พิมพ์หน้านี้ - Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: katiezz ที่ 16-12-2012 12:58:32

หัวข้อ: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 16-12-2012 12:58:32
,ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,
ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง
ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก
ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ
กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง
ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะ
เสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น
คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว
ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย
และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย
เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ
ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ
ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ
โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] intro 16/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 16-12-2012 13:03:31
Intro


[Pontz x Joe]


[Joe]


ม.4 โรงเรียนใหม่........นี่คือหนึ่งในสิ่งที่ผมเกลียด

ผมเกลียดการเริ่มต้นใหม่

ผมเกลียดการโกหก

และที่สำคัญ...ผมเกลียดการหักหลัง

กลับมาเรื่องไอ้โรงเรียนใหม่นี่ดีกว่า  ผมไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลยจริงๆว่าจะส่งผมมาเรียนที่นี่ทำไม ในเมื่อโรงเรียนเก่าของผมก็ดีอยู่

แล้ว ถึงจะดีไม่เท่าโรงเรียนนี้ก็เถอะ แล้วนี่ไหนผมจะต้องหากลุ่มเพื่อนใหม่ และโรงเรียนนี้มันก็ยังเป็นโรงเรียนประจำอีก  ผมต้อง

อยู่หอพักในโรงเรียน ได้กลับบ้านแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ให้ตายซิ

“โจ เอาของไปเก็บบนหอซิลูก” แม่พูดพลางดันไหล่ผมให้เดินเข้าไปในหอพัก

“ม๊า โจถามจริงเหอะ ทำไมต้องให้โจมาเรียนที่นี่ด้วย” ผมไม่ยอมเดินขึ้นหอแต่กลับหันไปถามแม่ด้วยคำถามที่สามารถทำให้แม่
หัวเสียได้ง่ายๆ

“โจ ม๊าคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ”

“ไม่จริงอ่ะ ม๊าไม่ถามความคิดโจเลย” ผมตอบกลับไปแทบจะทันที

“โจ ม๊าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่แล้ว โรงเรียนนี้ดีเป็นอันดับหนึ่งในจังหวัดเราเลยนะลูก แล้วลูกก็อุตส่าห์สอบติดเข้ามาได้จากเด็กเป็นหมื่น ลูกก็ควรจะเรียนไป เข้าใจมั้ย”

 “มีอะไรกันอ่ะแม่” นั่นไงล่ะ ของจริงมาแล้ว

“ก็โจน่ะสิพ่อ ไม่ยอมเอาของไปเก็บสักที” อย่างพูดอย่างนั้นม๊า มันจะทำให้ผมซวยได้ง่ายๆ

“โจ แกมีปัญหาอะไรอีก” พ่อหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่โคตรดุ ถามอย่างนี้จะให้ผมตอบเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก....

“ไม่มีครับ” ผมตอบพลางส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ท่าน

“ก็ดี งั้นก็เอาของขึ้นไปเก็บให้เสร็จ แล้วเดี๋ยวค่อยลงมาคุยกันอีกที”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างว่าง่าย จะให้ทำไงได้ละครับท่านเป็นคนที่น่ากลัวมากๆสำหรับผม

ผมเดินไปดูรายชื่อที่ติดอยู่หน้าหอว่าผมต้องอยู่ชั้นไหนปีกไหน  และผลปรากฏว่า...ชั้น 4 ปีก ขวา  เชี่ยยยยยยยยยยย  ขี้เกียจขึ้นบันไดโคตรๆอ่ะ

“เฮ้ย มึงอ่ะดูเสร็จยังหลบให้คนอื่นดูบ้างเหอะ” มาเฟียเชียวสัด เดี๋ยวปั๊ด....เหี้ยยยสูงไปไหนวะ ผมว่าผมก็สูงใช่ได้แล้วนะ แต่ไอ้เปรตนี่สูงกว่าผมเป็น 10 เซน เลยมั้งเนี่ย

“จะจ้องกูอีกนานมั้ย กูรีบ!!!!!” มีขู่ครับ มีขู่

“เหอะ แม่งเหี้ยวะ” เอาละครับ ผมก็ใช่ว่าจะยอมคน

“มึงว่าใคร” มันถามกลับทันทีครับ หน้ามันนี่แบบว่าแทบจะม่วงอยู่แล้วอ่ะ

“เสือก” ผมตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนจะเดินหนีขึ้นหอไปทันที  หนทางนี้อีกยาวไกล~

“ไอ้เหี้ย มึงด่ากูเหรอสัด มึงรู้มั้ยว่ากูเป็นใคร มึงกลับลงมาพูดกะกูเดี๋ยวนี้เลย!!!! #@$%&*$%%##$@@”  และอีกมากมายที่ไม่สามารถจะอธิบายออกมาได้



โอ๊ยยยยย แม่งถึงสักทีชั้น 4 นี่ถ้าต้องเดินขึ้นลงอย่างนี้ทุกวัน ผมมีหวัง ได้ตายอยู่ชั้นไหนสักชั้นด้านล่างก่อนแน่นอนเลย

แล้วผมก็ลากสังขารตัวเอง เข้าไปในปีกทางด้านขวาที่ผมอยู่ครับ และเมื่อเข้าไปถึงมันก็จะเป็นเตียงนอน 2 ชั้น สองล็อก ถัดไป

อีก  2 ล็อกเป็นล็อกเกอร์เก็บเสื้อผ้าแยกเป็นคนๆ และอีก 2 ล็อกเป็น ห้องน้ำกับห้องส้วม

แต่ละล็อกนอนจะมีเตียงทั้งหมด 3 เตียง ก็นอนกันล็อกละ 6 คนอ่ะครับ ดีน้อยดี ผมเป็นคนไม่ชอบคนเยอะๆอยู่แล้ว อยู่กันแค่นี้ก็ดี

ผมเดินไล่ดูชื่อที่ติดอยู่ที่เตียงไปเรื่อยๆ และก็เจอครับ ผมนอนด้านบน เตียงผมอยู่ด้านในสุดเป็นล็อกที่ติดกับล็อกเกอร์เลย แล้ว

เตียงผมก็ติดทางเดินด้วยสะดวกดีจังผมชอบ

ผมเอาของใช้พวกเครื่องนอนตั้งไว้บนเตียงก่อนจะเดินเอาเสื้อไปเก็บในตู้เสื้อผ้า

อื้มล็อกเกอร์ผมอยู่ติดทางเดินเหมือนกันแฮะ สะดวกสบายเกินไปแล้วโจ ฮ่าๆๆ

“โอ๊ยยยย เมื่อยโว๊ย เมื่อยยยยยย” เสียงนี่คุ้นจนน่ากลัวเลยอ่ะ

ผมชะเง้อคออกมาจากล็อกเกอร์มองไปที่เตียงแล้วก็พบว่าตอนนี้เจ้าของเตียงที่อยู่ล่างผมได้มาถึงแล้ว....ไอ้เปรตตตตตต
ซวยชิบเลย แม่งอย่างนี้ผมก็ต้องนอนบนมันไปตลอดทั้งปี จนกว่าเค้าจะเปลี่ยนชั้นเปลี่ยนปีกให้ ตายยยย ตายแน่กู!!!!!

ผมจัดของในตู้จนเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเรียบร้อยก่อนจะเดินมาที่เตียงเพื่อปูเตียง

“ไรนะม๊า ทำไงนะ มัดมุมผ้าเหรอ เออออ ทุกมุมเลยป่ะ โอ๊ยฟูกแม่งหนักว่ะ ไรอีกม๊าเร็วดิฟูกมันหนัก” เอิ่ม ถ้ามึงจะขู่แม่ขนาดนั้นละก็นะ

ผมพยายามเดินทำตัวปกติไปที่เตียงเพื่อที่จะจัดของ ผมปูเตียงเป็นนะอย่างน้อยๆแม่ผมก็เคยสอนมาอ่ะ

“เฮ้ย มึง” ถ้าจะทักกูแบบเป็นมิตรขนาดนี้

“มีไร” เอาล่ะครับ เหี้ยมาก็เหี้ยตอบ

“แค่นี้ก่อนนะม๊า ป๊อนซ์เจอเพื่อนแล้ว” มันวางสายแม่มันไปเรียบร้อยแล้ว แต่กูอยากจะถามมันมากว่า ใครเพื่อนมึงเหรอ
แล้วมันก็มองมาที่ผมอย่างมีเลศนัย

“มึงอ่ะ”

“...” ผมไม่ตอบครับ แม่งเริ่มรำคาญไอ้เหี้ยนี่แล้ว คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนวะ

“มึงอ่ะ กูเรียกทำไมไม่ตอบ”

“กูไม่ได้ชื่อมึง” เริ่มมีน้ำโหแล้วนะแล้วนะ

“โอเคๆ ก็ควรจะทำความรู้จักเพื่อนใหม่อย่าเป็นทางการสินะ” มันพูดแล้วหยุดยิ้มก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง

“เราชื่อป๊อนซ์นะ มาจากโรงเรียน..... แล้วนายล่ะชื่ออะไร” ไอ้เหี้ยนี่แม่งเริ่มน่ากลัวแล้วครับ เปลี่ยนโหมดอารมณ์โคตรเร็ว

“กูชื่อโจ” ผมตอบกลับไปสั้นๆ

“โอเค เอาเป็นว่าเรารู้จักกันและเป็นเพื่อนกันแล้ว และเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน ดังนั้น มึงต้องช่วยกูปูเตียง” มันพูดไปยิ้มไปดูอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้

“ไม่”

“มึงต้องทำ”

“กู ไม่ ทำ” ผมพูดเน้นทีละคำ เพราะเผื่อว่ามันจะไม่เข้าใจ

“มึงต้องทำ เพราะตอนนี้มึงเป็นเพื่อนกูแล้ว” เหตุผลมึงแม่งฟังขึ้นมากกกก

“กูก็มีเตียงของตัวเองให้ปูนะมึง” ผมลองพูดใช้เหตุผลกับมันดูรับ เผื่อว่าจะได้ผล

“ถ้างั้นก็เอางี้ดิ ไม่ต้องปูเตียงมึง ปูแค่เตียงกูเตียงเดียวแล้วเราค่อยนอนด้วยกัน”มันพูดแล้วฉีกยิ้มกว้าง

มึงพูดอะไรออกมาน่ะ ไอ้เชี่ยป๊อนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!


end

นิยายเรื่องนี้เกิดจากความฟินของคนเขียนล้วนๆ  :impress2: มีอะไรติชมก็ติชมกันเข้ามาได้เลยนะค่ะ

ช่วยกันเป็นกำลังใจให้ด้วยล่ะ  :pig2:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] intro 16/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: lingphed ที่ 16-12-2012 14:19:06
มาเป็นกำลังใจให้เรื่องใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] intro 16/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: ap08572290 ที่ 16-12-2012 22:51:58
มารอติดตามต่อครับ :-)
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 1 Pontz's mark : 19/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 19-12-2012 01:09:20
Pontz's mark
[/size]

[Pontz x Joe]

[Joe]



“โจ คาบนี้อย่าเรียนเลยมึง โดดเหอะ”

“มึงก็พูดแบบนี้ทุกคาบอ่ะ” ผมไม่ได้ใส่ใจคำพูดมันหรอกครับ ผมก็เดินต่อไปเพื่อที่จะไปเรียน

“มึงอ่า อย่าไปเลยกูไม่ชอบครูคนนี้อ่ะ” ยังครับ มันยังไม่ยอมแพ้

“กูไม่ได้เรียนเก่งเหมือนมึงนะป๊อนซ์ ขืนกูไม่เข้ามีหวังได้ 0 มากินแน่” ผมไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรหรอกครับ แต่ผมอาศัยความ
ขยันที่ผมมี ผมถึงได้เข้ามาเรียนที่นี่ได้

“มึงอ่า โจ อย่าปายยยยย” ปล่อยให้มันพล่ามไปเถอะครับ เพราะยังไงๆ มันก็เดินตามผมมาอยู่ดี

ผมก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวเหมือนกันนะว่ากลายมาเป็นเพื่อนสนิทของมันได้ไง คือแบบว่ารู้ตัวอีกทีก็เป็นเพื่อนกันแล้ว แล้วสนิทกันแค่ 2 คนด้วย  ซวยจริงๆ

“โจ มึงเข้าไปนั่งด้านในได้ป่ะ กูอยากนั่งติดประตูอ่ะ” เฮ้อออ เรื่องมากตลอด  คือผมกับมันเนี่ยนั่งแถวติดประตูเลยครับ โรงเรียนผมจัดโต๊ะแบบนั่งเป็นคู่อ่ะ แล้วตำแหน่งที่นั่งเนี่ยก็ตรงประตูพอดี แต่ปกติแล้วผมจะนั่งติดประตูส่วนมันจะนั่งถัดเข้าไปด้านในอีกที

“เออ ได้” ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับผมนั่งตรงไหนก็ได้อยู่แล้ว

เรียนไปได้สัก 10 นาที ไอ้เหี้ยตัวข้างๆผมนี่ไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้วครับ อิจฉามันจริงๆเลย ขนาดว่ามันทำตัวอย่างนี้นะ มันยังสอบได้ท็อปทุกวิชาเลย กูเกลียดมึงงง

“เอาละนักเรียนตกลงว่า กระบวนการตรงนี้ มันต้องใช้กี่ ATP จ๊ะ” เงียบครับเงียบ ไม่มีใครตอบเลยสักคน

“ไม่มีใครตอบถ้างั้นเอาเลขที่ 12” ชิบหายยยย

“.....”

“ใครเลขที่ 12 ค่ะ”

“ไอ้เหี้ยป๊อนซ์ตื่น ไอ้เวรตื่นเร็วมึงงง” ผมเขย่าตัวมันอย่างแรงครับ แต่มันก็ไม่ยอมตื่นสักที

“พงศกร เธอเลขที่ 12 เหรอ” เอาแล้วกู ซวยแล้ว

“เอ่อ คืออ ว่า....” เอาไงละกูถ้าบอกว่าไอ้ป๊อนซ์เลขที่ 12 ไปตอนนี้มันตายแน่ แต่ถ้าโกหกไปแล้วจับได้ทีหลังคนที่ตายจะกลายเป็นกูแทน

“36” โอ๊ะ พระเจ้ามันตื่นได้ทันเวลาพอดีเลยยยย

“อ้าว ภัทรพงศ์หรอกเหรอเลขที่ 12”

“ครับ”

“อ๋อ งั้นก็ลุกขึ้นยืนตอบเลยจ๊ะ”

“36 ATP ครับ” ดีแล้ววป๊อนซ์ ดีแล้ววว นี่ขนาดมันหลับนะเนี่ย ยังตอบได้เลย แล้วดูผมตั้งใจเรียนตลอดคาบ ไม่มีความหมายอะไรเลยย

“เก่งมากภัทรพงศ์ นั่งลงได้” แล้วอาจารย์แกก็หันไปสนใจบนกระดานต่อ เฮ้ออ เกือบไปแล้วโจ

“ทำไมมึงไม่ปลุกกูวะโจ” แน่ะยังมีหน้ามาถามอีก

“กูเขย่ามึงจนแขนจะหลุดจากตัวอยู่แล้วเหอะ” อาจจะฟังดูเว่อร์ไปหน่อย แต่ก็นะผมพูดไปตามอารมณ์

“เฮ้อออ กูบอกแล้วว่าอย่าเข้าเห็นมั้ยเกือบซวยไปแล้ว” ยังมีหน้ามาด่าคนอื่นอีกครับ ไม่ได้สำเหนียกตัวเองเล๊ยยย

“เอ่อ น้องป๊อนซ์คะ” ใครอีกละครับนั่น มาแอบอยู่ที่ประตูข้างโต๊ะไอ้ป๊อนซ์

“ครับ” ไอ้นี่ก็ไหลลื่นเหลือเกิน เปลี่ยนอารมณ์เร็วเชียวนะ

“พี่ซื้อขนมมาฝากอ่ะ” อ๋อ ผู้หญิงคนนี้เป็นรุ่นพี่นั่นเองครับ เธอพูดพลางยื่นกล่องใส่ขนมอะไรสักอย่างมาให้

“ขอบคุณนะครับ” แม่งยิ้มหวานเข้าไป อยู่กะกูแม่งไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้ เหอะ

“ตั้งใจเรียนนะค่ะ” โอ๊ยยย แล้วพี่ไม่ไปเรียนเหรอครับบบบ

“ครับ พี่ก็เหมือนกันนะครับ” โดนไปอีกหนึ่งดอก เก่งเหลือเกินนะไอ้เรื่องทำให้ผู้หญิงเขินเนี่ย

แล้วพี่คนนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเพื่อนๆของพี่เค้าอีกเป็นสิบคน

“โจ”

“อะไรของมึงเห็นป่ะว่ากูเรียนอยู่” เหวี่ยงครับเหวี่ยง

“มึงเป็นไรเนี่ย” เออ นั่นสิ ผมเป็นไรวะ

“ไม่ได้เป็นอะไร ช่างกูเหอะ” ผมพูดแบบปัดๆแล้วหันมาสนใจบทเรียนต่อ

“มึงงอนอะไรกูสักอย่างชัวร์”

“เปล่า” เออ บางทีก็ห้วนไปนะโจ

“ชัวร์เลย อ่ะกูง้อ” มันพูดพร้อมกับยื่นกล่องขนมที่พี่เค้าเพิ่งจะให้มันมาเมื่อกี๊มาให้ผม

“หน้าด้านสุดๆ”

“เอาเหอะ” ยิ้ม ยิ้ม เดี๋ยวกูต่อยฟันร่วงเลย

“กูถามจริงเหอะ มึงไม่กลัวพี่เค้าเสียใจบ้างเหรอวะ”

“กูยังไม่รู้เลยว่าพี่เค้าเป็นใคร ทำไมกูต้องแคร์ด้วย สู้กูแคร์คนที่กูรู้จักไม่ดีกว่าเหรอ” มันพูดพร้อมกับจ้องเข้ามาในตาของผม  เอิ่ม เล่นกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้ผมก็มีเสียการควบคุมบ้างนะครับ

“เรียนเหอะมึง” ผมตัดบทเลยครับ แม่งชอบพูดอะไรแบบนี้ตลอดอ่ะ

“ก๊ากกกก ฮ่าๆๆ มึงเขินกูเหรอ มึงเขินกูอ่ะ” เออ เชิญมึงสะใจไปเถอะ ไอ้เหี้ยนี่แม่งชอบแกล้งคนอื่นตลอดอ่ะ ไม่รู้มันเป็นเชี่ยอะ
ไร

เฮ้อออ ผมไม่ชอบให้มันทำกับผมแบบนี้เลย มันทำให้ผมเหมือนเป็นตัวตลก ที่มันจะทำอะไรกับผมก็ได้ เหอะคิดแล้วหงุดหงิดโว้ยยยย

“อาจารย์ครับ ขออนุญาตไปห้องน้ำครับ” ผมไม่ไหวแล้วครับ ต้องไประบายด้านนอกซะหน่อย

“จ๊ะ” สิ้นคำอนุญาตของอาจารย์ผมก็เดินออกมาจากห้องทันที โดยที่มีเสียงตะโกนไล่หลัง ของไอ้ป๊อนซ์ตามมาอย่างไม่ลดละ

“โจ โจ มึงไปไหนวะ ไอ้โจ!!!!!” ตะโกนได้ตะโกนไป สัดเพราะมึงเลยทำกูอารมณ์เสีย

ตอนนี้จุดหมายปลายทางของผมไม่ใช่ห้องน้ำหรอกครับ ผมเดินไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหน แต่ที่แน่ๆคือเดินไปให้ไกลจากไอ้คนที่มันชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นสักที

“โอ๊ย เชี่ย” เดินแม่งไม่ดูอะไรเลย ชนเข้ามาได้

“ขอโทษครับน้อง” คำพูดขอโทษมาพร้อมกับมือที่ยื่นออกมาเพื่อจะพยุงผมขึ้น

“ไม่เป็นไรครับ” อารมณ์โกรธของผมหายไปบ้างแล้ว เป็นผลมาจากคำขอโทษของพี่เค้านั่นแหละครับ

“โอเคแน่นะ” พี่แกเป็นใครผมยังไม่รู้เลยครับ แต่นี่เล่นจับผมแล้วหมุนซะรอบตัวเลย จากที่ไม่เป็นไรนี่ ตอนนี้เริ่มจะมึนๆแล้วดิ

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ ขอบคุณมาก”

“งั้นก็โชคดีนะ” พี่เค้าพูดพร้อมกับเอามือมาแตะที่ศอกของผม

“โอ๊ยยย” ความรู้สึกเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแขน

“เฮ้ยน้อง ไหนบอกไม่เป็นไรไง” พี่เค้าพูดพลางทำสีหน้ากังวล

“แผลนิดเดียวเองพี่ ผมไปใส่ยาที่ห้องพยาบาลเดี๋ยวก็หาย”

“ไม่เอาๆ เดี๋ยวพี่พาไปดีกว่า ว่าแต่เราชื่ออะไรอ่ะ” พี่เค้าถามพลางดันหลังผมให้เดินไปที่ห้องพยาบาล

“ผมชื่อโจครับ”

“อ๋อน้องโจ พี่เคยได้ยินนะ เพื่อนพี่มันกรี๊ดน้องอยู่อ่ะ พี่โคตรฮาเลย มันคลั่งเรามากเลยนะ” ผมแม่งเริ่มกลัวซะแล้วสิ

“เหอะๆ” ไม่รู้จะพูดอะไรดีอ่ะครับ ปกติผมจะได้ยินว่าเค้าคลั่งป๊อนซ์อะไรประมาณนี้ แต่ไม่เคยได้ยินว่าคลั่งผมเลยนะ

“เอ่อลืมบอก พี่ชื่อเบสนะ” อืม พี่เบส นิสัยแอบดีนะ ผ่านๆๆๆ

“ครับ” ผมตอบรับพลางยิ้มน้อยๆไปให้เพื่อเป็นการแสดงถึงความเป็นมิตร

“โจ!!!!!!!”

“เฮ้ย มึงมาได้ไงวะ” ตกใจครับท่าน ไอ้เชี่ยป๊อนซ์มันมาได้ไงเนี่ย

“แล้วนั่นมึงเป็นไรวะ” มันถามพลาง บุ้ยปากมาทางศอกของผม

“นิดหน่อยว่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก พี่เบสกำลังจะพากูไปห้องพยาบาลนี่ไง” ผมพูดพลางเอามือไปแตะไหล่พี่เบส

“ไปสนิทกันตอนไหน” เสียงแม่งอย่างกวนตีนอ่ะ มันเป็นไรวะเนี่ย ดูแปลกๆ

“เฮ้ยน้อง เคารพพี่บ้างก็ดีนะ” พี่เบสก็ไม่ยอมเหมือนกันครับ คือโรงเรียนผมค่อนข้างจะถือระบบรุ่นพี่รุ่นน้องเป็นใหญ่น่ะครับ

“พี่แล้วไงวะ ไม่ใช่พ่อสักหน่อย” โอ๊ย ไอ้เหี้ยนี่ก็เหลือเกินอ่ะ ผมรู้สึกได้ถึงพายุที่กำลังก่อตัวขึ้นใกล้ๆครับ

“เฮ้ยไอ้น้องอย่าให้มันมากนะเว้ย” พี่เบสก้าวเข้ามาใกล้ไอ้ป๊อนซ์อีกหนึ่งก้าว และการกระทำนั้นมันก็ดูเหมือนเป็นการท้าทายก
ลายๆ

“เฮ้ยพอเหอะๆ ถือว่าผมขอนะ อย่าทะเลาะกันเลย” ผมเอามือไปกั้นระหว่างสองคนนั้นแล้วดันให้ออกห่างจากกันจนอยู่ในระยะที่ปลอดภัย

“โจ คราวนี้พี่จะไม่เอาเรื่องนะ แต่ถ้ามีครั้งต่อไปอีกพี่ไม่เอาไว้แน่”

“ครับๆ” ผมรีบตอบรับคำพี่เบสอย่างรวดเร็ว

“แล้วแผลล่ะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูทำเอง” เฮ้ย ไอ้เหี้ยนี่ก็แม่งไม่เลิกวะ ไปกินรังแตนมาจากไหนวะเนี่ย

“เฮ้ย ไอ้..”

“พอได้แล้วป๊อนซ์ ไม่เป็นไรครับพี่เบสเดี๋ยวผมไปทำเอง พี่ไปเถอะครับ” ผมหันไปพูดปรามไอ้ป๊อนซ์ ก่อนที่จะหันไปบอกลาพี่
เบสที่ยืนอยู่ตรงกันข้าม

“พี่ไปก่อนนะโจ โชคดีนะ” พี่เบสพูดพลางหันมาส่งยิ้มให้ผม

“ครับๆ” ผมยิ้มตอบพี่แกไปเป็นการขอบคุณ

“มีความสุขมากเหรอมึงอ่ะ” อีกแล้วครับ เสียงเหี้ยนี่ลอยมาอีกแล้ว

“ถ้าไม่ได้จะช่วยก็ไม่ต้องตามมา” ผมพูดตัดบท พลางเดินตัดหน้ามันไปที่ห้องพยาบาล

“มานี่” ไอ้ป๊อนซ์เดินมากระชากแขนของผมอีกข้างที่ไม่ได้เจ็บ ให้เดินตามมันไป

“เฮ้ย จะพากูไปไหนวะ” อะไรละครับเนี่ยอยู่ดีๆก็มากระชากผมเฉยเลย

“ไปที่หอ”

“หา ไปหอตอนนี้เนี่ยนะ มึงจะบ้าเหรอ จะไปทำไม แล้วแผลกูล่ะ ป๊อนซ์ ไอ้ปะ..”

“หุบปากสักที!!!!!” เงียบเลยครับ ใครจะไปกล้าหือกับมันตอนอารมณ์ไม่ดีล่ะ อยู่เฉยๆแล้วเดินตามมันไปเงียบๆดีกว่า

แล้วมันก็ลากผมมาจนถึงหอพักครับ หอพักตอนนี้ไม่มีเด็กอยู่เลยเพราะมันเป็นช่วงเวลากลางวันทุกห้องก็จะมีคาบเรียนกันหมด จะ
มีก็แต่ครูหอคนเดียวที่นั่งอยู่หน้าหอ

“อ้าวว นั่นไอ้โจเป็นไรมาวะ” พวกผมค่อนข้างจะสนิทกับครูหอที่นี่ครับ เลยพูดจากันแบบไม่ค่อยเป็นทางการเท่าไหร่

“ไอ้โจมันล้มอ่ะครับ ผมเลยพามันกลับมาทำแผลที่หอ” ไอ้ป๊อนซ์หันไปบอกครูหอ ในขณะที่ผมยังไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา

“อ๋อ เออๆแล้วนี่มึงลาโรงเรียนยัง”

“ยังครับ แต่เดี๋ยวผมโทรไปให้ไอ้พีเจบอกครูให้” ไอ้เหี้ยป๊อนซ์พูดตอบเองทุกอย่าง

แม่งมึงจะไม่ให้กูพูดอะไรเลยใช่ป่ะ ส่วนไอ้พีเจนี่ก็เป็นเพื่อนในห้องที่สนิทอีกคนนึงอ่ะครับ

“เออๆ”  หลังจากครูอนุญาตมันก็แทบจะพาผมบินขึ้นชั้น 4 บอกได้คำเดียวว่า เหนื่อยโคตร


ปัง!!!!!!

เมื่อเข้าไปในชั้นปีกมันก็ปิดประตูแล้วล็อกกลอนทันที เฮ้ย นี่มึงคิดไม่ซื่อกะกูป่ะเนี่ย

“ป๊อนซ์ มึงเป็นไรวะ” ผมเอามือไปแตะที่ไหล่มันเบาๆ

“มึงนั่นแหละเป็นอะไร”

“ห๊ะ??” มันถามย้อนกลับมาที่ผม แต่เอ่อ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ

“กูก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่หว่า”

“อยู่ดีๆ มึงออกมาจากห้องทำไม” จะให้ตอบว่าอะไรล่ะครับ ก็ขนาดตัวผมเองผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไร

“กู คือ กู.....”

“เออ ช่างแม่งเหอะ มากูทำแผลให้” ป๊อนซ์พูดพลางดึงผมให้นั่งลงบนเตียงแล้วมันก็หยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมา ก่อนจะค่อยๆ
ทำแผลให้ผม ผมอยากจะบอกว่ามันมือเบามากกก

จนผมไม่รู้ตัวเลยว่ามันทำเสร็จตอนไหน

“อ่ะ เรียบร้อย” มันพูดพลางเอานิ้วค่อยๆลูบผ้าก็อตที่ปิดแผลผมอยู่เบาๆ

“อือ ขอบใจมากมึง”

“ไม่เป็นไรอยู่แล้ว”

“ไปกลับไปเรียนกันเหอะ”

“ไม่ต้องไปแล้ว” ป๊อนซ์พูดพลางเอนตัวลงนอนอย่างสบายอารมณ์

“เฮ้ยมึง ได้ไงวะ”

“ก็ทำไมจะไม่ได้วะ ตอนบ่ายเรียนแนะแนวกะนาฏศิลป์มึงจะไปเหรอ” มันถามผมแต่สภาพมันนี่คือจะหลับอยู่แล้วอ่ะครับ

“เฮ้ออ โดดอีกแล้ว”

“เหอะนา เดี๋ยวกูโทรให้ไอ้พีเจลาครูให้” พูดจบมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์อยู่พักหนึ่งก่อนจะกดโทรออก

“เออ พีเจนี่กูป๊อนซ์นะ”

“เออ กูขอช่วยไรหน่อยดิ”

“เออนา ไม่เดือดร้อนมึงหรอก คือกูจะให้มึงเขียนใบลาช่วงบ่ายให้กูกะไอ้โจหน่อย”

“เออใช่ๆ กูอยู่หอ ไอ้โจมันเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”

“ไม่เป็นไรมากกูทำแผลให้แล้ว”

“อืม แต๊งกิ้วเว้ย” พูดจบมันก็วางสายก่อนจะนอนไปแบบสบายๆ เฮ้อนี่มึงใช่กูเป็นข้ออ้างป่ะเนี่ย

ผมก็ชักจะง่วงๆแล้วสิ นอนเอาแรงสักหน่อยแล้วกัน แต่ตอนนี้ผมขี้เกียจปีนขึ้นเตียงบนซะด้วยสิ กูขอนอนด้วยแล้วกันนะป๊อนซ์ ผม
เอาเท้าเขี่ยๆตัวมันให้ขยับไปอีกทางก่อนจะสอดตัวเข้าไปนอนข้างๆมัน เฮ้อออ สบายจริงๆเลยยยย





“โจๆ” ใครวะแม่งน่ารำคาญโว้ยยย

“อืมมมม”

“ไอ้โจ”

“อารายยแว๊”  ไม่ไหวแล้วครับ อยากจะเอาตีนยันหน้าไอ้คนมาปลุกจริงๆเลย

“ไปเล่นบาสกันมึง”

“ไม่เอากูง่วง”

“ง่วงอะไรวะ มึงนอนตั้งแต่เที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ”

“เออวะ” ผมเด้งตัวขึ้นมาอัตโนมัติ

“ไปเหอะ”

“เออรอกูแปปนึงพีเจ กูเปลี่ยนชุดก่อน” ผมวิ่งไปที่ล็อกเกอร์พลางตะโกนบอกพีเจไปด้วย

“เออๆ”

 แล้วผมกับพีเจก็เดินลงมาจากหอพักเพื่อจะไปเล่นบาส

“เออมึง แล้วไอ้ป๊อนซ์อ่ะ” เออ ตั้งแต่ผมตื่นนี่ผมยังไม่เห็นหน้ามันเลยนะเนี่ย

“กูเห็นอยู่สนามบาสตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว ไม่รู้อารมณ์เสียมาจากไหนแม่งชู้ตบาสจนแป้นจะพังอยู่แล้ว”

“จริงดิ” เออมันเป็นอะไรของมันอีกละเนี่ย วันนี้แม่งดูอารมณ์เสียทั้งวันเลย

“เออนี่มึง กูสงสัยวะ”

“สงสัยอะไรวะ” หน้าตามันตอนนี้แม่งสงสัยจริงครับ

“มึงโดนอะไรกัดมาวะ แม่งเต็มคอเลย”

“หา จริงดิ” เตียงป๊อนซ์ก็ไม่น่าจะสกปรกขนาดนั้นนะ

“เออ มันแดงเป็นจ้ำๆอ่ะมึง”

“เห้ยยย แม่งอะไรกัดกูวะ”

“อ้าวน้องโจหวัดดีครับ” พี่เบสสะกิดผมจากด้านหลัง

“อ้าวพี่เบสหวัดดีครับพี่ ไปเล่นฟุตซอลเหรอ?” ผมหันหน้าไปทักทายพี่เบส

“เอ่อ คือ.. เอ่อ คอน้องโจ” พอพี่เบสเห็นรอยแมลงที่คอผมเข้าแม่งก็ทำสีหน้าแปลกๆออกมาซะชัดเลย รังเกียจผมเหรอ

“อ๋อ แมลงกัดน่ะครับ”

“เหรอ”

“ครับๆ” หวังว่าพี่จะไม่รังเกียจผมนะ

“โจ มึงเพิ่งตื่นเหรอ” มาแล้วครับไอ้ชั่วป๊อนซ์

“เออดิ แม่งป๊อนซ์ เตียงมึงแม่งไม่รู้มีตัวเชี่ยอะไรแม่งกัดกูแดงหมดแล้วเนี่ย” ผมพูดพลางเอียงคอให้มันดูรอยโดนกัด

“หึ” หัวเราะอย่างนั้นมันหมายความว่าไงน่ะ

“ไม่ต้องมาหึเลยมึงแม่ง” โกรธครับโกรธ ทำไมมันก็นอนด้วยกันแต่มันไม่มีรอยวะ แค้นๆ

“เอ่อ น้องโจพี่ไปก่อนนะ” เกือบลืมไปเลยว่าพี่เบสยังยืนอยู่ด้วย

“ครับๆ โชคดีพี่”

“ครับๆ” แล้วพี่เบสก็วิ่งไปสนามบอล

“รู้ว่าทำแล้วแม่งได้ผล กูทำนานแล้ว” งุบงิบอะไรของมึงน่ะ

“มึงพูดว่าอะไรนะ” เหี้ยนี่ชอบพูดอะไรแล้วเข้าใจคนเดียว

“หึ มึงเอาจริงเหรอวะป๊อนซ์” อะไรอีกวะพีเจ นี่พวกมึงเข้าใจกันอยู่แค่สองคนอ่ะนะ

“อือ ก็คงจะใช่แล้ววะ”

“ให้แน่นะมึงมันก็เพื่อนกูเหมือนกัน”

“อืม”

“เฮ้ยย พวกมึงพูดอะไรกันอยู่วะเนี่ย”

“หึ กูไปก่อนนะมึง โชคดีเว้ย” พีเจโบกมือลาก่อนจะเดินจากไปอย่างมีความสุข

“อืม โชคดีมึง”

“อ้าว ป๊อนซ์ กูจะมาเล่นบาสเว้ย มึงจะลากกูไปไหนเนี่ย” ไอ้ป๊อนซ์แม่งเอามือมากอดคอผมแล้วลากให้เดินกลับไปทางหอ

“ไม่เอา ไม่ให้มึงใส่เสื้อบาส กูหวง”

“หา!!! หวงไรมึงวะ”

“มึงอยากรู้มั้ยว่าคอมึงเป็นรอยอะไร” แม่งเบี่ยงเบนประเด็นโคตรๆ แต่ไม่เป็นไรเพราะประเด็นหลังแม่งน่าสนใจกว่า

“อยากรู้ดิ” ผมพูดพลางเอียงหูไปหามัน แม่ง อย่าให้กูรู้นะว่าตัวไรมันบังอาจมาแตะต้องคอกู กูจะเหยียบให้แบนเลย
            ......
             ....
              ..
               .

“ Pontz’s mark” เชี่ยยยยยยย  อะไรน้าาาาาาาาาาาา



.....................................end.......................................

จบอีกตอนนึงแล้วค่าาาาา

มีอะไรผิดพลาดก็ติชมกันได้นะคะ 

ปล.นิยายเรื่องนี้เนื้อหาส่วนใหญ่ของเรื่องเป็นเรื่องจริง ส่วนความสัมพันธ์ นี่คนแต่งมโนไปเอง 555+

ปล.2 อย่าลืมเม้นให้กำลังใจกันด้วยนะคะ นิยายเรื่องนี้ขับเคลื่อนด้วยกำลังใจจากคนอ่าน (แอบเน่านิดนึง ฮี่ๆๆ)
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 1 Pontz's mark : 19/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-12-2012 10:45:48
 :mc4: :mc4:

ยินดีต้อนรับเรื่องใหม่จ้าาาาาา
ดำเนินเรื่องดีนะ โอเคดีจ้า

ชอบจังเลย ป๊อนรุกซะ
มาอีกไวๆนะ
เป็นกำลังใจให้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 1 Pontz's mark : 19/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 19-12-2012 12:19:22
โอ้โห งานนี้มีคิสมาร์คไว้ซะด้วยนะ รอตอนต่อไปจ้า :really2: :really2: :impress2: :impress2: :-[ :-[ :-[ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 1 Pontz's mark : 19/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-12-2012 15:04:59
เสร็จแน่ๆๆเรยโจ อีกไม่นานๆๆ  :pighaun: 5555555

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 1 Pontz's mark : 19/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 20-12-2012 05:12:36
ป๊อนแสดงความเป็นเจ้าของสุดๆอ่ะ 555+
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 2 แฟน??? : 21/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 21-12-2012 19:04:56
ตอนที่ 2
[/size]



[Pontz x Joe]




[Joe]






“Pontz’s mark” เอิ่ม เชี่ยยยย มึงหมายความว่าไงวะ!!!!!!!

“หา มึงล้อกูเล่นป่ะเนี่ย” ผมยอมรับเลยครับว่าตกใจมาก แต่ก็คิดว่ามันน่าจะแกล้งผมมากกว่าอ่ะนะ

“แล้วแต่มึงจะคิดเหอะ” เออดี งั้นกูขอคิดว่ากูโดนแมงกัดแล้วกันนะ

“อืม เอ่อป๊อนซ์ กูไปโรงยิมนะ” สักหน่อยแล้วกันวันนี้ แม่งไอ้ป๊อนซ์ทำผมเออเร่อ

“ไปทำอะไร” เสียงแข็งครับ เป็นไรอีกละเนี่ย

“ก็ปกติอ่ะ แล้วมึงจะไปด้วยป่ะ” ปกติในที่นี่ของผมก็กิจกรรมที่ทำเวลาเครียดนั่นแหละครับ

“ไม่เอา ต่อไปนี้มึงห้ามสูบบุหรี่อีกเด็ดขาด” ตามนั้นเลยครับ ผมมักจะสูบบุหรี่เวลาเครียดๆ ก็ไม่ได้สูบบ่อยๆนะ แต่ถ้าสูบทีนึงก็เยอะใช่ได้เลยล่ะ

“ทำไมวะ”

“กูไม่อยากมีเมียเป็นมะเร็งปอด” อืม อย่างนี้นี่เอง เฮ้ยยยยยยย

“เหี้ยยย เมื่อกี๊มึงพูดว่าอะไรนะ” ผมถามมันอีกทีเพื่อความั่นใจ

“เมียไง”

“ตลกสัดอ่ะ ใครเมียมึง” ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเลือดส่วนใหญ่ในร่างกายไปกองรวมกันอยู่ที่หน้าหมดแล้วเนี่ยยยยย

“มึง” ตอบสั้นได้ใจความดีมากป๊อนซ์ มึงจะบ้าเหรออออออ

“มึงแม่งไปแอบแดกเหล้ามารึเปล่าวะ” ผมเอามือไปจับคางมันแล้วหมุนซ้ายทีขวาที แม่งก็ปกตินี่หว่า

“อ๊ายยยยยยยย แก!!!!!!! ไม่ไหวแล้วอ่ะ น้องเค้าแบบว่า กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” เอิ่ม มันเกิดอะไรขึ้นละครับนั่น

“ฉันบอกแกแล้วว่าคู่นี้อ่ะเรียลมากกก” เอิ่ม พี่ครับหันมามองหน้าผมหน่อยก็ดีนะ

“ฉันชอบอ่ะแก” ซุบซิบกันให้เบากว่านี้หน่อยก็ดีนะครับ

“หึ”  เสียงไอ้ป๊อนซ์ครับ แม่งมึงจะสบายใจไปไหน

“มึงแม่งไปเคลียร์หน่อยดิป๊อนซ์” ผมพูดพลางดันไหล่ไอ้ป๊อนซ์ให้เดินไปทางที่มีพี่ๆผู้หญิงยืนอยู่

“ไม่เอาอ่ะ ไปกันเหอะมึง” มันทำท่าทางไม่สนใจก่อนจะ เอามือมาคล้องคอผมให้เดินตามมันไป

“ตกลงไปไหนเนี่ย”

“กลับหอไง” บางทีมึงก็ดูเผด็จการไปนะป๊อนซ์ กูล่ะเอือม

“มึงมัน แม่งงงงงง”โวยวายไปก็เท่านั้นละครับ เฮ้อออออ เหนื่อยจริงๆๆ

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” หัวเราะอีก เดี๋ยวกูต่อยฟันร่วงเลย แม่งงง

“ป๊อนซ์จ้าาาาาาา” อะไรอีกละเนี่ย กูจะเดินถึงหอป่ะ

“อ้าวซินดี้ มีไรอ่ะ” ไอ้นี่แม่งดีเกินกะผู้หญิงอ่ะ ส่วนผมแม่งไม่ค่อยจะชอบสุงสิงกะคนอื่นเท่าไหร่เลยได้แต่ทำหน้านิ่งใส่เค้าไปทั่ว
ก็เลยไม่ค่อยจะมีใครมาพูดกับผมสักเท่าไหร่

“เป็นนายนพให้หน่อยดิ”

“หาาาา เราเนี่ยนะ” เออมันเนี่ยนะเป็นนายนพ เพ้อแล้วซินดี้

“เออใช่ ช่วยสายชั้นหน่อยนะ นะป๊อนซ์” ซินดี้พยายามทำสีหน้าน่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เอ่อ เอาไงดีวะโจ” หันมาถามผมอีกแม่งงงงง

“ไม่รู้ เรื่องของมึง” ผมหงุดหงิดครับแม่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าหงุดหงิดอะไร เลยเดินหนีออกมาซะเลย นี่ผมจะตุ๊ดไปป่าววะ






“โจ โจ รอด้วยยยย” มาแล้วครับ ไม่ปล่อยให้กูเดินถึงหอก่อนละ ถึงจะตามมาอ่ะ

“โจ ไมไม่รอเลยวะ”

“ก็เห็นมึงคุยธุระ ก็เลยไม่อยากกวน”

“อะไรวะเนี่ย แม่งกูเพิ่งรู้นะว่ามึงจะขี้งอนขนาดนี้” ย้ำครับย้ำจุดด้อยผมเลยล่ะ

“เออ แม่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานเพิ่งมารู้”

“ก็ตอนเป็นเพื่อนน่ะไม่ได้สนใจแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วนี่หว่า” โดนไปอีกดอกครับ

“เหี้ยไรของมึงเนี่ย” ร้อนครับ ตอนนี้รู้สึกว่าหน้าร้อนมากกกกก

“โจกูพูดตรงๆเลยนะ”

“อย่า”

“โจ...”

“อย่า” กูไม่อยากฟัง กูไม่พร้อมมมมม

“โจ”


“อย่าาาาาาาา”

“เป็นแฟนกะกูนะ” จบแล้วครับชีวิตนี้ และแล้วผมก็เสร็จเพื่อนตัวเองเหรอเนี่ย แม่งงงง

“เอ่ออ คือออ” ติดอ่างเลยผม จะให้ตอบไงละครับเนี่ย

“ว่าไง” อย่ามาเค้นกูนะ

“ไม่รู้”

“ไม่รู้ได้ไง มึงรู้ป่ะ ว่ากว่ากูจะกล้าพูดนี่ต้องใช้เวลานะเว้ย” อย่ามากดดันกู!!!!

“เออ” เอาละครับ ชีวิตต่อจากนี้ของผมต้องมีแต่เรื่องแปลกๆเข้ามาชัวร์เลย

“ฮ่าๆๆๆๆๆ น่ารักดี”

“อย่ามาชมกูนะ”

“ฮ่าๆๆๆ โอเคๆๆ ไม่แกล้งแล้ววว” เออ กว่าจะสำนึกนะมึง

“แล้วตกลงมึงต้องเป็นนายนพป่ะ”

“ไม่ต้องเป็นแล้ว”

“ทำไมวะ”

“ก็กูบอกเค้าไปว่า เมียหวง” โอ๊ยยยยย พัง พอรู้ว่ากูเขินละก็ชอบจังนะกับพูดอะไรแบบนั้นเนี่ย

“พอเหอะๆ” ผมรีบตัดบทซะ ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

“มีความสุขวะ กลับหอกัน” แล้วไอ้ป๊อนซ์ก็ทำท่าประจำคือเอามือข้างนึงมาคล้องคอผมไว้แล้วลากให้เดินไปด้วยกัน

ผมไม่รู้หรอกนะว่าผมรักมันหรือเปล่า แต่เวลาผมอยู่กับมันผมก็มักจะเป็นตัวของตัวเอง เวลาจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงมันก่อนทุกที นี่
เค้าเรียกว่าความรักรึเปล่านะ

และผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าวันข้างหน้าจะเป็นไง ผมรู้แค่ว่าวันนี้ ตอนนี้ เวลานี้ ผมอยู่กับป๊อนซ์แบบนี้มันทำให้ผมมีความสุขที่สุดแล้ว

“ป๊อนซ์ๆ” ไอ้เชี่ยอะไรอีกแล้ววะเนี่ยยยยย

“อ้าวเค้กว่าไง” อ้าว ไอ้เวรไปรู้จักเค้าอีก เดี๊ยะ มึงจะโดนไม่ใช่น้อยย กูขอใช้สิทธิ์ที่เพิ่งจะได้มาเมื่อกี๊ ในการหึงมึง เชอะ

“เราจะมาบอกว่าวันนี้มีเรียนคลินิกวิชาเลขนะ” เรียนคลินิกอีกแล้ววว  คืองี้นะครับเรียนคลินิกนี่ก็อารมณ์ประมาณเรียนเพิ่มเติมไร
เงี้ย แต่มันจะเรียนตอนกลางคืนเลิกประมาณ 2-3 ทุ่มอ่ะ แล้วนั่นมันเป็นเวลาพักผ่อนของผมมมมม

“อืม ขอบใจนะที่มาบอก” งามนะมารยาทมึงน่ะ

“จ้าๆๆ” เค้กยิ้มจนตาหยีก่อนจะเดินไป

“ชอบเค้าล่ะสิ พูดเพราะซะ” ขอประชดมันหน่อยเถอะ น่าหมั่นไส้เกิ๊นนนน

“บ้าแล้ว คิดมากไปนะมึงอ่ะ” เชี่ยป๊อนซ์แม่งทำหน้ากวนส้นใส่ผมครับ

“เหอะ”

“เค้กเค้าก็เพื่อนในห้องนะโจจะไม่ให้กูรู้จักได้ไงวะ”

“อ้าว จริงดิ”

“ก็ใช่ดิ แม่งหึงไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะมึงอ่ะ” มันพูดพร้อมกับเอามือมาหยิกแก้มผมเบาๆ อย่าทำอย่างนี้นะ กูหวั่นไหว (ฮ่าๆๆ แอบแรดนิดนึง)

“แล้วนี่เอาไงดี จะกลับหอก่อนหรือว่าอยู่ที่โรงเรียนเลยอ่ะ” ถามไปงั้นแหละเพราะใจจริงอ่ะ ผมอยากกลับหอมากก แบบว่าอยาก
นอนก่อนไปเรียนจะได้ไม่หลับในห้อง

“กลับหอก็ได้” น่ารักที่สุดดดด

“ดีเลย กูง่วง” ผมพูดพลางฉีกยิ้มจนตาปิดให้มัน

“มึงอย่ายิ้มอย่างนี้อีกนะโจ”

“ทำไมวะ พริกติดฟันกูเหรอ” ผมหุบปากทันทีที่ป๊อนซ์พูดจบ  เชี่ย มึงทำกูเสียความมั่นใจอ่ะ

“เปล่า ก็แค่น่ารัก” จบครับจบ อย่าชมกูนักได้มั้ย กูจะลอยแล้วเนี่ยยยย





แล้วเวลาแห่งความทรมานของผมก็ได้มาถึงแล้วววว  กูยังนอนไม่อิ่มเลยอ่าาาาาาา

“โจ ทำไมมึงทำหน้างั้นวะ”

“ก็กูง่วงอ่ะ” ตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยยยย

“เฮ้ออ กูไม่น่าให้มึงนอนตอนเย็นเลย”

“ป๊อนซ์!!!! กูง่วงอ่าาาาาา” โวยวายครับ โวยวายยยยยย

“งั้นกลับไปนอนที่หอเอามั้ยมึง”

“แล้วมึงอ่ะ”

“กูก็กลับด้วยดิ” บ้าแล้ว นี่ผมกำลังจะทำให้เพื่อน เอ๊ แต่มันเป็นแฟนผมนี่หว่า อืมม แต่แม่งกระดากอ่ะ เอาเป็นว่านี่ผมกำลังจะทำให้ป๊อนซ์เสียการเรียนใช่มั้นเนี่ยยย

“ไม่เอา ไปเรียนดีกว่า” ผมพูดแล้วเดินนำหน้ามันไปที่ห้องเพื่อแสดงถึงความหึกเหิมที่ผมมีอยู่(ถึงแม้ว่ามันจะน้อยนิดก็เหอะ)

“มาสายอีกแล้วนะ 2 คนนี้” เอาแล้วครับแค่ยื่นปลายจมูกเข้าไปในห้องก็โดนประชดซะแล้ว

“ขอโทษครับ อาจารย์” ป๊อนซ์เป็นฝ่ายพูดขอโทษอาจารย์ก่อนจะลากแขนผมให้เดินเข้าไปในห้อง

หลังจากเข้ามาในห้องได้ไม่นาน ป๊อนซ์แม่งก็หลับครับ  อิจฉามึงจริงๆเลย แม่งนี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจเรียนนะ ยังได้คะแนนเยอะ
ขนาดนี้ แล้วถ้ามึงตั้งใจนี่มึงไม่ได้คะแนนเลยคะแนนเต็มไปเลยเหรอวะ

ในขณะที่ท่านชายป๊อนซ์กำลังให้พระอินทร์ติวให้อยู่ผมก็ต้องนั่งถ่างตาเรียนครับเพราะว่านี่ขนาดผมตั้งใจเรียนมากๆแล้วนะ ผมยังผ่านมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปดเลย แล้วถ้าผมทำตัวอย่างมันนี่ไม่ต้องคิดเลยครับ ตกระนาวราวรูดแน่นอน

เห็นมันหลับสบายแล้วอิจฉาครับ ขอแกล้งสักหน่อยเหอะ

“ป๊อนซ์” ผมก้มลงไปกระซิบข้างๆหูมันครับ

“....” เงียบๆ เอาอีกสักที

“ป๊อนซ์ๆ”

“อืมมมมม” อ่า เริ่มรู้สึกตัวแล้วครับ

“ไฟไหม้กล่องเก็บวันพีชมึง!!!!!” คราวนี้ผมพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยเพื่อความตื่นเต้น แล้วเอาของรักของหวงอย่างกล่อง
เก็บหนังสือการ์ตูนวันพีชของมันมาเป็นเหยื่อล่อ เสร็จกูแน่ป๊อนซ์

“เหี้ยยย กูจะไปเผาหัวพ่อมึงงงง!!!!!!!!!!” ป๊อนซ์ลุกขึ้นยืนตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปข้างหน้า

“.....” กริบครับ ตอนนี้ทั้งห้องหันมามองมันเป็นตาเดียว  แหม่ ผลตอบรับมันดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ

“เอ่อ” เอาล่ะซิครับ ใครไม่เคยเห็นไอ้ป๊อนซ์เอ๋อ ก็กรุณาเบิ่งตาให้กว้างเพื่อเก็บภาพนี้ไว้นะครับ ฮ่าๆๆๆ ผมละสะใจ ได้แก้แค้นมันนิดๆหน่อยๆหลังจากที่วันนี้มันทำผมตกใจมาทั้งวันแล้ว

“มีอะไรรึเปล่าภัทรพงศ์” อาจารย์หันมาถามด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม ตอนนี้ผมชักจะเริ่มสงสารไอ้ป๊อนซ์แล้วสิ

“ไม่มีครับอาจารย์” มันตอบอาจารย์กลับเสียงค่อยๆ โถ ป๊อนซ์ผู้น่าสงสาร

“แล้วเมื่อกี๊เธอจะไปเผาหัวพ่อใครอะไรยังไงเหรอ”

“เอ่อ คือ....”ไอ้ป๊อนซ์อ้ำอึ้งอยู่นาน เอาวะ ความรู้สึกผิดมันอยู่เหนือความสะใจซะแล้วตอนนี้

“ผมแกล้งเค้าเองครับอาจารย์” แมนป่ะละ ไม่มีใครแมนกว่ามึงอีกแล้วโจ

“เหรอ พงศกร งั้นดีเลยเพราะครูกำลังจะหาคนไปยืนเป็นเพื่อนภัทรพงศ์ด้านนอกพอดี” ไหงเป็นงี้อ่ะ

“เอ่อ...” อึ้งเลยครับผม ไม่น่าจะเป็นคนดีขึ้นมาเลย

“เชิญจ๊ะ ออกไปยืนนอกห้องทั้ง 2 คนเลย” จารย์แม่งใจร้ายอ่าาาาาา

ผมกับไอ้ป๊อนซ์เลยต้องออกมายืนอยู่หน้าห้องตามระเบียบครับ ไม่น่าแกล้งแม่งเลย เรียนก็ไม่ได้เรียน เซ็งๆๆๆๆๆๆ

“เป็นไงล่ะ เล่นไม่เข้าท่า” มันด่าผมครับ มันด่าผมอ่ะ

“มึง มึง.. มึงว่ากู”

“ก็ใช่” ปฏิเสธหน่อยก็ดีนะป๊อนซ์

“ก็...ก็ กู..” พูดอะไรดีวะ คิดไม่ออกโว้ยยยย

“ถ้ายังคิดดำพูดดีๆออกมาไม่ได้ มึงก็ยืนเงียบๆไปก่อนเลย” เหี้ยยยย มันโกรธผมอ่ะ ผมควรทำไงดี เอิ่มมมมม  ง้อสิ ใช่ๆ ผมต้อง
ง้อมัน

“ป๊อนซ์...” แง แค่ผมพูดขึ้นมานิดเดียวมันก็หันมามองหน้าผมซะตาเขียวปั๊ดเชียว

“...” มองได้แต่อย่าชอบ~  ไม่ใช่และ ผิดงานๆ  อย่ามองกูแบบนั้นน้าาาาา

อ่าาาาา ผมคิดออกแล้ว

“ป๊อนซ์~~~” ตอนนี้เสียงผมคีย์โคตรต่ำ แถมยังยานนนอีกต่างหาก

“ว่า..” สั้นครับ สั้นมากก แต่ผมไม่ยอมหรอก สู้โว้ยยย

“ป๊อนซ์ครับ โจขอโทษ”

“...” แฮ่ๆๆ กูแอบเห็นนะว่ามึงกระตุกยิ้มมุมปากนิดนึง  เกือบได้ผลแล้ว

“ป๊อนซ์ครับ อย่าโกรธโจเลยนะ”

“....”  อีกนิดโจ ใกล้สำเร็จแล้วววว

“ป๊อนซ์อ่าาาาาา  โจก็แค่อยากให้ป๊อนซ์สนใจโจบ้างอ่ะ”  พูดเองก็อยากจะอ้วกเองนะ แต่ตอนนี้ต้องง้อมันให้สำเร็จก่อน สู้!!!!!!

“.....” 

“ป๊อนซ์!!!!!” คราวนี้ผมเขยิบเข้าไปใกล้มันอีกนิดนึงครับ แอบเอาหัวไปถูๆที่ไหล่ด้วย (ฮ่าๆๆ แรดป่ะละ)

“อย่าเข้ามา” อ้าววว ความหวังพังครืนเลยกู อะไรวะ มันควรจะสำเร็จดิ

“ทำไมอ่ะ” ผมถามพร้อมกับไปยืนประจันหน้ากับมันเลยครับ ผมไม่ยอมแน่คราวนี้

“กู บอก ว่า อย่า เข้า มา” เสียงโหดไปแล้ววววว

“......”  ความอดทนของผมค่อยๆจะลดลงทีละนิด  เฮ้ออออ  ทำไมผมกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้นะ ปกติผมไม่เคยแม้แต่จะใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นเสียด้วยซ้ำ แต่นี่ ผมกำลังมาตามง้อผู้ชายคนนึงที่เพิ่งจะขอผมเป็นแฟนเมื่อตอนกลางวัน แต่ตอนนี้เค้ากลับไล่ผมให้ไปไกลๆ  แล้วนี่ผมต้องทำยังไงล่ะ

“......”

“......”

และแล้วความอดทนของผมก็หมดลง ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเป็นสายโดยไม่สนใจที่จะเช็ดมันออก ผมปล่อยให้มันไหลออกมาเรื่อยๆ พร้อมๆกับที่ผมกำลังจมดิ่งเข้าไปในความคิดของตัวเอง ทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นช้าๆ  นี่ผมเป็นคนบ่อน้ำตาตื้นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

“โจ”

“.....”

“เฮ้ย โจมึงร้องทำไมวะ” ไอ้ป๊อนซ์เดินมายืนตรงหน้าผมพร้อมกับจับไหล่ผมให้หันตัวไปประจันหน้ากับมัน

“.....”

“โจ มึงอย่าร้องดิ กูไม่ชอบให้มึงเป็นแบบนี้เลย” ป๊อนซ์ยังพูดออกมาเรื่อยๆ พลางใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของผมอยู่ออกให้จนหมด

“กู....ฮึก..กู....” ผมพยายามพูดแล้วนะ แต่มันพูดไม่ออกอ่ะ

“ตกลงมึงร้องทำไมเนี่ย”

“ก็ ฮึก...ก็ มึงไล่กูอ่ะ”

“ฮ่า  ฮ่าๆๆๆๆ”

“มึงขำอะไรอ่ะ” ชักจะฉุนขึ้นมาอีกรอบแล้วนะ

“ก็มึงแม่งทำตัวโคตรน่ารักอ่ะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมายีหัวผมเบาๆ

“อะไรนะ??” งงเลยครับ อารมณ์แม่งโคตรแปรปรวนอ่ะ

“เฮ้อออ มึงรู้ตัวมั้ยโจ เวลากูอยู่กับมึงกูต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหน ยิ่งเวลามึงทำเหมือนเมื่อกี๊นี่กูแทบบ้าเลยนะ” อ๋อ นี่มึง
รำคาญกูใช่มั้ย ไอ้เหี้ยโจ!!!!!!

“เออ แม่งงงง” หงุดหงิด หงุดหงิด

“นี่มึงคิดอะไรอยู่อีกแล้วเนี่ย” มันพูดพลางเอานิ้วโป้งมานวดคลายคิ้วของผมที่กำลังจะผูกเป็นเงื่อนพิรอดอยู่แล้ว

“ก็มึงรำคาญกูอ่ะ”

“บ้าแล้วววว ที่กูบอกว่าอดทนน่ะ..” แล้วมันก็เว้นไปครับ เว้นไปซะกูลุ้นเชียว

“.....”  ตั้งใจครับ ตั้งใจฟังมากกก

“กูต้องอดทนข่มตัวเอง..... ให้ไม่จับมึงปล้ำซะตรงนี้เลยไงละ ดื้อ” เอิ่ม นี่มึงคิดอกุศลกะกูเหรอไอ้เลวววววววว


“เอ่อ กู ว่า เอ่อ ไก่ แม่งมาก่อนไข่วะ” เชี่ย อะไรของกูเนี่ยยย  อยู่ใกล้ไอ้เหี้ยนี่แล้วสมองรวนตลอด

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“อย่าหัวเราะกูนะ”

“ไม่หัวเราะแล้วก็ได้ แต่ดื้อต้องสัญญากับป๊อนซ์นะว่าจะไม่คิดเองเออเองอีก” มึงอย่ามาหวานได้มั้ย  กูเขินนน  แต่เอ๊ะเมื่อกี๊มันเรียกผมว่าดื้อเหรอ

“มึงเรียกกูว่าดื้อเหรอไอ้ป๊อนซ์”

“ช่ายยยย” อย่ามาทำตาอย่างนั้นนะ เดี๋ยวกูจิ้มตาบอดเลย

“ไมวะ”

“ก็มึงดื้ออ่ะ”

“ไม่จริง กูไม่เห็นจะดื้อเลย” เถียงสุดใจขาดดิ้นครับ

“ก็ที่มึงเป็นอยู่ตอนนี้ เค้าเรียกว่าดื้อ”

“กูไม่ได้..”

“เฮ้ย พวกมึง 2 คนอ่ะ จะจีบกันอีกนานมั้ยวะ” ไอ้พีเจชะโงกหน้าออกมาตะโกนหาพวกผม แต่เฮ้ยยย ข้างในห้องได้ยินด้วยเหรอวะ

“ไม่ได้จีบกัน” ดีมากป๊อนซ์

“ก็แค่เคลียร์ปัญหาในครอบครัวก็แค่นั้น” อีเหี้ยยยยป๊อนซ์!!!!!!!!

“ฮิ้ววววว หวานจริงงงงง” เอิ่ม ถ้าพวกมึงทั้งห้องจะส่งเสียงกันดังขนาดนี้ละก็นะ

“พอๆ พวกมึงน่ะ เรียนไปเลย เมียกูเขินจะตายอยู่แล้ว” เหี้ยยยยป๊อนซ์ !!! แม่งพูดอย่างเดียวไม่พอครับ มันยังเอามือมาโอบหลังแล้วดึงหน้าผมให้ไปซุกอยู่ที่อกมันด้วยอ่ะ ปล่อยกู!!!!!!!

“เค้าเรียนเสร็จกันตั้งนานแล้วเว้ย แต่ที่เงียบน่ะ ก็เพราะฟังพวกมึงพูดกันอยู่ไงล่ะ” กระจ่างครับ เรียนเสร็จแล้วทำไมไม่บอกกูวะ

“อ้าว เหรอ งั้นกลับหอกันเหอะโจ”

“อื้ม” ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถสื่อสารอะไรออกมาได้ครับ จุกมากกก

ท่าเดิมเลยครับ มันล็อกคอแล้วลากผมให้เดินตามมันไป ชอบใช้กำลังจริงเลย

“ถ้ารู้ว่าน่ารักอย่างนี้ กูขอมึงเป็นแฟนตั้งแต่วันแรกแล้วว” พอเลยเหี้ยป๊อนซ์ กูเขินนนน

..............end........................

มาอีกตอนนึงแล้ววววว ขอเป็นแฟนแล้วด้วย (ไม่รู้จะเร็วไปมั้ย)

คนเขียนขอย้ำอีกครั้งว่าเหตุการณ์ในส่วนใหญ่เรื่องล้วนเกิดขึ้นจริงแต่อารมณ์ของตัวละครนั้นคนเขียนเป็นผู้มโนขึ้นมาเอง ก๊ากก

ตอนนี้เลยพยายามจะอัพให้เหตุการณ์เป็นปัจจุบันที่สุด  :impress2:

ขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นต์นะคะ  :pig4:

ปล. อ่านแล้วอย่าลืมเม้น & บวกเป็ดให้ด้วยนะจ๊ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 2 แฟน??? : 21/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 21-12-2012 20:15:00
หวานหยาดเยิ้ม หยดย้อยเลย คู่นี้
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 2 แฟน??? : 21/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 21-12-2012 20:58:26
อร๊างงง  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 2 แฟน??? : 21/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-12-2012 22:28:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 2 แฟน??? : 21/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 21-12-2012 22:44:08
เป็นแฟนกันแล้วววว *0* หวานกันซะเพื่อนอิจฉาเลย
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 2 แฟน??? : 21/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 22-12-2012 09:51:22
 :-[ :impress2:
อ่านไปเขินไป หวานจุงกะเบย
ชอบบบบ :กอด1: :man1:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 2 แฟน??? : 21/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-12-2012 18:57:07
น่ารักดีค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 3 Pontz's mark again ~ : 23/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 23-12-2012 13:38:30
ตอนที่ 3
[/b]




[Pontz x Joe]




[Joe]









“โจ ตื่นได้แล้ววววว”

“ไม่เอา ไม่ตื่น”

“เออ ถ้ามึงยังไม่ตื่นอ่ะกูนี่แหละจะเอา” เหี้ย ผมสปริงตัวขึ้นอัตโนมัติ หลังจากได้ยินคำล่อแหลมของมัน แม่งตั้งแต่ตกลงคบกับมันผมก็รู้สึกว่าตัวเองเปลืองตัวมากกกก

แน่ะๆ คิดอะไรกันอยู่น่ะ ผมกับมันยังไม่ได้มีอะไรกันหรอก เห็นอย่างนี้ผมก็หวงตัวนะครับ

“มึงแม่งชอบทำเสียบรรยากาศทุกเช้าเลย” อ้าววว แล้วทำไมมันอยู่ในชุดนักเรียนแล้วละเนี่ย ตื่นเร็วสาดดดด

“ก็มึงแม่งขี้เซา ไปอาบน้ำเลยไป” มันพูดแล้วดันหลังผมให้เดินไปทางล็อกเกอร์

เฮ้อออ ผมโคตรเกลียดตอนเช้าเลย แม่งขี้เกียจตื่น ช่วงนี้อ่านหนังสือก็ดึกแล้วยังต้องมาตื่นตอนเช้าไปโรงเรียนอีก แม่งกูขี้เกียจ
โว้ยยยยยยยยยยยย

“โจ ตกลงไอ้ป๊อนซ์มันไปแข่งบาสป่ะวะ” ไอ้พีเจโผล่หน้ามาจากล็อกเกอร์ข้างๆ

“บาสอะไรวะ” อะไรอีกเนี่ย กูไม่เห็นเคยได้ยินเลย

“ก็บาสของกลุ่มโรงเรียนที่มันต้องไปแข่งที่ภาคอีสานไง”

“อ้าว มันอยู่ในรายชื่อด้วยเหรอ”

“ไม่รู้วะ กูได้ยินคนอื่นพูดกัน แล้วนี่มึงไม่รู้เหรอเนี่ย”

“เออ กูไม่รู้” อะไรอีกแล้วละเนี่ย เฮ้ออออ แม่งมีเรื่องให้อารมณ์เสียแต่เช้าเลย

“อ๋อ อื้มๆ มันคงจะบอกตอนไปกินข้าวเช้าละมั้งมึง” พีเจพูดเหมือนเป็นการปลอบใจผมกลายๆ แล้วมันก็หันกลับไปแต่งตัวของมันต่อ 

    ป๊อนซ์ มึงเดี๋ยวมึงเจอกู!!!!!





“ทำไมมึงกินน้อยจังดื้อ กินอีกดิ” เสียงคร่ำครวญของป๊อนซ์ ที่ดังมาได้สักพักนึงแล้วดังขึ้นอีกครั้ง คือว่าตอนนี้ผมกินข้าวเข้าไปแค่นิดเดียวเท่านั้นครับ แล้วผมก็วางช้อนนั่งเงียบ

ไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย  รู้ไว้ซะนะป๊อนซ์ว่ากูงอนมึงอยู่

“....” ไม่ครับ ไม่พูดดดด

“ดื้อออ อย่าดื้อดิ กินเดี๋ยวนี้เลย” คราวนี้ไม่พูดเปล่าครับ มันตักข้าวมาจ่อที่ปากผมด้วย แต่มีเหรอที่ไอ้โจคนนี้จะยอม ไม่มีทาง!!!!!

“.....” ผมเม้มปากแน่น

“โจ หยุดเม้มปากแบบนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ” ไอ้ป๊อนซ์วางช้อนข้าวลงในจานก่อนจะเอามือทั้งสองข้างมาจับไว้ที่แก้มของผม  มันเรียกผมว่าโจแบบนี้แสดงว่าความอดทนใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้วล่ะ

“อื้อ อื้อ” ผมส่ายหน้าไปมาอย่างเอาใจ ก็จะให้ผมทำไงล่ะ คนมันน้อยใจนะ มีอะไรแม่งไม่คิดจะบอกกันเลย

“โอ๊ยยยย ประสาทจะแด๊ก พวกมึงหยุดทะเลาะกันเดี๋ยวนี้เลยนะ มึงเห็นมั้ยเนี่ยว่ากูจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย” คราวนี้เป็นไอ้พีเจครับที่มันโวยวายขึ้นมา  เออผมยอมก็ได้

“รู้ตัวแล้วใช่มั้ยว่าทำผิดอ่ะ” ป๊อนซ์ถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“กูไม่ผิด” พูดเบาๆ ให้ตัวเองได้ยินคนเดียวก็เกินพอแล้วครับ

“เฮ้อออ เอาเหอะๆ มากินข้าวต่อดีกว่า” มันพูดพร้อมกับเลื่อนจานข้าวมาอยู่ตรงหน้าผม

“อืออ”  และแล้วผมก็ต้องยอมมันอ่ะครับ แม่งๆๆๆๆ (อารมณ์เสียในใจ เชอะๆ)




“อิ่มๆๆ” โอ๊ยยย อิ่มมากเลยครับ ฮ่าๆๆๆ อิ่มแล้วอารมณ์ดีจัง เอ๊ะ หรือว่าเมื่อเช้าผมโมโหหิววะ

“เอ้าล่ะดื้อ  ป๊อนซ์จะถามว่าดื้อโกรธอะไรป๊อนซ์รึเปล่า” อ๋อ นึกออกแล้วว่าเมื่อเช้าผมโกรธมันเรื่องไปแข่งบาสนี่เอง หื้มๆๆ มีเคลียร์

“ใช่ กูโกรธ” เข้มไว้ก่อนมีโอกาสชนะสูงมากกก

“เรื่อง??”

“บาส” สั้นครับสั้นมาก แต่ดูมันชะงักไปนิดนึงนะ หรือว่ามันจะเป็นเรื่องจริงวะเนี่ย

“......” นิ่งเกินไปแล้วนะป๊อนซ์

“ว่าไงป๊อนซ์ มึงจะไปแข่งบาสเหรอ” ผมตัดสินใจตามมันแบบตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม

“อืม” เหี้ยยยยยยย 

“แล้วทำไมมึงไม่บอกกูวะ มึงจะให้กูรู้คนสุดท้ายหรือไง” ผมเริ่มจะฉุนขึ้นมาแล้วนะ แม่งไรวะ ทำไมเวลามีอะไรผมต้องรู้เป็นคนสุดท้ายตลอด

“ก็กูไม่รู้จะบอกมึงยังไง” ตอนนี้เสียงป๊อนซ์แบบว่าแผ่วมากกก  จนผมแอบสงสารแต่ไม่ได้ตอนนี้ผมต้องโกรธมันเท่านั้น

“มึงก็แค่เดินเข้ามาบอกกูว่า ‘เออโจ กูต้องไปแข่งบาสของกลุ่มโรงเรียนที่อีสานนะมึง’ แค่เนี้ย ทำไมมึงไม่พูด”

“โจ ฟังกูนะ กูไม่ได้อยากไปเลย” ป๊อนซ์พูดเหมือนพยายามจะเบี่ยงเบนประเด็น และนั่นมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

“กูไม่ได้สงสัยว่ามึงอยากไปรึเปล่า กูแค่อยากรู้ว่าทำไมมึงไม่บอกกูเรื่องที่มึงต้องไป”

“คือ กู....คือ....” เห็นท่าทางอ้ำๆอึ้งๆของมันแล้วแม่งขัดใจ ผมไม่ถามแล้วก็ได้

“เออ ช่างแม่งเหอะ แล้วนี่มึงต้องไปวันไหน”

“พรุ่งนี้”  หา พรุ่งนี้ พรุ่งนี้งั้นเหรอ

“อ๋อ นี่มึงกะว่าจะไปให้ถึงที่โน่นก่อนแล้วค่อยโทรมาบอกกูว่าไปแข่งบาสซินะ” ขอประชดหน่อยเถอะครับ แม่งสุดจะทนแล้วจริงๆ

“โจ กูขอโทษ ที่กูไม่บอกมึงเพราะกูไม่รู้จะบอกมึงยังไง อีกอย่างกูต้องไปทั้งอาทิตย์แล้วอาทิตย์หน้ามันก็เป็นวันลอยกระทงด้วย กูรู้สึกแปลกๆที่ต้องให้แฟนตัวเองลอยกระทงคนเดียว” ผมคิดตามคำพูดของป๊อนซ์แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอาทิตย์หน้าเป็นวันลอยกระทง แล้วนี่ตกลงผมต้องลอยกระทงคนเดียวทั้งๆที่มีแฟนแล้วเนี่ยนะ คิดมาถึงตรงนี้แล้วผมก็รู้สึกเหมือนร้อนๆที่ขอบตายังไงก็ไม่รู้

“อืมม” ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ที่คอ มันทำให้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“โจ โจ ฟังกูอยู่รึเปล่า”

“ฟังอยู่ดิ” ผมตอบพร้อมกับหันไปหามัน

“.....” มันเงียบครับ แล้วหน้ามันก็ดูนิ่งเอามากๆ

“ป๊อนซ์มึงเป็นอะไรวะ”

“กูขอโทษ” ป๊อนซ์พูดพลางยื่นมือออกมาแล้วใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มของผม แต่เอ๊ะ นี่ผมร้องไห้เหรอ

“กูขอโทษโจ กูขอโทษ” คราวนี้มันพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดเสียแน่น

“กูไม่ได้เป็นอะไรป๊อนซ์ กูยังโอเค” ผมกอดตอบพลางตบไหล่มัน

“กูทำมึงร้องไห้มา 2 ครั้งแล้ว กูขอโทษ”

“ไม่ใช่ความผิดมึงสักหน่อย” ใช่ครับ ไม่ใช่ความผิดของมันเลย เพราะแม้แต่ผมที่เป็นเจ้าตัวก็ยังไม่รู้เลยว่าร้องไห้ออกมาตอนไหน

“เอ่อ พวกมึง กูว่าเราขึ้นไปเรียนกันเหอะ” เสียงพีเจดังขึ้น ปลุกให้ผมกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

“อืม ไปกันเหอะดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาแตะที่ข้อศอกของผมเป็นการบอกให้ลุกขึ้น แล้วมันก็เดินไปหยิบกระเป๋าทั้งของ
มันและของผมขึ้นมาถือแล้วเดินนำหน้าผมออกไป





“ป๊อนซ์ มึงเอาสบู่ไปยัง” สถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้วครับเพราะวันนี้ทั้งวันมันซึมมากจนผมรู้สึกเห็นใจมันขึ้นมาเลยเลิกโกรธมันซะเลย (แอบง่ายนะเรา) และตอนนี้ผมก็กำลังช่วยมันจัดของใส่กระเป๋าอยู่ แม่งไม่รู้แม่มันเลี้ยงมายังไง กระเป๋าเดินทางยังจัดไม่เป็นเลย

“ยังๆ ต้องเอาไปด้วยเหรอ” อ้าวแม่ง

“เอาไปดิ ไม่เอาแล้วมึงจะอาบน้ำกับอะไรวะ” ไอ้เหี้ยนี่แม่งหนักแล้วครับ

“เออวะ ใช่ๆ” แล้วมันก็ยืนพึมพำกับตัวเองอยู่อีกพักใหญ่ แล้วนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมหายโกรธมันเร็วมาก ก็เพราะว่ามัน
น่ารักไงละครับ

“สบายเลยนะไอ้ป๊อนซ์ มีคนช่วยจัดกระเป๋าซะด้วย” ไอ้เหี้ยนี่เป็นรุ่นพี่ที่ไปกับไอ้ป๊อนซ์ด้วยครับ แม่งโคตรกวนตีนเลย แต่ก็นั่น
แหละคำว่ารุ่นพี่ค้ำคออยู่ผมเลยพูดอะไรมากไม่ได้

“ครับพี่นัท มีเมียก็ดีเงี้ย พี่ก็หาเอามั่งดิ โอ๊ยย เจ็บนะดื้อ” ดีแล้วที่มึงเจ็บจะได้หุบปากสักที ไอ้เหี้ยนี่แม่งไม่รู้เป็นอะไรครับ เวลามี
คนมาแซวก็ชอบไปเล่นกับเค้าด้วย แม่งไม่ได้หันมามองหน้ากูเลยยย

“พอเหอะ เมียมึงแม่งหน้าแดงแล้ววะ” จริงดิ นี่ผมหน้าแดงจริงดิ

“เฮ้ย ป๊อนซ์กูหน้าแดงจริงดิ” ผมเอามือแตะๆที่หน้าตัวเองแล้วหันไปให้ไอ้ป๊อนซ์ดู

“โจ กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำแบบนี้อีก” นี่กูทำอะไรผิดอีกละเนี่ย

“แบบไหน???” งงครับ ตอนนี้งงมาก

“ก็น่ารักแบบนี้ไง” มันพูดพร้อมกับเอานิ้วมาจิ้มที่แก้มของผม ไอ้เหี้ยนี่แม่งเล่นไรไม่ปรึกษาเลยยยย

“เอานิ้วมึงออกไปเลยนะไม่งั้นกูจะกัดให้ขาดเลย” ขู่ครับ ขู่มันเพราะตอนนี้มันจิ้มจนแก้มผมจะเป็นหลุมอยู่แล้วเนี่ย

“จะกัดนิ้วกูเหรอ กูว่ากัดตรงนี้แทนดีกว่า” มันพูดแล้วชี้ไปที่ปากของมัน ไอ้เหี้ยยยป๊อนซ์!!!! กูเกลียดมึง

“โอ๊ยยย เกรงใจกูหน่อยก็ดีนะ แม่งทำอย่างกับกูเป็นอากาศ” อยู่ๆไอ้พี่นัทมันก็พูดขึ้นครับ

“ก็ผมบอกพี่แล้วว่าให้หาเมีย โอ๊ย ดื้อถ้าตีแขนกูอีกทีกูจูบ” เออเงียบก็ได้วะ แม่งงงง

“กูก็อยากได้อยู่ แต่เค้าดูไม่ค่อยเล่นด้วยเท่าไหร่วะ” พี่นัทพูดพลางทำสายตากรุ้มกริ่มไปทาง ไอ้พีเจ    ชิบหายยยยยยแล้ว
ววววววว

“ไม่ได้นะพี่ผมไม่ยอม” ผมพูดออกไปแทบจะทันทีที่ได้สติ

“เออ กูก็บอกอยู่ว่าเค้าไม่เล่นด้วย กูไม่ชอบฝืนใจใคร” พูดจบพี่แกก็เดินคอตกออกไป นี่ผมควรจะรู้สึกผิดป่ะ

“ดื้อมึงทำกูหึงนะ” อะไรของมันอีกละเนี่ย

“อะไรของมึงวะ”

“ก็มึงปกป้องชายอื่นต่อหน้ากู” อ้าว ไอ้เวรรร

“นั่น เพื่อนมึงนะเว้ย”

“ก็ไม่รู้อ่ะ มันก็ผู้ชายเหมือนกัน” ไอ้เหี้ยนี่แม่งไม่มีเหตุผลเลย

“เออใช่ มันผู้ชาย แล้วกูก็ผู้ชายเหมือนกันเผื่อมึงจะลืม”

“มึงไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา” อ้าวว ไอ้เหี้ย กูมีหางงอกออกมารึไง

“ยังไง”

“ก็มึงเป็นผู้ชายที่กูรักอ่ะ” เอิ่มมมมมมม  แดกจุดครับ อะไรของมันละเนี่ย

“แม่ง มึง จัดของต่อเลยสัด กูไม่ช่วยแล้ว” ผมพูดแล้วเดินไปขึ้นเตียงนอนเลย คืนนี้โกรธ กูจะนอนเตียงตัวเอง

“ดื้อออออ” นิ่งไว้มีชัยไปกว่าครึ่งครับ

“........”

“ดื้ออออ ทำไมไม่นอนเตียงเค้าอ่ะ” ไม่ต้องมาเค้าเลยไอ้สัด กูเขินนน เอ๊ย กูโกรธมึงอยู่นะ

“...........”

“ถ้าดื้อไม่นอนเตียงเค้างั้นเค้าจะขึ้นไปนอนกับดื้อนะ” ไม่ได้พูดอย่างเดียวครับ มันแม่งปีนบันไดขึ้นมาแล้ว (หวังว่ายังคงจำได้นะ
ครับว่าผมนอนเตียงชั้นบนมันนอนเตียงชั้นล่าง)

“เหี้ยยย อย่าขึ้นมานะ” แต่เหมือนจะไม่ทันแล้วครับ เพราะข้าศึกได้บุกขึ้นมานอนยิ้มอยู่ข้างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ฮี่ๆๆๆๆ” ยิ้มๆ สัดเดี๋ยวกูต่อยฟันร่วงเลย

“ลงไปเลย” โกรธครับโกรธ แม่งชอบทำกูเขิน(แรดตลอดอ่ะ)

“ไม่” มันพูดไปส่ายหน้าไปแถมมีทำแก้มป่องเหมือนเด็กๆด้วย มึงคิดว่านั่นน่ารักเหรอ

เออ น่ารัก ><

“ป๊อนซ์ลงไปข้างล่างเลย” ไม่ได้ครับผมจะเผลอไผลให้อภัยมันเพราะความน่ารักของมันไม่ได้

“อื้อๆๆ” คราวนี้มันเม้มปากแน่นพร้อมกับส่ายหน้า นี่มึงลอกเลียนแบบท่ากูเหรอออ

“โอเค มึงลงไปก่อนเดี๋ยวกูตามลงไปนอนกะมึงข้างล่าง”

“จริงนะ” แม่งเด้งตัวขึ้นมานั่งเชียวไอ้สัด

“อืมม”

“โอเค” แล้วมันก็ยอมปีนลงจากเตียงผมแต่โดยดี แต่ก็นั่นแหละ ผมต้องตามมันลงมาด้วยย

“ไหน ตกลงจัดของเสร็จยัง”

“เสร็จแล้วๆ นอนกันเหอะดื้อ” มันพูดพร้อมกับดึงผมให้นอนลงบนเตียงมัน เฮ้อออ ตลอด

แต่พอผมนอนลงเท่านั้นแหละ แม่ง หมุนตัวขึ้นมาคร่อมผมทันที เชี่ยยยย ไม่นะกูยังไม่พร้อมมมม

“เหี้ยยยย มึงจะทำไรกูวะ!!!!” เหี้ยยย ผมกลัวจริงๆนะเนี่ย

“นิ่งๆน้าดื้อ แป๊ปเดียว” แป๊ปบ้านป้ามึงดิ

“มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ กูไม่ได้ง่ายนะเว.....” ผมพูดยังไม่ทันจบมันก็ก้มลงมาเอาหน้าซุกลงไปที่ซอกคอของผม เชี่ยๆๆๆๆ  กูไม่ยอมมมมมมมม

“อื้มมมม” ครางหา

“โอ๊ยยย แม่มึงเป็นแวมไพร์รึไงไอ้สัด คอกูเป็นรอยหมด” แม่ง มันกัดคอผมอ่ะ เจ็บโคตรๆๆ

“หึๆ ก็แค่เนี่ย” มันพูดพลางทิ้งตัวลงนอนข้างๆผม แล้วหลับตาลง

“ไอ้เหี้ยยยยยย มึงตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้เลวววววว” โวยวายครับ นาทีนี้โวยวายอย่างเดียวเลย

“อะไรอ่ะดื้อ พรุ่งนี้กูต้องตื่นตอนเช้านะ” หงุดหงิดเหรอไอ้สัด แม่งๆๆๆๆๆ

“มึงทำอะไรกูวะ เมื่อกี๊อ่ะ” ผมไม่ยอมนะ นี่มันเป็นโรคพิษสุนัขบ้ารึเปล่าเนี่ยยยยย

“.......”

“อะไรนะสัดไม่ได้ยิน” แม่งพูดไรไม่รู้เบาชิบหาย ผมเลยต้องชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆมันอีก แม่งนี่ก็จะทับกันอยู่แล้วนะเว้ยยยย

“Pontz’s mark” เหี้ยยยยยย อีกแล้วววววววว

“........” ค้างเติ่งๆๆๆ  เออเร่อๆๆๆ

“มึงคงจะสงสัยว่าทำไมกูต้องทำอีก”

“........” มากกกกกกกกกอ่ะ

“ก็อันเก่ามันจางแล้ว เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นแล้วเค้าไม่รู้ว่ามึงมีเจ้าของ” มันพูดทั้งๆที่ยังหลับตานั่นแหละครับ แม่งสบายใจเหลือเกินนะ ฮึ้ยยยยยยย

“แม่งๆๆๆๆๆ”

“บ่นไรอ่ะดื้อ นอนเหอะนอนๆๆๆๆๆ”


มึงจะให้กูหลับลงได้ไงวะ แม่งทำกูเขินซะขนาดเนี่ยยยยยยยยยยยย  ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยย




.........TBC.......................................................


อัพมาอีก 1 ตอนแล้ววววว  ตอนแรกกะว่าจะดราม่าแต่พอคิดถึงหน้าอิมเมจตัวละครแล้ว

ดราม่าไม่ลงจริงๆ  :impress2:

ปล.1 อัพครั้งหน้าไม่มั่นใจนะคะว่าวันไหน ขึ้นอยู่กับความคึก 555+ แต่ช่วงนี้สอบก็น่าจะช้านิดนึง

ปล.2 ใครที่อยู่โรงเรียนเดียวกับคนเขียน อ่านแล้วช่วยเงียบๆหน่อยนะคะ คือตอนนี้คนเขียนแอบกลัวนิดนึง แบบว่าอาจจะโดนดักตีหัวเอาได้  :a5:

ปล.3 อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยเน้อออ   :pig4:

 :bye2:

หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 3 Pontz's mark again ~ : 23/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 23-12-2012 18:51:53
ป๊อนซ์ทำรอยไว้สำหรับ๑อาทิตย์เลยใช่ปะนั่น
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 3 Pontz's mark again ~ : 23/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 24-12-2012 01:19:34
ขยันมาร์คจังเลยนะเนี่ย แต่หึงกันน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 3 Pontz's mark again ~ : 23/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 24-12-2012 03:55:36
แหม~ ถ้าป๊อนซ์จะหวงขนาดนี้ก็จับโจพับใส่กระเป๋าไปด้วยเลยก็ได้
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Joe's Birthday : 25/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 25-12-2012 10:46:51
มีสเปเชียลมาแทรกนะคะ  คือแบบว่ามันเพิ่งผ่านวันเกิิดโจมา เลยแต่งซะเลย  :-[

อีกอย่างนะคะ  ตอนอ่านนี่ถ้าฟังเพลงนี้ไปด้วยตอนท้ายๆเรื่องก็จะช่วยบิ้วท์อารมณ์ได้ค่ะ   o18


http://www.youtube.com/watch?v=C3kQHx5mX8o (http://www.youtube.com/watch?v=C3kQHx5mX8o)


[Special Joe’s Birthday]
[/b]




[Pontz x Joe]




[Joe]








“ไม่เอา กูไม่เล่น”

“เล่นเหอะโจ วันเกิดมึงทั้งที นะๆๆๆๆ” ไอ้พีเจนี่ก็เหลือเกิน อย่างที่มันว่านั่นแหละครับ วันนี้เป็นวันเกิดของผมเอง แล้วนี่มันก็กำลัง
พยายามชวนผมเล่นเกมส์เป้ายิงชุบถอดผ้าอยู่ บ้าไปแล้วววววว

“มึงจะบ้าเหรอพีเจ ถ้าไอ้ป๊อนซ์รู้นะ กูได้ตายคาตีนมันแน่” แค่คิดก็สยองแล้วล่ะครับ ไม่เอาเด็ดขาดเลย

“โด่ๆ ไม่แน่นี่หว่า” ไอ้นี่ก็ยุผมเหลือเกิน มึงคิดไรกะกูป่ะเนี่ย??? 5555

“ไม่ใช่เว้ยยย กูน่ะกล้าเล่นอยู่แล้ว แต่ถ้าป๊อนซ์รู้แม่งได้ตายกันหมดวงแน่” ผมกวาดตามองเพื่อนๆที่นั่งล้อมกันอยู่ แม่งน่าจะ
ประมาณ 7 คนได้มั้ง ไม่น้อยเลยนะเนี่ยยยย  แค่คิดก็อายแล้วว แต่จะบอกมันไปว่าไม่กล้าเล่นก็ไม่ได้ครับ เสียศักดิ์ศรีตายเลย

“ป๊อนซ์ แม่งไม่รู้หรอกมันซ้อมบาสอยู่สนามบาสโน่นกว่าจะกลับมาก็ค่ำแล้ว เล่นเสร็จก่อนชัวร์” เอิ่ม เอาไงละทีนี้ เอาไอ้ป๊อนซ์มา
อ้างก็ไม่ได้แล้ว เอาวะเป็นไงเป็นกัน

“เออๆ กูเล่นกูได้”

“เยี่ยม!!!!! แต่ก่อนเล่นถ้ามึงไม่กล้า นี่เลยกูมีของดี” อะไรอีกละเนี่ยยยย

“เฮ้ย มึงเอาขึ้นหอมาได้ไงวะ” เหล้าครับท่าน เหล้า 5 ขวด ตายๆๆๆ ตายแน่กู

“ระดับไหนแล้ว เอาป่ะ” เออ เอาไงดีละครับ แต่ถ้าไม่กินผมก็คงไม่กล้าเล่นชัวร์ เพราะงั้น สักหน่อยดีกว่า

“เออ สักหน่อยก็ได้ แต่ว่านิดเดียวนะเว้ย”  แล้วพีเจก็ทำตามคำขอครับเทเหล้าใส่แก้วให้ผมอย่างรวดเร็ว แม่งจะมอมผมรึเปล่าวะเนี่ย

“เชี่ยยยย ขมอ่ะ” เหล้าอะไรวะเนี่ย ไม่เห็นเคยกินเลย ดูจากรสชาติที่บาดคอแล้ว น่าจะแรงใช้ได้เลยนะเนี่ย

“เหล้านอกเลยนะเว้ย ของพ่อกู” เจริญและ พ่อให้เหล้ามากินกะเพื่อนเนี่ยนะ

“ไม่เอาแล้ว มึงกินต่อดิ” กินคำไปได้แค่ทีเดียวก็ยอมครับ แรงเกิน ไม่ไหวจริงๆ

“ไม่ได้ เทแล้วต้องกินเองให้หมดดิวะ” เชี่ยยยยย  แก้วที่แม่งเทใส่มาก็ไม่ได้เล็กๆเลยนะ

“เออๆ ก็ได้ๆ” แต่จะให้ทำไงล่ะ  ผมต้องกินอยู่ดี

อืมมม นี่ขนาดแค่แก้วเดียวนะ เล่นเอาแอบมึนอ่ะ

“เอาละ มึงพร้อมแล้วนะโจ”

“อืมมม” โอ๊ยยย โลกเอียงๆนะ

“แล้วพวกมึงล่ะ พร้อมยัง” มันหันไปถามคนอื่นๆในวง

“พร้อมมมมม”

“งั้นเริ่ม....”  แล้วแม่งก็ผลัดกันอ่ะครับแบบว่าแบ่งเป็น  2 ฝั่ง แล้วต่อแถว ผลัดกันไปเรื่อยๆเหมือนรีรีข้าวสารอะไรประมาณนั้น ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะสนุกอะไรตรงไหน




“โจจจจ  มึงแพ้อีกแล้ว ถอดๆๆๆๆ” เชี่ยเถอะครับ ตอนนี้ทั้งตัวผมเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวแล้ว ถ้าถออีกนี่ก็เนื้อแล้วนะ ไม่เอาๆๆๆๆๆ

“ไม่เอา กูไม่เล่นแล้ววว” ยังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาดครับ จะบ้าเหรอ จะให้ผมมาโชว์ เอิ่มมม นั่นแหละ ต่อหน้าคนเกือบสิบคนเนี่ยนะ
ฝันไปเหอะ

“ไม่ได้เว้ยยยยย”

“กูไม่ถอดดดด”

“ต้องถอดดดดดด”

“ไม่เอาโว้ยยยยยยย” ผมไม่รอให้มันตอบกลับ ผมก็รีบวิ่งหนีออกมาก่อนเลย แม่งตอนนี้ต้องกลับไปที่ปีกก่อนปลอดภัยที่สุดแล้ว

“โอ๊ยย ขอโทษๆ” ชนใครอีกละเนี่ย กูยิ่งรีบๆอยู่นะ

แน่ะ มีจับแขนด้วย เดี๋ยวกูจะฟ้องไอ้ป๊อนซ์!!!!!!!

“มึงทำอะไรอยู่ โจ” คงไม่ต้องฟ้องแล้วล่ะ มาประชิดตัวซะขนาดนี้  แล้วเสียงมึงอ่ะจะเย็นไปไหน

“กูเล่นกับเพื่อนๆอยู่ไง” พยายามฉีกยิ้มกว้างแล้วนะ แต่ดูท่าว่าจะไม่สำเร็จ แงๆๆๆ ตายยย

“เล่นกันอีท่าไหน ทำไมมึงถึงแต่งตัวแบบนี้” ชิบหายยยยยยยย  ลืมไปเลยว่าหวิวอยู่

“เอ่อ คืออออ...” ซวยแล้วววว

“ไอ้โจ มึงจะหนีไปไหน กลับมะ....” อึ้งแดกเลยพีเจ เป็นไงล่ะ บอกว่าไม่มีปัญหาวะ

“มึงเล่นเหี้ยไรกับเมียกูวะพีเจ!!!!” ตายยยยยยย แน่ นอนนนนนนนนนนนน

“ใจเย็นๆก่อนดิป๊อนซ์” เออ เก่งมากพีเจ เข้าใจคิดนะ เอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“มึงให้กูใจเย็นยังไงวะ กูกลับจากซ้อมบาสแล้วมาเห็นเมียกูแก้ผ้า อยู่กับผู้ชายอีกเกือบสิบเนี่ยนะ!!!!!!” บ้า กูยังมีกางเกงในนะเว้ยยย

“เสียงดังอะไรกันวะ” ไอ้พี่นัท มึงจะมาทำไมตอนนี้วะ

ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของพี่นัท ไอ้ป๊อนซ์ก็จับตัวผมแล้วหมุนให้หันไปอยู่ตรงหน้ามันพอดี  แล้วก็ถอดเสื้อบาสที่มันใส่อยู่ออก ม่ายยยยย กูไม่ยอมมม  มึงจะปล้ำกูต่อหน้าเพื่อนๆเลยเหรอ

“มึงจะทำอะไรอ่ะ”

“นิ่งๆเหอะ” แล้วมันก็เอาเสื้อที่เพิ่งจะถอดออก มาใส่ให้กับผม เสื้อแม่งเหงื่อล้วนๆอ่ะ มีแต่กลิ่นเหงื่อของมันทั้งนั้นเลยยย  ชอบบบ เอ๊ยย ไม่ใช่ๆ

“ยืนหลังกู” ตอนนี้เชื่อฟังหมดทุกอย่างแล้วครับ ก็สภาพมันแม่งโคตรจะน่ากลัวเลย

“อ้าว พวกมึงตกลงมีไรกัน” แล้วพี่นัทก็เดินขึ้นมาถึงที่ที่พวกผมยืนกันอยู่

“ไม่มีไรครับพี่ ไอ้พวกนี้มันเล่นกันนิดหน่อย” ป๊อนซ์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากตอนพูดกับผม ทำไมอ่า????? (ยังมีหน้ามาถามอีกนะ)

“อ๋อ อืมๆ กูก็นึกว่ามีอะไรกัน เอองั้นกูไปก่อนนะ”

“ครับๆ” แล้วพี่นัทก็เดินจากไป พร้อมกับความสดใสของไอ้ป๊อนซ์

“พวกมึง เดี๋ยวกูกลับมาเคลียร์ ส่วนมึงมานี่” แล้วป๊อนซ์ ก็ดึงแขนผมให้เดินตามหลังมันไป ตอนนี้ก็ไม่ได้หวิวมากนะ เพราะว่าเสื้อบาสมันยาวเกือบจะถึงเข่าผมเลยอ่ะ

“มึงจะพากูไปไหนอ่ะ”

“ข้างนอก”

“หา!!!!!! ตอนนี้เนี่ยนะ” บ้าไปแล้วครับ  มันเป็นอะไรละเนี่ย

“เออ กูโทรบอกที่บ้านให้มารับแล้ว” ขอโทษเถอะป๊อนซ์ เผื่อมึงจะลืมว่าตอนนี้กูมีแค่เสื้อบาสกับกางเกงใน แล้วมึงพากูลงมาหน้าหอเนี่ยนะ กูอายนะเว้ยยยย

“ป๊อนซ์ให้กูไปใส่เสื้อผ้าก่อนไม่ได้เหรอ”

“เพิ่งจะมาอายรึไง” ประชดกูเหลือเกินนนนนน

“ป๊อนซ์อะ....”

“เงียบ!!!!!!!”  มันโกรธจริงอ่ะ ทำไงดี??? สภาพมันตอนนี้แม่งโคตรน่ากลัวเลยอ่ะ

“โอ๊ย น้องแม่งขาสวยวะ” เวรเอ๊ยยยย กูว่าแล้วว่าต้องมีพวกแบบนี้ ผมเลยพยายามจะเอามือปิดขาเอาไว้ (ถึงจะช่วยไม่ค่อยได้ก็
เหอะนะ)

“อยากตายรึไงสัด” เป็นไปตามคาดเลยครับ ไม่ทันจะสิ้นเสียงรุ่นพี่พวกนั้น ไอ้ป๊อนซ์ก็ตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบบบ

“เฮ้ย น้องพูดให้มันดีๆหน่อยดิวะ” พวกรุ่นพี่เหมือนจะไม่ยอมครับ แต่ไอ้ป๊อนซ์ก็ไม่ได้สนใจ เพราะดูเหมือนว่ามันจะรีบพาผมไป
ให้ถึงรถมันให้เร็วที่สุด


“มึงอยู่ในรถก่อนนะ เดี๋ยวกูมา” พูดเสร็จมันกูปิดประตูรถแล้วเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมาเมื่อกี๊เลยครับ  แม่งเสื้ออ่ะ ไม่คิดจะใส่บ้างรึไง กูหวงนะ (แรดตลอดอ่ะ ><)

ผ่านไปสัก 5 นาที ไอ้ป๊อนซ์ก็เดินกลับมา   บนตัวมันนี่ช้ำนิดหน่อยครับ ส่วนหน้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ก็ยังพอมีรอยช้ำให้เห็นบ้าง ไอ้หล่อ มึงไปฟัดกะหมาที่ไหนมาวะ

“ลุงครับ ลุงกลับเองได้ป่ะ ผมจะขับเอง” ไอ้ป๊อนซ์มันเปิดประตูหน้าแล้วบอกกับลุงคนขับ ไม่เอานะ กูไม่อยู่กะมึงแค่ 2 คนนะ

“ได้ครับๆ” ลุงทำไมลุงเป็นคนง่ายๆแบบนี้อ่ะ กลับมาก่อนนนนน

“มึงมานั่งหน้าข้างกูเลย” สั่งๆๆ สั่งอยู่นั่น แหละ เชอะ แต่ผมก็ทำตามนะ

พอผมปิดประตูรถปั๊ป  มันก็ออกรถทันทีครับ แต่แม่งไม่รู้จะขับเร็วไปไหน กูกลัวนะเว้ยยยย 

“ป๊อนซ์ขับช้าๆหน่อยดิ”

“....” เงียบครับเงียบ แม่งไม่ได้ผลอ่ะ ทำไงดี  ผมยังไม่อยากตายตอนนี้นะ

“ป๊อนซ์ๆๆๆ  ขับช้าๆหน่อยดื้อกลัว” และแล้วก็ได้ผลครับ ต้องใช้ความแบ๊วเข้าแลกถึงจะยอมนะมึง

“มึง แม่งงงงง สุดๆวะ” นี่มึงบ่นอะไรของมึงเนี่ยป๊อนซ์

“หืมม อะไรวะ”

“มึงแม่งทำกูอารมณ์เสียมากรู้มั้ย”

“รู้”

“รู้แล้วทำไมยังทำวะ”

“กูขอโทษ กูไม่รู้ว่ามึงจะโกรธขนาดนี้อ่ะ” มันโกรธเกินคาดผมไปเยอะอ่ะ

“เชี่ย เอ๊ยยยยยย” มันทุบพวงมาลัยอย่างแรงหลายๆทีติดกัน  มันจะรู้ตัวมั้ยว่าท่าทางของมันตอนนี้ทำให้ผมกลัวมาก

“ป๊อนซ์ กูขอโทษ” คำว่าขอโทษคงจะเป็นคำเดียวที่ผมพูดได้ในตอนนี้

“เออ ช่างเหอะ” ป๊อนซ์พูดแบบปัดๆ  เหมือนพยายามระงับอารมณ์อยู่

“แล้วตกลง มึงจะพากูไปไหนอ่ะ” ตอนนี้มันขับรถพาผมออกมาไกลมากแล้วอ่ะ อีกอย่างผมไม่คุ้นทางแถวนี้เลย

“นอนไปก่อนเหอะ เดี๋ยวถึงแล้วกูเรียกเอง”

“อืมๆ” ผมไม่ได้ง่วงเลยนะ แต่ถ้าหลับไปอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องทนรับแรงกดดันจากมันตอนนี้








“ดื้อ”

“อืมมมม” ง่วงโว้ยยยย อย่าเจ๊าะแจ๊ะ

“ดื้ออออออ”

“.......” เงียบไว้ก่อนดีกว่า แม่งจะได้เลิกปลุก

“ดื้ออออออออออ” คราวนี้ไม่พูดเปล่าครับ  มือมันนี่เริ่มเลื้อยจากเข่าขึ้นมาเรื่อยๆแล้วครับ ไอ้เหี้ยเดี๋ยวกูต่อย อย่าลืมนะว่ากูไม่ได้
ใส่กางเกงอยู่น่ะ!!!!!!!!

“เชี่ยยยยยยย  ลามปามแล้วววววว”  ผมตีไปที่มือมัน แม่งมืออย่างกับหนวดปลาหมึก

“ก็มึงไม่ยอมตื่นอ่ะ”

“แล้วนี่มึงไม่โกรธกูแล้วเหรอ” ก็มันเรียกผมว่าดื้ออ่ะครับ แสดงว่ามันน่าจะหายโกรธผมแล้วนะ

“ก็โกรธอยู่นิดๆนะ แต่ถ้าดื้อง้อดีๆก็อาจจะหายโกรธเลยก็ได้” รู้เลยแม่งต้องการอะไร เล่นกะมันสักหน่อยแล้วกัน

จุ๊บบบบ  อย่าคิดมาก ผมก็แค่หอมแก้มมันเอง  แต่แม่งกูทำไปได้ไงวะ

“หายโกรธแล้ววววววววว  แต่....”  หน้าตามีเลศนัยของมึงทำให้ความไว้วางใจที่กูมี

หายไปหมดแล้ว

“อะไร”

“จะว่าไปกูก็ชอบให้มึงแต่งตัวแบบนี้นะ เซ็กซี่ดี”  เชี่ยยยยย  มึงชมกูว่าเซ็กซี่เหรอสัด ตายซะเถอะ

“เหี้ยเอ๊ยยยยยยยย”  ไม่รอช้าครับ ผมฟาดมือลงไปบนแขนมันทันที

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ลงไปกินข้าวกันเหอะ หิวแล้ววว”  ป๊อนซ์พูดแล้วเปิดประตูออกไปทันที ทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่ในรถว่า ตกลงมัน
พาผมมาที่ไหนเนี่ย


ทะเล โอ เอ็ม จี!!!!!!!!!!!!!  มันคือทะเลครับบบบบบบบบบบ


“ชอบป่ะละ” มันเดินเข้ามาประชิดตัวผมจากด้านหลังพร้อมกับเอามือโอบรอบเอวของผมไว้

“ไอ้ชอบก็ชอบอ่ะนะ แต่มันติดอยู่อย่างนึง”

“อะไรอ่ะ”

“มึงกะให้กูเดิน เปลือยขาอย่างนี้ไปรอบๆหาดใช่ป่ะ” ผมพูดพลางชี้มาที่ขาของตัวเอง

“เออลืมมม  รอแปป” มันพูดแล้ววิ่งกลับไปที่รถ และกลับมาอย่างเร็วพร้อมกับกางเกงบาสในมือ

“นี่กางเกงบาสมึงอีกแล้วเหรอ” ผมใส่ของมันทั้งตัวแล้วนะ ยกเว้นกางเกงในอ่ะ

“อืมมม” ไอ้ป๊อนซ์มันยิ้มพร้อมกับทำหน้าภูมิใจครับ  ไม่ทราบว่ามึงภูมิใจอะไรวะ

“ทำไมมึงทำหน้าอย่างนั้นวะ” คือตอนนี้มันยิ้มได้น่ากลัวมากอ่ะครับ

“ก็ตอนนี้พอกูมองไปที่มึงแล้ว กูรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวมึงมันเป็นของกูหมดเลยอ่ะ” หน้าตาเฉยมากกกก  กูสิเขินจนจะมุดไป
อยู่ในรูกะปูลมแล้วเนี่ย

“เอออ  กูหิวแล้ว” ผมตัดบทก่อนที่มันจะยืดยาวไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้ก็เขินจะแย่อยู่แล้ววววววววววววววว

“งั้นไปกินข้าวกัน กูให้ป๊าจองโต๊ะไว้ให้แล้ว”

แล้วป๊อนซ์ก็เดินมาจับมือผมและจูงให้เดินไปทางร้านที่ดูจะเป็นร้านเล็กๆน่ารักๆ ที่อยู่ติดกับทะเลที่สุด  ชอบจังเลยยยยย

“โอ๊ยยยย”  ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาจากฝ่าเท้า พร้อมกับเลือดอุ่นๆที่ค่อยๆไหลออกจากปากแผล

“เฮ้ยยย  โจเป็นไรอ่ะ”  ป๊อนซ์รีบย่อลงพร้อมกับดึงเท้าของผมให้ไปตั้งบนเข่าของมัน

“ไม่รู้อะไรบาดอ่ะ” พูดไปก็เจ็บไปอ่ะครับ ผมไม่ชอบเป็นแผลเลย แม่งหายช้าแล้วมันไม่สะดวกอ่ะ

“ไม่ลึกมากเท่าไหร่ เอางี้เดี๋ยวไปขออุปกรณ์ในร้านแล้วกัน”

“อืม”  ผมเอาเท้าลงจากเข่ามันกำลังจะตั้งบนพื้นก็ต้องโดนยกขึ้นใหม่

“มึงจะบ้าเหรอเดี๋ยวดินเข้าแผลก็สกปรกกันไปใหญ่ เอางี้ ขึ้นหลังกูดีกว่า” พูดง่ายๆงี้เลยเหรอป๊อนซ์

“เออ แต่กูตัวหนักอ่ะ”

“หนักบ้าอะไรละ ตัวบางจะเป็นกระดาษอยู่แล้ว    ไม่ต้องพูดมาก ขึ้นหลังมา”  แล้วป๊อนซ์มันก็ย่อตัวลงเพื่อให้ผมสามารถเกาะ
หลังมันได้ 

“กอดคอแน่นๆละ”

“อืมมม”  ผมเอามือกอดที่คอมันแน่นมาก ก็กลัวตกอ่ะ ตัวมันสูงอยู่นะ

“แน่นไปแล้ว คลายหน่อยยย”

“ขอโทษ” แล้วผมก็เปลี่ยนเป็นมาเกาะที่ไหล่ของมันแทน  ได้ตั้งหน้าบนคอมันด้วย สบ๊าย สบายยย

“ไปกันเลย”  ป๊อนแบกผมเดินไปจนถึงร้านอาหาร ถึงระยะทางมันจะไม่ได้ไกลมากมาย แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ช่วงหนึ่งของผมเลยนะ



“เอ้า นั่งลงก่อน เดี๋ยวกูไปขอกล่องปฐมพยาบาลของพี่เค้าก่อน” มันวางผมลงบนเก้าอี้ก่อนจะหันมาพูดกับผม

“อืมมม”  แล้วมันก็เดินไปบอกพี่พนักงานในร้าน ไม่นานมันก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล




“เสร็จแล้ววว  ทีนี้ก็กินได้สักที” ป๊อนซ์หันไปบอกพนักงานว่าให้เอาอาหารมาเสิร์ฟได้เลย  ไม่กี่อึดใจ พนักงานก็เดินออกมาพร้อม
กับอาหารมากมายยยย  แค่เห็นก็อิ่มแล้วอ่ะ

“ทำไมมึงสั่งเยอะจังวะ”

“ก็กูจะเลี้ยงวันเกิดมึงอ่ะ” อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แอบมีมุมน่ารักเหมือนกันนะเนี่ยยย

“อ๋ออออ  ขอบคุณนะ”

“ไม่ต้องขอบคุณกูหรอก กูขอแค่อย่างเดียว”

“อะไรอ่ะ”

“อยู่ข้างๆกูไปนานๆแล้วกัน”  พอแล้วๆๆๆๆ กูเขินนนนนน

“เอ่อออ อืมมมม”  ผมก้มหน้าก้มตาสวาปามของที่ตั้งเรียงรายกันอยู่บนโต๊ะโดยไม่ได้หันไปใส่ใจไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอีกกก




“อิ่มมมมมม”  นี่ผมกินเข้าไปได้ยังไงทั้งหมดเนี่ย

“ก็ควรจะอิ่มอ่ะ กินซะเกินตัวเชียว” มีเหน็บแนมมมม 

“ก็สั่งมาให้กินไม่ใช่เหรอ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่ปกติมึงไม่ได้กินเยอะแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”

“ทำไม เลี้ยงไม่ไหวรึไง” ว่ากูกินเยอะเหรอ  กูไม่ยอมมมมม

“ทำไมจะไม่ไหว เมียคนเดียวเลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มหล่อบาดใจมาให้  เดี๋ยวปั๊ดรักซะเลยยย (เขินนนน)

“โจๆ”

“หือออ”

“เดี๋ยวมึงเดินไปรอกูตรงหาดตรงนั้นนะ” มันพูดพร้อมกับชี้มือไปยังชายหาดด้านหน้า

“ทำไมวะ”

“เออน่า กูมีเซอไพรส์นิดหน่อย” โอ๊ยยยย จะทำตัวน่ารักไปไหนเนี่ยยยยย

“อืมมๆ  อย่านานนะ” ผมไม่ค่อยชอบอยู่คนเดียวเท่าไหร่น่ะครับ

“ครับๆ” ไอ้ป๊อนซ์รับคำก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านอาหาร  ส่วนผมก็เดินไปรอตรงที่ที่มันชี้ให้ดูเมื่อกี๊นั่นแหละครับ

หนาวโว๊ยยยยยยย   ไอ้เชี่ยยยยยมึงทำไรอยู่วะป๊อนซ์ กูหนาวจนขนหน้าแข้งจะมีแม่คะนิ้งมาเกาะอยู่แล้วนะ



‘จากเมื่อวาน   ที่ไม่มีสักครั้งที่ใครหันมามองที่ฉัน ก็แค่คนไร้ค่าคนนึง’

ป๊อนซ์เดินออกมาพร้อมกับเสียงร้องเพลงและเสียงกีต้าร์ เฮ้ย นี่มันเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอเนี่ยยยย 

‘แต่มีเธอเท่านั้น ที่มาดูแลหัวใจ  บอกว่าฉันสำคัญ~’

ต้องยอมรับเลยว่ามันเลือกเพลงได้น่ารักมากกกก  แล้วตอนร้องนี่ก็คือมองมาที่ผมตลอดเวลาและผมสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกที่ส่ง
ผ่านมาทางสายตาคู่นั้นได้

‘อยากขอบคุณเธอสักครั้ง  และอยากตอบแทนหัวใจที่เธอให้มา

จากคนตัวเล็กๆที่บังเอิญเธอถ่อมตัวมาสนใจ

อยากขอบคุณเธอสักครั้งแม้อาจจะเป็นถ้อยคำที่ดูน้อยไป

ไม่เพียงพอกับใจที่ฉันต้องการบอกเธอ’


ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงมาก ไม่เคยมีใครทำอย่างนี้ให้ผมมาก่อน และผมก็ไม่เคยที่จะสัมผัสถึงคำว่ารักได้ชัดเจนขนาดนี้เลย

‘หากฉันมี สิ่งดีๆสักนิดที่พอให้ความสุขกับเธอก็จะยอมยกให้ทุกอย่าง

ตอบแทนความใจดีที่เธอเคยมีให้กัน มีให้ฉันเรื่อยมา

อยากขอบคุณเธอสักครั้ง  และอยากตอบแทนหัวใจที่เธอให้มา

จากคนตัวเล็กๆที่บังเอิญเธอถ่อมตัวมาสนใจ

อยากขอบคุณเธอสักครั้งแม้อาจจะเป็นถ้อยคำที่ดูน้อยไป

ไม่เพียงพอกับใจที่ฉันต้องการบอกเธอ

บอกกับเธอได้เพียง ว่าฉันยังไม่เคยรู้สึกอย่างนี้เมื่อเจอใครๆ

ฉันจะมีเธอเท่านั้น  ป๊อนซ์จะมีโจเท่านั้นอยู่ภายในใจ


มาถึงท่อนนี้ผมรู้สึกได้ถึงสายน้ำตาอุ่นๆที่ไหลลงอาบแก้ม  มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าเสียใจแต่อย่างใด  หากแต่มันเป็น

น้ำตาแห่งความปลื้มปิติ น้ำตาแห่งความดีใจ  ที่เกิดมาชาตินี้  มีคนที่เค้าสามารถจะบอกรักเราได้อย่างจริงใจ  คนที่ไม่ใช่พ่อกับแม่

‘อยากขอบคุณเธอสักครั้ง  และอยากตอบแทนหัวใจที่เธอให้มา

จากคนตัวเล็กๆที่บังเอิญเธอถ่อมตัวมาสนใจ

อยากขอบคุณเธอสักครั้งแม้อาจจะเป็นถ้อยคำที่ดูน้อยไป

ไม่เพียงพอกับใจที่ป๊อนซ์ต้องการบอกโจ~’


ป๊อนซ์วางกีต้าร์ลงกับพื้นทรายก่อนจะเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ  เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของผมจนหมด  แล้วดึงผม
เข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขนที่ตอนนี้มันดูแข็งแกร่งและอบอุ่นกว่าครั้งไหนๆ  พร้อมกับกระซิบเสียงหวานที่ข้างหูของผม





“ป๊อนซ์รักโจนะครับ”  ถึงมันจะเป็นคำแค่ไม่กี่พยางค์แต่มันก็สามารถทำให้ผมรับรู้ถึงความรู้สึกของป๊อนซ์ได้ และทำให้ผมกล้าที่
จะพูดคำๆนั้นออกมาเหมือนกัน





“โจก็รักป๊อนซ์นะครับ”





....................END....................................



และแล้วมันก็มาอีก 1 ตอน 

คนเขียนขอย้ำอีกครั้ง   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงซะส่วนใหญ่

แบบว่า  ฟินมากกกกกกกกก o18
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Joe's Birthday : 25/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-12-2012 21:55:54
น่ารักๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Joe's Birthday : 25/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 25-12-2012 23:11:10
 :laugh: :laugh: :laugh: กรี๊ดดดดดดด น่ารักมาก ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Joe's Birthday : 25/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-12-2012 00:24:52
 :-[ :impress2:
มีความสุขจัง เขินนนน
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Joe's Birthday : 25/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: zylph_z ที่ 26-12-2012 01:12:31
น่ารักมากๆเลย สวีทหวานกันสุดๆ ตอนแรกคิดว่าจะมีหึงโหดจับกดซะอีกนะเนี่ย -..-
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Joe's Birthday : 25/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-12-2012 09:53:53
หวานซะ ไม่เกรงใจความเค็มของทะเลเลย
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Joe's Birthday : 25/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: อ้ายหมี :) ที่ 26-12-2012 15:20:36
ฟินมาก  :laugh:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Joe's Birthday : 25/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: kondee_tysut ที่ 27-12-2012 21:41:44
ต๊่ายยย ย !! น่ารักคร้า  :z3:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ตอนที่ 4 before ลอยกระทง : 02/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 02-01-2013 12:56:04
ตอนที่ 4
[/size]





[Pontz x Joe]




[Joe]





เฮ้ออออ  เบื่อๆๆๆๆๆ   เหงาด้วยยยย  ผมไม่น่ายอมให้ไอ้ป๊อนซ์ไปแข่งบาสเลย

นี่ก็วันที่ 4 แล้วที่ผมต้องอยู่คนเดียว      แต่อันที่จริงไอ้พีเจมันก็อยู่อ่ะนะ 

แต่มันไม่เหมือนกันอ่ะ  ผมจะเอาป๊อนซ์ !!!!!!!!

~รัก  คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป~

  -Pontz^^-

พูดไม่ทันขาดคำมันก็โทรมาแล้วครับ  แม่งตายยากกกกก

“มีไร”  ห้วนไปงั้นแหละ เอาจริงๆตอนนี้โคตรอยากเจอเลย

(อุตส่าห์ ขออนุญาตออกมาโทร ไม่คิดจะพูดดีๆหน่อยรึไง)   อย่าเพิ่งงอนนะ งุ้งงิ้งงงง

“ขอโทษค้าบบบ  แล้วตกลงโทรมามีอะไรรึเปล่า”

(ก็ไม่มีไร  แค่คิดถึงน่ะ)  มันเป็นอย่างนี้ตลอดครับ  ชอบโทรมาตอนรอยต่อของคาบเรียน แล้วก็บอกว่าคิดถึง มันไม่รู้รึไงว่ายิ่งพูด
แบบนั้น  ผมก็ยิ่งเหงานะ

“อืมม”

(เป็นอะไรรึเปล่าดื้อ ทำไมเสียงดูเศร้าๆวะ)  นั่นแน่ะ ฟังออกด้วย  เก่งใช่เล่นนะมึง

“ก็เปล่า”  จะให้ผมบอกยังไงล่ะ  ว่าอยากให้มันกลับมาจะตายอยู่แล้วเนี่ยยย

(เรียกพีเจมาคุยกะกูหน่อยดิ)  อ้าว อะไรวะแม่งโทรมาแล้วมาคุยกะคนอื่นเฉยเลย

“เออ” ตอนนี้ผมงอน  งอนมากด้วย

“ไอ้พีเจ!!!!!!!!!!!”  ตะโกนสุดเสียงอ่ะครับ ไม่สนใจแล้วว่าในห้องใครจะจีบกัน จะลอกการบ้านกัน เพราะตอนนี้กูงอน

“เชี่ยยย  มึงจะดังหาอะไรวะ” ไอ้พีเจเดินเข้ามาหาผม  หน้าตามันตอนนี้เนี่ยขุ่นมัวมากกก

“ไอ้ป๊อนซ์จะคุยด้วย”

“อะไรวะ” มันหันหน้ามาถามผม ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันจะคุยกับพีเจเรื่องอะไร

“เออว่าไงไอ้ป๊อนซ์”

“กูไม่รู้”

“เหี้ยยยย  กูก็อยู่กะมันนี่แหละ”

“เอออ กูดูแลแม่งอย่างดีอ่ะ” นี่มันคุยเรื่องเหี้ยอะไรกันเนี่ย

“เออ มันก็เงียบผิดปกติอ่ะ”  แม่งรู้เลยว่าคุยกันเรื่องอะไร

“ไม่รู้ว่ะ ว่าแต่มึงเหอะไปโน่นกูได้ข่าวมาว่าโคตรป๊อปเลยไม่ใช่เหรอ”  อันนี้ผมก็แอบได้ยินมาเหมือนกันนะ 

“ฮ่าๆๆๆ  อย่าให้เมียมึงรู้แล้วกัน” อะไรวะ  มึงคุยเหี้ยไรกันเนี่ยยย

“ไอ้พีเจเอามือถือกูมา” ไม่ไหวแล้วครับ  ผมต้องคุยกับมันให้รู้เรื่อง

“เออป๊อนซ์ คุยกะเมียมึงต่อนะ ท่าทางจะยาว โชคดีนะมึง”  พีเจพูดเสียงล้อเลียนก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ผม

“ป๊อนซ์”

(ครับ)

“กูคิดถึงมึงอ่ะ”  เฮ้ย นี่กูพูดอะไรออกไปวะเนี่ยยยยย   มันไม่ใช่อันนี้นะที่กูจะพูดอ่ะ

(ฮ่าๆๆๆ  คิดถึงดื้อเหมือนกันครับ)  มึงอย่ามาพูดเพราะนะ  กูหวั่นไหวววว

“นี่มึงแอบซ่อนกิ๊กไว้แถวโน้นบ้างยัง”  อันนี้แหละครับ คือสิ่งที่ผมจะถามมัน

(บ้า  ไม่มี  ป๊อนซ์ก็มีดื้อคนเดียวอ่ะ) 

“อย่ามาพูดเพราะกลบเกลื่อนนะ”

(กูก็มีมึงคนเดียวนั่นแหละ  ต้องการแบบนี้ใช่ป่ะ)  กวนตีนนะมึง

“เออ อย่าให้รู้แล้วกัน”  ขู่ไว้ก่อนครับ  ช่วยไม่ได้อ่ะนะ  ผัวหล่ออออ(กร๊ากกก แรดดด)

(ครับๆ  “ไอ้ป๊อนซ์มาซ้อมโว๊ยยยยยยยยยยยย”)

“เค้าเรียกมึงไปซ้อมแล้วเหรอ”

(อืมม ใช่  กูต้องไปแล้วนะดื้อ)

“อืมม”  ไม่เอา  ไม่เอา  กูจะคุยอีกกกกกก

(รักดื้อนะ)

“อืมมม รักมึงเหมือนกัน”  จบอย่างหวานแต่ผมโคตรช้ำเลย  ก็ผมอยากคุยอีกอ่ะ

“เฮ้ออออออ”

“ถอนหายใจยาวเหมือนคนโดนผัวทิ้ง” ไอ้เชี่ยนี่อยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมได้เลยยยยย

“หุบปากไปเลยพีเจ” ชักจะฉุนแล้วนะสัด

“เออ กูล้อเล่นนะ เหี้ยป๊อนซ์รักมึงจะตาย”  เออ  อันนี้กูรู้

“แต่แม่งไม่รู้ว่ารักมึงที่สุดรึเปล่านะ ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้เหี้ยนี่เล่นไม่เข้าเรื่องอีกแล้วววว

“ไอ้พีเจ!!!!!!!!!!”





