พิมพ์หน้านี้ - ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: ฟองดูว์ ที่ 19-05-2017 13:30:06

หัวข้อ: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 19-05-2017 13:30:06
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************






❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤




-นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลใดๆทั้งสิ้น
-หากชื่อตัวละครตรงกับผู้ใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
-นิยายเรื่องนี้อาจไม่หวานมากเหมือนน้ำตาลแต่ก็ไม่ได้ขมจนเข้มเหมือนกาแฟดำ
-เป็นความรักเรื่อยๆ เรื่อยเปื่อยอาจน่าเบื่อสำหรับบางคนนะคะ
-หากผู้ใดไม่ชอบใจก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
 



สารบัญ



เจ็บแต่จบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3637799#msg3637799)
เวลาเธอยิ้ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3639469#msg3639469)
สายลมที่หวังดี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3640373#msg3640373)
อยู่บำรุง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3640959#msg3640959)
40 Km/Hr (สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3641539#msg3641539)
ความลับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3642530#msg3642530)
หนึ่งคำที่ล้นใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3644979#msg3644979)
รู้ยัง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3646094#msg3646094)
เฉียด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3656743#msg3656743)
รอฟังคำนั้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3660718#msg3660718)
สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3667287#msg3667287)
ไม่ต้องมีคำบรรยาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59968.msg3791781#msg3791781)





หัวข้อ: Re:❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter1 เจ็บแต่จบ} 19/05/2560 Up!!
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 19-05-2017 21:22:51
Chapter1

เจ็บแต่จบ








เสียงน้ำฝนหล่นลงกระทบกับพื้นดิน สายลมพัดโบกพาให้ฝนที่กำลังตกกระทบกับร่างกาย ทุกคนต่างพากันหลบเม็ดฝนเม็ดใหญ่ที่กำลังโปรยปรายไม่ต่างกับผมที่กุลีกุจอวิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่


ปัง!


เสียงประตูรถปิดพร้อมกับที่ร่างของผมเข้ามานั่งข้างคนขับเป็นที่เรียบร้อย


“รอนานไหมครับ?”


“อืม ทีหลังไม่ต้องรีบก็ได้เห็นไหมว่าเสื้อผ้าตัวเองเปียก”


“ชลกลัวพี่นนท์รอนานนี่ครับ”


“ช่างเถอะ เอาผ้านี่ไปคลุมแล้วอย่าทำเบาะรถพี่เปียกล่ะ”


“อ่า...ครับ”


ผมรับผ้าที่พี่นนท์ยื่นให้ก่อนจะเอามาคลุมตัวและพยายามนั่งยืดตัวให้ตรงเพราะไม่อยากทำให้เบาะรถของพี่นนท์เปียก ผมไม่อยากให้เราโกรธและต้องทะเลาะกัน


ตอนนี้ความรักของเราทั้งสองคนเริ่มมาถึงจุดอิ่มตัว ไม่ใช่ของเราหรอก ผมว่าน่าจะเป็นเขามากกว่าที่อยากจะไปจากผมเต็มทนแต่มีเพียงผมที่รั้งเขาไว้


ผมรักพี่นนท์มาก มากขนาดขู่ฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้เขาไปจากผม ผมรู้ว่าผมมันโง่และงี่เง่าขนาดไหนแต่ผมแค่อยากรั้งเขาดูสักครั้ง ถ้ามันไปต่อไม่ได้อีก ผมก็จะยอมปล่อยเขาไป...


ผมเอาแต่ปิดหูปิดตาไม่รับรู้ว่าเขาควงใครต่อใครบ้างในแต่ละวันเพราะผมเคยเปิดตามองแล้วพบว่ามันเจ็บเกินไป ผลที่ตามมาคือเราทะเลาะกัน พี่นนท์จะเลิกกับผม ผมจึงยอมปิดตาตัวเองเพื่อให้เขาอยู่ต่อ ถึงผมจะเจ็บแต่พี่นนท์ยังอยู่กับผม ข้างๆผมแบบนี้...


“พี่คงไปวันเกิดชลไม่ได้นะ”


“ทำไมล่ะครับ?”


“พี่ติดธุระ”


“ครับ..”


ทั้งรถมีแต่ความเงียบและความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้น มันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว และคงจะเป็นแบบนี้ต่อไปหากผมยังรั้งพี่นนท์ไว้กับตัวเอง


รถยนต์คันหรูจอดลงหน้าคอนโดที่คุ้นเคย คอนโดที่เมื่อก่อนคนข้างตัวมักมาค้างกับผมบ่อยๆ แต่ตอนนี้กลับไม่เคยเห็นแม้แต่เงา...


“สุขสันต์วันเกิดนะชล มีความสุขมากๆ” ตุ๊กตาสีขาวตัดกับเขาบนหัวที่มีสีดำถูกยื่นมาให้พร้อมกับคำอวยพรที่นุ่มหูแต่กับเสียดแทงใจคนฟัง ผมจะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้เรากำลังจะเลิกกัน


“ขอบคุณครับ” ผมเอี้ยวตัวไปหอมแก้มเขาก่อนจะรับตุ๊กตามาไว้ในอ้อมกอด จรดปลายจมูกบนหัวมันสองสามทีก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้อีกคนที่ไม่ได้สนใจผมเลยสักนิด


รอยยิ้มผมเจื่อนลง บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร แค่พี่นนท์จำวันเกิดผมได้มันก็ดีมากพอแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ลืมวันสำคัญของผม


“ชลรีบลงไปเถอะ เผื่อเพื่อนมารอแล้ว พี่ต้องรีบไปทำธุระอีก” น้ำเสียงเขาราบเรียบ ประโยคนั้นแทบทำให้ผมกระอักเลือด ผมมองหน้าเขาอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ารับ เปิดประตูลงจากรถพร้อมตุ๊กตาโง่ๆที่เขาให้มา


สายฝนยังคงเทกระหน่ำ เฉกเช่นเดียวกับน้ำตาของผมที่ไหลอาบสองข้างแก้ม ผมไม่คิดจะเช็ด คงไม่มีใครดูออกว่าผมร้องไห้ เสียงรถค่อยๆหายไปแทนทีด้วยเสียงสะอื้นของผมที่แทบขาดใจ


ผมเดินเข้าคอนโดด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอน ตลอดทางมีแต่คนมอง ผมรู้แต่ไม่ได้คิดจะสนใจกับสายตาของคนอื่น ผมไม่รู้ว่าพวกเขามองผมด้วยสายตาแบบไหน อาจจะสมเพชหรือสงสารจะอย่างไหนก็คงไม่ต่างกัน


ผมเดินเข้ามาในห้องที่มืดสนิท ความทรงจำเก่าๆเริ่มย้อนเข้ามาในโสตประสาท เมื่อเสียงประตูปิดลง ขาผมก็ทรุดไปพร้อมกับเสียงนั่น


เสียงสะอื้นดังทั่วห้องที่ยังคงมืดสนิท ตุ๊กตาที่พึ่งได้มาถูกกอดรัดแน่นเสมือนเป็นตัวแทนของใครอีกคน ใครอีกคนที่หมดรักผมแล้ว


“...ฮึก...”


ผมพยายามบอกกับตัวเองให้เข้มแข็ง บอกทุกวันแต่หัวใจและสมองผมกลับไม่จำ มันจำแค่ว่าผมรักพี่นนท์และอยากให้เขาอยู่ต่อ ถึงจะเจ็บแต่ก็คุ้มที่ไม่ต้องเสียพี่นนท์ไป


น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาไม่มีท่าทีจะหยุด กี่เดือนแล้วนะที่ผมต้องมานอนร้องไห้แบบนี้ทุกวัน


ผมเริ่มเหนื่อยแล้วจริงๆ






เพื่อนสนิททั้งสองคนของผมมาถึงห้องตอนประมาณสองทุ่ม ผมจัดปาร์ตี้วันเกิดเล็กๆในห้องตัวเอง อาหารมีเพียงแค่สุกี้และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


“ทำไมตาบวมน่ะชล ร้องไห้อีกแล้วหรอ?” เพื่อนสนิทตาโต ผมประบ่าปรี่เข้ามาประชิดตัวผมก่อนจะมองสำรวจใบหน้าของผมอย่างละเอียด


“ชลดูละครก่อนวากับเนมมา ละครมันเศร้าก็เลยร้องไห้ ไม่มีอะไรหรอก”


ผมโกหกเพื่อนคำโตเพื่อความสบายใจของเพื่อนรักทั้งสองคน


“แน่ใจหรอ ไม่ใช่ร้องไห้เพราะเรื่องพี่---“


“เอ้อวามาดูหน่อยดิ้ว่าขาดอะไรบ้าง เนมจะได้ลงไปซื้อ” ผู้ชายตัวเล็กผิวขาวเดินเข้ามาขัดจังหวะก่อนชื่อของใครอีกคนจะหลุดออกจากปากของวา


“โอเคๆ”


ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากมองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทจนลับสายตา






เสียงโทรทัศน์ดังคลอเคล้ากับเสียงของสายฝนที่ยังไม่ยอมหยุดตก ต้นไม้ข้างนอกปลิวไสวไปตามแรงของลม ผมมองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้มผ่านประตูระเบียงห้อง


ท้องฟ้าสีเทาหม่นเปรียบเสมือนความรู้สึกของผมตอนนี้ที่หม่นไม่แพ้กันเลย


ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเปิดแอพสีเขียวเข้าบทสนทนาระหว่างผมกับคนรัก




Chon_ : ฝนตกหนักแล้ว ขับรถระวังด้วยนะครับ
Chon_: ถึงบ้านแล้วโทรหาชลด้วยนะ ชลเป็นห่วง
Chon_: รักพี่นนท์นะครับ




ผมมองหน้าต่างสนทนาสักพักก็มีแต่ความเงียบ ผมจ้องมันอยู่อย่างนั้นเพราะหวังจะให้คู่สนทนาตอบกลับมาทันที หวังอะไรที่มันคงเป็นไปไม่ได้ หากเป็นเมื่อก่อนคงจะใช่ พี่นนท์ยุ่งแค่ไหนก็อ่านข้อความผมเร็วเสมอ


แต่เมื่อก่อนกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว...


ผมยืนมองบรรยากาศข้างนอกอีกสักพัก ก่อนเสียงของเพื่อนรักจะดังขึ้นให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดสีเทาของตัวเอง


“ชลมาเร็ว เราสองคนเตรียมของเสร็จแล้ว”


“อื้ม”


เราสามคนช่วยกันนำของมาจัดและวางไว้หน้าทีวี โซฟาตัวใหญ่ถูกเลื่อนออกไปตั้งแต่เพื่อนทั้งสองมาถึง


“เดี๋ยวชลไปหยิบแก้วให้”


ผมเดินมาหยิบแก้วสามใบกับถังน้ำแข็งก่อนจะเดินออกไปหาเพื่อนที่เริ่มเอาเนื้อสัตว์และผักลงหม้อ


“แล้วพี่นนท์จะมาตอนไหนเหรอชล?” มือผมที่กำลังคีบน้ำแข็งหยุดชะงัก หันไปยิ้มบางๆให้วา ก่อนจะคีบน้ำแข็งต่ออย่างช้าๆ


“พี่นนท์ติดธุระน่ะ” ผมตอบเสียงเรียบแม้ในใจจะเจ็บมากแค่ไหน ผมต้องเข้มเข็มเพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง


“อ้าว วันเกิดชลทั้งทีเลยนะ ธุระอะไรจะสำคัญกว่าวันเกิดชลได้” ผมก็อยากถามเหมือนที่วาถาม ว่าธุระอะไรมันสำคัญมากกว่าผมที่เป็นคนรักแต่ผมก็พอรู้คำตอบ จึงไม่กล้าถามให้หัวใจตัวเองเจ็บ


“ธุระสำคัญน่ะ ช่างเถอะมีวากับเนมอยู่ด้วยชลก็มีความสุขมากแล้ว” ผมฉีกยิ้มให้เพื่อนแม้ภายใต้รอยยิ้มจะซ่อนความเจ็บปวดไว้ แต่ผมก็อยากยิ้ม ยิ้มให้เพื่อนสนิทที่ผมรัก


“ปากหวานนะเนี่ย”


“คงไม่เท่าวาหรอก”


วาส่งยิ้มหวานให้ผมก่อนจะยื่นมือมาจับแก้มของผมทั้งสองข้างแล้วยืดออก


“พอแล้ววา แก้มชลแดงหมดแล้ว” เนมห้ามปรามวาที่ยืดแก้มผมอย่างสนุกสนาน


“ก็ได้ๆ กินดีกว่า” วาพูดขึ้นก่อนจะตักหมูใส่จานให้ผมกับเนม ผมยิ้มให้วาก่อนจะตักกุ้งที่เป็นของโปรดวาและปลาหมึกที่เป็นของโปรดเนม


เราทั้งสามคนนั่งกินนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ วาคอยตักนู่นตักนี่ให้ผมจนเต็มจาน ส่วนเนมก็คอยเติมเนื้อสัตว์และผักจนเกือบล้นหม้อ


ผมยิ้มและหัวเราะไปกับเรื่องที่วาเล่า เนมคอยลูบหลังให้ผมเมื่อผมหัวเราะจนสำลัก


ผมไม่รู้ว่าตัวเองหัวเราะแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่แต่วันนี้ผมหัวเราะได้เพราะเพื่อนรักทั้งสองคน ผมอยากขอบคุณที่เพื่อนยังคอยอยู่ข้างๆ คอยเป็นคนที่สร้างรอยยิ้มให้ผมได้เสมอ


“น้ำแข็งหมดแล้วอ่ะ เดี๋ยวเนมไปซื้อข้างล่างละกัน ใครจะเอาอะไรเพิ่มไหม?”


ผมกับวาส่ายหน้า เนมจึงเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกจากห้องเพื่อไปซื้อน้ำแข็งที่ซูเปอร์มาเก็ตใต้คอนโด


“ไม่รู้ตอนไหนตะวันจะขอเนมเป็นแฟนสักทีเนอะ?”


“ตะวัน?”


“ก็คนที่ทักเนมมาในเฟซบุ๊คไง คุยกันมาก็ตั้งหลายเดือนแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้าเลย”


“เขาอาจจะสบายใจที่คุยกันในฐานะนั้นก็ได้”


“ก็จริง แต่ตะวันก็ดีมากจริงๆนะ เวลาไปเที่ยวหรือซื้อของมาให้เนมก็ยังฝากให้เราสองคนด้วยอ่ะ พูดก็ดี ยิ้มก็เก่ง ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ดี๊ดีอ่ะ”


“ฮ่าๆ ตกลงวาอยากให้เนมคบกันตะวันหรืออยากคบกับตะวันเองเนี่ย”


“แหะๆ ถ้าได้อยากหลังก็ดี”


“จริงๆเลย”


ผมส่ายหน้าให้เพื่อนสาวคนสนิทก่อนจะคีบหมูใส่ปากของตัวเองต่อ ผมตักผักในหม้อไปใส่จานวา ทำหน้ายักษ์ใส่แล้วทำท่าจะตักให้ผมบ้าง ผมจึงรีบขยับจานหนีให้ห่างวา


“ชลไม่กินผักแบบนี้ไงถึงป่วยง่ายอ่ะ”


“ก็ชลไม่ชอบนี่นา วาช่วยชลกินหน่อยนะ เดี๋ยวยกกุ้งตัวใหญ่ให้เลย”


“ก็ได้ๆ เห็นแก่ชลหรอกนะ วาไม่สนหรอกกุ้งอะไรนั่นน่ะ”


“ครับๆไม่สนก็ไม่สน”


ผมยิ้มขำเพื่อนสนิทของตัวเองที่กำลังนั่งแกะเปลือกกุ้งอย่างเอาเป็นเอาตาย




ติ้ง~





Thanon : ส่งรูปภาพถึงคุณ
Thanon : ส่งรูปภาพถึงคุณ
Thanon : ส่งรูปภาพถึงคุณ
Thanon : ส่งรูปภาพถึงคุณ






ผมฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นข้อความที่คนรักส่งมา ผมเลื่อนเปิดหน้าต่างสนทนาก่อนรอยยิ้มก่อนหน้าจะจางหายไป...


รูปผู้หญิงที่ฉีกยิ้มหยันกับผู้ชายที่นอนหลับโชว์แผ่นอกเปลือยอยู่ข้างๆ ผู้ชายคนนั้นที่ผมรัก


พี่นนท์


“ชล ชลเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม!!”


ผมจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ผมแค่อยากจำภาพเหล่านั้นไว้ หัวใจของผมมันจะได้รู้สักทีว่าควรพอแล้ว พอสักทีกับความรักครั้งนี้ สุดท้ายรั้งไปก็ไม่มีอะไรดี ผมควรปล่อยเขาและผมต้องเดินต่อไป...





Chon_ : เราเลิกกันเถอะครับ






“...วา...” เสียงของผมแผ่วเบา แผ่วเบาเหมือนก้อนเนื้อที่อกข้างซ้าย หัวใจของผมมันกำลังเต้นช้าลง มันบีบรัดจนผมเจ็บไปหมด ให้มันเจ็บครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายและผมจะได้เริ่มต้นใหม่สักที


“ไม่เป็นไรนะๆ ชลร้องเถอะ ร้องไห้ให้พอแล้วพรุ่งนี้เรามาเริ่มใหม่ไปด้วยกัน”


วาโอบกอดผมไว้ ผมยิ้มกับคำปลอบโยนของเพื่อน น้ำตาของผมไหลพราก ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆมีเพียงเสียงแอร์ภายในห้องที่ดังขึ้นเท่านั้น


“ชลพอแล้ว ชลไม่อยากเจ็บแล้ว” มันคงถึงเวลาที่เราต้องพอกันสักที พี่นนท์เขาไม่ได้อยากอยู่กับผมตั้งนานแล้วและผมก็ไม่ควรรั้งเขาไว้


ผมรู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวแค่ไหน แค่ผมอยากพยายามให้กับความรักแต่สุดท้ายรักมันก็พังลงไม่เป็นท่าอยู่ดี


“อื้อ ฮึก ชลเก่งอยู่แล้วแค่นี้ชลต้องผ่านไปได้อยู่แล้ว ชลยังมีครอบครัว ยังมีวากับเนมอยู่ข้างๆนะ ผู้ชายแบบนั้นปล่อยมันไปตายเถอะ!”


“ฮ่ะๆ แค้นกว่าชลอีกนะวา” ผมยิ้มขำเพื่อนตัวเอง คงจะอยากด่ามานานแต่คงเกรงใจผม


“ยิ่งกว่าแค้นอีก ถ้าวาฆ่าได้วาฆ่าไปแล้วเถอะ เลว!”


“เลวเต็มหน้าชลเลยเนี่ย”


“แหะๆโทษที”


ผมกับวากอดกันร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมๆกัน หากใครเปิดประตูมาเห็นคงคิดว่าเราสองคนไม่เต็มบาทหรือเกินบาทแน่ๆ


แกร๊ก!


และคนนั้นก็คงจะเป็นเพื่อนสนิทอีกคนที่มาพร้อมถุงน้ำแข็ง


“ทำอะไรกันอ่ะ?”


ผมกับวาหันไปมองคนมาใหม่ที่เดินเข้ามาพร้อมใบหน้าที่งงงวย


“ชลเลิกกับพี่นนท์แล้วนะ”


พอประโยคนั้นจบลง เนมก็ถลาเข้ามากอดผมกับวา เพื่อนคงจะอยากให้ผมเลิกกับคนเลวคนนั้นมากเลยสินะ ดีใจกว่าตอนสอบติดมหาลัยซะอีก


“โอ๊ยยย ดีใจอ่ะ เลิกๆไปเลยไม่ต้องเสียดายนะชล คนดีกว่าไอ้บ้านั่นมีเยอะแยะ เดี๋ยวเนมแนะนำให้รู้จัก”


“หือ ขอชลทำใจก่อนสักเดือนซี่”


“ไม่ต้องทำใจแล้ว หาใหม่ให้เด็ดกว่ามันเลย”


“ฮ่าๆๆ”


จากที่คิดว่าผมจะร้องไห้หนักกว่านี้กลับกลายเป็นว่าผมต้องมานั่งหัวเราะขำกับถ้อยคำปลอบโยนของเพื่อนทั้งสองคน


“ขอบคุณเนมกับวานะที่อยู่ข้างๆชล”


“อื้ม ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกเราเป็นเพื่อนกันหนิ”


“ชลไม่ต้องคิดมากนะ เนมกับวาอยู่ข้างชลเสมอ”


“ครับ”


หลังจากร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว ผมกับเพื่อนสนิททั้งสองก็กลับมากินสุกี้ที่เนื้อเริ่มเปื่อยและผักที่เริ่มละลายไปกับน้ำซุป


ผมเปิดเฟซบุ๊คแล้วเข้าไปตั้งค่าเพื่อแก้ไขสถานะ




Chonlatee เปลี่ยนสถานะจาก “In a relationship” เป็น “โสด”


Tawanและอีก20คนถูกใจสิ่งนี้






ติ้ง~







Tawan : สุขสันต์วันเกิดนะชล มีความสุขมากๆนะครับ
Chonlatee : ขอบคุณนะตะวัน
Tawan : ครับ พรุ่งนี้เราเอาของขวัญไปให้นะ
Chonlatee : เฮ้ย! ไม่เป็นไร เราเกรงใจ
Tawan : รับไปเถอะครับ เราอุตสาห์ทำให้
Chonlatee : ก็ได้ครับ ขอบคุณมากๆนะ
Tawan : ครับ







ผมวางโทรศัพท์ลงข้างตัวก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนต่อ


“นี่ พี่นนท์เอาของขวัญให้ชลด้วยนะ”


“อะไรอ่ะ?”


“แป๊บนึง เดี๋ยวไปหยิบมาให้ดู”


ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะหยิบตุ๊กตาที่ได้มาตอนเย็นออกไปให้เพื่อนสนิททั้งสองคนได้เชยชม


“เฮ้ย! ควาย?” ผมยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนทั้งสองคน


ตุ๊กตาที่พี่นนท์ให้คือตุ๊กตาควายสีขาวมีเขาสีดำ เขาคงอยากซื้อให้เพราะผมเหมือนมันล่ะมั้ง


หรือไม่ก็คงสื่อให้ผมรู้ว่าผมมันโง่ดักดานเหมือนตุ๊กตาควายตัวนี้ก็ได้


ก็คงต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ผมเลิกเป็นควายสักที


รักครั้งใหม่ของผมต้องดีกว่านี้แน่ครับ


ผมรับประกัน!



####################


:pig4:







หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 22-05-2017 14:05:18
Chapter2

เวลาเธอยิ้ม






หนึ่งเดือนกับการเสียใจให้ความรักคงมากพอแล้วสำหรับผม การที่เราจะไปนั่งจมปรักกับอะไรที่เสียไปมันคงไม่ได้อะไรขึ้นมา หนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมจึงคิดว่าคงเสียเวลามากพอแล้วกับการเสียใจ


“วันนี้ตะวันจะมากินข้าวด้วยกันหรือป่าวเนม?” วาถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังเดินไปโรงอาหารด้วยกัน


หนึ่งเดือนหลังจากที่ผมเลิกกับพี่นนท์ เพื่อนใหม่ที่ชื่อว่าตะวันมักจะมากินข้าวที่โรงอาหารกับพวกผมบ่อยๆหรือเวลาไปเที่ยว กลุ่มของตะวันมักจะตามไปด้วยเสมอ ผมไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเขาคงตามจีบเนมเพื่อนรักของผมอยู่


“มาดิ คงรอที่โรงอาหารแล้ว”


เราทั้งสามคนมาถึงโรงอาหารในเวลาต่อมา และก็เป็นอย่างที่เนมบอกว่าตะวันและเพื่อนเขาอีกสองคนมานั่งรอที่โต๊ะในโรงอาหารเรียบร้อยแล้ว


“มากันนานหรือยัง? โทษทีนะอาจารย์ปล่อยเลทน่ะ” เนมกล่าวขอโทษแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามของกลุ่มตะวันตามด้วยผมและวา


“ไม่เป็นไร พวกเราก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน” เสียงนุ่มทุ้มของตะวันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ข้างแก้มมีรอยบุ๋มเล็กน้อยด้วยลักยิ้มชวนมอง


“ไปซื้อข้าวกันเถอะ”


ทุกคนเดินไปซื้อข้าวเหลือเพียงผมกับตะวันที่นั่งเฝ้าโต๊ะด้วยกัน ผมยิ้มตอบตะวันเมื่อเห็นเขาส่งยิ้มให้                                                                                                                                     
                                 

“ชลยิ้มแล้วน่ารักดีนะ ทำไมไม่ยิ้มบ่อยๆล่ะ?”


“หืม เราก็ยิ้มบ่อยนะแค่ตะวันไม่เห็นเอง ว่าแต่เรายิ้มสวย ตะวันก็ยิ้มสวยเหมือนกันแหละ ดูดิมีลักยิ้มด้วย” ผมวาพลางจิ้มลงที่รอยบุ๋มที่แก้มซ้ายของเขา


“ชลชอบเหรอ?”


“อื้อ เราชอบผู้ชายมีลักยิ้ม มีเสน่ห์ดีอ่ะ” ว่าไปแล้วก็นึกถึงหลานชายตัวน้อยของตัวเองที่มีลักยิ้มเหมือนกับตะวัน วันหยุดยาวคงต้องไปเยี่ยมสักหน่อยแล้ว


“อืม ดีจังเลยนะ”


ใบหน้าของตะวันแต่งแต้มด้วยสีแดงอ่อนๆ คงเพราะอากาศร้อนเลยทำให้ผิวขาวของเขามีสีแดง ใบหน้าของผมก็คงมีสีไม่แตกต่างจากเขาเท่าไหร่ล่ะมั้ง


“หิวน้ำไหม? เดี๋ยวเราไปซื้อให้”


“รอเพื่อนมาก่อนดีกว่าแล้วเราค่อยไปซื้อพร้อมกัน”


ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับตะวันก่อนจะมองไปรอบๆโรงอาหารเพราะไม่มีอะไรทำ


“เอ้อ วันหยุดยาวนี้ชลจะไปไหนหรือเปล่า?”


“เราคิดว่าคงกลับบ้านที่เชียงใหม่น่ะ”


“ชลเป็นคนเชียงใหม่เหรอ?”


“อื้ม แต่เราพูดเหนือไม่ค่อยได้หรอกเพราะมาอยู่กรุงเทพฯกับน้าตั้งแต่เด็กอ่ะ”


“คิดว่าจะได้ฟังชลพูดเหนือซะอีกแต่เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่เราอยากไปเที่ยวมากที่สุดเลยนะแต่ก็ไม่เคยได้ไปหรอก”


“อ่าว ทำไมล่ะ?”


“ยังหาเวลาว่างไม่ได้นี่สิ”


“งั้นหยุดยาวนี้ตะวันว่างไหมล่ะ ถ้าว่างก็ไปเที่ยวกับเราได้นะ บ้านเรามีรีสอร์ท มีสวนสตรเบอรี่ด้วย อ้อ เนมก็ไปด้วยนะ”


ผมส่งยิ้มล้อตะวันเมื่อพูดถึงชื่อเพื่อนสนิท ผู้ชายตรงข้ามทำเพียงแค่ยิ้มกลับพลางยกมือขึ้นเกาจมูกตัวเอง


“เราไปด้วยได้ใช่ไหม?”


“อื้ม ไปดิ เดี๋ยวเราพาทัวร์เอง”


“ครับ งั้นฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณมัคคุเทศก์”


“ครับผม ทัวร์ของเรายินดีให้บริการ”


ผมยืดตัวตรงก่อนก้มหัวลงด้วยความเร็วจนเกือบทำให้หน้าผากจูบกับโต๊ะไม้แข็งๆ ดีนะที่ตะวันเอามือมารองหน้าผากให้ ไม่งั้นหน้าผากนูนสวยของผมได้ปูดโปนสามวันสองคืนแน่ๆ


ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ชักมือกลับช้าๆก่อนเราสองคนจะจ้องตากันจากนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน


“ฮ่าๆๆๆๆ ชลซุ่มซ่ามว่ะ”


“ฮ่ะๆๆก้มแรงไปหน่อย ถ้าโขกไปนี่ความจำเสื่อมแน่ๆ”


“หัวเราะอะไรกันอ่ะ?” เสียงหญิงสาวที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับคนที่ไปซื้อข้าวมาพากันนั่งลงพร้อมกับจานข้าวคนละจาน


“ฮ่ะๆป่าวๆ”


“ไรอ่ะ เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนกับฝูงเหรอชล” วาหญิงสาวตัวเล็กแต่แรงเท่ากระบือล็อคคอผมไว้ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำ


“อ...โอ๊ยย วาปล่อยชลก่อน หายใจไม่ออกแล้ว” ยิ่งพูดวงแขนนั้นก็ยิ่งรัดแน่น


วาไม่ปล่อยผมแน่ๆ ผมจึงหลับตาลงพร้อมกับแลบลิ้นออกมาแกล้งตายมันซะเลย


“แอ่ก”


“ฮ่าๆๆๆ ชลเล่นใหญ่มาก ปล่อยก็ด้ะ” วงแขนที่รัดแน่นคลายออกก่อนทุกคนจะพากันขำท่าทางของผมจนโต๊ะข้างๆหันมาด่าด้วยสายตา


“พอแล้วๆหัวเราะอะไรกันขนาดนั้นเนี่ย”


“ก็หน้าชลมันตลกอ่ะ โอ๊ย ฮ่าๆๆๆ”


ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้นล้านแปดเดซิเบลก่อนผมจะคิดหาวิธีปลีกตัวออกมาจากโต๊ะแล้วสบตาเข้ากับตะวันพอดี


“ตะวัน ไปซื้อน้ำกันดีกว่า ปล่อยพวกเมายานั่งหัวเราะกันไปเถอะ”


ผมไม่รอให้ตะวันที่ทำหน้าเหรอหราตอบก็เดินอ้อมมาหาเขาแล้วจูงมือตะวันให้เดินตามมาที่ร้านขายน้ำร้านสุดท้ายที่ไร้ผู้คน


“ของตะวันกับเพื่อนเอาเหมือนเดิมหรือเปล่า?” พอพากันเดินมาถึงหน้าร้านผมก็ปล่อยมือออกแล้วหันไปถามคนที่ยืนเงียบก้มมองมือตัวเองที่ผมจูงมาตลอดทาง


“ห้ะ? เมื่อกี้ชลบอกว่าอะไรนะ?”


“เหม่ออะไรเนี่ย เราถามว่าตะวันกับเพื่อนเอาเหมือนเดิมใช่ไหม?”


“อ...อื้ม เหมือนเดิมนั่นแหละ”


ผมสั่งน้ำหกแก้วที่มีน้ำเหมือนกันแค่สองแก้วคือชาเย็นของผมกับตะวัน


จะว่าไปจากที่ผมได้ไปเที่ยวกับตะวันบ่อยๆก็ทำให้รู้ว่ารสนิยมและของที่ตะวันชอบก็คล้ายกับผมหลายอย่าง จะบอกว่าบังเอิญก็ได้แต่ผมคิดว่าดีนะ เวลาคุยกับคนที่ชอบอะไรหลายๆอย่างเหมือนกันก็สนุกดี


“อ่ะ ช่วยกันถือ”


ผมแบ่งน้ำกับตะวันคนละสามแก้ว น้ำในมือตะวันหนึ่งในนั้นก็มีแก้วของเนมด้วย ก็นะเราเป็นเพื่อนก็ต้องสนับสนุนให้เพื่อนมีแฟนที่ดีและน่ารักอย่างเช่นตะวันที่ผมยกธงเขียวให้ผ่านตั้งแต่สัปดาห์แรก


ดี๊ดีเหมือนวาว่าไม่มีผิด


เราสองคนกลับมาที่โต๊ะ ทุกคนก้มหน้าก้มตากินข้าวกันแต่มันจะดูไม่แปลกไปหน่อยหรือ ทำไมต้องเหล่มองหน้าผมกับตะวันสลับกันด้วยเล่า


“มองอะไรกันอ่ะ?”


“เปล๊า” ทุกคนพร้อมกันตอบด้วยเสียงสูงปรี๊ดแทบทำเอาผมแสบแก้วหู


“เหอะ เสียงไม่ค่อยจะสูงกันหรอกแต่ละคน อ่ะเอาไป” ผมยื่นน้ำที่ซื้อมาให้วากับใหญ่เพื่อนของตะวันที่ชื่อกับตัวแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง


“ขอบคุณคร้าบบบบ/ค่า”


ดูเอาเถอะแต่ละคนกวนเบื้องล่างน้อยซะที่ไหน แค่เอาน้ำให้ก็แทบนั่งพับเพียบก้มกราบผมแล้ว


“เว่อร์!”


วันหลังคงต้องจับแยกๆกันบ้าง ไม่งั้นสตงสติคงไม่เหลือกันสักราย นี่แค่เดือนเดียวที่รู้จักกัน ถ้าหนึ่งปีผมคงปวดหัวมากกว่านี้แน่ๆ


“ช่วงวันหยุดยาวกลุ่มตะวันมีใครไปไหนกันบ้างไหมอ่ะ?” เนมเพื่อนรักของผมเอ่ยถามหลังจากดูดชานมสีชมพูเสร็จ


“ไม่มีนะ” ใหญ่ที่ตัวเล็กไม่สมกับชื่อตอบแล้วกลับไปนั่งเขี่ยต้นหอมในน้ำซุปข้าวมันไก่ออก


“เราว่าจะกลับบ้านอ่ะ ป๊าม๊าบอกว่าคิดถึงหน้าหล่อๆของเรา” เติ้ลผู้ที่หลงตัวเองที่สุดในโลกเท่าที่ผมได้พบเจอตอบแล้วยิ้มขำกับตัวเอง


“แล้วตะวันล่ะ?” เนมถามคนที่เอาแต่นั่งยิ้มกับน้ำชาเย็นที่เริ่มละลายจนน้ำแข็งกลายเป็นน้ำ


“ชลชวนไปเที่ยงเชียงใหม่อ่ะ”


“ไปชวนกันตอนไหนเนี่ย?”


“เมื่อกี้”


“โห ตะวันแม่งโคตรใจง่ายเลย หัดเล่นตัวบ้างอะไรบ้างนะครับคุณ แหม!” ใหญ่แซวตะวันที่ทำหน้าดุใส่ ส่วนคนโดนทำจะสำนึกไหมคงจะไม่เพราะยังยิ้มกวนเบื้องล่างตะวันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว


“ใจง่ายอะไรของมึง กูแค่อยากไปเที่ยวเฉยๆเหอะ”


“เหรอครับเหรอ อยากไปเที่ยวอย่างเดียวจริงๆเหรอครับคุณเพื่อน”


“เงียบน่า”


ผมมองใหญ่กับเติ้ลที่แซวตะวันจนคนโดนแซวทำตัวไม่ถูกได้แต่ด่ากลบเกลื่อนแล้วยกมือขึ้นเกาจมูกด้วยความเคยชิน


ผมเข้าใจนะ โดนแซวต่อหน้าคนที่ชอบก็เขินเป็นธรรมดาแต่ดูเพื่อนเนมของผมจะด้านกว่าตะวันแฮะ ไม่เห็นมีปฏิกิริยาเขินอายเหมือนตะวันสักแอะ


“หยุดแซวน่า พวกมึงก็ไปด้วยกันดิ ชวนใหญ่กับเติ้ลไปด้วยได้ใช่ไหมชล?”


“อื้อ ไปดิ ไปกันเยอะๆก็สนุกดี เนมกับวาก็ไปด้วยนะ”


“ว่าไงมึง จะไปด้วยกันไหม?”


“กูไปไม่ได้จริงๆวะ ป๊าม๊าโทรจิกหัวตามกลับบ้านทุกวัน”


“แล้วมึงล่ะใหญ่?”


“มึงก็รู้ว่ากูคงไม่ปฏิเสธ กูน่ะอยากจะไปสัมผัสอากาศหนาวกับชาวบ้านชาวช่องเขามาตั้งนานแล้ว ภูเก็ตบ้านเกิดแม่งมีแค่สองฤดู”


“โอเค รบกวนด้วยนะชล”


“ครับ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย เราเต็มใจยังไงก็เพื่อนกัน”


ผมยิ้มกว้างส่งให้กับตะวันก่อนจะเห็นใบหูที่เคยเป็นสีขาวเหลืองแดงเถือกขึ้นมา


ตะวันนี่น่าจะเป็นคนขี้ร้อนมากจริงๆแหละนะ นั่งแป๊บเดียวหน้าแดงหูแดงเป็นว่าเล่นเลยแน่ะ






ผมมีเรียนคาบบ่ายอีกสองวิชา พออาจารย์ปล่อยตัวให้เป็นอิสระ เหล่านักศึกษาก็เดินออกมาจากห้องด้วยสภาพไม่ต่างกัน


ผมที่เซตอย่างดีก็ฟูฟ่องไปคนละทิศคนละทาง หน้าตาที่เคยสดใสกลับกลายเป็นอิดโรยและงัวเงียเข้าขั้นโคม่า


“เลิกแล้วไปไหนกันดีอ่ะ ไม่อยากกลับห้องก่อนเลย” ผู้ชายตัวเล็กข้างๆผมพูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา


“ดูหนังกันไหม?” เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยออกความคิดเห็นแต่ดูหนังเนี่ยพวกเราพึ่งดูไปอาทิตย์ที่แล้วเองนะครับ


“เอาดิ ชลว่าไง?”


 “เราว่าจะไปซื้อรองเท้าอ่ะ ช่วงนี้เซลล์อยู่ด้วย”


“งั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละ แล้วค่อยไปแยกกันที่ห้างเนอะ” วาเป็นคนสรุปก่อนผมกับเนมจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะรถในกลุ่มเรามีคันเดียวซึ่งเป็นรถของเนมที่ขับไปส่งผมกับวาที่คอนโดทุกวัน


“ดีล!”






ห้างสรรพสินค้าในเวลาสี่โมงเย็นมีผู้คนเดินพล่านกันเต็มไปหมดจนลายตา มีทั้งนักเรียน นักศึกษาและคนทำงานที่พากันมาเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์


“แยกกันตรงนี้เลยไหม?”


“อื้ม ถ้าดูหนังเสร็จแล้วก็โทรหาชลแล้วกัน” ผมบอกเพื่อนทั้งสองคนเพราะถ้าให้ผมโทรไปคงไม่ติด มารยาทในโรงหนังคือต้องปิดโทรศัพท์มือถือและข้อนั้นเพื่อนของผมทั้งสองคนก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด


“โอเค”


ผมเดินแยกจากเพื่อนไปที่ช็อปขายรองเท้า คิดไว้ไม่มีผิดที่คนต้องเขาเยอะแน่ๆ ผมมองเข้าไปในร้านที่เต็มไปด้วยผู้คนก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเพราะเป็นคนไม่ชอบคนเยอะและความวุ่นวาย


“ยืนทำอะไรตรงนี้ชล?”


เสียงที่ฟังละมุนหูทุกครั้งที่ได้ยินดังขึ้นข้างหู ก่อนที่ผมจะหันไปพบกับตะวันกำลังยืนยิ้มอวดลักยิ้มที่แก้มซ้ายของตัวเองให้เด็กวัยเรียนกรี๊ดกร๊าดกันเล่น


“มาได้ไงตะวัน?”


“ขับรถมาอ่ะ”


“กวนตีน”


“ก็ชลถามเรานี่ว่ามาได้ไง เราขับรถมาจริงๆนี่ครับ”


“โอเคๆเราผิดเองแหละ แล้วมากับใครอ่ะ?”


“มาคนเดียวครับ ไม่มีสาวๆที่ไหนควงมาด้วยหรอก”


“ถ้าควงมาจริงเราจะฟ้องเนมคอยดูสิ” ผมชี้หน้าขู่เขาแต่ตะวันกลับส่ายหน้ายิ้มขำให้กับท่าทางของผม จนผมชักมือกลับแทบไม่ทัน


“ฮ่ะๆ แล้วนี่มายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปในร้านล่ะ?”


“คนเยอะอ่ะ เราไม่ชอบ” ผมยู่ปากอย่างเคยชิน ก่อนจะมองเข้าไปในร้านที่มีคนเดินเข้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ


“ไหนๆก็มาแล้วเข้าไปเถอะ”


“ไม่ชอบนี่นา”


“จับมือเราไว้ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน” มือข้างขวาของตะวันถูกยื่นออกมาก่อนเจ้าของมือจะยิ้มให้ผมแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ผมจับมือเขาสักที


“ขอบคุณนะ”


“ครับ”


ตะวันเดินนำผมเพื่อเปิดทางให้คนที่ยืนเบียดเสียดกันถอยหลบให้พวกผมเดินเข้าไปง่ายๆ ดีนะที่ตะวันตัวสูงใหญ่ถ้าเตี้ยม่อต้ออย่างผมเข้ามาเองคงโดนเหยียบจมพื้นก่อนถึงในร้านแน่ๆ


ตะวันพาผมมายืนที่จุดปลอดคนนิดหน่อยแต่ก็ดีกว่าหน้าร้านที่เหมือนฝูงซอมบี้มาซื้อรองเท้ามาก


“ปล่อยมือเราได้แล้วมั้ง”


“ปล่อยไม่ได้หรอก เดี๋ยวชลจะหลง”


“เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”


“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ไปเดินดูรองเท้ากันเถอะเดี๋ยวคนจะเยอะกว่านี้นะครับ”


“ก็ได้”


จากที่ตะวันเคยเดินจูงมือผมกลับกลายเป็นผมที่เดินจูงมือตะวันมาดูรองเท้าที่ตัวเองต้องการ


“ตะวันว่าสีไหนเหมาะกับเราอ่ะ?” ผมยกรองเท้าที่คู่หนึ่งมีสีฟ้า ส่วนอีกคู่หนึ่งมีสีดำ


“อืม.....เราว่าสีฟ้าเหมาะกับชลดีนะ”


“แต่เราชอบสีดำอ่ะ”


“งั้นชลก็เลือกสีดำก็ได้”


“ไม่ดิแต่เราก็อยากได้สีฟ้านะ”


“งั้นก็เอาสีฟ้า”


“เฮ้ย แต่เราว่าสีดำมันดูเรียบหรูมากกว่าอ่ะ”


“งั้นก็สีดำ”


“แต่สีฟ้าก็ดูหลากหลายดี”


“งั้นสีฟ้า”


“แต่---”


“คุณชลครับ ตะวันว่าคุณชลควรเลือกสักอย่างเถอะนะครับ ถ้าเลือกไม่ได้ก็ซื้อไปสองคู่เลย”


“เป็นความคิดที่ดี งั้นเอาสองคู่นี่แหละ” ผมบอกพร้อมยิ้มกว้าง ตะวันทำหน้าเหวอเหมือนจะห้ามปรามผมแต่คงไม่ทันเพราะผมเดินเอาไปจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว


นานๆทีจะซื้อก็ซื้อสองคู่ไปเลยมันจะเสียหายอะไรล่ะครับ


“เอาจริงดิ?”


“อือ ก็เลือกไม่ถูกนี่นา”


“จริงๆเลยนะชล”


ตะวันโยกหัวผมเล่นก่อนจะพากันฝ่าฝูงซอมบี้ออกมานอกร้านอีกครั้งโดยมีตะวันเป็นคนจูงมือผมออกมาเหมือนเดิม


“แล้วนี่จะไปไหนต่อ?”


“ไม่รู้ดิ คงอยู่แถวๆนี้แหละมั้ง รอเนมกับวาดูหนังอ่ะ”


“แล้วทำไมชลไม่ไปดูกับเพื่อนด้วยล่ะ?”


“เราเบื่ออ่ะ อาทิตย์ที่แล้วก็พึ่งมาดู”


“อ่า...งั้นไปเล่นเกมส์กันไหม?”


“เล่นเกมส์เหรอ? เอาสิ เราไม่ได้เล่นมานานแล้วเหมือนกัน”


ตะวันเดินนำผมมายังชั้นที่มีเกมส์เรียงรายเต็มไปหมด ทุกอย่างดูตื่นตาตื่นใจสำหรับผมมากเพราะไม่ได้มานานทุกอย่างจึงดูเปลี่ยนไปและน่าสนใจขึ้น


“ชลอยากเล่นอะไร?”


“อ่า...” ผมมองไปรอบๆก่อนจะสะดุดเข้ากับแป้นบาสที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก “เราอยากเล่นบาสตรงนั้นอ่ะ”


ผมชี้ให้ตะวันดู เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปแลกเหรียญเพื่อใช้เล่นเกมส์


“ชลเคยเล่นบาสหรือเปล่า?”


“ไม่เคยอ่ะ ส่วนมากก็แค่นั่งดู”


“รู้ไหมว่าเราเป็นนักบาสของคณะเลยนะ”


“หืม โม้ป่าวเนี่ย?”


“จริงๆ พูดอย่างนี้ไม่เคยไปดูเลยล่ะสิ”


“แหะๆ” ผมยิ้มแห้งส่งให้ตะวัน เขาส่ายหน้าแล้วหยอดเหรียญใส่ตู้เล่นเกมส์


“หยิบบาสเร็วเดี๋ยวเวลาจะหมดก่อน”


ผมหยิบบาสที่ไหลลงมาเมื่อไม่มีที่กั้นแล้ว หยิบลูกแรกขึ้นชู้ตปรากฎว่าห่างไกลกับคำว่าลงแป้นมากโขแต่ผมยังไม่ท้อหยิบอีกลูกขึ้นมาก่อนจะชู้ต คราวนี้เกือบเข้าแต่ลูกกลับกระแทกขอบแป้นบาสจนกระเด็นออกซะงั้น ผมหยิบลูกแล้วลูกเล่าขึ้นชู้ตผลที่ตามมาก็คือไม่เข้าเหมือนเดิม


“ฮึ่ย!! ไม่เล่นแล้วจะกลับบ้าน” ผมงอแงอย่างลืมตัว ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนข้างๆก็ต้องหน้าร้อนวาบขึ้นมา ลืมไปได้ไงเนี่ยว่าตะวันก็ยืนอยู่ข้างๆ


“ฮ่ะๆใจเย็น มานี่เดี๋ยวเราเล่นให้ดู”


ผมหลีกทางให้ตะวันอย่างง่ายดาย ตะวันเดินเข้ามายืนแทนที่ผมก่อนจะหยิบลูกบาสขึ้นมาแล้วเหล่ตาพร้อมกับยกยิ้มมุมปากส่งมาให้


น่าหมั่นไส้ชะมัด


“ดูแล้วจำ จำแล้วนำไปใช้นะครับคุณชล” ผมมองค้อนก่อนเข้าจะยิ้มขำกับท่าทางหัวเสียของผม


“รีบๆโยนสักทีน่า” ผมเร่งเร้าเขาก็พยักหน้าก่อนจะจัดแจงท่าทางของตัวเอง


ลูกบาสที่อยู่ในมือตะวันถูกโยนไปหาเป้าหมายซึ่งนั่นก็คือแป้นบาสที่อยู่สูงเสียดฟ้า ผมมองตามลูกสีส้มนั้นและอย่างที่คนตัวสูงโม้ไว้ ลูกเข้าแป้นด้วยความสวยงาม


“เป็นไง อึ้งเลยสิ” เขาหันมายักคิ้วและทำหหน้ากวนประสาทใส่ผม จนเบื้องล่างมันลั่นแตะเข้าหน้าแข้งเขาด้วยความหมั่นไส้


“สมน้ำหน้า”


หลังจากนั้นผมกับตะวันก็แย่งกันชู้ตบาส พวกเราปลดปล่อยอารมณ์ให้สนุกไปกับมัน ความเครียดที่เคยมีหายไปแทนที่ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ดังไปทั่วบริเวณ


ลูกเข้าบ้างไม่เข้าบ้างแต่เราก็ไม่ได้คิดมากแค่เล่นให้สนุกและมีความสุขไปกับมันแค่นี้ผมว่าก็ดีมากแล้วครับ


“รู้ไหมเวลาชลยิ้มแล้วมันทำให้เราอยากยิ้มตามไปด้วย”


ผมหันไปมองตะวันที่จู่ๆก็พูดขึ้นมา เราสบตากันนิ่งและรอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนริมฝีปากของเราทั้งสองคน


“....”


“วันหลังยิ้มบ่อยๆนะ เราชอบเวลาชลยิ้ม”


“อะ...อื้ม”



###########################


:pig4:





หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 22-05-2017 18:32:56
ตะวันยังไงกันเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: yehatt ที่ 22-05-2017 22:06:48
 :impress3:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 22-05-2017 23:21:57
นนท์เลวมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 22-05-2017 23:38:54
ตะวันนี่ไม่น่ามาจีบเนมนะ น่าจะจีบชล // เกลียดแฟนเก่าชล อะไรคือให่ตุกตารูปควายอะ??
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-05-2017 09:59:46
เพื่อนๆเขารู้กันหมดแล้วหรือเปล่าว่าตะวันไม่ได้จีบเนม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-05-2017 12:44:58
ชลนี่ไม่รู้ตัวเหรอว่าตะวันจีบตัวเองอยู่อ่ะ 555
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 23-05-2017 16:59:45
ตะวันเขาจีบหนูรึเปล่าลูก
 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter2 เวลาเธอยิ้ม} 22/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-05-2017 18:39:01
เลิกไปเลยแฟนห่วยๆ อย่างนายนนท์
ให้ของขวัญแฟนทุเรศมาก เหอะ ตุ๊กตาควาย
รั้งไว้ทำไม ใจเขาไม่อยู่ที่เราแล้ว
นอกใจทั้งที่ยังไม่เลิกกัน นิสัยเลว
แล้วนนท์ ไม่ต้องกลับมาหาชลอีกนะ

เพื่อนชล วา กับ เนม
วาอยากให้ตะวัน เนม และก็อยากให้ตะวันชอบตัวเอง
แต่ตะวัน ดูชอบชล นะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter3 สายลมที่หวังดี} 23/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 23-05-2017 21:40:34

Chapter3

สายลมที่หวังดี








ร้านอาหารไทยในช่วงเย็นมีลูกค้ามากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้ามาลิ้มลองรสชาติอาหารที่มีคนการันตีมามากมายว่าอร่อยเด็ดที่สุดในย่านนี้


ผมเดินเข้าออกห้องครัวของร้านเป็นว่าเล่นเพราะวันนี้น้าชายว่ายวานให้ผมมาช่วยที่ร้านเนื่องจากร้านอาหารของน้าชายได้โปรโมทออกรายการอาหารชื่อดัง


ไม่ถึงสัปดาห์ผู้คนก็แห่แหนกันมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยที่น้าชายเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง


“น้องชลปูผัดผงกระหรี่ของโต๊ะสิบหกได้แล้ว”


ผมเดินไปหยิบจานปูผัดผงกระหรี่ที่มีกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอขึ้น ก่อนจะเดินเอาไปเสิร์ฟยังโต๊ะสิบหกที่มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่


“ทานให้อร่อยนะครับ”


ผมเดินถอยออกมาก่อนจะมองดูไปทั่วร้านว่ามีลูกค้าท่านไหนที่ยังไม่ได้อาหารอีกบ้าง ผมกวาดสายตาไปทั่วจนสะดุดตาเข้ากับคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกครั้งหลังจากที่เรา...เลิกลากัน


“น้องชลพี่วานไปรับออเดอร์ที่โต๊ะสองทีนะคะ” หญิงสาวที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบพนักงานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรีบร้อนเพราะในมือมีอาหารที่ต้องนำไปเสิร์ฟให้ลูกค้า


ผมอยากปฏิเสธไปแต่ก็จำใจต้องพยักหน้ารับเพราะมีผมคนเดียวที่ว่างในตอนนี้และผมไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน



“รับอะไรดีครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพเฉกเช่นที่คุยกับลูกค้าคนอื่นๆ


ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาพร้อมยกยิ้มส่งให้ผม ผมมองเขาโดยไม่หลบสายตา


จบกันไปตั้งนานแล้วความรู้สึกของผมที่เหลืออยู่ก็เบาบางเพียงพอที่จะให้อภัยเขา...


“สบายดีไหมชล?”


“วันนี้ร้านของเรามีเมนูแนะนำคือกุ้งอบวุ้นเส้นครับ” ผมไม่สนใจตอบคำถามเขา เฉไฉพูดเรื่องอื่นขึ้นมาก่อนจะเห็นคนตรงหน้าถอนหายใจ


“เฮ้อ ชลจะไม่คุยกับพี่จริงๆสินะ”


“คุณลูกค้าจะรับอะไรดีครับ ถ้ายังเลือกไม่ได้ผมขอตัวก่อนนะครับ”


พอพูดจบผมก็เตรียมหันหลังเดินออกไปจากตรงที่ยืนอยู่แต่เขากลับเรียกไว้ก่อนที่ผมจะเดินออกไป


“เดี๋ยวสิ”


“ครับ”


ผมมองเขาที่ถอนหายใจใส่ผมเป็นครั้งที่สอง จากนั้นจึงหยิบเมนูขึ้นมาเพื่อบอกรายการอาหารที่ตนเองต้องการ


“เอาข้าวผัดสับปะรด กุ้งอบวุ้นเส้นแล้วก็แกงจืดเต้าหูไข่”


“ครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับน้ำอะไรดีครับ?”


“น้ำเปล่าแล้วกัน”


ผมทวนเมนูให้เขาฟังอีกสักพักก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวเพื่อนำเมนูอาหารไปให้น้าชายที่กำลังวุ่นวายกับการผัดผักรวมมิตร




หลังจากนั้นผมก็ไม่เดินออกไปหน้าร้านอีกเลย ไม่ใช่ว่าทำใจไม่ได้แต่ผมแค่ไม่อยากเห็นและมองหน้าเขาเพียงเท่านั้น ผมทำตัววุ่นวายอยู่ในครัว ช่วยน้าชายหยิบนู่นหยิบนี่จนไม่มีเวลาให้คิดอะไรอีก


ส่วนอาหารที่เขาสั่ง พี่พนักงานผู้หญิงคนเดิมก็เป็นคนเอาไปเสิร์ฟให้ตั้งแต่น้าชายทำเสร็จ


ไม่นานร้านอาหารก็ปิดลงในเวลาสามทุ่ม ผมและพนักงานในร้านช่วยกันทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อยก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน


“วันนี้ขอบคุณทุกคนมากนะ” น้าชายกล่าวกับทุกคนแบบนี้ทุกครั้งหลังจากร้านอาหารปิด พนักงานทุกคนยิ้มแย้มและพูดคุยกันอีกสักพักก็แยกย้ายกันกลับ


“ชลกลับก่อนนะครับน้า ถ้ามีอะไรก็โทรหาชลได้เลยนะ”


“ขอบคุณที่มาช่วยนะชล ถ้าพี่เชษฐ์รู้เข้าต้องบ่นน้าแน่ๆที่มาใช้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาทำงานหนักแบบนี้”


น้าชายเอ่ยแซวเพราะพ่อก็เป็นแบบนั้นไม่ต่างจากน้าชายพูดเท่าไหร่ ก็พ่อนะหวงผมอย่างกับผมเป็นผู้หญิงแน่ะ


“ฮ่ะๆน้าก็พูดเกินไป”


“น้าไม่รบกวนแล้ว ชลกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีก”


“ครับ สวัสดีครับน้า” ผมพนมมือไหว้น้าชายก่อนจะเดินไปทางประตูร้านเพื่อไปเรียกแท็กซี่กลับห้อง



“น้องชล!”


พนักงานหญิงในร้านร้องเรียกผมพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาผมที่กำลังจะเปิดประตูออกจากร้าน


“มีคนฝากมาให้ค่ะ”


ผมมองดอกไม้สีขาวที่พี่พนักงานยื่นมาให้ ดอกไม้สีขาวขนาดเล็กหลายดอกรวมกันเป็นช่อ มีกระดาษสีน้ำตาลห่อหุ้มและผูกโบสีขาวไว้อย่างสวยงาม


“ใครฝากมาครับ?”


“พี่ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นเด็กบอกว่ามีคนตั้งไว้หน้าเคาน์เตอร์ร้าน มีชื่อน้องชลเป็นผู้รับค่ะ”


ผมยื่นมือไปรับดอกไม้ช่อเล็กมาไว้ในมือ ก่อนจะมองหาการ์ดที่น่าจะบ่งบอกคนที่ส่งมาให้





“สายลมที่หวังดี”





...คนๆนี้อีกแล้ว...









ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผมเลิกรากับพี่นนท์ไป ดอกไม้สีขาวช่อเล็กก็ถูกส่งมาให้ในทุกๆวันจันทร์ของสัปดาห์ บนการ์ดเขียนเพียงชื่อผมและนามแฝงของคนส่ง




‘สายลมที่หวังดี’




ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนในวันจันทร์ ผมต้องได้รับดอกไม้ช่อเล็กนี้เสมอ เจ้าของช่อดอกไม้รู้ว่าผมจะไปที่ไหนและเวลาไหนทั้งที่ผมไม่ได้บอกใครนอกจากเพื่อนสนิททั้งสองคน...


“นั่งเหม่ออะไรอยู่ชล?” เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเอง


“หือ? ชลเปล่าเหม่อสักหน่อย แล้ววาไปไหนล่ะ?”


“แวะซื้อน้ำอยู่น่ะ เนมเลยเดินมาก่อนกลัวชลรอนาน”


“แล้วเจ้าตัวจะไม่โวยวายเหรอมาก่อนแบบนี้”


“ไม่หรอก เนมบอกวาแล้ว”


“ให้มันจริง ไม่ใช่ว่าแอบเดินหนีออกมาเหมือนคราวก่อนล่ะ”


“จริงๆ ชลไม่เชื่อเนมเหรอ?”


“อือ”


“โถ่! ชลอ่ะ”


“ฮ่าๆล้อเล่น”


“เนมก็ไม่อยากโดนบ่นหูชาเหมือนคราวก่อนหรอกน่า”


“ฮ่าๆๆนี่ก็พูดเว่อร์ไป”


“หรือว่าชลไม่คิดเหมือนเนม?”


“คิด”


“ฮ่าๆๆ”


เราสองคนระเบิดหัวเราะเมื่อนึกถึงวาเพื่อนสาวที่บ่นได้ทุกเรื่อง ขนาดหมาฉี่หน้าบ้านยังบ่นจนหมากลัวไม่กล้าเข้าใกล้





“นินทาอะไรวาอยู่หรือเปล่า?” เสียงของผู้หญิงในหัวข้อสนทนาของผมกับเนมดังขึ้นใกล้ๆ


“เปล๊า” ผมกับเนมตอบพร้อมกับโทนเสียงสูง วาจ้องเราสองคนเขม็งก่อนที่ผมกับเนมจะฉีกยิ้มหนีความผิด


“ชิ! อะน้ำ วาซื้อมาเผื่อ” วาพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้งพร้อมกับตั้งน้ำลงบนโต๊ะให้ผมกับเนมคนละขวด


“ขอบคุณคร้าบบบบ” เราสองคนยิ้มประจบว่าทันที จนหญิงสาวหนึ่งเดียวอดหมั่นไส้ไม่ได้จับหัวของเราสองคนเขกกัน


“อะ...โอ๊ยยย”


“สมน้ำหน้า” วานั่งลงฝั่งตรงข้ามของผมก่อนจะเปิดขวดน้ำขึ้นดื่ม


หลังจากกินข้าวที่โรงอาหารเสร็จพวกเราก็มานั่งใต้ตึกคณะเพื่อรอเรียนวิชาต่อไป


ผมนั่งมองนักศึกษาบางคนที่พึ่งเรียนเสร็จกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังโรงอาหาร ส่วนพวกที่กินอิ่มแล้วอย่างพวกผมก็มานั่งฟุบหลับไถโทรศัพท์เล่นเพื่อรอเวลาเข้าเรียนต่อไป


“นั่นตะวันหรือเปล่าน่ะ?”


ผมมองตามไปยังทิศทางนิ้วของวาที่ชี้ให้ดู เห็นตะวันเดินแจกแผ่นกระดาษให้กลุ่มนักศึกษาตามโต๊ะและทางเดินต่างๆ


คนที่โดนจ้องมองหันมาทางพวกเราสามคนก่อนจะโบกมือให้และฉีกยิ้มกว้างอวดลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย


“หวัดดี”


“ตะวันมาทำอะไรแถวคณะเราอ่ะ?” เนมถามขึ้นเมื่อตะวันเดินมาหยุดตรงโต๊ะที่พวกเรานั่ง


คณะของตะวันกับคณะผมห่างกันคนละฟากมหาลัย แปลกที่จู่ๆเขาก็มาโผล่แถวคณะของผมได้


“อ๋อ เรามาแจกแบบสอบถามน่ะ” ว่าจบก็โชว์แผ่นกระดาษเอสี่ในมือขึ้นโชว์พวกผมทั้งสามคน


“วันนี้ที่ไม่ได้มากินข้าวกับพวกเราเพราะต้องมาแจกแบบสอบถามสินะ” เนมถามต่อ


“อื้ม แจกทั้งวันแล้วยังไม่หมดเลยอ่ะ”


“มาๆเดี๋ยวพวกเราช่วยทำ” วาบอกพร้อมรับกระดาษที่ตะวันยื่นให้มาแจกจ่ายผมกับเนมคนละแผ่น


“ขอบคุณครับ”


“ตะวันนั่งก่อนสิ ยืนนานๆเดี๋ยวก็เมื่อยเอาหรอก” ผมบอกตะวันเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่ยืนยิ้มมองพวกเรา


“ครับ” ตะวันนั่งลงข้างๆวาหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่ม ก่อนเขาจะหันมองรอบๆตึกคณะของผมอย่างสนใจ



“อ่ะเสร็จแล้ว”


ผมยื่นกระดาษเอสี่สามแผ่นให้ตะวันที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว บางทีก็แปลก...ตะวันชอบนั่งมองหน้าผมอยู่เรื่อยเลยแทนที่จะมองเนม คนที่ตัวเองชอบ


“ขอบคุณมากๆนะ” ตะวันรับไปพร้อมบอกขอบคุณพวกผมทั้งสามคน


“ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกพวกเราได้นะ” ผมยิ้มพลางหยิบขวดน้ำที่วาซื้อมาให้ยื่นให้ตะวัน “เราให้ ท่าทางยังไม่ได้กินอะไรเลยสิ”


“แหะๆ” เขายิ้มแห้ง รับน้ำที่ผมยื่นให้ก่อนจะเปิดขวดน้ำที่ผมยังไม่ได้แกะขึ้นดื่มจนเกือบหมดขวด “ขอบคุณสำหรับน้ำนะชล”





เขาส่งยิ้มให้ผม





ยิ้ม...เหมือนดีใจ





“อือ วาซื้อมาน่ะ” รอยยิ้มของเขาดูเจื่อนลงแต่สุดท้ายก็กลับมายิ้มกว้างให้พวกเราทั้งสามคน



ไม่ใช่เฉพาะ...ผม



“อีกห้านาทีจะถึงเวลาเรียนแล้ว” เนมมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะบอกผมกับวา


“งั้นไปกันเถอะ” ผมบอกพลางเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง


“จะไปกันแล้วเหรอ?”


“อือ ตะวันก็อย่าลืมทานข้าวล่ะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะเอา ทรมานมากชลเคยเป็น”


ตะวันยิ้มให้ผมอีกครั้ง รอยยิ้มที่...แปลกตา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่แก้มและใบหูเขากลับมีสีแดงน่ามอง


“ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะชล” เขายกมือขึ้นเกาจมูกอย่างที่ชอบทำเวลาเขิน




เขิน? บ้าน่า ผมคงคิดไปเอง ตะวันอาจจะคันจมูกจริงๆก็ได้




“พวกเราไปนะ” เนมกับวาพูดขึ้นพร้อมกัน รอยยิ้มของเพื่อนสนิททั้งสองดูมีแววล้อเลียน


“อื้อ ตั้งใจเรียนนะชล” ผมทำหน้างงใส่ตะวัน ทำไมบอกแต่ผมล่ะ“อะ..เอ่อเนมกับวาด้วย ตั้งใจเรียนนะทุกคน”


ผมหันไปมองเพื่อนทั้งสองคนที่อมยิ้มขำกับท่าทางของตะวัน พอหันมาหาตะวันอีกทีก็เห็นเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปนอกตึกคณะของผมแล้ว


“ยืนขำอะไรกันเนี่ย ไปเรียนกันได้แล้ว”


ทั้งสองคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงผม ก่อนจะเดินนำหน้าผมไปเพื่อขึ้นลิฟต์ปล่อยให้ผมยืนมองด้วยความไม่เข้าใจกับท่าทางแปลกๆของเพื่อนสนิททั้งสอง





และ





ตะวัน...




#####################


:pig4:




หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter3 สายลมที่หวังดี} 23/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 23-05-2017 22:18:45
เป็นอีกเรื่องที่หน้าติดตามค่ะ ปล. อีพี่นน ไปตายนะคะ ไปค่ะ ไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter3 สายลมที่หวังดี} 23/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-05-2017 23:38:24
พี่นนยังโผล่มาเป็นสัมภเวสีอีกเหรอ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter3 สายลมที่หวังดี} 23/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-05-2017 02:12:22
ชลเอยยยย
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter3 สายลมที่หวังดี} 23/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 24-05-2017 09:28:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter3 สายลมที่หวังดี} 23/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 24-05-2017 14:39:34
อิพี่นนท์เป็นผู้ชายที่เลวมาก ตอนให้ตุ๊กตาควายนี่เหมือนตอกย้ำชลอ่ะ ดีแล้วที่ชลเลิกได้  :katai2-1:หันมาหาน้องตะวันเถอะ :-[
คิดว่าคนอื่นๆรู้นะว่าตะวันชอบใคร แต่ยกเว้นเจ้าตัวไว้คนนึง

รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter3 สายลมที่หวังดี} 23/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-05-2017 15:23:47
ชลลลลลมีคนจีบรู้ตัวยัง อิอิ
พี่นนท์มาทางไหนกลับไปทางนั้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter4 อยู่บำรุง} 24/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 24-05-2017 22:22:14



Chapter4

อยู่บำรุง









ฝนโปรยปรายลงมาทั้งๆที่แดดออกจ้า อาจจะดูแปลกไปหน่อยแต่มันคือสิ่งที่ผมต้องเผชิญในเวลานี้


เดินออกมาหน้าคอนโดเพื่อจะเรียกแท็กซี่ไปมหาลัยแต่ฝนเจ้ากรรมดันตกมาอย่างรู้เวลา ผมจึงต้องเดินมาหลบใต้คอนโดที่มีหลังคายื่นออกมาให้พอหลบฝนได้


ไม่อยากเข้าไปหลบในคอนโดเพราะกลัวแท็กซี่มาแล้วจะโบกไว้ไม่ทัน ผมจึงต้องมาเผชิญชะตากรรมอยู่ในเวลานี้


น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นกระเซ็นมาโดนเสื้อและกางเกง น่าหงุดหงิดแต่คงไม่หงุดหงิดเท่าลมที่พัดมาเป็นช่วงๆพาให้เม็ดฝนตกกระทบกับตัวของผมจนเกือบเปียกปอนด์


ศีรษะเปียกหมาดๆส่วนเสื้อผ้าก็เปียกเฉพาะบางจุด ไม่มากไม่น้อยแต่รับรู้ได้ว่าเปียก


หากว่าอีกห้านาทีแท็กซี่ยังไม่มาผมคงได้เปียกโชกเป็นแน่


เหมือนสวรรค์จะได้ยินเสียงเว้าวอนในใจของผม ส่งแท็กซี่หนึ่งคันมาให้พอดิบพอดี


ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ล่ะนะ








รถแท็กซี่เคลื่อนตัวมาถึงมหาลัยในเวลาต่อมา คุณลุงคนขับใจดีขับเข้ามาส่งผมถึงหน้าตึกคณะ


“ขอบคุณนะครับคุณลุง”


ผมชำระเงินก่อนจะกล่าวขอบคุณจากใจจริง หากเจอคันอื่นผมอาจจะได้เดินตากฝนเข้ามหาลัยเองก็ได้


วันนี้ก็ยังถือว่าผมโชคดีที่เจอแท็กซี่ดีๆล่ะนะ


ผมเปิดประตูรถออกจากนั้นก็วิ่งฝ่าสายฝนเพื่อเข้าไปในตึกคณะให้เร็วที่สุด


เนื้อตัวของผมชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝน ถึงจะนั่งในรถให้เครื่องปรับอากาศเป่าให้แห้งบางส่วนแล้วแต่มันคงแห้งไม่ทัน บวกกับวิ่งฝ่าฝนเข้าตึกมาเมื่อกี้ ยิ่งทำให้ผมเปียกเพิ่มยิ่งกว่าเดิม


“เฮ้ยชล!! ทำไมเปียกงั้นอ่ะ” เสียงเล็กฉบับผู้หญิงของวากล่าวทักทันทีเมื่อผมปรากฏแก่สายตาของเพื่อนทั้งสองคน


“ตากฝนมา” ว่าพลางหย่อนกายลงนั่งข้างเนมที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า น้ำบนศีรษะหยดติ๋งๆเป็นพร๊อบเสริม


“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”


เนมว่าเชิงตำหนิเพราะเมื่อเช้าเพื่อนรักบอกว่าจะมารับผมไปมหาลัยด้วยกันแต่ผมกลับปฏิเสธไป ไม่อยากให้เพื่อนต้องพบเจอกับการจราจรที่ติดขัด แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าฝนมันจะตกลงเสียดื้อๆทั้งที่แดดก็เปรี้ยงขนาดนั้น


“ชลไม่ป่วยง่ายๆหรอก แข็งแรงจะตาย นี่เห็นม้ะ” ว่าพลางถลกแขนเสื้อที่เปียกชุ่มขึ้นก่อนจะเบ่งกล้ามอวดเพื่อนๆ


“ยังจะเล่นอีก”


“อย่าดุกันซี่ ชลไม่ป่วยหรอกไม่ต้องเป็นห่วงน้า” ผมว่าแล้วเอาหน้าถูไถกับไหล่ของเนม เลียนแบบเวลาแมวอ้อนเจ้าของ


“ทุกทีสิน่า”


ผมยิ้มขำเพื่อนตัวเล็กที่พูดแบบนี้ทุกครั้งเมื่อแพ้ลูกอ้อนของผม


ผมล้วงผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ยังดีที่ไม่เปียกเท่าไหร่ ผ้าเช็ดหน้าสีน้ำทะเลสดใส ปักชื่อจริงของผมไว้ที่มุมหนึ่งของผ้าผืนบาง ของขวัญที่ตะวันให้มาเนื่องในวันเกิดของผม



น่ารัก



ตะวันน่ารักมากจริงๆ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องให้อะไรก็ได้แต่เขาก็ยังให้ ยิ่งเขาบอกว่าเป็นคนปักชื่อนั้นให้ผมเองกับมือผมยิ่งทึ่ง ความประทับใจที่ผมมีให้เขายิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ


ผู้ชายที่ไหนเขาจะมานั่งเย็บปักถักร้อยกันแต่ตะวันยังทำและทำมันให้ผม




ชลธี




ผมยิ้มให้กับชื่อที่อยู่บนผ้าเช็ดหน้าผืนบางอีกครั้งก่อนจะใช้มันซับบนใบหน้าที่มีหยาดฝนเกาะอยู่กระจัดกระจาย


“นั่งยิ้มอะไรคนเดียวอ่ะชล?” เนมเอ่ยขึ้นขณะที่ผมซับน้ำออกจากไรผม




ยิ้มเหรอ?




นั่นสินะ ผมก็เริ่มรู้สึกปวดแก้มขึ้นมาตงิดๆ




“ยิ้มให้ฝนน่ะ”


เนมกับวาทำหน้าตาไม่เชื่อ ทั้งสองคนหันหน้ามองกันเหมือนเป็นการปรึกษากับคำตอบพิลึกพิลั่นนั่นของผม




ยิ้มให้ฝน ใช่ ผมยิ้มให้ฝนจริงๆ




“ไปเรียนกันเถอะ”



ไม่ปล่อยให้เพื่อนรักทั้งสองคนสงสัยและถามอะไรให้มากความ ก็เดินนำหน้าไปขึ้นลิฟต์เพราะจริงๆแล้วผมก็ไม่มีคำตอบให้เพื่อนเหมือนกันว่าทำไมถึงยิ้มคนเดียว....








คาบเช้าผ่านไปอย่างแสนสาหัสสำหรับผมที่พึ่งตากฝนและต้องมาเผชิญกับเครื่องปรับอากาศในห้องเรียน


ทุกทีก็รู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องปกติและกำลังดีแต่ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่ามันเย็นเกินไปหรือมีใครปรับอุณหภูมิให้มันติดลบกันนะ


“ชล ไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดๆ”


เสียงนุ่มทุ้มละมุนหูของคนฝ่ายตรงข้ามเอ่ยถามขณะที่เรานั่งเฝ้าโต๊ะให้เพื่อนไปซื้อข้าว


“หืม เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก”


“แน่ใจนะ?”


“อืม แค่รู้สึกเพลียๆน่ะ”


“ถ้าชลรู้สึกไม่ดีก็บอกเรานะ”


“อื้อ”


บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้นเมื่อคนที่ไปซื้อข้าวกลับมานั่งกันครบแล้วและคนที่ต้องไปซื้อน้ำอย่างผมกับตะวันก็เตรียมตัวลุกแต่อีกคนกลับเรียกชื่อผมขึ้นมาก่อน


“ชลนั่งเถอะ เดี๋ยวเราไปซื้อคนเดียวก็ได้” เขาว่างั้นแต่ผมกลับส่ายหน้า


“ไม่เป็นไร ไปซื้อด้วยกันนี่แหละ”


“ชล นั่งเถอะ”


“ไม่เอา”


“ชล” ตะวันเริ่มกดเสียงต่ำ


“ตะวัน” ผมก็ไม่แพ้กัน


“เฮ้ยๆ อย่างพึ่งทะเลาะกัน” เนมส่งเสียงห้ามเมื่อเห็นผมกับตะวันทำท่าจะไม่ยอมกัน


เราสองคนยืนเล่นเกมจ้องตากันอยู่นานสองนาน


“เนมก็ดูตะวันดิ”


“ก็เราเป็นห่วง”


“แต่เราไม่ได้เป็นอะไร”


“ชล” ตะวันเรียกชื่อผมอย่างอ่อนใจ มองผมด้วยสายตาเว้าวอน


อะไรเล่า! ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่เดินไปซื้อน้ำผมคงไม่ทรุดลงพื้นหรอกน่า



สุดท้ายตะวันก็ยอมให้ผมเดินมาซื้อน้ำด้วยเหมือนทุกวัน ผมยิ้มกริ่มส่วนตะวันทำหน้าอ่อนใจกับความดื้อดึงของผม


ตะวันเป็นคนสั่งน้ำหกแก้วกับคุณป้าแม่ค้าที่ยิ้มรับอย่างใจดี


“เอามา เดี๋ยวช่วยถือ” ผมยื่นมือไปขอแก้วน้ำจากเขาเหมือนทุกวันแต่ตะวันกลับเบี่ยงหลบทำท่าจะถือไปคนเดียวทั้งหมด


“เราถือเอง”


“ตะวันเอามาเร็ว เราช่วยถือ” ผมฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับฉกแก้วสามใบมาไว้ในมือก่อนจะเดินนำลิ่วออกจากหน้าร้านขายน้ำ


“ชลนี่ดื้อจริงๆเลย”


เสียงเขาบ่นตามหลังแต่ผมกับยิ้มรับไม่สะทกสะท้านใดๆ









สุดท้ายจากที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรกลับต้องมานอนซมในห้องหลังจากกินข้าวกินยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


พอเลิกเรียนผมก็รู้สึกเพลียๆปวดหัวตุบๆจึงต้องให้เนมรีบมาส่งที่หอเป็นการด่วน


พอมาถึงเพื่อนทั้งสองก็กำชับให้กินข้าวกินยาแล้วก็พักผ่อน ผมจึงพยักหน้ารับทั้งทีสมองก็เริ่มเบลอๆ


เข้ามาในห้องก็ทำตามที่เพื่อนว่าคือหาข้าวกิน ยังดีที่ในห้องมีโจ๊กสำเร็จรูปอยู่ผมจึงไม่ต้องโทรสั่งข้าวให้มาส่ง


หลังจากจัดการกับอาหารเรียบร้อยแล้วก็ค้นตู้ยาหยิบยาแก้ไข้ขึ้นมากินหนึ่งเม็ดก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง


ทั้งคืนผมนอนตัวสั่นเทาใต้ผ้าห่มผืนหนา พอห่มผ้าหนาๆเข้าก็ร้อน พอเอาผ้าห่มออกก็หนาว ผมเป็นแบบนั้นอยู่ทั้งคืนจนหงุดหงิด


หงุดหงิดที่ตัวเองต้องนอนซมบนเตียงโง่ๆนี้คนเดียว ความงี่เง่างอแงเริ่มก่อตัวขึ้น คนป่วยเขาบอกว่าอารมณ์อ่อนไหวท่าจะจริง


ผมนอนร้องไห้แบบนั้นทั้งคืน ทั้งคิดถึงพ่อที่เชียงใหม่ คิดถึงเพื่อน คิดถึงสิ่งต่างๆมากมายที่ไม่น่าคิด อดน้อยใจกับตัวเองไม่ได้ที่ต้องมานอนซมโดยที่ไม่มีคนดูแล




...น่ารำคาญ...









ผมฝืนสังขารตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงนอนในตอนเช้าหลังจากกึ่งหลับกึ่งตื่นทั้งคืน


อาการป่วยของผมก็ไม่ได้ทุเลาลงแต่อย่างใดกลับเป็นหนักยิ่งกว่าเดิมต้องพยุงตัวเองเข้าไปในห้องน้ำช้าๆ เกาะนู่นเกาะนี่เป็นตัวยึด จนกระทั่งถึงห้องน้ำ


พออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกมาต้มโจ๊กกิน กินเสร็จก็กินยา ไม่นานผมก็มายืนรอแท็กซี่หน้าคอนโดเพื่อไปมหาลัย





ผมมาถึงมหาลัยก็เห็นเพื่อนรักทั้งสองนั่งประจำที่โต๊ะเดิม พอเพื่อนเห็นผมที่หอบสังขารเปื่อยๆเดินเข้าไปหา ก็รีบลุกขึ้นพรวดพราดมาพยุงผมไปนั่งที่โต๊ะทันที


“ตัวร้อนจี๋เลยชล”


“อือ”


“ไม่สบายแล้วทำไมไม่นอนพักที่ห้อง”


“มีสอบ”


“จริงๆเลยนะชล”


“อือ”


ผมตอบอืออากับคำพูดของเพื่อนทั้งสอง สมองยังคงเบลอๆไม่สามารถประมวลผลอะไรได้มากมาย แค่นั่งให้ตรงผมว่าผมก็เก่งมากพอแล้วนะ


ผมเข้าเรียนด้วยสภาพที่ร่างกายอ่อนปวกเปียก การสอบก็ยังถือว่าโอเคที่ผมทำได้บ้าง ยังดีที่ผมเป็นคนชอบอ่านทบทวนบทเรียนเป็นประจำ การสอบย่อยครั้งนี้เลยถือว่าทำได้มากกว่าที่คิด








เพื่อนซี้ทั้งสองยังคงคะยั้นคะยอให้ผมกลับไปนอนพักที่ห้อง แต่คาบบ่ายผมมีเรียนต่อจึงไม่ยอมกลับไป เพื่อนสองคนจึงถอนหายใจกับความดื้อดึงของผมแล้วพามากินข้าวที่โรงอาหาร


ตะวันและเพื่อนอีกสองคนของเขามานั่งรอก่อนแล้ว ไม่ได้พูดอะไรกันมากมายเพราะทุกคนรู้หน้าที่ดี ทั้งโต๊ะจึงเหลือผมกับตะวันเฝ้าโต๊ะเช่นเคย


“ไม่สบายหรือเปล่า?”


“อือ”


“ทำไมไม่นอนพัก”


“มีสอบ”


“ดื้อ”


ผมทำหน้าบึ้งใส่ตะวัน คนตรงข้ามทำเพียงแค่ยิ้มให้จากนั้นจึงยื่นหลังมือของเขามาแตะหน้าผากของผมเพื่อวัดอุณหภูมิ


“ตัวร้อนจี๋เลย ไหวหรือเปล่า?”


“อือ”


“โกหก” 


“ปวดหัว”


“มากไหม?”


“อือ”


ผมพยักหนาหงึกหงัก ฟุบหน้าลงกับโต๊ะก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสที่ลูบเบาๆบนศีรษะ




ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกดี




สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้ผมเกือบเคลิ้มหลับก่อนที่สัมผัสนั้นจะหายไปแทนที่ด้วยเสียงละมุนหูของตะวัน




“กินข้าวก่อนนะ”


ผมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะก่อนจะเห็นทุกคนที่ไปซื้อข้าวกลับมานั่งที่เรียบร้อยแล้ว


ผมทำท่าจะลุกขึ้นไปซื้อน้ำอย่างทุกวันแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อทุกคนมีน้ำวางไว้ข้างจานข้าวคนละแก้วเหมือนกันกับผมที่มีน้ำเปล่าไม่เย็นหนึ่งขวด


นั่งกินข้าวได้ไม่กี่คำก็รู้สึกผะอืดผะอมจนต้องวางช้อนแล้วเปิดน้ำขึ้นดื่ม


“อิ่มแล้วเหรอชล?” วาถามผมเมื่อตั้งขวดน้ำลง


“อือ”


“ชลกินยังไม่ถึงห้าคำเลยนะ”


“อือ”


“กินอีกนิดเถอะ”


“ฮื่อ”


ผมส่ายหน้าอย่างขัดใจ อะไรๆก็ดูจะน่าหงุดหงิดไปหมด


“เนมว่าชลกลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ ส่วนเรื่องเรียนเดี๋ยวเนมบอกอาจารย์ให้”


“ไม่เอา”


“ชลอย่าดื้อสิ เป็นหนักขนาดนี้ยังไงก็เรียนไม่รู้เรื่อง”


“แต่—”


“ไปเถอะ เดี๋ยวเราไปส่ง” เสียงนุ่มทุ้มของตะวันแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค


“ตะวันไม่มีเรียนเหรอ?” เนมถามต่ออย่างสงสัย


“ไม่ล่ะ พอดีเพื่อนพึ่งบอกในกลุ่มว่าอาจารย์ยกคลาส” ตะวันบอกอย่างนั้นแต่พวกเราสามคนยังไม่ปักใจเชื่อจึงหันหน้าไปหาใหญ่กับเติ้ล ทั้งสองคนพยักหน้าหงึกหงักยืนยันคำพูดของตะวัน


“งั้นเราฝากชลด้วยนะตะวัน”


“อือ ไม่ต้องห่วง”








ตะวันพาผมมาถึงคอนโดหลังจากตกลงกันเสร็จสรรพ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องอาสามาดูแลผมทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด


ผมเบ้หน้าเมื่ออาการปวดหัวเริ่มเล่นงาน จะเหตุผลอะไรก็ช่างแต่ตอนนี้ผมอยากนอนพักเต็มทน


ตะวันให้ผมขี่หลังขึ้นมาบนห้อง ผมที่ไม่มีแรงจะเถียงก็เลยตอบตกลงอย่างว่าง่าย


ใบหน้าของผมซุกซบอยู่บนซอกคอของตะวัน ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบกับซอกคอของเขาเป็นจังหวะแผ่วเบา มือสองข้างของผมคล้องคอตะวันไว้กันตก กลิ่นหอมอ่อนๆของตะวันทำให้ผมเกือบเคลิ้มหลับไป


พอหัวถึงหมอนผมก็แทบสลบ คนที่เคยให้ผมขี่หลังไม่รู้เดินไปไหน ผมหลับตาเพราะร่างกายเริ่มไม่ไหว ได้ยินเสียงกุกกักคงเป็นตะวัน


ไม่นานสัมผัสเย็นๆถูกลูบไล้เบาๆบนใบหน้าและตามลำตัว


“อือ”


ผมครางอื้ออึงอยู่ในลำคอ หันตัวหนีก็โดนอีกคนจับตัวไว้ จนเสร็จนั่นล่ะเขาถึงยอมปล่อยให้นอนหลับสบาย


“กินยาก่อนนะชล”


เสียงนั้นหายไปพร้อมกับยาเม็ดโตที่ถูกป้อนเข้าปากพร้อมน้ำเปล่า ผมอ้าปากรับไว้ไม่ขัดขืนเพราะไม่ใช่คนกินยายาก


รู้สึกว่าเสื้อผ้าบนตัวถูกเปลี่ยนออก คงจะเป็นตะวันอีกนั่นแหละที่เป็นคนทำ ผมปล่อยให้เขาทำอย่างว่าง่าย ชุดนักศึกษาก็อึดอัดใช่เล่น


“ฝันดีครับ”


ผมปรือตามองคนที่กำลังจะเดินออกไป คว้าข้อมือเขาไว้ก่อนจะเปล่งเสียงที่แหบแห้งของตัวเองออกมา






“อย่าไป”





แค่เท่านั้นก็รู้สึกถึงแรงยวบของเตียงอีกฝั่ง ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นโอบรัดผมไว้ทั้งตัว ผมหันหน้าเข้าซุกกับความอบอุ่นนั่น จัดท่าทางตัวเองให้เรียบร้อยทั้งที่เปลือกตายังปิด






“นอนนะครับคนดี”







สัมผัสแผ่วเบาบนหน้าผากสวยทำให้ผมเคลิ้มหลับไปในที่สุด




#########################
 
:pig4:






หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter4 อยู่บำรุง} 24/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-05-2017 22:39:59
ตะวันดูแลชลดีขนาดนี้ ชลรู้ตัวทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter4 อยู่บำรุง} 24/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-05-2017 23:40:10
 :-[ :-[ :-[ :-[


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter4 อยู่บำรุง} 24/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 25-05-2017 02:19:25
ไม่ต้องลุ้นละนะตะวัน ได้แน่ๆคนนี้
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter4 อยู่บำรุง} 24/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 25-05-2017 02:48:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: น่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter4 อยู่บำรุง} 24/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-05-2017 13:59:43
ตะวันชัดเจนมาก น้องชลรู้ตัวเร็วๆเถอะ
 :-[
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter4 อยู่บำรุง} 24/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 25-05-2017 18:48:44
เนมกับวาต้องคอยเป็นแบล็คให้ตะวันแน่เลย
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter4 อยู่บำรุง} 24/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 25-05-2017 19:13:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter5 สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง} 25/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 25-05-2017 22:34:28





Chapter5

40 Km/Hr (สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง)









“ชลกินยาก่อนนะ”

“ไม่ร้องนะครับคนดี”

“นอนนะครับ ไม่ร้องนะ”





คำพูดที่แสนอ่อนโยนของคนที่โอบกอดผมไว้ดังขึ้นตลอดทั้งคืน มันทั้งนุ่มและละมุนหูอยากจะฟังซ้ำๆแบบนี้ทุกวัน สัมผัสที่นุ่มนวลจรดลงบนหน้าผากทุกครั้งที่ผมละเมอ ร้องไห้หรืองอแงกลางดึก



ผมพยายามปรือตามองเจ้าของความอ่อนโยน ใบหน้าที่ผมเห็นในความมืดนั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่แต่ความรู้สึกของผมบ่งบอกว่าดวงตาคู่นั้นที่จ้องลงมามีแต่คำว่าเป็นห่วง


ริมฝีปากเขาแย้มยิ้มทุกครั้งที่ผมกระชับอ้อมกอดและซุกหน้าเข้าหาความอบอุ่นจากร่างกายของเขา


ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ผมได้รับความอบอุ่นอย่างนี้ จะตั้งแต่ที่จากพ่อมากรุงเทพ ตั้งแต่ที่เลิกกับพี่นนท์หรือก่อนหน้านั้นสองเดือน สามเดือนหรือเป็นปี ผมจำมันไม่ได้






ผมรู้แค่ว่าวันนี้ความอบอุ่นที่ได้รับมันทำให้ผมอุ่นทั้งตัว





และ





หัวใจ





ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ ละเมอเพ้อพกว่าอะไร แต่เจ้าของความอบอุ่นก็ไม่มีท่าทีว่าจะรำคาญผลักผมออกจากอ้อมกอดเขา มีแต่กระชับมันให้แน่นขึ้น





แน่น...แต่ผมก็ไม่รู้สึกอึดอัดอย่างที่ควรจะเป็น





มันแปลกแต่ผมก็ไม่อยากจะคิดให้ตัวเองปวดหัวไปมากกว่านี้ ทำได้เพียงแค่หลับตาพริ้มรับความอ่อนโยนและอบอุ่นของใครอีกคนเท่านั้น













เปิดเปลือกตาขึ้นก็พบกับแสงสว่างที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าม่านตรงบานหน้าต่าง ปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพื่อปรับโฟกัสให้ชัดขึ้น


“เป็นไงบ้างชล?”


เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิทดังขึ้นพร้อมกับแรงยวบบนเตียงอีกฝั่ง


“อือ”


“ดื่มน้ำก่อนนะ” แก้วน้ำอุ่นถูกส่งให้ผมทันทีเมื่อเนมพูดจบ


“กี่โมงแล้ว?”


“เก้าโมง ลุกไหวไหม?”


ผมพยักหน้าก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นพิงหัวเตียง


“แล้ววาล่ะ?”


“อยู่ในครัวน่ะ ทำข้าวต้มให้ชลอยู่” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง กวาดสายตามองรอบห้องก็ไม่เห็นใครอยู่


“แล้ว...” อยากจะถามหาคนที่มอบความอบอุ่นไว้ให้ทั้งคืนแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร


เมื่อคืนผมทั้งเหนื่อย ทั้งเบลอและปวดหัว สติที่เคยมีกลับหายไปอย่างน่าตกใจแค่จำได้ว่าตัวเองป่วยก็เก่งเกินพอแล้ว


“หืม?”


“เนมกับวาพึ่งมาเหรอ?”


“อื้ม ทำไมเหรอ?”


“เมื่อคืน...” ไม่รู้จะถามเพื่อนรักว่ายังไงดี


“เมื่อคืนมีอะไรหรือเปล่า?”


“อะ...เอ่อเมื่อคืนใครอยู่กับชลเหรอ?”


“ชลจำไม่อะไรไม่ได้เลยหรอ?”


“อือ”


“ก็เมื่อวานตะวันอาสามาส่งชลที่ห้องแล้วก็พึ่งกลับไปเมื่อตะกี้นี่เอง”




ตะวัน?




ผมจำได้ว่าตะวันพาผมมาส่งที่ห้องก่อนจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าหายาให้ผมกินจากนั้นสติของผมก็หายไปเลย จำไม่ได้จริงๆว่าตะวันอยู่เฝ้าผมทั้งคืน





“ไปล้างหน้าล้างตาก่อนชล เดี๋ยวได้กินข้าวกินยาอีก”


เสียงของเนมทำให้รู้ว่าตัวเองนั่งเหม่อไปนานแค่ไหน ผมทำตามที่เนมบอกโดยการเข้าไปล้างหน้าแปลงฟัน จะอาบน้ำก็โดนเพื่อนสนิทห้ามไว้เพราะก่อนที่ตะวันออกไปเขาเช็ดตัวให้ผมแล้ว





อืม...พอได้ยินแบบนั้นก็เขินแปลกๆแฮะ





ไข้ที่เป็นก็ดูเหมือนจะไม่หนักเท่าเมื่อวานแล้ว อาการปวดหัวก็ทุเลาลงแล้วด้วย แต่ยังไงก็ต้องกินยาอยู่ดีเพราะยังไม่หาย ตัวก็รุมๆอยู่จุดกึ่งกลางระหว่างจะหายกับไม่หาย


ดังนั้นผมจึงกินยาตามคำสั่งของพยาบาลจำเป็นทั้งสองที่แทบกรอกข้าวต้มกับยาเข้าปากผมทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้


“เฮ้ยๆ ไม่ต้องป้อน ชลกินเองได้”


“ก็เห็นนั่งเขี่ยไปเขี่ยมาอยู่ตั้งนาน หรือว่าไม่อร่อย” วาทำหน้างอเมื่อถามจบ


ผมอดไม่ได้ที่จะยกมือมาผลักหน้าผากเพื่อนตัวเองที่ชอบคิดมากไปเรื่อย


“อร่อยแต่ชลยังไม่หิวเลย”


“ไม่หิวก็ต้องกินนะชล ตะวันอุตส่าห์ฝากชลไว้ ให้เราสองคนดูแล”


“หืม ตะวันเกี่ยวอะไรด้วย?” ผมเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มเมื่อชื่อของใครอีกคนหลุดออกมาจากปากวาเพื่อนรัก


เพื่อนทั้งสองมีท่าทีอึกอักหันมองหน้ากันอัตโนมัติก่อนเนมจะพูดอธิบายออกมาให้ผมได้กระจ่างแต่แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ


“อะ...เอ่อก็ตะวันฝากชลให้พวกเราดูแลต่อไง เขาอุตส่าห์ดูแลมาทั้งคืนถ้าเราดูแลไม่ดีเกิดชลป่วยขึ้นมาอีก ตะวันก็เหนื่อยเปล่าล่ะสิ”


“ตะวันก็แปลกคน ยังไงเนมกับวาก็ต้องดูแลเราดีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ก็ไม่น่าต้องฝากฝังอะไรขนาดนั้นเลย”


“อ...เอ้อจริงด้วยแต่ตะวันเขาคงห่วงชลมากน่ะก็เลยกังวลว่าพวกเราจะดูแลไม่ดี”


“วาพูดอะไรแปลกๆไปได้” ผมว่าพลางตักข้าวต้มหมูร้อนๆเข้าปาก กินอะไรร้อนๆมันก็โล่งคอโล่งจมูกดีเหมือนกัน “แล้วนี่วากับเนมกินอะไรกันมาหรือยัง”


“เรียบร้อยแล้ว”


“ดีแล้วล่ะ ถ้าหิวอีกก็หาอะไรกินในตู้เย็นได้เลยนะ”


เพื่อนทั้งสองพยักหน้ารับก่อนจะนั่งกระซิบกระซาบกันเรื่องอะไรที่ผมก็ไม่รู้เพราะไม่ได้ยินเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา


เดี๋ยวนี้ชักจะหัดมีความลับกับผมแล้ว


เหอะ!









หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จ ผมก็มานั่งแหมะอยู่บนโซฟาตัวเขื่องที่ตั้งอยู่กลางห้อง เพื่อนสองคนไปเช่าหนังมาให้ผมดูสามสี่เรื่องก่อนมาถึงคอนโด


เรื่องแรกยังไม่ทันจบ หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มก็หลับใหลไปตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำ ทั้งที่หนังนี้ตัวเองก็เป็นคนเลือกมาแท้ๆ


วานี่มันวาจริงๆ


ผมกับเนมจึงต้องรับชะตากรรมนั่งดูหนังให้จบเพราะพอวาตื่นมาจะต้องให้เราสองคนเล่าเรื่องที่ดูให้ฟังแน่ๆ


“ชลว่าตะวันเป็นยังไง?”


“หือทำไมถามงั้นอ่ะ?”


“ก็เอ่อ...เนมอยากรู้ไงว่าชลคิดยังไงกับตะวัน”


“เนมใจอ่อนให้ตะวันแล้วล่ะซี่”


“ใจอ่อน? ใจอ่อนอะไรอ่ะ?”


“อ้าว ก็ตะวันจีบเนมอยู่ไม่ใช่เหรอ?”


“จีบ? เนมเนี่ยนะ บ้าแล้วชล”


“หือ แล้วตะวันไม่ได้จีบเนมหรอกเหรอ?”


“จีบเนมอะไรกันเล่า ตะวันเขามีคนที่ชอบแล้วเหอะ”


“แล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเขาทักเนมมาทำไมอ่ะ ไม่ใช่จะมาจีบหรอกเหรอ?”


“ไม่ใช่ เขาก็ทักมาทำความรู้จักปกตินั่นแหละ” เนมตอบเสียงเรียบบเรื่อย ผมมองหน้าเพื่อนก็ไม่เห็นพิรุธอะไรจึงพยักหน้าเข้าใจ “ชลเข้าใจผิดมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย?”


“ตั้งแต่แรกเลย แหะๆ”


“ตะวันเขาไม่จีบเราหรอก เขาจีบคนอื่นอยู่ต่างหากแต่เหมือนว่าคนนั้นจะไม่ยอมรู้ตัวสักที”


“ใครอ่ะ วาเหรอ?”


“ไม่ใช่ พอๆขี้เกียจพูดละ ดูหนังกันดีกว่า ถ้าวาตื่นมาแล้วเล่าให้ฟังไม่ได้เดี๋ยวได้โวยวายพอดี”


“ฮ่ะๆจริง”


ถึงจะสงสัยแต่ก็ยอมดูหนังต่อเพราะไม่อยากได้ยินเสียงบ่นหรือโวยวายของหญิงสาวที่เข้าสู่ห้วงนิทราในขณะนี้












ผ่านมาเกือบอาทิตย์อาการไข้ของผมก็หายเป็นปลิดทิ้งและมันเหมือนจะหายไปพร้อมกับตะวันตั้งแต่วันนั้น....


ผมกับเพื่อนรักอีกสองคนมานั่งทำงานกันที่ใต้คณะ เป็นงานที่อาจารย์สั่งไว้วันที่ผมไม่สบายและกำหนดส่งคือพรุ่งนี้ก่อนเก้าโมง ผมจึงต้องมานั่งจุมปุกสุมหัวทำงานกันสามคน


“หิวอ่ะ” หญิงสาวในกลุ่มเอ่ยพร้อมกับไถหน้าไปมากับหนังสือเล่มโต ถ้าสิวไม่ขึ้นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว


“ไปหาอะไรกินก่อนไหม?” ผมเสนอ แต่เพื่อนทั้งสองคนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ


“ไม่เอาอ่ะ กลัวงานไม่เสร็จ” เนมบอกต่อและเอาหน้าถูไถหนังสือตามวาไปอีกคน


“แล้วจะทำยังไง” ผมขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเสนอทางเลือกอีกครั้ง “งั้นเราไปซื้ออะไรมาให้กินไหม?”


“อืมก็ได้”


“ทีอย่างนี้ล่ะไวเชียวนะครับคุณ”


“แหะๆ น่านะวาหิวจริงๆ”


“ก็ได้ๆ อยากกินอะไรล่ะ ชลว่าจะเดินไปเซเว่นหน้ามหาลัยดีกว่า โรงอาหารคงไม่มีอะไรให้กินแล้ว”


“เอารถเนมไปก็ได้”


“ไม่ๆ ชลอยากเดิน ออกกำลังกายบ้างอะไรบ้างจะได้ไม่ป่วย”


“เอางั้นเหรอ?”


“อื้อ”







ผมจดรายการที่เพื่อนสั่งก่อนจะเริ่มออกเดินไปยังหน้ามหาลัยที่มีเซเว่นตั้งอยู่ใกล้กัน ก่อนออกมาเนมยังคงถามย้ำให้ผมเอารถมาแต่ผมก็ปฏิเสธกลับไปเหมือนเดิม


ผมเดินไปเรื่อยๆไม่ได้เร่งรีบอะไร มองบรรยากาศในมหาลัย อากาศก็กำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ลมพัดเอื่อยจนเผลอสูดลมหายใจเข้าเพื่อรับกลิ่นธรรมชาติถึงแม้จะมีน้อยก็ตาม


“ชล!”


น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังลอยมาจากข้างหลัง ทำให้ผมที่เดินอยู่ชะงักกึกแล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังปั่นจักรยานมาทางผม


“ตะวัน”


“จะไปไหนอ่ะ?”


“เซเว่น”


“งั้นขึ้นมา ไปทางเดียวกันพอดีเลย”


“อ...เอ่อแต่ว่า--”


“มาเร็วๆ อยากหาคนซ้อนท้ายพอดี”


“อื้อ” 



ขึ้นมานั่งได้มือไม้ก็ไม่รู้ต้องวางไว้ตรงไหนจึงวางไว้บนเบาะที่คนขับนั่งซึ่งมีพื้นที่น้อยนิดเท่านั้น


“เกาะเสื้อเราไว้ก็ได้ กันตก”


เหมือนคนข้างหน้าจะรับรู้ปัญหา หันมายิ้มพร้อมบอกหนทางที่ผมจะแก้ไขกับปัญหานั้น


ผมทำตามเขาสั่งแต่โดยดี ตกไปหน้าแหกไม่มีเงินจะไปศัลยกรรมหรอกนะ ดีไม่ดีพ่อไล่ออกจากกองมรดก ผมคงอกแตกตาย




ก็แค่ความคิดบ้าบอของตัวเอง




คนขับปั่นไปช้าๆสายตาสอดส่องข้างทางชมนกชมไม่ไปเรื่อยตามประสา ปากก็ร้องเพลงพึมพำเผื่อแผ่ให้ผมได้ยินไปด้วย แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเขาร้องเพลงเพราะน่ะ


“ตะวันหายไปไหนมาตั้งเกือบอาทิตย์?”


“ไม่สบายน่ะ”


“เพราะเราหรือเปล่า?”


“เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ เราเป็นของเราเอง”


“อย่ามาโกหก”


“ก็เอ่อ...มีส่วนนิดนึง นิดเดียวจริงๆ”


“ทำไม?”


“เราอาจจะติดจากชลแต่แค่เป็นหวัดนะ แล้วก็ไปตากฝนตากแอร์เองด้วยก็เลยเป็นหนักอ่ะ พอหายก็ต้องรีบทำงานส่งเลยไม่ได้ไปกินข้าวด้วยไง”


“ทำไมไม่บอกล่ะ?”


“เราไม่ได้เป็นอะไรมากนี่นา ตอนนี้ก็แข็งแรงมากด้วย”


“ชลก็เป็นห่วง คิดว่าตะวันจะเป็นอะไรซะอีกเห็นหายเงียบไปเลย”


“อื้อ ขอบคุณนะ เราไม่เป็นอะไรหรอกไม่ต้องห่วง”


“ดีแล้ว”


บทสนทนาจบลงแค่นั้นเพราะไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก แต่บรรยากาศไม่ได้น่าอึดอัดกลับกันมีแต่ความสบายใจ การได้นั่งจักรยานมองบรรยากาศไปเรื่อยๆแบบนี้ก็ช่วยผ่อนคลายได้เหมือนกัน





สบายทั้งกาย ทั้งใจ






จนไม่อยากให้ถึงที่หมายด้วยซ้ำ













พอมาถึงเซเว่นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมเดินเข้าไปหยิบตะกร้าเหมาทุกอย่างที่ต้องการลงตะกร้าจนเกือบเต็ม ตะวันที่เดินตามมาก็เอาแต่คอยห้าม หยิบของที่ไม่มีประโยชน์ออกไปแล้วหยิบสิ่งที่เขาบอกว่าดีมาแทนที่


กว่าจะได้จ่ายเงินก็ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาด้วยเรื่องของกินที่ผมมักจะหยิบขนมแห้งไม่มีประโยชน์ใส่ตะกร้า ส่วนตะวันก็จะหยิบออกแถมสั่งห้ามเด็ดขาดให้ผมซื้อมาเพียงสองห่อเท่านั้น






ตะวันนี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ






“ไม่ต้องมางอนเราเลยชล กินของไม่มีประโยชน์แบบนั้นไงถึงได้ป่วยง่ายน่ะ”


“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”


“ยังจะเถียง มาขึ้นรถได้แล้ว” ตะวันตบเบาะหลังปุๆเพื่อเรียกให้ผมไปนั่งแต่ผมทำเมินเดินผ่านเขาไปเหมือนมองไม่เห็น “ชล อย่าดื้อ”


“ไม่ดื้อ หงุดหงิดตะวันอยู่”


“อ้าว”


“ไม่ต้องมาพูด เงียบๆไปเลย”


“จะไม่ขึ้นจริงดิ กว่าจะถึงเหงื่อได้เปียกโชกทั้งตัวแน่เลย”


“ไม่ต้องมาขู่ เดินแค่นี้เหงื่อมันจะออกแค่ไหนกันเชียว”


ผมว่าอย่างดื้อดึง เดินต่อไปโดยไม่สนใจคนที่ขับจักรยานตามหลังอยู่









ใครกันที่บอกว่าเดินแค่นี้จะไม่เหนื่อย ผมขอเถียง เดินมานานแล้วก็ยังไม่ถึงตึกคณะตัวเองสักที ได้ยินเสียงหัวเราะตามหลังก็ยิ่งอยากจะยกเท้าที่กำลังย่างก้าวอยู่ไปประเคนให้ถึงที่


“เอาไงครับชล จะเดินต่อหรือจะมานั่งซ้อนท้ายจักรยานของเราดีๆ” แล้วไหนจะเสียงล้อเลียนที่ดังขึ้นทุกวินาทีอีกนั่นล่ะ อยากจะซัดปากให้พุดไม่ได้สักสองสามวันจริงๆ


“จอดดิ” ว่าเสียงห้วน พร้อมหยุดเดินรอให้อีกคนจอดรถจักรยานลงข้างๆ


“เหนื่อยแล้วเหรอ?”


“ไม่! ก็แค่สงสารคนขับจักรยานที่ไม่มีคนซ้อนท้ายเท่านั้นแหละ”


“จริงดิ สงสารกันขนาดนั้นเลย?”


“พูดมาก!”


ตีไหล่หน้าดังเพี๊ยะด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะก้าวขึ้นซ้อนจักรยานท่ามกลางสายตาล้อเลียนของคนขับ





อย่าให้ถึงคราวชลบ้างนะตะวัน





“โอ๊ย! เจ็บนะเนี่ย” ร้องโอดโอยเหมือนเจ็บปากตายจนผมหมั่นไส้ต้องตีซ้ำรอยเดิมไปอีกที แต่ก็ยังไม่วายพูดจากวนประสาทผมอีก “ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก”


“ตะวัน!!”


จากนั้นเสียงหัวเราะของคนขับก็ดังลั่นจนกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะคิดว่าคนบ้าเข้ามาในมหาลัย







“นี่ ที่ไม่อยากให้กินของแบบนั้นเพราะเป็นห่วงจริงๆนะ”


ผมมองแผ่นหลังกว้างของคนพูด จักรยานยังคงเคลื่อนตัวไปช้าๆ




ช้ากว่าปกติด้วยซ้ำ





“....”





“ไม่อยากให้ชลป่วยอีกแล้ว”





“....”






“เข้าใจไหมครับ?”







“อื้อ”










ทำไม....ถึงรู้สึกอยากนั่งจักรยานให้นานกว่านี้นะ






#####################


เนื้อรื่องเรื่อยเปื่อย ให้ตัวละครได้ซึมซับกันไปเรื่อยๆ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

:pig4:



หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter5 สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง} 25/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: yehatt ที่ 26-05-2017 07:15:50
 :mew3: :mew3: :mew3:


 :pig4:




หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter5 สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง} 25/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 26-05-2017 08:07:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter5 สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง} 25/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 26-05-2017 10:40:27
น่ารักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter5 สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง} 25/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-05-2017 11:18:12
ชลลลลลลล หนูไม่ละลายมั่งเหรอลูกเราแค่คนอ่านยังเขินละลายเลย
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter5 สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง} 25/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 26-05-2017 12:37:31
น้องชลไม่เขิน แต่เราเขินแทนแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter5 สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง} 25/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-05-2017 14:52:51
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter6 ความลับ} 27/05/2560 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 27-05-2017 19:11:00
Chapter6

ความลับ
(ตะวัน)











...เพนกวิน...






คงเป็นนิยามของเขาที่ผมพอจะนึกได้ ตัวเขาไม่ผอม แต่มีน้ำมีนวล คิดถึงเวลาได้ฟัดพุงคงจะนุ่มนิ่มน่าดู ไหนจะตาโตๆนั่นอีกล่ะ คงเป็นลักษณะเด่นของเขาอีกอย่าง เวลาเดินหรือวิ่งก็ดุ๊กดิ๊กเหมือนกับเจ้าเพนกวินที่อยู่ขั้วโลกเหนือ


และสิ่งที่ทำให้สะดุดตาไม่น้อยกว่าตาโตๆของเขาคงจะเป็นปากเล็กอวบอิ่มที่เวลางอนก็ชอบยื่นออกมา อยากจะเอื้อมมือไปจับหรือเอาปากไปชน ก็เกรงว่าจะโดนหมัดซัดเข้าที่ใบหน้าหล่อๆของตัวเอง ส่วนแก้มป่องๆสองข้างก็มีสีชมพูที่เหมือนลูกพีชจนอยากจะลองชิมดูว่าอร่อยเหมือนกันหรือเปล่า


แต่ที่พูดก็ทำไม่ได้ทั้งที่อยากทำแค่ไหนก็คงเป็นเพราะผมแอบหลบอยู่ในมุมของตัวเองเงียบๆ ถ้าไม่มีไอ้เพื่อนสองตัวคงจะเงียบสงบและมีความฟินมากกว่านี้ แต่ช่างเถอะเพื่อนมันก็คงขี้เสือกอยากรู้อยากเห็นเรื่องของผมเป็นธรรมดา


ทั้งหมดทั้งมวลที่คนอื่นเห็นรวมกันบนตัวของเขา อาจจะเรียกว่าน่ารักแต่สำหรับผมแล้ว คำนิยามไหนก็ไม่เหมาะสมเท่าคำว่า




...เพนกวิน...




ไม่รู้ว่าชอบเขาตอนไหน ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็เอาแต่มองหา จะใกล้จะไกลก็ทำได้แต่มอง มองจนเพื่อนสองตัวมันด่าว่านับวันคอยิ่งจะยาวเท่ายีราฟอยู่แล้วหรือเผลอๆอาจจะยาวกว่านั้นด้วยซ้ำ





ยีราฟเหรอ?





ยีราฟคู่กับเพนกวินได้ป่ะวะ?





ได้ไม่ได้ก็คงต้องลองพิสูจน์ แต่เหมือนเป็นเวรเป็นกรรมเรื่องความรัก พอจะเดินเข้าไปสารภาพก็เจอช็อตเด็ดเข้า







แม่งเขามีแฟนแล้วว่ะ







วันนั้นก็เดินคอตกหูตก ถ้ามีหางก็คงจะตกจนลากครูดไปกับพื้นแล้ว นึกๆก็คงจะแสบหางน่าดู







อกหัก...







อกหักตั้งแต่ยังไม่ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ นี่ผมโง่หรือโง่ที่เอาแต่นั่งมองเขาไม่ไปจีบตั้งแต่เนิ่นๆ


แต่ก็นั่นแหละ ถึงผมจะโง่มหาโง่แค่ไหน ก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับความจริงว่าตัวเองคงไม่ได้มีโอกาสฟัดพุงนุ่มนิ่มหรือเอาปากชนปากยื่นๆของเพนกวินแล้ว






ไม่เป็นไรวะ ค่อยจินตนาการเอาเองก็ได้





หลังจากวันนั้นก็เฮิร์ตเป็นพระเอกเอ็มวีไปหลายวัน กะว่าจะเดินตากฝนให้เปียกฉ่ำแต่ช่วงนั้นก็เสือกเป็นหน้าร้อนอีก แล้วไอที่เปียกๆก็มีแต่เหงื่อ ทั้งเหม็นทั้งเหนอะก็เลยยอมแพ้กลับบ้านไปอาบน้ำให้ตัวหอมสะอาดเหมือนเดิม


จำได้ว่าครั้งนั้นไอเพื่อนสองตัวก็เอาแต่กรอกหูว่าผมโง่ โง่ โง่และก็โง่แถมช่วงนั้นเป็นห่าอะไรกันนักหนาไม่รู้ซื้อแต่แห้วมาฝาก ผมนี่ก็นั่งแดกไปดิ






เออยอมรับว่าผมมันโง่ โง่แล้วเสือกแห้วอีก






ใครจะไปรู้วะครับว่าเขาจะชอบผู้ชาย ก็เห็นเขาไม่เห็นมีอาการอะไรแบบนั้นเลย เห็นวันๆอยู่แต่กับเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชายแถมเพนกวินยังตัวสูงที่สุดในกลุ่มอีก


สูงประมาณไหนคงบอกเป็นเซนไม่ได้แต่เอาจากประมาณคร่าวๆของผมเองก็น่าจะจมูกของผมอยู่ตรงหน้าผากของเขาพอดีนั่นล่ะ


ผมรู้ว่าตัวเองพลาดและโง่เอง แต่ใครมันจะอยากเดินเข้าไปแล้วเสี่ยงโดนต่อยหน้าแหกออกมาล่ะวะ


พอรู้ว่าเขามีแฟนและสำเหนียกตัวเองแล้วว่าอกหักแน่ๆก็เลยได้แต่ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ในมุมมืดของตัวเองซึ่งมีเพื่อนทั้งสองเป็นตัวประกอบฉาก


คิดว่าจะเลิกมองเลิกสนใจแต่ที่ไหนได้ผมก็ยังไปแอบมองเขาเหมือนอย่างที่ทำทุกวัน มองเขากินข้าว มองเขายิ้ม มองปากยื่นๆนั่น มองตาโตๆ มองแม่งไปทั้งตัวจนผมเองยังกลัวตัวเองเลยว่าจะเป็นโรคจิตเข้าสักวัน


จากที่มองเขาบ่อยๆก็รู้ว่าแฟนเขาเป็นเด็กต่างสถาบัน มารับมาส่งกันเช้าเย็นขนาดนั้นจนผมอดเบ้หน้ากรอกตามองบนมองล่างไม่ได้





แหม! บ้านรวยน้ำมันนักหรือไงก็ไม่รู้





หน้าตาแฟนของเพนกวินก็ประมาณปลาชะโด ไม่รู้คนอื่นจะมองหล่อเท่หรือหน้าตาดีหรือจะอะไรก็แล้วแต่ แต่นิยามที่ผมให้ก็คือปลาชะโดไม่เปลี่ยนแปลง



ไม่อยากจะบอกว่าตัวเองหน้าตาดีแค่ไหน บรรยายให้ฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ งั้นเอาตำแหน่งมายืนยันให้ก็ได้



ผมเป็นเดือนคณะของนิติศาสตร์แถมตอนประกวดเดือนมหาลัยยังได้รางวัลป๊อบปูล่าโหวตอีกต่างหาก ดอกมงดอกไม้นี่เต็มไม้เต็มมือไปหมด ไม่รู้ใครซื้อให้นักหนาแต่ก็คงขอบคุณพวกเขาที่ส่งให้ผมมาได้จนถึงทุกวันนี้



ไม่ต้องคอยเป็นเดือนมหาลัยที่เอาแต่รักษาภาพพจน์ห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ กิจกรรมก็เยอะแยะไปหมด เดินไปไหนก็มีแต่คนขอถ่ายรูปอย่างกับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก






และวันนั้นเองที่ผมได้พบกับเพนกวินสุดที่รัก






ผมยังจำฝังใจอยู่ทุกครั้งที่นึกถึง การพบเจอเขาเป็นเรื่องที่โคตรบังเอิญ คนอื่นอาจจะบอกแบบนั้น แต่ผมจะเรียกมันว่าพรหมลิขิต







พรหมลิขิตแห่งรัก.....ข้างเดียว







วันนั้นผมจำได้ว่าเป็นวันฝนตก ฝนตกหนักมากเหมือนชาตินี้จะไม่มีโอกาสตกอีกแล้ว หลังจากการประกวดความหล่อความสวยจบลง ผมก็แบกดอกไม้ที่น่าจะเหมามาทั้งสวนออกมาจากหลังเวทีเพื่อรอเพื่อนสองตัวไปเอารถมารับ


ทุกวันนี้ผมยังคิดอยู่เลยว่าเพื่อนผมมันโง่เหมือนหน้าตาหรือโง่โดยสันดาน แทนที่อีกคนจะรอแล้วช่วยผมถือของแต่มันเสือกไปด้วยกันทั้งสองคน ทำให้ผมยืนอยู่คนเดียวโดยที่มีดอกไม้กองท่วมหัว


ผมยืนรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นรถของตัวเองที่เพื่อนอาสาไปเอาให้โผล่มาสักที รอนานเข้าจากที่แดดเปรี้ยงๆฝนก็เริ่มตกเหมือนฟ้าจะถล่มและตอนนั้นเอง เพนกวินก็หนีน้ำวิ่งดุ๊กดิ๊กมายืนข้างๆผม


ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ใจสั่นแต่ตอนนั้นก็เผลอเอาแต่มองหน้าเขาจนเจ้าตัวหันมาฉีกยิ้มให้


ยิ้มที่ทำให้สติเตลิดเปิดเปิงไปไหนก็ไม่รู้ รู้อีกทีตัวเองก็โยนดอกไม้ทิ้งแล้วรีบวิ่งหนีออกมาเพราะกลัวหัวใจตัวเองจะวายตายซะก่อน



นี่มันบ้าไปแล้ว



และวันนั้นผมก็พึ่งได้รู้กับตัวเองว่ารักแรกพบมันเป็นยังไง








ผมจมอยู่กับความอกหักมาจนขึ้นปีสอง อยากจะเอาใจไปให้คนอื่นแต่เพนกวินก็ยึดไว้ซะเหนียวแน่นจนผมได้แต่ยอมจำนนกับความรักอันแสนขมขื่นและชื่นมื่นของเพื่อนสองตัว





“มึงจะยอมแพ้เหรอวะ?”


“เป็นแฟนกันแล้วเลิกกันไม่ได้หรือไง?”






คำพูดนั้นเกิดขึ้นในตอนเย็นที่ผมนั่งเป็นพระเอกเอ็มวีนั่งมองหน้าต่างบ้านตัวเองอีกครั้งเพราะไปเจอเพนกวินกับปลาชะโดจู๋จี๋กันกลางห้าง ตอกย้ำความอกหักของผมอย่างรุนแรงที่สุด


วาจาเหล่านั้นที่เพื่อนได้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้ผมเริ่มฮึกเหิม ลองหาช่องทางที่จะเข้าถึงตัวเพนกวินมากที่สุดและสุดท้ายสวรรค์ก็ยังคงเมตตาผมส่งเนมเพื่อนสนิทอีกคนของเขามาให้ผมรู้จัก


เราเจอกันตอนไปค่ายอะไรสักอย่างนี่แหละครับแล้วก็ได้ทำความรู้จักกัน เนมมาค่ายนั้นคนเดียวเพราะเพื่อนอีกสองคนไม่ว่างเพราะช่วงนั้นปิดเทอมด้วยแหละ ใครๆก็ไม่อยากไปไหนนอกจากนอนอืดอยู่บนเตียง


ผมพยายามเข้าไปตีซี้และสุดท้ายก็สำเร็จแลกช่องทางติดต่อของกันและกันเท่าที่มี


กลับจากค่ายก็ไม่รอช้าแอดเพื่อนในเฟสบุ๊คเนมในวันต่อมาแล้วทักทายถามไถ่ให้ปกติที่สุด


ค้นหารายชื่อเพื่อนของเขาจนเจอกับรายชื่อที่ต้องการก็แอดไปโดยทันที แต่ก็ต้องนั่งหงอยไปหนึ่งอาทิตย์เพราะเขาไม่ยอมรับเป็นเพื่อนสักที ผมก็ได้แต่เข้าไปส่องนู่นส่องนี่ของเขาไปเรื่อย


และฝันของผมก็เป็นจริงเมื่อแจ้งเตือนในเฟสบุ๊คเด้งขึ้น บ่งบอกว่าเขารับผมเป็นเพื่อนแล้ว ผมเห็นแล้วน้ำตาก็ปริ่ม อยากจะป่าวประกาศให้ทั่วหมู่บ้านแต่ก็ยังเกรงใจข่มความดีใจไว้คนเดียว แล้วอีกวันก็ค่อยเอาไปบอกเพื่อนทั้งสองตัว


ผมยังคงคุยกับเนมและเริ่มเนียนๆถามไถ่ถึงเพื่อนคนอื่น พอเริ่มสนิทกันเนมก็เล่าเรื่องชลให้ฟังบ้าง ผมก็ได้แค่รับฟังเงียบๆและจำใจความให้ได้มากที่สุด


ผมทำใจสารภาพกับเนมว่าผมชอบเพื่อนของเขา เนมดูไม่ตกใจแถมบอกว่ารู้ด้วยซ้ำว่าผมชอบชลแถมยังบอกว่าเห็นผมแอบมองเพื่อนเขาบ่อยๆ ผมนี่ก็ตกใจคิดว่าตัวเองก็แอบเนียนที่สุดแล้วนะ ทำไมโดนจับได้ก็ไม่รู้


จากนั้นเขาก็คอยบอกคอยเล่าเรื่องของชลให้ผมฟังทุกวัน


เนมเล่าให้ฟังว่าพักหลังๆมานี้ชลเอาแต่นั่งซึมไม่ร่าเริงเหมือนเดิม วันดีคืนดีก็นั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆโดยไม่มีเสียงสะอื้น กับแฟนก็ไม่ค่อยเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนแต่ก่อน





เหมือนมันใกล้ถึงเวลาที่ความรักจะจบลง...





ผมรู้สึกสงสารชลจับใจ เพนกวินของผมดูผอมลงกว่าที่เคยเห็นเมื่อก่อน แอบนั่งมองเขาไกลๆก็อยากจะเดินเข้าไปแล้วโอบร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้ในอ้อมกอด ผมได้เพียงแค่คิดเพราะเขายังคงมีเจ้าของหัวใจ


วันนั้นเป็นวันเกิดของชล ผมเตรียมของขวัญวันเกิดให้เขาตั้งแต่ต้นเดือนทั้งที่วันเกิดชลอยู่กลางเดือน ผมไม่รู้ว่าของขวัญของผมจะถูกใจเขามากแค่ไหนแต่ผมรู้อย่างเดียวว่าผมตั้งใจทำมันสุดฝีมือแล้วจริงๆ




ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าน้ำทะเลพร้อมกับชื่อของเขาที่ปักลงบนผ้าผืนบาง




แล้วความซวยก็มาเยือนผมโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึงวันเกิดชลผมกลับไม่สบายขึ้นมาดื้อๆ ไปมหาลัยก็ไม่รอด สุดท้ายก็เลยตัดใจค่อยเอาไปให้วันที่หายป่วย







Chonlathee เปลี่ยนสถานะจาก “In a relationship” เป็น “โสด”

Tawanและอีก20อีกคนถูกใจสิ่งนี้







โห! เปิดเฟสบุ๊คมาไข้ก็แทบหายเป็นปลิดทิ้ง น้ำตาแห่งความปลื้มปริ่มไหลลงมาเงียบๆ ผมจรดนิ้วกดถูกใจโดยไม่ต้องคิด


อยากจะวิ่งไปแก้บนกับศาลหน้าหมู่บ้านที่เคยบนไว้มันซะตอนนี้ ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง วันที่ผมจะเลิกกินแห้วแล้ว


ผมเปิดแชททักชลเป็นครั้งแรกตั้งแต่เขารับเป็นเพื่อน ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ พิมพ์ๆลบๆเป็นรอบที่พัน สุดท้ายก็กดส่งไปด้วยข้อความธรรมดาๆ







Tawan : สุขสันต์วันเกิดนะชล มีความสุขมากๆนะครับ
Chonlatee : ขอบคุณนะตะวัน
Tawan : ครับ พรุ่งนี้เราเอาของขวัญไปให้นะ
Chonlatee : เฮ้ย! ไม่เป็นไร เราเกรงใจ
Tawan : รับไปเถอะครับ เราอุตสาห์ทำให้
Chonlatee : ก็ได้ครับ ขอบคุณมากๆนะ
Tawan : ครับ








คืนนั้นก็ได้แต่นอนยิ้มทั้งคืน กอดโทรศัพท์ไว้แน่นเหมือนกลัวว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นความฝัน


ตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่ทำคือนั่งอ่านบทสนทนาระหว่างเขาอีกรอบ นั่งยิ้มอมขี้ฟันม้วนตัวเขินอยู่บนเตียงเป็นชั่วโมงกว่าจะได้ไปมหาลัย


ผมแทบจะปิดซอยเลี้ยงฉลองแต่เพื่อนทั้งสองห้ามปรามไว้ได้ทัน สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือเลี้ยงบาบีคิวไอ้เพื่อนทั้งสองตัวคนละไม้


จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็อาศัยความรู้จักกับเนมค่อยๆตีซี้เข้ากลุ่มของชลสุดท้ายก็ได้เป็นเพื่อนกันและกินข้าวด้วยกันทุกๆตอนเที่ยง


ได้พูดคุย สบตาและได้รับรอยยิ้มหวานๆจากชลก็แทบจะไปกราบศาลหน้าหมู่บ้านอีกครั้ง   


แต่หลายๆครั้งผมก็แอบเห็นชลนั่งเหม่อ แววตาเขาดูเศร้าจนผมอดไม่ได้ต้องชวนเขาคุยให้หลุดจากอาการเหม่อที่ผมพอจะเดาได้ว่าเกิดจากอะไร


ผมมีโอกาสได้ดูแลเขาตอนไม่สบาย ได้มีโอกาสให้เขานั่งซ้อนท้ายจักรยานและมีโอกาสที่ได้ยินชื่อของผมที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของเขา




“ตะวัน”


“หือ?”


“ไปซื้อน้ำกัน เพื่อนกลับมาแล้ว”


“อ่า...ครับ”




ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งเหม่อไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีเพื่อนที่เดินไปซื้อข้าวกันก็กลับมานั่งพร้อมกับมองผมด้วยสายตาที่เอ่อ...ประหลาด







ผมไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง แต่ผมคนนี้จะขอดามใจเพนกวินตัวนี้เอาไว้เอง....





#######################




ในที่สุดพระเอกก็ได้เล่าเรื่องสักที

ไม่รู้ทุกคนจะคิดภาพชลเป็นยังไงแต่ตะวันก็ยังยืนยันว่าชลที่ตะวันเห็นคือแพนกวิ้นที่เดินดุ๊กดิ๊กอยู่ขั้วโลกเหนือ



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะค้าา

:pig4:


หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter6 ความลับ} 27/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-05-2017 20:00:15
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter6 ความลับ} 27/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-05-2017 20:27:41
ลุ้นให้ตะวันดามใจชลได้เร็ว ๆ
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter6 ความลับ} 27/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 27-05-2017 20:34:40
พระเอกนี่หลงตัวเองน้า
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter6 ความลับ} 27/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: yehatt ที่ 28-05-2017 08:24:43
 :o8: :o8: :o8:

  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter6 ความลับ} 27/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 28-05-2017 09:58:16
ดีมาก ดามใจกันไปปปป
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter6 ความลับ} 27/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-05-2017 11:40:21
ยิ่งได้อ่านมุมของตะวัน ยิ่งรู้สึกว่าฮีโคตรน่ารักเลย :-[
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter6 ความลับ} 27/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 28-05-2017 16:17:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter7 หนึ่งคำที่ล้นใจ} 31/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 31-05-2017 21:03:47



Chapter7

หนึ่งคำที่ล้นใจ








ฤดูฝนผ่านไปแล้ว วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งและสดใสกว่าทุกๆวัน สายลมพัดผ่านกระทบใบหน้าและผิวกายที่โผล่พ้นออกจากเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดตา เสียงใบไม้และใบหญ้าตกกระทบกันจนพาให้คนฟังเคลิบเคลิ้มเหมือนดังเสียงเพียงที่คอยขับกล่อม


ไม่มีเสียงผู้คนดังวุ่นวายและรบกวนโสตประสาท มีเพียงเสียงนกและเสียงลมพัด มันสงบจนไม่อยากออกไปจากที่แห่งนี้ ที่ที่ผมใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในเวลาที่ไม่สบายใจ


จำไม่ได้ว่าค้นพบที่แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือตอนไหน รู้แค่ว่าที่แห่งนี้มันทำให้ผมมีความสุขและสงบสุขที่สุดเท่าที่เคยพบมานอกจากบ้านที่เชียงใหม่


มีต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มเงาให้ผมไม่ต้องเผชิญกับแสงแดดที่สาดส่องลงมาจากดวงตะวัน มีพื้นหญ้าสีเขียวอ่อนๆเป็นที่รองรับน้ำหนักให้ผมได้พักพิง


“ไม่สบายใจอะไรอีกล่ะ?”


เสียงทุ้มหูดังขึ้นพร้อมกับคนพูดนั่งลงข้างๆผม เราสองคนไม่ได้มองหน้ากัน ทำเพียงแค่ทอดสายตาออกไปไกลแสนไกลโดยไม่มีจุดหมายที่แน่นอน


“เรื่องงานน่ะ”


“ทำไมล่ะ?”


“งานไม่ดีเท่าที่ควรทั้งที่ตั้งใจกับมันมากแต่ก็ไม่ดีสักที”


“เอาน่า อย่าคิดมาก ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้เดี๋ยวงานมันก็ดีอย่างที่ตั้งใจนั่นแหละ”


“เฮ้อ เราน่าจะเลือกเรียนคณะเกษตรตั้งแต่แรก ปลูกผักก็น่าสนุกดี”


“โหย  มันไม่สนุกหรอกเอาจริง ดูอย่างกูสิออกแดดแค่ปีเดียวก็ตัวดำเป็นเมี่ยงแล้ว กลับบ้านไปคนที่บ้านก็แทบไล่ออกจากบ้าน”


ผมหัวเราะกับคนพูด ถึงจะฟังดูหยาบคายแต่เขาก็เป็นคนดีและคนตลกคนหนึ่ง แทนไทเพื่อนคณะเกษตรที่ผมรู้จักและได้พูดคุยเสมอในยามที่แวะมานั่งใต้ต้นไม้แห่งนี้ มองดูแปลกผักและนักศึกษาคณะเกษตรช่วยกันปลูกผักก็เพลินตาไปอีกแบบ


“ได้ข่าวว่าดำตั้งแต่เกิดไม่ใช่เหรอ?”


“รู้ได้ยังไงว่ากูดำตั้งแต่เกิด กูขาวออร่าจนพ่อต้องใส่แว่นตากันแดดเวลาคุยกับกูเลยล่ะ”


“ขี้โม้”


“เออ”


ผมยิ้มขำกับมุกตลกของคนข้างๆ มีเขานี่แหละที่พูดคำหยาบกับผมเป็นคนแรก ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบแต่เจอกันบ่อยๆก็เข้าใจวิถีคนห่ามอย่างเขา


แทนไทเป็นลูกเจ้าของสวนยางพาราทางใต้แต่เจ้าตัวดันชอบปลูกผักมากกว่า เห็นบอกว่าถ้าเรียนจบจะไปขยายสวนที่บ้านเกิดให้มีสวนผักอีกสักสิบไร่


“แล้วแครอทที่ปลูกขึ้นหรือยัง?”


“อีกสักสองวันคงเก็บได้”


“อืม”


“เดี๋ยวเอาไปให้ที่คณะแล้วกันหรือจะมาเอาที่นี่?”


“มาที่นี่ดีกว่า เราอยากเก็บแครอทเองบ้าง เห็นแทนเก็บแล้วดูสนุกดี”


“มึงนี่เห็นอะไรก็เป็นเรื่องสนุกหมดหรือไงวะ เหนื่อยนะโว้ยบอกไว้ก่อน”


“อยู่ที่เชียงใหม่เราก็ไปช่วยพ่อเก็บสตรอว์เบอรีในสวนออกบ่อยๆ ไม่เหนื่อยหรอก”


ว่าเสร็จก็ฉีกยิ้มให้อีกคนที่เบ้หน้าใส่กับรอยยิ้มของผม ยังคงคอนเซ็ปคนห่ามไว้ได้ดี


“ยิ้มอย่างกับหมาได้กระดูก ตามใจมึงละกันแล้วอย่ามาบ่นทีหลัง กูไม่เห็นใจมึงหรอกนะ”


“ช่างสิ”


“กูสงสัยมานานละ มึงบอกว่าไม่ชอบกินผัก แล้วทำไมชอบมาขโมยแครอทจากกูจังวะ”


“ถึงเราไม่ได้ชอบผักแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ชอบแครอทสักหน่อย”


“กูล่ะปวดหัวกับคำพูดมึงจริงๆ”


“เราก็ปวดหัวกับคำพูดห่ามๆของแทนเหมือนกันนั่นแหละ”


ผมโดนผลักหัวแรงๆหนึ่งทีจนหน้าเกือบลงไปจูบกับผืนหญ้าสีเขียวอ่อน ยังดีที่ทรงตัวได้ทันไม่งั้นไอ้คนที่ทำผมนี่แหละจะไม่ได้ตายดี


“กลับไปหาเพื่อนมึงได้ละ รำคาญไอ้ตัวเล็กนั่นจะมาบ่นกูอีก”


นึกถึงเนมเพื่อนตัวเล็กที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแทนไทก็นึกตลก เนมไม่ค่อยชอบให้ใครมาพูดคำหยาบด้วย พอเจอกับแทนไทที่แทบพ่นสัตว์ทั้งโลกออกมาก็แทบจะจับกินหัว ไอ้คนพูดพอเห็นอย่างนั้นก็สนุกเขาล่ะ เจอกันทีก็ด่ากันไฟแลบจนพวกผมหยุดขำกันไม่ได้




อีกคนพูดหยาบ ส่วนอีกคนก็พูดจาไพเราะเสนาะหูซะเหลือเกิน




“คิดๆดูแทนกับเนมก็ดูเหมาะกันดีน้า”


“มึงอย่ามาพูดอะไรที่ทำให้กูหดหู่แบบนี้ แค่ได้ยินชื่อหน้าเพื่อนมึงก็ลอยมาหลอกหลอนกูแล้ว”


“ฮ่าๆๆ เนมเป็นคนนะไม่ใช่ผี”


“ถ้าให้กูเลือกระหว่างผีกับเพื่อนมึง กูขอเลือกผีดีกว่า คนห่าอะไรด่ากูได้ตลอด ถ้าแดกหัวกูได้คงแดกไปแล้วมั้งนั่น”


“แทนก็ไม่ต่างกันหรอก”


“เออ กูเห็นหน้ามันแล้วอดไม่ได้ ตัวก็เตี้ยเท่าหมากระเป๋า เห่าก็เก่งที่หนึ่งเลยเพื่อนมึงน่ะ”


“นี่! เดี๋ยวก็ไปฟ้องเนมซะหรอก”


“เหอะ คิดว่ากูกลัวซะเมื่อไหร่ ก็แค่หมากระเป๋าตัวเล็กๆ”


“ปากนะปาก ไม่พูดคำหยาบสักวันผักมันจะไม่โตหรือไง?”


“เออ กูก็เป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว มีแต่พวกมึงนั่นแหละพูดเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ อย่างกับพวกคุณหนูหลุดออกมาจากวัง”


“จริงเลยๆ ไปดีกว่าเดี๋ยวอีกสองวันจะมาเก็บแครอท”


“เออ ไสหัวไปสักที”


ขนาดคำบอกลาสักคำยังไม่มี มีแต่คำพูดห่ามๆกับการโบกมือไล่ที่ผมเห็นจนชินตา ถ้าวันไหนแทนไทพูดดีๆด้วย วันนั้นคงเป็นวันสิ้นโลกแล้วจริงๆ











กลับมาถึงคณะก็เจอเนมเพื่อนรักนั่งรออยู่ใต้คณะคนเดียว มองหาเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มก็ไม่เจอ สงสัยไปซื้อของกินหรือไม่ก็ไปเข้าห้องน้ำล่ะมั้ง


“ไปหาคนปลูกผักอีกแล้วเหรอ?”


“อือ แทนไทฝากความคิดถึงมาให้เนมด้วยนะ”


“พูดอะไรน่าขนลุก” ไม่ว่าเปล่า ลูบแขนและเบ้หน้าประกอบจนผมอดไม่ได้ที่จะขำกับท่าทางของเพื่อนตัวเอง


“ฮ่าๆๆ ล่อเล่น”


“เดี๋ยวเถอะ ทีหลังอย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะ นึกหน้าคนปลูกผักแล้วพาลจะนอนไม่หลับ หลอนประสาทชะมัด”


“แล้วนี่วาไปไหน?”


“ขึ้นไปรอบนห้องแล้วน่ะ เห็นบอกว่ามีเรื่องคุยกับจีจี้”


“อือ”


“ขึ้นห้องเถอะ อีกห้านาทีก็จะเรียนแล้ว”












หลังจากเรียนเสร็จ ผมมีนัดกับตะวันที่โรงยิมเพราะผมบอกเขาให้สอนเล่นบาสเก็ตบอล กีฬาที่ตะวันอวดนักอวดหนาว่าเก่งที่สุดในมหาวิทยาลัย


ตอนฟังก็ได้แต่เบ้หน้า นินทาในใจเงียบๆคนเดียว คนบ้าอะไรหลงตัวเองชะมัด


“วันนี้ชลไม่ได้กลับด้วยนะ เดี๋ยวชลต้องไปหาตะวันก่อน”


“หืม? ไปหาตะวันทำไมอ่ะ?”


“ไปเล่นบาส”


“ชลเนี่ยนะเล่นบาส!?” เพื่อนทั้งสองพูดออกมาพร้อมกันจนผมมต้องเลิกคิ้วมอง


“ใช่น่ะสิ ตกใจอะไรกันเล่า”


“ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นสนใจ แล้วนี่คิดยังไงจะไปเล่นบาส?” เนมเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน


“ก็...ไม่รู้อ่ะ อยากเล่นก็คืออยากเล่น คิดอะไรมากเล่า”


“จริงดิ อยากเล่นบาสจริงๆเหรอชล ไม่ใช่ว่าอยากไปเล่นตะวันหรอกนะ”


“เดี๋ยวๆ อะไรคือเล่นตะวัน พูดจาเลอะเทอะ”


เพื่อทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะตอบออกมาพร้อมๆกัน


“ก็ไม่รู้สินะ”


ผมได้แต่เบ้หน้าก่อนจะเดินนำเพื่อนไปที่รถของเนมที่จอดอยู่


“ไปกันได้แล้ว ไปส่งชลที่โรงยิมด้วย”


“ครับๆ คุณชลธี”










ภายในโรงยิมมีผู้คนไม่มากมายนัก นักศึกษาบางกลุ่มนั่งอยู่บน อัฒจันทร์เพื่อมาดูนักบาสในสนามที่กำลังส่งลูกบาสกันไปมาอย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นก็มีคนที่นัดผมมาด้วย นั่นก็คือตะวัน


ผมก้าวขึ้นไปนั่งบนเก้าตรงอัฒจันทร์ก่อนจะเห็นตะวันโบกไม้โบกมือทักทาย พร้อมยิ้มแฉ่งโชว์ลักยิ้มที่ข้างแก้มซ้าย พาให้สาวๆที่มองอยู่ต้องส่งเสียงกรี๊ดให้นักบาสหนุ่มสุดหล่อ


ตะวันทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะยกมือขึ้นเกาจมูกตัวเองอย่างเขินอาย ผมส่งยิ้มให้เขาและโบกมือทักทายกลับก่อนที่ตะวันจะกลับไปแย่งลูกในสนามต่อ


ท่าทางคล่องแคล่วในสนามนั้นทำให้ผมอดที่จะชื่นชมเขาในใจไม่ได้ คำที่เขาคุยโวโออวดกับผมก็คงไม่ต่างจากสิ่งที่ผมเห็นเท่าไหร่ ไหนจะท่าชู้ตบาสจนตัวลอยหรือการหลบหลีกผู้ต่อสู้ฝั่งตรงข้ามก็ทำให้ผมดูการแข่งขันอย่างเพลิดเพลินจนไม่กล้าละสายตาแม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำ


ดูได้ไม่นานเกมในสนามก็จบลง มองจากตรงนี้ก็เห็นเหงื่อของทุกคนเปียกโชกไปทั่วแผ่นหลัง ส่วนตะวันรายนั้นแข่งจบก็โบกมือให้ผมก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนๆในทีมบาส ไม่นานเสียงโห่แซวกลางสนามก็ดังขึ้นพร้อมกับทุกสายตาหันมามองทางผมเป็นตาเดียว


ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันแต่เห็นตะวันเดินเกาจมูกเข้ามาหาผมพร้อมหน้าแดงระเรื่อ คงเพราะพึ่งเล่นกีฬาเสร็จ


“อ่ะน้ำ”


“ขอบคุณครับ”


ตะวันรับน้ำที่ผมยื่นให้ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆกัน


“เหนื่อยเปล่า จะสอนเราไหวไหมเนี่ย?”


“ไหวดิ แค่นี้สบายมาก”


“ขี้โม้”


“จริงๆ ไม่เชื่อเดี๋ยวจะวิ่งรอบสนามให้ดูสักสิบรอบเป็นไง”


“เอาดิ”


“เฮ้ยๆ นี่จะไม่ห้ามกันหน่อยหรือไง คนอะไรใจร้ายใจดำ”


“ทำงอนเป็นเด็กไปได้ แล้วเมื่อกี้พวกในสนามเขาแซวตะวันเรื่องอะไรอ่ะ เห็นมองมาที่เรากันหมดเลย”


“ไม่มีอะไรหรอก พวกมันไร้พูดไร้สาระปกตินั่นแหละ อย่าสนใจเลย”


“โกหกเราเปล่าเนี่ย”


“พูดจริงดิครับ นายตะวันไม่เคยโกหกใครอยู่แล้ว โดยเฉพาะหัวใจตัวเอง”


จู่ๆไม่รู้ทำไมหน้ามันร้อนวูบวาบขึ้นมา ไม่รู้เพราะคำพูดหรือสายตาของตะวันกันแน่ที่ทำให้ผมอยากจะเบือนหน้าหนีสายตาที่มันวาววับทั้งเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่ทำอยู่กลับต่างกัน ในเมื่อผมเอาแต่นั่งมองเข้าไปในตาของตะวัน อยากค้นให้ลึกไปถึงความรู้สึกและความหมายที่เขาต้องการจะสื่อสารกับผม


“น้ำเย็นเนอะ สดชื่นจัง”


และตะวันก็ทำให้ผมละสายตาจากเขามามองขวดน้ำที่เหลือเพียงก้นขวด


“อื้อ พึ่งออกจากตู้แช่เย็นก็ต้องเย็นอยู่แล้วดิ”


“วันหลังเอามาให้อีกบ่อยๆได้หรือเปล่า?”


“ถึงเราไม่เอามาให้ก็คงจะมีแฟนคลับตะวันเอามาให้อยู่แล้ว”


“แต่มันไม่สดชื่นเหมือนน้ำที่ชลเอามาให้นี่นา”


“น้ำที่ไหนมันก็เหมือนๆกันหมดนั่นแหละ”


“น้ำเหมือนกันก็จริงแต่คนให้มันไม่เหมือนกันนะครับ”


“ยังไง?”


“ก็คนให้เป็นชลแค่นั้นแหละ”


“อะไรของตะวันเนี่ย?”


“ก็...ไม่มีอะไรหรอกแค่นึกถึง”


“นึกถึง?”


“นึกถึงชลตลอดเวลาเลย” ไม่รอให้ผมงงนานไปกว่านี้ตะวันก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆก่อนจะชวนลงสนามเพื่อสอนบาสเก็ตบอลให้ผมต่อ “ไปเถอะเดี๋ยวจะมืดค่ำไปกว่านี้ ส่วนที่บอกว่านึกถึงน่ะ นึกถึงจริงๆนะ”


เขาว่าย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำหน้าผมเพื่อลงไปในสนาม ผมก็ได้แต่เดินตามและมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความไม่เข้าใจ...




####################


อะไรคือนึกถึง? จงถอดรหัส ฮ่าๆๆ

มีคนเพิ่มมาอีกแล้วซึ่งจะเป็นคนที่หยาบคายที่สุดในเรื่องเพราะมันห่ามยิ่งกว่ามะละกอซะอีก

ขอบคุณที่ติดตามนะค้า
 :pig4:






หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter7 หนึ่งคำที่ล้นใจ} 31/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 31-05-2017 22:20:18
แทนไทคนเถื่อน เร้าใจเนมสิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter7 หนึ่งคำที่ล้นใจ} 31/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-05-2017 23:13:43
อยากเห็นแทนไทกัดกะเนมท่าจะสนุก  o18
ส่วนตะสัน ยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter7 หนึ่งคำที่ล้นใจ} 31/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: yehatt ที่ 01-06-2017 10:26:27


แทนไทมันคนเถื่อน 555555555
 :m20:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter7 หนึ่งคำที่ล้นใจ} 31/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 01-06-2017 12:03:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter7 หนึ่งคำที่ล้นใจ} 31/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-06-2017 12:16:17
ตะวันก็บอกตรงๆไปเลย ชลจะได้ไม่ถอดรหัส
อีกคู่แทนไทเนม
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter7 หนึ่งคำที่ล้นใจ} 31/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-06-2017 15:44:57
 :hao3: มีให้ลุ้นตลอดคู่นี้ แถมคู่ใหม่ให้เราลุ้นอีก
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter7 หนึ่งคำที่ล้นใจ} 31/05/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-06-2017 23:29:14
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
ถ้าจะถอดแบบง่ายๆเลยก็ นึกถึง = คิดถึง
แต่ถ้ามากกว่านี้ก็คงต้องรอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter8 รู้ยัง} 02/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 02-06-2017 22:06:19



Chapter8

รู้ยัง










ครบกำหนดการเก็บแครอทในแปลงของแทนไทแล้ว ผมนัดเขาไว้ช่วงห้าโมงเย็น อากาศในตอนนั้นคงจะไม่ร้อนมากนัก เจ้าตัวก็ตอบรับอย่างเห็นด้วยไม่วายพ่นสัตว์เลื้อยคลานมอบให้เป็นของขวัญอีก ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ


“ตะวัน”


“หืม?”


“เดี๋ยวห้าโมงเราต้องไปเก็บแครอทนะ วันนี้คงได้เล่นบาสแค่ชั่วโมงเดียว”


“แครอทเหรอ?”


“อื้อ นัดเพื่อนที่เกษตรไว้แล้ว”


“น่าสนใจนะ งั้นเราไปด้วย”


“แล้วตะวันไม่มีซ้อมเหรอ?”


“มีสิแต่อยากไปเก็บแครอทมากกว่ากลับมาค่อยไปซ้อมก็ได้ พวกนั้นไม่ว่าอะไรหรอก”


“เอาสิ”


“งั้นเดี๋ยวเราไปจักรยานกันดีกว่าเนอะ”


“ครับ”





ผมกับตะวันเดินเข้าไปในโรงยิม ผ่านมาสองวันแล้วที่ผมมาฝึกบาสกับตะวันที่นี่ วันแรกกลับห้องไปก็ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด วันที่สองก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ตะวันบอกว่านานๆไปจะหายเอง คงเพราะผมไม่ค่อยออกกำลังกายด้วยล่ะมั้ง มันถึงเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวง่ายขนาดนี้




วันนี้โรงยิมมีคนไม่มาก มีเพื่อนนักบาสของตะวันอยู่สองคนชื่อว่า กิตกับปุนณ์ สองคนนั้นเมื่อเห็นผมเดินเข้ามากับตะวันก็รีบโบกมือทักทายทันที


“มานานแล้วเหรอ?” ตะวันถามเพื่อนเมื่อเดินมาถึงที่เพื่อนนั่งอยู่


“พึ่งมา หวัดดีชล” กิตเป็นคนตอบก่อนจะชะโงกห้ามาทักทายผมที่ยืนอยู่หลังตะวัน


“หวัดดีๆ” ผมทักทายกิตกับปุนณ์กลับ


“เออเดี๋ยวห้าโมงกูขอยืมจักรยานมึงหน่อย” ตะวันหันไปคุยกับปุนณ์เจ้าของจักรยานคันสวยที่ผมเคยนั่งแล้วหนึ่งครั้ง


“อาห้ะ จอดอยู่ที่เดิมนั่นแหละ”


“ขอบใจมาก”





ผมกับตะวันซ้อมบาสกันจนถึงห้าโมงเย็นจากนั้นจึงขอตัวออกมาก่อน ของผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเพราะเหมือนมาเล่นกีฬาออกกำลังกายมากกว่า ส่วนตะวันก็ขอรุ่นพี่ออกมา ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้แต่เจ้าตัวก็ออดอ้อนจนรุ่นพี่ยอม ไม่ใช่ว่าใจอ่อนหรืออะไรแต่เหตุผลที่พี่เขาให้คือทุเรศลูกตา






แต่ผมก็ว่าน่ารักดีออก.....มั้ง






“ตะวัน เราขอขับนะ” เมื่อมาถึงตรงที่จักรยานจอดอยู่ ผมก็เอ่ยขึ้นขัดตะวันก่อนที่เขาจะได้ขึ้นคร่อมจักรยาน


“ขับเจ้านี่น่ะเหรอ?” เขาชี้ไปที่จักรยานที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ


“อื้อ”


“ขับไหว?”


“ไม่รู้ ลองดู ไม่พาล้มหรอกน่า” ผมว่า แต่ตะวันก็ยังถ้าทางไม่เชื่อผม ถึงผมจะตัวเล็กกว่าเขาแต่ใช่ว่าจะไม่มีแรงซะหน่อย ยังไงก็ผู้ชายเหมือนๆกัน สูงกว่านิดเดียวทำมาข่ม โธ่


“เอาจริงดิ?”


“กลัวหรอ ไม่เชื่อใจเราเหรอ?”


ผมช้อนตามองคนตรงหน้า ทำหน้าตาเหมือนแมวไม่ได้กินอาหาร ตะวันทำหน้าเลิ่กลัก เกาหัวตัวเองเหมือนทำอะไรไม่ถูก


“เฮ้ยๆ ไม่ใช่อย่างนั้นแต่แบบ---”


“ช่างเถอะ ตะวันไม่เชื่อใจเรา เราไม่ขับก็ได้” ผมว่าด้วยน้ำเสียงหงอยๆ เดินคอตกทำท่าไปนั่งเบาะหลัง เหลือบมองตะวันก็เห็นทำหน้าตาตลกมองตามการกระทำผมอยู่


“ชล” ตะวันเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน


“....” แต่ผมก็ยังเงียบ นั่งสำรวจจักรยานไปเรื่อยเปื่อย


“ชลครับ”


“....” จะว่าไปมีจักรยานใช้ขับที่มหาลัยก็ดีเหมือนกันนะ เดี๋ยวต้องไปปรึกษาเนมกับวาซะแล้ว


“ก็ได้ๆ”


“ก็แค่เนี้ย” ผมไม่รอให้ตะวันพูดอะไรอีก รีบพาตัวเองมาขึ้นเบาะคนขับอย่างรวดเร็วก่อนอีกคนจะคิดได้ “ขึ้นเร็ว”


“ร้ายนักนะ”


ผมหันมาส่งยิ้มให้ตะวัน ก่อนจะเร่งให้เขาขึ้นซ้อนท้ายสักที ตะวันส่ายหน้าให้ผมยิ้มๆก่อนจะทำตามอย่างว่าง่าย






ทำตัวแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย






ออกตัวไปได้อย่างทุลักทุเล ไม่ใช่ว่าผมขับไม่ไหวหรือตะวันหนักเกินไป ข้อนี้ตอนแรกอาจจะใช่แต่นานไปผมเริ่มรู้สาเหตุที่แท้จริงแล้วว่าทำไมรถมันถึงส่ายไปส่ายมาแบบนี้


“ตะวันอยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็พาล้มหรอก”


“ไม่เป็นไรเราเชื่อใจชล”





....เกลียดตะวัน....





“อย่าแกล้ง” พอโดนว่าก็หยุดขยับตัว รถจึงหยุดส่ายไปส่ายมา


“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”


“ถ้าทำอีกจะปล่อยไว้กลางทาง”


“จะทิ้งเราไว้กลางทางหรอ ทำไมใจร้ายอ่ะ หมดรักกันแล้วจะทิ้งกันง่ายๆอย่างนี้เลยใช่ไหม ใช่ซี้”


“เพ้อเจ้อ”


“ทำ...ถูกแล้ว ที่เธอเลือกเขาแล้วทิ้งฉันไว้ตรงกลางทาง~~”


“ถ้าไม่เงียบจะทิ้งจริงๆแล้วนะ” ผมว่าเสียงดุ


“ก็ได้ครับ” ตะวันตอบรับเสียงหงอย






“เฮ้ย!! กอดทำไมเนี่ย!?”


เงียบได้ไม่นานก็รู้สึกถึงแรงกอดจากข้างหลังพร้อมกับใบหน้าที่ซบลงกับแผ่นหลังของผม


“@@*#WWJ” เขาพูดอะไรสักอย่างแต่ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง


“พูดอะไรไม่ได้ยิน”


“กลัวตก”


“แล้วซบทำไม?”


“หาที่ปิดปากจะได้เงียบๆ”


“ก็แค่หยุดพูด”


“หยุดไม่ได้ ทำแบบนี้แหละ”


“เอาแต่ใจชะมัด”


“อือ”


คนว่าแล้วยังจะตอบอีก ตะวันโคตรมึนเลย




“แน่นไปแล้ว”


“กำลังดีเลย”


“ตะวัน”


“ก็ได้ๆ”


สุดท้ายก็ยอมคลายแขนออกให้ผมนิดเดียว ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ โธ่เอ๊ยตะวันแค่นั้นก็ไม่ต้องคลายก็ได้







ถึงจะรู้สึกแปลกๆแต่ก็อุ่นดี







บรรยากาศนะ







ไม่ใช่อ้อมกอดซะหน่อย








ในที่สุดก็มาถึงที่นัดหมายสักที ผมจอดจักรยานลงตรงร่มไม้ใหญ่แต่ทำไมคนข้างหลังถึงไม่ยอมปล่อยเอวให้ผมเป็นอิสระสักทีล่ะ


“ปล่อยได้แล้ว ถึงแล้ว”


ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำสอง ตะวันก็คลายแขนออกจากเอวผมก่อนจะลุกขึ้นมายืนมองผมเอารถจักรยานไปจอดใต้ร่มไม้



“ไหนเพื่อนชลอ่ะ?”


“นั่นไง ที่กำลังวิ่งจับผีเสื้ออยู่อ่ะ”


“เขาปกติใช่ไหม?”


“ก็คงจะปกติล่ะมั้ง”


“อ่อ...”


ผมยิ้มขำตะวันที่กำลังมองตามแทนไทวิ่งจับผีเสื้อคนเดียวท่ามกลางพืชผักนานาชนิด


“แทน!!”


ผมตะโกนเรียกแทนไท เจ้าของชื่อหันมาก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดใส่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่พอใจที่ผมทำให้ผีเสื้อที่เขากำลังวิ่งจับบินหนีไป


“มาทำเหี้ยไรตอนนี้ กูกำลังทำอะไรอยู่มึงเห็นไหมเนี่ย”


เจ้าตัวว่าอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผมกับตะวันที่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้


“เห็น แล้วจะไปจับมันทำไม?”


“เสือก” คำตอบสั้นๆฉบับแทนไท


“โอเคๆเสือกก็เสือก จะพาไปเก็บแครอทได้ยัง?”


“รีบนักไม่มาตั้งแต่เมื่อวานวะ แล้วนั่นใคร ผัวมึงเหรอ?”


ผมเบิกตากว้าง อ้าปากค้างกับคำพูดของแทนไทก่อนจะหันไปหาตะวันที่กำลัง....






กระตุกยิ้มมุมปาก






ไอ้พวกบ้า!!







“ไม่ใช่ นี่ตะวันเป็นเพื่อนกัน” ผมแนะนำก่อนกระทุ้งศอกใส่สีข้างของคนที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“หวัดดี เราตะวัน”


“กูแทนไทเรียกสั้นๆว่าแทน ไม่ต้องพูดจาคุณหนูกับกูก็ได้ กูมันคนหยาบ ฟังคำพูดแบบนั้นแล้วระคายหู แค่ให้ไอ้เตี้ยหมาตื่นมันพูดกูก็ทนฟังจนประสาทจะเสียอยู่แล้ว”


“อืม”


ผมชักสีหน้าใส่คนทั้งสอง ที่จับมือผูกพันธมิตรกันอย่างรวดเร็ว


“ไปเก็บแครอทได้แล้ว จับมือกันอยู่นั่น”


“หวงผัวก็พูดตรงๆ”


“ไม่ใช่!!!”


ถลึงตาใส่แทนไทก่อนจะหันไปตีแขนตะวันที่เอาแต่หัวเราะกันอย่างเดียว





ไม่ช่วยแล้วยังจะมาหัวเราะคนอื่นอีก





นิสัยไม่ดี




กว่าจะได้มาเก็บแครอทกันก็ปาไปห้าโมงครึ่งแล้วและที่ดูจะทำให้งาช้าลงกว่าเดิมก็คงเป็นไอ้บ้าทั้งสองคนที่คุยถูกคอกันนักหนา นู่น ชวนกันไปจับผีเสื้ออีกแล้ว





คิดถูกคิดผิดเนี่ยที่พาให้มารู้จักกัน





“ชลๆดูดิ เราจับได้ น่ารักไหม?”


“ไม่!!”


“อ่าว ทำไมอ่ะ?”


“ปล่อยมันเลยนะ ไม่กลัวบาปหรือไงแล้วแทนก็อีกคน”


“เสือก ด่าผัวมึงไปเถอะไม่ต้องมายุ่งกับกู” คนที่กำลังเล่นแมลงเต่าทองพูดขึ้นมา


“แทนไท!!!”


ผมว่าเสียงดังหางตาแอบเห็นตะวันยกนิ้วโป้งให้แทนไทอีก ส่วนคนนั้นก็ค้อมหัวรับไปสิ




....เกลียด....




“งอนแล้วๆ”


“....”


“โอ๋ๆ มาเดี๋ยวเราช่วยเก็บ”


“เสร็จแล้ว!!” ผมกระแทกเสียงใส่แต่อย่าคิว่ดาอีกคนจะสำนึก ทำหน้าบานยิ้มปากจะฉีกถึงท้ายทอยอยู่แล้ว


“อย่างอนดิ เช็ดหน้าให้ก็ได้ ดินเปื้อนเต็มหมดแล้ว”


“ไม่ต้องมายุ่งเลย ไปเล่นกับแทนนู่นไป”


ตะวันไม่ฟัง เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะใช้มันซับหน้าให้ผมเบาๆ ตั้งแต่หน้าผาก ไล่ลงมาที่ปลายจมูกและแก้มทั้งสองข้างก่อนจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก





เราสองคนต่างจ้องตากันและกัน ในดวงตาของตะวันมันมีความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจหรือ....





...อาจจะเข้าใจมาตั้งแต่แรก...





ผมมองแววตาคู่นั้น แววตาที่สะท้อนใบหน้าของผม ผมจ้องลึกเข้าไปอยากจะรู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมันถูกหรือเปล่า...








และเหมือนเราจะลืมว่าอยู่ที่ไหน และยังมีใครอยู่อีกคน....








“เอ้าๆ จ้องตากันเข้าไปจ้องแบบนั้นมันไม่ท้องหรอกโว้ย นู่นไปเอากันนู่น ห้องเก็บของว่างอยู่อาจจะรกสักหน่อยแต่ไม่ลำบากหรอกใช่ไหมวะตะวัน”





ผมกับตะวันผละออกจากกัน ก่อนผมจะมองตะวันที่ยกยิ้มมุมปากเหมือนตัวร้ายในละคร






“หึ ไม่ลำบากหรอกถ้าชลตกลง”









“ไอ้พวกบ้า!!!!”



#####################


ตอนนี้ก็ยังคงเรื่อยเปื่อยไร้สาระไปวันๆและโคตรจะสั้นอีกด้วย


ขอบคุณที่ติดตามนะค้าาาา//กราบรัวๆร้อยที
 :pig4:




หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter8 รู้ยัง} 02/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 02-06-2017 22:20:59
เมื่อไหร่ตะวันจะบอกรักชล
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter8 รู้ยัง} 02/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-06-2017 23:09:24
 :-[ :-[ :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter8 รู้ยัง} 02/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: yehatt ที่ 03-06-2017 10:59:33
 :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter8 รู้ยัง} 02/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 17-06-2017 10:04:28
เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ ตอนต้นคิดว่าเรื่องจะดราม่ามากซะอีก
พอตะวันมานี่ มีแต่ความฟิน ละมุนละไม ตะวันใจดี ชลก็น่ารัก
เรื่อย ๆ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป แบบนี้ดีค่ะ เราชอบนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า ขอบคุณมากนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter8 รู้ยัง} 02/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-06-2017 12:36:24
ขำเพราะแทนไท
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter8 รู้ยัง} 02/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-06-2017 17:24:58
ตะวันตัวร้ายยยยยยย
นางหงิมๆนะตอนแรกอ่ะ แต่ตอนนี้คิดว่าไม่ละ 5555
ปล. แพนกวินอยู่ขั้วโลกใต้นะจ๊ะ //วิ่งงงงงง//
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 19-06-2017 23:15:14





Chapter9

เฉียด







ถนนในเมืองหลวงในช่วงสายของวันที่มีเรียนรถติดหนักมากจนผมแทบยกมือกุมขมับ อีกสิบห้านาทีก็ได้เวลาเข้าเรียนในคาบแรก


ทางเข้ามหาลัยดูเหมือนไกลแสนไกลแต่ที่จริงห่างไปเพียงไม่ถึงสามร้อยเมตรก็จะถึง ผมตัดสินใจขอพี่แท็กซี่ลงข้างทางพร้อมกับยื่นเงินให้เสร็จสรรพ ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ก็ย่ำเท้าเร็วๆเพื่อจะเข้าเรียนให้ทันคาบแรก


เดินผ่านร้านค้ามากมายเสียงโหวกเหวกโวยวายของพวกแม่ค้าไม่ได้ทำให้ผมสนใจ เป้าหมายเดียวที่มีคือทางเข้ามหาลัยที่อีกไม่กี่เมตรก็จะถึง





ปรี๊นนนนนน





เสียงบีบแตรดังลั่นถนนพร้อมกับแสงไฟที่ถูกเปิดให้สูงขึ้นกระทบกับใบหน้า รถมอเตอร์ไซต์ที่วิ่งบนฟุตบาทมุ่งหน้ามาทางผมโดยไม่มีท่าทีจะเบรคหรือหลบผมเลยสักนิด


“หลบไปๆๆ รถเบรกเสีย!!” เสียงคนขับร้องตะโกนพร้อมกับปัดมือเป็นพัลวันให้หลบจากทาง ในขณะที่กำลังจะก้าวหลบสายตากลับเหลือบไปเห็นเด็กน้อยร่างอวบยืนอยู่ตรงจุดๆเดียวกับผม


มองดูรถที่กำลังขับตรงมาทางนี้สลับกับเด็กน้อยที่ยืนกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ระยะสายตาที่มองเห็นถ้าผมหลบเด็กคนนี้ต้องโดนชนแน่ๆและอีกไม่กี่เมตรรถมอเตอร์ไซต์คันนี้จะมาถึงตัว


ผมไม่รอช้ารีบกระชากเด็กเอาไว้ในอ้อมกอด รถมอเตอร์เข้าใกล้มาทุกทีหลบตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ผมกอดเด็กในอ้อมกอดแน่น หลับตารอรับความเจ็บปวด


แต่จู่ๆก็ถูกใครสักคนกระชากตัวอย่างแรง เสียงกรีดร้องของผู้คนดังระงม ผมรู้สึกถึงแรงโอบกอดที่กระชับตัวผมไว้แน่น กลิ่นที่คุ้นเคย มันอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก




“..ตะวัน..”


“ชลเป็นอะไรหรือเปล่า!?” ตะวันถามด้วยเสียงร้อนรน


“....” ผมทำเพียงมองหน้าเขา มองสายตาที่จับจ้องมาด้วยคามเป็นห่วงเป็นใย


นานแล้วที่ผมไม่ได้รับสายตาแบบนี้จากใครสักคน ตั้งแต่เลิกกับพี่นนท์ ผมก็ไม่เคยได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นและความรู้สึกที่ปลอดภัย มีความสุขที่มีคนคอยปกป้อง


“เจ็บตรงไหนไหมชล!?” ผมส่งยิ้มให้เขาก่อนจะส่ายหน้าและก้มมองเด็กน้อยตัวอวบในอ้อมกอด


“เราไม่เป็นอะไร ขอบใจมากนะตะวัน”


“ดีแล้วๆ” ตะวันลูบหัวผมเหมือนคนที่อายุมากกว่าชอบทำกับเด็กเพราะความเอ็นดู ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงโวยวายใส่แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันก็รู้สึกดีเหมือนกัน


แม่ของเด็กน้อยตัวอวบวิ่งปรี่เข้ามาหาลูกชายด้วยความดีใจ กอดและหอมแก้มลูกด้วยความรัก สำรวจเนื้อตัวให้ถี่ถ้วนว่าไม่มีรอยขีดข่วนใดๆจึงโผเข้ากอดลูกชายอีกครั้ง


“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ” แม่ของเด็กน้อยกล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“ไม่เป็นไรครับ”


“ขอบคุณพี่เขาก่อนสิลูก”


“ขอบคุณคับ” เด็กน้อยร่างอวบยกมือป้อมๆขึ้นไหว้ ผมมองด้วยความเอ็นดูและอดจะยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มนั่นไม่ได้


“ครับผม”


ผมส่งยิ้มให้ก่อนที่แม่และน้องจะบอกลา ผมยกมือโบกลาน้องที่โดนคุณแม่อุ้มพาไปยังรถเก๋งสีขาว มือป้อมๆนั้นโบกกลับมาทำผมหุบยิ้มไม่ลง


“ชล” คนที่เงียบอยู่นานเรียกชื่อผมขึ้นมา ผมจึงต้องผินใบหน้าไปหาเจ้าของเสียงเรียกที่มองตรงมาทางผมอยู่ก่อนแล้ว


“หือ?”


“ทีหลังอย่าทำให้เป็นห่วงอีกนะ”


“...”


“เราไม่อยากเห็นชลเป็นอะไร”


“ตะวัน...”


“อ...เอ่อช่างเถอะ” เจ้าตัวยกมือขึ้นเกาจมูก ใบหูและใบหน้าแดงเถือกจนอดจะยิ้มล้อไม่ได้


ล้วงโทรศัพท์เพื่อดูเวลา เมื่อเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ วันนี้คงต้องขาดอีกคาบไปโดยปริยาย ส่งข้อความไปหาเนมกับวาแล้วเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า


มองคนที่ตอนนี้เลิกเขินแล้วไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งก็อดจะส่ายหน้าแล้วยกยิ้มไม่ได้




ตะวันชักจะทำให้ผมยิ้มบ่อยไปแล้วนะ












จักรยานคันใหม่ที่ตะวันพึ่งถอยมาสดๆร้อนๆถูกประเดิมโดยผมที่ได้นั่งซ้อนท้ายเป็นคนแรก ตอนเห็นก็แอบตกใจนิดหน่อยแต่ลึกๆก็รู้ดีว่าทำไมจักรยานคันใหม่ถึงโผล่มาหลังจากวันที่ผมบอกว่าชอบนั่งมันมากกว่ารถคันหรู


“ยังไม่มีคนเคยนั่งรถคันนี้จริงๆเหรอตะวัน” ผมเอ่ยถามตะวันอย่างหยอกล้อ รู้ดีว่าคำตอบคือไม่มี แต่ใจลึกๆก็อย่างจะฟังอีกครั้งเหมือนคนบ้าที่ชอบฟังอะไรซ้ำๆเดิมๆที่ทำให้รู้สึกดี


“ไม่มีจริงๆ ชลถามเรามาห้ารอบแล้วนะ”




เห็นไหมว่ารู้สึกดีจริงๆด้วย รู้สึกดีจนหุบยิ้มไม่ลงเลยดูสิ




“ก็แค่...อยากรู้เฉยๆเผื่อตะวันโป๊ะแตกไง”


“ไม่มีหรอก เราซื้อมาให้ชลซ้อนคนเดียว ใครจะกล้านั่ง” คนขับบอกเหตุผลโดยที่ไม่รู้เลยว่าทำให้หัวใครอีกคนสั่นไหวแค่ไหน


“ทำไมถึงต้องเป็นเราคนเดียวล่ะ?” ผมแกล้งถาม ทั้งๆที่ใจรู้ดีกว่าใคร อาจจะรู้มากกว่าตะวันด้วยซ้ำ


“ก็...เอ่อก็คนอื่นเขาไม่ชอบนั่งจักรยานไง” คนโดนจับได้พูดเฉไฉไปเรื่อย


มือที่ผมเคยจับเบาะคนขับไว้เมื่อได้ซ้อนท้ายจักรยานตะวันครั้งแรก ครั้งนี้มันเปลี่ยนไป มือของผมเกาะกุมข้างเอวเข้าไว้แน่น เกาะไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทั้งตัวและหัวใจดวงน้อยๆที่เริ่มวูบไหวกับผู้ชายที่ชื่อตะวัน


“อ๋อ คนอื่นนี่หมายถึงสาวๆของตะวันน่ะเหรอ สงสัยคงจะชอบรถหรูๆมากกว่าล่ะมั้ง”


“ไม่มีๆ ไม่มีใครเลยจริงๆนะ”


ตะวันตอบปฏิเสธจนผมอดจะหัวเราะให้กับท่าทางลนลานจนจักรยานสะบัดไปมาเหมือนจะล้มให้ได้ โชคดีที่คนขับประคองให้ทรงตัวได้เหมือนเดิม ไม่งั้นได้ล้มหน้าคะมำกองกันอยู่บนถนนให้อายเล่นเป็นแน่


“เชื่อได้เหรอ หล่อขนาดนี้เนี่ย”


“เชื่อได้สิ ถึงเราจะหล่อมากแค่ไหนแต่ในใจดวงนี้ก็มีคนที่ชอบแค่คนเดียวนะครับ”


เสียงตะวันหวานมาก มากจนผมอดที่จะเขินไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคนๆนั้นหมายถึงตัวเองหรือเปล่า แต่คนมันเขินไปแล้วจะให้ทำยังไงเล่า!


ดีที่ตะวันนั่งหันหลังให้ เขาจึงไม่ได้เห็นใบหน้าแดงก่ำกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างแทบจะถึงท้ายทอย


“ใครเหรอ คนที่ชอบน่ะ?” ถามไปแล้ว ถึงในใจจะเชื่อไปแล้วว่าตะวันชอบใคร ปักใจเชื่อไปแล้วกว่าครึ่งแต่ในใจก็อดลุ้นไม่ได้ ถ้าใช่คงจะดี แต่ถ้าไม่ใช่นี่สิจะรู้สึกยังไง


“โอ๊ะ! ถึงแล้ว” เกลียดตะวันและการหลีกเลี่ยงการตอบคำถามได้น่าหมั่นไส้


ศาลาที่อยู่หลังตึกคณะนิติศาสตร์คือสถานที่ที่เขาพาผมมาเพื่อจะนั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งหลังจากถามผมและได้ความว่ายังไม่กินเอาไรลงท้องมาตั้งแต่เช้า


“ยังไม่ตอบคำถามเลย”


“ชลมากินเร็วหมูจะเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวไม่อร่อยนะ”


สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ลงจากจักรยานแล้วเดินไปกินหมูปิ้งตามคำเรียกร้องของคนปากแข็ง


“อร่อยไหม?”


“อื้อ”


“ถ้าอร่อยก็มากินด้วยกันทุกวันสิ”


“ไม่เอาหรอก กินทุกวันเป็นมะเร็งตาย”


“เออเนอะ แหะๆ เราลืมอ่ะ”


“ถ้ากินอย่างอื่นก็คงจะดีกว่า กินทุกวันได้ปลอดภัยด้วย”


“กินทุกวัน?”


“อื้อ ก็ตะวันชวนเรานี่ วันหลังกินพวกข้าวต้มดีไหม เราเห็นร้านอยู่หน้ามหาลัยนี่เอง”


“อ่า...ครับ”


ต่างคนต่างก็ระบายความเขินอายไปกับหมูปิ้งไม้ละสิบบาท เขินแบบแปลกๆ ทั้งเขินทั้งอิ่ม ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันก็คงจะดี


“ต้องไปแล้ว” ผมบอกตะวันที่พึ่งดื่มน้ำและปิดฝาขวดน้ำเสร็จ


“เดี๋ยวเราไปส่ง”


“อื้ม”


จักรยานสีเขียวอ่อนเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วคงที่แต่ที่ไม่คงที่คงเป็นใจทั้งสองดวงที่เริ่มจะเต้นแรงขึ้นไปทุกที










หน้าตึกคณะของผมมีนักศึกษาเดินผ่านบ้างประปรายเพราะช่วงเวลานี้หลายๆคนยังคงนั่งเรียนในห้องกันอย่างเคร่งเครียด


“ขอบคุณนะตะวัน”


“ครับ ตอนเที่ยงเจอกันนะ” ตะวันบอกแต่ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยังคงมีสิ่งที่อยากบอกเขาอยู่


“ตะวัน” ผมเรียกและมองตาเขาด้วยความรู้สึกบางอย่าง


“หืม?” ตะวันทำหน้างง ที่ยังคงเห็นผมยืนอยู่ที่เดิม


“วันหลัง...จะไม่ทำให้ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว” พูดเสร็จก็รีบหันหลังอย่างรวดเร็วตั้งใจว่าจะรีบวิ่งขึ้นตึกแต่กลับโดนฉุดรั้งข้อมือไว้ ผมยังคงยืนหันหลังให้ตะวันในขณะที่ข้อมือก็โดนกอบกุมไว้ด้วยความทะนุถนอม


“ชล” ตะวันเรียกชื่อผมเพียงแผ่วเบาแต่มันกลับดังก้องไปทั่วหัวใจดวงน้อยที่สั่นไหวด้วยความรู้สึกบางอย่าง


“อือ”


“ที่ถามว่าชอบใครอยู่ เราบอกผ่านการกระทำของตัวเองมาตลอดแต่มันคงยังไม่ชัดเจน”


“...”


“เราอยากจะพูดให้เขาได้ยินสักครั้ง”


“...”





ยอมรับว่าลุ้นและรู้กลัวกับคำตอบ กลัวว่าจะไม่ใช่อยากที่ใจคิด









“เราชอบชล”





####################




ยอมรับว่าตอนแรกนอยด์มากที่ยิ่งเขียนคนอ่านยิ่งน้อย แต่วันนี้พอได้มานั่งอ่านคอมเม้นก็มีกำลังใจเขียนต่อ ขอบคุณทุกคนทุกคอมเม้นที่เป็นกำลังใจให้กันนะคะ //ปาใจใส่รัวๆ


ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก ก็อย่างที่เห็นเลยค่ะ ฮิๆๆ
 :mew1: :mew1:
:pig4:

หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-06-2017 08:50:25
บอกชอบแล้ววววววว นึกว่าจะบ่ายเบี่ยงชวนกินหมูปิ้งอีก :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 20-06-2017 10:18:13
รุกเร็วๆๆๆ หลังจากแห้วไปรอบหนึ่ง
ตะวันเปิดเกมส์เร็วเลยจร้าาาา 55555555
หัวข้อ: Re: ❤❤ มา l ดาม l ใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 20-06-2017 10:50:40
น่ารักทั้งคู่เลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: MysteriOuS ที่ 20-06-2017 13:55:34
ชอบเรื่องนี้ คนเขียนสู้ๆนะคะ  o13 :-[
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 20-06-2017 17:45:35
กรี๊ดดดดดดด เขินแรงงง เขินแทนชล
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: yehatt ที่ 21-06-2017 10:07:04
 :o8: :o8:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 21-06-2017 17:34:14
ชลจะว่ายังไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: พระจันทร์ยิ้ม ที่ 22-06-2017 13:35:03

อ๋อยยยยย
 :hao7:
 
:pig4: :pig4: :pig4:








หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 24-06-2017 14:16:00
เขินไหมล่ะชล เราอ่านเรายังเขินเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter9 เฉียด} 19/06/2560 UP!! หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-06-2017 16:06:34
 :L2: :L1: :pig4:
เย้ เย้ บอกแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 26-06-2017 17:01:23


Chapter10


รอฟังคำนั้น
(ตะวัน)











บอกไปแล้ว


ความรู้สึกตลอดหนึ่งปีกับอีกหกเดือน ผมบอกคนตรงหน้าไปแล้ว


ชลไม่ได้หันกลับมามองผม ผมได้แต่มองแผ่นหลังเล็กนั่นที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติง


ทุกอย่างดูเงียบสงบจนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง เสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวเหมือนจะหลุดออกมานอกอกให้ได้


ไม่รู้ว่าชลจะทำหน้าแบบไหน ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไงแต่ที่ผมรู้ตอนนี้คือข้อมือที่ผมเคยจับหลุดออกจากการเกาะกุมในเวลาต่อมาพร้อมกับที่เขาค่อยๆเดินห่างผมออกไป


เหมือนโลกนี้มันแตกสลายลงไปต่อหน้าต่อตา


“บ้าเอ๊ย!! ไอ้ตะวัน”


ได้แต่สบถกับตัวเองหลังจากแผ่นหลังเล็กหายไปจากกรอบสายตา เหม่อมองไปยังตึกที่อีกคนเดินขึ้นไปแล้วก็พาลจะทำให้น้ำตาลูกผู้ชายไหล


ทำไมเขาถึงเงียบ


ทำไมถึงไม่หันมาถาม


ทำไม


ทำไม


และทำไม


ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด ถ้าหากนี่คือการปฏิเสธ มันคงเป็นกรปฏิเสธที่ทำให้ผมเจ็บเจียนตายยิ่งกว่าที่รู้ว่าเขามีแฟน


กลับไปกินแห้วเหมือนเดิมอีกแล้วสินะ


ไม่มีแรงจะปั่นจักรยานที่ตั้งใจซื้อมาให้เขาซ้อนกลับคณะของตัวเอง ได้แต่ทรุดตัวลงช้าๆเสมือนพระเอกเอ็มวีนั่งลงบนฟุตบาทหน้าคณะของเขา


ความรู้สึกตอนนี้เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมา รู้สึกเจ็บและจุกจนไม่สามารถพูดบอกอะไรกับใครได้ แม้แต่ยิ้มให้คนอื่นที่เดินผ่านไปมาอย่างที่ชอบทำยังทำไม่ได้เลย


เป็นเอามากแล้วไอ้ตะวัน


นั่งไปสักพักก็ลุกขึ้นตั้งหลักใหม่ ในเมื่อเขายังไม่พูดหรือปฏิเสธตรงๆ ผมก็ยังพอมีหวัง หวังที่อาจจะมีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นก็ยังคงเป็นความหวัง หวังว่าหนึ่งเปอร์เซ็นนั่นจะทำให้ผมเจ็บน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ล่ะนะ











กว่าจะปั่นจักรายานมาถึงคณะตัวเองก็แทบหมดเรี่ยวหมดแรง ถ้าให้ปั่นจักรยานแข่งกับหอยทากเดิน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหอยทากคงจะชนะแน่นอน


ถ้าไอ้เพื่อนสองตัวมันเห็นผมปั่นจักรยานแบบนี้ มันคงบอกให้ผมลงเดินแล้วจูงจักรยานคงจะเร็วกว่า


จอดจักรยานไว้ที่มุมหนึ่งของตึกก่อนจะเดินเหมือนคนไร้วิญญาณเข้าไปหาเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังแย่งลูกชิ้นไม้สุดท้ายกันอยู่


“ไอ้ตะวันมาพอดีเลย งั้นให้มันเถอะ”


ลูกชิ้นหมูราดน้ำจิ้มสูตรเด็ดถูกยื่นมาตรงหน้า แต่นายตะวันที่กำลังเฮิร์ตอยู่นั้นกลับมองเมินเหมือนของไร้ค่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเติ้ลที่มองตามการกระทำผมอย่างงงๆ


“เป็นไรวะมึง?”


ใหญ่ทำเนียนกินลูกชิ้นที่แย่งกันกับเติ้ลเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไอ้เติ้ลก็ไม่ได้สนใจอะไรมันนอกจากหันมามองแล้วถามอาการของผม


“อกหัก”


“เฮ้ย!!”


เสียงอุทานของเพื่อนทั้งสองดังก้องไปทั่วตึกคณะนิติศาสตร์ คนที่นั่งหรือเดินผ่านไปมาหันมามองที่ที่พวกเรานั่งอยู่ ไอ้เติ้ลกับไอ้ใหญ่ค้อมหัวขอโทษแล้วยิ้มแหยๆส่งให้ก่อนสายตาหลายคู่นั้นจะหันกลับไปไม่สนใจพวกเราอีก


“อะไรยังไงวะมึง” 


ใหญ่ถามต่อด้วยวามอยากรู้ ทิ้งไม้ลูกชิ้นที่กินหมดแล้วไว้ในถุงขยะก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอย่างสบายอารมณ์


นี่ที่มึงถามเพราะเป็นห่วงหรือแค่มารยาทไอ้ใหญ่


“กูบอกชอบเขาแล้ว”


เพื่อนทั้งสองนิ่งค้างพร้อมกับก้มหน้าสงบนิ่มไว้อาลัยให้ผมที่ตอนนี้เหมือนคนตายทั้งเป็น


โว๊ะ! ไม่ขนาดนั้นไม่ล่ะไอ้เพื่อนเลว


“แล้วเขาก็ปฏิเสธมึงงี้หรอวะ?”


เติ้ลถามแล้วหยิบขนมปังในถุงเซเว่นขึ้นมาแกะกิน ป้อนไอ้ใหญ่คำกินเองคำ


ผมเห็นแล้วก็อยากจะบอกว่าพวกมึงไปกินให้อิ่มกันก่อนไหมแล้วค่อยมาคุยกับกู


แต่ก็ได้เพียงแค่คิดเพราะกำลังสำเหนียกตัวเองอยู่ว่ากูกำลังเฮิร์ตและเศร้าหนักมาก จะมาเล่นมุกโวยวายอะไรแบบนี้ไม่ได้ ขอคีพลุคสักสิบยี่สิบนาทีก่อน


“ไม่รู้ว่ะ เขาไม่ได้พูดอะไร เดินขึ้นตึกไปเรียนเฉยเลย”


คิดถึงภาพนั้นแล้วอยากจะดิ้นทุรนทุรายลงกับพื้น


“นกแน่ๆ” เสียงจากเติ้ลเพื่อนชั่ว


“แดกแห้วอีกแล้วมึง” เสียงจากใหญ่เพื่อนเลว


“พ่อง!!” เสียงจากตะวันคนที่อกหักมาหมาดๆ


ฮือออ พูดแล้วมันsad จะcryตอนนี้ก็ดูไม่คูล


“มึงอย่าพึ่งคิดเองเออเองดีกว่าว่ะตะวัน ชลอาจจะรีบขึ้นไปเรียนก็ได้เลยไม่ได้พูดกับมึง”


ตอนแรกผมก็คิดเหมือนไอ้ใหญ่มันนั่นแหละครับ แต่ถึงรีบยังไงมันก็ต้องหันมายิ้มหันมามองหน้ากันบ้างสักนิดป่าววะ


“เออกูเห็นด้วยกับไอ้ใหญ่ มึงรอตอนเที่ยงดีไหมยังไงก็ต้องไปกินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว”


“อือ”


ตอบรับในลำคอพร้อมกับไหลตัวไปกับโต๊ะอย่างหมดเรี่ยวแรง














เวลาที่ผมรอคอยมาถึงอย่างเชื่องช้าและมันก็มาถึงในที่สุด โรงอาหารกลางที่มีขนาดใหญ่กว่าโรงอาหารคณะผมมีเสียงพูดคุยดังเจื้อยแจ้วเป็นปกติ


เสียงป้าขายข้าวแกงตะโกนถามนักศึกษาที่ยืนต่อแถวอยู่ เสียงนักศึกษาที่ตะโกนตอบกลับไปดังไม่แพ้กัน ถ้าปกติคงจะนั่งมองภาพนั้นด้วยความเพลิดเพลินแต่วันนี้อารมณ์มันดิ่งลงเหว


แค่ได้ยินเสียงแมลงวันบินผ่านก็แทบเอามือไปตะปบมันแล้วขยี้แรงๆให้ตายคาฝ่ามือ


จากคนที่แสนดีและยิ้มเก่งกลายเป็นคนบาปหนาไปชั่วพริบตาเดียว


ผมและเพื่อนอีกสองคนมาถึงโรงอาหารก็แยกกันไปซื้อข้าว มีผมคนเดียวที่นั่งเฝ้าโต๊ะไว้และให้ไอ้ใหญ่เป็นคนซื้อข้าวมาให้


นั่งรอจนเพื่อนมาก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ากลุ่มของชลจะมาสักที หรือเขามีเรียนตอนนี้นะ เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะดิ ตารางเรียนของชลผมไม่เคยรู้ไม่เคยเสาะหาหรอก ทุกครั้งที่เขามีเรียน เนมก็จะส่งข้อความมาบอกตลอดแต่วันนี้กลับมีแต่ความเงียบ...


เงียบทั้งกลุ่มเลยให้ตาย


“กินข้าวก่อนเหอะมึง เขาอาจจะเรียนอยู่ก็ได้”


เติ้ลบอกเมื่อเห็นผมเอาแต่ชะโงกหน้าไปที่ทางเข้าโรงอาหาร ข้าวราดแกงที่เพื่อนซื้อมาก็เริ่มจะเย็นชืดลงไปทุกที


“เขาต้องเกลียดกูแน่ๆเลยว่ะ”


ว่าแล้วก็เขี่ยข้าวเล่นเหมือนเด็กที่แม่บังคับให้กินข้าว เพื่อนทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงก่อนไอ้ใหญ่ที่เคี้ยวข้าวคำสุดท้ายเสร็จจะเอ่ยขึ้น


“เขาบอกแล้วเหรอว่าเกลียดมึง?”


ไม่รู้อ่ะ รู้แค่ไม่อยากให้เกลียด  ถ้าไม่ชอบเดี๋ยวจะทำให้ชอบเอง แต่ถ้าเกลียดแล้วจะกลับมาชอบได้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้


“ไม่ เขายังไม่ได้พูดอะไรกับกูเลย”


“ก็นั่นไง แล้วมึงจะไปคิดแทนเขาทำไมวะ?”


“ก็กู--”


“เอาเหอะๆ กูเข้าใจว่ามึงชอบเขามากแต่ถ้ามึงยังทำร้ายตัวเองด้วยการไม่แดกข้าวแบบนี้มึงจะเป็นโรคกระเพาะตายห่าไปก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรกับมึงนะครับสัด”


โรคกระเพาะตายห่าได้ด้วยเหรอครับ?


แต่เพื่อนผมมันพูดผิดไปอย่างนะจากที่ฟังมา


“กูไม่ได้ชอบเขา”


“...”


“กูรักเขาต่างหาก”


เท่านั้นแหละครับ เพื่อนรักทั้งสองก็ลุกออกจากโต๊ะโดยไม่ได้นัดหมาย ทิ้งผมไว้เคว้งคว้างอยู่คนเดียว


รู้ล่ะน่าว่าพวกมันไปซื้อน้ำอ่ะ


โถ่ะ!!



รอจนหมดเวลาพักของผมก็ไม่เห็นว่าคนที่ต้องการเจอจะมาสักที สุดท้าก็เดินคอตกกลับคณะไปด้วยความเศร้าใจ


พอเรียนเสร็จผมก็ไปดักรอเขาหน้าคณะ รอจนถึงหกโมงก็ไม่เห็นชลและเพื่อนของเขาสักที ทุ่มหนึ่งก็แล้วผมก็ยังนั่งตบยุงรอเขาอยู่อย่างนั้น บอกแล้วไงว่าผมไม่รู้ตารางเรียนของเขา ผมจึงได้เอาแต่นั่งรอเหมือนคนโง่ที่รู้ทั้งรู้ว่าเขากลับไปนานแล้ว


สุดท้ายก็กลับห้องตัวเองด้วยจิตใจห่อเหี่ยว













วันที่สองผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาดักเจอเขาหน้าคอนโด ผมว่าเจ็ดโมงมันเช้ามากแล้วนะและคิดว่าวันนี้คงได้เจอเขาแน่ๆแต่คงมั่นใจมากเกินไปเพราะเก้าโมงแล้วก็ยังคงไม่เห็นเขาเดินออกมาจากคอนโด ผมมีเรียนเก้าโมงครึ่งด้วยสิ ชั่งใจสักพักจึงตัดสินใจขึ้นรถตัวเองเพื่อไปเข้าเรียนให้ทันเวลา


เรียนเสร็จค่อยไปดักรอหนาคณะเขาเหมือนเดิมก็แล้วกัน


ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้างสักเท่าไหร่ เมื่อน้องรหัสที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมาหากลับบอกผมว่าให้ไปติววิชาที่ต้องสอบพรุ่งนี้ให้หน่อย


ด้วยความที่เป็นคนดีศรีมหาลัยผมจึงรับปากและนั่นทำให้ผมไม่เจอกับชลเลยตลอดทั้งวัน


แต่ด้วยความหวังที่มีพียงนิดเดียว ตอนแรกมีหนึ่งเปอร์เซ็นต์ตอนนี้เริ่มลดลงเหลือศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์และมันจะลดลงเรื่อยๆถ้าผมกับชลยังไม่ได้คุยกันสักที


ผมมารอเขาที่คณะอีกครั้งในเวลาห้าโมงเย็น คณะของเขายังคงมีคนเดินพลุ่กพล่านแต่น้อยกว่าปกติเพราะเวลานี้คงเลิกเรียนไปเกือบหมดแล้ว


มองซ้ายมองขวาและสะดุดกับคนคุ้นตาที่กำลังทำตัวมีพิรุธหลบอยู่ตรงหลังเสาที่เขาคงคิดว่ามันใหญ่มากพอที่จะบังตัวเองมิด แต่ไม่เลย ผมเห็นเขาเต็มสองตา เห็นแม้กระทั่งตอนที่เขาสะดุ้งตกใจตอนสบตากับผม


“ชล”


มันน่าน้อยใจจริงๆนะที่พอมารู้ว่าเขาตั้งใจหลบหน้าเราแบบนี้


โถ่ เพนกวินเมืองไทยใจร้ายชะมัด


“อ่า...อ้าวตะวัน หวัดดี” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเขา ใกล้จนเห็นเหงื่อที่ผุดซึมตรงใบหน้าของเขา หน้าแบบนี้ที่ผมเอาแต่คิดถึง แค่วันเดียวเองก็คิดถึงจนแทบบ้า “เราขอตัวก่อนนะ พอดีมีธุระอ่ะ บายยยย”


พูดเองเสร็จสรรพก็ทำท่าจะเดินหนีผมอีกครั้ง เดินหนีอีกนี่จะจับมากอดไม่ให้หนีไปไหนได้เลยดิคอยดู


“ถ้าชลเดินหนีเราอีกจะจับมากอดจริงๆแล้วนะ”


โอ๊ะ เพนกวินเปลี่ยนสี นี่เพนกวินหรือกิ้งก่า ทำไมเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดงขนาดนี้


เปลี่ยนสีเพราะเขินหรือร้อนนะ


จะคิดเอาเองว่าเขินแล้วกัน คิดแบบนี้สบายใจและดีต่อใจมากกว่า


“ก...กอดบ้าอะไรเล่า เดี๋ยวก็ชกเอาหรอก”


ยกมือขึ้นมาตั้งการ์ด มือนุ่มขนาดนั้นไม่รู้จะเจ็บก่อนหรือจะฟินก่อนดี


“ชกดิ ชกเสร็จจะได้จูบ”


ว่าเสร็จก็ยื่นหน้าให้อย่างเสนอตัว present faceอย่างแท้จริง


“ฮึ่ย! มีไรอ่ะ รู้ไว้เลยนะไม่อยากคุยด้วย” 


ได้ยินแล้วมันเจ็บกระดองใจ


“ทำไมอ่ะ หรือโกรธที่บอกชอบ”


“...”


“ถ้าโกรธเรื่องนั้นตะวันขอโทษแต่ชลก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้อ่ะ”


“....”


“ไม่ได้ขอให้ชอบกลับ แค่อยากบอกว่าชอบจริงๆ ชอบจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”


“..บ้า..”


“ใช่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ คนๆหนึ่งจะชอบใครอีกคนมากขนาดนี้ได้เลยหรอ ตะวันเคยถามตัวเองแต่ก็ไม่มีคำตอบ รู้อย่างเดียวแค่ชอบ ชอบจนเปลี่ยนเป็นรัก รักและอย่างดูแล”


“....”


“ไม่ได้ขอให้มาชอบตอนนี้ จะพยายามทำให้ชอบกลับเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะสำเร็จไหม แต่จะลองพยายามดู”


“พูดจบยังอ่ะ?”


“ถ้าไม่อยากฟังจะจบให้ก็ได้ครับ”


พูดด้วยเสียงหงอยๆ เหมือนหมาโดนเจ้าของดุ


“ไม่เคยพูดว่าไม่อยากฟังนี่น่า”


“ก็—“


“ถ้าชอบก็จีบสิ ไม่เห็นจะมีใครห้ามเลย”


“แต่—“


“ก็ที่หลบหน้าเพราะเขินอยู่ไงเล่า ขอเขินสักวันสองวันไม่ได้หรือไง”


“โถ่ ถ้าเขินนานกว่านี้เราขาดใจตายขึ้นมาทำไง แค่นี้ก็คิดถึงจะแย่”


“เหรอ”


“ทำไม?”


“เปล่า ก็คงเหมือนกัน”


“อะไรอ่ะ?”


“คิดถึงเหมือนกัน”





ตู้ม


ระเบิดตัวกลายเป็นโกโก้ครั้นซ์



ต่างคนต่างเบือนหน้าหนีกันคนละทาง เขินจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลยสักคำ ริมฝีปากก็แทบจะฉีกถึงท้ายทอย


บ้าจริงนี่ผมหุบยิ้มไม่ได้เลย


ความหวังที่มีอยู่ศูนย์จุดห้าเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว



ถ้าจะให้บอกว่าตอนนี้มีกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้สิ ตัวเลขทั้งจักรวาลยังกำหนดไม่ได้เลย







๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




เอาให้เขินตายกันไปข้าง โถๆๆ
 :pig4:





หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 26-06-2017 17:09:02
โถ่~~~~~~~~ เขินซะตะวันใจแป้วไปถึงไหนแล้วชล!!! 55555555555
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-06-2017 18:03:17
ชอบ ชล  ที่สุด มีพัฒนาการ
เปลี่ยนจากควาย กลายมาเป็นเพนกวิ้นที่น่ารักที่สุด
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 26-06-2017 23:15:46
เริ่มมาแบบดราม่านิดๆ แต่ตอนต่อๆ มา ออกแนวใสๆ อ่านได้ชิวๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-06-2017 00:05:24
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 27-06-2017 00:54:06
อ้าววว หิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:    มาแล้วค่ะมาแล้ว ช็อทเด็ดประจำวัน 55555 ชอบ ความตู้มมม นี้
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-06-2017 02:04:06
ความฟิลกู๊ดนี้ อร๊างงงง
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: yehatt ที่ 28-06-2017 18:38:50
 :mew5:

น่ารักไปแล้วววว
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter10 รอฟังคำนั้น} 26/06/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: พระจันทร์ยิ้ม ที่ 29-06-2017 11:17:29
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter11 สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน} 06/07/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 06-07-2017 20:23:39




Chapter11


สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน






วันจันทร์คือวันแรกของสัปดาห์ ไม่รู้ว่าทำไมมันสดใสกว่าทุกวัน คงเพราะมันเป็นวันจันทร์ที่อากาศสดชื่น เป็นวันจันทร์ที่ไม่วุ่นวายหรือจะเป็นวันจันทร์ที่มีตะวันอยู่ก็คง...ใช่


ผ่านมากว่าหนึ่งอาทิตย์นับตั้งแต่วันนั้นวันที่ตะวันสารภาพกับผม เราทั้งสองคนต่างทำตัวไม่ถูก พูดได้ไม่กี่คำก็พากันหน้าแดงแจ๋ทั้งที่ก็ต่างเคยมีช่วงเวลาแบบนี้มาแล้วแท้ๆแต่ทำไมพอเป็นตะวันกลับไม่เหมือนครั้งก่อนๆ


ตะวันก็คงไม่ได้ต่างจากผมมากนัก ผมสังเกตได้ว่าเขาชอบเกาจมูกตัวเองจนมันขึ้นสีระเรื่อ ก็ไอ้อาการเขินของเขาที่ชอบทำนั่นแหละและสงสัยคงจะเขินแรงเกินไปหน่อยเจอกันครั้งไหนจมูกแดงกลับไปทุกที




แต่ก็...น่ารักล่ะนะ




“เหม็นกลิ่นความรักอ่ะ” ประโยคที่ดังผสานเสียงกันของเพื่อนผมและเพื่อนตะวันทำให้ต้องก้มหน้าดูดน้ำจากหลอดเอาเป็นเอาตาย ส่วนตะวันผมไม่รู้หรอกแค่มองตาก็ใจสั่นจนแทบจะไปหาหมอหัวใจอยู่แล้ว


ก็ตะวันน่ะชอบทำสายตากรุ้มกริ่มจะตายไป ใครได้สบตาด้วยคงจะหมอบคลานยอมพลีกายให้เลยด้วยซ้ำ


“เขินเข้าไป วันนี้จะกินข้าวหมดกันไหมเนี่ยนั่งเขินกันอยู่นั่น” เนมถามผมกับตะวันที่นั่งเขี่ยข้าวกันเงียบๆ


“วาเห็นด้วย นี้ก็จีบกันมาตั้งอาทิตย์แล้วยังไม่เลิกเขินกันอีกหรอ?”


ถ้ามันเลิกเขินกันง่ายๆผมคงเลิกเขินตะวันไปตั้งนานแล้ว


ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอฮาวทูเลิกเขินง่ายๆหน่อยสิครับ


“ก็กินข้าวอยู่จะให้พูดอะไรเล่า!” ผมให้คำตอบที่เพื่อนอยากรู้ ก็พ่อกับแม่สอนมาว่าเวลากินข้าวห้ามคุยกัน ผมก็ปฏิบัติตามที่ท่านสอนมามันจะแปลกตรงไหนกันล่ะ


“เขินแล้วเกรี้ยวกราดนะครับ” ถลึงตาใส่ตะวันที่พูดแซวผมแต่ก็ต้องกลับมาดูดน้ำจากหลอดอีกครั้งเมื่ออีกคนส่งสายตาเจ้าชู้มาให้


ใครสั่งใครสอนให้ทำสายตาแบบนั้นกันนะ


นิสัยไม่ดี!


“มีความอีกคนแซวอีกคนเขินนะครับ แหมๆ” ใหญ่พูดขึ้นต่อหลังจากผมเอาแต่ก้มหน้าดูดน้ำ


“อยากจะแหมให้ถึงโลกหน้าเลยครับคุณ” ส่วนเติ้ลก็เป็นลูกคู่ให้อย่างดี


เอาเถอะอย่าให้ถึงคราวผมบ้างแล้วกันจะแซวยันลูกบวชเลยคอยดู!


ด้วยความที่เขินแรงไปหน่อยน้ำในแก้วของผมที่เอาแต่ดูดตอนเพื่อนแซวก็หมดทั้งๆที่พึ่งซื้อมาแท้ๆเลย


ผมหนีความวุ่นวายที่โต๊ะกินข้าวมาซื้อน้ำอีกครั้งโดยมีตะวันติดสอยห้อยท้ายมาด้วย


นี่ก็อีกคน โดนเพื่อนแซวก็เอาแต่ยิ้มรับ มันน่านักไหมล่ะ ฮึ่ย!


“ชลรอด้วย”


“แล้วตะวันจะเดินตามเรามาทำไมล่ะ”


“ก็...เดินตามมาจีบ”


“ไอ้บ้า!”


ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้ก็ไม่รู้ ว่างเป็นไม่ได้ต้องคอยหาเวลาหยอดจนคนที่โดนหยอดก็เขินจนแทบทนไม่ไหว อีกนิดจะเข้าไปแอดมิดโรงพยาบาลแล้วนะ


“มันจริงนี่นา”ตะวันเดินมาอยู่ข้างผมก่อนจะพูดต่อ “จีบต่อหน้าเพื่อนก็กลัวชลจะเขิน”


“...” อยากจะบอกเหลือเกินว่าแค่ต่อหน้ามดตัวเดียวผมก็บิดจนไม่รู้จะบิดยังไงแล้ว


“ไม่อยากให้ใครเห็นชลหน้าแดง” ตะวันหันมามองหน้าผม “น่ารักเกินไปจนแทบบ้าเลย”


ครับ ถ้าจะพูดกันอย่างนี้ก็ให้ตะวันเอามีดมาแทงผมเถอะ


“..บ้า..”


ผมหันหน้าไปมองตะวันที่ยืนเกาจมูกตัวเองเก้อเขิน มองแล้วก็ได้แต่ยิ้มตามแต่ถึงยังไงหน้าผมก็แดงเท่าๆกับตะวันล่ะนะหรืออาจจะมากกว่าเลยด้วยซ้ำ


พอเถอะ ผมว่าเราชักจะหมกมุ่นเรื่องนี้เกินไปแล้ว


ขออนุญาตไม่เล่าตอนตะวันเขินแล้วกันนะครับ มันน่ารักเกินไปจนผมกลัวว่าทุกคนจะหุบยิ้มกันไม่ได้ซะก่อน











เย็นนี้ผมมีนัดกับสายรหัส พอดีว่าพี่รหัสเกิดอยากเลี้ยงขึ้นมา ผมก็เลยต้องยอมไปตามคำเชิญชวนแกมขอร้องเพราะพี่รหัสรู้ว่าผมเป็นเด็กอนามัยสี่ทุ่มเป็นต้นไปก็ปิดไฟนอน


สถานที่นัดก็ไม่ใช่ที่ไหน ร้านหมูกระทะหลังมหาลัยที่มีน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่ทุกคนต้องไปลองและสารถีที่ทำหน้าที่ไปส่งผมวันนี้ก็คือตะวัน ตั้งแต่เริ่มจีบผมเขาก็คอยรับคอยส่งผมทุกวันจนเพื่อนๆบอกให้คบๆกันไปเลย


อืม...ขอเล่นตัวอีกสักนิดเถอะ


พอดีว่าเข็ดกับความรักมามากพอแล้วและอยากขอให้ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ ที่คิดแบบนั้นคงเป็นเพราะครั้งนี้คือผู้ชายที่ชื่อตะวันล่ะมั้งครับ


“ยืนคิดอะไรอยู่คนเดียวครับ?”


เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลังก่อนที่ผมจะหันไปแล้วเห็นตะวันยืนยิ้มอวดลักยิ้มที่ข้างแก้มซ้ายอยู่


“มาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ?”


“พึ่งมา”เขายกมือขึ้นมาก่อนจะหยิบใบไม้ที่ติดผมของผมออก “มาถึงก็เห็นชลยืนเหม่อคนเดียว”


“ไม่ได้เหม่อซะหน่อย” ผมเถียงกลับ แค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง


“ครับๆไม่เหม่อก็ได้ครับ” ตะวันโยกหัวผมเล่นแต่ผมก็สะบัดหัวให้มือเขาหลุดออก ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กทุกทีเลย “แล้วนี่เพื่อนไปไหนหมด”


“กลับกันหมดแล้ว”


“ขอโทษนะที่มาช้า” ตะวันเอ่ยเสียงหงอย


“ก็บอกแล้วไงว่ารอได้” ผมจิ้มจมูกเขาแรงๆด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ “พอๆหยุดทำหน้าหงอยได้แล้วเดี๋ยวก็ไม่หล่อหรอก”


แค่นั้นรอยยิ้มที่ผมชอบมองก็ปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง


“งั้นไปกันเลยเนอะ”


“อื้อ แต่กว่าจะถึงเวลานัดก็อีกตั้งสองชั่วโมงเลย”


“อ่า...งั้นจะไปไหนกันก่อนดีล่ะ”


“ไปแปลงผักเกษตรกันไหม? ปั่นจักรยานไป...นะ”


“พูดขนาดนี้แล้วใครจะปฏิเสธลง” เขายกยิ้มขึ้นอีกครั้งแต่ถ้าให้พูดกันตามจริงแล้ว ตะวันยิ้มตลอดเวลาเลยต่างหาก “เสียงอ้อนขนาดนั้น”


“เขินล่ะสิ” ผมยกนิ้วขึ้นจิ้มจมูกแดงๆของเขาอีกครั้ง


“อย่างที่เห็น” ตะวันตอบเสียงอ้อมแอ้ม


“ฮ่าๆ ไปๆเดี๋ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้”








หลังจากนั้นผมกับตะวันก็พากันปั่นจักรยานมาแปลงผักของคณะเกษตรโดยที่มีตะวันเป็นคนปั่นและผมเป็นคนซ้อน คงจะเป็นภาพชินตาของใครหลายๆคนไปเสียแล้ว


“มาอีกแล้วพวกมึง” เสียงแทนไทตะโกนลั่นออกมาจากที่ไหนสักแห่งที่ผมก็ไม่สามารถบอกได้เพราะผมก็ยังคงมองไม่เห็นเขาเหมือนกัน “มาทีไรผักกูหายทุกที”


“แทนไทอยู่ไหนอ่ะ” ผมตะโกนถามกลับ


“เรื่องของกู”


อ่า...ผมไม่ควรถามเขาตั้งแต่แรกสินะ


“แทนมึงนี่กวนตีนตลอดเลยนะ” ตะวันที่พึ่งจอดจักยานเสร็จเดินมาหยุดยืนข้างๆผม


“เสือก”


“ไอ้สัด”


ผมยกมือขึ้นมาตีปากตะวัน ไม่ได้จะห้ามหรืออะไรแต่คำว่าสัดมันเต็มหน้าผมเลยเนี่ย


“ชลตีเราทำไมอ่ะ เจ็บนะ” เขายกมือขึ้นมาจับปากตัวเอง ทำปากยื่นปากอูมเหมือนเด็กที่กำลังจะร้องไห้เมื่อโดนแม่ตี


“หงอเลยมึง กลัวเมียนี่หว่า” แทนไทที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนพูดขึ้นเลยโดนตะวันโกหัวไปหนึ่งที เห็นแบบนั้นก็อยากจะฝากตะวันโบกให้อีกสักทีสองทีเหมือนกัน


จากนั้นทั้งคู่ก็กลายร่างเป็นเด็กสามขวบ วิ่งไล่เตะไล่ต่อยกันทั่วไล่จนผมล่ะเวียนหัว พามาเจอกันทีไรก็ทะเลาะกันเหมือนเด็กอนุบาลทุกทีเลยสิน่า


“พอแล้วๆ” ผมตะโกนบอกตะวันที่วิ่งไล่เตะแทนไทเพราะโดนแทนไทโยนไส้เดือนมาใส่


คือก็ไม่อยากจะเล่าสักเท่าไหร่ว่าจะวันเป็นมนุษย์ที่กลัวไส้เดือนที่สุดในโลก พอแทนไทรู้ก็ชอบขุดจากดินแล้วเอามาวิ่งแกล้งตะวัน ตะวันผู้ไม่เคยเกรงกลัวอะไรก็แทบจะปีนหนีขึ้นต้นไม้ด้วยซ้ำ ดีที่ผมห้ามพวกเขาไว้ทันซะก่อน


คิดแล้วก็ตลกเหมือนกันนะ ผู้ชายตัวโตๆกลัวไส้เดือนเนี่ย


“ชลดูแทนมันดิ ชอบแกล้งเราอ่ะ” ตะวันพูดไปด้วยหอบไปด้วยไม่ต่างจากแทนไทที่ยืนหอบอยู่ข้างกัน


“ขี้ฟ้องสัด เดี๋ยวกูเอาไส้เดือนยัดปาก” พอได้ยินแทนไทพูดแบบนั้นตะวันก็รีบเอามือขึ้นมาตะครับปากพลางมองแทนไทด้วยความระหวาดระแวง


เอ้อ เอากับพวกเขาสิ นี่เด็กมหาลัยจริงๆใช่ไหมครับ


“พอๆกันทั้งคู่นั่นแหละ”


“ชลอ่ะ” ตะวันทำหน้าบึ้งอีกครั้งก่อนจะโดนแทนไทดีดหน้าผากแล้ววิ่งหนีหายไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์


กว่าจะถึงเวลานัดหมายก็ทำเอาผมแทบหัวหมุน จะใครทำซะอีกครับถ้าไม่ใช่เด็กโข่งที่เอาแต่วิ่งไล่เตะกันทั้งสองคน พอๆกันทั้งคู่เลยเถอะ


“ไสๆหัวไปได้แล้ว”


“เออ กูก็ไม่อยากเห็นหน้ามึงหรอก”


“ชิ้ว!”


สองคนนี้เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะครับแต่เวลาเจอกันทีไรไม่รู้ทำไมชอบทำตัวเหมือนเด็กกันทุกที










ตะวันมาส่งผมก่อนเวลานัดสิบนาทีและพอดีกับที่พี่รหัสผมเขาก็พึ่งมาเหมือนกัน เราเลยเจอกันโดยบังเอิญที่ลานจอดรถ


“สวัสดีครับ” ผมกับตะวันยกมือขึ้นไหว้พี่รหัสของผม


“เออ มาเร็วเหมือนกันนะเรา”


“ครับ นานๆพี่จะเลี้ยงสักทีนี่นา”


“ถ้าพี่นานแล้วไอ้ปู่รหัสนี่เรียกว่าอะไร?”


“ฮะๆ พูดถึงปู่ก็ไม่ได้เจอนานแล้วนะครับ เขามาไหมอ่ะ?”


“มาแหละ ของฟรีมีหรือมันจะพลาด”


คือปู่รหัสกับพี่รหัสผมเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะครับก็เลยดูสนิทสนมกัน คำนำหน้าว่าพี่ไม่มีหรอก ส่วนมากจะใช้คำว่าไอ้หรือไม่ก็เรียกชื่อห้วนๆเลย


“ผมก็ลืมไป”


“แล้วนี่ใครล่ะ?”พี่รหัสของผมชี้ไปทางตะวันที่ยืนเงียบสงบอยู่ข้างๆ


“นี่ตะวันครับ”


“สวัสดีครับ” ตกวันยกมือขึ้นไหว้เป็นรอบที่สอง


“เออๆ แฟนหรอ?”


“เฮ้ย! ไม่ใช่พี่” ผมรีบพูดปฏิเสธ ก็ยังไม่ใช่ๆจริงๆนี่นา


“อ๋อหรอ เป็นเพื่อนว่างั้น?” พี่รหัสผมถามต่อ จ้องตะวันอย่างต้องการคำตอบ


“ไม่ใช่ครับ” ตะวันตอบเสียงดังฟังชัด


“อ่าว?” พี่รหัสผมทำหน้างง มองหน้าผมที มองหน้าตะวันที


“ผมไม่ได้เป็นเพื่อนชลครับแล้วก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วย” ตะวันหันมามองหน้าผมก่อนจะหันไปพูดกับพี่รหัสต่อ “แต่ผมกำลังจีบชลอยู่ครับ คิดว่าอีกไม่นานคงได้ใช้คำว่าแฟน”


อืม...ขยี้ให้พอ เอาให้หัวใจผมวายตายกันไปข้างเลย


“อ้อ ว่าที่น้องเขย” พี่รหัสผมยิ้มล้อ กลับตอนนี้ทันไหมครับ แถวนี้พอจะมีรถเมล์หรือป่าวครับ


“ไปๆผมหิวจะแย่แล้ว” ผมดันหลังพี่รหัสให้เดินเข้าร้าน เขาก็ยอมเข้าไปแต่โดยดี


พี่รหัสที่เดินห่างจากผมไปไม่มากหันมาหาอีกครั้งเมื่อตะวันตะโกนขึ้น“ฝากตัวด้วยนะครับว่าที่พี่เขย”


“เออว่าที่น้องเขย”


บ้าจริง!



ใครก็ได้พาผมไปโรงพยาบาลทีเถอะ ตอนนี้ต้องการไปรักษาโรคหัวใจเต้นเร็วเกินอัตราเหลือเกิน




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

 :pig4:






หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter11 สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน} 06/07/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 06-07-2017 20:46:15
 :-[  น่ารักจังเลย 
ตะวันจีบเปิดเผยมาก เหมือนอยากประกาศให้โลกรู้ว่าจีบชลอยู่นะ น่ารัก
ชอบแทนไทอ่ะ ห้าว ๆ ดี เวลาเล่นกับตะวันแล้วตลกดีจัง เป็นเด็กน้อยเลย
เรื่องน่ารักมาก ๆ เลยจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter11 สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน} 06/07/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-07-2017 21:28:11
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter11 สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน} 06/07/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: yehatt ที่ 08-07-2017 12:27:50
 :o8: :-[ :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter11 สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน} 06/07/2560 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: ฟองดูว์ ที่ 18-02-2018 14:57:16



Chapter12

ไม่ต้องมีคำบรรยาย













ทุกเช้าผมกับตะวันจะมานั่งกินข้ามต้มหน้ามหา’ลัย กินจนตอนนี้สนิทกับเจ้าของร้านไปแล้วด้วย ตะวันนี้ลูกรักคุณป้าคนขายเขาเลยล่ะ


“อร่อยมั้ยลูก”


“ที่สุดเลยครับ”




ตะวันฉีกยิ้มกว้างตอบคุณป้าคนขายที่ถามขึ้นตอนเดินผ่านโต๊ะพวกเรา พอคุณป้าได้คำตอบแบบนั้นก็ยิ้มกว้างไม่แพ้ตะวันเลย



“อร่อยก็กินเยอะๆ เราด้วยนะจ๊ะ”



คุณป้าบอกตะวันก่อนจะหันมาบอกผมที่ตอบรับแล้วส่งยิ้มให้ก่อนที่คุณป้าจะขอตัวไปทำข้าวต้มให้ลูกค้าที่มาใหม่



“โปรยเสน่ห์ไปทั่ว”



ผมเอ่ยแซวคนที่นั่งตรงข้ามหลังจากดื่มน้ำเสร็จ



“ไม่ได้โปรยสักหน่อย”


“ไม่ได้โปรยแต่คนก็เข้ามาหาตลอดเลย”


“ก็หล่ออ่ะทำไงได้”


ผมเบ้ปากใส่ตะวันอย่างหมั่นไส้ มั่นหน้ามั่นโหนกไม่มีใครเกินเลยจริงๆแต่ก็ยอมรับแหละว่าหล่ออย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ


“อิ่มยังเนี่ย?”


ผมเปลี่ยนเรื่อง ถามคนที่ยังกินข้าวต้มไปมองผมไปสลับกันทำอยู่อย่างนี้จนผมต้องเร่งให้เขากินเร็วๆ มองมากๆเดี๋ยวผมก็พรุนซะหรอก


“ถ้าหมายถึงข้าวต้มอ่ะอิ่มแล้ว”ตะวันว่าหลังจากกินข้าวต้มคำสุดท้ายหมด ยกน้ำขึ้นดื่นตาก็ยังไม่ละไปจากผม “แต่มองหน้าชลอ่ะยังไม่อิ่มเลย”


หลังจบประโยคของตะวันผมก็ลุกขึ้นจากโต๊ะไปหาคุณป้าเพื่อจะจ่ายเงิน จ่ายทั้งส่วนของตัวเองและส่วนของตะวันด้วย เพราะเราสองคนจะสลับกันจ่ายอยู่แล้วซึ่งวันนี้ก็เป็นเวรผมพอดี


“ขอบคุณนะจ๊ะ วันหน้ามาใหม่นะลูก”


“ครับ”


ผมตอบรับเดินหนีตะวันที่เดินตามหลัง ได้ยินเสียงหัวเราะตะวันแล้วผมก็เร่งเท้าให้เร็วขึ้น จะเร่งให้ตามไม่ทันเลย


“เขินแล้วเดินหนีตลอด”


“แล้วจะชอบพูดให้เขินทำไมเล่า!”


ผมเถียงไปด้วย เร่งฝีเท้าไปด้วย จากเดินจะกลายเป็นวิ่งแล้วเนี่ย


“อ้าว สรุปเราผิดหรอเนี่ย”ตะวันพูดเสียงล้อเลียน  ผมหันขวับไปมองเลยไม่ได้ทันระวังรถที่กำลังขับมา “เฮ้ย! ชลระวัง”


ผมหันไปมองตามสายตาตะวันก็เห็นรถจักรยานที่พุ่งมาทางที่ผมเดินอยู่ ผมทำหน้าเหวอส่วนตะวันรีบดึงแขนผมให้มาหลบที่ริมฟุตบาท อุบัติเหตุที่คาดเดาว่าจะเกิดจึงไม่เกิดขึ้น


“เห็นมั้ยเล่า! พอเขินเราก็จะเป็นแบบนี้ไง” ผมหันไปโวยวายกับตะวันที่ยังยืนลูบหัวลูบหลังผม เมื่อเห็นว่าผมไม่เป็นอะไรเขาก็เอ่ยขึ้นมา


“โอ๋ๆรู้แล้วครับๆ ไม่ทำให้เขินแล้วๆ”


ตะวันโอ๋ผมเหมือนเด็ก ผมก็เลยงอแงใส่เขาเข้าไปชุดใหญ่ หลังจากนั้นตะวันก็เดินมาส่งผมที่คณะ


ตอนนี้เช้ามาก เนมกับวาคงยังมาไม่ถึงเพราะโต๊ะประจำของพวกเรายังไม่มีวี่แววของเพื่อนสนิททั้งสองคน


“เดี๋ยวเรานั่งรอเนมกับวาเป็นเพื่อนละกัน”


“อือ ขอบคุณครับ”


ตะวันนั่งลงตรงข้ามผม ผมมองหน้าเขาแล้วเอ่ยขึ้น


“ช่วงนี้ตะวันได้เจอแทนบ้างมั้ยอ่ะ?”


คนถูกถามทำหน้างง ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันทำท่าคิด


“ก็เจอล่าสุดพร้อมกับชลเมื่ออาทิตย์ก่อนนั่นแหละ”


“อ่าวเหรอ คิดว่าจะนัดเจอกันนอกรอบซะอีก”


“หือ? เรากับไอ้แทนเนี่ยนะ?”


“ใช่น่ะสิ เห็นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย”


“ชลไปเอาที่ไหนมาพูด ไม่เห็นหรอว่าเจอกันแต่ล่ะทีก็ตีกันตลอด ไม่แปลกใจเลยทำไมเนมถึงชอบด่าเวลาเจอมันอ่ะ"


ผมยิ้มขำให้กับคำพูดของเขา ก็จริงนะที่ตะวันพูดมา แทนก็ชอบพูดหาเรื่องคนไปทั่วแต่จริงๆแล้วก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ


“แล้วทำไมชลถึงถามเรื่องนี้กับเราอ่ะ อย่าบอกนะว่าหึงเรากับไอ้แทน แน่ะๆ”


ผมทำท่าขนลุกใส่ตะวัน เลยโดนอีกฝ่ายบีบจมูกด้วยความหมั่นไส้


“ก็แค่ถามดูเฉย”


“แน่ใจ ไม่ใช่ว่าหึงแล้วเอาไปคิดมากหรอกนะ”


“เราจะไปหึงทำไมเล่า!”


ว่าจบก็ยื่นมือไปตีที่ไหล่ตะวันดังเพี๊ยะ คนโดนตีก็แอ็คติ้งเจ็บจนอยากมอบรางวัลตุ๊กตาทองคำให้


“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ตะวันยิ่งหล่อๆอยู่ด้วย” ตะวันว่าเสียงอ่อน ไม่วายทำหน้าทะเล้นใส่ผมอีก


“แทนก็หล่อเถอะ” ผมตอบกลับบ้าง ตะวันหน้าบึ้งแล้วพูดต่อ


“นี่ๆ อย่าชมคนอื่นสิ ตะวันจะหึงแล้วนะ”


“ก็แทนหล่อจริงๆนี่นา  หน้าตาคมๆผิวแทน หุ่นก็ดี สเป็กหลายๆคนเลย” ผมว่าอย่างลอยหน้าลอยตา ได้ยินเสียงฮึดฮัดจากคนตรงข้ามก็ยิ่งรู้สึกสนุก


“ยังจะพูดอีก”


“หึงจริงแล้วหรอเนี่ย”


“ก็หึงน่ะสิ เนี่ยๆมาปลอบเลย เสียใจ”


ผมมองตะวันที่ทำหน้าเศร้าเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้งก็ต้องส่ายหน้าแล้วยื่นมือไปลูบหัวเขาเบาๆ


“โอ๋ๆไม่หึงนะครับ ก็แค่พูดเรื่องจริงนี่นา ไม่รู้จะหึงไปทำไม”


“ยิ่งพูดเรื่องจริงนี่แหละยิ่งน่าหึง”ตะวันช้อนตามองหลังจากพูดจบประโยค “คอยดูนะถ้าจีบติดแล้วจะฟัดให้ช้ำเลย”


พอได้ยินอย่างนั้นมือที่ลูบหัวเขาอยู่ก็หยุดชะงักก่อนจะตีหัวตะวันไปด้วยความหมั่นไส้ ใครใช้ให้พูดแบบนั่นเล่า!


“พูดอะไรทะลึ่ง”


“ก็อยากฟัดจริงๆนี่”


“ยังจะพูดอีก” ผมทำท่าจะตีเขาอีกรอบ ตะวันเลยยกมือไหว้ท่วมหัว


“ขอโทษคร้าบบ จะไม่พูดแล้วคร้าบบบ”


“ดี” ผมเอ่ยชมแต่ก็ต้องชะงักไปอีกเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของตะวัน


“ไม่พูดแล้วแต่จะทำเลย” แล้วก็ลุกวิ่งหนีไปจากโต๊ะเพราะเห็นผมง้างมือจะฟาดเขา


นั่นไงไม่วายหันมาส่งยิ้มแล้วทำมินิฮาร์ทให้อีก ปวดหัวกับเขาจริงๆเลย



แต่ก็....มีความสุขนะ








“โอ้โห จีบกันแต่เช้าเลยเหรอจ้ะ” วาที่มาตอนไหนไม่รู้ถามขึ้นล้อๆแล้วหย่อนกายนั่งลงข้างๆผม


“จีบเจิบอะไรเล่า!” ผมกลับทำเป็นมองหาเนมเพื่อนอีกคนเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน”เนมล่ะ”


“ทะเลาะกับแทนอยู่โน่น” ผมหันไปมองตามทิศทางที่วาชี้ให้ดูก็เห็นแทนไทกับเนมทะเลาะกันอยู่จริงๆ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันจริงจังหรอกครับก็ทะเลาะด่ากันหมูหมากาไก่ตามปกตินั่นแหละ


“เจอกันเป็นไม่ได้เลยสองคนนี้”


“ไม่เหมือนชลกับตะวัน เจอกันทีไรก็จีบกันตลอดเลยใช่มั้ยล่ะ” วายังคงแซวไมเลิก ผมเลยลุกขึ้นแล้วพาวาเปลี่ยนเรื่องทันที


“ไปเรียกเนมขึ้นเรียนกันเถอะ” วายิ้มล้อใส่ผม เพราะรู้ดีว่าผมเปลี่ยนเรื่องเพราะอะไร


“จ้าๆ เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องทุกที”


“วา!”


วาหัวเราะเสียงดังหมดความเป็นกุลสตรีแล้วเดินนำหน้าผมไปหาอีกสองคนที่ยืนทะเลาะกันอยู่


“อ้าวเนี่ยเพื่อนมึงมาพอดี มึงเอาเพื่อนไปเก็บดิ้” แทนไทพอเห็นผม เขาก็กวักมือเรียกผมยิกๆให้มาลากเนมออกไป


“ก็ไม่ได้อยากจะยืนตรงนี้นานหรอก”


“ไม่อยากยืนนานแต่กูเห็นมึงยังไม่ไปไหนเลยตั้งแต่เจอกูเนี่ย คนห่าอะไรเจอหน้าก็ด่ากันตลอด บ้าป่ะ”


“นายสิบ้า”


“ยังจะเถียงอีก ตัวเท่าหมาเดี๋ยวกูเตะโด่งไปโน่น”


“ชอบใช้กำลัง”


“เสือก”


“ก็ไม่ได้อยากยุ่งเท่าไหร่หรอก”


“เหรอๆ ไม่อยากยุ่งก็ไปได้ละ เห็นหน้าแล้วคิดถึงหมาที่บ้าน”


“เอ๊ะ! ไอ้บ้านี่”


พอเห็นเนมอารมณ์ขึ้นจริงๆแล้วทำท่าจะเขาไปต่อยแทนไท ผมกับวาก็ต้องไปดึงตัวไว้ ดูจากหุ่นฝั่งตรงข้ามแล้วคาดว่าเนมอาจจะได้น็อคแล้วเข้าโรงพยาบาลไปซะก่อน


“วันหลังก็ล่ามคอเพื่อนมึงไว้ด้วยล่ะ อย่าให้มันไปเห่ามั่วซั่ว”


“แทนก็พูดดีๆบ้างสิ” ผมตอบกลับ แทนไทถอนหายใจเหนื่อยหน่าย


“กูก็เป็นของกูแบบนี้ ใครรับไม่ได้ก็ช่างแม่ง” เข่าวาก่อนจะโบกมือลาผมแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดแล้วหันหน้ามาคุยกับผมต่อ “อาทิตย์นี้กูไม่อยู่ไม่ต้องเสนอหน้าไปที่แปลงเกษตรล่ะ เดี๋ยวไม่เจอ”


ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนแทนไทจะพยักหน้ากลับ เห็นเขาเหลือบมองเนมแวบหนึ่งแล้วก็เดินหายไป


พอเห็นแทนไทเดินไปจากที่นี่แล้วก็ปล่อยตัวเนมให้เป็นอิสระ เนมหอบหายใจด้วยความแรงก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ


“เราขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ชลกับวาขึ้นไปที่ห้องเลยก็ได้เดี๋ยวเราตามไป”


ผมกับวามองหน้ากันแล้วหันไปพยักหน้าให้เนมเพื่อเป็นการตกลง ทะเลาะกับแทนไททีไรก็เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า













หลังเรียนเสร็จผมเดินลงมาจากตึกเรียนก็เห็นตะวันนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของพวกผม มีคนนั่งตรงข้ามเป็นผู้หญิงที่ผมพอจะคุ้นหน้าว่าเป็นดาวของคณะผม ผมยืนมองเขาสักพักโดยมีเนมกับวายืนเป็นเพื่อน


ตลอดเวลาที่คุยตะวันมีแต่รอยยิ้มตามแบบฉบับเขา เพราะเขาเป็นคนชอบยิ้มและอัธยาศัยดีเลยไม่แปลกที่เขาจะยิ้มแต่ที่แปลกคือผมไม่ชอบให้เขายิ้มกับดาวคณะคนนั้นเลยสักนิด


สักพักพวกเขาก็คุยกันเสร็จ ผมมองตามหลังดาวคณะที่เดินออกไปหาเพื่อนก่อนตะวันจะหันมาเห็นผมแล้วโบกไม้โบกมือส่งมาให้พวกผมทั้งสามคนเดินเข้าไปหา


“เป็นไงบ้าง?”


“ง่วงมาก”


“งานก็เยอะมากเช่นกัน”


วากับเนมตอบแล้วขอตัวกลับก่อน ทิ้งให้ผมกับตะวันอยู่ด้วยกันสองคน


ตะวันหันมายิ้มให้ผม แล้วเอ่ยถามผมบ้าง


“ชลล่ะเป็นยังไงบ้าง” เขายิ้ม ยื่นมือมาเช็ดเหงื่อที่ข้างขมับให้ผม “คิดถึงเราเหมือนที่เราคิดถึงชลหรือป่าว?”


ผมจิ๊ปากใส่เขา อารมณ์ก่อหน้าหายไปเป็นปลิดทิ้งแทนที่ด้วยความเขินอายกับคำถามของเขา


“บ้าหรือไง เจอกันเช้าเที่ยงแล้วตอนเย็นก็ต้องกลับด้วยกันอีกจะคิดถึงทำไมเล่า”


ตะวันทำหน้าเศร้า เหมือนเสียใจกับคำพูดของผม


“แต่ทำไมตะวันคิดถึงชลตลอดเวลาเลยอ่ะ แย่จริงเลยเนอะ”


“ยังจะมาเนอะอีก ไปกันได้แล้ว” 


ผมเดินนำตะวันไปที่รถเขา เปิดประตูขึ้นมานั่งเองเสร็จสรรพอีกคนก็ตามมาแล้วสตาร์ทรถแต่ไม่ยอมออกสักที


“คนอะไรเขินยังน่ารัก จะทำให้หลงไปถึงไหน”


ผมหันไปมองเจ้าของคำพูด


“แล้วตัวเองล่ะ จำทำให้เขินไปถึงไหน”


ตะวันทำหน้าคิด คิดแบบจริงจังเหมือนทำข้อสอบ


“เขินถึงขั้นเป็นแฟนกันไปเลยเป็นไง”


พอได้ยินคำตอบนั้นผมก็ฟาดลงบนแขนตะวันทันที


“นี่ก็หยอดจังเลย ไปๆออกรถสักที”


“คร้าบๆๆๆๆ”






ตะวันส่งเสียงหัวเราะไปตลอดทางอย่างมีความสุขไม่ต่างไปจากผมเลยที่ก็มีความสุขเหมือนกันที่มีตะวันคอยอยู่ข้างแบบนี้






มีความสุขจัง.....







##################


หลังจากหายไปนานก็ได้ฤกษ์ลงต่อสักที55555


ฝากนิยายอีกสองเรื่องด้วยค่า

➤➤เขาว่ากันว่า....✿✿ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66094.0)

ใจบาง♥ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64476.0)
















หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-02-2018 10:40:01
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 19-02-2018 17:56:08
เรื่องน่ารักดีค่าาาา*_*
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 25-02-2018 08:37:38
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 25-02-2018 21:02:33
จีบกันน่ารักจังเลย  :-[
หัวข้อ: Re: ❤❤ มาดามใจ ❤❤ {Chapter12 ไม่ต้องมีคำบรรยาย} 18/02/2561 UP!! หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 17-06-2018 00:59:22
น่าร้ากก