวก็ได้ แต่บางครั้งจะด่าว่าทึ่มทื่อก็ไม่ผิด บางเรื่องเพจมันก็รู้ดีจนน่าหมั่นไส้ แต่บางเรื่องมันก็ทึ่มเสียจน่าถีบ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกของคนใกล้ตัว น้อยครั้งมากที่เพื่อนของเขาคนนี้จะจับสังเกตได้หากไม่มีคนบอก

เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยที่เด็กคนนี้สามารถอยู่ข้างๆ เพื่อนเขามาได้นานสองนานโดยไม่โดนเพื่อนเขาปฏิเสธให้ออกไปจากชีวิตเสียก่อน

คิง...เป็นแค่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่ง

ท่าทางดูซื่อๆ ดูน่าแกล้ง รอยยิ้มของเด็กคนนี้ดูจริงใจและมองแล้วสบายตา ไหนจะความห่วงใยและนิสัยขี้เกรงใจนั่นอีก เขาไม่แปลกใจหรอกถ้าหากวันหนึ่งจะพบว่ามีใครที่มองเห็นสิ่งดีๆ ในตัวเด็กคนนี้แล้วเกิดชอบขึ้นมา (ต้องขีดตัวแดงใหญ่ๆ ว่ายกเว้นเพื่อนเขาไว้ก่อน มันโง่ -_-)

แค่มองแว่บแรกที่ได้เจอกัน ตอนที่มองสบตากันครั้งแรกกับตอนที่ได้ไปกินข้าวด้วยกันเขาก็มองออกแล้ว

ตอนที่คิงมองหน้าสบตากับเขานั้น ในแววตาที่เปิดเปลือยทุกความรู้สึกนึกคิดของเด็กคนนี้ที่แต่ความชื่นชมและเลื่อมใส ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่มองเพื่อนเขาในร้านอาหาร เพจมักจะพูดมากและมีเรื่องพูดเยอะแยะบนโต๊ะอาหาร บ่อยครั้งที่บนโต๊ะอาหารจะมีเพียงเสียงพูดของคนๆ เดียวจนจบมื้อนั้น ดังนั้นในวันนั้นเขาจึงเห็นเพียงแค่ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มจางๆ ที่เต็มไปด้วยความสุขและเอ็นดูเล็กๆ จากคิงที่นั่งข้างเพื่อนเขา

แววตาของเด็กนั่นฉายชัดถึงความสุขยามมองที่เสี้ยวหน้าคนข้างกายและสาดประกายความรักที่แตกหน่อในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
และเพราะรู้โดยบังเอิญวันนั้นเขาจึงฉวยโอกาสที่เพจไปเข้าห้องน้ำและเช็กบิลมาคุยกับคิง

‘ชอบมันเหรอ’

‘ครับ?’

‘ไอ้เพจน่ะ’


สิ้นคำนั้นใบหน้าที่มีรอยยิ้มน้อยๆ ก็พลันจืดเจื่อน เรียบนิ่งคล้ายเจ้าตัวกำลังอึ้งและใช้ความคิดอย่างหนัก คิงเบือนหน้าหนีมองตรงไปข้างหน้าตัวเองอย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะหยุดตรงที่ร่างสูงของเพจที่กำลังหยอกล้อกับสุนัขตัวน้อยที่เจ้าของร้านเลี้ยงเอาไว้ ภาพอันน่าเอ็นดูนั่นได้เรียกรอยยิ้มของเด็กข้างๆ เขาออกมาอีกครั้ง ก่อนคำตอบจะตามมาเบาๆ

‘ครับ’

‘...’

‘ชอบครับ’

‘รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องอกหัก ทำไมถึงยังดันทุรังชอบอีกล่ะ’

‘ไม่อกหักหรอกครับ’

‘...’


คิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ยิ้มที่สดใสนั่นเผยออกมาอีกครั้ง แต่ทำไมก็ไม่รู้ที่สิงห์รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นแสนเศร้าและบาดใจอย่างบอกไม่ถูก

คล้ายกับรอยยิ้มของคนที่ยอมรับและปลงตกกับทุกสิ่ง

‘ก็ผมไม่มีความหวัง ไม่ได้คาดหวังอะไรเลยกับความรักครั้งนี้ ผมจะอกหักได้ยังไง’

‘...’

‘ไม่หวังก็จะไม่ผิดหวัง ไม่ผิดหวังก็ไม่เจ็บปวด แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกเหรอครับ?’

‘หายากนะคนที่จะไม่หวังอะไรเลย ทั้งที่อยู่ใกล้คนที่ชอบมากขนาดนี้’

‘ไม่ใช่ไม่หวังนะพี่สิงห์ แต่ผมหวังอะไรจากมันไม่ได้’

‘...’

‘ที่เป็นอยู่ มันดีที่สุดแล้วจริงๆ พี่’

‘...แล้วคิดว่าตัวเองมีความสุขกับไอ้แบบนี้จริงๆ หรือไง?’


แล้ววันนั้นบทสนทนาของพวกเขาสองคนก็จบลงตรงนั้นจากความเงียบจากคู่สนทนา ระหว่างทางไปห้องซ้อมเขาเอาแต่มองเงาร่างของคนสองคนที่เดินนำเขาไป เพื่อนของเขายังคงพูดมากเหมือนเดิม ส่วนคิงก็ยังยิ้มและพูดคุยเป็นระยะกับเพื่อนของเขา รอยยิ้มที่แสนเศร้าหายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่ยิ้มน้อยๆ ที่แฝงไว้ซึ่งความสุขเท่านั้น

นั่นทำให้เขาคิดอยู่สองเรื่องขึ้นมา

อย่างแรก มันจะมีจริงหรือรักที่ไม่คาดหวังอะไรและยังมีความสุขได้จนจบ โดยที่ไม่มีใครเสียใจ

และ

หากวันหนึ่งเพื่อนเขารับรู้ถึงความรู้สึกนี้ขึ้นมา เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อกัน?

เขาได้แต่หวังว่าคืนวันที่สงบสุขเช่นนี้จะดำเนินต่อไปอีกหน่อย ได้แต่หวังให้เพื่อนเขาโง่ต่อไปอีกสักนิด ให้สิ่งที่เรียกว่าความรักที่เพิ่งแตกหน่อเบ่งบานในใจเด็กคนนั้นโตขึ้นอีกสักนิดเสียก่อน

ขอให้มันสามารถทานทนต่อความผิดหวังได้อีกสักนิดก็ยังดี

สิงห์หลุดถอนหายใจพร้อมกับที่ประโยคหนึ่งที่พูดคุยกันย้อนกลับมาดังในโสตประสาทของตัวเอง

ราวกับจะยืนยันว่าสุดท้ายแล้ว

‘จะมีความสุขหรือไม่มี มันก็ขึ้นอยู่กับพี่เพจ’

‘...’

‘ทั้งหมดนั้น ขึ้นอยู่กับพี่เขา...ไม่ใช่ผมหรอกครับ’


เด็กคนนี้ก็ต้องเสียใจคนเดียวอยู่ดี







มันต้องมีคนคอยอยู่ฝั่งคิงบ้างงง ปล่อยให้พี่เพจโง่ไปคนเดียวก่อนเนอะ 55
ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้มาลงนะคะ มีปัญหานิดหน่อย >< ฝากติดตามเช่นเคยค่ะ :) :NAVY

ปล.ต่อไปจะแก้ไขเพิ่มวันอัพเดทให้ด้วยนะคะ จะได้ไม่งงว่าอัพวันไหน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 08-06-2017 21:56:43
น่าร๊ากกกกกก :katai2-1: :katai2-1: เป็นการรักที่ไม่หวังผลอ่งะ อือๆ ฉันซึ่งใจเธอจิงๆคิงงงคุง
ปล.ไรท์คร่าาาา เวลาลงแต่ละตอน ไรท์ช่วยใส่วันที่ลงให้หนูหน่อยได้ไหมอ่ะ คือจะได้รู้ว่าลงวันนี้ หรือ เมื่อวาน จะได้ดูง่ายๆ
ถึงจะตั้งแจ้งเตือน แต่หนูชอบส่องหน้าเว็บมากกว่าอ่ะ
ปล.สองงงง2 ไม่สะดวกไม่เป็นไรค่ะ แค่ลงให้จบก็พอนาาา หนูชอบเรื่องเนี้ยยยยยย :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 08-06-2017 22:41:35
ชอบเรื่องนี้นะค๊ะ เอาใจช่วยน้องคิงค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 09-06-2017 01:26:58
เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลย

คิงก็ได้ใกล้พี่เพจมากจริงๆแหละ
แอบหน่วงๆตอนท้ายดี
จะมีความสุขไหม ก็ขึ้นอยู่กับพี่เพจ
ถ้าพี่เพจรู้ความรู้สึกนี้จริงๆ จะเป็นยังไงต่อ น่าคิดตามเนอะ

มาลงตอนใหม่ไวๆนะ รอติดตาม
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 5 (09/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: สบายสบาย ที่ 09-06-2017 06:10:36
คือแบบว่าตอนอ่านนี้เรากำลังกินมาม่าอยู่เลย ถึงจะมาม่าดิบก็เถอะ แถมรถสุกี้ก็เถอะ :mew4: :mew4: :mew4:
กินไปอร่อยไปแถมน้ำตาคลอเลย
คิดไปก็ขำว่ะ ว่าแล้วก็หัวเรอะสิ   :laugh: :laugh: :laugh:
รอตอบต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 6 (10/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 10-06-2017 22:03:27
กฎข้อที่ 6 อย่ารู้เกี่ยวกับเขามากไป
เพลงที่เพราะที่สุดของผมไม่ใช่เพลงที่ฮิตติดชาตของประเทศ
หรือร้องด้วยนักร้องเสียงดี มากรางวัลจากหลายที่การันตี
มันก็แค่เพลงที่คุณร้องออกมาให้ผมฟังเท่านั้นเอง








(คิง อยู่ไหนอ่ะ)

“อยู่แถวๆ หน้างานอ่ะ ทำไมเหรอ? บัตรมันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

(ไม่ๆ แค่อยากจะถามว่า ไม่มาด้วยกันเหรอ มางานแสดงดนตรีคนเดียวมันเหงานา)

ผมยิ้มขำๆ กับความเป็นห่วงของเพื่อนร่วมคณะ ขณะที่ตอบปฏิเสธไป “ไม่เป็นไร เรา...มีนัดอยู่แล้วน่ะ”

(โอเค งั้นเราไม่กวนแล้ว)

ผมวางสายก่อนจะกอดของในมือให้แน่นขึ้น มันคือช่อดอกไม้ที่ไม่ได้ใหญ่เท่าฝาบ้านเหมือนที่บรรดาแฟนคลับแม่ยกของพวกพี่เพจเขาแบกมาหรอกครับ ดอกไม้ของผมก็แค่ดอกไม้ที่หาซื้อได้ตามร้านเล็กๆ แล้วนำมาตกแต่งเองให้พอดูดีเท่านั้นเอง ทว่าที่ต่างมากที่สุดจากดอกไม้ของคนอื่นเห็นจะเป็น

มันเป็นดอกไม้แห้งน่ะครับ

ทำไมผมถึงไม่เอาดอกไม้สดมางั้นหรือครับ?

มันก็แค่เหตุผลง่ายๆ นะ เพราะดอกไม้แห้งมันจะไม่มีวันเหี่ยวอีกครั้งไงล่ะ

ดอกไม้สดในวันที่เพิ่งมอบให้กัน แน่นอนว่ามันสวยและหอมมากๆ ใครเห็นก็ต้องชอบที่ความสวยของกลีบดอกสดๆ หรือกลิ่นหอมหวล ต่างจากดอกไม้แห้งที่บางทีก็ไร้กลิ่น มีเพียงแต่ดอกแห้งกรอบดูแห้งแล้ง

แต่ว่าผมว่ามันเป็นแบบนี้สวยกว่าดอกไม้สดตั้งเยอะ ทั้งความหมายของมันยังงดงาม

เพราะมันไม่มีวันแห่งเหี่ยวอีก ดังนั้นความรู้สึกของผู้ให้ที่มอบดอกไม้แห้งออกไปก็จะไม่มีวันแห้งเหี่ยวไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกันไงล่ะ

ตรงนี้ที่ผมกำลังยืนอยู่คือด้านหน้าเวทีที่จัดเตรียมสำหรับการแสดงของการประกวด เต็มไปด้วยบรรดานิสิตนักศึกษาทั้งในและนอกมหาลัย ทั้งยังมีบุคคลธรรมดาทั่วไปเข้ามาร่วมชมด้วย ส่วนมากมักจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัวของคนที่เข้าประกวด ไม่ก็คนรักของผู้เข้าประกวดตามมาให้กำลังใจ ทำเอาผมอดอิจฉาไม่ได้ที่รักกันหวานแหววเสียเหลือเกิน

แต่อิจฉาไปก็เท่านั้นแหละ ผมมีโอกาสอะไรให้หวังไปถึงขั้นนั้นกัน

ประคองความสัมพันธ์ในตอนนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า...

ตอนนี้การประกวดเริ่มขึ้นแล้วล่ะครับ ซึ่งสองวงแรกทำได้ดีเลยทีเดียว เพราะอย่างที่บอกครับว่าส่วนใหญ่ที่มาชมมักจะเป็นเพื่อน แฟน ครอบครัวของคนที่เข้ามาประกวด ดังนั้นจึงมีน้อยที่จะมาแบบไม่รู้จักใครเลยแล้วมาดูให้กำลังใจ แต่หลังจากที่สองวงแรกเริ่มแสดงก็เรียกให้ผู้คนมารวมอยู่ตรงหน้าเวทีเป็นวงกว้าง เสียงเชียร์และร้องเพลงคลอตามไปด้วยเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมที่อยู่เกือบแถวหน้าสุดอดลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ ดีนะที่ผมเข้ามาหาที่นั่งตั้งแต่เริ่มงาน ไม่งั้นป่านนี้กว่าจะแหวกกลุ่มคนเข้ามาจุดที่ยืนอยู่นี้ได้ ผมคงเสียเวลาจนไม่ทันวงของพี่เพจแน่ๆ =_=

วง Merci ของพี่เพจจะเริ่มแสดงเป็นวงที่สี่หลังจากวงที่กำลังแสดงอยู่นี้ ได้ยินว่ามีเพลงหนึ่งเป็นทั้งเพลงเปิดและเพลงแต่งเองของกลุ่มพี่ๆ เขา ซึ่งด้วยฐานะแฟนบอยอันดับหนึ่งของผมทำให้ได้ฟังดนตรีมานิดหน่อย ก่อนจะถูกไล่กลับหอด้วยความที่อยากจะเซอร์ไพรส์วันจริงของพี่เพจ ทว่าแม้จะได้ฟังเพียงเล็กน้อย แต่ก็พอฟังออกว่ามันเพราะมากแค่ไหน

 พวกพี่เพจจะเล่นทั้งหมดสามเพลงตามโควต้าการประกวดคือ มีเพลงแต่งเองหนึ่งเพลง เพลงเร็วหนึ่งและเพลงช้าหนึ่งเพลง ที่พีคที่สุดของการประกวดครั้งนี้คือ พี่เพจจะร้องด้วยหนึ่งเพลง!

ผมแทบจะอดใจรอตอนที่เพจนั่งเกากีต้าร์ร้องเพลงไม่ไหวแล้วสิ

“...จบไปแล้วนะครับกับวง ฟิพตี้ไฟว์ ความสามารถการันตีได้จากรางวัลรองแชมป์เมื่อสองปีที่แล้ว ก็ต้องมาดูกันนะครับว่า ในปีนี้บทเพลงที่แต่งและเลือกมาจะโดนใจหรือทำให้คณะกรรมการของเราถูกใจได้มากแค่ไหน เอาละครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญพบกับวงต่อไปได้เลยครับ!! Merci!!”

“สวัสดีครับ พวกเรา Merci ครับ!!”

เสนียงกรี๊ดดังขึ้นมาระลอกใหญ่ก่อนจะสงบลงเมื่อพี่สิงห์ยกมือขึ้นและแนะนำตัวก่อนจะส่งไมค์ต่อไปยังคนอื่นๆ ทั้งวง ทุกครั้งที่เปลี่ยนคนและเริ่มการแนะนำตัวขึ้น จะมีเสียงกรี๊ดดังขึ้นทุกครั้ง ทรงพลังไม่ต่างจากตอนที่ผมตามเพื่อนไปดูคอนเสิร์ตนักร้องเคป๊อบหลายวงในฮอลล์ขนาดใหญ่ นั่นทำให้ผมคิดได้ว่า


อา...ประเทศเรา...เมืองเราก็มีคนหล่อสาวกรี๊ดเหมือนกันแฮะ (‘  ‘)

โดยเฉพาะ

“สวัสดีครับ เพจ มือกีต้าร์ครับ”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”

“พี่เพจจ พี่เพจมองมาทางนี้หน่อยค่า!!!”

(/-_-\)  (  >_<) _<) _<)//!!

ผมแอบเบ้ปากกับเสียงกรี๊ดที่มอบแด่พี่เพจและอุดหูแทบไม่ทันตอนที่พี่แกโปรยยิ้มมาให้สาวๆ ที่รอกรี๊ดอยู่ด้านล่างเวที ผมเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าของพี่เพจจากด้านล่าง ในวันนี้พี่เพจดูแปลกตาไปจากทุกๆ วัน คงเพราะทรงผมและด้วยเครื่องสำอางหรืออาจจะมาจากอินเนอร์นักดนตรีอะไรเทือกๆ นั้น แต่ยอมรับครับว่าหล่อกว่าทุกวัน ทว่าให้หล่อแบบนี้ทุกวันไม่เอาดีกว่า

ทุกวันนี้ขนาดหล่อแบบธรรมดาไม่ใส่ไข่ เฮียแกยังมีแฟนๆ ตามเป็นพรวน -_- นึกภาพแล้วสยอง หากพี่เพจลุกขึ้นมาแต่งหล่อทุกวัน แฟนคลับต้องมากขึ้นแน่ๆ และ...บางทีผมในตอนนั้นอาจจะสู้เหล่าแฟนคลับไม่ได้

ดังนั้นหล่อธรรมดาบ้านๆ แบบเดิมน่ะดีแล้วครับ

ไม่นานหลังจากมีการเช็กเครื่องดนตรีเสร็จ เสียงทุ้มหนักของกล้องก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกีต้าร์และเบส พร้อมกับที่คนรอบตัวของผมเริ่มมีการขยับตัว บ้างก็กระโดดหรือโยกไปมาตามจังหวะเพลงที่แสนคุ้นเคย มันเป็นเพลงดังเพลงหนึ่งเมื่อสองถึงสามปีก่อนครับ ถ้าผมจำไม่ผิดก็น่าจะมาจากหนังสักเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็รู้จัก แต่นิสัยผมมันดันเป็นคนที่ไม่ถนัดการเต้นแร้งเต้นกาเหมือนคนอื่น จึงเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางมากเมื่ออยู่ท่ามกลางคลื่นมนุษย์ที่ขยับโยกร่างกายเป็นทางเดียวกัน

พวกเขาร้องและเต้นด้วยท่าทางคล้ายๆ กันและเพลงเดียวกันไปกับนักร้องนำที่ยืนหล่อๆ อยู่หลังไมค์บนเวที

ผมแอบเห็นพี่สิงห์ยิ้มด้วยล่ะ ปกติพี่เขาไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ แต่ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมทั้งเพื่อนผู้หญิงและผู้ชายถึงได้ชอบพี่สิงห์มาก ทั้งชอบแบบชายหญิงและแบบชื่นชมเลื่อมใส

พี่เขาแม่งยิ้มแล้วโคตรหล่อ เท่ชะมัด!

พี่ๆ ทั้งห้าคนแสดงภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากตอนที่อยู่ในห้องซ้อมออกมาสะกดสายตาของผู้คนด้วยท่าทาง ฝีมือการเล่นดนตรีและน้ำเสียงของพวกเขา เมื่อผมมองไปยังเหล่ากรรมการก็พบว่าคนพวกนั้นก็ไม่ได้ต่างจากพวกผมที่ยืนอยู่ด้านล่างของเวทีเลยแม้แต่น้อย

บทเพลงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จากเพลงเร็ว ต่อด้วยเพลงที่แต่งขึ้นเองซึ่งที่จังหวะที่เร็วไม่น้อยหน้าเพลงแรก ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนตำแหน่งระหว่างนักร้องนำและมือกีต้าร์ พี่เพจที่ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อจับไมค์แล้วยิ้มอายๆ ตอบรับเสียงกรี๊ดท่วมท้นที่มอบแด่เขา

“มาถึงเพลงสุดท้ายแล้ว ไหนๆ ก็อยู่ด้วยกันตั้งแต่เพลงแรก ก็ช่วยอยู่ร้องเพลงกับเราจนถึงเพลงสุดท้ายด้วยนะครับ”

ผมพยักหน้าทั้งที่รู้ดีแท้ๆ ว่าพี่เขาไม่มีทางเห็นผมจากคนมากมายด้านล่าง

บ้าชะมัด

“เพลงนี้อาจจะเก่าหน่อย แต่ผมเชื่อว่าต้องมีคนร้องได้แน่ ยังไงก็ช่วยร้องด้วยนะครับ” พี่เพจยกกีต้าร์ขึ้นวางบนหน้าขาหลังจากที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทีมงานได้นำมาวางไว้ให้ ยังคงมีเสียงกรี๊ดดังเป็นระยะ จนเมื่อพี่เพจใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก ทำท่าทางคล้ายจะบอกให้พวกเราเงียบนั่นแหละ เสียงเหล่านั้นจึงเบาลงในที่สุด

“ชื่อเพลงว่า ความทรงจำ ของวง Musketeers ครับ”



วันเวลาที่ผ่านมา จะเร็วจะช้าไม่เคยลบเลือนไป
ภาพวันที่เคยสุข ฉันรู้สึกว่ายังมีฉันและเธอเสมอ
ไม่ว่าดวงใจเธอเจ็บช้ำ ภาพความทรงจํายังคอยย้ำ ให้คิดถึงเธออยู่




เสียงของพี่เพจต่างจากที่ผมคิดไว้ไปเยอะเลยทีเดียว ปกติพี่เพจจะมีน้ำเสียงที่สูงกว่าเพื่อนร่วมวงเล็กน้อย แฝงด้วยความทะเล้นนิดๆ ตามนิสัยของเจ้าตัว แต่เมื่ออยู่หลังไมค์และขับร้องบทเพลงน้ำเสียงกลับแปรเป็นน้ำเสียงทุ้มนุ่มๆ ให้ความรู้สึกเหมือนฟองนมอุ่นๆ อย่างไรอย่างนั้น

ทว่าในความอบอุ่นในน้ำเสียงนั้นผมกลับรู้สึกถึงความเศร้าเจือจางในนั้น

ราวกับเพลงนี้ถูกสื่อถึงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของพี่เพจ

ช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้วเช่นชื่อเพลง ความทรงจำ





อยู่ในช่วงเวลา จะนานจะช้ายังยืนที่เก่า ข่มตาสักเท่าไร ไม่ลืมภาพเรา
ยิ่งทําให้เหงา จนทนไม่ไหว เธอคงไม่คิดจะกลับมา




ตอนนั้นเองที่ผมหวนนึกถึงตอนที่ตัวเองได้พูดคุยกับพี่สิงห์หลังจากนั้นในวันที่พวกพี่เขาพักการซ้อมและวิ่งเล่นราวกับย้อนกลับไปเป็นเด็กๆ นั่น

พี่สิงห์ถามผมว่าชอบพี่เพจไม่ใช่หรือ

เมื่อผมตอบออกไปและทำท่าจะเดินหนี อีกประโยคจากพี่สิงห์ดังขึ้นเหมือนระฆังที่จะย้ำเตือน

ทั้งเพื่อให้ผมรู้สึกตัวและหวังดี

พี่เขาคงไม่อยากให้ต้องมีคนเจ็บปวดมากขึ้นอีกคนกระมัง

‘เรารู้ทุกเรื่องของมัน เพราะแบบนั้น...รู้ใช่มั้ยว่ามันรอใครคนหนึ่งมาตลอด’




ก็เธอจะอยู่ในใจฉัน คืนวันเก่าๆ ยังคอยย้ำ






‘ที่เราพูดว่าไม่หวังอะไรกับความรักนี่ เพราะรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่ายังไงเราก็ชนะคนในใจมันไม่ได้’

ผมจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองก็ยังคงยิ้ม ขณะมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของพี่เพจที่กอดคอหัวเราะกับพี่ทีม เช่นเดียวกับที่ผ่านมาและตอบกลับไปด้วยคำตอบเดิมๆ ที่คนฟังคงจะเบื่อที่จะฟังนั่น

‘อืม ผมรู้อยู่แล้ว’

‘เพราะงั้นถึงได้บอกว่าไม่หวังอะไรสินะ เก่งว่ะ... เป็นพี่นะ รู้แบบนี้เลือกจะลืมๆ ไปซะยังจะดีกว่า’

‘...’

‘...’


ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กับคำพูดนั้น ทั้งที่ในใจผมก็เห็นด้วย

ทำไมผมจะต้องชอบทั้งที่ความเป็นไปได้มันเป็นศูนย์ด้วยนะ?

‘...ถ้าลืมง่ายๆ ก็ดิสิพี่’

ผมไม่ได้เก่งเลยพี่สิงห์

ผมโง่มากต่างหาก ผมถึงได้ลืมพี่เพจไม่ลงไงล่ะ






ทําไมดวงใจยังห่วงหา และคิดถึงเธออยู่ ยังจําทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง




ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่เพจ สีที่พี่เพจชอบ หนังสือที่พี่เพจชอบอ่านหรือแม้กระทั่งคนที่ชอบ

เราเหมือนกันหลายอย่าง รวมถึงความดันทุรังต่อความรักที่เป็นไปไม่ได้นี่ก็ด้วย

รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่รัก...และคงไม่รัก

แต่ก็ลืมไม่ลง

คงเพราะมันสวยงามเกินไปจนนึกหวังเหมือนคนเพ้อเจ้อว่าหากพยายาม...หากอดทนรอ สักวันฟ้าคงเห็นใจ

แต่พวกผมนั้นลืมไปว่า...ฟ้าไม่เคยเห็นใจใครคนไหน

คนเดียวที่จะเห็นใจและปลอบพวกเราตอนที่ร้องไห้ผิดหวัง มีแค่ตัวเองเท่านั้นเอง





และเมื่อไหร่จะลบเลือนเธอจากใจ
คงไม่มีวันจะลืมเธอ



บางที...สิ่งเดียวที่ดึงดูดให้ผมและพี่เพจเข้ามาสนิทกันได้ อาจไม่ใช่ความถูกชะตา พรหมลิขิตหรือโอกาส

คงเพราะเราต่างเป็นคนที่พ่ายแพ้ต่อความคาดหวังในความรักเหมือนกัน

...ก็เท่านั้นเอง

















แล้วผมก็ได้แต่ยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่รินหัวใจ
เพราะเพลงนี้ที่คุณร้อง
ไม่เคยหมายถึงผม...ที่อยู่ต่อหน้าคุณเลย








“ร้องเพลงเพราะมากเลย Merci! ไม่เสียแรงที่พี่แต่งหน้าให้อยู่เป็นชั่วโมง”

“ขอบคุณคร้าบ”

“ไปกินไหนต่อมั้ย? หรือจะหากินแถวงาน”

“ไม่รู้ดิ ดูก่อน...เดี๋ยว!! ไอ้เพจไปไหนวะ”

เพจชะงักไปนิดหน่อยเมื่อเพื่อนรั้งเอาไว้ แต่เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มแล้วโบกมือให้เป็นเชิงบอกว่า ไว้ค่อยคุยกัน ก่อนจะหายลับไปกับฝูงชนที่ออกันอยู่ที่หน้าทางออกของห้องแต่งตัวนักดนตรีที่ทำการประกวด ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อเสร็จ

ทีมและคนอื่นได้แต่เกาหัวมองท่าทางของเพื่อนด้วยความสงสัย ต่างจากสิงห์ที่ทำเพียงแค่มองร่างของเพื่อนวิ่งหายไปเท่านั้น เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเพจจะไปที่ไหนและไปหาใคร

ก็มีอยู่แค่คนเดียวในตอนนี้

“รอนาน...มั้ย -_-;; คนเยอะชิบ”

“เร็วๆ พี่เพจ วงที่พี่ชอบจะขึ้นแล้ว” คิงรั้งแขนของรุ่นพี่ให้ขยับไปด้านหน้ามากขึ้น ขณะที่เพจยังไม่ทันหายเหนื่อย จนในที่สุดพวกเขาก็ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าที่ใกล้กับเวที เห็นชัดเจนถึงวงดนตรีที่กำลังเตรียมแสดง ซึ่งวงนี้เป็นวงที่เพจชอบและติดตามมานานตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ก่อนที่เขาจะทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่เสียงดนตรีบนเวที สัมผัสแข็งๆ ที่แขนก็เรียกให้เขาหันไปมองเข้าเสียก่อน เพจอมยิ้มกับรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของคิงขณะพูดขอบคุณ

“ขอบคุณครับ ไม่นึกว่าจะซื้อให้จริงๆ นะเนี่ย”

“เอ้า พูดแล้วว่าจะซื้อให้ก็คือซื้อให้ ใครจะไปขี้โม้เหมือนพี่ล่ะ”

“เฮ้ย! ไปโม้ตอนไหน มั่วอีกแล้ว”

“ไม่ฟังๆๆ ฟังดนตรีดีกว่าฟังคนขี้โม้แถวนี้”

ก็อยากจะโกรธหรือแสดงท่าทางไม่พอใจกับสีหน้าและน้ำเสียงกวนประสาทของเด็กตรงหน้าหรอกนะ แต่เพจก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า คิงที่ทำท่าทางล้อเลียนราวกับเด็กๆ น่ารักน้อยเสียเมื่อไหร่ เขาจึงทำเพียงแต่ยีหัวของคนข้างแรงๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะหันไปมองการแสดงบนเวทีที่เริ่มต้นในที่สุด

พวกเขาแหกปากร้องตาม กระโดดโลดเต้นอย่างที่ไม่เคยทำกันมาก่อน แม้กระทั่งคิงที่เมื่อครู่ทำเพียงโยกตัวไปมาเพียงเล็กน้อย ตอนนี้ก็ถูกเพจชวนกึ่งบังคับ จนต้องร่วมเต้นไปด้วยในที่สุด

คิงที่ถูกรุ่นพี่ที่ชอบโอบกอดจนแทบจมมิดอกเหลือบมองแขนที่พาดอยู่บนบ่าของตัวเอง ไล่เลื่อนกระทั่งหยุดที่ใบหน้าของคนที่อยู่ข้างๆ เขายิ้มออกมากับท่าทางตื่นเต้นและสนุกสนานของเพจ ก่อนจะรีบตีหน้านิ่งมองไปยังเวทีตรงหน้าเหมือนสนใจเสียเต็มประดา ในวินาทีที่เพจหันมามอง

“ไม่สนุกเหรอ เต้นสิ!”

“ผมไม่ค่อยชอบเต้นสัก...เหวอ!!”

เพจเปลี่ยนจากการโอบเป็นจับมือของคิงขึ้นชูตามคนอื่นและเริ่มร้องเพลงคลอตามอีกครั้ง ทว่าหากฟังให้ดีจะได้ยินเสียงหัวเราะที่เบาๆ ในเสียงที่ร้องเพลงนั่น เมื่อเพจเห็นคิงมีสีหน้าเอ๋อๆ ยามที่ถูกเขาชักจูงทำนู่นทำนี่ตามใจ เพื่อให้ตัวเองสนุก

เขาพยายามที่จะสนุก

พยายามจะไม่นึกอะไรที่มันจะทำให้บรรยากาศดีๆ พังทลาย

ทว่าไม่ว่าจะฝืนยิ้มยังไง ส่วนลึกๆ ในใจเขาก็อดหวนนึกถึงวันแบบนี้ในอดีตไม่ได้

เทศกาลดนตรี...วงโปรด...และใครคนนั้นที่หายไปจากชีวิตของเขา

“พี่เพจ”

“หืม?”

ขณะที่รอบข้างทุกคนรอบกายขยับย้ายร่างกายกันสุดเหวี่ยงเข้าสู่ช่วงที่เฮฮาที่สุด พวกเขาสองคนหยุดเต้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แววตาของคิงและมือที่บีบอุ้งมือของเขาอยู่ราวกับจะพูดอะไรบางอย่างที่เขาไม่ได้ยินมานาน

“ไม่ร้องเพลงเหมือนคนอื่นเหรอ สนุกจะตาย”

“...”

“คิง?”

“พี่...สนุกจริงๆ เหรอครับ?”

“...”

‘ไว้ปีหน้าเรามาด้วยกันอีกนะ’

โกหก

“สนุกสิ”

คิงหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดและสีหน้ายิ้มแย้มของเขา แต่คิ้วที่ขมวดช่างตัดกับรอยยิ้มนั้นสิ้นดี

“คนสนุกที่ไหนทำหน้าอยากจะร้องไห้แบบพี่บ้างครับ”

“บ้า! ตาฝาดแล้ว พี่เนี่ยนะจะร้องไห้? คนอย่างไอ้เพจไม่เสียน้ำตาง่ายๆ หรอกไอ้น้อง ^_^”

“ยืมไหล่ผมไหม?”


“...”

“ตอนนี้คนเขาสนใจแต่คนบนเวที ไม่สนใจเราสองคนหรอก”

“...”

“ผมไม่ชอบที่พี่เป็นแบบนี้เลย”

เขาจะต้องไม่สบายมากแน่ๆ เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนหัวมันหนักขึ้นมาเสียเฉยๆ จนต้องเอนพิงคนที่ตัวเล็กกว่าเขาหลายเซ็นตรงหน้า ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ บนลาดไหล่ของคิง

เขาจะต้องไม่สบายหนักมากแน่ๆ ที่จู่ๆ น้ำมูกเหมือนจะไหลออกมาพร้อมกับน้ำตา

เขาไม่สบายจริงๆ นะ

“ไม่เป็นไรนะครับ อย่าฝืนอีกเลย”

“...อึก”

“กับผม...อย่าฝืนยิ้มเลยนะครับ”

ไม่อย่างนั้นจะเจ็บที่ใจขนาดนี้ได้ยังไง

‘ได้ ปีหน้า ปีถัดๆ ไป ก็มาด้วยกันอีกนะ’

‘สัญญาแล้วนะ อย่าลืมนะ’


คำสัญญามันเหมือนกับมีดเลยเนอะ...ที่บาดลึกตรงใจของเรา

เวลาคนที่พูดเขาลืมว่าเคยสัญญา








คนแอบรักที่ไม่มีความหวังกับคนที่ยังลืมอดีตไม่ได้มีความเหมือนกันตรงที่ เขาไม่อาจตัดใจจากรักที่ไม่สมหวังนั้นได้เช่นเดียวกัน
นั่นคือความสัมพันธ์ของพี่เพจและคิงค่ะ หลังจากที่ปล่อยให้ลอยทะเลมาน๊านนานนน 
ฝากติดตามเช่นเคย ขอบคุณความเห็นที่ให้มานะคะ :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 6 (10/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 10-06-2017 22:44:32
 :hao5: :hao5: เหมือนๆจะฟีลกู๊ดดีอ่ะ แต่ว่ามันเศร้าาใจอ่ะ โถ่ๆ น้องคิงของพี่ให้พี่เพจยืมไหล่
งั้นน้องมายืมไหล่พี่ซบก้ได้น่ะ โมะๆ :L2:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 6 (10/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 10-06-2017 23:28:24
ฮึกกก ทำไมทำร้ายกันแบบนี้
คนที่ไม่หวัง กับลืมไม่ได้ เฮ้อ แล้วจะไปยังไงต่อ

ไม่รู้จะสงสารใคร แบบ นึกฟิลออก ให้ตายก็ลืมรักเก่าไม่ได้ มีคนใหม่ก็ไม่ไหว กับรักมาก แต่แค่นี้ก็พอแล้ว เป็นไรที่ทรมานอะ

รอวันที่พี่เพจจะกล้ารักคนใหม่ แล้วแบบนี้พี่เพจจะรักคิงได้เหรอ กล้าร้องไห้ต่อหน้านี่แปลว่าเชื่อใจสุด ๆ เลยอะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 6 (10/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 10-06-2017 23:29:18
อืมมม ตอนนี้ออกแนวเทาๆ ตะเปนไงต่อน้าาา
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 6 (10/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: xxSunShinexx ที่ 11-06-2017 07:46:13
อหหหห โอ้ย สงสารน้อง แง้
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 6 (10/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 11-06-2017 09:31:02
อ่าาาาา สงสารทั้งคู่เลย แต่ทีมน้องคิง (เพราะทีมนี้มีพี่สิงห์...แบบนี้ก็ได้เหรอ ><)
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 7 (12/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 12-06-2017 23:24:41
กฎข้อที่ 7 อย่าอยู่คนเดียว
ทุกคนเอาแต่พูดว่าผมอยู่กับคุณไปก็มีแต่เสียเวลา เพราะคุณให้ได้แต่ความเจ็บปวดกับผม
แต่พวกเขาไม่รู้เลยสักนิด
ไม่รู้เลยว่าคุณเป็นทั้งรอยยิ้มและความสุขเดียวของผมเช่นกัน










ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกับอีกสี่สิบหกนาที อีกไม่ถึงสิบห้านาทีก็จะเข้าวันใหม่แล้วละครับ

ส่วนสถานที่นั้น อืม...

ข้างถนนครับ

“คิง ทำไมรถที่มันลอยได้ล่ะ!!!   นี่เราหลงมาอยู่โลกเวทมนต์เหรอ”

“เปล่าครับ รถมันก็วิ่งบนถนนนั่นแหละ”

“โกหกชัดๆ เลย พี่เห็นมันวิ่งบนอากาศจริงๆ นะ -O-!!”

ผมเลือกที่จะไม่ตอบและถอนหายใจแทน ระหว่างที่เอื้อมมือไปฉุดเอาคนที่นั่งเอนจวนเจียนจะจูบพื้นถนนริมฟุตบาท ให้กลับขึ้นมานั่งตรงๆ เหมือนตอนแรก อย่าถามเลยครับว่าใครที่ทำให้ผมถึงขนาดต้องมานั่งเฝ้าแบบนี้ จะมีใครได้ ถ้าหากไม่ใช่พี่เพจ -_-

หลังจากที่ซบไหล่ของผมร้องไห้เกือบครึ่งชั่วโมงระหว่างงานเทศกาลดนตรี พี่เพจก็เงียบมาตลอดทาง แม้ว่าวันนี้ควรจะเป็นวันที่พี่เขาน่าจะดีใจที่สุดก็ตาม

ใช่ครับ วงของพี่เพจได้รางวัลชนะเลิศมาครองครับ

ทว่าพี่เพจกลับทำเพียงยิ้มน้อยๆ ตอนรับรางวัลบนเวที ต่างจากพี่คนอื่นๆ ที่ดูราวกับบ้าคลั่งไปแล้วตั้งแต่ที่ได้ยินชื่อวงของตัวเองตอนที่ประกาสรางวัลชนะเลิศในค่ำคืนนี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นกลับไม่มีเพื่อนคนไหนที่คิดจะถามพี่เพจเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนหน้าที่จะประกาศผล เหมือนกับทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไร

เหมือนกับ...เรื่องราวความเศร้าของพี่เพจ มักจะเกิดในวันเวลาเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็นความเคยชินของพวกเขา

หลังจากที่รับรางวัลและอยู่จนปิดงานเทศกาลดนตรีสำหรับปีนี้ พวกพี่เพจและเพื่อนร่วมคณะคนอื่นๆ ก็พากันมากินเลี้ยงเหล้าแกล้มเบียร์ตามประสา ตอนแรกผมก็กะจะไม่มากหรอครับ ไม่ค่อยชอบบบรรยากาศตามผับตามบาร์เท่าไหร่ ค่อนข้างไม่ถูกโฉลกกับกลิ่นบุหรี่ แต่พี่สิงห์กลับขอให้ผมมาด้วยเพื่อที่จะได้คอยดูพี่เพจ ซึ่งผมก็แอบแปลกใจที่พี่สิงห์ดูจะออกตัวและช่วยผมให้อยู่ใกล้พี่เพจมากขึ้น

ทว่าความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้ายนัก

“ที่พี่ให้เรามาด้วยเพราะเราอยู่หอเดียวกันกับมันอ่ะ”

“...” ผมเงยหน้ามองคนพูดสลับกับมองคนเมาท่เริ่มออกลายอาละวาดอีกครั้งด้วยสายตาเอือมๆ

“สิงห์! ใครเอาแก้วกูไปวะ”

“-_- ช่วงนี้ของทุกปีไอ้เพจมันจะเมาและเรื้อนไปทั่ว หาคนคอยตามดูแลมันยาก โชคดีมากที่ได้มาเจอเรา ยังไงก็ฝากด้วยนะ”
พี่สิงห์สะบัดขาที่ถูกเพื่อนรักกอดออก พร้อมกับขยับตัวพยุงพี่ทีมที่เมาแอ๋คาไหล่ไม่ให้หล่นไปกองกับพื้นอีกราย โดยพี่นินกับพี่เกมนั้นยังคงครองสติได้อยู่บ้าง จึงโบกแท๊กซี่กอดคอกันกลับหอไปแล้ว จึงเหลือเพียงผมที่ไม่ได้ดื่มสักแก้วกับพวกพี่สิงห์ที่รอจ่ายเงินอยู่

เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ไม่ได้มีเจตนาช่วยอะไรเล้ยย!!

เผลอคิดได้ไงวะ ว่าพี่เขาจะช่วยให้ผมได้เข้าใกล้พี่เพจ ถุ้ยยย

“นี่เรียกผมมาเฝ้าเพราะว่าจะใช้งานเฉยๆ เนี่ยนะ”

“ชอบมันไม่ใช่เหรอ ฉวยโอกาสนี้แทะโลมไปดิ เป็นค่าเสียเวลา”

“...” พี่แกช่างพูดได้หน้านิ่งโดยไม่มีอาการห่วงหาอาทรเพื่อนเลยแม้แต่น้อย

“มันใช่เวลาเล่นมั้ยเนี่ยพี่ พี่เพจเมาเป็นหมาแบบนี้ใครันจะไปคิดอกุศลลงวะ”

“ใครว่า เวลามันเมานี่แหละเหมาะสุดแล้ว -_-“

“พี่สิงห์! เห็นคิงเป็นคนยังไงเนี่ย”

“เอาน่า” พี่สิงห์ยิ้มขำๆ ตอนที่เห็นว่าหน้าผมแดงยิ่งกว่าเอาเลือดหมามาสาด ก่อนจะโบกรถแท๊กซี่เตรียมกลับหอของตัวเองบ้าง “แต่เรื่องที่ฝากเราดูแลมันน่ะ เรื่องจริงนะ...ยังไงก็ฝากปลอบมันด้วยแล้วกัน”

“เพราะเป็นพี่เพจหรอกนะ”

ถ้าผมไม่ชอบ ไม่มานั่งทำอะไรแบบนี้ให้หรอก

“ก็พี่รู้ไงว่าเราจะดูแลมันอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

“...”

“เพราะแบบนั้น พี่ถึงได้วางใจให้เราดูแลเพื่อนรักของพี่”

“...ไม่ดีใจหรอกนะครับ”

“ไม่ได้ชมให้ดีใจสักหน่อย ขอบคุณต่างหากล่ะ เด็กบื้อ”











“เรากำลังจะไปไหนเหรอ”

“กลับห้องครับ”

“ห้องใครอ่ะครับ ห้องน้องคิงสุดที่รักของพี่เพจใช่เปล่า >_<”

“...ตอนมีสติช่วยพูดแบบนี้กับผมจะดีมาก แต่ตอนไร้สติแบบนี้ เงียบๆ ไปเถอะครับ!”
 
ผมโวยออกมาทันทีเมื่อพี่เพจยังคงยื่นหน้ามาพูดใส่ข้างหูผมไม่เลิกมาเป็นรอบที่สิบ นับตั้งแต่ที่ผมลากพี่เขาที่เผลอหลับในรถแท๊กซี่ออกมาเดินประคองไปยังหอพัก ไม่ได้รังเกียจอะไรเลยครับกับคำพูดคำจานั่น แต่ขอเถอะ ถ้าจะพูดช่วยพูดตอนที่มีสติและเลิกเอาหน้ามาใกล้ๆ ผมสักที (โว้ยย)

ได้ยินเสียงทีขาก็สั่นที พยายามประคองทั้งตัวเองทั้งพี่เพจถึงหน้าหอพักได้โดยหน้าไม่ทิ่มพื้นไปเสียก่อน ไอ้คิงก็ยอดมนุษย์แล้วครับ T_T

“หูยย ทำไมต้องตะโกนใส่พี่ด้วยอ่ะ”

“แล้วพี่จะมาพูดข้างๆ หูผมทำไมเล่า!”

“ก็กลัวคิงไม่ได้ยินไง”

 “พี่เพจครับ ให้ผมกราบเท้าก็ได้ แต่อย่าเพิ่งมาตีหน้าแบ๊วใส่ผมตอนกำลังเดินได้ป่ะ พี่อยากหน้าแหกเหรอครับ”

“ไม่พูดก็ได้... ถ้าคิงไม่อยากฟังพี่ไม่พูดแล้วก็ได้ครับ”

“...” ดูทำเข้า! มาทำเสียงเล็กเสียงน้อย ทำมาน้อยใจ คิดว่าผมจะใจอ่อนเรอะ!





ใช่! ผมใจอ่อน

ปวดหัวโว้ยย อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ถึงหน้าหอก่อนเถอะ หลังจากนั้นจะปู้ยี้ปู้ยำยังไงก็เอา!! (?) แต่ว่าถึงในใจจะเดือดแค่ไหน ผมก็ต้องพยายามบังคับเสียงให้มันดูซอฟต์ลงกว่าเมื่อกี้ เพื่อง้อคนงอนที่ดูท่าจะง้อยากง้อเย็นเสียเหลือเกิน

“ฟังครับ แต่เราถึงหอก่อนได้ไหมครับ เดินไปคุยไปแบบนี้ มันเหนื่อยนะ”

“คิงว่ายังไงก็ว่าตามนั้นเลย ตามใจคิง”

“...” งอนหนักเลยเว้ยเฮ้ย ผมส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนเมาเอาแต่ตีหน้างอนไม่ยอมพูดยอมจากับผมอีกเลย จนเมื่อเราถึงหน้าหอก็ยังเงียบอยู่ สุดท้ายผมเลยตัดสินใจพาไปส่งถึงห้อง โดยไม่สนใจว่าพี่เขาจะหายงอนหรือไม่ เดี๋ยวตื่นเช้ามาก็ลืมเองแหละ (ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไง เพราะผมไปถามพี่สิงห์มาครับ เนื่องจากพอเมาพี่เพจก็เริ่มปล่อยนิสัยกวนอวัยวะใช้เดินของผมมาก จนอดลงไม้ลงมือไม่ได้ -_-^ โชคดีที่พี่เพจเป็นพวกเมาแล้วเรื้อนตื่นมาก็ลืม ดังนั้นต่อให้วันนี้ผมเผลอตบหัวพี่แกก็คงจะลืมนึกว่าตัวเองนอนตกหมอนอย่างแน่นอน!) แต่ว่ายังดีที่ครึ่งทางที่เหลือพี่เพจให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกระทั่งมาถึงภายในห้อง ผมจึงสามารถปล่อยร่างปวกเปียกของพี่เพจส่งถึงห้องได้อย่างปลอดภัย

ผมมองคนที่นั่งหลับอิงโซฟาเงียบๆ ในความมืดสลัวยามค่ำคืนแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อย ก่อนจะสาวเท้าเพื่อก้าวออกกลับไปยังห้องของตัวเองเสียที ทว่ากลับถูกคนที่คิดว่าเมาหลับไปแล้วคนนั้นรั้งเอาไว้

แม้แรงที่รั้งจะไม่ได้มากมาย แต่มันกลับทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะสะบัดมันทิ้งเช่นที่พี่สิงห์ทำ

ทันทีที่ผมได้ยินเสียงนั่น

“อย่า...อย่าเพิ่งไป”

“...”

“อย่าทิ้งให้พี่อยู่คนเดียวเลยนะ”

เสียงที่เหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้นั่น...รั้งขาผมเอาไว้ไม่ให้ไปไหน

 “...”

“...”

“คิง...”

“ขี้โกงนี่ครับ” ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เราต่างคนต่างเงียบ ในที่สุดผมก็กลายเป็นคนแพ้อีกครั้งหนึ่ง ยอมทิ้งตัวลงนั่งอยู่เบื้องหน้าพี่เพจที่ตอนนี้ยอมลืมตาขึ้นมามองหน้าผมแล้ว ใบหน้าแดงเรื่อจากพิษน้ำเมากับดวงตาที่แวววาวอย่างประหลาดเมื่อต้องแสงไฟที่ผมเปิดจากหน้าประตู ทำให้ผมได้เห็นว่า...แท้จริงแล้วท่าทางบ้าบอปัญญาอ่อนนั่นมันก็แค่อาการกลบเกลื่อนของคนๆ นี้ต่อหน้าคนอื่น

ราวกับว่าค่ำคืนนี้ เหล้าที่กรอกลงคออย่างกับดื่มน้ำเปล่านั่น ไม่อาจทำอะไรพี่เขาได้เลย

พี่เพจปล่อยมืออกจากขากางเกงผมแล้วและทิ้งมันลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ก้มหน้ามองเงาของเราสองคนที่ซ้อนเหลื่อมทับกับบนพื้นห้อง ก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมา...ทั้งน้ำตา

“ขอโทษนะ พี่เอาแต่ใจอีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ”

“...”

“ที่ร้องไห้...เพราะลืมไม่ได้หรือไม่อยากลืมกันหรือครับ?”

“...ไม่รู้ดิ อาจจะทั้งสองอย่าง”

“...”

“บางครั้งพอนึกถึงเรื่องไม่ดีก็อยากจะลืม แต่เรื่องดีๆ มันก็มีไงเลยลืมไม่ลง”

“...”

“สุดท้ายก็จบลงตรงที่เมาเป็นหมา ให้เพื่อนลำบากแบบนี้ทุกที”

“ตอนนี้พวกพี่สิงห์ไม่ลำบากแล้วละครับ คนที่ลำบากน่ะมันผมนะตอนนี้ -_-”

“ฮ่าๆๆ ใช่ๆ น้องคิงผู้โชคร้ายที่ต้องมาดูแลคนขี้เมาแบบพี่”

“...”

“ขอโทษนะ...” พี่เพจยิ้มแล้วค่อยๆ เอนตัวมากระทั่งซบลงที่เดิมที่เคยร้องไห้ บนบ่าของผมยังคงที่รอยน้ำตาให้เห็น ยังจำได้ดีถึงความอุ่นร้อนของน้ำตาที่รดบนบ่าของตัวเอง เพราะตอนนี้มันกำลังไหลออกมาจากดวงตาที่ผมรักคู่นั้นอีกแล้ว เสียงสะอื้นแผ่วๆ ในลำคอปนไปกับคำขอโทษที่กระซิบซ้ำไปมาจนผมนึกอยากจะร้องไห้ไปด้วย

อย่าร้องไห้ ผมไม่ชอบพี่ที่เป็นแบบนี้เลย

พี่เพจเป็นคนที่ยิ้มสวยมากเลยนะ รู้มั้ย? เพราะฉะนั้นอย่าร้องไห้ได้มั้ยครับ...

ผมอยากพูดแบบนั้นแทบตาย แต่กลับพูดไม่ออกสักประโยค ได้แต่นั่งบื้อเหมือนก้อนหินที่ซับน้ำตาได้ก้อนหนึ่ง เหมือนตัวเองไร้ประโยชน์ที่ทำได้แค่นั่งฟังเสียงคนที่ตัวเองชอบร้องไห้อยู่แบบนั้น โดยที่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

“การลืมมันยากจังเลยนะ ทำไมเราต้องจำทั้งๆ ที่ต้องลืมก็ไม่รู้”

“ก็ไม่มีใครบังคับให้ลืมนี่ครับ ลืมไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ”

“...”

“ถ้าลืมไม่ได้ ก็แค่ต้องปรับตัวให้อยู่กับความทรงจำเหล่านั้นให้ได้ก็พอ”

“...ไม่คิดบ้างหรือไงว่าคนที่ลืมอดีตไม่ได้มันน่าสมเพซน่ะ”

“พยายามลืมแต่ก็เมาเป็นหมาเพราะทำไม่ได้ก็น่าตลกไม่แพ้กันหรอกครับ” ผมถอนหายใจและเลิกฝืนตัวในที่สุด มือที่เคยวางไว้ข้างตัวยกขึ้นมาวางบนเส้นผมนุ่มๆ ที่เคยอยากสัมผัสมาตลอดแล้วลูบมันเบาๆ ขณะที่พูดไปด้วย “ในเมื่อเราไม่อาจจะจำได้ทุกเรื่อง ก็ไม่จำเป็นเหมือนกันที่เราต้องลืมให้ได้ทุกเรื่องที่เสียใจ จำไว้บ้างก็ดี...เป็นบทเรียนไง”

“...”

“จำเอาไว้ รักครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องมานั่งร้องไห้แบบนี้อีก”

“เจอแบบนี้แล้ว เราคิดหรือไงว่าพี่ยังอยากจะมีครั้งหน้าอีก? อยู่คนเดียวยังจะดีกว่า”

“ถ้าอยู่คนเดียวแล้วมันดีจริง ทำไมพี่ชอบทำหน้าเศร้าๆ ตอนที่เพื่อนพี่ไปเที่ยวกับแฟนล่ะ”

“...เหงาเฉยๆ”

“ปากแข็ง”

“คิง นี่พี่เป็นพี่นะ”

“เออ นี่ก็คนแบกพี่กลับมาหอไง”

“...”

“ผมก็อยู่ด้วยแล้วนี่ไง”

“...”

“ไม่ต้องมาอยากอยู่คนเดียวอีกล่ะ เพราะต่อจากนี้จะไล่ผมก็จะไม่ไป จะหน้าด้านอยู่จนเบื่อกันไปข้างหนึ่งเลย”

“...”

“เพราะฉะนั้น เลิกร้องไห้แล้วกลับมายิ้มเสียทีนะครับ พี่เพจ”









ผมไม่เคยเสียดายเวลาที่ได้อยู่กับคุณ
แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันเลยก็ตาม









“คิง มีคนที่ลืมไม่ลงบ้างไหม”

“มีครับ”

“แฟนเก่าเหรอ?”

คิงหลุดยิ้ม “คนที่ไม่มีวันชอบผมน่ะ”

“แล้วเคยคิดจะลืมไหม?”

“ไม่อ่ะ การได้คิดถึงเขามันคือความสุขอย่างหนึ่งนะ”

เพจมองหน้าคนข้างที่ยังตีสีหน้าธรรมดายามที่พูดถึงความรักที่ไม่สมหวังของตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่เชื่อถือ

“ไม่เชื่ออะ เราต้องโกหกพี่แน่ๆ”

“จะโกหกทำไม เนี่ย ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่เลย”

“ชอบทั้งที่ไม่มีหวังเนี่ยนะ”

“ก็ไม่จำเป็นว่าคนเราจะต้องสมหวังในความรักนี่นา”

“...”

“ถ้าบนโลกมีแต่คนสมหวัง ความรักก็คงจะเป็นสิ่งที่ดาษดื่นแล้วก็ไม่ค่อยมีค่า เพราะสูญเสียหรือไม่ได้มา คนถึงได้มองมันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคอยดูแลรักษา พี่เองก็เข้าใจเรื่องนี้จากประสบการณ์ตัวเองไม่ใช่หรือไง”

“พูดหน่อยไม่ได้ วกมาทำร้ายพี่ตลอด” เพจบ่นเล็กน้อยที่ตัวเองโดนพาดพิง แต่เมื่อทวนสิ่งที่ได้ยินก็รู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ โลกที่ไม่มีความผิดหวัง ทุกอย่างคงจะผ่านไปแบบไร้ค่า คนคงจะมองค่าทุกอย่างเป็นศูนย์เพราะมันได้มาง่ายเกินไป เมื่อเทียบกับโลกที่มีทั้งผิดหวังและโชคดีเช่นนี้แล้ว เขากลับรู้สึกว่าน่าอยู่กว่าแบบแรกกว่ามาก

“แล้วทำไมถึงชอบเขาล่ะ”

“ทำไมวันนี้ถามมากจัง”

“ก็ไหนว่าจะอยู่ด้วย ถามแค่นี้ทำมาบ่น”

“ไม่รู้”

“นี่ชอบจริงป่ะเนี่ย แค่ถามว่าทำไมถึงชอบยังไม่รู้เลย”

เพจมองคิงที่เอาแต่มองออกไปนอกระเบียงด้วยความสงสัย ขณะที่ลมของวันใหม่ยามตะวันยังไม่ขึ้นพัดผ่านพวกเขา ราวกับจะพัดเอาสีหน้าเฉยชาเมื่อครู่ของคิงทิ้งไป แล้วแทนที่ด้วยใบหน้ายิ้มๆ นั่น
 
เหมือนได้หวนย้อนกลับไปยังช่วงเวลาแสนสุขที่เขาไม่มีวันเข้าใจ

“ชอบใครทำไมต้องมีเหตุผลด้วยอ่ะ”

“เอ้า นี่ก็ถามแปลก”

“แปลกตรงไหน ชอบเพราะชอบเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”

“...”

“ไม่คิดบ้างเหรอครับ ว่าการที่สามารถร่ายข้อที่เราชอบในตัวคนที่ชอบได้เป็นสิบๆ เนี่ยมันแปลกกว่า”

“...”

“ถ้าหากวันหนึ่งคนที่ชอบไม่มีไอ้สิบยี่สิบข้อที่เราชอบเมื่อไหร่ เราก็จะไม่ชอบเขางั้นหรือครับ?”

“เรานี่ก็ชอบคิดอะไรแปลกๆ เนอะ”

“คิดต่างก็เรียกแปลกแล้วเหรอครับ?”

เพจมองเสี้ยวหน้าที่ไม่ได้ดูอนาทรร้อนใจอะไรเลยกับคำถามที่ชวนปวดใจเหล่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเขาโดนถามคงมีหน้าชากันไปบ้างล่ะ แต่คิงกลับตอบกลับมาสบายๆ เหมือนเขาแค่ถามแค่เรื่องสภาพอากาศวันนี้ นั่นทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ว่าโลกนี้ก็มีคนที่สามารถพูดเรื่องเศร้าๆ ให้เหมือนเรื่องธรรมดาได้ด้วยแฮะ

ถ้าไม่เจ็บสุดๆ ก็ชินไปแล้วล่ะ...

“แล้วเขารู้ไหมว่าชอบ”

“ไม่รู้ครับ ไม่สมหวังอยู่แล้วผมจะหน้าด้านไปบอกเขาทำมะเขืออะไรล่ะ”

“แล้วเขาจะรู้ไหมว่าชอบ เขาอาจจะชอบเราก็ได้นะ แค่ไม่รู้ไง”

“ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่อยากหาเรื่องให้ใจพังเล่นๆ หรอกครับ”

“พังยังไง แค่บอกชอบเอง”

“เขามีคนที่ลืมไม่ลง เจอรักแย่ๆ ครั้งหนึ่งจนเข็ดไปเลย...แบบพี่ไง”

“วกมากัดพี่อีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ” คิงหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าดุๆ ของคนข้างๆ ขณะตีสีหน้าเจ็บปวด ทั้งเอามือกุมหัวใจด้วยท่าทางสุดเว่อร์

“ก็เข้าไปดามใจดิ เสียบเลย”

“เสียบพุงพี่อ่ะดิ ถามตัวเองดิ๊ เจอมาแบบนั้นยังจะมีใจมาคอยแบ่งรับแบ่งสู้ถนอมใจคนที่ไม่ได้ชอบมั้ย?”

“...ก็คงไม่”

“เออ แล้วพูดมาได้”

“แต่คนนั้นของคิงอาจจะไม่ได้เป็นแบบพี่ก็ได้นี่”

“บอกชอบแล้วไงต่อ? ผมมองไม่ออกสักนิดว่าควรจะทำยังไงต่อ”

“...”

“เทียบกับตอนนี้ที่ผมยังมีโอกาสได้คุยกับเขา ได้อยู่ข้างๆ ดูแลเขาบ้าง ผมยังจะมีความสุขมากกว่า”

“แล้วไม่นึกอยากจะให้เขาชอบกลับเลยหรือไง”

“ก็เคยรู้สึก แต่ตอนนี้ไม่อยากแล้วล่ะ”

“...”

“ผมแค่อยากให้เขามีความสุข จะรักกับใครก็ได้ ยิ้มให้ใครก็ได้ นานๆ ทีค่อยนึกถึงผม ยิ้มให้ผมบ้างก็พอ ขอแค่เขามีความสุข ผมก็ไม่เห็นจะอยากได้อะไรเพิ่มไปมากกว่านี้”

“...”

“ผมเลิกหวังเรื่องนั่นไปนานแล้วล่ะ”

“น่าอิจฉานะ”

“ใคร?”

“คนที่เราชอบไง มีเราชอบแบบนี้โชคดีน่าดู”

แล้วพี่ไม่อยากเป็นคนโชคดีคนนั้นบ้างเลยหรือไง คนโง่...

คิงเม้มปากแล้วเบือนหน้าหนีใบหน้าของคนข้างๆ ไป โดยทิ้งเอาประโยคที่เพิ่งคิดลงถังขยะรีไซเคิลในสมองไปทันที เขาย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ด้วยคำเดิมๆ ว่าอย่าพูดออกไปนะ อย่าเผลอแสดงอะไรผิดปกติออกไปเชียว ถ้าไม่อยากเสียตอนนี้ไป

“ผมโชคดีมากกว่าที่คนที่ผมชอบเขาโง่ เลยไม่รู้ว่าผมชอบเสียที”

“...พี่เริ่มสงสารคนนั้นแล้วล่ะ”

“ฮ่าๆ” สงสารตัวเองก็เป็นด้วยแฮะ...

“สงสารผมเถอะ แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยเห็นมะ”

“ครับๆ พี่เข้าข้างเราอยู่แล้วล่ะ”

“ดีมาก”

“ถ้าเหนื่อยจะชอบแล้วก็มาหาพี่ได้นะ”



ใจร้ายแฮะ...


“...”

“เดี๋ยวกินเหล้าย้อมใจเป็นเพื่อน ^^”

“...ผมไม่กินเหล้าสักหน่อย”

ถูกคนที่ชอบชวนให้กินเหล้าย้อมใจหลังจากที่ตัดใจจากอีกคนล่วงหน้านี่ เขาต้องใจแข็งขนาดไหนนะ?








ตอนนี้จะเป็นบทสนทนาซะส่วนมาก ขาดๆ เกินๆ ยังไงช่วยยกโทษให้คนที่เพิ่งฝึกงานครั้งแรกด้วยนะคะ มึนมาก TT
่วงนี้เริ่มฝึกงานแล้วค่ะ อาจจะไม่ได้อัพวันเว้นวันแล้ว ต้องขอโทษในความไม่สะดวก แต่จะพยายามไม่หายเกินสองถึงสามวันนะคะ
เช่นเคยค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 7 (12/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 12-06-2017 23:56:40
หน่วงจังเลยคะ แต่มันจะอินกว่านี้ (สำหรับเรา) ถ้าด้รู้ว่า ใครรุก ใครรับ คะ -0- คือจะว่าไงดีอ่านมาจนตอนนี้ก็มองไม่ออกอ่ะ รบกวนตอบทีน้าาา
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 7 (12/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 13-06-2017 00:16:08
หน่วงจังเลยคะ แต่มันจะอินกว่านี้ (สำหรับเรา) ถ้าด้รู้ว่า ใครรุก ใครรับ คะ -0- คือจะว่าไงดีอ่านมาจนตอนนี้ก็มองไม่ออกอ่ะ รบกวนตอบทีน้าาา

ตามที่คิดมาตลอดพี่เพจรุกค่ะ55555 แต่เท่าที่อ่านมาเรื่อย พี่แกดูนุ่มนิ่มเนอะ อารมณ์เหมือนกับ ฉันเข้มแข็งได้ต่อหน้าทุกคนยกเว้นเธออะไรเงี้ยอ่ะค่ะ555555

เราอยากเปลี่ยนมุมมอง อยากให้ฝ่ายรับเป็นที่พึ่งให้อีกคนมั่ง แต่ถามว่าความจริงตอนแต่งคิดว่าใครเป็นรุกรับมั้ย ก็ไม่นะคะ แค่อยากแต่งเรื่องความรักเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง เลยค่อนข้างมีสถานะคลุมเครือ ต้องขอโทษด้วยค่ะ (_  _)
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 7 (12/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 13-06-2017 07:30:24
ชอบคนซื่อ ก็เพลีนใจไปนะคิง 555
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 8 (15/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 15-06-2017 20:16:48
กฎข้อที่ 8 อย่าลืมดูแลใจตัวเอง
คุณอย่าพูดเหมือนการตัดใจมันทำง่ายสิ
ถ้าหากมันง่าย
ทำไมคุณถึงไม่ยอมลืมคนคนนั้นเสียที?










และแล้วเช้าวันใหม่ที่แท้จริงก็มาถึง

ผมลืมตาขึ้นมองฝ้าเพดานสีตุ่นๆ พร้อมกับหยีตาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าแสงข้างนอกกำลังทำร้ายเรตินา (เว่อร์) ก่อนจะลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพที่ดูไม่ได้เต็มทน เสื้อก็เสื้อตัวเดิม กางตัวเดิม ผมเผ้าชี้ฟู ขนาดน้ำยังไม่ได้อาบ

และ

“...”




ไอ้ชิบหาย

ผมอยู่ห้องพี่เพจทั้งคืน!!!


เท่านั้นแหละครับ แมลงง่วงในหัวก็แต่กระเจิงไม่มีทิศทาง ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลยทีเดียว แต่ยังไม่จบเท่านั้นครับ เมื่อผมตัดสินใจว่าจะแอบกลับห้องไปก่อนที่เจ้าของห้องจะรู้ตัว กลับต้องมาพบว่ามีของอะไรบางอย่างกดทับที่หน้าขาจนขยับไม่ได้

มันคือหัวคนครับ หัวของไอ้เจ้าของห้องเนี่ย!

จีซัสคริสต์! จะให้หัวใจดวงน้อยๆ ของไอ้คิงวายไปอีกสักกี่รอบ!

ผมกัดปากมองใบหน้าตอนนอนของพี่เพจพร้อมกับที่ในหัวผุดคำพูดและความคิดนับร้อยนับพันอย่างว่าจะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้าดี จะลุกขึ้นหรือจะวางหัวพี่เพจไว้ที่อื่น จะทำไม่รู้เรื่องเนียนให้พี่เพจตื่นเองหรือจะแกล้งนอนตายไปเลยดี เผื่อพี่เขาตื่นมา

ข้อสุดท้ายเข้าท่าดีนะครับ ผมอยากตายแล้ว โอ๊ยย ไอ้บ้าเอ๊ยยย! (´;////;`)

ในตอนที่กำลังสติแตกขั้นสอง ผมก็สังเกตเห็นว่าคนที่นอนอยู่นั้นตื่นขึ้นมาเสียแล้ว พี่เพจขยับหัวที่หนุนนอนตะแคงให้หันมาเผชิญหน้ากับผมโดยตรง ใบหน้างัวเงียของพี่เพจเมื่อรวมกับแสงอาทิตย์ยามเช้าวันหยุดเช่นนี้ช่างส่องประกายจนตาผมพร่าเบลอ ยิ่งท่าขยี้ตาสุดท้ายจะคิ้วต์นั่น ไหนจะรอยยิ้มอีก สุดท้ายพี่เพจก็ทำการฆ่าผมด้วยประโยคสุดท้าย

“อรุณสวัสดิ์ครับ น้องคิง”




ขึ้นสู่สรวงสวรรค์แล้ว อาเมน...















