-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง
เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเว็บบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง
ของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิต
ที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่า
เรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็ปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมล์ของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผู้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน
ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ
เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ Webmaster , administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเว็ป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเว็บอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็ป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณา
เป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่
หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเว็บไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาตเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก
เมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ)
จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอฝากเรื่องสั้นที่เขียนค่ะ
เรื่องสั้นของพัฒน์กับโอ๊ต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45179.msg2935010#msg2935010) จบแล้ว
ป๊าครับผมจะไม่ดื้อ ลบแล้ว
นกขมิ้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50546.msg3248290#msg3248290) จบแล้ว
รับจ้าง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51944.msg3307037#msg3307037) จบแล้ว
วิชารัก101 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52313.msg3324640#msg3324640) ยังไม่จบ
แพ้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53033.msg3354694#msg3354694) จบแล้ว
เป็นเช่นรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53915.msg3383044#msg3383044) ยังไม่จบ
❤|ตรรกะ|เวลา|ปูปา|ความรัก|❤ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57177.msg3549583#msg3549583) ยังไม่จบ
April fools me (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59627.msg3623185#msg3623185) จบแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
-
นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้วจะนอนไหนเอย
ทวิช อยู่บ้านสวนกับยายจนอายุหกขวบ เป็นช่วงเวลาหกปีที่ทวิชมีความสุขมากที่สุด เขาวิ่งเล่น กิน และนอน โดยไม่เคยรู้ว่าความทุกข์มันเป็นอย่างไร นอกเสียจากตอนหกล้มเลือดไหลเต็มหัวเข่า ร้องไห้จ้ามาให้ยายทำแผลให้ ซึ่งนั่นแย่ที่สุดแล้วสำหรับเด็กชายทวิช
ยายทำกับข้าวอร่อย ตัวยายอุ่น ทุกคืนยายจะกล่อมเขานอนด้วยการตบก้นเบาๆ จนกว่าเขาจะหลับ เป็นอย่างนี้จนกระทั่งคืนสุดท้าย.....
....นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้ว จะนอนไหนเอย....
ยายร้องเพลงนี้กล่อมเขาทุกคืน เขาไม่รู้ว่ามันชื่อเพลงอะไร แต่เขาชอบท่อนนี้ที่สุด คืนนั้นก่อนผล็อยหลับลง เด็กน้อยได้แต่สงสัยว่า นกขมิ้น มันหน้าตาเป็นยังไงนะ
เช้าวันนั้น เด็กชายทวิชได้เรียนรู้ความเสียใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ยายยังนอนอยู่ข้างเขา แต่ไม่หายใจแล้ว ตัวยายเย็นไปหมด เย็นจนเด็กชายต้องกอดยายไว้เอง แล้วร้องไห้อยู่อย่างนั้น
....
เด็กชายทวิชต้องย้ายเข้ากรุงเทพ มาอยู่กับแม่ แม่ซึ่งในสมัยที่เขายังอยู่กับยาย มาหาเขาได้ ปีละสองครั้ง ครั้งละสามวัน ในตอนนั้น ทวิชไม่คิดน้อยใจอะไรกับวันเวลาสั้นๆที่ได้เห็นหน้าแม่ เพราะการอยู่กับยายก็มีความสุขดี ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เพียงแต่มีความไม่คุ้นเคยและไม่กล้าที่จะคุยด้วยเท่านั้น
แม่มีห้องชุดขนาดกลาง ซึ่งนับว่าไม่แย่เลยสำหรับการอยู่ในเมืองหลวงเช่นนี้ เด็กชายได้รู้จัก ”ความกลัว” เพิ่มขึ้นอีกอย่าง เป็นความกลัวเมื่อต้องอยู่ต่างที่ กลัวความห่างเหินระหว่างแม่กับเขา และกลัวความสูญเสียแบบที่เจอที่บ้านสวน แม่ของเขาเป็นคนเงียบ พูดน้อย และมักมีมุมส่วนตัวที่เด็กน้อยเข้าไม่ถึงอยู่เสมอ แม่ยิ้มน้อยมากเมื่อเทียบกับยาย และเหมือนมีเรื่องในใจให้คิดตลอดเวลา
ทวิช เด็กชายที่ร่าเริง เริ่มพูดน้อยลง อาจเป็นไปตามนิสัยของแม่ สิ่งที่แม่มักทำอยู่เสมอ คือยิ้มให้เขานิดหนึ่ง ยกมือลูบหัว แล้วหันหลังไป แม่ใช้เวลาส่วนมากจมจ่อมอยู่กับรูปที่แม่วาด แต่ละรูปให้ความรู้สึกซึมเซา
เด็กชายได้แต่มองดูแผ่นหลังเล็กบางของแม่ ที่มักจะงองุ้ม และบางทีก็สั่นไหว
อย่างน้อยมือของแม่ก็อุ่น... ทวิชบอกตัวเองอย่างนั้น
หลายคืนที่ทวิชต้องนอนคนเดียว
เด็กชายกลัว มันมืด และมักเห็นภาพคืนก่อนที่ยายจะจากไปเสมอ คืนนั้นยายยังตบก้นเขาเบาๆ แล้วร้องเพลงนั้นอยู่เลย
...ค่ำคืน ฉันยืนอยู่เดียวดาย เหลียวมองรอบกาย มิวายจะหวาดกลัว...
จู่ๆทวิชก็นึกเนื้อร้องท่อนนี้ออก มันเหมือนฝังอยู่ในความทรงจำโดยไม่ได้ตั้งใจจะท่องจำ
“ฮัลโหล...แม่...” ทวิชตัดสินใจโทรหาแม่ เสียงอะไรบ้างไม่รู้ดังลั่นไปหมด
“นอนก่อนนะ...วิช... แม่กลับดึก” แม่พูดแค่นั้นแล้ววางสายไป
เขาไม่กล้าเข้านอน คิดได้แต่ว่า การตื่นมันดีกว่าการหลับ เพราะเขาหลับลงไปในคืนนั้น เขาเลยสูญเสีย เด็กป. 1 คนหนึ่งฝืนลืมตาจนสุดความสามารถ
ที่โรงเรียน เด็กชายทวิช พูดน้อย ไม่กล้าแสดงออก แต่มักทำคะแนนได้ดีในวิชาด้านศิลปะและภาษา
นี่เป็นสิ่งที่ครูมักเขียนลงในรายงานสำหรับผู้ปกครอง
เขาจึงเลือกเรียนตามความถนัดที่ครูเขียน
เขาเรียนอักษรศาสตร์ ไม่ได้เลือกทัศนศิลป์ เพราะไม่อยากนั่งอยู่หน้าผืนผ้าใบอันแสนเศร้าแบบแม่ ทวิชแค่รู้สึกว่า ถ้าเขาวาดรูป รูปของเขาคงให้อารมณ์ไม่ต่างจากรูปของแม่
ในมหาวิทยาลัย ทวิชเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ ทุกเย็นหลังหมดวิชาเรียน จะมีนักศึกษาชายตัวผอมๆคนหนึ่ง เดินก้มหน้าและหลังค่อมเล็กน้อยเข้ามานั่งเงียบๆในห้องสมุด ทุกคืนเขาอยู่จนห้องสมุดปิด โดยไม่ได้พูดกับใคร ทวิชชอบที่จะอยู่กับความเงียบแบบนี้ ไม่ได้อึดอัด ความจริงชายหนุ่มก็มีเพื่อนอยู่บ้างที่พอไปกินข้าวด้วยกันได้ เพียงแต่ชายหนุ่มไม่รู้ว่า การสนิทสนมและมีเพื่อนฝูงเฮฮามันจะช่วยให้ความสุขได้อย่างไร
เขาขอพอใจอยู่แค่นี้
จนเข้าทำงานได้ปีกว่า ทวิชก็พบกับความสูญเสียอีกครั้ง
แม่จากไปแล้ว
ทิ้งข้อความไว้เพียงสั้นๆ
“แม่ขอโทษ”
น้ำตาเขาหยดลงบนคำขอโทษนั้น
ทวิชมีชีวิตที่เงียบลงกว่าเดิม เช้าไปทำงานในตึกสูงกลางเมืองใหญ่ เย็นเข้าห้องสมุด หรือดูหนังรอบดึก กลับเข้าห้องหลังเที่ยงคืน เพื่อให้เหลือเวลาช่วงกลางคืนบนเตียงกว้างๆนี่น้อยที่สุด
เขาไม่ชอบเตียงsizeขนาดนี้เลย มันเหงา มันน่ากลัว แต่มันก็เป็นเตียงของแม่ ที่เขาไม่คิดจะเปลี่ยน บางคืนเขาเลยหอบเอาหมอนและผ้าห่มไปนอนตรงซอกเตียง ที่มีพื้นที่พอให้นอนหงายได้อย่างพอดีเท่านั้น
เช้าวันทำงาน ที่จวนเจียนเวลาเช่นนี้ มีคนรอลิฟท์เยอะมาก ทวิชเดินลากเท้าไปต่อคิว ประตูปิดตรงหน้าเขาพอดี เขาต้องรอรอบต่อไป
เมื่อเข้าลิฟท์ได้ ทวิชต้องเดินเข้าไปในสุดอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายืนให้แนบไปกับผนังให้มากที่สุด ข้างหน้าเขามีพนักงานออฟฟิศที่สูงกว่าทวิชพอสมควร หน้าของทวิชอยู่แค่ประมาณแผ่นหลังของเขาเท่านั้น ชายคนนั้นถูกเบียดให้ถอยจนหลังมาชนกับจมูกของเขา
กลิ่นเหมือนไข่เจียวหมูสับ
เสื้อของผู้ชายคนนั้นที่ติดอยู่กับปลายจมูกของทวิช เป็นกลิ่นนั้นจริงๆ
เมื่อถึงชั้นสิบ ทวิชก็ได้ออกจากลิฟท์ พลางคิดว่า เย็นนี้เขาจะกินไข่เจียวหมูสับบ้าง
เช้าวันต่อมา ในลิฟท์ตัวเดิม
อีกแล้ว
ผู้ชายคนเดิม หลังชนอยู่กับจมูกเขา
วันนี้เขาหันมาขอโทษนิดหนึ่งด้วย และทวิชได้กลิ่นไข่เจียวเหมือนเดิม กระเป๋าสะพายที่ชายหนุ่มคนข้างหน้าปัดมาไว้ทางเขามันอุ่นๆ สงสัยจะเป็นกล่องข้าว
วันนี้ ทวิชเพิ่งมีโอกาสเห็นหน้า ชายเจ้าของกลิ่นไข่เจียวชัดๆ เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีทีเดียว ตัวทวิชเองไม่ได้มองเขาอย่างคนที่ชื่นชอบผู้ชาย แต่อาจเป็นเพราะใช้ความรู้สึกของศิลปินแบบคนวาดรูปที่มักชอบมองสิ่งที่สวยงาม และมองสัดส่วนใบหน้าของคน
เมื่อคนน้อยลง ชายคนนั้นจึงได้เปลี่ยนที่ยืน เขาหันมายิ้มกับทวิช ซึ่งได้แต่ยิ้มรับแบบเร็วๆแล้วหลบสายตา
เช้าอีกวันหนึ่ง
ทวิชไม่ได้เจอผู้ชายตัวสูงที่มีกลิ่นไข่เจียวคนนั้นอีก เขาหันมองหา ไม่หรอก เขาแค่สงสัยน่ะ ว่าทำไมยังไม่มา
คงตื่นสายล่ะมั้ง
เมื่อถึงชั้นสิบ
ทวิชพบว่า มีกล่องทับเปอร์แวร์ ที่ข้างในเป็นข้าวไข่เจียวสีเหลืองน่ากิน บนกล่องมีกระดาษเขียนด้วยลายมือหวัดๆ
“ผมให้ เห็นทำจมูกฟุดฟิดๆ กับไข่เจียวของผมมาสองวันแล้ว” ไม่มีชื่อคนให้ แต่มีเบอร์โทร
หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น
ทวิชไม่เคยสนิทกับใครมาก่อน เขาจึงไม่รู้ว่า หนึ่งอาทิตยนี่มันเร็วไปสำหรับการเป็นเพื่อนกันระหว่างเขากับ ชนะวีร์ หรือเปล่า
ชนะวีร์ ที่ตอนนี้ทวิชเรียกว่า วีร์ กำลังทำกับข้าวอยู่ที่ห้องของทวิช
ห้องที่มีครัว แต่ไม่เคยได้ใช้งานที่ถูกต้องตามจุดประสงค์สักเท่าไหร่
วีร์ทำอาหารเก่ง ที่ได้กลิ่นไข่เจียวจากเขาทุกเช้า เพราะเขาต้องทำใส่กล่องให้น้องชายคนเล็ก และเผื่อตัวเองด้วย
“ไข่เจียวมันง่ายสุดน่ะ” วีร์อธิบาย
แต่ความจริง วีร์ทำกับข้าวได้หลายอย่างเลย อย่างวันนี้กำลังแสดงฝีมือทำแกงเขียวหวาน
เพราะเมื่อวันก่อน ทวิชนั่งเขี่ยข้าวแกง ที่เป็นข้าวราดแกงเขียวหวานไปมา
“ไม่ชอบแล้วสั่งมาทำไมอ่ะ” วีร์คงรำคาญที่เห็นนั่งอยู่ท่านี้นานแล้ว
“อยากกิน เมื่อก่อนตอนเด็กๆจำได้ว่า ยายทำอร่อย แต่กินได้ไม่มากเพราะมันเผ็ด ยังเด็กอยู่ แต่กลิ่นมันหอมมากเลยนะ เหมือน
ยายจะตำเครื่องแกงเอง กลิ่นมันไม่เหมือนอย่างนี้เลยอ่ะ” ทวิชไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเป็นคนขี้บ่น จนมาเจอกับชนะวีร์
“แล้วทำไม โตมาไม่กินอ่ะ ยังกินเผ็ดไม่ได้เหรอ”
“ยายไม่อยู่แล้ว” ทวิชตอบเสียงแผ่ว แล้วก้มหน้าลงมองจานข้าว
นั่นเป็นที่มาของการทำแกงเขียวหวานในวันนี้
ชนะวีร์รบเร้ามาขอใช้ครัวห้องทวิช บอกว่าจะแสดงฝีมือพ่อครัวเอก
“แต่เครื่องแกงนี่ ไม่ได้ตำเองนะ ให้แม่ตำให้อ่ะ ไม่รู้จะชอบหรือเปล่า แม่ทำกับข้าวเก่งนะ พูดแล้วจะหาว่าคุย วันหลังจะชวนไปกินฝีมือคุณนาย แต่คงต้องเป็นหยุดยาว บ้านกูอยู่ไกล ไปทีต้องใช้เวลาให้คุ้ม”
ชนะวีร์เป็นคนฟันสวย ฟันขาวเรียงกันเป็นระเบียบ ปากบนหนากว่าปากล่าง รอยหยักของปากชัดเจน ปากจะนุ่มไหมนะ....
ทวิชฟังชนะวีร์พูดเจื้อยแจ้วไป ก็มองหน้าของพ่อครัวไปด้วย แล้วความคิดมันก็ผุดขึ้นมาเอง เป็นความคิดที่แม้แต่ตัวของทวิชเองก็ตกใจ
คืนนั้นฝนตกใหญ่ทั่วกรุง
ชนะวีร์เลยกลับบ้านไม่ได้
“กูนอนด้วยละกัน” ชนะวีร์ขอกันง่ายๆ หลังจากโทรเช็คแล้วว่า วันนี้น้องชายกลับไปถึงบ้านที่ต่างจังหวัดเรียบร้อบแล้ว
“ศุกร์เสาร์อาทิตย์แบบนี้ปกติมึงทำอะไรอ่ะ” ชนะวีร์ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆทวิช ที่นั่งกอดหมอนอยู่บนโซฟา
ทวิชไม่ค่อยชินกับ กู มึง ที่ชนะวีร์ใช้เท่าไหร่ เขาเลยขมวดคิ้ว
“เรา ชอบไปห้องสมุด แล้วก็ดูหนัง” ทวิชเน้นเสียงที่คำว่า เรา หนักๆ
ชนะวีร์เหลือบตามองทวิชนิดหนึ่ง “ไม่ชอบให้พูด กู มึง ก็บอกชื่อเล่นมาดิ จะได้เรียกถูก” เขาเลิกคิ้ว แล้วจ้องตาทวิช
ทวิชหลบตา “เรียกวิชก็ได้ แม่เรียกอย่างนั้น”
“แสดงว่า มีชื่อเล่นแต่ไม่ให้เรียกเหรอ กะ เอ้ย เราชื่อชนะวีร์ แม่เรียกวีร์ เพื่อนเรียก ไอ้นะ บางทีจะอ้อนแม่ กู เอ้ย เราก็เรียกตัวเองว่า นะวีร์ มันฟังน่ารักมุ้งมิ้งดี ฮ่าฮ่า” ชนะวีร์เล่าอย่างอารมณ์ดี
“มีชื่อเล่น ชื่อนก ทวิชก็แปลว่านก ยายตั้งให้ ยายฝันว่ามีนกตัวเล็กๆบินมาเกาะที่บ่า ตอนก่อนที่เราจะเกิดน่ะ”
“งั้นเรียกว่า นก นะ แล้วก็เรียกเราว่า วีร์ โอเค้?” ชนะวีร์รวบรัด พลางลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
ชนะวีร์ตัวสูงมากจริงๆ ไม่ผอม ไม่อ้วน ดูเหมือนคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ “ขออาบน้ำเลยได้ป่าว ง่วงละ” วีร์อ้าปากหาวหวอดๆ
ปัญหาตอนนี้คือ ทวิชตัวเล็กว่าชนะวีร์มาก
“วีร์นอนทั้งอย่างนี้ก็ได้” ตอนนี้คนตัวสูง ยืนอวดกล้ามเนื้อท้อง และไหล่อันบึกบึนบนเรือนกายเปลือยเปล่า ท่อนล่างพันผ้าเช็ดตัว
ทวิชส่ายหน้าหวือ รีบเดินตรงไปค้นในตู้อีกครั้ง สุดท้ายก็ได้กางเกงเล กับเสื้อกล้ามที่ทวิชพยายามดึงให้ยืดมากที่สุด
“นอนก่อนเลยนะ” ทวิชบอกก่อนเข้าห้องน้ำ
ใจเขาเต้นตุบๆไม่หยุด ทำไมต้องตื่นเต้นกับการมีชนะวีร์อยู่ในห้องนอนขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะไม่เคยมีเพื่อนน่ะ ทวิชหาเหตุผลให้ตัวเอง
ชนะวีร์ยังไม่นอน
ทวิชเดินก้มหน้าเลี่ยงไปตากผ้าเช็ดตัว
“มานี่เลยมึง เอ้ย นก จะไปนอนพื้นทำไมอ่ะ” วีร์ชะโงกหน้าลงมาถามทวิชที่เอาหมอนกับผ้าห่มลงมาจัดไว้ที่ซอกเตียง
“นอนบนเตียงไม่ค่อยหลับ นอนตรงนี้หลับง่ายกว่า ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ วีร์นอนเลยตามสบาย” ทวิช เส มองหมอน มองผ้าห่มขณะที่พูด
“นอนข้างบนนี่แหละน่า นะ ถ้าทำแบบนี้ครั้งต่อไป ไม่กล้ามานอนด้วยแล้วอ่ะ” ทำไมวีร์ต้องทำหน้าตาอ้อนขนาดนั้นนะ
ทวิช ย้ายกลับขึ้นมานอนบนเตียง
คืนนี้เตียงไม่กว้างแบบทุกคืน
ชนะวีร์หลับไปสักพักแล้ว ส่วนทวิชนอนไม่หลับ แต่การนอนไม่หลับในคืนนี้ก็ไม่ได้แย่มากนัก
ทวิชนอนตะแคงมอง ชนะวีร์ที่นอนหงาย มือหนึ่งยกสูงเหนือหัว อีกมือวางไว้บนอก มีเสียงกรนเบาๆ
ทวิชนอนนับจังหวะหายใจของชนะวีร์ ไออุ่นของชนะวีร์ทำให้เขาสบายใจอย่างบอกไม่ถูก นกน้อยขยับเข้าไปใกล้ชนะวีร์อย่างลืมตัว ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
“นก! นก! ตื่นเดี๋ยวนี้” ชนะวีร์เรียกทวิช ด้วยเสียงค่อนข้างดัง พร้อมเขย่าตัว
ทวิชนอนละเมอ แรกๆ ละเมอเหมือนร้องเพลงอะไรเกี่ยวกับนก ถ้าฟังไม่ผิดเหมือนจะได้ยินคำว่า นกขมิ้น หลังจากนั้น ทวิชก็ร้องไห้ และเริ่มร้องสะอึกสะอื้น จนเขาต้องปลุกขึ้นมา
“เป็นอย่างนี้บ่อยไหม” ชนะวีร์ถาม หลังยื่นแก้วนมร้อนให้
“ทุกคืนล่ะมั้ง ถ้าเรื่องร้องไห้ แต่ละเมอนี่ไม่เคยรู้มาก่อน” ทวิชเล่า เขารู้แต่ว่า เขาร้องไห้ตอนหลับแทบทุกคืน ตาแดง น้ำตาเปียกหมอนไปหมด เช้ามาก็เหนื่อยเหมือนคนนอนไม่สนิท
“เพลงอะไรนะที่ละเมอน่ะ” ชนะวีร์ถาม
“นกขมิ้น...”
ทวิชเริ่มต้นจากตรงนั้น แล้วเรื่องราวของยาย ของแม่ ก็พรั่งพรูออกมาไม่หยุด เขาร้องไห้หนักที่สุดในชีวิต ทำนบความกดดัน ปมต่างๆในใจระเบิดออกมาพร้อมหยดน้ำตา ชนะวีร์กอดเขาไว้ แล้วโยกตัวไปมาเบาๆ
คืนที่สอง ทวิชยืนงงอยู่กลางห้องนอน มองชนะวีร์ที่จัดการวางข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
“มีไม้แขวนเสื้อน้อยไปหน่อยนะ วีร์ถอดเอาไม้แขวนจากเสื้อยืดนี่ แล้วพับเก็บก่อนละกันนะ ขอยืมใช้ก่อนสองอัน เดี๋ยวค่อยไปซื้อมาเพิ่ม ต้องใช้แขวนเสื้อเชิ้ต รีดมาแล้วเดี๋ยวยับ”
ชนะวีร์หันมายิ้มให้คนที่ยังทำหน้าอึ้งๆ แล้วหันไปจัดของอย่างอื่นต่อ
คืนนั้น ทวิชรู้สึกประหม่าที่มีชนะวีร์นอนอยู่ใกล้ๆ ชนะวีร์หลับตาก็จริง แต่เขารู้ว่าวีร์ยังไม่หลับ ก็เมื่อคืนเขานอนมองจังหวะหายใจของชนะวีร์ตอนหลับ นับตามจนจำได้แม่น ว่ามันเป็นยังไง แถมนี่ก็ไม่มีเสียงกรน
ทวิชตัดสินใจนอนหันหลังให้ พยายามข่มตาหลับ ไม่นาน มือใหญ่ของชนะวีร์ก็คว้าเอาตัวเขาให้ขยับเข้าใกล้ กลายเป็นแผ่นหลังของทวิชสัมผัสอยู่กับไออุ่นจากตัวชนะวีร์ มือข้างหนึ่งของชนะวีร์เอื้อมมาตบเบาๆเป็นจังหวะที่อกของทวิช พลางร้องเพลงกล่อมขึ้นเบาๆ
...เจ้าดอกขจร นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำแล้วจะนอนไหนเอย...
ทวิชหันกลับมามองหน้าชนะวีร์อย่างอึ้งๆ ชนะวีร์เกาหู แล้วหัวเราะแก้เขิน
“ฮะ ฮะ มันเพี้ยนใช่ป่าว ร้องเพลงไม่ค่อยเพราะอ่ะ ยิ่งเพลงนี้เพิ่งไปหาฟังมาเมื่อกลางวัน แถมเป็นเพลงสมัยก่อน ไงก็ทนๆฟังเอาหน่อยนะ”
ชนะวีร์ยังคงเขิน แต่จ้องลึกลงไปในตาของทวิช ซึ่งบัดนี้มีน้ำตาเคลือบกลบจนพร่าเลือน
ชนะวีร์กดหัวของทวิชให้จมลึกลงไปในอก แล้วเริ่มต้นกล่อมทวิชอีกครั้ง คราวนี้เนื่องจากทวิชหันหน้าเข้าหา เขาจึงเอื้อมมือมาตบก้นของทวิชเบาๆ
“นอนนะครับ นก ต่อไปนี้วีร์จะเป็นคนกล่อมเองนะ ฝันดีนะครับ” ชนะวีร์จูบหน้าผากทวิชแผ่วเบา
ทวิช เจ้านกน้อยที่บอบช้ำ นอนหลับสนิททุกคืนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
.
.
.
--จบ--
หมายเหตุ
บางคืนก็ถูกหลอกล่อ ทำให้เหนื่อยมากๆจนนอนหลับคาอกชนะวีร์ไปเลย
@tonstreenature
เพิ่งค้นพบตอนแต่งจบแล้วว่า ชื่อ ทวิช ที่แปลว่า นก มีเสียงและความหมายคล้ายกับคำว่า tweet และ twitter เลยเนอะ
-
น้ำตาไหลพรากๆ ทวิช น่าสงสารจัง ดีแล้ว มีคนค่อยอยู่ข้างๆ
-
ชอบบบ มีตอนพิเศษมั้ยคะ :กอด1:
-
เป็นนิยายที่อบอุ่นมาก สุดท้ายทวิชอยู่ไม่ต้องเดียวดายอีกต่อไป :กอด1:
-
ทำไมละมุน อ่านแล้วเหมือนนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านรับแดดยามเช้า งื้ออเ
-
ตอนแรกๆเศร้าเหงาแต่จบซึ้ง
-
สวัสดีค่ะ มีสองตอนสั้นๆ ในหนึ่ง reply เลยนะคะ
นกขมิ้น ตอน เสพติด
ตั้งแต่มีชนะวีร์เข้ามาในชีวิต ทวิชรู้สึกได้ว่า นอกจากจะเรียนรู้นิสัยใจคอของชนะวีร์แล้ว เขายังรู้จักตัวเองเพิ่มขึ้นในอีกหลายแง่มุม
ทวิชรู้สึกว่าชนะวีร์มีอิทธิพลต่อตัวเขาสูงมาก เป็นแรงบางอย่างที่ทวิชพยายามอย่างมากที่จะต้านทานไว้แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จเสียที
เขาติดชนะวีร์มาก รู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ๆในทุกๆวินาที ในตอนแรกๆ ทวิชถึงกับเดินตามชนะวีร์ไปทั่วห้อง
ส่วนชนะวีร์ก็เดินทำนู่นทำนี่ไปไม่ได้หยุดเหมือนกัน
“เดี๋ยวไปซื้อต้นไม้มาปลูกเพิ่มตรงระเบียงเนอะ ต้นนี้วีร์เอามาจากห้อง เลี้ยงไม่ยาก รดน้ำไม่ต้องมาก”
ชายหนุ่มร่างสูงพูดพลางเดินเอาบัวรดน้ำไปเก็บที่ โดยมีทวิชที่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรเดินตามหลังไป
ชนะวีร์หยุดมองทวิช แล้วอมยิ้มล้อเลียน
ทวิชขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ยิ้มอะไร”
แล้วรีบกระโดดออกจากห้องน้ำแทบไม่ทัน เมื่อเห็นชนะวีร์รูดซิบกางเกง ทำท่าจะควักอะไรบางอย่างออกมา
((บ้าจริงๆเลย เดินตามเข้าไปถึงห้องน้ำได้ยังไงนะ))
เมื่อชนะวีร์ออกมาจากห้องน้ำ ก็พบทวิชนั่งกอดหมอนอิงอยู่ที่โซฟา เรียกว่ากอดคงไม่ถูก เรียกว่าเอาหน้ามุดเข้าไปในหมอนเลยต่างหากเพราะจมูกกับปากกดจมลึกเข้าไปในหมอน โผล่มาให้เห็นแต่ตาโตๆ เขาอมยิ้มขำ แล้วเดินเข้าครัวเตรียมทำกับข้าวมื้อเย็น
คราวนี้ทวิชไม่ได้เดินตามชนะวีร์แล้ว แต่มองตามชนะวีร์อยู่ตลอด อารมณ์เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆที่กลัวความสูงจนไม่กล้ากระโดดลงจากเก้าอี้มาวิ่งเล่น ได้แต่มองตาละห้อยอยู่อย่างนั้น
ขณะรอน้ำเดือด ชนะวีร์ก็แกล้งเดินผ่าน ทำทีไปหยิบของในห้องนอน จากนั้นก็โฉบไปหอมหน้าผากนั่นเสียหนึ่งที คราวนี้ทวิชอายจนต้องซบหน้าลงไปกับหมอน เหลือให้เห็นแต่หูแดงๆ
สิบห้านาทีหลังจากนั้น ก็เป็นชนะวีร์เองที่ทนไม่ได้ เขาเดินกลับไป ยกตัวทวิชมาวางไว้ตรงเค้าท์เตอร์ใกล้อ่างล้างจาน
.
.
ทวิชกลายเป็นคนคิดมาก เขากังวลว่า การที่เขาติดชนะวีร์มากเกินไปจะทำให้ชนะวีร์รำคาญ แล้วคงจะเบื่อไปในที่สุด
ทวิชจึงพยายามที่จะรักษาระยะห่างจากชนะวีร์เอาไว้บ้าง
มีคืนหนึ่งที่ทวิชตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วย้ายลงไปนอนตรงซอกเตียง แต่เช้าขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกอุ้มกลับมานอนอยู่ในอ้อมแขนของชนะวีร์
เมื่อไปทำงานในตอนเช้า ทวิชพยายามจะเดินให้ช้า เขามองตามแผ่นหลังเหยียดตรงของชนะวีร์ ชนะวีร์เหมือนคนที่อยู่ท่ามกลางแสงแดดอุ่นๆ ส่วนเขาเหมือนเงาสลัวๆในตอนพลบค่ำ สักวันเขาอาจเดินตามแผ่นหลังนี้ไม่ทัน
คนตัวสูงหยุดเดิน แล้วย้อนกลับมาจูงมือของเขา
มือชนะวีร์อุ่นที่สุด
ในลิฟท์โดยสารที่อัดแน่นด้วยพนักงานของบริษัท ชนะวีร์จะให้ทวิชเดินเข้าไปด้านในสุด แล้วเอาตัวเองบังไว้อีกที
เมื่อถึงชั้นสิบ ทวิชไม่ได้เอ่ยลาอะไร เพียงถือโอกาสในช่วงเวลาสั้นๆ แอบกดจมูกลงกับแผ่นหลังนั้น
.
.
.
ไม่ใช่เพียงแต่ทวิชหรอกที่รู้สึกเสพติดการมีชนะวีร์ ชนะวีร์เองก็เช่นกัน
และเขาเสพติดทวิชมาได้สักเกือบปีก่อนหน้านั้นแล้ว
ชนะวีร์เป็นคนกระฉับกระเฉง พลังชีวิตเต็มเปี่ยมทุกเช้า คงเป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นพนักงานออฟฟิศชายคนนี้ ที่ดู ง่วง เนือย อยู่ตลอดเวลา
เขาให้เห็นผลกับตัวเองว่า
เขารู้สึกรำคาญที่เห็นคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้น และมักปล่อยให้ตัวเองโดนแซงคิวขึ้นลิฟท์ไปก่อนเสมอ
รำคาญที่แทบทุกเช้าจะเห็นซื้อ มัคคีอาโต้ ร้อน ใส่นมถั่วเหลือง โรยชินนาม่อน แก้วขนาดกลาง แล้วเอาแต่นั่งเหม่อให้ควันกาแฟลอยกรุ่นๆ สุดท้ายก็จิบไปนิดเดียว เสียดายตังค์มาก
คงเพราะผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้ ใช้ชีวิตในสปีดที่ต่างจากเขามาก มันเลยทำให้เขาสังเกตเห็นได้ง่าย
เห็นนั่งขมวดคิ้วกับคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานที่ชั้นสิบ
เห็นนั่งเขี่ยข้าวกลางวันอยู่ในโรงอาหารของบริษัทที่ชั้นสาม
แต่กลับอมยิ้มนิดๆตอนอ่านหนังสือในห้องสมุดที่อยู่ไม่ไกล และนั่งอยู่นานจนค่ำมืด
นี่เขาไม่ได้ตั้งใจจะตามติดชีวิตของผู้ชายธรรมดาๆคนนี้จริงๆนะ ก็แค่...
บังเอิญ
บังเอิญ อยากเข้าไปยืมหนังสือสักเล่มบ้างเท่านั้นเอง
.
.
.
ฝนตกหนักในเวลาเลิกงานอีกแล้ว
เขาแค่ยืนรอให้ฝนซาน่ะ ทั้งๆที่มีรถ จะกลับเลยก็ได้ แต่รอให้ฝนซาสักหน่อยน่าจะดีกว่า
ไม่ได้รอให้ คนตัวบางๆที่ยืนต่อแถวหนาวสั่นอยู่นั่น ได้ขึ้นรถแท็กซี่สักคัน เปล่าหรอก แค่ออกมายืนมองฝนน่ะ
และในเช้าบางวัน ก็ไม่ได้รอที่จะได้ขึ้นลิฟท์ไปพร้อมๆกับเขาหรอก
ไม่เลย
จริงๆ
.
.
.
----------------------------
นกขมิ้น ตอน โกรธ
ทวิชไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชนะวีร์มันมีชื่อเรียกว่าอะไร และทวิชก็ไม่ได้สนใจที่จะถาม การมีชนะวีร์อยู่มันดีมากๆแล้ว ถึงแม้บางครั้ง จะมีเรื่องไม่เข้าใจกันบ้าง หรือบางทีทวิชจะโกรธชนะวีร์มากๆ แต่ก็ไม่เคยคิดอยากให้ชนะวีร์ห่างไปจากเขาเลย
ทวิชก็เพิ่งเคยโกรธใครมากๆเป็นครั้งแรกนี่แหละ
คืนนั้นชนะวีร์ต้องพาลูกค้าชาวต่างชาติไปเลี้ยงรับรอง
เขาเมา และกลับพร้อมรอยลิปสติกที่หลังหู ที่เจ้าตัวคงไม่ทันได้เห็น
คืนนั้นทวิชไม่ยอมให้ชนะวีร์กล่อมนอน ไม่ยอมนอนบนเตียงด้วย และไม่มองหน้าเลยตลอดทั้งเช้ารุ่งขึ้น
เป็นชนะวีร์เองที่เดินตาม คอยก่อกวน สุดท้ายก็กักตัวเขาไว้ตรงโซฟาไม่ให้ลุกไปไหน
“นกโกรธอะไรวีร์”
“ไม่มีอะไร”
ทวิชเบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นหน้าวีร์ในตอนนี้เลยจริงๆ ทุกทีถ้าโดนจ้องหน้าขนาดนี้ เขาจะเขินมากๆ แต่ไม่ใช่ในเวลานี้
“หน้าบึ้งขนาดนี้ ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีก ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ วีร์ทำอะไรผิดอ่า บอกวีร์หน่อยนะครับ นกจ๋า”
วันนี้การอ้อนของชนะวีร์ใช้ไม่ได้ผล
.
.
“ฮัลโหล ครับ สวัสดีครับคุณเจน เมื่อคืนหลับสบายดีไหมครับ ครับ ผมนี่เกือบเป็นเจ้าภาพที่ไม่ได้เรื่องซะแล้ว เมาก่อนลูกค้าเสียอีก”
ชนะวีร์ยิ้มไปคุยโทรศัพท์ไป
เท่านั้นเอง สติของทวิชก็ขาดผึง กระโจนเข้าแย่งโทรศัพท์จากมือชนะวีร์แล้วขว้างลงพื้นสุดแรง จากนั้นก็ยืนหอบฮักๆ น้ำตานองหน้า จ้องหน้าชนะวีร์อยู่อย่างนั้น
ทวิชห้ามใจตัวเองอย่างที่สุดไม่ให้ตรงเข้าไปทุบตีชนะวีร์ การทำร้ายร่างกายกันมันแย่ ถึงแม้เขาจะแรงน้อยกว่าชนะวีร์มาก แต่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ยังไงเสียชนะวีร์ก็ต้องเจ็บ เขาจะไม่ทำเด็ดขาด
“นก...” ชนะวีร์เรียกเขาเบาๆ แล้วเดินเข้าใกล้
“ห้ามเข้าใกล้นะ ถอยออกไปเลย” ทวิชตวาด เขาไม่อยากตีชนะวีร์
ชนะวีร์มีหรือจะฟัง กลับพุ่งเข้ารวบตัว
ทวิชดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดจากอ้อมกอดนี้ ดิ้นจนเหนื่อย ดิ้นจนเหมือนได้ระบายแรง ระบายความโมโหออกไป
เหลือบตามองชนะวีร์
ซึ่งกำลังยิ้มกว้าง
ทวิชหงุดหงิด จึงงับเข้าให้
ชนะวีร์ร้องลั่น แต่ไม่ปล่อยอ้อมแขน
.
.
ชนะวีร์บอกว่าทวิชหึง
ไม่ใช่เสียหน่อย ทวิชเถียง
ชนะวีร์สอนให้ทวิชหัดแสดงความโกรธออกมา ทวิชเพิ่งจะรู้ว่า การแสดงว่าโกรธ ไม่ใช่เป็นเรื่องผิด และไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความรุนแรง
“ถ้าครั้งต่อไป นกรู้สึกโกรธอีก นกพูดออกมาเลย บอกวีร์ได้ทุกเวลา ไหนลองพูดซิ นกโกรธแล้วนะ เร็วดิ ลอง”
ชนะวีร์บังคับหรือสอนกันแน่เนี่ย
ทวิชหน้ามุ่ย
“ถ้านกไม่พูด เราจะไม่ได้เคลียร์กัน มันจะสะสม นานๆไปเราจะลืมว่าเราโกรธทำไม แต่กลับไม่ลืมอารมณ์โกรธนั้น แล้วความโกรธอาจกลายเป็นเกลียด”
จนแล้วจนรอด ทวิชก็ไม่พูด
ดื้อมาก
“เอางี้ งั้นถ้าต่อไป นกโกรธอะไรวีร์ นกเดินมากัดวีร์เลย โกรธน้อยกัดเบาๆ โกรธมากกัดแรงๆ”
ชนะวีร์หาทางออกให้กับคนดื้อเงียบ
ทวิชพยักหน้า พร้อมกับกัดลงตรงใบหูข้างที่เคยเลอะรอยลิปสติกเสียหนึ่งที
ชนะวีร์กลับหัวเราะ
แล้วทำไมคืนนั้น ถึงกลายเป็นทวิชเองที่โดนกัดตรงนั้นตรงนี้ไปทั่วจนต้องร้องครางออกมา ก็ไม่รู้
ฮื่อ ชนะวีร์โกรธอะไรนักหนา
--จบตอน--
-
ทวิชน่ารักมากๆๆๆๆๆๆค่ะ ชอบจังค่ะ อบอุ่นดี :-[
-
:z3:
กรีดร้อง
น่ารักมากกกกกกกกกกก
ชอบทวิชเวลาเขิน -///////- อยากให้วีร์แกล้งวิชเยอะๆเลย น้องนกอายแล้วน่าฟัดที่สุด :laugh:
ขอบคุณนะคะ แต่ถ้ามีตอนต่ออีกจะเลิฟยิ่งขึ้นค่ะ ฮี่ๆๆๆ :hao3:
-
อร๊ายยยยย ขุ่นพ่อขุ่นแม่ขาาาา ขอเลือดกรุ๊ปวายด่วนนนน น > <
ปล. ชนะวีย์โกรธให้ 'หนักๆ' ไปเลยค่ะ ชอบบบบบบ :z1: :z1:
-
ขอพื้นที่ตายด่วนค่ะ ความฟินมันติดคอ หายใจไม่ออกกกกกก
-
ชีวิตของทวิชน่าสงสารมากอ่ะ ถ้ายายไม่เสียไปซะก่อนอะไรๆก็อาจจะดีกว่านี้
ชนะวีย์มาช่วยเติมเต็มชีวิตของทวิชจริงๆสินะ
-
น่ารักอ่าาา ชอบบบ :mew1: :mew1: :mew1:
-
วีร์ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากๆ ใจเย็นด้วย ขนาดนกเขวี้ยงโทรศัพท์แตกยังไม่โกรธนกเลย
-
น่ารักที่สุดชอบฉากเดินตามอ่ะเหมือนลูกเจี๊ยบเดินตามแม่เจี๊ยบเลย
-
นกขมิ้น ตอน ความกลัว
ทวิชไม่เคยบอกชนะวีร์ว่าชอบดูหนังรอบดึก มีอยู่ครั้งหนึ่ง ทวิชหนีมาดูหนังที่อยากดูคนเดียว เพราะรอให้ชนะวีร์ว่าง หนังคงออกโรงไปเสียก่อน
หนังสนุกมาก
ทวิชยังคิดถึงหนังที่เพิ่งดู ตอนที่เดินออกจากโรงหนัง
ทวิชก้าวขาไม่ออก และรู้สึกกลัวชนะวีร์ขึ้นมา
ชนะวีร์นั่งอยู่ตรงนั้น หน้าโรงหนังที่ 11 หลังพิงพนัก ยื่นขาเหยียดยาว
คงเป็นท่าทางที่สบายๆ ถ้าชนะวีร์จะไม่ยกมือขึ้นกอดอก และมองตรงมาที่ทวิชอย่างแน่วแน่
ทวิชกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ชนะวีร์ไม่พูด ลุกขึ้น และเริ่มออกเดิน
ทวิชก้มหน้า และลากเท้าตามไป
เขาไม่เคยบอกวีร์ว่า จะมาดูหนัง ทำไมชนะวีร์ถึงรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ ?
ทวิชรู้สึกกลัว กลัวอะไรนะ
อ่อ เขากลัวความโกรธของชนะวีร์นั่นเอง
กลัวท่าทางมึนตึงแบบนั้น
ไม่เอาแบบนี้นะ ไม่อยากให้โกรธเลย
ทวิชเงยหน้าเพื่อจะก้าวตามชนะวีร์ให้ทัน แต่กลับพบว่า ข้างหน้าว่างเปล่าและมัวสลัว
ตรงนี้เป็นลานจอดรถ ปกติทวิชกลับออกไปอีกทางหนึ่งเพราะไม่ขับรถ
รถของวีร์คงจอดที่ชั้นนี้ละมั้ง
ทวิชหมุนซ้ายและเดิน
ไม่มีใครเลย แม้มันจะไม่มืดสนิทแต่เขาคิดว่าตัวเองกำลังหลงทาง
จู่ๆ ทวิชก็เริ่มมีความกลัวอีกแบบ
มือเริ่มเย็น
การหาชนะวีร์ไม่เจอในเวลาแบบนี้มันน่ากลัว
ไม่ใช่เด็กแล้วนะนก อย่าร้องด้วยเรื่องแค่นี้ ทวิชดุตัวเองในใจ
มีเสียงคนวิ่ง
ทวิชไม่แน่ใจว่าจะใช่ชนะวีร์ไหม เขาลืมหยิบมือถือติดตัวมา
รู้สึกถึงความเครียดเขม็งในตัวเอง อะไรในตัวสักอย่างบิดเป็นเกลียว
เสียงฝีเท้านั้นใกล้เข้ามา แต่ยังไม่ถึงเสียที
มาถึงเร็วๆเถอะ
จะใช่หรือไม่ใช่ก็เถอะ
รู้ไปเลยดีกว่าการรอคอยแบบนี้
ทวิชหลับตานิ่งๆ และตั้งใจฟังเสียง รองเท้ากระทบพื้น
ใกล้เข้ามาแล้ว ทวิชยังไม่ยอมลืมตา
เสียงเดินเปลี่ยนเป็นวิ่ง
ทวิชยิ่งพยายามปิดตาให้แน่น สองมือกำชายเสื้อตัวเอง
เสียงวิ่งหยุดลง
เสียงหอบหายใจ
แฮ่ก
แฮ่ก
ความคุ้นเคยบางอย่างส่งผ่านมาในอากาศ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงหอบหายใจ กลิ่นไอจากตัว หรือความร้อนของร่างกาย
ทวิชโผเข้าหา โดยไม่ลืมตา
ได้ยินเสียงตึกตัก ที่คราวนี้ไม่ใช่เสียงรองเท้า
แขนของทวิชกอดเจ้าของหัวใจนั้นแน่นเข้า เมื่อถูกดุเสียงดัง พร้อมแรงมือที่ฟาดลงที่ก้นสองครั้งหนักๆ
“อย่าทำอย่างนี้อีกนะนก คราวหน้าจะตีไม่ยั้งเลย” ชนะวีร์เสียงดัง
“หนีมาดูหนังคนเดียว แลัวยังทะเล่อทะล่าเดินหายไปอีก”
ตลอดทางกลับบ้าน
ชนะวีร์ยังคงบ่น เหมือนหมีขี้หงุดหงิดด้วยข้อความประมาณนี้ไปตลอดทาง
ทวิชแกล้งทำตัวหดลงไปกับเบาะ แล้วซ่อนรอยยิ้มไว้กับความมืดของห้องโดยสาร
คืนนี้ ทวิชได้เรียนรู้ความกลัวเพิ่มขึ้นอีกสามอย่างแล้ว
สองอย่างเป็นความกลัวของทวิชเอง ที่เกิดขึ้นตอนชนะวีร์โกรธ และ ตอนหลงอยู่ในลานจอด
อีกอย่างเป็นความกลัวของชนะวีร์ ที่กลัวว่าทวิชจะหายไป
ทวิชดีใจกับความกลัวของชนะวีร์จังเลย
-
เลยกลายเป็นคนเงียบๆเลยตอนทวิชมาอยู่กับแม่
แต่ตอนนี้ก้มีคนเคียงข้างแล้วเนอะ น่ารักจริงๆ :mew1:
-
เห็นชื่อทวิช แล้วนึกถึงนกสัญลักษณ์ของทวิตเตอร์
-
โหยย น่ารักมากก ทวิชคือคนที่น่ารักนะ
-
น้องนกเริ่มมีพัฒนาการเรื่อยๆ
แอบดีใจ ><
เอาอีกนะคะ จุฟฟฟ :mew1:
-
นกขมิ้น ตอน ดื้อ ดุ และ เลิกรัก
ชนะวีร์ไม่ได้ใจดีกับทวิชตลอด
จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ
ทวิชจะไม่ได้ทุกอย่างอย่างที่อยากได้น่ะ บางทีทำอะไรไม่ถูก ไม่ควรก็จะโดนชนะวีร์ดุอยู่บ่อยๆ
เรียกว่า ไม่ตามใจกัน ก็คงจะได้
ตัวทวิชเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนเอาแต่ใจขนาดนี้ คิดว่าเมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลยนะ
แต่พอใช้ชีวิตกับชนะวีร์ไปสักพัก
ทวิชก็กล้าที่จะแสดงหน้าตาบูดบึ้ง เรียนรู้ที่จะไม่ยิ้มถ้าไม่อยากยิ้ม
และ ทดลองดื้อในเรื่องที่ตัวเองไม่เห็นด้วย
ชนะวีร์เองก็ใช่ย่อย บางทีก็ดุแสนดุเลยล่ะ แถมยังเป็นจอมบงการ
ทวิชคิดว่าชนะวีร์นั่นแหละที่เป็นคนเอาแต่ใจที่สุด
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ทวิชติดเกมในไอแพดมาก จะเริ่มเล่นตั้งแต่เริ่มนั่งในรถตอนเย็นๆ เลยไปจนถึงดึกดื่น มันสนุกมาก ตอนที่กำลังเล่นอยู่ มันรู้สึกว่า
เดี๋ยวจะเลิกแล้ว ขออีกนิด ขออีกนิด สุดท้ายก็มักจะเลิกเล่นเมื่อเลยตีหนึ่งไปแล้ว
ชนะวีร์ไม่ชอบใจเลย แต่ไม่พูด และใช่ว่า ทวิชจะไม่รู้
แต่มันสนุกน่ะ สนุกมากๆเลย วางไม่ลงเลยจริงๆ
จนเย็นวันหนึ่ง ตอนที่ชนะวีร์ทำหน้าที่ขับรถกลับบ้าน
ทวิชหาไอแพดจนทั่วรถ จำได้แม่นว่าถือมันติดมือมาวางไว้ในรถ
จนแน่ใจแล้วว่า ชนะวีร์เอามันไปซ่อนแน่ๆ
ทวิชปีนกลับมานั่งที่เบาะหน้า
โกรธ
ทำไมต้องแกล้งด้วย
"ทำไมไม่ให้เล่น" ทวิชถามโดยไม่มองหน้า
ชนะวีร์หันมามองคนทำหน้าง้ำ "แล้วไม่เล่นวันนึงมันจะเป็นอะไรไป"
ไม่เห็นจะเป็นคำตอบเลย นี่มันกวนกันชัดๆ
"ทำไมถึงเล่นทุกวันไม่ได้" ทวิชเริ่มจะโมโหแล้ว
"ทำไมถึงต้องเล่นทุกวันด้วยล่ะ"
ตอบอย่างนี้ ไม่ต้องตอบดีกว่า
ทวิชเอามือทุบที่คอนโซลรถดังปัง
ชนะวีร์ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางแล้วจอดทันที
ทวิชเกร็งตัว เตรียมพร้อม ก็ทวิชไม่ผิดสักหน่อย ชนะวีร์มาแกล้งทำไม แค่เล่นเกมเอง
ผิดคาด ชนะวีร์ไม่พูดอะไรเลย ตามองตรงไปข้างหน้า มือกำพวงมาลัยแน่น แน่นมากๆแบบที่มันอาจจะยุบเป็นรอยนิ้วลงไปเลยก็ได้
ทวิชเริ่มรู้ตัวว่า สิ่งที่ทำอาจจะเกินไป
"วีร์" ทวิชเรียกเบาๆ
ไม่ตอบ
"วีร์" คราวนี้เรียกด้วยเสียงอ้อนๆ
ชนะวีร์ยังคงมองตรงไปข้างหน้า เปิดไฟเลี้ยวแล้วนำรถกลับสู่ถนนอีกครั้ง
จนถึงห้อง ชนะวีร์ก็ยังไม่ยอมพูดกับทวิชสักคำ และมีสีหน้าเครียดขรึม
แต่ก็ยังคงทำหน้าที่โดยปกติ
ยังทำกับข้าวง่ายๆให้กิน
ทวิชพยายามไปเดินวนเวียนในครัว ช่วยยื่นของส่งให้
ข้าวมื้อนั้นไม่อร่อยเลย...
.
.
.
ทวิชนั่งอยู่ในห้องน้ำนานเป็นชั่วโมง ปล่อยให้น้ำไหลผ่านตลอดศีรษะ
ร้องไห้เป็นเด็กเล็กๆ
กัดแขนตัวเองไว้ไม่ให้เสียงสะอื้นดังลอดออกไป
ชนะวีร์คงไม่รักแล้ว แค่ทวิชโมโหออกไป ชนะวีร์ก็ไม่รักกันเสียแล้ว
ต่อไปทวิชจะไม่กล้าโกรธอีกแล้ว จะไม่โมโห ไม่หน้าบึ้งอีกแล้วล่ะ
ทวิชไม่ได้ใช้ผ้าซับน้ำที่ผมเลยตอนออกจากห้องน้ำ ชนะวีร์เปิดโคมไฟทิ้งไว้ดวงหนึ่ง แล้วนอนตะแคงไปอีกด้าน
ทวิชได้แต่ยืนมองแผ่นหลังนั้นอยู่กลางห้อง ปล่อยให้น้ำรินไหลจากเส้นผมรดลงบนบ่าอยู่อย่างนั้น
หันกลับไปที่ตู้เสื้อผ้า อาศัยแสงสลัว ค้นเอาชุดนอนออกมาใส่
ไอแพดวางอยู่ในตู้เสื้อผ้า พร้อมโน๊ตหนึ่งแผ่น
"เชิญ"
เท่านั้นเอง ทวิชก็ร้องไห้โฮออกมา
ปีนขึ้นเตียง เขย่าตัวชนะวีร์ไม่หยุด
มันผิดมากเลยหรือ ทำไมต้องประชดกันขนาดนี้
"มาคุยกันให้รู้เรื่องเลย วีร์ อย่ามาแกล้งหลับนะ ฮือ ฮือ ฮือ"
ชนะวีร์ลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าเฉยชา
"ก็คืนให้แล้วไง ไปเล่นให้ปวดตาไปเลยสิ"
อย่าประชดได้ไหม ขอร้อง
"ก็บอกกันดีๆสิ ว่าไม่ให้เล่นเพราะอะไรอ่ะ ทำไมต้องกวนกันด้วย ฮือ ฮือ ฮึก" ทวิชโวยวายออกไป และเริ่มร้องหนักขึ้น
"บอกแล้วจะเชื่อเหรอ ดื้อขนาดนี้ เดี๋ยวนี้วีร์บอกอะไร นกไม่เชื่อสักอย่าง บอกว่าอย่าทำก็จะทำ ไม่ให้ไปดูหนังคนเดียวยังจะไป พูดอะไรไปก็ทำตรงกันข้ามหมด" ชนะวีร์เองก็เริ่มเสียงดังขึ้นมา
ทวิชแค่รู้สึก กลัว กลัวที่ตัวเองติดการมีชนะวีร์มากเกินไป
กลัวจะมัวเมากับทุกอย่างของชนะวีร์ จนกลายเป็นของตาย
กลัวจะถูกกลืนไป กลัวจะว่าง่ายเกินไป
คนที่ถูกครอบครองจนหมดแบบนั้นมันคงหมดความหมายไปสักวัน
ทวิชจึงพยายามที่จะวิ่งหนีออกมาบ้าง ยังไม่อยากเป็นคนที่ชนะวีร์เบื่อในสักวันหนึ่ง
ไม่บอกหรอก จะไม่บอกเหตุผลงี่เง่า ที่ทำให้ต้องทำตัวดื้อขนาดนี้ออกไปหรอก
ทวิชเถียงไม่ทันแล้ว เพราะร้องไห้หนักจนแทบหายใจไม่ทัน
กลั้นเสียง โฮ โฮ ไม่อยู่เลย
ทวิชจึงยกแขนขึ้นกัดแบบเดียวกับที่ทำในห้องน้ำ
"หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ" คราวนี้ชนะวีร์ตวาดลั่น
ทวิชสะดุ้ง และร้องดังกว่าเดิม
"มานี่ เอาแขนออก นก อย่าดื้อ บอกให้มานี่"
ชนะวีร์ ดึงแขนของทวิชออกจากปาก กวาดเอาตัวทวิชเข้าสู่อ้อมแขน
ทวิชขืนตัว
ชนะวีร์ออกแรงมากขึ้น
ทวิชยังไม่ยอม
"นี่อยากให้โมโหกว่านี้ใช่ไหม มานี่" เสียงดังและห้วน
ทวิชร้องไห้ดังขึ้นอีกระดับ สะอื้นฮัก ฮัก ขณะยอมคลานเข้าสู่อ้อมแขนของชนะวีร์โดยดี
"เล่นจ้องจอแบบนั้นหลายชั่วโมง นอนก็ไม่พอ เอามือขยี้ตาบ่อยมาก รู้ตัวบ้างไหมว่าวีร์เป็นห่วง หือ" ในที่สุดชนะวีร์ก็ยอมอธิบาย
"ก็บอกนกดีๆสิ วีร์ชอบสั่งไม่ชอบอธิบาย" เสียงทวิชอู้อี้เต็มที เพราะคัดจมูกไปหมด
ชนะวีร์ถอนหายใจยาว "โอเคครับ ต่อไปจะพยายามอธิบายนะว่าทำไม แต่นกก็ต้องดื้อให้น้อยกว่านี้หน่อยนะ ตกลงไหมครับ"
ทวิชพยักหน้า
ชนะวีร์หยิบกระดาษทิชชู่ยกมาปิดจมูกให้ทวิชสั่งขี้มูก ทวิชจะถือกระดาษทิชชู่เองก็ไม่ยอม
"สั่งเบาๆ แล้วคราวหน้าก็ห้ามกัดแขนตัวเองอีก นี่ไปนั่งกัดแขนตัวเองในห้องน้ำด้วยใช่ไหม เอาแขนมาดูซิ น่าตีจริงๆ"
ชนะวีร์เริ่มเข้าโหมดพ่อหมีขี้บ่น
ชนะวีร์ทายาแล้วเช็ดหัวเปียกๆของทวิชจนแห้ง ตลอดเวลาทวิชกำชายเสื้อนอนของชนะวีร์ไว้ไม่ยอมปล่อย เมื่อชนะวีร์จะไปตากผ้าเช็ดตัว ทวิชรั้งชายเสื้อเอาไว้
ก้มหน้างุด และบอกเบาๆว่า
"ขอโทษ"
ชนะวีร์ยิ้มมุมปาก แล้วลูบหัวเบาๆ
"ขอโทษเหมือนกันครับ ดีกันแล้วนะ"
"ถ้านกดื้ออีก ต่อไปจะเลิกรักนกไหม" คนดื้อตัดสินใจถามเรื่องที่ตนเองกังวล
"ถึงดื้อมากกว่านี้ก็จะไม่เลิกรักหรอก จะดุจนกว่าจะเลิกดื้อเลย ดีไหม"
"อื้อ ดุได้ แต่ห้ามเลิกรักนะ"
"ครับ ดื้อได้แต่ห้ามเลิกรักเหมือนกัน"
ทวิชยังคงติดเกมอยู่ แต่เมื่อไหร่ชนะวีร์บอกว่าพอแล้ว ทวิชก็จะวางโดยดี
ระหว่างชนะวีร์และทวิช ยังมีเรื่องให้ ปรับตัวกันอีกมาก
ที่ดื้อก็เพราะรัก
ที่ดุก็เพราะรัก
และที่ทะเลาะก็เพราะรัก
เพราะอย่างนั้น จะเลิกรักกันทำไม
--จบตอน--
-
น่ารักจังค่ะ feel good สุดๆ
นกน้อยกับพ่อหมี ><
-
นกน่ารักว่ะ ค่อยๆปรับตัวและเรียนรู้กันและกัน
-
นกดื้อเอามากๆ
แต่พอเข้าใจเหตุผล
ดื้อแต่ก็น่ารักนะนกน้อย:3
-
น่ารักมากกก
-
เรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาของชีวิตคู่นะ แต่คนเขียนเขียนออกมาได้น่ารักเหลือเกิน
-
น่ารักมากกกกกก :katai2-1:
-
โหยยย น่ารัก น่ารัก รักกันนานๆนะะะ > <
-
น่ารักที่สุด
-
เกือบร้องไห้ตามนกเลยนะ แต่นกดื้อจริง ๆ
-
สวัสดีค่ะ ตอนพิเศษนี้ได้แรงบันดาลใจจากคุณ phai, azure, phana_qbz , cinnsin, magarons (ช่วงนี้ไม่เล่นทวิตเต้อร์แล้วเหรอคะ), ฟาง ฟ่าง ฟ๊าง (ขอบคุณสำหรับไอเดียเรื่อง พ่อหมี กับนกน้อยค่ะ) , little_pig, twinmonkey0311, double9JH , May@love, DekDoy, koikoi, Sirin_chadada (ตอนตั้งชื่อไม่ได้ตั้งใจให้เหมือนทวิตเต้อร์ค่ะ แค่จะตั้งชื่อว่า นก แต่จิตใต้สำนึกคงสั่งให้เลือกอันนี้ เพราะเราก็ติดทวิตเต้อร์อยู่) และ BlueCherries (เวลาอ่านคอมเม้นท์ของ BlueCherries แล้วเรารู้สึกเหมือนถูกอ้อนเกือบทุกทีเลย)
ตอนพิเศษนี้ เขียนหลุดจากแนวที่ตั้งใจไว้ไปมากเลยค่ะมีหลายจุดขัดใจอยู่ มันไม่ค่อยกระชับ แต่ก็ยังอยากให้อ่านอยู่ดีค่ะ ขอบคุณคนอ่านอื่นๆด้วยนะคะ เราเป็นคนเรียกร้องความสนใจน่ะ พอมีคนแวะเข้ามาอ่านก็ปลื้มมากแล้วค่ะ
นกขมิ้น ตอน ปีใหม่
ช่วงหยุดปีใหม่ เป็นเวลาที่ทวิชคิดว่า เขาไม่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
ทวิชเลือกที่จะหมกตัวอยู่ในห้องมากกว่าการไปห้องสมุดหรือดูหนัง
ห้องเงียบกว่าเดิม เตียงกว้างกว่าเดิม แต่มันก็เป็นที่หลบภัยที่ดีที่สุดแล้ว
ภัยจากแสงไฟ เสียงหัวเราะ เพลงวันปีใหม่ และ คำอวยพร
วันที่ 31 ธันวา มันเหงามากจริงๆ แต่ทวิชก็อยู่กับมันมาได้ อดทนนิดเดียว เทศกาลเหงาๆนี่ก็ผ่านไปแล้ว
แต่
วันที่ 31 ธันวาคม ปี 2558 อาจจะเป็นครั้งแรก ที่ทวิชอาจจะทนอยู่กับความเหงาไม่ได้
ชนะวีร์มีแผนจะกลับบ้าน...ไปฉลองปีใหม่...กับครอบครัว
ทวิชรักชนะวีร์ แต่ก็คงไม่ใช่ครอบครัว
ทวิชไม่ได้มีคุณสมบัตินั้น
แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยู่กับผู้ชายอีกคน
ทวิชรู้ว่า ชนะวีร์รัก ไม่ใช่โดยคำพูดแต่ด้วยการกระทำ
แต่การเป็นคนในครอบครัวต้องมีมากกว่าความรัก
ควรต้องป็นใครสักคนที่ดีพร้อมเพียงพอ
ไม่เป็นไร ทวิชบอกตัวเองให้เลิกคิดไกลเกินช่วงเวลานี้
แค่ทนให้ได้ นก ไม่กี่วันชนะวีร์ก็กลับมาแล้ว
.
.
.
"ฮาโหล แม่ วีร์กลับไปวันที่ 31 นะฮะ..คร้าบบบ ตามที่บอกไว้เลย ครับผม แล้วเจอกันครับ"
ทวิชพยายามทำเป็นไม่สนใจ ตอนที่ชนะวีร์คุยโทรศัพท์กับแม่
ชนะวีร์ไม่ชวนทวิชไปด้วยจริงๆนั่นแหละ
ถึงแม้จะหลอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร แต่ทวิชก็แอบหวังไว้ลึกๆ ว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในความสุขช่วงปีใหม่ของชนะวีร์
คืนวันที่ 30 ชนะวีร์สังเกตว่า ทวิชดูซึมๆไป คงจะเหนื่อย
คืนนั้น ทวิชอ้อนมากเป็นพิเศษ เขาซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของชนะวีร์ไม่ยอมห่าง
อยากให้ใกล้ที่สุด อยากอยู่กับอกอุ่นแบบนี้ตลอดช่วงปีใหม่
ไม่ไปได้ไหม ทวิชอยากพูดออกไปเหลือเกินแต่ไม่กล้า
คืนนั้นชนะวีร์กอดทวิชไว้จน ทวิชหลับ จากนั้นเขาจึงค่อยๆลุกจากเตียงไป
"ฮัลโหล แม่ครับ..."
.
.
.
เช้าวันที่ 31 ธันวา เมื่อทวิชลืมตาขึ้น ข้างกายว่างเปล่า ทวิชผุดลุกขึ้นทันที
ไปแล้วเหรอ
ชนะวีร์กำลังทำแซนวิชไว้ให้คนตื่นสาย ก็เห็นทวิชวิ่งหน้าตายุ่งเหยิงเข้ามาในครัว
"วีร์นึกอยู่ว่า ถ้าอีกสักสิบห้านาที นกไม่ตื่น วีร์จะอุ้มลงไปทั้งหลับๆเลย"
อุ้ม? ไปไหน? ทวิชไม่ได้พูด แต่มีเครื่องหมายคำถามอยู่ในแววตา
ครู่เดียว เครื่องหมายคำถามก็หายไป ทวิชทำหน้าตาตื่น
"ให้ไปด้วยเหรอ" ตาทวิชรื้นขึ้นมา
ในเวลาไม่กี่นาที ดวงตาของทวิชแสดงอารมณ์ต่างกันถึงสามอารมณ์
"ใครจะทิ้งลูกนกให้อยู่ในรังคนเดียวหึ พ่อหมีก็ต้องหนีบเอาติดไปด้วยทุกหนทุกแห่งอยู่แล้ว" ชนะวีร์ละมือจากอาหารเช้า เข้ามากอดทวิชไว้หลวมๆ แล้วโยกตัวทวิชไปมา
ทวิชซบหน้าลงไปกับอกของพ่อหมี ทันก่อนที่น้ำตาจะหยดลงมาข้างแก้ม
.
.
ในรถ
"เดี๋ยวพาไปดูพลุที่ศาลากลางจังหวัด สวยใช้ได้เลย อาจจะสวยกว่าพลุที่นกเคยเห็นที่กรุงเทพอีกนะ" ชนะวีร์ชวนคุยเนื่องจากเห็นทวิชเครียดๆ
"ไม่เคยเห็นหรอก ไม่ได้ออกไปไหนในคืนแบบนั้นหรอก"
"เพราะคนเยอะเหรอ อืมก็จริงนะ น่าเวียนหัวอยู่ งั้นเดี๋ยวปีนี้ วีร์พาไปดูเอง คนไม่เยอะเท่าในกรุงเทพหรอก"
ทวิชไม่ตอบ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง มือก็บีบสิ่งที่อยู่บนตักแน่นขึ้น
บนตักทวิชมีตุ๊กตาหมีอยู่ตัวหนึ่ง เป็นตัวที่ทวิชมักกอดมันไว้ตอนดูทีวี หรือเอามันหนุนหัวตอนนอนอ่านหนังสือ
วันนี้ทวิชหยิบมันติดมาด้วย
ชนะวีร์สังเกตอยู่สักพักแล้ว
ทวิชจะจับแขนของตุ๊กตา บีบแล้วคลาย สลับกับการเอามือตบตรงอกของตุ๊กตาเบาๆ ราวกับกำลังปลอบมันอยู่
ทวิชกำลังกังวล และถ้าให้เดา ก็คงเรื่องที่จะไปเจอครอบครัวของเขา
"พ่อไม่ดุ"
จู่ๆชนะวีร์ก็พูดขึ้นมา
ทวิชหันมามองแต่ไม่ได้พูดอะไร
"แม่ก็ไม่ดุ ที่ดุสุดในบ้านคงเป็น ไอ้ทาโร่"
"หมาเหรอ"
"เปล่า ปลา"
สำเร็จ ทวิช ยิ้มได้สักที
"กังวลอะไรเยอะแยะ หือ"
พอได้ยินชนะวีร์พูดเท่านี้ รอยยิ้มของทวิชก็หุบลง
"ไม่เคยไปเที่ยวบ้านเพื่อน ไม่รู้ต้องทำตัวยังไง ที่ผ่านมา อยู่กับยายสองคน พอย้ายมาอยู่กับแม่ ก็อยู่กันแค่สองคน" ทวิชกอดตุ๊กตาหมีแน่นขึ้น
ชนะวีร์ละมือข้างหนึ่งมาผลักหัวคนขี้กังวล
"คิดมาก"
ทวิชตอบกลับมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ที่บ้านมีสี่คน พ่อ แม่ วีร์ แล้วก็ ไอ้วัฒน์ เคยเจอมันแล้วนี่ ตอนนั้นไม่เห็นกังวลขนาดนี้"
ใช่ ทวิชเคยเจอ ธานิวัฒน์ หรือ วัฒน์ น้องชายของวีร์แล้ว เป็นเด็กม. ปลาย ที่ร่าเริง คุยเก่ง
แต่วัฒน์ไม่ใช่ พ่อกับแม่ของวีร์นี่นา
เหตุผลที่แท้จริงคือเขากำลังกลัว การไม่เป็นที่ยอมรับ ต่างหาก
แม้จะไปในฐานะ"เพื่อน" ก็ตาม
.
.
.
ชุมพร
"แม่.... แม่คร้าบ....นะวีร์มาแล้ว"
ทวิชเดินตามหลัง "นะวีร์" พ่อหมีตัวใหญ่ ที่กำลังทำเสียงงุ้งงิ้งเรียกหาแม่ของตัวเอง
เห็นแล้ว . . .
ทวิชขยับเข้าไปหลบหลังชนะวีร์โดยไม่รู้ตัว
ชาย หญิง อายุราวหกสิบ เดินออกมาจากในบ้าน
แม่ของชนะวีร์ยิ้มกว้าง ขณะกอดกันกลมกับชนะวีร์
ขณะที่ทวิชกำลังสนใจ ชนะวีร์กับแม่ พ่อของชนะวีร์กลับมองตรงมาที่เขา
พ่อกวักมือเรียก
ทวิชกลั้นหายใจ ก้าวเข้าใกล้อย่างกล้าๆกลัวๆ
เขายกมือไหว้ ก้มหัวลง ขณะที่นิ้วชี้แตะปลายจมูก ทวิชก็ใจเต้น ตึก
มือของพ่อลูบลงบนหัวของเขา
ทวิชรู้สึกว่ามือพ่ออุ่น มันอุ่นด้วยความปราณี
"ขอต้อนรับ" พ่อพูดสั้นๆ
ทวิชไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าคำพูดสั้นๆนี้ กินความหมายมากกว่า การยินดีต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมบ้าน
แม่กับชนะวีร์เข้าไปเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงเล็กๆในคืนนี้ พ่อของชนะวีร์มีเชื้อสายจีน ส่วนแม่เป็นคนพื้นถิ่น อาหารในวันนี้จึงมีทั้งผัดวุ้นเส้นใส่เห็ดหอม ปลานึ่งแบบจีน ผัดกุ่ยช่าย และอาหารใต้อีกสองสามอย่าง
ทวิชไปป้วนเปี้ยนอยู่พักหนึ่ง และได้ข้อสรุปว่า ชนะวีร์ทำอาหารเก่งแบบแม่ของเขานั่นเอง
"นกไปอาบน้ำก่อนไป ห้องวีร์อยู่ชั้นสองขวามือ" ชนะวีร์ออกปากไล่ เมื่อทวิชเริ่มจามเพราะกลิ่นเครื่องแกงที่เขากำลังผัด
ระหว่างทางที่จะเดินขึ้นบันได ทวิชเห็นว่าพ่อของชนะวีร์กำลังง่วนอยู่กับต้นไม้ในสวนเล็กๆข้างบ้าน
"เอ่อ...คุณลุง มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ"
เสียงทวิชเบาไปหรือเปล่านะ คุณลุงไม่หันหลังมามองเลย
ทวิชยอบตัวลงใกล้ๆ
"เอ่อ..คุณลุงครับ"
คุณลุงเหลือบตามอง แล้วชี้มือไปที่กระถางเปล่าใบเขื่องที่อยู่ห่างออกไป
"เอาใบนั้นมาให้หน่อย ยกไหวไหมเรา"
ทวิชไม่ตอบแต่เดินไปอุ้มกระถางมาตามที่คุณลุงสั่ง
"เอาดินนี่ลงให้หน่อย เคยปลูกต้นไม้ไหม"
"ไม่เคยครับ วีร์เป็นคนปลูก ผมแค่มีหน้าที่รดน้ำต้นไม้"
ทวิชชะงักไปนิด ดูเหมือนจะเผลอให้ข้อมูลอะไรมากไป
เขาไม่ควรพูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชนะวีร์
แต่ดูเหมือนคุณลุงจะไม่สะดุดใจอะไร
"ใส่ดินเท่านี้ แล้วเอาปุ๋ยนี้ลงนะ" คุณลุงชี้มือกะปริมาณให้ทวิช
ทวิชไม่ตอบ แต่ตั้งใจทำเป็นอย่างดี
"แล้วไปเอาต้นชวนชมตรงนู้นมาให้หน่อยนะ" คุณลุงสั่งขณะกำลังเตรียมดินใส่กระถางอีกใบ
ทวิชไม่รู้จักต้นไม้มากนัก ตรงนั้นมีต้นอะไรไม่รู้เต็มไปหมด จึงหันกลับไปถาม
"คุณลุงครับ ต้นไหนคือชวนชมครับ"
คุณลุงไม่ตอบและไม่หันมา
"คุณลุงครับ" ทวิชเรียกเสียงดังขึ้นอีกนิด
"ถ้าเรียกลุง จะไม่พูดด้วย"
"ขอโทษครับ" ทวิชหน้าซีดเสียแล้ว จะให้เรียกยังไงดี "ผมควรเรียกยังไงดีครับ"
"เรียกว่า พ่อ"
ทวิชกระพริบตาช้าๆ รู้สึกเหมือนสมองไม่ประมวลผล
ทวิชอึ้ง แต่สายตาคงถามอะไรออกไปหมดแล้ว
คุณลุงจึงตอบว่า
"มาเป็นคนบ้านนี้แล้วนะ ต้องเรียกพ่อ เข้าใจนะ"
.
.
.
ชนะวีร์กับแม่ที่แอบดูอยู่ต่างยิ้มให้กัน
.
.
ถ้าไม่นับการกินข้าวเย็นกับชนะวีร์ในทุกๆวันที่กรุงเทพแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ทวิชเข้าใจถึงความรู้สึกของ "การกินข้าวกับที่บ้าน"
ธานิวัฒน์กลับมาจากการไปเจอเพื่อนๆทันเวลาอาหารเย็นพอดี
แม่ตักอาหารให้ทวิชหลายอย่างจนไม่รู้จะกินอะไรก่อน
ส่วนชนะวีร์กับธานิวัฒน์กำลังคุยกันเรื่องฟุตบอล
จู่ๆ พ่อก็พูดขึ้นว่า "พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะ จะพาไปทำบุญ"
"ทำบุญวันขึ้นปีใหม่เหรอพ่อ" วัฒน์ถามขึ้น
"จะทำบุญผูกข้อมือรับขวัญเจ้านกมัน"
พ่อบอก แล้วหันไปพูดกับแม่
"แม่ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ แม่ไปหยิบกำปั่นของแม่มาหน่อยนะ"
.
.
ทวิชมึนไปหมด ไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร น้ำตาก็พาลจะไหลตลอดเวลา ได้แต่ทำตามที่ชนะวีร์กระซิบบอก เริ่มจากการจุดธูปไหว้เจ้าที่แบบจีน แล้วไหว้รูปของเหล่ากงเหล่าม่าที่ล่วงลับ
ตอนนี้ทวิชถูกกะเกณฑ์ให้นั่งคุกเข่าอยู่หน้าพ่อกับแม่ของชนะวีร์ พ่อหย่อนสร้อยทองเส้นหนึ่งลงบนฝ่ามือของทวิช
ไม่มีพิธีการสวมแหวน ไม่มีการยกน้ำชา
แต่ทวิชก็รับรู้ได้ว่า มันเป็นพิธีที่ไม่ต่างอะไรจากพิธีแต่งงาน
แม่อ้าแขนกอดทวิชไว้ เป็นอ้อมกอดที่ทำให้ทวิชคิดถึงยาย
"หยุดคราวหน้า มานอนกับแม่นะ แม่จะร้องเพลงนกขมิ้นกล่อมหนูนอนเอง อย่าไปฟังเสียงเจ้าวีร์มัน ไม่ได้เรื่อง"
พ่อกับแม่รู้จักทวิชมาตลอด ตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน
เมื่อคืนชนะวีร์โทรกลับมา เพื่อบอกความตั้งใจของตนกับพ่อกับแม่
.
.
ห้าทุ่มนิดๆ
พ่อกับแม่เข้านอนแล้ว ส่วนชนะวีร์กันทวิชก็อาบน้ำเตรียมตัวนอนเช่นกันเนื่องจากเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ปล่อยให้กิจกรรมเค้าท์ดาวน์เข้าปีใหม่ เป็นของธานิวัฒน์ที่ออกไปเจอเพื่อนตามนัด
ชุดนอนของทวิชวันนี้เป็น กางเกงเลที่มีเชือกผูก
เมื่อทวิชออกจากห้องน้ำมาหยุดยืนที่ปลายเตียง
"นกอยากรอเค้าท์ดาวน์ไหม วีร์พาไปได้นะ ไปดูพลุไง วีร์ไม่เหนื่อยหรอก" ชนะวีร์ที่นั่งบนเตียงเอ่ยถาม
ทวิชส่ายหน้า
"งั้นมานี่" ชนะวีร์ตบเตียงเบาๆ
ทวิชก็ส่ายหน้าอีก
คราวนี้ชนะวีร์ขมวดคิ้ว
ทวิชเคลื่อนไหวช้าๆ ขณะที่จ้องตาชนะวีร์อยู่อย่างนั้น มือหนึ่งกระตุกปมเชือกผูกกางเกง ดึงเชือกออกจนสุดความยาวของแขน
ปล่อยเชือก
กางเกงร่วงลงกับพื้น
จากนั้นทวิชใช้สองมือยกปลายเสื้อนอนขึ้นจากเอว เผยให้เห็นลำตัวอันเปล่าเปลือย
ชนะวีร์มองท่าทางเหล่านั้น ราวถูกสะกด
ไม่มีส่วนใดของทวิชที่เหมือนผู้หญิง เป็นเพียงผู้ชายตัวเล็กๆธรรมดา
แต่ในทุกครั้ง ทุกอย่างของทวิชกลับดึงดูดชนะวีร์จนถอนสายตาไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ทวิชเริ่มก่อน
ไม่มีท่าทางยั่วยวน
ในดวงตากลมโตนั้นมีเพียง "ความเต็มใจ"
.
.
.
คืนสิ้นปี 2558 ชนะวีร์และทวิชพลาดการดูพลุที่ศาลากลาง
แต่ทวิชรู้สึกราวกับตัวเองคือพลุ
ที่ถูกชนะวีร์จุด ให้พุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า และแตกพร่างสว่างไสว เป็นแสงสีระยับ จนกลั้นเสียงหวีดของตัวเองไว้ไม่ไหว
.
.
.
คืนนี้ ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่เท่านั้น
แต่เป็นคืนที่เปลี่ยนทวิชจากคนรักเป็นคนในครอบครัว
เป็นวันหยุดปีใหม่ที่ทวิชจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป
--จบตอนพิเศษ--
-
ตอนนี้น่ารักมากกก ชอบบบ ดีใจและซึ้งไปกับนกเลย ขอบคุณค่ะ
-
ร้องไห้ให้นก ตอนแรกและตอนปีใหม่ ดีใจกับนกด้วยๆๆๆๆ TvT
ตอนแรกนึกว่าจะเจอทาโร่
มันไม่ออกฉากแฮะ ><
...
ชุ้บๆ รอตอนพิเศษอีกนะคะ ชอบมากกกกกเลย แหะๆ
ยังเหลือวันเด็ก วาเลนไทน์ วันเกิดนกกับวีร์ ฯลฯ อิอิ
-
แค่คิดถึงความเหงาของนกน้ำตามันก็ไหลเลยแต่จากนี้ไปนกคงจะไม่เหงาอีกแล้ว
-
ทีนี้ก็เป็นครอบครัวเดียวกัน นกก็ไม่ต้องเหงาอีกต่อไปแล้วนะ
-
ว้าววววว ว ... ตื้นตันแทนนกจังเลยย ยินดีด้วยน๊าาา > <
-
เป็นเรื่องที่อบอุ่นมาก อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเลย ขอบคุณคนเขียนนะคะ o13
-
เป็นเรื่องสั้นฟีลกู๊ดที่อ่านแล้วได้น้ำตาทุกตอน ถึงจะหวานกันแค่ไหนแต่คำอธิบายจากทวิชก็ยังดูเหงาอยู่ดี แต่ไม่ใช่ว่าดูเศร้าแล้วไม่ดีนะคะ มันทำให้ความรักของทั้งคู่ดูซึ้งมากขึ้นไปอีก ขอบคุณความรักจากชนะวีร์ที่มาลบล้างความเหงาของทวิชน้อย เป็นกำลังใจในคุณนักเขียนนะคะ
-
นกน่ารักจัง นึกถึงลูกนกตัวเล็กๆ ที่เพิ่งหัดบินเลย แถมมีพี่หมีมาคอยดูแลด้วย
-
อ่านรวดเดียวเลย นกน่ารักมาก ถึงจะดูหม่นๆแต่ก็ทำให้อมยิ้มได้ทุกตอน
บางตอนก็พาซึ้งซะน้ำตาปริ่มๆ เลย
ขอบคุณคนเขียนนะคะ :กอด1: o13
-
:m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
อบอุ่นน่ารักที่สุด อ่านทีเดียวหมดทุกตอนเลย ชอบ
:m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
-
นกขมิ้น ตอน เปลี่ยน
ชนะวีร์เข้าใจกฏของการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้ตลอด
ทวิชยังคงพูดน้อยเหมือนเดิม แต่ยิ้มมากขึ้น
ซึ่งชนะวีร์รู้สึกว่าดีแล้ว แต่ก็ไม่ชอบใจในเวลาเดียวกัน
มันขัดแย้ง
ตอนนั้น
ทวิชเหมือนเงาจางๆเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
ผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวซีด หลบตา หลังค่อมนิดๆ และเชื่องช้าราวกับโคอล่า
เป็นคนที่ ไม่ว่าจะเดินมองพื้น หรือนั่งเท้าคางมองเหม่ออยู่ตรงไหน ก็ไม่มีคนเหลียวมอง
ซึ่งชนะวีร์ก็คิดว่ามันดีเหมือนกัน เพราะมีแต่เขาคนเดียวที่มองเห็นทวิช
ตอนนี้
ทวิชร่าเริงขึ้น โดยที่ตัวทวิชเองไม่รู้ ว่าเวลาที่ตัวเองยิ้ม มัน...
น่ามอง...
น่าสนใจ...
น่ารัก...
มีคนสังเกตุเห็นทวิชเยอะขึ้น หันมองบ่อยขึ้น และมีคนเข้าหามากขึ้น
มีข้อความส่งหาทวิชบ่อยขึ้น จากเพื่อนร่วมงานบางคน
บางคนจีบตรงๆ บางคนแค่ชวนคุย
ทวิชอ่าน แล้วตอบกลับด้วยตัวสติ้กเก้อร์แบบต่างๆ เหมือนแค่อยากเล่นสติ้กเกอร์ที่ซื้อเก็บไว้เท่านั้น
หลังๆ ทวิชไม่ได้อ่านแล้ว
เพราะชนะวีร์ชิงลบมันก่อน
คิดว่าทวิชคงไม่รู้
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันที่ห้อง มีเสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้น ทวิชไม่แม้แต่จะสไลด์หน้าจอดู กลับยื่นมือถือส่งให้
ชนะวีร์รับ เปิดอ่าน
“อยู่ไหนครับ ทำอะไรอยู่” ข้อความถามมาว่าอย่างนั้น
ชนะวีร์คว้าคอทวิชเข้าใกล้ จับถ่ายรูปคู่ แล้วส่ง
ในรูป ทวิชทำหน้างงๆ แต่ชนะวีร์มองกล้อง ด้วยสายตาเอาเรื่อง
แนบรูปโดยไม่มีข้อความ
แต่ถ้าอ่านจากสายตาของชนะวีร์ ก็คงไม่ยาก
มันอ่านได้ว่า
“ของกู”
จบไปหนึ่งราย
...
“ทวิชครับ กลางวันนี้กินข้าวที่ไหน” วิศวกรที่อยู่อีกแผนกเดินเข้ามาถามทวิชถึงโต๊ะทำงาน ในตอนที่ชนะวีร์เดินเข้าไปหาพอดี
ทวิชยิ้ม
จะยิ้มทำไมน่ะ ชนะวีร์ขมวดคิ้ว
เขายังไม่เดินเข้าไปใกล้ อยากรู้ว่า ทวิชจะบอกว่ายังไง
“มีข้าวกล่องครับ”
“อ้าวเหรอ ผมว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยกัน งั้นผมซื้อขึ้นมากินเป็นเพื่อนเนอะ”
ทำไมวิศวกรถึงรวบรัดตกลงเอาเองล่ะ
“ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอครับเนี่ย ดีจัง วันหลังทำเผื่อผมบ้างสิ จะได้นั่งกินข้าวด้วยกัน กินคนเดียวเหงาแย่”
ทวิชดูมึนๆกับวิศวกรพูดเก่ง
ถามคำถามเยอะจัง เริ่มตอบจากตรงไหนก่อนดี
“ไม่ได้ทำเองครับ มีคนทำให้ทุกเช้า ไม่ได้นั่งกินคนเดียวหรอก มีคนมานั่งกินด้วยทุกวัน ไม่เหงาหรอกครับ ส่วนจะให้ทำเผื่อได้ไหม ต้องถามคนทำก่อนนะ ” นี่ทวิชตอบคำถามครบไหมนะ เหนื่อยจัง จับประเด็นครบไหมนะ
“อ้าว...” วิศวกรที่พูดเก่ง เหมือนจะหาคำพูดไม่เจอ
“มีเพื่อนกินข้าวแล้วเหรอครับ” แต่ก็ถามคำถามอีกจนได้
ทวิชส่ายหน้า
“มากกว่าเพื่อนครับ เขาเป็นทุกอย่างของผม”
แล้วยิ้มน้อยๆเหมือนจะปลอบใจวิศวกรที่ดูผิดหวัง
ชนะวีร์เดินเข้าไปตบบ่าทวิชเบาๆ
ทวิชเอียงตัวมา เงยหน้า แล้วยิ้มกว้างขึ้น
จบไปอีกหนึ่งราย
...........................................................
ทวิชยังคงพูดน้อยเหมือนเดิม แต่ขี้อ้อนมากขึ้น
บางวัน ชนะวีร์จะมีนัดสังสรรค์กับเพื่อน ไปเตะบอล ไปกินเบียร์บ้าง
“กลับประมาณตีสองนะ” ชนะวีร์จะบอกแบบนี้
ทวิชก็ไม่เคยพูดว่า “กลับเร็วๆนะ”
ไม่เคยส่งข้อความไปตามว่า “อยู่ไหนกลับได้แล้ว”
ถ้าคืนไหน ทวิชอยากให้ชนะวีร์รีบกลับ
ชนะวีร์จะได้รับรูปถ่าย
บางทีเป็นรูปแผ่นหลังเปลือยๆของทวิช
บางทีก็เป็นรูปชั้นในที่ม้วนตกอยู่ตรงข้อเท้า
บางทีก็เป็นรูปที่เห็นขาอ่อนสองข้างที่ยกขึ้นแนบอก
ที่ร้ายที่สุด ชนะวีร์เคยได้ข้อความเสียงจากทวิช
ที่ไม่มีคำพูด....ได้ยินแต่เสียงหอบหายใจ...
ได้ผลทุกครั้ง
ภายในหนึ่งชั่วโมง
ทวิชจะเปิดประตูรับ พ่อหมีหิวโซ ที่กระโจนเข้าใส่
.
.
.
ทวิชขี้อ้อน ในแบบของทวิช
ชนะวีร์พาทวิชกลับบ้านเสมอถ้ามีช่วงวันหยุดยาว
ทวิชมักตรงเข้าไปช่วยพ่อทำสวนหลังบ้าน ตอนนี้ทวิชรู้จักต้นไม้เยอะขึ้นแล้ว
บางทีพ่อก็เหมือนจะแกล้งให้ไปหยิบต้นไม้ชื่อแปลกๆ
“ไปยกกระถางเดหลีมาให้หน่อย”
ทวิชจะมุ่ยหน้า เพราะรู้ว่าโดนลองเชิง
เขาจะยืนลังเลอยู่แถวเรือนต้นไม้สักพัก ก็เดหลีกับดอกหน้าวัวมันคล้ายๆกันนี่นา
แล้วทวิชก็ตัดสินใจเลือก
“เออ ถูก เก่งมาก” พ่อชม
ทวิชยิ้มด้วยความภูมิใจ
.
.
.
ชนะวีร์เคยกลับมาจากการไปดูสวนข้างนอกกับพ่อ แล้วเดินหาทวิชไปทั่วบ้าน
เขาเดินตามเสียงร้องเพลงของแม่ มาจนถึงศาลาริมน้ำ ที่ลมโกรกสบาย
แล้วเห็น
ทวิชนอนหลับกลางวันอยู่ข้างๆแม่ที่นั่งถักไหมพรมพลางร้องเพลงกล่อมไปด้วย
แม่ร้องเพลง นกขมิ้น
ทวิชหลับก็จริง แต่เขาก็เห็นทวิชยิ้ม
ชนะวีร์ก็ยิ้ม
มีความสุขมากขึ้นแล้วสินะทวิชของชนะวีร์
...จบตอน...
หลายอย่างเปลี่ยน บางอย่างเหมือนเดิม
-
กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!! ทวิชขาาาาาาาาา ยอมแล้วววววว ว :ling1: :ling1: :jul1: :jul1:
ยั่วขนาดนี้ซักวันเราจะลักพาตัวเธอมาที่บ้านแล้วกระทำการขืนใ---------- //โดนชนะวีย์ลากไปฆ่า
-
เห็นนางเงียบๆนางยั่วเก่งนะคะ
-
ชนะวีร์แพ้ทุกยก
นกน้อยยั่วเก่งมากกกกกกกก ยอมให้เลย :ling1:
:D ดีใจกับนกน้อยจริงๆ ซึ้งน้ำตาปริ่มตอนจบตอน
-
ทวิชชชช ยั่วเก่งอ่าา
-
ชอบจังค่ะ อ่านแล้วอบอุ่นเหมือนหัวใจต้องแสงแดดยามเช้าเลยค่ะ.
-
:o8: ทวิชนี่ไม่เบาเลยนะ
-
นี่คิดว่าทวิชซื่อๆใสๆอยู่นะ แต่พอรู้วิธีการให้ชนะวีร์กลับบ้านเร็วนี่...ร้ายนะเรา
-
ครอบครัวชนะวีร์อบอุ่นมากๆ :กอด1:
-
ยอมทวิชเขาเถอะ...
ก็ไม่ได้บอกให้รีบกลับ แค่แชร์รูปให้ดูเฉยๆเองเนอะ
ฮาาาาาาาา
-
น่ารักอ่ะ เจ้านกน่ารักมากกกกก
-
น่ารักมากกกกกกกก
อ่านแล้วรู้สึกเย็นๆอบอุ่นสุดๆ
อั๊ยยยยยยยย
-
โอ๊ยน้ำตาซึมเลยทีนี้ ตื้นตัน อบอุ่นมากกกกก ขอบคุณคนแต่งนะคะ
-
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย
ชอบๆๆๆๆๆๆทวิชมากกกก
ตั้งแต่เจอกับชนะวีร์เปลี่ยนไปเยอะมาก
ชอบที่อยากให้ชนะวีร์กลับเร็วแล้วส่งรูปไปยั่วอ่าาาาา ><
กรี๊ดดดดดดดดดดดด เริ่ดๆๆๆๆ อยากได้ทวิชมากกกกกก :-[
-
อ่านแล้วยิ้ม
-
ตามคนข้างบนมาอ่าน 55 :o8:
-
ชอบจัง อบอุ่นดี
-
โอ้ย น่ารักมากๆๆๆ ตั้งแต่นกมีคำว่าวิชมาเกี่ยวข้อง นกจะเจอแต่คำว่าความสุขมากขึ้นเรื่อยๆเลย
-
ชอบบบบบ อบอุ่นจัง
-
:-[ ทวิชน่าร้ากกกกกก
-
เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลยค่ะ อ่านแล้วทำให้ยิ้มพร้อมกับนำ้ตาซึม
-
ชอบมากกกก
-
โอยย อ่านแล้วยิ้มจนปากจะฉีก ฟินสุดๆค่าาาาา~
ตอนแรกมีกลิ่นอายเหงาๆเศร้าๆ
ซักพักพอน้องนกรู้จักกับวีร์ก็เริ่มฟินขึ้น...ฟินขึ้น....
จนกระทั่ง ตอน'เปลี่ยน'
ชอบตอนนี้มากกกกกกก น้องนกเห็นเงียบๆ ทำไมอ่อยแรง ชอบอ้ะ!
น่ารัก เงียบๆ แต่มีสเน่ห์ไม่เหมือนใคร
:z1: :impress2: :-[ :o8:
-
ทวิชน่ารักมาก
-
น่ารักมากมาก ชอบมากมาก ขอบคุณค่ะ
-
เรื่องนี้น่ารักเกินไปแล้ววววววววว
(http://38.media.tumblr.com/tumblr_m7u8mgLdJb1rrpyu5.gif)
-
กรีดร้องดังมากกกก(ในใจ) แบบนั่งอ่านบนรถเมล์
เพิ่งเห็นนกดื้อมีตอนเพิ่ม ชั้นพลาดแรงมากกก
ดีใจที่นกมีความสุข ยิ้มมากขึ้น และมีครอบครัว
แต่วิธีเรียกพ่อหมีกลับบ้านนี่คืออะร้ายยย
พี่นี่อ่านไปยิ้มแก้มจะแตก ยั่วได้น่าสงสารวีร์มาก
ที่ต้องรีบตาเหลือกกลับมาหานก :hao3:
รอตอนเพิ่มอีกนะคะ แบบชอบมากอยากอ่านอีก
-
เพิ่งเจอเรื่องนี้เมื่อวานจากกระทู้แนะนำแต่อ่านไปสองรอบแล้วค่ะ คาดว่าน่าจะมีรอบที่สามสี่ห้าเรื่อยๆเลย
เป็นเรื่องที่เราชอบมากกกกก คือถูกจริตกับนิยายแนวนี้สุดๆเลยค่ะตั้งแต่นิสัยของนายเอกก็โดนแล้ว
เราชอบนายเอกที่พูดน้อย คิดเยอะ คนภายนอกจะดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ยิ่งเงียบๆเราว่ายิ่งน่าสนใจกว่าคนพูดเยอะๆน่ะค่ะ
(คอนทราสต์กับตัวเองมากเพราะเป็นคนคุยเก่งสุดๆ 5555555)
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆเลย เราชอบโทนเรื่องแบบเบาๆสบายๆแบบนี้ที่สุดเลยค่ะ
อ่านแล้วเหงาตามด้วย โหวงตามด้วย ในใจก็แอบกลัวนะว่าวีร์จะมาหลอกกันรึเปล่า
แต่อ่านๆไปยิ่งพองในใจค่ะ ดีใจจริงๆที่ในที่สุดนกน้อยก็หารังของตัวเองเจอ
เคยอ่านเจอคนบอกว่านกไม่เห็นต้องทำรังใหญ่เกินตัวเลย รู้สึกว่านกน้อยตัวนี้ก็เจอรังที่พอดิบพอดีกับขนาดของมัน ไม่กว้างจะเหงาไป
ไม่รัดจนอึดอัดไป เป็นไซส์(หมีๆ)กำลังพอดีแบบ "อบอุ่นใจ" ทีเดียวค่ะ ^^
ชอบทุกๆตอนเลย นิยายหลายๆเรื่องเราจะเลือกอ่านซ้ำเฉพาะบางตอนที่ชอบ แต่กับเรื่องนี้อ่านรวดเดียวตลอดเลยจริงๆ
จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ สัญญาเลย ระหว่างนี้คงมีรอบสามรอบสี่ไปพลางๆ 555555555
ปล. ชอบความ "เอาอยู่" ของนะวีร์มากค่ะ! ทั้งคุมเด็กดื้อทั้งคุยกับที่บ้าน ดีใจกับนกที่สุดที่ได้เจอคนดีๆแบบนี้ ^______^
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สู้ๆค่า รออ่านน้า :L2:
-
เรื่องราวของนกน่ารักดี
หลังจากเจอกับนะวีร์
ก่อนนหน้านั้นจะเทาๆหม่นๆ
-
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกก
อ่านซ้ำไปมาหลายรอบ ชอบความเหงาๆแต่อบอุ่นของเรื่องนี้
เข้ามาส่องดูเรื่องนี้ทุกวันเลยค่ะ ว่าคนเขียนมาต่อเพิ่มรึยัง 55555555
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นดีๆ น่ารักๆนะ
:กอด1:
-
เป็นเรื่องสั้นๆ เข้าใจง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
ชอบมากเลยค่ะ...
ชพ.
-
อ่านตอนแรกสงสารพ่อนกขมิ้นเหลือเกิน คงจะเหงามากสินะ
ไม่รู้ว่าใช้ชีว้ตอยู่คนเดียมมาได้ยังไง
แต่ดีแล้วที่ได้มาเจอกับพ่อหมี :-[
ยิ่งตอนหลังๆได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพ่อนกขมิ้นเราก็ยินดีไปด้วย
แปลกใจที่สุดก็คือพ่อนกขมิ้นขี้อ่อยอ่ะ :hao7:
-
นกขมิ้น ตอน ห่าง
นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ชนะวีร์กับทวิชต้องจากกันไปไกลๆ
“คุณชนะวีร์ครับ ภรรยาผมจะคลอด ผมไปดีลงานที่ไต้หวันตามที่นัดหมายกับทางนู้นไว้ไม่ได้ ในฐานะที่คุณรู้เนื้องานดี ช่วยไปแทนผมหน่อยเถอะ”
หัวหน้าของชนะวีร์เดินเข้ามาตบบ่าชนะวีร์เพื่อขอบคุณเมื่อเขารับปาก แล้วรีบเร่งไปหาภรรยา
.
สองคืนสามวัน
ชนะวีร์บอกทวิชอย่างนั้น
ทวิชยืนเก้กังมองชนะวีร์เดินวุ่นเจากตรงตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำและโต๊ะหน้ากระจก
รู้สึกว่ายืนอยู่อย่างนี้มันเกะกะ เลยปีนขึ้นไปนั่งกอดเข่าดูอยู่บนเตียง
“วีร์ไม่อยู่ ตอนเช้านกไปซื้อแซนวิชที่ร้านกาแฟใต้ตึกกินนะ อย่าอดข้าวเช้านะ” ชนะวีร์ที่เดินไปมาด้วยพูดกับทวิชไปด้วย
ทวิชไม่ได้พูดแต่พยักหน้านิดนึงแล้ววางคางลงบนเข่าเหมือนเดิม
ชนะวีร์เหลือบมองแล้ว สั่งต่อ
“ไม่ให้ไปดูหนังคนเดียวตอนกลางคืนนะ เลิกงานแล้วกลับบ้านเลย”
คราวนี้ทวิชไม่พยักหน้า
ชนะวีร์หยุดเก็บกระเป๋า เงยหน้ามอง
“นก” เสียงเข้มเขียว
ทวิชแกล้งหันหน้าไปมองอย่างอื่น
“นกครับ วีร์เป็นห่วง นะครับ” คราวนี้ชนะวีร์พูดเสียงนุ่ม
ทวิชยังคงหันมองไปนอกระเบียง แต่ใบหูแดงขึ้นมา เม้มปากเป็นเส้นตรง
ทำไมต้องอ้อนด้วย ชนะวีร์ขี้โกงทุกที ชอบมาทำเสียงแบบนี้ใส่ แล้วบังคับให้ทำอย่างใจ
ทวิชพยักหน้า
ชนะวีร์ยิ้ม
แล้วจัดกระเป๋าต่อ
ทวิชเอาหมอนขึ้นมากอด
รู้สึกโหวงๆ
ยังไม่เคยห่างกันนานอย่างนี้เลย
ถ้าไม่ต้องห่างกันเลยก็ดีสิ
แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก
ชนะวีร์ไปทำงานนะ งานสำคัญด้วย
ชนะวีร์รูดซิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปนอกห้อง
ที่นั่นจะหนาวหรือเปล่า ทวิชไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับไต้หวันสักเท่าไหร่
แต่ที่กรุงเทพอากาศเย็นๆ ที่นั่นน่าจะเย็นกว่านี้สักหน่อยล่ะมั้ง
ทวิชเดินลงจากเตียง เปิดตู้แล้วหยิบเสื้อกันหนาวตัวบาง เพิ่มเข้าไปในกระเป๋าของชนะวีร์
พอรูดซิบปิดแล้วหันหลังกลับก็เจอชนะวีร์ยืนมองอยู่ห่างออกไปสักสี่ห้าก้าว
ด้วยสายตาที่….
ทวิชต้องมองไปทางอื่นแล้วรู้สึกว่าแก้มร้อนซู่ขึ้นมา
ชนะวีร์เป็นฝ่ายก้าวเข้าหา แล้วรวบกอดทวิชเอาไว้แน่น
“ต้องคิดถึงมากแน่ๆ ไม่อยากไปเลย”
ทวิชอึ้งไปนิด แล้วกลับต้องเป็นฝ่ายปลอบชนะวีร์
“สามวันเอง”
“ตั้งสามวันต่างหาก” ทำไมชนะวีร์ดูงอแง
ทวิชเข้าข้างตัวเองหรือเปล่านะถ้าจะคิดว่า ชนะวีร์เองก็เสพติดการมีทวิชอยู่ข้างๆ
ไม่ใช่หรอกมั้ง
คิดถึงก็คงใช่ แต่ชนะวีร์เข้มแข็งจะตาย คงอยู่คนเดียวได้สบายๆ
ชนะวีร์แค่เป็นห่วงเขาน่ะ
ไม่เหมือนเขาหรอก ที่ยึดชนะวีร์ไว้ในทุกๆอย่าง
ทวิชถอนใจเบาๆกับแผ่นอกชนะวีร์
ครั้งนี้คงต้องเข้มแข็งขึ้นแล้วนะ ไม่อยากให้ชนะวีร์ต้องห่วง ไม่อยากถ่วงชนะวีร์เอาไว้น่ะ
ชนะวีร์ไปแล้ว
ห้องเงียบกว่าเดิมเยอะเลย
ไม่เหงาหรอก
ไม่เลยนะ
ทวิชนั่งกอดตุ๊กตาหมีตัวเดิมอยู่บนโซฟา
ถ้าตุ๊กตาหมีมันมีชีวิต มันคงสงสัยว่า นกจะรู้ตัวเองไหมนะว่า นั่งถอนหายใจไปหลายรอบแล้ว
อ่านหนังสือดีกว่า
จะได้หยุดคิดถึงสักแป๊บนึง
มีเล่มนึงที่วีร์ซื้อให้นานแล้วยังไม่ได้อ่าน
วีร์อีกแล้ว…
หยุดคิดถึงชนะวีร์ไม่ได้สักที
.
.
.
สามชั่วโมงกว่าๆ ที่ทวิชจมอยู่กับหนังสือเล่มนั้น
ทวิชชอบอ่านหนังสือ และมีสมาธิกับมันมากแบบนี้เสมอ
กี่โมงแล้วเนี่ย
ถึงหรือยังนะ
น่าจะถึงแล้ว
นอนหรือยังนะ
โทรหาได้ไหม
จะรบกวนหรือเปล่า
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ยังไม่ทันจะปลดล็อค
ชนะวีร์ก็โทรเข้ามาพอดี
“ถึงแล้วครับ หนาว ดีนะที่นกเตรียมเสื้อมาให้”
นกยิ้ม
“วีร์คุยงานเสร็จวันศุกร์เช้า กลับไปถึงนู่นเย็นๆนะ รอนะ”
“อื้อ” นกตอบแค่นั้น
ตลอดที่คุยกัน ชนะวีร์เป็นฝ่ายพูด
ส่วนใหญ่จะสั่งและกำชับนู่นนี่ด้วยความเป็นห่วง
ทวิชแค่พูดว่า “อืม” , “อื้อ” และ “รู้แล้ว”
ชนะวีรก็รู้ว่าระหว่างที่คุยกันทวิชคงพยักหน้าไปด้วยเพียงแต่เขาไม่เห็นเท่านั้น
“นอนคนเดียวได้ไหม”
เงียบ
“นก”
“ได้”
ชนะวีร์น่าจะรู้ว่าทวิชอยากให้เขาสบายใจต่างหาก
แต่ในคืนนั้น ชนะวีร์เองก็นอนไม่หลับ
เช้าวันต่อมาทวิชไปทำงานคนเดียว กินข้าวเช้าและกลางวันคนเดียว
เมื่อก่อนทำได้ แต่เมื่อต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งหลังจากลิ้มรสของการมีชนะวีร์อยู่ข้างๆ
มันยากมาก
ทุรนทุรายอยู่ข้างใน
แทบทนไม่ได้เลย
กลับมานั่งเหงาคนเดียวในห้องอีกแล้ว
ไปห้องสมุดน่าจะดี
วีร์ไม่ให้ไปดูหนัง แต่ไม่ได้ห้ามไปห้องสมุดนี่นา
โทรไปบอกเสียหน่อยแล้วกัน ที่นี่ทุ่มนึง ที่นู่นก็ยังหัวค่ำอยู่ใช่ไหม ว่างหรือยังนะ
ทวิชต่อสาย และรอสาย นานจนเกรงใจ และกำลังจะวาง
กลับมีคนรับ
ที่ไม่ใช่ชนะวีร์
“อาบน้ำครับ” ปลายสายพูดแค่นั้น
ทวิชจำได้ เสียงเพื่อนร่วมทีมอีกคนของชนะวีร์
คนที่มองทวิชด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่กลับมองชนะวีร์ด้วยสายตาอีกแบบ
สายตาแบบที่ ทวิชไม่ชอบใจเลย
ทำไมวีร์ถึงปล่อยให้คิดว่าไปคนเดียว
.
.
.
ความคิดเป็นของเราก็จริง
เกิดขึ้นในหัวเราก็จริง แต่เรากลับควบคุมมันไม่ได้เลย
ไม่มีอะไร
ปลอบตัวเองแบบนั้น
แต่รู้สึกไม่ดีมากๆที่รู้ว่าวีร์ไปกับเค้าคนนั้น
นอนห้องเดียวกันใช่ไหม
แย่มากเลย
ตอนนี้ทวิชรู้สึกทั้งร้อนรน ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ
เรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้แล้ว
ไหนตั้งใจจะเข้มแข็งไง
แย่จังทำหนังสือของห้องสมุดเปียกซะแล้ว
คุณบรรณารักษ์จะว่าหรือเปล่า
ทวิชรอให้ชนะวีร์โทรมาอธิบาย
จนห้องสมุดปิด ก็ยังไม่มีสายเรียกเข้าเลยสักสาย
.
.
.
ชนะวีร์แทบไม่มีสมาธิในการคุยกับคู่ค้าชาวไต้หวัน
อยากกลับแล้ว
อยากไปกอด
และตอนนี้ทวิชอาจกำลังเข้าใจผิด
ที่เขาไม่ได้บอกว่ามากับเพื่อนในทีมอีกคน
ก็เขาคิดว่ามันไม่มีประเด็นอะไร บอกไปนกก็คิดมาก
แต่ตอนนี้อาจจะมีปัญหาแล้วล่ะ
ดูเหมือนเพื่อนร่วมงานของเขาจะอยากให้มันมีประเด็นขึ้นมา
มันมีความจงใจหลายอย่าง
จนเขาต้องตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป
ก็ไม่ถึงกับเสียเพื่อน
แต่ระยะห่างก็เพิ่มมากขึ้น
หลังงานเลี้ยงจบสิ้นสักเที่ยงคืน
ชนะวีร์ตัดสินใจวีดีโอคอลไปหาแทนการโทรศัพท์ธรรมดา
ทวิชนั่งจ้องจอโทรศัพท์อยู่ครู่นึง
เอามือปิดที่กล้องหน้าแล้วรับสาย
“นกครับ”
เงียบ และมองไม่เห็นอะไรเลย
ชนะวีร์จึงเงียบและอดทนรอ
สักพัก หน้าจอของเขาก็กลายเป็นเพดานห้อง
อย่างน้อยทวิชก็ยอมเอามือออกแล้วจับโทรศัพท์หงายไว้
“คิดถึงวีร์บ้างไหม”
“…”
“วีร์คิดถึงนะ ไปเห็นตรงนู้นตรงนี้แล้วก็นึกถึงตลอด ว่าถ้ามาด้วยกันก็คงจะดี…”
ทวิชยังคงไม่พูดอะไร
“วีร์ไปกินเหล้าข้างนอกมา เจ้าภาพเขาเชิญ แต่ไม่เมานะครับ”
ชนะวีร์ยังพูดไปเรื่อยๆ
และทวิชก็ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น
“เชน มาด้วย ขอโทษที่ไม่ได้บอก ไม่อยากให้คิดมาก”
เหมือนชนะวีร์จะได้ยินเสียงสูดน้ำมูก
“ไหนขอดูหน้าคนขี้แยหน่อยเร็ว ไม่อยากเห็นหน้ากันแล้วเหรอครับ ไม่คิดถึงวีร์บ้างเหรอ”
“ฮึ” เขาได้ยินนะว่านกทำเสียงแบบนั้นออกมา
“เชนเอามือออกไป อย่าเพิ่งกวน” เสียงชนะวีร์หงุดหงิด
ได้ผล
ทวิชคว้ามือถือขึ้นมาดูทันที
ภาพที่เห็นคือ…
ชนะวีร์ที่ยิ้มล้อ ในห้องนอนที่…
ว่าง
อีกเตียงก็ว่าง
“ขี้หึงนี่นา รักวีร์มากจนต้องร้องไห้เลยเหรอ”
ทวิชไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี อายที่โดนล้อ โกรธก็โกรธ โล่งใจก็ด้วย
“กับเชนน่ะ เคลียร์กันแล้ว บอกไปหมดแล้วนะ วางใจได้”
“นอนห้องเดียวกัน?”
“เมื่อคืนใช่ แต่คืนนี้แยกห้องแล้วครับ เดี๋ยวมีบางคนร้องไห้อีก”
.
.
.
เช้าวันศุกร์
ทวิชตั้งใจทำงาน
วันนี้ชนะวีร์จะกลับมาแล้ว
แต่
เที่ยวบินจากไต้หวันถูกยกเลิกทั้งหมด เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี
ทวิช…เสียใจ…คิดถึง…แต่จะอดทน
ดีกว่าให้ชนะวีร์ต้องเสี่ยงกลับมา
.
.
.
พายุเข้าไต้หวัน
ต้องรอให้พ้นคืนนี้ จึงจะบินได้
นกไม่รับสาย
ให้ตาย!
ตอนนี้สี่ทุ่มคืนวันศุกร์
“ผมจะไปแสตนด์บายที่สนามบิน” เขาหันบอกเชน ที่ตอนนี้แทบไม่กล้าสบตา
เชนไม่เคยเห็นชนะวีร์โกรธ เมื่อเห็นแล้วก็คิดว่าจะไม่ทำอะไรให้โกรธอีกแล้ว
.
.
.
กว่าชนะวีร์จะได้กลับถึงกรุงเทพ ก็คืนวันเสาร์ เพราะผู้โดยสารตกค้างจำนวนมาก
เขาติดต่อนกไม่ได้เลยตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ชนะวีร์ร้อนใจมาก
ทวิชไม่มีญาติที่ไหนอีก
เขาจะติดต่อใครได้บ้าง เพื่อให้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ตัดสินใจ ไลน์ถามเพื่อนที่ทำงานแผนกเดียวกับทวิช
ได้ความว่า ทวิชมาทำงานเป็นปกติทุกวัน แต่ดูหงอยๆ เมื่อเย็นวันศุกร์ก็กลับไปตอนสักหกโมงเย็น
แต่คืนวันศุกร์ ที่กรุงเทพฝนตกใหญ่
ชนะวีร์เริ่ม ลนกว่าเก่า เริ่มวิตกกว่าเดิม
นกไปไหน
นก วีร์เป็นห่วง
ชนะวีร์ไม่สนใจจะกล่าวลา เชน เพื่อนร่วมทาง เขารีบเรียกแท็กซี่ตรงกลับคอนโด
ชนะวีร์วิ่งพรวดเข้าไปในห้อง เมื่อไขกุญแจได้
แล้วพบว่า
.
.
.
เขาลืมไปได้ยังไง
ทวิชไม่ได้ ไม่มีญาติที่ไหน เสียหน่อย
นี่ไง
เต็มห้องเลย
ในห้องชุดขนาดกลางของทวิช
มี ป๊า แม่ และ ไอ้วัฒน์ นั่งเรียงกันอยู่หน้าทีวี
ทุกคนหันมามอง ชนะวีร์เป็นสายตาเดียว
“นก นก ล่ะแม่ นกอยู่ไหน นกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทุกคนมาอยู่ที่นี่ เกิดอะไร ป๊าหวัดดี”
ชนะวีร์ดูกังวลจนเห็นได้ชัด เรียงประโยคคำถามสลับกันไปมา
แม่ไม่ตอบ แต่ชี้ไปที่ห้องนอน
ชนะวีร์รู้สึกว่า เขาตัวเย็นสลับร้อน เปลี่ยนไปมาจนไม่สบายในอก
นกน้อยของเขานั่งอยู่บนเตียง ข้อเท้าข้างซ้ายมีผ้าพันไว้
นกยิ้มให้
แต่ชนะวีร์ยิ้มไม่ออก เขาสบถออกมาคำหนึ่งก่อนจะโผเข้ากอดนกเอาไว้แน่น จนเรียกว่า กอดคงไม่ถูก ควรจะเรียกว่า รัดเอาไว้แน่นเสียมากกว่า
“วีร์เป็นห่วงมาก นกขาดการติดต่อ โทรศัพท์เป็นอะไร แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมไม่บอกวีร์ เกิดอะไรขึ้น”
ชนะวีร์จะรู้ตัวไหมนะ ว่าเวลาชนะวีร์อยู่ในอารมณ์แบบนี้ ชนะวีร์พูดเร็วมาก และไม่หยุดเลย
ทวิชคิดแล้วก็ย่นจมูก
ทวิชโดนชนะวีร์ซักนู่นนี่ไม่หยุด
ทวิชก็พยายามตอบไปด้วยหลบปลายจมูกกับริมฝีปากของชนะวีร์ไปด้วย
ก็ใครกันจะมีสมาธิตอบคำถามได้ เล่นถามไปหอมแก้มไปไม่หยุดจังหวะให้ตอบเลย
นี่ถ้าชนะวีร์เป็นพี่หมาตัวโต
ทวิชคิดว่าป่านนี้ ทั้งหน้าทั้งหัวของเขาคงเต็มไปด้วยน้ำลายแล้วล่ะ
สุดท้ายก็ได้ความว่า
คืนวันศุกร์ ฝนตกหนัก ทวิชกำลังเดินอยู่ริมฟุตบาทจะไปสถานีรถไฟฟ้า
ถนนคงลื่น มอเตอร์ไซด์รับจ้างจึงแฉลบเข้ามา โดนทวิช
ข้อเท้าบวม แต่หมอบอกว่าไม่หัก แต่ก็เดินลำบาก หมอไม่ให้ลงน้ำหนัก
พี่พยาบาลถามว่า มีญาติมารับไหม
ทวิชส่ายหน้า แล้วกลับนึกขึ้นได้ เปลี่ยนเป็นพยักหน้า
“มีครับ แต่เขาไม่อยู่”
คืนนั้น ทวิชกลับมาได้เพราะพี่บุรุษพยาบาลเรียกแท็กซี่ให้
เพิ่งรู้ตัวตอนถึงห้องว่า โทรศัพท์เปียกน้ำและเปิดไม่ขึ้นแล้ว
สักเที่ยงคืน จู่ๆ ธานิวัฒน์น้องชายของชนะวีร์ที่อยู่อีกคอนโดหนึ่งห่างจากที่นี่มาก ก็มาเคาะประตูห้อง
“พี่นกหวัดดี แม่ให้ผมมาดูพี่ แม่เป็นห่วง เห็นพี่วีร์ยังบินกลับมาไม่ได้ กลัวพี่นกจะเหงา แต่วัฒน์แอบไปเที่ยวมา แล้ววันศุกร์รถก็ติดมาก เลยมาถึงเสียดึกเลย โทษทีฮะ อะ...อ้าว ขาเป็นอะไรน่ะ”
พี่กับน้อง คล้ายกันอยู่มาก ตรงที่พูดจ้อยๆ จนทวิชตอบแทบไม่หมด
พอธาณิวัฒน์รู้เรื่องก็โทรบอกแม่
แม่ก็เลยบอกป๊า
พอป๊ารู้เรื่อง เช้าวันเสาร์ ก็ชวนแม่ขับรถมาหาถึงที่นี่เลย
ในตอนนี้ในคอนโดเล็กๆ เลยอัดแน่นไปด้วยคนถึง 5 คน
เมื่อชนะวีร์เลีย...ไม่ใช่สิ หอม และจูบ ทวิชจนพอใจแล้ว ก็พากันออกมาจากห้อง
ทวิชจะเดิน
ชนะวีร์ไม่ยอม
ชนะวีร์จะอุ้ม
ทวิชอาย ไม่เอา ไม่ยอมให้อุ้ม
“อย่าดื้อนะนก”
นกทำหน้าจริงจัง เม้มปากนิดนึง
ทำไมดื้ออย่างนี้นะ คืนนี้ต้องปราบเสียหน่อยแล้ว
“ถ้างั้นขี่หลัง” ชนะวีร์เจรจา
พ่อหมีเลยมีนกตัวหนึ่งเกาะหลังออกมาจากห้องนอน
คืนนั้นทวิชได้แต่นั่งอมยิ้ม แล้วฟังทุกคนคุยกัน
วันนี้ทวิชรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ห้องของทวิชเหมือนกลายเป็นอีกสีหนึ่ง มันไม่ทึม ไม่เทาแล้ว
ห้องของเราสดใสขึ้นแล้วนะแม่ วิชอยู่ได้นะแม่
แม่ไม่ต้องขอโทษวิชแล้วนะ
.
.
.
บ่ายของวันอาทิตย์
แม่กับวัฒน์แอบแง้มห้องนอนของชนะวีร์และทวิช เข้าไปดู เพราะต่างสงสัยว่า
จนบ่ายโมงแล้วทำไมยังไม่มีใครตื่นเลยสักคน
ก็เห็นทั้งสองคนนอนหลับปุ๋ย ก่ายกันอยู่
“ไม่ต้องไปปลุกหรอก”
ป๊าที่ยืนอยู่ข้างหลัง ห้ามเอาไว้
“ช่วงที่ห่างกัน ต่างคนคงนอนไม่หลับ ปล่อยให้นอนให้อิ่มเถอะ”
แม่พยักหน้าเข้าใจ
แต่ธานิวัฒน์ดูงงๆ
แต่ป๊ากับแม่ก็ไม่ยอมเฉลย
อะไรเนี่ย
รอให้มีแฟนเป็นของตัวเองก่อนเถอะ เชอะ!
---จบตอน---
ยาวจังแหะ ดูโทนเรื่องมันเปลี่ยนไปมากอยู่นะคะ อย่างแรกคือมันย๊าว ยาว อย่างที่สองคือ บรรยายเยอะขึ้น
ขอบคุณ คุณ yimyamun ที่นำเรื่องนี้ไปแนะนำให้ในกระทู้ถามหานิยายนะคะ และขอบคุณเผื่อ ป๊ากับเกมส์และน๊อตกับพี่กบ ในป๊าครับ ผมจะไม่ดื้อ ที่ได้รับการแนะนำในกระทู้แนะนำนิยายด้วย รู้สึกเป็นเกียรติมาก
ขอบคุณ ทุกคนที่เข้ามาอ่านค่า รู้สึกดีๆไปทั้งวัน (แวะเข้ามาดูในเล้าทั้งวันเลยค่าว่ามีคนอ่านบ้างไหม)
ขอบคุณ ทุกคนที่บอกว่า ชอบ บอกว่า นกน่ารัก บอกว่าอ่านหลายรอบ และบอกว่า รอ รู้สึกมีแรง ฮึบ
ไม่ชอบก็ ติได้นะคะ (เบาๆนะเก๊าบอบบาง)
ขอบคุณมากค่า อยากจับมือแล้วทำตาซึ้งๆใส่ทุกคน
@ t o n s w i n d
-
นกมาแล้วววว
เหงาตามนกเลย แต่วีร์ก็เหงาเหมือนกัน
ถึงตอนนี้จะมีบรรยากาศเหงาๆของวีร์กับนก
แต่รู้สึกอบอุ่นกับความห่วงใยของคนในครอบครัววีร์มากๆ ทุกคนรักนกจริงๆ
รอตอนต่อไปอีกนะคะ :pig4:
-
ทวิชเหงา คนอ่านก็เหงาตามไปด้วยเลย
:กอด1:
-
ต่างคนต่างเหงา
นกน่ารักกก
คุณน้องไม่เข้าใจหรอก ไม่มีแฟนนี่รีบหานะๆ
-
:z13: จิ้มไว้ก่อน ตอนใหม่อัพแล้ว
ดีจายยยยย
เดี๋ยวมาอ่านค่ะ
-
กรี๊ดดดด มาแล้ววววว น่ารักมากเลย
แอบอยากอ่านพาร์ทของวีร์ขึ้นมาเลยค่ะว่าทำยังไงกับน้องจอมเจือกนั่น *มองแรงระดับสิบแปปป* นี่เคืองเด็กนั่นมากนะบอกเลย!
ยุ่งกับเรื่องคนอื่นเค้าจริงๆ คิดว่าทำตัวแบบนี้แล้ววีร์เค้าจะรักรึไง! คนที่วีร์รักน่ะ ต้องน่ารักๆแบบนกน้อยคนเดียวเท่านั้นย่ะ!!
#นกไม่กล้าเดี๋ยวพี่ลุยเองค่ะ 555555555555 #ทีมนก เต็มตัวมากกกกกกกกกกก
ชอบครอบครัวของวีร์ที่สุดเลยค่ะ ; _ ; .. น่ารักมากจริงๆ คอยเป็นห่วงน้องด้วย คือน้ำตาจะไหล ดีใจแทนน้องจริงๆนะคะ
น้องเป็นคนน่ารัก ดีแล้วจริงๆที่จะได้เจอแต่คนดีๆ สิ่งดีๆ ครอบครัวดีๆเนอะ ^ ^
ส่วนความไม่มั่นใจในตัวเอง ถึงมันจะเป็นเสน่ห์ของนก แต่ก็อยากให้วีร์ทำให้น้องมั่นใจกว่านี้นะคะ ความรักที่วีร์มีให้ มันไม่แพ้กันเลยจริงๆน้า <3
ชอบเรื่องนี้มากกกกกจริงๆค่ะ
//นี่เพิ่งรู้ว่าเป็นคนเดียวกับที่แต่งป๊าครับ ผมจะไม่ดื้อนะคะเนี่ย 5555555555 คือเรื่องนั้น NC หนักหน่วงม๊ากกก
แบบว่าร้อนแรงสุดๆค่ะ ; ///////////// ; ... เรื่องนี้แบบน่ารัก เรียลๆ วัยทำงานเลย 555555 แต่ชอบทั้งสองเรื่องนะคะ
ติดตามอยู่ทั้งคู่เลย (ฮา) นี่ก็อ่านเรื่องนี้ซ้ำ 3-4 รอบแล้วค่ะ อยากให้มีตอนต่อไปเรื่อยๆแบบไม่จบเลยอ่ะ (แอบโกงไหม แฮ่ แต่อยากจริงๆค่ะ)
เป็นกำลังใจให้นะคะ เค้าจะรออ่านน้า จริงๆอยากให้ยาวกว่านี้อีกด้วยซ้ำอ่ะ 555555555
รักค่ะ :L2:
-
ละมุนระดับ๑๐ แอร๊ยยยย ;//////////;
-
ดีนะที่ชนะวีร์ไหวตัวทัน... ความสัมพันธ์เลยยังแน่นแฟ้น
-
นกน่ารักมาก
ยิ่งตอนงอนยิ่งน่ารัก
กลัววีย์จะเป็นห่วง
ก็เลยเอากล้องส่องเพดาน
วีย์ก็ดีแสนดี เข้าใจนกตลอดๆ
ครอบครัววีย์ก็น่ารักสุดๆ
-
นกมาแล้ว คราวนี้ต้องห่างกับวีร์คงเหงาน่าดู
ถ้าเมื่อไหร่นกเหงามาหาเราได้นะ :impress2:
-
นกเข้มแข็งขึ้นมากแล้วน๊าาาา
-
โอ้ยย น่ารัก ไม่ไหวแล้วว
ถ้าคุณคนเขียนว่างมาอัพเรื่อยๆนะคะ ชอบเรื่องนี้มาก
วีร์นก น่ารัก อ๊บอุ๊นน อบอุ่น
-
โอ๊ยยยยยยยย
คือรักกันมากกกกกก
คือแบบฟินมากกกกกตอนชนะวีร์กลับมา
เป็นห่วงทวิชนี่เข้าใจนะ แต่จะหอมไรขนาดนี้ค่าาาาา ><~~
หายไวไวนะจ๊ะพ่อทวิช
-
ชอบเรื่องนี้มากกก :pig4:
-
นกน่ารัก น่ารักแบบน่ารักมาก ดูงุ้งงิ้งงุ้งงิ้งเหมือนแมวแต่ไม่น่ารำคาญแถมยังน่าเอ็นดู แวะเวียนเข้ามาในหมวดเรื่องสั้นเพราะคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเลย ขอบคุณที่มาต่อเรื่อยๆนะคะจะรอคอยให้กำลังใจต่อไปค่ะ
-
ชนะวีร์นี่ห่วงเมียรักเมียสุดๆ อิจฉาทวิชมากมาย
-
บ้านนี้น่ารักมากจ้า :o8:
แต่คู่นี้น่าเป็นห่วงอยู่นะ ถ้าใครคนนึงเป็นอะไรไป อีกคนไม่ฆ่าตัวตายตามเลยหรือนี่
-
:give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2:
-
ครอบครัวน่ารักอบอุ่นมาก
-
ชอบพ่อหมีกับเจ้านกมากอ่ะ น่ารักทุกตอนเลย อ่านไปยิ้มไปตลอดเลยล่ะ :mew1: :L1:
-
ดีจริงๆ ดีกับใจ :katai2-1:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :hao5:
-
ดีจังงงง
-
:hao6:
อยากอ่านอีกจังค่ะ ~
จะมีอีกมั้ยหนอ...
-
เป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นมากเลย
-
ชอบเรื่องนี้ค่าาาาา
-
ช่วงแรกเหมือนจะหม่นๆ แต่พอมีพ่อหมีเข้ามานกน้อยน่ารักขึ้นเยอะเลยยย
-
อยากอ่านเรื่องนี้อีกจัง
จะมีตอนใหม่ๆมาเพิ่มไหมน้อ
:ling1:
-
เรื่องนี้เห็นสักพักตอนเข้ามาในห้องเรื่องสั้นค่ะ (ปกติไม่ค่อยได้เข้า)
เห็นชื่อเรื่องเราก็คิดถึงแนวไทยๆ ผีๆ หรือพวกพีเรียด
เลยไม่มีโอกาสเปิดเข้ามาสักที ตอนนี้มีฤกษ์อ่านเข้ามา
ชอบทวิชมาก แบบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พูดน้อย คิดเยอะ แสดงออกไม่ค่อยเก่งแต่ก็พยายาม
หลังๆ ก็มีการแสดงออกที่มากขึ้น ครอบครัววีร์ก็น่ารัก
อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนดูหนังอยู่เลยค่ะ
บทสนทนาน้อย แต่ใช้ภาพ (การบรรยาย) บอกการดำเนินไปของเรื่อง
เป็นเรื่องน่ารักค่ะ ไม่หวือหวา ไม่มีอะไรเยอะ
แต่มันน่ารักจริงๆ นะ
-
ฮือออ เพิ่งได้อ่าน ครอบครัวพ่อหมีน่ารักมากกก เป็นห่วงเป็นใยกันอย่างดีอบอุ่นมากจริง TT
-
เมื่อไหร่ะมาต่อน้อ
-
น่ารักม้ากกกกกกกก นุ้งนกนี่น่ารักสุดๆ อ่านไปยิ้มไปตลอด อ่านละรู้สึกอบอุ่นหัวจุยดีจริงๆ55555
อยากอ่านต่อจังเล๊ยยยยยย //แย๊บๆไปเผื่อคนแต่งอยากมาต่อค่ะ5555
:hao3:
-
สนุกมากเลยค่ะ ดูเหงาๆหม่นๆ แต่ feel good มากกก ชอบมากค่ะ :mew1:
-
เราชอบเรื่องนี้อ่ะ อ้ากกกก ขออีกได้มั้ย :ling1:
-
นกน้อยน่ารักน่าตีมากๆค่ะ
ดีใจที่พ่อหมีเอานกมาเลี้ยง จากนกขี้กลัวกลายเป็นนกที่เติบโตขึ้นได้ในระดับนึง
ชอบมากกับวิธีการเรียกพ่อหมีกลับบ้าน
ร้ายกาจ 555
-
นกขมิ้น ตอน สิ่งที่เพิ่มขึ้น
คนเราพอคบกันไปนานๆแล้วจะมีความรู้สึกวางใจมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆเกิดขึ้นพร้อมกัน
ความวางใจ อาจเริ่มจาก
การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน จากหลอดดูดอันเดียวกัน
กินข้าวจากช้อนเดียวกัน
ชนะวีร์เคยกินอาหารที่ทวิชเพิ่งคายออกมาจากปากเพราะมันร้อนจนเกินไป ได้หน้าตาเฉย
และทุกวันนี้แปรงสีฟันในห้องน้ำมีเพียงอันเดียว
นานวันเข้า ทั้งทวิชและชนะวีร์ก็เหมือนจะหลอมรวมเป็นคนเดียวกันมากขึ้น
ก็คนเราน่ะมักไม่รังเกียจสิ่งปฏิกูลของตัวเองใช่ไหมล่ะ
ในทำนองเดียวกัน
ถึงจะสกปรก
แต่สำหรับทั้งชนะวีร์และทวิชแล้ว ถ้ามันเป็นของอีกคนหนึ่ง มันก็ไม่เป็นไรหรอก
“หัวเหม็นยัง” ชนะวีร์ชอบถามทวิชแบบนี้ เมื่อนอนหนุนตักทวิช
ทวิชก็ก้มลงจะฝังจมูกลงบนผมของชนะวีร์
“เหม็นแล้ว สระเถอะ”
หลายครั้งที่ได้คำตอบแบบนี้
ทวิชเคยรบเร้าให้ชนะวีร์ทำอาหารใต้ให้กิน แม้ว่าจะกินเผ็ดไม่เก่งเอาเสียเลย
เพราะตั้งใจจะหัดกินให้ได้
“เวลาไปเยี่ยมแม่ที่บ้าน ถ้าแม่เห็นว่านกกินกับข้าวของแม่ได้ แม่จะได้ดีใจ”
ชนะวีร์ก็เลยตามใจ ทั้งขำทั้งสงสาร นกที่หัดกินแกงไตปลาไปทั้งน้ำมูกน้ำตา แก้มแดงแปร๊ด
“ซี้ด...อื้อ...เผ็ด....น้ำ ขอน้ำ”
สุดท้ายชนะวีร์ก็ช่วยดับความเผ็ด ด้วยการป้อนน้ำแข็งจากปากสู่ปาก ใช้ลิ้นกวาดก้อนน้ำแข็งเป็นวงไปทั่วทั้งกระพุ้งแก้ม จนน้ำแข็งละลาย แล้วค่อยดูดลิ้นของนกแรงๆ แถมด้วยการตวัดเลียน้ำลายที่ไหลย้อยจากมุมปากของนกอย่างไม่รังเกียจ
ทวิชและชนะวีร์เคยตามป๊าและแม่ไปทำบุญในวัดต่างจังหวัดอันห่างไกล และต้องพักค้างคืนกันที่โรงเรียนซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับวัด
ห้องน้ำของโรงเรียน มืด และห่างจากเรือนนอนมากอยู่
คืนนั้นทวิชท้องเสีย
ชนะวีร์บ่นใหญ่ ที่ทวิชไม่ดูแลตัวเอง กินของไม่สุกเพราะเกรงใจคนให้
สองคนพากันถือไฟฉาย เดินกันไปที่ห้องน้ำ
เสียงตุ๊กแกร้องดังมาก
ทวิชก้าวเข้าไปในห้องน้ำ
พี่ตุ๊กแกตัวโต เหมือนจะไม่ตกใจที่มีแขกมาเยี่ยม มันยังคงเกาะอยู่ตรงซอกหนึ่งบนผนังอย่างสงบนิ่ง
ทวิชปวดท้องมากๆ จะไม่ไหวแล้ว แต่...
“วีร์...” นกเรียกเสียงอ่อย
“ครับ รอเดี๋ยวนะ วีร์เห็นมีเก้าอี้นักเรียนวางอยู่ตรงนู้น”
คืนนั้น ทวิชเข้าห้องน้ำสามครั้งโดยทุกครั้งจะมีชนะวีร์นั่งเฝ้าจับมืออยู่ข้างๆ และคอยปลอบว่า ตุ๊กแกไม่ได้ขยับเลยสักนิด ไม่ต้องกลัว
ความวางใจที่เพิ่มมากขึ้นอีกแบบคือ
ทวิชสามารถเดินเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำ
คว้าผ้าเช็ดตัวจากราวเล็กๆในห้องมาซับน้ำ
โดยไม่รู้สึกอายสายตาของชนะวีร์ที่นั่งเล่นเกม หรือดูทีวีอยู่ตรงนั้น
แต่ก็มี หลายครั้งที่ทวิช แต่งตัวไม่เสร็จ...
บางทีกลัดกระดุมได้แค่สองเม็ด ชนะวีร์ก็มาช่วยถอด หรือคว้าตัวไปเสียก่อน
ในบางมุม
การวางใจระหว่างคนสองคน ก็เปรียบเหมือน การที่เรายืนอยู่บนที่สูง และทิ้งตัวดิ่งลงมาด้วยความมั่นใจว่าอีกคนจะรับไหว และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ปลอดภัย
ทวิชเองก็พร้อมจะทิ้งตัวดิ่งลงมาถ้าคนที่รออยู่ข้างล่างคือชนะวีร์
กับคนอื่นๆ เช่นเพื่อนที่ทำงาน
ทวิชมักมีคำติดปากว่า “อะไรก็ได้ครับ”
แต่กับชนะวีร์แล้ว ทวิชจะกล้าเลือก หรือเอาแต่ใจในบางเรื่อง
“วันนี้นกอยากกินอะไร”
ทวิชจะได้ชี้และเลือกอย่างที่อยากกิน และกล้าส่ายหัวหรือทำหน้างอปฏิเสธ ถ้าชนะวีร์จะชวนกินอะไรแปลกๆ
ยิ่งถ้าเป็นเรื่องการดูหนังแล้ว ชนะวีร์ไม่มีสิทธิ์เลือกเลยสักครั้ง
เวลาไม่สบาย ทวิชจะหงุดหงิดง่าย และดูเหมือนเป็นช่วงเวลาเดียวที่ทวิชจะพูดมากกว่าปกติ
จริงๆไม่ได้พูดหรอก
บ่นเสียมากกว่า
“ทำไมวีร์ถอดกางเกงในไว้ตรงนี้ล่ะ...กินน้ำแล้วก็ไม่เก็บขวดเข้าตู้เย็น...ไม่เอา..ไม่กินแล้วมันขม...ไม่เอานะห้ามกอด นกไม่อยากให้กอด เอามือออกไปนะ นกนอนไม่สบายเลย”
ยิ่งบ่นไป หน้าของนกก็จะหงิกลงเรื่อยๆ
เพราะไม่สบายตัวน่ะ แล้วไม่รู้จะทำยังไง
เห็นอะไรก็หงุดหงิดไปหมด แล้วก็มีคนให้ระบายอารมณ์อยู่คนเดียว
ชนะวีร์ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการนกจะฟาดงวงฟาดงาใส่ ก็ปล่อยให้ทวิชได้บ่นไป
แล้วก็หาทางบังคับให้นกกินยาจนได้นั่นแหละ
ไม่อยากให้กอดก็ไม่เซ้าซี้ รอจนหลับสนิทแล้ว ก็ค่อยดึงตัวเข้ามาในอ้อมกอดเหมือนทุกคืน
ก็อย่างที่บอกไป เมื่อวางใจมากขึ้น ไว้ใจมากขึ้น ชนะวีร์เองก็ไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอกนิยายตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน
ตามพื้นนิสัยแล้ว ชนะวีร์เป็นคนอารมณ์ร้อน
หลายคนจะเข้าใจว่าชนะวีร์เป็นคนร่าเริง มีอารมณ์ขัน
แต่น้อยคนจะรู้จักชนะวีร์ในโหมดที่ดุยิ่งกว่าอะไร
มีบ้างเหมือนกันที่เผลอดุ หรือตวาดทวิชเสียงดัง
“วางหนังสือแล้วกินข้าวเดี๋ยวนี้!!!”
“ฮึก...”
ใหม่ๆ ทวิชเสียใจมากที่โดนตวาดแบบนั้น
กลั้นสะอื้นแทบไม่ไหว
ชนะวีร์เองก็เสียใจทุกครั้งที่ทำให้นกร้องไห้
เขาไม่ได้เจตนา แต่ว่าบางขณะ โทสะก็มากจนเกินสติ
“นก วีร์ขอโทษจริงๆ”
ชนะวีร์ซุกหน้าลงกับท้องของทวิชและเกาะกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แน่น
กลัวว่านกจะโกรธและกลัวคนอารมณ์ร้อนอย่างเขา เสียจนหนีกันไป
สุดท้าย นกก็หายตกใจ และเข้าใจ
ไม่มีใครที่เข้มแข็งได้ในทุกเรื่อง อบอุ่นได้ในทุกวัน และใจดีได้ในทุกนาที
ชนะวีร์ก็เป็นแบบนั้น
เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
ซึ่งทวิชก็พอใจที่ชนะวีร์จะเป็นตัวเอง โดยไม่ต้องฝืนที่จะเป็นคนดี หรือเป็นผู้ชายในอุดมคติตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน
ชนะวีร์ไม่ได้พยายามจะเปลี่ยนตัวเอง แต่ก็เหมือนมีชนะวีร์อีกคนเกิดขึ้นเมื่อได้อยู่ใกล้ทวิชไปเรื่อยๆ
เหมือนเขาซึมซับความเย็นในตัวทวิช
หลังๆมานี้ นานๆที ชนะวีร์จะหงุดหงิดสักครั้ง
แต่ถ้าวันไหนเผลอเสียงดังใส่ นกก็แค่นั่งเงียบๆ
ผ่านไปสักระยะ ถ้าชนะวีร์ยังไม่หาย
นกจะขยับเข้าใกล้
แนบริมฝีปากลงบนส่วนใดส่วนหนึ่งของชนะวีร์
ไม่เร่ง หรือบังคับให้หายโมโห
แค่นั่งอยู่ใกล้ๆ
แล้วรอ
แค่ใช้สัมผัสแทนการปลอบประโลมและหยุดอารมณ์ที่พวยพุ่ง
.
.
.
เพราะอารมณ์ร้อน
ถ้าขับรถคนเดียว ชนะวีร์จะขับรถเร็วมาก
ทวิชไม่เคยรู้ เพราะ เมื่อนั่งกลับชุมพรไปด้วยกัน ชนะวีร์จะขับรถระมัดระวังเสมอ
แต่ความแตก
ชนะวีร์ขับรถไปชุมพรคนเดียว
รถชน
คนเห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถของชนะวีร์วิ่งมาด้วยความเร็วสูง แล้วหักหลบสุนัข
ชนต้นไม้
หน้ารถยุบ ชนะวีร์หัวแตก นอนโรงพยาบาลหลายวัน
นั่นเป็นครั้งแรกที่ทวิชได้มีโอกาสดุชนะวีร์เสียลั่น
“อย่าทำอย่างนี้อีก นกโกรธจริงๆ”
ตากลมโตสั่นไหว
“รับปากเดี๋ยวนี้นะวีร์ อย่าขับรถเร็วอีก”
“นก...อย่าร้องนะ”
“ฮึก รับปากก่อนสิ ห้ามหาเรื่องทิ้งนกไว้ด้วยวิธีแบบนี้นะ ห้ามขับรถเร็วอีกนะ ห้าม ฮือ...”
วันนั้นทวิชโวยวายทั้งน้ำตา
นอกจากความวางใจที่มากขึ้นแล้ว
ความไม่มั่นใจก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
ไม่มั่นใจว่าความรักของเขาทั้งคู่จะมีอยู่ตลอดไปไหม
เพราะความวางใจที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เผยนิสัยเสียๆออกไป
แล้วพอทำตัวแบบนั้นไปแล้วก็กังวล
จะรับกันได้หรือเปล่า
ถ้ามีคนที่ดีกว่านี้เข้ามาล่ะ
พอไม่มั่นใจ
ชนะวีร์ (ที่คุณคงรู้แล้วว่าเป็นจอมบงการ) ก็หาทางผูกทวิชเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
อีกเหตุผลหนึ่ง
หลังจากรถชน ชนะวีร์ก็เริ่มเข้าใจว่า
ไม่มีอะไรแน่นอน
ถึงไม่แน่นอน แต่เขาก็อยากให้แน่ใจ
แน่ใจว่านกจะอยู่ตรงนี้ได้
ปลายเดือนนั้น ชนะวีร์สั่งให้ทวิชลางานสามวัน
ขับรถลงใต้ด้วยกัน
ป๊ากับแม่ทำกับข้าวไว้รอ
กับข้าวของนกยังเป็นอาหารจืดๆ
แต่คราวนี้นกก็มีพัฒนาการ
กินแกงเหลืองไปได้ตั้งหลายคำ
นกหันไปยิ้มกับแม่ทั้งๆที่ข้าวอัดแน่นเต็มสองแก้ม
เช้าวันต่อมา
ที่นี่มัน....
นกยืนอ่านป้ายสถานที่ราชการแห่งนี้ พลางคิดว่า ชนะวีร์ต้องกำลังแอบทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากล
“นกทะเบียนบ้านที่ให้หยิบมาล่ะ บัตรประชาชนด้วย เอามา”
ชนะวีร์จัดการเอาไปถ่ายเอกสาร ให้นกเซ็นชื่อ
มีเอกสารนอกจากนั้นอีกหลายแผ่น
นกไม่เคยซื้อที่ดิน แต่ก็ใช่ว่าจะอ่านหนังสือไม่ออก
สัญญาซื้อขายที่ดิน ที่ระบุว่า คนซื้อคือ นายทวิช
มูลค่าไม่น้อย
นกยั้งปากกา
เงยหน้ามองชนะวีร์
ไม่ถาม แต่สายตากดดัน
“วีร์ซื้อให้นก เป็นที่ผืนข้างๆกับผืนที่ป๊าซื้อให้วีร์ ต่อไปนกจะได้มีสมบัติติดตัว”
นกส่ายหน้า
“ห้ามปฏิเสธ ขอให้ถือเสียว่า มันเป็นที่ดินของเรา เอาไว้ปลูกบ้านของเราดีไหม หรือต่อไปถ้าเกิดมีอะไร...”
คราวนี้นกส่ายหน้ารัว น้ำตาหยดเผาะๆ
ไม่ยอมฟังต่อ
“ถือว่ามันเป็นสิ่งที่จะผูกอนาคตของเราไว้ด้วยกันดีไหม ห้ามนกทิ้งวีร์แล้วนะ ผูกมัดกันขนาดนี้แล้ว เพราะต่อไปถ้าวีร์ไม่หล่อแล้ว แก่แล้ว วีร์จะได้แน่ใจไงว่านกจะไม่หนีไปไหน ได้ไหม คิดแบบนี้ได้ไหม”
“เหมือนเชือกน่ะเหรอ”
“ใช่ วีร์ใช้เป็นเชือกผูกนกไว้กับวีร์ ต่อไปวีร์ก็จะหาวิธีอื่นมามัดนกไว้ เอาให้เราผูกพันกันจนยุ่งเหยิง แกะยังไงก็แกะไม่ออกดีไหม”
นกไม่ตอบ แต่ยื่นมือทั้งสองข้างให้ชนะวีร์ เหมือนผู้ต้องหาที่ยื่นมือให้จับ
ชนะวีร์ไม่มีเชือก แต่ยกมือของนกขึ้นแนบกับหัวใจ
ทั้งชนะวีร์และนกต่างรู้ดีว่า สมบัติหรือสิ่งของมากแค่ไหนก็ผูกมัดคนสองคนเอาไว้ไม่ได้ จริงๆแล้วสิ่งที่เพิ่มมากขึ้นตลอดเวลาที่รักกันนั่นต่างหาก ที่เป็นตัวผูกและพันทั้งคู่ไว้ด้วยกัน
--จบตอน—
@tonswind
-
วีร์พานกไปจดทะเบียนที่เมืองนอกเลย
-
ขอบคุณจ้า
ชอบเรื่องนี้มากนะ อยากให้มีตอนต่อไปเรื่อยๆเลย ><
-
ขอบคุณมากค่า :mew1:
-
ชอบสำนวนการเขียนของคนเขียนจังค่ะ
ชนะวีร์กับทวิชก็น่ารัก
-
หวานซึ้งมากเลยครับ
-
ฮื่อออ ตอนท้ายๆซึ้งจัง
ตอนนกดุวีร์เรื่องขับรถเร็ว น่ารักน่าเอ็นดูมาก ดุเองร้องไห้เอง
ชอบนิสัยของทั้งคู่มากๆเลย
อยากอ่านเรื่องยาวที่ตัวละครนิสัยแบบนี้
รออ่านตอนต่อๆไปนะคะ
:กอด1:
-
ซึ้งมากกกกกกกกก .. ชอบมากเลยค่ะ ปกติทั้งสองคนก็เรียลอยู่แล้วในความรู้สึกเรา
แต่พอได้อ่านตอนนี้เรียลยิ่งกว่าเดิมไปอีก ไม่รู้ทำไม มันเหมือนกับ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอจริงๆนะคะ
ชอบประโยคที่ว่า "ไม่มีใครที่เข้มแข็งได้ในทุกเรื่อง อบอุ่นได้ในทุกวัน และใจดีได้ในทุกนาที"
คือมันจริงอย่างงั้นเลย การที่คนสองคน ต่างบ้านต่างครอบครัว มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันคือการปรับตัว การก้าวข้ามที่ยิ่งใหญ่เลยแหละ
ทุกคนต้องมีด้านเสีย ด้านแย่ๆอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนเป็นแฟนกันมันเจอกันไม่ตลอดเวลาก็ยังอาจจะไม่เห็น
พอได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันก็คือการปรับตัวที่ใหญ่มากจริงๆ
ชอบอีกอย่างคือถึงจะรู้ว่าเชือกที่ผูกมันแน่นหนาแค่ไหน แต่ถ้าใจไม่อยู่มันก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี อย่างบางครอบครัวมีลูกหลายคนด้วยซ้ำ
บ้านก็อยู่ด้วยกัน ทรัพย์สินก็ร่วมมากมาย สุดท้ายจบลงที่คำว่าหย่าก็มีให้เห็นเยอะ แต่ก็ซึ้งใจแทนนกอยู่ดี วีร์รอบคอบมากจริงๆค่ะ
น้ำตาจะไหลตามน้องเลย ; _ ; .. รักและเอ็นดูน้องมากกกกกกกกจริงๆ รักแบบไม่อยากให้เค้าต้องเจออะไรแย่ๆอีกอ่ะค่ะ T T
เป็นเรื่องที่ชอบที่สุดจริงๆนะคะเรื่องนี้ <3
ปล. เคยมีอาจารย์คนนึงบอกว่าการจะประสบความสำเร็จได้ คือการทำสิ่งที่ผู้คนต้องการออกมา โดยแม้แต่ผู้คนยังไม่รู้ว่าเค้าต้องการ
อย่าง Steve Jobs ที่สร้างมือถือแบบไม่มีปุ่มกดออกมาน่ะค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าแบบ ไม่มีปุ่มกดมันจะไปใช้ได้ยังไง 555555
ทุกวันนี้ก็กลายเป็นแบบนี้ทั้งโลกเลย เราว่านิยายเรื่องนี้สำหรับเราก็แบบนั้นเลยค่ะ คือเราไม่รู้ว่าเราอยากอ่านอะไร อยากให้เรื่องไปต่อแบบไหน
แต่พอได้อ่านทุกครั้งก็รู้สึกว่านี่แหละคือใช่ตลอดเลย ; ___ ; .. /
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ รอติดตามเหมือนเดิมเลยค่า :L2:
ปล2. เซ็นต์ ไม่มี ต์ นะคะ :D
-
:mew1: :mew1:
-
น่ารักมากเลยค่ะ ฮืออออ
พึ่งได้มาตามอ่าน
นกน่ารักมากๆ วีร์เป็นคนใจร้อนที่อบอุ่นมากๆเลยค่ะ
:o8: :o8:
-
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: โฺฮ ๆๆๆ ซึ้งมาก
-
หวานซึ้งน่ารักมากจ่ะ แต่ทำไมรู้สึกถึงความจิตหน่อยๆ...
:pig4:
-
มันเรียลมากจริง ๆ คู่นี้
-
ซึ้งมากกกกก
คือมันจริงมากๆ ไม่จำเป็นต้องสวยหรูดูดีตลอดเวลา มีขึ้นมีลง มีมั่นคง มีหวั่นไหว
โอ๊ยยยย ชอบอ่ะ
-
ชอบเรื่องละมุนละไมแบบนี้ ครอบครัวพ่อหมีอบอุ่นมาก อ่านแล้วอิจฉาผุดๆ :กอด1:
-
กรี๊ด...นึกว่าไปจดทะเบียน
-
ซึ้งจนน้ำตาคลอ ต่างฝ่ายต่างเรียนรู้กันไป
วีเป็นห่วงนกมาก เพราะนกไม่มีใครอีกแล้ว
-
เค้าพัฒนากันแล้วค่ะแมมมมมม่
พอคบกันนานๆเข้าก็เริ่มจะเผยนิสัยด้านไม่ดีของตัวเองออกมาทีนี้วีร์ก็กลัวนกจะทิ้งไปเลยซื้อที่ผูกไว้ซะเลยยยย55555
น่ารักกก คู่ที่คบกันนานๆแล้วก็ต้องรับสิ่งไม่ดีในตัวอีกฝ่ายให้ได้ล่ะเนอะ แต่สิ่งที่ดีคือ พยายามปรับจูนหากัน เป็นอะไรยที่น่ารักมั่กกกก
-
ชอบตอนนกบ่นจัง
-
ชอบบบบบ ฮืออออ ชอบทุกตอนเลยย :hao5:
-
อบอุ่นที่สุด ซึ้งที่สุด จริงที่สุด รู้สึกเหมือนวีกับนกเป็นคนจริงๆ ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
-
ชอบมาก :mew1:
-
พาไปจดทะเบียนสมรสเลย เฮียวีร์
-
ชอบมากครับ เรื่องนี้เคยอ่านแค่ตอนแรก
ไม่คิดว่าจะมีตอนต่อๆ มา พอได้กลับมาอ่านอีกรอบแล้วชอบมาก อ่านรัวๆ
ปกติชอบอ่านเรื่องสั้น แต่เรื่องนี้อยากให้เป็นเรื่องยาวเลยครับ
แต่เป็นแบบจบในตอน มาเรื่อยๆ อย่างนี้ก็น่ารักดี สนุกดี
หลากหลายอารมณ์ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง การเติบโตอย่างชัดๆ ไปอีก
สำนวนการเขียนของคุณก็ดีมาก ชอบมากๆ ครับ คำผิดก็แทบไม่เห็น รู้สึกได้ถึงความใส่ใจจริงๆ
จะรอติดตามต่อไปนะครับ ผลงานเรื่องอื่นๆ ด้วย
สำหรับเรื่องนี่ชอบทวิชมาก ชอบตัวละครแบบนี้ พูดน้อย น่ารัก แต่ชัดเจน
นะวีร์ก็ด้วย ใจร้อน แต่เป็นห่วงตลอด ชอบเวลาเห็นคนลักษณะแบบนี้ทั้งคู่มาอยู่ด้วยกัน
ที่ชอบที่สุดก็ความเป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจ และเข้าใจกันของทั้งคู่นี่แหละ มันดูเป็นเรื่องจริง
ชอบครับ ขอบคุณครับ
ปล. พูดคำว่าชอบเยอะมาก.. :ruready
ปล.2 อ้อ ชอบตอนคุณป๊าไม่ยอมให้เรียกลุงด้วย น่ารัก
-
ชอบบบบบบบบบบบบบบบ
-
กลัวเวลาที่เค้าจะต้องแยกกันจริงๆ
-
น่ารัก :-[ :-[ :-[
-
อ่านแรกๆ ดูหม่นๆ เทาๆ
อ่านเรื่อยๆความสว่าง แสงอบอุ่นเริ่มมา
เห็นพัฒนาการของนก น่ารักขึ้น
ความเป็นธรรมชาติ คนปกติ สัมผัสได้ของคู่นี้
ชอบมากเลยค่ะ :o8:
-
เราว่ามันต้องมีต่อนะ เข้ามาอ่านเพราะนิ้วลั่นจริงๆ แต่อ่านแล้วชอบมากกกกกกก
-
นกขมิ้น ตอน ควันหลงสงกรานต์
ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ของทุกปี ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะมีงานรวมญาติ
ตระกูลของชนะวีร์เป็นตระกูลใหญ่มีญาติในเถาในเครือมากอยู่ แต่ละปี แต่ละครอบครัวจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพจัดงานรวมญาติ
ปีนี้เป็นความรับผิดชอบของครอบครัวชนะวีร์
แม่และป๊าต้องเตรียมการหลายอย่าง ทั้งเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม และตกแต่งบ้าน
ธานิวัฒน์ที่ได้หยุดก่อนใครๆต้องเดินทางกลับลงไปช่วยเตรียมงาน
ยิ่งใกล้ถึงวันงาน ทวิชยิ่งกังวล
อาจจะมากกว่าตอนที่จะได้เจอป๊าและแม่เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ
“นกรออยู่ที่กรุงเทพก็ได้”
ทวิชเอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน หลังกลับจากที่ทำงาน และอาหารมื้อค่ำ
ชนะวีร์ละสายตาจากจอทีวี แล้วโน้มตัวมาโอบทวิชเข้าใกล้
“กลัวเหรอ”
มีแต่ความเงียบแทนคำตอบ
ชนะวีร์กดจมูกลงข้างแก้มแล้วพูดว่า
“ที่ให้นกไปด้วยเพราะวีร์ติดนก อยากอยู่กับนกตลอด ส่วนญาติก็แค่ไปรู้จักกันไว้ อย่าไปหวังให้เขาชอบหรือไม่ชอบ ดีไหม”
ทวิชพยักหน้าช้าๆ หลังจากคิดตามจนเข้าใจ
อมยิ้มน้อยๆ และยกตัวขึ้นนิดเพื่อให้ปลายจมูกแตะเข้ากับแก้มคนที่ตัวสูงกว่า กระซิบเบาๆหลังเฉียดปลายจมูกใกล้ๆไรหนวดเป็นครั้งที่สอง
“ติด...เหมือนกัน”
ชนะวีร์ผละออกห่างเพื่อให้มองเห็นทวิชชัดๆ ทำสายตาเหลือเชื่อ เพราะคนตรงหน้าจู่ๆก็บอกความรู้สึกออกมาง่ายๆ ทั้งที่โดยปกติแล้วจะเงียบแสนเงียบ
ชนะวีร์ตะลึงอยู่เพียงครู่ก็หรี่ตาลงอย่างรู้ทัน
“ยังเก็บลูกอ้อนไว้กี่แบบหือ บอกมาเลยนะ”
ว่าแล้วชนะวีร์ก็เข้าจู่โจมทวิช ด้วยการระดมจูบไปทั่วหน้า ทวิชดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดจากการโจมตีด้วยริมฝีปาก ที่ชักลามปามจากการล้อเล่นเป็นสัมผัสอื่นที่เย้ายวนมากขึ้น การเคลื่อนริมฝีปากของชนะวีร์ช้าลง แต่ดูดดึงและเร่งอารมณ์
ในที่สุดทวิชก็ยอมจำนนและ หยุดดิ้น เอียงคอให้ได้รับสัมผัสจากปากอุ่นๆ พลางระบายลมหายใจยาว
เมื่อชนะวีร์เว้นระยะให้หัวใจของทวิชเต้นช้าลงนิด จึงมีโอกาสได้ตอบคำถาม
“มีอีกหลายแบบ”
“หือ” ชนะวีร์ ไม่เข้าใจ เพราะมัวแต่สนใจเนื้อตัวของทวิชจนลืมคำถามไปแล้ว
“คิดว่ายังอ้อนได้อีกหลายแบบเลย จะทำทุกแบบเลย ถ้ามันจะทำให้วีร์ไม่ไปไหน”
เป็นคำตอบที่มีอำนาจมากพอ ทำให้ชนะวีร์สามารถถอนริมฝีปากออกจากผิวนุ่มๆตรงใกล้ยอดอก แล้วสบตากัน
นกมองหน้าชนะวีร์อย่างซื่อๆ ทั้งๆที่คำตอบนั้นแสนเจ้าเล่ห์
ชนะวีร์ยิ้ม มันเป็นยิ้มที่ค่อยคลี่กว้างขึ้นทีละนิด จนสว่าง เหมือนแสงไฟสีขาวนวลตา เป็นรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้นตามความรู้สึกมีความสุขในใจของชนะวีร์
รอยยิ้มของชนะวีร์เป็นรอยยิ้มที่ทวิชอดยิ้มตามไม่ได้สักที
“แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้วครับ”
คืนนั้นชนะวีร์พิสูจน์ว่าประโยคที่ว่า “ไปไหนไม่รอด” เสียจนทวิชไม่แน่ใจว่า ใครกันที่ “ไม่รอด”
.
.
.
บ่ายแก่ๆของวันที่ 11 เมษายน 2559 ชนะวีร์และทวิชก็เดินทางมาถึงบ้านที่ชุมพร
วี่แววความโกลาหล มีให้เห็นตั้งแต่ปากทางเข้าบ้าน
ต้นไม้หลายกระถาง ถูกยกออกไปเพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับงานเลี้ยง
มีเวทีเล็กตรงกลางสวน ไฟประดับตามต้นไม้
เต็นท์สีขาวหลายหลังตั้งเรียงราย ลูกน้องของป๊าหลายคนเดินกันขวักไขว่
แม่ยังคงต้อนรับทวิชและชนะวีร์ด้วยการกอดแน่นๆ ผิดจากแต่ก่อนไปนิดที่ แม่จะกอดทวิชก่อน และกอดอยู่นานจนชนะวีร์ต้องแกล้งงอน ส่วนป๊าก็ลูบหัวทวิชเบาๆเหมือนเคย
“พี่นกกกกก” เสียงธานิวัฒน์ดังมาก่อนตัว
นี่ก็อีกคน ที่ติด “พี่นก” เสียจนชนะวีร์อยากจะงอนใส่ อะไรๆก็เรียกหาแต่ “พี่นก” ตลอดเลย
“วัฒน์ ต้องการแรงงานด่วนเลย มาช่วยแต่งเวทีหน่อยเถอะพี่ วัฒน์อยากได้ไอเดียเจ๋งๆ มาๆ”
ทั้งธานิวัฒน์และทวิชต่างชอบศิลปะ นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุยกันได้ถูกคอ
“เจ้าวัฒน์ ให้นกมันพักเหนื่อยก่อน นั่งรถมาตั้งไกล” ป๊าปราม แล้วหันไปทางทวิช
“ไปดูต้นไม้กับป๊าก่อน คราวก่อนที่เหมือนจะไม่รอดน่ะ ตอนนี้เอาลงดินแล้วนะ ออกดอกแล้วด้วย” แต่ป๊าเองกลับโฉบเอาตัวทวิชไปต่อหน้าต่อตา
“อ้าว ป๊า ไหนให้พี่เค้าพักเหนื่อย” ธานิวัฒน์ประท้วง
“เออน่า ให้นกมันไปดูต้นไม้กับป๊าก่อน มันปลูกของมันเอง เห็นแล้วจะได้ดีใจ”
แล้วทั้งป๊าทั้งทวิชก็พากันเดินไปทางเรือนเพาะชำเงียบๆ
ทิ้งให้ชนะวีร์ แม่ และธานิวัฒน์ มองตามด้วยรอยยิ้มขำ
ตอนนี้ทวิชกลมกลืนเป็นคนของที่นี่ไปแล้วจริงๆ
.
.
.
มื้อเย็นวันนั้น ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า
“ตกลงมีใครมาบ้างแม่” ชนะวีร์ถามขึ้น
“เกือบหมดล่ะ” แล้วแม่ก็หันไปอธิบายให้ทวิชซึ่งกำลังตั้งใจกินคั่วกลิ้งหมูไปด้วย ดื่มน้ำตามไปด้วย
“ญาติทางป๊าที่เป็นพี่น้องคลานตามกันมามีหกคนนะ แล้วยังมีที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีกหลายคนเลย ทีนี้ต่างคนต่างไปมีครอบครัว มีลูก มีหลาน เวลารวมญาติที ก็เลยกลายเป็นงานใหญ่ มีทั้งพี่น้อง ทั้งสะใภ้ หลานเขย หลานสะใภ้ รวมๆแล้ว คราวนี้น่าจะมาสักเกือบหกสิบคนนะ”
นกได้แต่กระพริบตาปริบๆ เพราะยังนึกภาพของการเจอญาติของชนะวีร์ในคราวเดียวถึงเกือบหกสิบคนไม่ออก และเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ชนะวีร์ทั้งหลอกล่อทั้งปลอบให้ลืมคิดเรื่องนี้ไปได้สักพักแล้ว
ชนะวีร์ที่สังเกตทวิชอยู่ตลอด เอื้อมมือขวามาบีบมือของทวิชไว้
“คิดมากอีกแล้ว แค่ยกมือไหว้คนที่ดูท่าทางแก่กว่า แล้วยิ้มก็พอแล้วน่า ทำได้ไหม”
ชนะวีร์แกล้งชะโงกหน้ามามองนกใกล้ๆ นกจึงยู่ปากใส่ และไม่ตอบคำถาม
.
.
.
งานในคืนวันที่ 12 เมษายน มันมากมายและวุ่นวายเกินกว่าที่ทวิชจินตนาการไว้ทั้งหมด
ทั้งการเตรียมงาน ทั้งผู้คนที่มากมาย รถราจอแจ จนแทบจะต้องปิดซอยทั้งซอย
แรกๆทวิชเลี่ยงผู้คน โดยการเตร่เข้าไปช่วยงานอยู่ในครัว ปล่อยให้ป๊า และชนะวีร์รับแขก และญาติๆ ที่ทยอยกันเข้างานมา
แต่เมื่อใกล้เวลางาน ทวิชก็ถูกชนะวีร์ตามตัวออกไป
ระหว่างเดินทางห้องครัวออกไปที่สนามหน้าบ้าน ชนะวีร์คว้ามือของทวิชมาจูงแบบที่ทำเป็นปกติ
แต่ทวิชพยายามบิดข้อมือออก เมื่อเห็นว่ามีอาเจ็กคนหนึ่งยืนอยู่ ใต้เงาสลัว
ชนะวีร์ก็เห็น แต่ไม่ยอมปล่อยมือของทวิช กลับบีบแน่นขึ้นนิดหนึ่ง
“เจ็กเหลียง มายืนทำอะไรมืดๆตรงนี้ครับ”
“สูบบุหรี่น่ะ” อาเจ็กที่อายุราวสี่สิบปลายๆ มีรูปลักษณ์ตามแบบฉบับคนเชื้อสายจีนที่ขาวจมูกโด่ง หุ่นบางและดูขรึม ตอบสั้นๆ
เจ็กเหลียงมองมือของทั้งสองที่จับกัน แล้วตั้งคำถามต่อชนะวีร์โดยการเลิกคิ้วสูง
ชนะวีร์ยิ้มแทนคำตอบ
อาเจ็กจึงขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า แล้วหันไปเพ่งพิจารณาทวิชแทน
ทวิชเกร็งขึ้นมานิดหนึ่ง เพราะสายตาของอาเจ็กเหลียงราวกับจะพยายามมองให้ลึกถึงกระดูกข้างใน ได้แต่ก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตา
ชนะวีร์ดึงทวิชให้ยืนเยื้องไปข้างหลังเล็กน้อย ราวกับจะเอาตัวเองปกป้องทวิชเอาไว้
อาเจ็กเหลียงละสายตาจากทวิช มองหน้าชนะวีร์ “คิดดีแล้วหรือ”
“ครับ” ชนะวีร์ก็ตอบสั้นๆ แล้วขอตัวเดินออกมา
ทวิชรู้สึกว่าขาสั่นนิดๆ แล้วเกิดขี้ขลาดขึ้นมา แค่เจอญาติของชนะวีร์เพียงคนเดียว ยังได้รับปฏิกิริยาตอบกลับแบบนี้
ไม่เอาแล้วได้ไหม ไม่เจอได้ไหม
แต่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาหรือทำให้ชนะวีร์พะวง จึงทำได้แค่เดินตามไปเงียบๆ
งานเลี้ยงเป็นโต๊ะจีน ที่โต๊ะหนึ่งๆนั่งได้สิบคน
ป๊าของชนะวีร์เป็นพี่คนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมดหกคน โต๊ะนี้จึงจัดไว้ให้สำหรับป๊า และอาเจ็กทุกคน รวมถึง แม่ ที่ถือว่าเป็นสะใภ้ของลูกชายคนโต น้าพวงทอง ภรรยาของเจ็กม๊อ น้องชายคนที่สองของตระกูล ตอนนี้เหลือเก้าอี้ว่าง สองที่ แน่นอนว่าเก้าอี้ตัวหนึ่งต้องเป็นของชนะวีร์
เมื่อชนะวีร์มาถึงที่โต๊ะพร้อมทวิช
“อาเจ็กทุกคนฮะ น้าพวงทอง นี่ทวิชครับ”
ชนะวีร์แนะนำเพียงแค่นั้น แล้วทวิชก็ไหว้อาเจ็กทุกคนรวมถึงน้าสะใภ้ด้วยกิริยาเรียบร้อย
เมื่อชนะวีร์นั่งลง และทวิชกำลังจะนั่งตาม
น้าพวงทองก็พูดขึ้นว่า
“อ้าว ตาวีร์ น้าว่าจะจองที่ไว้ให้ตาเคนน่ะ เขากำลังจะมาถึงแล้ว วีร์ให้เพื่อนไปนั่งกับเด็กๆโต๊ะนู้นดีไหมจ๊ะ วงนี้ให้ญาติๆเขาคุยกัน เดี๋ยวเพื่อนจะอึดอัดเสียเปล่าๆ”
นั่นสินะ
ทวิชก็เห็นด้วยจึงลุกขึ้น ชนะวีร์ก็ลุกตาม
“อ้าว แล้วตาวีร์จะไปไหนล่ะ น้าว่าจะให้ตาเคนมาปรึกษาเรื่องลงทุนซื้อที่ดินสักหน่อย” น้าพวงทองท้วงขึ้นอีก
“นั่นสิ นั่งก่อน อั๊วก็มีเรื่องอยากคุยกับตาวีร์เยอะเลย” อาเจ็กอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
ชนะวีร์ทำท่าจะปฏิเสธ
ทวิชจึงแอบใช้มือดึงที่ขากางเกงเบาๆแล้วส่ายหน้า
“เดี๋ยวนกไปนั่งโต๊ะนู้นก็ได้” นกพูดแค่นั้น แต่อ่านสายตาได้มากกว่านั้นว่า
อย่าห่วงเลย ไม่เป็นไร
“งั้นเดี๋ยวพอเจ้าวัฒน์ดูแลเครื่องเสียงตรงเวทีเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ไปนั่งด้วย” ป๊าบอก
ชนะวีร์จึงปล่อยให้ทวิชเดินไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง
เมื่อเดินไปถึงที่โต๊ะ ทวิชก็ทำตามคำแนะนำของชนะวีร์ทุกอย่าง คือ ยกมือไหว้คนที่คาดว่าจะมีอายุมากกว่า จากนั้นก็ยิ้มให้ทุกคน แล้วลงนั่งเงียบๆ
ทวิชเกร็งเล็กน้อย
เพื่อนร่วมโต๊ะหลายคนดูจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ยกเว้นคุณน้าผู้หญิงสามคน ซึ่งน่าจะเป็นสะใภ้ของอาเจ็กคนใดคนหนึ่ง คนที่นั่งทางด้านขวาของทวิชชื่อเอิร์ท ดูท่าทางเหมือนโดนบังคับให้มางานวันนี้ ส่วนคนที่นั่งตรงข้าม ชื่อคุง เป็นลูกชายคนเล็กของเจ็กม๊อ
ทวิชอึดอัดกับสายตาของคุง เป็นสายตาของเด็กเกเรที่เจอเหยื่อให้แกล้งเล่น หรือไม่อีกที ก็เหมือนหมาจิ้งจอกเจอเหยื่อชิ้นโต เป็นสายตาที่ทวิชเคยเห็นตอนเรียนชั้นมัธยม ที่คนเงียบๆอย่างเขามักกลายเป็นของระบายความก้าวร้าวเล็กๆน้อยๆของเด็กมีปัญหาที่มีจิตใจอ่อนแอ
ถึงแม้จะเคยเจอสายตาแบบนี้มาก่อน แต่ก็อึดอัดอยู่ดี
อึดอัดแค่ไหน แต่ต้องอดทน
“หนูเป็นเพื่อนของตาวีร์หรือจ๊ะ” คุณน้าคนหนึ่งทักขึ้น
“เอ่อ...ครับ”
“เป็นเพื่อนสมัยเรียนหรือจ๊ะ หรือว่าเพื่อนที่ทำงาน” คุณน้าคนเดิม ที่ทราบชื่อภายหลังว่า น้าสมใจ ถามต่อไป
“ทำงานที่เดียวกันครับ”
“แปลกนะ ทุกปีไม่เห็นตาวีร์พาเพื่อนกลับมาบ้านด้วยในช่วงวันสงกรานต์เลย” คุณน้าสมใจหันไปคุยกับสะใภ้อีกคน
“แล้วจบที่ไหนมาล่ะคะ” คุณน้าเป็นคนคุยเก่งมากๆ
เมื่อทวิชตอบไปว่าจบมาจากที่ไหน คุณน้าก็เริ่มต้นอวดเรื่องลูกของตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆทวิชทันที
“เนี่ย ตาเอิร์ทเขาก็เรียนที่เดียวกับหนูเลยนะ แต่เรียนวิศวะ เนี่ยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยนะคะ เพิ่งจะจบ ก็มีบริษัทชั้นนำมาขอจองตัวเลย...........”
คุณน้ายังพูดอะไรเกี่ยวกับลูกชายของเธออีกยืดยาว ทวิชก็ได้แต่ยิ้มตอบเป็นระยะๆเท่านั้น
ในขณะที่ ตาเอิร์ท ที่คุณน้าพูดถึงกลับนั่งทำหน้าเซ็งๆอยู่ข้างๆทวิชนี่เอง
ในโต๊ะยังมีบทสนทนาอีกมาก แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ทวิชไม่รู้
เหมือนโดนกันออกจากทุกบทสนทนาโดยสิ้นเชิง
ซึ่งทวิชบอกตัวเองว่า มันไม่ได้เดือดร้อนมากนัก เพราะตั้งแต่สมัยเรียน ทวิชก็เคยชินกับการทำตัวให้กลืนหายไปในอากาศแบบนี้
เพียงแต่ช่วงหลัง เมื่อมาเจอชนะวีร์และครอบครัวแล้ว กลับลืมความรู้สึกเหล่านี้ไป ไม่ใช่ว่าทวิชสามารถหาบทสนทนามาชวนคุยได้เก่งขึ้นหรอก เขายังคงเป็นแบบเดิมนั่นแหละ เพียงแต่การนั่งเงียบๆท่ามกลางครอบครัวของชนะวีร์ ให้ความรู้สึกสบาย และปลอดภัย
เวลาผ่านไปช้าจัง
ทวิชนั่งมองจานตรงหน้าบ้าง หรือมองมือของตัวเองบ้าง
เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาตรงๆทีไร ก็สบกับสายตาแบบนั้นของคนชื่อคุง เสียทุกที
ทวิชขยับตัวเล็กน้อย
มัน...อึดอัด...
เมื่อเริ่มเสิร์ฟอาหาร ทวิชซึ่งไม่คุ้นเคยกับการกินโต๊ะจีนนัก คงดูเงอะงะจนน่ารำคาญ
เอิร์ท ที่เลือกจะนั่งเล่นมือถือมาตลอดจึง คอยคีบอาหารให้ ตักกระเพาะปลาให้ และแนะนำวิธีการกินนู่นนี่อีกหลายอย่าง
“พี่ชื่ออะไรนะฮะ” เอิร์ทถาม
“ทวิช”
เสียงของนกคงเบาไป ประกอบกับ นักดนตรีบนเวทีเริ่มเล่นเพลงแล้วด้วย
“อะไรนะพี่” เอิร์ทจึงเอนตัวเข้าใกล้ทวิช จนดูเผินๆเหมือนเอาหน้ามาซุกใกล้ๆ
“ทะ – วิช เรียก นก ก็ได้” คราวนี้ นกพูดให้ดังขึ้น
ชนะวีร์ที่คอยหันมองทวิชอยู่ตลอด ลุกพรวดขึ้น
“นก เอาข้าวไปให้เจ้าวัฒน์หน่อยสิ คอยคุมคิว กับเครื่องเสียง จนไม่มีเวลากินข้าวเลย” ชนะวีร์เดินเข้ามายืนด้านหลังระหว่างเก้าอี้ของทวิชและเอิร์ท
“พี่วีร์ หวัดดีครับ” เอิร์ทไหว้ชนะวีร์ที่อายุมากกว่า
“สบายดีนะเอิร์ท” ชนะวีร์ทักตอบแบบนิ่งๆ
“ครับ พี่วีร์ล่ะครับ สบายดีป่าว แล้วปีนี้มีแฟนหรือยัง”
“มีแล้ว “
“เฮ้ยจริงดิ ไว้คราวหน้าพามาเปิดตัวเลยดิพี่”
“หึ หึ” ชนะวีร์ไม่ตอบแต่หัวเราะออกมา พลางวางมือลงบนไหล่ของทวิช แล้วตบเบาๆ
เอิร์ทมองตามมือนั้นแล้วขมวดคิ้ว
“นกไปขอข้าวจากในครัวนะ เอาข้าวผัดก็ได้ แล้วเอาไปให้ไอ้วัฒน์ที่ข้างเวทีนะ” ชนะวีร์ก้มลงมาคุยกับทวิช ทำทีเป็นว่าเพราะเสียงเพลงมันดัง จึงต้องคุยกันข้างๆหู
แต่เปล่าหรอก
ชนะวีร์จงใจ ที่จะเอาริมฝีปากเข้าใกล้จนแทบจะแนบชิด
เอิร์ทที่จับสังเกตอยู่ตลอดยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เช่นเดียวกับคุง ที่มองตาไม่กระพริบ
ทวิชหน้าแดง และพึมพำขอตัว
แล้วรีบเดินไปในครัว
.
.
.
ระหว่างทางที่เดินไปห้องครัวนั้นค่อนข้างมืด
อีกแล้ว
อาเจ็กเหลียง ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงที่เดิมเลย
ทวิชค้อมหัวให้ แล้วเร่งฝีเท้า ตั้งใจจะเดินผ่านไปให้เร็ว
แต่อาเจ็กกลับรั้งไว้ ด้วยการถามขึ้นมา
“เป็นอะไรกับเจ้าวีร์”
“ทำงานที่เดียวกันครับ” ตอบแล้วทวิชก็ก้มหน้า
“ชื่อทวิช ใช่ไหม”
“ครับ”
อาเจ็กเหลียงเดินออกมาจากมุมมืด ใช้ปลายเท้าขยี้บุหรี่ให้ดับ แล้วผ่อนควันกลุ่มสุดท้ายออกมาจากปาก
อาเจ็กเดินเข้าใกล้ แม้จะเป็นการเดินเอื่อยๆเข้าหา แต่กลับให้ความรู้สึกกดดัน
ทวิชที่ก้มมองแต่ปลายเท้าของตน ขยับออกห่างนิดหนึ่ง
“เมื่อเดือนก่อน วีร์มันมาขอซื้อที่ของผมไป ต่อมาไม่นาน ก็ได้ข้อมูลว่า ที่ดินผืนนั้นกลับมีผู้ครอบครองชื่อ ทวิช”
“....”
“คิดจะปอกลอกชนะวีร์มันหรือเปล่า ทำยังไง มันถึงโอนที่ดินเป็นสิบล้านให้ล่ะหือ”
ทวิชรู้สึกเหมือนตัวเองโดนวัตถุที่มีมวลขนาดหนักๆอัดกระแทกเข้าที่หัวใจอย่างจัง จนเจ็บและจุก ตากลมโตพร่าเบลอ เพราะหยาดน้ำตา
ปลายเท้าของตัวเองมันไม่ชัดอีกต่อไป
เสียใจที่ถูกมองแบบนั้น
“ผม...จะคืนให้ทุกอย่างครับ...ไม่ได้...ไม่ได้อยากจะได้อะไรเลย” ทวิชเงยหน้าขึ้นสบตาอาเจ็กเหลียงในที่สุด
คำพูดที่พูดไปกลั้นสะอื้นไป ทำให้เจ็กเหลียงขมวดคิ้ว
“ก็ดี...คืนให้มันไป อย่าหลอกมันเลย”
คราวนี้ทวิชส่ายหน้ารัว และพยายามจะเถียงอย่างที่สุด
“ไม่เคยหลอก ผมไม่เคยหลอกวีร์เลย ไม่เคยอยากได้อะไรจากเขาเลย แค่ที่เขาให้ผมอยู่ตรงนี้ผมก็พอใจแล้ว”
ทวิชยกมือทั้งซ้ายขวาปาดน้ำตาที่พรูลงมาไม่หยุด ปาดเท่าไหร่มันก็ไม่แห้งหายไปสักที
“รักมันเหรอ เจ้าวีร์น่ะ”
“...”
จะตอบดีไหมนะ
ทวิชจะตอบออกไปดีไหม
คำตอบของนกจะทำให้ชนะวีร์เดือดร้อนหรือเปล่า จะทำให้ถูกคนอื่นรังเกียจหรือเปล่า
ในขณะที่ทวิชเลือกที่จะเงียบ อาเจ็กเหลียงก็พูดต่อไป
“ไอ้ที่ทำอยู่เนี่ยมันผิดเพศ ผิดธรรมชาติ ผิดประเพณี ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง ถ้ายังขืนดันทุรังกันต่อไป เจ้าวีร์มันจะอยู่ในสังคมได้ยังไง ยิ่งมันเป็นหลานชายคนโตของตระกูลด้วย”
จริงสินะ ชนะวีร์จะโดนอะไรบ้างถ้าคนอื่นรู้ว่ารักอยู่กับเขา ชนะวีร์จะแบกรับความรู้สึกไม่ดีจากคนอื่นไหวหรือเปล่า
ยอมแพ้ดีไหมนก
วูบหนึ่ง ทวิชก็รู้สึกผิดราวกับว่าตนเองทำสิ่งที่ควรต้องโทษ
แต่ว่า... การที่ชนะวีร์ไม่มีทวิช และทวิชไม่มีชนะวีร์ มันจะดีจริงๆน่ะหรือ
มันดีกับใครกัน
คนรอบข้างคงพอใจ แต่เราจะทำให้พวกเขาพอใจทำไมกัน เราจำเป็นต้องกรีดเลือดออกจากหัวใจตัวเองเพื่อให้พวกเขามีความสุขเลยหรือเปล่า
ถ้าทวิชไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ชนะวีร์จะมีความสุขหรือ
ทวิชแน่ใจว่า ไม่
แม้ทวิชจะไม่แน่ใจในอะไรๆทุกอย่างในโลก แต่เรื่องหนึ่งที่ทวิชแน่ใจคือ ชนะวีร์รักทวิช และทวิชเองก็เช่นกัน
ถ้าอย่างนั้น....
“ผมจะอดทนครับ ขอแค่ให้ได้รักชนะวีร์ ผมจะอดทนทุกอย่าง”
ในที่สุด....
อาเจ็กอมยิ้ม
ในขณะที่ทวิชยังคงพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล
อาเจ็กเหลียงก้าวเข้าใกล้อีกเพื่อพิจารณาคนตรงหน้าให้ชัดๆ ทวิชตัวสั่นมากขึ้นด้วยความเกรงในตัวเอาเจ็ก แต่ก็ไม่ถอยหนี
แล้วก็เห็น ว่าในดวงตาโตๆของทวิช ที่แม้จะเคลือบไปด้วยน้ำตา แต่นกก็ตั้งใจจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
จะอดทน จะไม่หนีไปเสียก่อนแม้จะกลัวแสนกลัว
“ต่อไปจะเหนื่อยและเจ็บกว่านี้นะ” ทวิชสัมผัสได้ว่า น้ำเสียงของอาเจ็กแผ่วลง เมื่อเงยหน้ามอง ก็เห็นสายตาที่มีส่วนผสมของหลายความรู้สึกอยู่ในนั้น มันทั้งอ่อนแสงและเศร้าหมอง
ทวิชเริ่มรับรู้จุดประสงค์แท้จริงของอาเจ็กเหลียง
“รักแบบนี้มันต้องใช้ความเข้มแข็งเพิ่มขึ้นกว่ารักของคนอื่นถึงสองสามเท่าเลยนะ จะทำได้หรือ”
อาเจ็กมองทวิชราวกับมองเห็นใครสักคนในอดีตซ่อนอยู่ในนั้น
ทวิชคิดว่าสิ่งที่สัมผัสได้นั้นไม่ผิดแน่ๆ
“ผมจะทำให้ได้ครับเจ็ก จะทำแทนส่วนของอาเจ็กด้วยครับ”
คราวนี้เจ็กเหลียงยิ้มกว้าง แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นหัวเราะเสียลั่น
“ฉลาด ฉลาด กว่าที่มองไว้ ตอนแรกเหมือนลูกนกตัวสั่นๆ แต่ถ้าจะให้บินโฉบคู่นกใหญ่ ก็ทำได้นี่นะ”
สุดท้าย เสียงหัวเราะก็แผ่วลง อาเจ็กทอดมองมา แล้วทิ้งท้ายเพียงว่า
“ฝากด้วยล่ะ”
.
.
.
ทวิชประคองถาดใบใหญ่ ที่มีทั้งข้าวผัด กระเพาะปลา หมูหัน และน้ำหวาน ออกมาจากในครัว เพราะคิดว่า ธานิวัฒน์ที่ป่านนี้ยังไม่ได้กินอะไรคงหิวมากแน่ๆ ข้าวผัดแค่จานเดียวก็กลัวจะไม่อิ่ม
ระหว่างที่ตั้งใจประคองทุกอย่างไม่ให้กระฉอก
อาคุงก็เดินเข้ามาขวาง
ทวิชยิ้มให้แล้วพยายามจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
แต่อาคุงไม่ให้ไป
“เป็นเกย์เหรอ”
“...”
“คืนนี้ว่างป่ะ อยากคุยด้วย พักไหนอ่ะครับ”
ทวิชรู้สึกว่า ขนลุกและตัวเย็น เมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกด้านลบที่อาคุงปล่อยออกมาคุกคามกัน
ทวิชพยายามจะบ่ายตัวหนี แต่ถาดอาหารที่ประคองอยู่ก็เป็นอุปสรรค
ตอนนี้จึงกลายเป็นว่า อาคุงเข้ามาแนบประชิดจากด้านหลัง แล้วจับแขนทั้งสองข้างของทวิชไว้แน่น
“ปล่อยผม”
“อย่าเล่นตัวน่า”
วินาทีที่อาคุงเคลื่อนหน้าเข้าใกล้แก้มของทวิช กลิ่นลมหายใจกักขฬะ นั้นทำให้ทวิชลืมสติ
ทวิชสาดถาดในมือไปทางอาคุง ถ้วยชามปลิวหล่น และแตกกระจาย อาหารบางส่วนหกรดอาคุง
ไม่ทันคิดอะไรทั้งสิ้น
ทวิชที่ยังถือถาดในมือ ก็ใช้มันทุบเข้าที่หัวของอาคุงอย่างแรง
“โอ้ยยยยย อีตุ๊ด มึงงงงง” อาคุงโมโหจัด ตวาดลั่นแล้วกระโจนเข้าใส่ทวิช
ทวิชหลบไม่ทัน โดนฝ่ามือฟาดเข้าที่แก้มจนหน้าสะบัด รู้สึกมึน และเบลอ อาคุงตามเข้ามาซ้ำ
คราวนี้ทวิชยกถาดขึ้นป้องกัน แล้วเหวี่ยงถาดเข้าที่ใบหน้าของอาคุงบ้าง
แต่เมื่อเลือดขึ้นหน้า อาคุงก็กระโจนเข้าผลักทวิชให้ล้มลง ถาดกระเด็นไปไกล อาคุงขึ้นคร่อม
หลังจากตรงนี้ ทุกอย่างเหมือนเกิดขึ้นราวกับเป็นภาพช้า ทวิชเห็นสีหน้าโกรธแค้นบ้าคลั่งของอาคุง และสายตามีชัยของมันขณะหมัดเงื้อสูง ทวิชหลับตา เพื่อเตรียมรับกับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น
วีร์ ช่วยด้วย
คนแรกที่ทวิชนึกถึงในยามนี้คือเขา
(ต่อข้างล่าง)
-
หมัดไม่ได้กระแทกเข้าหน้าของทวิชตามที่คาดไว้
“พี่นก พี่นก” เมื่อธานิวัฒน์เรียก ทวิชจึงลืมตาขึ้น
ภาพที่เห็นคือ ชนะวีร์ที่ยืนกำหมัดแน่น กัดฟันจนกรามเบียดนูน สายตาที่ชนะวีร์จ้องอาคุง เป็นสายตาที่ทวิชไม่เคยเห็น
มันเป็นสายตาที่ พร้อมจะทำให้ทุกอย่างเป็นผุยผง
น่ากลัว
ทวิชยืนอยู่ตรงนี้ยังรู้สึกได้ ส่วนอาคุงที่หลบอยู่หลังอาเจ็กม๊อนั้นหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ชนะวีร์ก็รู้ว่าตัวเองว่าน่ากลัว จึงพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ โดยมีป๊ายืนแตะไหล่อยู่ข้างๆ
ธานิวัฒน์ประคองทวิชให้ลุกขึ้น
เมื่อเห็นแก้มที่บวมปูดของทวิชชัดๆ ธานิวัฒน์ก็สบถแล้วจะโผนเข้าหาอาคุง
ทวิชต้องเอาทั้งตัวรั้งไว้
ป๊าเองก็หันมาปรามด้วยสายตา
ชนะวีร์หันมา
เมื่อเห็นหน้าทวิช ตาของชนะวีร์ก็วาวโรจน์และจะพุ่งเข้าหาอาคุงอีกครั้ง ป๊าคว้าไหล่เอาไว้อีก
เจ็กเหลียงต้องเข้ามายืนขวางไว้ แล้วส่ายหน้าช้าๆ
“อย่าแลก วีร์”
ชนะวีร์หลับตา เพื่อสงบอารมณ์
ทวิชเดินเข้าไปใกล้ชนะวีร์
เอื้อมมือไปแตะที่ไหล่อีกข้างอย่างกล้าๆกลัวๆ
ชนะวีร์ลืมตาช้าๆ เอื้อมมือแตะแผ่วที่แก้มและริมปากของทวิชที่ ปูดและปริแตก
ทวิชส่ายหน้า
ซึ่งตั้งใจจะหมายความว่า
“ไม่เป็นไรแล้ว และ อย่าทำอย่างนั้นเลย”
ชนะวีร์เข้าใจ เขาพยักหน้าแล้วดึงทวิชเข้าสู่อ้อมกอด ใช้สองแขนโอบรอบศีรษะของทวิชเอาไว้เบาๆ ซุกหน้าลงไปกับกลุ่มผมของคนตัวเล็ก แล้วถอนหายใจอยู่หลายที
โดยไม่สนใจว่าจะมีใครมุงดูอยู่บ้าง โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดหรือวิจารณ์แบบไหน
“มันเอาถาดตบผม ผมไม่ยอม”
จู่ๆอาคุงที่หวาดกลัวก็กลายเป็นอาคุงที่กร่างขึ้นอีก คงคิดว่า ตอนนี้มีแต่ญาติของตนทั้งนั้น และอาเจ็กม๊อ พ่อของตนก็ยืนอยู่ใกล้ๆ รวมทั้งน้าพวงทองผู้เป็นแม่ด้วย คงไม่มีใครกล้าทำอะไร
“คุงมันหาเรื่องก่อน” เอิร์ท ที่ยืนอยู่เงียบๆตลอดพูดขึ้น
“ไม่จริง มันอ่อยผม แล้วผมด่ามัน มันเลยตีผม” อาคุงเถียงหน้าดำหน้าแดง
“แต่ผมเห็น” เอิร์ทพูดนิ่งๆ
อาคุงหน้าเสีย แต่ “มึงจะเห็นได้ไงไอ้เอิร์ท มึงอยู่ตรงไหน อย่ามามั่ว”
เอิร์ทไม่พูด แต่ชี้ขึ้นไปบนระเบียงบ้าน เป็นระเบียงของห้องรับแขก ที่หากยืนบนนั้นจะมองเห็นเหตุการณ์ด้านล่างทั้งหมดได้
“ไม่จริง ไอ้เอิร์ทมันเข้าข้าง ไอ้เกย์นี่ เพราะเอิร์ทมันชอบเค้าอยู่ อย่าไปเชื่อ”
เอิร์ทถอนหายใจ แล้วยื่นมือถือส่งให้ อาเจ็กเหลียง จากนั้นหันไปพูดกับชนะวีร์ว่า
“ผมลงมาช่วยไม่ทัน ขอโทษด้วย ไม่คิดว่า พี่ทวิชจะโดนถึงขนาดนี้”
ในมือถือนั้น มีสองไฟล์ เป็นภาพจากมุมสูง ที่อาจไม่ชัดมากนัก แต่ก็มองออกว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร
ไฟล์แรกเป็นเหตุการณ์ตอนที่ ทวิชคุยกับอาเจ็ก ก่อนจะเดินหายเข้าไปในทางครัว
อีกไฟล์หนึ่ง เป็นภาพนับตั้งแต่ ทวิชประคองถาดออกมา ด้วยใบหน้ายิ้มๆ จนถูกอาคุงหาเรื่อง และภาพก็ตัดไปตอนที่นกถูกตบเข้าที่แก้ม เพราะเอิร์ทรีบวิ่งลงมาช่วย พร้อมตะโกนบอกชนะวีร์
“ลื้อผิดนะอาคุง ขอโทษพี่เขาด้วย” อาเจ็กเหลียงตัดสินความ
“อาเหลียง นี่มันหลานนะ ทำไมลื้อเข้าข้างคนอื่น” น้าพวงทองท้วงขึ้น ดูเป็นเดือดเป็นร้อน
“ยิ่งเป็นหลาน ยิ่งต้องสอน” เจ็กเหลียงพูดนิ่งๆ แล้วหันไปทางเจ็กม๊อ
“ว่าไงเฮีย”
“มันผิดจริงๆ อั๊วขอโทษด้วยนะ อาเฮีย วีร์ และทวิช ที่มันก่อเรื่อง จะลงโทษยังไงก็ว่ามา”
“ป๊า... อีตุ๊ดนี่ มันยั่วคุงนะ”
“แต่เธอก็ผิดเหมือนกันที่ทำร้ายร่างกายลูกของฉัน” น้าพวงทองดูจะไม่ยอมรับความจริงง่ายๆ และหันไปหาเรื่องกับทวิช
“เงียบ” เจ็กม๊อตวาดภรรยาตัวเอง จนเธอต้องหยุดไป แต่สายตาสะท้อนชัดว่า ไม่ยอมจบ
ป๊าของชนะวีร์ หันมองหน้าทุกคน และเอ่ยเสียงดัง
“เชิญที่หน้าเวที”
พร้อมแหวกกลุ่มคนที่มายืนมุงเดินนำขึ้นเวทีไป
ญาติทั้งหมด ที่ละจากกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ ทยอยเดินตามไปที่หน้าเวที บ้างก็นั่งลงตรงที่ของตน รอฟังคนที่มีศักดิ์และสิทธิ์ที่สุดในตระกูลกล่าวอะไรสักอย่าง
“เจ้านกมานี่” ป๊าประกาศออกไมโครโฟนเสียงดังฟังชัด
ชนะวีร์จึงประคองนกตามขึ้นเวทีมา
“ทุกคนฟัง นี่คือทวิช เขาเป็นคนของลูกชายอั๊ว ตาวีร์สรุปแล้วทวิชกับแกเป็นอะไรกัน”
ป๊าหันไปถามชนะวีร์ที่ยืดตัวเต็มความสูง ตามองแน่วแน่และตอบเสียงฉะฉาน
“เขาเป็นคนที่ผมรักครับ”
มีเสียงฮือฮาดังไปทั่วงาน
“ก็ได้ยินกันชัดๆแล้วนะ ดังนั้นอั๊วก็นับเขาเป็นคนในครอบครัวของอั๊วด้วย “
ป๊าหยุดพูดนิดหนึ่งแล้วจ้องหน้าของอาคุง จนอาคุงต้องก้มหน้าหนี
“เหตุการณ์ครั้งนี้ อั๊วจะไม่เอาความ แต่ต่อไปนี้ ไม่ว่าใครก็ตาม ที่มุ่งคิดร้ายกับทวิช อั๊วและชนะวีร์จะไม่เว้นมันไว้อีกเป็นครั้งที่สอง “
ป๊าเว้นจังหวะการพูด เพื่อให้แน่ใจว่า อาคุงได้ยินและเข้าใจในเรื่องนี้ ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่กล้าเถียงอะไรออกมาอีก
เห็นดังนั้น ป๊าก็กวาดตามองญาติๆทั้งหลายแล้วพูดต่อว่า
“อั๊วต้องขออภัยที่ชนะวีร์จะไม่ได้มีภรรยาเช่นที่ลื้อหลายๆคนหวัง หรือคาดเอาไว้ แต่เขามีคนที่รักเขาแล้ว สำหรับอั๊ว อั๊วว่า มันพอแล้ว”
ป๊าพูดจบแล้วกวาดตามองจนทั่วอีกครั้ง หลายคนซุบซิบกัน หลายคนทำท่าทางแสดงความยินดี และไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้
น้าพวงทองกับอาคุงลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินออกจากงานไป
มันเป็นธรรมดา เราจะหวังให้ทุกคนยอมรับและยินดีกับความรักในแบบนี้ก็คงไม่ได้
และหวังให้ทุกคนยอมรับความผิดและกลับตัวกลับใจเพียงชั่วข้ามคืนก็คงไม่ได้
เพียงแต่วันนี้สิ่งที่ป๊าทำ เหมือนกับเป็นการปลดล็อคความกดดันออกไปจากความรักของชนะวีร์และทวิชอีกเปลาะหนึ่งเท่านั้น
นับจากวันนี้ คงมีคนนำเรื่องของชนะวีร์และทวิชไปพูดถึง
เรื่องแบบนี้มันสนุกที่จะเก็บไว้นินทา หรือแต่งเติมให้เจ้าของเรื่องเสียหาย
แต่ก็ช่างมันเถอะนะ
.
.
.
ชนะวีร์พาทวิชมานั่งทำแผลภายในบ้าน
นกที่ดูตัวจ้อยลงกว่าเดิม เพราะไหล่ลู่ และเหมือนจะสั่นนิดๆ ทั้งปากที่ระบมเม้มเข้าหากัน มือจับกันแน่น ก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆว่า
“ขอโทษนะ”
ชนะวีร์ละมือจากการทายาที่ปากและข้างแก้ม
“ไม่ผิดนี่ ไม่ต้องขอโทษหรอก”
“แต่ถ้าวันนี้นกไม่มา เรื่องคงไม่เกิด คนจะมองวีร์ไม่ดี”
ชนะวีร์โน้มตัวเข้าใกล้ แตะริมฝีปากเบาๆ
“อย่าคิดอย่างนั้นเลยนะครับ”
ชนะวีร์มองนกนิ่ง แล้วพูดช้าๆ
“ไหนตอบวีร์หน่อยสิครับ ว่าตอนนี้ในชีวิตของนก มีคนที่นกนับว่าเป็นครอบครัวกี่คน”
“ก็...ถ้าไม่นับยายกับแม่ที่ไม่อยู่แล้ว ก็มี วีร์ ป๊า แม่ แล้วก็วัฒน์...”
“รวมสี่คนนะ นกฟังวีร์นะครับ คนที่นกต้องแคร์มากๆมีแค่สี่คน นอกจากนั้นแล้ว คนที่เจอในวันนี้เป็นญาติของวีร์ก็จริงอยู่ แต่ส่วนมากแล้วก็เป็นคนที่ผ่านมาเจอกันแค่ปีละครั้งเท่านั้นเอง อย่าแบกรับความรู้สึกของเขาไว้เลยนะครับ”
ถึงแม้คำพูดของชนะวีร์จะทำให้นกรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ความกังวลอย่างไรแล้วก็เป็นความกังวล นกมองชนะวีร์นิ่งด้วยตากลมโตที่ไหวระริกเพราะหยดน้ำตา
“นกกลัวพวกเขารังเกียจวีร์”
ชนะวีร์ยิ้มปลอบ “วีร์ไม่กลัวเลยสักนิด แต่วีร์กลัวนกไม่รักวีร์มากกว่า”
ริมฝีปากรูปของชนะวีร์จรดลงที่หน้าผาก
“ขอบคุณที่รักกันนะครับ ขอบคุณที่ยืนยันว่าจะอดทนฝ่าฟันไปด้วยกัน”
ทวิชหน้าแดง แล้วบ่นอุบอิบ
“ในคลิบนั้นน่ะเหรอ อายจัง ทำไมเอิร์ทต้องถ่ายไว้ด้วยนะ”
“ดีจะตายที่ถ่ายไว้ได้ วีร์จะไปขอไว้แล้วเปิดดูทุกวันเลย”
“ไม่เอาๆ ห้ามเปิดดูแล้ว” ทวิชหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม แล้วซบหน้าลงกับไหล่ของชนะวีร์
“วันนี้เหนื่อยจังเลย” เสียงทวิชอู้อี้อยู่ที่ไหล่
ชนะวีร์ลูบหลังกล่อมทวิช แล้วกระซิบคุยกันเบาๆว่า
“เหนื่อยเพราะต้องเผชิญกับความรู้สึกของคนหลากหลายแบบเลยใช่ไหมครับ วันนี้นกเก่งมากเลยนะครับ เข้มแข็งขึ้นอีกระดับแล้วนะครับ”
ทวิชพยักหน้าหงึกหงักทั้งๆที่ยังซบหน้าอยู่อย่างนั้น
“ขึ้นนอนกันเถอะ” ชนะวีร์กระซิบอีก
นกเงยหน้าจากบ่ากว้าง
ตาเริ่มปรือ
“อาบน้ำไม่ไหว”
“เดี๋ยวจัดบริการอาบน้ำด่วนให้ครับ”
“สระผมด้วยนะ เหมือนจะโดนกระเพาะปลากระเด็นใส่ด้วย”
“ได้เลย เดี๋ยวแถมรางวัลพิเศษให้ด้วย”
“ไม่เอารางวัลได้ไหม เหนื่อยแล้ว”
“เถอะน่า รางวัลนี้ดีมากๆเลยน้า เบาสบายตัว”
"เดี๋ยวพรุ่งนี้เล่นน้ำไม่ไหว ยังไม่รับรางวัลได้ไหม"
ชนะวีร์และทวิชพากันจูงมือแล้วลุกขึ้น และเถียงกันเรื่องรางวัลพิเศษไปตลอดทางที่ขึ้นบันได ทิ้งงานเลี้ยงที่วุ่นวายไว้ด้านหลัง
.
.
.
แถวต้นไม้ที่เกิดเรื่องราวในคืนนี้
ใครคนหนึ่งยืนปล่อยควันล่องลอยในอากาศ
เสียงสวบสาบทำให้เหลียวไปมอง
“สูบเยอะไปแล้วมั้งคืนนี้”
“สังเกตด้วยเหรอ”
“....”
“ทำไมตอนนั้น ถึงได้ไปอยู่บนระเบียงได้ล่ะ”
“...”
“ชอบทวิชใช่ไหม”
“มันใช่ที่ไหนล่ะ” ใครอีกคนเสียงดังขึ้นมานิดหนึ่ง
ซึ่งเจ็กเหลียงกลับยิ้มที่กวนอารมณ์อีกฝ่ายได้
เงียบกันไปอีกครู่หนึ่ง ทั้งสองต่างจ้องมองกลุ่มควันที่เคลื่อนลอยไป
“เรื่องนั้นน่ะ...ไม่ต้องฝากพี่ทวิชหรอก”
“หือ”
“ให้ผมทำแทนสิ ฝากมันไว้ที่ผม ความรักของเจ็กน่ะเอามาไว้ที่ผมได้ไหม”
--จบตอน--
เหนื่อยมากค่ะคุณ
เป็นตอนแรกของเรื่องนกขมิ้นที่ตัวละครเยอะ และมีการใช้งานตัวละครเกือบทุกตัวอย่างหนักหน่วง
(ไม่นับบรรดาแม่ๆในเรื่องวิชารักนะคะ เพราะเรื่องนั้นคิดบทให้แม่ๆง่ายกว่ามาก ฉากก็ไม่ซับซ้อนด้วย)
ในตอนนี้ พยายามจะให้คงอยู่ในรูปแบบการเขียนที่ใช้มาตลอด
แต่ค้นพบว่า ทำไม่ได้เลย เมื่อมันไม่ใช่ฉากเฉพาะระหว่างชนะวีร์กับทวิชแค่สองคนเท่านั้น เมื่อต้องพูดถึงตัวละครอื่นๆ ก็เอารูปแบบการเขียนของชนะวีร์และทวิชมาใช้ไม่ได้เลย เหมือนรูปแบบนั้นมันเป็นของพวกเขาสองคนเท่านั้นน่ะค่ะ
ดังนั้นในตอนนี้ มันจึงมีการบรรยาย ที่ยาวยืด หลุดจากที่ควรเป็น และมีระดับดราม่า ประมาณน้ำในคลองแสนแสบ มีตัวร้ายด้วยอ่า
ตั้งใจจะเขียนตอนนี้ตั้งแต่ตอนหยุดสงกรานต์ค่ะ แต่ว่า....เผลอใจไปแต่งอีกเรื่องเสียก่อน
คิดว่า ยังทันอยู่นะคะ เป็นควันหลงสงกรานต์ควบวันฉัตรมงคลและวันพืชมงคล
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ
สุขสันต์วันหยุดค่ะ
@ t o n s w i n d
-
:ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
กรีดร้ออออออออออออออออออออออองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อะไรคืออาเจ็กเหลียงกะเอิร์ธธธธธธธธ
แล้วเจ็กรักใครมาก่อน ฮือๆๆๆๆๆๆ แอบเศร้าเล็กน้อย อดีตคนรักเจ็กไปไหนแล้ว
ไม่ๆๆๆ เราต้องมุ่งมั่นที่เอิร์ธ พิชิตใจอาเจ็กให้ได้นะคะ o13
-
กรี๊ดด ตอนพิเศษ นกเข้มแข็งมาก
-
น่ารักอีกแล้วววววว
วีร์ใจดีจัง แจกรางวัลพิเศษด้วย เอิ๊กๆๆ :z1:
ตอนท้ายคืออัลไล! เจ็กกับเอิร์ทนี่ยังไง เปิดเรื่องใหม่มั้ย 555555 :hao6:
-
ชอบมากกกเลย มีต่อไหมมมอยากอ่าน
-
เดึ๋ยวก่อนนนนนนนน
อะไรคือคู่ปิด แอร๊ยยยยยย เชียร์เอิร์ธด่วน!
-
มีLikeกดLike. มีLoveกดLove ให้เลย
ฟินๆกับความรักอันมั่นคงทั้งของตัวเอกและครอบครัว
:hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
อ้า..แล้วตอนท้ายเนี่ยเปิดอีกคู่เหรอ หน่วงนะถ้าแบบนั้นน่ะ
:hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
....
-
อ้าวๆอาเจ็กกับเอิร์ทอยากให้มีบทบาทอีกจัง
-
ยังน่ารักเหมือนเดิมอ่ะ แต่ขัดใจตรงที่ไม่จัดการนังคุงเนี่ยล่ะ น่าจะตื๊บสักหน่อย เซ็งอ่ะ :m16: :m16:
ว่าแต่ตอนจบคืออัลไร มีอีกคู่หรอ? :m12: :m12:
-
ขออนุญาตระบายความในใจ ที่ไม่ได้มุ่งไปในทางตำหนิผู้แต่งแต่อย่างใดทั้งสิ้น
มีอยู่จริงๆหรือคะ?? คนที่รู้สึกสำนึก กังวล และหวาดกลัวทั้งหัวใจว่า อาจจะไม่เป็นที่ต้อนรับ
เป็นตัวปัญหา ต้องระวังเนื้อระวังตัวทุกกริยา ไม่แน่ใจอะไรเลย
เพราะต้องมาโดนจับผิดด้วยสายตาของญาติแฟน
เป็นไปได้ใช่ไหมที่เขา จะสามารถมีความมั่นใจพอที่จะเผชิญหน้าผู้ใหญ่
ที่มีท่าทีไม่พอใจ ถามคำถามโหดๆ ดูถูก และแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่ารังเกียจ
แล้วยังมีสติ มีความกล้าพอที่จะตอบคำถาม มั่นใจพอที่ จะแสดงความมั่นคงในรัก โดยลำพัง
นี่คือคำถามที่สงสัยเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่ ไม่ชอบอะไรในเนื้อเรื่องทั้งสิ้น
ป้าไม่เชื่อเรื่องการพาแฟนไปผ่านด่าน เอาชนะใจพ่อแม่ ญาติพี่น้อง
โดยเฉพาะการทำดี อดทน กล้ำกลืนฝืนใจ เพื่อให้ได้รับการยอมรับ
ป้าเชื่อเรื่อง การเคียงข้างกัน การให้ค่ากับคนที่คู่ควร การถนอมน้ำใจคนที่รักและแคร์คุณมากกว่า
ไม่ค่อยชอบกับการปล่อยแฟนใว้ในกลางวง รอให้มีคนโจมตี มีคนรอซ้ำ
โดยที่อีกคนทำเพียง ยืนให้กำลังใจอยู่ห่างๆนอกวง คอยอวยพรว่า
อย่ายอมแพ้ ทนๆให้ไหวนะ รับให้ได้สิ เดี๋ยวก็ได้รับการยอมรับ"สักวัน"
ซึ่งขอบคุณคุณคนแต่งที่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ผ่านการกระทำของวีร์
ว่าถ้าคุณเข้มแข็งพอ คุณดูแลกันและกัน คุณอยู่เคียงข้างกันเสมอ
ไม่ว่ารักและชีวิตคู่ จะมีปัญหาแค่ไหน อย่างไร ทั้งคู่จะร่วมเผชิญหน้าและผ่านมันไปด้วยกัน
:pig4:ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆค่ะ^^
-
นกเข้มแข็งขึ้นมาก อดทนนะ
อะไรคืออาเจ็กเหลียงกับเอิร์ท อ้ากกกห
-
อาเจ็กกับเอิร์ธคืออะไรคะ วีร์นกนี่หลุดโฟกัสไปเลยยยย
-
หวีดอาเจ็กเหลียงกับเอิร์ทด้วยคนค่ะ 55555555 เป็นอะไรที่เคมีมามากๆ อยากอ่านมากด้วย /ทำตาปริบๆ /ฮา
ชอบนกมากเลยค่ะ ดีใจที่นกเข้มแข็ง ดีใจที่เห็นความกล้าของนกขึ้นมาอีกขั้นนึง วีร์เองก็น่ารักมากๆเลย
ขนาดนั่งคนละโต๊ะยังคอยมองคอยเป็นห่วงอยู่ตลอด น่ารักจริงๆค่ะ
สำหรับตอนนี้เราว่าเขียนแบบนี้ก็ไม่แย่นะคะ ไม่ได้แย่อะไรเลย ชอบมากเหมือนเดิม ขอบคุณสำหรับตอนต่อๆมานะคะ <3
-
นกเก่งมากๆ
แต่เจ็กเหลียงกะเอิร์ทนี่คืออัลลัยยยยย
-
ป๊าเท่ มากๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อาคุงไรนั้นโดนแค่นี้ยังน้อยไป :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
-
มีคู่ใหม่ให้ฟินอีกแล้ว :impress2:
-
อยากอ่านเรื่องของคู่ เจ็ก-เอิร์ท ต่อจัง~
ขึ้นหัวข้อเรื่องสั้นใหม่อีกเรื่องดีมั้ย 555
-
ดีงาม นกเข้มแข็งมาก o13
-
ดีนะที่ไม่เศร้า สนุกมาก o13
มาต่ออีกนะ
-
นกสู้ๆๆ
อ๊ายยย คู่เจ็กเอิร์ท
-
ชอบ สนุก :katai2-1:
อยากอ่านเรื่องของเจ็กเหลียง :hao4:
รอ :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เพิ่งเข้ามาอ่านชอบมากกก ประทับใจกับความรักของวีร์และนก ขอให้รักกันตลอดไปนะ
-
นกขมิ้น ตอน สิทธิ์ของคนคนเดียวกัน
ลักพาญาติตัวเองไปซ่อน นี่ต้องโทษดำเนินคดีไหมนะ ถ้าเสียค่าปรับไม่มากก็น่าลอง
ชนะวีร์คิดขณะเปิดประตูคอนโดเข้ามาเห็นคนที่นั่งอยู่บนพื้นห้อง
เจ็กกับเอิร์ทอีกแล้ว
“มาบ่อยไปไหม” ชนะวีร์ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ตั้งแต่เกิดเรื่องที่บ้านคราวก่อน เจ็กเหลียงก็หาเรื่องเอาของมาฝาก และแวะเวียนมาหาทวิชอยู่บ่อยๆ ทุกครั้งต้องมีเจ้าเอิร์ทตามมาด้วย
“หลานเค้าสวัสดีอาของตัวเองกันแบบนี้เหรอ” เจ็กเหลียงที่นั่งขัดสมาธิอยู่เงยหน้าขึ้นมองนิดหนึ่ง
“แล้วมึงมาทำไม” ชนะวีร์หันไปหาเรื่องเอิร์ทแทน
“นั่นสิ” คนที่แก่ที่สุดในห้องก็สงสัย
“พี่ควรขอบคุณผมนะ ” นั่นเอิร์ทตอบคำถามหรือเปล่า
ชนะวีร์ขมวดคิ้ว กวาดตามองวงไพ่ที่ทั้งสามล้อมวงกันเล่นบนพื้น แล้วยิ่งขมวดคิ้วแน่น
“ใครเอาเหล้าให้นกกิน”
ทวิชที่ตอนนี้เอาแต่นั่งมองชนะวีร์ตาใส หัวเราะออกมานิดหนึ่ง แล้วสั่นหัวแรงๆ
“ไม่ใช่ เจ็กบอกว่านี่ไวน์”
“เจ็ก” ชนะวีร์หันไปเรียกอาของตัวเองเสียงเข้ม
“ก็คนแพ้ก็ต้องถูกลงโทษไง แล้วเจ้านกมันก็แพ้เกือบทุกตา” เจ็กเหลียงเล่าด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ
“ก็ใครกันที่โกงทุกตา” เสียงเอิร์ทเบาแต่ชนะวีร์ก็ได้ยิน
“เจ็ก” ชนะวีร์ปราม
“แค่สนุกๆน่า” เจ็กเหลียงเงยมองชนะวีร์ “เอาน่า เชื่ออั๊ว”
ชนะวีร์หรี่ตา แล้วนั่งลงกับพื้นซ้อนด้านหลังทวิชไว้
ทวิชหันมอง ทำให้ชนะวีร์เห็นแก้มที่เรื่อแดง ปากนั่นก็ด้วย
“จะเล่นด้วยเหรอ” นกถาม
“ช่วยนกดีกว่า อยากชนะไหม”
“อยาก เจ็กบอกว่า ถ้านกชนะเจ็กได้หกตา เจ็กจะยอมพาไปดูหนังเก่าที่บ้าน”
ชนะวีร์ลูบหน้าตัวเอง เล่นถูกทางเสียด้วย อาเจ็ก
“เดี๋ยววีร์พาไปหาซื้อก็ได้ ไม่เห็นต้องไปบ้านเจ็กเลย”
ทวิชส่ายหน้า “ไม่มีหรอก เรื่องที่เจ็กบอก นกตามหาอยู่นานแล้ว”
ชนะวีร์ถอนหายใจ พับแขนเสื้อขึ้น
คงต้องสู้กันสักตั้ง ชนะวีร์สบตาอาเจ็ก ด้วยสายตาของการประกาศศึก
เจ็กเหลียงเพียงยิ้มมุมปาก แล้วผายมือ
เอิร์ทที่มองทุกอย่างอยู่ก็อมยิ้มเช่นกัน
จู่ๆก็มีโอกาสได้ดู เซียนไพ่สองคนประลองกัน คิดถูกแล้วที่ทิ้งตั๋วคอนเสิร์ตแล้วตามเจ็กเหลียงมาทันทีที่รู้ว่า เจ็กกำลังจะไปหาทวิช
ชนะวีร์เล่นไพ่ได้เก่งพอๆกับเจ็กนั่นแหละ
ชนะวีร์มีพรสวรรค์ทางนี้ตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ร้างมือไปนาน
ตานี้ทวิช (ที่เล่นโดยชนะวีร์)จึงชนะ
“คิดล้างครูหรือยังไง” ริมฝีปากเจ็กบึ้งนิดหน่อย
ชนะวีร์ยักไหล่ “ในเกม ไม่มีความปราณี เจ็กเคยสอนผมเอง” แล้วเลื่อนแก้วไวน์ที่เทจนเต็มส่งให้
เจ็กมองแก้วนั้นนิ่ง แล้วมองมาที่เอิร์ท “กินแทนหน่อย”
อย่างนี้ทุกที เอิร์ทถอนหายใจ เจ็กเหลียงยังคงพูดเสียงนิ่งๆ แต่ทำไมเขาถึงรู้ว่านี่กำลังขอร้องให้ช่วยอยู่ เขาเอื้อมมือคว้าแก้วนั่น
“ไม่ได้” ชนะวีร์ยั้งมือเขาไว้ แล้วสบตาเอิร์ท
“ทำไมถึงไม่ได้ ทีลื้อยังเล่นแทนนกเลย” เจ็กเหลียงถาม
“เพราะผมก็คือนกและ นกก็คือผม แต่ เอิร์ทก็คือเอิร์ท เจ็กก็คือเจ็ก” ชนะวีร์มองมาที่เจ็ก
หากจะยอมให้ดื่มแทนกัน ก็ต้องยอมรับมาก่อนสิ
เจ็กเหลียงเบือนหน้าหนี
เอิร์ทเองก็รอคอย
และ
แก้วก็ถูกคว้าไป เจ็กเหลียงปาดหยดไวน์ที่มุมปาก
เอิร์ทยิ้มเพื่อสลัดความขื่นในหัวใจ
“งั้นถ้าลื้อเล่นแพ้ นกต้องเป็นคนดื่มไวน์” เจ็กเหลียงเริ่มจะไม่พอใจที่คุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้ จึงเริ่มพาล
“นกไม่เคยดื่ม”
“ลื้อก็รู้ว่าอั๊วก็คออ่อนพอกัน”
อาและหลานเริ่มต่อรองกัน
“งั้นก็ได้”
เกมดำเนินไปเรื่อยๆ คนเล่นมีสามฝ่าย เจ็กเหลียง นกและชนะวีร์ แล้วก็เอิร์ท
เกมส่วนใหญ่มีน้ำหนักที่ เจ็กเหลียงและชนะวีร์ แต่ก็มีเอิร์ทคอยตัดเกมอยู่บ้าง และเขามักทำให้เกมเปลี่ยนทิศทางอยู่บ่อยครั้ง
อย่างครั้งนี้
อาเจ็กมองเขาตาเขียว แล้วคว้าแก้วไวน์ยกดื่มรวดเดียวหมด
“ลื้อไม่ช่วยอั๊ว” น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อนั้น เพราะเจ็กคงเมาแล้ว
“ตรงไหน” เอิร์ทถาม
“ลื้อรู้ว่า อั๊วรอไพ่ใบนั้นอยู่ใบเดียวก็จะชนะ แต่ลื้อกลับทิ้งให้เจ้าวีร์เก็บ”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง”
“อย่ามาแกล้งซื่อนะ ลื้อก็เจ้าเล่ห์พอๆกับเจ้าวีร์นั่นแหละ”
.
.
.
เกมต่อเนื่องไป จนหมดไวน์ไปแล้วหลายขวด ชนะวีร์กับเจ็กเหลียงผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ
แรกๆ ทวิชก็พยายามนั่งตัวตรงและระวังตัว เพราะเกรงใจอาเจ็กและเอิร์ท แต่ตอนนี้ทวิชนั่งทิ้งน้ำหนักลงกับอกของชนะวีร์เต็มที่
ไพ่ในมือเหลือ สามใบ และชนะวีร์ดูเคร่งเครียดพอควร เพราะถ้าชนะตานี้ นกจะได้ดูหนังที่อยากดูแล้ว และเขาคิดว่าเขาชนะแน่ๆ
นกมองไพ่ แล้วเอนกลับมาพิงที่อกของชนะวีร์
ทวิชไล่มองไปตามเสี้ยวหน้าและปลายคางของชนะวีร์ ที่ครุ่นคิดอะไรนิ่งอยู่
ปากนั่นน่าจูบจัง และทวิชไม่ชอบเลยที่ชนะวีร์สนใจอย่างอื่น
“วีร์” น้ำเสียงลากยาวและอ้อนมาก
“หือ” ชนะวีร์รับคำ หันมามอง แล้วก็ชะงัก ทวิชในตอนนี้ เป็นทวิชที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
นกเบียดเข้าใกล้ ยกตัวขึ้นเพื่อกระซิบที่ข้างหู “จูบ”
ให้ตายเถอะ อะไรเข้าสิงทวิชหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าทวิชไม่เคยอ้อน แต่การอ้อนทุกครั้งจะเป็นไปด้วยความเขอะเขิน และไม่เคยปล่อยเทคนิคการอ้อนในเลเวลนี้มาก่อน
“เดี๋ยวนะครับ” ชนะวีร์กระซิบกลับไป
“ช้า” อาเจ็กเร่ง
“อือ ช้า” นกก็เห็นด้วยแต่หมายความคนละเรื่อง เพราะตอนนี้นกเองยกตัวขึ้นอีกนิดแล้วโน้มคอชนะวีร์ลงให้จูบกัน เรียวปากของนกช่างเรียกร้อง ชนะวีร์มีหรือจะอดใจไหว จึงจูบตอบไป ทั้งๆที่รู้ว่ามีใครมองอยู่
“ทิ้งไพ่ด้วย” อาเจ็กไม่ทุกข์ร้อนกับบทจูบตรงหน้า ตรงกันข้ามกลับยิ้ม แล้วเร่งในเรื่องอื่น
ชนะวีร์ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าหยิบไพ่ใบไหนทิ้งลงไป เพราะตอนนี้ ทวิชน่าสนใจที่สุด
ตราบเท่าที่ได้ยินเสียงอาเจ็ก หัวเราะนั่นแหละ จึงรู้ตัวว่าพลาดเสียแล้ว
ชนะวีร์แพ้ เพราะทิ้งไพ่ผิดใบ
เขาถอนหายใจ แล้วกระซิบถามนก
“ดื่มอีกแก้วไหวไหมครับ”
นกพยักหน้า เอื้อมมือคว้าแก้ว ดื่มไปสองอึก ตอนนี้ทุกอย่างดูเอียงเอนและหมุนติ้ว จนต้องเอนพิงกับอกของชนะวีร์อีกครั้ง
“ไม่ไหวแล้ว วีร์ช่วยนะ”
“ไม่ได้ ห้ามใช้สิทธิ์การเป็นคนๆเดียวกัน” เจ็กห้าม
เอิร์ทถอนหายใจ บางทีคนที่เป็นผู้ใหญ่ก็มีบางเรื่องที่ยังอ่อนไหวและเป็นเด็ก
ทวิชจึงดื่มไวน์เข้าไปอีกอึก ไวน์บางส่วนไหลเลอะมุมปากเป็นทาง
ไวน์ในแก้วยังเหลืออีกนิด แต่มันน่าจะเกินขีดจำกัดของทวิชแล้ว
ทวิชยกแก้วจรด กรอกไวน์เข้าปาก คุกเข่าขึ้นเพื่อให้สูงกว่าชนะวีร์
แล้วป้อนจูบพร้อมไวน์ให้กับเขา
นกไม่ได้ผิดข้อตกลงนะ นี่ก็นับว่าดื่มเหมือนกันไม่ใช่หรือ
ใครกันที่บอกว่าเขาเป็นจอมบงการ ทั้งดุเสียจนทวิชน่าสงสาร
อยากให้รู้ว่า คิดผิดทั้งหมด
เป็นทาสต่างหาก
ชนะวีร์เองก็เพิ่งรู้สถานะของตนเองเอาตอนนี้ ว่าถ้าหากทวิชเกิดเอาแต่ใจขึ้นมา และหยิบยื่นสิ่งใดให้ เขาไม่มีทางจะปฏิเสธมันได้เลย
ทั้งไวน์และรสจูบ
“ห้อง” คำพูดสั้นๆ ที่แสดงว่า ทวิชยังมีบางสิ่งที่อยากจะหยิบยื่นให้เขาอีก
“ครับผม” เขาตอบอย่างอื่นได้ด้วยหรือ
ชนะวีร์อุ้มทวิชขึ้นในท่าเจ้าสาว มองมาที่สองคนที่เหลือในวงไพ่ “ขอตัว”
“ยังไม่จบเลย” อาเจ็กยิ้มล้อ
แต่ตอนนี้ทวิชเข้าคลอเคลียอยู่ที่ใบหูของชนะวีร์ ลิ้นสีชมพูลากยาว แล้วงับมันเบาๆ
“ยอม” ชนะวีร์ตอบแค่นั้น เพราะไม่อยากเสียเวลา
ทวิชผ่านคืนนั้นไป โดยที่จำอะไรแทบไม่ได้ แต่กลับทิ้งความประทับใจอย่างที่สุดไว้ให้ชนะวีร์
ไวน์สักขวดในบางค่ำคืนก็ไม่เลวนะ
.
.
.
เมื่อประตูห้องนอนปิดลง
เจ็กเหลียงหัวเราะ และทิ้งตัวนอนลงบนพื้น
ปล่อยให้เอิร์ทเก็บกวาด และเก็บไพ่เข้าสำรับ
ขวดไวน์ยังวางอยู่
เอิร์ทกำลังจะยกมันไปเก็บไว้
“เดี๋ยว” เจ็กเหลียงลุกขึ้นนั่ง กวักมือเรียกให้เอิร์ทนั่งลงบนพื้น
“อะไรอีกครับ อยากเห็นทวิชเมาก็ได้เห็นแล้วนี่ครับ สนุกพอแล้วมั้ง”
“อือ ได้กำไรที่เห็น เจ้าวีร์ในแบบนั้นด้วย”
“พอใจแล้วสินะครับ”
“ยัง” เจ็กแย่งไวน์ในมือของเอิร์ท ยกดื่ม แล้ว
โน้มคอคนเป็นเด็กเข้าหา
รสไวน์หวาน จูบของอาเจ็กยิ่งหวานกว่า ลิ้นที่กวาดและตวัดเล่นกันในโพรงปาก ฝ่ายหนึ่งหนีฝ่ายหนึ่งตาม ปลายลิ้นที่แตะไปตามแนวฟัน ริมฝีปากที่เม้มลงบนปากของอีกฝ่าย ฟันที่ขบลงบนปากของอีกคน ทำให้หอบหายใจถี่
เจ็กเหลียงดันตัวออกแล้วผ่อนลมหายใจ “เราไม่มีวันได้ใช้สิทธิ์ของคนคนเดียวกัน”
เอิร์ทใช้จมูกเกลี่ยไปมาบนหน้าผาก “จะให้ผมตัดใจก็อย่ามาง้อกันแบบนี้”
-โปรดติดตามตอนต่อไป-
ทวิชบทน้อยไปหน่อย แต่ถ้าเพิ่มบทของทวิชมากกว่านี้ก็จะติดเรท18+ น่ะสิ
จะไม่หายไปนานแบบนี้อีกแล้วค่ะ
@ t o n s w i n d
-
เจ็กใจร้ายกับเอิร์ทจัง
-
อร๊ายยยยย นกเมาแล้วขี้อ้อนแบบเรทๆมากกกกก ><~~
เจ็กเหลียงนี่ชักยังไง
เหมือนตบหัวแล้วมาลูบหลังเอิร์ทเลย
ต้องลุ้นต่อคู่นี้ๆๆ
-
ฮื่อออออ ชอบ
18+ก็เอาจ้าาาา
นกน้อยน่ารักกกก
วีร์ตามใจนกจริงๆเล้ย
พระเอกแบบนี้มีที่ไหนอีก
อยากได้5555
แวะมาอัพอีกน้า
ขอบคุณจ้า
-
นกเมาแล้วขี้อ้อนแฮะ
น่ารักดีค่ะ
ชอบบรรยากาศเรื่องนี้มากๆ
มันเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีใครเหมือน
-
ถ้าจะอ้อนได้น่ารักขนาดนี้...ทวิชควรจะมีไวน์ติดบ้านไว้เยอะๆๆๆนะ
ฮาาาา
-
ฮือออ
นกน้อยโดนล่อลวงอีกแล้ว
อาเจ็กนี่จับทางถูกจริงๆ
หรือว่านกน่ารักเกินไปนะ??
-
พ.. เพิ่มบทของทวิชเถอะค่ะ ; /////////// ; ... เขินนนน อยากอ่านนกน้อยขี้ยั่วแล้วค่ะ
ในบรรดาเคะทั้งหมดของคนเขียนเราชอบนกที่สุดแล้วค่ะ ไม่ใช่แค่เพราะตรงสเป็ค(?)นะคะ แต่เพราะความขี้ยั่วเบาๆ(?)นี่แหละค่ะ
แบบหลงเลย ~ ชอบคนที่ยั่วอย่างเป็นธรรมชาติ แถมมีอุบายร้อยแปดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงหนีนกน้อยตัวนี้ไปไม่รอดอยู่แล้ว
ขำที่วีร์บอกว่าตัวเองเป็นทาสต่างหากมากเลยค่ะ 555555555
ชอบคู่เจ็กเหลียงกับเอิร์ทนะคะ ชอบบรรยากาศแบบกึ่งๆกลางๆ จริงๆชอบแบบนี้มากกว่าที่ลงเอยเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ(สำหรับคู่นี้นะคะ)
รู้สึกเหมือนจะเดินต่อก็ไม่ได้ แต่จะหยุดก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี .. เป็นโมเม้นที่ต่างคนต่างรู้ว่ารักแต่ก็พูดไม่ได้สุดๆเลยค่ะ
ชอบมากกกกกก อยากติดตามเรื่องราวของคู่นี้ต่อนะคะว่าจะเป็นยังไง /อยากเห็นคนแก่โดนปีนเกลียวจะแย่แล้ว - / -
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเหมือนเคยนะคะ ถึงแม้ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้เม้นเลยก็ตาม T ____ T
รักเหมือนเดิมค่ะ <3
-
:sad4: สงสารเอิร์ธ จัง
-
:กอด1:
-
วีร์เหมาลังเลย อย่าแค่ขวดเดียว 5555555555 :laugh:
อาเจ็กนี่ยังง :ling1:
:pig4: :pig4:
-
ตามอ่านช้าไป แต่ก็มีอีกคู่ให้ลุ้น
-
นกน้อยจ๋า เมาแล้วแสดงความเป็นใหญ่เลยเนอะ
แต่รักความเมานี้มาก อยากจูบนกจูบ อยากอ้อนนะอ้อน :-[
เจ็กก็ใช่ย่อย
มาทำแบบนี้เอิร์ธจะหนีไปไหนรอดดดด
-
นกน้อยยั่วเบาๆกรุบกริบๆ
เจ็กเหลียงใจร้ายกับเอิร์ทจังเลย อยากให้สองคนนี้คู่กัน
-
นกเมาแล้วขี้อ้อนดีนะ :-[
สงสารเอิร์ธอ่ะ โธ่ เจ๊กอ่ะ :hao5:
-
กรี๊ดดดดดด เจ็ก! ตบหัวแล้วลูบหลัง แล้วตบหัวซ้ำอีกรอบชัดๆ! :katai1:
-
ชอบบบบบบบบบ อยากเป็น #ทาสนก ด้วยคน
-
นกขมิ้น ตอนจบ
Nothing lasts forever.
ไม่มี สิ่งใดที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ทวิชเข้าใจข้อความนี้ นับตั้งแต่ยายจากไป และยอมรับมันได้ดีขึ้นเมื่อแม่จากไป
แต่... ทวิชคงไม่สามารถรับความเจ็บปวดได้เลย ถ้าชนะวีร์จะเปลี่ยนไป
ท่ามกลางความหอมหวานและความสุขของการอยู่ใกล้ๆชนะวีร์ ความกังวลก็เติบโตขึ้นด้วย กังวลว่า สักวันชนะวีร์จะไม่รักกันอีกต่อไป ผู้ชายสองคนจะรักกันได้นานแค่ไหน
ชายควรคู่กับหญิงไม่ใช่หรือ เป็นคู่ชีวิตที่อยู่กันด้วยความรัก เป็นครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูกน้อย
“วีร์อยากมีลูกหรือเปล่า” ช่วงนี้ทวิชถามคำถามนี้บ่อยๆ เพราะลูกพี่ลูกน้องของชนะวีร์มักส่งรูปหลานชายอ้วนจ้ำม้ำให้ดูทางเฟซบุค
ทวิชเห็น ว่าชนะวีร์มองรูปเหล่านั้นอยู่นานและยิ้ม
ทุกครั้งชนะวีร์ไม่ตอบคำถามแต่จะคว้าตัวทวิชไปกอดบ้าง หยิกแก้มบ้าง ทำนองว่า คิดมากอะไรกัน
“นกมานี่เร็ว” ค่ำวันหนึ่ง ชนะวีร์ที่นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงรีบเรียกให้ทวิชที่เพิ่งจะออกจากห้องน้ำ
“คู่คุณพ่อชนะคดีแล้วนะ เค้าได้ลูกคืนแล้ว” ชนะวีร์เล่าข่าวของคู่รักชายต่างชาติที่พยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ได้ลูกของพวกเขาคืนจากแม่อุ้มบุญ
ทวิชยิ้ม ดีใจกับครอบครัวของพวกเขา แล้วแอบมองเสี้ยวหน้าของชนะวีร์ที่ยังคงตั้งใจอ่านรายละเอียดของข่าว แม้ทวิชไม่ได้เห็นหน้าตัวเองในตอนนี้ แต่ก็รู้ดีว่า ความเศร้าคงฉายชัดในดวงตา
อาจดูเป็นคนคิดมากในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ทวิชก็รู้สึกว่า บางที หากชนะวีร์เจอผู้หญิงดีๆสักคน ชนะวีร์คงจะได้มีครอบครัว มีลูกที่น่ารัก
มันห้ามไม่ได้เลยที่ ทวิชจะเฝ้าคิดวนเวียนว่า เป็นเขาใช่ไหมที่ทำให้ชีวิตของชนะวีร์บิดเบี้ยว ไม่สมบูรณ์
ปีที่แล้ว ชนะวีร์ปฏิเสธการย้ายไปรับตำแหน่งที่สูงขึ้นในต่างประเทศ แม้ว่าชนะวีร์จะยืนยันหนักแน่นว่าเพราะไม่ชอบงานบริหาร แต่ทวิชเองก็รู้ว่า ส่วนหนึ่งก็เพราะชนะวีร์เป็นห่วงเขา
เย็นของอีกวัน ทวิชเห็นการ์ดแต่งงานวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว การ์ดสีอ่อน แทบไม่มีลวดลาย แต่ทวิชรู้สึกได้ว่า มันเป็นการ์ดแห่งความรัก
“เพื่อนสนิทสมัยมัธยม” ชนะวีร์เห็นทวิชจ้องการ์ดแผ่นนี้อยู่นาน จึงเดินเข้ามาโอบและคลอเคลีย “ไปด้วยกันสิ”
ทวิชส่ายหน้า
“ไปเถอะ จะได้พาวีร์กลับไง เผื่อวีร์เมา” ชนะวีร์อ้อน
“ก็นั่งแท็กซี่” ทวิชช่วยหาทางออกให้
“ใจร้าย ห่วงกันหน่อยสิ” ผู้ชายตัวโตทำแก้มป่องไม่พอใจแบบนี้ ก็ตลกดีเหมือนกัน
สุดท้ายทวิชก็ต้องมา จะมีครั้งไหนไหมนะที่ ทวิชจะใจแข็งชนะลูกอ้อนของชนะวีร์
อยู่กันมาหลายปี ยังทำไม่ได้สักครั้ง
ในงานแต่ง ชนะวีร์และทวิชนั่งคู่กัน เพื่อนๆของชนะวีร์ต่างเวียนมาทัก ถ่ายรูป บางคนก็ถามว่าทวิชเป็นใคร
ทวิชกลั้นหายใจ วีร์จะอึดอัดหรือเปล่า จะอายหรือเปล่า
“แฟนกู” แต่ชนะวีร์ไม่เบื่อที่จะตอบทุกครั้งด้วยรอยยิ้ม และโอบทวิชไว้ตลอดเวลา บางคนทำหน้าแปลกใจ บางคนยิ้มล้อ แต่ไม่มีใครรังเกียจ
ทวิชยิ้มน้อยๆ ช่างโชคดีที่สังคมรอบข้างชนะวีร์ยอมรับทวิชเอาไว้ด้วยอีกคน
งานแต่งของเพื่อนชนะวีร์เป็นไปด้วยความเรียบง่าย อาจเพราะว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวตั้งใจจัดขึ้นให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้ถึงความรัก ไม่ใช่เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่หรือร่ำรวย
ในช่วงเวลาที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวพูดความในใจว่าพวกเขารักกันแค่ไหน
น้ำตาของทวิชหยดลงอย่างช้าๆ ชนะวีร์เอื้อมมือข้างหนึ่งมากุมมือที่เล็กกว่าไว้ แล้วใช้หัวแม่มือเกลี่ยหยดน้ำตาออกจากแก้มให้อย่างแผ่วเบา
ความรักมันแปลก แค่รับรู้ว่ามีคนอีกคู่หนึ่งที่รักกัน ก็กระทบกระแทกหัวใจให้คนรอบๆข้างรู้สึกปีติยินดีตามไปด้วย
ทวิชเงียบยิ่งกว่าเดิม ในระหว่างที่นั่งรถกลับมา ชนะวีร์กุมมือเขาไว้ตลอดทางโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
เขารู้สึกว่า ทวิชครุ่นคิดและกังวลในเรื่องนั้นมาสักระยะแล้ว
.
.
.
ทันทีที่ทวิชกลับเข้าบ้าน ชนะวีร์ปิดหนังสือในมือลง หนังสือที่ชนะวีร์ไม่เคยชอบ แต่เพราะทวิชชอบ ชนะวีร์จึงเริ่มอ่านมัน
เกือบเดือนมาแล้ว ที่ทั้งชนะวีร์และทวิชงานยุ่งมาก บริษัทกำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทุกฝ่ายต้องเตรียมตัวกับอย่างหนัก
พวกเขาพูดกันน้อยลง กินข้าวด้วยกันน้อยลง บางวันทวิชต้องอยู่เคลียร์งานจนดึก ทวิชยืนยันจะกลับเอง ทวิชจะหน้างอหากชนะวีร์ยืนยันที่จะรอ ชนะวีร์จึงต้องยอมกลับก่อน
ชนะวีร์สัมผัสได้ว่า ทวิชเองจงใจทำให้เกิดความห่างเหินระหว่างกัน
หากไม่นับเรื่องพูดน้อยลง ทวิชยิ้มน้อยลงด้วย
“กินข้าวมาหรือยัง”
ทวิชเพียงพยักหน้า แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
ระหว่างนั้น ชนะวีร์พยายามทบทวนว่า มีตรงไหนที่ชนะวีร์มองข้ามไปหรือเปล่า
การ์ดแต่งงานอีกแล้ว
ชนะวีร์ถอนหายใจ เพื่อนๆรวมทั้งตัวชนะวีร์ อยู่ในอายุที่พร้อมแล้วสำหรับการสร้างครอบครัว ไม่แปลกที่จะได้รับการ์ดแต่งงานถี่กว่าปีก่อนๆ
แต่ชนะวีร์ไม่อยากไป
ทำไมน่ะหรือ
เขาไม่อยากให้ทวิชไปเห็นอะไรที่ทำให้ต้องคิดมากอีก
“เดี๋ยววีร์ไปเอง คราวนี้งานที่ชุมพร คนนี้รู้จักกันมาตั้งแต่ประถม จะไม่ไปก็ไม่ได้ แต่นกงานยุ่ง รออยู่กรุงเทพนะ”
ทวิชเงียบไปนาน ก่อนจะพยักหน้า
“นก...เข้าใจวีร์ใช่ไหมครับ” ชนะวีร์เริ่มร้อนใจที่เห็นท่าทีอย่างนั้น “วีร์แค่ไม่อยากให้นกเหนื่อย”
ทวิชยิ้มนิดหนึ่ง “ไปเถอะ ขับรถดีๆ”
เป็นการขับรถกลับชุมพร ที่ชนะวีร์ไม่สบายใจเลย
มีบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
“ป๊า” ชนะวีร์เดินตรงไปหาป๊าทันทีที่ถึงบ้าน “จะว่าอะไรไหม ถ้าวีร์จะขอแหวนของแม่” มันเป็นแหวนทองวงเกลี้ยงที่ป๊าหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง
ป๊านิ่ง ชนะวีร์เริ่มกระวนกระวาย
“ก็คราวก่อนไหว้บรรพบุรุษ แล้วรับขวัญไปแล้วนี่” นั่นหมายความว่า ป๊าไม่ยินดีให้ใช้แหวนที่ป๊าสวมให้แม่ในวันแต่งงาน
“ไม่เป็นไรครับ วีร์แค่...” จู่ๆชนะวีร์ก็พูดอะไรไม่ออก สิ่งที่ชนะวีร์กำลังกลัวอยู่ยิ่งทบทวี
“ทำไมถึงคิดจะให้แหวน” ป๊าถาม
“เผื่อเขาจะได้มั่นใจขึ้น ไม่สิเผื่อผมจะมั่นใจมากขึ้นว่าเขาจะไม่ไปไหน”
งานแต่งงานของเพื่อนจัดริมทะเล
ชนะวีร์ขับรถไปงานด้วยหัวใจปวดหน่วง นกไม่รับโทรศัพท์เลย ทำไมกัน
ยังไม่ทันลงจากรถ ชนะวีร์ก็ได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานใหญ่
“คุณชนะวีร์ เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆคุณทวิชถึงยื่นหนังสือลางาน”
ตัวของชนะวีร์ชา มือที่กำโทรศัพท์สั่น
ชนะวีร์นิ่ง ตอบคำถามไม่ได้
“ยังไงคุณสองคนคุยกันก่อนนะ” ผู้จัดการฝ่ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเห็นใจ เพราะเขาเห็นคู่รักนี้มาหลายปี
ชนะวีร์ต่อสายหาทวิช ความทุกข์ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตกำลังเกิดขึ้นกับชนะวีร์ เขากลัวว่ากำลังจะสูญเสียคนสำคัญไป คนที่เขารักที่สุด
นก คิดอะไรอยู่
ทวิชรับสายแล้ว แต่ไม่พูดคำใดๆ
“นก...” ส่วนชนะวีร์ก็เหลือแรงพูดได้แค่คำนี้
“วีร์ นกมีเรื่องอยากขอบคุณ”
น้ำตาของชนะวีร์ไหลทันที
“นกขอบคุณที่วีร์เข้ามาในชีวิต ขอบคุณที่ทำให้นกไม่นอนฝันร้ายอีกเลย ขอบคุณที่ทำให้รู้จักความกลัว ความโกรธ ให้รู้จักว่าหึงเป็นยังไง ให้เข้าใจว่าการนั่งกินข้าวกับคนที่บ้านเป็นยังไง ขอบคุณที่พานกเข้ามารู้จักกับ ป๊า กับแม่ และวัฒน์ และขอบคุณที่ทำให้นกรู้จักความรัก”
นี่อาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ทวิชพูดอะไรได้ยาวแบบนี้
“แต่วีร์รู้ไหม...ยังไงนกก็เป็นผู้ชาย นกมีลูกให้วีร์ไม่ได้” เสียงนกแหบเครือ
ชนะวีร์ลิ้มรสน้ำตาที่เค็มปร่า ขณะตวาดเสียงลั่น “หยุดงี่เง่าเดี๋ยวนี้นะ นกอยู่ไหน วีร์จะไปหาเดี๋ยวนี้”
นกสะอื้นฮัก “วีร์ วีร์ไม่เสียใจเหรอที่ตลอดชีวิตนี้ วีร์จะไม่มีโอกาสอุ้มลูก ได้เห็นเขาโต”
“นก วีร์บอกให้หยุดคิดเรื่องนี้ แล้วบอกมาว่าอยู่ไหน” ชนะวีร์ตะโกนก้องรถ มันไม่ใช่เสียงตะโกนเพราะความโกรธ แต่เป็นเพราะความกลัวจนถึงที่สุด
“วีร์ตอบนกก่อน”
ชนะวีร์สูดหายใจลึก น้ำตาของเขาไหลพรูอย่างไม่สามารถห้ามได้
“วีร์ขอให้เป็นนก ขอนกคนเดียว อย่าว่าแต่มีลูกไม่ได้เลย ต่อให้นกไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ต่อให้เป็นอะไรก็ตาม ขอให้คนคนนั้นเป็นนกก็พอ เข้าใจวีร์ไหมนก” ปลายเสียงอ้อนวอน
ทวิชสะอื้น “ต่อให้ตัวเหม็น”
“วีร์ก็จะกอด”
“ถ้านกแก่จนหนังเหี่ยว”
“วีร์ก็ยังจะจูบ”
“ฮึก ถ้านกอายุมากจนมองไม่เห็น”
“วีร์จะจูงนกเอง”
“วีร์จะอยู่กับนกไปจนแก่เฒ่าใช่ไหม” เสียงของทวิชแหบและขาดห้วง แต่ชนะวีร์ได้ยินมัน
เขายิ้ม ปาดน้ำตา แล้วตอบ “ครับ เราจะอยู่ด้วยกันจนลมหายใจสุดท้าย”
เสียงเคาะกระจก และทวิชยืนอยู่ตรงนั้น น้ำตาเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้า ในสูทสีขาว
ชนะวีร์รู้ทันที ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เขาสบถแล้วเปิดประตู ถลันออกมา กอดทวิชไว้แน่น กดทวิชเอาไว้ให้ใกล้หัวใจที่สุด
อย่าหายไปนะ ขอร้อง
นานหลายนาทีกว่าอ้อมกอดจะคลาย ชนะวีร์จึงได้รู้ว่า นอกจากเขาและทวิชแล้ว ยังมีบุคคลที่เขารักอีกหลายคนยืนล้อมอยู่ ป๊า แม่ ธานิวัฒน์ อาเจ็กเหลียงและเอิร์ท เพื่อนสนิท ทั้งสมัยเรียน และเพื่อนร่วมงาน
เมื่อตั้งหลักได้ ชนะวีร์ก็คว้าตัวทวิชเข้าหาอีกครั้ง เพื่อ...
ตีก้น
“ห้ามเล่นแบบนี้อีก ห้ามคิดมากงี่เง่าอีก แล้วมาตัดหน้าขอวีร์แต่งงานแบบนี้ได้ยังไง วีร์ต้องเป็นคนขอสิ แล้วลางานคืออะไร เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้วนะ” ชนะวีร์ฟาดก้นทวิชไม่หยุด แต่ทวิชกลับยิ้มแล้วกอดชนะวีร์ไว้แน่น ยอมให้ชนะวีร์ตีก้นจนพอใจ
เป็นอาป๊าที่สงสารลูกรัก จนต้องร้องห้าม “เจ้าวีร์ พอแล้ว เจ้านกมันเจ็บ”
ชนะวีร์หยุดมือ แต่ยังกอดทวิชไว้แนบอก “ป๊าร่วมมือกับนกมาหลอกวีร์ทำไม ถ้าป๊าให้แหวนตามที่วีร์ขอ วีร์ก็ได้เป็นคนขอนกแต่งงานแล้วเนี่ย”
“จะให้ได้ยังไง ก็เจ้านกมันมาขอไปแล้ว”
ทวิชซื้อแหวนวงหนึ่งสำหรับชนะวีร์ และขอแหวนแต่งงานของป๊ากับแม่ ไปปรับขนาดเพื่อให้พอดีกับนิ้วของตน
พิธีเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว
ชนะวีร์สวมแหวนให้ทวิช จากนั้นทวิชจึงสวมแหวนให้บ้าง
น้ำตาของชนะวีร์ยังไหลไม่หยุด เป็นน้ำตาของความสุขและความปลาบปลื้ม ทวิชเองก็ร้องไห้ตลอดเวลา
ไม่รู้ว่านี่เป็นพิธีแต่งงานแบบศาสนาไหน แต่มันเป็นพิธีแต่งงานที่มีความรักล่องลอยหมุนวน
ชนะวีร์และทวิชจับจูงกันเดินไปจนสุดชายหาด ขากางเกงถูกพับขึ้นครึ่งแข้ง ชนะวีร์เป็นเจ้าบ่าวที่ไม่หล่อเอาเสียเลย เพราะใส่เสื้อยืดโปโลแบบลำลอง แถมตอนถ่ายรูปก็เห็นชัดว่าตาบวมแดง ส่วนทวิชเป็นเจ้าบ่าวที่น่ารักที่สุดในชุดสูทสีขาว ถึงแม้จะร้องไห้จนขนตาเปียก แต่ก็ยังดูน่ารักอยู่ดี
“ความจริง นกเตรียมสูทสีขาวไว้ให้วีร์ด้วย แต่ตอนนั้นมัวแต่ร้องไห้เลยลืมหยิบให้ใส่” ทวิชเล่าไปหัวเราะไป ทวิชในวันนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นกน้อยตัวนั้นออกจากเงาสีเทาหม่น แสดงอารมณ์มากขึ้น ร่าเริงมากขึ้น
“ต่อให้ชุดโทรมกว่านี้ วีร์ก็จะแต่ง” ชนะวีร์ยิ้มกว้าง ปากหยักสวยของชนะวีร์ยังคงน่าจูบเหมือนวันแรกๆที่เจอกัน วันนี้เขามีความสุขที่สุดทั้งๆที่ก่อนหน้าไม่นานเพิ่งจะทำความรู้จักกับความทุกข์อยู่แท้ๆ “เตรียมงานทั้งหมดนี่เลยเหรอ เก็บเสียเงียบเลยนะ แสบมาก แล้วเนี่ยมันต้องเป็นวีร์สิที่ทำเซอร์ไพร้ส วีร์เลยไม่เท่ห์สักนิด ร้องไห้ด้วย” ชนะวีร์ยีหัวทวิชจนยุ่ง
"ถ้าบอกวีร์คงทำให้นกทั้งหมด"
"อ้าวแล้วไม่ดีเหรอ"
ทวิชส่ายหน้า "นกอยากทำอะไรให้วีร์บ้าง"
"เพราะแบบนี้เลยทิ้งให้วีร์กินข้าวเย็นคนเดียวตั้งนาน"
"ขอโทษนะ"
ชนะวีร์ยิ้ม ทวิชทำหน้าสำนึกผิดได้น่าเอ็นดู "ทำให้ขนาดนี้ จะโกรธลงได้ยังไง"
“อย่างน้อยถ้านกเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ให้วีร์ไม่ได้ แต่อยากให้วีร์รับรู้ว่านกตั้งใจจะใช้ชีวิตไปกับวีร์” ตาโตหรุบต่ำ แพขนตากะพริบไหว ทวิชพยายามพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา มันช่างยากสำหรับคนที่สื่อความไม่เก่ง
"แค่รักวีร์ก็พอ" ชนะวีร์กระชับมือของทวิชแน่นเข้า
เมื่อห่างไกลจากสายตาของคนมากพอแล้ว ชนะวีร์จึงดึงทวิชเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเขี่ยกันไปมา สูดดมลมหายใจของกัน ริมฝีปากบดเข้าหากัน มอบจูบแรกในนามของคู่ชีวิต
และมีจูบอีกนับไม่ถ้วนนับจากนี้
ชนะวีร์และทวิชอยู่ด้วยกันตามคำมั่นที่ให้ไว้
จริงอยู่ ไม่มีสิ่งใดจีรัง แต่อย่างน้อย ก็ขอให้เขารักกันให้นานที่สุด ตราบเท่าเวลาที่เหลือของชีวิต
ในบางวันหากคุณมาเที่ยวชุมพร อาจเจอผู้ชายมีอายุสองคนเดินเคียงกันไปตามชายหาด และถ้าคุณได้ยินเขาฮัมเพลงนกขมิ้นอยู่เบาๆ ก็อาจเดาได้ว่า พวกเขารักกัน
-จบ-
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบค่ะ
@ t o n s w i n d
-
T T
ขอบคุณ คุณ treenature มากๆนะคะ
ชอบชนะวีร์กับนกทวิชมากจริงๆ ตอนจบนี่ทำร้องไห้ด้วยเลย
รอ spin off นะคะ หวังว่าเรื่องนั้นก็จะแฮปปี้เอนดิ้ง :P
/กอดคุณ treenature
-
น่ารักเสียจริง (แอบมีเสียน้ำตาเล็กน้อย ฮา)
ขอบคุณค่ะ
-
:sad4: :sad4: อ่านแรกๆสงสารนกอีกแล้ว
แต่ก็ happy ending เย้ๆๆ
-
โอ้ยยยน่ารักก
-
:pig4: นกและวีร์เป็นความรักที่ซาบซึ้งมากค่ะ
-
จบแล้วอ่ะขอตอนพิเศษบ่อยๆเน้อคิดถึง
-
ซึ้งมากกก อยู่ด้วยกันไปนานๆนะวีร์นก
-
โรแมนติกมาก เซอร์ไพรส์สุดๆ *เราแอบร้องไห้ด้วย*
นกน่ารักอ้ะ มีแอบไปขอแหวนตัดหน้าวีร์ด้วย
:-[
ขอให้ทั้ง2คนรักกันนานๆเน้อ ถึงไม่มีลูกก็ไม่เป็นไร
ชอบมากๆๆๆๆๆ เสียดายที่จบซะแล้ว
ขอบคุณคนเขียนนะคะ รักเรื่องนี้มาก!
:กอด1: :pig4: :L1:
-
:L1: :L1:
-
ทำคนอ่านน้ำตาไหลอีกแล้วนะวีย์กับนก
ว่าแต่หาดไหนของชุมพรนะ จะไปแอบดูคู่นี้ อิอิ
-
มันดี มันดีมากๆ :ling1:
-
โอยยยย หวานมากเลยยยยย
ซึ้งอ่าาา แอบมีน้ำตาตลอตามไปด้วยเลย งือออออออ
-
เรื่องนี้คือดีมากกกกกกก อ่านแล้ว เห็นมุมมองความรัก มากขึ้นเยอะเลย
-
เกือบร้อง นึกว่านกจะทิ้งวีร์ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ :กอด1:
-
น่ารักมากครับ อยากอ่านเรื่องของเจ็กเหลียงกับเอิร์ท
ขอบคุณครับ
-
เสียน้ำตาเก้อเลยเรา :katai2-1:
-
จบซะแล้ว ขอบคุณที่เขียนให้อ่านนะครับ
โอย เหมือนโดนทวิชหลอกไปด้วยคน
ทั้งซึ้งทั้งขำ ลืมใส่สูทซะได้
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นน่าดู เพื่อนๆ ก็ดี
ดีใจที่ทวิชกับชนะวีร์ได้เจอที่ที่ของตัวเอง
-
ชอบความรักของนกกับวีร์จริงๆ
-
ลูกนกของแม่โตแล้วววว ภูมิใจ กระซิกๆ // คุณพ่อคุณแม่น้องชายของพี่วีร์น่ารักมาก :กอด1:
-
เป็นเรื่องสั้นที่ดีมากๆเรื่องนึงเลยค่ะ มีจุดพีคทุกๆตอน ทำเอาเราน้ำตาซึมไปเลย... และสุดท้ายเราก็ได้เห็นพัฒนาการความรักของนกและวีร์ จบแบบแฮปปี้... ขอบคุณคนเขียนมากๆค่าาา :mew1: :mew1:
-
มีความสุขกับนกและวีร์ อยู่ดูแลกันและกันจนแก่เฒ่านะ
-
นกอย่างเซอร์ไพรซ์มากอ่ะ นกน่ารักมากจนเริ่มอิจฉาวีร์แล้วเนี่ย :ling1: :ling1:
-
ฮือ ไม่อยากให้จบเล้ย
-
ฮืออออ ตอนสุดท้ายซึ้งอ่ะ เป็นคู่ที่น่ารักมาก
-
ทำไมพออ่านจบ ไปฟังเพลงนกขมิ้นแล้วรู้สึกเหมือนฟังเพลงรักกก :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
-
ทีแรกเห็นคนแนะนำเรื่องนี้เยอะเลยมาลอกอ่านดู คือชอบมากๆจริง รักนกกับวีย์ เราชอบอ่านเรื่องสั้นนะยิ่งเรื่องนี้คือดีมากๆ ได้ใจความได้ความสุขได้อมยิัม อินกับทุกเหตุการณ์ รู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาเจอและอ่านเรื่องนี้รักก
-
ตอนแรกเข้าใจว่านกขมิ้นอาจจะเป็นนิยายผีหรือสยองขวัญเพราะชื่อแปลกๆ.ฮา เข้ามาอ่านแล้วน่ารักมากก หวานที่สุดเลยน้องนก :heaven
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
ตอนแรกไม่กดเข้ามาอ่านเพราะเดาทางอะไรไม่ได้เพราะชื่อเรื่อง ตอนนี้ได้กดเข้ามาอ่าน ดีมากกก แรกๆบรรยากาศทึมๆมาก แต่ตอนหลังๆนี่เขินไส้บิดไปหมดแล้วค่ะ 55555555 แงง ลูกนกของเราเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วค่ะ ดีใจกับเขาด้วย :man1: :man1:
-
น่ารักทั้งคู่เลย :กอด1: :กอด1:
+ เป็ดคะ
-
เพิ่งมาตามอ่าน... น่ารักจนหยุดยิ้มไม่ได้เลย ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องน่ารักแบบนี้มาแบ่งให้อ่าน +เป็ด
-
อ่านแล้วยิ้ม อุ่นในใจ สนุกมากค่ะ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ :กอด1:
-
มันดีมากๆเลย ซึ้งสุดๆ :mew2: ไม่อยากให้จบเลย :hao5:
-
เพิ่งขึ้นปี1ค่ะ ตั้งแต่เปิดเทอมไม่มีเวลาเข้ามาอ่านนิยายเลย เข้ามาเจออีกทีนกขมิ้นก็จบซะแล้ว เสียดายจังค่ะอยากอ่านไปอีกนานๆเลย ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้ค่ะ
-
เป็นเรื่อวที่น่ารักมากเลยค่ะ เดี๋ยวจะอ่านอีกรอบ
-
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ ชอบมาก เกือบพลาดเรื่องดีๆ ไปซะแล้ว
เหมือนได้ศึกษาชีวิตคู่ของนกน้อยและพ่อหมี
เห็นพัฒนาการ การเติบโต และการปรับตัวไปด้วยกัน
ชอบสำนวนคนเขียนมากเลย
ไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากอ่านต่อเรื่อยๆ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ผู้ชายชื่อนกน่ารักอะไรอย่างนี้ เรื่องก็สนุก มีอะไรให้ลุ้น ลงเอยแฮปปี้และเข้าใจกัน ดีต่อใจมาก
-
อยอุ่นในหัวใจมากๆเลย :pig4: :pig4: :pig4:
-
ขอบคุณค่ะ
-
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ชอบทุกตัวละครเลย อ่านรวดเดียวจบ :katai2-1:
ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะ อ่านแล้วทำให้รู้สึกถึงความรักที่สวยงามมันยังมีอยู่จริงๆนะ :mew1:
-
ชอบเรื่องนี้จังเลย ละมุนมาก อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆ
-
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆมาให้กันอ่านนะคะ o13
ประทับใจมากกกกกเลยค่ะ :o8:
-
พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องราวของทั้งสองคนน่ารักมากๆเลยอ่ะ จะติดตามเรื่องอื่นๆต่อไป
-
ดีต่อใจ เป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกหม่นๆตอนอ่านช่วงแรกๆ แต่ดีต่อใจในตอนพิเศษทุกตอน ชอบตอนที่นกอ้อน น่ารักอ่ะ อ้อนในแบบของนกนี่น่ารักจริงๆ ชอบที่เขาดูแลกันในทุกเรื่อง งานเขียนดี ภาษาสวย อ่านง่ายไม่สะดุด
-
ตามมาจากกระทู้โหวต SENGPED AWARDS 2016
ขอบคุณ คุณ treenature ที่แต่งเรื่องที่แสนอบอุ่นละมุนละไมนี้ให้อ่าน o13
-
จะมีตอนพิเศษเพิ่มเติมมั้ยคะ
-
จะมีตอนพิเศษเพิ่มเติมมั้ยคะ
คุณกบขา มีแน่นอนค่ะ แต่นานหน่อยนะคะ
-
จะมีตอนพิเศษเพิ่มเติมมั้ยคะ
คุณกบขา มีแน่นอนค่ะ แต่นานหน่อยนะคะ
จะรอนะค้าาาาาา :hao7:
-
น่ารักมากเลยยยยย
ขอบคุณนะคะ
-
มีคนแนะนำมา อ่านรวดเดียวจบ ซึ้งมากๆ สนุกมากๆเลยค่า ดีต่อใจมากจริงๆ :hao5: :hao5:
คนเขียนมีผล งานเรื่องอื่นๆอีกมั้ยคะ อยากตามไปอ่านอีก :ling1: :ling1:
-
เริ่องนี้ มันดีต่อใจจริงๆ
-
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้ สนุกมากๆเลยค่ะ ซึ้งไปกับความรักของทั้งสองคนมากๆ น่ารัก และอบอุ่นที่สุดเลย
-
เรามองพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย
เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยค่ะ อบอุ่นหัวใจมาก ชอบทุกคนในเรื่องนี้เลย เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ ประทับใจมากเลยค่ะ
-
เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย ทั้งยิ้มทั้งร้องไห้ สนุกดีค่ะ
ขอบคุณนะคะ
-
เห็นเงียบๆ ขี้ยั่วนะเรา :-[
-
น่ารักมาก นายเอกน่าเอ็นดู น่าตีก้นเหลือเกิน
พระเอกก็แสนดี อ่านไปยิ้มไป อิจฉาไป ดีอะไรอย่างนี้
ชอบทวิตตี้เวอร์ชั่นเจ้าเล่ ขี้อ่อย นานๆทีแต่ชอบใจเหมือนได้เป็นพี่วีเสียเอง
แต่งคู่อาเหลียงกับน้องเอิร์ธต่อมั้ยคะ ยังอยากรู้ต่อคู่นี้เค้าจะลงเอยแบบไหน
-
น่ารักมาก. ลูกนกน้อย
-
อ่านไปกี่รอบไม่รู้ แต่ประทับใจเหมือนเดิม :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
:กอด1: ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เขียนได้ดีเลยค่ะ ให้ความรู้สึกละมุน ประทับใจกับความรักที่คนสองคนมีให้กันและความรักที่ครอบครัวมีให้
-
:-[ :-[ :-[ มันเป็นอะไรทีอบอุ่นในใจมากๆ
โอ๊ย......อ่านไปยิ้มไปจนเจ็บแก้มไปหมดแล้ว
ตัวละครน่ารักทุกตัว ยิ่ง วี กับ นก เป็นอะไรที่น่ารักมาก
ขอบคุณนักเขียนนะค่ะสำหรับนิยายดีๆที่เขียนให้อ่าน
:pig4: :pig4: :pig4:
-
โคตรดี รักเรื่องนี้ รักทุกคนในเรื่องนี้ :impress2:
-
ชอบเรื่องนี้ มันดีต่อหัวใจจริงๆ ค่ะ ฮรือออออ! :hao5:
-
อุ่นไปทั้งหัวใจ
ดีใจที่ได้อ่าน
รักคนแต่ง
-
น่ารักมากกเป็นเรื่องที่ดี และเรียลมาก ชอบในหลายๆจุด
ตอนจบน้ำตารื้นเลย เพราะปลื้มปริ่ม
รักนกกับวีร์มาก
-
ขอบคุณคนแต่งมากๆค่ะ เรื่องนี้มันเศร้า
วีร์คือพระเอกที่อบอุ่นมาก
ชอบอ่านแนวนี้จัง
ขอบคุณคนแต่งอีกครั้งนะคะ
อิ่มใจแล้วก็มีความสุขกับเรื่องนี้มากๆค่ะ
-
เรื่องสั้นเรื่องนี้น่ารักมากครับ
ตอนแรกคิดอยู่เหมือนกันว่าจะอ่านเรื่องนี้ดีไหม
เพราะชื่อเรื่องนกขมิ้นคำเดียว เดาเรื่องไม่ออกเลย
แต่ก็คิดถูกแหะที่เข้ามาอ่าน ได้รับรู้เรื่องราวของตัวละคร
เรียนรู้ไปด้วยกันตั้ังแต่ต้นจนจบ มันดีมาก ๆ ครับ ดีมากจริง
ปล. ตอนจบแอบน้ำตาไหลพราก เพราะความตื้นตัน
เดี๋ยวจะติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปนะครับ
:-[ :-[ :-[
-
ชอบอีกแล้วววว การดำเนินเรื่องดีมากเลยค่ะ ชอบภาษาชอบตัวละคร ชอบนิสัยใจคอ ชอบบรรยากาศของเรื่อง ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ
-
มีความสุขกับเรื่องนี้มากค่ะ
ทั้งอ่านไปร้องไห้ไป
อ่านไปยิ้มตามไป
:กอด1: :กอด1:
-
ฮื้ออออ อ่านเรื่อยๆรู้สึก Feel Good มากๆเลยค่ะ
งื้ออ เดี๋ยวจะไปอ่านเรื่องอื่นของคุณคนแต่ง
ชอบภาษา ชอบการบรรยาย แง้ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้เราอ่านนะคะ
บางทีเราทุกคนอาจจะรอใครคนหนึ่งอยู่ก็ได้ เหมือนน้องนกของเราา TT
-
วีร์อบอุ่นมาก นกน้อยก็น่ารักน่าปกป้อง เป็นเรื่องที่คงรู้สึกว่าตัวเองพลาดมากจริงๆ ถ้าไม่ได้อ่าน
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ :mew1:
-
ชอบบบบ ทั้งยิ้ม ทั้งน้ำตาคลอไปกับหลายๆ ตอน
บางครั้งก็เขินเหมือนคนบ้า
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ นะคะ
ดีต่อใจจริงๆ
:L2: :L2: :L2:
-
ผิดที่เราเจอกันช้าไป ฮื่อออออออ เราพลาดที่ไม่อ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไง :hao5:
เป็นเรื่องที่ภาษาสวยอ่านแล้วไม่มีสะดุด ชอบฉากบรรยาย มันทำให้คิดว่าสองคนนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ
คนเขียนเก่งมาก สามารถทำให้คนๆนึงอ่านเข้าถึงเนื้อเรื่องแล้วอินกับมันได้ถึงขนาดนี้
เราชื่นชมผลงานของคุณจริงๆ เรื่องนี้10 10ไปเลยยยยย
-
เป็นเรื่องที่อ่านหลายรอบมาก
อ่านกี่ครั้งก็ให้ความรู้สึกอิ่มในใจเสมอ
-
นกขมิ้น ตอนพิเศษ เชี่ยงชุน
เจ็กเหลียงไม่ได้ชวนทวิชเมาบ่อยนัก แต่การเมาแต่ละครั้งก็ทำเอาชนะวีร์หัวหมุน
คืนนี้น่าจะหนัก
ชนะวีร์เปิดโหมดตั้งรับทันทีที่เหยียบเท้าเข้าบ้าน บ้านที่สร้างในที่ดินที่เคยเป็นของเจ็กเหลียงแต่ตอนนี้ครอบครองโดยทวิช
เขายกมือไหว้เจ็ก คนแก่กว่าเพียงพยักหน้าเบาๆ
“คราวนี้มี ใคร ทำอะไรไม่ถูกใจอาเจ็กอีกล่ะครับ”
ชนะวีร์แกล้งถามด้วยหน้าตาซื่อ ทั้งที่ ‘ใคร’ ในที่นี้มีอยู่คนเดียว
เจ็กเหลียงก็ทำหน้าคล้ายกัน และตอบคำถามว่า
“ไม่มีหรอก แค่คิดถึงตี่จู้ (เจ้าที่)” เจ็กเหลียงแย้มรอยยิ้มบางๆ
คนอะไรคิดถึงเจ้าที่?!? ถ้าคนอื่นผ่านมาได้ยินก็คงคิดว่า อาเจ็กเมาหรือไม่ก็เพี้ยนเต็มที แต่ชนะวีร์ชินเสียแล้ว
“อั๊วเลยเอาเชี่ยงชุน(เหล้าจีน)มาไหว้ตี่จู้”
ชนะวีร์ถอนหายใจ งานยากตามที่เขาคาดไว้จริงๆนั่นล่ะ
“ถวายตี่จู้แล้ว ก็เลยชวนนกชิมนิดหน่อย” เจ็กเหลียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ เหมือนคุยเรื่องดินฟ้าทั่วไป แต่กลับไถลตัวลงนอนกับโซฟา สองแก้มแดงเรื่อด้วยฤทธิ์เหล้าจีน
ชนะวีร์เท้าเอวมอง “จะนอนที่นี่หรือจะให้คนมารับดีครับ”
อาเจ็กไม่ตอบ กลับพลิกตะแคงซุกหน้าเข้าพนักโซฟาตัวยาว คู้ตัวเล็กน้อย ก่อนจะพาตัวเองเข้าสู่นิทราก็งึมงำคล้ายละเมอ
“ใจร้าย”
“ครับ?”
เจ็กยกมือซ้ายโบกไปมาในอากาศ แทนการบอกว่า “ไม่มีอะไร”
สองสามนาทีหลังจากนั้นก็หลับสนิท
ชนะวีร์จึงต่อสายหาใครคนหนึ่ง
“หลับไปแล้ว….อือ….ให้ไว”
ระหว่างรอคนมารับอาเจ็กขี้เมา ชนะวีร์ก็เดินตามหาทวิช คนที่เมาทีไรมักทำอะไรประหลาดจากที่เคย
คราวนี้เขาเจอทวิชนั่งอยู่บนพื้นที่ชานบ้าน
ตรงนี้ลมพัดสบาย
เมื่อชนะวีร์นั่งลงข้างกัน ทวิชหันมามอง ใบหน้าไม่บ่งบอกอะไร แต่กระเถิบตัวหนีออกไปสักหนึ่งวา
ชนะวีร์มุ่นคิ้วนิดหนึ่ง แล้วลองขยับตัวเข้าหา ทวิชก็กระถดตัวหนีอีก
โอเค
ชนะวีร์เข้าใจแล้ว วันนี้ทวิชเปิดใช้ฟังก์ชั่นระวังภัย
ชนะวีร์น่ากลัวตรงไหน!? ดูไม่มีภัยที่สุดแล้ว
ช่างเถอะ
เขายักไหล่
ชนะวีร์เลยทำทีเป็นหันไปสนใจวิวนอกชานบ้านแทน
ต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทวิชจะได้ไม่คิดว่าเขาอันตราย
ชนะวีร์ทอดสายตามองไกล
หลายนาทีอยู่เหมือนกันที่สัมผัสได้ว่า ทวิชมองเขาอย่างสำรวจ พอมองจนพอใจก็หันไปมองน้ำแบบเดียวกับที่เขาทำ
แสงอาทิตย์ส่องแสงเรื่อ ลมพัดวน คลองเล็กๆไหลผ่านหลังบ้าน ทำให้อากาศเย็นดี
บ้านหลังนี้สร้างอยู่ข้างบ้านของป๊ากับแม่ ใช้แบบแปลนคล้ายกัน ชนะวีร์ตั้งใจให้มีชานพักตรงนี้ เอาไว้ให้ทวิชได้มานอนเล่น คิดไว้ตั้งแต่วันที่เห็นทวิชนอนหลับสบายบนตักของแม่ในครั้งนั้น
“เชี่ยงชุนอร่อยไหม”
ทวิชส่ายหน้า “เหม็นด้วย”
“แล้วกินไปเยอะไหม”
ทวิชชูมือขึ้น แล้วมือก็เริ่มเอียง ทำให้ต้องเอียงคอไปตามมือ จากนั้นเริ่มนับนิ้ว
ตอนแรกนับได้สาม จากนั้นก็ส่ายหัว แล้วเริ่มนับใหม่ คราวนี้นับได้ห้า จึงกางมือให้ชนะวีร์แล้วโบกไปมาคล้ายกำลังบ๊ายบาย
ชนะวีร์คลี่ยิ้ม เอื้อมไปจะคว้ามือที่โบกไปมานั่นมากุมไว้
แต่ทวิชรีบหดมือกลับ แล้วกระถดตัวออกไปไกลอีกนิด
ชนะวีร์รีบยกมือยอมแพ้
ไม่ทำอะไรแล้วครับ
เงียบกันไปพักหนึ่ง ชนะวีร์ก็เริ่มชวนคุยใหม่
“เย็นนี้กินข้าวต้มกับไข่เจียวไหม แก้เมา แต่ไม่รู้ไข่ไก่หมดหรือยัง”
“เหลือหกฟอง” ทวิชตอบ
ชนะวีร์พยักหน้า อมยิ้มนิดหน่อย
ไม่ได้เมามากนี่นา ยังคุยกันไหว
“อยากกินไข่ดาว”
“ข้าวต้มกับไข่ดาวเหรอ” มันแปลกๆนะ
ทวิชเผลอตัวบึนปากเล็กน้อย
ก็อยากกินนี่นา
ชนะวีร์หัวเราะ
ตั้งแต่ย้ายมา พวกเขาคุยกันมากขึ้น ด้วยวิถีชีวิตที่ไม่วุ่นวายเท่ากับในเมืองใหญ่ ทุกเย็นเลยมีเวลาพอจะมานั่ง มองน้ำ ฟ้า หรือทะเล แล้วคุยเรื่องไร้สาระกัน บางวันเป็นเรื่องต้นไม้ที่บ้าน บางวันเรื่องปลาหางนกยูง ดาวหางฮัลเลย์ หรือมาม่ารสต้มยำ
มันเป็นเรื่องไร้สาระ ที่ชนะวีร์ คิดว่ามีค่าสูง
ทวิชจะพูดไปเรื่อยเปื่อย
เรื่อยเปื่อยนะ ไม่ใช่เจื้อยแจ้ว ก็เป็นสไตล์แบบทวิชๆ พูดด้วยความเร็วต่ำ แต่ก็ไม่ได้ยานคาง ถามทีหนึ่งถึงจะยอมพูด แล้วรอให้ชนะวีร์ถามใหม่
แต่ทั้งหมด ไม่ว่าเรื่องไหนที่คุยกัน มันทำให้ชนะวีร์รู้จักทวิชมากยิ่งขึ้นไปอีก
จริงอยู่ ว่า ชนะวีร์รู้จักทวิชดี
แต่รู้จักดี ก็ไม่มีทางรู้จักทั้งหมด
ใจคนนั้น ยากแท้ หยั่งถึง
และชนะวีร์ ก็ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อสักนิด ที่จะหยั่งเข้าไปในความคิด จิตใจของทวิช อยากรู้อีกเรื่อยๆ
ความเป็นทวิชนั้นไม่ได้ มนๆทื่อๆ หรือมีด้านเดียว แบบที่เห็นหรอก
มีสิ่งที่น่าแปลกใจ ซ้อนทับกันไปมาอยู่ในตัวทวิชตั้งเยอะ
คิดเรื่องทวิชเสียเพลิน จนรู้สึกว่าทวิชที่นั่งข้างๆเงียบไป
ปกติก็เงียบ แต่ตอนนี้มันเงียบแบบแปลกๆ
นั่นไง
นั่งร้องไห้ เช็ดน้ำตาป้อยๆ
“เป็นอะไร”
“ไม่เห็นมีปลา”
“ปลาอะไร”
“ปลาน่ะปลา อยากเห็นปลา”
ชนะวีร์พยายามทำหน้าให้ดูจริงจัง
“จะลองไปดูตรงตลิ่งไหม”
นี่เขาควรขำก่อนหรือควรมึนก่อนดีที่คนเมาจะดูปลา
ทวิชลุกขึ้นยืน แล้วรอให้ชนะวีร์ลุกตาม
เอาจริงหรือนี่
ทวิชยืนนิ่งอยู่ที่ตลิ่งโดยมีชนะวีร์จับตามอง ใกล้แทบซ้อนหลังกัน เพราะกลัวคนเมาจะโงนเงนตกน้ำไป
แต่ว่ามันมืดแล้วล่ะ จึงมองไม่เห็นอะไรเลย
ทวิชที่จ้องมองตลิ่งอยู่นานหันมาหาชนะวีร์ ไม่ร้องไห้แล้วแต่เสียงเครือน่าสงสาร
“ไม่มีปลาเลย”
“อยากดูมากเลยเหรอ”
ทวิชกดหัวลง มากกว่าการพยักหน้าปกติ แทนคำตอบว่าอยากดูมากๆ
“ไปทะเลไหม” ชนะวีร์รู้ตัวว่ากำลังเสนอทางออกโง่ๆ เหมือนหลอกเด็ก
ซึ่งเด็กเมาก็ไม่ยอมให้หลอกง่ายๆ “ไม่เอา”
“บ้านเจ็กเหลียงมีตู้ปลา ใหญ่มาก” ชนะวีร์ลองอีกที
“ไม่เอา สงสาร”
“สงสารเรื่อง?”
“มันโดนขัง สงสาร”
อืมมมม
ยังไงต่อดี
“งั้นแบบ under water world แบบที่พารากอน หรือสุพรรณ ก็ไม่เอาใช่ไหม”
“ที่นั่นมีตัวนาก” ทวิชเหมือนจะลังเล และงึมงำบอกตัวเอง
“มีปลาฉลาม แล้วก็ปลากระเบนด้วย” ชนะวีร์รีบเติมข้อมูลให้
ทวิชเงียบไปพักใหญ่คงกำลังเถียงกับตัวเอง
“แต่…” ดูเกรงใจแต่ก็อยากเอาแต่ใจ
“ครับ เดี๋ยวพาไป” แค่เห็นท่าทีของทวิชแบบนั้น ชนะวีร์ก็ตัดสินใจทันที จะพาไปให้ได้เห็นทุกอย่างที่อยากเห็น
ทวิชยิ้ม
มีคนมาดูแลอาเจ็กแล้ว นั่งอยู่ที่พื้น พิงโซฟาไว้กั้นไม่ให้คนเมาดิ้นตกลงมา
“ฝากดูบ้านด้วย บอกแม่กับป๊าให้ด้วยว่าไม่อยู่สองสามวัน”
คนรับฝาก ขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้ารับคำ เขามองเลยไปข้างหลังของชนะวีร์ ที่มีทวิชยืนเอียงๆอยู่
“ไหวเหรอครับนั่น”
ชนะวีร์ยักไหล่ “อยากดูปลา พอไม่เห็นแล้วเสียใจ คิดว่าไหวไหม”
คนนั่งพื้นหัวเราะ หึ “โชคดีนะครับ”
ชนะวีร์เดินเข้าห้องนอน เก็บของใช้จำเป็น ส่วนทวิชยืนนิ่งแต่ไม่มั่นคงนัก
“พี่นก นั่งไหม” เขาตบพื้นข้างตัว เอียงเหมือนหอปิซ่าขนาดนั้น จะล้มก่อนได้ดูปลาน่ะสิ
ทวิชส่ายหน้า
“มีคนปากแข็ง แต่จริงๆแล้วเสียใจมาก”
“ครับ?”
“เกราะข้างนอกแข็งมากเลย แต่คนข้างในตัวนิดเดียว” ทวิชพูดไปอีกอย่าง
เข้าใจแล้ว
“ครับ จะถนอมกว่านี้นะครับ”
ทวิชพอใจคำตอบแล้ว จึงเดินเข้าไปหาชนะวีร์ในห้อง
ชนะวีร์พูดทั้งที่กำลังหันหลังหยิบเสื้อผ้าลงกระเป๋า
“รอเดี๋ยวนะนก”
ทวิชไม่ตอบอะไร แต่มาหยุดยืนห่างไปเล็กน้อย
ชนะวีร์ชะงัก หันกลับมามอง
กลิ่นเชี่ยงชุนจางๆจากตัวของทวิช
ทวิชอยากให้เขาทำอะไรสักอย่าง ชนะวีร์ต้องเดาเอาเอง
“เป็นอะไร”
“วีร์ไม่มีกระดอง”
“หือ กระ…อะไรนะ”
“กระดองเต่า วีร์ไม่มีเกราะ ไม่มีกำแพง แต่…ไม่กล้าเข้าใกล้”
ท่าทางจะคุยกันยาว ก่อนหน้านี้พูดเรื่องปลา ตอนนี้พูดเรื่องของเขา แล้วก็เต่า
ชนะวีร์เดินนำไปนั่งที่เตียง ไม่พูดอะไร แต่ส่งสายตากดดันไป สักพักทวิชก็ตามมานั่งที่ปลายเตียง
“ทำไมถึงไม่กล้าเข้าใกล้” นี่คงหมายถึงตอนที่รู้จักกันใหม่ๆแล้วชอบไปเดินอยู่ข้างหลัง
“ทำไมตอนนั้นชอบเดินตามหลัง” ชนะวีร์ถามอีก
ทวิชหลบสายตา
ชนะวีร์ไม่เร่งเร้า
“เพราะว่า ไม่ดีเท่าไหร่”
“หือ?”
“จริงๆคือ ไม่ดีพอ”
ชนะวีร์หันมองทวิช ประเมินว่า ความเมามีผลมากแค่ไหน แต่กลับสัมผัสได้ว่า ทวิชรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“วีร์มองนกมาตั้งนานรู้ไหม ดีพอหรือเปล่าไม่รู้ แต่หาวิธีจะเข้าใกล้ไว้สิบกว่าแบบ เขียนไว้เต็มสมุดอย่างกับวางแผนธุรกิจ”
ทวิชไม่เชื่อ ตาโตมองกวาดไปมาหาจุดน่าสงสัยบนใบหน้าของชนะวีร์
ชนะวีร์เสยผม แก้เขิน “นี่กะว่าจะเก็บเป็นความลับไปจนตายเลยนะ มันไม่เท่ห์เลย”
ทวิชไม่เชื่อหรอก ชนะวีร์แค่แกล้งพูดให้ทวิชรู้สึกดี
“เอ้า พอบอกก็ไม่เชื่ออีก”
ชนะวีร์เลยเริ่มพูดไปเรื่อยๆ “ก่อนขึ้นออฟฟิศ นกชอบสั่งกาแฟร้อนแก้วใหญ่ แต่ไม่เคยกินหมดเลย”
ทวิชทำหน้าตื่นๆ “ชอบใส่นมถั่วเหลืองแทนนมสด จนวีร์เข้าใจว่าแพ้นมวัว เพิ่งมารู้ตอนคบกันแล้ว ว่าไม่ได้แพ้เสียหน่อย ตอนนั้นเลยคิดว่าจะซื้อกาแฟจีบ แล้วเขียนข้างแก้วด้วยข้อความอะไรสักอย่าง แต่คิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร กลัวจะเปิ่น กลัวมันจะตลก”
ทวิชรู้ตัวหรือเปล่า ว่ากำลังเขยิบตัวเข้าหาชนะวีร์ คงอยากฟังอีก
“เคยแอบตามไปห้องสมุดด้วยนะ อ่านหนังสือเยอะจัง หลากหลายจนจับทางไม่ถูก แผนที่จะจีบด้วยหนังสือก็เลยตกไป หวั่นๆว่านกจะกลัวด้วยแหละที่มีใครไม่รู้ตามติดชีวิตแบบนั้น”
ชนะวีร์หันมองนก แกล้งยื่นหน้าเข้าใกล้อีกนิด “กลัวไหม”
“กลัว” แล้วคนขี้กลัวอมยิ้มทำไม “มีครั้งหนึ่ง วีร์ไปตามนกที่โรงหนัง”
“อ้อ คราวที่หนีไปคนเดียวดึกดื่นใช่ไหม คิดขึ้นมาแล้วยังโกรธอยู่เลยนะ ให้วีร์บ่นนกอีกก็ยังได้”
ทวิชส่ายหน้าหวือ “ทำไมไปรอถูกโรง”
“ไม่ยาก นกชอบเลือกโรงที่เป็นซาวด์แทร็ก ซึ่งตอนนั้น มันมีอยู่สามโรง วีร์ก็ไล่เวลาว่า โรงไหนเลิกก่อน ไปนั่งรอที่โรงนั้น ตอนแรก ไปรอโรงที่ 8 แต่ไม่เห็นนกเดินออกมา เลยไปรอโรงที่ 11 ที่เลิกช้ากว่าตั้งชั่วโมง”
ทวิชอมยิ้มจนแก้มตุ่ย
ชนะวีร์มองทวิชด้วยสายตาของความรัก ลูบหัวเบาๆ ระเรื่อยไปตามกรอบหน้า
“ยังเล่าไม่ครบทุกแผนเลยนะ แต่เก็บไว้ก่อน ไว้วันไหน นกคิดมากอะไรแบบนี้อีก วีร์ค่อยเล่าใหม่”
ทวิชล้มตัวลงนอนบนตักของชนะวีร์ จับมือใหญ่ๆนั่นมาแนบกับแก้ม
“ยังอยากไปดูปลาอีกไหม”
“ไปพรุ่งนี้ วันนี้อยากกินข้าวไข่เจียว”
“อ้าวไม่กิน ข้าวต้มกับไข่ดาวแล้วเหรอ”
“เอารสชาติแบบวันแรกที่จีบนะ”
คราวนี้ชนะวีร์หัวเราะเสียงดัง “สุดท้าย ก็จีบติดเพราะคนแถวนี้ตะกละ”
ทวิชก็หัวเราะ
“ไหนขอแรงใจก่อนไปทำไข่เจียวหน่อย”
ชนะวีร์จงใจหลอกให้ทวิชเป็นคนเริ่มจูบ แกมโกงไม่เบาเลยล่ะ ชนะวีร์จะพลาดโอกาสนี้ได้ยังไง บอกแล้วว่า ทวิชไม่ได้เมาบ่อยๆ
มีคนหนึ่งสูบแรงจนอีกคนหมดแรง
ดึกๆวันนั้น มีไข่เจียวบนโต๊ะสามจาน อาเจ็กที่เพิ่งจะตื่นเหมือนกันนิ่วหน้ายุ่ง
“มีอย่างอื่นไหม”
“ทำไมเจ็กยังไม่กลับบ้าน”
“ผมไม่ได้ปลุกเองแหละ” เอิร์ทออกตัวแทน “นอนไม่อิ่มก็ปวดหัวอีก”
“มีอย่างอื่นไหม” เจ็กทำเป็นไม่สนใจ ความเอาใจใส่ของอีกคน
“วันนี้นกอยากกินไข่เจียว”
เหอะ! เจ็กทำเสียงไม่พอใจ แต่ทวิชไม่รู้หรอก ยังคงเคี้ยวไข่เจียวจนแก้มอ้วน เหมือนจะยังไม่สร่างเมาดีเลย เพราะแก้มแดงและดูเหนื่อยๆ
แต่ไข่เจียวอร่อยนะ
—โปรดติดตาม ตอน ดูปลา (คราวนี้ได้ดูจริงๆ) —
แต่ไม่สัญญาว่าจะมาเมื่อไหร่นะคะ
คิดถึง ชนะวีร์กับทวิช เนอะ
ตอนนี้ เชื่อมกับหลายๆตอนก่อนหน้าค่ะ พล็อตค่อนข้างซ้ำกับตอนเมาครั้งที่หนึ่งอยู่เหมือนกัน เอาไว้อ่านเล่นๆนะคะ
-
เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆจริง กลับมาอ่านก็หลายครั้ง
ดีใจมากเลยที่มาเขียนตอนพิเศษให้ :mew1:
อยากอ่านคู่เอิร์ทอาเจ็ก น่าจะงอแงกันน่าดู :hao3:
-
อ่านแล้วยังอมยิ้มแก้มตุ่ยเหมือนเดิม...อบอุ่นในหัวใจ :pig3: :pig3: :pig3:
-
โอย... ทวิชน่ารักน่าฟัดมากมาย ชนะวีร์ก็สุดยอดสามีแห่งปี ฮา
-
คิดถึงนกกับวีร์จังเลยยยย ทุกครั้งที่มีตอนพิเศษจะทำให้อยากกลับไปอ่านตั้งแต่ต้น-จบตลอดเลยค่ะ
บางครั้งที่ฝนตกแล้วบรรยากาศมันเงียบๆเรื่อยๆก็หยิบเอาขึ้นมาอ่านตลอดเลย คิดว่าถ้าเป็นหนังสือเนี่ย
คงเป็นเล่มที่หยิบมาเปิดบ่อยๆจนเปื่อยก็ไม่เสียดายเลย ชอบบรรยากาศเรื่องนี้มากๆเหมือนเดิม
อ่านทุกครั้งก็ยังชอบเหมือนเดิมทุกครั้งเลยค่ะ
นกน่ารักมาก วีร์ก็น่ารักเหมือนกัน //แต่เราหลงนกมากเลยอ่า ... พ่อหมีไม่งอนนะ (ฮา)
ขอบคุณพี่ต้นนะคะสำหรับตอนพิเศษน่ารักๆนี้ อยากรู้เรื่องของเจ๊กกับเอิร์ทแล้วไม่รู้พี่ต้นลงหรือยัง ต้องไปตามหาแล้วล่ะค่ะ
ช่วงนี้ชีวิตพังๆมากเลย แต่ก็ยังมีนิยายดีๆมาเยียวยาใจ หลังจากอ่านหนังสือเสร็จแล้วจะต้องกลับมาอ่านตั้งแต่ต้นให้ได้เลยค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งและจะรอตอนพิเศษตอนต่อไปนะคะ ^^
-
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นตลอดเวลาเลย
รักในความเรื่อยๆ แต่อบอุ่นนี้
-
น่ารักจังงงงงง
-
นกยังน่ารักเหมือนเดิมเลยย
-
คิดถึงนกกับวีร์มากกกกกก
วีร์ยังเอาใจใส่และเข้าใจนกเหมือนเดิมเลย
นกก็น่ารักตลอดเลยอ่าาา
รออ่านตอนดูปลานะคะ~~ :z2:
-
:pig4: :pig4:
-
:-[ :-[ :-[
-
:pig4: :pig4:
-
อบอุ่นนนนนน :mew1:
-
คิดถึงนกกะวีร์ เข้ามอ่านเรื่องนี้ซ้ำๆ ชอบบรรยากาศของเรื่อง
-
ชอบเรื่องนี้จัง อบอุ่นมากค่ะ
-
เจ็กน่ารักน่ากอดจัง
-
กรี๊ดตอนใหม่น้องนกมา
คิดถึงมากๆ เลยทั้งวีร์และน้องนก
นกยังคงมึนและคิดมาก แต่น่ารักเสมอ
อยากอ่านตอนไปดูปลาค่ะ
-
เป็นเรื่องสั้นที่ดีมากเลยค่ะ
จากอารมณ์หม่นๆมาเป็นอบอุ่นแล้วดีงามที่สุด
นกน้อยน่ารักมาก ชอบตอนที่ดื้อกับพี่หมีจัง
ดื้อ คิดมากแต่ก็แคร์หมีที่สุด
ชอบตอนอ้อนด้วย ทำไมเป็นคนที่น่ารัก น่าตีขนาดนี้นะ555
อยากให้คนเขียน เขียนไปเรื่อยๆไม่หยุดตายตัว
คิดถึงก็แวะมาเขียน เราก็จะแวะมาอ่านค่ะ5555
ให้เป็นนิยายที่ว่าคิดถึงได้เสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม
..เก็บเข้าลิสต์นิยายที่เข้ามาอ่านมากกว่า 2 ครั้ง :กอด1:
-
เพิ่งเคยได้อ่าน น่ารักมากๆค่ะ
-
คิดถึงชนะวีร์กับทวิช เป็นเรื่องที่ได้อ่านกี่ครั้งก็รู้ดี
-
ถ้าจะน่ารักกันขนาดนี้นะคะ :-[ ตายสนิทเลยค่ะ
-
ตอนพิเศษ ดูปลา
เช้าวันถัดมา
“ป่ะ ขึ้นรถ” ชนะวีร์เอ่ยชวน ทวิชที่เพิ่งจะอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ
แต่ทวิชมองหน้างงๆ
ก็จำได้อยู่หรอกนะ ว่าเมื่อคืนเมา แถมด้วยอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวเกินกว่าทุกที เมื่อคืนวีร์คงพาทำอะไรเกินกว่าที่เคย
นึกถึงตรงนี้แม้ทวิชจะทำหน้านิ่ง แต่ไม่สามารถควบคุมสีของแก้มที่แดงขึ้นได้
แต่ว่า ขึ้นรถทำไม?
“ก็เมื่อคืนนกร้องไห้ เพราะอยากดูปลาไง วันนี้วีร์เลยจะพาไปดู”
ทวิชขมวดคิ้วแน่น
“ปลาอะไร”
“นั่นสินกอยากดูปลาอะไร” ชนะวีร์หันมองคนที่หัวคิ้วยังไม่คลายจากกัน
สรุปก็ไม่รู้แน่ชัดว่าทวิชอยากดูปลาประเภทไหนกันแน่
แต่ก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งประจำที่ไม่ต้องให้เรียกซ้ำ
ชนะวีร์ขับรถไม่เร็วนัก รู้สึกสบายใจกับการค่อยพารถเคลื่อนไปพร้อมกับวิวนอกหน้าต่างที่เริ่มมีสีเขียวของต้นไม้ให้เห็นมากขึ้นทีละนิดจนครึ้ม
พอรถไต่สูงขึ้น สองข้างทางก็มีแต่สีของใบไม้และอากาศแบบป่าเขา
ตอนแรกทวิชเอาแก้มแนบไปกับกระจก มันเย็น จนหัวเราะออกมา
จากนั้นก็ลดกระจกลง สัมผัสความสดชื่น แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น
ชนะวีร์รู้สึกยิ่งกว่าการที่โรงแรมได้กำไรเกินเป้าหมาย เขาดีใจที่ทำให้ทวิชมีความสุขกับสิ่งพวกนี้
“บนนี้จะมีปลาเหรอวีร์”
“มีสิ เดี๋ยวพาไปดู”
น้ำตกนี้มีนักท่องเที่ยวไม่มาก
มีบางชั้นที่น้ำใสแจ๋ว ผีเสื้อบินว่อน และเห็นปลาสีสวยว่ายไปมา
ทวิชนั่งนิ่งๆ มองธรรมชาติรอบตัวอยู่นาน บางขณะดูมีความสุข บางขณะกลับดูเศร้า
“ไม่ชอบเหรอ” ชนะวีร์เอาเสื้อคลุมไหล่ของทวิช เพราะอุณหภูมิของอากาศลดลง
“ชอบ”
งั้นชนะวีร์ถามใหม่
“เห็นแล้วคิดถึงอะไร”
ทวิชหันมาสบตาชนะวีร์ ทวิชไม่รู้ว่าทำไมชนะวีร์ถึงเก่งนัก ความในใจที่ทวิชเพียรซ่อนถึงไม่เคยคลาดสายตาชนะวีร์ไปได้
“คิดถึงยาย” แล้วน้ำตาก็หยดเผาะ
“บ้านของยายติดริมน้ำ เวลานกร้องไห้งอแง ยายก็จะโอ๋ แล้วชวนดูปลา” เสียงเล่าเรื่องนั้นค่อนข้างแหบเครือ
“จำได้ด้วยเหรอ” ชนะวีร์ให้ทวิชยืมหัวไหล่เพื่อเช็ดน้ำตา
“ไม่รู้ว่าทำไมถึงจำได้ แต่ภาพอะไรๆตอนเด็กมันชัดมาก”
“คิดถึงใช่ไหม”
ทวิชถูหน้าลงกับไหล่
“งั้นไปบ้านยายกัน” ชนะวีร์คิดว่า เขาหาสาเหตุของที่คนเมาและโยเยอยากดูปลาเจอแล้ว
คงมีเวลาหนึ่งที่จู่ๆความทรงจำในวัยเด็กก็สะกิดเรียก
ชนะวีร์ตัดสินใจขับรถลงเขาในค่ำนั้นเลย ทางค่อนข้างมืด แต่ไม่เกินฝีมือ
ทวิชที่นั่งคู่ คอยชวนคุยและช่วยมองทาง มือขวาพาดอยู่ที่หน้าขาของคนขับ
เป็นอย่างนั้นไปจนถึงปลายทาง
แสงแรกของวันเป็นสีส้มเข้มๆ
บ้านของยายยังอยู่ตรงนั้น แต่สภาพทรุดโทรม ตามความร้อนหนาวและกาลเวลา
ทวิชตั้งใจมาตลอดทางว่าจะไม่ร้องไห้
แต่
ทำไม่ได้เลย
คิดถึง
คิดถึงมาก
รั้วบ้านเก่าจนสามารถเปิดเข้าไปได้โดยไม่ต้องไขกุญแจ
ทวิชลูบมือไปตามผนังด้านนอกของตัวบ้าน เป็นการกระทำราวกำลังสัมผัสกับคนที่ห่างหายไปนาน
อิฐที่เขรอะฝุ่นและหยากไย่
ยาย นกกลับมาแล้ว ขอโทษนะครับที่ไม่เคยกลับมาดูแลเลย
บ้านหลังนี้ แม่ของเขาปล่อยให้เช่า เป็นคนเช่าที่สนิทคุ้นเคย และเช่าอยู่เป็นสิบปี
หลังจากนั้น คนเช่าที่แก่ชราก็ได้จากไป ลูกหลานจึงย้ายไปลงหลักปักฐานที่ใหม่
และทวิชก็เลือกที่จะปล่อยบ้านทิ้งไว้อย่างนั้น
ไม่กล้ากลับมา
เพราะกลัว ความสุขที่เคยมี กลัวว่าความคิดถึง โหยหา จะรุนแรงจนกลายเป็นเจ็บปวด
ไม่ผิดหรอก ใช่ เขากลัวความสุขในอดีต เพราะหากย้อนนึกถึงมันแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้มันกลับคืนมาได้ ทำให้ยายยังอยู่ด้วยกันตรงนี้ ไม่ได้
จึงพยายามซ่อนความทรงจำนี้เอาไว้
แต่บางคืนก็เห็นบ้านหลังนี้ในฝัน
บ้านที่มียาย น้ำใส และปลา
ทวิชเดินเรื่อยจากหน้าบ้านมาจนถึงริมคลอง มีชนะวีร์เดินตามมาเงียบๆ
หญ้าบางจุดรกทึบ
ขาทวิชถูกเกี่ยวเป็นรอย แต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจ
ตรงนั้นมีแพเก่าๆ
ทวิชจะก้าวลงไป แต่ชนะวีร์รั้งไว้ทัน
“มันอาจจะผุมากแล้ว” เขาให้เหตุผล
ทวิชก็ไม่ดื้ออะไร ยอมยืนอยู่ที่ริมฝั่ง
มองน้ำสีส้มขลั่กเนื่องจากดินโคลน
น้ำไม่ใสเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีปลาเหมือนเมื่อก่อน
ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
ยายไม่อยู่แล้ว และไม่มีใครอุ้มมาปลอบใจตรงนี้
แต่ความสุขส่วนหนึ่งถูกเก็บเอาไว้
ในสมองหรือว่าหัวใจกันนะ
ในอะไรสักอย่าง
แต่มันยังอยู่
ในวินาทีนี้ ทวิชคิดได้ว่า ไม่ควรกลัวการกลับมาหาอดีต
และขอบคุณตัวเองที่ยังจำความสุขในตอนที่มียายอยู่ได้แม่น
ถึงแม้จะร้องไห้กับมัน แต่การจำได้ดีกว่าการลืมมันไป
ทวิชยิ้มออกมาทั้งๆที่น้ำตายังไหล
.
.
.
ทวิชไม่มีกุญแจบ้านติดตัวมา เพราะเดินทางกันแบบปุบปับ แต่ถึงมีกุญแจ บ้านก็รกเสียจนเข้าไปพักไม่ได้
สายๆของวันนั้น
ชนะวีร์กับทวิชจึงเข้าพักที่โรงแรมในจังหวัด
ทวิชนั่งพิงอยู่ที่หัวเตียง มีชนะวีร์นอนหนุนตัก คอยสางผมช้าๆกล่อมคนที่เพลียเพราะขับรถตลอดคืนให้หลับสบาย
"ขอบคุณนะ"
ทวิชโน้มลงส่งคำขอบคุณไว้ที่หน้าผากชนะวีร์อย่างแผ่วเบา
ถึงยายไม่อยู่ ถึงจะคิดถึงช่วงเวลาตอนนั้นจนร้องไห้ออกมา
แต่ความสุขในปัจจุบันนี้ก็มีมากไม่แพ้กัน มันมากจนเหมือนหัวใจของทวิชพองเป็นบอลลูนยักษ์
อดีตยังอยู่กับทวิช จะไม่พยายามฝังมันไว้อีกแล้ว จะจดจำมันอย่างเข้มแข็ง และมีความสุขกับคนในปัจจุบัน
อย่างน้อย เวลางอแง ก็มีคนพยายามดั้นด้นพามาดูปลา
"รักนะ"
ทวิชกระซิบคำนี้ลงตรงที่เดิม
และได้คำตอบรับเป็นการรั้งต้นคอลงมาเพื่อจูบกัน
—ขอบคุณที่ติดตาม—
ปลายปีนี้จะมีโปรเจ็คค่ะ รอให้แน่นอนก่อนนะคะ จะแจ้งอีกครั้ง
ถ้าเล่นทวิตเตอร์ แล้วอยากบอกอะไร รบกวนที่ #นกขมิ้น ค่ะ
ขอบคุณที่อ่าน
ขอบคุณที่นึกถึงกัน
@tonswind
-
เป็นคู่ที่น่ารักมาก..ชอบที่สุด o13 o13 o13
-
ชนะวีร์เนี่ย รักทวิชมากจริงๆ
อ่านแล้วยิ้มมีความสุข ขอบคุณนะคะ :)
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
:pig4: :กอด1:
-
น่าร้ากกก
-
ชนะวีร์ใส่ใจทวิชมากจริงๆอะ ชอบความรักคู่นี้
ดูไม่ได้ค่อยพูดความความรู้สึกส่งถึงกันตลอด :L2:
รอโปรเจคนะคะ :mew1:
-
รอโปรเจคนะคะ
รักทวิชกับชนะวีร์มากๆๆเลยค่ะ
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
วีร์ยังคงรัก เข้าใจ และตามใจนกเสมอ
ดีใจที่วันนี้นกเข้มแข็งมาก
ต้องขอบคุณวีร์มากๆที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตนก o13
-
ชอบติดตามคู่นี้ไปเรื่อยๆ
-
ทุกครั้งที่มีตอนพิเศษ เราจะกลับมาอ่านเรืื่องทั้งหมดอีกครั้วไม่เคยเบื่อเลย ชอบนกมากกกกกกกกก เป็นตัวละครที่เหมือนจะเรื่อยๆ แต่มีมิติอ่ะ
-
ละมุน
-
เป็นเรื่องที่อบอุ่นมากเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดี
-
เรื่องนนี้น่ารักมากเลยค่ะ ชอบตอนพิเศษ ดูปลามากเลย ซึ้งมาก น้ำตาคลอเลย นึกถึงยายตัวเอง
-
งื้อออออออ เราพลาดเรื่องนีไปได้ยังไง
น่ารักมากกกกกกกก คือดีต่อใจมากค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกไม่พอ อยากอ่านอีก
อบอุ่น น่ารัก ประทับใจในความรักของทั้งสองคนมาก
อิ่มเอมไปกับความรักของทั้งคู่ อยากให้มีต่อจริงๆค่ะ
จริงๆเราแอบอยากเห็นพัฒนาการทางความรักของทั้งคู่
ว่าเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นของกันและกันตอนไหน
ตอนไหนที่รู้จักใจตัวเอง ตอนไหนที่รู้ว่ารักมากกว่าเพื่อน
รักเรื่องนี้ค่ะ ถ้าจะรวมเล่ม เรารอที่จะซื้อเลย
:m1: :m3: :m1: :m3: :m1: :m3:
-
เปิดจองค่ะ รบกวนไปตามลิงค์ค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21230.msg3712187#msg3712187
-
จองแล้วจ้า..มารายงานตัว :จุ๊บๆ:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
หนังสือมาแล้ววววววว
ตามไปกดจองมาเมื่อกี้
ตื่นเต้นๆๆๆๆ :z2:
-
ชอบ!!!!
-
อ่านแล้วมีความสุขมากจริงๆค่ะ เนื้อหาดีเหมือนชีวิตประจำวัน
มีความreal ช่วงแรกดูเศร้าๆ แต่ชนะวีร์เข้ามาเติมเต็มความสุขได้ครบถ้วนจริงๆ
ดีว่ามีคนแนะนำในเฟซเลยตามมาอ่าน ชอบมากเลยค่ะ ภาษาดี คำผิดแทบไม่เจอ ลื่นไหลสุดๆ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ จะตามอ่านเรื่องอื่นต่อนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
แอบอยากอ่านอาเจ็กกับเอิร์ธจัง ><
-
เป็นหนึ่งในนิยายไม่กี่เรื่องที่ยิ่งอ่านเรายิ่งรู้สึกกลัว มันเรียลจนเรากลัวว่าในวันใดสักวันหนึ่งจะต้องมีอีกฝ่ายจากไป ไม่อยากให้ถึง
อ่านตอนสองตอนแรกพอเห็นว่าจบแล้วแอบตกใจ จบไวมากกก พออ่านตอนพิเศษแต่ละตอนมาเรื่อยๆ จนถึงตอนล่าสุด ชอบมากๆเลยค่ะ ชอบที่ตอนแรกทั้งคู่เหมือนจะเป็นจิ๊กซอที่หายไปของกัน ต่อกันพอดีเป๊ะ แต่ไม่เลย มันยังต่อกันผิดด้าน พลิกอยู่หลายมุม ทำความรู้จักกันให้ลึกลงไปอีกกว่าจะลงล็อค ฉากที่วีร์พานกไปพบครอบครัวครั้งแรกทำเอาเราน้ำตาซึมไปด้วยเลย ดีใจกับนกน้อยที่บินเดี่ยวมานาน กว่าจะเจอรัง และฉากที่นกขอวีร์แต่งงาน โอ้ยย ตอนแรกกำลังกลัว กำลังอินไปกับวีร์ กลัวนกหายไป ใจสั่นไปหมด แต่พอเคาะกระจกเท่านั้นแหละ ขอเลื่อนไปทวนอ่านอีกรอบ นกลูกก เข้มแข็งขึ้นมาก ขนาดขอแหวนจากป๊าเลย แสดงให้เห็นว่านกอาศัยรังนี่เป็นรังถาวรแล้วจริงๆ สุดท้าย หวังว่าจะมีตอนพิเศษมาอีกเรื่อยๆนะคะ อยากติดตามความรักของทั้งคู่ และคู่เจ๊กกับเอิร์ทด้วย
ท้ายสุด ตามไปอุดหนุนเล่มสิ รออะไร!
ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
-
มันดีมากค่ะคุณณณณณณณณณณณไปอยู่ไหนมาทำไมเราเพิ่งจะได้อ่านนี่น้ำตาซึมทุกตอนที่เราย้อนถึงครอบครัวนกน้อยมันเศร้าแต่ตตอนนี้มีวีร์ละนะไม่ต้องคิดมากแบบเดิมแล้วนะนกน้อย :pig4:
-
เพิ่งมาเห็นตอนพิเศษดูปลา คิดถึงยายด้วยคนค่ะ แต่ว่าอดีตก็ผ่านมาจนน้ำใสที่มีปลากลายเป็นน้ำขุ่นๆ ทวิชต้องเดินไปข้างหน้า และมีวีร์เดินข้างๆต่อไปนะ :L2:
-
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ดีมากๆเลย คิดว่านกจะใช้ชีวิตเรื่อยๆเปื่อยๆไปแต่ไม่ใช่ นกพัฒนาตัวเองขึ้นเยอะ มีหลายมิติดี พาร์ทนกพูดถึงยายกับแม่เศร้า เหงาๆ ตัวคนเดียวมาก แต่พาร์ทอยู่กับวีร์หลากหลายอารมณ์ สนุกมากๆเลย ขอบคุณมากนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
-
เป็นเรื่องสั้นที่อยากให้เป็นเรื่องยาวกว่านี้สักนิดก็ยังดี ชอบ ชอบมาก มันอบอุ่น มันละมุน มันกิ๊วก๊าว ไม่หวือหวามากแต่ทำใจเราหวิวเหมือนโดนปูไต่ (ฉากน้องนกถ่ายรูปยั่วนี่เด็ดสุด แซ่บในแซ่บ) ฮีลใจเราได้ดีเลย เจ้านกขมิ้นมีความสุขพี่ก็มีความสุข ❤
ขอบคุณไรต์มากๆ นะค้า ของคุณภาพแบบนี้ต้องให้สิบสิบสิบไปเลยค่ะ
ปล. แอบอยากรู้เรื่องเจ็กคนปากหนักกับเอิร์ทว่าจะเป็นยังไงต่อ ในเล่มมีไหมคะ ราคาเท่าไหร่ก็จะหามาเปย์ให้ได้
:L2: :L2:
-
จองแล้วๆๆๆๆ พร้อมเปย์ค่าาาาาาาา
:m3: :m3: :m3: :m3:
-
ขอแปะจ้า o13
-
ดีใจที่ตามมาเจอเรื่องนี้นะ❤❤❤
-
ㅜㅡㅜ อ่านวันนี้รวดเดียวตนถึงตอนล่าสุด ฮือ ชอบมาก ๆ เลย ทั้งสุขและเศร้ามากๆ ความสุข ความทรงจำในอดีตมันร้ายกาจจริงๆ แง
ดีใจมากๆ ที่ตอนนี้นกมีวีรฺ ตอนแรกที่อ่าน ยังรู้สึกเลยว่า โลกของนกมันเหงาเกินไป ㅜㅡㅜ ฮื้อ ชอบจังงง
-
เป็นเรื่องไม่หวือหวาแต่อบอุ่นมาก
-
น่ารักมาก
ขอบคุณค่ะ
:กอด1:
-
ขอบคุณนะคะสำหรับฟีลอุ่นๆหัวใจแบบนี้ ชอบมากๆเลย :กอด1:
-
หลังจากอ่านจบนี่ต้องกอดโทรศัพท์แล้วนึกถึงบรรยากาศในเรื่องที่ได้อ่านจบไปเลยค่ะ *ซึมซับความรู้สึกแป๊บ*
บรรยากาศตอนเริ่มแรกคือรู้สึกถึงความเหงาแบบหม่นๆจังเลยค่ะ สงสารนก...แล้วต่อๆมาที่ได้เจอวีร์ก็คือความอบอุ่นและชุ่มชื้นในหัวใจอ่ะค่ะ รู้สึกได้เลยว่าจิตใจต้องการอะไรแบบนี้ คือมันเยียวยาได้ดีมากเลยล่ะค่ะ แล้วก็เกิดคำถามในใจว่า ความรักเนี่ย มันจะสวยงามมากได้มากมายขนาดนี้เลยหรอ ถ้าได้มีโอกาสรักใครซักคนแล้วได้มีโมเม้นนี้เป็นแบบอย่าง ก็คงจะสุขในใจไม่น้อยเลยค่ะ
ขอบคุณมากเลยนะคะ ฮือออออ T.T
-
ดีสุดๆ อ่านไปยิ้มไป
-
เป็นนิยายที่อบอุ่นมากเลยค่ะ ความรักที่ทั้งสองมีให้กันมันทำให้คนอ่านยิ้มตามทุกตอนทวิชน่ารักมาก มากจนอยากได้ไปเลี้ยงที่บ้านเลยแต่คาดว่าวีร์คงไม่ยอม 555 ชอบทุกตัวละครเลย อยากบอกว่า อยากอ่านเรื่องของเอิร์ทกับเจ็กเหลียงแลดูซึนๆน่ารักไปอีกแบบ555
-
เอ็นดูทวิช เรื่องนี้ฟิลกู๊ดมาก
-
พออ่านถึงตอนวัน สงกรานต์ แค่นั้นล่ะครับบบบบบ ถึงกับสะดุ้ง!!!!!! เพราะผมก็มีเพื่อนที่มีเชื้อสายจีนเหมือนกัน สารภาพตรงนี้เลยว่าผมคิดกับเค้าเกินเพื่อน 55555 ตอนแรกก็ว่าจะสารภาพไปอยู่ เหมือนต่างคนต่างรู้ว่า ใจของตัวเองมีอะไรซ่อนอยู่ มันก็เลยต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว. ด้วยความที่เค้าเป็นลูกชายคนเดียวด้วย...... มันเลยยิ่งตอกย้ำให้ไม่กล้าเกินเลย ตอนนี้ก็เลยถ่อสังขารมาเรียนไกลถึงเชียงใหม่เลยครับ55555 ( ผมเป็นคนขอนแก่นครับ ) คิดแล้วก็ยังตลกตัวเองไม่หาย ......... ขอบคุณเรื่องสั้นดีๆ ที่ทำให้มองเห็นมุมอีกมุมหนึ่งของความรักที่สวยงาม ...... :mew6: :mew6: :mew6:
-
เห็นชื่อเรื่องทีเเรกไม่กล้าอ่าน พอเห็นรีวิวในทวีตเตอร์ว่าน่าอ่านเลยลองดู
ไม่ผิดหวังเลยที่เลือกอ่าน เป็นเรื่องที่อบอุ่น เป็นรักที่ไม่หวือหวาแต่เติมเต็ม ขอบคุณนะคะเขียนได้ดีจนประทับอยู่ในใจเลยค่ะ
-
สนุกมากกกกกก ร้องไห้ตามนกน้อย
-
ละมุนมากกก..
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆ ให้อ่านค่ะ
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
น่ารัก ละมุน อุ่นหัวใจมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องละมุน ๆ แบบนี้นะคะ
-
ตอนพิเศษ ครั้งแรก
แม้จะอยู่กันมาหลายปีแต่ชนะวีร์อ้อนทวิตน้อยมาก
ไม้ตาย ถ้างัดออกมาใช้บ่อยๆก็ไม่ได้ผลน่ะสิ
ย้อนกลับไป เมื่อครั้งที่เริ่มต้นความสัมพันธ์กันใหม่ๆ
ที่ชนะวีร์ทานข้าวเย็นกับทวิชทุกวัน นอนค้างที่ห้องของทวิชทุกคืน
ที่ผ่านมาชนะวีร์ยังใจเย็น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวันและคืน
ไม่ใช่เพื่อให้ตนเองมั่นใจ
เพราะเขามั่นใจมาตั้งแต่ต้น
แต่ที่ยังไม่จัดการอะไรๆ ให้มันชัดเจนก็เพราะอยากให้โอกาสทวิช
ไม่ใช่โอกาสเลือก ว่าจะคบกับชนะวีร์หรือเปล่า
ชนะวีร์ไม่ให้เลือก
จากนี้นกไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ
จะไม่ได้รักคนอื่นอีก
ใช่
นี่มันเป็นบทตัวร้ายในละคร
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ยักไหล่
ชนะวีร์ไม่สน
ร้ายกว่านี้ก็ทำได้ เพื่อให้ทวิชอยู่ตรงนี้
เหตุผลจริงๆของการที่ยังปล่อยให้ทวิชปลอดภัยอยู่ ก็คือ
ให้เวลาเตรียมใจ
ซึ่งในคืนนี้ ชนะวีร์คิดว่า ทวิชเตรียมใจมานานพอแล้ว
เขาอาบน้ำเสร็จก่อน นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ดูคนที่ตั้งใจตากผ้าเช็ดตัวให้เรียบตึงไปกับราวตากผ้า
แล้วเดินช้าๆขึ้นเตียงมา
ดูเหมือนจะยังไม่รู้ชะตาของตนเอง
เพราะทวิชที่ตบหมอนปุๆ พอหันมาเห็นว่าชนะวีร์มองอยู่ก็ยิ้มให้ทีหนึ่ง แล้วหาวหวอด
ชนะวีร์มองตอบด้วยสายตาแบบหนึ่ง
เป็นการส่งสัญญาณ
แต่ดูเหมือนทวิชจะซื่อเกินไป หรือไม่ก็ง่วงเกินไปที่จะเข้าใจข้อความจากสายตา
เพราะ ทวิชล้มตัวลงนอน ห่มผ้าจรดคาง ส่งเสียงว่า “ฝันดีนะวีร์ ”
เสียงนั้นอู้อี้ใต้ผ้าห่มผืนหนา แล้วเบียดตัวเข้าใกล้
ทวิชขี้หนาว แต่ยอมให้เขาเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำ เพราะรู้ว่าเขาขี้ร้อน
“น่าสงสารจริง หรือจะเลื่อนไปอีกวัน” ชนะวีร์คิดขณะยังจ้องมองคนที่ดูอ่อนล้าจากงาน
แต่แล้ว จู่ๆ ทวิชก็ลืมตาขึ้น หันมาสบตาชนะวีร์อีกครั้ง จ้องเพื่อให้แน่ใจ แล้วพรวดพราดลุกขึ้น ขยับไปนั่งไกลถึงปลายเตียง
ชนะวีร์หัวเราะเบาๆ
ซึ่งมันไม่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงเลย
ทวิชเริ่มหน้าเสีย
ชนะวีร์ยิ่งรู้สึกสนุก
“นก”
ทันทีที่เรียก จากหน้าเสียก็เปลี่ยนเป็นหน้าตาตื่น
“มานี่เถอะ”
ทวิชไม่มา
“นกครับ” ชนะวีร์เรียกอีก สุภาพ นุ่มนวล
ทวิชทำท่าคล้ายกับพร้อมจะกระโจนหนี
ชนะวีร์เห็นว่าชักไม่ได้การ เราควรได้คุยกันใกล้ๆ ก่อนที่ทวิชจะกลัวจนหัวใจเตลิดไปกันใหญ่
“มาคุยกันตรงนี้เถอะ”
ชนะวีร์ตบที่นอนข้างตัวเบาๆ
ท่าทางเดียวกับที่ใช้เรียกหมาเรียกแมว
ทวิชก็ยังนิ่ง
นั่นเป็นครั้งแรกที่ชนะวีร์เริ่มคิดว่า ทวิชดื้อ
ชนะวีร์เลยทำไหล่ลู่ “อย่ากลัววีร์เลย”
ทวิชเริ่มทำท่าอิดออด “มันจะเป็นยังไง”
“มันจะดี”
“แต่…” คนตาโตหลุบมองต่ำ
ชนะวีร์ปล่อยให้มอง “กลัวเจ็บเหรอ”
ในนาทีนี้ ชนะวีร์เลือกจะพูดให้ตรงที่สุด การเจรจาบางอย่าง ปล่อยให้อ้อมไปมา สิ่งที่อยากได้จะหลุดมือ
ผิวทวิชขึ้นสีแดง ทั่วใบหน้า หู และลำคอ
เสียงตอบก็ตะกุกตะกัก “กลัวหลายอย่าง”
ชนะวีร์พอเข้าใจ อะไรก็ตามที่ต้องทำเป็นครั้งแรก มันน่ากลัว
มันคือการ “ยอมให้” ชนะวีร์ได้บางอย่างไป
สิ่งที่หากชนะวีร์ได้มา จะถนอมอย่างดี
การยินยอมให้ใครสักคนชำแรกเข้าไปสัมผัสกับสิ่งที่เปราะบางในเส้นเขตแดนหนึ่ง
นั่นหมายถึง ต้องวางใจกันอย่างที่สุด
ในเวลานี้ ชนะวีร์ยอมรับว่า เขาเอาแต่ใจ และเรียกร้องความไว้ใจแบบนั้นจากทวิช
เป็นกับดักของชนะวีร์ เพื่อให้ ไม่มีช่องว่างให้ทวิชหลุดรอดไปได้
“ไม่มีได้ไหม” ทวิชถาม ซึ่งคงหมายถึง เราอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีเรื่องพวกนี้ได้ไหม
ชนะวีร์นิ่งไปเป็นนาที
เป็นคำถามที่ตอบยาก
มนุษย์เรามีสองฝั่ง ฝ่ายหนึ่งละเอียดอ่อนละทิ้งความห่ามเถื่อน
แต่ร่างกายของคนถูกออกแบบให้เป็นแบบนั้น ตามธรรมชาติ
ต้องระบายบางอย่างออก เช่นเดียวกับที่ต้องกินและต้องนอน
และชนะวีร์อยากจะทำเรื่องแบบนี้กับคนที่รัก
เท่านั้น
“ถ้ากับนก คงไม่ได้” ชนะวีร์ตอบคำถามอย่างจริงจัง “วีร์อยากได้นก ทั้งหมดของนก”
นี่ทวิชหรือลูกมะเขือเทศ
“ความรู้สึกนี้ของวีร์ วีร์อยากให้เป็นนกเท่านั้นที่ช่วย…”
ได้ผล
ทวิชกัดริมฝีปากล่าง ราวกับกำลังตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย
แล้วคลานเข้าหา
มือที่ยกขึ้นลูบแผงอกของชนะวีร์นั้นสั่น
ชนะวีร์จึงหยุดมือนั้น ยกมันขึ้นจูบ
ฝ่ามือของทวิชชื้นเหงื่อ
“มันจะไม่เจ็บใช่ไหม” คำถามนั้นจริงๆแปลได้ว่า
ช่วยบอกนกหน่อยว่ามันจะไม่เจ็บ
“อันที่จริง…” ชนะวีร์ ลูบกรอบหน้านั้น สัมผัสแก้มนิ่มและผิวลื่น
“มันคงเจ็บ”
ทวิชกลั้นหายใจ
“แต่วีร์จะพยายามให้นกเจ็บน้อยที่สุด”
ทวิชลังเล
ชนะวีร์จึงเรียก “นกครับ”
ทวิชเงยมอง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว
“นกอยากได้ยินมัน ตอนนี้ หรือหลังจากนี้”
“อะไร”
“คำว่ารัก นกอยากให้วีร์พูดตอนนี้ หรือหลังจากที่เราทำเรื่องนี้กันแล้ว”
แล้วทวิชก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ
ไม่ใช่ด้วยหวาดกลัว
“วีร์พูดแล้ว” ทวิชเถียงทั้งน้ำตา
ชนะวีร์หัวเราะ
“เออนั่นสิ”
เขาคงตื่นเต้นไปหน่อย
หลายอย่างดูลนๆ
“ให้พูดทุกตอน” ทวิชยังไม่ลืมคำถาม
“หือ? ทุกตอน คือยังไง” ชนะวีร์คิดว่าต่อไปคงต้องหัดเดาคำพูดของทวิชให้เก่งกว่านี้
“ก็ ให้บอกว่ารัก ตั้งแต่ตอนนี้ แล้วก็บอกอีกทีระหว่างที่ เอ่อ…เรามีอะไรกัน จนกว่ามันจะจบลง” ทวิชอายแต่ว่ามั่นใจแล้ว
ชนะวีร์ยิ้มกว้าง
นี่เป็นการตอบตกลง ที่เรียกร้อง เอาแต่ใจ แต่น่าเอ็นดู
ชนะวีร์จึงเริ่มบอกรักทวิช
.
.
.
.
.
.
“นก”
ข้างแก้มนั้นชื้นเหงื่อ
“หือ” เสียงตอบรับคล้ายไม่มีสติ
“วีร์รัก”
ปลายนิ้วยิ่งกดแผ่นหลังแน่น
“รักจริงๆ” ชนะวีร์พูดคำนั้นซ้ำอีก
ทวิชรับรู้ แต่ตอบรับไม่ได้
บางอย่างหยุดไม่ได้อีกแล้ว
คำรักยังดังแว่วอยู่ข้างหู
จวบจน
เสียงครางสุดท้ายดังผสานกับคำรัก
ชนะวีร์ทำอย่างที่ทวิชขอไว้จริงๆ
ในคืนนั้น คำรักดังเป็นร้อยเป็นพัน
-จบตอนพิเศษ-
ขอโทษที่มาช้ากว่าปีใหม่ไปยี่สิบกว่าวันค่ะ
ยังหวังให้มันเป็นของขวัญปีใหม่นะคะ
อาจติดเรทไปสักหน่อย
ขออภัย
ยังไม่สามารถทำให้ชนะวีร์ อ้อนโดยเรียกตัวเองว่า “นะวีร์” กับทวิชได้
ขอติดไว้ในตอนพิเศษลำดับถัดๆไปนะคะ
ขอบคุณที่อ่านค่ะ
#นกขมิ้น
-
ฮืออ พี่วีร์ไม่นกแล้ว ได้กินนกแล้วว :hao5:
บอกรักกันทั้งคืนเยยย T////T
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ คิดถึงสองคนนี้
-
พี่วีร์กล่อมเก่งน่าดู นกตัวแดงหมดแล้วค่ะ >////<
-
เงอออ น่ารักๆๆ
-
ชนะวีร์หว่านล้อมเก่ง..เขินแทน :m25:
-
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะเราหลงรักนกขมิ้นจริงจังมาก
-
อ่านตอนพิเศษแล้วเขินตามไปด้วยเลย โง้ยยยย นกน่ารักจังเลย :jul1:
-
คำรักดังเป็นร้อยเป็นพันนี่สงสัยบอกกันจนฟ้าสางแน่ๆ :z1: :z1: :z1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
เกร้ดดดดดดดด น่ารักจังเลยลูก นะวีร์รว้ายกาจจจจจจ อยากเห็นน้องนกเป็นมะเขือเทศ หยั่กบีบๆๆๆ
-
สั้นมากเลย :katai1:
-
:o8: เป็นเรื่องที่อ่านซ้ำๆ หลายรอบ จัดว่า การดำเนินเรื่องน่าติดตาม ความสัมพันธ์มีความงามทั้งเรื่องของครอบครัวของชนะวีร์ ความทรงจำในวัยเด็กของนก(แม้จะมีเนื้อหาสั้นๆ ) ความรักของทั้งคู่เป็นธรรมชาติและลงตัวมากค่า
-
ตายๆๆเขินไปหมดแล้วววววว :jul1: :-[
-
ยังน่ารักไม่เปลี่ยน
-
:กอด1:ชอบจัง หวานซึ้ง ใจส่งถึงใจ :L1:
-
:pig4: :pig4:
-
ทวิชน่าเอ็นดู
-
นี่ไม่เรียกติดเรทหรอกท่าน มันกำลังกรุ่บกริบพอดี ๆ ...หนูนกเสียสาวซะแล้ว
-
ประทับจ้ายยยยยยยยย
-
:m1: :m1: :m1:
-
น่ารักสุดๆ
-
ฮืออบอุ่นละมุนละไม
-
o13
:กอด1: :L2: :L1: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
-
:hao7:
มันน่ารักมากๆๆๆเลยอ่ะ
มันกร๊าวใจมาก
-
ชอบมากค่ะ น่ารักมากๆ
-
น่ารักน่าชัง น้องนกของคนอ่าน ทำไมน่าเอ็นดูแบบนี้ ต้วมๆ เตี้ยมๆ มีคนทาแอบชอบตั้งนานก็ไม่รู้
วีร์รักนกมาก เดูแลดีสุดๆ ไปเลย ครอบครัววีร์ก็น่ารัก โอ้ย คือดีต่อใจ ตอนพิเศษน่ารักมาก
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆไ
ขอบคุณนะคะ ตามไปอ่านเรื่องอื่นต่อ
-
ชอบคู่นี้มากๆเลยค่ะ วีร์คือทาสนกมาก
น่ารักทั้งคู่เลย
:pig4:
-
ใช่ที่จะ รีปริ้นท์ กับ พอดี พับบิชชิ่ง หรือเปล่าคะ
-
ใช่ที่จะ รีปริ้นท์ กับ พอดี พับบิชชิ่ง หรือเปล่าคะ
ไม่ใช่ค่า
-
ละมุน ละมุม ไปทุกตอน เจ้านกน้อยน่ารัก
-
ชอบมากๆเลยค่ะ น่ารักมากจิกหมอนแรงเฟอร์:z3: รอตอนพิเศษต่อไปปป :3123: :hao7:
-
เป็นนิยายที่ดีมากเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับงานดีๆแบบนี้นะคะ
รู้สึกเสียดายมากที่เพิ่งได้มาอ่าน
หลังจากมีคนพูดถึงเรื่องนี้กันเยอะมาก
เราอ่านแล้วก็ชอบมาก
เนื้อเรื่องดีและเขียนดี เข้าถึงอารมณ์ตัวละคร
มันรู้สึกเศร้าไปพร้อมเค้า มีความสุขไปพร้อมเค้า
ถึงแม้จะร้องไห้ตามทวิชตั้งแต่ต้นเรื่อง
แต่ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจที่ได้อ่าน
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้
จะติดตามผลงานในอนาคตค่ะ
-
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ ฮืออออ :L1: :L1:
อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมากเลยค่ะ รู้สึกดีม๊ากกก ความรักนี่เป็นสิ่งสวยงามจริงๆเลยเนอะ ชอบความที่นกเป็นคนเงียบๆ แล้ววีร์งุ้งงิ้งๆ มันน่ารักมากๆๆเลยค่ะ ชอบที่นกชอบอ่อยด้วย ร้ายเงียบนะคะคนนี้ 55555
-
ชอบเรื่องนี้มากกก
คือมันดี ดีมากจริงๆ
:กอด1:
-
เป็นเรื่องที่ดีต่อใจมว้ากก เอาไป10ดาว มันละมุน แ่านได้เรื่อยๆไม่หยุดเลย :mew1:
-
แงงงงง เขิน เป็นการขอรักที่ละมุนมากเยยย นกไม่นก พี่วีร์ก็ไม่นกล่ะน้าาา :-[
-
พึ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ดีมากๆเลยค่ะ เริ่มอ่านตั้งแต่ต้นก้รับรู้ถึงอารมร์ของตัวละครเลยค่ะ ทั้งเขิน ทั้งซึ้ง :hao5:
-
น่ารักมากกกกกก เหมือนเฝ้ามองลูกเติบโตตตตตนกน้อยบินแล้วจ้าาาาาาาา
-
หวานสุดใจ
ขอบคุณครับ
-
:-[ :-[ :impress2:
-
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี่
เป็นอีกเรื่องที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากค่ะ
ชอบนกน้อยมาก คนอะไรน่ารักจริงๆ อิอิ
พ่อหมีของเราก็เหมือนกัน
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
-
กลับมาอ่านกี่รอบก็ยังละมุมกับความรักที่มีให้กัน ฮืออออออออชอบบบบบบบบ :ling1:
-
เรายก นกขมิ้น เป็นหนึ่งในนิยายที่ชอบมากๆ
เรารักความละมุนละไม
ที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นจริงของมนุษย์
ในนิยายเรื่องนี้จัง
ขอบคุณคุณนักเขียนมากๆค่ะ
-
:3123: :pig4: :pig2: :pig2:
-
ซาบซึ้งจนตอนสุดท้าย o13
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
น่ารักมากมาย
-
อบอุ่นมากๆ
-
น่ารัก อบอุ่นมาก ครอบครัววีร์ก็น่ารัก รักนก นกได้มีแสงสว่างของตัวเองแล้วนะเพราะวีร์อยู่ข้างๆ ขอบคุณคนเขียนมากมีตอนพิเศษด้วย
-
พึ่งมีโอกาสได้อ่านนิยายเรื่องนี้ คือแบบมันดีมากๆๆๆๆๆๆ แต่ละตอนคืออ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ยิ่งตอนแรกสุดพออ่านจบแล้วร้องไห้เลย;_; มันดีจริงๆ รู้สึกดีใจไปกับนกที่ต่อไปนี้ไม่ต้องอยู่คนเดียว ไม่ต้องนอนร้องไห้คนเดียวทุกคืนอีกต่อไปแล้ว ฮือออ รักเรื่องนี้มากๆ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆสนุกๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ ♡
-
:hao5: :hao5: :hao5: มันดีมากค่ะคุณ มันซึ้งมากกกกกก ชั้นอยากได้พระเอกแบบนี้ในชีวิตจริง :katai1: :katai1:
-
กับมาอ่านตอนไหนก็ยังรูปสึกดีมากก
รอบที่สามแล้วจ้า
-
โกรธตัวเองมากที่เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้อ่ะ ดีมาก สนุกมาก อ่านเพลิน วีร์กับนกน่ารักมาก o13
งื้ออออ อยากอ่านอีก เราสามารถอ่านได้เรื่อยๆเลย ภาษาดี เนื้อเรื่องสมูท ฟีลกู๊ด ชอบบบบบ :กอด1:
-
Sent from my iPhone using Tapatalk
-
พ่อหมีตัวโตอบอุ่นมากเลย นกน้อยก็น่าเอ็นดู
เป็นชีวิตประจำวันที่เรียบเรื่อยแต่อบอวลไปด้วยความสุข
-
นกกกกน่ารักกกกกกกกกกกกก
-
อ่านเรื่องนี้ทีไร ใจเราฟูๆทุกทีเลยค่ะ อยากมอบหัวใจให้คุณนักเขียน :impress2:
-
:hao5: กลับมาอ่านอีกรอบ และคิดว่าคงจะไม่ใช่รอบสุดท้าย คิดถึง นกและวีร์มากกกก
-
ดีงาม รักเรื่องนี้มากกกก ดีใจที่ได้อ่านความรู้สึกที่ได้มันดีจนล้นหัวใจไปหมด ฮืออออออ :hao5:
สงสารน้องนกจนร้องไห้ตาม น้องรู๊กกกกกกกก
น้องน่ารักน่าเอ็นดู เป็นลูกนกตัวน้อยๆที่แอบดื้อในอ้อมกอดพ่อหมี(จอมบงการ) ดุแต่ก็ใส่ใจดูแลน้องทุกอย่าง ชอบตอนนกเมาน่าฟัดมากกกที่ชอบอีกอย่างคือ
การปรับตัว การเผยตัวตนที่แท้จริง เรียนรู้ปรับตัวและยอมรับซึ่งกันและกัน มันดีมากๆ นกคือวีร์ และวีร์คือนกเท่านั้น ฮือออ อบอุ่นละมุน มันอิ่มเอิบหัวใจ วีร์ให้ที่พักพิงใจและครอบครัวที่อบอุ่นกับนก เป็นครอบครัวเล็กๆที่น่ารัก
มีเซอร์ไพร้ที่เจ็กเหลียงกับเอิร์ท ให้กร๊าวววใจไปอี๊ก ชอบเรื่องนี้มากถึงมากกกกกที่สุด
ขอบคุณนะคะ เอาใจล้านดวงไปเลยค่าาา
-
คิดถึง
-
กลับบมาอ่านอีกรอบ ก็ยังรู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิม คิดถึงนะคะ
-
รู้สึกดีทุกครั้งที่อ่าน...
-
ดีจังเลย ชอบจังเลย (*˘︶˘*).。*♡
แอบไปส่งทวิตคุณนข. เหมือนจะมีตอนพิเศษของวีร์กับนกเร็วๆนี้ด้วย :katai2-1: รอนะคะ
-
เหมือนเปิดอ่านไดอารี่ของเพื่อน ชอบมากเลยฮะ :m1:
-
เรารักนิยายเรื่องนี้มากกกมากจนซื้อเล่มไว้มาเก็บไว้ ใครที่เข้ามาอ่านแล้วคิดว่าควรเก็บเล่มดีไหม ตอบได้เลยว่าถ้าชอบนกขมิ้นในเว็บแล้วถ้าได้อ่านในหนังสือจะรักนิยายเรื่องนกขมิ้นโดยไม่มีอะไรมากั้นเลยค่ะ :mew1:
-
น่ารักมากเลยครับ ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ เข้ามาอ่านแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ที่ได้รับกลับเกินคาดมากๆ
:hao5:
-
มีสายเรียกเข้า
หน้าจอขึ้นชื่อคนโทรมาว่า “ครูทู่”
ทวิชชั่งใจอยู่สองสามวินาที ก่อนจะกดรับสาย
คุยกับคนพลังบวกเยอะ ๆ บางทีก็ทำให้ทวิชเหนื่อยเกินไป
“ครับ”
“นักเรียนนนนน” เสียงสดใสผิดปกติแบบนี้ ไม่ชอบมาพากลเลยสักนิด
“ครับ”
“วันศุกร์นี้คิดจะเข้ากรุงเทพไหมครับ”
“คิดว่า ไม่เข้า น่าจะดีกว่านะครับ”
“ว้า”
เสียงผิดหวังแบบเสแสร้งขนาดนั้น ไม่น่าเห็นใจเลยสักนิด
“ว้าาาาาา” ครูศิลปะ ที่กำลังพยายามล่อลวงลูกศิษย์ ทำเสียงให้น่าสงสารมากขึ้น
“…” ทวิชไม่หลงกลง่าย ๆ เพราะเคยถูกหลอกด้วยความน่าสงสารแบบนั้นมาหลายหนแล้ว
“ครั้งนี้ ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ นะครับ”
แล้วครั้งที่แล้ว ไม่จริง หรืออย่างไรนะ ทวิชสงสัย
“คราวนี้ เป็นนักเรียนแบบเรียนเดี่ยวครับ แต่ว่าต้องไปสอนที่บ้านของเขา ไปเป็นเพื่อนหน่อยนะครับคุณลูกศิษย์”
ทวิชขมวดคิ้ว ยิ่งต้องไปในสถานที่ ที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งไม่อยากไป
ทวิชเลือกที่จะเงียบ
อีกฝ่ายก็ยังพยายามตื๊อด้วยการถือสายรอเงียบ ๆ เช่นกัน
ทวิชไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าครูทู่จะจ่ายค่าโทรศัพท์เป็นชั่วโมง เพื่อรับฟังความเงียบแบบนี้
สุดท้ายแล้ว คนที่มีไดนามิกในชีวิตสูง ๆ อย่างครูทู่ก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว
“ใจแข็งขึ้นทุกทีเลยนะครับ เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็โทรมาก็แล้วกันนะครับ” ปลายสายทำเสียงน้อยใจแล้วยอมวางไป
ทวิชอมยิ้ม
แกล้งครูทู่นี่สนุกดีเหมือนกัน
วางสายได้ไม่ถึงนาที ก็มีเสียงแจ้งเตือน
ครูทู่ส่งรูปมาให้รูปหนึ่ง
ทวิชกดดู แล้วนิ่งไปครู่ใหญ่
ก่อนหันไปหาชนะวีร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ศุกร์นี้ไปกรุงเทพกันนะ”
ชนะวีร์ยิ้มล้อเลียน “นึกว่าคราวนี้นกจะทำใจแข็งกับครูทู่ได้นานกว่านี้เสียอีก”
ทวิชไม่ตอบ เพียงยื่นรูปนั้นให้ชนะวีร์
รูปนั้นเศร้าเกินไป
เป็นรูปที่คล้ายกับรูปอีกรูปหนึ่งที่ชนะวีร์เคยเห็น
แต่ไม่ใช่รูปเดียวกัน หลายอย่างไม่เหมือน แต่ความรู้สึกในรูปสองรูปช่างคล้ายคลึง
ธูปทองยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าแขกที่เดินเข้ามาในสตูดิโอ คือลูกศิษย์คนโปรด
“ไปกันเลยนะครับ ใกล้ถึงเวลาแล้ว” เขาหันไปพูดกับชนะวีร์ สารถีประจำวันนี้
“ทำไมคราวนี้ไปสอนถึงบ้านล่ะครับ ปกติครูไม่รับสอนตามบ้านนี่ครับ” ชนะวีร์ถามระหว่างสตาร์ทรถ
”เพราะว่าที่ลูกศิษย์คนนี้ ไม่ยอมออกจากบ้านมาเป็นปี ๆ แล้วครับ”
ทวิชขมวดคิ้ว
เขารู้ และชนะวีร์ก็พอจะเดาได้
“คงไม่ใช่เพราะโควิดสินะครับ” ชนะวีร์ถาม
“3 ปีแล้วล่ะครับ”
ทวิชเปิดดูรูปวาดนั้นอีกครั้ง
โลกภายนอกมันโหดร้ายแค่ไหนกันนะ
ภาพนั้นตอบทวิชไม่ได้
ตลอดทาง ชนะวีร์และครูทู่ คุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ ทวิชยังคงรับหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี
ทำที ว่าเป็นแบบนั้น
แต่ทั้งชนะวีร์และครูทู่รู้ว่า มีความเงียบที่ซ่อนอยู่ใต้ความเงียบอีกชั้นหนึ่ง
ข้อมูลเพียงเท่านี้ ก็รบกวนใจทวิชมากเสียจน ละความรู้สึกหนึ่งทิ้งไปไม่ได้
เมื่อรถจอดสนิท
“นก” ชนะวีร์สบตาทวิชผ่านกระจกมองหลัง
“จะไม่ทำก็ได้”
ชนะวีร์เริ่มหวั่นว่า บางสิ่งที่หายไปนานแล้วจะกลับมา
“ใช่ฮะ จะไม่ทำก็ได้” ครูทู่สำทับ
เขาเองก็ไม่อยากให้เกิดอะไรแบบนั้น แบบที่ทำให้ทวิชหลบเข้าไปอยู่ในความเจ็บปวดของอดีต
“แต่ผม เป็นคนเดียวที่ครูนึกถึง ตอนที่เห็นรูปวาดนี้ใช่ไหม” ทวิชหันมาถามครูทู่
ครูทู่ยอมรับ
งานนี้ยาก
เขาเข้าไม่ถึง
เจ้าของรูปวาดตั้งกำแพงสูง และในรูปวาดนั้นก็มีมวลอารมณ์ที่ครูศิลปะอย่างเขายังไม่เข้าใจอยู่มากมาย
ทวิช เป็นคนเดียวที่เขานึกถึงจริง ๆ
เขาแค่หวังว่า การที่มีทวิชมานั่งวาดรูปด้วย อาจช่วยทำให้บางอย่างผ่อนคลายลง
กำแพงอาจไม่สูงมากนัก หรือความไม่เข้าใจของเขาอาจลดลง
ไม่ทันคิด ว่าตัวทวิชเองก็อาจถูกกระทุ้งให้กลับไปอยู่ในความรู้สึกหนึ่ง
“งั้นวันนี้ ถือเสียว่า แค่มาส่งผมก็แล้วกันนะฮะ นกไม่ต้องลงไปหรอก”
ไม่ทันจบประโยค ทวิชกลับเปิดประตูรถแล้วลงไปยืนดูประตูรั้วบ้าน
ครูทู่หันไปสบตาชนะวีร์
“ดื้อเหมือนกันนะฮะเนี่ย”
ชนะวีร์ยักไหล่ “ครูยังไม่เห็นของจริง”
ชนะวีร์ก้าวไปยืนข้าง ๆ ทวิช
ใจหนึ่งก็ห่วงว่าจะกลับไปรู้สึกจมจ่อมกับความรู้สึกแบบเดิมอีก แต่อีกใจก็เชื่อมั่นว่า ทวิชรู้จักตัวเองดีพอ และรักตัวเองมากพอที่จะรู้ว่า ขอบเขตใดที่ตัวและหัวใจของตนจะทนไหว
อยากจะปกป้องทวิชไว้แบบไข่ในหินอยู่เหมือนกัน ให้อยู่ในโลกสีขาวเท่านั้น
แต่ชนะวีร์ก็รู้ดีว่า คำว่า แน่นอน และ ตลอดไป เป็นเพียงสิ่งสมมติ
คำว่า นานที่สุด อาจจะมีจริง
แต่ คำว่า นานที่สุด สำหรับชนะวีร์อาจจะกินระยะเวลาถึงแค่พรุ่งนี้ก็ได้
ใครจะรู้
เพราะอย่างนี้ ทวิชควรจะต้องเข้มแข็งและมีสร้างเกราะในใจได้ด้วยตัวเอง
ถ้าไม่เริ่มวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะช้าไปแล้ว
“ไหวนะ” ชนะวีน์ถามลอย ๆ ขณะยืนเคียงข้างทวิช
คนถูกถามพยักหน้าเล็กน้อย
ตาจับจ้องเงาของคนตรงหน้าต่างชั้นบน
คนตรงนั้นไม่ใช่ทวิชเสียหน่อย
เขาไม่ได้กำลังจะกลับไปเจอตัวเขาเองในอดีต
หรือ ถึงแม้ว่า นั่นคือตัวแทนของทวิชเองในช่วงเวลาที่เห็นแม่วาดรูปนั้น เขาก็ไม่ควรกลัวอีกต่อไปแล้ว
ไม่ควรลบหรือลืม แต่ควรต้องยอมรับ
“ไปกันเถอะ”
ทวิชพูดกับตัวเองเสียมากกว่า
ก่อนจะผลักประตูรั้ว เดินนำเข้าไปในบ้าน
หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว ตัวเล็กผอม แต่ไม่ได้ดูเหมือนคนที่ละเลยสุขภาพและบุคลิกภาพของตน ใบหน้ายังแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ ซ่อนครึ่งหนึ่งของฝบหน้าไว้ใต้หน้ากากอนามัย
ไม่ได้มีท่าทีต้อนรับ ออกแนวตั้งรับ เสียมากกว่า
“ฉันเคยบอกครูไปแล้ว” เสียงแหบแต่แฝงความไม่พอใจ
“ผมยังใช้โอกาสห้าครั้งของผมไม่ครบเลยนี่ครับ” ครูทู่ดูไม่เดือดร้อนกับความขุ่นใจของหญิงคนนั้น
“แต่ไม่ใช่จะพาใคร ๆ เข้ามายุ่มย่ามในบ้านฉันได้แบบนี้” เสียงนั้นดังขึ้น หน้าก็แดงขึ้นด้วย
ใคร ๆ ที่ถูกพูดถึง ได้แต่ยืนมองความไม่พอใจนั้น
ชนะวีร์ กำลังรอดูว่า ครูทู่จะรับมืออย่างไร
ส่วนทวิชก็ออกจะตกใจนิดหน่อย เพราะไม่เคยเผชิญหน้า กับ 'การไม่เป็นที่ต้อนรับ' แบบตรง ๆ แบบนี้มาก่อน
อย่างน้อย ก็ไม่เคยถูกบอกกล่าวด้วยถ้อยคำแบบนี้
“นี่คือทวิชนะครับ เป็นศิษย์เอกของผมเลย ส่วนคนโน้นชื่อคุณชนะวีร์ เป็นพขร (พนักงานขับรถ) ในวันนี้ฮะ”
ชนะวีร์เลือกส่งรอยยิ้มกว้าง สาวเท้าเข้าหาหนึ่งก้าว พร้อมไหว้อย่างน้อมน้อม “สวัสดีครับผม”
หญิงเจ้าของบ้าน ไม่ได้ก้าวถอยหลังในทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้าหา เพียงชะงักเล็กน้อย แล้วรับไหว้ด้วยใบหน้านิ่งเฉย
"คุณกลับกันไปเถอะ ขอบคุณในเจตนาดี ที่จะมาช่วยสอนลูกของฉัน แต่ฉันไม่คิดจะสนับสนุนให้เขาทำมาหากินด้วยการวาดรูปขายหรอกนะ เขากำลังอ่านหนังสือเพื่อจะเตรียมสอบครั้งสำคัญอยู่ คุณอย่ามาทำให้ลูกของฉันเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย"
ปัญหาอยู่ตรงไหนนะ ชนะวีร์สบตาครูทู่ แล้วปัญหาไหนใหญ่กว่ากัน
ก่อนที่หญิงเจ้าของบ้านจะเอ่ยปากไล่อีกครั้ง
"แม่" ผู้ชายตัวผอม ผมปรกหน้าผาก ยืนอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย "พุดอยากเรียน ให้ครูเขามาสอนเถอะ"
--โปรดติดตามตอนต่อไป--
treenature
-
หายไปนานเลย...เอาใจช่วยน้องนก... :กอด1:
-
ขอบคุณมากนะคะ :o8:
-
ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ :mew1:
-
ียอมเรื่องนี้เลย ไม่ว่าจะอ่านเมื่อไหร่ ก็ได้รับแต่ความอบอุ่นในทุกๆครั้งที่อ่าน ได้ยิ้ม ได้แอบน้ำตาไหล ขอบคุณ คุณคนเขียนเรื่องนี้มากๆเลยนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
-
(ต่อ)
ผู้เป็นแม่ นิ่งมองลูกชายอยู่ชั่วครู่ มีความไม่ชอบใจอยู่ในนั้น แต่ก็ไม่มากพอจะนับเป็นความกราดเกรี้ยวได้
"แม่มองไม่เห็นประโยชน์อะไร"
ลูกชายเม้มปากนิดหนึ่ง คล้ายลังเล แต่ในที่สุดก็พูดว่า "ตอนสัมภาษณ์ เขามักจะถามถึงความสามารถพิเศษ หรืองานอดิเรกที่ชอบ ถ้าพุดวาดรูปได้ มันก็น่าจะดี... ใช่ไหมแม่"
แน่นอนว่า การสอบเข้าอะไรสักอย่างนี่คงสำคัญมาก เพราะมันเป็นเหตุผลที่โน้มน้าวเธอได้สำเร็จ
"แล้วพุดจะจัดเวลายังไง จะอ่านหนังสือทันหรือเปล่า" น้ำเสียงผิดจากเมื่อครู่ มีความอ่อนโยน ห่วงใย คล้ายกับนึกขึ้นได้ว่า แม่ที่ดีควรมีภาพลักษณ์อย่างไร
"พุดก็อ่านเพิ่มเท่าชั่วโมงที่มาเรียนวาดรูปไง" คนตรงบันได ทำน้ำเสียงร่าเริงเพิ่มขึ้นมานิดหนึ่ง
นอนน้อยลงไม่กี่ชั่วโมง ก็ไม่เป็นอะไรหรอก
ทวิชก็อยากจะเชื่อในรอยยิ้มประจบ และน้ำเสียงนั่น แต่ร่องรอยอ่อนล้าที่ดวงตานั้นชัดเจนเกินไป
เหนื่อยมากใช่ไหม
ทวิชยืนมองคนที่กำลังสร้างเกราะของความสดใส เพื่อปิดบังอะไรบางอย่างข้างใน
"ดีเลยครับ งั้นตกลงว่า คุณแม่อนุญาตให้ผมมาสอนพุดได้นะครับ" ครูธูปทอง ยิ้มกว้าง เพิ่มความร่าเริงให้กับบรรยากาศเสแสร้งตรงหน้า
"อาทิตย์ละ 2 วัน ดีไหมฮะ"
"รบกวนคุณครูมากเกินไปค่ะ ขอแค่อาทิตย์ละ 1 วัน จะดีกว่า พุดจะได้มีเวลาอ่านหนังสือด้วย" เธอพูดนุ่มนวลแต่ปฏิเสธชัดเจน
"ได้ครับ อาทิตย์ละ 1 วันนะครับ" ธูปทองยิ้มตอบ นุ่มนวลพอกัน
ชนะวีร์แปลกใจเล็กน้อย เขาคาดว่าธูปทองจะพยายามมากกว่า 1 ครั้ง
เขากำลังอยากรู้อยู่เชียว ว่าครูทู่ นั้นจะมีฝีมือประมาณไหน
"เริ่มวันนี้เลยนะครับ" ธูปทองกระชับกระเป๋าอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมก้าวขึ้นบันได
"เดี๋ยวค่ะ" คนเป็นแม่ยังรั้งไว้
"ฉันคิดว่า ใช้พื้นที่ตรงห้องนั่งเล่นจะสะดวกกว่านะคะ ห้องนั้นติดสนามด้วย ดูปลอดโปร่งดี"
และจับตามองได้ง่ายด้วย
"ได้ครับ" ธูปทองเป็นคนว่าง่ายกว่าที่ชนะวีร์คิดไว้
ค่อยเป็นค่อยไป ความวางใจเป็นสิ่งเปราะบาง สร้างยาก ทำลายง่าย
"คิดว่า ครูคนเดียวก็น่าจะพอแล้วมั้งคะ" แม่ยังมีข้อแม้อยู่ "บ้านเราก็ไม่ได้กว้างมากมายนัก ไม่สะดวกจะรับแขกหลาย ๆ คน"
หมายความว่า ธูปทองเพียงคนเดียวก็ยุ่มย่ามในเขตบ้านของเธอมากพอแล้ว อีกสองคนควรจะกลับไปเสีย
"นี่ทวิชนะครับ" ธูปทองแนะนำอีกครั้ง "เขาเป็นลูกศิษย์ของผมเอง เรียนวาดภาพกันมาสักสองสามปีแล้ว"
"คนนี้วาดรูปเก่งนะครับ"
ทวิชขมวดคิ้วเล็กน้อย ไหนครูทู่เคยบอกว่า
ศิลปะน่ะ มันไม่มีคำว่า "เก่ง" หรือ "ไม่เก่ง" หรอก มันเป็นความสุข แล้วถ้ามันจะสามารถทำหน้าที่อื่นได้ ก็ต้องแล้วแต่คนวาดกับผู้ชม
"เคยมีคนเสนอขอซื้อรูปที่ทวิชวาดด้วยนะครับ ราคาสูงพอควร แต่ว่าเจ้าของเขาไม่ขาย" ชนะวีร์พูดเสริมขึ้น
เธอมีท่าทีสนใจ
ชอบคนเก่งใช่ไหม ชนะวีร์มาถูกทางแล้ว
ทวิชขมวดคิ้วแน่นเข้า
รูปกับดักฝันร้าย ที่ทวิชวาดและครูทู่นำไปแขวนไว้ที่สูดิโอน่ะหรือ ไม่มีคนสนใจมากขนาดนั้นเสียหน่อย คนที่ขอซื้อก็มีแค่ชนะวีร์คนเดียวเท่านั้น แต่ทวิชไม่ขาย เพราะอยากฝากกับดักฝันร้ายอันเดิมอันนั้นไว้กับครูทู่มากกว่า
นี่ก็ใกล้เคียงกับการโกหกอยู่เหมือนกันนะ ทวิชสบตาชนะวีร์
คนขี้โม้ ขยิบตาให้
ไม่ได้โกหกนา แค่เล่าไม่ครบเท่านั้นเอง
เขาหันไปคุยกับเจ้าของบ้านต่อ
"ถ้าน้องเขาได้เพื่อนนั่งวาดรูปไปด้วย ก็จะช่วยทำให้เรียนได้เร็วขึ้นด้วยนะครับ" ชนะวีร์พยายามโน้มน้าว
แต่ทว่า เขาพลาดเสียแล้ว
คนเป็นแม่ มีท่าทีบึ้งขึงขึ้น
"พุดไม่ต้องการเพื่อนหรอกค่ะ"
เล่นเอาชนะวีร์อึ้งไปเลย
ครูทู่เองก็คิดไม่ออก ว่าจะพูดอะไรอีกดี
ไม่ต้องการเพื่อน ก็เลยไม่ให้ออกจากบ้าน
เป็นอย่างนั้นใช่หรือเปล่า
"แม่หมายความว่า ผมชอบอยู่คนเดียวน่ะครับ" พุดยังคงยืนอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้าย
"ใช่ค่ะ" เธอ พูดพลางหัวเราะเบา ๆ
การหัวเราะนี่ คงเพื่อทำให้เรื่องที่กำลังจะพูด ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย
"เด็กสมัยนี้ เอาแต่เล่นเกม ติดโซเชียล น้องพุดเขาไม่ชอบอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ เขาบอกว่าเสียเวลา" เธอยิ้มบาง ๆ อีกครั้ง
ท่าทางไม่พอใจสลับกับความอ่อนโยน นี่มันยังไงกันนะ ทวิชสับสน
ทวิชจึงหันไปมองเด็กมัธยมปลายที่เป็นเจ้าของเรื่อง
พุดยิ้มบาง ๆ แทบจะเป็นแบบเดียวกับแม่ของเขา "ครับ ผมไม่ชอบอะไรแบบนั้น ก็เลยคุยเพื่อนไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะครับ ชอบอ่านหนังสือเงียบ ๆ มากกว่า"
"คุณแม่ครับ" คราวนี้ธูปทองใช้น้ำเสียงจริงจัง แถมยังตีขลุม เรียกอีกฝ่ายราวกับ ได้ข้ามกำแพงหน้าสูงนั่นเข้าไปแล้ว
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตด้วยซ้ำ
แน่นอนว่า อีกฝ่ายไม่พอใจสักเท่าไหร่
แต่ธูปทองแกล้งมองไม่เห็นสีหน้านั้น "ผมคงต้องพูดตรง ๆ ว่า พุดมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมอย่างเห็นได้ชัด"
หน้าของ คุณแม่เรียบตึงเพิ่มขึ้นไปอีก
ลูกของเธอไม่เคยมีข้อด่างพร้อย "พุดไม่ได้มีปัญหาค่ะ เขาเลือกที่จะใช้เวลาพัฒนาตัวเองมากกว่าใช้เวลาให้หมดไปวัน ๆ เหมือนเด็กคนอื่น ๆ "
"แต่ถ้าพุดไปสัมภาษณ์ ด้วยบุคลิกแบบนี้ เขาจะไม่ผ่านการคัดเลือกนะครับ" ธูปทองฟาดปังเข้าที่จุดอ่อน
ใบหน้าที่เรียบตึงอยู่แล้ว กราดเกรี้ยวเพิ่มขึ้น
มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว
"กรรมการเขามองออกแน่ ๆ ครับว่า พุด introvert ในระดับที่ ถ้าได้เข้าไปเรียนแล้ว อาจเครียดมากจนเกิดปัญหาทีหลัง"
คนเป็นแม่หันมองลูกชาย ซึ่งหลบสายตา
มันเป็นความผิดของพุด
"การได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ บ้างจะช่วยปรับส่วนนี้ได้นะครับ พวกเราแค่มานั่งวาดรูปด้วย"
พวกเรา ที่หมายรวมเขากับทวิชด้วยน่ะหรือ ชนะวีร์แอบบถอนหายใจ คราวนี้ถูกครูทู่ล่อลวงให้มาทำงานใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก
ต้องกลับไปจัดตารางงานใหม่ คงต้องกันเวลา เสาร์ อาทิตย์ให้ครูทู่สัก 2-3 เดือน
ในห้องนั่งเล่นที่แยกออกมาจากตัวบ้าน
ห้องส่วนนี้โปร่ง หน้าต่างที่เป็นกระจกบานสูงแทบจรดเพดาน ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับสวนดอกไม้ภายนอก
พุดดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก
ขณะที่ครูทู่และทวิชกำลังจัดอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมสำหรับการวาดรูป
พุดได้แต่นั่งนิ่ง และจ้องมองมาที่ทวิช
โดยมีชนะวีร์ที่นั่งห่างออกไปจับตามองพุดเอาไว้อีกที
ชนะวีร์ไม่ชอบใจนัก
แต่คงไม่มีอะไรหรอก คงต้องทำความรู้จักเด็กคนนี้ให้มากขึ้นอีกสักหน่อย
"อายุเท่าไหร่"
พุดหลบสายตา ตอบเสียงค่อย "อาทิตย์หน้าจะอายุสิบเก้าแล้วครับ"
น่าแปลก
ไม่ออกไปไหนตั้งแต่อายุสิบหก อย่างนั้นหรือ
"ผมสอบเทียบ" คนเป็นเด็กพอจะเดาความสงสัยของชนะวีร์ได้
"แต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด ก็เลยอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน"
"ไม่ติดทั้ง 3 ปีเลยเหรอ"
ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เด็กที่จบมัธยมปลายได้เร็วขนาดนั้น น่าจะหัวดีพอควร
พุดเสมองไปทางอื่น "ไม่ติดในคณะที่อยากเรียนน่ะครับ"
"เคยลองไปติวไหม" สถาบันกวดวิชาที่ดัง ๆ มีอยู่หลายที่
"ผมไม่ชอบคนเยอะ ๆ "
"ทำไมล่ะ" ชนะวีร์สวมบทเจ้าหนูช่างสงสัย
ทวิชเองก็หันมาตั้งใจฟังเรื่องของพุด
"เสียงดัง วุ่นวาย" พุดเริ่มไม่อยากตอบ
ชนะวีร์ทำเป็นมองไม่ออกว่า เจ้าตัวไม่อยากจะพูดเรื่องนี้
"สนุกดีนะ มีเพื่อนน่ะ"
"ผมไม่ชอบ" ท้ายเสียงสะบัดเล็กน้อย
ครูทู่รีบเข้าผ่อนคลายบรรยากาศ
"ช่วงล็อคดาวน์แบบนี้ เลยสบายเลยสิ ปลอดภัยจากเชื้อร้อยเปอร์เซ็นต์"
"ฮะ ข้างนอกนั่นน่ะ เชื้อโรคทั้งนั้น"
ข้อความแบบนี้ฟังดูเหมือนเหยียดโลก แต่คนพูดมีสีหน้าเรียบนิ่ง จนไม่แน่ชัดว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่
"ครูทู่รู้จักกับพุดได้ยังไง" ชนะวีร์เปลี่ยนเรื่อง
"ผมเห็นรูปที่เขาโพสไว้ได้คอมเม้นท์ ตอนที่ผมไลฟ์สอนศิลปะ"
ช่วงโควิด ครูทู่ใช้วิธีนี้ สอนวาดรูปให้กับคนที่สนใจ
"ผมเห็นรูปของพี่" พุดหันมาสบตาทวิช "ตอนครูเดินโชว์ให้เห็นรูปที่แขวนในสตู"
ทวิชสบตาตอบ
คล้ายมีบางอย่างเชื่อมต่อกัน แต่ทวิชไม่ชอบความรู้สึกนี้
"สวยดีนะครับ สีเทาแบบนั้น"
"ขอบคุณ" ทวิชนึกคำพูดได้แค่นั้น
"ผมเลยวาดรูปนั้น" หมายถึงรูปที่ครูทู่เห็นน่ะหรือ รูปเดียวกับที่ทวิชเห็นใช่หรือเปล่า
พุดก้มหน้าแทนคำตอบ ทั้ง ๆ ที่ทวิชยังไม่ทันได้พูด
"แบบเดียวกันเลยใช่ไหมครับ" เด็กคนนั้นยิ้ม
แต่ทวิชไม่ยิ้ม
องค์ประกอบภาพไม่เหมือน แทบไม่มีอะไรเหมือน แต่ให้ความรู้สึกคล้ายกัน
อาจเป็นเพราะสีที่ใช้
หรืออะไรบางอย่าง
"วาดตามที่รู้สึกใช่ไหม" ทวิชถาม
พุดส่ายหน้า ยังคงยิ้มน้อย ๆ ในตอนนี้ เขาดูไม่เหมือนพุดคนที่เดินลงบันไดมา คนนั้นสักเท่าไหร่
"ผมวาดตามที่พี่รู้สึก"
"ผมวาดตามที่พี่รู้สึก"
ประโยคนี้ยังอยู่ในหัวของทวิช ขณะที่นั่งรถกลับออกจากบ้านของพุด
นอกจากครูทู่ที่สะท้อนความหดหู่ของทวิชไว้ในภาพกับดักฝันร้ายสีเทา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว ยังมีพุดอีกคนอย่างนั้นหรือ
ความเจ็บปวดของทวิชดูออกได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ
ชนะวีร์ขับรถด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือเอื้อมมากุมทวิชเอาไว้
"กลัวหรือเปล่า น้องเขาดูแปลก ๆ นะ"
ทวิชไม่กล้าแม้จะตอบ
ถ้าจะบอกว่า กลัว ก็อาจดูถูกความรู้สึกบางอย่างของพุดมากเกินไป
เด็กคนนั้น อาจสนใจงานศิลปะ หรือ สภาวะอารมณ์ของทวิชด้วยความบริสุทธิ์ใจ
คนที่ไม่ไว้ใจสังคมขนาดนั้น แต่กลับมาสนใจเขา
ถ้าทวิชปฏิเสธ
เด็กคนนี้จะเป็นอย่างไร
ทวิชไม่ใช่คนที่ชอบเป็นจุดสนใจ จึงไม่ค่อยสบายใจนัก
กับการที่มีใครก็ไม่รู้ แต่กลับทำราวกับว่ารู้จักสิ่งที่ทวิชซ่อนเอาไว้
"เสาร์หน้า ไม่ต้องมาแล้วก็ได้นะฮะ" ครูทู่ที่นั่งด้านหลังพูดขึ้น
"ครูทู่วาดกับดักฝันร้าย 2 รูปใช่ไหมครับ" ทวิชรู้ดีเพียงแต่ต้องการทบทวนบางอย่างให้แน่ใจ
"อืม พุดยังไม่เห็นรูปนั้นหรอก เขาเห็นแต่รูปที่นกวาดไว้"
"อืม สีเทากับอีกอันที่ใส่สีอื่น ๆ ลงไป พุดยังไม่เห็นรูปนั้นหรอก เขาเห็นแต่รูปที่นกวาดไว้"
รูปแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่ง กับเด็กน้อยอีกคนในเงามืด
"ที่น้องพุดพูด หมายความว่ายังไงครับ" ชนะวีร์ถามธูปทอง
"ยังไม่รู้เหมือนกันครับ คงต้องใช้เวลาสักพัก"
ธูปทองหวังไว้แบบนั้น
พุดรู้ดี การอดทนรอนั้นเป็นคุณสมบัติที่ดี
ยิ่งผลลัพธ์ที่ปรารถนานั้นยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องอดทนให้มาก
พุดสามารถทำมันได้ดีมาตลอดชีวิต
แต่การรอคอยให้ถึงเจ็ดวันในคราวนี้ ยาวนาน
ความร้อนรน เป็นแบบนี้นี่เอง
รถคันหนึ่งมาจอดหน้าบ้านแล้ว ก่อนเวลาเรียนแปดนาที
พุดขมวดคิ้ว
ไม่ใช่รถคันเดิม
พุดเริ่มรู้ตัวแล้ว
การอดทนรอคอยของเขาอาจไร้ประโยชน์
เขาพลาดอะไรไป
ถ้อยคำ ท่าที หรืออะไร
หรือเป็นเพราะผู้ชายอีกคน
ชนะวีร์
ดูอารมณ์ดี
แต่ไม่ใช่
ในสามคนที่เขาได้เจอ
ทวิชเป็นคนเดียวที่ซับซ้อนน้อยที่สุด
แต่น่าสนใจมากที่สุด
อยากรู้จัก
ทวิชโชคดีนะ
ทั้ง ๆ ที่พุดไม่เคยคิดว่า มีใครที่ควรค่ากับการทำความรู้จักมาก่อน
คนพวกนั้นวิ่งวุ่นตามความต้องการของตัวเอง เห็นแก่ตัว น่ากลัว
แบบที่แม่ของเขาบอก
แต่ทวิชดูไม่เป็นแบบนั้น เป็นสีขาว ที่เคยถูกเก็บไว้ในสีเทา
แต่ไม่ควรเป็นสีสันอื่น
อย่าเข้าไป
อันตราย
เมื่อธูปทอง เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
พุดจัดสิ่งต่าง ๆ ไว้รอแล้ว
สี พู่กัน จาน เฟรม
ครูทู่ยิ้มนำไปก่อน
"วันนี้พร้อมเรียนเลยนะ"
พุดสวัสดี พร้อมยิ้มรับบาง ๆ "ครับ"
"อยากวาดรูปอะไร" ธูปทองถามขณะจัดอุปกรณ์ของตนเอง
"พี่อีกสองคนล่ะครับ" พุดสนใจเรื่องอื่น
มือที่กำลังสาละวันหยิบจับสิ่งต่าง ๆ ชะงักเล็กน้อย
แค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว
แล้วธูปทองก็จัดสิ่งต่าง ๆ ต่อ พร้อมตอบคำถาม "ติดธุระนิดหน่อย แต่เดี๋ยวเขาจะตามมา"
"เอาล่ะ เราวาดอะไรดี" ยิ้มของธูปทองสว่างไสว
เคยทุกข์ร้อนบ้างหรือเปล่า
จัดการกับมันอย่างไร
โลกนี้ไม่เคยเลวร้ายสำหรับครูเลยหรือ
"ให้ผมเป็นคนตั้งโจทย์หรือครับ"
"อื้อ" ครูพยักหน้ารับ จนผมยาวที่มัดรวบไว้ขยับไหว มันเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ
ดวงตานั่นก็ด้วย
"ทำไม ตาครูเป็นสีนั้น" พุดไม่ค่อยชอบจ้องตาของใคร แต่ตาของครูมีสีสวย
"มีเชื้อฝรั่งนิดหน่อย" ครูยิ้มเผล่ แล้วเริ่มเล่าเรื่องของตนเองด้วยน้ำเสียงร่าเริง
"แต่โตมากับยายที่เป็นไทยแท้ ๆ เลย"
พุดปล่อยให้ครูเล่าไปเรื่อย ๆ
จนถึงจังหวะที่เหมาะสม "แล้วทำไมครูถึงมาสอนวาดรูป"
ธูปทองหยุดยิ้ม แล้วจึงยิ้มอีกครั้ง "เวลาวาดรูป คนเราจะลืมบางอย่าง หรือไม่ก็เปิดเผยบางอย่าง"
พุดเผลอสบตาของครู
และรีบหลบสายตา
"ครูก็วาดรูปเฉย ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องสอนคนอื่น"
และไม่ต้องพยายามที่จะสอนเขา
ยิ้มอีกแล้ว
บางรอยยิ้มของครูมันก็ทำให้เขาไม่สบายใจ
"ช่วงโควิดแบบนี้ เงินทองมันหาลำบาก ไม่เลือกงานไม่ยากจนนะ" ครูทู่ยักคิ้วให้เขา
พุดหัวเราะตาม
เพราะครูอยากให้เขาหัวเราะ และเลิกสนใจเรื่องนั้นเสีย
"แล้วทำไมพี่ทวิชถึงได้มาเรียนวาดภาพกับครูได้ล่ะครับ" ความอยากรู้อยากเห็นเมื่อมันอยู่กับเด็ก ก็จะดูไม่น่าเกลียดเท่าไหร่
"อ๋อ ชนะวีร์เขาพามาน่ะ ตอนแรกนกก็ต่อต้านมาก ไม่ยอมเรียน ทั้ง ๆ ที่วาดได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก ๆ "
"รูปที่ผมเห็นในไลฟ์ของครูน่ะหรือครับ"
"ใช่ นั่นรูปแรก นกยังวาดไว้อีกหลายรูปเลยนะ บางรูปก็ฝากไว้ที่สตู ว่าง ๆ ไปดูได้นะ" ครูทู่ชวนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นไปได้ยาก
ลองดูก็ไม่เสียหาย
"ไว้ครูถ่ายรูปมาให้ผมดูดีกว่าครับ ช่วงนี้ยิ่งไม่ควรออกไปไหน"
นึกแล้วเชียว ครูทู่ยักไหล่
"เอาล่ะ เริ่มวาดกันเถอะ ตกลงว่า เราจะวาดอะไรกันดี"
"ไม่ต้องรอพี่ทวิชหรือครับ"
"ไม่ต้องหรอก เริ่มเลยดีกว่า" ครูทู่หันมองนักเรียน
เผลอมองดวงตานั้นอีกจนได้
พุดรีบเบือนหน้าหนี
"sight"
"หือ?"
"โจทย์ของผมไงครับ"
"โห เล่นของยากเลยอ่ะ" ครูทู่โอด "มา ๆ ลองดูสักตั้ง"
ทวิชกับชนะวีร์มาถึงสักพักแล้ว
ครูทู่กับพุดก็รู้ แต่ก็ยังไม่ยอมวางมือจากภาพที่กำลังวาด
ทวิชยืนมองพุดเงียบ ๆ
มันเป็นรูปดวงตา ในดวงตาสะท้อนแสงและเงาหลากหลาย
มองแวบแรก จะเห็นความสดใส แต่เพ่งลีกลงไปกลับมีความปั่นป่วน
ทวิชไม่รู้ความหมาย แต่รู้ว่า เทคนิคที่พุดกำลังใช้ น่าสนใจ
แต่ครูทู่รู้
นั่นคือตัวเขา
เด็กคนนั้นกำลังต้องการให้เขาหยุดยิ้มเสียที
การยิ้มของเขาคงทำให้เด็กคนนี้หงุดหงิด
ก็พอ ๆ กับที่ภาพนี้ทำให้เขาหงุดหงิดนั่นแหละ
ถือว่า หายกัน ได้หรือเปล่านะ
ธูปทองพยายามจะไม่ถือสา
พยายามจะทิ้ง ความไม่สบอารมณ์ ที่กำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ไม่ได้ผล
คนเราจัดการกับความอ่อนแอของตัวเอง สองแบบ
ใช้มันเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือไม่ก็ เก็บมันไว้มิดชิด
ดูเหมือนว่าครูทู่จะเป็นแบบหลัง
เขารู้ตัวดีว่ามีมันอยู่ และบอกตัวเองให้ลืมมันไป
เรื่องพวกนี้ไม่รบกวนใจเขามานานมากแล้ว
เพราะภาพวาดได้บำบัดเขา
ยกเว้นภาพวาดของเด็กคนนี้
จู่ ๆ ก็มาชี้ที่ซ่อนของคนอื่นเขาง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง
อุตส่าห์คิดว่า ซ่อนมันไว้เป็นอย่างดี
และเชื่อมั่นมาตลอดว่า เมื่อถึงวันที่มันถูกใครค้นเจอเข้า เขาก็จะไม่เป็นอะไร
"ครูไม่ชอบรูปของผมหรือครับ" เป็นคำถามที่บังคับให้เขาสบตามากกว่าต้องการคำตอบ
พุดอยากมองเห็นความไม่ชอบใจนั่นชัด ๆ
เพราะธูปทองจะตอบอย่างอื่นไม่ได้หรอก จะยอมเสียภาพลักษณ์ครูศิลปะอารมณ์ดีเชียวหรือ
แต่พุดคาดผิด
"ไม่ชอบ" ธูปทองตอบเสียงขรึม
แม้แต่ชนะวีร์และทวิชยังแปลกใจ
"เรามีเวลาเจอกันน้อย ไม่ควรอ้อมกันไปมาน่ะนะพุด" ครูศิลปะผมยาวสบตาพุด ตามที่เขาต้องการ
พุดบอกตัวเองอีกครั้ง
เขาไม่ชอบดวงตานั่น
มันไม่ได้มีสิ่งที่เขาอยากจะเห็น
อย่างน้อยก็ไม่มีความจำนน
"มองคนออกขนาดนี้ ไม่ทำธรรมดาเลยนะ" ธูปทองชม "วาดรูปด้วยเทคนิคขนาดนี้ ถือว่าฝีมือดีเลยล่ะ"
"แต่เจตนาไม่ดี" พร้อมตำหนิ
ชนะวีร์อมยิ้ม
ไม่คิดว่าการมาวันนี้จะเจอเรื่องสนุก
ส่วนทวิชนั้น ไม่ตกใจเท่าที่ควร
เพราะรู้มาสักพักแล้ว ว่า ธูปทองที่ยิ้มร่าเริงได้ทั้งวัน คนนั้น เป็นคนที่ธูปทองอยากให้เห็นเท่านั้น ส่วนธูปทองอีกคน ทวิชกำลังจะได้เห็นในวันนี้
พุดยังคงมีสีหน้านิ่ง
แต่ในใจคิดประมวลเรื่องต่าง ๆ ยุ่งเหยิง
คงกลับไปมีภาพลักษณ์ของเด็ก nerd ที่ไม่มีภัยต่อหน้าครูคนนี้ยากสักหน่อย
แต่การเลือกใช้มุกง่าย ๆ โง่ ๆ นี่ก็อาจปลอดภัยที่สุด
"ผมไม่เข้าใจที่ครูพูด"
ไอ้เด็กนี่
พุดไม่ยอมให้เกมเดินไปข้างหน้า
พยายามรั้งให้ทุกอย่างวนมาที่จุดเริ่มต้น
ธูปทองกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ทวิชกลับเดินไปหยิบอุปกรณ์วาดภาพ
"โจทย์คืออะไรนะครับ ผมอยากวาดบ้าง"
ทวิช ยอมย่ำอยู่ที่จุดเดิม
ธูปทองมองหน้าชนะวีร์
คำตอบจากอีกฝั่งก็คือ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตามใจทวิชเถอะ
ดูเหมือนทวิชจะไม่อยากให้ธูปทองเผยอีกตัวตนในตอนนี้
ไม่สบอารมณ์แต่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ธูปทองจึงปล่อยให้ทวิชวาดรูปในโจทย์เดียวกัน
ทวิชตั้งใจวาดรูปเหมือนทุกครั้ง แทบลืมสิ่งรอบข้างไปจนหมด
แต่ยังรู้สึกได้ว่า พุดนั่งมองรูปของเขาอยู่ตลอด
มีชนะวีร์ที่จับตามองพุดเอาไว้อีกทอดหนึ่ง
ส่วนธูปทอง วาดอีกรูปหนึ่ง มันเป็นรูปที่ไม่สวยเลย เหมือนการป้าย ๆ สีลงไปเพื่อระบายอารมณ์เสียมากกว่า
ชนะวีร์เหลือบมองรูปของครูแล้วขำ
เหมือนจะได้รับหน้าบูด ๆ ของครูตอบกลับมา
มันผิดหรือไง
ศิลปะไม่มีสวยหรือไม่สวยหรอก
ชนะวีร์ยักไหล่
ถ้าครูศิลปะคิดแบบนั้น คนทำเกสต์เฮ้าส์อย่างเขาจะไปเถียงอะไรได้
มาสนใจรูปของทวิชดีกว่า
รูปของทวิช แทบไม่มีสีขาว แต่กลับให้ความรู้สึกสะอาด
คำว่า sight ของทวิชไม่ใช่ดวงตา
มันคือการมองเห็นสิ่งอื่น
รูปนี้ไม่มีตรงไหนสื่อถึงตัวของพุด
แต่กลับทำให้หงุดหงิด
มีความสุขเกินไป
เป็นคนดีเกินไป
วันนี้มีคนหงุดหงิดเยอะจังเลย
ก่อนลากลับ ทวิชยื่นรูปที่เขาวาดให้กับพุด
พุดมองมัน แต่ไม่ยอมยื่นมือมารับ
"ปกติ ฉันจะสอนไม่ให้พุดรับของ ของคนอื่นน่ะค่ะ" แม่ของพุดกล่าวแทน
"ถ้าอย่างนั้น ก็วาดแบบนี้สักรูปสิ" ทวิชสบตาพุด
ไม่ได้หมายความให้วาดแบบนี้
แต่อยากให้วาดด้วยความรู้สึกแบบนี้
ทวิชกลับไปคิดมาแล้วอย่างดี
กลัวเด็กคนนี้ไหม
กลัว
แต่ปล่อยไปหรือหนีไปได้ไหม
ก็คงไม่ได้
พุดยังคงไม่พูดอะไร
พี่อย่าพยายามเลย
ทวิชยิ้มเล็กน้อย
ชนะวีร์บ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าทวิชเป็นคนดื้อ
และทวิชก็ชอบใจที่ตัวเองเป็นแบบนั้น
ผิวใต้กรอบแว่นนั่นซีดจังเลย
"กินผักอะไรได้บ้าง"
จู่ ๆ ทวิชก็เปลี่ยนเรื่อง
ทวิชไม่สนใจความแปลกใจของคนรอบข้าง
"กินมะเขือเทศได้ไหม" เขาถามเด็กตรงหน้า
พุดไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้ารับ
"พรุ่งนี้จะทำไข่เจียวมะเขือเทศมาให้กินนะ" น้ำเสียงกระตือรือร้น
"ขอบคุณ พวกคุณมาก แต่ฉันดูแลลูกของฉันเองได้ อาหารการกิน อาหารเสริมไม่เคยขาด" คนเป็นแม่อย่างเธอ ไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก นั่นหมายถึง เธอดูแลลูกไม่ดีพอ แล้วยังจะเป็นเรื่องที่ต้องให้คนมาเพ่นพ่านในบ้านอีก
"พรุ่งนี้ ไม่ใช่วันมาสอนวาดรูปนะ" ครูทู่หันมาเตือนทวิช
เขาไม่ค่อยอยากให้ทวิชมาที่นี่แล้ว
ทวิชพยักหน้า
เขารู้
"ให้ผมมานะครับ ถ้าคุณแม่กลัวว่าจะไม่ร้อน ไม่สะอาด เดี๋ยวผมมาทำที่นี่ก็ได้" ทวิชหันไปพูดกับแม่ของพุด
เด็กคนนี้
แม่ของพุดมองทวิชนิ่งอยู่
ไม่ชอบใจสักนิด
ได้คืบจะเอาศอก
ชักจะมากเกินไป
นี่มันพื้นที่ปลอดภัยของเธอกับลูก
"ไม่ได้หรอกค่ะ"
"แม่" พุดท้วง "ให้พี่เขามาได้ไหมครับ พุดอยากกิน"
เธอสบตาลูกชายคนเดียว
แล้วเบือนหน้าไป
ไม่ชอบใจนัก แต่ดูเหมือนขัดไม่ได้
ใครควบคุมใครกันแน่นะ
"ขอบคุณนะครับ" ทวิชยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น
"ผักใบเขียว ก็กินได้ใช่ไหม" แววตาทวิชกระตือรือร้นเป็นสองเท่า
--ขอบคุณที่อ่านค่ะ--
treenature
-
แลดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนชอบกล ต้องเป็นห่วงนกไหมเนี่ย..ยยยยย :katai1: