ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀
เมียรัก
บทนำเรื่อง
หากจะต้องยอมลงให้ใครสักคน ผมขอยอมให้คนๆเดียว ... ภรรยาที่น่ารักของผม...
“ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับให้คุณมาเล่นสนุก และผมก็ไม่ใช่ตัวตลกด้วย!”
น้ำเสียงหงุดหงิดฟังดูหาเรื่องอยู่ในทีนั้นเป็นเสียงของปอนด์ ประวิตร เจ้าของคนปัจจุบันของฟาร์มโคนมภาสกร ซึ่งสืบทอดต่อมาจากผู้เป็นบิดาอย่างคุณภาสกร และที่ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีจนต้องต่อว่าใครบางคนเสียงดังเป็นเพราะความเสน่ห์แรงไม่เลือกที่ของคนๆนั้นนั่นล่ะ ไม่รู้ไปหว่านเสน่ห์อีท่าไหนสาวๆถึงได้มาตบตีแย่งกันถึงในฟาร์ม จนเขาที่เข้าไปห้ามโดนลูกหลงไปด้วย แถมคนต้นเหตุยังไปประกาศตัวต่อหน้าทุกคนว่าเขาเป็นภรรยา ไม่สิ บอกว่าเป็นเมียเลยต่างหาก จนสาวๆที่มาแย่งกันถึงกับอ้าปากขากรรไกรแทบค้าง แล้วความอายมันจะมาตกอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่เขา บ้าชะมัด!
“ผมพูดสักคำหรือยังว่าคุณคือตัวตลก?” คนถูกต่อว่าชักจะพื้นเสียแล้วเหมือนกัน ทำไมเขาต้องโดนโกรธตลอดด้วยเล่า
“อ๋อออ คุณไม่ได้พูดหรอกแต่คุณทำ!” ปอนด์โต้กลับแกมเหน็บแนม
“ถ้าผมไม่ทำแบบนั้นพวกเขาก็ไม่เลิกระรานคุณเสียที”
“ไม่ได้ขอให้ช่วย”
“เออ ผมเสือกเอง”
“...........!!?” ปอนด์ถึงกับสะอึกกับถ้อยคำโต้กลับนั้น เจ็บนะนี่ ฝรั่งพูดไทย แถมพูดชัดเสียด้วยสิ
“แล้วนี่เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม?”
ถึงอารมณ์โกรธจะเริ่มกรุ่นๆขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังมีใจห่วงใยหนุ่มตัวเล็กที่นั่งหน้างออยู่บนเตียง คนถามนั่งลงข้างๆ จับแขนเรียวพลิกดูรอยขีดข่วนฟกช้ำ ปอนด์สะบัดออกไม่ยอมให้จับ สายตาดุจากอีกคนจึงมองจ้อง เมื่อมือหนาเอื้อมมาจับแขนตนเองอีกครั้งปอนด์จึงต้องยอมให้จับ ไม่ได้กลัว แต่ก็แอบหวั่นอยู่เหมือนกันหากจะถูกโกรธ เขาง้อใครเป็นเสียที่ไหน
มือกร้านลูบไล้แผ่วๆไปตามแขนเรียว สายตายังจับจ้องรอยช้ำก่อนที่จะเงยมาสบตาหนุ่มตัวเล็กตรงหน้า เอียงหน้าแตะจูบมุมปากบาง ขณะที่มือเลื่อนไปที่เอวและสะโพกแน่นตึง ดันตัวปอนด์ลงนอน ก่อนจะไถลเลื่อนริมฝีปากจากแก้มนิ่มมาซุกไซ้ที่ซอกคอ
“เจฟฟ์ คอไม่ได้เจ็บ” ปอนด์รีบดันหน้าคนทำเนียนเอาไว้ หน็อย พอเงียบเข้าหน่อยล่ะเอาใหญ่เชียวนะ!
“สำรวจให้ทั่วทุกซอกทุกมุมสิ อาจจะช้ำในก็ได้”
คนทำเนียนก็ยังเนียนได้อีก มือหนาลูบเข้าไปใต้เสื้อที่อีกคนสวมใส่ เลิกชายเสื้อให้สูงขึ้นตามการลูบไล้ของตนเอง ความสากระคายจากมือของเขาทำให้ปอนด์บิดตัวเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัส ริมฝีปากหนาครอบลงบนยอดอกสีระเรื่อ เลื่อนมือลงไปรั้งขอบกางเกงลงจากเอวบาง เริ่มทำการสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างที่ได้บอกเอาไว้...
...................
“เจฟฟรี่!!”
“หือ ตื่นแล้วหรือที่รัก?”
เจฟฟรี่งัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกแสนดังจากเมียรัก ทั้งยังน้ำหนักที่กดทับลำตัวของเขาอีก ยังไม่ทันจะตื่นเต็มตาก็โดนฟาดด้วยหมอนใบใหญ่
“โอ๊ย! อะไรกันน่ะปอนด์ ผมเจ็บนะ!” เจฟฟรี่คว้าจับหมอนที่ปอนด์ฟาดลงมาไม่ยั้ง พอจับได้ก็ดึงแล้วเหวี่ยงทิ้งไป เรื่องอะไรมาทำร้ายร่างกายกันแต่เช้านี่?
“ก็ดูคุณทำกับผมสิ” ปอนด์ว่าเสียงสะบัด
“ทำอะไร หาววว~” พอปลดอาวุธจากมือเมียรักแล้วเจฟฟรี่ก็ทิ้งตัวลงนอนแถมยังหาวหวอด ไม่สนใจคนที่นั่งทับตนเองอยู่แม้แต่น้อย
“ไอ้ฝรั่งบ้า มองสิวะ มองดู!!”
ปอนด์จับหน้าฝรั่งบ้าให้หันมาดูตนเอง เจฟฟรี่จำต้องปรือตาขึ้นมามองตามที่อีกคนต้องการ ก็เล่นยึดหน้าเขาเอาไว้แบบนี้แล้วจะให้ทำอย่างไรได้ เมื่อเห็นว่าเพราะเหตุใดปอนด์จึงโวยวายแต่เช้าเจฟฟรี่ก็อมยิ้มพร้อมทั้งหัวเราะในลำคอ
“หึหึ สวยดี”
“สวยบ้านคุณสิแบบนี้ ตัวผมแดงไปหมดแล้ว!” ปอนด์ยังหงุดหงิด ก็เล่นตื่นมาเจอว่าร่างกายตนเองเต็มไปด้วยรอยแดงแบบนี้แล้วจะไม่ให้หงุดหงิดได้อย่างไร
“ตรงนี้ก็แดง” เจฟฟรี่ยังอารมณ์ดี มือจิ้มยอดอกที่ช้ำจากริมฝีปากตนเองแล้วก็ยิ้ม
“เจฟฟ์!”
ปอนด์เรียกเสียงดุ จับข้อมือใหญ่ดันให้ห่างตัว หน้าตางอง้ำเพราะยังไม่หายเคือง เจฟฟรี่ลูบสะโพกของคนที่นั่งทับตนเองอยู่ สองมือค่อยดันให้มันเลื่อนลงไปยังจุดที่เหมาะสม
“อย่าโวยวายน่าปอนด์ ยังไม่ชินอีกหรือ?”
เอ่ยถามพร้อมยกสะโพกให้ส่วนสัดอันน่าภาคภูมิของตนเองแนบรับกับความแน่นตึงของสะโพกเมียรัก ปอนด์สะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงความร้อนที่แนบชิดสะโพกตนเอง มือเรียวกำหมัดแล้วทุบต้นแขนเจฟฟรี่รัวๆ
“เจฟฟ์! หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด!!”
ดวงหน้าเรียวเห่อร้อนขึ้นมาจนแทบไหม้ ต่อให้มันเป็นเรื่องที่เริ่มคุ้นเคยบ้างแล้วแต่แบบนี้เขาก็อายอยู่ดี เจฟฟรี่ยกยิ้มมุมปาก ดันตัวขึ้นนั่งทั้งที่ปอนด์ยังนั่งทับบนหน้าขา จุ๊บปากบางสวยเบาๆแล้วยิ้มเมื่อเอ่ยบอก
“ไปห้องน้ำกัน”
“ห๊ะ ไม่!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงโวยวายนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของเสียงรอดพ้นไปได้ ถึงอย่างไรก็ต้องโดนรังแกจากคนตัวโตกว่าอยู่ดี ปอนด์ได้แต่บ่นในใจว่าเพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากรู้จักเจฟฟรี่ ดีฟไคล์ เปลืองตัวชะมัด!
แต่ถ้าหากไม่ได้พบ ไม่ได้ทำความรู้จัก พวกเขาทั้งสองคนคงไม่ได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้เป็นแน่ ไม่รู้จะขอบคุณโชคชะตาดีไหมที่ทำให้ได้พบและรู้จักกันในวันนั้น...
.
.
ร้านอาหารไทยในกรุงลอนดอนเมื่อหลายปีก่อน
ภายในร้าน ปอนด์ยกกล่องอาหารตามรายการที่ลูกค้าสั่งเดินไปเดินมาขาแทบขวิด เพื่อนพนักงานที่ตัวโตกว่าเข้ามาช่วยเปลี่ยนให้เขาไปทำหน้าที่รับออเดอร์แทน เด็กหนุ่มตัวเล็กเดินฉิวไปอยู่ประจำเคาน์เตอร์ เขาทำงานอยู่ที่นี่มาได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังจากบ้านมาเรียนไกลถึงอังกฤษ การทำงานพิเศษเพื่อหารายได้ระหว่างเรียนดีกับเด็กไกลบ้านแบบเขา อย่างน้อยก็ถือเป็นการแบ่งเบาภาระ ดีกว่ารอเงินจากทางบ้านส่งมาให้อย่างเดียว
หนุ่มตัวเล็กออกมาประจำที่หน้าร้าน มือเรียวจดยิกตามรายการที่ลูกค้าสั่ง ไม่ได้มองว่าใครมาหยุดยืนเป็นรายต่อมา เพียงแต่ให้ลูกค้าหยิบบัตรคิวแล้วรอเท่านั้น เพราะคนเยอะงานยิ่งแยะตามไปด้วย แต่นั่นมันก็เท่ากับเงินที่จะเข้ามานอนตุงอยู่ในกระเป๋าเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“ขยันจังนะครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยกลั้วหัวเราะเล็กน้อยดังขึ้นมาทำให้ปอนด์ที่กำลังเตรียมจดรายการอาหารที่จะสั่งเงยหน้าขึ้นมองฝรั่งตัวโตตรงหน้า ใครวะ?
เมื่อเห็นเขาทำหน้างง หนุ่มตัวโตก็มองมายังเขาแล้วทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนกลอกตามองสูงอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณ...จำผมไม่ได้?”
ปอนด์ถอนใจ เท้าสะเอวแล้วเอียงคอเล็กน้อยเมื่อลูกค้าตรงหน้ากำลังทำให้เขาเสียเวลา
“ขอโทษทีเถอะนะครับ วันๆผมเจอคนเป็นร้อย คงจำได้หรอกมั้ง ถ้าไม่มีธุระสำคัญอะไรก็ช่วยหลบด้วยครับ ลูกค้าคนอื่นรอคิวอยู่” เขาไม่สนใจว่าจะทำให้ใครรู้สึกอย่างไร ไม่รู้จัก จำไม่ได้ก็อย่ามาทวงถาม คนกำลังรีบ
ตัวสูงใหญ่ขยับไปข้างแถวเมื่อถูกเขาตอกกลับไปแบบนั้น หลีกทางให้ลูกค้ารายถัดไปได้สั่งอาหารบ้าง แต่สายตาคมก็ยังมองจ้องเด็กหนุ่มตัวเล็กที่ทำงานไม่สนใจเขาอีก จนเมื่อได้ของที่สั่งมาแล้วคนตัวโตก็ยังไม่เดินออกไปในทันที ทำท่าคล้ายมีเรื่องอยากคุยด้วยแต่ปอนด์ก็ดูจะยุ่งจนไม่หันมาสนใจ สุดท้ายแล้วลูกค้าคนดังกล่าวก็ถอนใจก่อนเดินจากไปอย่างยอมแพ้
ปอนด์เหลือบมองคนตัวโตที่เดินห่างจากร้านไปแล้วไหวไหล่ มันช่วยไม่ได้ เขาก็เป็นแบบนี้ เวลาทำงานอย่ามากวนใจเชียว ถึงจะรู้สึกคุ้นๆหน้าอยู่แต่ก็นึกไม่ออกหรอก อาจจะเป็นลูกค้าของที่ร้าน หรืออาจจะเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัย ไม่รู้สิ เพราะอยู่ที่มหาวิทยาลัยเขาสนิทกับเพื่อนอยู่คนเดียว นั่นก็คืออัลเบิร์ต คาร์ล
เด็กหนุ่มตัวเล็กเลิกใส่ใจ หันกลับมาทำงานของตนเองต่อ หากเป็นลูกค้าของที่ร้าน ในวันข้างหน้าก็คงมาอีก ถ้าถูกพี่เจ้าของร้านดุเอาที่ทำให้เขาลูกค้าไม่พอใจ เขาก็จะขอโทษแล้วกัน
--------------------
วันต่อมา มหาวิทยาลัยในลอนดอน
ปอนด์หอบหนังสือมานั่งที่โต๊ะในมหาวิทยาลัยเพื่อทำงานที่ต้องส่งก่อนเอากลับไปทำต่อที่ห้อง เพื่อนของเขาถูกอเล็กซานเดอร์จอมบงการลากไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อัลเบิร์ตเป็นคนใจดีเกินไปทำให้ถูกอเล็กซานเดอร์บังคับให้ตามใจอยู่บ่อยๆ เขาล่ะเกลียดขี้หน้าหมอนั่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก
“คุณ... ปอนด์ สินะ? ผมเจฟฟรี่ ดีฟไคล์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เสียงทายทักที่ดังขึ้นข้างกายไม่ได้ทำให้หนุ่มมหาวิทยาลัยตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือเงยขึ้นมามอง ผู้ที่เอ่ยแนะนำตัวออกไปมุ่นหัวคิ้ว ตัวสูงใหญ่เดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม นั่นล่ะถึงได้ทำให้เจ้าของชื่อที่เขาเอ่ยทักทายยอมเงยหน้าขึ้นมามองแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขา ก่อนจะปลดสายหูฟังที่ใส่ฟังเพลงไว้ออกแล้วริมฝีปากอิ่มจึงเอ่ยถามกลับมา
“มีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”
คำถามนั้นทำให้เจฟฟรี่ ดีฟไคล์หรี่ตาเล็กน้อย มองสีหน้าคนถามที่ไม่มีวี่แววว่าจะจำเขาได้แล้วยิ่งไม่ชอบใจ พวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ทั้งเขา อัลเบิร์ต อเล็กซานเดอร์ และหนุ่มตัวเล็กตรงหน้า เขาจำปอนด์ได้ แต่ปอนด์ไม่เคยจะจำเขาได้สักครั้ง เมื่อวานนี้ที่ร้านอาหารไทยนั่นก็ด้วย เพราะอีกฝ่ายทำท่าว่าจะจำเขาไม่ได้ เขาจึงได้มาแนะนำตัวเพื่อทำความรู้จักกันใหม่อยู่แบบนี้
ปอนด์เป็นหนุ่มเอเชียทำให้รูปร่างไม่ใหญ่เหมือนเขาที่เป็นคนตะวันตก ทั้งยังตัวเล็กบางกว่าหนุ่มทั่วไปเสียอีก ผิวขาวเหลือง หน้าตาดูน่ารักมากกว่าจะเรียกได้ว่าหล่อ ในขณะที่เขาตัวสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มผิดกันมากมาย
ปอนด์มักจะอยู่กับอัลเบิร์ตซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และอัลเบิร์ตเองก็เป็นเพื่อนของเขาด้วยทำให้ได้เจอกันอยู่บ่อยครั้ง เขาและอัลเบิร์ตทำงานให้กับเฟอร์ริงตัน นั่นคือการดูแลอเล็กซานเดอร์ เฟอร์ริงตัน ทายาทของบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ และในอนาคตเจฟฟรี่จะเป็นหนึ่งในบอดีการ์ดข้างกายอเล็กซานเดอร์
“ผมเป็นเพื่อนของอัลเบิร์ต หากคุณจำไม่ได้” เจฟฟรี่เอ่ยแนะนำตัวใหม่ ไม่รู้ทำไมอยากคุยกับคนนี้นัก ทั้งที่เขาก็จำตนเองไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
“แล้วตกลงมีธุระอะไรหรือครับ?” ปอนด์ยังคงถามคำถามเดิม สีหน้าดูเหนื่อยหน่ายเสียด้วยซ้ำเมื่อเขามัวอารัมภบท
ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มเยาะตนเอง ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาแรงๆ เขารู้แล้วว่าทำไมปอนด์ถึงจำเขาไม่ได้ หรือที่จริงจำได้แต่ไม่ใส่ใจเสียมากกว่า รู้สึกเสียความมั่นใจไปมากโข
“จะว่ามีมันก็ไม่เชิงว่ามีหรอกครับ” เจฟฟรี่ว่ากวน หนุ่มตัวเล็กชักสีหน้าแต่ยังคงนิ่งอยู่
“พอดีอยากทำความรู้จักกับคุณสักหน่อย”
“จะอยากรู้จักผมไปทำไม” ปอนด์เกือบจะกลอกตาแต่ก็หยุดตัวเองทัน มันคงไร้มารยาทมากหากทำเช่นนั้นกับคนที่ไม่ได้รู้จักถึงขั้นสนิทสนม
“ว่าที่แฟนในอนาคตนี่ครับ” เจฟฟรี่ปล่อยไม้เด็ด สายตาเจ้าเล่ห์มองริมฝีปากที่อิ่มอ้าหวอก่อนจะหุบลงเมื่อรู้สึกตัว น่ารักเชียว
ร่างเล็กขยับลุก รวบหนังสือมาถือแล้วว่าเสียงเรียบ “คุณอาจจะว่างมากไป อเล็กซ์น่าจะหางานให้คุณทำบ้างนะ”
เจฟฟรี่กะพริบตาปริบเมื่ออีกคนว่าจบก็เดินออกไป ริมฝีปากหนายกยิ้มกับคำพูดนั้น ปอนด์พูดถึงอเล็กซานเดอร์นั่นแสดงว่าจำเขาได้ แสบดีเหลือเกิน เล่นเอาเขาเสียความมั่นใจอยู่ตั้งนาน
“ให้อเล็กซ์เพิ่มงานให้ผมจะดีหรือ?”
คนตัวโตลุกตามมาตอแย ปอนด์ปรายตามามองอย่างไม่สบอารมณ์แต่ไม่โต้ตอบอะไรกลับไป
“เดี๋ยวเราได้อยู่ด้วยกันน้อยลงนา”
ขาเรียวหยุดก้าวเดินแล้วหันมามองคนกวนใจ ท่าทางเตรียมมีเรื่องเต็มที่ ตัวเล็กแต่เอาเรื่องน่าดู
“ปากว่างมากใช่ไหม”
จบคำกำปั้นเน้นๆก็พุ่งตรงมาหา เจฟฟรี่เบี่ยงหลบพร้อมจับข้อมือเล็กเอาไว้ กระตุกเพียงครั้งเดียวร่างนั้นก็เซมาหา ตัวสูงใหญ่โน้มก้มฉกจูบปากอิ่มรวดเร็ว ก่อนจะผละออกมายกยิ้มมุมปากชวนให้คนมองโมโหโทโส
“ตอนนี้ปากไม่ว่างแล้ว ไม่ขอกำปั้นนี่ยัดปากนะ เพราะได้อย่างอื่นมาแทนแล้ว” เจฟฟรี่เอ่ยล้อ มือที่เขาจับสั่นจนรู้สึกได้ หากเป็นในการ์ตูนตอนนี้ปอนด์อาจจะกำลังโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลืองแล้วกระมัง
“ไอ้...!”
“จุ๊ๆ ไม่ใช่ ‘ไอ้’ ครับที่รัก... เจฟฟ์ ชื่อเจฟฟ์ จำให้ขึ้นใจด้วยนะเบบี๋”
ริมฝีปากหนากดจูบกำปั้นที่สั่นกึกๆเพราะความโกรธของเจ้าของ ก่อนจะปล่อยแล้วถอยออกมาเดินผิวปากอารมณ์ดีจากไป โดยมีเสียงด่าตามหลังมาคลอให้รื่นหูเล็กน้อยถึงปานกลาง
“ไอ้เจฟฟรี่! ไอ้ยักษ์บ้า ฉันจะฆ่าแกแน่ คอยดูเหอะ!! อ๊ากกกก”
นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด จุดเริ่มต้นของความรัก... ล่ะมั้ง...นะ?
TBC
สวัสดีทุกคนอีกครั้งค่ะ กับฉบับปรับปรุงของเจฟฟ์-ปอนด์ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ของเฮียอเล็กซ์ กับ อัลเบิร์ตในปัจจุบันนะคะ
ฝากคู่รักคู่เพี้ยนไว้ในอ้อมใจด้วยเน้อ :กอด1:
วันใหม่ค่ะ
เมียรัก
ตอนที่ ๑ ขยับมาใกล้กัน
... ผมไม่อยากรู้จักเจฟฟรี่ ดีฟไคล์ ...
“จะรีบเดินไปไหนน่ะคุณ ขายิ่งสั้นอยู่ ผมเป็นห่วงนะ”
เสียงลอยลมดังมาจากด้านหลัง ทำให้ปอนด์ตวัดสายตากลับไปมองพร้อมแอบเหน็บเป็นภาษาถิ่นเกิด ขณะเดินจ้ำอ้าวไม่หยุดพักให้เสียเวลา
“ใครจะไปสูงเป็นเปรตแบบคุณกันล่ะ!”
“ด่าอะไรผมฟังรู้เรื่องนะครับ” เจฟฟรี่สวนกลับ เท้าก็ยังก้าวตามคนด้านหน้าไม่มีหยุด
หลายวันมานี้ปอนด์ถูกตามก่อกวนไม่ได้หยุด ยิ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผู้ชายตัวโตคนนี้เขายิ่งหาทางเลี่ยงยาก มันมีเหตุต้องพบเจอกันอยู่บ่อยครั้งจนน่ารำคาญ ไอ้ที่มาตีขลุมว่าเขาจะเป็นแฟนในอนาคตนั่นน่ะมันยังทำให้เขาโมโหไม่พอกระมัง ถึงได้มาตามตื้ออยู่แบบนี้
“เจฟฟรี่ ดีฟไคล์” ปอนด์หยุดเดินหนีแล้วหันมาเผชิญหน้า เพราะรู้ดีว่าต่อให้หนีอย่างไรก็ไม่พ้น คนมันอยากกวนใจจะทำอย่างไรมันก็ยังหาวิธีมากวนจนได้
“ครับผม” คนตัวโตตอบกลับเสียงทะเล้น เจฟฟรี่เป็นพวกใช้รอยยิ้มกลบความรู้สึก เพราะฉะนั้นปอนด์จะไม่มีทางดูออกไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกเช่นไรอยู่
“คุณท่าจะว่างจัดนะ” หนุ่มตัวเล็กกอดอกแล้วเอ่ยเสียงเนิบช้า
“ก็ไม่ว่างเท่าไร” ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ก่อนจะเงยขึ้นมายิ้มให้คนตรงหน้า “ยังมีเวลาอีกสิบห้านาทีเศษๆ”
ยังจะมีเศษให้เขาหน่ายใจอีก ปอนด์ถอนใจเฮือก ก่อนว่า “และคุณจะใช้มันเพื่อก่อกวนผมอย่างนั้นสิ?”
“เปล่ากวน แค่อยากคุยด้วย”
“นี่ไม่เรียกว่า ‘แค่อยากคุยด้วย’ หรอกคุณดีฟไคล์ ไม่รู้ว่าคุณจะรู้หรือเปล่าว่ามันทำให้ผมรำคาญ... มาก” เน้นคำท้ายประโยคให้รู้ว่ามากจริงๆ
“............” เจฟฟรี่นิ่งไป มองคนตัวเล็กนิ่งๆไม่ตอบโต้อะไรกลับไป
“พอสักที” ปอนด์ยังว่าต่อ ไม่สนสายตาของอีกฝ่ายที่มองมา
“ผมมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือ ไม่ได้มาเพื่อเป็นตัวตลกให้คุณหยอกเล่นไปวันๆ” ทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นแล้วปอนด์ก็จะเดินจากไป มือหนาเอื้อมมาคว้าข้อมือทำให้เขาชะงัก
“ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด แต่ผมเลิกตอแยคุณไม่ได้”
ปอนด์หันกลับมามองคนพูด พร้อมจะฉะให้แหลกกันไปข้าง เขาเกลียดพวกพูดอะไรครั้งเดียวแล้วไม่เข้าใจ ยังมีข้อแม้มากมายตามมาอีก
“คุณดีฟไคล์ อย่าให้ผมต้องเหลืออดนะ เห็นผมตัวเล็กกว่าคุณ ทั้งยังเป็นคนต่างเชื้อชาติเลยจะแกล้งกันยังไงก็ได้หรือ!”
“ไม่ใช่...”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วมันอะไร!?” หนุ่มตัวเล็กเสียงดัง
เจฟฟรี่มองคนตัวเล็กอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนใจ “เฮ้อ ปอนด์ ผมรู้ว่าคุณรู้แต่พยายามบ่ายเบี่ยง”
“รู้อะไร?”
“รู้ว่าผมชอบคุณ”
ตากลมเบิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ
“ผมชอบคุณ สนใจคุณ อยากรู้จักคุณ อยากสนิทสนมด้วย แล้วก็...” ตัวสูงใหญ่ค่อยก้าวเดินวนอ้อมคนตัวเล็ก “อยากเป็นแฟนคุณ เข้าใจไหมฮันนี่”
มือหนาเชยคางเรียว ปอนด์ปัดออก ตากลมฉายแววไม่พอใจก่อนโต้กลับ “ขอโทษที แอมนอทเกย์!!!”
“ไม่ต้องเป็นเกย์ก็ได้ แค่เป็นแฟนผมก็พอ”
ปอนด์อ้าปากพะงาบกับถ้อยคำตอบโต้นั่น โอ๊ย เขาปวดหัวกับตาบ้านี่เต็มที!!
“คุณ!!!” ปอนด์ตัวสั่นด้วยความโมโห ปรกติเขาไม่เคยเถียงแพ้ใครเลยนะ ทำไมกับหมอนี่เขาถึงไปไม่เป็นแบบนี้ อยากจะบ้า!
“ครับ?” เจฟฟรี่ขานรับยียวน มองคนตัวเล็กสั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วสนุกดี
“ผมถามคุณคำเดียวเลย ชอบผมตรงไหน?” กัดฟันถาม พยายามข่มใจ
“ทุกตรง เอฟรี่ติงค์” คนตัวโตไหวไหล่ ท่าทางสบายๆ
“แต่ผมไม่ชอบคุณเลย”
“เดี๋ยวก็ชอบ” เจฟฟรี่ว่า
“เอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น ผมบอกไม่ชอบนั่นย่อมแปลว่าไม่”
“แล้วคุณเอาอะไรมามั่นใจว่าวันหนึ่งจะไม่ชอบผมขึ้นมา?”
ใบหน้าหล่อคมโน้มมาใกล้พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ปอนด์ผงะถอย ท่าทางขยะแขยงเหมือนเขาจะเอาเชื้อโรคมาปล่อย เดี๋ยวเถอะนะ เขาจะทำให้ต่อไปวิ่งเข้าหาเขาแทบไม่ทันเชียว หมั่นไส้
“ถอยออกไปได้ไหม” หนุ่มตัวเล็กมุ่ยหน้า
เจฟฟรี่ยิ้มเยือน ยังแกล้งโน้มเข้าไปใกล้ทั้งที่อีกคนเอนหนี พอหนีไปไหนไม่ได้แล้วกำปั้นเล็กก็เสยปลายคางเขาเฉียดไปเพียงนิดเดียว เกือบหลบแทบไม่ทัน
“ชอบใช้กำลังนะเรา” เขาเอ่ยเย้า
“คุณมันโรคจิต”
“หึๆ” คนตัวโตหัวเราะในลำคอ ก่อนยืดตัวขึ้นตรง “วันนี้หมดเวลาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมากวนใจใหม่”
“ไม่ต้องมา”
“ไม่ได้หรอก ไม่มาผมก็คิดถึงแย่สิ”
“โอ๊ย!!” ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว คนหน้ามึน
เจฟฟรี่หัวเราะ ยกมือขึ้นแล้วโบกเบาๆก่อนเดินไปอีกทางเพื่อทำงานของตนเอง นั่นคือดูแลอเล็กซานเดอร์ขณะเรียนภายในมหาวิทยาลัย
ปอนด์กระทืบเท้า รู้สึกขัดอกขัดใจ ยักษ์บ้านั่น เขาเกลียดมัน!
----------------
หลังเลิกเรียนปอนด์ก็มาทำงานที่ร้านดังเช่นทุกวัน งานในร้านก็วุ่นวายเหมือนเดิม ซึ่งนั่นก็ดี ความวุ่นวายมันทำให้เขาไม่เหงา แต่พอมาที่นี่แทนที่จะได้ทำงานอย่างสบายใจกลับมีเรื่องชวนหงุดหงิดไม่น้อยไปกว่าเจอเจฟฟรี่เลย เพราะเพื่อนร่วมงานบางคนมักกวนใจเขา ตอแยไม่เลิกทั้งยังแสดงออกในทางน่ารังเกียจ ปอนด์พยายามไม่ใส่ใจเพราะไม่อยากมีปัญหา มาอยู่ต่างถิ่นเขาก็ไม่อยากซ่าให้มันมากนักหากไม่จำเป็น
“ปอนด์”
ปอนด์หันไปตามเสียงเรียก เขากำลังจะเตรียมตัวกลับห้องหลังเลิกงาน จัดการปิดตู้เก็บของแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า ก่อนมองคนเรียกเชิงถาม
“วันนี้แพททริกจะเลี้ยงฉลองที่คลับเฮาส์ อยากชวนนายไปด้วยกัน” คนชวนคือเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ คนที่มักตอแยปอนด์จนน่ารำคาญคนนั้น ปอนด์เคยคุยด้วยไม่กี่ครั้ง แต่ก็ถือว่าเป็นคนรู้จักสำหรับเขาคนหนึ่ง
“ผมต้องรีบกลับห้อง ยังมีงานที่ต้องทำส่งอาจารย์” ปอนด์บอกปฏิเสธเรียบๆ
“เฮ้ นานๆทีไม่ไปเที่ยวไหนด้วยกันสักหน่อยหรือ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าหน่อยสิไอ้หนู” เสียงเจ้าของงานดังมาเมื่อปอนด์บอกปฏิเสธ แพททริก มาร์
“ผมไม่ว่างจริงๆ” ปอนด์ยังยืนยันที่จะบอกปฏิเสธ
“แค่แป๊บเดียวก็ได้ ฉันอยากให้นายไปนะไอ้หนู ในฐานะเด็กหัวดื้อที่ฉันต้องคอยดูแล” มือหนาเอื้อมมาโยกศีรษะทุย ปอนด์บุ้ยปาก แพททริกคนนี้คอยช่วยเหลือเขาหลายอย่างตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย คนๆนี้เป็นเจ้าของร้านอาหารและห้องพักที่เขาอาศัยอยู่ เป็นหนุ่มใหญ่ใจดี น่านับถือ
“ผมมีงานต้องทำนี่” ปอนด์เริ่มแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่กล้าปฏิเสธซ้ำเมื่อแพททริกเป็นคนมาชวนด้วยตนเอง
“ไปเดี๋ยวเดียวก็ได้ แล้วค่อยกลับ”
“...........” ปอนด์มองหนุ่มใหญ่ใจดีตรงหน้า ถอนใจเบาๆก่อนพยักหน้ารับ ไปแป๊บเดียวคงไม่เป็นไร รีบไปรีบกลับแล้วกัน
แพททริกหัวเราะเบาๆ รู้สึกยินดีที่เด็กหนุ่มจะไปด้วย โดยที่ไม่มีใครทันได้สนใจหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้อง สายตามาดร้ายมองมาที่ปอนด์พร้อมรอยยิ้มแสยะ
----------------
“จะออกไปเที่ยวกันอีกแล้วหรือครับ?”
คำถามจากอัลเบิร์ต คาร์ล ที่เอ่ยถามอเล็กซานเดอร์และเจฟฟรี่ที่อยู่ในชุดพร้อมออกท่องราตรี สองหนุ่มหันมามองคนถาม ก่อนที่อเล็กซานเดอร์จะเป็นคนตอบคำถามด้วยการถามกลับ
“อยากไปด้วยหรือไง?”
“อ...”
“อยู่เฝ้าห้องไป เป็นเด็กเป็นเล็ก” ยังไม่ทันที่อีกคนจะได้ตอบกลับมา คนถามก็เอ่ยตัดบทจนอีกคนต้องหุบปากฉับ
“ผมอายุน้อยกว่าคุณแค่ปีเดียว” อีกฝ่ายเอ่ยแย้งเสียงเบา
“ยังจะเถียง...”
“อเล็กซ์ พอเถอะน่า แกล้งอัลอยู่ได้” เจฟฟรี่เอ่ยแทรกเมื่ออเล็กซานเดอร์ทำท่าเหมือนจะกินหัวเพื่อนอีกคนเข้าไปแล้วเมื่อถูกยอกย้อน นัยน์ตาสีฟ้าตวัดมามองเขาแทนเมื่อเขาหาญกล้าเอ่ยขัดขึ้นมา
“มันเสียเวลาไม่ใช่หรือไง คุณมัวต่อปากต่อคำกับอัลเบิร์ต เดี๋ยวก็เสียอารมณ์จนไปเที่ยวไม่สนุก” เจฟฟรี่อธิบายขยายความ อีกฝ่ายเดาะลิ้นเบาๆก่อนหันไปหาอัลเบิร์ต
“เฝ้าห้องไป เดี๋ยวกลับ”
ว่าจบก็หมุนกายเดินออกจากห้องไปโดยมีบอดีการ์ดสองนายตามติด เจฟฟรี่หันมามองเพื่อนคนที่เหลือ ยิ้มเล็กน้อยก่อนเดินตามอเล็กซานเดอร์ไป ปล่อยให้อัลเบิร์ตเฝ้าห้องตามคำสั่งของอีกคน
ทั้งสองหนุ่มมาเที่ยวที่คลับกันตามปรกติ ชอบออกท่องราตรีกันสองคนแทบทุกวัน แม้จะถูกอัลเบิร์ตบ่นบ่อยๆแต่พวกเขาก็ยังพากันมา เสียงบ่นของอัลเบิร์ตเหมือนเสียงร้องเพลงให้พวกเขาฟังกระนั้น
นั่งดื่มกันอยู่สักพักก็มีสาวแวะเวียนมานั่งด้วย ไม่มีอะไรแปลกใหม่แต่ก็แก้เบื่อได้ไปวันหนึ่ง เสียงดนตรีชวนลุกขึ้นโยกขยับ แต่สองหนุ่มก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เจฟฟรี่มองดูรอบกายตามนิสัยที่ต้องระวังภัยให้เจ้านาย สายตาไปสะดุดเข้ากับคนคุ้นตา นี่เขาตาดีเกินไปหรือเพราะสนใจปอนด์มากไปจนมองเห็นใครก็เป็นปอนด์ก็ไม่รู้
“มีอะไร?” เสียงอเล็กซานเดอร์เอ่ยถามทำให้เจฟฟรี่หันเหสายตามามองคนถามแทน
“เปล่า เหมือนเจอคนรู้จัก แต่ไม่น่าจะใช่” ตอบกลับไปแล้วรู้สึกขำตัวเองนิดหน่อย เขาท่าจะสนใจปอนด์มากไปจนตาฝาด
“ปรกติสัญชาตญาณนายไม่เคยพลาดนะ” อเล็กซานเดอร์ว่า กระดกเครื่องดื่มในแก้วเข้าปากไปพลาง
หัวคิ้วเจฟฟรี่ขมวด หากเป็นอย่างที่อเล็กซานเดอร์ว่ามันก็น่าห่วง เพราะคนที่เขาเห็นว่าคล้ายปอนด์ถูกพาไปด้านหลังคลับ ใจเขาเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อคิดห่วงกังวล หากนั่นคือปอนด์จริงจะทำเช่นไร
“อเล็กซ์...”
“อืม” เสียงตอบกลับมาทั้งแววตาที่บ่งบอกว่าอนุญาตทั้งที่เขายังไม่ได้เอ่ยขอทำให้เจฟฟรี่ลุกขึ้นยืนแล้วค้อมศีรษะให้
“ผมจะรีบกลับมา”
อเล็กซานเดอร์พยักหน้า เจฟฟรี่จึงได้ก้าวออกจากโต๊ะไป เพื่อความแน่ใจเขาขอเดินไปดูให้เห็นกับตา หนุ่มตัวโตฝากบอดีการ์ดให้ช่วยดูแลอเล็กซานเดอร์สักครู่ก่อนเขากลับมา
แม้จะไม่แน่ใจว่าคนที่เขาเห็นถูกพาไปที่ไหนแต่เจฟฟรี่ก็พยายามเดินหา เพราะเพิ่งเดินมาทางนี้ไม่นาน ไม่น่าจะไปไหนได้ไกล ชายหนุ่มเหลียวหารอบๆคลับ ก่อนเดินลึกเข้ามาด้านหลังที่คิดว่าคนที่เขาตามหาน่าจะอยู่แถวนี้
เสียงแปลกๆดังมาให้ได้ยินทำให้เจฟฟรี่รีบก้าวเดิน ขาแกร่งหยุดกึกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ชายหนุ่มสองคนกำลังพัวพันกันอยู่ข้างกำแพงด้านหลังคลับ เจฟฟรี่กำหมัด กัดฟันกรอดพลางเดินเข้าไปกระชากหนึ่งในนั้นออกมาแล้วปล่อยหมัดเข้าไปเต็มเบ้าตา
อีกคนที่ถูกปล่อยตัวทำให้รูดลงไปนั่งกองบนพื้น เจฟฟรี่หันไปมอง จะก้าวเข้าไปหาแต่คนที่เขาชกไปเต็มแรงเมื่อครู่กลับลุกขึ้นมาทำให้เขาต้องถีบมันซ้ำอีกหน
“มึงมายุ่งอะไรวะ!!?”
สงสัยจะยังไม่เข็ดเมื่อหมอนั่นยังลุกขึ้นมาใหม่แล้วพุ่งเข้ามาหาเขา เจฟฟรี่เดาะลิ้นแล้วสบถเบาๆ ก่อนจะวางมวยกับมันให้รู้สึก ด้วยช่วงตัวที่ไม่ต่างกันมากนักทำให้พอฟัดพอเหวี่ยง แต่พื้นฐานการป้องกันตัวที่มีมากกว่าทำให้เจฟฟรี่จัดการจนอีกฝ่ายล้มกลิ้งคลุกฝุ่น มือหนากระชากคอคนที่หน้าปูดตาบวมเข้ามาใกล้แล้วข่มขู่ด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน
“อย่าเอามือสกปรกของแกมาแตะต้องคนของฉันอีก ถ้ายังอยากมีมันไว้ใช้ทำเรื่องชั่วๆ!!” สะบัดมือจากคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วเตะเสยปลายคางซ้ำ
ดวงตาคมปรายมองคนตัวเล็กที่ยังนั่งแหมะอยู่ที่เดิม ร่างสูงใหญ่ก้าวไปหา นั่งลงติดกระดุมเสื้อให้แล้วช้อนอุ้มขึ้นมาพลางบ่น
“ทำไมดื่มหนักแบบนี้ล่ะตัวยุ่ง”
“เจฟฟ์...”
เจ้าของชื่อชะงักกับเสียงแผ่วที่ดังข้างหู มองคนตาเยิ้มในอ้อมแขนแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก
“ก็รู้ตัวนี่...”
จุ๊บ!
“......!!” ดวงตาคมเบิกขึ้นด้วยความอึ้งเมื่อถูกรั้งต้นคอลงไปแล้วจูบปากเร็วๆ
“หึๆ”
คนทำยังมีหน้ามาหัวเราะอีก เจฟฟรี่ทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ เมาแล้วยั่วแบบนี้มันน่านัก
“ลองทำอีกทีเดี๋ยวได้มีเจ็บตัวกันบ้างล่ะ” เขาคาดโทษ แขนเรียวกอดคอเขาเอาไว้ ปล่อยให้เขาพาเดินกลับเข้าไปในคลับอย่างง่ายดาย
เจฟฟรี่เดินกลับมาหาอเล็กซานเดอร์พร้อมหนุ่มตัวเล็กในอ้อมแขน ก่อนจะวางลงให้นั่งบนโซฟาโดยมีสายตาของอเล็กซานเดอร์เงยมามอง
“ไปพามาจากไหน?”
เจฟฟรี่นั่งลงข้างคนเมาทำให้อีกฝ่ายเอนมาพิงเขา ก่อนที่เขาจะตอบคำถามของอเล็กซานเดอร์
“เกือบโดนเขมือบแล้ว”
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองปอนด์ที่ตัวพับตัวอ่อน ก่อนจะยื่นเท้ามาแตะขาปอนด์แล้วเรียก
“เจ้าเตี้ย”
“ฮื่อ” คนเมาทำเสียงรำคาญ กอดแขนเจฟฟรี่แล้วเอาแก้มถูไถ
อเล็กซานเดอร์ถอนใจ ร่างสูงใหญ่ขยับลุกทำให้เจฟฟรี่เงยขึ้นมอง
“พากลับไปที่ห้องก่อนแล้วกัน”
เจฟฟรี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับคำพูดของอีกฝ่าย “ขอบคุณนะอเล็กซ์”
ตาสีฟ้าปรายมามองแล้วว่า “หมอนั่นคงเป็นห่วงถ้าเกิดเอาเพื่อนเขาไปปล่อยไว้ข้างทาง”
ว่าจบตัวสูงใหญ่ก็เดินออกไป เจฟฟรี่หัวเราะในลำคอกับเหตุผลของอีกฝ่าย ถึงจะทำไปเพราะห่วงความรู้สึกของ ‘หมอนั่น’ อย่างที่ว่า แต่ขนมปังปอนด์ของเขาก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วยอยู่ดี
ชายหนุ่มขยับลุกขึ้น รั้งแขนเรียวมาพาดบ่าแล้วพยุงให้เดินไปด้วยกัน เมื่อครู่เขาอุ้มมาที่โต๊ะก็เด่นพอแล้ว ขากลับขอกลับแบบธรรมดาบ้างนะที่รัก
เมื่อพากันกลับมาที่ห้องอเล็กซานเดอร์ก็เดินเลี่ยงไปนั่งที่โซฟา ปล่อยให้อัลเบิร์ตซึ่งถลามาหาเขาด้วยความตกใจที่เห็นเพื่อนตัวเล็กเมามายจัดการกันต่อ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจฟฟรี่ ทำไมปอนด์เมาขนาดนี้?”
“ไม่รู้สิ ไปเห็นก็สภาพนี้แล้ว” เจฟฟรี่มองตามปอนด์ที่ถูกอัลเบิร์ตพาไปนอนที่โซฟาแล้วหาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้
“ดื่มหนักแบบนี้น่าห่วงจริงๆ เวลาเมายิ่งรั่วอยู่ด้วย แถมยังเลื้อยไม่เลือกที่ ไม่รู้ถูกทำอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย” คนเช็ดตัวก็เช็ดไปบ่นไป ขณะที่เจฟฟรี่นั่งลงที่โซฟาอีกตัว ไม่กล้าบอกอัลเบิร์ตว่าปอนด์เกือบถูกทำมิดีมิร้ายไปแล้วหากเขาไปไม่ทันการณ์
“นี่มัน...”
“.......?” เจฟฟรี่เงยขึ้นมองเมื่ออัลเบิร์ตทำเสียงแปลกๆ ก่อนจะมองตามสายตาเพื่อนที่ชะงักมือเอาไว้เมื่อเห็นร่องรอยบนร่างกายของปอนด์
“เจฟฟ์ ทำไม...” สีหน้าไม่สู้ดีหันมาทางเขาอย่างต้องการคำตอบ
“แค่เกือบไปน่ะ ฉันไปช่วยไว้ทัน” จำต้องบอกความจริงออกไปเมื่อเพื่อนเห็นแล้ว
“..........” อัลเบิร์ตพูดไม่ออก หันกลับไปมองเพื่อนที่เมาไม่รู้เรื่องแล้วเขย่าตัวเรียกสติ “ปอนด์ ปอนด์ เป็นไงบ้าง?”
“อือ” ปอนด์ครางในลำคอ ปัดมืออัลเบิร์ตที่กำลังเขย่าตนเองให้ออกห่างตัว
เมื่อดูท่าว่าอาการเพื่อนจะไม่ดีขึ้น ทั้งยังเป็นห่วงหากปล่อยให้กลับไปที่ห้องแล้วตื่นมาเจอสภาพตัวเองเป็นแบบนี้ ปอนด์คงรู้สึกแย่ อัลเบิร์ตจึงหันมาหาอเล็กซานเดอร์ที่นั่งเงียบๆดูสถานการณ์
“อเล็กซ์...”
“ให้เจฟฟ์พาเจ้าเตี้ยไปส่งที่ห้อง” ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอ อเล็กซานเดอร์ก็สวนมาแบบนั้น
“ให้ปอนด์นอนพักที่นี่ก่อนไม่ได้หรือ ผมเป็นห่วง”
“ให้เจฟฟ์ไปส่ง” อีกคนยังยืนยันคำเดิม
“แต่ว่า...”
“ให้เจฟฟรี่พาไป ฟังไม่รู้เรื่อง?” น้ำเสียงที่เข้มขึ้นทำให้อัลเบิร์ตต้องเงียบลง ถึงไม่พอใจแต่ก็แย้งไม่ได้ คนใจร้าย
สุดท้ายแล้วอัลเบิร์ตจึงต้องบอกทางไปที่พักของปอนด์กับเจฟฟรี่ รู้สึกเคืองคนไร้น้ำใจจนไม่อยากมองหน้า เมื่อพาเพื่อนตัวเล็กลงมาส่งที่ด้านล่างแล้วอัลเบิร์ตจึงเอ่ยฝากฝัง
“ฝากด้วยนะเจฟฟ์ ปอนด์เขาไม่มีใคร นายช่วยส่งให้ถึงห้องทีนะ ล็อกประตูให้แน่นหนาด้วย อย่าให้ใครเข้าไปในห้อง...”
“พอๆ พอแล้วอัลเบิร์ต จะห่วงอะไรมากมายนี่ ฉันเข้าใจแล้ว” เจฟฟรี่เอ่ยกลั้วหัวเราะ ทำให้อัลเบิร์ตเม้มปากแล้วบอกเสียงเบาเป็นการปิดท้าย
“ฝากที”
“รู้แล้ว” เขารับปากไปเช่นนั้นก่อนจะพาปอนด์ขึ้นรถ
อัลเบิร์ตยังคงมองตามเพราะห่วงเพื่อน ทำให้ถูกอเล็กซานเดอร์คว้าแขนลากขึ้นห้องไปอย่างไม่เต็มใจ เห็นดังนั้นแล้วเจฟฟรี่ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะสตาร์ทรถพาคนเมาไปส่งที่ห้อง
-------------
เจฟฟรี่พาคนเมากลับมายังห้องของเจ้าตัว ควานหากุญแจเปิดประตูอย่างลำบากเมื่อคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย เมื่อเข้ามาในห้องได้ก็ยิ่งทุลักทุเล พอพาไปนอนที่เตียงแขนเรียวก็เกี่ยวคอเขาลงไปด้วย คล้องกอดเอาไว้ทำให้ลุกขึ้นมาไม่ได้ พอมองตาเยิ้มๆนั่นในระยะประชิดแบบนี้แล้วชักจะเคลิ้มตามจนต้องเอ่ยปรามทั้งคนเมาและตัวเอง
“อย่ายั่วกันนะที่รัก เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหวปล้ำคุณขึ้นมาล่ะแย่เลย” มือหนาบีบจมูกคนเมาอย่างมันเขี้ยว
“อยากปล้ำหรือ?” ปอนด์ถามกลับมาอย่างไร้สติ แววตาดูยั่วเย้า
“มาก”
เจฟฟรี่ตอบรับพลางก้มลงจูบแก้มเนียน คนเมาหัวเราะ มือเรียวกุมแก้มเขาแล้วรั้งลงหาจนจมูกชนกัน
“ลองดูสิ”
คนตัวโตนิ่งอึ้งกับคำท้าทาย ปอนด์ละแขนมาเลิกชายเสื้อของตนเองขึ้น เป็นอย่างที่อัลเบิร์ตบอกไม่มีผิด ปอนด์เมาแล้วรั่วแถมเลื้อย!
“ปอนด์ ใจเย็นๆปอนด์ ที่รักครับ ใจเย็นก่อน” เจฟฟรี่รีบห้ามเมื่อคนเมาเริ่มลงมือถอดเสื้อผ้า ยักแย่ยักยันจะให้มันพ้นศีรษะแต่ก็ยังทำไม่ได้ เขาจึงดึงมันลงมาไม่ยอมให้ถอด
“ทำไมล่ะ ไม่ปล้ำแล้วหรือ?” เสียงหงิงๆเอ่ยถามทั้งสีหน้าอ้อน
“โธ่ อย่าทำผมลำบากใจแบบนี้ได้ไหม” เจฟฟรี่ว่าด้วยเสียงทดท้อ ถอนใจแรงๆก่อนดึงเสื้อปอนด์ลงปิดผิวขาวเนียน ร่างสูงใหญ่ขยับลุกขึ้นมา ไว้เป็นแฟนกันก่อนเถอะเขาจะจัดให้ถึงใจเลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขาต้องระงับจิตใจแค่ไหนรู้บ้างไหมตัวยุ่ง
“ไม่ปล้ำก็กลับไปเลยไป” คนตัวเล็กเอ่ยไล่แล้วตะแคงหันหลังให้
เจฟฟรี่มองอย่างเหนื่อยใจ เมาแล้วเป็นแบบนี้ไม่ดีเลย ไม่รู้ทำแบบนี้กับใครมาบ้างแล้ว “คุณชอบเป็นแบบนี้ตลอดหรือ เมาแล้วยั่วคนอื่นน่ะ ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าคุณจะ...”
เจฟฟรี่ชะงักคำพูดต่อจากนั้น มันไม่ดีเลยกับความคิดของเขาเวลานี้ ถ้าพวกนั้นมันคิดแบบเขา ปอนด์คงไม่อยู่รอดมือใครมาจนทุกวันนี้แน่ เขากำลังอิจฉา เขากำลังหึงหวง แค่คิดว่าปอนด์เคยเป็นของคนอื่นมาก่อนก็แทบคลั่ง
“ปอนด์ ผมถามว่าคุณเคยทำแบบนี้กับคนอื่นไหม ใช่ไหม!?”
“หนวกหู” โต้กลับเสียงอู้อี้พลางเอามือปิดหู
“ปอนด์”
เจฟฟรี่คำรามในลำคอ รั้งให้คนเมาหันมา ตากลมมองจ้องเขานิ่งก่อนขยับลุกพรวด เจฟฟรี่ผงะถอยด้วยความงง ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อ...
“อึ่ก!... แหวะ!!”
“เฮ้ย!!!!!”
เจฟฟรี่อึ้งหนักกว่าเดิมเมื่อของเหลวพุ่งมาใส่พร้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์ มือเรียวกำเสื้อเขาแน่นขณะที่เสียงอาเจียนของคนเมายังดังต่อเนื่อง ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับสถานการณ์ตอนนี้ แต่อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งทีเดียว อ้วกเพชฌฆาตจริงๆเลยที่รักของผม
เมื่ออาเจียนรดเขาจนพอใจแล้วคนเมาก็ทิ้งตัวลงนอนหอบอยู่บนเตียง เจฟฟรี่กางแขนแล้วเบือนหน้าหนีสภาพดูไม่ได้ของตัวเอง ชายหนุ่มลุกไปล้างตัวในห้องน้ำ ถอดชุดกองไว้ในนั้นก่อนอาบน้ำล้างคราบสกปรกจากตัว พอก้าวออกมาหาชุดใส่ก็ต้องถอนใจเมื่อมองดูแล้วเขาคงใส่ชุดปอนด์ไม่ได้เพราะตัวเล็กเกิน เจฟฟรี่จึงใช้ผ้าขนหนูพันเอวเอาไว้แทน
ส่วนคนบนเตียงเขาก็จับลอกคราบแล้วเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ อุ้มไปบ้วนปากในห้องน้ำแล้วออกมาเปลี่ยนผ้าปูที่เลอะเทอะก่อนไปพาออกมานอนพร้อมห่มผ้าให้จนเรียบร้อย ที่ไม่ใส่เสื้อผ้าให้เพราะกลัวช้า ดูสภาพเปลือยเปล่าของคนเมานานๆอาจเกิดการปลุกปล้ำกระทำชำเรากันเกิดขึ้นได้
เจฟฟรี่ถอนใจเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย แทบยกแขนขึ้นปาดเหงื่อทั้งที่ไม่มีเหงื่อออกสักหยด ก็เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับการห้ามใจตัวเอง ชายหนุ่มกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบเพื่อล้างเสื้อผ้ากับผ้าปูที่เลอะก่อนเอาลงเครื่องซัก แล้วเอาไปผึ่งไว้ด้านนอก
“เอาไงต่อวะนี่?”
มองสภาพล่อนจ้อนของตัวเองแล้วเจฟฟรี่ก็เกาหัว คว้าโทรศัพท์มาโทรบอกอัลเบิร์ตให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้เพราะปอนด์อาเจียนใส่จนเลอะไปหมดแล้ว ทางนั้นดูจะเป็นห่วงเพื่อนไม่น้อย แต่ก็มาหาไม่ได้เพราะถูกสั่งห้าม เลยบอกจะให้บอดีการ์ดเอามาให้แทน
วางสายจากอัลเบิร์ตแล้วเจฟฟรี่ก็ได้แต่นั่งรอ มองปอนด์ที่หลับไม่รู้เรื่องแล้วหัวเราะเบาๆ วุ่นเกือบทั้งคืนเพราะคุณเลยนะขนมปังปอนด์
-------------
ปอนด์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเนื้อปวดตัว โดยเฉพาะหัวที่หนักราวมีอะไรมาถ่วงเอาไว้จนแทบลุกไม่ขึ้น นั่งมึนอยู่พักใหญ่กว่าสติสตังจะกลับมา มือเรียวขยี้ตาตัวเองก่อนจะตลบผ้าห่มให้พ้นกาย ขณะที่จะก้าวขาลงจากเตียงกลับต้องชะงักแล้วก้มมองร่างกายตน ดวงตากลมเบิกโตเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าไม่ได้ใส่
“เกิดอะไรขึ้น...?”
ร่างเล็กคว้าผ้าห่มมาพันกายก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำ มองกระจกหน้าอ่างแล้วยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ามีร่องรอยบางอย่างบนเนื้อตัว ใจปอนด์เต้นไม่เป็นส่ำ ผละออกจากห้องน้ำมาตรวจดูในห้อง ประตูหน้าห้องยังล็อกดี ไม่มีร่องรอยการค้นข้าวของ
ปอนด์ก้าวยาวๆมาที่ประตูระเบียง บานประตูก็ยังล็อกอยู่ แต่มีบางอย่างผิดปรกติ มือเรียวเลื่อนมันเปิดออก ก้าวมายืนตรงราวสำหรับตากผ้า มันมีเสื้อผ้าของใครบางคนตากเอาไว้ ปอนด์กลืนน้ำลายหวาดหวั่น มือสั่นๆเอื้อมไปคว้ามันมา หัวใจเต้นกระหน่ำ คิ้วขมวดจนแทบผูกปม ตอนนี้เขาอยากร้องไห้เต็มแก่แล้ว
นี่มัน ...ของใครกัน ? ?...
TBC
เย้~~ ตอนที่หนึ่งตามมาอย่างรวดเร็ว พยายามปั่นสุดฤทธิ์จะได้อัพถี่ๆ :impress2:
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์เน้อ รวบกอดทุกคนเลย :กอด1: บวกและบวกตอบแทนทุกคนด้วยค่ะ
วันใหม่
เมียรัก
ตอนที่ ๒ ขยับความสัมพันธ์
ถ้าไม่ลองคบดู... แล้วจะรู้ได้ไงว่าผมดี
ปอนด์เดินวนเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง เวลานี้เขาควรไปเรียนได้แล้วแต่เขายังไม่ได้ขยับออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว พยายามนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ยิ่งนึกก็ยิ่งปวดหัว เขาจะเป็นบ้าตายแล้วกับรอยบ้าๆบนตัวเขานี่
“โอ๊ย!! ทำไมความจำสั้นแบบนี้วะ ไอ้ปอนด์ ไอ้บ้า แกมันบ้า บ้าๆๆๆ” มือเรียวกำแล้วทุบหัวตัวเอง ก่อนจะค่อยหยุดลงแล้วนั่งซึมเมื่อไม่เห็นว่าสิ่งที่ทำมันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
“แกควรไปเรียนได้แล้วปอนด์ ไปสิวะ” บอกตัวเองไปแบบนั้นแล้วก็ยังนั่งแช่อยู่อีกหลายนาที จนกระทั่งอัลเบิร์ตโทรมาตามด้วยความเป็นห่วงถึงได้รีบออกจากห้องไป
เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยก็ถูกอัลเบิร์ตถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วจะให้เขาบอกว่าอะไรดีล่ะ เครียดกับเรื่องบ้าๆที่หาสาเหตุไม่เจอหรือ และเพราะอย่างนั้นถึงได้แต่ถอนใจจนอัลเบิร์ตต้องถามซ้ำ
“นายไม่เป็นไรแน่นะปอนด์?”
“อือ” ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรนี่นา ถึงได้แต่เออออไปก่อน
“ฉันยังเป็นห่วงอยู่เลยที่เมื่อคืนเจฟฟ์โทรมาบอกว่านายอ้วกใส่เขา นึกว่าเช้านี้อาการจะไม่ดี...”
“เดี๋ยวนะ” ปอนด์รีบยกมือหยุดเพื่อนเอาไว้ สีหน้าหนุ่มตัวเล็กดูแตกตื่นปนเปไปกับความมึนงง “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?”
อัลเบิร์ตเลิกคิ้วงงแล้วว่า “ฉันนึกว่านายจะอาการไม่ดี”
“ก่อนนั้นอีก”
“เมื่อคืนนายเมาไม่ได้สติแล้วอ้วกด้วย”
“ทำไมนายรู้?” คนถามชักใจไม่ดี เพราะจำอะไรได้แค่รางเลือน ไม่รู้ทำอะไรลงไปบ้าง
“เจฟฟ์พานายมาที่ห้อง... ฉันหมายถึงห้องชุดในคอนโดมิเนียมของอเล็กซ์น่ะ พวกเขาสองคนไปเที่ยวแล้วเจอนายเข้า” อัลเบิร์ตอธิบายให้เพื่อนฟัง
“ถ้าอย่างนั้น... ใครเป็นคนพาฉันไปส่งที่ห้อง...?” ปอนด์เริ่มลำดับเรื่องราว
“เจฟฟ์”
“..........” เหมือนหูเขาจะดับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย บ้าไปแล้ว! เขาพยายามโกหกตัวเองอยู่ หูจะดับได้ไงเล่า งี่เง่าจริง!
“มีอะไรหรือ?” อัลเบิร์ตมองเพื่อนที่นิ่งงันด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นนอกเหนือไปจากที่เจฟฟรี่บอกว่าปอนด์อาเจียนรดจนต้องให้คนเอาชุดไปให้เปลี่ยนหรือ เพราะหลังจากเขาฝากบอดีการ์ดเอาชุดไปให้เพื่อนตัวโตไม่นานเพื่อนก็ใส่มันกลับมาที่ห้อง
“เปล่า ฉันแค่อยากขอบคุณเขาน่ะที่ช่วยพาไปส่งห้อง” ปอนด์ยิ้มกลบเกลื่อน นั่นทำให้เพื่อนมองมาอย่างไม่เชื่อ
“นาย... เห็นรอยนั่นใช่ไหม?”
“รอย?” ปอนด์ทวนคำงงๆ
“บนตัวนาย”
“.........” ตากลมเบิกกว้าง เรื่องนี้อัลเบิร์ตก็รู้ แสดงว่าคนทำอาจไม่ใช่เจฟฟรี่ เอ๊ะ! หรือจะใช่???
“เจฟฟ์บอกมีคนจะทำมิดีมิร้ายนาย ดีที่เขาไปช่วยทัน”
สิ่งที่ได้รู้เพิ่มเติมทำให้เขาอึ้งหนักกว่าเก่า เจฟฟรี่ไม่ได้ทำรอยพวกนั้น ทั้งยังช่วยเขาไว้ด้วย มันแย่ที่ว่าร้ายคนๆนั้นอยู่ในใจ หากเจอตัวเขาจะบอกขอโทษ และขอบคุณที่ช่วยเขาเอาไว้... ว่าแต่ ใครมันทำกับเขาแบบนั้นกัน เดี๋ยวเย็นนี้ไปที่ร้านก็คงได้รู้ พ่อจะอาละวาดให้ร้านพังเลย ชอบรังแกกันดีนักคนพวกนี้
“ขอบใจนะอัลที่บอกฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงโง่ไปอีกนานเลย” ปอนด์บอกขอบคุณเพื่อน รู้สึกโล่งใจไปได้หน่อยที่ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ต่อไปเขาคงไว้ใจใครไม่ได้แล้ว ต้องดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ จะได้ไม่มานั่งทุกข์ใจทีหลังหากเกิดอะไรขึ้น
“ตกลงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เพื่อนตัวโตยังดูเป็นห่วง ปอนด์ยิ้มทั้งสีหน้าและแววตาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรสักนิด
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ปอนด์ซะอย่าง”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายร่าเริงได้อัลเบิร์ตก็ยิ้มออก ปอนด์เองก็ยิ้มให้เพื่อน ที่เขาบอกว่าไว้ใจใครไม่ได้นั้นคงต้องขอละไว้คนหนึ่ง เพื่อนสนิทคนนี้ เพื่อนเพียงคนเดียวของเขา ไม่มีใครไว้ใจได้เท่าอัลเบิร์ตอีกแล้ว แม้แต่แพททริกก็ตาม
คิดถึงเรื่องนั้นแล้วมันก็ให้ผิดหวัง เขาไม่ดูแลตัวเองจะโทษใครก็ไม่ได้ แต่แพททริกที่เป็นคนชวนไปทำไมถึงปล่อยเขาไปกับไอ้บ้านั่นก็ไม่รู้ ถ้าให้เดาไอ้บ้านั่นต้องเป็นพนักงานรุ่นพี่คนนั้นแน่
หลังเลิกเรียน ออกจากห้องได้ปอนด์ก็ลาอัลเบิร์ตตรงนั้นแล้วรีบตรงดิ่งไปที่ร้าน สวนกับเจฟฟรี่และอเล็กซานเดอร์ที่เดินมายังคณะของเขาพอดี ท่าทางจะมารับอัลเบิร์ตกลับห้อง หนุ่มตัวเล็กมองเจฟฟรี่แล้วหลบสายตาอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะแยกเขี้ยวให้อเล็กซานเดอร์คู่ปรับแล้วรีบเดินหนีไป
“เจฟฟ์ ฉันให้นายฟรีวันหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะกลับพร้อมหมอนั่น” อเล็กซานเดอร์เอ่ยขึ้นมาไล่หลังเจ้าเตี้ยเพื่อนอัลเบิร์ต เห็นไอ้คนข้างๆมันทำท่าว่าอยากจะเดินตามไปแต่ก็ไปไม่ได้แล้วก็รำคาญลูกกะตา
“ขอบคุณ ไว้จะชดเชยให้” เจฟฟรี่ยกยิ้ม
“ไม่ต้อง กลับช้าๆหน่อยก็พอ”
“.........” อีกคนชะงัก ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างรู้กัน
อเล็กซานเดอร์แยกไปหาอัลเบิร์ต ขณะที่เจฟฟรี่ก็ตามปอนด์ไป
“ไปส่งไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตัวเล็กเมื่อก้าวมาเดินอยู่ข้างกัน
“ตามผมมาทำไม ไม่ไปดูแลจอมบงการโน่น” ปอนด์เหลือบมองพลางบอกแกมเหน็บจอมบงการคู่ปรับตน
“วันนี้ฟรี” เขาว่ายิ้มๆ “ว่าแต่กำลังจะไปไหน ทำงานหรือ?”
“จะไปเอาเรื่องคน”
“โอ้ นักเลงเสียด้วย” เจฟฟรี่ทำเสียงประหลาดใจก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ
“เมื่อคืน...” พอเอ่ยถึงเรื่องนั้นแล้วปอนด์ก็เริ่มไม่มั่นใจว่าจะพูดต่อดีไหม แต่สายตาคมที่มองมาอย่างรอฟังทำให้เขาเม้มปากก่อนพูดต่อ
“ขอบคุณนะ อัลบอกว่าผมอ้วกใส่คุณด้วย มันคงแย่มาก”
“สุดๆ”
ปอนด์ตวัดตามองเมื่อเจฟฟรี่พูดแบบนั้น แต่ก็ต้องยอมรับล่ะว่าตัวเองผิด เป็นเขาหน่อยไม่ได้ คงปล่อยไอ้ขี้เมานั่นนอนจมกองอ้วก ไม่มาช่วยเช็ดตัวแถมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้แบบนั้นแน่
“อ้อ คุณไปช่วยผมจากไอ้บ้านั่นใช่ไหม แสดงว่าคุณต้องจำหน้ามันได้สิ” ปอนด์ถามขึ้นมาเมื่อนึกได้
“อย่าบอกนะว่าคนที่คุณจะไปเอาเรื่องคือหมอนั่น?”
“แน่สิ รวมทั้ง...” ริมฝีปากอิ่มงับปิดแล้วเงียบไป ถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากพูดถึงแพททริกในทางไม่ดีให้ใครฟัง
“คุณช่วยไปชี้ตัวด้วย ผมจะจัดการมัน” สีหน้าปอนด์ดูขึงขัง เจฟฟรี่ยิ้มมุมปากกับท่าทางนั้น ซ่าเหลือเกินขนมปัง
“ไม่ต้องหรอก”
“ทำไมเล่า!” ตัวเล็กย้อนถามอย่างขัดเคือง
“ผมจัดการให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
“.....?” ตากลมมองคนพูดแล้วเลิกคิ้วงง จัดการที่ว่ามันหมายถึงอะไร??
เมื่อมาถึงร้านความสงสัยนั้นจึงได้กระจ่าง พนักงานรุ่นพี่คนนั้นไม่มาทำงาน ขณะที่แพททริกรีบมาดูปอนด์ยกใหญ่ว่าเป็นอะไรไหม โทรไปก็ไม่รับ แถมไปที่ห้องก็ปิดเงียบอีก จะเปิดเข้าไปโดยพลการแล้วถ้าไม่เจอใครบางคนในนั้น แถมไอ้ใครบางคนที่ว่านั่นก็มายืนอยู่ตรงนี้เสียด้วย
“จะกลับทำไมไม่มาบอกกันก่อน ฉันเป็นห่วงแทบตาย” แพททริกดุเด็กตรงหน้า ปรายมองเจฟฟรี่ที่ยืนอยู่ข้างกันยิ่งไม่ชอบใจ
“มีเวลาได้บอกที่ไหนล่ะ คุณเล่นปล่อยผมไปกับใครก็ไม่รู้จนเกือบเอาตัวไม่รอด ทั้งที่เป็นคนชวนผมไปแท้ๆ” ปอนด์โต้กลับ สายตาผิดหวังที่มองมานั่นแพททริกไม่อยากเห็นมันเลย
“ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเมามากแล้วอยากเข้าห้องน้ำ ทำท่าว่าจะอ้วกเสียให้ได้ ทอมเขาเลยอาสาพาไป ฉันไม่ได้นึกเอะใจอะไร จนไปเจอ...” มองเจฟฟรี่ “...เจอคนนี้ในห้องเธอ ก็นึกว่าเธอกลับก่อนแล้วไม่บอก ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?”
แพททริกพยายามอธิบาย ที่จริงเขาก็ผิดที่ปล่อยปอนด์ไปกับเด็กในร้านคนนั้น เพราะเขาเองก็เมาพอกันทำให้ละเลยที่จะดูแลปอนด์ไป
“ทอมอยู่ไหน?” ปอนด์ไม่ตอบคำถามทั้งยังถามไปอีกเรื่อง
“เขาขอลา บอกแฮงค์ มาทำงานไม่ไหว ตกลงเกิดอะไรขึ้นพอจะบอกได้ไหม?” แพททริกยังย้ำถาม
ปอนด์ถอนใจ ก่อนบอกออกไปอย่างเสียไม่ได้ “เขาจะขืนใจผม”
“มายกอด!”
“ไม่ต้องร้องหาพระเจ้าที่ไหน ผมจะจัดการกับมัน ขอที่อยู่มันได้ไหม?” คนตัวเล็กเริ่มเดือด เจฟฟรี่ได้แต่มองขนมปังปอนด์ของเขาแสดงอภินิหาร เห็นตัวเล็กแบบนี้แต่ทำเอาเจ้าของร้านต้องยอม เจ๋งไม่เบาเลยนะนี่
“ฉันจะจัดการให้” แพททริกเสนอ สิ่งที่เกิดเขาก็มีส่วนผิด
“ไม่ แค่บอกที่อยู่มันมา”
หนุ่มใหญ่ถอนใจกับความดื้อรั้นพลางเรียกสติ “ปอนด์ ปอนด์ ปอนด์!”
“...........”
“ฉันรู้ว่าเธอมันเก่งไอ้หนู แต่ต้องไม่ใช่กับเรื่องนี้ ทอมไม่ใช่หมูๆอย่างที่เธอคิด ถ้าเธอเอาตัวไปพัวพันไม่ว่ากรณีไหนมันก็ส่งผลเสียกับเธอทั้งนั้น”
“ผมไม่ได้เอาตัวไปพัวพัน เขาต่างหากที่ทำ!”
“ลดความมุทะลุลงมาแล้วฟังฉันไอ้หนู” มือหนาจับไหล่มนให้นิ่งแล้วฟังตนเอง “ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง เข้าใจไหม?”
ปอนด์ระบายลมหายใจออกมาแรงๆหลายครั้งเพื่อลดความโมโหโกรธาของตนเอง พยายามใช้สติอย่างใจเย็น
“คุณจะทำยังไง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” น้ำเสียงและสีหน้าดูห่วงใยทำให้แพททริกโยกศีรษะทุยแล้วยิ้ม
เจฟฟรี่ที่อยู่ร่วมสถานการณ์มาตลอด กอดอกมองบรรยากาศที่ทั้งคู่มีให้กัน เขามายืนทำบ้าอะไรตรงนี้ สองคนนั้นมีความรู้สึกบางอย่างต่อกัน ความรู้สึกที่เขาแทรกเข้าไปไม่ได้ ดูคล้ายจะเป็นไอ้หน้าโง่อย่างไรไม่รู้ บอกกับเขาว่าไม่ได้เป็นเกย์ แล้วที่เขาเห็นนี่มันอะไรวะ!
หน้าร้านอาหารไทย เจฟฟรี่เดินดุ่มออกมาจากร้าน โดยมีปอนด์ในชุดพนักงานวิ่งตามมา เขาเข้าไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวเดียว กลับออกมาคนตัวโตก็ไม่อยู่แล้ว ทำให้ต้องวิ่งตามมาด้วยความแตกตื่นแบบนี้
“คุณดีฟไคล์ เดี๋ยวก่อน คุณดีฟ...”
คนตัวโตด้านหน้าไม่ยอมหยุดถึงเขาจะเรียกเสียงดังคอแทบแตก ทั้งยังโบกเรียกแท็กซี่เสียอีก
“คุณดีฟไคล์!!” ปอนด์ร้องเรียกด้วยความขัดใจที่อีกฝ่ายไม่ฟังเสียง อะไรไม่รู้ นึกจะไปก็ไป
คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาปิดประตูรถที่เจฟฟรี่จะเปิดเข้าไปนั่ง หนุ่มตัวโตค่อยหันมามองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก ขณะที่อีกคนก็ตาเขียวปั้ดไม่แพ้กัน ปอนด์ก้มบอกแท็กซี่ว่าไม่ไปแล้ว ฝ่ายนั้นดูจะหงุดหงิดที่เรียกแล้วกลับไม่ไป ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปอย่างกระชากกระชั้นจนปอนด์ร้องด่าไล่หลังแล้วถอนใจแรงๆ เคืองแท็กซี่ด้วย เคืองคนตัวโตที่ยืนหน้าตายอยู่ข้างๆด้วย
“ผมเรียกทำไมคุณต้องเดินหนี?” เอ่ยถามให้หายคาใจ
“ก็หยุดแล้วนี่ไง มีอะไรจะคุยกับผมหรือครับคุณประวิตร?”
ปอนด์หน้าง้ำ ทำไมต้องประชดกันด้วยไม่รู้ ผีเข้าผีออกจริงตาบ้านี่
“ผมจะมาขอบคุณเรื่องเมื่อคืน แล้วก็ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนวันนี้ด้วย”
“อือฮึ หมดแล้วใช่ไหม?”
ปอนด์อ้าปากหวอ นี่เขางงนะ อีกฝ่ายดูไม่ใส่ใจ คล้ายจะรำคาญด้วยซ้ำ
“อ... อื้อ” ตอบกลับไปแบบไม่เต็มเสียงนัก รู้สึกจ๋อยนิดหน่อย
“งั้นผมกลับล่ะ... แต่คุณไล่รถที่ผมเรียกไปแล้วนี่สิ” บ่นพึมพำท้ายประโยคทำให้คนตัวเล็กหน้าหมอง
“ขอโทษ”
คำขอโทษเพียงเบาๆทำให้เจฟฟรี่เหลือบมอง ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เพียงยืนรอรถคันถัดไปเงียบๆ ปอนด์เองก็ยังไม่ยอมกลับเข้าร้าน ทั้งที่ตอนนี้แพททริกยืนกอดอกมองมาเขม็ง เจฟฟรี่ที่เหลือบไปเห็นเลยเอ่ยเตือน
“เจ้าของร้านเขามองใหญ่แล้ว กลับไปทำงานสิ”
ตากลมช้อนมอง เจฟฟรี่ชะงักแล้วพยายามข่มใจไม่ให้แสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากความนิ่งเฉยพลางเอ่ยถาม
“อะไรอีก?”
“เสื้อผ้าคุณผมทิ้งได้ไหม?”
คนถูกถามนิ่งอึ้ง ก่อนจะหัวเราะเสียงหยัน “ทิ้งไปเถอะ เก็บไว้ก็รกสายตา”
“ไม่ใช่” ปอนด์รีบแก้ความเข้าใจ “มันเลอะแล้วนี่ ผมจะ... จะซื้อให้ใหม่”
ได้ยินเช่นนั้นเจฟฟรี่ก็หันมามองอย่างแปลกใจ หูเขาท่าจะเฝื่อน “ว่าอะไรนะ?”
“จะพยายามเก็บเงินซื้อให้ใหม่ ตัวนั้นมันเลอะ... อ้วกผมไปแล้ว...” เสียงพูดค่อยเบาลงเรื่อยๆอย่างไม่ตั้งใจ ก็ยิ่งพูดยิ่งแย่ น่าขายหน้าชะมัด
เจฟฟรี่อมยิ้ม ใส่ใจเขาเสียด้วย ทำดีได้ดีแบบนี้ค่อยดีหน่อย แต่พอมองเลยไปที่แพททริกอารมณ์ดีๆก็กลับมาขุ่น พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันแบบไหน ไหนปอนด์บอกไม่ได้เป็นเกย์ ทำไมถึงได้มีบรรยากาศแปลกๆระหว่างคนทั้งคู่
“ไม่ต้องซื้อให้ใหม่หรอก ไว้ว่างๆเลี้ยงข้าวผมสักมื้อก็พอ” เจฟฟรี่ละสายตาจากเจ้าของร้านอาหารผู้เป็นศัตรูหัวใจมาบอกกับปอนด์ที่ดูจะกังวลเรื่องคืนนั้นและชุดของเขาไม่เลิก
“จะถล่มผมหรือเปล่านี่?” ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมามอง แววตาดูไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไร
“ไม่หรอกน่า ผมกินไม่จุหรอก” เอ่ยบอกยิ้มๆแม้อีกฝ่ายจะดูไม่เชื่อก็ตาม
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ไว้คุณนัดวันมานะ” ปอนด์ยิ้มน้อยๆเมื่อรู้สึกสบายใจขึ้น เจฟฟรี่เผลอมองเพลิน เพิ่งเคยยิ้มให้เขาแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย รู้สึกดีเป็นบ้า
“ตกลงตามนี้” คนตัวโตสรุปความ
“อื้อ ตกลงตามนี้”
ดวงตาคมมองคนตรงหน้าแล้วยิ้มบาง ปอนด์ที่เผลอแสดงความสนิทสนมกับอีกฝ่ายไปค่อยหุบยิ้มแล้วเบือนสายตาไปทางอื่น
“ผมว่า... ผมไปทำงานก่อนดีกว่า” เสียงทำไมเบานักก็ไม่รู้ ทั้งที่คิดว่าพูดแบบปรกติแล้วแท้ๆ ปอนด์ได้แต่ต่อว่าตัวเองที่ทำตัวแปลกๆแบบนั้น
ร่างเล็กวิ่งกลับไปที่ร้าน เจฟฟรี่มองตามแล้วหัวเราะเบาๆ ปอนด์ค้อมศีรษะขอโทษเจ้าของร้านแล้ววิ่งเข้าร้านไป ไล่หลังปอนด์ ทางนั้นก็หันมามองเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนผลุบหายเข้าไปในร้านเหมือนกัน
“ท่าทางจะหวานนะขนมปังปอนด์นี้ มดแมงตอมกันตรึมเชียว หึ”
เจฟฟรี่ออกจะไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก เพราะไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างแพททริกและขนมปังปอนด์ของเขา เมื่อรถมาจอดเขาจึงได้ขึ้นรถไปหาอะไรทำฆ่าเวลา เพราะอเล็กซานเดอร์บอกให้กลับช้าหน่อย คงต้องหาเรื่องออกกำลังสักหน่อย เผื่อจะหงุดหงิดน้อยลงกว่านี้
-----------------
เจฟฟรี่ที่แอบเนียนขอเบอร์โทรศัพท์ปอนด์มา ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้โทรนัดวันเลี้ยงตอบแทนตนเองง่ายๆสักหน่อย ซึ่งปอนด์ก็ไม่ได้คิดมากอะไรกับเรื่องเบอร์โทรศัพท์จึงได้ให้มา หนุ่มตัวโตดีใจเนื้อแทบเต้น แต่พยายามกดมันไว้สุดชีวิต กระโตกกระตากไปเดี๋ยวพาลไม่ได้กินขนมปังปอนด์กันพอดี
ชายหนุ่มโทรนัดวันเวลากับปอนด์ หนุ่มตัวเล็กเลยขอลาหยุดกับที่ร้านหนึ่งวัน แพททริกถามเหตุผลก็เพียงบอกไปว่าติดธุระ อีกฝ่ายดูมีเรื่องคาใจแต่ก็ไม่ได้ถามเขาอีก
“นี่ ถ้าหรูมากผมไม่มีจ่ายหรอกนะ” ปอนด์เอ่ยดักไว้ก่อนเมื่อเจฟฟรี่บอกว่าจะเลือกร้านเอง
“ไม่แพงอะไรหรอกน่า ผมแค่ไม่อยากไปทานที่ร้านคุณ”
หนุ่มตัวเล็กเลิกคิ้ว “คุณคงไม่ชอบอาหารไทย”
เจฟฟรี่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ปล่อยให้อีกคนเข้าใจไปแบบนั้น ทั้งที่จริงแล้วเขาไม่ได้ไม่ชอบอาหารไทย แต่ไม่ชอบเจ้าของร้านต่างหาก
“พรุ่งนี้มีเรียนตอนไหน?” คนตัวโตเปลี่ยนเรื่อง
“เช้า บ่ายฟรี”
“โอเคเลย เดี๋ยวเลิกแล้วผมไปรับ ผมฟรีทั้งวัน”
“สบายเกินไปแล้ว” คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ
เจฟฟรี่หัวเราะ รู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ หยอกล้อกันบ้างแบบนี้ดีกว่าถูกไล่ทุกวันตั้งเยอะ ปอนด์อาจไม่รู้ตัว หรือรู้ แต่เพราะอยากตอบแทนน้ำใจเขาเลยพยายามพูดดีด้วย แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ เพราะแบบไหนเขาก็ได้กำไรทั้งนั้น
หลังหมดคาบเรียนของวันเจฟฟรี่ก็มารอรับคนที่สัญญาว่าจะเลี้ยงตอบแทนและไถ่โทษที่ทำให้เขาลำบาก วันนี้เขาและอเล็กซานเดอร์ที่เรียนคณะเดียวกันไม่มีคาบเรียน ทำให้อีกฝ่ายกลับเฟอร์ริงตันไปตั้งแต่เมื่อคืน เขาจึงไม่จำเป็นที่ต้องอยู่เฝ้าเพราะบอดีการ์ดตัวจริงพากันอยู่เต็มเฟอร์ริงตันไปหมด คงมีอยู่หน้าที่เดียวที่เขาได้รับมอบหมายคือพาอัลเบิร์ตกลับเฟอร์ริงตันด้วยกันเย็นนี้
เจฟฟรี่พาปอนด์ไปที่ร้านอาหารไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก พอเห็นร้านกับราคาอาหารแล้วปอนด์ก็พยักหน้าหงึกหงักว่าพอได้ ไม่ลำบากเงินในกระเป๋า เจฟฟรี่จึงเลือกซื้อใส่กล่องแล้วพากันไปทานที่สวนสาธารณะใกล้ๆแทนที่จะนั่งทานในร้านให้เรียบร้อย
“คุณนี่ก็แปลก ไม่ทานในร้านดันอยากใส่กล่องมาทานที่นี่” ปอนด์แอบบ่นขณะที่เปิดฝากล่องอาหารที่ยังคงอุ่นๆอยู่
“ได้บรรยากาศกว่ากันเยอะ”
ทั้งคู่ค่อยๆทานอาหารที่ซื้อมาด้วยกัน แดดยามบ่ายไม่แรงมากเพราะยังอยู่ในช่วงหน้าหนาว แต่อากาศมันแห้งอาจทำให้แสบผิวจึงต้องนั่งหลบในร่มกันสักหน่อย แบบนี้อุ่นกำลังดีเลย
ปอนด์จิ้มไส้กรอกชิ้นเล็กเข้าปาก คาบไว้แล้วค้นหาซอสในถุง เขาติดจิ้มซอสพริกก่อนกิน เจฟฟรี่มองคนที่หันรีหันขวางเพราะหาซอสไม่เจอแล้วยิ้มขำ ก่อนจะโน้มไปหาแล้วกัดอีกด้านของไส้กรอกเจ้าปัญหา ริมฝีปากเฉียดกันไปเพียงนิดทำให้ปอนด์นั่งตาโต
“อร่อย” คนตัวโตว่าอย่างนั้น อมยิ้มมุมปากขณะเคี้ยวไปด้วย
ปอนด์งับปากที่กัดไส้กรอกค้างไว้ ค่อยๆเคี้ยวมันขณะมองจ้องคนที่มางับอีกครึ่งหนึ่งไปจากปากตน
“อยากกินก็ไม่บอก มีตั้งเยอะ” ยกกล่องไส้กรอกทอดมาวางให้
“ไม่ได้อยากกิน”
ปอนด์ขึงตา “แล้วมาแย่งทำไม?”
“เห็นมันน่าอร่อยดี... ในปากคุณน่ะ”
คนตัวเล็กนิ่งอยู่นานก่อนจะยกกล่องอาหารทั้งหมดมาวางตรงหน้าเจฟฟรี่
“ผมกลับล่ะ” ว่าอย่างนั้นแล้วลุกพรวดจนเจฟฟรี่ตกใจร้องเรียกแทบไม่ทัน
“เฮ้! เดี๋ยว... เฮ้! เกิดอะไรขึ้น!?”
ไม่ได้คำตอบจากคนที่เดินดุ่มหนีไปแล้ว เจฟฟรี่สบถ รีบเก็บกล่องอาหารใส่ถุงแล้ววิ่งตามคนตัวเล็กไป เมื่อเข้าไปใกล้แล้วก็ผ่อนฝีเท้าลง เปลี่ยนเป็นเดินตามหลังไปช้าๆบนทางเดินที่ปูด้วยอิฐ สองข้างทางคือสนามหญ้าเขียวๆและต้นไม้น้อยใหญ่ให้ร่มเงา บ้างก็มีดอกใบปลิดปลิวลงมาตามกาลเวลา
สายตาคมมองแผ่นหลังบางที่เดินตรงไปข้างหน้าไม่หันมามองเขาเลยก็ได้แต่ถอนใจ คิดว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวยแล้วเชียว เกิดอะไรขึ้นอีกก็ไม่รู้ หรือโกรธเรื่องที่เขางับไส้กรอกมาจากปากนั่น แต่เขาไม่ได้จูบเสียหน่อย แค่เฉียดๆเอง
เพราะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีขนมปังปอนด์ของเขาก็มีหนุ่มเข้ามาป้อเสียแล้ว เจฟฟรี่ตาขวาง ก้าวเข้าไปรั้งไหล่คนตัวเล็กมาชิดแล้วประกาศตัวกับหมอนั่นเสียงดัง
“มายุ่งอะไรกับแฟนผม!?”
หนุ่มคนนั้นมองเจฟฟรี่ด้วยความมึนงง กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ตัวเองทำอะไรผิด แค่มาถามทางเขาผิดอะไร?
“ยังไม่ไปอีก!” ใช้เสียงดังเข้าข่มทั้งแววตาข่มขู่
ปอนด์เงยมองคนที่โอบไหล่ตัวเองไว้แล้วขมวดคิ้ว พอหันไปมองชายผู้เข้ามาถามทางก็เห็นเดินจากไปด้วยความงงงัน อย่าว่าแต่ฝ่ายนั้นงงเลย เขาก็งง ยักษ์บ้านี่เป็นอะไร อยู่ดีๆก็องค์ลง
“ขี้ตู่ชะมัด” ปอนด์บ่นอุบอิบ
“ไม่อยากให้ตู่ก็มาเป็นแฟนกันจริงๆสิ” อีกคนก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
‘หน้ามึนด้วย’ แอบบ่นในใจ กลัวคนหูดีได้ยิน
“สนใจไหมล่ะ?”
คำถามนั้นทำให้ปอนด์เบ้ปาก ก่อนจะขืนตัวพลางบอก “ปล่อยได้แล้ว”
เจฟฟรี่ยอมปล่อยไหล่มนแล้วเลื่อนมาจับมือเอาไว้แทน ตาเขียวขุ่นตวัดมามอง แต่เขาก็เพียงไหวไหล่นิดหน่อย
“นิดหน่อยน่า”
ปอนด์กัดปาก มองคนหน้ามึนที่ยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งที่เขามองจนตาจะถลนออกมานอกเบ้าแล้ว เดาะลิ้นเบาๆแล้วปอนด์จึงค่อยก้าวเดิน ไม่ได้ดึงดันที่จะปลดมือออกจากอุ้งมือใหญ่ นั่นทำให้เจฟฟรี่อมยิ้ม ตัวสูงใหญ่เดินให้ช้าลงเท่าช่วงก้าวเดินของอีกคน บีบมือเรียวเบาๆทำให้ตากลมปรายมามองทันที
“ตกลงเราเป็นแฟนกันหรือยัง?” เจฟฟรี่กระแซะถาม
“ยังไม่เลิกพูดอีก” ปอนด์ว่าเสียงเขียว “แล้วเมื่อกี้ทำอะไร อยู่ดีๆก็มาตะคอกคนอื่นเขา บ้าหรือเปล่า?”
พอถูกบ่นคนตัวโตก็จิ๊ปาก “ช่วยไม่ได้ ผมหวงคุณมันผิดตรงไหน?”
“หวงบ้าอะไร คนเขามาถามทาง”
“หา??” เจฟฟรี่ร้องอุทานเสียงดัง
“ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่า เขาพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องด้วย คุณเป็นเจ้าบ้านแทนที่จะมีน้ำใจ ไปไล่เขาอีก บ้าชะมัด”
เจฟฟรี่เหวอค้าง เขาทำอะไรลงไป รู้สึกขายหน้าที่สุดแล้ว นี่เขาคิดไปเองแล้วโมโหอยู่คนเดียวนี่นะ อาการหนักแล้วเจฟฟรี่ ดีฟไคล์
“หึ... ฮ่า ๆ ๆ” อยู่ๆคนตัวโตข้างกายก็หัวเราะ ปอนด์ผงะถอยห่างอย่างระแวง มองซ้ายมองขวากลัวว่าใครจะเข้าใจผิดว่าตนรู้จักมักจี่กับคนบ้า
ตัวสูงใหญ่กระแซะมาชิด เบียดคนตัวเล็กกว่าอย่างเย้าหยอก อีกคนกลับไม่เล่นด้วย มีคำรามขู่แต่เขาหรือจะกลัว ในเมื่อมือนุ่มๆยังวางอยู่ในมือเขา ขู่มาเถอะ เขายอม
เจฟฟรี่มาส่งปอนด์ที่ห้องพัก เอาของที่ปอนด์จ่ายเงินซื้อยกให้ปอนด์ไว้ทานจะได้ไม่ต้องออกไปซื้อใหม่ ปอนด์มองอย่างไม่เข้าใจ เขาซื้อเลี้ยง นอกจากไม่กินแล้วยังยกให้เขาอีก มือเรียวรับถุงอาหารมาถือเมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่ายกให้ ถึงมันจะดูแปลกๆอยู่ก็เถอะที่เอาของที่ตัวเองให้กลับมากินเองแบบนี้ บอกลาอีกฝ่ายแล้วก็หมุนกายจะเดินเข้าตัวอาคารที่พัก เท้าเรียวหยุดกึกเมื่อเห็นหนุ่มใหญ่ผู้เป็นเจ้าของที่นี่ยืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกล ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วก้าวไปเผชิญหน้า
เจฟฟรี่มองศัตรูหัวใจ แทนที่จะอยู่ที่ร้านอาหารกลับมายืนรออยู่หน้าที่พักของปอนด์แบบนี้มันพอจะบอกกับเขาได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายรู้สึกกับปอนด์อย่างไร แต่ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง เขาไม่มีทางยอมรามือแล้วยกปอนด์ให้ง่ายๆแน่ เพราะเขาจะจับจองเป็นเจ้าของหัวใจขนมปังปอนด์คนนี้แต่เพียงผู้เดียว!
TBC
ตอนที่สองมาแล้วงับ! :hao7:
ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกคอมเม้นต์และคนที่ไม่ได้คอมเม้นต์แต่แอบมาจิ้มเป็ดให้เราด้วยค่ะ 555
บวกและบวกตอบแทนทุกคนค่ะ
วันใหม่ :L2:
เมียรัก
ตอนที่ ๓ มารักกับผมไหมคุณ?
ทอมที่หายหน้าไปหลายวันกลับมาทำงานที่ร้านในวันหนึ่ง เท่าที่ปอนด์สังเกตดูเหมือนอีกฝ่ายจะลด ละ เลิก การตอแยเขาลงจนแทบจะกลายเป็นไม่สนใจ แม้แต่ตอนนี้ที่กำลังเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปทำงานทอมก็ยังทำเป็นมองไม่เห็นเขาที่ยืนอยู่หน้าตู้เก็บของข้างๆ ซึ่งแบบนั้นมันก็ดีอยู่หรอก แต่ปอนด์ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแพททริกไปทำอีท่าไหนทอมถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
เพราะเขามองมากไปอีกคนถึงได้ปรายตามามองเขาบ้าง ปอนด์สะดุ้ง หันหลบสายตา ปิดตู้เก็บของแล้วจะออกไปทำงานเมื่ออยู่ในชุดพนักงานพร้อมสรรพ เดินเร็วๆผ่านทอมที่ถอดเสื้อเปลี่ยนเป็นเสื้อพนักงาน หางตาทันได้เห็นแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยรอยรัก โดยเฉพาะท้ายทอยนั่นเป็นจ้ำอย่างเห็นได้ชัด
ปอนด์ตาโต หันขวับกลับมาแทบรีบจ้ำอ้าวออกจากห้อง ไม่น่าแปลกหรอกหากทอมจะมีคนรัก หรือที่แย่ไปกว่านั้นอาจเป็นคู่นอนสักคน แต่นี่มันเยอะเกินไปไหม???
ออกมาจากห้องแต่งตัวได้ปอนด์ก็แทบถอนใจด้วยความโล่งอก ปรกติอยู่กับทอมก็อึดอัดอยู่แล้ว ยิ่งเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า ปอนด์สะดุ้งหน่อยๆก่อนคว้ามากดรับ ขวัญเอ๊ยขวัญมา โทรศัพท์บ้านี่ก็สั่นได้จังหวะจริง
“ที่รัก”
เสียงทายทักจากปลายสายทำให้ปอนด์กลอกตา ตาบ้านี่อีกแล้ว
“ว่า?” เขาถามกลับพลางเดินหามุมคุยให้เสร็จๆไป ได้เวลาต้องทำงานแล้ว
“แค่จะโทรมาให้กำลังใจก่อนทำงาน”
“ว่างมากนะคุณนี่” เมื่อถูกประชดทางนั้นกลับหัวเราะในลำคอ “แค่นี้ใช่ไหม?”
“อืม ยังมีอีกนิดหน่อย”
ปอนด์ถอนใจเฮือก “อะไรอีก?”
“รักนะเบบี๋”
“โว๊ะ!” ปอนด์กดวางสาย คนอุตส่าห์ตั้งใจฟัง ยักษ์บ้า!
เก็บโทรศัพท์แล้วปอนด์ก็เดินกลับเข้าร้าน พักนี้เขาคุยกับเจฟฟรี่บ่อย เพราะให้เบอร์โทรไปโดยไม่คิดอะไรในวันนั้นทำให้ถูกโทรมากวนใจอยู่บ่อยๆ จนเขาชักเริ่มจะคุ้นชินแล้วกระมัง หรือเอาจริงๆคือเหนื่อยกับการโมโหโดยไร้ประโยชน์ถึงได้ไม่โวยวายเวลาที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่าที่รัก
เจอแพททริกที่หน้าห้องครัวปอนด์ก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงไป แต่อีกฝ่ายกลับเรียกเขาเอาไว้ทำให้ต้องหยุดรอฟัง
“เดี๋ยวปอนด์”
หันกลับมาเผชิญหน้าเชิงถาม วันที่เจฟฟรี่ไปส่งเขาแพททริกก็ดูจะมึนตึงเหมือนมีเรื่องไม่ชอบใจ อาจเพราะไม่ถูกชะตากับเจฟฟรี่นักกระมัง แต่นั่นมันเพื่อนเขานะ ทำไมต้องไม่พอใจด้วย
“พักนี้ดูสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนนั้นมากนะ เขาเป็นคนยังไงหรือ ไว้ใจได้แน่หรือเปล่า?”
ฟังที่อีกฝ่ายถามมาแล้วปอนด์ก็นิ่งไปชั่วครู่ก่อนบอก “เขาไม่ใช่คนไม่ดี ผมไว้ใจเขา”
เอ่ยขอตัวกับหนุ่มใหญ่ตรงหน้าเพื่อเข้าไปช่วยในครัว ทั้งยังรู้สึกไม่ดีกับสีหน้าที่ดูคล้ายจะอึ้งไปกับคำพูดของเขาแบบนั้น ไม่ได้ตั้งใจตอกย้ำหรือตัดรอนอะไร เพราะรู้ว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นแพททริกก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด แต่เพราะมันเกิดเรื่องนั้นขึ้นทำให้คำพูดของเขาที่เอ่ยออกไปมันกระทบคนฟังเต็มๆ
----------------
ทางด้านเจฟฟรี่ที่โทรไปกวนใจคนตัวเล็กเสร็จก็เดินจากระเบียงกลับเข้ามาในห้องพัก อัลเบิร์ตกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ขณะที่อเล็กซานเดอร์นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟายาว หรี่เสียงให้เบาลงคงเพราะเกรงจะไปรบกวนคนที่กำลังทำงานอยู่กระมัง
เจฟฟรี่เลือกเดินไปนั่งดูโทรทัศน์กับอเล็กซานเดอร์ พวกงานที่ต้องทำส่งพวกเขาออกจะสบายๆ รอให้ไฟลนก้นก่อนเถอะถึงได้ตาเหลือกมาทำให้เสร็จพอให้ถูกอัลเบิร์ตบ่นไปวันๆ
“วันนี้ไม่ไปไหนกันหรือ?”
อัลเบิร์ตที่วางมือจากงานที่ทำอยู่แล้วลุกไปชงเครื่องดื่มอุ่นๆมาให้พวกเขาเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าทั้งสองหนุ่มนั่งดูบอลแทนที่จะออกท่องราตรีเช่นทุกที
“ไปก็ว่า ไม่ไปก็ยังจะว่าอีกหรือ เคยมีความพอดีบ้างไหมฮะ?” อเล็กซานเดอร์กวน ดึงแขนคนที่ส่งแก้วเครื่องดื่มมาให้นั่งลงบนโซฟา ก่อนแกล้งรัดคอจนอีกฝ่ายดิ้นอึกอัก
“ยังไม่ได้อะไรสักหน่อย แค่ถามดูเฉยๆ”
อัลเบิร์ตแก้ความเข้าใจของอีกคนเสียใหม่ เจฟฟรี่มองทั้งคู่แล้วก็ขำ ดื่มเครื่องดื่มที่อัลเบิร์ตเอามาให้พลางดูรายการแข่งขันฟุตบอลในโทรทัศน์ จวบจนเวลาล่วงเลยไปพักใหญ่พวกเขาก็ต่างแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมันเพื่ออาบน้ำอาบท่าแล้วออกมาทานอาหารเย็นฝีมืออัลเบิร์ตเช่นเคย
พอไม่ได้ไปไหนดังเช่นทุกทีก็ดูเวลาจะผ่านไปช้าเหลือเกินในความรู้สึก แต่สำหรับอเล็กซานเดอร์คงรู้สึกดีกว่าเจฟฟรี่เพราะมีคนมาให้คลอเคลียแม้ไม่ได้ออกไปข้างนอก หลังทานอาหารเย็นเสร็จเจฟฟรี่ก็เข้าห้องของตนเองไป ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองคนอยู่ด้วยกันด้านนอกนั่น เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาอีกนานกว่าจะสามทุ่ม เจฟฟรี่จึงค้นงานมาทำฆ่าเวลา ผ่านไปอีกพักใหญ่สายตาคมจึงเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้อง
“ออกไปข้างนอกเดี๋ยวนะ” เจฟฟรี่ออกมาจากห้องแล้วเดินมาขออนุญาตอเล็กซานเดอร์ที่กำลังปฏิบัติภารกิจกวนใจคนอื่นอยู่
“จะไปไหน?” อัลเบิร์ตทะลึ่งตัวลุกขึ้นมาจากโซฟา แต่กลับถูกมือหนากดลงไปใหม่
“ยุ่งอะไรกับเขา” อีกคนดุ
“ก็ผมอยากรู้”
เสียงโต้เถียงของสองคนนั่นค่อยเบาลงเมื่อเจฟฟรี่เปิดประตูห้องออกไป บอดีการ์ดด้านหน้าห้องหันมามองเขา เจฟฟรี่ผงกหัวทักทายก่อนเดินผ่านพวกเขาไป
เจฟฟรี่มารอปอนด์ที่หน้าร้าน ริจะรักต้องใส่ใจดูแล เวลานี้เป็นเวลาเลิกงานของปอนด์ ทำให้รอเพียงไม่นานหนุ่มตัวเล็กก็ออกมา พอเห็นว่ามีใครมาเดินเตร่รออยู่ก็ออกจะงงๆ ยิ่งทางนั้นส่งยิ้มมาให้เสียกว้างขวางทำให้ปอนด์แกล้งทำไม่เห็นก็ไม่ได้ จำต้องเดินไปหาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“มาทำไม?” คำถามจากหนุ่มตัวเล็กทำให้รอยยิ้มของอีกคนหุบลง
“ถามแบบนี้เสียใจนะ”
“อ้าว ก็ถามดีๆ” ปอนด์ว่างงๆ เขาใช้คำผิดหรือ
เมื่อเห็นว่าขนมปังปอนด์ไม่ได้มีท่าทีด้านลบอะไรหลังจากคำถามนั้นเจฟฟรี่จึงทำเป็นลืมมันไป ไม่เก็บมาใส่ใจเพราะปอนด์ไม่ได้คิดอะไรกับสิ่งที่ถามมา
“มารับ” เขาตอบกลับไปเช่นนั้น
“กลับเองได้ ไม่ใช่ว่าไม่เคย” อีกคนปฏิเสธกลายๆ
“อยากมา แล้วจะมาทุกวันด้วย”
“เดี๋ยวได้โดนพ่ออเล็กซ์ด่าเอา เอาเวลาทำงานมาทำเรื่องไร้สาระ”
เจฟฟรี่อมยิ้ม มีห่วงเขาถูกพ่อของอเล็กซานเดอร์ด่าเอาด้วยแหนะ
“ผมยังไม่ได้เป็นบอดีการ์ดเต็มตัวนะคุณ ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย”
“แต่มันก็ควรมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่หรือเปล่า?” ตากลมปรายมามองขณะที่พากันหยุดรอรถอยู่บนทางเท้า
“คราวหลังไม่มาแล้ว” คนตัวโตทำงอน
“ดี”
“..........” มองปอนด์เคืองๆที่มาตอกย้ำเขาด้วยคำว่าดีอีก ไม่มีเสียล่ะที่จะง้อกัน
เจฟฟรี่เรียกรถให้แล้วดันหลังบางให้ขึ้นไปนั่ง ก่อนที่จะเนรเทศตนเองขึ้นไปนั่งข้างกันที่เบาะหลัง ปอนด์หันมามองอย่างไม่เข้าใจ งอนเขาอยู่ไม่ใช่หรือ ไฉนไยขึ้นมานั่งด้วยกันเสียอย่างนั้นเล่า
คนตัวเล็กส่ายหน้าเบา บอกแท็กซี่ถึงที่หมายที่ตนจะไปก่อนก้มเปิดกระเป๋าเพื่อดูสตางค์ ก่อนจะเปลี่ยนมาค้นอย่างจริงจังจนหน้าเครียด เจฟฟรี่ที่มองอยู่ยื่นหน้าไปดู ปอนด์ทำคิ้วยุ่งแล้วจิ๊ปาก
“ลืมโทรศัพท์” พึมพำกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด จำได้ว่าใส่กระเป๋าผ้ากันเปื้อนเอาไว้ ตอนเปลี่ยนชุดท่าจะลืมเอาออก ทำไงล่ะทีนี้
“กลับไปเอาไหม?” เจฟฟรี่เอ่ยถาม
“แหงสิ ไม่งั้นพรุ่งนี้จะใช้อะไรล่ะ” ปอนด์ถอนใจแรง หน้าบูดเพราะความสะเพร่าของตัวเอง “ต้องรีบแล้ว แพททริกปิดร้านหรือยังไม่รู้”
“คงยังหรอกมั้ง เราเพิ่งออกมาไม่นาน” คนตัวโตพยายามปลอบให้คลายใจ ปอนด์จึงได้บอกกับคนขับ
“แท็กซี่ วนรถกลับไปที่เดิมได้ไหมครับ?”
กว่ารถจะวนกลับมาจอดที่จุดเดิมก็กินเวลาไปนานทีเดียวเพราะต้องไปวนรถไกล แถมตอนวนกลับมารถยังมาติดอีก พอลงจากรถมาได้ปอนด์ลากแขนเจฟฟรี่ให้รีบเดิน พอไม่ทันใจก็เริ่มวิ่ง
ปอนด์รีบวิ่งกลับมาที่ร้านเพราะกลัวร้านจะปิดเสียก่อน โดยลืมนึกไปว่าถึงร้านปิดก็บอกให้แพททริกมาเปิดให้ได้ ด้วยความรีบทำให้ไม่คิดหน้าคิดหลัง เจฟฟรี่ก็ได้แต่เดินตามคนตัวเล็กไปด้วยความขำ ความป้ำเป๋อนี่ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างของปอนด์เลยกระมัง แถมมีแต่คนอยากดูแลเพราะชอบซ่าไม่ดูตาม้าตาเรือ
ปอนด์วิ่งมาทางหลังร้าน เห็นประตูยังไม่ได้คล้องกุญแจก็ถอนใจอย่างโล่งอก เอากุญแจประจำตัวพนักงานไขเข้าไปด้านใน ก่อนจะหันมากวักมือเรียกเจฟฟรี่ที่เดินช้ายิ่งกว่าเต่า ขาก็ยาวทำไมเดินต้วมเตี้ยมแบบนี้ นึกจะถ่วงเวลากันหรือไงยักษ์บ้า!
“เร็วสิ!”
เอ่ยเร่งอีกเมื่ออีกคนยังชักช้า มันมืดแล้วเขาไม่กล้าเข้าไปคนเดียว เจฟฟรี่หัวเราะในลำคอ มันกวนบาทาจนอยากจะทุบให้หนักสักสองทีซ้อน พอตัวสูงใหญ่เดินมาถึงปอนด์ก็ล็อคแขนแล้วลากเข้าไปด้วยกันทันที
กึง!!
เสียงแปลกๆที่ดังมาจากทางห้องแต่งตัวทำให้ปอนด์สะดุ้ง กอดแขนเจฟฟรี่แน่น พลางเหลียวมองซ้ายขวา นี่มันอังกฤษนะ คงไม่มีผีหรอกมั้ง
“กลัวหรือ?”
“...........” เงยมองคนถามแล้วหน้ามุ่ย มายิ้มขำเขาทำไมเล่า คนมันกลัวผิดหรือไง
“อ่ะๆ ไม่ล้อแล้ว หายงอนนะ” เจฟฟรี่รีบง้อเมื่ออีกคนปล่อยแขนเขาแล้วเดินดุ่มไม่ยอมรอ
ครืด ครืด
ขาเรียวหยุดกึกเมื่อเสียงแปลกๆมันยังดังมาให้ได้ยิน คราวนี้เหมือนเสียงบางอย่างครูดไปกับพื้นดังครืดคราด ซึ่งก่อนหน้ามันเป็นเสียงคล้ายมีอะไรชนกับตู้เก็บของ ขาเขาสั่นจนจะเดินไม่ไหวแล้ว ขอกลับออกไปตอนนี้ทันไหมมมมม
“ปอนด์...”
“ว้ากกกกกกกกกก”
มือที่แตะลงมาบนบ่าทำให้ปอนด์สะดุ้งโหยงแล้วออกวิ่งลึกเข้าไปด้านในแทนที่จะวิ่งกลับออกไปด้านนอกอย่างที่คิดเอาไว้ เจฟฟรี่เกาหัวแกรก ก่อนจะเดินตามคนสติแตกที่วิ่งเตลิดเข้าไปด้านในแล้ว ท่าจะกลัวผีขึ้นสมอง
เมื่อเดินเข้ามาจนถึงห้องแต่งตัวก็เห็นคนตัวเล็กนั่งยองอยู่ที่พื้น ตากลมเบิกกว้างทั้งยกมือปิดปากราวเห็นสิ่งประหลาด เมื่อเห็นท่าไม่ดีเจฟฟรี่จึงรีบก้าวเข้าไปหา พอไปถึงตัวกลับถูกมือเรียวเอื้อมมารั้งให้นั่งลง เขาจึงนั่งลงข้างๆแม้จะยังมึนงงอยู่ไม่น้อย
“อย่ามองนะ...”
เสียงแผ่วเบาที่ลอดออกมาจากมือที่ปิดปากเอาไว้ทำให้เจฟฟรี่เลิกคิ้วสูง จะหันไปมองตามสายตาของคนตัวเล็กทั้งที่ถูกสั่งห้าม มือเรียวจึงยกขึ้นมาปิดตาของเขาเอาไว้ แต่ก่อนที่มันจะมืดลงเขาก็ยังทันได้เห็นบางอย่างภายในห้องแต่งตัวนั่น
เสียงแปลกประหลาดที่ปอนด์ได้ยินก็เป็นเพียงเสียงขาโต๊ะที่เลื่อนไถลครูดกับพื้นเพราะแรงกระแทกจากบางสิ่งก็เท่านั้น...
สรุปแล้วโทรศัพท์ก็ไม่ได้เอา สองหนุ่มเดินออกจากร้านมาข้างกัน เงียบยิ่งกว่าเป่าสาก คนตัวเล็กเดินเหมือนสติหลุด ทำให้เจฟฟรี่ต้องคอยมองบ่อยๆ
“มันเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์โลก” เขาเปรยขึ้นมาทำให้อีกคนตวัดมามองเขาตาคว่ำ “ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณคิดมาก พวกเขาก็ไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว”
“ผมไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นสักหน่อย แค่ช็อคเพราะนึกไม่ถึง” เสียงในตอนท้ายเบาลงเรื่อยๆ สมองพาลนึกไปถึงภาพในห้องนั่นจนต้องสะบัดหัวแรงเพื่อไล่มันออกไป
เจฟฟรี่มองแล้วก็กลัวว่าคออีกคนจะเคล็ดเอา แขนแกร่งจึงกอดคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ตากลมช้อนขึ้นมามองเขา ก่อนที่แก้มจะขึ้นริ้วแดงจนเขายิ้มขำ
“ทำเหมือนไม่เคยดูหนังโป๊” เขาว่า
“หนังโป๊ก็ส่วนหนังโป๊สิ มันจะเหมือนของจริงได้ยังไง” อีกคนก็เถียง
“แสดงว่ามีอารมณ์กับของจริงที่เห็นมา?” เขาเอ่ยล้อ
“เจฟฟรี่!!”
“โอ๊ะ! ดีจริง เรียกชื่อผมแล้ว”
“มันใช่เวลาไหมตาบ้านี่!” กำปั้นคนตัวเล็กทุบเข้าให้ ยังมีหน้ามาล้อเขาอีก คนบ้า
“อย่าคิดมากเลย” คนตัวโตพยายามปลอบ
“จะมองหน้าพวกเขาติดได้ยังไง บ้าชะมัด”
พึมพำเบาๆแล้วปอนด์ก็ถอนใจ พรุ่งนี้จะมองหน้าติดได้อย่างไร บอกหน่อยสิทอม... แพททริก มาร์
----------------
ปอนด์มาทำงานที่ร้านตามปรกติ ถึงแม้จิตใจจะไม่ค่อยปรกติเท่าไรก็เถอะ ยิ่งเห็นทอมยืนรออยู่ก่อนแล้วใจปอนด์ยิ่งสั่น หนุ่มตัวเล็กเดินตัวลีบจะผ่านไปแต่ถูกทอมคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“อยากคุยด้วยหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยบอกทำให้ปอนด์บิดแขนจะให้พ้นจากอุ้งมือมาร
“ต้องรีบเข้างาน หลังเลิกงานได้ไหม?” พยายามต่อรองอย่างเต็มที่ เขามองหน้าทอมไม่สนิทใจจริงๆในตอนนี้ มันพาลนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนในห้องเปลี่ยนชุดนั่น...
ทอมอ้าปากจะบอกว่าเดี๋ยวนี้แต่แพททริกกลับออกมาขัดจังหวะเสียก่อนทำให้ต้องปล่อยมือแล้วเดินเลี่ยงไป เมื่อเห็นแพททริกปอนด์ก็ไม่กล้ามองหน้า ถึงจะเป็นผู้ชายที่ใช่ว่าจะไม่ประสีประสากับเรื่องทางเพศ แต่ก็ไม่ได้กร้านโลกอะไรขนาดที่ว่าเห็นสองคนนี้มีอะไรกันแล้วจะไม่รู้สึกกระดากอายเวลาเจอหน้า
“เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า?” หนุ่มใหญ่เอ่ยถามอย่างห่วงใย
“เปล่าครับ ผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวช้า”
ปอนด์รีบบอกก่อนเดินจ้ำออกไปไม่ยอมอยู่พูดคุยด้วย แพททริกได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจในท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมา
หลังเปลี่ยนชุดเสร็จปอนด์ก็โทรหาเจฟฟรี่ ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือ และคนที่จะช่วยเขาได้ก็คือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยกันเมื่อคืนนี้เท่านั้น
“คุณดีฟไคล์ ผมต้องการความช่วยเหลือ”
“หืม? มีอะไร เกิดอะไรขึ้น?” เจฟฟรี่ถามกลับมาด้วยความน้ำเสียงตระหนก
“ผมเลิกงานตอนสามทุ่มครึ่ง ถ้าไม่รบกวนเกินไปช่วยมาที่ร้านเวลานั้นได้ไหม?” ปอนด์รีบบอกอย่างร้อนใจ
“จะให้ไปรับกลับหรือฮันนี่?” ปลายสายเอ่ยเย้ามา ปอนด์จึงต้องเออออตามไปก่อน
“ประมาณนั้น”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดมาเสียงเข้ม “เอาความจริง”
เมื่อรู้ว่าเลี่ยงไม่ได้แล้วปอนด์จึงต้องบอก “ทอม... ผมหมายถึงคนเมื่อวานน่ะ เขาอยากคุยด้วย แล้วผม... รู้สึกกลัวเขา... นิดหน่อย”
น้ำเสียงที่ฟังดูไม่มั่นใจทำให้เจฟฟรี่ตอบกลับไป “งั้นสามทุ่มผมจะไปรอ”
“ไม่ๆ สามทุ่มครึ่ง ผมไม่อยากให้คุณต้องมารอนานขนาดนั้น”
“เอาอย่างนั้นหรือ?”
“อื้อ ช่วยผมได้ไหม ถือว่าเอาบุญ”
เจฟฟรี่อยากจะหัวเราะกับคำขอร้อง มีได้บุญด้วย
“โอเคๆ” คนตัวโตตอบรับกลั้วหัวเราะ
“ขอบคุ...”
“แต่ว่า!”
“...!!” ปอนด์ชะงัก เขาเกือบบอกขอบคุณไปแล้ว ยักษ์บ้านี่ลีลาเยอะนัก
“มีข้อแม้ว่าต่อไปนี้คุณต้องเรียกชื่อผมแทนนามสกุล โอเคไหม?” เจฟฟรี่ต่อรองเมื่อเห็นทางเป็นต่อ
“อะไรของคุณอีก”
“หรือจะเรียกที่รั...”
“เรียกเจฟฟรี่!!” ปอนด์รีบสวน
เจฟฟรี่หัวเราะร่วนอย่างชอบใจ
“โอเค คืนนี้เจอกันครับที่รัก”
----------------
ต่อด้านล่างค่ะ :L1:
เมียรัก
ตอนที่ ๕ อากาศมันร้อน
ปอนด์ที่นึกอยากแต่งห้องใหม่ไปขออนุญาตแพททริกก่อนหาซื้อข้าวของมาทำเอง มีอัลเบิร์ตเพื่อนรักมาช่วยยกข้าวของและตกแต่ง นอกจากนั้นยังพ่วงแถมอเล็กซานเดอร์ที่มานั่งเป็นตอไม้ไร้คนสนใจอยู่ในห้องด้วยอีกคนในขณะที่เจฟฟรี่กำลังยกอุ้มคนตัวเล็กให้ขึ้นไปแขวนโมบายตรงประตู ต่างคนต่างช่วยกันจนเสร็จไปครึ่งหนึ่งปอนด์ก็ไปทำอาหารมาเลี้ยงทุกคน
พวกเขาเรียนใกล้จบกันแล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยเจฟฟรี่ก็ต้องไปเข้ารับการฝึกเป็นบอดีการ์ดอย่างเต็มขั้น ปอนด์ได้ข่าวมาว่าอัลเบิร์ตก็จะถูกส่งไปด้วยทำให้อเล็กซานเดอร์ไม่พอใจนัก สองคนนี้เลยดูมึนตึงกันแปลกๆตั้งแต่เข้ามาในห้องของปอนด์ ปอนด์สัมผัสได้...
ปอนด์ยังคงทำงานที่ร้านอาหารของแพททริก หนุ่มใหญ่บอกกับเขาว่าจะเลื่อนเขาขึ้นเป็นผู้จัดการ หากเรียนจบแล้วเอาวุฒิมาสมัครในตำแหน่งนั้นได้เลย เรื่องราวระหว่างทอมและแพททริกหลังจากนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่ปอนด์หวังไว้ เพราะพวกเขาสองคนยุติความสัมพันธ์ทั้งหมดที่มีและทอมก็ได้ตัดสินใจลาออกจากที่ร้านไปโดยที่แพททริกก็ไม่ได้ทักท้วงหรือห้ามหวงอะไร
ปอนด์ที่คิดมาตลอดว่าเพราะตนเองเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องราวมันถึงได้จบลงไม่สวย ตอนที่ทอมจะไปปอนด์ยังขอโทษเขาซ้ำๆ แต่อีกฝ่ายกับโยกหัวเขาพลางยิ้มเศร้าแล้วเดินจากไปเท่านั้น นั่นทำให้ปอนด์ถึงกับร้องไห้โฮ มันเสียใจที่พวกเขาไปกันไม่ได้ มันเจ็บแทน เพราะเขาเป็นแบบนั้น รับเอาความรู้สึกของคนอื่นมามากจนเกินไปทำให้พอเจอหน้าเจฟฟรี่ก็ยังร้องสะอึกสะอื้นต้องให้ปลอบกันยกใหญ่
หนุ่มตัวเล็กละจากภวังค์หันมามองเจฟฟรี่ที่กำลังทาสีห้องให้ใหม่แล้วก็ยิ้มบาง เขาเป็นคนแบบนี้แต่เจฟฟรี่ก็ยังอยู่ด้วยไม่ไปไหน คนแบบนี้มันหาไม่ได้ง่ายๆ ถือว่าเขาโชคดีที่ได้รู้จักกับเจฟฟรี่ ดีฟไคล์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากพบเจอ ไม่อยากทำความรู้จักกับคนๆนี้แม้แต่น้อย ความเสมอต้นเสมอปลายและความจริงจังจริงใจของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขามันพาลอ่อนไปตามกาลเวลา
พอนานเข้าอเล็กซานเดอร์ที่นั่งเป็นหุ่นไม่มีใครสนใจก็ชักจะหงุดหงิดจนต้องขอตัวกลับเฟอร์ริงตัน กลับไปคนเดียวยังพอว่า นี่มีหน้ามาลากอัลเบิร์ตไปด้วยอีก ปอนด์ได้แต่บ่นไอ้คนเอาแต่ใจ ไม่รู้จะตามมาด้วยทำไม มาแล้วก็ทำงานกร่อยแบบนี้ บ้า!
เมื่ออเล็กซานเดอร์และอัลเบิร์ตกลับไปกันแล้วคราวนี้เลยเหลือกันอยู่สองคน เจฟฟรี่หันมามองปอนด์แล้วก็ยิ้ม หนุ่มตัวโตยังคงทาสีต่อด้วยความขะมักเขม้นจนกระทั่งเสร็จ ช่วยกันเก็บข้าวของเข้าที่จนเรียบร้อยดีแล้วก็ออกมานอนกลิ้งอยู่ที่ระเบียงเพื่อรอสีแห้ง กลิ่นสีแรงจนคิดว่าคืนนี้อาจนอนไม่ได้ ซึ่งมันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะกว่ากลิ่นมันจะจางลงคงต้องใช้เวลาสักสามถึงสี่วันเป็นอย่างต่ำ โดยเฉพาะในห้องที่อากาศไม่สามารถถ่ายเทได้สะดวกนักแบบนี้
“ไปนอนที่บ้านผมก่อนไหม?”
คำชวนจากคนตัวโตทำให้ปอนด์มุ่นคิ้ว
“ผมแค่เป็นห่วง กลิ่นสีมันแรง สูดดมเข้าไปมากๆเดี๋ยวก็ป่วยเอา” รีบให้เหตุผลเมื่อคนตัวเล็กมองมาตาคว่ำ
“ห้องแพททริกก็มี...”
ร่างสูงใหญ่พลิกกายกลับมายันแขนคร่อมเหนือกายทำให้ปอนด์ผงะ ทำอะไรปุบปับตกใจหมด
“ชอบทำให้หึงเรื่อย” เจฟฟรี่บ่นงึมงำในลำคอ
“อะไรของคุ...”
จุ๊บ!
คำพูดขาดหายเมื่ออีกคนก้มลงมาจูบแก้ม คนถูกจูบกะพริบตาปริบๆเมื่อร่างสูงใหญ่พลิกกลับลงไปนอนแผ่ที่เดิมพลางบ่น
“ตรงนี้ร้อนจัง”
“ข้างในมันเหม็นกลิ่นสีให้ทำไงล่ะ ลงไปข้างล่างไหม หาอะไรเย็นๆกินกัน” ปอนด์เสนอแล้วขยับลุกขึ้นนั่ง
“เป็นความคิดที่ดี” เจฟฟรี่ยกยิ้มก่อนจะลุกตาม “เลี้ยงหรือเปล่า?”
คนตัวเล็กทำปากยื่น “คุณชอบของฟรีนักหรือไง?”
“หรือคุณไม่ชอบ?” ย้อนถามยิ้มๆ
“เลี้ยงก็ได้ ถือเป็นการตอบแทนที่มาช่วย”
“เยี่ยม”
สองหนุ่มลงมาชั้นล่าง ข้างที่พักมีร้านไอศกรีมมาเปิดได้สักพักแล้วทำให้พวกเขาตรงไปที่นั่น บรรยากาศสบายๆกับแอร์เย็นฉ่ำชุ่มปอด พร้อมไอศกรีมและขนมหลากชนิด ปอนด์สั่งเค้กมาทานคู่กับไอศกรีมด้วย แต่เจฟฟรี่ไม่เอา ที่จริงเขาไม่ชอบของหวานเลยขอไอศกรีมรสกาแฟมาถ้วยหนึ่ง แต่มันก็ยังหวานอยู่ดี ทำให้ชายหนุ่มทำหน้าปุเลี่ยนทุกครั้งที่ตักเข้าปาก
“นี่ ผมอุตส่าห์เลี้ยง ทำไมไม่กินเล่า” ปอนด์ทักถามเมื่อคนตัวโตวางช้อนทั้งที่เพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำ
“มันหวาน” เจฟฟรี่ว่า ทำปากบิดเบี้ยวเสียอีกด้วย
“เอ้า ไอติมก็ต้องหวานอยู่แล้ว ถ้ามันเย็นอย่างเดียวคนเขาก็กินน้ำแข็งเปล่าเอาก็ได้” ปอนด์ว่าแกมเหน็บคนเรื่องมาก
เจฟฟรี่มองรอบๆร้าน มีแต่เด็กผู้หญิงอยู่เต็มไปหมด รู้สึกเขาไม่ค่อยจะเข้าพวกอย่างไรไม่รู้ “แปลกไหมนี่ ผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์มานั่งร้านน่ารักหวานแหววแบบนี้”
“แปลกตรงไหน ใครเขาก็มา บางคนตัวใหญ่หน้าเหี้ยมเขาก็มากับแฟนเขา ไม่เห็นแปลก”
“จริงสิ ผมก็มากับแฟนนี่เนอะ ไม่เห็นแปลก”
ปอนด์ตาโตเมื่อเจฟฟรี่ย้อนรอยคำพูดของตนเองมาเช่นนั้น พลาดละไอ้ปอนด์
“รีบกินให้หมดเลย พูดมาก” สั่งคนตัวโตที่ทำตาแพรวพราวอยู่ตรงหน้าแก้ความขัดเขิน
“ไม่กินแล้ว หวานแสบไส้”
“คราวหลังไม่พามาด้วยแล้ว” คนตัวเล็กบ่นงึมงำ
เจฟฟรี่ไม่ได้ว่าอะไร นั่งดูอีกคนทานไปเงียบๆ ปอนด์ที่เหลือบขึ้นมามองก็จำต้องเฉหลบสายตา อีกคนมองแล้วก็ยิ้มแบบนี้เขาทำหน้าไม่ถูก คนตัวเล็กจ้วงไอศกรีมในถ้วยเพื่อจะทานให้เสร็จเร็วๆ ทนสายตาคมที่มองจ้องมาไม่ไหว ใจมันสั่นไปหมดแล้วยักษ์บ้า!
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเจฟฟรี่ก็ยังคงมองเขาอยู่ ปอนด์ทำปากยื่น ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นลูกค้าที่กำลังเดินเข้ามาในร้านไอศกรีม ทอมกับแม่สาวผมทองหุ่นอวบอัด ปอนด์ถือช้อนค้างด้วยความอึ้ง ซึ่งทอมเองเมื่อเห็นปอนด์ก็อึ้งไปเหมือนกัน
ปอนด์ออกมาคุยกับทอมไม่ไกลจากร้านไอศกรีมข้างที่พักของตนนัก สาวที่ทอมควงมาตอนนี้อยู่กับเจฟฟรี่ มีส่งสายตาให้แถมยังยืนเบียดยักษ์บ้าของปอนด์เสียด้วย ปอนด์มองแล้วก็ได้แต่ทำหน้าแหยง ก่อนจะหันมาพูดกับทอมที่ยืนพิงกำแพงตึกแถวนั้นสูบบุหรี่ควันโขมง
“นั่นแฟนคุณหรือ?” เอ่ยถามทั้งยังใช้มือปัดควันสีขาวที่ลอยวนใกล้จมูกแล้วยู่หน้า
“อืม ทำงานที่เดียวกันน่ะ ก็... งานกลางคืนน่ะนะ มันก็ต้องมีแบบนี้บ้างแหละ” ทอมตอบกลับไป ปรายตามองปอนด์แล้วจึงดูดนิโคตินเข้าปอดอีกทีก่อนหาที่ดับมัน
“ลืมเขาได้แล้วหรือ?”
คำถามตรงๆจากไอ้ตัวเล็กทำให้ทอมชะงัก ก่อนจะยกเท้าขยี้ดับบุหรี่บนพื้น “หึ เก็บไว้เป็นความทรงจำแล้วกัน ฉันไม่อยากคิดอะไรมากแล้ว ตอนนี้เล่นดนตรีในผับ มีงาน มีเงิน แค่นี้จบ”
“คุณ... มีความสุขดีใช่ไหม?”
หนุ่มรุ่นพี่ชะงัก หันมามองปอนด์แล้วยกยิ้มกวน “ถามเยอะจังไอ้ตัวเล็ก”
“ผมเป็นห่วง” ปอนด์ว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันอายุมากกว่านายอีกนะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันสบายดี”
“............” ไม่รู้จะพูดอะไรได้
“แองจี้” ทอมเรียกหญิงสาวที่พามาด้วย เธอค่อยนวยนาดมาหา ไม่วายทิ้งสายตาให้เจฟฟรี่ที่ยืนทำหน้านิ่งราวยักษ์เฝ้าวัด
“ไปนะ มีโอกาสคงได้เจอกันใหม่”
ทอมหันมาพูดกับไอ้ตัวเล็กที่ยังคงมองเขาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย มือใหญ่โยกศีรษะทุย ราวภาพทับซ้อนกับวันที่เขาเดินออกจากร้านอาหารมา ชายหนุ่มยกยิ้มบาง ก่อนจะก้าวเดินไปพร้อมกับสาวสวยที่คล้องแขนเดินข้างกัน
“ทอม!!”
“....?” ทอมหันกลับมาหาคนเรียกอีกหน
“ดูแลตัวเองด้วย”
เขายิ้ม หันหลังกลับแล้วโบกมือลาปอนด์ เดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่โดยมีสาวทรงโตซ้อนท้ายแล้วขับออกไป
เจฟฟรี่ก้าวมายืนข้างปอนด์ ถึงอย่างไรคนเราทุกคนก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป ทอมเองก็เลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการ ทำในสิ่งที่อยากจะทำ ถึงแม้ปอนด์จะยังเป็นห่วงแต่นั่นก็คือสิ่งที่ทอมได้เลือกด้วยตัวเองไปแล้ว
---------------
กลับมาจากข้างนอกเจฟฟรี่ก็ขออาบน้ำ อากาศร้อนอบอ้าวทำให้รู้สึกเหนอะหนะ ปอนด์จึงได้หาผ้าเช็ดตัวมาให้ ส่วนเสื้อผ้าก็คงต้องใส่ชุดเดิมเพราะชุดของเขาเจฟฟรี่ไม่มีทางยัดมันเข้าไปได้
สายน้ำเย็นฉ่ำทำให้คนตัวโตรู้สึกดีไม่น้อย กลิ่นหอมๆของแชมพูและสบู่ที่ปอนด์ใช้ทำให้เจฟฟรี่อารมณ์ดี ใช้ของร่วมกันเหมือนอยู่ด้วยกันแล้วกระนั้น สระผมไปก็ผิวปากไป เสียงแว่วมาให้คนด้านนอกได้ยินจนต้องหันไปมองที่มาของเสียงแล้วหัวเราะพลางส่ายหน้าด้วยความขำ
“ปอนด์”
สักพักก็มีเสียงเรียกดังมาแทนเสียงผิวปากและเสียงน้ำไหล ปอนด์วางมือจากงานที่ทำอยู่แล้วขยับลุก
“ปอนด์” เสียงอีกคนยังดังมาเร่ง
“คร้าบ มีอะไรครับ?” ร่างเล็กเดินมาหยุดที่หน้าห้องน้ำพลางร้องถาม
“น้ำไม่ไหลทำไงดี แสบตา” เจฟฟรี่ตะโกนออกมาจากในห้องน้ำ
“ใช้ผ้าเช็ดไปก่อนสิ”
“ผมมองไม่เห็น”
“โธ่เอ๊ย เจฟฟรี่” ปอนด์เกาหัวแกรกกับปัญหาของคนตัวโต ก่อนเดินไปหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาเจ้าของห้องพัก “เดี๋ยวผมโทรหาแพททริก คุณรอเดี๋ยว”
“ปอนด์ แสบตา ขอน้ำหน่อย ในขวดก็ได้ เร็วๆ”
“โอ่ย!” ยังไม่ทันจะได้โทรไปไหนเพราะเสียงเร่งจากในห้องน้ำยังดังมาสั่ง ปอนด์วางโทรศัพท์แล้วเดินไปหยิบขวดน้ำก่อนก้าวเร็วๆกลับไปหาคนในห้องน้ำนั่น
“มาหรือยัง?” เจฟฟรี่มะงุมมะงาหรา ควานหาอะไรไม่รู้เปะปะ
“มาแล้วๆ คุณนี่ เอ้า!”
ส่งขวดน้ำให้เจฟฟรี่ก็รีบรับไปล้างหน้าล้างตา ฟองแชมพูยังฟูฟ่องเต็มหัว เห็นแล้วปอนด์ก็พยายามกลั้นขำ
“เป็นไงคุณ ดีขึ้นไหม?”
“เกือบแย่แล้ว คุณมาช้า ทำอะไรอยู่?” ยักษ์บ้าเอ่ยต่อว่า
“ก็กำลังจะโทร...”
ปอนด์ชะงัก หยุดคำพูดของตนเองเอาไว้เท่านั้นเมื่อมองคนตรงหน้าชัดๆแก่สายตา เพิ่งสังเกตเห็นเพราะเมื่อครู่มัวแต่ตกใจไปกับอีกคน ตากลมเบิกโตก่อนหันขวับกลับไปอีกด้านหนึ่ง หลับตาสีหน้าหยิบหยีแล้วรีบจ้ำออกจากห้องน้ำไปไม่เหลียวหลัง
เจฟฟรี่มองคนตัวเล็กที่เดินหนีออกจากห้องน้ำไปแล้วก็ยกยิ้มมุมปาก ก้มลงมองสภาพตัวเองบ้างก่อนหัวเราะในลำคอ จับเส้นผมที่ยังชโลมไปด้วยแชมพูแล้วชายหนุ่มก็เดาะลิ้นเบาๆ ก่อนใช้น้ำในขวดนั่นล้างแก้ขัดไปก่อน ดีที่เขายังไม่ทันได้ถูสบู่ ไม่อย่างนั้นคงงานใหญ่ ขณะที่กำลังล้างผมอย่างทุลักทุเลน้ำจากฝักบัวดันไหลขึ้นมาเสียอย่างนั้น เจฟฟรี่เงยมองแล้วทำเสียงประหลาดในลำคอ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ
หลังอาบน้ำจนเรียบร้อยร่างสูงใหญ่ก็ใช้ผ้าขนหนูพันเอวแล้วเดินออกมาข้างนอก ปอนด์ที่หันมามองรีบหันหลบทันทีจนอีกคนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ กายแกร่งเยื้องย่างเข้ามาหา มือหนาเอื้อมไปรั้งแขนแต่ปอนด์รีบสะบัดออกราวถูกของร้อน
“อี๋ อย่ามาใกล้นะ ตาชีเปลือยบ้า!”
ยิ่งคนตัวเล็กเอนหนีสุดชีวิต เจฟฟรี่ก็ยิ่งแกล้งขยับเข้าไปใกล้
“เฮ้ ของดีมีไม่บ่อยนะ ลืมตาขึ้นมามองมันหน่อยสิ”
“ทุเรศ! ฝรั่งบ้า!! โรคจิต!!!” ปอนด์ใช้ทุกคำด่าที่จะสรรหามาได้ ยิ่งเจฟฟรี่ก้าวมาชิดปอนด์ก็เพิ่มกำปั้นทุบตุบตับ ไม่อยากจะอยู่ใกล้ชีเปลือยจอมชีกอ
“โอ๊ย! โอ๊ยๆ ปอนด์... ฮ่าๆๆ”
กำปั้นเล็กทุบชีเปลือยเจฟฟรี่ไม่ยั้ง อีกคนก็พยายามเบี่ยงตัวหลบทั้งจับข้อมือเรียวไว้พลางหัวเราะขบขัน เสียงโวยวายของปอนด์ยังดังไม่หยุดเพราะถูกจับข้อมือทำให้ทุบอีกคนไม่ได้ ได้แต่ยื้อกันไปมาจนพากันล้มลงไปบนพื้น
ร่างเล็กฟุบหน้ากับอกแกร่งนอนตัวแข็งทื่อเมื่อตนเองเกยทับอยู่บนตัวเจฟฟรี่ และเพราะล้มผิดท่าทำให้หัวทุยชนคางจนเจฟฟรี่ร้องครางด้วยความเจ็บ นั่นทำให้ปอนด์เงยขวับขึ้นมามองอย่างตกใจ
“ขอโทษ เจ็บมากไหม?” ละล่ำละลักขอโทษขอโพย มือเรียวลูบคางของคนตัวโตให้เผื่อจะคลายความเจ็บลงได้
เจฟฟรี่หัวเราะหึๆกับความน่าเอ็นดูจนดูน่าฟัด แขนแข็งแรงกอดเอวคนตัวเล็กเอาไว้ ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดจนใบหน้าปอนด์ร้อนผ่าว ตากลมช้อนมองเจฟฟรี่แล้วทำหน้าราวจะร้องไห้
“เจฟฟ์... มัน...”
“เดี๋ยวมันก็สงบเอง” แม้จะบอกไปเช่นนั้นแต่เจฟฟรี่กลับรู้สึกว่าร่างกายไม่เป็นไปตามที่ต้องการสักนิด ยิ่งพยายามข่มใจมันยิ่งฟ้องความต้องการมากขึ้นไปอีก
ปอนด์ดิ้นอึกอักอยู่บนตัวของอีกฝ่าย พยายามเบี่ยงตัวให้ห่างความอันตรายที่ตนเองทาบทับ แต่การทำแบบนั้นกลับกระตุ้นการเสียดสีจนทำให้ขนกายลุกชันเมื่อต้นขาสัมผัสเข้ากับบางสิ่ง
“แน่ใจหรือเจฟฟรี่ว่ามันจะสงบ ผม... อ๊ะ!!”
ร่างสูงใหญ่พลิกปอนด์กลับลงไปอยู่ใต้ร่าง มือช้อนรองศีรษะกลัวจะกระแทกพื้นแล้วเจ็บไป มองตากลมที่ฉายแววตื่นตระหนกแล้วเจฟฟรี่ก็ค่อยโน้มลงจูบกลีบปากอิ่ม เฝ้าคลอเคลียดูดดุนลิ้นลื่น จูบซับแก้มเนียนทั้งซุกไซ้ซอกคอขาว
กึ่งกลางกายใหญ่โตแนบชิดต้นขาพาให้ใจปอนด์เต้นระส่ำ มันบดเบียดเสียดสีทุกครั้งที่คนตัวโตขยับกาย มือเรียวจิกเล็บกับบ่ากว้างเมื่อความรุ่มร้อนแล่นพล่านทั่วสรรพางค์ มือใหญ่ลูบไล้เนื้อตัวกระตุ้นจุดอ่อนไหวจนปอนด์ต้องบิดกายกับสัมผัสหวามไหว
“เจฟฟ์...”
ขาเรียวเกี่ยวเอวสอบที่กดแทรกเข้ามาหา อากาศร้อน... ร้อนมาก... ทำให้สองร่างที่บดเบียดโรมรันก่อเกิดเสียงกระเส่าหอบกระชั้น ทั้งเนื้อกายที่เสียดสีและร่างกายชื้นเหงื่อนั่นก็คงเพราะความร้อนของอากาศ... เพราะอากาศมันร้อน...
---------------
ปอนด์นั่งอยู่ซุกอยู่ตรงซอกมุมห้อง ผ้าขนหนูที่เจฟฟรี่ใช้พันเอวตอนนี้มันถูกใช้คลุมตัวปอนด์แทนไปแล้ว เพราะติดนิสัยหรืออย่างไรไม่รู้ถึงได้นั่งกอดขาซุกซอกมุม ท่าปกป้องตัวเองของเขาล่ะนั่นน่ะ เจฟฟรี่ได้แต่นั่งห่างออกมาแล้วมองคนตัวเล็กอยู่นานทีเดียว ก่อนที่ตัวสูงใหญ่จะขยับเข้าไปหา
“ปอนด์”
“อ๊ากกกก”
มือหนายกค้างกลางอากาศเมื่อปอนด์ร้องเสียงดังเพียงเพราะเขาเอื้อมมือไปหา ตากลมโตมองเขาตื่นๆ เจฟฟรี่ลดมือลงแล้วเปลี่ยนมาพูดกับคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ออกมานั่งคุยกันดีๆเถอะที่รัก”
“ไม่เอา” เสียงเง้างอดบอกปฏิเสธ
“ทำไมล่ะ?”
“...........” หลบสายตา ไม่ยอมพูดจา
“จะพูดกันแบบนี้หรือ ดูท่านั่งมันไม่น่าจะสบายเลยนะ”
“จะพูดอะไรก็พูดมาสิ”
เจฟฟรี่ถอนใจเมื่อคนตัวเล็กยังไม่ยอมขยับออกมา ไม่อึดอัดบ้างหรืออย่างไร มองผิวขาวที่ขึ้นจ้ำแดงเพราะฝีมือตนแล้วเจฟฟรี่ก็ระบายลมหายใจอีกรอบ ตากลมที่เหลือบมามองเขาแล้วเฉหลบทำให้เจฟฟรี่ต้องเอ่ยคำ
“โกรธผมใช่ไหม?”
“...........” ปอนด์ยังเงียบกริบ
“ผมไม่อยากพูดคำว่าขอโทษเลยนะ กลัวคุณคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันคือเรื่องผิดพลาด เพราะผมตั้งใจ ไม่ได้พลั้งเผลอ”
“พอแล้ว เลิกพูดได้แล้ว” มือเรียวยกขึ้นปิดหู ไม่อยากฟังอะไรอีก สองแก้มมันร้อนผ่าวเพียงนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เจฟฟรี่ขยับเข้าไปนั่งลงตรงหน้า ปอนด์ช้อนสายตาขึ้นมอง มือหนาเอื้อมมาจับข้อมือเขาให้ลดมือลงจากหู ก่อนกุมเพียงปลายนิ้วเอาไว้เมื่อมองสบสายตาด้วยแววจริงจัง
“ถึงเวลาหรือยังปอนด์ เรา... จะคบกันได้ไหม เป็นคนรักของผมจริงๆ... ได้ไหม?”
“............”
ปอนด์มองคนตัวโตตรงหน้าด้วยความไหวหวั่น เจฟฟรี่มีความจริงใจให้เสมอ ไม่ว่าตอนไหน ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนแขนเรียวจะเอื้อมไปหาคนตัวโตแล้วยกกายขึ้นกอดเป็นการตอบรับ
เจฟฟรี่นิ่งอึ้ง ความอบอุ่นแทรกซึมเข้ามาในหัวใจเพราะอ้อมแขนของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มยิ้มออกมาบางเบา แขนแกร่งกอดกระชับ ซบหน้ากับลาดไหล่เล็ก กดจูบแล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ
การเฝ้ารอ... ทำให้สิ่งที่รอนั้นมีค่า และเมื่อได้มา... มันก็ช่างคุ้มค่ามากเหลือเกิน
TBC
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
บวกและบวกให้ทุกคนอีกครั้ง
วันใหม่ค่ะ : )
เมียรัก
ตอนที่ ๘ ว่าที่ลูกเขย
“พร้อมหรือยัง?”
ปอนด์เอ่ยถามคนตัวโตที่ยืนตัวเกร็งอยู่ข้างกาย อมยิ้มเล็กๆกับท่าทีดูตื่นเต้นมากมายนั่น จะไปรอดไหมนี่เจฟฟรี่ ดีฟไคล์
“อย่าถามแบบนี้สิปอนด์ คำถามพาผมตื่นเต้นขึ้นไปคูณสิบ”
“เอ๊า” ปอนด์เสียงสูงแล้วหัวเราะพลางบอกคนตื่นเต้น “สูดลมหายใจเข้าลึกๆ”
ช่วยทำท่าทางประกอบให้เสียด้วย เจฟฟรี่ทำตาม สูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกมาช้าๆ ก่อนเลี้ยวมาจูบแก้มคนข้างกาย
“คุณนี่ ผมบอกสูดลมหายใจ ไม่ได้ให้มาจูบแก้ม” ปอนด์หน้ามุ่ย ถูแก้มตัวเองที่ถูกจูบ
เจฟฟรี่ยิ้มร่า ก่อนว่าหน้าตาเฉย “ก็สูดลมหายใจไง แต่อยากได้กลิ่นหอมๆจากแก้มเมียด้วย”
“แหนะ อีกแล้ว อย่าเผลอพูดว่าเมียต่อหน้าพ่อผมเชียว เดี๋ยวได้เรื่อง” นิ้วเรียวชี้หน้าอีกคนเป็นการสำทับ เพราะตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะยังไม่บอกครอบครัวของปอนด์ถึงความสัมพันธ์ที่มี ขอดูท่าทีไปก่อน
“ครับผม ไม่พูด ไม่บอก แล้วแต่ปอนด์จะจัดการครับ”
เมื่ออีกคนรับปากมั่นเหมาะปอนด์จึงได้พาเข้าบ้าน เจอญาดา พี่สะใภ้ของปอนด์จึงหยุดทักทาย หญิงสาวมองพวกเขางงๆในทีแรก ก่อนจะยิ้มออกมา
“อ้าว ปอนด์”
“สวัสดีครับพี่ดา” ปอนด์ยิ้มทักพร้อมไหว้พี่สะใภ้คนงาม
“ตายจริง พี่ก็นึกว่าหนุ่มที่ไหน”
เธอหัวเราะกับความก๊งของตัวเองที่จำน้องสามีไม่ได้ เมื่อได้พูดคุยทักทายปอนด์จึงได้แนะนำเจฟฟรี่ให้ญาดาได้รู้จักเพราะเห็นเธอมองฝรั่งตัวโตอย่างสงสัย เจฟฟรี่เคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่อเล็กซานเดอร์บุกมาตามหาอัลเบิร์ต แต่ตอนนั้นปอนด์ยังไม่ทันจะได้แนะนำให้ใครได้รู้จักเพราะอเล็กซานเดอร์ทำกร่างค้นหาอัลเบิร์ตทั่วทั้งฟาร์มแล้วก็กลับ
“คนนี้ใครน่ะปอนด์?” เจฟฟรี่ก้มลงกระซิบถามเมื่อญาดาเดินออกไปแล้ว ปอนด์เงยมองแล้วยิ้มบอก
“พี่สะใภ้ ชื่อญาดา หรือพี่ดา”
“อ้อ” เจฟฟรี่พยักหน้ารับรู้ เก็บข้อมูลเอาไว้ในหัว
“เดี๋ยวพาไปหาพ่อกับแม่ พร้อมไหม?” คนตัวเล็กอมยิ้มล้อ เจฟฟรี่กระตุกยิ้มมุมปาก
“จะไม่พร้อมก็เพราะคุณนี่ล่ะที่ระ... ปอนด์” เกือบหลุดไปแล้ว ดีที่ปอนด์ขึงตาใส่
หนุ่มตัวเล็กพายักษ์ตัวโตไปแนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่ของตน คุณภาสกร เจ้าของฟาร์มโคนมภาสกร และคุณประภา ผู้เป็นภรรยา เมื่อเห็นว่าลูกชายกลับบ้านก็ดีใจ นานทีปีหนกว่าปอนด์จะกลับบ้านเพราะอยู่ไกลกัน พอลูกกลับมาพร้อมกับเพื่อนฝรั่งตัวโตพ่อกับแม่ก็ออกจะแปลกใจ เมื่อได้รับการแนะนำว่าเป็นเพื่อน พ่อของปอนด์ก็มองเจฟฟรี่เขม็ง ซึ่งเจฟฟรี่ก็ยิ้มให้ท่านอย่างมีไมตรี เอารอยยิ้มเข้าสู้ถึงแม้ว่าใจจะสั่นอยู่นิดหน่อย
“รู้จักกันมานานแล้วหรือ?” เสียงเข้มเอ่ยถามฝรั่งตัวโต
ปอนด์สะกิดให้เจฟฟรี่ตอบ ก่อนจะฉีกยิ้มให้พ่อเมื่อท่านมองมาอย่างสงสัย
“ตั้งแต่เรียนมหา’ลัยครับคุณพ่อ เราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเลยรู้จักกันครับ” เจฟฟรี่ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม
“ก็นานแล้วนะ”
“ครับผม”
“ปรกติปอนด์เขาไม่ค่อยพาใครมาที่บ้าน ตั้งแต่อยู่ที่ไทยแล้ว แสดงว่าคงสนิทกันพอสมควร”
สองหนุ่มสะดุ้งในใจกับประโยคเรียบเรื่อยที่คล้ายจะชวนคุยแต่ก็เหมือนกำลังจับพิรุธพวกเขาอยู่กลายๆ ปอนด์เหลือบมองเจฟฟรี่ที่ยังคงรักษาอาการได้ดีอยู่ก็พอจะเบาใจ
“...ประมาณนั้นครับ”
เจฟฟรี่ตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนัก ขณะที่ปอนด์นั่งเงียบตลอดการสนทนา พ่อของเขาถามเยอะกว่าตอนพาอัลเบิร์ตมาที่นี่เสียอีก กับอัลเบิร์ตแทบไม่ได้ถามอะไรเลย แค่บอกว่าเป็นเพื่อน พ่อก็แค่รับรู้ตามนั้น แถมยังให้การต้อนรับดีกว่านี้ หรือหน้าเจฟฟรี่มันแปะป้ายเอาไว้ว่าไม่ควรให้การต้อนรับขับสู้กันนี่
“แล้วทำงานทำการอะไรกันล่ะ?” คำถามยังมีมาให้เจฟฟรี่ได้ตอบอีก
“เป็นบอดีการ์ดครับ”
“หือ งานอันตรายไม่ใช่หรือ?”
เจฟฟรี่ชะงักไปเมื่อน้ำเสียงคุณพ่อของปอนด์เปลี่ยนไปจากเดิม เหมือนท่านจะไม่ค่อยชอบใจกับคำตอบของเขานัก ท่านคงไม่อยากให้ลูกมีเพื่อนที่ทำงานอันตรายแบบนี้กระมัง
“เที่ยวให้สนุกแล้วกัน ที่นี่มันคงไม่ได้หรูหราเหมือนบ้านเธอหรอกนะ” คุณภาสกรสรุปจบเมื่อถามไถ่ได้ความมาพอสมควร แม้จะตงิดใจกับหน้าที่การงานของเจ้าหนุ่มฝรั่งตรงหน้าก็ตาม
“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบที่นี่เพราะเป็นที่ที่ปอนด์เกิดและเติบโต”
ดวงตาของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนหรี่มองคนพูด ทำให้ปอนด์สะกิดคนตัวโตที่นั่งยิ้มแป้น อีกฝ่ายกลับยังคงยิ้มอยู่อย่างไม่สนใจว่าเขาจะสะกิด ตาบ้า
“เดี๋ยวแม่ให้เด็กไปทำความสะอาดห้องพักแขกให้ เสร็จแล้วปอนด์ค่อยพาเพื่อนไปพักนะ” คุณประภาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอารี
“ขอบคุณครับแม่”
คุณประภาลุกไปเรียกเด็กให้จัดการปัดกวาดห้องพักแขกใหม่ หาผ้ามาปูเตียง ทั้งหมอนผ้าห่มจัดมาให้เรียบร้อย สองหนุ่มจึงเอ่ยขอตัวกับคุณพ่อเพื่อเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องของปอนด์ก่อน
“คุณว่าพ่อจะรู้ไหม?” เจฟฟรี่เอ่ยถามเมื่อเข้ามาในห้องของปอนด์ ดวงตาคมมองการแต่งห้อง คล้ายกับห้องที่อังกฤษ ดูเหมาะกับปอนด์ดี
“แหงล่ะ คุณดันไปพูดให้ท่านสงสัย” ปอนด์ว่า ถอดเสื้อแขนยาวออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง
“ผมอยากบอกใจจะขาดว่าไม่ได้เป็นเพื่อนครับแต่เป็นผะ... สามี” คนตัวโตยิ้มเจ้าเล่ห์ ปอนด์เลยเบ้ปากใส่
ปอนด์ลากกระเป๋าที่วางอยู่บนเตียงมาค้นเอาข้าวของออกมา จัดเป็นหมวดแล้วเอาไปเก็บในที่ที่ต้องใช้ ก่อนจะบอกให้เจฟฟรี่ยกกระเป๋าของตัวเองมาบ้าง เขาจะจัดการให้
“วันนี้ใจดีจัง” เจฟฟรี่นั่งลงข้างคนตัวเล็กที่จัดของให้เขาอยู่บนเตียง
“ก็ใจดีทุกวัน”
“จริงอ่ะ?” อีกคนอมยิ้มล้อ ทำให้ตากลมเหลือบขึ้นมามอง
“เดี๋ยวไม่ทำให้เลยนี่”
“โอ๋ ล้อเล่นนิดเดียวเองที่รัก” คนตัวโตเขยิบเข้าไปหา วาดแขนโอบเอวบางแล้วอ้อน ปอนด์ทุบต้นแขนแกร่งแล้วจึงค่อยยิ้มออกมา
ไม่รู้ว่าจะตีเนียนเป็นเพื่อนกันต่อหน้าพ่อแม่ไปได้สักกี่น้ำ ครั้งแรกที่เจฟฟรี่ได้แนะนำตัวให้พ่อแม่ปอนด์รู้จัก แต่ดันเป็นในฐานะเพื่อนเสียนี่ แล้วต่อไปจะบอกพวกท่านอย่างไรหนอว่า... ผมไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นสามีปอนด์ครับ คุณพ่อ
--------------
เจฟฟรี่ลงมาจากห้องแต่เช้าตรู่ในวันต่อมา เวลามันเปลี่ยนทำให้เขายังปรับตัวไม่ทัน เห็นคุณพ่อของปอนด์ออกไปที่ฟาร์มเลี้ยงโคนมจึงได้เดินตามไปด้วย ท่านดูทะมัดทะแมงแม้อายุมากแล้ว ฝรั่งตัวโตมาหยุดยืนดูการทำงานของคนในฟาร์มทำให้คนงานซุบซิบกัน คุณภาสกรขมวดคิ้ว ก่อนหันมามองตามสายตาเหล่าคนงานทั้งหลาย เมื่อปะหน้ากันเจฟฟรี่ก็ชะงัก ก่อนเปิดยิ้มแล้วเดินมาหาท่าน
“ตื่นเช้าเหมือนกันนี่” คุณพ่อเอ่ยทัก
“ยังปรับตัวกับเวลาไม่ได้ครับ เลยนอนไม่ค่อยหลับ” เจฟฟรี่ยิ้มบอก มองบรรยากาศรอบๆที่เต็มไปด้วยพื้นที่เขียวขจี และคนงานที่ต่างตั้งใจทำงานของตนอย่างขะมักเขม้น
“สนใจหรือ?” มองตามสายตาเจฟฟรี่แล้วคุณพ่อก็ถาม ทำให้ฝรั่งตัวโตละสายตามามองท่าน
“ก็... อยากลองอยู่เหมือนครับ เผื่อในอนาคตต้องทำฟาร์มโคนม”
“จะเปิดฟาร์มของตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เชิงครับ” เจฟฟรี่ยังคงยิ้ม อธิบายอะไรมากมายไม่ได้
“ลองดูสักหน่อยไหมล่ะ ตัวโตแบบนี้น่าจะมีเรี่ยวมีแรงอยู่นะ”
ฟังคำชวนของท่านแล้วก็ดูเข้าที เจฟฟรี่จึงตอบรับไป “ครับ”
คุณภาสกรเรียกหัวหน้าคนงานมาหา ก่อนบอกให้ช่วยสอนงานให้เจฟฟรี่สักหน่อย แนะนำกับทุกคนว่าเป็นเพื่อนของลูกชาย แต่ใช้ได้ไม่ต้องเกรงใจ เพราะคนเขาใฝ่อยากทำงานแบบจริงจัง เมื่อมีโอกาสได้ทำเจฟฟรี่ก็ตั้งอกตั้งใจเป็นอย่างมาก พยายามใช้ภาษาที่ตนเองพอรู้มาสื่อสารกับคนงาน หัวหน้าคนงานพูดอังกฤษพอได้ แต่กับคนอื่นเขาคงรัวอังกฤษแบบไฟแลบใส่ไม่ได้ จึงพยายามตั้งใจฟังแล้วทำตาม
คุณภาสกรมองฝรั่งตัวโตที่สนอกสนใจงานในฟาร์มแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก จะไปได้สักกี่น้ำกัน คงนึกสนุกเพียงครั้งคราว อย่าได้นึกดูถูกงานของพวกเขาเชียว เห็นว่ามันง่ายดายเลยอยากลองท่านก็ปล่อยให้ได้ลองจนสมใจ
ปอนด์เดินหน้าบูดมาหาผู้เป็นพ่อที่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ใกล้โรงเลี้ยงวัว สายตาสะดุดเข้ากับยักษ์บ้าก็บ่นพึมพำ “มาอยู่นี่เอง”
“ตามหาเพื่อนหรือปอนด์?” คุณพ่อหันมาถามไถ่
“อ่ะ... ครับ นึกว่าหายหัวไปไหน แล้วนี่...”
มองเจฟฟรี่ที่ขะมุกขะมอมอยู่ในโรงเลี้ยงวัวแล้วก็ทำหน้าแหย เพราะคนงานสอนให้กวาดมูลวัวใส่รถเข็นไปที่โรงเก็บมูลเพื่อทำปุ๋ยไว้ใส่ต้นไม้ ทั้งยังขายได้ราคา ก่อนจะพากันล้างคอกวัวแต่ละคอกเพื่อสุขลักษณะที่ดี ที่ฟาร์มภาสกรจะล้างโรงเลี้ยงวัวเดือนละสองครั้ง แต่การเก็บมูลวัวจะเก็บทุกวัน บนพื้นปูนนั่นถูกปูด้วยฟางแห้งเพื่อให้วัวขับถ่ายไว้บนนั้นเวลาเก็บจะได้เก็บง่ายไม่เลอะติดพื้น ส่วนการล้างจะไม่ทำบ่อยเดี๋ยววัวจะไม่ชินกลิ่น วันนี้ไม่ใช่วันที่ต้องล้างโรงเลี้ยง แต่เพราะถือเป็นการสอนงานเจฟฟรี่วันนี้จึงให้หัดล้างตามคำสั่งของเจ้าของฟาร์ม
“เขาเข้าไปทำอะไรในคอกวัว?” ปอนด์คิ้วขมวด
“เขาว่าในอนาคตอยากทำฟาร์ม พ่อเลยให้ลองฝึกงานกับลูกน้องพ่อดู”
คุณภาสกรเป็นคนตอบคำถามนั้น เห็นท่านยิ้มในสีหน้าปอนด์ก็มองอย่างแปลกใจ นี่เข้ากันได้แล้วหรือ? หรือที่เจฟฟรี่ต้องไปล้างคอกวัวแบบนั้นเป็นเพราะถูกพ่อของเขาแกล้ง? แต่คงไม่หรอกน่า ท่านออกจะใจดีมีเมตตา คงอยากสอนงานให้เจฟฟรี่นั่นล่ะนะ
หลังจากเจฟฟรี่ได้เรียนรู้งานจนครบทุกขั้นตอนไม่มีขาดมีเหลือ เสร็จจากล้างคอกก็ไปดูการหมักปุ๋ย มีหัวหน้าคนงานประจำอยู่ที่นั่นช่วยสอนงานเขาเสียดิบดี หมักปุ๋ยเสร็จได้นั่งพักครู่หนึ่งก็เข้าไปดูเขาใช้รถเกี่ยวหญ้าสดที่ปลูกเอาไว้อีกฝั่งหนึ่งของฟาร์มมาให้วัวกิน ต้องช่วยเขาขนมาที่คอกแล้วโกยใส่กระบะด้านหน้าแต่ละคอกจนกระทั่งครบอีก เท่านั้นก็ยังไม่จบสิ้นกระบวนการเพราะคุณภาสกรให้ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนพาไปดูที่โรงงานผลิตนมสดส่งขาย ทั้งยังวิธีการแปรรูปนมให้เป็นผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภคหลากรูปแบบ วันเดียวครบ เกือบจะจบทุกสิ่ง เหลือแต่ยังไม่ได้นั่งรถไปส่งนมเท่านั้นเอง
“เป็นไงบ้างเจฟฟรี่ สนุกเลยสิ”
เจฟฟรี่เหลือบตาขึ้นมองคนที่โน้มก้มอยู่เหนือตัวเขาที่นอนแผ่บนเก้าอี้ยาวแล้วลากเสียงตอบ
“มากกก”
ปอนด์หัวเราะ นั่งลงข้างๆเมื่อเจฟฟรี่ขยับลุกขึ้นนั่งแทนการนอนเอกเขนก
“นี่คุณพ่อโกรธอะไรผมหรือเปล่า ใช้ซะคุ้มเลย”
“เธอเป็นคนอยากลองทำเองไม่ใช่หรือเจฟฟรี่?”
เสียงเข้มที่เริ่มคุ้นดังมาให้ได้ยิน เจฟฟรี่ตัวชา แทบไม่ต้องหันไปมองทางต้นเสียงก็รู้ว่าใคร “คุณพ่อ...”
“ฉันไม่นึกว่าความหวังดีของฉันจะถูกมองเป็นอื่นไปแบบนี้ ถ้ารู้ว่าเธอคิดแบบนี้แต่แรกคงไม่ให้เธอทำ” สีหน้าคุณภาสกรดูเรียบเฉย แต่คำพูดที่แฝงแววเคืองขุ่นนั่นทำให้เจฟฟรี่นั่งไม่ติด
“คุณพ่อครับ คือผม...” อยากที่จะอธิบายแต่มันก็คงเป็นการแก้ตัว เมื่อท่านหันหลังแล้วเดินจากไปเจฟฟรี่ก็ยืนเคว้ง
“ปอนด์...”
“หา...” ปอนด์ขานรับด้วยเสียงล่องลอย รู้สึกไม่ต่างจากเจฟฟรี่เลยตอนนี้
“ทำไงดี...?”
ยักษ์ตัวโตหันมาขอความคิดเห็นด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ปอนด์ยิ้มเจื่อน ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร การพบกันครั้งแรกของเจฟฟรี่และครอบครัวปอนด์ ดูๆไปแล้วก็ช่างไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย
เวลาอาหารค่ำ ครอบครัวพี่ชายของปอนด์ก็มาร่วมโต๊ะด้วย พวกเขาอยู่ไร่ข้างๆนี่เอง เป็นไร่ส้มของญาดา พี่สะใภ้ของปอนด์ เมื่อธนัส พี่ชายปอนด์แต่งงานจึงได้เข้าไปจัดการดูแลไร่ส้ม ถึงแม้จะบอกว่าอยู่ติดกันแต่ก็ต้องขับรถไปมา เพราะอาณาบริเวณแสนกว้างของฟาร์มภาสกรและไร่ส้มของพี่สะใภ้ปอนด์
พี่ชายของเขามีลูกชายหนึ่งคนชื่อน้องฌาน น้องฌานเป็นเด็กน่ารักแต่ไม่ค่อยช่างพูดเหมือนเด็กวัยเดียวกันสักเท่าไรนัก เห็นพวกเขามีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมแล้วปอนด์ก็ยินดีด้วย
ระหว่างมื้ออาหาร ผู้เป็นพ่อนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่หัวโต๊ะ ไม่พูดไม่จากับใคร ขณะที่แขกของบ้านอย่างเจฟฟรี่ก็ถูกเอาใจจากครอบครัวปอนด์ ชวนชิมอาหารสารพัดอย่างบนโต๊ะกันใหญ่ แต่เจฟฟรี่ที่ทานเผ็ดนักไม่ได้เพราะอย่างไรเสียก็ลิ้นฝรั่งทำให้เลี่ยงถ้วยน้ำพริกบนโต๊ะจนคุณพ่อของปอนด์เริ่มสังเกตเห็น
“พวกมีเหลือกินเหลือใช้ ก็เลือกกินกันไป”
ทั้งโต๊ะชะงักกึกเมื่อคุณพ่อว่ากระทบใครบางคนขึ้นมา เหลือบมองเจฟฟรี่ก็ดูท่าจะฟังออกทำให้ฝรั่งตัวโตหน้าเจื่อนไป
“คุณคะ” คุณประภาปรามสามีเมื่อเห็นท่าว่าอาหารบนโต๊ะจะกร่อยเอา
“ฉันมั่นใจนะว่าคุณภาทำอาหารอร่อยทุกอย่าง หรือเธอว่าไงเจฟฟรี่?” ท่านเอ่ยถามเสียงเรียบ
ธนัสหันมามองน้องชายที่นั่งอยู่ข้างตนอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อกับเพื่อนของน้องหรือเปล่า คนเป็นน้องก็ได้แต่ยิ้มแห้ง
“ครับ คุณแม่ทำอาหารอร่อย” เจฟฟรี่ตอบกลับไปอย่างจริงใจ
“แล้วทำไมเธอไม่ชิมให้มันครบทุกอย่าง หรือที่จริงแล้วไม่ชอบ แค่พูดเอาใจ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” ฝรั่งตัวโตรีบปฏิเสธ
ปอนด์เองก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อพ่อมาบทโหดแบบที่เขาไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก ได้แต่มองเจฟฟรี่ด้วยความเห็นใจ มือเรียวเอื้อมไปกุมมือใหญ่อย่างให้กำลังใจกันที่ใต้โต๊ะ เจฟฟรี่กลืนน้ำลายหนืดคอเมื่อมองถ้วยน้ำพริก คุณพ่อเองก็กำลังจ้องเขาอยู่ ชายหนุ่มตัดสินใจค่อยเอื้อมไปตัก นั่นทำให้ปอนด์ตาโต แต่จะห้ามก็ไม่ได้ ได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้คุณพ่อเห็นใจ แต่อีกฝ่ายกลับทำไม่เห็นจนปอนด์หน้าม่อย
เจฟฟรี่ค่อยคลุกข้าวกับน้ำพริกสีสันจัดจ้าน หยิบผักมาแนมแล้วตักเข้าปาก ทุกคนบนโต๊ะต่างลุ้นไปกับเขาด้วย สิ่งที่ทานเข้าไปมันอร่อยก็จริง แต่เพียงลิ้นสัมผัสกับความเผ็ดร้อนเขาก็แทบเคี้ยวต่อไม่ไหวได้เพียงพยายามกลืนมันลงไปให้ได้ คุณแม่ของปอนด์มองคุณพ่อแล้วส่ายหน้า ส่งเหยือกน้ำให้ปอนด์เอาไว้เติมให้เพื่อนที่หูแดงตาแดง จนแทบจะแดงไปทั้งหน้าแล้วตอนนี้
“กินไม่ได้แต่ยังฝืนกิน แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ?”
ทุกคนพากันเงียบ ไม่มีใครกล้าแย้งคุณพ่อได้ อาหารมื้อนี้กร่อยอย่างที่คุณแม่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ทานข้าวเสร็จคงต้องต่อว่ากันสักหน่อยกับคนแก่หัวรั้น ไปแกล้งเด็กมันทำไมไม่รู้สิน่า
เมื่อทานข้าวเสร็จเจฟฟรี่ก็ขึ้นห้องมากับปอนด์เพื่อบ้วนปากล้างคอในห้องน้ำ มันเผ็ดปากเจ่อไปหมด ชายหนุ่มเดินออกมาข้างนอกแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของปอนด์
“ปอนด์ ปวดท้อง...”
ปอนด์รีบก้าวมาหาเมื่อคนตัวโตทำเสียงเสียน่าสงสาร
“คุณ นี่ยา ลุกขึ้นมากินเร็ว”
เจฟฟรี่ยกแขนขึ้นให้คนตัวเล็กช่วยดึงลุกขึ้นมากินยา
“ปากเจ่อหมดเลย” นิ้วเรียวจิ้มปากของอีกคนเบาๆ
“ยังมาขำผมอีก ทรมานสุดๆ” เจฟฟรี่ว่า ส่งแก้วน้ำคืนคนรักเมื่อกินยาเสร็จ
“ไม่ไหวแล้วคุณกินทำไมเล่า ถึงกินไปก็ไม่ได้ใจพ่อผมหรอกนะ คุณนั่นแหละที่จะลำบาก”
คนตัวโตนั่งเงียบ เห็นแล้วก็สงสารเหมือนกันนะนี่
“ปวดมากไหม?” เอ่ยถามเสียงอ่อน
“อือ”
ตัวบางนั่งเกยตัก ซึ่งอีกคนก็โอบเอวไว้หลวมๆ
“ขอโทษนะเจฟฟรี่”
“ไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย ผมดันทุรังเอง” เจฟฟรี่ยิ้มบาง ช้อนมือเรียวขึ้นมาจูบเบาๆ
“คุณไปนอนพักนะ นอนนิ่งๆ มันจะได้หายปวดท้อง เดี๋ยวยาก็ออกฤทธิ์” คนตัวเล็กบอกอย่างห่วงใย
“ขอจูบราตรีสวัสดิ์ที” เอ่ยอ้อนเสียงเบา ปลายจมูกโด่งแตะจมูกคนบนตัก
“ให้สองทีเลย” ปอนด์ว่า
“จริงอ่ะ?”
“จริง เพราะวันนี้คุณทำตัวดี”
“ว้าว แบบนี้ทำทุกวันเลยดีกว่า”
ริมฝีปากหนาค่อยเลื่อนเข้าไปแตะจูบปากอิ่ม ปอนด์ยิ้ม ริมฝีปากค่อยเบียดบดกันช้าๆ...
“คุณพระ!”
เสียงอุทานนั่นทำให้ทั้งสองคนหันขวับไปมอง
“แม่!!”
ต่างฝ่ายต่างอึ้ง ปอนด์ก้มมองสภาพตัวเองที่นั่งเกยบนตักเจฟฟรี่แล้วก็รีบลุกขึ้น คุณแม่เองเมื่อได้สติก็รีบปิดประตู เดี๋ยวได้มีใครมาเห็นเข้าอีก ท่านว่าจะมาถามไถ่อาการของเพื่อนลูกชายสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง หากยังไม่ดีขึ้นจะได้หาหยูกยามาให้ ไม่นึกว่าจะเข้ามาเห็นภาพแบบนี้เลยจริงๆ
“แม่...” ปอนด์หน้าจ๋อย ค่อยเดินเข้าไปหาคุณแม่
“โอย แม่จะเป็นลม”
หนุ่มตัวเล็กตกใจ รีบพยุงท่านมานั่ง เจฟฟรี่เองก็ลุกมาหาทั้งคู่ด้วย
“แม่” ปอนด์นั่งลงข้างคุณแม่ จับมือท่านแล้วเอ่ยเรียกเสียงเบา
“นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงหื้อ เราสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอกรึ?”
“คือ...” ปอนด์อึกอัก หันมามองเจฟฟรี่ที่หน้าซีดเพราะปวดท้อง ก่อนจะเป็นคนเปิดปากสารภาพความจริงกับคุณแม่เอง “ที่จริงเรา... คบกันอยู่ครับแม่”
“ตายจริง แล้วทำไมถึงมาบอกแม่ว่าเป็นเพื่อนกันล่ะปอนด์ นี่ลูกเล่นสนุกอะไรกัน?”
“ปอนด์เปล่าเล่นสนุกนะครับ ก็... ก็ปอนด์กลัวพ่อกับแม่รับไม่ได้ เลยอยากให้เจฟฟรี่เขามาสร้างความคุ้นเคยกับครอบครัวเราก่อน...” ยิ่งพูดเสียงปอนด์ก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆ ตากลมหลุบมองต่ำ หลบสายตาของคุณแม่ที่มองมา
“แม่โกรธปอนด์หรือครับ ปอนด์ขอโทษ”
“จะโกรธก็เพราะปอนด์ไม่คิดเชื่อใจพ่อแม่นี่ล่ะ พูดกันดีๆแม่ก็เข้าใจ นี่อะไร มาหลอกกันได้ ให้แม่มาเห็นเองแบบนี้หัวใจจะวายตาย” ท่านบ่น
“ปอนด์ขอโทษ” บอกกับท่านเสียงออด สีหน้ารู้สึกผิดจนคุณแม่โกรธไม่ลง
“คบกันมานานแค่ไหนแล้ว?” ท่านเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“เริ่มคบกันตอนเรียนปีสามเทอมสุดท้ายครับ”
คุณแม่ถอนใจเบา “แม่ก็ไม่เข้าใจความสัมพันธ์แบบนี้หรอกนะ หวังก็แต่ว่าพวกเราสองคนจะไม่ได้คบกันเล่นๆเพื่อรอวันเลิกรากันไป”
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ครับคุณแม่ ผมจริงจังกับปอนด์ พวกเราคาดหวังที่จะมีอนาคตที่ดีร่วมกัน” เจฟฟรี่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้างเพื่อแสดงความจริงใจให้ท่านได้รับรู้ ปอนด์หันมามองคนตัวโตอย่างขอบคุณ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี ปอนด์ก็โตแล้ว แม่ก็ไม่อยากพูดมากนอกเสียจากว่าให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ”
“ขอบคุณครับแม่ที่ไม่โกรธปอนด์”
“จะไปโกรธเราได้หรือ อ้อนเก่งก็เท่านั้น เดี๋ยวแม่ก็ได้ใจอ่อนไปกับเราอีก” ท่านค้อนให้วงใหญ่
ปอนด์ยิ้มกว้างก่อนกอดท่าน “รักแม่ที่สุดเลย”
“นั่น พูดไม่ทันขาดคำก็ออดอ้อนแม่เสียแล้ว”
“แหม รักแม่จริงๆนะครับ”
“จ้าๆ”
สองแม่ลูกกอดกันกลมเกลียว คุณแม่คือคนที่เข้าใจเขาเสมอ เขาไม่น่ามองข้ามความรู้สึกของท่านแบบนี้เลย ท่านเป็นคนใจดีถึงได้ไม่โกรธลูกชายโง่เง่าแบบเขา และอย่างน้อยตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนก็มีคุณแม่คนหนึ่งล่ะที่พร้อมจะเข้าใจมัน
--------------
เช้าตรู่ของวันใหม่ คุณภาสกรยังลงมาทำงานในฟาร์มด้วยตัวเองเช่นทุกวัน เจฟฟรี่เดินมาที่ฟาร์มเพื่อขอทำงานเช่นเมื่อวานนี้ อยากที่จะเรียนรู้จริงๆ เพียงแต่เขาเพิ่งเริ่มต้น อาจมีบ่นบ้างก็ขออย่าได้ถือสา
“เห็นว่าปวดท้อง หายแล้วเรอะ” มองเจ้าหนุ่มฝรั่งตัวโตแล้วคุณภาสกรก็ถามไปอีกทาง
เจฟฟรี่ยิ้มก่อนตอบ “ดีขึ้นแล้วครับ เมื่อวานคุณแม่หายามาให้กิน วันนี้เลยไม่ปวดแล้ว”
“ไม่พักสักหน่อยล่ะ เธอมาเที่ยวไม่ใช่หรือ ไม่ต้องมาจริงจังกับมันมากนักก็ได้” ท่านว่า ใช้คราดตักหญ้าจากรถเข็นลงไปบนรางอาหารให้โคนม
“ถ้าคุณพ่อจะกรุณาสอนผม ผมจะยินดีมากครับ การมาเที่ยวของผมคงไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์”
สายตาดุอันเป็นเอกลักษณ์ปรายมามองหน้าฝรั่งตัวโตที่ยังคงยิ้มละไม
“ถ้าทนได้ก็เอา” ท่านว่าอย่างนั้น
เจฟฟรี่ยิ้มกว้าง กุลีกุจอเข้ามาช่วยใหญ่ แต่คุณพ่อปอนด์กลับไม่ให้ให้อาหารวัว หน้าที่ประจำของเจฟฟรี่คือกวาดมูลวัวไปโรงปุ๋ย หนุ่มฝรั่งชะงัก ก่อนจะยิ้มแล้วมุ่งหน้าสู่การกวาดมูลของน้องวัวที่น่ารัก
“ดูท่าว่าพ่อจะได้ผู้ช่วยคนใหม่แล้ว” คุณประภาที่มองอยู่ไกลๆพูดกับปอนด์ที่ยืนอยู่ข้างกัน
ปอนด์อมยิ้ม “ถ้าพ่อคิดแบบนั้นจริงๆก็ดีสิครับ”
เขาขับรถพาแม่มาที่ฟาร์มพร้อมอาหารสำหรับคนงาน ฟาร์มกับบ้านอยู่ไม่ไกลกันนักหากเดินมาตัวเปล่าคงถือเป็นการออกกำลังกายที่ดี แต่หากจะยกของมาคงมีลิ้นห้อยกันบ้าง
ตลอดช่วงเวลาใน ‘การมาเที่ยวบ้านเพื่อน’ ของเจฟฟรี่ ฝรั่งตัวโตก็เป็นลูกมือช่วยคุณพ่อของปอนด์ทำงานทุกวัน วันแรกๆอาจจะเหนื่อยเพราะนอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากปรับเวลาไม่ได้ แถมมาถูกใช้งานหนักเลยมีแอบบ่นจนคุณพ่อเคือง แต่หลังๆเริ่มรู้ทาง ทั้งยังเหนื่อยจากงานในฟาร์มทำให้นอนหลับแบบไม่ต้องสนเรื่องเวลาและยังทำหลายอย่างได้ดีขึ้น ส่วนตัวคุณพ่อของปอนด์เองก็ยังคงดูเขม่นเจ้าหนุ่มฝรั่งเพื่อนลูกชายอยู่ในที แต่เจฟฟรี่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจมากนัก คิดว่าหากเขาทำตัวดี สักวันท่านคงเอ็นดูไปเอง
ปอนด์มานั่งเล่นที่ห้องพักแขกที่ยักษ์บ้าอยู่ บนโต๊ะทานข้าววันนี้พ่อของเขาไม่แกล้งเจฟฟรี่ให้ต้องกินอะไรที่ไม่ชอบ นั่นถือเป็นพัฒนาการที่ดี เพราะคงเป็นผลพลอยจากการที่เจฟฟรี่คอยป้วนเปี้ยนวนเวียนช่วยงานท่าน
“อยากไปหาอัลเบิร์ตจัง” ปอนด์เท้าคางบ่นเบาๆ เมื่อเจฟฟรี่ที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยแล้วเดินมาทิ้งตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขาที่นั่งอยู่บนเตียง
“ไปกันไหม ก่อนกลับอังกฤษแวะไปเยี่ยมอัลบ้างก็ดีนะ” เจฟฟรี่เสนอ
“ได้ที่ไหนล่ะ ผมไม่แน่ใจว่าอเล็กซ์ให้คนแอบตามคุณมาหรือเปล่า เดี๋ยวได้เป็นคนพาให้หมอนั่นได้เจออัลเบิร์ตพอดี”
“คิดมาก” คนตัวโตว่า
“ต้องคิดสิ ปลอดภัยไว้ก่อน”
เจฟฟรี่ส่ายหน้ายิ้มๆ
“เออนี่ วันนี้ผมเห็นคุณไปช่วยพ่อผมทำงานอีกแล้ว ดีกันแล้วหรือ?” ปอนด์เขยิบเข้ามากลางเตียงแล้วนอนลงข้างๆพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่รู้สิ ท่านยังดูเขม่นผมอยู่เลย แต่คิดว่าถ้าเอาหน้าไปให้ท่านเห็นบ่อยๆท่านอาจจะชินไปเองก็ได้”
“ความคิดดี” นิ้วเรียวปัดจมูกโด่งเบาๆอย่างเย้าหยอก
“มีรางวัลไหม?” อีกคนอมยิ้มเจ้าเล่ห์ รั้งเอวบางเข้ามาหา
“ไม่ เดี๋ยวได้มีใครโผล่มาเห็นอีก”
“นั่นสิ”
นึกถึงวันที่คุณแม่มาเห็นฉากเด็ดแล้วก็ไม่อยากเสี่ยง ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย คิดว่าอย่างนั้นนะ
----------------
เมื่อถึงวันกลับคุณภาสกรและคุณประภาก็มาส่งลูกชายที่สนามบิน ผู้เป็นแม่รู้สึกใจหาย ได้อยู่ด้วยกันเห็นหน้าทุกวันจนเริ่มชิน คิดหาอาหารการกินดีๆมาทำให้ลูกได้ทานทุกวัน พอปอนด์กลับไปที่โน่นแล้วท่านคงเหงา กว่าลูกจะกลับไทยอีกทีก็คงเป็นปีโน่นเลย
“ดูแลตัวเองดีๆนะลูก กว่าจะได้กลับมาอยู่บ้านก็อีกเป็นปีๆ แม่ล่ะเป็นห่วง”
“ไม่ต้องห่วงปอนด์หรอกครับ ปอนด์ต่างหากที่ต้องห่วงแม่ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ทั้งคู่เลย”
พ่อวางมือบนศีรษะลูกชาย ก่อนจะหันมาทางเจฟฟรี่ ท่านส่งสมุดเล่มหนึ่งให้ เจฟฟรี่เลิกคิ้วแล้วรับมา มันเป็นสมุดที่พ่อเขียนเกี่ยวกับสิ่งสำคัญต่อการทำฟาร์มให้เจริญก้าวหน้า ทั้งเคล็ดลับดีๆที่พ่อเคยปฏิบัติมาก่อน
“อยากทำฟาร์มมันต้องหนักเอาเบาสู้ ถ้าแค่เจองานหนักเข้าหน่อยก็บ่นเธอคงทำฟาร์มไม่ได้ มัวแต่เดินสวยหล่อไปวันๆแล้วใจไม่สู้ ความสำเร็จก็ไม่มีทางมาหาเธอ”
“คุณพ่อ...” เจฟฟรี่คราง ซาบซึ้งใจ
“เลิกทำสายตาแบบนั้นใส่ฉันเสียที ขนลุกจะแย่”
ปอนด์มองทั้งสองคนคุยกันแล้วก็หัวเราะ ดูเหมือนพ่อของเขาจะเริ่มเปิดใจให้ยักษ์บ้าของเขาบ้างแล้ว การมาพบครอบครัวเขาครั้งนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียวนะ ฝรั่งขี้นก
--------------
ต่อด้านล่างค่ะ :man1:
เมียรัก
เพียงเธอ (ตอนอวสาน)
“พี่โซล ปอนด์ขอเบอร์พี่ไต๋หน่อยสิ ...อืม ที่ฟาร์มมีปัญหานิดหน่อย ปอนด์อยากยืมมือพี่ไต๋มาช่วยเรื่องคดี กลัวมันจะปิ๋ว”
ปอนด์โทรหาลูกพี่ลูกน้องของตนหลังจากทางตำรวจสอบสวนคนร้ายจนโยงไปหาตัวคนบงการได้แล้ว ทัชธร ลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นหนุ่มเจ้าของไร่องุ่นซึ่งมีเพื่อนสนิทเป็นตำรวจอยู่คนหนึ่ง ปอนด์จึงอยากขอให้เพื่อนพี่ชายมาช่วย เพราะไตรภพเพื่อนของทัชธรยศใหญ่พอสมควร กลัวคดีมีนอกมีในจนคนบงการถูกปล่อยตัวง่ายไป เดี๋ยวจะไม่หลาบจำ
คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นผู้ที่ทำฟาร์มเช่นเดียวกันกับฟาร์มภาสกร แต่ทางนั้นมีเรื่องผิดใจกับพวกเขาอยู่ เพราะอีกฝ่ายบอกฟาร์มภาสกรตัดราคาขายหน้าฟาร์ม ขายถูกกว่าทำให้คนแห่มาซื้อมาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ทั้งที่จริงแล้วฟาร์มภาสกรก็ทำตามมาตรฐานทั่วไปทุกอย่าง ตั้งราคาตามปรกติไม่ได้กดราคาให้ฟาร์มอื่นอยู่ไม่ได้ เพราะที่อื่นเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรนอกจากฟาร์มนั้นที่เขม่นกันตลอด การทำงานอะไรก็ตามหากอยู่แต่ในกะลาอย่างเดียวมันก็คงไม่ได้ มันต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด การตลาดต้องดี ทำผลิตภัณฑ์ส่งออกบ้างเพื่อเพิ่มพูนรายได้ จะไปมัวโทษแต่คนอื่นว่ามาขายตัดหน้าตัดราคากันมันได้หรือ หากเราคิดว่าของของเรามันขายได้เท่านี้ ก็หาอย่างอื่นมาเสริม ความคิดมันต่อยอดได้อีกไกล ลดต้นทุนการผลิตไม่ใช่ลดคุณภาพผลผลิต คนซื้อเขาก็มีสิทธิ์เลือก ต่อให้คุณให้ฟรีแต่ผลิตภัณฑ์ของคุณไร้คุณภาพ ร้อยทั้งร้อยคนเขาก็ไม่เอา
เมื่อไตรภพเข้ามาช่วยดูเรื่องคดีให้ตามที่ปอนด์ขอร้องไปทุกอย่างจึงจบลงด้วยความเรียบร้อย ทางฟาร์มภาสกรไม่ได้อยากเอาผิดอะไรมากมาย แต่ตามกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามนั้น และเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้เจฟฟรี่กลายเป็นฮีโร่ของคนในฟาร์มไป เมื่อมีเสียงเล่าลือปากต่อปากถึงผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น จากหนึ่งถูกเสริมเป็นสอง สาม สี่ เค้าโครงเดิมที่ถูกเล่ากลับแปรสภาพไปยิ่งกว่าเจฟฟรี่เป็นยอดมนุษย์ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะมันทำให้หลายคนนับถือหนุ่มฝรั่งคนนี้มากขึ้น
“พ่อเจฟฟ์เขาเป็นคนดีนะคะคุณ คนเรามันเห็นอกเห็นใจกันก็ตอนลำบากนี่แหละ ว่าไหม?” คุณประภาช่วยกระตุ้นพ่อตาให้ยอมรับลูกเขย
“แล้วดูพวกเขาจะรักกันมาก เขาเข้าใจลูกเรามากนะ เจอเหตุการณ์แบบนั้นปอนด์คงแทบล้ม กำลังใจคงหดหาย แต่ก็ยังมีพ่อเจฟฟ์เขาคอยพยุง”
คุณภาสกรนิ่งคิดตามที่ภรรยาบอก ตอนเกิดปัญหาเจฟฟรี่ก็คอยอยู่ข้างๆเมื่อปอนด์แทบหมดกำลังใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งลูกของท่านฮึดสู้ขึ้นมาใหม่และตั้งหลักได้
“เลิกทิฐิ วางมันลงแล้วทำให้ลูกของเรามีความสุขจริงๆเสียทีดีไหมคะ?” คุณประภายังพยายามกล่อมต่อเมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นสามีเริ่มจะคล้อยตาม
“ผมก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะไม่มีความสุขตรงไหน ได้อยู่ด้วยกัน มีแต่คนยอมรับนับถือ” คนหัวรั้นก็ยังคงรั้นจนหยดสุดท้าย แม้ใจจะเอนเอียงไปมากแล้วก็ตาม
“คนอื่นยอมรับ แต่มีใครบางคนแถวนี้ที่ไม่ยอมรับไม่ใช่หรือคะ ใครที่ไหนจะมาสำคัญเท่าพ่อแม่ ต่อให้ทุกคนบนโลกนี้รับได้ แต่คุณคนเดียวที่รับไม่ได้ ลูกก็คงไม่มีความสุขหรอกค่ะ พวกเขารักคุณและรอคอยวันที่คุณจะยอมรับพวกเขาได้อย่างแท้จริงอยู่นะคะ”
ทิ้งประโยคกระตุ้นสุดท้ายเอาไว้ให้สามีขบคิดแล้วคุณแม่ยายก็ลุกจากไป ปล่อยให้คุณพ่อตานั่งทบทวนตัวเองว่าจะทำเช่นไรต่อไปจากนี้ดี
----------------
โรงเลี้ยงโคนม
ปอนด์กำลังให้นมลูกวัวตัวน้อยอยู่ในคอก เห็นรถราแล่นเข้าออกในฟาร์มมาตั้งแต่เช้าแล้วก็ชักเอะใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นพ่อของตนเกณฑ์คนงานไปช่วยยกข้าวของที่บ้าน คนงานผู้หญิงส่วนหนึ่งก็ถูกคุณแม่พาไปซื้อของที่ตลาด ขนกลับมากันเสียเต็มรถไปหมด
ความสงสัยนั้นถูกไขให้กระจ่างเมื่อปอนด์และเจฟฟรี่เลิกงานกลับมาที่บ้าน สองหนุ่มมองบริเวณหน้าบ้านที่ถูกจัดวางโต๊ะเก้าอี้เอาไว้หลายชุด ทั้งโต๊ะยาวที่มีกระบะอาหารหลายอย่างวางเรียงจนสุดขอบโต๊ะแล้วก็งง ยิ่งเห็นว่าคุณพ่อเป็นคนคุมงานทุกอย่างเองก็ยิ่งแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่ฟาร์มเรามีงานอะไรกันครับพ่อ?”
หนุ่มตัวเล็กเดินเข้าไปถาม คุณพ่อปรายสายตามามองมองเจฟฟรี่ทำให้ปอนด์หันมามองด้วยความไม่เข้าใจ คนถูกมองก็เลิกคิ้วสูงแล้วยกไหล่ผายมือทั้งสองข้างว่าตนเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน
“ตั้งแต่เจฟฟรี่เข้ามาอยู่ในครอบครัวเราก็ยังไม่เคยจัดงานต้อนรับอย่างเป็นจริงเป็นจัง” คุณพ่อตาช่วยไขข้อสงสัยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นี่คืองานต้อนรับของเจฟฟรี่หรือครับ?”
ปอนด์เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น กลัวว่าตัวเองจะฟังผิดไป สองหนุ่มมองคุณพ่อตาด้วยความลุ้นกับคำตอบ ท่านเองก็เพียงเหลือบมามองแล้วตอบกลับเพียงสั้นๆ
“อืม”
ปอนด์หันมาหาเจฟฟรี่ ยิ้มให้กันอย่างดีใจ ก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะก้าวเข้าไปกราบตรงอกของคุณพ่อ
“ขอบคุณครับพ่อ”
มืออบอุ่นลูบหลังลูกชายเบาๆ เหลือบมองเจฟฟรี่ที่ไหว้ท่านตามที่ปอนด์พาทำแล้วจึงบอก
“ดูแลกันให้ดี”
เพียงคำสั้นๆ แต่นั่นทำให้ปอนด์ยิ้มทั้งน้ำตา
งานถูกจัดขึ้นเมื่อตะวันลาลับ คุณภาสกรเชื้อเชิญคนงานทุกคนมาร่วมในงานครั้งนี้ เมื่อมากันจนครบถ้วนแล้วท่านจึงขึ้นไปประกาศบนเวทีเพื่อเปิดงาน ก่อนจะให้ทุกคนไปหาอะไรทานกันตามแต่สะดวก ทั้งอาหารหวานคาวและเครื่องดื่มมีให้ไม่ขาด งดเว้นเพียงแอลกอฮอล์เท่านั้น
“งานวันนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการต้อนรับเจฟฟรี่ ดีฟไคล์อย่างเป็นทางการ ทุกคนคงรู้จักเขาแล้ว และเพราะได้เขาถึงทำให้เราจับคนร้ายได้ ทั้งยังช่วยปกป้องฟาร์มของเราเอาไว้ได้อีก” คุณภาสกรเกริ่นนำ สายตาชื่นชมหลายคู่มองมาที่เจฟฟรี่เมื่อท่านกล่าวจบ
“ดังนั้นแล้ว จากนี้ไป ขอให้ทุกคนจดจำเขาเอาไว้ในฐานะคนของครอบครัวอัครบดินทร์ คือลูกชายของฉันอีกหนึ่งคน”
“เฮ”
เสียงเฮดังขึ้นเมื่อเจ้าของฟาร์มกล่าวเปิดงานเสร็จสิ้นตามวาระ คุณพ่อตาเรียกเจฟฟรี่ขึ้นไปบนเวที หนุ่มตัวโตก็ก้าวขึ้นไปด้วยความมึนงง คนงานพากันลุกจากโต๊ะทยอยตามขึ้นมา เส้นฝ้ายสีขาวถูกผูกที่ข้อมือของเจฟฟรี่เป็นการรับขวัญและต้อนรับเขา ทั้งคำอวยพรมากมายจากคนงานทุกคน หนุ่มฝรั่งถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้มใจ หันไปมองปอนด์ที่ยิ้มมาให้แล้วเขาก็ยิ้มตาม
หลังจากนั้นทุกคนก็ต่างพากันดื่มกินกันตามอัธยาศัย ปอนด์แอบไปเอาเหล้าในบ้านออกมาเปิดดื่ม วันดีๆอย่างนี้ทั้งทีดื่มแต่น้ำหวานน้ำอัดลมมันจะไปได้อรรถรสอะไร
“ที่รัก อย่าดื่มมากนะ เดี๋ยวเมา” เจฟฟรี่เอ่ยเตือนคนตัวเล็กที่กระดกแบบไม่กลัวเมา ที่โต๊ะยังมีพ่อ แม่ กับพี่ชาย และพี่สะใภ้ร่วมอยู่ด้วย ไหนจะน้องฌานตัวน้อยอีก เกิดปอนด์เมาแล้วเป็นแบบเดิมขึ้นมาล่ะแย่แน่
“เมาก็ไม่เห็นเป็นไร ...ทำไม กลัวผมเลื้อยอีกหรือ?” ปอนด์ล้อ
“นั่นล่ะปัญหา”
“กลัวอะไร มีคุณอยู่ด้วยไม่เห็นต้องกลัว” กระดกเข้าปากไปอีกแก้วเพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองพูด
“ผมนี่ล่ะน่ากลัวที่สุดแล้ว คุณไม่รู้หรือ?” เจฟฟรี่กระซิบ สายตาเจ้าเล่ห์น่าดู
“ไม่เห็นกลัว” อีกคนก็ท้าทายกลับมายิ้มๆ
แชะ!
เสียงกล้องถ่ายรูปที่ดังขึ้นใกล้ๆทำให้สองหนุ่มหันไปมอง ก่อนจะยิ้มทักทายเมื่อเห็นว่าเป็นน้องมูนของคุณพ่อตานี่เอง
“แหม สวีทหวานไม่เกรงใจกันเลยนะคะ แค่คุณลุงขึ้นไปประกาศว่าพี่เจฟฟ์เป็นคนในครอบครัวคนเขาก็ซุบซิบสงสัยกันจะแย่ ยิ่งมาเห็นฉากแบบนี้อีกคงไม่ต้องเดาให้ยากแล้วล่ะค่ะว่าเป็นลูกชายหรือลูกเขยกันแน่” หญิงสาวฉอเลาะพลางนั่งลงยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่
“พี่ไม่เห็นจะมีใครพูดอะไรเลย” ปอนด์ว่ายิ้มๆ
“มูนคิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแหละ” เธอยังว่า
ปอนด์หัวเราะในลำคอ ลุกพาเธอไปตักอาหารตามมารยาทอันดีของเจ้าบ้าน เสียงดนตรีที่ถูกเปิด ทั้งกิจกรรมที่คุณภาสกรจัดให้ทุกคนได้ร่วมสนุกขึ้นไปโชว์พลังเสียงสร้างความครื้นเครงให้งานมากขึ้น จนกระทั่งเริ่มดึกงานก็เลิกรา คนในบ้านช่วยกันเก็บกวาด ของหนักก็ให้ผู้ชายช่วยยกก่อนกลับไปนอนพัก พรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาทำงานกันอีกวัน ทุกคนต่างกลับไปด้วยรอยยิ้ม มีของกำนัลติดไม้ติดมือกันไปทุกคน
----------------
เจฟฟรี่พาคนเมาขึ้นมานอนหลังงานเลิก แปลกที่คราวนี้ปอนด์ไม่รั่วเหมือนทุกที นั่งคอพับคออ่อนอิงเขาเงียบๆ คงรู้ตัวกระมังว่าตัวเองทำป่วนแค่ไหนเวลาเมา
ร่างเล็กถูกวางลงบนเตียง ตัวอ่อนเอนลงนอนหมดสภาพ เจฟฟรี่เท้าสะเอวพลางส่ายหน้าเบา จะไปหาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้มือเรียวก็เอื้อมมาจับ ก่อนตากลมจะปรือขึ้นมามอง
“จะไปไหน?” เอ่ยถามเสียงอ้อแอ้เต็มทน
“หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ที่รักครับ” เขาบอกไปเสียงนุ่ม
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง...” มือไม้โบกปัดป่าย เจฟฟรี่มองแล้วก็ยิ้มขำ ไหวไหมนี่
“เจฟฟ์...” เสียงหวานเอ่ยเรียก ทั้งยังตาเยิ้มเชียว เริ่มเลื้อยแล้วหรือที่รักจ๋า “วันนี้โคตรดีเลย พ่อยอมรับพวกเราแล้ว ดีใจจนพูด อึ่ก... ไม่ออก”
มีสะอึกให้เจฟฟรี่สะดุ้งด้วย อย่าอ้วกนะที่รัก
“ครับ ผมก็ดีใจที่ท่านยอมรับเรา”
คนตัวโตเออออเห็นด้วย คนเมาก็พยักหน้าหงึกหงัก หัวโยกหัวคลอนโงนเงน สภาพดูไม่น่ารอดเจฟฟรี่จึงได้นั่งลงบนเตียงแล้วตะล่อม
“วันนี้เหนื่อยแล้ว นอนกันดีกว่าเนอะ”
“ยังไม่อยากนอนเลย” คนขี้เมางอแง
“ไม่อยากนอนก็ต้องนอนครับ ไม่งั้นจะทำอะไรล่ะ สภาพแบบนี้” อีกคนหัวเราะขำ
“พาไปอาบน้ำหน่อย”
เสียงออดๆเอ่ยอ้อนพลางยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง เจฟฟรี่ยิ้มบาง ขยับลุกแล้วก้มลงรวบคนตัวเล็กที่ก็โอบแขนกอดคอเขาทันที ก่อนพาเข้าห้องน้ำ
“เจฟฟ์...” เสียงออดเอ่ยเรียกข้างหู
“ครับผม”
“อาบน้ำอย่างเดียวนะ อย่างอื่นค่อยทำ”
“...........” เจฟฟรี่นิ่งไปสามวิ ก่อนหลุดหัวเราะพรืด เมียเขานี่นะ เฮ้อ
หลังอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นแล้วปอนด์ก็ห่มผ้าเช็ดตัวเดินโซเซออกมา ดึงมันขึ้นไปปิดหน้าอกโดยไม่สนว่าข้างล่างมันไม่พอจะปิดอะไรแล้ว พอมานั่งแหมะบนเตียงเจฟฟรี่ก็จะดึงผ้าออก ตาปรือปรอยช้อนมองเขาแล้วทำเสียงขู่ในลำคอ เจฟฟรี่หัวเราะ ไม่ให้เอาออกก็ไม่เป็นไร
ตัวบางถูกดันลงนอนก่อนอีกคนจะขึ้นคร่อมกาย ริมฝีปากหยักอ้างับยอดอกผ่านเนื้อผ้า ปอนด์เกร็งตัว ครางเบาๆเมื่อลมหายใจอุ่นๆส่งผ่านเนื้อผ้ามาทำให้เขาขนลุกเกรียว มือเรียวดันไหล่หนาก่อนจะขยุ้มแน่นเมื่อเจฟฟรี่หยอกเย้าด้วยปลายลิ้นเปียกชื้น เนื้อผ้าเสียดสีกับยอดอกพร้อมความร้อนของอุ้งปากคนตัวโตทำให้แผ่นหลังบางแอ่นหยัดยกตามการดูดดุน
สองแขนช้อนใต้สะโพกแล้วยกมาวางเกยหน้าขาแกร่ง ทำให้สะโพกมนแนบนาบกับใจกลางลำตัว มือหนาเลื่อนมากระชากผ้าเช็ดตัวทิ้งไป เปิดเปลือยแผ่นอกขาวบางและยอดอกสีอ่อนดึงดูดสายตา เจฟฟรี่ไม่รอช้าก้มลงไปรวบดูดเพื่อลิ้มรสมันทันที ลิ้นร้อนตวัดแรงทั้งยังขบเม้มปลุกปั่น รั้งสะโพกแน่นหนั่นมาชิดมากขึ้นเมื่อลากริมฝีปากมาที่หน้าท้องขาวผ่องที่มีกล้ามเนื้อสวย ไม่ได้นูนเด่นเหมือนเขา แต่ก็ทำให้เมียเขาไม่กลายเป็นผู้ชายขี้ก้าง เจฟฟรี่อมยิ้มน้อยๆก่อนยกสะโพกเมียรักขึ้นสูงเพื่อลงลิ้นวนรอบสะดือ จุดอ่อนไหวอีกที่ที่ทำให้ปอนด์แทบดิ้น ยกหลังมือขึ้นปิดปากตนเองสะกดกั้นอารมณ์ที่พุ่งพล่าน ยิ่งริมฝีปากนั้นย้ายต่ำลงเรื่อยๆหัวใจปอนด์ยิ่งเต้นกระหน่ำ
ความชื้นจากเรียวลิ้นสัมผัสความต้องการที่สั่นระริก มันค่อยๆถูกครอบครองอย่างช้าๆ มือเรียวขยุ้มกำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อความเสียวแปลบแล่นพล่านจนจับจุดไม่ได้ ริมฝีปากร้อนยังคงหยอกเย้าร่างกายตนจนหัวหมุน เอื้อมมือไปสอดรั้งเส้นผมหนานุ่ม บ้างผลักออก บ้างกดเข้าหาราวหลงเพ้อกับการปรนเปรอไม่รู้จบ
“เจฟฟ์...” ปอนด์ครางเรียกคนตัวโตที่ยังคงไม่ผละริมฝีปากออกห่างจากกายตน
“ครับ”
เสียงขานรับของอีกคนปอนด์เกือบไม่ได้ยินมัน ได้ยินเพียงเสียงพร่าสั่นเว้าวอนให้อีกคนร่วมรักกับตนเองอย่างน่าอาย
เจฟฟรี่ปล่อยความร้อนรุ่มให้เป็นอิสระ มันผงกหัวตอบรับราวกำลังเรียกร้องให้เขาปรนเปรอมากกว่านี้ ปลายลิ้นตวัดเลียริมฝีปากตน ก่อนจะดันสะโพกมนขึ้นสูงเมื่อเขาโน้มก้มลงไปจูบคนใต้ร่าง ขาเรียวถูกยกพาดบ่าแกร่ง อีกคนก็บดเบียดสะโพกเข้าหาอย่างร้อนรน ทำให้เจฟฟรี่หัวเราะเสียงพร่า กดกายเข้าลึกจนร่างน้อยสั่นสะท้าน เมียรักของเขาช่างร้อนแรง...
---------------
ร่างสูงใหญ่นอนตะแคงข้าง เท้าศอกยกตัวขึ้นมองปอนด์ตอนหลับแล้วยิ้ม ร่องรอยบนต้นคอที่โผล่พ้นผ้าห่มหนานุ่มยังปรากฏให้เห็น นอกนั้นที่ถูกบดบังก็ยังมีอีกเยอะทีเดียว เรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านเข้ามา และการพิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวของปอนด์ได้เห็น ได้มั่นใจในตัวของเขานั้นมันผ่านพ้นไปแล้ว ในตอนนี้เขาและปอนด์ได้อยู่ด้วยกัน ทั้งยังได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แม้คุณพ่อตาจะยังปั้นปึ่งใส่เขาบ้างในบางที แต่นั่นก็ไม่ได้น่าหนักใจอะไร ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี เหมือนเช่นเมื่อคืนนี้ที่ท่านรับเขาเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว คุณแม่ของปอนด์เองก็เช่นกัน ท่านช่างดีกับเขาเหลือเกิน
มัวคิดอะไรเพลินๆร่างเล็กบนเตียงก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เจฟฟรี่หลุดจากภวังค์มามองปอนด์ที่กำลังจะตื่นขึ้นมา เมื่อดวงตากลมลืมขึ้นมามองเห็นเจฟฟรี่ที่มองตนเองอยู่ปอนด์ก็ขยับจะพลิกตัวหนี แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะความหน่วงทั้งสะโพกและหน้าขา
“เจฟฟ์…” เสียงแหบเล็กๆเอ่ยเรียกคนตัวโตที่นอนยิ้มอยู่
“ครับที่รัก” เจฟฟรี่รีบขยับเข้าไปใกล้ เผื่อมีอะไรอยากให้เขาช่วย
“คราวหลังอย่าลืมเสื้อกันฝน มันลำบากคนอื่น” ปอนด์เอี้ยวตัวกลับมาเอ่ยบอกสีหน้ายุ่งเหยิง ลืมไปแล้วกระมังว่าเมื่อคืนนี้ใครเป็นคนเร่งเร้าให้รีบทำ
“ขอโทษครับ จะซื้อมาไว้เป็นโหลเลย”
“เอามาทำไมเยอะแยะ” คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่น
“ซื้อมาแล้วต้องใช้สิครับที่รัก เดี๋ยวเปียกฝนนา ล้างยากไม่ใช่หรือ?”
“ช่วยเลย”
“ครับ” คนตัวโตรับคำ ระริกระรี้ใหญ่ ลองให้ช่วยแบบนี้มีหวังฝนได้สาดอีกรอบแน่ที่รักจ๋า
“เปลี่ยนใจแล้ว เดี๋ยวทำเอง” ปอนด์ว่าแล้วขยับลุกขึ้นนั่ง เจฟฟรี่แทบร้องอ้าวออกมาเลยทีเดียว ตัดความหวังกันชัดๆ
“ให้ผมช่วยเถอะนะ จะได้เร็ว” คนมีแผนการเจ้าเล่ห์ในหัวยังมิวายอ้อนขอด้วยความหวังดี... หรือเปล่า?
“หน้าตาไม่น่าไว้ใจ ถอยไปห่างๆเลย”
มือเรียวดันไหล่คนตัวโตออกห่างแล้วลุกลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ เดาะลิ้นอย่างขัดใจเบาๆเมื่อก้าวเดินไม่ถนัด เจฟฟรี่รีบตามเข้าไปไม่รอช้า ไม่สนใจเสียงโวยวายของปอนด์แม้แต่น้อย เพราะเขาสามารถเปลี่ยนเสียงโวยให้กลายเป็นเสียงครางได้อย่างไม่ยากเย็น
“อ๊าาา เจฟฟ์!!!”
“นิ่งๆนะที่รักเดี๋ยวมันไม่สะอาด”
ปอนด์เกร็งตัว มือดันผนังห้องน้ำไว้เป็นที่ยึดเกาะ ขณะที่คนด้านหลังช้อนยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วดันกายใหญ่โตแทรกเข้าไปเชื่องช้า ความคับแน่นอุ่นร้อนทำเอาเขาแทบคลั่ง เสียงครางครึ้มในลำคอดังลอดมาเมื่อขยับกายเสียดไล้ภายในเบาๆ ปอนด์ขาสั่นเมื่อเจฟฟรี่ถอดถอนแล้วผลักดันเข้าไปจนสุด ขาเรียวถูกจับยกแยกเพื่อแทรกเข้าลึกล้ำมากกว่าเดิม
“อา สุดยอดเลยที่รัก”
เสียงแปร่งปร่ากระซิบข้างหู ขณะที่โยกขยับสวนกาย เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสะท้อนเมื่อสะโพกสอบโถมกายระรัวแรง ปอนด์สะกดกลั้นเสียงคราง มือเรียวกำเกร็งแน่น แทบพยุงกายไม่อยู่กับความร้อนเร่าที่ทั้งแทรกสอดและดึงรั้งนำพาความรู้สึกให้พุ่งสูง ทะยานสู่จุดหมายที่แสนสุขล้ำและหวานแหลม พร่างพรายจนหัวแทบหมุน ร่างเล็กกระตุกเกร็งยะเยือกถี่ ร้องครางอย่างสุดกลั้น ก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังให้คนตัวโตรับเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างหมดเรี่ยวแรง
“ยิ้มทำไม เดี๋ยวพ่อต่อยคว่ำ!” พูดทั้งหอบหายใจเมื่อเงยขึ้นไปมองคนตัวโตที่โอบพยุงตนเองเอาไว้แล้วเห็นว่าอีกฝ่ายอมยิ้ม บอกว่าจะช่วยล้าง ที่ไหนได้ เลอะยิ่งกว่าเดิมอีก ยักษ์บ้า!
“หึๆ ยืนให้อยู่ก่อนเถอะที่รัก”
เจฟฟรี่หัวเราะในลำคอกับท่าทางนักเลงของเมียรัก พานักเลงโตไปล้างเนื้อล้างตัวทำความสะอาดก่อนจะพาไปนอนพักต่ออีกสักหน่อย ไม่อยากรังแกอีกเดี๋ยวเมียเขาช้ำหมด แต่เจฟฟรี่ท่าจะลืมดูไปว่าตอนนี้ปอนด์ก็ช้ำไปแทบทั้งตัวแล้ว
ด้วยความที่เจฟฟรี่ยิ่งแก่ยิ่งหื่นทำให้ปอนด์รับศึกหนักอยู่บ่อยครั้งเป็นเหตุให้ปอนด์ต้องต่อสายทางไกลถึงอัลเบิร์ตเพื่อนรัก บางทีอัลเบิร์ตอาจมีวิธีดีๆแนะนำก็เป็นได้ เพราะเอาอเล็กซานเดอร์เสียอยู่หมัดขนาดนั้นมันต้องมีวิธีสิน่า แต่เสียงงัวเงียเหมือนคนเพลียแสนละเหี่ยใจของเพื่อนที่ดังมาตามสายทำให้ปอนด์ต้องโละความคิดในสมองของตัวเองทิ้ง ท่าทางทั้งเขาและอัลเบิร์ตก็คงไม่ได้ต่างกันนักหรอกแบบนี้ น่าเจ็บใจจริงๆเลย
----------------
ฟาร์มภาสกรในวันนี้ ทุกคนในฟาร์มยังคงอยู่กันอย่างครอบครัว ช่วยเหลือเกื้อกูลและไม่มีการเอาเปรียบกัน ปอนด์เข้ามาดูแลทุกอย่างแทนพ่อโดยมีเจฟฟรี่คอยเป็นกำลังผลักดัน คุณพ่อเองก็ยังคงเป็นที่ปรึกษาและเข้ามาช่วยดูบ้างในบางส่วนที่เกิดปัญหาขึ้นมา
หลังเสร็จงานสองหนุ่มก็พากันปั่นจักรยานสำรวจรอบฟาร์ม แสงแดดในยามบ่ายค่อนคล้อยไปยามเย็นย่ำทำให้อากาศกำลังสบาย รถจักรยานทั้งสองคันมาหยุดใต้ร่มไม้ใหญ่ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างฟาร์มภาสกรและไร่ส้มของพี่ชายกับพี่สะใภ้ มันเป็นเนินสูงที่สามารถมองเห็นพื้นที่ทั้งสองฝั่งได้อย่างทั่วถึง
ปอนด์และเจฟฟรี่มองฟาร์มที่พวกเขาช่วยกันพัฒนา ช่วยกันดูแล วันนี้มันเป็นรูปเป็นร่าง เข้าที่เข้าทาง พวกเขามองมันอย่างภาคภูมิใจ ทุ่งหญ้าเขียวขจีและบรรดาโคนมที่กำลังถูกต้อนเข้าคอกเป็นภาพที่เห็นชินตา ปอนด์ปรับเปลี่ยนให้พวกมันได้มีเวลาเดินออกกำลังเลาะเล็มหญ้า ส่วนใหญ่คนมักเลี้ยงในโรงในคอกเพราะวัวไม่ต้องทำอะไรมันจะอ้วนพีและให้น้ำนมมาก แต่เขาอยากให้มันออกกำลังบ้าง คนเราออกกำลังสุขภาพร่างกายยังแข็งแรง หากวัวแข็งแรงน้ำนมก็ได้คุณภาพ เมื่อเข้าสู่ร่างกายเรามันก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ
“ไม่นึกฝันว่าผมจะผันตัวมาทำฟาร์มได้เลยนะ เคยจับแต่ปืน ทุกวันนี้จับคราด ล้างคอก รีดนมวัว หึ ต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ” เจฟฟรี่เปรยขึ้นมา
“แถมยังทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ”
คำพูดของเมียรักทำให้เจฟฟรี่เลิกคิ้ว “คำชมหรือเปล่านี่ ที่รัก?”
“ชมสิ กำลังชมว่าสามีผมเก่ง” ริมฝีปากอิ่มอมยิ้มน้อยๆพร้อมเอ่ยเอาใจ
“ชื่นใจ” ฟัดแก้มคนพูดจาได้ถูกใจทั้งซ้ายขวา
ทั้งคู่หันกลับไปมองผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ที่พวกเขาภาคภูมิใจ ตะวันทอแสงที่ค่อยเคลื่อนคล้อยลับเหลี่ยมเขา มีเพียงแสงชมพูอมส้มฉาบทาท้องฟ้า วิถีชีวิตเรียบง่าย อาจมีเหนื่อยบ้างบางเวลา แต่พอได้หยุดพักก็หาย มีกันและกันคอยให้กำลังใจ มีเมียรักคอยอยู่ข้างกาย ที่เหนื่อยหนักก็หาย ไร้กังวล
จบบริบูรณ์
จบลงไปแล้วกับตอนพิเศษคู่เจฟฟ์-ปอนด์ที่แยกออกมาจากเรื่องหลัก สั้นไปหน่อยเนาะ แต่เราอยากให้เขาสองคนรวมอยู่ในเล่มกับเฮียด้วย > <
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเป็นกำลังใจให้กันค่ะ มัวแต่รีบปั่นให้จบ ลืมรวมชื่อคนอ่านเลย แหะๆ :m23:
ไว้มาขอบคุณทุกคนพร้อมรายชื่ออีกทีนะคะ ตอนนี้บวกให้ทุกคนไปก่อนเน้อ
วันใหม่ค่ะ :L2:
--------------
-ขอขอบคุณ-
คุณNus@nT@R@ , พี่อัจ cinquain , คุณIIIA , คุณjokirito , คุณzelesz , คุณtaroni
คุณiamnan , คุณsilverspoon , คุณfangkao , พี่greensnake , คุณB52 , คุณMaytbb
คุณaeecd , คุณiammz , คุณzuu_zaa , คุณnunda , คุณfuku , คุณfay 13
คุณkun , คุณormn , คุณMixsinDee , คุณพี่PEENAT1972 , คุณส้มgrimace , คุณdahlia
คุณเจ้าชาย_สกายคิกส์ , คุณzazoi , คุณ- aoeaม - , น้องตองudongjay , คุณheartless code , คุณbb_b
คุณseaz และ คุณToon_TK
ขอบคุณนักอ่านทุกคนค่ะ