“โจ”

“หือออ” อะไรของมึงอีกเนี่ยพีเจ

“มึงไม่คิดจะไปช่วยงานของสายชั้นบ้างเหรอวะ” อ๋อ คือตอนนี้คนอื่นๆเค้ากำลังเตรียมงานลอยกระทงสำหรับวันพรุ่งนี้อ่ะครับ ส่วน
ผมก็นั่งเฉยๆ  ก็ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้นอ่ะ

“ไม่อ่ะ”

“ประเสริฐจริงเพื่อนกู” แล้วพีเจมันก็เดินไปช่วยงานคนอื่นๆครับ  ทิ้งผมไว้คนเดียวอีกแล้ว  เดี๋ยวปั๊ดฆ่าตัวตายซะเลย คนยิ่งจิต
ตกอยู่ยังปล่อยให้กูไว้คนเดียวอีก

~รัก คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป...~

มาแล้วสุดที่รักของผมมมมมม

‘unknow’

อ้าวววว  ไม่ใช่แหะ แล้วใครวะเนี่ย

“ฮัลโหล”

(โจ นี่พี่เบสนะ)  เบสไหนวะ   อ๋ออออ  พี่เบส

“ครับพี่ มีอะไรรึเปล่าครับ”

(คือพี่อยากได้ตัวแทนน้องม.4คนนึงมาประชุมเกี่ยวกับงานวันพรุ่งนี้หน่อยอ่ะ)

“อ๋อ ได้ครับ ถือสายรอแปปนะพี่เบส”

(ครับ)

“เอ่อ....”  แม่งจะเรียกใรดีอ่ะ  แม่งจำชื่อไม่ได้สักคน

“อ้าวว  คุณชายลุกมาได้แล้วเหรอ”  เออ  ไอ้พีเจนี่ไง

“พีเจ พี่เค้าบอกว่าให้ส่งตัวแทนสายชั้นไปคนนึงวะ”

“แล้ว??”  ไอ้เชี่ยนี่กวนตีนแล้ว

“แล้วไง  มึงก็ช่วยเดินไปบอกใครสักคนให้เค้าไปดิวะ”

“ก็มึงไง ไหนๆมึงก็ไม่ทำงานอะไรสักอย่างมึงก็ไปประชุมหน่อยแล้วกัน” เฮ้ยยย  กูอ่ะนะ

“บ้าแล้วมึง”

“ไม่บ้า มึงนั่นแหละไป มึงเห็นป่ะ ว่าคนอื่นเค้าก็มีงานทำกันหมดแล้ว  ยกเว้นมึง” ย้ำจังนะสัด 

“เออ  กูไปก็ได้”  แม่งงงงงง  อารมณ์เสียยยยย

“ฮัลโหลพี่เบส”

(ครับตกลงว่าไง)

“ต้องไปตรงไหนอ่ะครับพี่”

(ตรงห้องคณะกรรมการนักเรียนอ่ะโจ)

“โอเคครับๆ”  แล้วผมก็ต้องเดินไปห้องคณะกรรมการนักเรียนที่แม่งโคตรไกลเลย  แถมยังต้องเดินเดียวด้วยนะ  เซ็ง
โว๊ยยยยยยยยย




โห  แม่งนี่กูมาคนสุดท้ายเลยใช่มั้ยเนี่ย เด่นสาดดดด

“ขอโทษครับ” มีมารยาทสักหน่อยแล้วกันนะ  คนเยอะ

“อ้าวว โจมาเองเลยเหรอ” พี่เบสแกดูตกใจนะ  ทำไม ผมจะทำงานเพื่อส่วนรวมบ้างไม่ได้เลยรึไง

“ครับ” ผมตอบพลางส่งยิ้มไปให้พี่แก  แต่ที่นั่งผมอยู่ไหนละเนี่ยยยย

“น้องโจมานั่งข้างพี่ก็ได้นะครับ” พี่ครับ ช่วยเก็บงูบนหัวหน่อยก็ดีนะ  แม่งหน้าหื่นเกินมนุษย์อ่ะ

“หยุดเลยสัด  น้องโจมานั่งนี่ดีกว่า” แล้วพ่อพระอย่างพี่เบสก็เรียกผมไปนั่งข้างๆครับ คนดีจริงๆ

“โหยยยยยยย  ไม่ไหววะ แม่งออกหน้าออกตาเกิน”  อะไรกันอีกละเนี่ย  พวกมึงช่วยพูดภาษาที่คนอื่นเค้าเข้าใจด้วยได้มั้ยวะ

“เงียบเหอะมึง  น้องเค้ามีเจ้าของแล้ว” เอิ่มมมมม  น้องที่พูดถึงอยู่นี่ไม่ใช่กูใช่มั้ย??

“โหหหห  แห้วครับแห้ววววววว” 

“เริ่มประชุมเลยเหอะ”  อยู่ดีๆพี่เบสก็ตัดบทขึ้นมา  แล้วการประชุมที่โคตรของโคตรแม่งน่าเบื่อก็เริ่มขึ้น  ผมแอบหลับไปหลาย
ครั้งเลยนะ  แต่พี่เบสก็จะคอยสะกิดผมอยู่เรื่อยๆ  นี่แหละข้อดีของการได้นั่งข้างพี่แก  ไม่งั้นผมคงหัวโขกโต๊ะไปหลายครั้งแล้ว




“หิวรึยังเรา” พี่เบสหันมาถามผมหลังจากการประชุมจบลง

“นิดหน่อยอ่ะครับ” เอาจริงๆป่ะ   กูหิวมากกกก

“โอเค  งั้นเดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน”  ใจดีที่สุดเลยยยย

“ครับๆ  แต่เดี๋ยวผมโทรบอกเพื่อนก่อนนะครับ”

“อืมมม”

ผมยกไอโฟนสีดำคู่ใจของผมขึ้นมากดเบอร์โทรออกหาพีเจทันที  ไม่บอกไม่ได้ครับเดี๋ยวมันน้อยใจ

“โหลพีเจ”

(ว่าไง)

“กูไปกินข้าวก่อนนะมึง”

(ตลอดดดดด   แล้วนั่นมึงไปกินกับใครวะ)

“ไปกับพี่เบส”

(ชิบหายยยยย)  อะไรของมันวะเนี่ย  หูเกือบแตก

“อะไรของมึงวะ”

(เออ  สู้ๆนะมึง)  เอ๊ะ  ไอ้นี่แปลกๆแหะ  ผมไปกินข้าวนะไม่ได้ไปรบ

“ส้นตีนไรมึงเนี่ย”

(อย่าถามเลยเพื่อน  มึงต้องเข้าใจกูนะว่ากูทำไปเพราะหน้าที่) 

“อะไรของมึงเนี่ยยย  เดี๋ยววว  ไอ้พีเจอย่าเพิ่งสัด   อย่าเพิ่งวาง  ไอ้เชี่ยวางเฉยยย”  แล้วมันก็วางสายไปพร้อมกับทิ้งปริศนาไว้
ให้ผมครับ  อะไรกันละเนี่ยกูยังงงไม่หายยย

“เป็นไงบ้างโจ  เพื่อนเราว่าไงบ้าง”

“ไม่มีปัญหาครับ  ไปกินข้าวกันเหอะ”  ผมพูดพลางเอามือไปคล้องแขนพี่เบสพร้อมกับดึงไปทางโรงอาหาร   

“ครับๆๆ”  แล้วพี่แกก็เดินตามมาอย่างว่าง่ายยยยย




“เอาอันนี้  แล้วก็อันนี้ด้วย”  สั่งครับสั่งทันทีที่รู้ว่าพี่แกเลี้ยงเลย

“โอเคครับ เดี๋ยวโจไปนั่งรอพี่ก่อนนะเดี๋ยวพี่เอาให้”

“อ่าหะ”  ผมรับคำพร้อมกับเดินไปนั่งที่โต๊ะว่างอย่างสบายอารมณ์

~รัก คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป...~

ใครอีกวะเนี่ย โทรมาตอนกำลังจะกินข้าว  ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลยยยยย

-Pontz^^-

อ๋อออออ   ไอ้เชี่ยป๊อนซ์นี่เองงงงง   เอ่อ  ลืมไปแล้วนะเนี่ยว่ามันต้องโทรมาเวลาว่าง  อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้ผมไม่ค่อยจะ
เหงาแล้วละมั้ง  ผมมีพี่เบสอยู่เป็นเพื่อนแล้วนี่  จะว่าไปพี่เบสนี่ก็แอบมีมุมที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่กับป๊อนซ์ด้วยนะ

“โหลว่าไง”

(มึงทำอะไรอยู่)  เอ๊ะ  มันหงุดหงิดอะไรมาอีกละเนี่ย  น้ำเสียงดูเย็นๆ

“ก็กำลังจะกินข้าว”

(กับใคร) ว่าแล้วว่าต้องถาม  ชิๆ หวงละสิ

“กับพี่เค้า”

(ชื่อ)  ไอ้เหี้ยนี่พูดสั้นๆแหะ

“ได้แล้วครับโจ อ่ะ สองอย่างใช่ป่ะ”

“ใช่ครับ” ผมตอบพี่เบสพร้อมกับยิ้มไปให้พี่ในขณะที่โทรศัพท์ก็ยังแนบหูอยู่

(กู ถาม ว่า มัน ชื่อ อะ ไร) คราวนี้มันเน้นทีละคำเลยครับ  แล้วเสียงก็ดูโหดกว่าเดิมขึ้นมาอีก

“ก็พี่เบสไง มึงจำได้ป่ะ พี่เบสที่เล่.....”

(เอาโทรศัพท์ให้มันคุย)

“ห๊ะ”  อะไรของมันอีกละเนี่ยยยยย 

(กูบอกว่าเอาโทรศัพท์ให้มันคุยดิ)

“เออๆ แป๊ปนึง” วุ่นวายยยจังมึงงงงง  โทรมาหากูแล้วต้องขอคุยกับคนอื่นตลอดอ่ะ

“พี่เบส ไอ้ป๊อนซ์มันจะคุยกับพี่อ่ะ”  อย่าถามผมนะว่าเรื่องอะไร  เพราะผมก็ไม่รู้

“ครับๆ”  พี่เบสรับคำอย่างว่าง่าย  พลางรับโทรศัพท์ไปคุยต่อจากผม

“ว่าไง  มีอะไรจะพูดกับพี่งั้นเหรอ”  อยากรูจังว่าไอ้ป๊อนซ์พูดอะไรกับพี่เบส

“ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ  พี่ก็แค่พาน้องเค้ามากินข้าวด้วยกันเฉยๆ”  ผมไม่รู้หรอกนะ

ว่าไอ้ป๊อนซ์มันจะพูดกับพี่แกสถุนแค่ไหน (ไม่เข้าข้างแฟนตัวเองเล้ยย)  แต่ผมรู้แค่ว่าพี่แกตอบกลับได้สุขุมมากกก  มาดคุณชาย
สุดๆอ่ะ

“พี่น่ะไม่หรอกครับ  แต่ถ้าคนของน้องเค้าเลือก  พี่ก็คงทำอะไรไม่ได้”

“ครับๆ  เอาชัยชนะมาให้โรงเรียนให้ได้นะครับน้องป๊อนซ์”

“อ่ะ โจ”  พี่เบสพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์กลับมาให้ผม

“โหลป๊อนซ์”  เสียงหวานๆกะมันหน่อยครับ

(กลับไปมีเคลียร์แน่!!!!)  เอิ่มมม  เป็นการขู่กรรโชกที่น่ากลัวมากกกก

“แน่จริงก็กลับมาดิ ฮ่าๆๆๆ  กลับมาเลยยยย”  ขอท้าทายมันหน่อยเหอะ  แม่งยังไงมันก็กลับไม่ได้อยู่แล้วเพราะมันต้องแข่งพรุ่งนี้ 

(มึงท้า)

“ช่ายยยย  กูท้า”

(เดี๋ยวมึงเจอกูแน่)

“เชื่อตายเหอะ”

(เตรียม เสียตัว  ไว้ได้เลย) แล้วมันก็วางสายไปพร้อมกับคำขู่ที่ทำเอาผมขนลุกซู่ทั้งตัว

“เอ่อ  โจเป็นอะไรรึเปล่าดูหน้าซีดๆ” พี่เบสพูดถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“อ๋อ  ไม่มีอะไรหรอกครับ” จะให้ผมบอกยังไงละครับ มันเป็นอะไรที่พูดยากกกก

“กินข้าวเถอะครับ”

“ครับๆ”  อย่าคิดมากโจ  มันก็แค่คำขู่นั่นแหละ




“เลิกเรียนซะที  แม่งเหนื่อยโคตร” 

“โด่  บ่นนะสัดโจ  มึงไม่เห็นช่วยเพื่อนทำอะไรเลย”  พีเจอย่าจี้จุดกูได้ป่ะ  จะให้ผมไปทำงานกับคนอื่นยังไงล่ะ  บางคนผมยัง

ไม่รู้จักชื่อเลยอ่ะ  อยู่กันมาจะปีนึงละ

“กูไปประชุมให้แล้วนะ”  เถียงครับเถียง  การไปประชุมถือเป็นการเสียสละอย่างยิ่งเลยนะ

“หยุดเลยสัด  ก็เห็นมึงก็เอาสรุปการประชุมของพี่เค้ามาอยู่ดีอ่ะ”

“ก็กูจดไม่สวย”

“มึงไม่ได้จดเหอะ  กูรู้”  ไอ้เหี้ยนี่แม่นจนน่ากลัวไปแล้วครับ

“เออๆๆๆ  ถึงยังไงกูก็ได้ช่วยแล้วเหอะ”  ไม่รู้ล่ะ  ยังไงก็ถือว่าผมได้ช่วยแล้วอ่ะนะ

“ช่างเหอะ  ไม่เถียงกับมึงแล้ว”

“เหนื่อยปล่าวว” ขอซ้ำเติมมันหน่อยแล้วกันครับ

“แต่เดี๋ยวตอนเย็นเค้าก็ทำงานกันอีกนะมึง”  ทำอะไรกันนักหนาวะ

“กูไม่ค่อยสบายวะ ขอกลับไปนอนหอแล้วกัน”

“กูรู้อยู่แล้วว่ามึงพูดแบบนี้  นี่ถ้าไอ้ป๊อนซ์อยู่มันก็คงจะพูดว่า ‘เดี๋ยวกูไปเฝ้าไอ้โจเอง’ อะไรประมาณนี้แน่นอน”  แค่ได้ยินชื่อผมก็
ขนลุกแล้วครับ

“เออๆๆ  กูกลับก่อนนะ” ผมรีบบอกลามันอย่างเร็วก่อนจะมุ่งหน้ากลับหอทันที

“เออๆ”

เดินๆๆๆ  เดินให้ถึงหอให้เร็วที่สุด  เอ้ แต่นี่ผมจะกลัวอะไรวะ  มันจะกลับมาได้ไง กังวลมากไปแล้วโจ  ทำตัวสบายๆ  หายใจเข้า
ออกลึกๆ 

-ปี๊ดดดดดดด-

เหี้ย ใครชนใครตายวะ

-ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด-

เอ๊ะ  นี่ผมคิดไปเองรึเปล่าเนี่ยว่าไอ้ z4 คันนี้มันกำลังตามผมอยู่  แต่เท่าที่ จำได้ผมไม่มีญาติหรือคนรู้จักใช่ z4 เลยนะ ยกเว้น.....

“สัดโจ ไม่ได้ยินเสียงแตรรึไง”

“หืมมมม”  นั่นมันชื่อผมนี่นา  หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ

ผมหันหลังกลับไปมองอย่างช้าๆ  พร้อมกับสวดอิติปิโสในใจ  (มันจะช่วยมึงได้มั้ยนั่น)

“ขึ้นรถมาเลย” ไอ้แว่นดำโคตรเท่ห์ที่โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถนั่นคงจะไม่ใช่..

“ยึกยักนะมึง จำผัวตัวเองไม่ได้รึไง”  เหยดดดด   ชัดครับ  ชัดเลยยย  และแล้วมันก็มาตามที่สัญญา เอ๊ะ  ผมควรจะใช่คำว่าขู่
มากกว่าซินะ  เออนั่นแหละ  นี่สรุปว่ามันมาตามที่พูดไว้จริงๆใช่มั้ย  แม่งบ้าไปแล้ววว

“เอ่ออ”

“จะยืนเอ๋ออยู่อีกนานมั้ย”

“เอ่อ”  นี่ผมเป็นลมบ้าหมูรึเปล่าเนี่ย ทำไมรู้สึกเหมือนลิ้นจุกปาก  หาช้อนให้กูที   แงๆๆ

“ยัง ยัง  จะให้กูลงไปอุ้มขึ้นมาใช่มั้ย”  มันพูดพลางทำท่าเหมือนจะเปิดประตูรถลงมา

“เออๆๆ  แล้วมึงจะพากูไปไหน”  ทำใจสู้ถามมันไปหน่อยครับ  ถ่วงเวลาไว้ก่อน  เผื่อมีคนรู้จักผ่านมาแถวนี้  จะได้เรียยกให้ช่วย

“บ้าน”  สั้นจัง  ตอบยาวๆหน่อยดิวะ

“ไปทำไม”


“เอา”  สั้นดีจัง  เฮ้ยยยยย สาดดดดดดดดดดดดด เหยดดดดดดด  ฮาแล้วมึงงงงงงงงง



......................................TBC........................................

Happy New  Year นะค่ะ  (ช้าไปมั้ย 5555)

ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ครั้งนี้อัพช้า  คือว่าคนเขียนไม่ได้อยู่บ้านเลยอ่ะค่ะ

เดินทางตลอดดดดด

วันนี้อัพแล้วนะจ๊ะ  ไม่ชอบหรือชอบอะไรตรงไหนก็เม้นติชมกันได้นะคะ


หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ตอนที่ 4 before ลอยกระทง : 02/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-01-2013 21:41:40
5555555555 เสร็จแน่โจ  :z1: :haun4: :pighaun: :oo1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 5 จะกอดเธอไปจนเช้า~ : 10/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 10-01-2013 00:16:43
ตอนที่ 5





[Pontz x Joe]





[Joe]







บรรยากาศในรถตอนนี้แม่งคุกรุ่นสุดๆ  ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวป๊อนซ์(เว่อร์เกิ๊นนน) ผมต้องทำอะไรสักอย่างที่มันจะช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นหน่อย

“ป๊อนซ์”

“.....” อย่าเงียบดิ กูกลัวนะเว้ยยยยย

“ป๊อนซ์” เอาวะ อีกสักที

“......” โอ๊ยยยยยยย  ยังเงียบอีก  นี่ผมสังสัยมากเลยนะเว้ยว่ามันโกรธอะไรผมนักหนา

“......”  เหอะ  กูไม่เรียกแล้วแม่งเล่นตัวชิบ!!!

“เงียบได้สักที” เหี้ยยย ทีอย่างนี้แล้วเสือกเปิดปากขึ้นมาได้นะสัด

“กูจะพูดหรือกูจะเงียบก็เรื่องของกู มึงเสือกอะไรด้วย” ตอนนี้อารมณ์เสียสุดๆอ่ะ  มันเป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ อยู่ๆก็ลากผมออกมาจากโรงเรียนเฉยเลย  มันเห็นผมเป็นตัวอะไรเนี่ย อยากจะพาไปไหนก็ลากขึ้นรถไปเลย  กูไม่ได้ง่ายนะเว้ยยย(เหรอ??)

“เออ เรื่องของมึงแต่กูรำคาญ”

“ป๊อนซ์!!!!!!”

“เออ กูชื่อป๊อนซ์มึงจะเรียกทำไมนักหนาวะ” เชี่ยป๊อนซ์มึงพูดกับกูแบบนี้ได้ไงวะ

“เออแม่ง  สันติ”  กูไม่เรียกชื่อมึงแล้วก็ได้

“พ่อมึงดิ” ป๊อนซ์ดูฉุนๆขึ้นมาทันที  สมควร เหอะ เสือกว่ากูนัก

“พ่อมึงไม่ใช่เหรอ”  ฮ่าๆๆๆ  ได้เอาคืนนิดๆหน่อยอย่างนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมานิดนึงแล้วละครับ

“เชี่ยโจ  มึงแม่งหลายเรื่องแล้วนะ เตรียมตัวรับศึกหนักไว้ได้เลย” ขู่กูเหรอ ไอ้ชั่วววว

“ไม่ต้องมาขู่กูเลยสัด  แม่ง เชี่ยยยยยยย @#$%#%$%%^^@#$@##”  และอีกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

“เงียบสักทีโจ  ถ้าอยากส่งเสียงมากนัก  กูว่ามึงเก็บเสียงไว้ครางดีกว่านะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผมแบบกวนๆ  พ่องมึง
สิ!!!!!!

“ไอ้ ไอ้.... ไอ้....” เชี่ยมึงพูดอะไรออกมาวะเชี่ยป๊อนซ์  ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเลือดเกือบทั้งหมดของตัวไหลไปรวมกันอยู่ที่หน้า
หมดแล้ววววว

“ไอ้อะไรจ๊ะ”  มึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปนะป๊อนซ์  เมื่อกี๊มึงยังโกรธกูอยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้มันกลายเป็นงี้วะ

“แม่ง...” ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วล่ะครับ เงียบซะดีกว่า

“หึหึ” หัวเราะๆ  ชอบนักนะ ทำให้กูเขินเนี่ยยย




“ลงดิ” ไอ้ป๊อนซ์ไล่ผมลงจากรถเมื่อรถจอดสนิทหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่

“เออ เร่งเหลือเกิน” ผมหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋านักเรียนก่อนจะ วางกระเป๋าไว้ด้านหลังแล้วหันไปเปิดประตูรถ

“ตอนนี้กูเร่งแต่  ตอนนั้น  มึงอาจจะเร่งกูก็ได้”  -0- เอิ่มมมม.....

“เชี่ยยยยยยยยยยยยย”  ผมหันไปด่ามันก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินเข้าบ้านไปทันที




“อ้าวลูกโจ”  คุณหญิงแม่ไอ้ป๊อนซ์ตะโกนเรียกผมจนเสียงดังก้องไปทั่ว 

“สวัสดีครับแม่” ผมพูดทักทายก่อนจะเดินอ้าแขนเข้าไปหา  แล้วสวมกอดจนแน่น

“อ้อนแม่แบบนี้ทะเลาะอะไรกับป๊อนซ์มารึเปล่าลูก” แม่อย่าจี้จุดผมสิ  ไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ ที่แม่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าทั้งพ่อทั้งแม่ของป๊อนซ์ท่านรู้เรื่องของผมกับป๊อนซ์แล้ว และท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย ท่านบอกว่าดีเสียอีกป๊อนซ์จะได้ไม่ต้องทำใคร
ท้องก่อนเรียนจบ -.-

“อื้อออ” ผมพยักหน้ารับทั้งๆที่หน้ายังซบอยู่บนไหล่ของคุณแม่

“เฮ้ออออ  จริงๆเลยลูกคนนี้นี่  แน่ะ  พูดถึงก็มาพอดีเลย” แม่พูดพร้อมกับการมาของชายชั่วอย่างป๊อนซ์  ผมไม่ยอมปล่อยแม่เลย
ครับ แถมยังซุกหน้าลงไปมากกว่าเดิมอีก

“โจ ขึ้นไปข้างบนกับกู” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาดึงแขนผมออกจากตัวแม่

“อื้ออออ” ผมยื้อแขนไว้อย่างสุดแรง

“โจอย่าดื้อดิ” ป๊อนซ์พยายามแกะผมออกจากตัวแม่  โดยใช่กำลังที่มากขึ้นกว่าเดิม

“อื้ออออออออ” ผมยังยื้อแขนไว้พร้อมกับเกาะแม่ไว้แน่นกว่าเดิม

“เอ่อ ลูกโจขึ้นไปพูดกับตาป๊อนซ์ให้รู้เรื่องดีกว่ามั้ยลูก” แม่พูดแล้วค่อยๆดันผมออกจากตัว

“แม่อ่ะ” ผมปล่อยมือออกจากแม่ก่อนจะทำหน้างอนๆใส่

“ม๊า  เดี๋ยวป๊อนซ์ลงมากินข้าวเย็นเอง  ไม่ต้องให้คนขึ้นไปตามนะ” ป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะหันไปพูดกับแม่

“อ่าๆ  เคลียร์กันดีๆนะลูก” แม่ป๊อนซ์พูดก่อนจะเดินออกไป  แม่อ่ะ  ทิ้งผมไว้กับตัวอันตรายอย่างไอ้นี่ได้ไงอ่ะ

“ดื้อนักนะมึง” มันก้มหน้าลงมาพูดที่ใกล้ๆหูผม ก่อนจะซุกหน้าลงไปที่ต้นคอ  เอาหน้าออกไปเลยนะป๊อนซ์ กูสยิวชิบหายยยยยย

“เอ่อออ  ปะ ป๊อนซ์ มึงจะแบบว่า...”  แล้วกูจะติดอ่างทำไมวะเนี่ย 

“ว่าอะไร  หืม” ป๊อนซ์พูดเบาราวกับเสียงกระซิบที่ข้างหูของผมพร้อมกับซุกหน้าลงไปที่คอของผมอีกครั้ง แต่มันต่างกันตรงที่
คราวนี้ ป๊อนซ์ใช้ริมฝีปากบรรจงขบเม้มลงเบาๆ ที่บริเวณต้นคอลามไปจนถึงไหล่ของผม   มันทำให้ผมแข้งขาอ่อนลงเสียง่ายๆ

“อะ เอ่ออ  ป๊อนซ์  เดี๋ยวมีคนเห็นนะ” ผมพยายามพูดเรียกสติของป๊อนซ์ก่อนที่มันจะเลยเถิดจนได้ผมเสียตรงที่ห้องโถงนี้  ==’

“อะไรของมึงเนี่ยไอ้ป๊อนซ์  ถ้าจะเอากันก็ขึ้นไปข้างบนเหอะ  อย่ามาเล่นหนังสดแถวนี้” แล้วก็มีเสียงๆหนึ่งลอยมาเรียกสติผมจน
กลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

“อะไรวะป๊า” ป๊อนซ์ละริมฝีปากออกจากคอของผมก่อนจะให้ไปตอบทางต้นเสียง

“เอ่อ สวัสดีครับพ่อ” ผมหันไปกล่าวคำทักทายกับคนที่เพิ่งจะเข้ามาเรียกสติและช่วยชีวิตผมให้รอดพ้นจากเงื้อมือของไอ้หื่นด้านหลัง  ผมรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าของผมคงจะแดงมาก  โอ๊ยยย  อายเว้ยยยยย

“หวัดดี  นี่มึงอายกูเหรอลูกสะใภ้”  เอ่อ  พ่อครับ ช่วยอ้อมๆหน่อยก็ได้นะครับ

“พอเลยป๊า ไปหาเมียตัวเองเหอะอย่ามายุ่งกะเมียผมเลย”  ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหันตัวผมให้หันหน้าเข้าหามันแล้วเอามือกดหัว
ผมลงไปหาอกของมัน  โอ๊ยยยยย  ปวดหัวกับพ่อลูกคู่นี้จริงๆเลย

“กล้าพูดนะมึง  มึงได้เค้าแล้วเหรอ  มึงถึงเรียกเค้าว่าเมียอ่ะ”  พ่ออย่าพูดงั้นดิ  เดี๋ยวมันก็คึกขึ้นมาจริงๆแล้วผมไม่ซวยเหรอ
อออ???

“ไม่ต้องท้าหรอกป๊า”  เยี่ยมป๊อนซ์  น่ารักที่สุดเลยยยยย

“เพราะว่าผมกำลังจะขึ้นไปเอามันอยู่นี่ไง” มันพูดพร้อมกับอุ้มผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน

“ฮ่าๆๆๆๆ  ให้มันได้ยังงี้สิ  ถึงจะสมกับที่เป็นลูกกูหน่อย  ส่วนมึงลูกสะใภ้  เตรียมใจไว้หน่อยนะ ไอ้ป๊อนซ์น่ะมันอึดได้พ่อ”  พ่อไอ้
ป๊อนซ์ตะโกนบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปหาแม่ในครัว 

“หึหึ”

“หัวเราะเหี้ยไรป๊อนซ์  ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้เลยนะสัด” ผมพูดพร้อมดิ้นไปมาอย่างแรง

“มึงอยากตกลงไปตายใช่มั้ยโจ” ป๊อนซ์พูดเสียงเข้มขู่ผม  ผมทำไงได้ละครับ ก็นิ่งไปตามระเบียบ  ไม่งั้นคงได้ตกลงไปตายซะ
ก่อน




ปั่ก!!!!!!! 

โอ๊ย แม่ง  ถ้ามึงจะทุ่มกูลงเตียงแรงซะขนาดนี้นะ  ถนอมกูบ้างเหอะ

“เหี้ย!!!!!” ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย

“เก็บปากไว้ให้กูจูบเหอะ”  อั๊ยย๊ะ  ถ้ามึงจะหื่นได้ขนาดนี้  แม่งนี่มันไม่ช่ป๊อนซ์อ่ะ  เอาป๊อนซ์คนเดิมของกูคืนมา

“ป๊อนซ์ มึงอย่าลืมนะว่าพรุ่งนี้มึงต้องกลับไปแข่งบาสอีกอ่ะ” ผมพูดเตือนสติมัน ในขณะที่ตอนนี้มันกำลังวุ่นวายกับการถอดเสื้อมัน
ออกอยู่  อย่าถอดป๊อนซ์!!!!!!!!!

“เออ กูจำได้ กูจะกลับเย็นนี้ด้วย” อ้าวกลับเย็นนี้เหรอ  นึกว่าจะกลับพรุ่งนี้ซะอีก

ฟึ่บ!!!  คุณพระ  ถ้าหุ่นมึงจะดีขนาดนี้  ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับที่ผมจะตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะว่าตั้งแต่คบกันมาผมยังไม่เคยเห็น
หนังกำพร้าใต้ร่มผ้ามันเลย  อย่างมากก็เห็นแค่ตอนมันใส่เสื้อกล้ามหรือไม่ก็เสื้อบาสแค่นั้น  แต่นี่มันกำลังเปลือยท่อนบนต่อหน้า
ผมในขณะที่ผมกำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง  มันช่างเป็นฉากที่ดูหวาบหวิวพิลึก

“ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะ”  แบบนั้น??  นี่กูกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่วะ

“หือออ???”

“ก็ตอนนี้มึงกำลังทำหน้าแบบเนี่ย” ป๊อนซ์พูดแล้วขมวดคิ้วจนเกือบจะเป็นปม  พร้อมกับทำแก้มป่องๆ โอ๊ยหน้ามันตอนนี้เหมือน
ปลาทองมากกกก  น่ารักเชียวววว

“กูทำหน้าตาน่ารักแบบนั้นจริงเหรอ  อุ๊บส์” ชิบหาย  หลุดแล้วโจ  มึงพูดอะไรออกไปน่ะ

“มึงพูดว่าอะไรนะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับ่อยๆคลานขึ้นมาบนเตียงช้าๆ

“ก็  ก็ เอ่อ.....”  ผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับ  ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือถอยออกห่างมันให้ได้มากที่สุด 

“มึงรู้มั้ย???”

“????”

“มึงพูดได้น่าเอามาก” เฮ้ยยยยยย  ป๊อนซ์ มึงหื่นมาจากไหนวะเนี่ยยยยยย  แถมตอนนี้ผมก็ถอยไปไหนไม่ได้แล้วด้วยเพราะผม
ถอยจนมาติดกับหัวเตียงแล้ววววววว  อย่าเข้ามานะ

“..........”  คิดสิโจ  คิด   มึงต้องมีทางรอดสักทางนึงแหละ

แต่ในระหว่างที่ผมพยายามเค้นหัว แล้วคิดหาทางรอดอยู่นั้น  ไอ้ป๊อนซ์ก็ค่อยๆโน้มหน้าลงมาหาผมจนตอนนี้  หน้าเราห่างกันเพียง
แค่ไม่กี่เซนแล้ว

“กูรักมึงนะโจ” อย่ามาพูดตอนนี้ได้มั้ยยยยยย 

“เอ่ออ....”  เอาไงล่ะทีนี้ดูท่าว่าจะไม่รอดแน่ๆ

แล้วมันก็เป็นไปตามที่ผมคาดนั่นแหละครับ  ป๊อนซ์ค่อยๆประทับริมฝีปากลงบนปากผมอย่างช้าๆ  มันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความ
อ่อนโยนที่ส่งผ่านมาทางสัมผัสนี้ได้เป็นอย่างดี

“อ๊ะ  อืมมมมมมม”  ผมเริ่มจะส่งเสียงทักท้วงในลำคอเมื่อป๊อนซ์พยายามจะส่งลิ้นร้อนเข้ามารุกล้ำในปากของผม

“อืมมมมมมมม”  แต่แล้วความพยายามของป๊อนซ์ก็เป็นผลสำเร็จเมื่อป๊อนซ์สามารถที่จะส่งลิ้นนั้นเข้ามาควานหาความหวานใน
ปากของผมได้  การกระทำของป๊อนซ์ครั้งนี้ทำให้ในหัวของผมขาวโพลนไปหมด  ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะละลายด้วยจูบนี้เพียง
จูบเดียว

“อื้ออออออออ”  ผมส่งเสียงออกมาอีกครั้งเนื่องจาก จูบนี้มันอ่อยอิ่งและเนิ่นนานจนผมเกือบจะหมดอากาศหายใจอยู่แล้ว

หลังจากที่ป๊อนซ์ผละออกผมก็รีบโกยอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดทันที  แม่งนี่มันต้องให้ผมขาดอากาศหายใจก่อนใช่มั้ย ถึงจะยอมถอนจูบอ่ะ

ป๊อนซ์เลียริมฝีปากอย่างเซ็กซี่พลางส่งยิ้มกวนๆมาให้ผมและนั่นมันก็ยิ่งทำให้ผมหน้าร้อนยิ่งไปกว่าเดิม

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปากมึงจะหวานได้ขนาดนี้”

“หยุดพูดเลยนะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปปิดปากมันไว้

-จุ๊บ-

มันจูบฝ่ามือของผมที่ปิดปากของมันอยู่เบาๆ แม่งไม่ไหวแล้วนะป๊อนซ์  มึงกำลังจะทำให้กูเขินตายยยยยย

“เอ่ออออ  มึงจะทำอะไรกูอีกมั้ย”

“อยากให้กูทำอะไรอีกมั้ยล่ะ หืมม” ป๊อนซ์ถามกลับมา  แล้วมึงจะให้กูตอบว่าอะไรวะ

“เอ่อออ   คือ.....” ผมมองหน้ามันอย่างกลัวๆก่อนจะหลบตาแล้วมองหาจุดโฟกัสอื่นที่ไม่ใช่ไอ้หล่อที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

“หึหึ  กูไม่ทำอะไรมึงแล้ว”  เฮ้ออ  โล่งงงงง

แต่จู่ๆป๊อนซ์ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆผม  ป๊อนซ์มึงจะไม่รักษาสัญญาเหรอ

“เอ่ออ  ไหนมึงบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง” ผมถามมันอย่างหวาดๆ

“ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก  แค่อยากนอนเฉยๆอ่ะ” มันพูดพร้อมหลับตาลง  ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะแต่ผมรู้สึกว่ามันดูเหนื่อยๆยัง
ไงก็ไม่รู้

“เอ่อ  ป๊อนซ์”

“หืมม????”

“มึงใส่เสื้อก่อนดีมั้ย” ผมถามมันออกไปเพราะว่าตอนนี้มันก็ยังคงเปลือยหนังกำพร้าในร่มผ้าต่อหน้าผมอยู่ แต่ในห้องดันเปิดแอร์ซะหนาวจนจะเลี้ยงเพนกวินได้อยู่แล้ว

“ทำไมอ่ะ” มันถามทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่

“ก็กูกลัวมึงจะหนาวอ่ะ”

“มึงกลัวกูหนาวเหรอ” คราวนี้มันถามผมกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองหน้าผม

“อืมมมม”

“งั้นกูขอกอดมึงแล้วกันนะ กูจะได้ไม่หนาว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับนอนตะแคงแล้วเอามือมาดึงผมเข้าไปกอด แถมยังเอาหน้าซุกลง
กับคอด้านหลังผมอีกด้วย

“ป๊อนซ์”

“หื้มมมมม?????”  น้ำเสียงมันเริ่มจะแฝงความรำคาญเอาไว้นิดๆ

“กูนอนหันหน้าเข้าหามึงได้มั้ย”

“?????” ป๊อนซ์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะสายตาสงสัยมาให้

“ก็กูอยากกอดมึงด้วยอ่ะ”  เหอะๆๆ  ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ

“หึๆ ได้ดิ” ป๊อนซ์พูดแล้วพลิกตัวผมให้หันหน้าเข้าไปหามันก่อนจะดันหน้าผมให้ซุกอยู่กับอกแกร่ง ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะแข็งแรง
และอบอุ่นกว่าทุกๆครั้ง

“อยากฟังเพลงมั้ย เดี๋ยวกูร้องให้ฟัง” ป๊อนซ์ถามในขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังกอดผมอยู่ ส่วนอีกข้างกำลังลูบหัวของผมเล่นอย่าง
เบามือ

“อืมมม” ผมตอบอู้อี้เพราะตอนนี้หน้ากำลังซุกอยู่กับอกของป๊อนซ์

เธอเชื่อไหมความรักเหมือนทำให้เราหลับตา

ปล่อยหัวใจช้าๆ ล่องลอยข้ามคืนแห่งฝัน


เสียงนุ่มๆของป๊อนซ์ดังขึ้นเหมือนเป็นการขับกล่อม

หมอกดูคล้อยลอยผ่านใจดวงนี้ก็มีแต่เธอทั้งนั้น

ทุกๆคำรำพันเอ่ยผ่านใจ


ป๊อนซ์ค่อยๆกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อยแต่มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกอบอุ่นและ
ปลอดภัยขึ้นไปอีก

ให้เธอรู้  ให้เธอรู้

อยากให้เธอรู้ คือความรัก

จะกอดเธอไปจนเช้าแสงดาวกระทบที่ข้างฉัน

ให้ไออุ่นกายเราผูกกัน

ฉันนั้นรักเธอเหลือเกิน

จะกอดเธอไปอย่างนี้

ข้ามคืนผ่านพ้นราตรีนี้

จวบจนสิ้นแสงแห่งชีวี

ก็ยังรักเธอเหลือเกิน

ต่อไปจากนี้ทุกคืนที่เธอตื่นมา

จะมีมือฉันคนนี้นั่งกุมหัวใจเอาไว้

ไกลสุดฟ้าแสนไกล ใจดวงนี้ก็จะไม่ลอยไปไหน

ขอให้เธอเชื่อใจฉัน


มาถึงท่อนนี้ป๊อนซ์ก้มลงมาจูบที่หน้าผมอย่างแผ่วเบาราวกับจะเป็นการย้ำประโยคที่เพิ่งจะร้องไปเมื่อกี๊

ให้เธอรู้  ให้เธอรู้

อยากให้เธอรู้ คือความรัก

จะกอดเธอไปจนเช้าแสงดาวกระทบที่ข้างฉัน

ให้ไออุ่นกายเราผูกกัน

ฉันนั้นรักเธอเหลือเกิน

จะกอดเธออยู่อย่างนี้

ข้ามคืนผ่านพ้นราตรีนี้

จวบจนสิ้นแสงแห่งชีวี

ก็ยังรักเธอเหลือเกิน


“กูรักมึงโจ” เพลงจบลงตามด้วยคำพูดที่ทำให้แทบจะละลาย

“อืมมม” ผมขานตอบเบาๆ

“ป๊อนซ์รักดื้อนะครับ” ป๊อนซ์พูดย้ำอีกครั้ง โดยใช้สรรพนามที่เปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิม

“อืมมมมมมม” คราวนี้ผมทั้งขานรับทั้งพยักหน้ารับไปพร้อมๆกัน 

ผมนอนนิ่งๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะได้ยินแสงหายใจอย่างสม่ำเสมอของป๊อนซ์ และนั่นก็แสดงให้เห็นว่ามันหลับสนิทไปแล้ว



-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-



เป็นไงละครับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ไอ้ป๊อนซ์  แม่งโคตรเข้ากับหน้ามันเลย

ผมกลัวว่าเสียงเรียกเข้านี้จะทำให้ป๊อนซ์ตื่นขึ้นมาทั้งๆที่ยังนอนได้ไม่เต็มที่  ผมเลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ในมาแล้วกะว่าจะรับ
สายแทน




แต่......



ชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอนั้น แทบทำให้โทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือของผม







-Pontz’s Plus-




ผมไม่รู้หรอกนะว่า คนที่ชื่อพลัสเค้าเป็นใคร แต่ผมรู้เพียงแค่ว่า  เค้าก็เป็นของป๊อนซ์เหมือนกัน....



...............................TBC.............................................

ต้องกราบขออภัยเป็นอย่าสูงที่มาอัพช้ามากกกก 

คือว่า คนเขียนเจอเรื่องเฟลๆเยอะมาก  มันเลยตันแล้วแต่งไม่ได้    :o12:

แต่แล้วน้องป๊อนซ์กับน้องโจก็ทำให้คนเขียนกลับมาฟินนาเล่ได้อีกครั้ง

คนเขียนเลยแต่งซะเลย   :o8:

วันนี้คนเขียนเห็นน้องเค้าสอบเคมี  แล้วมันต้องนั่งโต๊ะสอบเป็นคู่  แล้วน้องป๊อนซ์กับน้องโจก็นั่งด้วยกัน

หลังจากสอบเสร็จเพื่อนป๊อนซ์ก็ถามป๊อนซ์ว่า

"เห็นทำเสร็จตั้งนานแล้ว  ทำไมออกช้าจังวะ"

แล้วป๊อนซ์ก็ตอบไปว่า

"กูให้โจลอกอยู๋" 


ป๊าดดดดดดดด   มันช่างเป็นอะไรที่โคตรฟินนาเล่เลยว่ามั้ย

เดี๋ยววันหลังจะมาอัพโมเม้นต์ของเค้าให้ฟังกันอีกนะค่ะ

อย่าลืมเม้นให้กำลังใจด้วยล่ะ   :bye2:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 5 จะกอดเธอไปจนเช้า~ : 10/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 10-01-2013 00:49:46
อ้ากกกกกกก โจป๊อนซ์น่ารักมากเลยค่ะ ชอบมากมายอ่ะคนเขียน เค้าอยากรู้โมเม้นท์เยอะๆ อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังนะคะ ปริ่มมากกกกกกกก
เพลงทรายเพราะมากเลยชอบจังงงงง มาอัพต่อไวๆนะคะเป็นกำลังใจให้น้าาาา ว่าแต่พลัสจะก่เรื่องไหมอ่า ลุ้นๆ เอาใจช่วยนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 5 จะกอดเธอไปจนเช้า~ : 10/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 10-01-2013 10:40:39
ชอบนะ แต่ตอนนี้หวั่นใจ กลัวมาม่าชิบ พสัสคือใครแล้วเกี่ยวกับป๊อนยังไง โจต้องคิดมากแน่ๆขนาดคนอ่านยังคิดมากเลย
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 5 จะกอดเธอไปจนเช้า~ : 10/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-01-2013 12:32:07
น่ารั๊คอ่าาาา แต่พลัสมันเป็นใครหว่าาาา พลัสของป๊อนซ์อีกตะหาก ไม่มาม่าช่ายมั้ยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 5 จะกอดเธอไปจนเช้า~ : 10/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: อ้ายหมี :) ที่ 11-01-2013 19:26:21
พลัส ??  :a5:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 5 จะกอดเธอไปจนเช้า~ : 10/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 11-01-2013 20:40:34
ใครโทรมาเนี่ย
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 6 ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที : 12/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 12-01-2013 16:02:22
ตอนที่ 6
[/b]






[Pontz x Joe]




[Joe]




ผมตัดสินใจปล่อยให้มันดังต่อไปอย่างนั้น โดยไม่คิดจะรับสาย เพราะผมคิดว่าผมคงจะไม่เข้มแข็งพอที่จะรับรู้ความจริง

“อืมมมม”  เสียงของป๊อนซ์ดังขึ้นก่อนที่ผมจะปล่อยให้เปลือกตาปิดสนิทลง

“ดื้อ”

“........” ผมแกล้งทำเป็นหลับทั้งๆที่สติยังมีอยู่ครบถ้วน

“อ้าว หลับซะแล้ว  แล้วนี่ใครโทรมาวะ” ป๊อนซ์พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ขึ้นมา ก่อนจะลุกไปรับอย่างรวดเร็ว

“ว่าไงครับ” เสียงหวานเอ่ยกรอกลงไปทันทีที่รับสาย  เหอะๆ มึงพูดดีๆกับกูอย่างนี้นับครั้งได้เลยนะป๊อนซ์

“คิดถึงพี่ล่ะสิ”  ใจผมสั่นทันทีที่ป๊อนซ์พูดออกไปอย่างนั้น นี่คงจะสนิทกันมากสินะ

“พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกันแหละ”  ผมรู้สึกเหมือนใจกระตุกวูบ ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาช้าๆ  แต่ผมต้องรีบเอาหน้าซุกกับหมอน
เพื่อที่จะเช็ดมันออกโดยที่ป๊อนซ์ไม่สงสัย

เสียงขยับตัวของผมทำให้เสียงพูดของป๊อนซ์เงียบลงก่อนจะกลายเป็นเสียงฝีเท้าที่เดินมาทางผม

เตียงยุบลงนิดๆตอนที่มันนั่งลง ก่อนที่มันจะยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆราวกับเป็นการกล่อม

“ว่าไงนะ  เมื่อกี๊คุยถึงไหนแล้ว” แล้วเสียงป๊อนซ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง  มันคุยกับเค้าทั้งๆที่มันนั่งลูบหัวผมอยู่  ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนตัว
เองเป็นสัตว์เลี้ยงของมันยังไงก็ไม่รู้  ตอนนี้ผมเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว

“ครับๆ  พี่กลับวันนี้ค่ำๆน่ะ เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว  อย่างอแงสิครับ”  นี่ถ้าป๊อนซ์มันสนใจผมสักหน่อยมันก็คงจะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ
ของผมไปแล้ว

“พี่บอกแล้วไงครับ ว่าพี่กลับมาเคลียร์ปัญหากับ ‘เพื่อน’ นิดหน่อย”  เพื่อนงั้นเหรอ  อ๋อ ผมรู้สถานะของตัวเองแล้วล่ะครับ  ที่แท้
ผมกับมันก็เป็นแค่ ‘เพื่อนกัน’ แค่นั้นเอง

“ครับๆ รักเหมือนกัน บายครับ” ป๊อนซ์วางสายไปก่อนจะค่อยล้มตัวลงนอนและกอดผมไว้อีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่ได้รู้สึก
อบอุ่นใจแต่อย่างใด  มันกลับรู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก  แต่สุดท้ายผมก็หลับไปในอ้อมกอดของมันอยู่ดี



-รัก  คือ ทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป-

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมดังขึ้นเป็นการปลุกให้ผมตื่นจากความฝันมาเจอกับความเป็นจริงอันแสนเจ็บปวด

 -P.J.เว้ยเฮ้ย-

ผมรีบกดรับทันที เพราะกลัวป๊อนซ์จะตื่น  ผมยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับป๊อนซ์ในตอนนี้

ผมลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องและเริ่มบทสนทนากับพีเจ

“ว่าไงมึง”

(มึงอยู่ไหนวะ)

“กูอยู่บ้านไอ้ป๊อนซ์”

(อ้าว ไอ้ป๊อนซ์กลับมาตอนไหนวะเนี่ย)

“ตอนบ่ายอ่ะ”

(เออ แล้วนั่นทำไมเสียงมึงเป็นแบบนั้นวะ) คำถามที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยนั้นทำให้ผมรู้สึกร้อนๆที่ขอบตาขึ้นมาอีกครั้ง

“พีเจ  มารับกูหน่อยได้มั้ย” ผมพูดบอกพีเจ โดยไม่ได้ตอบคำถามที่มันถามมา

(เออ ได้ๆ โชคดีที่วันนี้พ่อเพิ่งจะเอารถมาไว้ให้กู)

“อืม”

(เออ เดี๋ยวมึงลงมารอเลยแล้วกัน)

“อืม” ผมพูดรับคำก่อนจะกดตัดสายทันที

ผมเดินลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าคนที่หลับอยู่จะรู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน

“อ้าวคุณโจ จะกลับแล้วเหรอค่ะ” ป้าแม่บ้านถามขึ้นขณะที่ผมกำลังจะก้าวขาออกนอกรั้วบ้าน

“ครับ”

“แล้วจะกลับยังไงล่ะคะ”

“โจให้เพื่อนมารับครับ” ผมตอบป้าเค้าไปด้วยเสียงที่เหนื่อย และป้าเค้าก็เหมือนจะดูออกว่าผมไม่พร้อมจะคุยอะไรกับใครทั้งสิ้น
ป้าเลยบอกลาผมก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

-ปี๊ดดด-

เสียงแตรรถดังขึ้น ก่อนจะแสงจากไฟส่องหน้ารถฉายมายังที่ผมยืนอยู่

ผมเดินไปขึ้นรถและนั่งลงเงียบๆ โดยไม่คิดจะพูดอะไรกับพีเจ

รถเคลื่อนตัวออกช้าๆ บรรยากาศในรถเงียบมาก เพราะพีเจมันคงรู้ว่าผมอยู่ในอารมณ์ไหนมันจึงปล่อยให้ผมได้อยู่กับตัวเองให้
มากที่สุด

แต่แล้วพีเจก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศเงียบภายในรถ

“โจกูจะไม่ถามนะว่ามึงเป็นอะไร แต่กูแค่จะบอกมึงว่ามึงไม่ได้ตัวคนเดียว มึงยังมีกู มีเพื่อนๆอีกหลายคนนะเว้ย”

“อืม” ผมตอบรับก่อนจะนั่งเงียบๆต่อไป  ตอนนี้ผมรู้สึกสับสนไปหมด  มันทั้งเจ็บ ทั้งผิดหวัง ทั้งรู้สึกเหมือนว่าตัวเองโง่มาก  แล้ว
สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสายอย่างไม่มีทีท่าว่าหยุดลงได้ง่ายๆ

พีเจหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นมาให้ผมโดยที่ไม่ได้พูดอะไร  ผมก็รับผ้าเช็ดหน้านั้นมาแล้วฟุบหน้าลงร้องไห้
อย่างหนักทันที

“ฮึก ฮือออออ  ฮือออออ”  ผมปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาพร้อมกับน้ำตาและเสียงสะอื้น  ผมไม่ใช่คนที่จะ
ร้องไห้อย่างหนักแบบนี้บ่อยๆ  แต่ถ้าผมเป็นแบบนี้ก็แสดงว่ามันต้องเป็นอะไรที่เกินจะทนแล้วจริงๆ

พีเจหยุดรถอยู่ที่หน้าโรงเรียน ก่อนจะลงกระจกและดับเครื่องรถ

“ทำไมไม่เข้าไปวะ” ผมถามทั้งๆที่ยังมีเสียงสะอื้นอยู่

“ร้องซะให้พอแล้วมึงห้ามร้องแบบนี้อีก” พีเจพูดก่อนจะเปิดประตูลงไปยืนข้างรถทิ้งให้ผมนั่งอยู่ในรถคนเดียว





ผ่านไปสัก 10 นาที ผมก็โอเคขึ้น ผมเลยเปิดประตูลงไปบอกพีเจ

“พีเจ เข้าไปข้างไหนกันเหอะ”

“อืม เออ กูลืมบอกมึง”

“อะไรวะ”

“เดี๋ยวกูต้องไปที่ห้องซ้อมดนตรีก่อน ไปดูพวกไอ้ลิ้มมันซ้อมกันหน่อยต้องขึ้นแสดงวันพรุ่งนี้แล้วด้วย”

“อ๋อๆ ไปดิ”




“มึงอ่ะเล่นแปลกๆ”

“มึงก็แปลก”

“มึงแปลกกว่า” และ บลาๆๆ อีกมากมาย

“นี่พวกมันเถียงอะไรกันอยู่อ่ะ” ผมค่อนข้างตกใจเพราะผมไม่เคยมาดูพวกมันซ้อมดนตรีกันเลย ผมลืมบอกไปรึเปล่าว่าวงนี้ป๊อนซ์เป็นนักร้องด้วยแหละ

“อย่างนี้ทุกวันแหละมึง ไปเหอะ” พีเจตอบ ก่อนจะเอามือดันหลังผมให้เดินเข้าไปในห้องซ้อม

-รัก คือ ทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป-

โทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผม ผมค่อนข้างมั่นใจเลยทีเดียวว่าใครเป็นคนโทรมา

-Pontz^^-

เซ้นส์ของผมไม่เคยผิดจริงๆ  แต่จะทำไงล่ะทีนี้  ผมยังไม่อยากคุยกับมันเลย

“เอามาเดี๋ยวกูรับให้” พีเจพูดพลางยื่นมือมาตรงหน้าผม

“อืม” ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้พีเจรับสายให้

“กูเปิดลำโพงนะ” พูดจบพีเจก็กดรับสายทันที

(ฮัลโหล  มึงหายไปไหนวะโจ) ผมหันมองหน้าพีเจ  พีเจพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจก่อนจะตอบกลับไป  อย่าว่าแต่ให้ผมพูดตอบ
มันเลย  แค่ได้ยินเสียงมันน้ำตาของผมก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบแล้ว

“นี่กูพีเจนะ  ไอ้โจมันอาบน้ำอยู่”

(อ๋อ มึงเหรอ เออ แล้วไอ้โจมันกลับโรงเรียนไปยังไงวะ)

“กูไปรับมันเองแหละ  แล้วนั่นมึงจะขึ้นเครื่องยัง”

(ใกล้แล้ววะ  แม่งกูกลับมากะว่าจะเคลียร์เรื่องไอ้เบสนั่นสักหน่อย  ดันหนีกลับไปซะก่อน) เสียงไอ้ป๊อนซ์ดูอารมณ์เสียนิดๆ

“มันบอกว่าเห็นมึงเหนื่อยๆเลยไม่อยากให้ขับรถไปมาหลายรอบ”

(อ๋อๆ เออ งั้นไม่มีอะไรแล้วฝากไอ้โจด้วยนะ ว่ากูโทรมา)

“เออๆ เดินทางดีๆนะมึง”

(อือๆ) พูดจบไอ้ป๊อนซ์ก็ตัดสายไป  พีเจหันมายื่นโทรศัพท์กลับมาให้ผม

“ครั้งนี้กูช่วยมึงก่อน  แต่มึงต้องรู้ไว้นะว่ากูช่วยมึงไม่ได้ทุกครั้ง”  พีเจหันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยอีกครั้งก่อนจะ
เดินนำหน้าผมเข้าไปในห้องซ้อม

“อ้าว ตกลงไอ้นี่จะเข้ามาอยู่ในวงใช่มั้ย” พีเจทำหน้าสงสัยก่อนจะชี้ไปที่คนๆนึงที่ตอนนี้นั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งกลอง

“เยสเส่อ  กูจะเป็นมืองกลองของวงนี้” ไอ้นั่นตอบกลับมาด้วยความมั่นใจ แต่เอ๊ะจะว่าไป  ผมไม่เคยเห็นหน้ามันเลยนะเนี่ย

“ใครวะ” ผมกระซิบถามพีเจเบาๆ

“อ๋อ ไอ้นี่มันชื่อภูมิเป็นเด็กเข้าใหม่อ่ะ  แต่ตอนต้นเทอมมันได้ทุนไปดูงานเกี่ยวกับเรื่องกลองที่บูดาเปสต์อ่ะ แล้วเนี่ยมันก็เพิ่งจะ
ได้กลับมาเรียน” ผมพยักหน้ารับช้าๆก่อนจะหันไปยิ้มให้ภูมิที่ตอนนี้กำลังมองหน้าผมอยู่

“หวัดดี นายชื่ออะไรอ่ะ” มันถามผมพร้อมกับทำหน้าแบ๊วๆ (กูควรจะบอกมันดีมั้ยว่าโคตรจะไม่เข้าเลย)

“กูชื่อโจ กูว่าพูดกูมึงเหอะมันดูสนิทใจกว่า”

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว โนพร็อบเบลม” มันตอบกลับมาแบบทะเล้นๆ จะว่าไปอยู่ใกล้ๆไอ้นี่แล้วได้อารมณ์ดีขึ้นหน่อย

“เออ โจ ส่วนพวกนี้มึงรู้จักแล้วใช่มั้ย” ผมหันไปมองอีก 2 คนที่ยืนอยู่ในห้อง ถ้าจำไม่ผิดไอ้คนที่เล่นกีต้าร์น่าจะชื่อลิ้มนะ  ส่วนคน
ที่เล่นเบสชื่อนาย

“เอ่อ นี่ลิ้มแล้วนี่ก็นายใช่มั้ย” ผมถามออกไปแบบไม่ค่อยมั่นใจ

“เออ กูลิ้ม ส่วนไอ้นี่ก็นาย” ไอ้สูงที่ชื่อลิ้มหันมาตอบผม ในที่สุดผมก็จำชื่อเพื่อนได้สักที

“โจ เดี๋ยวรอไอ้พวกนี้ซ้อมกันก่อนแล้วกันนะ”

“อืมๆ” ผมตอบไปอย่างไม่มีปัญหาเพราะถ้าผมกลับไปอยู่ที่หอก็คงจะไม่มีอะไรแล้วก็นั่งฟุ้งซ่านอีก




ผ่านไปสัก 10 นาที ก็เริ่มจะเถียงกันอีกแล้วครับ แม่งคิดผิดคิดถูกวะที่มานั่งรอพวกมันซ้อมเนี่ย

“เอาไงกับนักร้องดีวะ  ไอ้ป๊อนซ์ก็ไม่อยู่ ไอ้ไปป์ก็ไม่อยู่จะให้ไอ้ลิ้มร้องก็ไม่ไหว” อยู่ๆไอ้นายที่เล่นเบสอยู่ก็โวยวายขึ้นมาเฉยๆ
(ไปป์เป็นนักร้องอีกคนในวงค่ะ)

“มึงอ่ะ” อยู่ดีๆ ลิ้มก็ชี้มาทางผมครับ

“กูทำไม” ผมถามมันกลับไปแบบงงๆ

“มึงมาร้องเพลงให้พวกกูหน่อย”

“หา!!!!!!  กูอ่ะนะ” ผมถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง

“เออมึงนั่นแหละ ไหนลองมาร้องดิ” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับเดินไปหยิบไมค์มายื่นให้ผม

“เอ่อ....”

“เอาเลย” มันกดดันผมอีกครั้ง  ผมก็ร้องไปเลยครับ ตอนนั้นมันบอกว่าอยากร้องเพลงอะไรก็ร้อง ผมเลยร้องเพลงชาติซะเลย

“กูว่าโอเคเลยนะเว้ย” ไอ้ภูมิชูไม้กลองขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนพูด

“อะไรโอเควะ” ลิ้มหันไปมองหน้าภูมิอย่างงงๆ

“ก็แบบว่าใครที่ร้องเพลงชาติเพราะเนี่ยแปลว่ามีพื้นฐานมีสกิลดีไง” ภูมิพูดพลางทำหน้ามีความรู้สุดๆ

“จริงเหรอวะ” ตอนนี้ลิ้มดูเริ่มจะคล้อยตามภูมิไปแล้ว

“จริง” ภูมิตอบกลับเสียงหนักแน่น และนั่นมันก้คือคำตัดสินชีวิตผม...

“พรุ่งนี้มึงต้องขึ้นร้องเพลงให้วงกู”

“เฮ้ยยยย” ผมอุทานขึ้นมาเสียงดัง  อะไรมันจะเชื่อคนง่ายขนาดนั้นวะ

“เอานี่เพลงที่มึงต้องร้อง วงพวกเราขึ้นแค่ 3 เพลงเอง ชิวๆอยู่แล้วมึง” ไอ้นายยื่นเนื้อเพลงมาให้ผมก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ

ผมกวาดสายตาไล่ดูลิสเพลงที่ได้มา

-ทุ้มอยู่ในใจ  (เพลงนี้แม่งเล่นทุกงาน เล่นกันเกลื่อน)

-คิดฮอด  (เพลงนี้ท่อนแร็พมันส์ดีผมชอบ เอ๊ะ  แต่เรียกแร๊พได้รึเปล่านะ เป็นจั๋งใด๋ล่ะหนอความฮัก~)

-ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที  เอ๊ะ นี่มันเพลงผู้หญิงนี่หว่า

“เอ่อ...ไอ้นาย คือเพลงสุดท้ายนี่มันเป็นเพลงผู้หญิงไม่ใช่เหรอวะ” ผมหันไปถามนายที่กำลังง่วนกับเบสของตัวเองอยู่

“ก็เออใช่ แล้วทำไมวะ”

“จะให้กูร้องเพลงผู้หญิงอ่ะนะ”

“เออดิ” มันตอบกลับมาหน้าตาเฉยมาก  แล้วกูต้องทำเสียงยังไงล่ะเนี่ย   อีกอย่างผมว่า 3 เพลงนี้ดูไม่ค่อยเข้ากันเลย

“กูมองจากหน้ามึงแล้วเหมือนมึงกำลังสงสัยอะไรบ้างอย่าง” ไอ้ภูมิพูดขึ้นมา

“เอ่อออ...”

“มึงคงกำลังสงสัยว่าเพลงมันเกี่ยวกันตรงไหน”

“ใช่” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะแปลกใจว่ามันรู้ได้ไงว่าผมคิดอะไรอยู่

“เดี๋ยวกูจะแจงแถลงไขให้ฟัง” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะเดินออกมาจากกลอง  ผมสังเกตเห็นปฏิกิริยาแปลกๆของคนอื่นๆ อย่างไอ้ลิ้มกับ
ไอ้นายนี่หยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแล้วก็นั่งยิ้มอย่างโล่งอก  ส่วนไอ้พีเจทำท่าเหมือนว่าโทรศัพท์เข้าทั้งๆที่ยังไม่มีเสียงเรียกเข้าอะไร
เลย แล้วมันก็เดินออกไปนอกห้อง

“เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนแรกนะเว้ย เหมือนกับว่าเรากับแฟนเราเงี้ยต้องห่างกันเว้ย” แอบจึ้กนะเนี่ย

“แล้วเราก็แทนมันด้วยเพลง ทุ้มอยู่ในใจ” ผมพยักหน้าตอบก่อนที่ไอ้ภูมิจะพูดต่อ

“แล้วพอเราห่างกับแฟนเราก็คิดถึง” มันพูดเว้นจังหวะนิดนึง ผมจึงตอบมันกลับไป

“มึงเลยใช่เพลงคิดฮอด”

“เยสสสส  เวรี่กู้ดดด  มึงเริ่มจะจับทางกูได้แล้ว” ไอ้ภูมิทำหน้าเหมือนภูมิใจในตัวผมมาก

“และเพลงสุดท้ายนี่ก็ประมาณว่าสุดท้ายแฟนเราก็ทิ้งเราไปมีใหม่ เลยแทนด้วยเพลงฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที” ความเจ็บ
แล่นกลับเข้ามาเกาะกุมหัวใจของผมอีกครั้ง  ตอนแรกผมเหมือนจะลืมไปได้ชั่วขณะนึงแล้วแต่พอเอาเข้าจริงๆ แค่มีคนมาสะกิดนิดหน่อยผมก็กลับมาเจ็บอีกครั้ง  เฮ้ออออ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ

“ตกลงว่ามึงเข้าใจแล้วใช่มั้ย” ไอ้ภูมิถามย้ำหลังจากที่เห็นผมเงียบไปนาน

“อืม” ผมตอบกลับมันไปสั้นๆ เพราะตอนนี้ผมเริ่มอยากอยู่คนเดียวอีกครั้งแล้วสิ

หลังจากที่ไอ้ภูมิเดินกลับไปนั่งที่กลองคนอื่นๆที่เหลือก็เริ่มกลับมามีอาการปกติ ไอ้พีเจก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ส่วนไอ้ลิ้มกับไอ้นายก็ถอดหูฟังออกและเก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม

“มันพูดจบแล้วเหรอ” พีเจเดินมากระซิบถามผม

“อืม” ผมตอบกลับไปแต่ก็ยังสงสัยว่าทำไมพวกที่เหลือถึงมีอาการแปลกๆกัน

“วันนี้เร็วกว่าที่คิดแฮะ  ปกติแม่งเกือบชั่วโมง”  อ๋ออย่างนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้วว

“เอาล่ะกูว่ามาเริ่มซ้อมแบบเต็มวงกันดีกว่าจะได้แยกย้ายกลับไปนอนกันซะที” ไอ้พีเจพูดขึ้นมาเสียงดังให้ทุกๆคนได้ยิน พวกที่
เหลือก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มซ้อมกันอย่างจริงจัง  เราซ้อมกันแค่ประมาณ 4 รอบก็เห็นว่าโอเคแล้ว เลยแยกย้ายกลับหอเลย  รอลุยวันพรุ่งนี้ให้เต็มที่ สู้โว้ยยยย!!!!!!




และแล้วเวลาที่ผมกลัวก็มาถึง  ตอนนี้ก็ประมาณสัก 2 ทุ่มกว่าๆได้ พวกผม 4 คน มีผม ไอ้ลิ้ม ไอ้นาย แล้วก็ไอ้ภูมิก็กำลังมายืนสแตนบายหลังเวทีเตรียมจะขึ้นโชว์เป็นวงต่อไป

“พร้อมมั้ยมึง” ไอ้นายหันมาถามผม ในขณะที่มันเองก็เสียงสั่นใช่ย่อย

“ไม่วะ” ผมตอบไปตามความจริง  เพราะตอนนี้ผมรู้สึกประหม่ามาก  ผมเคยขึ้นเวทีอะไรแบบนี้ซะที่ไหนกันล่ะ

“เออ กูก็ไม่พร้อม” ไอ้ลิ้มหันมาบอกด้วยหน้าตาหวาดๆ

“แต่กูโคตรจะพร้อมเลย”  ไอ้ภูมิพูดพลางยกมือขึ้นทุบอก

“ยังดีวะที่มีคนพร้อมอยู่” ผมพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดในตอนนี้

“การแสดงของวง..... ก็จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะรับ ต่อไปก็มาพบกับวงน้องใหม่กันเลย วงของน้องๆม.4 ได้ข่าวมาว่าวงนี้เค้าป๊อปไม่เบาเลยนะครับ”

“เอาล่ะพวกมึงมารวมพลังกันก่อน” ไอ้ภูมิพูดพลางยื่นมือออกมาข้างหน้าตามด้วยมือไอ้นายมือไอ้ลิ้มแล้วก็มือผมอยู่บนสุด

“สู้โว้ยยยยยยยย!!!!!!!!”  พวกผมตะโกนออกมาสุดเสียงก่อนจะเดินไปหน้าเวที

“มาพบกับพวกเค้ากันเลย” เสียงตบมือเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มไปทั่วทั้งหอประชุมของโรงเรียน และนั่นนยิ่งสร้างความประหม่าให้กับผม  แต่ผมต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไอ้พวกในวงมันให้ผมเป็นคนแนะนำสมาชิกน่ะครับ

“สวัสดีครับ” ผมพูดทักทายออกไป ก่อนจะยิ้มหวานๆตามไปอีกที

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”  โอ้โห ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวนะครับ

“แก ฉันไม่ไหวแล้วอ่ะ หล่ออ่ะแก”

“ฉันรู้สึกเหมือนน้องลิ้มกำลังมองฉันอยู่เลย”

“เหมือนกันเลย  ฉันรู้สึกว่าน้องโจเค้ามองมาทางเราแหละแก”

เอิ่ม พี่ครับ ถ้ามันจะขนาดนั้นล่ะก็นะ

“วันนี้นักร้องนำของวงไม่อยู่ ผมก็เลยมารับหน้าที่เป็นนักร้องนำแทน  ผมโจครับ” ผมพูดแนะนำตัวออกไป แต่แค่พูดคำว่านักร้อง
นำของวงมันก็ทำให้ใจผมกระตุกนิดนึงล่ะ  แต่ผมจะมาเสียสมาธิกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดก็มาอีกตามเคยครับ

“แกๆ ฉันได้ข่าวมาว่าน้องโจกับน้องป๊อนซ์ที่เค้าเป็นนักร้องนำอ่ะแก  เค้าเป็นแฟนกันด้วย”

“จริงดิ”

“จริง  ฉันเห็นเค้ากินข้าวกันตอนเช้านะแก โคตรน่ารักเลย”

“อ๊ายยยยย  แกๆ พอก่อนๆ ฉันฟินจนไม่รู้จะฟินยังไงแล้วววว”

ผมทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องที่พวกพี่ๆผู้หญิงหน้าเวทีเค้าพูดกัน เพราะไม่แน่เรื่องที่เค้าพูดกันมันอาจจะกลายเป็นอดีตก็ได้

“ส่วนคนทางขวาของผมนี่ ลิ้ม มือกีต้าร์ครับ” ผมพูดแนะนำให้ไอ้ลิ้ม  ส่วนมันก็โซโล่กีต้าร์โชว์ไปนิดนึง เพิ่มความเท่ห์ให้กับตัวเอง

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด   น้องลิ้มของฉัน”

“ของฉันหรอก”

“ของฉันนนนนนนนน”

“โอเคเรามาแบ่งกันฉันวันคู่  แกวันคี่”

“โอเค” แล้ว 2 คนนั่นก็จับมือกันราวกับตกลงทำสัญญาข้ามชาติสำเร็จ

“ส่วนทางซ้ายของผมนี่ นายมือเบส” ผมพูดแนะนำให้ไอ้นาย ไอ้นายก็ตบเบสโชว์เรียกเสียงกรี๊ดทันที

“แก ฉันว่าน้องนายก็น่าสนนะ”

“เออใช่”

“จะเอาอ่าๆๆๆๆๆ”

เอิ่มมมม  ผมเริ่มจะกลัวขึ้นมาจริงๆแล้วสิ

“คนสุดท้ายที่นั่งหล่ออยู่หลังกลอง ภูมิมือกลองครับ” ผมพูดจบไอ้ภูมิมันก็รัวกลองเรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูเช่นเดียวกับไอ้นายและ
ไอ้ลิ้ม

“เฮ้ยยยย แก น้องคนนี้ที่เค้าเพิ่งกลับมาจากบูดาเปสต์อ่ะ”

“ว๊ายยยยยย  หล่อแล้วยังเก่งอีกอ่ะแก”

“เด็กสมัยนี้ทำฉัน พัง อ๊ายยยยยยยยยยยย”

แล้วก็มีบทสนทนาอีกมากมายไม่เหมาะแก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ทังนั้น

“เอาละครับ รู้จักกับพวกเรากันแล้ว เราก็มาสนุกไปด้วยกันเลยยยยย”  ผมตะโกนออกมาก่อนจะ เริ่มร้องเพลงตามที่นัดแนะกันไว้
อย่างสนุกสนาน  สิ่งต่างๆในวันนี้มันทำให้ผมลืมความเจ็บปวดไปได้บ้าง 

“เราก็มาถึงเพลงสุดท้ายกันแล้วนะครับ เพลงนี้จะเป็นเพลงช้าๆ ความหมายดีๆ มาช่วยกันร้องนะครับ” พูดจบผมก็เริ่มต้นร้องเพลง
ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที  ผมกลัว กลัวว่าตัวเองจะร้องไห้อยู่บนเวทีเหมือนตอนในห้องซ้อม ผมก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่
เป็นแบบนั้น

ผ่านมาไม่เคยคิดพูดเลย

เธอก็รู้ ฉันแกล้งไม่รู้ที่เธอแอบมีใครๆ


ผมร้องออกมาในโทนเสียงผู้ชาย  โดยที่ตอนนี้ในใจผมเริ่มจะสั่นๆแล้ว ผมหวังว่าผมคงจะไม่ขายหน้ายืนร้องไห้บนเวทีหรอกนะ 
นี่ไอ้ป๊อนซ์มันจะรู้รึเปล่าว่ามันมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้

ก็ยังยอม  ทุ่มรักให้เธอไป

ได้แต่หวังว่ารักของฉันคงจะเปลี่ยนเธอสักวัน

แล้วนี่มันคืออะไร  ฉันทำไปแค่ไหน

แล้วเธอก็อย่างเดิม  แล้วเธอก็ยังมีใคร


พอมาถึงท่อนนี้ผมเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา  แต่ผมก็ยังสามารถที่จะเก็บอารมณ์ไว้ได้  แต่ก็รู้ตัวดีว่าคงจะเก็บได้อีกไม่นาน

นี่ฉันยังดีไม่พอ หรือเธอไม่พอสักที

ที่ฉันทำทุกๆอย่างเห็นใจกันบ้างมั้ย


ตอนนี้ผมรู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม  ผมไม่ปาดมันออก  ปล่อยให้มันไหลออกไปอย่างนั้น  แต่มันก็ยังดีนะที่ผมยัง
ควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สะอื้นได้

คนอื่นๆในวงเริ่มหันมองหน้ากันไปมา ผมเลยหันไปยิ้มให้ทั้งๆที่น้ำตาก็ยังไหลออกมาไม่หยุด

ต้องให้ใจฉันทั้งโดนย่ำโดนเหยียบเพียงใด

เธอจึงคิดที่จะเปลี่ยนและกลับมารักแค่ฉันเพียงคน ฮึก เดียว ฮืออออ

ตอนนี้แม้แต่เสียงสะอื้นผมก็กลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว  แต่ดนตรีก็ยังต้องเล่นไปเรื่อยๆ  และผมก็ต้องพยายามร้องให้จบเพลง

ฮึก มีรัก ฮึกก ก็อยากได้รักดี

แต่ถ้ารัก ฮึก ไม่ดีอย่างนี้ฉันเองก็ ฮึก คง ไม่ ฮีก ไหว


เสียงสะอื้นของผมเริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มจะควบคุมไม่อยู่ 

“มึงไหวมั้ย” ไอ้ลิ้มเดินเข้ามาถามผม ผมก็พยักหน้าตอบกลับไปมันจึงกลับไปยืนที่ตำแหน่งเดิม แล้วมองผมอย่างเป็นห่วง

ยอมทุ่มเทรัก ฮึก แท้ให้เธอ ฮึก ไป

จนใจนี้มัน ฮึก เริ่ม ฮือออ ไม่เหลือให้รักตัวเองแล้วเธอ ฮือออ

แล้วนี่มันคือ ฮึก อะไร

ฮึก ฉันทำไปแค่ไหน ฮือออ ฮึก แล้วเธอก็อย่างเดิม  แล้วเธอก็ยังมี ฮึก ใคร


ตอนนี้เสียงโหวกเหวกโวยวาย เสียงกรี๊ดที่มีอยู่ตอนแรกเริ่มเงียบลง เหลือเฉพาะเสียงดนตรี เสียงเพลง และเสียงสะอื้นของผม

ผมพยายามจะมองไปที่คนดูที่อยู่ล่างเวที แต่ตอนนี้ตาของผมมันมีม่านน้ำตามาบังจนผมมองอะไรก็พร่าไปเสียหมด

นี่ ฮึก ฉันยัง ฮึก ดีไม่พอ หรือเธอ ฮึก ไม่พอสักที

ที่ฉันทำทุกๆอย่าง ฮึก  เห็น ฮือออ ใจกัน  ฮึก บ้างมั้ยย

ต้อง ฮือออ ให้ใจ ฮึก ฉัน ทั้งโดนย่ำ โดน ฮึก เหยียบเพียง ฮึก ใด ฮือออออ

เธอจึงคิดที่จะ ฮึก เปลี่ยน และ ฮึก ฮือออ  กลับมา ฮึก รักแค่ฉัน ฮึก เพียงคนเดียวว


ตอนนี้ก็มาถึงท่อนสุดท้ายของเพลงแล้ว  อีกแค่ท่อนเดียวผมต้องทำให้ได้ ทั้งๆที่จริงๆตอนนี้แค่จะพูดเฉยๆยังลำบากเลย แต่นี่ผม
ต้องร้องเพลงให้จบให้ได้

แล้วนี่มัน ฮึก คืออะไร  ฮือออ  ฉัน ฮึก ทำไปแค่ไหน อึก

แล้วเธอก็อย่างดิม  ฮืออออ  แล้ว ฮึก เธอ ฮือออ ก็ยัง ฮึก  มี  ฮือออ  ใคร ฮืออออ

ฮืออออออออ  ฮึกกกกกก  ฮือออออออ


ผมปล่อยโฮออกมาอย่างหนักจนร้องต่อไม่ไหว  ไอ้ลิ้มเลยเดินมายืนที่ตำแหน่งผมก่อนจะร้องเพลงในท่อนสุดท้ายแทนผม 

นี่ฉันยังดีไม่พอ หรือเธอไม่พอสักที

ที่ฉันทำทุกๆอย่างเห็นใจกันบ้างมั้ย

ต้องให้ใจฉันทั้งโดนย่ำโดนเหยียบเพียงใด

เธอจึงคิดที่จะเปลี่ยนและกลับมารักแค่ฉันเพียงคนเดียว


เพลงจบลงพร้อมกับเสียงตบมือดังกระหึ่ม  แต่ไม่มีเสียงกรี๊ดหรือเสียงตะโกนอะไรแต่อย่างใด 

ตอนนี้ผมยืนนิ่งอยู่บนเวทีทั้งๆที่เพลงมันก็จบไปแล้วแต่อารมณ์ของผมมันไม่ได้จบไปตามเพลง ผมยังคงยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้นไม่
ขยับเขยื้อนไปไหน จนตอนนี้ทั้งหอประชุมกลับมาเงียบอีกครั้ง

ในขณะที่ผมกำลังปิดหูปิดตายืนร้องไห้อยู่อย่างหนักนั้น ก็มีมือข้างหนึ่งดึงแขนผมเข้าไปหาตัวก่อนจะสวมกอดผมไว้จนแน่น
พร้อมกับพร่ำบอกคำๆหนึ่งอยู่ซ้ำๆ



“โจ  ป๊อนซ์ขอโทษ”



..............................TBC................................



เย๊!!!!!!!!!!    :laugh:

มาอีกตอนแล้วววววว  แต่งค่อนข้างยากอ่ะ แบบว่าไม่ค่อยถนัดดราม่าเท่าไหร่

ขอบคุณสำหรับทุกเม้นต์นะคะ *คำนับ*   :pig4:

มีกำลังใจแต่งขึ้นมาเยอะเลย  :o8:

โมเม้นต์แถมจ้าาาาาา

เมื่อวาน ป๊อนซ์เดินนำหน้าโจตอนเปลี่ยนคาบเรียน (โรงเรียนคนเขียนต้องเดินเปลี่ยนคาบน่ะ ^^)

แล้วก็มีน้องผู้หญิงคนนึงที่เข้ามาเกี่ยวแขนป๊อนซ์ไปควง

แล้วเพื่อนนางก็บอกพูดว่า "แกทำอะไรอ่ะ เกรงใจคนข้างหลังบ้างเหอะ"  แล้วคนที่ยืนกันอยู่ตรงนั้นก็หันไปมองโจกันเกือบหมดทุกคน

แล้วน้องโจก็เขิน ยืนยิ้มๆ  

ฟินเว่อร์ ~

อีกอย่างตอนนี้น้องเค้ากำลังเรี่ยไรเงินค่าฟุตซอลประเพณีอยู่ (ลงแข่งด้วยยย)  คนเขียนเสียไปเยอะเลยล่ะค่ะ 555

อย่าลืมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  กราบงามๆ ขอบคุณค่ะ

 :bye2:

หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 6 ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที : 12/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 12-01-2013 16:47:52
อ้ากกกกกกก  ทำไมป๊อนซ์ทำกับโจอย่างงี้ล่ะ พลัสเป็นใครแล้วน้องโจฉันเป็นเพื่อนแกเหรอป๊อนซ์ เดี๊ยวๆจะโดนมิใช่น้อย
สงสารน้องโจมากเลยอ่า อ่านไปเศร้าไปเลย เซงป๊อนซ์จริงจังทำไมทำอะไรไม่คิดถึงใจโจบ้าง โอ๊ย อยากจะเป็นลม สงสารน้องไม่ไหวทนละ แกก็รีบอธิบายเลยนะป๊อนซ์ ไม่งั้นจะเชียร์โจกับคนอื่นซะเลย เชอะๆ ปลอบโจเร็วๆเลยยยยย
ปล.โมเม้นท์น่ารักมากเลยค่ะ อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ่อยๆน้า เค้าจะรออออออออออ เขิน>\\\<
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 6 ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที : 12/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 12-01-2013 20:13:20
โจ อย่าไปยอม คืนดีง่ายๆ บอกคนอื่นได้ว่าเป็นเมีย
แต่กับคนนี้บอก เพื่อน ถ้าไม่มีไรไหมพูดแบบนี้
เลิกไปเลย คนแบบนี้  :m16:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 6 ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที : 12/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: คนโง่ ที่ 12-01-2013 20:36:40
ขอโทษคำเดียวมันพอสำหรับหัวใจที่เจ็บไหมฮะ!!!
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 6 ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที : 12/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 12-01-2013 22:57:33
มาต่อเลยนะเทออออออออออออออออออออ   :z3:
อย่าไปยกโทษมานนนน กร๊ากกกกกกกกกก แบบว่าแอบหมันไส้เหอะ  :z6:
 :m15:  อินเบาๆ 
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 6 ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที : 12/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 12-01-2013 22:58:12
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
อยากอยู่โรงเรียนเดียวกับคนเขียน

หนูอย่างฟินนนนน บ้างงงงงงงงง
แอร๊ยยยยยยยย :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 6 ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที : 12/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 13-01-2013 16:41:46
เคลียร์ด่วนนนนนนน มันยังไง ไม่งั้น ตาย ไอป๊อนซ์
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 6 ฉันดีไม่พอหรือเธอไม่พอสักที : 12/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 13-01-2013 18:48:34
ป๊อนซ์กลับมาเคลียร์ด่วนๆ เลย สงสัยโจมากๆๆ

นักเขียนสู้ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Picture!!! (Exclusive) อย่างฟิน>< : 13/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 13-01-2013 20:31:32
มันเป็นรูปที่แบบว่าฟินมากกกก 

แต่คนเขียนขอร้องจากใจเลยนะ

ห้ามเผยแพร่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

คนที่อยู่โรงเรียนเดียวกับคนเขียน ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้นะคะ


คนเขียนขอเบลอหน้านะ  แต่เอาจริงๆอ่ะ เข้ามองตากันอยู่แหละ 

ฟินจนลอยได้  :-[  :o8:  :impress2:

ส่วนนิยายอีกประมาณวันสองวันนะคะ   o18

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Picture!!! (Exclusive) อย่างฟิน>< : 13/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: PoMArmKuB ที่ 14-01-2013 02:09:43
ฮาาาาาา ชอบๆ มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Picture!!! (Exclusive) อย่างฟิน>< : 13/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: อ้ายหมี :) ที่ 15-01-2013 00:31:32
มาม่าะงั้น  :a5:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Picture!!! (Exclusive) อย่างฟิน>
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-01-2013 01:22:59
เศร้า
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 15-01-2013 23:07:51
ตอนที่ 7
[/b]





[Pontz x Joe]





[Pontz]






“ถึงซะที เมื่อยจะตายอยู่แล้วววว!!!!!!!!!!!!!”  ผมตะโกนสุดเสียงทันทีที่กระโดดลงจากรถของโรงเรียน  นี่ผมนั่งรถมาวันกว่าๆแล้วนะ ผมรู้สึกเหมือนก้นมันหายไปยังไงก็ไม่รู้  -0-

“มึงทำอะไรของมึงวะ” เสียงไอ้ไปป์ทักขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าผมกำลังเอามือจับๆดูที่ก้นของตัวเอง

“ก็กูรู้สึกเหมือนก้นตัวเองหายไปว่ะ” ผมพูดตอบไอ้ไปป์พร้อมกับเอามือจับๆที่ก้นไปด้วย

“ประสาท” ไอ้ไปป์ทำหน้าเอือมๆก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ผมกังวลกับก้นตัวเองอยู่คนเดียว

แล้วผมก็เดินตามไอ้ไปป์ไปที่หอพักที่เค้าจัดไว้รับรองนักกีฬาจากต่างโรงเรียน  มันก็คล้ายๆกับที่หอผมนะแต่แค่ที่นี่มันสบายกว่า  เตียงใหญ่กว่า  ห้องน้ำกว้างกว่าก็แค่นั้นเอ๊งงงงง  ไม่มีอะไรน่าอิจฉาเลยสักนิดเดียว TT

“โอ๊ยยย!!!!” ชิบแล้วครับ  ผมเดินชนใครเข้าล่ะเนี่ย   ผมรีบยื่นแขนไปรับร่างนั้นก่อนที่จะทิ้งพื้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น 

เอ๊ะ  นี่มันหอพักผู้ชายนี่หว่าแล้วนี่ผู้หญิงขึ้นมาได้ไงเนี่ย  แต่เอ๊ะ....

เฮ้ยยยยย  เชี่ยยยยยย   ผู้ชายนี่หว่า  ทำไมหน้าตาน่ารักแบบนี้วะ

ผมมองไปที่หน้าของร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดของผมตอนนี้  คนหน้าหวานหลับตาปี๋ พร้อมกับเม้มปากจนแน่น  เหมือนกับกำลังรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะมาถึง

“เอ่อ...”  ผมควรจะเรียกเค้าว่าอะไรดีล่ะ 

“...”  ร่างนั้นค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละนิดก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อระลึกได้ว่าเค้ากำลังอยู่ในอ้อมกอดของผม

“เอ่อ  ขอโทษครับ” ใบหน้าหวานนั้นขึ้นสีเล็กน้อยพร้อมกับคำขอโทษที่ออกมาจากปาก โอ๊ยยยยย  น่ารักอ่ะ ><////

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบกลับไป แต่ร่างบางตรงหน้าก็ยังคงก้มหน้ามุดพื้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมอยู่ดี

“เอ่อ แล้วนี่ ม. ไหนล่ะเรา” ผมถามไป แต่มองจากขนากตัวแล้วก็น่าจะ ไม่เกิน ม.3 ชัวร์ และนั่นก็แสดงว่าเค้าเป็นรุ่นน้องผมยังไง
ล่ะ

“ม.3 ครับ”  แม่นอย่างกับไม้ทิ่ม  ว่าแล้วว่าต้องเด็กกว่า 

“ชื่ออะไรอ่ะ  พี่ชื่อป๊อนซ์นะครับ” ผมถามชื่อของน้องเค้าออกไปเพราะจะได้เรียกถูก

“ชื่อพลัสเตอร์ครับ  เรียกสั้นๆว่าพลัสก็ได้” น้องเค้า  เอ่อ  น้องพลัสเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามของผม  แต่เมื่อเงยขึ้นมาแล้วสบตา
กับผม พลัสก็รีบก้มมองพื้นอีกครั้ง

“ที่พื้นมันมีอะไรน่าสนใจนักเหรอครับ” ผมลองแกล้งแหย่น้องเค้าเล่นๆ

“เอ่อ...” ร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเริ่มมีใบหน้าที่ขึ้นสีมาอีกรอบ  โอ๊ยยยย  น่าฟัด  แต่เอ๊ะ  ไอ้โจล่ะ  ตายห่า  นี่ผมกำลังนอกใจ
โจรึไงนะ  ไม่ได้ๆ  ผมต้องรักโจคนเดียวเท่านั้น

“เชี่ยป๊อนซ์หาอยู่ตั้งนาน  โอ๊ะ โอ....” เสียงของไอ้ไบท์ เพื่อนในทีมบาสของผมดังขึ้น

“หึ” ไปป์ส่งเสียงในลำคอเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ยิ้มอะไรของพวกมึง” ผมหันไปถามทั้งสองคนที่ตอนนี้กำลังยิ้มและมองมาที่ผมด้วยสายตาที่โคตรจะน่าขนลุก

“เอ่อ พลัสไปก่อนนะครับ” น้องพลัสเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบเดินก้มหน้างุดๆออกไป

“ครับ” ผมรับคำ ก่อนจะโบกมือให้นิดหน่อย

“เอาละเว้ย  สนุกละงานนี้” ไอ้ไบท์พูดประโยคที่เข้าใจยากออกมาอีกครั้ง

“หึ” ส่วนเหี้ยไปป์ก็เหมือนเดิมครับ หึ สั้นๆ ที่ทำเอาผมงงแตก  นี่พวกมึงช่วยพูดอะไรที่มนุษย์ปกติเค้าจะเข้าใจกันหน่อยได้มั้ย

“อะไรของพวกมึงวะเนี่ย”

“ชอบอ่ะดิ” ไอ้ไบท์ถามขึ้นมาอย่างไม่อ้อมค้อม  อ๋อ อย่างนี้นี่เอง

“ก็น่ารักดี  หรือมึงไม่ว่างั้น” ผมตอบพลางถามไอ้ไบท์กลับ

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่งงว่ามึงเปลี่ยนสไตล์แล้วเหรอวะ”

“หืมมม” ผมงงกับคำพูดของไบท์อีกครั้ง

“ก็กูนึกว่ามึงชอบแบบนิ่งๆแต่แอบขี้อ้อนแอบมีมุมน่ารักนิดๆอะไรแบบนี้ซะอีก” ไอ้ไบท์เริ่มกล่าวพาดพิงถึงบุคคลที่สาม

“โจอ่ะนะ” ผมถามมันออกไป

“ก็ อืม  ประมาณนั้น”

“กูไม่ได้ชอบโจ”

“อ้าววว” ไอ้ไบท์ส่งเสียงที่แสดงถึงความแปลกใจออกมา  แม้กระทั่งไอ้ไปป์ยังแสดงสีหน้าสงสัยออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“แต่กูรักเลยต่างหากล่ะ” ผมพูดพร้อมกับนึกถึงหน้าหวานๆของโจ  โอ๊ยย  น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย

“โอ๊ยยย  กูตกใจหมด”ไอไบท์พูดพร้อมกับเอามือทาบอก

“แต่มึงก็ต้องเข้าใจว่ากูก็ต้องมีหลงใหล  เผลอไผลไปกับสิ่งที่มันสวยงาม อะไรงี้บ้าง  แต่สุดท้ายกูก็รักเดียวใจเดียวนะเว้ย” ผมพูดบอกกับเพื่อนทั้งสองคน  เอาจริงๆนะ  ตอนเห็นน้องพลัสตอนแรกนี่คือแบบว่าใช่เลยอ่ะ  ว่าโจหน้าหวานแล้วนะ  แต่น้องพลัสหน้าหวานกว่าโจอีก ส่วนผิวก็โจขาวกกว่านะ  แต่น้องเค้าตัวเล็กกว่าโจอ่ะ   โอ๊ยยยย  น่ารักทั้งสองคนนั่นแหละ  แต่แบบว่าผมก็รักแค่คนเดียวอ่ะนะ และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้โชคดีคนนั้นเป็นใคร  มันก็ต้องเป็น ไอ้ดื้อ ของผมอยู่แล้ว

“เออๆ ช่างมึงเหอะ  ไปซ้อมกันดีกว่า” ไอ้ไปป์ที่ยืนเงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมา  เราทั้งสามคนเลยไปเปลี่ยนเป็นชุดบาสก่อนจะลงซ้อมในสนาม  ซ้อมหนักมากกกกก  และก็ต้องซ้อมทุกวันด้วย

ถึงผมจะซ้อมหนักยังไงแต่ผมก็จะต้องปลีกตัวออกมาโทรหาสุดรัก สุดดวงใจของผมเสมอ แทบจะชั่วโมงละครั้งเลยก็เป็นได้  อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยชอบโทรหามันบ่อยๆหรอก  ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึงหรอกนะ  แต่เวลาโทรไปผมจะสัมผัสได้ถึงความเหงาของมันที่ส่งผ่านเสียงมา  และนั่นมันก็ทำให้ผมคิดจะบินกลับไปหาโจวันละหลายครั้งเลยทีเดียว






วันนี้ก็เป็นวันที่สองแล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่   ซ้อมหนักเป็นบ้าเลย  แต่ยังดีนะที่โค้ชให้มาพักได้ 15 นาที ผมก็ไม่ชักช้ารับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาโจทันที  ผมก็คุยเรื่องทั่วไปอ่ะนะ ประมาณว่า ทำไรอยู่  กินข้าวยัง  อยู่กับใคร อะไรประมาณนี้แหละ  พอคุยเสร็จผมก็นั่งหลับตาแล้วก้มลงพร้อมกับเอามือนวดคอตัวเองเบาๆเพื่อเป็นการผ่อนคลาย

“เอ่อ ขอโทษนะครับ” มีเสียงหวานเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นในขณะที่ผมกำลังนวดคอตัวเองอยู่

ผมจึงลืมตาพร้อมกับเงยหน้ามองที่มาของเสียงนั้น

“อ้าว  น้องพลัส” นึกว่าใครที่แท้ก็น้องพลัสนี่เอง

“เอ่อ ครับ คือว่าผมเอาน้ำมาให้น่ะครับ” เอ๋  ให้ผมเนี่ยนะผมมองขวดน้ำในมือของน้องพลัส  มันเป็นขวดใสๆลายหมีพูห์  ฮ่าๆๆๆ 
น่ารักเชียวล่ะ   ว่าแต่น้องเค้าจะเอามาให้ทำไมอีกล่ะเนี่ย  ในเมื่อมันก็มีฝ่ายสวัสดิการที่เอาน้ำมาให้เป็นกระติกใหญ่ๆอยู่แล้ว

“ให้พี่ทำไมละครับ” ผมลองถามน้องพลัสกลับไป  แล้วก็เป็นไปตามคาดครับ  หน้าน้องพลัสเริ่มที่จะแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง   อย่า
มาน่ารักแถวนี้นะเด็กน้อย

“ก็ เอ่อ...คือ.....” น้องพลัสดูอ้ำๆอึ้งๆ เหมือนไม่รู้จะตอบว่ายังไง

“ฮ่าๆๆ ช่างเหอะ มานั่งนี่ก็ได้ ยืนอยู่นานแล้วนะ ไม่เมื่อยเหรอ” ผมชวนให้น้องพลัสนั่งลงข้างๆผม

“เอ่อ ครับ” แล้วน้องพลัสก็นั่งลงข้างๆผม  ก่อนที่ผมจะเริ่มชวนน้องเค้าคุยไปเรื่อยๆ  น้องเค้าเป็นคนช่างพูดนะ แต่แค่ว่าผมต้องเป็นคนเริ่มพูดก่อน แค่นั้นเอง 




แล้วหลังจากวันนั้นน้องเค้าก็จะมานั่งคุยกับผมเวลาผมได้พักจากการซ้อมทุกวัน  จนในบางครั้งผมก็แอบรู้สึกหวั่นไหวไปกับความน่ารักแบบใสๆของน้องพลัสนะ

ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแปลกๆไป  ถ้าวันไหนผมไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นหน้า หรือ ไม่ได้ทักทายน้องพลัสแล้วผมจะหงุดหงิด
หรือบางทีก็ถึงขั้นเสียสมาธิในการเล่นบาสไปเลย  เฮ้อออออ  นี่ผมถลำลงลึกเกินไปแล้วรึเปล่านะ





วันนี้ก็วันที่สี่แล้วสินะที่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมซ้อมเหนื่อยมากจนบางครั้งก็ไม่ค่อยได้โทรหาโจ  แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะโทรกำชับพีเจว่าให้ดูแลโจแทนผมให้ดีๆด้วย

เออ พูดถึงโจแล้วก็คิดถึงโทรหาหน่อยดีกว่า  ผมก้มลงหยิบไอโฟนสีดำขึ้นมาก่อนจะกดเบอร์โจแล้วยกขึ้นมาแนบที่หู

(ตื้ดดดดด  ตื้ดดดดดด    มีไร)  อื้อหือรับได้ห้วนมากที่รัก

“อุตส่าห์ ขออนุญาตออกมาโทร ไม่คิดจะพูดดีๆหน่อยรึไง” ผมแกล้งทำเสียงเป็นงอนๆใส่มันกลับไป

(ขอโทษค้าบบบ  แล้วตกลงโทรมามีอะไรรึเปล่า)  แล้วไอ้น้ำเสียงน้อยใจที่ผมทำไปมันก็ได้ผล เมื่อโจตอบกลับผมมาแบบเพราะ 
จนผิดปกติ ราวกับประชด??

“ก็ไม่มีไร  แค่คิดถึงน่ะ” หยอดไปหนึ่งดอก ผมมั่นใจว่ามันต้องเขินจนแล้วทำเป็นด่าผมกลบเกลื่อนแน่นอน

(อืมม) เฮ้ยยยยยย  ผิดแผน ทำไมเสียงมันเป็นแบบนี้อีกแล้ว  น้ำเสียงเหงาๆของมันที่ทำให้ใจผมสั่น  มันมาอีกแล้ว

“เป็นอะไรรึเปล่าดื้อ ทำไมเสียงดูเศร้าๆวะ” ผมลองถามมันไปดูว่ามันจะตอบกลับมาว่ายังไง

(ก็เปล่า)  แล้วก็เป็นไปตามที่ผมคิดไว้ครับ  เฮ้ออออ  ไม่ได้การแล้ว ผมต้องคุยกับไอ้พีเจหน่อยแล้ว

“เรียกพีเจมาคุยกะกูหน่อยดิ”

(เออ) เสียงห้วนๆของโจ ทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันกำลังงอนอยู่  ตลอดอ่ะ  ชอบงอนอะไรแบบนี้ตลอด  ถ้าอยู่ใกล้ๆนี่พ่อจับจูบเลยนะ
(พูดเหมือนกล้า)

(ไอ้พีเจ!!!!!!!!!!!) โอ๊ยยยยยยยยยย  เสียงมันเสียดแทงรูหูผมมาก  จะดังไปไหนวะนั่น เดี๋ยวคอก็แตกหรอก  เฮ้อ  ชอบทำให้
คนอื่นเป็นห่วงตลอดอ่ะ

(เออว่าไงไอ้ป๊อนซ์) ไอ้พีเจตอบกลับมาด้วยเสียงที่หงุดหงิดนิดหน่อย  ส่วนต้นเหตุก็น่าจะมาจากไอ้ดื้อของผมนั่นแหละครับ

“โจเป็นอะไรรึเปล่ามึง” ผมถามถึงโจด้วยความเป็นห่วง

(กูไม่รู้)  พีเจตอบกลับมาด้วยเสียงที่เป็นปกติแล้ว

“นี่มึงได้อยู่กับมันเหมือนที่กูกำชับไว้รึเปล่าเนี่ย” ผมถามมันออกไปเพราะแม่งพีเจดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย
(เหี้ยยยย  กูก็อยู่กะมันนี่แหละ)

“โจกินข้าวเยอะมั้ย  นอนดึกรึเปล่า แล้วมึงดูแลมันแทนกูได้ใช่มั้ย” ผมถามออกไปยาวมากกกกก

(เอออ กูดูแลแม่งอย่างดีอ่ะ) ไอ้พีเจ ตอบกลับมาแบบปัดๆ  แม่งมึงไม่มีสิทธิ์รำคาญกูนะเว้ยยยย  กูห่วงเมียกูนี่ผิดมากรึไงวะ

“แต่กูว่าโจดูเสียงซึมๆอ่ะ” ผมถามในสิ่งที่ผมกำลังสงสัยอยู่อีกอย่างหนึ่ง

(เออ มันก็เงียบผิดปกติอ่ะ) ว่าแล้วววว   โอ๊ยยยย  อยากเจอหน้าอ่ะ

“เออ กูเป็นห่วงมันอ่ะ มันคงไม่เป็นไรหรอกนะ”  ผมถามย้ำอีกทีด้วยความเป็นห่วง

(ไม่รู้ว่ะ ว่าแต่มึงเหอะไปโน่นกูได้ข่าวมาว่าโคตรป๊อปเลยไม่ใช่เหรอ) ข่าวไวเหลือเกินนะ  รู้เลยว่าใครแม่งบอก  ไอ้ไบท์ชัวร์
เพราะไอ้ไปป์ไม่น่าจะเอาเรื่องของผมไปกระจายต่อแบบนี้

“ก็มีบ้างเหอะ  แต่แม่งกูเจอคนนึงโคตรน่ารักเลย  ชื่อน้องพลัสเว้ย  น่ารักเหี้ยๆอ่ะ”  แล้วผมก็พูดถึงน้องพลัสให้ไอ้พีเจฟัง

(ฮ่าๆๆๆ  อย่าให้เมียมึงรู้แล้วกัน) อื้อหือ  ลืมไปเลยว่ากูมีเมีย  เสียวสันหลังวาบเลย

(ไอ้พีเจเอามือถือกูมา) เอาแล้วครับ พายุกำลังจะมาชัวร์เลย

(เออป๊อนซ์ คุยกะเมียมึงต่อนะ ท่าทางจะยาว โชคดีนะมึง) ไอ้พีเจอวยพรให้ผมก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปให้โจ

(ป๊อนซ์) เอาละเว้ย  เสียงอย่างดุเลยครับ

“ครับ” พูดเพราะไว้ มีชัยไปกว่าครึ่งครับ??

(กูคิดถึงมึงอ่ะ) โอ๊ะ  ผิดคาดเว้ยเฮ้ย มาซะหวานเลยโจ ถ้าอยู่ใกล้ๆนี่มึงโดนจับกดไปแล้วนะเนี่ย     กล้าเหรอ??

“ฮ่าๆๆๆ  คิดถึงดื้อเหมือนกันครับ” ผมเลยบอกคิดถึงมันกลับไปเหมือนกัน  โอ๊ะ โอ นั่นมันน้องพลัสนี่  มาได้เวลาเชียวนะพลัส

(นี่มึงแอบซ่อนกิ๊กไว้แถวโน้นบ้างยัง)  อะไรมันจะแม่น  ตรงกับสถานการณ์ขนาดนั้นวะเนี่ย

“บ้า  ไม่มี  ป๊อนซ์ก็มีดื้อคนเดียวอ่ะ” ผมตอบกลับ แต่พอหันไปมองที่น้องพลัส น้องเค้าก็กำลังโบกมือมาให้ผมอยู่เลยครับ   

(อย่ามาพูดเพราะกลบเกลื่อนนะ)  โจพูดราวกับรู้ทัน

“กูก็มีมึงคนเดียวนั่นแหละ  ต้องการแบบนี้ใช่ป่ะ”  ขอกวนตีนมึงหน่อยเหอะ ผมพูดตอบกลับไอ้โจพลางโบกมือพร้อมกับส่งยิ้มไปให้น้องพลัส

(เออ อย่าให้รู้แล้วกัน)  จะพยายามไม่ให้รู้แล้วกันนะจ๊ะ  ไม่รู้สิ จะว่าไปผมก็รู้สึกผิดนะ เพราะที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้มันเหมือนกับ
ว่าผมเป็นคนเจ้าชู้  ทั้งๆที่จริงแล้ว  มันไม่ใช่เลย  แต่ไม่รู้สิผมก็รู้สึกดีกับน้องพลัสด้วย  จะให้ผมทำไงอ่ะ

“ครับๆ” ผมตอบรับคำของโจ 

“ไอ้ป๊อนซ์มาซ้อมโว๊ยยยยยยยยยยยย” เสียงไบท์ตะโกนมาจากกลางสนาม

(เค้าเรียกมึงไปซ้อมแล้วเหรอ) โจถามผมด้วยน้ำเสีนงหงอยๆ  อย่าทำเสียงแบบนั้นนะเดี๋ยวกูอดใจไม่ไหว

“อืมม ใช่  กูต้องไปแล้วนะดื้อ” ทั้งๆที่ไม่อยากจะวาง  แต่ผมก็ต้องไปซ้อม แล้วก็ไปคุยกับน้องพลัส  เอ๊ะ???

(อืมม) เสียงหงอยๆของโจดังมาตามสายอีกครั้ง

“รักดื้อนะ”ผมบอกรักโจก่อนวางสายแบบนี้ทุกครั้ง

(อืมมม รักมึงเหมือนกัน) โจพูดเสียงค่อยๆก่อนจะกดตัดสายไป

เฮ้ออออ  คิดไปคิดมาก็อยากกลับโรงเรียนแล้วว่ะ  แต่พอเงยหน้าขึ้นเท่านั้นแหละ 

น่าร้ากกกกกกกกกก   วันนี้น้องพลัสมาในชุดเสื้อยืดลายหมีพูห์สีชมพู กับกางเกงขาสั้นประมาณเข่าสีดำ   กรี๊ดดดดดดดด  น่ารักอ่ะ (นี่กูจิตไปมั้ยว่ะ??)

“หวัดดีครับพี่ป๊อนซ์” น้องพลัสเดินมานั่งข้างๆผมพร้อมกับกล่าวทักทาย

“ไอ้เชี่ยป๊อนซ์มาซ้อมได้แล้วเหอะ” เสียงไอ้ไบท์ดังขึ้นอีกครั้ง

“เออ แปปนึง” ผมตะโกนกลับไป

“ว่าไงวันนี้เอาน้ำมาให้พี่อีกแล้วเหรอ” ผมพูดหยอกๆน้องพลัส  ทำให้น้องเขินจนหน้าแดงหูแดงไปหมด และนี่ก็เป็นอีกการกระทำ
หนึ่งของน้องพลัสที่สามารถทำให้ผมหลงได้

“เอ่อ ครับ..” พลัสพูดตอบพร้อมกับก้มหน้าลง

“เอ่อ พี่ป๊อนซ์ครับ” น้องพลัสเอ่ยเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่มั่นใจ

“ครับ??” ผมขานรับก่อนจะยกน้ำที่น้องเอามาให้ขึ้นดื่ม

“เมื่อกี๊พี่ป๊อนซ์คุยกับใครเหรอครับ”

พรวดดดด!!!!!!!  น้ำที่กำลังจะผ่านคอหอยลงไป ย้อนพุ่งกลับออกมาด้านนอกอีกครั้ง

อื้อหือ แล้วนี่จะมาถามอะไรตอนกูกินน้ำล่ะเนี่ย





“เอ่อ คือ....”  เอาไงดีวะ  จะบอกว่าไงดีวะ  ถ้าบอกว่าแฟนนี่น้องเค้าก็คงจะออกห่างผมไปเลยซึ่งผมก็ไม่ต้องการแบบนั้น


“.....” สีหน้าของพลัสดูคาดหวังมากจนทำให้ผมต้องตอบไปว่า








“อ๋อ     เพื่อนน่ะครับ”


...........................TBC........................................

จ๊ะเอ๋  มาอัพอีกแล้วค่าาาาา  แต่คราวนี้เป็นพาร์ทของป๊อนซ์เมะของเรากันบ้าง 

มันอาจจะสั้นไปหน่อยนะ  ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เพราะคนเขียนแต่งไปแล้วพอกลับมาอ่านก็รู้สึกเกลียดป๊อนซ์ขึ้นมา???

เลยขอหยุดแต่งก่อน   เดี๋ยวถ้าหายเฟลแล้วจะแต่งต่อทันทีเลยค่ะ

โมเม้นต์แถมจ้าาาาาาาาา   คราวนี้มี 2 โมเม้นต์เลย ชดเชยกับที่เรื่องมันสั้นแล้วกันนะ


อันแรก.....

ป๊อนซ์เป็นคนกลัวหนูมากกกกก  แล้วตอนแรกเตียงนอนของป๊อนซ์กับโจจะอยู่ห่างกันประมาณ 2 เตียง  แต่พอป๊อนซ์ได้ข่าวว่ามีหนูมาวนเวียนใต้เตียงนางบ่อยๆ  นางก็เลยย้ายเตียงเลย  แลวบังเอิญว่ามันเข้าไปใกล้เตียงป๊อนซ์มากขึ้นกว่าเดิมอีก 
(ป๊อนซ์มีการเอาเยลลี่มาวางล่อหนูให้ออกมาด้วย คิดได้ไง) #หรือนี่จะเป็นแผนการในการเข้าใกล้โจ  กร๊ากกกก ฟินนนน
 o22

อันที่สอง.....

โจเป็นคนที่ขี้เกียจตื่นนอนมาก  เวลาคนเขียนเดินผ่านห้องที่นางเรียนอยู่คนเขียนเห็นนางตื่นอยู่แค่ไม่กี่ครั้งเอง แล้วก็มีคนมาเล่าให้ฟังว่าตอนเช้าๆ ป๊อนซ์จะเดินไปปลุกโจที่เตียงแล้วไปอาบน้ำพร้อมกัน(ห้องน้ำเป็นห้องๆนะ) แต่บางครั้งโจก็จะขี้เกียจมากถึงขนาดบีบยาสีฟันใส่แปรงแล้วเดินกลับมานอนต่อพร้อมกับแปรงฟันไปด้วย #น่ารักเชียววววว   :o8:


สุดท้ายก็ขอแถมรูปอีกรูปแล้วกันเนาะ  :impress2:





[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 15-01-2013 23:20:26
อยากฆ่าไอป๊อนซ์ ซ่ะ อ๊ากกกกกกก ค้างๆๆๆๆๆ เศร้าๆๆแบปลกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 15-01-2013 23:39:22
ป๊อนซ์ใจร้ายมาก โจต้องงอนนานๆ เลยนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 15-01-2013 23:58:25
ป๊อนซ์ ทำร้ายใจอ่ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-01-2013 02:22:31
ป๊อนซ์แมร่งนิสัย  :z3: :z3: :z3:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 16-01-2013 03:04:14
แวะมาเตือนเรื่องชื่อนิยายคะ
คำว่า "มึง" น่าจะเปลี่ยนนะเป็น "นาย" "คุณ"
ระวัง Mod บอร์ดมาอุ้มน่า

ว่าแล้วก็ขอแว่บไปอ่านก่อน  :o8:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 16-01-2013 10:58:01
สงสารโจ :sad11:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 16-01-2013 12:37:20
ทำไมป๊อนทำอย่างนี้ล่ะ ต้องโดน :z6: :z6: :z6:
 :o12:ให้โจรู้ไปเลย นิสัยไม่ดี! :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 16-01-2013 14:26:08
เสียใจว่ะ ไอ้ป๊อนเหี้ยมาก เลวทรามต่ำช้ามาก สัดมาก ชั่วช้ามาก พูดได้คำเดียวว่าเสียความรู้สึกมาก รู้สึกผิดหวังแทนโจเลย ที่ไอ้เชี้ยป๊อนยังโกรธเลยที่มีคนมาจีบโจ แต่นี้อะไรตัวเองกับทำกับปอโดยการนอกใจไปหาเขาถึงที่โดยอ้างว่าติดธุระสำคัญโดยไปหาพลัส  ถึงมันจะเสียโจไปมันคงไม่เสียใจหรอกแถมมันยังแคร์พลัสมากกว่าความรู้สึกโจอีก พูดได้คำเดียวว่าเสียใจมากขั้นทรมารใจกันเลย อยากให้โจได้เจอคนใหม่ที่จริงใจกลัวนี้ ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่ค่อยพยุงความรักให้ดำเนินต่อไปได้ แต่นี้ไอ้เหี้ยป๊อนกับทำหลายมันซ้ำยังย่ำยีหัวใจโจอีก ความเชื้อใจ ไหว้ใจคงเหลือน้อยมาก ความหวาดระแวงจะเข้ามาแทนที่แทน เป็นกำลังใจให้โจหายเจ็บปวดไวๆลืมป๊อนไปได้ยิ่งดี ให้มันไปหารักแรกพบกับไอ้พลัสนั้นซะ  ได้โปรดเถอะคนแต่งคนอ่านคนนี้ขอร้องละครับ ขนาดผมเป็นคนอ่านยังทรมารใจเลย แล้วโจละจะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 16-01-2013 17:49:55
ป๊อนเลวอ่ะทำแบบนี้ โจเลิกรักไปเถอะ
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 16-01-2013 19:38:29
ป๊อนซ์นิสัยแย่มาก แค่เพื่อน ถ้ายังไม่คิดจะหยุด
ก็อย่ามายุ่งกับโจ บอกกับคนที่มาชอบมาแฟนคือเพื่อนแย่มาก
หัวข้อ: Re: Friend รักมึงเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 7 เผลอใจ Pontz's part : 15/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 18-01-2013 19:47:01
คนแต่ง สู้ สู้  :a2:
เผลอไม่ได้ แอบนอกใจซะงั้น
นิสัยๆ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ฟุตซอลประเพณี : 18/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 18-01-2013 22:12:12
ขอมาแทรกอารมณ์ดราม่านิดนึงนะค่ะ    คือว่าวันนี้น้องป๊อนซ์ลงแข่งฟุตซอลนัดแรก  คนเขียนได้ไปนั่งเฝ้าชิดติดขอบสนามเลย  และก็ได้เห็นโมเมนต์นิดๆหน่อย  มันเลยทำให้ต่อมแห่งความฟินได้พุ่งทยานถึงขีดสุด ทำให้คนเขียนต้องมาแต่งเรื่องระบายความฟินกันเลยค่ะ

เนื้อหาในนิยายบางเรื่องก็เป็เนรื่องจริง  แต่บางเรื่องก็เกิดจากจินตนาการของคนเขียนเองนะเจ้าค่ะ


Special ฟุตซอลประเพณี





[Pontz x Joe]




[Joe]





“มึงโอเคยัง?” ผมถามพร้อมกับจับมือป๊อนซ์และลูบเบาๆ 

“ยัง” ตอนนี้ตามันลอยมากเลย  ฮ่าๆๆๆ  ตลกดีจัง

ไม่ใช่อะไรหรอกนะคือว่าวันนี้มันเป็นวันแข่งฟุตซอลประเพณีนัดแรกของป๊อนซ์  การแข่งครั้งนี้มันเป็นการแข่งขันแบบพบกันหมด 
และเหมือนโชคชะตาแกล้งมันเพราะว่าแข่งนัดแรกก็เจอกับทีมในตำนานของรุ่นพี่เลย 

“โจเอาไงดีวะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับหันมามองผมด้วยสายตาที่สับสนเป็นอย่างมาก  มันจะรู้ตัวรึเปล่านะว่าตอนนี้หน้ามันเหมือนลูก
แมวมากเลย งุ้งงิ้งๆๆๆๆ

“ก็เล่นเหมือนตอนที่มึงซ้อมไง”  เท่าที่ผมไปนั่งดูมันซ้อมทุกวันเนี่ย  ผมว่าฝีมือการเล่นมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นที่เค้าเล่นกันมานานแล้วเลยนะ  ถ้าเทียบกับว่ามันเพิ่งจะมาซ้อมเอาอาทิตย์ สองอาทิตย์ก่อนแข่งเพราะว่าปกติแล้วมันจะชอบเล่นบาสซะมากกว่า

“อืมๆๆ” ไอ้ป๊อนซ์หลับตาลงทำสมาธิก่อนจะลงแข่งขัน ในขณะที่มือของผมก็ยังคงจับมือมันอยู่


ปี๊ดดด  ปี๊ดดดดดดด

เสียงนกหวีดจากกรรมการที่อยู่ในสนามเป่าขึ้น เพื่อเรียกให้ผู้เล่นทั้งหมดลงไปในสนาม

“โชคดีนะ” ผมตบไหล่ป๊อนซ์เบาๆ ก่อนจะดันหลังป๊อนซ์ให้ลุกขึ้นและเดินลงจากอัฒจรรย์ที่ผมนั่งอยู่ให้ลงไปในสนาม

ไอ้ป๊อนซ์ลงไปยืนในสนามกับคนอื่นๆในทีม  ส่วนผมก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆกับที่ที่ไอ้ไปป์กับไอ้ลิ้มนั่งดูอยู่  ไอ้สองคนนี้มันไม่
ลงน่ะครับ มันบอกว่าเป็นที่ปรึกษาให้ทีมมันดูเท่ห์กว่า ==’

ตอนนี้ผู้เล่นทั้งหมดก็ยืนเรียงแถวข้างๆกันทั้ง 2 ทีม  ก่อนจะคำนับผู้ชมบนอัฒจรรย์เชียร์ทีละด้าน

เมื่อมองลงไปตอนนี้ก็จะเห็นผู้ชายคนนึงที่โดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่นๆ เค้าใส่ชุดบอลลายขาวดำ รองเท้าสีม่วงเด่นหรา ที่หลังเสื้อ
เบอร์ 10 ของเค้าเขียนว่า   

-Pon Pont-

ฮ่าๆๆๆ  คงจะไม่ต้องบอกแล้วนะครับว่าเค้าคนนี้เป็นใคร

ตอนแรกผมก็สงสัยนะว่าไอ้เลข 10 ที่หลังเสื้อ กับ Pon Pont เนี่ยมันคืออะไร  พอผมถามมันก็บอกผมมาหน้านิ่งๆเลยว่า

‘เบอร์ 10 ก็จำนวนครั้งที่เราจูบกันไง ส่วน Pon Pont มันก็อ่านได้ว่า ปอนป๊อนอ่ะ  แต่เอาจริงๆ กูตั้งใจให้มันเป็นชื่อมึงกับชื่อกูนะ Pon ก็มาจาก Pongsakorn ชื่อจริงมึงไง ส่วน Pont ข้างหลังอ่ะ ก็หมายถึงชื่อกู’

 เงิบครับ  บอกได้คำเดียวว่าเงิบ  ไอ้ชื่อจริงผมนี่ว่าเสี่ยวแล้วนะ  แต่ไอ้จำนวนครั้งที่จูบกันเนี่ยผมไม่ไหวจริงๆ 

หลังจากคำนับผู้ชมบนอัฒจรรย์เสร็จ ผู้เล่นของแต่ละทีมก็เดินกลับมาที่ฝั่งของตัวเองก่อนจะมาฟังแผนครั้งสุดท้ายก่อนจะลงเล่น

“คืองี้นะ แผนมันมีอยู่ว่า...” ในขณะที่ไอ้ไปป์กำลังจะพูดเกี่ยวกับแผนการเล่นของทีม  ก็ดันมีมารผจญอย่างไอ้ลิ้มขัดขึ้นมาเสียก่อน

“กูว่าไม่ต้องมีผงมีแผนอะไรแล้ว  พวกมึงอยากเล่นกันยังไงก็ตามใจพวกมึงเลย เอาแบบว่าหนุกๆไรเงี้ย” ไอ้ลิ้มพูดออกมาด้วย
ท่าทางร่าเริงผิดกับคนอื่นๆในทีมที่ตอนนี้คิ้วจะผูกกันจนเป็นโบว์อยู่แล้ว

“เอ่อ...” ไปป์อึ้งแดกเลยครับ อย่างว่าล่ะนะเอาแน่เอานอนอะไรกับมันไม่ได้หรอกไอ้ลิ้มอ่ะ  ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับความคึกของมัน
อย่างเดียวเลย

ไอ้ป๊อนซ์ส่ายหัวนิดๆพร้อมกับทำสีหน้าเอือมๆ แล้วเดินมาทางผมแทนที่จะยืนฟังแผนการเล่นในทีมต่อ

“โจ” มันเรียกผมเสียงค่อยๆ ก่อนจะกวักมือผมให้โน้มหน้าลงไปด้านล่างที่มันยืนอยู่

“หืมม” ผมก็งงๆนะ  แต่ก็ยื่นหน้าลงไปตามที่มันต้องการ

“กูขอกำลังใจหน่อย” พูดจบมันก็ทำแก้มป่องๆ แล้วหันมาทางผม

“มึงจะบ้าเหรอป๊อนซ์  คนโคตรเยอะเลย” ผมพูดบอกมันพร้อมกับหันไปมองรอบๆสนาม  อืม  แม่งน่าจะไม่ต่ำกว่า 300 คนเลยนะ
เนี่ย  ไม่เอาไม่คุ้ม

“ไม่เอาอ่ะโจ โจ ดื้อออออออ” มันพูดเสียงยานๆ พร้อมกับกระทืบเท้าไปมาอย่างเอาใจ  ป๊อนซ์ นี่มึงกี่ขวบแล้วเนี่ยสัด

“เออๆ” ผมกะจังหวะ มองซ้ายมองขวาแล้วว่าไม่มีใครเห็นก่อนจะ 

จุ๊บ

แต่ปรากฏว่าพอปากผมประทับลงบนแก้มของป๊อนซ์เท่านั้นแหละ เสียงพี่ผู้หญิงจากอัฒจรรย์ฝั่งตรงข้ามก็ดังสนั่นขึ้นมาทันที

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด  แกๆๆๆๆ  ชีวิตฉันกำลังจะพัง”

“อ๊ายยยย  แกฉันว่าแล้วว่ามันต้องมีโมเมนต์แบบนี้  นี่มันคุ้มมากเลยนะกับการที่ฉันโดดเรียนคาบสุดท้ายเพื่อมารอดูเนี่ย”

“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย  ฉันจะเป็นลม แกดูหน้าน้องโจดิแดงมากกกกกก”

และอีกมากมายดังระงมอยู่ภายในโรงยิมชั้น 2

ตาย ไม่น่าเลยกู  กูพลาดแล้ววววววว

ในขณะที่ผมกำลังนั่งกลุ้มกับฟีดแบคของเหตุการณ์เมื่อกี๊  ไอ้ตัวต้นเหตุกลับยืนยิ้มพิงขอบอัฒจรรย์อย่างสบายใจราวกับไม่มีอะไร
เกิดขึ้น   มึงจะหน้าด้านไปแล้วนะป๊อนซ์!!

ปี๊ดดด  ปี๊ดดดดดดดดดดดด

เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณเรียกตัวนักกีฬาลงสนามเพื่อทำการแข่งขัน

ป๊อนซ์เดินออกไปยืนในสนามเพื่อประจำตำหน่งทันที  แต่มันก็ยังไม่หยุดหันมายั่วอารมณ์ของผม

“ดื้อออออ  เค้ารักดื้อนะ” ป๊อนซ์ตะโกนพร้อมกับทำท่าหัวใจแล้วโยนมาทางผม

สาดดดดดดดดด   มึงต้องการอะไรจากสังคมวะไอ้ป๊อนซ์!!!!!!!!

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”   เออ  กรี๊ดกันเข้าไป  กรี๊ดอีกกกก

แม่งไอ้ป๊อนซ์ ไอ้ชั่ว  ไอ้หน้าหนา  ไอ้หน้าด้านนนนนนนน


แล้วเกมส์การแข่งขันที่แสนดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้น  ถึงทีมป๊อนซ์จะซ้อมมาหนักและเข้มขนาดไหน แต่เมื่อเทียบกับทีมของพี่เค้าที่ถือว่าเจนสนามมากก็ทำให้ทีมของป๊อนซ์เสียเปรียบมากอยู่ดี

 
จบครึ่งแรกทีมพี่เค้าก็นำไป 3 ประตูต่อ 0 ตอนนี้สมาชิกในทีมเริ่มจะมีสีหน้าที่กดดันและเคร่งเครียดมากขึ้นไม่เว้นแม้กระทั่งไอ้ป๊อนซ์ที่ตอนนี้หน้ามันนิ่งเสียจนน่ากลัวมากๆ

“เอ่อ กูว่าตอนนี้ยังไงเราก็ตามไม่ทันอยู่แล้วว่ะ กูว่าเอาเป็นว่าอย่าให้จบด้วยเกมส์ 0 เป็นพอ โอเคมั้ย” ไอ้ลิ้มที่เล่นๆก็เริ่มจะพูดอะไรที่มันเข้าท่ากับเค้าขึ้นมาบ้างแล้ว

“เออ กูก็เห็นด้วยกับไอ้ลิ้มนะ เอาเป็นว่า รอบนี้ไม่เป็นไร เราค่อยสู้กันใหม่รอบหน้า แต่รอบนี้พวกมึงต้องทำประตูให้ได้อย่างน้อย
สักประตูนะเว้ย” ไอ้ไปป์พูดเสริมไอ้ลิ้มขึ้นมาอีกที  ทำให้สมาชิกในทีมต่างก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

ผมอยากมีส่วนร่วมทำให้ทีมตีไข่แตกได้ในรอบนี้จัง  แต่ผมก็ไม่รู้จะทำไงดี

อืมมมมมม อ๋อ เอางี้ดีกว่า

“ป๊อนซ์ๆ” ผมโน้มหน้าลงจากอัฒจรรย์เพื่อเรียกป๊อนซ์ให้เข้ามาหา

“ว่าไงดื้อ” มันเดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งๆพร้อมกับสีหน้าเครียดๆ

“เอาหูมานี่ดิ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับหูมันแล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ

“หือออออ” มันทำหน้างงๆแต่ก็ยอมเอาหูเข้ามาให้ผมกระซิบบอก

“.....”  ผมกระซิบบอกข้อเสนอของผมออกไป

ไอ้ป๊อนซ์ยิ้มกว้างออกมาทันที  ก่อนที่จะหันมาทำตาวิบวับใส่ผม

“ไม่มีปัญหา  แต่ดื้อก็อย่าลืมสัญญาแล้วกัน” มันพูดย้ำสัญญาที่ผมเพิ่งจะบอกมันไปเมื่อกี๊

“เออ ไม่ลืม”

“งั้นเค้าไปก่อนนะ” พูดเพราะขึ้นมาเชียวนะมึง แม่งแล้วไอ้หน้าหื่นๆเนี่ย ช่วยอย่าแสดงออกมาให้มันมากนักได้มั้ยห๊ะ????

ป๊อนซ์วิ่งไปยืนประจำตำแหน่งของตัวเองที่กลางสนามอีกครั้ง แล้วหันมาส่งยิ้มให้ผมก่อนที่เกมส์การแข่งขันครึ่งหลังจะเริ่มขึ้น

การแข่งขันก็ยังคงดุเดือดไม่แพ้ครึ่งแรก  ทีมของพี่เค้าก็ยังคงบุกมาทำแต้มอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้เหลือเวลาแค่ไม่กี่นาทีการแข่งขันก็จะจบลงแล้วแต่ทีมของป๊อนซ์ก็ยังไม่สามารถที่จะทำประตูได้เลย

ผมตัดสินใจวิ่งไปเกาะที่ราวของอัฒจรรย์ก่อนจะตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง

“ป๊อนซ์สู้ๆ  ดื้อเป็นกำลังใจให้อยู่นะครับ!!!!!!!” หลังจากที่ผมตะโกนออกไปแววตาของป๊อนซ์ที่เคยเหมือนกับว่าจะยอมรับความ

พ่ายแพ้ก็กลับมามีความหวังอีกครั้งก่อนที่ป๊อนซ์จะบุกเดี่ยวเข้าไปทำประตูให้กับทีมในเวลา 1 นาทีก่อนที่จะหมดเวลาการแข่งขัน

“เย้!!!!!!!!!!!!!”  พวกผมกระโดดจนตัวลอยกันเลยทีเดียว  เฮ้ออออ  อย่างน้อยๆตอนนี้มันก็ไม่ได้จบที่สกอร์ 0 แล้ววว

ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ดดดดดดดดดดดดด


เสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขันดังขึ้นทำให้ผู้เล่นของทั้ง 2 ทีมเดินมาจับมือกันบ้างพูดคุยกันบ้าง กีฬามันก็ดีแบบนี้แหละนะ  ตอนอยู่ในเกมส์นี่ทำอย่างกับจะฆ่ากันให้ตายแต่พอจบเกมส์ปั๊ป ก็ได้มิตรภาพใหม่ปุ๊ป

ผมเดินลงจากอัฒจรรย์ไปยืนที่ข้างๆสนามแทน  ในมือของผมตอนนี้ก็ถือน้ำเปล่าขวดนึง น้ำส้มขวดนึงแล้วก็ผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนนึง

เมื่อประกาศผลพร้อมกับกล่าวขอบคุณเสร็จ ป๊อนซ์ก็วิ่งตรงมายังที่ที่ผมยืนอยู่ทันที

“ดื้ออออ  กูทำได้แหละ” มันพูดพร้อมเข้ามากอดผมทั้งๆที่ตัวมันเปียกเหงื่อเต็มไปหมด

“อืมๆ  เก่งๆ  แต่ตอนนี้มึงปล่อยกูก่อนได้ป่ะ กูเปียก” ผมพูดพร้อมกับมือดันอกมันออกนิดๆ

“อื้ออออ อะไรอ่ะไม่เอาๆ” แต่มันก็ไม่ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระครับ มันยังคงกอดผมอยู่แบบนั้น

“กรี๊ดดดดดดดดดดดด  แกดูดิ มีให้กำลังใจกันหลังแข่งด้วย   น่ารักอ่ะ”

“ใช่ๆ  ฉันฟินจนจะลอยได้แล้วแก ช่วยจับฉันไว้ที อ๊ายยยยยยยยยยยยย”

โอ๊ยยยย  อะไรมันจะขนาดนั้นกันละครับเนี่ย   นี่ขนาดว่าการแข่งขันจบไปแล้วแต่เสียงกรี๊ดก็ยังคงดังระงมอยู่ในโรงยิมชั้น 2 อยู่ดี

“ดื้อ  มึงยังจำสัญญาได้ใช่มั้ย” ป๊อนซ์ดันตัวผมออกช้าๆก่อนจะเอามือจับที่ไหล่ของผมและบังคับให้ผมมองหน้ามันตรงๆ      และแล้วช่วงเวลาที่ผมกลัวที่สุดก็มาถึง

“เอ่อ  ได้ๆ”

“งั้นก็....” มันทำท่าจะรวบตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง

“เดี๋ยว  กินน้ำก่อนนะป๊อนซ์” ผมเอามือดันไว้ก่อนจะเอาอีกมือที่ว่างอยู่ยื่นขวดน้ำไปให้มัน

“อ๋อ โอเคๆ”  มันรับน้ำไปกินอย่างว่าง่าย  กินน้ำเสร็จสายตามันก็กลับมาวิบวับอีกครั้ง

“เดี๋ยวๆป๊อนซ์” ผมเอามือดันอกป๊อนซ์ไว้อีกครั้ง

“อะไรอีกอ่ะ” หน้าป๊อนซ์เริ่มจะขมวดนิดๆ

“กินน้ำส้มก่อน  กูอุตส่าห์ซื้อมาให้นะ” ผมยื่นขวดน้ำส้มไปตรงหน้ามัน

“เออๆ อะไรหนักหนาเนี่ย” ไอ้ป๊อนซ์บ่นกระปอดกระแปดแต่มันก็ยังคงรับน้ำส้มจากมือผมไปกินอยู่ดี

“เอาล่ะ กูกินน้ำส้มแล้ว  มึงก็ควรจะทำตามสัญญาได้สักทีนะ” ไอ้ป๊อนซ์วางน้ำส้มลงก่อนจะเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ
ผมตัดสินใจดันป๊อนซ์ให้เข้าไปอยู่ในช่องว่างระหว่างอัฒจรรย์ที่มันค่อนข้างจะลับตาคนก่อนจะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่จะเอามาให้ป๊อนซ์ คลุมหัวของเราทั้งสองคนไว้

ก่อนที่ผมจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้  ผมเขย่งปลายเท้าขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากบางของตนเองลงบนริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่าย
อย่างช้าๆ

ป๊อนซ์ยิ้มมุมปากนิดๆ  หลังจากที่ผมผละริมฝีปากออกและกำลังจะเอาผ้าที่คลุมอยู่บนหัวออก

“น่ารักว่ะดื้อ  แต่แค่นี้มันน้อยไป”  พูดจบป๊อนซ์ก็เอามือประคองใบหน้าของผมไว้ก่อนจะโน้มหน้าลงมาแล้วเอาริมฝีปากมาประกบ
กับริมฝีปากของผมอีกครั้ง 

แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ประทับเฉยๆน่ะสิ  ป๊อนซ์ส่งลิ้นร้อนเข้ามาทักทายเกี่ยวกระวัดกับลิ้นเล็กของผมก่อนจะควานหาความหวานในปากของผมจนหนำใจ ตอนนี้ผมมึนงงไปหมดสติที่มีอยู่กำลังจะหายไปเพราะกลิ่นและรสของส้มอ่อนจากน้ำส้มที่ป๊อนซ์เพิ่งจะกินเข้าไปเมื่อกี๊

“อื้ออออ” ผมเอามือดันอกป๊อนซ์เบาๆเป็นเชิงบอกว่าผมกำลังจะหมดอากาศอยู่แล้วววว

“แฮ่กๆ” ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่ป๊อนซ์ปล่อยให้ริมฝีปากของผมเป็นอิสระ

“ดื้อ  ทำไมมึงหวานขนาดนี้วะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับยื่นมืออกมาดึงผมเข้าไปซุกอยู่ที่อกของมัน

“มึงแม่งตลอด” ผมบ่นอุบอิบอยู่กับอกของป๊อนซ์ แม่งเป็นแบบนี้ทุกทีเลย ผมไม่น่าไปสัญญากับมันแบบนั้นเลย

“ป๊อนซ์ๆ” ผมโน้มหน้าลงจากอัฒจรรย์เพื่อเรียกป๊อนซ์ให้เข้ามาหา

“ว่าไงดื้อ” มันเดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งๆพร้อมกับสีหน้าเครียดๆ

“เอาหูมานี่ดิ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับหูมันแล้วดึงเข้ามาใกล้ๆ

“หือออออ” มันทำหน้างงๆแต่ก็ยอมเอาหูเข้ามาให้ผมกระซิบบอก

“ถ้ามึงทำได้ประตูนึงกูจะจูบมึงทีนึง”  ผมกระซิบบอกข้อเสนอของผมออกไป

ไอ้ป๊อนซ์ยิ้มกว้างออกมาทันที  ก่อนที่จะหันมาทำตาวิบวับใส่ผม

“ไม่มีปัญหา  แต่ดื้อก็อย่าลืมสัญญาแล้วกัน” มันพูดย้ำสัญญาที่ผมเพิ่งจะบอกมันไปเมื่อกี๊


เฮ้ออออออ  มีแต่เสียกับเสียอย่างเดียวเลยผม

“ไปกันเหอะดื้อ” ป๊อนซ์ดันผมออกจากอกก่อนจะดึงผ้าขนหนูที่คลุมหัวอยู่ไปพาดที่บ่าแล้วเดินกอดคอผมออกไปด้านนอก

“โอ๊ยยยยย   ไปทำไรกันมาละสัด ไอ้โจหน้าแดงเชียว” ไอ้ลิ้มยักคิ้วให้ป๊อนซ์ก่อนจะหันมาล้อผม
ผมก็ทำไรไม่ได้ล่ะครับ  ได้แค่ยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วหันหน้าเข้าไปหาออกของป๊อนซ์

“เออน่า  กูไปรับรางวัลมานิดหน่อย  เอ่ออ  กูมีปัญหาเรื่องเสื้อวะ”

“อ้าวทำไมวะ”

“กูขอสกรีนเสื้อใหม่ได้ป่ะ” เอ๋  มันจะสกรีนเสื้อใหม่ทำไมล่ะเนี่ย

“แล้วมึงจะสกรีนอะไรใหม่วะ”

“เลข”

“หืมมมมม”

“เปลี่ยนเป็นเลข 11” เชี่ยยยยยยย  กูเข้าใจแล้ววววว

“โอ๊ยยยยย  ไอ้เหี้ยป๊อนซ์แม่งโหดว่ะ  แล้วนี่ถ้ามึงยิงได้ทุกนัดมึงไม่ต้องตัดเสื้อใหม่ทุกนัดเลยเหรอวะ” ไอ้ลิ้มถามป๊อนซ์ด้วยน้ำ
เสียงหยอกๆ  ผมแม่งไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไปมองมันเลยอ่ะ

“กูยอมวะ เพราะผลตอบแทนแม่งโคตรคุ้มเลย” ป๊อนซ์พูดก่อนจะเอามือขึ้นมาลูบหัวของผมเบาๆ

“เออ หวานจริงงงงงง”

“เออ ใช่หวานมากกกกกก” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงหื่น

“โอ๊ยยยยยยย สาดดดป๊อนซ์  แม่งหื่นเหี้ยอ่ะ”

 “กูหื่นกับดื้อคนเดียวหรอกเนอะ”  ป๊อนซ์พูดแล้วเอามือมาเชยคางผมให้ขึ้นไปสบตามัน

“มึงแม่ง....” แล้วผมก็ได้แต่บ่นเหมือนหมีกินผึ้งอยู่คนเดียว ท่ามกลางเสียงโห่ละเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆรอบข้าง


..................................END............................................

มาอัพ special คั่นกันก่อนนะค่ะ

ส่วนของเรื่องหลักตอนต่อไปก็ใกล้จะเสร็จแล้วน่าจะไม่เกิน  2 วันคงจะได้ลงนะจ๊ะ  :z13:

อาจจะมีตัวละครเพิ่มมาอีกสักคู่นึงอะไรทำนองนี้นะ   :-[

***** คนเขียนขอเปลี่ยนชื่อเรื่องจาก  "รักมึงเข้าแล้ว"  เป็น   "รักคุณเข้าแล้ว"  นะคะ
ต้องขอบคุณ คุณ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ด้วยนะคะที่มาเตือนเรื่องชื่อเรื่อง ^^  *****


วันนี้ก็เหมือนเดิมมมมม

โมเมนต์แถมจ้าาาาาาาาาา

- ในปีกของป๊อนซ์ที่หอเนี่ยก็จะมีปฏิทินประจำของต่ละปีก  อาจจะเอาไว้เขียนวันเกิดของคนในปีกมั้ง(อันนี้คนเขียนก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน)  มีอยู่วันนึงเพื่อนของคนเขียนมาเล่าให้ฟังว่า เห็นป๊อนซ์เดินไปวงอะไรสักอย่างที่ปฏิทิน  เพื่อนคนเขียนเลยเดินไปดูแล้วก็พบว่า ป๊อนซ์วง ตรงวันที่ 14 มกรา ล้ว เขียนว่า วันวาเลนไทน์♥  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ  คนเขียนขำกลิ้งเลยตอนรู้เรื่องอ่ะ

-อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เลย โจกับป๊อนซ์นั่งอยู่ที่ระเบียงทางเดินหน้าห้องเรียน  แล้วจู่ๆโจก็ยกเท้าขึ้นมาแล้วหันไปเรียกป๊อนซ์
"ป๊อนซ์ๆ"
"หืมมมม"
"มึงดูถุงเท้ากูดิ" แล้วโจก็ส่ายเท้าไปมา
"ทำไมวะ" ป๊อนซ์ทำหน้างงๆก่อนจะหันไปถามโจ
"ถุงเท้ากูย้วยอ่าาาา" แล้วนางก็ทำหน้าเศร้าๆ
ส่วนหน้าป๊อนซ์นี่คือบบว่าเอือมขั้นสูงสุด ==
แต่คนเขียนว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักมากเลยนะ



ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกกำลังใจนะคะ    อย่าลืมติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยเน้ออออ   :bye2:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ฟุตซอลประเพณี : 18/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 19-01-2013 00:09:28
โจน่าสงสารอะ โกรธมันนานๆเลยนะโจ คนอย่างไอ้เหี้ยป๊อนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรอก
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ฟุตซอลประเพณี : 18/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-01-2013 00:54:31
ตอนพิเศษน่ารักค่ะ
แต่,,ตอนหลัก เริ่มไม่น่ารักแระ อิอิ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ฟุตซอลประเพณี : 18/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 19-01-2013 01:06:12
ระวังนะ บางครั้งเส้นทางที่เราคิดว่า สวยงาม ราบเรียบ และโปรยด้วยดอกกุหลาบ แต่ภายใต้ดอกกุหลาบนั้นมันอาจะไม่ได้มีแค่หนาม อาจจะเป็นตะปู มีด หรือขวดแก้วแตกก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ฟุตซอลประเพณี : 18/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 19-01-2013 01:52:50
กรี๊ดดดดดดดด น่ารักกก

แต่ตอนหลักไม่ไหวจะเคลียร์
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ฟุตซอลประเพณี : 18/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 19-01-2013 10:15:31
ตอนนี้น่ารักนะ ป๊อนซ์นี่หวานกับโจตลอดเลย
แต่อิตอนที่แล้วนี่ยังเกลียดป๊อนซ์อยู่นะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ฟุตซอลประเพณี : 18/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 19-01-2013 11:26:11
กรี๊ด น่ารักอ่ะ หวานตลอดเลยคู่นี้ ระวังเบาหวานขึ้นนะหนู
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special ฟุตซอลประเพณี : 18/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 20-01-2013 01:04:17
ฟินไม่ออก
 

โกรธไอ้ป๊อน :m16:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 22-01-2013 06:21:24
ตอนที่ 8


[Pontz x Joe]



[Pontz]



“อ๋อ  เพื่อนน่ะครับ” และแล้วตอนนี้ผมก็ได้กลายเป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

“เหรอครับ” น้องพลัสหันมาฉีกยิ้มกว้างใส่ผม และรอยยิ้มนั้นก็สามารถที่จะทำให้ผมลืมความรู้สึกผิดที่มีต่อโจไปได้

“เออ จะว่าไปพี่ยังไม่มีเบอร์พลัสเลยนะครับ” ผมลองเอ่ยถามขึ้น เพื่อดูปฏิกิริยาของน้อง

“เอ่อ คือ....”  น้องดูลำบากใจที่จะให้เบอร์ผม แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไรครับ” ในขณะที่ผมกำลังจะเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าอยู่นั้น

“08x xxxxxxx ครับ” น้องพูดเสียงค่อยๆพร้อมกับก้มหน้าลงมุดดิน  ท่าประจำที่น้องเคยทำ

“ครับ” ผมตอบกลับก่อนจะตัดสินใจเมมลงเครื่อง แต่เอ๊....ผมจะเมมว่าอะไรดีล่ะ
เอ้างี้ดีกว่า...... แล้วผมก็นั่งเมมเบอร์อย่างตั้งอกตั้งใจ  หลังจากเมมเสร็จผมก็ทำทีเป็นว่าให้น้องตรวจเบอร์อีกที แต่จริงๆแล้วอ่ะ  ผมต้องการจะให้น้องเห็นชื่อที่ผมเมมต่างหาก

-Pontz’s Plus- 

หน้าของน้องพลัสเริ่มขึ้นสีชัดขึ้นเรื่อยๆ  พอตั้งสติได้ น้องพลัสก็รีบยื่นโทรศัพท์คืนให้ผมก่อนจะวิ่งหนีไปเลย  น่ารัก.......



แล้วผมก็ต้องลงไปซ้อมต่อจนถึงเที่ยง  ตอนนี้แม่งเหนื่อยมากจริงๆ แล้วเหนื่อยนี่ยังไม่เท่าไหร่นะ   มันยังมีอาการล้า อยู่ด้วย 

-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-

-P.J.-

“โหลว่าไงมึง”

(มึงถึงคราวเสียเมียแล้วเว้ย)

“หมายความว่าไง” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เหวี่ยงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

(คือ ตอนนี้อ่ะ ไอ้โจมันไปกินข้าวกับพี่เบสว่ะ แล้ว....) ผมตัดสายทันทีที่ฟังได้ความว่าไอ้โจมันกำลังไปกินข้าวกับไอ้เหี้ยนั่น  วอนแล้วมึง...

ผมรีบกดเบอร์โทรออกหา

ไอ้โจทันที 

(ตื้ดดดดดดดดดดดดด  โหลว่าไง)  รับเร็วดี ยกโทษให้กึ่งหนึ่ง

“มึงทำอะไรอยู่” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะนิ่งๆ และผมก็มั่นใจว่าสามารถจะทำให้มันกลัวได้ไม่มากก็น้อย

(ก็กำลังจะกินข้าว) ชัดเลยสาดดดดดดดด   

“กับใคร” ดีๆนะโจ 

(กับพี่เค้า)  เหี้ยแม่งงงงงง 

“ชื่อ” ผมถามกลับไปสั้นๆเพราะตอนนี้ต้องพยายามกดอารมณ์อย่างมาก

(ได้แล้วครับโจ อ่ะ สองอย่างใช่ป่ะ) แม่งงงงงงงงงงงงง  ทำอะไรเกรงใจกูบ้างมั้บวะ

(ใช่ครับ)  ไอ้นี่ก็ตอบเค้าซะเพราะอีก  ลืมไปแล้วเหรอว่าคุยกับกูอยู่อ่ะ

“กู ถาม ว่า มัน ชื่อ อะ ไร” ผมถามมันแบบเน้นทีละคำ  อย่างช้าๆ

(ก็พี่เบสไง มึงจำได้ป่ะ พี่เบสที่เล่.....)  พี่เบสงั้นเหรอ  ไอ้เหี้ยแม่งงง   

ผมกำโทรศัพท์จนแน่น พร้อมกับขบฟันจนกรามขึ้นเป็นสันนูนบนใบหน้า เพื่อที่จะระงับอารมณ์

“เอาโทรศัพท์ให้มันคุย”

(ห๊ะ) โจอุทานด้วยความแปลกใจ   

“กูบอกว่าเอาโทรศัพท์ให้มันคุยดิ” ผมพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้มันทำตาม

(เออๆ แป๊ปนึง)

(พี่เบส ไอ้ป๊อนซ์มันจะคุยกับพี่อ่ะ)

(ครับๆ)  พูดเพราะเชียวนะสัด  ยิ่งมันพูดเพราะอย่างนี้ต่อหน้าโจ ผมก็ยิ่งกลัวเพราะว่าไอ้โจมันชอบให้คนอื่นพูดดีๆด้วย  แม่งยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด

(ว่าไง  มีอะไรจะพูดกับพี่งั้นเหรอ)

“มึงไปกินข้าวกับโจทำไม” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

(ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ครับ  พี่ก็แค่พาน้องเค้ามากินข้าวด้วยกันเฉยๆ)  สาดดด  มึงตอบได้หล่อมากไอ้เหี้ยเบส

“มึงจะแย่งแฟนกูให้ได้ใช่มั้ย หา!!!!!!!” ผมตะโกนจนคนที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆต่างสะดุ้งไปตามๆกัน

(พี่น่ะไม่หรอกครับ  แต่ถ้าคนของน้องเค้าเลือก  พี่ก็คงทำอะไรไม่ได้) คำตอบของไอ้พี่เบสทำให้ผมเริ่มนิ่งและกลับมาคิดตามที่มันพูด   

เออ  แล้วนี่ถ้าโจมันเลือกที่จะไปกับไอ้พี่เบสเองแล้วผมควรจะทำยังไงล่ะ

“กูหวังว่ามึงจะมีความเป็นสุภาพบุรุษพอ  ไม่แย่งของๆคนอื่น”

(ครับๆ  เอาชัยชนะมาให้โรงเรียนให้ได้นะครับน้องป๊อนซ์)

“อืม” ผมตอบกลับไปเบาๆ เพราะตอนนี้ผมก็ยังคงคิดถึงเรื่องที่มันเพิ่งพูดอย่างหยุดไม่ได้

(อ่ะ โจ)

(โหลป๊อนซ์)  โจพูดเสียงหวานมาให้ผม 

“กลับไปมีเคลียร์แน่!!!!” ผมพูดขู่โจ  เพราะคิดว่าคงจะทำให้มันอยู่ห่างไอ้เบสนี่ออกไปหน่อย

(แน่จริงก็กลับมาดิ ฮ่าๆๆๆ  กลับมาเลยยยย)  ผิดคาด  มันท้าครับ  มันกล้าท้า   

“มึงท้า”

(ช่ายยยย  กูท้า) ผมแอบได้ยินเสียงไอ้เหี้ยเบสนั่นหัวเราะด้วย

“เดี๋ยวมึงเจอกูแน่” และแล้วผมก็ตัดสินใจได้แล้วล่ะครับ

(เชื่อตายเหอะ)  มันคงยังไม่รู้ว่าผมจะกลับไปหามันตอนนี้เลย แม่งท้าดีนัก

“เตรียม เสียตัว  ไว้ได้เลย”  ผมพูดขู่ด้วยประโยคเด็ดก่อนจะกดตัดสายไปเลย  ก่อนที่มันจะด่าอะไรผมอีก

หลังจากที่ผมตัดสินใจกับทางเดินชีวิต (ซะเว่อร์เลย) ได้แล้ว ผมก็เดินตรงเข้าไปหาโค้ชทันที

“พี่โบ๊ทครับ” ผมเรียกพร้อมกับยื่นมือไปสะกิดหลังพี่โบ๊ท

“ว่าไงมึง” พี่โบ๊ทตอบกลับมาทั้งๆที่สายตายังมองไปที่สนามซ้อม

“วันนี้ตอนเย็นต้องซ้อมป่ะ”

“ไม่ต้องแล้ว  เย็นนี้มึงก็แค่พักผ่อนเยอะๆ จะได้พร้อมกับการแข่งพรุ่งนี้” คราวนี้พี่โบ๊ทหันหน้ามามองผมพร้อมกับตบไหล่ไปด้วย

“งั้นผมก็กลับบ้านได้มั้ยพี่”

“หา!!!!!”  พี่โบ๊ทตะโกนลั่นจนคนทั้งสนามหันมามอง

“ทำไมวะ” พอตั้งสติได้พี่โบ๊ทก็รีบถามผมทันที

“มีธุระสำคัญมากอ่ะพี่  ต้องกลับไปเคลียร์วันนี้เลย” ผมเลี่ยงที่จะบอกพี่โบ๊ทว่าเป็นเรื่องไอ้โจ  เพราะเดี๋ยวพี่โบ๊ทจะไม่ให้ผมกลับ
และอาจจะบอกว่าผมงี่เง่า

“เออๆ แล้วมึงจะกลับมาทันเหรอ”

“ทันแน่นอนพี่  ผมกลับวันนี้เลย”

“โอเค  งั้นก็โชคดีนะมึง”

“ครับ” พูดเสร็จผมก็รีบเดินกลับไปที่หอพักเพื่อจะเปลี่ยนชุดและเอาของที่จำเป็นๆติดตัวไปด้วย

พอเปลี่ยนชุดเสร็จผมก็รีบโทรไปที่บ้านให้ดูเรื่องไฟลท์บินให้ ส่วนผมก็ต้องไปรบกวนพี่โบ๊ทให้ไปส่งที่สนามบิน  แต่ในขณะที่ผมกำลังจะขึ้นรถนั้นก็มีมือข้างหนึ่งมากระตุกที่ชายเสื้อของผมเบาๆ

“อ้าว น้องพลัสมีอะไรรึเปล่าครับ” ผมพูดถามไปแบบรีบๆเพราะกลัวจะไม่ทันเครื่อง

“เอ่อ  พี่ป๊อนซ์จะไปไหนเหรอครับ” คนตัวเล็กพูดถามออกมาแบบกล้าๆกลัวๆ

“พี่มีปัญหาที่บ้านนิดหน่อยน่ะ”

“อ๋อครับ  แล้วพี่จะกลับมาอีกมั้ย”

“กลับสิครับ  กลับวันนี้เลย” คำตอบของผมทำให้ร่างบางตรงหน้ายิ้มออก  ก่อนจะปล่อยมือจากชายเสื้อของผม

“งั้นเดินทางดีๆนะครับ”

“ครับๆ เดี๋ยวถึงโน่นแล้วพี่โทรมาหานะ” ผมพูดพลางยื่นมือไปลูบหัวพลัสบาๆ

“ครับ”

ผมบอกลาน้องพลัสก่อนจะขึ้นรถตรงไปสนามบินทันที  ระหว่างที่รอก่อนขึ้นเครื่องผมก็โทรบอกให้คนที่บ้านเอารถมาให้ที่สนามบินที่โน่นด้วย 

ทันทีที่ผมลงจากเครื่องผมก็รีบออกมาด้านนอกทันที  แล้วผมก็หันไปเห็นคนของที่บ้านยืนอยู่ข้าง z4 ที่ป๊าเพิ่งจะถอยให้ผมสดๆร้อนๆเลย

ผมบอกให้ลุงคนขับกลับบ้านไปเลยเพราะผมจะไปรับไอ้ตัวยุ่งด้วยตัวเอง 

ผมขับรถด้วยความเร็วที่ค่อนข้างจะน่ากลัวเพราะตอนนี้มันเป็นเวลาที่ใกล้จะเลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวถ้าเลิกเรียนคนก็จะเยอะ  ผมไม่ค่อยชอบที่ๆมีคนเยอะๆเท่าไหร่

และในขณะที่ผมกำลังขับรถวนอยู่ในโรงเรียนเพื่อหาไอ้ดื้ออยู่นั้นสายตาของผมก็ไปปะทะกับแผ่นหลังเล็กๆแผ่นหนึ่งที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปทางหอ  หึ เจอสักที


-ปี๊ดดดดดดด-


ผมบีบแตรเรียกคนข้างหน้าแล้วก็ได้ผลครับ คนตัวเล็กที่เดินอยู่สะดุ้งนิดๆ    แต่ก็ยังไม่ยอมหันมาทางผมอยู่ดี  นี่มึงคิดจะเล่นสงคามประสาทกับกูเหรอโจ

-ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด-

ผมบีบแตรอีกครั้ง ครั้งนี้มันหันกลับมามองนะ  แต่มันคงจะไม่รู้ว่าคนในรถเป็นใครเพราะมันยังไม่เคยเห็นรถคันนี้ของผม และอีก
อย่างรถผมก็ติดฟิล์มดำด้วย

“สัดโจ ไม่ได้ยินเสียงแตรรึไง” ผมตัดสินใจลดกระจกและชะโงกหน้าออกไปตะโกนเรียกมัน

“หืมมมม”  ไอ้โจยังคงทำหน้างงๆอยู่  มึงจะมาโง่อะไรตอนนี้วะดื้อออออ

“ขึ้นรถมาเลย” ผมพูดออกไป  ต่ดูเหมือนโจจะยังไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่

“ยึกยักนะมึง จำผัวตัวเองไม่ได้รึไง”  เล่นไม้ตายเลยครับ  หน้าของโจขึ้นสีเล็กน้อย หึๆต้องให้เล่นไม่แข็งสินะ

“เอ่ออ” ยังครับ  มันยังทำหน้าเอ๋อไม่เลิก

“จะยืนเอ๋ออยู่อีกนานมั้ย”

“เอ่อ”  โจยังคงยืนอ้าปากค้างอยู่บบนั้น  คือก็เข้าใจนะว่าตกใจ  แต่ว่าอะไรมันจะนานขนาดนั้นล่ะเนี่ย

“ยัง ยัง  จะให้กูลงไปอุ้มขึ้นมาใช่มั้ย”  ผมพูดขู่โจพร้อมกับทำท่าเหมือนกับจะก้าวลงจากรถ

“เออๆๆ  แล้วมึงจะพากูไปไหน”  โจยังไม่ยอมขึ้นรถครับ มันคงจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ผมขู่ไว้ทางโทรศัพท์ก่อนจะกลับมาหามัน  งั้นดีเลย  ขอแกล้งมันหน่อยเหอะ

“บ้าน”  ผมแอบทำหน้าหื่นๆใส่มันด้วยแหละ  กร๊ากกกกก  ฮาว่ะ

“ไปทำไม” สีหน้ามันตอนนี้ แบบว่าระแวงมากก  ดีกูชอบบบบ(โรคจิตเกินไปแล้ว)

“เอา”  ฮ่าๆๆๆๆ  ผมแทบจะหลุดขำออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมันตอนที่ผมพูดออกไป  ทำตัวน่ารักตลอดเลย  แฟนใครก็ไม่รู้???



 ระหว่างทางกลับบ้านผมก็ต้องพยายามปั้นหน้าโหดเพื่อที่จะแกล้งมัน  เอาจริงๆมั้ย ผมไม่ได้โกรธอะไรมันมากมายหรอก  ก็แค่จะกลับมาพูดเรื่องไอ้พี่เบสนั่นกับมันตรงๆ เพราะเรื่องแบบนี้ผมคิดว่าถ้าคุยทางโทรศัพท์บางทีมันอาจะไม่เคลียร์ก็เลยตัดสินใจกลับมาคุยกับมันแบบตัวๆเลย



พอถึงบ้านผมก็ได้เก็บเล็กเก็บน้อยจากตัวโจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย (ถึงจะอยากก็เถอะ)  เพราะการตอบสนองของโจทำให้ผมใจอ่อน ผมไม่คิดเลยว่าโจจะอ่อนหัดขนาดนี้  นี่ผมแค่จูบแค่แตะนิดๆหน่อย โจก็เริ่มจะยืนไม่อยู่แข้งขาอ่อนไปหมด  น่ารักจริงๆคนเรา

-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-

อืมมมมมม  โทรศัพท์ผมนี่ อืมมมม  อยู่ไหนวะ

ผมพยายามจะเอามือควานหาโทรศัพท์ทั้งๆที่ตายังปิดอยู่  ว่าแต่นี่ผมหลับไปตอนไหนเนี่ย เมื่อกี๊ยังนอนคุยเล่นกับโจอยู่เลย 
สงสัยว่าผมจะเหนื่อยเกินไปจริงๆ  ถึงได้หลับไปแบบไม่รู้ตัวขนาดนี้

พอคว้าโทรศัพท์ได้ผมก็พยายามจะแหวกขี้ตาขึ้นมาดูว่าใครโทรเข้า  แต่พอผมเห็นชื่อผมก็ลุกขึ้นนั่งทันที

-Pontz’s Plus-

เออ    ลืมไปเลยว่าจะโทรหาน้องพลัส   พอได้สติผมก็ลุกจากเตียงเบาๆแล้วเดินไปที่ระเบียงเพื่อที่จะคุยโทรศัพท์ ที่ผมไม่คุยที่
เตียงเพราะไม่อยากให้เสียงดังรบกวนแล้วผมก็ไม่อยากให้โจรู้เรื่องน้องพลัส เพราะถึงผมจะสนใจน้องเค้าแต่ผมก็ไม่คิดจะทิ้งโจไปอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้โจต้องคิดมากกับเรื่องนี้เลยตัดปัญหาโดยการไม่ให้โจรู้ไปเลย

“ว่าไงครับ” ผมเอ่ยทักทายคนในสวยด้วยน้ำเสียงหวานปนอ้อนนิดๆ

(พี่ป๊อนซ์อยู่ไหนแล้วครับ) เสียงคนในสายถามมาด้วยความเป็นห่วง

“คิดถึงพี่ล่ะสิ”  ผมลองหยอดน้องพลัส  ดูซิว่าน้องจะตอบว่าอะไร

(อะ เอ่อออ  ครับ)  เสียงตอบกลับมาแบบค่อยๆ  ผมว่าตอนนี้น้องต้องก้มหน้างุดๆอยู่แน่ๆเลย  เฮ้ออออ น่ารัก

“พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกันแหละ” ผมพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์นิดๆ  ผมชอบแกล้งน้องนะ  ผมว่าน้องเป็นคนที่หน้าแดงง่ายมากๆเลยล่ะ

เสียงขยับตัวของโจ ทำให้บทสนทนาของผมหยุดลงก่อนที่จะเดินไปหาโจที่เตียง

ผมนั่งลงข้างโจเบาๆก่อนจะยื่นมือไปลูบผมโจเล่น  ผมชอบผมของโจนะเพราะว่ามันจะนุ่มแล้วก็ลื่นอีกต่างหาก  ที่สำคัญมันหอมมากๆด้วย

“ว่าไงนะ  เมื่อกี๊คุยถึงไหนแล้ว” ผมกลับมาคุยกับน้องพลัสต่อในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ก็คอยลูบผมโจอยู่เรื่อยๆ  เพื่อเป็นการกล่อมโจให้หลับสบาย 

(เอ่อ  ไม่รู้สิครับ  ว่าแต่พี่ป๊อนซ์จะกลับวันนี้เลยมั้ยครับ) น้องพลัสพูดถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆ  ถ้าให้ผมเดาผมว่าน้องต้องร้องไห้
อยู่แน่ๆเลย  นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆนะ จะจับมากอดปลอบซะเลย

“ครับๆ  พี่กลับวันนี้ค่ำๆน่ะ เดี๋ยวก็เจอกันแล้ว  อย่างอแงสิครับ” 

(ครับ ล้วตกลงนี่พี่ป๊อนซ์กลับบ้านไปทำไมอ่ะครับ) น้ำเสียงของน้องค่อนข้างกลับมาเป็นปกติแต่ก็มีเสียงขึ้นจมูกบ้างเป็นบางครั้ง

“พี่บอกแล้วไงครับ ว่าพี่กลับมาเคลียร์ปัญหากับ ‘เพื่อน’ นิดหน่อย” 

(อ๋อ ครับๆ กลับมาเร็วๆนะครับ ผมคิดถึง  ผมรักพี่ป๊อนซ์นะครับ)  เฮ้ยยยย  เซอร์ไพรส์โคตรๆเลย  ผมไม่คิดเลยว่าน้องพลัสจะพูด
บอกรักผมแบบนี้  แอบตื้นตันนะเนี่ย

“ครับๆ รักเหมือนกัน บายครับ” ผมตอบกลับน้องพลัสไปแบบเดียวกับที่น้องตอบผมมาทั้งๆที่ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าไอ้ที่ผมรู้สึกกับ
น้องเค้าตอนนี้มันใช่ความรักรึเปล่า หรือมันอาจจะเป็นแค่ความชอบ หรือความเอ็นดูผมก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆคือความรู้สึกที่ผมมีกับน้องเค้ามันเทียบกันไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่ผมมีให้คนที่นอนอยู่ข้างๆผมตอนนี้

ผมอาจจะต้องการเวลาสักหน่อยในการพิสูจน์ว่าตกลงแล้วผมรู้สึกยังไงกับน้องพลัสกันแน่ แล้วถ้าผมรู้แล้วผมก็ต้องมานั่งคิดอีกที
ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไป  แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง

ผมค่อยๆปิดตาและปล่อยให้ความคิดไหลปนกันไปมาในหัว  แล้วก็เผลหลับไปอีกครั้งนึง



“อืมมมมมม” ปวดหัวอ่ะ  ไม่น่านอนตอนเย็นเลย

“ดื้อออ” ผมเรียกคนข้างกายพร้อมกับวาดมือออกไปกะจะคว้าเข้ามากอด แต่ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อข้างๆกายผมมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

“เฮ้ย ดื้อ” ผมตะโกนเรียกโจพร้อมกับเริ่มเดินหาไปจนทั่วห้องแต่ก็ไม่มีร่องรอยของโจเลยแม้แต่น้อย

ผมรีบวิ่งลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้านก่อนจะเดินตามหาโจอีกครั้ง

“ม๊า!!!!!!!!!” ผมตะโกนเรียกแม่จนเสียงก้องไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่กลางบ้าน

“ว๊ายยย  ตาเถรยายชี เป็นอะไรลูกตกใจหมด” แม่ผมเดินออกมาพร้อมกับเสียงโวยวาย

“ไอโจอ่ะ”

“อ๋อ เห็นม่บ้านบอกว่ากลับไปล้วนี่ตาป๊อนซ์”

กลับไปแล้วงั้นเหรอ กลับยังไง??  กลับกับใคร?? และอีกมากมายหลายคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวผม

“ม๊า ป๊อนซ์จะไปหาโจนะ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปหยิบกุญจรถบนโต๊ะ

“เดี๋ยวตาป๊อนซ์ ลูกลืมไปแล้วรึเปล่าว่าต้องกลับไปแข่งบาสอีกนะ” เออว่ะ แม่งงงงทำไมมันต้องมามีเรื่องวุ่นวายเอาตอนนี้ด้วยนะ

“แต่....” ผมพยายามที่จะพูดปฏิเสธแม่

“ป๊อนซ์ ม๊าว่ากลับไปแข่งบาสให้เสร็จก่อน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะจองไฟลท์ที่เร็วที่สุดทันทีที่ลูกแข่งเสร็จเลยโอเคมั้ย” ผมเริ่มนิ่งและคิดตามคำที่แม่พูด

“โอเคครับ” ผมรับคำ


ระหว่างที่ผมนั่งรอก่อนที่จะขึ้นเครื่องอยู่นั้นผมก็ตัดสินใจโทรหาโจ เพื่อที่จะถามเหตุผลที่โจออกจากบ้านผมไปโดยไม่กล่าวลาผมสักคำ

“ฮัลโหล  มึงหายไปไหนวะโจ”ผมกรอกเสียงลงไปทันทีที่สัญญาณรอสายเงียบไป

(นี่กูพีเจนะ  ไอ้โจมันอาบน้ำอยู่) เฮ้ออออ  สบายใจไปเปราะนึงแล้ว  เพราะอย่างน้อยๆมันก็กลับถึงหอด้วยความปลอดภัย

“อ๋อ มึงเหรอ เออ แล้วไอ้โจมันกลับโรงเรียนไปยังไงวะ”

(กูไปรับมันเองแหละ  แล้วนั่นมึงจะขึ้นเครื่องยัง) อ๋อออ โทรให้พีเจมารับนี่เองสงสัยจะติดงานอะไรละมั้งเนี่ยย แต่ก็นะมันน่าจะ
บอกผมหน่อยไม่ใช่ปล่อยให้ผมเป็นห่วงบบนี้

“ใกล้แล้ววะ  แม่งกูกลับมากะว่าจะเคลียร์เรื่องไอ้เบสนั่นสักหน่อย  ดันหนีกลับไปซะก่อน” ผมระบายความคิดในหัวของผมไปให้
พีเจฟัง

(มันบอกว่าเห็นมึงเหนื่อยๆเลยไม่อยากให้ขับรถไปมาหลายรอบ) ว๊ายยยย  ที่แท้ก็เป็นห่วงเค้านี่เองงงงง   แอบดีใจนิดนึงนะเนี่ย

“อ๋อๆ เออ งั้นไม่มีอะไรแล้วฝากไอ้โจด้วยนะ ว่ากูโทรมา”

(เออๆ เดินทางดีๆนะมึง)

“อือๆ” ผมตอบรับคำของพีเจสั้นๆ ก่อนจะตัดสายไป


และล้วผมก็กลับมาเหยียบแผ่นดินถิ่นอีสานอีกครั้ง  เฮ้ออออ  อย่างกลับบ้านนนนน

-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว –

อ้าว ใครโทรมาอีกละเนี่ย ไม่คิดจะให้กูหายใจหน่อยรึไง

-PJ-

ผมกดรับสายพีเจทันที

“มีไรรึเปล่ามึง”

(ป๊อนซ์กูถามมึงจริงๆนะ)

“ว่า??” ผมถามพีเจไปอย่างงงๆ  อะไรของมันวะเนี่ย

(มึงกับไอ้โจมีปัญหาอะไรกันรึเปล่าวะ) หา!!!!! ผมกับโจเนี่ยนะ

“ก็ปกติดีนี่หว่า มีอะไรงั้นเหรอ”

(มึงรู้มั้ยว่ากูงงมาก เพราะอยู่ดีๆ ไอ้โจก็โทรมาบอกให้กูไปรับมันที่บ้านมึง)

“อืม” ผมตอบรับคำพีเจนิ่งๆเพราะตอนนี้น้ำเสียงของพีเจฟังดูเครียดมากจนผมสังหรณ์ใจแปลกๆว่ามันจะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง

(พอกูไปถึงมันก็รีบขึ้นรถมาทันที แล้วมันก็เงียบไม่พูดอะไรเลย แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้กูตกใจเท่ากับว่าอยู่ดีๆมันก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก กูขอย้ำว่าหนักมากๆ) หัวใจผมไหววูบทันทีที่พีเจพูดเสร็จ ร้องไห้งั้นเหรอ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาหาผมทันที หรือว่าโจจะรู้เรื่องน้องพลัส?????

“เฮ้ออออ  กูผิดเอง กูผิดเอง...” ผมพูดกับตัวเองซ้ำๆ อย่างหยุดไม่ได้

(กูจะไม่ถามมึงนะว่าเรื่องอะไรแต่ในเมื่อมึงรู้ตัวเองล้วว่ามึงทำอะไรผิด มึงก็ควรจะเคลียร์กับไอ้โจให้รู้เรื่อง กูไม่อยากให้พวกมึงมีปัญหากันเพราะยังไงพวกมึงก็เพื่อนกูทั้งสองคน)

“อืม” ผมรับคำสั้นๆ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันหนักอึ้งไปหมด ผมทำให้คนที่ผมรักมากที่สุดร้องไห้ อีกทั้งตอนที่เค้ากำลังเสียใจอยู่
ผมก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ได้อยู่ข้างๆเค้า

(เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูดูไอ้โจให้ ส่วนมึงพรุ่งนี้ก็ทำให้เต็มที่โอเคมั้ย)

“อืม”

(แค่นี้นะมึง โชคดี)

“อืม” แล้วพีเจก็ตัดสายไป  ปล่อยให้ผมจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของตัวเอง




“ไอ้ป๊อนซ์ไปขึ้นรถไป” เสียงเรียกพร้อมกับแรงจากการสะกิดผมจากข้างหลังทำให้ผมหลุดกลับจากห้วงของความคิดมาเผชิญหน้ากับโลกของความเป็นจริง

“อ้าวพี่โบ๊ทมานานยังอ่ะ” ผมหันไปยิ้มให้พร้อมกับทักทายหลังจากที่เห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังผมนั้นคือพี่โบ๊ท โค้ชคุมทีมนั่นเอง

“ก็สักพักอ่ะ โทรมามึงก็ไม่รับ  แล้วนี่กูก็มายืนเรียกมึงตั้งนานแล้วเนี่ย มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะ” พี่โบ๊ทถามพร้อมกับบีบไหล่ให้กำลัง
ใจผม

“นิดหน่อยครับ” ผมบอกพี่โบ๊ทไปตามตรง 

“อืมมม  แล้วพรุ่งนี้มึงจะแข่งไหวมั้ยเนี่ย”

“ไหวดิพี่” ผมหันไปยิ้มให้พี่แกอีกครั้ง

“ไปเหอะมึง ไปคุยกันต่อบนรถ”

“ครับ”



ระหว่างที่รถกำลังจะเข้าจอดเพื่อที่จะส่งผมที่หอพักนักกีฬา สงไฟหน้ารถก็สาดไปกระทบกับร่างๆหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าหอ

“พลัส” ผมเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย เมื่อเห็นว่าร่างที่นั่งอยู่นั่นคือใคร  อันที่จริงผมก็กะว่าจะกลับมาเคลียร์กับน้องพลัสให้รู้เรื่อง
เหมือนกัน ต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เคลียร์เร็วขนาดนี้

“อ้าวยังนั่งอยู่อีกเหรอ” พี่โบ๊ทเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะแปลกใจ

“ทำไมอ่ะพี่”

“ก็น้องแกเล่นมานั่งตั้งแต่ตอนเย็นโน่น แล้วนี่มันจะเที่ยงคืนอยู่ล้วเนี่ย ใครบอกให้ขึ้นไปนอนน้องแกก็ไม่ขึ้นไปสักที บอกว่าจะคุยกับพี่ป๊อนซ์ก่อน” ป๊อนซ์ ป๊อนซ์อีกแล้วเหรอ ผมชักจะเกลียดตัวเองขึ้นอีกล้วสิ นี่ผมทำให้ใครต้องเดือดร้อนต้องเสียใจไปกี่คนแล้วเนี่ย

“ขอบคุณนะพี่” ผมรีบหันไปพูดขอบคุณกับพี่โบ๊ทก่อนจะรีบลงจากรถเพื่อมาคุยกับน้องพลัสที่นั่งรออยู่

“พลัส” ผมเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าตามตัวของน้องแกมีแต่รอยแดงจางๆกระจายไปทั่ว ส่วนที่ข้อมือนี่ดูจะหนักสุดเลย
เพราะมันเป็นรอยแดงอย่างชัดเจน และดูเหมือนว่าจะช้ำเลือดด้วยนิดๆ

“อ้าวพี่ป๊อนซ์” น้องพลัสเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับผม  และผมก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อ พบว่าถึงริมฝีปากของน้องแกฉีกยิ้มกว้างให้
ผมอย่างสดใส แต่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มและนัยย์ตาเศร้าของน้องแกนั้นดูไม่เข้ากันเลยกับรอยยิ้ม

“เอ่ออ พลัสเป็นอะไร ใครทำอะไรพลัสน่ะ” ผมพูดพร้อมกับจะเข้าไปจับแขนน้องขึ้นมาเพื่อดู แต่พลัสกลับนั่งลงกับพื้นก่อนก้มหัว
ลงจนเกือบจะชนพื้น

“พลัสขอโทษ พลัสขอโทษ  ฮึก  ฮืออออ พลัส ไม่รู้ว่าพี่ป๊อนซ์มีแฟนแล้ว ฮึกก ฮืออออ พลัสขอโทษ”  ผมทรุดลงพร้อมกับดึงพลัสเข้ามากอดไว้ทันที แต่อ้อมกอดนี่ไม่ใช่เหมือนอ้อมกอดที่ผมให้กับโจ มันเป็นอ้อมกอดที่แสดงถึงความเป็นห่วง และความรัก....แบบพี่ชาย

“พลัสเงยหน้ามองพี่  พลัสเงย!!!” ผมเผลอตะคอกใส่พลัสไปเมื่อพลัสไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผม ทันทีที่สิ้นคำตะคอกของผม
พลัสก็สะดุ้งสุดตัวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนักอีกครั้ง

“ฮืออออ  พลัสกลัวแล้ว พลัสจะไปขอโทษพี่ป๊อนซ์  ฮืออออ” ผมว่านี่มันชักจะยังไงๆแล้วนะ

“น้องพลัสเงยหน้าขึ้นมามองพี่ป๊อนซ์” ผมพูดบอกพลัสด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลที่สุดตอนนี้

“........” พลัสค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผม  ตาที่บอบช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนักคู่นั้นมองผมด้วยสายตาที่รู้สึกผิดเสียเต็มประดา
ละนั่นก็ทำให้ความรู้สึกผิดของผมมันยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีกเป็นร้อยๆเท่า

“พลัสไม่ผิดเลยโอเคมั้ย  พี่ผิดเอง พี่ผิดเองที่ทำบบนั้น ที่ให้ความหวังพลัสทั้งๆที่พี่เองก็มีคนที่พี่รักสุดชีวิตอยู่แล้ว ตอนแรกพี่ก็
ยอมรับนะว่าพี่สับสนว่าพี่คิดยังไงกับพลัสกันแน่  แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าพี่คิดกับพลัสเหมือนพลัสเป็นน้องชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง” ผมพูดสารภาพกับพลัสไปจนหมด พลัสค่อยๆยิ้มออกมาอีกครั้ง

“ครับ ผมก็รักพี่ป๊อนซ์บบพี่ชายเหมือนกัน” พลัสพูดพร้อมกับกอดเข้าที่เอวของผม

“โอเคเราสรุปว่าตอนนี้เราคุยกันเข้าใจแล้วนะ”

“ครับ” พลัสตอบพร้อมกับยิ้มให้ผมจนตาหยี เฮ้ออออ ทำไมผมในตอนแรกถึงนึกไม่ออกนะว่าความรู้สีกที่ผมมีกับน้องพลัสนั้นมัน
เป็นความรู้สึกแบบ เอ็นดู  ไม่ใช่ อยาก ดูเอ็นเหมือนกับโจ (ขอหื่นนิดนึง ดราม่ามาเยอะ)

“เอาล่ะ งั้นบอกพี่มาซิว่าใครทำแบบนี้กับเรา” ผมพูดพร้อมกับจับหน้าของพลัสให้ประจันหน้ากับผม

“เอ่ออ ไม่มีอะไรหรอกครับ” พลัสปฏิเสธพร้อมกับยิ้มให้ผมแบบเหนื่อยๆ ไม่ใช่ยิ้มแบบสดใสเหมือนครั้งอื่นๆ

“โอเค ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพี่มารู้ตอนหลังว่ามันเป็นใครมันก็ต้องชดใช้ที่ทำกับน้องของพี่แบบนี้”

“พี่ป๊อนซ์อย่าไปทำอะไรพี่ปะ..อุ๊บ” พลัสเอามือปิดปากตัวเองทันทีเมื่อกำลังจะหลุดชื่อของคนที่ทำร้ายน้องออกมา

“โอเคๆ พี่จะไม่คาดคั้นนะ ไปนอนเหอะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”

“ครับ” ผมพยุงน้องให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่น้องจะหันมาโบกมือให้ผม พร้อมกับเดินไปยังหอพักของน้อง

เฮ้ออออออออออ  สบายใจไปนิดนึงแล้ว เพราะอย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็เคลียร์กับพลัสไปเสร็จแล้วแถมยังได้น้องชายที่โคตรจะน่า
รักมาเพิ่มอีกคนนึงด้วย  จะหนักอยู่ก็ฝั่งโจเนี่ยแหละที่ดูท่าว่าจะไม่ใช่งานง่ายเลย




“ไปป์ส่งมาให้กู!!!!” ผมตะโกนบอกไปป์ให้ส่งบาสในมือมาให้ผม

“ป๊อนซ์รับ” ไปป์ตะโกนก่อนจะส่งบาสมาให้ผมอย่างรวดเร็ว แล้วผมก็จัดการชู้ตแบบเช็ดแป้นลงไปอย่างสวยงาม ฮ่าๆๆๆ สมกับเป็นป๊อนซ์จริงๆ (อวยตัวเองตลอด)

และเกมส์การแข่งขันก็ดำเนินมาจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของควอเตอร์สุดท้าย

“ไอ้ไปป์รับ” ผมเรียกไปป์ก่อนจะส่งลูกไปให้ไปป์จัดการ  และมันก็เป็นไปตามที่คาดไว้แหละครับ  ไอ้ไปป์ก็ชู้ตลูกลงห่วงอย่าง
สวยงามก่อนที่เสียงนกหวีดหมดเวลาจะดังขึ้นเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

“เหยดดดดดดดดดดดดดดดด  ชนะโว๊ยยยยยยยย!!!!!” ผมตะโกนก่อนจะวิ่งไปกระโดดเกาะบนคอ แล้วโยกหัวมันไปมา



หลังจากช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะผ่านไป ผมก็ต้องตั้งหน้าตั้งตารีบบึ่งกลับไปง้อเมียเป็นการด่วน

“พี่ป๊อนซ์” เสียงเรียกเบาๆดังขึ้นจากหลังต้นไม้ต้นใหญ่

“เอิ่มม ใครอ่ะ” ผีรึเปล่าวะ แต่แบบว่าตอนนี้มันเที่ยงเปรี้ยงๆเลยน่ะสิ

“พลัสเองครับ” เสียงตอบเบาๆดังมาจากหลังต้นไม้

“อ้าวพลัสเองเหรอ”

“ครับ คือพลัสอยากมาส่งพี่อ่ะครับ” พลัสเดินออกมาจากหลังต้นไม้ช้าๆ

วันนี้เป็นวันที่อากาศโคตรจะร้อนแต่พลัสกลับใส่เสื้อกันหนาวแบบมีฮู้ดมา  แถมไซส์มันยังใหญ่จนพลัสใส่แล้วมันก็เลยขนพลัส
ออกมาเป็นคืบเลย 

“ไม่ร้อนรึไง” ผมถามพร้อมกับยื่นมือไปจับที่หูแมวที่อยู่บนฮู้ด

“นิดหน่อยครับ”

“งั้นจะใส่มาทำไม” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงมือของพลัสออกมาจากแขนเสื้อ  แต่ผมต้องถึงกับชะงักเมื่อเห็นว่ารอยตามตัวของพลัสมันชัดขึ้นมากกว่าเมื่อวาน แถมบางแห่งยังเป็นรอยใหม่อีกด้วย

“เอ่อ คือ...” พลัสทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อผมใช้สีหน้าคาดคั้นกับตัวเอง

“ใคร?” ผมถามออกไปสั้นๆ ละพยายามที่จะข่มน้ำเสียงโมโหเอาไว้

“เอ่ออ...”

“ไอ้ป๊อนซ์ ทำไรอยู่วะ เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก” ระหว่างที่พลัสกำลังอึกอักอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกผมดังมาจากข้างหลัง

“เออกำลังจะไปแล้ว” ผมหันไปบอกไอ้ไปป์ ก่อนจะหันมาหาพลัสอีกครั้ง

“พลัส พี่ย้ำอีกครั้งนะ อย่าให้พี่รู้ว่ามันเป็นใคร”

“ครับ” พลัสตอบพร้อมกับก้มหน้างุดๆมองพื้นดินอีกเช่นเคย

“พี่กลับก่อนนะ ว่างๆแล้วเดี๋ยวโทรมาหา” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปยีหัวน้องเบาๆ

“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” พลัสบอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกมือให้ผมช้าๆ

ผมเดินออกมาจากใต้ต้นไม้นั้นก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสนามบินทันที 

เฮ้อออ  ตายแน่กู โจอย่าโกรธกูเลยนะ TT




หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 22-01-2013 06:32:57
ต่อจากด้านบนค่ะ
[/size]


ทันที่ที่ผมลงจากเครื่องผมก็บอกคนขับรถที่มารับว่าให้กลับไปได้เลยแต่เค้ากลับบอกว่าพ่อกับแม่ให้พาผมกลับบ้านก่อน ผมก็เลยต้องจำใจขึ้นรถกลับบ้านก่อนที่จะไปง้อโจที่โรงเรียน


“ไงไอ้เสือ” เสียงของพ่อดังขึ้นทันทีที่ปลายจมูกผมโผล่เข้าประตูบ้านมา

“ดีป๊า” ผมหันไปทักทายพ่อที่นั่งจิบชามะนาวเนสทีอยู่หน้าทีวี

“จำเริญนะมึง ทักพ่อมึงแบบนั้นได้ไงวะ” พ่อผมโวยขึ้นมาเบาๆ แหมทำเป็นขึ้นเชอะ ไม่ง้อ

“เออแล้วนี่จะให้ผมกลับบ้านมาก่อนทำไมเนี่ย ผมจะรีบไปง้อโจ” ผมหันไปบ่นใส่พ่อ

“ทะเลาะกันเหรอวะ”

“ครับ นิดหน่อยอ่ะ”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ มึงมีคนอื่น”

“ก็โจเค้าเข้าใจว่าแบบนั้น”

“มันต้องอย่างนี้ ถึงจะสมกับเป็นลูกกูหน่อย” พ่อพูดแล้วยกชามะนาวขึ้นจิบก่อนจะทำหน้าภูมิใจ  พ่อใครวะเนี่ยโรคจิตชิบ ==

“แล้วตกลงว่าจะให้ผมกลับบ้านมาก่อนทำไมอ่ะ”

“ไปถามเมียกูดู กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” พ่อหันมาพูดพร้อมกับหันไปสนใจทีวีที่อยู่ตรงหน้าแทนลูกอย่างผม 

“ม๊า!!!!!!!!” ผมตะโกนเสียงดังจนก้องไปทั่ว

“ตะโกนหาแม่มึงเหรอไอ้ป๊อนซ์” พ่อยกมือขึ้นมาปิดหูก่อนจะหันมาด่าผม

“เยสสสส  ใช่แล้วผมกำลังตะโกนหาแม่อยู่”

“กวนตีนนะมึงอ่ะ” พ่อผมพูดพร้อมกับชี้หน้าผม ส่วนผมน่ะเหรอ ยิ้มกว้างให้พ่ออย่างรักใคร่ ฮ่าๆๆๆ หนุกดี

“คุณค่ะ ชี้หน้าลูกแบบนั้นได้ไง” แม่เอ็ดพ่อทันทีที่เห็นว่าพ่อกำลังชี้หน้าผมอยู่

“เออ แม่งงง” พ่อหันมาทำแก้มป่องใส่แม่ก่อนจะสะบัดหน้าไปมองทีวีต่อ

“เหอะทำตัวเป็นเด็กๆไปได้  เออใช่ตาป๊อนซ์เรียกแม่ทำไมจ๊ะ” แม่พูดพร้อมกับเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ

“ผมจะถามว่าแม่เรียกผมกลับมาที่บ้านทำไมอ่ะครับ”

“ก็แม่เห็นว่าลูกอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่ก็เลยยังไม่อยากให้ออกไปไหน  อีกอย่างคือแม่ไม่อยากให้ลูกขับรถด้วย มันอันตราย” แม่พูด
พร้อมกับเลือนมือจากหัวลงมาวางบนไหล่ของผม

“ครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม” ผมพูดพร้อมกับกอดเอวแม่ไว้แน่น

“จ้า เอาล่ะ ขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อน คืนนี้ที่โรงเรียนเค้ามีงานกันใช่มั้ยล่ะ เดี๋ยวพักผ่อนให้เต็มที่แล้วตอนค่ำๆค่อยขับรถไปเองโอ
เคมั้ย”

“ครับ” ผมตอบรับแม่พร้อมกับเอาหน้าซบลงที่คอแม่พร้อมกับกอดเอาไว้หลวมๆ

“ไอ้ป๊อนซ์ปล่อยมือออกจากเมียกูเดี๋ยวนี้เลย!!!!” มาแล้วครับ ฮ่าๆๆๆๆ

“คุณค่ะ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้พูดเพราะๆกับลูกอ่ะ”

“นี่คุณเข้าข้างมันเหรอ” พ่อพูดพร้อมกับชี้นิ้วที่สั่นระริกนั้นมาทางผม

“คุณสันติ!!!” แม่ผม เผลอเสียงดังใส่พ่อผมไปครั้งหนึ่ง

“เออ แม่งงอนแล้ว” แล้วพ่อก็เดินออกไปเลย  ดูสิครับครอบครัวผมม่งโคตรหรรษาเลย

“เฮ้ออออ ฉันละปวดหัว” ผมผละออกจากแม่ก่อนจะหอมแก้มแม่หนึ่งที

“ผมขึ้นไปนอนก่อนนะครับ”

“จ้ะ เดี๋ยวแม่จะขึ้นไปเคลียร์บัญชีเหมือนกัน พอถึงเวลาแล้วแม่ไปปลุกนะปลุกนะ”

“ครับ”

ผมเดินตรงไปยังบันไดพร้อมกับแม่ที่กำลังจะขึ้นไปเคลียร์บัญชีของบริษัทบนห้องทำงาน

“ก็ใช่สิ ฉันมันไม่ดีอย่างเค้าไม่ค่อยหน้าแคร์เท่าไหร่ ได้แต่น้อยใจเบาๆอย่างนี้ ก็ใช่สิ” โอ๊ยยยยย ตายๆๆพ่อผมไปแล้วววว

“ไปเหอะลูก” แม่ทำหน้าเอือมก่อนจะดันหลังผมให้เดินขึ้นบันไดต่อไป



หลังจากที่ผมได้นอนอย่างเต็มอิ่มแล้ว แม่ก็ขึ้นมาปลุกให้ผมอาบน้ำแต่งตัวและลงไปกินข้าว

ผมวางช้อนลงก่อนจะยกน้ำขึ้นกิน

“อิ่มแล้วเหรอลูก” ม่หันมาถามผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ครับ ผมไปก่อนนะครับ” ผมหันไปไหว้แม่ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามและไหว้พ่อที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

“โชคดีนะลูก ขับรถอย่าประมาทเข้าใจมั้ย”

“ครับ”

“ง้อเค้าให้ได้ล่ะมึง อย่าให้เสียชื่อกู” พ่อเงยหน้าขึ้นมาบอกผม

“ครับ”

ผมเดินออกมาจากบ้านโดยไม่ลืมที่จะคว้ากุญแจรถออกมาด้วย  วันนี้จะไปง้อเมีย เอา alfa romio spider ไปดีกว่า เอาแบบว่าให้โจประทับใจไปเลย


พอขับถึงโรงเรียนผมก็รีบจอดรถก่อนจะเดินตรงไปยังหอประชุมของโรเงรียนทันที
แต่เสียงที่ดังออกมาจากหอประชุมนั้นทำเอาผมก้าวขาไม่ออก

นี่ ฮึก ฉันยัง ฮึก ดีไม่พอ หรือเธอ ฮึก ไม่พอสักที
ที่ฉันทำทุกๆอย่าง ฮึก  เห็น ฮือออ ใจกัน  ฮึก บ้างมั้ยย
ต้อง ฮือออ ให้ใจ ฮึก ฉัน ทั้งโดนย่ำ โดน ฮึก เหยียบเพียง ฮึก ใด ฮือออออ

ผมค่อยๆเอามือไปจับที่ประตูหอประชุมช้าๆก่อนจะผลักให้มันเปิดออกแล้วเดินเข้าไปด้านใน   แม้ว่าเสียงด้านในจะโหวกเหวกโวยวายขนาดไหน แต่ตอนนี้ผมกลับหูอื้อไปหมดเมื่อเห็นร่างบางที่ผมได้ทำร้ายเขาไปโดยที่ผมไม่รู้ตัว  ผมทำร้ายความรู้สึกดีๆที่เขามีให้ผมโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ

เธอจึงคิดที่จะ ฮึก เปลี่ยน และ ฮึก ฮือออ  กลับมา ฮึก รักแค่ฉัน ฮึก เพียงคนเดียวว
แล้วนี่มัน ฮึก คืออะไร  ฮือออ  ฉัน ฮึก ทำไปแค่ไหน อึก
แล้วเธอก็อย่างดิม  ฮืออออ  แล้ว ฮึก เธอ ฮือออ ก็ยัง ฮึก  มี  ฮือออ  ใคร ฮืออออ
ฮืออออออออ  ฮึกกกกกก  ฮือออออออ


แล้วโจก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนร้องเพลงต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ไอ้ลิ้มจึงต้องเดินมาร้องเองโดยที่โจก็ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ยืนปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่หยุด
มีมือข้างหนึ่งวางบนไหล่ผม

“สู้ๆนะมึง” ไอ้พีเจพูดพร้อมกับบีบไหล่ผมเบาๆเพื่อเป็นการให้กำลังใจ

ผมหันไปพยักหน้าให้พีเจก่อนจะเดินหวกฝูงชนด้านข้างเวที เพื่อที่จะขึ้นไปหาคนที่ยืนร้องไห้สะอื้นจนตัวโยนอยู่บนเวที 

นี่ฉันยังดีไม่พอ หรือเธอไม่พอสักที
ที่ฉันทำทุกๆอย่างเห็นใจกันบ้างมั้ย
ต้องให้ใจฉันทั้งโดนย่ำโดนเหยียบเพียงใด
เธอจึงคิดที่จะเปลี่ยนและกลับมารักแค่ฉันเพียงคนเดียว

เสียงเพลงจบลงพร้อมๆกับที่ผมขึ้นไปบนเวทีได้พอดี  ผมค่อยๆก้าวไปยืนหน้าร่างของโจช้าๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาให้โจ  ตอนนี้ความรู้สึกผิดกำลังพุ่งเข้ามาใส่ผมอย่างไม่ยั้ง ผมไม่คิดเลยว่าผมจะทำให้โจเป็นถึงขนาดนี้  โจคงจะเจ็บ  เจ็บมากก
แต่เค้าจะรู้รึเปล่าว่าตอนนี้ ทันทีที่ผมเห็นน้ำตาของเขาผมก็มั่นใจได้เลยว่าผมเจ็บกว่าเค้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า หยาดน้ำหยดเล็กๆที่ไหลออกมาตาคู่สวยของคนที่ยืนตรงหน้าผมตอนนี้มีอิทธิพลกับตัวผมมาก  เพราะผมรู้ว่ามันไม่ได้เป็นแค่น้ำแต่มันคือความผิดหวัง ความเสียใจ และอีกหลายความรู้สึกที่ปะปนกันอยู่

ผมค่อยๆเอ่ยปากพูดคำคำหนึ่งที่ ผมคิดว่าคำคำนี้จะสามารถแทนความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีต่อเค้าในตอนนี้ออกไปได้



“โจ ป๊อนซ์ขอโทษ”

........................................TBC.....................................

อ๊ากกกกกกกกกกกก  ยาวววววววมากกกกกกก 

อยากจะบอกว่าแต่งตั้งแต่ตี 2 ยัน ตี 5 ดังนั้นแล้ว ไม่ได้นอนเจ้าค่าาา  :really2:

แต่เมามันส์ในการแต่งมากกกกก 

คนเขียนขอติดประกาศไว้นิดนึงว่า
จะมีอีกคู่นึงเพิ่มเข้ามาจ้าาาาา  ลองทายกันดูแล้วกันเนาะว่าใครกับใคร?????

และก็เช่นเคยเหมือนทุกครั้ง

วันนี้ไม่มีโมเม้นต์เนอะ ขี้เกียจพิมพ์ ก๊ากกกกก กระโดดหลบกระสุน

อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 22-01-2013 07:01:58
Pontz เอ๊ย   :m16: :m16: :m16:

แค่จากกันวันเดียวก็ใจโลเลแล้ว

แถมโทษว่าโจเข้าใจผิดไปเองอีก

น่าสงสารโจคบคนแบบนีทุกข์ทั้งชีวิต :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 22-01-2013 11:17:14
อย่าให้อภัยง่ายๆนะโจ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 22-01-2013 11:52:00
ถึงป๊อนซ์จะบอกว่ารู้สึกผิดมากต่อโจ มันก็ยังรู้สึกสงสารโจอยู่ดี
นิสัยอย่างนี้มันต้องมีอีกแน่ ถ้าเจอคนน่ารักอีกก็ต้องไปติดอีก
โจอย่าไปยกโทษให้ง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 23-01-2013 17:31:35
โอ้ยป๊อนซ์ทำรายโจอ่ะ โจอย่าใจอ่อนน๊า
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 23-01-2013 19:23:29
อีกคู่น่าจะ ไปป์ น้องพลัส แน่เลย   

เรื่องป้อนซ์ มันพูดยากนะ เพราะทำอะไรไม่นึกถึงจิตใจคนที่รัก มันน่านักเชียว
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 23-01-2013 20:19:00
โจอย่าใจอ่อน ให้อภัยง่ายๆนะ ดัดนิสัยเลยคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 8 เคลียร์ Pontz's Part : 22/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-01-2013 21:01:38
หนูโจของแม่

อย่ายอมนะลูก จัดไปซะให้เข็ดเลย
 :oak: :o211: o12
คนเราถ้ารักกันจริงก็อย่านอกใจซิ ดั๊นยอมไม่ได้ :m31: :m31:

เรื่องนี้จะไม่จบกันง่ายๆแน่นะนายป๊อน

ปล.คนเขียนรีเควสขอให้น้องโจงอลยาวเลย เชอะ  :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Picture ก่อนจะอัพเรื่องค่าา : 25/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 25-01-2013 23:02:11
มีโมเม้นต์กับรูปมาฝากกันก่อนที่จะดราม่าอีกรอบ  :o12:

มาเริ่มที่โมเม้นต์กันก่อนเลย
:-[
-เวลาที่โจไปดูป๊อนซ์เล่นฟุตซอล  ก่อนที่ป๊อนซ์จะลงสนามป๊อนซ์ก็จะไปนั่งใส่รองเท้าใส่ถุงเท้าอยู่ข้างๆโจ  แต่นั่งกันค่อนข้างห่าง  ไม่เหมือนเวลานั่งกับเพื่อนคนอื่น  แต่เวลาจะคุยกันก็จะขยับเข้ามาจนใกล้กันมากๆ เกือบๆจะซ้อนหลังกัน แล้วป๊อนซ์จะเอี้ยวตัวไปข้างหลังก่อนจะกระซิบอะไรกับโจสักอย่าง  แต่พอมีเสียงกรี๊ด(เนื่องจากความฟิน)ดังขึ้น นางทั้งสองก็จะขยับห่างจากกันทันที
-ป๊อนซ์เดินหารองเท้าอยู่บนอาคารเรียนชั้น 2 คุยโทรศัพท์กับโจที่ยืนอยู่ชั้น 1 ตลอดเวลา จนป๊อนซ์มาด้านล่างถึงจะวางสาย #ห่างกันแค่นิดเดียวก็ไม่ได้นะ  ต้องคุยกันตลอดดดด

อันนี้ก็เป็นรูปจ้าาาาา (เพื่อนคนเขียนเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะไปถ่ายมา)
 มันเป็นรูปที่น้องแกกำลังเรียนเคมีกันอยู่ แต่ด้วยความขยันโจก็ฟุบลงไปก่อน  แล้วผ่านไปสักพักมันก็กลายเป็นแบบนี้  ป๊อนซ์ไม่ได้หลับหรอกนะ  แต่จะฟุบลงตรงข้ามโจอย่างนั้นทำไม อันนี้คนเขียนก็ไม่รู้เหมือนกัน  :impress2:


[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Picture ก่อนจะอัพเรื่องค่าา : 25/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 25-01-2013 23:05:08
รอ ครับบบบบบ เสพติดความดราม่า
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 27-01-2013 07:32:30
ตอนที่ 9
 


[Pontz x Joe]



[Joe]






ขอโทษ ทำไมผมถึงรู้สึกเกลียดคำๆนี้จังนะ ???

เหอะ แต่ก็ไม่แปลกหรอกนะที่ผมจะเกลียดคำๆนี้ เพราะว่าก่อนที่ใครสักคนจะพูดคำๆนี้ออกมาได้นั้นเค้าต้องไปทำเรื่องที่ยากแก่การให้อภัยมาก่อน

ผมปาดน้ำตาออกจนหมดพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปอย่างแรง 

ผมเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาเลยหลังจากที่ป๊อนซ์กล่าวขอโทษกับผม

“โจ..” น้ำเสียงแผ่วเบาที่เรียกชื่อของผมหลุดออกมาจากป๊อนซ์

“.....” ผมหันไปมองหน้าป๊อนซ์อย่างเต็มตาก่อนจะ ผลักที่อกมันเบาๆเป็นเชิงขอทางให้ผมเดินผ่านออกไป

“เอ่ออ  การแสดงของวงเราก็จบลงเพียงเท่านี้นะครับ ไว้เจอกันงานหน้าคร้าบบบบบ” ไอ้ลิ้มอึกอักนิดนึงกับสถานการณ์ระหว่าง

ผมกับไอ้ป๊อนซ์ แต่มันก็สามารถแก้สถานการณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี

ผมเดินลงจากเวทีโดยไม่หันมองใครเลยแม้แต่คนเดียว หลายคนคงจะสงสัยในปฏิกิริยาของผม หึ ไม่มีอะไรหรอกก็แค่ไม่อยากเห็นหน้าคนบางคนแค่นั้นเอง!!!!!

“โจ กูขอร้อง หันหน้ามาพูดกับกูหน่อย” น้ำเสียงอ้อนวอนนั้นมาพร้อมกับมือที่จับเข้าที่ข้อมือของผม

ผมหันหน้ากลับไปหามันก่อนจะส่งสายตาเย็นชาไปให้พร้อมกับปลดมือที่เกาะกุมอยู่ที่ข้อมือของผมออก  แล้วหันหลังกลับมาเดินต่อทันที

“อ้าวไอ้โจ อยู่นี่เอง” ไอ้พีเจวิ่งมาดักหน้าผมไว้ทันที

“มีไร” ผมถามกลับไปสั้นๆ เพราะตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิดมาก  ผมอาจจะเหวี่ยงใส่คนอื่นๆที่เข้ามายุ่งกับผมโดยที่เค้าไม่ได้ผิดอะไรก็ได้

“เอ่ออ คือ..” ไอ้พีเจดูอึกอักหลังจากที่มันชะเง้อไปมองคนที่อยู่ด้านหลังของผม

“ถ้าไม่มีอะไรกูไปก่อนนะ กูรีบ” ผมพูดปัดก่อนจะเดินออกมาทันที

ผมไม่ต้องการให้มีใครมาอยู่กับผมในตอนนี้ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าผมอารมณ์ไม่ค่อยจะดีอยู่  แล้วผมก็รู้ตัวเองดีที่สุดว่าในเวลาแบบนี้ ผมต้องอยู่คนเดียวเท่านั้น

ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองหรอกนะว่าตอนนี้รู้สึกยังไงกับป๊อนซ์ เพราะว่าในตอนแรกนั้นผมรู้สึกผิดหวังและเสียใจเอามากๆ แต่พอมาตอนนี้ผมกลับมีความรู้สึกอย่างอื่นขึ้นมาแทน   

ความรู้สึกโกรธยังไงล่ะ  โกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งโกรธจนตอนนี้จะกลายเป็นเกลียดอยู่แล้ว!!!!

“โจได้โปรดหันมาหาคุยกับกูหน่อย กูขอร้อง”

ปึ้ก!!! 

หลังจากสิ้นคำพูดของป๊อนซ์ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนของกระทบพื้นอย่างแรง และเมื่อผมหันกลับไปดูก็พบว่าป๊อนซ์กำลังนั่ง
คุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด

“หึ” ผมส่งยิ้มเหยียดๆไปให้มันก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมาเบาๆ

“พอเหอะป๊อนซ์ มันไม่มีประโยชน์ว่ะ ปล่อยให้กูอยู่คนเดียวสักพักเหอะ” พอพูดจบผมก็เดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
เฮ้ออออ  มึงจะใจอ่อนไม่ได้นะโจ  มันทำให้มึงเจ็บ มึงก็ควรจะทำให้มันเจ็บด้วยเหมือนกัน!!!!!!!!



อื้มมมมมมมม  สดชื่นจริงๆกับเช้าวันใหม่

ผมเดินลงจากเตียงก่อนจะค่อยๆก้มลงเพื่อปลุกคนที่อยู่เตียงล่างด้วยความเคยชิน  เฮ้ยย กูจะไปปลุกมันทำไมวะ 

ผมรีบหันหลังให้เตียงทันทีที่เดินลงถึงพื้น   แต่แล้วผมก็แพ้ใจตัวเองจนได้ เมื่อผมตัดสินใจเดินกลับไปที่เตียงเพื่อที่จะปลุกคนที่อยู่เตียงล่าง

แต่แล้วก็ต้องพบกับความว่างเปล่า มันไปไหนวะ????

เหอะ ช่างเหอะ ดีแล้วจะได้ไม่ต้องเจอหน้ามันตั้งแต่ตื่นนอน



ผมเดินมาโรงเรียนพร้อมกับพีเจ ระหว่างทางเราก็ไม่ดุ้ยอะไรกันเลย  พีเจดูเหมือนมีเรื่องกังวลใจบางอย่างอยู่ในใจ ผมดูออกนะแต่ผมก็ไม่ถามหรอก ถ้ามันอยากให้ผมรู้มันก็คงจะบอกผมเองแหละ

“เอ่ออ โจ” พีเจเอ่ยเรียกชื่อผมเสียงค่อย

“อืม มีไร” ผมหันไปตอบมันแบบห้วนๆ

“คือ.. คือว่า” พีเจดูอ้ำอึ้ง ไม่ยอมพูดออกมาสักที และท่าทางนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกรำคาญขึ้นมาดื้อๆ

แต่เอ๊ะ นี่ผมกลายเป็นคนขี้รำคาญแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ???

“ว่าไง มึงมีอะไร” ผมพูดถามพีเจเพื่อย้ำอีกครั้งหนึ่ง

“อ้าวว กู๊ดมอร์นิ่ง มายเฟรนด์” แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดเสียก่อน

“อ้าว ภูมิ” ไอ้พีเจหันไปทักทายไอ้ภูมิที่เดินมาพร้อมๆกับไอ้ลิ้มและไอ้ไปป์

“ขึ้นห้องเรียนกันเหอะ สายแล้ว” ผมพูดขึ้นแล้วเดินหันหลังเพื่อที่จะเดินไปขึ้นอาคารเรียน 

ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ถามถึงเรื่องเมื่อคืนเพราะทุกคนคงจะรับรู้ได้ว่า ผมไม่อยากให้มีใครพูดถึงมันอีก  ผมจะกลายเป็นคนใหม่  ผมจะต้องไม่ร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้นอีก  ผมจะต้องเข้มแข็งกว่านี้ให้ได้



และแล้วการเรียนที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยก็เริ่มขึ้น โดยที่วันนี้ไอ้คนที่นั่งข้างๆผมมันไม่ได้มาโรงเรียน  มันเป็นอะไรของมันละเนี่ย

“พงศกร  ภัทรพงศ์ไปไหนจ๊ะ” อาจารย์ที่กำลังเช็คชื่ออยู่หันมาถามผมเมื่อเห็นว่าเก้าอี้ข้างๆผมนั้นว่างอยู่

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ผมตอบออกไปอย่างไม่ค่อยจะสนใจนัก

“เอ่อ อาจารย์ครับ” ไอ้พีเจเรียกอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยเสียงเบาๆพร้อมกับยกมือขึ้น

“มีอะไรจ๊ะ”

“คือผมจะบอกว่าภัทรพงศ์เค้าไม่สบายน่ะครับ”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง โอเคครูจะได้เช็คว่าเค้าลาป่วย แต่ว่าต้องบอกเค้าให้เอาใบลามาให้ครูด้วยนะจ๊ะ”

“ครับ”

ป่วยงั้นเหรอ???  มันจะเป็นอะไรมากรึเปล่านะ    แต่เท่าที่เห็นมันก็ไม่ค่อยจะป่วยเท่าไหร่นะ อยากมากก็แค่ปวดหัวนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับต้องหยุดเรียนขนาดนี้

ผมเก็บความสงสัยทั้งหมดเอาไว้ในใจเพราะไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกสับสนในตัวของผม  ตกลงตอนนี้ผมรู้สึกยังไงกับมันกันแน่???



“น้องโจคะ” เสียงเรียกของพี่ผู้หญิงคนนึงทำให้ผมได้สติหลังจากที่นั่งเหม่อใต้ต้นไม้อยู่นาน

“ครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกลับยิ้มนิดๆ

“เอ่อ คือว่าพี่ขอไลน์ของโจได้มั้ยคะ” พี่ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงเบาๆพร้อมกับหลบสายตาผม หึ ผมแอบเห็นพี่เค้าหน้าแดงๆด้วยแหละ 

อ๋อออออ  ผมรู้วิธีที่จะทำให้ลืมไอ้ป๊อนซ์ได้ทันทีที่เห็นหน้าพี่เค้า

“ได้สิครับ เอาเบอร์ผมไปแล้วกันนะ” แก้มของพี่เค้าขึ้นสีนิดๆ

“ค่ะ” พี่เค้าตอบรับก่อนจะฟังเบอร์โทรศัพท์ของผม

“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอครับ” ผมเอ่ยถามหลังจากที่บอกเบอร์พี่เค้าเสร็จ

“พี่ชื่อต้นหลิวค่ะ” พี่ต้นหลิว(เพิ่งจะรู้ชื่อเมื่อกี๊เลย)เงยหน้าขึ้นมาบอกผมพร้อมกับส่งยิ้มกว้างจนตาปิดมาให้

“อ่าๆครับ ทักได้ตลอดนะครับ” ผมพูดพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้พี่ต้นหลิวอีกครั้ง

“โหวยยยยย  เอาแล้วเว้ยยยยยย” เสียงโห่จากบรรดาสิงสาราสัตว์ที่กำลังเดินเข้ามาหาผมดังขึ้น

“ไรมึง”  ผมตอบกลับไปห้วนๆ

“เดี๋ยวนี้เล่นรุ่นพี่เลยเหรอมึง” ไอ้ลิ้มแซวก่อนจะวางกระเป๋าและนั่งลงข้างผม

“เปล่า เค้าก็แค่มาขอไลน์กู กูก็เลยให้ไป” ผมตอบกลับไปแบบชิวๆ

“อ๋อเหรอออออ  มึงกลายเป็นคนเจ้าชู้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”คำถามของไปป์ทำเอาผมสะอึก

หึ ก็ตั้งแต่ที่เพื่อนมึงทำให้กูเสียใจยังไงล่ะ

“หึ” ผมส่งเสียงในลำคอเบาๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“โจ” เสียงที่ผมไม่ได้ยินที่สุดในตอนนี้ดังขึ้น

บรรยากาศร่าเริงของทุกๆคนเมื่อกี๊หายไปในพริบตา เมื่อคนๆนี้เดินเข้ามา

ผมยังคงนั่งนิ่งและไม่หันไปตามเสียงเรียก ถึงแม้ว่าลึกๆแล้วผมจะอยากหันหน้าไปหาคนๆนี้ก็เถอะ

“โจ” ป๊อนซ์เรียกผมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมยื่นมือไปจับกระเป๋ามาสะพายเข้าที่หลังพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที

“โจ กูขอร้องโจ” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทำให้ฟังออกว่าอาจจะมีพิษไข้อยู่นิดหน่อย

“เอ่ออ  โจกูว่า...”

“กูไปก่อนนะ” ผมพูดขัดขึ้นมาในขณะที่ลิ้มดูเหมือนกำลังจะช่วยพูดเกลี้ยกล้อมผม

ทุกคนในที่นั้นเงียบหลังจากที่ผมพูดและปล่อยให้ผมเดินออกมาโดยไม่รั้งไว้เหมือนก่อน

เฮ้ออออออ  ผมเหนื่อย  เหนื่อยเต็มที



หลังจากที่ป๊อนซ์มาหาผมที่โรงเรียนวันนั้น มันก็ไม่ได้มาหาผมอีกเลย นี่ก็ประมาณอาทิตย์นึงได้แล้ว  เหอะ กะแล้วมันคงจะเหนื่อยจะเบื่อ แต่ก็ดีแล้วที่มันหายไปแบบนี้มันทำให้ผมตัดใจจากมันได้ง่ายขึ้น

“โจ” พีเจเรียกผมด้วยน้ำเสียงปนกังวล

“หืออ มีอะไรอ่ะ” ผมหันไปตอบพีเจ

พีเจไม่พูดอะไรแต่ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ผม

“หืมมม” ผมส่งเสียงในลำคอด้วยความสงสัย

“มึงจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานมั้ยโจ กูเห็นมึงก็คุยๆกับพี่หลิวแล้วนี่ ทำไมมึงยังเป็นแบบนี้!!!” พีเจพูดเสียงดังจนผมสะดุ้ง

“....”ผมยังคงนิ่งๆและอึ้งอยู่ในขณะที่พีเจเอาผ้าเช็ดหน้าจากมือผมกลับไปอีกครั้งพร้อมกับเช็ดเบาๆที่ข้างแก้มของผม
นี่ผมร้องไห้อีกแล้วเหรอ   ทำไมผมถึงทำตามที่ผมต้องการไม่ได้นะ  ทำไมผมต้องร้องไห้เพราะคนๆนั้น

ตึ้ง ตึ่ง

เสียงไลน์เข้าเรียกสติของผมให้กลับมาอย่างครบถ้วน

-TonLiw-

>>โจๆ เย็นนี้ว่างมั้ย

ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปแล้วกดส่ง

                                                                                                       มีอะไรรึเปล่าครับ<<

>>คือว่าพี่จะชวนโจไปดูหนังอ่ะ

ดูหนังเหรอ  ดีเหมือนกันหาอะไรทำจะได้เลิกฟุ้งซ่านซะที
                                                                                โอเคครับ เดี๋ยวตอนเย็นผมไปรับนะ<<

>>จ้า  ตั้งใจเรียนนะเด็กน้อย ^^

                                                                                                      ครับๆ เหมือนกันนะ<<


ผมกับพี่หลิวดูเหมือนจะไปด้วยกันได้ดีใช่มั้ยล่ะ   แต่มันไม่ใช่เลยเพราะเวลาผมไปไหนมาไหนกับพี่หลิว แล้วที่ๆนั้นเป็นที่ๆผมเคยไปกับป๊อนซ์มาก่อน ภาพบรรยากาศเก่าๆมันก็จะคอยแทรกเข้ามาทำให้ผมต้องคิดถึงมันอยู่ตลอด   นี่ผมต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ

“มึง เย็นนี้กูไปดูหนังกับพี่หลิวนะ” ผมละสายตาจากมือถือแล้วหันไปบอกพีเจ

“อืมม ดีเหมือนกัน” พีเจพูดสั้นๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไป

“ไอ้พีเจ!” ผมตะโกนเรียกพีเจไว้อีกครั้ง

“หืมมม”

“เย็นนี้ไปด้วยกันมั้ย ชวนไอ้ลิ้ม ไอ้ภูมิแล้วก็ไอ้ไปป์ไปด้วย”

“เอ่ออ คือ  เย็นนี้พวกกูไม่ว่างว่ะ”พีเจตอบกลับผมมาด้วยสีหน้าแปลกๆ เหมือนกับว่ามันพยายามจะปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้

“ไปไหนกันวะ” ผมถามออกไปอย่างสงสัย

“อ๋อ  พวกกูมีธุระนิดหน่อยว่ะ ไปก่อนนะ” พีเจพูดเสร็จก็รีบเดินออกไปทันที

“อะไรของมันวะเนี่ย” ผมได้แต่พึมพำกับตัวเอง  ช่วงนี้พวกเพื่อนๆของเค้าไม่รู้เป็นอะไรกันไปหมด  พอถึงเวลาเลิกเรียนก็จะ
หายหัวกันไปหมดกลับมาที่หออีกทีก็ค่ำๆแล้ว



“โจๆ พี่ขอแวะเข้าไปดูเสื้อแป๊ปนึงนะ” พี่หลิวกระตุกที่แขนเสื้อของผมเบาๆเมื่อเรา 2 คนเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง

“ได้ครับ” ผมตอบกลับพลางส่งยิ้มหวานไปให้

พี่หลิวยิ้มกว้างจนตาปิดอย่างเคยแล้วรีบเดินเข้าไปในร้านทันที  ส่วนผมก็นั่งรอที่เก้าอี้หน้าร้านเนื่องจากไม่ค่อยชอบเข้าไปในร้านอะไรแบบนี้

หลังจากที่ดูหนังเสร็จผมกับพี่หลิวก็เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น  ก็อย่างว่าอ่ะนะผู้หญิงเค้าจะโลกส่วนตัวทันทีที่ได้มาเดินช๊อป ผมก็เดินตามไปเงียบๆไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ  เดินไปเดินมาก็เพลินดี  ตอนนี้ขอแค่ไม่ต้องนั่งฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวเป็นพอ


ไอ้แผนการตอนแรกที่ผมกะว่าจะลืมป๊อนซ์เนี่ย  ไม่รู้ทำไมมันถึงกลายเป็นผมเองที่เจ็บ เจ็บทุกครั้งที่พยายามจะทำตัวเหมือนสนุกสนานมีชีวิตชีวาแต่จริงๆนั้นไม่ใช่เลย  ผมยังคิดถึงแต่ป๊อนซ์คิดถึงมาก  จนหยุดคิดถึงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย  ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้!!!!!!


“โจ น้องโจ” พี่หลิวสะกิดที่ไหล่พร้อมกับเรียกผมให้ตื่นจากภวังค์

เห็นมั้ย มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว  แค่ผมได้อยู่คนเดียว อยู่กับตัวเองแค่ไม่กี่นาทีผมก็จะกลับไปคิดถึงมันตลอด

“ครับ”

“กลับกันเหอะ”

“ครับ” ผมตอบพลางยื่นมือไปช่วยถือของให้พี่หลิวแล้วเดินตามหลังออกมาจากร้าน



เมื่อกลับมาถึงหอผมก็เดินตรงไปยังเตียงตัวเองทันที  แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อคนที่นอนเตียงล่างของผมมันยังไม่มา   มันจะหายไปแบบนี้จริงๆเหรอ

“กูโทรบอกน้องพลัสแล้ว” เสียงของไปป์ที่ดังมาจากล็อกเกอร์ทำให้ผมหยุดเดินและตั้งใจฟังเรื่องที่มันกำลังพูดอยู่ เพราะในบท
สนทนาของมันมีชื่อของน้องพลัสอะไรนั่นอยู่ด้วย

“อือ แล้วน้องแกจะมาถึงวันไหนวะ” คราวนี้เป็นเสียงของไอ้พีเจบ้าง

“น่าจะเย็นๆวันพรุ่งนี้แหละ” น้องพลัสงั้นเหรอ  แล้วน้องพลัสจะมาทำไม

“อือๆ พอมาถึงก็พาไปหาป๊อนซ์เลยแล้วกัน” อ๋ออ  มันเป็นอย่างนี้นี่เอง  ผมเข้าใจ  เข้าใจทุกอย่างแล้ว  ว่าในขณะที่ผมกำลังเจ็บ
ปวดจนจะเป็นจะตาย  ไอ้ป๊อนซ์มันก็กำลังจะได้มีความสุขกับคนที่มันรัก 

ผมเดินมาที่เตียงก่อนจะปีนบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปอยู่บนเตียงบนที่เป็นเตียงของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงช้าๆ  ปล่อยให้ความรู้สึกทุกอย่างมันไหลออกมากับน้ำตา  และนี่ก็เป็นอีกครั้งแล้วสินะที่ผมต้องเสียน้ำตาให้ผู้ชายคนนี้   ผมต้องทำยังไงถึงจะเลิกรักเค้าได้  ผมมองไม่เห็นหนทางเลยจริงๆ



“ไอ้ลิ้มๆ เชี่ยลิ้มมมมม” เสียงโหวกเหวกโวยวายจากเตียงข้างๆดังขึ้น และมันก็สามารถปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาได้

เอ๋ แต่นี่เมื่อคืนผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหนกันละเนี่ย น้ำก็ยังไม่อาบเหม็นตัวเองชิบ

“ไรของเมิงง” เสียงงัวเงียของลิ้มดังขึ้นมาตอบไอ้พีเจที่เดินไปปลุก

“ไปหาไอ้ป๊อนซ์กัน ไอ้ป๊อนซ์อาการทรุดว่ะ”

“เชดโด้ รอกูเปลี่ยนชุดแปป” สิ้นคำพีเจไอ้ลิ้มก็สบถออกมาด้วยเสียงเครียดๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดที่ล็อกเกอร์

ป๊อนซ์อาการทรุดงั้นเหรอ  ป๊อนซ์เป็นอะไร???????

ผมไม่รอให้คำถามนั้นมันค้างคาอยู่ในใจได้นาน  ผมตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วหันไปถามพีเจที่ยืนอยู่ด้านล่าง



“ป๊อนซ์เป็นอะไร”



.....................................TBC..................................................

มาอัพแล้วนะคะ   ต้องขอโทษด้วยที่มาช้าไปหน่อย   :z10:

แล้วก็ต้องขอโทษอีกอย่างที่ตอนนี้มันมั้น แต่มันก็มีเหตุผลนะ

ถ้ามันยาวกว่านี้มันก็จะไม่ค้างไง 5555  :laugh:

อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ   :pig4:     

 :bye2:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 27-01-2013 08:53:45
สมน้ำหน้าเน้
ทำตัวเองไม่เลิก
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 27-01-2013 12:08:38
อ้ากกกกกกกกป๊อนซ์เป็นอะไรอ่ะทำไมอาการทรุด ฮือเค้าอยากรู้ สงสารทั้งโจทั้งป๊อนซ์เลยอ่ะ คนเขียนมาอัพต่อเร็วๆน้าเราอยากรู้อ่า
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: appattap ที่ 27-01-2013 13:29:00
เข้าข้างโจนะ มันน่าโกรธไหมล่ะ
แล้วเห็นว่าโจ ไม่สนใจ ก็ไม่คิดว่าจะบอกว่าป๊อนซ์เป็นอะไร
โอ๊ะ เครียด เป็นกำลังใจให้คนแต่งงงงง
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 27-01-2013 13:40:06
ป๊อนซ์เป็นอะไร น่าจะเคลียร์ให้จบๆๆนะ  สงสารทั้งสองฝ่าย

โจก็น่าจะฟังก่อน จะเชื่อหรอโกรธก็ค่อยว่ากันอีกที
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 27-01-2013 14:12:58
ก็ดีแล้ว  จะได้สำนึกบ้าง

พวกเพื่อนก็ยังไปตามน้องพลัสอะไรนั่นมาอีก  :m16:

เพื่อนแต่ละคนไม่ไหวจะเคลียร์ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-01-2013 14:39:03
อ่ะ ป๊อนซ์เป็นอะไรอีกล่ะ
สงสารนะแต่ก็หมั่นไส้เล็กๆ
เอาเป็นว่าขอให้คืนดีกันไวๆเนอะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 27-01-2013 14:52:15
สงสารโจอะ ขนาดป๊อนซ์ป่วยเพื่อนก็ไม่บอกโจว่าเป็นอะไร ปล่อยให้โจเข้าใจผิดอะไรหรือป่าวให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆเองนี่ มันดูไม่น่าเลยนะ สงสารโจ เจอแบบนี้ใครเป็นโจก็เข้าใจแบบนี้ทั้งนั้นแหละ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-01-2013 15:07:12
เป็นยังไงล่ะ
ทำโจเค้าเจ็บ มาเยอะแล้วนะ
น้องโจสู้นะลูก
ปล. ทำไมไม่มีใครบอกโจเรื่องป๊อนเลย จะเก็บเงียบทำไม (ถ้ามันสมควรบอกก็บอกไปเถอะ ปิดทำไมเนี่ย)
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 27-01-2013 17:59:20
อะนะ จะโทษโจไม่ได้หรอก ยิ่งปิดบังยิ่งทำให้โจเข้าใจผิด ยิ่งประโยคที่ไปป์พูดอีก ยิ่งแล้วใหญ่ ในเมื่อป๊อนเป็นฝ่ายนอกใจก่อน แถมคำพูดที่บอกว่าโจแค่เพื่อน แถมบอกรักกันอีก ส่วนพลัสไม่โกรธนะเพราะไม่รู้เรื่องเพราะไอ้เชี้ยป๊อนมันเป็นฝ่ายเล่นกับเขาก่อนให้ความหวังเขาอีก พลัสคู่กับไปป์ใช้ปะ ถ้าพีเจโทษโจเรื่องป๊อนจะโกรธพวกมันทุกคนเลย อีกอย่างคนแต่งจงใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ต้องคอยดูว่าป๊อนจะสำนึกไหม แล้วมันจะลงเอยยังไง ก็ลุ้นละทึกกันต่อไป ปวดใจจัง
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 9 หาย??? : 27/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-01-2013 19:49:14
" ถ้าตอนนี้มันไม่สั้น มันก็จะไม่ค้าง " โอเคเรย ขอบคุณมากคนแต่ง  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ป๊อนซ์เป็นไรอ่าาาา เป็นไข้ใจหรอ

เรียกน้องพลัสมาให้ช่วยเคลียร์ หรือยังไงอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 10 สาเหตุของการหายไป : 31/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 31-01-2013 19:29:17
ตอนที่ 10




[Pontz x Joe]




[Joe]








 “ป๊อนซ์เป็นอะไร” เสียงของผมแผ่วเบาซะจนเกือบไม่ได้ยิน  แต่มันก็สามารถทำให้พีเจสะดุ้งจนสุดตัวได้

“เอ่อ  คือ..” พีเจหันมามองผมด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะอ้ำๆอึ้งๆไม่ยอมตอบ

“ไปพีเจ” เสียงไอ้ลิ้มตะโกนมาถึงก่อนที่ตัวมันจะเดินออกมา

“.....” ความเงียบเข้าครอบคลุมเราทั้งสามคน  ไม่มีใครพูดอะไรและพร้อมใจกันปล่อยให้บรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้ดำเนินต่อไป

“กูถามว่าป๊อนซ์เป็นอะไร” ผมถามย้ำช้าๆอีกครั้งพร้อมกับต้องพยายามที่จะบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเครือไปด้วย

“เอางี้ มึงก็ไปด้วยกันกับพวกกูเนี่ยแหละ เดี๋ยวพวกกูค่อยไปเล่าให้ฟังบนรถ” ไอ้ลิ้มพยายามที่จะพูดให้สถานการณ์มันดีขึ้น

“อืมม” ผมตอบรับก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินตามมันไปที่รถ




ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาลรถทั้งคันก็เงียบสนิทอีกเช่นเคย  ไม่มีเสียงของคำชี้แจงหรือบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับป๊อนซ์แต่อย่างใด

“ตกลงว่าป๊อนซ์เป็นอะไร” ผมตัดสินใจถามคำถามเดิมที่ผมต้องการรู้ออกไปอีกครั้ง

“เอ่อออ  คืองี้นะ กูพยายามจะบอกมึงหลายครั้งแล้ว  แต่มันก็ไม่สบโอกาสสักที” พีเจอธิบายออกมาเรื่อยๆ  แต่ผมกลับมองว่าคำอธิบายพวกนั้นมันเป็นเหมือนข้อแก้ตัวซะมากกว่า

“......” ผมเงียบเพื่อรอฟังประโยคถัดไปที่พีเจจะพูดออกมา

“แล้ว คือ คือ...อีกอย่างกูคิดว่าป๊อนซ์คงจะไม่อยากให้มึงรู้”

“มึงเป็นไอ้ป๊อนซ์เหรอ?” ผมถามพีเจออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“เอ่อ...” พีเจดูอึ้งกับคำพูดของผมมาก ทำไมผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ ก็ในเมื่อพีเจไม่ใช่ไอ้ป๊อนซ์แล้วมันจะรู้ได้ไงว่าป๊อนซ์
ต้องการอะไรไม่ต้องการอะไร

“ใจเย็นๆก่อนมึง” ไอ้ลิ้มละสายตาจากถนนข้างหน้ามามองผมกับพีเจแทน

“ไอ้ลิ้ม อยากพาพวกกูไปตายรึไง มองถนนไป ไอ้สัด!!!!!” พีเจตะคอกแล้วตบหัวไอ้ลิ้มไปหนึ่งทีเมื่อเห็นว่าลิ้มไม่ได้มองถนนข้าง
หน้าแล้ว

“เออๆ แม่ง”ลิ้มสบถออกมาอย่างอนๆแต่พีเจก็ไม่ได้หันไปสนใจแต่อย่างใด

“คือเรื่องมันก็เกิดขึ้นหลังจากที่ไอ้ป๊อนซ์มาหามึงที่โรงเรียนวันนั้นนั่นแหละ...”



[Pontz’s Part]

โอ๊ยยย เมื่อคืนผมไม่น่าดื่มหนักเกินไปเลย แม่งตื่นมานี่คือแบบว่าโลกหมุนเคว้ง

ปกติผมไม่ใช่คนที่จะดื่มมากมายอะไรอย่างนี้นะ แต่ครั้งนี้มันมีสาเหตุไง

ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโจต้องทำอย่างนั้นกับผมด้วย  เค้าจะรู้มั้ยนะว่าคำพูดของเค้ามันสามารถทำให้ผมตายทั้งเป็นได้เลย 

ให้ปล่อยมึงไปงั้นเหรอ  โทษทีว่ะ กูทำไม่ได้

“อืมมมม” ผมโอดครวญออกมาเมื่อผมพยายามจะลุกขึ้นแต่หัวมันหนักเกินไป

“ป๊อนซ์ลูก  ปวดหัวใช่มั้ย” เสียงถามด้วยความห่วงใยจากแม่ของผมดังขึ้น

“นิดหน่อยครับ” ผมพูดออกไปว่านิดหน่อยแต่ก็นะ เอาจริงๆตอนนี้แม้แต่ตายังลืมไม่ขึ้นเลย

“เฮ้อออ  วันนี้ไม่ต้องไปเรียนนะลูก” แม่พูดพร้อมกับกระชับผ้าห่มของผมให้สูงขึ้นมาถึงอก

“ไม่ได้ครับม๊า ป๊อนซ์ต้องไปเคลียร์กับโจ” ผมพยายามจะขืนตัวออกจากผ้าห่มที่แม่ห่มให้

“ป๊อนซ์ ลูกกำลังทำให้ม๊าเป็นห่วงนะรู้มั้ย” แม่ยื่นมือมากุมไว้ที่มือของผมเบาๆพลางลูบที่หลังมือเพื่อเป็นการให้กำลังใจ

“คือ..ป๊อนซ์....”ผมอยากจะพูดเถียงแม่นะ แต่ความรู้สึกผิดมันจุกอยู่ที่อกทำให้พูดออกมาไม่ได้

 “ป๊อนซ์ม๊าเข้าใจนะลูก แต่ลูกก็ต้องนึกถึงตัวเองบ้างไม่ใช่นึกถึงแต่คนอื่น”

“ครับ” ผมรับคำแม่อย่างเหนื่อยๆ  ก่อนจะค่อยๆดึงผ้าห่มขึ้นมาจนถึงอกโดยที่มีแม่ช่วยดึงอยู่ข้างๆ

“ม๊าไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นๆม๊ากลับมาแล้วค่อยพาไปหาโจ โอเคมั้ย” แม่พูดพร้อมกับเอามือลูบหัวผมเล่น

“...” ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าผมเข้าใจแล้ว

แม่จูบที่หน้าผากของผมเบาๆก่อนจะเดินออกไปด้านนอก  ปล่อยให้ผมจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงคนเดียวก่อนจะหลับไป


-ชอบทำเป็นแอ๊บ แอ๊บ แอ๊บ ไม่ให้เธอรู้ตัว-

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ปลุกผมให้ตื่นขึ้นหลังจากเผลอหลับไป

ผมเหลือบตาไปมองที่นาฬิกาก็เห็นว่ามันเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว  หลับนานชิบ..


-PJ^^-


ไอ้พีเจโทรมาแสดงว่าต้องมีอะไรเกี่ยวกับโจแน่นอน

ผมรีบกดรับทันทีที่ตั้งสติได้  ก่อนจะยิงคำถามไปอย่างรวดเร็ว

“ฮัลโหลไอ้พีเจ โจเป็นไงบ้าง” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจากพิษไข้ที่มี  ทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปหยิบน้ำที่แม่ตั้งไว้
ให้ที่หัวเตียงมาจิบให้คล่องคอขึ้น

(ใจเย็นดิ  แล้วนี่มึงไม่สบายเหรอ) พีเจถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง มันทำให้ผมรู้สึกอยากได้ยินคำถามนี้หลุดออกมาจากปาก
ของโจ

“นิดหน่อยว่ะ แล้วตกลงโจเป็นไงบ้าง”

(เอ่ออ  ก็เหมือนจะปกติอ่ะนะ ถ้าไม่สังเกตดีๆ)

“ยังไงวะ”

(ก็มันยิ้ม มันร่าเริงปกติ  แต่แววตามันไม่ได้เป็นอย่างที่มันแสดงออกมาเลยไงล่ะ) คำบอกเล่าของพีเจทำเอาผมใจกระตุกวูบ

“กูขอโทษ” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา  และหวังในใจลึกๆว่าโจจะได้ยินทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้

(ไปขอโทษมันเหอะ  ไม่ต้องมาขอโทษกู)

“อืม”

(เออ แล้ววันนี้มึงจะมาโรงเรียนป่ะ) คำถามของพีเจทำให้ผมนิ่งไปนิดนึง  ก่อนจะตอบกลับไปในเวลาต่อมา

“กูกำลังจะไป”



หลังจากวางสายจากพีเจผมก็กัดฟันทนกับอาการปวดหัวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวสบายๆด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำสนิท

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จผมก็หยิบกุญแจรถแล้วเดินลงมากินข้าวเที่ยงที่ชั้นล่าง


“คุณหนูจะไปไหนคะ” เสียงของแม่บ้านคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมกินข้าวเสร็จแล้วและกำลังจะรีบเดินออกไปด้านนอก

“อ๋อ ป๊อนซ์ไปทำธุระนิดหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวไม่นานก็กลับ” ผมหันไปยิ้มให้ป้าแม่บ้านก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากห้องกินข้าว
อย่างรวดเร็ว



วันนี้ผมเลือกที่จะเอา camry ไปเพราะไม่อยากจะเด่นมาก (ฮ่าๆๆๆ) แต่เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถผมก็ต้องหลับตาพร้อมกับกัดฟันด้วยความเจ็บปวดเมื่ออาการปวดหัวที่หายไปแล้วมันกลับมาเล่นงานผมอีกครั้ง


แต่ผมก็นั่งอยู่นิ่งได้ไม่นานผมก็ตัดสินใจสตาร์ทรถออกตัวไปอย่างรวดเร็วเพราะผมต้องรีบไปถึงโรงเรียนให้ทันช่วงพักเที่ยง เพราะถ้าไปไม่ทันตอนนี้ผมก็ต้องรอตอนเลิกเรียนทีเดียวเลย


เมื่อขับเข้ามาในเขตโรงเรียนผมก็ลดความเร็วลงให้เหลือน้อยที่สุด ก่อนจะค่อยๆสอดส่ายสายตาไปทั่วๆ  และผมก็พบเข้ากับร่างที่ผมต้องการจะเจอมากที่สุดในตอนนี้ที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่


ผมรีบหาที่จอดรถก่อนจะเดินลงจากแล้วสาวเท้าอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะให้ได้เจอกับโจเร็วที่สุด

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเท้าเอาไว้เมื่อมีพี่ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาหาโจ ก่อนที่บทสนทนาที่ทำเอาผมล้มทั้งยืน จะเริ่มขึ้น


“น้องโจคะ” เสียงเรียกจากงพี่ผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น  ทำให้โจเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหันไปมองด้วยสีหน้างงๆ

“ครับ” โจตอบกลับพร้อมกลับส่งยิ้มไปให้อย่างอ่อนโยน  รอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมันมาเป็นเวลานาน และคงไม่มีโอกาสที่จะได้รับ
มันอีก

“เอ่อ คือว่าพี่ขอไลน์ของโจได้มั้ยคะ” พี่ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงเบาๆพร้อมกับหลบสายตาโจ หึ ผมยืนดูต่อว่าโจจะทำอย่างไรเพราะ
ปกติโจเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนที่ไม่รู้จักกันเข้ามาถามหรือเข้ามาคุยด้วย 

“ได้สิครับ เอาเบอร์ผมไปแล้วกันนะ” แก้มของพี่เค้าขึ้นสีนิดๆ เฮ้ยย คำพูดของโจทำให้ผมเริ่มจะยืนอยู่นิ่งๆไม่ได้

“ค่ะ” พี่ผู้หญิงคนนั้นรับคำก่อนจะเตรียมจดเบอร์อย่างตั้งใจ

“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอครับ” โจเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ให้เบอร์พี่เค้าไปเสร็จ  ผมว่าแปลกๆแล้วนะ  โจทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน

“พี่ชื่อต้นหลิวค่ะ” พี่เค้าตอบกลับโจด้วยสีหน้าตื่นเต้นก่อนจะยิ้มกว้างให้โจ

“อ่าๆครับ ทักได้ตลอดนะครับ” โจหันไปบอกกับพี่เค้าอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดบอกลากัน

ผมดูออกว่าโจไม่ได้ชอบพี่เค้าเลย แต่ทำไม? ทำไมโจต้องทำแบบนี้

“โหวยยยยย  เอาแล้วเว้ยยยยยย”เสียงโห่ของเพื่อนๆดังขึ้นในขณะที่พี่เค้ายังเดินออกไปได้ไม่ไกล

“ไรมึง”  โจตอบกลับห้วนๆ แต่ยิ้มมุมปากด้วยสีหน้ามาดร้าย 

มึงคิดจะทำอะไรวะดื้อ??

“เดี๋ยวนี้เล่นรุ่นพี่เลยเหรอมึง” ไอ้ลิ้มแซวก่อนจะวางกระเป๋าและนั่งลงข้างโจ

“เปล่า เค้าก็แค่มาขอไลน์กู กูก็เลยให้ไป”โจตอบกลับแบบชิวๆ

“อ๋อเหรอออออ  มึงกลายเป็นคนเจ้าชู้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”คำถามของไปป์ทำให้โจเงียบไปนิดนึง  เออ ขอบใจวะไปป์เพราะกู
ก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน

“หึ”แต่คำถามนั้นก็ไม่ได้คำตอบ มีเพียงเสียงแค่นจากลำคอ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร

ผมเลยตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาโจ เพื่อที่จะขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำผิดต่อเค้าและเพื่อที่จะถามคำถามที่คั่งค้างอยู่ใน
ใจของผม

“โจ” ผมออกเสียงเรียกโจเบาๆ ทำให้คนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยเงียบกันทั้งหมดก่อนจะหันมามองที่ผม

“......” แต่คนที่ผมต้องการจะพูดด้วยกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆกลับมาเลย  มีเพียงความนิ่งเงียบเท่านั้นที่ผมได้กลับมาจากเค้า

“โจ กูขอร้องโจ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทำให้ฟังออกว่าอาจจะมีพิษไข้อยู่นิดหน่อย

“.....”  แต่โจก็ยังคงไม่ยอมหันหน้ามาหาผม จนคนอื่นๆในโต๊ะเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“เอ่ออ  โจกูว่า...” ไอ้ลิ้มหันมามองหน้าผมก่อนจะพยายามช่วยผมพูด     

“กูไปก่อนนะ” แต่แล้วโจก็ขัดขึ้นมาแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกไปคนเดียว โดยไม่หันมามองผมเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่โจเดินออกไปจนพ้นรัศมีที่สามารถจะมองเห็นได้  ทุกๆคนในโต๊ะก็เดินมาลากให้ผมไปนั่งในโต๊ะที่มันนั่งกันอยู่

“ใจเย็นๆก่อนนะ มายเฟรนด์  กูว่าเดี๋ยวให้มันอารมณ์ดีกว่านี้หน่อยมึงค่อยมาคุยแล้วกัน” ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับยื่นมือมาตบที่ไหล่ผมเบาๆ

“อืมม” ผมตอบกลับภูมิอย่างไร้สติ  ผมรู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ผมหมดหวังในทุกสิ่งทุกอย่าง  มันทำให้ผมหดหู่มาก จนพาลจะไม่
อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

“อย่าคิดสั้นเด็ดขาดเข้าใจมั้ย  มึงไม่ต้องกังวลหรอก  ตอนนี้มึงก็กลับบ้านไปก่อนไปรักษาตัวให้หายแล้วค่อยกลับมา” คำพูดของ
พีเจทำให้ผมได้สติขึ้นมาบ้าง

“โอเค” ผมพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อนๆทุกคน  ตอนนี้ทุกๆคนล้วนแต่หันมามองผมด้วยสายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วง
อย่างชัดเจน และนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าผมไม่ได้มีแค่ตัวคนเดียว

“มึงขับรถกลับไหวเหรอ  ให้พวกกูไปส่งมั้ย” ไอ้ไปป์ที่เงียบอยู่นานก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไหว” ผมพูดออกไปทั้งๆที่พอจะรู้ตัวเองดีว่าขณะที่นั่งคุยกับพวกมันอยู่ตอนนี้ผมก็วูบบ่อยมาก

“งั้นก็โชคดีนะมึงหายไวๆนะ” ไอ้ลิ้มพูดก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะเดินมาส่งผมที่รถแล้วเดินกลับไปเรียน

“เฮ้อออออ.” ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักก่อนจะสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อไล่อาการปวดหัวที่มีอยู่  แต่มันก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

ผมจึงรีบสตาร์ทรถและขับออกมาจากโรงเรียนอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะถึงบ้านให้เร็วที่สุด จะได้กลับไปพักผ่อนต่ออีกสักหน่อยให้อาการมันดีขึ้น

ผมขับรถไปด้วยสติที่เลอะเลือนเต็มที แต่ต้องพยายามฝืนเอาไว้


ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


เสียงบีบแตรยาวทำให้สติของผมกลับมาจนเกือบจะปกติแล้วผมก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่ารถของผมกำลังจะพุ่งเข้าไปชนเด็กนักเรียนอนุบาลที่กำลังข้ามถนนอยู่

ผมตัดสินใจหักหลบทันทีแต่แล้วผมก็ต้องตกใจเป็น 2 เท่าของครั้งเมื่อกี๊เมื่อทางที่ผมหักหลบไปนั้นมีรถบรรทุกน้ำมันสวนมาพอดี

โครมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เสียงกระแทกกันของรถ 2 คันดังสนั่นแต่มันช่างแผ่วเบาในความรู้สึกของผม 

ตอนนี้สติของผมมีอยู่น้อยเต็มที แต่ผมก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

ผมปิดตาและปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่มันต้องเป็น

แต่ก่อนที่สติของผมจะดับวูบนั้น ผมก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงคนๆนี้ คนที่เค้าโกรธผม และคิดว่าคงจะไม่มีวันให้อภัยผมแล้วด้วย  แต่ผมก็
อยากบอกประโยคนี้ให้เค้าได้ยินอีกครั้ง

“ป๊อนซ์รักดื้อนะ”

แล้วทุกอย่างก็มืดสนิทลง
 
[End of Pontz’s Part]



หลังจากจบคำบอกเล่าของพีเจน้ำตาของผมก็ไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้

พีเจหันมามองที่ผมก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมเหมือนครั้งก่อนๆที่ผมร้องไห้

“เพราะกูเอง  ทุกอย่างมันเกิดขึ้นก็เพราะกู” ผมพูดออกไปอยากคนเสียสติ พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจากการร้องไห้

“มันไม่ใช่เพราะใรทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครอยากให้เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นหรอก” ไอ้ลิ้มพยายามที่จะพูดปลอบใจผม แต่มันก็ไม่เป็นผลเลย  ผมรู้สึกว่าตัวผมเองนี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้ป๊อนซ์เป็นแบบนี้  เพราะตอนนี้ผมคิดหาเหตุผลอื่นไม่ออกจริงๆ

“ฮือออออ   ป๊อนซ์  ป๊อนซ์!!!!!!!!!!” ผมแผดร้องออกมาจนเสียงก้องไปทั้งรถ

“โจใจเย็นๆก่อน ใจเย็น” ไอ้พีเจจับไหล่ทั้ง 2 ข้างของผมไว้ก่อนจะบังคับให้หันไปทางมัน

“ฮือออออ  ฮือออออออ” ผมได้แต่ส่ายหน้าและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“เฮ้ออออ  ไอ้ลิ้ม ไอ้ภูมิกับไอ้ไปป์รู้ยังว่าป๊อนซ์อาการทรุด” พีเจถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปถามไอ้ลิ้ม

“รู้แล้ว ตอนนี้ไอ้ไปป์ขับรถไปรับน้องพลัสอยู่ส่วนไอ้ภูมิก็คงจะมาคันเดียวกับไอไปป์นั่นแหละ” คำว่าพลัสทำให้ลมหายใจผมสะดุด  ทำไมเค้าต้องมาด้วย???

“นี่มึงกำลังคิดมากเรื่องน้องพลัสใช่มั้ย” ไอ้พีเจทำหน้าเหนื่อยๆก่อนจะหันมาถามผม

“.....” ผมก็เงียบไป  แต่ผมคิดว่าพีเจคงเข้าใจในความหมายของการเงียบนั้น

“เฮ้อออ  น้องพลัสอ่ะกลายมาเป็นน้องชายไอ้ป๊อนซ์แล้ว  ที่น้องแกมาเนี่ยก็เพื่อที่จะมาหาป๊อนซ์ในฐานะพี่ชาย” พี่ชาย พี่ชายงั้นเหรอ???

“มึงไม่ต้องห่วงหรอกโจ ไอ้น้องพลัสนั่นน่ะเสร็จไอ้ไปป์เรียบร้อยแล้ว”

“หา!!!!!!!!” ผมตะโกนออกมาเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ

“หมายความว่าไง” ผมถามออกไปอย่างข้องใจ

“ก็หมายความตามที่กูพูดนั่นแหละ  โว้ววว” ไอ้ลิ้มส่งเสียงร้องอย่างขัดอารมณ์

“เอาเป็นว่าตอนนี้มึงสบายใจเรื่องของป๊อนซ์กับน้องพลัสได้เลยเพราะมันไม่มีอะไรแล้ว  ไอ้ป๊อนซ์มันเคลียร์กับน้องเค้าจบตั้งแต่วันที่มันกลับมาหามึงแล้ว” ป๊อนซ์เคลียร์จบไปแล้วไม่มีอะไรแล้ว  มีแต่ผมที่มัวแต่ตีโพยตีพายโดยไม่ฟังอะไรเลย  ผมมันโง่จริง!!!!



เมื่อรถจอดสนิทในชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลชื่อดัง ผมก็พุ่งลงจากรถอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้ว่าป๊อนซ์อยู่ส่วนไหนของโรงพยาบาล

“เฮ้ยย ใจเย็นดิโจ มานี่” ไอ้พีเจตะโกนเรียกชื่อผมก่อนจะเดินเข้ามาจูงมือผมที่ไม่ค่อยจะมีสติให้เดินตามหลังมันไป

“อ้าว นั่นไง ไอ้ไปป์มาถึงพอดี  ไปป์!!  สัดไปป์!!!!!!” ไอ้ลิ้มตะโกนเรียกชื่อไอ้ไปป์จนดังก้องไปทั้งลานจอดรถ  เอ๊ะ ไปป์มา
แสดงว่าน้องพลัสก็ต้องมาด้วยดิ  ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเค้า

ผมเบี่ยงตัวหลบจากเดิมที่ยืนอยู่ข้างๆพีเจให้กลายเป็นไปยืนซ้อนหลังพีเจแทน

“อะไรของมึงเนี่ย” พีเจหันมากระซิบถามให้ได้ยินกันแค่ 2 คน

“เปล่า” ผมตอบออกไปเสียงสั่นๆ

“อ๋ออออ” พีเจร้องอ๋อออกมาเสียงยาวก่อนจะหันกลับมายิ้มล้อเลียนผม  แม่งไอ้เลววว

“สวัสดีครับ”เสียงสวัสดีที่ดูออกจะกล้าๆกลัวๆดังออกมาจากปากของคนที่ผมยังไม่เคยเห็นหน้า และไม่กล้าจะมอง ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

“สวัสดีครับ น่ารักอ่ะ” ไอ้ลิ้มสวัสดีกลับก่อนจะโดนไอ้ไปป์โบกหัวไปตามระเบียบ

“อย่าแม้แต่จะคิด  มึงก็เหมือนกันถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อยู่เฉยๆ” ไอ้ไปป์หันมาขู่ไอ้ลิ้มก่อนจะกลับไปขู่น้องพลัส  กูว่ามึงฮาร์ดคอร์ไปว่ะไปป์

“รู้แล้วน่า” น้องรับคำเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

“นี่ไอ้พีเจ นั่นไอ้ลิ้ม ส่วนข้างหลังไอ้พีเจก็ไอ้โจ” ไปป์เริ่มแนะนำพวกผมทีละคน

“พลัสอยากเห็นหน้าพี่โจจัง” น้องพลัสกระซิบบอกไอ้ไปป์ แต่กูได้ยินนะโว้ยยยยย

“โจ มึงไปยืนทำอะไรตรงนั้นว่ะ” ไปป์ตะโกนถามผมที่ยืนแอบอยู่หลังพีเจ

แล้วพีเจเพื่อนที่แสนดีของผมก็ได้ผลักผมออกไปยืนด้านหน้าจนเกือบจะชนกับน้องพลัส แต่เอ๊ะ  น่ารักจัง ><////

“พี่โจใช่มั้ยครับ” ยิ่งเวลาพูดยิ่งน่ารัก ผมเริ่มจะไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมมันถึงชอบน้องเค้า ขนาดผมเห็นผมยังแอบชอบเลย(อ้าว
ว???) แต่เป็นชอบแบบอยากได้เป็นน้องชายอะไรประมาณเนี่ย

“เอ่ออ ครับ” ผมพูดตอบไปอย่างประหม่า

“โอ๊ยยยย  พวกยูจะยืนพูดกันอีกนานมั้ย ขาไอจะเป็นตะคริวอยู่แล้วเนี่ย” และแล้วไอ้ภูมิที่ยืนอยู่นานก็พูดขึ้นมา และมันก็ทำให้เรา
ทุกคนนึกขึ้นได้ว่าเรามาเยี่ยมไอ้ป๊อนซ์กัน

พวกผมเดินไปเรื่อยๆจนเกือบจะสุดทางเดินของโรงพยาบาล แล้วไอ้พีเจก็หยุดเดิน ก่อนจะชี้ไปที่ห้องตรงหน้า

“ห้องนี้แหละ” เสียงพูดของพีเจทำให้ความรู้สึกผิดเริ่มเข้ามาครอบงำผมอีกครั้ง

“โจ เข้าไปอาการมันหน่อยดิ” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับดันไหล่ผมเบาๆ

“เอ่ออ แล้วพวกมึง กับเอ่ออ น้องพลัสจะเข้าไปดูด้วยกันมั้ย” ผมหันไปถามทุกๆคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเพราะไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป
คนเดียว

“ปะ..อื้อออ” น้องพลัสที่เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างออกมาก็โดนไอ้ไปป์เอามือปิดปาก

ก่อนจะลากกลับไปทางที่เดินมาเมื่อกี๊

“เดี๋ยวกูมานะ ส่วนมึงเงียบเลย ชอบทำตัวเป็นเด็กๆ” โอ๊ยยย  สงสารน้องพลัสอ่ะ ที่ต้องมาอยู่กับคนอย่างไอ้ไปป์???

“เออ มึงเข้าไปเหอะเดี๋ยวพวกกูตามเข้าไปทีหลัง” ไอ้ภูมิพูดเพื่อเป็นการย้ำอีกครั้ง

“เออๆ” ผมตอบรับคำก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนลึกเพื่อเรียกพลัง  เอาวะ ไม่ว่ามึงจะเป็นอย่างไร อยู่ในสภาพไหน  จะรับรู้ถึง
การมาของกูได้มั้ย กูก็อยากให้มึงรู้นะว่า

‘กูรักมึง’

แอ๊ดดดดดด 

ผมค่อยๆผลักประตูเข้าไปช้าๆ  และสิ่งที่ผมเห็นก็ทำเอาผมแทบจะหยุดหายใจ

ผมเดินเข้าไปที่เตียงอย่างช้าๆ กอ่นจะเรียกชื่อของคนที่อยู่บนเตียงเบาๆ


“ป๊อนซ์~”


........................................TBC...................................................