“คิงเอาอะไรดี ขนมปังหรืออยากไปกินโจ๊กด้านล่าง”

“ขนมปังก็ได้ครับ พี่เพจมีกาแฟไหมอ่ะ”

“มีๆ แต่ครีมเทียมหมดนะ โอเคเปล่า?”

“อืม ผมกินกาแฟดำอ่ะ” ไม่ชอบกาแฟหวานมัน แต่ชอบกินขนมทุกชนิด แปลกคน

ด่าตัวเองครับ ไม่มีอะไร

พี่เพจมองผมด้วยแววตาดุๆ นิดหน่อยเมื่อได้ยินคำตอบของผม กระนั้นก็ยอมขยับตัวชงให้แต่โดยดี ทว่าไม่วายบ่นอีกเล็กน้อย

 “เป็นเด็กเป็นเล็กกินกาแฟดำ เดี๋ยวหน้าแก่หรอก”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย คนอื่นเขาก็กิน ผมยี่สิบแล้วนะ”


“พี่จะยี่สิบสองล่ะ ไม่เห็นกินกาแฟดำเหมือนเราเลย”

“เพราะพี่ไม่ชอบกินขมไม่ใช่หรือไง”

“รู้ได้ไง”

“...เดา”

“เดาเก่งไปไหม” พี่เพจยิ้มนิดๆ แล้วโคลงศีรษะให้ผมพร้อมทั้งวางขนมปังปิ้งตรงหน้า เหลืองกรอบพอดี หอมน่ากินมากครับ จากนั้นพี่เขาก็ตรงไปหยิบเนยและแยมมาให้แล้วนั่งตรงฝั่งตรงข้ามกับผม ท่าทางพี่เพจจะไม่ชอบขมจริงๆ เพราะแทนที่จะกินกาแฟแบบผม เขากลับชงน้ำขิงสำเร็จรูปกินกับขนมปังทาเนยแทน -_-; มันอร่อยตรงไหนนะน้ำขิง

“เผ็ดออก น้ำขิง”

“อร่อยดีต่อสุขภาพกว่ากาแฟแหละน่า”

“ไม่ชอบแล้วซื้อมาไว้ในห้องทำไม”

“ช่วงสอบมันก็ต้องโด๊ปกันบ้าง ไม่งั้นจะอยู่ยาวได้ไง”

“นั่นไง ว่าแต่คนอื่น ตัวเองก็เป็น หนักกว่าผมอีก ผมแค่กินตอนเช้า นี่ล่อให้ตัวเองตื่นอ่านหนังสือ กี่แก้วล่ะ?”

“...” พี่เพจไม่ตอบ แต่ยกสองนิ้วขึ้นมาขณะชะโงกหน้าอ่านข่าวในโทรศัพท์

“สองแก้ว?”

“สองแก้วต่อสามชั่วโมง”

“...” ยอมใจ

พี่เพจหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าแหยงๆ ของผม เมื่อทราบจำนวนแก้วของกาแฟที่พี่เพจดื่มในช่วงสอบ แก้ตัวเสียงอ่อย

 “ก็มันง่วง”

“ง่วงก็นอนสิครับ”

“ครับๆ คราวหน้าจะไม่ดื่มเยอะแล้ว อีกอย่างนี่ก็ปีสุดท้ายแล้ว ไม่ดื่มเยอะหรอก”

“...อ่า นั่นสิเนอะ” ผมลืมไปเลยว่าพี่เขาเรียนปีสี่แล้ว อีกไม่นานก็จะจบจากมหาลัยไปทำงาน...และคงลืมผมที่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในชีวิตของเขาไปในที่สุด

“วันนี้ว่างหรือเปล่า? พี่ขี้เกียจอยู่ห้องว่ะ ไปหาที่เดินเล่นกัน”

“ก็ได้อยู่หรอกครับ จะไปไหนล่ะ”

“สวนลุมมั้ย? รถไฟฟ้าใต้ดินแปบเดียวเอง”

“ได้ครับ แต่ยังไงก็ขอไปอาบน้ำสักหน่อยก่อนได้หรือเปล่า เหม็นตัวเอง” ผมว่าพร้อมกับยกแขนเสื้อที่มีแต่กลิ่นเหล้าหึ่งขึ้นดมแล้วย่นจมูก ฉุนชะมัด แถมบางที่ยังมีกลิ่นบุหรี่จางๆ อีกต่างหาก ไม่ชอบเลย -*-

พี่เพจที่กำลังลุกจัดการจานชามที่ว่างเปล่า (ไม่อยากจะยอมรับ แต่ขนมปังเกือบแปดแผ่นโดนผมซัดเรียบคนเดียว ก็ใครให้พี่เพจมัวแต่อ่านข่าวเล่า!) เดินผ่านตัวผมที่กำลังพิสูจน์กลิ่นตัวเอง ด้วยความที่ผมประมาทหรืออาจเพราะเรื่องราวเมื่อคืนทำให้พี่เขารู้สึกว่าเขาสนิทกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเหตุผลใดๆ ก็ตาม ชั่ววินาทีนั้นผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กดลงที่กลางหัวของผม คลับคล้ายคลับคลาจะเป็น...

“ไม่เห็นเหม็นเลย คิดไปเองเปล่า”

“...”

“รีบๆ ไปอาบน้ำให้สบายตัวแล้วไปเจอกันข้างล่างนะ”

ตาย...ผมตายแน่ๆ ถ้าต้องเจอแบบนี้ทุกวัน




ไอ้พี่เพจมันหอมหัวผม ไอ้เชี่ยยยยย!! ฟไทฟืดร่กเบยบลสขร!!!



ทำอย่างนี้ก็ฆ่ากันเลย ฆ่าผมให้ตายเลยดีกว่า ฮืออออ ฟินโว้ย!















คุณพูดว่าความรู้สึก ความคิดถึง ความรักของคนมันควบคุมไม่ได้
งั้นก็เลิกบังคับให้ผมเลิกชอบคุณเสียที
เพราะความรู้สึก ความคิดถึง ความรักที่มีต่อคุณของผมมันก็ควบคุมไม่ได้เช่นกัน













แม้จะเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย แต่สวนลุมในเวลาที่ไม่มีลมก็ยังร้อนอยู่ดี

คิงเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แม้ว่าแดดจะหลบอยู่หลังก้อนเมฆก้อนโตในยามสายๆ ทว่าด้วยสภาพอากาศที่ลมไม่มีเลยสักนิด ทำให้สองคนที่หนีความวุ่นวายรอบด้านมาหามุมสงบในสวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใจกลางเมือง ต้องมานั่งริมฟุตบาทสะบัดคอเสื้อยืดตัวเองเป็นพัลวัน

สุดท้ายก็เป็นเพจที่ทนร้อนไม่ไหวและเดินหนีไปร้านค้าใกล้ๆ เพื่อซือไอศกรีมแท่งมาแบ่งคนที่เขาลากมาด้วย ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันสักนิด ได้แต่นั่งเงียบๆ ในบรรยากาศร่มรื่น (แต่ไร้ลม) ข้างกันกับไอศกรีมคนละแท่งเท่านั้นเอง

คิงกัดไอศกรีมเข้าปากไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่ามันจะละลายหรือไม่ มองตรงไปข้างหน้าจนเห็นสนามเด็กเล่นไม่ไกล เมื่อมองชิงช้าก็หวนนึกถึงตอนเด็กๆ ที่ได้เล่น จึงชี้ไปยังพื้นที่ที่ว่าแล้วพูดขึ้น

“อยากเล่นชิงช้าอ่ะ”

“ไปเปล่า?”

“อืม”

เพจกัดไอศกรีมไว้ที่ปาก ลุกขึ้นปัดเศษดินทรายแล้วฉวยเอามือของคิงที่ยังไม่ได้เก็บลงเดินจูงไปยังสนามเด็กเล่นนั้น โดยตัดผ่านสนามหญ้า คิงมองมือตัวเองที่ถูกจูงด้วยสีหน้าอึ้งๆ ปนไปกับความเขินอายที่เพจไม่มีวันได้เห็น เพราะยังคงเอาแต่เดินไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง

สายตาของคิงมองตามแผ่นหลังของเพจอยู่ตลอดก่อนจะยิ้มออกมา

ราวกับภาพในหนังที่เมื่อวกเขาเดินผ่าน จุดที่เดินผ่านมาก็มีน้ำจากสปริงเกอร์พ่นออกมา ละอองไอเย็นๆ จากน้ำขับไล่ความไม่สบายตัวจากความร้อนให้เขา ก่อนที่เขาจะนึกแผลงๆ โดยการรั้งให้เพจหยุดยืนอยู่ที่เดิม ส่วนตัวเองกลับวิ่งนำไปยังสนามเด็กเล่น จนคนที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเปียกปอนไปจากละอองน้ำ คิงหัวเราะร่าเมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายจากเพจก่อนจะวิ่งหนีไปยังใจกลางสนามทราย ขึ้นไปแอบยังสไลเดอร์สีสด คล้ายกับเด็กๆ ที่คิดว่าซ่อนเช่นนี้แล้วจะพ้นการถูกจับได้

พวกเขาวิ่งเล่นไล่กันไปทั่วสนามเด็กเล่นขนาดกลาง วิ่งจนสองเท้าเปื้อนไปด้วยทราย ขึ้นลงเครื่องเล่นที่วางเอาไว้ในสนาม จนสุดท้ายก็มาหยุดนั่งเล่นที่ชิงช้า

คิงหยุดหัวเราะไปแล้ว ตอนนี้เพียงแค่หอบเหนื่อยจากการวิ่งไม่พักตลอดเวลากว่าสิบนาที ซึ่งสภาพของเพจก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ทว่าเมื่อพวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความบังเอิญ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้นัดกัน

เพจยื่นมือไปขยี้เส้นผมเปียกชื้นเหงื่อของคิง บ่นเสียงค่อย คล้ายไม่ได้จริงจังนัก

“เด็กตัวแสบ”

“ไม่ได้แสบสักหน่อย”


“ใครแกล้งจนพี่เปียกน้ำ แถมยังให้วิ่งไล่จนเหงื่อซ่กแบบนี้ห๊ะ”

“แล้วใครให้พี่วิ่งตามล่ะ”

“ก็เห็นเราสนุก พี่ก็เลยเล่นด้วยเท่านั้นเอง”

“...” คิงเงียบไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินคำตอบ แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรกลับไป เพจก็ลุกขึ้นจากชิงช้าตัวข้างๆ ที่นั่งอยู่เมื่อครู่ มาหยุดอยู่ด้านหลังของคิงแล้วออกแรงไกวชิงช้าของรุ่นน้องแทน แรงส่งและดึงเป็นไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งเส้นผมที่เคยเปียกชื้นค่อยๆ แห้งและกลับคืนสู่สภาพเดิม เช่นเดียวกับที่คิงคล้ายกลับไปยังช่วงเวลาที่ยังเป็นเด็กๆ เมื่อครั้งที่เขาไปเล่นอยู่สนามเด็กเล่นแถวบ้าน ที่นั่นก็มีชิงช้าเหมือนกัน จำได้ว่าเขาชอบมันมากและเล่นมันกระทั่งเขาย้ายบ้านในที่สุด

“ชอบไหม?”

“ชอบครับ”

“ชอบก็ดีแล้ว...แต่ว่านะคิง”

“ครับ...!!” กำลังจะหันกลับไปถามอยู่แล้วเชียว ทว่าเมื่อหันไปยังขวามือตัวเองคิงก็เป็นอันชะงักไปกับใบหน้าที่วางลงใกล้ๆ กับใบหน้าของเขาจนเกินพอดี จนเผลอชะงักค้างในท่านั้น แต่เพจกลับไม่ได้มองมายังเขา อีกฝ่ายกลับมองตรงไปยังข้างหน้าและชี้นิ้วไปในทางเดียวกัน

“ตอนนี้ตรงหน้าคิงประมาณสองร้อยเมตร ยามกำลังเดินมา”

“ครับ”

“มีไม้กระบองด้วย”

“ครับ”


“และเหมือนเขาจะพูดว่า ‘ผู้ใหญ่ห้ามเล่นเครื่องเล่นเด็กครับ’ ด้วยล่ะ”

“ครับ...ห๊ะ!!! พี่ว่าไงนะ”

“วิ่งเร็วคิง!!” เพจร้องลั่นและไม่ลืมที่จะคว้าเอามือของคิงมากุมเอาไว้ขณะวิ่งหนีกาไล่ล่าของยามแสนดุประจำสวนลุม พวกเขาวิ่งไปหัวเราะไปอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้ต่างวิ่งไล่กันเองเท่านั้นเอง วิ่งไปวิ่งมาพวกเขาก็มาหยุดอยู่บริเวณที่มีร้านให้เช่าเรือถีบ เพจหัวเราะไปหอบไป คิงก็เช่นกัน ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้นสองมือที่เผลอคว้าด้วยความตกใจก็ยังกุมกันอยู่

คิงมองมันอยู่ แม้กระทั่งตอนที่วิ่งด้วยความกลัวว่าจะโดนดุจากยาม เขาก็ยังมอง

มองสองมือที่มีขนาดแทบไม่ต่างกัน เป็นมือผู้ชายเหมือนกัน สอดประสานนิ้วมือกระทั่งแนบสนิทไม่เหลือช่องว่างใดๆ

แม้จะร้อนจนเหงื่อไหลเป็นน้ำ แต่เขากลับไม่อยากจะปล่อยมือนี้เลยสักนิดเดียว

“โอ๊ย โคตรเหนื่อยเลย”

“ก็ใครให้พี่มัวแต่เล่นเล่า ไม่ยอมไปเสียที”

“อ้าว แล้วใครมันบอกพี่เองว่าชอบเล่นชิงช้า หื้ม?”

คิงทำเป็นหลบตาและเปลี่ยนเรื่องโดยทันที ด้วยการชี้ไปยังเรือถีบที่ร้างคน เพราะเวลานี้ใกล้เที่ยงเต็มที จึงมีคนน้อยที่จะปั่นเรือถีบ

“ผมอยากเล่นเรือเป็ด”

“คิง อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”

“พี่เพจ คิงอยากเล่นเรือถีบอ่ะ”

“...”

“นะ”

“คิดว่าทำแล้วน่ารักหรือไง” เพจเขกหัวคิงเมื่ออีกฝ่ายแกล้งทำหน้าบ๊องแบ๊วใส่ ซึ่งแทนที่จะหงอเด็กคนี้กลับหัวเราะร่า จับบริเวณที่ถูกเขกเอาไว้ เผยให้เห็นสีหน้าที่เพจไม่เคยเห็นมาก่อน

ปกติใช้ว่าคิงจะตีหน้านิ่งเป็นประจำ ก็มียิ้มมีหัวเราะบ้าง แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่รอยยิ้มจะกว้างเท่านี้ สดใสเท่านี้หรือแม้กระทั่ง...แสดงออกชัดถึงความสุขขนาดนี้

ราวกับช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เด็กตรงหน้าเขามีความสุขมาก

“ไม่หรอกครับ แต่แค่อยากลองทำ ผมว่ามันตลกดี”

“...ไม่เอา”

“ครับๆ ไม่เล่นแล้ว ผมนึกแล้วยังขนลุกตัวเองเลย” คิงว่าทั้งยังลูบแขนตัวเองยืนยัน แต่กลับต้องเป็นฝ่ายอึ้งไปแทนเมื่อเห็นรอยยิ้มของเพจที่มองมาและประโยคนั่น...ที่สั่นหัวใจของเขาไปทั้งดวง

“พูดแทนตัวเองว่าคิงอีกดิ”

“...”

“พี่ว่า...มันน่ารักดี”

“...”

“ว่าไง”

“...ไม่เอาหรอก” ตายละหว่า...เผลอพูดอย่างนั้นไปได้ยังไงนะ

น่าอายชะมัด

เพจหัวเราะน้อยๆ กับคนที่ตอนนี้เขินจนไม่อาจมองหน้าเขาได้จนต้องเบือนหน้าหนี ซึ่งเขาก็ตามแกล้งด้วยการหันไปทางซ้ายและขวาดักทางจนคิงขี้เกียจหันหนี ยอมให้เขาเห็นแก้มแดงแจ๋นั่นจนเต็มตา

“เร็วๆ พูดแทนตัวเองแบบนั้นอีก”

“ไม่เอา! น่าอายจะตาย ผมไม่ทำแล้ว”

“ไม่ทำไม่พานั่งเรือเป็ดนะน้องคิง”

“ไม่นั่งก็ได้”

“แต่พี่อยากนั่งอ่ะ”

“...”

“นั่งคนเดียวมันเหงานะ ถีบเหนื่อยด้วย”

“...”

“ถ้าพี่ตกน้ำไปทำไงอ่ะ”

“...”

“เฮ้อ คนใจร้ายแถวนี้นี่นะ”

สุดท้ายเพจก็ทำท่าเหมือนน้อยใจเสียเต็มประดาปล่อยมือของคิงแล้วหันหลังไปยังตู้ขายตั๋วเช่า ยังไม่ทันจะควักเงินออกมา คนที่ยืนเมื่อกี้ก็วิ่งฉิวไปเช่าเรือก่อนเขาเสียแล้ว จนเขาหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งไม่ได้

คิงยืนอยู่ตรงทางเดินไปยังเรือถีบ ยื่นมือมาหาเขาอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าใบหน้าจะยังแดงเรื่ออยู่ก็ตาม

“จะไปมั้ยครับ”

“...”

“หมายถึง จะไปปั่นเรือถีบกับคิงไหม...พี่เพจ


เพจยิ้มกว้างแล้วจับมือที่ยื่นมาด้วยความถูกใจ แล้วเลื่อนมือขึ้นขยี้เส้นผมของคนที่แม้จะอายจนตัวแดงเป็นกุ้งก็ยังยอมตามใจเขาด้วยการเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นด้วยท่าทางน่าเอ็นดูนั่น

ไม่ไหวแล้ว

“โอเค เราไปปั่นเรือถีบกัน”

เด็กคนนี้ชักจะน่ารักขึ้นทุกๆ วันแล้ว








น้องคิงไม่ได้ตั้งใจอ่อยฉันใด พี่คิงก็ไม่ได้ตั้งใจอ่อยฉันนั้น
ต่างคนต่างอ่อย 555555555 ใครจะเผลอใจก่อนกันน้อ (คิงเสียเปรียบเห็นๆ555)
ฝากติดตามเช่นเคย อย่าเพิ่งหายไปตอนเค้าฝึกงานน้า TOT
:) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 9 (18/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 18-06-2017 18:29:22
กฎข้อที่ 9 อย่ารู้ไปทุกเรื่อง
ในขณะที่ผมใช้ใจทุกห้องที่มีแลกเพียงไม่กี่นาทีที่ได้อยู่กับคุณ
ทั้งๆ ที่มันคือทั้งหมดของผมแท้ๆ
แต่ทำไมมันถึงเหมือนไม่มีค่าอะไรกับคุณเลยนะ...








หลังจากวันที่ได้ใช้วันหยุดพักผ่อนไปด้วยกัน พี่เพจก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมในที่สุด

แต่น่าเสียดายที่หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอพี่เพจอีกเลย

พอวันจันทร์ปุ๊บ กิจกรรมที่วางโครงวาดแผนงานก็ถล่มทับจนผมไม่มีเวลาจะไปตามกรี๊ดตามติดชีวิตพี่เพจอีกต่อไป โชคดีอยู่ที่พี่เขาเองก็ยุ่งอยู่กับการทำโปรเจ็คจบ ดังนั้นต่อให้ผมว่างเราก็ยังไม่ได้เจอกันอยู่ดี

ดังนั้นผมจึงทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปที่งานกิจกรรมและตามเรียนให้ทันเพื่อนๆ

จากวันนั้นก็เกือบสองอาทิตย์แล้ว...ที่ไม่ได้เจอพี่เพจเลย

“ขอบใจทุกคนมากนะ แยกย้ายๆ ใครจะไปกินอะไรเรียกได้ พร้อมเมา!”

“เอาด้วยย จบสักทีกีฬาเวร ฮือออ”

“ร้านหลังม.คนน่าจะยังไม่เยอะ ใครจะไปมานี่ จะได้จองโต๊ะครบจำนวนคน”

เสียงจอแจของเพื่อนๆ ดังขึ้นทันทีที่จบการประชุมสรุปงานที่เพิ่งจบไป ผมเพียงแค่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบรับอะไรกับคำชวนของเพื่อนๆ เมื่อมองนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาเกือบเที่ยงคืนผมก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย ป่านนี้พี่เพจคงหลับปุ๋ยไปแล้ว ว่าจะแวะไปหาหลังจากที่ประชุมงานเสร็จเสียหน่อย อดเลย

เมื่อไม่ได้ตอบรับการเลี้ยงฉลองหลังจบงานกับเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ ผมกับเพื่อนอีกสองสามคนจึงอาสาเก็บโต๊ะเก้าอี้ในห้องที่ใช้ประชุมกันแทน ยังดีที่มันเป็นห้องของคณะ จึงไม่ต้องมากังวลว่าใช้เวลาดึกดื่นแล้วจะโดนด่า เพราะทำเรื่องขออนุญาตอาจารย์เรียบร้อย แถมอาจารย์ยังใจดีให้กุญแจมาไว้เผื่อในกรณีที่อาจารย์ไม่อยู่อนุญาต จะได้สามารถใช้ห้องไว้สำหรับงานคณะได้เลย

ผมโบกมือลาเพื่อนที่ช่วยกันเก็บของในห้องประชุมที่หน้าตึกเรียน ก่อนจะเดินแยกมาคนเดียวตรงกลับหอพักที่ไม่ต้องต่อเรือ ขึ้นรถเมล์หรือโบกแท๊กซี่ เพียงแค่อาศัยสองขาเดินไปตามถนนริมฟุตบาทกลับเท่านั้นเอง

ระหว่างที่เดินผมก็หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบฟังเพลงเช่นทุกที ปล่อยให้เสียงเพลงพาหัวใจที่เหนื่อยล้าได้รับการปลอบประโลม ...จะดีมากถ้าเปลี่ยนจากเพลงเป็นหน้าพี่เพจสักนาที

คิดถึงจัง

คิดไปแล้วก็คอตก ต้องรอตั้งวันพรุ่งนี้ ดีไม่ดีก็ไม่ได้เจออีก เพราะพี่เพจยุ่งกับเรื่องเรียนกับโปรเจ็ค ช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ยิ่งต้องขยัน คงวิ่งรอกเข้าออกห้องอาจารย์เป็นว่าเล่น คงจะมีเวลาออกมาให้ผมเจอหน้าหรอกมั้ง

ระหว่างที่คิดฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อไปตามเรื่องตามราว ผมก็พลันสะดุ้งกับฝ่ามือปริศนาที่วางแปะบนไหล่ของผมด้วยแรงที่ไม่เบานัก ทำเอาผมนึกหวั่นๆ ว่าจะเป็นคนหรือผีที่ตรงมาทักทายผมในยามค่ำคืนแบบนี้

“หันมาสิ”

เสียงแว่วๆ จากนอกหูฟังดังขึ้น พร้อมกับที่ฝ่ามือนั่นออกแรงรั้งให้ผมหันกลับไปให้ได้ แต่มันมีอะไรรับประกันว่ะว่าข้างหลังผมมันคนไม่ใช่ผี! หรือมั่นใจว่าคนก็ไม่รู้ว่าโจรมั้ย เรื่องอะไรจะหันให้โง่!

“คิง พี่เอง”

หรือเขาจะวิ่งเลยดี ยืนนิ่งแบบนี้โคตรจะเป็นเป้านิ่งให้เขาล้วง หลอก

“คิง นี่พี่เพจไง หันมาดิ๊!”

“...” ห๊ะ

ผมที่เผลอหลับตาปี๋ค่อยๆ หรี่ตาขึ้นแล้วหันกลับไปด้านหลังอย่างหวาดๆ ถึงเสียงจะคุ้นและชวนให้เชื่อแค่ไหน แต่ผมก็ยังกลัวอยู่ดี กลัวจะไม่ใช่คน! แต่เมื่อเห็นสีหน้ากังวลและห่วงๆ ของคนด้านหลัง ใจที่แขวนลอยเคว้งไปมาก็ค่อยๆ ลอยกลับมาอยู่กับตัวในที่สุด ผมลอบถอนหายใจแล้วเบี่ยงตัวจนกระทั่งมือของพี่เพจหลุดจากบ่าในที่สุด อดจะบ่นใส่ไม่ได้

“พี่เพจ คิงโคตรกลัวเลยรู้ป่ะเนี่ย นึกว่าโดนผีหลอกไม่ก็โดนปล้น”

“ผีอะไรจะหล่อขนาดนี้ โหดร้าย!”

“...แน่นอนครับ ว่าผีไม่หลงตัวเองเท่าพี่ -*-“

“ล้อเล่นๆ ว่าแต่ทำไมกลับดึกจัง ประชุมสรุปงานมันแปบเดียวไม่ใช่หรือไง”

“ปีนี้มันมีปัญหา ข้อจำกัดเยอะ เลยต้องประชุมรวบรวมปัญหา ทางแก้เอาไว้สำหรับให้ปีถัดไปเขาเอาไปปรับปรุงน่ะครับ” ผมว่าพร้อมกับเริ่มออกเดินไปพร้อมๆ กับพี่เพจที่ไม่ได้เห็นหน้ามานาน เมื่อลอบมองใบหน้าคนข้างๆ ก็พบว่าพี่เพจดูซูบลงนิดหน่อย ใบหน้าที่เคยใสกิ๊งเริ่มปรากฏตอหนวดบางๆ รำไร ผิวซีดขึ้นอีกหน่อยด้วย สงสัยเพราะอยู่ในห้องตลอดไม่ค่อยได้ออกไปไหนเช่นแต่ก่อนละมั้ง แต่ที่เห็นชัดสุดเห็นจะเป็นแววตาที่เหนื่อยล้าคู่นั้น ที่แม้จะมองตรงไปข้างหน้าแต่กลับไร้จุดหมายอย่างไรก็ไม่รู้

“เหนื่อยมั้ยครับ”

“...อืม เหนื่อยมาก”

“อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวพี่ก็จบแล้วเนอะ”

“ช่ายย เทียบกับเรามันก็แปบเดียวจริงๆ นั่นแหละ เราต้องเจออีกสองปี หนักหน่อยนะ”


ผมยิ้มออกมา เมื่อเห็นพี่เพจสดใสขึ้นมาเล็กน้อย “คิงอดทนเก่งจะตาย ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”

“หื้ม ขนาดนั้นเลย มันต้องมีสักเรื่องน่าที่เราสู้ไม่ไหว ไม่ต้องกดดันให้ตัวเองอดทนขนาดนั้นก็ได้”

“เอ้า จริงจริ๊ง! คิงทนได้ทุกเรื่องแหละ”

“พี่ไม่อยากให้เราอดทนแฮะ”

“...”

มือของพี่เพจวางลงบนเส้นผมของผมเช่นที่เคยทำ แต่มันอบอุ่นกว่าครั้งก่อนๆ เสียเหลือเกิน อาจเพราะช่วงเวลาสองอาทิตย์ที่เราต่างยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองทำให้ความอบอุ่นนั่นจางลง ทว่าเมื่อได้พบกันอีกความอบอุ่นที่เจือจางนั้นก็พลันเพิ่มขึ้น ผ่านฝ่ามือนั้นตรงมาสู่หัวใจของผม

“อะไรที่มันยากจะผ่าน ก็อย่าคิดแต่ว่าต้องอดทนๆ ให้มันผ่านไป เดี๋ยวนานไปมันจะทำให้เราแย่เสียเอง รู้ไหม?”

“แล้วถ้าไม่ให้คิงอดทนแล้วจะให้คิงทำยังไง”

“ก็มาหาพี่ก็ได้ มาบ่นให้ฟัง มาให้พาไปกิน ไปเที่ยวให้ตัวเองเลิกอดทนแล้วมีใจกลับไปสู้กับเรื่องพวกนั้นก่อน ดีไหม?”

ผมนิ่งมองใบหน้าด้านข้างของพี่เพจที่ผมแสนจะคิดถึง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาในที่สุด ผมพยักหน้าให้กับคำพูดใจดีนั่น แล้วชวนคุยเรื่องอื่นให้พี่เขาเลิกสนใจเรื่องที่ว่า เพื่อไม่ให้พี่เพจจับได้ถึงความรู้สึกหวั่นไหวในแววตาของผมที่มันเริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะสะกดเอาไว้

พี่เพจเข้าใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังใจดี เอาใจใส่จนผมยากที่จะไม่หวั่นไหว

จนผมนึกกลัวขึ้นมา

ว่าวันเวลาที่แสนดีแบบนี้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกันนะ...











“มึงกำลังโดนกั๊กอยู่แน่นอน!!”

ผมสะดุ้งไปกับประโยคของเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ตำแหน่งถัดไปจากตัวเอง ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะรู้อยู่เหมือนกันว่าน้ำเสียงที่ใช้พูดกับเพื่อนจะดังจนเกินไป จึงปรับเสียงให้เบาลง กระนั้นด้วยความที่ผมเป็นคนที่มีประสาทหูดี (ไว้ฟังเรื่องเกี่ยวกับพี่เพจ) ทำให้เบายังไงก็ยังได้ยินอยู่ดี จึงตีเนียนฟังเรื่อยๆ ระหว่างที่รออาจารย์เข้ามาสอน

“กั๊กยังไงวะ เขาก็เหมือนเดิม...อาจจะใจดีขึ้นมาหน่อยเท่านั้นเอง”

“ผู้ชายน่ะนะ เขาไม่มีเวลามาใจดีกับคนที่ไม่ชอบหรอกนะ”

“แล้วจะให้คิดว่าเขาชอบกูอ่ะนะ เป็นไปไม่ได้”

“ก็ถ้ามึงยืนยันว่าเขาไม่มางชอบมึง ก็แสดงว่าเขารู้ว่ามึงชอบเขา ถึงได้ใจดีใส่ เนียนกั๊กเวลาที่ไม่มีใครเหลืออยู่ในสต๊อคไง”

อย่างนั้นหรอกเหรอ

ผมเท้าคางทำเหม่อไปเรื่อยๆ ฟังไปก็นึกภาพตามไป ถ้าหากพี่เพจกั๊กผมเอาไว้จริงๆ มันคง...

คงเป็นไปไม่ได้อ่ะ -_-

ถ้าผมเป็นผู้หญิงก็อาจจะพูดแบบนั้นได้ แต่นี่ดันเป็นผู้ชาย จะมามองว่าความใจดีของผู้ชายอีกคนที่เราปลื้มมันเป็นความชอบ ถึงจะไม่ได้ชอบหัวปักหัวปำแค่ชอบเพราะอยากกั๊กอะไรนั่น คงยาก

เหมือนที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าต่อให้ชอบต่อไปก็แห้ว แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ยังอยากชอบต่อไปเรื่อยๆ อยู่ดีน่ะนะ

“แต่เขาจะรู้ได้ยังไงวะ ว่ากูชอบ กูไม่เคยบอกเขาเลยนะเว้ย”

“คนที่แอบชอบเขารู้ตัวกันทั้งนั้นแหละเวลามีคนมาชอบเขา ใครบ้างว่ะจะไม่รู้”

“...”

“แต่ที่เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง คงเพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจ ไม่ก็...อยากรักษาความสัมพันธ์แบบนี้เอาไว้ ถึงจะไม่ได้รักก็ตาม”

“ฟังแล้วเจ็บจังวะ” คนพูดพูดเสียงอ่อย จนเพื่อนที่นั่งฟังปรับทุกข์ต้องตบไหล่พูดให้กำลังใจสองถึงสามประโยคกว่าที่เธอจะสามารถกลับไปตั้งใจเรียนได้ ทันทีที่อาจารย์เข้ามา

ทว่าแม้พวกเธอจะคุยกันจบไปแล้ว ผมยังคงนึกถึงคำพูดที่ได้ยินประโยคนั้นที่ผมออกจะเห็นด้วยมากที่สุดในหลายประโยคที่ (แอบ) ฟังมา

มันคงจะจริงที่เหล่าคนที่ถูกแอบรักมักจะรู้ตัว แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพียงแค่อยากรักษาคนที่แอบชอบตัวเองเหล่านั้นเอาไว้ในชีวิต รักษาการดำเนินชีวิตแบบเดิมเอาไว้ แม้ว่าจะไม่มีวันรักอีกฝ่ายเลยก็ตาม

บางทีชั่วชีวิตของผมก็คงจะต้องเป็นแบบนั้น

มันคงจะมีสักวันที่พี่เพจรู้ตัวขึ้นมาว่าแววตาที่ผมมอง...ไม่เคยมองด้วยความเคารพเลื่อมใสเช่นรุ่นน้อง

คงมีสักวันที่พี่เขามองเห็นถึงความหวั่นไหวที่ไม่ควรเกิดขึ้น

และวันนั้นบางที...คงจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ข้างพี่เขา

หรือหากไม่เป็นเช่นนั้น

ก็คงเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดในฐานะคนแอบรักตลอดชีวิตก็เป็นได้











ผมเข้าใจคุณดีว่าทำไมคุณไม่ลืมเขา
เพราะทุกครั้งที่มองคุณก็เหมือนผมเห็นภาพของตัวผมเองซ้อนกับคุณเสมอ
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ยังเจ็บมากๆ อยู่ดี












ในที่สุด...วันนี้ก็มาถึงในที่สุด

วันแห่งอิสระ!!

“โอเค ผ่าน! แก้งานตรงกับที่อาจารย์คิดไว้พอดี จบสักทีนะนายพิสิทธิ์”

“เยสสส!! ขอบคุณคร้าบ ‘จารย์”

“เออๆ ไปๆ ได้ล่ะ เกะกะ อาจารย์จะทำงานต่อแล้ว”

เขาพูดคุยหยอกล้อกับอาจารย์อีกสองสามคำก่อนจะขอตัวแยกออกมาจากห้อง ทันทีที่พ้นบริเวณห้องพักอาจารย์ น้ำเสียงดีใจที่เก็บกักเอาไว้ก็ระเบิดออกเป็นเสียงหัวเราะดังลั่น ผสมปนเปไปกับเสียงพูดคุยแสดงความยินดีจากเพื่อนในกลุ่ม ดังเสียจนป้าแม่บ้านต้องออกมาดู ทว่าทันทีที่เห็นเป็นกลุ่มนักศึกษาที่ทำโปรเจ็กจบผ่าน พวกเขาก็ทำเพียงกลับไปยังห้องพักพนักงาน คงชินเสียแล้วที่ทุกๆ ปีจะต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

เพจกอดคอทีมขณะฟังเพื่อนเล่าเรื่องตอนที่อยู่ในระหว่างอาจารย์พิจารณาว่าจะให้ผ่านหรือไม่ ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังสนใจเรื่องเล่ายกโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอพลิเคชั่นสุดฮิตเขียนข้อความถึงใครบางคนที่ตอนนี้อาจจะนั่งคร่ำเคร่งอยู่กับการเรียน เมื่อกดส่งเขาก็ยิ้มกว้างหลุดเสียงหัวเราะเฮฮาไปกับคนอื่นอย่างเป็นปกติ

คงมีเพียงคนเดียวที่มองเห็น สิงห์ทำเพียงแค่มองการกระทำนั้นเงียบๆ ก่อนเบือนหน้าหนีไปยิ้มนิดๆ

บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้

บางทีเด็กคนนั้น...อาจจะเข้ามาเปลี่ยนเพื่อนเขาและมีความสุขได้ในที่สุดก็เป็นได้


PAGER: พี่จบแล้วนะ

PAGER: ยินดีกับพี่เพจคนเก่งหน่อยเร้ววว :)

The KING: ดีใจด้วยครับ

The KING: คิงจะเตรียมดอกไม้ไว้รอวันรับปริญญานะ เหลือที่ในแขนไว้ถือดอกไม้คิงด้วยละกัน :)














“เอ้า ชนนน!!!”

แกร๊ง!!

“เลิกพูดชนสักทีได้มั้ยวะ มึงพูดตั้งแต่เข้าร้านมาจนตอนนี้หมดขวดที่เท่าไรแม่งก็ไม่รู้ล่ะ จะชนทำเชี่ยไรหนักหนา”

“ก็พอพูดว่าชนแล้วเหมือนเหล้ามันอร่อยขึ้นนี่หว่า”

“มึงเมาล่ะ ไอ้เกม สาดด”

เสียงหัวเราะที่ดังเป็นระลอกคลอเคล้ากับเสียงน้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยมกระทบกับแก้วใสใบเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำสีอำพัน แม้ว่าจะเจือจางด้วยโซดาหรือน้ำอัดสม กระนั้นเมื่อดื่มมากๆ เข้า หน้าของหมาก็มองเป็นหมีได้ ไม่ต่างอะไรกับพวกเขาในตอนนี้ที่ดื่มกันมานานกว่าสามชั่วโมง สติหายสตังเองก็หายไปด้วย เพจชักจะจำไม่ได้แล้วสิว่าเงินในวันนี้มันจะพอค่าเหล้าในวันนี้ที่ดื่มเหมือนอาบไหม

เอาเถอะ ใครให้พวกเขาต้องเฝ้าห้องทำงาน ห้องตัวเอง (ที่เต็มไปด้วยข้าวของรกรุงรังเหมือนรูหนู) และห้องอาจารย์ตลอดหลายสัปดาห์ โดยไม่มีการพักแบบนี้กันล่ะ ได้ปลดปล่อยให้เต็มที่สักหน่อย จะเป็นไรไป

ทว่าเมื่อกวาดสายตาดูดีๆ อีกครั้ง เพจก็ชักจะไม่แน่ใจกับความคิดตัวเองที่ว่าเต็มที่สักหน่อยแล้ว

นอกจากเขา (ที่กรึ่มๆ) และสิงห์ (เอารถมา ดื่มมากไม่ได้) คนอื่นก็หน้าเหนอแดงเถือกเหมือนเอาไปถูกับพื้นถนนมารอบหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวนั่งซดเหล้ากันแล้ว ไหนจากเสียงพูดจาที่เริ่มไม่รู้เรื่อง ยานคางเสียจนคนฟังนึกว่ามันละเมอเสียด้วยซ้ำ ทำให้เพจคิดหนักและวางแก้วเหล้าลง พลางคิดว่าใครจะอาสาพาพวกบ้านี่กลับบ้านกันว่ะเนี่ย -*-

เขายกมือขึ้นนวดขมับ พูดเสียงค่อยกับสิงห์ว่าจะไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย แล้วเดินเลี่ยงออกมาจากโต๊ะ ตรงไปยังห้องน้ำ พอได้สมัผัสกับน้ำเย็นๆ สติที่ลอยไปกับน้ำเมาก็ค่อยๆ กลับมาทีละน้อย

โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมาระหว่างที่เดินกลับไปยังโต๊ะ เขาจึงเลือกเปิดมันขึ้นมาระหว่างเดิน สลับกับขยับปากพูดขอโทษเป็นระยะ เนื่องด้วยทางเดินในบาร์เริ่มแคบลงตามจำนวนคนที่เข้ามาใช้บริการ บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามีใครมาเบียดตามเนื้อตามตัว บางก็มากระซิบข้างหูด้วยคำพูดที่เขาฟังไม่ทัน ด้วยเสียงเพลงในนี้ค่อนข้างดัง ทว่าในบรรยากาศสลัวทั้งแสงไฟและผู้คน สิ่งเดียวที่ชัดเจนเห็นจะเป็นใครคนหนึ่ง

ใครที่ตัวไม่อยู่ที่นี่ แต่ความห่วงใยกลับตามเขาติดเขามาเสมอ

The KING: กลับห้องดีๆ นะครับ ถ้าไม่ไหวก็โทรหาคิงได้นะ เดี๋ยวไปรับ

แม้ว่าคำพูดนั้นจะดูราวกับอีกฝ่ายมองเขาเป็นเด็กๆ แต่เพจกลับยิ้มออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนึกดีใจนิดๆ ที่เด็กคนนั้นเป็นห่วงเขา ทั้งที่มันก็แค่เรื่องปกติธรรมดา ไม่ใช่แค่เขาสักหน่อยที่เด็กคนนั้นเป็นห่วง ก็คงห่วงทุกคนนั่นล่ะ

เพจคิดแบบนั้นจริงๆ แต่เขากลับไม่เคยรู้ว่า...ที่เด็กคนที่ว่าห่วงมากจนข่มใจไม่ลง ก็มีแค่เขาเพียงคนเดียว...

“ไอ้เพจ ยืนทำอะไรอยู่วะ ทำไมไม่มานั่งกินต่อ”

เพจรีบกลับไปยังโต๊ะ หน้าจอโทรศัพท์ยังค้างที่หน้าจอแชตไม่ทันได้ปิด “โทษที”

“ใครวะ...อ้อ น้องคิง ทำไมมึงไม่ชวนน้องเขามาด้วยวะ”

“น้องเขาไม่กินเหล้า” เขาว่าพร้อมกับเทน้ำอัดลมแทนเทเหล้าเช่นแก้วที่ผ่านๆ มา ทำเอาเพื่อนๆ ที่นั่งรอบวงต่างพากันมองหน้ากันเอง แน่นอนล่ะว่าเมื่อกี้เขาเห็นข้อความในโทรศัพท์ของเพจ แต่ที่แปลกใจคือ แค่เพราะคำพูดแค่นั้นทำให้เพื่อนเขาเชื่อฟังได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ?

“ชักจะยังไงๆ แล้วนะเนี่ย”

“เพจ มึงชอบน้องเขาเหรอ...”

พรวด!!!

“ไอ้สัสเพจ!!”

“เชี่ยยย มึงพ่นน้ำใส่พวกกูทำไม TOT!!”

“ไอ้พวกเชี่ยนี่นิ!!!” เพจไอค่อกแค่กพร้อมกับปาดคราบน้ำอัดลมเหนียวที่รอบปากออก สลับกับก่นด่าเจ้าเพื่อนตัวแสบที่พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ทั้งยังดันพูดมาในตอนที่เขากำลังกระดกน้ำ จะไม่ให้ตกใจจนเผลอทำอะไรแบบนี้ได้ยังไงวะ!!

“พูดบ้าอะไรของมึงกันวะ กูก็ผู้ชาย น้องเขาก็ผู้ชายนะ!”

“แล้วไงวะ ตอนนี้เกย์ตุ๊ดก็มีเยอะแยะ ทำมาตกใจโอเว่อร์ ไอ้สัสเอ้ย...เสื้อเหนียวหมดเลย -_-^” นินบ่นเซ็งๆ พลางจับเสื้อที่เปื้อนทั้งน้ำลายเพื่อนและน้ำอัดลมเต็มไปหมด ทั้งหน้าทั้งตัว เขาจึงลุกออกไปห้องน้ำเพื่อล้างมันออก ส่วนทีมและเกมนั้นเปื้อนเพียงแค่เล็กน้อย จึงใช้แค่น้ำแข็งลูบๆ ก็เป็นอันเรียบร้อย มีเพียงแค่เพจที่ยังอึ้งอยู่กับประเด็นที่เพื่อนของตัวเองเปิดออกมา

“ถึงจะอย่างนั้น มึงจะเอาความสนิทของผู้ชายทุกคนตีว่าชอบกันไม่ได้นะเว้ย”

“เอ้า ความสนิทก็ก่อเกิดความรักได้ฉันใด มึงก็ชอบคนจากความสนิทได้ฉันนั้น”

“เพ้อเจ้อละ”

“เพ้อเชี่ยไร กูจริงจังนะเนี่ย นับตั้งแต่ตอนนั้น มีคนไหนบ้างวะที่มึงอ่านข้อความด้วยหน้าแบบนั้น”

“...”

“เพจ มึงรู้สึกจริงๆ น่ะเหรอว่ายิ้มตอนที่มึงอ่านข้อความน้องเหมือนยิ้มที่มึงให้กับคนอื่น”

“...เหมือนดิ! พวกมึงนี่คิดอะไรแปลกๆ น้องกับกูมันสนิทกันมากกว่าคนอื่นเพราะอยู่หอเดียวกันหรอก ถ้ามีเด็กคณะเราอยู่หอนั่นอีก กูก็สนิทได้เหมือนกัน” แม้ว่ามันจะฟังเหมือนคำแก้ตัว แต่เพจก็คิดแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกรังเกียจความคิดเช่นนั้น เพียงแต่เขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เสียมากกว่า

เขากับคิง...รักกัน? มันฟังดูไกลตัวยังไงก็ไม่รู้

สิงห์เหลือบมองเพื่อนตัวเองที่ออกเสียงโต้เถียงกับเพื่อนคนที่เหลือหน้าดำหน้าแดง แต่สุดท้ายก็มาขมวดคิ้วคิดไม่ตกด้วยความรู้สึกสงสารคิงขึ้นมาตะหงิดๆ ทำไมน้องเขาต้องมาชอบเพื่อนโง่ๆ ของเขาให้เสียเวลาด้วยนะ -_-

คิดได้แบบนั้น ทั้งตัวเขาที่นึกสงสัยและเพราะอยากจะช่วยคิงด้วย จึงได้เปิดปากถามหลังจากที่เงียบมานาน

“แล้วทำไมมึงถึงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้”

“ก็ผู้ชายกับผู้ชาย...มันน่าขนลุกจะตายนี่หว่า -_-;; ฟ้าผ่าพอดี”

“กูถามว่าทำไมถึงเป็นไปไม่ได้”

“กูก็ตอบไปแล้วไง”

นัยน์ตาของสิงห์จ้องเพื่อนตัวเองเขม็ง “กูรู้ว่ามึงรู้ว่ากูหมายถึงอะไรนะเพจ”

สิงห์ลอบถอนหายใจออกมา เมื่อเพื่อนของเขาเลือกที่จะละสายตาแทนที่จะตอบเขาเช่นทุกที เกมและทีม รวมไปถึงนินที่เพิ่งกลับมาโต๊ะ เมื่อเห็นบรรยากาศดราม่าในวงเหล้าก็พากันเงียบไปด้วย จนในที่สุดเพจก็ยอมพูดขึ้นมาเป็นคนแรก

“กูแค่...แค่ยังไม่รู้สึกว่าอยากชอบหรือรักใครเท่านั้นเอง”

“...”

“มึงยังไม่ลืมอีกเหรอ มันสองปีแล้วนะ”

“สำหรับกู เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเอง” เพจยิ้มเจื่อนๆ ตอบเกมที่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง

กี่ครั้งแล้วนะที่มันต้องเป็นแบบนี้ เขาชอบอ่อนแอทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย ทั้งเพื่อนที่คบกันมาหลายปีหรือแม้กระทั่ง...เด็กคนนั้นที่เพิ่งพบได้ไม่นาน

หรือเพราะมันเป็นนิสัยที่แสนดีของเด็กคนนั้นกัน

“ไม่ใช่ว่ามึงขี้ขลาดเกินกว่าจะเริ่มใหม่หรือไง”

“สิงห์! ไม่เอาน่า”

“เราปล่อยให้มันเป็นแบบนี้มาสองปีแล้วนะ ยังจะปล่อยให้แม่งงี่เง่าอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลยหรือไง”

“...”

“สิงห์” นินส่ายหน้าเป็นเชิงปราม จนคนถูกปรามจำต้องเบือนหน้าหนีไปกระดกเหล้าเข้าคอเงียบๆ ทันทีที่เพื่อนคนอื่นรู้สึกว่าคำพูดของเขามันแรงเกินไป ทั้งที่มันก็ไม่ได้ต่างจากความจริงที่เพื่อนของเขาต้องเผชิญสักเท่าไหร่เลย

ความจริงมันอาจจะเจ็บปวดก็จริง แต่ถ้าไม่รู้จักความเจ็บปวดแล้วเมื่อไหร่คนเราจะเติบโตล่ะ?

“อย่าไปห้ามไอ้สิงห์เลย มันพูดจริงนี่นา”

“...”

“กู... ขี้ขลาดจริงๆ นั่นล่ะ”

“น่า มันก็เอฟเฟคจากตอนอกหักเท่านั้นแหละเพื่อน -O-; เอางี้ ลองจีบสาวสักคน เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

“ไม่เห็นถูกใจสักคน ไม่เอาหรอก เสียความรู้สึกกันพอดี”

“งั้นก็ไปจีบน้องคิง”

“-_- ยังไม่เลิกเล่นอีก”

ทีมก้มหัวหลบก้อนน้ำแข็งที่เพื่อนเขาขว้างมาทั้งเสียงหัวเราะ ก่อนจะตอบกลับไปอีกครั้ง “กูไม่ได้พูดเล่นสักหน่อย จริงจังนะเนี่ย ลองดูดิวะ”

“กูไม่ได้ชอบน้อง”

“แต่มึงก็เอ็นดูเขากว่าคนอื่นๆ ยิ้มเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าคนอื่น เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดไม่ใช่หรือไง”

“...”

“เก็บไปคิดดูก็ได้ ชอบใครสักคนมันต้องใช้เหตุผลมากมายซะทีไหน ชอบก็คือชอบเว้ย เชื่อกู”

เพจเงียบไปหลังจากทีมพูดจบ กระนั้นแล้วก็ไม่มีใครอยากจะไปคาดคั้นหรือบังคับให้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ทุกคนหันไปพูดเรื่องอื่นเบี่ยงเบนความสนใจ จนบรรยากาศบนโต๊ะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เพจยังคงจมอยู่กับความคิดของเพื่อนไม่หายอยู่ดี สิงห์จึงฉวยโอกาสนั้นพูดด้วยเสียงที่เบาจนได้ยินเพียงแค่สองคน

“ถ้าจะแค่เล่นๆ กับน้องก็อย่าเลย”

“...หมายถึงคิงเหรอ”

“อืม สงสารน้อง”

“มึงดู...เป็นห่วงน้องเขาจังวะ”

“หรือมึงไม่เป็น?”

เพจเม้มปากกับคำถามนั้นอย่างยอมจำนน “เออน่า กูไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่จีบอยู่แล้ว”

“ไม่ใช่ กูหมายถึงถ้ามึงจะจีบจะทำอะไร ก็ขอให้มึงรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”

“...”

“อย่าทำเหมือนว่ามันก็แค่อะไรที่มึงทำเล่นๆ แก้นิสัยเสียตัวเองที่ไม่กล้าจะเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น”

“...”

“ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งที่มึงเบื่อจะเล่นเกมนี้ แล้วทิ้งเขามา ถ้าเกิดตอนที่มึงแค่เล่นๆ พิสูจน์ตัวเองอีกฝ่ายเกิดความรู้สึกขึ้นมา คนที่ผิดและจะรู้สึกแย่ที่สุดคือมึง โดยเฉพาะถ้าเขาไม่ได้เป็นแค่คนที่รู้จักผ่านๆ แต่เคยเป็นคนที่อยู่ข้างมึง คอยฟังมึงแบบน้อง”

“...”

“จำสิ่งที่ตัวเองเคยโดน...แล้วอย่าเอาไปใช้มันกับคนอื่น เพจ อย่าให้การกระทำชั่ววูบทำให้เสียอะไรไป มันแย่แค่ไหนตัวมึงรู้ดีอยู่แล้ว”

“อืม รู้ดีเลยล่ะ”

“...”

“แต่กูก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าทำไมพวกมึงต้องเอาน้องมาเป็นทอปปิคขึ้นตอนเชียร์ให้กูไปจีบคนอื่นอยู่ดี”

คราวนี้ไม่เพียงแค่พวกเกมจะหลุดหัวเราะ แม้แต่สิงห์ก็หลุดยิ้มอย่างอดอ่อนใจกับความซื่อบื้อของเพื่อนตัวเองไม่ได้

“ก็ไปสังเกตเอาเอง น้องมันเดาไม่ยากหรอก”

“อะไรของพวกมึงเนี่ย กูงงหมดแล้วนะ”

“ที่เขาว่าคนในโง่ คนนอกฉลาดใช้กับไอ้เพจได้จริงๆ ด้วย =__=” เกม

“บวกหนึ่ง” ทีม

“บวกด้วย” นิน

“ไอ้โง่” และสิงห์

“ไอ้เวรพวกนี้นี่ พูดอะไรให้กูเข้าใจหน่อยได้มั้ยวะ แล้วกูโง่ตรงไหนเนี่ย!”

“ก็บอกว่าให้ไปสังเกตเอาเองไงวะ”

“...”

“ต่อให้ปฏิเสธหรือซ่อนแค่ไหน สักที่หนึ่งในใจของน้อง มันก็รอที่จะบอกมึงสักวันอยู่ดี”










ไปจีบน้องเลย น้องมันรออยู่ อิอิ
ฝากติดตามเช่นเคย :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 9 (18/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 18-06-2017 18:59:32
รอเพจ เข้าใจตัวเองจริง ๆ อยู่นะค๊ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 9 (18/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 18-06-2017 20:22:38
หืมมมม จะไปจีบเขาจริงง่ะ ยังปากแข็งอยู่เลยยยย ต้องหาตัวกระตุ้นแล้วม้างงง อิอิ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 9 (18/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 19-06-2017 15:43:22
แรกๆน่ารักมากกกก ฟีลกู๊ดสุดๆไปเลย แต่ไหงหน่วงมาซะได้ โฮรววววว รอลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 9 (18/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 19-06-2017 19:17:30
เป็นนิยายแห่งการแอบรักที่แท้จริง  :katai1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 10 (21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 21-06-2017 18:11:14
กฎข้อที่ 10 อย่าเดาใจเขา
คุณเคยถามว่าตอนที่มองหน้าคุณผมคิดว่าอะไร?
ตอนนั้นผมได้แค่ยิ้ม
แม้ว่าในใจจะร้องบอกเป็นพันครั้งถึงคำว่ารักที่ไม่กล้าเอ่ยนี่ก็ตาม









(เพจ)



น้องมันอยากจะบอกอะไรผมกันแน่?

นั่นคือคำถามที่ผมถามตัวเองมาตลอดเวลา ณ ตอนที่ผมออกมานอกหอแบบนี้กับคิงในบ่ายวันหนึ่งที่เราต่างไม่มีเรียนทั้งคู่ ผมเอาแต่จ้องไปที่ใบหน้าด้านข้างของคิงจนเจ้าตัวต้องหันมาบ่นหลายต่อหลายครั้ง เพราะการจ้องของผมกำลังทำลายสมาธิในการเล่นเกมของน้องเป็นอย่างมาก

ผมเลยเลิกจ้องที่ตัวน้อง แต่เปลี่ยนไปมองสลับระหว่างเกมที่น้องเล่นและวนเวียนอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั่งรถเมล์ที่เราโดยสารมาถึงที่หมายในที่สุด

วันนี้เราตัดสินใจมาเดินเล่นตลาดนัดรถไฟรัชดาครับผม

ส่วนสาเหตุที่มาเดินก็ไม่มีอะไรมากครับ เพราะวันนี้เป็นวันที่ว่างตรงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย (อนึ่ง แก๊งค์ผมผ่านโปรเจ็คจบทุกคนแล้วเลยหาเวลาเที่ยวได้เยอะกว่าตอนงานมันไฟไหม้ เรียกง่ายๆ ว่าอยู่หออยู่บ้านเฉยๆ มันฟุ้งซ่านครับ 55+) เลยนัดกันมาเดินเล่นและว่าจะจบลงที่ร้านเหล้าสักที่ในตอนกลางคืน ทว่าเพื่อนของผมสามในห้าดันมีแฟนกันหมด เลยต้องใช้เวลาในการขออนุญาตบรรดาแฟนมาเดินเล่นกับเพื่อนนานหน่อย ผมจึงลากคิงมาเดินเล่นเอาบรรยากาศไปพลางๆ

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็น แดดเริ่มร่มไม่ร้อนมาก ทั้งร้านรวงแถบตลาดก็เริ่มคึกคักขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เท่าตอนช่วงหนึ่งถึงสองทุ่มที่จะมีคนเยอะมากที่สุด กระนั้นก็ยังมีร้านให้เดินเล่นอยู่บ้าง ผมจึงเดินจับนู่นลองนี่ฆ่าเวลาไป

ขณะกำลังจะลองเอาแว่นกันแดดสีชาไปลองให้คิงทีเดินตามผมต้อยๆ สวมเล่น ผมก็ต้องชะงักและวางแว่นในมือลง เพื่อไปคว้าเอาข้อมือของคนติดเกมที่เอาแต่สนใจตีป้อม โดยไม่สนคนเดินไปเดินมา จนเกือบจะเดินชนไปแล้ว ทันทีที่ผมดึงตัวคิงมาใกล้ๆ ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวของคิงแข็งค้างเหมือนไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะรีบยืนทรงตัวใหม่จนระยะห่างของเราสองคนเท่าเดิม แต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมืออยู่

“อย่าเอาแต่เล่นมือถือจนไม่มองคนสิคิง”

“แปบนึง คิงจะชนะแล้ว”

“งั้นพี่จะจับแขนเราไว้แบบนี้นะ”

“...” น้องมันเงียบไปนิดหน่อยตอนผมพูดแบบนั้น กำลังจะบอกว่าล้อเล่น คิงก็ดันพยักหน้าขึ้นมาเสียก่อน ทั้งยังเลื่อนมือที่จับเพียงข้อมือตัวเองของผมให้จับกับฝ่ามือแทน

“เอาดิ ดูคิงด้วยนะ ขออีกห้านาที”

“ติดเกม”

“อืม”

ผมเริ่มขมวดคิ้วแล้ว ชักจะโมโหไอ้เกมนี่ขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะปกติแล้ว เวลาที่อยู่กับคิงผมจะเป็นที่ได้รับความสนใจจากคิงมากกว่าอะไรก็ตามต่อหน้าเขา แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าผมมีค่าแค่เป็นคนคอยดูแลตอนที่อีกคนเล่นเกมเท่านั้นเอง ไอ้ครั้นจะดึงมือถือหนีก็กลัวน้องมันจะโกรธ เลยได้แต่จูงมือคิงเงียบๆ ไม่ยอมพูดยอมจาด้วย แม้ว่าน้องจะเล่นเกมจบและเก็บโทรศัพท์ไปแล้วก็ตาม

“งอนเหรอ”

ในที่สุดน้องก็ยอมถามขึ้นหลังจากปล่อยให้ผมเงียบจนอึดอัดอยู่ตั้งนาน ตอนที่พวกเรายืนอยู่ด้วยกันแค่สองคนหน้าร้านขายกำไลเชือกสลักชื่อ แต่ผมยังไม่ตอบง่ายๆ หรอก จึงทำเพียงแค่ส่ายหน้าทำเหมือนเลือกของอยู่ ขอฟอร์มหน่อย เชอะ มาเห็นความสำคัญของเกมมากกว่าผมได้ไง!

...ทำไมมันดูตุ๊ดๆ งี้วะ -_-

ผมแอบได้ยินเสียงถอนหายใจเหมือนไม่รู้จะทำยังไงจากคนข้างๆ ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงแรงบีบเบาๆ ที่มือของเราสองคนที่ยังไม่ได้ปล่อยออกจากกัน จนอดไปมองไม่ได้

แววตาที่คิงมองมามันมีแต่ความร้อนใจระคนทำตัวไม่ถูก ดูน่าสงสารจนผมแกล้งไม่ลง สุดท้ายก็ใจอ่อนในที่สุด

“ไม่ได้งอน แต่เป็นห่วงไง พี่ไม่อยากให้เราเล่นเกมระหว่างเดิน มันอันตรายนะ”

“อืม คิงจะไม่ทำอีก”

“ไม่ได้ห้ามนะ แต่อย่างที่บอกอ่ะ มันอันตราย”

“คิงรู้ พี่เพจหวังดีกับคิง ไม่ต้องกลัวคิงโกรธหรอก ดุได้ ถ้าคิงดื้อ”

ผมอดไม่ได้ที่จะไม่อมยิ้มกับประโยคแสนน่ารักนั่น ราวกับคิงคือลูกหมาตัวเล็กๆ ที่เพิ่งทำผิดแล้วกำลังแสดงความเสียใจ เหมือนผมเห็นมโนภาพคิงหางลู่หูตก ร้องหงิงๆ อยู่ตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น

“ดุได้จริงอ่ะ”

“อืม คิงให้พี่เพจดุได้คนเดียว”

ที่จริงมันก็แค่ประโยคเอาใจทั่วๆ ไปที่ผมน่าจะฟังจนชินแล้วแท้ๆ แต่ทำไมก็ไม่รู้ พอฟังออกจากคิง...มันค่อนข้างจะแปลกไปจากที่คนอื่นพูด

เหมือนหัวใจมันเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง

แต่ผมก็สลัดความคิดแปลกๆ ทิ้งไปในที่สุดและเปลี่ยนเรื่องทันที

“ช่างมันเถอะ มาดูนี่ๆ เอาป่าว พี่ซื้อให้”

“ก็สวย...แต่เดี๋ยวคิงซื้อเอง” ทันทีที่ผมได้ยินคำว่าก็สวย ราวกับมือมันมีคำสั่งอัตโนมัติหยิบกระเป๋าเงินออกมาเตรียมจ่าย  จนคิงร้องห้ามแทบไม่ทัน แต่ผมก็ไม่ยอมหรอก เรื่องอะไรละ บอกจะซื้อให้ก็คือซื้อให้ จะให้น้องมันซื้อเองได้ยังไง เสียมาดรุ่นพี่ใจป๋าหมด -__-+

“ไม่ได้ พี่จะซื้อให้”

“คิงซื้อเองได้พี่”

“คิง”

“พี่เพจ”

“พี่จะซื้อให้ไง นะ”

“...” ผมอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้ แต่แค่พริบตาเดียวก่อนคิงจะเบือนหน้าหนีไปสนใจลายของกำไล คล้ายผมจะสังเกตเห็นริ้วแดงจางๆ พาดผ่านบนแก้มของอีกคนไป เหมือนกำลัง...เขิน?

คิงจะเขินผมทำไมวะ?

“แล้วแต่พี่แล้วกัน แต่คิงขอเขียนคำสลักเองนะ”

“จะเขียนว่าอะไร”

“แต่พี่ห้ามดู”

“...”

คิงยิ้มกริ่มเหมือนหาทางเอาคืนผมได้สำเร็จ “ถ้าพี่จะจ่ายให้ พี่ต้องห้ามแอบดูที่คิงจะสลัก”

“...อะไรวะ ซื้อให้ก็ซื้อ ทำไมรู้ไม่ได้”

“ไม่รู้ ไม่ให้ดู ถ้าจะดูห้ามจ่าย!”

สุดท้ายก็ยอมแพ้ ผมเลยเดินไปดูร้านหมวกรอฆ่าเวลาที่ช่างจะสลักคำที่คิงเขียนใส่กระดาษลงไปบนกำไล ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที กำไลสีดำสนิทแบบผู้ชายใส่ก็มาอยู่บนข้อมือของคิงในที่สุด ผมหยิบขึ้นมาชมของที่ซื้อให้น้อง สลับกับคิด...

ข้อมือคิงนี่เล็กชะมัดเมื่อเทียบกับข้อมือของผม มือผมนี่กำได้รอบหนึ่งเลย -_- ขาดสารอาหารเลี้ยงตัวเหรอ? ไม่ได้ๆ ผมจะต้องขุนน้องให้อ้วนแล้วล่ะ

“ผอมไปป่ะเนี่ย กำไลดูใหญ่ไปเลย”

“พอดีแล้ว ไม่ผอมสักหน่อย”

“ไม่ผอมอะไร เอวก็แค่นี้ แขนก็แค่นี้ มีแต่แก้ม”

“โอ๊ย พี่เพจ อย่าจับ ฮ่าๆๆ คิงบ้าจี้ อย่า!!” ผมว่าไปด้วย มือก็จับตามที่พูดไปด้วย จนใบหน้าที่เรียบเฉยมาตลอดของคิงปรากฏรอยยิ้มระบายกว้าง ทั้งเสียงหัวเราะสดใสที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักก็ยังดังออกมาด้วย แม้มันจะดูน่าอายต่อหน้าคนซื้อคนขายในตลาด แต่ในตอนนั้นผมกลับไม่ได้สนใจอะไรเลย นอกจากรอยยิ้มของคนตรงหน้า

จนน้องเหนื่อยแล้วหายใจไม่ทันนั่นล่ะ ผมถึงได้หยุดแกล้งและเริ่มบีบแก้มนุ่มๆ นั่นแทน

“เนี่ย กินแล้วออกแต่แก้ม หน้ากลมหมดแล้ว”

“คิงเจ็บนะ”

ปากน้องยู่เหมือนเป็ดเมื่อพยายามจะพูด ซึ่งมันโคตรจะน่ารัก จนผมหุบยิ้มไม่ลง

“เจ็บอะไรพี่จับเบาๆ เองนะคิง”

“เดี๋ยวมันเป็นรอยแดง คิงจะบีบคืน”

“อ่ะ บีบดิ” ผมปล่อยมือและยื่นหน้าเข้าไปหาแทน แต่แทนที่น้องมันจะยื่นมือมาบีบ ใบหน้าของคิงกลับผงะแล้วเลือกก้าวถอยห่างออกไปแทน ทำเอาผมอดมองตามไม่ได้ว่าน้องมันเป็นอะไร (อีกครั้ง)

จะว่าไปวันนี้คิงดูแปลกๆ นะ ไม่ค่อยเข้าใกล้ผมเหมือนเคย (เคยเข้าใกล้ขนาดนี้ซะเมื่อไหร่ละโว้ยยย -_-^ : คิง)

หลังจากนั้นพวกผมก็แค่เดินเล่นเข้าออกร้านเครื่องประดับเสื้อผ้าเฉยๆ ไม่ได้แวะซื้ออะไรอีก กระทั่งมาถึงร้านขายต้นไม้ประดับเล็กๆ จุ๊กจิ๊กตามประสาหญิงสาว พวกตะบองเพชรจิ๋ว คิงก็ดูจะสนใจขึ้นมา ได้ยินพึมพำแว่วๆ ว่าระเบียงห้องโล่งเกินไป อยากจะได้ต้นไม้เล็กๆ ไปเลี้ยงเอาไว้ (ขณะที่ระเบียงน้องโล่ง ระเบียงผมนี่โคตรรกเลย -_-;) ผมจึงตามใจ เดินตามหลังน้องเข้าร้านที่ว่ามาด้วย

“...มีดอกครับ เลี้ยงดีๆ ให้น้ำให้แสงพอเหมาะ ดอกมันจะเกิดแน่นอน”

“มันต้องให้น้ำด้วยเหรอครับ? นึกว่าปล่อยไว้เฉยๆ ก็ได้” คิงถามขึ้นเมื่อได้ยินคำยืนยันจากคนขายเรื่องดอกบนต้นตะบองเพชร เอาจริงๆ ผมก็คิดมาตลอดนะว่า ตะบองเพชรเนี่ยไม่ต้องรดน้ำก็อยู่ได้ สงสันคิดผิดมาตลอด เมื่อคนขายส่ายหน้าและอธิบายให้อย่างจริงจัง

“ไม่ได้ๆ ไม่รดมันก็ตายน่ะสิ ตะบองเพชรน่ะนะ ต่อให้มันเป็นพืชทนร้อน อวบน้ำ แต่ยังไงก็ต้องการน้ำจากภายนอกอยู่ดี แต่ก็ต้องไม่ให้มากไป ไม่งั้นมันจะตาย ไม่ให้เลยก็ไม่ได้ ดังนั้นน้ำที่จะให้ต้องพอดีกับความต้องการน้ำของต้นตะบองเพชร แล้วยังต้องดูสภาพอากาศวันนั้นด้วย เช่นถ้าน้องจะวางข้างนอกแดดส่องทั้งวัน ก็รดน้ำมากหน่อย แต่วันไหนฝนตกก็ไม่ต้องให้ เพราะเดี๋ยวน้ำมันจะมาเกิน ก็เหมือนความรักนั่นแหละ”

“เกี่ยวอะไรกับความรักน่ะพี่ นี่เลี้ยงต้นไม้ไม่ใช่เหรอ” ผมว่าพรอมกับอมยิ้มกับคำลงท้ายที่เคยฮิตช่วงหนึ่งในโลกโซเชี่ยลกับพวกคำคมประเภทต่างๆ ที่เอาเรื่องในชีวิตประจำวันมาแล้วลงท้ายด้วยคำที่ว่า

“ทำไมจะไม่เกี่ยว มีแฟนแล้วทำไมไม่มีความคิดโรแมนติกเอาซะเลย”

ทั้งผมและน้องชะงักไปทันทีและพากันปฏิเสธ

“ไม่ใช่ครับพี่! / นี่น้องผมครับ”

แต่พี่คนขายดูเหมือนจะปักใจเชื่อไปแล้วว่าที่พวกผมปฏิเสธนั่นเพราะอาย จึงพูดต่อ

“อย่ามาปฏิเสธพี่เห็นยืนเล่นกันตั้งแต่เข้าซอยนู่น ยังคิดอยู่เลยว่าน่ารักดี เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ปิดกั้นอะไร เพศไหนก็ไม่ต่างอะไร ชอบกันก็พอ”

“เอ่อ...แต่”

“ความรักมันก็เหมือนกับการเลี้ยงต้นไม้สักต้นนั่นแหละ ถ้าให้ความรักมากไปก็ไม่ดี เหมือนคู่รักที่ช่วงแรกรักกันปานจะกลืน สุดท้ายก็หมดโปร ให้น้อยไปก็เหมือนคู่รักที่สนใจแต่ตัวเอง เว้นช่องว่างกับคนรักมากจนสุดท้ายไปกันไม่ได้”

“...”

“จะรักใครสักคนนอกจากจะให้ความรักให้พอดี มันก็ต้องเอาใจใส่ เข้าใจในธรรมชาติของเขา เว้นที่ว่างส่วนตัวของเขาและเรา มีที่ว่างสำหรับใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคน ไม่ห่างกันเกินไปแล้วก็ต้องไปใกล้กันจนไม่เป็นตัวของตัวเอง แบบนี้ความรักถึงจะอยู่รอด”

“...”

“เท่าที่พี่ดู พวกเราสองคนก็เลี้ยงต้นรักได้ดีไม่หยอกนะเนี่ย ไม่เห็นต้องมาถามเคล็ดเลี้ยงต้นไม้อะไรกับพี่เลย”

ว่าแล้วพี่เขาก็หัวเราะแซวพวกเรา ผมเองก็หัวเราะรับคำสมอ้างไปด้วย อาจเพราะเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่เขาพูดเมื่อกี้ละมั้ง แต่เมื่อมองใบหน้าของคิงที่อยู่ข้างๆ เสียงหัวเราะกลับค้างอยู่ในลำคอ เมื่อแววตาและท่าทางของคิงดูเศร้ากว่าทุกที จนเมื่อเขาสังเกตว่าผมเห็นนั่นล่ะ รอยยิ้มถึงได้กลับมาปัดเป่าความเศร้าให้หายไป

สุดท้ายก่อนออกจากร้าน ทั้งผมและคิงก็ทำการอุดหนุนต้นตะบองเพชรของพี่เขาคนละต้น ไม่วายจะโดนแซวก่อนออกจากร้านว่าขอให้เลี้ยงทั้งต้นไม้และต้นรักให้ได้นานๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่า อึดอัดใช่มั้ยที่โดนแซวแบบนั้น”

“ไม่หรอก พี่ต่างหากล่ะจะอึดอัด”

ผมนิ่งไป เออ ความจริงผมก็น่าจะอึดอัดไม่ใช่เหรอวะ แต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายเป็นน้อง ผมก็หลุดยิ้มแล้วส่ายหน้า

“พี่ไม่เป็นไรหรอก ก็เราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นใช่มั้ยล่ะ แซวขำๆ เอง”

“...อ้อ”

“เราดูแปลกๆ นะ”

คิงยิ้มออกมา แต่ผมมองออกว่ามันฝืนสิ้นดี จนอดรู้สึกแย่ไปด้วยไม่ได้

“ไม่ได้เป็นไรครับ เราไปร้านที่นัดกับพวกพี่สิงห์ไว้เลยดีมั้ยครับ เลยเวลามานานแล้ว”

“อืม ไปเถอะ”

คิงพยักหน้าและก้าวเดินไปก่อนตรงไปยังร้านเหล้าที่พวกผมนัดกันเอาไว้ ภาพแผ่นหลังที่ผมน่าจะเห็นมาหลายครั้ง ทั้งที่น่าจะคุ้นชินแท้ๆ แต่ทำไมกันนะที่ผมรู้สึกว่าครั้งนี้มันต่างออกไป

 “คิง รอพี่ด้วยดิ”

ชั่วพริบตาที่เราสบตากัน อาจเพราะแสงอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าสาดสะท้อนในนัยน์ตาของเรา

ราวกับช่วงเวลานั้นผมจะเห็นม่านน้ำบางๆ เคลือบบังความรู้สึกในดวงตาคู่นั้นของคิงเอาไว้ ...ความรู้สึกที่ผมไม่กล้าแม้จะขุดคุ้ยนั่น

ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ทว่า...

แววตาของคิงที่ผมเห็น ช่างเหมือนกับตัวผมเองยามหลงรักเธอคนนั้นมากมายเหลือเกิน...












แต่ถึงจะรักคุณยังไง ผมก็ยังรักตัวเองมากกว่า
เพราะฉะนั้นผมจึงเก็บความรู้สึกเอาไว้ ให้ลึกที่สุดในหัวใจ
ราวกับคว่ำนาฬิกาทรายให้ไหลย้อนกลับ ต่อเวลาให้ได้อยู่กับคุณให้นานที่สุด










“คิดอะไรถึงได้ซื้อตะบองเพชรมาเลี้ยงวะเพจ”

นินมองต้นไม้จิ๋วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “หนึ่งอาทิตย์ก็ตายแล้ว”

“กูให้สามวัน” ทีม

“พรุ่งนี้จะรอดมั้ยเถอะ” สิงห์

จนเพจทนฟังไม่ไหวนั่นล่ะ “พวกมึงจะสบประมาทกูอีกนานมั้ยไอ้เวรพวกนี่นิ เดี๋ยวจะเลี้ยงจนพวกมึงแต่งเมียเลยให้ดูเลยก็ยังได้”
“ฟายย อย่างมึงน่ะนะจะเลี้ยงรอด รอชาติหน้า”

“ช่าย คงมีแต่ต้นของน้องคิงนั่นล่ะที่จะรอด”

เพจเบ้ปากใส่เพื่อนที่พูดรุมตัวเอง ก่อนจะดันต้นไม้ไปหาคนข้างตัว “ก็ถ้ามันใกล้ตาย กูก็จะให้น้องเขาช่วยดูก็จบ”

“อ้าว ไหงหวยมากออกที่คิงล่ะ”

“เป็นน้องพี่แล้ว ต้องดูแลทั้งพี่แล้วก็ต้นไม้พี่ด้วย เข้าใจเปล่า -.-“

“ไรวะ ไม่แฟร์เลย คิงเสียเปรียบนะ”

“ก็เดี๋ยวพี่ก็เลี้ยงเราต่อไง”

“ไม่เอา ซื้อมาเองก็เลี้ยงเองดิพี่เพจ”

“ตอนจ่ายเงินพี่ก็ออก...”

“หยู้ดดด!!! เลิกมาจีบกันต่อหน้าพวกพี่และพวกกูด้วยครับ น้องคิงและไอ้เชี่ยเพจ แฟนกูเพิ่งงอนกลับบ้านไป อย่าให้ต้องโวย หงุดหงิดโว้ยยย -__-^^”

คิงเกิดทำหน้าไม่ถูกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำแซวจากเพื่อนของเขา เพจจึงหยิบฝาเขียร์ขว้างไปหาเพื่อน อีกข้างก็ยกแก้วเหล้าที่ชงแล้วขึ้นจิบ “เลิกแซวน้องกับกูได้ล่ะไอ้สัส น้องอึดอัดหมดพอดี”

“แน่ใจเร้อ ว่าแค่อึดอัดอ่ะน้องคิง”

“...” คิงไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้มบางๆ ทีมุมปาก สลับกับจิบน้ำอัดลมในแก้ว ทว่าพริบตาเดียว คิ้วก็ขมวดแน่นจนคนรอบข้างสงสัย
“ขมอ่ะ”

เกมฉวยแก้วน้ำของคิงมาจิบก่อนจะร้องบอก “คิงหยิบแก้วผิดอ่ะ นี่เหล้าเพียวๆ ของพี่เอง”

“ชิบ! ขอน้ำเปล่าหน่อย”

“ไม่เป็นไรพี่เพจ...”

“เราไม่ชอบกินเหล้าไม่ใช่เหรอ”

แม้เพจจะแสดงออกว่ากังวลมากแค่ไหน แต่คิงก็เพียงแค่ยิ้มให้

“คิงกินได้ แต่เลี่ยงได้ก็เลี่ยงอ่ะ กลัวดูแลตัวเองไม่ได้”

“แล้วอยากกินมั้ยวันนี้”

“นิดนึงก็ได้ครับ”

นินพยักหน้า “โอเค งั้นพี่จัดให้หนึ่งชอต”

“ไอ้สัสนิน ผสมสิวะ อย่าเพียวให้น้อง เดี๋ยวกูถีบ”

“มึงจะโวยวายทำอะไรวะ น้องกินไม่ใช่มึง”

เพจตั้งใจจะโวยต่อ แต่ทันที่คิงแตะเข้าที่แขนและส่ายหน้าแทนคำห้ามปราม เพจก็ยอมเงียบและจิบเหล้าไปเหมือนเดิม การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนที่เหลือ จนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะอ่อนใจ ไอ้เพจก็ยังบื้อเหมือนเดิม

ห่วงเขาขนาดนี้ ยังขีดเส้นใต้ความสัมพันธ์แค่นั้น ไม่คิดจะก้าวข้ามไปเพราะกลัวผิดหวังอีกครั้ง

ดูก็รู้ว่าที่จริงแล้วเผลอใจไปแล้ว แค่ถูกไอ้สิ่งที่เรียกว่าความหลังดึงรั้งไม่ให้ข้ามไปเท่านั้นเอง

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น แม้อยากจะช่วยมากแค่ไหนพวกเขาก็ยังเคารพการตัดสินใจของเพื่อนและรุ่นน้อง จึงไม่ได้รื้อฟื้นอะไร นอกจากชวนคุยเรื่องอื่นจนกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เข็มนาฬิกาชี้ไปยังเลขสิบสองนั่นล่ะ พวกเขาถึงได้ลากสังขารตัวเองออกจากเก้าอี้ในร้านเหล้าได้ในที่สุด

“ไหวหรือเปล่าคิง”

“อืม พอไหวครับ”

เพจขมวดคิ้วมองอาการเมาของน้องด้วยความไม่พอใจ อดไม่ได้ที่บ่นเพื่อนตัวเองอีกคำรบ หลังจากบ่นมาตลอดวงเหล้าในเวลาที่ผ่านมา

“เนี่ย มึงดูดิ๊ เล่นน้องจนเมาเดินไม่ตรงทาง แทนที่จะชงจางๆ หน่อย”

“เอ้า ชงจางๆ มันจะอร่อยอะไรวะ ให้จืดกว่านั้นก็ให้น้องมันแดกโซดาเพียวๆ เลยไป๊”

“เออ อันนี้กูเห็นด้วยกับไอ้ทีม มึงจะห่วงอะไรนักหนา มึงไม่เมาก็ดูน้องเขาไปดิ”

“ไปๆ เลิกบ่นพวกกูได้ล่ะ เก็บไว้บ่นวันหลังบ้าง กลับห้องกลับหอตัวเองไปไป๊ -_-^”

เพจมองเพื่อนทั้งสี่กอดคอกันเซไปเซมากลับบ้านอีกทาง ก่อนจะส่ายหน้ากับคนเมาที่เขากำลังหิ้วปีกอยู่ เขาจะไม่ให้น้องแตะเหล้าอีกแล้วล่ะ ดูจากสภาพแบบนี้ ไม่ถึงบ้านแน่นอน -_-

เมื่อโบกแท๊กซี่และบอกจุดหมายปลายทางเรียบร้อย เพจก็จัดท่าให้น้องนอนสบายมากที่สุด เพราะดูจากจำนวนรถที่ติดอยู่ขณะนี้ คงจะอีกนานกว่าแท๊กซี่จะฝ่าไปถึงหอของพวกเขา

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง คอยระวังต้นไม้บ้าง สลับกับคอยมองคนที่เมาหลับไปแล้วเป็นระยะ จนสังเกตเห็นบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของคิง ซึ่งมันโผล่พ้นกางเกงจวนเจียนจะหล่นลงเบาะอยู่แล้ว เขาจึงฉวยมันมาหมายจะมอบให้อีกคนอนถึงห้อง เมื่อลองเปิดดูจึงพบว่าเป็นกำไลสีดำที่เขาซื้อให้นั่นเอง

พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่รู้เลยว่าคิงสลักอะไรเอาไว้จึงฉวยโอกาสพลิกดูก่อนจะยิ้ม เพราะมันเป็นเพียงคำภาษาอังกฤษง่ายๆ ว่า ‘Happy’ แทนที่จะสลักชื่อตัวเองหรือคนที่ชอบลงไปเหมือนคนอื่นๆ หรือบางที...เด็กคนนี้อาจจะเอาไว้ไปให้คนอื่น ทำให้คำว่า Happy เป็นการอวยพรไป

พอคิดมาถึงตรงนี้ เพจก็อดคิดมากไม่ได้ว่าน้องจะเอากำลที่ตนซื้อให้ไปมอบให้ใคร คิดไปคิดมาก็เริ่มหงุดหงิด เพราะคนรอบตัวคิงที่เขารู้จักก็มีแต่เพื่อนตัวเองเลยไม่รู้เลยว่าใครที่คิงอยากจะให้ อดโมโหไม่ได้ที่ตัวเองรู้เรื่องเกี่ยวกับน้องน้อยจนเกินไป ขณะที่น้องรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาหลายต่อหลายอย่าง บางเรื่องเขายังไม่เคยสังเกตเสียด้วยซ้ำ

ตอนนั้นเองรถแท๊กซี่เกิดเหยียบเบรกกระทันนั้นจนคนโดยสารเสียหลัก เพจเองก็เกือบรั้งร่างคิงไว้ไม่ทัน เฉียดจะกระแทกเบาะไปเพียงไม่กี่เซนต์ ทว่าเพราะแบบนั้นทำให้เขาเห็นข้อมือของคิงอีกข้างที่ซ่อนข้างกาย

ข้อมือที่สวมกำไลสีดำเช่นเดียวกับที่เขาพบในถุง

นั่นทำให้เขาแปลกใจขึ้นมา ถ้าคิงไม่ได้ถอดออก งั้นก็แปลว่าเรื่องที่เขาคิดว่าน้องจะเอากำไลให้คนอื่นคือเรื่องจริง

“...เขียนอะไรไว้ฮึ? Love you หรือไง?” เพจพึมพำเสียงขุ่นด้วยหงุดหงิด ขณะคว้ามือของเพจขึ้นมาหมายจะดูคำที่สลักลงบนกำไลนั้น

ทว่าทันทีที่เขาเห็นก็เหมือนทั้งร่างถูกตรึงด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ชะงักค้างแม้แต่ดวงตาก็ไม่อาจละจากกำไลนั้นได้

เขาเคยคิดว่าเด็กคนนี้อาจจะสลักชื่อตัวเองหรือคนที่ชอบ

แต่เขาไม่คิดว่า...เด็กคนนี้จะสลักชื่อของเขา


“ก็ไปสังเกตเอาเอง น้องมันเดาไม่ยากหรอก”

“ต่อให้ปฏิเสธหรือซ่อนแค่ไหน สักที่หนึ่งในใจของน้อง มันก็รอที่จะบอกมึงสักวันอยู่ดี”




พริบตาที่เห็น ก็ราวกับความทรงจำครั้งที่คุยกับเพื่อนย้อนกลับมาหา เขาได้ยินเสียง คำพูดที่ชวนให้เขาคิดสงสัยนั่นถูกเขียนคำตอบลงไปอย่างง่ายๆ คำตอบที่เขาไม่คิดว่าจะใช่

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเพื่อนเขาถึงได้พูดแบบนั้น รู้แล้วว่าทำไมบางครั้งเขาถึงรู้สึกไม่เคยเข้าใจน้องเลย

สิ่งที่กั้นกลางระหว่างพวกเขาไม่ใช่ความถูกต้องหรืออะไรทั้งนั้น

มันเป็นเพียงเรื่องง่าย สิ่งที่เขามองข้ามมาตลอด

มันคือสิ่งที่เรียกว่า ความรัก








รู้เรื่องกับเขาสักทีเนาะพี่เพจ 555555555 มาถึงเกือบครึ่งทางแล้ว ฝากติดตามจนจบเลยนะคะ
 :) : NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 10 (21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-06-2017 21:51:47
กว่าจะรู้ตัววววน้าาาาเพ่เพจจจจจ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 10 (21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 21-06-2017 22:18:14
ลอยคอรอคอยค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 10 (21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 21-06-2017 23:13:10
พี่เพจจะทำตัวอย่างไงต่อไปละทีนี้ :3123:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 10 (21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 22-06-2017 02:12:50
หูยยย เพิ่งมาอ่านรวดเดียวเลย
 
ลุ้นมาก
 
สงสารน้องคิงน้ำตาไหลพราก คนแต่งเขียนเก่ง อ่านแล้วอินเว่อ   
 
พี่เพจจะวางตัวยังไงต่อไปน้าาา มาต่อไวๆนะๆๆๆ
 
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 10 (21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 22-06-2017 07:23:59
พี่เพจจะทำยังไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 10 (21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-06-2017 14:56:29
นิยายแอบรักอีกหนึ่งเรื่อง ที่ไม่รู้ทำไมว่าเราชอบแนวนี้ซะเหลือเกิน ยิ่งหน่วงๆใจด้วยแล้วยิ่งชอบอะ พี่เพจรู้ความจริงแล้วจะทำไงจะถอยห่างน้องหรือจะใกล้กันเหมือนเดิม แต่ถ้าจะถอยห่างก็ควรบอกน้องมันตรงๆนะคือหมายถึงว่าถ้าพี่อยากจะโง่ต่อไปละก็นะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 11 (24/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 24-06-2017 17:12:55
กฎข้อที่ 11 อย่ายอมรับง่ายๆ
การรักคุณไม่เคยทำให้ผมเหนื่อย
ปฏิเสธความรู้สึกต่อหน้าคุณต่างหาก
ที่ทำให้ผมเหนื่อย










อาจเพราะทั้งชีวิตผมมักจะเป็นฝ่ายที่ต้องแสดงความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเสมอมา ทำให้กลายเป็นคนความรู้สึกไวไปโดยปริยาย จนบางครั้งก็นึกโกรธตัวเองที่ช่างอ่อนไหวไปกับความรู้สึกที่คนอื่นมีต่อตัวเองเสียเหลือเกิน

ครั้งนี้ก็เช่นกัน

ผมรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากสายตาและท่าทางของพี่เพจ

เขาไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน แต่รอยยิ้ม แววตา กระทั่งท่าทางยามเผลอไผล ล้วนทำให้ผมรู้สึกได้ว่าพี่เพจกำลังสับสนหรือลำบากใจกับอะไรบางอย่าง วินาทีที่เราต่างต้องแยกกันไปเรียนคนละตึกที่ทางแยกในมหาวิทยาลัย ผมแทบจะได้ยินเสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกของพี่เขาเลยด้วยซ้ำ กระนั้นก็ต้องยังยิ้มเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งที่เมื่อทันทีที่พี่เขาลับสายตาหายไป รอยยิ้มแสนฝืดเฝื่อนนั่นก็จางลง เหลือเพียงความไม่สบายใจเกาะกินในใจเท่านั้นเอง

มันทำให้ผมสงสัยและกลัวเหลือเกิน

กลัวว่าสิ่งที่เก็บเอาไว้จะถูกเปิดเผยออกมาและทำลายปัจจุบันที่แสนสุขของผมจนหมดสิ้น












(เพจ)

“...แล้วมึงก็หนีหน้าน้องเขาอย่างนี้มาติดๆ กันสามวันแล้วเนี่ยนะ”

ผมชะงักแก้วเหล้าที่เพิ่งชงเสร็จไปครู่หนึ่งก่อนจะทำนิ่งเฉยกระดกต่อเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เพื่อนผมพูด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตาม

“แล้วจะให้กูทำยังไงล่ะ จะให้ทำเหมือนเดิมก็ใช่ว่ามันจะทำได้ง่ายๆ นักนี่”

สิงห์มองผมด้วยสายตาที่ผมโคตรจะเกลียดเอามากๆ เพราะมันเหมือนจะมองทะลุทุกคำโกหกหรือทุกอย่างที่ผมแอบเก็บเอาไว้ไปหมดทุกที ผมจึงเบือนหน้าหนีกระดกเหล้าในมืออย่างเอาเป็นเอาตายภายในห้องพักของสิงห์ ส่วนเพื่อนอีกสามคนของผมไปเดทกับแฟนชดเชยที่ไปเที่ยวตามประสาหนุ่มๆ เมื่อหลายวันก่อน ดูสิครับ เพื่อนทุกข์ใจ พวกมันดันหนีไปกับหญิง -_-

“ทำไมมึงถึงทำเหมือนเดิมไม่ได้ล่ะ ไม่ใช่ชอบไม่ใช่หรือไง”

“ก็ไม่ชอบไง”

“ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตีเนียนเหมือนเดิมก็ได้ จะมาร้อนตัวหนีหน้าทำพระแสงอะไร”

“ไอ้สิงห์ กูก็บอกอยู่ว่ามันทำไม่ได้ มึงคิดว่ามันง่ายนักหรือไงวะ!”

“แล้วมึงคิดหรือไงว่าการที่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับความรู้สึกของตัวเองมาตลอดของน้องมันทำง่ายๆ”

“...”

“ตอนที่กูรู้ กูภาวนาอยู่ทุกวันให้มึงโง่ต่อไปอีกสักหน่อย เพราะกูโคตรจะสงสารน้องเลยที่มาชอบมึง”

“นี่กูเพื่อนมึงนะ” ทำไมมึงด่าเพื่อนตัวเองโง่!

“ก็มึงโง่จริงๆ ใครๆ เขาก็ดูออกว่าน้องเขาเห็นมึงพิเศษ มีแต่มึงนั่นแหละที่มองไม่เห็น”

“...แต่กูไม่ได้มองเขาพิเศษกว่าใครนี่”

“แน่ใจ?”

“...”

“แน่ใจว่ามึงไม่ได้มองน้องพิเศษกว่าคนอื่น”

“...” ถึงจะมีเสียงเล็กๆ ร้องก้องในใจ แต่ผมก็ยังพยักหน้าให้กับเพื่อนสนิท จนมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนจะต่อสายไปหาใครสักคน

“งั้นเดี๋ยวกูจะพูดกับน้องเองว่ามึงไม่ชอบน้อง อยู่กับน้องแล้วอึดอัด จะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีก...”

“ไอ้สิงห์!” พอได้ยินปุ๊บ มือของผมก็พุ่งไปคว้าโทรศัพท์มาไว้ในมือ กดตัดสายแทบไม่ทัน ก่อนจะพูดต่อ “กูไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย”

“แล้วมึงจะเอายังไง ไหนบอกกูมาดิ๊”

“...”

“ให้ทำเหมือนเดิมก็ไม่เอา ให้ปฏิเสธก็ไม่ได้ มึงจะเอายังไงห๊ะ”

“...”

“จะทางไหน น้องมันก็เจ็บอยู่ดี สู้เลือกทางที่เจ็บน้อยสุดให้ไม่ดีกว่าหรือไง ตัดใจจากมึงให้มันจบๆ แล้วก็ไม่ต้องเจอกันอีก มึงก็จะได้สบายใจ มีเวลาไปย้อนรำลึกถึงอดีจรักที่แสนหวานจนเลี่ยนนั่นให้ตายไปข้าง”

“แล้วมึงจะกัดกูทำไม”

“กูหมั่นไส้ ไอ้ห่า ผ่านมาตั้งขนาดนี้แล้วยังยึดติดอยู่ได้”

“...กูไม่ได้ทำให้น้องเขาเจ็บ”

“...”

“กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูควรจะทำยังไง”

“ถ้ากูบอกว่ากูชอบน้องมึงจะว่ายังไง”

“...!” ผมฟังสิ่งที่สิงห์พูดแล้วอดมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตกใจไม่ได้ ใบหน้าของสิงห์ไม่ได้มีเค้าของความล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย มันจริงจังเหมือนทุกครั้งที่สิงห์ตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ผมวรจะพูดอะไรสักอย่างออกไป แต่ผมกลับพูดไม่ออก ในหัวมีแต่ภาพความสนิทสนมของทั้งสองคนในเวลาที่ผ่านมา ผมเคยรู้สึกนะว่าระหว่างทั้งสองคนมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ผมไม่มีวันเข้าใจ แต่พอมารู้ว่าเพื่อนผมชอบ...ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ไม่พอใจ ไม่ชอบ...เสียใจ ปนกันมั่วไปหมด จนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากสิงห์ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าคิดคนเดียวมาเกือบห้านาที

“นี่ขนาดกูแค่พูดเล่นมึงยังคิดหนักขนาดนี้ ยังไม่ได้คำตอบอีกหรือไง”

“มันใช่เรื่องมาล้อเล่นไหมล่ะ”

“ใช่ ความรู้สึกคนไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาเป็นของเล่น เพราะงั้นตั้งแต่ที่มึงเริ่มพูดเรื่องนี้ กูถึงได้ถามความรู้สึกที่มึงมีต่อน้องว่าชอบ ไม่ชอบ รังเกียจหรือยังไง การที่มึงเอาแต่ลังเล บอกไม่รู้เพราะสงสารหรือจะเพราะอะไรก็เถอะ มันไม่ต่างจากการที่มึงเอาความรู้สึกของน้องมาเหยียบเล่นเลยนะ”

“...”

“เพจ กูจะถามเป็นครั้งสุดท้าย มึงอยากจะทำอะไรกับความรู้สึกที่น้องให้มึง”

ผมนิ่งไป จริงๆ ก็เข้าใจในสิ่งที่สิงห์มันพูดอยู่ พอคิดตามและลองนึกว่าตัวเองโดนทำแบบนั้น ในหัวใจก็เจ็บแปล๊บ ต่อมาในหัวสมองก็พลันนึกถึงครั้งแรกที่ผมได้เจอกับน้องในห้องประชุม ภาพตลกๆ ของเด็กคนนั้นที่พยายามจะบังแดดให้ สีหน้าตกใจยามที่ผมพูดชื่อครั้งแรกหรือแม้แต่อาการเป็นห่วงตอนงานเทศกาลดนตรี ภาพความห่วงใยและการกระทำที่อบอุ่นั่นวนเวียนในสมองไม่จางหาย กระทั่งรอยยิ้มสุดท้ายที่ผมได้เห็นที่ตลาดนัดรถไฟก็ยังชัดเจนในใจ

ตอนที่รู้ว่าน้องชอบ ตอนแรกมันช๊อกก็จริง แต่ต่อมามันกลับทำตัวไม่ถูก ทว่าหากลองคิดให้ดีๆ ผมไม่เคยรังเกียจที่น้องมีความคิดแบบนั้น ผมเข้าใจโลกในตอนนี้ เอาจริงๆ นะ แค่มีใจและทะนุถนอมความรักดีๆ จะเพศไหนมันก็สวยงาม เพียงแต่ผมตั้งตัวไม่ทันจริงๆ นี่นาว่าความรักแบบนั้นจะอยู่ใกล้ตัวแบบนี้

จะให้ปฏิเสธและไม่เจอหน้ากันอีก ผมก็ใจหายทั้งยังรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ผมพยายามให้เหตุผลว่ามันคือความผูกพัน แต่เมื่อลองเทียบกับการที่ต้องแยกกับเพื่อนแล้ว มันก็ค่อนข้างจะแตกต่างอยู่บ้าง...เพราะกับเพื่อนผมคงจะไม่คิดถึงมากมายขนาดนี้

สามวันแล้วที่ไม่ได้มองหน้าน้องเขาดีๆ สักครั้ง

ผมนี่แม่งโคตรขี้ขลาด จอมหนีปัญหาสุดๆ เลย

แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเป็นแบบนี้ แผลเก่ามันคอยย้ำเสมอว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง จนผมติดนิสัยที่จะคอยวิ่งหนีปัญหาหลบไปให้คนอื่นจัดการ

ทว่าครั้งนี้ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว

หากผมทำแบบนั้นไป คนที่จะเสียใจคงจะไม่ได้มีเพียงคนเดียว...

“ตอนนี้กูแค่อยากจะสำรวจตัวเองให้แน่ใจ...ก่อนจะตัดสินใจว่ะ”

“สำรวจตัวเองเพื่อ?”

ผมเบนสายตาหลบแววตารู้ทันของเพื่อนไปอีกทาง “เรื่องของกูน่า”

“งั้นกูมีวิธีแนะนำ”

“...”

“รับรองว่าถ้ามึงทำได้...มึงจะรู้คำตอบทันที”
















ทว่าผมคงไม่อาจปฏิเสธคำพูดในใจได้อีกต่อไปแล้ว
ทำได้เพียงแค่ให้มันหลุดออกมาประกาศตัวตนต่อหน้าคุณเท่านั้นแล้ว ณ ตอนนี้


















เขามายืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ?

ห้านาที? สิบนาที? หรือครึ่งชั่วโมงกัน

ทำไมถึงไม่มีความกล้าจะเคาะประตูตรงหน้าเลยสักที

เพจยกมือขึ้นหมายจะเคาะประตู แต่แล้วก็ลดมือลงเหมือนตัดใจ ทว่าก็ยกขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ยังไม่กล้าเคาะอยู่ดี เพราะเบื้องหลังประตูบานนี้มีใครบางคนที่เขาจะต้องคุยเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียสอยู่

ใช่ นี่คือหน้าห้องของคิง

เพจอยากจะทุบหัวตัวเองที่เอาแต่ลังเลจนไม่กล้าแม้แต่จะเคาะออกไปสักที มัวแต่ลังเลไปลังเลมาแล้วเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่อง! ขณะเขากำลังด่าตัวเองอยู่ จู่ๆ ประตูที่ปิดมาอยู่ตลอดก็เปิดขึ้น เผยให้เห็นเจ้าของห้องทีกำลังจะเดินออกไปทิ้งขยะถุงโตที่ถืออยู่ วันนี้คิงไม่มีเรียนบ่าย ส่วนเขาอาจารย์ยกคลาสกระทันหัน ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ในชุดไปรเวททั้งคู่ เพจไล่มองตั้งแต่ตัวจรดใบหน้าที่ไม่ได้มองตรงๆ มาหลายวัน มองริมฝีปาก มองแก้ม กระทั่งไล่มาถึงดวงตา...ที่แดงช้ำ

“ทำไมตาช้ำ? คิงเป็นอะไร” ทันทีที่เห็นปากที่ไวกว่าความคิดก็พูดออกไปในที่สุด เมื่อนึกขึ้นได้ เขาก็แทบจะตบปากตัวเอง ไปถามโต้งๆ แบบนั้นได้ยังไงวะ

“...”

แต่เพจกลับไม่ได้ยินคำพูดอะไรกลับมา จึงทำใจกล้าแตะลงเบาๆ ที่ขอบตาของคนตรงหน้า พอดีกับที่คิงพริ้มตาลงเล็กน้อยเมื่อนิ้วของเขาแตะลงที่ผิวขึ้นสีแดงเรื่อ กัดปากเม้มแน่นเหมือนกำลังกลั้นอะไรเอาไว้ แต่ในที่สุดก็กลั้นไม่ไหว ปล่อยทำนบน้ำตาไหลออกมาในที่สุด เพจแอบตกใจรีบฉวยเอาถุงขยะของน้องวางไว้ข้างนอก มืออีกข้างก็ดันร่างอีกฝ่ายให้เข้าไปข้างใน ก่อนจะปิดประตูกันสายตาอยากรู้อยากเห็นจากคนอื่น

ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เพจก็ทำได้แค่ยืนมองเด็กตรงหน้าพยายามกลั้นสะอืนและปาดน้ำตาโดยไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง จนเมื่อเสียงสะอื้นหายไปและไหล่หยุดสั่น คิงถึงได้เงยหน้าที่มีแต่ครบน้ำตามองเขา เสียงของน้องแหบแห้งจนเขานึกเป็นห่วงและโกรธตัวเอง

“พี่หายโกรธคิงแล้วเหรอ”

“พี่ไปโกรธเราเรื่องอะไร”

คิงเม้มปาก เบือนหน้าหลบตา “ไม่รู้ ก็พี่หลบหน้าคิงมาหลายวันแล้วนี่ คิงจะไปรู้ได้ไงว่าพี่โกรธอะไร”

“ไม่ได้โกรธ”

เพจตอบเสียงอ่อย ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นห้องแล้วพูดต่อ “...มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“แล้วคิดออกแล้วหรือไงถึงได้มาหา”

แม้จะฟังออกถึงสำเนียงงอนๆ จากในน้ำเสียง แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด กลับกันรู้สึกว่ามันออกจะน่ารักดี ร้องไห้แงๆ เป็นเด็กๆ แท้ๆ ยังจะมาทำเสียงงอนๆ เหมือนจะให้เขาง้ออีก คิงนี่เด็กชัดๆ (แต่น้องมันก็เด็กกว่าจริงๆ นี่หว่า)

“ยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่ก็ว่าจะมาหาคำตอบวันนี้ล่ะ”

“...”

“...”

“รู้แล้วล่ะสิ”

“...ถ้าหมายถึงเรื่องเดียวกันล่ะก็ ใช่ พี่รู้แล้ว”

ทันทีทีเขาพูดจบ คิงก็ดูเครียดขึ้นมาทันที ดูได้จากมือทั้งสองที่วางอยู่บนตักกำเข้าหากันแน่นจนเขากลัวว่าจะได้แผล จนต้องฉวยมือมาแบออก กระนั้นก็ยังทิ้งรอยแดงเอาไว้สองสามรอยให้เขาขมวดคิ้วเล่น จึงลูบมันเบาๆ แล้วดุไปด้วย

“อย่ากำมือตัวเองแน่นสิ เดี๋ยวก็เป็นแผลหรอก”

“...มาปฏิเสธไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องมาใจดีด้วย”

“...”

“คิงรู้อยู่แล้ว รู้ตั้งนานแล้วว่ายังไงก็ไม่มีทาง รู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงสักวัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น...” น้องหยุดพูดไปครู่หนึ่งเหมือนจะปรับลมหายใจที่เริ่มปนๆ ไปกับเสียงสะอื้นเล็กๆ ในลำคอ เสียงเครือๆ กับดวงตาฉ่ำน้ำของเด็กตรงหน้าทำเอาใจที่แข็งมานานเริ่มปริแตกออกจากภายใน “...แต่คิงเลิกชอบไม่ได้นี่นา”

“ชอบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เราเพิ่งเจอกันนี่”

น้องปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ ตอบเสียงอู้อี้ “ไม่ใช่ เราเคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อน แต่พี่จำไม่ได้หรอก”

“...”

“พี่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของคิงในตอนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีวันได้เจอกันอีก”

“...ตอนนี้ก็เจอกันแล้วนี่”

“ใช่ แต่เพราะยิ่งได้เจอกัน คิงถึงได้ยิ่งรู้ว่า คิงห้ามให้พี่รู้เด็ดขาดว่าชอบ เพราะไม่งั้นพี่จะหายไปอีก”

“...”

“คิงโกหกทุกคนว่าคิงทำใจมานานแล้ว คิงไม่รู้สึกอะไรกับความผิดหวัง ทั้งที่จริงมันก็ยังเจ็บอยู่ทุกวันที่ทำได้แค่ยิ้มกับพี่ทั้งที่อยากจะร้องไห้แล้วบอกว่าชอบมากแค่ไหน คิงเกลียดตัวเองที่เสนอตัวรับความเจ็บปวดจากพี่มาที่ตัวเอง ทั้งที่ตัวเองยังจัดการความเจ็บปวดจากพี่ไม่ได้เลย เกลียดที่พี่ใจดีกับคิงเรื่อยๆ จนเอาใจออกห่างเหมือนแรกๆ ได้ยากขึ้นทุกที คิงเกลียดตัวเอง...รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าพี่รักคนอื่น ทำไมถึงไม่รักตัวเองให้มากๆ แล้วตัดใจจากพี่ไปจริงบ้างเสียที”

“...”

“...บอกมาเถอะพี่เพจ มันเจ็บมานานแล้ว ให้เจ็บเพิ่มขึ้นอีกนิดคงไม่ได้ต่างอะไรกับแต่ก่อน”

เพจที่รับฟังสิ่งที่เด็กตรงหน้าพูดไปร้องไห้ไปตรงหน้าเงียบๆ มาตลอดก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่เอาแต่ร้องไห้อยู่ เอื้อมมือไปด้านหลังโอบหลังคอกระทั่งใบหน้าเปื้อนน้ำตาวางอยู่บนไหล่ของเขา เสียงสะอื้นที่ได้ยินข้างหูคล้ายจะชะงักไปชั่ววินาที ก่อนจะกลับมาพร้อมกับแรงยึดจากแขนทั้งสองข้างที่จับชายเสื้อของเขาไว้แน่น ราวกับจะสะท้อนสิ่งที่ซ่อนในใจว่าไม่อยากปล่อยไป...

...อยากให้คืนวันเช่นที่ผ่านมาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

เขาไม่ได้อยากครอบครอง ไม่ได้อยากให้มามอง เพราะมันเป็นการหวังสูงจนเกินไป ขอแค่นี้...แค่ได้ใกล้แค่นี้ก็พอ

แต่นาฬิกาทรายมันแตกไปแล้ว...เวลามันหยุดลงแล้ว

ทุกอย่าง...กลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว

“ฮือ...”

“ขี้แย”

“...”

“ทำไมถึงคิดว่าพี่จะปฏิเสธ”

“เพราะพี่รักคนอื่น พี่ยังลืมคนๆ นั้นไม่ได้” เสียงตอบกลับแผ่วตอบกลับมาทันทีที่เขาถามจบ จนเพจอดหัวเราะไม่ได้ เขาโยกตัวน้อยๆ ราวกับจะปลอบเจ้าเด็กขี้แยในอ้อมแขนให้หยุดร้องไห้เสียที ไม่ใช่เพราะรำคาญหรือน่าสงสาร แต่เขาคิดว่ารอยยิ้มเหมาะกับเด็กคนนี้มากกว่าจริงๆ

“ใช่ พื่ลืมไม่ลง”

“...”

“แล้วทำไมเราไม่เอาอย่างผู้หญิงหรือคนอื่นๆ ที่เขามาจีบพี่บ้าง พูดว่าจะทำให้ลืมคนๆ นั้น”

“คิงจะทำอะไรได้ ต่อให้พยายามไปทั้งชีวิต ถ้าพี่จะไม่ลืม มันก็ไม่มีวันลืม”

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่พยายามทั้งหมดมันสูญเปล่านี่”


“พี่อยากให้คิงพูดยังไงกันแน่”

“...”

“จะให้คิงพูดถอดใจหรือจะให้เดินหน้าต่อ พูดออกมาตรงๆ สักที” คราวนี้อีกฝ่ายดันหน้าของตนอกจากอ้อมกอด ใช้ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นจ้องมองเขา หมายจะเค้นเอาความจริงที่เขาแอบซ่อนให้ออกมา แต่น่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้

เพราะเขาไม่ได้ซ่อนอะไรเอาไว้

มันแสดงออกมาหมดตั้งแต่แรกแล้ว

“หลับตาแปบนึงสิ”

“...”

“ขอครู่เดียว หลับตาหน่อยนะ”

คิงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า ค่อยๆ ปิดตานิ่งอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เขารอคอยมาตลอด ในใจเฝ้าคิดไปร้อนพันแปดว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป วันพรุ่งนี้...ไม่สิ วันนี้จะจบยังไงกันแน่?

แต่แล้วเขาก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แตะลงแผ่วๆ ที่หน้าผาก ลากไล้มาจรดที่เปลือกตา จมูก กระทั่งหยุดนิ่งที่ผิวแก้ว เขารับรู้ถึงลมหายใจอ่อนๆ ที่รินรดผิวแก้ม ก่อนสัมผัสแผ่วจางนั้นจะกดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนจะจมไปในผิวแก้มของเขา
เขาคิดว่ามันจะหยุดอยู่แค่นั้น แต่คิดผิดเมื่อสัมผัสนั้นลากมาสิ้นสุดที่ริมฝีปาก แนบสนิทจนไม่มีช่องว่าง มอบความหอมหวานที่เขาไม่คิดฝันว่าจะได้รับ ทันทีที่กลีบปากถูกแยกออก มือที่วาดอยู่ด้านหลังของคนที่ตนกอดก็เพิ่มแรงกอดรัดอย่างไม่รู้ตัว พวกเขาดื่มด่ำอยู่เช่นนั้นเนิ่นนานจนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งลทมหายใจขาดห้วงนั่นล่ะ จุมพิตที่ไร้ที่มานี่ถึงได้หยุดลง

ใบหน้าของพวกเขาใกล้กันมาก ใกล้เสียจนคิงสามารถนับขนตาของเพจได้จนครบ ใกล้จนเพจมองเห็นถึงริ้วแดงที่ไม่เพียงหยุดอยู่ผิวแก้ม แต่แผ่ลามไปถึงลำคอขาวที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอวีที่น้องใส่อยู่ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา คล้ายกับกลัวว่าบรรยากาศที่รายล้อมจะปลิวหายไป

แต่ถึงจะไร้คำพูด แต่ราวกับพวกเขาต่างรับรู้ เมื่อใบหน้าของทั้งสองคนเคลื่อนหากันอีกครั้ง อีกครั้ง...และอีกครั้ง

ไม่มีใครพูดถึงความรู้สึก ไม่มีใครพูดถึงฐานะในใจ ไม่มีแม้แต่คำพูดบอกความในใจ

มีเพียงแค่สัมผัสอ่อนหวานเช่นนั้นดำเนินต่อไปแทนคำพูดมากมาย

แทนคำกล่าวถึงการเปิดใจรับความรู้สึกใหม่ แทนความกล้าที่จะเผชิญกับความรู้สึกทีปิดกั้นมาเนิ่นนาน

แทนความรักที่จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป...ว่ามันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น












ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบรับอย่างจริงจัง แล้วจะเป็นยังไงต่อไปน้อออ
ฝากติดตามเช่นเคยนะคะ :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 11 (24/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 24-06-2017 17:43:18
จะเป็นยังไงต่อไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้พี่เพจไม่ปฏิเสธก็พอ
 :mew1:  :mc4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 11 (24/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 24-06-2017 19:51:52
ซึ้งไปกับคิงอะ
แต่คำตอบคงรับรู้กันแล้วนะ พี่เพจทำแบบนี้
เปิดใจรับน้องแล้วใช่ไหม อิอิ จูบกันไปแล้วนี่

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 11 (24/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 24-06-2017 22:57:17
หาคำตอบด้วยวิธีนี้นี่เองงง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 11 (24/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 25-06-2017 00:28:02
คือรู้สึกว่าพี่เพจเห็าแก่ตัวไงไม่รู้ตอนนี้อะ แบบสงสารคิง แอบรักว่าเจ็บแล้ว โดนเอาความรักที่เรามีให้เขาแล้วทำเป็นนิ่ง ๆ เต๊าะ ๆ ไปเรื่อย ๆ เพราะอยากพิสูจน์มันเจ็บกว่าอีก
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 28-06-2017 00:53:45
กฎข้อที่ 12 อย่าคิดมาก
ความจริงแล้ว
หัวใจผมก็กว้างพอบรรจุคุณได้เพียงแค่คนเดียว












ผมไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าทำไมคนถึงมองการจูบเป็นการแสดงความรัก

มันอาจจะเป็นแค่การแสดงออกถึงความต้องการทางกายก็ได้ เพราะจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่อถอดเปลือกนอกที่เต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมายหล่อหลอมจนไม่เหลือเค้าเดิม ทุกคนก็ล้วนมีแต่ความปรารถนาดิบกันทั้งนั้น

บางครั้งผมถึงกับแอบขำเสียด้วยซ้ำกับการที่ได้ยินว่า การจูบคือการพูดโดยไร้เสียงและใช้การกระทำสื่อใจของคนสองคน
จนเมื่อได้พบเจอกับตัวเองถึงได้รู้ว่าคิดผิด

อืม... ผมอาจจะคิดผิดไม่ทั้งหมด การจูบมันนำไปสู่เรื่องแบบนั้นก็จริง แต่มันก็ไม่ได้แย่แบบนั้น อย่างน้อยๆ มันก็เหมือนจะทำให้ผมรู้สึกถึงอะไรที่อีกฝ่ายไม่เคยพูด อย่างว่าแหละว่าการกระทำไม่เคยหลอกใคร (ยกเว้นจะเป็นคนที่หลอกคนเก่งมากๆ ซึ่งในกรณีของพี่เพจ...ไม่น่าจะทำได้นะ -.-)

อย่างน้อยๆ ผมก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า ในจูบครั้งนั้นไม่มีคงามฝืนใจหรือรังเกียจ

หากแต่จะตีความอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายหลงรัก ผมก็ได้แต่ส่ายหน้ารัวๆ เพราะมันช่างดูเพ้อฝันและเข้าข้างตัวเองอย่างสุดๆ ทว่า...ก็ใครใช้ให้ทั้งชีวิตนี้ผมช่างเป็นเหมือนหนุ่มเวอร์จิ้น คบสาวก็คบแต่สาวใสๆ ไม่ค่อยเจอสาวกร้านโลกให้มาเปรียบเทียบว่าจูบคนไหนมีความรักไม่มีความรักเหมือนคนอื่นนี่หว่า -_- ไหนจะตอนที่เจอพี่เพจอีก หลังจากนั้นผมก็ไม่คบกับใครอีกเลย

เรื่องราวระหว่างพวกเราทั้งสองคนยังคงดำเนินต่อไปเช่นในวันอื่นๆ ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ ผมยังคงเดินตามพี่เขาไปเรียน บางครั้งพี่เพจก็จะมาชวนไปกินข้าวด้วยกัน เรากลับหอด้วยกันบ่อยครั้ง (แต่บางครั้งพี่เขาก็จะหนีไปเที่ยวเล่นตามร้านเหล้าบ้าง) แต่ก็จะคอยรายงานหรือมาเคาะประตูห้องเป็นสัญญาณให้ผมสบายใจ ยามที่เพิ่งกลับมาจากสังสรรค์เสมอๆ

ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้ดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไรให้พูดถึง เพราะมันคล้ายจะแตกต่างจากที่ผ่านมาไม่เท่าไหร่ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ยังดีใจอยู่ดี ไม่รู้สิ ได้มีโอกาสได้ใกล้พี่เพจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งก้าวหรืออีกแค่หนึ่งมิล ผมก็ดีใจแล้วล่ะ

คิดน้อยไปไหม? ผมคิดว่าคิดมากจะทำให้ชีวิตยุ่งยากไปเปล่าๆ เนี่ยสิ

อยู่อย่างโง่ๆ ไปบ้าง แต่ก็มีความสุขดี แบบนั้นไม่ดีกว่าหรือ?

“คิดอะไรอยู่?”

ผมชะงักนิดหน่อย ก่อนจะก้มมองคนที่อาศัยตักผมหนุนนอนเล่นเกมอย่างสบายใจในวันหยุด ก่อนจะขยับมือที่แอบเล่นผมของอีกฝ่ายให้ลูบไปตามเส้นผมต่อ แล้วส่ายหน้า

“เปล่า แค่เหม่อเฉยๆ”

“อยู่กับพี่เดี๋ยวนี้ทำไมชอบเหม่อจัง เบื่อเหรอ?”

“ไม่ใช่ ทำไม? เดี๋ยวนี้อิสระทางความคิดของคิงยังต้องโดนจำกัดด้วยหรือไง”

พี่เพจยิ้มละสายตาจากเกมชั่วครู่ “ใช่ อนุญาตให้คิดถึงพี่ได้คนเดียว”

“อี๋ หลงตัวเอง” ถึงปากจะว่าแบบนั้น แต่ผมก็รู้ดีแหละว่ารอยยิ้มกับสายตาที่มองมากำลังทำให้ผมแก้มแดง ยืนยันได้จากเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจจากพี่เพจ ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับสู่โลกของเกมอีกครั้ง ปล่อยให้ระหว่างเราถูกความเงียบที่ไม่ได้ทำให้เราสองคนอึดอัดครอบงำอีกครั้ง

ผมปล่อยให้พี่เพจเล่นเกมอยู่แบบนั้นกระทั่งเจ้าตัวเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ก่อนที่เวลาจะล่วงเลยมาถึงตอนเย็น จึงชวนกันหาอะไรทานที่ตลาดข้างนอกกันอย่างที่ทำมาตลอดในช่วงหลังๆ

พวกเราเลือกทานก๋วยเตี๋ยวน้ำใสคนละชาม พูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งฝนตกก็ยังคุยกันอยู่อย่างนั้น จนเมื่อฝนซาเหลือเพียงเม็ดเล็กๆ โปรยปรายไปทั่วนั่นล่ะ พี่เพจถึงได้นึกคึกชวนผมจับมือวิ่งกลับหอ พากันวิ่งเล่นกระทั่งเนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่บนใบหน้าของเราสองคนก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มแสนสุข จนผมอดคิดไม่ได้ว่า นี่คงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดชีวิตของผมแล้ว

คงจะสุขไปมากกว่าตอนนี้ไม่ได้อีกแล้ว

ผมมีความสุขมากจริงๆ แม้จะไม่เคยรู้เลยว่าในหัวใจคนที่ผมรักนั้น ผมเป็นอะไรสำหรับอีกคนเลยก็ตาม
















“เราตามใจมันมากเกินไปรู้หรือเปล่า?”

ผมยิ้มเจื่อนๆ ขณะกำลังกระดกน้ำเปล่าในมือขึ้นดื่ม “ก็...นิดหนึ่ง”

“แทนที่จะปรามมันๆ หน่อย ไม่ใช่ไปตามใจมันจนเหลิงแบบนี้”

“แต่พี่สิงห์เป็นคนแนะนำวิธีนี้ให้พี่เพจไม่ใช่หรือไง?”

พอผมถามกลับ พี่สิงห์ที่ว่างจากการทำกิจกรรมชมรมก็เผลอหลุดถอนหายใจออกมาในที่สุด “พี่ผิดเองแหละที่เสนอวิธีนี้ให้มัน ใครมันจะไปรู้ล่ะว่ามันจะเอาจริงแล้วเราก็ดันตกหลุมไปเต็มๆ” นิ้วของพี่สิงห์จิ้มจนหน้าผมหงายไปด้านหลัง บอกถึงความหมั่นไส้และความเอ็นดูผ่านการกระทำออกมาจนหมด ให้ผมรู้ว่าเขาห่วงผม

“พี่แค่อยากให้มันลองจับมือ กอด แต่ไม่ได้ให้เลยเถิดถึงขนาดจูบเล่นถึงเนื้อถึงตัวแบบนั้น ถึงจะเป็นผู้ชายเสียหายน้อยกว่าเป็นผู้หญิง แต่มันใช่เรื่องไหมที่ให้คนอื่นมาเอาเปรียบง่ายๆ ต่อให้เป็นคนที่ชอบก็เถอะ”

“ก็ชอบไปแล้ว จะให้ทำไงอะ”

“-_- พี่ต้องบอกให้เราทำใจอย่างเดียวใช่มั้ยที่มาชอบเพื่อนพี่”

ผมหลุดหัวเราะ “ใช่”

“พี่เพจน่ะฉลาดนะ เขารู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง”

“แล้วถ้าวันหนึ่งมันคิดขึ้นมาได้ว่ามันไม่ได้ชอบเรา แค่เหงาเลยหวั่นไหว ตอนนั้นเราจะเป็นยังไง ไม่เสียเวลาเปล่าหรือไง?”

“...”

“คิง ตอนแรกมันอาจจะแค่เล็กน้อย เราที่รู้สึกเจ็บมาตลอดอาจจะมองข้ามจุดนี้ แต่นานวันเข้ามันจะเป็นไปได้หรือไงที่เราจะไม่รู้สึกตัวขึ้นมาบ้างว่าทำไมเราต้องมาเสียใจด้วยเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ จากคนเดิมๆ ด้วย?”

“...”

“คนเราน่ะ ไม่มีทางที่จะยอมเจ็บเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ เพียงเพราะแค่คำว่ารักหรอกนะ”

“...”

“จะมีความสุขจริงๆ หรือไงกับแบบนี้ หืม?”

ผมยิ้มออกมา แม้จะรับรู้ถึงความเป็นห่วงเต็มที่ของพี่สิงห์ แต่กระนั้นผมก็ยัง...

“ก็รักไปแล้ว”

“...”

“ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเลือกคนนี้แล้ว ไว้ให้เจ็บก็ให้จนถึงที่สุดที่มันทนไม่ไหวแล้วผมจะลองคิดดูอีกทีนะ”

“...คิง”

“เพื่อนพี่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกน่า” ผมยิ้มปลอบพี่สิงห์ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมผมต้องทำ

“...”

และไม่รู้ว่าทำไมคำปลอบใจเหล่านั้น

“ไม่งั้นผมจะรักมาถึงตอนนี้ได้ยังไงล่ะเนอะ”

ราวกับเป็นคำปลอบใจที่ผมพูดให้ตัวเองฟังก่อนนอนทุกคืนไม่มีผิด

















แต่หัวใจคุณ
ไม่มีที่ว่างให้ผมเลยแม้แต่นิดเดียว
















ถึงจะปากกล้าพูดจาแบบนั้นไปอย่างมั่นใจ แต่แท้จริงแล้วจะมีใครเข้าใจตัวเขาเองได้เท่าตัวเขาเองเล่าว่า ทุกเช้าที่ตื่นมาเขานั้นเต็มไปด้วยความกังวลมากมายแค่ไหน

กลัวว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงเรื่องโกหก

กลัวว่าสุดท้ายแล้ว...จะมีเพียงเขาที่คิดไปเองคนเดียว

“เอาอีกแล้วนะ ทำไมเหม่ออีกแล้ว”

คิงกะพริบตามองคนตรงหน้าแล้วยิ้มแหย “ขอโทษครับ”

“บอกพี่ได้หรือยังว่าคิดมากเรื่องอะไร”

“ไม่มีอะไรจริงๆ”

“ถ้าไม่มี ทำไมเราต้องทำหน้าแบบนี้ด้วย”

คิงยิ้มเล็กน้อย ปล่อยปากกาในมือที่กำลังเขียนรายงานส่งอาจารย์ ยกขึ้นเท้าคางมองคนตรงหน้า

“ทำหน้าแบบไหน?”

“แบบนี้” เพจตีหน้าขรึมใส่จนเขาหลุดหัวเราะ พอเห็นแบบนั้นเพจเองก็หลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน ก่อนที่จะยื่นมือทั้งสองข้างมาโยกหัวเขาเบาๆ คล้ายจะพูดว่าอย่าคิดมาก เขากำลังจะตอบกลับไปอยู่แล้วเชียวว่าไม่มีอะไร แต่กลับถูกคนที่นั่งตรงข้ามโน้มตัวขึ้นแตะริมฝีปากเบาๆ ที่หน้าผากเข้าเสียก่อน จนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ตีหน้าเซ่อท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพจที่ดังขึ้นด้วยความถูกใจที่ได้เห็นคิงเขินจนทำอะไรไม่ถูกเช่นทุกที ซึ่งเขามองว่ามันน่ารักดี โดยเฉพาะท่าทางยามที่คิงหันมองซ้ายขวาราวกับกลัวว่าจะมีใครเห็นฉากเมื่อครู่ด้วยแล้ว ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่

“ไม่มีใครเห็นหรอก”

“คราวหลังไม่เอาแล้วนะพี่เพจ นี่มันสาธารณะนะ น่าเกลียด -*-“

“เขาเรียกว่าแสดงความรักไง”

“...”

“นึกว่าจะเขินซะอีก”

คิงเพียงแต่ยิ้มมุมปากที่เพจเดาไม่ออกเลยว่ามันถูกปั้นแต่งขึ้นมาด้วยอารมณ์หรือความรู้สึกใด

“ผมรู้ว่าพี่แค่เล่นๆ เท่านั้น จะเขินไปทำไม”

“...”

“อย่าล้อเล่นมากไปกว่านี้เลยครับ ถ้าไปไกลมากกว่านี้ คนที่จะเสียใจคือพี่นะ” ที่จริงเขาเองก็ด้วย...แต่เขาก็เป็นเสียอย่างนี้ รักคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ  เลือกที่จะยิ้มแย้มต่อหน้าผู้อื่นแล้วกลืนความเศร้าของตัวเอง เก็บซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น พอเป็นแบบนั้นนานเข้า...คนรอบตัวก็เคยชินและเห็นว่าเขานั้นช่างเก่งกับการทนรับความเจ็บปวดจนลืมที่จะคอยระวังการกระทำที่จะทำร้ายหัวใจเขา

ลืมว่าแท้จริงแล้ว ต่อให้เก่งกาจเพียงใด เขาก็คือคนหนึ่งที่ร้องไห้และเจ็บเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

แต่เขา...แค่ไม่แสดงออกไปเท่านั้น

แม้แต่คนที่เขารักมากที่สุดก็ยังเป็นเช่นเดียวกับคนอื่น ไม่ปฏิเสธว่ารักเหลือเกิน แต่การกระทำที่เหมือนไม่รับรู้ถึงหัวใจและความเจ็บปวดจากการไม่รู้อะไรทั้งสิ้นนี้ เริ่มกัดกร่อนความอดทนต่อความเจ็บปวดนั้นจนแทบไม่เหลือหลอ

ยิ่งเป็นคนที่รักด้วยแล้ว... คิงได้แต่ยิ้มเศร้าๆ กับตัวเองที่แม้จะรู้ดีว่าใจต้องแหลกเป็นเสี่ยงๆ แต่กระนั้นก็ห่วงความรู้สึกของอีกคนมากกว่าตัวเองอยู่ดี

“คิง พี่ไม่ได้ใจดีมากพอที่จะมานั่งทะนุถนอมหัวใจคนที่ไม่ได้คิดอะไรด้วยหรอกนะ”

“...”

“เพราะถ้านี่คือความสงสาร สิ่งที่พี่จะทำคือปฏิเสธให้มันจบๆ ไปทีเดียว”

“...แล้วพี่กล้าพูดออกมาหรือเปล่าว่าความรู้สึกเราตรงกันน่ะ”

“...”

“เห็นไหม? พี่ก็ยังไม่กล้ายืนยัน...”

“ถ้าพี่กล้าพูดยืนยันทันทีนั่นจะไม่น่ากลัวหรอกเหรอว่าเป็นแค่การเอาชนะ”

“แต่อย่างน้อยๆ มันก็บอกได้อย่างหนึ่งว่าพี่ไม่ได้ลังเลใจ”

“เราเอาอะไรมาคิดว่าพี่ไม่ได้จริงจังกับเรื่องของเราตอนนี้”

“นี่เรียกว่า ‘เรื่องของเรา’ ได้ด้วยเหรอพี่”

“...”

เขายิ้ม “นึกว่ามันเป็นแค่เรื่องรักน้ำเน่าของคิงซะอีก”

“คิง”

“พี่บอกเองว่าใช้เวลาสองปีพี่ก็ยังลืมรักเก่าไม่ได้ จะให้คิงเชื่อได้ยังไงว่ากับคนที่พี่ได้สนิทด้วยไม่กี่เดือนจะทำให้พี่มาชอบได้”
“แล้วทีเราที่เคยเล่าว่าชอบพี่ตั้งแต่ที่ได้เจอล่ะ”

“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย”

“ไม่เหมือนยังไง?”

“อย่างน้อยคิงก็พูดได้อย่างมั่นใจว่าคิงไม่มีใครคนอื่นในใจให้คนที่คิงรักรู้สึกไม่มั่นใจในความรู้สึกทื่คิงมีต่อเขาหรอก”

เพจได้ยินประโยคนี้ก็พลันเงียบไปและถอนหายใจออกมาในที่สุด ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ราวกับเขาถูกจนด้วยเหตุผลที่ปฏิเสธไม่ออกเสียทุกที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิงพูดจาแบบนี้และไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่เขาพูดเพื่อให้อีกคนเข้าใจ มั่นใจในตัวเขา แม้ว่ามันจะโคตรเห็นแก่ตัวที่ขอให้เชื่อใจทั้งที่ไม่มีหลักประกันใดจะยืนยันให้กับคิงได้ว่า ในใจเขามีอีกคนเต็มร้อย แต่เขาไม่อยากให้ความรู้สึกที่คิงมีให้เขาหายไปนั่นคือเรื่องจริง

คนอื่นอาจจะมองว่าหวงก้าง กั๊กหรืออะไรก็แล้วแต่ ทว่าสำหรับเขามันไม่ใช่

รักเก่าสำหรับเขายังคงสวยงามและชวนให้เจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง ทั้งอยากลืมและคิดถึงอยู่ทุกครั้ง

แต่มันก็ราวกับรักที่หยุดเติบโตและกลายเป็นเพียงความทรงจำที่คว้าจับไม่ได้อีกแล้ว

แต่กับคิงที่อยู่ตรงหน้าเขามันต่างกัน

ในเมื่อมีรักดีๆ คนดีๆ อยู่ตรงหน้าที่ใจเรารู้สึกว่าการได้เคียงข้างเขาแล้วเรามีความสุข ทำไมจะไม่คว้าเอาไว้ล่ะ?

แม้ว่าประตูยังไม่ได้เปิดรับเต็มใจ แต่มันก็กว้างกว่าคนอื่นๆ และมากกว่าใครทั้งนั้น

เขาควรจะทำยังไง ทำอย่างไรให้อีกคนเชื่อเขาได้

“พี่ต้องทำยังไงเราถึงจะเชื่อสักทีว่าตอนนี้พี่มีแต่เรา”

“...”

“ทำยังไงเราถึงจะยอมเชื่อใจพี่เสียที”

คิงไม่รู้ พี่เพจ... คิงพูดได้แค่ในใจ เพราะเอาเข้าจริงนี่มันก็แค่ความเห็นแก่ตัวของคนแอบรักคนหนึ่งที่พอได้รับโอกาส ได้ใกล้ชิดกับคนที่ตนแอบรักมาตลอดแล้วเกิดเหลิง

เหลิงว่าเขาจะต้องรักเราคนเดียว ไม่มีแม้แต่เงารักเก่าให้เรากังวลใจ

เขาไม่ได้ต้องการคำยืนยันหรือคำพูดที่น่าเชื่อถือใดๆ

หากเพจยอมบอกรัก...แม้จะโกหก เขาก็จะยอมปิดหูปิดตาเชื่อหมดทั้งใจ

แต่ทว่า

“...”

“...คิงกลับห้องก่อนนะ”

สุดท้ายคำที่รอก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา

สุดท้าย เมื่อหันหลังจากมา น้ำตาที่เพียรกลั้นเอาไว้ ก็ไหลออกมาจนได้

“หนึ่ง...สอง...” คิงนับเลขในใจเบาๆ เปล่าเลย เขาไม่ได้นับเวลาเพื่อรอให้พี่เพจวิ่งตามมารั้งเขา

มันเป็นแค่การนับเพื่อถอยหลังเท่านั้นเอง

“อีกครั้งหนึ่ง...”

เขาจะรออีกครั้ง

จะขอรอต่อไปเหมือนคนโง่อีกสักครั้ง เพื่อคำนั้นที่ไม่รู้ว่านับไปถึงร้อยครั้งแล้วจะได้ฟังหรือไม่ คำนั้นคำเดียว

“คิงแค่อยากได้ยินพี่พูดว่าพี่ก็ชอบคิงเท่านั้นเอง...”












ใครๆ ก็อยากได้ยินคำว่ารักยืนยันทั้งนั้นแหละเนอะ... ฝากติดตามเช่นเคย วันนี้มาวันใหม่เลย555 เล่นเกมมา -.-
:) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Pandora20 ที่ 28-06-2017 02:35:39
เจ็บมาก เจ็บจนเราร้องไห้ไปด้วย เฮ้อออ ขอให้มีคนเข้ามาหาน้อง ดูแลน้องดีๆ บ้างเถอะ ใจคนมันบางจะตายยย ไม่รักษากันเลย
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 28-06-2017 05:53:20
โอยยยยยยหน่วงละเกิลลลล อยากให้น้องคิงถอยมาให้รู้แล้วรู้รอด ให้พี่เพจนางได้วิ่งตามซะบ้าง หึ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 28-06-2017 06:30:30
สงสารคิงอ่ะ หน่วงจัง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 28-06-2017 08:22:38
แอบหน่วง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 28-06-2017 16:12:25
สงสารคิงนะ  :sad11:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 28-06-2017 16:12:52
พี่เพจผิด ที่ ดันไม่ทำอะไรให้อีกคนมั่นใจ คิงก็ เหลิงอยากได้มากกว่าที่เป็นอยู่ คิงยอมเลือกสถานะนี้เอง แล้ว พี่เพจผิดตรงไหนอะ คือ สำหรับพี่เพจตอนนี้ก็เปิดใจแล้ โอเคอนาคตไม่รู้อาจไม่ใช่ ไม่ใช่ก็เลิกลาถอยกลับไปจุดเดิมความรักสำหรับคิงคืออะไรกันแน่

คือพออ่านตอนนี้ มันมีความคาดหวังของคิงมา เรากลับสงสารเพจ พอเลือกจะเปิดใจ เพื่อนไม่เชื่อ คิงไม่เชื่อ โคตรหน่วง ต้องให้เพจทำไงหรอถึงจะเชื่อ ว่าเพจพร้อมเริ่มต้นใหม่อะ ต้องบอกว่าเลิกรักคนเก่าแล้ว บ้าเปล่า ถามจริงรักใครสักคนมาก ๆ มันลืมกันได้ด้วยหรอคิงประสาท เริ่มไม่เชียร์

ทีมพี่เพจ ในตอนนี้ เพราะเรารู้สึกพี่แก ไม่ใช่คนเลวร้าย ส่วนคิงในตอนนี้ น่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 28-06-2017 17:05:36
เข้าใจคิงนะ เป็นใครก็คงคิดแบบนั้นแหละ คงต้องใช้เวลาทั้งคู่แหละ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 12 (28/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 28-06-2017 17:20:40
หน่วงจุกอกมาก เข้าใจทั้งสองคนนะ
คิงที่คาดหวังแบบนั้นก็ไม่ผิด ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ถึงความรู้สึก
แล้วไม่ปฎิเสธ มันก็เกิดความคาดหวังแบบนี้ขึ้นมาแหละ 
ส่วนพี่เพจ จะเรียกว่าสับสนอยู่ได้รึเปล่า
เหมือนไปใกล้ชิดน้องเพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง
มันอึดอัดทั้งคู่เลยเนอะ

ทางที่ดี คิงควรถอยออกมาดีกว่า
บางที..ใครบางคนอาจจะรู้ใจตัวเองมากขึ้นก็ได้
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 13 (29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 29-06-2017 02:02:06
กฎข้อที่ 13 อย่าร้องไห้
ถ้าหากผมรอ...คุณก็คงไม่มา
ถ้าเข้าหามากไป...คุณก็คงไม่ชอบ
แต่ถ้าจะให้ตัดใจ ความรักที่มากจนลืมไม่ลงนี่จะจัดการยังไงดี?












พอตื่นเช้าขึ้นมา สิ่งแรกที่ผมรู้สึกคือ

ตัวผมนี่แม่งโคตรไร้สาระเลย

ได้แต่กดหน้าตัวเองลงหมอนครางแง่งๆ เหมือนอยากจะงับตัวเองให้เจ็บจนตาสว่างสักครั้งที่ดันไปแสดงท่าทางน่ารำคาญแบบนั้นใส่พี่เพจ ผมก็รู้ดีอยู่แล้วแท้ๆ ว่าการกระทำงี่เง่านั้นมันเป็นบ่อเกิดของการพังทลายของความรู้สึกได้ง่ายแท้ๆ แต่ทำไมผมถึงได้ยอมให้ใจตัวเองรับเอาความรู้สึกแบบนั้นมาควบคุมการกระทำได้นะ

ไอ้เวรคิง ไอ้บ้าเอ๊ย

ป่านนี้พี่เพจคงโกรธและคงไม่พอใจตัวผมมากแน่ๆ

ผมจะทำยังไงดี

ผมลุกขึ้นขัดสมาธินั่งคิดหาวิธีที่จะขอโทษและทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อวานอยู่เป็นร้อยวิธี แต่ไม่ว่าจะคิดให้ดีหรือมากแค่ไหน สุดท้ายมันก็จบลงตรงที่ผมไม่มีความกล้าจะเอาหน้าหนาๆ นี่ไปให้พี่เขาเจอเลย เมื่อวานดันไปออกฤทธิ์ออกเดชเสียจนเมื่อนึกถึงตัวเองตอนนั้น หากเป็นตัวผมเองที่โดนพูดใส่แบบนั้น มีหรือจะไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ชนิดที่ว่าต่อให้ตัวต้นเหตุมาขอโทษบางทีอาจจะไม่ยอมหายโกรธง่ายๆ

แต่ต่อให้มันจะล้มเหลว ผมก็ไม่อาจจะทำตัวนิ่งเฉยหรือปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ ได้

ไม่รอให้ตัวเองอาบน้ำ (แต่ก็ล้างหน้าแปรงฟันนะ!) ผมก็คว้ากระเป๋าเงินวิ่งปร๋อออกไปยังตลาดนัดตอนเช้าแถวหอ เดนิวนอยู่สามรอบสุดท้ายก็มาจบที่ร้านโจ๊กหมูและปาท่องโก๋ ตบท้ายด้วยน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องที่เคยเห็นพี่เพจเคยเดินออกมาซื้อกิน ไม่ได้มั่นใจหรอกครับว่าวิธีนี้จะช่วยให้พี่เขาหายโกรธ แต่คนเราเวลาท้องอิ่ม อย่างน้อยก็จะไม่โมโหง่ายๆ ล่ะนะ (._.)

ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของพี่เพจแล้ว แต่ยังไม่กล้าเคาะเสียที เอาแต่ยืนละล้าละลังอยู่อย่างนั้น เพราะไม่รู้ว่าจะตีหน้ายังไงดี จนหลายคนที่ออกไปตลาดเพื่อหาข้าวเช้ากินเดินผ่านผมทั้งแอบอมยิ้มและพูดคุยทักทายขึ้น

“ทำอะไรวะคิง”

“เสือก”

“อ้าว ไอ้นี่ ถามดีๆ โว้ย”

“ตอบดีๆ สุดแล้วโว้ยยย -_-“

เพื่อนต่างคณะที่พอจะรู้จักมักคุ้นเดินเข้ามาหาผม แล้วร้องอ๋อ

“จะเอาข้าวมาให้พี่เขา? ทำไมวะ ขอให้ช่วยงานหรือไง”

“ประมาณนั้น” ไอ้ครั้นจะให้ตอบว่ามาง้อก็ดูไม่ดีใช่มั้ยล่ะ?

“จะยากอะไรวะ” และราวกับผมจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร แต่ดันห้ามไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเพื่อนคนที่ว่ายกมือเคาะประตูห้องพี่เพจดังลั่น ทั้งยังตะโกนชื่อพี่เขาดังลั่นตึก

“พี่เพจ!! น้องมันเอาของมา อื้อ!!! ไอ้คิง ทำเชี่ยไร”

“เงียบ! เงียบก่อน กูยังไม่ทันได้เตรียมใจ...”

แกร๊ก!

ผมสะดุ้งสุดตัว รีบลากเอาเพื่อนตัวเองเข้าห้อง แต่แน่นอนว่าข้าวของที่อุตส่าห์ซื้อมาให้นั้น ผมได้แขวนเอาไว้ที่ลูกบิดเอาไว้ก่อนจะเข้าห้องแล้ว จากในห้องพอจะได้ยินเสียงพี่เพจถามคนที่อยู่ห้องตรงข้ามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ช่วยอะไรได้มากนัก ไม่นานเสียงปิดประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผมจึงวางใจปล่อยเพื่อนและตัวเองออกจากห้องในที่สุด ไม่วายจะบ่นเพื่อนที่เจือกไม่ถูกเวลาคนนี้

“กูไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากมึงเลย”

“เอ้า กูก็เห็นยืนยึกยักท่ามากอยู่แบบนั้น แล้วจะได้ให้ไหม?”

“กูมีวิธีของกูแล้วกัน”

“แต่วิธีกูมึงก็ให้เขาได้เหมือนกัน”

แต่ก็เกือบถูกจับได้ไหมล่ะ ผมคิด แต่ก็นั่นล่ะ มัวแต่รอให้ตัวเองกล้าจะเคาะ อาหารทั้งหมดคงเย็นชืด หมดอร่อยพอดี ผมยังคงพูดคุยกับเพื่อนคนนั้นอีกสักพัก แน่นอนว่าไม่มีความคิดที่จะบอกเด็ดขาดว่าทำไมถึงได้เอาของกินมาเซ่นพี่เพจ พอถูกถามซ้ำๆ จึงตัดสินใจตัดบทแล้วหนีเข้าห้องไปแทน ในใจที่เห็นว่าของที่แขวนเอาไว้หายไปจากลูกบิดก็เริ่มชื้นขึ้น

พี่เขาน่าจะเดาออกมั้งว่าเป็นผม

จะกินหรือยัง? หรือว่าจะวางทิ้งเอาไว้นะ

ผมเดินวนไปวนมาในห้อง กระสับกระส่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะไม่แอบดู จึงพาตัวเองมายืนชะเง้อแถวๆ ระเบียงข้างห้องพี่เพจ วันนี้พี่เพจไม่ได้ออกมาดื่มกาแฟเหมือนเช่นทุกวัน ผมเลยไม่ได้เห็นพี่เขาเลยตั้งแต่เช้า แต่ไม่ว่าจะพยายามยืดคอให้ยาวยังไง ผมก็เห็นเพียงม่านสีฟ้าซีดที่ปลิวไหวเบาๆ ตามแรงแอร์ในห้องข้างในเท่านั้น

เมื่อดูท่าว่าอีกนานกว่าพี่เพจจะปิดแอร์และเปิดหน้าต่างรับลมระเบียง ผมจึงทิ้งตัวลงนั่งอยู่ที่ระเบียงมันนี่แหละ มองฟ้า มองนกไปเรื่อยฆ่าเวลา ขณะเดียวกันหูก็คอยฟังเสียงจากห้องข้างๆ ไปด้วย สายตาผมเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ กระทั่งหยุดอยู่ที่ต้นกระบองเพชรจิ๋วที่ซื้อมาด้วยกันกับพี่เพจตอนนั้น เวลาผ่านไปต้นมันก็โตขึ้นเล็กน้อย เขียวสดเช่นเดิม ที่น่าดีใจคือเหมือนผมจะเห็นตุ่มไตที่เหมือนจะเกิดดอกของมันแล้ว จำได้ว่าตอนเห็นเผลอร้องดีใจเสียงดังเสียจนพี่เพจที่อยู่ห้องข้างๆ ต้องโผล่หน้ามามอง แล้วหัวเราะเยาะผม

ภาพวันดีๆ เหล่านั้นทำให้ผมยิ้มออกมา อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าขึ้นจากริมรั้วระเบียง หมายจะมองไปยังระเบียงพี่เพจที่วางต้นไม้เอาไว้ แต่ผมกลับสังเกตเห็นเสียก่อนว่าประตูระเบียงห้องพี่เพจเปิดออกแล้วและมันทำให้ผมเห็นพี่เพจได้ชัดเจน

ผมยิ้มยินดีเมื่อเห็นว่าในมือของพี่เพจมีปาท่องโก๋ที่ผมเพิ่งซื้อและกาแฟแก้วโปรดแก้วนั้นคู่กัน กำลังจะเรียกอยู่แล้วเชียว แต่ผมกลับเรียกไม่ออก ทันทีที่เห็นว่าในห้องไม่ได้มีแค่พี่เพจคนเดียว

แต่มีใครอีกคนที่แม้ว่าผมจะไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ผมไม่มีวันลืม

“อร่อยไหม? เราไปต่อแถวตั้งนานแน่ะ”

“เจ้าหน้าหอเราอ่ะนะ? อร่อยดิ”

“เพจนี่ยังติดกินน้ำขิงใส่แก้วกาแฟตอนเช้าเหมือนเดิมเลยนะ”

“เอิร์นก็ชอบแย่งปาท่องโก๋เรากินเหมือนเดิม ตัวเองซื้อมาฝากคนอื่นแท้ๆ”

“ก็เอิร์นหิว รีบกลับมาก็มาหาเลย มาพูดจาแบบนี้ใส่ได้ไง เดี๋ยวงอนหรอก”

“งอนเลย ไม่ง้อ”

“อ้อ เดี๋ยวนี้เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้แล้วเหรอ” แม้จะกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ แต่รอยยิ้มงดงามที่ไม่จางหายไปจากใบหน้านั่น บ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่า เจ้าตัวไม่ได้นึกโกรธ ซ้ำยังมีความสุขมากๆ ที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายแบบนี้ ซึ่งพี่เพจเองก็ยิ้มอยู่เช่นกัน

พวกเขายังคงพูดคุยกันอยู่สักพัก ก่อนจะชวนกันเดินออกไปข้างนอก ปิดประตูห้องหายไป ทิ้งเอาไว้แค่ประตูระเบียงที่ว่างเปล่านั่น และผม...ที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเท่านั้น

ผมจำเธอคนนั้นได้

จำได้ดีทีเดียว

เธอคือความรักครั้งนั้นของพี่เพจ เธอคือคนที่ทำให้พี่เขาไม่อาจลืมความรักนั่นลงได้และ...เธอยังคงอยู่ในใจของพี่เขาเสมอ

เธอคือคนที่ผมไม่มีวันชนะ

เธอคือคนที่พี่เพจรัก

ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นต้นกระบองเพชรของพี่เพจที่วางริมระเบียง มันตั้งตระหง่านกลางแดดด้วยความทระนง ราวกับไม่ยี่หระต่อความร้อนใดๆ แต่ตัวต้นกลับเริ่มเหี่ยวเฉา...ราวกับใกล้จะตายมากขึ้นทุกที

เหมือนกับผมเลย

พอเธอคนนั้นกลับมา ก็เหมือนกับเวลาและการกระทำทั้งหมดของผมไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว

เหมือนกับความสุขเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น

เหมือนที่ไม่เคยมีเรื่องราวของเราเกิดขึ้นอย่างที่ผมบอกเอาไว้จริงๆ










สุดท้ายแล้วคุณก็เลือกที่จะยืนตากฝนกับคนที่คุณรัก
มากกว่าหลบฝนกับคนที่รักคุณเช่นผม











เพจยิ้มและโบกมือลาคนที่เพิ่งกลับมา เมื่อเจ้าหล่อนอาสามาส่งเขาหลังจากที่การสังสรรค์อย่างเร่งด่วนได้ถูกจัดขึ้นหลังจากที่เธอกลับมาได้ไม่นาน

รักที่ฝังใจของเขา อดีตคนรักของเขาเอง

เธอยังคงงดงามและมีรอยยิ้มที่สดใสนั่นเหมือนเดิม

ท่าทางที่เธอแสดงออก เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่าเธอหวังอะไรเอาไว้ แต่เขาก็ทำเหมือนไม่เห็นเสียทุกครั้ง กระทั่งงานเลี้ยงต้อนรับเลิกนั่นล่ะเธอจึงได้เลิกทำและอาสามาส่งเขาเช่นเพื่อนเก่า ชวนพูดคุยเรื่องราวที่น่าคิดถึงเหล่านั้น

แปลกดีที่ใจเขาไม่ได้เต้นไปด้วยความเจ็บปวดแล้ว

มันปกติ เต้นด้วยจังหวะธรรมดา ไม่เร็วไป ไม่ช้าเกิน ไม่เจ็บแปล๊บยามมองใบหน้าอีกฝ่ายอีกแล้ว

เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป เพจก็อดนึกถึงคนที่เขายังไม่เจอตั้งแต่เช้าคนนั้นไม่ได้

เด็กบ้าบอที่เอาแต่ทะเลาะกับเพื่อนตัวเองและทำเหมือนว่าเขาไม่มีทางรู้ว่าข้าวของมากมายที่แขวนเอาไว้ที่หน้าห้องคือของที่ตัวเองฝากมากคนนั้น บางทีตอนนี้คิงอาจจะอยู่ในห้องก็ได้ เมื่อคิดแบบนั้นเขาจึงตัดสินใจว่า ก่อนจะเข้าห้อง น่าจะแวะไปหาคิงสักหน่อย ต่อให้เมื่อวานพวกเขาสองคนจะแยกจากกันได้ไม่ดีเท่าไหร่

โอเค คิงงี่เง่าน่าดูเลยเมื่อวาน

แต่เขาก็เข้าใจแหละ ว่าการกระทำและคำพูดที่ได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้แบบนั้นมันก็ชวนหงุดหงิดและอดน้อยใจไม่ได้

วันนี้พวกเขาคงต้องหันหน้าเข้าหากันและพูดให้รู้เรื่องเสียก่อนเรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้

“เพจ”

“เอิร์น? ไม่ได้กลับไปแล้วเหรอ”

สาวเจ้าทำปากยู่เหมือนไม่พอใจ “เอิร์นทำของหายอ่ะดิ น่าจะลืมทิ้งไว้ตอนมาหาเพจเมื่อเช้าอ่ะแหละ เปิดห้องให้หน่อย”
“ของอะไร”

“มันปนๆ อยู่กับของฝากที่เอามาให้น่ะ”

เขาถอนหายใจขณะเดินนำอีกคนขึ้นห้อง แต่ยังไม่วายบ่นไปตลอดทางเรื่องการขี้หลงขี้ลืมของเธอที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไง ก็ยังเป็นเช่นเดิม “...ถ้าคราวหลังไม่ได้ลืมแค่ของล่ะ ไปลืมโทรศัพท์ ลืมกุญแจรถไว้ที่ที่มันไม่ใช่บ้านเพื่อน บ้านตัวเอง เอิร์นจะทำยังไง? เราเป็นผู้หญิงนะ”

“เพจขี้บ่น”

“บ่นเพราะอะไรล่ะ”

“เป็นห่วงเอิร์นไง”

เพจเกือบจะหลุดเก็กหน้าดุเพราะรอยยิ้มเด็กๆ ของอีกคนแล้ว แต่แม้จะพยายามยังไงสุดท้ายเขาก็ยังใจอ่อน เมื่อมาถึงหน้าห้องตัวเองก็เลื่อนมือไปโยกเบาๆ ที่หัวของเอิร์น

“ดูแลตัวเองหน่อย โตแล้วนะ”

“...ห่วงนัก ก็มาดูแลเอิร์นเหมือนเดิมสิเพจ”

มือที่กำลังจะไขกุญแจชะงักไป กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมหันกลับ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาไขกุญแจเหมือนไม่ได้ยินคำพูดนั้น

“ตัวเองบอกเลิกคนอื่นเขาแล้วมาพูดงี้ได้ไง เราคงจะกลับไปหรอก”

“เอิร์นขอโทษ”

“จะขอโทษทำไม เราเข้าใจดีว่าเอิร์นทำเพื่อเราทั้งคู่นั่นแหละ”

“ไม่ใช่...”

“เปิดได้แล้ว รีบเข้าไปเอาของแล้วกลับไปเถอะเอิร์น กลับมาเหนื่อยๆ น่าจะพักก่อนนะ”

เขารีบตัดบทก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดเลอะเทอะไปมากกว่านี้ ถึงจะเป็นการเลี้ยงต้อนรับ แต่แน่นอนล่ะว่าแต่ละคนอายุอานามก็ไม่ได้ใสๆ เหล้าเบียร์จึงเยอะพิเศษ เอิร์นเองก็ดื่มไปหลายแก้ว สังเกตได้จากแก้มที่แดงเรื่อไม่ได้จากเครื่องสำอางและตาฉ่ำวาวนั่น แม้จะยังควบคุมตัวเองได้ แต่ก็ไม่มั่นคงนัก น้ำเมามากพอที่จะทำลายสติจนพูดจาไม่รู้เรื่องเช่นเมื่อครู่

เสียใจอะไรกัน? หากเสียใจทำไมตอนนั้นถึงได้เลือกที่จะทิ้งเขาแล้วไปกัน

ต่อให้บอกว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่เขายังจำได้ดีว่าหลังจากนั้นไม่นานเธอมีคนข้างกายที่เขาคุ้นหน้าดี เนื่องจากเคยพบกันในมหาลัยบ่อยๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนรักใหม่ของอีกฝ่าย

แม้จะพูดเร่งแบบนั้น เอิร์นก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจแล้วฉวยโอกาสจากความใจดีของเขาเข้ามาสวมกอด เธอรู้ว่าเขาไม่มีวันสะบัดอ้อมกอดของเธอ จึงตั้งใจกอดคนรักเก่าแน่น กลิ่นอายและความทรงจำครั้งก่อนไหลวนเวียนกลับมา จนนึกเสียดายไม่ได้ว่าทำไมตอนนั้นเธอจึงเลือกอีกคนแล้วทิ้งคนคนนี้ไปกันนะ?

“ปล่อยเถอะ มันดูไม่ดีนะ”

“แล้วยังไง ถ้าทำแล้วเพจจะเข้าใจเอิร์นมากขึ้น จะไปสนใจอะไรกับสายตาคนอื่น”

“เอิร์นบอกว่ากลับมาเอาเอกสารที่มหาลัยไม่ใช่หรือไง”

“ก็ใช่ แต่ที่สำคัญกว่าคือเอิร์นกลับหาเพจ”

“...”

“เพจ ยังรักเอิร์นอยู่หรือเปล่า?”

“...”

“เพจ?”

เขามองเจ้าของกลุ่มผมนุ่มนิ่มในอ้อมกอดแล้วตอบเสียงเบา “ก็ยังรักอยู่...”

แกร๊ก!

ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องข้างๆ ที่ปิดมาตลอดก็เปิดออก เผยให้เห็นเจ้าของห้องที่เพจนึกอยากจะมาหาเดินออกมา คิงยังคงอยู่ในชุดไปรเวทแบบเดิมๆ ใบหน้างุนงงมองวาดผ่านพวกเขาทั้งคู่ ทำเหมือนไม่เห็นว่าเขากำลังถูกผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้กอด ก่อนที่รอยยิ้มสุภาพจะระบายบนใบหน้าของคิง

“อ้าว พี่เพจ”

“คิง”

“มายืนกอดสาวอะไรหน้าทางเดินครับ ไม่อายเหรอ”

“...คิงล่ะ ทำไมอยู่ห้อง พี่นึกว่าเราออกไปข้างนอกเสียอีก” แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าคิงไม่ค่อยออกไปไหน แต่ก็ยังถามออกไปแบบนั้น เพจก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิงคนนี้มีอะไรต่างไปจากเดิม รอยยิ้มกระทั่งแววตาก็ยังเป็นคิงคนเดิม แต่ทำไมกัน ในส่วนหนึ่งของใจเขากลับไม่สบายใจเอาเสียเลย

ราวกับ...เขากำลังจะสูญเสีย

ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบควิซอยู่ครับ ไม่ได้ออกไปไหนหรอก”

“...”

“แล้วนี่คือ?” นิ้วของคิงชี้มาที่เอิร์นที่ผละออกจากอ้อมกอดของเขาไปแล้ว เธอยิ้มหวานแล้วแนะนำตัวเสียงสดใส

“เอิร์นค่ะ แฟนเก่า...แต่อาจจะรีเทิร์นก็ได้ แฮะๆ”

“โห สวยจัง พี่มีแฟนเก่าสวยขนาดนี้ไม่แนะนำเลยนะครับ”

“คิง...”

“ไม่กวนพี่ๆ แล้ว ผมไปทิ้งขยะก่อนนะครับ เดี๋ยวจะกลับไปอ่านหนังสือแล้ว”

เขาพยายามจะเรียก แต่คิงก็ยังทำเหมือนไม่ได้ยิน เอาแต่ยิ้มและพูดคุยด้วยคำที่ทำให้เขารู้ว่ามันผิดปกตินั่นแล้วเดินหนีไปในที่สุด ตอนนั้นเขาไม่สนใจแล้วเอิร์นจะเรียกเขาอยู่หรือจะมองเขาแปลกยังไงที่วิ่งตามรุ่นน้องคนหนึ่งหายไป เขาวิ่งและก็วิ่งจนสุดฝีเท้า จนทันหลังไวๆ ของคิงในที่สุด จึงเอื้อมมือกระชากจนขาทั้งสองของคิงหยุดลงในที่สุด

พวกเขาหยุดยืนอยู่แถวหลังหอที่ใกล้ที่ทิ้งขยะ นานนับนาทีที่ไม่มีใครพูดออกมา เพจมองใบหน้านิ่งเฉยทีเอาแต่ก้มมองพื้นของคิงแล้วอดกลัวไม่ได้

เขาไม่รู้ว่ากลัวอะไร แต่เพราะความกลัวนั้นมากขึ้น มือที่จับแขนของคิงเอาไว้ยิ่งกำแน่น

ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป หากเขาไม่จับเอาไว้แน่นพอ

“คิง คุยกันก่อน”

“...”

“เมื่อกี้ไม่มีอะไรนะ”

“อืม ผมเข้าใจ”

“เข้าใจ? คิงเข้าใจอะไร”

คราวนี้ดวงตาที่มองพื้นค่อยๆ เลื่อนสบกับนัยน์ตาของเขาในที่สุด แต่ในดวงตาที่เคยสาดประกายแสงงดงามยามจ้องมองเขาในวันก่อน กลับแห้งผากไร้ชีวิตสิ้นดีจนเขาใจหาย

“คิง พูดกับพี่หน่อย เรากำลังเข้าใจผิดจริงๆ นะ”

“ผมได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ ไม่ต้องเล่าซ้ำหรอก พี่ก็รู้ว่าหอเรากำแพงบางแค่ไหน” แม้จะพูดติดตลก แต่เพจกลับรู้ดีว่าในน้ำเสียงติดขันนั่นไม่ได้มีวี่แววตลกเลย

“ผมรู้ว่าเขายังรักพี่อยู่และอยากได้พี่คืน ได้ยินว่าพี่บอก...ว่ายังรักเขาอยู่ด้วย”

“...”

“มีอะไรที่ผมพูดแล้วมันผิดจากที่พี่จะเล่าความจริงไหมครับ? ผมจะได้รอฟัง”

“...ทำไมไม่แทนตัวเองว่าคิงแล้วล่ะ”

“ตลกจะตาย ผู้ชายตัวโตๆ เรียกแทนตัวเองซะมุ้งมิ้ง พี่ฟังแล้วไม่ขนลุกบ้างหรือครับ?”

“...”

“...”

“ใช่ ที่เราพูดมามันจริงทั้งหมดนั่นแหละ”

เพจมองใบหน้าเรียบเฉยที่คิงกำลังมองมา แล้วมองมือที่ยังจับไม่ปล่อยของตัวเอง ก่อนจะผ่อนแรงลงกระทั่งมันหมดแรงลงมาอยู่ข้างตัวเหมือนเดิม ทิ้งไว้เพียงรอยแดงช้ำที่แขนของอีกคนเท่านั้น แต่แม้จะเป็นแบบนั้น เพจก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ที่เผลอทำน้องเป็นรอย

ไม่ใช่แค่ที่ตัว แต่หมายถึงที่ใจด้วย

บางที...ตอนนี้ในใจของคิงคงมีแต่แผลมากมายที่รักษาได้ไม่หมดล่ะมั้ง

“เขากลับมาจากเรียนต่างประเทศเพราะจะมาเอาเอกสารสำคัญ และใช่...เขาบอกว่ากลับมาเพราะอยากคืนดี แต่พี่ก็ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ เพราะเขาถึงขนาดกล้าทิ้งพี่ไปกับอีกคนตอนนั้น จะเป็นไปได้ยังไงที่จะนึกเสียดายแล้วกลับมาคืนดีล่ะเนอะ”

“...”

“ต่อให้เขากลับมา พี่ก็ไม่ได้จะตกลง”

“...”

“คิง พูดอะไรหน่อยได้หรือเปล่า อย่าเงียบแบบนี้ได้ไหม?”

“พี่อยากจะฟังผมพูดอะไรล่ะครับ”

“...”

ถุงขยะถูกวางทิ้งไว้โดยไร้คนเหลียวแลนานแล้ว เช่นเดียวกับที่เพจไม่เห็นระลอกคลื่นความรู้สึกที่แปรเปลี่ยนของคิงเลยนับตั้งแต่ทำให้อีกฝ่ายหยุดคุยได้ “อยากจะฟังผมพูดปลอบใจแล้วสนับสนุนให้กลับไปหาเขา หรืออยากจะฟังผมพูดพร่ำพรรณนาว่าผมรักพี่แค่ไหน รั้งพี่ไว้ไม่ให้กลับไปหาเขาเหมือนคนบ้า หรือจะแบบไหนล่ะครับ? พี่พูดมาสิ”

“คิง!!”

“พี่ก็รู้ เพื่อพี่...ผมทำได้หมดแหละ”

เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เพจเกลียดรอยยิ้มที่อยู่ใบหน้าของคิง รอยยิ้มที่เหมือนจะสดใสนั่นกำลังทิ่มแทงนัยน์ตาของเขา จนมองตรงๆ ไม่ได้

“พี่ไม่ได้อยากฟังคำแบบนั้น แต่พี่อยากรู้ความรู้สึกคิงต่างหาก”

“...”

“คิงอยากพูดอะไร นั่นคือสิ่งที่พี่อยากฟัง”

“...” รอยยิ้มหายไปแล้ว เช่นเดียวกับรูปตาที่หยีโค้งตามรอยยิ้มกลับมาสู่รอยแห้งผากไร้ชีวาเช่นเดิม ก่อนน้ำเสียงเรียบเฉยจะพูดขึ้นคำหนึ่งที่ราวกับหอกทิ่มแทงลงกลางใจเขาตั้งแต่แรกที่ฟัง

“ผมเหนื่อย”

“...”

“ก็รู้อยู่หรอกครับว่าผมดิ้นรนกระเสือกกระสนมาอยู่ตรงนี้ให้พี่ทำร้ายใจเอง แต่บางครั้งก็อดเหนื่อยไม่ได้ที่ต้องเจอแบบนี้บ่อยๆ ทั้งๆ ที่อยู่กับพี่ทีไรก็ทำให้ผมยิ้มได้ ทำให้ผมมีความสุขมากๆ แต่ทำไมก็ไม่รู้ หลังจากที่อยู่คนเดียว ผมต้องกลับมานั่งถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยมากกว่าวันๆ หนึ่งจะผ่านไป นับตั้งแต่ได้อยู่ใกล้กับพี่”

“...”

“คงเพราะมันฝืนเก็บเป็นความลับละมั้งครับ ก่อนหน้าที่จะได้เข้าใกล้มากขนาดนี้ ผมอยากจะทำอะไรก็ได้ อยากจะโวยวาย เรียกชื่อพี่ในใจดังแค่ไหนก็ไม่ต้องมาแคร์ว่าใครจะได้ยิน อยากจะมองหน้าพี่จากที่ไกลๆ ได้นานแค่ไหนก็ได้โดยที่ไม่ต้องมากลัวว่าพี่จะจับได้ ได้รักพี่...เท่าที่อยากจะรัก ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นความรักที่พี่จะได้รู้ก็ตาม แต่ผมก็ยังมีความสุข”

“...”

“บางทีความสุขตอนนั้นอาจจะมากกว่าตอนนี้...ตอนที่เราห่างกันไปไม่กี่ก้าวตอนนี้เสียด้วยซ้ำ”

“คิง...”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยก็ปรากฏให้เห็นความรู้สึกที่แท้ออกมาในที่สุด ทั้งรอยยิ้มแสนสุข ดวงตาพราวระยับและน้ำตาที่รินออกมาจากสองตา เหมือนกับจะไม่มีวันหยุดไหล

จำนวนน้ำตาที่ไหลราวกับจะไหลบ่ามาถึงใจของเขาไปด้วยนั่น...ทำให้เขาหายใจเข้าปอดยากขึ้นทุกที

“พี่เพจ ผมยังรักพี่เหมือนเดิมนะ”

เขาหายใจไม่ออก ทั้งอึดอัดในอก

“แต่ผมไม่มีความสุขแล้ว”

“...”

เหมือนหัวใจที่เคยเต้นอย่างปกติสุขก่อนหน้า กำลังถูกคนใจร้ายควักมันออกไป จนอกมันว่างเปล่า

“ผมอยากกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อน มันคงดีกว่านี้ถ้าพี่ไม่ต้องมารับรู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ มันคงดีกว่าที่หากเราไม่ต้องมีควาทรงจำอะไรร่วมกันเลย ให้มันมีแค่ผมก็พอที่จำพี่ได้ ผมไม่อยากยิ้มทั้งที่อยากร้องไห้แล้ว”

“...”

“ผมไม่เคยรู้ว่าความคาดหวังมันทำร้ายคนได้ จนวันนั้นที่พี่ก้าวข้ามเส้นของเรามา ว่าความหวังมันทำให้เจ็บแค่ไหน”

“...”

“แต่พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดนะ ผมเองที่ผิด อย่าโทษว่าเป็นพี่ที่ทำให้ทุกอย่างมันมาถึงตรงนี้ ทั้งหมดผมผิดเองจริงๆ”

“แล้วความรู้สึกพี่ที่มันเกิดขึ้นแล้วล่ะ”

“...”

“แล้วไอ้ความรู้สึกบ้าๆ นี่เราจะให้พี่จัดการมันยังไง! ในเมื่อมันเกิดขึ้นเพราะเราไปแล้ว”

“...พี่ก็แค่ทำเหมือนเดิมกับสิ่งที่ควรทำกับคิงก็ได้ ทิ้งๆ มันไปซะ ไม่ต้องไปสนใจมันอีกให้ปวดหัว แค่นั้นพี่ก็จะสบายดี พี่ก็จะกลับไปเป็นพี่เพจคนนั้นที่มีความสุข เป็นพี่เพจที่มีความสุขกับความรักที่กลับมาคนนั้น”

“ถ้าพี่บอกตอนนี้ว่าพี่ชอบเราจริงๆ และจะไม่กลับไปคบกับเอิร์นเราจะเชื่อไหม?”

“...”

“ถ้าพี่คุกเข่าแล้วพูดว่าความรู้สึกของพี่ที่มีต่อเรามันคือความจริง จะยอมอยู่ข้างพี่เหมือนเดิมไหมคิง”

เด็กตรงหน้านิ่งไปแล้ว แต่น้ำตายังคงไหล ก่อนจะตอบกลับมา “คิงเชื่อพี่เพจ แต่คิงไม่เชื่อตัวเองอีกแล้ว”

“...”

“คิงเชื่อว่าพี่เพจชอบคิง คิงเชื่อหมดทุกอย่าง แต่คิงไม่เชื่อตัวเองอีกแล้วว่า ถ้ายังอยู่ต่อไปตรงนี้มันจะมีความสุข”

“...”

“คิงเหมือนตกอยู่ในความฝันมาตลอดตั้งแต่ที่พี่ยอมก้าวเข้ามาและรับคิงเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวความทรงจำของพี่”

“...”

“บางที...”

“...”

“มันคงถึงเวลาที่คิงควรจะตื่นขึ้นสักที”









ยังสื่อสารอารมณ์ตัวละครไม่ค่อยเก่งจริงๆ ต้องขออภัยค่ะ
ยังไงก็ขอฝากให้ติดตามจนจบเลยนะคะ ขอบคุณสำหรับแรงใจที่ผ่านมามากๆ ค่ะ
:) :NAVY (ผู้ใกล้ฝึกงานเสร็จแล้ว)
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 13 (29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 29-06-2017 05:41:24
คิดว่าเพจชอบคิงจริงๆนะ  ถึงขนาดตามมาคุย

ทิ้งแฟนเก่าที่เคยรักนักหนาได้
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 13 (29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 29-06-2017 12:40:29
เศร้า เศร้าตรงที่ว่า ไม่มีความสุขแล้ว แม้จะยิ้ม เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 13 (29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 29-06-2017 17:44:01
หน่วงงง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 13 (29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 29-06-2017 21:26:39
หน่วงมากกกกกกกก....แง๊ๆๆๆๆๆ :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 13 (29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 29-06-2017 21:59:42
โอยยยยยยดราม่าหน่วงมาก แต่ชอบง่ะ สนุกดี อยากรู้แล้วว่าจะเป็นไงต่อ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 13 (29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 30-06-2017 00:27:41
จะร้องไห้ตาม
ถ้าพี่เพจมีความลังเล สับสน กว่านี้สักหน่อย
คงเห็นด้วยกับคิงที่เริ่มถอดใจ แต่นี่พอคิงไป พี่เพจก็วิ่งตามทันที ไม่สนใจแฟนเก่าเลยอ่ะ

พอเจอแบบนั้นแล้วจุกในอกอ่ะ จริงๆก็เข้าใจทั้งสองคน
คิงเองก็คงเหนื่อยใจมากแล้ว

หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 13 (29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 30-06-2017 04:10:17
ร้องไห้แปป ตอนที่แล้วเราว่าคิงงี่เง่า แต่ตอนนี้ เราว่าดีแล้วคิงคือมันไม่เหลือความมั่นใจอีกแล้วเนอะ แบบถ้าคบไป มันจะแน่ใจได้ไงว่าสุข แต่เป็นพี่เพจโคตรน่าสงสาร เพราะพี่แกมั่นคงไปไง เลยยากที่จะเชื่อว่าจะตัดใจจากแฟนเก่าได้ ลึก ๆ เราก็รู้สึกนิด ๆ ว่าพี่แกเลือกคิงมาเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ อีกอ่างคิงน่ารักและเข้าใจพี่เพจดีมาก ๆ แต่พี่เพจเองก็แค่ชอบ แต่ยังไม่ได้รักและก็ไม่รู้ด้วยจะรักหรือเปล่า พี่เพจยึดติดเกินไป เราไม่รู้อะพี่เพจ ฮืออ สงสารคิงอย่างเดียวเลยตอนนี้ เจ็บอะ แต่เราก็คิดว่าพี่เพจก็เจ็บพอ ๆ กัน


ห่าง ๆ ไปนะดีละ คิงย้ายหอด้วยนะ ไม่งั้น ทำไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 14 (3/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 03-07-2017 00:51:53
กฎข้อที่ 14 อย่ากลับไปมอง
แม้ว่าโลกจะมีคนหลายพันล้าน แต่มันจะมีแค่คนเดียวที่รักได้เท่านี้
แต่มันดันเป็นคราวซวยของเราจริงๆ ที่คนที่เขารักไม่ใช่เรา









(สิงห์)

หลายครั้งที่ผมและแก๊งค์เพื่อนพากันมาสังสรรค์ที่ร้านเหล้าและจบลงที่การเมาชนิดลืมเลขที่บ้าน นอนที่คอนกรีตต่างเตียงและกอดหมาจรจัดต่างหมอนข้าง แต่ไม่มีครั้งใดที่ผมจะเห็นเพื่อนของผมเมาได้ถึงขนาดนี้

แต่ไม่ได้หมายความว่าเมาหมดทุกคนหรอกนะครับ คนอื่นที่ถูกลากมาน่ะ แค่กรึ่มๆ แต่ไอ้คนที่ลากคนอื่นมา ตอนนี้นอนหลับงึมงำไม่เป็นศัพท์ เฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว

คนคนนั้นคือ ไอ้เพจนั่นเอง

ทุกคนที่ยอมตามใจมันออกมาดื่มเหล้า ทั้งที่มันเป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าจะดื่มเหล้าให้น้อยลง ต่างมองเพจเป็นตาเดียว เพราะมันไม่ได้แค่เมา แต่ถึงกลับร้องไห้?

คนอย่างไอ้เพจเนี่ยนะ จะเมาแล้วร้องไห้ เท่าที่รู้จักกับมันมา เคยมีครั้งไหนบ้างที่เมาแล้วร้องไห้แบบนี้ ตอนที่เลิกกับเอิร์นยังแค่ออกเที่ยวตลอด เอ...หรืออาจจะแอบร้องไห้ลับหลังพวกผมก็ได้ แต่ก็นั่นล่ะ ผมเลยไม่เคยเห็นเลยสักครั้งว่ามันร้องไห้ต่อหน้าต่อตาแบบนี้

“เพจ มึงไหวไหมเนี่ย?”

“อือ...”

“อือเชี่ยไร เป็นอะไรบอกพวกกูดิ” นินว่า พร้อมกับพยุงร่างที่แทบจะนอนราบไปกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยขวดเหล้าว่างเปล่าของเพจขึ้นพิงกับพนักโซฟา ดวงตาของเพื่อนผมเลื่อนลอยและแดงช้ำจากน้ำตา แต่พวกผมก็มองเห็นทันเพียงไม่กี่วิ เพราะหลังจากนั้นเพจมันก็ยกแขนขึ้นบดบังดวงตาเปื้อนน้ำตาของตัวเองทันที มันดูไม่โอเคมากๆ แต่มันก็ยังคงปฏิเสธ

“กู...ไม่เป็นไรสักหน่อย”

“ไม่เป็นอะไรล่ะ เมาเป็นหมาแบบนี้ แล้วยัง...ร้องไห้? เพจ เรื่องเวรอะไรวะ ทำมึงร้องไห้เนี่ย?”

“...” มันไม่ยอมตอบอะไร แต่ผมแอบสังเกตเห็นว่ามือของมันกำแน่นขึ้น ราวกับในสมองกำลังนึกถึงสาเหตุที่ตนมานั่งดื่มแบบนี้

“หรือเพราะเอิร์นจะรีเทิร์นมึงเลยโกรธ”

“ไม่ใช่! กูจะไม่รีเทิร์นกับเอิร์น!”

“งั้นมึงเป็นอะไรวะ บอกพวกกูดิ เป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง” เกม

“เออ มีอะไรก็บอกกันดิวะ จะได้ช่วยๆ กัน” ทีม

คราวนี้มือที่บังสายตาตัวเองจากทุกคนของเพจก็ลดลงข้างตัว เมื่อเจ้าตัวเงียบคนอื่นที่อยู่ด้วยกันก็พลอยเงียบไปด้วย  ในที่สุดคำตอบที่พวกผมรอก็มาพร้อมกับน้ำตาสองสายที่ไหลออกมาอาบแก้มเพื่อนที่เคยร่าเริงคนนั้นของผม

“คิง...”

“คิง? น้องมันทำไม?”

“น้องไม่อยากอยู่กับกูแล้ว”

“...”

“น้องบอกว่ารักกู แต่น้องไม่มีความสุขแล้ว”

“...”

“น้องเชื่อที่กูบอกว่าชอบ แต่น้อง...อึก ไม่อยากอยู่ข้างกูแล้ว”

“...”

“กูจะทำยังไงดีวะ กูควรทำยังไงดี” เสียงสั่นสะอื้นของเพจทำให้พวกเราทุกคนทั้งสงสารและหนักใจไปกับมันด้วย ทีมเอื้อมมือไปปลดแก้วเหล้าออกจากมือของเพจ ทันทีที่มันเตรียมจะคว้าขึ้นกระดกแก้กลุ้ม ทั้งที่ตัวมันก็รู้ดีว่ากินไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ซ้ำยังทำให้ปวดหัวตอนสร่างเมาอีกต่างหาก พวกผมคอยห้ามมันไป มองตากันไป ในสมองก็ต่างกันคิดว่าจะทำยังไงกันดีเพื่อจะช่วยเพื่อนคนนี้ ช่วยในเรื่องที่ช่วยได้ยากที่สุดอย่างเรื่องของความรัก

เพราะเอาจริงๆ คนนอกแบบพวกผมมันก็ได้แค่คอยให้คำแนะนำล่ะนะ

“เอาไงดีวะ สิงห์”

“ก็ปลอบมันไปก่อน เดี๋ยวกูจะเรียกน้องมันมา”

เกมรีบห้าม “อย่า คือ...กูไม่รู้ว่ามันไม่เกี่ยวกับเอิร์นวะ เลย...”

“นี่มึงโทรตามเอิร์น?” เกมยิ้มแหยแล้วพยักหน้าให้ผมด้วยสีหน้าขอโทษที่เผลอทำอะไรตามอำเภอใจ ทันทีที่พูดจบ ไม่นานร่างระหงที่คุ้นเคยของพวกเราก็ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวงเหล้าที่ดำเนินมาเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด เอิร์นทรุดตัวลงนั่งด้านข้างของเพจ คอยห้ามปราและดึงแก้วเหล้าออกจากอดีตคนรัก แต่มันก็ยากเหลือทน เมื่อเพจในเวลาที่เมานั้นค่อนข้างจะดื้อกว่าปกติเป็นล้านเท่า เรียกได้ว่าหากไม่ใช่คนที่เจ้าตัวยอม...ไม่มีทางจะห้ามหรือสั่งได้ในเวลาไร้สติเช่นนี้

“เพจ พอแล้ว ไม่ดื่มแล้วนะ”

“อย่ามายุ่ง”

“เอิร์นขอล่ะ วางแก้วเหล้าแล้วกลับห้องกันนะ เอิร์นจะไปส่ง”

“บอกว่าอย่ามายุ่งไงวะ!! ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง”

“...!!” ราวกับการที่เอิร์นและพวกผมคอยเซ้าซี้จะสะกิดต่อมโมโหของมันในที่สุด เพจตะโกนออกมาลั่นจนคนในร้านแทบจะมองมายังโต๊ะพวกผมเป็นตาเดียว จนเมื่อพวกทีมและเกมลุกขึ้นขอโทษขอโพยที่เสียงดังนั่นล่ะ บรรยากาศถึงได้กลับมาเป็นแบบเดิม สายตาของพวกทีมล้วนบอกเป็นเสียงเดียวว่า การที่ยังให้เพจนั่งดื่มอยู่ที่นี่ต่อไปนานเท่าไหร่ เปอร์เซ็นที่จะเกิดปัญหาก็จะยิ่งมากตามไปด้วย เพราะแบบนั้นผมจึงตัดสินใจโทรหาใครบางคนที่ผมมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นว่าจะช่วยได้ พอดีกับที่เอิร์นถอดใจที่จะห้ามเพจและตรงมาหาผม สีหน้าของเธอยังคงตกใจกับเสียงตวาดนั่น แต่มันก็เต็มไปด้วยคำถาม

“สิงห์รู้จักเด็กที่ชื่อคิงหรือเปล่า?”

“...” นั่นไงเขาคิดผิดเสียที่ไหน

“รู้ น้องคณะเราเอง”

“เขาเป็นอะไรกับเพจ”

“แล้วเอิร์นอยากได้ยินว่าเขาเป็นอะไรกันล่ะ”

เอิร์นเม้มปากเหมือนลำบากใจที่จะพูด “เมื่อเย็นเราตามพวกเขาไป แล้วได้ยิน...เหมือนพวกเขาจะชอบกัน”

“...”

“แต่เพจไม่ได้ชอบผู้ชายนี่...ใช่มั้ย?”

“ชอบใครสักคนมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เพศสักหน่อย”

“...”

“อย่างน้อยๆ ก็เป็นคนที่ทำให้ไอ้เพจที่เคยเศร้าอยู่กับเรื่องของเธอมาตลอดสองปีคนนั้นยิ้มได้ แค่นั้นก็เป็นเหตุผลมากพอแล้วที่ไอ้เพจจะชอบน้องมัน”

“อย่าบอกนะว่าที่เพจมาดื่มแบบนี้เพราะน้องเขา”

“หรือเอิร์นคิดว่าเป็นเพราะเอิร์นล่ะ”

สีหน้าซีดเผือดของเอิร์นตกอยู่ใต้สายตาของผม เธอดูไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไป

“แต่เขาบอกยังรักเอิร์น”

“เชื่อเราไหมว่า...เอิร์นยังไม่ได้ฟังต่อว่ารักในความหมายแบบไหน?”

“...”

“ถ้าเราเป็นไอ้เพจ เราคงจะตอบกลับไปว่ารักแบบคนที่เคยรัก รักที่ไม่ได้คิดว่าจะกลับไปรักได้อีกแล้วรักที่มันกลายเป็นแค่ความทรงจำ ไม่ใช่ปัจจุบัน แบบนั้นเอิร์นจะอยากฟังแล้วยอมรับความจริงไหม?”

แม้ในร้านเหล้าจะมีแสงไฟสลัวแค่ไหน แต่ผมก็ยังเห็นเงาน้ำตาบางๆ ในดวงตางดงามคู่นั้น หากเป็นแต่ก่อนที่เพื่อนผมและเธอยังรักกันดี ผมอาจจะสงสาร แต่ในตอนนี้ สิ่งที่เธอทิ้งเอาไว้ในใจของเพื่อนผม ความเจ็บปวดที่ยังส่งผลต่อตอนนี้มันทำให้เพื่อนผมยังคงจมกับความเสียใจ ทำให้ผมสงสารไม่ลงเลยจริงๆ

หากเลือกที่จะสงสารและให้ความเห็นใจ ผมต้องขอโทษที่เธอไม่ได้สำคัญเท่ากับเพื่อนของผมจนต้องแบ่งความรู้สึเหล่านั้นไปให้

“แต่เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมเพจถึงชอบเด็กคนนั้น”

“...”

“อาจจะฟังดูแย่ แต่เด็กคนนั้นไม่มีอะไรเหนือกว่าเราเลย”

“มันแค่ชอบคนที่ทำให้มันอยู่ด้วยแล้วสบายใจ มันมีความสุขแค่นั้นเอง”

“...”

“ใครๆ ก็รักที่จะอยู่กับสถานที่หรือใครสักคนที่สามารถวางหัวใจเอาไว้ด้วยได้อย่างมีความสุขมากกว่าจะวางเอาไว้กับคนที่ทำให้เจ็บปวด เรื่องนี้เอิร์นรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือไง? เพราะครั้งหนึ่งเธอก็เคยเลือกคนอื่นแล้วทำร้ายหัวใจของเพื่อนเราเหมือนกันนี่”

“สิงห์!”

ผมทำเป็นไม่สนใจน้ำเสียงกล่าวหานั่น มองไปยังประตูร้านที่มีเงาร่างที่กระสับกระส่ายของใครบางคนก่อนยกมือเรียก แล้วกลับมาพูดกับเอิร์นต่อ

“อยากรู้ใช่ไหม? ว่าทำไมไอ้เพจถึงชอบน้อง ก็รออยู่ตรงนี้แล้วคอยดูก็แล้วกัน”

ภาพจากตรงที่ผมและเอิร์นอยู่นั้น จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนถึงร่างของคิงในชุดไปรเวทที่คล้ายชุดนอนเสียมากกว่า เด็กคนนั้นวิ่งมายังโต๊ะของพวกผมด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง กล่าวสวัสดีกับเพื่อนคนอื่นของผมลวกๆ แล้วค่อยก้าวไปหาคนที่นั่งเอนพนักพิงโซฟาสลับกับดื่มเหล้าคนเดียวคนนั้น

คิงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มองใบหน้าเศร้าของคนข้างกายก่อนจะรั้งแก้วให้ออกห่างจากปาก ไอ้เพจคล้ายจะฟิวส์ขาดอีกครั้ง ปากที่อ้าคล้ายจะตวาดซ้ำ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เสียงที่กำลังจะหลุดจากลำคอก็พลันหายไป

“กลับห้องกันนะครับ ไม่ดื่มแล้วนะ”

“...คิง”

“พี่เพจ อย่าดื่มอีกเลยนะครับ กลับห้องกับผมนะ”

“...”

“คิงขอล่ะ...”

“...ถ้าพี่กลับ คิงจะยอมอยู่เป็นเพื่อนไหม?”

“อืม จะอยู่จนพี่หลับเลยดีไหมครับ?”

เพจเม้มปากแน่น เหมือนกลัวและกังวลว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นแค่ภาพฝัน เพราะผมสังเกตเห็นว่าเพื่อนของผมเลื่อนมือที่สั่นน้อยๆ นั่นค่อยๆ แตะลงที่มือของน้องที่วางอยู่ข้างตัว ก่อนจะหลับตาแน่นเมื่อมือของคิงวางทาบทับคอยบีบเบาๆ คล้ายบอกว่า อีกคนอยู่ตรงนี้ข้างกายเพื่อนของผมเสมอ

สุดท้ายผมและคนอื่นๆ ก็ยืนมองส่งเพื่อนของผมและคิงขึ้นรถแท๊กซี่กลับหอไปด้วยกัน จนรถที่โดยสารหายไปจากสายตา
ผมกลับมามองคนข้างๆ เอิร์นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมดูออกว่าในใจของเธอไม่ได้นิ่งเฉยเช่นที่แสดงออกมา แววตาของเอิร์นสั่นไหวตามสิ่งที่เพจแสดงออกมาในภาพไร้สติต่อคิง คาดว่าในใจของเธอคงเอาไปเปรียบกับภาพของเพจที่กระทำต่อเธอเมื่อครู่ละมั้ง

ก็ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมอะไรนะ แต่...

“ทีนี้รู้แล้วหรือยัง ว่าทำไมเพจมันเลือกที่จะชอบเด็กคนนั้น มากกว่าจะจมอยู่กับเรื่องเก่าๆ”

“...”

“ถ้าเอิร์นยืนยันว่าชอบเพื่อนเราจริงๆ ล่ะก็ ช่วยทำตัวเป็นคนดี ยอมถอยออกไปให้เพื่อนเรามีความสุขบ้างเถอะ”

“แล้วสิงห์มั่นใจได้สักแค่ไหน ว่าการที่เพจอยู่ข้างเด็กคนนั้นจะมีความสุขจริง! ดูซิ ทะเลาะกันจนเพจเมาขนาดนี้น่ะเหรอที่เรียกว่ามีความสุข”

“แต่อย่างน้อยๆ เด็กคนนั้นก็รักเพจมันจริงๆ”

“เราก็รักเพจ”

“รักแบบไหนที่มีคนอื่นไปด้วย”

“...”

“รักแบบไหนหรือเอิร์นที่แอบไปเฟลิร์ตกับผู้ชายคนอื่น ชอบถึงขนาดยอมทิ้งเพื่อนเราเพื่อไปเรียนต่อกับผู้ชายคนใหม่”

“สิงห์! มันคนละเรื่องกันนะ เราพูดถึงตอนนี้!!”

“เราก็พูดอยู่กับตอนนี้เอิร์น!!! พูดสิว่าที่กลับมาไม่ได้เพราะทะเลาะกับผู้ชายคนนั้น แล้วอยากได้เพื่อนเราไปยั่วให้เขาโกรธ”

“...”

“พูดสิ!!!”

“...”

“ถ้าพูดออกมาไม่ได้ เพราะความจริงนี่มันแทงใจล่ะก็ ช่วยทำตามที่เราบอก ไปจากชีวิตเพื่อนเราสักที”

“...”

“ให้เรื่องของเธอกับเพจเป็นแค่อดีตจริงๆ ไปสักที!”











แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้
ต่อให้ต้องเจ็บแบบนั้นอีกครั้ง
เราก็ยังจะขอรักและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอดีตของเขาอยู่ดี












เขาไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วกับการที่พวกเขาสองคนนั่งอิงกันท่ามกลางความมืดในห้องของพี่เพจแบบนี้

อาจจะแค่ห้านาที หรืออาจจะสิบนาทีก็ได้ เขาไม่ทันได้สนใจเสียด้วยสิ

เขารู้เพียงแค่...พี่เพจร้องไห้เท่านั้น

ในตอนที่เขาหลับไปกับน้ำตา จู่ๆ เสียงโทรศัพท์จากพี่สิงห์ก็ดังขึ้น เนื้อความมีเพียงแค่สั้นๆ เกี่ยวพันกับใครคนนั้นที่เขายังคงห่วง...บอกว่ากำลังดื่มเหมือนคนบ้าและยังร้องไห้ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่พี่สิงห์เชื่อว่าจะลากเขากลับบ้านได้

เขาจึงย้อนถามกลับว่าทำไมจึงมั่นใจแบบนั้น

ได้ยินแค่พี่สิงห์ตอบกลับมาว่า ‘มันร้องไห้เพราะเรานะ’
จากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองได้ล๊อกห้องไหมตอนที่ออกมา ใส่รองเท้าถูกหรือเปล่า? โชคยังดีที่ยังคว้าโทรศัพท์และกระเป๋าเงินออกมาด้วย เขาจึงสามารถพาพี่เพจที่เมาแอ๋กลับมาถึงห้องปลอดภัยได้ในที่สุด

มือของพวกเขายังคงจับกันเอาไว้เช่นตลอดทางที่นั่งเคียงกันมาบนรถ แม้กระทั่งตอนที่เดินขึ้นบันไดมือของพี่เพจก็ยังบีบแน่น ราวกับไม่ยอมปล่อยมือของเขา ยึดถือเอาคำพูดที่ว่าเขาจะยอมอยู่จนกว่าอีกคนจะหลับเอาไว้อย่างหนักแน่น

เพราะแบบนั้น...

“พี่ต้องทำยังไง...”

“...”

“ทำยังไงเราถึงจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้ครับ”

พี่เพจถึงยังไม่ยอมหลับตาลงเสียที

“ผมก็ไม่รู้”

“เรียกแทนตัวว่าคิงเหมือนเดิมได้ไหม?”

“...”

“แค่ตอนนี้ก็ได้ พี่อยากได้ยิน”

“...ครับ”

เพจยิ้มบางๆ ขณะเอนหัวที่หนักเหลือเกินซบลงที่บ่าของเด็กข้างตัว กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาจากตัวของคิงทำให้ใจของเขาสงบลงอย่างประหลาด เขาง่วงมากๆ เลยล่ะ แต่เขาจะหลับไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากเขาหลับ มือที่จับกันอยู่นี่จะต้องปล่อยออก...และคิงจะหายไปอีกแน่ๆ

เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เขาอยากจับมือคิงเอาไว้แบบนี้

ไม่อยากปล่อยไปเลย

นึกมาถึงตรงนี้ น้ำตาเขาก็คลอเต็มสองตาอีกแล้ว

“ทำไมเราอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกล่ะ”

“...”

“ทำไมถึงไม่มีความสุขแล้วล่ะคิง”

“...คิงก็ไม่รู้”

เสียงที่ตอบกลับมาอ่อนแรงเสียจนเพจจับได้ถึงกระแสความเศร้าทีเจือจางในน้ำเสียงนั้น เมื่อผละออกจากลาดไหล่ของคิง เขาก็พบว่าใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังส่งยิ้มให้ แต่มันช่างเป็นยิ้มที่เศร้าสิ้นดี โดยเฉพาะตอนที่เด็กคนนี้กำลังยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา “คิงไม่รู้ว่าทำไมมันไม่มีความสุขแล้ว”

“...”

“...”

“พี่ชอบเราจริงๆ นะ”

“อืม คิงรู้”

“ชอบเราเข้าแล้วจริงๆ”

“อืม คิงก็ชอบพี่เพจ”

“เท่าไหน?” เพจถามอย่างนึกสนุก ทั้งอยากจะเบี่ยงเบนไม่ให้พวกเขาสองคนพาลเศร้าไปมากกว่านี้

“เท่านี้” คิงว่าพร้อมกับกำมือให้เพจดู ซึ่งนั่นทำให้คนที่กำลังรอคำตอบเว่อร์ถึงกับย่นหัวคิ้ว แสดงออกถึงความไม่พอใจออกมา คิงจึงยิ้มและวางกำมือนั้นทาบลงที่อกของตัวเองที่มีหัวใจที่เต้นเบาๆ ดวงหนึ่งกำลังเต้นอยู่

แม้จะอ่อนแรงเพียงใด แต่มันก็ยังคงเต้นไปพร้อมกับความรักต่อใครบางคนยังมีชีวิตอยู่ในนั้น

“เพราะหนึ่งกำปั้นของคนเรา จะเท่ากับหัวใจของคนคนนั้น ดังนั้น...คิงเลยรักพี่เท่ากับหัวใจของคิงเอง”

“...”

“แต่เหมือนหัวใจคิงจะเล็กกว่าหัวใจพี่นิดหน่อย อย่าโกรธนะครับ”

เพจหลุดยิ้ม ทั้งที่เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “อืม ไม่โกรธ”

“พี่เองก็ชอบเราเท่ากำปั้นหนึ่งของตัวเองเหมือนกัน”

“...”

“ทั้งที่เป็นแบบนั้น ทั้งที่ใจตรงกันแล้วแท้ๆ”

“น่าเสียดายเนอะ”

“...”

คิงหันมายิ้มให้เขา ยิ้มที่เปื้อนน้ำตานั่น “ใจตรงกันแล้วแท้ๆ แต่ดันหมดความมั่นใจที่จะยืนข้างกันไปเสียได้”


“...”

“ฮึก...ขอโทษ คิงขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร”

“ขอโทษครับ พี่เพจ”

“ไม่เอา อย่าร้องไห้สิ”

คิงซุกใบหน้าของตัวเองเข้ากับอ้อมกอดของอีกคนที่เปิดกว้างรับเขาเข้าไปกอด กอดของพี่เพจยังคงอุ่นเหมือนคราก่อนที่ได้กอด เช่นเดียวกันกับเพจที่สบายใจเช่นทุกทีที่มีใครคนนี้ในอ้อมกอดของตน มันพอดี...เหมือนอ้อมกอดนี้รออีกคนมาตลอด

“พี่รอได้ จริงๆ นะ”

“...”

“จะสองปีหรือห้าปีเลยก็ได้ ถ้าเมื่อไหร่ที่คิงมั่นใจในตัวพี่ ค่อยกลับมาหาก็ได้”

“ไม่เอา คิงไม่อยากให้พี่รอ”

“...”

“คิงรู้ ว่าการที่ต้องรออย่างไร้จุดหมายมันเหนื่อยแค่ไหน ถ้าเพื่อคิงแล้วพี่ต้องรอแบบนั้น คิงยอมให้พี่ไม่ชอบคิงแล้วไปชอบคนอื่นดีกว่า”

“...”

“คิงยังยืนยันแบบเดิมว่าคิงอยากให้พี่มีความสุข...อยากให้เป็นแบบนั้นเสมอ”

“...”

“อย่า...ทนทรมานมารอคิงเลยนะ”

“...เราคิดว่าอีกสองปีหรือห้าปีต่อจากนี้เราจะยังชอบพี่อยู่ไหม?”

“...” คิงไม่ได้ตอบ แต่พยักหน้าเงียบๆ ในอกของเพจที่คอยซับน้ำตาของเขาอยู่ ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะในอกปลอบประโลมดวงใจที่บอบช้ำตัวเอง ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป

“ถ้าหากว่าเรายังชอบพี่อยู่...ทำไมตอนนั้นพี่จะรอเราไม่ได้”

“พี่เพจ”

“นี่! ที่พี่บอกว่าจะรอเพราะพี่มั่นใจในตัวเรานะ ถึงได้กล้าพูดออกมา”

“...”

“เพราะพี่รู้ ว่าปลายทางของการรอคอยคือเรา พี่ถึงได้พูดมันออกมาว่าจะรอ”

“...”

“คนเราน่ะ จะรอแค่คนที่เรารู้ว่าเขาจะมาเท่านั้นแหละ”

“แต่คิงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...”

เพจใช้มือทั้งสองข้างบีบแก้มนุ่มๆ ของคิงเอาไว้ ให้อีกฝ่ายชะงักคำพูดที่จะบั่นทอนทั้งความรู้สึกของเขาและของตัวเองเอาไว้ แล้วพูดต่อ “ระหว่างที่รอ พี่ก็จะทำให้เราเห็นว่า...การที่ได้อยู่ข้างเรามันทำให้พี่มีความสุขและจะทำให้เรามีความสุขให้ได้”

“...”

“เพราะฉะนั้น ได้โปรด อย่าเอาตัวเองห่างไปจากพี่มากกว่านี้ อย่าหายไปจากสายตาพี่ อย่างน้อยๆ ขอให้พี่ได้เห็นเราบ้างนะ...”

“...”

“ขอให้นี่เป็นการเว้นระยะห่างครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเราเถอะนะ”

“...”

“...”

ทั้งๆ ที่คำพูดและน้ำเสียงที่กล่าวออกมาหนักแน่นเสียเหลือเกิน ทว่าใบหน้าของเพจไม่ได้มีความมั่นใจเลยสักนิดที่พูดคำเหล่านั้นออกมา เขาทั้งหวาดกลัวและกังวลใจมากมายเหลือเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้ เขากลัวว่าคิงจะหมดความมั่นใจในตัวเขาจนไม่อยากจะรอหรือรับข้อเสนอนี้ของเขา เขากลัวว่าวันพรุ่งนี้จะไม่ได้เจอกัน เขากลัว...ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน

ความรู้สึกของเขาที่มี อาจจะเป็นเพียงหน่อของต้นไม้เล็กๆ ที่มีเพียงรากผิวเผิน ไม่ได้หยั่งลึกเช่นในใจของคิง กระนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า การที่มันเติบโตขึ้นมาไม่มีความหมายแต่อย่างใด

อย่างน้อยๆ มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยๆ สำหรับเขามันก็คือความรักจริงๆ

“...พี่เพจจะรอจริงๆ เหรอ”

“อืม”

“แล้วถ้าสุดท้ายคิงไม่มีวันมั่นใจในตัวพี่ล่ะ”

“ไม่เป็นไร...ต่อให้เป็นแบบนั้น ก็ไม่เป็นไร”

คิงเม้มปาก กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกแล้ว “พี่กำลังเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองอยู่นะ”

“พี่ก็แค่ทำตามเราเท่านั้นเอง”

“แต่คิงชินแล้ว...”

“เดี๋ยวพี่ก็จะชินและเข้าใจความรู้สึกเราไปด้วยไง” เพจปาดน้ำตาให้เด็กขี้แยตรงหน้า ทั้งที่ตัวเองก็เผลอร้องไห้ออกมาแล้วเหมือนกัน เพราะเมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา นั่นหมายถึง...ครั้งต่อไปที่จะได้พบกัน ระยะห่างระหว่างพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้น กระทั่งแม้แต่จะทำเช่นนี้คงทำไม่ได้

เขาก็ได้แต่หวังว่า กาลเวลาจะเยียวยาหัวใจที่ไม่มั่นคงของคิงได้

แต่ได้หวังว่ากาลเวลาจะไม่พัดพาให้ดวงใจของพวกเขาออกห่าง

“ถึงตอนนั้น พี่ก็จะได้ไม่เผลอทำร้ายความรู้สึกเราแบบนี้อีก”

“...”

“พอถึงตอนนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกัน ด้วยความรู้สึกที่มั่นคงทั้งสองฝ่าย”

 “...”

“ถึงตอนนั้น เราจะได้มีความสุขไปด้วยกันเสียที”

ขอให้มันยังคงแนบชิดเช่นนี้

ตราบจนวันที่กายเราได้กลับมาเคียงข้างกันเช่นนี้ด้วยเถอะ










พี่เขาเมานิดหน่อย 555 ขอเวลาให้คนไม่มั่นใจหน่อยเนอะ
ภาษาเมาๆ อีกแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ TT ฝากติดตามต่อไปจนจบเลยน้าาา
เจอกันตอนหน้าคับบ :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 14 (3/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 03-07-2017 07:15:02
ร้องไห้ตามพี่เพจ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 14 (3/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 03-07-2017 09:59:56
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
เศร้าาาาาา..โฮวววววว
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 14 (3/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 03-07-2017 11:15:45
น้ำตาจะไหล ซึ้งอ่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 14 (3/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 03-07-2017 23:14:17
บอกตรงว่าร้องไห้เลย มันรู้สึกจุกไปหมด
สงสารพี่เพจ ทั้งที่ใจตรงกันแล้วแท้ๆ แต่ไม่เป็นแบบที่หวัง
เหมือนห่างกันแค่เอื้อมเดียว แต่ก็อยู่ข้างกันไม่ได้ มันน่าเศร้านะ
ถ้าครั้งนี้จบลง เหมือนทั้งสองคงต้องห่างกัน
ระหว่างทางที่จะไปอยู่เคียงข้างกัน
หวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยาคิงนะ
อย่างน้อยพี่เพจเขารออยู่

อย่าแปลกใจทำไมผมอินกับเรื่องนี้มาก
เราเข้าใจความรู้สึกตัวละคร เพราะผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
ต่างกันแค่ตอนพอรู้ว่ารู้สึกยังไง อีกฝ่ายดูเย็นชา
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 14 (3/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-07-2017 05:53:27
 :mew4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 14 (3/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 05-07-2017 15:45:03
อ่านแล้วหดหู่ใจ

เขารักกันแล้วนะ เขารักกัน เราเชื่อว่าพี่เพจทำได้ ขนาดรอชะนีที่ทิ้งไปสองปี โดยที่รู้ว่านางไม่กลับมายังทำได้ แล้วจะยากอะไรกับการรอใครสักคนที่รักเราสุดหัวใจ

คิงไม่ต้องรีบเชื่อพี่เพจหรอก ให้เวลามันค่อย ๆ พิสูจน์อะ ว่าถ้าในอนาคตจะมีเรื่องอะไรอีก จะก้าวข้ามผ่านมันไปได้

รู้สึก ไม่เห็นใจยัยผญนั่นเลย ทุเรศมาก กลับมาเพราะอยากเอาอีกคนไปประชดอีกคน ยุให้นางเลิกกับแฟน เพราะผชทนสันดานนางไม่ได้


หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 14 (3/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 06-07-2017 00:51:44
อ่านอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหล
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 15 (6/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 06-07-2017 22:00:14
กฎข้อที่ 15 อย่าใจอ่อนง่ายๆ
คุณเป็นคนเดียวที่ใจผมนึกอยากจะลืมให้หมดสิ้นทั้งใจ
แต่ทั่วจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ กลับมีเพียงคุณคนเดียวที่ทำให้ผมมีความสุขได้










“พี่รอได้ จริงๆ นะ”


แม้กระทั่งในความฝันก็เหมือนว่าเสียงพี่เพจยังดังก้องในนั้นไม่จางหายไป เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ ก็พบว่ามันก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ผมยังคงตื่นมามองแสงอาทิตย์ทีส่องจากด้านนอกหน้าต่าง ยังคงลุกไปรดน้ำต้นไม้และฉวยโอกาสตอนนั้นมองไปยังห้องข้างๆ เช่นเดิม

แต่ภาพที่เห็นกลับไม่เหมือนทุกวันแล้ว

เพราะ

“อรุณสวัสดิ์”

“...อรุณสวัสดิ์ครับ” ผมจ้องตาคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของระเบียงเพียงชั่วพริบตาก่อนจะละสายตาไปที่อื่น เพราะคงทนมองสายตายิ้มๆ แบบนั้นได้ไม่นานแน่ๆ วันนี้พี่เพจไม่ได้ออกมาชมแสงอาทิตย์ยามเช้าพร้อมกับแก้วกาแฟแก้วนั้นอีกแล้ว พี่เขาอยู่ในชุดนิสิตที่ยังไม่เรียบร้อยนั่นและกำลังรดน้ำต้นตะบองเพชรที่เกือบตายต้นนั้นเพียงเล็กน้อย หากเทียบกับเมื่อวาน ผมว่ามันค่อนข้างจะอาการดีขึ้นนะ

ส่วนต้นของผมยังคงเขียวสดและมีดอกตูมเล็กๆ ที่กำลังโตรอวันบานอยู่เช่นเดิม

“วันนี้เรียนเช้าหรือเปล่า?”

“...” ผมไม่ได้ตอบแต่พยักหน้ารับเงียบๆ และแน่นอนว่า ยังไม่กล้าสบตากับพี่เพจเหมือนเดิม ผมรู้สึกว่าระหว่างเรามันกระอักกระอ่วนขึ้นนิดหน่อย ในบรรยากาศที่คุ้นเคยเหมือนจะแทรกด้วยความสุภาพที่ไม่ค่อยพบระหว่างเรามากขึ้น คล้ายว่า...เราต่างทะนุถนอมในช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันและทะนุถนอมหัวใจของอีกฝ่ายไปด้วย

ไม่ออกแรงมากไปและไม่ปล่อยจนรู้สึกว่างเปล่า

ปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น

“งั้น...พี่ไปก่อนนะ”

“...อืม”

“อ้อ คิงมานี่เดี๋ยวสิ”

“...?” ผมเดินเข้าไปหางงๆ ก่อนจะเหวอเมื่ออีกฝ่ายพูดต่อ

“มีหนอนบนหัวเราอ่ะ”

“เอาออกให้คิงหน่อย!!!”

“...ขยับมานี่สิ”

ผมรีบขยับเอนตัวไปหาพี่เพจด้วยความเร่งรีบ แค่คิดว่ามีตัวยึกยือเขียวอี๋กำลังไล่กระดื๊บบนหัวผมก็อดขนลุกไม่ได้แล้ว ทว่าไม่รู้ว่าตาฝาดไปเองไหม ที่ดันตาไวเห็นว่าพี่เพจ...แอบยิ้มมุมปากตอนที่ผมขยับไปหา

“เอาออกยังอ่ะ”

“แปบหนึ่ง”

“พี่เพจ! เอามันออกไปเร็วๆ คิงไม่ชอบ”

“แต่พี่ชอบนะ”

“ไอ้พี่เพจ!!”

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้เราแทนตัวเองด้วยคำที่น่ารักโคตรๆ อยู่น่ะ”

“...”

“เอ้า ออกแล้ว” พี่เพจว่ายิ้มและขยับออกห่างจากใบหน้าของผมเพียงเล็กน้อย ผมเม้มปากระงับความเขินที่เผลอหลุดปากเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วต่อหน้าพี่เพจ ก่อนจะพบว่าที่หยิบออกมาจากผมของตัวเองในมือของพี่เพจนั้น มันไม่ใช่หนอน แต่เป็นเพียงใบไม้เท่านั้นเอง

ผมกำลังจะอ้าปากโวยวายเสียอยู่แล้วเชียว หากต้องโทษที่ตัวเองเป็นคนความรู้สึกช้า ตอบสนองคนอื่นช้ากว่าชาวบ้าน เพราะแบบนั้น...พี่เพจที่ฉวยโอกาสที่ผมไม่ทันระวังชะโงกใบหน้ามาประทับริมฝีปากบนหน้าผากเบาๆ แล้วเดินหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่น่าขัดใจนั่น

มันน่าขัดใจตรงไหนน่ะหรือ? ตรงที่ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากตีอกชกลมไปเรื่อยน่ะสิ!

“ไอ้พี่เพจ!!!”

“ฮ่าๆๆ”

ให้ตายเถอะ นี่เราห่างกันจริงหรือเปล่าเนี่ย

ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเราเข้าใกล้กันมากขึ้นแทนล่ะ...-_-///












“เอาแบบเดิมหรือเปล่าคิง”

“ครับ แต่วันนี้เอาสองเลย”

“ไม่ต้องจ่ายนะ นี่ครับป้า ของผมแล้วก็ของน้อง”

ผมกำลังอ้าปากจะค้านเลย แต่พี่เพจกลับเดินหนีไปพร้อมกับที่ป้าเขาเก็บเงินไปเรียบร้อย ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่หน้าร้านป้าที่ขายแซนวิชแบบนั้นครู่ใหญ่ จนได้สตินั่นล่ะจึงก้าวขายาวๆ ตามร่างที่เดินนำไม่ไกลนั่นให้ใกล้พอจะมองเห็นแผ่นหลังกว้างได้เต็มตา

แปลกดี ผมมองความเงียบเหงาข้างกายที่เคยมีใครคนนั้นเดินข้างกัน สลับกับมองแผ่นหลังของคนคนนั้นที่ว่า ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ผมก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นจางๆ รอยยิ้มที่เคยหายไปเมื่อช่วงก่อน ค่อยๆ กลับมา มันยิ่งขยายกว้างเมื่อรับรู้ว่า คนด้านหน้าลดฝีเท้าลงให้ช้าพอที่ผมจะตามเขาทัน ในระยะที่ไม่ใกล้จนเกินไป แต่ก็ไม่ไกลจนเกินไปเช่นกัน

“วันนี้กินข้าวที่ไหน?” จู่ๆ พี่เพจก็พูดขึ้นมา หากไม่เพราะผมอยู่ด้านหลัง ผมคงคิดว่าพี่เขาพูดคนเดียว

“ก็...โรงอาหารแหละครับ”

“โอเค งั้นพี่จะไปนั่งกินที่โรงอาหาร”

“พี่เพจกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? ผมงงไปหมดแล้วนะ”

“กำลังทำความเข้าใจความรู้สึกเราอยู่ไง”

“...”

พี่เพจหยุดและหันกลับมาหาผม มอบรอยยิ้มสดใส ให้มันระบายเต็มใบหน้าที่ผมหลงรัก

“พี่แค่อยากจะลองมองเราในที่ไกลๆ ดูบ้าง ลองให้ตัวเองแอบรักเราบ้าง น่าจะดีเนอะ”

“ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย พี่แค่เป็นแบบเดิมไปก็พอ”

“แล้วจะให้แต่เราอยปรับตัวเข้าหาพี่น่ะเหรอ ไม่เอาอ่ะ ไม่แฟร์เลย”

“...”

“ในเมื่อมันคือเรื่องของเรา ก็ต้องพยายามกันทั้งสองคนสิ มีคนเดียวที่พยายาม คนคนนั้นก็เหนื่อยตาย”

“...”

“เจอกันตอนเที่ยงนะคิง พี่จะรอเรานะครับ”

ผมโบกมืออย่างไร้สติไล่ตามหลังพี่เพจไป โดยที่ไม่อาจหุบยิ้มได้คล้ายคนบ้า

พี่เขาจะทำให้ผมมีความสุขจนตายไปเลยใช่ไหมนะ?














ผมรู้...ว่าหากผมรักคุณจริงๆ ผมควรปล่อยคุณไป
แต่ที่รัก... ผมทำไม่ได้จริงๆ
ผมรักคุณ...รักมากมายเหลือเกิน









“มีกำหนดบินกลับเมื่อไหร่น่ะ เอิร์น?”

เสียงทุ้มที่กล่าวถามขึ้นในเย็นวันหนึ่ง ณ หอสมุดที่แหล่งศึกษาเก่าของเธอดังขึ้นจากปากผู้ชายที่เคยตรงมาหาเธอด้วยใบหน้าแดงเรื่อคนนั้น วันนี้บนใบหน้าหล่อเหลามีเพียงความว่างเปล่าและบริสุทธิ์ใจเช่นที่เธอเคยต้องการมาตลอด

แต่ไม่ใช่อีกแล้วในตอนนี้

เธอวางหนังสือที่ฉวยเอามาเล่นๆ ฆ่าเวลาระหว่างรอเพจทำงานลงกับโต๊ะ ก่อนจะเฝ้ามองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายเงียบๆ เขาไม่มีทีท่าว่าจะหันมาหาเธอเลยแม้แต่น้อย ยังคงทำงานต่อไปจนกว่าจะเสร็จ เธอจำได้แค่ว่าตอนที่เธอบอกว่าจะรอเป็นเพื่อน เขาพูดเหมือนกับจะไปหาใครบางคน...ที่รอเขาอยู่

คนที่เธอนึกถึงแล้วก็ได้แต่เม้มปากด้วยความไม่พอใจ

มีอะไรตรงไหนที่ดีกัน ทำไม...ทำไมถึงได้ลืมเธอแล้วหันไปหาอีกคนง่ายๆ เสียอย่างนั้น

ทำไมไม่เห็นเป็นเหมือนที่เพื่อนเธอคนอื่นเล่า ว่าเขาปักใจกับเธอจนชอบไปเมาที่ร้านเหล้าบ่อยๆ นับตั้งแต่เธอจากมา
หรือมันจะจริงอย่างที่สิงห์พูด

เพจ...ไม่ได้รักเธออีกแล้ว

“เพจ”

“หื้ม?” ใบหน้าที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานชะงักไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของเธอ “ไม่รักเอิร์นแล้วเหรอ”

“...”

“จริงๆ เหรอ?”

“...อ่า ตอนนั้นยังพูดไม่เคลียร์ล่ะสินะ”

“...”

“อืม คิดว่า ไม่รักแล้ว”

“...”

ความจริงเธอตั้งใจจะพูดอีกมากมายให้เพจฟัง แม้จะได้ยินคำว่าไม่รัก เธอก็จะพยายามเค้นเอาความรู้สึกเก่าๆ กลับคืนมาให้ได้ แต่ไม่คิดเลย่า พอมาได้ฟังคำนี้จริงๆ ...มันจะทั้งจุกและพูดไม่ออกเช่นนี้

เพจเองก็คงพอจะเดาความรู้สึกเธอได้เขาจึงไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากก้มลงไปทำงาน จนกระทั่งจบบรรทัดสุดท้ายได้ในที่สุด ทันก่อนแสงสุดท้ายของวันจะหายไป เพจมองนาฬิกาแล้วยิ้มเล็กน้อย ยังพอมีเวลาเขาจึงรีบเก็บของแล้วลุกขึ้น เพื่อเตรียมที่จะไปหาใครบางคนที่ตอนนี้น่าจะกลับหอไปแล้ว

“งั้น เดี๋ยวเรากลับก่อนนะ ไม่ส่งนะเอิร์น”

“ไม่มีทาง...ที่จะกลับมาเป็นแบบเดิมแล้วเหรอ?”

“...”

น้ำตาที่แค่คลอขังตอนแรก ไหลรินในที่สุด “ไม่มีทางจริงๆ หรือเพจ”

“...ตั้งแต่เลิกกัน เราเหมือนคนติดยาที่อยู่ในช่วงหักดิบเพื่อรักษาตัวเองมาตลอดเลย”

“...”

“มันเจ็บมากนะ นึกถึงทีไรน้ำตามันก็ไหลทุกที แต่เราก็ทำแบบนั้นต่อหน้าเพื่อนๆ ไม่ได้ เรารู้ว่าพวกมันเป็นห่วง ทุกครั้งเลยได้แต่ยิ้มหัวเราะแล้วก็กลับมาร้องไห้คนเดียว ความรู้สึกน่าอึดอัดแบบนั้นมันแย่จริงๆ นะ”

“...”

“จนกระทั่ง...” ใบหน้าเรียบเฉยค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย ราวกับแสงสว่างท่ามกลางความมืดมนในช่วงเวลาเหล่านั้น หมายถึงใครบางคนที่มาได้ถูกที่และถูกเวลาเสียเหลือเกิน “...เราได้เจอกับใครคนหนึ่งที่เป็นเหมือนผู้รักษา”

“...”

“เขาไม่เคยบังคับให้เราลืมความรักที่มีต่อเอิร์น ไม่เคยบอกว่าอย่าไปนึกถึงความทรงจำเก่าๆ ให้เจ็บปวด แต่เขาบอกว่า ถ้าไม่อยากลืมก็ไม่ต้องลืม แต่ต้องจำเอาไว้ว่า หากเลือกที่จะไม่ลืม ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำและความเจ็บปวดเหล่านั้นให้ได้ หากทำอย่างนั้นได้ สักวันหนึ่ง...เมื่อนึกถึงเราก็จะไม่เจ็บอีก”

“...”

“เพราะแบบนั้น พอเราได้เจอเอิร์นอีก เราถึงได้ยิ้มแบบนี้ให้เอิร์นได้ไงละ”

แล้วเพจก็ยิ้ม เป็นยิ้มที่สดใสเหลือเกินในสายตาของเธอ ยิ้มนั้นทำให้เธอหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เหมือนมันผ่านมานานแสนนานแล้ว ครั้งที่พวกเขาเป็นคู่รักกัน ครั้งที่สายตาของเธอมองที่เขาเพียงผู้เดียว

ผู้ชายที่ทำให้เธอยิ้มและหัวเราะคนนั้น ก่อนที่จะมีใครเข้ามาเปลี่ยนเธอและเปลี่ยนคำว่าเราให้หายไป

“แต่ดูเหมือน เพราะการกลับมาของเอิร์นหรือเพราะที่ผ่านมาเราแสดงแต่ด้านอ่อนแอให้เขาเห็นมั้ง เขาเลยนึกว่าเรายังไม่หาย ตอนี้เลยกลายเป็นเราคอยรักษาเขาแทน” เพจพูดติดตลก แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าเอิร์นคงรู้ว่าเขาหมายถึงใคร แต่ในเวลาเช่นนี้ การไม่เอ่ยถึงบุคคลที่สามมันดีกว่า “โชคดีที่เขายอมให้เรารักษา ซึ่งเราจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอีกเด็ดขาด”

“...เหมือนครั้งของเราน่ะเหรอ?”

“...”

“เพจ?”

“ไม่เหมือนหรอก”

“...”

“ตอนนั้นเอิร์นไม่ได้รักเราแล้วนี่นา”

“...”

เพจรวบข้าวของทุกอย่างเอาไว้ในมือเดียวแล้วพูดต่อ “แต่กับเขา เรารู้...ว่าถ้าเราทุ่มเททุกอย่างให้ไป เราจะไม่มีวันเสียใจ”

“...”

“อยู่กับเขาเรามีความสุข เชื่อไหม? เขาเป็นคนแรกเลยนะที่เรากล้าร้องไห้ให้เห็น ทั้งที่ไม่กล้าให้เพื่อนสนิทเห็นน่ะ ...แต่คำพูดของเขาตอนนั้น มันทำให้เราวางใจและสบายใจมากจริงๆ จนยอมปลดรอยยิ้มโง่ๆ ที่หลอกตัวเองออกแล้วร้องไห้ออกมา”

“...แล้วเขาพูดว่าอะไร” หญิงสาวรู้ดีว่าตอนนี้ก็ไม่มีคำพูดใดแล้วที่จะรั้งหัวใจผู้ชายตรงหน้าเอาไว้ได้ เธอจึงทำได้เพียงแค่เช็ดน้ำตาบนใบหน้าตัวเอง รอฟังคำพูด...ที่บางที ผู้ชายคนนี้อาจจะรอฟังจากเธอ

เพียงแต่เธอมาช้าไปและ...มีใครบางคนเห็นค่าและทะนุถนอมหัวใจเขาได้มากกว่าคนนั้นเอ่ยปากก่อน

“เขาแค่บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืนแล้ว”

“...”

“บางที ตัวเราในตอนนั้นอาจจะแค่ต้องการไหล่ใครสักคนและประโยคนั้น แล้วร้องไห้ดังๆ ให้สาแก่ใจครั้งหนึ่งล่ะมั้ง”

“...”

“พอพ้นวันนั้นมา เราก็เหมือนคนที่หายป่วย มองทุกอย่างจากความเป็นจริง ไม่หลงวนอยู่แต่กลับอดีต จนมองเห็นใครคนนั้นในที่สุด”

“เพจ...มีความสุขอยู่ใช่ไหมตอนนี้”

“อืม ^^ มีความสุขสิ”

“...”

“เราเอง...ก็หวังให้เอิร์นมีความสุขเหมือนกันนะ”

“...”

“ขอบคุณสำหรับอดีตที่แสนดีนะเอิร์น...แต่ตอนนี้ เราไม่ต้องการอดีตเหล่านั้นอีกแล้ว”











พี่เขาชัดเจนแล้ววววววว มารอดูช่วงพิสูจน์ใจของพี่เพจกันนน
ฝากติดตามเช่นเคย ตอนหน้ายังคงอยู่ในห้องสมุดต่อ 555555 :) :NAVY


หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 15 (6/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 07-07-2017 08:28:53
หมดน้ำตาไปหลายลิตร สงสารน้องคิงสุดใจ สู้นะทั้งคู่ ขอให้มีความสุขสุดๆสักที  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 15 (6/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 07-07-2017 09:52:35
เป็นกำลังใจให้ทั้งพี่เพจและน้องคิงนะ...คนเขียนด้วย :กอด1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 15 (6/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 07-07-2017 10:14:02
พี่เพจสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 15 (6/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 07-07-2017 13:11:19
รอดดูพี่เพจทำคะแนนนนนนะคะะะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 15 (6/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-07-2017 18:21:20
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 15 (6/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 07-07-2017 20:31:13
เป็นเรื่องที่สนุกมากกกก
แอบรัก กุ๊กกิ๊ก น่ารัก จนกระทั่งหม่นๆ อึดอัด
แต่ก็ยังคงสนุกอยู่

ชอบสำนวนการแต่ง ชอบบรรยากาศ ชอบเนื้อเรื่อง
สนุกมากๆครับ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 15 (6/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: xxSunShinexx ที่ 07-07-2017 21:41:34
ถ้าคิงไม่มั่นใจยกพี่เพจให้เราก็ได้ ท่ดๆ//โดนคิงถีบ
น้องคิงเอ้ยยย แค่ผิดหวังครั้งเดียวก็เป็นแบบนี้แล้ว เราไม่ได้อะไรแต่ขัดใจที่มันยังไม่happyทั้งๆที่ปมก็คลายแล้ว ฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 16 (10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 10-07-2017 16:42:27
กฎข้อที่ 16 อย่าหายไป
ยังไงก็แล้วแต่
ความรักที่ดีก็ยังคงเป็นความรักที่ดีเสมอ








ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น

“ได้ไปดูหรือยังคิง ว่าฝึกงานช่วงปิดเทอมครั้งนี้ได้ไปฝึกที่ไหน”

ผมเงยหน้าขึ้นจากรายงานที่ต้องส่งในวันนี้ขึ้นตอบ “ยังอ่ะ แต่เดี๋ยวเช็กรายงานแล้วจะดู ที่ไหนอ่ะ?”

“ตึกคณะเลย น่าจะชั้นสี่นะ หน้าห้องอาจารย์อ่ะ”

“โอเค ขอบใจนะ”

“ถ้าได้อยู่ที่เดียวกันก็ดีเนอะ”

ผมหัวเราะเบาๆ และพยักหน้ารับ เพราะคิดไม่ต่างกัน การที่ต้องไปฝึกงานครั้งแรกในต่างถิ่นโดยไม่มีเพื่อนสักคน มันฟังดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้สำหรับผม อย่างน้อยๆ ก็ขอให้แต้มบุญของตัวเองยังเหลือมากพอที่จะไม่ถูกส่งไปที่แปลกๆ ล่ะนะ -_-;

หลังจากเช็กเรียบร้อยว่ารายงานไม่มีจุดไนผิดลาดแล้ว ผมก็ส่งมันไปรวมกับกลุ่มเพื่อน แล้วเดินออกจากห้องเรียนเลกเชอร์เพื่อไปยังหน้าห้องอาจารย์ที่ติดประกาศบอกสถานที่ฝึกงานของพวกผม ที่บริเวณบอร์ดเต็มไปด้วยบรรดานักศึกษาคณะเดียวกันหลายๆ ชั้นปี เสียงพูดคุยนี่ดังไปจนถึงหน้าลิฟต์นู่นแน่ะ ใช้เวลาแหวกกลุ่มคนอยู่ครู่ใหญ่ ผมก็เข้ามาถึงด้านหน้าได้เสียที

“ได้ที่ไหนอ่ะคิง”

“ยังไม่เห็นชื่อตัวเองเลย”
“อ๊ะ เราไปได้ที่ศูนย์ B มีบีมด้วยอีกคน”

“เรา...” ผมชี้ไล่รายชื่อกระทั่งหยุดที่หน้าชื่อตัวเอง “...ที่ศูนย์ H “

“โห ต่างจังหวัดป่ะ ไกลเลยดิทีนี้”

ผมยิ้มแหย อดคิดถึงค่าใช้จ่ายที่จะพุ่งพรวดไม่ได้เลย ถึงจะใช้เวลาแค่เดือนเดียว แต่นั่นหมายความว่าผมจะต้องหาที่พักสำหรับที่นั่นและจ่ายเงินค่าหอที่นี่ด้วย แย่ละ “มีเราคนเดียวเหรอไป”

“เหมือนอาจารย์จะเคยพูดนะว่าเขารับแค่ไม่กี่คน มีม.อื่นไปด้วย คงราวๆ สี่ห้าคนอ่ะ ที่ไปฝึกงานที่นั่น”

“แสดงว่าม.เรา ปีนี้มีแค่เราที่ไป?”

นิ่ม เพื่อนที่มาดูประกาศด้วยกันตบบ่าให้กำลังใจ “สู้เขานะคิง”

โอ๊ยยย ให้ตายเถอะวะ ทำไมโชคร้ายแบบนี้ TT

“คิง?”

“พี่สิงห์? มาทำอะไรอ่ะครับ”

“มาหา ‘จารย์ เราอ่ะ” พี่สิงห์ในชุดนิสิตที่ไม่เรียบร้อยเช่นเคยเดินตรงเข้ามาหา เขาชะโงกหน้าไปด้านหลังผมก่อนจะหัวเราะเบาๆ เหมือนจะเดาได้ “มาดูที่ฝึกงานอ่ะดิ”

“อืม ไปไกลเลย”

“เอาน่า ที่นี่ดีนะ พี่เคยไปมีที่พักให้ฟรีด้วย”

“จริงดิ” งั้นคงเสียแค่ค่ากินสินะ”

พี่สิงห์พยักหน้าและเล่าเรื่องการฝึกงานร่วมกับนักศึกษาจากม.อื่นให้ฟังเล็กน้อย พอเป็นแนวทางให้สำหรับผม เราพูดคุยกันแบบนั้นกระทั่งหน้าห้องอาจารย์เหลือแค่เราสองคน

“...มีอะไรหรือเปล่าพี่สิงห์” ผมหยุดพูดไปเมื่อเห็นว่าพี่สิงห์ก้มมองข้อความหรืออะไรบางอย่างในโทรศัพท์แล้วมีสีหน้าแปลกๆ เขาเงยหน้ามองผมแล้วส่ายหน้า

“กับไอ้เพจเป็นยังไงบ้าง?”

“...ก็เรื่อยๆ”

“คือยังไง?”

ผมเม้มปาก มันอายนิดๆ นะที่จะมาพูดแบบนี้ กลายเป็นว่าพี่สิงห์คล้ายจะเป็นที่ปรึกษาเรื่องหัวใจของผมกับพี่เพจไปเสียแล้ว

“ก็รอมั่นใจในตัวพี่เขาก่อนล่ะ...มั้งครับ”

“...งั้นไปฟังอะไรหน่อยไหม เผื่อจะช่วยให้มั่นใจมากขึ้น”

“ครับ?”

พี่สิงห์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยชวน “ที่หอสมุดตอนนี้มีละครดีๆ ให้ดูด้วยล่ะ ไปดูไหม?”

“ผมไม่ชอบดูละครเท่าไหร่”

“เอาเถอะน่า”

“...”

“เชื่อพี่ได้เลยว่าละครเรื่องนี้จะทำให้เราชอบมากแน่ๆ”











และคุณ
ก็คือคนที่ดีที่สุดและพอเพียงแล้วสำหรับผมเสมอเช่นกัน










หลังจากนั้น ช่วงเวลาเดียวกับตอนที่เพจอยู่ในหอสมุด


“พี่แน่ใจนะว่าไม่ได้จงใจให้ผมมาได้ยินแบบนี้น่ะ”

เสียงหนึ่งที่ซอกตู้หนังสือขนาดใหญ่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของหอสมุดยามเย็นดังขึ้น พร้อมกับที่เสียงหัวเราะในลำคออย่างถูกใจของคนข้างกายจะดังขึ้น แล้วเจ้าของเสียงหัวเราะนั่นก็เลื่อนมือไปขยี้เส้นผมนุ่มของเด็กข้างตัวที่หน้าแดงไปหมดแล้วแต่ก็ยังทำปากเก่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรเหมือนเดิม

“ไม่ได้ตั้งใจ ...จริงๆ นะ”

“เหมือนนัดกันมาเลยชัดๆ”

“ไม่ได้นัด เอ้า ไปดูเลยก็ได้ พี่โทรหา นัดไลน์ ส่งแชทอะไรไหม ไม่มี๊!”

เมื่อช่วงเย็นตอนที่เขาเลิกเรียน ยืนคุยกันที่หน้าห้องพักอาจารย์อยู่ดีๆ  จู่ๆ พี่สิงห์ก็ชวนเขาให้ไปที่หอสมุด โดยไม่บอกก่อนว่ามีเรื่องอะไร (บอกว่าจะชวนมาดูละคร เขายังงงว่าละครอะไรจะมาฉายที่หอสมุดวะ -*-) มาถึงก็ลากเขามายังโซนนี้แล้วให้รอ ซึ่งก็ยังไม่บอกอยู่ดีนั่นล่ะว่ารออะไร จนเมื่อเห็นพี่เพจและเธอคนนั้น เขาจึงเข้าใจจุดประสงค์ของพี่สิงห์ ยิ่งได้ยินคำพูดของพี่เพจที่หมายถึงตน...ทันทีที่นึกถึงแก้มของเขาก็แดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น

เขาไม่ได้คิดหรอกว่าการกระทำของเขายิ่งใหญ่พอจะเปลี่ยนใครสักคนหรือไม่

เขาเพียงแค่อยากดูแลหัวใจของคนท่เขารักเท่านั้น

แค่อยากจะอยู่ข้างๆ แบบนั้นเท่านั้นเองจริงๆ

คิงเหล่มองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองรุ่นพี่ที่ตนมักจะจดจำได้จากท่าทางเฉยชาไม่สนโลก มากกว่าใบหน้าที่มีรอยยิ้มแย้มเช่นนี้ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปเมื่อได้เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาและเขาจำได้ดีว่า ในหอสมุดโซนนี้นั้น นอกจากพวกเขาที่ทำตัวเป็นกาฝากติดตู้หนังสือเช่นนี้ ก็มีเพียงพี่เพจเท่านั้น ใจจึงอดตื่นเต้นไม่ได้

“ออกไปสิ”

“ไม่เอา จะให้คิงออกไปทำไม”

“เถอะน่า!”

เฮ้ย!!!

โครม!!!

“ไอ้พี่สิงห์!! ฟหกดเสวงวบลำดบื -O-... พี่เพจ” ท้ายเสียงของคิงอ่อนลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่เขาแอบดูและแอบฟังอย่างถือวสาสะคนนั้นกำลังนั่งลงยองๆ มองเขาพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดูอยู่

“มาทำอะไรตรงนี้น่ะคิง”

“ผม...แค่ตามพี่สิงห์มา” แต่พอหันไปหาตัวต้นเหตุ เขาก็พบเพียงความว่างเปล่า นั่นคนหรือหนู! ไวชิบเป๋ง!!

“อ่า...เพื่อนพี่เขาหลอกผมมา จริงๆ นะ”

“อืม พี่เชื่อ แต่เย็นขนาดนี้แล้วกลับหอกันเถอะ พี่จะไปหาเราพอดี”

เพจว่าพร้อมกับยื่นมือเหมือนอยากจะจูงมือ แต่นึกได้ว่าตอนนี้พวกเขายังอยู่ในช่วงที่เหมือนกับช่วงทดลองก่อนจะคบกัน การจับมือคงเร็วไปละมั้ง มือที่ยื่นไปจึงชักกลับมาลูบหลังคอตัวเองเก้อๆ

คิงมองการกระทำและความคิดของเพจออกทั้งหมด เขาจึงยิ้ม

“ผมได้ยินนะ”

“หืม?”

“ที่พี่พูดเมื่อกี้น่ะ”

“...แล้วว่ายังไง พี่พอจะได้คะแนนความน่าไว้วางใจเท่าไหร่จากเรา” แม้จะรู้สึกอายนิดหน่อย เพราะจำได้ว่าเขาพูดเรื่องน่าอายนิดๆ ทว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเขากลับไม่รู้อายเลยสักนิด มีแต่อยากจะพูดให้เข้าใจ โชคดีที่แม้จะดูเหมือนพูดด้วยยาก แต่สุดท้ายเอิร์นก็ยอมเข้าใจแต่โดยดีในที่สุด

“อืม เท่าไหร่ดีละ”

“เต็มร้อยให้เท่าไหร่”

คิงอ้าปากจะตอบ แต่แล้วก็เหมือนคิดอะไรได้ ใบหน้าจึงแดงเรื่อก่อนจะตอบเสียงค่อย

“หนึ่งคะแนน”

“อะไรกัน! แค่คะแนนเดียวจริงอ่ะ”

“ก็...ผมไม่ได้อยากให้คะแนนมันเต็มนี่”

“...”

ดวงตาขลาดอายค่อยๆ เงยสบกับคนตรงหน้า “พี่พูดเองว่าจะลองมาแอบรักผมใช่มั้ยล่ะ ผมก็แค่อยากจะรู้สึกแบบนั้นไปนานๆ อีกหน่อยเท่านั้นเอง”

“...”

“ผมอยากแอบยิ้มทำเหมือนไม่รู้ตัวตอนที่พี่แอบมองผม อยากจะรู้สึกไม่เหงาเวลาที่เงยหน้าขึ้นแล้วมีพี่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้า อยากจะรู้สึกอุ่นใจที่มีใครสักคนคอยเดินกลับห้องด้วยกัน”

“...”

“อยากจะ...รู้สึกอบอุ่น เวลามีใครสักคนคอยฟังเสียงประตูห้องเราปิด ใครคนที่รอให้เรากลับมา...ให้นานๆ เท่านั้นเอง”

“...เจ้าเล่ห์นักนะเราน่ะ” แม้จะรู้สึกล้นไปด้วยความอบอุ่นในใจที่ไหลบ่า แต่ส่วนหนึ่งในใจเขาก็นึกเสียใจที่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องราวเหล่านี้ที่คิงทำให้เขาเลยแม้แต่น้อย

แต่เขายังมีโอกาสที่จะทำแบบนั้น...คอยเคียงข้างอีกคนบ้าง

คิงทำเพียงแค่ยิ้มเขินๆ ยอมรับคำพูดนั้นที่เพจกล่าวโดยปริยาย ก็...เจ้าเล่ห์จริงๆ นั่นล่ะ

“แสดงว่า จนกว่าจะได้ร้อยคะแนน พี่ต้องห้ามหายไปจากสายตาเราสินะ”

“อืม”

“ต้องใกล้แค่ไหนล่ะ?” เพจถาม ก้าวเท้าซ้ายหนึ่งก้าวเข้ามาหา “เท่านี้?”

“...” คิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงขึ้นไปอีก เมื่อใบหน้าที่ตนนั้นเฝ้าหลงรักเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ความรู้สึกที่หัวใจเต้นตึกตักรุนแรงในอกนี้ ช่างยากที่จะรับมือเสียทุกครั้งเลยให้ตายสิ!

เพจกลั้นยิ้มแล้วก้าวเข้าไปใกล้อีกก้าว “เท่านี้”

ต่อมาเขาเลื่อนมือประคองแก้มทั้งสองข้างที่ร้อนจนเรารู้สึกได้ “หรือเท่านี้ดี?”

“...พอแล้ว”

“เอ พี่ว่ามันยังไม่พอนะ”

“พี่เพจ!”

“พี่ว่า...ใกล้เท่านี้ดีที่สุดแล้วล่ะ”

ร่างของทั้งสองคนถูกซ่อนอยู่หลังตู้หนังสือจนมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น จะเห็นก็เพียงแต่เงาของคนที่สูงกว่าค่อยๆ ก้มลงกระทั่งส่วนปลายของเงาทั้งคู่เชื่อมกันในที่สุดเท่านั้นเอง














“พี่เอิร์นละครับ”

“ได้เอกสารครบแล้ว เขาก็ต้องกลับไปเรียนสิ อีกอย่าง...เขาเองก็มีคนรอให้กลับไปอยู่ด้วย”

“...หมายถึงแฟนใหม่ของพี่เอิร์นน่ะเหรอครับ”

“อืม ที่จริงพวกเขากำลังทะเลาะกัน แล้วเอิร์นเขานึกอยากจะประชดขึ้นมา เลยฉวยโอกาสตอนกลับมานี่กลับมาหาพี่ ให้แฟนเขาหึง”

“แล้วได้ผลไหม?” เพจหัวเราะแล้วยีหัวคนข้างๆ ตอนนี้พวกเขากำลังเดินกลับหอด้วยกันอยู่ แสงสีส้มยามเย็นอาบไล้ใบหน้าที่เขาคิดถึงได้อยู่ทุกวี่ทุกวันได้ไม่รู้เบื่อ ดูแปลกตาแต่ก็ยังน่ามองเหมือนเดิม

“ไม่น่ามั้ง เหมือนเขาสองคนก็รู้ใจตัวเองกันดีอยู่แล้ว ประชดไปก็ไม่ได้ทำให้เลิกรักเสียหน่อยนี่นะ”

“เหรอ”

“เหมือนเราน่ะแหละ ฟังผิดหูไปหน่อยก็ประชดซะใหญ่โต ดูดิ๊ พี่เลยต้องมาคอยตามเอาใจเราแทนเลย”

แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดเล่นแต่เขาก็อดน้อยใจไม่ได้ “ผมไม่ได้ขอ”

“รอไม่ได้ก็ไปเลยไป๊!”

“เฮ้ย พี่ล้อเล่นเฉยๆ”

“...”

“โกรธจริงดิ” แม้จะแอบหวั่นๆ ที่ปากพาซวย แต่เพจก็ค่อนข้างมั่นใจในเสน่ห์ (?) ที่ตัวเองมีต่อเด็กคนนี้ไม่น้อย จึงฉวยโอกาสที่คนข้างกายเอาแต่งอนตุ๊บป่องสะบัดหน้าหนีไม่ยอมมองหน้ากัน โถมเข้ากอดจากด้านข้าง โอบจนร่างที่เล็กกว่าไม่เท่าไหร่นั่นแทบจะจมมิดไปในอ้อมกอดของเขา คิงร้องโวยวาย เต็มไปด้วยความโมโหและอายไม่ใช่น้อย จริงอยู่ที่ในสายตาคนอื่นอาจจะเป็นการหยอกล้อธรรมดาของเพื่อนผู้ชาย แต่ในใจพวกเขาต่างรู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่นั้นนี่นา การทำแบบนี้ในที่สาธารณะน่าอายน้อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะ!

“พี่เพจ! ไม่เล่นนะ”

“แล้วใครว่าพี่กำลังเล่นละ หายโกรธพี่เถอะนะ”

“ฮึ!”

เพจยิ้มออกมาบางๆ จะหายไม่หาย เขาก็ได้กำไรอยู่ดีนี่นะ จึงเพิ่มแรงกอดยิ่งขึ้น

“จะหายไหม ไม่หายก็กอดแบบนี้จนกว่าจะถึงหอเลย!”

“ไอ้พี่เพจ บ้า! ปล่อยผมนะ”

“บ้าก็ยอม เอ้า! พูดออกมาสิว่าหายโกรธแล้ว”

“หายแล้ว หายแล้วก็ได้ ปล่อยก่อนนะ นะๆๆ”

“ก็แค่เนี้ย” เพจพูดด้วยน้ำเสียงยานคางที่แสนจะกวนประสาท ไม่มองใบหน้าบึ้งตึงที่เจือสีแดงเรื่อของความอายของเด็กที่ตนเพิ่งแกล้ง กลับยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉวยโอกาสลักหอมได้หนึ่งครั้ง ก่อนจะวิ่งหนีไปทั้งเสียงหัวเราะ ยิ่งได้ยินเสียงก่นด่าและฝีเท้าที่วิ่งตามหลังมา เสียงหัวเราะก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาเหล่าบรรดานิสิตนักศึกษาหรือคนทั่วไปที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นอดมองตามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่เห็นก็มีแต่นักศึกษาสองคนวิ่งไล่กันไปมาเหมือนกับเด็กๆ ก่อนที่คนที่ตัวโตกว่าจะเลื่อนมือไปโอบคอคนที่ตัวเตี้ยกว่า รั้งเดินไปยังเส้นทางสายเดิมที่ตั้งใจจะเดิน เสียงทะเลาะค่อยๆ เบาลงจนกระทั่งหายไปในที่สุด

ก่อนที่เงาร่างของทั้งสองคนจะหายไปจากความสนใจของกลุ่มคน คล้ายจะมีใครบางคนเห็นรอยยิ้มที่ไม่หายไปใบหน้าของคนที่ใช้กำลังโอบอีกคนและอาการยอมลงเอนซบไหล่อีกฝ่ายของคนที่เตี้ยกว่า

สุดท้าย คนที่ชอบมากกว่าจะเป็นฝ่ายแพ้ คิงเคยได้ยินแบบนี้

แต่ตอนนี้ เขารู้แค่...พวกเขาต่างคนต่างแพ้...หรืออาจจะแค่อยากยอมแพ้ให้อีกคนชนะไปเท่านั้นเอง :)













หลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาของคนมีคู่ 555555 คิงจะไปฝึกงานแล้ว พี่เพจก็จะมีงานทำ จะเจอกับอะไรไหมน้อออ -.-
ฝากติดตามเช่นเคยค่ะ ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้ลงนะคะ ไปวัดมาค่ะ 5555
เจอกันตอนหน้าค่ะ  :) : NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 16 (10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 10-07-2017 19:25:42
หลังจากดราม่ามาสักพัก จะหวานแล้วใช่ม้ายยยย เย่
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 16 (10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 10-07-2017 20:01:16
รอช่วงเวลาคนมีคู่ค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 16 (10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-07-2017 20:33:54
รอคนเป็นแฟนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 16 (10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 10-07-2017 21:33:22
พี่เพจสู้ๆจ้าาาาา.
ละมุนๆดีๆ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 16 (10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 10-07-2017 21:51:02
พึ่งตามอ่านทัน(นานไปไหม??) เรื่องนี้ทำให้เราร้องไห้หนักมาก ตาบวมเลย บรรยายดีมากอ่ะ ความรู้สึกเดียวกับที่เราแอบชอบใครสักคนเลย ตอนต่อๆไปหวานกันแล้วช่ายม้ายเนี้ยยย จะได้ไม่ต้องเตรียมน้ำแข็ง :mew4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 16 (10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-07-2017 01:18:59
โล่งไปที
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 16 (10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-07-2017 20:44:54
ก่อจากความผูกพัน ความจริงใจ กลายเป็นรักแท้
เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ เพิ่งได้อ่านอ่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ
อยากมีใครมารักจริงๆแบบนี้บ้างจัง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 17 (13/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 13-07-2017 22:38:15
กฎข้อที่ 17 อย่าใส่ใจคนอื่นมากกว่า
เวลาเยียวยาหัวใจของเราได้เสมอ
หากแต่มันอาจจะนานไปจนมองไม่เห็นแล้ว...ว่ามีคนรอ









“สวัสดีครับ ผมคิง ชื่อจริงชื่อคนิน เทวากุล กำลังจะขึ้นชั้นปีที่สาม มาฝึกงานที่นี่เป็นที่แรก ฝากตัวด้วยครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับสีหน้ายิ้มๆ ของพี่ๆ ในศูนย์วิจัยด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ค่อนข้างจะเขินและประหม่าไม่น้อย ต่างจากเพื่อนจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่แนะนำตัวอย่างฉะฉาน ทั้งบางคนยังมีอารมณ์ขันร่วม เรียกเสียงหัวเราะและรอยเอ็นดูจากใบหน้าของพวกพี่ๆ ได้เป็นอย่างดี

ในบรรดาเด็กฝึกอย่างพวกผม (มีแค่สี่คนเองครับ) มีผู้หญิงแค่คนเดียว ซึ่งมาไกลจากมหาวิทยาลัยเขตภาคเหนือ ส่วนอีกสองคนมาจากทางตะวันออกและอีสาน ดูท่าทางแล้วคงจะเก่งกันทั้งคู่ ชักจะเกร็งแล้วแฮะ -_-;; กลัวจะเผลอทำเด๋อๆ ด๋าๆ ให้อายถึงมหาลัยจังวุ้ย...

“...ก็แบ่งตามนี้นะคะ เพราะถึงการฝึกงานครั้งนี้จะไม่หนักเท่าปีหน้า แต่ก็หนักพอสมควรด้วยตัวศูนย์ที่นี่เขาค่อนข้างใหญ่ พี่เลยอยากให้เราคอยดูแลงานในส่วนที่รับผิดชอบกันเป็นคู่ ให้น้องดิวกับน้องฝ้ายเป็นบัดดี้กัน แล้วก็น้องคิงกับน้องฟิวส์นะคะ ไม่มีปัญหาเนอะ”

“ครับ/ค่ะ”

“โอเคค่ะ ส่วนที่พักกับเรื่องจิปาถะ เอาไว้ไปฟังจากพี่ๆ สตาฟด้านในได้เลย ข้าวของที่เอามาฝากพี่เขาเอาไว้ได้เลยนะ วันแรกนี้จะเป็นการแนะแนวเรื่องแผนงานคร่าวๆ ไม่ซีเรียสจ๊ะ ^_^”

นี่ขนาดไม่ซีเรียสนะ... ผมยิ้มมองใบแผนงานและกำหนดการณ์จำพวกงานในแต่ละฝ่ายและเป้าหมายการฝึกงานครั้งนี้ของพวกผม ถึงมันจะไม่สูงเกินระดับที่เรียน แต่ใช่ว่ามันจะง่ายนี่หว่า บางอันผมเคยทำแล้ว แต่ทำพลาดบ่อยก็มี โอ๊ย ชีวิต

เห็นทีต้องขอเกาะเพื่อนร่วมชะตาแล้วล่ะ T_T

ผมมองตามแผ่นหลังเพื่อนใหม่ทั้งสามคนที่เดินอยู่ด้านหน้า เป็นกลุ่มคนที่สะดุดตามากจริงๆ ครับ คนหน้าสุดคือดิว นายคนนี้ตัวสูงพอๆ กับผม แต่เรื่องหน้าตานี่ความดูดีออร่าความหล่อพุ่งกระแทกตามากครับ ดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่มีความเป็นผู้นำอยู่ในท่าทางเหล่านั้น คนต่อมาคือฝ้าย สาวคนเดียวในกลุ่ม พกมากับความฉลาดคือใบหน้าที่น่ารัก ไม่ได้น่ารักแบบเห็นแล้วต้องร้องว้าวนะครับ แต่น่ารักแบบ...มองไม่เบื่ออ่ะ -.- มองได้มองดี ต่อให้ตอนนี้ผมชอบพี่เพจ แต่ถ้าจะให้จ้องหน้าคนน่ารักแบบนี้ก็ทำได้ทั้งวันนะ เพลินดี

คนสุดท้ายคือฟิวส์ ตาคนนี้ไม่น่าคบสุดเลย ต่อให้หน้าตาดีที่สุดในกลุ่มพวกผมก็เถอะ เฮียแกมากับความสูงที่น่าจะสูงราวๆ พี่เพจ ไม่ก็พี่สิงห์ แต่สไตล์การแต่งตัวทรงผมนี่คล้ายๆ กับพี่ทีม แต่หน้าตาไม่รับแขกของฟิวส์นี่น่ากลัวกว่าเยอะ ทว่าพอรวมกับท่าทางนิ่งขรึม ก็เรียกคะแนนนิยมเสียงกรี๊ดกร๊าดของพี่ๆ ผู้หญิงในศูนย์ได้แล้วล่ะ โชคดีอย่างหนึ่งคือเหมือนฟิวส์จะเรียนเก่งใช้ได้ ถึงจะดูไม่น่าคบหา (ด้านลักษณะภายนอกน่ะนะ...) แต่เรื่องเรียนผมน่าจะพึ่งพาเขาได้ไม่มากก็น้อย

พวกเราทั้งหมดเดินวนเวียนอยู่ในศูนย์ที่จะต้องทำการฝึกงานช่วงหนึ่งเดือนนี้จนแทบจะจำได้หมดแล้วว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน ชื่ออะไร มีใครประจำอยู่บ้าง ก่อนจะกล่าวลาพวกพี่ๆ เพื่อเอาข้าวของที่นำติดตัวมาด้วย ขึ้นไปยังห้องพักที่ทางศูนย์ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้

ดีอย่างหนึ่ง แม้ว่าห้องจะเล็ก แต่ก็มีพอสำหรับสี่คน ทุกคนจึงได้มีห้องเป็นของตัวเอง เสียอย่างเดียว ห้องน้ำรวม...

ไม่ได้เป็นห้องน้ำรวมแบบห้องน้ำค่ายลูกเสือหรือค่ายรด.หรอกนะครับ แต่หมายถึงห้องน้ำและห้องอาบน้ำหลายๆ ห้องในห้องน้ำใหญ่อีกทีน่ะ พวกผมเลยคุยและยกให้หญิงสาวเพียงคนเดียวเข้าจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วค่อยแจ้งเหล่าหนุ่มๆ ให้ไปอาบน้ำเอา จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์พวกเปิดเข้าไป โป๊ะกับภาพที่ไม่น่าเผยแพร่และเป็นอันตรายต่อเรตเยาวชน -_-;

หลังจากเก็บของก็ไม่มีอะไรแล้วครับ พี่เขาก็ปล่อยให้ทำความรู้จัก ทำความคุ้นเคยกับพื้นที่รอบๆ ทั้งวันที่เหลือ ทางฝ้ายและดิวขอตัวไปสำรวจว่าแถวนี้มีร้านอาหารหรือร้านค้าอะไรบ้าง (ดิวนี่ยักคิ้วหลิ่วตาจนผมรู้นิสัยเพื่อนใหม่อย่างหนึ่งล่ะ ไอ้นี่มันไปหาร้านเหล้า เตรียมเมาชัวร์ =_=) ฟิวส์นั้นนับตั้งแต่เข้าตึกไปเก็บของก็ยังไม่ออกมาเลย ส่วนผมนั้น...

“ทุกอย่างโอเคดีครับ”

(จริงน่ะ? ห้องน้ำห้องท่า รุ่นพี่? ทุกอย่างโอเคจริงเหรอ?)

ผมยิ้มขำๆ แม้ว่าปลายสายจะไม่เห็นก็เถอะ “จริงครับ ทุกอย่างโอเคมาก เพื่อนใหม่ของผมก็น่ารักมากกกกก”

(ไอ้น่ารักมากน่ะหมายความว่าไง)

คราวนี้ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเสียงคล้ายจะไม่ชอบใจและดูเหมือนจะติดงอนนิดๆ จากพี่เพจ ก่อนจะกลั้นเสียงหัวเราะที่เริ่มดังเกินไปแล้วตอบกลับไป

ผมควรตอบกลับไปยังไงดีล่ะ?

“ก็...หน้าตาน่ารักดีมั้งครับ”

ใครใช้ให้พี่เขาทำตัวน่ารักละเนอะ ผมจึงอดแกล้งกลับไปไม่ได้

(คิง...)

“ครับ?”

(...สามวันจากนารีเป็นอื่นจริงๆ ด้วย)

“พี่เพจ ผมเป็นผู้ชายนะ”

(ครับ พี่ก็ผู้ชายไง)

“จะมาใช้คำว่านารีได้ไงละ เอ้อ”

(ก็พี่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นผู้หญิงซะหน่อย หมายถึงในแง่ว่า คนที่เพิ่งบอกรักกันไปหยกๆ พอห่างหน่อยก็ทำตัวเปลี่ยนไปต่างหาก -3-)

“อี๋ หลงตัวเอง” ผมเผลอกัดปากตัวเองนิดหน่อยตอนพูดประโยคนั้นจบ หน้าเหนอนี่ร้อนเห่ออย่างกับเอาไปอบในตู้อบมาแน่ะ ให้ตายเถอะ ไกลกันขนาดนี้ แค่เสียง...ทำไมถึงได้ส่งผลถึงผมขนาดนี้กันนะ

(เฮ้อ เดือนหนึ่งเลยเหรอ คิดถึงแย่เลย)

“ขี้โม้”

(ไม่โม้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ขับรถไปหาซะหรอก พี่กลับมามีบ้านแล้วนะเฟ้ย พ่อยอมให้กุญแจรถแล้ว T_T)

“ฮ่าๆๆ ทำไมอ่ะ”

(เคยขับรถไปชนกระถางต้นไม้สุดที่รัก พ่อพี่เลยไม่ยอมให้ขับจนกว่าจะเรียนจบอ่ะ (._.)

“งั้นพี่อย่าขับมาหาผมดีกว่า กลัวตลอดชีวิตนี้พี่จะไม่มีวันอยู่หลังพวงมาลัยตลอดกาล”

(คิง!!)

ผมหัวเราะและเดินออกไปยังริมหน้าต่างบานเดียวที่เปิดให้เห็นทิวทัศน์ที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาถูกปกคลุมด้วยคลื่นสีเขียวของต้นไม้หลายร้อยต้น ลมเย็นๆ และแสงแดดที่โผล่พ้นก้อนเมฆยามบ่าย การที่ได้คุยกับคนที่คิดถึง...ทำให้ผมอดจะยิ้มออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนบ้าไม่ได้เลย

“พี่เพจ”

(อะไร? พี่งอนเราอยู่ ไม่อยากคุยด้วยหรอก)

“ไม่คุยก็ได้ แค่ฟังไง”

(...)

“คิงคิดถึงพี่นะ”

(...)

“ถ้าได้วันหยุด...จะรีบไปหานะ”

เขินแฮะ...

(...พูดแบบนี้ พี่จัดกระเป๋า จองโรงแรมไปเฝ้าเลยดีกว่ามั้ง งานเงินไม่ต้องหามันล่ะ)

“บ้า! อย่านะพี่เพจ”

(ก็อย่ามาพูดอะไรน่ารักๆ แบบนั้นสิ -_-// เขินนะเนี่ย)

“ผมไม่เขินหรือไงเล่า”

(เรียกอีกได้หรือเปล่า?)

“หมายถึง?”

(แทนตัวเองด้วยชื่อของเราอีกครั้งไง)

ผมยิ้ม อดใจอ่อนไปไม่ได้กับน้ำเสียงติดจะอ้อนเล็กๆ นั่น ทว่าข้อตกลงของเราและภาพวันนั้นยังคงติดตา แม้ว่าในใจจะวางใจและรักแค่ไหน เราสองคนก็ควรมีอะไรสักอย่างมาเพื่อประคองและทำให้ความรู้สึกไม่พังทลายไปง่ายๆ อีก ดังนั้นข้อตกลงของเราก็ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป

“ไม่ได้ รอคะแนนความประพฤติพี่เต็มร้อยก่อนค่อยว่ากัน”

(ใจร้าย)

“นานทีไง พี่จะได้ไม่เบื่อ”

(พูดชื่อเราข้างหูทุกวันก็ไม่เบื่อเชื่อดิ)

“...”

(อยากลองพิสูจน์ป่ะ?)

“ไม่! วางสายไปเลย!” ผมว่ากลับไปพร้อมกับที่หัวสมองผุดสีหน้าของพี่เพจตอนที่พูดประโยคนั้นออกมา มันจะต้องเจ้าเล่ห์และกวน (ใจ) มากแน่ๆ โอย ให้ตายเถอะ แค่นึกถึงหัวใจผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว

เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ยังดังขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่ามาจากคนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่ เขาส่งทั้งสติกเกอร์และข้อความกวนๆ ทั้งหลาย จนผมไม่อาจะหุบรอยยิ้มได้เลย

เหมือนแค่ขึ้นชื่อว่าเป็นเขา ผมก็พร้อมจะยิ้มอย่างมีความสุขอย่างไรอย่างนั้นเลย

อย่างกับคนบ้าเลยเนอะ ว่าไหมครับ? :)















ผมกลัว
กลัวว่าสุดท้ายแล้ว การรอคอยมันจะนานจนคุณลืม
ว่าคุณคอย














“แถวนี้ดีมากเลยอ่ะ มีทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารก็เยอะไปหมด มีทั้งร้านหมูกระทะ ชาบู ก๋วยเตี๋ยว ที่เด็ดสุด! คือร้านส้มตำ! โอ๊ยยย เรารอเที่ยงพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วอ่ะ อยากกินตำปูปลาร้า”

“ฝ้ายนี่ดูไม่เหมือนคนที่จะกินอะไรแบบนั้นเลยนะ”

หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มตวัดหางตาสวยๆ ไปมองดิวก่อนจะพูดตอบ “ทำไม คนสวยจะกินปลาร้าไม่ได้หรือไง หรือของอร่อยจะกินได้แต่คนธรรมดา ยกเว้นนางฟ้าอย่างเราห้ามกิน”

“โหย ว่าไปประโยคเดียว พูดกลับมาเป็นสิบประโยคเลยเว้ย”

“ดีแล้วนี่” คิงยิ้ม “จะได้สนิทกันไวๆ ทำงานอะไรจะได้ง่าย เนอะ”

“เนอะ” ฝ้ายขยิบตาให้เขาอย่างขี้เล่น เผลอใจเต้นไปแว่บหนึ่งแน่ะ เจ้าตัวคิด แต่ต่อมารอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็เกร็งไปชั่วครู่เมื่อใบหน้าของใครอีกคนก็ดันโผล่มาแทนที่ใบหน้าน่ารักของฝ้าย แต่ใบหน้านั้นกลับไม่ได้ยิ้ม กลับตีหน้าดุคล้ายจะบ่นว่าเขาที่คิด (เหมือนจะ) นอกใจ จนอดสะบัดหัวแรงๆ สักทีไม่ได้

หลอกหลอนทั้งในฝันทั้งมโนภาพเลยวุ้ย -_-;

ตอนนี้พวกเขาสี่คนออกมาทานข้าวเย็นที่ร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งไม่ไกลจากศูนย์ฝึกงาน แม้จะเป็นแค่ร้านเล็กๆ แต่ราคาและอาหารอร่อยใช้ได้ จึงตั้งใจว่าจะฝากท้องที่นี่บ่อยๆ ตลอดการฝึกงานครั้งนี้ นอกจากการมาทานข้าวจะเป็นการลองเชิงเกี่ยวกับเรื่องของกิน ยังเพื่อกระชับมิตรระหว่างเด็กฝึกงานด้วยกัน ด้านดิวกับฝ้ายนั้น คิงค่อนข้างจะมั่นใจในระดับหนึ่งว่าพอจะกล้อมแกล้มเรียกว่าเพื่อนได้ค่อนข้างเต็มปาก แต่เมื่อเหลือบสายตามามองข้างซ้ายตัวเอง มองฟิวส์ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานราวกับมันทำมาจากทองก็อดใจฝ่อไม่ได้

มีแต่ไอ้หมอนี่นี่แหละที่เข้าถึงไม่ได้เลย (โว้ย)

แม้คนอื่นจะพยายาวนคุยยังไงเจ้าตัวก็ตอบแค่สั้นๆ ถามคำตอบคำ ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนหรอกนะว่ารำคาญ แต่อาการชะงักและกวาดสายตามอง จบท้ายด้วยการถอนหายใจนี่ โคตรจะชัดเจนถึงความรู้สึกลึกๆ ของไอ้หมอนี่เลยล่ะ

ไม่ใช่เพราะต้องฝึกงานด้วยกันอีกนาน คนไร้มนุษย์สัมพันธ์อย่างนายก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกโว้ยย! (จากใจคิง ผู้พยายามฝืนยิ้มเป็นมิตรกับก้อนหินที่ชื่อฟิวส์ข้างตัว)

ดิวกับฝ้ายถอดใจไปนานแล้วเรื่องชวนฟิวส์พูด แต่ก็ไม่ได้ออกอาการต่อต้านอะไร เพราะเชื่อในเรื่องของการมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองในเรื่องงาน เพราะหากความประพฤติของฟิวส์ไม่ดี ทางมหาวิทยาลัยของฟิวส์คงไม่ส่งอีกคนมายังที่นี่

พวกเขานั่งเล่นอีกสักพักก่อนจะจ่ายเงินแล้วเดินกลับห้องพักกัน ดิวเป็นคนเฮฮาและมักจะมีเรื่องเล่ามากมายมาเล่า จึงเดินนำหน้าพร้อมเสียงพูดคุยอันดังพอสมควรในยามค่ำคืนเช่นนี้ ข้างๆ กันมีฝ้ายที่ร่วมหัวเราะไปด้วย ตามเขาและเดินรั้งท้ายคือฟิวส์
เขาคอยสังเกตคนด้านหลังเป็นระยะ เห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่มีแสงจากหน้าจอโทรศัพท์กระทบเท่านั้น

แต่เขาอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้

เมื่อชั่วพริบตาที่เขามองเพื่อนใหม่ ในดวงหน้านั้นปรากฏรอยเศร้าสร้อยพาดผ่านก่อนจะหายไปโดยสิ้นเชิง เมื่ออีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงแววตาที่มองมาของเขา

“มองอะไร?”

ถามคนเป็นด้วย? นึกว่าเป็นใบ้ คิงแอบกลอกตามองฟ้าแล้วค่อยตอบกลับไป

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ยุ่ง”

เหมือนเส้นเลือดตรงขมับของคิงปูดขึ้นมานิดหน่อย คนเขาอุตส่าห์ยื่นความเป็นมิตรให้ ตอบมาแค่นี้เนี่ยนะ

โว้ยยย ไม่สนแล้วโว้ย (ได้ที่ไหนล่ะ บัดดี้ทำงานนี่หว่า T_T)

“มีอะไรก็บอกกันได้นะ เราเป็นบัดดี้กันนี่”

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่พวกเขาหยุดเดินและค่อยๆ ห่างไปจากดิวและฝ้ายหลายก้าว แสงจากข้างทางส่องกระทบใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ ทำให้คิงมองได้ไม่ชัดเจนนักว่าคนตรงหน้ามีสีหน้าหรือความรู้สึกเช่นไร

อาจจะรำคาญเขาก็ได้มั้ง คิงคิดอย่างง่ายๆ แล้วทำท่าเหมือนจะเดินต่อ แต่ขาทั้งสองกลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยคำพูดเบาๆ จากคนด้านหลัง ที่เบาจนเหมือนจะลอยล่องไปกับลม

“เพิ่งอกหักมา จากเพื่อน...ไม่สิ คนที่แอบรักมาเกือบครึ่งชีวิต”

“...”

“ขอโทษด้วยละกันที่ทำตัวไม่น่าคบ แต่...ยังทำใจไม่ได้เท่าไหร่”

“...”

“เรื่องงานไม่ต้องกังวล เพราะฉันไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน แต่เรื่องความเป็นเพื่อน...ขอพักไว้ก่อนดีกว่า”

“...มีเพื่อนมันไม่ดีกว่าหรือไง?”

“...”

“เวลาอกหักใครให้อยู่คนเดียวกัน”

“ฉันนี่ไง”

“งั้นก็เพิ่มบัดดี้ตัวเองไปอีกคนซะก็สิ้นเรื่อง”

“...” ฟิวส์มองใบหน้าของคิงที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย คนตรงหน้าของเขาสูงยังไม่เท่าเขาเสียด้วยซ้ำ มีใบหน้าที่ธรรมดาที่พบได้ทั่วไป แต่พอยิ้มออกมา...ยิ้มเช่นที่กำลังยิ้มอยู่ตอนนี้ ก็คล้ายกลับจะพิเศษกว่าจนทำให้ลืมไม่ลง ไหนจะคำพูดที่ดูเป็นคนดีจนเกินไปนั่นอีก หมอนี่ไม่รู้หรือไง ว่าคนดีน่ะเขาไม่ได้เป็นกันง่ายๆ

ไม่รู้หรือไงว่าคนดี มักจะโดนคนอื่นเอาเปรียบ

ไม่รู้บ้างหรือไงว่า คนดี...มักจะเป็นคนที่เสียใจมากกว่าใครทั้งนั้น

“ฉันไม่ได้อยากได้คนปลอบ”

“ก็ไม่ได้จะปลอบนี่ ใครบอกว่าคนอกหักต้องการเพื่อนไปปลอบล่ะ”

“แล้วจะมาทำไม”

“อยู่ข้างๆ ไง”

“เพื่อ?”

“ก็...ร้องไห้เสร็จจะได้ไม่ลืมไงว่ามีคนอยู่ข้างๆ ไง”

นั่นไง เขาบอกแล้วใช่ไหมว่าคนดีมันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ

โง่

คนตรงหน้าเขาคนนี้โง่สุดๆ เลย

“...งั้นนายก็ควรรู้เอาไว้อย่างหนึ่ง”

พริบตาเดียวที่คิงไม่ทันจะรู้ตัว ใบหน้าของเขาก็ถูกคนตัวสูงกว่ารั้งให้เงยขึ้น กว่าจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของฟิวส์ก็ก้มลงมาหาพร้อมกับประทับริมฝีปากลงมา สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นอยู่เพียงไม่นาน แต่ในความรู้สึกของคิงที่กำลังอึ้งอยู่นั้น ไม่มีทางลืมได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน





ไอ้เหี้ย!

“ฉันชอบผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่เราเคยแอบรักก็เป็นคนดีโง่ๆ แบบนายนี่แหละ”

“ไอ้...”

ฟิวส์ค่อยๆ ขยับริมฝีปากขยายออกจนกลายเป็นรอยยิ้มเส้นหนึ่งพาดผ่านใบหน้า ทั้งที่เขาควรจะดีใจที่เพื่อนคนนี้ยิ้มเสียทีหลังจากที่ทำหน้านิ่งมาตลอด แต่ตอนนี้คิงกลับนึกอยากจะตะกุยหน้าคนตรงหน้าให้หน้าแหกเสียมากกว่า!

“อยากจะช่วยฉันใช่ไหม? ได้! นายได้ช่วยฉันแน่”

“...”

“วิธีลืมคนเก่าของฉันคือหาคนใหม่ คิง...นายจะกลายเป็นเป้าหมายคนใหม่ของฉัน”

“...”

“เตรียมใจไว้ด้วยละกัน คุณบัดดี้ผู้แสนดี”

ในตอนนั้นคิงคิดเพียงอย่างเดียว

กูไม่น่าเป็นคนดีไปเห็นใจมันเลยโว้ยยยย -_-^^










จะรักกันได้ง่ายๆ ได้ยังไง มันต้องมีคู่แข่งบ้างสิ!!!
พี่ฟิวส์จะมาป่วนประสาททั้งพี่เพจและคิงเลยล่ะ ฮ่าๆๆ
พรุ่งนี้จะหนีเที่ยวเลยมาลงก่อน อิอิ ฝากติดตามเช่นเคยค่ะ :) เจอกันตอนหน้าเน้อ : NAVY


อนึ่ง อาจจะมีคนสังเกตเห็นหรือเอะใจไม่วันใดก็วันหนึ่ง เหมือนเราจะสับสนชื่อเพื่อนพี่เพจคนหนึ่ง
5555 ตอนแรกสุดเขียน กาย ตอนหลังเป็นเกม กรี๊ดดดด TT เด๋อมาก 555
แก้เป็นพี่เกมนะคะ พี่กายนี่วันนั้นน่าจะเมาขี้ตา ง่วงสุดอะไรสุด
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 18 (17/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 17-07-2017 15:52:54
กฎข้อที่ 18 อย่ายิ้ม (ให้คนอื่น)
ผมมั่นใจในความรักของเรามากแค่ในงั้นหรือ?
คงมั่นใจมากพอๆ กับที่ผมมั่นใจว่าอีกร้อยปีข้างหน้าพระอาทิตย์ก็ยังขึ้นทางทิศตะวันออกล่ะมั้ง?












ผมแอบคิดมาทั้งคืนว่าบางทีมันคงจะเป็นการล้อเล่น

เดี๋ยวนี้ผู้ชายอย่างเราก็บ้าๆ บอๆ พอที่จะหาเรื่องล้อเล่นมาเล่นกับเพื่อนทีตัวเองอยากแกล้ง พยายามจะไม่คิดอะไรมาก แต่ในส่วนหนึงของใจก็เหมือนจะรู้ดี...ว่าแววตาเศร้าๆ นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก

แล้วมันก็ดันเป็นจริงแบบนั้นเสียด้วย

“กินแอปเปิ้ลมะ? อ้ามม”

“-_-“

แม่งเง้ย กวนตีน!

“ไม่กิน เอากลับไปเลยนะ” ผมโวยออกมาเมื่ออีกฝ่ายโยนแอปเปิ้ลที่เพิ่งได้รับมาจากพี่ในศูนย์ฝึกงานคนหนึ่งมาใส่ในจานข้าวของผม โดยที่ผมยังกินไม่หมด! เสียของหมด แอปเปิ้ลอร่อยจะตาย แต่พอเห็นใบหน้าของฟิวส์ยังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด ผมก็จำใจหยิบแอปเปิ้ลที่เปื้อนกับข้าวชิ้นนั้นเข้าปากอย่างเสียไม่ได้

พริบตาเดียวเท่านั้นแหละที่ผมเห็นว่าไอ้คนตรงหน้ามันแอบยิ้ม

เออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

“เลิกเล่นได้หรือยัง?”

“เล่นอะไร นี่จริงจังมากเลยนะเนี่ย”

“อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะฟิวส์ ฉันไม่ตลกไปด้วยนะเว้ย”

“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าไม่ได้ล้อเล่น”

ผมเงียบไปเมื่อน้ำเสียงและท่าทางของฟิวส์บอกอย่างนั้นชัดเจน เราจ้องตากันท่ามกลางคามวุ่นวายในโรงอาหาของศูนย์ ทำราวกับไม่มีใครอื่นอยู่รอบด้านเราหรือกำลังจ้องมองเราด้วยแววตาแบบไหน สุดท้ายฟิวส์ก็เป็นคนที่หลบตาและยอมลุกขึ้นไปเก็บจานก่อน

จะไปก็ไม่ว่าหรอก แต่ทำไมต้องมาทำให้ผมรู้สึกผิดด้วยฟะ!

ผมรีบกินข้าวที่เหลือและรีบลุกกลับไปยังห้องทำงาน เมื่อไปถึงก็พบกับแผ่นหลังของฟิวส์อย่างที่คิดเอาไว้ เราทั้งสองทำงานที่ค้างเอาไว้เมื่อเช้าก่อนพักไปเงียบๆ ฟิวส์เก่งเหมือนอย่างที่ผมคิดเอาไว้จริง บางเรื่องที่ผมยังไม่รู้หรือยังไม่ถนัด หมอี่สามารถอธิบายและทำให้ดูได้เป็นฉากๆ ตอนๆ หรือแม้แต่ความรู้ใหม่ ถ้าผมไม่เข้าใจหรือตามไม่ทัน หมอนี่ก็สามารถจะหาวิธีอธิบายง่ายๆ ให้ผมได้ เรียกได้ว่า เป็นคนที่ทั้งฉลาดและเหมาะกับงานด้านนี้อย่างสุดๆ

ใจหนึ่งผมก็ดีใจแหละที่ได้ทำงานร่วมกัน แต่อีกใจมันก็แอบไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่

ก็เพราะเรื่องเมื่อวานด้วยแหละ ไหนจะการแสดงออกวันนี้

ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรอกนะ แต่ว่าผมรู้...รู้ว่าต่อให้ฟิวส์คิดจะจีบหรือชอบผมยังไง ในใจของเขาก็ไม่อาจะลืมคนคนนั้นไปได้
เหมือนเช่นผม

หรือแม้ว่าสุดท้ายแล้ว ความชอบที่เอ่ยออกมาเล่นๆ นั้นจะกลายเป็นความจริง ผมก็คงไม่ชอบเขาอยู่ดี

ผมไม่ได้เป็นเกย์เพราะชอบผู้ชายทุกคน แต่ผมยอมรับว่าเป็นเพราะผมชอบแค่พี่เพจ

กับคนอื่น ผมไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่า เพื่อน รุ่นพี่หรือคนรู้จัก

ความรู้สึกเช่นนั้นผมมีให้ได้แค่คนเดียวจริงๆ

“...เครื่องชั่งมันค่อนข้างรวนนะ ดูหน้าปัดดีๆ ล่ะ”

“ได้”

“คิง”

“หือ?”

“ที่พูดว่าจะจีบนั่นคือจริงจังนะ”

มือที่กำลังเลือกสารไปตักชะงัก แต่ต่อมผมก็เลือกต่อเหมือนไม่ได้ยิน ทำเหมือนไม่ได้ฟังอีกคนอยู่แม้แต่น้อย

“เรื่องคนนั้น จริงอยู่ว่าอกหัก แต่ว่ามันก็นานมากแล้วล่ะ มีแต่ฉันที่ไม่ลืม”

“...”

“ส่วนหมอนั่นก็ลืมไปหมดแล้วมั้ง เพราะแม้แต่ความเป็นเพื่อนก็ไม่มีเหลือ”

“...”

“ฉันทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากปล่อยหมอนั่นไป”

“...”

ผมรับรู้ได้ถึงเงาร่างของฟิวส์ที่ขยับมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง มาถึงตรงนี้จะให้ทำเหมือนไม่รับรู้ตัวตนก็คงไม่ได้แล้ว ผมจึงหันกลับไปมอง ใบหน้าแบบเดียวกับตอนเที่ยงก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมกลับเป็นฝ่ายหลบตาก่อนเสียอย่างนั้น

ไม่รู้สิ ผมก็อยากจะหลอกตัวเองว่าหมอนี่มันต้องแค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง แต่ผมกลับทำไม่ได้แล้ว

“ฉันเคยคิดนะ ว่าตอนนั้นที่พูดออกไปมันคือเรื่องล้อเล่น แต่นายทำให้ฉันเปลี่ยนใจ”

“...ฉันไปทำอะไร”

“นายไม่ได้ทำอะไรเลยคิง นายแค่เป็นตัวของตัวเอง”

“...”

“แต่แค่นั้น...แปลกดีเหมือนกันที่ไม่กี่วันที่เราได้ทำงานด้วยกัน มันทำให้ใจของฉันเลิกคิดเรื่องเศร้าบ้าๆ นั่นไปได้”

“นายก็แค่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย”

“แค่งานไม่ทำให้ฉันลืมหรอกนะ ว่าผ่านวันเวลาแบบนั้นมาได้ยังไง”

“...”

“นาย...นายต่างหากที่ทำให้ฉันลืม”

“...งั้นก็ขอโทษด้วยล่ะกัน ฉันมาที่นี่เพื่อฝึกงาน ไม่ได้มาหาแฟน ขอตัว”

ไม่ชงไม่ชั่งมันล่ะตาช่างห้องนี้ หนีไปหาฝ้ายดีกว่า ได้ยินว่าห้องของฝ้ายและดิวมีอุปกรณ์ดีกว่าห้องนี้เยอะแยะ ผมจะไปหมกตัวทำงานที่นั่นสักสิบนาทีค่อยกลับมา แต่ขาทั้งสองกลับถูกรั้งเอาไว้...ด้วยประโยคนั้นของฟิวส์เสียก่อน

“นายก็ชอบผู้ชายไม่ใช่หรือไง คนที่ชื่อเพจอะไรนั่นน่ะ”

“...!!”

“ทำหน้าเหมือนจะถามเลยนะว่าไปรู้ได้ยังไง”

“...”

“คิดว่ากำแพงมันหนาเสียจนไม่ได้ยินอะไรเลยหรือไง”

“แล้วยังไง ฉันชอบผู้ชายแล้วยังไง เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ”

“ฉันก็ผู้ชาย ในเมื่อนายชอบผู้ชายคนนั้นได้ ทำไมฉันจะทำให้นายมาชอบฉันไม่ได้”

“การที่ฉันชอบผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ได้แปลว่าฉันจะสามารถชอบผู้ชายได้ทุกคนบนโลกหรอกนะ”

“...”

“ที่มันเป็นแบบนั้น แค่เพราะคนเดียวที่ฉันรักเป็นผู้ชาย ฉันถึงได้รัก”

“...”

“เพราะมันต้องเป็นแค่เขาเท่านั้น ต่อให้นายจะพยายามทั้งชีวิต นายก็ไม่มีวันเป็นเขาที่ฉันชอบ”

“...”

“ฉันไปชั่งสารห้องอื่นแล้วกัน สงบสติอารมณ์ได้เมื่อไหร่แล้วค่อยกลับมาทำงาน”










ประตูห้องปิดไปแล้ว เหมือนจะลั่นกลอนไปถึงหัวใจของคนที่กระชากมันปิดด้วย

ฟิวส์มองประตูบานนั้นที่ปิดลงแล้วหลับตา คล้ายว่าความเงียบงันในห้องกำลังดึงเขากลับไปยังความเศร้าเดิมๆ นั่นที่สลัดออกจากหัวใจไม่ได้

ที่เขาบอกว่าคิงทำให้เขาลืมความเศร้า เขาโกหก

แต่ที่บอกว่าเปลี่ยนใจ นั่นคือเรื่องจริง

เขาไม่อยากรักคนๆ นั้นอีกแล้ว อยากจะก้าวไปข้างหน้า

แต่เหมือนมันคงจะเป็นไปไม่ได้

ก็จริงอย่างที่คิงพูด

พอไม่ใช่คนในใจคนนั้น การที่จะเริ่มรักใหม่มันก็ยากมากมายเหลือเกิน















แต่ความจริงแล้วผมไม่ได้มั่นใจอะไรเลย
ผมแค่รู้ว่าผมรักคุณในเมื่อวาน วันนี้และวันพรุ่งนี้เท่านั้นเอง












(เป็นไงฝึกงาน เหนื่อยไหม?)

หากตอนนี้เขาอยู่ที่หอ หากมีใครคนที่เขากำลังคุยอยู่นั่งข้างๆ จะดีสักแค่ไหนนะ คิงคิดในใจ

แม้จะเหนื่อยใจแค่ไหนเขาก็ยังยิ้มและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ (คิดว่า) สดใส

“ทุกอย่างโอเคดีครับ งานยังไม่ยากเท่าไหร่ ผมพอจะจัดการได้”

(ดีแล้ว อย่าหักโหมนะ พักผ่อนเยอะๆ)

“พี่เพจล่ะ หางานได้ถึงไหนล่ะ”

(อย่าพูดเลยดีกว่า -3- ไม่อยากฟังอ่ะ)

“ได้ไง นี่เรื่องงานพี่นะ”

คิงหลุดหัวเราะออกมาเมื่อปลายสายเริ่มบ่นรัวๆ เป็นชุดถึงการสัมภาษณ์งานในแต่ละที่ที่ยื่นใบสมัครไป เขาสามารถหัวเราะเสียงดังๆ ได้ไม่ต้องสนใจใครเพราะตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้องพัก แต่อยู่ในสวนที่ห่างจากที่ตั้งห้องพักไม่ไกล เขาเพิ่งค้นพบสถานที่นี้ไม่นานและพบว่ามันเป็นสถานที่ที่ทั้งแอบงีบและมานั่งคุยโทรศัพท์กับพี่เพจได้อย่างสบายใจ

(...แล้วเรารู้ไหมว่าเขาพูดต่อว่ายังไง เขาบอกว่าความสามารถที่พี่มีมันไม่ตรงกับที่เขาต้องการ คือเขาต้องการอะไรวะ ไม่ได้ต้องการคนทำงานแต่อยากได้พรีเซนเตอร์หรือไง?)

“โห แล้วงี้พี่จะหางานได้ไหมเนี่ย”

(ไม่มีก็ไม่หาเล่า ทำงานที่บ้านดีกว่า)

“ร้านอาหารเหรอ?”

(อืม เห็นงี้พี่ก็ทำอาหารอร่อยนะ ไว้เดี๋ยวจะทำให้ชิม)

คิงยิ้มพร้อมกับที่ความหวังในใจเบ่งบาน พี่เพจคงไม่รู้ว่าตอนนี้เขานั้นเฝ้ารอแค่ไหนที่จะได้เจออีกฝ่าย ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาก็เอาแต่ขีดปฏิทินที่หัวเตียง นับวันเวลาเฝ้าคอยที่จะได้กลับไป แม้ว่าพวกเขาจะโทรคุยกันทุกวัน แต่มันก็ไม่เพียงพอจริงๆ

(วันนี้คะแนนพีเป็นยังไงบ้าง? ไหนว่ามาซิ)

“ให้คะแนนความสม่ำเสมอ ตอนนี้มีอยู่หกคะแนนละ”

(โหยย อีกตั้งเก้าสิบสี่คะแนน ได้โหรหาจนแก่เลยมั้งเนี่ย)

“เว่อร์ งั้นก็เลิกโทรมาหาผมสิ”

(ไม่ได้หรอก)

“ทำไม?”

(คิดถึงไง หูย ถามมาได้)

“...”

(ไม่คิดถึงพี่หรือไงห๊ะ ถึงไม่อยากให้โทรหา)

“...พูดอะไรเพ้อเจ้อ”

(หมายความว่าไง)

“...”

(คิง?)

“...คิดถึงเหมือนกันไง ไม่งั้นจะคุยบ้าๆ บอๆ แบบนี้เป็นชั่วโมงเรอะ”

(ฮ่าๆๆ ดีๆ เป็นเด็กดีมาก)

“พี่เพจก็ต้องเป็นเด็กดีรอผมกลับไปหานะ”

(รออยู่แล้วน่า ไว้รอไม่ไหวเดี๋ยวไปหาแทน)

“...”

(ตอนนี้พักได้แล้ว ดึกแล้ว)

“ครับ พ่อ”

(ทูนหัวด้วยมะ?)

“กวนตีน!”

(ฮ่าๆๆ ฝันดีนะคิง)

เขากดวางสายและยิ้มออกมาคนเดียวเหมือนคนบ้า ก่อนจะก้าวเท้าออกจากสวนเพื่อจะกลับไปห้องพักเพื่อนอนหลับเสียที ทว่าทันทีท่ออกมาจากที่นั่น ก็พบกับใครที่เหมือนจะคอยเขาอยู่

ฟิวส์นั่นเองที่ยืนอยู่ตรงนั้น

แต่ที่ทำให้คิงหยุดยืนไม่ใช่เพราะแค่นั้น

แต่มันเป็นเพราะ บนใบหน้าหล่อเหลานั้นมีแต่น้ำตา

พวกเขาเอาแต่จ้องหน้ากันแบบนั้นนานพอสมควร จนเมื่อฟิวส์ยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาที่มีบนใบหน้าทิ้งไปและเบี่ยงตัวหลบให้คิงสามารถขึ้นกลับไปข้างบนได้นั่นแหละ คิงถึงได้รู้ตัวว่าเขายืนมองอีกฝ่ายอยู่นานมาก

“ขึ้นไปสิ เดี๋ยวก็ตื่นสายหรอก”

“...”

“คิง?”

“...แอบมาร้องไห้แบบนี้ทุกวันเลยหรือไง”

“บางวัน ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

คิงเบ้ปาก “มาแอบร้องไห้คนเดียวแท้ๆ ยังกล้าพูดแบบนั้นอีกนะ”

ฟิวส์มองคนทีตัวเตี้ยกว่าเดินเข้ามาหาแล้วกดไหล่ของเขาให้นั่งลงกับขั้นบันได ก่อนจะทิ้งตัวลงมานั่งข้างกันเงียบๆ คิงไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แต่ฟิวส์กลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการเยียวยาเงียบๆ จากคนข้างกาย

เหมือนเขาไม่ได้โดดเดี่ยว

“บอกแล้วใช่ไหม ว่าเวลาร้องไห้เขาไม่ให้ร้องคนเดียว ไอ้โง่”

“นายมีสิทธิ์พูดคำนั้นกับฉันหรือไง”

“หมายถึงอีคิว ไม่ใช่ไอคิว”

“งั้นฉันก็พูดได้ว่านายมันโง่ เพราะไอคิวต่ำ”

“กวนตีน!”

ฟิวส์หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วพิงลงไปยังไหล่ที่ต่ำกว่า มันค่อนข้างลำบาก แต่เมื่อแก้มเขาสัมผัสกับความอบอุ่นนั้น...น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ดันไหลออกมาเหมือนคนน่าสมเพซเสียอย่างนั้น

“ฉันให้หนึ่งชั่วโมง ร้องวันนี้แล้ว คืนต่อๆ ไปก็อย่าร้องอีกล่ะ”

“ห้ามน้ำตาได้ด้วยหรือไง”

“คนเราทุกคนสมควรมีความสุข หรือนายไม่คิดแบบนั้น?”

“...”

“นายเองก็เหมือนกับคนอื่นๆ นายสมควรจะมีความสุขมากกว่ามานั่งร้องไห้แบบนี้ ไอ้โง่...”












หายไปหลายวันเลย ขอโทษค่ะ
ฝากติดตามเช่นเคย ^^ เจอกันตอนหน้าค่ะ :) : NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 18 (17/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-07-2017 17:30:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 18 (17/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 17-07-2017 20:03:59
พี่เพจมาหาน้องเลยเหอะ มาสวีทกันต่างจังหวัดบ้างไรบ้าง อยากอ่านซีนหวานๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 18 (17/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-07-2017 13:32:10
 :pig4: อ่านรสดเดียวตาบวมเป่งเลยค่ะ ร้องตลอด
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 18 (17/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 20-07-2017 09:25:55
เราชอบนะ ภาษาดี อ่านลื่น คำผิดไม่มี และความรักมันต้องมีอุปสรรค
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 18 (17/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 20-07-2017 13:53:36
 :mew2:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 19 (21/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 21-07-2017 20:49:58
กฎข้อที่ 19 อย่าสงสัยไม่เข้าท่า
จะตื่นจากฝันดีหรือพบเจอความจริงที่โหดร้าย
สุดท้าย
ก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน












หลังจากค่ำคืนที่น่าอาย (สำหรับฟิวส์ ซึ่ง...เอาจริงๆ ผมว่ามันก็ไม่ได้น่าอายอะไรสักหน่อย แต่เจ้าตัวยืนยันว่ามันน่าอายจริงๆ) ก็ราวกับความมึนตึงทั้งหลายที่ผมและฟิวส์เคยมีให้กันสลายไป เขาไม่ทำตัวเหมือนจะสนใจผมอีก เช่นเดียวกับที่ผมไม่ได้จงใจเอาตัวออกห่างอีกคน ราวกับเราต่างรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่และสิ่งที่อีกฝ่ายรู้สึก

ผมเองก็เคยเป็นคนแอบรักที่ (เกือบ) ไม่สมหวัง ความทุกข์ทรมานที่อยากลืมแต่ก็ทำไม่ได้นั้น ผมเข้าใจดีและรู้อยู่เต็มอกว่ามันจัดการยากเพียงใด โดยเฉพาะหากเขาคนนั้นคล้ายกับเป็นเงาความสุขอันเลือนรางเพียงอย่างเดียวของเราด้วยแล้ว

แต่ผมคิดว่าคนอย่างฟิวส์ แม้แผลนี้จะลึกไปสักนิด คนอย่างเขาคงไม่ปล่อยให้แผลนี้เป็นหนองจนอักเสบไปมากกว่านี้
เขาในตอนนี้รู้จักใส่เบตาดีนและรอให้แผลสมานตัวเองช้าๆ โดยไม่ต้องพึ่งยาใดๆ ที่ไม่ดี (ไม่ดีต่อผมน่ะ) เช่นว่า หาใครสักคนมาเป็นคนชอบคนใหม่

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังติดนิสัยชอบหยอกล้อผมหน้าตาย ทำเหมือนเข้าถึงเนื้อถึงตัว แต่มันก็แค่การหยอกล้อธรรมดา แต่ผมก็อดโมโหไม่ได้ นานเข้ามันก็ชิน แต่ในความชินชามันก็รำคาญอยู่บ้าง แต่ผมทำอะไรไม่ได้นี่! ใครให้ผมต้องพึงพาหมอนี่ทำงานเล่า!

“วันนี้กินข้าวที่ไหน”

“ที่โต๊ะ” ผมตอบเสียงเรียบ ไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย ขณะก้มหน้าก้มตาจดบันทึกในกระดาษประจำวัน ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อุตส่าห์เปิดปากชวนคุยได้หยุดการกระทำทั้งหมด เปลียนมาเท้าคางหันหน้ามองเสี้ยวหน้าผมพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

“โต๊ะไหน”

“โต๊ะไหนก็ได้ที่ฉันไม่ต้องไปกินข้าวกับนาย”

“ใจร้าย”

“ใช่”

“ใจดำ”

“อืม”

“คิง”

“อะไรอีก (วะ)” แน่นอนว่าในวงเล็บผมพูดมันออกไปไม่ได้ เพราะในห้องไม่ได้มีแค่ผม ลำพังแค่การต่อปากต่อคำน่ารำคาญนี่ก็ก่อกวนมากแล้ว ผมได้แต่หยุดเขียน เพราะรู้สึกว่าเขียนไปก็เขียนไม่รู้เรื่อง ได้แต่หันหน้าตวัดไปมองคนที่ยิ้มทะเล้นเหมือนพอใจเป็นอย่างมากที่ทำให้ผมต้องหยุดทุกอย่างไปมองเขา ในดวงตาที่เคยเปื้อนความเศร้าโศกในคืนนั้นพราวระยับราวกับเด็กๆ แม้จะรำคาญแค่ไหน แต่ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า ดวงตาของอีกฝ่ายในตอนนี้ขับเน้นให้ความหล่อที่มีอยู่แล้วเด่นชัดมากขึ้นไปอีก

แต่ขอโทษที ผมไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น

เทียบกันแล้วใบหน้าหล่อธรรมดาๆ กับหนึ่งรอยยิ้มของพี่เพจมีอิทธิพลต่อใจผมมากกว่า

ดังนั้นผมจึงทำเพียงแค่ถอนหายใจใส่อีกคน แล้วกลับไปเขียนบันทึกต่อ ทางฟิวส์ก็คงเห็นแหละว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล จึงกลับไปทำงานต่อ ไม่วายบ่นเบาๆ

“นึกว่าจะหน้าแดงใจเต้นซะอีก”

“อ่านการ์ตูนตาหวานมากไปหรือไง”

“ฉันก็ว่าฉันหน้าตาดีนะ ไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอ?”

“ระหว่างคนที่หน้าตาดีมากๆ กับคนที่ชอบนายเลือกใคร?”

“...”

“สมองเราอาจจะเลือกหรือเปรียบเทียบสิ่งที่ดีกับสิ่งที่ด้อย แต่กับหัวใจ มันจะเลือกสิ่งที่ใจเราเห็นว่าดี เห็นว่ามันพอดีกับใจเรา ไม่ได้เลือกเพราะมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”

“...กินหนังสือคำคมเป็นอาหารหรือไง”

“อ่านแก้เซ็งปลอบใจตัวเองไปวันๆ ตอนที่แอบรักน่ะ”

ฟิวส์ทำเพียงแค่หัวเราะเบาๆ ในลำคอกับคำตอบนั้นของผม เขาไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก แต่ชั่วพริบตาที่เดินผ่านผมไป คล้ายกับผมได้ยินคำพูดหนึ่งจากเขา

คำที่ไม่คิดว่าเขาจะพูดมันออกมา

“นายไม่เหมือนคนที่เศร้าจนต้องหาหนังสืออ่านปลอบใจตัวเอง”

“...”

“นายเหมือนกับคนที่สามาถเผชิญกับความเศร้าได้ทั้งรอยยิ้ม”

“...”

“ถ้าไม่เจ็บจนชิน นายก็บ้าไปแล้ว”

มือที่จับปากกากำแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่สายตามองตามแผ่นหลังของฟิวส์ที่เดินออกจากห้องไป ผมหันหน้ากลับมายังรายงานก่อนจะถอนหายใจแล้วลงมือทำต่อ

เขาเป็นคนที่สองแล้วที่พูดแบบนี้ คนแรกคือพี่สิงห์

ไม่มีอะไรจะเถียงเลยแฮะ

เพราะสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริงทั้งหมด

กว่าจะมาถึงจุดที่ทำเหมือนทุกความเจ็บปวดเป็นเรื่องง่ายๆ ผมเคยเป็นแบบเขามาก่อน จนเมื่อรู้ว่าไม่ยอมตัดใจ ยอมเจ็บ...จนมันชิน กระทั่งวันนี้แม้จะเหมือนสมหวัง แต่ก็ทำให้ผมที่กกกอดความหวังนั้นราวกับเดินอยู่บนน้ำแข็งแผ่นบางๆ ที่ถ้าก้าวพลาดเพียงก้าว...ก็จะจมสู่ห้วงความเจ็บปวดอันยาวนานคล้ายนิรันดร์ทันที

ผมก็เคยคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้ว

แต่เมื่อได้มองรอยยิ้มที่พี่เขามองมายังผม ผมก็ทำได้ยิ้มตอบกลับไปอย่างคนโง่ๆ คนหนึ่ง

สุดท้ายก็ได้แต่ยอมรับกับตัวเองว่า ตกเป็นทาสความรักอย่างโง่งมไปแล้ว

ผมหลุดยิ้มเยาะตัวเอง สงสัยจะบ้าไปจริงๆ อย่างที่สองคนนั้นบอกแล้วล่ะ

“น้องคิง มีพัสดุมาแน่ะ”

“ครับ สักครู่จะออกไปครับ”

ผมวางงานทุกอย่างถอดเสื้อนอกที่ใส่เฉพาะตอนอยู่ในห้องแอร์ออกก่อนจะเดินไปยังด้านนอกสำนักงาน หลายครั้งที่แม่หรือทางบ้านของผมส่งของมาให้ที่สำนักงาน มักจะเป็นพวกของกินไม่ก็ผลไม้ ผมได้รับจนชินแล้ว แต่ปรากฎว่าครั้งนี้พอเดินออกไป ผมกลับไม่พบว่ามีบุรุษไปรณีย์จะหอบสิ่งนี้มาส่งมาก่อน

“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลย”

“...”

“ไหนว่าคิดถึงไง โกหกพี่เหรอ”

ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าไปรษณีย์จะหอบความคิดถึงของผมมาตรงหน้าได้เช่นนี้

ผมนิ่งไปครู่หนึ่งและหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเหมือนคนบ้า แต่ก่อนที่คนตรงหน้าจะโมโหจนอายหนีกลับไปเสียก่อน ผมก็พุ่งตรงเข้าไปหาแล้วกอดเต็มรัก ทั้งที่ผ่านมาผมมักจะวางท่าทีเหินห่างและไม่แตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายก่อนเลยด้วยซ้ำ ทว่าครั้งนี้แรงที่กอดกลับไม่คลายเลยแม้แต่น้อย ผมสูดดมกลิ่นคุ้นเคยที่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้หัวใจที่หว่าเหว้ดวงนี้สงบลง พร้อมกับที่สัมผัสได้ถึงแรงกระชับกอดตอบของพี่เพจที่แน่นไม่ต่างกัน

“คิดถึง”

“...”

“คิดถึงมากๆ เลย”

“พี่ก็คิดถึง”

“นี่ไม่ใช่ความฝันสิเนอะ ใช่มั้ย?” ท้ายเสียงของผมแผ่วลงเหมือนไม่มั่นใจ จนแผ่นอกของคนที่ผมสวมกอดอยู่ขยับขึ้นลงเป็นเสียงหัวเราะ แรงกระชับแน่นขึ้นอีกแล้ว แต่ผมกลับไม่อึดอัดเลยสักนิด กลับกันกลับรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด ขณะฟังเสียงทุ้มที่แสนคิดถึงกล่าวข้างหู

“ไม่ได้ฝันไปหรอก พี่อยู่นี่แล้วจริงๆ”

“...”

“สุดท้ายพี่ก็แพ้ อดใจไม่ได้จนต้องมาหาเราก่อนจนได้”

“พี่ไม่ได้แพ้ แต่ถ้าแพ้คิงก็แพ้ด้วย”

“...”

“เพราะวันนี้ถ้าฝึกงานเสร็จเร็วคิงก็กะว่าจะไปหาพี่เหมือนกัน”

“ฮ่าๆ งั้นเราก็ใจตรงกันอ่ะดิ”

“...”

“ดีจัง”

พี่เพจพูดไปแค่นั้นก็เงียบไป ซึ่งผมก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรออกมาอีก พวกเราแค่กอดกันเงียบๆ อยู่ที่บันไดทางเดินนั้น เนิ่นนานคล้ายกับจะไม่แยกจากกันอีกเลย














ได้แต่หวังว่าคนที่มอบความเจ็บปวดนั้นแด่ผม
คนที่จะยืนตรงข้ามมองผมร้องไห้
จะไม่ใช่คุณ












เพจมองตึกที่เด็กน้อยของเขามาฝึกงานขณะที่เดินเล่นรอเวลาอีกฝ่ายเลิก ตึกใหญ่โตรอบด้านมีต้นไม้เขียวและดอกไม้หลากสีสัน ดูร่มรื่นดี แม้ว่าแดดในวันนี้จะร้อนไปสักหน่อย แต่ก็พอจะกล้อมแกล้มได้ว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่หนึ่งในการมาฝึกงานเพื่อเอาประสบการณ์และความรู้กลับไป

ระหว่างทางเขาพบกับเด็กนักศึกษาอีกชุดเดินผ่านไป เป็นคู่ชายหญิง คงจะเป็นดิวและฝ้ายที่คิงเคยเล่าให้เขาฟัง ผู้หญิงที่ชื่อฝ้ายนั้นน่ารักเช่นที่คิงบอกจริงๆ เขายังมองแทบเหลียวหลัง แต่มันก็แค่นั้น มองเสร็จแล้วเขาก็แค่เดินต่อไปเรื่อยๆ เขาไม่ได้รู้สึกว่าสะดุดตาใครถึงขนาดอยากเดินเข้าไปทำความรู้จักมานานแล้ว

หลายคนที่เขายอมเข้าหา ล้วนแต่ใช้เวลา...กว่าเขาจะยอมให้ก้าวเข้ามา

แต่คิงเหมือนจะใช้เวลาได้เร็วที่สุด อาจเพราะเด็กคนนั้นเข้าใจและเฝ้ามองเขามาตลอดกระมัง

คิดมาถึงตรงนี้ก็อดเขินจนทำตัวไม่ถูกขึ้นมาไม่ได้ ถึงท่าทางของเขาตอนนี้จะดูบ้าๆ บอๆ ในสายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่เขามีความสุดนี่นา

ไม่ได้ยิ้มจนเหมือนคนบ้าแบบนี้มาสักพักแล้วจริงๆ

เดินวนไปวนมาสุดท้ายเขาก็กลับมายังที่ที่เขาและคิงเจอกัน เมื่อนึกถึงเด็กที่ชอบตีหน้ารำคาญหรือเบื่อหน่ายเขาคนนั้นกระโดดกอด ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอยู่แล้วก็ยิ่งฉายชัดถึงความสุขที่ระบายอยู่บนนั้นมากยิ่งขึ้น ยิ่งคิดถึงก็คล้ายกับรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดที่เพิ่งผละจากไปได้ไม่ถึงชั่วโมงนั้น

เขารู้ รู้ว่าคิงคิดถึง

แต่อย่างไรด้วยสิ่งที่เขาเคยทำให้อีกคนเสียใจ ความคิดถึงนั้นก็คงจะน้อยกว่าเขาเล็กน้อย

ใครจะไปรู้ว่าในใจเด็กคนนั้น...เคยให้มากมายเท่าไหร่ก็ยังยินดีที่จะมอบเท่าเดิมให้เขา

เขาที่เคยเป็นต้นตอที่ทำให้เด็กคนนั้นเสียใจ

แต่ก็เป็นคนที่คิงพูดเสมอว่าเป็นความสุข

เพจทั้งมีความสุขทั้งอดเสียใจไม่ได้กับเรื่องที่ผ่านๆ มาระหว่างพวกเขา แต่ถึงจะคิดแบบนั้นความรู้สึกเช่นนั้นก็อยู่กับเขาได้แค่ไม่นาน เพราะตอนนี้ไม่ใช่อดีตอีกแล้ว เขาไม่ใช่เพจคนนั้นที่ยังสับสนอีกแล้ว ตอนนี้คือปัจจุบัน...และเป็นปัจจุบันที่เขาอยากจะรักษาไว้ให้นานที่สุด

“รอนานไหมครับ?”

“นานอะไร เราเพิงกลับไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ” เพจมองสีหน้ากระอักกระอ่วนของคิงแล้วนึกสงสัยขึ้นมา กำลังจะอ้าปากถามอยู่แล้วเชียว ด้านหลังของคิงก็ปรากฏร่างของนักศึกษาอีกสามชีวิตขึ้นมา สองในนั้นเป็นเด็กที่เขาเคยเห็น แต่อีกคน...น่าจะเป็นบัดดี้ของคิงที่ชื่อฟิวส์ สายตาสงสัยแต่ก็พอจะมีมารยาทที่มองมายังเขาของดิวและฝ้ายดูคล้ายจะเลือนรางไปเลย เมื่อเทียบแววตาเหมือนประเมินจากคนมาใหม่คนนี้

ในแววตาของหมอนี้ไม่ได้มีความสงสัย แปลกใจ แต่กลับสงบนิ่งและเต็มไปด้วยความรู้สึกท้าทายอย่างบอกไม่ถูก

เพจไม่สบายใจเอาเสียเลยที่คิงต้องอยู่ใกล้คนแบบนี้

“ใครอ่ะ?”

“รุ่นพี่ของคิงเหรอ?”

“อืม จบปีนี้ล่ะ พี่เพจนี่ดิว ฝ้ายแล้วก็ฟิวส์ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไง”

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ/ค่ะ” ทั้งสามไหว้พอเป็นพิธีไม่ได้จริงจังอะไรมาก ก่อนจะเริ่มพูดคุยกันถึงอาหารเที่ยงที่จะกินกันในวันนี้ มาถึงตรงนี้เพจจึงได้เข้าใจว่าทำไมคิงถึงได้ทำหน้าลำบากใจ เขาจึงลงมือลงบนเส้นผมนุ่มๆ ของคิงแล้วยี้มันเบาๆ แทนคำว่าไม่เป็นไรที่วันนี้พวกเขาไม่ได้ใช้เวลาสั้นๆ ในการพักของคิงด้วยกันสองคน

“พี่เพจกินอะไรได้บ้าง?”

“ได้หมด”

“งั้นเลี้ยง!”

“โหย อะไรเนี่ย”

ดิวหัวเราะร่า แม้จะเพิ่งเคยเจอแต่เขาก็พอจะเดานิสัยเพจออก จึงสนิทสนมกันได้ไม่ยาก “ใจป๋าหน่อยพี่เพจ น้องร่วมคณะเลยนะ ถึงต่างสถาบันแต่ใจเรามันสีเดียวกันนะพี่”

“แน่ล่ะ มีใครใจสีน้ำเงินบ้างล่ะ” เพจว่าเสียงหน่ายๆ แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ปฏิเสธคำขอของดิว เจ้าตัวจึงได้ร้องเย้เสียงดังแล้วเดินนำไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก ฝ้ายเองก็พลอยเฮฮาไปด้วย เธอตรงมาลากคิงให้เดินไปหาดิว จับมือเกี่ยวคอพูดคุยเฮฮา ไม่ได้สนใจเลยว่าสองคนที่ถูกทิ้งอยู่ด้านหลังจะสาดบรรยากาศแบบไหนใส่กัน

เพจไม่ได้มองไปที่หน้าของฟิวส์ เช่นเดียวกับที่ฟิวส์เองก็มองไปข้างทางมากกว่าจะอยากมองหน้าเพจ

ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใส่กัน แต่กลับไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดว่าจะสนิทสนมได้กับคนข้างๆ ทั้งสองคนต่างคิดแบบนี้

จู่ๆ ในตอนที่ความเงียบที่น่าอึดอัดกำลังโอบล้อมพวกเขา ฟิวส์ก็พูดขึ้นมา

“ได้ยินว่าคิงชอบคุณ”

“...ก็ใช่”

“แล้วคุณก็ชอบหมอนั่น”

“ใช่” คำนี้หนักแน่นเสียจนฟิวส์อดกระตุกยิ้มหยันไม่ได้

“แล้วก่อนที่จะพูดอย่างมั่นใจแบบนี้ ทำหมอนั่นร้องไห้เสียใจมานานแค่ไหนแล้วล่ะ”

“...!”

คราวนี้ฟิวส์ไม่ได้หลบตาอีกแล้ว เขาหยุดเดินและมองตรงไปยังแววตาทีเริ่มกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจของเพจ จริงอยู่ที่เขานั้นละทิ้งความรู้สึกที่อยากจะชอบคิงเพื่อเบี่ยงเบนความเจ็บปวดของตัวเองไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมองไม่เห็นเลยว่า ผู้ชายตรงหน้าเขาคนนี้โชคดีแค่ไหนที่ได้รับความรักที่เหมือนไม่มีก้นบึ้งนั้นจากคิง

ก่อนที่จะทะนุถนอมเช่นนี้ ก่อนจะอ่อนโยนเช่นนี้ ผู้ชายคนนี้คงทำให้น้ำตาหลายหยดเปื้อนแก้มนั่นของหมอนั่นนับครั้งไม่ถ้วน

“มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย”

“ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันนี่ ไม่ใช่หรือไง?”

“...”

ฟิวส์ยิ้มยียวน “นั่นแปลว่าทุกคนมีโอกาสไม่ใช่หรือไง”

“แต่ก็ไม่ได้แปลว่าโอกาสนั้นจะตกมาถึงมือของนาย”

“แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ทำลายโอกาสมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเพิ่งมาถนอมแบบคุณ จะได้รับโอกาสซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากหมอนั่นนี่”

“...”

“ไม่ใช่ทุกครั้งหรอกนะครับที่คนเราจะกล่อมตัวเองว่าไม่เจ็บแล้วทนยืนยิ้มต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“...”

“อย่าพลาดแล้วกัน ไม่อย่างนั้นไอ้โอกาสที่คุณว่าผมไม่มีวันได้รับจะมาหล่นตรงหน้าผม”


‘เลิกหลอกตัวเองว่าไปชอบคนอื่นแล้วจะลืมคนเก่าได้เสียที’

จู่ๆ คำพูดของคิงในคืนวันนั้นที่เขาร้องไห้เหมือนคนบ้าก็หวนกลับมาในสมองเขาตอนนี้

ราวกับจะตอกย้ำถึงสิ่งที่ใจเขารับรู้อย่างแน่วแน่ ณ ตอนนี้

‘ก็ไม่ได้คิดสักหน่อยว่าจะลืม ก็แค่คิด...’

‘คิดว่า?’

‘ถ้าฉันชอบคนแบบนาย บางทีฉันอาจจะมีความสุขขึ้นมาก็ได้’



ความรักเก่าของเขาเหมือนไม้เลื้อยที่หยุดเจริญเติบโต คล้ายถูกแช่แข็งในวันเวลาเก่าๆ เหล่านั้น ไม่มีวันได้งอกงามอีกแล้ว แต่ความรู้สึกที่แตกหน่อในใจตอนนี้คือต้นอ่อนที่เติบโตอย่างมั่นคง แม้จะโตช้าไปหน่อย แต่ใช่ว่าต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านมาเนิ่นนานจะไม่พังโค่นนี่นา

“ถ้าผมได้รับโอกาสนั้น ผมจะไม่ทำให้เขาต้องร้องไห้แบบที่คุณทำแน่”









มาป๊ะกันแล้ววว ฮัดช่าาาาา
ไปจัดการตารางเรียนมา วุ่นทั้งอาทิตย์เลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอ เจอกันตอนหน้าค่ะ :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 19 (21/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 21-07-2017 21:47:12
จะฟาดฟันกันแล้ว
บั่บ มีคู่แข่งแล้ววว ค่อยมีแบบรสชาตินิดนึงแต่จริงๆบรรยากาศ ของเพจกับคิงก็โอนะ ตอนแบบจู๋จี๋กันอ่ะ แต่แค่อดีตมันทำให้มีชนักปักหลังกันเฉยๆ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 19 (21/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-07-2017 21:57:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 19 (21/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 21-07-2017 22:03:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 19 (21/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 22-07-2017 02:52:55
พี่เพจสู้ๆ แค่ทำให้คิงมั่นใจยังไงคนอื่นก็สู้ไม่ได้
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 19 (21/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 22-07-2017 05:52:52
สำหรับเรา พี่เพจไม่ผิดเลยสักนิด
เราไม่ปลื้มฟิวส์ด้วย คนบ้า ไ่เห็นจะดีตรงไหนนอกจากมั่นหน้าว่าหล่อ ฟิวเองก็ไม่ต่างไปจากพี่เพจเลย อาจจะทำให้คิงร้องไห้หนักกว่าก็ได้ ไม่ชอบคนแบบฟิว

พี่เพจ อย่าไปดิ้นตามคนบ้า ไม่ได้ ไม่มีความสุข โรคจิตอยากให้คนอื่นทุกข์ตาม เหอะ ไา่แปลกใจเลยทำไม ถึงเป็นได้แค่คนแอบรัก เพราะนิสัยแบบนี้ไง

ตอนนี้เราเทใจให้พี่เพจ คิง เท่านั้น
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 19 (21/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: chaichan ที่ 25-07-2017 20:26:03
บททดสอบเล็กๆ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 20 (25/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 25-07-2017 21:39:48
กฎข้อที่ 20 อย่าคิดไปเอง
ผมไม่ได้กลัวว่าสักวันคุณจะเบื่อผม
เพราะเมื่อไหร่ที่คุณนึกเบื่อผมขึ้นมา
นั่นคงเป็นช่วงเวลาหลังการได้อยู่เคียงข้างกันอย่างยาวนานของเราแล้ว









ตั้งแต่เข้ามาในร้านอาหาร ผมจับอารมณ์และความรู้สึกจากพี่เพจได้อย่างชัดเจนว่าพี่เขากำลังไม่พอใจ

แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและยังพูดคุยกับคนอื่นๆ ในโต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าทั้งที่เป็นแบบนั้น พี่เพจกลับไม่ได้พูดกับฟิวส์เลยแม้แต่คำเดียว ส่วนฟิวส์เองก็ยังคงเงียบเหมือนเคย แต่ครั้งนี้ดูจะเงียบกว่าปกติ

บางทีในตอนที่ผมไม่ทันสังเกตอาจจะเกิดเรื่องผิดใจกันก็ได้มั้ง...?

ผมเหลือบมองใบหน้าและเสียงหัวเราะที่เปล่งออกจากคนข้างๆ แล้วเลื่อนมือที่อยู่ใต้โต๊ะไปแตะเบาๆ เข้าที่มือของพี่เพจที่วางอยู่บนหัวเข่าของตัวเอง ตอนแรกมือของพี่เพจกระตุกเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนกลับขึ้นมากุมมือของผมเอาไว้ ราวกับรู้ว่าผมกำลังจะจับมือของเขา

มือของเราจับกันแน่นอยู่ใต้โต๊ะ เราสองคนยิ้มและหัวเราะเหมือนไม่ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นนั้น

ผมอาจจะคิดไปเอง แต่...ผมว่ารอยยิ้มของพี่เพจที่ยิ้มออกมาตอนนี้มันแผ่ลามไปถึงดวงตา ทำให้แววตานั้นทอความอ่อนโยนออกมามากกว่าเดิมเล็กน้อย

นั่นทำให้ผมยิ้ม

เพราะคนแอบรักเช่นผม จะต้องการอะไรไปมากกว่าคนที่ตัวเองรักยิ้มได้จากใจกัน?















“โกรธฟิวส์เหรอพี่เพจ”

“...พี่ว่าจะไม่คิดถึงแล้วนะ พอเราพูดแบบนี้ชักจะหัวร้อนนิดๆ”

คนพูดแสร้งทำหน้าบูดแต่ผมรู้ว่าพี่เขาไม่ได้โกรธจริงจังอะไรเช่นเมื่อตอนที่อยู่ในร้านอาหารแล้ว ตอนนี้เราสองคนแยกออกมาเดินเล่น ส่วนคนที่เหลือก็แยกตัวกลับไปยังหอพัก ไม่ได้ตามมาเดินต่ออะไร ดูเหมือนดิวจะสังเกตได้ถึงความสัมพันธ์ของผมกับพี่เพจ เขาจึงยิ้มล้อเลียนเล็กน้อยแล้วจึงเดินจากไป แต่แค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะเรียกสีแดงให้แผ่กระจายบนผิวแก้มของผม แววตาหยอกล้อทั้งจากดิวและพี่เพจ มีอานุภาพรุนแรงกว่าคำพูดแซ็วจากปากเสียอีก

“ทำไมอ่ะ? ทะเลาะอะไรกัน”

“ไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย มันกวนพี่ต่างหาก”

“จริงอะ ฟิวส์ไม่ค่อยพูดเลยนะพี่เพจ”

“นั่นน่ะนะไม่ค่อยพูด! ตอแหลว่ะ”

“โห ขนาดนั้นเลย” แม้ว่าผมจะลำเอียงเข้าข้างพี่เพจก็เถอะ แต่กับฟิวส์ถึงจะกวนตีน แต่กับคนแปลกหน้าเช่นพี่เพจ มันทำให้ผมทำใจเชื่อยากอยู่สักหน่อยที่เขาจะออกปากหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน พี่เพจถอนหายใจแรงๆ เหมือนจะระลบายความขุ่นข้องในใจออกมา ขณะที่เหล่มองผมเหมือนมีเรื่องอยากจะพูด

“ต่อจากนี้ก็ระวังๆ หมอนั่นหน่อยแล้วกัน”

“ระวังยังไง”

“อย่าไปใกล้มันมาก ห่างเท่าไหร่ยิ่งดี”

“ทำไม่ได้หรอก นั่นคู่ฝึกงานผมนะ”

พี่เพจเบ้ปาก “เปลี่ยนคนได้ไหมล่ะ พี่ไม่ไว้ใจมันเลย”

“ทะเลาะกันเรื่องอะไรเนี่ยตกลง โตๆ กันแล้วนะพี่เพจ”

“เรื่องเราน่ะแหละ”

“...”

“มาเสน่ห์แรงอะไรตอนนี้ครับ ตอนที่พี่อยู่กับเรายาวๆ ไม่ได้เนี่ย”

ผมทำเป็นมองไม่เห็นสายตาจับผิดระคนหงุดหงิดของพี่เพจ เอาแต่มองดินมองฟ้าไปเรื่อย

“เสน่ห์แรงอะไร ไม่มีอะไรเหอะ”

“ถ้าไม่มีอะไรทำไมมันต้องมาพูดจาเหมือนจะจีบเราให้พี่ฟังด้วยล่ะ”

“...” ไอ้บ้านั่น! ยังไม่เลิกล้อเล่นไม่เข้าท่านั่นอีก

โอเค ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่เพจถึงได้หัวเสียแบบนี้ -_-^

“เขาล้อพี่เล่นเฉยๆ แหละน่า อย่าไปเชื่ออะไรกับคำพูดหมอนั่นเลย”

“แต่มันก็น่าเป็นห่วงนี่”

“งั้นก็เชื่อใจคิง”

“...”

แม้จะอาย แต่ผมก็พยายามที่จะบังคับให้ตัวเองกล้าสบตากับแววคู่นั้นของพี่เพจที่มองมา “พี่ก็รู้ว่า คิงชอบแค่พี่คนเดียว”

พี่เพจเหมือนจะยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ยอมยิ้ม เอาแต่ตีหน้าขรึม ทว่าทำไปทำมาก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ เขายิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะบดคมคางลงที่บนหน้าผากของผมเหมือนจะแกล้ง แต่สุดท้ายก็เพียงแค่วางคางตัวเองไปแบบนั้นเงียบๆ ส่วนผมก็ฉวยโอกาสเอาเปรียบ ยกแขนขึ้นกอดเอวสอบของอีกฝ่ายเบาๆ โชคดีที่จุดที่เรากำลังเดินเป็นถนนที่ไม่ค่อยพลุ่งผล่านเช่นตอนกลางวัน จึงไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมานัก

“เฮ้อ ไม่โกรธก็ไม่โกรธ”

“...”

“พี่เชื่อเรา”

แม้ว่าจะเป็นแค่คำสั้นๆ แต่มันกลับทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาเหมือนคนบ้า ผมผละออกจากอ้อมกอดของพี่เพจ มองใบหน้าที่เหมือนอ่อนใจแต่ก็ยังมีความสุขปะปนในนั้น ก่อนจะโผเข้าไปกอดอีกที คราวนี้คนที่ถูกผมกอดก็เอื้อมมือขึ้นกอดตอบเช่นกัน

“ช่วยเชื่อใจในตัวพี่เร็วๆ หน่อยนะคิง”

“ทำไมครับ ขี้เกียจเป็นเด็กดีแล้วเหรอ?”

พี่เพจหัวเราะเบาๆ เพราะคงเดาออกว่าผมพูดประโยคนั้นไปเพื่อที่จะล้อเขาที่พักหลังมักทำตัวว่าง่ายตามใจผมเสมอ

“เปล่า พี่หึง”

“...”

“อยากเรียกว่าเราเป็นคนของพี่อย่างเต็มปากเสียที”

“...ขี้หวง”

“ก็มีอยู่คนเดียวไม่ให้หวงเราแล้วจะไปหวงใครห๊ะ เด็กบ๊อง”

ผมยิ้มอยู่คนเดียวกับแผ่นอกอุ่น “อีกนิดเดียวนะ”

“รอคิงก่อนนะพี่เพจ”

“อืม บอกแล้วไงว่าจะรอ”

“...”

“ยังไงก็จะรอ”















แต่ผมไม่มีวันเบื่อคุณอย่างแน่นอน ที่รัก















เพจยังไม่ได้กลับไปในทันที เพราะมาหาคิงครั้งนี้เขาตั้งใจว่าจะมาหลายๆ วันหน่อย ก่อนจะกลับบ้านไปเตรียมสัมภาษณ์งานใหม่ตามจดหมายเรียกจากบริษัทที่ลเรซูเม่ไปสามถึงสามที่ นอกจากจะมาเยี่ยมคิงแล้วเขาก็ถือโอกาสพักผ่อนไปด้วยเลย ตอนนี้จึงนอนแผ่อยู่ที่โรงแรมที่ตั้งห่างไปจากศูนย์ฝึกงานของคิงไปไม่เท่าไหร่เท่านั้นเอง

เมื่อวานหลังจากที่เขาไปส่งคิงที่หน้าหอพัก เขาก็ขับรถกลับมายังห้องตัวเองและหลับเป็นตาย แต่ก่อนจะหลับได้ก็ลำบากพอตัว ด้วยมีเรื่องให้คิดมากมาย เอาจริงๆ เขาก็เครียดเรื่องหางานนะ แต่พอมาที่นี่เจอคนกวนประสาทอีกคำรบ ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ สุดท้ายเช้าวันนี้ที่ตื่นมาหน้าตาเขาที่โทรมอยู่แล้วก็ยิ่งโทรมเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่าถ้าเอาเขาไปยืนอยู่ข้างหมีแพนด้า น่าจะไม่ต่างกันเท่าไหร่

(แล้วไง มันเกี่ยวอะไรกับกูครับ)

“กูโทรมาเพื่อปรึกษาไม่ได้มาให้มึงกวนประสาทกูนะสิงห์” เขาว่าเสียงระอา รู้แหละว่าเพื่อนพร้อมจะรับฟัง แต่ทุกครั้งที่โทรไปปรึกษาไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องหัวใจ ไอ้สิงห์มันก็ชอบกวนประสาทเขาเหลือเกิน ทว่ากับคิงกลับทำตัวเป็นผู้ใหญ่ใจดีเสียจนอดเบ้ปากให้ลับหลังไม่ได้

(ก็แล้วไงวะ ก็แค่เด็กคนหนึ่งป่ะ? อะไรวะเพจ แค่นี้มึงถึงกับเครียดเลยหรือไง)

“จะไม่ให้เครียดได้ยังไงวะ แม่งกวนซะขนาดนั้น”

(แล้วคิดว่าน้องมันเชื่อไม่ได้ขนาดนั้นเลย?)

“...ไม่ใช่อย่างนั้น”

(ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่น้องมันพูด เชื่อใจน้องมันซะ แค่นั้นเองง่ายๆ)

“กูไม่สบายใจเลยที่ให้ไอ้หมอนั่นมาอยู่ใกล้ๆ คิงนี่หว่า”

(แล้วจะให้กูทำไงละเพื่อน รุ่นใหญ่แบบเราใจมันต้องนิ่ง ไม่ใช่ว่านิดๆ หน่อยๆ ก็วิ่งโร่ไปหาเรื่อง หัวร้อนกับคำแหย่ของเด็ก บ้าเปล่ามึงอ่ะ)

เพจหลุดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ที่ดูเหมือนว่าสุดท้ายการปรึกษาจะเปิดช่องให้เพื่อนเขาเอ่ยแขวะเสียอย่างนั้น

กำลังจะตะโกนด่าให้ปลายสายฟัง เสียงกริ่งจากหน้าห้องพักก็ดังขึ้นเสียก่อน เขาจึงฉวยโอกาสนั้นตัดสายจากเพื่อนรักที่แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับเรื่องที่เขากลุ้มใจ ก่อนจะเดินไปส่องตาแมวเพื่อดูว่าใครมาและมันค่อนข้างน่าแปลกใจที่เป็นคนคนนั้น
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มตรงหน้าไม่ได้ทำให้เพจระแวงอะไรเลยแม้แต่น้อย

“อ้าว เธอ...?”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่เพจ :)”












“นายไปกวนประสาทอะไรพี่เพจ”

ยังไม่ทันจะพูดคุยเรื่องงานให้สมกับที่เมื่อครู่ตั้งใจฟังพี่ๆ บรีฟงานในวันนี้ ฟิวส์ก็มีอันชะงักมือที่กลังเตรียมของทั้งหมดไปกับคำพูดของคิงที่เปิดประเด็นขึ้นมาทันทีที่ในห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคน ฟิวส์วางขวดแก้วลงและหันกลับไปมองคนที่ตัวเตี้ยกว่าด้วยแววตาที่มองไม่ออกถึงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ มองอยู่นานฟิวส์ก็ยังไม่ตอบเสียที คิงที่อุตส่าห์ทำใจนิ่งๆ กลับเผลอหลุดปากก่อนเสียได้

“ว่าไง ตกลงนายไปพูดอะไรไม่ดีกับพี่เพจใช่ไหม?”

“ใจคอนายจะไม่ถามเลยหรือไงว่าฉันโดนพูดอะไรไม่ดีใส่หรือเปล่า?”

“ไม่อ่ะ ฉันรู้นิสัยพี่เพจดีพอ ฉันเชื่อใจเขา”

“เชื่อใจ? ฮึ” ฟังแล้วโคตรขัดใจชะมัด

สีหน้าเยาะๆ จากฟิวส์ยิ่งทำให้คิงมั่นใจว่าคนตรงหน้าจะต้องพูดจาอะไรไม่น่าพอใจใส่พี่เพจอย่างที่เขารับรู้ได้เมื่อวานแน่ๆ ดังนั้นสีหน้าที่เรียบเฉยจึงค่อยเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น

“ฟิวส์ ฉันถามอีกครั้ง นายพูดอะไรกับพี่เขา”

“หมอนั่นมีอะไรที่นายคิดว่าเชื่อถือได้งั้นเหรอ”

“หมายความว่ายังไง”

“ก็ตามที่พูด มันน่าเชื่อถือยังไงผู้ชายคนนั้นที่ทำให้นายร้องไห้คนนั้นน่ะ”

“...น่าเชื่อมากกว่านายแล้วกัน”

ฟิวส์เบ้ปากออกมาเมื่อได้ยินคำนี้ออกจากปากของคิง ขณะที่นัยน์ตากวาดมองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อใจตรงหน้าด้วยอาการดูแคลน เชื่อใจ? มันก็แค่คำพูดที่ฟังดูดีในตอนนี้เท่านั้นแหละ เมื่อไหร่ที่ได้พบความจริงตรงหน้า เดี๋ยวหมอนี่ก็จะได้รู้ว่า ไอ้คำพูดที่เชื่อใจคนที่รักได้ทุกเรื่องนั้นน่ะ มันไม่มีอยู่ในโลก!

“ก็ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อยก็แค่ถามว่าเขาเป็นแฟนนายเหรอ?”

“...”

“ฉันนึกว่านายกับเขาคบกันซะอีก”

“...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ฉันถามนายไม่ทราบ”

“เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็มๆ เลย เพราะฉันบอกเขาไปว่าฉันจะแย่งนายมา”

“ฟิวส์! เลิกล้อเล่นแบบนี้เสียที ฉันไม่ตลกไปกับนายหรอกนะ”

 คราวนี้ฟิวส์ดูออกว่าคิงโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว ต่างจากครั้งอื่นที่แค่ระอากับคำพูดของเขา เพราะอีกฝ่ายคงรู้ดีว่าคำพูดในตอนนั้นไม่ได้จริงจังอะไร แต่กับครั้งนี้ แม้มันจะแค่เบาบาง แต่เขาก็นึกจริงจังขึ้นมาจริงๆ มือข้างที่ว่างฉวยจับข้อมือของคิงทีเตรียมจะเดินไปจากห้องให้กลับมายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของพวกเขาใกล้กันมากเสียจนฟิวส์สามารถเห็นได้ถึงรอยไม่พอใจที่วาดผ่านนัยน์ตาของคิง แต่ใจกลับไกลราวกับอยู่คนละขั้วโลก
“ทำไมฉันจะทำแบบนั้นไม่ได้ ในเมื่อนายไม่ได้มีใคร”

“แต่ฉันก็บอกนายไปแล้ว ไม่ว่านายจะพูดเล่นหรือพูดจริงว่าฉัน ไม่-มี-วัน-ชอบ...อื้อ!!”

ไม่ทันจะพูดจบประโยคคิงก็ไม่มีโอกาสได้พูดต่อ เมื่อคนตรงหน้าตัดสินใจเคลื่อนใบหน้าเข้ามากระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน รอยบดเบีบยดจากฟิวส์ทำให้ริมฝีปากของคิงบวมช้ำ แต่ใช่ว่าคิงจะยอมง่ายๆ เพียงพริบตาฟิวส์ก็ผละออกมาพร้อมกับสบถเสียงเข้มเจือโทสะ เมื่อพบว่าในริมฝีปากของตัวเองมีกลิ่นคาวของเลือดจางๆ

“นี่ขนาดกัดลิ้นเลยเหรอ?”

“ก็เผื่อนายจะหายบ้าขึ้นมาไง! ฉันน่าจะเชื่อพี่เพจว่าควรอยู่ห่างจากนาย”

“ทำไม? จะทำตัวเป็นหมาเชื่อฟังเจ้าของหรือไง? เขากระดิกนิ้วเรียกไปซ้ายนายก็จะไปตามหรือไง”

“ใช่ ...!! จะทำอะไรวะ” คิงพลันถดตัวหนีเมื่อฟิวส์คล้ายจะกระชากเขากลับเข้าไปหาอีกครั้ง ครั้งที่แล้วเขาอาจจะพลาดที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกแน่!

ในตอนที่ยื้อยุดกันอยู่นั้นเอง ประตูห้องที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออก พร้อมกับที่สายตามากกว่าสองคู่จับจ้องมาที่ท่าทางของพวกเขาที่ชวนให้คิดไปไกลด้วยความตกใจ คิงรีบสะบัดให้ตัวเองหลุดพ้นจากการเกาะกุมของฟิวส์ เมื่อสังเกตเห็นว่านอกจากพวกดิวและพี่ๆ ในศูนย์แห่งนี้แล้ว พี่เพจก็อยู่ที่นี่ด้วย!

“พี่เพจ”

“นี่น้องคิงกับน้องฟิวส์เป็นแฟนกันเหรอ?”

“นั่นสิ พี่ก็นึกว่าพวกเราแค่หยอกกัน ที่ไหนได้เรื่องจริงนี่นา”

คิงส่ายหัวรัวๆ กับคำกล่าวเหล่านั้น “ไม่ใช่นะครับ! ไม่ใช่อย่างนั้น”

“...”

“พี่เพจ” คิงวิ่งไปหยุดตรงหน้าเพจที่มองมายังตน ในแววตาคล้ายจะอ้อนวอน “มันไม่ใช่อย่างที่พี่เห็นนะ”

“...”

แต่ที่ได้รับกลับมา...

“พี่เพจ เชื่อคิงนะ”

มีเพียงความเงียบงันเท่านั้นเอง





อุ้ยยยยยยยย ยังไงน้ออออ มันก็แค่ลูกระนาดเล็กๆ ของชีวิตรักของคิงเองงง
ฝากติดตามเช่นเคยยย เจอกันตอนหน้าค่า :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 20 (25/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 25-07-2017 22:05:35
คิงง้อด่วนเลย ปล่อยไปพี่เพจคงนอนไม่หลับอีกหลายคืน
พี่เพจก็ใจเย็นๆนะเอาความเป็นผู้ใหญ่ของเพื่อนสิงห์มาใช้บ้าง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 20 (25/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-07-2017 21:22:26
เพิ่งจะเริ่มจีบกันเอง อุปสรรคมาเลย :hao3: สู้ๆ ต้องเชื่อใจกันเท่านั้น
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 20 (25/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-07-2017 00:50:04
 :katai1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 20 (25/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 30-07-2017 13:25:54
ใครมาหาเพจจจจจ ฮือรู้สึกค้าง ไหนจะตอนจบตอนนั้นอีก  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 21 (30/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 30-07-2017 22:28:29
กฎข้อที่ 21 อย่า (ไม่) ไว้ใจ
เมื่อไหร่ที่ผมหมดแรงจะถือร่มให้คุณ
วันนั้นผมจะยืนตากฝนเป็นเพื่อนคุณเอง













เหมือนหัวสมองของผมว่างเปล่าไปหมดเลย เมื่อเห็นว่าที่หน้าประตูมีพี่เพจยืนอยู่และเหมือนเขาจะมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ รวมถึงคำพูดที่พูดส่งเดชเหล่านั้นด้วย

“พี่เพจ เชื่อคิงนะ”

ผมไม่รู้ว่าเขาจะยอมเข้าใจไหมถึงสิ่งที่ผมอยากจะสื่อไป ไม่ได้หมายถึงอยากจะแก้ตัวใดๆ แต่ผมหมายความตามนั้นจริงๆ มือที่กุมแขนเสื้อของพี่เพจจนเหมือนขยำนั่นสั่นไปหมด ในหัวคิดไปมากมายกลัวว่าเรื่องมันจะจบลงตรงที่พี่เขาปัดมือของผมออกและหันหลังจากไป

ในช่วงเวลาเงียบงันอันยาวนานหลังจากประโยคนั้นของผมจบลง ในที่สุดมือของพี่เพจก็ปัดมือของผมออกจากแขนของเขา ตอนนั้นน้ำตาของผมที่กลั้นเอาไว้ก็ร่วงหล่นลงมา

แต่พริบตาเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด เมื่อจู่ๆ มือข้างนั้นของพี่เพจที่ปัดมือของผมออกได้เอื้อมมากุมมือของผมแล้วออกเดินไปจากวงล้อมผู้คนแทน

น้ำตาของผมยังไหลอยู่จากความคิดด้านแย่ๆ นั่น แต่ขาทั้งสองก็ยังคงก้าวเดินจนเหมือนวิ่งตามแผ่นหลังกว้างของพี่เพจไปเรื่อยๆ กระทั่งพวกเราทั้งสองคนมาอยู่ที่ทางหนีไฟที่ค่อนข้างเงียบและไร้ผู้คน วินาทีที่ผมจะเอ่ยปากพูด ทั้งตัวก็ถูกคนตรงหน้าโอบกอดจนแน่น แน่นจนหายใจไม่ออก แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอยากผลักไสเลยแม้แต่น้อย กลับกอดตอบให้แน่นเท่าที่จะทำได้แทน

“พี่เพจ มันไม่มีอะไรนะ เชื่อคิงนะ”

“ชู่ว ไม่เอา ไม่ร้อง”

“แต่คิงกลัว...”

“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าพี่เชื่อเรา”

“...”

“พี่เชื่อว่าความรู้สึกเราที่มีต่อพี่มันคือเรื่องจริง เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรนะ อย่าร้องไห้”

“ฮือ...” ทั้งที่ผมควรจะหยุดร้องไห้และยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ผมกลับเผลอสะอื้นและร้องไห้ต่อจนได้ เหมือนกับผมไม่อาจจะยิ้มรับต่อความเจ็บปวดได้อีกแล้ว

ผมร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ ฟังเสียงปลอบประโลมข้างหูที่บอกผมซ้ำๆ ว่าไม่เป็นไรนะ ก่อนจะรู้ซึ้งว่าแท้จริงแล้ว ที่ผมเคยบอกว่าแม้สุดท้ายเรื่องราวของเราจะต้องจบลงโดยไม่มีตอนต่อไป ผมก็ยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้

มันคือเรื่องโกหก

ผมทำมันไม่ได้อีกแล้ว

ยิ่งรัก ยิ่งได้อยู่เคียงข้างแบบนี้ การได้มีชีวิตต่อไปโดยไม่มีพี่เขาในชีวิตก็ยิ่งยากขึ้นทุกที

เหมือนการมีอยู่ของพี่เพจทำให้ผมนึกอยากจะอ่อนแอ

ผมไม่ได้ฝากทุกอย่างไว้ที่พี่เขา แต่เหมือนกับ...ความสุขของผมมันอยู่ที่เขา ผมอาจจะยังมีชีวิตต่อไปได้ในฐานะมนุษย์ กระนั้นเมื่อไม่มีพี่เพจ...ผมคงอยู่อย่างคนไร้หัวใจที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้หัวใจดวงนั้นกลับคืนมา

มือของพี่เพจคอยลูบอยู่บนเส้นผมของผม เสียงทุ้มที่ปลอบอยู่เริ่มเจือเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อเขาได้ยินผมบ่นพึมพำอย่างจับใจความไม่ได้ข้างหู

“พูดอะไรของเราน่ะ งึมงำๆ ไม่รู้เรื่อง”

“คิงรักพี่เพจ”

“...”

“คิงไม่อยากเสียพี่ไป”

“...”

“คิงอยากให้ช่วงเวลาแบบนี้มีต่อไปเรื่อยๆ”

“พี่รู้ พี่ก็เหมือนกัน”

“อยู่กับพี่แล้วคิงมีความสุขและความสุขแบบนี้คิงไม่มีวันหาได้จากคนอื่นอีก”

“...”

“เชื่อคิงนะ คิงไม่ไปหาคนอื่น คิงไม่ชอบคนอื่นนอกจากพี่”

“เด็กบ๊อง” จนเมื่อคำพูดของผมคล้ายคนเพ้อไม่รู้ตัว พี่เพจจึงได้ดันผมออกจากอ้อมกอดของเขา เขกเบาๆ ที่กลางหน้าผากคล้ายเรียกสติ ใบหน้าของเขาจริงจังและเต็มไปด้วยความอ่อนใจ เมื่อพบว่าใบหน้าของผมเปรอะไปด้วยน้ำตาจนมองไม่เห็นผิวที่แท้จริง มือที่เคยลูบหัวค่อยๆ เลื่อนมาเช็ดน้ำตาที่แก้ม พร้อมกับพูดไปด้วย

“ไว้ใจพี่หน่อยสิ”

“...”

“ในเมื่อพี่ไว้ใจเราว่าเราไม่มีทางไปชอบคนอื่น เราก็ช่วยไว้ใจพี่บ้างว่าพี่เองก็ชอบเราคนเดียวเหมือนกัน”

“...”

“ไม่ใช่แค่เราหรอกนะที่ไม่อยากเสียเวลาในตอนนี้ไปน่ะ”

“...ขอโทษ คิงสติแตกไปหน่อย”

“แทนตัวเองว่าคิงก็สติแตกพอสมควรล่ะ -.-“

ผมช้อนสายตามอง พบว่ามันเต็มไปด้วยประกายอ้อนโดยไม่รู้ตัว “ไม่อยากให้แทนตัวเองแบบนี้หรอครับ?”

“ใช่ที่ไหน... แต่เราบอกว่าจะแทนตัวเองแบบนี้อีกครั้งตอนที่ความประพฤติพี่ครบร้อยไม่ใช่หรือไง”

“คะแนนของพี่มันเต็มมาตั้งแต่แรกเล่า”

“...”

“ที่ผ่านมา...คิงแค่อยากจะเห็น ได้ยินเสียงพี่ ได้มีความสุขกับการที่พี่คอยเอาใจคิงเฉยๆ เท่านั้นล่ะ”

พี่เพจหลุดยิ้มออกมาแล้วโยกหัวผมเบาๆ “พี่ก็ชอบเอาใจเรานะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้เต็มทันทีหรอก”

“...จะดีเหรอ?”

“อืม พี่จะได้ไม่ต้องคิดเหตุผลเยอะเวลามาหาเรา”

ผมหลุดยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ร้องไห้เหมือนคนบ้า ก่อนจะโผเข้ากอดพี่เพจอีกครั้ง ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธกอดนี้ พวกเรากอดกันอย่างนั้นจนผมเอ่ยขึ้น

“แล้วทำไมพี่เพจถึงมาที่ศูนย์ล่ะ? วันนี้ไม่ได้จะนอนเล่นหรอกเหรอครับ”

สิ้นคำถามนั้นใบหน้าของพี่เพจที่ยิ้มแย้มก็มีรอยกระอักกระอ่วนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน เสียงถอนหายใจหนักๆ จากพี่เพจดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะตอบ

“ความจริงแล้วพี่มาเพราะมีใครคนหนึ่งพูดเกี่ยวกับเราน่ะ”

“เกี่ยวกับผม?”

“อื้ม พูดประมาณว่าเรามีคนอื่นอะไรแบบนั้น”

“ห๊ะ!”

“พี่รู้อยู่แล้วล่ะว่าเราไม่ทำแบบนั้น แต่ก็ยอมมาแค่อยากจะรู้ว่าเขาจะทำอะไร จนมาเจอเรากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับไอ้เด็กฟิวส์นั่นล่ะ” ท้ายเสียงพี่เพจคล้ายจะกัดฟันอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะกอดผมแน่นขึ้น

“พูดแล้วโมโห มากอดคนของพี่ได้ไงวะ”

“อย่าเพิ่งเล่นสิพี่เพจ แล้วคนที่ไปบอกพี่คือใคร?”

“ถ้าพี่บอกเราต้องไม่เชื่อแน่ๆ”

“...”

“เอาเป็นว่า ถ้ารู้แล้วอย่าไปเพิ่งไปยุ่งวุ่นวายกับเขาจนรู้ตัวล่ะ”













เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวนะ
ผมจะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ













“ไหนบอกจะไม่แตะต้องตัว?”

“ถ้าไม่ทำแบบนั้นแล้วจะเข้าแผนได้ยังไงล่ะ?”

เสียงพูดคุยของคนคู่หนึ่งดังขึ้นในยามวิกาลหลังจากที่ทุกชีวิตที่ทำงานในตอนพระอาทิตย์ขึ้นพากันหลับใหลหมดแล้ว คนหนึ่งยืนซ่อนอยู่หลังเงา ส่วนอีกคนนั้นยืนอาบแสงจันทร์ยามเที่ยงคืนพร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย คนๆ นั้นคือฟิวส์

ใบหน้าของฟิวส์มีร่องรอยหงุดหงิดเพิ่มเติมจากปกติเล็กน้อย เมื่อนึกย้อนกลับไปยังตอนกลางวัน หลังจากที่คิงกลับมาพร้อมกับคนที่ชื่อเพจคนนั้น แม้ใบหน้าจะมีร่องรอยว่าร้องไห้ แต่รอยยิ้มที่ติดอยู่ที่มุมปากของคนทั้งสองพร้อมกับมือที่เกาะเกี่ยวกันเอาไว้ เป็นตัวยืนยันได้ดีว่าทั้งคู่ไม่ได้ผิดใจกันเลยแม้แต่น้อย

ทั้งที่หากเป็นคนอื่น ป่านนี้แผนโง่ๆ นี่คงสำเร็จโดยง่าย

น่าหงุดหงิดชะมัด

“แค่จับมือหรือทำท่าทางอย่างที่เธอบอกมันจะไปพออะไร ดูสิ ฉันทำไปซะขนาดนั้น สองคนนั้นยังคืนดีกันได้หน้าตาเฉย”
“คราวหน้าไม่เป็นแบบนี้แน่”

“ยังพิสูจน์ไม่พออีกหรือไง?” ความจริงแผนนี้ไม่ได้เริ่มขึ้นเพื่อทำให้คนรักกันสองคนแตกแยกกันจริงๆ สักหน่อย แต่พอเขาหลุดพูดออกไปแบบนั้น เจ้าของนัยน์ตาคมที่หลบซ่อนในมุมมืดก็ตวัดมามองเขาทันที

“เฮ้ๆ อย่ามองแบบนั้นสิ ก็เธอบอกเองนี่นาว่า มันแค่เรื่องพิสูจน์ขำๆ น่ะ”
“นายไม่ได้ชอบคิงหรือไง ทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้ล่ะ”

“มีโอกาสตรงไหนให้แทรก?”

“...”

“เธอก็เห็น วินาทีที่ไอ้หมอนั่นโผล่มา คิงได้มองคนอื่นไหม? สายตาสองคนนั้นมีแค่กันและกัน จะเอาตรงไหนให้คนนอกอย่างเธอกับฉันไปแทรกกันล่ะ”

“...มันต้องมีสักทางสิ! มันจะจบแค่นี้ได้ยังไง”

“อ้อ นี่ที่พยายามมาทั้งหมด พูดเสียดูดีว่าแค่ทดสอบผู้ชายคนนั้นกับคิง ก็คิดที่จะแย่งมาจริงๆ สินะ”

“ฟิวส์!”

เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกด้วยความโกรธเคืองทำเพียงยิ้มเยาะมุมปากส่งให้ แล้วพ่นควันสีขาวให้ล่องลอยไปช้าๆ

“แย่งคนไหนล่ะ? หมอนั่นเหรอ? ที่ชื่อเพจน่ะ”

“ฉันไม่ได้ชอบเขา”

“งั้นก็คิง?”

“...”

“ว้าว” น้ำเสียงของฟิวส์ติดจะล้อเลียนมากกว่าจะประหลาดใจจริงๆ เพราะเอาจริงๆ เขาก็พอจะเดาได้จากสายตาที่เธอมองไปยังเพจ พบว่ามันก็แค่การเสแสร้ง ต่างจากตอนที่เขาเห็นเธอจ้องมองคิงในยามเผลอไผล เขาเดินออกจากแสงไปหาคนที่แอบซ่อนจนใบหน้าส่วนหนึ่งถูกกลืนไปกับความมืด สบตากับดวงตาที่เจือด้วยความโกรธนั่น

“เหลือเชื่อแฮะ ที่คนอย่างเธอจะชอบหมอนั่น”

“อย่างน้อยก็น่าหลงไปชอบมากกว่าคนแบบนาย!”

“แล้วยังไง? สุดท้ายไม่ว่าเธอหรือฉันก็ไม่ได้อยู่ดี”

“...”

“ถอดใจเถอะ ฉันขี้เกียจร่วมเล่นไปกับเธอแล้ว หมอนั่นเกลียดขี้หน้าฉันจนทำงานด้วยกันแทบไม่ได้แล้วเนี่ย”

“ฟิวส์! นายจะหยุดง่ายๆ แค่นี้เหรอ ไม่ได้นะ!” ทันทีที่ฟิวส์ตัดสินใจหันหลังเตรียมจะกลับไปยังห้องพัก ร่างที่แอบซ่อนมาตลอดก็วิ่งตามมายื้อยุดไว้ ทว่าเธอเพิ่งจะมาสังเกตว่าไม่ใช่เพราะแรงที่เธอยื้อฟิวส์จึงหยุดยืน แต่เป็นเพราะตรงหน้าของพวกเขาสองคนคือใครคนหนึ่งที่เป็นหัวข้อสนทนาของเขากำลังยืนมองอยู่ต่างหาก

“นี่...มันหมายความว่ายังไง?”

คิงถามขึ้นขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องที่คนสองคนที่นิ่งไปราวกับถูกสาปทันทีสังเกตเห็นเขา ความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจมาแอบฟังอะไร ทว่าวินาทีที่ได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากของคนทั้งสอง มันทำให้เขาไม่อาจกลับห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้

ยิ่งเห็นความตกใจจากใบหน้าของ ‘เธอ’ คนนั้น คนเดียวกับที่พี่เพจบอกว่าเป็นคนเรียกพี่เพจให้มาเจอเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ในดวงตาของคิงยิ่งฉายแววผิดหวังและเหมือนเธอจะเห็น ใบหน้าตกตะลึงจึงเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกผิดแทน

แต่แค่นั้นมันจะพออะไรกับสิ่งที่เสียไป?

มันไม่อาจซ่อมความรู้สึกที่เสียไปได้เสียหน่อย

นึกมาถึงตรงนี้คิงก็พลันหวนคิดถึงคำพูดที่พี่เพจได้เตือนตนเองเอาไว้ถึงเรื่องทีกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

‘พี่เพจหมายความว่ายังไง?’

‘หมายถึงว่าเรื่องในวันนี้เหมือนถูกจัดฉากมากกว่าบังเอิญน่ะสิ’


คิงขมวดคิ้ว ‘แต่...การที่เราสองคนผิดใจกันมันจะทำให้คนที่วางแผนได้ประโยชน์ยังไง’

‘ก็แทรกกลาง...แย่งใครคนใดคนหนึ่งน่ะสิ’

‘แย่งพี่เพจ?’


แทนที่เพจจะพยักหน้าตามคำพูดของคิง เขากลับส่ายหน้าและจิ้มลงที่กล้างหน้าผากของคนตรงหน้า แทนการยืนยันว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้คือเรื่องจริง

‘เป้าหมายของคนที่วางแผนคือเราต่างหาก’

‘ห๊า! คิงเนี่ยนะ’

‘ใช่ อ้อ พี่ไม่คิดหรอกนะว่าคนที่วางแผนทั้งหมดนี่คือเจ้าเด็กฟิวส์นั่น เพราะมันคงเป็นแผนที่โง่เกินไป’

‘แล้ว...’

‘คนที่คิดแผนนี้ขึ้นมาคือผู้หญิงคนที่พาพี่มาคนนั้น’

‘...’

‘ผู้หญิงคนนั้นคือ...’





“ฝ้าย...”

“คิง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเป็นฝ้าย”

คิงเบือนหน้าหลบสายตานั้นของฝ้ายที่มองมา เพราะนอกจากความตกใจและรู้สึกผิดแล้วมันยังเจือด้วยความรู้สึกที่เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมี

“พี่เพจสงสัยฝ้ายน่ะ”

“ว่าแล้วเชียว”

“ฝ้ายทำทั้งหมดนี่ไปเพื่ออะไร ฝ้าย...ชอบพี่เพจเหรอ”

แทนที่เธอจะตอบ เธอกลับหัวเราะออกมาและเลิกยื้อฟิวส์เอาไว้ก่อนจะเดินตรงมาหาคิงจนพวกเขาห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ใกล้จนคิงได้เห็นใบหน้าอ่อนหวานของหญิงสาวได้ชัดเจน พอๆ กับที่ฝ้ายมองเห็นแต่ความไม่เข้าใจและเสียใจจากนัยน์ตาของคิงที่มองไปยังเธอ

“ฝ้ายไม่ได้ชอบพี่เพจ”


“งั้นทำไม...”

“คิงจำไม่ได้เหรอ?”

“...”

“จำเราไม่ได้จริงๆ เหรอ?”

“...”

“ที่เราทำไปทั้งหมด เพราะคิงต่างหาก”










เอาแล้ววววว
หายไปหลายวันเลย นอนโง่ๆ กับไปเรียนเสริมค่ะ 55555 ขอโทษค่า ใกล้จะจบไปทุกทีแล้ววว ><
เจอกันตอนหน้าเช่นเคยค่ะ :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 21 (30/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 04-08-2017 14:06:14
วงวารน้องคิง ขอให้ฝึกงานผ่านไปด้วยดีทีเถ๊ออออออออ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อสุดท้าย 50% (04/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 04-08-2017 20:53:54
กฏข้อสุดท้าย อย่าบอกรัก
ผมไม่รู้ว่าร่องรอยในอดีตบางครั้งก็มีความหมาย
จนเมื่อมาพบคุณ ผมถึงได้รู้ว่าวันที่ได้พบคุณช่างพิเศษเหลือเกิน










“ยินดีด้วย พวกเธอผ่านการฝึกงานโดยสมบูรณ์แล้ว”

“ขอบคุณครับ / ค่ะ”

สีหน้าปลอดโปร่งและแสดงความยินดีรอบตัวทำให้ผมแทบลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อหลายคืนก่อนที่ต้องเร่งปิดมินิโปรเจ็คที่ทางศูนย์มอบให้และพรีเซนต์ไปหมาดๆ    มันยากมากจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มอบประสบการณ์มกมายให้แก่ผมไม่น้อย เพื่อนำไปใช้ต่อยอดหรือในการเรียนรู้ในชั้นปีสูงๆ ได้เป็นอย่างดี

“ยินดีด้วยนะคิง”

“ขอบคุณครับ”

พี่คนหนึ่งในศูนย์ยิ้มล้อเลียนมองผมก่อนจะถองศอกใส่ “สรุปว่าไง คนไหนเหรอที่เราเลือก”

คำถามนั้นทำเอารอยยิ้มกว้างของผมเฝื่อนไปเล็กน้อยขณะที่สายตาของผมมองตามสายตาของพี่เขาไปยังกลุ่มของเด็กฝึกงานอีกสามคนที่เหลือ ฟิวส์ ฝ้ายและดิวที่ถูกล้อมจากเหล่าพี่ๆ ที่ฝึกงาน พูดคุยจ้อกันด้วยสีหน้ามีความสุข

“ไม่มีสักหน่อยครับ แค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง”

“ได้ไง ตอนนั้นออกจะใหญ่โตหรือต้องแอบกิ๊กกันถึงบอกคนอื่นไม่ได้”

“เลอะเทอะใหญ่แล้วครับ ไม่มีอะไรจริงๆ”

ครับ ก็อย่างที่พูดว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ ต่อให้ตอนนั้นจะเกิดเรื่องวุ่นวายก็เถอะ

สุดท้ายเรื่องราวความเข้าใจผิดและแผนการมากมาย (?) ก็จบลงอย่างง่ายๆ ด้วยการพูดคุยของผมและฝ้าย ตั้งแต่เธอยอมรับในคืนนั้นว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเธอชอบผม (เอาจริงๆ ถ้าเธอมาบอกว่าชอบพี่เพจยังจะน่าเชื่อมากกว่าอยู่เลย) ครั้งแรกที่ได้ยินผมก็รู้สึกเหลือเชื่ออยู่สักหน่อยที่คนแบบผมจะมีผู้หญิงน่ารักๆ มาชอบ ผมได้แต่ยืนฟังเธอเล่าเรื่องราวต่างๆ แผนมากมายที่เธอคิดขึ้นมาเพียงเพื่อให้ได้ใกล้กับผมกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

เรื่องราวที่เธอมีต่อผม คล้ายจะเล่าได้ว่ากาลครั้งหนึ่ง เธอได้พบผมในช่วงเวลาและสถานการณ์ที่ถูกต้อง

คล้ายกับเมื่อครั้งที่ผมได้พบกับพี่เพจ ความประทับครั้งก่อนเก่าได้ฝังลึกในใจของฝ้ายเช่นเดียวกับที่ผมได้เจอ

เธอไม่คิดเช่นกันว่าจะได้พบผมที่ศูนย์ฝึกงาน แต่เมื่อได้พบแล้วเธอก็ไม่คิดว่าจะปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ ทว่าเรื่องมันมายุ่งยากตรงที่ว่าฟิวส์ดันมาบังเอิญได้ยินที่ผมพูดกับพี่เพจผ่านโทรศัพท์และเดาได้ว่าผมนั้นน่าจะชอบคนอื่นอยู่แล้ว แล้วที่พีคกว่านั้นคือแท้จริงแล้วฟิวส์กับฝ้ายเคยเรียนที่เดียวกันมาก่อน จึงพอจะกล้อมแกล้มพูดได้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนวัยเด็กที่สนิทสนมกันพอสมควร จึงทำให้ฝ้ายได้รู้ในวันแรกว่าผมนั้นกำลังมีความรัก (ที่น่าจะสมหวัง) กับใครคนหนึ่งอยู่

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจหรือแค่อยากจะลองพิสูจน์ใจอย่างที่ว่า เมื่อฝ้ายรู้ว่าผมคุยกับผู้ชาย เธอจึงขู่แกมบังคับให้เพื่อนสนิทอย่างฟิวส์มาลองเชิงดูว่าพอจะมางแทรกพวกผมได้หรือไม่ แรกๆ มันก็แค่เป็นแผนขำๆ ไม่จริงจังอะไร ทว่ามันมาพลิกผันตรงที่ฟิวส์ดันเกิดเอาจริงขึ้นมาในวินาทีสุดท้าย

ผมก็เพิ่งมารู้ว่าหมอนั่นโกหกเรื่องที่ชอบผู้ชาย แต่กับเรื่องที่แอบชอบเพื่อนสนิทและอกหักนี่เรื่องจริง

เพื่อนคนที่ว่าก็คือฝ้าย

ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมวันแรกที่ได้เจอกันฟิวส์ถึงได้เงียบแบบนั้น อาจจะลำบากใจที่ต้องรับคำขอจากฝ้ายล่ะมั้ง

หลังจากนั้นก็อย่างที่ผมได้พบ แผนการดำเนินมาเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะผมโชคดีหรือพี่เพจดันความรู้สึกไวกับเรื่องนี้ (ทั้งที่ผ่านมาโคตรจะซื่อบื้อจนผมอ่อนใจ -_-) ทำให้แผนของพวกเขาไม่สำเร็จเสียที จนต้องแอบมาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จำได้ว่าตอนที่คุยมาถึงตรงนี้ฝ้ายได้ยิ้มขื่นๆ ว่าเธอยังไม่ถอดใจเสียเท่าไหร่และยอมรับอย่างจริงจังว่าเธอยังคงชอบผมเหมือนเดิม

เหมือนวันแรกที่เธอได้พบผม

แต่น่าเสียดาย...


‘น่าเสียดายที่ช้าไป’

‘...’

‘น่าเสียดายที่ฝ้ายไม่โชคดีเหมือนคิงที่เจอคนแบบพี่คนนั้น’

‘...’
ผมจำได้ดีว่ารอยยิ้มงดงามและนัยน์ตาแสนสวยที่เปื้อนน้ำตามองมายังผมคู่นั้น ฉายความเศร้าไว้มากมายแค่ไหน ราวกับกระจกสะท้อนเอาเรื่องราวที่ผ่านมาของผมออกมาเลยด้วยซ้ำ ทว่าก็อย่างที่เธอพูด มันน่าเสียดาย...

น่าเสียดายที่ผมไม่ได้รักเธอ

พอคุยจบเราก็แยกย้ายกันกลับห้อง เหลือเพียงความเป็นเพื่อนร่วมฝึกงานกันต่อไปและไม่รื้อฟื้นเรื่องแผนบ้าๆ นี่อีก ก่อนที่ผมจะได้กลับไปนอน ฟิวส์ที่เงียบมานานก็รั้งผมเอาไว้ก่อน สีหน้าลำบากใจและรู้สึกผิดทำให้ผมรู้ว่าเขาคงอยากขอโทษ

‘ไม่ต้องขอโทษหรอก’

‘...ใครจะขอโทษ แค่อยากจะให้นายเก็บเรื่องนั้นไว้เท่านั้นเอง’


ผมขมวดคิ้วที่ได้ยินแบบนั้น ‘ฝ้ายไม่ได้รู้อยู่แล้วเหรอ?’

‘เธอไม่รู้’

‘...’

‘ไม่รู้ไปตลอดชีวิตยิ่งดี ฉันไม่อยากเสีย ‘เพื่อน’ ไป’


หากจะบอกว่าฝ้ายน่าสงสารผมคงพูดไม่ได้เต็มปาก เพราะเอาเข้าจริงผมก็นึกสงสารฟิวส์มากกว่า อาจจะดูลำเอียงที่ผมสงสารเขากกว่าเพราะได้ยินเรื่องของเขามาตลอด แต่การที่ฝ้ายยังสามารถบอกผมได้ถึงความรู้สึกที่มีกับฟิวส์ที่แม้แต่จะพูดออกไปยังไม่ได้ ผมก็ยังคิดว่าฟิวส์เจ็บมากกว่า

ผมได้แต่ภาวนาว่าสักวันเขาจะบอกออกไปได้และลองถามว่าจะเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบใดได้อีกกับฝ้าย นอกจากความเป็นเพื่อนของพวกเขา

แม้กระทั่งตอนนี้... ผมมองภาพตรงหน้า ภาพรอยยิ้มงดงามของฝ้ายที่ยิ้มหัวเราะอยู่กับดิวถึงเรื่องความซุ่มซ่ามของดิวระหว่างทำงาน ข้างกายของเธอไม่ห่างคือร่างของฟิวส์ที่จับจ้องเสี้ยวใบหน้าของเธอ แม้จะไร้รอยยิ้มเช่นเคย แต่ในแววตาที่เฉยชานั้นคล้ายจะทอแววอ่อนโยนออกมาหลายส่วน

ได้แต่พูดอีกครั้งซ้ำๆ ว่าน่าเสียดายเหลือเกินที่ฝ้ายไม่ยอมหันไปสบแววตาคู่นั้นของฟิวส์เสียที

แต่ต่อให้หันไป ฟิวส์ก็คงไม่อยากให้เธอเห็นอยู่ดี

เพราะเขารับรู้มาตลอดถึงมิตรภาพ ไม่ใช่ความรักในใจของเธอที่มอบแด่เขา

“ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ”

“จริงเหรอ ใครเอ่ย”

ผมยิ้มนิดๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไรต่อ นอกจากขอตัวไปร่วมถ่ายรูปกับคนอื่นที่รออยู่

สุดท้ายการฝึกงานของผมก็จบลง พร้อมกับที่การเรียนในชั้นปีต่อไปกำลังจะเริ่มต้นขึ้น...




“แต่ยังไงพี่ก็ไม่ชอบมันอยู่ดี”

...ซะที่ไหนล่ะ

ผมถอนหายใจเล็กน้อยต่อหน้าชามก๋วยเตี๋ยวที่แวะกินข้างทางระหว่างเดินทางกลับหอ พี่เพจกินลูกชิ้นและเคี้ยวอย่างกับเจ้าหมูที่เป็นเนื้อทำลูกชิ้นลูกนี้ไปทำให้พี่แกโกรธมาตั้งแต่ชาติปางก่อนอย่างนั้น

“พี่เพจ มันผ่านไปแล้วน่า”

“แต่มันแอบฉวยโอกาสลวนลามเรา”

“แล้วไง พี่จะไปลวนลามกลับให้คิงป่ะล่ะ”

“พูดมาได้ ไม่กลัวฟ้าผ่าหรือไง” เสียงฉุนๆ กับคำเถียงข้างๆ คูๆ ของพี่เพจทำให้ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“แล้วกับผมไม่ผ่าหรือไง ติ๊งต๊อง”

“กับเราฟ้าเป็นใจหรอก”

“...”

“คิง ไม่กินเอาให้พี่ก็ได้ อย่าคายทิ้ง!”

“พี่เป็นคนเสี่ยวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” กลายเป็นว่าตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจเสียแล้วสิว่า ผมรู้จักพี่เพจหมดทุกวอกทุกมุม
อย่างน้อยๆ พี่เพจคนก่อนก็ไม่ทำตัวเสี่ยวชวนอ้วกแบบนี้ทุกวินาทีที่หยอดผมได้น่ะนะ

และตอนนี้คนที่ถูกว่าได้แต่อมลมทำหน้าบ๊องแบ๊วงอนสุดฤทธิ์ ชนิดไม่เข้ากับใบหน้าของพี่เขาเลยแม้แต่น้อย แต่...ในสายตาผมมันน่ารักแฮะ สุดท้ายผมก็หลุดยิ้มและอดเอามือเลื่อนไปหยิกแก้มพี่เพจไม่ได้

“งอแง”

“เดี๋ยวตอนหลังพี่งานเยอะไม่มีเวลาให้ จะคิดถึงพี่ เชอะ!”

อ้อ พี่เพจได้งานแล้วครับ หลังจากวันนี้ก็ต้องเตรียมไปสัมภาษณ์งานแล้ว โชคดีมากๆ ที่งานของพี่เพจใกล้กับบ้านของพีเขามาก จึงไม่ต้องเช่าหรือหาที่พักอื่น แต่พี่เพจบ่นใหญ่ว่ามันห่างจากมหาลัยไปหน่อยรถก็ติดอีกต่างหาก ตอนนี้พี่เขาเลยวุ่นอยู่กับความคิดประหลาดๆ มากมาย เพื่อหาเวลาให้เราได้มาเจอกันบ้าง

“ไม่ต้องตอนนั้น คิงก็คิดถึงพี่เพจ”

“ไม่ต้องมาพูดเอาใจเลย เด็กใจร้าย”

“นี่ยี่สิบสองหรือสามขวบหือ? พี่เพจ”

“ไม่เคยได้ยินหรือไงว่าคนมีความรักจะเด็กลงน่ะ”

โอ้ย! ดูพูด “พี่เพจคิงไหว้ล่ะ เลิกพูดแบบนี้เถอะ ขนลุกอ่ะ”

พี่เพจคนคูลหายไปไหนแล้วครับ T_T

แต่จู่ๆ ใบหน้าที่ทะเล้นมาตลอดของพี่เพจก็กลับมานิ่งเฉย พี่เขายังคงก้มหน้าก้มตากิน แต่มือหนึ่งที่ว่างกลับเอื้อมมาจับมือของผมเอาไว้

“คิง ไว้ว่างๆ ไปบ้านพี่นะ”

“...”

นัยน์ตาคู่นั้นที่ผมหลงรักมองสบมายังผมคล้ายจะถามหาคำยืนยัน ซึ่งผมที่เรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็ทำได้แค่ยิ้มตอบและพยักหน้าซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนบ้า

“อืม คิงจะรอนะ”

บางทีการแอบรักของผมคงจะจบลงแล้ว

แต่ความรักของเราสองคนกำลังเริ่มต้นขึ้น...












และผมก็ได้แต่ภาวนาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ขอให้วันเวลาของเราดำเนินเช่นนี้ไปเนิ่นนาน













(อยู่ไหนแล้ว?)

“กำลัง...แฮ่กๆ วิ่งครับ”

(ตอบไม่ตรงคำถามนะ พี่ถามว่าเราอยู่ไหนต่างหาก) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วเสียงหัวเราะ ชวนให้คนที่ฟังหงุดหงิดขึ้นมาจับใจ แต่เนื่องจากหนทางข้างหน้ายังยาวนานกว่าความโกรธนี้ เขาจึงเก็บแรงที่จะตะโกนสู้คนในสายเปลี่ยนเป็นแรงที่สับขาวิ่งฝ่ากลุ่มคนแทน

“ไว้ถึงก่อนเถอะ...” แต่ก็ยังไม่วายฝากอาฆาตเอาไว้ จนปลายสายหลุดหัวเราะออกมาชุดใหญ่

(ไม่ต้องรีบๆ แค่พี่มีสาวๆ มารุมขอถ่ายรูปเยอะแยะเท่านั้นเอง -.-)

คิงขมวดคิ้วมุ่นขณะวิ่งข้ามไปอีกฝั่งของถนนและรีบลัดเลาะไปตามสนามหญ้าสีเขียวที่บัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งที่ปกติสนามจะถูกทิ้งร้าง หากไม่มีพิธีการอะไร เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ รอยยิ้มเฮฮาของเหล่าบัณฑิตจบใหม่ทำให้คิงนึกอิจฉาพวกเขาเหล่านั้น ทั้งนึกอิจฉาคนปลายสายมากมายที่นอกจากจะจบแล้วเช่นคนอื่นๆ ยังได้งานในบริษัทที่ดีอีกต่างหาก

ถึงคราวเขาแล้ว จะได้พบเรื่องดีๆ แบบนั้นไหมนะ?

“คิงเข้ามาแล้ว พี่เพจยืนอยู่แถวไหนอ่ะ”

(ทางซ้ายซุ้มหน้าหอประชุมไง)

“ไหน?”

(มองไปไหนเนี่ยหือ? เดินมาก็เห็นได้ง่ายๆ เลยแท้ๆ)

“คนเยอะเป็นหนอนขนาดนี้ คิงไม่ได้บินได้นะ จะได้รู้ว่าพี่อยู่ตรงไหน”

(ไหนว่าไม่ว่าพี่จะอยู่ตรงไหน เราก็หาพี่เจอไง”

เขาลอบถอนหายใจ “...ลองพี่มาเป็นคิงตอนนี้สิ เดี๋ยวก็รู้”

(พี่เห็นเราแล้ว)

“...”

“หันมาทางซ้ายมือสิ...”

คราวนี้เสียงที่ดังคล้ายจะไม่ได้ออกมาจากโทรศัพท์ แต่เหมือนดังอยู่ข้างตัวเสียมากกว่า คิงจึงวางสายและหันไปตามที่เพจพูดและก็พบ...กับใบหน้าทีมีรอยยิ้มแสนสุขกำลังมองมายังเขาคล้ายจะล้อเลียนคำพูดหวานหูที่เขาพูดเมื่อนานมาแล้ว วันนี้พี่เพจของเขายังคงหล่อเหลาเช่นเคย ผมที่เคยยุ่งไม่เป็นทรงถูกจัดเสียเรียบแปล้ เผยใบหน้าขาวผ่องสดใส ในอ้อมแขนของบัณฑิตจบใหม่เต็มไปด้วยดอกไม้และตุ๊กตาแสดงความยินดีมากมาย แน่นอนว่าเป็นเช่นที่อีกฝ่ายพูด เมื่อเขาชะโงกหน้าไปมองด้านหลังพี่เพจ ก็พบกลุ่มหญิงสาวมากมายที่คุยกันจอแจและเดินตรงมาหาคนข้างกายเขาเพื่อถ่ายรูป

“พี่เพจคะ ถ่ายรูปกับกิ๊งหน่อยนะ”

“อืม เอาไงดี”

“โธ่ พี่บ่ายเบี่ยงมาหลายทีแล้วนะ ทำไมกับเพื่อนๆ พี่ถ่ายได้ แต่กับพวกหนูไม่ยอมถ่ายสักที” หญิงสาวหน้าหมวยบ่นอุบ

“ฮ่าๆ ก็...ลองถามคนนี้ดู ถ้าเขาอนุญาตพี่ก็โอเค” ไม่ทันจะได้ฟังให้จบประโยค เพจก็รีบดันคิงที่ยืนเหวออยู่ข้างๆ ให้ไปยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวกลุ่มใหญ่ที่เป็นหนึ่งในแฟนคลับวงดนตรีของเขา สีหน้าตลกๆ ของคิงทำให้เพจหลุดหัวเราะออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะหยุดหัวเราะเปลี่ยนมาฉีกยิ้มเมื่อถูกลากไปถ่ายรูปจนได้

คิงอดจะทุบที่ต้นแขนของพี่เพจไม่ได้ เมื่อสาวๆ เหล่านั้นได้ถ่ายรูปมากพอแล้ว ซึ่งคนที่โดนทำร้ายร่างกายก็ทำเพียงแค่ยักไหล่และฉวยเอากล้องที่ห้อยคอมาตลอดหลังจากจบงานพิธีรับปริญญาบัตรในช่วงเช้าขึ้นมา ในกล้องปรากฏใบหน้างอนๆ ของคนข้างกาย ก่อนเจ้าตัวจะอ้าปากกว้างในคราที่หันมาพบว่าตัวเองกำลังโดนแอบถ่าย

“พี่เพจ!”

แชะ!

“ฮ่าๆๆ อ้าปากซะกว้างเลยอ่ะ ตลก”

“ทำไมชอบแกล้งคิงฮะ นิสัยไม่ดี”

ถึงจะถูกบ่นเช่นนั้นแต่เพจก็ยังส่องกล้องจับภาพของคิงไปเรื่อยๆ ภาพที่ยิ้ม ภาพที่กำลังบ่น ภาพหลุดเหวอหรือแม้กระทั่งรูปที่หลุดถอนหายใจออกมา ทุกภาพทำให้คนที่ถ่ายได้แต่ยิ้มแล้วยิ้มอีก

“พอแล้ว เลิกถ่ายได้เล่า”

“ดูสิ พี่ถ่ายออกมาสวยจะตาย”

คิงเหล่มองรูปในกล้องก่อนจะฉวยโอกาสตอนนั้นเป็นคนถือกล้องเสียเองและเริ่มกดถ่ายบัณฑิตใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ครั้งนี้เขาได้รับการร่วมมือมากกว่าครั้งที่ตัวเองถูกแอบถ่ายเยอะ คิงเลื่อนดูรูปที่ถ่ายแล้วยิ้มออกมา เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เพจถึงได้ชอบถ่ายรูปเขา ไม่ว่าจะครั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว

การได้เฝ้ามองเก็บความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตด้วยกัน เก็บเอาไว้ในวันที่ไม่อาจย้อนกลับและทำได้แค่คิดถึงจะได้หยิบมันขึ้นมาดู

“ไหนของขวัญรับปริญญาของพี่?”

คิงแกล้งถอนหายใจหน่ายๆ เหมือนเบื่อที่ได้ยินคำนี้ แต่ก็ยอมล้วงเอาของขวัญที่ตนหานานอยู่พอสมควรออกมา ของขวัญที่ว่าวางอยู่ในกล้องของขวัญผูกโบเล็กๆ    สีเขียวแสนน่ารัก เมื่อเปิดฝาออกก็พบกับจี้ที่เป็นโหลคริสตัลเก็บกักดอกไม้สดเอาไว้ ต่างตรงที่จี้ชิ้นนี้ของคิงนั้นไม่ใช่ดอกไม้แต่เป็นใบโคลเวอร์สี่แฉก มือทั้งสองแยกสายสร้อยออกจากกันและเอื้อมตะขอให้คนตรงหน้าที่ย่อตัวลงมาอำนวยความสะดวกให้ เขาตบลงที่กลางอกที่มีจี้นั้นก่อนจะพูดเบาๆ

“ใบโคลเวอร์สี่แฉกเขาบอกว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี แฉกแรกคือความหวัง แฉกที่สองคือความศรัทธา แฉกที่สามคือความรักและแฉกสุดท้ายคือความโชคดี ถึงจะฟังดูแปลกๆ แต่คิงขอให้ชีวิตของพี่ต่อจากนี้ได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ คนดีๆ แล้วก็มีความสุขมากๆ นะครับ”

“...”

“ไม่ชอบเหรอ?”

“พูดไม่ออกมากกว่า” แทนที่เพจจะสนใจสายตารอบข้าง เขากลับทำเหมือนเห็นเพียงแววตาและความรู้สึกที่สื่อออกจากแววตาคู่นี้ ความปรารถนาดีที่เขาเคยได้รับแต่ก่อนอย่างไร ตอนนี้ก็ยังได้รับเช่นนั้น แขนทั้งสองข้างกางออกเพื่อโอบเอาคนตรงหน้ามากอดแน่นๆ “ขอบคุณครับ”

“พี่เพจเก่งที่สุดเลย คิงดีใจมาก”

“ปากหวานแฮะวันนี้ -.-“

“ยอมแค่วันนี้เท่านั้นแหละ”

เพจอมยิ้มขณะผละออกจากร่างอีกฝ่าย เคาะหน้าผากอีกคนเบาๆ “จะเอาใจแฟนตัวเองก็ช่วยทำให้ตลอดรอดฝั่งด้วยเถอะครับ”
แทนที่คิงจะเขิน กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มองฟ้ามองนกไปเรื่อยจนเพจนึกหมั่นไส้ หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย ไม่นานก่อนเขาจะรับปริญญา ในที่สุดคิงก็ยอมรับคำขอเป็นแฟนของเขาและได้ไปพบกับครอบครัวของเขาในเวลาต่อมา ตอนแรกเขาก็กังวลว่าที่บ้านจะว่าอย่างไร เพราะต่อให้เขาชอบผู้ชายและเขายังมีน้องชายอยู่ แต่ใช่ว่าจะเป็นทุกครอบครัวที่ยอมรับได้ในเรื่องดังกล่าว
เขายังจำได้ดีถึงวันที่เขาเปิดปากพูดเรื่องนี้กับที่บ้านเป็นครั้งแรก...







‘พ่อ เพจชอบผู้ชายแหละ’


‘...’

‘...’

‘นี่ไม่ใช่เรื่องโจ๊กหรือล้อเล่นก่อนมื้ออาหารนะครับ เพจพูดจริงๆ’


ทุกคนที่กำลังจะเริ่มกินข้าวด้วยกันบนโต๊ะอาหารถึงกับชะงักช้อนที่จะตักเข้าปาก บรรดาพี่น้องและแม่ของเพจได้แต่มองหน้ากันไปมาด้วยความกระอักกระอ่วน ด้วยตัวพวกเธอนั้นเพจได้มาตะล่อมแอบบอกได้สักพักแล้ว เว้นแต่บิดาแค่คนเดียวที่ยังไม่ทราบถึงเรื่องนี้ แม้ปกติพ่อของพวกเขาจะไม่ได้ช่างพูดหรือดุด่ารุนแรง แต่ก็ทราบดีถึงความเข้มงวดในบางเรื่องตามประสาคนที่อยู่มานาน

เพจลอบมองตามการขยับของผู้เป็นพ่อด้วยความกังวล เมื่อเห็น่ว่าอีกฝ่ายยอมวางช้อนลง แสดงออกถึงการพูดคุยอย่างจริงจังกับเขาที่เริ่มเปิดประเด็นโดยไม่ส่งซิกให้คนอื่นเลยแม้แต่น้อย

‘เป็นคนที่พ่อรู้จักหรือเปล่า?’

‘เปล่า รุ่นน้องเพจเอง’

‘แล้วทำไมถึงต้องเป็นคนนี้?’


เพจเงียบไป ทั้งที่คนอื่นๆ ในบ้านก็เคยถามคำถามคล้ายๆ นี้กับเขา เขาสามาถตอบให้ทุกคนได้อย่างราบรื่นว่าทำไมเขาถึงได้เลือกเด็กคนนี้ เพราะอะไรเขาถึงได้ชอบและทำไมถึงไม่เป็นคนนี้ไม่ได้ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อของเขาคำพูดเหล่านั้นกลับดูเวิ่นเว้อคล้ายจะพร่ำพรรณาเกินไปจนจับใจความไม่ได้ จนสุดท้ายเขาก็ตอบไปเพียงแค่ว่า

‘เพจว่า เพจอยู่กับเขาแล้วเพจมีความสุขน่ะพ่อ’

พ่อของเขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่ก้มหน้าลงตักกับข้าวใส่จานตัวเองและภรรยาข้างกายที่มองการสนทนาของพ่อลูกคู่นี้ด้วยความเป็นห่วง เพจเองก็เริ่มขยับมือขยับปากเคี้ยวข้าวเช่นกัน แต่ไม่ค่อยรู้รสเสียเท่าไหร่ เพราะหากไม่ได้ยินคำว่า ‘ยอมรับ’ จากปากของพ่อ เขาก็ไม่อาจคล้ายความกังวลได้

‘พ่อ...’

‘เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่งใช่ไหม’

‘...’

‘เด็กคนนั้นของเราน่ะ’


มุมปากที่ฉายความกังวลค่อยๆ คลี่ขยายออกน้อยๆ เมื่อจับได้ว่า ความนัยที่แฝงมากับคำถามที่เหมือนไม่มีอะไรนั้นคืออะไร ‘ครับ เป็นเด็กที่ดีมากเลย’

‘อืม ไว้วันหลังพาแวะมาบ้านบ้างแล้วกัน’


แล้วจากนั้นไม่กี่วันคิงก็ถูกเขาพา (น่าจะลากมากกว่า) เข้ามายังบ้านของเขาและกลายเป็นส่วนหนึ่งในที่สุด










“คิง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”

“สวัสดีครับ มาได้เมื่อครู่เอง คุณน้าล่ะครับ”

แม่ของเพจค้อนมองไม่จริงจังนัก “เรียกน้าอีกแล้ว ฟังดูแก่จัง -3-“

“งั้นคุณพี่?”

“อันนั้นก็สาวไปจ๊ะ! เรียกแม่ให้ชินปากได้แล้วมั้ง”

“อ่า...” คิงรู้สึกว่าแม้แดดจะร้อนแต่คงไม่ร้อนเท่าหน้าเขาตอนนี้แล้วล่ะ ใครมันจะชินได้ง่ายๆ ล่ะครับคุณน้...แม่ -_-///

“ไหน เอาของขวัญอะไรมาให้พี่เพจล่ะคิง” พีท น้องชายคนเล็กของบ้าชะโงกหน้าออกมาจากหลังมารดา ก่อนจะทักทายเพื่อนอายุใกล้เคียงกันด้วยความสนิทสนมในระดับหนึ่ง แม้คิงจะดูเงียบๆ แต่หลังจากที่ได้รู้จักกับทางบ้านของเพจ ก็ดูเหมือนจะสนิทกับพีทที่เรียนชั้นปีเดียวกันไม่น้อย คิงยิ้มและชี้ไปที่จี้ที่เพจสวมอยู่ ซึ่งพีทก็จุ๊ปากแซวกลับทันที

“อิจฉาว่ะ พี่เพจ ไม่ใส่แล้วพีทยืมบ้างนะ สวยดี”

“เสือก”

“แม่ พี่เพจพูดคำหยาบใส่น้อง”

“เพจ!”

เพจแอบกลอกตาบนทันทีที่โดนแม่แหวใส่ “แม่ก็เข้าข้างมันทุกที”

“แม่ไม่เคยสอนให้เรียกน้องว่ามันจะเจ้าเพจ”

“โอ้ย! แม่ๆๆ อย่าหยิก แม่!! นี่วันดีของเพจนะ เจ็บ!” เสียงร้องโอดโอย ประสานไปกับเสียงบ่นและเสียงหัวเราะของคนที่เหลือ ภาพความอบอุ่นตรงหน้าทำให้คิงอดคิดถึงครอบครัวของตัวเองไม่ได้ แต่ทว่าทันทีที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของบใครบ้างคน ความเหงานั่นก็จางหายไปช้าๆ

“คิงถึงที่บ้านหรือ?”

“ครับ นิดหน่อย” ถึงจะรู้จากพี่เพจแล้วว่าทางพ่อของพี่เพจไม่ได้คัดค้านอะไร แต่คิงก็ยังเกร็งทุกทีที่ต้องพูดคุยกับท่าน ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่อาจเพราะกลัวทำให้ท่านผิดหวังกระมัง

ก็เขาไม่น่าจะเป็นที่พอใจเท่าไหร่สำหรับครอบครัวที่ต้องการให้ชีวิตครอบครัวของลูกตัวเองสมบูรณ์

ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่ทันทีที่ได้ยินประโยคถัดมาของอีกฝ่าย ความกังวลทั้งหลายที่ว่าก็เหมือนจะปลิวหายไปอย่างไม่เคยพบมาก่อนในหัวใจ

“ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความสุขให้ลูกชายของพ่อนะ”

“...ครับ?”

รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่แสดงถึงความขลาดกลัวของเด็กข้างกาย เปลี่ยนเป็นความลนลาน คล้ายว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปคือความแปลกประหลาดที่สุดในโลก พอเห็นแบบนี้แล้วเขาที่ค่อนข้างจะเป็นคนยิ้มยากยังอดยิ้มให้ไม่ได้ มือกร้านวางลงบนเล่นผมของคิงและขยี้เบาๆ แทนความเอ็นดู เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกชายถึงเลือกเด็กคนนี้

“ไปถ่ายรูปกันเถอะ ตากล้องรอนานแล้ว”

“เอ่อ...ผมรอข้างนอกดีกว่า”

“อะไรกัน พาไปแนะนำตัวขนาดนั้นแล้วยังจะวางตัวเป็นคนนอกของบ้านนี้อีกหรือ?”

“...”

“วันนั้นมาฝากตัวเป็นลูกชายของพ่ออีกคนไม่ใช่หรือไง”

คิงเม้มปากแน่น ในแววตาไม่มีความกังวลใดๆ อีก ก่อนจะหลุดยิ้มและยอมเดินตามบิดาของคนที่เขารักไปยังกลุ่มคนที่ต่อจากนี้จะไม่ได้เป็นเพียงครอบครัวของพี่เพจ...แต่จะกลายเป็นครอบครัวของเขาอีกหนึ่งครอบครัว เพจอ้าแขนโอบรับให้คิงมายืนอยู่ข้างกาย แต่มีเหตุให้ขัดแย้งเล็กน้อยเมื่อทุกคนเกิดหมั่นไส้ลูกชายตัวดีที่ออกอาการหวงออกหน้า จนผู้เป็นพ่อต้องส่งเสียงปรามนั้นล่ะ ความวุ่นวายจึงได้จบลงและได้ถ่ายรูปเสียที

“เอาละนะครับ ยิ้มหวานมองกล้องนะครับ ^^”

แชะ!

หลังจากนั้นผ่านไปอีกหลายสิบปี รูปนี้ก็ยังติดอยู่ที่ผนังบ้าน โดยที่ไม่มีใครคิดจะปลดมันออก กลายเป็นภาพที่เมื่อไหร่นัดกันมาพบหน้าเป็นต้องเล่าเรื่องราวที่สนุกสนานและมีแต่เสียงหัวเราะ รวมทั้ง...เรื่องราวความลับของ ‘คุณอา’ ผู้เป็นเจ้าของรอยยิ้มและแฟนสุดหวงของคุณลุงเพจ

เรื่องราวของการแอบรัก...ที่ไม่จำเป็นต้องจบด้วยการไม่สมหวังเช่นที่ใครต่อใครเคยกล่าวเอาไว้เลย :)









(จบบริบูรณ์)










จบแล้ว!
จบแล้วจริงๆๆๆๆๆ
เฮ้อออออออออออออออออออออ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนจบนะคะ ยังมีตอนพิเศษน้า อย่าเพิ่งหายไปไหนน้าาาา TTT
รักทุกคนมากเล้ยยย เจอกันตอนพิเศษค่ะ :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อสุดท้าย 50% (04/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-08-2017 22:06:36
ตอนแรกๆ เป็นการแอบรักที่หน่วงเหลือเกิน~~~~
แต่พออิพี่เพจหายโง่...และเครียกับเจ๊แฟนเก่า...
ทุกอย่างก้อดีงาม ละมุนมากอ่ะ ฮ่อลลลลล >\\\\<
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อสุดท้าย 50% (04/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 05-08-2017 01:39:11
สนุกมากค่ะ..ต้องคิดถึงพี่เพจน้องคิงมากแน่ๆ :mew6:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อสุดท้าย 100% (08/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-08-2017 06:45:35
ดีงามมีความสุขกับคิงด้วย :กอด1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อสุดท้าย 100% (08/08/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 12-08-2017 21:51:08
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 12-08-2017 22:49:26
กฏข้อพิเศษ กว่าจะรู้ตัว
แม้มันอาจจะช้า แต่ว่าก็ไม่สายไปสักเท่าไหร่
อย่างมากก็ฝังมันลงดิน กลายเป็นไทม์แคปซูลที่น่าคิดถึงทุกครั้งที่ขุดขึ้นมาดูก็ยังดี












(สิงห์)

“ซื้ออะไรไปให้น้องดีวะ?”

ผมมองเพื่อนที่กระวนกระวายไม่เข้าท่าแล้วตบหัวมันเบาๆ จนมันเหล่มอง “จะเลือกอะไรก็รีบเลือก เมื่อกี้น้องมันโทรมาบอกกูแล้วว่าออกจากหอประชุมแล้ว รอมึงอยู่”

“ชิบหาย! เอาวะ ดอกไม้ก็ดอกไม้ ว่าแต่...เอาดอกอะไรดี”

ผมถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ล้าน ก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่อื่นในร้านดอกไม้ฆ่าเวลาหลังจากที่เพื่อนจอมวุ่นวายของผมเลือกได้เสียทีว่า จะเลือกอะไรไปให้แฟนที่เพิ่งเรียนจบ

ใช่ครับ ตอนนี้คิง...หรือแฟนไอ้เพื่อนปัญญาอ่อนของผมได้เรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าน้องจะยังเรียนอยู่และผมกับเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ จะทำงานแล้ว ทว่ากลับไม่เคยรู้สึกเลยว่าพวกเราขาดการติดต่อกัน อาจเพราะว่าระหว่างพวกเรามีเจ้าเพจคอยเชื่อมล่ะมั้ง พวกผมถึงได้เห็นหน้าน้องเขาบ่อยครั้งเวลาสังสรรค์หรือน้องมาขอความช่วยเหลือเรื่องโปรเจคจบ

คิดถึงคนที่ชอบยิ้มหน้าเป็นตลอดเวลาคนนั้นผมก็อดยิ้มไม่ได้และเพิ่งนึกได้ว่าผมเองก็ไม่ได้เตรียมอะไรไปให้เหมือนกัน เมื่อเห็นพนักงานคนหนึ่งหอบช่อดอกไม้สีม่วงมาเตรียมห่อก็อดถามขึ้นไม่ได้

“ดอกอะไรหรือครับ?”

“ดอกโรสแมรี่ค่ะ คุณลูกค้า คุณผู้ชายที่มาด้วยกันเขาเลือกดอกนี้น่ะค่ะ เห็นว่าจะเอาไปให้แฟน”

“อืม มันแปลว่าอะไรเหรอครับ?”

“คะ?”

ผมยิ้มเล็กน้อยกับสีหน้างงๆ ของอีกฝ่าย “พอดีเคยได้ยินมาบ้างว่าดอกไม้แต่ละชนิดมีความหมายต่างกัน”

“อ้อ ดอกโรสแมรี่หมายถึง การที่คุณเข้ามาในชีวิตผม ทำให้ชีวิตของผมมีชีวิตชีวา หรือจะแปลว่า คุณมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอ ก็ได้ค่ะ”

คนบื้อๆ แบบมันก็เลือกดอกไม้ได้ดีแฮะ ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะหันกลับมาหาพนักงานที่กำลังห่อดอกไม้อยู่สลับกับเพื่อนตัวเองที่ออกไปโทรศัพท์ด้านนอกแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าโทรหาใคร คนที่ทำให้มันยิ้มและหัวเราะไปในการโทรศัพท์ได้ ก็มีไม่กี่คน
 “พอดีผมอยากได้ดอกไม้สักช่อไปแสดงความยินดีน่ะครับ ช่วยแนะนำได้หรือเปล่า?”

“คุณลูกค้าชอบดอกไหนเป็นพิเศษไหมคะ?”

“กุหลาบก็ได้ครับ ง่ายดี”

“ถ้างั้นกุหลาบขาวเลยค่ะ เหมาะสำหรับแสดงความยินดี”

 “งั้นเอาดอกนี้แหละครับ ช่วยห่อให้ด้วย” ผมว่าพร้อมกับหยิบกระเป๋าเงินออกมา ส่วนเรื่องช่อของเจ้าเพจค่อยไปทวงกับมันทีหลัง

เมื่อจ่ายเงินแล้วผมก็ยืนรอดอกไม้ของตัวเองห่อแล้วหยิบมันทั้งสองช่อเดินขึ้นรถของเพจตรงไปยังมหาวิทยาลัย ขณะที่นั่งรถผมก็อดถามขึ้นไม่ได้ เมื่อเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของเพื่อน

“มึงกับน้อง ไปด้วยกันดีใช่ไหมวะ”

“ดีสิ มึงถามแปลก”

“กูก็แค่นึกว่ามึงจะซื่อบื้อทำน้องเสียใจอีกเฉยๆ”

“อ้าว นั่นปากหรือครับเพื่อน กวนตีนนะ แช่งกูเนี่ย”

ผมไม่ตอบอะไรกลับ ปล่อยให้เพลงจากวิทยุดังกลบเสียงอื่นในใจที่ร่ำร้อง ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ยินมัน ในใจผมไม่มีสิ่งใดแปรเปลี่ยนไปเลย นับตั้งแต่วันที่ได้พบกัน ทั้งที่จริงๆ แล้ว...มันไม่เหมือนเดิม

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่เมื่อได้สำรวจหัวใจตัวเองอีกที ผมก็พบว่า...ในใจของผมถูกแทรกด้วยเงาของใครเอาไว้เลือนราง

ใคร...ที่ไม่อาจมอบรอยยิ้มให้ได้เพียงผมคนนั้น

ใคร...ที่กลายเป็นความสุขของเพื่อนรักผมไปแล้ว

“มึงซื้อให้น้องเหรอ กุหลาบนั่นน่ะ”

“อืม ไม่รู้จะซื้ออะไรเหมือนกัน”

“โธ่ แล้วทำมาว่ากู”

“แล้วทำไมมึงเลือกโรสแมรี่วะ” ผมไม่ค่อยเชื่อว่ามันจะรู้ความหมาย แต่สุดท้ายก็คิดผิด เมื่อฟังคำตอบจากเพจ

“ก็ต้องความหมายดิวะ คุณมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ โรแมนติกจะตาย!”

“เหรอ”

“กูเกลียดเสียงตอบรับมึงจัง” มันว่าอุบอิบระหว่างที่เลี้ยวรถในที่จอดรถ ปากก็ยังพูดเจื้อยแจ้วเรื่อย ผมที่เหมือนไม่ได้ฟังนั้นที่จริงจำได้หมดทุกประโยค “กูแค่อยากจะแสดงความยินดีแล้วก็ขอบคุณน้อง ดอกไม้นี้ก็เหมือนน้องมันนั่นล่ะ แค่อยากจะขอบคุณที่ยังจำกูได้และยอมทำทุกอย่างกระทั่งมายืนอยู่ต่อหน้ากูจนถึงทุกวันนี้โดยไม่หนีไป อยากจะบอกว่าการมีน้องเข้ามาในชีวิตกู มันทำให้กูมีความสุข”

“...”

“กูโชคดีจริงๆ น่ะแหละที่ได้เจอน้อง”

ผมไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนอีก นอกจากเดินตามหลังมึงไปเรื่อยๆ จนพบกับบัณฑิตใหม่ยืนยิ้มแป้นอยู่กับครอบครัวของตัวเอง มันรีบเข้าไปเสนอสวัสดี ทักทายคนไปทั่ว โชคดีที่เรื่องของมันไม่ค่อยเป็นที่ต่อต้าน (คิงเล่าว่าชอบพร่ำเพ้อให้ที่บ้านฟังจนชิน) จึงคบกันสะดวกราบรื่นมาตลอด

ผมมองสีหน้ามีความสุขของคิงยามได้รับดอกไม้จากเพจ ก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะเบนมามองผมพร้อมรอยยิ้ม ทำให้ผมจำต้องยิ้มตอบกลับไป “พี่สิงห์”

“ไง”

“มาด้วยหรือครับ นึกว่างานยุ่งเสียอีก”

“บ้าเหรอ งานรับปริญญาของเราทั้งที ไม่มาได้ไง”

ผมยื่นดอกไม้ไปตรงหน้าน้อง “ยินดีด้วยนะ”

“ขอบคุณนะครับพี่”

“ไม่เป็นไร” พี่ยินดี

คำหลังนั้น ผมได้แต่พูดกับตัวเอง เมื่อมองดอกไม้สองช่อในอ้อมกอดของน้องก็หวนนึกถึงคำพูดที่ผมได้พูดกับพนักงานในร้านดอกไม้ที่พูดถึงความหมายของดอกกุหลาบขาว


“แล้วกุหลาบขาวนี่มันมีความหมายอื่นไหมครับ?” พนักงานละมือออกจากงานตรงหน้าที่เสร็จแล้ว เดินตรงไปยังดอกกุหลาบสีขาวที่ชูช่อบานในตู้ให้ความเย็น กลีบดอกสีขาวของมันบอบบางและแสนบริสุทธิ์ ทำให้ผมอดนึกถึงคนที่ผมจะให้ไม่ได้

“กุหลาบขาวมีความหมายอีกว่า ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ค่ะ นอกจากสดงความยินดี คู่รักก็นิยมมอบให้กันไม่น้อยกว่ากุหลาบแดงหรือกุหลาบชมพูเลย เพราะความหมายดีพอๆ กัน”



“ฉันรักเธอ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนงั้นเหรอ...” ผมพึมพำคำนั้นก่อนจะยิ้มออกมา เสนอตัวเป็นตากล้องให้กลุ่มคนตรงหน้าที่หนึ่งในนั้นมีเพื่อนรักของผมกับ...คนที่ผมแอบรัก

แบบนี้มันคงดีที่สุดแล้ว เหมือนกับความหมายของดอกไม้นั่นแหละ

แชะ!

ผมมองรอยยิ้มของคนทั้งสองคนผ่านกล้องและยิ้มออกมาอีกครั้ง

ให้มันเป็นแค่ความหวังดี...เป็นแค่ความรู้สึกชื่นชมทิ้งไว้ในใจแค่นั้นก็พอแล้วจริงๆ








พี่สิงห์มาาา คิดถึงทุกคนนะคะ ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ :):NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-08-2017 08:31:28
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 13-08-2017 10:05:34
สงสารฟิวส์.. สงสารสิงห์.. เป็นแค่คนแอบรัก
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lnwgreankak ที่ 13-08-2017 23:34:49
แอบรัก  มันเหนื่อยจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 14-08-2017 01:42:16
ดีใจกับน้องคิงด้วยที่สมหวัง พี่เพจก็ดีแต่เราแอบเชียร์พี่สิงห์มากกว่า 555 /แอ่ก โดนพี่เพจถีบ

ขอบคุณสำหรับนิยายจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 14-08-2017 02:08:06
คือดีมากกกกกโอ๊ยตายว๊ายกรี๊ดทำไมเพิ่งเจอเรื่องนี้ทั้งสุขปนเศร้าชอบลำดับการเปลี่ยนไปของตัวละครดูไม่กระชากดี
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 15-08-2017 15:04:54
โห เกือบจะฟรุ้งฟริ้งสีชมพูแล้วเชียว

มาต่อตอนพิเศษ ซะแบบ ยิ้มเศร้าๆ ไปเลย
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-08-2017 05:06:19
สุขสมหวัง  :L2:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-08-2017 14:29:36
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 17-08-2017 00:14:18
กำลังยิ้มหน้าบานเพราะความป่วงของพี่เพจ
เจอความในใจพี่สิงห์ปุ๊บ หน่วงเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (15/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 17-08-2017 19:05:02
กฏข้อพิเศษ 2 คนติดแฟน (พาร์ทแรก)
รักของเราดีที่สุดในแบบของเรา รักเราไม่เคยแพ้ใคร
เพราะรักของเราไม่เคยแข่งขันกับคนอื่น
ไม่มีใคร...แทนที่คนในใจของผมได้









#บอกเล่าจากพยานถึงเรื่องติดแฟนของ นาย พิสิทธิ์ (เพจ)

สถานที่เกิดเหตุที่หนึ่ง : บริษัท G

*ขอยืนยันว่านี่เป็นเรื่องเล่าจากเหตุการณ์จริง พยานมีตัวตนอยู่จริง ไม่ได้เสริมเติมแต่งแต่อย่างใด :)











พยานปากที่หนึ่งได้กล่าวนิยามสั้นๆ ถึงตัวจำเลยเอาไว้ว่า

“กลัวเมีย”

ที่จริงก็ไม่เชิงกลัว แต่เหมือนให้ความเคารพ (จนเกินพอดี) เสียมากกว่า

ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ช่วงที่เพิ่งบรรจุเป็นพนักงานประจำได้หมาดๆ พวกรุ่นพี่ในบริษัทที่นอกจากจะหน้าตาดี (?) แล้วยังนิสัยดี (?) ได้รวมกลุ่มเตรียมทีจะออกไปเลี้ยงน้องใหม่ในเย็นวันหนึ่ง ด้วยชอบนิสัยเฮฮายามปาร์ตี้ของชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ แต่ทว่าเมื่อไปถึงโต๊ะคนที่หวังจะชวน พวกเขาก็พบเพียงความว่างเปล่า

“หาไอ้เพจหรือพี่?”

“เออ มันหายไปไหนวะ ไอ้กล้า”

คนชื่อกล้ายิ้มแหย “มันกลับบ้านแล้วอ่ะ เห็นว่าแฟนรออยู่”

กลุ่มคนที่หวังจะปาร์ตี้หาเรื่องกินเหล้า (?) ก็ได้แต่มองหน้ากันเองและถอนหายใจ เอาเถอะ เด็กมันติดแฟน ต้องเข้าใจช่วงโปรโมชั่นกันหน่อย ไว้คราวหน้าค่อยชวนมันก็ได้

ถ้าหากว่ามันมีครั้งหน้าให้ชวนจริงๆ น่ะนะ

หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์

“มันไปไหนของมันวะเนี่ย?”

กล้าผู้โชคร้ายคนเดิมก็ยังยิ้มแหย ตอบเสียงอ่อย เมื่อพี่ๆ กลุ่มเดิมเดินมาถึงโต๊ะถามหาคนที่หายไปเป็นรอบที่สามแล้ว ซึ่งเขาก็ตอบได้แต่คำตอบเดิมๆ “มัน...กลับบ้านไปแล้วครับ”

“คราวนี้ไปไหน”

“เห็นมันว่า แฟนจะไปเยี่ยมพ่อแม่มันที่บ้านน่ะครับ”

“...”

“เอ่อ...เห็นว่าเป็นการเข้าบ้านครั้งแรกน่ะครับ เลยค่อนข้างซีเรียส”

สุดท้ายก๊วนปาร์ตี้ก็เป็นอันสลายไปอีกครั้ง เพราะเหตุผลยังอยู่ในขอบเขตที่พวกเขารับได้ พวกเขาเองก็ผ่านการมีแฟนกันมานับไม่ถ้วน บางคนก็แต่งงานแล้ว ย่อมเข้าใจดีว่าการเข้าบ้านแฟนครั้งแรกนั้นต้องใช้ควากล้าและความสามัคคีมากแค่ไหน เอาไว้คราวหน้าล่ะกัน

แต่แล้ว...ในอีกหลายวันถัดมา พวกเขาก็พบว่าไอ้เด็กใหม่คนนี้มันมีเรื่องให้หายไปทุกวันเหมือนเดิม ทั้งเหตุผลทุกครั้งจำเป็นต้องมีแฟนไปเกี่ยวข้องซะทุกเรื่อง

“คราวนี้อะไรอีก”

“มันบอกว่า...” กล้าพิมพ์งานที่ต้องส่งก่อนเจ้านายออกจากบริษัทวันนี้ไป พลางตอบรุ่นพี่ที่ปาร์ตี้ได้เหมือนไม่มีงานค้างตรงหน้าไปด้วย “วันนี้ครบรอบน่ะครับ เลยรีบกลับ”

“ครบรอบอะไรอีก ครั้งที่แล้วก็ครบรอบคบกัน”

“เหมือนจะครบรอบที่พบกันวันแรกมั้งครับ”

“...” หมดคำพูด

“เอาน่าพี่ มันไม่ว่าง...”

“ไม่ว่างหรือหงอเมียวะ”

“นั่นดิ”

กล้ามองสีหน้าไม่พอใจแต่ก็คล้ายจะอ่อนใจเหมือนเข้าใจดีถึงจุดยืนที่ไม่อาจขัดคุณแฟนได้ของเหล่าคนตรงหน้า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาตามเพจไปปาร์ตี้หรือเที่ยงกลางคืน ราวกับรู้อยู่แล้วว่าต่อให้มาชวนล่วงหน้าหรือชวนกระทันหัน เด็กนี่มันก็มีเหตุผลให้หนีได้ทุกที กล้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับความแสบของรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาที่ชอบเอาแฟนมาบังหน้า ทั้งที่จริงๆ แล้วตัวเองไม่ได้มีนัดอะไรกับแฟนหรอก แต่หาเรื่องให้มีนัดเพื่อเลียงไปปาร์ตี้กับพวกรุ่นพี่คนอื่นๆ เท่านั้นเอง

เขายังจำได้ดีถึงเช้าหลังจากคำชวนวันแรกผ่านไปที่เขาได้กล่าวกับเพจ หมอนั่นทำเพียงแค่ยิ้มและตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงติดขี้เล่นตามสไตล์เจ้าตัว

“ฝากพี่ตอบแทนให้ได้ไหมอ่ะ ผมไม่อยากไป”

“ให้ตอบอะไรล่ะ”

“เดี๋ยวผมเขียนเหตุผลไว้ให้ ตอบปฏิเสธไปบ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็รู้เองแหละว่าผมไม่ไป” คิดแล้วยังขำไม่หายกับกระดาษเอสี่ที่เต็มไปด้วยเหตุผลมากมายที่เพจเขียนทิ้งเอาไว้ให้เขา เพราะมันเยอะเสียจนวันๆ หนึ่งเขาต้องใช้ปากกาสุ่มจิ้มเลือกว่าวันนี้จะบอกว่าเจ้าเพจไปไหนดี

“แล้วที่ไปหาแฟนที่เขียนในนี้ทั้งหมดนี่จริงหรือเปล่า?”

“บางอันก็จริง บางอันก็ไม่จริงหรอกครับ แต่ที่ว่าไปหาแฟนเนี่ยไปหาทุกวัน” อีกฝ่ายว่าพร้อมกับพิมพ์งานไปด้วย อีกไม่นานจะมีประชุมบ่าย เขายังไม่ทันเตรียมเอกสารจึงต้องรีบพิมพ์ให้เรียบร้อย แต่กระนั้นก็ยังแบ่งสมาธิมาตอบรุ่นพี่ที่นั่งข้างๆ และคอยแก้ปัญหาให้ “เอาตรงๆ ก็...ผมค่อนข้างติดแฟนน่ะครับ”

“ห่างไม่ได้เลย?”

“ไม่ขนาดนั้น แต่...ไม่อยากห่างนานอ่ะพี่”

“พี่เข้าใจเว้ย ช่วงโปรโมชั่นก็งี้ล่ะ”

“อืม...งั้นผมคงโปรโมชั่นนี้ให้เขาตลอดชีวิตอ่ะ” เพจว่าขำๆ แต่คำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังมองด้วยความเหลือเชื่อ จนต้องเอ่ยสำทับ “ไม่รู้สิพี่ ผมไม่ได้มองว่าการเจอกันทุกวันในช่วงแรกๆ คือช่วงโปรโมชั่น เพราะว่าก่อนที่เราจะคบกันผมกับเขาก็เจอกันแทบทุกวันอยู่แล้ว มันเลยเหมือนกับกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่จะมาเจอกัน”

“...”

“จะไม่กี่นาที จะเป็นชั่วโมงก็ดี แค่ได้เจอกัน ได้มองหน้า ได้ถามว่าเป็นยังไงบ้าง แค่นั้นก็ยังดี”

“ไม่มีเบื่อแบบอยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างหรือไง?”

“ไม่นะ...เพราะเพื่อนผมก็ติดแฟน” เพจหัวเราะเบาๆ “พวกมันก็เข้าใจผม เพราะก็มีแฟนเหมือนกัน เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอทุกวัน กลับมาเจอกันมันก็ยังต่อกันติด แต่กับแฟนนี่ ผมอยากให้เวลาเขามากๆ อยากจะดูแล ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเขาอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีผมในชีวิต”

“แบบนั้นไม่แย่เรอะ อีกคนไม่เป็นอันทำอะไรไม่เป็นพอดี ถ้าแกคอยทำให้ทุกอย่าง”

“แบบนั้นสิดี ผมเป็นได้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่เขาไม่ยอมเนี่ยดิ”

“...”

“ผมไม่อยากให้เขารู้สึกว่ามีผมก็ได้ ไม่มีผมก็ได้ แต่อยากให้เขารู้สึกว่าการมีผมเข้าไปในชีวิตของเขามันทำให้เขามีความสุข การได้เจอกันทุกวันก็เป็นสิ่งที่เขาบอกผมว่าเขามีความสุข ผมถึงอยากไปเจอเขาทุกวัน เจอกันจนชิน เจอกันจนคิดว่าบางทีถ้ามีวันที่เราจะไม่ได้เจอกันหลังเลิกงานหรือเลิกเรียน คงจะคิดถึงอีกคนน่าดู ผมอยากให้มันเป็นแบบนั้นนะ”

“แฟนแกเขาไม่ชอบพวกเซอร์ไพรส์แบบพวกวันพิเศษหรอกเหรอ ชอบอะไรแปลกๆ ดี”

“ผมก็เคยถามแบบพี่นี่แหละ เขาก็ตอบมาแค่เขาชอบอะไรที่ธรรมดาแบบนี้ เพราะสิ่งธรรมดาเหล่านี้ที่เราทำจนชิน สักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นสิ่งพิเศษที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางทำได้ แรกๆ ผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ทั้งหมดมันกลายเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว ผมก็เพิ่งเข้าใจสิ่งที่เขาพูด”

“...”

“พี่คิดว่ามีคู่รักสักกี่คู่ที่ได้เจอกันทุกวันหลังจากคบกันมาสักพัก” กล้าส่ายหน้า เพราะขนาดตัวเขากับแฟนเองเดี๋ยวนี้ก็ได้พบกันแค่สุดสัปดาห์ แรกๆ ก็คิดถึงอยู่หรอก แต่นานเข้าก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันไปเองโดนปริยาย เลยมีระยะห่างเว้นเอาไว้ระหว่างเขากับแฟนในที่สุด แม้ว่าในวันหยุดจะตัวติดกันแค่ไหนก็ตาม

นึกมาถึงตรงนี้เขาก็พอจะเข้าใจรอยยิ้มตรงหน้าของเพจเสียแล้ว

“...แฟนแกนี่มองการณ์ไกลดีนะ”

“ฮ่ะๆ เขาไม่ได้คิดลึกถึงขนาดนั้นหรอกครับ เขาบอกว่านี่เป็นความเห็นแก่ตัวของเขาเฉยๆ ที่อยากเจอผมทุกวัน แรกๆมันก็เป็นอย่างนั้นจริง แต่ตอนนี้เป็นผมที่เอาแต่ใจแทนไปแล้วซะงั้น”

“ถึงจะเอาแต่ใจ แต่แฟนก็ไม่ได้ไม่ชอบไม่ใช่หรือไง”

เพจแค่ยิ้มๆ ให้กล้า ก่อนจะหันไปทำงานต่อ ทิ้งให้เพื่อนรุ่นพี่หลงครุ่นคิดอยู่คนเดียวเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งพูดกับรุ่นน้องไปเงียบๆ กล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บนหน้าจอเป็นรูปรอยยิ้มของใครคนนั้นที่ครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะห่างกันจนชินเคยบอกว่าอยากจะพบเขา ต่อให้ต้องเหนื่อยขึ้นรถไปๆ มาๆ ก็ยอมคนนั้น แล้วกดเข้าแอพลิเคชั่นไลน์เพื่อส่งข้อความไปหา

บางทีการทำแบบนี้

ต้นกล้า: วันนี้กินข้าวเย็นด้วยกันดีไหม? เดี๋ยวไปรับ

อาจจะย่นระยะห่างที่เกิดมาโดยบังเอิญระหว่างพวกเขาได้ก็ได้










สถานที่เกิดเหตุที่สอง : มหาวิทยาลัย




พยานปากที่สองได้พบเห็นเหตุการณ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้โดยบังเอิญ ก่อนจะมาเล่าเพื่อร่วมยืนยันถึงข้อกล่าวหาดังกล่าว

เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเย็นวันหนึ่งที่หน้าหอสมุด ซึ่งช่วงนี้เธอมีเหตุต้องไปทำงานในหอสมุดหาข้อมูลทุกวัน เพื่อทำรายงานหรือการบ้านให้เสร็จภายในกำหนด ซึ่งภาพที่เธอมักจะเห็นประจำในตอนที่ออกมาจากหอสมุดคือ ภาพของผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าหอสมุดในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่สวมไทด์ กางเกงยีนส์คล้ายกับพวกนักศึกษาทั่วไป แต่เมื่อมองดีๆ จะพบว่าที่ห้อยคออยู่นั้นคือบัตรประจำตัวพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ไม่ใช่นักศึกษาเช่นคนอื่นๆ

คนที่ว่าจะนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เธอเข้าหอสมุด แม้เธอจะกลับบ้านแล้วก็ยังเห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเขาต้องมานั่งตรงนี้ทุกเย็น วันหนึ่งหลังจากที่เธอเสร็จงานจึงสบโอกาสมานั่งที่ม้านั่งถัดไปจากคนที่ว่าไม่เท่าไหร่เพื่อสังเกตการณ์

และแล้วเธอก็ได้พบกับต้นเหตุของเหตุการณ์ที่เธอพบมาติดต่อกันหลายวันในที่สุด

“มานานหรือยังครับ”

“ยังเลย เพิ่งมาถึงนี่แหละ

โกหกไม่เนียนเลยพี่... เธอคิดในใจ

ภาพตรงหน้าคือผู้ชายในชุดนิสิตคนหนึ่งวิ่งออกมาจากหอสมุดพลางหอบน้อยๆ เหมือนรีบวิ่งมาหา พอดีกับที่ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้นรับบรรดาหนังสือในมือของอีกคนมาถือ เมื่อเห็นว่าปอยผมของคนในชุกนักศึกษายุ่งก็ยื่นมืออีกข้างที่ว่างปัดปอยผมที่ปรกหน้าออกให้ ดูเหมือนจะน่าขัดเขิน (ในสายตาคนแอบมองอย่างเธอ) แต่คนที่ทำนั้นดูชินราวกับมันเป็นเรื่องที่เขาสมควรทำอยู่แล้ว

“หิวหรือยัง? กินอะไรดีวันนี้”

“กินบ้านพี่เพจไหม? พี่เพจไม่ได้กลับไปกินข้าวกับที่บ้านนานแล้วนะ”

คนที่ชื่อ ‘เพจ’ ถอนหายใจนิดหน่อยก่อนตอบ “เราเพิ่งไปกินมาวันจันทร์...”

“อย่างนั้นก็นานแล้ว พี่เพจ นี่วันพฤหัสแล้วนะ”

“นานๆ ทีพี่ก็อยากกินกับเราสองคนบ้าง”

“เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ คุณลุง...อ่า คุณพ่อกับคุณแม่พี่เขาคิดถึงลูกชายคนโตนะครับ”

“มารู้ดีเรื่องที่บ้านพี่ได้ไง”

“ก็โทรหาไง”

“หืม? เตรียมพร้อมมาเป็นลูกชายคนเล็กอีกคนของบ้านพี่ดีเกินไปแล้วมั้ง”

คนที่ถูกแซว ตีเข้าที่ต้นแขนอีกคนเบาๆ แล้วเดินเคียงข้างกันไป เธอไม่ได้ยินแล้วว่าพวกเขาพูดอะไรกันอีก แต่หลังจากวันนั้น หากเธอมานั่งดักรอ ก็จะพบภาพแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับหนังตอนเดิมกรอซ้ำไม่หยุด

กว่าเธอจะรู้ว่าคนที่มารอคือพี่เพจ อดีตมือกีต้าร์วงหนึ่งในมหาลัยและอีกคนที่มักจะออกจากหอสมุดคนนั้นคือพี่คิงรุ่นพี่คณะเดียวกับเธอ ก็ตอนที่เธอได้พบกับพี่คิงและพี่เพจตอนวันเฉลยสายของคณะของเธอ พวกเขายังคงเหมือนเดิมแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางคนมากมาย รอยยิ้มของพี่เพจยังคงมอบแก่คนข้างๆ เช่นเดียวกับที่สายตาของพี่คิงนั้นไม่เคยละห่างไปจากคนท่ยืนอยู่ข้างๆ เช่นกัน
ตอนแรกเธออาจจะพูดได้เต็มปากว่าคนที่ติดแฟนคือพี่เพจ

แต่ ณ ตอนที่เห็นทุกอย่างซ้ำๆ เธอก็พบว่า บางทีพวกเขาต่างติดที่จะมีอีกคนในชีวิตกันและกันเสียมากกว่า

และเรื่องราวเหล่านั้น...ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน สำหรับคนโสดอย่างเธอ!













เรื่องราวของคนติดแฟนยังมีต่อพาร์ทสอง จะรีบมาในเร็ววันนะคะ ฮือออ เปิดเทอมแหล่ว TT
คิดถึงทุกคนมากมาย เจอกันพาร์ทสองนะคะ :):NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (15/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 17-08-2017 19:45:29
เพจคนติดแฟน น่ารัก
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ (12/08/2017) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 18-08-2017 11:43:11
เป็นเรื่องแอบรักที่น่ารักมากเรื่องนึงครับ
ขอบคุณผู้แต่งมากๆสำหรับเรื่องราวดีๆ
ชอบคิงช่วงแอบรักมาก ดูหวังดี ไม่คาดหวัง

ขอแนะนำเลยครับสำหรับคนที่ชอบเรื่องแอบรัก
น่ารักดีครับ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 22-08-2017 22:39:23
ต่อจากด้านบน



สถานที่ที่สาม : โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมือง






คนมีความรัก...มักจะปัญญาอ่อนลงนิดนึง

นินกระดกแชมเปญสีใสในมือหนึ่งอึกก่อนจะเหลือบตาไปมองเพื่อนสนิทคนที่หนึ่งในชุดสูทสีเทาตามคอนเซ็ปต์เพือนเจ้าบ่าว เกมกำลังยืนป้อสาวคนใหม่ในงาน หลังจากที่เลิกกับแฟนคนที่ร้อยเท่าไหร่ก็ไม่รู้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน โดยที่เขาได้แต่สงสารหญิงสาวคนนั้นสุดหัวใจที่ต้องมาหลงคารมเพื่อนของเขาที่น้อยครั้งจะเลือกมีความรักที่จริงจังถึงขนาดแต่งงาน

มองไปยังเพื่อนคนที่สอง คนนี้น่าอิจฉามากกว่า เพราะไอ้สิงห์ หัวหน้าวงดนตรีสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเขานั้น มีหน้าตาและท่าทางมากเสน่ห์ให้สาวรักสาวหลง คอยตามเป็นพรวนมาตั้งแต่งานเริ่ม จนเจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ไปแล้ว เบื้องหลังของเพื่อนเขาคนนี้ก็ยังมีผู้หญิงที่หวังจะได้พบรักแท้ (?) ในค่ำคืนของความสุขนี้กลับบ้านเดินตามไม่ห่าง

ไม่ห่างจากจุดที่สิงห์ยืนมากนัก มีคู่รักปัญญาอ่อนคูนสอง (เพราะไม่รู้ว่ามันจะรักกันหวานแหววไปถึงไหน สงสัยชาติหน้าก็คงอธิษฐานให้ได้มาคู่กันเหมือนนาคีล่ะมั้ง -_-) ผู้ชายที่ตัวสูงกว่าและกำลังยิ้มทะเล้นให้กับผู้ชายอีกคนที่ยืนหน้างอข้างๆ ไม่สนใจแววตาเสียดายจากสาวๆ หลายคนที่มองมา คือเพจและคิง เพื่อนสนิทและรุ่นน้องแฟนของเพื่อนเขาคนนั้น คู่นี้นี่กว่าจะได้คบกันก็แทบลากเลือด ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด แทบจะคุกเข่าอ้อนวอนพวกมันว่าเลิกดราม่าและช่วยไสหัวไปคบกันให้มันรู้แล้วรู้รอดเถอะ คนเชียร์มันเหนื่อยว้อย!

นินหลุดส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเป็นระยะกับภาพที่เพื่อนของเขาเอาแต่ตามติดแฟนอย่างกับเหาฉลาม น้องมันไปคุยกับเพื่อนก็ไปยืนคุม ไปตักของกินก็คอยบริการ บอกหิวน้ำก็ไปหามาให้ จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าน้องมันขี้ไม่ออก ไอ้เพจมันจะสวนตูดให้เลยไหม (แต่ดูจากความบ้าและห่วงแบบโอเวอร์ก็มีความเป็นไปได้สูง -_-)

แต่คนที่น่าอิจฉาที่สุดไม่ใช่สามคนที่เขาว่ามา ยังมีอีกคนที่น่าอิจฉาที่สุด นั่นคือคนที่คืนนี้ใส่สูทสีขาวเคียงข้างเจ้าสาวแสนสวยในชุดราตรีสั้นสไตล์โกธิคคนนั้น ผู้ชายคนนั้นคือทีม เพื่อนสนิทคนที่สี่ในกลุ่มของพวกเขา มันน่าอิจฉาที่สุดเพราะในที่สุดมันก็ได้แต่งงาน

แต่จะอิจฉามัน เขาก็อิจฉาได้ไม่ทั้งใจ เพราะกว่าทั้งสองคนนี้จะได้คบถึงขนาดแต่งงานกันในวันนี้ก็ต้องเผชิญอะไรมาด้วยกันมากมาย ดูอย่างภาพตรงหน้านี่ ตอนนี้คู่บ่าวสาวกำลังยืนยิ้มแย้มถ่ายรูปกับเพื่อนทั้งสมัยมหาลัยและมัธยม ยิ้มแป้นแล้นเฮฮา (พาล) แต่แล้วคนกลุ่มใหญ่ก็สลายไป ทิ้งไว้แค่คู่บ่าวสาวและหญิงสาวคนหนึ่งที่เขารู้มาว่าเป็นอดีตเพื่อนรักที่ห่างไปนานของฝั่งเจ้าสาว

ทำไมถึงเป็นอดีตน่ะหรือ? ง่ายมาก เพราะผู้หญิงคนนั้นคือแฟนเก่าของเพื่อนเขานั่นเอง

เหมือนมันจะเคยเล่าว่า เรื่องราวในตอนที่มันยังเรียนอยู่ต่างจังหวัดดุเด็ดเผ็ดมันส์มาก กว่าที่เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงได้ด้วยดี จบลงตรงที่สุดท้ายมันก็ได้คบกับแฟนคนปัจจุบัน ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็แห้วทั้งไอ้ทีมเพื่อนเขาและผู้ชายที่เธอเล็งเอาไว้ เพราะผู้ชายคนนั้นดันคบกับเพื่อนสนิทของตัวเองซะงั้น

พีคกว่านั้นคือสองคนนั้นที่เป็นหนึ่งในรักหลายเส้าของเพื่อนเขาในอดีตก็มาร่วมงานแต่งในครั้งนี้ด้วย ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวฝ่ายมัธยม ซึ่งตอนแรกเขาก็ค่อนข้างจะแปลกใจที่อดีตแฟนของเพื่อนเขาคิดจะควบสอง (ไม่ได้อวย แต่เพื่อนเขาก็หน้าตาดีในระดับหนึ่ง) แต่เมื่อได้เห็นหน้าของคนที่อดีตแฟนที่ว่าเล็งเอาไว้ เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมเธอถึงยอมเสี่ยง

หล่อวัวตาควายล้ม ขนาดเพื่อนสนิทผู้ชายคนนั้น (ที่เป็นแฟนด้วย...) ถ่อมตัวว่าหน้าตาธรรมดากว่ามาก ยังน่ารัก!

ไม่ติดว่าชอบผู้หญิงและเขามีแฟนคุม นินก็อยากจะลองจีบผู้ชายให้กร๊าวใจที่โดนหญิงแท้หักอกเป็นว่าเล่นเหมือนกัน

สิงห์มองเพื่อนที่ยืนเหม่อมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยก่อนจะพูดขึ้น “มองอะไรวะมึง”

“มองคนมีคู่ สัสเอ้ย เหงาว่ะ”

“หาแฟนดิ”

“กูจะไม่หาพร่ำเพรื่อแบบแต่ก่อนล่ะ กูไม่อยากลอยไปมาเหมือนไอ้เกม กูอยากได้แบบไอ้ทีมว่ะ” เจ้าสาวสวยสุด (ข้อสำคัญเลย)

“มึงก็ช่วยชอบใครสักคนจริงๆ ก่อนล่ะกัน”

“คนที่ชอบกูไม่น่ารักเหมือนน้องคิงนี่หว่า...” นินว่าเสียงยานคาง แอบเหล่เพื่อนข้างตัวที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป นี่มันไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ ว่าเขานั้นรู้มาตั้งนานแล้วว่ามันชอบคิง

ชอบแฟนสุดที่รักของเพื่อนสนิทตัวเอง

แต่คิงเป็นยังไง ดีแค่ไหนพวกเขารู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะงั้นจึงไม่รู้จะพูดยังไง ในเมื่อสิ่งที่เพื่อนเขาชอบในตัวของเด็กคนนั้น มันคือสิ่งที่ทุกคนตามหามาตลอด ถึงจะรู้ว่ามันต้องผิดหวัง...รักแค่ข้างเดียว กระนั้นเพื่อนเขาก็ยังยอม

ขอแค่ได้ชอบ

“เดี๋ยวมึงก็เจอ”

“มึงก็ด้วย” นินว่าแล้วชูแก้วแชมเปญขึ้น สิงห์มองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชนแก้วตัวเองกับแก้วนินเบาๆ

แกร๊ง!

“แด่ความรัก” สิงห์

“...ที่บัดซบ” นิน

“...กูไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมมึงไม่มีแฟน”













“อยากแต่งงานไหมคิง”

“...” คิงหันไปมองคนข้างๆ แล้วหันกลับไปมองใบหน้ายิ้มแย้มของพี่ทีมและแฟนสาวคนสวย พี่เรน ท่ามกลางคำอวยพร รอยยิ้มและความสุขที่รายล้อมรอบตัวคนทั้งคู่ ก่อนจะตอบ “พี่จะขอคิงเหรอ?”

“ถ้าคิงอยากแต่งอ่ะนะ”

“ที่ไทยแต่งไม่ได้สักหน่อย”

“ใช่ว่าโลกนี้จะมีแค่ประเทศเดียวนี่”

“...”

“ว่าไง อยากแต่งไหม” แม้ปากจะพูดเหมือนแค่หยั่งเชิง แต่เพจที่แอบซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงกลับตื่นเต้นจริงจังเสียจน กลัวว่าคนที่เขารอคำตอบอยู่นั้นจะจับได้

คิงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า กลับถามกลับมาแทน “แล้วพี่เพจอยากแต่งไหม?”

“อยาก”

“...”

“พี่อยากให้ทุกปีที่เรามองย้อนกลับมาในวันนั้น ทำให้เรานึกถึงแต่เรื่องมีความสุขและการเริ่มต้นชีวิตของ ‘เรา’ สองคน”

“...แล้วถ้าไม่ได้แต่ง พี่เพจจะไม่อยู่กับคิงเหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“ตอบก่อน”

เพจละมือออกจากสิ่งของในกระเป๋ากางเกงมากุมมือคนข้างๆ เอาไว้ ตอบเสียงหนักแน่น

“ไม่มีทางมีวันนั้น”

คิงอมยิ้ม “แล้วถ้าเราไม่มีรูปถ่ายพรีเวดดิ้งเหมือนคนอื่นๆ วันข้างหน้าในบ้านของเราจะไม่มีรูปของเราสองคนเหรอ?”

“ไม่”

“ถ้าเราไม่มีแหวนหรือคำสาบานหน้าโบสถ์เหมือนคู่อื่นๆ แปลว่าเราจะไม่รักกันงั้นสิ?”

“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงเล่า”

“นั่นแหละคำตอบของคิง”

เพจเม้มปาก ทั้งอยากจะยิ้มกว้างๆ ออกมาแทบตาย ทว่าเขายังไม่ได้ยินคำยืนยันออกจากปากของคิงเสียทีว่าต้องการอย่างไรในสิ่งที่เขาถาม ทำให้เขาจำต้องตีหน้าขรึมเอาไว้ก่อน

“เรายังไม่ตอบเลยว่าอยากแต่งไหม”

“สำหรับคิง ถ้าหากวันพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วเจอพี่ ได้กินข้าวด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน ได้บอกราตรีสวัสดิ์ก่อนนอนกับพี่ทุกคืน มันมากพอแล้ว คิงไม่ได้ต้องการอะไรอีก”

“...”

“ขอแค่พี่ยังยืนยันว่าอยากจะอยู่...อยากจะให้คิงรักและดูแลพี่ไปตลอดชีวิตที่เหลือ แค่นั้นก็มากพอสำหรับคิงแล้ว”

“...เสียแผนหมด งั้นแหวนี่ก็เสียเปล่าน่ะสิ”

คิงหันมามองคนข้างๆ ที่ถอนหายใจคล้ายจะอ่อนใจกับเขา ในมือที่คอยกุมมือเขาเสมอคู่นั้นค่อยๆ เปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงิน เผยให้เห็นแหวนเรียบๆ คู่หนึ่งวางเคียงกัน หากมองดีๆ จะพบว่าในแหวนทั้งสองวงได้สลักชื่อย่อของพวกเขาเอาไว้ ภาพนั้นทำให้คิงอดอึ้งไปไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าจะมีวันที่พี่เพจคนนั้น...พี่เพจคนที่เหมือนเป็นดาวที่ห่างไกลจากตัวเขาเหลือเกินคนนั้น จะคิดโรแมนติคนำแหวนมาขอให้คนอย่างเขาเคียงข้างไปตลอดชีวิตที่เหลือ

เคียงข้างในฐานะที่มากกว่าคนรัก เป็นครอบครัวของอีกคน

แม้เด็กตรงหน้าจะปฏิเสธคำขอแต่งกลายๆ แต่เพจก็ยังถือวิสาสะสวมแหวนที่สลักชื่อของเขาเอาไว้บนนิ้วนางของคิง เอ่ยคำพูดดแสนธรรมดา แต่ทำให้เด็กขี้แยตรงหน้าเผลอน้ำตาร่วงออกมาในท้ายที่สุด

“พี่คงจะพูดให้มันซึ้งเหมือนที่ไอ้ทีมพูดให้เรนฟังไม่ได้ แต่ตราบเท่าที่พี่ยังหายใจ ตราบเท่าที่เรายังอยากมีคนเคียงข้าง ในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปพี่จะคอยดูแล จะคอยรักและเคียงข้างเราเสมอ”

“...”

“ทีนี้สวมให้พี่บ้าง”

มือของคิงสั่นอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็สวมแหวนวงนั้นได้ในที่สุด เสียงของคิงสั่นตามแรงสะอื้นในลำคอ แต่เพจกลับไม่มองว่านั่นคือเสียงที่น่ารำคาญ กลับกันเขากลับมองว่ามันน่ารักเสียเต็มประดา

ก็เด็กคนนี้ร้องไห้เพื่อเขานี่นา

“คิงเองก็จะคอยเคียงข้างพี่เสมอ ทั้งในวันที่ทุกข์หรือสุข ในวันที่เลวร้ายหรือเจ็บปวด ไม่ว่าจะวันไหนๆ คิงจะคอยอยู่ข้างๆ พี่เสมอ จนวันสุดท้าย”

“ไม่ให้คืนคำนะ”

คิงหลุดหัวเราะขณะปาดน้ำตาแล้วสบกับรอยยิ้มทะเล้นของเพจ เขาพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะรับดอกกุหลาบขาวที่ดูก็รู้ว่าเพจคงแอบขโมยมาจากซุ้มตรงมุมไหนสักที่ในงานแต่งนี้ กุหลาบแสนสวยที่มีอยู่เพียงสามดอก แทนความหมายที่ว่า

ฉันรักเธอ

“พี่รักเรานะ”

“คิงก็รักพี่เพจ”

“กูก็รักมึงเพจ”

เพจว่าจะหยอกน้องต่อเสียหน่อย แต่เสียงของแขกไม่ได้รับเชิญกลับดังขึ้นเสียก่อน เมื่อหันไปมองด้านข้างก็พบกับเพื่อนสนิทของเขาทั้งสี่คนที่ยืนมองพวกเขาสองคนด้วยสายตาที่มีความรู้สึกต่างๆ กันไป นินและเกมมองด้วยความอิจฉาและหมั่นไส้ สิงห์มองทั้งคู่ด้วยความยินดี ส่วนทีมและเรนนั้นมองพวกเขาด้วยความขบขันและนับถือในความหน้าด้านของเพจที่มาขอแฟนแต่งงานในงานแต่งของคนอื่น ทั้งยังไม่ได้ทำแอบๆ มาขอแบบโจ่งแจ้งจนกลายเป็นว่าเด่นกว่าเจ้าของงานไปแล้ว ดูจากบรรดาสาวๆ ที่ยืนทำหน้าตาเสียดายด้านหลังพวกเขาแล้ว พวกเธอคงจะเล็งเพจไว้ไม่มากก็น้อย

“จะรักมึงมากกว่านี้ถ้ามึงไม่มาสวีตเย้ยคนโสดแบบพวกกู!”

“ช่วยไม่ได้ คนมันหล่อ แฟนรักแฟนหลง”

“ถุย!”

“กูจะอ้วก”

“ไปอ้วกนอกงานกูเลยครับ ไอ้เชี่ยเกม สงสารพรมโรงแรม”

“อ้าว ไอ้นี่ ไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติม เรนครับ เบื่อมันเมื่อไหร่ มาหาเกมได้นะ รอได้เสมอ”

คิงและเรนหัวเราะออกมาพร้อมกันกับคำพูดของพี่เกมที่พูดออกมาแบบไม่กลัวว่าจะโดนเจ้าบ่าวในวันนี้รุมกระทืบ เสียงพูดคุยยังคงดังต่อเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่ความสุขดำเนินต่อไปในชีวิตของพวกเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เหมือนที่มือของเขากับพี่เพจที่จับกันเอาไว้

เหมือนที่เราจะอยู่ด้วยกันเสมอ

ตลอดไป











จบจริงๆ แล้วค่ะ เฮ้อ (ปาดเหงื่อ)
กว่าจะได้ลง ผ่านมรสุมมากมายเลยค่ะ TT คอมใหม่ข้อมูลหายเกลี้ยง! ดีนะสำรองข้อมูลเอาไว้ แงง
ขอบคุณสำหรับการติดตามและที่่ผ่านมา
รักทุกคนนน :):NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-08-2017 13:12:45
 :L1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: lnwgreankak ที่ 01-09-2017 11:30:50
เขินตาม  :hao6:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ 01-09-2017 18:33:21
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วชอบมากเรื่องนึงเลย ช่วงแรกอ่านแล้วเข้าถึงอารมณ์คิงมากๆ หน่วงสุด หน่วงทุกตอน แต่ช่วงครึ่งหลังมันฟีลกู้ดมาก กรี๊ดกร๊าด มันช่างกร๊าวใจจริงๆจ้า ชอบมากเลย :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 02-09-2017 12:57:12
สนุกมากกกกกก  ชอบมากเลยค่ะ เขียนดีจังเลย ^^
่อ่านชื่อเรื่องนี่ คิดว่าจะดราม่ากว่านี้ ค่อยยังชั่วหน่อยที่พอกรุบกริบ
ตอนต้น ๆ นี่ อ่านไปอมยิ้มไป น้องคิงน่ารักมาก พี่เพจก็ใจดีขี้แกล้ง
แต่พอกลาง ๆ เรื่อง เริ่มหน่วง อ่านแล้วเราน้ำตาซึมตามน้องคิงเลย ฮือออ
เข้าใจทั้งพี่เพจ ทั้งน้องคิง เอาจริง ๆ ถ้าเราเป็นน้องคิง
ที่รู้ว่าพี่เพจรักฝังใจกับเอิร์นมานาน และมากขนาดร้องไห้กับเรามาแล้ว
ก็คงทำใจให้มั่นใจในตัวพี่เพจได้ยากจริง ๆ นะ ยิ่งตอนเอิร์นกลับมา
ได้ยินพี่เพจพูดว่ายังรักเอิร์นกับหูตัวเองนี่แบบ ฮืออ อยากร้องไห้ T^T
เข้าใจคำว่าเหนื่อยที่จะอยู่ข้าง ๆ คำว่ายังรักแต่ไม่มีความสุขของน้องเลย
แต่พี่เพจ สุดท้ายได้ใจมาก พอจะตัด ก็ตัดได้ฉับ แบบไร้เยื่อใยจริง ๆ สะใจ
ยิ่งตอนท้ายกับตอนพิเศษนี่ หวานมากกกก พี่เพจนี่สามีตัวอย่างจริง ๆ ชอบ
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้ค่ะ ให้หลากหลายอารมณ์กับเรามาก
ชอบความธรรมดาของพระนาย ที่ไม่ได้โดดเด่นเวอร์วัง มันดูเป็นชีวิตจริง ๆ ดี
ถ้าเป็นไปได้ ก็หวังว่าคนเขียน จะพาพี่เพจน้องคิง มาให้หายคิดถึงบ่อย ๆ น้า
ขอบคุณอีกครั้งค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 02-09-2017 19:27:00
มันละมุนมาก  ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-09-2017 11:00:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-09-2017 12:07:45
สนุกมากมาย อ่านรวดเดียวจบเลย
ตอนอรกๆไม่คิดว่าเรื่องมันจะหน่วงขนาดนี้ อ่านไปน้ำตาซึมไปอะไรจะปวดใจขนาดนั้น
แต่พอลงเอยกันได้เท่านั้นแหล่ะ เบาหวานขึ้นตาเลย
แอบสงสารพี่สิงห์ มามะมาทางนี้เดี๋ยวน้องปลอบใจเอง
 o13
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 11-09-2017 22:46:39
สนุกมากเลยค่ะอ่านรวดเดียวจบเลย
สารภาพว่าไม่กล้าเข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่อง
เรากลัวดราม่าและตอนจบแต่พอได้อ่าน
อย่างที่กลัวเลยค่ะดราม่าจริงๆ
ทำเราน้ำตาซึมหลายฉากเลย
ลุ้นมากจริงๆค่ะกับความรักของทั้งสองคน
ท้ายที่สุดเราว่าเรื่องนี้พี่สิงห์คือพระเอกค่ะ
ถ้าว่ากันตามชื่อเรื่อง "กฏของคนแอบรัก"
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 17-09-2017 17:28:06
เรื่องน่ารักดีค่ะ ทึ่แน่ๆแอบเชียร์พี่สิงห์ตั้งแต่ต้นเรื่อง ในที่สุดก็ดังหวัง พี่สิงห์ชอบคิงแต่ไม่สมหวัง โอ๊ย ขอได้ไหมคนนี้ เดี๋ยวๆนี่เรื่องเพจคิงไหมล่ะ555  ชอบพี่สิงห์มากๆชอบฟิวส์ด้วยไม่รู้ทำไมอาจเพราะแลมั่นดี จูบก็จูบ ชอบ โอเคตกลงเรื่องนี้เพจเป็นตัวประกอบไป55 ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆมากเลยคนเขียน ว่าแต่จะมีเรื่องพี่สิงห์หรือฟิวส์ไหม ชอบแรง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อพิเศษ 100% (22/08/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 21-09-2017 07:35:50
น่ารักมากกกกกเลยยยย
ขอบคุณนะค่ะะะะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว (6/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 06-10-2017 23:40:45

ไม่มีอะไรมากค่ะ นอกจากมาแนะนำเรื่องใหม่ 5555
พระเอกนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่สิงห์!
ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^

Memorable "เธอ ที่ รัก"
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62549.0

NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว (6/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Mooncake ที่ 07-10-2017 23:08:24
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ เราเพิ่งมาตามอ่านตอนจบแล้ว
นิยายสนุกมากค่ะ ช่วงน่ารักก็น่ารักแก้มแตก ช่วงหน่วงก็ทำซะน้ำตาไหล ฮือออออ
รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว (6/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 12-10-2017 23:22:45
 :pig4: สนุกดีคะ มาม่าอิ่ม :mew4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว (06/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 22-10-2017 01:44:55
ตอนแรกว่าจะไม่อายละ เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่มีการเกริ่นเยอะๆ แต่พอกลับไปอ่านรีวิวอีกรอบก็กลัวพลาดที่จะไม่ได้อ่านเลยต้องกลับมาใหม่แล้วพบว่าไม่ผิดหวังเลย บทจะดราม่าก็ทำเอาน้ำตาร่วง บทเพจจะหวานก็น้ำตาลเรียกพี่ 555 มีครบทุกรสจริงๆ ขอบคุณนะที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (24/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 24-10-2017 19:51:20


มาแจ้งข่าวเพิ่มเติมค่า ตอนนี้กำลังจะรีไรต์เรื่อง Rule of secret love กฎของคนแอบรักนะคะ เนื่องจากผ่านการพิจารณาแล้วค่า เฮฮฮฮฮฮฮ TT_TT ดังนั้นตอนที่ออกมาเป็นรูปเล่มเนื้อหาอาจจะไม่เหมือนในเว็ปซะทีเดียวในบางจุดนะคะ มีแพลนเล็กน้อยว่าอาจจะเพิ่มตอนพิเศษอีกตอนในเล่ม แต่ก็แค่คิดอยู่ ตอนนี้หัวปั่นกับการรีไรต์ ฮือออ

ขอบคุณที่ทุกคนที่คอยติดตามและเข้ามาอ่านเรื่องนี้จนทำให้เรื่องนี้จบ ทำให้สิ่งที่เราฝันมาตลอดเป็นจริงนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ
ไว้มีการคืบหน้ายังไง จะแจ้งให้ทราบอีกนะคะ ^___^

NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (24/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-11-2017 08:27:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (24/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 08-11-2017 14:45:45
น่ารักมากกก ยิ่งอ่านยิ่งอิน น้องคิงคิดในหัวได้น่ารักเป็นธรรมชาติอะไรเช่นนี้ อ่านแรกๆมีความฮา ตอนดราม่าแอบน้ำตาคลอ แต่สุดท้ายก็ได้ลงเอยกันอย่างมั่นคง ความพี่เพจคนติดแฟนและน้องคิงคนรักแฟนนี้ ดียยยย์  :ling1: สนุกๆมากค่ะ ขอบคุณไรต์มากๆเลยที่แต่งเรื่องนี้ให้เหล่ารีดได้อ่าน อบอุ่น ละมุนหัวใจ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (24/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2017 23:00:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (24/10/2017) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 15-11-2017 02:45:05
ชอบในความไม่หลุดธีมของเรื่องนี้ ไม่หวานจนเลี่ยน แต่น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย  o13
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 27-12-2017 23:58:13

มาอัพเดทเกี่ยวกับเรื่องตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ค่า ^^
ตอนนี้ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์เอเวอร์วายค่า เย้ๆๆๆ
หลังจากที่ได้รีไรต์และเพิ่มนู้นนี่ในรูปเล่ม คาดว่าหนังสือน่าจะตีพิมพ์ปีหน้า
(แน่ล่ะว่าต้องปีหน้า เพราะอีกสามวันจะสิ้นปีแล้ว แฮ่)
ยังไงฝากทุกคนติดตามด้วยนะคะ รักและคิดถึงเสมอ เฮ

มีความสุขกับวันปีใหม่ที่จะมาถึงทุกคนเลยนะคะ ><
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 21-01-2018 20:53:36
วนกลับมาอ่านอีกรอบ ยังได้อารมณ์อุ่นหัวใจเหมือนเดิม

ชอบมากรักเรื่องนี้ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 23-01-2018 23:50:45
ชอบที่สุดในเรืีองคือพี่สิงห์ค่ะ คือมีพี่เขาตอนไหนกร๊าวใจทุกที
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 26-01-2018 10:35:24
 :L2: :L2:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 27-01-2018 01:37:26
สงสารพี่สิงห์ ไม่เป็นไรเนาะอกหักไปหารักใหม่ดีกว่า ฟิวส์ไงค่ะคนออกหักต้องรักกัน55555555 ไปเดทกานนนนน
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kiyomaro ที่ 27-01-2018 22:51:12
สนุกมากจ้า
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: jincool ที่ 28-01-2018 01:16:17
อ่านเรื่องนี้จบ คือดีอ่ะ
มันเป็นความรู้สึกคิดถึงอดีต
เชื่อว่าทุกคนคงเคยแอบรักใครสักคนหนึ่ง
แต่คงมีไม่กี่คนที่ทำได้อย่างคิง และสมหวัง
มันกระแทกใจคนแอบรักมากๆ
แม้อดีตของเราจะไม่สมหวัง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า
อย่างน้อย...ก็เคยมีช่วงเวลาแห่งความสุขจากการแอบรัก
....รอรวมเล่มนะคะ....
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-01-2018 05:49:54
แง้งง ทำไมอ่านคำโปรยแล้วดุเศร้าจัง :monkeysad:

คงไม่ม่าบีบใจใช่ไหมคะ :sad4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-01-2018 06:42:54
ขอบคุณค่ะ อ่านไปลุ้นไป บีบหัวใจไป ว่าจะจบแบยแฮปปี้ไหม ฮือ

แอบชอบกันวนไป เรื่องราวของคนที่แอบรัก แอบชอบ

มันน่าเจ็บปวดเนอะ พูดออกไปก็ไม่ได้ เพราะกลัวเสียสิ่งเหล่านั้นไป
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 29-01-2018 14:36:42
สิง มาให้เราดามใจได้นะ เราพร้อมที่จะเคียงข้างนาย :laugh:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 29-01-2018 21:40:03
ชอบเรื่องนี้มากเลย
ขอบคุณผู้เขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 31-01-2018 09:14:23
 :L2: จบแล้วววววว ดีใจ ดีต่อใจ ดีกับการแอบรัก การแอบรักที่สมหวัง มันดีค่ะคุณ ชอบบบบบ  :-[ :o8: :mew1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 03-02-2018 02:46:08
เราอ่านรวดเดียวจบเลย ชอบมากกก อ่านแล้วถึงกับร้องไห้ น้ำตาพรากกกก ใจมันจี้ดเลยช่วงพีค ㅠㅠㅠ จะมีใครอดทนได้อย่างคิงจริงๆ ไหม แล้วจะมีใครโชคดีอย่างคิงด้วยไหมที่ได้รับการรักคืน ฮืออ ชอบ ดีอ่ะดี

แอบหน่วงเพิ่มตอนได้รู้ว่าพี่สิงห์ชอบน้อง แงง เศร้าเลย

คิงกับพี่เพจ น่ารักมากกกๆ จริง ๆ ฮือ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก ๆนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-02-2018 03:54:16
เห็นทาง สนพ. เอเวอร์วายมาเฉลยหนังสือที่จะตีพิมพ์ก็คือเรื่องนี้เลยเข้ามาก่อนดูและเพิ่งรู้ว่าตัวเองอ่านเรื่องนี้ค้างไว้ด้วย เลยมาตามอ่านจนจบ แนวแอบรักที่เราชอบ มีความหน่วงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีน่ารักปนอยู่ อยากอ่านตอนพิเศษอีกจัง คงต้องเก็บตังค์ซื้อแล้วละ

ปล. ในเล่มพี่สิงห์จะมีคู่ไหม ชอบพี่สิงห์นะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 03-02-2018 05:06:18
 :mew1:ขอบคุณมากนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน  :impress2:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KarmaNavy ที่ 03-02-2018 15:17:39
เห็นทาง สนพ. เอเวอร์วายมาเฉลยหนังสือที่จะตีพิมพ์ก็คือเรื่องนี้เลยเข้ามาก่อนดูและเพิ่งรู้ว่าตัวเองอ่านเรื่องนี้ค้างไว้ด้วย เลยมาตามอ่านจนจบ แนวแอบรักที่เราชอบ มีความหน่วงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีน่ารักปนอยู่ อยากอ่านตอนพิเศษอีกจัง คงต้องเก็บตังค์ซื้อแล้วละ

ปล. ในเล่มพี่สิงห์จะมีคู่ไหม ชอบพี่สิงห์นะ

พี่สิงห์มี side story แยกอยู่ค่ะ
ตามลิ้งนี้เลยค่ะ
แต่จะมีคู่ไหมนี่ต้องรออ่านนะคะ 55
:) NAVY
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62549.0
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 05-02-2018 08:17:39
 :pig4: ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 06-02-2018 00:47:07
มันอึดอัด หน่วงในอก เชียร์ให้เค้ารักกัน ขอตอนพิเศษแบบหวานๆ ด้วยนะคะ จะตามไปอุดหนุนหนังสือนะ ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ เรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-02-2018 06:41:29
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 09-02-2018 15:36:54
เราอินมาก ร้องไห้ตามเลยค่ะ ฮือหน่วง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 09-02-2018 20:30:04
อห จนาดสื่ออารมณ์ไม่เก่ง แต่ทำคนอ่านคนนี้ร้องไห้จนหายใจไม่ออกแล้วนะคะ
 แงงงง ว่าแล้วว่านางต้องกลับมา พี่เพจช้าไปแล้ว ห้วยขิง
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 09-02-2018 22:37:09
ขอบคุณค่ะ สนุกมากเลยค่ะ
ตอนแรกกำลังจะบ่นเรื่องสิงห์
เลื่อนมามีคู่ คู่กับนินหรือเปล่าหว่า
เรื่องนี้ทำเราเสียน้ำตาหนักมาก
แอบขำตอนท้ายที่กลายเป็นอาคิงกับลุงเพจ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 10-02-2018 01:13:02
ึคืออ่านแล้วพูดซ้ำอยู่ประโยคเดียว 'นี่แหละ รักอะ' คือไม่ใช่ทุกคนที่สมหวังเสมอ และไม่ใช่ทุกคนที่จะเจ็บปวดไปตลอด คนเขียนถ่ายทอดทุกอย่างออกมาได้ดีมากเลยอะ ชอบๆ หวังว่าจะได้อ่านนิยายดีๆอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 13-02-2018 20:35:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 14-02-2018 11:57:46
 :กอด1:  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 24-02-2018 00:38:50
น้ำตานองหน้าไปหมดเลย แรกๆหน่วงมาก งือออ ดีใจที่เขาสมหวังอ่ะ รู้สึกดีกับกับตัวละครเลย
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 24-02-2018 11:27:07
จะบรรยายควาทรู้สึกนี้ด้วยคำไหนดีนะ?

มันแบบ...อินไปกับทุกความรุ้สึก

ขอบคุณครับ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท กฎข้อที่ 21 (30/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Mooindy ที่ 28-02-2018 21:22:32
 :sad4:ขอคู่ให้พี่สิงหน่อยยยยย
กฎข้อที่ 21 อย่า (ไม่) ไว้ใจ
เมื่อไหร่ที่ผมหมดแรงจะถือร่มให้คุณ
วันนั้นผมจะยืนตากฝนเป็นเพื่อนคุณเอง













เหมือนหัวสมองของผมว่างเปล่าไปหมดเลย เมื่อเห็นว่าที่หน้าประตูมีพี่เพจยืนอยู่และเหมือนเขาจะมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ รวมถึงคำพูดที่พูดส่งเดชเหล่านั้นด้วย

“พี่เพจ เชื่อคิงนะ”

ผมไม่รู้ว่าเขาจะยอมเข้าใจไหมถึงสิ่งที่ผมอยากจะสื่อไป ไม่ได้หมายถึงอยากจะแก้ตัวใดๆ แต่ผมหมายความตามนั้นจริงๆ มือที่กุมแขนเสื้อของพี่เพจจนเหมือนขยำนั่นสั่นไปหมด ในหัวคิดไปมากมายกลัวว่าเรื่องมันจะจบลงตรงที่พี่เขาปัดมือของผมออกและหันหลังจากไป

ในช่วงเวลาเงียบงันอันยาวนานหลังจากประโยคนั้นของผมจบลง ในที่สุดมือของพี่เพจก็ปัดมือของผมออกจากแขนของเขา ตอนนั้นน้ำตาของผมที่กลั้นเอาไว้ก็ร่วงหล่นลงมา

แต่พริบตาเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด เมื่อจู่ๆ มือข้างนั้นของพี่เพจที่ปัดมือของผมออกได้เอื้อมมากุมมือของผมแล้วออกเดินไปจากวงล้อมผู้คนแทน

น้ำตาของผมยังไหลอยู่จากความคิดด้านแย่ๆ นั่น แต่ขาทั้งสองก็ยังคงก้าวเดินจนเหมือนวิ่งตามแผ่นหลังกว้างของพี่เพจไปเรื่อยๆ กระทั่งพวกเราทั้งสองคนมาอยู่ที่ทางหนีไฟที่ค่อนข้างเงียบและไร้ผู้คน วินาทีที่ผมจะเอ่ยปากพูด ทั้งตัวก็ถูกคนตรงหน้าโอบกอดจนแน่น แน่นจนหายใจไม่ออก แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอยากผลักไสเลยแม้แต่น้อย กลับกอดตอบให้แน่นเท่าที่จะทำได้แทน

“พี่เพจ มันไม่มีอะไรนะ เชื่อคิงนะ”

“ชู่ว ไม่เอา ไม่ร้อง”

“แต่คิงกลัว...”

“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าพี่เชื่อเรา”

“...”

“พี่เชื่อว่าความรู้สึกเราที่มีต่อพี่มันคือเรื่องจริง เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรนะ อย่าร้องไห้”

“ฮือ...” ทั้งที่ผมควรจะหยุดร้องไห้และยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ผมกลับเผลอสะอื้นและร้องไห้ต่อจนได้ เหมือนกับผมไม่อาจจะยิ้มรับต่อความเจ็บปวดได้อีกแล้ว

ผมร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ ฟังเสียงปลอบประโลมข้างหูที่บอกผมซ้ำๆ ว่าไม่เป็นไรนะ ก่อนจะรู้ซึ้งว่าแท้จริงแล้ว ที่ผมเคยบอกว่าแม้สุดท้ายเรื่องราวของเราจะต้องจบลงโดยไม่มีตอนต่อไป ผมก็ยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้

มันคือเรื่องโกหก

ผมทำมันไม่ได้อีกแล้ว

ยิ่งรัก ยิ่งได้อยู่เคียงข้างแบบนี้ การได้มีชีวิตต่อไปโดยไม่มีพี่เขาในชีวิตก็ยิ่งยากขึ้นทุกที

เหมือนการมีอยู่ของพี่เพจทำให้ผมนึกอยากจะอ่อนแอ

ผมไม่ได้ฝากทุกอย่างไว้ที่พี่เขา แต่เหมือนกับ...ความสุขของผมมันอยู่ที่เขา ผมอาจจะยังมีชีวิตต่อไปได้ในฐานะมนุษย์ กระนั้นเมื่อไม่มีพี่เพจ...ผมคงอยู่อย่างคนไร้หัวใจที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้หัวใจดวงนั้นกลับคืนมา

มือของพี่เพจคอยลูบอยู่บนเส้นผมของผม เสียงทุ้มที่ปลอบอยู่เริ่มเจือเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อเขาได้ยินผมบ่นพึมพำอย่างจับใจความไม่ได้ข้างหู

“พูดอะไรของเราน่ะ งึมงำๆ ไม่รู้เรื่อง”

“คิงรักพี่เพจ”

“...”

“คิงไม่อยากเสียพี่ไป”

“...”

“คิงอยากให้ช่วงเวลาแบบนี้มีต่อไปเรื่อยๆ”

“พี่รู้ พี่ก็เหมือนกัน”

“อยู่กับพี่แล้วคิงมีความสุขและความสุขแบบนี้คิงไม่มีวันหาได้จากคนอื่นอีก”

“...”

“เชื่อคิงนะ คิงไม่ไปหาคนอื่น คิงไม่ชอบคนอื่นนอกจากพี่”

“เด็กบ๊อง” จนเมื่อคำพูดของผมคล้ายคนเพ้อไม่รู้ตัว พี่เพจจึงได้ดันผมออกจากอ้อมกอดของเขา เขกเบาๆ ที่กลางหน้าผากคล้ายเรียกสติ ใบหน้าของเขาจริงจังและเต็มไปด้วยความอ่อนใจ เมื่อพบว่าใบหน้าของผมเปรอะไปด้วยน้ำตาจนมองไม่เห็นผิวที่แท้จริง มือที่เคยลูบหัวค่อยๆ เลื่อนมาเช็ดน้ำตาที่แก้ม พร้อมกับพูดไปด้วย

“ไว้ใจพี่หน่อยสิ”

“...”

“ในเมื่อพี่ไว้ใจเราว่าเราไม่มีทางไปชอบคนอื่น เราก็ช่วยไว้ใจพี่บ้างว่าพี่เองก็ชอบเราคนเดียวเหมือนกัน”

“...”

“ไม่ใช่แค่เราหรอกนะที่ไม่อยากเสียเวลาในตอนนี้ไปน่ะ”

“...ขอโทษ คิงสติแตกไปหน่อย”

“แทนตัวเองว่าคิงก็สติแตกพอสมควรล่ะ -.-“

ผมช้อนสายตามอง พบว่ามันเต็มไปด้วยประกายอ้อนโดยไม่รู้ตัว “ไม่อยากให้แทนตัวเองแบบนี้หรอครับ?”

“ใช่ที่ไหน... แต่เราบอกว่าจะแทนตัวเองแบบนี้อีกครั้งตอนที่ความประพฤติพี่ครบร้อยไม่ใช่หรือไง”

“คะแนนของพี่มันเต็มมาตั้งแต่แรกเล่า”

“...”

“ที่ผ่านมา...คิงแค่อยากจะเห็น ได้ยินเสียงพี่ ได้มีความสุขกับการที่พี่คอยเอาใจคิงเฉยๆ เท่านั้นล่ะ”

พี่เพจหลุดยิ้มออกมาแล้วโยกหัวผมเบาๆ “พี่ก็ชอบเอาใจเรานะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้เต็มทันทีหรอก”

“...จะดีเหรอ?”

“อืม พี่จะได้ไม่ต้องคิดเหตุผลเยอะเวลามาหาเรา”

ผมหลุดยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ร้องไห้เหมือนคนบ้า ก่อนจะโผเข้ากอดพี่เพจอีกครั้ง ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธกอดนี้ พวกเรากอดกันอย่างนั้นจนผมเอ่ยขึ้น

“แล้วทำไมพี่เพจถึงมาที่ศูนย์ล่ะ? วันนี้ไม่ได้จะนอนเล่นหรอกเหรอครับ”

สิ้นคำถามนั้นใบหน้าของพี่เพจที่ยิ้มแย้มก็มีรอยกระอักกระอ่วนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน เสียงถอนหายใจหนักๆ จากพี่เพจดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะตอบ

“ความจริงแล้วพี่มาเพราะมีใครคนหนึ่งพูดเกี่ยวกับเราน่ะ”

“เกี่ยวกับผม?”

“อื้ม พูดประมาณว่าเรามีคนอื่นอะไรแบบนั้น”

“ห๊ะ!”

“พี่รู้อยู่แล้วล่ะว่าเราไม่ทำแบบนั้น แต่ก็ยอมมาแค่อยากจะรู้ว่าเขาจะทำอะไร จนมาเจอเรากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับไอ้เด็กฟิวส์นั่นล่ะ” ท้ายเสียงพี่เพจคล้ายจะกัดฟันอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะกอดผมแน่นขึ้น

“พูดแล้วโมโห มากอดคนของพี่ได้ไงวะ”

“อย่าเพิ่งเล่นสิพี่เพจ แล้วคนที่ไปบอกพี่คือใคร?”

“ถ้าพี่บอกเราต้องไม่เชื่อแน่ๆ”

“...”

“เอาเป็นว่า ถ้ารู้แล้วอย่าไปเพิ่งไปยุ่งวุ่นวายกับเขาจนรู้ตัวล่ะ”













เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวนะ
ผมจะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ













“ไหนบอกจะไม่แตะต้องตัว?”

“ถ้าไม่ทำแบบนั้นแล้วจะเข้าแผนได้ยังไงล่ะ?”

เสียงพูดคุยของคนคู่หนึ่งดังขึ้นในยามวิกาลหลังจากที่ทุกชีวิตที่ทำงานในตอนพระอาทิตย์ขึ้นพากันหลับใหลหมดแล้ว คนหนึ่งยืนซ่อนอยู่หลังเงา ส่วนอีกคนนั้นยืนอาบแสงจันทร์ยามเที่ยงคืนพร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย คนๆ นั้นคือฟิวส์

ใบหน้าของฟิวส์มีร่องรอยหงุดหงิดเพิ่มเติมจากปกติเล็กน้อย เมื่อนึกย้อนกลับไปยังตอนกลางวัน หลังจากที่คิงกลับมาพร้อมกับคนที่ชื่อเพจคนนั้น แม้ใบหน้าจะมีร่องรอยว่าร้องไห้ แต่รอยยิ้มที่ติดอยู่ที่มุมปากของคนทั้งสองพร้อมกับมือที่เกาะเกี่ยวกันเอาไว้ เป็นตัวยืนยันได้ดีว่าทั้งคู่ไม่ได้ผิดใจกันเลยแม้แต่น้อย

ทั้งที่หากเป็นคนอื่น ป่านนี้แผนโง่ๆ นี่คงสำเร็จโดยง่าย

น่าหงุดหงิดชะมัด

“แค่จับมือหรือทำท่าทางอย่างที่เธอบอกมันจะไปพออะไร ดูสิ ฉันทำไปซะขนาดนั้น สองคนนั้นยังคืนดีกันได้หน้าตาเฉย”
“คราวหน้าไม่เป็นแบบนี้แน่”

“ยังพิสูจน์ไม่พออีกหรือไง?” ความจริงแผนนี้ไม่ได้เริ่มขึ้นเพื่อทำให้คนรักกันสองคนแตกแยกกันจริงๆ สักหน่อย แต่พอเขาหลุดพูดออกไปแบบนั้น เจ้าของนัยน์ตาคมที่หลบซ่อนในมุมมืดก็ตวัดมามองเขาทันที

“เฮ้ๆ อย่ามองแบบนั้นสิ ก็เธอบอกเองนี่นาว่า มันแค่เรื่องพิสูจน์ขำๆ น่ะ”
“นายไม่ได้ชอบคิงหรือไง ทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้ล่ะ”

“มีโอกาสตรงไหนให้แทรก?”

“...”

“เธอก็เห็น วินาทีที่ไอ้หมอนั่นโผล่มา คิงได้มองคนอื่นไหม? สายตาสองคนนั้นมีแค่กันและกัน จะเอาตรงไหนให้คนนอกอย่างเธอกับฉันไปแทรกกันล่ะ”

“...มันต้องมีสักทางสิ! มันจะจบแค่นี้ได้ยังไง”

“อ้อ นี่ที่พยายามมาทั้งหมด พูดเสียดูดีว่าแค่ทดสอบผู้ชายคนนั้นกับคิง ก็คิดที่จะแย่งมาจริงๆ สินะ”

“ฟิวส์!”

เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกด้วยความโกรธเคืองทำเพียงยิ้มเยาะมุมปากส่งให้ แล้วพ่นควันสีขาวให้ล่องลอยไปช้าๆ

“แย่งคนไหนล่ะ? หมอนั่นเหรอ? ที่ชื่อเพจน่ะ”

“ฉันไม่ได้ชอบเขา”

“งั้นก็คิง?”

“...”

“ว้าว” น้ำเสียงของฟิวส์ติดจะล้อเลียนมากกว่าจะประหลาดใจจริงๆ เพราะเอาจริงๆ เขาก็พอจะเดาได้จากสายตาที่เธอมองไปยังเพจ พบว่ามันก็แค่การเสแสร้ง ต่างจากตอนที่เขาเห็นเธอจ้องมองคิงในยามเผลอไผล เขาเดินออกจากแสงไปหาคนที่แอบซ่อนจนใบหน้าส่วนหนึ่งถูกกลืนไปกับความมืด สบตากับดวงตาที่เจือด้วยความโกรธนั่น

“เหลือเชื่อแฮะ ที่คนอย่างเธอจะชอบหมอนั่น”

“อย่างน้อยก็น่าหลงไปชอบมากกว่าคนแบบนาย!”

“แล้วยังไง? สุดท้ายไม่ว่าเธอหรือฉันก็ไม่ได้อยู่ดี”

“...”

“ถอดใจเถอะ ฉันขี้เกียจร่วมเล่นไปกับเธอแล้ว หมอนั่นเกลียดขี้หน้าฉันจนทำงานด้วยกันแทบไม่ได้แล้วเนี่ย”

“ฟิวส์! นายจะหยุดง่ายๆ แค่นี้เหรอ ไม่ได้นะ!” ทันทีที่ฟิวส์ตัดสินใจหันหลังเตรียมจะกลับไปยังห้องพัก ร่างที่แอบซ่อนมาตลอดก็วิ่งตามมายื้อยุดไว้ ทว่าเธอเพิ่งจะมาสังเกตว่าไม่ใช่เพราะแรงที่เธอยื้อฟิวส์จึงหยุดยืน แต่เป็นเพราะตรงหน้าของพวกเขาสองคนคือใครคนหนึ่งที่เป็นหัวข้อสนทนาของเขากำลังยืนมองอยู่ต่างหาก

“นี่...มันหมายความว่ายังไง?”

คิงถามขึ้นขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องที่คนสองคนที่นิ่งไปราวกับถูกสาปทันทีสังเกตเห็นเขา ความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจมาแอบฟังอะไร ทว่าวินาทีที่ได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากของคนทั้งสอง มันทำให้เขาไม่อาจกลับห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้

ยิ่งเห็นความตกใจจากใบหน้าของ ‘เธอ’ คนนั้น คนเดียวกับที่พี่เพจบอกว่าเป็นคนเรียกพี่เพจให้มาเจอเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ในดวงตาของคิงยิ่งฉายแววผิดหวังและเหมือนเธอจะเห็น ใบหน้าตกตะลึงจึงเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกผิดแทน

แต่แค่นั้นมันจะพออะไรกับสิ่งที่เสียไป?

มันไม่อาจซ่อมความรู้สึกที่เสียไปได้เสียหน่อย

นึกมาถึงตรงนี้คิงก็พลันหวนคิดถึงคำพูดที่พี่เพจได้เตือนตนเองเอาไว้ถึงเรื่องทีกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

‘พี่เพจหมายความว่ายังไง?’

‘หมายถึงว่าเรื่องในวันนี้เหมือนถูกจัดฉากมากกว่าบังเอิญน่ะสิ’


คิงขมวดคิ้ว ‘แต่...การที่เราสองคนผิดใจกันมันจะทำให้คนที่วางแผนได้ประโยชน์ยังไง’

‘ก็แทรกกลาง...แย่งใครคนใดคนหนึ่งน่ะสิ’

‘แย่งพี่เพจ?’


แทนที่เพจจะพยักหน้าตามคำพูดของคิง เขากลับส่ายหน้าและจิ้มลงที่กล้างหน้าผากของคนตรงหน้า แทนการยืนยันว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้คือเรื่องจริง

‘เป้าหมายของคนที่วางแผนคือเราต่างหาก’

‘ห๊า! คิงเนี่ยนะ’

‘ใช่ อ้อ พี่ไม่คิดหรอกนะว่าคนที่วางแผนทั้งหมดนี่คือเจ้าเด็กฟิวส์นั่น เพราะมันคงเป็นแผนที่โง่เกินไป’

‘แล้ว...’

‘คนที่คิดแผนนี้ขึ้นมาคือผู้หญิงคนที่พาพี่มาคนนั้น’

‘...’

‘ผู้หญิงคนนั้นคือ...’





“ฝ้าย...”

“คิง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเป็นฝ้าย”

คิงเบือนหน้าหลบสายตานั้นของฝ้ายที่มองมา เพราะนอกจากความตกใจและรู้สึกผิดแล้วมันยังเจือด้วยความรู้สึกที่เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมี

“พี่เพจสงสัยฝ้ายน่ะ”

“ว่าแล้วเชียว”

“ฝ้ายทำทั้งหมดนี่ไปเพื่ออะไร ฝ้าย...ชอบพี่เพจเหรอ”

แทนที่เธอจะตอบ เธอกลับหัวเราะออกมาและเลิกยื้อฟิวส์เอาไว้ก่อนจะเดินตรงมาหาคิงจนพวกเขาห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ใกล้จนคิงได้เห็นใบหน้าอ่อนหวานของหญิงสาวได้ชัดเจน พอๆ กับที่ฝ้ายมองเห็นแต่ความไม่เข้าใจและเสียใจจากนัยน์ตาของคิงที่มองไปยังเธอ

“ฝ้ายไม่ได้ชอบพี่เพจ”


“งั้นทำไม...”

“คิงจำไม่ได้เหรอ?”

“...”

“จำเราไม่ได้จริงๆ เหรอ?”

“...”

“ที่เราทำไปทั้งหมด เพราะคิงต่างหาก”










เอาแล้ววววว
หายไปหลายวันเลย นอนโง่ๆ กับไปเรียนเสริมค่ะ 55555 ขอโทษค่า ใกล้จะจบไปทุกทีแล้ววว ><
เจอกันตอนหน้าเช่นเคยค่ะ :) :NAVY
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Pinkping ที่ 04-03-2018 01:35:10
ขอบคุณ​ครับ เป็นนิยายที่อุ่นมาก
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 04-03-2018 18:58:20
อย่าให้พี่สิงห์ต้องแอบรักอีก  หายคู่ให้เดี๋ยวนี้เลย...
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 05-03-2018 07:08:35
แรกๆก็มีความสุข ทำไมกลางๆหน่วงจัง
สงสารน้องคิง แต่หลังๆนี้ เบื่อคนติดแฟน
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 04-04-2018 05:38:31
ถึงจะมาอ่านช้าไปหน่อย แต่บอกเลยว่าน้ำตาไหลตั้งแต่บทแรกจริงๆ เข้าใจทุกความรู้สึกของคนแอบรักอ่ะ เหมือนมองย้อนมาที่ตัวเองอ่ะ ถ้ากล้าได้ซักเสี้ยวของคิงก็คงดี :mew2:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 12-04-2018 12:14:42
เพิ่งได้อ่าน ชอบอ่ะ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 07-05-2018 01:57:07
ดีใจที่คิงมีความสุข เข้าใจการแอบรักนะ มันมีความสุขแต่ก็ทรมาน ยิ่งใกล้ยิ่งสนิทยิ่งปวดใจ เพจถึงจะรู้ตัวช้าและทำน้องเสียใจ แต่พอคิดได้ก็มั่นคงดีมาก ส่วนสิงห์สักวันจะต้องเจอคนดีๆแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ItIsMe ที่ 03-06-2018 23:29:41
ชอบบบบเรื่องนี้ อ่านแล้วปริ่มๆน้ำตา แต่มีความสุขตอนอ่านจนจบมาก
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 05-06-2018 19:47:52
โอยยย กว่าจะจบเราเสียน้ำตาให้เรื่องนี้หลายตอนมาก แต่ก็ดีใจนะที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
 ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 07-06-2018 12:03:49
บีบหัวใจ แต่สุดท้ายก็ happy ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fager_yaoi ที่ 17-06-2018 13:03:12
ตั้งแต่หน้าแรกบนถึงหน้านี้ ไม่มีตอนไหนจะไม่ร้องไห้ ตาบวมปวดไปหมดแล้ว ไรท์มารับผิดชอบเลย
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 24-06-2018 12:19:05
จบแล้ว ยังค้างกะพี่สิงห์ จะหาคนดามใจได้มั้ย
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 21-07-2018 18:43:55
เป็นนิยายที่ดีมากเลย...มันจริงดี..ทั้งความรูสึกของคนสองคนที่แอบรักและเจ็บปวดกับรักครั้งเก่าอยู่  :m15:

มันไม่ง่ายเลยที่จะข้ามความรู้สึกนั้นได้ง่าย ๆ มีเหตุมีผลตามความจริงดี  o13

รักเรื่องนี้มาก..ปาดน้ำตาไปพร้อม ๆ กัน :heaven
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 22-07-2018 01:57:06
กลับมาอ่านกี่ครั้งก็ยังประทับใจในทุกอย่างภาษา เรื่องราว บรรยากาศทุกสิ่งอย่างทำให้เราตกหลุมรักเรื่องนี้ซ้ำๆขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำเสนออกมาให้เราได้ซึมซับนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-07-2018 14:32:11
 :pig4:  :pig4: อ่านไปน้ำตาไหลไป
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 23-07-2018 19:37:15
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 26-07-2018 23:38:53
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน
น่ารักดีค่ะ ถึงกลางเรื่องจะแอบปาดน้ำตา
แต่ก็จบได้น่ารักอบอุ่นมากๆ
ขอคู่ดีๆให้พี่สิงห์ด้วยค่ะ ชอบพี่สิงห์มากเลย
สุดท้ายนี้ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 06-10-2018 21:41:07
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 07-10-2018 04:37:57
พอพาร์ทสิงห์ทีไร แอบตะหงิดใจทุกที ว่าแล้วววว เหนือกว่าการแอบรัก คือชงให้คนที่ตัวเองแอบรักได้สมหวัง ใจพี่ได้ว่ะ  o13
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-10-2018 20:11:45
เรื่องนี้ดีงามมากเลยค่ะ ทำไมเราถึงพึ่งเห็นนะ  มีความสุข ยิ้ม เศร้า เครียดด ตามทุกตัวละครเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ เราชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: NYpat ที่ 17-11-2018 19:37:38
ชอบความรักของนายเอกที่มั่นคง  อดทนและให้อภัย  ชอบพระเอกที่พอรู้ตัวก็เดินหน้าเต็มที่
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 22-11-2018 21:03:07
 :3123:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: SlZ ที่ 05-02-2019 20:42:47
พี่เพจนี่คือดี55555


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 10-06-2019 20:05:57
อ่านรวดเดียวจบบบ
บอกเลยว่า เราทีมพี่สิงห์ตั้งแต่แรกค่าา
ถ้าพี่ไม่ช่วย กว่าน้องคิงกับพี่เพจจะได้เป็นแฟนกันคงอีกนาน
 :-[
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 07-12-2019 07:48:39
เป็นเรื่องที่ดีมากอะแม้ช่วงแรกคือหน่วงจนร้ำตาไหลก็ตามแต่พอเข้าใจกันแล้วคือมันดีอะ แด่การแอบรักที่สมหวังและไม่สมหวังทั้งหลาย ขอบคุณนะ :mew1: o18
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 14-04-2020 00:36:44
ชอบเรื่องนี้มากๆเลย  ทำไมเพิ่งมาเจอนะ  อ่านตอนที่ 2-3 ก้อติดใจเลย ฟีลแอบรักแบบนี้

แล้วก้อไม่คิดว่าจะมีความหน่วงได้ขนาดน้ำตาไหลอ่ะ  ชอบมากๆๆ จริง

แอบสงสารพี่สิงห์ อยากให้พี่สิงห์ไปเจอฟิวส์ แล้วจับคู่กันไปเลย  55555
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-04-2020 08:57:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 07-06-2020 15:54:24
ในที่สุดก็แฮปปี้ ตกใจกับพี่สิงห์มากกก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นฝ่ายแอบรักด้วย เป็นเรื่องที่แอบรัก ซ้อนแอบรักกันหลายตัวละครเลย แต่เราก็ได้เห็นว่าแต่ละคนเลือกที่จะทำยังไง สงสารฟิวส์เหมือนกันนะ แต่ก็ไม่โอเคที่มาถึงเนื้อถึงตัวกับน้องแบบนั้น // ขอบคุณคุณนักเขียนสำหรับนิยายแอบรักเรื่องนี้นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-06-2020 13:05:12
น่ำตาร่วงหลายตอนเลยค่ะ แต่ก็น่ารักมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 20-02-2023 23:42:54
แอบเสียน้ำตา ว่าจะชมอยู่ว่าพี่สิงห์คือ MVP ของเรื่องอยู่พอดี เจอว่าพี่สิงห์ก็แอบรักอยู่เหมือนกันเข้าไป คือสะอึกเลย อยากให้พี่สิงห์มีความรักดีๆเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkadoor ที่ 22-02-2023 16:19:12
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมากเลยครับ ครบรสมาก
อินมาก ชอบมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 06-04-2023 09:42:01
น่ารักมากกกก คู่นี้
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 18-05-2023 10:52:43
  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 16-03-2024 20:12:05
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)
หัวข้อ: Re: Rule of secret Love “กฎของคนแอบรัก” อัพเดท แจ้งข่าว!!! (28/12/2017) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 24-03-2024 21:20:01
aIS ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 27บ./1วัน กด *777*7021*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7023*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 38บ./2วัน กด *777*7380*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 59บ./3วัน กด *777*7096*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 129บ./7วัน กด *777*7098*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 139บ./7วัน กด *777*7220*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 375บ./30วัน กด *777*7153*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 800บ./90วัน กด *777*7379*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,200บ./180วัน กด *777*7328*117010#
เน็ต aIS 1 Mbps(เม็ก) 1,800บ./365วัน กด *777*7329*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 30บ./1วัน กด *777*7381*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 32บ./1วัน กด *777*7084*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 130บ./7วัน กด *777*7629*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 161บ./7วัน กด *777*7382*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *777*7383*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 380บ./30วัน กด *777*7631*117010#
เน็ต aIS 2 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย15นาที 155บ./7วัน กด *777*7630*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 35บ./1วัน กด *777*620*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 38บ./1วัน กด *777*7627*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทรทุกค่าย10นาที 58บ./2วัน กด *777*7628*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 45บ./1วัน กด *777*7151*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 246บ./7วัน กด *777*7221*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก)+โทร aIS 470บ./30วัน กด *777*7632*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 59บ./2วัน กด *777*7384*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *777*7154*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *777*7159*117010#
เน็ต aIS 4 Mbps(เม็ก) 1,285บ./90วัน กด *777*7398*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 49บ./1วัน กด *777*7209*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 81บ./2วัน กด *777*7385*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 289บ./7วัน กด *777*7210*117010#
เน็ต aIS 6 Mbps(เม็ก) 910บ./30วัน กด *777*7211*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 59บ./1วัน กด *777*7386*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 102บ./2วัน กด *777*7387*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *777*7388*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,177บ./30วัน กด *777*7389*117010#
เน็ต aIS 10 Mbps(เม็ก) 1,925บ./90วัน กด *777*7399*117010#
21 บาท 1 วัน  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ช่วงเวลา 05.00 - 17.00 น.  โทรครั้งละไม่เกิน 30 นาที  กด  *777*231*117010#
22 บาท 100 นาที  โทรฟรี  ทุกเครือข่าย  ได้  100 นาที  อายุ  1  วัน  กด  *777*246*117010#
aIS  สมัคร  โทรไป  จีน,  ฮ่องกง,  มาเลเซีย,  สิงคโปร์,  เกาหลีใต้,  อินเดีย
*777*3801*117010#
ราคา  99  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  1.54  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  ลาว,  กัมพูชา,  เมียนมาร์,  เวียดนาม 
*777*3802*117010#
ราคา  119  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.78  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  สหรัฐอเมริกา,  แคนนาดา 
*777*3803*117010#
ราคา  129  บาท  โทรได้  60  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  2.01  บาท
aIS  สมัคร  โทรไป  เยอรมนี,  สหราชอาณาจักร,  ญี่ปุ่น,  ฝรั่งเศส
*777*3804*117010#
ราคา  159  บาท  โทรได้  40  นาที
เฉลี่ยนาทีละ  3.71  บาท
เวลาโทร  กด
003  รหัสประเทศ  รหัสเมือง  เบอร์ปลายทาง
เช็คเน็ต aIS คงเหลือ  กด  *121*32#  โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง aIS กด  *545#  โทรออก
ยกเลิกข้อความ SMS กินเงิน  กด  *137  โทรออก
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ aIS กด  1175  โทรออก
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด  #โปรเสริมเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)



เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)