อัพอีกครั้งหลังจากหายหน้าไปนานนนนนน   :z10:

คนเขียนต้องขอโทษจริงๆเพราะแบบว่าช่วงนี้น้องป๊อนซ์กับน้องโจเค้าน่ารักมากกกกก  :impress2:

มีโมเม้นต์ให้คนเขียนฟินหลายต่อหลายครั้งต่อวัน (แบบว่าตามน้องเค้าจนไม่ได้รงได้เรียนกันแล้ว ฮ่าๆๆๆ)

วันนี้มีโมเ้นต์แถมจ้าาาาา

-วันจันทร์ที่ผ่านมานี่เอง (สดๆร้อนๆ) โจไปเฝ้าป๊อนซ์แข่งฟุตซอล(ตล๊อดดดดด) แล้วป๊อนซ์ก็บาดเจ็บเล็กน้อยตอนกำลังแข่ง รู้สึกว่าจะเจ็บเข่าอ่ะนะ ตอนป๊อนซ์ล้มลงไปนี่คือแบบว่าโจแทบจะยืนอ่ะ (แบบว่าคนเขียนกับเพื่อนๆนั่งอยู่สแตนด์ฝั่งตรงข้าม) แล้วหลังจากแข่งเสร็จคนเขียนก็ไปแอบซุ่ม(แบบว่านั่งมองตรงๆเลยอ่ะนะที่จริงอ่ะ) โจกับป๊อนซ์ก็เดินออกมาจากโรงยิมด้วยกัน แล้วโจก็พูดอะไรก็ไม่รู้ (มันอยู่ไกล คนเขียนไม่ได้ยินน่ะ) แล้วป๊อนซ์ก็ถลกขากางเกงขึ้นให้โจดู  โจก็ก้มลงดูก่อนจะพูดอะไรสักอย่างประมาณว่าบ่นๆหน่อย ไรเงี้ยยยย  คนเขียนนี่คือกรี๊ดแบบไม่กลัวแล้วอ่ะ
[/color]
อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะคะ

แอบแวะเข้ามาแก้คำผิดนะจ๊ะ ผิดเยอะง่ะ (แบบว่ารีบมากกก ต้องขออภัยด้วยนะคะ  :call:)
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 10 สาเหตุของการหายไป : 31/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 31-01-2013 20:15:42
ในที่สุดก็ได้รู้ว่าป๊อนซ์เป็นอะไร สงสารป๊อนซ์อ่ะป๊อนซ์สำนึกผิดแล้วน้าาาาาา  ฮือเค้าไม่อยากให้โจโทษตัวเองเลยสงสารทั้งคู่ ชอบไปป์กับน้องพลัสอ่ะไปป์หวงน้องจังน้า คิคิ แต่เค้าโดนใจพีเจที่สุดเลยเพื่อนที่แสนดีอ่ะ ชอบพีเจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเท่ห์มากอ่ะน้องชายยยยย o13รักคนเขียนจุงงงงมาอัพต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 10 สาเหตุของการหายไป : 31/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-01-2013 22:12:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 10 สาเหตุของการหายไป : 31/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 31-01-2013 23:47:44
บะ สั้นอะ ให้อภัยครึ่งนึง เพราะยังระแวงความประพฤติอยู่ แต่ก็ขอให้หายไวๆแล้วกัน กลับมาง้อโจดวนเลย แต่สงสัยจะหายโกรธแล้วแหละมั้ง ถ้ายังไม่เปลี่ยนตัวเองใหม่นะ จะยุให้โจไปมีใหม่แน่
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 10 สาเหตุของการหายไป : 31/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 01-02-2013 06:03:05
สาเหตุมาแล้ว อยากรู้ตอนต่อไปเลยอ่ะ สู้ๆ นะคะนักเขียน o13
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 10 สาเหตุของการหายไป : 31/01/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 01-02-2013 11:53:44
โจมาเยี่ยมแล้วป๊อนซ์ต้องหายไวๆ นะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 11 ........... : 02/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 02-02-2013 07:40:30
ตอนที่ 11





[Pontz x Joe]





[Joe]






เสียงเกากีต้าร์เบาๆดังมาจากร่างที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลแถมมือข้างที่ใช้เล่นกีต้าร์นั้นยังใส่เฝือกอยู่อีกด้วย 

“เมื่อก่อนไม่เคยได้คิด  ผิดอะไรไม่เคยจะรู้ 
ไม่ได้ดูว่าในสิ่งที่กระทำ จะมีบางคนเสียใจ”


เสียงร้องที่แหบพร่าที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากพิษไข้ที่เกิดจากอาการบาดเจ็บ ร้องเพลงคลอไปกับเสียงกีต้าร์เบาๆ

“จนเมื่อจบตรงการแยกทาง  ทุกๆอย่างที่เคยทำไว้
ก็ได้กลับมาเตือนย้ำใจให้คิด ว่าฉันนั้นโง่แค่ไหน”


ผมเดินตรงเข้าหาเตียงช้าๆ ทำไมตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกโกรธที่เค้าโกหกผมว่าอาการทรุดหนัก แต่ผมกลับรู้สึกดีใจ โล่งอก และอีกหลายๆความรู้สึกที่มันผสมปนเปกันไปหมด เมื่อผมได้เห็นกับตาว่าเค้ายังไม่ได้เป็นอะไรไป

“อยากจะหมุนเวลาให้กลับยังไง ก็ไม่ย้อนมันคืนได้แล้ว
ได้แต่ขอให้เธอได้โปรดอภัยให้กัน สักครั้งจะยอมได้มั้ย”


น้ำตาของผมไหลลงมาอาบแก้มอย่างช้าๆ  มันไม่ได้เกิดจากความผิดหวังหรือเสียใจแต่อย่างใด  แต่มันเกิดจากความดีใจ ตื้นตัน ที่คนที่ผมรักมากที่สุดยังมีชีวิตอยู่ 

“ช่วงชีวิตฉันที่ขาดเธอเหมือนจะตาย  หัวใจมันทนไม่ไหว
มันคอยแต่มองร้องหาว่าเธออยู่ไหนและเป็นอย่างไร”


ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของป๊อนซ์ก่อนจะค่อยๆยื่นมือออกไปสัมผัสที่แก้มของป๊อนซ์เบาๆเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่านี่ใช่ป๊อนซ์รึเปล่า
และเมื่อผมสัมผัสโดนที่แก้มอุ่นๆของป๊อนซ์ผมก็มั่นใจได้เลยว่านี่เป็นป๊อนซ์จริงๆ  ป๊อนซ์จริงๆด้วยยย

“กลับมาหาฉันได้โปรดเถอะนะคนดี
ต่อจากนี้ที่เคย  อุ๊บบบ...”


ผมไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าได้ร้องเพลงต่อไปได้อีก

ผมเอามือประคองหน้าของป๊อนซ์ไว้ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากอย่างรวดเร็วแต่นุ่มนวลและแผ่วเบา

ป๊อนซ์ที่ดูจะอึ้งๆในตอนแรกก็วางกีต้าร์ลงข้างๆตัวก่อนจะยื่นมือข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกออกมารั้งเอวของผมให้เข้าไปชิดมากกว่าเดิม

“อื้อออ” ผมเริ่มจะส่งเสียงประท้วงในลำคอเมื่อจูบของป๊อนซ์กำลังจะทำให้ผมขาดอากาศหายใจ

มือของผมที่ประคองใบหน้าป๊อนซ์เอาไว้ในตอนแรก ก็ต้องเปลี่ยนมาอยู่ที่ไหล่ป๊อนซ์แทนเพื่อเป็นที่ยึดเกาะไม่ให้ผมล้มลงไปกองกับพื้น  อ๊ากกกก  มึงกำลังฆ่ากูอยู่รู้มั้ยไอ้ชั่วป๊อนซ์!!!!


แอ๊ดดดด


เสียงประตูที่เปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องทำให้ผมต้องดันตัวป๊อนซ์ออกอย่างแรง
และเมื่อผมหลุดพ้นจากไอ้หื่นได้ผมก็หันไปมองคนอื่นๆที่เดินเข้ามาในห้อง

ผมไล่สายตาจากไอ้ลิ้มกับไอ้ภูมิที่ยกนิ้วหัวแม่มือมาให้ไอ้ป๊อนซ์ อารมณ์ประมาณว่า มึงนี่สุดยอดดดด

ส่วนไอ้พีเจนี่คือกุมขมับแล้วส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับแสดงสีหน้ารับไม่ได้ออกมา

สุดท้ายก็มาถึงไอ้ไปป์กับน้องพลัส ไอ้ไปป์เอามือปิดตาน้องพลัสไว้ในขณะที่น้องพลัสโวยวายให้เอามือออก เพราะว่าน้องแกอยากดู (แอบหื่นนะพลัส)

“เอ่ออ คือ กู.....” ผมยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก  และรู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้า  ตายๆๆๆ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนละเนี่ย

ผมเลยตัดสินใจเดินกลับไปหาไอ้ป๊อนซ์แล้วซุกหน้าลงกับอกมัน พร้อมกับยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง   อารมณ์ประมาณว่าปิดกั้นตัวเองออกจากทุกสิ่งบนโลกใบนี้ YY

ป๊อนซ์ใช้มือข้างที่ไม่ได้เจ็บลูบหัวผมแล้วดันให้เข้าไปชิดกับอกของตัวเองมากกว่าเดิม

“ว๊ายยยยยยย  บัดสีบัดเถลิงเนอะว่ามั้ย B1” ไอ้ลิ้มพูดเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อเป็นการล้อเลียนผม  อย่าล้อกูได้มั้ยยยยย กูเขินนนนน -0-

“ก็ว่าอย่างนั้นแหละ B2 มีอย่างที่ไหนอ่ะ วิ่งกลับไปซบที่อกเค้าอีก แรดอ่ะ” ส่วนไอ้ภูมินี่คือยิ่งกว่าลิ้มอีก  โอ๊ยยยยยยยย  ผมอยากจะบ้าตาย

“หึๆ” เสียงหัวเราะของป๊อนซ์ดังขึ้นเบาๆ ทำให้ผมอดหมั่นไส้มันไม่ได้ ผมเลยทุบเข้าไปที่อกมันแรงๆทีนึง

“โอ๊ย” ป๊อนซ์ร้องออกมาเมื่อผมลงมือทุบอกของมัน  เฮ้ยยย ผมลืมไปเลยว่ามันเจ็บอยู่อ่ะ

“ป๊อนซ์ กูขอโทษ” ผมผละตัวออกจากอกป๊อนซ์ก่อนจะยื่นมือไปลูบเบาๆบริเวณที่ผมทุบลงไปเมื่อกี๊

“ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก แค่ดื้อเป็นห่วงป๊อนซ์ก็ไม่เจ็บแล้ว”

“โอ๊ยยยยย  ช่วยเห็นหัวพวกกูบ้างเหอะ กูไม่ใช่เสาน้ำเกลือนะไอ้สัด” ไอ้ลิ้มพูดขัดขึ้นมาอีกครั้ง

“เงียบไปเลยมึงอ่ะ” ผมหันไปตะคอกใส่หน้าไอ้ลิ้ม ประมาณว่าทำโมโหกลบเกลื่อนความเขินไรเงี้ย

“ฮ่าๆๆๆ  อ้าวว พลัสมาด้วยเหรอ” ป๊อนซ์หัวเราะออกมา ก่อนจะหันไปทักน้องพลัสเมื่อเห็นว่าน้องยืนอยู่

“มาสิครับ ก็พี่ไปป์โทรไปบอกว่าให้กลับมาดูฉากสำคัญ” ฉากสำคัญงั้นเหรอ  ไอ้พวกเพื่อนชั่วววว

“หน้าแดงว่ะ” พีเจที่เงียบอยู่นานก็แซวผมขึ้นมาเบาๆ

“หึๆ แล้วเป็นไงล่ะ ได้เห็นฉากสำคัญมั้ย” ป๊อนซ์ส่งเสียงในลำคออย่างล้อเลียนก่อนจะหันไปถามน้องพลัสอีกครั้ง

“ได้เห็นนิดเดียวตอนแรกอ่ะครับ แต่ตอนหลังพี่ไปป์ปิดตาเลยมองไม่เห็นอะไรเลย” น้องพลัสเล่าพร้อมกับเบะปากแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ไม่พอใจ

“พูดมากนะ อยากเห็นนักเหรอ เดี๋ยวกูไปจูบมึงแล้วส่องกระจกเอามั้ย มึงจะได้เห็นแบบชัดๆ” ไอไปป์พูดออกมายาวเหยียดทำให้น้องพลัสถึงกับเงียบและก้มหน้าที่แดงอย่างเห็นได้ชัดนั้นลงกับพื้น

“หื่นว่ะ” ผมพูดออกมาเบาๆ

ไปป์ไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยักไหล่กลับมาเบาๆ

“เออ แต่เดี๋ยวนะ แสดงว่านี่พวกมึงรวมหัวกันหลอกกูใช่มั้ย”

“เออดิ ตอนแรกก็กลัวว่าพอมึงรู้แล้วมึงจะโกรธไอ้ป๊อนซ์เข้าไปใหญ่อ่ะ แต่ที่ไหนได้ เพลงที่ไอ้ป๊อนซ์ซ้อมมาแม่งร้องได้แค่ขึ้นฮุค
ก็โดนปิดปากซะแล้ว” มึงจะพูดขึ้นมาอีกทำไมวะไอ้พีเจ!!!!

“หึๆ เออ พวกมึงก็กลับไปนอนกันต่อเหอะอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้าแล้วอีกอย่างพรุ่งนี้โรงเรียนก็ปิดด้วย  กลับไปพักผ่อนกันให้
สบายเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับ

“กูอยู่กับมึงได้มั้ย” ผมถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” ป๊อนซ์ตอบพร้อมกับส่งยิ้มแบบอ่อนโยนมาให้ผม

“หมดประโยชน์แล้วก็ไล่พวกกูกลับเลยนะ” ไอ้ภูมิพูดแขวะขึ้นมา

“กูก็แค่เป็นห่วงพวกมึงกลัวพวกมึงนอนไม่พอ” ป๊อนซ์พูดกลับเสียงเรียบๆ

“เออๆๆ พวกกูกลับก่อนนะ มึงไปกับกูเลยแล้วกันไอ้ภูมิ ไอ้ไปป์จะได้ไม่ต้องแวะไปส่งมึงที่บ้านก่อนอีก” ไอ้ลิ้มพูดพลางหันไป
มองทางไอ้ภูมิ  ส่วนไอ้ภูมิก็พยักหน้ารับเบาๆ

“ส่วนมึง โจ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอาเสื้อผ้ามาให้ คืนนี้ถ้าจะอาบน้ำก็ใส่เสื้อไอ้ป๊อนซ์ไปก่อนแล้วกัน” พูดกับไอ้ภูมิเสร็จมันก็หันมาพูดกับผม

“อืม” ผมตอบรับคำสั้นๆ

“ไปก่อนนะมึง บาย” เพื่อนๆที่มาเยี่ยมเริ่มจะทยอยบอกลากันทีละคน

“เดินทางดีๆนะพวกมึง” ผมเดินไปส่งเพื่อนๆที่หน้าประตูห้อง(จะเดินไปเพื่อ??) ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

“หิวมั้ย อยากดูทีวีช่องไหนรึเปล่า แอร์เย็นไปมั้ย หนาวรึเปล่า”ผมยิงคำถามออกไปเป็นชุดก่อนจะหยุดเพื่อรอฟังคำตอบ

“.....” ป๊อนซ์ไม่พูดอะไรออกมา เพียงแต่ส่งยิ้มหวานๆมาให้ผม

“ยิ้มอะไรอ่ะ” ผมถามป๊อนซ์แล้วทำแก้มป่องเมื่อรู้ว่าป๊อนซ์เหมือนจะล้อๆผมยังไงก็ไม่รู้

“เป็นห่วงเหรอ” นั่นไงว่าแล้วววว มันต้องถามแบบนี้ พลาดแล้วไอ้โจเอ้ย

“ก็เออดิ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเบาๆ พร้อมกับก้มหน้ามองพื้นเพราะไม่กล้าที่จะสบตากับป๊อนซ์ตรงๆ

“หึๆ มานี่มา” ไอ้ป๊อนซ์เรียกพร้อมกับตบลงที่ที่ว่างข้างๆมันบนเตียง เป็นเชิงว่าให้ผมไปนั่งตรงนั้น

ผมก็เดินไปนั่งอย่างว่าง่าย  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

“เฮ้อออ กูนึกว่ากูจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับมึงแบบนี้แล้วซะอีก” ป๊อนซ์พูดเบาๆพร้อมกับวางคางบนไหล่ผม

“กูก็แค่น้อยใจมึง อ๋อไม่สิโกรธด้วย  แต่บางเวลาก็เกลียดนิดๆเลยแหละ” ผมบอกความรู้สึกของผมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ไปกับป๊อนซ์จนหมด

“ตรงจัง” ป๊อนซ์พูดบอก แต่เผอิญว่าหัวมันตั้งอยู่ที่ไหล่ผมทำให้เวลามันพูดออกมา ก็จะมีลมร้อนๆมากระทบที่หูของผมเบาๆ โอ๊ย
ยยยย ไม่ไหวแล้ววนะ  กูจั๊กจี้!!!

“กูขอโทษนะโจ กูมั่นใจเลยว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก กูจะไม่แม้แต่จะคิดนอกใจมึงอีก” ป๊อนซ์พูดออกมาเบาๆแต่
น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความหนักแน่น

“อืมม กูเชื่อมึง” ผมพูดตอบป๊อนซ์ไปแล้วพิงหัวลงกับหัวป๊อนซ์ที่วางอยู่บนไหล่ผม

“แล้วนี่จะอาบน้ำมั้ยเนี่ย” ป๊อนซ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะแสดงอาการง่วงนอนออกมา

“เออใช่ๆ กูต้องไปอาบน้ำนี่หว่า” พอป๊อนซ์พูดขึ้นมาผมก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปอาบน้ำ ผมเลยลุกจากเตียงป๊อนซ์อย่างรวดเร็ว

“โอ๊ยยยยยยยย  โจ!!!!!” เสียงป๊อนซ์ร้องออกมาอย่างโหยหวน เมื่อผมลุกขึ้นอย่างเร็วโดยที่ผมลืมไปว่าป๊อนซ์วางคางไว้บนไหล่ของผม

“อ๊ากกก  กูขอโทษ ไหนดูดิ” ผมรีบพุ่งเข้าไปขอโทษขอโพยป๊อนซ์เป็นการใหญ่แล้วจึงเชยคางป๊อนซ์ขึ้นเพื่อดูว่าเป็นรอยอะไร
หรือไม่

“โอ๊ยยยย เจ็บอ่า” ป๊อนซ์บ่นงุบงิบเมื่อผมเอามือแตะตรงใต้คางของป๊อนซ์เบาๆ

“เฮ้อออ  ฟู่ววว หายไวๆนะ” ผมตัดสินใจเป่าลมอุ่นๆใส่ตรงที่คางป๊อนซ์ที่โดนไหล่ของผมกระแทก

“หายและ” ป๊อนซ์กลับมายิ้มร่าทันที  แหมเปลี่ยนอารมณ์เร็วเชียวนะมึง

“กูไปอาบน้ำก่อนนะ”

“อืมม” ป๊อนซ์รับคำ แล้วนอนในท่าที่เอามือข้างที่ไม่เจ็บไปหนุนไว้ใต้หัวของตัวเองแล้วมองมาทางผม


ผมอาบน้ำจนเพลิน และคิดว่าคงกินเวลาไปมากแล้วเลยปิดฝักบัว และหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางไว้ตรงชั้นวางของมาเช็ดตัวจนแห้ง แล้วหยิบผ้าผืนเล็กกว่าที่ตั้งอยู่ข้างๆกันมาเช็ดผม

แต่เอ๊ะ  นี่ผมไม่ได้หยิบเสื้อผ้าเข้ามาด้วยอ่ะ เฮ้ออออ  สะเพร่าตลอดเลยย

ผมเปิดประตูเพื่อจะออกมาจากห้องน้ำโดยที่มีผ้าเช็ดตัวพันที่ช่วงล่างเอาไว้ และมีผ้าผืนเล็กคลุมอยู่บนหัว  เมื่อเดินออกมาจาก
ห้องน้ำความเย็นของแอร์ในห้องก็ทำให้ผมต้องห่อไหล่นิดๆ

ผมเดินผ่านหน้าโทรทัศน์ที่ไอ้ป๊อนซ์นอนดูอยู่แล้วตรงไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกฝั่งนึงของห้อง เพื่อค้นดูว่ามีตัวไหนที่ผมพอจะใส่ได้บ้าง

“ป๊อนซ์กูใส่ตัวไหนได้บ้างอ่ะ” ผมตะโกนไปถามป๊อนซ์ทั้งๆที่ไม่ได้ละสายตาออกจากตู้เลย

“อะ เอ่ออ ใส่ได้หมดแหละ” เสียงป๊อนซ์ดูสั่นๆนิดๆ อาจจะเป็นเพราะความหนาวของแอร์ในห้องล่ะมั้ง

“อืมๆ” ผมตอบกลับก่อนจะตัดสินใจหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูที่ดูเหมือนจะตัวเล็กที่สุดของมันแล้ว(แต่มันก็ใหญ่สำหรับผมอยู่ดีอ่ะ =3=) ส่วนกางเกงก็เลือกกางเกงบอลสีขาวที่ดูจะใส่สบายที่สุดออกมา เอ๋  แต่ผมไม่มีกางเกงในเลยนี่หน่า แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะปกติผมก็ไม่ใส่กางเกงในนอนอยู่แล้ว (มันวูบวาบดี 555+)

หลังจากเลือกเสื้อผ้าเสร็จผมก็หอบเสื้อผ้าที่เลือกมาแล้วเดินผ่านหน้าโทรทัศน์อีกครั้งแต่ตอนนี้ผมไม่ได้เดินเข้าไปในห้องน้ำทันที เพราะผมตั้งใจจะเดินไปเพิ่มอุณหภูมิของแอร์ในห้องซึ่งรีโมทมันตั้งอยู่ที่หัวเตียงก่อน

“ทำไรอ่ะ” ป๊อนซ์ถามเสียงเกร็งเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ๆ

“ก็เห็นเสียงมึงสั่นๆก็เลยคิดว่ามึงอาจจะหนาวไง กูเลยจะมาเพิ่มอุณหภูมิขึ้นให้” ผมหันไปพูดกับป๊อนซ์พร้อมกับส่งยิ้มไปให้ แอบ
เห็นป๊อนซ์ตัวเกร็งขึ้นมาอีกแล้วแหละ

เอ่อ ว่าแต่มันปุ่มไหนนะ?? ผมลองกดไล่ทีละปุ่มแล้วยกจ่อไปทางที่ตัวแอร์ติดตั้งอยู่ แต่มันก็ไม่เพิ่มอุณหภูมิให้สักที

“พอเลย มึงเข้าไปแต่งตัวเลย แม่ง!!” ป๊อนซ์ตะคอกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมทำไม่ได้ซะที  เชอะแค่นี้ทำเป็นโมโห 

“เออ แม่งแค่นี้ทำโมโห” ผมหอบเสื้อผ้าเดินกระแทกไปทางห้องน้ำทันที

"โมโหไร ที่มึงมายืนจะเปลือยแหล่ไม่เปลือยแหล่นี่มึงรู้มั้ยกูต้องใช้ความพยายามแค่ไหนในการหักหามใจ ไม่จับมึงกดกับเตียงอ่ะ" ป๊อนซ์พล่ามยาวเป็นขบวน ก่อนจะชี้หน้าคาดโทษผม  ก็ใครมันจะไปคิดล่ะว่ามึงจะหื่นตลอดเวลาขนาดนั้น

ผมรีบหอบเสื้อผ้าเดินก้มหน้างุดๆไปทางห้องน้ำ  อย่างรวดรเร็วเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและเวอร์จิ้นของตัวเอง

พอแต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่แบบว่ากางเกงบอลถึงเข่า ส่วนแขนเสื้อนี่คือเลยมือออกมาเป็นคืบเลย นี่ผมเลือกตัวที่เล็กที่สุดแล้วนะ

แล้วผมก็เดินสะบัดมือออกมาจากห้องน้ำแต่เนื่องจากว่าเสื้อมันยาวมากมันเลยกลายเป็นว่าผมเหมือนมีปีกซะมากกว่า

“เฮ้ออ เล่นไรอ่ะ มานี่มาเดี๋ยวพับแขนเสื้อให้” ป๊อนซ์ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะกวักมือให้ผมเดินเข้าไปหาเพื่อที่ป๊อนซ์จะได้พับแขนเสื้อให้

“แล้วมึงจะพับยังไงอ่ะ มือมึงใช้ได้ข้างเดียวเอง” ผมถามมันด้วยความสงสัย

มันยิ้มนิดๆก่อนจะถอดผ้าที่ใช้คล้องมือเอาไว้ออกแล้วเหลือแค่เฝือกด้านใน

“เฮ้ยย ได้ไงอ่ะ”

“ทำไมจะไม่ได้ กูจะถอดเฝือกพรุ่งนี้แล้ว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มนิดๆอีกตามเคย  นี่ผมรู้สึกไปเองรึเปล่านะว่าไอ้ป๊อนซ์มันยิ้มบ่อย
ขึ้น

“อ๋อ” แล้วผมก็ยื่นแขนไปหันป๊อนซ์ทีละข้าง  ป๊อนซ์ก็พับแขนเสื้อของผมให้ขึ้นมาจนถึงประมาณศอกได้มั้ง  ผมชอบแบบนี้มากกว่าเมื่อกี๊เยอะเลย เพราะว่าแบบนี้มันทำให้ดูทะมัดทะแมงกว่า

“เสร็จแล้ว” ป๊อนซ์พูดหลังจากที่พับแขนเสื้อข้างที่ 2 เสร็จ ก่อนจะเอามือข้างที่ไม่มีเฝือกมายีหัวผมเบาๆ

“จะเช้าอยู่แล้วยังไม่ได้นอนเลย นอนกันได้แล้ว” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อไปปิดไฟ

“เดี๋ยว”

“หืมมม”

“เช็ดผมให้แห้งก่อนเดี๋ยวจะไม่สบาย” ป๊อนซ์พูดเป็นเชิงดุๆโดยใช้เสียงนิ่งๆ

“ก็ได้...” ผมเดินกลับมานั่งลงข้างๆป๊อนซ์บนเตียงก่อนจะเริ่มเช็ดผมอย่างเมามันส์



“อ่า แห้งแล้ว นอนกันเหอะ” ผมหันไปบอกป๊อนซ์เมื่อผมเช็ดผมจนแห้ง

“อ้าววว” แต่เมื่อหันไปก็พบว่าป๊อนซ์นอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว ผมเลยจัดท่าป๊อนซ์ให้อยู่ในท่าที่น่าจะนอนแล้วสบายที่สุด ก่อน
จะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงอก

หลังจากจัดการให้ป๊อนซ์นอนเสร็จผมก็เดินไปปิดไฟและโทรทัศน์    ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงไอ้ป๊อนซ์อีกรอบ

ผมยืนมองหน้าป๊อนซ์ตอนหลับแล้วยิ้มเล็กๆกับร่างที่หลับอยู่ตรงหน้า 

“เฮ้อออ  กูหวังว่าความรักของกูกับมึงมันคงจะไม่มีอุปสรรคอะไรอีกแล้วนะ  แต่ถึงจะมีอีกกูก็ขอสัญญาว่ากูจะไม่คิดเองเออเอง ไม่ประชดมึงอีกแล้ว”

“.....” ผมใช้มือเกลี่ยผมที่ปิดหน้าของป๊อนซ์ออกอย่างแผ่วเบา

“กูรักมึงนะป๊อนซ์  ดื้อรักป๊อนซ์นะครับ” ผมพูดบอกรักป๊อนซ์ก่อนจะก้มลงไปประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของคนที่หลับอยู่เบาๆ

“ฝันดีนะ ที่รักของดื้อ” ผมบอกฝันดีป๊อนซ์อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่โซฟาเพื่อจัดแจงที่นอนของตัวเอง 

ผมหันไปมองที่ป๊อนซ์อีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า  เฮ้ออออ  ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไงต่อไปแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งจะจบลงไปนี้ก็ทำให้ผมได้เห็นว่าผมรักคนๆนี้ขนาดไหน  รักมากกกก  รักมากๆๆๆๆๆ   รักจนไม่สามารถจะไปรักคนอื่นได้อีกแล้ว....


.................................TBC...............................................

อ่า อันนี้สั้นหน่อยนะเพราะคนเีขียนเขินจนพิมพ์ต่อไม่ไหวแล้วววว (ข้ออ้างล้วนๆ)  :z2:

แล้วอีกอย่างคืออัพเร็วมากกกกก  ก็เพราะว่าคนเขียนมีสอบวันจันทร์เลยกะว่าอัพวันนี้ซะเลย  แล้วค่อยอัพอีกทีตอนประมาณวันพุธ (นานหน่อยนะ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ค้างแล้วนี่  o18)

อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจด้วยนะ  คนเขียนจะได้มีแรงในการอัพ (แอบขู่)

วันนี้ก็มีอีกเช่นเคย...

โมเม้นต์แถมจ้าาาาาาาา

-เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมานี่เอง  คือตอนเช้าก่อนเข้าห้องเรียนป๊อนซ์แวะไปอึ  :a5: ปกติเค้าน่าจะรอกันมั้งคนเขียนไม่มั่นใจ  แต่คือครั้งนี้โจไม่รอไง โจไปเข้าห้องเรียนเลย  พอป๊อนซ์ทำธุระเสร็จ ป๊อนซ์ก็เดินมาเข้าห้องเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไรกับใครเลย อารมณ์ประมาณว่างอนกันอะไรประมาณนั้น แล้วพอจบคาบแรกก็ต้องไปเรียนคาบสองที่ห้องอื่น(โรงเรียนคนเขียนไม่ได้นั่งเรียนเป็นห้องประจำน่ะ) ป๊อนซ์ก็ลุกไปแบบไม่พูอะไรสักคำ ไม่รอโจด้วย แต่พอหมดคาบสามและกำลังจะออกจากห้อง ป๊อนซ์กำลังจะไปนั่นแหละแต่หันไปเห็นว่าโจหลับอยู่เลยหันไปปลุกแล้วรอเดินไปพร้อมกัน

แหมแบบว่าไอ้ที่งอนมาตอนแรกเนี่ยก็สูญเปล่าเลย แพ้ใจตัวเองตลอด  :-[

cr.moment น้องๆผู้น่ารัก  o13
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 11 ........... : 02/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 02-02-2013 08:16:01
อูย ในที่สุดก็ได้หวานซะที
กดบวกปล่อยเป็ดในความพยายามเล่นกีตาร์ด้วยมือข้างเดียว
ท่าจะเทพมากๆ
โมเม้นต์ตัวสีแดงมีอีกเปล่า
เข้ามาอ่านตัวสีแดงโดยเฉพาะนะนี่
555 สนุกมาก
ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 11 ........... : 02/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 02-02-2013 12:08:28
ว่าแล้วโจต้องใจอ่อนสู้ละกันนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 11 ........... : 02/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 02-02-2013 12:47:14
ว่าแล้วโจต้องใจอ่อนสู้ละกันนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 11 ........... : 02/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: Singleman ที่ 02-02-2013 15:36:08
นี่แหละน้อ คนรักกัน ก็ต้องให้อภัยกัน สู้ๆๆต่อไป อุปสรรค มันเป็นตัวพิสูจน์ความรักนะจ้า
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 12 โป?? : 03/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 03-02-2013 16:48:17
ตอนที่ 12



[Pontz x Joe]



[Joe]



“อืมมมม” ผมร้องขึ้นอย่างขัดใจเมื่อมีอะไรบางอย่างมาขัดจังหวะการนอนของผม

“อื้มมม” ผมร้องครางเล็กๆเมื่อมีอะไรสักอย่างกำลังพยายามที่จะรุกล้ำเข้ามาในปากของผม

ผมเผยอริมฝีปากออกนิดหน่อยเพื่อจะหาอากาศแต่นั่นกลับเป็นการเปิดโอกาสให้สิ่งแปลกปลอมนั้นล่วงล้ำเข้ามาง่ายขึ้น

“อื้มมมมม” ผมเริ่มจะขาดอากาศหายใจจริงๆแล้วนะ และนั่นก็ทำให้สติของผมกลับมาครบถ้วน 

ผมพยายามที่จะออกแรงผลักคนด้านบนให้ออกไป  เอ๊ะ คนด้านบนงั้นเหรอ  ไอ้เชี่ยป๊อนซ์!!!!!!

ผมรีบลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วและสิ่งแรกที่เห็นเลยก็งหนีไม่พ้นหน้าของไอ้คนหน้าด้านที่กำลังจะพยายามลักหลับผมอยู่เนี่ย

“แฮ่กๆๆ  ออกไปเลยเชี่ยป๊อนซ์ ไอ้หื่น” ผมรีบตะโกนด่ามันทันทีที่ผลักมันออกได้

“ฮ่าๆๆๆ” ไม่ได้มีความรู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียวปรากฏบนใบหน้ามันเลย  ให้ตายเหอะ  จะหน้าด้านไปไหนห๊ะ???

“ทำไมมึงหื่นแบบนี้วะ” ผมถามแล้วเงยหน้าจ้องไปที่หน้ามันแต่ก็ต้องก้มหน้าลงอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาที่มันส่งมาให้  มันทำตา
เยิ้มๆแถมยังเลียริมฝีปากช้าๆ  อ๊ากกกกกก  มึงต้องการอะไรจากกูวะ

แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงประตูที่เปิดออกทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองว่าใครจะเป็นคนที่เดินเข้ามา

“ไฮ มายเฟรนด์ เมื่อคืนเป็นไงบ้าง” เสียงไอ้ภูมิดังมาก่อนที่ตัวจะเดินเข้ามาให้เห็น

“อู้วววววว  ไม่ธรรมดาแฮะ” มันส่งเสียงแปลกๆออกมาหลังจากมองมาที่ผม

“มีไรวะ    อั๊ยย๊ะ เพื่อนกูร้อนแรงไม่เบา” ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อไอ้ลิ้มที่เดินเข้ามาทีหลังทำหน้าแบบเดียวกับที่ไอ้ภูมิทำ

“หึๆ” ไอ้ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเบาๆ แถมยังทำหน้าประมาณว่ากูมันเหนือชั้นอะไรประมาณนั้น

“เป็นไงกันบ้าง  อื้อหือแม่งง พวกมึงช่วยทำตัวให้มันเรียบร้อยก่อนที่เพื่อนๆจะมาถึงไม่ได้รึไง” ไอ้พีเจที่เดินตามเข้ามาอีกคนก็พูด
อะไรแปลกๆออกมาเหมือนกัน  อะไรของพวกมึงวะเนี่ย  กูไม่เรียบร้อยตรงไหน???

ไอ้พีเจเห็นว่าผมทำหน้างงๆใส่เลยชี้นิ้วมาที่ตัวของผม

ทันทีที่ผมก้มลงมองตัวเองผมก็แทบจะช็อค   พระเจ้า!!!!!!  ทำไมกูอยู่ในสภาพนี้วะเนี่ย

เสื้อเชิ้ตสีชมพูที่ใส่อยู่นี่คือแทบจะไม่มีกระดุมเม็ดไหนอยู่ในรางกระดุมเลย แถมตามตัวนี่คือแดงเป็นปื้นเลย  ส่วนกางเกงก็ไม่ต้องพูดถึงกางเกงบอลสีขาวที่ยาวประมาณเข่าตอนนี้มันร่นมาอยู่ล่างเอวผมไปคืบนึงเห็นจะได้   แม่งงงง  ไอ้ป๊อนซ์!!!!!!!!!

“เชี่ย!!!!!!” ผมสบถออกมาเสียงดังก่อนจะรีบติดกระดุมจนครบพร้อมกับดึงกางเกงที่ร่นขึ้นมาให้ลงไปอยู่ที่เดิม  ตอนนี้หน้าผมคงจะแดงเถือกปานเอาน้ำแดงมาสาดแน่นอนเลย

“ไงพวกมึงตื่นเช้าดีนะ” ไอ้ป๊อนซ์ยิ้มล้อเลียนผมก่อนจะหันไปทักทายไอ้ 3 คนที่เพิ่งจะมาอีกที

“เออดิ กูกลับไปก็แม่งนอนไม่ค่อยจะหลับแล้ว” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับเบะปากอย่างเซ็งๆ

“เอ่อ  แล้วไอ้ไปป์กับน้องพลัสอ่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากมองไปจนทั่วแล้วก็สังเกตได้ว่าไม่มี 2 คนนี้

“อ๋ออ ไม่ต้องห่วงหรอก ป่านนี้ไม่รู้จะตื่นกันรึยัง ไอ้ไปป์แม่งอึด” หน้าของผมร้อนวูบวาบจนต้องก้มลงเพื่อจะปิดบังใบหน้าของตัว
เอง  แม่งพูดไรไม่อายปากเลยไอ้สัดภูมิ

“หึๆ ไอ้ไปป์แม่งเจ๋งว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดยกย่องไอ้ไปป์  มันเป็นเรื่องน่ายินดีเหรอไอ้สัด  ผมสงสารน้อง
พลัสชิบหาย

“มึงยังไม่ได้ไอ้โจล่ะสิ ถึงได้ทำหน้าอิจฉาไอ้ไปป์ขนาดนั้น” อื้อหือพีเจ  กูขอสั่งให้มึงเลิกยุ่งกับไอ้ภูมิได้แล้วนะ  แม่งเมื่อก่อนมึง
ไม่ใช่คนแบบนี้

“อืม กูความอดทนสูงว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดกับไอ้พีเจก่อนจะหันมาส่งยิ้มบางๆให้ผม  มึงอย่าทำหน้างั้นดิ  กูรู้สึกผิด

“เออ แล้วนี่มึงไปเอาเฝือกออกตอนไหนว่ะป๊อนซ์” เออใช่ ไอ้ป๊อนซ์เอาเฝือกออกจริงๆด้วย นี่ถ้าพีเจไม่พูดขึ้นมาผมก็คงไม่ได้
สังเกตเลยนะเนี่ย

“เมื่อเช้านี่เองอ่ะ ก็โอเคแล้วนะ น่าจะเล่นบาสได้แล้ว” ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้วเหวี่ยงมือไปมาเป็นการโชว์

“หยุดเลยนะ  ถ้ามึงต้องเข้าโรง’บาลอีกรอบกูจะไม่มาด้วยคอยดู” ผมพูดพร้อมกับชี้หน้าไอ้ป๊อนซ์เป็นเชิงขู่

“โอเค ครับๆไม่เล่นก็ได้แต่ขอไปดูไอ้พวกนี้เล่นนะ”

“อืมม”

“เหยดดดดด  ไอ้ป๊อนซ์กลัวเมียชิบหาย” ไอ้ลิ้มพูดล้ออกมาขำๆ

“ก็กูรักของกูอ่ะ ขัดใจไปแล้วถ้างอนกูอีก กูไม่ต้องง้อกันตายเลยรึไงวะ”ไอ้ป๊อนซ์พูดเสร็จก็ทำแก้มป่องๆแล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆ 
คิดว่าน่ารักเหรอ  เออ น่ารักมากกกก

ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยต้องจิ้มแก้มมันไปเบาๆสองสามที  มันเลยยื่นมือมาหยิกที่จมูกผมเบาๆ

“โอ๊ยยยยย  เห็นหัวกูหน่อย  แม่งกูว่ากูหาสักคนดีกว่า” ไอ้ลิ้มพูดประชดขึ้นมา

“หญิงหรือชาย” ไอ้พีเจหันไปถามยิ้มๆ

“หญิงดิ แม่ง  ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างกูเหมาะกับผู้หญิงเท่านั้นเว้ยย” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับลูบคางตัวเองเบาๆ  แม่งแต่ก็นะมัน
หน้าตาดีจริงๆอย่างมันว่านั่นแหละ  หน้าประมาณว่ามาเฟียจีนอะไรเงี้ย

“แล้วกูจะคอยดู” ไอ้พีเจพูดแล้วยิ้มนิดๆ

“เออ พวกกูกลับก่อนดีกว่าว่ะ ว่าจะกลับไปซ้อมดนตรีขึ้นเล่นงานชาวหอหน่อย” ไอ้ภูมิพูดขึ้นมาหลังจากก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ

“เออว่ะ ใช่ๆ ไอ้โจนี่เสื้อผ้ามึง กูรวบๆมาหมดตู้มึงเลย นี่อยู่ได้เป็นเดือนเลยนะสัด” ไอ้ลิ้มพูดก่อนจะโยนกระเป๋าผ้ามาทางผม

“มึงเอามาทำเตี่ยไรหนักหนาวะ พรุ่งนี้ไอ้ป๊อนซ์ก็ออกจากโรง’บาลได้แล้ว” ผมตะโกนด่าไล่หลังไอ้ลิ้มออกไปแต่มันน่าจะไม่ได้ยิน
แล้วเพราะแม่งวิ่งออกไปโคตรเร็ว

“เอาล่ะทีนี้ก็เหลือกันอยู่แค่ 2 คนแล้วสินะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดเสียงกระเส่านิดๆก่อนจะเดินเข้ามาหาผมช้าๆ  ไอ้ป๊อนซ์แม่งเปลี่ยนไป 
เอาไอ้ป๊อนซ์คนเดิมคืนมา!!!!!!!

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ” ผมชี้ไปที่หน้ามันแล้วมันก็ชะงักกึกทันที

“ถ้ามึงยังทำรุ่มร่ามกับกูอีกกูจะโกรธมึงอีกรอบจริงๆด้วย” ผมพูดขู่พร้อมกับจ้องหน้าไอ้ป๊อนซ์ตาเขม็ง

“คร้าบบบบบ  ป๊อนซ์ก็แค่ล้อเล่นเอง ดื้ออย่าโกรธสิครับ” ป๊อนซ์พูดแล้วส่งสายตาวิ้งค์ๆมาให้ผม  มึงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆด้วยป๊อนซ์!!!!!!



ผมกับไอ้ป๊อนซ์นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในห้องพักในโรง’บาลจนเริ่มจะเบื่อแล้ว  เพราะตอนนี้มันไม่รู้จะทำอะไรดีอ่ะ โทรทัศน์ก็ไม่มีรายการที่ชอบ หนังสือการ์ตูนก็ไม่มีให้อ่านตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือหายใจทิ้งๆขว้างๆแล้วก็พลิกไปพลิกมาบนโซฟา เฮ้ออออ
ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นรอบที่ร้อย    เล่นครบแม่งทุกแอปที่โหลดมาแล้วด้วย โอ๊ยยยยยยยยย  เบื่ออออ

ตึ่ง ตึ้ง

เสียงเตือนไลน์ข้าวของเครื่องผมดังขึ้น

“ใคร?” ไอ้ป๊อนซ์ถามเสียงเข้ม

“ไม่รู้ดิ ดูแป๊ป” ผมตอบไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะเปิดไลน์ดูว่าเป็นใคร

-P’Best-

ตายห่าแล้ว จะบอกไงดีวะ  แต่เท่าที่จำได้ผมไม่เคยให้ไลน์พี่เค้านี่  อ๋ออออ  มีแกมีเบอร์ผมนี่หน่า  โอ๊ยยย  ถึงคราวซวยแล้วไอ้โจ

“ใคร?” มาอีกแล้วครับ แม่งอย่าถามสั้นเกินได้ป่ะ คิดคำตอบไม่ทัน YY

“เอ่ออ  พี่เค้าน่ะ” ผมหันไปฉีกยิ้มตอบไอ้ป๊อนซ์หวังว่าจะให้มันอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

“ชื่อ??” แงๆๆ  กดดันนะเว้ยยยย

“เอ่อออ คือ..” ผมยังไม่ทันจะอ้ำอึ้งเสร็จไอ้ป๊อนซ์ก็ลงจากเตียงแล้วตรงดิ่งมาหาผมทันที

มันดึงไอโฟนไปจากมือผมก่อนจะมองหน้าจอแล้วหันมามองหน้าด้วยสายตาอาฆาต

“คือ กู ไม่ได้..”

“มึงคุยไลน์กับมันด้วยเหรอ” เสียงเหมือนจะเรียบๆกว่าเดิมแต่มันชวนให้ขนลุกยังไงก็ไม่รู้  เอาเสียงตะคอกแบบเดิมดีกว่า~

“ไม่เคยคุยเลยนะ” ผมส่ายหัวไปมาอย่างแรงพร้อมกับละล่ำละลักตอบมันไป

“....”ป๊อนซ์เงียบไปพร้อมเลื่อนหน้าจอไอโฟนของผมขึ้นๆลงๆ  มันคงจะเช็คอยู่ละมั้ง

“เปลี่ยนเบอร์” มันพูดสั้นๆไม่มีประธานให้กูหน่อยเหรอไอ้สัด  กูจะรู้มั้ยว่าใครจะเปลี่ยนเบอร์อ่ะ

“หืมมม” ผมส่งเสียงสงสัยออกไป

“กูบอกให้มึงเปลี่ยนเบอร์” มันพูดเน้นทีละคำ  อืมมม ครั้งนี้ชัดมากเลยพ่อคุณ

“แล้ว เพื่อนเก่ากูอ่ะ” ผมพยายามที่จะหาเหตุผลมาเพื่อให้มันเปลี่ยนใจ

“งั้นก็แลกเครื่องกันใช้ไปเลย” มันพูดแล้วหันหลังเดินไปที่เตียงแล้วหยิบไอโฟนของมันโยนมาให้ผม

“เอ่อออ...” อึ้งแดกครับ อะไรวะเนี่ยยยยย   the new Pontz แม่งไฉไลกว่า the new ipad อีก ไอ้สัดเอ๊ยยยยยย

ตึ่ง ตึ้ง

โอ๊ยยยย  ทำไมต้องมาทักไลน์กูตอนโดนยึดโทรศัพท์ไปแล้วด้วยวะ

“แม่งเยอะนะโจ  มีทั้งหญิงทั้งชายเลย” ป๊อนซ์พูดเสียงเย็นๆก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ฮี่ๆๆๆๆ  หึงอ่ะดิ” ผมพูดกวนมันไปเพื่อให้บรรยากาศในห้องมันดีขึ้น

“เออ” โอ้โห ชัดครับพี่ครับ  ขอบพระคุณสำหรับคำตอบ



“แม่งงง เบื่อ” ไอ้ป๊อนซ์ที่เงียบไปนานหลังจากเกิดศึกไลน์ขึ้นก็ตะโกนขึ้นมาก่อนจะทำท่าเหมือนจะเดินออกจากห้อง

“ไปไหน” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วตะโกนถามไอ้ป๊อนซ์ที่เดินไปถึงประตูแล้ว

“เดี๋ยวมา แป๊ปเดียว” มันโผล่หน้ากลับมาให้ผมเห็นก่อนจะตอบคำถาม

ผ่านไปสัก 10 นาที ผมก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาทำให้ผมลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง

“เก็บของเลยดื้อ” มันพูดเสียงนิ่งๆก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงแล้วหยิบไอโฟนที่เพิ่งจะยึดไปจากผมได้ขึ้นมาเล่น

“ของอะไร” ผมถามออกไปแบบอึนๆ  อะไรของมันอีกเนี่ย อยู่ๆก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่าให้เก็บของ

“ก็ของทุกอย่างที่เป็นของเราในห้องเนี่ย” มันพูดพร้อมกับชี้ลงบนพื้นห้อง

“อ้าว แล้วมึงออกจากโรง’บาลพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ”

“กูไปขอหมอให้ออกวันนี้ แล้วเค้าก็ให้กูออก” มันพูดทั้งๆที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากไอโฟนเลย

“ทำได้ไงวะ” บ้ารึเปล่า มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ แค่เดินเข้าไปบอกหมอว่า ผมจะออกจากโรง’บาล หมอเค้าก็คงจะไม่  เชิญครับ
คุณ วันหลังกลับมาใช้บริการใหม่นะครับ  อะไรแบบนี้หรอกนะ

“หมอเค้าก็บอกว่าอยากให้กูอยู่ดูอาการต่ออีกวัน  แต่กูบอกว่ากูหายแล้ว หมอเค้าไม่เชื่อกูเลย เอาเอาเวทในห้องหมอมายกโชว์
ซะเลย” โอ้โห ไอ้เหี้ยยยยย  อะไรของมึงวะเนี่ยย  กูละเพลียกับมึงเหลือเกิน


หลังจากเก็บของเสร็จป๊อนซ์ก็พาผมเดินลงมายังลานจอดรถทันทีเพราะมันบอกว่าเมื่อกี๊หลังจากที่มันขอออกจากโรง’บาลก่อนกำหนด มันก็โทรบอกที่บ้านให้มาเคลียร์ค่าห้องพร้อมกับเอารถมาจอดให้มันด้วย แต่ผมไม่ให้มันขับหรอก เพิ่งหายแบบนี้เดี๋ยวก็คงได้พากันเข้าโรง’บาลอีกรอบ

“เอากุญแจมาป๊อนซ์ เดี๋ยวกูขับเอง” หลังจากเอาของเก็บในรถเสร็จ (วันนี้มันเอา camry มา) ผมก็แบมือขอกุญแจจากมัน

“กูขับเอง” ป๊อนซ์พูดแล้วเดินอ้อมรถมาเปิดประตูข้างนขับให้ผมเข้าไปนั่ง

“กูจะขับ มึงเพิ่งจะหายนะ” ผมพูดแล้วพยายามจะแย่งกุญแจมา

“ดื้อ อย่าดื้อได้มั้ยเข้าไปนั่งดีๆเลย” ป๊อนซ์พูดเสียงเรียบแสดงให้เห็นถึงความอดทนที่ใกล้จะหมดลงเต็มที

“ไม่!” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะพยายามเขย่งขึ้นเพื่อจะเอาไหล่ชนไหล่มัน

“หึ” ป๊อนซ์ยิ้มอย่างมาดร้ายก่อนจะค่อยๆก้มลงมาจนผมมองเห็นหน้ามันแบบเบลอๆ

ผมเดินถอยหลังไปได้แค่นิดเดียวก็ชนกับรถที่จอดอยู่  แล้วตอนนี้ผมก็รู้ชะตากรรมของตัวเองดี ผมเลยปิดตาปี๋เลย พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วยยย

“ลืมตาได้แล้ว” เสียงนุ่มๆของป๊อนซ์ดังขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ผมเลยลืมตาขึ้นๆนิดๆ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อผมเข้ามานั่งที่ข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว เฮ้ยยย  นี่กูเข้ามาตอนไหนวะ

“หึๆ ทำหน้าแบบนั้นทำไมน่ะ” ไอ้ป๊อนซ์มองผมแบบยิ้มๆแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“แม่งง ไม่ต้องถามเลย ไม่หายดียังจะขับรถอีก” ผมนั่งบ่นงุบงิบเบาๆคนเดียว

“ป๊อนซ์หายดีแล้วว  แต่ตอนนี้ป๊อนซ์ว่าดื้อดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายนะ นี่ไงหน้าร้อนๆด้วย” ป๊อนซ์พูดล้อๆแล้วยื่นมือมาแตะที่หน้าผมเบาๆ

“ไม่ต้องเลยยย   โกรธมึงแล้ววว” ผมหันไปชูนิ้วโป้งไปให้แล้วนั่งหันหลังให้มันทันที  แม่งมองหญ้าข้างทางยังดีกว่ามองหน้ามึง
อีกไอ้ป๊อนซ์  แม่งคนฉวยโอกาส  แต่เอ๊ะ   มันยังไม่ได้ทำอะไรกูเลยนี่หว่า เออนั่นแหละ ไม่รู้อ่ะ  สรุปคือว่า มันเลววววว!!!!!!!



“ลงได้แล้วครับ ถึงบ้านแล้ว” ไอ้ป๊อนซ์พูดเสียงหวาน  ไม่ทันแล้วมึง   กูโกรธมึงอยู่

“....” ผมเปิดประตูแล้วเดินลงช้าๆ อ้าววว นี่บ้านไอ้ป๊อนซ์นี่หว่า  นี่กูนั่งมาแบบไม่ได้ดูข้างทางเลยใช่มั้ย  ถ้ามันเอากูไปขายนี่กูไม่
ตายเลยรึไงวะ

“เข้าบ้านเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์เดินมาโอบเอวผมด้วยมือข้างเดียวก่อนจะเดินพาผมเข้าบ้าน 

แต่เดี๋ยวนะ นี่พ่อแม่มันจะโกรธผมมั้ยนะที่ผมเป็นสาเหตุให้ลูกชายเค้าต้องเจ็บตัว  ตายห่า ผมควรทำไงดีวะ ชิบหายๆๆๆๆๆ

“ยีหัวตัวเองทำไมเนี่ยดื้อ คิดไรอยู่ครับ” ไม่ต้องมาพูดดีเลย ผมเอามือที่กำลังยีหัวตัวเองลงแล้วเปลี่ยนเป็นกอดอกแทน

“อ้าวป๊อนซ์มาแล้วเหรอลูก” แม่ไอ้ป๊อนซ์เดินยิ้มออกมาจากในห้องครัว

“ครับม๊า” ป๊อนซ์ปล่อยมือจากเอวผมแล้วเดินไปกอดแม่มันช้าๆ

“หายดีแล้วยังเนี่ย”

“หายแล้วครับ ไม่เชื่อถามโจดู” เอ่ออ  อย่าเพิ่งโยงมาหากูได้มั้ย กูไม่พร้อมจะพูดกะแม่มึงนะ

“อ้าวหนูโจ  เป็นไงบ้าง ไม่แวะมาที่บ้านเลย”  จะให้แวะมายังไงละครับ  ก็ทะเลาะกันอยู่อ่ะ

“เอ่ออ  คือ..” เอาไงดีวะโจตอบว่าอะไรดี  ประหม่าไปหมดแล้วเนี่ยตอนนี้

“อ้าวววว  กลับกันมาแล้วเหรอ  อ๊ะ นั่นกอดเมียกูอีกแล้ว” พ่อไอ้ป๊อนซ์เดินเข้าไปเอาแขนไอ้ป๊อนซ์ออกก่อนจะไล่ให้กลับมาหา
ผม

“ไปกอดเมียมึงโน่น” พ่อกอดแม่ก่อนจะพูดบุ้ยปากให้มาทางผม

“คุณสันติ ทำไมชอบพูดหยาบกับลูกละค่ะ” แม่ไอ้ป๊อนซ์หันหลังไปดุพ่อไอ้ป๊อนซ์ที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“คุณก็ดูมันดิ  กวนตีนอ่ะ” ยังครับ  พอเถอะครับพ่อ  จะทะเลาะกับแม่เอาเปล่าๆ

“มานี่เลย  ฉันต้องพูดเรื่องนี้กับคุณกี่ครั้งคุณถึงจะรู้เรื่อง คุณนี่มัน@##%%^@$#” แล้วแม่ไอ้ป๊อนซ์ก็เดินลากหูพ่อมันขึ้นไปด้านบน โดยที่ตลอดทางก็จะมีเสียงโอดครวญปนกับเสียงด่าดังมาเป็นระยะๆ

“เฮ้อออออ  ขึ้นไปบนห้องกันเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์ถอนหายใจยาว ก่อนจะดันหลังผมให้เดินขึ้นไปบนห้องมัน   

“.....” แต่ผมยืนนิ่งครับ  ไม่ยอมกระดุกกระดิกไปไหนเลย

“หายงอนได้แล้วววว  ป๊อนซ์ขอโทษ เอาเป็นว่าจะไม่ทำอีกจนกว่าดื้อจะขอโอเคมั้ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอียงคอลงมามองหน้า
ผม  จนกว่ากูจะของั้นเหรอ  ฝันไปเถอะไอ้ป๊อนซ์

แล้วผมก็ผลักมันออกก่อนจะวิ่งหนีขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว  และเมื่อมาถึงห้องผมก็ล็อคประตูทันที

“เฮ้อออออ” ผมยืนหันหลังพิงประตูเพื่อพักหายเหนื่อย  แต่ก็ต้องก้มลงมองที่พื้นเมื่อมีอะไรนุ่มๆมากระโดดดึ๋งๆอยู่ข้างๆเท้า

“อ๊ากกกกกก”  น่ารักอ่า   น่ารักมากมายยยยยยย

กระต่ายครับ  กระต่ายตัวเป็นๆเลย ตัวสีขาวๆอ้วนๆ ตาใสๆแบ๊วๆเลยอ่ะ กรี๊ดดดเลยนะเนี่ยยยยยยย

ผมก้มลงอุ้มมันขึ้นมากอดเล่น  อ๊ากกกกก  ขนก็นุ๊มนุ่มมมม   หอมด้วยยยย  อาบน้ำบ่อยล่ะสิเรา  แล้วผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อที่ขาหน้าข้างซ้ายของมันมีแหวนแขวนอยู่

เอ๊ะ  มันทะแม่งๆนะ

ด้วยความสงสัยผมจึงตัดสินใจจะอุ้มไอ้ขนปุยนี่ลงไปถามเจ้าของห้องด้านล่าง  แต่แค่ผมเปิดประตูออกผมก็ต้องผงะเมื่อไอ้
เจ้าของห้องมันยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เอ่อออ  ของมึงเหรอ” ผมเงยหน้าถามไอ้ป๊อนซ์  แต่ป๊อนซ์กลับยิ้มให้นิดๆพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

“อ้าววว  แล้วมันเข้ามาอยู่ในห้องมึงได้ไงอ่ะ”

“ซื้อมา” อ้าววววว  กวนตีนแล้วว

“อ้าวแล้วถ้าไม่ใช่ของมึงแล้วของใคร” ผมเงยหน้าขึ้นถามป๊อนซ์อีกครั้งในขณะที่มือก็ยังคงอุ้มไอ้อ้วน(เปลี่ยนชื่อเรียกบ่อยเหลือ
เกิน)ไว้ในมือ

“ของดื้อไง” ไอ้ป๊อนซ์ตอบพร้อมกับชี้มาที่ผม

“ซื้อให้กูเหรอ”

“อืม” ไอ้ป๊อนซ์ตอบกลับมาเบาๆ  แต่ผมนี่โคตรจะดีใจเลย

“ทำไมถามถึงแต่ไอ้นี่อ่ะ  ไม่เห็นถามถึงแหวนเลย”  ไอ้ป๊อนซ์ถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมไม่ถามถึงเรื่องแหวน

“เออใช่  ของใครอ่ะ” ผมละสายตาจากไอ้อ้วนในมือก่อนจะหันไปมองหน้าป๊อนซ์

“ก็ของเจ้าของกระต่ายนั่นแหละ”

“เอ๊ะ” เจ้าของกระต่าย  เจ้าของกระต่ายก็ผมนี่ 

เอิ่มมมม  ผมรู้สึกเหมือนหน้าร้อนขึ้นมากะทันหันจนผมต้องมุดหน้าลงกับกระต่ายในมือ  อ๊ากกก ช่วยกูด้วยนะไอ้อ้วนนนนนนน

“อย่ามุดลงไปแบบนั้น เดี๋ยวขนเข้าจมูก” ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้วดึงไอ้อ้วนไปจากมือผม   อ๊ากกกตัวช่วยสุดท้ายของผม!!!!
ผมยังคงยืนก้มหน้ามองพื้นอยู่อย่างนั้นแต่ก็มีบ้างที่แอบเงยมองป๊อนซ์แต่ก็ต้องรีบหลบสายตาทันทีเพราะมันก็มองผมอยู่เหมือนกัน แถมยังยิ้มให้ด้วย  อย่ายิ้มได้มั้ยยยย

“เอามือมานี่” ไอ้ป๊อนซ์พูดออกมาหลังจากที่ยืนมองผมแบบยิ้มๆอยู่นาน  มันถอดแหวนออกจากขาของไอ้อ้วนแล้ววางมันลง

“.......” ผมก็ยื่นมือไปให้มันอย่างว่าง่าย (มึงมันง่ายโจ ฮ่าๆๆๆ)

ความรู้สึกเย็นไล่ตั้งแต่ปลายนิ้วจนสุดที่โคนนิ้ว  ผมรู้สึกตาพร่าเพราะน้ำตาขึ้นมากะทันหัน แต่ผมก็ต้องรีบเช็ดออกเพื่อที่จะได้มอง
หน้าคนที่สวมมันให้ผมชัดๆ

“ห้ามถอดนะดื้อ  ให้มันอยู่กับมึงตลอดเวลา” ป๊อนซ์พูดแล้วก้มลงจูบซับน้ำตาให้ผม ก่อนจะค่อยๆไล่ลงมาวนอยู่ที่แก้มแล้วจบลง
ที่ปากของผม

สัมผัสที่ป๊อนซ์มอบให้นั้นค่อยๆเริ่มจากแผ่วเบาชวนหลงใหลจนกลายเป็นร้อนแรงจนผมแทบจะละลาย  ป๊อนซ์สอดมือเข้ามาใน
เสื้อของผมแล้วเริ่มจะลูบไล้จนผมถึงกับสะท้านไปทั้งตัว

ป๊อนซ์คงจะรู้สึกได้ถึงอาการสั่นของตัวผม ป๊อนซ์จึงค่อยๆถอนจูบออกอย่างอ่อยอิ่ง แล้วปล่อยให้ผมยืนหอบหายใจอยู่กับผนัง  โอ๊ยยยยย    เกือบตายไปแล้ว

“อย่ายั่วให้มันมากนักดิ เดี๋ยวก็ไม่ได้จบแค่นี้หรอก”  ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บที่แก้มผมเบาๆ

ดึ๋งๆๆๆ  แล้วไอ้กระต่ายอ้วนมันก็กระโดดขึ้นๆลงๆอยู่ที่เท้าของผมเพื่อต้องการจะเตือนว่า  พวกมึงไม่ได้อยู่กันแค่ 2 คนนะเว้ยยย

“อ้าววว  ลืมไปเลยว่าแม่งยังอยู่” ไอ้ป๊อนซ์ก้มลงอุ้มมันขึ้นมาอีกครั้ง

ในขณะที่ป๊อนซ์กำลังร่าเริงอยู่กับไอ้อ้วนนั่น มันก็ปล่อยให้ผมที่จิตหลุดอยู่ยืนพงผนังอย่างอ่อนแรง  ไอ้สาดดดดดดด

“ชื่ออะไรดีละเรา หึ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอาจมูกไปซุกที่พุงมันอย่างหมั่นเขี้ยว
ไอ้กระต่ายอ้วนโรคจิตนั่นก็ดูท่าทางจะชอบซะด้วย  ไม่ได้นะมึง คนนี้อ่ะของกู!!!!

“เอามานี่เลย” ผมดึงไอ้อ้วนโรคจิตนั่นมาอุ้มเอาไว้เองก่อนจะมองหน้ามันแบบดุๆ

“เป็นไรอีกเนี่ย” ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้ว ซุกจมูกลงกับคอผมก่อนจะส่ายหน้าเบาๆเหมือนตอนที่ทำกับไอ้อ้วนโรคจิตนี่

“ป๊อนซ์พอก่อน จั๊กจี้นะ” ผมพยายามจะอุ้มกระต่ายไว้ในมือเดียวเพื่อที่อีกมือนึงนั้นจะได้ผลักหัวไอ้ป๊อนซ์ออก

“อ่ะ ตกลงจะให้ชื่ออะไรอ่ะ” อืมมม  จะให้ชื่ออะไรดีวะ......  อ๋อ  ชื่อนี่ไง!!!!

“โป”

“ห๊ะ??”

“กูบอกว่าจะให้มันชื่อโป” ผมพูดพร้อมกับหันไปมองป๊อนซ์ด้วยสีหน้าแน่วแน่

“โอเคๆ โปก็โป แต่คือป๊อนซ์ว่ามันดูประหลาดๆป่ะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มแหยๆมาให้

“ไม่เห็นจะประหลาดเลย ก็ ป๊อน+โจ เท่ากับ โป ไง” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาเคืองๆไปให้  มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าประหลา
ดเนี่ยยย

“เฮ้ยยย  เซอร์ไพรส์นะเนี่ยย” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือทาบที่อก (ท่าจะแรดไปไหนลูก)

“เปลี่ยนก็ได้” ผมพูดออกไปแบบงอนๆพร้อมกับทำปากจู๋ๆ  แม่งกูอุตส่าห์คิด แม่งๆๆ

“ไม่ต้องเปลี่ยน  กูชอบ” ป๊อนซ์พูดแล้วยื่นหน้ามางับจมูกผมเบาๆ

“อ่ะ ไอ้ป๊อนซ์ มึงจะถึงเนื้อถึงตัวกูเกินไปแล้วนะ” ผมหันไปดุมันนิดๆ เพราะหลังจากที่กลับมาดีกับมันครั้งนี้ผมรู้สึกว่าผมจะโดน
กระทำบ่อยไปแล้วนะ

“บ้านี่กูยังไม่ถึงเนื้อถึงตัวมึงเลยนะ กูก็แค่ถึงแขนถึงคอ ถึงจมูกแล้วกูถึง..”

“หยุด” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือออกไปปิดปากมัน เพราะว่าเมื่อกี๊ที่มันพูดไล่ทีละอย่างนี่คือ นิ้วมันก็จะชี้ไล่ไปตามสิ่งที่มันพูดด้วย
แล้วสุดท้ายนิ้วมันก็มาหยุดลงที่ปากผม แม่งไอ้ป๊อนซ์  ไอ้หื่นนนนนนน

“หึๆ ไม่แกล้งแล้วดีกว่า  เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดแป๊ปนึง” ป๊อนซ์พูดก่อนจะหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้า

“เอ๊ะ  เปลี่ยนเสื้อไปไหนอ่ะ” ผมหันไปมองป๊อนซ์ที่ถอดเสื้อออกอย่างรวดเร้วจนเหลือแค่แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีสะเก็ดแผลนิด
หน่อยให้ผมเห็น 

“ไปเล่นบาสกับไอ้ลิ้ม ไอ้ไปป์แล้วก็พีเจด้วยมั้ง  อ๋อๆไอ้ภูมิด้วย” ป๊อนซ์พูดในขณะที่กำลังใส่เสื้อบาสอยู่

“มึงเพิ่งจะหาย” ผมพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังนั้นไปด้วย

“เล่นกันเอง เล่นเบาๆอ่ะ แบบว่าออกกำลังกาย” ป๊อนซ์พูดแล้วถอดเดฟสีดำที่ใส่อยู่ออกทำให้ผมต้องหันหน้าไปอีกทางนึง  โอ๊ย
ยยย  แม่งมียางอายบ้างเหอะป๊อนซ์

“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมาเพราะว่าโคตรจะเหนื่อยใจในความดื้อของมัน ผมว่าผมสมควรจะเรียกมันว่าดื้อมากกว่านะ

“ไม่ต้องห่วงหรอก  ดื้อก็ไป ถ้าป๊อนซ์เป็นอะไรดื้อก็ค่อยพาป๊อนซ์ไปโรง’บาลดิ” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มทะเล้นมาให้ผม

“เออๆ  แล้วไอ้อ้วนโปนี่อ่ะ” ผมถามป๊อนซ์พร้อมกับยกกระต่ายในมือขึ้นมา

“พาไปด้วยดิ  นั่นอ่ะกรงมันอยู่หัวเตียงอ่ะ” ผมมองตามนิ้วไอ้ป๊อนซ์ไปก็พบกับกรงสีชมพู?? ที่ตกแต่งด้วยสติ้กเกอร์รูปแครอทและรูปน่ารักๆอื่นๆอีกมากมาย

“โอ้โหน่ารักอ่ะ”  ผมพูดพลางใส่ไอ้โปลงไปในกรง

“ใช่ป่ะ  กูทำเองเลยนะนั่นอ่ะ” ป๊อนซ์วางมือจากของที่จัดอยู่มามองที่ผมพร้อมกับส่งสายตาที่โคตรจะภูมิใจมาให้

“เหอะๆ  ไปกันได้แล้ว”

“ครับๆ” ป๊อนซ์รับคำแล้วรีบยัดบรรดาขวดน้ำ ถุงเท้า ผ้าเช็ดตัว และอะไรต่อมิอะไรของมันอีกมากมายก่อนจะเดินตามหลังผมออก
มาจากห้องอย่างรวดเร็ว

มีต่อด้านล่างนะคะ>>>>>>
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 12 โป?? : 03/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 03-02-2013 16:49:33

“ดื้อ  ดื้อครับ ถึงแล้ว” ไอ้ป๊อนซ์ก้มลงมาออกแรงเขย่าตัวผมเบาๆ ผมลืมตาขึ้นมองแล้วก็เห็นว่าที่คอมันใส่สร้อยที่ห้อยแหวนแบบเดียวกับที่ให้ผมเลย  แอบเขินนะเนี่ย><///

“อืมมมมม” ง่วงอ่ะ ทำไมนั่งรถมันแล้วหลับบ่อยจัง  ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยี้ตาแรงๆ

“อย่าขยี้แบบนั้นดิ  เดี๋ยวก็เจ็บตาหรอก” ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้วจับมือผมไว้  ผมเลยก้มหน้าลงถูๆกับเสื้อที่พุงมันแทน

“ฮ่าๆๆๆ  อย่าอ้อนดิ ไหนดูสิหมดหล่อเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาจัดทรงผมให้ผมเบาๆ

“อื้อออ ป๊อนซ์ ง่วงอ่ะ” ผมรู้สึกเหมือนตามันเปิดไม่ขึ้นเลยอ่า 

“จะนอนในรถมั้ย เดี๋ยวป๊อนซ์เปิดแอร์ไว้ให้” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

“ไม่เอาๆ เดี๋ยวโลกร้อน” ผมบอกก่อนจะหันไปจิกตาใส่ป๊อนซ์  แม่ง รวยน่ะกูรู้ ชิชะ

ผมเดินมึนๆอุ้มกรงไอ้โปลงมาจากรถแล้วเดินตามหลังป๊อนซ์ไปแบบจะหลับแหล่ไม่แหล่

“อ้าว น้องพลัส” ผมทักขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องพลัสนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างๆสนามบาสอยู่คนเดียวโดยที่บนโต๊ะมีของเยอะมากๆ 
แม่งพวกชั่ว  ทิ้งให้น้องเค้านั่งคนเดียวได้ไงวะ นิสัยไม่ดีอ่ะ

“พี่โจ หวัดดีครับ” พลัสเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วยิ้มกว้างออกมา

“ทำไมนั่งคนเดียวอ่ะ” ผมพูดแล้ววางกรงโปลงบนโต๊ะ

“พี่ไปป์ให้นั่งเฝ้าของให้อ่ะครับ” กูว่าแล้ว  แม่ง!!!!!

“เออพลัส”

“ครับ”

“ร้อนจะตายแล้ว ทำไมถึงใส่เสื้อแขนยาวแบบนี้อ่ะ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะขนาดว่าผมใส่เสื้อแขนสั้นแบบโปร่งๆ
มา ผมยังเหนียวตัวเลย

“เอ่ออ....คือ...” น้องพลัสดูอ้ำๆอึ้งๆก่อนจะหน้าแดงขึ้นมา 

“หึๆ โจอย่าไปถามน้องเลย  นี่อ่ะ ป๊อนซ์ไปซื้อน้ำมาให้ นั่งเล่นกับพลัสไปนะ”

“อือๆ อย่าเล่นกันแรงๆนะ” ผมบอกป๊อนซ์แต่ไม่ได้หันไปมอง เพราะกำลังวุ่นอยู่กับการเอาไอ้อ้วนโปออกจากกรง

“อ๊ะ  กระต่ายนี่” น้องพลัสตาเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นไอ้โปกระโดดไปมาบนโต๊ะ

“ใช่ๆ น่ารักเนอะ”

“มากเลยอ่ะ พี่โจเอามาจากไหนอ่ะ”

“ป๊อนซ์ซื้อให้”

“อ๋อๆๆ  พลัสก็ชอบกระต่ายเหมือนกันนะ” น้องพูดพร้อมกับเอามือลูบหัวโปเบาๆ

“ให้ไอ้ไปป์ซื้อให้ดิ”

“พี่ไปป์ไม่ซื้อให้หรอก พลัสเคยขอแล้วนะ พี่ไปป์บอกว่าแค่มีพลัสก็เป็นภาระพอแล้ว” พลัสพูดพร้อมกับส่งสายตาเศร้าๆมาให้ แต่
ปากน้องดันยิ้มเฉยเลย  เฮ้อออ ไปป์นะไปป์

“ช่างมันเหอะ  มาเล่นกะพี่ก็ได้”

“ครับ” พลัสยิ้มรับจนตาปิด  เหอะๆ  อย่ายิ้มอย่างนี้นะ เดี๋ยวก็กดซะเลย (ยังคิดจะกดคนอื่นอีกเหรอ)



“เชี่ยแล้วไอ้ลิ้ม!!!!!” เสียงตะโกนของไอ้พีเจที่ดังมาจากในสนามดังมากจนไอ้โปกลัวแล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนตักผมเลย

“อะไรน่ะ” น้องพลัสถามผม ผมก็ส่ายหัวตอบไปเพราะผมก็ไม่ร็เหมือนกัน เรา 2 คนเลยชวนกันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่ผมยังต้องพยายามที่จะปลอบไม่ให้โปตัวสั่น

“เป็นไรวะป๊อนซ์” ผมถามป๊อนซ์ที่ตอนนี้ทำหน้าตกใจมากก

“...” ป๊อนซ์ไม่ตอบแต่ชี้นิ้วไปทางข้างสนามอีกฟากนึง

ผมก็ชะเง้อมองคอมองตามนิ้วของไอ้ป๊อนซ์ไปแล้วถึงกับต้องปิดปาก  ไอ้สัดเลือดท่วมอ่ะ!!!!

ผมถามจากไอ้ป๊อนซ์ก็ได้ความว่าไอ้ลิ้มเป็นคนชู้ตลูกนั้นแต่มันดันไม่ลงแล้วเด้งกลับไปโดนน้องเค้า  ตายห่าแล้วลิ้ม  น้องเค้าแม่ง
ตัวโคตรเล็กเลยนะนั่น

“เอ่อ น้อง เอ่อ เป็นไงบ้าง” ไอ้ลิ้มเดินนำเข้าไปใกล้ๆโดยที่มีพวกผมเดินตามกันไปดู  ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งเห็นว่าเลือดเยอะมากก 
แล้วมึงยังจะถามเค้าอีกว่าเป็นอะไรมั้ย

“มะ ไม่เป็นไรครับ” น้องเค้าเหมือนจะกลัวพวกผมเลยรีบละล่ำละลักตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วปัดตามเนื้อตามตัวที่ติดดิน  เอ่อ น้องครับกูอยากจะถามมากเลยว่ามึงไม่รู้สึกถึงความเปียกชื้นบนหัวมึงเลยรึไงครับ

“ไม่เป็นไรได้ไงวะ มึงดูหัวมึงดิ” ไอ้พีเจรีบจับมือไอ้ลิ้มไว้เพื่อจะเป็นการระงับอารมณ์

“หะ หา หัวเหรอครับ” น้องเค้าทำหน้าตกใจไอ้ลิ้มนิดๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับที่หัวของตัวเอง

“เออดิ”

“ละ ละ เลือดด” พอเห็นเลือดปั๊ป น้องเค้าก็ล้มพับลงไปเลยครับ  โอ๊ยยย  ไม่น่าบอกเลยว่ะ

“เฮ้ยยย เชี่ยยยย” ไอ้ลิ้มถลาเข้าไปหาร่างของน้องเค้าอย่างรวดเร็วโดยรับไว้ได้พอดิบพอดีก่อนที่น้องเค้าจะหัวฟาดพื้นอีกรอบ

“เอาไงวะลิ้ม” ป๊อนซ์หันไปถามไอ้ลิ้มด้วยสีหน้าหวาดๆ  ทีอย่างนี้แล้วป๊อดนะมึง

“เอ่ออ  เดี๋ยวกูพาไปโรง’บาลก่อนแล้วกัน พวกมึงก็รอกูด้วยนะ”

“เออ”  พวกผมตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียง  แม่งตัวนิดเดียวกูละกลัวเลือดน้องแกจะหมดตัวก่อนจะถึงโรง’บาลว่ะ

ไอ้ลิ้มมันพยายามจะประคองน้องแกแต่ด้วยความที่น้องแกสูงยังไม่ถึงไหล่ลิ้มเลยด้วยซ้ำ มันเลยทำให้ดูทุลักทุเลแปลกๆ  ไอ้ลิ้มสูง 192 cm. แล้วน้องแกสูงแค่นั้นก็น่าจะประมาณ 155 ได้มั้ง แม่งเตี้ยไปนะ

หลังจากที่ลิ้มทนทุลักทุเลอยู่นานสุดท้ายมันก็ตัดสินใจอุ้มน้องเค้าขึ้นแล้วเดินตัวปลิวไปยังรถของมันเอง

“หึๆ” พีเจหัวเราะออกมาเบาๆ

“มึงหัวเราะอะไรวะพีเจ”

“เปล่า กูแค่กำลังคิดว่า ไอ้ลิ้มมันอาจจะกลืนน้ำลายตัวเอง”

“โอ๊ยยยยย  เห็นหัวกูหน่อย  แม่งกูว่ากูหาสักคนดีกว่า” ไอ้ลิ้มพูดประชดขึ้นมา

“หญิงหรือชาย” ไอ้พีเจหันไปถามยิ้มๆ

“หญิงดิ แม่ง  ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างกูเหมาะกับผู้หญิงเท่านั้นเว้ยย”



“อ๋ออออ หึๆ กูก็ว่างั้นว่ะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมาดร้าย

“ทำไมยิ้มแบบนั้นอ่ะดื้อ นี่กูงงนะ มึงช่วยพูดให้กูเข้าใจได้ป่ะ” ไอ้ป๊อนซ์เริ่มจะโวยวายเมื่อไม่รู้ว่าผมกับพีเจกำลังสื่อสารอะไรกันอยู่

“ไม่รู้สักเรื่องได้ป่ะ”

“ดื้ออ่ะ กูงอน” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับสะบัดหน้าไปอีกทาง


โอ๊ยยยย  นี่ผมต้องไปง้อไอ้นี่อีกใช่มั้ยยยยย  เหนื่อยโว๊ยยยยยยยย

...............TBC..........................

ขอผิดสัญญานะที่ว่าจะหายไปอ่ะ  ขอมาอัพวันนี้เลยแล้วกันเนาะ  :z2:

เพราะว่าจะขอหายไปนานกว่าเดิมตอนนี้ก็เลยมาเร็วกว่าเดิมแล้วก็เยอะกว่าเดิม  o18

อย่าลืมเม้นต์ด้วยนะจ๊ะ ไม่งั้นจะไปแล้วไปลับซะเลย (แอบขู่)
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 12 โป?? : 03/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 03-02-2013 21:18:58
เฮ้อมาอีกคู่แล้ว ไปป์ซาดิสอะรุนแรงกับน้องไปรึเปล่า สงสารน้องบ้าง ป๊อนมาหมวดไหนว่ะ หื่นขั้นรุนแรง ลิ้มนี้ยังเดาทางไม่ถูกเหมือนจะหลงเมีย
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 12 โป?? : 03/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 03-02-2013 22:35:20
กระต่ายแม้จะน่ารัก แต่มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่หื่นที่สุดเท่าที่เคยเจอ

ระวังเหมือนคนให้นะ  โจ :oo1: 

 :pig4: ผู้แต่งครับผม
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 12 โป?? : 03/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-02-2013 23:17:02
เจ้าโปน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 12 โป?? : 03/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-02-2013 09:26:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 12 โป?? : 03/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: kondee_tysut ที่ 07-02-2013 20:17:13
ถึงคนเขียน ขอบอกว่า "ฉัน ฟิน โคตร" จุ๊บบบ !!!!  :impress2:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Street bas [Pontz's Part] : 07/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 07-02-2013 23:40:31
*ขอชี้แจงนิดนึงนะคะ  คือว่าขอมีตอนSpecial Streetbas มาคั่นกอ่นเนื่องจากเหตุการณ์(บางส่วน)ในเรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานสดๆร้อนๆเลย  คนเขียนเลยขอมาระบายความฟินกันให้อ่านนะคะ  และจะขอบอกว่าตอนนี้ไม่ยาวมากนะคะ สั้นจุ๊ดเลย^^


Special Street bas






[Pontz x Joe]



[Pontz]






“ป๊อนซ์ๆ!!!” เสียงของพี่นัทดังขึ้นเพื่อให้ผมส่งลูกไปให้

“รับ!!” ผมส่งลูกไปอย่างแรงแล้วพี่นัทก็พาเลี้ยงหลบฝ่ายตรงข้ามแล้วเลย์ออฟลงไปอย่าสวยงาม

“ขอเวลานอกแป๊ป มึงเป็นไรป่ะเนี่ย” พี่นัทขอเวลานอกก่อนจะเดินมาตบไหล่ผมสองสามทีเมื่อเห็นว่าผมนิ่งเกินไปที่จะเป็นผม 

“ไม่มีไรหรอกพี่” ผมตอบพลางส่งยิ้มบางๆกลับไปให้พี่นัท

“อืมมมม” พี่นัทยังไม่ปล่อยมือจากไหล่ของผมพร้อมกับมองไปที่ด้านข้างของสนาม

“อ๋อออ  เมียไม่มา” พี่นัทพูดขึ้นมาเมื่อเจอคำตอบ  นั่นแหละครับไอ้เชี่ยโจมันไม่มาดูผมเล่น  แม่งเซ็งเหี้ยๆอ่ะ

“เล่นต่อเหอะพี่” ผมหันไปบอกพี่นัทแล้วเดินไปหยิบลูก

“เดี๋ยวๆ คือกูจะบอกว่ามึงอ่ะเปลี่ยนเสื้อหน่อยได้มั้ย ฝั่งโน้นแม่งก็เสื้อขาวแล้วมึงก็เสื้อขาวอีกบางทีกูก็สับสนว่ะ” พี่นัทพูดด้วย
สีหน้าเครียดขึ้นมาจากเมื่อกี๊นิดหน่อย

เปลี่ยนเสื้องั้นเหรอ  ดีเหมือนกันแม่งจะได้ไม่นอยด์แดกขนาดนี้   ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็วันนี้ผม “ใส่เสื้อเบอร์ 11” ใส่เสื้อที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับไอ้คนที่นอนสบายอยู่ที่หอโน่น ก็ตั้งแต่วันฟุตซอลประเพณีนั้นผมก็แม่งไม่ได้แตะมันเล้ยยย  เสื้อบาสครั้งนี้ก็เลยได้แค่เบอร์ 11 นี่แหละ YY

“เฮ้ย มึงอ่ะ” ผมเดินไปเรียกเด็กที่เดินอยู่ข้างสนาม

“ครับ” มันก็หยุดแล้วหันมามองหน้าผมแบบงงๆ

“กูขอยืมเสื้อมึงหน่อยดิ แล้วเดี๋ยวแข่งควอเตอร์นี่เสร็จแล้วก็ถอดคืน” ผมพูดอธิบายน้องแกไป น้องแกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ ผมก็เลยถอดเปลี่ยนมันตรงข้างสนามนั่นแหละ ครับ

“กรี๊ดดดดดดดดดดด  ขาวมากอ่ะแก” มาอีกแล้วครับเสียงนี่ (คุ้นๆว่าจะเป็นเสียงเดียวกับตอนที่แข่งฟุตซอล)

“ใช่ๆวันนี้พวกเราโคตรคุ้มเลยอ่ะ”

“เออ เมื่อกี๊เห็นน้องโจมายืนถอดเสื้อเปลือยท่อนบนโชว์ความขาวความบางกระแทกตาอยู่ที่ระเบียงแล้วนี่ยังจะมาเห็นน้องป๊อนซ์
เปลี่ยนเสื้ออีก วันนี้ฉันคงนอนไม่หลับอ่ะ” เอ๊ะเดี๋ยวนะ ไอ้โจมายืนถอดเสื้อที่ระเบียงหองั้นเหรอ  แม่งเกินไปแล้วนะ!!!!

ผมเดินกลับลงไปแข่งในสนามด้วยอารมณ์ที่โคตรจะขุ่นมัว  แม่งมึงกล้ามากนะโจที่ทำแบบนี้  นี่มึงคงจะไม่รู้ชะตากรรมหลังจากนี้
สินะมึงเลยได้กล้าทำเนี่ย

“โอ๊ยยย พี่ป๊อนซ์เท่ห์มว๊ากกเลยอ่ะค่า”

“พ่อมึงดิลิ้ม!!!!!” ผมตะโกนด่าไอ้ลิ้มกลับไปเมื่อหลังจากชู้ตลูกลงไปสำเร็จ แม่งมาเพื่อกวนสมาธิล้วนๆเลยไอ้เหี้ยนี่

“ฮ่าๆๆๆๆ” แน่ะหัวเราะรับอีกครับ  ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธหรืออะไรทั้งสิ้น

“ลิ้มนั่นมึงแข่งเสร็จแล้วใช่ป่ะ” ผมตะโกนไปหาไอ้ลิ้มทั้งๆที่ตัวผมเองกำลังจะพาลูกไปชู้ตอีกครั้ง

“เออ” คือไอ้ลิ้มมันก็แข่งนะครับ ทีมมันมีมัน ไอ้ไปป์แล้วก็น้องเค้าอีก 2 คน แม่งลิ้มแทบจะไม่ต้องกระโดดเลยอ่ะเวลาเล่น  เพราะ
แค่ยื่นมือแม่งก็ถึงห่วงแล้ว

“รอกูแปปดิ กูเหลืออีกไม่นาทีกว่าได้ละมั้ง”

“เออ” ไอ้ลิ้มรับคำก่อนจะเดินไปนั่งรอข้างสนาม

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“พี่นัท!!!!!!!!” ผมตะโกนเรียกเมื่อผมโดนบล็อกจากฝั่งตรงข้ามทำให้ชู้ตไม่ได้

“ส่งมา”

“รับ” ผมส่งลูกไปให้พี่นัท แล้วก็เป็นไปตามคาดแหละครับ พี่นัทชู้ตลงไปอย่างสวยงามอีกตามเคย

ปี๊ดดดดดดดดดดดดดด

เสียงนกหวีดยาวบ่งบอกถึงการจบลงของการแข่งขัน 

ผมเดินออกมาจากสนามทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีด  แม่งเตรียมตัวไว้ได้เลยโจ

“อ้าวเฮ้ยไอ้ป๊อนซ์  มึงไม่ฟังผลก่อนเหรอ” ตอนนี้กรรมการกำลังรวมแต้มอยู่ครับ ก็แม่งเล่นชู้ตกันเมามันส์ทั้ง 2 ฝ่ายขนาดนี้ก็คงไม่แปลกที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายชนะ

“ไม่อ่ะพี่ ผมรีบว่ะ” ผมหันไปบอกพี่นัท แล้วพี่ก็ยิ้มพร้อมกับทำปากอ๋อเข้าใจ

“ไปเหอะ เอาให้หนักเลยมึง”

“ครับ” ไม่ต้องยุผมก็เล่นหนักอยู่แล้วล่ะครับ หึๆ

“ไปไอ้ลิ้มไอ้ไปป์” ผมหันไปตะโกนเรียกอีก 2 คนที่นั่งรอผมอยู่ข้างสนาม

“ไปๆ  ไอ้ไปป์ลุกๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผมใช่เวลาไม่ถึง 3 นาทีผมก็มายืนอยู่หน้าหอพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ใจเย็นไว้หน่อยนะมึง ไอ้โจมันขาว” ห๊ะ มึงต้องการจะสื่ออะไรวะ

“อะไรของมึงเนี่ย”

“ก็กูอยากปลอบใจมึงแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี” แม่งคนดีเกิ๊นนนนน

“เออๆ ขอบใจเว้ย” ผมพูดแล้วกำลังจะเดินไปที่ประตูหอพัก  แต่ไอ้ไปป์ดันจับไหล่ไว้ซะก่อน

“ขาวจริงว่ะ” ไอ้ไปป์กระซิบที่ข้างหูของผมเบาๆ แล้วดันผมให้หันหลังกลับไปทางสนามฟุตซอลข้างหอ

เหยดเข้!!!!!!!!!!!!! ไอ้โจแม่งถอดเสื้อเล่นบอลอยู่ครับ  ไอ้สาดดด  แม่งกูว่ามึงใส่เดินที่ระเบียงนี่ก็เกินจะทนแล้วนะ แต่นี่แม่งถอดเสื้อแล้วมาเล่นฟุตซอลอยู่กับผู้ชายอีกเป็นฝูง เชี่ยโจ!!!!!!

“ไม่ตายวันนี้ก็ไม่รู้จะตายวันไหนแล้วว่ะ” ไอ้ลิ้มพูดออกมาเสียงแผ่วๆ พร้อมกับทำหน้าไว้อาลัย

“ไอ้โจ!!!!!!!!!” ผมตะโกนเรียกมันจนดังก้องไปทั่วบริเวณตรงนั้น

ความเงียบเข้ามาครอบคลุมพื้นที่ตรงนี้โดยทัยที กิจกรรมที่มีอยู่ทุกอย่างหยุดลงหมด ทุกๆคนในสนามก็นิ่งจนแทบจะไม่หายใจ

“ปะ ป๊อนซ์” เสียงโจฟังดูสั่นๆ 

“เสียงมึงอ่ะจะสั่นทำไมหา!!!!” ผมตะคอกใส่หน้าโจโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น

“คือ กู....” ไอ้โจยังคงเสียงสั่นอยู่ดี แต่ตอนนี้ผมโกรธมาก มากๆอ่ะ จนผมไม่อยากอยู่ใกล้มันเลย ผมกลัวผมจะพลั้งมือทำอะไร
มันลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“แม่ง!!!!!!!” ผมเดินไปข้างสนามแล้วหยิบเสื้อของมันที่ตั้งอยู่โยนไปปิดให้หัวแล้วเดินขึ้นหอไปทันที

“เฮ้ยไอ้ป๊อนซ์ ใจเย็นๆก่อนดิ”  เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดีไอ้ไปป์เลยเดินเข้ามาขวางผมไว้

“เดี๋ยวกูมา แป๊ปเดียว ถ้ากูอยู่ต่อกูคงยั้งตัวเองไม่ได้ว่ะ” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ไอ้ไปป์กับไอ้ลิ้มแล้วเดินออกมาโดยไม่
ฟังเสียงเรียกใดๆทั้งสิ้น

“ป๊อนซ์!!!!!” เดี๋ยวกูก็กลับมาหามึงแล้วดื้อ กูขอไปสงบสติอารมณ์แป๊ปเดียว


มันก็รู้ว่าผมเป็นคนขี้หวงมากแล้วทำไมมันยังทำแบบนี้  ทำไม?? 

ผมเดินมาเรื่อยๆได้สักพักแล้วผมก็ตัดสินใจหยุดเดินและนั่งลงใต้ต้นไม้ที่อยู่ติดกับสระน้ำของโรงเรียน  ได้นั่งแบบนี้สักพักก็คงจะดีขึ้นละมั้ง เฮ้อออออออ

ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆแต่มันก็ยังไม่สามารถจะทำให้อารมณ์ของผมเย็นลงได้ ผมเลยต้องตัดสินใจพึ่งบุหรี่อีกครั้งหลังจากที่ผม
เลิกมานานมากๆแล้ว  เลิกตั้งแต่เริ่มคบกับโจ

ผมหยิบบุหรี่และไฟแช็คออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วจัดการสูบมะเร็งเข้าปอดทันที ฮ่าๆๆคนเรานี่ก็แปลกนะรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีก็ยัง
จะสูบอีก แต่ผมก็เป็นหนึ่งในพวกนั้นนะ เพราะบางทีของแบบนี้มันก็ทำให้เราอารมณ์เย็นลงได้จริงๆ

“อ๊ะ..” บุหรี่มวนที่5ในมือของผมหล่นลงบนพื้นจากฝีมือของใครบางคนที่เพิ่งจะเดินมาถึง

“ไหนบอกว่าจะไม่สูบแล้วไง” หึๆ คงจะรู้กันนะครับว่าใคร

“......” ผมเงียบแล้วหันหลังเดินออกมาทันที แต่มันดันรั้งมือผมไว้ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของผม แล้วหยิบบุหรี่
กับไฟแช็คออกมาสูบและพ่นควันออกมาอย่างสบายอารมณ์

ผมดึงบุหรี่มาจากมือมันก่อนจะสูบจนหมดมวนในเวลาอันรวดเร็วก่อนจะทิ้งลงกับพื้นแล้วเอาเท้าบี้ให้มันดับ

“ทำไม กูสูบบ้างไม่ได้รึไง”

“อย่าทำตัวงี่เง่าดิโจ” ผมพูดเสียงเรียบใส่โจ แล้วก็ได้ผลครับ มันชะงักไปนิดนึงก่อนจะพูดต่อขึ้นมาอีก

“งี่เง่าตรงไหนก็แค่สูบบุหรี่ทำไมจะสูบไม่ได้” โจพูดแล้วเดินเข้ามาประชิดตัวผมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาแสดงสีหน้าท้าทาย   หึ 
มึงทำตัวเองนะโจ

“อยากสูบนักใช่มั้ย”

“เออ” ยังครับ  ยังไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเอง

“งั้นก็สูบเอาที่ปากกูแล้วกัน” ผมพูดจบก็ก้มหน้าลงทาบริมฝีปากลงกับปากบางตรงหน้าทันที

โจดูงงๆและตกใจ แต่นั่นมันก็ดีสำหรับผมเพราะอะไรๆมันจะได้ง่ายๆหน่อย

ผมสอดลิ้นร้อนเข้าไปไล่ต้อนลิ้นเล็กของโจจนจนมุม  โจเลยส่งลิ้นกลับมาหยอกล้อกลับอย่างเก้ๆกังๆ  แต่ผมกลับมองว่ามันเป็น
อะไรที่น่ารักโคตรๆเลยล่ะ

รสชาติฝาดลิ้นของบุหรี่คละคลุ้งไปทั่วทั้งปากของเราทั้งสองคนแต่ในความฝาดนั้นก็แฝงไปด้วยความหวานอมเปรี้ยวของน้ำส้มอยู่  เอ๊ะ  นี่โจกินน้ำส้มมาเหรอเนี่ย??

ผมถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งแต่ปากของผมก็ไม่ได้ออกห่างจากปากของโจแต่อย่างใด ผมก็ยังคงวนเวียนเล่นอยู่แถวๆปากบางๆของโจนั่นแหละ

“กินน้ำส้มมาเหรอ” ผมถามในขณะที่ปากชิดกับปากโจมากๆจนแทบจะประกบกันอีกครั้ง

“อืมมม”โจตอบออกมาอย่างเลื่อนลอย  โถเด็กน้อย  จะน่ารักเกินไปแล้วนะ

“จะยั่วกันรึไง” ผมพูดพร้อมกับเลื่อนปากไปขบเบาๆที่จมูกของโจ

“ปะ....อื้มมม” ผมคงจะเป็นโรคจิตไปแล้วละครับ  ไม่รู้ทำไมแค่ผมเห็นปากบางๆของโจขยับผมก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงลิ้มลองมันสักหน่อย

“อื้มมม” โจเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่จนต้องเอามือโอบรอบคอผมไว้เพื่อเป็นหลักค้ำยันให้กับร่างกายของตัวเอง

ผมค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆเมื่อเห็นว่าโจเริ่มจะหมดอากาศหายใจ

“แฮ่กกๆๆ” ทันทีที่ผมปล่อยปากของโจให้เป็นอิสระ โจก็รีบโกยอากาศเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“หึๆ กลับกันเหอะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือโอบรอบเอวของโจเอาไว้ เพราะถ้าผมปล่อยให้เดินเองมีหวังได้ล้มลงไปกองกับพื้น
แน่ๆ

“มึงแม่ง @#$%#%#%” โจก็เดินบ่นพึมพำอะไรไม่รู้ไปตลอดทางเลยละครับ ผมจับใจความได้ประมาณว่า ฝากไว้ก่อนเถอะ
แล้วก็ แม่งฉวยโอกาส อะไรประมาณนี้แหละ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“อ้าวววว  มากันแล้วเหรอจ๊ะ” เสียงไอ้ลิ้มล้อดังขึ้นมาทันทีที่เห็นพวกผมเดินกลับไปถึงหอพัก

“อืม” ผมตอบกลับไปสั้นๆ 

“ไปทำไรกันมาเหรอ” เสียงไอ้ภูมิล้อขึ้นมาอีกคนแล้วละครับ แม่งนี่มึงเล่ากันหมดแล้วใช่มั้ยเนี่ย

โจเริ่มจะดันตัวออกห่างจากผมเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆเริ่มจะล้อขึ้นมาเรื่อยๆ

“จะดันทำไมดื้อ” ผมแกล้งทำเสียงโหดใส่  แล้วก็ได้ผลครับ โจเลิกดันแขนผมแล้วเปลี่ยนเป็นยืนก้มหน้างุดๆแทน  ตอนนี้โจแม่ง
หน้าแดงมากแล้วมันก็ทำให้โจดูน่าฟัดโคตรๆเลย

“หึๆ มึงแม่ง” ไอ้ไปป์ก็พูดอะไรขึ้นมาไม่รู้ พูดไปก็ยิ้มไป ไอ้นี่แม่งท่าจะบ้าแฮะ

“หายงอนกันเร็วเกิ๊นนนนน” ยังไม่หยุดครับ พีเจก็ผสมโรงไปกับไอ้พวกนี้ด้วยย  โอ๊ยยตายๆมันเห็นไม่เนี่ยว่าเมียผมก้มจนหน้าจะ
ติดพื้นอยู่แล้วเนี่ย

“พอๆพวกมึง กูขึ้นไปข้างบนก่อนนะ” ผมพูดตัดบทแล้วเดินโอบเอวพาโจขึ้นไปบนหอพัก

“ทำอะไรอ่ะก็นึกถึงเตียงข้างๆบ้างนะมึง” เสียงไอ้พีเจมาอีกแล้วครับ  แม่งมึงเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“เออ” ผมนับคำโดยไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลังเลย



ทันทีที่ขึ้นมาถึงเตียงผมก็รีบดันไอ้โจให้นอนลงส่วนผมก็ขึ้นทับพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของเราสองนจนมิด

“เฮ้ยยย  ทำไรอ่ะ” ไอ้โจถามขึ้นด้วยความตกใจเมื่อมันดันตกอยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนี้

“ก็ทำให้มึงไม่กล้าไปถอดเสื้อโชว์ใครที่ไหนอีกไง” ผมพูดพร้อมดึงคอเสื้อของโจลงมาจนเผยให้เห็นไหล่ลาดขาวเนียนน่าสัมผัส

“ป๊อนซ์ กูสัญญากูจะไม่ไปถอดเสื้อที่ไหนอีก เชื่อกูเหอะ” โจพูดเสียงอ่อนๆพร้อมกับทำสีหน้าอ้อนวอน  แต่มันคงจะไม่รู้ว่าสีหน้า
แบบนั้นมันสามารถใช้ยั่วผมได้เป็นอย่างดี

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะค่อยๆก้มลงกัดเบาๆที่ไหปลาร้าของมันจนเกิดเป็นรอยแดงๆห้อเลือด

“อ๊ะป๊อนซ์  พอแล้วกูเจ็บ” โจพูดพร้อมกับพยายามเอามือดันหัวผมออกจากบริเวณไหล่ของมัน

“ทนอีกนิดนะ กูทำจนครบทั้งตัวเมื่อไหร่กูก็จะปล่อยมึงทันที” พูดจบผมก็รีบก้มลงจัดการสร้างรอยแดงห้อเลือดจนทั่วไปทั้งไหล่และคอของมัน


“ป๊อนซ์!!!  อย่าแตะตรงนั้นนะ” 

“คิดว่าจะห้ามกูได้เหรอ” ผมยกยิ้มมาดร้ายส่งให้โจก่อนจะลงมือทำภารกิจของตัวเองต่อ

หึๆ  หลังจากวันนี้ไปผมมั่นใจได้เลยว่าโจคงไม่กล้ไอถอดเสื้อโชว์ใครที่ไหนอีกนานเลยล่ะ


................................................END OF SPECIAL PART............................................

กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนาน  คนเขียนสอบเสร็จแล้ววววว  โล่งมากกกก  :เฮ้อ:

ตอนนี้ก็มีกะจิตกะใจจะกลับมาแต่งอีกรอบแล้ว  :really2:

รออีกไม่กี่วันก็น่าจะได้อ่านตอนหลักต่อกันแล้วล่ะค่ะ  o13

วันนี้มีโมเ้ม้นต์แถมจ้าาาาาาาาาาา

-วันนี้น้องป๊อนซ์กับน้องโจเข้าฟังบรรยายแล้วมันก็มีเหตุการณ์ฟินๆเกิดขึ้นเยอะมากกกก

อันแรกเลย

ป๊อนซ์นั่งข้างโจแล้วเอี้ยวตัวไปหาโจ  โจก็ยกเท้าขึ้นมากระดิก(เกือบจะถึงหน้าป๊อนซ์)แล้วก็ถามว่า
Joe:ดมมะ?? (มียิ้มให้ด้วย)
ป๊อนซ์ไม่ได้ตอบอะไร แต่โจก็ยังคงมีความพยายาม
Joe:ได้กลิ่นมั้ย??
Pontz:อยู่กับมึงแล้วได้กลิ่น =='

แหงะโมเม้นต์นี้อาจจะดูสกปรกไปนิด =='เอิ่มมม  แต่มีให้อีกหนึ่งโมเม้นต์


โจเอียงคอมาหาป๊อนซ์แล้วเอากระดาษขึ้นมาปิดหน้าก่อนจะกระซิบกระซาบกัน 2 คน ป๊อนซ์ก็เอียงเข้าไปด้วยทำให้มันใกล้กันมากๆๆๆๆๆ><////

อย่าลืมเม้นต์สร้างขวัญและกำลังใจให้กับคนเขียนด้วยนะจ๊ะ  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Street bas [Pontz's Part] : 07/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 08-02-2013 08:32:16
น่ารักอ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องๆน่ารักมากเลย ป๊อนซ์หื่นมากเหอะ ตอนนี้ชอบล้ิมมากลิ้มน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Street bas [Pontz's Part] : 07/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 08-02-2013 09:22:29
 :m3: :m3:
อิจฉาคนเขียนอยากอยู่นโมเม้นบ้างงงงงงงงง

ไม่เป็นไร รอให้คนเขียนมาเม้าให้ฟังก็ได้ 5555555
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Street bas [Pontz's Part] : 07/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-02-2013 10:34:28
ป๊อนซ์นี่หื่น+หึงจัดจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Street bas [Pontz's Part] : 07/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-02-2013 15:03:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Street bas [Pontz's Part] : 07/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 09-02-2013 19:46:03
สุดท้ายนายเอกตรูก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่สามารถทำอะไรเยี่ยงผู้ชายได้ ชั่งอนาถใจ รู้ว่าหว่งแต่มันไม่ยุติธรรมโว้ย
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Street bas [Pontz's Part] : 07/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 3BⅠt$. ที่ 10-02-2013 04:45:16
ยิ้มเเก้มจะเเตกเเล้ว อ๊าาา ฟินนนนนนน  :m25:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 13 เพื่อนผม เพื่อนผม^^ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 11-02-2013 19:46:21
ตอนที่ 13





[Pontz x Joe]




[Joe]




“กูว่าไอ้ลิ้มหายไปนานจนน่าเป็นห่วงว่ะ” ไอ้ภูมิพูดขึ้นหลังจากที่พวกเรานั่งรอกันเป็นเวลาเกือบครึ่งชัวโมงแล้ว  เออ ผมก็คิดงั้นนะ น้องเค้าจะเป็นอะไรมากรึเปล่าวะเนี่ย

“เออ กูก็ว่างั้น....  พลัส!!!อย่าให้กูต้องพูดเป็นรอบที่สอง” ไอ้ไปป์นี่ก็นั่งขู่น้องมาสักพักแล้วล่ะครับ ผมละไม่เข้าใจเลยว่ามันจะขู่อะไรนักหนา  แค่นี้น้องมันก็ไม่ค่อยกล้าจะหายใจแล้ว

“มึงก็อย่าไปขู่น้องมันมากดิไปป์” พีเจหันไปปรามไปป์หลังจากที่นั่งเงียบมานาน

“ก็มึงดู มันก็รู้ตัวอยู่ว่ามันแพ้ขนสัตว์แล้วแม่งยังจะไปจับกระต่ายไปเล่นอีก  เดี๋ยวเย็นนี้มึงก็ต้องกลับแล้ว ถ้ามึงไปไม่สบายอยู่โน่นแล้วใครจะดูแลมึงห๊ะ??!!!!!” มาเป็นชุดเลยครับ น้องพลัสแม่งก็สะดุ้งตลอดการพูดของไอ้ไปป์เลย น่าสงสารอ่ะYY

“เฮ้อออ  อ้าวลิ้ม  ไอ้ลิ้มทางนี้” ผมตะโกนเรียกลิ้มทันทีเมื่อเห็นว่ามันเดินมาพร้อมกับน้องเค้าที่มีผ้าก็อตแปะอยู่บนหัว  แต่เอ๊ะ ไปทำแผลกันอีท่าไหนทำไมน้องแกถึงได้ใส่เสื้อบาสไอ้ลิ้มแล้วไอ้ลิ้มก็เดินเปลือยท่อนบน โชว์ความวิ้งค์มาละนั่น

“ปิดตาเดี๋ยวนี้เลยดื้อ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาบังที่หน้าของผม

“อย่าปัญญาอ่อนดิป๊อนซ์” ผมหันไปดุมันเสียงแข็งๆ

“เชอะ” มันเอามือออกแล้วสะบัดหน้ากอดอกไปอีกทางแบบงอนๆ  ผมก็ขี้เกียจง้ออ่ะนะปล่อยไว้สักพักเดี๋ยวมันก็หายเอง

“ไปทำแผลกันอีท่าไหนละเนี่ย” ไอ้พีเจหันไปถามไอ้ลิ้มแบบล้อๆ

“ก็เสื้อแม่งเลือดเต็มตัวเลย กูก็เลยสละเสื้อกูให้มันใส่” ไอ้ลิ้มยืนบ่นอุบอิบพลางหันหน้าไปมองน้องแกที่ยืนก้มหน้าอยู่

“แม่ง รมณ์เสีย นั่งลงก่อนดิมึงอ่ะ เดี๋ยวกูเอาเสื้อตัวใหม่ไปเปลี่ยนที่รถก่อน” ไอ้ลิ้มส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิด พร้อมกับรื้อเสื้อในกระเป๋าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก่อนจะกดไหล่น้องเค้าให้นั่งลง แล้วเดินไปที่รถ โอ๊ยยยย  เพื่อนกูแต่ละคนจะดิบไปไหนวะ

“วอท อิส ยัว เนม?” ไอ้ภูมิหันไปถามน้องเค้าแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  แต่น้องเค้ากลับทำหน้างงๆใส่

“เฮ้ออออ  อะไรของมึงเนี่ยไอ้ภูมิ น้องชื่ออะไรครับ” ผมดุภูมิก่อนจะหันไปถามชื่อน้องเค้าแบบคนปกติเค้าทำกัน

“อะ เอ่ออ  ชื่อท็อปเทลครับ” น้องเค้าตอบออกมาอย่างหวาดๆ โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองพวกผมเลยแม้แต่นิดเดียว  นี่พวกกูน่ากลัวกันขนาดนั้นเลยเหรอ

“น่ารักจัง” อยู่ๆน้องพลัสก็พูดขึ้นแล้วยิ้มให้น้องท็อปเทลจนตาปิด  แหมตัวเองอ่ะไม่ค่อยจะน่ารักเลยนะ

“ฮ่าๆ ใช่ เงยหน้าขึ้นมาบ้างก็ได้นะครับน้องท็อปเทล ใต้โต๊ะมันไม่มีอะไรน่าดูหรอก”ไอ้พีเจแกล้งน้องท็อปเทล น้องแกก็เลยเงย
หน้าขึ้นมานิดนึงก่อนจะยิ้มบางๆให้พวกผม

“ยังปวดหัวอีกมั้ย” ไอ้ลิ้มที่เพิ่งจะกลับมาจากเปลี่ยนเสื้อก็ทักขึ้นแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามกับน้องท็อปเทล

ผมกับพีเจหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มนิดๆ อย่างรู้กัน ฮ่าๆๆ ไม่นานแล้วล่ะไอ้ลิ้ม

“อะ เอ่อ มะ ไม่แล้วครับ” น้องท็อปเทลตอบไอ้ลิ้มแบบตะกุกตะกักก่อนจะก้มลงมองพื้นอีกตามเดิม

“ไปเล่นกันต่ออีกสัก 10 นาทีเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหมุนลูกบาสบนนิ้วๆเล่น 

“โอเค” ไอ้ภูมิวิ่งไปแย่งบาสจากมือป๊อนซ์ก่อนจะวิ่งพาลูกไปชู้ตแล้วหันมายิ้มอย่างท้าทาย

แล้วไอ้ป๊อนซ์ พีเจ ไอ้ไปป์ก็วิ่งตามลงไปในสนาม ส่วนไอ้ลิ้มน่ะเหรอ หึๆ

“บ้านอยู่ไหนเดี๋ยวกูไปส่ง” ไอ้ลิ้มเก็บของๆตัวเองที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปถามน้องท็ปเทล

“เอ่อ อยู่ซอยXXครับ”

“อืม ไป พวกมึงกูไปก่อนนะ” ไอ้ลิ้มสะกิดไหล่น้องท็อปเทลให้ลุกขึ้นตาม ก่อนจะหันมาบอกลาพวกผม

“อืม ขับรถดีๆนะมึง”

“อืม” ไอ้ลิ้มเดินนำหน้าไปที่รถโดยมีน้องท็ปเทลเดินตามไปติดๆ ผมเพิ่งจะสังเกตว่าเสื้อบาสไอ้ลิ้มที่น้องท็อปเทลใส่อยู่มันตัว
ใหญ่มากเมื่อไปอยู่กับน้องแก ยาวถึงเข่าแน่ะ อย่างกับชุดนอนเลย

“พลัสว่าพี่ลิ้มดูแปลกๆกับน้องท็อปเทลนะ”

“หึ ไม่แปลกหรอก เชื่อพี่เหอะ” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้น้องพลัสส่วนมือก็ลูบอยู่บนพุงไอ้อ้วนโป

ผมไม่ได้พูดผิดนะ  เพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนเราจะมี ความรัก....



หลังจากที่เล่นบาสกันได้พักหนึ่ง ไอ้พวกในสนามก็เลิกเล่นแล้วเดินถือลูกบาสกลับขึ้นมาข้างสนามก่อนจะนั่งลงอย่างหมดแรง
พอไอ้ไปป์มานั่งปุ๊ปน้องพลัสก็รีบหยิบผ้าหยิบน้ำให้ทันที ส่วนไอ้ไปป์น่ะเหรอก็นั่งทำหน้าเข้มขู่น้องเค้าน่ะสิ แต่เมื่อกี๊ผมแอบเห็นมันยิ้มด้วยนะ  แม่ง มึงโรคจิตวะไปป์

“อ่ะ” ผมยื่นขวดน้ำที่เตรียมมาจากบ้านไปให้ไอ้ป๊อนซ์ที่นั่งหอบหายใจแรงอยู่ข้างๆ

“แต๊งครับ” มันหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะรับน้ำไปกินอย่างกระหาย  น้ำบางส่วนก็ไหลออกมาข้างๆมุมปาก  แอบเซ็กซี่เบาๆนะ ฮ่าๆๆ

“กินระวังหน่อยป๊อนซ์” ผมดุก่อนจะหยิบผ้าแล้วยื่นไปซับที่ปากให้ป๊อนซ์

“คร้าบบบบบ” มันวางขวดน้ำลงก่อนจะเอามือมายีที่หัวผมแล้วตามด้วยยีพุงไอ้โป

“กูกลับก่อนนะพวกมึง กูต้องไปส่งไอ้เด็กนี่ขึ้นเครื่องก่อน” ไอ้ไปป์พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ลืมจะสะกิดคนข้างๆให้ยืนตาม

“อืม เดินทางปลอดภัยนะน้องพลัส” ไอ้พีเจพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้

“อยู่โน่นก็หาผัวใหม่ซะเลย เชื่อพี่ ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ยยย เชี่ยไปป์” ไอ้ภูมิพูดแกล้งไอ้ไปป์แล้วมันก็ได้มะเหงกกลับมาทีนึงเป็นสิ่งตอบแทน

น้องพลัสก็ได้แต่ยืนยิ้มแห้งๆอยู่ข้างไอ้ไปป์

“มึงอย่าเสี้ยมดิ  แค่นี้กูก็ปวดหัวจะตายห่าแล้ว” ไอ้ไปป์ด่าไอ้ภูมิก่อนจะบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว

“โชคดีนะน้องพลัส มาหาพวกเราบ่อยๆล่ะ” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้น้องพลัส

“ครับ” น้องพลัสรับคำแล้วโบกมือลาพวกผมก่อนจะเดินตามหลังไอ้ไปป์ไปขึ้นรถ

“พวกเราก็กลับกันเหอะ” ไอ้พีเจพูดพร้อมกับถือกระเป๋าของตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืน

“เออๆ ไปส่งกูด้วยนะพีเจ” ไอ้ภูมิลุกขึ้นแล้วหันไปพูดกับพีเจ

“อืมๆ ไปก่อนนะ” ไอ้พีเจหันมาโบกมือให้พวกผมก่อนจะเดินไปที่รถ

“กู๊ดบายมายเฟรนด์” ผมทำหน้าเอือมๆใส่ไอ้ภูมิก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ  แม่งไม่เคยจะปกติกับเค้าหรอกเพื่อนผมแต่ละคนอ่ะ

“กลับบ้านกันเหอะป๊อนซ์” ผมพูดพร้อมกับเก็บขวดน้ำเก็บผ้าเช็ดเหงื่อไอ้ป๊อนซ์ใส่กระเป๋า

“อืม” ป๊อนซ์แย่งกระเป๋าของมันที่อยู่ในมือผมไปถือปล่อยให้ผมถือกรงของอ็โปเอาไว้

แล้วมืออีกข้างหนึ่งของมันที่ว่างอยู่ยื่นมากุมมือผม แล้วบีบเบาๆ พอผมหันหน้าไปมองมันก็ยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผมเบาๆ

“รักดื้อมากขึ้นอีกแล้วอ่ะ”




“เยสเข้!!!” ไอ้ภูมิโวยวายเสียงดังก่อนจะตั้งหนังสือลงบนโต๊ะ

“เป็นไรอีกอ่ะ” ไอ้พีเจหันไปถามนิ่งๆเพราะมันเองก็กำลังฝ่าฝันซับเวย์ของตัวเองอยู่

“ห้องกูสอบฟิสิกส์พรุ่งนี้  แล้วมึงดูมาบอกกูวันนี้ คืนนี้แค่กูหาชีทที่ครูให้มาให้ครบก็เช้าแล้ววว” ไอ้ภูมิโอดครวญแล้วนั่งลงแบบกระแทกแรงๆ

“เหอะๆ ตามบุญตามกรรมที่มึงมีเลยแล้วกันนะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่มันเบาๆ

-คันหู ไม่รู้เป็นอะไร๊-

อื้อหือ เพลงเค้าเลิกฮิตกันไปได้สักพักแล้วแต่แม่งสงสัยยังตราตรึงอยู่ในใจไอ้ลิ้มอีกละมั้งเนี่ย  แล้วอีกอย่างนึง ผมว่ามันดูไม่ค่อยเค้ากับไอโฟนของมันสักเท่าไหร่นะ

“ทำไม” เสียงเข้มเชียวสัด  ผมกับพีเจหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย  เอาแล้วสาดลิ้ม

“มาหากูหน้าตึกวิทย์ดิ” บ๊ะ มีให้มาหากันด้วย

“เออ กูนั่งโต๊ะแรกเลย”

“เออ ให้ว่อง” ไอ้ลิ้มกระแทกเสียงลงไปก่อนจะถอนหายใจออกมาแบบเหนื่อยๆ

“ใครวะ” ไอ้ป๊อนซ์หันไปถามหน้าอึนๆ

“ไอ้ท็อปเทล”

“หา ท็อปเทลไหนวะ” ป๊อนซ์ทำหน้างงหนักเข้าไปใหญ่ ตายๆ ทีเรื่องแบบนี้แล้วควายนักนะมึง

“ท็อปเทลที่กูทำมันหัวแตกวันก่อนอ่ะ” ไอ้ลิ้มตอบออกมาแบบปัดๆ มีพิรุธนะมึง

“อ๋อ แล้วน้องแกมีปัญหาอะไรอีกอ่ะ”

“ไม่รู้แม่ง โทรมาแล้วร้องไห้อย่างเดียวเลย พูดเหี้ยไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง”

“เอาหน่าลิ้ม ใจเย็นๆก่อน” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับไหล่มันเบาๆ

“ทำไรอ่ะดื้อ กูหึง” ไอ้ป๊อนซ์พูดก่อนจะแกะมือผมออกจากไหล่ไอ้ลิ้ม  อาการหนักแล้วนะป๊อนซ์

“ป๊อนซ์!!” ผมหันไปดุไอ้ป๊อนซ์ หน้ามันก็หงอยไปตามระเบียบอ่ะครับ  ช่วงนี้แม่งไม่รู้เป็นอะไรบางทีก็หื่นเกินจะรับไหว แต่บาง
ครั้งก็ปัญญาอ่อนจนน่าปวดหัว

“....” ไอ้ป๊อนซ์ลุกขึ้นเดินออกไปจากโต๊ะอย่างเงียบๆ  นั่นไงโหมดงอแงของมันมาแล้วล่ะครับ

“เฮ้อออ  เดี๋ยวกูมานะ” ผมส่ายหัวเบาๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตามไอ้ป๊อนซ์ไป  ไอ้ตูดป๊อนซ์==’



ผมเดินเว้นระยะห่างจากป๊อนซ์พอสมควร เป็นผลมาจากที่เมื่อกี๊ผมไปซื้อชาคูซ่ามาง้อมันนี่แหละครับ
มันเดินไปสักพักก่อนจะหยุดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น ผมก็ไม่รอช้าครับเดินตามมันไปทันที

“อ่ะ” ผมเอากระป๋องชาคูซ่าสะกิดไหล่มันเบาๆ

“อะไร” ทำเข้มนะสัด เดี๋ยวกูไม่ง้อขึ้นมาแล้วจะหนาว  แต่ตอนนี้ของ้อมันก่อนแล้วกันเนาะ

“ง้อ” ไม่ทันจะสิ้นคำ ไอ้ป๊อนซ์ก็หันหน้ามาพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาปิด  ไอ้ตูดป๊อนซ์

“ก็แค่นี้แหละ” หายง่ายไปมั้ยไอ้ป๊อนซ์...

ป๊อนซ์มันรับกระป๋องชาคูซ่ามาเปิดแล้วยกขึ้นดื่ม ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววาดมือกอดคอพาผมเดินกลับไปที่เดิม

“มึงอยากตายใช่มั้ยไอ้สัด!!!!!” เสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีตะโกนออกมาจากกลุ่มคนที่ยืนมุงกันอยู่  อะไรของไอ้ลิ้มอีกละเนี่ย

“เฮ้ย หลบหน่อยๆ โทษครับ” ผมเอามือป๊อนซ์ออกจากไหล่ก่อนจะเดินแทรกวงล้อมนั้นเข้าไปแล้วก็เจอเข้ากับไอ้พีเจกับไอ้ภูมิที่
ช่วยกันยื้อแขนไอ้ลิ้มไม่ให้ไปต่อยน้องเค้าที่นอนกองอยู่ที่พื้นซ้ำอีก  จากสภาพนี่ก็น่าจะโดนมาแล้วไม่น้อย

“อะไรกันวะ มึงต่อยมันทำไมวะลิ้ม” ไอ้ป๊อนซ์ที่เดินตามเข้ามาทีหลังถามขึ้นเมื่อเห็นสภาพของน้องเค้าที่แม่งน่าจะเรียกว่าปาง
ตายได้เลยนะนั่น

“ไอ้เหี้ยนี่แหละแม่งทำน้องท็อปเทลร้อง” ห๊ะ ผมงงหนักเลยครับงานนี้ แต่พอมองไปที่หน้าพีเจผมก็เริ่มจะเข้าใจ หึๆน้องท็อปเทลงั้นเหรอ

“แล้วไหนน้องท็อปเทล” ผมหันไปถามไอ้ภูมิ มันก็ยู้ปากไปทางโต๊ะที่มีไอ้ไปป์นั่งอยู่ ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆก็พบกับน้องท็อป
เทลที่นั่งตัวสั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า

ผมลูบหัวน้องเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่ไอ้ลิ้มยืนอยู่ นั่งลงถามน้องเค้าที่นอนจุกอยู่กับพื้น

“มึงทำอะไรน้องเค้า” ผมถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆที่ไม่ค่อยมีใครเคยได้ยินหรอกครับเพราะว่าเสียงผมจะเป็นแบบนี้เฉพาะตอนที่ผมหงุดหงิดจริงๆ

“เอ่ออ คือ...” มันไม่พูด แล้วก้มหน้าหลบตาผม ผมก็ไม่ทำอะไรมากหรอกครับ

“กูถามว่ามึงทำอะไรน้องเค้า!!!!!” ผมตะคอกพร้อมกับจิกผมแล้วดึงจนมันหงายหลัง ถึงผมยังจะไม่รู้ว่ามันทำอะไรกับน้องท็อปเทล และถึงแม้ว่าผมกับน้องเค้าจะไม่ได้สนิทกันเลยก็ตามแต่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มกับร่างกายที่สั่นระริกของน้องแกก็ทำให้ผมอารมณ์ขึ้นได้อย่างไม่ยากเลย

“เอ่อ ผมขอโทษครับพี่ ผมไม่ทำแล้ว” มันยกมือที่น่าจะซ้นจากฝีมือของไอ้ลิ้มขึ้นมาไหว้ผมแบบรัวๆ

“กูให้มึงขอโทษเหรอ กูถามให้มึงตอบ!!” ผมทึ้งหัวมันแรงๆอีกครั้งจนไอ้ป๊อนซ์ที่ยืนอยู่ต้องเดินมาแกะมือผมออกแล้วประคองให้ลุกขึ้นยืนห่างจากมันพอสมควร

“มันทำอะไรน้องท็อปเทลวะลิ้ม”ไอ้ป๊อนซ์หันไปถามลิ้มทั้งๆที่มือมันก็ยังกุมมือผมไว้แน่น

“ท็อปเทลโทรมาบอกกูว่า มันจับท็อปเทลกดบนโต๊ะในห้อง 2402” เสียงไอ้ลิ้มดูเย็นลงมากแล้วแต่ก็ยังแฝงความโมโหอยู่(2402 เป็นรหัสห้องเรียนนะคะ)

“เหี้ยจริง ไอ้สัด!!” นี่มันทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ ผมตะโกนด่ามันเสียงดังก่อนจะพยายามเดินไปหามันอีกรอบแต่ป๊อนซ์ก็จับไว้ แล้วพยักหน้าประมาณว่าเดี๋ยวมันจัดการเอง

ป๊อนซ์เดินไปหาไอ้เด็กนั่นก่อนจะนั่งลงแล้วพูดด้วยเสียงปกติแต่ก็สามารถทำให้คนที่ฟังอยู่ขนลุกซู่ได้

“กูไม่มีรุ่นน้องแบบมึง  มึงคงจะรู้นะว่าต้องจัดการตัวเองยังไง” พูดจบป๊อนซ์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับมาหาผมพร้อมกับยิ้มให้ผม
อย่างสดใส เอิ่มป๊อนซ์มึงจะเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปมั้ย

ไอ้เด็กนั่นลุกขึ้นก่อนจะรีบวิ่งฝ่าวงล้อมของเหล่าบรรดาไทยมุงออกไปอย่างรวดเร็ว

ไอ้ภูมิกับไอ้พีเจก็ปล่อยไอ้ลิ้มให้เป็นอิสระ ไอ้ลิ้มก็ไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาน้องท็อปเทลทันที

“หายกลัวยัง” ไอ้ลิ้มจับไหล่น้องเค้าเบาๆแต่น้องก็ยังสะดุ้งอยู่ดี ผมแอบเห็นไอ้ลิ้มขบกรามด้วยแหละ วันนี้ไอ้เด็กเปรตนั่นจะกลับถึงบ้านรึเปล่านะ

“เทลเงยหน้าขึ้นมามองกะ.. เอ่อ มองพี่ดิ” อ่อนโยนขึ้นเยอะเลยเพื่อนกู

น้องท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมองไอ้ลิ้มด้วยแววตาสั่นระริกและผมก็มั่นใจว่านั่นสามารถเพิ่มความโกรธให้ลิ้มได้เป็นอย่างดีเลย

“แม่ง!!!!!” ไอ้ลิ้มสบถออกมาเสียงดังจนน้องท็อปเทลสะดุ้งอีกครั้ง แล้วมันก็ก้มลงกอดน้องท็อปเทลพร้อมกับดันหัวน้องเค้าให้ซบลงที่ไหล่มัน

“โอ๊ะ โมะ” ไอ้ภูมิอุทานออกมาแล้วยกมือขึ้นปิดปากด้วยท่าทางสะดีดสะดิ้ง

“หึๆ” แล้วมึงก็เก็บไว้ไม่อยู่สินะ ความรู้สึกของมึงน่ะลิ้ม

“มันไม่ตายดีแน่ กล้าดียังไงมาแตะต้องคนของกู” ไอ้ลิ้มพูดเสียงเย็นก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมาดร้าย  เอ๊ะลิ้ม  คนของกูงั้นเหรอ??
มันปล่อยน้องท็อปเทลออกจากอ้อมกอดก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมากดเบอร์โทรออก

พวกผมก็ยืนลุ้นครับว่ามันจะโทรหาใคร และผมก็หวังว่ามันจะไม่เป็นเหมือนที่ผมคิด

“ฮัลโหลป๋า” ชัดครับ เตรียมอุทิศส่วนกุศลให้ไอ้เด็กนั่นได้เลย เพราะว่าป๋าที่ไอ้ลิ้มพูดถึงนี่ก็คือพ่อของมันนั่นแหละครับ บ้านไอ้ลิ้ม
เนี่ยคนนอกก็จะรู้จักกันในนามของบริษัทส่งออกข้าวสารรายใหญ่ของประเทศ แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังพ่อมันเป็นคนที่มีอิทธิพลด้านมืดในอันดับต้นๆของเมืองไทยเลยทีเดียว

“ก็ไม่มีไรมากหรอก อยากให้ช่วยสั่งสอนคนให้หน่อย”

“ไม่ต้องถึงตายป๋า เอาแบบเดี้ยงไปสักเดือนนึงแล้วกัน” อื้อหือลิ้ม  กูรู้แล้วล่ะว่ามึงโหดได้ใคร

“อ่าๆ เดี๋ยวหนูส่งรูปไปให้ ครับ ขอบคุณครับ” คือมันก็เท่ห์มาตลอดนะ แต่ผมดันมากระตุกวูบกับคำว่าหนูของมันเนี่ยสิ  น่ารักสัดๆ

“ฮ่าๆ” น้องท็อปเทลหัวเราะออกมาทั้งๆที่คราบน้ำตายังแห้งไม่หมดเลย

“ขำไร” ไอ้ลิ้มตวัดตาไปมองอย่างดุๆ น้องท็อปเทลก็เอามือตะครุบปากตัวเองทันทีเลยครับ ฮ่าๆๆ ดูท่าว่าจะกลัวมากนะเนี่ย

“นี่มึงเรียกแทนตัวเองกับพ่อว่า หนู เหรอ” ไอ้ป๊อนซ์ถามไปก็กลั้นยิ้มไป แต่แม่งไอ้คนโดนถามนี่หน้ายับมากครับตอนนี้

“เออ ทำไมวะ แปลกเหรอ” มากกกกอ่ะ เพื่อนลิ้ม ฮ่าๆๆๆๆ

“เปล่าๆ กูก็แค่คิดว่าน่ารักดี” ไอ้ป๊อนซ์ตอบกลับแล้วรีบหันหลังไปหัวเราะทันที  แต่ลิ้มแม่งไม่สนใจอะไรแล้วครับตอนนี้ มันสนใจ
แต่คนตัวเล็กที่นั่งยิ้มทั้งคราบน้ำตาให้มันอยู่ตรงหน้า

“ทีหลังมีอะไรก็โทรบอกกูเป็นคนแรกแบบนี้อีกเข้าใจมั้ย” ลิ้มมันนั่งคุกเข่าลงกับพื้นหันหน้าเข้าหาน้องท็อปเทลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

“ครับ” น้องแกรีบพยักหน้ารับเร็วๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตาไอ้ลิ้มเลย

“เอ่ออ  พี่ลิ้ม” อ๊ากกกกกกกก  เสียงหวานโคตรๆเลยอ่ะ โจช๊อบชอบบบบ

“สายตามึงอ่ะน้อยๆหน่อยดื้อ” ไอ้ป๊อนซ์กระซิบเสียงโหดที่ข้างหูของผม  ก็แหมเด็กมันน่ารักซะขนาดนั้นอ่ะ ก็ต้องมีกันบ้างงงง

“หืมม?”ไอ้ลิ้มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“คือ..เรื่องพี่คนเมื่อกี๊อ่ะ อย่าทำอะไรเค้าได้มั้ย”

“ไม่!!!” ไอ้ลิ้มตอบกลับไปทันควัน  ก็นะจับกดซะขนาดนั้น  นี่ขนาดผมยังขึ้นเลยแล้วไอ้ลิ้มก็ไม่ต้องพูดถึงเหอะ

“เทลขอเถอะนะครับ  อย่าทำเลย แค่นี้พี่เค้าก็ไม่กล้ามาทำอะไรแล้วล่ะ” น้องท็อปเทลพูดขอร้องอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ขอเปล่า
เพราะน้องแกยื่นมือออกไปจับข้อมือของไอ้ลิ้มไว้  แม่งพอเทียบกับมือน้องเค้าแล้วข้อมือลิ้มแม่งโคตรใหญ่เลย

“เอ่ออ  เออก็ได้” สีหน้าไอ้ลิ้มดูอ่อนลง แล้วมันก็ตอบรับคำในที่สุด  แหมๆเชื่อฟังเชียวนะไอ้มาเฟีย

“ขอบคุณครับ” น้องท็อปเทลพูดขอบคุณก่อนจะยิ้มกว้างจนตาหยีส่งไปให้ลิ้ม  ว๊ายๆๆๆไอ้ลิ้มก็ยิ้มแฮะ  ทีตอนแรกละทำเป็นเข้ม

“โจ มึงทำสีหน้าแปลกๆออกมาอีกแล้วรู้ตัวป่ะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับดึงผมให้หันหน้าไปหามันก่อนจะดีดที่หน้าผากผมดังป๊อกเลย 

“เจ็บนะ”

“สมควร” มันพูดยิ้มๆแล้วดันผมให้หันกลับเข้าไปในวงสนทนาเหมือนเดิม  แม่งต้องการอะไรจากกูวะไอ้หล่อ ผมเอามือถูรอยที่
โดนดีดเมื่อกี๊ด้วยอารมณ์ที่โคตรจะขุ่นมัว

“เอ่ออ  แล้วนี่จะกลับไปเรียน  กลับบ้าน หรือจะไปไหน” อื้อหือออ  พ่อมาเฟียของเราเอาแล้วครับ  ป๋าเลยทีเดียว กะเพื่อนแม่ง
ไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้

“เอ่ออ เทลไปเรียนดีกว่าครับ” น้องท็อปเทลพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน

“อืมก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” บ๊ะ  เรียกพี่ซะด้วย แล่ว แล่ว แล่ว แล้วววววว

“กูไปส่งเทลก่อนนะ” ไอ้ลิ้มลุกขึ้นยืนแล้วหันมาบอกพวกผมก่อนจะเดินตามหลังน้องท็อปเทลไป  แม่งไอ้ลิ้มบังน้องเค้ามิดเลยอ่ะ

“เออๆ กลับมาเรียนด้วยแล้วกันมึง” ผมตะโกนไล่หลังไป ไอ้ลิ้มก็ยกมือทำเครื่องหมายโอเคโดยไม่ได้หันหลังมามองพวกผมเลย 

“เอาแล้ววะ  กูว่าแล้วไอ้ลิ้มแม่ง” ไอ้พีเจพูดออกมายิ้มๆแล้วหันมามองผมกับไอ้ไปป์แบบรู้กัน  แต่ดูเหมือนว่าไอ้สองตัวที่เหลือจะ
ไม่เข้าใจในการส่งสัญญาณทางสายตาครั้งนี้

“วอท เฮพเพ่น?? นี่กูไม่เข้าใจวะ ช่วยเดสครายบ์(describe)ให้ฟังหน่อยดิ” ไอ้ภูมิถามพร้อมกับทำหน้าเอ๋อๆงงๆ

“เออนั่นดิ พวกมึงพูดอะไรกันวะ กูไม่เห็นจะเข้าใจเลยอ่ะ” ไอ้ป๊อนซ์นี่หนักกว่าไอ้ภูมิอีกครับ แม่งหน้าตาอารมณ์เสียมากอ่ะ

“โอ๋ๆ น้องป๊อนซ์ เก่งซะทุกเรื่องแล้วทำไมเรื่องนี้เข้าใจล่ะครับ” ผมพูดล้อๆพร้อมกับพยายามเอื้อมมือขึ้นไปตบหัวมันเบาๆ (มี
ความพยายามมากกกก)

“ลามปามแล้วไอ้โจ” แหมเสียงโหดขึ้นมาเชียวนะ  คืองี้ครับมันไม่ค่อยชอบให้ใครไปตบหัวมันอ่ะครับ แต่เวลาจะนอนนี่แม่งอ้อน
ให้ลูบหัวให้ตลอดดดดด 

“ฮ่าๆๆๆ  พวกกูไม่บอกหรอก” ไอ้พีเจหัวเราะขึ้นมาก่อนจะสีหน้าตาสงสารส่งไปให้ไอ้ป๊อนซ์กับไอ้ภูมิ

“แม่ง!!!”ไอ้ป๊อนซ์กับไอ้ภูมิคำรามออกมาด้วยความแค้นที่พวกผมเห็นมันเป็นตัวตลกก่อนที่มันสองคนจะวิ่งไล่ไอ้พีเจขึ้นอาคาร
เรียนไป  แม่งยอมรับเลยนะว่าอยู่กะไอ้พวกนี้นี่แม่งโคตรเหนื่อยเลย แต่ความสุขที่ผมได้รับมันมาบดบังความเหนื่อยที่เกิดขึ้นจนหมดเลยน่ะสิ  หึๆ



ต่อด้านล่างนะจ๊ะ>>>>>
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 13 เพื่อนผม เพื่อนผม^^ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 11-02-2013 19:47:59
“โอ๊ยยยยย  ไอ้ภูมิมึงเล่นดีๆดิ”

“แป๊ปดิ  ฟีลลิ่งกูแม่งกำลังมาเลย”

“ลิ่งพ่องมึงดิ  มึงช่วยเล่นตามโน้ตที่เค้ามีมาให้ได้มั้ยวะ”เสียงไอ้นายกับไอ้ภูมิทะเลาะกันดังลั่นไปทั้งห้องซ้อม   ใช่แล้วครับตอนนี้พวกเราก็มาสิงสถิตอยู่ที่ก้องซ้อมดนตรีอีกครั้ง แต่มันต่างกันตรงที่ว่าครั้งที่แล้วผมมาห้องนี้ด้วยจิตใจที่โคตรจะห่อเหี่ยวจากการทะเลาะกับป๊อนซ์แต่วันนี้ผมมาด้วยความเริงร่าและเบิกบานนนนนนนนนเป็นที่สุด

“มึงอย่าทะเลาะกันได้ป่ะ กูท่องเนื้อไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย” เสียงดุๆของไอ้ไปป์ทำให้ห้องซ้อมกลับเข้าสู่ความสงบได้อีกครั้ง เฮ้ออออ  ปวดหัวตลอดเลยเวลาอยู่กะไอ้พวกนี้เนี่ย

“หึๆ เป็นไงดื้อร้อนเหรอ เหงื่อเต็มเลย”ป๊อนซ์เดินยิ้มเข้ามาหาผม แล้วยื่นมือออกมาเช็ดเหงื่อที่ไรผมของผมออก ก็ห้องนี้แม่งโคตรร้อนเลยอ่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้ป๊อนซ์ต้องมาซ้อมเพื่อที่จะขึ้นร้องวันชาวหอนะ ผมแม่งไม่มานั่งทนร้อนอยู่แบบนี้หรอก

“อืมมม  ห้องนี้แม่งมีแอร์ป่ะเนี่ย” ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางที่แอร์ตั้งอยู่ก่อนจะพยายามกระโดดเพื่อเอามือลองไปบังที่แอร์ดูว่าแอร์ออกมั้ย  แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นงานที่ยากไป

“เฮ้อออ ไปนั่งไปเดี๋ยวดูให้” ไอ้ป๊อนซ์เดินมาประชิดด้านหลังของผมก่อนจะบอกให้ผมเดินไปนั่งแล้วเอามือบังๆที่แอร์ให้

“แอร์ไม่เห็นจะออกเลยว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์หันกลับมาบอกผมหลังจากที่เอามือลองบังที่แอร์ดูแล้ว

“อ้าวววว  แล้วใครเข้ามาคนแรกวะเนี่ย ได้เปิดแอร์ยัง??”ผมถามไปสะบัดเสื้อไป  นี่แม่งก็แกะกระดุมออก 2 เม็ดแล้วนะ แต่ไอ้พวกที่เหลือนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอ่ะครับถอดเสื้อกันหมดแล้ว ตอนแรกผมก็กะจะถอดนะแต่ก็มีคำสั่งมาจากเบื้องบน ข้าน้อยอย่างผมก็ขัดไม่ได้ซะด้วยสิ

“กูเข้ามาคนแรก  กูกดแล้วนะ” ไอ้ป๊อนซ์ส่ายหน้าเบาๆอย่างไม่เชื่อใจก่อนจะเดินไปดูที่แผงควบคุมแอร์

“เปิดบ้านมึงดิภูมิ แม่งยังปิดอยู่เลย” ไอ้ป๊อนซ์หันมาด่าไอ้ภูมินิดๆก่อนจะกดเปิดแอร์

“อ้าววววว  ไหนบอกเปิดแล้วไงไอ้ภูมิ” ผมก็หันไปด่าแม่งเหมือนกันครับ ดีนะเนี่ยที่รู้ตัวทันไม่งั้นคงจะขาดอากาศตายกันอยู่ในห้องนี้แล้วละมั้ง

“เออ แม่งกูร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว”

“สัดเสื้อกล้ามกูโคตรเปียกอ่ะ” และก็ยังมีไอ้ไปป์กับไป้นายช่วยกันผสมโรงด้วยครับ  คราวนี้ไอ้ภูมิถึงกับเบะปากเลยทีเดียว  ฮ่าๆ
ๆๆมันไม่ได้น่าสงสารเลยนะ แต่ว่าแม่งโคตรฮาอ่ะ

“ก็ใครจะไปรู้วะ  พวกมึงบอกให้กูเข้ามาแล้วกดที่สวิตช์กูก็กดดิ ตอนแรกกูก็คิดนะว่าจะกดดีมั้ยเพราะแม่งไฟมันติดอยู่แล้วอ่ะ แต่
ในเมื่อพวกมึงบอกให้กูกดกูก็เลยกดไง เพราะกูแม่งเชื่อเพื่อนเว้ย”ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับทำสีหน้าแน่วแน่  อื้ออออหือกูขอสาบานต่อหน้าต้นหญ้าทั้งหมดทั้งมวลที่หน้าห้องซ้อมว่าต่อไปนายพงศกรคนนี้จะไม่ปล่อยให้ไอ้ภูมิเข้าห้องมาก่อนอีกเป็นอันขาด

“เออๆ แม่งช่างเหอะซ้อมต่อดีกว่า” ไอ้ไปป์พูดตัดบทขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างก็หันกลับไปทำงานของตัวเองตามเดิม ไอ้ภูมินี่ก็ตีกลองในจังหวะแปลกๆที่มันคิดขึ้นมาเอง ไอ้นายก็นั่งซ้อมกีต้าร์อย่างตั้งใจ ไอ้ป๊อนซ์ลูบหัวผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งซ้อมร้องเพลงกับไอ้ไปป์ต่อ แต่ไอ้ลิ้มนี่สิจนป่านนี้แล้วยังไม่มาเลย  แปลกๆแล้วนะเพื่อนลิ้ม หึๆ

“เอ่ออ โทษทีวะพวกมึง” พูดถึงลิ้ม ลิ้มก็มาครับแม่งสภาพนี่คืออย่างกับวิ่งมาสัก 100 กิโลได้ เสื้อหลุดออกจากกางเกงทุกด้าน
แล้วไหนจะเหงื่อที่เปียกจนชุ่มบนเสื้อนักเรียนนั่นอีก

“กว่าจะมานะมึง” ไอ้พีเจหันมามองไอ้ลิ้มแล้วยิ้มนิดๆ

“ไปไหนมาว่ะ” ไอ้ป๊อนซ์วางเนื้อเพลงก่อนจะเดินไปหาลิ้ม

“กูไปส่งเทลที่หอมาแล้วมีเรื่องนิดหน่อย” กูว่าแล้วววววว  หมอโจฟันธง!! ฉึกๆ

“เรื่องไรวะ”พูดถึงเรื่องมีเรื่องมีราวนี่ไม่ได้เลยนะไอ้ไปป์ เลือดร้อนเหลือเกิน

“ก็แค่ไอ้เด็กนั่นมันก็แอบมีพรรคพวกเหมือนกันไรเงี้ย แล้วมันก็มาดักรออยู่หน้าหอเทล”ไอ้ลิ้มเล่าหน้าตานิ่งๆ  แต่เอ๊ะมีเรื่องแล้ว
ทำไมมึงไม่เป็นไรเลยวะเนี่ย หรือว่ามึงแดกเหล็กไหลเข้าไปแล้วเป็นอมตะ (เพ้อแล้วไอ้โจ)

“แล้วทำไมมึงไม่มีร่องรอยของการมีเรื่องเลยวะ” สงสัยเหมือนกันเลยชายป๊อนซ์

“ก็บังเอิญว่ากูก็โทรบอกป๋าว่าให้เอาคนมาเฝ้าที่หน้าหอเทลไว้เหมือนกันไง” อ๋อออออ แบบนี้นี่เองงงงง

“รอบคอบว่ะมึง” ผมชมไอ้ลิ้มพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือให้ในไปเลยสองข้าง

“หวงขนาดนั้นทำไมไม่เอามาด้วยวะ” ไอ้พีเจยิงคำถามจึ๊กๆอีกแล้วครับ  ผมล่ะช๊อบชอบบบบ

“ตอนแรกก็จะเอามาแล้วนะเว้ย แต่เทลบอกว่าพรุ่งนี้สอบก็เลยอยากอยู่อ่านหนังสือที่หอมากกว่า” ว๊าววววว  เพื่อนผมครับเพื่อน
ผม

“อ๋ออออ” ผมส่งเสียงอ๋อยาวเหยียดแสดงถึงความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

“ปิดปากหน่อยดื้อ  ยุงบินเข้าไปหลายตัวแล้วนะ” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นมือมาปิดปากผม แม่งยุงบินเข้าปากกูงั้นเหรอออ  งับมือแม่งเลย งับๆๆๆ

“โอ๊ยยยดื้อ เล่นไรวะ” ไอ้ป๊อนซ์รีบดึงมือกลับแล้วสะบัดแรงๆหลายที

“ฮ่าๆๆๆสมน้ำหน้า” ผมหัวเราะก่อนจะหันหลังแล้วเอามือตบที่ตูดพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนมันด้วย 

“ยั่วกูเหรออออ” ป๊อนซ์ทำหน้าหื่นก่อนจะลากเสียงยาวๆ  ยั่วงั้นเหรอ??

“โอ๊ยยยย  นี่มึงมายืนตบตูดเชิญชวนไอ้ป๊อนซ์ทำไมตรงนี้วะเนี่ย ขวางทางกูว่ะ” ไอ้นายที่เพิ่งจะเดินกลับจากเข้าห้องน้ำก็พูดขึ้น
ทำให้ผมกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที แม่งไอ้หื่นป๊อนซ์!!!!!!!!!!

“ไอ้เสื่อม!” ผมกลับมายืนท่าปกติก่อนจะหันหน้าไปด่าไอ้ป๊อนซ์

“ว่ากูเสื่อมแล้วทำไมมึงต้องหน้าแดงด้วยดื้อ มึงคิดไรอยู่เนี่ย”

“ก็ ก็...ก็มึงบอกว่ากูยั่วอ่ะ” พูดเองก็อายเองครับ

“ฮ่าๆๆๆ มึงแหละเสื่อมกูหมายถึงยั่วโมโหหรอก” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้ารับไม่ได้  หนอยไอ้ป๊อนซ์  กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอ่ะ

“ป๊อนซ์ มึง!!!!!!!” ผมชี้หน้าคาดโทษไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าหาหมายจะงับหูมันให้ขาดไปเลย

ตึ่ง ตึ้ง

เสียงไลน์ใครน่ะ

ไอ้ป๊อนซ์ล้วงไอโฟนของผมออกมาจากกระเป๋า(มันยังไม่คืนผมเลยครับตั้งแต่วันที่โรงพยาบาลอ่ะ) แล้วก้มลงมองก่อนจะเงยหน้ามามองผมด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมผิดจากเมื่อ 2 วินาทีที่แล้วราวฟ้ากับเหว

“มีไรเหรอปอนป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงสั่นๆหน่อย

“มึงไปทำไรไว้โจ”

“ไม่เค๊ยไม่เคย” ผมปฏิเสธพร้อมกับโบกมือไปมา

“แล้วทำไมไอ้คนที่ชื่อต้นหลิวนี่ถึงมาบอกรักมึงห๊ะ” ตายห่าแล้ว ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าผมม่อพี่ต้นหลิวไว้

“เอ่อ...คือ....”

“โจโจ” ไอ้ป๊อนซ์กัดฟันกรอดๆแล้วเรียกชื่อเล่นที่มีเพียงแม่ของผมเท่านั้นที่เรียกอยู่

“คร้าบบบบบ” ผมขานตอบเสียงหวาน แล้วค่อยๆเดินถอยหลังให้ออกห่างจากมันที่เดินเข้ามา

“ตายห่าแน่ไอ้โจ”เสียงนิ่งๆของไปป์ลอยมาเข้าหูผมเป็นเสียงแรกเลยครับ

“สะใจวะแม่ง” สะใจอะไรของมึงวะพีเจ

“ต๊ายยยยย  ไอ้โจกลัวจนตัวหดลงอีกแล้ว” แม่งมึงสิไอ้ลิ้ม

“เดธชัวร์!!!!!” ไอ้ภูมิยกไม้กลองขึ้นชูสูงพร้อมกับตะโกนออกมาราวกับว่าเพิ่งประกาศอิสรภาพจากพม่า

อย่าแช่งกูดิ  แค่นี้กูก็กดดันจะตายอยู่แล้วววววววว

ไอ้ป๊อนซ์ไม่พูดอะไรก่อนจะเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นฟันกระทบกันดังกึกๆได้


ป๊อนซ์ไล่ต้อนจนผมติดผนังก่อนจะค่อยๆก้มลงมาแล้ว..............


..............................................TBC.........................................

อัพแล้วววววววว 

ฟิ้วว!!!!!!!  หลบดงกระสุนปืนมาอัพ 555  :z6:

อันที่จริงจะอัพตั้งแต่วันเสาร์แล้วแต่คอมโดนยึด  :o12:

ช่วงหลังจากนี้โรงเรียนคนเขียนจะปิดเป็นการภายใน

ขอสัญญาว่าจะอัพให้ถี่จนขี้เกียจอ่านกันไปเลย  :z10:

คนเขียนขอย้ำอีกครั้งว่านิยายเรื่องนี้เกิดจากความฟินของคนเขียนและคณะ มีส่วนจริงบ้างมโนบ้าง(เยอะ!!!!!)
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะจ๊ะ^^

แถมมมม  มีอะไรมาโม้แหละ

แต๊น  แต่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

พรุ่งนี้เป็นวันจำลองวันวาเลนไทน์ของโรงเรียนคนเขียนแล้วทีนี้เค้าก็มีโปสการ์ดขายแล้วบังเอิญว่ามีคนเอาชื่อเรื่องไปทำเป็นโปสการ์ดแหละ  ปลื้มมากกกกก  o18
คนเขียนเลยซื้อมาเก็บไว้ใบนึงแล้วก็เขียนให้น้องเค้าอีกใบนึง (น้องคนนั้นจะเป็นใครก็รอลุ้นกันวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ)
อย่าลืมเม้นต์ให้กำลังใจกันด้วยล่ะ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 13 เพื่อนผม เพื่อนผม^^ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-02-2013 20:13:12
อะแน่ะ พี่ลิ้มเรา ในที่สุดก็ประกาศเปิดตัวน้องท็อปเทลอย่างเป็นทางการซะที
ปล. โจ งานนี้มีเคลียร์กะป๊อนซ์ยาวแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 13 เพื่อนผม เพื่อนผม^^ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 12-02-2013 02:10:37
อัยยะของเขาดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 13 เพื่อนผม เพื่อนผม^^ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-02-2013 03:41:35
น่ารักกันจริง เหลือใครบ้างที่ยังไม่มีแฟนเนี่ย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 13 เพื่อนผม เพื่อนผม^^ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 12-02-2013 13:36:37
คนเขียน อยากบอกว่า โคตรสนุกเลย ขอใช้คำนี้

มันสนุกมากๆๆจริง (อย่า ดราม่าเยอะน่ะ น้ำตาซึมเลย) ฮ่าๆๆๆๆๆ

รอตอนต่อไป ติดตามต่อไป :) ขอบคุณครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ชี้แจงเรื่องตัวละครจ้าาาา เผื่อใครงงๆ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 12-02-2013 21:18:50
****ขอย้ำว่าตัวละครทุกตัวล้วนมีอยู่จริง  เรื่องราวบางอย่างในนิยายก็มาจากความจริงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่คนเขียนจินตนาการขึ้นมา ก่อนอ่านทุกครั้งโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะจ๊ะ******
Pontz x Joe :เป็นเพื่อนกัน รุ่นเดียวกัน
Pipe x Plus:ไปป์เป็นรุ่นพี่อยู่ม.4ส่วนพลัสเป็นรุ่นน้องอยู่ม.3 (ชีวิตจริงไปป์อยู่ม.4ส่วนพลัสอยู่ม.5)
Limp x Toptail:ลิ้มเป็นรุ่นพี่อยู่ม.4ส่วนท็อปเทลเป็นรุ่นน้องอยู่ม.2 (ชีวิตจริงอยู่ม.เดียวกัน แล้วก็ไม่ค่อยสนิทกันหรอกแต่ว่าคนเขียนชอบไงเพราะน้องหน้าตาน่ารักทั้ง 2 คน)
PJ Poom และอื่นๆก็จะเป็นเพื่อนๆของป๊อนซ์กับโจนั่นแหละ
ออกมาบอกอย่างนี้หวังว่า "ตัวละคร" ในเรื่องที่เข้ามาอ่านจะเข้าใจจุดประสงค์ในการแต่งนะจ๊ะ
อีกอย่าง......
ที่ท็อปเทลโดนกดบนโต๊ะตอนที่แล้วนี่คือกดเฉยๆนะคะ ยังไม่ได้มีอะไร (มีคนอ่านบางคนแอบหื่น==')
สุดท้ายนี้............
จะมาบอกว่าวันวาเลนไทน์นี้มีสเปเชียลแน่นอน และครบทุกคู่เลย
อย่าลืมติดตามนะค่ะ
.....................Katiezz..............................
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ชี้แจงเรื่องตัวละครจ้าาาา เผื่อใครงงๆ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-02-2013 22:42:04
อร๊ายยย อ่านแล้วฟินตาม ความจิงจะมีซัมติงมั้ยนะ

รอรออ่านต่อ ตามต่อด้วยคน
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ชี้แจงเรื่องตัวละครจ้าาาา เผื่อใครงงๆ : 11/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 3BⅠt$. ที่ 14-02-2013 00:58:10
ก้ม ลงมาเเล้ว ? อ๊ายยยยยยย  :o8:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part I P&J : 14/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 14-02-2013 08:24:33
Special Valentine’s Day



Part I



[Pontz x Joe]



[Joe]




“ป๊อนซ์” ผมเรียกไอ้ตัวดีที่นั่งอยู่ข้างๆผม แต่ไม่ยอมพูดกับผมมาเป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว แม่งวันพีชนั้นมันมีดีกว่ากูตรงไหนวะ

“....” เงียบครับ แต่เรื่องอะไรไอ้โจคนนี้จะยอมละครับ

“ปอนป๊อนซ์~” ไม่เรียกเปล่าครับ ผมยื่นหน้าเข้าไปอยู่ระหว่างไอ้การ์ตูนเวรนั่นกับหน้าไอ้เวรนี่ที่นั่งอ่านอยู่

“โจ นั่งนิ่งๆได้ป่ะ” ป๊อนซ์หันมาทำเสียงดุๆนิด แต่ผมไม่สนหรอก~

“ป๊อนซ์ พากูออกไปกินไอติมหน่อยกูเบื่อ~” เบื่อจริงไรจริงครับ วันนี้โรงเรียนผมปิดเป็นการภายในอ่ะครับ ป๊อนซ์เลยพาผมมาอยู่ที่บ้านมัน อยู่มาครึ่งวันแล้วเนี่ยไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนดูทีวีแล้วก็เล่นไอโฟน  แม่งกูถูจนหน้าจอเป็นหลุมแล้วเนี่ย

“แป๊ปดิ” มันบอกปัดๆแถมยังไม่หันหน้ามามองผมด้วย

“ป๊อนซ์~”ผมลงไปนอนบนโซฟาพร้อมกับดิ้นไปมา  แม่งไม่พากูไปใช่มั้ย เหวี่ยงอ่ะเหวี่ยงหมดทุกสิ่งอย่าง

“โจนั่งนิ่งๆ!!!” ป๊อนซ์ตวัดสายตามามองผมอย่างดุๆ ก่อนจะหันไปยิ้มแย้มกับการ์ตูนของมันต่อ อะไรวะ???

“กูเบื่อ~” ผมลุกขึ้นนั่งอีกครั้งแล้วกูหันไปจ้องหน้ามัน (ทั้งๆมันก็ไม่ได้มองมาหรอกนะ)

“เบื่อก็กลับบ้านไปดิ เพราะกูก็เริ่มเบื่อมึงแล้วเนี่ย” อ้าวเฮ้ย ไรวะ เป็นคนพากูมาเองแท้ๆ แล้วมาบอกว่าเบื่อกูเหรอ เออ ไอ้เชี่ย!!!!!

“เออแม่ง!!!!  เชิญมึงอยู่กับไอ้หมวกฟางปากกว้างนี่เลย กูไปแล้ว!!!” ผมตะโกนใส่หน้ามันก่อนจะหยิบเป๋าตังค์กับไอโฟนแล้ววิ่งออกมาจากห้องมันเลย  เออ กูกลับบ้านก็ได้วะ

ผมเดินออกมาหน้าบ้านมันแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า กูจะกลับไงวะ คือบ้านผมอยู่ค่อนข้างจะห่างกับบ้านมันอ่ะครับ รถก็ไม่มี เอาไงละทีนี้

-รัก คือ ทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป-

ผมรีบล้วงไอโฟนออกมาจากกระเป๋าแล้วก็พบว่าผมมีที่พึ่งแล้วว

-PJเว้ยเฮ้ย-

“โหลพีเจ กูรักมึงที่สุด~”

(อย่ามาพูดแบบนั้นได้ป่ะ ขนลุกว่ะ) แม่งหมดอารมณ์เลยกู

“เชอะ”

(เออ แล้วตกลงที่มาบอกว่ารักกูเนี่ยต้องการอะไรรึเปล่า) นั่นแน่ะ รู้ทันซะด้วย

“นิดหน่อย   มารับกูที่บ้านไอ้ป๊อนซ์หน่อยดิ”

(กูว่าแล้ว  เป็นไรกันอีกอ่ะ)

“ก็ไอ้ป๊อนซ์แม่งพากูมาที่บ้านแล้วมาบอกว่าเบื่อกู แม่งเลวว” ขอระบายหน่อยเหอะแม่ง  มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะ  พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์แล้ว แม่งไม่ได้มีทีท่าว่าจะให้อะไรผมเลย

(เออๆ กูขอ 3 นาที เพราะว่าตอนนี้กูอยู่แถวบ้านมันพอดี)

“อืมๆ” ผมกดวางสายจากพีเจ แล้วก็ยืนรอแค่ไม่ถึง 3 นาทีมันก็มาถึงหน้าบ้านไอ้ป๊อนซ์แล้วล่ะครับ

“ไงมึง จะไปไหนมั้ย” ไอ้พีเจหันมาถามผมพร้อมกับขับรถออกจากหน้าบ้านป๊อนซ์

“กินไอติม” ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าเบิกบานสุดๆ ก็แหมไม่ได้กินนานแล้วอ่ะ โคตรอยากกินเลย

“โอ๊ยยยย ตายๆ ให้กูพามึงไปนั่งกินไอติมกันสองต่อสอง นี่มึงไม่อยากเห็นกูมีชีวิตอยู่ต่อใช่มั้ย” ไอ้พีเจหันมาถามผมด้วยใบหน้าหวาดๆ

“ทำไมวะ ไม่เห็นจะแปลกเลย” ผมกับพีเจก็เพื่อนกัน ไปกินไอติมกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกว่ามั้ย

“เออๆเอางี้ มึงโทรไปตามไอ้ภูมิมากินด้วยกันดีกว่า” ผมพยักหน้ารับก่อนจะกดโทรออกหาไอ้ภูมิ

(อันย๊อง) ไอ้นี่มันคนชาติไหนกันแน่วะ

“ยองแม่มึงดิ ทำไรอยู่”

(สวิมมิ่ง) ไอ้เหี้ยนี่กวนตีนชิบหายเลย

“สวิมมิ่งแล้วมึงมารับโทรศัพท์ก็ไงวะ”

(กูก็ใช้ครีบหลังในการยกโทรศัพท์ แล้วก็ใช้หางในการว่าย อ๋อๆ แถมกูยัง..) พอที กูจะไม่ทนแล้ววว

“ไอ้พีเจมึงพูดกับมันดิ ก่อนที่กูจะยื่นมือไปบีบคอมัน” ผมยื่นไอโฟนให้พีเจ พีเจมันก็รู้นะครับว่าไอ้ภูมิมันแม่งเป็นยังไง มันเลย
เลี้ยวจอดข้างทางก่อนจะรับโทรศัพท์ไปคุยแทน

“ฮัลโหลภูมิ”

“เออๆ มึงฟังกูก่อนดิ”

“กูจะชวนไปกินไอติม”

“โรงยิมเหี้ยไรวะ ไอติมเว้ยไอติม” โอ๊ยยย  ปวดหัวแทนเลยกู

“เออๆ ที่ห้างXXนะ ตามมาเร็วๆล่ะ” แล้วพีเจมันก็ส่ายหัวนิดๆก่อนจะกดวาง

“กูบอกแล้วว่าแม่งปวดหัว” ผมตบไหล่พีเจเบาๆเป็นการปลอบใจ ฮ่าๆๆๆ

“เออ แม่งมึนเลยกู” พีเจสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะออกรถอย่างช้าๆ



“รับอะไรบ้างค่ะ” พนักงานสาวสวยในชุดรัดรูป โอ้วววว *0*

“น้อยๆหน่อยโจ” ไอ้พีเจทักหลังจากที่ผมน่าจะแสดงสีหน้าหื่นๆออกไป  ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย แต่เอ๊ะปกติคำพูดนี้มันต้องเป็นของ
ไอ้ป๊อนซ์นี่ เฮ้ยๆๆๆๆ ยังคิดถึงมันอีก มันเบื่อมึงจำไม่ได้รึไง

“เอาอันนี้ครับ เปลี่ยนไอติมเป็นช็อกโกแลตชิพก้อนนึงรัมลูกเกดก้อนนึง” ไอ้พีเจสั่งก่อนจะส่งเมนูมาให้ผมต่อ เอิ่มมม กินไรดีวะ
อยากกินทุกอย่างเลย

“เอาอันนี้ครับ ไอติมเปลี่ยนเป็นสตรอเบอร์รี่เชอเบตทั้ง 2 ลูกเลย” สั่งเสร็จผมก็ปิดเมนูพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้พี่พนักงานสุดสวยคนนั้น

“ค่ะ แล้วน้องล่ะคะ” พี่เค้ายิ้มรับก่อนจะหะนไปถามไอ้ภูมิที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะแดกอะไรดี

“ปูม้าผัดผงกะหรี่” แม่มึงสิภูมิ

“เอ่อ คือ...” พี่พนักงานนี่คือเงิบอ่ะครับ งงเลย

“ขอโทษครับพี่ เอาเหมือนที่ผมสั่งไปอีกที่นึงแล้วกันครับ” แล้วไอ้พีเจก็แก้หน้าได้สำเร็จจนได้  เฮ้อออ ผมขอสาบานต่อหน้าทิชชู่ในแก้วเลยนะว่าผมจะไม่มีวันมากินไอติมกับไอ้ภูมิสองคนเด็ดขาด!!!!

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พี่เค้ากลับมายิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปที่เคาเตอร์


ไม่นานเกินรอพวกผมก็ได้กินไอติมกันสมใจ มันอร่อยมว๊ากกกกก โคตรมีความสุขเลย แต่ถ้าคนที่มาด้วยเป็นป๊อนซ์ก็คงจะดีกว่านี้อ่ะ

กินไอติมเสร็จพวกผมก็ออกมาเดินตากแอร์เล่นกันเรื่อยๆเพราะแม่งไม่รู้จะไปไหนต่อดี ว่างโคตรๆ จะออกไปข้างนอกก็แดดร้อนเลยเดินแม่งในห้างนี่แหละ วนกันสามสี่รอบแล้วเนี่ย

“ไอ้โจ กลับบ้านดีกว่ากูเริ่มง่วงแล้วว่ะ” ไอ้พีเจหันพูดกับผมหลังจากที่เราเดินเงียบๆกันมานาน

“เออ กูจะหลับทั้งยืนแล้วเนี่ย”ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับกระทืบเท้าไปมาเหมือนเด็กจะเอาของเล่น  แม่งโคตรน่ารักเลยสัด

“เออ กลับก็ได้” ผมกลับบ้านเลยก็ได้ โรงเรียนไม่น่าปิดเลยปิดแล้วไม่มีไรทำ อยู่ว่างๆเซ็งๆแฟนก็ไม่สนใจ เดี๋ยวกูเอาเส้นมาม่าผูกคอตายเลยแม่ง!!!


“อ้าว เฮ้ยๆๆ นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านกู” ผมหันไปบอกพีเจเมื่อเห็นว่าพีเจเลี้ยวเข้าซอยบ้านไอ้ป๊อนซ์

“อ้าววว  กูมารับมึงที่ไหนกูก็มาส่งมึงที่นั่นไง” เชี่ยกวนตีนแล้วว

สูดลมหายใจเข้าออก 2 ทีรถยี่ห้อหรูของพีเจก็จอดสนิทติดรั้วประตูบ้านไอ้ป๊อนซ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เร็วเกิ๊นนน  กูยังไม่ได้คิด
เลยว่าจะเดินทำหน้าแบบไหนเข้าไปหามันดี

“ขับรถดีๆล่ะมึง” ผมหันไปบอกพีเจก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ

“อืม บาย” แล้วไอ้พีเจก็ออกรถไปอย่างเร็ว แม่งเป็นไรวะ

ปึก!!!!

“เฮ้ย!!” ตกใจซิครับหันหลังกลับปุ๊ปชนปั๊ปซะขนาดนี้ แล้วก็ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร เพราะมันก็มีอยู่คนเดียวแหละครับที่จะมายืนชิดซะขนาดนี้

“ไปไหนมา”ไอ้ป๊อนซ์ถามเสียงเรียบพร้อมกับรั้งเอวของผมให้เข้าไปชิดจนแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว

“สนใจกูด้วยรึไง” เอาละครับ มาคาดคั้นผมมากๆ ผมก็เหวี่ยงใส่ซิครับ แม่งทำไมต้องมาทะเลาะกันก่อนวันวาเลนไทน์ด้วยวะ

“เข้าบ้านก่อน” ไอ้ป๊อนซ์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของผม แต่พยายามที่จะดึงมือผมให้เดินตามมันเข้าไปในบ้าน และนั่นมันก็ยิ่งทำให้ผมขึ้นมากกว่าเดิม

“ไม่!!! มึงเบื่อกูไม่ใช่เหรอ มึงบอกให้กูกลับบ้านไม่ใช่เหรอ ปล่อยดิกูจะกลับบ้าน” ความอดทนของผมขาดลงก่อนที่ผมจะหันไป
ตะคอกใส่หน้าป๊อนซ์ไม่ยั้ง

“เข้าบ้าน” หน้าป๊อนซ์ยังคงเรียบสนิทไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น และมันก็ยังคงพยายามที่จะลากผมเข้าบ้านอยู่ดี

“ไม่เข้า!!!! กูบอกว่า ไม่เข้าไม่ได้ยินรึไง” ผมพยายามที่จะสะบัดแขนออกจากมือไอ้ป๊อนซ์แต่มันก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

“ดื้อ!!!อย่าต้องให้กูพูดอีกครั้ง” ป๊อนซ์ขึ้นเสียงจนผมสะดุ้ง พร้อมกับลากผมเข้าบ้านแต่ครั้งนี้ผมไม่ได้พยายามจะขัดขืนเหมือนครั้งที่แล้วแต่ผมกลับเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่ายไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะตอนนี้ผมไม่มีแรงที่จะขัดขืนมันแล้วน่ะสิ

“ป๊อนซ์” เสียงของผมสั่นเครือจนคนด้านหน้าหยุดเดินก่อนจะหันมามองหน้าผมนิ่งๆ

“ร้องทำไม” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาที่เปรอะอยู่ที่ข้างแก้ม

“กูไม่เข้าใจป๊อนซ์กูไม่เข้าใจ เมื่อตอนเที่ยงมึงยังไล่กูอยู่เลย ฮึก แล้วตอนนี้มึงมาลากกูเข้า ฮึก บ้านน  มึงจะเอายังไงป๊อนซ์  มึงจะเอายังไง” ผมถามออกมาทั้งน้ำตาพร้อมกับทั้งทุบทั้งตีไปที่หน้าอกของป๊อนซ์อย่างแรง

“เข้าบ้านแล้วเดี๋ยวมึงก็จะเข้าใจเอง” ป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปซุกที่ไหล่ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แล้วกดจูบหนักลงบนหน้าผากของผม

ผมเดินตามหลังป๊อนซ์เข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย  แล้วป๊อนซ์ก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของตัวเองก่อนจะปล่อยมือผมออกแล้วเดินถอยมายืนด้านหลังของผม

“อะไรอ่ะ” ผมหันไปถามป๊อนซ์อย่างงงๆ

“เปิดประตูเข้าไปดิ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ก่อนจะยีหัวผมนิดๆแล้วดันผมให้เดินเข้าไปใกล้ประตูยิ่งกว่าเดิม

นี่มันคงไม่ได้ขังงู ขังแมงป่องไว้ใช่มั้ย ผมแอบกลัวนะเนี่ย

ผมค่อยๆยื่นมือไปจับที่ลูกบิดประตูแล้วบิดเบาๆก่อนจะค่อยๆผลักให้มันเปิดเข้าไปในห้อง

ภาพที่ปรากฏทำเอาผมยืนตัวแข็งทื่อขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้เลย

“เป็นไงชอบมั้ยครับ” ป๊อนซ์เดินเข้ามาประชิดตัวผมจากด้านหลังแล้วเอามือกอดเอวผมไว้หลวมๆก่อนจะก้มลงกระซิบถามผมเบาๆ

“...”ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของผมได้เลย

ห้องของป๊อนซ์ทั่วทั้งเพดานเต็มไปด้วยลูกโป่งสวรรค์สีชมพูกับสีขาวคละๆกันลอยไปติดอยู่ ส่วนโซฟาตรงกลางห้องก็มีแต่กรอบรูปของผมเต็มไปหมด มีขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง แต่ทุกๆรูปจะมีเขียนอยู่ที่กรอบด้านล่างว่า Pontz’s  และไฮไลท์มันก็อยู่บนเตียงนอนของป๊อนซ์เพราะบนเตียงนอนนั้นมีตุ๊กตากระต่ายสีขาววางเรียงกันเป็นสัญลักลักษณ์รูปหัวใจแล้วต่อด้วยคำว่า JOE
ผมหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่หลังผม ปรากฎว่าเค้าคนนั้นกำลังส่งยิ้มมาให้ผมอย่างอ่อนโยน

“ป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อป๊อนซ์เบาๆก่อนจะโถมตัวเข้าหาป๊อนซ์อย่างแรงจนป๊อนซ์เซถอยหลังไปนิดนึง

“ครับ?” ป๊อนซ์ขานตอบพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

“ขอบคุณนะป๊อนซ์ ขอบุณมาก” ผมพร่ำพูดคำว่าขอบคุณให้ป๊อนซ์อย่างไม่มีหยุด

“ชู่ ไม่ต้องพูดแล้ว รู้แล้วครับว่าคิดอะไรอยู่” ไอ้ป๊อนซ์ดึงตัวผมออกก่อนจะจรดนิ้วชี้ลงที่ปากผมเพื่อเป็นการบอกให้หยุดพูดคำว่า
ขอบคุณได้แล้ว

“ขอบคุณจริงๆ” ผมพูดคำว่าขอบคุณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อขอบคุณด้วยการกระทำ

ผมค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

“ว๊า แค่เนี้ย” ป๊อนซ์ถามก่อนจะเลียริมฝีปากเบาๆ

“เออดิ จะเอาแค่ไหนอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาหื่นกระหายของคนตรงหน้า

“หึๆ เอาแค่นี้แหละครับ  สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแล้วจูบหนักๆลงบนหัวของผม

“วันวาเลนไทน์มันพรุ่งนี้เหอะ”

“ฮ่าๆๆๆ ก็อยากเซอร์ไพรส์วันนี้อ่ะ มีไรป่ะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะทำหน้าตากวนตีนใส่ผม

“กวนเหรอ กูยังโกรธมึงอยู่นะเรื่องเมื่อเช้าอ่ะ”ผมพูดพร้อมกับชี้หน้าป๊อนซ์

“โกรธเหรอจ๊ะ”

“เออดิ”ผมเอามือลงมากำหมัดแน่นทั้งสองข้างเพื่อเป็นการขู่

“ก็ถ้ากูไม่หาวิธีให้มึงออกไปข้างนอกกูจะได้จัดมั้ยห้องอ่ะ”

“อ้าวว มึงไม่ได้เบื่อกูเหรอ” ผมยกนิ้วขึ้นชี้หน้ามันอีกครั้งนึง

จุ๊บ

“จะเบื่อเมียตัวเองได้ไงละจ๊ะ” ป๊อนซ์จูบที่นิ้วของผมเบาๆก่อนจะยืนยิ้มกอดอกมองผมที่กำลังจะละลายลงไปอยู่กับพื้น ตล
อดดดอ่ะ

“แล้วพรุ่งนี้อยู่บ้านทั้งวันเหรอ” ผมถามเปลี่ยนประเด็นในการพูดเมื่อเห็นว่าหัวข้อเก่าเริ่มจะเสียเปรียบ

“ใครบอก”

“เอ๊ะ??” อ้าววเฮ้ยย

“พรุ่งนี้กูนัดกับไอ้พวกนี้ไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวทะเล”

“หา!!!ทะเล”

“อืมม” โอ้มายบุดด้า  ทะเล~

“ไปจริงนะ” ผมรีบวิ่งเข้าไปเอาหัวถูๆที่ไหล่มันทันที

“จริงดิ แต่..”

“แต่อะไร”

“แต่ดื้อต้องบอกรักป๊อนซ์ก่อน” ได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา



ผมเงยหน้าขึ้นจากไหล่ป๊อนซ์ก่อนจะหอมแก้มมันเบาๆแล้วพูดสิ่งที่ป๊อนซ์ต้องการจะได้ยิน

“ดื้อรักป๊อนซ์ที่สุดในโลกเลย”

........................TBC in Part II P&P..............................

เหลืออีก 3 พาร์ทนะจ๊ะ อาจจะไม่หมดภายในวันนี้แต่ก็ไม่เกินพรุ่งนี้แน่นอน

พาร์ทต่อไป P&P ทายซิใครเอ่ยยย????  o13
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part I P&J : 14/
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-02-2013 19:41:56
คู่ต่อไป Pipe&Plus ใช่ป่าวจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 15-02-2013 01:34:05
Part II




[Pipe x Plus]





[Pipe]




“มึงอยู่ส่วนไหนของสนามบินว่ะ!!!!” ผมตะคอกเสียงใส่โทรศัพท์เมื่อคนที่อู่ในสายเริ่มจะทำให้ผมอารมณ์เสีย

(เอ่อ พลัสอยู่ตรงข้างๆกระถางต้นไม้อ่ะครับ) สาดดดด  ให้ตาเหอะแม่ง  ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามที่จะสะกดอารมณ์ของตัวเองไม่ให้มันเดือดไปมากกว่านี้

“มึงแหกตาดูพลัส กระถางต้นไม้มีเป็นร้อย มึงช่วยบอกจุดที่มันชัดเจนกว่านี้ได้มั้ย หา!!” และแล้วผมก็สะกดอารมณ์ไว้ไม่อยู่อ่ะ
ครับ เฮ้อออ ผมคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่โทรให้มันบินมาหาผมแล้วว่าจะไปฉลองวาเลนไทน์ด้วยกัน แต่แม่งดูมันทำ มันทำซะผม
อยากจะยัดมันกลับเข้าไปในเครื่องแล้วส่งมันกลับโคตรๆอ่ะ

(เอ่อ อ๋อ พลัสอยู่ข้าง ติ๊ด..) อยู่ดีๆสัญญาณโทรศัพท์ก็โดนตัดไป อะไรอีกวะเนี่ยย

“ฮัลโหล โหล พลัส พลัส!!!” ผมตะคอกใส่ไปแต่ก็กลับไร้ผล พอยกหน้าจอขึ้นมาดูก็หายข้องใจเลยครับ แม่งสายตัดไปแล้ว

ผมรีบกดโทรหาพลัสใหม่ทันที ไม่ใช่อะไรหรอกนะถึงมันจะเคมาที่นี่หลาครั้งแล้วแต่แม่งก็เดินหลงตลอดอ่ะ

(หมาเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อดะ..ติ๊ด) ผมกดตัดสายก่อนที่ระบบจะพูดจบ ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย เอาแล้วว ทำไงล่ะทีนี้ติดต่อก็ไม่ได้แล้วด้วย

ผมรีบออกวิ่งตามหาทันที แต่ก็นั่นแหละจะให้ผมไปหาที่ไหนล่ะ ในเมื่อมันบอกแค่ว่า ‘ข้างกระถางต้นไม้’

ผมวิ่งหาจนทั่วในตัวอาคารแล้วแต่ก็ยังไม่เจอพลัสอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจลองออกมาดูด้านนอกเผื่อว่ามันจะยืนรอรถด้านนอกแล้ว

“มากับพี่เหอะน้อง”เสียงๆหนึ่งลอยมาเข้าหูผม จนทำให้ผมเอะใจแล้วหันไปมอง

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ” เสียงที่ผมคุ้นเคยดังขึ้น เสียงนั้นดูสั่นนิดๆเหมือนจะกำลังกลัวอยู่ และนั่นมันก็ทำให้ผมอารมณ์ขึ้นขึ้นมาได้
ง่ายๆเลย

“มึงทำเชี่ยไรวะ” ผมกระชากไหล่ของผู้ชายคนนั้นแล้วก็ไม่รอช้าผมก็ซัดหมัดตามไปทันที

“โอ๊ยย!!”ผู้ชายคนนั้นลงไปกองกับพื้น ผมจึงเข้าประชิดตัวก่อนจะซ้ำลงไปอีกหลายครั้งจนคนข้างล่างดูเหมือนจะหมดสติ

“พี่ไปป์พอเหอะ”พลัสถลาเข้ามาจับที่ข้อมือผมที่ง้างขึ้นเตรียมจะซัดไอ้เหี้ยข้างล่างเป็นหมัดสุดท้าย

“เออ!!!” ผมหันไปตะคอกใส่หน้าพลัสแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าของพลัสที่ตั้งอยู่ก่อนจะเดินไปที่รถทันที แม่งทำให้อารมณ์
เสียตลอดอ่ะ

ถึงไม่ได้หันไปมองก็มั่นใจอ่ะครับ ว่ามันต้องเดินตามมาแน่ๆ ไม่ใช่ซิ ต้องใช้คำว่าวิ่งเลยต่างหาก

“พี่ไปป์ พี่ไปป์ รอพลัสด้วย” ผมหยุดเดินตามคำเรียกของคนข้างหลัง

ปั๊ก!!!!

โอ๊ยยย กูว่าแล้วว่าแม่งต้องวิ่งมาชนกูอีก เฮ้ออออ เหนื่อยโว๊ยยยยยยยย

“พลัสขอโทษครับ พี่ไปป์เจ็บตรงไหนรึเปล่า” พลัสรีบวิ่งมายืนตรงหน้าผมก่อนจะจับผมหมุนไปมาเพื่อหาร่องรอยของการบาดเจ็บ

โอ๊ยยย กูจะไปเจ็บอะไรล่ะมึงสิควรเจ็บ แม่งเวรจริงงงง

“ไหนขอพลัสดูหน่อยสิ” โอ้โห แม่งยังไม่เลิกครับ อะไรของแม่งนักหนาว่ะ

“ดูปากกูนะ กู-ไม่-ได้-เป็น-อะไร-เลย  ชัดป่ะ” ผมหันไปบีบที่ต้นแขนของมันก่อนจะก่อนจะสะบัดมือพลัสที่อยู่ที่แขนผมออก แล้ว
หันหลังเดินไปที่รถ

ไอ้พลัสก็หงอยตามระเบียบครับเดินคอตกตามหลังผมมาแบบไร้คำพูดคำจาใดๆทั้งสิ้น



พอขึ้นบนรถมันก็ยังคงหงอยอยู่ครับ แต่ผมชอบนะเวลามันหงอยๆอ่ะ มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ (แอบจิตนะไปป์)

แต่เงียบแบบนี้มันก็ทำให้น่าอึดอัดอ่ะเกินไปอ่ะ ผมควรจะชวนมันพูดก่อนใช่มั้ยเนี่ย

“เอ่อ เมื่อกี๊ทำไมอยู่ดีๆสายตัดไปว่ะ” เอาละครับได้หัวข้อคุยแล้ว

“แบตมันหมดอ่ะ” กูว่าแล้ว แม่งไม่เคยคิดจะเตรียมตัวให้ดีก่อนหรอก

“แม่ง ชอบทำให้เป็นห่วงตลอด”

“ห๊ะ??” พลัสหันมามองผมอึ้งๆ เหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ทำไม??”ผมถามกลับทั้งๆที่ตาก็ยังคงมองถนนด้านหน้า

“พี่ไปป์บอกว่าเป็นห่วงพลัส” ตาน่ะจะโตไปไหน แถมยังชี้นิ้วเข้าหาหน้าตัวเองอีก

“เออดิ ทำไม  แล้วกูขออย่างนึง เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว” ผมเอามือข้างนึงออกจากพวงมาลัยก่อนจะชี้ไปที่หน้าของมัน

“ทำไมอ่ะ” มันยังคงทำหน้าอึ้งๆ งงๆ โง่ๆ ต่อไป

“มึงเคยเสียตัวบนรถมั้ยพลัส?” ผมหันไปถามมันได้น้ำเสียงและสีหน้านิ่งๆ แต่มันก็ได้ผลนะครับ  พลัสก้มหน้าลงสนทนากับแผ่น
ยางรองพื้นรถทันที หึๆ แม่งหน้าแดงไปนะ เดี๋ยวกูก็จัดบนรถซะเลย

“........”เงียบครับ เงียบไปเลย ผมชำเลืองมองมันนิดๆก็เห็นว่ามันนั่งกุมมือเม้มปากแน่นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมารับแอร์เลย

หึ!!! หน้าแดงเหรอ น่ารักว่ะ

ปอร์เช่สีดำสนิทของผมขับเข้าไปจอดหน้าร้านขายสัตว์เลี้ยงช้าๆ

“พลัส”

“.........”  เงียบ

“พลัสเตอร์!!!!!!!” ผมหันไปตะคอกเสียงใส่มันหลังจากที่มันไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับกับผม

“ครับ” พลัสเงยหน้าขึ้นมาแบบตื่นๆ

“ลงไปได้แล้ว” ผมพูดพร้อมกับกดปลดล็อกประตูให้มันลง

“เอ่อ แล้วพี่ไปป์พาพลัสมาที่นี่ทำไมอ่ะ” พลัสหันมาถามพร้อมกับทำหน้างงๆใส่ผม

“ลงไปเหอะ” ผมดับเครื่องและลงจากรถโดยไม่วนใจว่าคนข้างหลังจะเดินตามมาหรือไม่

แต่รอไม่นานมันก็วิ่งตามหลังผมลงมาจากรถแหละครับ หึๆ

ผมเดินผ่านกรงสัตว์เลี้ยงหลากหลายชนิดไปด้วยสีหน้าเบื่อๆแตกต่างจากคนที่เดินตามหลังผมอยู่ตอนนี้เพราะแม่งไม่ว่าจะเดิน
ผ่านตัวอะไรมันก็ดูจะชอบจะตื่นเต้นไปซะหมด

“มึงชอบตัวอะไรอ่ะ” ผมถามพลัสทั้งๆที่ไม่ได้หันไปมองมันเลยแม้แต่นิดเดียว

“พลัสเหรอ พลัสชอบกระต่าย แต่เอาจริงๆก็ชอบแมวมากกว่าน่ารักดี”หลุดไปอีกโลกนึงแล้วครับ ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นปลีกตัว
ออกมาแล้วปล่อยให้มันอยู่ในโลกของมันเพียงคนเดียว

ผมเดินไปเรื่อยๆมองลอดกรงเข้าไปสบตากับแมวหลากหลายสายพันธุ์ แต่แม่งไม่รู้สึกถูกชะตาเลยสักตัวเดียว เห็นแล้วแบบว่า
แอบเบื่ออ่ะ เพราะว่าหน้าตามันเหมือนไอ้คนที่ยืนเพ้ออยู่คนเดียวโน่นไง

เอ๊ะ  ไอ้นี่มันเป็นตัวอะไรวะ หน้าตาเข้าท่าดีว่ะ

“เอ่อ ขอโทษครับพี่ ไอ้ตัวนี้มันคือตัวอะไรอ่ะครับ” ผมชี้ไปกรงที่ขังไอ้นั่นอยู่

“ไอ้นี่เหรอน้อง” พี่พนักงานเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับเดินไปทำท่าจะเปิดประตูหยิบไอ้ตัวในกรงออกมา

“ครับ”

“มันคือหนูแฮมสเตอร์อ่ะน้อง” อ๋อ ไอ้นี่เองน่ะเหรอ หนูแฮมสเตอร์ หน้าตาแอบน่ารักนิดนึงแฮะ

“ผมเอาตัวนี้เลยครับ ใส่กรงให้ด้วยนะครับ”

“ได้ครับน้อง รอสักครู่นะครับ”

“ครับ” ผมยืนกอดอกรอพี่พนักงานได้ไม่นานพี่เค้าก็เอากรงที่ใส่ไอ้หนูนั่นไว้มายื่นให้ผม

“อ่ะเรียบร้อยน้อง” พอพี่เค้ายื่นกรงมาให้ปุ๊ปผมก็ติดต่อจ่ายตังค์ทันที

พอจ่ายตังค์เสร็จผมก็เดินอุ้มกรง เดินตามหาไอ้พลัสทันที

“ฮึก ฮึก ฮืออ” เสียงคุ้นไปมั้ยเนี่ย

ผมหันไปหาต้นเสียงและก็พบกับร่างเล็กของพลัสที่ยืนร้องไห้จนไหล่ไหวอยู่ข้างๆกรงแมวที่ผมเดินทิ้งมันมา 

อะไรอีกวะเนี่ยยยยย

“พลัส” ผมเดินเข้าไปก่อนจะยื่นมือข้างนึงที่ว่างไปสะกิดไหล่ของพลัส

“อ๊ะ พี่ไปป์”พลัสสะดุ้งนิดนึงก่อนจะรีบกอดเข้าที่เอวเมื่อเห็นว่าคนที่สะกิดคือผม

“มึงร้องทำไม” ผมยังคงอึ้งๆอยู่ที่ จู่ๆไอ้พลัสก็ถลาเข้ามากอดซะขนาดนี้

“พลัส ฮึก นึกว่าพี่ไปป์จะ ฮึก ทิ้งพลัสอ่ะ” มันพูดออกมาเสียงอู้อี้เนื่องจากว่าตอนนี้มันกำลังซุกหน้าอยู่กับอกของผมไม่ยอมปล่อย

“กูจะทิ้งมึงได้ไงวะ มึงอย่าเพ้อเจ้อดิ” ผมพูดบอกมันก่อนจะพยายามดันตัวมันออก

“แล้วพี่ไปป์หายไปไหนมาอ่ะ พี่ไปป์ทิ้งให้พลัสยืนอยู่คนเดียวตั้งนาน” มันเงยหน้าที่ตาแดงๆบวมๆ จมูกก็แดง ขึ้นมาพูดกับผม
ก่อนจะรีบก้มลงไปซุกที่อกของผมต่อ

“เฮ้ออออ  กูไปซื้อนี่มาให้” ผมดันตัวพลัสออกเบาๆก่อนจะยื่นกรงที่ถืออยู่ในมือไปให้พลัส

“เอ๊ะ??” พลัสรับไปพร้อมกับสีหน้างงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจในเวลาอันรวดเร็ว

“เฮ้ยยยยย น่ารักอ่ะ” อีกแล้วครับ หลุดเข้าไปในโลกของตัวเองอีกแล้ว กูคิดผิดหรือคิดถูกวะที่แม่งซื้อให้มึงเนี่ย

“....” เชิญมึงดื่มด่ำอยู่กับไอ้หนูท่อนี้ไปได้เลย แม่งคืนร้านเข้าดีมั้ยเนี่ยยยย

“พี่ไปป์ มันชื่อไรอ่ะ” พลัสถามผมทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้าผมเลย นี่มึงเห็นไอ้หนูนี่ดีกว่ากูงั้นเหรอ

“ไม่รู้แม่ง” มันไม่ผิดใช่มั้ย ถ้าผมจะอิจฉาหนู

“เอ่อออ  ชื่อไรดีอ่ะเรา”

“พลัสไปขึ้นรถ” เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะเสียดุลให้ไอ้หนูเวรนี่ 

“อื้อๆ” พลัสเมื่อกี๊มึงยังร้องไห้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ

ตลอดทางบนรถแม่งก็คุยอยู่กะไอ้หนูนั่นอ่ะไม่สนใจกูแล้วว

“เออ ไหนพี่ไปป์บอกว่าเลี้ยงสัตว์แล้วเป็นภาระไง”

“เลี้ยงมึงก็ภาระ”

“...” เงียบครับ  หงอยอีกแล้ววววว

“เงียบเลย เป็นไรวะ  งอนเหรอ”

“ป่าว” ชัดเลยครับ หึๆ ปากแข็งจังนะ

“เหรอออ  ที่กูซื้อให้อ่ะก็ไม่มีไรหรอกกูก็แค่ยินดีจะมีภาระ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มนิดๆ

“....”

“หึ” ผมส่งเสียงออกมาในลำคอก่อนจะชำเลืองไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ขอบคุณนะครับ”

“หือ??” มามุขไหนอีกละเนี่ย

“ขอบคุณที่รักพลัส ขอบคุณที่ตามใจพลัสนะครับ”

“กูเคยบอกว่ารักมึงเหรอ” เอาละครับ  ลองแหย่ๆมันดูดิ

“......” เงียบ หึๆ เงียบอีกแล้วววว

“พลัส” ผมเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ตายังคงมองไปบนถนน

“ฮึก” เอาแล้วไงกู  โอ๊ยยยร้องอีกแล้ววว

“หยุดร้องเดี๋ยวนี้เลย” ผมหันไปบอกมันก่อนจะหันหน้ากลับมามองถนนต่อ

“ฮึก ฮืออออออ” สาดดดด ยาวเลยไอ้เหี้ยย

เอี๊ยดดดดดด

ผมหักรถลงข้างทางก่อนจะเบรกอย่างกะทันหัน

“พลัสเตอร์ฟังกูนะ” ผมหันไปจับไหล่ทั้งสองข้างของมันแล้วบังคับให้หันหน้ามามองผม

“.....” พลัสนั่งเม้มปากก้มหน้า เหมือนพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้ไหลออกมามากไปกว่านี้

“เฮ้อออ  มึงลองคิดดูดีๆนะพลัสว่าถ้ากูไม่รักมึงก็จะทำแบบนี้ให้มึงทำไม กูจะตามใจ ไปรับไปส่ง ไปซื้อของให้มึงทำไม” ผมพูด
รัวออกมา ก่อนจะหยุดเพื่อรอดูปฏิกิริยาของพลัส

พลัสเงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆก่อนที่เราจะสบตากัน

“เข้าใจแล้วใช่มั้ย”

“ครับ” พลัสรีบพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า

“เออใช่ พรุ่งนี้ไปเที่ยวทะเลกับกูนะ”

“เอ่อออ ทะเลเหรอครับ”

“ใช่ ไอ้โจไอ้ป๊อนซ์ พีเจ ไอ้ภูมิ ไอ้พวกนี้ไปกันหมดแหละ”

“โอเค ก็ได้ครับ” พลัสตอบพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผมนิดๆ

ผมออกรถและขับต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย  แต่ระหว่างทางนั้นผมก็คิดสิ่งหนึ่งมาในหัวตลอด 

และตอนนี้ผมก็ตัดสินใจได้แล้วว่าผมจะพูดมันออกไป

“พลัส”

“ครับ”

“กูรักมึงนะ”

“เอ่อออ” ผมหันหน้าไปมองหน้าพลัสก็พบว่าแม่งหน้าแดงจนเหมือนจะระเบิดแล้วละครับ

“นี่ไงกูบอกมึงแล้วนะ ความรู้สึกของกูอ่ะ  ทีนี้มึงก็เลิกคิดมากได้แล้ว”

“ครับ” พลัสพยักหน้ารัวๆอย่างเขินๆ

จู่ๆพลัสก็ค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนจะจุ๊บเบาๆลงบนแก้มของผม

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด

ไม่ไหวแล้วววว

ผมหักรถลงข้างทางอีกครั้งแต่ครั้งนี้ข้างๆทางมันดูค่อนข้างจะเปลี่ยวหน่อย  จากนั้นผมปรับเอนเบาะฝั่งพลัสลงก่อนจะขึ้นไปคร่อมบนเบาะของพลัส

“เฮ้ยย พี่ไปป์ จะทำไรอ่ะ”

“ช่วยไม่ได้ว่ะพลัส  มึงยั่วกูเอง” พูดจบผมก็ไม่ฟังเสียงใดๆทั้งสิ้น  แต่ผมกลับเริ่มทำภารกิจของผมทันที

“พี่ไปป์ อื้ออออออออออ~”

....................................TBC in Part III L&T...........................................

มาอัพให้แล้วนะจ๊ะ

ตอนต่อไปน่าจะมาตอนกลางวันนะ

สุดท้ายนี้นเขียนก็ขอบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้นแต่มีมวลความจริง  ในโลกนี้ไม่มีคำว่ามั่วนะจ๊ะ  o18

อย่าลืมเม้นต์ และ ติดตามอ่านต่อไปด้วยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: mengsama ที่ 15-02-2013 05:04:02
><
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 15-02-2013 05:58:36
 :-[ อิอิ น่ารัก ชอบครับ ^^
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-02-2013 12:23:33
L&T นี่ใครหว่าา

P&P ก็เดาผิด ตอนแรกเดาเป็น พีเจ&ภูมิ 555555555555555555

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 15-02-2013 12:46:14
ไปป์ฮาร์ดคออ่ะน้องพลัสก็นะน่ารักมากมายยยยยยย มารอคู่ลิ้มเทลค่ะ คนเขียนสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 15-02-2013 18:12:56
น้องพลัสรักไปป์ตรงไหนอ่ะ ไม่เข้าใจเลย
แต่แกหื่นเกินไปหรือเปล่าไปป์ ข้างถนนนะโว้ย
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 3BⅠt$. ที่ 15-02-2013 18:25:56
ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดด  :m25:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 15-02-2013 23:37:20
น่ารักอ้า.........................
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 16-02-2013 01:00:01
ถ้าเจอแบบนี้ละลายกันเลยล่ะนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part II P&P : 15/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 16-02-2013 01:52:40
P&P รุนแรงกันจริงๆ :z3:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part III L&T : 16/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 16-02-2013 10:15:58
Part III




[Limp x Toptel]




[Limp]




“น้องครับๆ” ผมตัดสินใจเรียกน้องผู้หญิงที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องเรียนกวดวิชาที่ผมมานั่งเฝ้าอยู่จะเป็นชั่วโมงแล้ว

“คะ??”

“น้องรู้จักท็อปเทลป่ะ”

“รู้จักค่ะ” น้องเค้าตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม

“เอ่อ น้องตามน้องท็อปเทลให้พี่หน่อยได้มั้ย”

“อ๋อ ได้ค่ะ รอแป๊ปนึงนะคะ” แล้วน้องผู้หญิงผู้แสนดีคนนั้นก็วิ่งหายกลับเข้าไปในห้องเรียนก่อนจะออกมาพร้อมกับคนที่ผมโคตรจะอยากเจอเลยย

“อ้าวพี่ลิ้ม มีอะรึเปล่าครับ” พอท็อปเทลเห็นว่าผมคือคนที่มาหาน้องก็รีบวิ่งออกมาทันที แอบปลื้มนะเนี่ย

“เรียนเสร็จกี่โมงอ่ะ” ผมถามไปก็เขินไป  ว่าแต่กูจะเขินทำไมเนี่ยยย

“เอ่อ ตอนนี้ก็เสร็จแล้วนะครับ” อ้าววว  แล้วมึงนั่งทำอะไรอยู่ในห้องวะ

“อ้าว จริงดิ”

“ครับ พี่ลิ้มมีอะไรรึเปล่า” น้องท็อปเทลถามผมกลับแบบงงๆ โอ๊ยน่าร้ากอ่ะ

“คือ พี่จะมาชวนไปเที่ยว เทลจะไปมั้ย” เอาละครับ  เรามารอฟังคำตอบกันดีกว่า

“เอ่ออ.....” ท็อปเทลอ้ำอึ้งอยู่ครู่นึง พร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ  อั๊ยย๊ะ น่ารุกจุงเบยย

“ว่าไงครับ?” พอเห็นว่าน่ารุกผมก็รุกต่ออย่างต่อเนื่องเลยครับ

“เอ่อออ  คือ.....” น้องยังคงอ้ำอึ้งแต่ครั้งนี้กลับแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา  เฮ้อออ  แห้วแล้วไอ้ลิ้ม

“ไม่เป็นไรครับ งั้นพี่ไปก่อนนะ” ผมหันหลังกลับ พร้อมกับคิดถึงสิ่งที่จะทำวันนี้แทนที่การไปเที่ยวกับท็อปเทล  หึ  แดกเหล้า
เสริมความแข็งแรงให้ตับดีกว่ากู

“เดี๋ยวครับ” แต่ผมเดินออกมาได้แค่ไม่กี่ก้าวก็มีมือเล็กๆ 2 ข้างมากำรวบที่ข้อมือข้างขวาของผม

“หือ??”

“เอ่อ  เทลจะไปเทลกับพี่ลิ้มครับ” อุบ๊ะ ให้มันได้อย่างนี้สิหยาหยี  เหล้าจ๋า ลิ้มลาก่อนนนน

“ครับ งั้นเทลเข้าไปเก็บของเหอะเดี๋ยวพี่รอข้างนอก” ท็อปเทลปล่อยมือจากข้อมือผมช้าๆ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปเก็บของใน
ห้องอย่างรวดเร็ว

ผมนั่งรออยู่ประมาณ 5 นาที ท็อปเทลก็เดินแบกกระเป๋าที่ดูจะใหญ่เกินตัวออกมาอย่างทุลักทุเล

“เอาอะไรมานักหนาเนี่ย” ผมถามพร้อมกับเดินไปแย่งกระเป๋าในมีท็อเทลมาถือไว้ซะเอง  โหแม่งโคตรหนักอ่ะ

“เทลก็เอาหนังสือเรียนมาอ่ะครับ บางทีก็พกการบ้านมาทำด้วย” โอ๊ยยยย  ขยันไปแล้วหนู

“ทีหลังไม่ต้องพกมาเยอะขนาดนี้ เอามาแค่ที่จะเรียนในห้องพอเข้าใจป่ะ” ผมพูดเสียงดุๆพร้อมกับหันไปมองหน้าท็อปเทลแบบบังคับ

“ครับ” ท็อปเทลรับคำก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม  โอ๊ยยย  อย่ายิ้มซิเดี๋ยวลิ้มละลายยย


 
ผมกับท็อปเทลเดินมาเรื่อยๆจนถึงมินิคูเปอร์สีดำแดงลูกรักของผมที่จอดอยู่

“เข้าไปนั่งเลยเทล เดี๋ยวพี่เอาของเก็บก่อน” ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูหลังเพื่อเอากระเป๋าของท็อปเทลเข้าไปเก็บ   ท็อปเทลก็
เปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างว่าง่าย

“เอาล่ะ เราจะไปไหนกันดี” เก็บของเสร็จผมก็เดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับแล้วขึ้นมานั่งก่อนจะหันไปถามท็อปเทลที่นั่งอยู่ข้างๆ

“อ้าวว  ก็พี่ลิ้มชวนเทลไปเที่ยว”

“ใช่ ก็พี่แค่อยากไปเที่ยวกับเทลแต่ไม่รู้จะไปไหนดี” อั๊ยย๊ะ น้องลิ้มพูดออกไปแล้ว เขินว่ะ  เดี๋ยวแทะพวงมาลัยแม่งเลย ง่ำๆๆ

“เอ่ออ...” ท็อปเทลหน้าขึ้นสีอีกครั้ง  น้องเม้มปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะก้มหน้าลงจนเกือบจะจูบกับเบาะ

“ว่าไงล่ะ อยากไปไหน” เมื่อเห็นว่าน้องเป็นแบบนั้นผมก็ยิ่งอยากแกล้งเข้าไปใหญ่

“เอ่อออ เทลหิวอ่ะครับ”

“โอเค แล้วจะกินอะไรอ่ะ”

“เอ่ออ  ไม่รู้อ่ะครับ” ถึงน้องจะยอมปริปากพูดแต่ก็ยังคงก้มมองพื้นรถอยู่เหมือนเดิม

“อืมมมม เอางี้ไปกินซูกิชิบุฟเฟ่กันดีกว่า” ผมดีดนิ้วดังเป๊าะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบบิ่งรถไปยังที่หมายที่ผมตัดสินใจเองโดยไม่ได้ถามน้องสักคำ



เข้าไปถึงร้านผมก็ทำตัวเป็นเจ้ามือที่ดีด้วยการเดินไปเดินมาหยิบบรรดาซูชิ เทมปุระ และอีกมากมายจนไม่ได้นั่งประจำโต๊ะเลย

“พี่ลิ้ม” ท็อปเทลเอื้อมมือมาจับที่ชายเสื้อของผมเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเดินไปหยิบของกินอีกรอบ

“ครับ เทลจะเอาอะไรอีกเหรอ” ผมชะงักเท้าไว้ก่อนจะหันไปถามน้องที่นั่งอยู่

“เทลว่าพอก่อนดีกว่า แค่นี้เทลก็กินไม่หมดแล้ว” ผมมองปากของท็อปเทลที่กำลังขยับพูดมันช่างดูเย้ายวนจริงๆเลย  บ้าจริงลิ้ม
><///  แอ๊กกก เขินอ่ะ

“โอเคครับ แค่นี้ก่อนแล้วกันนะ” ผมยิ้มให้น้องก่อนจะลงที่ฝั่งตรงข้าม

นี่เป็นการกินซูกิชิครั้งแรกที่ผมไม่โหวกเหวก สกปรกและมูมมาม??

แต่ผมกลับแทบจะไม่ได้กินเลย เพราะมัวแต่นั่งมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเพลิดเพลิน แอ๊กก หมดแรงว่ะ

“พี่ลิ้มครับ” ท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะเรียกชื่อผม

“ครับ?”

“พี่ลิ้มไม่หิวเหรอ” ท็อปเทลถามผมพร้อมกับเอียงหน้านิดๆ แบ๊วอ่ะ!!!!!

“หิวซิครับ พี่ก็กินอยู่นี่ไง” ผมพูดพร้อมกับชี้ตะเกียบลงไปในถ้วยที่มีแต่ผักกับน้ำ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็ผมกลัวว่าน้องจะกินไม่
อิ่มเพราะน้องเรียนมาหนักมากก

“พี่ลิ้มไม่เห็นจะกินเนื้อเลย พี่ลิ้มเป็นมังเหรอ” ก๊ากกกก  ฮาเลยครับน้อง ใสๆของจริงนะเนี่ย

“เปล่าครับ พี่แค่กลัวเทลจะกินไม่อิ่ม”

“เทลกินคนเดียวไม่หมดหรอกนะครับ พี่ลิ้มต้องช่วยเทลกินนะ” ไม่พูดเปล่า น้องตักบรรดาหมูหมึกกุ้งที่ลอยอยู่ในหม้อต้มขึ้นมาใส่
ในถ้วยผมซะเกือบหมด

“แล้วเทลอ่ะ”

“เทลอิ่มแล้วครับ เดี๋ยวเทลไปตักไอติมก่อนนะครับ พี่ลิ้มต้องกินให้หมดนะ” ท็อปเทลพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาชี้อารมณ์ประมาณ
ว่านี่เป็นคำสั่ง  น่ากลัวซะเหลือเกินนน  เค้าจะรู้มั้ยเนี่ยว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียวแต่มันกลับเหมือนแมวตัวเล็กๆที่
พยายามจะขู่ฟ่อๆ ฮ่าๆๆๆ น่ารักเกินไปแล้วว

ผมนั่งกินของที่น้องตักให้จนหมดแต่น้องก็ยังไม่เดินกลับมาผมเลยกะว่าจะเดินไปตามซะหน่อย

“มาแล้วครับ” แต่ผมยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังซะก่อน

“ทำไมไปนานจังละครับ” ผมถามด้วยน้ำเสียงดุนิดๆ

“เทลตักมาให้พี่ลิ้มด้วยอ่ะ แต่เทลไม่รู้ว่าพี่ลิ้มชอบกินรสอะไรเลยเลือกนานไปหน่อย”

“อ๋อ แล้วนี่ตักรสอะไรมาล่ะไหนดูซิว่าจะใช่รสที่พี่ชอบรึเปล่า” น้องเม้มปากทำหน้าเครียดเลยครับ  ผมพูดไปงั้นอ่ะ ที่จริงผมกิน
หมดทุกรสแหละ แต่ถ้าเอาแบบว่าชอบที่สุดก็ต้องช็อกโกแลตชิพเลย

“เทลตักช็อกโกแลตชิพมาให้อ่ะครับ ไม่รู้ว่าจะชอบรึเปล่า” น้องยื่นถ้วยไอติมมาให้ผมช้าๆเหมือนจะกลัวว่าผมจะไม่ชอบ  เดาซะ
ถูกเลยเทล

“อ่า ถูกได้ไงเนี่ย”

“หืออ  พี่ลิ้มชอบช็อกโกแลตชิพเหรอ”

“ครับ” ผมตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มเบาๆไปให้น้อง

“เย้ ดีจังที่เทลเดาถูก” น้องทำหน้าโล่งใจก่อนจะลงมือกินไอติมสตรอเบอร์รี่ตรงหน้า ชอบอะไรได้เข้ากับหน้ามากน้องเทล~



กินซูกิชิกันเสร็จผมก็พาท็อปเทลเดินเล่นไปเรื่อยๆ เพราะผมกำลังรวบรวมความกล้าขอท็อปเทลอยู่น่ะสิ

“เอ่อ ท็อปเทล” เอาวะลิ้ม เอาเลยยย

“ครับ?”

“คือ เทลปะ...” อั๊ยย๊ะ ลิ้นแข็ง ตายๆๆๆๆ

“อะไรนะครับ” ท็อปเทลหันหลังกลับมาทั้งตัวเพื่อเผชิญหน้ากับผม ป๊าดดดด  อย่ามองแบบนั้น กูป๊อด!!!!!!
เอาวะลิ้ม พูดออกไปเลย

“ไปทะเลกับพี่มั้ย!!!!!!!” ก็แค่นั้นแหละไอ้ลิ้ม  เฮ้อออโล่ง~

“เอ่อ ทะเลเหรอครับ”

“ใช่”

“เทลต้องโทรขอป๊าก่อนอ่ะครับ”

“โทรเลยๆๆ” ไอ้ลิ้มเชียร์เต็มที่เลย

“ครับๆ” น้องรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แล้วกดโทรออกทันที

“ฮัลโหลป๊าครับ”

“เอ่อ เทลขอไปเที่ยวทะเลได้มั้ยครับ”

“ไปกับพี่เค้าอ่ะครับ”

“ก็พี่คนที่ไปส่งเทลตอนหัวแตกอ่ะครับ”

“โอเคครับๆ” ท็อปเทลยื่นโทรศัพท์มาให้ผม อ้าวยื่นมาทำไมอ่ะน้อง

“ป๊าจะคุยด้วยอ่ะครับ” เฮือกกกก  ตายห่าแล้วกู คุยกับพ่อเลยรึ

“ครับๆ” ผมรับคำก่อนจะรับโทรศัพท์ของน้องมาด้วยมือสั่นๆ  อย่าสั่นดิวะอย่าสั่น

“หวัดดีครับป๊า”

(ใครป๊ามึง) อั๊ยย๊ะโดนไปหนึ่งดอก

(แล้วจะพาลูกฉันไปไหน)

“ก็ไปทะเลไงครับ น้องบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับเมื่อกี๊อ่ะ” ป๊าดดดด  โดนไปหนึ่งดอกจากพี่ลิ้ม 

(กวนล่ะ จะไปยังไงไปกี่วัน)

“ไปกับรถแล้วค่อยลงเรือครับ อืมไปประมาณ 3 วัน 2 คืนอ่ะครับ”

(อืมม  ดูแลลูกฉันได้แน่นะ) นี่กูขอพาไปเที่ยวหรือขอแต่งงานวะ

“แน่นอนครับ”

(อืมงั้นก็โอเค)

“ขอบคุณครับป๊า”

“อ่ะ คุยกะพ่อต่อมั้ย” ผมยื่นโทรศัพท์ให้ท็อปเทลที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ข้างๆ

“อ่ะ ครับๆ”

“ฮัลโหลป๊า”

“อ่าครับๆ ฮ่าๆๆๆ ครับ หวัดดีครับ”

“หัวเราะไรอ่ะ” ผมหันไปถามน้องที่กำลังเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอยู่

“ป๊าฝากมาบอกว่าไม่ต้องมาเรียกว่าป๊า เพราะไม่มีลูกกวนๆแบบพี่ ฮ่าๆๆ” อ้าววว ป๊า

“ก็ไม่ได้อยากเป็นลูกเฉยๆอยู่แล้ว”

“ห๊ะ แล้วอยากเป็นลูกอะไรละครับ” น้องทำหน้างงๆ ใส่ผม ไม่ต้องงงหรอกเด็กน้อยย

“ลูกเขยไงล่ะ” โดนไปหนึ่งดอกครับ หน้าแดงอีกแล้วว  หึๆ กว่าจะกล้าบอกกับเค้าตรงๆแบบนี้ต้องรอมาตั้ง 3 ปีเลยเหรอไอ้ลิ้ม แต่ก็ไม่เป็นไรเริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่หน่า คุณว่ามั้ย???

.....................................TBC in The end of Valentine's Day .....................................

อัพคู่สุดท้ายเสร็จแล้ว ทีนี้ก็จะเหลือแต่พาร์ทรวมตอนไปทะเลแล้วนะจ๊ะ

รับรองว่าพาร์ทที่ทะเลนี่มันส์แน่นอนจ้าาาาาา   o13
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part III L&T : 16/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-02-2013 10:47:52
ไม่ค่อยอยากจะมาอ่านตอนนี้เลย ไม่มีคู่อ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part III L&T : 16/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 16-02-2013 10:53:15
อ้ากกกกกกกก. น่ารักทั้งลิ้มทั้งน้องเทลเลยอ่ะ ชอบคู่นี้สุดใจ :-[ รอตอนไปทะเลนะคะ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part III L&T : 16/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 16-02-2013 18:28:52
ThankS
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part III L&T : 16/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 3BⅠt$. ที่ 17-02-2013 00:08:28
3 ปี ? งง
พี่ลิ้มกับท้องเทล น่ารักกกกกกกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Valentine's Day Part III L&T : 16/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-02-2013 17:20:52
แปลว่า ลิ้มแอบชอบน้องท็อปเทลมา 3 ปีแล้วหรอ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] End Of Special Valentine's Day +โมเม้นต์สดๆ : 21/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 21-02-2013 01:46:08
*เนื้อหาในนิยายตอนนี้ส่วนใหญ่ของเนื้อเรื่องเป็นเรื่องจริง(ไอ้คลิปอ่ะจริงนะจ๊ะ คำก็เป๊ะ ไ่ม่มี"มั่ว" แต่ก็มีตัดออกแล้วก็ใส่เพิ่มนิดหน่อย) บุคคลที่ไปในเรื่องก็มีทั้งที่ไปจริงๆและไม่ได้ไป เพราะเนื้อหาส่วนที่เหลือเกิดจาก"จินตนาการ"ของคนเขียน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกันด้วยนะจ๊ะ
 
End of  special valentintine’s day part




[Pontz x Joe / Pipe x Plus / Limp x Toptel / Poom /  PJ]





[Joe]






“โจ เดินระวังๆหน่อยดิ” เสียงป๊อนซ์แหวดังมา เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะกระโดดลงในเรือแทนที่จะเดินลงไปดีๆ

“ค้าบบบบบ” ผมตอบลากเสียงยาวก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้ป๊อนซ์

“เฮ้ออออ ตลอดเลยดื้อ อย่าทำให้เป็นห่วงนักได้มั้ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นมือมายีหัวผมเบาๆ

“ฮ่าๆๆๆๆ ก็รู้ว่าจะมีคนเป็นห่วงไง ก็เลยทำตัวให้น่าเป็นห่วง” ผมพูดพร้อมกับโผเข้าไปกอดที่เอวป๊อนซ์แล้วซุกหน้าลงที่พุงของป๊อนซ์พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

“โอ๊ยยยยยยยย  พีเจมึงรู้สึกเหมือนกูมั้ย ว่าเรือนี้แม่งดูชมพูอมม่วงแปลกๆ” ภูมิแขวะขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเห็นฉากสวีทของผมกับ
ป๊อนซ์พอดี  ช่วยไม่ได้อ่ะนะคนมันรักกัน

“เออแม่ง ม๊วงม่วง” พีเจก็เออออห่อหมกไปกับไอ้ภูมิด้วย  แม่งอิจฉาละซิ

“พลัสเดินดีๆหน่อย” อีกแล้วครับเสียงไอ้ไปป์เวลาอยู่กับน้องพลัสแม่งจะต้องเป็นโทนนี้ตลอด

“อื้อออ พี่ไปป์ พลัสปวดหัวอ่ะ” พูดไม่ทันจะขาดคำน้องพลัสก็ทำท่าเหมือนจะล้มลงไปแต่ดีที่ไอ้ไปป์เข้าไปรับไว้ทัน เฮ้อออ ทุลักทุเลตลอดอ่ะคู่นี้

“พลัสเตอร์!!! เมื่อวานกูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าให้มึงกินยา แล้วมึงก็ไม่กิน เป็นไงล่ะทีนี้ แม่งเป็นภาระกูอีกแล้ว”

“ฮึก พลัสขอโทษ ฮึก ฮือออ” เอาแล้วไอ้เหี้ยยยย  กูว่าแล้วว่าต้องออกมาอีหรอบนี้ 

“จะขอโทษกูทำไม ห๊ะ!!!”

“ก็ ฮึก ขอโทษที่ทำตัวเป็นภาระ ฮืออ”

“โอ๊ยยยย ไอ้ไปป์มึงช่วยพูดดีๆกับน้องเค้าหน่อยเนี่ยมึงจะตายมั้ย” ไอ้ภูมิวางของในมือก่อนจะยกนิ้วขึ้นนวดขมับแล้วหันไปพูดกับไอ้ไปป์ด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ

“เออ แล้วอีกอย่างน้องพลัสเค้าก็ไม่ใช่คนผิดซะหน่อย มึงเองไม่ใช่เหรอที่เสือกล่อน้องเค้าซะข้างทางหลวงเลยไอ้สาดดด”
ห๊ะ!!!!! อะไรนะ ข้างทางเลยเนี่ยนะ สาดแล้วเพื่อนกู

“หึ ทำไงได้วะก็มันยั่วกูเองอ่ะ” ป๊าดดดดด  ไม่ได้มีคำว่ารู้สึกผิดปรากฏอยู่บนใบหน้าหนาๆของมันเลย ให้ตายเถอะ

น้องพลัสเอามือตีที่ไหล่ของไปป์เบาๆก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆผม

“ไงเรา ไหวมั้ย” ผมหันไปถามพลางลูบหัวน้องเบาๆ

“ไหวครับ” น้องพลัสพูดก่อนจะหลับตาลงแล้วพิงหัวบนไหล่ผม ผมก็ปล่อยให้น้องพิงได้ตามสบายเพราะดูจากท่าทางแล้วน้อง
เหมือนจะเป็นไข้ด้วยนิดๆเลยอ่ะ

“ภูมิ  พีเจ  ยกของเสร็จยัง” ป๊อนซ์ยิ้มให้ผมนิดๆก่อนจะหันไปตะโกนถามภูมิกับพีเจที่กำลังคนของอยู่อย่างขมักขเม้น แต่ไม่ใช่ว่า
มันจะสมัครใจทำหรอกนะ แต่แค่มันเป่ายิงชุบแพ้พวกผมก็แค่นั้นเอง~

“จะเสร็จแล้วครับท่านครับ รอพวกกระผมอีกเพียงครู่เดียวเท่านั้นครับ” ไอ้ภูมิตะโกนกลับมาด้วยคำไทยโบราณดูสละสลวยแต่แม่ง
เอ๊ยน้ำเสียงมึงนี่คือจะประชดไปไหน แล้วอีกอย่างที่ผมรับไม่ได้รอเรือตรงคำว่าครู่อ่ะมันดูเน้นๆแปลกๆ

“เออ ดีแล้ว” ป๊อนซ์ตะโกนกลับก่อนจะหยิบหมวกออกมาจากกระเป๋าเป้ที่ป๊อนซ์พกติดตัวแล้วใส่ลงบนหัวผม เมื่อเห็นว่าแดดเริ่ม
จะแรงแล้ว

“ขอบคุณนะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้ป๊อนซ์ที่กำลังจัดหมวกให้ผมอยู่

“ครับ”

“โทษทีว่ะพวกมึงกูมาช้าไปนิดนึง”ไอ้ลิ้มที่เพิ่งจะขึ้นมาบนเรือฉีกยิ้มหวานเป็นการขอโทษก่อนจะหันหลังกลับไปพยุงท็อปเทลที่
เดินขึ้นเรือตามมาติดๆ แหมได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะเพื่อนกู

“ไม่นิดมั้งสาดลิ้ม” ไอ้ภูมิที่น่าจะเก็บของเสร็จแล้วก็เดินมาสมทบกับผมที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

“เออน่า   เทลยังปวดหัวอยู่อีกป่ะ” ไอ้ลิ้มหันมาทำหน้ารู้สึกผิดภายในเวลาแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะหันกลับไปทำหน้าตอแหลกับน้อง
ท็อปเทลต่อ

“นิดหน่อยแล้วละครับ” น้องหันมายิ้มให้ลิ้มประมาณว่า ‘ศรีทนได้~’

“น้องเทลลลลล ยังปวดหัวอยู่อีกปร่ะ” อื้อหือภูมิถ้ามึงจะวิบัติขนาดนั้นนะ แล้วไอ้ลอลิงตรงคำว่าเทลน่ะไม่ต้องม้วนลิ้นมากก็ได้มั้ง
แม่งกลัวคนไม่รู้รึไงว่ามึงมีลิ้นอ่ะ

“นิดหน่อยแล้วอ่าค้าฟฟ” มึงก็เป็นไปกับเค้าด้วยตลอดเลยนะพีเจ

“พอเลยพวกมึง แม่งล้อเพื่อน” ผมหันไปปรามไอ้ภูมิกับพีเจนิดๆ

“แล้วน้องท็อปเทลเป็นอะไรถึงได้ปวดหัวอ่ะครับ”หลังจากดุไอ้ภูมิกับพีเจเสร็จผมก็หันหลับไปถามท็อปเทลแทน  แล้วผมก็หวังว่า
สาเหตุของการปวดหัวเนี่ยคงจะไม่ได้เหมือนของน้องพลัสนะ

“อ๋อ คือเมื่อคืนเทลทำงานดึกอ่ะครับเลยได้นอนน้อยไปหน่อย”

“อื้มมมม  คนก็ครบกันแล้วงั้นพวกเราก็ออกเดินทางกันเหอะ” ผมพูดขึ้นมาก่อนจะหันหน้าไปหาป๊อนซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ

“โอเค Let’s go!!!!!!!!!”




“ถึงสักที แม่งนี่ถ้ากูอยู่บนเรืออีกแค่นาทีเดียวนี่กูอาจจะขาดใจตายได้เลยนะเนี่ย”

“เออ แม่งรากงอกอ่ะไอ้สัด”

“เหี้ยยยย เหนื่อยเหี้ยๆ”

และเสียงบ่นอีกมากมายที่ลอยออกมาจากปากของพวกผมที่ตอนนี้ค่อนข้างจะเพลียจากการนั่งเรือเพื่อเดินทางมาพักที่เกาะสุกร  ผมก็ไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองหรอกนะว่าแม่งจะพยายามมาเพื่อนอนที่เกาะนี้ทำไมในเมื่อบ้านของผมเองก็เปิดรีสอร์ทอยู่ที่เกาะอีกเกาะหนึ่งทางทะเลฝั่งอันดามันเหมือนกัน

“เอ่อนี่กุณแจห้องนะพวกมึง อ่ะนี่ของมึงไอ้ไปป์ นี่ก็ของมึงไอ้ลิ้ม ส่วนอันสุดท้ายก็ของไอ้ภูมิกับพีเจ” ป๊อนซ์แจกจ่ายกุญแจห้อง
พักจนครบหมดทุกคนก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายเพื่อที่จะเก็บของห้องใครห้องมันกัน

ผมเข้าไปช่วยไอ้ป๊อนซ์ที่ตอนแรกจะโชว์แมนถือของคนเดียวหมดแต่แม่งก็ดูลำบากเกิ๊นนน

ไอ้ภูมิกับพีเจก็อย่างเคยละครับ จู่ๆมันก็หัวเราะกันสองคนดูสนุกสนานเฮฮาแต่ผ่านไปได้ไม่ถึงสามนาทีมันก็ยืนเถียงกันเอาเป็น
เอาตาย  อาการน่าเป็นห่วงนะเพื่อนกู

ไอ้ไปป์นี่ดูจะอาการหนักหน่อยเพราะต้องถือของทั้งของตัวเองและของน้องพลัสแล้วยังต้องคอยพยุงน้องพลัสที่ดูจะล้มแหล่ไม่
ล้มแหล่ให้อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด

มาถึงคู่สุดท้ายนี่หวานเกิ๊นนนน  ไอ้มาเฟียของเราจากที่บ้าๆบอๆ เล่นๆไปวันๆมันก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่ค่อนข้างจะขรึมกว่า
เดิมแถมยังดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วย

“พี่ลิ้มถือไหวมั้ยครับ” เสียงของน้องท็อปเทลดังขึ้นเมื่อเห็นว่าลิ้มพยายามที่จะถือของทั้งหมดด้วยตัวเอง

“ไหวดิ แค่นี้สบายมาก” สบายมากเหรอลิ้ม กูว่าเหงื่อมึงนี่เยอะไปนะ

“โจกูถือคนเดียวได้จริงๆนะ” ป๊อนซ์แม่งยังพยายามที่จะขอถือของเองจนหมด

“กูช่วยถือดีกว่า” ผมยังคงยืนยันที่จะถือของบางส่วนด้วยตัวเองเพราะมันก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายเลย

“โจอ่ะ กูอยากถือให้อ่ะ” มาอีกแล้วครับโหมดนี้  โหมดที่ไม่ค่อยมีเหตุผล

“กูรู้ป๊อนซ์ว่ามึงอยากถือให้กู  แต่กูของแค่นี้อ่ะกูถือเงอได้เข้าใจมั้ย” ผมพูดหว่านล้อมไอ้เด็กไร้เหตุผลด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเอา
มากๆ

“อือออ  ก็ได้” ป๊อนซ์จำใจทำตามที่ผมต้องการก่อนที่จะเดินนำหน้าผผมเพื่อเอาของไปเก็บในห้อง

หลังจากที่เอาของเก็บในห้องเสร็จพวกผมทั้งแก๊งค์ก็กระโดดลงทะเลทันทีให้หายอยากเลยละครับ ก็จะมีแต่ไอ้ป๊อนซ์แล้วก็น้อง
พลัสที่ไม่ยอมลงทะเล  น้องพลัสนี่ก็น่าจะรู้เหตุผลนะครับ แม่งไอ้ไปป์จะเอาโซ่มาล่ามพลัสอยู่แล้วเพราะว่าพลัสอยากลงเล่นน้ำ
มากแต่น้องไม่สบายอยู่ก็เลยอดไปซะ  แต่ไอ้ป๊อนซ์นี่สิไม่รู้เป็นอะไรจู่ๆมันก็บอกว่าไม่เอาอ่ะไม่เล่นกลัวดำ  แม่งเหตุผลตุ๊ดโคตรๆ
เลย

เล่นน้ำไปได้สักพักไอ้ภูมิก็นึกสนุกบอกว่าอยากถ่ายวิดิโอ interview เกี่ยวกับการมาเที่ยวครั้งนี้ของพวกเราไปลงในโซเชียลแคม
พวกผมก็ไม่ขัดศรัทธากันหรอกครับนานๆมาทำอะไรแบบนี้ทีนึงก็จัดให้มันเต็มที่ไปเลย

“สวัสดีเพื่อนๆชาวโซเชียลแคมนะครับ” ไอ้ภูมิเริ่มพูดหลังจากที่ไอ้พีเจที่เป็นคนถ่ายส่งสัญญาณให้ว่าเริ่มพูดได้

“ผมภูมินะครับ  วันนี้ก็จะมาเป็นคนดำเนินรายการนะครับ” ไอ้ภูมิพูดจบก็ทำท่าแบ๊วใส่กล้อง  ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยน่ารักสัดๆอ่ะ

“ส่วนไอ้ที่ถือกล้องอยู่นั่นก็ไอ้พีเจครับ” ไอ้ภูมิพูดเสร็จพีเจก็หันกล้องเข้าหาตัวเองโบกมือสองสามทีก่อนจะหันกล้องกลับมาทาง
ไอ้ภูมิเหมือนเดิม

“เราจะเห็นได้ว่าวันนี้โจกับป๊อนซ์เค้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนะครับ” ไอ้ภูมิทำท่าเหมือนว่ากระซิบกับกล้องแต่แม่งกูได้ยินหมดแหละ

“ทำไมละครับ แล้วปกติเค้าเป็นอะไรกันเหรอ” ไอ้เหี้ยพีเจก็เสริมไปกับเค้าด้วยยย

“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ปกติเค้าก็จะอยู่ตัวติดกันตลอดดด” ขึ้นเสียงสูงทำไมวะไอ้ภูมิ!!!

“เอาละครับเรามาเริ่มกันที่คนแรกกันเลย คนนี้ถือว่าเป็นผู้ชายที่ฮอตที่สุดในสายชั้นเราเลยก็ว่าได้” แม่ง อวยกันเข้าไป อวยจ๊างง
งงงงงงงง

“น้องโจครับ  เฮ้ยน้องโจ!!!! มาให้สัมภาษณ์หน่อยดิ” ไอ้ภูมิตะโกนเรียกผมที่อยู่ในน้ำให้เดินขึ้นมาบนฝั่งผมก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะ
เดินเข้าไปหาไอ้ภูมิที่ยืนอยู่

“อื้อหือ  อื้อหือกล้ามเป็นมัดๆเชียว ดูขาเค้าสิครับ ขาวมาก เล็กมากเลยนะครับเนี่ย” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะยืนมือมาจับขาของผมที่โผล่
อยู่เนื่องจากกางเกงมันร่นขึ้นไปกองอยู่ด้านบนจนเกือบหมด

“พอๆๆ”

“เอาละครับ เป็นไงครับมาเที่ยวครั้งนี้สนุกมั้ยครับ”

“สนุกสิครับ มาเที่ยวกับเพื่อนก็ต้องสนุกอยู่แล้ว” ผมหันไปมองกล้องก่อนจะตอบคำถามแบบโคตรดารา

“อ๋ออออ  แล้วคุณคิดว่าในทริปของเราครั้งนี้ใครเปิ่นสุดครับ” ผมใช้เวลาคิดไม่ถึง 1 นาทีก็สามารถตอบได้อย่างมั่นใจ

“ไอ้ลิ้มรึเปล่าอ่ะครับ”

“คำตอบแรกของเราเป็นไอ้ลิ้มนะครับ เอาล่ะ  เราไปกันที่คนต่อไปเลย   ไอ้ไปป์โว๊ยยยย มาให้สัมภาษณ์หน่อยดิ!!!” แล้วผมก็
หลุดพ้นจากการทำรายการบ้าๆบอๆของมันจนได้ครับ

“สวัสดีครับ” อื้อหือไปป์ กูนึกว่ามึงจะไม่เอากับเค้านะเนี่ย สาดดดดด

“เป็นไงครับวันนี้ มาเที่ยวทะเลกัน”

“โกโกโกโก้ เย้!!!!!!!” อะไรของมึงวะไปป์ ==’

“พอเลยสัดพูดเหี้ยไรไม่รู้เรื่องเลย” ไอ้ไปป์น่างงๆหลังจากที่ไอ้ภูมิกับพีเจเดินหนีมันออกมา ก็นะไปป์มึงไม่ค่อยเป็นแบบนี้สักเท่า
ไหร่

“เราไปกันที่คนต่อไปดีกว่าครับ  พี่ป๊อนซ์ขอสัมภาษณ์หน่อยครับพี่”

“ขอสัมภาษณ์หน่อยครับผม” เอาแล้วไอ้ป๊อนซ์มึงโดนไอ้ภูมิกับไอ้พีเจแน่!!!

“เป็นไงบ้างครับ มาเที่ยววันนี้”

“เอ่อ ก็.....”

“หมวกอ่ะครับ จะใส่ทำไมมันรก” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะดึงหมวกที่ป๊อนซ์ใส่อยู่บนหัวออก  แม่งแซะได้ทุกเรื่องจริงๆ

“ไม่ว่าหาดจะเป็นยังไงมากับเพื่อนก็สนุกอยู่ดีอ่ะครับ” อัยย๊ะ ไม่ธรรมดาเลย แฟนผม แฟนผม

“อ๋อ มีอะไรฝากถึงแฟนๆที่โรงเรียน FC ที่โรงเรียนมั้ยครับ”

“เอ่อออ”

“ขอเคลียร์ข่าวหน่อยครับ” ไอ้ป๊อนซ์ไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมาก็โดนพีเจดักไว้ซะก่อน

“ห๊ะ??”

“อ๋ออออ  เรื่องกับน้องโจอ่ะครับ”เอาแล้วสัด วกเข้ากูตลอดดด

“เลอะเทอะครับ” อ้าวไอ้สัด  ไอ้ป๊อนซ์นอนนอกห้องเลยมึงแม่งคืนนี้

“อ๋อ เลอะเทอะเหรอครับ” มึงก็ด้วยภูมิ เดี๋ยวกูจับโยนลงทะเลเลยแม่ง!!!

“เออ คืออย่ามามั่วได้มั้ย มันไม่เป็นความจริงเลย” สาดดดดดดดดดดด  ตายซะเถอะมึง  ป๊อนซ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มกวนๆมาทางผม

“โอเคครับ แล้วในทริปนี้ที่มานี่คิดว่าใครเปิ่นสุดครับ”

“ละมิ่มลิ้มรึเปล่าครับ” มีการเติมยศให้ไอ้ลิ้มด้วยสาดดด

“ลิ้มอีกแล้วนะครับลิ้มอีกแล้ว  โอเคครับ กับพี่ป๊อนซ์ก็แค่นี้ก่อนนะครับ เคลียร์กันดีๆนะจ๊ะ” ไอ้ภูมิโบกมือให้ไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะเดิน
ไปยังเหยื่อรายสุดท้ายที่นั่งเหม่ออยู่ในน้ำนั่นก็คือคนที่พวกเราลงความเห็นกันว่าเปิ่นสุด  ไอ้ลิ้มนั่นเองครับ

“ลิ้ม ไอ้ลิ้ม!!!!มานี่ดิ”

“หืออออ”

“เราไปถามทุกคนมาเค้าบอกว่าคุณเปิ่นอ่ะครับ” พอไอ้ภูมิพูดจบ น้องท็อปเทลก็หัวเราะขึ้นมานิดๆ แหมน่ารักเชียววว

“โจ” ไอ้ป๊อนซ์เดินลงมาในน้ำ ก่อนจะมายืนข้างๆผม

“...” แม่งกูโกรธ แม่งพูดงั้นได้ไงวะ

“ผมเปิ่นเหรอครับ บ้าแล้ววว” เสียงไอ้ลิ้มตะโกนปฏิเสธไอ้ภูมิกับพีเจดังก้องไปทั้งหาด

“โจ กูล้อเล่นเอง” ป๊อนซ์เดินมาดักหน้าผมไว้ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด แต่มีเหรอผมจะยอม ระดับนี้แล้ว ก็ต้องขัดขืนสิครับ

“แม่งเอ๊ยยยยยย  พอเหอะ กูขี้เกียจพูดแล้วอ่ะ” เสียงไอ้ภูมิดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่มันจะหันไปด่าอะไรไอ้ลิ้มสักอย่างแล้วจึงหัน
ไปบอกลากล้อง

“โจ โกรธเหรอ หื้มมม” ป๊อนซ์ดึงผมให้กลับเข้ามาสู่โลกแห่งเราสองอีกครั้ง (ใช่เวลามั้ยเนี่ยยย)

“เออ”

“หึ น่ารักอ่ะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะก้มลงมาขโมยจูบผมอย่างรวดเร็ว ไอ้เลววววว

“เหี้ย!!!!!!” ผมรีบผลักไอ้ป๊อนซ์ออกหลังจากหันไปเห็นสายตากรุ่มมกริ้มของท็อปเทลกับพลัสที่นั่งอยู่บนฝั่ง

“โอ๊ยยยยย” ป๊อนซ์เสียหลักล้มลงไปในทะเล แต่แม่งไม่ได้ไปคนเดียวน่ะสิ แม่งเสือกลากผมไปด้วย

ถึงน้ำแม่งจะตื้นมาก แต่ตอนนี้ผมก็สามารถเรียกว่ากำลังจมได้เพราะว่าหลังป๊อนซ์ติดกับพื้นทรายใต้ทะเลส่วนผมก็นอนอยู่บนมัน
อีกทีอ่ะครับ ลองคิดภาพตามดูแล้วกันว่ามันจะพิสดารขนาดไหน

ถึงผมกำลังตกใจในการจมน้ำตื้นของเราสองคนอยู่ แต่ป๊อนซ์กลับยิ้มนิ่งๆอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง แต่
ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ปากประกบปากน่ะสิ  แต่มันเป็นดีฟคิส แม่งเอ๊ยย แม่มึงเป็นเงือกรึไงถึงหายใจใต้น้ำได้อ่ะ

ป๊อนซ์ค่อยๆส่งลิ้นเข้ามาในปากของผมอย่างๆช้าเพราะกลัวว่าน้ำทะเลที่ล้อมอยู่รอบด้านจะเข้ามาด้วย ก่อนจะค่อยๆรุกต้อนลิ้น
ของผมจนจนมุม

หลังจากที่เล่นกับลิ้นผมจนสนุกผมแล้วป๊อนซ์ก็ค่อยๆถอนริมฝีปากออกช้าๆก่อนจะใช้มือสอดใต้เสื้อแล้วลูบเข้ามาในแผ่นหลัง

“อื้อออ” ผมเริ่มจะส่ายหน้าเพื่อพยายามจะบอกว่า กูหมดอากาศหายใจแล้ววว แต่ป๊อนซ์กลับเฉย และยังคงสนุกกับการลูบไล้
แผ่นหลังเปลือยเปล่าของผม แต่ครั้งนี้มันไม่ลูบเปล่า เพราะมันกัดลงที่ต้นคอของผมเบาๆไปด้วย

“อื้อออออออออ” ผมส่งเสียงอีกครั้งเมื่อผมรู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆแล้ว

ป๊อนซ์ยิ้มอย่างยั่วยวนก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของผมไว้แต่มืออีกข้างหนึ่งนั้นใช้ยันพื้อนเพื่อดันตัวเลมันและตัวผมให้ยืนขึ้น

“แฮ่กๆๆๆๆ” ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดหลังจากขากออกซิเจนมานาน

“โอ๊ย ไอ้เหี้ยเสียดายอ่ะ นึกว่าจะได้กันซะแล้ว” ไอ้ภูมิพูดออกมาอย่างอารมณ์เสีย

“เออแม่งเสียเวลาว่ะ ไปๆๆ ไปหาของมาย่างกินกันดีกว่า” ไอ้พีเจก็เออออไปกับไอ้ภูมิก่อนจะหันไปตบไหล่ไอ้ภูมิที่นั่งอยู่ข้างๆให้
ลุกขึ้นตามไปด้วย

โอ๊ยยย ไอ้สัดนี่พวกมึงนั่งดูพวกกูตลอดกิจกรรมเลยรึไงวะ

“หึๆ เทลหน้าแดงอ่ะ”ไอ้ลิ้มส่งยิ้มกวนๆมาให้พวกผมก่อนจะหันไปแซวคนข้างๆที่ตอนนี้หน้าแดงเถือกแล้วว

“พี่ลิ้มอ่ะ อย่าดิ” ท็อปเทลเอามือมาตีที่ไหล่ลิ้มเบาๆหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไป  แต่จะหนีไปไหนได้ละครับ ในเมื่อไอ้ลิ้มก็ลุก
ขึ้นเดินตามไปติดๆ

“มึงทำหน้าแบบนั้นทำไมพลัส” เสียงดุๆของไอ้ไปป์ดังขึ้นเมื่อน้องพลัสส่งสายตามาล้อเลียนผม

“ก็พี่เค้าน่ารักกันดีอ่ะ”

“มึงจะเอาบ้างงั้นเหรอ” ไอ้ไปป์หันไปถามพลัสหน้านิ่งๆ แต่หน้าพลัสกับไม่ได้นิ่งเหมือนหน้าไปป์น่ะสิ เพราะตอนนี้หน้าของพลัส
ค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆจนลามไปถึงหูแล้ว

“พี่ไปป์” น้องพลัสหันไปเหมือนจะพยายามดุไอ้ไปป์ แต่ก็ทำได้แค่จะ เมื่อไอ้ไปป์ส่งสายตาอาฆาตกลับมา ก่อนจะดึงน้องพลัสที่
นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นยืนและเดินตามพวกที่เหลือไปหาของกินกัน

“โจ” เอาแล้วครับ หลังจากที่เงียบไปนานมันก็พูดขึ้นมาแล้วครับ

“อืมม”

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเลื่อนมือที่จับอยู่ที่ข้อมือมาจับที่มือของผมแบบหลวมๆ

“อืมม เหมือนกัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะมึง” ผมก็หันไปบอกมันเหมือนกันหลังจากที่มันบอกผมแล้ว

“วาเลนไทน์นี้กูขออะไรอย่างได้มั้ย”

“ได้ดิ จะเอาอะไรอ่ะ” ผมหันไปถามป๊อนซ์ทันทีเพราะผมเองก็แอบรู้สึกผิดเหมือนกันนะที่ไม่ได้ทำอะไรให้มันเลยในวัน
วาเลนไทน์ในขณะที่มันทั้งเตรียมเซอร์ไพรส์ทั้งพาผมมาเที่ยว นี่มันขอแค่อย่างเดียวผมให้ได้อยู่แล้ว

“ทำตัวน่ารักให้น้อยกว่านี้หน่อยได้มั้ย” อ้าวว ไอ้เหี้ยทำไมมาแนวนี้วะ

“ทำไม” ผมตอบกลับมันไปกวนๆ

“ก็ป๊อนซ์ไม่อยากรักโจไปมากกว่านี้แล้วอ่ะ” เอิ่มมมมม  นะ ไม่มองไม่เห็นทางที่ผมจะสามารถชนะผู้ชายคนนี้ได้เลยจริงๆ

.................................End Of Valentine's Day....................................................................

กราบขอโทษงามๆหนึ่งที  โทษฐานที่หายไปนานมากๆ  :call:

ไม่ใช่ว่าไม่อยากอัพหรอกนะ  อยากอัพใจจะขาดแต่งานเยอะมากจริงๆ คนเขียนต้องจัดสถานที่วันปัจฉิมให้พี่ๆม.6อ่ะ  :L1:

หวังว่ามันยังจะทันวาเลนไทน์อยู่นะ

วันนี้คนเขียนมีอะไรจะมาเล่าให้ฟัง ครั้งนี้มันเกินคำว่าฟินไปมากจริงๆ  :impress2:

โมเม้นต์สดๆร้อนๆ ในงานปัจฉิม!!!!!!!!!!!

คือเรื่องมันมีอยู่ว่าอยากที่คนเขียนแต่งไปอ่ะนะว่าน้องเค้ามีวงดนตรีแล้วทีนี้วันนี้น้องเค้าก็ต้องขึ้นแสดงวันปัจฉิมวันนี้  ตอนแรกนักร้องก็จะเป็นน้องไปป์กับน้องพีเจก่อน พอขึ้นมาถึงไปป์ก็พูดว่า
ไปป์:ตอนนี้โจป๊อนซ์ยังไม่ขึ้นนะครับ
คนเขียนก็งงๆเพราะปกติถ้าขึ้นก็ขึ้นเฉพาะป๊อนซ์นะ(ไม่เคยเห็นโจขึ้นร้องเลย) แต่ก็นะแค่น้องๆคนอื่นๆขึ้นก็ฟินพอแล้ว(ลิ้ม ภูมิ พีเจ ไปป์ แล้วก็น้องอีกสองคน ต้องขอโทษจริงๆที่ไม่บอกชื่อเพราะว่าคนเขียนรู้จักแต่ฉายาไม่รู้จักชื่อเล่นจริงๆ) แล้วไปป์กับพีเจก็เริ่มร้องเพลง ง่ายๆ ของโปเตโต้  พอร้องจบปั๊ปสิ่งที่คนเขียนไม่คิดไม่ฝันมันก็เกิดขึ้น  เมื่อน้องป๊อนซ์กับน้องโจเดินขึ้นมารับไมค์ต่อจากพีเจกับไปป์แล้วร้องเพลง "แดนเนรมิต" คือช่วงแรกๆก็หลับหูหลับตากรี๊ดอย่างเดียวเลยอ่ะนะ แต่พอท่อนฮุคเท่านั้นแหละ พังเลยชีวิต คือท่อนฮุคของเพลงแดนเนรมิตมันจะร้องว่า "จะทำให้รักเราเป็นตำนาน จะทำให้รักเราเป็นดั่งฝัน" ตอนร้องนี่คือมองตากันนานมากจนคนเขียนแทบจะสำลักความฟินตาย  แล้วป๊อนซ์มีการบอกกับคนล่างเวทีว่า
ป๊อนซ์:ช่วยโจร้องด้วยนะครับ (อันนี้ไม่ได้ยินเองนะคะ แต่เพื่อนคอนเฟิร์มมาว่าชัวร์!!!!)
บางทีตอนร้องๆอยู่ก็มีเดินมาให้คนจับมือด้านหน้าเวทีด้วย แต่คนเขียนไม่กล้าจับหรอกนะ เขิน อีกอย่างถือกล้องรัวชัตเตอร์อยู่ เดี๋ยวถ้าว่างๆจะเอามาลงให้แล้วกันเนาะ 

โมเ้ม้นต์มันก็มีเยอะกว่านี้แหละนะแต่ว่าพรุ่งนี้คนเขียนต้องสอบ  :a5:  แล้วตอนนี้มันก็จะตีสองแล้ว ขอคนเขียนไปอ่านหนังสือสอบก่อนนะแล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังกันใหม่

อ๋ออออ  อย่าลืมติดตามนิยายตอนหลักด้วยล่ะ ตอนหน้าเราก็มาลุ้นกันว่าป๊อนซ์จะก้มหน้าลงมาทำอะไรโจ หึๆ :-[

อย่าลืมเม้นต์&บวกเป็ดให้กำลังใจกันด้วยเน้ออออออ   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] End Of Special Valentine's Day +โมเม้นต์สดๆ : 21/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 21-02-2013 01:57:51
โอ้ยๆ ฟินไปกับคนเขียนอ่ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] End Of Special Valentine's Day +โมเม้นต์สดๆ : 21/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 21-02-2013 11:03:02
ชักฟินกับโจป๊อนซ์คู่จริงซะแล้ว
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] End Of Special Valentine's Day +โมเม้นต์สดๆ : 21/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-02-2013 12:34:29
แอร๊ยยยย มีคลิป interview ป่ะ 55555

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] End Of Special Valentine's Day +โมเม้นต์สดๆ : 21/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 21-02-2013 14:49:06
ตายๆอ่านเรื่องนี้แล้วเลือดสุบฉีด โอ้ยยยยยยยยย ><

อยากมีบ้าง คิคิ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] End Of Special Valentine's Day +โมเม้นต์
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-02-2013 17:45:17
ทะเลเชื่อม 5555
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 14 before ชาวหอ : 22/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 22-02-2013 19:26:13
ตอนที่ 14







[Pontz x Joe]





[Joe]




“แฮ่กๆๆ ป๊อนซ์พอก่อนกูหายใจไม่ทัน”

“หึ สมควรแล้วล่ะ”ไอ้ป๊อนซ์พูดตอบผมด้วยเสียงที่โคตรจะเหี้ยมเกรียม

“แต่ปะ...อื้ออออออออออออออ” นั่นไงเอาอีกแล้ว

“หึๆ”

“ป๊อนซ์เอาออกไปก่อนกูมะ..ไม่ไหวแล้วอ่า” ผมพยายามพูดอ้อนวอนป๊อนซ์แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

“แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ แม่งตอนกูไม่อยู่นี่คงไปม่อไว้เยอะล่ะสิมึง” แม่งเป็นชุดเลย มาเป็นชุดดด  แต่ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วจริงๆอ่ะ

“ป๊อนซ์ อื้ออออ กูไม่ไหวแล้วจริงๆอ่ะ พอแล้วเหอะ” ผมก็ยังคงพยายามที่จะอ้อนวอนมันทั้งๆที่ก็ไม่มั่นใจว่ามันจะทำตามคำขอ
หรือไม่

“เออ ก็ได้ แต่อย่าให้กูรู้ว่ามีแบบนี้อีกนะ มึงเจอหนักกว่า ‘หมอน’ แน่” เฮือกกกก ผมรีบอัดออกซิเจนเข้าปอดทันทีที่มันเอาหมอน
ใบใหญ่ออกจากหน้าของผม

ใช่แล้วล่ะครับ ป๊อนซ์มันลงโทษผมด้วยการเอาหมอนมาอัดไว้ที่หน้าผมจนผมเกือบจะขาดอากาศหายใจตายอยู่แล้ว แม่งก็แค่พี่
ต้นหลิวส่งไลน์มาบอกรักผมก็แค่นั้นเอง  โด่วว คิดมากกก

“แม่งคำพูดของพวกมึงนี่โคตรจะล่อแหลมเลย” จู่ๆไอ้พีเจก็พูดขึ้นมาซะเฉยๆ  ล่อแหลมตรงไหนวะ

“ทำไมวะมึง ล่อแหลมตรงไหนวะ”

“โอ๊ยยย ป๊อนซ์ ไม่ไหวแล้ว เอาออกไปก่อน แม่งไอ้สัด ถ้าได้ยินแต่เสียงนี่อย่างกับเซ็กโฟน” และไอ้ลิ้มก็ได้ไขข้อข้องใจให้ผม
ได้อย่างกระจ่างแจ้ง ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย

“แม่งเสื่อม!!” ผมหันไปตะโกนกราดใส่หน้าทุกคนที่อยู่ในห้องเพราะไม่ใช่แค่ไอ้พีเจกับไอ้ลิ้มเท่านั้นที่คิดอะไรอุบาทว์ๆแบบนั้น
ผมมองสายตาของไอ้นายไอ้ภูมิไอ้ไปป์ก็รู้แล้วว่าแม่งคิดอะไรกันอยู่

“หึ” ไอ้ปลวกนี่ก็แม่งไม่เคยช่วยไรก็ได้เล้ยยยย  ทำได้อยู่สองอย่างแม่งไม่ยิ้มก็หัวเราะ เดี๋ยวกูงับคอเลยไอ้ป๊อนซ์ แฮ่ๆๆๆๆ

ผมเอามือไปทุบที่ท้องไอ้ป๊อนซ์อย่างแรงทีนึงก่อนจะเดินไปนั่งสงบสติอารมณ์เงียบๆที่โซฟากับไอ้พีเจ ปล่อยให้ไอ้พวกที่เหลือ
แม่งเสื่อม เอ๊ย ซ้อมกันต่อไป



“พอก่อนได้มั้ย กูหิววว”หลังจากที่ซ้อมกันติดต่อเป็นเวลาเกือบๆ 2 ชม.โดยไม่มีหยุดพัก ไอ้ภูมิก็เป็นคนแรกที่เริ่มจะโอดครวญขึ้นมา

“เออช่ายยย  กูหิวจนจะแดกเบสอยู่แล้วอ่า” ไอ้ลิ้มก็เป็นคนถัดมาที่เริ่มจะเรียกร้อง

“เออป๊อนซ์กูว่าพักก่อนเหอะ” หลังจากที่ผมเห็นว่าการโอดครวญของไอ้ภูมิกับไอ้ลิ้มดูจะไม่เป็นผลสำเร็จผมก็เลยต้องออกโรง
ช่วยพูดหน่อยเพราะดูจากสภาพทุกคนก็คือแทบจะไม่ไหวกันแล้ว เพียงแต่ไอ้พวกที่เหลือแม่งพยายามกัดฟันทนกันอยู่

“อืออ งั้นพักกันก่อนมั้ยไอ้ไปป์ ไอ้นาย” พอป๊อนซ์เห็นสีหน้าเป็นห่วงของผม มันก็ยอมอ้อนข้อให้แต่ก็ยังต้องหันไปปรึกษากับอีก 
2 คนที่เหลือด้วย

“เออ ก็ได้ มึงโอเคนะนาย”ไอ้ไปป์ตกลงก่อนจะหันไปถามไอ้นายเป็นคนสุดท้าย

“กูแม่งรอเวลานี้มานานแล้วว่ะ ไปหาไรแดกกันเหอะ” ไอ้นายทำหน้าโคตรจะโล่งใจก่อนจะวางกีต้าร์และวิ่งพุ่งออกไปจากห้อง
ซ้อมอย่างรวดเร็ว

แล้วทุกๆคนก็วางเครื่องดนตรี เก็บแผ่นโน้ตแผ่นคอร์ดเพลงก่อนจะค่อยๆทยอยกันออกจากห้องซ้อม

 “เสียงดังไรกันวะ อ้าวสัด ไปไหนกันหมดแล้วเนี่ย” ไอ้พีเจที่หลับไปนานก็ตื่นขึ้นมาทำหน้างงๆหลังจากที่เห็นว่าทั้งห้องมีแค่ผม
ไอ้ป๊อนซ์แล้วก็มัน

“แดกข้าว”ผมหันไปบอกพีเจสั้นๆ

“เออสัด ไส้กูจะย่อยตัวเองอยู่แล้ว”ไอ้พีเจบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเอง ก่อนจะเดินงงๆออกไปจากห้อง

 “ป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อป๊อนซ์เมื่อเห็นว่าป๊อนซ์ยังเก็บของไม่เสร็จสักที ในขณะที่คนอื่นเค้าออกกันไปหมดแล้ว

“หือ” ป๊อนซ์ขานรับผมในขณะที่ตัวเองก็กำลังเก็บเนื้อเพลงเข้าแฟ้มอยู่

“มึงขึ้นร้องกี่เพลงเนี่ย” ผมถามพร้อมกับเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ป๊อนซ์เบาๆ

“เพลงเดียว” ไอ้สัด มึงทำหน้าเครียดเหมือนร้องหลายเพลงเลยแม่ง

“อ้าววว แล้วที่เหลือไอ้ไปป์ร้องคนเดียวเหรอ”

“อืมมม”

“มึงเป็นไรเนี่ยป๊อนซ์ดูเครียดๆ” แล้วผมก็ตัดสินใจถามออกไปหลังจากยืนดูอาการมานาน

“พรุ่งนี้ชาวหอ”

“แล้ว??” ชาวหอแล้วไงวะ  ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ตื่นเต้นนะ ผมตื่นเต้นมากเลยแหละเพราะเพื่อนๆเล่าให้ฟังว่าวันชาวหอเนี่ยถือเป็นวัน
มันส์แห่งปีให้เด็กหอโดยเฉพาะ เพราะว่าจะเป็นกิจกรรมพวกการแสดงของแต่ละหอแล้วก็การแสดงดนตรีติดต่อกันเป็นสี่ห้า
ชั่วโมงเลย แค่คิดยังมันส์เลย

“กูต้องขึ้นเวทีตั้งเพลงนึง”

“แล้วไง??” ผมก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี

“ใครจะเฝ้ามึงวะ” อ้าวไอ้สัด เห็นกูเป็นตัวอะไรวะ ถึงต้องมาเฝ้าเนี่ย

“เฝ้าทำไม กูไม่ไปไหนหรอก มึงเพี้ยนป่ะเนี่ย”

“กูรู้ว่ามึงไม่ไปแต่มันก็ต้องมีคนเข้ามาหามึงอยู่แล้วอ่ะ กูไม่ชอบ” นั่นไงโหมดงอแงของมันมาอีกแล้วครับ โอ๊ยยยย กูปวดหัว

“พีเจก็อยู่ มึงจะกลัวอะไร”

“เออวะ ฮ่าๆๆๆ ไปกินข้าวกัน” พอผมบอกว่ามีพีเจไอ้ป๊อนซ์ก็ยิ้มแย้มเบิกบานขึ้นมาทันที  ป๊อนซ์บางทีมึงก็น่ากลัวเกินไปนะเว้ย



ปกติพวกผมจะชอบออกไปกินข้างนอกโรงเรียนนะ แต่ว่าวันนี้ไม่ไหวอ่ะ เพราะเดี๋ยวพวกเพื่อนๆผมมันต้องซ้อมกันต่ออีกยาวแน่นอน  พวกผมเลยตัดสินใจมานั่งกินกันในโรงอาหารของโรงเรียนแทน

“โจไปนั่งที่โต๊ะไป” ไอ้ป๊อนซ์ดันผมที่กำลังจะเดินตามมันไปซื้อข้าวให้หันหลังกลับไปหาโต๊ะนั่ง

“แล้วกูจะซื้อข้าวไงอ่ะ”

“จะเอาอะไรเดี๋ยวซื้อให้” เยี่ยมยอดเลย กูกำลังไม่อยากเสียตังค์อยู่พอดี

“เอาข้าวผัด หมี่ไก่ตุ๋น ขนมหวานสักอย่างแล้วก็น้ำส้ม”

“สั่งซะคุ้มเลยสัด” ไอ้ป๊อนซ์บ่นงุบงิบก่อนจะยื่นมือมาดีดหน้าผากของผม แต่มันก็เดินไปซื้อให้อยู่ดีนั่นแหละ

นั่งโต๊ะไหนดีล่ะผม  ในระหว่างที่ผมกำลังกวาดสายตาหาโต๊ะนั่งอยู่นั้น สายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับโต๊ะๆหนึ่ง

ผมจะไม่ขนลุกแบบนี้เลยถ้าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นไม่ใช่น้องท็อปเทลกับรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนนึง เอาล่ะ ผมต้องหาทางพาไอ้มาเฟีย
ออกจากโรงอาหารก่อนไม่งั้นมีหวังเละทั้งโรงอาหารแน่

“ทำไมไม่ไปหาโต๊ะนั่งวะดื้อ” ในระหว่างที่ผมกำลังคิดหาวิธีจนหัวหมุนอยู่นั้น สวรรค์ก็ได้ส่งเจ้าชายขี่บีเอ็มเข้ามาช่วย ฮ่าๆๆๆๆ

“ปอนป๊อนซ์ มึงต้องช่วยกูคิด”

“ว่า??”

เพล้งงง!!!!!!

เสียงของแก้วน้ำที่กระทบกับพื้นด้วยความตั้งใจนั้นก็ทำให้ผมได้รู้ว่า มันไม่ทันแล้ว

“เฮ้ย ลิ้มไรของมึงเนี่ย” ไอ้ป๊อนซ์เดินผละจากผมไปหาไอ้ลิ้มทันที

เสียงของแก้วเมื่อกี๊ก็สามารถเรียกความสนใจของคนทั้งดรงอาหารได้ รวมถึงท็อปเทลด้วย

สีหน้าของท็อปเทลดูตกใจปนกลัวนิดๆ เป็นผม ผมร้องไห้ไปแล้วล่ะ ก็ลิ้มแม่งเล่นจ้องเขม็งซะขนาดนั้น บรึ๋ยอ่ะ~

“ป๊อนซ์มึงพาไอ้ลิ้มออกไปด้านนอกก่อนดิ” ผมเดินไปกระซิบป๊อนซ์ที่ยืนจับแขนขอลไอ้ลิ้มไว้อยู่ ไอ้ป๊อนซ์ก็พยักหน้ารับเบาๆ 
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ลิ้มกับน้องท็อปเทลเค้าอะไรยังไงกันขั้นไหนแล้ว แต่เท่าที่เห็นปฏิกิริยาของไอ้ลิ้มนี่ผมก็คิดว่าน่าจะค่อน
ข้างซับซ้อนแล้วละมั้ง

“ไอ้ลิ้มเป็นอะไรวะ”ไอ้พีเจเดินเข้ามาถามผมหลังจากเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี

ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรแค่บุ้ยปากไปทางโต๊ะที่ท็อเทลนั่งอยู่

“อ๋ออ ตายห่าละ แล้วพรุ่งนี้มันจะเล่นไงวะเนี่ย”

“เออนั่นดิ กูก็คิดอยู่”ผมเห็นด้วยกับไอ้พีเจนะ การที่เราจะเล่นดนตรีได้มันต้องมีความสุขแล้วก็สนุกไปกับมันแต่ดูจากสีหน้าของมัน
ตอนนี้แม่งสนุกไม่ออกว่ะ

“ให้ตายเถอะโรบิ้น!!! พรุ่งนี้จะเอาไงวะ” ไอ้ภูมิเดินมาหยุดที่ผมก่อนจะโอดครวญออกมาพร้อมกับทำหน้าประมาณว่าสติหลุด

“กูว่าอย่าว่าแต่พรุ่งนี้เลย เอาวันนี้ให้รอดก่อนเหอะ”

“เออกูก็ว่างั้นแหละนาย” ผมให้ไปพูดกับไอ้นายที่มายืนอยู่หลังผมอีกที

“ป๊อนซ์ทำไมไม่ลากไอ้ลิ้มออกไปซะทีวะ” ผมหันไปถามป๊อนซ์เพราะตอนนี้ป๊อนซ์ยังคงจับแขนไอ้ลิ้มไว้แค่หลวมๆ

“มันบอกว่ามันโอเค ไม่เป็นไร”ป๊อนซ์หันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้ผม แม่งไอ้ป๊อนซ์นี่ก็ดีแต่หล่ออย่างเดียวอ่ะ

“หึ เล่นเลยสัด รอไรอยู่วะ” ไอ้ไปป์ ไอ้ตะขบ ไอ้เหี้ยปากเสีย!!!!!!

“ไม่ว่ะ ไม่สำคัญกับกูขนาดนั้น” ไอ้ลิ้มเปลี่ยนจากสีหน้าแค้นโคตรๆมาเป็นเรียบเฉยพร้อมกับดูถูกแบบนี้ตอนไหนผมก็ไม่รู้ แต่ผมรู้
แค่ว่าผมยอมให้มันหน้าแค้นๆแบบโน้นยังดีกว่าแบบนี้เพราะหน้าแบบนี้ของมันดูเลือดเย็นยังไงก็ไม่รู้

คำพูดของลิ้มค่อนข้างจะดัง  ทำให้น้องท็อปเทลที่นั่งอยู่นิ่งๆในตอนแรกเริ่มยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วไหล่ของน้องก็สั่นอย่างรุนแรง
จากการร้องไห้  ส่วนไอ้ปลวกนั่นที่นั่งตรงข้ามท็อปเทลก็เดินไปนั่งด้านเดียวกันก่อนจะกอดที่ไหล่เพื่อเป็นการปลอบ

ผมแอบสังเกตเห็นว่ามือไอ้ลิ้มแม่งกระตุกนิดนึง หน้าก็เริ่มจะขมวดขึ้นมาอีกครั้งอย่างปิดบังไม่ได้ แต่คราวนี้มันกลายเป็นแค้นแบบ
แผ่รังสีออกมาจนสัมผัสได้ เอาแล้วสัดเอ๊ยย ดนตงดนตรีแม่งคงไม่ได้ซ้อมต่อแล้วล่ะ

“เฮ้ยลิ้ม!!!!”ไอ้ป๊อนซ์ร้องตะโกนออกมาหลังจากที่ไอ้ลิ้มสะบัดมือไอ้ป๊อนซ์ออกก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะที่ท็อปเทลนั่งอยู่

ผมทำท่าจะเดินไปขวางไอ้ลิ้มแต่ก็โดนไอ้ป๊อนซ์กับไอ้ไปป์ดักไว้ซะก่อน

“ทำไมวะ”

“กูมาคิดดูแล้วนะเว๊ย ถ้าเป็นกู กูก็ทำแบบนี้”ไอ้ป๊อนซ์พูดแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มให้ผมนิดๆ

“เออ กูก็ทำ แล้วตอนนี้กูว่าปล่อยให้มันจัดการเองดีกว่า” ไอ้ไปป์พูดเสริมไอ้ป๊อนซ์

ผมพยักหน้านิดๆก่อนจะยืนรอดูเหตุการณ์ต่อไป

ตึ้ง!!!!!!!!!

“มึงอยากตายใช่มั้ย ไอ้สัด!!!!!” ไอ้ลิ้มเดินตรงไปยังโต๊ะที่ท็อปเทลนั่งอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะทุบโต๊ะจนเสียงดังลั่นไปทั้งโรง
อาหารแล้วก็ตะโกนด่าใส่หน้าของทั้งสองคนที่นั่งอยู่ทันที

“ฮึก ฮืออออออ” ท็อปเทลร้องไห้หนักกว่าเก่าอีก ผมว่าชักไม่เข้าท่าแล้วแฮะ

“ไปไหน” ไอ้ป๊อนซ์จับแขนผมก่อนจะดึงเข้าไปหาตัวมัน

“กูจะไปห้ามไอ้ลิ้ม”

“ไม่ต้องไป เชื่อกูเดี๋ยวก็ดีเอง” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับบีบที่มือของผมเบาๆ

“เฮ้ยน้องไรวะ” ไอ้รุ่นพี่หน้าปลวกที่นั่งเงียบอยู่นานก็เริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆแล้วเหมือนกัน

“หุบปากไปเลยสัด!!” ไอ้ลิ้มตะคอกก่อนจะชี้หน้ารุ่นพี่คนนั้นอย่างไม่ได้กลัวเกรงอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะไปกระชากแข
นท็อปเทลให้เดินตามมาติดๆ

“พวกมึงกินข้าวกันไปก่อนนะ เดี๋ยวกูขอกลับไปเคลียร์ปัญหาแป๊ป” พูดจบไอ้ลิ้มก็เดินลากท็อปเทลออกไปทันที

“เอาไงดีวะ?” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามป๊อนซ์ที่ยืนคร่อมอยู่ด้านหลัง

จุ๊บ

“ไม่เอาไงอ่ะ ไปกินข้าวต่อกันเหอะ” ไอ้ป๊อนซ์ก้มลงมาขโมยจูบผมอย่างรวดเร็ว แม่งช่วงนี้ถึงเนื้อถึงตัวกูเกินไปแล้ว

“สัดอายคนบ้างเหอะ กลางโรงอาหารนะไอ้ควาย!!!” ผมตะโกนด่ามันที่เดินนำหน้าไปแบบไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่เหมือนผมที่
ตอนนี้อยากจะลงไปรวมตัวกับราที่ร่องกระเบื้องในโรงอาหารจะตายอยู่แล้ว



หลังจากกินข้าวกันเสร็จพวกผมก็เดินกลับมาที่ห้องซ้อมกัน พอมาถึงหน้าห้องซ้อมก็พบกับไอ้ลิ้มที่นั่งกำมือ ตาแดงก่ำนั่งอยู่คนเดียว

“ลิ้ม น้องท็อปเทลอ่ะ” ผมเดินเข้าไปหาลิ้มช้าๆ

“ข้างใน” เสียงลิ้มดูสั่นเครือนิดหน่อย แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมแปลกใจเท่ากับรอยมือบนหน้ากับรอยข่วนบนคอมันแล้ว

“เฮ้ย..” ผมกำลังจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่สงสัยที่ป๊อนซ์กลับส่งสายตามาประมาณว่าอย่าถามเลยก่อนจะชี้มือให้ผมเข้าไปดูท็อป
เทลในห้อง

“อืม”ผมรับคำป๊อนซ์เบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องซ้อม

และสิ่งแรกที่ผมพบก็คือร่างของท็อปเทลที่นั่งกอดเข่ามองมาที่ผมด้วยสายตาสั่นระริกด้วยความกลัว

น้องอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ตามคอไล่ไปจนถึงไหปลาร้ามีรอยแดงเป็นปื้นๆอยู่หลายแห่ง  แค่นี้ผมก็พอจะเดาเหตุการณ์ที่
ผ่านมาออกแล้ว

ผมเดินเข้าไปหาน้องช้าๆก่อนจะหยิบผ้าผืนใหญ่ที่ผมเอามาให้ไอ้ป๊อนซ์เพราะมันค่อนข้างจะเหงื่อออกเยอะเลยต้องพกผ้าอยู่
ตลอด เอาไปปิดให้น้องก่อนจ่ะอยๆประคองน้องให้ยืนขึ้น

ตอนแรกๆน้องก็ดูกลัวๆและเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่พอน้องมองมาชัดๆและเห็นว่าเป็นผม น้องก็โผเข้ากอดผมอย่างแรง
จนผมเซไปด้านหลังนิดนึง

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก” ผมพูดพร้อมกับลูบหัวท็อปเทลเบาๆ

“พี่โจ พี่ ฮึก พี่ลิ้มเค้า ฮึก ฮืออ” ท็อปเทลเหมือนจะพยายามพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่ก็กลายเป็นว่าเสียงสะอื้นมันดังกลบจน
หมด

“พี่รู้ๆ แล้วพี่มั่นใจว่าไอ้ลิ้มมันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้หรอก แต่มันคงจะโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้” ผมพยายามที่จะพูดอธิบาย
ให้ท็อปเทลเข้าใจไอ้ลิ้ม ไอ้ลิ้มมันก็เป็นคนแบบนี้แหละเวลาโกรธมันจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย เพราะงี้ปกติเวลาโกรธมัน
เลยจะขอปลีกตัวไปกินเหล้าอยู่คนเดียวทุกครั้ง

“ฮืออออออ” ท็อปเทลไม่ได้ตอบอะไร แต่น้องก็พยักหน้าให้ผมรับรู้ว่าน้องเข้าใจแล้ว

“ไป เดี๋ยวพี่พาไปอยู่ที่บ้านพี่ป๊อนซ์ก่อนแล้วเดี๋ยวตอนไอ้พวกนี้มันซ้อมดนตรีกันเสร็จก็ค่อยมาคุยกันอีกที โอเคมั้ย”

“ครับ”

ผมพยุงม็อปเทลออกมาจากห้องซ้อม ทันทีที่ผมเปิดประตูออกมาไอ้ลิ้มก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะต้องก้มหน้าลงไป
ทันทีที่เห็นสภาพของน้องท็อปเทล

“ป๊อนซ์เอากุญแจรถมาดิ เดี๋ยวกูจะพาท็อปเทลไปอยู่บ้านมึงก่อน แล้วพอพวกมึงซ้อมดนตรีเสร็จก็ค่อยตามไป” ผมพยุงท็อปเทล
ให้เดินตามผมไปหาไอ้ป๊อนซ์

“ขับไหวเหรอดื้อ”

“เออมึง ให้กูขับไปส่งมั้ย” ไอ้พีเจนี่ก็อีกคน จะบ้ารึไงน้องท็อปเทลต่างหากที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ผม

“ไหวดิ กูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“อือ ขับดีๆละกัน อย่าขับเร็วล่ะ” ไอ้ป๊อนซ์ล้วงกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะส่งมาให้ผม

“อืมม ซ้อมเสร็จแล้วก็โทรมาบอกกูด้วยแล้วกัน”

“ครับ” ผมหันกลับมาพยุงท็อปเทลให้เดินไปยังรถไอ้ป๊อนซ์ที่จอดอยู่ในลานจอดรถที่ไม่ไกลจากห้องซ้อมมาก

“เทลพี่ขอโทษ” ไอ้ลิ้มเดินมายืนดักตรงหน้าผมกับท็อปเทล

“ฮืออออ” ท็อปเทลสะดุ้งสุดตัวก่อนจะดึงเอาตัวผมมาบังไว้ด้านหน้า

“ตั้งใจซ้อมเหอะไอ้ลิ้ม เดี๋ยวซ้อมเสร็จแล้วค่อยไปเคลียร์กันที่บ้านไอ้ป๊อนซ์นะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่ไอ้ลิ้มเบาๆ

ไอ้ลิ้มมันก็พยักหน้ารับก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม แต่ข้างๆรอยยิ้มนั้นกลับมีรอยน้ำตาที่เพิ่งจะไหลออกมาปรากฏอยู่อย่าง
ชัดเจน



พอผมขับรถมาถึงบ้านไอ้ป๊อนซ์ปั๊ป แม่ไอ้ป๊อนซ์ก็อุ้มไอ้โปมายืนรออยู่หน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สีหน้าแม่ดูจะตกใจนิดๆที่
เห็นสภาพของท็อปเทล ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวจะลงมาเล่าให้ฟัง ขอผมพาน้องขึ้นไปบนห้องก่อน 

พอผมพาน้องขึ้นมาถึงบนห้อง ผมก็บอกให้น้องไปล้างหน้าล้างตาแล้วนอนพักไปก่อน แล้วเวลาไอ้พวกที่ซ้อมดนตรีอยู่มาถึงผม
จะขึ้นมาเรียกเอง น้องก็ทำตามอย่างว่าง่ายผมเลยเดินลงมาหาแม่ไอ้ป๊อนซ์ด้านล่าง

“หนูคนนั้นเค้าเป็นใครอ่ะลูกโจ” แม่พูดพร้อมกับมือลูบหัวไอ้โปที่นั่งอยู่บนตัก

“เด็กไอ้ลิ้มอ่ะครับ”

“อ้าว แฟนน้องลิ้มเองเหรอ น่ารักดีนะ ว่าแต่เค้ามีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”ผมยื่นมือไปขอไอ้โปจากตักแม่มาอุ้มไว้

“ก็นิดหน่อยอ่ะครับแม่” ผมพูดพร้อมกับเกาพุงไอ้โปไปด้วย แม่งอ้วนขึ้นอ่ะ แม่เลี้ยงดีเกิน

“แล้วนี่มีปัญหากันนานรึยัง”

“ก็เพิ่งจะมีอ่ะครับ แล้วไอ้ลิ้มมันก็เผลอตัวใช้กำลังกับน้องเค้าไป”

“ตาเถร แล้วน้องได้กินยาได้อะไรรึยัง” แม่เอามือทาบอกก่อนจะทำท่าว่าจะลุกไปหายา

“เอ่อ คือไม่ถึงขั้นนั้นอ่ะครับแม่ แต่ก็น่าจะเกือบ” ที่ผมรู้ได้ก็เพราะผมมั่นใจเลยว่าถ้ามันถึงขั้นนั้น น้องคงจะสลบหรือไม่ก็เป็นลม
แล้ว อีกอย่างน้องคงจะเดินเองไม่ไหวหรอก

“อ๋อ งั้นก็แล้วไป” แม่ถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง

หลังจากคุยเรื่องท็อปเทลจบแม่ก็เริ่มชวนผมคุยเรื่องอื่นๆเรื่อยเปื่อยทั้งเรื่องไอ้ป๊อนซ์ เรื่องคุณพ่อ แม้กระทั่งเรื่องของไอ้โปก็คุย



ผมนั่งคุยกับแม่มานานมากหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานจนกินเวลาไปเกือบๆสองชั่วโมงแล้วป๊อนซ์ก็โทรมาบอกว่ามาถึงหน้าบ้านแล้ว

ผมกับแม่ก็เดินออกมารับไอ้ป๊อนซ์กับพวกที่เหลือที่หน้าบ้าน

ทุกคนเดินลงจากรถจนหมดยกเว้นไอ้ลิ้มที่เอาแต่นั่งจับพวงมาลัยรถไม่ยอมลงมา

ผมเลยเดินเข้าไปหามันก่อนจะเกลี้ยกล่อมให้มันลงมาเคลียร์กับน้องให้เสร็จๆไป จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดไปตลอด ไอ้ลิ้มก็เลยยอม
ลงมาจากรถ ผมก็บอกมันไปว่าน้องท็อปเทลอยู่ห้องไหน ก่อนจะบอกให้มันขึ้นไปหาน้องคนเดียว แล้วพวกผมที่เหลือจะนั่งรอกัน
ด้านล่าง



ผมนั่งรอมาได้สักพักใหญ่ก็เริ่มจะเครียดเพราะไอ้ลิ้มกับท็อปเทลยังไม่ลงมาซะที แต่พอผมจะหันไปปรึกษากับคนอื่นๆก็ต้องงง
เมื่อเห็นว่าไอ้พวกที่เหลือแม่งไม่ได้สนใจกับเหตุการณ์นี้เลยแม้แต่น้อย

ไอ้ป๊อนซ์กับไอ้ไปป์ก็นั่งดูถ่ายทอดสดบาสกันอย่างขะมักเขม้น ไอ้นายก็ไปสนใจกับโมเดลรถของสะสมของไอ้ป๊อนซ์ ไอ้พีเจนั่ง
เฝ้าแต่เค้กที่แม่ไอ้ป๊อนซ์ทำมาประเคน ส่วนไอ้ภูมิก็แม่งไปนั่งคุยกับไอ้โปอยู่ นี่แม่งไม่คิดจะเครียดกันหน่อยรึไงวะ

“ตัวเธอ หันหน้ามาคุยกะเราหน่อยจิ” ไอ้ภูมิพยายามที่จะพูดให้ไอ้โปหันหน้าไปทางมันแต่ไอ้โปก็เอาแต่หันก้นให้ สมแล้วสัด

“เฮ้ย พวกมึงไม่ห่วงไอ้ลิ้มกันบ้างรึไงวะ” ผมตะโกนถามขึ้นหลังจากเก็บกดมานาน

“ห่วงดิ แต่ไอ้ป๊อนซ์คันนี้มึงซื้อมาจากไหนวะ” แม่งไอ้นายยยยยยยย

“อิตาลีอ่ะ พ่อกูไปประชุมเลยซื้อมาฝาก”

“อ๋อ โคตรเจ๋งเลยมึง”

“ใช่ป่ะ กูก็ชอบคันนั้นสุดแล้ว” สนใจกูมากเลย แต่ละคนแม่งงงงงงง

“เอ่อป๊อนซ์ เค้กแม่มึงนี่อร่อยว่ะ บอกแม่มึงดิว่าวันหลังทำเค้กช็อกโกแลตบ้างกูอยากกิน” เอ๊ะพีเจ มึงมาแดกของบ้านเค้าแล้วยัง
มีหน้าไปสั่งเค้าอีก

“ได้ๆ แม่กูชอบทำขนมอยู่แล้วไม่มีปัญหา” ไอ้ป๊อนซ์พูดตอบพีเจทั้งๆที่ตายังมองอยู่ที่จอโทรทัศน์

“เออ กูขึ้นไปดูคนเดียวก็ได้”ผมพูดประชดก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน แล้วไอ้พวกเพื่อนทรพีทั้งหลายก็เลยวางกิจกรรมที่ตัวเองทำ
อยู่ลงก่อนจะเดินตามผมขึ้นมา

แล้วผมก็ต้องตกใจแทบจะตกบันไดเมื่อเห็นน้องท็อปเทลวิ่งร้องไห้หน้าตาตื่นออกมาจากห้อง และทันทีที่เห็นผมน้องก็รีบพุ่งเข้า
มาหาทันที

“ท็อปเทลเป็นอะไร” ผมจับไหล่ท็อปเทลให้ประจันหน้ากับผมก่อนจะเขย่าเพื่อเรียกสติ

“พี่ลิ้ม ครับ ลิ้ม ฮึก ช่วยพี่ลิ้มด้วย” ผมงงกับคำพูดของน้องมาก แต่ก็หายงงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสภาพไอ้ลิ้มที่เดินออกมาจาก
ห้อง

“เฮ้ย ลิ้มมึงไหวป่ะ”ไอ้ป๊อนซ์รีบวิ่งเข้าไปประคองไอ้ลิ้มอย่างรวดเร็ว

“พี่ลิ้มเทลไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้น้องท็อปเทล

“สมควรแล้วแหละที่พี่ต้องโดนแบบนี้” ไอ้ลิ้มพูดออกมาช้าๆ และทำท่าเหมือนจะหมดสติ

“พี่ลิ้ม!!!!!”


.......................................TBC..........................................................

อัพอีกแล้วจ้าาาาา  ไม่รู้จะเบื่อกันรึเปล่า อัพบ่อยเกิ๊นนนน :really2:

ตอนนี้ก็จะเน้นหลักไปทางคู่ของลิ้มเพราะว่าเพิ่งจะมาใหม่นะจ๊ะ

อ๋อ แล้วก็อยากจะบอกว่าตอน special อ่ะ เนื้อหามันไม่เกี่ยวข้องกับตอนหลักนะคะ  :z2:

โมเม้นต์แถม!!!!!!

คือโรงเรียนเราอะ่น้องม.4ต้องเรียนฟันดาบ(ดาบไม่นะจ๊ะ)ในคาบพละ แล้วมันต้องฟันกันเป็นคู่ใช่ป่ะ แล้วน้องโจกับน้องป๊อนซ์นางก็คู่กันตามระเบียบ  แล้วเหมือนกับมันก็จะมีแบบหยอกๆกันบ้าง เถียงกันบ้าง น่ารักมากกกก มันทำให้ดูกุ๊กกิ๊กกันไปอีกแบบ อ๋อออ แล้วก็จะบอกว่าคนเขียนมีคลิปนะจ๊ะ ถ้าอยากดูก็รีเควสกันเข้ามาละกันเนาะ  o13

สุดท้ายนี้ก็อย่าลืมบวกเป็ด&เม้นให้ด้วยนะจ๊ะ  :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 14 before ชาวหอ : 22/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 22-02-2013 19:46:44
ฮืออออออออ อยากอ่านต่ออ่ะเค้าสงสารลิ้มอ่ะ ลิ้มโทษตัวเองทำไม น้องเทลก็น่าสงสารว่าแต่เทลทำไรลิ้มอ่ะอยากรู้ ภูมิตลกอ่ะเค้าชอบ ส่วนคู่หลักป๊อนซ์โจก็หวานกันตลอดเลยน้าาาาาาา. ปล.อยากดูอยากดูคลิปเด็กๆฟัน(ดาบ)กันอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 14 before ชาวหอ : 22/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 22-02-2013 19:55:07
เทลทำอะไรพี่ลิ้มเนี่ย
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 14 before ชาวหอ : 22/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-02-2013 20:02:29
ลิ้มเป็นไรหว่าาา ตอนหน้าเป็นของคู่ ลิ้มxท็อปเทล ช่ายอ่ะป่าวว

ปล.คลิปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 14 before ชาวหอ : 22/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 22-02-2013 20:44:16
ขอรูปและคลอฃิปด่วนจ้า อยากเห็นมากก โจกะป๊อนซ์
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 14 before ชาวหอ : 22/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 22-02-2013 22:42:13
โอ่ยยย

รุนแรงกันแท้

 :a5:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 14 before ชาวหอ : 22/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 22-02-2013 22:49:24
 :z1: อยากดูคลิป ^^ ฮ่าๆ ไม่เบื่อน่ะคนเขียน เข้ามารอทุกวันเลยยยย
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 14 before ชาวหอ : 22/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: l3piizii ที่ 23-02-2013 10:06:17
น้องเทลทำอะไรพี่ลิ้ม

ปล.ขอดูคลิปด้วยคนนะคะ   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 15 ชาวหอ>>หวง!!!!! : 27/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 27-02-2013 23:29:32
ตอนที่ 15





[Pontz x Joe]





[Joe]




“ฮืออออ  พี่ลิ้มมม” เสียงร้องไห้ของท็อปเทลดังมานานกว่า 10 นาทีแล้ว

“ไอ้ลิ้มมันไม่เป็นไรหรอกท็อปเทล” ไอ้ป๊อนซ์เดินเข้ามานั่งที่พื้นข้างๆท็อปเทลโดยที่มีผม ไอ้ไปป์ ไอ้พีเจ ไอ้ภูมิแล้วก็ไอ้นายนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆไอ้ลิ้มที่นอนหมดสติอยู่

“ใช่ ไอ้เหี้ยนี่ หัวแข็งจะตาย” ไอ้พีเจก็พูดขึ้นเพื่อเป็นการให้กำลังใจท็อปเทล 

ท็อปเทลเอาแต่ร้องไห้พร้อมกับจับมือลิ้มไว้แน่น ตอนแรกผมก็งงๆนะว่าผมให้มันเข้าไปเคลียร์กับน้องแล้วทำไมอยู่ดีๆ ทำไมน้อง
ถึงวิ่งร้องไห้ออกมาตามโดยมีมันที่เดินเอามือจับที่หน้าผากเพื่อเป็นการห้ามเลือดตามมาติดๆ แล้วจู่ๆไอ้ลิ้มมันก็ล้มลงไปกองกับ
พื้นเฉยเลย

พอผมถามน้องก็ได้ความว่าน้องตื่นขึ้นมาแล้วเจอไอ้ลิ้มนั่งอยู่ข้างๆบนเตียงน้องเลยตกใจกระโดดหนีแต่ไอ้ลิ้มมันก็ลุกตามแล้ว
พยายามจะเดินเข้าไปหาน้องเพื่อจะพูดขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรน้องก็ผลักไอ้ลิ้มไปชนตู้อย่างแรงจน
หน้าผากแตกเลือดอาบอย่างที่เห็น

แต่แผลมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายหรอกนะก็แค่เลือดไหลเยอะเฉยๆ พวกผมเลยห้ามเลือดให้มันก่อนจะทำแผลให้เป็นที่
เรียบร้อย

“อื้อออ” ลิ้มขยับตัวพร้อมกับยกมือขึ้นจับบริเวณแผลที่มีผ้าก็อตปิดอยู่

“พี่ลิ้ม” น้องท็อปเทลรีบลุกขึ้นเพื่อช่วยพยุงให้ไอ้ลิ้มนั่งทันที

“ปวดหัวเหี้ยๆเลยว่ะ” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับสะบัดหัวแรงๆเหมือนพยายามที่จะไล่ความปวด

“เทลขอโทษ” ท็อปเทลนั่งลงตรงหน้าไอ้ลิ้มอีกครั้งก่อนจะยกมือลิ้มขึ้นมากอดไว้

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ไม่ได้โกรธเทลสักหน่อย” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับดึงมือท็อปเทลให้ลุกขึ้นมานั่งตรงกลางระหว่างขาสองข้างของมัน
เอง

“พี่ลิ้ม~”ท็อปเทลหน้าแดงขึ้นมาทันทีแต่ก็ไม่กล้าที่จะขัดอะไรเนื่องจากไอ้ลิ้มยังเจ็บอยู่

“เอ่อ พวกกูออกไปก่อนดีกว่า” ผมพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆไล่ต้อนไอ้พวกที่เหลือออกจากห้องรับแขกให้ออกไปอยู่ที่สวนหลังบ้านแทน



“มึงงงงงง” ไอ้ภูมิหันมาเรียกพวกผมเสียงยาน  แม่งเรียกแบบนี้ต้องมีอะไรแผลงๆอีกชัวร์

“ทำไมวะ?” ไอ้ป๊อนซ์ละสายตาจากวันพีชก่อนจะหันขึ้นมามองไอ้ภูมิแบบระแวงๆ

“กูอยากถ่ายโซเชียลแคมอีกอ่ะ” กูว่าแล้วววววว

“มึงจะถ่ายอะไร” ไอ้พีเจถามพร้อมกับทำเสียงเอือมๆ

“เออ นั่นดิ”ไอ้นายก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมาเหมือนกัน

“ถ่ายกระต่ายไอ้โจนี่ไง” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะยกไอ้โปชูขึ้นตั้งบนหัวมัน ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย ลูกกู

“ว่างสัดอ่ะมึง” ไอ้ไปป์พูดขึ้นนิ่งๆ แต่ดูเหมือนว่าไอ้ภูมิจะไม่ได้สนใจอะไรแล้วเพราะมันกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเข้าไป
ไหนแอปโซเชียลแคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เฮ้ยยย ไอ้ไปป์ เมียมึงก็เล่นโซเชียลแคมเหรอวะ” ไอ้ไปป์ลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งข้างไอ้ภูมิทันที

“ไหนวะ”

“ก็อันนี้ไง  ชื่อคลิปไปแรดดด” สาดดด  แรงไปนะพลัส

“ไอ้สัด มึงเปิดดูดิ”หน้าไปป์ตอนนี้นี่คือแทบจะฆ่าคนได้อยู่แล้วอ่ะ

แล้วพวกผมทั้งหมดก็ลงไปนั่งรุมโทรศัพท์ไอ้ภูมิเพื่อดูคลิปของน้องพลัสทันที 

หลังจากดูเสร็จไอ้ไปป์ก็หยิบไอโฟนออกมาโทรหาน้องพลัสทันที  หึ เป็นผมผมก็ขึ้นนะ คือในคลิปเนี่ยประมาณตี 2 กว่าๆได้ แล้ว
น้องแกก็พูดประมาณว่ากำลังจะออกไปเที่ยวข้างนอก แต่ที่ทำให้ไอ้ไปป์ขึ้นมากๆก็คือดูจากลักษณะของน้องแกแล้วน้องแกดูเมา
นิดๆอ่ะ หูแดงหน้าแดง ตาเยิ้มๆไรเงี้ย  แม่งตายยยยแน่นอน!!!

“พลัสมึงอยู่ไหน” พวกผมทุกคนต่างก็หันไปมองที่ไอ้ไปป์พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก็นะพวกกูอยากรู้

“มึงคิดไงถ่ายคลิปลงโซเชียลแคม  มึงอยากตายเหรอไอ้สัด!!!” เอิ่มมม สะดุ้งกันไปตามๆกัน

“ไม่ต้องแก้ตัวเลยแม่งง  เมื่อคืนมึงเมาด้วยใช่มั้ย”

“กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้แดกเหล้า ทำไมไม่มึงไม่ทำตามหา!!!!”ไอ้ป๊อนซ์ที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดีเลยลุกขึ้นไป
ตบที่ไหล่ไอ้ไปป์เบาๆเพื่อเป็นการบอกว่าให้ใจเย็นลงหน่อย

“อ๋อออเพื่อนชวน งั้นมึงก็อยู่กับเพื่อนมึงไปเลยนะ เสาร์อาทิตย์นี้กูไม่ขึ้นไปหา” ไอ้ไปป์กระแทกเสียงก่อนจะกดตัดสายแล้วทำท่าจะปาไอโฟนลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์ แต่ดีที่ไอ้ป๊อนซ์จับไว้ทันไม่งั้นแม่มันคงได้เสียตังค์ซื้อไอโฟนให้มันใหม่แน่

“ไอ้ไปป์ น้องพลัสโทรมาว่ะ เอาไง?” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นไอโฟนกลับไปให้ไอ้ไปป์ มันก็รับไปนิ่งๆก่อนจะกดตัดสายแล้วก็
ปิดเครื่อง แม่งถ้ามันนิ่งขนาดนี้แปลว่ามันโกรธจริงๆแล้ว

“เอ่ออ  กูว่าเราเข้าบ้านไปหาอะไรกินกันดีกว่าเนอะป๊อนซ์เนอะ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปลากแขนป๊อนซ์เพื่อให้เดินตามเข้าบ้าน

“อืมม ไอ้ไปป์ใจเย็นก่อนนะมึง” ไอ้ป๊อนซ์หันไปพูดกับไอ้ไปป์อีกครั้งก่อนจะเดินตามผมเข้าบ้าน

“อืมม” ไอ้ไปป์ก็ขานรับนิ่งๆก่อนจะเดินตามเข้ามา

“ไอ้นาย ไอ้ภูมิไปหาไรแดกดีกว่า” แล้วไอ้พีเจก็ลุกขึ้นเดินตามเข้ามาในบ้าน ส่วนไอ้นายกับไอ้ภูมินั้นยังคงมีความพยายามที่จะถ่ายคลิปของไอ้โปอยู่

“ตัวเองอ่า มาเข้ากล้องหน่อยเร็ววว”

“ไอ้ภูมิมึงต้องลองเล่นบทโหดเว้ย บางทีไอ้กระต่ายนี่อาจจะมาโซก็ได้”มึงใช่ไรคิดวะนาย

“เอางั้นเหรอ อืมๆ กระต่ายน้อยยย  เข้ากล้องมาซะ ก่อนที่ฉันจะเอาเข็มขัดมาฟาดเจ้า ไฮย๊า!!!”

“ไอ้เหี้ย พอเลยแม่ง” ผมที่ทนยืนดูไม่ไหวแล้วเลยออกไปอุ้มไอ้โปเข้ามาในบ้านแล้วก็จะพยายามไม่ให้เข้าใกล้ไอ้ภูมิกับไอ้นาย
อีกเลย



หลังจากกินข้าวกันเสร็จพวกผมก็ลาพ่อกับแม่ไอ้ป๊อนซ์ที่เพิ่งจะกลับมาจากทำงานเพื่อกลับหอ  สรุปว่ามาบ้านไอ้ป๊อนซ์วันนี้ก็ทำให้ได้รู้ว่าไอ้ลิ้มกับเทลมันตกลงปลงใจเป็นแฟนกันแล้ว   กูว่าแล้วไม่งั้นไอ้ลิ้มคงไม่โกรธขนาดนั้นหรอกตอนที่เห็นท็อปเทล
นั่งกับไอ้หน้าปลวกนั่นอ่ะ

พอกลับมาถึงหอพวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนยกเว้นผมกับไอ้ป๊อนซ์ที่ไม่ได้แยกกันเพราะว่าพักผ่อนด้วยกัน (///><///)

“นอนได้แล้วป๊อนซ์”ผมหันไปดุป๊อนซ์ที่ไม่ยอมวางไอโฟนลงสักทีทั้งๆที่เลยเที่ยงคืนมานานแล้ว

“ขออีก 5 นาทีนะดื้อนะ” ป๊อนซ์พูดเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนผมทั้งๆที่ตายังจดจ่ออยู่กับไอโฟนตรงหน้า

“เออแม่ง มึงเห็นไอโฟนดีกว่ากูใช่มั้ยไอ้สัด” เหวี่ยงครับเหวี่ยงเพราะว่าตอนนี้ผมแม่งง่วงมากอ่ะ

“โอเคนอนก็นอน” พอผมเริ่มจะแสดงอิทธิฤทธิ์ ไอ้ป๊อนซ์เลยตัดใจจากไอโฟนแล้วผลิกตัวมากอดผมแทน  เหอะๆโจซะอย่าง

“ร้อนอ่ะป๊อนซ์อย่าเข้ามาใกล้มากดิ” แต่จุดๆนี้ผมว่ามันเกินคำว่าใกล้ไปแล้วอ่ะ มันถึงขั้นสิงร่างได้แล้ว

“ก็ทำไมอ่ะ ป๊อนซ์จะกอดแฟนป๊อนซ์ แล้วโจมีปัญหาอะไรอ่ะ” ไอ้สัด กวนตีนแล้วว

“ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ ถ้าแฟนมึงคนนั้นแม่งไม่ใช่กู” อัยย๊ะ พูดเองก็เขินเองเว้ยกู

“ว๊ายๆๆๆ หน้าไม่อาย” ไอ้ป๊อนซ์ทำเสียงล้อเลียนก่อนจะเอานิ้วมาจิ้มเบาๆที่แก้มผมเป็นการกวนประสาท

“ถ้ามึงยังจะนอนกับกู ก็กรุณาอยู่ในความสงบด้วย”

“ครับผม” ไอ้ป๊อนซ์รับคำก่อนจะฉวยโอกาสหอมแก้มผมไปอีกหนึ่งที โอ๊ยยย นี่ถ้ากูเป็นผู้หญิงแม่งคงมีลูกเต็มบ้านแล้วมั้งไอ้สัด




“ไอ้ป๊อนซ์ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยดิ” ผมหันไปว่าป๊อนซ์เมื่อเห็นว่ามันยังคงทำสีหน้าอยากฆ่าคนอยู่

“แม่งกูน่าจะล่ามมึงไว้ในหอซะ”

“มึงจะบ้าเหรอ” ไอ้เหี้ยนี่แม่งก็เหลือเกินอ่ะ

“ไม่บ้า กูบอกไว้เลยว่าถ้ามีคราวหน้ากูเอาจริงแน่” ไอ้ป๊อนซ์พูดก่อนจะเอานิ้วชี้มาที่หน้าผมเป็นการสั่ง

“ครับคุณชายยย” เฮ้ออออ ผมละเอือมกับนิสัยหึงหวงไม่เข้าท่าของมันจริงๆ  จะอะไรกันนักหนาอ่ะก็แค่วันนี้เป็นวันชาวหอใช่ป่ะ
ผมก็ต้องแต่งตัวกันหน่อย ผมใส่เสื้อยืดลายขวางสีน้ำเงินสลับดำคอกว้างมากกกก กับเดฟดำรัดขาก็แค่นั้น มันจะหวงไปทำไมผม
ก็ไม่เข้าใจ  ผมไม่ได้มีนมตู้มต้ามเหมือนผู้หญิงซะหน่อย

“เอ่อ พี่โจคะ” เอ๊ะ ใครหว่า??

“ครับ??”

“ขอถ่ายรูปกับพี่โจได้มั้ยค่ะ”

“อ๋อ ได้ครับๆ  ไอ้ป๊อนซ์รอกูด้วย” ผมหันไปตอบตกลงกับน้องเค้าก่อนจะหันไปตะโกนหาไอ้ป๊อนซ์

“เออ!!!!!” เสียงมึงเหวี่ยงไปมั้ย



“อ่ะ เสร็จแล้ว ขอบคุณนะคะ” น้องเค้ายกมือไหว้ขอบคุณผม  เอ่อ ไม่ต้องถึงขั้นไหว้กันก็ได้มั้ง

“ครับ” หลังจากถ่ายรูปเสร็จผมก็ปลีกตัวออกมาหาไอ้ป๊อนซ์ที่ยืนทำหน้าเหมือนตูดอยู่ข้างเสา

“แม่งกูน่าจะล่ามมึงไว้บนหอจริงๆด้วย” ไอ้ป๊อนซ์พูดพึมพำกับตัวเอง แม่งหนักแล้วป๊อนซ์

“เออเอาน่า เข้างานเหอะ” เมื่อเห็นว่าป๊อนซ์ยังคงยืนอารมณ์เสียอยู่และไม่ยอมเดินเข้างานผมเลยต้องจัดการเข้าไปลากแขนมัน
ให้เดินเข้าไปในงานได้

“น้องโจครับ พี่ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้มั้ย”

“อ้าวว พี่เบส ได้ครับได้” เออ พอเห็นพี่แกแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าพี่แกหายไปเป็นเดือนเลยมั้งเนี่ย เพราะว่าผมไม่เห็นพี่แกที่
โรงเรียนเลย

“โจ ไหนบอกว่าจะเข้างานไง” เสียงแข็งๆของไอ้ป๊อนซ์ก็ลอยมาตามลมอีกเช่นเคย

“เออแป๊ปเดียว เดี๋ยวกูถ่ายรูปกับพี่เค้าก่อน” ผมหันไปบอกป๊อนซ์ก่อนจะส่งยิ้มไปให้มันนิดๆ แม่งไอ้เหี้ยนี่ก็คิดมากเกิ๊นนน

“มึงถ่ายไปเหอะ กูเข้างานเลยดีกว่า” ไอ้ป๊อนซ์พูดเสียงแข็งๆก่อนจะหันหลังแล้วเดินเข้างานไปเลย งี่เง่าตลอด ==’

“เอ่อ โจจะไปกับป๊อนซ์เลยมั้ย” พี่เบสถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดูไม่ค่อยดี

“ไม่เป็นไรหรอกพี่เบส ถ่ายรูปเหอะครับ” ผมบอกพี่เบสก่อนจะเข้าไปยืนใกล้ๆเพื่อที่จะถ่ายรูป

เพล้ง!!!!

เสียงแก้วแตกดังมาจากชั้นสองของหอประชุมซึ่งเป็นที่จัดงาน และเมื่อผมเงยขึ้นไปมองก็พบกับต้นเหตุของเสียงเมื่อตะกี๊

ไอ้ป๊อนซ์ยืนทำหน้าเหมือนพร้อมที่จะฆ่าคนอยู่ใกล้กับกองของเศษแก้วที่แตกละเอียด

เฮ้ออออ  ยาวแน่คราวนี้ ==’

“เอ่อ เสร็จแล้วใช่มั้ยครับพี่เบส”

“ครับๆ”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมหันไปยิ้มนิดๆให้พี่เบสอย่างรักษามารยาทก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อที่จะเคลียร์กับไอ้ตูดหมึกนั่น



แต่พอผมขึ้นมาถึงชั้นสอง ไอ้ป๊อนซ์ก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว

“เฮ้ย ไอ้ลิ้มๆ มึงเห็นป๊อนซ์บ้างป่ะ” ผมตะโกนถามไอ้ลิ้มทันทีเมื่อเห็นว่ามันกำลังเดินผ่านมา

“สาดดดดด  แม่งองค์ลงอยู่หลังเวทีนู่น แม่งเหวี่ยงทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าอ่ะ” ไอ้ลิ้มหันมาบ่นยาวก่อนจะเดินคุยโทรศัพท์ออก
ไปด้านนอก

ผมก็เดินไปหลังเวทีตามที่ไอ้ลิ้มบอก แล้วก็ได้เจอกับองค์ลงจริงๆ

“ไอ้ป๊อนซ์ คิดมากไปป่ะ ไอ้โจแม่งรักมึงจะตาย” พีเจ มึงก็พูดเกินไปนะ ==’

“เยสสสสส  มันฟอลลิ่งอินเลิฟวิทมึงคนเดียว” เอิ่มแม่งภูมิ มึงไม่รู้เหรอว่าไอ้ป๊อนซ์ตกอังกฤษ ฮ่าๆๆๆ

“กูก็ไม่อยากคิดหรอกสัด  แต่แม่งการกระทำมันทำให้กูคิด”

“คิดว่าไร” แล้วผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาป๊อนซ์อย่างแมนๆ แต่ขาแม่งจะสั่นอะไรนักหนาวะYY

“ไม่ถ่ายกันต่อล่ะ??” ประชดเก่งเหลือเกินน

“ก็ถ่ายเสร็จแล้วอ่ะ”

“โจ” ไอ้ป๊อนซ์เรียกชื่อผมเสียงนิ่ง  อย่าเรียกแบบนั้นนะ กูกลัว~

“ป๊อนซ์กูว่าคิดมากไปแล้วนะ”

“ไอ้นายกูยืมเสื้อกันหนาวมึงหน่อยดิ” ป๊อนซ์ดูเหมือนจะไม่สนใจกับสิ่งที่ผมพูเลยแม้แต่น้อย

“เออๆ” ไอ้นายก็ยื่นเสื้อกันหนาวแขนยาวมาให้ป๊อนซ์

“อ่ะ ใส่ซะ” แล้วป๊อนซ์ก็ยื่นเสื้อตัวนั้นมาให้ผม เอ๊ะ ยังไง?

“ใส่ทำไม” จะให้กูใส่ทำไมอีกวะ  อีแค่เสื้อกูเองก็แม่งร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว

“เสื้อมึงคอกว้าง กูหวง” โอ้วววว จบสิ้นชีวิตนี้  แม่งมันพูดเหมือนยืนอยู่กับผมแค่สองคนเลยสัด  แม่งไม่ได้มองสายตาของไอ้พวก
ที่ยืนอยู่ด้วยตอนนี้เลยยย

“ไม่เอากูไม่ใส่” เรื่องอะไรจะยอมล่ะ  ไร้สาระชิบเลย

“โจ”

“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นขู่กูเลย กูไม่ใส่”

“อย่าให้กูต้องพูดอีกครั้งนะโจ”

“มึงจะพูดอีกกี่ครั้งกูก็ไม่ใส่ มึงแม่งไร้สาระวะ” ผมไม่ชอบโดนกดดัน มันก็น่าจะรู้แต่มันก็ยังทำ แม่งเหวี่ยงใส่ซะเลย

หลังจากที่ผมเถียงไอ้ป๊อนซ์ฉอดๆๆๆ จนเริ่มอารมณ์ขึ้นทั้งคู่ ไอ้พีเจเลยจัดการลากผมออกมายืนรอดูไอ้ป๊อนซ์หน้าเวทีแทน

“มึงดูดิพีเจ  ไอ้ป๊อนซ์แม่งบ้า” ผมที่ยังอารมณ์ค้างอยู่แล้วไม่มีที่ระบาย ก็เลยหันไประบายใส่ไอ้พีเจที่ยืนอยู่ข้างๆแทน

“เออน่า มันแม่งหวงมึงไง” พีเจหันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ฟังเหมือนพยายามจะเกลี้ยกล่อม

“หวงเชี่ยไรไม่มีเหตุผลเลย” แล้วผมก็ยืนบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว แม่งวันนี้มันต้องเป็นวันสนุกดิ ไอ้ป๊อนซ์แม่งทำผมหมดอารมณ์



“เอาละครับ เราก็มาพบกับวงต่อไปกันเลย” หลังจากที่ผมยืนนอยด์มานาน ก็ได้เวลานอยด์มากกว่าเดิมแล้วเพราะว่าแม่งไอ้ป๊อนซ์ขึ้นร้อง

มันเดินขึ้นมายืนตรงกลางเวทีด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะหันไปพูดอะไรกับไอ้พวกข้างหลังสักอย่าง  ผมอยากตะโกนใส่หน้ามันว่า “ไอ้
ปลวก” ฮ่าๆๆ เจ็บป่ะล่ะ

ไอ้ลิ้มก็แม่งหน้าบานเป็นจานยูบีซีเลย  ก็จะไม่ให้หน้าบานได้ไงล่ะ น้องท็อปเทลของมันโดนมันบังคับให้ไปยืนชิดติดขอบเวทีซะ
ขนาดนั้น   อย่ามาหวานกันแถวนี้ กูอิจฉา!!!!!!!!


พอเสียงกีต้าร์ของไอ้นายดังขึ้น บนหอประชุมก็เงียบกริบพร้อมกับไฟที่ค่อยๆหรี่ลงจนเหลือเพียงไฟที่ส่องไปบนเวที  แต่เอ๊ะ เพลงนี้มันไม่ได้ซ้อมนี่หว่า


ยอมรับว่าชั้น บางทีก็หวงเธอไปหน่อย
คนมันมีใจเดียวก็เงี้ย ใจน้อย


เอิ่มมม  ผมว่าเพลงแม่งดูเข้ากับสถานการณ์ไปหน่อยนะ

แต่ที่จริงมันเป็นห่วงเธอที่คอยเฝ้าถามเธอบ่อยๆ
เธอจะไปกับใครที่ไหนอย่างน้อย
บอกชั้นหน่อยนะคนดี


ไอ้ป๊อนซ์มองหน้าผมก่อนจะสื่อความรู้สึกออกมาผ่านทางสายตา และผมก็เหมือนว่าจะรับความรู้สึกนั้นได้ซะด้วย

ไม่รักก็คงไม่ห่วงอย่างนี้
ที่ต้องหวงก็เพราะเธอนะมีแค่คนเดียว
หากเธอเป็นอะไร ความผิดชั้นคนเดียว
ที่ดูแลเธอไม่ดี จะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง


“เข้าใจมันยัง?” ไอ้พีเจหันมาถามผมแบบล้อๆ

“เออๆ เข้าใจแล้วสัด อย่าล้อได้ป่ะ” แม่งไม่ค่อยจะกล้าเงยหน้าขึ้นเลย  เพราะผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆอ่ะ ==’

ยอมรับว่าชั้น บางทีก็วุ่นวายไปหน่อย
คนมันมีใจเดียวก็เงี้ย ใจน้อย
แต่ที่จริงมันเป็นห่วงเธอ ที่คอยเฝ้าถามเธอบ่อยๆ
เธอจะไปกับใครที่ไหน อย่างน้อย
ก้อให้บอกชั้นหน่อย นะคนดี


อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นป๊อนซ์!!!!!   กูเขิน><~

ไม่รักก็คงไม่ห่วงอย่างนี้
ที่ต้องหวงก็เพราะเธอนะมีแค่คนเดียว
หากเธอเป็นอะไร ความผิดชั้นคนเดียว
ที่ดูแลเธอไม่ดี จะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

ไม่รักก็คงไม่ห่วงอย่างนี้
ที่ต้องหวงก็เพราะเธอนะมีแค่คนเดียว
หากเธอเป็นอะไร ความผิดชั้นคนเดียว
ที่ดูแลเธอไม่ดี จะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

หากเธอต้องเสียใจ จะไม่มีวันให้อภัย ตัวเอง


เสียงร้องของป๊อนซ์จบลงพร้อมกับเสียงโห่ และเสียงกรี๊ดที่ดังจนก้องไปทั่วทั้งหอประชุม
ส่วนผมน่ะเหรอจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากเอามือจับหน้าที่ร้อนผ่าวและแดงซ่านของตัวเองเอาไว้  สาดป๊อนซ์!!!!!

“ไง” ไม่เงยหน้าผมก็รู้ว่าแม่งเป็นใคร

“อืม” อย่าเข้ามาใกล้กูนะ กูเขิน

“ชอบมั้ย?”

“ชอบอะไร?” ไอ้เหี้ย นี่ผมกับมันสื่อสารกันสั้นไปป่ะ

“กู” ไอ้สาดดดดด  เดี๋ยวกูเอาเข็มขัดฟาดหน้าเลย

“...” จะให้ตอบว่าไงละครับ แม่งงงง

“ว่าไง ชอบกูมั้ย”

“แล้วมึงมาถามอะไรตอนนี้วะ” ผมเริ่มเอามือขึ้นมายีหัวอย่างฟุ้งซ่าน อ๊ากกกกก

“ก็แค่อยากรู้” มึงอย่าทำเสียงนิ่งได้ป่ะ มันดูหื่นๆไงไม่รู้อ่ะ ><~

“อืม”

“คือ?”

“ชอบมึง”

“มึงไหน?” โอ๊ยยย ไอ้สาดดดดด กวนตีนนน  มึงจะมาควายอะไรตอนนี้วะ

“ป๊อนซ์”

“หืมม  ป๊อนซ์ทำไม” ไอ้เชี่ย กวนตีนจนกูเริ่มจะเสียศูนย์แล้วว

“โจชอบป๊อนซ์”

“ครับ” ป๊อนซ์พูดรับ ก่อนจะดึงผมเข้าไปซุกที่อกมัน  แต่เอ๊ะ นี่มึงลืมไปรึเปล่าว่าเราไม่ได้ยืนกันอยู่แค่สองคน .///.

“โอ๊ยยยยยยยย  เกรงใจคนอื่นบ้างเห้อออ” เสียงโหยหวนของพีเจดังขึ้น แต่พอผมจะเอี้ยวตัวไปมองก็โดนป๊อนซ์ล็อคเอาไว้อีก

“เออ มาพีเจมาให้กูกอดที” ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับทำปากจู๋และยื่นมือออกไปทางพีเจ

“พอเหอะสัด กูจะอ้วก”

“แรว๊งส์” เอ่อ  กูว่าคำมันดูออกเสียงยากๆยังไงก็ไม่รู้ว่ะ

“ป๊อนซ์ ปล่อยได้แล้ว” เมื่อผมเริ่มจะทนกับการซุกอยู่ที่เต่ามันไม่ไหวผมก็เลยประท้วงจะออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์

“อ๋อๆ ครับ” แล้วป๊อนซ์ก็คลายอ้อมกอดออกให้ผมออกมาสูดอากาศได้

“เทล มายืนข้างๆพี่ดิ” อะไรกันอีกละเนี่ย

“เอ่อ พี่ลิ้มเทลเจ็บข้อเท้าอ่ะ” ท็อปเทลพูดพร้อมกับทำหน้ากลัวๆไอ้ลิ้ม  ทำไมวะเจ็บข้อตีนนี่ต้องรอไอ้ลิ้มอนุมัติด้วยรึไง

“ไหนดูดิ” ไอ้ลิ้มรีบย่อตัวลงก่อนจะยกเท้าของท็อปเทลขึ้นมาดู

“เออ บวมอ่ะ ไปทำอะไรมาอีก พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ระวังตัวอ่ะ” ไอ้ลิ้มพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ ทำเอาท็อปเทลก้มหน้างุด ไม่กล้าเงย
หน้าขึ้นมาเลยทีเดียว

“ก็ตอนที่ไปยืนด้านเมื่อกี๊อ่ะ มีคนมากระแทกเทลหลายครั้งจนเทลล้มแล้วเท้ามันก็เลยพลิกมั้ง”

“เฮ้อออ เดี๋ยวพาไปนวดด้านล่าง พวกมึงเดี๋ยวกูมานะ” ไอ้ลิ้มพูดบอกลาพวกผมก่อนจะหันไปประคองท็อปเทลให้เดินลงไปด้าน
ล่าง

“นวดอย่างเดียวนะสาดดด  อย่าหน้ามืดนะมึง” ไอ้ภูมิก็ไม่วายล้อคนอื่นเล่นอีกตามเคย

“olo” แล้วมันก็ได้สัญลักษณ์แบบนี้กลับมาเป็นของขวัญ ฮ่าๆๆๆ สมควร




“กูจะไปเต้นอ่ะโจ” ไอ้ป๊อนซ์หันหน้ามาบอกผมเมื่อมีวงที่เล่นเพลงที่มันชอบ

“ไปดิ กูไปด้วย” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะไปแดนซ์ด้านหน้าเวที

“ไม่เอาอ่ะ ไม่ให้มึงไป” อีกแล้วครับ โหมดนี้มันมาอีกแล้ว

“ป๊อนซ์อ่ะ กูก็อยากเต้นเหมือนมึงนั่นแหละ” ผมพูดพร้อมกับเขย่าแขนของป๊อนซ์เพื่อเป็นการขอร้อง

“อืมมม งั้นออกไปด้านนอกกับกูแป๊ปดิ”

“ได้ๆ” แล้วผมก็เดินตามป๊อนซ์ออกมาด้านนอกหอประชุมมายืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสองที่ไม่มีแม้แต่ไฟทางเดิน

“เฮ้ย”แล้วผมก็ต้องตกใจแทบจะเป็นลม เมื่อจู่ๆป๊อนซ์ก็ดันผมจนหลังติดกับกำแพง

“เงียบนา” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเป่าลมใส่ข้างๆหูของผม สัดสยิวเหี้ยๆอ่ะ

“จะทำอะไรวะ” ผมพูดเสียงกระซิบเพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินแล้วแห่กันออกมาดู

“ทำให้มึงไม่กล้าออกไปเต้น” พูดจบมันก็ก้มลงมาที่คอของผมก่อนจะค่อยๆไล่ดูดเม้มตั้งแต่คอ ไหล่ ไปจนถึงไหปลาร้า ไอ้สาดด
ดมากไป!!!

“ป๊อนซ์ พอเหอะ ป๊อนซ์~”ผมพูดเสียงสั่นพร้อมกับเอามือทุบที่ไหล่มันเบาๆ

ป๊อนซ์ก็ยอมละปากออกจากคอของผมก่อนจะเอาหน้ามาประชิดหน้าของผมแทน

“เดี๋ยวกูจะรอดูว่ามึงยังจะขอออกไปเต้นกับกูอีกมั้ย” ป๊อนซ์พูดก่อนจะถอยออกจากผมให้ผมเดินออกมาจากผนังได้

“เหี้ย!!”

“หึๆ” แล้วไอ้ป๊อนซ์ก็เดินนำผมพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้าไปในงาน

“อ้าว อยู่นี่เองไอ้ป๊อนซ์พวกกูหาตั้งนาน” พอเดินกลับเข้าไปปั๊ป ไอ้พีเจก็เดินตรงเข้ามาหาไอ้ป๊อนซ์ทันที

“ทำไมวะ” ไอ้ป๊อนซ์ก็ถามกลับไปด้วยสีหน้าสงสัย

“พวกกูจะชวนมึงไปแดนซ์กัน” แล้วไอ้ภูมิก็เดินมาจากอีกทางนึงก่อนจะเข้ามากอดคอไอ้ป๊อนซ์

“อืมม ไปดิ โจไปด้วยกันมั้ย” ป๊อนซ์หันกลับมาถามผมที่เอามือขึ้นมาปิดคอ อย่างยิ้มๆ

“ไม่ไป” จะให้ไปได้ไงวะแม่ง ผมก้มดูตอนเดินเข้ามาเมื่อกี๊แบบว่าเต็มคออ่ะ

“ไอ้นาย เสื้อกันหนาวมึงอยู่ไหนแล้วอ่ะ” ผมหันไปถามหาตัวช่วยจากไอ้นาย

“อยู่บนเก้าอี้อ่ะ ทำไมวะ หนาวเหรอ?” มึงใสๆมากนาย

“เออใช่ๆ กูหนาว” หนาวมากกกก สาดเหงื่อเต็มหน้าเลยเนี่ย

“อ๋อๆ ไปเอาได้เลยบนเก้าอี้อ่ะ”

“อืม แต๊งเว้ย” พูดจบผมก็เดินออกมาจากกลุ่มก่อนจะหยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมาใส่แล้วรูดซิปจนถึงคาง(เลยคอขึ้นไปอีกอ่ะ) แล้วนั่ง
ลงนิ่งๆข้างๆเวที ที่เป็นเก้าอี้ให้นั่ง

“หนาวเหรอจ๊ะ ตัวเธอ หืม?” กูรู้ว่ามึงรู้ภูมิ แม่งไม่ต้องเลย

“สัด”

“ว๊ายๆๆๆๆ หยาบคาย เดี๋ยวกูจับเปิดคอเลย”

“เหี้ย”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ สะใจง่ะ ไปแดนซ์ก่อนนะจ๊ะ” ไอ้ภูมิแวะมาทับถมผมเสร็จก็เดินกลับไปรวมกลุ่มกับพวกที่เหลือที่ยืนเต้นกันอยู่หน้าเวที 
มึงต้องการอะไรจากกู


ต่อด้านล่างนะจ๊ะ>>>
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 15 ชาวหอ>>หวง!!!!! : 27/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 27-02-2013 23:40:20
พองานจบพวกผมก็นัดไปต่อกันที่บ้านไอ้ป๊อนซ์ เพราะไอ้พวกหมาๆทั้งหลายมันบ่นกันว่าอย่างเสริมความแข็งแรงให้ตับกัน ฮ่าๆๆ
แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้มันก็เป็นวันเสาร์ด้วย ทางสะดวกเลยย

แล้วเราก็แยกย้ายกันขึ้นรถโดยที่รถป๊อนซ์มีป๊อนซ์ ผม ไอ้ไปป์ ไอ้นาย ส่วนที่เหลือก็ไปกับรถไอ้ลิ้ม ตอนแรกกะจะไปรถไอ้พีเจกันแต่ไอ้ลิ้มมันพาท็อปเทลไปด้วยมันก็เลยบอกว่าให้ไปรถมันดีกว่า

“ไปป์สายเข้าอีกแล้วอ่ะ มันสั่นอยู่บนตักอยู่จนกูเริ่มจะเกิดอารมณ์แล้วนะ” ไอ้นายสะกิดบอกไอ้ไปป์เมื่อไอโฟนที่ไอ้ไปป์ฝากไว้ที่
ไอ้นายสั่นขึ้นเป็นรอบที่ล้านนิดๆแล้ว

“เสื่อมว่ะไอ้นาย” ผมหันไปด่าไอ้นายแบบขำๆซึ่งมันก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว

“มึงรับสายพลัสหน่อยมั้ยไปป์ ก็ว่าน้องแกคงจะกำลังกระวนกระวายน่าดูเลยนะเว้ย”ไอ้ป๊อนซ์ที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่ไอ้ไปป์ผ่านกระจกส่องหลัง

“ไม่หรอก ป่านนี้มันก็งเที่ยวกับเพื่อนอยู่นั่นแหละ” ไอ้ไปป์พูดแบบไม่สนใจก่อนจะหยิบไอพอดในกระเป๋าขึ้นมาเล่นเกมส์

“สั่นอีกแล้วสาดดดดด” ไอ้นายโวยวายขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีสายเรียกเข้าอีก

“เอามานี่ กูรับเอง” ผมหันกลับไปขอไอโฟนไอ้ไปป์จากไอ้นายเพื่อรับสายน้องพลัส

“ฮัลโหล” ไอ้ไปป์เหลือบตามองผมนิดๆก่อนจะหันกลับไปสนใจเกมส์ต่อ

(ฮัลโหล ฮึก พี่ไปป์) แม่งสะอื้นมาเลย

“เอ่อพลัส นี่พี่โจพูดนะ”

(พี่โจ พี่ไปป์เป็นไงบ้าง ฮือออ) อ้าวสาดดด อย่าร้องดิกูไปไม่ถูก

“สบายดีแหละ แล้วเราอ่ะ” ไอ้ไปป์หันมาเหลือบอีกครั้ง ผมเลยตัดสินใจเปิดลำโพงให้มันได้ยินไปเลย

(พลัส ฮึก พยายาม ติดต่อพี่ไปป์แล้วอ่ะ ฮือออ แต่พี่ไปป์ไม่รับสายเลย) ไอ้ป๊อนซ์หันไปมองหน้าไปป์ที่แม่งยังสนใจแต่ไอพอดอยู่

“อืออ แล้วนี่เราอยู่ที่ไหนเนี่ย” ผมลองเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าพลัสเริ่มจะร้องไห้หนักจนควบคุมสติไม่อยู่

(พลัสอยู่โรงพยาบาลครับ)

“เฮ้ย เป็นอะไร” ไอ้ไปป์ถึงกับวางไอพอดลงข้างตัวทันทีที่ได้ยินคำว่าโรงพยาบาล

(ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ โรคกระเพาะมันกำเริบนิดหน่อย)

“อยากตายเร็วๆรึไง” แล้วไอ้คนที่กลัวว่าดอกพิกุลจะร่วงออกปากมันก็ยอมอ้าปากพูดออกมาสักที

(พี่ไปป์ ฮืออออ พี่ไปป์ใช่มั้ย) พลัสเริ่มร้องไห้อย่างหนักอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของไอ้ไปป์

“เออกูเอง มึงโทรมาหากูทำไมหนักหนา” ไอ้ไปป์พูดเสียงนิ่งๆ ปนรำคาญนิดๆ แม่งไอ้เหี้ยนี่มันซาดิสม์ชัวร์เลย

(พี่ไปป์ ฮึก พลัสขอโทษ วันหลังพลัสจะไม่ทำอีกแล้ว ฮืออออ) พลัสรับละล่ำละลักพูดเมือนกลัวว่าไอ้ไปป์จะตัดสายไปซะก่อน 

แต่ยังไงมันก็ตัดสายไม่ได้อ่ะนะเพราะว่าไอโฟนมันอยู่ในมือผม

“อืม” ไอ้ไปป์ตอบรับสั้นๆก่อนจะหยิบไอพอดขึ้นมาเล่นต่อ

(ฮืออออ พี่ไปป์ ฮืออออ)

“มึงหยุดร้องแล้วไปกินยารักษาตัวให้หายซะ ถ้ามึงไม่หายกูก็จะไม่ไปหามึงเข้าใจมั้ย”

(ครับๆ พลัสหาบแน่นอนครับ พลัสสัญญา) เสียงพลัสดูสดใสและกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีที่ไปป์พูดจบ

“อืม”

“เอ่อ แค่นี้นะน้องพลัสไปพักผ่อนซะ แล้วก็หายเร็วๆนะ” ผมพูดเพื่อที่จะปิดบทสนทนา น้องพลัสจะได้ไปพักผ่อน

(ครับๆ หวัดดีครับ)

“เข้มตลอดดด” ไอ้นายแซวขึ้นมาทันทีที่ผมกดวางสายจากน้องพลัส

“หึ” ชิวไปนะไปป์ ดูไปดูมาเหมือนว่ามันจะไม่ได้โกรธอะไรพลัสมากหรอก แต่ดูเหมือนว่ามันอยากแกล้งซะมากกว่า

“ไอ้ไปป์แม่งซาดิสม์” ผมหันหลังกลับไปประณามไอ้ไปป์ที่นั่งยิ้มน้อยๆอยู่คนเดียว

“กูรู้ว่ามึงก็เป็นเหมือนกู ใช่มั้ยป๊อนซ์” ไอ้ไปป์พูดก่อนจะสบตากับไอ้ป๊อนซ์ผ่านกระจกส่องหลัง

“หึๆ ก็มีบ้าง” สาดป๊อนซ์!!!!!!!

“โอ๊ยดื้อ เดี๋ยวก็ตายกันยกคันหรอก” ไอ้ป๊อนซ์หันมาดุผมนิดๆ เมื่อผมยื่นมือไปบีบคอมัน

“มึงมัน@#%$#$@#” ไม่มีใครฟังรู้เรื่องหรอกครับ แม้แต่ผมเองยังไม่รู้ตัวเลยว่าพูดอะไรออกไป ==’



“อ้ายคนจนจำต้องทนปั่นโรดเถียบ” ไอ้ภูมิกูว่ามึงแม่งสติเหลือน้อยเต็มทีแล้วว่ะ

“ถีบเว้ย” นั่นไงแล้วลูกคู่อย่างไอ้นายก็แก้ให้ทันที

"เออนั่นแหละ หยวนๆ” หยวนเหี้ยไร คือจะบอกว่าในที่นี้ตอนนี้คงจะมีแต่ผมกับท็อปเทลแล้วละมั้งที่มีสติอยู่ อย่างท็อปเทลนี่โดน
สั่งห้ามอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ส่วนผมแม่งได้กินแบบว่าเจือจางโคตรๆอ่ะ เซ็งเว้ยยยย

“เทล” เอาแล้วไอ้ลิ้ม มาแล้ววว

“ครับ?” ท็อปเทลหันไปทำหน้างงๆใส่

“เทลรู้มั้ยว่าคนเราอ่ะนะ มันต้อง......” แล้วมันก็นั่งเทศน์เทลเป็นชั่วโมงเลยล่ะครับแม่ง ไอ้เหี้ยนี่เมาแล้วชอบพูดปรัชญาที่แม่งคิด
เองออกมาให้เพื่อนงงกันเล่นๆ

“พีเจ มึงจะไปไหน” ผมร้องทักขึ้นเมื่อเห็นว่าพีเจกำลังเดินรูดซิปไปทางห้องครัว

“ฉี่”

“สาดด นั่นมันห้องครัว”

“อ้าวเหรอ เออใช่ๆ” ไอ้เหี้ยจะรอดมั้ยละนั่น

“โน่นแน่ะนกเขาคู จุ๊กจุ๊กกรู นกมันเฝ้าดูหาชู้มัน” โอ๊ยภูมิพอเหอะ

“โถโก่งคอทำเสียงหมาน” ไอ้นายบีบเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อที่จะร้องโต้ตอบกับไอ้ภูมิ

“หวานไอ้สัด” เอ่อ ดีเว้ยมีแก้ให้กันด้วย

“อ๋อ หวาน ช่างน่าสงสารนกกระไรใจข้า” ไม่รู้เหี้ยอะไรแล้วเนี่ยย ปวดหัวชิบหาย คือไม่ธรรมดาเลยนะครับเพราะว่าคู่นี้มีการโอบ
คอโอบไหล่กันร้องด้วย ไอ้นายนี่คือเอียงหน้าผลักอกไอ้ภูมิแบบเขินอายไรเงี้ย ฮาโคตร!!!

“พี่ปักใจใฝ่รักรัก เจ้าใยมิเห็นใจเมตตา”

“นกมันรักกันนกมันก็มีแต่ อึ๊บส์ อ้าส์” เฮ้ยๆ ก็ว่าเนื้อแม่งแปลกๆนะเว้ย

แล้วแม่งก็ร้องกันไปเรื่อยจนจบเพลงนี้ขึ้นเพลงนั้นและดูเหมือนว่าจะไม่หยุดง่ายๆซะด้วย

“อืมม ไม่เมา เออ อืมๆ ...” ไปป์แม่งเมายากครับ แดกไปพอๆกับไอ้พวกนี้นั่นแหละแต่แม่งสติยังอยู่ครบถ้วนถึงกับคุยโทรศัพท์ได้

นี่แม่งไม่ธรรมดาเลยเพราะว่าหันมาดูไอ้พวกที่เหลือนี่คือพูดโต้ตอบกับเพื่อนยังลำบากอ่ะ

“ป๊อนซ์พอได้แล้วมั้ง” ผมเอามือไปจับมือป๊อนซ์ที่กำลังจะกินเข้าไปเป็นแก้วที่ 10 คืออยากจะบอกว่ามันกินแบบเพียวๆเลยนะครับ เหล้านอกของแรงซะด้วย

“เอาน่าดื้อออ  อีกสักหน่อยยยยยย” เสียงมึงยานไปแล้วสาดดด

“พอแล้วเหอะนะ” ผมพูดพร้อมกับดึงแก้วเหล้าในมือป๊อนซ์มาแล้วกินซะเอง

แต่ยังไม่ทันที่เหล้าจะได้ลงคอไปผมก็ต้องตกใจแทบสำลักเมื่อจู่ๆป๊อนซ์ก็ดึงผมเข้าไปประกบปากแล้วใช้ลิ้นค่อยๆไล้คว้านเหล้าที่อยู่ในปากผมไปกินเองจนหมด ก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ

“อืมมม เหล้าแม่งหวานๆแฮะ” สาดดด เดี๋ยวกูชกหน้าหงายเลย

หลังจากเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญจากการกินเหล้าแบบพิศดารของป๊อนซ์ผมก็ไม่กล้าที่ห้ามมันไม่ให้กินเหล้าอีกเลย

“โจวววว” โทษนะชื่อกูไม่มีวอแหวนต่อท้ายเหอะ

“ทำไมอ่ะ”

“พาป๊อนซ์ไปนอนข้างบนหน่อยจิ” แบ๊วขึ้นมาเลยนะสาด

“เออๆ ลุกขึ้นยืนดีๆดิป๊อนซ์ อย่าไหลได้ป่ะ มึงไม่ได้เบาๆเลยนะ” ผมดุเมื่อไอ้ป๊อนซ์ทำตัวเหมือนไร้กระดูกขึ้นมา

“พวกมึงกูพาไอ้ป๊อนซ์ขึ้นไปนอนก่อนนะเว้ย แล้วพวกมึงเวลาจะนอนอ่ะก็ขึ้นไปนอนบนห้องด้านบนเข้าใจป่ะ” ไอ้เหี้ยมีแค่ท็อปเทลกับไปป์ที่หันมาพยักหน้ารับ ส่วนที่เหลือแม่งอยู่ในโลกอีกโลกนึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ผมรักคนชื่อโจ  อยากเป็นแฟนคูนเสียเจงงง~” เอิ่มม  เหนื่อยโคตรๆอ่ะ

“ป๊อนซ์จับราวบันไดไว้ด้วยดิ เดี๋ยวก็ตกลงไปทั้งคู่หรอก”

“จ้า~” เสียงหวานเหลือเกิน

และกว่าที่ผมจะพามันขึ้นมาถึงเตียงได้ก็กินเวลาและพลังงานไปพอสมควรเลยทีเดียว

ตุบ!!!!!

ผมวางไอ้ป๊อนซ์ลงบนเตียงทันทีที่ขึ้นไปถึง โอ๊ยยยย เอวกู เมื่อยสัดๆเลยย

“อืมมมมม โจโจ” ไอ้ป๊อนซ์ที่แม่งเมาอย่างกับหมาก็เรียกชื่อผมพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นมาไขว่คว้าอากาศ

“ทำไม?” ผมพูดพร้อมกับเอี้ยวตัวไปด้านหลังแล้วก็ต้องเสียหลักเมื่อป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะพลิกตัวขึ้นทับผมจากด้านบน

“เฮ้ยยย” ป๊อนซ์มองผมด้วยสายตาแปลกๆ

“โจ” อย่าเรียกแบบนั้นกูกลัว

“หืม?”

“กูขอ”ไอ้เหี้ยมึงจะขอเชี่ยอะไรวะ


“ป๊อนซ์ อื้อออออออ”

...........................TBC.......................................

อ๊ากกกกก  กลับมาอัพอีกตอนนึงแล้วว

เรื่องคลิปฟันดาบอ่ะลงแน่นอนนะจ๊ะ แต่ว่ามันมีอยูสามคลิป คนเขียนขอเวลาตัดต่อเติมแต่งแป๊ปนึงเนาะ แล้วเดี๋ยวจะมาลงให้

แจ้งเพื่อทราบอีกอย่างนึงนะ >>> คนเขียนจะงดอัพไป 1 อาทิตย์เต็มๆ จะมาอัพอีกทีประมาณวันที่ 10 มี.ค. เนื่องจาก สอบปลายภาค :sad4:  หวังว่าจะเข้าใจกันนะจ๊ะ

อย่าลืมเม้นต์ & บวกเป็ดด้วยนะ  :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 15 ชาวหอ>>หวง!!!!! : 27/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-02-2013 01:02:22
แหม,,,ขี้หึงซะด้วย
คู่ไปป์จะโหดไปไหน น่าสงสารน้องพลัสอ่ะ
ปล,ป๊อนซ์เมาแล้วเรื้อนอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 15 ชาวหอ>>หวง!!!!! : 27/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: 3BⅠt$. ที่ 28-02-2013 03:32:21
โจจะรอดไหมนั่น  :o8:
+ เป็ดกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 15 ชาวหอ>>หวง!!!!! : 27/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 28-02-2013 11:42:36
สรุปว่าลิ้มกับท๊อปเทลนี่อะไรกัน อยากรู้แล้วนะ
กลุ่มนี้เมาแล้วไม่ไหวเลย

ส่วนคลิปพี่ก็อยากดูนะ 5555
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 15 ชาวหอ>>หวง!!!!! : 27/02/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-02-2013 22:42:04
ได้ๆๆ แต่ลงครั้งต่อไปต้องพกคลิปมาด้วยนะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] แถลงการณ์เรื่องนิยาย (เศร้าYY) : 01/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 01-03-2013 01:33:04
ถึงคนอ่านทุกท่าน!!!!!!!!!!!!!!!

คือตอนนี้คนเีขียนประสบปัญหานิดหน่อย  คือ ตัวละครหลักของเรื่องคนนึง  เค้าไม่พอใจแล้วเค้าก็โกรธมาก

คนเขียนเลยจะขอพักการอัพไปแบบไม่มีกำหนด (ถ้าเคลียร์ปัญหาได้ สัญญาว่าอัพแน่นอน^^)

เฮ้ออออ  เอาจริงๆคนเขียนเศร้ามากกเลยนะ คือมันก็เสียดายเรื่องที่แต่งมา ตั้งหลายตอนYY

เราต้องขอโทษคนอ่านทุกคนไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ (แต่เราสัญญานะว่าเราจะกลับมแน่นอน แต่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ ฮืออออออ)

แงๆๆๆๆๆ

เราต้องกราบขอโทษทุกคุณอีกครั้งนะ
  :call: :call: :call: :call: :call:


..................KATIEZZ.......................
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] แถลงการณ์เรื่องนิยาย (เศร้าYY) : 01/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 01-03-2013 02:08:25
ฮือออออออออ เสียใจจังค่ะ เราอยากอ่านต่อมากเลยนะ จะหยุดอัพไปจริงๆเหรอ
ตัวละครไม่พอใจเหรอ(แอบถามได้ป่าวว่าคนไหน?) น้องเค้าไม่พอใจมากๆเลยเหรอ มันแค่นิยายเองน้าาาาาา หรือน้องแอบคิดจริง หุหุ
ไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่านต้องสนใจดิ  นิยายมันไม่ใช่เรื่องจริงอ่ะ คนอื่นที่อ่านก็น่าจะรู้ คนอื่นๆในเรื่องว่าอะไรรึเปล่าคะนอกจากน้องคนนั้น
ถ้าคนอื่นไม่ว่าอะไรนิน่าสงสัยน้าเอาจริงๆน้องเค้ากลัวหวั่นไหวเหรอ มโนไปเอง~ เอาใจช่วยคนเขียนค่ะ อยากให้น้องเค้าเข้าใจว่านิยายก็คือนิยายอ่ะ
จะเอาอะไรถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] แถลงการณ์เรื่องนิยาย (เศร้าYY) : 01/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-03-2013 10:33:19
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] แถลงการณ์เรื่องนิยาย (เศร้าYY) : 01/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 01-03-2013 16:37:02
มาอีกครั้ง  แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนดูยอดวิว 5555

และก็ขอบอกอีกครั้งว่า จะกลับมาแน่นอน (แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ YY แต่กลับมาแน่นอน!!!!!)

เป็นกำลังใจให้คนเีขียนด้วยเน้อออ~  :z3: :z3:

.................KATIEZZ.....................
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] แถลงการณ์เรื่องนิยาย (เศร้าYY) : 01/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 01-03-2013 20:44:27
กลับมาไวไวนะตัว เค้ารออยู่  :impress3: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] แถลงการณ์เรื่องนิยาย (เศร้าYY) : 01/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 01-03-2013 22:45:00
เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า  :กอด1:
รีบๆกลับมานะ  :man1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] แถลงการณ์เรื่องนิยาย (เศร้าYY) : 01/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 02-03-2013 19:49:56
 :z3: :z3: :z3: :เฮ้อ:  เสียใจจัง แต่จะรอน่ะครับ :(
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] แถลงการณ์เรื่องนิยาย (เศร้าYY) : 01/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 03-03-2013 00:03:46
ThankS
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" =,= 10% : 03/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 03-03-2013 10:13:41
ตอนที่ 16  (10%)






[Pontz x Joe]




[Joe]




“ไอ้ป๊อนซ์!!!” ผมตะคอกใส่ป๊อนซ์เสียงดังสนั่นเพื่อหวังว่าจะสามารถเรียกสติของมันที่กำลังคร่อมอยู่ด้านบนตัวของผมกลับมาได้บ้าง

“หึ” สายตาของป๊อนซ์เปลี่ยนจากที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติกลับมาเป็นมีสติครบสมบูรณ์ พร้อมกับส่งยิ้มชั่วร้ายมาให้ผม

“มึงไม่ได้เมาเหรอ อึ้กกก” เสียงของผมต้องขาดช่วงลงทันทีเมื่อป๊อนซ์เลื้อยมือเข้าไปใต้เสื้อตัวบางพร้อมกับค่อยๆลากวนไปจน
ทั่วหน้าท้องของผมอย่างแผ่วเบา

“เมาที่ไหน มึงคิดว่ากูอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ หื้มม?” ป๊อนซ์ถามด้วยเสียงที่แหบพร่าพร้อมกับก้มลงมาจุ๊บเบาๆที่ปากของผม

“แล้วมึงเป็นเหี้ยไรของมึงเนี่ย” ผมพยายามจะรวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิดถามมันออกไป

“กูแค่อยาก ‘กอด’ มึงอ่ะ ไม่ได้รึไง” สาดดดดดด  กอดเหรอไอ้เหี้ย เดี๋ยวกูโบกคว่ำเลย

“กอดบ้านมึงสิ ไอ้สัด” ผมตัดสินใจถีบป๊อนซ์จนหงายหลังก่อนจะลุกขึ้นไปยืนที่มุมสุดของห้อง

“โอ๊ย ไอ้โจแม่งง จุกอ่ะ” ป๊อนซ์บ่นพึมพำพร้อมกับเอามือกำไว้ที่ท้องของตัวเอง แม่งสมควร

“สมควร” ผมหันไปเยาะเย้ยมันก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ข้างๆทีวีเพื่อหาน้ำกิน ในขณะที่มันก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา
อยู่


-ห้ามแดก!!!-

แหมเขียนซะขนาดนี้ ไม่แดกก็บ้าแล้วววว

ผมไม่รอช้ารีบยกน้ำขวดนั้นขึ้นมากินอย่างกระหายจนหมดหยดสุดท้ายเลยทีเดียว

“โจ มึงกินอะไรน่ะ” ป๊อนซ์ถามผมด้วยเสียงที่ดูจะตกใจเป็นพิเศษ โถๆๆๆ  กูกินของต้องห้ามของมึงเข้าไปแล้วอ่ะนะ

“นี่ไง” ผมหันไปหามันพร้อมกับชูขวดน้ำที่ตอนนี้เหลือแค่ขวดเปล่าเท่านั้น

“สาดดดดดด  หมดเลย”

“เยสสสส  เกลี้ยงอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอาลิ้นเลียริมฝีปากเป็นการเยาะเย้ย ฮ่าๆๆๆๆ สะใจโคตรอ่ะ

“เวรแล้ว” ป๊อนซ์เริ่มแสดงสีหน้ากระวนกระวายออกมาอย่างชัดเจน

“อะไรวะ กะอีแค่น้ำขวดเดียว”

“มันไม่ใช่แค่น้ำอ่ะดิ”

“ห๊ะ?” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย  ไม่ใช่น้ำธรรมดาแล้วมันเป็นน้ำจากทะเลทรายซาฮาร่ารึไงไอ้สัด

“เวรๆๆๆๆๆ” คราวนี้มันไม่ได้แคค่ยืนทำหน้ากลุ้มใจเพียงอย่างเดียวแต่มันเริ่มจะเดินวนไปวนมาในห้องจนผมเริ่มจะเวียนหัว

“เออใช่  โจมึงไปกินน้ำเลย”ไอ้ป๊อนซ์ดีดนิ้วดังเป๊าะก่อนจะเดินมาดันหลังผมให้ไปกินน้ำในตู้เย็น แต่เอ๊ะ ทำไมพอมันมาจับตัวผม
แล้วผมมีความรู้สึกแปลกๆวะ มันวูบๆวาบๆร้อนๆหนาวๆยังไงก็ไม่รู้

“ปะ ป๊อนซ์” อาการแปลกๆที่มีในตัวผมมันเริ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย แล้วตัวผมก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้

“นั่นไงแม่ง  เข้าไปในห้องน้ำเลยโจ” ป๊อนซ์ดูเหมือนพยายามจะยืนให้ห่างผมให้มากที่สุดพร้อมกับบอกให้ผมเข้าไปในห้องน้ำ

“ป๊อนซ์..กู..กู....กูเป็นอะไรวะ” ผมรู้สึกว่าผมเริ่มจะมีความต้องการจนควบคุมตัวเองได้ยากเต็มที

“กูไม่อยากทำร้ายมึงนะโจ  เชื่อกูมึงเข้าไปในห้องน้ำแล้วลงไปแช่ในอ่างเลย เปิดฝักบัวแรงๆเลยด้วย”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะพยายามพาขาที่สั่นระริกเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างยากลำบาก

ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำช้าๆก่อนจะเปิดน้ำใส่อ่างจนเต็ม แล้วก็ค่อยๆก้าวขาลงไปนั่งในอ่างซึ่งมันก็ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยแต่ความ
ต้องการของส่วนนั้นของผมก็ไม่ได้ลดไปด้วยเลย

“ฮึก!!” ผมตัดสินใจค่อยๆใช้มือเพื่อช่วยปลดปล่อยความต้องการที่มีอยู่ออกมา

“ฮึก อื้อออออ” ผมเม้มปากแน่นเพราะกลัวว่าไอ้ป๊อนซ์ที่ยืนอยู่ด้านนอกจะได้ยินเสียงน่าอายของผม

“โจ ไอ้โจ โอเคมั้ย” เสียงป๊อนซ์ที่ดังเข้ามาในห้องน้ำสามารถแสดงออกถึงความเป็นห่วงที่มันมีต่อผมจนผมรู้สึกได้

“อึ้กกก อื้มมมมมม” แล้วผมก็ได้ปลดปล่อยออกมาจนหมด แต่ดูเหมือนว่าความต้องการที่มีจะยังไม่หายไปเลย ให้ตายเหอะ แล้ว
กูต้องเสร็จอีกกี่รอบวะเนี่ย!!!!

“ป๊อนซ์~” ผมตัดสินใจเรียกป๊อนซ์เข้ามาเพราะตอนนี้ผมเริ่มกลัวอาการของตัวเอง และผมก็ไม่อยากอยู่คนเดียวด้วย น้ำตาแห่ง
ความกลัวค่อยๆไหลออกมาช้า

“ทำไม?”

“เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยได้มั้ย กูกะ...กลัวตัวเอง”


................................................TBC.....................................................

และแล้วคนเขียนก็กลับมาอัพ YY  ไม่ใช่อะไรหรอกนะคืออันนี้คนเขียนแต่งไว้นานแล้วไม่อัพก็เสียดาย กลัวบูด :sad4:

เลยอัพซะก่อน กลัวจะไม่มีชีวิตรอดมาได้อัพอีก  :m15:

แต่ก็นะน่าจะได้อัพแหละมั้ง  :เฮ้อ:

อย่าลืมเม้น & บวกเป็ดให้กำลังใจด้วยนะจ๊ะ

.................................KATIEZZ...................................................
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" =,= 10% : 03/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: kondee_tysut ที่ 03-03-2013 10:43:02
เป็นกำลังใจให้เธอ คนเขียน สู้ ๆ ... ค้างงงงง ง่ะ =.=
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" =,= 10% : 03/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-03-2013 21:47:11
ป๊อนซ์ช่วยโจหน่อยเร็ววววววว 555555555

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" =,= 10% : 03/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: 3BⅠt$. ที่ 04-03-2013 03:00:27
เอิ่มมมม โจ  :z1:
+ กำลังใจจ้า สู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" =,= 40% : 08/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 08-03-2013 23:35:28
กอด  40%




[Pontz x Joe]




[Joe]



“โจ เอ่อออ กูเข้าไปได้แน่นะ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นแต่เหมือนกับป๊อนซ์จะยังไม่ค่อยจะแน่ใจว่าควรเข้ามาหรือไม่

“ฮึก อึ้กกก” ผมไม่ได้สนใจในคำถามของป๊อนซ์สักเท่าไหร่เพราะว่าตอนนี้ผมต้องกลั้นทั้งเสียงสะอื้นแล้วก็เสียงครางอันน่าเกลียดของตัวเอง 

“โจ”

“ปะ ป๊อนซ์ ฮึก ป๊อนซ์” ผมควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้เลยเมื่อป๊อนซ์มายืนอยู่ตรงหน้า “โจ มึงโอเคมั้ย?” ป๊อนซ์เดินเข้ามาหา
ผมช้าๆพร้อมกับพยายามจะไม่สนใจแก่นกายที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงของผม

“ป๊อนซ์ กู...คือ..กู” ผมส่ายหัวไปมาด้วยความสับสนเพราะว่าใจหนึ่งผมก็อยากจะกอดป๊อนซ์เอาไว้แต่อีกใจหนึ่งผมก็กลัวป๊อนซ์
อย่างบอกไม่ถูก

“ไม่เป็นไรนะโจ ใจเย็นๆนะโอเคมั้ย” ป๊อนซ์นั่งลงข้างอ่างน้ำพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอด และนั่นมันก็ทำให้ความรู้สึกร้อนแล้วก็วูบ
วาบแถวๆท้องน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง



 
[Pontz’s Part]




ผมตัดสินใจดึงตัวโจเข้ามากอดไว้เพราะผมทนมองหน้าที่อ้อนวอนนั้นแบบตรงๆไม่ได้จริงๆ

“ปะ..ป๊อนซ์ จูบกูหน่อย จูบกูหน่อยได้มั้ย” โจผลักผมออกก่อนจะร้องขอพร้อมกับ่งีหน้าอ้อนวอนมาให้ผมอีกครั้ง

“โจ ตั้งติหน่อย กูบอกแล้วใช่มั้ยว่า กะ..อุ๊บบ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ โจก็พุ่งเข้ามาจู่โจมผมด้วยจูบอันหนักหน่วง ถึงแม้ว่ามัน
จะเป็นจูบที่ไม่ได้ประสีประสาอะไรมากมายแต่มันก็สามารถปลุกสัณชาตญาณดิบของผมขึ้นมาได้ดีเลยทีเดียว

ลิ้นเล็กของโจพยายามจะแทรกเข้ามาในปากของผมแต่ผมก็เม้มปากแน่นไม่ยอมเปิดโอกาสให้ลิ้นเล็กเข้ามาได้ ไม่งั้นมันคงไม่จบ
ลงแค่จูบแน่

“อึ้ก!!” ผมร้องออกมาเมื่อโจเลื่อนมือไปจับแก่นกายที่ขยายจนคับพองในกางเกงของผมพร้อมกับลงน้ำหนักแรงเบาสลับกันไป
และโจก็ใช้โอกาสที่ผมเผยอปากนั้นแทรกลิ้นเข้ามาในปากของผมทันที

“โจ!!” ผมตัดสินใจผลักโจออกก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของโจเอาไว้แล้วเขย่าเพื่อเรียกสติ

“ฮึก  ฮืออออ  ป๊อนซ์ ฮึก ช่วยกูหน่อย กูไม่ไหวแล้ว ฮือออ”โจเอามือขึ้นมาจับมือผมที่จับอยู่ที่ไหล่ของโจพร้อมกับส่งแววตา
อ้อนวอนมาให้อีกครั้ง

“มึงพูดเองนะโจ” ผมพูดย้ำอีกครั้ง โจก็พยักหน้ารับรัวๆ

“อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงทาบริมฝีปากของผมลงบนริมฝีปากนุ่มของคน
ตรงหน้า

ผมประคองร่างที่เปียกโชกของโจให้ยืนขึ้นก่อนจะลากให้ไปยืนใต้ฝักบัวที่ติดอยู่กับผนังห้องน้ำด้านใน โดยที่ปากของเราทั้งคู่ก็
ไม่ได้ห่างออกจากกันเลย

ผมจูบโจด้วยจูบร้อนแรงที่ไม่ได้รวดเร็วแต่กลับเชื่องช้าเนิบนาบเสียจนดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจของไอ้ตัวเล็กนี่ซะแล้ว

โจเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาคล้องคอของผมไว้แล้วดึงลงไปให้ร่างกายของเราชิดกันมากขึ้นแล้วไหนจะตัวของโจที่เปียกซะจนแนบ
เนื้อนั่นอีก เฮ้อออออ  กูจะไม่ทนแล้วนะ

“อ๊ะ!!” โจร้องออกมาทันทีที่ผมเลื่อนมือลงไปจับที่แก่นกายที่กำลังชูชันอยู่เบื้องล่างพร้อมกับขยับมือช้าๆ พอเจอเข้าไปแบบนี้โจ
ก็ถึงกับตัวสั่นระริกและเข่าอ่อนลงเหมือนกัน

“อ๊ะ...ป๊อนซ์..ระ เร็วอีก อื้ออ” โจพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักเพราะต้องกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้ด้วย

“จะกลั้นเสียงเอาไว้ทำไม หื้มม รู้มั้ยว่าป๊อนซ์อยากได้ยินเสียงของโจนะครับ” ผมก้มลงไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูของโจแล้วก็ถือ
โอกาสงับหูมันเล่นด้วย

“อื้อออ อ๊ะ อ๊าาาาาาา” ร่างเล็กกระตุกถี่ๆก่อนจะปลดปล่อยออกมาจนหมด และดูเหมือนกับว่าความต้องการของโจจะลดน้อยลง
บ้างแล้ว แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นผมเองแล้วมั้งที่จะคลั่งตายเนี่ยยยย

“อึ้ก ปะ ป๊อนซ์” โจครางออกมาเบาๆเมื่อผมเลื่อนปากลงไปซุกไซร้แถวๆคอขาวนั่น พร้อมกับมือที่ค่อยๆเลื้อยเข้าไปใต้เสื้อช้าๆ

“โจยอกมือขึ้นให้ป๊อนซ์หน่อย” พูดจบโจก็ยกมือตามอย่างที่ผมบอกอย่างว่าง่าย

ผมรีบดึงเสื้อยืดของโจออกและมันก็ทำให้ผมเห็นผิวที่ขาวและเนียนละเอียดไร้ซึ่งจุดด่างดำใดๆ

หลังจากเอาเสื้อออกจากตัวโจได้สำเร็จผมก็ไม่รอช้า รีบเลื่อนหน้าต่ำลงมาเพื่อทำรอยแสดงความเจ้าของไว้จนทั่วร่างบางทันที

“อ๊ะ เจ็บนะเว้ย” โจว่าพร้อมกับตีที่ไหล่ผมเบาๆ เมื่อผมเผลอกัดลงไปที่หน้าท้องแบนราบนั้นจนเกิดเป็นรอยฟันอย่างชัดเจน

“ก็ทำไงได้ละ ขาวแบบนี้ใครมันจะไปอดใจไหว หืมม??”พูดจบผมก็จัดการก้มลงไปฝากร่องรอยบนร่างขาวตรงหน้าอีกรอบ

ผมดูดเม้มสร้างร่องรอยไว้จนทั่วร่างของโจไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าโจจะไม่ได้ต้องการแค่นี้ซะแล้ว

“ปะ..ป๊อนซ์ อึ้กก” โจขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสับสนในตัวเองเพราะบางครั้งโจก็เหมือนจะบิดหนีแต่บางครั้งก็แอ่นรับสัมผัสที่ผม
มอบให้ด้วยความเต็มใจ

“โจต้องการอะไรครับ บอกป๊อนซ์ได้มั้ย?” ผมถามล้อโจด้วยเสียงที่แหบพร่า ไอ้ที่ผมพยายามที่จะถ่วงเวลาเอาไว้นี่ไม่ใช่ว่าผมไม่
ต้องการนะ ผมบอกได้เลยว่าผม ‘ต้องการมาก!’ แต่ผมแค่ชอบเวลาที่โจทำตามสิ่งที่ผมบอกให้ทำ เพราะถึงแม้ว่าในเวลาปกติเค้า
จะน่าฟัดแค่ไหนก็ตามแต่เมื่อมาอยู่ในเวลานี้เค้าสามารถทำให้ผมเกิดอารมณ์ได้โดยที่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำไป

“ช่วย กู นะ..หน่อย”

“จุ๊ๆๆๆ พูดเพราะๆสิครับคนดี” ผมดุโจแบบเล่นๆก่อนจะรีบก้มลงไปขบที่ริมฝีปากล่างของโจอย่างรวดเร็ว

“ปะ...ป๊อนซ์ ชะ..ช่วยโจได้มั้ย” โจพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยใบหน้าที่แดงจนลามไปถึงหูแล้วไหนจะน้ำตาที่คลอๆอยู่ในตา
กับร่องรอยที่ผมฝากไว้ตามร่างขาวนั่นอีก  โว้ยยย  กูจะไม่ทน!!!!

ผมจับโจให้หันหน้าแนบกับผนังและหันหลังมาให้ผม ก่อนที่ผมจะค่อยๆช่วยเบิกทางรักนั้นเพื่อที่อะไรๆมันจะได้เข้าไปง่ายขึ้น

“อึ้ก  เจ็บอ่ะ ไม่เอาแล้ว  ฮึก เอาออกไปนะ” โจร้องลั่นออกมาทันทีที่ผมส่งนิ้วแรกเข้าไปทางช่องทางสีหวานนั้น แต่ผมก็ไม่ได้
ปล่อยให้เค้าต้องทนกับความเจ็บนั้นอยู่ได้นานเพราะผมต้องการที่จะให้เค้าได้รับความรู้สึกแบบอื่นมากกว่า

“อ๊ะ อื้มมม ตะ..ตรงนั้น ป๊อนซ์” เสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดเมื่อกี๊ไม่มีอีกแล้ว  เหลือเพียงเสียงครางและการกระตุกบีบรัดนิ้ว
ของผมจากช่องทางด้านหลังนั้น

“ตรงนี้เหรอหื้ม?” เมื่อรู้ว่าถูกจุดแล้วผมก็ไม่รอช้ารีบเร่งจังหวะนิ้วให้เร็วขึ้นจนร่างบางของโจสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

“อ๊ะ..อ๊ะ..ป๊อนซ์” เมื่อเห็นว่าโจใกล้จะเสร็จเต็มที ผมก็เร่งจังหวะนิ้วเข้าไปอีกก่อนที่ช่องทางหลังนั้นจะบีบรัดนิ้วผมอย่างแรงแล้ว
ร่างบางก็กระตุกถี่ๆก่อนจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

“อ๊า...อื้มมม” หลังจากปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สามโจก้มีอาการเข่าอ่อนบ้างแต่ก็ยังมีผมที่คอยประคองอยู่ด้านหลัง

“ปะ..ป๊อนซ์ พอก่อน” โจส่งเสียงประท้วงออกมาเมื่อผมยังไม่ยอมถอนนิ้วออกแต่กลับขยับนิ้วช้าๆแต่เน้นๆไปตรงที่จุดเดิมซ้ำๆ

“แน่ใจเหรอว่าพออ่ะ” ผมพูดล้อๆก่อนจะก้มลงไปดูดที่ซอกคอด้านหลังจนเกิดเป็นรอบแดง

“อื้มมมม อ๊ะ!” ร่างบางสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อผมเพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง

“ไอ้ป๊อนซ์ อ๊ะ เอาออกไป ละ..เลยนะ โจอึดอัด”

“ทนๆเอาหน่อยแล้วกัน ปรับตัวให้ชินเข้าไว้เพราะของจริงที่จะเจออ่ะ ใหญ่กว่านี้เยอะ” โจหน้าขึ้นสีอีกครั้งก่อนจะหันมา

เพี๊ยะ!!

“ตีกูทำไมเนี่ย?”

“ก็มึงโรคจิต” โจตอบแบบอ้อมแอ้มก่อนจะหันหน้ากลับไปซุกกับผนังเหมือนเดิม

“ไม่ได้โรคจิตซะหน่อย กูพูดเรื่องจริง” ผมพูดก่อนจะดันส่วนที่คับแน่นอยู่ในกางเกงให้ไปโดนกับร่างเล็กด้านหน้า

“บ้า!!!”

“ไม่บ้า” ผมพูดบอกพร้อมกับกดแก่นกายที่ยังอยู่ในร่มผ้านั้นลงไปข้างๆกับนิ้วที่ยังคงคาอยู่ในช่องทางด้านหลัง

“เอาออกไปก่อนดิ” โจพูดบอกเสียงสั่นๆหลังจกาที่ไดรับรู้ถึงขนาดที่จริงของป๊อนซ์น้อย

“จะไปอายทำไม ทำตัวให้สนิทกับมันไว้เหอะ เพราะเดี๋ยวมันก็จะได้เข้าไปอยู่ในตัวมึงแล้ว”

.....................................................TBC..................................................

มาเพิ่มเป็น 40% แล้วนะจ๊ะ

มาวันละนิดจิตแจ่มใส   o13

ตอนแรกก็กะจะอัพครบ 100% เลยนั่นแหละ แต่บังเอิญว่าเมื่อคืนคนเขียนนอนตีสี่แล้ววันนี้ก็สอบมาอย่างหนัก  :z10:

ทำให้ไม่ไหวจริงๆ ต้องขอโทษด้วยนะ   :call:

รอติดตามต่อได้เลยนะจ๊ะ ที่เหลือก็จะมาเรื่อยๆ แต่ไม่มั่นใจว่าจะมาแบบครบ 100% ทีเดียวเลยรึเปล่านะคะ

อย่าลืมเม้นต์ & บวกเป็ดให้ด้วยนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:

......................KATIEZZ.........................
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" =,= 40% : 08/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 09-03-2013 11:14:31
อิหนูตั้งใจสอบก่อนก็ได้จ้ะ พี่รอได้
พักผ่อนไม่พอเดี๋ยวสุขภาพแย่นะจ๊ะ

+1 +เป็ด ให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" =,= 40% : 08/03/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 11-03-2013 22:52:13
ThankS
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" ครบ 100%!!!! : 07/04/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 07-04-2013 21:46:58
ตอนที่ 16



กอด 100%



[Pontz x Joe]




[Pontz]



“เหี้ยเหอะ!!!! อื้อออ”

“พูดไม่เพราะเลยดื้อ” ผมกดนิ้วลงไปแบบย้ำๆตรงจุดเสียวของโจอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูโจเบาๆ

“อย่า..กะ..แกล้งง อ๊ะ!!” เสียงโจขาดห้วงลงทันทีที่ผมดึงนิ้วออกจากช่องด้านหลังนั้น

“ถึงเวลาเจอของจริงแล้วนะครับดื้อ~” ผมพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหยิบเจลที่ตั้งอยู่ใกล้มือ(แต่ผมมีเจลได้ไงวะ?? เออ ช่างแม่ง
เหอะ) มาบีบใส่มือเล็กน้อยก่อนจะปาดป้ายไปที่ทางรักของโจ

“อื้อออ อะไรอ่ะ” โจพูดพร้อมกับพยายามจะเหลียวหลังกลับมามองว่าผมกำลังทำอะไรอยู่

“อ๊ะ..ปะ..ป๊อนซ์” เสียงโจฟังดูกระท่อนกระแท่นขึ้นอย่าชัดเจนเมื่อผมเอาแก่นกายไปถูไถตรงทางเข้าของช่องทางด้านหลัง

“ไงครับคนดี พร้อมนะครับ” ผมพูดพร้อมกับก้มลงจูบซับเหงื่อที่ขมับของโจอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆดันแก่นกายของผมเข้าไป
ในทางรักนั้นอย่างยากลำบาก แม่งฟิตเหี้ยๆอ่ะ

“อ๊ะ อื้ออ ไม่เอาแล้วว เอาออกไปนะ ฮึก เจ็บอ่ะ ฮืออ” โจยื่นมือมาตีผมรัวๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมาด้วยความเจ็บปวด แต่มันจะรู้
มั้ยนะว่าหน้าแดงๆ น้ำตาคลอๆพร้อมกับสีหน้าเจ็บปวดปนอ้อนวอนนั้นมันทำให้อารมณ์ผมมันพลุ่งพล่านขึ้นกว่าเดิม

“อย่าเกร็งสิครับคนดี ผ่อนคลายนะ” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปด้านหน้าเพื่อขยับแก่นกายของโจไปด้วย

“อื้อออ อ๊ะ แฮ่กๆๆ เจ็บอ่ะ ฮึก เจ็บ” โจร้องออกมาลั่นเมื่อผมตัดสินใจกดแก่นกายลงไปเต็มแรงจนมันมุดหายเข้าไปในช่องทางรัก
ของโจจนมิด

“ป๊อนซ์เข้าไปอยู่ในตัวโจแล้วนะครับ” ผมก้มลงกระซิบบอกไอ้ตัวเล็กที่ยืนตัวสั่นระริกอยู่เบื้องหน้าก่อนจะงับที่หูของโจเล่นเบาๆ

“จะ อ๊ะ พูดทำไมเล่า!!” โจหน้าแดงระเรื่อก่อนจะหันมาค้อนใส่ผม ทำหน้าตาน่ารักเกินไปแล้วว ผมเลยก้มลงขโมยจูบจากปาก
เล็กๆนั่นซะ อื้มมมม ยังหวานเหมือนเดิมเลย หึๆๆ

“อยากรู้มั้ยว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้ายังไงอยู่” ผมพูดถามพร้อมกับค่อยๆขยับแก่นกายเข้าออกอย่างช้าๆ

“อ๊ะ..มะ..ไม่อยาก อื้อออ ป๊อนซ์” ปฏิเสธไปเหอะ มีรึคนอย่างผมจะฟัง

ผมประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกของโจให้เดินไปยืนอยู่ตรงหน้ากระจกที่อ่างล่างมือโดยที่แก่นกายผมก็ยังคงเชื่อมติดอยู่กับตัว
ของโจ

“ไหนดูดิ  เห็นรึยังว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน” ผมก้มลงกระซิบที่ข้างหูของโจอีกครั้งแต่โจก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองที่กระจก
อยู่ดี ผมเลยเอื้อมมือไปสะกิดหยอกที่ตุ่มไตสีหวานกลางอกเน้นๆ พร้อมกับขบลงเบาๆที่คอของโจ

“อ๊าๆๆ ป๊อนซ์ อื้มมม”ได้ผลครับ โจเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับสูดปากอย่างเซ็กซี่ แต่เมื่อเห็นสภาพตัวเองในกระจกโจก็รีบหลับตาปี๋
ทันที

“หลับตาทำไมล่ะหื้ม??” ผมถามหยอกพร้อมกับขยับแก่นกายรัวจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั้งห้องน้ำ

“อ๊ะ มะ..มันน่าอาย อ๊าๆๆ” โจพูดเถียงออกมาด้วยเสียงสั่นๆ

“ไม่เห็นจะหน้าอายตรงไหนเลย ออกจะน่ารัก  ลืมตาเร็ว”

“ไม่เอา” ไม่เอางั้นเหรอที่รัก ได้~

“อ๊ะ..ป๊อนซ์อย่าแกล้ง ไอ้ป๊อนซ์!!!” โจตวาดออกมาอย่างอารมณ์เสียเมื่อผมหยุดขยับซะดื้อๆแล้วยืนมองหน้าโจผ่านในกระจก
นิ่งๆ

“ก็โจไม่ยอมลืมตาอ่ะ” ผมพูดไปก็กลั้นยิ้มไป แล้วโจก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละนิดก่อนที่หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง

“ลืมตาแล้ว” โจพูดกับผมโดยมองหน้าผมผ่านทางกระจกด้านหน้า

“ครับ แล้วโจจะให้ป๊อนซ์ทำอะไรอ่ะ” ผมแกล้งถามเสียงนิ่ง โจก็ขมวดคิ้วขึ้นทันทีก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนซีด

“ก็ทำแบบเมื่อกี๊ไง” พูดไปก็หน้าแดงไป จะยั่วไปไหนครับที่รัก

“แบบไหน?” กวนตีนป่ะละ แบบว่ามีความสุขอ่ะนะ

“ก็แบบเมื่อกี๊ไง”

“แบบนี้รึเปล่า?” ผมพูดพร้อมกับเอามือไปประคองสะโพกนิ่มของโจไว้ก่อนจะค่อยๆขยับแก่นกายอย่างช้าๆ เนิบนาบ แต่เน้นๆไป
ที่จุดที่สามารถเรียกอารมณ์ของโจได้เป็นอย่างดี

“ป๊อนซ์ อื้อออ..ยะ..อย่าแกล้งดิ”

“ก็นี่ไง ทำแบบเมื่อกี๊อยู่แล้ว” ผมพูดพร้อมกับสวนแก่นกายเข้าไปเน้นๆอีกครั้งจนร่างโจสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

“เร็วๆหน่อย เร็วอีก!!!”

“หึ ตามบัญชาครับที่รัก” สิ้นคำพูดขอตัวเองผมก็เร่งจังหวะจนโจครางออกมาไม่เป็นภาษา

“อ๊า ไม่ไหวแล้วป๊อนซ์ จะออกแล้ว อ๊ะ อ๊ะ..”

“งั้นพร้อมกันนะครับ” ผมก้มลงกระซิบข้างหูของโจเบาๆก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นจากเดิมอีกครั้ง แล้วผมกับโจก็ได้ปลดปล่อยออกมา
พร้อมๆกัน

หลังจากที่ผมถอนแก่นกายออกจากช่องทางรักของโจ มันก็มีน้ำรักของผมไหลตามออกมาติดๆ และนั่นก็ทำให้โจหน้าแดงก้มหน้า
งุดไม่กล้าเยื้องย่างไปไหนเพราะขยับทีมันก็ไหลออกมาที

“มา เดี๋ยวป๊อนซ์ทำความสะอาดให้” ผมพูดพร้อมกับอุ้มโจไปวางในอ่างอาบน้ำแล้วจับโจให้หันหลังอีกครั้ง

“มะไม่ต้องอ่ะ เดี๋ยวทำเอง” โจพูดบอกโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบจาผมเลยแม้แต่นิดเดียว น่ารักเกินไปแล้ว

“โอเคครับ” ผมตอบรับคำก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งแล้วยืนกอดอกพิงกระจกมองดูการกระทำของโจ

โจกัดปากอย่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะค่อยๆเลื่อนนิ้วไปอยู่ที่ช่องทางด้านหลังของตัวเองแต่ดูเหมือนจะไม่กล้าล้วงเข้าไปด้าน
ในเพราะอาจจะยังมีอาการเจ็บอยู่ละมั้ง

“เอ่อ..” โจเหมือนจะอยากพูดอะไรสักอย่างแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมก็รีบเม้มปากแล้วก้มหน้าลงทันที

“มา เดี๋ยวป๊อนซ์เอาออกให้” ผมพูดก่อนจะนั่งยองๆลงเอาแขนข้างหนึ่งเท้าไว้กับอ่างส่วนมืออีกข้างก็มุดหายลงไปใต้น้ำเพื่อที่จะ
ควานเอาน้ำรักที่ยังคั่งค้างอยู่ภายในช่องรักนั้นออก

“อ๊ะ!!” โจอุทานออกมาก่อนจะโผเข้าซบหน้าลงกับไหล่ผมเมื่อผมค่อยๆใช้นิ้วกวาดเอาน้ำรักออกมา

“อ่ะ หมดแล้วครับ เดี๋ยวป๊อนซ์อาบน้ำให้นะ” โจพยักหน้ารับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมก็จัดการอาบน้ำสระผม เช็ดตัว เช็ดผมใส่
เสื้อผ้า หายาแก้ปวดมาให้กินก่อนจะกล่อมโจจนหลับ แล้วถึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับมานอนข้างๆกับโจที่หลับไปนาน
แล้ว ผมนอนมองเสี้ยวหน้าของโจพร้อมกับยิ้มน้อยๆแล้วก้มลงจูบที่ขมับของโจเบาๆก่อนจะดึงโจเข้ามากอดไว้  โจขยับตัวพลิก
หน้าหันเข้ามาหาผมทั้งๆที่ตายังปิดอยู่ ก่อนจะค่อยๆขยับเบียดเข้ามาซุกที่อกของผม

“โจ โจครับ” ผมลองเรียกพร้อมกับเขย่าเบาๆ

“อื้อออ” คนหน้าหวานตรงหน้าก็ส่งเสียงงึมงำออกมาอย่างไม่พอใจก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม หึๆ ดื้อเอ๊ยยยย

ผมก้มลงจูบหน้าผากของโจอีกครั้งก่อนจะเอามือข้างหนึ่งให้โจหนุนส่วนอีกข้างก็โอบรอบเอวบางนั้นไว้อย่างต้องการจะปกป้อง

“ทำไมวะโจ?”

“ทำไมกูถึงรักมึงได้ขนาดนี้วะ?” ผมยิ้มกับตัวเองก่อนจะหลับตาลงช้าๆแล้วไม่นานผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราเหมือนกับไอ้ตัวเล็กที่อยู่ใน
อ้อมกอดของผม



[Joe]


“อื้ออออ” โอ๊ยยยย เช้าแล้วเหรอเนี่ย

ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อที่จะปรับสายตาให้สามารถรับแสงได้ ก่อนจะขยี้ตาและสะบัดหัวเพื่อไล่อาการง่วงนอนออกไป

“อ๊ะ!!” ผมหลุดอุทานออกมาทันทีที่ทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง

ความเจ็บร้าวจากช่องทางด้านหลังทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง

เหยดเข้!!!!!!!!!!!! สาดดดดดดด!!!!!!!!

ผมขยี้หัวไปมาอย่างแรง แม่งทำไมทำอะไรไม่คิดเลยวะกู ผมรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าของผมต้องแดงเอามากๆแน่ๆอ่ะ แงๆ T_T

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?” เดินหล่อเข้ามาเชียวสัด แต่ก็นะตอนนี้ผมไม่มีความกล้าหาญพอที่จะสู้หน้ากับไอ้หล่อนี่ได้หรอก ผมเลยยก
ผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวจนมิด

“ฮ่าๆๆๆ ทำไรอ่ะดื้อ” ไอ้ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะถามแล้วเดินมาจับหัวของผมจากด้านนอกผ้าห่ม

“อย่าเข้ามานะ!!” ผมตะโกนออกไปจากในผ้าห่ม แม่ง รู้ว่ากูอายก็มาเซ้าซี้อยู่นั่นแหละ

“โอเคๆ พร้อมจะสู้หน้าเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันนะ”

“น้ำด้วย”

“ห๊ะ??” เสียงป๊อนซ์เดินย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง

“เอาน้ำมาให้ด้วย หิวน้ำ” ผมหลับหูหลับตาพูดออกไปแบบรัวๆ

“อ๋อ ได้ครับ รอแปปนึงนะ” ป๊อนซ์ยื่นมือมาลูบหัวผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“อ๊ากกกกก” ผมตะโกนออกมาสุดเสียง

แอ๊ดดด

มาเร็วซะเหลือเกินนะ

“เอามาเร็วๆดิ คอแห้ง” ผมตะโกนไปทางหน้าประตูกอ่นจะหันกลับมานั่งหันหลังให้ประตูอีกครั้ง

“ว๊ายยยย  ทำไรอ่ะตัวเธอถึงได้คอแห้ง” เชรี่ยยยย ไอ้ภูมิ!!!!

“เอ้ๆๆๆ ใช่เสียงเมื่อคืนรึเปล่าน้า??” ไม่ต้องมาแบ๊วเลยสาดนาย

“เสียงอะไรเหรอ ใช่ที่ว่า ‘อ๊ะ ป๊อนซ์ อ๊ะ เร็วอีก ไม่ไหวแล้ว ปะ..’…”

“พวกมึงมาวุ่นวายอะไรกับเมียกูเนี่ย” ไม่ทันที่ไอ้ภูมิจะได้พูดล้อเลียนผมจบ ไอ้ป๊อนซ์ก็เป็นเหมือนเจ้าชายขี่บีเอ็มขาว(??)เข้ามา
ช่วยไว้ได้ทัน

“ป๊อนซ์~” ตอนนี้ผมอาย อายมากกก เหมือนจะอยากร้องไห้เลยอ่ะ ผมเลยหลับตาปี๋แล้วกางแขนออกหันไปทางที่ป๊อนซ์ยืนอยู่

“ว่าไงครับ” ป๊อนซ์เดินเข้ามานั่งข้างๆก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ผมก็จัดการซุกหน้าลงกับอกมันทันที

“แหมๆ เรียกเมียได้เต็มปากเต็มคำเลยนะจ๊ะ” พอแล้วภูมิ กูขอ

“อืมม เอ่อ ว่าแต่กูสงสัยว่ะ ว่ามึงเอาไอ้น้ำนั่นมาจากไหนวะ”

“เออ กูก็สงสัย” ผมพูดผสมโรงไปกับป๊อนซ์ด้วย แต่หน้าก็ยังคงซุกอยู่กับอกป๊อนซ์ไม่ห่าง

“แผนกูกับไอ้นายเองแหละ เจ๋งป่ะ” ไอ้สาดดดดดดดดดด กูเกลียดมึงงง

“ฮ่าๆๆๆๆ จริงดิ” หัวเราะสาด หัวเราะ เดี๋ยวกูจับเลาะฟันหมดปากเลย

“มึงหัวเราะอะไรวะป๊อนซ์ ทำไมอ่ะ มันตลก ฮึก มาก เหรอ ฮึก ฮือออ” อย่าได้สงสัยว่าผมร้องไห้ทำไม เพราะผมเองก็ยังไม่รู้เลย
รู้แค่ว่ามันรู้สึกหน่วงๆมึนๆปวดหัวนิดบวกกับเจ็บ..เอ่อ..อื้ม...นั่นแหละมากกกก

“เฮ้ยดื้อ เป็นไรเนี่ย ร้องไห้ทำไมครับ” สีหน้าป๊อนซ์ดูตกใจมาก มันจับคางผมให้เงยขึ้นไปสบตากับมันก่อนจะกอดผมไว้แน่น ส่วน
อีสองตัวที่เหลือก็แม่งทำหน้าตาล้อเลียนไม่หยุด

“พวกกูไปก่อนนะมึง เคลียร์กับเมียเสร็จก็ลงไปกินข้าวกับพวกกูด้วยนะ หิวแล้ว” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะหันไปสะกิดไอ้นายให้เดินตาม
ออกไป

“เออๆได้” ป๊อนซ์ตะโกนรับ แล้วรอจนไอ้ภูมิกับไอ้นายออกไปจากห้องแล้วปิดประตูก่อนถึงจะเชยคางผมให้เงยขึ้นอีกครั้ง

“ไหนเป็นอะไรบอกป๊อนซ์สิครับ” ป๊อนซ์พูดถามก่อนจะจุ๊บเบาๆที่ปากผม

“ก็ มึง ฮึก แม่ง ฮึก ไม่ ฿@##%%^$$#” บรรเลงเลยครับ แม่งพูดอะไรออกมาบ้างก็ไม่รู้ มีความหมายบ้างไม่มีบ้าง

“โอ๋ๆๆๆ ใจเย็นๆนะ เอ๊ะ ตัวร้อนอ่ะ ไม่สบายเหรอดื้อ” ป๊อนซ์เอามือแนบที่แก้มของผมทั้งสองข้างก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียง
ที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงได้อย่างชัดเจน

“ไม่รู้อ่ะ แต่ปวดหัวอ่ะ ปวดมากก” ผมเริ่มงอแงออกมาอีกครั้ง

“งั้นรออยู่นี่นะ เดี๋ยวป๊อนซ์ไปเอาข้าวมาให้กิน แล้วจะได้กินยา” ป๊อนซ์พูดก่อนทำท่าจะลุกขึ้นยืนแต่ผมก็รั้งเอวป๊อนซ์ไว้แล้วก้มลง
นอนหนุนตักป๊อนซ์

“ไม่เอาอ่ะ ฮึก ไม่ให้ไป ฮือออ จะอยู่ ฮึก กับป๊อนซ์” ผมงอแงออกมาเช่นเคย แม่ผมเคยบอกนะว่าเวลาที่ผมไม่สบายจะเป็นอะไร
ที่น่ารำคาญมากที่สุด ผมกลัวป๊อนซ์จะรำคาญผมจัง ทำไงดีอ่ะ

ผมเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังไหลออกมาเรื่อยๆไม่ยอมหยุด

“ดื้อ อย่าเม้มปากแบบนั้น แล้วมือก็ด้วยจะขยี้ทำไมเดี๋ยวก็เจ็บตาหรอก” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งจับมือของผมไว้ส่วน
อีกข้างก็ลูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆ

“ป๊อนซ์รำคาญ ฮึก กูมั้ย” ผมเงยหน้าขึ้นมองป๊อนซ์ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

“หืมม จะรำคาญทำไมล่ะ”

“แม่กูบอกว่าเวลากูไม่สบายกูจะน่ารำคาญมากก”

“หึๆ ใครจะไปรำคาญแฟนตัวเองละหืมม แล้วอีกอย่างที่ดื้อเป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะป๊อนซ์เองนี่” ป๊อนซ์พูดก่อนจะก้มลงมางับที่
จมูกของผมเบาๆแล้วจูบซับน้ำตาไปเรื่อยก่อนจะมาจบลงที่ริมฝีปากของผม

“อื้มม ป๊อนซ์ อย่า” ผมร้องห้ามป๊อนซ์ทันทีเมื่อ มือแม่งเริ่มอยู่ไม่สุข

“ดื้อออ มึงทำของใส่กูรึเปล่าวะ??”

“ทำไมอ่ะ”

“ก็อยู่กับมึงแล้วกู ‘อยาก’ ตลอดเวลาเลยอ่ะ”

“หื่น!!!” ผมด่ามันก่อนจะรั้งคอมันลงมากัดแรงๆหนึ่งที

“โอ๊ยย เจ็บนะครับ” ป๊อนซ์พูดเสียงติดยิ้มๆ และก็ไม่ผลักออกแต่อย่างใด

ผมกัดแช่อยู่นานจนสมแก่ใจจึงยอมปล่อยคอป๊อนซ์ออก แต่เมื่อเห็นผลงานตัวเองแล้วก็อดที่จะตกใจไม่ได้เพราะ มันเป็นรอยฟัน
อย่างชัดเจนแถมมีเลือดออกมานิดๆด้วย

“เฮ้ยยย โจขอโทษ”

“หึ ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“ไม่เป็นไรได้ไง เลือดออกเลยนะ เจ็บแล้วทำไมไม่ผลักออก” ผมตะคอกใส่ป๊อนซ์ที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่ ก่อนจะต่อยที่ไหล่มันไปอีก
หนึ่งที แม่งจะยิ้มอะไรนักหนาวะ

“คิดมากอ่ะ รอยนี้จิ๊บๆมาก ถ้าเทียบกับรอยข่วน รอยกัด ของดื้อเมื่อคืน” ห๊ะ?? นี่กูข่วนกูกัดมันด้วยเหรอวะ ผมรีบยกชายเสื้อของ
ป๊อนซ์ขึ้นดูก็เห็นว่ามีแต่รอยแดงเป็นปื้นเป็นจ้ำเต็มไปหมด

“ขอโทษ”

“พูดขอโทษอีกแล้ว ไม่ต้องพูดแล้วนะรู้มั้ยเพราะป๊อนซ์ไม่ได้โกรธซะหน่อย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ ส่วนผมก็ค่อยๆ
เอนหัวลงพิงกับไหล่ของป๊อนซ์ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ


[Pontz]

เอ๊ะ นิ่งนานไปป่ะ

“ดื้อ ดื้อ” ผมเรียกพร้อมกับเขย่าไหล่ของโจเบาๆ

“อื้มม” หลับแล้ว หลับง่ายไปมั้ยเนี่ย ยาก็ยังไม่ได้กินเลย

ผมวางโจลงบนเตียงแล้วจัดท่าให้นอนอย่างเบามือก่อนจะลุกไปเอายากับน้ำเข้ามาในห้อง แต่ว่าผมจะให้มันกินยังไงดีละเนี่ย

อ๋อออ  เอางี้แล้วกันนะ

ผมเอายาใส่ปากของตัวเองก่อนจะประคองหน้าของโจขึ้นมาแล้วทาบริมฝีปากลงกับปากนุ่มนิ่มของโจแล้วผมก็ใช้ลิ้นดันยาเม็ดนั้น
เข้าไปในปากของโจ

“อื้อออ ขมอ่ะ” โจโวยวายออกมาทั้งๆที่ตายังคงปิดอยู่

“กินน้ำๆ” ผมอมน้ำไว้ในปากก่อนจะทำแบบเดียวกับที่ป้อนยาให้โจเมื่อก่อนหน้านี้

“อื้มมม” โจอ้าปากรับน้ำเข้าไปก่อนจะกลืนน้ำและยาลงไปอย่างว่าง่าย

“หลับซะนะครับ เดี๋ยวตอนเที่ยงป๊อนซ์ปลุกขึ้นมากินข้าวนะ” ผมพูดก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากของโจ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้
โจจนถึงคอแล้วเดินออกมาจากห้องเพื่อลงไปกินข้าวกับไอ้พวกที่เหลือ

“ไอ้ป๊อนซ์” เสียงไอ้ไปป์ทักขึ้นหลังจากที่ผมปิดประตูห้องนอนสนิท

“อ้าวไปป์ มีไรวะ”

“กูขอยาแก้ปวดกับยาแก้ไข้หน่อยดิ”

“ได้ๆ ว่าแต่มึงไม่สบายเหรอ” แต่เท่าที่ดูจากภายนอกผมว่ามันก็ดูปกติดีนี่หว่า

“เปล่า กูจะเอาไปให้ไอ้พลัสอ่ะ” ห๊ะ มาได้ไงวะเนี่ย

“อ้าวเฮ้ย น้องพลัสมาตอนไหนวะ”

“มาเมื่อคืนอ่ะ”

“อ๋อออ เออตามมาๆ” ผมพูดก่อนจะเดินนำไปยังตู้ยาของบ้าน

“อ่ะมึง อันนี้แก้ปวด อันนี้แก้ไข้” ผมพูดพร้อมกับยื่นถ้วยใส่ยาไปให้ไอ้ไปป์

“อื้มม แต๊งนะมึง” ไปป์พูดขอบคุณก่อนจะเดินหันหลังไปยังห้องนอนที่เป็นห้องประจำของมันเวลามันมานอนที่บ้านผม

“เออไอ้ไปป์ ว่าแต่น้องพลัสไม่สบายมากรึเปล่า จะไปหาหมอมั้ย?”

“ไม่ต้องอ่ะ” ไปป์พูดก่อนส่งยิ้มแปลกๆมาให้ผม

“แล้วน้องแกเป็นอะไรกันแน่วะ” ผมยังคงถามต่อไปด้วยความสงสัย

“หึ ก็เป็นเหมือนไอ้โจนั่นแหละ” สตั๊นเลยสาดดด

“อ๋อ อืมม” ชัดเลยไอ้เหี้ยไปป์ แม่งก่อนไปมียักคิ้วใส่ก็ด้วยย  ถุยย กูก็ได้ไอ้โจแล้วเหมือนกันแหละสาด ไม่ต้องมาหยาม


“กว่าจะเสด็จลงมาได้นะสาด” ไอ้นายเหลือบมองผมนิดๆก่อนจะหันไปทาเนยบนขนมปังต่อ

“อ้าว เอโย ปีปี้” ไอ้เหี้ยนี่ก็ไม่เคยจะพูดอะไรที่มนุษย์ทั่วไปฟังเข้าใจกันหรอก

“ปี้มึงสิไอ้เหี้ยภูมิ” ผมตะโกนใส่หน้ามันก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับที่ไอ้นายนั่งอยู่ แล้วก็หยิบขนมปังขึ้นมากินเล่น

“คงจะไม่ได้อ่ะนะฮ้า ถ้าจะมายุ่งกับเค้า ตัวเองก็ต้องไปเคลียร์กับเมียตัวเองก่อน” ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับทำสีหน้ากระแดะ แม่งเหี้ย
หนมปังในปากกูจะพุ่ง

“พอเหอะภูมิกูเสียดายเนยวะ =__=” ไอ้นายทำหน้าปลงๆก่อนจะหันกลับไปสนใจทีวีต่อ

“ฮ่าๆๆๆๆ” น่านนน ชอบใจอีก ไอ้เหี้ยนี่แม่งโรคจิตชัวร์ เพื่อนด่ามันยังชอบเลยย

ตึงๆๆๆๆ โครม ปัง!!!!!

เฮ้ยเชี่ยยย ใครเอาระเบิดมาปาใส่บ้านผมเนี่ย

“โอ๊ยยย เจ็บอ่ะ ฮึก ฮือออ” ชัดเลย เสียงนี้

ผมรีบวางขนมปังในมือลงก่อนจะวิ่งไปดูที่ต้นเสียงด้วยความเร็วแสง แล้วก็พบกับไอ้คนที่แม่งเพิ่งจะหลับไปได้เมื่อกี๊นั่งแบะอยู่กับ
บันไดขั้นล่างสุด

“ลงมาทำไมดื้อ เพิ่งจะนอนได้นิดเดียว” ผมทำเสียงโหดขู่ไอ้โจที่นั่งปากแบะตาแดงอยู่ที่พื้น

“ก็กูหิวอ่ะ ยังไม่ได้แดกอะไรเลย”  ขนาดป่วยอยู่นะเนี่ย ยังปากกล้าได้ขนาดนี้ เดี๋ยวแม่งจูบซะเลย(มึงหื่นไปแล้วนะป๊อนซ์ =.=’)

“เออ เดี๋ยวไปทำข้าวต้มให้กิน ลุกขึ้นๆ” ผมพูดก่อนจะยื่นมือไปให้โจจับเพื่อพยุงตัวเองขึ้น

“เอ่อ คือ..กู...” แต่โจก็ไม่ยอมลุกขึ้นยืนแถมยังอ้ำๆอึ้งๆอีกด้วย

“เป็นไรอีกอ่ะ หิวไม่ใช่รึไงดื้อ ลุกดิ ป๊อนซ์จะได้ไปทำให้กิน”

“จะให้ลุกยังไงวะ เจ็บจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย!!!” โจตวาดใส่หน้าผมก่อนจะก้มหน้างุดๆ พร้อมกับบีบมือสองข้างจนแน่น หึ เขินได้
น่ากดโคตร

“หึ แล้วทีเมื่อกี๊ทำไมเดินลงมาจากข้างบนได้ล่ะ หืมม?” ผมถามพร้อมกับกอดอกยืนมองด้วยท่าทางชิวๆ

“เออ แม่งกูเดินไปเองก็ได้” โจสะบัดหน้ามามองผมค้อนๆก่อนจะพยายามยันตัวเองขึ้นจากพื้น

“เฮ้ยย!!!” โจอุทานขึ้นเสียงดังเมื่อผมก้มลงรวบตัวโจขึ้นมาอุ้มไว้แล้วเดินตรงไปยังห้องครัว

“แหมๆๆๆ อุ้มกันมาแบบนี้จะมาต่อกันในครัวเหรอจ๊ะ?” ปากมึงนะนายนะ

ผมสะบัดหัวอย่างปลงๆก่อนจะวางโจลงบนเก้าอี้ที่ข้างๆไอ้นาย ตอนนี้โจแม่งหน้าแดงมาก พอนั่งลงปุ๊ปมันก็ก้มหน้าปั๊ป

“นั่งรอแปปนึงนะ เดี๋ยวป๊อนซ์ไปทำข้าวต้มให้กินนะครับ” ผมก้มลงกระซิบเบาๆข้างหูโจ ก่อนจะตั้งใจเอาจมูกไปเฉียดที่แก้มสอง
สามทีจนโจต้องย่นคอหนีพร้อมกับหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

“อืออ” โจพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะเอามือขึ้นมาปิดหน้าไว้

“หวานซะ” เสียงภูมิตะโกนไล่หลังมา ก่อนที่จะมีเสียงงึมงำๆเหมือนจะกำลังล้อไอ้โจกันสนุกสนาน


“อ่ะ เสร็จแล้ว ข้าวต้มปลานะโจ” หลังจากที่ผมทำสงครามกับครัว จนได้ข้าวต้มปลาออกมาถ้วยนึง ผมก็ยกออกมาให้สุดที่รักได้ลิ้มลอง หวังว่าจะกินได้นะ

“โหยยย มึงทำเป็นด้วยเหรอวะ?” ไอ้ภูมิวางโคเชในมือก่อนจะหันหน้ามาถามผมด้วยสีหน้าแปลกใจสุดขีด อืออ ฟังไม่ผิดหรอก
ครับช่วงนี้มันกำลังถักโคเชอยู่ เพราะมันบอกว่ามันอยากจะดูอบอุ่นในสายตาผู้หญิง แต่ผมกลับคิดว่ามันดูแต๋วๆยังไงก็ไม่รู้

“เออดิ ต้องหัดไว้บ้างเอาไว้ทำให้เมียกิน” ผมพูดก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่โจ

“เหี้ย” โจพูดออกมาเบาๆก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มอย่างไม่สนใจใครเลย



“อ่า อิ่มมมมม” อารมณ์ดีเชียวเมียกู

“อร่อยป่ะ” ผมเอาไหล่ไปกระแทกไหล่โจเบาๆ

“สุดยอดดด อูมามิ” โจหันมาพูดพร้อมกับส่งยิ้มจนตาปิดแถมยังยกนิ้วโป้งขึ้นมายกให้ผมทั้งสองข้าง

“หึๆ ครับ” ผมยิ้มตอบก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวโจเบาๆ แม่งทำไมมันน่ารักขึ้นทุกวันเลยวะ

.............................................................TBC.......................................

กราบขอโทษงามๆๆๆๆ  หลายๆทีนะคะ  :call:

พอดีงานเยอะมากและที่สำคัญ>>>ไม่มีเน็ตจะอัพ  :really2:

มาแบบเต็มแล้วเน้ออออ หวังว่าจะถูกอกถูกใจกันนะคะ

และที่สำคัญที่สุด>>>>>>>>>หวังว่าจะยังไม่ลืมกันเด้ออออ

ต่อไปนี้สัญญาว่าจะไม่หายไปเกิน 2 อาทิตย์แล้วนะจ๊ะ

อย่าลืมเม้นท์เป็นกำลังใจ แล้วก็บวกเป็ดให้ด้วยนะ #NC แต่งยากมากกกก

...............KATIEZZ....................
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" ครบ 100%!!!! : 07/04/13
เริ่มหัวข้อโดย: BBlabong ที่ 11-04-2013 00:23:19
รอ ๆๆ

อยากได้พาร์ทคู่อื่นบ้างค่ะ ((:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" ครบ 100%!!!! : 07/04/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 17-04-2013 15:55:11
ThankS
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 16 "กอด" ครบ 100%!!!! : 07/04/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 17-04-2013 20:24:05
มารอ หายไปไหน ทำไมยังไม่กลับมาอีก คิดถึงคนเขียนแล้วนะ   :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Songkran's Day [Pontz x Joe] : 17/04/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 17-04-2013 22:04:05
**ในเรื่องนี่จะเป็นตอนที่โจป๊อนซ์อายุ 25 ปีนะคะ แบบว่านเขียนอย่างแต่งพาร์ทผู้ใหญ่บ้าง**

Special Songkran’s Day




[Pontz x Joe]



[Joe]




“มึงๆๆๆๆ”

“หื้ม??” ป๊อนซ์วางมือจากงานตรงหน้าก่อนจะหันมามองที่ผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงสงสัย

“อยากไปเที่ยวอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับทำตาปริบๆอ้อนมันเต็มที่

“ออกไปก็เปียกอ่ะ อย่าไปเลย” ป๊อนซ์ส่ายหัวนิดๆก่อนจะหันไปทำงานต่อง

“อ้าววว สงกรานต์มันก็ต้องเปียกดิ”เห็นงานดีกว่าเมียตลอดอ่ะ

“สรุปคืออยากออกไปเล่นน้ำว่างั้น”ป๊อนซ์ถามทั้งๆที่ตายังจดจ้องกับตัวเลขที่วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในจอ แม่งหุ้นตกสักนิดมึงไม่ตายหรอก
ไอ้เวร

“อืมมม” ผมตอบลากเสียงยาวพร้อมกับเอาหัวไปซุกตรงไหล่ของป๊อนซ์เบาๆ

“อืมม เอางี้นะ กูขอเคลียร์งานที่เหลืออยู่อีกนิดนึงแล้วกัน ส่วนมึงก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเลย” ป๊อนซ์หันมามองผมก่อนจะ
ยิ้มบางๆแล้วก็หันกลับไปจดจ้องกับงานตรงหน้าต่อ

จุ๊บ !!!

“ขอบคุณนะครับที่รัก” ผมก้มลงไปจุ๊บเบาๆที่ปากของป๊อนซ์หนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเปียกอีกครั้ง ฮ่าๆๆๆ



“ถ้ายังอยากไปเล่นน้ำอยู่ก็กลับไปเปลี่ยนชุดซะ” ป๊อนซ์ขู่ผมเสียงเข้ม พร้อมกับจ้องเขม็งราวกับจะเข้ามาบีบคอผมให้ได้

“ทำไมอ่ะ ไปเล่นน้ำก็ต้องแต่งแบบนี้ดิ” ผมใส่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงขาสั้นสีฟ้าสดใสนี่ผมผิดมากเลยใช่มั้ย แม่งจะให้กูใส่สูท
ใส่กางเกงแสล็กไปเล่นน้ำรึไงวะ

“จะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาเสยผมเหมือนต้องการจะระงับอารมณ์

“เออ!!!! ก็ได้วะ” ผมตะโกนใส่หน้าป๊อนซ์อย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเข้าไปในห้องเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อเป็นตัวใหม่ส่วนกางเกงก็ยัง
คงใส่ตัวเดิมนั่นแหละ

“ได้ยัง?” ผมเดินออกมาจากห้องพร้อมกับหมุนตัวไปรอบๆ

“โจ!!!” ป๊อนซ์ตะคอกผมจนเสียงดังก้องไปทั้งห้อง

“ทำไม!!!”

“มึงไม่มีเสื้อที่มันมิดชิดกว่านี้รึไงวะ?”

“เสื้อคอวีมันไม่เรียบร้อยตรงไหนล่ะ แม่งระแวงเกินเหตุ” ผมพูดพร้อมยกมือขึ้นมากอดอกอย่างเอาใจ

“แต่มันเป็นสีขาว มันบางจนเห็นไส้ติ่งมึงแล้ว”

“เว่อร์!!!”

“หยุดเถียงเลยนะ ถ้ายังอยากไปอยู่ก็ไปเปลี่ยนเป็นสีดำซะ” ป๊อนซ์ยื่นคำขาดก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถกับแว่นดำที่ตั้งอยู่ ส่วน
ผมเหรอ หึ!!ก็ต้องไปเปลี่ยนเสื้อดิแม่งงง



“แล้วนี่อยากไปเล่นที่ไหนอ่ะ” ป๊อนซ์ถามขึ้นหลังจากที่ขับรถออกมาจากบ้านได้สักพักนึงแล้ว แม่งงงง ทำไมหล่อจังวะ วันนี้
ป๊อนซ์แค่ใส่เสื้อกล้ามสีดำ(แม่งทีกูจะใส่ละไม่ให้ใส่ ชิ) กับกางเกงยีนส์ขาถึงเข่า หนีบแตะ แล้วก็แว่นดำที่เข้ากับหน้ามันโคตรๆ

“จะมองอีกนานมั้ย รู้แล้วว่าหล่อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหันมายักคิ้วให้ผม

“เหอะ หลงตัวเองอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับหันไปแลบลิ้นใส่มันทีนึง หมั่นไส้ๆๆ

“ฮ่าๆๆๆ ว่าไงตกลงจะไปเล่นที่ไหน”

“สีลม” ที่นี่เลยยย ไอ้ลิ้มไปเล่นมาแล้วบอกว่าหนุกมากกกก ตำรวจไม่เยอะเหมือนข้าวสารแล้วคนที่มาเล่นก็ไม่ได้เด็กมากเหมือน
แถวสยามด้วย สีลมนี่แหละกำลังดี

“ฝันไปเลยนะ กูไม่พาไปเด็ดขาด”

“ไมอ่ะ” ผมถามพร้อมกับทำแก้มป่องอย่างไม่เข้าใจ

“แหล่งรวมเลยนะมึง พอไปแล้วมันก็จะหมดสนุกเพราะกูก็จะคอยหวงแต่มึง มึงก็จะรำคาญกู” ป๊อนซ์พูดออกมาเสียงนิ่งๆ

“โอ๊ยยยยยย  โน่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้!!!!”

“โจ!!!”

“เรียกทำไม กูรู้ว่ากูชื่อโจ ย้ำจัง” ผมพูดอุบอิบเบาๆ

“อย่ากวนตีน” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับขบฟันจนกรามขึ้นนูนเป็นสัน

“ก็ไม่รู้อ่ะ ที่ออกมาเล่นนี่ก็เพราะอยากไปเล่นที่สีลมไง”

“โว้ยยยยย  เออแม่งสีลมก็สีลมวะ” ป๊อนซ์พูดออกมาอย่างปลงๆ

“เย้!!! ปอนป๊อนซ์น่ารักที่สุดเลยยยยย”ผมตะโกนออกมาลั่นด้วยความดีใจก่อนจะหันไปหอมแก้มแรงๆหนึ่งทีเป็นการให้รางวัล

“หึๆ” ป๊อนซ์ยิ้มมุมปากนิดๆบวกกับแว่นดำที่มันใส่อยู่แล้วทำให้มันดูมีเสน่ห์ขึ้นโคตรๆเลย



หลังจากที่หาที่จอดรถแล้วก็เดินหาซื้อแป้ง ซื้อปืนฉีดน้ำได้แล้ว ป๊อนซ์ก็เดินจูงมือผมเข้าไปรวมๆกับกลุ่มคนที่เล่นน้ำอยู่ก่อนแล้ว แบบว่าไม่รู้ใครเป็นใครเล่นกันแบบมั่วๆ หนุกดี

“เอ่อ พี่ครับ” ผมหันไปทางต้นเสียงก็พบกับเด็กผู้ชายอายุน่าจะประมาณ 17-18 ปี สองสามคนยืนอยู่ แต่แม่งทำไมเด็กสมัยนี้มัน
โตกันเร็วจังวะ สูงกว่าผมอีกนะเนี่ยยย

“ครับ มีอะไรเหรอ?”

“ผมขอปะแป้งพี่ได้มั้ยครับ” หนึ่งในสามคนถามขึ้น

“ได้ดิๆ อ่ะๆ” ผมพูดบอกพร้อมกับเอียงแก้มไปให้พวกน้องๆเค้า

“ทำอะไรกัน!!!” เสียงป๊อนซ์ดังแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดอยู่

“ก็น้องเค้ามาขอปะแป้งอ่ะ” ผมตอบพร้อมกับหันไปมองป๊อนซ์ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“แล้วมึงก็ยอมสินะ!!”

“แล้วมึงจะคิดอะไรให้มันมากมายวะ”

“กูแม่งไม่น่าพามึงมาเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับสะบัดหน้าไปมองน้องสามคนที่ยืนตัวสั่นกันหมดแล้ว

“เอ่อ พวกผมขอโทษนะครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่ทะเลาะกันเลยนะครับ” น้องคนหนึ่งพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ขอโทษไอ้
ป๊อนซ์ ส่วนไอ้ป๊อนซ์ก็ยังนิ่งพร้อมกับมองไปที่น้องเค้าด้วยสายตาโกรธๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับน้อง มึงก็เหมือนกันป๊อนซ์ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย” ผมหันไปพูดกับน้องเค้าก่อนจะหันกลับมาว่าไอ้ตัวดีที่ยืน
หน้ายักษ์คิ้วขมวดอยู่ข้างๆ

“เออๆ ไม่เป็นไรๆ” ป๊อนซ์หันไปบอกน้องเค้าแบบส่งๆแต่มันก็สามารถลบความกังวลของพวกน้องๆเค้าไปได้มากเลยทีเดียว

“งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ เอ่อ ผมอยากบอกว่าพี่น่ารักมากเลยอ่ะครับ รักกันนานๆนะครับ” น้องเค้าพูดลาก่อนจะยกมือไหว้แล้ว
เดินหายไปในกลุ่มคนที่แออัดกันอยู่

“หึๆ ตาแก่ขี้หวง” ผมหันไปล้อป๊อนซ์พร้อมกับแลบลิ้นออกมาอย่างล้อเลียน

“เออ ใช่สิ กูมันไม่ได้เอ๊าะๆแบบไอ้พวกเมื่อกี๊นี่” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำหน้าเหวี่ยงๆออกมา

“ฮ่าๆๆๆๆ โอ๋ๆๆไม่เป็นไรนะ ถึงจะแก่แต่ก็หล่อนะ ใครจะไม่รักล่ะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปหยิกแก้มป๊อนซ์เบาๆ

“หึ ไม่ได้แค่หล่ออย่างเดียวนะ แรงดีท่าเยอะด้วย” ป๊อนซ์ก้มลงมากระซิบข้างหูของผมเบาๆ แต่นั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบ
ที่หน้าขึ้นมาทันที

“หื่น!!” ผมพูดพร้อมกับรีบเดินหนีป๊อนซ์ออกมาอย่างรวดเร็ว

ผมเดินมาเรื่อยๆจนรู้สึกได้ว่ามันไกลจากที่เดิมเยอะมากๆแล้ว และที่สำคัญคือผมไม่รู้ว่าต้องเดินกลับไปทางไหน โทรศัพท์ผมก็
ไม่พกมาเพราะว่ากลัวจะเปียกน้ำ ง่า แล้วทีนี้ผมจะติดต่อมันยังไงล่ะเนี่ยย

“โอ๊ะ ขอโทษครับ” ผมก้มหัวพร้อมกับกล่าวขอโทษขึ้น หลังจากที่เดินไปชนใครก็ไม่รู้เข้าฅ

”อ้าวน้องง  ชนแล้วชิ่งเหรอครับ” ไอ้คนที่ผมเพิ่งเดินชนมันเมื่อตะกี๊ยกมือขึ้นมาดึงแขนผมเข้าหาตัวจนผมเซไปกระแทกกับตัวมัน
อย่างแรง

“ก็ผมขอโทษไปแล้วนี่ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปจ้องมันแบบซึ่งๆหน้า แม่งตัวใหญ่โคตร

“ขอโทษแล้วพี่จะหายเจ็บเหรอครับ” มันพูดพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้ามาจนเกือบจะติดกับหน้าของผมอย่างรวดเร็ว สัดหล่อไม่ได้
เศษตาปลาไอ้ป๊อนซ์เลยย

“แล้วจะให้กูทำไงวะ!!” ผมชักจะยั๊วะขึ้นมาบ้างแล้วสิ แม่งอะไรนักหนาวะ

“เฮ้ยน้อง พูดดีๆดิ เดี๋ยวปั๊ด” ไอ้ยักษ์ยกมือขึ้นแล้วง้างออก ส่วนผมน่ะเหรอก็ได้แต่ยืนหลับตาปี๋รอความเจ็บปวด เพราะดูยังไงผม
ก็ไม่มีทางที่จะชนะมันได้เลย

“ขอโทษครับพี่ ไอ้นี่อ่ะเมียผม” เสียงของป๊อนซ์ดังขึ้นก่อนที่ผมจะถูกดึงตัวไปอยู่ในอ้อมแขนของอีกคนนึง

“ป๊อนซ์” ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดนั่นก่อนจะเรียกชื่อมันออกมาเบาๆ

“อ้าวว เมียน้องเหรอ นึกว่ายังไม่มีเจ้าของ งั้นก็ดูแลมันดีๆหน่อยแล้วกัน อย่าแถวปล่อยให้เดินคนเดียวอีกเพราะหน้าตาเมียน้อง
เนี่ย เป็นที่ต้องการของหลายๆคนแถวนี้ซะด้วย”

“ครับ” ป๊อนซ์รับคำพี่เค้าเบาๆก่อนจะดึงมือผมให้เดินออกมาจากบริเวณนั้นและตรงไปที่รถ

“ป๊อนซ์เบาๆหน่อย กูเจ็บ” ผมพูดพร้อมกับพยายามดึงมือออกจากมือของป๊อนซ์ที่ตอนนี้บีบอยู่ที่มือผมจนแดงไปหมดแล้ว

“.....” เงียบครับเงียบ

“ป๊อนซ์ ไอ้ปะ...”

“เงียบ!!!” ป๊อนซ์หันมาตะคอกใส่หน้าผมจนคนแถวนั้นหันมองกันเป็นตาเดียว แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจสายตาพวกนั้นเลย
แม้แต่น้อย เพราะมันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากผมออกมาจากโซนเล่นน้ำอย่างเดียว


ป๊อนซ์ลากผมออกมาจนถึงรถที่จอดอยู่ก่อนจะกดปลดล็อกประตูและดันผมเข้าไปนั่งด้านในรถทั้งๆที่ตัวผมเปียกโชก แถมยังปิดประตูใส่หน้าผมอีกด้วย แม่งๆๆๆๆๆ

และในขณะที่ป๊อนซ์กำลังเดินอ้อมรถเพื่อเข้ามานั่งฝั่งคนขับผมเลยถือโอกาสเปิดประตูและวิ่งออกจากรถ แต่...

“จะไปไหน!!!!!” กึ๊กก หยุดชะงักทันทีก่อนจะเดินคอตกกลับเข้ารถโดยไม่ต้องให้ป๊อนซ์ออกมาลากด้วยซ้ำ

“....” ผมกลับเข้าไปนั่งประจำที่ก่อนจะปิดประตูเบาๆแล้วนั่งก้มหน้าบีบมือจนมือที่ซีดอยู่แล้วกลับซีดเข้าไปอีก

“สำนึกผิดรึยัง?” ป๊อนซ์พูดขึ้นพร้อมกับสตาร์ทรถแล้วเปิดแอร์ในรถด้วย ทำให้ผมที่สั่นเพราะกลัวมันอยู่แล้วต้องสั่นเข้าไปอีก
เพราะแอร์มันหนาวมากก =3=

“จะสำนึกได้ไงก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่” ผมพูดงุบงิบกับตัวเองเบาๆ

“โจ!!!!”

“ฮึก จะตะคอกทำ ฮึก ไมวะ” ไม่อั้นไม่กลั้นไม่เก็บอีกต่อไปแล้วครับ ผมปล่อยโฮออกมาทันทีที่สิ้นคำตะคอกของไอ้ป๊อนซ์

“โอ๊ยยยยย จะร้องทำไมห๊ะ?” ป๊อนซ์พูดเสียงดังออกมาอีกครั้งก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดและกดหน้าผมลงให้ซุกอยู่กับอกอุ่นๆของ
มัน

“ก็ ฮึก มึง ตะคอก ฮึก กูอ่ะ..” ผมพูดอู้อี้ๆ อยู่กับอกของป๊อนซ์

“เฮ้ออออ กูขอโทษแล้วกันนะ” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจากครั้งก่อนเยอะมากพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหัวของผมเบาๆ

“ฮือออ มึง ฮึก ต้องสัญญานะ ว่า ฮึก จะไม่ตะคอกกูแบบนั้นอีก”

“อืมม สัญญา แต่มึงก็ต้องห้ามดื้อห้ามงอแงเวลากูเตือนหรือกูห้ามไม่ให้ทำอะไรเข้าใจมั้ย”

“อือออ” ผมพยักหน้ารัวๆอยู่กับอกป๊อนซ์ก่อนจะถูหน้าไปมาเพื่อเป็นการเช็ดคราบน้ำตาออก

“ดื้อออ มานี่มาเดี๋ยวกูเช็ดให้” ป๊อนซ์ดันผมออกเบาๆก่อนจะหยิบทิชชู่ในรถมาซับน้ำตาให้กับผม

“ขอบคุณนะ” ผมพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างไปให้ป๊อนซ์

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นดีกว่ามั้ย ไอ้ตัวดี” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้ากวนเบื้องล่าง เอ่อ ผมหมายถึงเท้านะ ไม่ใช่ล่าง
สะดือ (มีแต่มึงแหละที่คิดอยู่อ่ะ)

“จะเอาอะไรล่ะ” ผมถามพร้อมกับก้มหลบสายตาของป๊อนซ์และเป็นการซ่อนใบหน้าที่ร้อนวูบวาบจนกำลังจะแตกของตนเอง

“ก็อันนี้ไง” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับแตะนิ้วลงเบาๆที่ปากของผม สาดดดเดี๋ยวกูงับนิ้วเลย

“งั่ม!!” ผมกัดลงบนนิ้วของป๊อนซ์เต็มแรง ฮ่าๆๆๆๆ สะใจโคตร

“โอ๊ยยยยย ดื้อปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับพยายามดึงนิ้วออกจากปากของผม แต่มีรึไอ้โจคนนี้จะยอม ฝันไปเถอะ
คุณป๊อนซ์

“ไอ้อ่อย (ไม่ปล่อย)” ผมพูดออกไปทั้งๆปากก็ยังคาบนิ้วของป๊อนซ์อยู่

“ให้โอกาสอีกครั้งนะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับกดเสียงให้ต่ำลงกว่าเดิม

“อื้อๆๆ” ผมส่ายหน้าไปมาพร้อมกับส่งเสียงในลำคอ

“ได้” ป๊อนซ์ยกยิ้มร้ายๆออกมาก่อนจะก้มลงเป่าลมร้อนๆใส่คอของผมจนผมต้องหดคอหนีด้วยความจั๊กจี้

“อ๊ะ!!” ผมเผลอหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อป๊อนซ์กัดลงเบาๆที่คอของผมก่อนจะค่อยๆเลียรอยกัดนั้นอย่างทะนุถนอม และมันก็
ทำให้นิ้วของป๊อนซ์หลุดออกจากปากผมได้อย่าง่ายดาย

“ต้องให้ใช้ไม้แข็งตลอดเลยนะที่รัก” ป๊อนซ์พูดเบาๆที่ข้างหูของผมก่อนจะค่อยๆละริมฝีปากออกจากคอของผมอย่างอ้อยอิ่ง

“...” โอ๊ยยยยย ทำไมผมต้องแพ้มันทุกทางแบบนี้ด้วยนะ เซ็งๆๆๆๆๆ

“คิดอะไรอยู่อีกล่ะดื้อ คิ้วขมวดเป็นปมเชียว”

“ปะ เปล่าสักหน่อย” ผมปฏิเสธออกไปเสียงสั่นๆ

“เหรอจ๊ะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว

“เออดิ!!”

“จ้าๆๆๆ  ไม่แกล้งแล้ว” ป๊อนซ์ยื่นมือมาขยี้หัวของผมจนยุ่งไปหมดก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ตั้งอยู่เบาะหลังมาวางบนหัวผม
เพื่อให้ผมเช็ดหัวให้แห้ง

“เช็ดซะนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

“อือๆๆ ฮัดชิ้ววว”

“นั่นไง ยังไม่ทันขาดคำเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับส่ายหัวอย่างปลงๆ

“อ่า คัดจมูกอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับถูจมูกไปมา

“อย่าถูแบบนั้นดิดื้อ” ป๊อนซ์ยื่นมือมาจับมือผมไว้ไม่ให้ผมได้ขยี้จมูกต่ออย่างที่ต้องการ

“อือๆๆ”

ป๊อนซ์หยิบผ้าบนหัวผมไปก่อนจะเช็ดให้ไปเรื่อยๆจนผมของผมเริ่มจะแห้งลงบ้างแล้ว

“อ่ะ เดี๋ยวค่อยกลับไปไดร์ให้แห้งสนิทที่บ้านอีกทีแล้วกันนะ”

“อือๆๆ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะปรับเอนเบาะลงเพื่อที่จะนอนได้ แต่ก็ต้องขดตัวขึ้นมาเนื่องจากแอร์ในรถนี่แบบว่าหนาวมากกก

“หนาวเหรอดื้อ” ป๊อนซ์เอามือมาจับที่หัวของผมก่อนจะลูบเบาๆ

“อือออ”

“รอแป๊ปนะ” ป๊อนซ์เอี้ยวตัวไปด้านหลังก่อนจะดึงเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นมาแล้วเอามาห่มตัวให้ผม

“อืมม ขอบคุณนะป๊อนซ์” ผมพูดออกมาทั้งๆที่ตาก็ปิดไปแล้ว

“ครับ หลับไปได้เลยนะเดี๋ยวถึงบ้านแล้วป๊อนซ์ค่อยปลุกนะ”

“ค้าบบ” ผมรับคำลากเสียงยาวก่อนจะกระชับเสื้อของป๊อนซ์ให้ชิดตัวมากยิ่งขึ้น เฮ้อออ ชอบจังที่ได้ห่มเสื้อไอ้ป๊อนซ์แบบนี้
เพราะว่ามันเหมือนกับว่าป๊อนซ์มันกอดผมอยู่ยังไงยังงั้นแหละ ฟินอ่ะๆๆๆๆ

“หึๆ” ป๊อนซ์หัวเราะในลำคอก่อนจะก้มลงมาจุ๊บที่ปากของผมเบาๆ

“รักป๊อนซ์นะ” ผมพูดพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะหลับไปในที่สุด

“หึๆ รักดื้อเหมือนกันนะครับ”

..................................End of Songkran's Day..................................................

มาเสิร์ฟออร์เดิร์ฟแล้วจ้าาาาาาาา  :mew3:

ช่วงนี้คนเขียนไม่ค่อยได้จับต้องเน็ตเท่าไหร่อ่ะคะ เลยไม่ค่อยได้มาอัพ  :ling1:

แต่ตอนนี้ก็ยังแต่งอยู่เรื่อยๆนะจ๊ะ  :katai4:

แล้วก็มีอะไรบางอย่างจะมากระซิบด้วยแหละ เอาหูมา  :katai5:

คนเขียนมีแผนว่าจะแต่งภาคต่อเรื่อง Friend ในตอนที่อยู่มหาลัยกันแล้ว ตอนนี้ก็เก็บข้อมูลอยู่

จะแต่งในชื่อเรื่อง >> Forgotten Love รักที่ถูกลืม (ดราม่า 100% เต็ม)  :hao5:

อย่าลืมติดตามกันด้วยนะจ๊ะ  :mew6:

มีโมเม้นต์มาฝากด้วยจ้าาาา

-เพื่อนคนเขียนไปกินข้าวที่มาบุญครองแล้วบังเอิญว่าเจอเข้าน้องโจกับน้องป๊อนซ์นั่งอยู่ เหมือนกับว่าตอนแรกจะเดินมาด้วยกันแล้ว ป๊อนซ์ก็ไปนั่งรอที่โต๊ะเท้าคางไรเงี้ย ส่วนโจก็เดินไปซื้อข้าวซื้อน้ำแล้วมานั่งกิน แบบว่านั่งตรงข้ามกันอ่ะนะ คนที่กินก็มีแต่โจคนเดียวนะคะ ป๊อนซ์ไม่ได้กินแต่ไปเป็นเพื่อน ><//// เพื่อนคนเขียนบอกว่านั่งเท้าคางมองแบบนิ่งๆ ว๊ายๆๆๆๆๆๆ ฟินเฟ่อร์

อย่าลืมเม้นต์ & บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ  :call: :call:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Songkran's Day [Pontz x Joe] : 17/04/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-04-2013 01:31:50
โตแล้วน้องโจก็ยังน่ารักเนอะ อิอิ
ป๊อนซ์โหดกว่าเดิมรึป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special Songkran's Day [Pontz x Joe] : 17/04/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 19-04-2013 22:54:50
ThankS
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 17 นั่นมัน!!!!!! : 10/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 10-05-2013 23:23:51
ตอนที่ 17





[Pontz x Joe]



[Joe]




“ไอ้เหี้ยป๊อนซ์!!!!!!!!!!”

“เสียงดังอะไรแต่เช้าวะดื้อ” ป๊อนซ์เดินออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมกับเลิกคิ้วมองผมอย่างสงสัย

“มึงดูสภาพกูดิ กูจะไปเรียนไงวะเนี่ย” ผมพูดพร้อมกับชี้ให้ป๊อนซ์ดูรอยต่างๆนาๆที่มันเป็นคนทำขึ้นทั้งหมดที่โผล่พ้นบริเวณคอ
เสื้อนักเรียนออกมา

“อ๋อออ ก็ไปแบบนี้แหละดื้อ คนเค้าจะได้รู้กันไงว่าดื้อมีเจ้าของแล้ว” ป๊อนซ์พูดสบายๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวอีก
ครั้ง

“พ่อมึงสิป๊อนซ์”

“เรียกหาทำไม มึงเป็นชู้กับพ่อกูเหรอ” ไอ้ป๊อนซ์ที่เพิ่งจะเดินหายเข้าไปในห้องรีบชะโงกหน้าออกมาอย่างรวดเร็ว

“โอ๊ยยยยย กูเบื่อจะเถียงกับมึงแล้วว่ะ เอางี้ มึงมีพลาสเตอร์ยาบ้างมั้ย??”

“อืมมม มีๆรอแป๊ป” ป๊อนซ์ดีดนิ้วดังเปาะก่อนจะเดินไปค้นลิ้นชักที่อยู่ใกล้ๆกับหัวเตียง

“อ่า นี่ไง ว่าแต่มึงจะเอาไปทำไมอ่ะ”

“ก็เอามาติดรอยพวกนี้ไงสัด แม่งอย่างกับเป็นไข้เลือดออก” ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบรอยพวกนั้นอย่างปลงๆ

“อ๋อออ งี้นี่เองอ่ะๆ เดี๋ยวกูแกะให้ อ่ะ กูจะบอกอะไรมึงอีกอย่างนึงนะว่าพลาสเตอร์ยาพวกนี้ไม่ใช่พลาสเตอร์ยาธรรมดานะเว้ย”
ป๊อนซ์ละสายตาจากพลาสเตอร์ยาในมือแล้วเงยขึ้นมามองผมด้วยสายตาจริงจัง

“อ้าว แล้วมันพิเศษยังไงอ่ะ”

“ก็นี่เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่น วันพีชที่พ่อกูสั่งทำให้ตอนวันเกิดปีที่แล้วไง ดูดิ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นพลาสเตอร์ยานั้นมาให้ผมดู ผมก็ได้
แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆกับความเด็กของมัน

“เออๆเอามา” ผมหยิบพลาสเตอร์ยามาจากมือป๊อนซ์ก่อนจะส่องกระจกแล้วติดมันเข้าที่รอยที่คอของผม

“อื้มมมม เรียบร้อย” ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้ตัวเองในกระจก

“เอ่อ โจ” ป๊อนซ์เรียกพร้อมกับเอามือมาสะกิดผมจากด้านหลัง

“ทำไมอีกอ่ะ?”

“คือ..คือ...” ป๊อนซ์อ้ำอึ้งอยู่นานจนผมชักเริ่มจะรำคาญ

“มีอะไรอีก?”

“คือกูจะบอกว่ารอยที่ต้นคอด้านหลังของมึงแบบว่าอื้อเลยอ่ะ”

“หา!!!!” ผมรีบหยิบกระจกบานเล็กอีกอันที่ตั้งอยู่ขึ้นมาส่องเพื่อที่ดูรอยด้านหลัง

“เฮ้ยยยย ไอ้ป๊อนซ์!!!!!!” ผมให้ไปตะคอกใส่หน้าป๊อนซ์สุดเสียงแต่มันกลับทำเพียงยิ้มแหยๆกลับมาให้เท่านั้น

“แล้วมึงจะทำไงล่ะทีนี้ หรือจะไม่ไปโรงเรียนดีอ่ะ”

“เรื่องอะไรล่ะ อื้มมมม เอาไงดีวะ?” ผมพูดพร้อมกับเดินไปเดินมาในห้องป๊อนซ์



“โอ๊ยยยย  หยุดเดินก่อนดื้อ เอางี้ใส่เสื้อฮูทไปเอามั้ย” ป๊อนซ์พูดเสนอความคิดออกมา

“เออใช่ ไหนอ่ะเอามาดิๆ” ผมรีบวิ่งนำมันเข้าไปในห้องแต่งตัวของมันเพื่อจะยืนรอมันเดินเข้ามาหาฮูทให้

“อ่ะ ตัวนี้แล้วกันนะ มันเล็กที่สุดแล้วที่กูมีอ่ะ”

“อืม ได้ๆ”

“ไหนยืนนิ่งๆดิ จะได้ลองทาบดูก่อน” ป๊อนซ์พูดก่อนจะยื่นเสื้อมาทาบบนตัวผม พร้อมกับทำหน้าพินิจพิจารณาอย่างหนัก

“อื้มมม แขนยาวไปหน่อยแต่ก็โอเค ใส่ได้”

“อืออ เอามาๆ” ผมพูดพร้อมกับรับเสื้อมาจากมือป๊อนซ์ก่อนจะเอามาสวมทับเสื้อนักเรียนที่ใส่อยู่

“ปะ ที่นี้ก็ไปโรงเรียนกันได้สักทีนะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นมือออกมาขยี้หัวผมเล่น

“อื้ออ ผมกูเสียทรงหมด” ผมพูดอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเอามือจับมือป๊อนซ์ไว้ไม่ให้มาขยี้หัวผมอีก

ป๊อนซ์จูงมือผมให้เดินลงมาชั้นล่างอย่างอารมณ์ดี สัดไม่ได้เป็นคนถูกกระทำอย่างกูนี่

“เดินช้าๆหน่อยป๊อนซ์” ผมพูดพร้อมกับกระตุกมือป๊อนซ์

“อ้าวว ไมอ่ะ” ยังมีหน้ามายิ้มอีกนะมึง

“กูเจ็บ” ผมพูดเสียงเบาอย่างอายๆ

“อ่ะ อ๋อออออ อย่างงี้นี่เอง” มันพูดพร้อมกับทำสีหน้าล้อเลียนผม เออ อย่าให้กูได้กดมึงบ้างแล้วกันไอ้เลวว

“อ้าว ป๊อนซ์จะไปโรงเรียนกันแล้วเหรอลูก” แม่ไอ้ป๊อนซ์ถามขึ้นขณะที่เรากำลังจะเดินไปเอารถที่โรงรถ

“ครับม๊า” ป๊อนซ์หันไปตอบแม่มันอย่างร่าเริง

“แล้วเย็นนี้จะนอนหอหรือนอนบ้านกันล่ะ?”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ เดี๋ยวผมโทรมาบอกอีกทีแล้วกันนะ”

“จ่ะๆ  ตั้งใจเรียนกันด้วยนะลูก” แม่ป๊อนซ์หันมาบอกลาพวกเราเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปโรงเรียน

”ครับม๊า/ครับผม” ผมกับไอ้ป๊อนซ์ตอบรับออกมาพร้อมกันก่อนจะเดินกันไปที่รถเพื่อจะไปโรงเรียนกันเสียที



“มึงเป็นไรวะโจ หน้าดูซีดๆ” ไอ้พีเจทักขึ้นเมื่อเห็นว่าวันนี้ผมดูอิดโรยจนน่าเป็นห่วง

“ปวดหัวนิดหน่อยว่ะ” ผมหันไปตอบพีเจก่อนจะหยิบยาดมขึ้นมายัดใส่รูจมูกซะ

“แล้วไอ้ป๊อนซ์อ่ะ”

“ไปซื้อน้ำอยู่” ผมพูดทั้งๆที่หน้ายังซบอยู่กับโต๊ะหินอ่อนโต๊ะประจำ

“อ้าวววว  ยังไม่หายปวดอีกเหรอจ๊ะ” สัดภูมิ กูเกลียดมึง

“ส้นตีน” ตอบกลับไปแบบเบาๆครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แบบว่าตอนนี้หายใจยังเหนื่อยเลย

“มึงก็อย่าไปกวนมันมากดิภูมิ” มาแล้ววววว ที่รักของผม(หน้าไม่อายย)

“เชอะ” ภูมิทำเสียงสะดีดสะดิ้งก่อนจะหันไปคุยเรื่องถักโคเชกับไอ้ลิ้ม

“ดื้อ เงยหน้ามากินน้ำกินยาก่อน” ป๊อนซ์สะกิดไหล่ผมสองสามที

“อื้มมมม ปวดหัวอ่ะ”ผมเงยหน้าขึ้นมาแต่ก็ต้องหรี่ตาลงเมื่อเจอกับแสงจ้า

“มากินยาก่อนนะ”

“...” ผมพยักหน้านิดๆ ก่อนจะรับยาจากมือป๊อนซ์มาเข้าปากแล้วกลืนน้ำตามลงไป

“หึๆ”

“หัวเราะอะไรวะไอ้ไปป์” ป๊อนซ์หันไปถามไปที่หัวเราะออกมานิดๆหลังจากเงียบมานาน

“เปล่า ก็แค่กำลังคิดว่าเมื่อก่อนไอ้พลัสก็เป็นแบบนี้” หน้าตามึงเฉยมากไปป์

“เหรอ แล้วตอนนี้อ่ะ” พอแล้วป๊อนซ์ พอแล้ววว

“ก็มีเจ็บ มีอะไรนิดหน่อย แต่อาการไข้นี่ก็น้อยลงเยอะมากอ่ะ” ไปป์มันจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่ามันทำหน้าเหมือนเป็นศาสตราจารย์เกี่ยว
กับด้านนี้โดยเฉพาะเลย

“เฮ้ย จริงดิ ทำไงวะ” ไม่ต้อง ทำ ไงไอ้ควายป๊อนซ์!!!

“ทำบ่อยๆไง”

พรวดดดด!!!!!!!!

น้ำที่กำละงแดกอยู่นี่คือพ่นออกมาหมดทั้งปากเลยอ่ะ สัดไปป์ ทำไมมึงต้องชี้รูให้เหี้ยด้วยวะ แม่งงงงงง

O_o <<หน้าไอ้ป๊อนซ์

*{}* <<หน้าไอ้ลิ้ม

>3<  <<หน้าไอ้ภูมิ

=_=’ <<หน้าไอ้พีเจ

ส่วนหน้ากู >>   ToT

“เฮ้ยย วิธีมึงเด็ดมากไปป์” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชม

“กูละเหนื่อยกับมึงจริงๆเลย” พีเจส่ายหน้าปลงๆ แต่สายตามึงนี่วิบวับเกิ๊นนน

“กูจะจำไว้เป็นตัวอย่างนะ” ไอ้เหี้ยลิ้ม กูจะฟ้องท็อปเทล

“สุโค่ยยยย เพื่อนกู” ถ้ามึงจะชื่นชมมันขนาดนั้นมึงก็สร้างอนุสาวรีย์ให้มันเลยเหอะภูมิ

“สัด พอเลยๆๆๆ” ผมตะโกนออกมาหลังจากนั่งอัดอั้นอยู่นาน

“เฮ้ยย พูดเสียงดังทำไมดื้อเดี๋ยวก็ปวดหัวอีกหรอก”

“ไม่ต้องเลยมึง” ผมพูดพร้อมกับหันไปจ้องหน้าไอ้ป๊อนซ์อย่างเอาเรื่อง

“โอ๋ๆๆๆ กูไม่ทำแบบนั้นหรอกมึง”

“เออดิ มึงไม่มีทาง ‘ได้ทำ’ อีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน” ผมพูดพร้อมกับจ้องหน้าป๊อนซ์ด้วยสีหน้าที่จริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้

“โจอ่า”

“เรียกทำไม!”

“โจโจ” ป๊อนซ์ไม่พูดเปล่า มันยังพยายามจะเอาหัวมาถูกับแขนผมด้วย

“เออ จะเรียกทำไมนักหนาวะ!!!”

“เสียงดังอ่ะ” คิดว่าทำแก้มป่องแบบนั้นแล้วกูจะใจอ่อนเหรอ ฝันไปเถอะไอ้น้อง

“...” ผมเงียบครับ ไม่รู้จะต่อปากต่อคำอะไรกับมันดี

“โจโกรธเค้าเหรอ”

”เปล่า”

”งั้นหันมาพูดกับเค้าก่อนดิ”

”....” ผมหันไปมองหน้ามันเหนื่อยๆ

“โอเค ป๊อนซ์ไม่ตื๊อแล้ว แต่ว่าเย็นนี้ไปดูป๊อนซ์ซ้อมบาสด้วยนะ”

”อืมม ได้”

“เย้!!!” เฮ้อออออ บางทีมึงก็ทำตัวเป็นเด็กๆไปนะป๊อนซ์


“ดื้อออ เอาน้ำให้กินหน่อย” ป๊อนซ์วิ่งกระหืดกระหอบจากกลางสนามมายังอัฒจรรย์ที่ผมนั่งอยู่

“น้ำส้มหรือน้ำเปล่า?”

“น้ำเปล่าจ๊ะ” ผมหยิบน้ำเปล่าก่อนจะยื่นไปให้ป๊อนซ์ที่ยืนรอรับอยู่ด้านล่าง

“แต๊งกิ้ว” ป๊อนซ์รับน้ำไปก่อนจะกระดกดื่มอย่างรวดเร็วจนเหลือแค่ครึ่งขวด แล้วจึงเอาน้ำที่เหลือนั้นราดบนหัวแล้วสะบัดไปมา
แรงๆ

“สัด เปียกเหอะ” ผมพูดพร้อมกับปัดรอยเปียกตามเสื้อออก

“โห ไรอ่ะรังเกียจเหรอ?”

“รังเกียจแล้วจะมานั่งเฝ้าแบบนี้มั้ยห๊ะ ถามอะไรอ่ะคิดบ้าง” ผมพูดแบบประชดออกมาก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งบนอัฒจรรย์
ตามเดิม

“ดื้ออ่ะ ช่วงนี้งอนบ๊อยบ่อย เดี๋ยวค่อยง้อตอนเล่นบาสเสร็จแล้วกันเนอะ” พูดจบมันก็วิ่งกลับเข้าไปในสนามอีกครั้ง  ไอ้งามมมมม

“พี่โจ หวัดดีครับ”

“อ้าวท็อปเทล มาเฝ้าไอ้ลิ้มเหรอ”

“อ่า ใช่ครับ” น้องตอบก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาหน้าแบบเขินๆ

“แล้วทำไมเพิ่งมาล่ะ”

“เพิ่งเรียนเสร็จอ่ะครับ” น้องพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม เฮ้อออ ยิ้มของน้องแกนี่มันดูสดใสไร้มลทินจริงๆเลย

“อ๋อครับๆ” ผมรับคำยิ้มๆก่อนจะยื่นมือไปขยี้หัวน้องเบาๆ

“ไอ้ป๊อนซ์ ไอ้ลิ้มมม  เมียมึงเล่นชู้กันเองแล้วเว้ยยย!!!!!!” สาดภูมิปากมึง

“ดื้อทำไรอ่ะ!!” มาแล้วครับเสียงนึง

“ท็อปเทลลลล!!!!!” มาแล้วอีกเสียงง

“กูเปล่านะ / เทลไม่ได้ทำ” ผมกับท็อปเทลปฏิเสธออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย

“เลิกเล่นแล้ว!!!!!” แน่ะ ทำไมมึงต้องพูดพร้อมกันด้วยวะ ไอ้ป๊อนซ์ไอ้ลิ้ม

“เทลกลับบ้าน  ส่วนมึงอย่าแม้แต่คิดนะโจ” ไอ้ลิ้มเดินมาลากแขนท็อปเทลออกไปก่อนจะหันกลับมาชี้หน้าคาดโทษผมไว้

“มึงบ้าเหรอไอ้เหี้ยลิ้ม คิดไงเชื่อไอ้ภูมิวะ” ผมตะโกนไล่หลังไอ้ลิ้มที่เดินดุ่มๆตรงไปยังรถของมัน

“อ่ะนะ คนมันน่าเชื่อถือ” ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับตบอกตัวเอง

“หยุดเลยสัดภูมิ”

“มึงก็หยุดเหมือนกันโจ” แงๆๆ อย่าทำเสียงโหดดิป๊อนซ์

“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะป๊อนซ์”

“ไม่ต้องพูดเลย กูเห็นนะ” ป๊อนซ์พูดเสียงเย็นๆ

“เห็นเหี้ยไร!!” เอาดิ ผมก็เริ่มจะขึ้นแล้วเหมือนกัน แม่งโกรธอะไรไม่เคยคิดจะถามผมก่อนอ่ะ

“เห็นว่ามึงจะเล่นเมียเพื่อนไงโจ!!”

”พ่อมึงสิไอ้สัด กูจะกล้าไปคิดแบบนั้นกับใครอีกห๊ะ มึงทำอะไรกับกูไว้จำไม่ได้รึไง  แม่ง รอยเต็มตัวกูไปหมดแล้ว มึงยังต้องการ
อะไรอีกป๊อนซ์ ล่ามกูไว้ที่บ้านเลยมั้ยไอ้เหี้ยย!!” ผมพูดออกมาอย่างสุดเสียง โดยไม่คิดจะอายคนทั้งสนามที่เงียบยิ่งกว่าป่าช้า
เสียอีก

“ไปคุยกันบนรถ” ป๊อนซ์พูดเสียงนิ่งๆ พร้อมกับลากมือผมให้เดินตามไปที่รถ

“ทำไม อายรึไง”

“โจ” ป๊อนซ์พูดขู่เสียงแข็งขึ้นกว่าเดิม

“มึงอายใช่มั้ยป๊อนซ์ อายเรื่องที่กูพูดอยู่ตอนนี้ อายที่ไอ้พวกที่ยืนอยู่ในสนามนี้มันรู้ว่ากูกับมึงเป็นอะไรกัน อายที่....อุ๊บบบ”
ป๊อนซ์ตัดสินใจเอาปากของมันทาบลงมาปิดปากของผมที่พูดระบายออกมาไม่มีหยุด

“โอ้ววววว” เสียงโห่ เสียงแซวดังกระหึ่มไปทั้งสนาม สัดเอ๊ยย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“อื้มมมมม” ผมหลุดเสียงครางในลำคอออกมานิดๆเมื่อป๊อนซ์ใช้ลิ้นร้อนของมันไล่ต้อนลิ้นของผมไปเรื่อยๆอย่างมีชั้นเชิง

“อื้อออ” ผมเอามือทุบไหล่ป๊อนซ์อย่างแรงเมื่อเริ่มได้สติว่าเราไม่ได้อยู่ในสนามกันแค่สองคน

“แฮ่กๆๆๆ” ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่ป๊อนซ์ปล่อยให้ปากของผมเป็นอิสระ

“ไง ยังจะคิดว่ากูอายอีกมั้ย?”

ผมไม่ตอบแต่ส่ายหน้าไปมาอยู่กับอกป๊อนซ์

“กูขอโทษแล้วกันนะ ขอโทษที่โมโหมึงโดยที่ไม่ฟังอะไรก่อน”

“อืมม” ผมพยักหน้ารัวๆ โดยที่ยังคงซบอยู่กับอกป๊อนซ์เนื่องจากผมไม่กล้าที่จะสู้หน้ากับใครทั้งนั้น

“วันนี้กลับไปนอนที่บ้านกูแล้วกันนะ”

”อืมม”

”เดี๋ยวกูเก็บของแป๊ป” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับดันไหล่ผมออกเพื่อที่จะได้เดินไปเก็บกระเป๋าขวดน้ำขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเอามือที่ว่างอีกข้างนึงมาพาดคอผมไว้แล้วพาให้เดินออกมาจากโรงยิม

“กลับบ้านดีๆนะจ๊ะ คู่รักข้าวใหม่ปลามัน” ไอ้ภูมิตะโกนไล่หลังมาพร้อมกับเสียงโห่ของไอ้พวกที่นั่งอยู่ในโรงยิมทั้งหมด  แม่งงงง
ไอ้เลววว

“เออๆ เดี๋ยวคืนนี้กูไลน์ไปถามการบ้านอีกทีนะมึง” ป๊อนซ์หันกลับไปตะโกนหาภูมิอีกครั้ง

“จ้า”



“เหนื่อยๆๆๆๆ” ไอ้ป๊อนซ์บ่นเสียงดังพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงคิงไซส์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“ป๊อนซ์   สกปรก”

“ก็มันเหนื่อยอ่ะ”

“ก็ใครใช้ให้มึงไปเล่นบาสล่ะ” ผมเถียงกลับไปอย่างไม่ลดละ

“โอ๊ยๆๆๆๆๆ หยุดบ่นซะที เดี๋ยวก็จับกดซะเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้าทีเล่นทีจริง

“เหี้ยเหอะ” ผมหันไปตะโกนใส่ไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

ผมใช้เวลาดื่มด่ำกับการขัดถูตัวเองอยู่ราวๆ 15 นาทีก็เดินใส่เสื้อคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำแต่ก็ต้องตกใจแทบช็อคเมื่อเห็นว่า
ไอ้ตัวดีมายืนยิ้มร่ารออยู่ที่หน้าประตู

”เฮ้ย!!! มายืนตรงนี้ทำไมเนี่ย”

“ก็ดื้ออาบน้ำนานอ่ะ เค้าคิดถึ๊ง คิดถึง” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำปากยื่นมาด้านหน้าอย่างน่าหมั่นไส้

“มึงอินจัดกับ พี่มาก เกินไปป่ะ”

“บ้าเหรอดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำหน้าอายๆแล้วเดินกลับไปหยิบผ้าเช็ดตัวบนเตียงก่อนจะเดินมาหน้าห้องน้ำอีกครั้ง

“เสียงกลองรบดังสนั่นเหล่าชายฉกรรจ์ปกปักษ์ปฐพี เฮ้!! ฮ่าๆๆๆๆ” ไหนบอกไม่อินไอ้สัด จัดเพลงกองพันมาเลยนะ  ผมว่านับวัน
มันยิ่งปัญญาอ่อนขึ้นเรื่อยๆแล้วนะเนี่ย

ผมส่ายหน้าอย่างปลงๆก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบโลชั่นออกมาค่อยๆทาไปตามขาและแขนจนทั่วก่อนจะตบๆซ้ำ
อีกทีเพื่อให้มันซึมเข้าไปด้านในได้ดียิ่งขึ้น

“ยั่วเหรอจ๊ะโจโจ” ป๊อนซ์ที่ยืนเปลือยท่อนบนพิงประตูห้องน้ำอยู่พูดออกมา

”ยั่วเหี้ยไร” ผมสะบัดหน้าไปมองอย่างอารมณ์เสีย แต่ก็ต้องชะงักนิ่งเมื่อเห็นสิ่งนั้นเข้า

“ปะ ป๊อนซ์..” เสียงของผมขาดห้วงลงอย่างบังคับไม่ได้

“หื้มม ทำไมอ่ะ” ป๊อนซ์ถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“มึงไปทำมาตอนไหนเนี่ย ทำไมกูไม่เคยเห็น” ผมถามออกมาเบาๆราวกับเสียงกระซิบก่อนจะจดจ้องไปยังสิ่งๆนั้นอย่างหลงใหล
แล้วจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาป๊อนซ์อย่างช้าๆ



............................................TBC............................................

อัพแล้วนะคะ  :hao7:

อย่าลืมเม้นต์ แล้วก็บวกเป็ดให้กำลังใจด้วยนะคะ  :call:

ขอโทษทีนะคะที่หายไปนาน ช่วงนี้ใกล้เอ็นท์แล้ว ก็เลยไปตามผู้ชาย 5555  :mew1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 17 นั่นมัน!!!!!! : 10/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-05-2013 23:37:19
ขอเดาว่า ป๊อนซ์ไปสักมาใช่ไหม
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 17 นั่นมัน!!!!!! : 10/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 12-05-2013 19:52:06
เย่ๆๆๆอ่านมา2วันในที่สุดก็ตามทัน.สนุกมากกกกกกเลยอะ

โจเห็นอะไรอะอยากรู้ เราเห็นคอมเม้นนึงเขียนว่าเห็นรอยสัก เราเริ่มคิดว่าเปฺ็นรอยสักแล้วอะดิ 555
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 18 Love J. : 23/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 23-05-2013 20:10:02
ตอนที่ 18




[Pontz x Joe]




[Joe]





“สวยใช่ป่ะ ไม่รักทำไมได้นะเนี่ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำหน้าภูมิใจกับสิ่งๆนี้อย่างยิ่ง

‘Love J. Forever’

ผมค่อยๆใช้นิ้วไล้ไปตามตัวอักษรที่เป็น ‘รอยสัก’ ที่ปรากฏอยู่บริเวณเหนือหน้าอกที่ใกล้ๆกับไหปลาร้าด้านซ้ายนั้นเบาๆ

“ไปทำมาตอนไหนทำไมกูไม่เคยเห็นอ่ะ” ผมยังคงถามต่อโดยที่มือก็ไม่ได้ห่างออกจากรอยสักเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้ยบ้า แล้วเมื่อคืนก่อนที่เราอ๊อดอ๊อดกันนี่มึงไม่เห็นเลยรึไงโจ” สิ้นคำพูดของไอ้ป๊อนซ์ผมก็ชะงักมือที่กำลังลูบอกมันอยู่ออก
แทบจะทันที พร้อมกับเอามือทั้งสองขึ้นมาแนบที่ข้างแก้มเพื่อที่จะลดความร้อนบนใบหน้าลง

“กะ...ก็ มันมืดอ่ะ” ผมพูดตอบมันอย่างตะกุกตะกัก  กูจะสั่นทำไมวะเนี่ย

“อื้มมม อย่างนี้นี่เอง” ป๊อนซ์พูดตอบพร้อมกับทำน้ำเสียงล้อเลียนผมไปด้วย

“แล้วนี่จะบอกได้ยัง ว่าไปทำมาเมื่อไหร่”

“อ๋ออ  สักพักแล้วล่ะ แบบว่าไปเดินแถว XX กับไอ้ไปป์ ไอ้ไปป์มันบอกว่ากูน่าจะลองทำดูกูเลยทำไง”

“ละ...แล้วทำไมต้องเป็นคำนี้อ่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอานิ้วไปจิ้มๆตรงตัวอักษรอีกครั้ง

“ยังจะถามอีกเหรอดื้อ” ป๊อนซ์พูดเบาราวกับเสียงกระซิบก่อนจะค่อยๆทาบริมฝีปากของป๊อนซ์ลงบนปากของผมเบาๆ โดยไม่ได้
มีการรุกล้ำใดๆทั้งสิ้นแต่มันก็กลับทำให้ผมรู้สึกวาบหวามในอกได้ไม่น้อย

“อื้มมม ปะ..ป๊อนซ์ พอก่อนน” ผมพยายามเอามือดันอกป๊อนซ์ให้ห่างออกไปเพราะตอนนี้มือมันเริ่มจะอยู่ไม่สุขแล้ว

“ก็ได้” ป๊อนซ์ผละออกอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ผมพร้อมกับเอามือลูบหัวผมอย่างทะนุถนอม

“ทำไมวันนี้พูดง่ายจัง”

“ไม่ดีรึไง”

“ก็ดีแล้ววว” ผมพูดลากเสียงยาวก่อนจะผลักป๊อนซ์ออกให้พ้นทางแล้วรีบวิ่งไปใส่เสื้อผ้าทันที



~รัก คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป...~

“ดื้อออ โทรศัพท์” เสียงป๊อนซ์ตะโกนดังมาจากบนเตียง

“ได้ยินแล้ว” ผมตะโกนกลับไปก่อนจะผละสายตาจากจอคอมแล้วลุกขึ้นเดินไปที่เตียง

“ใครโทรมาอ่ะมึง” ผมถามขึ้นขณะที่กำลังเดินตรงไปหาป๊อนซ์

“ไม่รู้อ่ะ เดินมาดูเองดิ”

“โอ๊ยยย แม่งมึงจะจ้องคอมขนาดนั้นให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ เดี๋ยวก็สายตาเสียหรอก”

“บ่นจ๊างงงงง”

“เออกูจะบ่น แล้วอีกอย่างมึงลงมาอุ้มลูกมึงขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยดิ อยู่บนพื้นเดี๋ยวก็โดนเหยียบตายหรอก” ผมพูดพร้อมกับบุ้ย
ปากไปทางที่ไอ้โปมันซุกตัวอยู่

“จ้า ทำแล้วจ้า เมียหรือแม่เนี่ย”

“ป๊อนซ์!!”

“คร้าบบบ ลุกแล้วครับลุกแล้ว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปอุ้มโปไปโยนไว้บนเตียง

“เฮ้ออ ใครโทรมาวะเนี่ย” ผมพูดขึ้นลอยๆพร้อมกับยกไอโฟนขึ้นมาดู

-ม๊า-

เฮ้ยยยย นี่ผมไม่ได้โทรหาม๊ามากี่อาทิตย์แล้วเนี่ย ลืมไปเลยว่าต้องโทรหาม๊า

“ฮัลโหลครับม๊า” ผมกดรับก่อนจะพูดเริ่มบทสนทนาขึ้น

(ไม่โทรหาม๊ามากี่ปีแล้วล่ะเนี่ย)

“แหม ม๊าก็เกินไป แล้วนี่โทรมามีไรป่ะครับ”

(ทำไม ฉันจะโทรหาลูกฉันนี่ ต้องมีธุระด้วยเหรอ)

“เปล่านี่ อะไรของม๊าเนี่ย”

(ก็แค่จะโทรมาหา แล้วก็จะถามว่าทำไมไม่กลับบ้านบ้าง)

“ก็เดี๋ยวกลับตอนปิดเทอมไงม๊า”

(อืมม แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะ)

“อยู่บ้านป๊อนซ์”

(ทำไมไปอยู่บ้านป๊อนซ์บ่อยจังล่ะ) แม่ถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆที่ดูเหมือนจะเป็นการจับผิดบวกกับคาดคั้น

“เอ่อ ก็ โจสนิทกับมันไง” ผมตอบออกไปด้วยอาการสั่นๆ เพราะในตอนนี้แม่ของผมก็ยังไม่รู้เรื่องระหว่างผมกับป๊อนซ์เลยแม้แต่
น้อย

(อืมมม เออๆแล้วนั่นมีตังค์ใช้ดีรึเปล่า)

“มีครับ” ผมตอบกลับไปสั้นๆเพราะในหัวของผมกยังคงคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้อยู่

(อืมม งั้นก็แค่นี้ก่อนแล้วกัน อย่าลืมโทรหาม๊าบ้างนะ)

“ครับ”

(เออ แล้วก็อย่าเที่ยวไปรบกวนคนอื่นเค้ามากนะ )

“คะ..ครับ” แม่พูดทิ้งท้ายไว้ให้ผมคิดหนักก่อนจะวางสายไป

“เป็นอะไรรเปล่าโจ สีหน้ามึงดูไม่ค่อยดีเลย” ป๊อนซ์ถามขึ้นพร้อมกับดึงแขนผมให้นั่งลงบนเตียงข้างๆมัน

“เปล่า กูแค่รู้สึกว่าแม่กูพูดแปลกๆ”

“แปลกยังไง” ป๊อนซ์ถามหน้าเครียด ทำให้ผมต้องยกเลิกความตั้งใจที่จะปรึกษามันทิ้งไปในทันที

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะฝืนยิ้มออกไปมันดูปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แน่ใจนะดื้อ มีอะไรไม่สบายก็ขอให้บอกเข้าใจมั้ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับจับมือของผมเอาไว้แน่นราวกับจะเป็นการบ่งบอกว่าผมจะ
ไม่มีวันต้องเผชิญปัญหาอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน

“อืม” ผมตอบรับเบาๆก่อนจะโผตัวเข้ากอดแล้วซุกหน้าลงกับอกของป๊อนซ์

“หึๆ วันนี้ดูอ้อนๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ” ป๊อนซ์ยกมือขึ้นมาลูบหัวของผมเยาๆพร้อมกับกดให้ซุกเข้าไปที่อกยิ่งขึ้น

“บ้า!! ไม่ได้อ้อน”

“อ๋อจ้าๆ ไม่ได้อ้อนก็ไม่ได้อ้อน”

“นอนกันเหอะ ง่วงแล้วอ่ะ” ผมพูดก่อนจะดันตัวออกจากอ้อมแขนของป๊อนซ์พร้อมกับขยี้ตานิดๆ

“อือๆ แล้วไอ้โปอ่ะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับจับที่หูสองข้างของไอ้โปแล้วยกมาชูอยุ่ตรงหน้าของผม

“ป๊อนซ์!! ทำไมจับมันแบบนั้น เดี๋ยวก็หูขาดหรอก” ผมตะวาดป๊อนซ์ก่อนจะรีบดึงไอ้โปมาอุ้มไว้ทันที

“เอาน่า ไม่ขาดหรอก แล้วตกลงจะให้มันนอนไหนเนี่ย”

“ก็นอนกับเราสองคนบนเตียงนี่แหละ นอนตรงกลางเลย”

“ไม่เอาอ่ะ ถ้ามันนอนตรงกลางแล้วกูจะกอดมึงยังไงอ่ะ” อื้อหือ มึงพูดออกมานี่ไม่ได้กลัวกูเขินเลยใช่มั้ย

“ก็ ก็ ไม่รู้อ่ะ”

“เอางี้นะ มึงก็นอนกอดไอ้โปไว้” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับจัดท่านอนให้กับส่วนผมที่อยู่ในอาการเขินปนงงก็เลยตามน้ำปล่อยให้มันจัด
ไปได้โดยไม่มีขืน

“แล้วมึงก็นอนตะแคงแบบนี้” นั่นมีจับกูนอนตะแคงด้วย

“แล้วกูก็จะนอนกอดมึงจากด้านหลังแบบนี้ “ ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยกหัวผมขึ้นให้นอนหนุนแขนของมันส่วนแขนอีกข้างหนึ่งที่ยังว่าง
ก็วาดผ่านลำตัวมากอดผมเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัวมันก่อนจะกอดผมไว้แน่นพร้อมกับซุกหน้าลงที่ด้านหลังคอของผม

“เอ่อ ป๊อนซ์ กูจั๊กจี้อ่ะ” ผมพูดพร้อมกับหดคอหนีเล็กน้อยเมื่อลมหายใจร้อนๆของป๊อนซ์มากระทบลงที่ลำคอของผมเบาๆ

“อย่าดิ้นดิโจ เดี๋ยวของขึ้นแล้วกูไม่รับรองความปลอดภัยนะ”

กึ่กกก!!!!!!

หยุดการกระทำทุกอย่างลงในทันที แม่งขู่นะมึง แม่งคิดว่ากลัวเหรอสัด ต้องขอบอกว่ากลัวโคตร

และสรุปว่าทั้งคืนกว่าผมจะหลับลงก็ต้องใช้เวลานานมากกก  เพราะมัวแต่เกร็งไม่ขยับอยู่จนตัวจะเป็นตะคริวไปครึ่งนึงแล้ว



หลังจากที่ผมต้องนอนเกร็งตัวทั้งคืนจนเผลอหลับไปนอนไหนไม่รู้ ผมก็ต้องตื่นมาด้วยอาการตกใจแทบจะสลบเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเรียนอยู่แล้ว

“สาดป๊อนซ์!!!!!!!” ผมดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดของป๊อนซ์อย่างรุนแรง แต่แทนที่มันจะปล่อยผมมันกลับรัดผมแน่นเข้าไปอีก

“นิ่งๆดิโจ กูง่วง”ป๊อนซ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงง่วงๆปนรำคาญนิดๆ

“มึงไม่ไปเรียนรึไง ไอ้ควาย”

“ด่ากูเหรอโจ” ป๊อนซ์พูดเสียงแข็งๆพร้อมกับผลิกตัวขึ้นมาคร่อมตัวผมเอาไว้ทันที

“เอ่อ..คือ กู อุ๊บ!!” นั่นไง กูว่าแล้ววววว  แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมหรอก ผมต้องไปเรียนเพราะวันนี้มีวิชาโปรดของผม วิชากฎหมาย
นั่นเอง แต่ที่เหลือก็เป็นวิชาเบาๆอย่างสุขศึกษา แนะแนวไรเงี้ย

“โอ๊ย ดื้อมึงจะตีกูทำเหี้ยไร” ป๊อนซ์ปล่อยให้ปากของผมได้เป็นอิสระทันทีที่ผมตีไปที่ท้องมันหนึ่งทีแบบหนักๆ

“ก็มึงจะทำเหี้ยไรล่ะ!!”

“มึงก็น่าจะรู้นะดื้อ~” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับก้มลงมาจุ๊บที่ปากผมเบาๆหนึ่งที คืออยากจะบอกว่าผมยอมให้มันจูบเลยดีกว่านะ เพราะ
พอมันทำแบบนี้แล้วผมเขินมากกว่าอีกอ่ะ

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงวันนี้กูก็ต้องไปเรียน” ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาแน่วแน่ไปให้ป๊อนซ์

........

......

....

..

.

“อ๊ะ ป๊อนซ์ กูจุก บะ..เบาๆหน่อย”

“จุกแต่ก็ชอบใช่ป่ะ” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงล้อๆก่อนจะกระแทกลงมาแบบเน้นๆจนผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ก็ตามนั้นล่ะครับ ห้ามมันไม่ได้อีกตามเคย สาดดดดดด วิชากฎหมายของกู YY

~รัก คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป...~

ใครมันโทรมาตอนนี้วะแม่ง!!!!

“อ่ะ กูให้มึงรับสายก่อน” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหยุดการกระทำทั้งหมดก่อนจะหยิบไอโฟนแล้วยื่นมาให้ผม

“อื้อออ ไม่เอา ไม่รับ”ผมพูดพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างเอาใจ แม่งกูค้างอ่ะ

“รับซะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับพลิกให้ผมขึ้นไปนั่งอยู่บนมันทั้งๆที่เราสองคนยังเชื่อมติดกันด้วย เอ่อ เอ่อ ไอ้นั่นแหละอยู่เลย

“อื้อ ไม่เอาอ่ะ อื้ออ” ผมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้ เพราะเมื่อผมได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้มันทำให้ผมเสียวขึ้น
มากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลย

“อุ๊ย กดรับไปแล้วอ่ะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้าตอแหลอย่างหน้าหมั่นไส้

“สัด!!” ผมด่ามัน ก่อนจะแย่งไอโฟนขึ้นมาแนบไว้ที่หู

“ฮัลโหล” ผมรับสายด้วยเสียงสั่นๆเนื่องจากต้องกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้ด้วย

(ทำไรกันอยู่วะ) เสียงพีเจกรอกมาตามสายอย่างเป็นห่วง แต่ผิดเวลาไปหน่อยนะสาดด

“ยุ่งนิดหน่อย ละแล้วมึงโทรมาทำไมเนี่ย”

(กูจะโทรมาถามว่ามึงไม่มาเรียนกันรึไง)

“ไม่ไปแล้ว อื้ออ” สาดป๊อนซ์ จะลูบขากูทำหอกไรวะ

(แล้วนั่นมึงเป็นอะไรวะ)

“มะ ไม่ได้ อื้อออ เป็น อ่าส์” ผมฟุบตัวลงกับอกป๊อนซ์ทันทีที่มันเด้งสะโพกสวนขึ้นมา

(โจ ไอ้โจ) เสียงพีเจยังคงดังออกมาจากโทรศัพท์ในขณะที่สติของผมเหลือน้อยลงเต็มที

“หึ” เสียงป๊อนซ์หัวเราะในลำคอดังขึ้นก่อนที่มันจะพลิกเอาผมไว้ด้านล่างอีกครั้งแล้วแย่งไอโฟนไปแนบหูไว้เสียเอง

“ไงพีเจ” มันพูดพร้อมกับขยับแก่นกายของตัวเองเข้าออกไปด้วย

“อ๊ะ อ๊ะ อื้ออออ” ผมต้องรีบอาหมอนมาปิดปากกลบเสียงครางของตัวเองไว้ทันที

“มันไม่ได้ป็นอะไรนี่ ก็ดูมีความสุขดี”

“อ๊ะ ไอ้สัด!!!” ผมด่าพร้อมกับฟาดไปที่ไหล่มันแรงๆหนึ่งที

“ตีกูทำไมห๊ะ?” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับกระแทกเข้ามาอย่างแรงจนผมจุกไปทั่วทั้งท้องน้อย

“อื้อออ”ผมจุกจนน้ำตาไหลออกมาชื้นๆอยู่รอบๆดวงตา

“เออ ไม่มีไร”

“ไอ้โจเหรอ อยู่ล่างกู” สาดดดดด

“กูก็อยู่บนมันไง” สิ้นคำพูดของป๊อนซ์ผมก็ง้างมือเตรียมจะฟาดมันอีกครั้ง แต่มันก็ชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ทำให้ผมก็ได้แค่ส่ายหน้า
ไปมาอย่างเอาใจ

“อืม กูฝากจดด้วยแล้วกัน” เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะงอแง ป๊อนซ์จึงค่อยๆใส่นิ้วมาในปากของผมก่อนจะใช้นิ้วค่อยๆไล่ต้อนลิ้นของผม
อย่างมีชั้นเชิง

“อื้มมม” แล้วผมก็ต้องแพ้ทางนิ้วที่โคตรจะพลิ้วของมันอีกครั้ง

ผมค่อยๆดูดเม้มนิ้วมันกลับอย่างเงอะๆงะๆ

“อื้มมม เออๆ แค่นี้ก่อนนะพีเจ โจแม่งเริ่มยั่วแล้วว่ะ” พูดจบป๊อนซ์ก็ขว้างไอโฟนผมจนไปตกส่วนไหนของเตียงก็ไม่รู้ ก่อนจะหัน
มามองหน้าผมด้วยสายตาที่ร้อนแรงสุดๆ

“ยั่วเหรอจ๊ะ”

“อ๊ะ ป๊อนน อื้อออ” และกิจกรรมนี้ก็ดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน จนกว่าที่ไอ้ถึกนี่มันจะหมดพลังงานก็เกือบจะบ่ายสามแล้ว

หลังจากเสร็จกิจกรรมเข้าจังหวะไอ้ป๊อนซ์ก็อุ้มผมที่มีสติเหลือน้อยลงเต็มทีไปอาบน้ำล้างตัวก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนชุด
ใหม่ให้เรียบร้อย แล้วก็พาผมมานอนอีกครั้ง เฮ้อออ วันนี้นี่กูจะไม่ได้ลุกจากเตียงเลยใช่มั้ยเนี่ย




.............................................TBC.............................................................

อัพอีกตอนแล้วนะจ๊ะ  :katai3:

ห่างหายไป แล้วนานๆมาทีแบบนี้ เพราะช่วงนี้งานเยอะมากจริงๆ  :z10:

ช่วงนี้น้องโจกับน้องปอนซ์ดูวิ้งค์ๆขึ้นมากเลย  :katai1:

วันนี้ไปดูน้องไปป์กับน้องลิ้มแข่งวอลเล่ย์บอลมา บอกได้คำเดียวว่า แหล่มมาก!!!!

อ่านแล้วเม้นต์ & บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ  :hao5:

.....KATIEZZ......
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 18 Love J. : 23/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 23-05-2013 21:52:17
แฮ่ แค่คนเขีบยกลับมาก็ดีใจแทบตายละ
มาเจอแบบนี้  :m25: :z1:  ฟินนนนนนน
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 18 Love J. : 23/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-05-2013 00:48:07
แน่ะ แอบไปสักมาจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 18 Love J. : 23/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 24-05-2013 06:14:25
หะ หะ หะ หื่นอ่าาาา ทำไมป๊อนซ์มันหื่นแบบนี้
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 18 Love J. : 23/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 24-05-2013 14:11:25
สงสัยโจคงต้องอยู่บนเตียงทั้งวันเพราะป๊อนซ์มันหื่นเกิน 5555
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที 18 Love J. : 23/05/13
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 24-05-2013 18:04:26
ในที่สุดโจก็เสียเอกราช ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special basketball [Limp x Toptell] : 02/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 02-06-2013 00:51:39
Special Basketball



[Limp x Toptell]



[Toptell]




“พี่ลิ้ม เทลบอกแล้วไงว่าเทลไม่ได้คิดอะไรกับพี่เค้าเลยนะ” ผมพูดพล่ามออกมายาวเหยียดพร้อมๆกับวิ่งตามหลังคนตัวสูงด้านหน้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินลงง่ายๆ

“.....” พี่ลิ้มยังคงไม่ยอมพูดอะไรออกมาอยู่ดี แล้วไอ้ต้นเหตุนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยก็แค่พี่ลิ้มไปเปิดinboxของผมแล้วก็เจอ
อันที่ผมไปชวนพี่คนนึงคุยด้วยเค้าคุยพอดีเพราะว่าพี่เค้าเคยเก็บของของผมได้แล้วเอามาคืนก็แค่นั้นเอง

“พี่ละ..”

“ไอ้ลิ้ม!!!!!” เสียงเรียกของผมโดนกลบด้วยเสียงตะโกนของพี่ไปป์

“ไมวะ?”พี่ลิ้มหยุดเดินก่อนจะตอบกลับไปสั้นๆพร้อมกับเหลือบหางตามามองผมนิดๆ

“ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เราแข่งกันคู่แรกนะมึง” พี่ไปป์บอกกลับเสียงนิ่งๆตามสไตล์

“อืม ไปเหอะ” พี่ลิ้มรับคำแล้วเดินออกไปทันทีโดยไม่ได้หันมามองผมเลยแม้แต่น้อย  ส่วนพี่ไปป์ก็หันมามองผมนิดๆก่อนจะออก
เดินไปพร้อมๆกับพี่ลิ้ม

“พี่ลิ้ม” ผมเรียกพี่ลิ้มด้วยน้ำเสียงเครือๆเพราะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

“เฮ้ออ ค่อยกลับไปคุยกันตอนเย็น” พี่ลิ้มถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะหันมาพูดกับผม

“ครับ สู้ๆนะครับ”

“อืม แล้วไม่ต้องตามไปที่สนามบาสนะ” พี่ลิ้มรับคำสั้นๆพร้อมกับขู่ส่งท้ายก่อนจะเดินต่อไป

พี่ลิ้มไม่เคยให้ผมไปดูพี่ลิ้มเวลาแข่งเลยเพราะพี่แกเคยบอกว่าพี่แกจะไม่มีสามธิเพราะมัวแต่หันมามองว่ามีใครเข้ามายุ่มย่ามกับ
ผมรึเปล่า ///><///

ง่า ผมควรทำไงดีล่ะเนี่ย ปกติถ้าพี่แกโกรธก็จะโวยวาย หรือไม่ก็โมโหออกมาแบบสุดๆไปเลย ไม่ใช่มานั่งอมพะนำอยู่แบบนี้ 
โอ๊ยยยยย เครียดๆๆ แล้วผมก็เริ่มขยี้หัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

“ขอโทษนะคะ น้องท็อปเทล” เสียงสะกิดบวกกับเสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมต้องหยุดการกระทำที่ดูคล้ายคนบ้าของตัวเอง
ก่อนจะหันไปมองด้านหลัง

“ครับ?”

“ช่วยเป็นหลีดให้สีเราหน่อยได้มั้ยคะ?”

“เอ่อ..คือ..ผม..” เอาไงดีละทีนี้ ขืนตอบตกลงเลยโดยที่ไม่ถามพี่ลิ้มก่อน มีหวังได้ตายแน่

“เอางี้นะ พี่ให้เวลาน้องไปคิดก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะมาขอคำตอบพรุ่งนี้โอเคมั้ย?”

“ครับๆ” ผมรีบรับคำอย่างรวดเร็วเพราะอย่างน้อยๆมันก็ยืดเวลาการให้คำตอบของผมออกไปได้อีกหน่อย

พี่ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ผมก่อนจะเดินกลับไป  เฮ้อออ ทำอะไรต่อดีล่ะเนี่ย ว่างอ่ะ เบื่อๆๆๆ

“ท็อปเทล!!” เสียงตะโกนแปดหลอดจากเพื่อนรักของผมดังขึ้น

“อ้าวบิส มาก็ดีเลยเค้ากำลังหาคนอยู่เป็นเพื่อนเค้าพอดี” ผมพูดออกมาด้วยความดีใจเพราะอย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็ไม่ต้องเดินง่อย
อยู่คนเดียวแล้ว

“แล้วพี่ลิ้มอ่ะ?”

“แข่งบาส”

“งั้นเราไปดูพี่ลิ้มแข่งบาสกันดีกว่า”

“เค้าไปไม่ได้อ่ะ พี่ลิ้มสั่งห้ามเอาไว้น่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆเพราะอันที่จริงผมก็อยากไปดูพี่ลิ้มแข่งนะ อยากไปให้กำลังใจ
ติดขอบสนามเลยด้วยซ้ำ

“เอาน่า ไปดูนิดเดียวก็ยังดี ไปแบบไม่ให้พี่ลิ้มเห็นก็ได้”

“อ๊ะ..” ก่อนที่ผมจะได้เถียงอะไรออกมา บิสก็จัดการวิ่งลากผมมายังสนามบาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



“ยืนอยู่ตรงนี้ก็พอบิส อย่าเข้าไปใกล้กว่านี้เลย” ผมรั้งแขนบิสไว้เนื่องจากไม่อยากเข้าไปใกล่กว่านี้เพราะอาจจะทำให้พี่ลิ้มเห็นได้

“เอาน่าอีกนิดนึงแล้วกัน ไปยืนตรงหลังต้นไม้นั้นก็ได้”บิสพูดพร้อมกับชี้มือไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ติดขอบสนาม

“จะดีเหรอ”

“ดีสิ” แล้วบิสก็ไม่ฟังคำของผมอีกเช่นเคย เฮ้ออออ



[Limp]



“ลิ้มๆ”เสียงเรียกของเพื่อนร่วมทีมดังขึ้น

“อื้ม” ผมพยักหน้ารับอย่างรู้กันก่อนจะส่งลูกไปให้เพื่อนคนนั้นแล้วลูกก็ถูกชู้ตลงห่วงไปอย่างสวยงาม

“สาดดลิ้ม เก่งไปมั้ยมึง”ไอ้ไปป์ที่จากปกติจะเล่นเป็นทีมเดียวกันแต่วันนี้ต้องมากลายเป็นคู่แข่ง เดินเข้ามาหาพร้อมกับพูดแขวะ
ผมแบบขำๆ

“อย่ามา มึงก็เล่นแรงกับกูใช้ย่อยนะสาดดด” ผมพูดกลับพร้อมกับหัวเราะนิดๆ

หลังจากหยอกกันเสร็จผมกับไอ้ไปป์ก็กลับไปเล่นตามหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ แล้วสกอร์ก็จบที่สีของผมชนะสี
ของไอ้ไปป์แค่สองคะแนนเท่านั้น

“เหนื่อยวะสัด” ผมพูดกับไอ้ไปป์ก่อนจะต้องชะงักทันทีเมื่อสายตาไปปะทะกับร่างบางๆที่พยายามจะหลบอยู่หลังต้นไม้ข้างสนาม

“ไปป์ เดี๋ยวกูมานะ” ผมหันไปบอกไปป์ก่อนจะเดินตรงไปยังต้นไม้นั้นทันที

“เฮ้ยๆ เอาไงดีอ่ะเทล พี่ลิ้มเดินมาทางนี้แล้วอ่ะ” เสียงของบิสเพื่อนสนิทของเทลดังขึ้น ไม่ต้องเอาไงแล้วล่ะ อยู่รอรับกรรมได้เลย

“เอ่อๆ อะ เดี๋ยวดิบิส บิสกิท!” บิสวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งลูกแมวน้อยไว้ตัวนึง เอาล่ะลิ้ม มึงจะทำโทษลูกแมวตัวนี้ยังไงดีน้า

“มาที่นี่ทำไม?” เข้มใส่ไปก่อนแล้วกัน

“เอ่อ คือ... คือ เทล..เทล..” ท็อปเทลอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดออกมา ผมล่ะชอบตอนเทลเป็นแบบนี้ที่สุดเลยมันดูน่ารักไปอีกแบบ(มึง
มันโรคจิต)

“ว่าไง?” กดดันเข้าไปครับ ฮ่าๆๆๆ มีความสุขอ่ะ

“บิสพาเทลมา” ร่างบางเอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับกลัวจะโดนดุ แถมยังก้มหน้างุดๆไม่ยอมเงยขึ้นมาอีกต่างหาก

“แล้วก็ตามเค้ามาว่างั้น”

“ก็เทลไม่รู้จะไปไหนอ่ะ”

“ทำไมไม่กลับไปอยู่ที่หอ” ผมยังคงระดมรัวคำถามใส่ไม่หยุด

“ไม่อยากอยู่คนเดียว” เทลตอบเสียงเบาลงกว่าเดิมเยอะมาก พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มปรากฏสีแดงจางๆบริเวณแก้มลามจนมาถึงหู

ผมยกยิ้มมุมปากนิดๆก่อนจะทำเป็นเข้มตามเดิมเมื่อท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมามอง

“พี่แข่งเสร็จก็กลับไปอยู่แล้ว”

“ก็ไม่รู้ว่าจะแข่งนานรึเปล่า”

“เฮ้ออออ นี่ไงแข่งเสร็จแล้ว เทลกลับไปนั่งรอที่หอนะ เดี๋ยวพี่เก็บของเสร็จแล้วจะตามไป” ผมพูดออกมายาวเหยียดก่อนหันหลัง
เดินออกไปแต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อมีมือมาดึงๆอยู่ตรงปลายเสื้อบาส

“ทำไมอีกอ่ะ?” ผมหันกลับไปถามเสียงห้วนๆ เดี๋ยวก็อารมณ์เสียจริงๆซะหรอก

“เทลยืนรอกลับพร้อมพี่ลิ้มได้มั้ย?” หึ เทลพูดเบาๆพร้อมกับยังคงกำปลายเสื้อผมเอาไว้แน่น

“อืม ก็ได้ ยืนรอตรงนี้นะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวเทลเบาๆเทลจึงยอมปล่อยมือจากเสื้อผมทำให้ผมได้เดินลงไปเก็บของ
ในสนามบาสอีกครั้ง

“ไงครับ พี่ลิ้มเคลียร์กันนานเชียวว”เสียงกวนตีนๆของไอ้ป๊อนซ์ดังขึ้น

“นิดนึง แล้วเมียมึงอยู่ไหนอ่ะ”

“ไอ้โจอ่ะเหรอ?”

“เออดิวะ หรือว่าแม่งมีหลายคน เดี๋ยวกูฟ้องไอ้โจได้เคลียร์กันยาว”

“บ้า มีคนเดียว กูรักมันจะตายอยู่แล้ว จะไปมีคนอื่นทำไม” ไอ้ป๊อนซ์ตอบพร้อมกับทำหน้าเพ้อฝันนิดๆ

“เออ แล้วตกลงมันไปไหนอ่ะ”

“นอนอยู่บนหอ แม่งช่วงนี้มันชอบทิ้งให้กูมาเดินคนเดียวตลอดอ่ะ” ได้ทีบ่นใหญ่เลยมึง

“เออๆ ช่างมึง แล้วนี่แข่งคู่ไหน”

“เนี่ย คู่ต่อไปเลย” ไอ้ป๊อนซ์พูดก่อนจะนั่งลงใส่ถุงเท้าที่พื้นสนาม

“เออ สู้ๆนะมึง กูคงไม่ได้อยู่เชียร์ว่ะ” ผมพูดพร้อมกับตบไหล่มันเบาๆ

“ไม่เป็นไรๆ ไอ้ไปป์ยังอยู่มันเป็นกรรมการให้คู่กู”

“อ๋อ อืมๆดีแล้ว กูไปก่อนนะ”

“อืมๆ” ป๊อนซ์รับคำก่อนจะก้มหน้าลงไปจัดการกับรองเทาของตัวเองต่อ

“อ๊ากกก  ออกไปนะ ออกไป!!!” เสียงร้องของเทลดังลั่น จนผมแทบจะเหาะไปหา

“ท็อปเทล!!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อเทลดังลั่นก่อนจะวิ่งไปทางต้นเสียงนั้น

“ฮือออ พี่ลิ้ม พี่ลิ้ม!!!!!” เทลตะโกนเรียกผมดังลั่นทั้งน้ำตา  ผมเหลือบมองไปข้างๆตัวเทลก็พบเข้ากับตัวปัญหา

หมา ใช่แล้วครับ หมาพันธุ์ไทยตัวเล็กมากๆกำลังยืนเห่าท็อปเทลอยู่ ==’

“เทล จะร้องทำไมมันไม่ได้ทำอะไรเราสักหน่อย” ผมตะโกนจากขั้นล่างสุดของบันไดที่อยู่ในสนามบาส

“ฮือออ พี่ลิ้ม รู้ได้ไงอ่ะว่ามันไม่กัด มันกำลังเห่าเทลอยู่นะ” เทลดูเหมือนจะสติหลุดไปแล้วล่ะครับ เอาแต่โวยวายร้องห่มร้องไห้
อย่างเดียวเลย

โฮ่ง ๆ โฮ่ง!!!

โอ๊ยยย ไอ้หมานี่ก็ไม่ยอมหยุดเห่าสักที ดูเหมือนมันจะชอบใจที่เห็นเทลกลัวนะเนี่ย(มึงไปเข้าใจอารมณ์หมาได้ไง?)

“อ๊ากกก ไม่เอา อย่าเข้ามาๆ” เทลตะโกนพร้อมกับเดินถอยหลังมาเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเท้าของตัวเองกำลังจะพลาด
ลงมาจากบันไดขั้นแรก

“เฮ้ย ท็อปเทล!!!” ผมทิ้งกระเป๋าเป้ของตัวเองลงก่อนจะรีบวิ่งไปหาท็อปเทลทันที

“อ๊ะ!!!” ท็อปเทลหลุดเสียงอุทานออกมาทันทีเมื่อรับรู้ได้ว่าใต้เท้าที่ก้าวถอยหลังมาเหยียบนั้นมีเพียงอากาศที่รองรับอยู่

ปึ่ก!!! กึ่ก!!!

เสียงร่างกระทบพื้นตามมาด้วยเสียงที่เหมือนกับอะไรสักอย่างที่แข็งแรงมากๆแล้วได้รับการกระทบกระเทือนถึงขั้นแตกหรือไม่ก็
หัก

“โอ๊ย!!” ผมร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกาะกุมอยู่ทั่วบริเวณข้อเท้า

“อ๊ะ พี่ลิ้มเป็นอะไรอ่ะ” ท็อปเทลรีบคลานลงจากอ้อมกอดของผมทันทีก่อนจะก้มลงไปเอามือจับๆแถวๆข้อเท้าของผม

“โอ๊ยย อย่าจับ เดี๋ยวมันจะยิ่งไปกันใหญ่” ผมร้องห้ามเตือนเมื่อเทลทำท่าจะจับตรงบริเวณข้อเท้าของผม

“ฮึกก แล้ว เทลต้องทำไงอ่ะ ฮือออ” เอาล่ะ ร้องอีกจนได้สินะ เฮ้ออออ

“ไม่ต้องร้องๆ” ผมยันตัวขึ้นนั่งก่อนจะดึงตัวเทลเข้ามากอดปลอบ กลายเป็นผมต้องเป็นคนปลอบอีกแล้วเนี่ย

“ไอ้ลิ้ม เกิดไรขึ้นวะ” พีเจที่ไม่ได้ลงแข่งอยู่ในสนามอย่างคนอื่นๆวิ่งเข้ามาถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“น่าจะข้อเท้าร้าว ไม่ก็หักอ่ะ” ผมตอบพีเจกลับไป โดยลืมนึกไปว่ามีอีกคนอยู่ด้วย

“ฮือออ เทลทำพี่ลิ้มเจ็บอีกแล้ว ฮึก ความผิดของเทลเอง ฮือออ” ท็อปเทลเริ่มสะอึกสะอื้นออกมาอีกครั้ง ผมก็ทำได้แค่ส่ายหน้า
เบาๆพร้อมกับลูบหัวท็อปเทลไปด้วย

“ไอ้ลิ้มมันไม่เป็นไรมากหรอกท็อปเทล เดี๋ยวพี่ไปตามคนมาช่วยพยุงไอ้ลิ้มก่อนนะ” พีเจก้มลงพูดกับเทลก่อนจะหันมาพยักหน้า
กับผมเป็นเชิงว่ารอไหวนะ ผมก็พยักหน้ากลับไปมันจึงรีบเดินไปทางที่ไอ้นายกับไอ้ภูมินั่งอยู่

“เทล”

“ครับ”

“เทลช่วยไปเอากระเป๋าพี่ที่อยู่ตรงนั้นให้หน่อยได้มั้ย” ผมพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่ผมสลัดกระเป๋าทิ้งเมื่อกี๊

“ได้ครับ” เทลรีบรับคำก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบกระเป่ามาทันที

“เดี๋ยวเทลถือให้นะ” เทลพูดด้วยน้ำเสียงเครือๆเนื่องจากยังคงร้องไห้อยู่แต่มือก็พยายามจะปาดน้ำตาออกอยู่เรื่อยๆ

“อืมม” ผมตอบกลับสั้นๆเพราะเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว

“อ้าวว ลิ้มมม ทำไมลงไปนอนอยู่ตรงนั้นล่ะ ลุกขึ้นมาเร็ว” ไอ้ภูมิเดินพูดกวนตีนมาแต่ไกล

“ร้อนนะมึงลุกๆ ง่วงก็ไม่บอก จะได้พาไปนอน ฮ่าๆๆ” เอ่อ พวกมึงช่วยสนใจอาการของกูนิดนึงก็ยังดีนะ

“พวกมึงก็อย่ามัวแต่เล่นอยู่ดิ ไปช่วยพยุงมันก่อน” พีเจที่ดูจะเข้าท่าสุดก็เริ่มพูดดุพวกมันนิดๆ

“เออๆ” ไอ้ภูมิกับไอ้นายเบะปากเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นยืน และพาเดินไปยังห้องพยาบาลเพื่อดูอาการ



“อาจารย์ใส่เฝือกให้แล้วนะจ๊ะ” อาจารย์ประจำห้องพยาบาลพูดด้วยน้ำเสียงใจดี แต่ตอนใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่มแล้วเพราะพรุ่งนี้
ผมยังคงต้องแข่งบาสอีก

“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับอาจารย์”

“จ๊ะ เอาน่าเพื่อความมั่นใจ” อาจารย์พูดพร้อมกับตบไหล่ผมนิดๆก่อนจะเดินออกไป

“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียดก่อนจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

“เอ่อ พี่ลิ้มหลับรึยังครับ” เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นที่ข้างหูของผม

“ยังอ่ะ มีอะไรรึเปล่า” ผมพูดถามออกไปทั้งๆที่ยังไม่ได้เปิดตาด้วยซ้ำ

“เทลขอโทษนะ” ท็อปเทลพูดด้วยน้ำเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

“ไม่ต้องขอโทษแล้ว มานั่งนี่มา” ผมพูดออกมาอย่างเหนื่อยๆก่อนจะกวักมือเรียกให้ท็อปเทลมานั่งลงบนเตียงข้างๆผม

“แต่เทลทำพี่ลิ้มเจ็บ”เทลยังคงพูดโทษตัวเองต่อไป นี่คือกูพูกอะไรมึงไม่ได้ฟังเลยใช่มั้ยเนี่ย

“เทลไม่ได้ทำซะหน่อย พี่ทำตัวพี่เองต่างหาก”

“แต่ต้นเหตุก็ยังมาจากเทลอยู่ดีอ่ะ”

“พี่เต็มใจจะทำ”

“ขอบคุณนะครับที่ทำเพื่อเทล”เทลพูดก่อนจะก้มหัวลงมาซบลงที่ไหล่ของผม

“ใครบอกว่าพี่ทำเพื่อเทล” เทลชะงักนิดนึงก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

“เอ่อ คือผมคงจะ ฮึก คิดไปเอง” เอาล่ะ เริ่มร้องอีกแล้ว

“อืมม แล้วรู้มั้ยว่าพี่ทำเพื่อใคร” ผมยังคงถามเทลต่อไป

“...” เทลไม่ตอบแต่ทำท่าลุกขึ้นแล้วเดินออกไปแทน แต่มีรึผมจะปล่อยให้ไปง่ายๆ

“พี่ทำเพื่อคนที่พี่รัก” เทลหยุดขืนตัวก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมด้วยแววตาที่สับสน

“เอ่อ..” หน้าท็อปเทลขึ้นสีนิดๆก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มเม้มปากแน่นพร้อมกับกำมือตัวเองไปด้วย

“แล้วเทลใช่คนนั้นรึเปล่าล่ะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“พี่ลิ้มอ่ะ” เทลเดินมากระแทกนั่งบนเตียงอย่างแรงก่อนจะรัวมือตีเข้าที่แขนผมไม่หยุด

“โอ๊ยยย พอแล้วครับๆ พี่เจ็บแล้วครับ” ผมพูดพร้อมกับยกมือขึ้นแบข้างลำตัวเป็นเชิงว่ายอมแล้วๆ

“ฮึก อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ อย่าพูดอีก” แรงตีของเทลเริ่มจะน้อยลงจนกลายเป็นหยุดตีไปเลย

“พี่ขอโทษครับ”

“อย่าพูดเหมือนเทลไม่สำคัญ ฮึก อย่าพูดเหมือนกับเทลไม่มีความหมายกับพี่แบบนั้นอีก” เทลพูดพร้อมกับก้มหน้าลงร้องไห้ ส่วน
มืออีกสองข้างก็กำแขนเสื้อผมจนยับยู่ยี่

“ครับๆ อย่าโกรธพี่เลยนะ”

“อืมม” เทลรับคำในลำคอพร้อมกับล้มตัวลงนอนแล้วซุกหน้าเข้ากับอกของผม

“ท็อปเทลอย่าหลับนะ เดี๋ยวต้องกลับหอ” ผมพูดเตือนสติเทลนิดๆ

“อื้มมมมม” เทลตอบรับเสียงยาวก่อนจะดึงมือผมให้ไปกอดอยู่ที่เอวคอดของตัวเอง

“ทำไมวันนี้อ้อนจัง จะเอาอะไรรึเปล่าเนี่ย” ผมถามพร้อมกับลูบผมของท็อปเทลเล่นอย่างเบามือ

“คือ มีพี่เค้ามาขอให้เทลเป็นหลีดอ่ะ”

“...” ผมชะงักมือที่ลูบผมของเทลลง

“เทลไม่เป็นก็ได้นะ เทลไม่อยากเป็นอยู่แล้ว เทลแค่มาถามพี่ลิ้มเฉยๆ” ท็อปเทลละล่ำละลักพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

“หึ พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนี่” ผมพูดพร้อมกับก้มลงไปจูบลงบนผมนิ่มๆนั้นก่อนจะลูบผมเทลต่อด้วยความรักใคร่

“อ้าวว แล้วตกลงเอาไงอ่ะ” ท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมามองผมทำให้ปากผมประทับลงบนหน้าผากมนนั้นพอดี

“อ๊ะ!” เทลรีบก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

“เป็นไปเถอะ ถือว่าเป็นการช่วยพี่เค้าแล้วก็ช่วยสีเราด้วย”

“พี่ลิ้มให้เทลเป็นเหรอ”

“อืมมมม” ผมตอบก่อนจะก้มลงจูบลงบนผมของเทลอีกครั้งนึง

“อื้อออ พี่ลิ้มเนี่ยเป็นคนดีจังเลยนะ หน้าตาก็ดี แถมยังใจดีอีก” เทลเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่ให้กับผม

“ดีแล้วรักป่ะละ?”ผมถามพร้อมกับรั้งเอวบางให้เข้ามาชิดตัวผมมากกว่าเดิมพร้อมกับขยับตัวเทลให้อยู่ในระดับที่ใบหน้าเราตรงกัน
พอดี

“เอ่อ ไม่รู้อ่ะ” เทลพูดพร้อมกับทำสีหน้าเลิ่กลั่ก

“อ้าวได้ไงอ่ะ” ผมพูดเสียงติดงอนนิดๆ

“คือไม่ใช่แบบนั้นนะ คือเทล..เทล...”

“เทล...ทำไมเหรอ?” ผมยังคงเค้นถามต่อไป

จุ๊บ!!

เทลขยับตัวขึ้นมานิดนึงก่อนจะประทับริมฝีปากบางนั้นลงบนปากของผมอย่างรวดเร็ว

“เข้าใจรึยังอ่ะ” ทำเสร็จเทลก็มุดหัวลงกับเสื้อของผมตามเดิม

“คร้าบบบ เข้าใจแล้วครับ แต่พี่ว่าตอนนี้เรากลับหอกันดีกว่านะ”

“อ่าครับๆ” เทลรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับไปหยิบไม้ค้ำพยุงมาให้ผม

“ขอบใจนะ” ผมค่อยๆเลื่อนขาตัวเองลงมาให้ห้อยอยู่ที่ข้างเตียง

“อ๊ะ แป๊ปนึงนะพี่ลิ้ม” ท็อปเทลพูดก่อนจะค้นกระเป๋าของตัวเองแล้วหยิบปากกาเคมีออกมา

“ทำอะไรอ่ะเทล” ผมถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเทลนั่งลงกับพื้น

“เทลอยากเขียนอ่ะ” ท็อปเทลเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะลงมือเขียนลงบนเฝือกอย่างตั้งใจ

“อ่ะ เสร็จแล้ว กลับหอกันเหอะ” พอเขียนเสร็จเจ้าตัวดีก็ลุกขึ้นยืนยิ้มหน้าแป้นแล้นสะพายกระเป๋าของผมและของตัวเองไว้

“เขียนว่าอะไรล่ะเนี่ย?” ผมถามพร้อมกับจะก้มลงมอง

“อ่ะ ไม่ได้ๆ อย่าดูนะ” เทลรีบร้องห้ามพร้อมกับรีบเข้ามาพยุงผมให้เดินออกมาข้างนอก

“โอ๊ยยย กูนึกว่าจะอยู่กินกันในนั้นแล้ว สาดดด” ไอ้ภูมิบ่นกระปอดกระแปดเมื่อเห็นผมเดินออกมาจากห้อง

“กุนึกว่าพวกมึงกลับกันแล้ว”

“ก็รอมึงอยู่เนี่ย” ไอ้พีเจพูดตอบยิ้มๆ

“เอ๊ะนั่นอะไรอ่ะ ที่เฝือกมึงอ่ะ” ไอ้นายถามก่อนจะก้มลงอ่าน

“อ๊ะ พี่นายอย่าอ่านนะ” ท็อปเทลรีบห้ามเสียงแข้ง แต่มีรึคนอย่างไอ้นายจะไปฟัง

“อะไรเนี่ย ‘พี่ลิ้มของเทลน่ารักฝุดๆ’ ว๊ายๆๆๆๆๆ” ผมยิ้มกับคำพูดของไอ้นายก่อนจะหันมามองคนข้างกายที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเขิน
จัดจนทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว

“หึๆ” ผมหัวเราะนิดๆ

“อย่าหัวเราะนะ” เทลออกอาการเหวี่ยงเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง

“เอาหูมานี่ดิ”

“ห๊ะ” เทลทำตามที่ผมบอกทันที

“เทลของพี่ก็น่ารักเหมือนกันครับ” ผมกระซิบให้หูของคนตัวเล็กก่อนที่คนได้ยินจะหน้าแดงเดินเขินม้วนนำหน้าผมออกไป

เฮ้ออออ อย่าน่ารักไปมากกว่านี้เลยท็อปเทล   เพราะแค่นี้พี่ลิ้มก็รักจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วสิ ^^


...........................End of Special Part..............................................

มาอัพสเปเชียลให้ก่อนะคะ  เดี๋ยวตอนหลักจะตามมาทีหลัง  :z2:

ช่วงนี้ที่โรงเรียนของคนแต่งอยู่ในช่วงกีฬาสีพอดี แล้วน้องๆก็ลงเล่นบาสด้วยเลยเอามาเสิร์ฟกันให้เข้ากับสถานการณ์  :hao3:

แล้วอีกอย่างตอนนี้น้องลิ้มของเราก็เท้าเจ็บอยู่จริงๆนะคะ ช่วยส่งกำลังใจให้น้องหายไวๆกันด้วยเน้อ  :3123:

น้องท็อปเทลน้องภูมิน้องแล้วก็น้องพีเจของเราก็เป็นหลีดด้วย  :z2:

ส่วนคนอื่นๆ(ในเรื่อง) ก็เล่นกีฬาเดินพาเหรดกันไปตามเรื่องตามราว  :katai5:

โมเม้นต์แถม!!!!!

คนแต่งไปสืบสาวประวัติน้องโจกับน้องป๊อนซ์มาอีกครั้งได้ความว่า สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อยู่ด้วยกันบ่อยๆ แล้วก็ไปมาหาสู่บ้านกันเป็นเรื่องปกติ

cr.สักคนในโรงเรียน

จะพยายามเร่งตอนหลักให้เสร็จเร็วๆนี้นะ  :katai4:

อย่าลืมเม้นต์ & บวกเป็ดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าาาาา  :ruready

กราบขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่าาาา  :call:

.................KATIEZZ.....................
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] Special basketball [Limp x Toptell] : 02/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 02-06-2013 01:53:47
ThankS
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 19 เผชิญหน้า : 16/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 16-06-2013 23:43:36
ตอนที่ 19




[Pontz x Joe]




[Joe]






“บีหนึ่ง มึงคิดเหมือนกูรึเปล่า” มาอีกแล้วเสียงแบบนี้ แต่ก็นะผมชักจะชินกะมันแล้วล่ะ

“เรื่องนั้นรึเปล่าอ่ะบีสอง” มึงก็เล่นกะไอ้ภูมิมันสินะ ไอ้นาย

“เรื่องไหนอ่ะบีหนึ่ง อึ๊ยๆๆๆๆ”

“เรื่องนั้นแหละ”

“ก็เรื่องไหนล่ะ”

“จะให้พูดตรงๆมันก็เขินๆ”

“พอเลยสัด!!!!” ผมตะคอกลั่น ตัดบทรับบทส่งของไอ้ภูมิกับไอ้นายซะก่อน

“เสียงดังทำไมดื้อ เดี๋ยวก็เจ็บคออีกหรอก”ป๊อนซ์พูดดุผมเบาๆพร้อมกับดึงแขนผมนั่งลงกับม้าหินอ่อนตามเดิม

“ยุ่ง!!!” ผมหันไปขู่ป๊อนซ์พร้อมกับถลึงตาใส่

“ก็ต้องยุ่งสิ อย่ามาทำเก่งตอนนี้โจ มึงไม่สบายอยู่นะ!” ป๊อนซ์ตะคอกผมกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่

“เออๆๆ เอาเหอะๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยมึง”พีเจพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่ไอ้ป๊อนซ์เบาๆเพื่อเป็นการห้ามทัพ

“หึๆ เป็นไงเมื่อเช้าเรียนรู้เรื่องป่ะโจ”จู่ๆไปป์ก็ถามผมขึ้นมาดื้อๆ แม่งซะดูออกเลยนะว่ามึงอยากเปลี่ยนเรื่องคุยอ่ะ

“ก็มีงงๆบ้างอ่ะ” ผมพูดออกไปตามความจริง ก็นะอาจารย์เข้าห้องมาก็ท่องๆๆๆๆ อะไรก็ไม่รู้ ผมละอยากจะถามจริงๆเลยว่าแกสอน
เด็กหรือสอนกระดานอยู่กันแน่

“วิชาอะไรอ่ะดื้อ เดี๋ยวตอนเย็นกูสอนให้อีกที” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือผมไปลูบเล่นบนตักมันเบาๆ

“ว๊ายๆๆๆๆๆ อิจฉาคนมี ‘ผัว’ เก่งอ่ะเนอะนายเนอะ” เอาอีกแล้ว แม่งอยากเอาสันแคมเบลฟาดหน้าแม่งจริงๆเลย

“ช่ายยย มีติวกันด้วยอ่ะ แต่ว่าติวกันดีๆแล้วกันนะเดี๋ยวจะไม่ได้มาเรียนเหมือนเมื่อวานอีก ฮ่าๆๆๆ” เออ เอาเข้าไป

“อิจฉา ก็หาเอาสักคนดิไอ้ภูมิ ไอ้นาย” มาให้กูจูบกระหม่อมทีลิ้ม แม่งขนาดเพิ่งเดินมายังช่วยกูได้เยอะเลย

“ไม่เอาดีกว่าอ่ะ เพราะทุกวันนี้กูก็ขี้คล่องดีอยู่แล้ว กูไม่ต้องการตัวช่วย ‘สวน’” สาดดดดด  เหี้ยภูมิ!!!

“ตายซะเถอะมึง!” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือข้ามไปบีบคอไอ้ภูมิทีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ยั้ง

“อ๊ากกก ช่วยกูด้วย ไอ้โจแม่งจะฆ่ากูแล้ววว” ไอ้ภูมิได้แต่ดิ้นพร้อมกับโอดครวญออกมาอย่างหนัก โดยที่เพื่อนๆทุกคนในโต๊ะต่าง
นั่งมองพร้อมกับขำกันเบาๆ ไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยมันสักคน

~รักคือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอนเดียวจากนี้ไป~

ใครแม่งโทรมาตอนนี้วะ

“ป๊อนซ์ ดูให้หน่อยดิว่าใครโทรมา” ผมหันไปสั่งป๊อนซ์โดยที่มือก็ยังไม่ได้ปล่อยจากคอไอ้ภูมิ

“อืมๆ เอ่อ แม่มึงโทรมาอ่ะดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นไอโฟนมาให้ผม

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ผมขู่ไอ้ภูมิก่อนจะปล่อยมือจากคอมันแล้วรับไอโฟนที่ยังคงแผดเสียงร้องลั่นอยู่จากมือไอ้ป๊อนซ์

“ฮัลโหลม๊า”

(ไง ไม่โทรหาม๊าอีกแล้วนะ) แม่พูดด้วยเสียงดุนิดๆ

“อ๋อ เมื่อวานโจไม่สบายอ่ะ เลยไม่ได้โทร”

(อ้าว แล้วเป็นอะไรล่ะ) เวรแล้วว ไม่น่าบอกเลย

“ไข้หวัดธรรมดานี่แหละม๊า”

(อืมๆ แล้วได้ไปหาหมอรึเปล่า)

“ไม่อ่ะ โจนอนอยู่บ้านป๊อนซ์ทั้งวันเลย” ผมพูดบอกไปตามความจริง

(หึ ป๊อนซ์อีกแล้วเหรอ)

“อะ..เอ่ออ..”

(อ้ำอึ้งอะไรล่ะโจ หรือว่ามีอะไรปิดบังม๊าอยู่)แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเหมือนกับครั้งที่แล้วที่โทรมา แต่ครั้งนี้มันดูเจาะจงและชัดเจนกว่าครั้งที่แล้วมาก

“เอ่อ..คือ..”ผมรู้สึกหูอื้อไปหมด พูดอะไรก็ไม่ออก ผมว่าแม่ต้องรู้เรื่องระหว่างผมกับป๊อนซ์แล้วแน่ๆเลย

“ดื้อ เป็นอะไรรึเปล่าทำไมหน้าซีดๆ มือสั่นๆแบบนั้นล่ะ” ป๊อนซ์เข้ามาจับมือที่กำลังสั่นของผมไปกุมไว้ก่อนจะบีบเบาๆเหมือน
เป็นการให้กำลังใจ

“คะ..คือ..” ในระหว่างที่ผมกำลังอ้ำอึ้งอยู่นั้น ป๊อนซ์ก็ดึงไอโฟนไปจากมือผมก่อนจะเอาไปพูดแทน

“สวัสดีครับม๊า”ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ในขณะที่ผมก็พยายามจะแย่งไอโฟนคืน

“ป๊อนซ์เอาคืนมาเหอะ กูขอร้อง”ผมพูดขอด้วยน้ำเสียงสั่นๆเพราะตอนนี้มันมีหลายความรู้สึกที่กำลังตีรวนกันอยู่ทั้งกลัว ทั้งกังวล
ทั้งเป็นห่วง ผสมกันไปหมด

“อยู่นิ่งๆดื้อ”ป๊อนซ์เอามือจับไหล่ของผมก่อนจะกดให้นั่งลงแล้วมันก็เดินไปคุยใต้ต้นไม้ที่ห่างจากโต๊ะที่นั่งพอสมควร

“เอาน่ามึง ป๊อนซ์มันจัดการได้อยู่แล้ว” พีเจพูดพร้อมกับตบไหล่ผมสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ

“แต่กูกลัว” ผมพูดออกมาลอยๆอย่างไร้สติ

“เหอะน่า อย่ากลัวอะไรที่มันยังมาไม่ถึงดิวะโจ”ไอ้ลิ้มก็ช่วยพูดเพื่อให้ผมสบายใจขึ้นอีกคน

“อืมม”ผมรับคำไปแต่ในใจก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี

เฮ้อออ ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องของผมกับป๊อนซ์แล้วเขารับไม่ได้หรือเขารังเกียจขึ้นมา ผมไม่ต้องเลิกกับ
ป๊อนซ์เลยรึไง



“อ่ะดื้อ” ป๊อนซ์สะกิดที่ไหล่ผมเบาๆพร้อมกับยื่นไอโฟนคืนให้ผมหลังจากที่มันเอาไปคุยประมาณ 20 นาทีได้

“ป๊อนซ์ เป็นไงบ้าง”ผมจับมือป๊อนซ์ไว้ก่อนจะเขย่าเบาๆ

“ไปเรียนกันเหอะนะ ไปพวกมึงขึ้นไปเรียนได้แล้วจะถึงเวลาอยู่แล้ว”ป๊อนซ์บอกพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆก่อนจะหันไปบอกคนอื่นๆ
ในโต๊ะให้ลุกขึ้นไปเรียน

“ป๊อนซ์” ผมบีบมือป๊อนซ์แน่นขึ้นพร้อมกับเรียกชื่อของมันด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ไม่มีอะไรต้องห่วงนะดื้อ กูสัญญาว่ากูจะไม่มีทางปล่อยมึงไปแน่นอน”ป๊อนซ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผมแล้วดึงกระเป๋าของผมไป
ถือไว้ซะเองก่อนจะเดินนำหน้าผมขึ้นอาคารเรียนไปก่อน ทิ้งให้ผมยืนคิดไม่ตกกับคำพูดของมัน


“ฮ้า~ การเรียนนี่แม่งมันเหนื่อยจริงๆเว้ย” ไอ้ลิ้มโวยวาย ตั้งแต่อาจารย์ออกจากห้องจนตอนนี้อาจารย์กลับบ้านไปชงนมให้หลานแล้วมั้งเนี่ย มันก็ยังไม่เลิกบ่นสักที

“เออมึง กูว่าพวกเราช่วยกันลงขันแล้วไปซื้อที่ทำไร่ชากันดีกว่า” อะไรของมึงอีกละภูมิ

พวกผมที่เหลือจ้องไปที่ไอ้ภูมิพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“ทำไมวะมึง ทำไมต้องไร่ชาอ่ะ ทำไมไม่ทำไร่ผักกาด ไร่พริก ไร่มะเขือไรเงี้ย” ไปกันใหญ่แล้วไอ้นาย ไอ้เหี้ยนี่ดูจะฟุ้งซ่านกว่า
ไอ้ภูมิอีกป่ะเนี่ย

“ควายนายยย  มึงก็ดูคุณตันดิ แม่งรวยเอ๊ารวยเอา”

“เออว่ะ” เออเชิญมึงสองคนขึ้นดอยไปทำไร่ชากันตามสบายเลย พวกกูลาล่ะ

“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะของป๊อนซ์ดังขึ้นหลังจากที่มันนั่งเงียบมาตลอดบ่าย เฮ้ออ นี่ต้องขอบคุณไอ้ภูมิกับไอ้นายเลยนะเนี่ย เพราะ
ถ้าไม่ได้พวกมันสองคนคอยสร้างสีสัน สร้างความผ่อนคลายให้ป่านนี้ผมกับป๊อนซ์ก็คงจะยังนั่งเครียดกันอยู่แค่สองคนแน่ๆ

“แหม กว่าจะหัวเราะกว่าจะยิ้มออกมาได้นะมึง กูกับไอ้นายเกือบจะหมดมุขอยู่แล้วเนี่ย” ไอ้ภูมิหันมาพูดแบบขำๆกับป๊อนซ์

“อืมม ขอบใจพวกมึงมากนะเว้ย” ป๊อนซ์ตอบกลับพร้อมกับยิ้มนิดๆไปให้ทุกคนด้วยสีหน้าประมาณว่ากูยังโอเคอยู่

“ป๊อนซ์”

“ว่าไง?”

“อยากไปกินอาหารทะเลอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับกระตุกชายเสื้อป๊อนซ์ไปด้วย

“วันนี้เลยเหรอ?” ป๊อนซ์ถามออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าว่ากำลังคิดหนักอยู่ เฮ้อออ นี่ผมรบกวนป๊อนซ์มากไปรึเปล่า

“ไม่ไปแล้วดีกว่า” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ ที่ผมชวนมันไปกินอาหารทะเลก็เพราะว่าเวลาเรามีเรื่องอะไรไม่สบายใจกันเราก็จะ
ไปกินอาหารทะเลกันตลอด

“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ไปก็ไปดิ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือมาขยี้หัวผมเล่นเบาๆ

“เย่!!!!”

“หึๆ  แล้วพวกมึงจะไปด้วยมั้ย” ป๊อนซ์อมยิ้มนิดๆพร้อมกับมองผมที่กำลังยิ้มจนแก้มปริ ก่อนจะหันไปถามคนอื่นๆที่เหลือ

“ไม่อ่ะ เชิญพวกมึงไปสวีทกันสองคนเหอะ”ลิ้มพูดพร้อมกับทำสีหน้าล้อเลียนนิดๆ

“เออ งั้นพวกกูไปก่อนนะ ไปเหอะดื้อ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะจับมือผมแล้วจูงให้เดินไปทางที่รถจอดอยู่



“ป๊อนซ์” ผมพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบเชียบและอึมครึมบนรถตอนนี้

“มีอะไรอ่ะดื้อ ทำไมไม่หลับไปก่อน” ป๊อนซ์ถามออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มๆที่ฟังแล้วอดเขินไม่ได้

“หลับแล้วใครจะนั่งเป็นเพื่อนมึงอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับทำแก้มป่องไปด้วย

“เฮ้อออ มึงก็เป็นซะแบบเนี่ย จะให้กูเลิกรักมึงได้ไงวะ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะเอามือมาโอบคอผมเอาไว้แล้วดึงให้ไปซุกอยู่ที่ไหล่
ของมัน

“ป๊อนซ์ วันนี้มึงคุยอะไรกับแม่กูกันแน่” และแล้วผมก็ตัดสินใจถามคำถามที่ทำให้ผมนั่งคิดไม่ตกมาทั้งวัน

“เฮ้ออ ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอามือที่โอบคอผมอยู่มาลูบหัวผมเล่นแทน

“โกหก บอกกูเหอะนะป๊อนซ์ มึงอย่าแบกไว้คนเดียวได้มั้ย” ผมพูดพร้อมกับหลับตาลงแล้วซุกเข้าหาป๊อนซ์มากขึ้น

“เดี๋ยวนี้ทำไมชอบพูดอะไรเสี่ยวๆจังวะดื้อ”

“ไม่ได้เสี่ยวเหอะ”

“หึๆ ค้าบๆ ไม่เสี่ยวก็ไม่เสี่ยว” ป๊อนซ์พูดก่อนจะก้มลงหัวจูบบนหัวผมเบาๆ  แม่งขับรถมือเดียวนี่คงเสี่ยงตายไม่พอใช่มั้ยเนี่ย

“ปล่อยเลยๆ กูนอนแล้วก็ได้ ไม่งั้นแม่งมีหวังมึงได้ไปเสยเอารถใครสักคนแน่” ผมพูดก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนไอ้ป๊อนซ์แล้ว
เอนเบาะให้นอนลง

“อืมๆ เออเดี๋ยว”

“ทำไมอ่ะ” ผมชะงักตัวไว้ก่อนที่จะถึงเบาะ

“เอาเสื้อแจ็กเก็ตกูที่ตั้งอยู่ด้านหลังมาห่มซะด้วย มันหนาว”

“อืมๆ” ผมทำตามคำพูดป๊อนซ์อย่างว่าง่าย ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วเอาแจ็กเก็ตของมันขึ้นมาห่มตัวจนมิด

“หลับไปเลยนะดื้อ เดี๋ยวถึงแล้วกูปลุกนะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลูบหัวผมไปด้วย โดยที่ตาก็ยังไม่ผละมาจากถนนด้านหน้า

“อืมๆ” ผมรับคำป๊อนซ์เบาๆก่อนจะหลับไปเพราะสัมผัสเบาๆบนหัวของตัวเอง




“โจ”

“อื้มมมมม”

“โจโจ ตื่นได้แล้ว” เสียงปลุกยังคงดังอยู่อย่างไม่ลดละ

“ขออีกแป๊ปนึงนะ” ผมพูดเสียงยานๆเพราะตอนนี้ผมไม่พร้อมจะสนทนากับใครจริงๆ

“แป๊ปนึงอะไรล่ะ ถึงร้านแล้วนะ” ป๊อนซ์พูดเสียงนุ่มพร้อมกับพยายามจะยื้อแจ็กเก็ตออกจากอ้อมกอดของผม

“ป๊อนซ์อ่ะ” ผมลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสียโดยที่ยังไม่ลืมตาเลยด้วยซ้ำ

“อ่ะ เอาน้ำนี่ล้างหน้าก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเช็ดหน้ากับผ้ากู” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำมาให้

ผมพยักหน้ารับก่อนจะลืมตาแล้วเปิดประตูลงจากรถ

อ้า  สดชื่นจัง!

ผมมองไปยังหาดทรายตรงหน้าด้วยความรู้สึกผ่อนคลายก่อนจะค่อยๆเดินไปช้าๆ

“จะไปไหนอ่ะดื้อ”

“ป๊อนซ์ กูอยากเดินเล่นก่อนอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับหันไปส่งสายตาอ้อนๆให้ป๊อนซ์

“ไปกินกันก่อนดีกว่าดื้อ แล้วเดี๋ยวตอนกินเสร็จเร่าอยมาเดินย่อยกัน”

“ก็ได้” ผมทำแก้มป่องนิดๆก่อนจะ รีบล้างหน้าบ้วนปากแล้วเดินกลับไปที่รถ

“มานี่มา เดี๋ยวเช็ดหน้าให้” ผมรีบเดินไปทางต้นเสียงทันทีโดยที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ

“อ๊ะ ปล่อยเลยนะป๊อนซ์” ผมรีบดันมือป๊อนซ์ออกอย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะขาดอากาศหายใจไปซะก่อนเพราะตอนนี้ป๊อนซ์กำลัง
บีบจมูกผมอยู่

“ฮ่าๆๆๆ หมั่นเขี้ยวจริงๆเลย” ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะปล่อยมือออกจากจมูกผมอย่างว่าง่าย

“ชิ จมูกแดงแน่เลยอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอามือถูจมูกเบาๆ

“ไหนดูดิ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับจับมือผมออก

“นี่ไงๆ” ผมพูดพร้อมกับเอียงจมูกด้านที่คิดว่าแดงไปให้ป๊อนซ์ดู

ฟอด~

“ไอ้ป๊อนซ์!” ผมตะคอกพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษป๊อนซ์

“อื้มมม ชื่นใจจริงๆเลยนะเนี่ย”

“จำไว้เลยนะ”

“ฮ่าๆๆ ขอโทษคร้าบบ ให้หอมคืนเลยอ่ะ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอียงแก้มมาหาผม

“ไม่เอาเหอะ”

“โอ๋ๆๆๆ อย่างอนเลยนะ เข้าไปในร้านกันดีกว่า” ป๊อนซ์พูดก่อนจะจูงมือผมให้เดินตามหลังมันเข้าไปในร้านอาหารทะเลร้านประจำ
ของเราสองคน



“เอาอะไรบ้างดื้อ?” ป๊อนซ์เปิดดูเมนูสองสามแผ่นก่อนจะยื่นให้ผม

“อ้าว แล้วไมมึงไม่สั่งอ่ะ”

“มึงสั่งดีกว่า” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มบางๆมาให้ผม

“งบเท่าไหร่อ่ะ”

“ไม่อั้น”

“ดีเลย งั้นเอา หมึกไข่นึ่งมะนาว กุ้งอบวุ้นเส้น ทอดมันปลา ปูนิ่มทอดกระเทียม หอยลวกจิ้ม ผัดเผ็ดปลากะพง ยำไข่แมงดา กุ้งปู
ปลาเผา ยำทะเล ส้มตำปูม้า แล้วก็ต้มยำทะเลน้ำข้นครับ” ผมสั่งยาวเหยียดก่อนจะปิดเมนูและหันไปยิ้มให้คนรับออร์เดอร์จนตา
ปิด

“กินให้หมดนะดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับอมยิ้มนิดๆ

“หมดอยู่แล้ววว”

“ครับๆ เชื่อครับเชื่อ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเล่นเบาๆ



“อาหารที่สั่งได้แล้วครับ” เสียงของพนักงานเสิร์ฟดังขึ้นทำให้ทั้งผมและป๊อนซ์ที่กำลังเมามันส์อยู่กับเกมส์ในไอโฟนของตัวเอง
เงยหน้าขึ้นมาแล้วยัดไอโฟนลงในกระเป๋าทันที

“ขอบคุณครับ” ผมพูดขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มไปให้พนักงานคนนั้น

“อาหารที่ได้ครบนะครับ” พนักงานคนนั้นถามพร้อมกับยิ้มตอบให้ผม

“ครบครับ” ป๊อนซ์ตอบเสียงเข้มพร้อมกับจ้องไปที่พนักงานคนนั้นอย่างไม่วางตา

“ขาดเหลืออะไรก็บอกนะครับ” พนักงานคนนั้นชะงักนิดนึง ก่อนจะหันมาพูดกับผมอีกครั้ง

“คงไม่รบกวนแล้วล่ะครับ เชิญ!” ป๊อนซ์พูดเสียงแข็งพร้อมกับขึ้นเสียงจนเกือบจะเป็นตะคอกตรง้ทายประโยค

“ครับ” พนักงานคนนั้นรับคำก่อนจะเดินออกไปทันที

“เป็นไรอ่ะป๊อนซ์” ผมถามออกมาด้วยความสงสัย ก็เมื่อกี๊ยังอารมณ์ดีอยู่เลยนี่นา

“ไม่พอใจคน”

“ใคร?”

“ก็ไอ้พนักงานคนเมื่อกี๊ไง”

“ทำไมอ่ะ กูก็ไม่เห็นว่าเค้าจะทำอะไรผิดเลย”

“ก็มันจ้องเมียกู กูไม่ชอบ” เมียกู เดี๋ยวนะ เมียไอ้ป๊อนซ์งั้นเหรอ ///><///

“ไอ้บ้า เค้าก็ไม่ได้จ้องกูนี่ ก็แค่มองปกติทั่วไปอ่ะ”

“ปกติอะไรล่ะ มองอย่างกับจะกินมึงเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว”

“คิดมากอ่ะ”

“เออ กูคิดมากเองแหละ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำหน้าเหวี่ยงๆก่อนจะก้มลงกินของบนโต๊ะโดยไม่สนใจผมเลย

“ป๊อนซ์”

“ทำไม!”

“ทำไมต้องเสียงดังใส่กูด้วย”

“กูขอโทษ ว่าไงเมื่อกี๊เรียกทำไม”

“จะกินกุ้งเผา”

“แล้ว?”

“ก็กูปอกไม่เป็นอ่ะ จะให้กินทั้งเปลือกรึไงเล่า!!!!” ผมพูดเสียงดังก่อนเอามือขึ้นมากอดอก

“เฮ้อออ ก็บอกดีๆดิดื้อ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอากุ้งตัวโตไปนั่งแกะ สักพักก็ได้เนื้อกุ้งเปล่าๆมาตั้งไว้บนจานของผม

“อ่ะ กินดิ เดี๋ยวกูปอกให้เรื่อยๆ” ป๊อนซ์พูดก่อนจะก้มหน้าก้มตาแกะเนื้อปูเนื้อกุ้ง เนื้อปลา ตั้งจนเต็มจานของผม

“มึงไม่กินเหรอป๊อนซ์” ผมถามพลางหยิบเนื้อปูในจานขึ้นมากิน

“มึงกินไปเหอะ” ป๊อนซ์พูดโดยไม่ละสายตาจากบรรดาอาหารทะเลมีเปลือกตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

“อ่ะ” ผมหยิบกุ้งที่ป๊อนซ์ปอกไว้ให้ก่อนจะจิ้มน้ำจิ้มแล้วเอาไปจ่อไว้ที่ปากของป๊อนซ์

“มึงอิ่มแล้วรึไง?”

“ยัง”

“แล้วทำไมไม่กินเอง”

“ก็จะให้มึงกินอ่ะ กินเร็วๆเลย มัวแต่ปอกให้กูอยู่นั่นแหละ”

“มึงกินไปเหอะ”

“ไม่! อ้าปากเลยนะ อ้ามมมม” ป๊อนซ์ถอนหายใจออกมานิดๆก่อนจะยอมอ้าปากรับเนื้อกุ้งที่ผมป้อนให้

“อร่อยเนอะ”

“อื้มมม” ป๊อนซ์ตอบในลำคอพร้อมกับแกะอาหารทะเลที่เหลือไปด้วย



“อ่า อิ่มสุดๆอ่ะ”ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบท้องตัวเองไปด้วย  ตอนนี้บนโต๊ะเหลือแค่เปลือกของสัตว์ต่างๆที่ผมกินเข้าไปเมื่อกี๊ 

“ควรจะอิ่มเหอะ”

“แล้วมึงอิ่มมั้ยเนี่ย”

“อิ่มดิ เห็นมึงอิ่มกูก็อิ่มแล้ว” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำสีหน้าทะเล้นนิดๆ

“เลี่ยนนนนน”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“มึงเรียกเก็บตังค์ดิ กูอยากไปเดินเล่นแล้วอ่ะ”

“อืมๆ เก็บตังค์ด้วยครับ” ป๊อนซ์รับคำก่อนจะหันไปเรียกพนักงานมาเก็บตังค์

“ทั้งหมด...บาท ครับ”

“อ่ะครับ ไม่ต้องทอน” ป๊อนซ์วางตังค์ลงบนถาดใบเสร็จก่อนจะลุกขึ้นมาจูงมือผมให้เดินออกจากร้านทันที

“ทำไม อารมณ์เสียอีกแล้วเหรอ?”

“เปล๊า ก็แค่อยากเดินเล่นเร็วๆ”

“เหรออออออ” ผมถามพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปจนเกือบจะถึงหน้าของป๊อนซ์

”ครับ” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแทนจนผมต้องรีบถอยออก

“เหอะ ชอบฉวยโอกาส” ผมพูดก่อนจะรีบเดินหนีออกมาจากตรงนั้นก่อนที่หน้าจะแดงไปมากกว่านี้

“ก็ตอนนี้ยังมีโอกาสให้ฉวย ก็ต้องรีบฉวยไว้ดิ” ป๊อนซ์เดินตามมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก

“ป๊อนซ์ สัญญากับกูได้มั้ยว่ามึงจะไม่ทิ้งกู” ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับมันแบบตรงๆ พร้อมกับพูดในสิ่งที่ผมคิดจะพูดมาทั้งวัน
หลังจากที่เจอเข้ากับปัญหา

“จำไว้เลยนะโจ ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่มีวันปล่อยมึงไปแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกูขอให้มึงเชื่อใจกูเข้าใจมั้ย” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับ
ดึงผมเข้าไปกอดจนแน่น

“อืมม กูเชื่อมึง” ผมพูดตอบออกมาเสียงแผ่วเบา

“ป่ะ กลับหอกันดีกว่า” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับดันตัวผมออกเบาๆก่อนจะจับมือผมไว้แล้วเดินไปที่รถ

“อืมมม” ผมเดินตามหลังป๊อนซ์ไปช้าๆพร้อมกับคิดวิธีที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาที่กำลังจะมาถึง




“โจ ถึงหอแล้วนะ” เสียงเรียกของป๊อนซ์ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง

“อ๋อ อืมๆ” ผมรับคำก่อนจะปลดเบลท์แล้วเปิดประตูลงจากรถ


“แกไปไหนมาห๊ะ โจ!!!” เสียงที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้นหลังจากที่ผมก้าวลงจากรถได้เพียงไม่กี่วินาที


“ม๊า!!!”

............................................TBC....................................

กลั่นออกมาได้อีกตอนนึงแล้วนะค  :katai4:

ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพบ่อยๆ แบบว่างานยุ่งจริงๆ  :z10:

พอดีที่โรงเรียนเพิ่งจะผ่านงานกีฬาสีมาสดๆร้อนๆ เมื่อวันศุกร์นี่เอง  :mew3:

แล้ววันนั่นนี่คือ จะแจกแจงให้ฟังเป็นคนๆเลยแล้วกันนะคะ >>>

-น้องป๊อนซ์ของเราถือป้าย ใส่ชุดไทย ดูดีมากกกกก  :katai2-1:

-น้องโจ เดินพาเหรดเป็นหนึ่งในคุณชายจุฑาเทพ  :katai5:

-น้องไปป์ เดินพาเหรดเป็นโกโบริ (อยู่สีของคนเขียนเองแหละ  :hao3: )

-น้องภูมิ พีเจ แล้วก็ท็อปเทล เป็นหลีด (น่ารักมากกก  :katai3: )

แล้วเดี๋ยวตอนวันสุนทรภู่ที่กำลังจะมาถึงนี้ น้องๆก็มีหน้าที่ต้องออกร้านขายอาหารกัน ได้ข่าวมาว่าร้านของน้องโจกับน้องป๊อนซ์มีโปรโมชั่นพิเศษเยอะเลยยย

อย่าลืมเม้นท์ & บวกเป็ด เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้าาาา  :mew6:


KATIEZZ



 :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 20 ใกล้ถึงจุดจบ : 27/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 27-06-2013 18:34:11
ตอนที่ 20




[Pontz x Joe]




[Joe]




“ม๊า!!!!!!!!” ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองหมดแรงขึ้นมากะทันหัน

“ทำไมแกทำแบบนี้ห๊ะโจ!!! ทำไม!!!!” แม่ตะวาดขึ้นเสียงดังพร้อมกับมองมาที่ผมด้วยแววตาที่สื่อถึงผิดหวังที่สุด

“ม๊า คือโจ คือ...”ผมพยายามจะพูดออกมาแต่ปากมันดันชาไปหมด

“สวัสดีครับม๊า” ป๊อนซ์กล่าวทักทายแม่ผมก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างๆผมพร้อมกับจับมือของผมขึ้นมาจับไว้ราวกับเป็นการบอกว่า
ผมจะไม่ต้องสู้อยู่คนเดียว

“ฉันมีลูกชายคนเดียว” แม่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆพร้อมกับตวัดหางตาไปมองป๊อนซ์ด้วยสายตาที่สื่อถึงความเกลียดชังอย่างไม่
ปิดบัง

“ผมรู้ครับว่าม๊ามีลูกชายคนเดียวแต่บังเอิญลูกชายคนนั้นของม๊าดันเป็นคนคนเดียวกับคนที่ผมรักที่สุดน่ะครับ” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำ
เสียงเรียบๆราวกับว่าไม่มีอะไรต้องกังวลผิดกับผมที่รู้สึกได้ว่าตัวเองสั่นจนควบคุมไม่อยู่

“นี่ขนาดว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ ยังกล้าพูดอะไรที่มันทุเรศๆแบบนั้นออกมาได้อีกเหรอ!!” แม่ของผมตวาดออกมาอย่างเหลืออดอีก
ครั้ง

“ม๊า...ฮึกก..ฮือออ” ผมปล่อยน้ำตาที่พยายามกลั้นอยู่นานให้ไหลออกมาอย่างหมดแรง

“ม๊าเอาอะไรมาตัดสินเหรอครับว่าการที่ผมกํบโจรักกันมันเป็นเรื่องทุเรศ?”

“ก็แกทั้งคู่เป็นผู้ชายน่ะสิ แค่นี้มันก็ทุเรศ วิปริต ผิดปกติไม่พอรึไง”

“แล้วม๊าเอาอะไรมาติดสินล่ะครับว่าการที่ผู้ชายกับผู้ชายรักกันมันเป็นเรื่องวิปริต เรื่องผิดปกติ” ป๊อนซ์ยังคงเถียงแม่ของผมด้วย
น้ำเสียงนิ่งๆเช่นเดิม

“ป๊อนซ์..ฮึกก...พอเหอะนะ..” ผมพูดออกมาด้วยความยากลำบากเพราะต้องกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไปด้วย พร้อมกับเอามือ
ทั้งสองข้างเกาะแขนของป๊อนซ์แล้วเขย่าเบาๆ

“โจกลับไปพูดกับม๊าที่บ้านเดี๋ยวนี้!!” แม่เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของป๊อนซ์แล้วเปลี่ยนมาเป็นลากผมให้กลับไปด้วยกันแทน

“ฮึก..ม๊า...โจเจ็บ...”ผมพูดออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นในขณะที่มือก็คอยจับบริเวณที่ม๊าจับเอาไว้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บของตัว
เอง

“ม๊าครับ ม๊ายังไม่ตอบคำถามป๊อนซ์เลยนะครับ” ป๊อนซ์ดึงผมกลับแล้วดันไปไว้ด้านหลังในขณะที่ตัวเองก็พูดกับแม่ของผมไป
ด้วย แต่ครั้งนี้ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นจากครั้งแรกมาก

“ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” แม่ตวาดเสียงดังอีกครั้งพร้อมกับพยายามจะยื่นมือมากระชากผมไปจากป๊อนซ์

“เห็นมั้ย แค่นี้ม๊ายังให้คำตอบผมไม่ได้เลย”

“ป๊อนซ์!!!!”

“ยอมรับความจริงเถอะครับม๊า ว่าโจกับผมรักกัน” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลูบที่ไหล่ผมช้าๆเป็นการปลอบ

“ฮึก...ฮืออออ” ผมก็ได้แต่ยืนสะอื้นอยู่อย่างนั้นโดยทำอะไรไม่ได้เลย

“ได้ในเมื่อเธอต้องการแบบนี้ ถ้าแกอยู่กับมันแกก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าม๊าอีกต่อไป”

“ฮึก..ม๊า...ฮือออ” ผมสะบัดมือจนหลุดจากการเกาะกุมของป๊อนซ์ก่อนจะวิ่งไปกอดม๊าไว้จนแน่นทันที

“โจ..”ป๊อนซ์เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูผิดหวังเอามากๆ

“กลับบ้านกับม๊า แล้วเดี๋ยวเราไปเคลียร์กันที่บ้าน”แม่พูดพร้อมกับมองมาที่ผม

“ฮึก..ครับ” ผมรับคำแม่ช้าๆก่อนจะเดินตามหลังแม่ไปที่รถ

“โจ กูขอร้อง” ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงเครือๆเหมือนกับพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

“ฮึก ป๊อนซ์ กูสัญญาว่ากูจะกลับมาหามึง” ผมพูดโดยที่ไม่ได้หันไปมองป๊อนซ์เลยแม้แต่นิดเดียว

“โจ กูขอร้อง..อย่าไปจากกูได้มั้ย?” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้นและปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างไม่อาย

“กูขอโทษป๊อนซ์ กูขอโทษจริงๆ” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นรถของแม่ไป

ผมนั่งมองป๊อนซ์จากด้านในของตัวรถ มอง มองจนรถวิ่งออกมาจนป๊อนซ์ลับสายตาไปแล้ว

“โจ แกเข้าใจม๊าใช่มั้ย”

“...” ผมเลือกที่จะเงียบเพราะถ้าถามจริงๆตอนนี้ผมยังไม่เข้าใจเหตุผลของแม่เลย

“โจ ที่ม๊าทำแบบนี้เพราะม๊าคิดว่าบางทีความรักของแกกับป๊อนซ์อาจจะเป็นแค่ความหลง ความสนุกเฉยๆก็ได้”

“ฮึก..ฮืออ” ผมเริ่มจะสะอื้นออกมาอีกรั้งอย่างควบคุมไม่ได้

“ฟังม๊าให้ดีนะโจ ม๊ากับป๊ารู้เรื่องของแกมาสักพักนึงแล้ว แล้วเราก็คุยกันว่าถ้าแกตัดใจไม่ได้เราจะส่งแกไปอยู่ที่เชียงใหม่กับน้อง
ดลลูกป้าน้อย”

“ม๊า!!!!!!”

“...” แม่เงียบราวกับไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผม

“ม๊าไม่ถามความเห็นผมเลย ฮึก ทำไมม๊าทำแบบนี้ ฮือออ...”

“ม๊าทำเพื่อแกนะโจ”

“เพื่อผม? แล้วม๊าได้ถามผมบ้างรึเปล่าว่าสิ่งที่ม๊าทำมันทำให้ผมมีความสุขบ้างรึเปล่า”

“ฉันรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำเพราะงั้น ถึงแกเถียงอะไรตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะฉันจัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว แกต้องออก
เดินทางพรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็น”

“ม๊า!!!!” ผมรู้สึกเหมือนตัวชาไปทั้งตัว พรุ่งนี้งั้นเหรอ ผมต้องไปพรุ่งนี้แล้วงั้นเหรอ มันเร็วไปมั้ย ผมยังไม่ได้แม้แต่ลาป๊อนซ์เลย
ด้วยซ้ำ

“หวังว่าแกจะเข้าใจ” แม่พูดแค่นั้นก่อนที่เราทั้งคู่จะเงียบกันตลอดทางจนถึงบ้าน



ทันทีที่รถจอดสนิทอยู่ในโรงจอดรถ ผมก็เปิดประตูลงไปทันทีโดยปราศจากบทสนทนาใดๆทั้งสิ้น

“โจ เป็นไงบ้าง” พ่อวางหนังสือพิมพ์ลงถามขึ้นเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในบ้าน

“ฮึก ป๊าจะถามทำไม ป๊ายังสนใจอีกเหรอว่า ฮึก ผมจะรู้สึกยังไงอ่ะ!!!” ผมตอบกลับไปด้วยอารมณ์โมโห

“ฉันเป็นพ่อแกนะ แกจะพูดแบบนี้กับฉันไม่ได้!”

“ครับ..ฮึก...โจยังเห็นป๊าเป็นป๊าอยู่ตลอด ไม่เหมือนป๊าหรอก..คงไม่เห็นผมเป็นลูกแล้ว ถึงได้ทำแบบนี้..ฮือออ”

“โจ!! ไอ้ป๊อนซ์มันทำให้แกเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ”

“ฮือออออ” ผมส่ายหัวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ฉันถามทำไมไม่ตอบ!!” พ่อตวาดออกมาเสียงดังก่อนจะเดินตรงเข้ามาบีบที่ข้อมือของผม ซ้ำกับรอยเดิมที่แม่เคยทำไว้ก่อนหน้า
นี้

“ฮึก..ปล่อยโจนะ..โจเจ็บ ฮืออออ” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะแกะมือออกจากการเกาะกุมของพ่อ

“แค่นี้ทนไม่ได้รึไง แกรู้ไว้เลยนะว่าฉันเจ็บกว่าแหลายเท่าตอนที่รู้ว่าแกเป็นเกย์!!!”

“ป๊า!!!!” ผมสะบัดแขนออกก่อนจะตะโกนใส่หน้าป๊าอย่างเหลืออด

เพียะ!!!!

“ฉันเป็นพ่อแกนะ แกไม่มีสิทธิ์มายืนตะคอกใส่หน้าฉันแบบนี้” ป๊าตบหน้าผมก่อนจะด่าผมอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับชี้หน้า
คาดโทษไปด้วย

“ป๊า ฮึกกกก ฮือออ” ผมเอามือขึ้นไปจับไว้ตรงแก้มหวังจะบรรเทาความเจ็บปวด ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเอง
ทันที

         

-รัก คือทุกความรู้สึกที่มีให้เธอคนเดียวจากนี้ไป-

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมดังขึ้น

-Pontz^^-

ผมรีบกดรับแทบจะทันทีเมื่อเห็นรายชื่อที่โชว์อยู่ที่หน้าจอ

“ป๊อนซ์ ฮึก มาช่วยกูด้วย ฮือออ”

(โจ!! เป็นอะไร ไหนบอกกูมาดิ) เสียงของป๊อนซ์ร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด

“ป๊อนซ์ ฮึกก ป๊อนซ์ กู.กู...รักมึงนะ ฮึก...มึงมาพากูไปจากที่นี่หน่อยได้มั้ย ..ฮืออออ”

(โจตั้งสติหน่อยแล้วบอกกูว่าเกิดอะไรขึ้น) ป๊อนซ์พยายามบังคับเสียงของตัวเองไม่ให้ดูร้อนรนมากเกินไปเพราะมันอาจจะทำให้
ผมอ่อนแอลงไปอีก

“กู..กู..”ตอนนี้ผมเหมือนพูดไม่ออก มันรู้สึกมึนงงแล้วก็กลัวไปหมด

(เอางี้นะ เปิดคอมแล้วล็อกอินสไกป์ซะนะ กูอยากเห็นหน้ามึง) ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆกึ่งอ้อนวอน

“อืมๆ” ผมกดวางสายก่อนจะเดินตรงไปที่คอมเพื่อล็อกอินเข้าสไกป์ทันที

หลังจากเชื่อมต่อจนเสร็จหมด หน้าของป๊อนซ์ก็เด่นหราขึ้นมาบนหน้าจอคอมและนั่นก็ทำให้ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนักอีกครั้ง

“ป๊อนซ์ ฮึกกก ป๊อนซ์ ฮือออออออ”

(โจ..กูขอร้อง มึงอย่าเป็นแบบนี้ มึงต้องเข้มแข็งดิ)

”กูไม่ไหวแล้วป๊อนซ์..กู ..ฮึก..ไม่ไหวแล้วว”

(โจ....อย่าร้องไห้...กูขอ..ได้มั้ยย?) ป๊อนซ์พูดด้วยน้ำเสียงเครือๆราวกับกำลังกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้

“อืออ ฮึก ฮึกกก” ผมรับคำก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

(อืมมม ไหนลองตั้งสติแล้วบอกกูดิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมึงถึงร้องไห้หนักขนาดนี้ฮึดื้อ)

“ม๊า..ฮึก..ม๊าจะส่งกูไปอยู่เชียงใหม่ ฮือออ”

(อืมม วันไหน?)

“พรุ่งนี้เย็น”

(หา!! พรุ่งนี้เย็น)

“อืมม ฮึก ป๊อนซ์..มาพากูไปที..ฮึกกก กูไม่อยากไปอยู่เชียงใหม่ ฮืออออ..กูอยากอยู่กับมึง”

(โจ...)

“ป๊อนซ์..กูขอร้อง..ฮึกก..พากูไปทีไปที่ไหนก็ได้”

(เอางี้ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปหานะ กูจะไปพูดกับพ่อแม่มึงเอง)

“อืมม อย่าลืมนะ มึงอย่าโกหกกูนะ ฮือออ”

(ไม่มีทาง)

“อือออ ป๊อนซ์เปิดกล้องไว้แบบนี้ได้มั้ย?”

(อืมม ได้ดิ)

ผมนอนมองหน้าจอคอมที่มีป๊อนซ์นั่งจ้องอยู่จนหลับไปในที่สุด



ก๊อกๆๆๆ

เสียงเคาะประตูปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาเผชิญกับโลกความเป็นจริงอีกครั้ง

“โจ ตื่นรึยังลูก?”

“ตื่นแล้ว”

“ออกมากินข้าวหน่อยดีกว่าลูก เมื่อวานตอนเย็นก็ไม่ได้กินอะไรเลย”

“โจไม่หิว” ผมพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆก่อนจะมองไปที่หน้าจอคอม

“เอาเป็นว่าเดี๋ยวม๊าไปยกขึ้นมาให้แล้วกันนะ” ม๊าพูดก่อนจะเดินออกไปจากหน้าประตูห้องของผม

“ป๊อนซ์” ผมเรียกป๊อนซ์เมื่อเห็นว่ากล้องยังเปิดอยู่ หากแต่ว่าป๊อนซ์ไม่ได้อยู่ในกล้องแล้ว

“ป๊อนซ์ ฮึก ป๊อนซ์ ฮือออ”

(หืมมม มีไรอ่ะดื้อ?) ป๊อนซ์ถามขึ้นพร้อมกับเดินมานั่งตรงที่เดิมหน้าจอคอม

“กู..ฮึก..กูนึกว่ามึงทิ้งกูไปแล้ว”

(หึ จะทิ้งได้ไงคิดมากนะเนี่ย)

“ฮึก ฮืออออ” ผมยังคงร้องไห้ออกมาไม่หยุด

(อย่าร้องเลยนะ ดื้อร้องไห้แบบนี้ป๊อนซ์ใจไม่ดีเลย) ป๊อนซ์พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปที่หน้าจอคอมของป๊อนซ์แล้วลูบเบาๆราวกับ
จะเป็นการเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มของผม

“ฮึก  ไม่ร้องแล้ววว” ผมเม้มปากกลั้นน้ำตาไว้ก่อจะตอบป๊อนซ์ออกไป

(ฮ่าๆๆ ครับๆ แล้วนี่กินอะไรบ้างรึยังเนี่ย?)

“..”ผมส่ายหน้าไปมาช้าๆ

(ไม่ได้นะดื้อ มึงไปหาอะไรกินเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก)

“อืมๆๆ” ผมรับคำก่อนจะเดินผละออกมาจากหน้าจอคอมแล้วแง้มดูที่หน้าประตูก็เห็นว่ามีถาดอาหารตั้งอยู่เลยรีบเปิดประตูแล้ว
หยิบอาหารเข้าในห้องก่อนจะปิดประตูทันที

“ได้มาแล้วว” ผมพูดก่อนจะตั้งถาดอาหารลงหน้าจอคอม

(อืมม ดีมาก กินเลย กินให้กูเห็นตอนนี้เลยนะ เพราะถ้ากูปล่อยให้ไปกินเองเดี๋ยวก็แอบทิ้งอีกอ่ะ)

“คร้าบบบบ” ผมรับคำเสียงสดใสก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าทันทีโดยที่มีป๊อนซ์นั่งมองอยู่ตลอด



“อ้ากกก อิ่มๆๆๆๆ”

(อืมม เดี๋ยวกูไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ)

“อ้าวว จะไปไหนอ่ะ” ผมเสียงหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด

(ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าเลยนะดื้อ กูจะไปบ้านมึงนั่นแหละ)

“อ๋อออ รีบมานะป๊อนซ์”

(อืมมม งั้นก็ล็อกเอ้าท์สไกป์แล้วนะ)

“อืมมม กูจะรอมึงนะป๊อนซ์”

(อืมม)

“รักมึงนะ”

(รักมึงเหมือนกัน)

ป๊อนซ์ยิ้มพร้อมบอกรักผมก่อนที่จะปิดกล้องไป


ผมก็นั่งยิ้มอยู่กับหน้าจอมืดๆคนเดียว...




โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่านี่จะเป็นการบอกรักผมครั้งสุดท้ายของป๊อนซ์....


.....................................TBC................................................

มาอัพต่อแล้วนะจ๊ะ  :katai4:

ใกล้จะจบเข้าไปทุกทีแล้วกับ Friends รักคุณเข้าแล้ว

แต่ก็อย่าลืมติดตามเรื่องราวของป๊อนซ์กับโจ ภาคต่อใน>>>

Forgotten Love รักที่ถูกลืม  นะค่าาาา

ตอนนี้อัพมานิดเดียวเนอะ เหตุผลเดิมๆ>>เดี๋ยวไม่ค้างงง 555 :katai3:

อย่าลืมเม้นท์&บวกเป็ด ให้กำลังใจคนเขียนกันด้วยเด้ออออ  :mew2:

 :call: :call: :call: :call: :call: :call:

KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 20 ใกล้ถึงจุดจบ : 27/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 28-06-2013 02:50:27
ThankS
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 20 ใกล้ถึงจุดจบ : 27/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 28-06-2013 03:06:10
กินมาม่าตอนจบเรื่องสินะ ขอร้องละอย่าจบเศร้าๆเลย อย่าทำอย่างนั้นเลยยยยย :serius2: ไม่งั้นโกรธจิงด้วยยย  :m16: :m16: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 20 ใกล้ถึงจุดจบ : 27/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-06-2013 08:43:58
เห็นชื่อเรื่งของภาคต่อแล้วมันยังไงกันนะ
จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างป๊อนกับโจ อะไรหรือใครที่เปลี่ยนไป
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 20 ใกล้ถึงจุดจบ : 27/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 28-06-2013 09:37:40
กินมาม่าอีกชามโต ชามใหญ่ๆเลย สวสารรักของป๊อนซ์โจ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่ 20 ใกล้ถึงจุดจบ : 27/06/13
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 28-06-2013 10:12:20
ม่ายนะ บอกรักครั้งสุดท้าย
ไม่อาวอ่ะ
บวกและเป็ดลุ้นตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ :hao5:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 09-07-2013 20:37:02
**แนะนำว่าฟังเพลงนี้ไปด้วยขณะอ่านนะจ๊ะ  :hao3:**
https://www.youtube.com/watch?v=2CwJUUScEqs (ftp://www.youtube.com/watch?v=2CwJUUScEqs)

The End




[Pontz x Joe]




[Joe]




“โจ เดี๋ยวประมาณบ่ายสาม ม๊าจะพาไปสนามบินนะ”

“โจไม่ไป”

“โจ..”

“ฮึก โจ ไม่อยากไป ฮึก โจจะอยู่กับป๊อนซ์” ผมพูดประโยคนี้ออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้พ่อ
กับแม่เข้าใจผมได้

“โจ”

“วันนี้ป๊อนซ์จะมาหาโจ ป๊อนซ์จะมาคุยกับป๊า กับม๊า ฮือออ”

“เฮ้ออ ม๊าไม่รู้นะ แต่บ่ายสาม โจต้องออกเดินทาง” แม่พูดเสียงห้วนก่อนจะเดินออกไปจากห้องทันที



 12.00น.


ผมนั่งเล่นมาเรื่อยๆจนเที่ยงแล้ว ป๊อนซ์ก็ยังไม่มา   

“โจ เตรียมของรึยัง?”

“ยังครับ”

“อ้าวว ได้ไงล่ะเนี่ย ไปเตรียมของเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ครับ” ผมรับคำนิ่งๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปเก็บของบนห้อง

เฮ้อออ เมื่อไหร่ป๊อนซ์จะมาล่ะเนี่ย



13.00 น.


ทักไลน์ไปก็แล้ว โทรไปก็แล้ว ไม่มีคนตอบ ไม่มีคนรับสาย ป๊อนซ์จะเป็นอะไรรึเปล่านะ???

“โจ มากินข้าวเที่ยงก่อนมั้ย”

“ไม่เอาอ่ะม๊า โจจะรอป๊อนซ์” ผมพูดพร้อมกับชะเง้อคอมองไปที่หน้าบ้านอย่างรอคอย

“เฮ้ออ รักใครน่ะก็รักไป แต่อย่าลืมรักตัวเองด้วยล่ะโจ” แม่พูดนิ่งๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องของผม



14.00 น.


“โจ ม๊าว่าป๊อนซ์คงจะไม่มาแล้วล่ะ”

“ม๊ารู้ได้ไง ว่าป๊อนซ์จะไม่มา?!”

“นี่มันบ่ายสองแล้วนะโจ ลูกบอกว่าป๊อนซ์ออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?”

“..คือ..ฮึกกก...ป๊อนซ์.อาจจะ..ติดธุระ..ฮึก..อยู่ก็ได้.ฮือออ” ผมพูดพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมา

“ม๊าขอยืนยันคำเดิมนะโจ บ่ายสามต้องออกจากบ้าน” แม่พูดพร้อมกับเดินเข้ามาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“ป๊อนซ์..ฮึกก..มึงอยู่ที่ไหน ตอนนี้มึงอยู่ไหนป๊อนซ์...ฮืออออ”



14.30 น.


“ป๊อนซ์!!!!!!!! ฮืออออออ...” ผมแผดเสียงออกมาจนดังลั่นไปทั้งห้องพร้อมกับก้มหน้าลงซุกที่เข่าของตัวเอง

“โจ เป็นอะไรลูก!” แม่เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดจนแน่น

“ม๊า..ป๊อนซ์..ฮึกก..ป๊อนซ์ไปไหน ป๊อนซ์ไปไหนอ่ะม๊า..ทำไมป๊อนซ์ ไม่มาหาโจ ทำไม!!” ผมตะโกนออกมาอย่างเสียสติ ตอนนี้
ผมรู้สึกเหมือนร่างกายมันชาไปหมด ผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ต้องเดินไปทางไหน มันเจ็บไปหมดแล้ว

“โจ ฮึกก ม๊าขอร้อง อย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ย ฮือออ” แม่กอดผมแน่นขึ้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนักพอๆกับผม

ปี๊นนน!!

เสียงแตรรถดังมาจากหน้ารั้วบ้าน ทำให้ผมลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“ป๊อนซ์!!” ผมวิ่งมาถึงหน้าประตูอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อหน้าบ้านไม่ใช่ป๊อนซ์แต่กลับเป็นคนที่มาส่งของแทน

“เอ่อ..คือผมมาส่งของอ่ะครับ”

“ป๊อนซ์ล่ะ ป๊อนซ์อยู่ไหน?”

“เอ่อ ..ใครนะครับ?”

“ป๊อนซ์ไง ป๊อนซ์อ่ะ เค้าอยู่ที่ไหน” ผมถามเค้าอย่างอ้อนวอนพร้อมกับพยายามจะยื่นมือออกไปหาเค้าที่ยืนอยู่ด้านนอกรั้ว

“เอ่อ..คือ”

“ขอโทษด้วยนะคะ รอตรงนี้สักครู่นึงนะคะ โจเข้าบ้านก่อนลูก” แม่พูดกับคนพวกนั้นก่อนจะหันมาประคองผมที่แทบจะไม่มีแรงยืน
แล้วให้เดินเข้าบ้าน

“ม๊า ป๊อนซ์จะมาหาโจมั้ย??”

“เอ่ออ ม๊าก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ตอนนี้ไปนั่งพักในบ้านก่อนนะโจ” แม่เดินประคองผมมานั่งที่โซฟากลางบ้านก่อนจะเปิดทีวีเอาไว้แล้ว
เดินออกไปคุยกับคนส่งของด้านนอก

/ใบไม้หล่น เมื่อลมพัดผ่าน
เป็นสัญญานแห่งความผันเปลี่ยน
ทุกๆ สิ่งคือความหมุนเวียนไม่เที่ยงแท้
ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
เพียงเพื่อฉุดให้เธอไม่ไป
ในที่สุดก็คงต้องหยุดและยอมแพ้~/


เสียงเพลงลมเปลี่ยนทิศจากทีวีดังขึ้น

“ฮึกก ฮืออออออ” ผมปล่อยโฮออกมาอีกครั้งเมื่อฟังเนื้อหาของเพลงไปเรื่อยๆ



14.50 น.


“โจ ลูกฟังเพลงนี้มาเป็นสิบรอบแล้วนะ” แม่พูดพร้อมกับส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ผม

“โจคิดถึงป๊อนซ์” ผมพูดออกมาอย่างเลื่อนลอย

“แต่นี่มันก็ใกล้ถึงเวลาที่เราตกลงกันเอาไว้แล้วนี่”

“ถ้าโจออกไปแล้วป๊อนซ์มาถึงพอดีล่ะ”

“เฮ้อออ โจ ฟังแม่นะ ป๊อนซ์มาหาโจไม่ได้แล้ว”

“ทำไมละครับ?”

“ฟังแม่แล้วตั้งสติดีๆนะโจ คือ ป๊อนซ์ขับรถชนเมื่อเช้าตอนกำลังจะออกมาหาลูก แล้วอาการสาหัสมากจนทนพิษบาดแผลไม่ไหว
เสียไปเมื่อตอนประมาณบ่ายโมง แล้วคนที่ส่งของเมื่อกี๊ เค้าก็เป็นคนที่แม่ของป๊อนซ์ส่งมาให้เอาของมาให้…”

ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกสลายลงตรงหน้า  ผมไม่อยากทำอะไรแล้ว ไม่อยากแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ

“ฮึก ไม่จริงใช่มั้ย..ม๊า..ล้อโจเล่นใช่มั้ย..บอกโจมาสิ..บอกโจมาว่าล้อเล่น ฮึกก บอกโจมา ฮือๆๆ” ผมตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
พร้อมกับพยายามจะเอามือทุบขมับของตัวเองไปด้วย

“โจ โจ!!! ม๊าบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ตั้งสติ ..หยุดทำร้ายตัวเองได้มั้ย..ฮึกก ..ม๊าขอ” แม่พูดพร้อมกับพยายามจะยื้อมือของผมไว้ไม่
ให้ทำร้ายตัวเอง

“ฮือออ ป๊อนซ์ ป๊อนซ์!!!!!!!!!!!”

“โจ มีสติหน่อยสิ ฮืออ นี่เป็นของที่ป๊อนซ์ตั้งใจจะเอามาให้ลูก” แม่พูดพร้อมกับยื่นกล่องแหวนมาให้ผม

ผมรับกล่องนั้นมาด้วยมือที่สั่นอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะค่อยๆเปิดกล่องนั้นออกช้าๆ

ด้านในกล่องเป็นแหวนเงินเกลี้ยงสลัก “P&J FOREVER” ที่เต็มไปด้วยเลือดมาดูช้าๆ

“ฮือออ ป๊อนซ์ ไม่จริงใช่มั้ยยย ป๊อนซ์ยังอยู่กับโจใช่มั้ย!!!!!!!!!!”

แม่กอดปลอบผมอีกทีก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วเดินไปที่โทรศัพท์

“คะ พี่น้อยใช่มั้ยคะ”

“คือน้องจะโทรมาเลื่อนกำหนดที่โจจะขึ้นไปเชียงใหม่อ่ะคะ”

“อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอกคะ มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อย”

“ค่ะๆ แล้วถ้าขึ้นไปวันไหนจะโทรบอกอีกทีนะคะ”

“ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ” แม่วางสายก่อนจะเดินมาหาผมช้าๆ

“ม๊าโทรไปเลื่อนป้าน้อยให้แล้วนะโจ” ผมพยักหน้ารับช้าๆก่อนจะปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ

/ชีวิตหนึ่งกำลังเริ่มใหม่
ชีวิตหนึ่งกำลังว่างเปล่า
ความรู้สึกช่างทรมาณและโหดร้าย
ทำได้เพียงแต่ยอมรับมัน
แม้ต้องเจ็บจะยอมเข้าใจ
คงไม่มีอะไรเหมือนเดิม อีกต่อไป~/



1 เดือนผ่านไป.....


“ป๊อนซ์ ทำไมป๊อนซ์ไม่ตอบไลน์โจอ่ะ”

(...)

“อย่าเงียบดิ ไม่งั้นมีงอนแน่”

(...)

“ป๊อนซ์ตอบดิ โจบอกให้ตอบไง!!!!! ทำไมไม่ตอบ ฮึกก ไม่รักกันแล้วใช่มั้ย ฮือๆๆๆ”

(...)

“ฮืออๆๆๆ” โจวางโทรศัพท์ลงข้างๆตัวก่อนจะร้องออกมาอย่างหนัก

“โจ เป็นอะไรลูก” แม่ของโจรีบวิ่งเข้ามากอดโจไว้ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน

“ป๊อนซ์ไม่ยอมพูดกับโจอ่ะม๊า ฮึกก ป๊อนซ์ไม่รักโจแล้ว ฮือออ” โจพูดพร้อมกับยื่นไอโฟนของตนที่ไม่ได้มีหน้าจอที่แสดงการ
เชื่อมต่อหรือกำลังโทรหาใครทั้งสิ้นแต่กลับเป็นภาพพักหน้าจอที่เป็นรูปคู่ของโจกับป๊อนซ์ขึ้นอยู่แทน

“โจ เมื่อไหร่ลูกจะเลิกเป็นแบบนี้สักที นี่มันก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วนะ” ผู้เป็นแม่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเครือๆจากการพยายามกลั้น
เสียงสะอื้นเอาไว้

“...” ไร้เสียงตอบรับจากโจ เนื่องจากตอนนี้สายตาโจไม่ได้มองอยู่ที่แม่แล้ว แต่มันกลับเหม่อลอยมองออกไปทางนอกหน้าต่าง
แทน

“โจ..ฮือออ” แม่ร้องไห้ออกมาพร้อมกับกอดโจให้แน่นขึ้นกว่าเดิมราวกับต้องการจะส่งความแข็งแกร่งไปให้ผู้เป็นลูก

“ม๊าว่า ป๊อนซ์ยังรักโจมั้ย?”

“...”

“ม๊าว่าป๊อนซ์จะคิดถึงโจเหมือนที่โจคิดถึงป๊อนซ์มั้ย?”

“.....”

“ม๊าว่าป๊อนซ์จะกลับมาหาโจมั้ย?”

“โจ...”

“ตอบสิม๊า!!! ตอบโจสิ!!!!!!!!!” โจพูดพร้อมกับเขย่าร่างของแม่อย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ

“ฮึก ฮืออๆๆ โจ..”

“เกิดอะไรขึ้น!!” เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้น

“คือโจ..โจ....โจไม่รู้..ฮึก..ฮืออออ” โจปล่อยมือออกจากแม่ช้าๆก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นจับหัวตัวเองอย่างคุ้มคลั่ง

“ป๊า ม๊าสงสารลูกอ่ะ” แม่ของโจพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นไปยืนข้างๆพ่อ

“อืมม ป๊าว่าเราควรจะพาโจไปหาหมอ” พ่อพูดก่อนจะพยุงให้โจลุกขึ้นยืนแล้วประคองออกมาจากบ้านก่อนจะรีบสตาร์ทรถเพื่อตรง
ไปยังโรงพยาบาลทันที



“จากการวินิจฉัยของหมอนะครับ หมอว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของน้องอย่างมาก หมอแนะนำว่าทางที่ดีควรจะพาน้องไปอยู่ไกลๆ อยู่ในที่ที่ไม่มีความทรงจำกับคนๆนั้นอยู่เลยนะครับ” หมอพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้พ่อกับแม่ของโจ

“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ”

“ครับ”

หลังจากพูดคุยกับหมอเสร็จทั้งสามคนก็เดินออกมาจากโรงพยาบาล โดยที่มีพ่อกับแม่ช่วยๆกันประคองโจที่ตอนนี้แทบจะไม่มีสติ
เหลืออยู่แล้วให้เดินไปเรื่อยๆ

“ม๊า ป๊าว่าเราควรส่งโจไปเชียงใหม่ได้แล้วนะ”

“แต่ม๊าเป็นห่วงโจอ่ะ”

“ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าช่วงแรกๆนี้เราก็ขึ้นไปอยู่กับโจก่อนก็ได้ แล้วพอโจดีขึ้นเราค่อยลงมาอยู่บ้านกันเหมือนเดิม”

“อย่างนั้นก็ได้คะ”



หลังจากวันนั้นพ่อกับแม่ของโจวางแผนกันก่อนจะจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินเรื่องอะไรทั้งหมด แล้วพากันขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อพาโจ
ไปฝากให้อยู่กับป้าน้อย ซึ่งเป็นพี่ของแม่โจ

ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนเพื่อน เปลี่ยนคนรอบข้าง แล้วมันจะช่วยเปลี่ยนใจเปลี่ยนความคิดของโจได้จริงๆน่ะเหรอ???

...........................................End of FRIENDS รักคุณเข้าแล้ว.......................................

จบกันไปแล้วเน้ออออ ในพาร์ทของ FRIENDS  :katai3:

พาร์ทต่อไปคือ Forgotten love ซึ่งจะเป็นเรื่องในพาร์ทของตอนที่ขึ้นมหาลัยกันแล้วนะคะ  :hao6:
 
แต่ก็ยังจะแอบมาอัพโมเม้นท์ อัพตอนพิเศษอยู่เรื่อยๆนะคะ

ยังไงก็ฝากติดตามต่อในเรื่อง Forgotten love ด้วยนะคะ  :hao5:

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


Intro

Forgotten Love รักที่ถูกลืม



[Pontz x Joe]


[Joe]


ตอนเช้า ณ ม.AAA

การที่ผมต้องกลับมาเหยียบที่ที่เคยสร้างรอยแผลใหญ่ไว้ในชีวิตผมนี่มันเป็นอะไรที่ยากที่สุดเลย

“พี่โจรีบเดินหน่อยดิ ตอนนี้พี่ยังไม่รู้เลยนะเว้ยว่าคณะเราต้องรายงานตัวอะไรตรงไหน” ดลพูดเร่งขึ้นในขณะที่ผมกำลังงงๆกับการ
ตื่นเช้าอยู่  อะไรคือการที่เฟรชชี่ปีหนึ่งอย่างผมต้องมาเดินเคว้งคว้างกันอยู่สองคนไร้เงาผู้ปกครอง ==’

“อืมๆ ว่าแต่แกรู้แล้วเหรอว่าต้องรายงานตัวตรงไหน”

“รู้แล้วดิ อ่ะ! นี่ไงถึงแล้ว ไปก่อนนะพี่ ส่วนพี่ก็เดินไปตามแผนที่ที่ผมวาดให้แล้วกันนะ” ดลพูดรัวก่อนจะรีบวิ่งขึ้นตึกไป

แล้วไปตึกคณะนิติศาสตร์นี่มันต้องไปทางไหนวะเนี่ย 

ผมมองแผนที่ในมือก่อนจะขยี้หัวอย่างงงๆ ถึงจะเคยอยู่จังหวัดนี้แต่ก็ไม่เคยเข้ามาในมหาลัยนี้มาก่อน เอาแล้วกู เดินไปทางไหนดี
ละเนี่ย

“เอ่อ..ขอโทษนะครับ คือจะถามว่าตึกคณะนิติศาสตร์นี่ไปทางไหนเหรอครับ”  ผมถามคนคนนึงที่เดินผ่านมาเพราะท่าทางเค้าดู
เป็นมิตรที่สุดแล้วในบริเวณนั้น

“อ๋อ เราก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ แต่นายลงไปถามกลุ่มพี่ปี 2 ตรงนั้นนะ เพราะเราก็ไปถามพี่เค้ามาเหมือนกัน” ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นตอบ
กลับผมอย่างเป็นมิตร

“ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

หลังจากกล่าวขอบคุณกันเสร็จผมก็เดินไปยังโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่ชายคนนั้นบอกทันที

“ขอโทษนะครับ” ผมพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ พร้อมกับก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาพี่เค้า

“มีอะไรครับน้อง” เสียงที่หันหลับมาตอบทำเอาของที่อยู่ในมือของผมร่วงลงพื้นทันที

พีเจ!!!

“คือ..ไม่มีอะไรครับ” ผมยังไม่พร้อมและยังทำใจไม่ได้ที่จะเจอกับเพื่อนๆในกลุ่มตอนนี้เพราะสามปีที่ผมไปอยู่ที่เชียงใหม่นั้นผม
ไม่ได้ติดต่อใครที่นี่เลย

“อ้าวว ซะงั้น”

“อึ่ก!” นี่ก็เสียงไอ้ภูมิสินะ ผมจำได้

“น้องคร้าบบบ ผมออกทองๆซะด้วยย ลูกครึ่งรึเรา??” ไอ้นายก็เดินเข้ามาพยายามที่จะให้ผมตอบกลับ

ตอนนี้กลายเป็นว่าผมกำลังก้มหัวลงจนเกือบจะมุดกับดิน เพราะไม่อยากให้ไอ้พวกนี้รู้ว่าผมคือใคร

“พวกมึงก็อย่าไปแกล้งน้องมันดิวะ” ไอ้ลิ้มสินะ

“เออ เป็นกูกูก็กลัว” เสียงนิ่งๆแบบนี้ก้คงเป็นไอ้ไปป์ล่ะสิ

“คือผมขอโทษครับ” ผมพยายามรีบพูดปัดๆก่อนจะรีบก้มลงเก็บของที่ตกอยู่กับพื้นจนหมด เหลือแค่แหวนที่ป๊อนซ์เคยให้ไว้ตอน
โน้นที่ยังอยู่ใต้ที่นั่งของอีกคนซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร

“เอ่อ พี่ครับผมขอเก็บของหน่อยนะครับ” ผมพูดพร้อมกับพยายามจะก้มหัวลงไปใต้เก้าอี้

“สัด!! ยุ่งยาก วุ่นวาย!” ไม่ใช่ ใช่มั้ย บอกผมทีว่าไม่ใช่ ใช่มั้ย???

“เอา ของมึง!!” ผมรับแหวนมาด้วยมือที่สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ก้มหน้าเหมือนกับคนอื่นๆที่ผผ่านมา ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเค้าแล้วก็ต้องตกใจจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

“ป๊อนซ์!!” ผมตะโกนเรียกชื่อ ชื่อที่ผมไม่คิดว่าจะได้เรียกอีก ชื่อที่ผมไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นเจ้าของชื่อมาอยู่ตรงหน้าผมแบบนี้

“เฮ้ย ไอ้โจ!!!” เสียงของคนอื่นๆในกลุ่มดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

“ฮือๆๆ ป๊อนซ์” ผมเรียกชื่อป๊อนซ์อีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปหาป๊อนซ์ช้าแล้วจับมือขึ้นมากุมเอาไว้

พลั่ก!!!

“อะไรของมึงเนี่ย?” ป๊อนซ์สบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะสะบัดมือผมออกแล้วผลักจนผมล้มลงไปกับพื้น

“ป๊อนซ์คะ นี่ใครอ่ะคะ” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างป๊อนซ์ลุกขึ้นมาจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง

“ใจเย็นๆกันก่อนนะ” พีเจที่ดูเหมือนจะมีสติสุดพยายามจะคงบคุมสถานการณ์เอาไว้

“ป๊อนซ์ กูคิดถึงมึง มากนะ ฮือๆๆๆ” ผมยังคงพร่ำบอกความรู้สึกที่มีในใจออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ป๊อนซ์กลับมองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจปนรังเกียจ

“โว๊ยยยยยยย!!! ใครก็ได้ช่วยบอกกูที ว่าไอ้เหี้ยนี่มันเป็นใคร????!!!!”

............................To Be Continue in Forgotten Love รักที่ถูกลืม.................................

หากสงสัยว่า...

เกิดอะไรขึ้นกับโจ

เกิดอะไรขึ้นกับป๊อนซ์

และทำไมจู่ๆโจถึงกลายเป็นรุ่นน้องของป๊อนซ์และคนอื่นๆไปแล้ว

ก็ติดตามกันต่อใน >> Forgotten Love รักที่ถูกลืม << ด้วยนะคะ

อาจจะมาอัพช้าหน่อยนะคะ เพราะอยู่ในช่วงเตรียมเอ็นท์ อาจจะเว้นไปพักใหญ่ๆ

อย่าลืมกันไปก่อนล่ะ  :mew2:

ถ้าอยากทวงตอนพิเศษหรืออะไรก็ไปทวงกันได้ที่นี่เลย >>> https://www.facebook.com/habbiezz

Thank You  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: BBlabong ที่ 09-07-2013 22:01:44
เศร้าเลย ๆ รอติดตามจ้า

หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 10-07-2013 00:38:31
มาม่ากันเข้าไป  :serius2: :serius2: เข้าใจว่าเด็กแอดสู้ต่อไปละรีบๆมาต่อนะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 10-07-2013 14:52:50
งงเลย จู่ๆ ป๊อนซ์ก็ไม่ตายแถมจำโจไม่ได้ แล้วไงโจมาเป็นรุ่นน้องได้
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-07-2013 15:59:34
ภาคต่อเศร้าจังเลย ทำไมต้องเป็นโจที่ต้องเสียใจตลอด
แล้วเพื่อน ๆ ไม่มีใครเคยเอ่ยถึงโจให้ป๊อนได้ยินเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 10-07-2013 19:29:31
สงสารโจอ่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 11-07-2013 17:37:35
อ่านตอนนี้แล้วเศร้าใจมาก แต่พอมาอ่านเรื่องใหม่ เศร้าใจยิ่งกว่า
เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ มันคือการเล่นตลกของใคร คอรบครัว
ของป๊อนกับโจหรือ หรืออะไรทั้นั้น และเค้าลางอุบัติเหตุป๊อนซ์ไม่ได้ตาย
แต่ความจำเสื่อม ทุกคนเลยสร้างเรื่อง แต่ใครสนใจจิตใจโจตอนบอบช้ำนั้นไหม
หากน้องไม่สามารถลืมได้ ยึดติด และเป็นบ้าไปเลย ใครรับผิดชอบวะ เราว่าครอบครัว
บางทีก็ควรเข้าใจอะไรให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เป็นแบบนี้ แล้วมาเสียใจ เมื่อทุกอย่างสายไป
รอต่อ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไม เพื่อนทุกคน หากป๊อนซ์ไม่ตาย ทำไมสามปีไม่ช่วยให้ป๊อนซ์จำโจได้ละ
เห่อ งงเกินไปแล้ว สงสารน้องโจมากๆทังสองเรื่อง เกือบเป็นบ้า เสียใจ :mew2: :hao5: :mew6: :o12:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: Minerva ที่ 11-07-2013 21:56:01
อยากร้องไห้แทน สนุกมากๆเลย
มีอุปสรรคเข้ามาไม่เว้นวัน สงสารโจมาก
ครอบครัวไม่ฟังอะไรเลย หมั่นใส้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ที่พอมารร.โดยไม่ถามความเห็น
แล้วนี่ยังไม่เปิดใจรับฟังความเห็นของลูกนี่เหรอครอบครัวที่อบอุ่น
จนสุดท้ายก็ทำให้น้องเสียใจจนเป็นบ้าอยู่แล้ว (เอ๋ แรงไปเปล่า)

โอ้ ภาคใหม่เกิดอะไรขึ้นโจสมองกระทบกระเทือน? หรือว่าย้อนอดีต
ไม่รู้ว่าอะไร แต่จะติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 13-07-2013 16:38:14
มีคนมาบอกว่าพิมพ์ผิดอยู่ ก็เลยแวะเข้ามาแก้ และอ่านคอมเม้นท์  :ruready

อย่าเพิ่งโกรธเกลียดป๊อนซ์กันเลยน้าาาา  :mew6:

เพราะตอนนี้ยังเลวไม่ได้เศษเสี้ยวของภาคหน้าเลยยย  :katai1:   5 5 5 +

ขอบคุณ @BBlabong @Redz @nongrak @snowboxs @shockoBB @hotladyanyavee @minerva00 มากนะคะ

สำหรับคอมเม้นต์ เพราะมันทำให้คนเขียนได้รู้ว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไงกัน  :mew3:

แล้วก็อย่าลืมติดตามต่อใน Forgotten Love รักที่ถูกลืม ด้วยนะคะ

KATIEZZ

หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 13-07-2013 18:37:38
เมื่อมาส่องเม้ม น้องค่ะไงมาต่อเรื่องใหม่ได้ไหมอะ บทแรกอะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 13-07-2013 22:06:39
เพิ่งตามมาอ่านจนจค่ะบ  ใช้เวลาอ่านไปสองวันเลย

จอรออ่านต่อนะคะ o13

 :pig4: :pig4: :pig4:



หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 15-07-2013 18:51:21
อยากอ่านต่อแล้ว เรื่องหน้ามาม่าเต็มจอแน่

สงสารโจอ่ะ คนที่ถูกลืม ทั้งแฟนและเพื่อน

ไม่น่ากลับมาเจอเรื่องแบบนี้เลย

ไม่ชอบเรื่องแนวนี้ แต่ทำไมอบากอ่านต่อจัง
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 15-07-2013 21:12:30
เขียนสนุกมากเลยค่า แต่เก๊าไม่ค่อยชอบดราม่าแหะ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว [Pontz x Joe] ตอนที่21ลมเปลี่ยนทิศ(end)+Intro Forgotten Love :09/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 16-07-2013 08:22:06
อะชะอ้าว เราไม่ได้เข้ามาอ่านนานม๊ากกกกกกกก เกิดอ่าร๊ายยยยย ทำไมมันเป็นอย่างงี้อะคะ ฮื้อๆ

เราว่านะตอนแรกแม่โจต้องหลอกโจว่า๊อนตาย แล้วไปบิกป๊อนว่าโจนะไม่รักป๊อนแล้วบลาๆๆ(อะไรประมานนี้)แล้วแหวนที่ฝากมาก็คือ พอป๊อนคิดว่าโจไม่รักก็เลยฝากแหวนมาให้ แม่โจก็เอาแหวนให้เปรอะๆเลือด เป็นไงคนอ่านคิดได้เป็นตุเป็นตะเลย 555

แต่ตอนอินโทรตอนใหม่นี่ป๊อนแกล้งทำเป็นจำไม่ได้หรือความจำเสื่อม ประมานว่าอกหักจากโจแล้วช็อค(บ้าไปละเรา)

อ้อออหรือว่ารถชนแล้วไม่ตายแต่ความจำเสื่อม .เอาแล้วไงเริ่มเดามั่ว><


สงสารโจ คนเป็นพ่อแม่ก้เหมือนไม่สำนึกซักนิดอะถ้าป๊อนโดยรถชนจนิงมันก็เป็นเพราะพวกเขาขัดขวางไง °^°

อยากอ่านต่อๆๆๆๆๆๆสนุกมากก ทำเอาเราอินขนาดนี้><
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[1/2]:16/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 16-07-2013 18:45:53
Special เหตุเกิดเพราะ Hormones [1/2]




[Pontz x Joe]




[Joe]




“ดื้อไปอาบน้ำ” เสียงมารขัดจังหวะความสุขในการดูฮอร์โมนของผมมาละ แม่งไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมมันต้องมาบังคับให้ผม
ไปอาบน้ำตอนที่ผมกำลังดูฮอร์โมนอย่างออกรสออกชาติทุกที

“อื้ออ เดี๋ยวค่อยไป ดูฮอร์โมนจบก่อน” ผมพูดตอบมันไปเสียงห้วนๆ โดยที่สายตาก็ไม่ได้ละจากจอทีวีเลยแม้แต่นิดเดียว

“มันจบดึก เดี๋ยวก็หลับคาโซฟาไม่ได้อาบน้ำอีกอ่ะ”

“ไม่หลับ~”

“ไม่เชื่อ!!”

“ไมต้องขึ้นเสียงด้วยอ่ะ” ผมสะบัดหน้าไปมองมันทันทีหลังจากที่มันตะคอกเสร็จ

“ก็มึงมันดื้อ”

“...” ไม่ตอบครับ เรื่องไรจะไปต่อปากต่อคำกับมันให้เหนื่อยล่ะ

“ดื้อ..”

“...”

“โจ”

“.....”

“เออ เชิญมึงดูหนังเหี้ยนี่ต่อไปเหอะ กูไปละ”พูดจบมันก็เดินตึงตังออกไปนอกห้องพร้อมกับปิดประตูเสียงดังจนหูผมแทบดับ

เชอะ ช่างก่อน ดูหนังก่อนดีกว่า ดูเสร็จค่อยไปง้อ




โอ๊ยยยยยย ตอนนี้หนุกมากกกกบอกเลย แบบภูกับธีร์แบบ น่ารักอ่า ><////

ว่าแต่ไอ้ป๊อนซ์หายไปไหนละเนี่ย

ผมปิดทีวีในห้องก่อนจะเดินลงมาเดินหามันที่ชั้นล่าง

“ป๊อนซ์~” ตะโกนเรียกชื่อก็แล้ว เดินหาก็แล้ว ก็ยังไม่เจออยู่ดี นี่มันไปไหนของมันนะ

“หนูโจหาอะไรเหรอคะ?” คุณป้าแม่บ้านของไอ้ป๊อนซ์เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าผมเดินไปมาจนทั่วบ้าน

“หาป๊อนซ์อ่ะครับ ป้ารู้มั้ยว่าป๊อนซ์ไปไหน?”

“อ๋ออ คุณป๊อนซ์ออกไปข้างนอกคะ นี่ก็ออกไปพักใหญ่ๆแล้วนะคะ”

“อ๋อครับ” ผมก้มหน้าคอตก ไม่คิดว่ามันจะออกไปข้างนอกแบบนี้เพราะปกติถ้ามันงอนหรือโกรธผมมันก็จะแค่ออกมานั่งนอกห้องแล้วรอผมมาง้อ

“เอ่อ ป้าไปนอนก่อนก็ได้ครับเดี๋ยวโจรอป๊อนซ์กลับมาเอง” ผมหันไปบอกป้าเค้าเนื่องจากตอนนี้มันก็ดึกแล้ว และดูเหมือนป้าแกก็
ไม่ไหวแล้วด้วยเหมือนกัน

“งั้นก็ได้คะ ขอบคุณหนูโจมากนะคะ” ป้าแกพูดขอบคุณยิ้มๆก่อนจะเดินไปนอน

เฮ้อออ ผมก็อยู่คนเดียวแล้วสินะ แอบกลัวอ่ะ  เมื่อไหร่ป๊อนซ์จะกลับมาละเนี่ย??



“โจ โจ มาหลับอะไรตรงนี้” เสียงปลุกของป๊อนซ์บวกกับแรงเขย่าทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น

“อ้าวว กลับมาแล้วเหรอ” ผมพูดงัวเงียๆพร้อมกับขยี้ตาไปด้วย

“อืมม แล้วตกลงมาหลับตรงนี้ทำไม แล้วนี่น้ำก็ยังไม่ได้อาบ บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้อาบน้ำด้วย ....” และอีกยาวเป็นหางว่าวจนผม
ฟังไม่ทัน

“คร้าบบบบบ คร้าบบบบ แล้วนี่ไปไหนมาอ่ะ ทำไมกลับมาป่านนี้” ผมเหลือบดูนาฬิกาก่อนจะหันไปถามมัน นี่มันตีสองแล้วนะ!

“ไปกินเหล้ามา” สิ้นคำตอบมัน ผมก็ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับมันทันที

“กับใคร?” เสียงของผมห้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“เพื่อน”

“เพื่อนมึงคนนั้นเป็นเพื่อนกูด้วยรึเปล่า?”

“เปล่า”

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย?”

“ก็ทั้งสองอ่ะ” ตอนนี้หน้าป๊อนซ์ก้มลงจนจะจูบกับท้องของมันอยู่แล้ว แต่พอมันก้มก็ทำให้ผมเห็นร่องรอยความผิดที่มันไปทำมา
เด่นหราอยู่บนคอ

“อ๋ออออ งั้นนี่มันรอยอะไร!?” ผมตวาดถามพร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มลงไปที่รอยนั้น

“เอ่อ...คือ....” อ้ำอึ้งรึมึง กูละอยากจะตีให้หัวแบะเลย ถ้าไม่ติดว่ามันตายแล้วกูจะเป็นหม้าย

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” คำถามเดิมแต่ความหมายมันเปลี่ยนไป

“ทั้งสองอ่ะ” ไอ้สัด! แต่มึงยังคงคำตอบแบบเดิมไว้ ไม่ตายวันนี้ไม่ต้องเรียกกูว่าโจ!!

“ตายซะเถอะมึง!” ผมพูดก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอมันจนสุดแรง

“โอ๊ยย โจกูเจ็บบบ”

“เรื่องของมึง!”

“โจก็เจ็บจริงๆนะ หายใจไม่ออกด้วย”

“เจ็บเหรอ ฮึก มึงเจ็บเหรอ ฮือออ” เป็นไงละผม เปลี่ยนอารมณ์เร็วโคตรร อยู่ดีก็อยากร้องไห้ขึ้นมาซะงั้น

“อึ้ก โอ๊ยยย เป็นไรอ่ะ ร้องทำไม? หืมมม” ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ ส่วนผมก็ค่อยๆคลายมือที่บีบคอมันอยู่ออกช้าๆ

“ฮึกก ฮืออออ กูก็เจ็บเหมือนกัน ฮือออ” ทำไมมันต้องไปทำอะไรแบบนั้นกับคนอื่นด้วยย กับผมคนเดียวไม่พอรึไง TuT

“กูขอโทษ แต่กูไม่ได้ไปมีอะไรกับเค้านะเว้ยย ก็แค่ไซร้กันเฉยๆอ่ะ” ป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปกอดกอ่นจะพูดขึ้น

“ฮืออออ ทำไมมึงต้องไปไซร้เค้าด้วยอ่ะ” ผมถามก่อนจะซุกหน้าลงเช็ดน้ำมูกน้ำตากับเสื้อมัน

“ก็เค้าน่าไซร้อ่ะ”

“...” ได้~

“โอ๊ยยยยยยย” ไอ้ป๊อนซ์ร้องโหยหวนราวกับโดนขลิบ หลังจากที่ผมกัดไปที่คอมันจนจมเขี้ยว

“แล้วกูอ่ะ” กัดเสร็จก็ผละออกแล้วเอามือจับหน้ามันไว้แล้วหันให้สบตากับผม

“มึงก็น่าไซร้กว่าอยู่แล้ว”

“โกหก!”

“จริงงงง ไม่มีใครจับแล้วมันส์มือได้เท่ามึงแล้วล่ะ หึหึ” มันพูดพร้อมกับค่อยเอามือล้วงเข้ามาในเสื้อของผม สาดดด เดี๋ยวกูตีมือ
หักเลย

“หยุดเลยนะ กูโกรธมึงอยู่” ผมพูดพร้อมกับเอามือตีมือมันที่ยังคาอยู่ในเสื้อของผม

“อ้าวววว แล้วทำไง ดื้อถึงจะหายโกรธละครับ???”

“ออนท็อป”

“ห๊ะ!! อะไรนะ”

“กูบอกว่ากูจะออนท็อป!” เป็นไงละ แรดสุดอ่ะกู

“หึ เอาเลยครับ เอาให้หนำใจ ให้หายโกรธเลย~” ป๊อนซ์ยิ้มร่า ก่อนจะเข้ามาอุ้มผมแล้วเดินขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ><///


.........................................TBC.......................................................

เอาละ ...... หลังจากที่เรื่องหลักได้ทิ้งความดราม่า และความเศร้าหมองกันเอาไว้  :hao5:

คนเขียนเลยเอาตอนพิเศษแบบ  :katai1: มาปลอบนะจ๊ะ 5 5 5 +

พักมาอ่านแบบเบาๆกันก่อนเนอะ

ตอนนี้ก็มาแบบสั้นมากๆๆๆๆๆๆ เพราะเนื่องจากต่อจากนี้มันเ็ป็น .....

เอ็นซี                      เอ็นซี                     เอ็นซี!!!!!!!!!!!!!!!

ทำให้ต้องใช้เวลาในการแต่งนิสนึงนะ   :katai4:

ยังไงก็ช่วยเม้นท์ & บวกเป็ดให้ด้วยเน้ออออ  :mew3:

เพราะกำลังใจสำคัญมากในการแต่งเอ็นซี  :hao6:

สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณ @hotladyanyavee @teatimes @loveaaa_somsak @punchnaja @ammamooty

สำหรับคอมเม้นท์นะคะ  :pig4: :pig4: :pig4: :call: :call: :call:

KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[1/2]:16/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-07-2013 20:07:58
ตอนพิเศษอ่านแล้วก็ยังเศร้าเลยอ่ะ
ป๊อนซ์ไม่คิดจะทิ้งสันดานเจ้าชู้เลยเหรอ
โจก็ให้อภัยง่าย ๆ ตลอด น่าจะทำเจ้าชู้ให้ป๊อนซ์รู้สึกบ้างนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[1/2]:16/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 17-07-2013 08:21:21
ง่าาาทำไมป๊อนซ์เหมือนไม่สำนึกผิดอะค้าาาาาา °^°

โจก็นะคนมันรักไปแล้วใช่ป่ะใจอ่อนตลอดๆๆ

รอตอนต่อไปคะ '.,'
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[1/2]:16/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 17-07-2013 10:29:05
ลูกโจแรงจริงอะไรจริง แต่ป๊นซ์ไหนว่ารักจริง ไมไปไซร้คนอื่น เป็นเราจะไม่ยอมทั้งออนท๊อป
ทั้งอะไร แต่จะงอนอย่างเดียว
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[1/2]:16/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 17-07-2013 12:57:01
ขนาดตอนพิเศษยังปวดตับเล็กน้อย

รออ่านภาค 2 ครับ มาต่อไวไวนะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[1/2]:16/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: hontensia ที่ 18-07-2013 01:00:54
รอภาคต่อ..อย่างดราม่าอ่ะ ชอบเลยแบบนี้ ><
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[1/2]:16/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 20-07-2013 02:11:01
ThankS
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 20-07-2013 20:40:40
Special เหตุเกิดเพราะ Hormones [2/2]




[Pontz x Joe]





[Pontz's part]






“อ้าววว ไหนบอกจะออนท็อปไงดื้อ ไหงยืนนิ่งงั้นอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มกวนๆไปให้โจที่ยืนอยู่ปลายเตียงด้วยสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

เอาจริงๆป่ะ วันนี้ผมไม่ได้ออกไปกินเหล้า ไซร้คอกับใครที่ไหนหรอก ก็แค่ไปหาไอ้ไปป์ที่คอนโดแล้วนั่งกินเหล้าปรับทุกข์กัน
เฉยๆ แล้วพอประมาณตีสอง เมียมัน เอ่อ น้องพลัสเตอร์อ่ะครับ ก็ออกมางุ้งงิ้งใส่มันผมเลยต้องกลับมาบ้าน แล้วมาเจอไอ้ดื้อนอน
หลับรออยู่หน้าบ้านนั่นแหละ

“เอ่อ คือ....” เอาล่ะครับ น้องโจของพวกเราเริ่มลนลาน เม้มปาก หน้าแดง กันแล้วล่ะครับ แม่ง น่าฟัดสุดๆอ่ะ

“ไหวมั้ย เปลี่ยนใจได้นะ” คนอย่างไอ้นี่ต้องพูดยุมันครับ มันจะได้ขึ้น

“ทำไมจะไม่ไหววะ!” ไม่พูดเปล่าครับ เพราะตอนนี้โจค่อยๆคร่อมผมพร้อมกับคลานขึ้นมาจนหน้าประจันหน้ากันเลยทีเดียว

ผมก็นอนพิงหัวเตียงพร้อมกับเอาหมอนพิงหลังไว้แบบสบายๆ นอนรอดูการกระทำของแมวน้อยที่กำลังทำสีหน้าลำบากใจอยู่ตอน
นี้

“อืมมม ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไรนะ เพราะตอนนี้กูก็เริ่มง่วงแล้ว จะไปอาบน้ำแล้วมานอนอีก” ผมพูดพร้อมกับทำท่าจะยันตัวลุกขึ้น
จากเตียงทั้งๆที่ไอ้โจก็ยังนั่งทับอยู่บนตัวผมนั่นแหละ

“หยุดเลยนะ” ขู่อย่างกับแมว เดี๋ยวกูจับจูบซะเลย

“กู มึง อุ๊บบบ” น่านนน ไง เอาละ

โจค่อยจูบไล้จากริมฝีปากด้านนอกของผมพร้อมทั้งขบเม้มเบาหนักสลับกันไป สร้างความหวาบหวิวให้ผมได้ไม่น้อย แต่โจไม่พอ
แค่นั้นเพราะพยายามจะดันลิ้นเล็กของตัวเองเข้ามาสำรวจในปากของผม แต่ก็นะ ไม่แกล้งก็ไม่ใช่ป๊อนซ์~

“เปิดปากเดี๋ยวนี้เลยนะป๊อนซ์” โจถอนริมฝีปากออกไปก่อนจะพูดขู่ผมไปด้วย มันจะรู้มั้ยเนี่ยว่าตอนนี้หน้ามันแบบว่าแดงนิดๆแล้ว
ก็มีเหงื่ออยู่ตามไรผมนิดหน่อย เซ็กซี่เป็นบ้าเลยเมียกู

“ไม่”พูดจบผมก็เม้มปากจนแน่น

“ได้” โจยิ้มยั่วยวนแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ก่อนจะค่อยๆใช้ปากปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของผมออกทีละเม็ดอย่างช้าๆ พร้อม
กับช้อนตามองผมไปด้วย สาดดด ยั่วกูเหรอเมีย??

หลังจากแกะกระดุมผมด้วยวิธีของมันจนเสร็จ โจก็ค่อยๆคาบชายเสื้อผมเอาไว้แล้วเปิดออกให้มันแยกออกจากกัน โชว์ของดีของ
ผม เอ่อ ผมหมายถึงหน้าท้องที่มีกล้ามนิดๆพอให้ดูออกว่าเป็นผู้ชายที่ชอบออกกำลังกาย

“อ๊ะ อื้ออ โจ~” ผมหลุดปาก ครางออกมาเมื่อโจค่อยๆละเลงลิ้นลงบนอกผมแล้วลากลงไปด้านล่างช้าๆ

“ไงล่ะ จะเชื่อฟังกันรึยัง หืมมม??” โจละออกจากหน้าท้องผมก่อนจะขยับเข้ามาถามแบบชนิดที่ว่าปากจะชนกับปากผมอยู่แล้ว

“เชื่อแล้วคร้าบบบ ยอมทุกอย่างเลย” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมไปจุ๊บเบาๆที่ปากเล็กๆของโจ

โจยิ้มรับก่อนจะก้มลงมาประกบปากกับผมอีกรอบแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ประกบธรรมดาเพราะโจค่อยๆสอดลิ้นเล็กๆของตนเองมาไล้
ตอนลิ้นของผมจนโจเริ่มจะหายใจไม่ทันและจะผละออก แต่มีหรือผมจะปล่อยไปได้

ผมเอามือไปรั้งคอของโจให้ลงมาชิดกว่าเดิมก่อนจะเป็นฝ่ายไล้ต้อนลิ้นเล็กของโจจนจนมุมซะเอง

”ไง ยังจะเก่งอีกมั้ยหืมม หมดแรงซะขนาดนี้” ผมพูดกับโจที่ตอนนี้หมดแรงนอนซบอยู่ที่คอผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“กูไม่ยอมหรอก” โจพูดพร้อมกับดันตัวขึ้นนั่งอกครั้ง พร้อมกับถดตัวลงไปนั่งทับเข่าผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆใช้ปากค่อยๆรูด
ซิปกางเกงผมลงอย่างช้าๆ โอ๊ยยยย กูขึ้นเลยครับ ขึ้นนน =,.=

“เอ่อ  โจ ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้นะ” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าโจกำลังจะใช้ปากให้ผม

“ทำไมอ่ะ กูจะทำ ไม่ได้รึไง??” โจพูดพร้อมกับกดมือลงเน้นๆที่ลูกชายของผม อืมมม ป๊อนซ์จะไม่ทน TT”

“อ๊ะ อื้มมม ไม่ได้ว่าอะไรครับ อยากทำไรทำเลย” ผมพูดอย่างหมดแรงเมื่อโจเริ่มจะลงแรงมากขึ้น

“อื้มมมม อ๊า... อย่างนั้นละ อื้มมมม เร็วอีกนิดได้มั้ยดื้ออ” ผมพูดออกไปตามอารมณ์ล้วนๆ

โจเร่งจังหวะให้เร้วขึ้นตามคำขอของผม จนผมเริ่มจะทนไม่ไหว

“อ๊า โจ ป๊อนซ์ไม่ไหวแล้วว!!!!!!!!!!!!” ผมพูดก่อนจะค่อยๆปลดปล่อยออกมาจนหมด

อืมมม โล่งดีจังงง

“อึก~” โจกลืนน้ำรักของผมลงไปอย่างไม่รังเกียจก่อนจะค่อยๆเช็ดที่ริมฝีปากออก โอ๊ยยย เมียกูเซ็กซี่ไปไหน

“งั้นต่อเลยนะ” โจพูดพร้อมกับยันตัวขึ้นคุกเข่าแล้วถอดกางเกงออกจนหมด ขาวไปไหนวะที่รักกกกก

“อืมม”

โจก้าวขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่บนขาผมพลางมองแก่นกายของผมด้วยสีหน้าคิดหนัก

“กูช่วยก่อนมั้ย ดื้ออ” ผมถามพร้อมกับค่อยๆไล้มือไปจนทั่วร่างของโจ โจก็เริ่มออกอาการสั่นนิดๆ

“เอ่อ .. ไม่เป็นไร อ๊ะ อ๊า...ป๊อนซ์” โจชะงักค้างเมื่อผมเอื้อมมือไปลูบตรงทางเข้าด้านหลังของโจเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมก่อน
จะเจอกับของใหญ่อย่างผม หึหึ

“เป็นไง ดื้ออ รู้สึกดีมั้ยย หืมม” ผมพูดพร้อมกับเริ่มลงน้ำหนักแรงเบาสลับกันไป

“อื้ออออ ป๊อนซ์ อ๊า ซี๊ดดดดดด” โจกัดริมฝีปากอย่างเซ็กซี่พร้อมกับส่ายตัวไปมาอยู่บนตัวผม โอ๊ยยย อย่าส่ายมากดิเมียเดี๋ยวกู
ทนไม่ไหวนะ

“พร้อมนะ” ผมพูดก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปทีละนิด

“อ๊ะ ป๊อนซ์ เอาออกไปเลยนะ กู ทะ ทำ เอง ได้ อ๊า”  หลังจากที่ผมสอดนิ้วเข้าไปจนสุดโจก็หมดแรง ล้มลงมาซุกอยู่กับอของผม
ส่วนผมน่ะเหรอ ก็ทำหน้าที่สามีที่ดีด้วยการขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ

“อื้มมม อย่าเกร็งนักดิดื้อ เดี๋ยวเจ็บเองนะ” ผมพูดพร้อมกับค่อยๆส่งนิ้วที่สองและที่สามเข้าไปตามลำดับ

“อ๊ะ อ๊ะ ไม่ไหวแล้วว ป๊อนซ์!!!!!” อย่ากรีดร้องออกมาเบาๆก่อนจะปลดปล่อยจนเลอะเต็มหน้าท้องผมไปหมดทั้งๆที่ผมยังไม่ได้
แตะต้องแก่นกายของโจเลยแม้แต่น้อย

“แฮ่กๆๆ” โจหอบหายใจแรงก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“เดี๋ยวกูทำเองง” ดื้อเหลือเกินเมียกู ขาสั่นขนาดนั้นจะทำไงไหวล่ะนั่น

“คร้าบบๆ” ผมยกหัวขึ้นนิดนึงก่อนจะสอดมือไปหนุนไว้ใต้หัว แล้วนอนดูการกระทำที่แสนเย้ายวนของโจ

“อืมมมม อ๊า..” โจค่อยนั่งยองแล้วจับแก่นกายของผมไปจ่อไว้ที่ช่องทางของตัวเอง

“ไหวมั้ยโจ เจลมั้ย” ผมถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“อืมมมม” โจแสดงสีหน้าหวดหวั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพยักหน้าเบา

“อ่ะ ดื้ออ” ผมเปิดลิ้นชักหัวเตียงก่อนจะยื่นให้โจ

โจรับเจลไปอย่างรวดเร็วก่อนจะบีบและชโลมมันจนทั่วทั้งแก่นกายของผม

“อ๊ะ อ๊ะ ...” หลังจากที่ชโลมเจลจนทั่วแล้ว โจก็พาร่างตัวเองขึ้นมาคร่อมผมอีกครั้ง พร้อมทั้งจับแก่นกายของผมจ่อไปที่ช่องทาง
ของโจเอง แล้วถูเบาๆเพื่อปรับสภาพ

“อ๊า อย่างนั้นแหละคนดี ค่อยๆนะ” ผมพูดให้กำลังใจโจอยู่เรื่อยๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่โจออนท็อป

“อื้มมมม” โจเม้มปากแน่นเมื่อใส่เข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว ยังเหลืออีกตั้งครึ่งนึงแน่ะ

“ไหวมั้ยดื้อ”

“ไหว อ๊า อุ๊กก” โจตัดสินใจทิ้งตัวลงมาเต็มแรงก่อนจะจุกเสียเอง ส่วนผมน่ะเล็กน้อยครับ

“ไงล่ะ บอกแล้วว่าค่อยๆ จุกเลยล่ะซิ” ผมพูดยิ้มๆพร้อมกับเอามือช่วยประคองสะโพกของโจเอาไว้

“หยุดเลยนะ เพียะ!!” ไม่พูดเปล่าครับ โจยกมือขึ้นฟาดที่อกผมจนเต้มแรง

“โอ๋ๆๆ โทษจ้า”

โจพักปรับสภาพภายในนิดนึงก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นแล้วลดตัวลงมาอีก ทำอย่างนั้นอยู่เรื่อยๆ

“อ๊า โจ อย่ารัดกูนักดิ กูจะไม่ไหวแล้วนะ” ผมพูดเมื่อโจบีบรัดผมจนแทบจะบ้าตายย

“อื้มมม ป๊อนซ์ กูไม่ไหวแล้วอ่ะ กูเข็ดขา” โจพูดพร้อมกับหยัดตัวขึ้นนั่งด้วยขาที่สั่นอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่มีปัญหาครับที่รัก เดี๋ยวป๊อนซ์จัดเอง” พูดจบผมก็พลิกตัวโจลงมาอยู่ด้านล่างอย่างรวดเร็วก่อนจะซอยแบบเน้นๆ เร็วๆ ไม่ยั้ง

“อ๊ะ อ๊ะ ป๊อนซ์ กูไม่ไหวแล้ววว ป๊อนซ์”

“งั้นพร้อมกันนะดื้อ” ผมพูดก่อนจะค่อยๆเร่งความถี่จนโจบีบรัดอย่างรุนแรงและปลดปล่อยออกมาจนหมด แล้วผมก็ปล่อยตามมา
ติด

หลังจากปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่สองของวัน ผมก็หมดแรง ซบลงกับหลังของโจ และไม่ลืมที่จะดูดเม้มสร้างรอยไว้จนทั่วแผ่น
หลังขาวเนียนน่าสัมผัสนั้น

“อืมม ป๊อนซ์ เอาของมึงออกไปได้แล้วก็จะไปล้างตัว” โจพูดพร้อมกับกระชากหัวผมแรงๆหนึ่งทีหลังจากที่ผมปล่อยไปนานแล้ว
แต่ก็ยังไม่ยอมถอนแก่นกายออกมา

“เอาออกทำไมล่ะ กว่าจะใส่ได้อ่ะลำบากจะตาย ขออีกสักสองรอบนะดื้อออ” ผมพูดก่อนจะรั้งสะโพกโจขึ้นมา แต่หน้าโจนั้นมุดอยู่
กับหมอนยกไม่ขึ้นแล้ว

คืนนี้อีกยาวไกลจ๊ะ เมียจ๋าาาาาาาาาาา

“ไอ้เวรร ป๊อนซ์ อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!”

.......................................END.........................................

เอาเลยจ้าาาาา แต่งมาให้เสพกันแแล้ววววว

เอ็นซี 8+ เอง ฮ่าๆๆๆ  :hao6:

แต่งกันแบบว่ามันส์สุดๆ  :katai4:

ยังไงก็รอ special ตอนต่อไป กันเน้อออ  อย่าเพิ่งทิ้งกันไปล่ะ  :mew2:

ส่วนเรื่อง Fogotten Love ก็มีคนถามมาหลายคนนะ

แต่คนแต่งต้องขอโทษจริงๆนะ ที่จะไม่ได้อัพเร็วๆนี้อ่ะคะ เพราะ ใกล้สอบแล้วจริงๆเห็นใจกันนะ

แต่ถ้าเป็น Special สั้นๆ ก็ยังพอไหวอ่ะคะ  :katai1:

สัญญาว่าจะพยายามมาอัพเรื่อยๆนะ  :3123:

แล้วก็ใครอยากฝากบอกอะไรน้องโจกับน้องป๊อนซ์ หรือไม่ว่าจะเป็นลิ้ม ท็อปเทล ไปป์ ภูมิ พีเจ นาย ก็เม้นท์ไว้ได้เน้ออ

เดี๋ยวคนแต่งจะไปบอกให้  :katai5:

แล้วก็ขอบคุณ @snowboxs @ammamooty @hotladyanyavee @loveaaa_somsak @hontensia @IöLIKE

สำหรับคอมเม้นท์นะคะ

อยากบอกว่าคอมเม้นท์แต่ละอันมีความหมายกับคนแต่งมากนะคะ  มันเหมือนเป็นการให้กำลังใจอ่ะคะ

อ่านแล้วก็อย่าลืม เม้นท์ & บวกเป็ดให้ด้วยเน้ออออ  :call: :call: :call:

KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-07-2013 12:39:41
อ๋อไปหัองไปป์มานี่เอง
แล้วรอยมันมาจากไหน
หรือรอยเดิมๆที่โจทำไส้เอง :o8:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 21-07-2013 14:04:25
ร้อนแรงไปไหน ยิ่งร้อนแรงมาก ก็ทำให้รอเรื่องต่อไป แบบมันสงสารโจอะ สงสารป๊อนซ์ด้วย
อยากรู้ทำไมถึงลืมกัน
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: dekthuem ที่ 21-07-2013 20:10:27
รอและติดตามอยู่น่ะครับ
:))
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: perseus8 ที่ 22-07-2013 21:22:42
รอภาค2น่ะคับ อิอิ  ภาค2คงต้องเตรียมทิชชู่ไว้รอ  :hao5: :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 23-07-2013 09:58:56
อยากอ่านภาคสองแล้วอ่าา  Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love Fogotten Love (ห้าๆ)

ยังไงก็สู้ๆนะคะ รอได้ค้า (แต่อย่านานเกินนะเดี๋ยวเราลืมเรื่องหลัก ><)
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 23-07-2013 15:47:12
มาม่าจริงๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 25-07-2013 17:37:37
อยากอ่านตอนต่อไป ชิชิ  :mew4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 25-07-2013 18:20:18
ต้องบอกว่ามารอเรื่องต่อไป ไปทวงมาหลายรอบ แต่สงสารน้องเพราะเป็นเด็กแอดมิชชั่น
ต้องเตรียมตัว แต่อย่านานนะ เดี๋ยวลืมกันไปก่อน
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special เหตุเกิดเพราะHormones[2/2]:20/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 27-07-2013 13:30:17
สนุกดีค่ะ
รอติดตามๆๆๆๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special Pontz's Birhtday:27/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 27-07-2013 20:14:20
Special Pontz’s birthday






[Pontz x Joe]





[Joe]






วันนี้เป็นอีกวันในรอบ 1 ปี ที่ผมเฝ้ารอเพื่อที่จะหาของขวัญหรือทำอะไรพิเศษๆสักอย่างหนึ่ง ให้กับคนพิเศษของผม..



..วันนี้เป็นวันเกิดของคนคนนั้น..


..คนที่ผมรักเขาเอามากๆ จนตัวผมเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า ทำไมผมถึงรักเขาได้ขนาดนี้..


..คนที่ผมยอมและพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้เขา โดยที่เขาไม่ต้องร้องขอหรืออะไรทั้งสิ้น..

..คนที่ทนนิสัยเสียๆของผมที่หลายคนเอือมระอาได้ โดยไม่แม้แต่จะปริปากบ่นออกมา..


..คนคนนั้น คนที่ชื่อว่า ป๊อนซ์...


แต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญและจะเซอร์ไพรส์อะไรดี เริ่มจะเครียดแล้วเหมือนกันนะ ==’

“โจ เป็นไรวะ ขมวดคิ้วจนมันผูกกันเป็นเงื่อนตายแล้วนะนั่น” ไอ้ไปป์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมพูดขึ้น

“มึงจำได้ป่ะ ว่าวันนี้วันอะไร?” ผมลองถามไปป์ดูว่ามันจะจำวันเกิดป๊อนซ์ได้รึเปล่า

“ได้ดิ วันนี้วันเกิดไอ้ป๊อนซ์”

“เออ มึงก็จำได้นี่หว่า แล้วทำไมดูไม่ตื่นตัว ตื่นเต้นอะไรเลยวะ??”

“จะตื่นเต้นไปทำไม ไอ้ป๊อนซ์มันไม่ชอบให้จัดงาน หรือ ทำอะไรเยอะๆให้มัน มึงก็รู้” ไปป์พูดพร้อมกับมองหน้าผมไปด้วย

“เออว่ะ แต่จะให้ทำไงอ่ะ ก็กูอยากทำอะไรเซอร์ไพรส์ๆให้มันอ่ะ ปีนึงมีครั้งเดียวเองนะเว้ย”

“ก็ใช่ดิ คนเหี้ยไร เกิดปีละหลายครั้งวะโจ ==”

“ไม่ช่วยคิดแล้วยังมาทำหน้าเซ็งโลกอีก ไปไกลๆเลยมึง ไร้ประโยชน์จริง!” ผมพูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะกลับมาจมอยู่กับตัวเอง
ต่อ

เอาไงดีวะโจ!!!

“ไปป์ ไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นไรวะ ทำหน้าอย่างกับผัวตาย” ไอ้ลิ้มที่เพิ่งจะเดินมานั่งก็หันไปถามไปป์พร้อมกับบุ้ยปากมาทางผม

“ผัวมึงสิ ไอ้เหี้ยลิ้ม!!” ผมหันกลับไปตวาดใส่อย่างอารมณ์เสีย คนยิ่งมีเรื่องให้คิดเยอะๆอยู่ มากวนกันอยู่ได้

“กูมีแต่เมียเหอะ เนอะเทลเนอะ” ลิ้มพูดพร้อมกับหันไปดึงน้องท็อปเทลเข้ามานั่งข้างๆแล้วเอามือพาดพนักพิงแสดงความเป็น
เจ้าของเต็มที่

“พี่ลิ้มก็อย่าไปกวนพี่โจดิ แล้วพี่โจเครียดเรื่องอะไรอยู่เหรอครับ” ท็อปเทลหันไปดุลิ้มนิดๆแต่เหี้ยนั่นก็ไม่ได้สนใจแถมยังก้มลงไป
จุ๊บเบาๆบนหัวเทลอีกด้วย ชิ!!

“พี่ไม่รู้ว่าจะเซอร์ไพรส์วันเกิดป๊อนซ์ยังไงดีอ่ะ”

“อ๋ออ อย่างนี้นี่เอง”

“เทลเคยเซอร์ไพรส์วันเกิดใครป่ะ?” ผมเอามือท้าวคางพร้อมกับหันหน้าไปพูดกับท็อปเทล

“เอ่อ เคยครับ” เทลอ้ำอึ้งนิดนึงก่อนจะตอบออกมา แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยละนั่น

“แล้วทำไงอ่ะ แล้วคนที่โดนเซอร์ไพรส์เค้าชอบป่ะ”

“ชอบมากกก” ไอ้ลิ้มพูดออกมาทันทีที่ผมพูดจบ

“อะไรของมึงอีกเนี่ยลิ้ม”

“ก็เทลมันเคยเซอร์ไพรส์วันเกิดกู”

“จริงดิ!! แล้วเทลทำไรให้มึงอ่ะ”

“หึ ไม่ทำไรมากนะ ก็แค่ซื้อของมาให้แล้วก็นอนเฉยๆ ^_^” ยิ้มหน้าบานเชียวมึง

“พี่ลิ้ม!” ท็อปเทลดุเสียงแข็ง แต่ก็เหมือนเดิมครับ มันไม่ได้ระคายผิวไอ้ลิ้มเลยแม้แต่น้อย

“เอิ่มมม กูขอบายแล้วกัน มีวิธีอื่นอีกป่ะ??” ถ้าใช่วิธีท็อปเทล มีหวังผมได้ขาดเรียนยาวแน่ =,.=

“เอางี้นะ ป๊อนซ์มันชอบอะไรบ้าง??” ไอ้ไปป์ที่เงียบไปนานก็ถามขึ้นมา

“อืมมม นอกจากกูแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันชอบอะไรอีกบ้าง 555” กรี๊ดดด พูดเองเขินเอง

“== เหี้ย ดีๆดิ” ไปป์ทำหน้าเบื่อๆก่อนจะถามจริงจัง

“ก็ชอบบรรยากาศเงียบๆ ไม่ชอบอะไรที่มันเยอะเกินไป”

“อืมม งั้นมึงก็ทำอะไรที่มันเรียบง่ายๆ แต่มันเห็นแล้วประทับใจให้มันดิ”

“อะไรดีวะ??”

“คิดเองดิวะ ผัวมึงนะไม่ใช่ผัวกู” ไปป์ทำหน้าเหนื่อยๆก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ตัวช่วยกูหายไปแล้วอ่า

“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกพี่โจ แค่พี่โจตั้งใจทำด้วยตัวเองพี่ป๊อนซ์ก็ประทับใจแล้วล่ะเทลว่าอ่ะนะ” เทลพูดพร้อมกับยิ้มให้กำลัง
ใจผม

“เออ งั้นโอเค กูจะพยายาม!! ว่าแต่แล้วจะไปจัดที่จัดทางยังไงอ่ะ เพราะเดี๋ยวป๊อนซ์ก็กลับบ้านพร้อมกูอ่ะ”

“เดี๋ยวพวกกูดึงไว้ให้เอง” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับทำหน้าประมาณว่าไม่ต้องห่วง



[Pontz]



“มึง กูว่าวันนี้ซ้อมแค่นี้ก่อนก็ได้” ผมหันไปบอกพวกที่อยู่ในสนามบาสให้หยุดเพราะนี่ก็ซ้อมกันมานานมากแล้ว แล้ววันนี้ไอ้ไปป์
กับไอ้ลิ้มก็ไม่รู้หายหัวไปไหนหมด เหลือแค่ผมที่มาซ้อมให้เด็กๆอยู่ แล้วก็มีไอ้ภูมิ ไอ้นาย แล้วก็พีเจมาช่วยคุมเด็กให้

“จะกลับไปฉลองกับเมียเหรอจ๊ะ” ไอ้ภูมิล้อพร้อมกับโยนลูกบาสมาใส่ผม

“อืม นี่ก็ทิ้งมันไว้คนเดียวนานแล้วเนี่ย” ผมพูดนิ่งๆพร้อมกับหันไปรับไหว้เด็กที่เดินมาไหว้ก่อนกลับบ้าน

“อ้าวว แล้วนี่ได้เอาฝาชีครอบไว้รึเปล่า ระวังแมลงวันมาตอมนะ” ไอ้นายก็พูดแซวขึ้นมาอีกคน

“โจนะเว้ยไม่ใช่ขี้” ไอ้พีเจที่อยู่เงียบๆก็เงยหน้าขึ้นมาเล่นกับไอ้สองตัวนี้ไปด้วย

“บ้านมึงเค้าเอาฝาชีครอบขี้ด้วยเหรอไอ้สัด” ภูมิชะงักมือที่กำลังเก็บลูกบาสพร้อมกับหันไปถามพีเจ

“เออว่ะ กูลืม” ไอ้พีเจก็ทำหน้างงตัวเอง ก่อนจะพึมพำอะไรสักอย่างอยู่คนเดียว

เพื่อนกูหาปกติได้บ้างมั้ยเนี่ย??

ผมส่ายหัวกับพฤติกรรมปัญญาอ่อนนั้นเบาๆก่อนจะเดินลากตาข่ายใส่ลูกบาสไปวางไว้ข้างๆโต๊ะแล้วหยิบไอโฟนขึ้นมาโทรหาโจ
ก่อน เพราะ ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนกับใครบ้าง

“อยู่ไหนอ่ะ?”

(อยู่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกอ่ะ แล้วนี่ซ้อมเด็กเสร็จแล้วเหรอ?)

“อืมม อยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวไปหา”

(รับทราบครับผม)

“อืม” ผมรับคำสั้นๆก่อนจะยิ้มกับหน้าจอที่ตอนนี้เป็นรูปของคนที่เพิ่งจะวางสายไปเมื่อกี๊

“แหม ยิ้มซะฟินเชียวว ทำอย่างกับจีบมันใหม่ๆงั้นแหละ” ไอ้ภูมิเดินมากระแหนะกรแหนผมก่อนจะช่วยถือตาข่ายใส่ลูกบาสไปให้

“หึ ทุกวันนี้กูก็ยังฟินเหมือนตอนจีบมันแรกๆนั่นแหละ” ผมพูดยิ้มๆ

“เลี่ยน!!” ทั้งสามตัวตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

ทำไมวะ รับไม่ได้รึไงที่ผมพูดความจริง  ก็ผมรักของผมนี่นา

หลังจากเก็บลูกบาสเสร็จพวกผมสี่คนก็เดินไปที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกทันที

“เป็นไงรอนานมั้ย?” ผมลูบหัวโจเบาๆพร้อมกับถามขึ้น

“อ๊ะ มาแล้วเหรอ ไม่นานๆ นี่ไงทำการบ้านรอไปด้วย จะเสร็จละ” โจหันกลับมาตอบผมก่อนจะยิ้มจนตาหยี  เฮ้ออ เห็นแค่นี้ ไอ้ที่
ผมเหนื่อยมาทั้งวันก็หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว

“อืมม แล้วไอ้สองเหี้ยนี่ทำไมไม่ไปช่วยกูซ้อมเด็กวะ?” ผมรับคำโจก่อนจะหันไปคาดโทษไอ้ไปป์ที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะแล้วก็ไอ้
ลิ้มที่นั่งเล่นผมเมียมันอยู่

“เอาน่า เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกกูเลี้ยงเหล้าไถ่โทษ ไปๆๆๆ” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับเก็บของลงกระเป๋าและลุกขึ้น

“ไอ้เลี้ยงเหล้าอ่ะ ไม่ปฏิเสธ แต่วันอื่นได้มั้ยวะ?”

“อ้าว ทำไมวะ?”

“วันนี้กูนัดกับไอ้โจไว้แล้วอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอากระเป๋าเป้ของโจที่เก็บของใส่จนหมดแล้วมาสะพายไว้ที่หลัง

“ก็เอามันไปด้วยดิ”

“ไม่ได้” ผมไม่เคยยอมให้โจไปกินเหล้าหรือ ไปเที่ยวกลางคืนกับพวกผมเลยเพราะถ้าเกิดไปมีเรื่องขึ้นมาโจมันจะลำบาก

“ตลอดอ่ะ งั้นมึงไปกินเหล้ากับไอ้พวกนี้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูกลับไปรอที่บ้านมึง” โจพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนและจะเอาเป้ออกจากไหล่
ผม

“ได้ไงอ่ะ”

“ไปกับไอ้พวกนี้ก่อนเหอะ เดี๋ยวพวกมันงอนนะมึง” โจพูดติดขำพร้อมกับจับแขนผมแล้วบีบเบาๆเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร มันกลับ
เองได้

“เออ กูงอน เชอะ!” ไอ้ภูมิพูดขึ้นมาก่อนจะสะบัดหน้าแบบใส่จริตเต็มที่

“เออ งั้นก็ได้ ว่าแต่มึงจะกลับไงอ่ะ?”

“เดี๋ยวกูขับรถมึงกลับไง” โจพูดพร้อมกับแบมือมาตรงหน้าผมเพื่อขอกุญแจรถ

“งั้นก็ได้ เออ เดี๋ยวพวกมึงอยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวกูมา”

“เออๆ ไปเหอะ”

หลังจากตกลงกันเสร็จผมก็เดินถือกระเป๋าตามหลังโจไปที่รถ

“ขับดีๆนะดื้อ อย่าใจร้อน อย่าประมาท เข้าใจมั้ย?” ผมเอาของเก็บในรถแล้วยืนคุยกับโจที่นั่งอยู่ประจำที่คนขับ

“คร้าบบบบ ไม่ต้องห่วง อย่ากินเยอะมากนะมึง แค่สังสรรค์นิดๆหน่อยๆก็พอ แล้วก็อย่าลืมซื้อกลับมาฝากกูที่บ้านด้วย”

“อืมๆ ถึงบ้านแล้วโทรหากูด้วย”

“ครับๆ บ๊ายบาย” โจโบกมือลาผมก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้นแล้วขับรถออกไปช้าๆ

ผมยืนดูจนรถขับออกไปจนพ้นสายตาแล้วจึงเดินกลับไปหาคนอื่นๆที่โต๊ะ

“แหมม ตั้งแต่ได้มันเป็นเมียเนี่ย พวกกูก็ไม่เคยได้กินเหล้ากับมันเลยนะ” พีเจพูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าล้อๆ

“ไม่อยากให้มันกินข้างนอกเฉยๆ ถ้าจะกินก็ไปกินกันที่บ้านกูดีกว่า”

“จ้า พ่อคนหวงเมีย แล้วนี่จะไปกันได้ยัง” ไอ้ภูมิถามพร้อมกับเอากุญแจรถขึ้นมาเหวี่ยงเล่น

“เออไปกันเหอะ แล้วนี่จะไปกันไงบ้างเนี่ย?” ผมถามขึ้นเพราะตอนนี้เรามีรถกันอยู่ 3 คัน

“ก็เดี๋ยวมึงแล้วก็ไอ้นายไปรถกู ไอ้ไปป์ไปรถพีเจ ส่วนไอ้ลิ้มต้องแวะไปส่งท็อปเทลที่บ้านก่อน”

“อืมม งั้นตามนี้ เจอกันที่ร้านนะมึง” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปที่รถไอ้ภูมิ

“เออๆ”



ขับรถออกไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงร้านประจำของพวกเรา

พวกผมก็เอารถไปจอดในที่ประจำก่อนจะเดินไปหาโต๊ะที่ส่วนตัวๆนั่งกัน

“อ่ะ ของมึงแบบเบาๆ เพราะเมียรออยู่ที่บ้าน” ไอ้นายผสมเหล้าก่อนจะยื่นมาให้ผม

“ขอบใจเว้ย” ผมรับมาจิบเข้าไปนิดนึงก่อน ก่อนจะกระดกหมดทั้งแก้ว เออ หัวค่อยโล่งขึ้นมาหน่อย

“เดี๋ยวก็เมาหรอก” ไอ้พีเจพูดเตือนผมนิดๆเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเติมแก้วที่สอง

“มึงก็พูดเหมือนไม่รู้จักมันไปได้ แดกเป็นอ่างก็ไม่เมาหรอกไอ้เนี่ย” ไอ้ลิ้มพูดกระแหนะกระแหนก่อนจะกระดกของตัวเองเข้าไป
บ้าง

เออ ว่าแต่ทำไมโจยังไม่โทรมาสักทีละเนี่ย เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า

“มึงเดี๋ยวกูออกไปสูบบุหรี่แป๊ปนึงนะ” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ

“เออๆ จะไปโทรเช็คเมียก็บอกมาตรงๆเหอะ”

“เออ ฮิ้ววววววว” ไอ้ไปป์พูดจุดประเด็นก่อนที่คนอื่นๆจะเริ่มโห่กันทั้งโต๊ะ

ผมไม่พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้านิดๆก่อนจะเดินออกมาด้านนอก

เมื่อออกมาถึงด้านหน้าผมก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบส่วนอีกมือก็กดเบอร์โทรออกหาโจ

“โจ อยู่ไหนแล้ว?” ผมถามขึ้นทันทีหลังจากที่โจกดรับ

(ถึงบ้านนานแล้ว ซอรี่นะ ลืมโทรบอกอ่ะ) โจพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดนิดๆ

“อืมม  ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แต่ครั้งหน้าอย่าลืมอีกแล้วกัน”

(ครับผม) ผมยืนฟังพร้อมกับเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกครั้ง

“อืมม”

(นั่นเมายัง?)

“ยัง กินไปนิดเดียวเอง เนี่ยออกมาสูบบุหรี่แล้วก็จะโทรหามึงด้วย เดี๋ยวคุยเสร็จก็เข้าไปด้านในแล้ว”

(หยุดสูบเลยนะ กูยังเลิกเพื่อมึงได้เลย มึงก็ต้องเลิกด้วยดิ) โจพูดด้วยน้ำเสียงติดห่วงๆ ทำเอาผมที่กำลังจะเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบอีก
รอบ ทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นก่อนจะเอาเท้าขยี้ๆเพื่อดับไฟ

“อืมม ไม่สูบแล้ว งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเข้าไปด้านในก่อน”

(อืมๆ รีบๆกลับมาฉลองกับกูด้วยนะ)

“อืม” ผมรับคำก่อนจะกดวางสาย แล้วเดินกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง

“ไง คุยซะนาน”

“เมียบ่นรึไง”

“เออใช่ๆ” เอ่อ  ถ้าพวกมึงจะซักกูกันขนาดนี้นะ

“เปล่าๆไม่มีไร” ผมปฏิเสธก่อนจะหยิบแก้วขึ้นมากระดกจนหมดอีกครั้ง

“อ่ะๆๆ เอาเป็นว่าพวกกูให้ของขวัญมึงเลยแล้วกัน จะได้ปล่อยมึงกลับหาเมีย”

“หึๆ ไม่ได้รีบขนาดนั้น” ผมพูดยิ้มๆ

“ดูหน้ามึงก็รู้ว่าแม่งอยากจะมีปีกบินให้ได้ตอนนี้” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะหยิบกล่องของขวัญออกมายื่นให้ผม

“อ่ะ มึงน่าจะชอบแหละ”

“ขอบใจเว้ย เพื่อนให้อะไรกูก็ชอบหมดแหละ ฮ่าๆๆ”

“อ่ะ อันนี้ของกู ค่อยแกะนะมึง กูเขิน” ไอ้นายก็ยื่นของขวัญมาให้ผมเช่นเดียวกัน

“แต๊งกิ้วเว้ยๆ”

“อันนี้ของกูนะ กูห่อไม่ทันแล้ว เอาไปแบบนี้เลยแล้วกัน” ไอ้พีเจพูดพร้อมกับยื่นเสื้อที่เพิ่งจะออกใหม่มาให้ผม

“เฮ้ย ขอบใจเว้ยย กูกำลังอยากได้พอดีเลย”

“อ่ะมึง อันนี้ของกูกับพลัสเตอร์ ช่วยกันเลือกมาให้” ไอ้ไปป์พูดพร้อมกับยื่นกระเป๋าตังค์หลุยส์มาให้ผม

“สัดแพงง แต่ก็ขอบใจเว้ยย”

“เออๆ”

“ส่วนสุดท้ายนี้ เป็นของขวัญจากกูและท็อปเทลเมียรัก” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับยื่นตุ๊กตาหมีสีชมพูมาให้

“ตุ๊ดเชียวสัด แต่ก็น่ารักดี ขอบใจนะเว้ย”

“ไม่เป็นไรๆ” ไอ้ลิ้มยิ้มรับพร้อมกับทำหน้าภูมิใจในของขวัญของมันมาก

“ขอบใจพวกมึงมากนะเว้ย” ผมพูดพร้อมกับมองไปที่ทุกๆคน

“เออ อย่ามาทำซึ้งเลย รีบกลับไปหาเมียมึงเหอะ”

“อืมๆ”

“เออ กูก็จะกลับไปหาเมียแล้ว เดี๋ยวกูแวะไปส่ง” ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับลุกขึ้นหยิบกุญแจรถและหันไปลาคนอื่นๆในโต๊ะแล้วเดินนำ
ออกไป

“กูกลับก่อนนะมึง เจอกันพรุ่งนี้” ผมพูดพร้อมกับหอบบรรดาของขวัญต่างๆออกจากร้านตามหลังไอ้ลิ้มออกไป




“ขอบใจนะเว้ยลิ้มที่แวะมาส่ง”

“ไม่เป็นไรๆ กูไปก่อนนะ” ผมพูดลากับไอ้ลิ้มก่อนจะเดินลงมาจากรถแล้วเปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน เอ๊ะ ทำไมวันนี้บ้านกูเงียบจัง

อ๋ออ ก็ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนี่หว่า เออ แล้วนี่ไอ้โจอยู่ไหนล่ะเนี่ย ไหนว่าจะรอฉลองกันก่อน

ผมเดินไปเรื่อยๆจนถึงประตูบ้าน แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมองเข้าไปในบ้านแล้วเห็นแท่งไฟเรืองแสงอันเล็กๆติดไปตามราวบันได
ขึ้นไปเรื่อยๆ

ผมก็เดินตามไฟนั้นจนมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องของผม และที่หน้าประตูก็เป็นแท่งไฟเรียงกันเป็นคำว่า “OPEN”

ผมบิดลูกบิดเข้าไปช้าๆ แล้วก็ต้องใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก เมื่อเห็นว่าโจใส่ไม้คาดผมหูแมวกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและ
กางเกงขาสั้นแค่ประมาณคืบเดียวสีดำมายืนถือเค้กรออยู่ที่หน้าประตู

“Happy Birthday to you  Happy Birthday to you Happy Birthday Happy Birthday~

     Happy Birthday to Pontz~”

ผมยืนมองหน้าโจนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

“อธิษฐานแล้วเป่าเทียนดิป๊อนซ์” โจพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าผมนิ่งอยู่นาน

ฟู่วว ผมเป่าเทียนจนดับหมดในคราวเดียวแล้วเดินไปเปิดไฟในห้อง แล้วก็ต้องตะลึงเป็นรอบที่สองเมื่อบนเตียงมีตุ๊กตาชอป
เปอร์(กวางในวันพีช)ตัวใหญ่มากกก นั่งยิ้มมาทางผม (???)

“มึงอ่ะ” โจพูดขึ้นเรียกสติผมให้กลับมาจากตุ๊กตาตัวใหญ่บนเตียง แล้วก็ต้องพบกับหน้าที่เหวี่ยงๆของโจ  นี่ผมทำอะไรผิดอี
กล่ะเนี่ย

“ทำไมอ่ะดื้อ”

“เมื่อกี๊มึงไม่อธิษฐานก่อนเป่าเทียนอ่ะ” เรื่องใหญ่มากสินะ ==’

“จะอธิษฐานไปทำไม” ทันทีที่ผมพูดจบ โจก็เอาเค้กไปวางบนดต๊ะแล้วเดินไปนั่งหันหลังให้ผมบนเตียง

“มานั่งนี่มาดื้อ” ผมเดินไปนั่งข้างๆโจก่อนจะเรียกให้มันมานั่งตรงกลางระหว่างขาของผม โจก็เดินเหวี่ยงๆมานั่งลงแล้วก้มหน้าไม่
ยอมพูดกับผมเหมือนปกติ

“เป็นอะไรครับ ไหนบอกป๊อนซ์ดิ” ผมพูดเสียงเบาๆพร้อมกับซุกหน้าลงกับแผ่นหลังบางๆของโจ

“มึงคิดว่ามันไร้สาระเหรอ?”

“ห๊ะ?? มึงหมายถึงอะไรเนี่ย?” ผมขยับขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงแล้วพลิกโจให้นั่งหันหน้ามาหาผม

“ก็ที่มึงไม่ยอมอธิษฐานก็เพราะว่ามึงเห็นว่ามันไร้สาระใช่มั้ย???” ==’ เป็นตุเป็นตะเลยเมียกู

“เปล่า กูไม่ได้หมายความแบบนั้น”

“แล้วแบบไหนล่ะ?”

“ก็กูจะขออะไรอีกล่ะ ในเมื่อ..” ผมหยุดไว้เพียงแค่นั้นเพื่อรอดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้า

“....” โจเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเหมือนต้องการจะฟังต่อ

“ก็ในเมื่อ กูไม่ต้องการอะไรอีกแล้วตอนนี้ ขอแค่มีมึงอยู่ข้างๆกูตรงนี้ก็พอแล้ว” พูดจบผมก็เขยิบเข้าไปจูบเบาๆที่หน้าผากของโจ
ก่อนจะเลื่อนลงมาจุ๊บที่ปากเบาๆ

“รักดื้อนะ” ผมพูดพร้อมกับกดจูบลงไปบนแก้มแดงๆของโจ

“><////” เขินจนไส้ม้วนแล้วมั้ยล่ะนั่น

“แล้วนี่ไม่มีของขวัญให้เลยเหรออออ”

“อ่ะลืมม มีดิ มีๆๆ” โจตอบก่อนจะรีบลุกขึ้นไปหยิบตุ๊กตาตัวโตนั้นมาให้ผม

“นี่ไง กวางน้อยชอปเปอร์”

“อืมมม เห็นละ น่ารักดี ชอบๆๆๆ” ผมพูดพร้อมกับรับเจ้าตัวยักษ์นั้นมากอดเอาไว้

“ยังมีอันนี้ด้วยย” โจพูดก่อนจะเอาไม้คาดผมที่เป็นหูหมาป่ามาใส่ให้ผม

“เท่ห์ระเบิดไปเลย” ไม่พูดเปล่า โจยังเอานิ้วมาจิ้มๆที่แก้มผมไปด้วย

“ดื้อก็น่ารักเหมือนกันนั่นแหละ ไหนขอดูแมวชัดๆหน่อยดิ” ผมพูดพร้อมกับดึงโจลงมานั่งบนตักโดยที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน

“น่ารักจัง”

“><”

“หมาป่าเริ่มหิวแล้วอ่ะ”

“กินเค้กกันๆๆๆ”

“อยากกินแมวมากกว่าอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับค่อยๆดันโจให้นอนราบลงกับเตียง ก่อนจะค่อยๆชิมความหวานจากปากสีแดงระเรื่อนั้น

“อื้ออออ”

“อืมม ทำไมแมวตัวนี้ถึงได้หวานขนาดนี้น้า??? ไหนขอชิมอีกดิ” ผมพูดก่อนจะเปิดเสื้อเชิ้ตของโจขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้องขาว
แบนราบ แต่มีร่องรอยความเป็นเจ้าของของผมอยู่ประปราย หึ น่ากินไปหมดทั้งตัวเลย ^^

“ไอ้ป๊อนซ์ หยุดเลยนะ ไอ้หื่น!! ไอ้หมาป๊อนซ์!!!!!!!!!!!!!”


................................................................END............................................................

มาอัพสเปเชียลวันเกิดของน้องป๊อนซ์นะคะ  :katai2-1:

แต่ช้าไปนิดนึง เพราะว่าน้องป๊อนซ์ของเราเกิดวันที่ 25 กรกฎาคม นะจ๊ะ

(HBD แปะไว้ได้นะจ๊ะ เดี๋ยวพยายามไปบอกให้)

แล้วก็จะมาบอกข่าวดีอีกอันนึง >>>

ตอนนี้คนเขียนกำลังแต่ง Forgotten อยู่!!!!!  :katai4:

ได้เยอะแล้ว น่าจะมาอัพตอนแรกสัปดาห์หน้านะคะ  :katai5:

แต่ในข่าวดีก็มีข่าวร้ายแฝงอยู่ นั่นคือ คอมของคนเขียนกำลังจะพัง!!! :katai1:

ตอนนี้เครียดมากกก แต่รับรองว่าสัปดาห์หน้าอัพ forgotten แน่นอน  :katai3:

สุดท้ายก็ ขอบคุณ @snowboxs @hotladyanyavee @dekthuem @perseus8 @ammamooty @gupalz @funland @phai
สำหรับคอมเม้นท์นะคะ  :call: :call:

อ่านแล้วก็ช่วยเม้นท์ & บวกเป็ด เป็นกำลังใจให้คนแต่งกันด้วยนะคะ  :bye2: :bye2:


KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special Pontz's Birhtday:27/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 27-07-2013 20:43:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special Pontz's Birhtday:27/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: คุณชายลูกหมู ที่ 27-07-2013 20:58:10
ชอบมากๆครับ แต่ภาคสองนักเขียนอย่าให้มาม่านานนะครับสงสารโจ

แล้วอยากให้สามแสบ พีเจ ภูมิ นาย  มีคู่อ่ะ ขอนายเอกแสบๆมาคุมสามหนุ่มด้วยนะคับ
  :mew1:, :mew1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special Pontz's Birhtday:27/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 27-07-2013 22:26:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] อัพ Forgotten Love!!! :31/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 31-07-2013 00:17:27
โอ้เย้!!!!!!! คนอ่านที่รักทุกท่านนนนน  :hao7:

ตอนนี้เค้าลง Forgotten Love ไปแล้วนะจ๊ะ  :katai4:

ฝากมาติดตามกันต่อด้วยเน้ออออ  :call:

ลิ้งค์จ่ะๆๆๆๆ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38720.0    :hao5:

อย่าเพิ่งทิ้งเค้าไปนะ  :mew2:  กลับมาอ่านภาคต่อกันก่อนนนนนนนน  :a5:

KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] อัพ Forgotten Love!!! :31/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 31-07-2013 07:28:38
ตามไปจ้า
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] อัพ Forgotten Love!!! :31/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 01-08-2013 21:48:57
อ๊ายมาให้ฟิน งานนี้หมาป่าป๊อนซ์ เตรียมขยำ้เเมวโจแน่นอน
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] อัพ Forgotten Love!!! :31/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 02-08-2013 21:59:22
โอ๊ยย หวานมาแทบทั้งเรื่อง ไม่อยากเชื่อเลยว่าตอนจบจะเจ็บกันแบบนี้

สงสารน้องโจมากเลยค่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] อัพ Forgotten Love!!! :31/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 03-08-2013 23:34:51
แวะเวียนเข้ามาดู  :katai5:

แบบว่าคิดถึงเรื่องนี้อ่ะ  :hao5:

รักคนอ่านนะ  :mew1: :mew1:


KATIEZZ

หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] อัพ Forgotten Love!!! :31/07/13
เริ่มหัวข้อโดย: v_shep14 ที่ 07-08-2013 22:43:43
อ่านจบแล้ววววววว สนุกมากกกก

ตามไปอ่าน Forgotten Love  รักที่ถูกลืม II ต่อค่ะ

ยาวไปๆๆๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ความในใจคนเขียน :12/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 12-11-2013 03:43:46
คิดถึงเรื่องนี้สุดๆ  :ling1:

ยังแวะเวียนเข้ามาดูอยู่ทุกวัน  :katai5:

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะแต่งจบ  :katai4:

เรื่องนี้เป็นอะไรที่คนเขียนภูมิใจมากจริงๆ (พูดแล้วน้ำตาจะไหล  :o12: )

หวังว่าเรื่องนี้จะติดอยู่ในใจของใครหลายๆคนนะคะ
:a5:


รักคนอ่านนะ :mew1:





KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ความในใจคนเขียน :12/11/13
เริ่มหัวข้อโดย: peppier ที่ 04-12-2013 00:27:00
เพิ่งอ่านอ่าาา น่ารักดีนะ เป็นกำลังใจให้นะจ้ะ
ปล.เด็กเอนท์ปีนี้เหมือนกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Happy new year (อวยพร~) :31/12/13
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 31-12-2013 21:53:36
ปีใหม่นี้.....

ขอให้คนอ่านที่ติดตามเรื่องนี้ทุกคน มีความสุขมากๆๆๆๆ

คิดอะไรก็ขอให้สมปรารถนา


รักคนอ่านนะ :mew1:

**หวังว่า Friends จะทำให้หลายๆคนมีความสุขกับเรื่องราวของป๊อนซ์โจนะ**








KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายใหม่!!!! :25/03/14
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 25-03-2014 00:24:04
ฝากเรื่องนี้ด้วยน้าาาาาา เรื่องใหม่!!!!!!!!!!!!!!


ตัวละครไม่ได้อยู่ใน Friend นะ



The Best Memory



 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41457.0


ฝากด้วยน้าาาาาาา







KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special สงกรานต์ :19/04/14
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 19-04-2014 16:00:08
ตามไปอ่านในนี้เลยนะคะ  :katai5:

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38720.0
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special สงกรานต์ :19/04/14
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 19-04-2014 18:08:50
 :3123:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special สงกรานต์ :19/04/14
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-04-2014 11:39:11
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ แต่ถ้ามาในภาคต่อ

เราคงทำใจอ่านไม่ไหว เราเกลียดดราม่าอ่ะ

ขอโทษนะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special สงกรานต์ :19/04/14
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-05-2014 12:27:10
อ่า จบซะเครียดเลย เหอะๆ มาม่าต่ออีก ไม่ถนัดแนวนี้
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special สงกรานต์ :19/04/14
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 14-01-2015 22:52:37
น่าร้ากกกก ทั้งเรื่องเลย แต่ดราม่าตอนจบง่ะ งึมๆๆ
สงสารโจปอนซ์ จะตามไปอ่านภาคสองเดี่ยวนี้ล่ะ
อยากให้โจปอนซ์ พลัสไปป์ ลิ้มเทล ตัวจริง รักกัน
จริงๆจัง อิอิ ขอบคุณคนแต่งด้วยน้า สำหรับนิยายน่ารักๆ
และโมเม้นต์เรียลๆจิ้นๆ เป็นกำลังใจให้คนแต่งน้า
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special สงกรานต์ :19/04/14
เริ่มหัวข้อโดย: nymame ที่ 26-10-2015 20:52:47
กดเข้าไปอ่าน forgotten love รักที่ถูกลืม ไม่ได้เลย
ทำไงดีอ่ะ หายังไงก็ไม่เจอ อยากอ่านภาคต่อ  :sad4:  :hao5:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] Special สงกรานต์ :19/04/14
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 29-10-2015 09:06:09
 :L2:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe]เอาลิ้งค์ForgottenLoveมาแปะ!:10/02/19
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 10-02-2016 02:27:16
ใครที่อ่าน Friend จบแล้วแต่ยังไม่ได้อ่าน ForgottenLove

ก็ฝากไปติดตามอ่านกันด้วยน้าาา

เรื่องแต่งจบแล้วแต่กระทู้หายไปช่วงนึง

ตอนนี้เอากลับมาแล้ว  ใครยังไม่อ่านก็ไปอ่านด้วยน้าาาาา   :katai2-1:

ได้อ่านภาคแรกกันแล้วก็ต้องไม่พลาดภาค 2 กันนะเห้ยยยย!!!

นี่ลิ้งค์จ้าา >>> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38720.0


KATIEZZ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe]เอาลิ้งค์ForgottenLoveมาแปะ!:10/02/19
เริ่มหัวข้อโดย: peppermintt ที่ 22-03-2016 16:34:27
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe]เอาลิ้งค์ForgottenLoveมาแปะ!:10/02/19
เริ่มหัวข้อโดย: มานี ที่ 22-03-2016 23:22:39
ตบมั้ยยยยย   ป๊อนซ์ มึงตายยยยซะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe]เอาลิ้งค์ForgottenLoveมาแปะ!:10/02/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 09-11-2017 22:38:39
 :pig4 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe]เอาลิ้งค์ForgottenLoveมาแปะ!:10/02/19
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 21-12-2017 13:40:17
รู้สึกเหมือนเป็น รร.ตัวเอเลยค่ะ บรรยากาศคุ้นๆ 5555555 เราก็เคยจิ้นรุ่นน้องเป็นตุเป็นตะเหมือนกัน น่ารักเนาะ ชอบเพื่อนๆด้วย ป๊อนซ์นางน่ารักนะ แบบนึกว่าจะจับโจกินนานหล่ะ แต่นางก็ทะนุถนอมของนาง เดี๋ยวไปอ่านภาคต่อหล่ะ
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018
เริ่มหัวข้อโดย: katiezz ที่ 18-02-2018 16:29:04
แวะมาแปะลิ้งค์นิยายเรื่องใหม่ฝากไว้หน่อยค่าาา

ฝากติดตามด้วยเด้อ ห่างหายจากการแต่งไปนาน แต่ก็กลับมาละเพราะใจรัก 555

LOVE ENGINE รักไม่รักก็'ช่าง'

>> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60183.0 <<

เคยแปะใน Forgottenlove แล้วครั้งหนึ่ง แต่มาแปะให้ในเรื่องนี้ด้วยอีกครั้งเด้อ

ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ เรื่องนี้ตั้งใจมากจริงๆ (เอาชีวิตตัวเองมาใส่เข้าไปด้วยเล็กน้อยถึงปานกลาง 555)
หัวข้อ: Re: Friend รักคุณเข้าแล้ว[END!!];[Pontz x Joe] ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยจ้า :18/02/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 17-04-2020 00:28:31
 :pig4: