พิมพ์หน้านี้ - ##WITH NO NAME##

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: taebin7 ที่ 13-01-2007 17:41:15

หัวข้อ: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 13-01-2007 17:41:15

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
***********************************************************************************


เรื่องนี้เก็บไว้นานแล้ว จำชื่อคนแต่งไม่ได้อ่ะ ขอโทษด้วยน๊า อยากให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกัน ไปอ่านกันเลยยยยยยยยย


    WITH NO NAME

แสงไฟนีออนสีขาวทำให้ตาพร่าไปหมด เสียงของพยาบาลและหมอดังอื้ออึง น่ารำคาญ

ชมัด!! รู้สึกเจ็บที่ข้อมือขึ้นมา ยกมือขึ้นมาบังแสง เลือดแดงสดก็ไหลมาเปรอะที่หน้า

แล้วนี่กำลังจะไปที่ไหนกันนะ ถ้าเลือกได้ขอไปที่สวรรค์จะได้มั้ย ที่ๆอยู่ตอนนี้ไม่ต่างอะไร

กับนรกเลย แต่จะทำได้เหรอ คนเลวๆจะมีสิทธิ์ได้ขึ้นสวรรค์เหรอ...............

แสงแดดอ่อนๆยามเช้าลอดผ่านบานเกร็ดของห้องพัก ทาบผ่านร่างที่หลับสนิท สนิทนิ่ง

เหมือนไม่หายใจ ใบหน้าที่ขาวสะอาดตอนนี้ดูเหมือนจะซีดเซียวและอ่อนล้าจากเรื่องที่

ผ่านๆมา แต่ดวงตาก็หลับสนิท ริมฝีปากเรียวบางที่เป็นสีชมพูซีดๆเหมือนกับจะเผยอปาก

พูดอะไรสักอย่าง เงียบมากๆได้ยินแค่เสียงลมหายใจแผ่วๆและเสียงน้ำเกลือในขวดหยด

เท่านั้น หนุ่มน้อยที่นอนอยู่ที่เตียงคนไข้ ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ


“ที่นี่มัน โรงพยาบาลนี่นา บ้าชมัดนี่ฉันยังไม่ตายอีกรึไง” รำพึงกับตัวเองแผ่วเบา

ก่อนค่อยใช้มือยันตัวเองลุกขึ้น “โอ้ย!!” เจ็บที่สุด ข้อมือที่เมื่อไม่กี่ชม.มานี้

เค้าเป็นคนใช้คมมีดกรีดจนเป็นแผลลึก

ตอนนี้มีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันเอาไว้ เห็นแล้วน่าโมโห อยากจะกระชากออกมานัก

แต่เรี่ยวแรงที่จะแกะออกไม่มีเลย อึดอัดและโมโห คว้าสายน้ำเกลือได้

ก็กระตุกมันออกจากแขน เลือดสีแดงสดไหลออกมาเป็นลิ่ม กำมันไว้แน่น
 
หลับตานิ่งๆสักพัก แล้วใช้ปลายเข็มจ่อที่คอ ถ้าแทงแรงๆ จะตายมั้ยนะ

“จะทำอะไรนะคะ!!” เสียงพยาบาลที่พอดีเข้ามาในห้อง

ตกใจมากวิ่งเข้ามาดึงเข็มออก แขนผอมบางตอนนี้ไม่มีแรงเท่าไหร่ แต่ไม่ยอมแพ้หรอก

ทำไมชอบขัดขวางการตายของเค้านักนะ พยาบาลรีบกดกริ่งเรียกให้คนอื่นๆเข้ามาช่วย

ทุกคนเข้ามาเหมือนรู้หน้าที่จัดการ ลอคแขนให้นอนหมอบลงที่เตียง ร่างเล็กๆผอมบาง

ยากที่จะขัดขืน “พวกบ้า!! ออกไปให้พ้น ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!! “ คุณหมอเดินเข้ามาพร้อม

เข็มฉีดยา น้ำในนั้นใสแจ๋ว จนมองผ่านทะลุเหมือนคริสตัล ก่อนที่จะปักลงที่แขนของคน

ที่พยายามขัดขืน แค่ตัวยาเข้าสู่กระแสเลือด ตาเรียวสีดำขลับก็กระพริบถี่แล้วปิดลง ทุก

คนจึงคลายมือออก อย่างโล่งอก “นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ เด็กคนนี้ต้องไปบำบัดทาง

จิตซะแล้วละมั้ง !!” คุณหมอบ่นอารมณ์เสีย พยาบาลที่เอาผ้าห่มจัดแจงที่นอนให้ร่างผอม

บางนั้นนอนให้เรียบร้อย “คุณหมออย่าบ่นไปเลยคะ ยังไงเราก็ต้องดูแลเค้าให้ดีที่สุดนะ

คะ ก็เค้าเป็นลูกชายของผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาลเรา” หมอคว้าใบประวัติขึ้นมาเปิด

ออกอย่างไม่สบอารมณ์ “ถึงงั้นก็เถอะ พยายามฆ่าตัวตายซ้ำๆมา5ครั้งแล้ว ยังไงก็ต้องส่ง

ไปบำบัดทางจิตแล้ว คงจะเหมือนกับแม่เค้าละมั้ง เอาเป็นว่าคอยเข้ามาดูบ่อยๆแล้วกัน

เฮ้อ!!” คุณหมอกระแทกแฟ้มใบประวัติลงที่ปลายเตียงก่อนเดินจากไป ลมพัดใบประวัติ

ปลิว ที่ใบนั้นเขียนชื่อคนไข้ไว้ว่า“คาเมนาชิ คาซึยะ”

“ทำไมถึงอยากจะตาย ยังเด็กอยู่ไม่ใช่เหรอ” คุณหมอนั่งคุยอย่างผ่อนคลายในสวนของ

โรงพยาบาล ลมอ่อนๆพัดเส้นผมสีน้ำตาลเข้มปลิวผ่านใบหน้าที่นิ่งสงบ ไม่มีทีท่าอยากโต้

ตอบเท่าไร “หมอเลิกถามอะไรงี่เง่าสักทีเถอะ คิดว่าจะทำให้ผมไม่อยากตายได้เหรอ

ไม่มีทางหรอก พอกลับไปบ้านผมก็จะเริ่มใหม่อีก คราวนี้ต้องสำเร็จแน่” คุณหมอพอจะรู้

กิตติศัพท์มาบ้างแล้วว่าคนไข้รายนี้ร้ายขนาดไหน

ดูจากรอยแผลที่ข้อมือก็พอจะเดาออก

“อืมๆ งั้นสินะ อืมแล้วไม่คิดจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีโดดตึกบ้างรึไง? อย่างงั้นนะ
 
ตายแน่นอนนะ ไม่มีใครช่วยได้หรอก” ได้ยินแค่นั้น คาซึยะก็หันมาจ้องหมอตาเขียว “ทำ

เป็นสืบประวัติ แล้วมาพูดจี้จุดผมเหรอไง!! อย่าคิดนะว่าผมไม่กล้า” หมอหัวเราะในท่าทาง

เอาเป็นเอาตาย “อ้า!! ขอโทษๆหมอที่ไหนกันนะ เค้าจะแนะนำวิธีฆ่าตัวตายให้คนไข้

“ คาซึยะ หน้านิ่งอีกครั้งใช้สายตามองหมอคนนี้อย่างพิจารณาก่อนพูดออกมาแบบตำหนิ

“แล้วเค้าก็ไม่ฟังซาวน์เบาท์ขณะที่รักษาคนไข้กันด้วย” หมอทำตาโต ก่อนยิ้มออกมา

“มันติดน่ะ เป็นของเด็กคนนึงเค้าทิ้งไว้ให้หมอ ก็เลยเก็บไว้ฟังตลอด ถ้าเธอไม่อยากให้หมอฟังหมอก็จะไม่ฟัง”

หมอถอดหูฟังที่เสียบไว้ข้างเดียวออก


“ไม่เป็นไรหรอก อยากฟังก็ฟังไปเถอะ ผมไม่สนใจหรอก ว่าแต่ว่าของคนไข้หมอรึไง “

หมอส่ายหัวยิ้มๆ “เค้าไม่ใช่คนไข้ของหมอ หรอกเป็นแค่เด็กที่มารักษาตัวที่นี่เฉยๆ เป็น

คนบ้าๆ แต่ว่าก็ดีนะ ถ้าเธอรู้จักก็คงไม่คิดอยากตายเลยแหละ”

คาซึยะ ทำตาเย้อหยิ่ง ไม่เชื่อหรอก ต่อให้ยังไงก็ไม่มีทาง ตอนนี้เค้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่

อีกแล้วหล่ะ หมอเหมือนจะคาดเดาได้ เลยยื่นซาวน์เบาท์ให้ “จะลองฟังดูมั้ยหล่ะ ผ่อน

คลายดีนะ หมอให้ยืม” คาซึยะไม่ยื่นมือมารับเอามือกอดอกซะเฉยๆ “ไม่เอาหรอก

ผมไม่มีอารมณ์มาฟังเพลงอะไรหรอก” หมอทำหน้างงๆ “ไม่น่านะ ก็ที่รร.เธออยู่ชมรม

ประสานเสียงไม่ใช่เหรอ น่ารักดีนะ อยากลองฟังเพลงที่เธอร้องดูจัง” คาซึยะหันควับ

หน้าที่เคยซีดขาวตอนนี้เริ่มมีสีแดงเล็กๆ อาจจะเป็นเพราะอาย “อย่ามาก้าวก่าย เรื่องส่วน

ตัวได้มั้ย หมอโรคจิตนี่นิสัยแบบนี้ทุกคนรึไง!!” หมอแอบกลั้นหัวเราะ “เอาเป็นว่าวันนี้เท่า

นี้ดีกว่า พรุ่งนี้คุยกันใหม่นะ อ้อ อย่าเพิ่งตายหนีหมอไปหล่ะ พบกันพรุ่งนี้” คาซึยะหันหน้า

หลบไม่คิดจะกล่าวทักทายตอบ ไปซะได้ก็ดี แล้วหมอก็เดินจากไป

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 13-01-2007 17:51:43
ลมพัดเอื่อยๆ ต้นไม้สีเขียวสดไหวตามลม บรรยากาศดีจริงๆเลย ถ้าเรื่องๆต่างๆที่ผ่านมามัน

เป็นแค่ฝันร้ายก็ดีสินะ เค้าคงร้องเพลงออกมาได้ดังๆแน่ๆ หันไปหันมา เซาวน์เบาท์ยังอยู่ที่

เดิม หมอแกล้งหรือจงใจลืมกันแน่ ไม่มีอะไรทำคิดวิธีฆ่าตัวตายแบบใหม่ก็ยังไม่ออก

ลองหยิบมาฟังก็ได้

เพลงช่วงแรกๆก็เป็นเพลงทั่วไปๆ เป็นเทปเพลงที่อัดเอง เลือกแต่เพลงที่ชอบ ฝีมือการอัดก็

ไม่ต่างจากเด็กประถม เจ้าของเทปนี่อายุเท่าไหร่กันนะ ฟังไปก็อยากขำ อัดได้ตะกุกตะกัก

และก็มั่วดีจริงๆ จนมาถึงแทร็กสุดท้ายเป็นเพลงที่อัดเสียงสดๆนี่นา เป็นการร้องประสาน

เสียง ช่างเหมาะอะไรอย่างนี้เป็นเพลงที่กระตุ้นความรู้สึกลึกๆขึ้นมา เพลงที่เคยร้องร่วมกับ

ใครบางคน คนที่เป็นตราบาปของชีวิตเค้า เสียงประสานที่เศร้าๆ มันสะเทือนใจเป็นที่สุด จน

ถึงช่วงที่เป็นร้องเดี่ยว เท่านั้นหล่ะ เสียงที่ซึมซาบเข้ามาในโสตประสาท ทำให้น้ำอุ่นไหล

ออกมาจากตาไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้ หัวใจเหมือนจะแตกสลายละลายไปกับเสียงที่ได้ยิน เจ็บ

ปวดยิ่งกว่าตาย ทำไม ถึงร้องได้จับใจขนาดนี้ เสียงที่ได้ยินถึงจะแตกต่างจากคนคนนั้น แต่

ทำไมนะ ความรู้สึกที่ได้มันเกาะกินใจ ไม่ต่างกันเลย

วันต่อมา หมอไม่ต้องมารอเหมือนที่เคย คนไข้ หน้าแดงระเรื่อเพราะวิ่งมาจากตึก เหงื่อเม็ด

เล็กๆผุดขึ้นที่หน้าผากและต้นคอขาวๆ ผมที่ข้างใบหูเปียกเหงื่อเลียบไปกับผิวขาวละเอียด

“หา ฝนตกเหรอ!! พยาบาลบอกว่า คาเมนาชิคุงตามหาหมอ ตั้งแต่เมื่อวาน แต่หมออกเวรไปน่ะ”

พูดยิ้มๆ คาซึยะยื่นเซาวน์เบาท์คืนให้ หมอรับแทบไม่ทัน แล้วก็หยิบเทปชูขึ้น “ผมอยากรู้ว่า
ใครเป็นเจ้าของเทปอันนี้”

หมอมองของในมือ เพ่ง งงๆ แล้วก็ยิ้มอารมณ์ดีเหมือนเคย

“ก็เป็นเทปที่ติดมากับเครื่องแหละของเจ้าเด็กคนนั้นหล่ะ” คาซึยะ มีสีหน้านิ่งไปอึดใจ “ผม

อยากเจอเค้า หมอจะช่วยได้มั้ย!!” หมอหน้างงสุดๆ “หา!! อยากเจอเหรอ แล้วหมอจะไปตาม

ได้ที่ไหนหล่ะ เด็กคนนั้นมารักษาตั้งแต่2ปีที่แล้วนะ” สีหน้าคาซึยะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็แสร้ง

ทำหน้าเฉย “ ไม่เป็นไร ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร” หมอมองหน้าคนไข้ตัวผอมบางคนนี้ แล้วก็เหมือน

จะคิดอะไรได้ขึ้นมา ถ้าเด็กคนนี้มีจุดมุ่งหมาย มีอะไรที่ต้องทำ บางที อาจจะไม่คิดฆ่าตัวตาย

อีกก็ได้ แล้วเด็กเจ้าของเทปก็เป็นคนที่น่าคบเหมือนกันอาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรไปในทางที่ดีได้นะ

“เอางี้นะ เดี๋ยวหมอจะค้นหาประวัติของคนไข้เมื่อ 2 ปีให้อาจจะเจอก็ได้” คาซึยะ ทำหน้า

เหมือนกับดีใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ทำหน้านิ่งๆอีกครั้ง “ถ้าลำบากขนาดนั้นก็อย่าดีกว่า ผมคิด

ว่าหมอรู้จักเป็นการส่วนตัว” หมอพยักหน้า “ถึงไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็เหมือนรู้จักหล่ะ

เจ้าเด็กคนนั้นน่ะ ไปด้วยกันมั้ยไปดูประวัติไง” คาซึยะทำหน้าลังเลชั่งใจ ไม่เข้าใจเหมือนกัน

เค้าต้องบ้าแน่ๆ แค่ได้ยินเสียงแค่นี้ทำไมต้องอยากเจอตัวด้วยนะ บ้าบอจริงๆ แต่แล้วหมอก็

จัดการดึงมือเค้าไปแล้ว

“หมอจะดีเหรอ ที่เรามาลื้อของแบบนี้น่ะ แล้วมีเหรอที่ให้คนไข้คนอื่นมาดูด้วยอีกน่ะ” คาซึยะ

มีสีหน้าแบบเก้อๆ หมอตอนนี้นั่งลงที่พื้น กับกองเอกสารท่าทางเอาจริงเอาจัง “เถอะน่า เธอ

ก็อย่าไปบอกใครแล้วกันนะเอ้ามาช่วยหาสิ” คาซึยะถลกขากางเกงชุดนอนขึ้นแล้วนั่งลงช่วย

หาแต่โดยดี ปากก็บ่นเบาๆ “หมอแบบนี้ก็มีด้วยนะ” หมอหันมามองคาซึยะนิดหน่อย ผมม้า

ยาวแทบจะปิดตา หน้าขาวสวยๆได้รูปท่าทางขมักเขม้น ดูไปแล้วก็เป็นเด็กน่ารักคนนึง ถ้าไม่

เห็นผ้าพันแผลที่ข้อมือ อะไรกันนะทำให้เด็กผู้ชายที่น่าจะมีชีวิตที่สดใสกลายเป็นแบบนี้

ผลิกแฟ้มไปมา สุดท้ายก็เจอ “อ้านี่ไง เจอแล้ว แต่ว่ารูปหายไปนะ แย่จัง แต่ก็มีที่อยู่นะ เอ้า

รับไปสิ”หมอยื่นใบประวัติหน้าสุดให้ คาซึยะรับมาดู “อาคานิชิ จิน” ชื่อสั้นๆแค่นี้ จะเป็นคน

แบบไหนกัน น่าแปลกที่ยิ่งรู้สึกอยากเจอขึ้นมาเฉยๆ ดูรายละเอียดที่มุมล่าง ที่อยู่ น่าจะพอ

ติดต่อได้ แต่ว่าจะติดต่อไปว่ายังไงหล่ะ ไม่ใช่คนรู้จักสักหน่อย

“เอาไปเลยก็ได้ นี่มีสำเนาเอาไว้แล้ว ทำไมถึงอยากเจอหล่ะ อ้อ ใช่ๆ คงเพราะเสียงประสาน

ตอนสุดท้ายของเทปใช่มั้ย นั้นหล่ะสุดยอดเสียงเจ้านี่ฟังแล้วขนลุกทุกทีเลย มันซึมเข้าจิตใจ

ได้ยังงั้นเลยนะ” หมอพูดไม่ยอมหยุด คาซูยะจ้องมองที่อยู่นิ่งๆ เหมือนใช้ความคิด “จะไป

ตามหาจริงๆรึ ไม่คิดจะฆ่าตัวตายต่อรึไง?” คาซึยะ เชิดหน้าขึ้นมองหมออีกครั้งสายตาแข็ง

กร้าว “ถ้าผมเจอเค้าแล้ว บางทีอาจจะฆ่าตัวตายอีกครั้งก็ได้”

รถเบนซ์คันหรูจอดรอรับ คาซึยะเดินออกมาจากประตูทางออกโรงพยาบาล หยิบแว่นกัน

แดดราคาแพงขึ้นมาใส่เพื่อปิดบังสายตาที่เย็นชาเอาไว้ หมอเจ้าของไข้ และหมอที่ดูแล

เรื่องจิต ออกมายืนส่งทั้งคู่ หมอเจ้าของไข้ ทำหน้าส่งแบบเบื่อๆ แต่หมอจิต ยิ้มสดใส

เหมือนเคย โบกมือให้ยิกๆ


คาซึยะไม่ได้สนใจขึ้นรถไปก็ปิดประตูอย่างแรง ไม่สนใจกันบ้างเลย แล้วรถก็ขับออกไป

หมอเจ้าของไข้ ถอนหายใจ ”เฮ้อ คราวนี้จะอีกกี่วันนะ เดี๋ยวก็กรีดข้อมือ แทงตัว

เองกลับมาอีก” หมอจิตอมยิ้มเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกราวน์แบบเด็กๆ “ผมว่าได้ระยะหนึ่ง

หล่ะครับ ตอนนี้เค้ามีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ” หมอเจ้าของไข้หันมามองหน้างง ความหมาย

ของหมอจิตคืออะไรกัน เรื่องอะไรที่ขัดขวางการฆ่าตัวตายของเด็กหัวดื้อคนนี้ได้


คาซึยะเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบเทปคาสเซทออกมา หมอใจดียกให้เลย แต่ว่าเค้า

พยายามติดต่อไปตามที่อยู่เดิมก็รู้เพียงแค่ว่าย้ายไปแล้ว เรื่องเป็นแบบนี้เค้าจะทำอะไร

ต่อไปดีนะ จะตายหรือตามหาต่อไป คนขับรถที่เป็นเหมือนคนดูแลทุกเรื่องให้คาซึยะ คน


ที่เป็นเลขาของพ่อ


“คุณหนูครับ เอ่อ ที่อยู่ที่ให้ไปสืบนะครับ ตอนนี้รู้แล้วหล่ะครับว่าเค้าย้ายไปอยู่ที่ไหน”

สายตาภายใต้แว่นสี



หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 13-01-2007 17:56:50
ชามีแววกระตือลือล้นขึ้นมา แต่ไม่มีใครเห็น แกล้งทำเป็นเงียบแค่ส่งเสียงตอบรับนิดหน่อย รอการรายงานต่อไป

“รู้สึกว่าย้ายไปเรียนที่รร.ต่างจังหวัดเลยนะครับ ไม่ได้อยู่ที่โตเกียวแล้วหล่ะครับ!!” คาซึยะนิ่ง

ไปใช้ความคิดไตร่ตรองก่อน พูดออกมาน้ำเสียงจริงจัง “งั้น ฉันจะย้ายไปเรียนที่นั่นก็แล้ว
กัน ช่วยจัดการให้ด้วยนะ “

เลขาหน้างุนงง อยู่ดีๆก็ตัดสินใจเอาดื้อๆ “ตะ…แต่ว่ารร.ที่คุณหนูไปอยู่ตอนนี้ เป็นรร.ที่มีชื่อ

เสียงแล้ว คุณท่านก็จ่ายเงินอุดหนุนไปเยอะแล้วนะครับ รร.ที่เด็กคนนั้นอยู่ นี่ไม่มีชื่อเลยสุด

แสนธรรมดา ที่สำคัญอยู่ที่ต่างจังหวัดอีกต่างหาก เอ่อ ไม่ปรึกษาคุณท่านก่อนจะดีเหรอ

ครับ” คาซึยะถอดแว่นออก ท่าทางอารมณ์เสีย “พ่อเค้าไม่สนใจหรอก ฉันน่ะฆ่าตัวตายมากี่

ครั้งแล้ว เค้าเคยมาสักครั้งมั้ย ตายไปจะรู้ตอนไหน ฉันยังคิดไม่ออก !!” เลขากลืนน้ำลาย

เหมือนกลัวว่า คาซึยะจะเอามีดมากรีดข้อมืออีกต่อหน้าต่อตา “ครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้

นะครับ” คาซึยะได้ฟังอย่างงั้นก็สงบลงได้กระแทกหลังลงกับเบาะรถ หน้าขาวๆซบลงที่

ข้างกระจกสายตาทอดยาวออกไปยังท้องฟ้าที่ดูสวย สวยจนอยากจะทำลายมันไป


สถานที่คาซึยะมาอยู่ดูแล้วแตกต่างจากที่คิดไปหมด ไกลจากตัวเมืองเป็นรร.ที่ตั้งอยู่บน

เนิน ทางทอดยาวถึงรร.รายล้อมไปด้วยทิวไม้เขียวสดดูเหมือนทางเข้าสู่ดินแดนลึกลับใน

นิยาย โบสถ์ในรร.ดูเก่าแก่แต่สวยงามเป็นพิเศษ เดินอีกมุมหนึ่งของรร.จะเป็นเนินที่มองลง

ไปเห็นทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา สถานที่แบบนี้ห่างไกลความเจริญแต่มีมนต์ขลังแปลก

ประหลาด เหมาะกับการมาพักฟื้นเป็นที่สุด สำหรับคนที่หัวใจมีบาดแผลเช่นเค้า


คาซึยะมาอยู่ที่นี่โดยการพักในสถานที่แนะนำว่าเป็นหอพักของรร. แม้ว่าพ่อเค้าจะอยากให้

อยู่บ้านพักที่ซื้อทิ้งไว้ ห่างไปอีกแค่เมืองหนึ่ง ซึ่งจะมีคนใช้คอยดูแล ไม่ให้เค้าลุกขึ้นมาฆ่า

ตัวตายอีก ไม่รู้เหมือนกันทำไมตอนนี้ ความเกลียดชังในตัวเค้าลดลงไปเกินครึ่ง ไม่คิดจะ

ฆ่าตัวตายอีก แค่อยากเจอคนที่ตามหาก็เท่านั้น


ของทุกอย่างถูกขนมาจัดไว้ที่หอก่อนหน้าเค้ามาถึง1วัน อะไรก็พร้อมไปหมด ทางระหว่าง

หอมารร.ใกล้แค่เดินได้ เค้าจึงปฎิเสธคนขับรถที่พ่อจะให้มา แค่รถคันใหญ่ที่ขับมาส่งเค้า

วันนี้ ทั้งรร.ก็มองเป็นตาเดียวกัน เหมือนเรื่องแปลกประหลาด

ห้องปี2B

นี่คือห้องเรียนใหม่ รู้สึกรำคาญสะอิดสะเอือนการพบหน้าเพื่อนใหม่ จุดมุ่งหมายมีแค่อย่าง

เดียวแค่ต้องการพบ อาคานิชิ จิน เท่านั้น อย่างอื่นไม่มีผ่านเข้ามาในสมองสักนิดเดียว

แค่ก้าวเข้ามาในห้อง สายตาทุกคนก็มองเค้าเป็นจุดๆเดียว เกลียดที่สุด ทำไมต้องมีวิธีการ

แบบนี้ทุกทีนะ ทักทายหน้าห้องทุกครั้ง ที่มีการย้ายรร. มันน่ารำคาญขนาดไหน ที่ต้องมายืน

เป็นเป้าสายตาแบบนี้


“อ้า แนะนำตัวเองหน่อยสิจ๊ะ” ครูสาวท่าทางเรียบๆพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ คาซึยะ ไม่อยาก

จะพูดอะไรนัก ยังอุตส่าห์มาสั่งอีกนะ “คาเมนาชิ คาซึยะ “ สั้นๆ ไม่มีอะไรหลุดออกมาจาก

ปากอีก ทุกคนในห้องเงียบเหมือนรอฟังอะไร


“ข้อมือไปทำอะไรมาเหรอ” เสียงหนึ่งดังแทรกความเงียบในห้อง คาซึยะใช้ปลายตามองไป

ที่คนตั้งคำถาม หน้าตาดูดุๆสายตาคมกริบ ปากและคิ้วเชิดได้รูปท่าทางกวนๆ นั่งอยู่ที่มุม

หลังห้อง

“เป็นแผลนะ คัตเตอร์….”น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้สะทกสะท้าน พูดออกไปแบบนี้ใครก็ต้อง

เดาออกว่าทำอะไรมา คงไม่มีใครทำคัตตเตอร์บาดข้อมือ เพราะอุบัติเหตุหรอก คงมีแค่
เหตุผลเดียวแค่นั้น

“นายฆ่าตัวตาย เหรอ ? หน้าตาไม่ให้เลยนะ” ยังยียวนกลับ ครูรีบดุออกมา “ทานากะ โคคิ

พอทีเถอะ พูดอะไรของเธอ รร.ชายล้วนก็เป็นแบบนี้หละจ๊ะ คาเมนาชิ ไปนั่งที่เถอะจ๊ะ”

รอมาตั้งนานแล้วคำนี้ เล็งมุมหลังห้องที่ติดหน้าต่าง ถัดจากเจ้าปากมากเมื่อกี้ไปตัวนึง เดิน
ไปทำท่าจะวางกระเป๋า

“นี่นายจะนั่งตรงนั้นไม่ได้นะ มีคนนั่งแล้ว!! “ โคคิร้องออกมาค่อนข้างดัง คาซึยะไม่มีทีท่า

สนใจนั่งแหมะลงไปเลย

“แกนี่ พูดไม่ฟังเลยรึไง “ เอามือกระชากคอเสื้อคาซึยะจนตัวโยนออกมา เพราะผอมบาง
ขนาดนั้น

“ทานากะ ครูบอกแล้วไงว่าอย่าก่อเรื่องพูดกันดีๆสิ” โคคิหน้าตาไม่ค่อยพอใจ หนุ่มน้อย

หน้าใสท่าทางเรียบร้อยหันมามองนิดหน่อยก่อนหันกลับไปเมื่อครูเรียก “ทากุจิ วันนี้อาคานิ
ชิไม่มาเรียนเหรอจ๊ะ”

ถ้าฟังไม่ผิด เมื่อกี้พูดชื่ออาคานิชิ ใช่มั้ย คาซึยะผุดลุกขึ้นกระทันหัน จุนโนะถึงกับหันมา

มองคาซึยะที่ทำท่าแปลกๆก่อนตอบออกไปน้ำเสียงเรียบๆ “วันนี้มีคนขาด3คนนะครับ อาคา
นิชิ อูเอดะ นากามารุ”

ได้ยินแค่นี้คาซึยะก็รู้สึกผิดหวังเล็กๆ วันนี้ขาดเรียนอีกเหรอ อย่างน้อยก็ยังดีที่ได้อยู่ห้อง

เดียวกันนะแหละ เรียนไปได้สักพัก ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา หน้าตาตื่นเล็กๆก่อนขอโทษขอ
โพยออกมา

“ขอโทษครับ ที่มาสาย” คาซึยะหันหน้าไปมองอย่างพินิจที่สุด หรือว่าคนนี้คืออาคานิชิ จิน

ครูหันมายิ้มให้แบบเหนื่อยใจ “ มาสายมากๆเลยนะจ๊ะ ไปนั่งที่ไป” แลบลิ้นออกมาแบบ

เด็กๆ ดวงตากลมโตดูสดใสไม่แพ้ใคร เดินไปยิ้มไปทักทายคนเค้าไปทั่ว คนๆนี้รึเปล่าอาคา

นิชิ จิน ร่าเริงจนน่าอิจฉา “ไง ! โคคิ นั่งหน้าบูดเชียวนะแก” หันมาทักโคคิแบบสนิท

สนม “บ้า แกนะเดะ หน้าฉันก็ปกติแบบนี้หล่ะ แกอ่ะจะมากินข้าวเที่ยงไง โผล่มาป่านนี้” ได้

ฟังแค่นั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี คาซูยะมองดูตาไม่กระพริบ จนคนถูกมองรู้ตัว “มี

ไรติดหน้าฉันรึป่าว จ้องไรเหรอ เด็กใหม่เหรอ ?” ถามเป็นชุด สนิทกับคนง่ายจริงๆนะ คาซึ
ยะไม่
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 13-01-2007 18:00:09
ตอบได้แต่หลบสายตา ตลอดเวลาแต่ก็แอบมองดู ถ้าคนคนนี้เป็นอาคานิชิ จิน จะทำยังไง

เหรอ วิ่งเข้าไปขอร้องให้ช่วยร้องเพลงให้ฟังเหรอ บ้ารึป่าว กำลังคิดเพลินๆ อีกคนก็เปิด

ประตูเข้ามา หน้าตาเรียบๆโค้งให้ครู ครูพยักหน้าให้

“ไรเนี้ย เจ้านี่มาสายกว่าฉันวะ” คนอารมณ์ดีพูดยิ้มๆ คนที่เข้ามาใหม่สีหน้าเฉยๆ ติดจะอาย

นิดๆไม่ค่อยอยากสบตาใคร คาซึยะก็จ้องมองอีก รึว่าคนนี้จะเป็นอาคานิชิ จิน ดูเงียบๆ ไม่

ค่อยสุงสิงใคร อาคานิชิ จิน เป็นคนแบบนี้รึเปล่านะ แล้วคนไหนกันแน่ที่เป็นอาคานิชิ จิน?


เวลาพักเที่ยง ทุกคนหายไปจากห้องกันหมด เหลือแค่คาซึยะที่ไม่คิดจะไปกับใคร ไม่มีใคร

กล้าเข้ามาชวน อาจจะเป็นเพราะบาดแผลที่ข้อมือก็เป็นได้ จุนโนะเดินเข้ามาในห้องเพื่อมา

เก็บสมุดรายงานเห็นคาซึยะนั่งนิ่งก็โค้งให้นิดนึงเป็นเชิงทักทาย คาซึยะใช้สายตาเฉยเมย

มอง “ นายเป็นหัวหน้าห้องเหรอ?”

จุนโนะ พยักหน้า”ใช่ มีอะไรจะให้ช่วยมั้ย” “ขอดูสมุดรายชื่อหน่อยสิ ฉันจำชื่อเพื่อนไม่ค่อย
ได้เลย”

จุนโนะ ยิ้มแล้วยื่นสมุดให้คาซึยะ “ตามสบายแล้วกัน ฉันขอตัวก่อนนะ”

คาซึยะเปิดสมุดออกเบาๆ จริงๆแล้วไม่ได้ต้องการจำชื่อใครสักนิด แค่อยากรู้ว่าที่เค้าสงสัย

ว่าใครคือ อาคานิชิ จินนั้นถูกรึเปล่า

“ อาคานิชิ จิน ขาด”

ผลสุดท้ายก็ไม่ใช่ทั้ง2คนนั้น รู้สึกโล่งอกแปลกๆ เค้าคาดหวังจะเจออาคานิชิ จิน ในรูปแบบ

ไหนกันนะนึกไม่ออกเลย ชักเบื่อๆขึ้นมาอยากฆ่าตัวตายอีกแล้ว

แล้วก็ตัดสินใจโดดเรียนภาคบ่าย ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆขาก็พาเดินขึ้นมาที่ชั้นสูงสุดของตึก นี่เค้า

คิดจะใช้วีธีการแบบนี้เหรอ เหงื่อเริ่มซึมทั่วตัว คาซึยะค่อยๆเอามือเสยผมเส้นเล็กที่มาปิด

หน้าเพราะแรงลมขึ้นเบาๆ สายตาทอดยาวออกไปข้างหน้า ยิ่งมาอยู่จุดนี้ยิ่งเห็นทะเลกว้าง

ขึ้น ผืนน้ำจรดกับท้องฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตา ถ้ามาตายในที่ๆสวยงามแบบนี้ ก็ไม่น่าเสียดาย

เท่าไหร่ แดดของฤดูใบไม้ผลิ ทำให้แสบตาจนพร่าไปเลย คาซึยะเอามือขึ้นป้องหน้า แล้ว

ใช้สายตาทอดยาวออกไป ที่ริมตึกซึ่งมีตาข่ายกั้นไว้ มีใครบางคนอยู่ตรงนั้น พยายามขยี้

ตา บ้าน่า นอกจากเค้าแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครฆ่าตัวตายอีกหรอกนะ แล้วคนที่ไหนจะปีนออก

ไปแบบนั้น ถึงจะอยากตายมาหลายๆครั้ง แต่ก็ไม่ยินดีจะเห็นคนตายต่อหน้าหรอกนะ ครั้ง

เดียวก็เกินพอแล้ว!!!!!

chapter 1 end
to be con..................

เยอะไปไหมเนี้ย ส่วนเรื่องชื่อตัวละคร ต้องขอโทษด้วย ที่ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้ :monkeysad:

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-01-2007 21:37:11
กำลังสนุกเลย มาต่อเร็ว ๆ น้า  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 14-01-2007 10:48:07
อิอิ พอดีผมเคยอ่านแฟนฟิคของชื่อพวกนี้ด้วยอ่ะ

สงสัยเหมือนกันว่าพวกเขาเป็นใครหรือครับ

อยากเห็นรูปของแต่ละคนจัง เผื่อจะได้ไว้จินตการ


 :like6:

น่าติดตามมากๆครับ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: **ApEz** ที่ 14-01-2007 11:02:45
รู้สึกเค้าจะชื่อ Subara_nana ไม่ก้อ Sabara_nana อารายสักอย่างเนี้ยะแหระ
จำไม่ได้เหมือนกัน ว่าแต่หาเรื่องนี้เจอได้ไงอ่า
ปล.เรื่องนี้อ่านแล้วน้ำตาไหลพราก ๆ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 14-01-2007 20:48:43


WITH NO NAME chapter2

คาซึยะก้าวช้าๆไปที่ริมดาดฟ้า แรงลมพัดชายเสื้อสูทแทบจะหลุดออกจากตัว

เนคไทพาดผ่านต้นคอแรงลมพัดเส้นผมที่ปรกหน้ากระจายออก

จนดวงตามองเห็นได้ชัดเจนขึ้น

แสงแดดสาดส่องไปที่ร่างที่ยืนอยู่ริมดาดาฟ้านั้น ลมแรงพัดน่ากลัวจะตกลงไป

คาซึยะยืนดูนิ่งๆ ทั้งที่ลมแรงขนาดนั้น แต่ว่าเหงื่อก็ซึมขึ้นมาเฉยๆ

ขาขยับเข้าไปใกล้มากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เหมือนถูกยาชาฉีดผ่านไปครึ่งร่างกาย

มองไม่ชัดเห็นแค่เรือนผมด้านหลังที่พลิ้วไปมา แผ่นหลังที่ดูกว้างกว่าเค้านิดหน่อย

 ดูแล้วให้ความรู้สึกที่เจ็บปวดขึ้นมาเฉยๆ ตำแหน่งที่ยืนนี้ไม่แตกต่างกันเลยสักนิด

 เหมือนเหตุการณ์ย้อนกลับมาอีกครั้ง คาซึยะรู้สึกตาพร่ามัว หัวมึนชา

ให้ความรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ร่างที่อยู่เบื้องหน้ากระตุ้นความจำที่เจ็บปวดอีกครั้ง

ร่างนั้นขยับทำท่าเหมือนจะกระโดดลงไป คาซึยะรู้สึกลำคอแหบแห้ง ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอด

ออกมาได้เพื่อที่จะห้ามปราม ………………

ร่างนั้นหันหลังกลับเข้าสู่ข้างใน กระโดดข้ามรั้วตาข่ายขึ้นมา คาซึยะเห็นแล้วก็โล่งอก

 อาการตาพร่า หน้ามืดค่อยๆหายไป คนเบื้องหน้าสูงกว่าเค้านิดหน่อย

ผมยุ่งๆปาดๆไปดูเข้ากับใบหน้า ผิวขาว ตาสวย ดูแล้วสะดุดตา

ริมฝีปากเรียวบางแดงสดยิ้มน้อยๆให้คาซึยะ

คาซึยะได้สติ หันหน้าหลบ เหมือนอายๆขึ้นมาเฉยๆ รู้สึกแปลกกับคนคนนี้

ความรู้สึกที่เหมือนใครบางคน ถึงจะหลบตาแต่ก็อดแอบมองไม่ได้ ค่อยๆปัดเสื้อเบาๆ

 พอเห็นว่าคาซึยะแอบมองอยู่ก็หันมายิ้มสดใสแบบบเด็กๆ แล้วก็ชูนาฬิกาข้อมือให้ดู

“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตายหรอกนะ ออกไปเก็บนาฬิกาก็แค่นั้น มันน่ะชอบหยุดเดินไปเฉยๆก็เลย

โยนทิ้งไปแต่สุดท้ายนะก็ตัดใจไม่ได้เลยปีนออกไปเก็บน่ะ” เอามือเช็ดๆนาฬิกาเรือนเก่า

 แบบถนุถนอม คาซึยะทำท่าแบบไม่อยากสนใจ “ก็มันเรื่องของนาย

อยากจะตายหรืออะไรก็เรื่องของนาย ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก” คนแปลกหน้าทำหน้าตาเหรอ

คาซึยะเดินสะบัดหน้าออกมาทิ้งให้ยืนงงอยู่อย่านั้นแหละดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 14-01-2007 20:56:22
ทำไมนะ ความรู้สึกที่แปลกประหลาด ความคล้ายกัน มันทำให้สะเทือนใจได้ขนาดนี้

ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นสิ่งที่กรีดรอยแผลในจิตใจของเค้าได้

มันผลักดันเค้าออกจากความตาย ให้เค้ามาค้นหาอะไรบางอย่างที่นี่ เสียงร้องเพลงจากเทป

คัสเซทของ อาคานิชิ จิน มีผลมากมายขนาดนี้ แม้แต่คนบ้าที่ออกไปเก็บนาฬิกาที่ดาดฟ้า

คาซึยะสลัดความคิดนั้นไม่ได้เลย เหมือนมันดูดกลืนแทรกซึมไปทั่วสมอง เสียงฝีเท้าคนเดิน

ตามมาข้างหลัง

“ชม.เรียนตอนบ่ายจะเริ่มแล้ว นายจะไปไหนน่ะ เอ๋เป็นเด็กใหม่เหรอ ไม่เคยเห็นหน้า”

เจ้าของนาฬิกาเรือนเก่าเดินตามมานั่นเอง คาซึยะนิ่งไม่ตอบ ไม่อยากเสวนาด้วย

รีบก้าวเท้าเร็วๆ ให้พ้นไป เจ้านี่ก็เป็นสิ่งก่อกวนจิตใจเค้าเหมือนกัน เดินออกมาจากประตูรร.

ไปตามทางเดินที่ทอดยาวด้วยแมกไม้ เป็นเวลาบ่ายแท้ๆ แต่ร่มไม้ก็ไม่ทำให้ร้อนสักนิด

เจ้าของนาฬิกาเดินตามมา เอามือล้วงกระเป๋า อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ซ้ำยังผิวปากไปด้วย

คาซึยะรู้สึกรำคาญปนๆกับความแปลกใจ คนบ้านี่ตามมาทำไมกันนะ

“นายหล่ะ ตามมาทำไม ก็ชม.เรียนเริ่มแล้วไม่ใช่รึไง ถ้าอยากจะไปไหนก็ไปเลย

อย่ามาเดินตามได้มั้ย คนเค้ารำคาญ!! ” โดนว่าแรงๆ หน้าเหรอไปเลย แต่แววตาขี้เล่นก็ดูไม่

สลดลงสักนิด “คงไม่ได้หรอกนะ ก็ตาของนายน่ะ บอกว่าไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา

“ คาซึยะอึ้งไปอึดใจ เจ้านี่เหมือนมองทะลุเข้ามาในหัวงั้นแหละ รู้สึกหน้าร้อนผ่าว

โมโหนิดหน่อยที่มีคนมาพูดจารู้ทันแบบนี้

 “อย่ามาพูดมั่วๆเอาเองหน่อย เลย ใครเค้าจะอยากอยู่กับนาย คนไม่รู้จักกันสักหน่อย”

ยิ้มนิดหน่อย ดูกวนประสาทที่สุดแล้วเอามือมาคล้องคอไว้ “ รู้จักไม่รู้จัก ไม่เป็นไร เอาเป็นว่า

ฉันจะเป็นเพื่อนพานายเที่ยวสักวันก็ได้นะ “ คาซึยะสลัดมือที่โอบคอไว้ ท่าทางไม่พอใจ แล้ว

สายตานั้นก็เห็นผ้าพันแผลที่ข้อมือเข้า
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 14-01-2007 21:03:43
“เจ็บมั้ยเนี่ย !!” สายตาคนประหลาดดูเป็นห่วงไม่น้อย คาซึยะรู้สึกอายคนคนนี้ขึ้นมาเฉยๆ

 น่าแปลกถ้าเป็นคนอื่นเห็นแบบนี้ จะคิดยังไงก็ช่าง ทำไมถึงรู้สึกอายเจ้านี่ขึ้นมาได้นะ

กลัวจะถูกรังเกียจว่า เป็นคนที่คิดฆ่าตัวตายงั้นเหรอ!!!

“ชีวิตเป็นสิ่งมีค่านะ ควรถนอมไว้ให้ดีๆ” พูดด้วยสายตาอ่อนโยน ทั้งๆที่เป็นคำตำหนิ แต่ไม่ได้รู้สึก

ว่าถูกตำหนิสักนิด “อย่ามายุ่งเรื่องคนอื่นจะได้มั้ย นายเป็นใคร ไม่รู้จักฉันสักนิด

จะมาพูดบ้าบออะไรอยู่ได้”

“ไม่ได้บ้าสักหน่อยก็พูดตามความจริง “ ท่าทางไม่ได้จริงจังกับคำพูดเกรี้ยวกราดสักนิด

อยู่ดีๆเสียงท้องคาซึยะก็ร้องออกมา เจ้าบ้านั่นถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ อายที่สุด มาเสียฟอร์ม

อะไรตอนนี้นะ “อย่ามาหัวเราะคนอื่นได้มั้ย!!” โกรธและอายหน้าแดงไปหมด

“อ๊ะ โทษทีนะ หิวก็ไม่บอก มิน่าอารมณ์เสีย โมโหหิวนี่เอง มาทางนี้เถอะ มีร้านอร่อยๆจะพาไป”

คาซึยะอยากตะโกนใส่หน้าว่าไม่ใช่สักหน่อย แต่ก็ถูกลากไปโดยไม่ทันตั้งตัว

ถ้วยบะหมี่ใหญ่มากๆ แบบที่ไม่เคยกินมาก่อน ปกติเค้าให้กันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ

 ควันโชยส่งกลิ่นหอมน่ากินมาเตะจมูก คาซึยะจ้องดู ตาไม่กระพริบ

“นายต้องมาจากเมืองหลวงแน่ๆ ท่าทางตะลึงกับบะหมี่แบบนี้ ที่ต่างจังหวัดก็งี้แหละ

 ใจดี ให้อะไรก็เยอะๆ” พูดทั้งๆที่เคี้ยวไปด้วย คาซึยะมองแบบประหลาดใจ พูดเบาๆว่า

”ทานละครับ” แล้วก็ลงมือทาน อย่างเรียบร้อย เล่นเอาคนพามาอึ้งไปเลย

 “นายนี่เป็นลูกผู้ดีแน่ๆเลยนะ” ไม่พูดตอบอะไรตั้งใจกินอย่างเดียว เจ้าของร้านร้องทักออกมา

“นี่ ไม่ใช่เวลาเลิกเรียนนี่นา แล้ว นี่พาเด็กท่าทางเรียบร้อยคนนี้มาจากไหน เอาใหญ่แล้วนะพาคน

อื่นโดดเรียนอีกแล้ว” “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ผมจะพาเพื่อนใหม่มาทัศนศึกษาเมืองเราก็แค่นั้น

แต่ว่าอย่าไปบอกใครนะ” ทำท่าสนิทกับคนเค้าไปทั่วเชื่อเลยจริงๆ

พอทานเสร็จ คาซึยะทำท่าจะจ่ายเงิน คนพามาไม่ยอม บอกว่าจะจ่ายให้ แต่ว่าล้วงกระเป๋าไปมาก็

ทำหน้าเหรอ “ตายแล้ว !! ลืมกระเป๋าไว้ที่รร.นี่นา “ เจ้าของร้านหัวเราะ “ทั้งปีเลยนะนายเนี้ย

 เอาเถอะ ไว้มาจ่ายคราวหน้าก็ได้” “ขอโทษจริงๆครับ “ โค้งๆใหญ่ คาซึยะหยิบกระเป๋าเงินหนัง

ยี่ห้อหรู ควักเงินแบงค์ใหญ่ออกมา จ่ายให้ที่โต๊ะ เจ้าของร้านตกใจนิดหน่อย ปกติเด็กแถวนี้

ไม่ค่อยใช้แบงค์ใหญ่แบบนี้กันนัก

“ไม่ต้องทอนหรอกครับ” พูดจบก็เดินออกไป เจ้าของร้านตาโต คนพามายิ่งอึ้งกว่า “มันเยอะเกิน

ไปแล้วนะ เพื่อนนายนี่รวยมาจากไหนกัน!!” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่า ผมไปก่อนนะครับ”

รีบวิ่งตามออกมา แล้วก็เอามือคล้องคอตามความเคยชิน คาซึยะขี้เกียจจะสลัดแล้ว

 ใช้น้ำเสียงกับสายตาแทน

“ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย เอามืออกไปจะได้มั้ย!!” “ไม่เป็นไร ทำให้สนิทกันซะก็ได้”

ยังไม่ยอมเอามืออกไปอีกนะ “เอางี้ดิ นายกับฉันผลัดกันถามปัญหาคนละข้อ OK ป่ะ”

คาซึยะหันมา หน้าตาไร้อารมณ์ “ไม่!” เชื่อได้เลยว่า ไม่ถามปัญหาขุดคุ้ยก็คงเรื่องฆ่าตัวตายแน่ๆ

เค้าเจอมาเยอะแล้ว ทุกครั้งที่ย้ายรร. เวลามีเรื่องที ก็ย้ายที เป็นงี้จนชิน

“ก็ได้ๆๆ ฉันเป็นคนมีเซนท์พิเศษนะ สามารถเดาใจคนได้เอาเป็นว่า ฉันจะเดาเรื่องของนาย

นายแค่บอกว่าถูกหรือไม่ถูก ตกลงเปล่า” ยังไม่ทันตกลงก็เริ่มเองแล้ว

“นายอยู่ชั้นปี2ห้องBแน่ๆเลย” คาซูยะทำหน้าเบื่อๆ

“ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว เข็มมันติดที่อกเสื้อนี่นา “ “ฮะๆ รู้ด้วยเหรอ

อันนั้นล้อเล่นน่า อืมนายต้องมาจากโตเกียวใช่ม้า” คาซึยะพยักหน้า ลองเล่นเกมส์กับเจ้านี่ไป

หน่อยแล้วกัน ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำ และที่สำคัญ ก็รู้สึกอยากอยู่กับเจ้านี่นานๆ ถึงท่าทางภายนอก

จะปฏิเสธก็เถอะ แต่ในใจลึกๆกลับไม่ใช่ “อืมนายต้องพักที่ตึกเก้าต้นแน่ๆ”

คาซึยะหน้าตาสงสัย “ตึกเก้าต้น?”

“หอพักของรร.ไง ฉันก็อยู่ที่นั้น ถ้านับดูดีๆ ต้นไม้จากทางออกโรงเรียนไปจนถึงหอนั้นจะเป็นต้นที่9

พอดี ก็เลยชื่อตึกเก้าต้นไงหล่ะ” คาซึยะพยักหน้า อะไรกันเจ้านี่ก็พักที่นั้นด้วยเหรอ รู้สึกดีใจขึ้นมา

เฉยๆ แล้วก็สลัดความคิดไป บ้า!!ทำไมได้อยู่ที่เดียวกับเจ้านี่ต้องดีใจด้วย น่ารำคาญจะตาย

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 14-01-2007 21:11:41
“นี่ เรื่องชื่อหล่ะ ถ้าให้เดาคงเดาไม่ถูกหรอกนะ” คาซึยะใช้สายตามองแบบเยาะเย้ยนิดๆ

 “อ้าวไหนบอกว่า เป็นคนมีเซนท์พิเศษไง หมดแล้วเหรอความสามารถนาย”

 คนมีเซนท์เอามือจับหน้าผากแล้วยิ้มๆ”โธ่เอ้ย!! ไม่เชื่อกันเลยนี่นา จริงๆนะฉันนะมีเซนท์

เซนท์ที่พิเศษจริงๆ” “อะไรเซนท์ของนายน่ะ หายตัวหรือว่าเหาะได้ ว่ามาสิ” คนมีเซนท์ยิ้มน้อยๆ

“ฉันเห็นปีกของคนเราได้ไงหล่ะ” คาซึยะหันมามองนิ่งๆ สายตาดูดุๆ

“อย่ามาหลอกกันเหมือนเด็กอมมือ เลย ใครจะไปเชื่อเรื่องบ้าๆหลอกเด็กของนาย”

“จริงๆนะ ไม่ได้หลอกเลย ทุกคนมีปีกจริงๆนะ ปีกก็คือความดีในจิตใจไงหล่ะ” คาซึยะได้ยินแค่นั้น

ก็หัวเราะออกมา เหมือนเย้ยหยัน “งั้นนายก็คงมองไม่เห็นปีกของฉันสินะ

หรือถ้ามีก็คงเป็นสีดำ เพราะฉันนะมันเป็นคนเลว เลวมากๆเลย”

คนมีเซนท์เงียบไปนิดหน่อย แววตาเศร้าลง แต่ก็ยิ้มออกมา “มองเห็นสิ ปีกของนายน่ะมี

 เป็นสีขาวสวยมากๆด้วย แต่ว่า………มันกำลังหักอยู่”

เจ็บเลย พูดแค่นี้ก็เจ็บแปลบขึ้นมา เจ้านี่ทำไมถึงพูดแบบนี้ออกมา เสียดแทงจิตใจเป็นที่สุด

จริงอย่างที่ว่า ปีกของคาซึยะกำลังหัก….. หักมานาน… เรื้อรัง…. และไม่เห็นทางที่จะกลับเป็นปกติ

ได้อีกแล้ว “พอที เรื่องบ้าบอไร้สาระ ฉันขี้เกียจจะฟัง” ตัดบทไปซะ ไม่อยากพูดถึงมันแล้ว

 คนมีเซนท์เห็นท่าทาง คาซึยะไม่พอใจก็เงียบไป แล้วก็ทำท่าคิดอะไรออก

“นี่ๆ มาร้องเพลงกันป่าว เวลาไม่สบายใจ ร้องเพลงออกมาดังๆ เรื่องร้ายๆมันจะหายไปเลยนะ!!”

คาซึยะสลัด แขนที่โอบไหล่ไว้ออก “ไม่เอาหรอก ใครบอกว่าฉันไม่สบายใจ แล้วมาแหกปากร้อง

เพลงกลางถนนแบบนี้ คนเค้าจะหาว่าบ้า!!” ยังไม่ละความพยายาม เดินมาดึงแขนไว้

 “ เออ ไม่ได้เป็นไรก็ร้องได้ แล้วตรงเนี้ยก็ติดทะเล ไม่มีใครว่าบ้าหรอกน่า ฉันกับเพื่อนยังมาทำกัน

ออกบ่อย ผ่อนคลายจะตาย” คาซึยะสลัดแขนอีกครั้ง

ทางที่เดินอยู่ตอนนี้เป็นถนนเงียบๆเรียบหาด ไม่มีคนสักคน ทะเลก็ดูสงบดี

แต่ใครจะบ้ามายืนร้องเพลงหล่ะ เดินต่อไปเรื่อยๆเฉยๆจะดีกว่า

เดินก้มหน้า ห่างมาจากเจ้านั่นเรื่อยๆ ท่าทางจะไม่ตามมาอีก คงต้องแยกกันแล้วละมั้ง

อืม ช่างมันเถอะ ยังไงก็ต้องแยกกันอยู่ดีจะช้าหรือเร็วก็ตาม แต่อดใจหายไม่ได้เลยนะ

เพราะอะไรกัน แล้วก็ต้องหยุดชะงัก………..เสียงเพลงที่ร้องออกมาดังๆ คุ้นเคย …….. เสียงเดียว

กับที่เคยฟังในเทปคัสเซท รอบแล้วรอบเล่านับไม่ถ้วน เป็นเสียงนั้นจริงๆ ไม่คิดไม่ฝัน คนคนนั้น

อยู่ตรงนี้เอง อยู่ข้างหน้านี้ อาคานิชิ จิน………………

เสียงดังกังวานใส ฟังเพราะกว่า ในเทป แต่ไม่ผิดแน่ ลักษณะการร้อง ทำนองจังหวะ

ถึงจะคนละเพลงกัน แต่เสียงแบบนี้ ไม่ผิด …….. ร้องอย่างมีความสุข ร้องดังๆ ร้องไปเรื่อยๆ

คาซึยะ ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะวิ่งหนี หรือ ตรงเข้าไปหา ไม่เข้าใจตัวเอง มาเจอแล้ว

เจออาคานิชิ จิน แล้ว ไม่แปลกใจ ไม่สงสัย สักนิด ทำไม ถึงมีความรู้สึกพิเศษด้วย

ตั้งแต่แรกเห็น เพราะ ว่า เป็นคนคนนี้นั้นเอง เป็นคนที่มีความรู้สึกแบบเดียวกันกับ

พี่ชายของเค้า ……….. “อ้าสบายใจดีจัง !! เห็นม้า ไม่ยอมมาร้องด้วยกันนะนายน่ะ

“ คาซึยะไม่โต้ตอบ ดวงตาแน่วแน่ มองตรงไปไม่วางตา จินรู้สึกเก้กัง ที่ถูกจ้อง

 “ฮันแน่!! เสียงฉันเพราะมากจนตะลึงไปเลยเหรอ “ อุตส่าห์หยอดมุข แต่ไม่มีรอยยิ้มสักนิด

 “นายชื่ออะไรน่ะ!!”คาซึยะถามออกมา จินตาโต “เออ!! คุยกันมาตั้งนาน ฉันยังไม่บอกชื่อนายเลย

ใช่เปล่าเนี้ย ฉันชื่ออาคานิชิ จิน ยินดีที่ได้รู้จัก” จินยื่นมืออกไปให้คาซึยะจับ
 
แต่ไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง คาซึยะ ได้รู้ก็หันหลังเดินออกมา “เอ๋ ??? อ้าวเฮ้ย นายจะไปไหนน่ะ”

เดินห่างออกมาแล้วก็ออกวิ่ง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องวิ่ง แต่ร่างกายมันสั่งมาอย่างงั้น

 มันหยุดไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรกันนะ!!!

วิ่งด้วยรองเท้าหนังมันลำบากก็จริง หรืออาจจะเป็นเพราะไม่ได้ออกกำลังกายมานานนะ

 รู้สึกเจ็บเท้าไปหมด สุดท้ายก็เดินกลับมาที่ตึกเก้าต้นสำเร็จ ทำไมเจอแล้วต้องหนี

 บ้าจริงๆ อุตส่าห์ย้ายรร.มา เพื่อจะเจอ แล้วจะทำยังไงต่อไปนึกไม่ออกจริงๆ

ร่างสูงโปร่ง ชะโงกหน้าอยู่ที่ประตูรั้ว หันมาสบตากับคาซึยะพอดี จุนโนะนั้นเอง

สะพายกระเป๋า3ใบ พะรุงพะรังน่าดู “วันนี้นายโดดเรียนนะ เป็นนร.ใหม่แท้ๆทำงี้ ไม่ดีรู้รึเปล่า..”

ไม่พูดอะไรเดินมาแย่งกระเป๋าตัวเองไป ขอบคุณสักคำก็ไม่มี จุนโนะ ยังไม่ทันต่อว่าอีก

 ก็เดินเข้าตึกไปเลย “อะไรเนี้ย คนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ…”
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 14-01-2007 21:19:55
“เย้!! ทากุจิ คิดถึงฉันมากเลยมาหาที่นี่เลยเหรอ” จินที่เพิ่งมาถึงก็ตะโกนทักเสียงดัง
 
“พูดอะไรของนาย เอ้า!! บ้ารึเปล่าไม่ไปรร.ก็เอากระเป๋านร.ไปทิ้งไว้ที่ห้องทำไม”

ยืนกระเป๋าชนอกอย่างแรงจนจินเซ

“อะไรอ่ะ ไปโกรธ ใครมา แล้วมาลงที่เค้า!!” จินทำหน้าบู้ๆ

 “อ๊ะ ขอโทษเมื่อกี้เจอคนกวนประสาทมา อุตส่าห์แบกของมาให้ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี”

จินรีบกล่าวขอบคุณออกมา “ อ้า ขอบคุณอย่างสูงคร๊าบ!!”

“ไม่ใช่นายหรอกน่า เป็นเด็กใหม่ที่ย้ายมาต่างหาก ท่าทางก็บอกว่าเป็นลูกคุณหนู

ถึงได้เอาแต่ใจขนาดนั้น แล้วข้อมือก็เป็นแบบนั้น ใครเค้าจะกล้าเสวนาด้วย!!” จุนโนะบ่นเบื่อๆก่อน

ทำท่าจะเดินออกไป จินพอจะเดาออกแล้วว่าหมายถึงใคร แต่ก็รีบเรียกจุนโนะเอาไว้

“นี่ทากุจิ เรื่องชมรมน่ะ นายกลับไปคิดดูรึยัง”

จุนโนะชะงักไปนิดหน่อย ก่อนพูดออกมาน้ำเสียงเรียบๆ

“ขอโทษนะ ฉันตัดสินใจไปแล้ว คงไม่เปลี่ยนใจหรอก”

จินยิ้มเศร้าๆนิดหน่อยก่อนพยักหน้าให้ จุนโนะยิ้มจืดๆก่อนกล่าวลา

“งั้นฉันไปนะ” จินพยักหน้าให้ยิ้มๆ “อืม”

จินเดินมาหยุดที่ห้องข้างๆ คาดว่าเพื่อนใหม่สายตาเย็นชาที่เจอวันนี้ต้องอยู่ห้องนี้แน่ๆ

 เพราะเห็นมีคนมาจัดการย้ายข้าวของเข้ามาเมื่อ 2วันก่อน อ่านชื่อหน้าห้อง “คาเมนาชิ คาซึยะ”

กำลังจะเคาะเรียก มาสเซอร์ดูแลหอก็เรียกเอาไว้

“อาคานิชิคุง ขอคุยด้วยหน่อยสิ” จินหันมามอง ดวงตาสงสัยไม่น้อย “อ๊ะ! ได้ครับ”

มาสเซอร์หน้าตาเคร่งเครียดไม่น้อย

“เธอเจอเด็ก ที่ชื่อ คาเมนาชิ คาซึยะแล้วใช่มั้ย “ จินพยักหน้าตอบรับ

 “เห็นแผลที่ข้อมือ แล้วด้วยสินะ ดูออกใช่มั้ยว่าเด็กนั่น พยายามฆ่าตัวตายมา

 ที่สำคัญที่บ้านแจ้งมาว่าทำมา5ครั้งแล้วด้วย ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่

ยังไซะ ก็ช่วยดูๆให้ด้วยแล้วกันนะ ถ้าช่วยเด็กคนนั้นได้ก็คงจะดี” พูดจบก็ลุกออกไป จินหน้าตา

ครุ่นคิด ตั้ง5ครั้ง พยายามจะตายขนาดนั้นเลยเหรอ มีอะไรที่รุนแรงขนาดนั้นกันนะ

อายุก็แค่นี้ทำไมถึงอยากจะตายนัก คิดแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงลึกๆ

มื้อเย็นวันนั้น คาซึยะก็ไม่โผล่หน้าออกมาเลย จินรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาตะงิดๆ

ก็เลยไปเคาะประตูห้องปึงๆๆ ทำไมไม่เปิด เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า แล้วจะทำยังไงดี

พยายามจะพังประตู แต่วิ่งชนแล้วก็เจ็บ ไม่มีปัญญาแน่ๆ ตัดสินใจไปที่ห้องตัวเอง

ปีนออกมาทางระเบียง “เจ้าบ้าเอ้ย !! ถ้าฉันมาตายเพราะนายจะเป็นผีมาหักคอเลย!!”

บ่นขณะก้าวเท้าข้ามจากระเบียงห้องตัวเองไปยังห้องข้างๆ มองไปข้างล่าง

 ชั้น4 นี่ก็สูงไม่ใช่เล่นเลยนะ หลับตาแล้วปีนได้สำเร็จ โชคดีที่ประตูระเบียงเปิดเอาไว้นะ

 จินค่อยๆคลานเข้ามาได้ มองหาคาซึยะ เห็นแล้วก็โล่งอก กำลังนั่งสวมหูฟัง ฟังเพลงสบายใจ

เชียวนะ มิน่าไม่ยอมไปเปิดประตูมัวแต่นั่งฟังเพลงนี่เอง

“เฮ้ย !! นายเข้ามาได้ยังไง!!” คาซึยะท่าทางตกใจ ถอดหูฟังออก จินนั่งขัดสมาธิที่พื้นข้างคาซึยะ

ก่อนทำหน้าดุๆ “ ก็นายนะแหละ ไม่ยอมลงไปกินข้าว คนเค้าก็เป็นห่วงนะสิ มาเคาะห้องก็ไม่ตอบ

ก็เลยปีนเข้ามาดูทางระเบียงน่ะ ห้องฉันอยู่ข้างๆนี่แหละ” คาซึยะทำหน้านิ่งๆ

“อ้อ คงถูกพวกมาสเซอร์ขอร้องให้จับตาดูฉันนะสิ กลัวฉันจะฆ่าตัวตายใช่มั้ยหล่ะ”

จินถอนหายใจ “เออ!! ก็ทำนองนั้นแหละ รู้นี่ว่าคนเค้าเป็นห่วงกัน ก็อย่าทำให้เป็นห่วงสิ!!”

“เป็นห่วงเหรอ จริงเหรอ พ่อฉันคงจะจ่ายให้รร.นี้หนักหล่ะมั้ง ก็เลยดูแลดีเป็นพิเศษ ถ้าฉันอยู่นานๆ

ก็จะได้เงินมากขึ้นไง แล้วนายหล่ะจะได้ผลประโยชน์อะไรรึเปล่า ถึงมาสนใจฉันนะ”

“เพียะ!!”มือกระทบหน้า คาซึยะ อย่างแรง แก้มขาวๆเป็นรอยมือแดง

คาซึยะเอามือจับหน้า ชาไปหมด ถึงจะไม่แรงมากแต่ก็รู้สึกเจ็บ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครตบ

หน้ามาก่อน “เห็นว่านายเป็นลูกคุณหนูหรอกนะเลยแค่ตบ ไม่งั้นคงต่อยไปแล้ว

ความเป็นห่วงหรือหวังดีนะ บางครั้งก็มาจากจิตใจจริงๆก็มี อย่าคิดว่าจะหวังผลประโยชน์ไปหมด

ซะทุกคนได้มั้ย ถ้านายยังเป็นคนแบบนี้ ต่อไปถึงนายจะตายไปก็ไม่มีใครเค้าสงสารหรอกนะ”

จินเหมือนไม่พอใจมากๆ คาซึยะเอามือที่จับหน้าออก สายตาเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน

“ อย่ามาพูดให้น่าสะอิดสะเอียนหน่อยเลย หวังดีจริงๆงั้นเหรอ ใครเค้าจะไปเชื่อ

คนอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร ทำเป็นพูดว่าเห็นปีกของชาวบ้านเค้า ปั้นหน้าเป็นคนดีซะเต็มที่

 คนเพิ่งรู้จักกัน จะหวังดีไปเพื่ออะไร แล้วคนอย่างฉันน่ะนะ ต่อให้ตายไปจริงๆ คนที่จะร้องไห้ให้

สักคนก็ไม่มีหรอก “ อารมณ์รุนแรงพอๆกัน เท้าคาซึยะเลยเตะสายหูฟังหลุดออก

 เสียงจากสเตอร์ลิโอ ก็ดังออกมาเป็น เพลงเสียงประสานเพลงนั้นเอง จินถึงกับชะงัก

นี่เป็นเสียงของเค้าไม่ใช่เหรอ เป็นเพลงที่ร้องเมื่อ2ปีก่อนมาอยู่ที่นี่ จินรีบเดินไปเปิดช่องใส่เทป

เพื่อจะเอาเทปออกมาดู คาซึยะรีบไปแย่งเอาออกมา แล้วซุกไว้ข้างหลังแบบเด็กๆ หน้าตาตื่น

ดวงตาล่อกแล่ก “นายมีเทปของฉันได้ยังไง ……” ไม่ถามแค่ปากจินยังใช้สายตาถามอีกด้วย

คาซึยะ ไม่ยอมสบตา ได้แต่ก้มหน้าเม้มปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรออกมา


chapter 2 end
to be con..........
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 14-01-2007 21:34:03
ตอนนี้ในบอร์ดมีคนลงนิยายเยอะมากๆเลยอ่ะ ยังไงก้อฝากเรื่องนี้ด้วยน๊า คับ


เอาตอน2มาต่อแล้วน๊า เอารูปตัวละครของเรื่องนี้มาให้ชมกันด้วยแหละ

เห็นรูปแล้วจิ้นกันให้ออกน๊า


(http://img215.imageshack.us/img215/5817/1copycopyja3.png)


1 คาเมะนาชิ  คาซึยะ

2 อาคานิชิ  จิน

3 ทางุจิ   จุนโนะสุเกะ

4 ทานากะ  โคคิ

5 อุเอดะ ทัตซึยะ

6 นากามารุ  ยูอิจิ
 
 :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 14-01-2007 22:45:06
อ๊ากกกกกกกสสสสสสสสสสสสสส

ทำไมมันสนุกตื่นเต้นเร้าจายแบบนี้

ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-01-2007 09:34:28
หุหุ ตัวละครน่ารัก ๆ ท้างน้าน  :haun1:
จะรออ่านนะคะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 17-01-2007 21:18:41
chapter 3

"นายไปเอาเทปฉันมาจากไหนกัน” จินย้อนถามรอบที่สอง ทั้งคู่ท่าทางจะสงบลงนิดหน่อย

คาซึยะ ไม่อยากตอบ กลัวว่าจะรู้ว่าเค้ามาเรียนที่นี่เพราะอะไร กลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะ ที่ทำบ้าๆ

แค่อยากมาเจอเจ้าของเทป ซึ่งตอนนี้ ก็ยืนเคร่งเครียดอยู่ตรงหน้าแล้ว

“นายมาที่นี่ เพราะเทปนี้ใช่รึเปล่า” นั้นไงหล่ะ ท่าจะจริงที่หมอนี่เคยบอกว่ามีเซนท์พิเศษเดาใจคน

ได้ ไม่ผิดเลยสักนิด “ก็แล้วจะทำไมหล่ะ!! อยากหัวเราะก็เชิญเลย ฉันมันบ้ามาตามหาเจ้าของเทป

เพราะแค่ได้ฟังเสียงนะ” คาซึยะ ตะโกนออกมาดังๆแบบอัดอั้นตันใจสุดๆ ไม่มีเสียงหัวเราะเล็ด

ลอดออกเลย คาซึยะก้มหน้างุดๆทั้งโกรธทั้งอาย เจ้าบ้านี่รู้จนได้ว่า มาที่นี่เพื่อมาตามหาตัวเอง

 จินเอามือจับไหล่ที่ผอมบาง มีแต่กระดูก เอาหน้าเข้ามาใกล้ ๆ

ใช้สายตานิ่งๆจ้องที่ดวงตาของคาซึยะ

“ฟังแล้วดีใช่มั้ย ไม่อยากตายแล้วใช่มั้ย นายถึงมาตามหาฉันน่ะ”

พูดอะไรของนายน่ะ ไม่อยากตายเหรอ ถึงจะไม่ใช่เหตุผลนั้น แต่ก็ทำให้เค้าไม่คิดฆ่าตัวตายไป

ระยะหนึ่งนะแหละ “ฉันไม่หัวเราะ คนที่ฟังเพลงของฉัน แล้วอุตส่าห์มาตามหาหรอกนะ กลับตื้นตัน

ดีใจเป็นพิเศษต่างหากที่มีคนฟังเพลงของฉัน แล้วช่วยอะไรเค้าได้บ้างน่ะ “

ทำไมต้องพูดจาดีๆกับเค้าแบบนี้ด้วย คาซึยะรู้สึกว่าไหล่ที่รู้สึกหนาวเหน็นอบอุ่นอย่างประหลาด

เมื่อจินสัมผัสมันไว้ เค้าต้องการมาพบจินเพื่ออะไรไม่รู้เลย หรือว่ามันเป็นโชคชะตาให้เค้าได้ฟัง

เพลงของจิน มาตามหา และให้คนคนนี้เป็นคนรักษาบาดแผลในจิตใจของเค้า


ไม่เข้าใจพูดอะไรไม่ออก ก้มหน้าลงหลับตานิ่งๆ

“วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากๆ นายกลับไปที่ห้องก่อนจะได้มั้ย ฉันอยากพัก” คาซึยะพูดออกมาน้ำเสียง

แผ่วเบา จินยิ้มพยักหน้าตอบรับ “ถ้ามีอะไรอยากจะบอกฉันละก็ บอกมาได้นะ ฉันยินดีรับฟัง”

ก่อนจะออกจากห้องจินทิ้งท้ายเอาไว้ คาซึยะไม่พูดอะไร ปิดประตูเงียบๆ

ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง เรื่องทั้งหมดมันหนักหนาเกินไป เค้าจะไว้ใจจิน

คนที่ตั้งใจมาค้นหาคนนี้ได้หรือ เพราะลักษณะ น้ำเสียงที่คล้ายกัน ไม่ใช่ในรายละเอียด

แต่ที่ความรู้สึก มันจะทำให้เค้ายอมเปิดใจได้เหรอ ยังไม่แน่ใจ ขอเวลาสักหน่อยเถอะนะ

ถ้าถึงเวลานั้น เค้าคงจะมั่นใจกว่านี้

“คาซึยะ !! นายนี่ออกเสียงตรงนั้นผิดนะเข้าใจมั้ย” เสียงเย็นๆใจดีแว่วมาในโสตสัมผัส

คุ้นเคย คาซึยะลืมตามองไปที่เจ้าของเสียงนั้น ชายหนุ่มหน้าสวย ดวงตาอ่อนโยน

รอยยิ้มเป็นมิตรสวมชุดสีขาวสะอาด…

ทากิซาว่าพี่ชายของเค้านั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรด ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน ในมือถือเนื้อเพลงเอาไว้

อะไรกันนะ นี่เป็นความฝันใช่มั้ย “หือมองพี่ยังงั้นทำไม ? มีอะไรรึเปล่า?”

ทากิซาว่าดวงตาอ่อนโยน คาซึยะพยายามลืมตามองดูให้ชัดๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ

 พยายามจะเอามือไปจับ เสื้อผ้าสีขาวนั้นอยู่ดีๆก็กลายเป็นสีแดงฉาน ไม่ต่างกับเลือด

คาซึยะ ตกใจ แล้วมันก็กลายเป็นเพียงกลีบกุหลาบปลิวหายไป

ไม่!!!” “ตื่นได้แล้ว!!!” คาซึยะดวงตาเบิกโพลง ตื่นจากฝันที่เจ็บปวด จินยืนชะโงกหัวเข้ามา

 ผมตกลงมาปรกหน้า “นายเข้ามา ได้ยังไงกันน่ะ!” จินชี้ไปที่ประตูทางระเบียง เหมือนเดิม

“อย่าเข้าห้องชาวบ้านตามอำเภอใจจะได้มั้ยนายเนี้ย!!” เอามือคลำต้นคอไปมา

 ถึงจะทำท่าโมโหแต่ก็ขอบใจที่ช่วยเค้าตื่นจากฝันแบบนั้น ไม่ได้ฝันเห็นพี่ชายมานานแล้ว

“นี่ๆ ไมไม่เก็บเตียงหล่ะ ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมนะ ไม่มีคนทำให้หรอก มาสเซอร์มาตรวจห้องจะโดนดุ

เอาด้วย” คาซึยะที่ลุกจากเตียงไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ หันมามองก่อนบ่นรำคาญออกมา

 “ทำไม่เป็นหรอกนะ อยากดุก็ดุไปสิ”

จิน อ้าปากค้าง “เฮ้ย !! ไม่แค่ดุนะ โดนหักคะแนนความประพฤติ แปะประจานหน้าหอด้วย

 ขอบอก!!” ขู่เป็นชุดคิดว่าจะได้ผล คาซึยะที่แปรงฟันล้างหน้าเสร็จแล้ว

เดินออกมาทำหน้ากวนๆ”แล้วไง กลัวตายเลย” จินทำหน้าบู้ ที่คาซึยะไม่เชื่อฟังเอาซะเลย

“นี่ดูแล้วก็จำไว้สิ ฉันจะเก็บให้ดูแล้วกัน ต่อๆไปนายต้องทำเองนะ กะอีแค่เก็บที่นอนนะไม่ได้ยาก

อะไรสักหน่อย “ ลงมือพับผ้าห่ม ดึงผ้าคลุมเตียงมาจัดการ อย่างรวดเร็ว

 คาซึยะมองดูขำๆท่าทางจินยังกับแม่ไม่มีผิด

“อ้าว ยิ้มกับคนอื่นเค้าก็เป็นนี่นา นายนี่” จินหันมาเห็นพอดี คาซึยะรีบเก็กหน้าขรึมเหมือนเดิม

“ก็นายทำท่าตลกคนก็ต้องขำสิ แล้วคนอย่างฉันไม่มีสิทธิ์ยิ้มรึไง” จินเอามือล้วงกระเป๋า

“ไม่ใช่ๆ แต่ว่าเวลานายยิ้มแล้วน่ารักดี พยายามยิ้มบ่อยๆนะ”

คาซึยะอายขึ้นมาซะอย่างงั้น “ทำไมต้องเชื่อนายด้วย” รีบปิดประตูห้องน้ำหนี

จินเดินมาที่ประตูห้องน้ำที่ตอนนี้เสียงน้ำไหลดังอยู่ ตะโกนเข้ามา”เฮ รีบๆอาบน้ำหล่ะ

 แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วไปที่โบสถ์กัน!!”

เวลาที่ตื่นเป็นเวลา6โมงเช้า เช้ามากๆ เช้าเกินไปด้วยซ้ำ จินแสบจริงๆ คาซึยะไม่เคยตื่นเช้าขนาด

นี้มาก่อนเลย แถมยังถูกบังคับให้แต่งตัวเรียบร้อย รู้สึกอึดอัดเนคไทจริงๆ สวมเรียบร้อยซะขนาด

นี้ จิน พาคาซึยะไปที่ทางเข้าด้านหลัง มองที่นาฬิกาเป็นเวลา 7.30 มาทำอะไรกันแต่เช้าเนี้ย

“เอ้าใส่ซะ !! “ จินยื่นชุดสีขาวให้คาซึยะ ก่อนลงมือสวมทับชุดนร.

“อะไร? ทำไมฉันต้องใส่ด้วยหล่ะ นี่มันชุดเด็กร้องเพลงในโบสถ์ไม่ใช่รึไง” จินพยักหน้า "รู้แล้วยัง

ถามอีก ก็มาร้องเพลงกันไงหล่ะ” คาซึยะ ทำหน้างงๆ “ใครบอกว่าฉันจะร้องกัน!!”

จินไม่ฟังเสียงดึงชุดมาจากมือ แล้วสวมทับให้เสร็จสรรพ

“ร้องไม่ร้องก็ไม่เป็นไร แค่ทำปากงึมงัมก็ได้ ไปเถอะจะได้เวลาแล้ว”

เดินออกมาที่โถงของโบสถ์ มีคนมาฟังสวดมนต์ตอนเช้าไม่กี่คน

มีเด็กๆร้องเพลงในโบสถ์ยืนรออยู่แล้ว คาซึยะรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน

ถึงแม้ว่าจะเคยอยู่ชมรมประสานเสียงมาก่อน แต่การร้องเพลงในโบสถ์แบบนี้ไม่เคยมาก่อนเลย

เด็กชายตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก เดินออกมาข้างหน้า ท่าทางจะเป็นเด็กปีหนึ่งม.ต้น เริ่มร้องเพลงออก

มาเป็นต้นเสียง จินกระซิบกับคาซูยะเบาๆ “เจ้าเนี้ย ชื่อยาบุ เสียงดีสุดยอด ฟังแล้วขนลุกเลยนะ”

จริงอย่างที่ว่าเสียงร้องเพลงกังวาน เจื้อยแจ้ว เหมือนนกน้อยๆ

การร้องเพลงช่วงเช้าจบลง โดยที่ คาซึยะไม่ได้อ้าปากร้องออกมาสักนิด

“นายนี่ ทำไมไม่ยอมร้องออกมาเลยนะ ฮัมเพลงสักนิดก็ยังดี การร้องเพลงให้พระเจ้านะ

ช่วยซ่อมแซมปีกที่หักได้รู้รึเปล่า “

 คาซึยะถอดชุดออก เอามือเสยผมลวกๆเพราะชุดเป็นแบบสวมหัวทำเอาผมยุ่งไปหมด

“ไร้สาระอีกแล้วนะนาย ก็นายบอกว่าไม่ต้องร้องก็ได้ไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญฉันไม่เชื่อพระเจ้าหรือ

เรื่องปีกอะไรนั่นด้วย”
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 17-01-2007 21:30:20
จิน ทำหน้าบู้ๆ อีกครั้ง “อ้าวแล้วนายจะไปไหนน่ะ ไปทานข้าวด้วยกันสิ

ที่โบสถ์เค้ามีเลี้ยงข้าวนะ สำหรับเด็กที่มาช่วยงานน่ะ” คาซึยะอดขำไม่ได้อีกแล้ว

จินหน้าเอ๋อ “ ขำอะไรของนาย” “ก็ขำนายนะแหละ โธ่เอ้ย คิดว่าจะช่วยด้วยใจจริงๆ

ที่แท้ก็มีข้าวเลี้ยงนี่เอง” จินเอามือเกาหัว

“ เออ ยังไงพลังงานในร่างกาย ก็ต้องอาศัยอาหารนะแหละ มาเถอะน่า”

จินพาสมาชิกใหม่ไปที่โต๊ะอาหาร เด็กๆที่ร้องเพลงในโบสถ์นั่งกินข้าวกันท่าทางสนุกสนาน

ทุกคนหันมาทักทายจิน ยกใหญ่ เท่าที่ดูๆแล้ว จินคงเป็นพี่โตสุดแล้วนะเนี้ย

“วันนี้มาสายเลยนะครับ อาคานิชิคุง” ยาบุเด็กนำร้องเพลง หันมาทักอย่างสนิทสนม


“อืม พอดีพาเจ้านี่มาด้วยนะก็เลยช้าไปนิดหน่อย” ยาบุหันมามองคาซึยะ แล้วยิ้มให้

คาซึยะไม่ได้ยิ้มตอบ ลากเก้าอี้นั่งลงแบบไม่สนใจ เล่นเอายาบุยิ้มเก้อไปเลย

เด็กคนอื่นที่โต๊ะหันมมองกัน แล้วก็ซุบซิบแปลกๆ ข้อมือคาซึยะยังมีผ้าพันแผลสีขาวเห็นได้

ชัด “เฮ!! ทานกันเถอะ เดี๋ยวจะไปเข้าเรียนไม่ทันกันนะ” จินรีบเปลี่ยนเรื่องให้ ทุกคนเลิก

สนใจ ข้อมือของคาซึยะยิ่งหมอนี่ปกป้องเค้ามากเท่าไหร่ก็อยากจะหนีไปไกลๆ

แต่ไม่รู้ทำไม เท้าก้าวไม่ออก อาจเป็นเพราะในใจลึกๆอยากอยู่ใกล้รึเปล่านะ

“เฮ้ย!! จินมาเรียนกับเค้าได้แล้วไง!!” โคคิร้องทักก่อนเอามือตบทักทายกับจินเหมือนเป็นท่า

ประจำ “แหม่ อย่าพูดเหมือนกับฉันเป็นเด็กชอบโดดๆบ่อยๆได้ป่าว”

 โคคิยิ้มแล้วหันไปเห็นคาซึยะที่เดินตามเข้ามา

“นายมากับเจ้านี่งั้นเหรอ ท่าทางกวนประสาทชมัด ที่นายนะถูกมันยึดไปแล้วนะ จะบอกให้”

โคคิฟ้องใหญ่ จินตาโตพยักหน้าหงึกงัก แล้วก็นั่งทับโคคิลงไป


“งั้นนายก็สละที่นั่งตรงนี้ให้ฉันไป้ โทษฐานที่เฝ้าที่นั่งให้ฉันไม่ได้!!”

โคคิโดนเบียดจนแทบตกเก้าอี้ “ไอ้บ้า เล่นไรเนี้ย นายก็ไปนั่งข้างๆแทนเดะ หนักนะเว้ย

 ลุกเร็วๆเลย” คาซึยะเห็นท่าทางหยอกล้อกันของจินกับโคคิก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ทั้งคู่ดูสนิท

สนมกันมากๆ แต่ก็แกล้งไม่สนใจ จัดหนังสือเตรียมเรียนตามปกติ ยูอิจิวิ่งกระหืดกระหอบมา

ที่โต๊ะแล้วก็ร้องทักทั้งสองคน “เฮ้ยๆ!! เล่นไรกันเล่นด้วยคนเดะ!!" พูดจบก็นั่งทับจินไปอีกคน

เป็นคนที่สาม โคคิโดนเบียดเต็มที่ “เจ้าพวกบ้า โอ้ยจะแบนแล้วนะ!!”

โคคิร้องออกมาเสียงดัง คาซึยะหันมามอง หน้าตาท่าทางมีความสุขทั้งสามคน

การเป็นเพื่อนกัน มันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอ ท่าทางสนิทกันซะเหลือเกิน

เห็นแล้วน่าหมั่นไส้สุดๆ “เฮ!! นายนะไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ มาฆ่าเจ้าโคคิด้วยกันดิ”

ยูอิจิร้องทักเมื่อคาซึยะหันมามอง

“บ้ารึเปล่า โตจนขนาดนี้ยังเล่นกันเป็นเด็กๆไม่รู้จักโตไปได้” ยูอิจิยิ้มหุบไปเลย

จินที่หัวเราะๆอยู่ก็ค้างไป โคคิไม่ต้องพูดถึงคิ้วขมวดขึ้นมาทันที

“เค้าว่าพวกนาย2คนนะ อะไรเล่นไรไม่รู้จักโต!!” ยูอิจิลุกขึ้น ทำท่าพูดล้อเลียนออกมา

“ใน3คนเรานายนะแหละ ปัญญาอ่อนที่สุด ไม่ต้องมาโบ้ยให้ชาวบ้านเลย” โคคิเอามือดึงเสื้อ

สูทที่โดนทับจนยับไปหมด แล้วใช้หางตามองไปทางคาซึยะ

จินเดินมานั่งที่ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างคาซึยะและโคคิ

“นายเองก็น่าจะลองคบ เจ้าพวกนี้ดูนะ ถึงจะดูบ้าๆบอๆ แต่ก็เป็นคนดีนะ

ฉันจะแนะนำให้รู้จักแล้วกัน”

โคคิเอาเท้ายันๆจิน โทษฐานที่ว่าบ้าๆบอๆ ยูอิจิเอากระเป๋าวางที่นั่งข้างหน้าโคคิแล้วหันมา

มองคาซึยะอย่างสนใจ คาซึยะกระแทกหนังสือที่โต๊ะ สายตาเย็นชา

 “ใคร เค้าอยากจะรู้จักเจ้าพวกนี้กัน นายไม่ต้องมาเสียเวลาแนะนำหรอก“

“อ๋อ ! ยังกับพวกฉันอยากรู้จักนายตายแหละ ไม่เคยตายใช่มั้ย

ดูสภาพตัวเองแล้วยังไม่เจียมอีก”

โคคิชักมีน้ำโห ยูอิจิรีบเอาหนังสืออกมาพัดๆให้ใจเย็นๆไว้

จินสีหน้าไม่ค่อยดี ไม่อยากให้มาทะเลาะกันเลย ยูอิจิเป็นคนอารมณ์ดีไม่ถือสาอะไรอยู่แล้ว

แต่โคคิสิ เป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนคาซึยะถึงจะเย็นเป็นน้ำแข็ง

 แต่คำพูดคำจาก็ยียวนเหลือเกิน คาซึยะยังตีหน้าเฉยไม่สะทกสะท้าน โคคิเห็นจินท่าทางไม่

อยากให้มีเรื่อง ก็เลยเห็นแก่เพื่อน นั่งสงบอารมณ์ไม่สานต่อ

ยูอิจิ ถอนใจออกมา “คิดว่าจะมีเรื่องกันซะแล้ว!!” “ถ้าไม่เห็นแก่หน้าจินนะ โธ่เอ้ย!!…..”

โคคิบ่นอุบอิบ จินยกมือขอบคุณโคคิที่ไม่ถือสา ก่อนหันไปมองคาซึยะอีกครั้ง

ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะได้เวลาเรียนชม.แรกพอดี

“ทำไม ไม่เข้าใจ จินไปทำดีกับมันทำไม ท่าทางอยากตายแบบนั้น ปล่อยให้มันตายๆไปเลย

ไป้” โคคิบ่นออกมาแบรำคาญใจสุดๆ “โห !! ใจร้ายไปม้าง คนเค้ามีปัญหามา นายก็รู้ จินมัน

เป็นคนดีจะตาย ถ้าไม่สนใจเลยก็ไม่ใช่จินคนที่เรารู้จักแล้วมั้ง” “เออๆ ไอ้จินก็คงใช้มุขเก่าๆ

แบบตอนที่มันพูดกับฉันครั้งแรกนะแหละมั้ง”


“เรื่องปีก” ยูอิจิกับโคคิพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายกัน

“เออ ว่าแต่นายเชื่อป่าวที่จินบอกว่าเห็นปีกของพวกเรานะ” อยู่ดีๆยูอิจิก็ถามขึ้นมา

 โคคินึกย้อนไปในวันแรกที่รู้จักจิน เด็กเกเร ถูกตราหน้าจากรร.ว่าเป็นเด็กอันธพาลขึ้นบัญชี

ดำเอาไว้ ไม่มีเด็กดีๆในห้องกล้าจะคบเป็นเพื่อนสักคน ตอนนั้นจินเพิ่งย้ายมาจากโตเกียว

ท่าทางเป็นเด็กในเมืองน่าสนใจดี คงไถเงินได้สบายๆ

“เน่!! แกเพิ่งย้ายมาใหม่คงไม่รู้ธรรมเนียมหล่ะสิ เอาเงินมาแบ่งกันใช้หน่อยสิ “

โคคิดึงจินมาที่หลังรร.เพื่อจะรีดไถ จินทำหน้าตาเหรอหรา “หา !!”

“ไม่ต้องมาหา พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง มีเท่าไหร่เอาออกมาเซ่ เร็วๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”


โคคิขู่รอบสอง เอามือผลักอกจินแรงๆ จินทำหน้าตาบู้ๆก่อนเอามือควานหาในกระเป๋าแล้ว

หยิบของส่งให้โคคิ ลูกอมรสคาราเมลคือสิ่งที่จินส่งให้ โคคิได้รับมาก็โกรธจนหน้าแดง

ชกจินไปทีนึง
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 17-01-2007 21:45:43
“ชกมาได้ มันเจ็บน้า!!” จินร้องตะโกนเอามือจับหน้าที่เพิ่งโดนชก

 “ก็ใครใช้ให้มากวนประสาทแบบนี้หล่ะ ฉันต้องการเงินเว้ย ไม่ใช่ลูกอม!!” โคคิตะคอกกลับ

 “ก็ไม่มีนี่เว้ย!! ฉันไม่มีพ่อแม่คอยให้เงินนะเฟ้ย ที่อยู่ๆมาเนี้ยก็เงินจากญาติที่เค้าเจียดมาให้

มีก็แค่ลูกอมนั้นแหละ เอาไปกินซะไป้ จะได้ระงับประสาท น้ำตาลไม่ไปเลี้ยงสมองไง

เที่ยวมาทำนักเลงขูดรีดชาวบ้านเค้าไปทั่วอ่ะ” โคคิแปลกประหลาดใจนิดหน่อย

 เท่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้ามาเถียงเค้าแบบนี้

แล้วที่เจ้านี่พูดว่าไม่มีพ่อแม่งั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเค้าเลยนะสิ

โคคิเดินเข้ามาใกล้จินที่เอามือถูหน้าตรงที่โดนชก “เฮ้ย!! อะไรวะ ถ้านายจะชกฉันอีก

คราวนี้ชกกลับจริงๆนะเว้ย!! “ จินหันมาทำท่ากำหมัด เอาจริงเอาจัง “เปล่า!!ที่นายบอกว่า

ไม่มีพ่อแม่จริงๆนะเหรอ” โคคิพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นลง จินเอาหมัดลงพยักหน้า

“จะโกหกไปทำไม เรื่องแบบนี้เอามาพูดเล่นได้เหรอ สนุกตายแหละ”

โคคิอยากจะชกอีกสักทีเจ้านี่ กวนจริงๆ แต่ว่าคนที่มีพื้นฐานคล้ายกัน

 มันรู้สึกลงมือไม่ลงขึ้นมาซะเฉยๆ

โคคิแกะลูกอมเอาเข้าปาก แล้วก็ทำท่าอยากคายออก “อี้ ! ทำไมหวานยังงี้ นายกินเข้าไปได้ไง”

จินหัวเราะท่าทางของโคคิ “รสหวานมีสรรพคุณระงับอาการเศร้าได้นะ” โคคิคิ้วขมวด

 “อาการเศร้า?อะไรของนาย นายว่าใครเศร้า ฉันปกติดีเฟ้ย!!”

จินหยิบลูกอมออกจากกระเป๋าอีกเม็ดแกะแล้วเอาเข้าปาก

“ไม่ได้หมายถึงนาย หมายถึงฉัน พ่อฉันเพิ่งเสียเมื่อ3เดือนที่แล้ว ฉันระงับอากาศเศร้าของตัวฉัน

เอง” โคคิมองลึกไปในแววตาของจิน เข้าใจดี เพราะเคยผ่านมาก่อน

 ตอนที่อยู่ชั้นประถม6 พ่อแม่ประสพอุบัติเหตุ เสียไปทั้งคู่

หลังจากนั้นก็ถูกญาติโยนกันไปโยนกันมา ไม่มีใครอยากเลี้ยงดูเค้า ถูกทิ้งขว้างเหมือนเป็นขยะ

ไม่มีใครต้องการ เค้าก็ไม่ต้องการใคร พอขึ้นม.ต้นก็แยกออกมาอยู่คนเดียว มั่วสุมกับพวกอัธพาล

พอมีที่ซุกหัวนอนไปวันๆ ลักเล็กขโมยน้อย ใช้ชีวิตเลวๆไปเรื่อยๆ ทรมานนะ แต่จะทำไงได้

“ญาตินายดูแลนายดีรึเปล่า” อยู่ดีๆก็ถามจินออกมายังงั้น

“ก็ไม่ดี ไม่เลวหรอก เค้าส่งเงินให้ฉัน ถึงน้อยแต่ก็พออยู่ได้” โคคิยิ้มนิดๆ

 “สนใจไปอยู่กับพวกฉันรึเปล่า แอบขโมยของบ้าง แต่ก็มีเงินใช้ได้สบายๆเลยนะ”

จินมองโคคิด้วยสายตานิ่งๆ

“นายกำลังทำลายตัวเองอยู่นะ …..กำลังหักปีกของตัวเองอยู่”

โคคิหน้าตาโกรธๆ เจ้านี่พูดอะไรออกมานะ “อาคานิชิ!! อาคานิชิ!!” เสียงยูอิจิดังเข้ามาขัดจังหวะ

พอดี โคคิหันไปมองยูอิจิ ตาเขียว ยูอิจิชะงักหน้าตาตกใจตลกเป็นที่สุด แล้วโคคิก็เดินออกมา

ชนยูอิจิอย่างแรง จนยูอิจิต้องจับแขนตัวเองด้วยความเจ็บ

“อะไรของเค้าน้า อ้า! อาคานิชิ ถูกเค้าไถเงินรึเปล่า” จินส่ายหน้าไปมา

“ไม่หรอก ก็ฉันไม่มีเงินจะใช้ด้วยซ้ำ จะมีอะไรให้ไถได้ หมอนั้นมีปัญหาอยู่นะ” ยูอิจิพยักหน้าจนหัว

แทบหลุด “ใช่ๆ ปัญหาเยอะมากๆ เค้าน่ากลัวนะ อยู่กับกลุ่มอันธพาลด้วย

ตอนแรกก็อยากคุยด้วยแหละ แต่กลัวว่าจะโดนฆ่านะสิ” ทำท่าเหมือนถูกบีบคอซะอย่างงั้น

 จินหัวเราะออกมา ยูอิจิเป็นเพื่อนคนแรกตั้งแต่มาเรียนที่นี่ เพราะร่าเริงและอารมณ์ดี

นิสัยไปกันได้กับจินที่สุดหล่ะรายนี้ “ปัญหาไม่ใช่แค่ตรงนั้น หรอกน่า ถ้าทำให้หมอนั้นเลิกหักปีกตัว

เองได้ก็OKแล้ว” ยูอิจิงงเป็นไก่ตาแตก “ปีก? ปีกไรอ่ะ” จินยิ้มเอามือคล้องคอ “ไม่เป็นไรหรอกน่า

ปีกนายนะ แข็งแรงจะตายไม่ได้หักแบบเจ้านั้นหรอก!”

ต่อจากนั้นไม่นานจินกับยูอิจิก็มีโอกาสช่วยโคคิจริงๆ วันนั้นขณะที่จินกับยูอิจิไปซื้อของที่ร้าน

สะดวกซื้อใกล้ๆรร. โคคิกับกลุ่มเพื่อนๆเกเรเข้ามาในร้าน ยูอิจิรีบดึงให้จินหลบ

“นายดึงฉันมาทำไมหล่ะเอ้อ!!" จินถามงงๆ ยูอิจิชี้ให้ดูว่า โคคิกำลังขโมยของกับเจ้าพวกเกเรนั่น

จินหน้าตาตื่น “ทำไมไม่เข้าไปห้ามหล่ะ”
“ไม่ได้หรอก เรารีบออกจากร้านดีกว่า ฉันไม่อยากมีเรื่องน่ะ”

จินทำท่าไม่อยากจะออกไป แต่ยูอิจิก็พยายามลากออกมาจนได้

ยังไม่ทันออกจากร้านดี เสียงสัญญาณก็ดังออกมา ถูกจับได้ซะแล้วนะสิ โคคิกับพวกนั้น

 แต่ว่า พวกเกเรนั้น โยนของให้โคคิทั้งหมด แล้วหนีเอาตัวรอดไป เจ้าของร้านเลยวิ่งตามโคคิคน

เดียว จินเห็นเข้าก็เลยวิ่งไปที่อีกมุมนึงของตึก

 “นากามารุ นายวิ่งไปทางนั้นสิเร็วๆ ไปล่อเจ้าของร้านให้ที” จินสั่งยูอิจิ ที่ยืนเอ๋อ

แล้วยูอิจิก็บ่นออกมาดังๆ” บ้าจริงๆเลย ว่าจะไม่ยุ่งแล้วเชียวนะ” จินวิ่งไปถึงมุมตึกนึงแล้วก็

กระชากโคคิให้หลบเข้ามาด้วยกัน โคคิหน้าตาตื่น จินเอามือจุ๊ๆปากไว้ โคคิหอบเบาลง

 เจ้าของร้านวิ่งเลยซอกตึกตรงนั้นไป ยูอิจิที่วิ่งมาหน้าตั้งพอพ้นมุมถนนก็แกล้งทำเป็นเดินแบบ

ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าของร้านผ่านมาก็เรียกยูอิจิมาถามทันที

 “นี่เห็นเด็กรร.นายบ้างมั้ย ที่ตาขวางๆนะ วิ่งผ่านมาทางนี้น่ะ” ยูอิจิทำท่านึกนิดหน่อยก่อน

ตอบ “เอ๋!! ผมเห็นนะครับ รู้สึกวิ่งไปทางนู้นแนะครับ เร็วมากเลย ป่านนี้คงไปไกลแล้วมั้ง”

เจ้าของร้านเชื่อสนิท วิ่งไปตามทางที่บอกทันที ยูอิจิโล่งอกที่ไม่ถูกจับได้ ค่อยเดินลับล่อๆกลับมา

ที่เดิม “เฮ อยู่ตรงไหนกัน….ไปแล้วนะ ฉันล่อไปอีกทางแล้ว เฮ” จินชะโงกหน้าออกมา

” ทางนี้ อยู่ตรงนี้ นากามารุ” ยูอิจิวิ่งมาที่ซอกตึก จินหันมายิ้มให้โคคิ

 “ปลอดภัยแล้วนะ!!”

“นายมาช่วยฉันทำไม บ้ากันไปรึเปล่า” โคคิทำท่าบ่นๆ “อะไรกันช่วยก็ผิดอีก เสี่ยงแทบตาย”

ยูอิจิบ่นอุบอิบ โคคิหันมามองสายตาดุๆ ยูอิจิหลบไปข้างหลังจิน

 “เอาเถอะน่า ก็รู้ว่าไม่ดียังจะทำอีกนะ แล้วดูสิเจ้าพวกนั้นนะ ใช่เพื่อนนายรึเปล่า พอเดือดร้อนก็

หนีกันไปหมด” โคคิเถียงไม่ออก รู้สึกเจ็บใจ จริงๆนะแหละพวกนั้น ไม่มีความจริงใจหรอก

ดีแต่หลอกใช้เค้าไปวันๆ แต่จะให้ทำไงหล่ะ คนเลวๆอย่างเค้าใคร

จะยอมเป็นเพื่อนด้วยนอกจากพวกเศษสวะเหมือนๆกัน

“อย่ามาพูดเลย พวกนายก็ไม่ใช่เพื่อนฉันเหมือนกันนะแหละ”

“ทำไมจะไม่ใช่หล่ะ ถ้านายต้องการฉันกับนากามารุพร้อมเสมอแหละ นายน่าจะเลือกได้นะ

ว่าใครที่สมควรเรียกว่าเพื่อนน่ะ” โคคิไม่อยากเชื่อหูตัวเอง จินยินดีจะเป็นเพื่อนเหรอ

แค่การช่วยเหลือเมื่อกี้ก็กินใจพอแล้ว จินไม่เหมือนใคร ไม่รังเกียจเค้า

ทั้งๆที่รู้ที่เห็นว่าเค้าเป็นคนเลว เป็นพวกอันธพาล แถมยังขี้ขโมยอีก

“นายสองคนยอมเป็นเพื่อนฉันจริงๆเหรอ” โคคิย้อนถามให้แน่ใจอีกครั้ง จินกับยูอิจิพยักหน้า

พร้อมๆกัน ”แต่ว่านายต้องเลิกไปมั่วสุมกับเจ้าพวกนั้นนะ มันไม่มีผลดีอะไรกับตัวนายเลย”

โคคิทำหน้าครุ่นคิด “ถ้าไม่ทำแบบนั้นฉันก็ไม่มีเงินใช้นะสิ จะให้ฉันทำไงหล่ะ” “ทำงานไง

ทำงานสุจริตก็หาเงินได้นี่นา” ยูอิจิพูดขึ้นมาบ้าง

“พูดเป็นเล่นไปได้ ที่ไหนจะรับเด็กแบบฉันเข้าทำงานกัน” “ไม่เป็นไร พ่อฉันรู้จักคนเยอะ

น่าจะฝากนายทำงานได้สักที่แหละน่า” ยูอิจิตบไหล่โคคิแรงๆ โคคิหันมามองตาเขียว

ยูอิจิหุบยิ้มทันที ท่าทางกลัวๆ “ขอโทษที่ตีไหล่นายแรงไปน่ะ” โคคิยิ้มนิดๆ “ไม่เป็นไร

 ฉันแค่อยากจะบอกว่าขอบคุณ”

หลังจากนั้นโคคิก็พยายามปรับปรุงตัวเอง เค้าได้ทำงานที่อู่ซ่อมรถ เจ้าของอู่เอ็นดูเค้าเหมือนลูก

โคคิเหมือนได้เกิดใหม่กลับมาใช้ชีวิต เป็นเหมือนคนปกติไม่ใช่อันธพาลที่ใครก็เบือนหน้าหนี

 ที่สำคัญมิตรภาพระหว่างเค้า ยูอิจิ และจิน ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน

เค้ามีความรู้สึกว่าจินได้ซ่อมปีกที่หักให้เค้าจริงๆ

“เฮ ! ว่าไงเรื่องปีกนะ นิ่งไปเลยนะ คิดอะไรอยู่” ยูอิจิเอาศอกกระทุ้งเอวโคคิให้ได้สติ

โคคิยิ้มกวนๆ “ไม่รู้สิ จินมันอาจจะมองเห็นปีกได้จริงๆละมั้ง” ยูอิจิส่ายหัวไปมา “ไม่จริงละม้างงั้น

ตอนนี้เจ้าคาเมนาชิไรนั้นก็ปีกหักอีกคนรึไง” โคคิทำท่าคิดอีก

“อาจจะใช่มั้ง เจ้าจินคงเริ่มรักษาปีกอีกละมั้ง ดูๆต่อไปก็แล้วกัน”


to be con..........

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 17-01-2007 23:13:02
แอบชอบเขาแต่เย็นชาแบบนี้
ใครจะทนไหวหล่ะนี่
 :try2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: frank ที่ 18-01-2007 07:11:36
ดีค้าบบ  น่าอ่าน น่าสนใจดีอ่ะ
ติดตามอยุ่คับ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 24-01-2007 18:59:52
chapter 4
“ช่วยส่งด้วยว่าจะเลือกชมรมอะไร” จุนโนะยื่นใบเลือกชมรมให้กับคาซึยะ มองนิดหน่อยแล้วก็เมินหน้าหนีไปซะเฉยๆ จุนโนะขมวดคิ้ว

จินชะโงกหน้าเข้ามามอง
“ให้อยู่ชมรมฉันก็ได้น่านะ ทากุจิ”

จุนโนะหันมามองจิน
“ที่นายพูดนั้นก็ไม่ได้อีกนั้นแหละ ชมรมอะไรของนาย สมาชิกในชมรมมีแค่นาย นากามารุ ทานากะ ไม่เรียกว่าชมรมหรอกนะ “

จินทำท่านับๆมือ
”จริงด้วยขาดอีกคน ถึงคาเมนาชิมาอยู่ก็ยังขาดอีกคน”

“ก็นายนั้นแหละ ทากุจิมาอยู่ชมรมเราซะ จะได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการไงหล่ะ” โคคิพูดแทรกขึ้นมาแบบรำคาญ

“ใครบอกว่าฉันจะเข้าชมรมกับพวกนาย พวกนายก็ล้มเลิกความคิดที่จะตั้งชมรมซะทีเถอะ แล้วก็รีบๆเลือกชมรมที่จะเข้ากันด้วย ฉันน่ะเป็นหัวหน้าห้องต้องมาคอยรับผิดชอบมันลำบากนะเข้าใจมั้ย” ทำท่าเหมือนจะโยนใบเลือกชมรมใส่หัวทั้งจิน ยูอิจิ โคคิ แล้วก็เดินจากไปแบบเบื่อๆ


“ดูสิคุณหัวหน้าห้อง โกรธไปแล้วอ่ะ จะให้เข้าชมรมก็พูดกับเค้าดีๆสิ” ยูอิจิหยิบใบเลือกชมรมมาตีหัวจินกับโคคิ ทำท่าจะเลยไปตีคาซึยะด้วย แต่ต้องชักมือกลับก็ท่าทางไม่เล่นด้วยแบบนั้นน่ากลัวจริงๆ


“พูดดีด้วยจะตาย แทบจะกราบเลยด้วยซ้ำนะ แต่ก็ว่านะแหละ ที่บ้านทากุจิเป็นตระกูลเก่าแก่แบบนั้น คงไม่ให้ลูกชายมาทำอะไรแบบนั้นหรอกมั้ง” จินเอามือท้าวคางบ่นๆ

“เออ แต่ว่าเจ้านั้นนะ ฝีมือการเต้นสุดยอดเลย หมุนตัวทีมองค้าง ฉันยังทำไม่ได้เลย ทั้งๆที่ท่าทางจะชอบเต้นขนาดนั้นน้า ทำไมไม่ยอมเข้ามารวมกับเรานะ“ โคคิบ่นตามพร้อมนั่งโยกเก้าอี้เรียนไปมา


คาซึยะที่นิ่งฟังมานาน ก็รู้สึกแปลกใจ เจ้าพวกนี้กำลังตั้งชมรมอะไรกันเหรอ แล้วทำไมถึงอยากได้จุนโนะมาร่วมทีมกันนัก

“พวกนายทำชมรมอะไรกันเหรอ?” จินหันมามองคาซึยะตาแวววาว

 “ก็ชมรมที่อยากจะร้องจะเต้นยังไงก็ได้ไงหล่ะ” คาซึยะรู้สึกเหมือนฟังผิด

“ อะไรนะ ชมรมอยากร้องอยากเต้นเหรอ แบบนี้มีด้วยเหรอ?”

“มีสิ การร้องการเต้นเป็นการแสดงออกที่ดีนะ พวกเราจะไปรวมตัวที่ลานหน้าสถานีรถไฟ ใน

เมือง ที่นั้นก็คล้าย ฮาราจูกุเลยแหละ อยากแสดงอะไรก็ได้ สนุกจะตายไป” ยูอิจิช่วยเสริมน้ำเสียงร่าเริงสุดๆ

 คาซึยะยิ้มเยาะๆ
“ ไอ้พวกที่แต่งตัวบ้าๆ เขียนหน้าเขียนตาแบบนั้นนะเหรอ  ทุเรศจะตาย”

“เฮ้ยๆ!! อย่าเที่ยวว่าชาวบ้านเค้าแบบนั้นสิ นั้นก็เป็นความสุขของเค้า ที่สำคัญพวกเราก็ไม่ได้ไปแต่งตัวแบบนั้น แค่ไปแสดงการร้องเพลงแล้วก็เต้นเท่านั้นเอง “โคคิทำหน้ายียวนใส่

“เออๆ น่าๆอย่าทะเลาะกันจะได้ป่าว แล้วคาเมนาชิว่าไง นายมารวมกับพวกเรามั้ย”จินเอามือกั้นๆแบบกรรมการนักมวย

คาซึยะทำหน้าเบื่อๆ
“ ไอ้ที่จะไปเต้นไปร้องโชว์คนผ่านไปผ่านมา ฉันทำไม่ได้หรอก ไม่ได้บ้าขนาดนั้น ว่าแต่พวกนายกล้าไปทำแบบนั้นกันได้ยังไง”

 จินเอามือเกาหัวแบบเขินๆ
“จริงๆแล้ว ก็ยังไม่เคยไปแสดงที่นั้นสักครั้งอ่ะนะ “

คาซึยะได้ยินแค่นั้นก็
หัวเราะออกมา
 “ โธ่เอ้ย จริงๆแล้วก็ไม่เคยไปงั้นเหรอ คงไม่กล้าละสิ ไม่ไปแหละดีแล้ว จะโดนคนเค้าขว้างของใส่เปล่าๆ”

โคคิลุกจากโต๊ะเอามือทุบโต๊ะคาซึยะดังปึง
 “ อย่ามาพูดดีเล้ยที่พวกเรายังไม่ไปเพราะยังซ้อมกันไม่เต็มที่ เพราะคิดว่าจะมีสมาชิกมาเพิ่ม แล้วนายหล่ะ ตัว
เองก็ไม่กล้าใช่ม้า ทำมาว่าแต่คนอื่น เสียงนายก็คงห่วย แถมเต้นไม่เป็นด้วยใช่รึเปล่า ถ้าแน่
จริงก็มาร่วมทีมกับเราซี่”

คาซึยะถูกโคคิยั่ว ก็มีน้ำโห คนอย่างเค้าไม่ยอมใครมาหาว่าขี้ขลาดแน่นอน
 “ก็ได้ กะแค่ร้องเพลงกับเต้นทำไมฉันจะทำไม่ได้ แต่ว่านายนะไปหาสมาชิกมาครบกันก่อนเถอะ”

จินเอามือปิดปากแบบดีใจสุดๆโคคินี่ยอดจริงๆ สามารถทำให้คาซึยะยอมเข้าร่วมได้โดยดี

โคคิทำหน้ายียวน
“ก็ได้แล้วเราจะได้รู้กันว่านายเต้นเก่งขนาดไหน”

“โอ้ย!! จะไปหาสมาชิกคนที่5มาจากไหนได้น้า” จินนอนบ่นบนพื้นหญ้าสีเขียวสด ริมฝั่งแม่น้ำ มีเด็กๆกำลังเล่นเบสบอลที่สนาม ยูอิจิ โคคิก็นอนอยู่ด้วย ท่าทางสบายกันเชียว คาซึยะ นั่งกอดเข่าหัวสมองว่างเปล่าไม่ได้คิดอะไรนัก น่าแปลกความจริงถ้าเป็นเวลาแบบนี้คงฆ่าตัวตายได้สบายๆ แต่ว่าเวลาอยู่กับเจ้าพวกนี้ ไม่มีความคิดแบบนั้นสักนิด อยากจะ ใช้ชีวิตต่ออีกสักพัก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 24-01-2007 19:07:34
“จะเป็นใครก็ได้ ไม่ใช่เหรอ !! “ คาซึยะนานๆที่จะออกความเห็น

 จินผงกหัวขึ้นมานิดหน่อยดวงตาจริงจัง
” ไม่ได้!! ไม่ใช่ว่าใครก็ได้สักหน่อย ต้องเป็นคนที่เข้ากันได้ ฉันถึงอยากให้เข้ากลุ่มนะ ไม่งั้นมันคงขัดกันตาย”

 คาซึยะได้ฟังก็แปลกใจ
 “แล้วทำไม ฉันถึงมีสิทธิ์เข้าได้หล่ะ ….ก็ฉัน” มองข้อมือตัวเอง ตอนนี้ไม่มีผ้าพันแผลอีกแล้ว เผยให้เห็นรอยบาดแผลชัดเจน

“โธ่เอ้ย!! ถึงไม่ใช่พวกก็เหมือนเป็นพวกไปแล้วแหละนายนะ ยังไม่รู้สึกตัวไง แค่นี้ก็ต้องให้บอก “ โคคิพูดออกมาน้ำเสียงแบบ ไม่ค่อยพอใจ แต่จริงๆแล้วอายตั้งหาก ยูอิจิเลยเอาก้านหญ้าจิ้มแก้มเล่นแล้วก็ขำที่ทำหน้าบูดกลบเกลื่อน

จินนอนยิ้มๆไม่พูดอะไร คาซึยะเอามือเสยผม รู้สึกอายเหมือนกัน นั้นนะสิ… ถึงทะเลาะหรือไม่พูดด้วยกันดีๆ แต่จะว่าไปแล้ว ตัวเค้าก็คุยกับเจ้าพวกนี้มากที่สุดแล้ว นับตั้งแต่ที่เค้าเริ่มฆ่าตัวตาย ทั้ง 3 คนเป็นกลุ่มแรกที่เค้าพูดด้วยมากที่สุด อย่างงี้เรียกว่าเพื่อนจะได้รึเปล่านะ ทำไมถึงมาถึงจุดนี้ได้ จากชีวิตที่ไม่คิดว่าจะ เปิดใจรับใครอีก ทำไมถึงได้มีโอกาสแบบนี้อีก เพราะ ใคร เพราะจินนะสิ ………

โคคิลุกขึ้นถอดเสื้อนอกออกแบบรำคาญๆ

“โอ้ย !!มัวแต่คิดเรื่องหาคนมาให้ครบ ก็ปวดหัวเปล่าๆ ฉันขอไปเล่นกับเจ้าพวกนั้นหน่อยก็แล้วกัน!!” โคคิชี้ไปที่กลุ่มเด็กๆประถมที่เล่นเบสบอลในสนาม

ยูอิจิก็ผุดลุกขึ้น
“เฮ้ย!!เอาจริงอ่ะ ไปด้วยเดะ จินนายไปป่าว?” ยูอิจิถอดเสื้อนอกออกบ้าง

จิน พยักหน้าเหมือนว่าจะตามไปด้วย หันมามองคาซึยะ
“ ไปด้วยกันมั้ย “

คาซึยะ ส่ายหัว
“ไม่เอาด้วยหล่ะ เด็กที่ไหนก็ไม่รู้จัก”

จินทำหน้าแบบเข้าใจ
“นายก็งี้ทุกทีละน้า งั้นฉันไปนะ “

แล้วทั้งสามคนก็กระโจนลงจากเนินหญ้าไปที่สนาม ไม่แตกต่างจากกลุ่มเด็กประถมพวกนั้นเลย ดูไปก็อิจฉาในความร่าเริงของทั้งสามคนจริงๆ ไม่ว่ากับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ผูกมิตรกับคนเค้าไปทั่ว ถ้าอยู่กับเจ้าพวกนี้ไปนานๆ จะกลายเป็นแบบนี้ได้มั้ยนะ แล้วเค้าจะไม่คิดถึงอดีตที่เจ็บปวด ไม่คิดอยากตายได้รึเปล่านะ คาซึยะได้แต่ทบทวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในใจ


คาซึยะนั่งดูเจ้าพวกนั้นเล่นแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ กำลังเพลินๆก็รู้สึกว่ามีใครบางคนผ่านมาทางด้านหลัง หันไปมอง คนที่เค้าเคยสงสัยว่าเป็นจินนั้นเอง คนที่ออกเงียบๆไม่ค่อยพูด มายืนเงียบๆตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว สายตามองลงไปที่สนามเศร้าๆแปลกๆ คาซึยะจ้องอยู่นานจนเจ้าตัวรู้สึก หันมายิ้มให้คาซึยะนิดหน่อยก้มหัวเหมือนทักทายแล้วก็ค่อยๆเดินจากไป

คาซึยะมองปราดเดียวก็รู้ว่ามีปัญหา คนที่สายตาแบบนั้น ไม่มีทางจะปกติ เข้าใจดี….. เคยเห็นมา….. เคยเจอมาก่อน….. เคยเป็นเอง….. แต่ไม่รู้จะทำยังไง แก้ไขไม่ได้ ตัวเค้าไม่แข็งแรงพอ ที่จะไปแบกรับปัญหาของคนอื่นๆอีกหรอก


“ก็ไปเข้าชมรม ดนตรีสากลซะสิ” จุนโนะยื่นคำขาดในวันที่ถึงกำหนดส่งใบเลือกชมรม

“ก็มันไม่เหมือนกันเน่ นายไม่เข้าใจรึไง” โคคิท่าทางโมโห จินเอามืออุดหู ยูอิจิเอาปากกัดริมกระดาษเลือกชมรมแบบไม่รู้จะทำอะไรดี

คาซึยะมองดูหน้านิ่งๆ
“ทานากะ พวกนายไม่เลือกชมรมซะที เดี๋ยวก็ไม่ผ่านชั้นนี้หรอก แล้วมันต่างกันตรงไหน ก็ร้องเพลงได้เหมือนกันนะ
แหละ”

จุนโนะเองก็ท่าทางโมโห แต่ยังคุมน้ำเสียงสงบๆเอาไว้ได้
“ต่างก็คือต่าง ก็ขอเวลาหน่อยไม่ได้รึไง หรือไงนายก็มาอยู่ชมรมพวกเราก็ได้นี่” โคคิกอดอก ดื้อดึง

จุนโนะกอดอกบ้าง
“ไม่ก็บอกแล้วว่าไม่เข้า พูดไม่รู้เรื่องรึไง!! งี่เง่าไปถึงไหน” โคคิดึงคอเสื้อ จุนโนะเข้ามา จุนโนะก็กำคอเสื้อ โคคิตอบทำท่าจะชกกันจริงๆนะเนี้ย จิน ยูอิจิเห็นท่าไม่ดีซะแล้ว ลุกกันเตรียมเข้าไปแยก จินรีบหันมาเรียกคาซึยะให้เข้ามาช่วย

คาซึยะลุกขึ้นทำหน้าเบื่อๆ
“บ้า เล่นกันเป็นเด็กๆ ปล่อยให้ต่อยกันไปเถอะ“

จินทำหน้าเหรอ
“อ้าวทำไมพูดยังงั้นอ่ะ”

ท่าทางกำลังวุ่นวาย อยู่ดีก็มีเสียงคนเข้ามาขัดจังหวะ
“เอ่อ!!…ถ้าไม่รังเกียจ ให้ผมอยู่ชมรมนี้ก็แล้วกันนะครับ “

ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน คนที่พูดน้อยที่สุด ไม่มีปากมีเสียงที่สุด เป็นคนสงบเรื่องทุกอย่างลงได้


จินท่าทางปลาบปลื้มกับใบชมรมที่ได้ ใช้นิ้วดีดไปมาแล้วหัวเราะหึๆอย่างมีความสุข

คาซึยะใช้หางตามอง
“ โรคจิตหัวเราะ อะไรของนาย”

จินทำหน้ายิ้มแล้วก็แกล้งกอดคอคาซึยะแรงๆ
“ก็คนมันดีใจนี่นาก็ต้องหัวเราะนะซี่”

คาซึยะเอามือตีๆขัดขืน
”โอ้ย ปล่อยนะ มันเจ็บนะเฟ้ย!!”

 ยูอิจิหัวเราะแล้วช่วยจินแกล้งคาซึยะต่อ โคคิ ไม่ได้ร่วมวงด้วยหันมาทางสมาชิกใหม่แทน
“ นายชื่ออูเอดะ อะไรนะ หือ?”

สมาชิกใหม่ยิ้มน้อยๆก่อนตอบเสียงแผ่วเบา
“ อูเอดะ ทัตซึยะครับ”

โคคิทำท่าทวนชื่อ
“เออ โทษที อยู่ห้องเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่เคยคุยกันเลยนะ อืมๆ แล้วนายเคยอยู่ชมรมไรมาก่อนหล่ะ แล้วชอบเต้นรึเปล่า ร้องเพลงได้มั้ย”

ทัตซึยะหน้าเจื่อนไปบ้างก่อนอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาๆออกมา
“ คือว่า ผมร้องเพลงไม่ค่อยดีเพราะเสียงเบา ส่วนเต้นก็ไม่เป็นเลย ผมเคยอยู่ชมรมดนตรีสากลมาก่อนนะครับ”

“อ้าว!!” ทั้งจิน โคคิ และยูอิจิ ร้องออกมาพร้อมๆกัน คาซึยะยังนิ่งๆอยู่ไม่ได้พูดอะไร

จินเดินมาจับไหล่แล้วพูด
“แล้วนายมาเข้าชมรมเนี้ย จะดีเหรอ ไม่ชอบจริงๆจะออกก็ได้นะ “

ทัตซึยะเงยหน้ามองสมาชิกทุกคน
“ผมก็แค่รู้สึก อยากเป็นเพื่อนกับทุกคน ตรงนี้เท่านั้นก็เลยออกจากชมรมนั้นมา” พูดจบก็ไม่สบตาใคร เหมือนมีอะไรในใจ

ยูอิจิเดินเข้ามาใกล้พูดอย่างเป็นมิตร
“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง ยังไงก็ได้เนอะ ถ้าอยากอยู่กับพวกเราก็ได้อยู่แล้ว”

จินพูดออกมาบ้าง
“ใช่ๆ แต่ต้องทนหนวกหูกับดูอะไรแปลกๆหน่อยก็แล้วกัน”

โคคิช่วยเสริม
“เออ อยู่ไปเดี๋ยวก็ชินไปเองแหละ เนอะ”

ทัตซึยะเอามือจับจมูกยิ้มอายๆ ท่าทางดีใจมากที่ทุกคนไม่ว่าอะไร มีเพียงคาซึยะเพียงคนเดียวที่รู้สึกว่าเรื่องคงไม่ใช่แค่นี้ แน่ๆ


หลังอาหารเย็น คาซึยะออกมานั่งเล่นที่ระเบียงหน้าห้องมองออกไปก็เห็นทะเลตอนกลางคืน ไฟจากประภาคารสาดแสงไปบนพื้นน้ำระยิบระยับเหมือนอัญมณีสีดำขลับ จินเองก็ชะโงกหน้าออกมาบ้าง โยนกระป๋องน้ำอัดลมข้ามไป

คาซึยะรับไว้ได้ทัน
“นายไม่ต้องมาคอยเฝ้าฉันหรอกน่า ยังไงช่วงนี้ฉันยังไม่มีอารมณ์ฆ่าตัวตายหรอก”

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 24-01-2007 19:12:23
จินแกะกระป๋องน้ำออกดื่มแล้วก็หัวเราะ
“ อะไร ไม่ได้ตามติดอย่างงั้นสักกะหน่อย ฉันคิดว่านายไม่คิดฆ่าตัวตายแล้วต่างหาก “

คาซึยะแกะของตัวเองออกมาบ้าง ดื่มไปอึกนึง
“ แน่ใจขนาดนั้นเหรอ ถ้าเกิดพรุ่งนี้ ฉันตายขึ้นมาจะว่ายังไง”

จินทำท่าคิดๆนิดหน่อย
“ ไม่น่านะ ก็นายน่าจะรู้บ้างแล้วหล่ะว่าชีวิต ยังมีอะไรต้องทำตั้งแยะ รีบตายไป อะไรที่อยากทำยังไม่ได้ทำ เสียดายแย่”

 คาซึยะขำออกมา
 “ ใช่ อยากชกหน้าเจ้าทานากะดูสักครั้ง ถ้ายังไม่ได้ทำก่อนตาย เสียดายจริงๆนะแหละ “

จินระเบิดหัวเราะออกมาบ้าง
“ ใช่ม้า เหมือนกัน แต่เจ้านั้น มันไม่เคยเผลอสักที เรื่องสู้กันนี่ เอาชนะมันไม่ได้สักที”


ทั้งคู่หัวเราะไปได้สักพักก็เงียบ

คาซึยะมีอะไรติดในใจนิดหน่อย หันไปถามจิน
“นาย เห็นปีกของอูเอดะรึเปล่า …….. มันเป็นยังไงบ้าง”

จินอมยิ้มนิดๆ
“ ไหนบอกว่าไม่เชื่อไงเรื่องปีกไงหล่ะ” คาซึยะรู้สึกเสียหน้า ไม่น่าถามออกไปเลย หน้าเริ่มบึ้งทันที

 จินพอจะเดาอาการออกก็เลยไม่กวนต่อ
" อ้า!! ขอโทษๆ นายเองก็สังเกตเหมือนกันเหรอ ใช่ท่าทางเค้าจะมีปัญหาจริงๆนะแหละ แต่ว่าไม่ยอมบอก คล้ายๆกับนายนะแหละ “

 “อย่ามายุ่งกับเรื่องฉันเลยน่า ใครๆก็มีปัญหาเหมือนกันนะแหละ แล้วนายจะว่าไง จะปล่อยหรือ ยังไง!!” ท่าทางคาซึยะเริ่ม
อารมณ์เสียแล้ว

 “จ้าๆ ใจเย็นๆ….ยังไงเค้าก็เป็นคนในชมรมเรานะ ผมผู้เป็นประธานก็คงไม่ปล่อยเลยตามเลยหรอก เอาเป็นว่า หมอบหมายให้คุณคาเมนาชิ ช่วยดูแลเรื่องนี้ให้ด้วยก็แล้วกัน”

คาซึยะได้ยินก็หันควับ ทำตาโต
“ อะไร ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ใครบอกว่าฉันจะยุ่งกัน"


จินเอามือกอดอก เอียงคอแบบเด็กๆ
“ ก็นายเองไม่ใช่เหรอ ที่เริ่มเรื่องของเค้านะ จริงๆก็เป็นห่วงใช่มั้ยหล่ะ “

คาซึยะทำท่าจะเถียงต่อ จินก้าวถอยหลังไปมองข้างหลังคาซึยะ แล้วก็ยิ้มแช่ง
“อืมๆ ตอนนี้ปีกนายเริ่มดีขึ้นแล้วนี่ พยายามเข้านะ ฝากดูแล อูเอดะด้วย”

คาซูยะไม่ทันจะพูดอะไร จินก็เข้าห้องนอนไปเลย ขี้เกียจจะเถียงกับเจ้านี่ ชอบเอออเองไปหมด คาซึยะถอนหายใจเบาๆก่อนค่อยๆเอามือเรียวๆเอื้อมไปแตะที่หลังของตัวเอง เหมือนจะควานหาอะไรสักอย่าง

“ปีกอะไรกัน ไม่เห็นจะมีสักหน่อย!!”



“ตกลงว่าจะเอาเพลงใหนกัน เอาเพลงญี่ปุ่นหรืออเมกา” จิน โคคิ ยูอิจิปรึกษากันเรื่องเพลงที่จะใช้ในการร้องเต้น พอชมรมเป็นรูปเป็นร่างก็มีห้องชมรมกับเค้าบ้าง เป็นห้องแคบๆ ที่อยู่ในตึกกิจกรรมหลังเก่า ชมรมที่อยู่ตึกเก่านี้ มักเป็นชมรมเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีสมาชิกนัก ห้องชมรมก็เลยทั้งเก่าและแคบ แต่ก็ไม่มีผลอะไร สมาชิกจริงๆก็มีแค่ 5 คน ห้องก็กว้างพอสำหรับการซ้อมได้สบายๆ ยูอิจิเป็นคนจัดแจงหากระจกบานใหญ่มาติดในห้องเพื่อไว้ดูเวลาซ้อมเต้น

คาซึยะนั่งดู3 คนที่ปรึกษากัน แต่ดูเหมือนจะเถียงกันซะมากกว่า ก็นิสัยเด็กๆ กัน ทั้ง 3 คนเลยนี่นา ทัตซึยะเดินมาเข้าชมรม เงียบๆ คาซึยะหันไปมอง แปลก…วันนี้ ไม่เห็นทักทายกันเลย เดินมาแอบๆเอาผมบังๆหน้า คาซึยะ พยายามใช้สายตาสอดส่องดู รอยเขียวคล้ำรอบแก้มไปจนถึงตา ไม่บอกก็รู้ว่า ถูกคนชกมา เจ้านี่ไปมีเรื่องอะไรกับใครมางั้นเหรอ คาซึยะ ยังไม่ถาม ใช้สายตาอย่างเดียว

 ทัตซึยะเลยอึกอักแก้ตัวออกมา
“แผลนี่ผมหกล้ม หน้าฟาดขอบบันไดนะครับ” คาซึยะนิ่ง ใครเชื่อก็บ้าแล้ว เจ้านี่จงใจปิดบัง ถ้าถามอีกก็คงเบี่ยงเบนไปทางอื่นแน่ๆ ไม่ถามต่อเดินออกจากห้องชมรมไปสักพักแล้วก็กลับเข้ามา วางตลับยาแก้ช้ำไว้ที่โต๊ะหน้าทัตซึยะ ทัตซึยะมองดูตลับยาแล้วมองคาซึยะ ตอนนี้แกล้งทำเป็นหยิบแผ่นซีดี ดู

“ขอบคุณครับ” เสียงแผ่วเบาออกมาจากปากทัตซึยะ

คาซึยะส่ายหัวนิดหน่อย เค้าไม่รู้วิธีดูแลคนนักหรอก แต่เค้าจะพยายาม ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมต้องทำใจดี อ่อนโยนกับคนอื่นด้วย ทั้งๆที่แต่ก่อนไม่เคย ทั้งหมดคงเป็นเพราะจิน เคยมีคนบอกว่า อยู่ใกล้อะไรจะกลายเป็นสิ่งนั้นไป คงเพราะว่าอยู่ใกล้จินมากเกินไปความใจดี อ่อนโยนถึงได้แทรกซึมเข้ามาในจิตใจที่เย็นชาของเค้าได้

“ถ้าใช้แนวHIP HOP ก็จะเหนื่อยเกินไปนะเวลาเต้น แต่ว่าเจ้าโคคิก็ร้องRAP เจ๋งสุดแล้วด้วยปวดหัวจัง!!” ท่าทางจินจะจริงจังกับชมรมไม่น้อย คาซึยะคอยเปลี่ยนแผ่นให้ จินมาขลุกนั่งคิดเพลงที่ห้องเค้าตั้งแต่เย็นจนนี่ดึกมากแล้วด้วย

“ก็แนว R&Bก็ได้ เต้นได้ด้วย ร้องRAPก็ได้ “ คาซึยะพูดขึ้นลอยๆ

จินลุกพรวดขึ้นมา ตาโต
 “ จริงสิ ทำไมคิดไม่ถึงนะ นายนี่เจ๋งชมัดเลย รู้เรื่องเพลงดีนี่นา “

คาซึยะทำหน้าเบื่อๆ “ก็แหง่สิ ฉันเคยอยู่ชมรมประสานเสียงมาก่อน เคยฟังเพลงมาก็เยอะ เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้”

จินยิ่งตกใจกว่ารอบแรก “ เหอ !! สุดยอดแล้วทำไมไม่ยอมร้องให้ฟังบ้างหล่ะ “ ชะงักนิดหน่อย ร้องเพลง เค้าจะร้องได้อีกงั้นเหรอ ครั้งสุดท้ายที่ร้องเป็นเพลงในงานศพ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ร้องอีกเลย

 “ ไม่มีอารมณ์จะร้อง ฉันก็ไม่ร้องหรอก”

จินหน้ามุ้ย
“อารมณ์อะไร แบบไหนเล่าถึงจะมีอารมณ์ เฮ้อ!! ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าใช้R&B ไปก่อน แต่เอ๋ ที่จะเหมาะกับเราจะหาได้มั้ยนะ แผ่นเพลงที่นายมีหมดแล้วเหรอ”

คาซึยะเข้ามาช่วยดู
“มีก็มีอีก แต่ว่าอยู่ที่โตเกียวนะ จะใช้เพลงทั่วๆไปเหรอ ไม่แต่งเอาเองหล่ะ RAP ทั่วๆไปเค้าก็แต่งเองไม่ใช่เหรอ จะได้เข้ากับเราด้วย”

จินพยักหน้า คาซึยะนี่เป็นคนมีความคิดดีมากๆเลยนะ พูดแล้วก็กอดคาซึยะแรงๆ

คาซึยะตกใจ หน้าแดงเลยทีเดียว” เฮ้ย!! มากอดฉันทำไม ปล่อยนะ"

 จินเงยหน้าขึ้นมามองแบบเด็กๆ
“อยากจูบด้วยซ้ำไป คนอะไรน่ารักขนาดนี้ นายช่วยได้มากเลยรู้ตัวมั้ย จริงๆด้วย ทำไมไม่แต่งเอง งานเราจะได้ไม่ซ้ำใคร เข้ากับเราแล้วก็น่าสนใจ ขอบคุณมากๆเลย ฉันขอกลับไปลองแต่งที่ห้องดูนะ” พูดแล้วก็บลุกพรวดพราด จะออกจากห้องไป

 คาซึยะยังมีเรื่องค้างคาเลยเรียกเอาไว้ “เอ่อ อาคานิชิ…”

จินยังไม่พ้นออกไปหันกลับมา
“หือ”

ท่าทางกระตื้อลือล้นขนาดนั้น ไม่ถามจะดีกว่า
“เปล่าไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าพรุ่งนี้ ฉันไม่ไปโบสถ์ด้วยนะ วันนี้มันดึกน่ะ ขี้เกียจตื่น”

จินพยักหน้ายิ้มๆ”ได้ !! ราตรีสวัสดิ์นะ”

ออกจากห้องไปแล้ว แกล้งพูดกลบเกลื่อนไปอย่างงั้น จริงๆ อยากปรึกษาเรื่องทัตซึยะต่างหาก แต่เรื่องแค่นี้ ต้องพึ่งจินตลอดไปรึยังไง ไหนๆ จินก็ฝากไว้กับเค้าแล้ว เค้าก็น่าจะเป็นคนที่จัดการทุกอย่างเองสิ แต่จะทำได้จริงเหรอคนแบบเค้านะ ผลิกข้อมือ ที่มีรอยแผลเป็นสีชมพูนูนเด่น ตัดกับผิวขาวๆ ผลิกข้อมือกลับต้องได้สิ เค้าต้องทำได้

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 24-01-2007 19:21:18
คาซึยะไม่ได้ไปโบสถ์ แต่ก็ตื่นเช้าเหมือนปกติ แต่งตัวเรียบร้อย แบกกระเป๋าเดินไปรร. เหตุผลที่มาเช้าขนาดนี้มีแน่ๆ เดินดูจนทั่วรร. หาอะไรสักอย่าง เชื่อในสัญชาตญาณ แล้วก็ได้ยินเสียงดังเอะอะที่โรงยิม ที่ห้องเก็บอุปกรณ์

“แกมันบ้า ไปรวมกลุ่มกับเจ้าพวกนั้น คิดว่าไง มันอยากเป็นเพื่อนกับแกรึไง “ ผู้ชายร่างสูงเท่าที่จำได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกันนี่นา มีคนในห้องรวมอยู่ด้วยอีก2 คน ทัตซึยะหน้าตาเขียวช้ำ เลือดไหลซิบๆที่มุมปาก

คนร่างสูงๆนั้นเอามือชกที่หน้าแรงๆอีกครั้ง
“รีบๆไปลาออกจากชมรมนั้น แล้วกลับไปที่ชมรมเลยนะ พอไม่มีแกแล้วใครจะแต่งเพลงให้พวกฉันใช้กัน เข้าใจมั้ย”

ทัตซึยะก้มหน้านิ่งๆ น้ำตาสักหยดก็ไม่ไหลออกมา ก่อนจะเดินจากไป คน2คนข้างหลังก็ใช้เท้าเตะอีกคนละที

คาซึยะยืนดูด้วยสายตานิ่งๆ พอจะเดาเหตุการณ์ออก การกลั่นแกล้ง การใช้กำลัง มีกันทุกรร. ขึ้นอยู่กับว่า ใครที่จะแพ้… อ่อนแอ… และเป็นเหยื่อ…..


เจ้าพวกนั้นหัวเราะเหมือนได้ทำอะไรที่น่าภาคภูมิใจเหลือเกิน พอเห็นคาซึยะยืนจ้องตาขวางก็ชะงักกันนิดหน่อย

“เฮ้ย!! แกมันเด็กที่เพิ่งเข้าใหม่นี่นา มายืนดูทำไม อยากเจ็บตัวไปด้วยรึไง!!” ดูทำท่าเข้าสิ ลนลานเชียว พอมีคนมาเห็นก็กลัวจะมีความผิดกันขึ้นมาเชียวนะ

“จะเจ็บรึเปล่า ฉันไม่ค่อยสนใจหรอก ดูแผลที่ข้อมือนี่ก็น่าจะรู้แล้วมั้ง แต่ว่าไอ้เรื่องที่นายทำไปเนี้ย ถ้ารู้ถึงฝ่ายปกครองจะว่ายังไงดีหล่ะ ถ้าจะอัดฉันอีกคนก็ได้นะ แต่เรื่องคงไม่เงียบนักหรอก ดีซะอีกฉันจะได้มีหลักฐานที่อยู่บนร่างกาย เผอิญพ่อฉันก็จ่ายเงินบำรุงที่นี่ พอสมควร อยากจะทำไงก็แล้วแต่นายแล้วกัน” ท่าทางไม่สะทกสะท้านของคาซึยะกับคำพูดนั้น เล่นเอาเจ้า3คนหน้าซีดเผือดไปเลย


“ไม่ต้องมาขู่ ใครเค้ากลัวกัน อยากลองดีงั้นเหรอ “ เจ้าคนตัวสูงกระชากคอเสื้อ คาซึยะเอาไว้ เพื่อน2 คนทำท่าจะไม่ร่วมด้วย

 คาซึยะยิ้มมุมปาก ท้าทายจะให้ต่อย
“ก็น่าสนใจดีนี่ พวกแกมีน้ำยาทำอะไรที่ดีกว่านี้มั้ย ไอ้การอัดคนแค่นี้นะ 3คนรุม1 ทุเรศตัวเองบ้างมั้ย หมาหมู่ชัดๆ”


ทัตซึยะเงยหน้ามองคาซึยะด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากก่อเรื่องให้ใครเดือดร้อน แต่ผิดมากรึไง ที่ต้องการหาเพื่อนที่จริงใจกับเค้าบ้าง

“พอเถอะ อย่าทำอะไรคาเมนาชิเลย ผมจะลาออกจากชมรมก็ได้ แล้วจะกลับไปเข้าชมรมดนตรีสากลเหมือนเดิม “ เจ้านั้นถึงกลับปล่อยคอเสื้อ


คาซึยะ สีหน้าเหมือนได้ชัยชนะ คาซึยะขมวดคิ้ว
 “ ใครจะให้นายออกจากชมรม ฝันไปเถอะ ตอนนี้นายเป็นคนของชมรมฉันนะ ไม่ต้องไปกลัวหรอก ถ้ามันทำอะไรฉันคนที่จบก็คือมัน พ่อฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ๆ”

ทัตสึยะตาคลอๆเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ไม่รู้ว่าเค้าจะทำอะไรอีกบ้าง ถ้าแค่ผมคนเดียวก็พอจะทนได้ แต่ว่าพวกคาเมนาชิต้องเดือดร้อนไปด้วย ผมขอถอนตัวดีกว่า”

 “ใช่ เจ้านี่มันรู้ดี เพราะเคยมือเคยเท้าแล้ว อย่าคิดแค่ว่าพวกฉันจะทำได้แค่อัดคนสิ ถ้าเป็นศัตรูกับพวกฉันนะ ระวังจะถูกบีบออกจากรร.ไปไม่รู้ตัว” เจ้าตัวสูงท่าทางจะไม่สำนึกสักนิด

คาซึยะหันมาจ้องตาเขม็ง
“เอาสิ ยังไงฉันก็ไม่มีอะไรจะเสีย มีปัญญาบีบพวกฉันได้ขนาดไหน อยากทำอะไรลองทำออกมาสิ เผื่อฉันจะรู้สึกคันผิวขึ้นมาบ้าง!!”


to be con...








หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-01-2007 09:06:52
อืม คาซึยะเริ่มจะเลิกจมอยู่กับปัญหาของตนเองบ้างแล้ว และรับรู้ปัญหาของผู้อื่น  :impress:
ติดตามอ่านอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 25-01-2007 17:44:26
คาซิยะ เริ่มเปิดใจรับผู้อื่นแล้ว

งานนี้มีเฮแน่   กำลังสนุกเลยค่ะ 

มาต่อไว ๆ นะค่ะ  :impress2:

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 25-01-2007 20:24:39
สนุกๆๆมันๆๆ
 :like2: :like2: :like2:


มาต่อเร็วๆหน่อยน้า รอจนมีแฟนไปสิบคนแล้วเนี่ยะ
 :pigscare2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 26-01-2007 12:35:50
 
ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่าขอโทษมากๆเลยนะคับ ป๋มเป็นเด็กไม่เรียบร้อยอ่ะ ทำงานไม่เป็นระเบียบ แย่จริงๆขอโทษนะคับ   :monkeysad: เอาตอน 5 มาลงแล้วน๊า จริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ค่อยจะได้รับความสนใจในบอร์ดมากนัก แหะๆ แต่ยังไงก้อจะเอามาลงให้จนกว่าจะจบ
สู้โว้ย!!!



chapter 5
สิ้นสุดชม.พละ คาซึยะเดินมาเปิดลอคเกอร์เพื่อจะเปลี่ยนชุดนร.เพื่อกลับไปเรียนต่อ

 เปิดเสร็จทำสีหน้าเบื่อๆก่อนปิดกลับไปแรงๆ จิน โคคิ ยูอิจิที่กำลังเปลี่ยนชุดข้างๆก็มองพร้อมกัน

“เป็นไรรึเปล่า” จินถามอย่างสงสัย คาซึยะหันไปทางกลุ่มเจ้าตัวสูง พากันหัวเราะออกมา

 คาซึยะเดินออกไปไม่พูดอะไร ทัตซึยะเม้มปากสนิท จินหันไปมองทัตซึยะบ้าง

“แล้วนายหล่ะมีอะไรรึเปล่า” ทัตซึยะก้มหน้าส่ายหัวยิ้มๆ โคคิกับยูอิจิมองหน้ากัน

เหมือนกับสงสัยอะไรบางอย่าง

คาซึยะเดินมาเปลี่ยรองเท้าพละกับรองเท้านร. คิดว่าจะเดินกลับไปเอาชุดที่หอ ว่างเปล่า แม้แต่รองเท้าก็

ถูกขโมยไปด้วยปัญญาอ่อนที่สุด แกล้งกันเป็นเด็กไปได้ ทุเรศชมัด ปิดตู้เก็บรองเท้าแรงๆอย่างอารมณ์


เสีย เดินกลับไปห้องเรียนทั้งชุดพละอย่างงั้นหล่ะ

ยูอิจิที่เดินนำมาเข้าก่อนร้องทักทันที


 “ เฮ้ย ! คาเมนาชิ ไมไม่เปลี่ยนชุดนร.หล่ะ ชม.เรียนจะเริ่มแล้วนะ “ คาซึยะหันไปมองด้วยหางตา

ตอบออกไปแบบรำคาญ “ขี้เกียจเปลี่ยนมีอะไรรึเปล่า” โคคิหันมามองหน้ายูอิจิ “อะไรของมันวะ “

จินรีบเดินแทรกตัวออกมา พยายามจะตามคาซึยะให้ทัน คาซึยะเปิดประตูเข้ามาในห้องก็ต้องตกใจ

“ เด็กโตเกียวบ้าลัทธิ กรีดข้อมือตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย จิตใจวิปริต ไสหัวกลับโตเกียวไปเถอะ!!”

ข้อความปรากฎที่หน้ากระดานดำ ทุกคนที่เข้ามาในห้องแล้วยืนดูกันใหญ่ พอคาซึยะเข้ามาก็ซุบซิบกัน

 จิน ยูอิจิ โคคิ เดินเข้ามาก็ตะลึงไปตามๆกัน ทัตซึยะที่เข้ามาถึงกับตาเบิกค้าง จุนโนะที่เข้ามาที่หลังก็งง

“มายืนขวางประตูกันทำไม ชม.เรียนจะเริ่มแล้วนะ เฮ้ย!! “ จุนโนะเห็นข้อความบนกระดานก็ตกใจ

คาซึยะเอามือจับข้อมือไว้แน่น รู้สึกอยู่ดีๆรอยแผลมันก็ร้อนขึ้นมาอย่างงั้น ไม่อยากให้ใครเห็น เจ็บใจนัก

 ที่มันกลายเป็นจุดอ่อนตอนนี้ ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าพวกนั้นปนกับเสียงซุบซิบ

แม้แต่ที่โต๊ะก็ไม่เว้น หนังสือถูกฉีกขาด ไม่มีชิ้นดี ขยะก็เหมือนถูกเอามาเททิ้งตรงนั้น

บนโต๊ะยังมีรอยสีเปื้อนเขียนอีกว่า “รีบไปตายซะเถอะ !! แต่อย่ามาตายที่นี่ให้มันเน่าเหม็นไปกว่านี้เลย!!”

จินรีบเอาแปลงลบกระดานมาลบข้อความทิ้ง จุนโนะเองก็เหมือนกันรีบช่วยลบไปด้วย

 ยูอิจิวิ่งมาที่นั่งคาซึยะ เก็บเศษหนังสือขึ้นมาให้ ทัตซึยะเองก็เข้ามาช่วยเก็บขยะพวกนั้น โคคิตะโกนเสียง

ดังหน้าห้อง “ใครวะ ขี้ขลาดชิบเป้งเลย!! ล้อเลียนการ์ตูนน้ำเน่าผู้หญิงรึไง!!!”

ทุกคนในห้องเงียบไปสนิท แยกย้ายกันไปนั่งที่เหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง คาซึยะโกรธ

 แต่ทำอะไรไม่ได้ แกล้งกันแบบนี้ ไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ

อาจารย์เข้ามาในห้อง ท่าทางตกใจ จุนโนะเองต้องรับหน้าไปก่อน

“อะไรกันนะ ทำไมกันมีอะไรรึเปล่า ทำไมคาเมนาชิยังสวมชุดพละอยู่อีก แล้วสีที่เปรอะกระดานนี่อะไรกัน
นะ คำหยาบทั้งนั้นเลย”

จุนโนะ พยายามลบแล้ว แต่ส่วนที่เป็นสี ทำยังไงก็ลบไม่ได้ “คือว่าคงล้อเล่นกันนะครับ” อาจารย์หน้าตา

เหมือนไม่พอใจ “ยังไงก็เถอะ จัดการให้เรียบร้อยด้วยหวังว่าพรุ่งนี้คงไม่มีร่องรอยพวกนี้นะ”

“ไม่เข้าใจเลยโว้ย!! ทำไมไม่ได้ทำต้องเป็นคนมานั่งลบด้วย ถ้ารู้ตัวคนทำจะเอามาฆ่าเลยคอยดูเดะ”

โคคิบ่นเสียงดัง ในขณะที่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ชุบน้ำมันสนเช็ดๆสี

 “เงียบๆเถอะน่า ใครกันแน่ที่ซวย ฉันไม่ได้เกี่ยวด้วยสักนิด แล้วทำไมต้องมาทำด้วยหล่ะ “

จุนโนะบ่นออกมาบ้าง

“อย่ามาพูดเลย นายอ่ะเป็นหัวหน้าห้องต้องรับผิดชอบนะถูกแล้ว นี่พวกเราอุตส่าห์ช่วยนะสำนึกซะบ้างสิ”

ยูอิจิ เอากระป๋องน้ำมันสนกระแทกหัวจุนโนะเบาๆเป็นการแกล้ง

“โอ้ย ขอบคุณเหลือเกิน ก็คนที่ถูกเขียนด่าเนี้ย ไม่ใช่เพื่อนนาย กลุ่มพวกนายรึไง “

จุนโนะเถียงกลับ จินรีบเอามือจุ๊ๆปาก แล้วหันไปดู คาซึยะ ทุกคนหันไปมองพร้อมๆกัน
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 26-01-2007 12:46:11
คาซึยะนั่งเช็ดคำด่าที่โต๊ะเรียน สีหน้าเย็นชาเงียบเฉย ไม่สนใจ ไม่สะเทือนใจสักนิด

 ทัตซึยะเดินเข้ามาใกล้ๆคาซึยะ สายตาเศร้าๆ ในมือถือใบลาออกจากชมรมมาด้วย

คาซึยะเงยหน้ามอง สายตาดุๆ

 “ ทำบ้าอะไรของนาย นายจะมาลาออกแบบนี้ ฉันก็กลายเป็นแพ้ไปนะสิ กะอีแค่แกล้งกันปัญญาอ่อน แบบนี้ ฉันไม่สนใจหรอก”

ทุกคนหน้าเหรอ นี่มีเรื่องอะไรกันนะ จินรีบวิ่งเข้ามา “อะไรกันนะ มีเรื่องอะไรกันอีก ?“

ทัตซึยะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้แล้ว ร้องไห้ออกมา จุนโนะ ยูอิจิ และ โคคิมองหน้ากันงงๆ

แล้วทัตซึยะก็เล่าเรื่องทั้งหมดออกมา เรียวตะที่อยู่ชมรมดนตรีสากล เจ้านั้นเป็นมือกีตาร์คนสำคัญของวง

เพราะว่ามีทัตซึยะเป็นคนคอยแต่งเพลงให้ แล้วอ้างไปใช้ว่าเป็นเพลงของตัวเอง แต่เจ้านั้นไม่เคยจะ

เห็นทัตซึยะเป็นเพื่อนเลย หวังแต่จะใช้ผลประโยชน์ แถมยังบังคับไม่ให้บอกใครว่าเพลงที่ได้มานั้น

ทัตซึยะเป็นคนแต่งให้

“แต่ถึงยังงั้น ผมก็รู้สึกว่าเค้าอาจจะเห็นผมเป็นเพื่อนบ้าง บ่อยๆที่ผมเห็นกลุ่มของอาคานิชิอยู่ด้วยกัน ผมรู้สึกว่าที่ผ่านมานั้น ผมกับเรียวตะไม่ใช่เพื่อนกันจริงๆ ผมก็เลยตัดสินใจลาออกจากชมรม เรียวตะดูเหมือนจะโกรธมาก เค้าก็เลยตามรังควาน หนักเข้าก็ทำร้ายชกต่อย จนกระทั้ง คาเมนาชิไปเจอ แล้วเค้าก็เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นที่คาเมนาชิแทน ผมทนต่อไปไม่ได้แล้ว”

“ไม่เห็นจะต้องทนเลย พวกนายมีเรื่องกันทำไม ไม่บอกกันบ้างเลย คาเมนาชิ นายน่ะ อะไรที่มันหนักเกินไป ถ้าทำไม่ไหวก็บอกมาสิ ไม่งั้นจะมีพวกฉันไว้ทำไม”

 จินพูดออกมาน้ำเสียงเหมือนน้อยใจที่รู้เรื่องนี้ช้ามากๆ คาซึยะมองหน้าจินที่ท่าทางจริงจังก็อดขำไม่ได้

“เฮ้ยยังจะมาหัวเราะอีก ไม่ตลกนะเว้ย เดี๋ยวเหอะ”

“เออ รู้ตัวแล้วก็ดี จะได้จัดการไม่ผิดคน’’

 โคคิพูดเสร็จก็โยนกระดาษหนังสือพิมพ์ทิ้งไป ทุกคนหันมามองโคคิพร้อมกัน

“ไอ้เรื่องแกล้งกันนะ ถ้าแกล้งกันไปกันมา มันไม่มีวันจบหรอกนะ ฉันว่าใช้วิธีที่สันติกว่านี้ไม่ได้รึไง”

 จุนโนะ ที่ทำท่าจะไม่ยุ่งไปมาๆก็ต้องเอี่ยวด้วย “นั้นดิ นายอย่าทำอะไรรุนแรงเลยน่า”

จินท่าทางเห็นด้วยกับจุนโนะ

“คิดว่าคนอย่างงั้นต้องใช้วิธีสันติด้วยเหรอไง !!” ท่าทางโคคิเจ็บร้อนไม่น้อยเลย คาซึยะรู้สึกแปลกใจ

 มันเป็นเรื่องของเค้าแท้ๆ ถึงแม้เวลาปกติจะทะเลาะกันไม่น้อย แต่เจ้านี่กลับเป็นห่วงเค้าขนาดนี้เลยเหรอ

ยูอิจิเอามือจับไหล่โคคิแล้วโยกไปมา

 “โอ๋ๆ ใจเย็นน้า พ่อนักเลงใหญ่ จะไปฆ่าคนก็วันอื่นแล้วกัน

 เดี๋ยวเค้าจะรู้นะ ไปจัดการวันนี้ว่าเราเป็นคนทำ ทำอะไรต้องให้มันเนียนๆ” จินเอามือตีหัวยูอิจิ

 “เจ้าบ้านี่ก็อีกคน ใครให้บอกแบบนั้นกันเล่า “

“อะไรกันนะ เจ้าพวกนี้ยังมีอารมณ์มาเล่นกันแบบนี้อีกหรอ อารมณ์ไหนกันเนี้ย”

คาซึยะบ่นออกมาหน้ายิ้มๆ ทัตซึยะเห็นก็ยิ้มหน้าจ๋อยๆ จุนโนะเห็นว่าไม่มีอะไรกันแล้วก็สะพายกระเป๋า

“งั้นฉันกลับแล้วนะ”

จินชะโงกหน้าเข้าไปถามเหมือนเดิม “ชมรมเรามีเรื่องไม่เว้นอย่างงี้ น่าสนุกน้าไม่คิดมาร่วมกันเหรอ “


จุนโนะ เอามือปัดๆไปมา“บ้านะสิ ไปแล้ว!!” พูดยิ้มๆแล้วก็เดินออกไป

ยูอิจิดันหลังให้โคคิกลับทัตซึยะกลับบ้านกันบ้าง เหลือแต่คาซึยะกับจิน2คน จินมองสภาพคาซึยะแล้วก็ขำ

ถุงเท้าเปื้อนไปหมด เพราะไม่มีรองเท้านั้นเอง “ขำหาพระแสงอะไรของนาย” จินหยุดขำทันที ท่าทางคน

ตัวเล็กอารมณ์เสียอีกแล้วนะเนี้ย

 “อืมๆ นายจะเดินเท้าเปล่ากลับหอรึไง ถึงจะใกล้ๆก็เถอะนะ เอารองเท้าพละฉันมั้ย คิดว่ายังอยู่นะ”

 แล้วก็ทำท่ากลั้นหัวเราะอีก คาซึยะ โกรธๆผลักอกจินให้หลบแล้วเดินออกมาเลย ไม่อยากจะยืมหรอก

เหมือนงอนๆนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องรองเท้า แต่เป็นเรื่องที่เค้าโดนแกล้ง ดูเหมือนโคคิจะสนใจซะมากกว่า

เป็นไหนๆ จินที่ทำท่าเป็นห่วงก็ไม่เห็นจะห่วงจริงสักนิด

“นี่อย่ามาโกรธเรื่องที่ฉันไม่สนใจนายหน่อยเลยน่า”

ทุกทีสิน่าเจ้านี่เคยไม่รู้จิตใจคนอื่นบ้างมั้ย ไม่ว่าอะไรก็ดูออกไปหมด

 “ใครจะสน นายไม่สนหรืออะไรก็เป็นสิทธิ์ของนาย ฉันจะไปมีปัญญาบังคับได้รึไง!!”

จินวิ่งมาดักข้างหน้า

“เอาเถอะน่า ไหนๆ วันนี้นายไม่มีรองเท้า เราลองเดินเลียบหาดกลับหอด้วยกันเถอะ นายไม่เคยไปใช่รึเปล่า”

เท้าที่เปลือยเปล่าของทั้งสองคน เหยียบไปบนพื้นทรายเปียกๆ รู้สึกอ่อนนุ่มสบายเท้าอย่างประหลาด

น้ำทะเลเป็นสีเล่นเหลื่มกันเป็นชั้นๆสีฟ้าครามเขียว เวลาไม่เย็นเท่าไหร่ ยังพอแยกสีน้ำทะเลได้รู้สึกสดชื่น

อย่างประหลาด น่าแปลกมาอยู่ที่นี่ร่วมเดือน ยังไม่เคยมาชมทะเลที่อยู่ติดรร. ทั้งที่ใกล้ขนาดนี้

ลมพัดผมของทั้งสองปลิวไปข้างหลัง เผยให้เห็นใบหน้าสวยของทั้งคู่ เดินเคียงกันไป ริมทะเลที่สวยงาม

งดงามไม่ต่างกับภาพเขียนชิ้นเอก

“ที่ฉันทำเป็นไม่สนใจนายนะ มีเหตุผลรู้รึเปล่า “ จินเริ่มเรื่องขึ้นอีกครั้ง

 “เหตุผลบ้าอะไร ใครอยากสนใจกันเล่า” จินยิ้ม ในท่าทางงอนๆของคาซึยะ

 “ก็ถ้าฉันเป็นคนที่ห่วงนายมากๆ แสดงออกให้นายเห็นบ่อยๆนายจะเคยตัวนะสิ”

คาซึยะหยุดเดินมองหน้าจิน มีแววเคืองๆในสายตา

 “บ้า เคยตัวอะไร นายคิดว่าฉันต้องการให้นายสนใจขนาดนั้นเหรอ หลงตัวเองเกินไปแล้ว”

 พูดปฏิเสธออกไปทั้งๆที่ใจจริงๆเป็นยังงั้นนะแหละ

“ไม่ใช่เคยตัว แบบนั้น ฉันกลัวว่านายจะเห็นแค่ฉันเท่านั้นที่หวังดีกับนาย จริงๆแล้วทุกคนก็หวังดีกับนาย
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 26-01-2007 12:50:33
ทั้งนั้นนะแหละ พอฉันก้าวห่างมาจากนายนิดหน่อย นายก็จะมองได้กว้างขึ้น จะเห็นว่ามีใครบ้างที่เป็นห่วงนาย”

 คาซึยะเอามือเสยผมที่ปรกหน้าให้ไปตามแรงลม จริงอย่างที่จินว่า วันนี้เค้าได้เห็นว่าโคคิสนใจเค้าไม่น้อย

ไม่ต่างจากเพื่อนสนิทคนนึง ปกติคาซึยะเข้าใจว่า ที่โคคิยอมเสวนาด้วยก็เพราะว่า เห็นแก่จิน แต่จริงๆแล้ว

หมอนั้น ต้องการเป็นเพื่อนเค้าจริงๆ หรือแม้แต่ทัตซึยะเอง

ท่าทางที่อ่อนแอแต่ก็ยอมไม่ได้ถ้าเค้าต้องถูกรังแก เหมือนกับได้คิดอะไรหลายๆอย่าง การทำเพื่อคนอื่น

แม้จะนิดหน่อย แต่ผลที่กลับมาก็คุ้มค่าไม่น้อย ทั้งที่ตอนแรกว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องของทัตซึยะ ไปมาๆ ก็รับ

ไปเต็มๆ แต่ผลที่ได้มา ได้ทั้งความเจ็บใจ รวมทั้งความจริงใจด้วย ดีจริงๆที่ได้มาที่นี่ ได้มาพบกับจิน มัน

ทำให้เค้าอยากมีชีวิตต่อไปอีกแล้วนะ

“นายรู้รึเปล่าว่ารถมอไซค์ของเรียวตะ โดนมือดีกรีดซะเละเลยนะ” เสียงคุยกันเซ็งแซ่ทั่วห้อง
 จุนโนะได้ยินก็บ่นอุบอิบทันที “เจ้าทานากะนี่ เตือนอะไรไม่เคยฟังเลยนะ”

โคคินั่งโยกเก้าอี้อารมณ์ดีตามฟอร์ม จินกับยูอิจิที่รู้ข่าวเหมือนกันเดินมาพร้อมที่โต๊ะ ลากทัตซึยะมาด้วย

“สบายใจเชียวนะ คิดว่าคนเค้าไม่รู้รึไงว่านายไปทำอะไรมานะ” จินกอดอกวางท่าเหมือนทนายสอบ

ผู้ต้องหา “อะไร ก็อยากให้รู้นะแหละเลยทำ ฉันไม่ใช่ประเภททำอะไรแล้วกลัวคนจะรู้สักหน่อย!!”

ยูอิจินั่งลงข้างๆทำหน้าแบบหมั่นไส้

 “เออ เอ็งเก่ง ถ้าเรื่องถึงตำรวจมีแต่จะแย่นะนายอ่ะ ประวัติสวยหรูรึเกินนี่” โคคิรำคาญท่าทางยูอิจิเอามือ

ดันๆหัวให้ไปห่างๆ ทัตสึยะหันหน้าไปมองคาซึยะที่ไม่มีทีท่าจะเดือดร้อนอะไร

“คาเมนาชิก็ช่วยกันห้าม ทานากะหน่อยเถอะครับ” คาซึยะหันมามองโคคิ

 “อะไรจะว่าอะไรฉันอีกรึไง “ คาซึยะยักไหล่ยิ้มๆ “เปล่าแค่จะบอก สะใจดี ก็เท่านั้น” โคคิยิ้มออกมา

 “เออ เพิ่งเห็นนายพูดจาดีก็วันนี้วันแรกนะแหละ”

ทั้งจิน ยูอิจิ ทัตซึยะท่าทางไม่พอใจร้องกันเป็นเด็กๆที่คาซึยะเข้าข้างการกระทำของโคคิ

“เออ แต่ต่อไปเจ้าพวกนั้นคงไม่กล้าหือกับพวกนายอีกแล้วละมั้ง ไม่งั้นคราวหน้า คงเป็นตัวมันแน่ๆที่โดน
กรีดน่ะ”

โคคิพูดสีหน้าจริงจัง จินเอามือทำท่าว่าให้พอๆซะทีเถอะ

 ทัตซึยะยิ้มก้มหน้าเหมือนเคยก่อนพูดออกมาเบาๆ “ครับ ขอบคุณนะครับ”

“เออ นายได้เอาแผ่นซีดี ที่ฉันว่าจะขอยืมมารึเปล่าหล่ะ “

โคคิทวงถาม ทัตซึยะพยักหน้า แล้วเดินไปที่โต๊ะ หยิบขึ้นมาให้ โคคิ พอดีกับที่เรียวตะเดินเข้ามาในห้อง

ท่าทางอารมณ์เสียที่สุดเดินเลยมาที่โต๊ะทัตซึยะ มองหน้าโคคิ นิดหน่อย โคคิยักคิ้วให้เป็นเชิง ท้าทาย

 จินกับยูอิจิรีบหันมาดูทันที คาซึยะเอามือท้าวคางดูสถานการณ์นิ่งๆ

เรียวตะเดินออกมาเฉยๆทำท่าว่าจะเดินไปที่นั่งตัวเองแล้วก็ชนกล่องซีดีหล่นกระจายเต็มพื้นแล้วก็เดินไป

เหมือนจงใจ โคคิโมโห หายใจแรงๆ ทัตซึยะส่ายหัวไปมา

“ทำอะไรนะ แล้วเดินไปเฉยๆแบบนี้ได้เหรอ!!” น้ำเสียงเรียบๆ สกัดกั้นอารมณ์ไว้ที่สุด เรียวตะหันมามอง

ท่าทางยียวน “ขอโทษ” แล้วก็ไม่สนใจวางกระเป๋าทำท่าจะนั่งลง “ มาเก็บเดี๋ยวนี้เลย!!” โคคิออกคำสั่ง

เรียวตะไม่สนนั่งลงไปเลย ทำหูทวนลม คนอื่นๆในห้องยังคุยกันเป็นปกติไม่ทันสังเกตเห็นอะไร

“ไม่เป็นไร ทานากะ เดี๋ยวผมเก็บเองก็ได้” “ไม่ต้อง !! “ โคคิพูดเสียงดัง ทุกคนในห้องเงียบไปสนิทเลย

จุนโนะที่กำลังทบทวนบทเรียนถอนใจออกมา “เอาอีกแล้วสินะ!!”


เรียวตะหน้าตาตื่นนิดหน่อย ไม่คิดว่าโคคิจะเอาจริง หน้าตาโคคิตอนนี้ดูดุดัน น่ากลัวเป็นที่สุด

 “บอกให้มาเก็บไม่ได้ยินรึไง” เรียวตะลุกขึ้นมาเก็บหน้าตาก้มๆ มีแววว่าไม่พอใจมากๆ ขณะก้มลงเก็บ

โคคิก็นั่งยองๆลงมาด้วย เอามือจับต้นคอ เรียวตะรู้สึกเสียววาบไปทั้งแผ่นหลัง

“อย่ามาทำเป็นซ่าส์ นายไม่รู้หรอกว่าฉันผ่านอะไรมาบ้าง คราวนี้ รถอาจจะแค่เป็นรอย แต่คราวหน้าสาย

เบรคอาจจะถูกตัดก็ได้ ฉันทำงานที่อู่ เรื่องที่แนบเนียนเหมือนอุบัติเหตุฉันทำได้อยู่แล้ว”

 พูดจบก็เอามือตบหน้าเรียวตะเบาๆ2-3ที เรียวตะหน้าซีดแทบไม่มีสีเลือด วางของที่โต๊ะทัตซึยะแล้วรีบ

กลับไปนั่งที่เรียบร้อยสุดๆ โคคิหยิบซีดีไป ขยิบตาให้ทัตซึยะนิดหน่อยก่อนเดินกลับไปนั่งที่

 ยูอิจิหันมาทำหน้ายุ่งๆใส่ “นายไปกระซิบบอกอะไรอ่ะ ถึงได้หน้าซีดได้ขนาดนั้น”

“จะอะไรก็ช่างเถอะ ไม่มีเรื่องกันตรงนี้ก็ดีแล้ว “ จินเอื้มมือมาผลักหัวให้ยูอิจิหันกลับไป

โคคิถือกล่องซีดีเล่นๆไนมือ แล้วหันไปทางคาซึยะ คาซึยะไม่ได้หันมามอง เพียงแค่ยกนิ้มหัวแม่มือให้

โคคิก็ขำออกมา แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มพร้อมกัน จินส่ายหัวไปมายิ้มๆก่อนหยิบหนังสือขึ้นมาเตรียมเรียนต่อไป

“สุดยอดไปเลยนะเนี้ย!! อูเอดะ นายมีพรสวรรค์ทางการแต่งเพลงนะ “ จินนั่งผลิกกระดาษโน้ตไปมา

”ไม่ขนาดนั้นหรอก อาจเพราะผมฟังเพลงมาเยอะก็ได้มั้งก็เลยพอจะทำได้ “ ยูอิจิชะโงกหน้ามาดู

 “จะถล่มตัวไปถึงไหน รับรองว่าต้องรุ่งแน่ๆเลยชมรมเรา มีคนเก่งๆมารวมกันแบบนี้”

“แต่ว่าผมเองก็อยากเต้นด้วยนะ ไม่อยากแค่แต่งเพลงอย่างเดียว” ทัตซึยะแย้งๆขึ้นมา

 “ ได้อยู่แล้วเดี๋ยวท่านอาจารย์ยูอิจิจะสอนให้ ไม่ต้องกลัว” คาซึยะมองด้วยหน้าเบื่อๆ

 “เชื่อได้รึเปล่านายน่ะ “ ยูอิจิเอากำปั้นชกแขนคาซึยะเบาๆ “เชื่อได้เดะ เดี๋ยวเถอะ”

“อืมๆ เพลงเสร็จเมื่อไหร่เราจะได้ซ้อมเต้นจริงๆจังๆกันสักทีนะ แต่ว่า โคคิหายไปไหนน่ะ”

อยู่ดีๆจินก็เหมือนนึกขึ้นได้ ทุกคนทำท่ามองหา “วันนี้เจ้านั้นไม่ได้มาเรียนด้วยซ้ำ” คาซึยะเฉลยออกมา

“โดดอีกละมั้ง ที่อู่คงมีงานเข้าแน่ๆเลย” ยูอิจิพูดเหมือนเป็นเรื่องเคยชิน ทัตซึยะกับจินกลับไม่คิดแบบนั้น

ยิ่งเป็นช่วงที่มีเรื่องแบบนี้แล้วด้วย “ก๊อก …ก๊อก” จุนโนะยืนเคาะประตูที่เปิดเอาไว้ ตามมารยาท ทุกคนหันมามอง

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 26-01-2007 13:10:55
“เจ้าของอู่ที่ ดูแลทานากะโทรมาบอกว่าเจ้านั้นได้รับบาดเจ็บแนะ”

“เอะอะอะไรก็หัวหน้าห้อง เทอมหน้าขอไม่เป็นหัวหน้าห้องอีกแล้วนะฉันน่ะ”

จุนโนะบ่นตลอดทางที่ไปห้องเช่าของโคคิ ยูอิจิทำหน้าแบบสงสารปนสมเพศ จุนโนะ

 “เออน่า เป็นหัวหน้าห้องก็ไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าจะแย่ก็แค่มีพวกเราเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละ”

 นี่จงใจปลอบหรือซ้ำเติมนะ จุนโนะยิ้มแบบเสแสร้ง “เออๆ ขอบใจที่บอกนะ”

ทัตซึยะหน้าจ๋อยที่สุด ท่าทางเป็นห่วงโคคิมากๆ จินทำท่าจะเอามือตบหลัง

 แต่คาซึยะกับเป็นคนที่ทำไปก่อน จินยิ้มอย่างอ่อนโยน เดี๋ยวนี้คาซึยะอ่อนโยนมากขึ้น ดีไม่ดีจะมากกว่า

เค้าด้วยซ้ำ โคคิเดินมาเปิดประตูพร้อมทำหน้าเซ็งๆ

 “แห่กันมาทำไมเนี้ย ห้องฉันไม่ได้กว้างพอให้ทั้งหมดเข้ามาได้นะเฟ้ย!!”

ยังพูดจาแบบนี้ได้คงไม่เป็นไรมากจริงๆนะแหละ

 “ไอ้บ้า คนเค้าเป็นห่วงนะ มากอดทีเดะ”ยูอิจิรีบผลักประตูออก ทำให้เห็นว่าแขนโคคิมีผ้าสีขาวผันเอาไว้

เหมือนเข้าเฝือก จินเห็นก็ตกใจ “นี่นายแขนหักเลยเหรอ ฝีมือใครกันน่ะ” โคคิทำหน้าแบบรำคาญ

 “ไม่ได้หัก แค่เคลื่อนนิดหน่อย ไอ้คนทำฉันมองไม่เห็นหรอก มันมืด ฉันกำลังลงบันได อยู่ดีๆก็มีคนมาผลัก”

“ก็บอกแล้วไง ไอ้เรื่องแกล้งกันนะ แกล้งกันไปแกล้งกันมาสุดท้ายก็ไม่จบสักที”

จุนโนะพูดออกมาเหมือนตำหนิ

“อ้าวแล้วทำยังไงถึงจะจบหล่ะ จะให้คนที่ถูกแกล้งทนไปงั้นเหรอ ตายกันพอดี”

ยูอิจิเถียงจุนโนะขึ้นมา

 “นั้นสิผมควรทำยังไงดี ไม่อยากให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้ ตอนแรกก็ คาเมนาชิ ต่อมาก็ทานากะ แล้วต่อไปจะเป็นใครอีก “

ทัตสึยะบ่นออกมาบ้าง จินใช้ความคิดอย่างหนักในการแก้ปัญหาคราวนี้

“ทางแก้ก็คือตายไงหล่ะ!!” คาซึยะพูดคำนี้ออกมา ทุกคนหันมาพร้อมกันทันที

“ถ้ามันไม่มีวันจบสิ้นก็ต้องตัดวงจรมันไปซะ คือฆ่าตัวตาย คนที่ถูกแกล้งต้องใช้ความตายหนีมันไปซะ คน
ที่ตามแกล้งถ้าไม่มีคนให้แกล้งแล้วก็จบ”

จินขมวดคิ้ว อยู่ดีๆทำไมถึงพูดแแบนี้ออกมา จุนโนะกับยูอิจิกลืนน้ำลายด้วยความตกใจกับคำพูดคาซึยะ

ทัตซึยะอึ้งไปเลย โคคิใช้สายตานิ่งรอดูต่อไปว่า คาซึยะ อยากสื่ออะไรออกมา

“แต่ถ้าเราไม่อยากตายเอง ก็ฆ่าคนที่ตามแกล้งซะ กำจัดมันออกไปแค่นี้เรื่องก็จบแล้ว”

“นี่นายพูดเป็นเชิงเปรียบเทียบไม่ได้คิดจริงๆใช่มั้ย”
จุนโนะถามออกมาอย่างสงสัย ตาก็พาลไปมองรอยแผลเป็นที่ข้อมือนั้น คาซึยะยิ้ม แต่สายตายังคงเย็นชา

“ นายคิดว่าฉันพูดจริงรึไง ฆ่าคนอาชญากรรมเชียวนะ “

ยูอิจิพยายามแค่นหัวเราะออกมาให้บรรยากาศไม่เครียดไปกว่านี้
จินมองดูสายตาเยือกเย็นของคาซึยะ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ในตัวคาซึยะเหมือนมีระเบิดอยู่ข้างใน

ไม่รู้อะไรจะทำให้มันระเบิดออกมา อานุภาพของมันอาจจะร้ายแรง แค่เผาผลาญตัวคาซึยะคนเดียว

แต่ถ้ามันมากกว่านั้นหล่ะ บางทีอาจจะทำร้ายคนรอบข้างไปได้ นึกแล้วก็กลัวขึ้นมา

จินเดินมาเคาะประตูห้องคาซึยะ “ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” คาซึยะพยักหน้าแล้วเปิดประตูกว้างต้อนรับ

 “มีอะไรอีกหล่ะ รีบๆพูดหน่อยนะ เดี๋ยวฉันก็จะนอนแล้ว” จินเม้มปากก่อนระบายออกมา

 “ฉันรู้สึกกลัวนายขึ้นมา วันนี้ที่นายพูดเรื่องการฆ่ากัน มันน่ากลัวมากรู้มั้ย “ คาซึยะได้ฟังแล้วก็หัวเราะ

“นายกลัวว่าตอนนี้ฉันไม่ฆ่าตัวเอง จะไปฆ่าคนอื่นงั้นเหรอ” จินส่ายหัวไปมา

 “ไม่ใช่อย่างงั้น ฉันไม่อยากให้นายคิดแบบนั้น”คาซึยะลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ประตูอีกครั้ง
เปิดมันออกให้จิน

“งั้นนายก็สบายใจได้เลย กลับไปนอนเถอะ ฉันจะไม่มีทางฆ่าใครหรอก นอกจากตัวฉันเอง เพราะไอ้การ
ฆ่าคนน่ะ ฉันเคยลองมาแล้ว มันก็ไม่ทำให้ฉันชอบเท่าไหร่หรอก”

จินได้ยินก็ถึงกับอึ้งไปเลย คาซึยะพูดว่าเคยฆ่าคนงั้นเหรอ หมายความว่ายังไงกัน!!!

to be con :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-01-2007 20:34:29
คาซึยะนี่เหมือนกับระเบิดแฮะ ถ้าแตะโดนปุ่มเมื่อไหร่ ก็ .............   :sad4:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 26-01-2007 20:41:24
แหะๆ ยังไงก็ยังมีผมอีกคนนะคร้าบบบบที่ติตามงานนี้อยู่อะครับ

มาเป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งเสียงคร้าบบบบ

 :monkeylove2: :angellaugh2: :love2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 28-01-2007 21:20:44
เรียวตะนี่ไม่เห็นโรงศพก็ไม่หลั่งน้ำตานะสิ

แต่การฆ่าเขาให้ตายไปมีอีกหลายวิธี

ใส่ความรักเข้าไปสิครับ แล้วคนๆนั้นจะตายไปเอง

 :3061:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-01-2007 00:03:23


หนุกอะ


มาต่อเร็วๆ นะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 01-02-2007 22:17:52
chapter6

จินไม่อาจจะหลับตาลงไปได้ เฝ้าแต่คิดเรื่องของคาซึยะในใจ ถึงแม้ว่า

คาซึยะจะพูดคุยมากขึ้น

ท่าทางอ่อนโยนมากขึ้น แต่ว่าก็ยังไม่ยอมเปิดใจทั้งหมด

เงาดำที่ปิดบังจิตใจยังอยู่ จะทำยังไงให้เงา

นั้นหายไปได้นะ จินคิดจนหัวแทบระเบิด แล้วก็เผลอหลับไป

เช้าวันต่อมาคาซึยะไปช่วยงานที่โบสถ์ตามปกติ

หลังจากเสร็จจากการร้องเพลงจินเดินคุยกับยาบุ

คาซึยะเห็นใครบางคนนั่งสวดมนต์อยู่ที่แถวหน้าสุด ก็เดินเข้าไปหา

“อรุณสวัสดิ์ อูเอดะ” คาซึยะกล่าวทักทาย คนที่กำลังก้มหน้าอยู่ ทัตซึยะได้ยินก็หันมายิ้มให้
 
“นายไม่เคยมาสวดมนต์ตอนเช้านี่นา” ทัตซึยะพยักหน้ายิ้มๆ “วันนี้ผมมาขอพรนะ”

คาซึยะมองตรงไปยังรูปเคารพพระเยซูเบื้องหน้า แสงเทียนในโบสถ์ทาบผ่านใบหน้าคาซึยะ

เผยให้ผิวขาวดูเด่นชัด สวยงาม ปากแดงค่อยๆเอื้อนเอ่ยถ้อยคำออกมา

 “นายกำลังขอเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”

“จะหัวเราะผมก็ได้นะ ตั้งแต่เด็กผมก็เป็นเด็กที่ถูกแกล้งเป็นประจำอยู่แล้ว ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือมาอธิฐานกับพระเจ้า เฝ้าสวดมนต์ทุกวัน ขอให้พวกนั้น หายไป”

มือที่กุมไว้ใกล้กับคางดูเหมือนสั่นน้อยๆ คาซึยะมองดูแล้วยิ้มออกมา

 “แล้วพวกนั้นหายไปมั้ย!!”

ทัตซึยะสั่นหัวไปมา “ผลสุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายที่ย้ายรร.หนีไป”

คาซึยะได้ยินน้ำเสียงเศร้าๆนั้นก็คุกเข่า

ลงข้างๆทัตซึยะ เอามือกุมไว้แนบอกหลับตาสนิท อึดใจนึงก็ลืมตาขึ้นมา

 “คราวนี้น่าจะสำเร็จ ฉันช่วยอธิฐานด้วยแล้ว”

ทัตซึยะทำหน้างงๆ “อธิฐาน…. อธิฐานว่ายังไงเหรอครับ”

 “ให้หายไป หายไปเลยไงหล่ะ” ดวงตาเยือกเย็นดูน่ากลัว ทัตซึยะ รู้สึกกลัว ดวงตาแบบนี้

 เป็นดวงตาที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไร… แน่นิ่ง… เรียบเฉย……


“ทั้งสองคนทำอะไรอยู่นะ!!” เสียงจินเรียกมาจากข้างหลัง หันไปดูพร้อมกัน

 “มาเถอะ มาทานข้าวเช้าได้แล้ว” คาซึยะยิ้ม “ไปกันเถอะนะ”


คาซึยะเดินไปถอดชุดออก จินเลยถือโอกาสถามทัตซึยะที่เดินมาด้วยกัน

 “พวกนายคุยอะไรกันเหรอ?”

“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ แต่ว่าคาเมนาชิไม่ได้ร้องเพลงเลยสักเพลงนะครับ ผมเห็น”

จินพยักหน้า “ใช่ ตั้งแต่ให้มาช่วยที่นี่ ก็ไม่เคยเห็นอ้าปากร้องสักที”

ทัตซึยะ ไม่เข้าใจสายตาที่เป็นห่วงของจินนัก

 “ แล้วอาคานิชิ ถามว่าผมคุยกับคาเมนาชิทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า” จินหันมายิ้มกลบเกลื่อน

 “ไม่มีอะไรเห็นท่าทางสนุกดีนะ”

คาซึยะเก็บของเสร็จก็เดินมารวมกัน พร้อมจะไปห้องอาหาร

 จินเดินไปข้างหลังของทั้งคู่มองดูหลัง

ของคาซึยะด้วยแววตาเศร้าๆ จินรู้สึกว่าปีกของคาซึยะกลายเป็นสีดำไปชั่วแวบตานึง

โคคิอาการดีขึ้นแล้ว มาเรียนได้ แต่แขนก็ยังคงถูกมัดห้อยไว้กับคอเช่นเดิม

ยูอิจิเห็นเข้าก็แกล้งๆ

เพราะโคคิตอนนี้เหมือนคนพิการไปแล้ว ทำอะไรก็อาศัยแค่มือข้างเดียว

“โคคิ!!” เอามือจี้เอวข้างที่แขนเจ็บ โคคิเลยเอามือฟาดไม่ถนัด ยูอิจิหลบไปแล้วก็ยืนขำ

โคคิยิ้มๆแล้วก็ใช้เท้าเตะ ก่อนหัวเราะเสียงดังกว่า

 “ ไอ้บ้า ถึงแขนจะเจ็บ แต่ขายังใช้ได้ดีเว้ย!!”

 จินกับคาซึยะเห็นก็หัวเราะออกมาเหมือนๆกัน สมน้ำหน้ายูอิจิ

เรียวตะเดินเข้ามาในห้อง โคคิทำท่าจะเดินไปหาเรื่อง แต่จินเอามือจับหัวไหล่เอาไว้

 “พอเถอะน่า เรื่องมันจะไม่ยอมจบสักที “

โคคิท่าทางไม่พอใจแต่ก็นั่งลงแต่โดยดี คาซึยะมองดูด้วย

สายตาเย็นชา ในใจเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

เรียวตะกับเพื่อนกำลังซ้อมอยู่ในห้องชมรม หัวเราะกันเฮฮา

“โธ่เอ้ย ไอ้เด็กเกเรนั้น คิดว่าจะแน่”

เพื่อนคนนึงกล่าวออกมา เรียวตะหัวเราะ

“นี่ยังน้อยไป ขำจะตายตอนที่มันกลิ้งตกลงไป แต่สูงขนาดนั้นน่าจะตายไปนะ นับว่ามันอึด แค่แขนเดาะ”

“เจ้าบ้า ถ้าเล่นกันจนตายไม่แย่รึไง ฮะฮะฮะ”อีกคนนึงก็ช่วยเสริม

“น่าสนุกขนาดนั้นเชียวเล่นแกล้งคนทีเผลอนะ” คาซึยะเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

 พวกเรียวตะถึงกับชะงัก ก่อนแสร้งยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 “ทำไม มีหลักฐานอะไรมาว่าพวกเราเหรอ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”

หน้าด้านจริงๆ ที่คุยกันเมื่อกี้คิดว่าไม่มี


ใครได้ยินรึไงนะ คาซึยะไม่พูดอะไรต่อเดินไปที่กีตาร์ของเรียวตะ เอามือสัมผัสเบาๆ
 
“กีตาร์นี่ของนายเหรอ สวยดีนี่” เรียวตะรีบเดินเข้ามาใกล้ “เฮ้ย อย่าเอามือแกมาแตะนะ”

ท่าทางหวงขนาดนี้ คงรักมากสินะ คาซึยะยิ้มที่มุมปาก แล้วใช้เท้าเตะกีตาร์ล้มลง

 กระแทกตามไม่ยั้ง จนมันไม่เหลือชิ้นดี

“เฮ้ย!!แกทำอะไรของแกนะ ไอ้สารเลว!!”

โกรธมากเอามือตบหน้าคาซึยะอย่างแรง ร่างเล็กๆผอม

บางสู้แรงแบบนั้นไม่ไหวแน่ ล้มกลิ้งไปถึงครึ่งห้อง “เฮ้ยเรียวตะ แกจะบ้าเหรอ แรงไปแล้ว”
 
“ใช่ๆเดี๋ยวมันก็ตายหรอก”

“ตายไปสิดี ดูมันทำสิ นั้นมันกีตาร์ของฉันนะ”

 คาซึยะเงยหน้าขึ้นมา หน้าชาไปซีก ลิ้นสัมผัสรสเลือด

ปากคงจะแตก แล้วก็หัวเราะออกมา “แรงแกมีแค่นี้เหรอ!!”

จุนโนะวิ่งหน้าตาตื่นมาที่ห้องชมรมของจินอีกครั้ง ทุกคนทักทายเฮฮาเหมือนเคย
 
“นั้นแน่ อยากเข้าชมรมเราเหรอ แวะมาแทบทุกวันเลย”

ยูอิจิแซวเหมือนเคย จุนโนะไม่มีอารมณ์เล่นด้วย
 
“ พวกนายไม่รู้บ้างเลยรึไง ว่าคาเมนาชิกำลังมีเรื่องอยู่ที่ห้องชมรมดนตรีสากลนะ….”

จินไม่ฟังเสียงอะไรรีบกระโจนออกจากห้องไปเลย บ้าที่สุดเค้าน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้นะ

ที่คาซึยะพูดเรื่องนั้น เค้ากลัวขึ้นมา กลัวว่าคาซึยะจะทำอะไรรุนแรงไป

เรื่องการตาย…….เรื่องฆ่ากัน………

“ตึ๊ง” ร่างเล็กเซล้ม ข้าวของในห้องกระจัดกระจาย

ตอนนี้เลือดไหลเปราะผิวหน้าที่ดูสวยจนหมด

ไม่รู้สึกเจ็บ เหมือนชาชิน เอามือปาดเลือดที่ปากและจมูกก่อนหัวเราะออกมา

“มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย พอเถอะน่าเรียวตะ”

เพื่อนเห็นอาการคาซึยะก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ยอมให้เรียว

ตะอัดจนเละขนาดนั้น ยังหัวเราะออกมาอีก เรียวตะยิ่งเห็นท่าทางแบบนี้ก็ยิ่งโมโห

อยากจะฆ่าซะให้ตายด้วยซ้ำ มือใครคนหนึ่งดึงมือเรียวตะที่จะชกคาซึยะเอาไว้

คาซึยะตาเบิกโผลง “จิน!!”

เสียงแหบแห้ง เพราะเลือดไหลเปอะปากไปหมด จินมาได้ยังไง เค้าคิด

จะไม่ให้เรื่องนี้เกี่ยวกับใครอีก ทำไมจินถึงเข้ามาได้
 
“พอซะที นายทำเกินไปแล้ว คาเมนาชิไม่ได้สู้สักหน่อย นายหยุดได้แล้ว”

จินท่าทางโมโห ไม่เคย

เห็นจินอารมณ์รุนแรงแบบนี้มาก่อน เรียวตะไม่สนใจกระชากข้อมือจินอย่างแรงจน

จินล้มหัวไปฟาดกับกระจกที่มุมห้อง

“เพล้ง!!” เสียงกระจกแตก เหมือนเวลาหยุดหมุนไปดื้อๆ

จินเจ็บแปลบที่หางคิ้วด้านซ้าย เอามือจับ

ผมที่ปิดๆอยู่ขึ้น เลือดแดงสดไหลออกมาไม่หยุด ลืมตาข้างซ้ายแทบไม่ขึ้น

แสบเพราะเลือดไหลเข้าตา ทุกคนที่ตามมาหน้าตาตื่น “เฮ้ยจิน!! เป็นยังไงบ้าง’"

จินยังเอ๋ออยู่ พูดอะไรไม่ออก คาซึยะเห็นแค่นั้น

ก็รู้สึกเจ็บกว่าที่โดนเองหลายร้อยเท่า จิน ที่ไม่รู้

อะไรด้วย ทำไมต้องมาเจ็บตัว เลือดไหลออกมาขนาดนั้น ทำไมกัน

ทำไมต้องลากจินเข้ามาเกี่ยวกับวงจร ชั่วร้ายนี้ด้วย ครั้งที่ ทัตซึยะโดน

หรือ โคคิโดนก็รู้สึกไม่ดี แต่พอเป็นจิน มันกลับเจ็บปวดแสน

สาหัส ไม่ต้องการให้ใคร ทำลายจิน ไม่อยากให้จินต้องเจ็บ

“ไม่เกี่ยวนะเว้ย ไอ้บ้านี่เข้ามาเจ๋อเอง ไม่เกี่ยวกับฉัน” เรียวตะปัดความรับผิดชอบออกมา

คาซึยะที่ก้มหน้านิ่ง หายใจหอบ รุนแรงขึ้น เหมือนจะขาดใจ

ดินสอไม้ที่กลิ้งตกอยู่ที่พื้น คว้ามัน แล้ว

กำไว้แน่น ปลายแหลมเรียว จ้องมันเป็นจุดเดียว

“อ๊าก!!” เรียวตะร้องเสียงหลง ทุกคนในห้องตะลึงงัน เพื่อนเรียวตะวิ่งหนีไม่คิดชีวิต

จุนโนะ โคคิ ยูอิจิ ทัตซึยะ หรือแม้แต่จิน ตาเบิกค้างไปพร้อมๆกัน

คาซึยะยืนอยู่เหนือเรียวตะที่นอนกลิ้งๆกุมขาที่มีดินสอไม้ปักอยู่

เลือดไหลออกมาบ้าง เรียวตะร้อง

ครวญคราง เพราะความเจ็บปวด “นี่เป็นส่วนของอูเอดะ”

เสียงเย็นชาเหมือนไม่สะทกสะท้านกับเสียง

ร้องและเลือดของเรียวตะ ดึงดินสอไม้ออกมาอย่างแรง เรียวตะร้องเหมือนจะขาดใจ
 
ทุกคนคิดว่าคาซึยะจะหยุด แต่ไม่ใช่!!

กำดินสอไว้แน่นแล้วปักลงที่ฝ่ามืออย่างแรงเลือดไหลขึ้น

เปราะหน้าขาวซีดไร้อารมณ์ เรียวตะร้องเสียงหลงน้ำตาไหลพรากออกมา

“พอที !! ฉันเจ็บ!!" พูดปนๆกับน้ำตา ขยับแขนขาไม่ไหว เพราะความเจ็บปวด

 คาซึยะยิ้มน้อยๆ แววตาไม่มีความรู้สึกใดๆ

 “นี่เป็นส่วนของทานากะ!!”

จุนโนะอ้าปากค้าง แรงที่จะเดินไปห้ามไม่มีเหลือ จินเองมองดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นตะลึง

โคคิรีบลุกขึ้น “ยูอิจิ เราต้องห้ามเจ้านี่ แล้ว มันกำลังบ้าไปแล้ว!!”

ยูอิจิที่จับแขนจินเอาไว้ทำหน้าเหรอหรา “หา!! อะ…..อืม” เดินตามโคคิไป

โคคิกับยูอิจิช่วยกันลอคแขนของคาซึยะเอาไว้ แต่โคคิที่

มีเพียงแขนข้างเดียวที่ใช้การได้ ก็ไม่อาจทานแรงของคาซึยะตอนนี้ได้

ทัตซึยะกับจุนนโนะก็เลยเข้า

ไปช่วยห้ามอีกคน ร่างผอมบางแค่นั้น ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกัน

แม้แต่คนตัวใหญ่กว่าอย่างจุนโนะก็ยังถูกสลัดล้ม โคคิร้องออกมาเสียงดัง

“เจ้าบ้า แกจะทำอะไร พอได้แล้ว หยุดสักที เดี๋ยวได้มีตายกันจริงๆหรอก”

ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดเข้าไปในโสตประสาท คาซึยะ

เดินไปดึงดินสอออกจากฝ่ามือ ดวงตาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง

จินมองเห็นได้ด้วยตาข้างขวา ตาที่ไม่

มีแววตา ไม่มีจิตใจ ไร้ความรู้สึกแบบนั้น เหมือนคนที่ตายไปแล้ว

แต่เจ้านี่ยังไม่ตายนะ หยุดเถอะ
หยุดการกระทำแบบนี้สักที อะไรจะหยุดได้กัน
เพื่อนๆถูกเหวี่ยงล้มไม่เป็นท่ากันจนหมด จินอึดอัด

ทนไม่ไหว ไม่อยากเห็นคาซึยะในสภาพแบบนี้ อย่าทำลายล้างมากไปกว่านี้เลย

คนที่เจ็บก็คือตัวนายเองนะ

“นี่เป็นส่วนของ จิน!!” เรียวตะตาค้าง

ปลายดินสอกำลังจะปักกลับมาที่ดวงตาข้างซ้ายของเค้า ใครก็ได้ช่วยที !!

“หยุดได้แล้ว พอซะที ปีกนายจะหายไปอยู่แล้ว!!!………….” เสียงจินดังขึ้น

น้ำตาไหลออกมาเหมือนคั่งแค้นใจ คาซึยะหยุดปลายดินสอห่างไม่ถึงเซน
 
“ต่อให้นายฆ่าเจ้านั้นตายไป ฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ!!” เหมือนได้สติ ดินสอล่วงลงที่พื้น

เสียงอาจารย์เอะอะ ดังมาแต่ไกล คาซึยะเวียนหัวอย่างหนัก แล้วภาพจินที่เห็นเบื้องหน้าก็

ค่อยๆเลือนราง ……..เลือนราง…… แล้วดับมืดลง

“ต่อให้นายฆ่าคนที่ทำร้ายพี่จนตาย พี่ก็ไม่ดีใจหรอกนะ!!” เสียงนั้นยังก้องอยู่ในหู

 เหมือนกันอีกแล้ว อดีตที่อยากลืม เหมือนมันจะดำเนินมาเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

คาซึยะลืมตาขึ้น ผ้าม่านสีขาวต้อง

แรงลมปลิวไปมา มือของเค้าขยับไม่ได้ มีอะไรบางอย่างทับอยู่ ค่อยๆหันหน้ามามอง

จินนอนฝุบอยู่ที่ข้างๆเค้า ใบหน้าขาวสะอาด มีคราบเลือดเปรอะผมอยู่บ้าง

 ผ้าพันแผลสีขาวมีรอยเลือดแปะที่หน้าผากเหนือคิ้วด้านซ้าย

จินจงใจนอนทับแขนเค้าไว้รึไงนะ จงใจเฝ้าเหมือนกลัวว่าเค้า

จะไปไหนรึไง หลับเหมือนเด็กๆ ไม่มีทีท่าจะตื่นเลยสักนิด คาซึยะรู้สึกกลัว

กลัวว่าจินจะไม่หายใจ

ค่อยๆใช้มืออีกข้างมาสัมผัสแก้มของจิน แผ่วเบา ไออุ่นยังมีอยู่ ยังหายใจอยู่

จินทำหน้ามุ้ย ขยิบตา

สองสามที แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วก็ร้องให้ตกใจ “เอ้ย!! นี่ฉันเผลอหลับไปรึไง บ้าจริงๆ"
 
“นายนี่หนวกหูจริงๆ อยากนอนทำไมไม่ไปนอนเล่า มานอนทับแขนชาวบ้านเค้าอยู่ได้ “

คาซึยะที่นอนหันหน้ามาทางจิน ที่ท่าทางเอ๋อๆอยู่บ่นแบบรำคาญ

“ก็…กลัวนายตื่นมาไม่เจอใครนะสิ” คาซึยะหันหน้ากลับมานอนหงาย

 “ฉันไม่ใช่เด็กนะจะได้ร้องไห้ แบบนั้น “ แล้วก็ยิ้มออกมานิดหน่อย “อย่ามาล้อเลียนฉันนะ

 ที่ฉันร้องไห้ออกไปตอนนั้นก็เพราะไม่อยากให้นายทำอะไรบ้าๆออกไป

“จินท่าทางจะอายเอามือทุบลงไปที่แขนคาซึยะ ที่ตัวเองนอนทับเมื่อกี้
 
“โอ้ย!! มันชาจนเจ็บจะตายอยู่แล้วนะ” คาซึยะร้องออกมา จินหน้าตาตื่น

 “อ๊ะโทษที นายโดนตีที่แขนเหรอ” “ไม่ใช่ ก็นายนะแหละที่เป็นคนนอนทับน่ะ ยังไม่รู้ตัวอีก”

จินทำหน้าเก้อๆที่โดนดุเหมือนเด็กๆ “ว่าแต่ว่า เรื่องเป็นไงบ้างหล่ะ” คาซึยะถามหน้านิ่งๆ
 
“คนที่บ้านนายมา ทางบ้านเรียวตะไม่เห็นว่าอะไรสักคำ” จินพูดหน้าหงอยๆ

คาซึยะหัวเราะหึๆในลำคอ ก่อนค่อยๆหลับตาลงช้าๆ
 
“โชคดีข้อเดียวของฉันก็คือที่บ้านมีเงิน ต่อให้ร้ายแรงแค่ไหน เงินก็จัดการทุกอย่างได้”

จินมองดูคาซึยะด้วยสายตาเศร้าๆ

 “นายทำยังงั้นเพื่ออะไร ไปยั่วเรียวตะ แล้วก็ทำร้ายกลับ…..รุนแรงขนาดนั้น”

“ตอนแรกฉันคิดว่าจะจัดการให้เรียวตะโดนไล่ออกจากรร.ไป โดยการยั่วให้หมอนั่นทำร้ายร่างกายฉัน”

จินหน้าตาตกใจสุดๆ

“อะไรกัน ทำไมนายเอาตัวเองไปแลกอย่างงั้น ไม่ปรึกษาพวกฉันสักคำ แล้วดูสิผลมันเป็นอย่างงั้นซะที่ไหน”

“ก็เพราะนายนะแหละ…… “คาซึยะพูดออกมาเสียงดัง จนจินเงียบไ
 
“เพราะฉันเหรอ ….อะไรหล่ะ”

คาซึยะนึกถึงสภาพตัวเองฟิวส์ขาดเพราะเจ็บปวดที่จินถูกทำร้ายก็อาย

ที่จะบอกรีบหันหน้าหนีทันที
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 01-02-2007 22:30:13
“ไม่มีอะไร!!” จินไม่ยอมแพ้ รีบดึงเสื้อให้หันกลับมา “ขี้โกงนี่ ทำไมไม่ยอมบอกอ่ะ บอกมาสิ!!”

คาซึยะนิ่งๆแกล้งทำเป็นหลับ จิน ทำหน้าแบบอึ้งๆ

 “ไม่ต้องมาแกล้งหลับเลย !! ที่นายลุกขึ้นมาทำแบบนั้นเพราะโกรธที่ฉันถูกทำร้ายใช่ม้า “

รู้แล้วยังถามอีกนะเจ้าบ้า จินมองคาซึยะนิ่งๆสักพักก่อนที่จะพูดออกมาน้ำเสียงราบเรียบ
 
“ ฉันก็ขอบคุณที่นายเป็นเดือดเป็นร้อนแทนฉัน แต่การใช้กำลังในการแก้มันไม่ใช่วิธีที่ดีนักหรอก ถ้านายปักดินสอลงไปที่ตาของเรียวตะ คนที่เสียใจมากที่สุดก็จะเป็นตัวนายเอง……..”

คาซึยะลืมตาขึ้นมาแล้วฝืนหลับไปอีกครั้ง

จินชะโงกหน้ามาดูเห็นคาซึยะ ทำท่าหลับจริงๆก็ไม่พูดต่อ

 เอาผ้าห่มมาคลุมให้ แล้วออกจากห้องไป

เรื่องทั้งหมดถูกแก้ไขด้วยเงินของบ้านคาซึยะจริงๆ เรียวตะย้ายรร.ไปอยู่ที่อื่น

คาซึยะถูกพักการเรียน1อาทิตย์ ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้ารูปเข้ารอยดีแล้ว

แต่เหตุการณ์วันนั้นก็ยังไม่ลบไปจากความทรงจำของคนในกลุ่ม

“เจ้านั่น น่ากลัวจริงๆเลยนะเนี้ย “ ยูอิจิอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา
 
“แต่ว่าคาเมนาชิก็ทำให้คำอธิฐานของผมเป็นจริงนะ” ทัตซึยะพูดขึ้นมาบ้าง โคคิท่าทางสงสัย

“คำอธิฐานอะไรของนาย”

“ผมขอให้เรียวตะหายตัวไป แล้วเค้าก็หายไปจริงๆคาเมนาชิเหมือนเป็นเทวดา ช่วยให้มันเป็นจริงขึ้นมา”

โคคิหัวเราะออกมา

 “เออ เจอขนาดนั้น มันก็สมควรหายไปแล้วหล่ะ คงมีแค่นายคนเดียวมั้งที่ว่ามันเป็นเทวดานะ ทั้งรร.เค้าว่ามันเป็นปิศาจกันหมดแล้ว”

จินได้ยินที่โคคิพูดก็ทำหน้าเห็นด้วย ตอนนี้คนทั้งรร.รู้เรื่องควาน่ากลัวของคาซึยะหมดแล้ว

 ถ้าคาซึยะกลับมาจะเจอกับสายตาคนรอบข้างเป็นยังไงบ้างนะ แค่คิดก็รู้สึกเป็นห่วงลึกๆ

“รุ่นพี่อาคานิชิ ผมว่าไม่ต้องให้รุ่นพี่คาเมนาชิมาช่วยที่โบสถ์แล้วจะดีกว่ามั้งครับ”

ฮิโรโนริ คุซาโนะ ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มชมรมประสานเสียงระดับม.ต้นพูดออกมา
 
จินมีสีหน้าแปลกใจ ” ทำไมหล่ะ!!”

“ต้องบอกด้วยเหรอครับ เท่าที่ดู รุ่นพี่เค้ามาทุกวัน แต่ไม่เคยร้องสักครั้ง ผมไม่เห็นประโยชน์ที่จะให้เค้ามาช่วยเลย”

จินอึ้งไปเลย ก่อนพูดดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

”จริงๆแล้วเรื่องที่เค้าอาลาวาดที่ชมรมดนตรีสากลต่างหากใช่มั้ย!!” คุซาโนะพยักหน้าหนักแน่น

“ครับ ก็เข้าใจดีนี่ครับ เพราะว่าชมรมเรามีเด็กเยอะ มีคนแบบนั้นมันคงไม่เหมาะ ทางผู้ปกครองเค้าก็อาจจะไม่พอใจด้วย”

คนแบบนั้นมันคนแบบไหนกันนะ ไม่เข้าใจเลย

“ตกลง งั้นฉันก็คงจะไม่มาด้วยหรอกนะ” คุซาโนะหน้าตื่นนิดหน่อยก่อนพยักหน้า
 
“ก็แล้วแต่รุ่นพี่หล่ะครับ!!”

คาซึยะนั่งทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโบสถ์ตามปกติ เด็กๆจ้องกันตาไม่กระพริบ
 
ยาบุเองก็จ้องใจจดใจจ่อ คาซึยะหันไปมองด้วยสายตาดุๆ จนยาบุรีบหันกลับไปทานข้าวต่อ
แต่ก็อดแอบหันมาดูอีก

ไม่ได้คาซึยะนึกสนุกก็เลยแกล้งแยกเขี้ยวให้ร้องแห่ๆแกล้ง ยาบุก็ตกใจนิดหน่อยแล้วก็ขำออกมา

คาซึยะก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ฮิคารุที่นั่งข้างๆดึงแขนเสื้อยาบุ

 “รุ่นพี่ฮิโรโนริบอกว่ารุ่นพี่คนนี้น่ากลัวนะ !!” ยาบุส่ายหัวไปมา
 
“ไม่จริงหรอกมั้งเมื่อกี้เค้ายังยิ้มให้ฉันเลยนะ” จินเดินออกมา เอามือตีหลังคาซึยะเป็นการเรียก

“เราไปกันเถอะ ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้วหล่ะ”

คาซึยะงงๆแต่ก็พอจะเข้าใจเลยลุกตามออกมา

“ไม่เห็นจะต้องโกรธขนาดนั้นเลย นี่นา แค่พวกเค้ากลัวฉันก็เท่านั้นเอง”

คาซึยะเดินล้วงกระเป๋าบ่นออกมา จินหยุดเดินหันหน้ามามองคาซึยะ “นายรู้ได้ยังไง”

คาซึยะยิ้ม

“ ทำไมจะไม่รู้หล่ะ เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ฉันเคยเจอมาบ่อยๆแล้ว ไอ้เรื่องแบบนี้ ถ้าเบื่อก็จะย้ายออกไปเอง “

จินหน้าตาตกใจกว่าเดิม” นี่นาย คงไม่คิดจะย้ายไปจากที่นี่หรอกนะ”

“ไม่หรอกน่า ฉันยังรู้สึกสนุกอยู่ไม่คิดจะย้ายไปหรอก” จินท่าทางใจชื้นขึ้นมา

จริงๆแล้วเพราะมีจินอยู่ที่นี่ต่างหากหล่ะถึงไม่ย้ายออกไป “ตอนนั้นนะนายเรียกฉันว่าจินใช่มั้ย!!”

อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่องพูด

คาซึยะออกจะอายๆก็เลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน “หา!!”
 
“ไม่ต้องมาหาเลย ต่อไปก็เรียกฉันว่าจินก็ได้ แต่ฉันก็จะเรียกนายว่าคาซึยะนะ เข้าใจมั้ย” สรุปเอง

เสร็จสรรพ คาซึยะยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงยูอิจิก็ร้องทักออกมา

 “เฮๆ มากันแล้วเหรอ นี่ๆ โคคิถอดเฝือกแล้วนะ มันบอกว่าจะเลี้ยงด้วยแหละ”

โคคิเอาแขนที่เพิ่งหายตบหัวยูอิจิทันที “ใครบอกแกกันเจ้าบ้า!!” ทัตซึยะหัวเราะออกมา

ก่อนหันมายิ้มให้คาซึยะ “มาเรียนสักทีเนอะ”

คาซึยะพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ ต่อให้คนทั้งรร.เห็นเค้าเป็นศัตรู

อย่างน้อยก็มีเพื่อนกลุ่มนี้แหละที่ไม่มีทาง

ทอดทิ้งเค้าแน่นอน “อืม ในที่สุดชมรมเราก็จะได้ฤกษ์ซ้อมกันสักทีนะ มีเรื่องมาตั้งเยอะ”

 จินพูดอย่างอารมณ์ดี

“ได้เลย แขนเพิ่งหายอยากยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว” โคคิพูดพร้อมทำท่าชกๆ

“นี่ๆ ซ้อมเต้นนะ ไม่ได้ไปชกมวย” ยูอิจิเอามือตีหัวโคคิเป็นการเอาคืน

จุนโนะเดินเข้ามาในกลุ่มสีหน้าไม่ค่อยดีนัก


 “อ้าว คราวนี้จะมีอะไรอีกหล่ะคุณหัวหน้าห้อง มาทีไรเอาแต่ข่าวร้ายมาทุกที”

โคคิร้องทัก จุนโนะทำหน้าแบบเบื่อๆ

”ก็ไม่อยากหรอกนะ อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมเรียกนายไปพบแนะ อาคานิชิ “

ทุกคนท่าทางแปลกใจกันหมด “เรื่องอะไรเหรอ” จินถามจุนโนะ

 “ก็คงเรื่องชมรมละมั้ง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!!”

“ชมรมของเธอถูกพิจารณาว่าสมควรจะโดนยุบ เพราะว่ามีเด็กที่มีปัญหาอยู่ถึง 2 คน
ทานากะ โคคิ เคยมีประวัติมั่วสุมกับอันธพาลมาก่อน แถมเคยมีคดีลักขโมยอีกด้วย
แล้วคาเมนาชิ คาซึยะ เท่าที่ดูๆมาประวัติจากรร.ที่ย้ายมาเคยก่อการทะเลาะวิวาท และทำร้ายร่างกายมาแทบทุกรร. สมาชิกในชมรมก็มีแค่ 5 คน ทางรร.กลัวว่าจะรวมตัวกันก่อความวุ่นวาย “

หมายความว่ายังไงกัน แค่มีคนที่เคยมีปัญหา ก็สั่งยุบไปเลยงั้นเหรอ

 จุนโนะที่ยืนฟังอยู่ไม่พูดอะไร จินเองทนไม่ได้หรอก
 
“ทำไมหล่ะครับ ถึงจะมี5 คนแล้ว2 คนนนั้นมีประวัติไม่ดีมาก่อน แต่คนเราก็ทำผิดกันได้ ทำไมไม่ให้โอกาสหล่ะครับ โอกาสให้เราแก้ตัวไม่ได้เลยเหรอครับ”

อาจารย์ทำหน้าแบบไม่พอใจ

 “ก็ครูจะไว้วางใจคนอย่างเธอได้ยังไง ประธานชมรมที่ชอบโดดเรียน ซ้ำสมาชิก็มีแต่พวกเหลือขอ แล้วไอ้การที่จะไปร้องเพลงหรือเต้นอะไรนั้นนะ ที่รร.ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ดูจะออกไปในทางมั่วสุมซะมากกว่า”

จินเม้มปากสนิทใช่สิ ก็เค้าผลการเรียนอยู่ในระดับแย่ ชอบมาสาย โดดเรียนก็บ่อย

 แต่เค้ามั่นใจ100%ว่าชมรมของเค้าจะทำแต่เรื่องที่สร้างสรรค์ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใครแน่ๆ

ทำไมไม่ให้โอกาสกันบ้างนะ

“เอ่อ อาจารย์ครับถ้าเกิดว่าผมมาอยู่กับชมรมนี้ อาจารย์พอจะพิจารณาใหม่ได้มั้ยครับ”

จินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง จุนโนะเหรอที่พูดออกมานั้นน่ะ………..


to be con.............
(http://img408.imageshack.us/img408/8259/taebin7ars4.png)
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 02-02-2007 09:57:42
มาเป็นกำลังใจให้คนโพสคับ สู้ๆๆ  :piglove2:

ตามอ่านอยู่นะคับ  :impress2:



ลุ้นกันต่อปายยยย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 02-02-2007 11:48:44
มาให้กำลังใจคนโพสเหมือนกันค่ะ  :yeb:

แล้วมาโพสต่อไวๆนะค่ะ   :monkeylaugh2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-02-2007 20:30:31
คาซึยะได้เพื่อนแล้ว  :monkeysad:

รออ่านอยู่นะคะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 08-02-2007 19:16:16
chapter7

“การมาอยู่ชมรมนี้ ฉันก็มีกฎเหมือนกันนะ “
 
จุนโนะประกาศออกมาอย่างจริงจัง ทุกคนหันมามองอย่างตั้งใจ พยักหน้าตามกันหงึกหงัก

“คือจะซ้อมเต้นด้วยร้องเพลงด้วย แต่จะไม่ไปแสดงที่สาธารณะชนเด็ดขาด!!” ยูอิจิทำหน้างง

“อ้าว!! แล้วจะซ้อมจะเต้นไปเพื่ออะไรอ่ะ “ทัตซึยะรีบแย้งขึ้นมา

 “ก็ความหมายของทากุจิคือจะเต้นแต่ที่ๆปิดไงหล่ะ แบบเป็นฮอล์ หรือที่เวทีใหญ่ๆต่างหาก”

ยูอิจิพยักหน้าเข้าใจ

“อ้อ ยอมแสดงแต่ที่หรูๆเท่านั้น เข้าใจแล้ว ไอ้นี่หัวสูงนั้นเอง!!”

“ไม่ใช่ ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่มีคนดู ฉันจะไม่เต้นเข้าใจมั้ย!!” จุนโนะพูดออกมาเสียงดังจนทั้ง

ทัตซึยะและยูอิจิเงียบไป โคคิท่าทางรำคาญ

 “อ้าว!! แล้วจะบ้าเต้น ซ้อมๆอยู่แต่ที่นี่นะเหรอ ทำไปเพื่ออะไรกัน”

“ก็เพราะว่าชอบไงหล่ะ อยากเต้น อยากทำก็ทำ ไม่จำเป็นต้องให้คนมาดูก็ทำได้ไม่ใช่
เหรอ “

คาซึยะพูดออกมา จุนโนะนิ่งไม่พูดต่อ จินยิ้มออกมา


“จริงด้วย ที่ทากุจิมาร่วมกับพวกเราก็ดีใจแล้วหล่ะ ถ้าไม่อยากให้ใครดูก็ไม่เป็นไร แค่นายยอมมาร่วม ช่วยให้ชมรมเราไม่ถูกยุบ ก็ขอบคุณมากๆเลยนะ”

“นายกลายเป็นคนเข้าใจจิตใจชาวบ้านเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย” โคคิเดินกอดอกเอาเอวชนหัว

ไหล่คาซึยะที่นั่งที่เก้าอี้เป็นการหยอก “ใครเค้าจะเหมือนนาย” “หนอยเจ้านี่!!” โคคิหมั่นไส้ก็

ล็อคคอคาซึยะเล่นกันเป็นเด็กๆ

ยูอิจิยังสงสัยอยู่ ที่ทำไมจุนโนะถึงมาเข้าร่วมชมรมซะเฉยๆ ทั้งที่แต่ก่อนชวนกันแทบตาย

“ทำไมนายถึงยอมเข้าชมรมเราแล้วหล่ะ” จุนโนะท่าทางอายๆนิดหน่อยก่อนอ้อมแอ้มตอบมา

“ก็ยุ่งกับพวกนายบ่อยๆจนชินละมั้ง ก็เลยอยากยุ่งต่อไปเรื่อยๆนะสิ” ยูอิจิยิ้มออกมาแล้วก็เอา

มือบิดแก้มจุนโนะเหมือนเด็กๆ “นายนี่น่ารักจริงๆเลย” “เล่นบ้าอะไรเนี้ยเจ็บนะ!!”

จุนโนะรู้สึกว่าตัดสินใจถูกรึเปล่านะที่เข้าชมรมมา คิดถึงเรื่องที่บ้านขึ้นมาก็ถอนใจนิดหน่อย

ก่อนหันไปรวมกับทุกคนเหมือนไม่มีอะไรค้างคาในใจ

"เพลงเสร็จแล้ว มาลองซ้อมร้องกันก่อนม้านี่ๆ" จินหมุนแผ่นเอ็มดีในมือไปมา

“โหย สุดยอดไปอัดมาจากที่ไหนนะ” ยูอิจิท่าทางลิงโลดที่สุด

“ที่บ้านอูเอดะเค้ามีเครื่องคอมที่ใช้มิกซ์ซาวน์ได้ด้วยนะ ก็เลยสบายไปเลย”

ทุกคนตาโต ร้องขอไปที่บ้านทัตซึยะบ้าง ทัตซึยะยิ้มยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ

"เอาเถอะมาลองซ้อมร้องกันก่อนมั้ย!!” จินเอาแผ่นเข้าเครื่องเล่นแล้วกด ทุกคนคว้าเนื้อร้อง

ของตัวเองมาเตรียมพร้อม คาซึยะคนเดียวที่ยังนั่งนิ่งๆ จินหันไปเห็น ก็สีหน้าแปลกใจ

 “คาซึยะ ท่อนที่สองนายร้องต่อจากฉันไม่เตรียมตัวอีกเหรอ”

คาซึยะสีหน้าเหมือนคนไม่สบาย “ขอโทษนะวันนี้ฉันขอตัวก่อนละกัน …..” ลุกออกมาเลย

ทุกคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย จินรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา มีอะไรรึเปล่านะ

วันนี้ลมแรง เหมือนกับว่าจะมีพายุเข้ายังไงยังงั้น คาซึยะเดินมาที่ชายหาด ไม่ได้เดินกลับที่

หอแต่เดินไปอีกทาง เรื่อยๆแบบไร้จุดมุ่งหมาย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แค่ไม่อยากอยู่ตรง


นั้น ร้องไม่ออกจริงๆ ไม่ใช่ไม่อยากร้อง แต่ร้องไม่ออก ขี้เกียจสู้สายตาทุกคน ขี้เกียจตอบคำ

ถาม ทำอะไรได้บ้างนอกจากหนี ลมพัดรุนแรง ผมเส้นเล็กนุ่มสีน้ำตาลเข้มปลิวลู่ไปข้างหลัง

คาซึยะต้องหรี่ตาลง คิดถึงอดีตขึ้นมาอีกจนได้ ครั้งสุดท้ายที่ร้องเพลง คือวันที่มีงานศพ

 “I WILL REMBER YOU” หลังจากเพลงนั้นจบ ไม่มีทั้งน้ำตา และเสียง เค้าพูดไม่ได้เป็นเวลา

3 เดือนไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าชมรมอีกเลย ต่อมาก็ออกจากรร. ย้ายรร.

ใหม่ ฆ่าตัวตาย แล้วก็ย้ายรร.ใหม่ ทำเป็นวัฎจักร มาสิ้นสุดที่นี่

การกลับไปร้องเพลงอีกครั้งเป็นเรื่องที่เค้ากลัว กลัวอดีต กลัวความทรงจำที่จะหลอกหลอน

เค้าจะทำยังไงได้นะ เนคไทที่ถอดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ โดนลมพัดจนปลิวหลุดไป คาซึยะ

พยายามหันมาจะเก็บ แล้วมันก็ปลิวออกไป มือขาวๆของใครบางคนจับเอาไว้ให้ ร่างสูงผม

ยุ่งๆกระจายตามแรงลม รอยแผลที่หน้าผากหายสนิทไม่มีรอยเหลือแล้ว


จินยิ้มสดใสเหมือนเด็กๆ “ตามมากันทำไม กลัวฉันจะหนีไปตายรึไง!!”

 คาซึยะพูดจาแบบเดิมๆ จินฟังจนเบื่อ

 “ก็บอกว่าเลิกคิดไปตั้งนานแล้ว เจ้าพวกนั้นมันบ้า มันอยากออกมาดูทะเลกันต่างหากหล่ะ”

โคคิ จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ วิ่งไล่จับกันที่หาดทราย

รู้ดีว่าเป็นห่วงกัน เลยตามมา อดจะยิ้มไม่ได้ “เจ้าพวกนี้มันบ้ากันจริงๆนะแหละ!!”

จินมองดูร่างผอมบางนั้น อะไรบางอย่างยังหลอกหลอน ยังครอบงำจิตใจ อีกนานแค่ไหนถึง

จะยอมเปิดใจ คาซึยะวิ่งไปรวมกับเพื่อนๆ จินที่เดินตามมา ข้างหลัง ได้แต่เฝ้ามองดู พูดมาก

ขึ้น หัวเราะออกมาได้ แต่รอยแผลที่เห็นได้ชัดที่ข้อมือ อะไรกันจะช่วยให้มันจางไปได้ มัน

เป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีวันลบไปได้เลยรึไงนะ

อยู่ดีๆฝนก็เทกระหน่ำลงมาไม่รู้เรื่องทุกคนวิ่งหนีฝนเหมือนเด็กๆ

ตัวเปียกปอนกันไปหมด ยูอิจิจึงชวนให้ไปที่บ้านซึ่งสามารถวิ่งขึ้นมาจากหาดตรงนั้น


“ยอดไปเลยบ้านนากามารุเป็นที่อาบน้ำสาธารณะเหรอเนี้ย”

คาซึยะท่าทางแปลกใจที่สุด โคคิที่ถอดเสื้อเสร็จแล้วมองหน้าคาซึยะ

“อะไรอย่าบอกนะว่า นายไม่เคยเข้าห้องอาบน้ำรวมแบบนี้มาก่อนนะ” คาซึยะพยักหน้า

“ก็ทำไมหล่ะ” โคคิยิ้มเยาะ”คุณหนูสุดยอดเลย” คาซึยะฉุนขึ้นมานิดหน่อย

“ใครจะเหมือนนายหล่ะ ห้องเช่าเล็กแค่นั้น ไม่มีห้องน้ำในตัวก็ได้มาอาบบ่อยๆนะสิ”

จินที่เตรียมตัวเรียบร้อย เดินมาลากทั้งคู่ให้ไปอาบน้ำได้แล้ว

“ไปอาบน้ำกันเถอะน่า เดี๋ยวได้เป็นหวัดกันหมดนี่หรอก”

“ซ่าส์” เสียงน้ำแตกกระจาย ยูอิจิรีบตะโกนด่าออกมาทันที

“นี่ๆ ถึงไม่มีคนก็ห้ามมากระโดดน้ำเล่นเข้าใจมั้ย เดี๋ยวแม่มาตบหัวเอาหรอกพวกแกนี่!!”

จินที่โผล่ขึ้นมา จากการกระโดดน้ำกับโคคิหัวเราะกันใหญ่

“ไม่เป็นไรน่า นิดเดียวเอง นานๆจะได้มาอาบน้ำด้วยกันทีเนอะ” ทุกคนพยักหน้าตามๆกัน

แกล้งยูอิจิ “เออๆ จ่ายมาเลยค่าเข้าอาบน้ำทุกคนนะ” พูดพร้อมทำท่าแบมือ โคคิเอาถังน้ำ

ครอบหัวยูอิจิ “เอ้า !!เอาไป “ ทุกคนหัวเราะไปตามๆกัน แล้วก็เริ่มเล่นน้ำกันเป็นเด็กๆ

จุนโนะไม่ได้ไปเล่นกับคนอื่นๆ แค่แช่น้ำเฉยๆ คาซึยะเองก็เหมือนกัน คาซึยะหันหน้าไปก็เห็น

รอยแผลเป็นที่แผ่นหลังกว้างขาวของจุนโนะ เป็นแนวยาว ท่าทางสนใจจนจุนโนะรู้สึกตัว

“รอยดาบไม้น่ะ ตอนเด็กๆดื้อ พ่อก็เลยใช้ดาบไม้ตี ตอนนั้นแตกเลย เป็นแผลเป็นจนทุก

วันนี้”จุนโนะเล่าให้ฟังยิ้มๆ คาซึยะพยักหน้า ตั้งแต่โตมาจนป่านนี้ เค้ายังไม่เคยโดนพ่อตีสัก

ครั้ง แค่ตีมือเบาๆยังไม่เคย อาจจะเพราะไม่สนใจเลยละมั้ง แม้แต่เวลาเจอกันยังแทบไม่มี

สลัดความคิดทิ้งไปหันไปคุยกับจุนโนะต่อ “พ่อท่าทางเข้มงวดนะ” จุนโนะบิดผ้าขนหนูเอาขึ้น

มาเช็ดหน้าหยดน้ำเปียกผมไหลผ่านบ่าเรียบลื่นไปจนถึงแผ่นหลังตามแนวแผลนั้น

 “มากด้วย ไม่ใช่เข้มงวดธรรมดา ตั้งแต่พี่ชายหนีออกจากบ้านไปน่ะ” คาซึยะไม่อยากจะถาม

ต่อ กลัวว่าจะล้วงลึกจนเกินไป เจ้าตัวอาจไม่อยากเปิดเผย จิน โคคิ ยูอิจิ และทัตซึยะ


หน้าแดงเพราะแช่น้ำร้อนไปด้วยเล่นกันไปด้วยอีก แม่ยูอิจิเรียกให้ทุกคน ขึ้นได้แล้ว

เพราะแช่กันนานกว่านี้ มีหวังป่วยกันแน่ๆ

ครอบครัวยูอิจิเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉาจริงๆ คุณพ่อคุณแม่ท่าทางใจดี ไม่สงสัยสักนิด ที่ยูอิจิ

เป็นคนอารมณ์ดี สดใสร่าเริง พื้นฐานครอบครัวดี ส่งผลถึงจิตใจที่ดีด้วย

จินถึงได้ว่า ปีกของยูอิจิแข็งแรงดีที่สุด

จินกับคาซึยะเดินกลับหอพร้อมๆกัน ท้องฟ้าหลังฝนดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด

ดูสวยงามแบบที่โตเกียวหาดูไม่ได้ “สนุกมั้ย การเข้าห้องอาบน้ำสาธารณะครั้งแรกน่ะ”

คาซึยะพยักหน้า

“สนุกสิ ที่นี่ดีนะ น่าอิจฉาคนที่เกิดที่นี่ อะไรก็สวยงามไปหมด ท้องฟ้ามีดาวมากกว่าใน
โตเกียว มีทะเลสวยๆ มีหาดทรายสะอาด ผู้คนใจดี “

“นายก็อยู่ที่นี่แล้วไงหล่ะ” คาซึยะหันไปมองจินที่ตอนนี้แหงนหน้าดูท้องฟ้าเหมือนๆกัน

 “อืม จริงด้วยฉันอยู่ที่นี่แล้วนี่นะ”

“ทุกคนที่นี่ก็ยินดีรับฟังทุกอย่างนะ นายมีเรื่องอะไรที่อยากจะเล่าก็เล่ามาได้ทุกเมื่อเลย”

ได้ยินแค่นั้นก็เอามือข้างนั้นล้วงกระเป๋าให้ลึกที่สุด ก่อนซอยเท้าถี่ๆเข้าหอไป

 จินเดินคอตกๆตามมา พูดกันขนาดนี้แล้ว ยังไม่ยอมเปิดใจกันอีกรึไงนะ

ทำยังไงถึงจะเปิดปากได้

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ คาซึยะตื่นสายมาก พอจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็เดินไปที่ห้องจิน

เคาะ2-3ทีไม่มีเสียงตอบ ลองบิดลูกบิดดู ล็อคนี่นา!! ไม่อยู่ไปไหนกันนะ ทำไมไม่บอกกันบ้าง

เลย เดินกลับไปที่ห้อง ไม่มีอะไรทำเอาเนื้อเพลงขึ้นมาดู อยากจะร้องจริงๆแต่ร้องไม่ออก

ได้ยินเสียงเอะอะ ข้างล่าง ชะโงกหน้าออกทางหน้าต่างหัวเตียง

“เฮ!! ไปเที่ยวกันป่าวไปขี่จักรยานกัน” โคคิ ยูอิจิ ทัตซึยะ พร้อมหน้ากันข้างล่าง

 คาซึยะเกาหัวงงๆ แต่ก็เดินลงมาหาทั้งหมด “จินไม่อยู่หรอก พวกนายกลับไปเถอะ”

“รู้แล้วว่าอาคานิชิไม่อยู่ พวกเรามาชวนคาเมนาชินะแหละ”ทัตซึยะพูดยิ้มๆ

 “จินบอกพวกนายเหรอเค้าไปไหนน่ะ? “ ยูอิจิรีบแทรกออกมา

“ไปเยี่ยมญาติที่โตเกียวละมั้ง เนี้ยกลัวว่านายจะเหงานะเนี้ย เลยมาชวนไปเที่ยว”

 “ไปเถอะน่า เนี้ย ฉันจะปั่นให้คุณชายอย่างนายนั่งสบายๆเลยน้า คนอย่างโคคิเนี้ยปั่นจักรยาน
ให้นั่งเชียวนะ”

คาซึยะได้ยินก็ขำออกมา “ก็ได้ !! ไปก็ไป”

“แน่ใจเหรอว่าทำแบบนี้ดีแล้ว ถ้าเกิดเจ้าตัวเค้าไม่อยากให้รู้หล่ะ”

จุนโนะบ่นขณะที่อยู่บนรถไฟมุ่งหน้าไปโตเกียว จินนั่งนิ่งไปสักพัก

“ก็ฉันไม่รู้จะทำยังไงนี่นา ถ้าเกิดจู่ๆเจ้านั้นตายไป ฉันคงถือว่ามันเป็นความผิดของฉันเต็มๆที่

ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” จุนโนะโยกไหล่ไปมา

“นายหล่ะน้า เป็นคนดีจริงๆ แล้วผลสุดท้าย….” “อะไรอะไรก็หัวหน้าห้อง!!”

จินจงใจพูดออกมาพร้อมๆกับจุนโนะ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกัน

“แล้วนายจะไปที่บ้านรึเปล่าหล่ะ “ จุนโนะถามขึ้นมา “

ไม่หล่ะ ฉันโทรไปมาแล้วพ่อเค้าไปต่างประเทศ คิดว่าจะไปที่รร.นะ “ จุนโนะหน้าเหรอ

“ไปทุกรร.เลยเหรอ เจ้านั้น ย้ายรร.เป็น10นะ “

 “ไปที่แรกก่อน ที่หมอนั้นอยู่ตอนม.ต้น ถ้าได้เรื่องที่นั้น ที่อื่นก็ไม่จำเป็นต้องไปแล้วหล่ะ”

“ไหนบอกว่าจะให้นั่งจักรยานสบายๆไงหล่ะ”

คาซึยะบ่นออกมา ผิวขาวเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดออกมา ปลายผมเปียกเหงื่อจนโชก

 “เออ ก็ขึ้นเขานี่ ใครจะปั่นขึ้นได้หล่ะ แล้วตัวเองก็เดินตัวเปล่าแท้ๆ พวกฉันสามคนต้องจูง

จักรยานนะเฟ้ย อย่าบ่นมากจะได้มั้ย”

คาซึยะเข้าใจเลยที่บอกให้เตรียมผ้าขนหนูมาเพื่ออะไร

เอามือเอื้อมไปดึงผ้าขนหนูจากเป้ข้างหลัง ผูกผ้าเข้ากับคอดึงปลายผ้ามาเช็ดหน้าเป็นระยะ

มองไปข้างทาง ดอกไม้กำลังบานหลังจากฝนตก สีเขียวสดแซมด้วยดอกหญ้าเล็กๆหลากสี

สวยงามไม่มีที่ติ เจ้าพวกนี้เข้าใจหาที่เที่ยวนะ นอกจากทะเลก็ยังมีภูเขาด้วย เมืองนี้ถึงจะห่าง

ไกลความเจริญ แต่มีความงดงามแบบที่หาไม่ได้ที่ไหน

“แล้วนี่เราจะไปไหนกันน่ะ” คาซึยะถามออกมาอย่างอารมณ์ดี

“ข้างบนมีลำธารเล็กๆแล้วก็น้ำตกด้วยนะ สวยมากเลย เราจะไปพักกินข้าวบนนั้นแหละ”

ทัตซึยะเป็นคนตอบ “แล้วใครทำข้าวกลางวันมา หวังว่าคงไม่ใช่พวกนายน่ะ”

คาซึยะทำหน้าแบบไม่ไว้วางใจ ถ้าเจ้าพวกนี้ทำกันมาเองจะกินได้มั้ยเนี้ย

“ไม่ต้องห่วง พระมารดาข้าพเจ้าเตรียมมาให้แล้วสบายใจได้!!”

ยูอิจิเอามือตบๆที่ท้ายจักรยานมีตระกร้าใบใหญ่ใส่ของกินมาพร้อม ถึงทางราบแล้วโคคิเรียก

ให้คาซึยะมานั่งซ้อนท้ายต่อได้ “เอ้าท่านชาย มานั่งต่อได้แล้วขอรับ”

คาซึยะยิ้มๆก่อนไปนั่งหันหลังซ้อนท้ายโคคิ

แสงแดดยามสายส่องแทรกร่มไม้ภายในป่าลงมา คาซึยะหลับตาลง เอาหัวพิงหลังโคคิ

 โคคิไม่ได้ว่าอะไรยังคงปั่นจักรยานต่อไป รู้สึกสบายใจ นานแค่ไหนที่ไม่ได้ออกมาเที่ยวแบบ

นี้นะ นานจนจำไม่ได้เลย…..

“คาเมนาชิ คาซึยะ…..” อาจารย์ทวนชื่อ แล้วทำหน้าแบบไม่อยากจะพูดถึง

 “เด็กคนนั้นละก็ คงต้องให้อาจารย์คาเนชิโร่ดูเรื่องให้ละมั้ง”

ชี้บอกทางให้จินกับจุนโนะไปที่ห้องดนตรี ทั้งคู่ก็มาถึงห้องดนตรี มีเด็กยังซ้อมดนตรีกันอยู่

อาจารย์หนุ่มท่าทางใจดี คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ อาจารย์หันมามอง ทั้งคู่ก็โค้งให้อย่างสุภาพ

“คาเมนาชิเหรอ เค้าออกจากรร.ไปกลางเทอมน่ะ”

 อาจารย์พูดออกมาหน้าตาเหรอๆ ทั้งจินและจุนโนะพยักหน้าพร้อมๆกัน

 “เอ่อ คือว่าเค้ามีปัญหาอะไร อาจารย์พอจะรู้บ้างมั้ยครับ”

“พวกเธอเป็นเพื่อนใหม่เค้าเหรอ เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย?”

กลับเป็นอาจารย์ที่ถามกลับ

“ยังมีชีวิตดีอยู่ครับ แต่ว่าพวกเราไม่รู้เลยว่าเค้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า ถ้าอาจารย์รู้ก็ช่วยบอก
พวกผมด้วยนะครับ”

อาจารย์พยักหน้าก่อนหันไปบอกให้เด็กๆเลิกซ้อม

แล้วจึงหันมาพูดเรื่องที่รู้ทั้งหมดให้จินกับจุนโนะฟัง

อาจารย์เดินไปเปิดตู้เก็บรางวัลเกียรติบัตรต่างๆ แล้วคว้าอัลบั้มภาพออกมาเล่มหนึ่ง

เปิดออกแล้วกางให้จินกับจุนโนะดู

ภาพคาซึยะ ช่วงม.ต้นท่าทางร่าเริง

ถ่ายคู่กับเด็กผู้ชายอีกคนท่าทางโตกว่า3-4ปีมีรอยยิ้มน้อยๆ ทั้งคู่ดูรูปแล้วก็เงยหน้าขึ้นมอง

เหมือนตั้งคำถาม อาจารย์ชี้ให้ดูที่ใต้รูปเขียนชื่อไว้ว่า

“คาเมนาชิ คาซึยะ ฮิเดอากิ ทากิซาว่า”

“นี่เป็นรูปของคาเมนาชิ ถ่ายคู่กับพี่ชายไงหล่ะ….”

ทั้งจินกับจุนโนะงง พอๆกัน คาซึยะมีพี่ชายด้วยเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ก็ไม่เท่ากับที่ ทั้งคู่

ใช้นามสกุลต่างกันอีกด้วย “เป็นพี่น้องกันทำไมนามสกุลต่างกันหล่ะครับ”

จุนโนะถามออกมาด้วยความสงสัย

“อันนี้อาจารย์ก็ไม่รู้นะ แต่ว่า คาเมนาชิใช้นามสกุลของพ่อ ส่วนฮิเดอากิใช้นามสกุลของแม่ ทางบ้านเค้าคงตกลงอย่างงั้นละมั้ง “

“เออ แล้วตอนนี้พี่ชายเค้าไปเรียนที่ไหนหล่ะครับ พอจะติดต่อได้ไหม!!”

จินถามเอาไว้ เผื่อว่าเสร็จจากที่นี่จะได้ไปหาพี่ชายคาซึยะต่อ อาจารย์นิ่งไปนิดหน่อย ขยับ

กรอบแว่นตาก่อนพูดออกมา

“เมื่อ 2 ปีก่อน ฮิเดอากิเสียชีวิตไปแล้ว กระโดดตึกฆ่าตัวตายที่นี่แหละ ที่สำคัญเค้ากระโดด

ลงมาต่อหน้าคาเมนาชิด้วย….”

จินรู้สึกเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย

พี่ชายคาซึยะตายไปแล้ว…. ฆ่าตัวตาย……ต่อหน้าคาซึยะอีกด้วย

“อ้าวอะไร !!ตะเกียบหักรึไงน่ะ เดี๋ยวนี้ตะเกียบใช้แล้วทิ้งไม่มีคุณภาพเล้ย”

ยูอิจิบ่นๆ ก่อนยื่นอันใหม่ให้คาซึยะ คาซึยะมองตะเกียบหักนั้นนิดหน่อยก่อนโยนมันทิ้งไป

อยู่ดีๆก็หักจะมีเรื่องไม่ดีอะไรรึเปล่านะ ไม่คิดดีกว่าแล้วก็หันไปเฮฮากับทุกคนต่อ

“2คนพี่น้องนะรักกันมากเลย เป็นเด็กเก่งทั้งคู่ พี่ชายเค้ามีพรสวรรค์ทางการร้องเพลงน่าดู
ส่วนน้องชายเห็นพี่ก็ทำตาม ถึงไม่ได้มีพรสวรรค์ แต่ก็ตั้งใจจนฝีมือเทียบเท่ากัน แต่ถ้าพูดถึง
นิสัยแตกต่างกันลิบลับเลยนะ ฮิเดอากิเป็นคนใจเย็นอ่อนโยน แต่คาเมนาชิเป็นคนแข็งๆ ออกก้าวร้าวนิดหน่อยถึงจะอ่อนกว่า แต่ก็ปกป้องพี่ชายได้ มีเรื่องก็หลายครั้ง ออกจะเป็นเด็กน่ากลัว มีอยู่ครั้งนึง ฮิเดอากิมีเรื่องกับเพื่อนในห้อง ก็รู้อยู่ว่าเด็กม.ปลาย กับเด็กม.ต้นต่างกันขนาดไหน แต่คาเมนาชิก็ไม่ยอมแพ้ วันต่อมาก็ไปเอาปืนมาจากไหนไม่รู้ มาจ่อหัวคนที่มีเรื่องกับพี่เค้า ตอนนั้นวุ่นวายกันมากเลย แต่บ้านเค้ารวยใช้เงินปิดเรื่องไปได้”

จินกับจุนโนะพอจะเข้าใจสภาพการณ์เคยเห็นอาการแบบนั้นมาบ้างแล้ว คราวเรียวตะ


 “เอ่อ แล้วสาเหตุที่พี่เค้าฆ่าตัวตายพอจะรู้บ้างมั้ยครับ!! “

จินรีบถามให้ตรงประเด็นที่สุด หน้าอาจารย์นิ่งๆไปอีกครั้ง

“คือว่านะอาจารย์ก็ไม่รู้ละเอียดหรอก รู้แต่ว่าเหมือนพี่น้องเค้าทะเลาะเรื่องอะไรสักอย่าง แค่

นั้น แต่ที่น่ากลัวกว่าก็คือ…..”
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 08-02-2007 19:34:15
อาจารย์อ้ำอึง เหมือนไม่อยากพูดซะอย่างงั้นจินกับจุนโนะพูดออกมาพร้อมกัน
 
“อะไรเหรอครับ”

“ก็คนที่อยู่กับ ฮิเดอากิเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะโดดลงมาก็คือคาเมนาชิใช่มั้ย หลังจากที่ฮิเด

อากิโดดลงมาแล้ว คาเมนาชิก็เดินลงจากตึก สายตาเยือกเย็น ไม่มีอาการตกใจหรือหวาด

กลัวสักนิด น้ำตาสักหยดก็ไม่มี ได้ยินแค่เสียงบ่นเบาๆ ตลอดเวลา บ่นว่า เค้าเป็นคนผลัก ฮิ

เดอากิลงมา ตลอดเวลา ซึ่งตอนนั้นอาจารย์เองก็เชื่อนะว่า คาเมนาชิเป็นคนทำน่ะ แต่ทาง

ตำรวจเค้ายืนยันว่า เป็นการฆ่าตัวตาย จริงๆ”


จุนโนะหันมามองหน้าจิน ตอนนี้นิ่งสงบ ไม่ทีท่าอะไรตอบสนอง

จุนโนะส่ายหัวนิดหน่อยก่อนตั้งใจฟังเรื่องต่อไป

“หลังจากนั้น คาเมนาชิก็ป่วย ใครๆก็ว่าเป็นอาการทางจิต เค้าไม่พูดอะไรเลย แม้สักคำเดียว
เป็นเวลา3เดือน แล้วก็ฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้น พ่อก็จับเค้าย้ายรร.ไป อาจจะต้อง
การให้พ้นสภาพแวดล้อมเดิมๆก็ได้มั้ง หรืออาจจะหลบข่าวเรื่องฆ่าตัวตายด้วย เรื่องทั้งหมดที่
อาจารย์รู้ก็มีเท่านี้หล่ะ“

หนักเหลือเกินเรื่องราวที่ได้รู้ เข้าใจจิตใจที่บอบช้ำของคาซึยะอย่างเต็มที่ การตายต่อหน้า

เปรียบเหมือนเป็นความผิด แสนสาหัส เฝ้าแต่โทษตัวเองมาตลอดเลยใช่มั้ยว่า

ที่พี่ชายตายไปเพราะตัวเค้าเอง เค้าเป็นคนผิดเหรอ

จินเองก็ไม่เข้าใจนัก ทั้งคู่มีเรื่องอะไรกันแน่

“เออ แต่ว่าถ้าอยากรู้เรื่องเพิ่มก็ลองไปถามคนคนนี้ก็ได้ เค้าเป็นเพื่อนสนิทของฮิเดอากิน่ะ “

เปิดอัลบั้มภาพไปอีก2-3หน้า รูปถ่ายทากิซาว่าข้างเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนนึง

“เค้าเป็นเด็กเล่นเปียโนให้ชมรมน่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาลัยดุริยางค์ศิลป์ เดี๋ยวจะหาที่อยู่ให้นะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะอยู่รึเปล่า”

จินกำที่อยู่ในมือแน่น เรี่ยวแรงที่จะไปที่ต่อไปแทบไม่มี
 
จุนโนะหันหน้ามามองด้วยความเป็นห่วง

”ไปต่อไหวมั้ย” จินพยักหน้า ก่อนเงยหน้าขึ้นไปที่ตึกสูงๆที่เพิ่งออกมา

มองจากตรงนี้ แสงแดดรุนแรงจนตาแสบพล่าไปหมด คนที่ตัดสินใจโดดลงมาจะมีความรู้สึกแบบไหนกัน นานแค่ไหนกว่าจะถึงพื้น เจ็บปวดขนาดไหนกว่าจะตาย……..อะไรกันที่ทำให้

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น

“เอ๋!! หลับไปแล้วนี่นา เหมือนเด็กๆเลย”

ทัตซึยะชะโงกหน้ามาดู คาซึยะเหนื่อยจนหลับไป เท้ายังแช่อยู่ในน้ำในลำธาร

“อืม ดีแล้วหล่ะปล่อยให้หลับไปเถอะ” ยูอิจิเก็บกล่องข้าวลงตระกร้าหันมายิ้มให้ทัตซึยะ

โคคิที่เล่นโยนก้อนหินอยู่หันมามองแล้วก็ถอนหายใจ

 “ไม่รู้จินจะได้เรื่องอะไรกลับมาบ้างรึเปล่า” ยูอิจิกับทัตซึยะพยักหน้าพร้อมๆกัน

โคคิ เดินเข้ามาใกล้คาซึยะที่ตอนนี้นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอะไร หลับตานิ่งๆขนตายาวไม่

เคลื่อนไหว แก้มขาวมีสีเลือดฝาดเพราะแสงแดดและการปีนขึ้นเขามาวันนี้

หัวที่นอนพาดอยู่บนขอนไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ท่าทางจะแข็งจนเกินไป

โคคิดึงเป้เอาไปยัดให้แทนที่ ขยับหัวไปมานิดหน่อยก่อนซุกหัวลงที่เป้หลับต่อไปอย่างมี

ความสุข ……ถ้าชีวิตหยุดแค่ตรงจุดนี้ ความสุขตอนนี้คงไม่หลุดลอยไปไหนแน่ๆ

chapter 7 end
to be con..........


หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 08-02-2007 20:39:04
ความสุข ……ถ้าชีวิตหยุดแค่ตรงจุดนี้ ความสุขตอนนี้คงไม่หลุดลอยไปไหนแน่ๆ

แต่ถ้าชีวิตก้าวไปเรื่อย ๆ อาจจะมีความสุขใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต และความสุขในตอนนี้ก็จะกลายเป็นความทรงจำที่ประทับในใจตราบนานเท่านาน

ขอบคุณที่มาต่อให้ค่ะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: suregirl ที่ 13-02-2007 15:00:12
ยังไม่ได้อ่านเลย มาเม้นให้ก่อนเป็นกำลังใจ  :yeb:
เดี๋ยวอ่านนะ  :haun6:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 21-02-2007 21:51:25

สอบใกล้จะเสร็จแล้วงับ แอบดีใจ  :laugh: ตอนนี้มีนิยายใหม่ๆมาเต็มเลยอ่ะ  ป๋มอยู่บอร์ดนี้มา ได้ 2เดือนกับอีก21

วันแล้วรู้สึกว่าคนในบอร์ดไม่ค่อยสนใจนิยายเพ้อฝัน จะชอบนิยายที่เป็นเรื่องเล่าและชีวิตจริงของตัวเองกันมากกว่า  ป๋ม

ก้อชอบอ่านนะ สนุกดี  ส่วนเรื่องเพ้อฝันไม่ค่อยจะมีใครสนใจมากนะ (แอบน้อยใจ :monkeysad:)

 แต่เรื่องเพ้อฝันของป๋มจะลงให้จบนะงับ ขอบคุณคอมเม้นขาประจำนะงับ  ถึงไม่อ่านแต่ก้อยังมาให้กำลังใจ

กัน  :laugh:  มาอ่านต่อกันดีก่าเนอะ ไปอ่านกันเลยคร๊าบบบบบบ :yeb:


หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 21-02-2007 22:02:24
รอคับรอ  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 21-02-2007 22:05:01
chapter8

“อิมาอิ มีเด็กท่าทางแปลกๆมาหา2คนแนะ”เพื่อนนักศึกษาเดินเข้ามาเรียกซึบาสะ ที่กำลังคร่ำเคร่งกับการทำรายงานกองโตในห้องสมุด ขยับแว่นสายตาขึ้นคาดผม ดวงตาคมคายเหมือนแมวมีแววสงสัยย้อนคำพูดเพื่อนอีกครั้ง “เด็กแปลกๆ….”

เดินออกมาจากห้องสมุด โยกคอไปมาเพราะความเมื่อย จินกับจุนโนะรีบลุกขึ้นโค้งให้อย่างสุภาพ

 ซึบาสะทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้าตอบรับไป

“เป็นเพื่อน คาซึยะเหรอ?” ท่าทางตกใจไม่น้อย “ตอนนี้หมอนั้นเป็นไงบ้าง เอ่อ คงมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย!!”คำถามแบบเดิม

เหมือนกันจริงๆ ทุกคนคงคิดว่าคาซึยะ ไม่มีชีวิตอยู่แล้วทั้งนั้นรึไงนะจินกับจุนโนะพยักหน้าตอบรับ

“ตอนนี้เจ้านั้นอยู่ที่ไหนกัน ช่วยพาฉันไปหาทีสิ ได้มั้ย!! “ ซึบาสะท่าทางดีใจ เขย่าแขนทั้งจินและจุนโนะอย่างแรง

 “อะ..เอ่อจะดีหรือครับ ที่เรามาสืบเรื่องเค้าตอนนี้ เจ้าตัวก็ยังไม่รู้เลยนะครับ!!” จุนโนะรีบแย้งขึ้นมาทันที

 “หือ !! ทำไมหล่ะ มีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า ?“

จินเล่าเรื่องเรียวตะที่เกิดขึ้นที่รร.ให้ฟัง ซึบาสะฟังไป ท่าทางครุ่นคิด

 “เรื่องที่คิดจะฆ่าตัวตายยังไม่เลิกอีกงั้นเหรอ พวกนายเห็นท่าทางบ้าเลือดแบบนั้นก็เลยกลัวขึ้นมาว่างั้นเถอะ “

 จินและจุนโนะพยักหน้าพร้อมกัน

“ปกติเจ้านั้นก็เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วหล่ะ ถึงจะไม่มีเรื่องการตายของทากิซาว่าเข้ามาเอี่ยวก็เถอะ ที่สำคัญคาซึยะชอบ
ทะเลาะกับที่บ้านเป็นประจำอยู่ด้วย ถ้ามีทากิซาว่าอยู่ก็ยังพอช่วยให้เรื่องพอจะดำเนินไปได้ แต่ว่าตั้งแต่ทากิซาว่าตายไป สถานการณ์ ก็คงดูไม่จืดน่ะสิ คุณลุงเองก็เป็นคนเฉยๆซะด้วย”

“แล้วพ่อของคาซึยะไม่สนใจคาซึยะเลยเหรอครับ” จินเอ่ยถาม ซึบาสะเอามือลูบคางไปมาใช้ความคิด

“ไม่นะไม่ใช่ไม่สนใจ สนใจมากแต่ว่า คาซึยะชอบทำตัวเป็นศัตรูกับพ่อมากกว่า ไม่รู้ทำไม แล้วท่านก็มีงานเยอะซะด้วย
เวลาจะมาอยู่ด้วยกันนี่คงไม่มีอยู่แล้วหล่ะ”

“แล้วพี่อิมาอิพอจะรู้เรื่องที่ทั้งสองคนทะเลาะกันบ้างมั้ยครับ ระหว่างพี่ฮิเดอากิกับคาเมนาชิ” จุนโนะรีบจับประเด็น

“ตอนนั้นเหรอ ไม่เข้าใจเท่าไหร่ ทากิซาว่าช่วงนั้นแปลกๆไปเหมือนกัน อยู่ๆดีก็ดูเศร้าจนผิดปกติไป คาซึยะก็ไม่ค่อย
สนใจด้วย เหมือนมีเรื่องกันจริงๆนะแหละ หลังจากนั้นทากิซาว่าก็ตาย แล้วก็มีเรื่องต่างๆตามมาเท่าที่นายรู้มาจากอาจารย์นั้นหล่ะ”

ไม่ว่าจะอาจารย์หรือซึบาสะ ก็ได้รู้เรื่องไม่ต่างกันเลย อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เกิดเรื่อง ผลสุดท้ายก็ยังไม่รู้ได้ ซึบาสะให้

เบอร์ติดต่อเอาไว้ จินกดเมมเอาไว้ในโทรศัพท์ก่อนเก็บลงกระเป๋า

จุนโนะเอาหน้าพิงข้างกระจกรถไฟ ระหว่างทางกลับบ้าน

 “เจ้านั้น คงทรมานนะ อยากตายก็ไม่ได้ตาย ต้องทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้น เป็นฉันก็อยากตายเหมือนกันแหละ ทะเลาะกับพี่จนพี่ฆ่าตัวตายน่ะ “

จินเอาหัวพิงที่นั่งกระพริบตาถี่ๆ

 “ ไม่หรอก บางทีที่พี่ฆ่าตัวตายไปมันอาจจะไม่ใช่ความผิดของคาซึยะก็ได้ มันยังคงมีเรื่องอย่างอื่นอีกที่เราไม่รู้”

ซึบาสะดีดดินสอกระเด็นไปมา ไม่มีอารมณ์ทำรายงานเลย เรื่องเพื่อนเก่าวนเวียนมาในสมองอีกครั้ง ทากิซาว่ารักน้องชาย

ยังกับอะไรดี คาซึยะก็เหมือนกัน รักกันมากจนบางทีซึบาสะ รู้สึกเหมือนว่ามันมากเกินไปด้วยซ้ำ

“นี่ฉันว่าน้องนายมันจะน่ากลัวไปแล้วนะ ดีนะที่ปืนมันไม่ลั่นน่ะ เด็กอายุ 14 ที่ไหนบ้างเค้าทำแบบนี้ มันน่ากลัวเกินไป
แล้ว”

ซึบาสะพูดเตือนออกมาหลังจากเกิดเหตุการณ์คาซึยะเอาปืนมาขู่เพื่อนร่วมห้องของเค้า

“ไม่ใช่น่ากลัว เพราะคาซึยะรักฉันมาก ถึงทำลงไป เค้าเป็นเด็กทำไปก็เพื่อปกป้องฉัน “

ทากิซาว่าพูดออกมาน้ำเสียงเรียบๆ

“อืม รักกันขนาดนี้ เกิดใครตายขึ้นมาไม่โลกแตกเลยรึไง “บ่นขึ้นมาลอยๆเท่านั้น

“ขึ้นอยู่กับว่าใครตายก่อนใคร ถ้าคาซึยะตายก่อนฉัน ฉันก็จะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่ๆ “

ซึบาสะได้ฟังก็ขำ เจ้านี่เป็นคนอ่อนไหวจริงๆแถมติดน้องสุดๆ

 “ แต่ถ้าฉันตายไปก่อน คาซึยะก็ต้องตาย!! ตามไปอยู่กับฉัน”

ซึบาสะได้เห็นแววตาตอนนั้น… ทั้งที่ทากิซาว่าเป็นคนที่ดูอ่อนโยนขนาดนั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีสายตาแบบนั้นได้ รู้สึกเหมือน

อยากให้คาซึยะตายตามไปจริงๆ ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่เคยเห็นทากิซาว่าน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน

ซึบาสะนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็ เดินไปลื้อๆข้าวของที่ตู้ มีลังกระดาษกล่องนึง พ่อของทักกิซาว่ามอบให้เค้าเพราะว่ามีโน๊ต

เพลงที่คิดว่าเค้าจะได้ใช้ประโยชน์ นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยแกะออกดู ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงนึกถึงมันขึ้นมา แกะกระดาษ

กาวออกช้าๆ ฉีกดูข้างใน สมุดโน๊ตหลายเล่ม

มีโน๊ตเพลงและเนื้อเพลงที่เคยใช้ในชมรม ไม่ได้สนใจรวมๆกันไว้เปิดดูไปเรื่อยๆ…….แล้วเค้าก็พบบางอย่าง

คาซึยะเดินหน้าตาสดชื่นเข้ามาในห้องของจิน จินที่ท่าทางเหนื่อยอ่อนหันมามองด้วยสายตาเศร้า แล้วก็ฝืนยิ้มออกมา แค่รู้

เรื่องของคาซึยะแค่นั้น การจะฝืนยิ้มก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน

“วันนี้ไปปีนเขามาสวยสุดยอดเลย ยิ่งตอนลงเขานะ โคคิบ้าสุดๆ เล่นขี่จักรยานลงไม่เหยียบเบรคเลย ดูรอยแผลนี่สิ ดีนะ
เนี้ยแขนไม่หักอีกรอบเจ้านั้นน่ะ”

 คาซึยะโชว์รอยแผลถลอกที่หัวไหล่ผอมบาง ยาวมาจนถึงข้อศอก ท่าทางไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อยๆ จิน อยากลูบหัว

เบาๆ แล้วจับมากอดเอาไว้ อะไรกันที่ทำให้เค้าสงสารคาซึยะจับใจ คงเป็นเรื่องของวันนี้นั่นเอง

 “รู้สึกดีก็ดีแล้ว ที่นั้นฉันก็ไปกับพวกมันบ่อยๆ ดีใจที่นายชอบ”

 น้ำเสียงดูเศร้าจนผิดไป คาซึยะรู้สึกได้ทันที

 “ นายมีเรื่องอะไรรึเปล่า ถ้าไม่สบายใจจะเล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ”

เค้าจะมีเรื่องอะไร คนถามนะแหละที่สมควรเล่า กลัวว่าจะผิดสังเกตมากไปกว่านี้

“อืม ไม่มีอะไรก็แค่เดินทางเหนื่อย ฉันไปอาบน้ำหน่อยก็แล้วกันนะ”

เดินไปเอามือผลักไหล่เบาๆ แสดงให้มั่นใจว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ

คาซึยะนอนลงที่เตียงของจินกลิ้งหัวไปมาอย่างสบายใจ มองเห็นโทรศัพท์จินวางทิ้งไว้ ไม่ได้เปิดเสียง แต่มันสั่นมีคนโทร

เข้านี่นา คาซึยะผุดลุกขึ้นเอื้อมมือไปหยิบ จะรับเองหรือเรียกจินดีนะ รับให้ก็คงได้ละมั้งแล้วบอกว่าจินอาบน้ำอยู่ ให้โทรมา

ใหม่ก็แล้วกัน ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวดีด้วย เปิดโทรศัพท์ออก หน้าจอโชว์ชื่อสายเรียกเข้า

 “-----IMAI TSUBASA-----“

ชื่อนี้มองปราดเดียวก็จำได้ ชื่อเพื่อนสนิทของพี่ชายเค้า ทำไมชื่อนี้มาอยู่ในโทรศัพท์ของจินได้ ไม่น่าจะบังเอิญกันขนาด

นี้ ในหัวคิดไปต่างๆนาๆ ก่อนกดรับสาย สายตาเยือกเย็น

“ฮัลโหล อาคานิชิเหรอ นี่ฉันอิมาอินะ เรื่องของคาซึยะนะ ตอนนี้ฉันเจออะไรบางอย่างแล้ว เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของทากิซาว่าที่นายมาถามวันนี้น่ะ เฮ ยังอยู่รึเปล่า เฮ…”

คาซึยะกดปิดมือถือ ลำคอตีบตัน หัวใจเต้นแรงแทบจะระเบิดออกมา จินโกหก!! ทุกคนรวมหัวกันโกหก ชวนเค้าไปเที่ยว

เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จินแอบไปสืบเรื่องของเค้าที่โตเกียว ทำเพื่ออะไร ขุดคุ้ยอดีตนั้นขึ้นมาอีก เพื่ออะไรกัน อยากรู้

มากนักรึไงความหลังที่อัปยศของเค้า เพราะไม่อยากให้รู้ถึงไม่บอก คิดว่าเชื่อใจได้ คิดว่าจะเป็นที่พึ่งทางใจ ยอมรับเค้า

ในตอนนี้ ไม่สนใจอดีตของเค้า คิดว่ามีความสุขจากตรงนี้ได้ ทำไม ทำไมต้องอยากรู้เรื่องนั้นด้วย หรือว่ากลัว ไม่กล้าที่จะ

คบคนแบบนี้ได้อย่างสนิทใจ เรียวมือผอมบางจิกเล็บลงที่ข้อมือข้างที่เคยถูกคมมีดมาแล้วนับไม่ถ้วน

จินออกมาจากห้องน้ำ หัวเปียกปอน เอาผ้าเช็ดไปมาละอองน้ำกระเซ็นมาโดนผิวหน้าที่ร้อนผ่าวของคาซึยะ จินเห็นคาซึยะ

นั่งตัวแข็งก็แปลกใจ

 “เป็นอะไรรึเปล่า นิ่งเชียว”

คาซึยะหันหน้ามามองจิน แค่นยิ้มจืดๆออกมา “วันนี้ ไปทำอะไรมาเหรอบอกฉันได้มั้ย” จินอึกอักขึ้นมาไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้น

บอกไปว่าไง ลืมนัดกันให้เรียบร้อย นึกแล้วก็อยากตบหัวตัวเองขึ้นมา

“ก็ธุระกับญาตินะ วุ่นน่าดู” ทั้งที่ถามออกไป ก็ยังโกหกกันอีก คาซึยะรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง การโกหกคือไม่ไว้วางใจ ทั้ง

ที่เค้าวางใจจิน แต่ทำไมจินถึงทำแบบนี้ได้ ลุกขึ้นเหมือนไร้วิญญาณ

“อืม งั้นฉันไม่กวนดีกว่า ขอตัวไปนอนก็แล้วกันนะ นายจะได้พักผ่อน” จินที่หัวโผล่พ้นผ้าขนหนูออกมาพยักหน้า “ อืมๆ”

จินเช็ดหัวจนแห้ง ตลอดเวลาก็คิดเรื่องคาซึยะไปเรื่อยๆแล้วก็ล้มตัวลงนอน จนลืมมองดูมือถือที่ถูกปิดเครื่องไป

“กริ๊ง กริ๊ง …”เสียงโทรศัพท์ของหอดังปลุกจินกลางดึก จินงัวเงียมารับ มองดูนาฬิกาที่หัวเตียง ตี3ครึ่ง

“จิน แกทำอะไรวะ ทำไมปิดมือถือหล่ะ!!”เสียงโคคิดังออกมาจากโทรศัพท์ จินยังงัวเงียงงๆ จำได้ว่าเค้าไม่ได้ปิดมือถือสัก

หน่อย ควานหาแล้วดู จริงด้วย ทำไมมือถือปิดหล่ะ

 “เออ โทษทีมีอะไรรึเปล่า มันดึกแล้วนะ”

“พวกฉันรู้เรื่องหมดแล้ว แล้วเมื่อกี้จุนโนะก็โทรมาบอกเรื่องบางอย่าง พวกฉันก็เลยมาหานายกัน เรื่องสำคัญมาก นายมา
เปิดประตูหอให้ทีได้มั้ย “

จินรับคำ ตาตื่นเต็มที่แล้ว เรื่องสำคัญขนาดไหนกันนะ มีอะไรเกิดขึ้นรึไง สีหน้าทุกคนดูไม่ดีเท่าไหร่นัก จุนโนะคงเล่าเรื่อง

ให้ฟังจนครบแล้วแน่ๆ

“เรื่องสำคัญอะไรหล่ะ “ จินถามทันที จุนโนะพูดออกมา

”ก็ยังไม่แน่หรอกนะ พี่อิมาอิบอกว่าอาจจะเป็นจดหมายลาตายของพี่ฮิเดอากิ ตอนนี้เค้าก็ยังไม่ได้แกะออกอ่าน เพราะจ่า
หน้าซองถึง คาเมนาชิ”

จินหน้าตาตื่น “หมายความว่าไง แล้วไปเจอที่ไหนกัน”

 “พี่เค้าบอกว่าอยู่ในข้าวของส่วนนึงที่พ่อเค้ายกให้ แล้วเผอิญพี่เค้าไม่ได้สนใจเปิดออกดูเลย ก็เลยไม่รู้มาตลอด2ปีน่ะ”

“ทำไมพี่เค้าไม่โทรบอกฉันนะ!!” จินรู้สึกแปลกใจ “ก็มือถือนายปิดนี่ “ ยูอิจิพูดขึ้นมา

“ไม่นะ พี่เค้าบอกว่าโทรมาแล้ว แต่นายตัดสายไปแล้วก็โทรไม่ติดอีกเลย แล้วเค้าถึงโทรถึงฉันตอนเที่ยงคืนน่ะ”

จุนโนะแย้งขึ้นมา จินส่ายหัวไปมาช้าๆ “ไม่น่านะ….” โคคิหยิบโทรศัพท์ของจินขึ้นมาเปิดดู หน้าจอแสดงหมายเลขสุดท้าย

ที่เรียกเข้า “มีเบอร์คนที่ชื่อ อิมาอิ ซึบาสะ เข้ามาจริงๆ ตอน 5ทุ่ม 15 นาที”

โคคิรายงานให้เพื่อนๆฟัง ทัตซึยะหน้าตาตื่น “ตอนนั้น อาคานิชิทำอะไรอยู่เหรอครับ” จินทบทวนความจำช้าๆ

“ตอนนั้น ก็อาบน้ำมั้ง” “แล้วใครเป็นคนรับสายหล่ะ รวมทั้งปิดมือถือนายด้วย” จุนโนะพูดหน้าตาตื่น จินสะดุ้งเฮือก คาซึยะ

อยู่ในห้องช่วงเวลานั้นพอดี คนที่น่าจะทำทั้งหมดก็มีแค่คาซึยะคนเดียว แล้วจะเป็นยังไงไปหล่ะ คาซึยะก็ต้องรู้เรื่องทั้งหมด

แล้วสิ รู้ว่าเค้าโกหก รวมหัวกับทุกคนหลอกคาซึยะ ตอนนั้นก่อนที่คาซึยะจะออกจากห้องไป คาซึยะถามเค้า เค้าก็เบี่ยงเบน

ไปตอบอีกอย่าง ทำไมเค้าไม่สังเกตอาการคาซึยะให้ดีๆ เค้าโกหกหน้าตาย ทำลายความเชื่อใจทั้งหมดที่คาซึยะมีให้ แล้ว

ตอนนี้คาซึยะจะเป็นยังไงบ้างนะ

จินรีบพรวดพราดไปที่ประตูหน้าห้อง ทุกคนก็ตามออกมา จินทุบๆแรง ไม่มีเสียงตอบออกมา ใจหายวูบ โคคิเดินมาทุบๆ

ต่อ จินรีบวิ่งไปที่ระเบียงปีนข้ามไปทันที กระแทกประตูระเบียง แม้แต่ประตูระเบียงก็ปิดสนิท ไม่เคยเป็นอย่างงี้มาก่อนผิด

สังเกตเกินไป พยายามมองเข้าไปข้างใน ไร้ประโยชน์ผ้าม่านปิดไว้ มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น




หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 21-02-2007 22:13:58
จินลนลานเหมือนคนบ้า “อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ” ทัตซึยะพูดออกมาให้จินสงบใจ จินส่ายหัวไปมา

 “งั้นก็พังเข้าไปเลยแล้วกัน ฉันจะช่วย!!” โคคิโพล้งออกมา แล้วทั้ง5 คนก็ช่วยกันพังประตูเข้าไป เงียบสนิท ในห้องมืดมิด

หน้าต่างตรงหัวนอน เปิดเอาไว้ ลมพัดแรงผ้าม่านปลิวว่อน แสงจันทร์สาดเข้ามาจากทางนั้น ทอดแสงไปที่หน้าคาซึยะ ที่

นอนบนเตียงท่าทางหลับสนิท

“ชูว์!! ก็หลับอยู่ไม่ใช่เหรอ เราวู่วามเกินไปรึเปล่า”ยูอิจิกระซิบกับจุนโนะ โคคิเดินไปเปิดสวิตไฟ ทั้งห้องที่มืดมิดสว่างขึ้น

คาซึยะนอนหลับอยู่บนเตียงไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกคนมองหน้ากัน แล้วก็ถอนหายใจ

“ดูเดะ พังประตูเข้ามาซวยมั้ยเนี้ย!!” โคคิบ่นออกมา “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง อธิบายตามความเป็นจริงเค้าคงเข้าใจ”

 ทัตซึยะเอามือแตะไหล่โคคิ จุนโนะชวนให้ทุกคนออกมา” อย่าไปกวนเค้าดีกว่าเราไปกันเถอะ”

ทุกคนทำท่าจะออกจากห้องไป จินเดินเข้าไปใกล้ๆ มองดูหน้าที่หลับสนิทนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ หน้าที่เห็นเมื่อไม่กี่ชม.ดู

มีเลือดมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูซีดไม่มีสีเลือดเลย แม้แต่ริมฝีปากที่มีสีแดงระเรื่อ ตอนนี้ก็เป็นสีชมพูซีดๆ

เหมือนคนป่วย ดูหลับนิ่ง เหมือนไม่ได้หายใจไปด้วยผ้าห่มที่คลุมจนถึงหัวไหล่ไม่ขยับสักนิด

 จินค่อยๆเอามือสัมผัสที่ข้างแก้มสีขาวซีดเบาๆ

สะดุ้งสุดตัวชักมือกลับ ตาเบิกโตด้วยความตกใจ ผิวที่สัมผัสเย็นชืดเหมือน สัมผัสน้ำแข็ง

 จินดึงผ้าห่มออกอย่างแรง ทุกคนตกใจในการกระทำของจิน

ร่างผอมบางนอนขดภายใต้ผ้าห่ม ทั่วร่างใต้ผ้าห่มนั้นอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด ข้อมือถูกกรีดเป็นรอยแผลลึก เลือดไหล

ออกมาจนท่วมเตียงแบบนี้กินเวลามานานขนาดไหนแล้ว

ทุกคนตกใจยืนนิ่งไปกันหมด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นคนที่จะมาตายต่อหน้าแบบนี้ จินเคยมาก่อน ตอนที่พ่อเสีย ล้มลงไป

ต่อหน้า จินวิ่งไปเอายามาให้ ไม่ทัน….. พ่อไม่หายใจ ตาย…. ตัวเย็น ไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่รู้สึก ตาย…..

จินไม่ยอมหรอก ไม่ยอมให้คาซึยะมาตายตอนนี้ ไม่งั้นเค้าจะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต จินก้มลงดึงร่างคาซึยะเขย่าๆ

แรงๆ ไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ นิ่งเกินไปจนน่ากลัว โคคิได้สติก่อน รีบบอกให้จุนโนะกับทัตซึยะไปเรียกรถพยาบาล จินต

บหน้าคาซึยะไปมา บ้าที่สุดนิ่งมากไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว ยูอิจิ วิ่งเข้ามาช่วยจับชีพจรที่ข้อเท้ายังเต้นอยู่ถึงเบามากก็ตาม

แล้วฉีกผ้าปูที่นอนยืนให้โคคิ โคคิดึงมาพันข้อมือห้ามเลือดเอาไว้ ฟังเสียงหัวใจ ยังเต้น แต่แผ่วเบาที่สุด

 “หัวใจกับชีพจรยังเต้นอยู่นะ !! แต่ไม่หายใจแล้วน่ะจิน!!" โคคิรีบบอกจิน

ตบหน้าอีกครั้งไม่กระดิก จินใช้ริมฝีปากประกบปากที่ซีดไม่มีเลือดของคาซึยะเอาไว้ ถ่ายทอดลมหายใจให้คาซึยะ

พยายามหน่อยเถอะ อย่าเพิ่งมาตายตอนนี้เลย ช่วยหายใจหน่อยเถอะ ขอร้องหล่ะ!!

คาซึยะลืมตาขึ้นมานิดหน่อย ยูอิจิร้องเสียงดัง “จิน คาซึยะรู้สึกตัวแล้ว” จินถอนริมฝีปากขึ้นมา หันมามองหน้าผอมขาวซีด

นั้น สำลัก แล้วหายใจแผ่วๆ ดวงตาลืมได้แค่ครึ่งตา

“นายเก่งมากเลย นายจะต้องไม่ตายตอนนี้นะ ยังมีอะไรอีกมากมายรอนายอยู่ อดทนหน่อยนะ”

จินละล่ำละลักออกมา คาซึยะตอนนี้คงฟังไม่เข้าใจหรอก “รถโรงพยาบาลมาแล้ว เร็วๆเข้าเถอะ”

ทัตซึยะวิ่งขึ้นมาบอกทุกคน จินอุ้มร่างผอมนั้นขึ้นมา ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเบามากกว่าที่คิดเหลือเกิน

“อะไรกลัวเข็มมากจนร้องไห้เลยรึไง” โคคิพูดจาเอะอะในห้องรับบริจาคเลือด

 “ไม่ใช่ผม แค่ไม่อยากให้คาซึยะตายก็แค่นั้น “ ทัตซึยะเอามือปาดน้ำตาที่ไหลออกมา

โคคิเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน เอามือขยี้หัวทัตซึยะไปมา

 “ไม่เป็นไรหรอกน่า เจ้านั้นจะต้องไม่ตาย”

จุนโนะโทรไปแจ้งข่าวให้ซึบาสะรู้หน้าตาซึมเหมือนจะร้องไห้ ยูอิจินั่งทำอะไรไม่ถูกกัดริมฝีปากแน่น จินนั่งก้มหน้าหลับตา

นิ่งๆมานานแล้วก็เสยผมขึ้น แล้วก็เริ่มร้องไห้เงียบๆ ยูอิจิเห็นเข้าก็น้ำตาซึมออกมาบ้าง

จินรู้สึกความผิดทั้งหมดเป็นเพราะเค้า ไม่น่าบ้า อยากรู้อะไรขนาดนั้น เป็นไงหล่ะ ผลที่ได้ไม่คุ้มกันเลยทั้งๆที่คาซึยะ

เปิดใจให้มากขนาดนั้น แค่เค้าไม่เล่าเรื่องพี่ชาย ก็พยายามไปขุดคุ้ยอยู่นั้นหล่ะ ผลสุดท้ายเค้าก็ฆ่าตัวตายจนได้

ถ้าคาซึยะตาย คนที่ผิดก็คือเค้า คิดแล้วก็สะอื้นออกมาแรงๆ จุนโนะเดินมานั่งข้างๆ ยูอิจิเอื้อมมือไปกอดไหล่จินเอาไว้ แต่

ตัวก็ยังสั่นไม่หาย ยิ่งร้องออกมามากขึ้น ไม่อาจจะหยุดมันได้

คาซึยะสะลึมสลือลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ ภาพในห้องเบลอไปหมดมือของเค้ากำอะไรบางอย่างไว้แน่น รู้สึกอุ่นๆ ภาพ

ทุกอย่างชัดขึ้น จินยืนอยู่นี่นา สิ่งที่เค้ากำไว้แน่นก็คือมือของจิน เป็นไปได้ยังไง คราวนี้เค้ามั่นใจว่าตายแน่ๆ ทำไมยังรอด

มาได้อีกเหรอ หรือนี่จะอาจเป็นสวรรค์ก็ได้ ถึงทำให้เค้าได้เห็นคนที่เค้ารัก รักมากๆ จิน โคคิ ยูอิจิ จุนโนะ ทัตซึยะ ทุกคน

อยู่กันหมดเลย เป็นครั้งแรกที่ตื่นมาจากการฆ่าตัวตายคนที่อยู่ด้วย ไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นเพื่อนของเค้า เพื่อนที่เค้า

หาไม่ได้อีกแล้วตลอดชีวิต

“ขอโทษนะที่หลอกนาย แล้วก็ขอบคุณที่นายยอมหายใจอีกครั้ง “ จินมากระซิบข้างๆหู คาซึยะ ได้ฟังแค่นั้นก็หลับตาลงอีก

ครั้ง เมื่อกี้เรื่องจริงหรือฝันกัน

 “นี่พวกเธอ บอกให้ไปก็ไม่ฟังกันเลย คนไข้จะได้พักผ่อน” เสียงพยาบาลดุเจ้าพวกนั้นนี่นา

ฟังแล้วก็นึกขำแล้วก็หลับไปเพราะความเพลีย

ซึบาสะมาถึงที่โรงพยาบาลท่าทางตื่นๆ จินเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปหา ซึบาสะมองสภาพทุกคนที่ดูโทรมไปหมด ตาแดงก่ำ

เหมือนร้องไห้กันมาอย่างหนัก โดยเฉพาะจิน เสื้อยืดสีขาวที่สวมอยู่มีคราบเลือดซกทั้งตัว

“ปลอดภัยดีใช่มั้ย แต่สภาพทุกคนนี่สุดยอดเลยนะ”ซึบาสะกล่าวทักคำแรก ทุกคนโค้งแบบหมดแรง ซึบาสะพยักหน้า

“เอาเป็นว่าพวกนายพักกันซะหน่อยก็ได้นะ แล้วค่อยมาคุยกันต่อ”

ทุกคนเห็นด้วยอย่างที่สุด ทุกคนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยที่บ้านยูอิจิ ซึบาสะนั่งทานของว่างที่ระเบียงบ้าน ทุกคนที่สภาพดูดีขึ้น

มานั่งรวมกันตรงนั้น ซึบาสะทำความรู้จักทุกคนพอเป็นพิธี

“พี่ ถามไรหน่อยเถอะ พี่รู้จักเจ้าคาซึยะก่อนที่มันจะคิดฆ่าตัวตายใช่มั้ย ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย”

อยู่ดีๆโคคิก็พูดขึ้นมา ทุกคนพยักหน้าอยากรู้ไปด้วย

“จะพูดว่าไงดี ก็เหมือนเด็กๆทั่วไปนั้นแหละ หัวเราะได้ เล่นได้ ออกจะร่าเริงด้วยซ้ำ แต่บางทีก็ดูเก็บกดเหมือนกัน อาจจะ
เป็นเพราะมักจะถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายบ่อยๆละมั้ง แต่ยังไงก็คงจะไม่เลวร้ายเท่าไหร่ เพราะเจ้านั้นก็รักพี่ชายออกขนาดนั้น คงไม่คิดเปรียบเทียบตามคนอื่นเค้าหรอก”

“เออ พี่แล้วพี่เคยแต่เห็นเค้าหัวเราะกับเล่นเหรอ ไม่เคยร้องไห้บ้างเหรอ”

 ยูอิจิอยู่ๆก็สงสัย จินเองก็หันมาสนใจทันที นั้นสิ คาซึยะไม่เคยร้องไห้ออกมา ไม่ว่าจะเจ็บยังไง น้ำตาสักหยดก็ไม่มี ขนาด

ที่พี่ชายตายคำบอกเล่าก็ไม่มีเลยที่ว่าคาซึยะจะร้องไห้

“เรื่องนั้นมันก็จริงอยู่นะแหละ ผิดกับพี่ชายรายนั้น เป็นพวกอ่อนไหว บ่อน้ำตาตื้น เล็กน้อยนิดหน่อยก็ร้องไห้ ชีวิตพี่น้องคู่นี้ก็
คล้ายๆกับสีขาวกับดำ พอทากิซาว่ากลายเป็นคนที่ร้องไห้เก่ง อีกคนก็เลยต้องปรับตัวเป็นไม่ร้องไปละมั้ง”

“บางทีเค้าอาจจะอยากร้อง แต่ว่าไม่สามารถร้องออกมาก็ได้ละมั้ง กลัวว่าจะแสดงความอ่อนแอออกมาจนพี่ชายที่เป็นคน
อ่อนแอจะหาที่พึ่งไม่ได้ต้องพยายามเข้มแข็งอยู่ก็ได้”

ทุกคนนิ่งไปกับคำพูดของจิน
“เอาเถอะ ถ้าเจ้านั้นปลอดภัยก็ดีแล้ว พี่คงไม่ไปให้เห็นหน้าดีกว่าเดี๋ยวจะทำให้เจ้านั่น คิดถึงอดีตแย่ๆอีก พี่เอานี่มาให้แล้วพี่จะกลับเลยแล้วกัน”

 ซึบาสะดึงซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าเป้ จินรับมาไว้ในมือรู้สึกแปลกๆขึ้นมา

“อ้อ เรื่องที่ว่าเจ้านั้นไม่ยอมร้องไห้นะ บางทีอาจจะหาคนที่จะร้องไห้ด้วยไม่ได้รึเปล่า ถ้ามันหาคนที่ร้องไห้ด้วยได้ขึ้นมา ก็คงจะร้องไห้ออกมาเองนั้นแหละนะ”

ซึบาสะทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะขึ้นรถไฟจากไป

chapter 8 end
to be con.............  :yeb:

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 21-02-2007 22:21:54
 :o :o :o :o


ค่อยยังชั่วหน่อย  :try2: :try2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 26-02-2007 20:14:14
ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิน  :sad4: อะไรที่คิดว่าจะดีขึ้น กลับแย่ลงไปอีก  :dont2:
แต่ก็คงเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้วล่ะ  :impress3:  :impress3:

ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 26-02-2007 23:07:34
รอคับรอ  :undecided: :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 27-02-2007 14:15:29
chapter9

หน้าต่างเปิดออกกว้าง อากาศข้างนอกไม่ค่อยสดใสนัก ท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้าสดใส มัวๆเหมือนสีควันบุหรี่

ตึกของโรงพยาบาลตั้งอยู่ใกล้ทะเล ได้ยินเสียงคลื่นเบาๆเหมือนเป็นบทเพลงเศร้าๆคอยขับกล่อม

ร่างผอมบางไม่ได้นอนบนเตียง ตอนนี้ยืนสงบริมหน้าต่าง หน้าขาวซีดตอนนี้เริ่มมีสีเลือดจางๆปรากฏให้เห็นบ้าง ดวงตาดำ

ขลับสงบนิ่ง ทอดยาวไปยังชาวประมงที่นำเรือเข้าฝั่ง มองดูทะเลคลื่นสงบ แต่ไม่น่าไว้ใจ ท้องฟ้ามืดแบบนี้น่าจะมีพายุ

ทะเลชอบหลอกลวง แกล้งทำเป็นสงบ สักพักก็จู่โจมคร่าชีวิตกันได้……….

ลมพัดผ่านจากหน้าต่าง ไร้เส้นผมสีน้ำตาลเข้มลู่ไปตามลำคอผอมบางขาวซีดของคาซึยะ หันหน้าไปมอง คนที่คุ้นเคย หน้า

ตาบอกรับไม่ถูก เม้มปากแน่น เดินเข้ามาหาเข้า ยิ้มเศร้าๆ แล้วทุกคนก็ตามมาหมด

“ท่าทางดีขึ้นแล้วนี่นา แล้วลุกจากเตียงได้แล้วเหรอ” จินกล่าวทักตามปกติ

คาซึยะไม่ได้ตอบหันหน้ากลับ มองออกไปนอกหน้าต่าง

ทุกคนมองหน้าไปตามๆกัน ยูอิจิยกตระกร้าของกินที่แม่เตรียมไว้ให้วางลงบนโต๊ะ

”นี่ ของกินที่นายชอบ แม่ฉันอุตส่าห์ทำมาให้นะ”

“ใช่ๆ นี่ดอกไม้นี่ทานากะเป็นคนไปตัดมาให้จากบนเขาด้วยนะ” ทัตซึยะชูช่อดอกไม้ป่าที่ห่อกระดาษไว้ขึ้นมาบ้าง

คาซึยะยังคงหันหลังไม่พูดอะไร
 
“ก็บอกแล้วไง เอาดอกไม้มาเยี่ยมผู้ชายยังไงก็ไม่ดีใจหรอก!!”

โคคิหันไปดุทัตซึยะ

จุนโนะ รีบดึงแขนเสื้อโคคิไว้ “อย่าเอะอะไปน่า เอามานี่ฉันเอาไปใส่แจกันให้!!”

“พอซะทีเถอะ!!” คาซึยะตะโกนออกมา ทุกคนเงียบไป

“เลิกทำใจดีกับฉันซะที ฉันจะทนไม่ได้แล้วนะ ทำไมต้องมาทำดีกับฉันด้วย แล้วก็หลอกกัน ทำไมถึงต้องขุดคุ้ยเรื่องของ

ฉัน แล้วทำไมต้องห้ามไม่ให้ฉันตาย เล่นสนุกกับชีวิตฉันรึไง”

“ ไอ้บ้าเอ้ย!! ใครเค้าจะเล่นสนุกกับชีวิตแกกัน ที่ทำไปเพราะเป็นห่วงแกไม่อยากให้แกตาย ทุกคนตรงนี้เค้าห่วงแกทั้งนั้น
ดูไม่ออกรึไง !!”

โคคิเดินไปกระชากคอเสื้อ คนป่วยเขย่าไปมาแรงๆจนตัวโยน จินเดินเข้าไปกอดหลังโคคิเอาไว้
 
ไม่พูดอะไร สีหน้าเจ็บปวด โคคิถึงปล่อยมือจากคาซึยะ คาซึยะมองดูมือที่สั่นนิดๆที่กอดโคคิเอาไว้

จะเป็นไปได้มั้ย ที่จินจะกอดเค้า ปลอบโยนเค้าแบบที่ทำกับโคคิบ้าง……

“คาซึยะ เรื่องของนาย ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันรุนแรงขนาดไหน เพราะฉันเองไม่ได้เป็นนาย ความเจ็บปวดแม้แต่เศษเสี้ยวที่เล็กที่สุดฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะห้ามไม่ให้นายเจ็บปวด หรือต้องการทำร้ายตัวเอง แต่ว่า นายมองตรงมาข้างหน้าหน่อยจะได้มั้ย…….”

จินยังก้มหน้าอยู่ข้างหลังโคคิพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงบ

คาซึยะมองมาข้างหน้าตามที่จินพูด แล้วจินก็เริ่มพูดต่อ

”ทุกคนยังยืนอยู่ข้างหน้าตรงนี้นะ ยืนรอนายแบบนี้เสมอ ความเจ็บปวดของนายถึงมันจะเยอะ จะหนัก แต่ถ้าถูกหารออกเป็น6ส่วน มันก็จะเบาบางลงได้ ทุกคนยอมแบกรับความเจ็บปวดของนายนะ แค่นายเชื่อใจเราต่อไป เปิดเผยเรื่องที่นายเจ็บปวด แบ่งมาให้พวกเราเถอะ!!”

จินตะโกนออกมาเสียงดังขึ้นในช่วงสุดท้าย

คาซึยะมองลึกลงไปในสายตาของทุกคน สายตาที่จริงใจ ไม่มีสักคนที่จะเบือนหน้าหนี เหมือนกับ พ่อ เลขาของพ่อ หมอ

พยาบาล ทุกคนตรงนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าของเค้า อีกต่อไปใช่มั้ย ทุกคนตรงนี้เป็นเพื่อนนะ เป็นเพื่อนรัก……

“จริงๆที่ฉันไม่ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นเพราะความกลัวของฉันเองก็ได้ ไม่ใช่เพราะความไม่วางใจพวกนายหรอก…”

คาซึยะพูดออกมาน้ำเสียงเยือกเย็น จินเงยหน้าขึ้นมาจากหลังของโคคิ จ้องมองตาไม่กระพริบไปที่คาซึยะ

“เรื่องที่พวกนายรู้มาจากพี่ซึบาสะ ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดหรอก….. ถ้าฟังอย่างงั้นพวกนายคงรู้สึกว่าฉันนะ ดีเหลือเกิน แค่เรื่องพี่ชายตายก็เก็บเอามาเป็นความผิดของตัวเอง แต่ถ้านายรู้ความจริงจากปากของฉันแล้วพวกนายจะรับมันได้รึเปล่า….”

ดวงตาสงบ เย็นชา ของคาซึยะจ้องตรงมาที่จิน

“ตั้งแต่ที่แม่ตาย ฉันกับทากิซาว่าไม่เคยแยกจากกันเลย ทั้งๆที่เป็นพี่ชายแท้ๆ แต่กลับอ่อนแอจนน่ารำคาญ ฉันต้องเป็นคนคอยปลอบปกป้องเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร ใครๆก็ดูเหมือนจะเป็นห่วงกังวลจิตใจของเจ้านั้น ในทางกลับกันเจ้านั้นก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นเด็กดี พ่อรักเจ้านั้นมาก แต่กับฉันพ่อออกจะรู้สึกธรรมดา ไม่เหมือนกัน คนภายนอกอาจดูไม่ออก ในการแสดงความรักของพ่อ แต่ฉันรู้สึกได้ ตอนนั้นก็คิดแบบเด็กๆ เพราะฉันไม่ใช่เด็กดี ไม่อ่อนโยนเหมือนเจ้านั้น ฉันก็เลยพยายาม เลียนแบบความอ่อนโยน ความเก่ง ความฉลาด แต่ผลที่ได้กลับมาก็เหมือนเดิม ความรักของพ่อที่มีให้ฉันไม่ได้เพิ่มขึ้นสักนิด ไม่เลย…….จนกระทั้งฉันได้รู้ว่าเหตุผลที่พ่อรักเจ้านั้นมากกว่าฉัน……”

คาซึยะหยุดไปชั่วอึดใจ ทุกคนใจจดใจจ่อ

“เพราะว่าฉันไม่ใช่ลูกของพ่อจริงๆไงหล่ะ……….”ทุกคนตาโตด้วยความตกใจ คาซึยะหัวเราะเยือกเย็น เสียงหัวเราะเสียด

แทงเข้าไปในใจ

 “ฉันไปเจอสมุดบันทึกของแม่ พร้อมกับรูปถ่ายผู้ชายที่ฉันไม่รู้จัก ในนั้นบรรยายถึงความรักที่แม่มีให้จนน่าสะอิดสะเอียน
แม่มีชู้กับน้องชายแท้ๆของพ่อเพราะว่าพ่อไม่มีเวลานั้นแหละ โทษใครไม่ได้ …..มันเป็นความผิดของพ่อเองไม่ใช่เหรอ…..
แต่ผลของมันก็คือฉัน ผลแห่งความเกลียดชังของพ่อก็คือฉัน ตอนนั้นฉันรู้สึกแค้นทากิซาว่า เพราะว่าเจ้านั้นเป็นลูกแท้ๆของพ่อ ถึงได้ความรักมากกว่างั้นเหรอ ทั้งๆที่ฉันได้ใช้นามสกุลของพ่อ แต่ฉันก็เป็นเพียงสิ่งเลวร้ายที่พ่อต้องทนเลี้ยงดู งั้นสิ เจ้านั้นยังมีหน้ามาทำตัวอ่อนโยน สวยงามอยู่ได้ คิดแล้วก็แค้นใจอยู่คนเดียวโดยตลอด เพราะฉันเป็นผลของความผิด จิตใจของฉันก็เลยเลวร้ายไปด้วย ฉันทำการเปลี่ยนแปลงข้อความในสมุดบันทึกของแม่นิดหน่อย แล้วเอาไปให้ทากิซาว่าอ่าน….”

“เปลี่ยนแปลง …เปลี่ยนแปลงอะไร”จุนโนะถามออกมา คาซึยะยิ้มออกมา

 “เปลี่ยนให้ดูเหมือนว่าเด็กที่ไม่ใช่ลูกพ่อจริงๆก็คือ ทากิซาว่านะสิ เจ้านั้นหัวอ่อน แค่ได้อ่านก็เชื่อสนิท แค่รู้ว่าแม่ที่เทิดทูนสุดทำตัวแบบนั้นก็เกินทน หน่ำซ้ำตัวเองก็เป็นเพียงลูกชู้เท่านั้น เจ้านั้นก็ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแบบฉันบ้าง แต่มันไม่มีความอดทนเอาซะเลย ไม่สามารถทนกับความจริงหลอกๆนั้น แล้วก็ตัดสินใจ ฆ่าตัวตาย แต่หมอนั้นเก่งกว่าฉันนะ แค่ครั้งเดียวก็ตายเลย หึๆๆ”

คาซึยะหัวเราะออกมาเหมือนประชดประชัน พวกนี้คงช็อคหล่ะสิ

ความจริงนะคนที่ทำให้ทากิซาว่าต้องฆ่าตัวตายก็คือเค้านี่แหละ บีบจนต้องตาย……

เงียบสงบ ในห้องไม่มีใครยอมพูดอะไร คาซึยะไม่อยากจะมองหน้าใคร ทุกคนคงผิดหวังที่จริงๆแล้วเค้าเป็นคนแบบนี้เอง

ไม่ได้อยากฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกผิด แต่ฆ่าตัวตายเพราะชดใช้ความผิดที่เป็นความผิดของเค้าจริงๆ

“ออกไปข้างนอกกันเถอะ!!” จินพูดออกมาเสียงดัง ทุกคนหน้าเหรอ คาซึยะกระพริบตาปริบๆ

 “ออกไปที่ทะเลกันนะ…”

ฝนทำท่าจะตกลมพัดรุนแรง ทุกคนมารวมตัวกันที่หาดทราย ไม่เข้าใจว่าจินต้องการทำอะไร โดนเฉพาะคาซึยะตอนนี้เอา

มือจับแผลที่ข้อมือไว้แน่น ผมพัดไปข้างหลังมองตรงไปยังทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง เพราะแรงลม………

“ความจริงนายเหนื่อยใช่มั้ยหล่ะ……..” จินพูดขึ้นทุกคนหันมามอง คาซึยะคลายมือจากแผลนั้น

 “เหนื่อยที่จะต้องคอยปกป้องพี่ชายของนายตลอด…..ทั้งๆที่นายเจ็บปวด แต่พี่ชายนายก็ไม่เคยจะแบ่งเบาเลย…..นายก็เลย
โกรธแล้วก็ทำเรื่องนั้นลงไปโดยไม่ตั้งใจ……แต่พอเค้าตายไปนายก็คิดว่าตัวนายสะใจ แต่จริงๆแล้วรู้สึกผิดมากๆก็เลยจะจบชีวิตของตัวเอง “

จินเงยหน้าขึ้นมามองสายตาเศร้าๆ คาซึยะรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า ไม่ต้องการให้ใครมาทำเป็นสมเพศแบบนี้โดยเฉพาะจิน

 “ใครบอกกัน ฉันแค่รู้สึกรำคาญชีวิตก็แค่นั้น ไม่ได้สนใจเรื่องที่เจ้านั้นตายไปเพราะฉันสักนิด!!”

ทุกคนมองดูอาการของคาซึยะ อย่างเป็นห่วง

“ถ้ารู้สึกผิดก็บอกออกมาสิ ไม่ต้องปกปิดอารมณ์ไว้หรอก พูดขอโทษออกมาก็ได้ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ทุกอย่างกลับมาไม่
ได้แล้วก็เถอะ ฉันคิดว่าถ้านายพูดขอโทษออกมา พี่ชายนายต้องได้ยินแน่ๆ ตะโกนผ่านจากที่นี่นะแหละ “

จินพูดเสียงดัง แข่งกับเสียงลมที่กำลังพัดรุนแรง คาซึยะนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา ทำไมถึงรู้ได้ว่า เค้าอยากย้อนกลับไป

วันนั้น ก่อนที่ทากิซาว่าจะขึ้นไปที่ตึก พูดขอโทษเรื่องราวทั้งหมด บอกความจริงว่าเป็นอย่างไร

ทากิซาว่าคงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เค้า แล้วบอกว่า

 “ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ” แต่มันไม่มีทางที่จะทำได้อีกแล้ว แค่จะอ้าปากก็ไม่มีแรงเลย

“พี่ครับ…..!! ขอโทษนะครับ ยกโทษให้คาซึยะด้วย!!” เสียงที่ดังขึ้นมาไม่ใช่เสียงของคาซึยะ ทัตซึยะเป็นคนพูดออกมา

 “ขอโทษคร๊าบ ยกโทษให้มันด้วยนะครับ” โคคิตะโกนตามบ้าง “ขอโทษครับ คาซึยะสำนึกตัวได้แล้วครับ!!”

จุนโนะตะโกนสุดเสียงจนตาหยีไปหมด “เอ้อ!! พี่ครับ ได้ยินมั้ย คาซึยะขอโทษนะครับ ยกโทษให้เค้านะครับ”

ยูอิจิตะโกนจนตัวเกร็ง จิน ยิ้ม แล้วเอามือป้องปากตะโกนออกมาบ้าง “ขอโทษครับพี่ …..ขอโทษ”

คาซึยะมองดูการกระทำของทุกคน แล้วเค้าก็ก้าวมายืนข้างๆจิน ตะโกนออกมาเสียงดัง

 “ขอโทษ บอกว่าขอโทษ ได้ยินรึยัง พี่!!!!”

ทุกคนตะโกนโหวกเวกด้วยกัน แล้วฝนก็เทลงมาเหมือนกับว่าจะเป็นการตอบรับ

จินหันมามองคาซึยะที่ตอนนี้ยืนตากฝนที่เทกระหน่ำลงมาใบหน้าเปียกปอนไปกันหมด เหมือนไม่ใช่ฝนนั้นมันเป็นน้ำตาที่

ไหลปนมากับน้ำฝน คาซึยะร้องไห้แล้ว ร้องออกมาพร้อมๆกับเค้า ทุกคนร้องไห้เหมือนกัน ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

จะมีใครไหมที่จะร้องไห้ร่วมกันแบบนี้ได้ คาซึยะสะอื้นออกมาแรงๆ จินเอามือเสยผมที่เปียกน้ำฝนขึ้นไป

 ปาดน้ำตานิดหน่อย แล้วเอามือโอบคาซึยะเอาไว้ ตบเบาๆ เป็นการปลอบ

เสียงแผ่วแว่วๆมาจากสายฝน เหมือนเสียงฮัมเพลงก่อน แต่ฟังดีๆก็ได้ยินว่าเป็นเสียงคนร้องเพลง คาซึยะร้องเพลง

 เสียงเพลงจากคาซึยะที่ไม่เคยได้ยินสักครั้ง เสียงโทนแปลกฟังแล้วรู้สึกเพราะอย่างประหลาด

จินร้องตามออกมาดังๆ แข่งกับเสียงฝน คาซึยะก็ร้องดังขึ้น แข่งกับจิน คนอื่นยิ้มแล้วก็ร้องออกมาบ้าง

เสียงเพลง Stand by me ดังก้องปนไปกับเสียงฝน ฟังแล้วเพราะอย่างจับใจ

“รู้สึกแปลกๆกันบ้างมั้ย ผู้ชาย6คนยืนร้องไห้พร้อมกัน แล้วก็ร้องเพลงพร้อมกัน แถมยังเป็นตอนที่ฝนตกอีกต่างหาก”
โคคิบ่นออกมา เอาผ้าขนหนูเช็ดหัวแรงๆ “ไม่รู้สึกแปลก กลับรู้สึกดีมากกว่า”

 จุนโนะยกขวดน้ำแร่ขึ้นดื่ม ท่าทางสบายใจ “ใช่ๆ ดูเหมือนคนบ้า แต่ให้ความรู้สึกดีนะ “

ยูอิจิเดินตามมานั่งที่ระเบียงยื่นขวดน้ำแร่อุ่นๆอีกขวดให้ทัตซึยะ

”ทุกคนตาแดงเหมือนกันหมดเลยรู้สึกดีนะครับ”ทั้งสามคนหันมามองทัตซึยะพร้อมกัน แล้วก็ผลักหัวกันใหญ่

”แกนั้นแหละ แดงที่สุด !!“

จินหัวเราะเจ้าพวกนั้น เล่นเหมือนเด็ก คาซึยะ ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดขาวกางเกงขาสั้นของยูอิจิ

ไม่ใช่ชุดโรงพยาบาลที่เค้าเกลียด เอาหน้าคลอเคลียกับขวดน้ำแร่อุ่นๆหลับตาที่บวมแดงเพราะการร้องไห้

นั่งชันเข่าขึ้นมารู้สึกเป็นสุขอย่างประหลาด ในชีวิตของคนคนนึง ยากที่สุดก็คือหาคนที่จะร้องไห้ด้วยได้

“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง “จินนั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ คาซึยะ

“ดี ดีมากๆ เหมือนกับได้เกิดใหม่อีกครั้งเลย” จินฟังแล้วก็พยักหน้า หยิบซองสีน้ำตาลออกมา

 “จดหมายนี่เป็นของพี่ชายนาย ไม่รู้ว่ามีอะไร จ่าหน้าซองถึงนาย พี่อิมาอิ ฝากไว้ให้”

จินตัดสินใจให้ไปเพราะคิดว่า ตอนนี้คาซึยะคงเข้มแข็งพอจะรับ มันได้

ไม่ว่าข้อความภายในจะเป็นเรื่องเลวร้ายหรือ ดีสุดยอดยังไง คาซึยะก็สมควรได้รับรู้

คาซึยะผลิกดูที่ซอง เขียนจ่าหน้าซองถึงเค้า ลายมือที่คุ้นเคย ฉีกซองออกช้าๆ

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 27-02-2007 14:22:46
"คนเราสามารถจะพูดได้ทุกวัน เวลาที่ตื่นเช้าขึ้นมาว่า วันนี้เป็นวันแรกของชีวิตที่เหลืออยู่ แต่จะพูดไม่ได้ถ้าวันนี้เป็นวันตายของตัวเอง วันนี้พี่จะตาย……
คาซึยะจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้รึเปล่าพี่ก็ไม่รู้ได้ จะมีผลอะไรกับคาซึยะรึเปล่าพี่ก็ไม่รู้ เพียงแต่ตั้งใจเขียนมันขึ้นมา เพราะมันคือความในใจของพี่ทั้งหมด เป็นมรดกเพียงชิ้นเดียวของชีวิตพี่ที่มีให้คาซึยะ
เรื่องที่คาซึยะเอามาบอกพี่นั้น พี่รู้ก่อนหน้าคาซึยะ หลายปีแล้ว รู้ว่าแม่เป็นชู้กับคุณอาจนคลอดคาซึยะออกมา แต่พี่ก็ไม่เคยบอกคาซึยะ ไม่ใช่เพราะรักหรอกนะ จริงๆแล้วภายนอกที่ทุกคนมองพี่ว่าเป็นคนดี จิตใจอ่อนโยน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่สักนิด
พี่เกลียดคาซึยะ เท่าๆกับที่แม่รักคาซึยะ แต่เกลียดพ่อและพี่ แม่ไม่ได้รักพี่เลย ท่านรักแต่คาซึยะ ลูกของผู้ชายที่แม่รักจริงๆ พี่เข้าใจ สงสารพ่อที่ต้องทนเลี้ยงลูกของชายชู้ที่เป็นน้องแท้ๆของพ่อ พี่โกรธแค้นคาซึ
ยะ ทำไมพ่อต้องเหลียวแลรักคาซึยะด้วยทั้งๆที่คาซึยะเป็นลูกของชู้ หลังจากคุณอาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แม่ก็เสียสติ หวงนายที่ยังเด็กมากกว่าอะไรทั้งหมด หวงมากจนน่ากลัว
มีอยู่ครั้งนึงแม่จะฆ่านายแล้วฆ่าตัวตายตามไป พี่เห็นเต็มสองตา พ่อกลัวมาก รีบแยกพวกเราออกจากแม่ ส่งเราไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ ตอนนั้นนายยังเด็กจำรายละเอียดไม่ได้ แต่พี่จำได้ดี แม่หานายไม่เจอคลุ้มคลั่งผลสุดท้ายก็ฆ่าตัวตายโดยการยิงตัวเอง
พี่เสียใจร้องไห้ไม่ยอมหยุด เฝ้าแต่คิดแค้นในใจ เพราะนายคนเดียวแม่ถึงตาย นายเป็นเด็กไม่เข้าใจอะไร ก็แกล้งทำเป็นเข้มแข็งปกป้องพี่ พ่อเองก็ไม่คิดแค้นอะไรกับมองว่านายเป็นลูกเสมอ พี่ทนไม่ได้ก็เลย ทำตัวให้อ่อนแอ น่าสงสาร เรียกร้องให้พ่อสนใจพี่มากๆจนลืมนายไป ใช้น้ำตาความอ่อนแอของพี่บีบให้นายยิ่งก้าวร้าว แสดงออกในความรุนแรง ทุกครั้งที่นายยิ่งแสดงความรุนแรงออกมา พี่ก็แอบมีความสุขในใจ
เหมือนกับว่าสิ่งชั่วร้ายในใจพี่จะเจริญเติบโตเรื่อยๆ พี่แสดงความรุนแรงออกมาผ่านทางนายที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง จนวันนั้นที่นายมาบอกเรื่องของแม่ ปิศาจร้ายในใจของพี่รู้สึกขบขัน ทั้งๆที่รู้เรื่องจริงอยู่แล้ว พี่ก็แกล้งทำตามที่นายต้องการ แกล้งเสียใจ แกล้งทำเป็นเชื่อ ทำให้นายรู้สึกสะใจ
แล้วก็เหมือนกับพี่คิดอะไรบางอย่างออก ถ้าพี่ตายไปเพราะเรื่องนี้ ชีวิตนายจะเป็นยังไงต่อไป ความผิดที่ทำให้พี่ตาย จะติดตัวนายไปตลอดชีวิต พ่อจะเลิกรักนาย ไม่สนใจนาย เหมือนกับพี่เป็นผู้ชนะ แล้วพี่ก็คิดจะตายในวันนี้
พี่คงตายไปแล้วเมื่อนายได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นายจะเป็นยังไงบ้างนะรู้สึกผิดจนต้องตายตามมารึเปล่า แต่นอกจากที่พี่คิดจะทำร้ายนายแล้ว พี่ก็คิดที่จะหยุดตัวเองด้วย หยุดปิศาจร้ายที่กำลังเติบโตในร่างกายของพี่ จบมันด้วยมือของพี่เอง
ไม่ว่าเรื่องจะมีผลยังไงกับนายก็ตาม ไม่ว่าช้าหรือเร็วเราคงได้พบกันอีก พี่จะรอ………….
ฮิเดอากิ ทากิซาว่า "
 
คาซึยะอ่านจดหมายจบก็ยิ้มออกมาแบบสมน้ำหน้าตัวเอง ไม่ใช่แค่เค้าหรอกที่รู้สึกเจ็บปวดพี่ชายของเค้าก็เจ็บปวดมาก

ไม่ต่างกันเลยต่างคนต่างมีแผลในใจทั้งนั้น คนที่น่าสงสารที่สุดคือพ่อ เค้าไม่เคยคิดถึงมาก่อน ผู้ชายคนที่ยอมเลี้ยงดูเค้า

พยายามรักเค้าทั้งๆที่เค้าเป็นบาดแผล เป็นความเจ็บปวดซ้ำร้าย ลูกชายแท้ๆก็ยังมาตายเพราะสิ่งที่ทิ่มแทงจิตใจแบบ

เค้า แล้วทำไมพ่อยังสู้ทนรักเค้า ถนอมชีวิตของเค้าไว้อีกนะ

แม่ของยูอิจิเดินเข้ามาหน้าตาตื่น

 “ยูอิจิ นี่ทำอะไรกันน่ะหึ ไปลักพาตัวคนมาจากโรงพยาบาลได้ยังไง!!”

“ลักพาตัวไรแม่นี่ไง อยู่นี่เลย อยู่อย่างเปิดเผย ไม่ได้เอาไปแอบสักกะหน่อยน้า “

 ยังไม่ทันพูดอะไรกันต่อ ผู้ชายวัยกลางคน ท่าทางดูดี แต่งตัวภูมิฐานสีหน้านิ่งเฉย

สายตานิ่งที่มองผ่านแว่นมาที่ จินและทุกๆคนในห้อง

“พ่อ!!” จินหันไปเห็นคาซึยะพูดออกมาน้ำเสียงเรียบๆ ทุกคนออกมารอที่ระเบียง มองผ่านบานกระจกห้องรับแขกที่ละออง

น้ำหลังฝนตกเกาะอยู่ มองเห็นเลือนลางไม่ชัดเจนนัก คนคนนี้ที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆของคาซึยะ

 แต่เค้าโครงรูปหน้าไม่ต่างกันนัก อาจเป็นเพราะมีสายเลือดที่เหมือนกันก็เป็นได้ ถึงไม่ใช่โดยตรงก็ตาม

คาซึยะมองดูผู้ชายที่เป็นพ่อเค้า สูทสีเข้มมีร่องลอยผ่านน้ำฝนมาบ้าง หน้าตาที่ดูโทรมเหมือนโหมงานหนัก แต่ก็ยังดูดีไม่

เปลี่ยนแปลง พ่อคงเดินทางมาทันที จากต่างประเทศ มาเพื่อมาพบเค้า

มาด้วยความเป็นห่วงที่เค้าหายไปจากโรงพยาบาล

พ่อถอนหายใจก่อนพูดออกมาเสียงเข้มแต่มีแววอ่อนๆใจ

 “ไหนแกสัญญากับฉันว่า ถ้าห่างกันไปแกจะไม่ฆ่าตัวตายอีก ฉันถึงยอมให้แกมาอยู่ที่นี่ แล้วมาอยู่ที่นี่แกก็ยังฆ่าตัวตาย
อีก ยิ่งแกอยู่ห่างฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่ไว้ใจ “

ท่าทางโกรธไม่น้อยน้ำเสียงนั้นยังคงดุเหมือนที่เคย

“ขอบคุณนะครับ” คาซึยะพูดออกมา พ่อมีสีหน้างง”อะ…อะไรของแก”

“ขอบคุณมาก ที่พ่อพยายามรักผม พยายามช่วยให้ผมอยู่ต่อไปครั้งแล้วครั้งเล่า”

แล้วคาซึยะก็กอดพ่อเค้าไว้ เป็นครั้งแรกตั้งแต่โตมาที่คาซึยะสวมกอดผู้ชายคนนี้ ผู้ที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ก็ปฏิบัติกับเค้าไม่

ต่างจากพ่อเลย พ่ออึ้งพูดอะไรไม่ออก ใช้มือใหญ่ๆโอบกอดคาซึยะไว้เหมือนกัน ตบหลังลูกชายเบาๆ

จินยืนดูการกระทำของคาซึยะ แล้วก็ยิ้มออกมา คิดว่าเรื่องทุกอย่างได้คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว

รอยแผลนั้นถึงจะไม่มีวันลบเลือนไป แต่อาการเจ็บเรื้อรังจะไม่เกิดขึ้น อีก เค้ามั่นใจ และเชื่ออย่างงั้น

chapter 9 end
to be con..........

มาลงให้ Lucifer +shell   อ่านโดยเฉพาะเลยนะเนี้ย :monkeylove2:

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะงับ :piglove2:
 :monkeycry4:

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 27-02-2007 19:27:55
 :impress3:  :impress3:  :impress3:  :impress3:  :impress3:
ประทับใจตอนนี้มากเลย ไม่ผิดหวังกับพล็อตตอนนี้จริง ๆ เพราะคาดไว้ว่าความเจ็บปวดของคาซึยะต้องไม่ธรรมดา และคนแต่งก็แต่งได้เกินคาด วางเรื่องไว้ถึงสองชั้นทั้งคาซึยะและทากิซาว่า
ฉากตอนเพื่อน ๆ คนตะโกนริมทะเลก็ประทับใจมาก แบบนี้แม้ว่าคาซึยะจะแบกรับความเจ็บปวดแค่ไหน เมื่อมีคนมาร่วมแชร์ สิ่งเหล่านั้นก็จะเบาบางลงไป :impress3:

ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้  :myeye:  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 28-02-2007 12:53:16
สนุกดีค่ะ

แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 01-03-2007 16:06:50
chapter10

“สุดยอดเลย!!” ยูอิจิตะโกนออกมาดังลั่น “อะไรคือสุดยอดของแกวะ ร้อนจะตายชัก”

โคคินอนถอดเสื้ออยู่ในห้องชมรม ถือพัดกระพือไปมา

 “ก็ร้อนไงเล่า ร้อนสุดยอด ทำไมถึงร้อนขนาดนี้วะ!!” พูดเสร็จก็ถอดเสื้อออกบ้าง

“ก็มันหน้าร้อนนี่นา ทำไมห้องชมรมเราไม่มีแอร์อ่ะ”

ทัตซึยะบ่นอุบ จินเอาพัดที่ถืออยู่ตีหัวไป1ที “บ้านนายรวยก็เอามาติดให้สิ”

“ถึงจะร้อนขนาดนี้ก็ยังมีคนบ้า 2 คนซ้อมเต้นอยู่นะ”

ยูอิจิที่นอนแผ่ที่พื้นชี้ไปทางคาซึยะกับจุนโนะที่ยังซักซ้อมท่าเต้น แล้วเต้นพร้อมๆกันอยู่ที่กลางห้อง

ผมสีน้ำตาลเข้มเหงื่อมซึมจนเปียกชุ่ม สลัดผมที่เปียกไปมา เข้ากับจังหวะของเพลง

ขยับแขนขาได้คล่องแคล่วเหมือนเป็นไปตามธรรมชาติ กระแทกเท้าไปมาเข้ากับจังหวะที่เปลี่ยนไป ร่างสูงผอมของจุนโนะเตะ

ปลายเท้าขึ้นสูงขยับแขนไปมา เหงื่อที่ท่วมตัวเหมือนเป็นประกายสวยงามผ้าขนหนูที่ใช้

โผกหัวอยู่สลัดปลายไปมาตามจังหวะที่ร่างกายเคลื่อนไหว

เสียงนาฬิกาข้อมือดังเตือนขึ้นจุนโนะหยุดการเต้นทันที คาซึยะหันมามอง “เฮ!! จะไปแล้วเหรอ “

 คาซึยะถาม จุนโนะรีบถอดเสื้อที่เปียกเหงื่อออก เอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวแล้วสวมเสื้อตัวใหม่ทับ

 “ใช่ได้เวลาไปเรียนพิเศษแล้ว เดี๋ยวอาจารย์จะคอย” “จะเรียนไปถึงไหน แค่นี้ก็ฉลาดกว่าพวกฉันหลายร้อยเท่าแล้วนะ”

ยูอิจิลุกขึ้นเอาเสื้อพันหัว “ก็ฉันต้องเอนทรานนี่นา คณะที่จะเข้าคะแนนก็สูงด้วย”

“อืมๆ นี่ๆจุนโนะเอาเอ็มดีไปด้วยสิ แล้วพรุ่งนี้มาต่อท่าด้วยกันอีกนะ” คาซึยะรีบดึงแผ่นออกจากเครื่องส่งให้จุนโนะ

จุนโนะรับไปแล้วหันมาหาทุกคน “ไปนะ!!” ทุกคนโบกตอบรับ

“จุนโนะอยากเรียนอะไรเหรอ ท่าทางเต้นเก่งแบบนี้น่าจะเรียนทางด้านนี้ไปเลยนะ”

คาซึยะดึงผ้าขนหนูที่พันคอขึ้นเช็ดเหงื่อ

“ไม่ได้หรอก บ้านเจ้านี่เค้าผู้ดีเก่ารับราชการมาหลายชั่วอายุคนมาเต้นๆแบบนี้ที่บ้านรู้โดนเหยียบแน่ๆ”

ยูอิจิพูดออกมา ทัตซึยะพยักหน้า

“ มิน่า หล่ะถึงไม่ยอม ไปเต้นโชว์ที่ลานหน้าสถานีด้วยกันนะ”

“เอาเหอะน่า ยังไงเราก็มาซ้อมกันบ้างเถอะ อีกอาทิตย์ก็จะปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว เราจะได้ไปแสดงที่ลานนั้นจริงๆสักที “

จินรีบตัดบท ให้ทุกคนลุกขึ้นมาซ้อมกันสักที

วันนี้จุนโนะ จิตใจว่อกแว่ก จากการเรียนพิเศษน่าดู เพราะมัวแต่ฟังเอ็มดี เพลงที่ใช้เต้นกับคิดท่าเต้นไปด้วย แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึก

อะไรนัก กลับท่าทางมีความสุขมากกว่า ขณะเดินกลับบ้านก็ยังขยับเท้าตามเพลงที่ฟังอยู่ไปด้วย

 เปิดประตูเข้าบ้านด้วยอารมณ์ร่าเริง

“จุนโนะสุเกะ ทำอะไรของแกน่ะ!!” เสียงพ่อดังจนจุนโนะสะดุ้ง ปกติพ่อจะมีงานที่กระทรวงนี่นา ทำไมวันนี้ถึงกลับเร็วนัก

รีบดึงหูฟังแล้วยัดลงกระเป๋าสะพายไป “ทำท่าอะไร ยังกับพวกปัญญาอ่อน เดินๆเต้นๆแบบนั้น!! ไปไหนมารึเปล่าฮะ!!” จุนโนะ

ไม่กล้าจะสบตา พูดเสียงเบาๆตอบออกไป “ผมไปเรียนพิเศษที่ในเมืองมาครับ” ผู้เป็นพ่อได้ยินก็พอใจ พยักหน้า

“ดีแล้ว คิดว่าไปมั่วสุมกันเหมือนพวกเด็กบ้าๆในเมือง หรือพวกที่แถวลานหน้าสถานีรถไฟพวกนั้นซะอีก “

พ่อเดินนำหน้าเข้าบ้านไป จุนโนะ เอามือนวดๆหัวใจ คิดว่าจะตายแล้วซะอีก

บ้านจุนโนะเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นเก่าแก่ เวลาเดินก็ยังต้องเดินเบาๆไม่งั้นไม้จะลั่นจนพ่อหันมาดุเอาได้

ไม่ว่าจะทำอะไรในบ้านหลังนี้ ต้องมีกฎระเบียบไปหมด จุนโนะไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายทำไมถึงหนีออกจากบ้านไป

จุนโนะล้มตัวลงนอนในห้อง เป็นที่เดียวในบ้านที่ไม่ต้องระวังตัว พอเห็นหน้าพ่อก็คิดถึงเรื่องตอนที่พี่ทะเลาะกับพ่อยกใหญ่

พี่ไม่ยอมเรียนต่อบอกพ่อว่าจะออกมาทำวงดนตรีกับเพื่อน แค่นั้นหล่ะพ่อ โมโหหนักตบตีพี่รุนแรง

แถมยังจับพี่ขังในห้อง มัดขาไว้ด้วยโซ่ จุนโนะเห็นก็ตกใจมากๆ

จุนโนะเองก็ไม่ต่างกับพี่ชอบเรื่องร้องเพลงการเต้นเป็นที่สุด พี่ชายก็เข้าใจดี คอยแอบเอาวีดีโอมาแอบดูด้วยกัน

จุนโนะดู ชอบมาก อยากทำได้แบบนั้นบ้าง แต่ให้พ่อรู้ไม่ได้ ต้องแอบเรียน แอบเต้นเอาเอง พอความลับแตกก็ถูกตีจนหลังแตก

พี่ก็ถูกจับขังเอาไว้แบบนี้ จุนโนะรู้สึกสงสารพี่ชายมาก คืนก่อนที่พี่จะหนีออกไป จุนโนะ แอบเข้าไปหาพี่ชาย

 “ต่อให้ตายพี่ก็ไม่ทรยศความฝันของตัวเองหรอก!!”

“ผมก็ไม่อยากทรยศความฝันหรอกครับ แต่ว่า….ผมไม่กล้าพอ” หลังจากพี่หนีไปแม่ก็ร้องไห้อย่างหนักจุนโนะ สงสารจับใจ

 พ่อเป็นคนหัวแข็งไม่ออกไปตามหา แล้วหลังจากนั้นเรื่องทุกอย่างก็มาตกหนักที่เค้า การที่จะต้องตั้งใจเรียน

เข้ารับราชการในกระทรวงศึกษา ทุกอย่างมาประดังประเดที่เค้าจนหมด ไม่ต่างกับหน้าที่หัวหน้าห้องที่เค้าต้องทำทุกวันนี้

เหนื่อยนะแต่เมื่อทั้งพ่อและแม่ฝากความหวังไว้จะทำยังไงได้นะ

จุนโนะอยากจะหลับ แล้วเพลงในวิทยุที่เปิดทิ้งไว้ก็ดังขึ้น เค้าชอบเพลงของคนๆนี้มาก ตอนนี้ประกาศแยกวงกันไปแล้ว แต่ก็ยัง

ชอบเสียงนักร้องนำอยู่ นักร้องนำที่ไม่เคยเปิดเผยหน้าตา เคยได้ยินแต่เสียงร้องเท่านั้น เพลงที่มีลักษณะการร้องไม่แตกต่าง

จากพี่ชายเค้าเท่าไรนัก ฟังแล้วปลอบโยนจิตใจเค้าได้ทุกครั้ง

“เอ่อไม่ทราบว่ารู้สึกยังไงกับการแยกวงบ้างคะ คุณมาโกโตะ”

เสียงสัมภาษณ์ของดีเจในวิทยุถาม”มาโกโตะ" นามแฝงของนักร้องคนนนี้

“ก็คงถึงเวลาอิ่มตัวที่ต้องให้แต่ละคนมีทางเดินของตัวเองที่ต้องแยกกันไปทำละมั้งครับ แต่เราก็จากกันด้วยดีนะครับ แฟนก็ไม่

ต้องเป็นห่วงไปนะครับ ทุกคนยังจะมีผลงานของตัวเองออกมาอีกแน่ๆ”

“แล้วทั้งๆที่ดังมากๆตอนนี้ ตัดสินใจแยกกันไปไม่กลัวกระแสแฟนจะจืดจางเหรอคะ”

“คือว่าตอนนี้ผมอยากพักนะครับ อยากกลับไปบ้านสักที …….“

“เอ๋บ้านเกิดของคุณ มาโกโตะ อยู่ที่ไหนเหรอคะ”

“อันนี้คงจะบอกไม่ได้หรอกครับ รู้ไว้แค่ว่าเป็นเมืองเล็กๆที่คนไม่ค่อยรู้จัก แต่ว่าสวยงามมากๆ มีทะเล ภูเขา คล้ายๆกับสวรรค์
ที่ห่างไกลเลยหล่ะครับ”

จุนโนะไม่ได้ฟังบทสัมภาษณ์ต่อก็รู้สึกเพลียมากๆจนหลับไป

“ฮือๆๆๆๆ!!!” ยูอิจิเอามือกุมหน้าแล้วก็ร้องออกมาดังๆจนโคคิรำคาญ “เป็นบ้าอะไรของแกวะ !!”เอามือตบหัวไปที

 “จะเป็นอะไรซะอีกหล่ะก็ข้อสอบนะ ทำไม่ได้สักข้อมีหวัง ปิดเทอมหน้าร้อนต้องมาเรียนเพิ่มแหง่ๆ”

ยูอิจิเอามือออก แล้วใช้เท้ายันๆโคคิไป โคคิตาโตตวาดแหวออกมา

“ไอ้บ้า แกทำไม่ได้ไมไม่บอกฉันวะ ฉันลอกแกทั้งนั้นเลยนะ”

คาซึยะเห็นท่าทางทั้งคู่ที่ตีกันก็ขำ หันมาทางจินที่ท่าทางหงอยๆเหมือนกัน

“อะไร นายเองก็ทำไม่ได้เหมือนกันเหรอ” คาซึยะหันมามองจิน ที่ทำท่าจะร้องไห้ “ฉันก็ลอกโคคิอีกทีนะสิ…..”

คาซึยะได้ยินก็ขำ “โชคดีจริงๆที่ฉันทำเองนะเนี้ย!!” จินตาโต “อ้าว เจ้านี่ นายทำได้ทำไมไม่บอกกันบ้างหล่ะ ปล่อยให้ฉันลอก

คนผิดอยู่ได้ตั้งนาน” คาซึยะทำหน้ากวนๆ “ก็ไม่ถามกันมาเองนี่นา ช่วยไม่ได้นะ”

แล้วทั้งสามคนก็รุมอัดคาซึยะเล่นกันเป็นเด็กๆ ทัตซึยะเดินเข้ามาในห้องชมรมหน้าตาไม่ค่อยดีนัก

 “พวกนายได้อ่านข่าวนี้รึยัง…..” “ข่าวอะไร เคยอ่านหนังสือพิมพ์กันซะที่ไหนอ่ะ” จินเงยหน้ามาจากการแกล้งคาซึยะ

“มีผู้บริหารในกระทรวงศึกษายื่นเรื่องขอเสนอกฎหมาย ห้ามเด็กออกมาแสดงกันกลางถนนไงหล่ะ

เค้าว่ากำลังพิจารณาว่าจะเอาไงดี เค้าว่าเป็นการรวมกลุ่ม ทำสิ่งไร้สาระ แล้วก็มั่วสุมกันเปล่าๆ”

ทุกคนอ้าปากหวอ “บ้านะสิ ที่ต่างประเทศก็มีกันทั่วไป เป็นการเปิดโอกาสให้แสดงออกในทางที่ถูกต่างหาก “

จินท่าทางไม่พอใจ เดินมาหยิบหนังสือพิมพ์อ่าน “เออ !! บ้าอำนาจชมัดเลย ใครวะเป็นคนเสนอ นโยบายเนี้ย“

โคคิรีบกระโดดมาอ่านหนังสือพิมพ์ด้วย ยูอิจิกับคาซึยะก็ชะโงกหัวเข้ามาดูบ้าง

“นามสกุลทากุจิ เหมือนจุนโนะเลยนะ” คาซึยะพูดขึ้น

“แหม่ คงไม่ใช่พ่อเจ้านั้นหรอกมั้ง อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นพ่อเจ้านั้นก็รับราชการอยู่กระทรวงศึกษาซะด้วย!!”

ยูอิจิทำท่าไม่เชื่อ

“พ่อฉันเองนะแหละ เป็นคนที่เสนอเรื่องนี้น่ะ” จุนโนะเข้ามาในห้องท่าทางเคร่งๆ ทุกคนหน้าเหรอ

“พ่อนายคงไม่ได้รู้ว่านาย มาเต้นกับพวกเราหรอกนะ” จินหันมามองท่าทางเป็นห่วง

“ไม่รู้หรอก ที่บ้านฉันปิดไว้เป็นความลับ ฉันก็ไม่เข้าใจ พ่อคงจะเกลียดไอ้เรื่องพวกนี้มาก เพราะพี่ฉันก็เป็นนักดนตรีที่เล่น
ตามข้างถนนแบบนี้เหมือนกัน”

“แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ยังไงนายก็ไม่ได้ไปเต้นกับพวกเราที่ลานนั้นอยู่แล้วยังไง ท่านก็ไม่รู้อยู่แล้วหล่ะ”

ทัตซึยะพยายามพูดให้เรื่องดีขึ้น

“แต่ว่าเล่นเสนอเรื่องมาแบบนี้ แล้วที่ลานนั้นยังจะเปิดให้เราไปแสดงได้อีกรึเปล่าก็ไม่รู้”

โคคิพูดออกมาแค่นี้ทุกคนก็เงียบไปเลย จุนโนะถอนหายใจ “ฉันจะไปเต้นที่ลานนั้นกับพวกนายด้วย “

คาซึยะกับจินหันมามองจุนโนะพร้อมกัน คนอื่นๆยังเอ๋ออยู่

“ฉันอยากร้อง อยากเต้นร่วมกับพวกนาย อยากเก็บมันไว้ เพราะบางทีอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้ทำแบบนั้น”

จุนโนะพูดออกมายิ้มๆ

“แต่ถ้าพ่อนายรู้หล่ะ……” คาซึยะรีบโพล้งออกมา จินเอามือจับไหล่คาซึยะไว้ก่อนพูดออกมา

“อืมไปเถอะ……ไปเต้นด้วยกันเถอะนะ”

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 01-03-2007 16:08:27
แสงแดดสดใสมากๆ เพราะว่าเป็นหน้าร้อนรึเปล่า ลานแสดงคนเยอะไม่แพ้ที่ฮาราจุกุเลย เพราะเป็นปิดเทอม ทุกคนเลยมา

รวมกันที่นี่ บรรยากาศดูสนุกสนานมีชีวิตชีวา มีเด็กวัยรุ่นหลายกลุ่มเตรียมเครื่องดนตรีมาหลากหลายสไตล์ บางกลุ่มก็มาเพื่อที่

จะเต้นโดยเฉพาะ บางพวกก็มาโชว์กีฬาผาดโผนแบบเอ็กซ์ตรีม

พวกเป็นวงดนตรี หรือแต่งตัวแนวโคลสเพลย์ก็เยอะแยะ ละลานตาไปหมด

นร.หญิงม.ปลายแต่งตัวน่ารักก็เดินเที่ยวเต็มไปหมด ทัตซึยะรู้สึกอายๆเก้ๆกังๆ เพราะอยู่รร.ชายล้วนมาตลอด มีสาวน้อยหน้า

หวานคนนึงยิ้มให้ ทัตซึยะอายจนเดินไปชนโคคิกับยูอิจิเข้า

“ไอ้นี่ เดินดีๆเดะ มาชนได้ไงวะของยิ่งหนักๆอยู่ด้วย”

โคคิที่ถือเครื่องเสียงหันมาตวาดแหว ยูอิจิหันมามองก็เห็นกลุ่มสาวๆหัวเราะกันคิกคัก

 “โอ้ว!!น่ารักกันทั้งนั้นเลยอ่ะ อยากอยู่รร.สหบ้างจัง!!” “จริงด้วยนะครับ” ทัตซึยะเออออไปด้วยอีกคน

“บ้ากามกันใหญ่ เอ้า!! เอาเข้าไป มาทำอะไร ไม่ได้ให้มาเหล่หญิงนะ มาช่วยเซทเครื่องเสียงเลย"

ยูอิจิกับทัตซึยะทำท่าจะตบหัวโคคิ แต่ก็มาช่วยกันวางเครื่องเสียงทันที

คาซึยะเดินสายลำโพงไปที่อีกมุมของที่จะร้องเพลงกัน กลุ่มสาวๆที่ผ่านมาท่าทางสน ใจ ยิ้มให้คาซึยะ

คาซึยะรู้สึกเก้อๆอายๆนิดหน่อย แต่ก็ยิ้มเขินๆตอบไป

“จะทำอะไรกันเหรอ ?” สาวน้อยผมสั้นท่าทางน่ารักก้มหน้าลงถามคาซึยะที่กำลังติดกระดาษกาวกับสายลำโพง

“อะ..เอ่อ ร้องเพลงนะ …มาฟังก็ได้นะ” อายสุดๆ เลยนะ สาวน้อยคนนั้นเห็นท่าทางแล้วก็ขำ เพื่อนสาวข้างๆก็กรี๊ดกร๊าดกันนิด

หน่อย จินที่เดินสายไปอีกทางยืนดูพร้อมกับกัดนิ้วไปด้วย “ท่าทางเจ้านี่ต้องมีแฟนคลับเร็วๆวันนี้แหง่ๆ อิจฉาชมัดเลย”

จุนโนะที่ปรับเสียงลำโพงอยู่ก็ขำ

สาวน้อยคนนั้นยิ้มให้คาซึยะ แต่พอเห็นรอยแผลที่ข้อมือก็สีหน้าเปลี่ยน เดินจากไปทันที คาซึยะมองข้อมือตัวเองเหมือนรู้ตัวดี

เอามืออีกข้างมาจับรอยแผลเป็นเอาไว้ จินกับจุนโนะเห็นพร้อมกันก็รู้สึกเป็นห่วง จริงอยู่ที่ปัญหามันคลี่คลายไปได้ แต่การจะให้

คนรอบข้างยอมรับเรื่องแบบนี้ได้คงลำบากน่าดู

โคคิเดินเข้าไปใกล้ๆ คาซึยะที่นั่งกำข้อมืออยู่ ก่อนถอดข้อมือหนังอันใหญ่ของตัวเองยื่นให้ “เอาไปใส่ไป เดี๋ยวเรทติ้งแกจะตก

ซะเปล่าๆ สาวๆก็ออกจะกรี๊ดขนาดนั้นนี่!!” คาซึยะเงยหน้ามายิ้ม “อิจฉาละซิ”

 แล้วก็เอาข้อมือใส่ทับรอยแผล ปิดได้มิดมองไม่เห็นแผลเลย

จินกับจุนโนะยิ้มให้กัน ก่อนเดินไปเตรียมตัวต่อไป เสียงดนตรีดังขึ้น คนในบริเวณนั้นท่าทางสนใจ เพราะซาวน์ของดนตรีไม่ใช่

เพลงแบบที่ได้ยินทั่วๆไป กลุ่มสาวๆรีบวิ่งกันมาตามเสียงเพลง

จินจับไมค์ร้องเพลงเสียงใสตามที่เค้าถนัดออกมา คนอื่นขยับตามจังหวะดูสนุกสนานสดใส คาซึยะก้าวออกมาร้องข้างหน้า ปลด

ปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะของเพลงท่อนต่อๆมาทุกคนร้องเต้น อย่างสนุกสนาน คนดูท่าทางสนใจ เรียกให้มาดูกันมากๆขึ้น

มากขึ้น บางกลุ่มที่มาแสดงที่ลานนั้นถึงกลับชะโงกหน้าดู ว่ามีอะไรดีนักคนถึงได้ไปมุงเยอะขนาดนั้น

รถแวนติดฟิมล์กรองดำสนิทมาจอดใกล้ๆบริเวณนั้น คนขับรถซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวพูดออกมาอย่างตกใจ

 “อืม คนเยอะนะเนี้ย จะลงไปรึเปล่า “ ชายหนุ่มหน้าตาสวยสวมแว่นตาดำเอามือเสยผมไปมาก่อนพูดน้ำเสียงสดชื่น

 “ลงไปดูอยู่แล้วยังไงก็ไม่มีคนรู้จักผมหรอก อยากดูว่าที่นี่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากมั้ย อีกสัก 2 ชม.ค่อยมารับก็แล้วกันนะ”

มาโกโตะลงจากรถเดินเอามือล้วงกระเป๋าไปตามทางยาวๆของลาน สาวๆกลุ่มนึงวิ่งมาใกล้ได้ยินเสียงคุยกัน

 “ นี่ๆเธอเค้าบอกว่ามีกลุ่มนึงมาใหม่ น่ารักทุกคนเลย เสียงก็ดี๊ดีนะเธอ!!” “จริงเหรอ อยู่ทางไหนน่ะ”

มาโกโตะท่าทางสนใจเหมือนกันก็เลยสะกิดสาวทั้งสองคน

 “โทษนะครับ กลุ่มนั้นอยู่ทางไหนเหรอครับ”

“อะ..เอ่อตรงไปทางซ้ายนะคะ ที่มีคนมุงเยอะๆ” มาโกโตะยกแว่นตาดำขึ้นนิดหน่อย ยิ้มออกมา”ขอบคุณครับ!!”

สาวทั้งคู่แทบช็อคเลย “หล่อจังเลย เป็นายแบบหรือดารารึเปล่าเนี้ย!!”

มาโกโตะเดินมาจนถึงกลุ่มที่กล่าวถึง แน่ใจเพราะปริมาณคนที่ยืนดูกันจนล้นลาม ออกจะเบียดเสียดกันด้วยซ้ำ พอๆกลับเป็น

LIVE เล็กๆก็ว่าได้ โชคดีที่คนดูส่วนมากเป็นสาวๆ ตัวเค้าที่สูงกว่ามองเห็นได้ชัด เด็กผู้ชายหน้าตาหมดจด 6 คน ร้องเต้นไม่

ต่างจากวงบอยแบนด์ที่บริษัท ออกจะดีกว่าด้วยซ้ำ แทบไม่น่าเชื่อว่า เป็นแค่เด็กๆที่มารวมตัวกัน เฉยๆ

การร้องเต้นมีจังหวะและความพร้อม กลมกลืนกันหาที่ติไม่ได้

ช่วงร้องRAPน้ำเสียงโดดเด่นได้อารมณ์ดี โดยเฉพาะท่าทางคนร้องเหมือน B-BOYจริงๆ ก่อนจะจบเด็กตัวสูงที่กระโดด

ตีลังกานั้น ท่าทางคุ้นเคยนะ จุนโนสุเกะไม่ใช่เหรอ มาโกโตะถึงกับถอดแว่นออก เพราะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

พอดนตรีจบลง เสียงกรี๊ดร้องดัง ทุกคนขอให้ร้องอีก จนหน้าทั้ง6 คนออกจะงงนิดหน่อย

แต่ก็ยิ้มออกมาพร้อมเต้นต่ออีกครั้ง มาโกโตะเฝ้าดูจนจบการแสดงของวันนี้ไป

“เย้!!!”ทุกคนยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นชนกัน เหมือนฉลองอะไรสักอย่าง ก่อนดื่มกันรวดเดียวเพราะความเหนื่อย

“ไม่คิดเลยว่าจะมีคนดูเยอะขนาดนี้ ผมเต้นผิดด้วยหล่ะ” ทัตซึยะพูดออกมาคนแรก “ฉันก็ผิด ผิดไปไม่รู้คนเห็นรึเปล่า”

โคคิเอามือตบหลังทัตซึยะ “ผิดไม่ผิดก็ไม่เป็นไรหรอก คนดูชอบก็พอแล้วนะ”

ยูอิจิพูดพร้อมทำท่ากำมือเหมือนภาคภูมิใจมากๆ

คาซึยะไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มนิดๆ จินหันไปเห็นก็เอามือคล้องคอเอาไว้

 “รู้สึกดีใช่มั้ย ก็บอกแล้วการร้องการเต้นของเราไม่ได้เสียเปล่านะ นอกจากทำให้เรามีความสุข คนที่เค้ามาดูก็มีความสุขไป
ด้วย”

จุนโนะดื่มน้ำอัดลมต่อยิ้มๆก็หันไปเห็นพ่อเข้า ตกใจจนกระป๋องน้ำอัดลมหล่นลงพื้น ทุกคนหันมามองพร้อมกัน

“จุนโนะสุเกะ กลับบ้านเดี๋ยวนี้!!” เสียงพ่อเหมือนโมโหเกรี้ยวกราดมากๆ ทุกคนสีหน้าตื่นๆไปหมด

ไม่คิดว่าพ่อจุนโนะจะดุขนาดนี้ จินทำท่าจะพูดอะไรออกมา แต่จุนโนะก็หันมาส่ายหัวให้

“ฉันกลับก่อนนะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ช่วยเก็บของ”

แล้วจุนโนะก็เดินไปขึ้นรถคันหรูของที่บ้าน ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับจุนโนะบ้าง

จุนโนะถูกดาบไม้ตีไม่หยุด แม่ที่ดูก็เข้ามาห้ามพ่อ “พอทีเถอะคะคุณ อย่าตีแกไปมากกว่านี้เลย แกเจ็บนะคะคุณ!!”

“เจ็บรึ คงไม่เท่าฉันหรอก คิดดูสิ พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจดูพวกเด็กที่มันมั่วสุมกัน อับอายขนาดไหนที่มีลูกตัวเองปนอยู่กับพวกนั้น

ด้วย มันโกหกเราตลอด บอกว่าไปเรียนพิเศษไปท่องหนังสือห้องสมุด แต่จริงๆก็ไปมั่วอยู่กับพวกนั้น!!”

“พ่อก็คิดแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้นหล่ะ ….. “ พ่อชะงักหันมาจ้องลูกชายที่คุกเข่าก้มหน้าที่พื้น”แกว่าไงนะ!!”

 “หรือว่าไม่จริง พ่อสนใจแต่สายตาคนในแวดวงของพ่อ พ่อต้องการให้ลูกเจริญรอยตามพ่อ ต้องดีนะ ต้องทำตัวถูกต้องนะ ถ้าแค่ลูกเดินเฉจากเส้นที่พ่อขีดพ่อก็คลั่งจนแทบบ้า กรอบที่พ่อต้องการให้พี่กับผมเป็นนะ มันไม่ใช่ความฝันของพวกผมหรอกนะ พ่อเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ที่เอะอะอะไรก็ จะต้องเป็นไปตามฝันของพ่อ พวกผมก็มีความฝันของตัวเองนะ แค่นั้นยังไม่พอ พ่อเที่ยวไปจำกัดความฝันของลูกคนอื่นๆ เด็กที่ไปที่นั้นน่ะไม่ได้ไปมั่วสุมหรอกนะครับ เค้าไปทำตามความฝัน พวกเค้า อย่างถูกต้องต่างหาก”

“เพียะ” พ่อใช้มือตบหน้าจุนโนะ โกรธจัด พ่อไม่เคยใช้มือมาก่อน แสดงว่าโกรธมากจริงๆ “ ความฝันพรรณนั้นของแกนะ มัน
กินไม่ได้หรอกนะ !!”

“ถึงจะกินไม่ได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตยังอยู่ต่อไปนะครับ!!” ชายหนุ่มผมยาว สวมเชิ๊ตขาวปล่อยชายกับกางเกงหนังเดิน

เข้ามาในบ้าน ตอนนนี้ไม่ได้สวมแว่นตาดำเอาไว้จุนโนะเพ็งดูให้ดีก็เห็นชัดว่าเป็นใคร

“พี่!!!”

มาโกโตะยิ้ม แม่ดีใจน้ำตาไหลเอามือปิดปาก พ่อ ท่าทางตกใจมาก “กะ …..แกกลับมาอีกทำไมกัน ไอ้ลูกนอกคอก”

“กลับมาสิครับ กลับมาเพื่อน้องชายผม พ่อน่าจะดีใจที่มีลูกที่ไม่คิดจะทรยศความฝันของตัวเองถึง2คน”

มาโกโตะก้มลงจับไหล่น้องชายที่ทรุดลงไปไว้

“แกพูดบ้าอะไรของแก น้องมันเสียคนก็เพราะแกนี่เอง!! เอออยากไปตายข้างถนนกันที่ไหนก็เชิญ”

พ่อทำท่าเกรี้ยวกราดใส่มาโกโตะ มาโกโตะพยุงจุนโนะลุกขึ้น

“ถ้างั้น ผมขอตัวเค้าไปเลยก็แล้วกัน ถ้าพ่อพูดอย่างนี้ละก็!!” จุนโนะหน้าตาตื่น ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไร มาโกโตะก็ลากออกจาก

บ้านมา พ่อตกใจทำท่าจะวิ่งตาม แต่ก็ทิฐิแรงกว่า เดินขึ้นห้องไป แม่ก็ได้แต่ร้องไห้โหที่ลูกชายทั้งสองคนออกจากบ้านไป

“พี่!!…..กำลังทำอะไรนะ” จุนโนะหน้าตาตื่น มาโกโตะยิ้มๆไม่ได้ตอบอะไร

chapter 10 end

to be con.................

พ่อใจร้ายที่สุดเลยยยยยยยย  :3024:

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-03-2007 16:23:39
กำลังสนุกเลย รีบมาต่อไวไวนะ :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-03-2007 19:31:48
สนุก ๆ มีปัญหาอีกคนแล้ว  :yeb:
ขอบคุณที่มาต่อให้ค่ะ  :like6:
รออ่านอยู่นะคะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 01-03-2007 19:35:49
กำลังมันส์เลยอ่ะ  :laugh3:

มาต่ออีกไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 03-03-2007 11:49:04
อ่า ได้อ่านแระ

ค้างเชียวๆๆๆๆ    :monkeycry4:

มาต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  อิอิ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 04-03-2007 00:15:35
ไม่ได้เข้ามาหลายวัน แหะๆ  :-[ :-[


ขอบคุณ taebin7 มากนะคับ ที่อุตส่าห์มาลงให้อ่าน  :myeye: :myeye:

แต่ว่านะที่ชอบมากที่สุดเนี่ยก็ มาโกโตะเนี่ยแหละ  :-[ :-[ :-[

(มาโกโตะเดียวกะเราป่าวหว่า  :confuse:)
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 07-03-2007 19:18:22
chapter11.1


จุนโนะอาบน้ำเสร็จแล้ว พี่ชายก็เอายามาทาหลังให้ จุนโนะออกจะงงๆนิดหน่อย จากรถแวนที่หรูขนาดนั้น รวมทั้งที่พักที่เป็น

โรงแรมหรูขนาดนี้ พี่ของเค้าหายไป ไปทำอะไรมานะ ทำไมถึงท่าทางร่ำรวยขนาดนี้ ถ้าเป็นนักคนตรีอิสระก็ไม่น่าจะรวยขนาด
นี้ได้

เสียงเพลงของมาโกโตะที่เค้าชอบดังขึ้นในห้องจุนโนะก็ตั้งใจฟัง พี่ชายก็ขำออกมา

“นายชอบเพลงของเจ้านี่เหรอ “ จุนโนะทำหน้ายิ้มๆ

“ใช่ ผมชอบ เค้าร้องเพลงเหมือนพี่นะ พี่รู้สึกรึเปล่า” มาโกโตะพยักหน้า

“อืมอยากได้ลายเซ็นมั้ยหล่ะ!!”

จุนโนะท่าทางสนใจ

“หืม พี่รู้จักเหรอ ล้อเล่นละมั้ง เค้าดังจะตาย แถมไม่เปิดเผยหน้าตาด้วย”

 มาโกโตะส่ายหัวยิ้มๆ เดินไปหยิบกระดาษออกมาเซ็นลวกๆแล้วส่งให้จุนโนะ

“หึ่ย!! พี่นี่เก่งชมัด ปลอมลายเซ็นได้เหมือนมากเลย”

มาโกโตะยกใบลายเซ็นตีหัวจุนโนะไปที

 “นี่ มาโกโตะก็คือพี่นี่แหละ ไม่รู้เรื่องอีกรึไง ต้องร้องเพลงให้ฟังเหรอถึงจะเชื่อ!!”

จุนโนะตกใจถอยห่างจนตกเตียง ศิลปินดังที่เค้าชอบก็คือพี่ชายของเค้าจริงเหรอเนี้ย

“เอ้ามาพูดเรื่องของนายบ้าง พี่นะคิดไม่ผิดเลยว่าแววนายต้องรุ่ง” จุนโนะตั้งสติได้ค่อยๆลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง

 “เรื่องของผม หมายถึงเรื่องอะไร “

“เรื่องทีมร้องเต้นของนายไง ท่าทางไม่เลวเลยนะ ผู้จัดการของพี่ก็ยังสนใจเลย “ จุนโนะเกาหัวงงๆ

“สนใจ ……หาพี่ก็ไปดูมาเหรอวันนี้น่ะ”

“อืม มันบังเอิญน่ะนะ กลุ่มของนายน่าสนใจดีนะ ไม่คิดจะไปAUDITIONกันบ้างเหรอ” จุนโนะมีสีหน้าคิดหนัก

 “พี่จะให้ผมออกจากบ้านมาเหรอ หนีออกมาแบบพี่งั้นเหรอ”

“นายไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกน่า เพราะมีพี่คอยช่วยอยู่ ตอนนี้พี่ก็พอจะอยู่ได้สบายๆ นายมาเพิ่มก็ไม่หนักอะไรหรอก”

“ผมไม่อยากออกไปเฉยๆ โดยที่ยังทะเลาะกับพ่อแบบนั้น ผมอยากคุยให้รู้เรื่องมากกว่าหนีไปเฉยๆ อย่างน้อยเค้าก็เป็นพ่อนะ”
จุนโนะทำท่าสำนึกผิด


“นายก็รู้คนอย่าง พ่อไม่มีทางเข้าใจหรอก พอนายกลับไป ท่านจะขังนาย แล้วก้ไม่ให้นายไปร้องไปเต้นแบบนั้นอีกแน่ๆ นายจะเสียโอกาส นายเชื่อพี่ออกจากบ้านมา ไปAUDITION ด้วยกัน”

“ผมไม่ได้อยากจะเป็นนักร้องขนาดนั้น แค่ได้ร้องได้เต้นกับเจ้าพวกนั้นผมก็มีความสุขแล้ว ถึงแม้ว่าจะแค่วันนี้วันเดียวก็เถอะ พี่พาผมกลับบ้านเถอะ แม่คงเป็นห่วงแย่แล้ว”

มาโกโตะถอนหายใจยาวๆ พยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินไปหยิบกุญแจรถที่ยืมผู้จัดการไว้ มือถือของจุนโนะดังขึ้น สายเรียกเข้าเป็น

ทัตซึยะ มีอะไรกันนนะ

“ฮัลโหล จุนโนะ เรื่องใหญ่มากๆ นายอยู่ไหนเนี้ย !!” “อะไร มีอะไรเหรอ?” ทัตซึยะพูดเหมือนกระซิบ

 “ตอนนี้จินกับโคคิกำลังทะเลาะกับพ่อนาย อยู่ที่บ้านนายนะสิ!!” “หา!!”


“พวกเธอเป็นพวกเด็กเหลือขอรึไง ถึงไม่มีมารยาทกับผู้ใหญ่แบบนี้ “พ่อโกรธจนลุกขึ้นมา

“แล้วคุณลุงเป็นพ่อแบบไหนหล่ะที่บีบจนจุนโนะออกจากบ้านไปนะ” โคคิลุกขึ้นยืนตะโกนแข่งกัน

”โอ้ย!! ผมมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อจะมาทะเลาะกับคุณลุงนะครับ” จินรีบเอามือกั้น พ่อกับโคคิให้แยกออกจากกัน

คาซึยะ ยูอิจิ ทัตซึยะ นั่งตัวลีบไม่กล้าจะพูดอะไร

“ฉันละกลัว พ่อจุนโนะเส้นเลือดในสมองแตกจริงๆมาเถียงกับเจ้า2คนนี้”

คาซึยอดขำไม่ได้ สถานการณ์แบบนี้ยูอิจิก็พูดเป็นเรื่องตลกออกมาได้

จุนโนะวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน ทุกคนหันไปพร้อมๆกัน แม่ที่ยกน้ำชาเข้ามาเห็น มาโกโตะยืนแอบที่ข้างประตูก็ดีใจ
เข้าไปหา

 “ซาโตชิ กลับมาบ้านเถอะนะลูก” มาโกโตะได้แต่ยิ้มๆ

“กลับมาแล้วรึไง ไอ้ตัวดี ไปไม่รอดเหรอ” พ่อทำท่าจะเข้าไปตบหน้าจุนโนะ

จินวิ่งเข้าไปขวางจนโดนตบไปเอง จุนโนะตกใจ พ่อเองก็เหมือนกัน

 “คุณลุงครับ เลิกใช้กำลัง กับจุนโนะเถอะครับ เจ้านี่เป็นเด็กดีมากๆเลยนะครับ คุณลุงคงไม่รู้ว่า ตลอดเวลา เค้าไม่เคยทิ้งการเรียนเลย ทั้งที่ซ้อมเต้นจนเหนื่อยแต่เจ้าหมอนี่ก็ยังไปเรียนพิเศษไม่เคยขาด ไม่ว่าในห้องมีปัญหาอะไร ก็ทำหน้าที่หัวหน้าห้องให้ดีที่สุด ไม่ได้ทำตัวนอกลู่นอกทางสักนิด เรื่องที่เราไปเต้นกันนั้นก็ไม่ได้มั่วสุมในทางที่ไม่ดี ถ้าคุณลุงตั้งใจดูดีๆ จะเห็นว่าพวกเรามีความสุขแค่ไหน คนที่มาดูพวกเราสนุกแค่ไหน แล้วคุณลุงก็จะเข้าใจนะครับ “

พ่อจุนโนะเงียบไปนิดหน่อย เหมือนกำลังใช้ความคิด อย่างหนัก มาโกโตะยิ้มออกมา

“พ่อน่าจะดีใจมากๆเลยนะที่มีลูกที่นอกจากจะไม่ทรยศความฝันของตัวเอง ยังเป็นเด็กที่ดีมากๆ ทั้งๆที่ผมชวนให้เจ้านี่หนีออกจากบ้าน แต่ก็ไม่ยอมหนี เพราะแคร์ความรู้สึกของคนที่บ้านมากๆ ทั้งๆที่คนที่บ้านไม่เคยสนใจความรู้สึกของเค้าเลย “

จุนโนะมองดูหน้าพ่อ ด้วยแววตานิ่งๆ เศร้าๆ พ่อเม้มปาก เหมือนคิดอะไรในใจอย่างหนัก

“อยากทำอะไร ก็ทำ แต่ถ้าแกเอนทรานส์ไม่ติดนะ ฉันตีแกตายแน่ๆ”

พ่อพูดแบบไม่มองหน้าทุกคนแล้วก็ทำท่าเดินออกไป มาโกโตะยืนดูพ่อ พ่อหันมามองนิดหน่อย

“แกนะ ยังไงก็กลับมาบ้านบ้างนะ แม่เค้าเป็นห่วงแก”

โคคิตบมือกับยูอิจิเป็นสัญญาณว่าเรื่องผ่านไปด้วยดี คาซึยะยิ้มให้ทัตซึยะ จินกอดไหล่จุนโนะให้ดีใจได้เลย

“AUDITION เหรอครับ”จินทวนคำกับมาโกโตะ มาโกโตะพยักหน้า “ท่าทางพวกนายน่าจะทำได้ น่าจะไปเวทีที่ใหญ่กว่านี้ จะ
ให้ฉันช่วยก็ได้นะ”

จินยิ้ม “อืม ขอบคุณครับแต่ว่า พวกเราไม่ได้หวังที่จะเป็นนักร้องกันจริงๆนะครับ แค่เต้นเพื่อความสนุกแค่นั้น”

มาโกโตะหัวเราะ เจ้าพวกนี้เหมือนกันแบบนี้เองถึงได้มาอยู่ด้วยกันได้

 “อืมตามใจก็แล้วกัน แต่ยังไงก็พยายามกันต่อไปหล่ะ หวังว่าคงมีโอกาสได้เจอกันจริงๆนะ”

มาโกโตะเดินไปลาแม่ ก่อนออกจากบ้านไป

จุนโนะเดินมาส่งเพื่อนๆ

“นี่พี่ชายนายเป็นแมวมองเหรอ” ยูอิจิถามจุนโนะขึ้นมา “ไม่ใช่ พี่ฉันคือมาโกโตะ นักร้องที่ดังๆตอนนี้ไงหล่ะ“

“เฮ้ย อย่ามาหลอกกันเดะ พี่นายเนี้ยนะ!!”ยูอิจิท่าทางไม่เชื่อ

จุนโนะยักไหล่แบบจนปัญญาไม่เชื่อก็ตามใจสิ ยูอิจิอ้าปากค้าง

 “เฮ้ย จริงหรือเนี้ย โธ่ไปซะแล้วยังไม่ได้ขอลายเซ็นเลย โธ่ๆๆๆๆๆ”

ทัตซึยะกับโคคิได้แต่หัวเราะยูอิจิยกใหญ่

จินยืนหัวเราะยูอิจิอีกคน คาเมะมองจินแล้วก็ยิ้ม “มีอะไร อยู่ดีๆมองหน้าฉันแล้วยิ้ม”

“ไม่มีอะไร นายนี่เป็นคนดีจริงๆเลยนะ ตอนที่พูดให้จุนโนะน่ะ ถ้าเป็นฉันคงพูดไม่ได้หรอก” จินเอามือกอดคอคาซึยะไว้

 ”ฉันนะเป็นคนดีไม่เถียงอยู่แล้ว แต่นายก็ไม่ใช่คนเลวหรอกนะ ตอนนี้ปีกนายเพอร์เฟ็กซ์มากๆ “


คาซึยะยิ้ม “เลิกพูดเรื่องปีกเถอะน้า ดูเพ้อฝันชอบกล พี่ชายจุนโนะนี่เท่ห์ดีเนอะ”

จินยิ้มๆ อย่างน้อยคาซึยะก็มีพี่ชายคงนึกถึงมันขึ้นมาบ้าง

“เหงาเหรอ มาจะกอดให้ความอบอุ่นน้า” แกล้งกอด คาซึยะเอาไว้ ทุกคนหันมามอง คาซึยะอายพยายามดันจินออกไป

 “ปล่อยนะ ทำอะไรนะ ทุเรศจริงๆ” ยูอิจิ หลบมายืนรวมกับโคคิ จุนโนะ ทัตซึยะ ก่อนทำท่ากระซิบกระซาบ

 “นี่ๆเจ้า 2 คนนี่ แปลกๆแล้วนะ ตอนนั้นก็เมาท์ทูเมาท์กันซะดูดดื่ม”

คาซึยะได้ยินก็หน้าแดงจนถึงหู “เจ้าบ้าพูดอะไรออกมานะ “

ทุกคนก็หัวเราะออกมาเหมือนแกล้งๆงั้นแหละ จินหันมามองทุกคนแล้วก็ยิ้มๆออกมา

“พวกนายคงไม่ว่าอะไรนะที่ฉัน ปฏิเสธเรื่องไป AUDITION นะ” จินพูดออกมาแทรกเสียงหัวเราะของทุกคน

 “โอ้ย ฉันเข้าใจดี เรื่องที่จะไปเป็นดาราไรเงี้ย ฉันก็โดนชักชวนบ่อยๆอ่ะนะ แต่ขี้เกียจจะไปอ่ะ อยู่กับพวกบ้าๆอย่างงี้สนุกกว่า
แยะ”

ยูอิจิพูดออกมาพร้อมเก็กท่าดาราใหญ่ ทุกคนหัวเราะออกมาอีก

“ฉันว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วหล่ะ ถ้าไปสู่เวทีใหญ่แบบนั้น อะไรจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างเราก็ไม่รู้ได้”

คาซึยะหันมาพูดท่าทางจริงจัง

“อืมผมก็ว่าดี ถ้ายังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้ผมยังเต้นผิดๆถูกๆอยู่เลย” ทัตซึยะระบายออกมาบ้าง

“สำหรับฉัน แค่ยังมีRAPให้ร้อง จะเป็นยังไงก็ไม่คิดมากอยู่แล้ว” โคคิพูดกวนๆตามแบบฉบับ

 “ฉันแค่ได้ไปเต้น แล้วพ่อไม่ว่าอะไรก็พอใจแล้วหล่ะ “

จุนโนะยิ้มตาหยี จินหลับตาพยักหน้ายิ้มๆ

“ขอบใจนะทุกคน ขอบใจที่เข้าใจฉัน” แล้วก็เข้าไปกอดคอยูอิจิกับคาซึยะเดินไปพร้อมกับทุกคน




หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-03-2007 19:27:13
ซึ้งกับความรักของเพื่อน :-[ :-[ :-[

ต่อไวไวนะรออยู่ :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 07-03-2007 19:29:23
“เฮ ไปดูด้วยกันรึเปล่า รุ่นพี่เค้าร้องเพลงที่ลานหน้าสถานีรถไฟทุกเสาร์เลยนะ“

คาโต้ชวนคุซาโนะเสียงดัง คุซาโนะหันมามองทำหน้าเบื่อๆ

 “นายจะบ้ารึไง รุ่นพี่พวกนั้นเค้าร้องเพลง คนละแนวกับชมรมประสานเสียงของเรานะ” โคยาม่ารีบแย้งขึ้นมา

 “ไม่นะ เพลงช้าๆที่รุ่นพี่เค้าร้องกันนะ มีเทคนิคการร้องประสานเสียงเอาไว้ด้วย
แล้วกลุ่มนั้นก็ดังมากๆด้วย เด็กมัธยมแถวนี้เค้ารู้จักกันหมดแหละ “


“นั้นสิ ถ้าเกิดไปAUDITION คงดังเป็นพลุแตกแหง่ๆ ขนาดแสดงแค่ตรงนั้นยังมีคนไปรอดูทุกเสาร์เลย”

คาโต้รีบเสริม คุซาโนะทำหน้ามุ้ยๆก่อนเดินออกมาจากโต๊ะหนังสือในห้อง

 “พวกนายลืมไปแล้วรึไง ว่าในกลุ่มนั้นมีรุ่นพี่ ที่น่ากลัวมากๆอยู่นะ “หมายถึงคาซึยะนั้นเอง

“ไม่เป็นไรหรอกน่าเราไปดูเค้าร้องเพลงไม่ได้ไปชวนเค้าทะเลาะสักหน่อย ไปกันเถอะนะ”

ว่าแล้วก็ลากคุซาโนะไปด้วยกันทันที มาถึงลานที่เป็นที่แสดง ขณะยังไม่ได้เวลาคนก็มาออเต็มไปหมด เยอะมากโดยเฉพาะ

สาวๆ คุซาโนะทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็ตะลึงกับจำนวนคนไม่น้อยเลย สำหรับการแสดงข้างถนนแบบนี้ ดีไม่ดีจะมากกว่า คนที่ไปฟัง

การร้องประสานเสียงในการแข่งขันบางครั้งด้วยซ้ำ คุซาโนะเดินไปไม่ทันดูกลุ่มคนที่เบียดๆออๆกันอยู่ก็เลยโดนเบียดจนจะล้ม

ลง มีมือผอมบางของใครบ้างคนคว้าแขนเค้าเอาไว้ คาซึยะนั้นเอง วันนี้สวมแว่นตาสีชากรอบใหญ่ เสื้อกล้ามสีเขียวทหารซ้อน

กล้ามดำตัวใน กางเกนยีนส์เซอร์ๆ ทำไมดูเท่ห์ขนาดนี้นะ ขนาดคุซาโนะเป็นผู้ชายเห็นก็รู้สึกว่าดูดีมากๆ พวกสาวที่เบียดเค้า

เมื่อกี้ไม่ต้องพูดถึง กรี๊ดสลบกันไปแล้ว

“เป็นไรรึเปล่า?” คาซึยะหันหน้ามาถาม คุซาโนะส่ายหัวไปมายังตะลึงไม่หาย จินที่สวมเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงสามส่วนเดิน

แบกของมาด้านหลังก็ท่าทางเท่ห์ไม่แพ้กัน ยิ้มให้กับคนที่มาดูอย่างเป็นมิตร สาวๆยิ้มกันไปหมด

 “ขอโทษนะครับ ช่วย เผื่อทางเดินให้ด้วยนะครับ “

สมาชิกคนอื่นๆเดินตามมากันเป็นแถวๆ ทั้งที่แต่งตัวด้วยชุดลำลองง่ายๆทั้งนั้น แต่รัศมีความเด่นก็ส่องประกายมาจากทุกๆ

คน คุซาโนะรู้สึกผิดแปลกไปจากรุ่นพี่ที่เค้าเห็นที่รร.โดยสิ้นเชิง คาโต้กับโคยาม่า เข้ามาใกล้ๆคุซาโนะ

 “เท่ห์มากๆเลย ทั้งที่รร.ไม่เห็นบุคคลิคแบบนี้กันเลยนะ” โคยาม่า เผลอพูดขึ้นมาลอยๆ

เสียงดนตรีเริ่มขึ้นทุกคนเงียบรอดูการร้องเพลงใจจดจ่อ เพลงแรกเป็นเพลงช้าท่วงทำนองใสๆ มีการร้องประสานเป็นช่วงๆ คุ

ซาโนะรู้สึกว่าวิเศษจริงๆ การร้องของคาซึยะไห้ ความรู้สึกที่ดีอะไรจะขนาดนี้นะ น่าเสียดายจริงๆที่เค้าไม่เคยมีโอกาสร้องเพลง

ร่วมกับคาซึยะในโบสถ์สักครั้ง หรือแม้แต่จิน ปกติที่ต้องร้องประสานในโบสถ์ ไม่เคยรู้เลยว่าน้ำเสียงจริงๆของจินจะเด่นออกมา

ขนาดนี้ ทัตซึยะที่น้ำเสียงเบาๆแต่ร้องเพลงช้าฟังแล้วจับใจ ยูอิจิคอยช่วยเสริมเสียงในส่วนที่ขาดหายไป จุนโนะเน้นการเต้น แต่

น้ำเสียงก็ดึงดูดความสนใจได้มาก โคคิไม่ต้องพูดถึง RAPได้น้ำเสียงของมือาชีพจริงๆ

คุซาโนะยืนดูอยู่ก็รู้สึกเสียดาย เสียดายที่มีแค่เค้าและคนอีกไม่มากเท่าไหร่ที่ได้ฟังเพลงและการแสดงที่เยี่ยมยอดนี้ ทำไมนะ

ทั้งหมดไม่ไปสู่เวทีที่ใหญ่กว่านี้ ไปสถานที่ คนอื่นๆจะได้เห็นมากกว่านี้ ……..

การแสดงจบลง ทุกคนนอกจากต้องเก็บของแล้วยังแบกหอบขนมกองโตที่แฟนของแต่ละคนให้มาอีกด้วย

 “รู้สึกยิ่งนานวันตัวเองจะกลายเป็นไอดอลไปแล้ว” จินบ่นออกมาขณะแกะทอฟฟี่ออกมากินพลางเก็บของไปด้วย

 “น้านสิ ดูดิขนาดไม่ได้ร้องไม่ได้เต้นยังมีคนมาดูเลยนะ” พูดจบยูอิจิหันไปยิ้มพลางโบกมือให้กลุ่มสาวๆที่ยังยืนดูอยู่ห่างๆ 2-3

กลุ่ม คาซึยะยิ้มออกมา พร้อมกับเก็บของต่อไป สายตาก็ไปจะเอ๋กับคุซาโนะ

โคคิที่หันไปเห็นเหมือนกันก็หัวเราะออกมา

 “แฟนๆที่เป็นผู้หญิงก็พอทนนะ แต่เป็นผู้ชายด้วยกันนี่…น่ะ”

คาซึยะแบ่งขนมออกมาส่วนหนึ่งแล้วยื่นให้คุซาโนะ “เอาขนมนี่ไปกิน แล้วกลับบ้านไปได้แล้วนะ”

คุซาโนะรู้สึกอายๆที่ถูกปฏิบัติ ด้วยเหมือนเด็กๆ “ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ!! “

ทุกคนหันมาดูพร้อมๆกัน เพราะว่าเสียงดังเหลือเกิน

“ผมแค่อยากจะบอกว่า เสียดายมากถ้าพวกรุ่นพี่จะแสดงอยู่แค่ตรงนี้ !!” พูดจบก็วิ่งหนีออกไป

“พูดอะไรของเค้านะ?” ทัตซึยะทำท่าสงสัย ทุกคนหันมามองหน้ากัน แล้วก็ยักไหล่ เก็บของต่อไป

คาซึยะจับถุงขนมนั้นไว้ หันไปเห็นจินที่ท่าทางก็ติดใจกับคำพูดของคุซาโนะเหมือนๆกัน


เย็นวันนี้คาซึยะออกมานั่งคิดถึงคำพูดของคุซาโนะเงียบๆที่ระเบียงจินเดินออกมาที่ระเบียงของห้องตัวเองเหมือนกัน

 “คิดอะไรอยู่เหรอ “ จินกล่าวทักออกมา คาซึยะยิ้มๆ “ลองทายมาสิ นายมีพลังจิตไม่ใช่เหรอ “

จินยิ้มแล้วทำปากเบ้ๆ “ก็ได้ๆ จะลองทายดู“จินแกล้งเอามือจับที่หน้าผากเหมือนพวกมีพลังจิตจริงๆ

”กำลังคิดถึง ผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำทูพีซ!!” คาซึยะพ่นหัวเราะออกมา เหมือนเสียฟิวส์ “บ้านะสิ …..ไม่ใช่เฟ้ย!!”

“ล้อเล่นน่า ล้อเล่น!! กำลังคิดถึงคำพูดของฮิโรโนริงั้นเหรอ ” คาซึยะยิ้มสงสัยจะมีพลังจิตจริงๆนะเนี้ย “อืม”


“เท่าที่พูดออกมาแบบนั้นก็แสดงว่า เค้ายอมรับตัวนายน่ะ แต่ก่อนนั้นเค้าไม่ยอมรับนาย เพราะเห็นนายใช้กำลัง แต่พอมาฟัง
เพลงที่นายร้องก็ทำให้ทุกอย่างกลับกันไปเลย” จินร่ายยาว


“ใช่ ฉันรู้สึกดีนะ เวลาที่ร้องเพลง ถึงฉันจะเป็นคนที่สังคมอาจจะไม่ยินดีต้อนรับ แต่เมื่อฉันร้องเพลง เรื่องเลวร้ายก็ดูเหมือนจะ

หายไป ทุกคนจะลืมมันไป แล้วเปิดใจยอมรับ”คาซึยะพูดดวงตาเป็นประกาย


“นายพูดเหมือนโคคิเลย เจ้านั้นแต่ก่อนก็รู้สึกว่าตัวเองแย่ แต่ตั้งแต่ที่เริ่มร้องเพลง คนก็ชอบในสิ่งที่หมอนั้นเป็นได้ ลักษณะของ
คนร้องRAP BAD – BOY ไงหล่ะ”


จินกับคาซึยะอดหัวเราะออกมาพร้อมกันไม่ได้ จินหน้าตาเคร่งขึ้นมา

 “หรือว่า ถึงเวลาที่เราจะไปเวทีที่ใหญ่ขึ้นแล้วจริงๆนะ “

คาซึยะก้มหน้าลงนิดหน่อย รู้สึกช่วงเวลาที่ได้ไปร้องเต้นในช่วงปิดเทอมนี้สั้นนิดเดียวนับตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่ของจุนโนะชวนให้ไป
AUDITION

 “ฉันเชื่อนาย ถ้านายตัดสินใจอะไรลงไปฉันคิดว่ามันน่าจะดีที่สุดสำหรับพวกเรานะ”


หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 07-03-2007 19:30:53
จินเดินกลับมาที่ห้อง พรุ่งนี้ทุกคนนัดไปทะเลไปเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้ายก่อนเปิดเทอม จินจะคุยเรื่องเกี่ยวกับการ

AUDITION กับทุกๆคน รู้สึกเวียนหัวขึ้นมานิดๆ เดินไปที่ห้องน้ำ เปิดตู้ในห้องน้ำเบาๆ สีหน้าเศร้าๆ ก่อนหยิบยาในตู้ ออกมาใส่ปาก แล้วเดินไปนอน

“ไม่เข้าใจทำไมถึงต้องมาทะเลที่ไกลๆด้วยน้า” คาซึยะบ่นขณะที่แบกข้าวของพะรุงพะรัง

 “อ้าว ถ้าไปหาดที่เราชอบไปเล่นกันทุกวันก็ไม่เหมือนเที่ยวนะซี่” ยูอิจิพูดพอหาที่เหมาะได้ทำการกางร่มออก

 ทัตซึยะที่ปูผ้ายางอยู่ก็ช่วยสนับสนุน “แล้วที่นี่คนก็เยอะ ครึกครื้นกว่าที่เราไปเล่นกันด้วยนะ”

“ที่สำคัญที่นี่มีผู้หญิงในชุดว่ายน้ำเยอะด้วยใช่มั้ยหล่ะ” โคคิที่ช่วยแบกของตามมาพูดแบบรู้ทัน

 “เออ ชีวิตวัยหนุ่มของฉันเนี้ยผ่านมาตั้งขนาดนี้ ยังหาแฟนไม่ได้เพราะขลุกอยู่กับวกแกนะแหละ ขอสักครั้งเถอะนะ นะ “

 ยูอิจิเอามือตบไหล่โคคิเหมือนขอร้อง “ผมด้วยๆ” ทัตซึยะยกมือเหมือนเด็กๆ “ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย !!”

โคคิกับคาซึยะพูดพร้อมกัน สาวๆในชุดว่ายน้ำผ่านมายูอิจิกับทัตซึยะรีบมองกันตาไม่กระพริบ แต่พวกเธอกลับส่งยิ้มให้คาซึยะ

กับโคคิแทน สองคนท่าทางอายๆเหมือนกัน ยูอิจิกับทัตซึยะเลยเดินมาตบหัวทั้งคู่

“โธ่เอ้ยตัวเองก็เหมือนกันนะแหละ ไม่เกี่ยวทำเป็นยิ้มทำไมหล่ะ”

จุนโนะเห็นพวกนี้ทะเลาะกันก็ส่ายหัวด้วยความเคยชิน จินที่เดินตามมาท่าทางไม่ค่อยดีนัก

 “ท่าทางไม่สบายเลยนะ เป็นไรรึเปล่า? “จุนโนะถาม จินขยับแว่นกันแดดขึ้นคาดผม

 “ไม่เป็นไร เมื่อคืนนอนไม่หลับก็เพลียนิดหน่อยน่ะ” พูดจบก็นั่งลงที่เก้าอี้พับที่เอามาด้วย จุนโนะ ทาครีมกันแดด ที่ตัวก่อนจะ

ลงทะเล ก็เห็นเหมือนมีคนจ้องอยู่ จินที่นอนพักก็หันมามองตาม กลุ่มนร.ม.ปลายหญิงกลุ่มนี้คุ้นๆว่าจะไปดู พวกเค้าแสดงหลาย

ครั้งอยู่ จินกับจุนโนะยิ้มให้ตามปกติ พวกนั้นก็เดินเข้ามาหา

“ดีใจจังเลยที่เจอพวกคุณมาเที่ยวที่นี่ด้วย” หนึ่งในกลุ่มนั้นกล่าวทัก ยูอิจิ ทัตซึยะไม่ผลาดรีบวิ่งมาที่จินกับจุนโนะอยู่ สาวๆหัน

มามองยิ้มๆกัน “ว้าว มากันทั้งกลุ่มเลยเหรอ ยอดไปเลยนะ” “ดูพวกคุณสนิทกันดีจัง “

“โอ้ยไอ้เรื่องสนิทนะไม่ต้องพูดถึงเลยครับ” “ใช่แล้วไปไหนไปด้วยกันอยู่แล้ว”


แล้วพวกสาวๆก็หัวเราะคำพูดของยูอิจิกับทัตซึยะกันใหญ่ จินได้แต่ยิ้มน้อยๆ จุนโนะเองก็หัวเราะออกมาอายๆ โคคิกับคาซึยะ

ไม่ร่วมวงด้วยดีกว่า เพราะวางตัวกันไม่ค่อยถูก


“ว่าแต่ว่ามาพร้อมกันที่นี่ น่าจะร้องสักเพลงนะคะ” สาวคนนึงในกลุ่มเสนอออกมา

“จริงด้วยถ้าเล่นที่นี่ คนที่ไม่มีโอกาสไปที่ลานนั้นก็จะได้ดูด้วย” จินท่าทางเหนื่อยๆหันหน้าหนีทันที

คาซึยะเห็นอาการแปลกก็เลยพูดออกมาอย่างสุภาพ

 “ เอ่อ คงไม่สะดวกหรอกนะวันนี้ เพลงก็ไม่มี เครื่องเสียงด้วยแล้วที่สำคัญวันนี้พวกเรามาพักผ่อนกันน่ะ”

“ว้าแย่จังเลย ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้เดี๋ยวพวกฉันไปดูที่ลานหน้าสถานีอีกก็ได้นะ แล้วเจอกันจ๊ะ”

คนนึงในกลุ่มกล่าวออกมา แล้วพวกเธอก็เดินจากไป จินที่ทำท่าเหมือนหลับก็ลุกขึ้นมาทันที ทุกคนหันมามองพร้อมๆกัน

“ในเมื่อมีคนเค้าต้องการพวกเรากันขนาดนี้ ไปกันเถอะไป้ ไปAUDITION กันเถอะ “

ทุกคนงง คิดว่าจินละเมอหรือไม่ก็พูดเล่น จินส่ายหัวไปมา

“ไม่ได้พูดเล่นพูดจริงๆ พอปิดเทอมหน้าหนาวเราก็ไปกันเลย!!”

ทุกคนท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จริงๆแล้วก็อยากไป AUDITION กันแล้วสินะจินเห็นก็ยิ้มออกมา

 คาซึยะพยักหน้าให้ยิ้มๆ จินเองก็ยิ้มตอบ ก่อนชวนทุกคนไปเล่นน้ำกัน

โคคิรู้สึกเล่นน้ำมากจนหิวน้ำเดินขึ้นมาหาน้ำกินหน่อยดีกว่า แล้วโคคิก็ชนกับใครบางคนเข้า “เฮ้ยเดินระวังหน่อยสิ !!”

ท่าทางหาเรื่อง โคคิมีหรือจะยอม

 “แกนั้นแหละ……เฮ้ย ชินโง!!” อีกฝ่ายก็ตกใจเหมือนกัน

“ เฮ้ย!! โคคิ คิดว่าแกจะตายไปแล้วซะอีก “ โคคิยิ้มกับคำทักทาย “ไอ้บ้า เจอกันก็ทักแบบนี้เลยเหรอ แกนี่…”


“เฮ้ย ไม่ได้พูดเล่น พูดจริงๆ ก็ซุบารุมันออกจากคุกมาแล้ว มันแหกคุกออกมาแล้วแกก็รู้มันติดคุกเพราะใครมันออกมา ใครที่ที่
น่าอันตรายหล่ะ “


แค่ได้ยินชื่อขึ้นมา โคคิก็รู้สึกแขนขาชาไปเลย ซุบารุออกจากคุกแล้วเหรอ……………..

chapter 11 end
to be con.....................

รางร้ายกำลังจะมา  :monkeycry4:    คอมคุณทุกคอมเม้นนะงับ :yeb:


หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-03-2007 19:40:50
ทันใจดีจัง :yeb:

สงสารโคคิจะเกิดอะไรขึ้นนะ :confuse:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-03-2007 20:07:28
เหอเหอ ลางร้ายจริง ๆ ด้วย  :เฮ้อ:
ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะ  :yeb:
สู้เค้าโคคิ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 08-03-2007 00:23:51
พยายามเข้านะทุกคนนนนนนนนนนน  :โหลๆ: :โหลๆ: :โหลๆ:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 09-03-2007 16:27:31
chapter12


“โคคิ มัวใจลอยอะไร ท่อนRAP ตรงนี้OKมั้ย” จินเรียกเสียงดัง จนทุกคนหันมามอง โคคิหันมาทำหน้าเหรอ

 “อืม ได้ๆ ไงก็ได้ ฉันปรับได้อยู่แล้ว “ “แกนะเนื้อร้องไม่เหมือนชาวบ้าน เวลาจริงมั่วไปกับใครเค้าไม่ได้นะเฟ้ย!!”

ยูอิจิเอามือท้าวคางบ่นใส่โคคิ ”เข้าใจหรอกน่า เมื่อคืนมีงานเข้าที่อู่เลยทำดึกไปหน่อย”

โคคิเอาเนื้อเพลงตัวเองมาดูอย่างตั้งใจ

ใบไม้รอบรร.เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว อากาศก็เริ่มหนาวขึ้น ตั้งแต่วันสุดท้ายของปิดเทอมหน้าร้อน หลังจากกลับจากเที่ยวทะเลทุกคน

ไปเล่นดอกไม้ไฟต่อที่รร. ทุกคนสัญญาว่าปิดเทอมหน้าหนาวจะไป AUDITION ด้วยกันที่โตเกียว และทุกคนต้องทำให้สำเร็จ

แต่มีบางอย่างที่ติดค้างในใจคาซึยะอยู่ ในคืนนั้น จินพูดอะไรบางอย่าง

“ถ้าพวกเรารวมตัวกันอยู่ครบทั้ง 6 คนตลอดไปก็ดีนะ “

แสงของดอกไม้ไฟที่ทอขึ้นมาที่ใบหน้าของจินตอนนั้น เห็นแววเศร้าๆลึกๆ

 “บ้าเหรอ ยังไงพวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน 6 คนยังงี้ตลอดไปนั้นแหละ “

คาซึยะพูดออกมาทั้งที่ใจไม่ค่อยดี จินหันมายิ้มแบบเด็กๆ “อืม นั้นสิเนอะ!!”

ดอกไม้ไฟวันนั้นสวยงามอยู่ชั่วพริบตาแล้วก็ดับมอดไปที่สุด คาซึยะไม่เคยเล่าเรื่องที่จินพูดวันนั้นให้ใครฟัง เค้าปล่อยให้มัน

เงียบไปเหมือนดอกไม้ไฟวันนั้น ต่อมาไม่นาน พี่ชายจุนโนะก็ส่งข่าวการประกวด นักร้องที่รับเป็นกลุ่ม พวกเค้าทั้งหมดจึงตั้งใจ

ไปแข่งขันในการประกวดนี้ซึ่งจะมีในช่วงปิดเทอมหน้าหนาวแทนการไป AUDITION เพราะถ้าชนะการประกวดนี้

 ก็จะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในค่ายเพลงทันที

จินเร่งรีบทำเพลงและท่าเต้น ท่าทางจริงจังตลอด คาซึยะรู้สึกเหมือนจินพยายามทำความฝันให้เป็นรูปเป็นร่างไม่ใช่แค่ความ

ฝันของตัวเองแต่เป็นความฝันของทุกๆคน คาซึยะเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกันเค้าก็พยายาม

พยายามทำในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

จินนั่งแต่งเนื้อเพลงให้เข้ากับทำนองที่ทัตซึยะแต่งไว้ให้ ที่เก้าอี้นั่งหน้าหอ ใบไม้สีส้มแดงร่วงหล่นเต็มพื้น จินที่นั่งอยู่กับทิวทัศน์

เบื้องหลัง ดูราวกับภาพวาด คาซึยะเดินเข้ามานั่งข้างๆ จินหันมามองก็ยิ้มน้อยๆก่อนกลับไปตั้งใจแต่งเพลงต่อไป คาซึยะหัน

หน้ามามองจิน ซีกหน้าด้านข้างของจินดูดีมาก

ติดก็แต่ว่าดูผอมกว่าแต่ก่อนไปเยอะ ผมก็เริ่มยาวไม่มีเวลาไปตัดให้เรียบร้อยรึไงนะ


“ที่นี่เวลาฤดูใบไม้ร่วงสวยดีนะ ใบไม้เปลี่ยนสีตลอดทางเดินไปรร.เลย”

 คาซึยะชวนคุยขึ้นมา จินเงยหน้าขึ้นมามองดูบรรยากาศรอบๆ


 “ฉันอยู่ที่นี่มา3ปี ชอบทุกฤดูของที่นี่ รักมากด้วย ไม่ว่า ฤดูฝน ร้อน หนาว ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง สวยงามแตกต่างกัน เสียดายที่ไม่
ได้เกิดที่นี่นะ แต่ถ้าตายก็อยากตายที่นี่”


“ฉันเองก็รักที่นี่ ที่นี่สวยงาม มีความทรงจำมากมายด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะมาอยู่แค่ปีเดียว ฉันอยู่ที่โตเกียวมาทั้งชีวิต แต่หาเพื่อนที่เป็นเพื่อนจริงๆไม่ได้สักคน แต่มาอยู่ที่นี่แค่ปีเดียวฉันได้มาตั้ง5คน น่าตลกมั้ย”

จินกับคาซึยะย้อนคิดถึงเรื่องราวตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เรื่องราวมากมาย

 ทั้งคราบเลือดน้ำตา เสียงหัวเราะ ร้องไห้ ต่างผ่านกันมาด้วยกันทั้งนั้น

“จิน ฉันว่านายเพลาเรื่องประกวดหน่อยก็ได้นะ นายดูผอมเกินไปแล้ว”

คาซึยะกล่าวออกมาเพราะเป็นห่วง จินเอามือจับแก้มตัวเอง แล้วก็เอาไปจับแก้มคาซึยะ

 “นายน่ะแหละผอมกว่าฉันแยะเลย “

“นายนี่จริงๆเล้ยเอาเป็นว่า ฉันว่านายทำไปตามธรรมชาติก็พอ พวกเราไม่ได้หวังจะเป็นนักร้องจริงจังขนาดนั้น แค่อยากให้คนอื่นๆได้ฟังเพลงของเราบ้างแค่นั้น เข้าใจป่าว”

เอามือชี้หน้าจิน จินยกมือขึ้นทำท่าเป็นตำรวจ “เข้าใจแล้วครับผม” คาซึยะหัวเราะก่อนเดินเข้าหอไป

จินถอนหายใจออกมา หน้าตาเศร้าๆก่อนเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

เดือนหน้านี้มีนัดสำคัญที่โตเกียวจินปิดมือถือลง แล้วหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน

โคคิกำลังทำงานในอู่ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น โคคิเอื้อมมือไปหยิบมา หน้าจอแสดงคนโทรเข้า

 “มุราคามิ ชินโง” โคคิใจคอไม่ค่อยดีก่อนรับโทรศัพท์

“ฮัลโหล มีอะไรรึเปล่า ฉันกำลังทำงานอยู่นะ”

“เออ โทษที แต่ว่ามีข่าวของซุบารุอีกแล้วน่ะ แกรู้เรื่องรึยัง ที่มันเงียบไปตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่แหกคุกออกมานะ“

เสียงตามสายท่าทางร้อนรน

“อืม ที่นายบอกว่า ดูมันเงียบไปจนน่ากลัวใช่มั้ย!!”

“โคคิ ตอนนี้ ยู นะมันตายแล้วนะ………..”


ได้ฟังแค่นั้น มือแทบจะไม่มีแรงถือโทรศัพท์ต่อ ยูตายแล้วเหรอ ยูที่เป็นคนสนิทที่สุดของซุบารุตายไปแล้วเหรอ

“ฉันกลัววะ ตอนนั้นที่เราถอนตัวแล้วทำให้ซุบารุ มันติดคุก เราคิดถูกรึเปล่าวะ มันคงแค้นเรามากๆแน่ๆ ตอนนี้ยูก็ตายไปแล้ว ต่อไปจะเป็นใคร ฉันหรือแก…….”

โคคิชักจะมีอารมณ์

“เงียบเถอะน่า แกจะมาขี้ขลาดอะไรตอนนี้ ถ้าตอนนั้นเราไม่ทำยังงั้น มันก็คงไม่ให้เราถอนตัวออกมาจากการค้ายาของมัน เราคงโดนฆ่าไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหล่ะ อย่างน้อยพวกเราก็ได้มีชีวิตอยู่อย่างคนปกติเค้าบ้างนะแหละ !!”

ปลายสายเงียบไปพักนึง

 “เออๆ ที่นายพูดก็ถูก เอาเถอะฉันจะหนีไปอยู่ที่ไกลๆสักพักแก ที่อยู่กับที่แบบนี้นะ ก็ระวังตัวด้วยนะ “

“ขอบคุณนะ ที่โทรมาบอก” โคคิวางหูโทรศัพท์ลง นั่งลงทำงานจนเสร็จ ไม่ช่วยให้จิตใจสงบขึ้นมาได้เลย โคคิเดินไปซื้อบุหรี่

จากตู้สาธารณะ เดินแบบสังกะตายไปนั่งที่ท่าเรือข้างๆอู่อากาศหนาวเย็นขึ้นมา

ใกล้จะถึงหน้าหนาวแล้วเหรอหรือว่า จิตใจของเค้ากันแน่ถึงรู้สึกหนาวขนาดนี้

โคคิจุดบุหรี่สูบ แล้วคิดย้อนไปถึงเรื่องในอดีต กลุ่มที่เค้ามั่วสุมอยู่ มีที่สนิทสนมกันมากมี4คน

โคคิเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด ที่เหลือก็เป็นชินโง ยู และซุบารุ ซุบารุ คนนี้เป็นคนน่ากลัวบ้าบิ่นและเลือดเย็นที่สุดในกลุ่มทุกทางที่

จะได้เงิน ต่อให้เลวร้ายขนาดไหน ซุบารุก็ทำ หมอนี่เคยฆ่าคนตอนอายุ 15 ถูกจับเข้าสถานกักกัน2ปีก็ออกมา

ดังนั้นซุบารุจึงกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มไป หมอนี่เป็นเอเย่นคอยขายยาให้กับเด็กนร.มัธยม โคคิก็เคยช่วยส่งยา2-3ครั้ง ไม่ค่อย

ชอบนักแต่ก็ต้องทำเพราะซุบารุเป็นคนน่ากลัว ตอนที่โคคิได้รู้จักกับจินและยูอิจิ คิดจะถอนตัว ซุบารุ ไม่ยอมทำร้ายร่างกายโคคิ

และขู่ว่าจะฆ่าทิ้งซะ โคคิไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี พอดีมีชินโง กับยูที่อยากถอนตัวเพราะทนความน่ากลัวของซุบารุไม่ไหว และคิดจะ

ใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้สักที โคคิเลยชวนไปเป็นพยานให้ตำรวจจัดการจับซุบารุเข้าคุกไป โคคิยังจำสายตาของซุบารุในวันนั้น

ได้ น่ากลัวเหมือนเคียดแค้นและอยากจะฆ่าคน


“อ๊ะ!! เด็กเลว!!” โคคิตกใจจนบุหรี่หลุดมือ “เฮ้ย ไอ้บ้าร้องซะดังตกใจหมดเลย” เจ้าของเสียงดังตะโกนออกมาอีก

 “แกสิบ้า เลวใหญ่แล้วนะแกอ่ะ มานั่งสูบบุหรี่ สูดเข้าไปสิ มะเร็งนะสูดเข้าไปเยอะๆ”

 โคคิรู้สึกผิด”นานๆทีน่า” แล้วก็เอาเท้าเหยียบบุหรี่ที่พื้นทิ้ง ยูอิจิแบมืออกมา

โคคิทำเป็นไม่เข้าใจ “อะไร?” ยูอิจิกระดิกมือ “เอาออกมาเลย ทั้งหมดที่มีน่ะ” โคคิควักกล่องบุหรี่ออกมาแบบเสียดาย

 ยื่นให้ยูอิ ได้มาโยนเล่นนิดหน่อยก่อนขว้างทิ้งลงทะเลไป “แกเป็นเพื่อนหรือแม่ฉันกันแน่วะเนี้ย” ยูอิจิกระโดดมานั่งข้างๆ

“จะให้ฉันเป็นแม่แกก็ได้ เพราะแกไม่มีแม่นี่นา ฉันรักแกนะเว้ย เป็นห่วงแก ถ้าไม่รักแกนะ ฉันไม่สนใจหรอกจะบอกให้!!”

 ยูอิจิพูดพร้อมบิดแก้มโคคิไปมา “เออๆ!! พอทีๆ มันเจ็บเว้ยรู้แล้ว่ารัก พอซะที แล้วนี่มาทำไมเนี้ย!!”

“อะไร แกก็จะขับไล่ไสส่งฉัน อีกเหรอ ไปเป็นเพื่อนเที่ยวหน่อยเด้!!” โคคิเอามือเกาคอ

 “นี่ไปชวนมาหมดแล้วเหรอ ฉันต้องเฝ้าที่อู่นะเผื่อมีงานเข้า”

“เออ ดีจริง จินไปธุระ คาซึยะอยากนอน จุนโนะท่องหนังสือ ทัตซึยะไปกับทางบ้าน นายมีงานอีก คือสรุปว่าเนี้ยมีฉันคนเดียวที่มี
ชีวิตไร้สาระใช่มั้ยครับ!!”


โคคิหัวเราะออกมากโชคดีนะที่มียูอิจิอยู่ด้วย เรื่องกังวลเมื่อกี้แทบไม่อยู่ในหัวอีกเลย

จินรวบรวมเอกสารการรักษาทั้งหมดลงกระเป๋า หมอที่เคยรักษาอาการทางจิตของคาซึยะหันมาเห็นจินก็รีบทักออกมา

 “เฮ!! เจ้าหนู ได้เจอกันอีกจนได้นะ สบายดีรึเปล่าเรา” จินเห็นหน้าหมอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

 “ เย้!! คุณหมอ ยังไม่ถูกไล่ออกอีกเหรอครับ “

“ดูทักเข้าสินายเนี้ย…เออมีเด็กที่ชื่อ อะไรน้า อืม อ้อ คาเมนาชิไปหานายบ้างมั้ย” จินตาลุกวาว

“คุณหมอนี่เองที่เป็นคนให้เทปเจ้านั้น วุ่นวายมากเลยนะหมอ เรื่องมากมายเลย แต่สุดท้ายก็OKอ่ะ ตอนนี้เจ้านั้นมีความสุขดี

ครับ ไม่คิดอะไรแบบเก่าๆอีกแล้ว หมอต้องแบ่งเงินเดือนให้ผมนะ ที่ทำให้เจ้านั้นหายได้” หมอเกาหัวขำๆ


 “อืมๆ อย่างน้อยหมอก็ทำเรื่องที่ถูกลงไปหล่ะนะ อ้าวจะกลับแล้วเหรอ “ จินพยักหน้า “ครับ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟเที่ยวเย็น ผมไปก่อนนะครับ” หมอพยักหน้ายิ้ม “เจ้านี่ร่าเริงตลอดดีจริงๆ”

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 09-03-2007 16:41:37

หมอเหลือบไปเห็นแฟ้มประวัติของจิน คราวที่แล้วค้นหาที่อยู่ให้คาซึยะไป ไม่ได้สังเกตเลยว่า ป่วยเป็นอะไร ขอดูสักหน่อยคงไม่

เป็นไรมั้ง หมอพลิกแฟ้มออกดูช้าๆ สีหน้าของหมอเปลี่ยนไปเมื่ออ่านชื่อโรคที่บันทึกเอาไว้ ก่อนปิดแฟ้มลงด้วยสีหน้าตกใจ

จินขึ้นรถไฟมาแล้วก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมารุนแรงมาก ค่อยๆเซไปนั่งที่นั่งช้าๆ ควานหายาในกระเป๋ากลืนลงไปอย่างยากลำบาก

รู้สึกหายใจไม่ถนัด หอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หัวเบลอไปหมด อยากเจอหน้าเพื่อนๆขึ้นมา

คาซึยะรู้สึกเป็นห่วงจินขึ้นมาแปลกๆ เลยมาเตร็ดเตร่ในเมือง แล้วเลยมารอรับจินที่สถานีรถไฟ อากาศที่นี่หนาวเร็วกว่าที่

โตเกียวมาก คาซึยะสวมเสื้อสองชั้นยังรู้สึกหนาวอยู่เลย กระชับผ้าพันคอให้เข้าที่ มองดูแสงไฟที่ประดับตกแต่งทั่วบริเวณนั้น

แม้ไม่ฟู่ฟ่าเท่าที่โตเกียว แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจมากกว่า ใกล้จะถึงคริสมาสแล้ว อีกไม่นาน หิมะคงจะตก

จินลืมตาขึ้นช้าๆอาการค่อยดีขึ้นแล้ว แต่หวาดกลัวในใจแปลกๆ อยากเจอใครสักคน คาซึยะ………. ถ้าประตูรถไฟเปิดออกแล้วได้

เห็นหน้าเจ้านั้นคงจะดีไม่น้อย เหมือนเค้ามีพลังจิตที่เข้มแข็งยังไงอย่างงั้น ปากที่เป็นสีชมพูซีดยิ้มออกมา ประตูรถไฟเปิดออก

คาซึยะยืนอยู่ตรงนั้นจริง หน้าตาบูดๆเหมือนเด็กๆที่รอคอยอะไรบางอย่าง จินเดินเข้าไปหาโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่อง

“เอ้ย..!!”คาซึยะร้องออกมาอย่างตกใจ จินเอาหัววางไว้ที่หัวไหล่ของเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ “อะไร เป็นอะไรเหรอ ไม่สบายรึไง”

คาซึยะถามออกมา ท่าทางจะอายๆนิดหน่อย ที่คนเพิ่งออกจากรถไฟมองกันใหญ่ จินเงยหน้าขึ้นยิ้มแช่งแบบเด็กๆ

 “อืม หนาวมากๆๆ” คาซึยะทำหน้าแบบผู้ใหญ่ดุเด็กๆ “ก็ดูใส่เสื้อเดะ แจคเก็ตบางขนาดนั้นเอ้า”

คาซึยะดึงผ้าพันคอออกมาพันให้จิน จินรู้สึกความหวาดกลัวมั่วครู่หายไปจนหมดสิ้น

”มารับฉันเลยเหรอ!!”

 “ไม่ใช่สักหน่อย มาเดินเล่นในเมืองต่างหาก แล้วเห็นว่าใกล้เวลารถไฟมาก็เลยแวะมาดูเท่านั้น”

นิสัยอย่างงี้ทุกที ชอบปิดบังความรู้สึกนักนะเจ้านี่ แต่ช่างเถอะ แค่รู้ว่าเจ้านี่เป็นห่วงก็พอแล้ว ถึงไม่บอกก็รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก

รู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตมีความสุขมากๆ อยากให้เวลามันหยุดอยู่ตรงนี้นานๆ

 “ตอนนี้ฉันมีความสุขจัง พวกเราทุกคนอยู่ด้วยกัน มันดีจังเลยนะ” ขณะเดินไปตามทางที่จะกลับหอจินก็พูดออกมา

 คาซึยะออกจะงงๆ นิดหน่อย

“อืม ดี ฉันก็รู้สึกดี แต่ว่าความสุขมันเป็นสิ่งที่เปราะบางมากนะ พ่อเคยบอกฉันว่าความสุขมักจะอยู่กับเราแป๊บเดียว ไม่ทันรู้สึกตัวมันก็จะหายไป แต่ความเจ็บปวดความทุกข์จะอยู่กับเรานาน เป็นสิ่งที่แข็งแรงแล้วก็อยู่ได้นานกว่ามาก ขณะที่มีความสุขก็ยังหวนคิดถึงความทุกข์ขึ้นมาได้เลย”

 จินได้ยินก็ทำหน้าบู้ “นี่นายพูดอะไรให้ใจฉันหดหู่ไปเนี้ย……” คาซึยะเพิ่งรู้สึกตัว

 “อ้าขอโทษ ก็ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสุขนะ พอมีก็เลยระแวงเป็นพิเศษกลัวว่ามันจะหายไปไง “ จินยิ้ม

 “อย่าคิดมากเลยน่า ถ้ามันทำท่าจะหายนายก็มาบอกฉันนะ จะไปเค้นคอให้มันกลับมาหานาย”

คาซึยะพยักหน้าขำๆ แล้วละอองสีขาวอ่อนนุ่มเย็นเหยียบก็ตกลงมากระทบผิวหน้าของจิน “อว๊า!!!! หิมะตกแล้ว !!”

คาซึยะเงยหน้าขึ้นไปดู จริงๆด้วยหิมะกำลังตก หิมะแรกของปีนี้ จินรีบยกมือถือขึ้นมากดทันที คาซึยะหันมามองจินงงๆ

 “ทำอะไรเหรอ” “โทรไปบอกเจ้าพวกนั้นไง ว่าหิมะตกแล้ว ให้พวกนั้นดูหิมะแรกพร้อมๆกันไง” คาซึยะยิ้ม

 “อ๋อ อืม เดี๋ยวฉันจะช่วยโทรไปบอกด้วยก็แล้วกัน”

จุนโนะรับโทรศัพท์แล้วก็กระโจนจากกองหนังสือไปเปิดหน้าต่าง “ตกแล้วจริงๆด้วย”

ทัตซึยะที่อยู่ในร้านอาหารกับครอบครัวได้รับโทรศัพท์ก็มองออกไปที่กระจกหน้าต่างของร้าน “ว้าว !!สวยจังเลย ตกลงมาแล้ว”

โคคิกับยูอิจิที่เพิ่งกลับจากทำงานอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ได้รับโทรศัพท์ก็วิ่งออกมานอกร้านพร้อมกันแหงนหน้าดูพร้อมๆกัน

 “อืม พรุ่งนี้เล่นปาหิมะกันดีกว่ามั้ง”

 “แกอย่าแผลงกินเข้าไปอีกหล่ะ”

หิมะที่ตกมาคืนนั้น เป็นเหมือนสิ่งที่เชื่อมโยงความรู้สึกดีๆของทุกคนเอาไว้ด้วยกันอ่อนโยนและบริสุทธิ์


เช้านั้นทุกคนท่าทางขี้เกียจจะมารร.กันที่สุดทางเดินมารร.หิมะหนาเป็นฟุต คาซึยะบ่นด้วยความแปลกใจ

 “ไม่มีรถกวาดหิมะบ้างเลยรึไงนะ หรือที่นี่ ต้องใส่บูทเดินมารร.เวลาหน้าหนาว” จินพยักหน้าแกล้งๆ คาซึยะหน้าตะลึง

 “จริงอ่ะ ทำงั้นจริงๆอ่ะ” ทัตซึยะหัวเราะออกมา

 “ ไม่ใช่หรอก กวาดหิมะน่ะมีแน่ แต่ไม่มีรถหรอกนะ แรงงานของนร.รร.เรานะแหละ” คาซึยะหน้าเหนื่อยๆ

 “บ้านนอกก็งี้แหละนะคุณชาย” ยูอิจิเอามือตบไหล่คาซึยะ จุนโนะเดินเข้ามา

“ นี่ตอนบ่ายทุกคนไปช่วยกันด้วยนะ กวาดหิมะเหมือนเดิมเราจากหน้ารร.ไปจนถึงต้นไม้ต้นที่5 “

โคคิที่ท่าทางง่วงไปกับบรรยากาศงัวเงียขึ้นมา โทรทัศน์ในห้องที่เป็นข่าวประชาสัมพันธ์ทั่วไป เป็นช่องข่าวช่วงเช้าพอดี

“พบศพชายวัย20ปีบริเวณย่านกินซ่า สภาพศพถูกตีด้วยของแข็ง ทราบชื่อภายหลังคือ มุราคามิ ชินโงสาเหตุอาจจะมาจากการ
ตามล้างแค้น………”

โคคิสะดุ้งเฮือก ตาเบิกกว้าง แหงนหน้ามองข่าวในทีวีทันที ภาพชินโง ใช่จริงๆ เจ้านั้นตายไปอีกคนแล้ว รายต่อไปต้องเป็นเค้า

แล้วงั้นเหรอ โคคิรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วตัว ทั้งที่อากาศข้างนอกหนาวเย็น เสียงเพื่อนคุยกันเฮฮา

 ไม่มีอะไรแทรกเข้ามาในประสาทรับสัมผัสเค้าแม้แต่นิดเดียว

โคคิกวาดหิมะแบบไร้ชีวิตจิตใจ ทุกคนเล่นกันซะมากกว่าตั้งใจกวาดหิมะ

 
จุนโนะตามดุเหมือนเป็นคุณครู จินเดินมาผลักไล่โคคิ โคคิตกใจมากหันมาตะคอกเสียงดัง “อะไร!!” จินตกใจชักมือกลับ คนอื่น

ก็หยุดหันมามองกันหมด

“เปล่า…..แค่จะบอกว่าอย่าลืมมาซ้อมใหญ่นะเย็นนี้ พรุ่งนี้เราต้องไปแข่งรอบแรกกันน่ะ”

จินท่าทางกลัวๆ โคคิเอามือตบไหล่จินกลับเบาๆ “ โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจตวาดนาย พอดีคิดอะไรเพลินๆน่ะ”

 “เออไม่เป็นไรอย่าบ่อยหล่ะ” จินทำท่าเอาจริงแกล้งๆโคคิ ยิ้มนิดๆแล้วก็วิ่งไปบอกให้ทุกคนไปซ้อม

โคคิสลัดความคิดเรื่องนั้นทิ้ง ตรงนี้เค้ายังมีชีวิตอยู่ มีการแข่งที่สำคัญ การทำตามสัญญา มีเพื่อนอยู่


สถานที่แข่งขัน ค่อนข้างใหญ่มีคนมาแข่งในรอบแรกเยอะจนละลานตา ทุกคนท่าทางมั่นใจกันทั้งนั้น

ทัตซึยะพูดออกมาแบบปอดๆ

” มีแต่ท่าทางเก่งๆทั้งนั้นเลยนะ เหมือนมืออาชีพน่ะ” จินมองดูแล้วก็พยักหน้า บางคนดูเด็กกว่าพวกเค้าด้วยซ้ำ

 “ช่างมันเถอะน่า!! คนอื่นเค้าเก่งแต่เรามีความบ้ามากกว่าอยู่แล้ว”

ทุกคนหัวเราะคำพูดยูอิจิพร้อมๆกัน จินยื่นมือออกมาตรงกลาง ทุกคนยื่นมืออกมาประกบไว้พร้อมกัน

”สู้จนตายก็แล้วกัน!!”

ได้เวลาแสดงโคคิรวบรวมสมาธิอีกครั้ง รู้สึกอยากร้องอยากเต้นมากที่สุด พอได้เวลาโคคิก็พยายามอย่างเต็มที่ ทุกคนก็เต็มที่

กรรมการมองการร้องการเต้นของทุกคนอย่างสนใจ

 ไม่มีกลุ่มที่ผสมผสานกันได้ลงตัวขนาดนี้มาก่อน ผลที่ออกมาไม่ต้องบอกก็รู้

“โธ่เอ้ยเห็นมั้ย สุดท้ายก็ผ่านจนได้ ฮะๆ” ยูอิจิท่าทางคุยโวออกมาเชียว คาซึยะส่ายหัวไปมา

 “ความบ้า มีมากกว่าจริงๆด้วย” ยูอิจิเอาศอกกระทุ้งเอวคาซึยะทันที จินยิ้มหันมามองโคคิ

”วันนี้เต็มที่เชียวนะ เจ๋งสุดเลยนะนายน่ะ” โคคิหัวเราะออกมา “อืม ฉันนะเต็มที่ทุกวันอยู่แล้วพวก!”

“วันนี้ไปฉลองกันรึเปล่า”ยูอิจิร้องออกมา “อะไรของแกอีกหล่ะ นี่คริสมาสอีฟไม่ไปหาแฟนอีกรึไง!!”

โคคิพูดแทงใจดำ ยูอิจิทำสายตาเจ็บนิดๆมองมา คาซึยะนึกขึ้นได้ก็พูดออกมา

“เออไปที่รร.ไง โบสถ์ที่รร.มีประดับไฟที่ต้นคริตสมาสด้วย ตอนเที่ยงคืนก็คงจะมีร้องเพลงให้ฟัง ฉันว่าเข้าท่าดีนะ”

“โหหวานแววมาก เป็นสาวช่างฝันเหรอ” ยูอิจิแซวอีก คาซึยะมองตาขวาง

“ก็ดีไปกันเถอะนะ เอาพลุที่เหลือจากตอนหน้าร้อนไปจุดเล่นด้วย ที่ลืมไว้ที่หอฉันน่ะ”จินเห็นด้วย

“อืมที่รร.ก็ดี ไปมาง่ายๆ เสร็จแล้วฉันจะได้กลับไปท่องหนังสือต่อ” จุนโนะรีบเห็นด้วย ทุกคนโห่ออกมา

 “เป็นอันว่ามารวมกันที่รร.ตอน 5 ทุ่มก็แล้วกันนะ” ทัตซึยะสรุปเรื่องให้ทุกคนเห็นพร้อมๆกัน

โคคิแวะกลับมาช่วยงานที่อู่จนใกล้ถึงเวลานัด ทั้งที่เจ้าของอู่บอกว่าให้ไปเที่ยวตามสบาย วันนี้จะปิดเร็ว แต่โคคิอยากช่วยเช็ค

รถคันสุดท้ายให้เสร็จ เจ้าของอู่เลยยอม แล้วให้กุญแจเอาไว้

โคคิจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็เลื่อนประตูปิด แล้วเดินอารมณ์ดี เตรียมไปตามนัด


เดินออกมาตรงซอกตึกรู้สึกแปลก เหมือนมีใครตามมา โคคิมองดู

 แล้วก็มีแมวดำกระโจนออกมา โคคิร้องออกมาอย่างตกใจ “เจ้าบ้านี่ !!ตกใจหมดเลย “

“กลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่”เสียงเยือกเย็น ที่คุ้นเคย โคคิหันมามอง ร่างกายเหมือนไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ

“ทุกคนมากันหมดแล้วนะ ทำไมโคคิยังไม่มาอีกหล่ะ” คาซึยะถามด้วยความเป็นห่วง ยูอิจิดึงไฟเย็นออกมาจุด

 “โอ้ย เจ้านั้นนะ มาสายชัวร์ๆ ถ้าไปแวะอู่นะ ทำงานเผลินกว่าจะมาก็ให้งานเสร็จก่อนนะแหละ”

คาซึยะพยักหน้า เฝ้ามองดู แสงจากไฟเย็นที่ยูอิจิจุดออกมา

โคคิยืนตัวแข็ง ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปาก ซุบารุยืนตรงหน้า

ท่าทางน่ากลัวเหมือนเดิม สายตาเย็นชาจ้องมองเค้าด้วยความเกลียดชัง

 “แกนะมันเด็กที่สุด แต่ก็แสบที่สุด ฉันให้แกได้หายใจนานที่สุดเลยนะ ถึงมาหาแกเป็นคนสุดท้าย”


“นายจะมาแค้นพวกฉันไม่ได้นะ นายเองนะแหละที่ผิด ที่โดนจับไปก็สมควรแล้ว ทำไมนายจะต้องฆ่ายู กับชินโงด้วย ทุกคนก็
แค่อยากกลับตัว นายเองก็เหมือนกัน กลับตัวซะ มอบตัวกับตำรวจ แล้วมาใช้ชีวิตใหม่ หลังออกจากคุก เป็นคนธรรมดา มีเพื่อนสักคน แล้วนายก็จะรู้ว่ามันดีขนาดไหน“

ซุบารุหรี่ตายิ้มเย็นๆ

“แกพล่ามอะไรของแก ใครจะอยากมีชีวิตแบบนั้น นอกจากคนโง่ๆแบบแก”

ประกายแวววาวสีเงินของมีดสะท้อนไปที่ใบหน้าโคคิ ชั่วพริบตามันก็พุ่งเข้าที่ตัวของเค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“สวยจังเลย!!” ทัตซึยะพูดออกมาพร้อมกับจุนโนะที่ยืนดูแสงไฟจากต้นคริตมาส จินมองดูนาฬิกาใกล้เที่ยงคืนแล้ว

รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมานิดๆ แต่ก็อดชื่นชมกับไฟระยิบระยับที่สุกสว่างเบื้องหน้าไม่ได้ “อ้า!!หิมะตกอีกแล้วน่ะ!!”

ยูอิจิร้องออกมา โคคิล้มลงบนพื้นที่มีหิมะปกคลุม ดวงตากระพริบถี่ๆ เหมือนน้ำตาจะไหลออกมา

 “เจ็บจังเลย หนาวด้วย พวกนายอยู่ที่ไหนกัน……” โคคิเพ้อออกมาแผ่วเบา

จินหันหลังมารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงโคคิเรียก ใจคอไม่ดีเลย “ยูอิจิ โคคิยังไม่มาเลยนะ” ยูอิจิพยักหน้า

“ฉันโทรไปตามมันดีกว่า”

เสียงโทรศัพท์ที่พื้นดัง แต่ไม่มีคนรับสาย ร่างผอมนอนอยู่บนพื้นหิมะที่เย็นเหยียบ ไม่เคลื่อนไหว ดวงตาหลับสนิท ดูอ่อนแรง ไร้

ความรู้สึก หิมะสีขาวที่โปรยปรายเหมือนเป็นสายใยบางที่จะตกลงมาคลุมร่างนั้น สีแดงฉานของเลือดที่โอบร่างนั้นไว้ช่างตัดกับ

ความบริสุทธิ์ของหิมะจริงๆ

to be con................


 :3024: :3024: :3024: :3024:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-03-2007 16:51:02
แล้วโคคิจะตายมั้ย เศร้าอีกแล้ว :เศร้า2:

แล้วจินป่วยเป็นอะไร นี่ก็เศร้า :เศร้า2:

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-03-2007 20:18:03
 :3024:
ตอนนี้ทำน้ำตาซึมอีกแล้ว ทำไมรู้สึกว่ามันแฝงไปด้วยความเศร้าทั้งตอนเลยนะ
แถมมากระชากอารมณ์ในช่วงท้ายกับเรื่องของโคคิอีก
โคคิ แม้ในสำนึกสุดท้าย ก็ยังคิดถึงเพื่อน "พวกนายอยู่ไหน"  :monkeycry2:  :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 10-03-2007 00:22:10
โคคิอย่าเป็นไรน๊า  :dont2: :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 10-03-2007 01:18:24
อ่าส์ แบบนี้มันแรงไปนะ
คนดีๆต้องตายไป เพื่อคนเลวๆงั้นหรือ
 :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 13-03-2007 14:58:07
chapter13

“เจ้าบ้าเอ้ย ทำไรวะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์!!” ยูอิจิบ่นออกมา ท่าทางร้อนใจ

ทุกคนมีสีหน้ากังวลเหมือนๆกัน เลยเวลานัดมาถึง3ชม.เข้าไปแล้ว ไม่มีวี่แววของโคคิสักนิด นานเกินไปจนน่ากลัว

“คงไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางหรอกนะ” ทัตซึยะพูดออกมาเสียงอ่อยๆ จุนโนะทำหน้าดุๆ

 “พูดอะไรออกมานะ” คาซึยะรีบพูดออกมาบ้าง

“เอาเถอะน่า อาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ฉันว่าเราไปหาที่สถานีตำรวจหรือ โรงพยาบาลกันเถอะ”

ทุกคนกำลังเดินไปด้วยกัน จินรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่หน้าอก เหมือนจะล้มลง แต่ก็ฝืนเดินต่อไป คาซึยะหันมาเห็นจินที่ท่าทาง

ไม่ค่อยดี หน้าออกซีดๆ

“นายเป็นอะไรรึเปล่า” จินส่ายหน้าไปมาแล้วเสียงโทรศัพท์ของจินก็ดังขึ้น จินรีบรับทันทีเพราะสายเข้าเป็นของโคคิ

ทุกคนหันมามองด้วยความตื่นเต้น ว่าเกิดอะไรขึ้น “ครับ ใครเหรอครับ”เสียงจินดูสุภาพเหมือนปลายสายไม่ใช่โคคิ

 หน้าตาทุกคนเป็นกังวลกว่าเดิม

“นี่เป็นตำรวจน่ะ คือว่าตอนนี้เราเก็บมือถือของเพื่อนคุณได้ คือว่าเพื่อนของคุณตอนนี้เสียชีวิตแล้วเราต้อการคนที่พอจะรู้จักแล้ว
ให้รายละเอียดได้บ้างนะ”

จินคอแห้งผาก สายตาที่มองตรงมาที่หน้าเพื่อนทุกๆคนแทบสะกดอารมณ์ให้ยืนไหวก็ยากเต็มทน ยูอิจิท่าทางร้อนรน

 จินกลืนน้ำลายลงไปยากลำบากเหมือนกับกลืนยาพิษลงไป

 “ครับ ผมเป็นเพื่อนเค้า จะให้ไปพบที่ไหนครับ” เสียงปลายทางบอกสถานที่เป็นโรงพยาบาลใกล้ๆนี้เองแต่หูจินอื้ออึงไปหมด

ยากที่จะรับฟังเสียงนั้นได้ เค้าจะพูดออกมายังไง จะบอกเพื่อนๆยังไงดีว่า

ตอนนี้ โคคิ เจ้าบ้านั่น ไม่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว……….

จินหน้านิ่งๆพาทุกคนมาที่โรงพยาบาล คาซึยะอยากจะถามเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกัน

ทุกคนก็มีอาการไม่ต่างกัน แต่ท่าทางจินที่แสดงออกทำให้กลัว กลัวมากจนไม่กล้าจะเอ่ยปากถาม

 ยูอิจิเองคงทนรับอาการแบบนี้ไม่ไหวแล้ว จึงโพล่งออกมาเสียงดัง ทั้งๆที่เป็นโรงพยาบาล

“นายจะเงียบไปถึงไหนกัน พาเรามาจนถึงที่นี่แล้วบอกทีเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น!!” จินหน้านิ่งๆรู้สึกเจ็บปวดกับคำถามและเป็นคำ

ถามที่เค้าต้องเป็นคนตอบเหรอ เค้าเองยังรับมันไม่ได้เลยนะ ทำไมต้องเป็นเค้าด้วยที่แจ้งข่าวนี้ ทำไม…..

“ฉันไม่รู้…. มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า…….”

 จินกัดริมฝีปากแน่น เจ็บจนเหมือนเลือดจะออก ยากลำบากกับความเป็นจริงตรงหน้า ”โคคิ….ตายแล้ว”

ยูอิจิชะงักไป ส่ายหัวไปมาช้าๆ น้ำตาเอ่อจนล้นออกมาจากตา จุนโนะอึ้งๆไป ทัตซึยะน้ำตาเริ่มคลอๆแล้ว เหมือนเป็นเรื่อง

โกหก คาซึยะยังเบลอๆอยู่ จริงเหรอ โคคิตายไปแล้วจริงๆเหรอ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยังเต้นด้วยกัน

คุยหัวเราะด้วยกัน รอยยิ้มแบบที่เคยเห็นนั้น จะไม่มีอีกแล้วงั้นเหรอ

“โกหก… ไม่จริง… เป็นไปไม่ได้ เจ้านั่นมันหนังเหนียว ไม่มาตายง่ายๆหรอก!!”

 ยูอิจิพูดออกมาเสียงดัง น้ำตาไหลออกมา ถึงจะพยายามพูดว่าไม่เชื่อยังไง แต่คำพูดของจินก็ดูหนักแน่น จนยากที่จะปฏิเสธ

จินหลับตาลงแบบเจ็บปวดที่สุด ก่อนเดินหันหลังมาเปิดประตูบานหนึ่งออก ภายในห้องเงียบสงัด แสงไฟนีออนสว่างจ้าภายใน

นายตำรวจ2-3คนยืนอยู่ที่นั่น เตียงคนไข้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ผ้าคลุมสีขาวสะอาดสะท้อนไฟนีออนเจิดจ้า ร่างที่อยู่ภายใต้ผ้าขาว

นั้น นิ่งสงบไม่เคลื่อนไหว จินเดินเข้าไปใกล้ๆ ด้วยดวงใจที่เจ็บปวดที่สุด หวาดกลัวที่สุด

คาซึยะเดินตามเข้ามาด้วย มองดูภาพที่เห็นตรงหน้า นี่เรื่องจริงใช่มั้ย หรือถ้าเป็นความฝันก็ขอให้ตื่นเสียทีเถอะ

 ขอร้องเลย มือที่สั่นนิดหน่อยค่อยๆจับผ้าที่คลุมอยู่เปิดออกช้าๆ ดวงตาจินเริ่มพร่าไปหมดแล้ว ใบหน้าภายใต้ผ้านั้นสงบนิ่ง

เหมือนเพียงแค่หลับไปเท่านั้น

แต่สีผิวที่ดูขาวซีดเหมือนไม่มีกระแสเลือดไหลผ่าน หรือแม้แต่ลมหายใจนั้นมันบอกได้ว่า ไม่ใช่แค่หลับหรอกนะ ……..


ยูอิจิวิ่งเข้ามาที่ร่างไร้วิญญาณนั้น มองเหมือนเจ็บปวดยิ่งกว่า น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย จุนโนะ ทัตซึยะมองดูเหมือนคน

หมดแรง ยืนแทบไม่ไหว น้ำตาเริ่มไหลออกมากันบ้าง คาซึยะนิ่งจนไม่รู้จะรู้สึกยังไง นี่คือความตาย รูปแบบความตายที่เค้าเคย

เจอมาแล้ว เหมือนคราวของพี่ชาย ร่างคนที่เคยเห็นนอนนิ่งไม่ขยับ ไม่หายใจ ไม่สามารถพูดกับเราได้อีก ไม่ร้องไห้ หัวเราะ

หรือยิ้ม…….ตายนี่คือความตาย ….. ทั้งๆที่เคยคิดว่าจะตาย แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว แทบจะคลั่ง การตายของคนที่เป็นที่รักมันเจ็บ

ปวดยิ่งกว่าตายเอง …….เจ็บปวดกว่าไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่าตัว


“ไอ้บ้า!! …..แกตายไปแล้วเหรอ…บ้าที่สุด!! ทำไมต้องตาย แกยังไม่ตายใช่มั้ย ลุกขึ้นมาเซ่!!! แกยัง ร้องเพลงส่วนของแกไม่เสร็จ
เลยนะเว้ย ลุกขึ้นมา!!!”

ยูอิจิกระชากร่างที่ไร้ความรู้สึกนั้น ขึ้นมาอย่าแรง ร่างที่ผอมบางไร้เลือดเนื้อก็ไม่ตอบสนองกลับ

จุนโนะกับ ทัตซึยะต้องเข้าไปห้ามดึงแขนยูอิจิที่กำลังบ้าคลั่งให้พอเสียที

แต่มือยูอิจิก็ยังกำเสื้อของโคคิไว้แน่น

คาซึยะรู้สึกตัวขึ้นมา หันไปมองจินเพื่อจะบอกให้ช่วยกันห้าม จินยืนอยู่ที่หัวเตียงนิ่งๆ น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ไหลออกมาอย่าง

เยือกเย็น ดวงตาหม่นเศร้า ปากที่กัดไว้แน่น ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรออกมาสักนิด


เจ็บปวดมาก…..คาซึยะรู้…. ..มันเจ็บปวดไม่ต่างกันเลย ทุกคนก็เจ็บ จินก็เจ็บ…..ไม่น้อยกว่ายูอิจิที่แสดงออกมาตรงๆ

 ยูอิจิถูกจุนโนะกับทัตซึยะดึงให้เลิกทำ แต่มือที่เกาะไว้แน่นเหมือนกับไม่ยอมที่จะให้โคคิจากไป…..จากโลกใบนี้ไป

แล้วยูอิจิก็ซบหน้าลงที่ร่างไร้วิญญาณนั้น ร้องไห้โฮออกมาดังๆ ทัตซึยะก้มหน้าร้องไห้ที่ไหล่ของยูอิจิ จุนโนะจับไหล่ของทั้งสอง

คนไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้ออกมา เสียงสะอื้นดังกลบความเงียบภายในห้องนั้น

จินก็ร้องไห้ แต่ร้องเงียบๆเหมือนไม่รู้สึก อะไรมากมาย……แต่จริงๆแล้วรู้สึก……คาซึยะเองก็เหมือนกัน ค่อยๆเอามือเสยผมขึ้น

ปาดน้ำตาอุ่นๆที่อาบแก้มออกมา แต่ไม่รู้ว่า

 พยายามปาดทิ้งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไหลมากขึ้นกว่าเดิม มากเหมือนกับไม่มีวันหมดเลย

คาซึยะลืมตาช้าๆแสงแดดเริ่มสาดเข้ามาในห้อง อากาศหนาวเย็นถึงจะมีแสงแดดก็ไม่มีความอบอุ่นเอาซะเลย

 คาซึยะรู้สึกเจ็บตา ตาที่บวมแดงจากการร้องไห้ กวาดสายตาไปรอบๆห้อง ไม่ใช่ห้องนอนของเค้า

แต่เป็นห้องโถงในบ้านของยูอิจิ จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ ยังคงหลับอยู่ ข้างๆนี่เอง


หลังจากสอบปากคำกับตำรวจ บ้านยูอิจิจะช่วยจัดการเรื่องงานศพให้ ทุกคนเลยมามาค้างที่นี่ เพราะเป็นห่วงยูอิจิ และอาจจะ

อยากอยู่ด้วยกันมากๆขึ้นมาด้วย ตอนนี้ทุกคนกำลังอ่อนแอไม่ต่างกัน คาซึยะมองหาจินไม่พบ อากาศหนาวจนเจ็บลึกไปถึงข้าง

ในใจ ค่อยๆดันผ้าห่มที่ใช้ร่วมกับยูอิจิห่มให้เพื่อนอย่างเป็นห่วงแล้วลุกขึ้น

 ดึงเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ออกมาคลุมตัวไว้ก่อนเดินออกมา เพื่อหาอีกคนที่เป็นห่วงที่สุด……

ผมเส้นเล็กสีอ่อนที่กระเจิงเพราะแรงลมเอื่อยๆของหน้าหนาว จินหายใจออกมาเป็นไอสีขาว อากาศหนาวจนเจ็บลึกถึงข้างใน

แก้มสีขาวซีดแทบไม่มีสีเลือดเพราะไอเย็นกระทบ ดวงตามีรอยช้ำแดงๆ เพราะเสียน้ำตาไปมาก ระเบียงนอกชานเย็นเหยียบ

ไม่ต่างจากจิตใจของจินตอนนี้ คาซึยะเดินเข้ามานั่งข้างๆโยนเสื้อคลุมที่ถือมาด้วยให้ไป


จินเงยหน้าขึ้นมามอง

 “ฉันฝันเห็นโคคิด้วย……” คาซึยะนั่งลงข้างๆแก้มเริ่มซีดเย็นเพราะลมหนาวมากระทบ “เหรอ ….ฝันว่าไงบ้าง”

 จินยิ้มๆเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่แววตาแฝงไว้ด้วยความเศร้าอยู่

” ฝันว่ามันก็บ้าเหมือนที่เคย ชอบทำอะไรห่ามๆงี่เง่าๆ แหกปากเสียงดัง ชอบก่อเรื่องเหมือนทุกที แต่ฉันไม่รู้สึกรำคาญเหมือน
ที่ชอบเป็น กับรู้สึกดี….. ดีใจมากๆด้วย ที่เห็นยังงั้น”

คาเมะอึ้งไปถนัด ภาพความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับโคคิ ทำให้ตาเริ่มร้อนๆ น้ำอุ่นๆเริ่มคลอ ถึงจะ ท่าทางร้ายๆไม่สนใจ ……แต่จริงๆ

แล้วเป็นห่วงที่สุด ใจดีที่สุด…… คาเมะจับข้อมือหนังที่โคคิเคยให้ไว้ เป็นของขวัญชิ้นแรก

ชิ้นเดียวที่โคคิให้มา น้ำตาก็ร่วงลงมาที่ข้อมือ คาเมะรีบปาดน้ำตาทิ้งกลัวว่าจินจะเห็นเข้า

จินไม่พูดอะไรเอาหน้าซบที่ไหล่ของคาซึยะ ซบนิ่งๆไม่พูดอะไร คาซึยะกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ เค้าต้องไม่ร้องอีก

 ยิ่งร้องออกมา จินที่จะหวังพึ่งเค้าก็จะพลอยร้องไปด้วยอีกรอบ เสียงแผ่วเบาของจินก็ดังขึ้นมา

“ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว โหดร้ายเกินไปแล้ว ทั้งๆที่ในฝันเห็นเจ้านั้นยิ้มอย่างร่าเริง เหมือนคล้ายๆกับมาบอกลาฉันว่า
ไม่ต้องเป็นห่วงน่า ไม่เป็นอะไรนักหรอก แต่จะให้ทำใจยังงั้นได้ยังไง เจ้านั้นตายอยู่แค่ลำพัง
ถูกมีดแทงนับครั้งไม่ถ้วน ถูกแทงจนปลายมีดหัก……”

จินหลับตาเหมือนคิดถึงภาพคืนนั้นขึ้นมาได้



หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 13-03-2007 15:07:38
เศร้าจังเลยตอนนี้  :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 13-03-2007 15:08:27
“ทั้งเจ็บปวด ทั้งหนาว แล้วก็คงกลัวอย่างที่สุด พยายามร้องเรียกหาเพื่อน แต่ก็คงไม่สามารถมีใครได้ยิน
ทั้งๆที่จะไม่ได้เจอใครอีก เจ้านั้นจะทรมานเจ็บปวดแค่ไหนบ้าง แต่ฉันกลับมัวแต่สนุก ไม่รู้อะไรสักอย่าง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม้แต่อยู่เป็นเพื่อนเจ้านั้นในวินาทีสุดท้ายก็ทำไม่ได้ ฉัน….”

จินร้องไห้ออกมา ดูรุนแรงกว่าเมื่อคืน ตัวจินไหวๆเพราะแรงสะอื้น คาซึยะหลับตาลงเม้มปากแน่น

จินเจ็บปวดที่ไม่ได้ทำอะไรให้โคคิแม้แต่เล็กน้อย

แต่คาซึยะอยากบอกให้รู้ไว้ว่าเท่าที่ผ่านมาจินได้ทำทุกอย่างเพื่อทุกคนเต็มที่แล้ว ไม่มีใครสามารถตำหนิจินได้เลย

“เจ้านั่นนะ …..ขนาดตายก็ยังเป็นห่วงพวกเราอยู่เลย ไม่แค่นายหรอกที่ฝันเห็น ฉันเองก็ฝันเห็นโคคิเหมือนกัน เจ้านั้นยิ้มเหมือนกับบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วงงั้นแหละ นายเองก็อย่าตำหนิตัวเองเลยนะ ไม่งั้นถ้าโคคิรู้คงจะยิ้มแบบในฝันไม่ได้แน่ๆ”

 คาเมะพูดออกมา น้ำตาเริ่มไหลเปื้อนแก้ม

จินสะอื้นรุนแรงขึ้นคาเมะเอื้อมมือกอดร่างที่สั่นเทาเอาไว้

“ฉันยังอยู่นะ….ฉันจะอยู่ข้างๆนายตลอดไป”

โคยาม่า คุซาโนะ คาโต้ เคารพศพตามพิธีเรียบร้อยก็เดินมานั่งรวมกับนักเรียนชั้นปีต่างๆที่เป็นตัวแทนมาร่วมงานศพ

โคยาม่ามองไปในกลุ่ม จิน คาซึยะ จุนโนะ ทัตซึยะ แล้วก็ถอนหายใจออกมา

“น่าเสียดายจัง ได้ข่าวว่าพวกรุ่นพี่ผ่านการแข่งในรอบแรกไปแล้วนี่นา แล้วคนในทีมมาตายไปแบบนี้ จะทำไงหล่ะ”

โคยาม่าบ่นๆ คาโต้มองไปกลุ่มนั้นบ้าง

 “ก็จริงน่ะนะ ต่อให้ไปแข่งต่อก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว กลุ่มรุ่นพี่เค้ารักกันขนาดนั้นด้วยแล้ว”

“แต่ฉันคิดว่า สมควรที่จะแข่งต่อไปนะ “ คำพูดของคุซาโนะทำเอาเพื่อนสองคนมองตาค้าง

 “อะไรของนาย จะบ้ารึไง เรื่องแข่งขันคงไม่สำคัญกว่าเรื่องจิตใจหรอกนะ” คาโต้พูดเชิงตำหนิ คุซาโนะส่ายหัวไปมา

“ก็เพราะเรื่องจิตใจนะแหละ รุ่นพี่ทานากะคงไม่ดีใจหรอกที่ทีมมาร่มกลางทาง เพราะตัวเค้าน่ะ”

 สีหน้าจริงจังมาก เพื่อนทั้งสองได้ฟังแบบนี้ก็เห็นด้วย จริงอย่างที่คุซาโนะว่านั้นแหละ

หลังงานเลิก พวกจินช่วยกันส่งแขกทุกคนจนหมด แล้วทุกคนก็เริ่มมองหายูอิจิ “ยูอิจิหายไปไหนนะ”

ทัตซึยะถามขึ้นมา จุนโนะมองหาบ้างแล้วก็ตอบออกมา

” นั้นสิ รู้สึกว่าไม่เคยมาช่วยงานเลยนะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่เลยด้วย ดูน่าเป็นห่วง”


จินพยักหน้า

 “ลองเข้าไปดูข้างในหน่อยก็ดีนะ” แล้วทั้งหมดก็เดินเข้ามาที่ห้องที่ใช้เป็นที่เก็บศพ ยูอิจิอยู่ที่นั้น

 นั่งอยู่หน้ารูปถ่ายของโคคิ เหมือนกำลังพึมพัมอะไร คล้ายๆกับคุยกับรูปภาพนั้น แผ่วเบา ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้น

“ยูอิจิ นายยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ นายกินข้าวหน่อยจะดีกว่ามั้ย”

จินเอามือแตะที่ไหล่เบาๆ ยูอิจิหันหน้ามามองดูซูบซีดลงไปมาก ไม่มีวี่แววของคนที่ร่าเริงแจ่มใสคนนั้นเลยสักนิด

 ยูอิจิพยักหน้านิดๆ ก่อนเดินออกมาช้าๆ ทุกคนมองดูอาการของยูอิจิด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ยอมพูดจริงๆนะ ไม่พูดออกมาบ้างเลย”ทัตซึยะพูดออกมา คาซึยะพยักหน้า

“คงจะยังช็อคอยู่รึเปล่า อาจจะยังทำใจไม่ได้ละมั้ง” จุนโนะกอดอกหน้าตาครุ่นคิด

“ใครๆก็ทำใจไม่ได้ทั้งนั้นหล่ะ แต่ไม่ยอมพูดอะไร ข้าวปลาก็ไม่ยอมกินแบบนี้ จะแย่ไปอีกคนได้นะ”

“จะให้ทำใจ คงยากมากๆ ยูอิจิสนิทกับโคคิที่สุด “จินพูดออกมาเศร้าๆ คาซึยะเม้มปาก สถานการณ์ ไม่ดีแบบนี้ จะสมควร

ถามออกมาดีรึเปล่า

 “เอ่อ อีก2วันก็จะถึงวันแข่งรอบสุดท้าย ตกลงว่าพวกเราจะทำยังไงดีหล่ะ” จุนโนะ ทัตซึยะ มองจินด้วยความสงสัยเหมือนๆกัน

“ยังไงเราก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจเดิมหรอก ถ้าทำยังงั้น โคคิคงไม่ยอมแน่ๆ ยังไงเราต้องแข่งต่อไป”

จินพูดออกมาท่าทางหนักแน่น ทัตซึยะสีหน้าเป็นกังวล

 “แต่ว่า ยูอิจิสภาพยังเป็นยังงั้น……”

“เอาเถอะ วันนี้เราจะต้องคุยกันให้รู้เรื่อง แล้วก็คงปล่อยให้ยูอิจิอยู่ในสภาพนั้นนานกว่านี้ไม่ได้แล้วหล่ะ”

จินสรุปเรื่องอย่างเด็ดขาด

ยูอิจินั่งแบบคนไร้ความรู้สึก ทุกคนมีสีหน้าเป็นห่วง ท่าทางที่เย็นชาแบบนี้ ดูเหมือนจะไร้จิตใจไปซะอย่างนั้น

 จินลากเก้าอี้มานั่งประจันหน้า ตบมือดังๆใส่หน้ายูอิจิไปครั้งนึง ยูอิจิหันมามองด้วยดวงตาว่างเปล่า

“ตกลงยังไงเราก็ต้องไปแข่งต่อไปนะ ต้องทำความฝันให้เป็นจริง นาย OK ใช่มั้ย”

จินพูดออกมาน้ำเสียงเป็นห่วง ยูอิจิส่ายหัวไปมา แล้วก็ชันเข่าขึ้นมากอดเอาไว้

 คาซึยะเสยผมขึ้น ทำหน้าแบบไม่ค่อยสบอารมณ์

”นายจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ไม่พูดไม่จา ทำไปเพื่ออะไรกัน ยังไงซะ…..โคคิก็ไม่ฟื้นขึ้นมาได้หรอก”

คาซึยะกระแทกเสียงใส่ ยูอิจิหันไปมองสายตากร้าวๆ จินรีบพูดออกมาก่อน

“ นี่อย่ามาทะเลาะอะไรกันอีกจะได้มั้ย ยูอิจินายต้องแข่งนะ โคคิก็ไม่อยู่แล้ว นายจะต้องร้องส่วนของโคคิแทนเค้าสิ”


ยูอิจิสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตารุกวาว เหมือนโกรธๆ แล้วคำพูดก็หลุดออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากโคคิตาย

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 13-03-2007 15:14:41
 “ นายทำไมถึงพูดออกมาง่ายๆแบบนี้หล่ะ นายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนโคคิเป็นแค่หมาข้างถนนที่ตายไปก็ไม่มีผลอะไรกับชีวิตนาย ฉันร้องไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะส่วนของฉันหรือของเจ้านั้น…. เพื่อนรักของฉันตายนะ แล้วเค้าก็เป็นเพื่อนพวกนายด้วย อย่าทำเป็นเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปร้องไปเต้นแบบนั้นได้มั้ย ฉันทำไม่ได้หรอก จะให้ฉันร้องเพลงทั้งที่ความรู้สึกแบบนี้ ฉันไม่มีทางทำได้แน่ๆ”

ยูอิจิตะโกนออกมาแบบอัดอั้น น้ำตาก็พลั่งพลูออกมาด้วย

จินยังไม่ทันพูดอะไรออกมา มือของคาซึยะก็เร็วกว่าชกหน้ายูอิจิไปเต็มๆ แรงมากๆ เลือดลิ่มๆติดที่มุมปากของยูอิจิ

จุนโนะกับทัตซึยะตกใจทำอะไรไม่ถูก

“อย่าพูดแบบนี้จะได้มั้ย คิดว่าคนอื่นไม่รู้สึกรึไง จินเจ็บปวดไม่น้อยกว่าใคร พวกฉันก็เหมือนกัน นายมันเด็ก เก่งแต่แสดงออกมา แต่จินไม่ใช่ เจ็บไม่แตกต่างกัน ทั้งที่เฝ้าโทษตัวเองที่ไม่ได้ช่วยอะไรโคคิสักนิด แต่ต้องเก็บกดเอาไว้ เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนรู้สึกแย่ไปด้วย พยายามเข้มแข็ง นายคิดว่ามันง่ายเหรอ โคคิเป็นเพื่อนของพวกเราทุกคนนะ ฉันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน ทั้งๆที่เคยอยากจะตาย ไม่คิดเลยว่าต้องมาเห็นเพื่อนที่ช่วยให้ชีวิตใหม่ฉันต้องมาตายจากไปก่อน นายคิดว่าฉันไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง!!”

คาซึยะร้องไห้ออกมา ยูอิจิเบือนหน้าหนีร้องไห้ออกมาเหมือนกัน จินเดินเข้ามาแตะไหล่คาซึยะเบาๆ คาซึยะหันหน้าหลบแล้ว

เสยผมที่ยาวปิดหน้าขึ้นแล้วปาดน้ำตาทิ้งไปด้วย แล้วจินก็ค่อยๆนั่งลงที่พื้นข้างๆยูอิจิ เอามือจับไหล่ยูอิจิแล้วบีบแรงๆ

 “เข้าใจเถอะนะ โคคิเค้าต้องการให้พวกเราเดินหน้าต่อไป คงไม่อยากให้เราล่มลงตรงนี่หรอก”

“ฉันทำไม่ได้หรอก การตายของโคคินั้นนะ มันเป็นเพราะฉันคนเดียว เพราะฉันชอบพูดแต่ว่าเจ้านั้นไม่เป็นอะไรเรื่อยๆ เลยไม่
มีใครเอะใจสงสัย ไม่ได้ไปตามหาเจ้านั้นให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นเจ้านั้นก็คงไม่ตาย มันเป็นเพราะฉัน ฉันไม่สมควรได้ทำหน้าที่แทนเจ้านั้นหรอก”

ยูอิจิลุกขึ้นวิ่งออกมา ทุกคนรู้สึกเป็นห่วงยูอิจิที่สุด

"รุ่นพี่คาเมนาชิ วันนี้จะมีพีธีไว้อาลัยให้รุ่นพี่ทานากะ กลุ่มชมรมประสานเสียงจะร้องเพลงให้นะครับพวกรุ่นพี่จะร่วมด้วยมั้ยครับ”

คุซาโนะ ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นเคย คาซึยะมองดูก็พยักหน้าตอบรับ ท่าทางของคุซาโนะยังไม่ยอมไปเหมือนกับมีอะไร

ค้างใจอยู่ คาซึยะเลยถามออกมา

 “มีอะไรอีกรึเปล่า”

“พรุ่งนี้ จะแข่งรอบสุดท้ายแล้วใช่มั้ยครับ ยังไงก็พยายามเข้านะครับ”

คาซึยะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก่อนคุซาโนะมองเค้าไม่ต่างจากสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว แต่เดี๋ยวนี้เหมือนกับเค้าเป็นคนพิเศษ เพราะ

เสียงเพลงที่เป็นสิ่งมีค่าสำหรับเค้า อยากจะทำตามที่อวยพรหรอกนะ แต่ว่ายูอิจิยังไม่ยอมร่วมมือด้วยซ้ำ แต่ยังไงเค้าก็จะ

พยายาม พยายามอย่างที่สุดที่จะรักษาสิ่งมีค่านี้ให้ได้ คาซึยะยิ้มออกมานิดๆ

“อืม ขอบใจนะ”

จินถือเนื้อเพลงที่ใช้ในการประสานเสียงในโบสถ์สำหรับการไว้อาลัยของโคคิ เพลงนี้เค้าเป็นคนเลือกขึ้นมาเอง จินยื่นเนื้อเพลง

ให้กับทุกๆคน รวมทั้งยูอิจิที่นั่งนิ่งๆทีท่าไม่ได้สนใจเนื้อเพลงที่ได้เลยสักนิด

คาซึยะท่าทางเป็นห่วงจินและ ยูอิจิพอๆกัน

 “จิน….” จินหันมามองคนเรียก ยิ้มออกมาเหมือนเคยๆ

“นายไปเตรียมตัวเถอะนะ เดี๋ยวฉันต้องเตรียมตัวกล่าวคำอาลัยด้วยหล่ะ ไม่เป็นไรหรอก”

ทุกครั้ง คำพูดไม่เป็นไรจะออกมาจากปากจินเสมอ หนัก ลำบาก เจ็บ แค่ไหนก็รับไว้หมด คาซึยะอยากขอแบ่งมาบ้างจะได้มั้ย

เวลาที่เค้าเจ็บ จินก็แบ่งไปทุกครั้งเลย รู้สึกเหมือนเอาเปรียบจริงๆเลยนะ

พีธีไว้อาลัยถูกจัดขึ้นในโบสถ์ของรร. ดอกไม้ถูกจัดตกแต่งไม่แตกต่างจากพีธีศพแบบคริต แสงเทียนสุกสว่างอบอุ่นแต่เย็น

เหยียบถึงขั้วหัวใจ รูปโคคิที่เป็นรูปใบหน้ายิ้มแย้ม เหมือนยังมีชีวิตอยู่ใกล้ๆที่ไหนสักแห่ง……. ในห้องโถงนี้……… คุณพ่อบาทหลวง

กล่าวบทสวดตามพีธีจนเสร็จ จุนโนะที่ทำหน้าที่หัวหน้าห้องออกมากล่าวขอบคุณบาทหลวง แล้วกล่าวเรียกชื่อจินออกมาเพื่อ

กล่าวคำไว้อาลัยครั้งสุดท้ายแก่เพื่อนผู้ร่วงลับไปแล้ว

จินไม่ได้เตรียมบทพูดเหมือนคนที่จะกล่าวคำอาลัยตามพีธีทั่วๆไป ทุกคำพูดที่เค้าจะกล่าวออกมา ไม่ใช่คำพูดที่ร่างขึ้น เพื่อให้

ดูสละสลวยน่าฟัง ซาบซึ้ง แต่ทุกอย่างที่เค้าจะพูดออกมาเป็นเรื่องที่ออกมาจากข้างใน จากจิตใจของเค้าจริงๆ อาจจะไม่เข้า

ท่า ฟังไม่รู้เรื่อง หรือไม่มีความซาบซึ้งเลย แต่ก็เป็นเรื่องที่เค้าใช้ความรู้สึกแสดงมันออกมา ถึงความรักและอาลัยที่มีทั้งหมด

ให้กับเพื่อนรักของเค้า ทานากะ โคคิ

to be con.....................

 เอาพี่คิคืนมานะ  :3024: :3024: :3024: :3024: :3024: :3024:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-03-2007 15:31:45
คนเขียนทำร้ายจิตใจคนอ่านเกินไปหรือปล่าว
 :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-03-2007 18:50:18
 :monkeycry4:
เห็นด้วย คนเขียนทำร้ายคนอ่านเกินไปรึเปล่า
และมีแววว่าจะทำร้ายคนอ่านต่อไปเรื่อย ๆ   :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 13-03-2007 21:10:36
 :เศร้า2: เศร้า  :เศร้า2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 15-03-2007 11:58:59
chapter14

ดอกไม้สีขาวสะอาดประดับตกแต่งในห้องโถงของโบสถ์ กระจกหน้าต่างโบสถ์มีไอน้ำเกาะ เพราะความหนาวเย็นของภายนอก

แสงเทียนที่ส่องสว่างทั่วห้อง ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอุ่นขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกเย็นเหยียบและเศร้าสร้อยยังคงอบอวลไปทั้ง

หมด นักเรียนและอาจารย์ที่มาร่วมในพีธีไว้อาลัย ได้รับอิทธิพลความเศร้าไปตามๆกัน ทั้งๆที่โคคิ ไม่ใช่เด็กที่มีความประพฤติ

ดีเลิศ แต่การจากไปของเค้าก็ทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู่ไม่น้อย หรืออาจจะเป็นจากอาการเศร้าสร้อยของกลุ่มเพื่อนทั้ง 5 คนด้วยก็เป็นได้

จินเดินมาที่ข้างหน้าสุด ตรงที่บาทหลวงสวดมนต์ไปเมื่อครู่ มองตรงไปที่รูปถ่ายโคคิ ก่อนหลับตาลงช้าๆ เหมือนกับรวบรวม

อารมณ์อีกครั้งที่จะกล่าวคำพูดออกมาจากใจ หันหน้าไปมอง คาซึยะ จุนโนะ ทัตซึยะและยูอิจิ แล้วจึงเริ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียง
เรียบๆ

“เพื่อนของผมคนนี้ เป็นคนที่ดูแล้วไม่ใช่คนดีอะไร ออกจะเกเร อันธพาลด้วยซ้ำ แต่ว่า นั้นมันก็แค่สายตาของคนทั่วๆไป ตลอดชีวิตของเค้า ถึงแม้จะไม่ได้ทำเรื่องดีๆอะไรมากมาย แต่ว่าความเป็นตัวตนของเค้าจริงๆนั้น มันเป็นสิ่งที่ผมจดจำได้ ไม่มีวันลืมเลยจริงๆ การที่เคยทำผิดมาก่อน การจะให้ทุกคนยอมรับนั้น มันเป็นสิ่งที่ยากลำบาก และเจ็บปวดมากเหมือนกัน หลายครั้งที่เค้าต้องทนสู้กับสายตาของเพื่อนร่วมห้องและอาจารย์ที่จ้องจะจับผิด แต่เค้าไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง มีอยู่ครั้งนึงที่เพื่อนในห้องของหายไป ทุกคนมุ่งประเด็นมาที่เค้า ทั้งๆที่ไม่ได้ทำแต่ก็เหมือนกับต้องเป็นคนผิด ตอนนั้น ยูอิจิเองก็คงจะจำได้ พอเรื่องกลายเป็นว่า ของไม่ได้หายไปจริงๆ แต่ว่าเพียงเก็บผิดที่ อาจารย์และคนเสียหายกลับทำเป็นเฉยๆ ทั้งที่ใส่ร้ายเพื่อนของผมอย่างรุนแรง สร้างบาดแผลในความรู้สึกเอาไว้ ตอนนั้นยูอิจิถึงกลับร้องไห้ออกมาด้วยความแค้นเคืองใจ ตะโกนใส่หน้าทั้งอาจารย์และคนเสียหายว่า “ขอโทษเดี๋ยวนี้นะ!!“ ตอนนั้นเพื่อนของผมไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่กอดไหล่ยูอิจิเอาไว้ แล้วบอกว่า”ไม่เป็นไรหรอกน่า….” ทั้งๆที่ยูอิจิยังทนไม่ได้กับความไม่ยุติธรรมนั่น แต่เค้ากลับใจกว้างไม่ว่าอะไร นั้นก็เป็นเรื่องนึงที่ผมจำได้ไม่มีทางลืม “

จินกล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ ทั้งๆที่ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว คาซึยะเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว จุนโนะกับทัตซึยะตาแดงกันแล้วทั้ง

คู่ ยูอิจิยังคงก้มหน้านิ่งๆ เหมือนไร้ความรู้สึกอยู่

“ หลายครั้งที่ได้คุยกัน ทั้งๆที่ปกติเป็นคนบ้าๆ ห่ามๆ ไม่ได้เรื่องอะไรสักนิด ออกจะกวนประสาทด้วยซ้ำ แต่ว่าบางครั้งคำพูด

ของเค้าก็แสดงให้เห็นจิตใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ บ่อยๆที่มักจะพูดว่า “เฮ้อ!! คนอย่างฉันตายไปจะมีคนร้องไห้บ้างมั้ยนะ” ทั้งที่พูด

ออกมายิ้มๆ แต่ว่าลึกๆคงรู้สึกเศร้าขนาดไหนกันนะ รู้สึกตัวเองไร้ค่าหรือเปล่า ผมไม่สามารถจะรู้ได้เลย จนเกิดเรื่องขึ้นมาก

มาย และที่ร้ายแรงที่สุด ทั้งผม ทัตซึยะ จุนโนะ ยูอิจิ และคนที่คงไม่มีทางลืมแน่ๆ คาซึยะ ตอนนั้นเป็นเหมือนเรื่องร้ายแรงที่ยิ่ง

ทำให้มิตรภาพของพวกเรายิ่งเหนี่ยวแน่นมากขึ้น เป็นครั้งแรกที่พวกเรา 6 คนร้องไห้พร้อมๆกัน ตะโกนร้องเพลงด้วยกัน คำ

พูดหลังจากเหตุการณ์วันนั้นของเค้า ต่อให้นานแค่ไหน ผมก็คงลืมไม่ลง เค้าพูดออกมาจากใจจริงๆ จิตใจที่งดงามที่สุด เค้าพูด

ว่า “ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ใช่ว่าความตายของตัวเองนะที่น่ากลัว ฉันหมายถึงความตายของคนที่เรารักต่างหาก ถ้า

เพื่อนในกลุ่มเราเกิดตายขึ้นมา ฉันคงต้องตายตามไปด้วย ยังไงถ้าจะตายจากกันไปจริงๆ ฉันขอตายเป็นคนแรกแล้วกัน เพราะ

การเห็นพวกนายตายไปละก็ฉันคงทนไม่ได้แน่ๆ แต่ว่านะถ้าฉันตายไปจริงๆละก็ ไม่อยากให้พวกนายเศร้าเลยจริงๆนะ ไม่รู้จะ

หลงตัวเองไปรึเปล่า แต่คิดว่าคงต้องร้องไห้กันแน่ๆ คนอื่นคงไม่เท่าไหร่ แต่เจ้ายูอิจินี่น่าเป็นห่วงที่สุด ไม่อยากให้มันเศร้าเลย

จริงๆ เจ้านี่เป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกมีค่า เพราะว่ามันเป็นคนที่จิตใจดีมากๆ ขนาดหมาข้างถนนตายยังร้องไห้ยกใหญ่เลย

ถ้าเกิดเจ้านั้นมันเศร้ามากๆเวลาที่ฉันไม่อยู่ ยังไงๆฝากดูแลมันให้ดีด้วยนะ ฉันอยากให้มันยังคงหัวเราะ ในแบบของมัน

เหมือนเดิมน่ะ แล้วพวกเราทุกคนด้วยน่ะ เพราะทุกคนเป็นคนดี ต้องอยู่อย่างมีความสุขต่อไป “ เหมือนกับว่าเป็นคำพูดสั่งลายัง

งั้นหล่ะ ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ได้แต่หัวเราะไปพร้อมๆกับเค้า และไม่ได้บอกเค้าออกไปว่า ความจริงแล้วเค้าก็เป็น

คนดีเหมือนกัน ไม่งั้นก็คงพูดคำพูดแบบนี้ออกมาไม่ได้แน่ๆ …….แต่ผมก็ไม่ได้บอกเค้าออกไป “

จินน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ไหลออกมาไม่หยุด บรรยากาศเงียบสงัดเด็กบางคนน้ำตาไหลออกมาเหมือนกัน แม้ไม่ได้รู้จัก แค่

ได้ฟังเรื่องราวก็สะเทือนใจไม่น้อย คาซึยะน้ำตาอาบแก้ม จุนโนะ ทัตซึยะก็ไม่ต่างกัน

ยูอิจินั้นเม้มปากแน่น น้ำตาไหลออกมา สะเทือนใจกับเรื่องที่ได้ฟัง โคคิห่วงใยเค้ามากกว่าเพื่อนคนอื่น บ่อยครั้งที่ถูกว่า เรื่อง

เป็นคนใจอ่อน ครั้งที่สุนัขข้างถนนตัวนั้นตายไปเค้ายังจำได้ดี ตอนกลับบ้านในฤดูใบไม้ผลิตอนม.ต้น มีลูกสุนัขถูกทิ้งเอาไว้

ระหว่างทางกลับบ้าน เค้ากับโคคิเห็นพร้อมๆกัน มันน่ารักมากๆ ยูอิจิรีบเข้าไปเล่นกับมัน “น่ารักจังเลยอ่ะ ดูสิโคคิ” อุ้มเจ้าขน

ปุยชูขึ้น สายตาโคคิตอนนั้นแฝงความเศร้าเอาไว้ “ถ้าไม่คิดจะเลี้ยงมันก็อย่า ทำใจดีได้มั้ย…” ยูอิจิงงกับคำพูดเย็นชานั้น “ทำไม

หล่ะ พูดจาใจดำชมัด”

 “นายก็อย่างงี้ ใจอ่อน ใจดีกับคนเค้าไปทั่ว ก็ถ้านายทำดีกับมัน มันก็จะดีใจ พอนายไม่มาหามันอีก มันก็คง……”

โคคิหยุดไปเท่านั้น ยูอิจิกอดเจ้าลูกสุนัขนั้นไว้ยิ้มๆ

“คนที่ใจดีนะ นายต่างหาก โธ่!! อย่าเอาเจ้านี่ไปเปรียบกับนายเลยเพราะมันน่ารักกว่านายตั้งแยะนะ แล้ว ที่ฉันคบกับนายเพราะ

ว่าอยากคบจริงๆไม่ใช่เพราะสงสารหรอกนะ ฉันจะไปขอที่บ้านเพื่อเลี้ยงมัน อืมตั้งชื่อมันว่าโคคิน้อยก็ดีแฮะ “

โคคิหันมามองยิ้มๆก่อนชูกำปั้นขึ้น “หนอย!! เจ้าบ้านี่…..”

แต่ว่าในวันต่อมาเมื่อขอที่บ้านได้แล้ว เจ้าสุนัขน้อยนั้นก็ถูกรถชนตายไปเสียแล้ว ยูอิจิจำได้ว่าเค้าร้องไห้ออกมา โคคิไม่ได้ห้าม

หรือปลอบอะไร เพียงแต่เดินไปอุ้มศพมันไว้ แล้วไปฝังที่สวนสาธารณะแถวนั้น

แล้วพูดกับเค้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่เหมือนที่เคยนัก

“ อย่าร้องไปเลย ไว้คราวหน้ามันคงกลับชาติมาเกิดเป็นลูกนายแน่ๆเพราะฉะนั้นนายเลิกเศร้าได้แล้ว ยิ้มในแบบที่นายเป็นจะดีกว่า ฉันน่ะชอบนายที่ร่าเริงมากกว่านะ”

 เหมือนเป็นคำพูดประหลาดๆ แต่ยูอิจิรู้ดีว่านั้นคือการปลอบ จิตใจที่อ่อนโยนนั้น ถ้าไม่ใช่พวกเค้าก็คงไม่สามารถสัมผัสถึงได้

ยูอิจิคิดถึงขึ้นมาก็ยิ่งร้องไห้ออกมาหนักขึ้น จินเองที่อดกลั้นความเศร้าไม่ได้อีกแล้วก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เค้าคงจะพูดคำไว้อาลัยครั้งนี้ไม่จบจริงๆ

 “ขอโทษ…ผมพูดต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจริงๆ”

คาซึยะเห็นยังงั้นปาดน้ำตาทิ้งแล้วเดินตรงไปที่จินเอามือตบไหล่จินเบาๆ แล้วเริ่มต้นพูดแทน

“ระยะเวลาที่ผมได้รู้จักกับโคคิ เพื่อนที่จากไปแล้วของเรา แม้จะไม่มากเท่ากับ จิน หรือยูอิจิ หรือแม้แต่จุนโนะ ทัตซึยะ แต่ผมก็รู้ดีว่า โคคิเป็นคนแบบไหน ถึงแม้ภายนอกจะดูร้ายๆ ไม่ค่อยแคร์ หรือสนใจอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องของพวกเรา เค้าจะไม่อยู่เฉยๆแน่นอน บางครั้ง เค้ายังรู้สึกเจ็บมากกว่า พวกเราด้วยซ้ำไป จิตใจที่น่านับถือของเค้า ผมเองไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่เราจะเจ็บปวดและเศร้าอย่างที่สุดเมื่อเค้ามาจากเราไปก่อน เรามีความฝันร่วมกัน มีความจริงใจให้แก่กัน ผมหวังว่าเค้าคงจะหลับอย่างสบาย คอยคุ้มครองพวกผมจากที่ไหนสักที่ และคงรอดูความฝันที่เค้าสร้างมากับพวกผมที่ยังไม่สมบูรณ์ ว่าสุดท้ายแล้วมันจะมีหน้าตาเป็นยังไง สักที่นึงที่นั่นอาจจะเป็นสวรรค์ ผมเชื่อว่ายังงั้น …..” คาเมะเอามือจับไหล่จินไว้แน่น จินก้มหน้าที่อาบน้ำตาพยักหน้าช้าๆ คาเมะน้ำตายังไหลอยู่ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะต้องพยายามในส่วนของนายแน่ๆ หลับให้สบายนะ…….”


ยูอิจิที่น้ำตาอาบแก้มอยู่ที่เก้าอี้แถวหน้าสุด มองตรงไปที่รูปถ่ายเพื่อนรักแล้วก็เบือนหน้าหนีออกมา จิน คาซึยะ จุนโนะ ทัตซึยะ

ที่ตอนนี้ คราบน้ำตาได้แห้งกันไปหมดแล้ว จินนั่งลงข้างๆยูอิจิ

 “โคคิคงกำลังดูนายอยู่ แล้วก็คงเป็นห่วงนายในตอนนี้มากๆ เจ้านั้นไม่ได้หายไปไหนหรอก ยังคงอยู่ที่นี่ อยู่กับพวกเราตลอดไป…. “

จินเอามือจับที่หน้าอก ยูอิจิพยักหน้ายิ้มๆ ทั้งที่น้ำตายังไหล “ จริงสิ เจ้านั้นก็ยังอยู่ที่นี่นี่นา….”

ยูอิจิแตะที่อกเบาๆ ยาบุก้าวออกมาที่ข้างหน้า จิน คาซึยะ ยูอิจิ ทัตซึยะ จุนโนะ ยืนเรียงอยู่แถวหลังสุดของกลุ่มเด็กๆที่ร้องเพลง

ประสานเสียง แล้วยาบุก็เริ่มร้องเพลงที่เป็นเพลงสำหรับการจากไป และการจะระลึกถึง เพื่อนรักตลอดกาล

“THERE YOU’LL BE “ แล้วสักวันหนึ่งเราจะพบกันอีกครั้งในที่ๆ ที่เธอจะคงอยู่รอคอยอยู่ที่นั้น ชั่วนิรันด์


แล้วงานศพของโคคิก็เสร็จสิ้นลงในวันนั้น จิน ยูอิจิ คาซึยะ จุนโนะ ทัตซึยะ ทุกคนไปรวมที่หน้าหลุมศพ อากาศหนาวเย็น คาซึยะ

วางช่อดอกไม้สีขาวสะอาดที่นำมาจากโบสถ์วางลงช้าๆที่หน้าหลุมศพ


“อยู่คนเดียวที่นี่คงเหงาแย่เลยนะ“

จุนโนะกล่าวขึ้นมาลอยๆ ทัตซึยะรีบแย้งออกมา “ ไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วพวกเราจะมาเยี่ยมบ่อยๆนะ “

จินพยักหน้า คาซึยะเองก็เหมือนกัน ยูอิจิยืนนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร ทุกคนหันไปมองเหมือนรอคำตอบอะไรสักอย่าง
 
“ตอนที่ร้องเพลงออกมา รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเจ้าบ้านี่หัวเราะออกมางั้นแหละ น่าเจ็บใจชมัด ตายไปแค่นี้ก็มาหลอกกันแล้ว เจ้าบ้าเอ้ย !!”

ทุกคนยิ้มๆ ยูอิจิกลับเป็นคนเดิมเต็มรูปแบบแล้ว

“ตกลงนายจะยอมแข่ง ต่อใช่มั้ย นายจะช่วยร้องแทนโคคิใช่มั้ย “ จินหันมาถาม ยูอิจิเอามือกอดอก

“ก็แน่นอนอยู่แล้ว เสียงแบบเจ้าบ้านี่ฉันทำได้ไม่ดีเท่ามันหรอกนยะ แต่ว่าดีกว่าไงหล่ะ”
 
คาซึยะขำๆแล้วก็เอามือผลักหลังยูอิจิแบบแกล้งๆไปที จุนโนะยิ้มร่าเริง “งั้นพรุ่งนี้ก็เต็มที่นะ !!” “อืม!!”

ทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน

ทุกคนลาโคคิเป็นครั้งสุดท้ายเตรียมตัวจะกลับกัน จินลุกขึ้นมารู้สึกหน้ามืดขึ้นมากระทันหัน เจ็บแปลบที่หน้าอก รุนแรงเหมือน

จะหายใจไม่ออก ทุกคนเดินคุยกันจนไม่ได้หันมามองจิน ที่เริ่มหอบแรงๆ อากาศทั้งๆที่หนาวเย็น แต่เหงื่อกลับผุดออกมาไม่

ขาดสาย คาซึยะหันมาสังเกตอาการผิดปกติของจิน

 “จิน….เป็นอะไรรึเปล่า หน้าซีดมากเลยนะ” สีหน้าวิตกมากๆ จินทั้งๆทีเจ็บจนทนแทบไม่ไหว

ฝืนยิ้มออกมา เหมือนไม่เป็นไร

 “อืม …เพลียนะ เมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย …รีบกลับกันเถอะนะ ฉันง่วงน่ะ”


หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 15-03-2007 12:16:43

จินพยายามทรงตัวให้ดี แต่เพราะความเจ็บปวดนั้นทำเอาเดินเป๋ไปมา คาซึยะเห็นท่าทางไม่ค่อยดีเลยจะเข้าไปช่วยพยุงจินจึงผลักออกไป

“บ้าน่า ไม่เป็นไร รีบๆไปดีกว่า เดี๋ยวหลับในแถวนี่แน่”

ว่าแล้ว จินก็รีบเดินนำออกไป คาซึยะรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก กล่าวลาแยกย้ายกับทุกคนแล้วก็เดินตามจินไป

จินกลับมาถึงหอ ด้วยความยากลำบาก พอมาถึงก็ล็อคห้องทันที คาซึยะยังไม่ทันจะเอ่ยปากอะไรเลย

 จึงได้แค่ส่ายหัวไปมา แล้วก็เข้าห้องล้มตัวลงนอน เพราะตัวเองก็เหนื่อยอ่อนไม่แพ้กัน

จินพอเข้าถึงห้องก็แสดงอาการเจ็บปวดออกมาทันที หายใจแรงๆหอบแบบเหมือนขาดอากาศหายใจเต็มที่ แม้แต่หายใจก็เจ็บ

ปวดเหมือนร่างกายจะไม่รับอากาศ ตอนนี้ร่างกายที่ผอมบางทรุดอยู่ที่พื้น พยายามจะลุกเดินไปที่ห้องน้ำ แต่ว่า ไม่มีเรี่ยวแรง ที่

พยายามเดินทางกลับมาจากสุสาน ก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปแล้ว พยายามคลานอย่างๆช้าๆไปที่ห้องน้ำ ตะเกียกตะกายอย่างยาก

ลำบากไปที่ตู้ในห้องน้ำ คว้ายากล่องใสหยิบยาออกด้วยมือที่สั่นและไร้เรี่ยวแรงกลืนลงไปอย่างยากลำบาก เหมือนไม่ได้ช่วย

อะไรสักนิด ความทรมานกลับทวีรุนแรงขึ้น จินกระเสือกกระสนกลับมานอนที่พื้นห้องอีกครั้ง หายใจช้าๆยาวๆ กระพริบตา
ถี่ๆ

 “ทำไมอาการต้องมากำเริบตอนนี้นะ ….. ไม่ได้นะ…..ขอเวลาอีกนิดเถอะนะ”

ตอนนี้ความเจ็บลดลงไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ปกติซะทีเดียว แต่ว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกๆคนสายตาท่าทางที่มุ่งมั่น

ของทุกๆคน จินมองดูรูปถ่ายของโคคิที่ยูอิจิพกมาด้วย แม้แต่โคคิเองก็เหมือนกัน ทุกคนกำลังพยายาม เค้าเองก็ต้อง
พยายาม……..


วันนี้เป็นวันตัดสิน อีกแค่อึดใจเดียวแค่นั้น ตอนนี้ทุกคนกำลังรวบรวมสมาธิข้างหลังเวที ต้องมีโชว์การแสดงการถ่ายทอดสด

เสียงเพลงอึกทึกของทีมก่อนหน้า ดังอยู่ข้างหน้า รอเวลาของพวกเค้าเท่านั้น จินรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด บางทีโคคิอาจจะ


คอยช่วยอยู่ก็ได้กระมัง คิดแล้วก็ขอบคุณโคคิในใจ พอเงยหน้าขึ้นมาก็สบสายตากับคาซึยะพอดี คาซึยะยิ้ม “สู้นะ!!” เหมือนเป็น

คำพูดที่มีความหมายมากๆกับเค้าตอนนี้จริง จินพยักหน้า “อืม”

แล้วเวลาก็มาถึง ทั้งหมด ออกมาร้องเต้นอย่างเต็มที่ แม้จะขาดโคคิไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกขาดเลย ทุกคนพยายามเพิ่มสำหรับส่วน

ของโคคิที่ขาดหายไป จินรู้สึกความร้อนพุ่งผล่านไปทั่วทั้งตัว ความเจ็บปวดเหมือนหายไปชั่วขณะ การทำในสิ่งที่รัก กับคนที่รัก

รอยยิ้มและความสุขของทุกคน มันเป็นยาวิเศษที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว


การแสดงจบลง รอเพียงผลคะแนนโหวตและจากคณะกรรมการ ทุกคนพักแต่ท่าทางก็กังวลลุกลี้ลุกลนอยู่บ้าง จินเริ่มรู้สึกแย่ขึ้น

มาเฉยๆ อาการท่าทางจะกำเริบอีกครั้ง แต่ไม่รุนแรงนัก พอที่จะทนได้อยู่บ้าง

ผลออกมาว่าทีมของพวกเค้าได้เข้ารอบ3ทีมสุดท้าย สตาฟเข้ามาแจ้งให้ออกมาหน้าเวที เพื่อทำการประกาศผลชนะเลิศ จินลุก

ขึ้น แต่รู้สึกเจ็บที่หน้าอกรุนแรงแล้ว แต่ก็กัดฟันอดทนเอาไว้ คาซึยะเดินมาข้างๆ สังเกตหน้าที่ซีดๆของจิน

“จินเป็นไรรึเปล่า? “
จินยิ้มออกมาทั้งที่เจ็บปวด”อืม ไม่เป็นไร คงตื่นเต้นมั้ง ถ้าเกิดเราไม่ชนะจะเป็นอะไรมั้ยนะ “

คาซึยะยิ้มออกมา สีหน้าดูดีสดใสสุดๆ

“ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว เพราะเราทำเต็มที่แล้วก็มีความสุขกับมันแล้วนี่นา “ จินยิ้มออกมา “อืม”


ผลประกาศออกมา ทุกคนกระโดดด้วยความดีใจจนสุดตัว ทีมของพวกเค้าชนะเลิศ ได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว

กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ตอนนี้ ความฝันของพวกเค้าเริ่มเป็นรูปร่างใหญ่โต มากขึ้นเรื่อยๆแล้วทุกคนยิ้มแย้มออกมา ตะโกนด้วย

เสียงดัง เพราะความดีใจที่สุด จินเองก็ดีใจเหมือนกัน แต่แววเศร้าที่ทาบทอบนใบหน้านั้น คาซึยะเองก็สังเกตเห็น และรู้สึกติด
ค้างอยู่ในใจไม่หายเลย……..

“หือ ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนในรร. คนก็มองกันใหญ่ เราจะกลายเป็นดาราไปแล้วเหรอไงเนี้ย สุดยอดจริงๆนะ “ ทัตซึยะพูด

ขึ้นมา ยูอิจิเอามือผลักหัวไปที

“ เหอ อันนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติแล้วนี่นา ใช่มั้ยฉันชินแล้ว “

จุนโนะมองทั้งสองคนเบื่อๆก่อนหันมาหาคาซึยะที่นั่งใจลอยคิดอะไรอยู่

 “ว่าแต่นายเถอะเป็นไงบ้าง คิดว่าตัวเองดังรึยังหึ “ คาซึยะหันมาแล้วก็ยิ้ม

 “ ไม่แตกต่างจากเมื่อก่อน หรอก แต่พ่อสิตื่นเต้นยกใหญ่ น่าตลกมากกว่า”

จุนโนะหัวเราะคำพูดของคาซึยะ ยูอิจิเหมือนคิดอะไรได้

“ เออ ว่าแต่ว่า เรื่องที่ทางบริษัทเค้าเรียกไปตกลงเกี่ยวกับsingle แรกของพวกเราจะว่าไงอ่ะ”

 จุนโนะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

“อืม คงเป็นช่วงปิดเทอมนี้แหละ แล้วก็นะ หลังจากปิดเทอมฉันเองก็คงต้องเตรียมสอบพรีเทสด้วย “ ยูอิจิ

 “เออๆ รู้แล้วๆ พ่อคนคงแก่เรียน” ทัตซึยะทำท่า มองซ้ายมองขวา

“ ว่าแต่ว่า แล้ววันนี้จินขาดเหรอ ไม่เห็นเลยนะ”

คาซึยะเองรู้มาตั้งแต่เช้าแล้ว จินไม่ได้บอกอะไรเลย หายไปแต่เช้า คงมีธุระอะไรแน่ๆ

 “อืม ช่วงนี้เจ้านั้นดูซีดๆผอมๆไปนะว่าป่ะ” ยูอิจิพูดขึ้นมา “ดูพูดเข้าสิ ทำยังกับว่าจินป่วยเป็นเอดส์ไปได้”

 จุนโนะพูดติดตลกออกมา แล้วก็พากันหัวเราะออกมา “ฉันก็คิดว่าจินเหมือนไม่สบายนะ”

คาซึยะพูดออกมาจริงจัง ทุกคนเลยชะงักไป

“หืม คิดมากไปมั้ย จินยังท่าทางดีๆนะ ถึงดูผอมลง แต่ก็คงเพราะการทำงานหนักมากกว่า ทั้งเรื่องโคคิ เรื่องการแข่งก็เลยไม่ค่อยดูแลตัวเอง ช่วงหลังๆคงจะดีขึ้นแน่นะ”

ทัตซึยะมองโลกในแง่ดีเสมอ “ใช่ๆ ยังไงเจ้านั้นก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว สบายใจเถอะ “

 ยูอิจิช่วยเสริม จุนโนะพยักหน้าเห็นด้วยก่อนหันมาพูดยิ้มๆกับคาซึยะ

 “อืม นายเองก็ท่าทางผอมไปเหมือนกันแหละน่า รู้ตัวเปล่า”

คาซึยะส่ายหัวยิ้มๆ นั้นสินะ เค้าอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวทุกคนจะพลอยเป็นกังวลไปด้วยเปล่าๆ

จินดึงเสื้อเชิ๊ตที่แขวนไว้มาสวมกลับตามเดิม ค่อยๆติดกระดุมช้าๆ ที่หน้าอกขาวๆนั้น

มีรอยแผลจางๆถ้าไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็นแน่ๆ หมอเดินเข้ามาในห้อง จินแต่งตัวเสร็จก็มานั่งที่เก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้แล้ว หมอสี

หน้าเคร่งเครียดไม่น้อย ก่อนดึงเอกสารออกมาผลิกไปมา แล้วเงยหน้ามองดูคนไข้ที่ยังนั่งรอคอยอย่างใจเย็น

“หมอรู้สึกว่า มันจะหนักเกินไปแล้วนะ อาคานิชิ คิดว่าจะรักษาตัวที่นี่ดีแล้วเหรอ ที่โตเกียวมีโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือพร้อม และเหมาะสมกว่าที่นี่มากนะ “

ท่าทางหมอจริงจังมาก จินยิ้มน้อยๆ

“ต่อให้ดียังไง สำหรับผมแล้วคงไม่มีผลอะไรหรอกมั้งครับ”

หมออึ้งเหมือนกับพูดอะไรไม่ออก หมอคนนี้เป็นคนรู้จักดี เพราะเป็นหมอคนเดียวกับที่รักษาพ่อของจินมาก่อน แล้วได้ย้ายมา

อยู่ที่นี่ ดังนั้นจินก็ไม่ต่างจากลูกชายคนนึงของเค้าเลย จินเห็นท่าทางลำบากใจของหมอก็ยิ้มออกมา ก่อนพูดอย่างใจเย็นว่า

 “ไม่เป็นไรหรอกครับอาหมอ ผมอยู่ที่นี่มีความสุขมากกว่า ถึงจะเหลือเวลาน้อยลงยังไง ก็คงดีกว่า มีเวลามากขึ้น แต่ไม่มีความสุขใช่มั้ยครับ”

หมอพยักหน้า

“ไม่ค่อยเข้าใจ2คนพ่อลูกนี้จริงๆ ทั้งๆที่ไม่ยอมรักษาตามวีธีแบบที่เค้าทำๆกัน แต่ก็ยังอยู่กันมาได้นะ ตอนแรกหมอคิดว่าอาการของอาคานิชิจะหายขาดซะอีกจากการผ่าตัดคราวนั้น “

จินเอามือแตะที่หน้าอกบริเวณที่มีรอยแผลจางๆนั้น แล้วยิ้ม

 “อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้มั้งครับ ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าจะตายไปแล้วแท้ๆ แล้วก็กลับมามีชีวิตได้อีก ระยะ2ปีก็ปกติดีทีเดียว ถึงจะเจ็บหน้าอกบ้างแต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก คงเป็นเพราะโชคชะตาจริงๆที่ให้เวลากับผม2ปี ให้ได้พบเจอสิ่งดีๆที่สำคัญกับผม การได้เจอกับเจ้าพวกนั้น “

แล้วก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

“แต่ว่าเรื่องที่จะdebutนั้นน่ะ คิดว่าแน่ใจจะทำจริงๆเหรอ ร่างกายของเธอคงไม่พร้อมขนาดนั้นหรอกนะ หมอคิดว่าน่าจะเริ่มมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้แล้วนะ”

“ผมคิดว่าผมยังไหวอยู่นะครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมก็จะมา แต่ตอนนี้ ความฝันกำลังเป็นรูปเป็นร่าง เจ้าพวกนั้นกำลังพยายามกันอย่างเต็มที่ผมเองก็จะพยายามด้วยครับ “

หมอพยักหน้ารู้ดีว่าสั่งอะไรไปคนไข้คนนี้ก็ดีแต่ดื้อดึงอยู่ดี แล้วก็สั่งยาที่จำเป็นให้ตามปกติ จินโค้งก่อนออกจากห้องตรวจไป นางพยาบาลที่เพิ่งสวนเข้ามามองดูจินจนเหลียวหลัง

 “แหม่ คนไข้คนนี้หน้าตาหล่อจังเลยคะ อืมรู้สึกหน้าตาคุ้นเหมือนเคยเห็นในทีวีด้วยสิคะ “

หมอหัวเราะออกมาแล้วส่ายหัว ไปมา

 “ก็คงเคยมั้ง เห็นว่าไปแข่งประกวดนักร้องอะไรนี่แหละ แล้วก็ชนะกำลังจะdebutเร็วนี้แหละ เตรียมขอลายเซ็นไว้ได้เลย“

นางพยาบาลตาโต

 “ อ้า !! เป็นจริงเหรอคะเนี้ย อ้อต้องการแข่งขันที่ถ่ายทอดวันนั้นแน่ๆ หล่อจริงๆเลย เอ๋ แต่ว่าเค้าป่วยเป็นไอะไรหรือคะ”

หมอถอนหายใจก่อนตอบออกมาเสียงเรียบๆ

“มะเร็งนะสิ…… “

(http://img.icez.net/i/ik/2a10cd441.gif)

:3024: :3024: :3024: :3024: คิจากพวกเราไปแล้ว จินก้อมาเป็นแบบนี้อีก   :3024: :3024: :3024: :3024:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 15-03-2007 19:23:23
จะไม่ไหวแล้วนะ  :monkeycry4:  :monkeycry4: อย่าให้เศร้าไปมากกว่านี้เลย  :monkeycry4:
เนื้อเรื่องก็เศร้าอยู่แล้ว แถมยังมีตอนที่พูดถึงความตายของโคคิได้อย่างน่าสงสารมาก และตอนที่พูดไว้อาลัยอีก
มันยิ่งเศร้าเข้าไปใหญ่  :monkeycry2:  :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 16-03-2007 00:18:49
เศร้าอีกเระ จินคงไม่จากไปอีกคนนะ :dont2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 18-03-2007 22:21:46
chapter15

เริ่มปิดเทอมฤดูหนาว จิน คาซึยะ จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะก็เดินทางมาพักที่บ้านพักที่ทางบริษัทจัดไว้ให้ เพื่อที่จะทำงานสำหรับ

การเดบิวได้สะดวก ทั้งหมดได้มาอยู่รวมกันท่าทางจะมสนุกมากกว่าที่จะได้เดบิวด้วยซ้ำไป แต่ท่าทางของจินดูจะเคร่งมากกว่า

เดิมทำเอาทุกคนแปลกใจไปบ้างไม่น้อย

“จินเป็นไรของเค้าน้า ท่าทางจะเร่งรีบชอบกล” ทัตซึยะบ่นขึ้นในห้องครัวของเช้าวันหนึ่ง จุนโนะวางขวดนมลงที่โต๊ะกินข้าว

 “ก็ดีแล้วนะ งานจะได้เสร็จไวๆ ถ้าเปิดเทอมมาจะวุ่นนะ “ ยูอิจิพยักหน้า

“ใช่ๆ ไงๆนะ ฉันก็รักที่นั้นมากกว่าที่นี่แยะ ไม่อยากย้ายมาเรียนที่นี่หรอก ถ้าทำงานเสร็จยังไงก็ต้องกลับบ้านนะ “ ทุกคนพยัก

หน้าพร้อมๆกัน คาซึยะควงช้อนเล่นไปมาแล้วพูดออกมาน้ำเสียงเรียบๆ

 “จริงๆแล้วนะ ที่เราตัดสินใจเพื่อจะเดบิวแบบนี้ดีแล้วเหรอ รู้สึกเหมือนว่า ต่อไปเราจะมาอยู่ที่จุดนี้คงไม่มีเวลากลับไปที่เดิมได้อีกยังงั้นหล่ะ “

“มันก็จริง แต่จะได้อะไรมาก็คงต้องเสียอะไรไปบ้าง พวกเราน่ะตั้งใจที่จะร้องเต้นเพื่อให้ความสุขกับคนที่มาดูไม่ใช่เหรอ ดังนั้นการที่มีคนดูพวกเรามากขึ้น เยอะขึ้นก็เหมือนกับเราช่วยให้คนมีความสุขเพิ่มมากขึ้นไงหล่ะนะ “

ยูอิจิพูดออกมาดูจริงจังกว่าที่เคยๆ

จินเดินเข้ามาที่ห้องครัว ท่าทางอิดโรย หน้าตาเหมือนคนอดนอน จุนโนะเห็นก็ร้องทัก

 “จิน ….นายท่าทางไม่ดีเลยนะ ไหวป่าวเนี้ย” จินยิ้มน้อยๆเหมือนคนเหนื่อยอ่อน

“เมื่อคืน คุยกับโปรดิวเซอร์เรื่องแผนโปรโมทน่ะ แล้วก็คอนเซปงานทั้งหมดดด้วย คุยโทรศัพท์จนดึกเลย วันนี้ก็จะประชุมกันอีกทีด้วย”

คาซึยะมองจินตาปริบๆ ดูเหนื่อยขนาดนี้ น่าเป็นห่วงจริงๆนะ

 “นายจะโหมงานมากเกินไปไม่ดีนะ ฉันว่าถ้าเหนื่อยก็พักบ้างก็ได้ “ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ยูอิจิพูดแทรกขึ้นมาบ้าง

“ ถึงนายจะเป็นหัวหน้าทีมอ่ะนะ เอาเป็นว่าฉันทำแทนดีมั้ยนะ นายจะได้พักไง” ทัตซึยะหน้าตาเหรอๆ

“ ถ้ายูอิจิเป็นหัวหน้า งานนี้จะรอดมั้ยเนี้ย”

พูดแค่นี้ทุกคนก็หัวเราะออกมา ยูอิจิจัดการทัตซึยะทันทีที่ปากมาก ทุกคนหัวเราะเฮฮา แต่คาซึยะก็รู้สึกเป็นห่วงจินไม่หาย หัน

หน้าไปมองดู หน้าด้านข้างจินที่กำลังหัวเราะ ร่างผอมๆไหวๆ เหมือนจะล้มลงง่ายๆ ดูอ่อนแรงแบบที่ไม่น่าจะเป็นได้ จินหันมา

เห็นสายตาที่เป็นห่วงนั้นก็ยิ้มออกมา

“ไม่เป็นไรจริงๆนะ “ คาซึยะ ยิ้มตอบนิดๆ ก่อนหันกลับไปทานข้าวต่อไป

“เอาหล่ะนะ เรื่องงานที่วางแผนเอาไว้ทั้งหมดคร่าวๆก็ที่บอกไปแล้ว คิดว่าพวกเธอจะเสนออะไรอีกไหม”

โปรดิวเซอร์ เขียนกระดานเสร็จก็หันมาพูด ทุกคนอ่านแผนงานอย่างตั้งใจ ท่าทางทุกคนจะเห็นด้วย จินยกมือขึ้น

ขอพูด โปรดิวเซอร์พยักหน้าให้พูดได้

 “ผมคิดว่า อยากจะให้มี แทร็กซ์ พิเศษด้วยนะครับ เป็นเพลงที่พวกผมเคยร้องร่วมกับเพื่อนคนนึงนะครับ ผมอยากให้มีเสียง
เค้าในงานแรกนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่อยู่แล้วก็ตาม”

ทุกคนหันมามองหน้าจิน แล้วพยักหน้าจริงจัง รู้สึกเห็นด้วยอย่างมาก โคคิที่ไม่มีโอกาสมายืนตรงจุดนี้ แต่ก็อยากให้ทุกคนมี

โอกาสได้ฟังเสียง RAP ที่ยอดที่สุด โปรดิวเซอร์พยักหน้า

 “อืม!! น่าสนใจดีตกลงเอาแบบนี้ก็ได้ เอ่อช่วยจดไว้ด้วยนะ” ผู้ช่วยที่นั่งข้างๆทำการจดบันทึกลงแผนงานอีกครั้ง

“อืม แล้วพูดถึงเรื่องโปรโมทงานหล่ะ ต้องการแบบไหนรึเปล่า แบบที่มีรถโฆษณา หรือว่า ป้ายLCDตามตึก อยากได้แบบไหน
ดี”

ฝ่ายการตลาดถามขึ้นมาบ้าง ทุกคนหน้าเหรอ ออกจะเป็นเด็กๆไม่คุ้นเคยกับงานแบบนี้ก็เลยได้แต่ยิ้มๆไม่พูดอะไรออกมา


“ผมว่า แบบนั้นมันดูจะยังไงไม่รู้นะครับ เหมือนขัดๆกับพวกเรานิดๆ เห็นสมควรแบบไหนก็ได้นะครับ”

จินพูดขึ้นมา ฝ่ายการตลาดทำหน้างงๆ

 “แบบนี้ไม่ชอบเหรอ ดูขัดๆเหรอ อืม” แล้วทุกคนก็ท่าทางใช้ความคิดกันใหญ่

“เอาแบบนี้ดีมั้ยครับ ปกติที่พวกผมทำกันก็คือแสดงตามข้างถนน ถ้าแผนโปรโมทของเราเป็นคล้ายๆแบบนั้นจะได้มั้ยครับ มัน
คงเป็นตัวพวกผมที่สุดแล้ว”

ทุกคนในกลุ่มหันมามองคาซึยะ พยักหน้าไปตามๆกันด้วยความเห็นด้วย ฝ่ายการตลาดส่ายหัวไปมา

 “จะดีเหรอ แบบที่ว่ามาเนี้ย บริษัทเราไม่เคยทำมาก่อนนะ ออกจะแปลกๆไปรึเปล่า ไปร้องเพลงตามถนน แบบศิลปินไม่มีสังกัดแบบนั้น” โปรดิวเซอร์ยิ้มออกมา

 “เอาน่า ยังงี้ก็น่าสนใจดีนี่นา เราก็ให้เป็นแผนโปรโมทแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนไง แปลกดีออกไม่ใช่เหรอ ที่มีแบบนี้ออกมา
เราก็ปล่อยเพลงออกมาก่อนโดยไม่เปิดเผยหน้าตาศิลปินยังไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แล้วก็ให้พวกนี้ไปร้องเพลงตามที่ต่างๆไง เข้าท่าดีนะ ตกลงตามนี้แล้วกัน”

แล้วแผนงานทั้งหมดก็ถูกตกลงออกมา เรียบร้อยรวมทั้งวันนัดอัดเสียง หลังจากการประชุมเสร็จแล้ว ทุกคนเดินคุยเฮฮากัน

ก่อนที่จะเข้าห้องซ้อมเต้น จินหหันมามองคาซึยะยิ้มๆ คาซึยะรู้สึกอายๆขึ้นมาเลยหันไปพูดกวนๆใส่

“บ้ารึป่าวนายน่ะ อยู่ดีๆก็มายืนยิ้มอยู่ได้ประสาท!!” จินหัวเราะออกมา

“ไม่ได้บ้า แต่ภูมิใจในตัวนายต่างหาก นายเนี้ยมีความเป็นผู้นำ และก็มีความคิดที่ดี ดีกว่าฉันซะอีกนะ ต่อไปนายคงเป็น head

ที่ดีของกลุ่มได้แน่ๆ” คาซึยะรู้สึกใจหายทันที กับคำพูดแปลกๆแบบนี้

 “บ้าสิ!! นายพูดอะไรของนาย จะมีใครมาแทนหัวหน้ากลุ่มแบบนายได้ เลิกพูดบ้าๆสักทีเถอะ ยังไงนายก็ต้องดูแลพวกเราตลอด
ไปนะแหละ” จินได้ฟังก็ยิ้มออกมาแฝงแววเศร้าๆไม่น้อย

“นี่ๆ เร็วๆเถอะน่า ทุกคนเค้าพร้อมกันหมดแล้วนะ มัวแต่จู๋จี๋ กันอยู่นั้นหล่ะ 2 คนนั้นน่ะ”

ยูอิจิตะโกนเสียงดังออกมา ทำให้ทั้งจินและคาซึยะหน้าเหรอ แล้วตามเข้ามาซ้อมพร้อมๆกัน

ระยะเวลาการทำงานที่ทั้งเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากค่อยๆผ่านไปทั้งๆที่ดูเหมือนจะใช้เวลามากแต่ชั่วพริบตาก็หมดไปและ

แล้ว Single เปิดตัวก็เสร็จสมบูรณ์ออกมาแล้ว จินสัมผัสมันเปรียบเหมือนของมีค่า

วันนี้ทุกคนเตรียมตัวที่จะไปงานเลี้ยงที่เป็นงานฉลองเล็กๆระหว่างทีมงานทั้งหมดหลังจากงานสำเร็จออกมาครึ่งทางแล้ว หลัง

จากนั้นเค้าจะมีเวลาพักอีก2วันเพื่อเตรียมตัวโปรโมทงานแบบที่ตกลงกันไว้ โดยการไปแสดงตามข้างถนน ทั่วทุกมุมเมือง

โตเกียว หลังจากนั้นจึงมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการออกมาอีกที

จินมองแผ่น CD อย่างมีความสุขแล้วอยู่ๆดีก็รู้สึกเบลอๆ แล้วเลือดก็หยดลงบนที่แผ่นCDนั้น จินรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกทันที

เลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก ปนๆกับอาการคลื่นไส้และเวียนหัว แล้วก็กระอักเลือดออกมา จินพยายามลุกไปที่ห้องน้ำเพื่อที่

จะเปิดตู้ยา แต่ด้วยความเจ็บปวดที่ประดังเข้ามาก็ทำให้เค้าล้มลงที่พื้นห้อง หมดสติไปตรงนั้น

“จินช้าจังเลยนะ”ทัตซึยะบ่นออกมา ขณะมองดูนาฬิกา

“นั้นสิเจ้านั้นบอกว่าขอตัวกลับไปนอนที่บ้านพักก่อนน่ะเพราะว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายนี่นา จะเป็นอะไรมารึเปล่านะ”

จุนโนะเริ่มมีสีหน้าเป็นห่วง คาซึยะเองก็เหมือนกันไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะใจว้าวุ่นไปหมดแล้วว่าจินจะเป็นอะไรรึเปล่า ยูอิ

จิวิ่งเข้ามาในห้องท่าทางตื่นๆ

“ เฮๆ!! ทำไงหล่ะ ตอนนี้ประธานบริษัทเค้ามาที่เลี้ยงด้วยนะ สตาฟเค้าบอกให้พวกเรารีบๆไปกันน่ะ”

“จะไปเลยเหรอ แต่ว่าจินยังไม่มาเลยนะ” คาซึยะพูดออกมาทันที ทุกคนมองหน้ากันเหมือนทำอะไรไม่ถูก

“เอางี้ โทรไปตามจินก็แล้วกันว่าเป็นไงบ้าง” จุนโนะเสนอแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก

จินกระพริบตาถี่ๆ ตอนนี้อาการค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อยแต่ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก รู้สึกเลือดจะยุดไหลไปแล้วค่อยพยุงตัวลุกขึ้นรู้สึกมึน

หัวมากๆ แต่ก็ฝืนลุกขึ้นจนได้ เสียงโทรศัพท์ดัง จินเอื้อมมือไปรับอย่างอ่อนแรง

“เฮ !! จินเหรอ เป็นไงบ้างอ่ะ ทำไมยังไม่มาอีก นี่ประธานอยากพบพวกเราด้วยนะ รีบมาเร็วๆสิ”

จินกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากรู้สึกแสบลำคอ

“ขอโทษจริงๆนะ ปวดหัวมากๆ ฉันไปไม่ไหวน่ะ ขอนอนพักที่บ้านก็แล้วกัน ฝากขอโทษประธานแล้วก็สตาฟให้ทีนะ ไปไม่ไหว
จริงๆ พวกนายไปกันดีๆนะ”



หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 18-03-2007 22:34:44

“อะไรนะ!! นายจะไม่มาเหรอ” จุนโนะโพล้งออกมาแค่นั้น คาซึยะก็รีบแย่งโทรศัพท์มาทันที ก่อนพูดกรอกไปตามสาย

 “จิน เป็นไรมากรึเปล่า ให้พวกเรากลับไปดูนายดีมั้ย” จินพยามยามหายใจยาวๆก่อนพยายามทำเสียงให้เหมือนปกติที่สุด

“อย่าพูดบ้าๆสิ แค่ปวดหัวน่ะ พวกนายห้ามทิ้งงานนะ ไปเถอะไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันกินยานอนแล้วพรุ่งนี้ก็คงดีขึ้นเองนะ”

คาซึยะยังไม่ทันพูดอะไรต่อ จินก็กดวางและปิดเครื่องไปเลย “จิน …เฮ้ยจิน!!”

 คาซึยะพยายามเรียกและต่อโทรศัพท์ใหม่แล้วก็ไม่เป็นผล ยูอิจิท่าทางกังวล “นี่ๆพวกเราจะกลับไปดูจินกันดีมั้ย”

แต่จุนโนะที่ท่าทางเป็นห่วงทั้งจินและห่วงงานเหมือนกัน “แต่ว่า จะทิ้งทางนี้ไปเลยนะเหรอ”

“ไปกันเถอะ ไปงานเลี่ยงที่สตาฟเค้าจัดกันเถอะ “

คาซึยะพูดออกมาเหมือนเป็นการตัดสิน ทุกคนทำท่างงๆ เหมือนกับอยากพูดอยากถามอะไร คาซึยะก็พูดตัดบทออกมา

“ก็จินบอกว่าห้ามทิ้งงานน่ะ ตอนนี้จินไม่สบายเราก็ต้องพยายามในส่วนของจินนะ ไปกันเถอะ” ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ คาซึยะ

เองถึงแม้จะแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่จริงๆแล้วรู้สึกกังวลลึกๆเป็นห่วงจินไม่น้อยเลย

จินกินยาเข้าไปแล้วพอจะระงับอาการได้นิดหน่อย เค้าเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดตามพื้นห้องเรียบร้อยแล้วก่อนมาล้มตัวลง

นอนรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เหมือนกับว่ากระดูกถูกเข็มนับพันทิ่มแทง พยามข่มตาให้หลับแต่ก็ทำได้ยากลำบากเหลือเกิน ภายใน

ห้องนอนที่มืดมิดไม่มีใครแบบนี้ ทำให้รู้สึกเหงาและอ้างว้างเหลือเกิน ถึงแม้ว่าไม่อยากให้ใครรับรู้แต่ในใจที่ว่างเปล่าก็อดคิด

ถึงไม่ได้ อยากเจอหน้าใครสักคน ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย ไม่อยากจากใครที่ผูกพันธ์อยู่ตอนนี้ไปทั้งนั้น…………..

แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามา กระทบกับร่างที่หลับตาอยู่บนเตียง ขนตายาวๆเริ่มกระดิก แสงแดดที่ทาบทอบนหน้าที่

ขาวซีดเริ่มรู้สึกอุ่นๆ จินลืมตาช้าๆ ความเจ็บปวดเมื่อคืนจู่ก็หายไปซะเฉยๆ เหมือนเป็นปกติดีมาก ค่อยๆเอามือขึ้นมาเพื่อที่จะ

เสยผมก็รู้สึกว่าแขนเสื้อเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง เส้นผมสีน้ำตาลเข้าไปติดกับกระดุมแขนเสื้อจินไม่ได้กระตุกออก เพราะกลัวว่า

ร่างที่หลับสนิทข้างๆจะตื่น คาซึยะหลับสนิท ท่าทางจะเฝ้าเค้าทั้งคืนแน่ๆหลังจากลับจากงานเลี้ยง ท่าทางที่หลับสนิทเพราะ

ความเหนื่อยดูน่าเอ็นดูเหมือนเด็กๆ


จะเป็นไปได้รึเปล่าว่าอาการเจ็บปวดที่หายไปเพราะใครคนนี้ คนที่เค้ารู้สึกว่าเป็นเทวดาน้อยๆ จ้องมองหน้ายามหลับไหล ท่า

ทางมีความสุข อยากให้เจ้านี่มีความสุขแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากให้อะไรมาทำร้ายจิตใจที่บอบบางของเจ้านี่อีก คิดอย่างงี้แล้ว

……..จินก็รู้สึกเจ็บปวดในใจลึกๆ

แล้วร่างที่หลับไหลก็เริ่มขยับลืมตาขึ้นแบบงัวเงีย เมื่อตื่นเต็มตาก็เห็นจินนั่งจ้องอยู่ก็รู้สึกตกใจ ลุกขึ้นทันที เส้นผมที่เกี่ยวกับ

กระดุมแขนเสื้อจินก็ กระตุกขาดออก จนเจ้าของเส้นผมร้องออกมาเสียงดัง “โอ้ย!!”

จินหัวเราะออกมาขำๆกับท่าทางของคาซึยะ ที่เอามือจับหัวตรงที่เส้นผมถูกกระตุกขาดออก

 “นายนี่ ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันบ้างหล่ะ” คาซึยะบ่นออกมาเหมือนเด็กๆ จินทำหน้าตาย

“ก็นายหลับท่าทางมีความสุขดี ใครจะกล้าปลุกหล่ะ” คาซึยะทำหน้าบึ้ง “น่าเกลียดชมัดเลย !!” จินทำตาโต

 “อะไร เรื่องอะไรมาว่าฉันน่าเกลียดหล่ะ นายนี่!!!” คาซึยะทำหน้าเหรอ

“ไม่ใช่นาย หมายถึงฉันต่างหากมา เฝ้าไข้ แต่กลับหลับไปซะเอง น่ะ”

จินได้ยินแค่นั้นก็ขำออกมา “ใช่ๆน่าเกลียดชมัดเลยนายน่ะ “ แล้วก็เอามือมาถูๆหัวคาซึยะ จนผมเส้นเล็กพันกันยุ่งไปหมด

” เฮ้ย !! นายไม่มีสิทธิมาว่าฉันนะเจ้าบ้า เลิกเล่นหัวคนอื่นด้วย” จินได้ฟังก็ยิ้มๆ รู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเคยเกิดมาแล้ว

ตอนที่คาซึยะมีเรื่องกับเรียวตะแล้วเค้าก็ไปนอนเฝ้า ไม่รู้ว่าเจ้านี่จะจำได้รึเปล่านะ คาซึยะเอามือจับทรงผมให้เป็นปกติเหมือน

เด็กๆ จินหันไปมองรอบๆ รู้สึกเงียบผิดปกติก็เลยถามออกมา


“แล้วเจ้าพวกนั้นหายไปไหนกันหมดอ่ะ “ คาซึยะตอบออกมา

“ไปดูสถานที่ที่จะเปิดการแสดงตามจุดต่างๆ ตอนแรกทำท่าจะเกเรไม่ไปกันหมดเพราะว่าจะอยู่ดูนาย แต่ว่าฉันบอกว่าฉันจะ
ดูแลเองก็เลยไปกันหมดไงหล่ะ” จินพยักหน้าก่อนหันมาจ้องคาซึยะตาเขม็ง

 “ว่าแต่ว่า นายอยู่นี่จะดูแลฉันได้เหรอ ทำอะไรก็ไม่เป็น “ คาซึยะหน้าเหรอ

“หา นายก็ท่าทางแข็งแรงดีแล้วนี่ ไม่เห็นต้องดูแลอะไรนี่นา” บ่นออกมาซะงั้น เพราะเกิดมาก็ไม่เคยดูแลใคร

มาก่อน จินแอบยิ้มเหมือนคิดจะแกล้งอะไรคาซึยะได้

“ ไม่จริงสักหน่อย ยังมึนๆตัวก็ยังอุ่นๆอยู่เลย นายนี่ ดูแลฉันไม่ได้แน่ๆ “ แล้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ งอแงแบบเด็กๆ คาซึยะ

เลยยิ่งทำท่าเก้ๆกังๆไปกันใหญ่

“บ้าน่า!! จริงๆเหรอไหนดูสิ “ ลองเอามือมาแตะที่หน้าผาก “ไม่เห็นจะร้อนเลย !!” คาซึยะพูดออกมาเสียงดัง จินทำหน้าบู้

“บ้านะสิวัดแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าร้อนหรอก เค้าต้องใช้หน้าผากวัดกันต่างหาก แค่วัดไข้ยังทำไม่เป็นเล้ย พึ่งไม่ได้จริงๆนะเนี้ย”

คาซึยะทำท่าอายๆ ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เคยเห็นแม่ทำกับลูกมาบ้าง แต่กับเพื่อนกันแบบนี้ไม่เคย แต่จินทำท่าแบบนี้ ก็เลย

รู้สึกว่าต้องทำ ดึงหน้าจินมาใกล้แล้วก็เอาหน้าผากชนกัน แล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง

 “จริงๆด้วย หน้าผากนายอุ่นๆนี่นา ทำไงดีหล่ะ ทำไงดี “ ตื่นเต้นจนน่าขำ จินกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เอาแผ่นสีฟ้าในตู้เย็นมาแปะเดี๋ยวก็หาย แต่ว่าฉันหิวแล้วนะ ทำอะไรให้กินได้ป่าว” จินปัดผ้าห่มออกแล้วก็

ลุกขึ้นยืน คาซึยะทำหน้าเหวอไปเลย ทำอาหารพูดเป็นเล่นไปได้นะนั้นน่ะ

 “เอาเป็นว่า เดี๋ยวฉันไปซื้อที่ข้างนอกให้ดีกว่ามั้ย ฉันทำไม่เป็นน่ะ “ จินกอดอกเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

 “ไม่เอา ไม่อยากกินของแบบนั้นน่ะ ทำอะไรก็ได้น่ะ ไข่ทอดไง ทำได้ป่ะ ไข่ทอดกับข้าวก็พอแล้ว”

คาซึยะเองท่าทางไม่ยอมใครเหมือนกันเริ่มเสียงดังขึ้นมาบ้าง

“ก็บอกแล้วไงว่าทำไม่เป็น จะให้ทำได้ไงหล่ะ” จินเหมือนโดนดุ ทำหน้าสลดนิดหน่อย

 “อ้อ เข้าใจแล้ว ฉันไม่กินก็ได้ ตามสบายนายเถอะ” คาซึยะรู้สึกเหมือนทำผิดร้ายแรง

เพราะบอกเองว่าจะดูแลจิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย

“ก็ได้ๆจะทำให้ จะทำให้ “ จินยิ้มออกมา เหมือนว่าแกล้งเจ้านี่ได้แล้ว “ในตู้เย็นเหมือนว่ามีแอปเปิ้ลปอกให้กินด้วยนะ”


คาซึยะเริ่มขมวดคิ้ว “หา!! “ เหมือนได้คืบจะเอาศอกเลยนะ จินทำหน้าเศร้าๆ

“ก็ฉันเป็นคนป่วยนี่นา ก็อยากกินผลไม้บ้างน่ะ” คาซึยะรู้สึกว่าทำตัวดุๆอีกแล้วก็พยักหน้า

“ได้ๆ แอปเปิ้ลด้วยนะอืมๆ”

รู้สึกเหมือนจะลำบากหน่อยนะ แต่ก็จะพยายามดูเพื่อจินเลยนะ คาซึยะเดินมาที่ห้องครัวเปิดตู้เย็นออกหยิบข้าวของออกมา

ไข่1 ถาด อันดับแรกต้องทอดไข่ก่อน

จินเดินตามลงมาด้วยคาซึยะหันไปมองจินที่กำลังเปิดตู้เย็นหยิบแผ่นลดไข้ออกมาแปะหัวเอง

“อ้าวแล้วนายลุกมาทำไมหล่ะเนี้ย!!” คาซึยะพูดออกมาแปลกใจ จินหัวเราะออกมา

 “ล้อเล่นน่าที่จะให้นายทำทั้งหมดน่ะ มีหวังไฟไหม้บ้านแน่ๆ เดี๋ยวฉันทำเองนายอยู่เฉยๆเถอะ”

คาซึยะท่าทางเอ๋อ จินเดินมาตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเรียบร้อย คาซึยะก็โพล้งออกมาเสียงดัง

 “ นายไม่ต้องทำหรอกน่า แค่บอกวิธีมาก็พอ ฉันอยากทำมากกว่า “ จินทำหน้ายิ้มงงๆ

 “ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวฉันทำให้” คาซึยะแย่งไข่ออกมา

“ให้ฉันทำเถอะ ฉันอยากทำอะไรให้นายบ้าง ที่ผ่านๆมาก็พึ่งนายมาตลอดแล้ว”

 พูดออกมาอายมากๆจนหน้าแดงก่ำ จินยอมถอยออกมายิ้ม ๆ

แล้วคาซึยะก็เก้ๆกังๆหน้าเตาต่อไป จินบอกว่าให้ลองตอกไข่ดู ใบแรกออกมา จินยิ้ม “ อืมทำได้ดีนี่นา”

คาซึยะรู้สึกอายๆก่อนตั้งหน้าตั้งตาทอดไป แล้วไข่ราดข้าวก็ออกมารูปร่างไม่น่ากินนักแต่ก็พอรับได้

คาซึยะวางจานข้าวลงข้างหน้าจิน ภูมิใจมากๆเหมือนตัวเองเป็นเชฟมือหนึ่ง จินพนมมือก่อนพูดออกมาอย่างร่าเริง

 “ทานนะครับ” จินท่าทางหิวจัดหรืออะไรก็ไม่รู้ กินข้าวคำใหญ่เคี้ยวเหมือนเด็กๆ คาซึยะมองดูก็ขำนิดๆ

ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบแอปเปิ้ลออกมา

“นี่ๆ นายไม่ต้องทำแล้วก็ได้นะ “ จินหันมามอง คาซึยะทำหน้าบูดๆประมาณว่าจะทำให้ได้ จินก็พยักหน้าแล้วหันมากินข้าวต่อ

ไป คาซึยะทำท่าจริงจังแล้วก็เริ่มปลอกเปลือกแต่แล้วก็จนได้ บาดนิ้วจนได้แผลเลย เจ็บแต่ไม่กล้าร้องกลัวจินจะหันมามอง


จินยังกินข้าวอยู่ เลยหันมาตั้งหน้าตั้งตา พยายามต่อไป ปกติงานแบบนี้ต่อให้ตายก็ไม่ทำเด็ดขาด เพราะอะไรนะ

ถึงต้องมาทนเจ็บ เพื่อจิน......ก็เพราะว่าจินเป็นคนที่เค้ารักมากๆนะสิ เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว การที่ทำอะไรเพื่อจิน ต่อให้ต้อง

เจ็บเค้าก็ทนได้ เพราะจินทำเพื่อเค้าละทุกคนเสมอด้วย

จินกินข้าวเสร็จเรียบร้อย ท่าทางอิ่มแล้ว ลุกขึ้นบิดตัวไปมา ทำท่าจะเดินเข้ามาหาคาซึยะ ที่ตั้งใจปลอกแอปเปิ้ลอยู่ คาซึยะรีบ

ซุกมือหันหน้ามามองจิน

 “ยังไม่เสร็จอ่ะ ถ้าทำเสร็จแล้วจะเอาไปให้น่ะ” จินเอามือบิดคอไปมาเหมือนเมื่อยๆ

 “เอางั้นเหรอ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะ “ คาซึยะพยักหน้าตอบรับ

จินเดินขึ้นห้องไป คาซึยะถอนหายใจ เอามือทั้ง2ข้างที่เป็นแผลมีดบาดเต็มไปหมด เป่ามือด้วยความเจ็บ การปลอกผลไม้นี่ยาก

จริงๆนะ ถ้าจินเห็นมีหวังถูกดุแน่ๆ แล้วก็รีบจัดการเอาแอบเปิ้ลใส่จานให้เรียบร้อยก่อนจินจะออกมาอีก

จินอาบน้ำเสร็จแล้วเดินผิวปากมาที่ห้องครัว เห็นแอปเปิ้ลวางในจานเรียบร้อย รูปร่างออกจะประหลาดนิดๆ แทบที่จะบอกได้ว่า

กินได้จริงๆเหรอเนี้ย แต่ก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจ และก็พยายามของคนทำ แล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนหยิบใส่ปาก คาซึยะเดินออกมา

จากห้องน้ำชั้นล่างพอดี เห็นจินกำลังกินอยู่ก็ยิ้มนิดๆ จินหันมาเห็นก็ชูนิ้วโป้งให้ “อร่อยมากๆเลย” บ้าจริงๆของแค่นี้ก็ต้องชม

กันด้วยนะ แต่ก็อดดีใจไม่ได้สักทีน้า

ทั้งคู่นั่งเล่นกันที่ห้องทีวีท่าทางไม่มีอะไรทำกัน

“พอเจ้าพวกนั้นไม่อยู่ก็รู้สึกเงียบจริงๆเลยนะ” คาซึยะพยักหน้า

 “ขอโทษนะ ฉันเป็นคนที่คุยไม่สนุกเหมือนเจ้าพวกนั้น ก็เลยเบื่อสินะ” จินหันควับ

 “ไม่ใช่ ฉันหมายความว่า ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ซ้อมเต้น ไม่ได้อัดเสียงแล้วมันดูว่างๆไปต่างหากหล่ะ

 “ คาซึยะพยักหน้า “นั้นสิ ตอนนี้พวกนั้นก็ทำงานอยู่เหมือนกันนะ วันหยุดนี้ก็เหมือนว่ามีเรา 2 คนที่ได้หยุดจริงๆ”

จินยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“แต่ก็ดีนะ ฉันไม่เคยได้มีโอกาสอยู่กับนายแบบนี้เลย “ คาซึยะห่อตัวทันทีพยายามหลบหน้า เพราะรู้สึกเขินอายๆขึ้นมาชอบกล

 “พูดอะไรของนาย ไม่กระดากบ้างไง ผู้ชาย2 คนทำไมต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง” จินเอามือผลักหัวคาซึยะ

 “นายสิบ้า ประสาทรึเปล่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย เอาเป็นว่าในขณะที่พวกนั้นทำงานเราก็น่าจะช่วยอะไรบ้างนะ
มาทำความสะอาดบ้านกันดีกว่านะ!!”



อยู่ดีๆก็คึกขึ้นมา คาซึยะกลัวว่าไข้ของจินจะกลับ

 “ เฮ้ย!! จะดีเหรอนายหายดีแล้วรึไง” จินเหวี่ยงแขนไปมาแบบเด็กๆ

“เถอะน่า ออกกำลังกายแบบนี้จะได้หายเป็นปลิดทิ้งไง” ว่าแล้วก็ถลกแขนเสื้อท่าทางทมัดทแมงขึ้นมาเชียว

 คาซึยะได้แต่ส่ายหัวในความห่ามของจิน…… เจอจนชิน… และรู้สึกชอบปนหมั่นไส้

“ งั้น ฉันซักผ้าให้ก็แล้วกันนะ” คาซึยะพูดขึ้นมา แล้วเดินไปเพื่อจะเอาตระกร้าผ้าในห้อง จินรีบวิ่งเข้าไปแย่ง

 “ไม่ได้ฉันทำเอง!” ท่าทางผิดปกตินิดหน่อย คาซึยะคิ้วขมวด

 “ทำไมหล่ะ ให้ฉันทำก็ได้นี่นา กะอีแค่ใส่เครื่องเอง” จะให้ได้ยังไง ผ้าพวกนี้มันเปื้อนเลืดนี่นา

“ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่ชินให้ใครมาสักชั้นในให้ “ แก้ตัวออกไปข้างๆคูๆ

คาซึยะนึกสนุกจะแย่งเอามาให้ได้

 “เออ เป็นผู้หญิงไปได้ไม่เห็นต้องอายเลย เอามานี่น่า!!” ไม่พูดเปล่าเอามือยื้อออกมาได้

จินใจหายวูบรีบชักกลับ คาซึยะเองก็เหมือนกันรู้สึกเหมือนเห็นผ้าเปื้อนเลือดใช่มั้ย!!

chapter 15 end

to be con....................
   
เลือด เลือด ใกล้ถึงเวลาแล้วซินะ :เฮ้อ:




หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-03-2007 01:33:33
จินจะตายมั้ย :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2: ไม่ยอม ไม่ยอม
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 19-03-2007 19:24:20
 :give2: :give2: :give2:

ทำกับข้าวให้กินด้วยอ่า :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-03-2007 22:59:58
อยากเจอหน้าใครสักคน ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย ไม่อยากจากใครที่ผูกพันธ์อยู่ตอนนี้ไปทั้งนั้น…………..
เข้าโหมดเตรียมเศร้า  :เศร้า1:  :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: RoosT ที่ 22-03-2007 12:27:00
 :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 10-04-2007 22:09:09
รอคับรอ    :monkeycry4:

 :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-04-2007 20:32:41
รออ่านต่อค่ะ หายไปหลายตอนเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Lucifer ที่ 11-04-2007 23:48:18
มารอด้วย :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 12-04-2007 19:20:20
ขอโทษนะงับที่มาต่อช้าอ่ะ ช่วงนี้เหนื่อยๆ อ่ะ  :เฮ้อ:  เราไปอ่านต่อกันเลยดีก่าเนอะ

chapter16

“เอ๊ะ!! มือนายไปโดนอะไรมาน่ะ “ จินเห็นรอยแผลที่ปิดพลาสเตอร์ของคาซึยะก่อน ทำให้เบี่ยงเบนความสนใจไปได้

คาซึยะรีบชักมือหลบบ้างทีนี้ จินทำหน้าดุๆ

 “นี่นายปลอกแอปเปิ้ลจนเป็นแผลใช่มั้ย ทำไมต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้ด้วยหล่ะ ถ้านายต้องเจ็บตัวฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ”

“ขอโทษ…..ฉันก็แค่อยากทำอะไรเพื่อนายบ้าง แค่นี้ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกน่า”

คาซึยะก้มหน้าเหมือนสำนึกผิด จินเอามือตบหัวเบาๆ

 “นายจะมาขอโทษทำไม ไม่ใช่ความผิดสักหน่อย ยังไงฉันก็ขอบใจที่นายอยากทำอะไรเพื่อฉัน แต่ว่าถ้าต้องเจ็บตัวอีก
อย่าทำเลยนะ” คาซึยะพยักหน้าเข้าใจ

 “ไหนขอดูมือหน่อยสิ” “ไม่ต้องหรอกน่า บอกว่าแค่นิดเดียว”

เหมือนจะอายๆไม่อยากให้ดู จินทำตาดุๆก่อนดึงมือออกมาดู จินมองดูด้วยสายตาที่เป็นห่วงมากๆ

คาซึยะรู้สึกได้ถึงความห่วงใยนั้นผ่านมือใหญ่ที่อบอุ่นของจิน สัมผัสแผลอย่างเบามือ

 เหมือนกับว่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ยังไงยังงั้น

ผลสุดท้ายคาซึยะเลยถูกสั่งห้ามช่วยทำอะไรอีก จินจัดการซักเสื้อผ้าเองทั้งหมด แล้วนำไปตากที่ดาดฟ้า

คาซึยะเดินตามต้อยๆเหมือนเด็กน้อยๆก็ไม่ปาน เฝ้ามองดูจินทำงานเหมือนตั้งใจเป็นงานที่สำคัญอย่างนึง

จินหันมาเห็นก็อดขำไม่ได้


“นี่ฉันเป็นนักโทษ ของนายรึไง จ้องอยู่ได้” “หา!!!” คาซึยะหน้าเอ๋อๆ กับคำพูดของจิน

 “กะ…ก็ ฉันต้องดูแลนายนี่นา เกิดทำงานมากเป็นอะไรไปอีกจะแย่อ่ะ”

จินอมยิ้มเจ้านี่น่ารักแบบนี้นี่น้าถึงไม่อยากอยู่ห่างๆเลย จินทำท่าเบ่งกล้ามให้ดู

“นี่ แข็งแรงแล้วน่า ไม่งั้น คงทำงานพวกนี้ไม่ไหวหรอก เออ ว่าไปแล้วก็เหนื่อยจังแฮะ นอนสักหน่อยดีกว่า “

 ว่าแล้วก็นอนลงไปที่พื้นดาดฟ้าเลย คาซึยะตาโต

“เฮ!! มานอนตรงนี้ได้ไง เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก !!!“ จินหลี่ตาขึ้นข้างนึง เห็นคาซึยะ หน้าตาตื่นๆ ยืนอยู่เหนือ เค้า

เลยดึงข้อมือเล็กๆให้ล้มลงมาข้างๆ

“แดดอุ่นจะตายไป นายก็มานอนด้วยกันก็ได้นี่นา”

แล้วก็หลับตาลงสนิท ปล่อยให้คาซึยะที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆมองดูตาปริบๆ

 แล้วก็เหมือนจะหลับไปจริงๆ ช่างหลับง่ายดายจริงๆเลยนะ

คาซึยะเฝ้ามองหน้ายามหลับของจินนิ่งๆ รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ที่จินนอนหลับอยู่ข้างๆตัวเค้าแบบนี้

อยากจะดูแลปกป้องจินไปในแบบนี้นานๆ ถึงแม้ว่าจะทำได้ไม่ค่อยดี หรือไม่ได้เรื่อง แต่เค้าก็จะพยายาม

เพราะว่าจินคือความสุขของเค้า …………….


“กลับมาแล้ว!!" ยูอิจิตะโกนเสียงดังก่อนเหวี่ยงรองเท้าออก จุนโนะทำหน้าเข้มก่อนจัดให้ดีๆตามนิสัยเจ้าระเบียบ

ทัตซึยะเดินตามมาแบบเหนื่อยๆ

 “เงียบจังหายไปไหนกันนะ 2 คนนั้น”

แล้วทุกคนก็เดินหาตามห้องต่างๆก็ไม่เจอ จุนโนะพูดออกมา

 “ไม่อยู่รึไง ออกไปข้างนอกเหรอ” ยูอิจิแย้ง “ไม่หรอกมั้ง รองเท้าก็อยู่แล้วก็ไม่ได้ลอคบ้านด้วยนะ”

 “อยู่ดาดฟ้าป่าว” ทัตซึยะเสนอ แล้วทั้งสามก็ขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้า

ลมยามเย็นพัดเอื่อยๆ เสื้อผ้าที่ราวกระพือตามแรงลมกระทบกับแดดยามเย็นให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน

คนสองคนนอนหลับอยู่ใต้ราวผ้าเหมือนเด็กๆที่แอบเล่นซ่อนหากัน จนหลับไป ทั้ง 3 คนมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มออกมา


“เดี๋ยวก็เป็นหวัดจนได้นะ มานอนตรงนี้กันน่ะ”

จุนโนะพูดเหมือนผู้ใหญ่แต่ก็ยิ้มๆ ยูอิจิเห็นแล้วก็หมั่นไส้อยากแกล้งขึ้นมา

 “เฮ้ย!!!! มีคนอู้ พวกฉันไปทำงานแทบตาย พวกนายมานอนหลับสบายแบบนี้ได้ไงห่ะ!!"

จินกับคาซึยะสะดุ้งตื่นด้วยเสียงอันดังของยูอิจิ จินขยี้ตางัวเงีย คาซึยะเองก็เหมือนกัน

 “บ้าเดะ พวกฉันทำตัวเป็นแม่บ้านที่ดี ทำงานบ้านเรียบร้อยขนาดนี้ไม่เห็นรึไง”

จินเถียงๆออกมา “แบบนี้แสดงว่าหายดีแล้วนะเนี้ย”

ทัตซึยะพูดยิ้มๆ แล้วทุกคนก็คุยเฮฮากัน คาซึยะได้แต่กระพริบตาปริบๆ ฟังเรื่องที่ทั้งสามคนเล่า

 แต่เรื่องที่เหมือนเค้าจะเห็นผ้าที่เปื้อนเลือดของจินนั้นก็ยังค้างคาในใจไม่หาย



แล้วแผนการโปรโมทโดยการตระเวนไปแสดงตามสถานที่ต่างๆทั่วโตเกียวก็เริ่มขึ้น

ทั้งหมดทำตัวเหมือนเป็นนักดนตรีอิสระทั่วไปที่ร้องเพลงตามความฝัน

 เพียงไม่กี่อาทิตย์กระแสเพลงของพวกเค้าก็เริ่มรุนแรงขึ้น เพราะยังไม่มีการเปิดตัว และไม่มีเดโมไปยังสถานีวิทยุ

ต่างๆ แต่เพลงก็ดังมากๆ จนมีคนขอทางสถานีวิทยุ และรายการเพลงต่างๆ

 เล่นเอามีคนถามหาวงนี้ทั่วทั้งโตเกียว จนรายการและสถานีวิทยุต่างๆตามหาตัวกันให้วุ่นวาย

“ตอนนี้เพลงของนักร้อง WITH NO NAME ก็กำลังขึ้นอันดับชาตร์มาเป็นอันดับ 1 แล้วนะคะ
เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกมาๆเลยนะคะ ทั้งๆที่ไม่มีแม้แต่แผ่น หรือชื่อเสียงเรียงนามของนักร้อง ทั้งๆที่เป็นเพียงนักร้อง
อิสระ แต่เพลงของเค้าก็เป็นที่นิยมขนาดนี้ อยากจะมีโอกาสได้ดูการแสดงของพวกเค้าบ้างจริงๆนะคะเนี้ย “

เสียงผู้จัดรายการวิทยุชื่อดังรายงานออกมา ในรถตู้ที่เพิ่งพาทุกคนกลับจากการเปิดไลฟ์สดๆจากสถานนีแถวรปปงหงิ

ทุกคนเหนื่อยอ่อนจึงหลับไป จินเองยังไม่ได้ข่มตาลง ได้ฟังวิทยุแล้วอีกไม่นานทางบริษัทจะให้พวกเค้าเปิดตัวจริงๆ

ในงานแถลงข่าว แต่ว่าจินจะทนถึงตอนนั้นได้รึป่าว ยิ่งนานวันอาการก็ชักกำเริบหนัก

หลังจากการแสดงทุกครั้ง เค้าแทบอยากจะตายด้วยความเจ็บปวด

จินมองดูคาซึยะที่หลับคอพับอยู่ข้างๆ ผมเส้นบ้างสีอ่อนปรกหน้าขาวๆนั้นไว้

เวลาหลับแล้วท่าทางมีความสุขแบบนี้ คงไม่เป็นไรนะ ถ้าเค้าจะจากไปตอนนี้ คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

ต้องเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้นะ

จินเอียงหัวลงข้างที่พนักพิง จ้องมองหน้ายามหลับของคาซึยะอย่างตั้งใจด้วยดวงตาที่หม่นเศร้า

พยายามเก็บรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้ในความทรงจำ คาซึยะเอียงคอไปมานิดหน่อยเหมือนเด็กๆที่งัวเงีย

แล้วก็หลับต่อไป จินยิ้มนิดที่มุมปาก อยากจะกอดเจ้านี่แรงๆสักที แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเดี่ยวจะตื่นขึ้นมาโวยวายแน่ๆ

แค่มองแค่นี้ก็มีความสุขในใจแล้ว จู่ๆความเจ็บปวดก็แทรกซึมขึ้นมา เสียดแทงเข้าไปในโสตประสาท

มโนภาพเริ่มเลือนลาง จินเจ็บแน่นที่หน้าอก พยุงตัวออกห่างคาซึยะแล้วก็ไอออกมาเบาๆเพราะกลัวคนในรถจะตื่น

จินเอามือป้องปากไอ รู้สึกได้ถึงรสชาติที่เคยชิน เลือดสีคล้ำปนออกมากับการไอ

จินรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด หันมามองทุกคนในรถ ที่ยังคงหลับกันอยู่ แล้วก็ถอนหายใจ

รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกอีกครั้ง ดวงตาที่หม่นเศร้ามองกวาดตาไปทั่วทั้งรถ จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะ และคาซึยะ

 ทุกคนที่เป็นที่รักของเค้า ไม่อยากให้ใครต้องเห็นสภาพนี้ของเค้า ถึงเวลาแล้วใช่มั้ย ที่เค้าต้องเจ็บปวด

ไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่ที่จิตใจ ถึงเวลาแล้วใช่มั้ย เวลาที่เค้าต้องจากทุกๆคนไป………………



แผนการโปรโมทจบลงแล้ว เป็นช่วงเก็บตัวและเร่งกระแสฟีเวอร์มากขึ้น ถัดจากนี้ไปอีก 1 อาทิตย์พวกเค้าจะออกแถลง

ข่าวกับสื่อมวลชน ช่วงนี้ทุกคนจึงได้พักผ่อนและไปซ้อมเต้นและร้องเพลงที่บริษัทบ้างเป็นครั้งคราว วันนี้ก็เช่นกัน รถที่

บริษัทมารับแล้วแต่จินก็ยังไม่ลงมา ยูอิจิจึงอาสาไปตามตัวมาให้

คาซึยะดึงสายกระเป๋าให้กระชับขึ้นมองตามขึ้นไป แล้วยูอิจิก็หน้าตาตื่นเดินลงมา

“จินไม่อยู่ที่ห้อง……….ข้าวของก็ไม่อยู่ด้วยเหมือนกัน!!!”

คาซึยะตาโต ทุกคนก็ท่าทางตื่นๆ

“อะไร พูดเล่นอีกหล่ะสินายนี่!!” จุนโนะดุออกมา “จริงๆนะ ไม่เชื่อขึ้นไปดูได้เลย!!”

ยูอิจิท่าทางร้อนรนขึ้นมา จนทุกคนรีบวิ่งขึ้นไปดูที่ห้องของจิน ไม่มีจินที่นั้นจริงๆ ข้าวของที่จำเป็นบางส่วนหายไป

“จินไปไหนกัน………” ทัตซึยะพึมพัมออกมายังงงไม่หาย

“ใช่ทำไมไม่บอกก่อนหล่ะ อยู่ดีๆก็หายไป”

“มีอะไรรึเปล่านะ!!” ทุกคนยังงง ไม่หาย คาซึยะเท่านั้นที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเดินดูทั่วทั้งห้องด้วยหัวที่หนักอึ้ง

จินหายไปไหน ทำไม ถึงหายไป เค้าหาคำตอบไม่ได้เลย

“เดี๋ยวโทรไปหาแล้วกัน ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน” จุนโนะเสนอขึ้นมา ทุกคนหันมามองเห็นด้วย ไม่เป็นผล ปิดโทรศัพท์

 คาซึยะรีบโทรกลับไปที่หอ เช่นกัน จินไม่ได้กลับไปที่นั่น

ทุกคนเริ่มมีสีหน้าที่วิตกกังวลอย่างหนัก จินทำไมถึงหายไป ติดต่อก็ไม่ได้แล้วจะทำยังไงต่อไปดี

คาซึยะรู้สึกเครียดขึ้นมาอย่างหนัก จินมีอะไร? ทำไมไม่บอกเค้า…………

เดินไปหยุดที่กระจกหน้าห้องน้ำ ในขณะที่ทุกคนพยายามโทรกลับไปหา ตามตัวจินเท่าที่จะมีเบอร์สามารถติดต่อได้

คาซึยะเปิดน้ำไหลออกมาล้างหน้าแรงๆให้ได้สติขึ้นมา น้ำกระเซ็นขึ้นเปียกกระจก คาซึยะเอามือลูบๆ

ประตูตู้ไม่ได้ปิดให้สนิท มันแง้มออกมา ให้เห็นขวดใสภายใน


คาซึยะเปิดตู้ออกดูด้วยความสงสัย ขวดยาหลายขวดที่ยาหมดแล้ววางเรียงอยู่ในตู้ ทำไม……ขวดยามากมายขนาดนี้ของ

ใครกัน ทำไมถึงมาอยู่ในตู้ในห้องน้ำของจิน คาซึยะหยิบออกมาดู ที่ฉลากปิดศัพทย์ทางยาที่เค้าไม่รู้จัก คิ้วขมวดด้วย

ความไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกันนะ จินหายไปไหน แล้วเค้าจะทำยังไงต่อไป

แผนงานเลือนกระทันหัน เพราะตัวจินหายไป ไร้ร่องรอย ทุกคนเร่งตามหาจินทันที

 แม้แต่ทางญาติก็ไม่รู้ว่าจินหายไปไหน มืดมนไปหมด ทุกคนท่าทางร้อนใจที่อยู่ดีๆจินมาหายตัวไปแบบนี้

เกิดอะไรขึ้นกันนะ

“กินอะไรบ้างสิ เดี๋ยวจะไม่มีแรงนะ” ทัตซึยะส่งข้าวกล่องให้คาซึยะที่นั่งเปิดสมุดรายชื่อเพื่อนอยู่ข้างๆทางเท้า

คาซึยะมองหน้าที่อิดโรยของเพื่อน

”อืม นายเองก็ด้วยนะ “ ทัตซึยะยิ้มๆแล้วชูกล่องข้าวขึ้นมา แล้วนั่งลงข้างๆ ทั้งคู่เริ่มทานข้าว

 แต่ในใจก็ไม่ได้สงบลงเลย จุนโนะปั่นจักรยานมาพร้อมยูอิจิ หน้าตาตื่นทั้งคู่

 คาซึยะกับทัตซึยะแทบจะทิ้งกล่องข้าว ถามออกมาเกือบพร้อมกัน

“เจอจินแล้วเหรอ!!!”

จุนโนะส่ายหัว แต่หน้าตายังตื่นๆอยู่บ้าง

 “มีเมลเข้ามา จากจิน เค้าบอกว่า…….ให้ทุกคนทำตัวตามปกติ เค้าสบายดี ตอนนี้อยู่ที่ๆที่เค้ามีความสุขดี ไม่ต้องตามหา
แล้วเค้าจะกลับมาเอง “

คาซึยะรีบดึงดทรศัพท์ออกมาเชค จริงอย่างที่ว่า จินส่งเมลมาถึงทุกคน แต่มัวแต่วุ่นจึงไม่ได้สนใจเชคดู

“มันบ้าไงวะ หรือว่ามันอยากเดินทางไปไหน ไม่อยากให้ใครตาม” ยูอิจิบ่นอย่างหัวเสีย

 “ก้อาจจัะเป็นอย่างงั้นนะ” จุนโนะเห็นด้วย ทัตซึยะอ่านเมลอีกครั้งก่อนพูดออกมา

 “ตกลงว่าจินไม่เป็นไรแน่ๆใช่มั้ย วางใจได้รึเปล่า” ทุกคนมองหน้ากันก่อนพยักหน้า คาซึยะมองดูเมลแล้วก็คิดอะไร

บางอย่างในใจ ขวดยาที่เค้าเก็บมาจากห้องจิน ยังคงอยู่ในกระเป๋าของเค้าเสมอ

คาโต้ตามแม่ที่เป็นพยาบาลมาที่โรงพยาบาล เพราะตอนนี้ป่วยเป็นหวัด พอถึงฤดูนี้ทีไร เค้าจะแพ้เกสรสุดๆทุกที เดินไป

จามไป รำคาญเป็นที่สุด หลังจากรับยาแล้วก็กำลังจะกลับ ผ่านทางเดินของโรงพยาบาลที่ทอดยาวไปยังหาดทราย คาโต้

เห็นคนที่คุ้นเคยนั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนของโรงพยาบาลก่อนถึงหาด

“นั้นมัน………….รุ่นพี่……ไม่ใช่เหรอ”

chapter 16 end

to be con.....................
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 12-04-2007 19:59:36
chapter17



“จินนี่ฉันเองนะ จุนโนะน่ะ หายไปแบบนี้ทุกคนเป็นห่วงนะ มีอะไรก็บอกกันได้ ไงก็รีบกลับมานะ แค่นี้หละ”

“ติ๊ด”

“เป็นไรรึเปล่า คงไม่เป็นอะไรนะ สบายใจเมื่อไหร่ รีบกลับมานะ ทุกคนรออยู่ ฉันทัตซึยะนะ”

“ติ๊ด”

“ไอ้บ้า ชอบทำให้ตกใจนะแกอ่ะ อืม รีบๆกลับมาหล่ะ อย่ามัวเที่ยวเพลิน ทุกคนเป็นห่วงจะแย่แล้ว โดยเฉพาะเจ้าคาซึยะ
ไงก็ติดต่อมาบ้างหล่ะ อย่าหายเงียบไปอีกนะ ยูอิจิเองนะ น่าจะรู้นะ เออ แค่นี้แหละ”

“ติ๊ด”

“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะ แต่หายไปแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย นายน่าจะรู้นะ ว่าทุกคนรู้สึกยังไง รีบๆกลับมาหล่ะ ฉันจะรอ “

จินฟังข้อความที่ฝากไว้คล้ายๆแบบนี้นับ 10 ข้อความ ยิ่งพวกนั้นเป็นห่วงเค้ามากเท่าไร ร่างกายของเค้าก็ดูเหมือนจะยิ่ง

อ่อนแอลงทุกที อยากเจอหน้าทุกคนเป็นที่สุด แค่ VOICE MAIL ก็ฟังมาเป็น 10 ครั้ง ยิ่งทำให้คิดถึงทุกคนมากๆ โดย

เฉพาะคาซึยะ ตอนนี้เจ้านั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ จินยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเจอ…….. ทุกคนคิดว่าเค้าจะกลับไป แต่ถ้าเค้าไม่กลับไป

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งทรมาน…………..

คาซึยะบอกว่าจะ รอ……..จินอยากจะบอกว่าไม่ต้องรอหรอก เค้าคงไม่มีวันได้กลับไปอีกแล้ว การให้ความหวัง หรือทำลาย

มันไปแบบไหนจะทรมานกว่ากัน เค้าคิดว่าการให้ความหวังมันโหดร้ายกว่ามาก เพราะมันกินเวลานานจนความเจ็บ

แทรกซึมไปทั่ว ถ้าทำลายมันไปซะตั้งแต่แรก จะได้ตัดใจซะ ไม่ต้องรอแบบล้มแร้งๆ แล้วต้องผิดหวังในที่สุดแน่ๆ

จินกดมือถือโทรออก เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เค้าจากมา โทรหาใครสักคน ปลายสายท่าทางตื่นเต้น รีบรับสายทันที


“ฮัลโหล จินนายเป็นไง บ้าง สบายดีใช่มั้ย หายไปไหนของนาย ทำไมไม่บอกก่อนจะไปหล่ะ”

ยิงเป็นชุดจินขำออกไป เค้าไม่มีช่องจะพูดเลยนะ

“อะไรของนาย อย่ามาขำได้มั้ย ทุกคนเค้าเป็นห่วงจะแย่แล้วนะ”

“ขอโทษ ก็นายเล่นยิงเป็นชุด ฉันก็ไม่รู้จะพูดตอนไหนดีนะสิ”
คาซึยะทำหน้าเหมือนเด็กๆ ก่อนพูดกรอกไปตามสาย

 “ขอโทษ ก็ มันดีใจ นี่นา ที่นายติดต่อมา…………” จินได้ยินอย่างงั้นก็ขำไม่ออก มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่น เริ่มมีเหงื่อซึม

“จิน ..รีบกลับมาเถอะ นะ นายรู้บ้างมั้ย ฉันแทบจะทนไม่ได้ แค่ไม่เห็นนายอยู่ตรงหน้า นายจะว่า ฉันบ้าไง ก็เถอะ
 แต่ฉันรู้สึกยังงั้นจริงๆนะ ถึงแม้ว่า จะรู้ว่า นายสบายดี แต่ฉันไม่สบายใจเลย ………”

จินได้ยินคำพูดระบาย แบบนี้ออกมา ยิ่งเจ็บปวดที่สุด จะให้พูดยังไง ออกไปได้นะ

“อย่าพูดยังงั้นสิ นายจะทำให้ฉันพลอยหดหู่ไปด้วยเลย!!”

จินพยายามพูด น้ำเสียงปนหัวเราะ ฝืนหัวเราะออกไปทั้งที่ในใจมันเจ็บ……….

ปลายสายเงียบไปนิดหน่อย ได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วๆ

 “ อืม … งั้นนายเป็นอะไร ทำไมอยู่ดีๆก็ หนีไป มีอะไรรึเปล่า นายบอกฉันได้นะ นายเป็นคนพูดเสมอ ไม่ใช่เหรอว่า

ถ้าใครในกลุ่มมีความทุกข์ก็ให้ระบายออกมา ความไม่สบายใจจะเบาลง เพราะมันแบ่งออกเป้น 6 ส่วนนะ นายลืมไปแล้ว
เหรอ “

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่ ไม่ได้ไม่สบายอะไรสักหน่อย………… ก็แค่ว่า ตอนนี้ ฉันอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก คนเราบางครั้งก็อยากมีเวลาที่จะอยู่คนเดียวบ้างใช่มั้ย”

 จินพยายาม ทำเสียงให้ปกติ ดูมีความสุขที่สุด

“แต่ว่า..นายหายไปแบบนี้ ฉันไม่สบายใจเลย ให้ฉันไปพบนายได้ไหม แค่นิดเดียวแค่นั้นแหละ แล้วฉันจะไม่กวนนายอีก “

คาซึยะร้องขอ น้ำเสียงเหมือนเด็กๆ จินนิ่งไปอึดใจก่อนหัวเราะออกมา

“นายนี่ !! ฉันไม่ใช่เด็กๆนะ ที่จะเป็นอะไร ฉันปลอดภัยดี ไม่งั้นจะโทรมาหานายได้ยังไง ตอนนี้ ฉันกำลังอยู่ที่ๆดีที่สุดสำหรับฉัน ขอให้ฉันมีเวลาสักพักนะ แล้วเราค่อยพบกันนะ…”

คาซึยะหน้าเบ้ กับคำตอบ และเสียงหัวเราะ แต่แค่ได้ยินจินหัวเราะ จิตใจเค้าก็ผ่อนคลายลง

 “ก็ได้…. ฉันคงดูเหมือนเด็กๆสำหรับนายเลยใช่มั้ย ที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป ยังงั้นก็ตามใจนายแล้วกัน ”

“ไม่ใช่แค่เด็กธรรมดาหรอกนะ เด็กดื้อเลยแหละ” จินตอกกลับ คาซึยะคิ้วขมวด

“เจ้านี่ ก็คนเป็นห่วงนี่นา!!” จินหัวเราะออกมา “อืมๆ เข้าใจ ยังไงก็ฝากบอกทุกคนด้วยนะว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

จินพูดเหมือนจะวางสาย คาซึยะรู้สึกใจหายวูบ รีบพูดออกไป

“นี่ๆ ให้ฉันโทรไปบ้างได้ไหม……อืม ถ้าจะไม่รบกวนนาย” คาซึยะรู้สึกยังงั้น ถ้าไม่ได้เจอ

แค่ได้ยินเสียงบ่อยๆหน่อยก็ยังดี จินเข้าใจดีเค้าก็รู้สึกอย่างงั้นเหมือนกัน แต่ทำยังงั้นคงจะไม่ได้แน่ๆ

“ไม่ดีกว่านะ นายก็รู้ว่าฉันอยากมีเวลาคิดอะไรบ้าง เอาเป็นว่า ฉันจะติดต่อกลับไปแล้วกันนะ แค่นี้นะ บาย!”

คาซึยะยังไม่ทันจะพูดลากลับปลายสายก็ตัดไปแล้ว คาซึยะมองหน้าจอ ด้วยแววตาเศร้าๆ

 จินเองเมื่อปิดโทรศัพท์ก็ก้มหน้าซบลงกับมือที่กำโทรศัพท์เอาไว้ เค้าไม่กล้าที่จะบอกให้คาซึยะเลิกรอเค้า ได้แค่ให้

ความหวังลมๆแร้งๆว่าเค้าจะกลับไปเท่านั้น เจ็บปวดจนแทบอยากร้องไห้……….


“ต้องการมีเวลาอยู่คนเดียวเหรอ?” จุนโนะหน้าเหรอ ทุกคนก็ไม่ต่างกัน คาซึยะรีบนำข่าวจินมาบอกกับทุกคนทันที

 “แล้วไม่มารร.เลยเนี้ยนะ มันเป็นบ้าอะไรของมันกัน” ยูอิจิเกาหัว ทัตซึยะตาโตเหมือนนึกอะไรออก

 “หรือว่าเรื่องที่เรา จะประกาศเดบิว จริงๆแล้วจินยังไม่อยากจะเดบิวหรือป่าว”

ทุกคนหันมาพร้อมกัน

“อาจจะเป็นยังงั้นก็ได้นะ!!” จุนโนะเห็นด้วย “แล้วทำไมมันไม่บอกออกมาตรงๆเลยหล่ะ”ยูอิจิท่าทางสงสัย


 “อาจจะกลัวว่าพวกเราไม่เห็นด้วยรึเปล่า” จุนโนะเสนอความคิด

“ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ต่อให้ได้เดบิวหรือไม่ ยังไงจินก็สำคัญกว่าทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องคิดแบบนั้นเลย “


คาซึยะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แววตาที่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก ทุก คนพยักหน้ารับรู้และเข้าใจ ยิ่งจินไม่อยู่

คาซึยะก็เงียบลงเรื่อยๆในจิตใจเหมือนคิดอะไรอยู่ อย่างหนักโดยตลอด


ทุกคนเองนอกจากเป็นห่วงจินก็ยังเป็นห่วง คาซึยะอีกคน ห่วงในความเงียบ……..ก่อนมีพายุทะเลมักจะสงบเสมอ

หลังเลิกเรียนทัตซึยะไม่ระวังถูกคัตเตอร์ในกระเป๋าบาดจึงไปหาพลาสเตอร์ยาที่ห้องพยาบาล

รีบเดินเข้าจนเกือบจะชนกับใครคนนึง คาโต้รุ่นน้องที่เคยเห็นหน้าบ้างนั้นเอง คาโต้โค้งให้เป็นเชิงขอโทษที่เกือบชน

ทัตซึยะส่ายหัวก่อนทักออกมา

“นายเองก็ไม่สบายเหมือนกันเหรอ” “ครับ ผมแพ้เกสรนะครับ ฮัดเช่ย!!” ว่าแล้วก็จามออกมา

“ว่าแต่เรื่องงานเดบิว เนี้ย เมื่อไหร่เหรอครับ” ทัตซึยะหน้าเจื่อนๆ “นายรู้ด้วยเหรอ ……“

“พวกรุ่นพี่ใช่มั้ยครับที่เป็นศิลปิน WITH NO NAME ที่โตเกียวเค้าพูดถึงกัน ผมว่าใช่แน่ๆ ใช่มั้ยครับ”

ดูท่าทางอยากรู้จนอาการไม่สบายหายไปเลยนะเนี้ย ทัตซึยะท่าทางตื่นๆ

“นายรู้แม้แต่เรื่องนี้ด้วยเหรอ ที่บริษัทเค้าปิดไว้นะ!!”

“จริงๆก็เดาๆ ไว้นะครับ เพราะลักษณะเหมือนพวกรุ่นพี่มากๆ แล้วเมื่อไหร่จะเดบิวอย่างเป็นทางการหล่ะฮะ

 “ พูดถึงตรงนี้ ทัตซึยะ หน้านิ่งๆไปเลย “ยังไม่มีกำหนดหรอก …..”

“เพราะรุ่นพี่ อาคานิชิ ไม่สบายเหรอฮะ รุ่นพี่เค้าป่วยเป็นอะไรเหรอฮะ?”

คาโต้ถามเหมือนเด็กที่ไม่รู้อะไร แต่ทัตซึยะหันควับด้วยความสนใจ

“นายว่าอะไรนะ จินไม่สบายเหรอ!!”



ทัตซึยะไม่รู้ว่าเค้าสมควรรู้เรื่องที่ไม่ควรหรือเปล่า แต่ตอนนี้จะจัดการยังไงถึงจะถูกนะ

ทั้งๆที่ปั่นจักรยานจิตใจก็ไม่ได้สนใจทางตรงหน้าเลย

“เอี๊ยด!!!”

เสียงเบรคดังสนั่น!!! รถยนต์คันใหญ่หักหลบแทบไม่ทัน ทัตซึยะใจหายวูบ เกือบไปแล้ว

จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วกับเรื่องที่รู้ ยังไม่หายตกใจเสียงเรียกจากฝากถนนอีกฝากก็ดังขึ้น

“เจ้าบ้าเอ้ย!! เอ๋อหรือไง เกือบตายแล้วนะ ไมไม่ดูรถเลยอ่ะ” ยูอิจิ ยืนอยู่กับจุนโนะ จัดการด่าแทนเจ้าของรถยนต์เสร็จ

สรรพ ทัตซึยะเห็นทั้งคู่ดีใจจนน้ำตาแทบไหล ทิ้งรถจักรยานรีบวิ่งข้ามถนนมาเลย แทบไม่ดูสัญญาณไฟเลย


“โชคดีจริงๆที่ฉันเจอพวกนาย!!” ทัตซึยะละล่ำละลัก ตื่นๆ จุนโนะเอามือลูบหลัง

 “ ใจเย็นๆ นายนี่อยากตายมากรึไง ขี่จักรยานก็ไม่ดูรถ เมื่อกี้ก็ข้ามมาเฉยๆเลย สัญญาณไฟเขียวแล้วนะ ระวังหน่อย
สิ!!”

“พวกนายฟังฉันนะ!!! ตอนนี้ มีคนบอกว่าเห็นจิน อยู่ที่โรงพยาบาล ที่อยู่ที่หาดทางเหนือของเมืองเราน่ะ!!”

น่าอยู่หรอกที่ ทัตซึยะจะเอ๋อได้ขนาดนี้ จุนโนะกับยูอิจิเองก็ ไม่ต่างกัน อึ้งไปชั่วขณะ

เกิดอะไรกันทำไมจินถึงต้องไปอยู่ที่นั้น ทุกคนมองหน้ากันเหมือนต้องการคำตอบ แล้วก็ภาวนาในใจ

ขออย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นเลย


“นายแน่ใจ แค่ไหน” จุนโนะ พยายามรวบรวมสติ

 “ฉันไม่รู้อ่ะ แค่รุ่นน้องคนที่ชื่อ คาโต้เป็นคนบอกมา ฉันก็งงไปหมดแล้ว”

ทัตซึยะเอามือเสยผม เหมือนขบคิดอย่างหนัก ยูอิจิพูดออกมาเสียงดัง

 “ เฮ้ย!! ไม่มีอะไรหรอกน่า การไปอยู่โรงพยาบาลก็ใช่ว่าจะเป็นอะไรนี่นา ฉันว่าเราไปที่โรงพยาบาลนั้นกันเลยดีกว่า”

ท่าทางจริงจังทุกคนก็เหมือนจะเห็นด้วย

 “เฮ!! แล้วคาซึยะหล่ะ !!” ทัตซึยะโพล้งออกมา “เราจะบอกหมอนั้นด้วยมั้ย!!”

 จุนโนะมองหน้ายูอิจิ เป็นเชิงปรึกษา ยูอิจิทำหน้าไม่ถูก เค้าก็ไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิน แล้วคาซึยะจะรับได้แค่ไหน

จะบอกให้ไปด้วยกันเลย จะถูกรึเปล่า จุนโนะเองก็คิดไม่ต่างกัน

คาซึยะเปราะบางที่สุด แล้วเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับจิน ถ้าแค่รู้ว่าตอนนี้จินอยู่ที่โรงพยาบาล

 แทบไม่ต้องคิดเลย คาซึยะคงคลั่งแน่ๆ

“ฉันว่า เราไปดูสถานการณ์ ก่อนจะดีกว่า ว่าจินอยู่ที่นั้นจริงรึเปล่า แล้วค่อยบอกเจ้านั้นดีกว่านะ”

จุนโนะเป็นคนสรุป ยูอิจิและทัตซึยะพยักหน้าเห็นด้วย แล้วทั้งสามก็ขึ้นรถเมล์ที่ผ่านมาพอดี

หาดทางเหนือของเมือง ต้องขึ้นรถเมล์ที่มีน้อยสายผ่านเนินเขาแคบๆไป ที่นั้นค่อนข้างสงบและ

 เงียบมากๆ มีโรงพยาบาลซึ่งเคยเป็นที่พักฟื้นของคนไข้ป่วยเป็นวัณโรค ในสมัยที่โรคนี้ยังรักษาไม่หาย

เพราะสภาพอากาศที่บริสุทธิ์และบรรยากาศที่สงบและห่างไกล แต่ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลธรรมดาที่มีบรรยากาศดีเท่า

นั้น คนไข้มักป่วยเป็นโรคไม่ร้ายแรง แต่เป็นโรคที่ต้องการการพีฃักฟื้นมากกว่า

 ทั้งสามคนนั่งบนรถไม่พูดอะไรกันสักคำ ต่างคนต่างคิดกันไปต่างๆนาๆ ทำไมจินถึงมาหลบตัวที่นี่

ถ้าไม่ป่วยก็ดูแปลกเกินไป เท่าที่ผ่านมา พวกเค้าไม่เคยสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆเลย จินยังคงร่าเริง และขี้เล่น

เหมือนเคย มีแต่ร่างกายที่ ผ่ายผอมลง และอาการหวัดเล็กๆน้อยๆที่เจ้าตัวมักเป็นบ่อยๆ ไม่เคยสังเกตเลยว่า


ทำไม ช่วงหลังจินถึงป่วยบ่อยๆ ทุกคนเหมือนตำหนิตัวเอง ที่ไม่สนใจเพื่อนจนไม่รู้อะไร

 แต่อีกใจทุกคนก็ภาวนาว่าอย่าได้เกิดอะไรกับจินเลย ขอแค่จินมาอยู่ที่โรงพยาบาลเฉยๆ ในฐานะอะไรก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่

คนป่วย แต่จะคิดยังงั้น มันก็ยากเต็มทีแล้ว


ทุกคนท่าทางเก้ๆกังๆที่จะเข้าโรงพยาบาล ที่นี่ค่อนข้างเก่าแก่แต่ว่า สวยงามตามรูปแบบอาคารสมัยเก่า

ยรรยากาศก็ดีเกินกว่าจะพูดได้ว่าเป็นโรงพยาบาลด้วยซ้ำไป

 จุนโนะเดินเข้าไปถามพยาบาลที่หน้าเคาเตอร์ทางเข้าอย่างสุภาพ

“ เอ่อ…ขอโทษนะครับ ที่นี่เอ่อมีคน….ชื่อ อาคานิชิ หรือเปล่าครับ “

 พยายามเลี่ยงไม่พูดคำว่าคนไข้ออกมาซะเฉยๆ พยาบาลเงยหน้าขึ้นมองงงๆ

“เป็นคนไข้หรือว่าหมอคะ?” ทั้งสามคนมองหน้ากัน ยูอิจิพยักหน้า “คนไข้ครับ มีมั้ยครับ อาคานิชิ จินน่ะครับ”

พยาบาล กดคอมพิวเตอร์เป็นจังหวะ พอๆกับการเต้นของหัวใจทั้งสามคน


“มีคะ คนไข้ ชื่ออาคานิชิ จิน อยู่ที่ตึก C ทางซ้ายที่ติดทางลงหาดนะคะ ห้อง 107 คะ”

พยาบาลยิ้มพร้อมบอกห้องเสร็จสรรพ แต่ทั้งสามคนแทบไม่มีอารมณ์ตอบรับกับยิ้มนั้น จินไม่สบายจริงๆ

 จินมาที่นี่เพื่อรักษาตัว หัวทั้งสามคนคิดไปต่างๆนาๆ ทำไมจินต้องปิดบัง โรคที่จินเป็นร้ายแรงขนาดไหนกันถึงบอกไม่

ได้ ต้องหนีมาอยู่ที่โรงพยาบาล นี้ ทั้งๆที่ใกล้ๆขนาดนี้กลับไม่บอกสักคำ กลัวว่าพวกเค้าจะมาเยี่ยมรึไง

 ยูอิจิทำท่าจะถามออกไปว่าจินป่วยเป็นอะไร จุนโนะกลัวว่าจะผิดสังเกตเกินไป ก็เลย โค้งขอบคุณก่อนดึง ยูอิจิออกมา


ทั้งสามคนเดินช้าๆไปยังตึกC ที่พยาบาลบอก ยูอิจิ รู้สึกอึดอัด จึงบ่นออกมา

“อะไรกัน ใช่จินจริงๆเหรอ เจ้านั้นจะป่วยเป็นอะไรได้ ทำไมต้องปิดบัง แอบหนีมาด้วย มันหมายความว่ายังไงกัน “

จุนโนะกับทัตซึยะเองก็อยากรู้ไม่ต่างกันเลย


“เงียบเถอะน่า เดี๋ยวเจอจินก็คงรู้เองแหละ “ จุนโนะ เหมือนอารมณ์ไม่ปกติเหมือนกัน

 ทัตซึยะเห็นท่าทางทั้งสองคนแล้วก็พูดออกมาบ้าง “ ไม่อยากไปเจอเลย………..ฉันกลัว…”

จุนโนะกับยูอิจิหันมาตาเขียวใส่ทัตซึยะพร้อมกัน ทัตซึยะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาเศร้าๆ

“หรือว่าพวกนาย ไม่กลัวกันหล่ะ …ความจริงบางครั้งมันก็ไม่น่ารู้เท่าไหรหรอกนะ “ จริงอย่างที่พูด ความจริงมันเจ็บปวด

ห้อง107 ภายในห้องว่างเปล่า……….

ทั้งสามแอบถอนหายใจออกมา ไม่มีจินท่าทางเจ็บป่วยนอนซมอยู่ตรงนั้น เหมือนหายใจกันโล่งสักระยะเท่านั้น

 พยาบาลที่ผ่านมา หันมาแล้วยิ้มให้

 “เพื่อนๆ อาคานิชิคุงเหรอคะ” ทุกคนสะดุ้งทันที หันมามองพยาบาลวัยกลางคนท่าทางใจดี ทั้งสามโค้งให้เป็นการตอบ

รับ หน้าตายังตื่นๆกันนิดหน่อย

“ปกติไม่เคยเห็นใครมาเยี่ยม อาคานิชิคุงเลย อืม…ตอนนี้เค้าจะไปเล่นกับเด็กๆที่ห้องโถงสุดทางเดินนี้นะจ๊ะ ไปหาที่นั้น
ได้นะ” ทุกคนพยักหน้า

 “งั้นตามมาสิจ๊ะ กำลังจะไปพอดีเลย” ทุกคนมองหน้ากัน แล้วรีบเดินตามพยาบาลใจดีไป


“พี่จิน ๆ ตรงนี้ต้องทำยังไงอ่ะ ผมไม่เห็นจะทำได้เลย” เด็กชายตัวเล็กที่หัวเกลี้ยงไม่มีผมเลย หน้าตาบ้องแบ้วเหมือนเณร

ไม่มีผิด จินมองดูแล้วก็หัวเราะ

 “ก็กลับด้านนี่นา เวลาจะต่อนายต้องต่อด้านนี้เข้าใจป่าว”

จินจับpuzzel ไม้รูปร่างไดโนเสาร์ให้ถูกทาง แล้วส่งคืนไปให้เด็กชาย เด็กผู้หญิงท่าทางน่ารักชูสมุดภาพให้จินดู

“พี่จินคะ หนูวาดเสร็จแล้วสวยมั้ยคะ “ จินมองทำหน้าทึ่งๆ

“หือ สุดยอดมากเลย หนูลงสีดูสิ พี่อยากรู้ว่าจะสวยขนาดไหนนะ”


เสียงเรียกพี่จิน มีไม่ขาดช่วง จินคอยหันไปคุยกับน้องคนนั้นทีคนนี้ที เหมือนครูรร.อนุบาลไม่มีผิด

แต่เด็กที่รายล้อมเค้า ต่างก็มีร่างกายที่เจ็บปวด ทุกคน หน้าตาที่ซีดเสียว และร่างกายที่ผอมแห้ง

แต่ทุกคนก็ยิ้มอย่างสดใส เพราะมีจินที่คอยให้ความรักและเอ็นดูอยู่เสมอ

ความใจดีของจินทำให้เด็กๆมีความสุข จนลืมอาการป่วยไปชั่วคราว

เด็กหญิงตัวเล็กและผอมแห้ง เดินมากระตุกชายเสื้อของจิน

“พี่จิน เล่านิทานให้หนูฟังที” คำขอร้องของเด็กๆ จินไม่เคยปฏิเสธ หยิบร่างผอมมานั่งที่ตัก

 แล้วก็กางหนังสือนิทานออก เด็กๆ ทุกคนรีบวางมือจากของเล่นมานั่งใกล้ๆพี่จิน เหมือนเป็นช่วงเวลาพิเศษ

พยาบาลเดินนำทุกคนมาจนถึงที่ จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ ทั้งสาม นิ่งเหมือนถูก สตาฟ จิน จริงๆที่อยู่ตรงนั้น

 จิน เพื่อนรักของพวกเค้า เพียงแต่ตอนนี้ ร่างกายดูผอมกว่าเดิมมาก แต่ท่าทางรอยยิ้มและน้ำเสียงยังคงเดิม ไม่เปลี่ยน

“ อาคานิชิคุง มีเพื่อนมาเยี่ยมจ๊ะ “ จินหันมามมองตามเสียงเรียก ด้วยแววตาที่ตกใจ………….

chapter 17 end

to be con.........
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 12-04-2007 20:17:25
chapter18

ดวงตาทุกคนประสานมาที่จิน เหมือนจะทวงถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จินนิ่งไปอึดใจ ก่อนยิ้มออกมาเหมือนที่เคย ไม่ได้

มีทีท่าตกใจเหมือนครั้งแรกที่เห็นทั้งสามคน เด็กหญิงร่างผอมที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจินเงยหน้าดู คนแปลกหน้าทั้ง
สาม

“พี่จิน ใครเหรอ?” จินก้มมองเด็กๆที่รานล้อมท่าทางสนใจเหมือนๆกัน

“เพื่อนของพี่น่ะ จ๊ะ………..”

ได้เวลาที่เด็กๆต้องไปทานยาและพักผ่อน จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะจึงมีโอกาสได้คุยกับจิน แต่ไม่มีเสียงใครเล็ดลอดออกมา

แม้แต่นิดเดียว จินที่นั่งขัดสมาธิ ที่พื้นห้องมองดูหน้าเพื่อนๆที่ทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรกันไม่ออก จินยิ้มออกมา

 “พวกนายนี่สุดยอดจริงๆเล้ย!! ยังอุตส่าห์มาเจอฉันจนได้นะ”


ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นออกมาได้ยังไงกัน ยูอิจิเองทั้งๆที่เป็นคนไม่ซีเรียสอะไรก็ยังไม่สามารถจะพูดอะไรออกมา

ให้เหมือนปกติได้ยากนัก

“นายเป็นอะไรน่ะ …..ทำไมต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้“ ยูอิจิน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ คนอื่นก็หน้าเสียไม่ต่างกัน

จินยิ้มเหมือนเคย

“ถามอะไรโง่ๆงั้นหล่ะ อยู่โรงพยาบาลก็ไม่สบายนะสิ” จินค่อยๆลุกขึ้น ร่างดูผอมบางแทบจะปลิว

 เดินเหมือนจะไม่มีแรงเท่าไรนัก

“ก็นั้นแหละ ป่วยเป็นอะไรกัน นายดูไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ” จุนโนะ เห็นจินเดินผ่านทำท่าจะล้ม เอามือจับแขนพยุงไว้

ทุกคนท่าทางตกใจไม่น้อยกับท่าทางอ่อนแรงขนาดนี้

จินหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรทั้งนั้น

 “บ้าน่า ดูไม่ดีตรงไหน เนี้ย ถือว่าดีที่สุดแล้วสำหรับคนที่ป่วยแบบฉันนะ “

ยังมีหน้ามาหัวเราะซะเฉยๆ ทุกคนไม่มีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนั้นกับท่าทางที่ดูน่าเป็นห่วงของเพื่อนคนนี้

ทัตซึยะน้ำตาเริ่มซึม

 “จิน นายกำลังป่วยหนักใช่มั้ย อย่าทำท่าเหมือนไม่มีอะไรสักทีเถอะ นายไม่ยอมบอกพวกเราเลย ทุกคนเป็นห่วงนายนะ นายอย่าเป็นอะไรเลยนะ”

พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมา จินยิ้มต่อไปไม่ได้แล้ว จุนโนะกับยูอิจิก็เหมือนกันหน้าตาเครียด แล้วก็บอกไม่ถูก


จินยิ้ม น้ำตาก็ไหลออกมา

 “พวกนายนี่บ้ากันจริงๆเลย ถ้าใครมาเห็นคงตกใจ ที่ผู้ชาย 4 คนมายืนกอดกัน อึดอัดเป็นบ้า “

จินทำทีเหมือนว่าอึดอัดแต่จริงๆแล้วในจิตใจที่หนาวเหน็บมานาน เริ่มสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่เค้าพยายามหลบหนีมาตลอด

เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนเห็นเค้าในสภาพที่เจ็บปวด จึงพยายามหนี มาเพื่อสู้กับมันตามลำพัง ไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อมี

คนมารับรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ มันทำให้เค้าไม่สบายใจนัก แต่กลับสร้างพลังใจให้อย่างไม่น่าเชื่อเลย พลังของความรักและ

ความห่วงใย มีอานุภาพจริงๆ………..


คาซึยะนั่งจ้องโทรศัพท์ใจจดจ่อ ดูเหมือนบ้า แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เค้าอยากจะทำและต้องการจะทำ ช่วงนี้เค้สาไม่ได้สนใจ

เพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆเลย แต่ดูท่าทีของทุกคนก็ไม่ค่อยจะดีนัก เหมือนมีเรื่องกังวลลึกๆ หลังชม.วรรณคดีที่แสนน่าเบื่อ

ทัตซึยะเดินเข้ามาที่โต๊ะท้ายห้อง มองไปที่นั่งจินด้วยแววตาเศร้าๆ จนคาซึยะสงสัย

“ทัตซึยะ มีอะไรรึเปล่าน่ะ?” ทัตซึยะรู้สึกตัวหันไปมองคาซึยะ ท่าทางเลิ่กลั่ก ยูอิจิจึงรีบพูดขึ้นมาก่อน

“อืม ที่บริษัทโทรมาอีกงั้นเหรอ นายบอกไปรึยังว่าพวกเรายังไม่คิดเรื่องเดบิวนะ “

ทัตซึยะทำท่าพยักหน้าเออออไปด้วย

“อืมๆ เรื่องนี้แหละ ฉันบอกเค้าไปแล้ว” คาซึยะไม่ได้สนใจคำพูดนั้นเท่าไหร่ เอาคางเชยกับหน้าต่างมองออกไปข้างนอก

ด้วยดวงตาเหม่อลอย ยูอิจิ กับทัตซึยะ สบตากันเหมือนกับว่า เข้าใจอะไรบางอย่าง

ถูกต้องแล้วรึเปล่า ที่ปิดเรื่องจินเอาไว้ ทั้งที่ จินน่าจะบอกเรื่องอาการป่วยกับคาซึยะที่สุด และคาซึยะเองก็น่าจะได้อยู่

ข้างๆจินในเวลานี้มากที่สุด ทำยังงี้ มันถูกแล้วรึเปล่านะ………..


วันนี้เป็นเวรที่จุนโนะจะมาเยี่ยมจิน การจะมาที่โรงพยาบาลนี้ค่อนจะเสียเวลา เพราะแต่ละวันมีรถไม่กี่เที่ยวที่จะมา

 ถึงได้ จุนโนะเผลอหลับจนเลยป้ายไปนิดหน่อย แต่เค้าไม่ลืมของที่ทุกคนฝากมาเยี่ยมจินแน่นอน



“ข้าวกล่องที่ยูอิจิฝากมา MD เพลงใหม่ที่จินชอบของทัตซึยะ ครบ!!”

จุนโนะพูดกับตัวเอง ก่อนพยายามทำหน้าให้สดชื่นที่สุดเหมือนที่จินหวังไว้ ว่าทุกคนจะไม่คิดมากเรื่องอาการป่วย

 แต่จะทำยังงั้นได้ยังไงกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำใจยากที่สุดจริงๆ จุนโนะ ถอนหายใจแล้ว

พยายามเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีมาจนถึงหน้าห้องจิน

ห้องถูกเปิดเอาไว้ จุนโนะหน้างงๆ มีพยาบาล 2-3 คนอยู่ภายในห้อง จุนโนะหน้าตาตื่นวิ่งเข้าไปวางกระเป๋านร.และข้าว

ของทันที มองหาจินที่เตียงไม่พบ ใจหายวูบ

จินอยู่ในห้องน้ำ พยาบาลอีกคนกำลังลูบหลังให้ จินกำลังอาเจียนอยู่ จุนโนะมองลอดไปทางประตูห้องน้ำที่แง้มไว้

จินอาเจียนออกมาเป็นเลือดแดงสด จุนโนะอึ้งไปอึดใจ ท่าทางจินทรมานกับอาการอาเจียน

 เห็นแล้วตาจุนโนะเริ่มร้อนผ่าวๆ น้ำอุ่นๆมันพาลจะไหล สงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ

พยาบาลอีกคนรีบดึงแฟ้มประวัติออกไป แล้วสักพักหมอก็เข้ามา พยาบาลพยุงจินมานอนที่เตียงหมอจัดการ

 ฉีดยาให้จิน แล้ว พยาบาลก็ต่อเข็มน้ำเกลือ เหมือนอาการจินจะสงบลง พยาบาลเช็ดเหงื่อที่ซึมตามใบหน้าและร่างกายที่

ขาวซีด ก่อนเดินออกไป เมื่อหันมาเห็นจุนโนะที่ยืนตัวเกร็งอยู่ที่มุมห้องก็ท่าทางตกใจ

 “อ๊ะ ตอนนี้คนไข้ต้องการพักผ่อนนะคะ งดเยี่ยมนะคะ”

จุนโนะ ตาแดงๆ ท่าทางทำอะไรไม่ถูก อ้าปากค้างจะพูดอะไรออกมาก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาได้

เป็นครั้งแรกที่เค้าเห็นอาการเจ็บป่วยของจินอย่างจังๆ แค่ท่าทางอ่อนแรงก็สงสารจะแย่ ไม่คิดเลยว่า

จินต้องทนสู้กับอาการขนาดนี้มานานแค่ไหน ต้องต่อสู้กับมันตามลำพังมาโดยตลอดเลยเหรอ……….

จินพลิกตัวมาทางนั้น หน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ แต่รอยยิ้ม ยังมีแววสดใสอย่างเคย


 “ คุณพยาบาลครับ ขอให้เพื่อนผม เยี่ยมสัก 10 นาทีนะครับ แล้วผมจะตั้งใจพักผ่อนเป็นอย่างดีเลย”

 เวลายังงี้มีกะใจพูดเล่น จุนโนะยิ้มไม่ออกหรอกนะ พยาบาลพยักหน้า รับรู้ก่อนหันมาย้ำ

“แค่ 10 นาทีนะคะ” แล้วก็เดินออกจากห้องไป

จุนโนะ หันมามองร่างที่นอนนิ่งหายใจแผ่วๆที่เตียง น้ำตาเริ่มคลอๆ แต่ก็ร้องออกมาไม่ได้

เพราะจินต่างหากที่สมควรจะร้องออกมา

“ตกใจรึเปล่า ฉันแพ้ยาที่รักษานะ ร่างกายไม่รับมันก็เลยขับออกมา ดูแย่มากเลยใช่มั้ย…. “

เสียงจินพูดแผ่วๆ จุนโนะส่ายหัวไปมา “ ไม่นี่ ท่าทางนายยังแข็งแรงดีนะ “

จุนโนะพยายามพูดกลบเกลื่อน จินยิ้มจางๆ

 “อืม ฉันนะแข็งแรงที่สุดอยู่แล้ว นายเอาข้าวกล่องของคุณแม่เจ้ายูอิจิมาด้วยเหรอ” จุนโนะพยักหน้า

 “ใช่ๆ เจ้านั้นให้แมืทำเพิ่มเป็น 2 เท่าทุกวันเลย จะได้เอามาเผื่อนาย กับข้าวที่โรงพยาบาลคงไม่อร่อยเท่าไหร่ใช่มั้ย…….แล้วก็มีMD ของทัตซึยะด้วยนะ”

จุนโนะรีบขนของออกจากระเป๋า จินยิ้มก่อนพูดออกมาเบาๆ

 “ขอบคุณนะ ฝากขอบคุณยูอิจิกับทัตซึยะด้วย แต่วันนี้ ฉันเพิ่งถูกฉายรังสีมา อาเจียนตลอด กินอะไรไม่ได้หรอก นะ นาย
เองเก็บไว้กินเถอะ”

จุนโนะเม้มปากพยักหน้าเหมือนเข้าใจ จินเอื้อมือออกมา จุนโนะมองงงๆ “ขอมือนายหน่อยสิ”

 จุนโนะยื่นมือไปอย่างรวดเร็ว จินจับมันไว้แน่น จุนโนะรู้สึกว่ามือจินนั้นเย็นเหมือนไม่มีเลือเนื้อ ยังไงยังงั้น

 จินยิ้มก่อนหลับตาลงช้าๆ

“ขอบคุณนายด้วยนะ มือนายอุ่นมากๆเลย ช่วยอยู่อย่างงี้สักพักจะได้มั้ย” จุนโนะรีบพยักหน้า

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้หล่ะ ฉันจะอยู่จนกว่านายจะหลับเลย”

จินยิ้มก่อนหลับตาลงนิ่งๆ จุนโนะเอามือปิดปากตัวเองแล้วเริ่มต้นร้องไห้เบาๆ

จินน่าสงสารเหลือเกิน ถ้าเป็นเค้าจะสามารถทนสู้กับโรคร้ายได้ขนาดนี้รึเปล่าทั้งเจ็บปวดทางร่างกาย และความว้าเหว่ที่

เยือกเย็นภายในใจ ไม่รุ้นานเท่าไหร่ที่จิน ต่อสู้มาตามลำพังกว่าพวกเค้าจะรู้ก็นาน

เกินไป นานจนแทบไม่ได้ช่วยอะไรจินได้เลย………….



จุนโนะมาถึงรร.แต่เช้าหน้าตาดูอิดโรย เพราะที่คิดหนักเรื่องอาการจิน เมื่อวาน

 ยูอิจิกับทัตซึยะที่เพิ่งมาถึงรีบตรงเข้ามาหา

“เมื่อวานที่คุยโทรศัพท์ ยังไม่ค่อยเข้าใจเลย” ยูอิจิ รีบทวงถึงอาการจินทันที จุนโนะ เอามือกุมขมับแล้วนั่งลงที่โต๊ะ

“บอกตามตรง ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ พวกนายต้องไปเห็นจินอาการหนักมากๆ เราสมควรจะปิดเรื่องนี้กับคาซึยะงั้นเหรอ”
จุนโนะบ่นออกมาก่อน ยูอิจิกอดอก

“แล้วจะทำไง เจ้านั้นก็คงรับไม่ได้หรอก จินเป็นห่วงเจ้านั้นที่สุด นายไม่เข้าใจรึไง

 “ จุนโนะเงียบไปอึดใจ “ แต่ว่า…จะให้เจ้านั้นรู้เมื่อตอนที่จิน…………….ถึงตอนนั้นเลย นายคิดว่ามันจะดีขึ้นเหรอ”

ทั้งคู่มีท่าทางเครียดไม่ต่างกัน

“ฉันคิดว่า บอกคาซึยะไปเลยก็คงจะดีนะ” ทัตซึยะพูดออกมาเบาๆ ทั้งสองคนหันมามองพร้อมกัน


“จินเองลึกๆก็คงอยากจะเจอคาซึยะเหมือนกัน ส่วนรายนั้นคงไม่ต้องพูดถึงคงจะรอเวลาที่จะได้เจอจินมานานแล้ว
 ผลจะออกมายังไง เราก็ต้องรับมัน ตอนแรกฉันก็ทำใจไม่ได้หรอก เพื่อนเราทั้งคน ที่สำคัญเป็นจิน มาป่วยหนักขนาดนี้
แล้ว เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้จะอีกนานแค่ไหน แต่ว่าจินเป็นคนเข้มแข็ง ทั้งๆที่เจ้าตัวจะตายยังไม่เคยมีทีท่าท้อแท้
ให้ฉันเห็นสักครั้ง แล้วพวกเราหล่ะ จะมามัวกลัวโน้น กลัวนี่ ทำตัวอ่อนแอต่อไปก็คงไม่ได้หรอก ตอนนี้จินยังอยู่กับพวก
เรา อะไรที่พอจะทำได้ก็รีบๆทำเถอะ ตอนที่โคคิจากเราไป เราก็ยังอยู่กันได้เพราะมีจิน คราวนี้ เราจะต้องทำให้
คาซึยะอยู่ได้ เพราะมีพวกเรานะ”


จุนโนะกับยูอิจิอึ้งไปกับคำพูดของทัตซึยะ ปกติเจ้านี่จะขี้แยแล้วก็อ่อนแอที่สุด แต่ในเวลาแบบนี้ กลับเป็นคนเดียวที่เข้ม

แข็งที่สุด เป็นอันตกลงกันว่าจะบอกเรื่องนี้กับคาซึยะ

ทั้งสามคนจึงไปเยี่ยมจินพร้อมๆกัน เพื่อที่จะบอกจินว่า สมควรที่จะบอกเรื่องนี้กับคาซึยะแล้ว

แต่อาการของจินไม่สามารถจะให้พวกเค้าเข้าเยี่ยมได้ซะแล้ว อาการแพ้ตัวยากำเริบหนักจนต้องนอนICU

แต่เหมือนกับว่าจินจะรู้ว่าพวกเค้ามา พยาบาลวิ่งออกมาตามทั้งสามคนถึงหน้าโรงพยาบาล

“อาคานิชิคุงได้สติแล้ว บอกว่าอยากพบพวกเธอด้วย!!”

พยาบาลใจดีคนนั้น นั่นเอง ทั้งสามคนรีบวิ่งตามเข้ามาที่ห้องICU หลังจากเปลี่ยนชุดคลุมเรียบร้อยแล้ว

 จินนอนตาแป๋ว มีสายระโยงระยางไปหมด จินต้องต่อออกซิเจนช่วยหายใจด้วย แต่รอยยิ้มก็ยังไม่เคยจางทุกครั้งที่พวก

เค้ามาเยี่ยม จินจะยิ้ม แม้ว่าสถานการณ์ไม่น่าจะยิ้มออก แต่จินก็จะยิ้ม


ทุกคนสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ จินพูดไม่ได้ จินค่อยๆชูมือขึ้นแล้วชูสองนิ้วออกมา ทุกคนอยากจะร้องไห้

 ยูอิจิชูนิ้วกับให้จิน แล้วเปลี่ยนเป็นชูนิ้วโป้งให้ แสดงให้รู้ว่า นายเยี่ยมมาก

 จินยิ้มอีกครั้งก่อนขยิบตาข้างนึงเป็นการตอบรับ

ภาพจินที่พยายามต่อสู้อยู่นั้น ไม่สามารถลบออกจากหัวของทั้งสามคนได้เลย

จะให้บอกจินว่าจะบอกเรื่องนี้กับคาซึยะวันนี้ก็คงไม่เหมาะ จินเองก็ท่าทางไม่ค่อยดีซะแล้ว

ทุกคนนั่งเงียบไม่พูดจากัน ในใจเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง

คาซึยะเอ่ยถามทั้งสามคนขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น

 “หมู่นี้พวกนาย หายไปไหนกันบ่อยๆน่ะ? “ ทุกคนหน้าตาตื่นได้แต่อ้ำอึ้งกันไปมา

 “จินได้ติดต่อกลับมาบ้างรึเปล่า ทางพวกนายนะ” คาซึยะถามต่อ ทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน คาซึยะมองงงๆ

“อืม งั้นเหรอ” โชคดีที่ได้เวลาเข้าเรียนพอดี ทั้งสามคนรู้สึกลำบากใจที่ต้องปิดเรื่องนี้ต่อไปอีก


คาซึยะก็ท่าทางน่าสงสาร ส่วนจินเองก็อาการหน้าเป็นห่วง พวกเค้าจะทำยังไง ต่อไปกันดีนะ

แล้ววันนี้ก็ดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง จินท่าทางดีจนน่าประหลาดใจ ทุกคนมาเยี่ยมในเวลาทานข้าวพอดี

จิน นั่งเคี้ยวข้าวอย่างหิวโหย เหมือนไม่ได้กินอะไรมานาน ดูแปลกจากเมื่อวานหน้ามือเป็นหลังมือ

“อ้าว!! วันนี้ก็มากันครบเลยเหรอ” จินร้องทัก ทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปาก ยูอิจิ กระโดดมาที่เตียงนั่งลงข้างๆ

 “เฮ้ย!! ไรเนี้ย นายหายแล้วเหรอ กินข้าวได้ด้วย “ ทุกคนก็ท่าทางตื่นเต้น สีหน้าแจ่มใสกันขึ้นมา

หน้าจินไม่ซีดมากนัก ตาเป็นประกาย หน้ามีสีเลือดจางๆ ยิ้มมุมปากนิดๆ

 “ก็งี้แหละ พอดียาตัวใหม่ถูกกะฉันไงก็เลยยืดอายุได้อีกวันนึง”

จินตั้งใจจะพูดให้ดูตลกแต่สีหน้าทุกคนกลับ เจื่อนไปตามๆกัน

“เถอะน่า ตอนนี้ กำลังสบายดี พวกนายอยู่นานๆหน่อยนะวันนี้ ฉันไม่ได้เล่นเกมกับพวกนายมานานแล้ว

 แผ่นเกมที่ฝากมาตั้งแต่คราวนั้นยังไม่ได้เล่นเลย เออจะร้องคาราโอเกะก็ได้นะ แต่ต้องเบาๆอ่ะ เดี๋ยวจะโดนด่าเอา”


จุนโนะมองหน้า ยูอิจิ และทัตซึยะ ทั้งคู่พยักหน้าให้จุนโนะ จุนโนะจึงพูดออกมา

“จิน นายพร้อมจะเจอกับ คาซึยะหรือยัง”

จินนิ่งไป อาการร่าเริงเมื่อกี้เหมือนจะหยุดไปเฉยๆ

“ทำไม คาซึยะรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ “

“ไม่หรอก เพียงแต่ว่า พวกเราคิดว่า น่าจะบอกเรื่องนี้กับคาซึยะ สักที ท่าทางเค้าไม่ดีเลย“



ทัตซึยะ พูดขึ้นมา จินไม่ตอบนั่งนิ่งๆ มองเม็ดข้าวในจาน เหมือนกับไม่สนใจ อะไรแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อไป


“จิน!!” ยูอิจิเรียกให้จินหันมา แต่จินก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อไป “จิน!!”

ยูอิจิเอามือดึงมือที่ถือช้อนขอจินให้เลิกกินข้าว แล้วหันมาทางทุกคน

“เจ้านั้น ไม่ได้เปราะบางขนาดนั้นหรอกนะ จิน คนที่ห่วงนาย ก็ไม่ใช่จะมีเจ้านั้น พวกเราก็พยายามทุกวันนั้นแหละ
ร่างกายพวกเราแข็งแรง แต่จิตใจเราอ่อนแอ แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งอยู่ทุกๆวัน เพื่อมาเยี่ยมนาย หลังจากที่พวกเราผ่านอะไรมาก็ตั้งหลายอย่าง นายเองไม่ใช่เหรอที่สอนให้พวกเราเข้มแข็ง นายก็ต้องให้คาซึยะ นะ
รับรู้เรื่องนี้ นายต้องมอบความเขัมแข็งที่นายมีให้กับเจ้านั้น ด้วย เหมือนกับที่นายให้พวกเราไง ตอนนี้พวกเรายอมรับเรื่องของนายได้ไม่ใช่เพราะว่าเราเข้มแข็งอะไรหรอกนะ แต่เพราะเราเห็นนายสู้ สู้อย่างไม่ยอมแพ้พวกเราถึงไม่ยอมแพ้ไปด้วยไงหล่ะ”

ยูอิจิระบายความรู้สึกออกมา จินหลับตาลงช้าๆเหมือน อยากจะหลับลงไปซะตอนนี้ แล้วจินก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

“อืม…….ให้คาซึยะมาหาฉันเถอะ ฉันเองก็อยากเจอเจ้านั้นเหมือนกัน”

chapter 18 end

to be con................



หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: idiotbox ที่ 12-04-2007 20:33:08
อา..... เพิ่งจะได้อ่าน นีมัน!! ...ฟิค kat-tun นี่นา!!!    :เชิป2:

มีครบรสเลยนะ ทั้งสนุกสนาน ทั้งเศร้า สะเทือนอารมณ์ กระตุ้นต่อมน้ำตา  :dont2:

ขอบคุงมากๆที่เอามาลงน้า~   :give2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 12-04-2007 20:44:05
ถึงตอนล่าสุดก่อนบอร์ดล่มแล้ว ขอบคุณมากค่ะ
ชอบเรื่องนี้มาก เศร้าสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 12-04-2007 22:11:06
chapter19

วันนี้คาซึยะ ไม่มีกะใจจะเรียนหนังสือ จินขาดการติดต่อไปนาน นานซะจนเค้ากลัว ความหนาวเหน็บเกาะกินใจช้าๆ รู้สึกเศร้าและหว้าเหว่อย่างที่สุด …………

มองรอยบาดแผลเก่าที่ข้อมือ ความรู้สึกเหงาแบบนี้ มันทำให้เค้าอยากจะตายหนีมันไปนัก แต่ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าจินกลับ

มา แล้วไม่เจอเค้า มันคงจะไม่ดีแน่ๆ สลัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป

ลมที่ชายหาดพัดเอื่อยๆ แต่ก้พอที่จะทำให้ผมเส้นเล็กสีอ่อนพันกันไปมา คาซึยะ เอามือเสยผมที่ปิดหน้าขึ้น ทำให้รู้ว่ามี
ใคร บางคนที่โดดเรียนมาด้วย

จุนโนะ ยูอิจิ และทัตซึยะ ทั้งสามคน มายืนที่โขดหินใกล้กับที่คาซึยะนั่งอยู่ สีหน้าทุกคนดูเกร็งๆยังไงชอบกล คาซึยะ ลุก

ขึ้นช้าๆมองหน้าเพื่อนๆด้วยความแปลกใจ

“พวกนาย รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่ แล้วพวกนายโดดตามาหมดแบบนี้ เดี๋ยวอาจารย์ก็รู้หรอก”

คาซึยะบ่นออกมา ยูอิจิถอนหายใจออกมา

“คาซึยะ พวกเรามีเรื่องจะบอกนาย”


แสงแดดยามบ่ายทอดผ่านพื้นน้ำที่เล่นเลื่อมสี ในเวลาที่ทะเลสงบ ความงดงามของมันช่างเด่นชัด สรรพสิ่งต่างๆเงียบ

สงัด คาซึยะตาเบิกค้าง แววตาเหมือนผิดหวังอย่างที่สุด


“พวกนาย ปิดฉันมาตั้งนานทั้งๆที่ เจอจินแล้วงั้นเหรอ!!! พวกนายทำได้ยังไง ความรู้สึกของฉันที่อยากเจอจินมันไม่ได้น้อยไปกว่าพวกนายเลยนะ ทำไมจะต้องปิดบังกันด้วย รู้มั้ยมันเป็นการทรมานฉันอย่างที่สุด!!”

คาซึยะต่อว่าด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด มือทั้งสองข้างกำไว้แน่น ทุกคนสีหน้าหนักใจที่จะบอกเรื่องต่อๆไปอีก จุนโนะเดิน

เข้ามาแตะที่แขนคาซึยะ คาซึยะสะบัดออกอย่างแรง จุนโนะหันหน้าไปอีกทางก่อนหันกลับมา

“จินเป็นคนบอกให้พวกเราห้ามบอกนาย”

คาซึยะหันหน้ามาจ้องจุนโนะ ตาเขม็ง แล้วก็คว้าเข้าที่ปกเสื้อสูทเขย่าไปมาด้วยความโมโห

“หมายความว่ายังไง ทำไมจินถึงพูดแบบนั้น นายโกหก ฉันไม่เชื่อนายหรอก!!!”

ยูอิจิและทัตซึยะ รีบเข้ามาช่วยกันแยก กลัวว่าจะมีเรื่องไปกันใหญ่

“พอซะทีน่า นายอย่าทำตัวเป็นเด็กๆจะได้มั้ย เรื่องอะไรมันยังมีมากกว่านี้นะ!!” ยูอิจิตะโกนออกมาบ้าง

“อะไรกันอีกหล่ะ จิน บอกว่าไม่ต้องการเจอฉันอีกแล้ว รึไง ใช่มั้ย!!!” คาซึยะฟิวส์ขาดไปแล้ว

“คาซึยะ ไปหาจินสิ แล้วจินจะเล่าทุกอย่างเอง!!” ทัตซึยะ พยายามจับให้คาซึยะหายคลั่ง

“พอกันที ถ้าเจ้านั้นไม่ให้บอกฉันว่ามันอยู่ที่ไหนตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่สนใจอีกแล้ว ฉันจะไม่ไปให้เจ้านั้นเห็นหน้าอีก ทีนี้คง
พอใจแล้วสินะ “

คาซึยะพูดออกมา ทั้งๆที่มันตรงข้ามกับใจตัวเองโดยสิ้นเชิง แต่เค้าก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างกัน จิน พยายามปิดบังเค้ามาโดย

ตลอด เหมือนจงใจไม่อยากเจอเค้าเพียงคนเดียว รู้สึกตัวเองเหมือนอะไรสักอย่างที่เป็นสิ่งน่ารังเกียจสำหรับจิน ………

เจ็บปวดเกินกว่าจะอดกลั้นไว้ได้ น้ำตาพาลจะไหล คาซึยะทนอยู่ตรงนั้นไม่ไหว วิ่งหนีออกมาอีกครั้ง ทุกคนพยายามเรียก

เอาไว้ แต่เค้าก็ไม่ยอมหยุด คล้ายกับครั้งแรกที่เค้ามาเพื่อตามหาจิน เมื่อได้พบก็วิ่งหนี นี่ก็อีกครั้งเมื่อรู้ว่าอยู่ที่ไหน กลับ

ไปหาไม่ได้ ไม่ว่าจะครั้งไหน เค้าก็เจ็บปวดทั้งนั้น


จินนั่งมองออกมานอกหน้าต่างของโรงพยาบาลฝั่งที่จะมองเห็นได้ว่ามีรถประจำทางเข้ามาที่หน้าโรงพยาบาล เหมือนเด็ก

รอคอยอะไรสักอย่าง นางพยาบาลเองก็ถึงกับร้องทัก

“อาคานิชิ แหม่วันนี้ดูสดใสเชียว นะ มานั่งทำอะไรตรงนี้น่ะ” จินหันมายิ้มสดใสสมคำพูดพยาบาล

“วันนี้ เพื่อนคนพิเศษจะมา ผมต้องพยายามร่าเริงให้มากที่สุด เจ้านั้น มันขี้เป็นห่วงที่สุดนะครับ” พยาบาลได้ยินก็ขำออก

มา กับคำพูดที่ดูแปลกๆที่ฟังแล้วจะอดยิ้มไม่ได้

“อ๊า!! มากันแล้วนี่นา” จินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจเหมือนเด็กๆ แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปเล็กน้อย

ที่ กลุ่มที่เดินมานั้ย ไม่มีคาซึยะ คนที่รอคอยอยู่ในนั้น

กลายเป็นว่า คนที่มาแทนคาซึยะคือ คาโต้ ซึ่งเดินทางมาหาแม่ที่โรงพยาบาล

เผอิญเจอกับพวกยูอิจิ ก็เลยร่วมทางมาด้วยกัน



“รุ่นพี่ดูดีมากเลยนะครับ “ คาโต้กล่าวทักทาย จินพยักหน้ายิ้มๆ “อืม”

ทั้งยูอิจิ จุนโนะ ทัตซึยะ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ดูท่าทางมีแววกังวลกันลึกๆ คงจะเป็นเรื่องคาซึยะแน่นอนจินสังเกตได้

“พวกนายเป็นอะไร นั้นก็ต้องเป็นปฎิกริยาของเจ้านั้นอยู่แล้ว ที่เราปิดบังเรื่องนี้ อย่าห่วงไปเลยน่า”

จินพูดออกมาด้วยหน้าตาธรรมดาอย่างที่สุด จนทุกคนแปลกใจ

“จะพูดยังงั้นได้ไง เจ้านั้นไม่ได้ปกติเหมือนทั่วๆไปนะ อาการแบบนี้มันน่ากลัว ฉันกลัวว่าเจ้านั้นจะกลับไปใช้วิธีเดิมๆอีก
นะสิ “ ยูอิจิ พูดออกมาแบบไม่ค่อยจะพอใจนัก

“ใจเย็นยูอิจิ …” ทัตซึยะเอามือแตะหลัง สังวเกตได้ว่าคาโต้มีสีหน้างงๆกับคำพูดของทุกคน

จินยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีเหมือนเคย

 “ ฉันเชื่อว่า เจ้านั้นจะไม่ทำยังงั้น แล้วสักพักเจ้านั้นจะต้องมาหาฉันแน่นอน “

ทุกคนมีสีหน้าที่แปลกใจ อะไรกันทำให้จินเชื่อมั่นได้ขนาดนั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ก่อนกลับคาโต้บอกกับจินว่า มีเด็กๆที่

ชมรมประสานเสียงหลายคนอยากมาเยี่ยมจิน จะอนุญาตมั้ย จินยิ้มแล้วพยักหน้าให้เป็นการอนุญาติ
 แล้วทุกคนก็ลากลับไป

จินโบกมือบ้ายบายทุกคนอย่างร่าเริง เมื่อทุกคนลับตาไปแล้ว เป็นเวลาเย็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ดาวนับล้านเริ่มมาจับ

จองพื้นฟ้าแทน จินเอียงคอมองมันเหมือนที่เคย

“รีบๆมาหาฉันนะ ในเวลาที่เราจะมีโอกาสเป็นครั้งสุดท้าย………”จินรำพึงกับตัวเองเบาๆ

คาซึยะเองก็นั่งมองดาวที่ท้องฟ้าเหมือนกัน มองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ จินอยู่ที่โรงพยาบาล กำลังป่วยเป็นอะไรสัก

อย่าง ทำไมนะทั้งๆที่ห่วงที่สุดก็ ยังมาปิดบังกันอีก น้อยใจ และถือทิฐิเลยต้องมานั่งทรมานแบบนี้ อยากเจอ แต่ไม่ยอมไป
เจอ รู้สึกเหมือนตัวเองบ้าเต็มทน

“นายทำยังกับฉันไม่ใช่เพื่อน ………ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”


คาซึยะเข้ามาในห้องเรียน ทัตซึยะทำท่าจะเรียกเอาไว้ แต่คาซึยะทำเหมือนหูทวนลม เดินไปซะเฉยๆ จุนโนะเองก็

เหมือนกัน ได้แต่มองหน้ากันไปมา ยูอิจิที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะเรียนหลังห้องก็เดินเข้ามาใกล้

“นี่ วันนี้จะไปเยี่ยมจินรึเปล่า” ยังพูดไม่ทันจบ คาซึยะก็เอาหูฟังใส่หูซะเฉยๆ จงใจไม่สนคำพูดใดๆของเจ้าพวกนี้ ยูอิจิอึ้งไปเลย

นี่คืออาการดื้อแพ่งที่น่ากลัวของคาซึยะ ทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิด ขึ้น เรื่องของจินเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกของ
คนที่ชื่อคาซึยะ


ยาบุกับยาโอโทเมะแบกถุงขนมกันพะรุงพะรังสะดุดตาคาซึยะไม่น้อย เด็กๆในชมรมประสานเสียงอีก 2-3 คนวิ่งตามกัน

ไปเป็นพรวน เหมือนกับจะไปออกค่ายยังไงยังงั้น

คุซาโนะที่วิ่งตามหลังเด็กๆมาก็ชำเลืองมาเห็นคาซึยะพอดี โค้งให้นิดหน่อย

แล้วทำท่าลังเลก่อนที่จะเดินตรงเข้ามาหาคาซึยะ

“รุ่นพี่คาเมนาชิ ไม่ไปเยี่ยมรุ่นพี่อาคานิชิเหรอฮะ? “

คาซึยะสายตานิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น คุซาโนะเหมือนจะเดาสถานการณ์ออก มองด้วยสายตาเป็นห่วง

“บางครั้งทำอะไร ตามที่ใจเราต้องการ ตัดทิฐิลงไปบ้าง อะไรคงจะดีขึ้นนะฮะ “

พูดจบก็เดินไปรวมกับพวกเด็กๆ ทิ้งคำพูดให้สะกิดแผลในใจคาซึยะซะอย่างงั้น

ไม่ว่าใครก็ไปหาจินกันได้ทั้งนั้น ทำไม มีแต่เค้าหล่ะ ที่ไปไม่ได้…………………


คาซึยะนอนไม่หลับ จนเช้า เค้าลืมตาโพลงตลอดคืน ค่อยๆยันกายลุกขึ้น อาบน้ำแล้วสวมชุดนร.ตามปกติ วันนี้เช้าเกิน

กว่าทุกวัน ระหว่างเดินไปรร.อย่างหมดอะไรตายอยาก ได้ยินเสียงร้องเพลงดังแว่วมาจากโบสถ์ที่ๆเค้ากับจินเคยไปยืน

ร้องเพลงด้วยกัน ถึงเค้าจะไม่ได้ร้อง แต่ก็จำรูปหน้าด้านข้างของจินที่ตั้งใจร้องเพลงอยู่ใต้แสงเทียนที่สุกสว่าง หน้าจินดู

ผุดผ่องสวยงามและเห็นได้ชัด ในจินตนาการของเค้า

คาซึยะไม่รู้ว่าเค้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง รู้สึกตัวอีกที ก็นั่งอยู่ที่ม้านั่งในห้องสวดมนต์ซะแล้ว เด็กๆร้องเพลงเสร็จแล้วเตรียมตัว

จะไปทานอาหารเช้า ระหว่างเดินผ่านก็ได้ยินบทสนทนาถึงใครบางคน

“รุ่นพี่อาคานิชิดูผอมมากเลย นะ เมื่อวานน่ะ”

 “ช่ายๆ แต่ดูแล้วก็ยังสดใสเหมือนเดิมนะ ก็แค่ผอมลงแค่นั้น”

“ป่วยเป็นอะไรนะ ทำไมไม่มาเรียนสักที” “คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถ้าหายก็คงจะกลับมาเองแหละ”

จินป่วย แล้วก็ผอมลงด้วย รู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก พยายามไม่สนใจ แต่ยังไง

 จิตใจจะห้ามไม่ให้สนใจ มันทำได้ยากเย็นนัก

คุซาโนะเดินมาหยุดที่หน้าคาซึยะ ที่ก้มหน้านิ่งๆ

“รุ่นพี่อาคานิชิดูแข็งแรงดีนะครับ” คาซึยะเงยหน้ามองคุซาโนะ

“ใครถามนายกัน !!!“ พูดออกมาเสียงแข็ง

“แต่ดูเหมือนว่าแข็งแรงอย่างงั้น ดูมันไม่ใช่ของจริงเท่าไหร่ รุ่นพี่เค้ากำลังรอรุ่นพี่คาเมนาชิอยู่นะครับ”

“ไม่มีทาง!! นายอย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย” คาซึยะรีบลุกขึ้น หน้าตาดูโกรธๆ

“จริงๆ ถ้ารุ่นพี่ได้เห็นดวงตาแบบนั้น แล้วจะรู้ว่ามันเป็นอย่างงั้นจริงๆ “


คาซึยะสะอึกกับคำพูดนั้น เมื่อนึกถึงสายตาของจิน แทบจะทนไม่ได้ ถ้าจริงอย่างงั้น

ดวงตาจินที่สื่อออกมาได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่อยากรับรู้อีกต่อไปแล้ว

คาซึยะเดินออกมาโดยไม่สนใจแม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง


ในที่สุดก็จนได้ จิตใจที่ไม่แข็งพอ คาซึยะ มายืนตัวเกร็งที่หน้าโรงพยาบาลที่ทุกคนบอกว่าจินรักษาตัวอยู่ที่นี่

 เค้าจะไม่เข้าไปเยี่ยมหรือพูดคุยกับจินหรอก จะขอแค่ ดูเท่านั้น ดูอาการของจิน แค่รู้ว่าตอนนี้ยิ้มของจินเป็นยังไง เท่า
นั้น…เท่านั้นจริงๆ

ห้อง 107 มีเสียงหัวเราะออกมาเป็นช่วงๆ มองผ่านกระจกใสหน้าห้อง ชายหนุ่มผมสีอ่อน

หน้าตาที่ดูซีดเสียว แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้ดูเหมือนกับว่าไม่เป็นอะไร

คาซึยะพยายามสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างให้เต็มตา แขนขาที่ดูผอมกว่าที่เคยเห็น ดวงหน้าที่คุ้นเคย ท่าทางการพูดจา น้ำ

เสียงเวลาหัวเราะ แววตาที่ขี้เล่นและเย้ายวน ทุกๆอย่าง ที่เค้าจำได้แม่นยำ เฝ้าคิดถึงมาตลอด ตอนนี้ได้เห็นต่อหน้า

ทำไมถึงได้ทรมานขนาดนี้ รู้สึกอิจฉา ยูอิจิ จุนโนะ และ ทัตซึยะ ทั้งสามคน นั่งหัวเราะไปพร้อมกัน ในห้องนั้น ท่าทาง

เหมือนที่เคยๆ ความอบอุ่นแบบที่คุ้นเคย …..ความรักของเพื่อนๆ


คาซึยะอยากจะเมินหน้าหนี แล้วเริ่มต้นวิ่งหนีไป แต่แล้วภาพที่เค้าไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น จินอยู่ดีๆก็เริ่มไอออกมา ท่าทาง

ทุกๆคนตกใจ ต่างลุกขึ้นเข้ามาดูจินใกล้ๆ คาซึยะเข้าใจว่าทุกคนจะเข้าไปลูบหลังให้จินเท่านั้น

แต่เลือดสีแดงสดก็เริ่มไหลซึมออกมาจากปากและจมูกของจิน จุนโนะรีบหยิบผ้ามาช่วยซับให้ ยูอิจิรีบกดกริ่งเรียก
พยาบาลทันที

คาซึยะรู้สึกเหมือนตัว เองไม่มีสติ เส้นประสาทขาดผึง เสียงพยาบาลวิ่งเข้ามาก็ไม่ทำให้เค้ารับรู้ได้ จินป่วยเป็นอะไรกัน

ตอนแรกเค้าคิดว่าคงเป็นแค่โรคอะไรสักอย่างที่ธรรมดา แต่นี่มันคืออะไรกัน ทุกคนดูวุ่นวาย จินเอามือโบกไปมา เสียง
แผ่วๆแว่วๆออกมา

“ไม่เป็นอะไรครับ ผมไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย แค่เลือดกำเดาออก แล้วเสมหะมีเลือดปนแค่นั้นเอง ไม่เป็นไรจริงๆครับ”

พยาบาลทำการตรวจวัดชีพจรและหัวใจอีกนิดหน่อย ก่อนเดินออกไป ประตูเปิดกว้างออก คาซึยะยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

 ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว จินเองก็เหมือนกัน

ดวงตาที่เหมือนจะมีน้ำเอ่อๆ บรรยายความรูสึกได้ดีกว่าคำพูดใดๆ จินยิ้มออกมา

“เห็นแล้วใช่มั้ย อาการฉันไม่ดีเลยนะ………คาซึยะ ตอนนี้ฉันกำลังป่วย ป่วยอย่างหนักเลยหล่ะ”



“นายว่าคาซึยะจะรับเรื่องนี้ได้รึเปล่า?” จุนโนะหันไปถามยูอิจิ ที่กำลังกดน้ำจากตู้ขายน้ำ
 ยูอิจิ ท่าทางจริงจังกับมันจนเกินไปแล้ว

“นี่ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า!!” จุนโนะย้ำอีกครั้ง ทัตซึยะเองก็สนใจคำตอบของยูอิจิเหมือนกัน

“ได้ยิน………ฉันก็ไม่รู้ว่าเจ้านั้นจะรับได้รึเปล่า แค่รู้ว่าจินกำลังพยายามที่สุดให้เจ้านั้น รู้สึกว่ามันไม่ใชเรื่องเลวร้ายอะไร แต่
มันก็ยากนะ ที่จะทำใจยังงั้นได้”

จริงอย่างที่ว่าเรื่องนี้ มันร้ายแรงเกินกว่าที่จะทำใจได้

ชายหาดที่ทอดยาวของโรงพยาบาล เงียบสงบจนบางทีก็ดูน่ากลัวจนเกินไป

 เหมือนความเงียบที่ครอบงำบรรยากาศของจินกับคาซึยะตอนนี้

เรื่องทุกอย่างถ่ายทอดออกมาจากปากของจิน คาซึยะรู้สึกเหมือนหนามแหลมนับพันทิ่มแทงทั่วทั้งตัว

 เจ็บปวดเกินที่จะทนรับได้ จินไม่ค่อยชอบความเงียบนี้เท่าไรนัก

“นายเข้าใจรึยัง หือ …..เรื่องที่ฉันบอกนายไปทั้งหมดน่ะ” จินมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนผู้ใหญ่ที่ใจดีพูดกับเด็กตัวเล็กๆ

คาซึยะตัวสั่นระริก ปากที่กัดริมฝีปาก เหมือนจะมีเลือดซึมๆ

“เข้าใจงั้นเหรอ……. นายกำลังจะบอกฉันว่า นายกำลังจะตายงั้นเหรอ!!! ใครเค้าจะไปเข้าใจได้หล่ะ”

คาซึยะโถมตัวเข้าใส่จิน จินเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ ถึงแม้ตัวคาซึยะจะเล็กกว่า แต่คนป่วยอย่างเค้าก็ทนรับแรงไม่ได้นัก

 มือของคาซึยะเกาะเสื้อนอนของจินไว้แน่น กระชากไปมา เหมือนโกรธแค้นอย่างหนัก


“นายมันบ้า !!! นายมันเลว!! ทำไมกัน ทำไม ต้องปิดบังกันด้วย ทำไมไม่บอกฉันสักคำว่านายกำลังป่วย ทำไมนายต้อง
แบกมันไว้คนเดียว ทำไมต้องสู้กับมัน คนเดียว ฉัน อยากจะสู้ร่วมกับนาย………ไม่อยากเป็นคนสุท้ายที่ไม่รู้อะไร ฉันไม่ต้องการ……..”

จินหลับตานิ่งๆ คาซึยะกระชากเค้าอย่างแรงจนไม่สนใจว่าเค้าทนแรงไม่ไหว ทั้งคู่ล้มลงบนพื้นทราย

จินรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆที่หยดลงที่หน้าของเค้า คาซึยะกำลังร้องไห้ ร่างที่คร่อมจินไว้สั่นเพราะแรงสะอื้นและความกดดัน

แล้วหน้าที่ผอมบางนั้นก็ซบลงที่อกของเค้ามือที่กำเสื้อไว้ทุบลงที่อกเค้าเบาๆ

“ฉันไม่อยากให้นายตาย…………..นายจะตายไม่ได้น่ะ”

จินเริ่มรู้สึกอยากร้องไห้ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา คาซึยะยังคงพึมพัมอยู่อย่างงั้น “นายจะตายไม่ได้นะ………”

มือก็ยังทุบที่อกของเค้ายังงั้น จินเอามือโอบกอดร่างเล็กบอบบางที่ทับร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของเค้าไว้

ทั้งที่ตั้งใจว่าจะแสร้งทำเป็นปกติยังสบายดี ต่อหน้าคาซึยะ จะพยายามทำให้ได้เหมือนกับที่ทำให้ทั้งจุนโนะ ยูอิจิ

และทัตซึยะรู้สึกได้ว่าเค้ายังเข้มแข็งพอ แต่พอเป็นคาซึยะ ทำไมนะเค้าถึงอยากแสดงความอ่อนแอออกมามากกว่า ไม่เข้าใจเลยจริงๆ…………………….

chapter 19 end

to be con................
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: idiotbox ที่ 13-04-2007 02:20:12
เศร้า....เศร้า....เศร้า...............   :monkeycry4:

สงสารคนที่เหลืออยู่อ่ะ

โคคิยังไม่พอ จินยังต้องไปอีกคนเหรอนี่  :dont2:  :dont2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 13-04-2007 03:03:16
รีบๆมาหาฉันนะ ในเวลาที่เราจะมีโอกาสเป็นครั้งสุดท้าย……  :เศร้า2:  :เศร้า2:
เศร้าสุด ๆ ไม่แพ้ตอนโคคิเลย  :เศร้า1:  :เศร้า1:
ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้  :myeye:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 13-04-2007 19:27:20
น้ำตาจะกลายเป็นสายเลือดอีกแว้ว
เรื่องนี้มันช่างยอดเยี่ยม โดนใจเหล่าซาดิสดีแท้
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-04-2007 05:26:26
 :monkeycry4:  เศร้าเกินบรรยาย  :monkeycry4:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-04-2007 20:46:30
เศร้ามากเลยอะคับ โอ้ยยยยยยยยยยยยยไม่ไหว
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: mumumama ที่ 15-04-2007 13:20:54
เศร้ามากมาย :monkeycry2: :เศร้า2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 19-04-2007 17:02:28
chapter20

ทัตซึยะงัวเงียขึ้นมารับโทรศัพท์แต่เช้า ใครกันนะที่เป็นคนโทรมา เสียงปลายสาย มีอาการโมโหอยู่ไม่น้อยเลย

“ อูเอดะใช่มั้ย ตอนนี้มันเกิดอะไรกันแน่ ทำไม พวกเธอหายเงียบไปแบบนี้ เจอตัวอาคานิชิหรือยัง เรื่องเดบิวจะว่ายังไง ทางบริษัทจะรอต่อไปไม่ได้แล้วนะ ที่นี่กระแส รุนแรง มากขึ้นแล้วด้วย ถ้ายังปล่อยเวลาต่อไป ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ “

เสียงโปรดิวเซอร์ของบริษัทนั่นเอง ทัตซึยะ เอามือเกาคอไปมา ไม่รู้จะทำยังไงได้
“ขอโทษครับ ยังไงตอนนี้พวกผมเองก็คงไม่มีกะใจที่จะเดบิวอยู่แล้ว สุดแล้วแต่ทางบริษัทก็แล้วกันนะครับ ขอโทษจริงๆครับ “

แล้วทัตซึยะก็กดวางโทรศัพท์และปิดเครื่องไป จริงๆแล้วไม่อยากจะทำตัวเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้เลย แต่ว่า

มันจำเป็นนี่นา ในเมื่อจินยังไม่สบายขนาดนั้น ใครหล่ะ ที่จะมีใจไปร้องเต้น อย่างงั้นได้

“นี่ๆเจ้าคาซึยะไปทำอะไรที่ห้องทะเบียนน่ะ!!!”

ยูอิจิ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ถามจุนโนะและทัตซึยะ ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันงงๆ

ก่อนลุกพรวดพราดตามยูอิจิ ออกไปที่ห้องทะเบียน

ตั้งแต่ที่คาซึยะรู้เรื่องทั้งหมด ทุกคนก็ยากจะคาดเดาสภาพจิตใจและอาการของคาซึยะเป็นที่สุด ยังไม่ทันจะถึงที่ คาซึยะ

ก็เดินถือกระดาษสีขาวใบหนึ่งออกมาด้วย

“นายทำอะไรน่ะ คาซึยะ!!” จุนโนะถามออกมา คาซึยะหน้านิ่งๆก่อนตอบออกมา

“ฉันทำเรื่องดรอปเรียนไว้นะ”

“หา!!” ทั้งสามแทบจะร้องออกมา พร้อมกัน

“นายจะ ดรอปเรียน เพื่ออะไรกันน่ะ!!” ยูอิจิ คิ้วขมวดทันที คาซึยะ ถอนหายใจออกมา

“ฉันอยากมีเวลาที่จะได้ดูแลจินให้มากๆน่ะ ก็เลยคิดว่าจะดรอปเรียนเอาไว้ก่อน……..ก็แค่นั้น”

“นายคิดดีแล้วเหรอ” ทัตซึยะเอ่ยถาม ท่าทางเป็นห่วง

“นั้นสิ นายอาจจะต้องซ้ำชั้นก็ได้นะ เวลาเรียนไม่พออย่างงั้นนะ” จุนโนะผู้เห็นการเรียนเป็นสำคัญ คงไม่เห็นด้วยเท่าไร
นัก

คาซึยะมองหน้าทุกคนช้าๆ แล้วยิ้มนิดๆ

“เวลาสำหรับเรื่องนั้นนะ ฉันยังมีอีกนานใช่มั้ยหล่ะ แต่เวลาสำหรับฉันกับจินน่ะ มันจะเหลืออีกแค่ไหนตอนนี้สิ่งที่สำคัญสำหรับฉันที่สุดก็คือจิน ต่อให้ฉันเรียนต่อไป ฉันก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ”

ยูอิจิได้ยินอย่างงั้นก็พูดออกมาเสียงดัง “งั้น ฉันก็จะไปดรอปด้วย” ทัตซึยะรีบพยักหน้า
 
“ฉันด้วยนะ!!” จุนโนะอ้ำอึ้งนิดหน่อยก่อนพูดออกมา “ฉันก็เหมือนกัน….”

คาซึยะยิ้มส่ายหัวไปมา

“บ้าจริงๆเลยพวกนายน่ะ ถ้าทำยังงั้นจินคงได้บีบคอฉันแน่ๆ พวกนายยังมีอะไรที่ต้องทำนะ ยูอิจินายเองก็ยังต้องเรียนเพื่อจะไปเป็นวิศวกรไม่ใช่เหรอ ส่วนนายทัตซึยะยังไง นายก็ต้องเรียนให้จบมัธยมปลายจะได้ไปเป็นศิลปินตามที่นายหวังไว้ แล้วนาย สำคัญที่สุด จุนโนะนายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ที่สุดนี่นา อย่าผิดสัญญากับพ่อนายนะ จินน่ะเค้าก็อยากให้พวกนายทำหน้าที่ของพวกนายให้ดีที่สุดหล่ะ เข้าใจกันมั้ย”

ยูอิจิทำหน้าเหมือนผิดหวังเล็กๆ

 “นายขี้โกงชมัดเลย แล้วนายหล่ะ นายก็มีหน้าที่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ…..ทำไมนายยังดรอปไปเลยหล่ะ”

คาซึยะก้มหน้าลงนิดหน่อยก่อนยิ้มออกมาอีกครั้ง

“หน้าที่ของฉันก็ คืออยู่กับจินในตอนนี้ไงหล่ะ…….”

จุนโนะกำลังจะกลับบ้านพร้อมๆกับ ยูอิจิ และทัตซึยะ แต่ก็ต้องแปลกใจกับ บุคคลที่มารอเค้าอยู่ที่หน้าประตูรร.

“พี่!!” จุนโนะร้องออกมาด้วยความแปลกใจ ยูอิจิกับทัตซึยะเองก็ไม่ต่างกัน

มาโกโตะ ถอดแว่นกันแดดออก หน้าตาไม่ค่อยดีนัก โปรดิวเซอร์ที่นั่งรออยู่ในรถถึงกลับเปิดประตูรถออกมาด้วย

“พวกนายก่อเรื่อง มากทีเดียวนะ” มาโกโตะพูดออกมาเป็นการเตือนกับทั้งสามคน

แล้วทั้งหมดก็มาตกลงเรื่องกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆแถวนั้น ดปรดิวเซอร์ท่าทาง ไม่ค่อยพอใจกับการเกเรของพวกเค้า ถึง

ขนาดไปตามตัว มาโกโตะให้พามถึงที่นี่ เพื่อมาตกลงเรื่องให้เรียบร้อยไป

“พวกเธอ รู้รึเปล่าว่า ทางบริษัทเสียงบประมาณไปเท่าไหร่ แล้วพวกเธอมาเบี้ยวยังงี้ จะต้องถูกปรับค่าเสียหายเท่าไหร่”

“ขอโทษครับ ที่พวกผมช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่ามันจำเป็นจริงๆนี่ครับ” ยุอิจิพูดออกมาเซ็งๆ

“ไม่ใช่ว่า เพลงพวกเธอ ขายไม่ได้ซะที่ไหน ออกจะไปได้สวย แค่พวกเธอ ไปปรากฏตัวนิดเดียวเรื่องก็จบแล้ว พวกเธอเล่นอะไรกันอยู่กันแน่”

“เอ่อ ใจเย็นๆก่อนนะครับ” มาโกโตะช่วยไกล่เกลี่ย ก่อนหันมาทางน้องชาย

“ จุนโนะ นายก็อธิบายเหตุผลออกมาหน่อยสิ”

จุนโนะถอนหายใจ

“ตอนนี้ จินกำลังป่วยอยู่ครับ เป็นมะเร็ง ระยะสุดท้ายแล้วด้วย พวกผม เองก้คงไม่มีใจจะทำงานเดบิวนี้ต่อไปแล้วหล่ะครับ”

“คุณพระช่วย!! จริงเหรอเนี้ย อาคานิชิ….”




โปรดิวเซอร์ท่าทางตกใจที่สุด มาโกโตะเองก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเรื่องที่ได้ยิน

สมาชิก1 ในกลุ่ม ป่วยหนัก ก็พอจะเข้าใจอยู่เหมือนกันว่า คงจะประกาศเดบิว ได้ไม่ดีนักหรอก

โปรดิวเซอร์หน้าเครียดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

เด็กๆเองก็เหมือนกัน ท่าทางอยากจะรับผิดชอบ แต่ว่า จะช่วยอะไรได้กัน มาโกโตะเอามือสองข้างเกยคางใช้ความคิดแล้วก็เหมือนจะคิดอะไรได้

“เปลี่ยนคอนเซปไปเลยก็แล้วกันนะครับ เอาเป็นว่า เราก็ปล่อย single นี้ออกวางขายไปเลยแล้วกัน โดยที่ไม่มีอะไรที่บ่งบอกออกมาว่าศิลปินเป็นใคร ตกลงมั้ยครับ”

หน้าโปรดิวเซอร์มีทีท่าสนใจกับคำพูดของมาโกโตะ

 “แต่ว่า…ปกติเพลงจะออกเป็นแนวเต้นอย่างงั้น จะปล่อยออกไปโดยไม่มีการเปิดเผยศิลปินเลยเหรอ มันจะแปลกอยู่นะ ทั้งๆที่สิ่งที่ดึงดูดก็คือการเต้นแล้วก็ตัวศิลปินน่ะ “

“เอาเถอะครับ เท่าที่ผมฟัง จะมีเพลงแทร็กนึง ที่เป็นเพลงช้าๆ เนื้อหาดีๆเพลงนึง ลองใช้เพลงนั้นเป็น main
ในการโปรโมทsingle นี้ไปก่อนนะครับ “

โปรดิวเซอร์พยักหน้าเหมือนเห็นด้วย ก่อนลุกขึ้นไปดทรศัพท์เข้าบริษัทเพื่อตกลงเรื่องนี้ต่อไป จุนโนะยกมือขึ้นเป็นเชิงขอบคุณพี่ชาย ที่ช่วยแก้ปัญหาไปได้

จินลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องแปลกใจที่เห็นคาซึยะกำลังทำอะไรอยู่ในห้อง นี่เค้าฝันหรือว่าเรื่องจริงกันแน่

จินค่อยๆยันกายขึ้นมา ขยี้ตามองคนตรงหน้าให้แน่ใจ

“นายมาได้ยังไง นี่มันเวลาเรียนไม่ใช่เหรอ” จินถามหน้างงๆ

คาซึยะ ที่ท่าทางเก้ๆกังๆ ยุ่งๆกับดอกไม้ในแจกัน หันมามองจินแบบรำคาญนิดๆ

“ก็ทำไมหล่ะ ตอนนี้ไม่ต้องไปเรียนแล้วนี่นา”

จินไม่ได้ป่วยจนไม่รู้ว่า นี่ไม่ใช่ช่วงปิดเทอม และก็ไม่ใช่วันหยุดอะไร นี่มันหมายความว่ายังไง กัน ยังไม่ทันที่จะถาม

คาซึยะ ก็บ่นออกมาอย่างหัวเสีย

“เว้ย!! ทำไมกะอีแค่จัดดอกไม้ มันถึงได้ ยากยังงี้นะ”

จินอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับสภาพที่รับไม่ได้กับ ดอกไม้ในแจกันนั้น ไม่มีความสวยน่ามองเลยสักนิด

“ก็นาย น่ะน้า ทำไรเป็นบ้างหล่ะ “ จินลุกจากเตียงเข้ามาดูใกล้ๆ คาซึยะเอามือตีแขนจินเบาๆ

 “เฮ้ย!! แล้วไมนายลุกออกมาแบบนี้หล่ะ กลับไปนอนสิ “

“อย่าเวอร์นักเลยน่า ฉันไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เลยสักหน่อย นายนี่”

 แล้วจินก็ทำท่า ขยุมๆ ดอกไม้ในแจกันใหม่ คาซึยะรีบคว้าออกมา

“อย่ายุ่งน่า นายจะทำให้มันน่าเกลียดไปกว่าเดิมรึไง”

จินยื้อกลับมาอีก

 “บ้านะสิ ฉันจะทำให้มันดีขึ้นต่างหากเล่า ไม่ได้เรื่องเลยนายนี่”

แล้วจินก็ตีหัวคาซึยะเบาๆไปหนึ่งที คนถูกตีถึงกับบ่นอุบอิบ

“ถ้าไม่ป่วยหล่ะน่าดู….”

แล้วเสียงพยาบาลที่เดินคุยกันก็เล้ดลอดเข้ามาในห้อง

“นี่ๆเธอ ผอ.ท่าทางโกรธใหญ่เลยนะ มีคนมาแอบตัดดอกไม้ ในสวนโรงพยาบาลนะ “

“เหรอ จริงๆก็คงจะโกรธนะ ท่านหวงมากนี่นะ แต่ว่า คนตัดเค้าอาจจะอยากเอามาเยี่ยมไข้ก็ได้นะ”

จินหันมองดอกไม้ในแจกัน แล้วรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาทันที คาซึยะหน้าเจื่อนๆ จินชี้ไปที่ดอกไม้

“นี่คงไม่ใช่ที่เค้าพูดกันนะ” คาซึยะพยักหน้าช้าๆเหมือนเด็กๆถูกจับได้ จินตาโต แล้วพยาบาลก็เปิดประตูเข้ามา

 จินรีบคว้าดอกไม้ออกจากแจกันมาแอบข้างหลัง แต่ก็ไม่ทัน พยาบาลเห็นเข้าซะแล้ว

“อุ้ย!! นั้นมัน…..” พยาบาลสาวหันไปทางพยาบาลใจดีของจิน ซึ่งตอนนี้ก็ยืนอมยิ้มอยู่

”เพื่อนอาคานิชิคุงนี่เอง ที่ทำท่านผอ.โมโห น่าตีจริงๆ”

จินรีบดึงให้คาซึยะก้มหัวไปพร้อมๆกัน “ขอโทษครับ….!!”

พยาบาลหัวเราะท่าทางเก้อๆของทั้งคู่ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี

“ช่างเถอะคะ ไหนๆก็ตัดมาแล้ว เดี๋ยวจะจัดใส่แจกันให้นะคะ”
จินเอามือกระทุ้งสีข้างคาซึยะแล้วทำปากจุ๊กจิ๊ก คาซึยะก็กระทุ้งกลับ แล้วก็เอามือผลักๆกันเป็นเด็กๆ

 พยาบาลหันมาเห็นก็อมยิ้ม แวววตาใจดี

“อาคานิชิ มีเพื่อนคนนี้ มาอยู่ด้วย คงหายดีได้แน่ๆเลยนะ”

จินได้ยินยังงั้นก็แค่หัวเราะแห้งๆออกมา ทั้งๆที่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง แต่คำพูดแบบนี้ก็ดูจะมีคุณค่าทางจิตใจกับคาซึยะ

ไม่น้อย ในใจลึกๆของเค้าก็หวังอย่างงั้น แม้แต่ว่า ให้จินแบ่งชีวิตจากเค้าที่มีอยู่ไปครึ่งนึงก็ยังได้เลย

 เค้าคิดอย่างงั้นจริงๆนะ

คาซึยะมาหาจินทุกๆวัน ช่วงเย็นๆทุกคนก็จะตามมาด้วย จินพยายามจะถามหลายครั้งว่าทำไม คาซึยะไม่ไปเรียนแต่ก็ดู

เหมือนว่า จะไม่เป็นผล ไปๆมาๆ เค้าก็พอใจที่มีคาซึยะมาอยู่ด้วยทุกๆวัน ทั้งๆที่ ทำอะไร ไม่ค่อยจะได้เรื่อง แต่เค้าก็มี

ความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันทุกๆวัน แล้วก็เหมือนกับว่ามะเร็งร้ายในร่างกายเค้า มันจะกลัวคาซึยะยังไงยังงั้น มันไม่เคย

กำเริบอีกเลย ตั้งแต่คาซึยะมาอยู่ด้วย

ยิ่งมีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าตอนที่ไม่ป่วย จินก็รักคาซึยะมากขึ้น ในความที่เป็นคาซึยะ คนที่ชอบซ่อนความใจดี ความ

อ่อนโยนไว้ใต้ท่าทางที่เหย่อหยิ่ง

คาซึยะจะทำท่าเก้ๆกังๆ ทุกครั้งที่เด็กๆที่ป่วย เข้ามาเล่นกับเค้า บ้างครั้งเด็กๆก็แกล้ง ไม่อยากให้คาซึยะ ร่วมวงด้วย

เจ้านั้นก็แกล้งร้องไห้ จนเด็กๆเข้าไปปลอบ แล้วคาซึยะก็จัดการจั๊กกะจี๋เด็กๆพวกนั้น

ผลสุดท้ายกลายเป็นว่าเด็กๆติดคาซึยะมากกว่าจินซะแล้ว จินนั่งท้าวคางดูคาซึยะ เล่นกับเด็กๆแล้วก็อมยิ้ม ถ้าเวลาหยุด

อยู่แค่นี้ตลอดไปก็คงจะดีนะ รู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้มีความสุขที่สุดแล้ว ถ้าได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้น ของคนที่อยู่ตรงหน้า เท่านี้ก็

เพียงพอแล้วจริงๆ………..

“ทางบริษัทเค้าโทรมาบอกว่า พรุ่งนี้ single พวกเราจะวางขายอ่ะ” ทัตซึยะบอกทุกๆคนในเย้นวันนหนึ่ง จิน พยักหน้ายิ้มๆ

“พวกนายไม่เสียใจใช่มั้ย ที่ไม่ได้เปิดตัวเดบิวนะ” จินถามออกมา ทุกคนหันมามองจินตาเดียว

“บ้านะสิ แนน่ะปกติก็เด่นดังอยู่แล้ว กะอีแค่นี้จิ๊บจ๊อย” ยุอิจิยังคงพูดไม่ทิ้งรุปแบบเดิม ทุกคนหัวเราะออกมา

 “สำคัญตัวผิดรึเปล่า” คาซึยะร้องแซว

“ฉันว่าไม่ได้เดบิวก็ดีแล้ว ตอนนี้ แค่เวลาอ่านหนังสือสอบ ยังไม่ค่อยมีเลย” จุนโนะบ่นอุบอิบ ทัตซึยะเอามือตบไหล่

”ไม่ได้อ่านครบ100 รอบรึป่าว เนี้ย ตอนนี้ก็ยังอ่านอยู่เลยนะ”

จินรู้สึกเหมือนปกติ ทุกคนกำลังรับได้กับอาการป่วยของเค้า จินรู้สึกความหนักอึ้งที่เคยกลัวว่าทุกคนจะทำตัวตามธรรมดา

ไม่ได้ เหมือนหายไปจนหมดสิ้น แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

“แต่ว่า ฉันอ่ะ อยากออกทีวีเหมือนกันนะ”

“โห้ย!! ไม่เจียมเลยนะนายเนี้ย!!” ทุกคนพูดแทบจะพร้อมกัน แล้วก็มีเสียงหัวเราะดังแว่วมาจากห้อง 107 เป็นเสียง

หัวเราะที่มีความสุขเหลือเกิน…….

“คะ ตอนนี้เพลงที่ทุกคนทราบว่าติดอันดับทั้งๆที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ร้องก็ออกมาแล้วนะคะ น่าแปลกจริงๆคะ ตอนนี้ก็ยังมีแค่
เสียงร้องเท่านั้นที่เราสามารถนำมาได้นะคะ ไปฟังกันเลยคะกับกลุ่มWITH NO NAME “

ซึบาสะที่กำลังแกะโน๊ตเพลงสำหรับซ้อมในวันพรุ่งนี้ได้ยินเสียงเพลงก็ถึงกับชะงัก หมุนดินสอที่ถืออยู่ไปมา ปล่อยอารมณ์ไปตามเพลง

“เพราะดีเหมือนกันนะ รู้สึกคุ้นเคยดีจัง…..”

มาโกโตะที่ต้องนั่งแช่อยู่ในรถที่ติดยาวเหยียด คว้าบุหรี่ออกจากซองแล้วจุดสูบ พลางฟังเพลงไปด้วย

“หายไวๆก็ดีนะ เพลงดีๆแบบนี้ ไม่มาทำต่อก็น่าเสียดาย”

โคยาม่านอนกระดิกเท้าอ่านการ์ตูนอยู่ก็ผุดลุกขึ้นนั่งฟังอย่างตั้งใจ

“เพลงของพวกรุ่นพี่ ไม่ใช่รึไงเนี้ย สุดยอดไปเลย”

คาโต้กำลังจ่ายเงินที่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งใจฟังเพลงจนพนักงานก็ยังแปลกใจ

“ใช่จริงๆด้วย เพลงของพวกรุ่นพี่แน่ๆ”

“เพราะจังเลยนะเนี้ย ใช่กลุ่มที่รร.ของนายรึเปล่า คุซาโนะ!!”

พี่สาวหันมาถามคุซาโนะ ที่นั่งทำการบ้านอยู่ พยักหน้าตอบรับ “ใช่ ……เพราะจริงๆด้วยสินะ”

จุนโนะปิดหนังสือลง ตั้งใจฟังเพลงของตัวเองด้วยใจจดจ่อ

 “รู้สึกดีจังเลยนะ ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้ฟังเพลงของตัวเองแบบนี้”

ทัตซึยะนั่งชันเข่าบนเตียงนอน ยิ้มน้อยก่อนล้มตัวลงนอนแผ่เหมือนเด็กๆ

“วิเศษที่สุดเลย….ดีแล้วที่ได้ทำมันออกมา ดีแล้วที่ได้รู้จักทุกๆคน”

ยูอิจิปรับเสียงวิทยุเครื่องเล็กให้เข้าที่ เค้านั่งทอดอารมณ์อยู่ที่ม้านั่งใกล้ท่าเรือที่มักมานั่งกับโคคิบ่อยๆ
 
“เป็นไงหล่ะแก ชอบเพลงของพวกเรามั้ย อยู่บนนั้น หาฟังคงลำบากหน่อยหล่ะนะ”

คาซึยะเอียงคอแนบกับหูฟังภายในห้องนอนของเค้า

“จิน ถ้าเป็นไปได้ ขอให้นายฟังเพลงนี้แล้วมีกำลังใจ อยู่ไปนานๆเถอะนะ………เพราะเพลงนี้เป็นฝันของพวกเราไงหล่ะ”


ในห้อง107 วิทยุเครื่องเล็กยังคงมีเพลงนี้บรรเลงอยู่แต่ภายในห้อง ไม่มีร่างของอาคานิชิอยู่เพื่อจะฟังมันจนจบ………………………………

chapter 20 end
to be con..............

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: กว่าจะลงได้ น่าเบื่อจริงๆ   เอามาลงให้อ่านแล้วนะงับ  ขอบคุงสำหรับคอมเม้นนะงับ   :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 19-04-2007 18:53:54
ในห้อง107 วิทยุเครื่องเล็กยังคงมีเพลงนี้บรรเลงอยู่แต่ภายในห้อง ไม่มีร่างของอาคานิชิอยู่เพื่อจะฟังมันจนจบ…
 :monkeycry2:  :monkeycry2:  :monkeycry2:
สุดยอดเลย ตอนนี้ทำให้น้ำตาคลอได้ตั้งแต่ตอนต้น จนตอนจบก็..  :monkeycry4:
คนแต่งหัวใจทำด้วยอะไรหนอ ถึงได้แต่งออกมาได้เศร้ามากมายขนาดนี้  :เศร้า1:  :เศร้า1:
ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้  :11111:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-04-2007 18:59:54
อยากให้ปาฏิหาริย์มีจิงจังเลย
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: idiotbox ที่ 19-04-2007 23:33:57
 :monkeycry4: :monkeycry4: :monkeycry4:

ฮืออ ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้วววววว 
...แต่ก็ซึ้งอ่ะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 22-04-2007 21:18:41
 
:เฮ้อ: ช่วงนี้เจอแต่เรื่องแย่ๆ อยากร้องไห้    :เศร้า2:   เรามาเศร้ากันต่อดีก่าเนอะ  :impress:

chapter21
 


คาซึยะวิ่งกระหืดกระหอบด้วยอาการร่าเริงที่สุด ในมือถือCD single แรกของพวกเค้าที่เพิ่งซื้อมาจากร้านในตัวเมือง

นางพยาบาลที่คุ้นเคยกับเค้าและจินร้องทักออกมา

“คาเมนาชิคุง อย่าวิ่งในโรงพยาบาลสิจ๊ะ!!” คาซึยะหันไปโค้ง

 “ขอโทษครับ!!” แต่ไม่ทันพ้น ก็เริ่มวิ่งอีกแล้ว พยาบาลได้แต่ส่ายหัวไปมายิ้มๆ

เบรคตรงหน้าห้อง107 พอดี เคาะ3ทีอย่างที่เคยก่อนเปิดเข้าไปอย่างเคยชิน

แต่รอยยิ้มก็ชะงักลงแทบจะพร้อมๆกับที่เปิดห้องออก

ไม่มีจินที่นั่น……..ห้องว่างเปล่า โล่งจนรู้สึกหวิวๆในใจ นางพยาบาลที่เพิ่งจัดเตียงเสร็จหันมมามอง

 เธอเพิ่งมาใหม่ ไม่รู้จักคาซึยะกับจิน

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ?”

“ไม่ทราบว่า คนไข้ห้องนี้ไปไหนครับ!!” น้ำเสียงดูร้อนรน

“อ้อ… เมื่อกลางดึกอาการดูเหมือนจะกำเริบนะคะ ตอนนี้ย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยหนักแล้วน่ะคะ”

คาซึยะสะดุ้งสุดตัวก่อนวิ่งออกมา

ความสุขเป็นเหมือนภาพลวงตา ไม่เคยอยู่กับใครนาน เมื่อได้ลิ้มรส …..พอหลงใหล…….ก็จะกระพือปีกหนีไป เค้าไม่น่ามัว

แต่ทำตัวมีความสุขอยู่เลย ใจจริงๆ อยากจะร้องไห้อยู่ทุกวัน ที่รู้ว่า จะมีสักวันที่เค้ามาหาจิน แล้วจะไม่เจอ หัวสับสน

กดดัน และอยากจะร้องไห้ มัวแต่วิ่งผล่านไปมา แล้วเสียงหนึ่งก็เรียกเค้าเอาไว้

“วันนี้มาแต่เช้าเลย …..นายจะไปไหนของนาย”

ชุดนอนสีฟ้า ตัวที่ชอบที่สุด ร่างนั้นอยู่บนรถเข็น ใบหน้าซูบซีดกว่าที่เคย ที่แขนคล้องสายที่เหมือนเครื่องมืออะไรสักอย่าง

“นายไม่เป็นไรใช่มั้ย!!” คาซึยะถามเสียงสั่นๆ ก่อนเดินเข้ามาใกล้ ปกติจินจะไม่นั่งรถเข็น จินมักจะบ่นเวลาที่นาง

พยาบาลบังคับ พอพยาบาลคล้อยหลัง เค้าจะชวนคาซึยะให้มานั่งแทนแล้ว เข็นเล่นกันเป็นเด็ก แต่ตอนนี้เค้านั่งอยู่

อาการคงไม่ธรรมดาแน่ๆ


“อืม ……….”พยักหน้าช้า แววความเหนื่อยเห็นได้ชัด

 “กำลังจะไปเจาะไขกระดูกมาตรวจดูน่ะ”

คาซึยะกลืนน้ำลาย “จะเจ็บมั้ย?……..” จินส่ายหน้า

“ไม่รู้เหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่เคย” เจ้าหน้าที่ทำท่าจะเข็นจินไป คาซึยะเดินมาหลบด้านข้างๆ

 หันมามองจินเรียกอย่างเป็นห่วง “จิน…….”

จินหันมามอง ทำหน้ายิ้มๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความกลัว

 “มะ..ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันไปแป๊บเดียว”

ทำท่าเข้มแข็ง อย่างเคย แต่คาซึยะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างงั้น แววตาเหมือนเด็กๆที่หวาดกลัว ต้องการใครสักคน

 คาซึยะวิ่งตามมาเอามือจับที่เข็นเอาไว้ เจ้าหน้าที่หันมามองงงๆ

“ให้ผมเป็นคนพาเค้าไปได้ไหมครับ” เจ้าหน้าที่ถอยออกมาแล้วพยักหน้าให้ ก่อนเดินนำหน้าไป จินเงยหน้ามองคาซึยะ

 ที่ยิ้มแสร้งทำเป็นเข้มแข็งกว่าจิน แต่มือที่กำพนักเข็นไว้สั่นน้อยๆ

“คาซึยะ…นาย….”

“ฉันจะไปส่งนายจนถึงที่เลย แล้วจะรอด้วย เวลาอยู่กับเครื่องมือแปลกๆที่โรงพยาบาล มันไม่สนุกเลย ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายนะ……”


แผ่นหลังขาวๆตอนนี้เห็นรอยนูนของกระดูกเด่นชัด เพราะความผอมและร่างกายที่ทรุดโทรม

จินถูกสั่งให้นอนตะแคงและงอตัว เพื่อให้กระดูกนูนออกมามากที่สุด

คาซึยะที่ยืนอยู่ข้างนอกผ่านกรอบกระจกแคบๆ เค้าต้องพยายามขเย่งเพื่อจะมองเห็นภายในมากที่สุด

ปลายท่อมีเข็มเรียวแหลมดูน่ากลัว คาซึยะใจคอไม่ดี เค้าจะเอาส่วนนั้นทำอะไรกับจินกัน ไม่ทันจะคิดอะไรต่อ

 ปลายเข็มนั้นก็เจาะเข้าที่หลังบริเวณเอวของจิน เสียงจินร้องเอ็ดอึ้งออกมา คาซึยะ เผลอเอามือทุบประตูโดยไม่รู้ตัว


จินจะไม่ร้องออกมา แม้ว่าจะเจ็บมากๆ อาการกำเริบแต่ละครั้งไม่เคยได้ยินเสียงร้องเลย…….แล้วนี่เป็นความเจ็บแบบไหน

กัน จินถึงกับร้องออกมาแบบนั้น คาซึยะ อยากจะพังเข้าไป กระชากไอ้เครื่องบ้าๆนั้นออกจากร่างกายของจิน เสียงเครื่อง

กำลังทำงาน เมื่อมันทำการดูดเลือดเนื้อของเจ้าของร่างที่เจ็บอยู่ เสียงร้องก็ดังขึ้นอีก จินกัดริมฝีปากแน่น

ตัวที่ขดอยู่ยิ่งงอเข้าหากัน น้ำตาไหลออกมา ไม่สามารกลั้นได้เพราะความทรมาน

 มือทั้งสองข้างจิกที่แขนเสื้อตัวเองเอาไว้

คาซึยะเอามือทุบประตูเป็นครั้งที่2 ร่างของคนที่รักดิ้นเจ็บปวดทรมานอยู่ต่อหน้า ใครกันจะทานทนรับมันได้…….เจ้าหน้าที่

และหมอ เห็นการทุบประตูเริ่มถี่ จึงเดินมาแล้วรูดม่านทันที คาซึยะเหมือนถูกปิดม่านความเจ็บปวดลงชั่วขณะ

อีกใจ อยากจะเฝ้าดู อาการของจินให้ตลอด แต่อีกใจก็ทรมานจนอยากจะตายไปเลย ทำไมนะ ทั้งๆที่คิดว่าจะเข้มแข็ง

จะต้องทนให้ได้ แต่แค่เพียงเห็นความทรมานของจิน แค่ส่วนนึง ส่วนนึงเท่านั้น เค้าก็ทนไม่ได้แล้ว

จินนอนหลับอยู่ในห้องใหม่ที่มีเครื่องมือคล้ายห้องICU คาซึยะมองดูด้วยแววตาเศร้าหมอง ตอนนี้อาการจินดูไม่ดีเลย

หลังจากการดูดไขกระดูกไปตรวจ ร่างกายจินก็เริ่มมีจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง เค้าอยากรู้นักว่า มันเป็นอะไร กัน จุนโนะ ทัตซึยะ

เดินเข้ามา คาซึยะหันหน้ามาเอามือแตะที่ปากเป็นเชิงบอกให้เงียบๆ

“จินเพิ่งหลับไปน่ะ ยูอิจิหล่ะ” ทัตซึยะกระซิบตอบ “ตอนนี้ คุยอยู่กับหมอของจินน่ะ”

กว่าจะลากคาซึยะออกมาให้มาทานข้าวเช้าได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน เพราะเจ้าตัวไม่อยากละสายตาจากจินในตอน

นี้แม้แต่วินาทีเลย คาซึยะคนถ้วยน้ำชา เหมือนไม่มีชีวิตจิใจ ดวงตาเหม่อไปเรื่อยๆ

ยูอิจิมารวมกับทุกคนที่ห้องอาหาร หน้าตาแย่สุดๆ คาซึยะผุดลุกขึ้น ถามอาการจินทันที

 “ยูอิจิ หมอว่ายังไงบ้าง อาการของจินน่ะ………”

“อืม…..นายนั่งลงก่อนดีกว่านะ” ยูอิจิเอามือตบๆไหล่คาซึยะให้เย็นลง

 คาซึยะนั่งลงตามคำสั่งแล้วตั้งใจฟังยูอิจิพูด คนอื่นๆก็เช่นกัน

“ตอนนี้……หมอบอกว่า การผ่าตัดก็คงจะช่วยไม่ได้แล้ว……..เพราะว่ามันลามไปจนถึงเม็ดเลือดแล้ว”

คาซึยะคว้า คอเสื้อของยูอิจิทันที ทัตซึยะกับจุนโนะร้องพร้อมๆกัน “เฮ้ย!! คาซึยะ…”

“หมายความว่ายังไง นายอย่าบอกนะ ว่าจะปล่อยไปแบบนั้น พอผ่าตัดไม่ได้ก็จะไม่ทำอะไรงั้นเหรอ!!”

ยูอิจิดึงมือคาซึยะออก แล้วผลักคาซึยะกระแทกลงที่เก้าอี้ตามเดิม

“ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไรนะ ร่างกายจินจะทนรับผลข้างเคียงของการรักษาไม่ได้อีกแล้ว ไปๆมาๆ จะทรมานกว่า

โรคที่เป็นอยู่ซะอีก นายอย่าทำเป็นเหมือนกับว่า คนอื่นเค้าไม่รู้วสึกอะไรจะได้มั้ย ทุกคนนะ ก็เจ็บปวดเหมือนนายนะ

แหละ โดยเฉพาะจิน เอง นายอย่ามาทำตัวเอาแต่ใจ หน่อยเลย ยอมรับความจริงบ้างเถอะ”

ยูอิจิหัวเสียมาก คนที่ร่าเริงอย่างเค้า ทำไมต้องเป็นคนแรกที่รู้ความร้ายแรงของอาการจิน

 แล้วต้องมาบอกทุกๆคนอีกด้วย มันเจ็บนะ แล้วก็ทรมานด้วย……

“อย่ามาทะเลาะกันอยู่เลย ถ้าจินรู้คงไม่ดีใจหรอกน่า!!” จุนโนะพูดออกมาเตือนสติทั้งสองคน

แล้วความเงียบก็ปกคลุมความรู้สึกของทุกคน จินยังเหลือเวลาอีกแค่ไหนกัน…………………

ทุกคนยืนรายล้อมเตียงที่มีร่างหนึ่งหลับไหลอยู่ ร่างกายที่ผ่ายผอมดูน่าเจ็บปวด ใบหน้าที่นิ่งสงบนั้นกำลังต่อสู้กับความเจ็บ

ปวดอยู่ เครื่องมือที่คล้องแขนอยู่คือมอร์ฟีนระงับความเจ็บปวดนั้นเอง มีไว้ให้คนไข้เมื่อเจ็บจะสามารถฉีดให้ตัวเองได้

แต่ดูเหมือนจินจะไม่เคยใช้มันเลย

พอย้ายมาอยู่ห้องผู้ป่วยหนักเวลาเยี่ยมก็ถูกจำกัดลง ก่อนที่ทุกคนจะออกไป คาซึยะก้มลงใกล้จิน กระซิบเบาๆว่า

 “พรุ่งนี้ จะมาใหม่ นายต้องรอฉันนะ” เหมือนเป็นการสั่งว่า ห้ามไปไหน ห้ามตายนะ อะไรทำนองนั้น

บนรถเมล์ทุกคนไม่พูดคุยอะไรเช่นที่เคย แผ่น CD ถูกเก็บตายในกระเป๋าของคาซึยะ เสียงพูดคุยมีความสุขของคนอื่นดู

เสียดแทงพวกเค้ามากๆ เด็กผู้ชายวัยเดียวกันขึ้นรถมา ตะโกนแหกปากด้วยความคะนองและฉุนเฉียว


“โอ้ย!! ชีวิตน่าเบื่อชมัดเลย อยากตายวะ “

 แล้วก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนๆ คาซึยะเงยหน้ามองคนพูดด้วยความโกรธแค้น จนคนพูดชักฉุน

“ไอ้นี่ มองไรวะ อยากตายด้วยคนไง!!”

คาซึยะลุกขึ้น จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะยังไม่ทันตั้งตัว คาซึยะบีบคอเจ้าคนปากดีด้วยแรงที่มี จนทำท่าว่าจะได้ตายสมใจแล้ว

 ยูอิจิ รีบคว้าแขนคาซึยะออกมา จุนโนะช่วยอีกแรง

คนปากดีกระอัก หายใจออกมา คอเป็นรอยแดงรูปมือ เพื่อนๆเจ้านั้นถึงกับมองกันตัวเกร็งไปหมด

“คนอย่างพวกแก มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้เหรอ ถ้าอยากตายนัก ก็เอาชีวิตแกมาให้จินเซ่!!!” คาซึยะเหมือนคนบ้า

 เจ้าพวกนั้นลุกขึ้นได้ก้ร้องออกมา

“มันพูดบ้าอะไรวะ!!” คนในรถมองกันเป็นตาเดียวท่าทางตกใจกันมาก ทัตซึยะจึงชวนให้ทุกคนลงจากรถ

“ฉันว่าเราลงป้ายหน้ากันเถอะ” แล้วทุกคนก็พากันลากคาซึยะที่กำลังบ้าเลือดลงจากรถไปได้

“ พวกนายมาห้ามฉันทำไมกัน !!!” ยูอิจิชกเตือนสติคาซึยะไปทีนึง

“ถึงไอ้นั้นมันตาย จินก็ไม่ได้จะได้ชีวิตจากเจ้านั้นหรอกนะ ถ้าแลกกันได้พวกฉันก็แลกกันไปก่อนแล้ว ในโลกนี้มีคนตั้ง
มากที่สมควรตาย แต่ก็ไม่ตาย นายนะมีสติหน่อยสิ อย่าบ้านักเลย!!!”

“ยูอิจิพูดถูก เราต้องมีสติ พยายามประคับประคอง จินต่อๆไป ครั้งแรกที่รู้เราก็เตรียมใจกันไว้แล้วนี่นาว่า
มันต้องเป็นแบบนี้ ……..เราต้องเข้มแข็งเอาไว้นะ”

จุนโนะเอีงคอไปมาเวลาพูด น้ำเสียงสั่นๆ

“ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ได้แล้ว ตอนจินปกติดี ฉันพอจะทนปั้นหน้ามีความสุขอยู่ได้บ้าง แต่นั้นก็แกล้งทำทั้งนั้น
 แต่ตอนนี้จิน ……ไม่ฉันทนต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันรับไม่ได้!!!”

คาซึยะร้องไห้ออกมา ทัตซึยะกอดคาซึยะเอาไว้ ให้สงบลง

“ต้องได้นะ ……….พวกเราจะอยู่ด้วยกันนะ จะอยู่ข้างๆจิน ถึงจะเหลือเวลาอีกไม่มาก แต่เวลาที่เหลือก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
 เรามารักษาเวลานั้นให้ดีที่สุดเถอะนะ……..”

ก่อนที่จะไปโรงพยาบาลทุกเช้าทั้ง4 คนจะมาสวดมนต์ขอพรที่โบสถ์ เด็กๆในชมรมประสานเสียงเองก็เช่นกัน

“จริงรึเปล่าที่เค้าบอกว่า รุ่นพี่อาคานิชิกำลังจะตาย” โคยาม่ากระซิบถามคาโต้

 “ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเป็นยังงั้นก็แย่เลย จะไม่ได้ฟังเพลงดีๆแบบนั้นอีกนะเหรอ”

“นี่!! เงียบๆหน่อยสิ ตั้งใจสวดมนต์กันหน่อย!!”

คุซาโนะดุออกมา ก่อนหันไปมอง กลุ่ม4 คนที่ตั้งใจสวดมนต์โดยไม่ได้ยินอะไร

จินช่วงหลังนับเวลาที่รู้สึกตัวได้น้อยมากๆ บ่อยครั้งที่คาซึยะมาเยี่ยมจินกำลังหลับอยุ่ คาซึยะจะไม่ปลุก

จะนั่งเฝ้ามองจนหมดเวลาเยี่ยมไปเลยก็มี แต่บ้างครั้งมาเวลาที่จินตื่น ก็จะถูกจินว่า ทำไมไม่ปลุก

คาซึยะรู้สึกว่าช่วงเวลานี้ช่างทรมานเหลือเกิน เฝ้ามองร่างกายจินที่เจ็บปวดทุกวัน แม้แต่ตอนหลับ บางครั้งก็รู้ได้ว่ากำลัง

เจ็บปวด จากหน้าแล้วคิ้วขมวด อาการกระตุกเป็นครั้งคราว บางครั้งนั่งคุยกันไปเลือดกำเดาก็ไหลออกมา ไม่ยอมหยุด

 ผิวหนังบางครั้งก็เริ่มมีเลือดซึม ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้จิน คาซึยะอยากจะเอาตัวบังจินเอาไว้ไม่ให้มันมอง

เห็น ยอมได้เลย ถ้าจะมาเอาตัวเค้าไปแทน

เช้าวันนึงทุกคนมาเยี่ยมจินอย่างที่เคยจินไม่ได้นอนซมที่เตียงกลับลุกขึ้นมานั่งรอพวกเค้าที่ริมหน้าต่างสีหน้าดูดี

กว่าที่ผ่านๆมา เหมือนอาการที่ผ่านๆมาเป็นเรื่องโกหก

“จิน….” คาซึยะเรียกชื่อจินด้วยเสียงที่แหบแห้งระคนแปลกใจ

จินลุกจากรถเข็นเดินเข้ามาหาทุกคนเอามือตีหัวทุกคนไปคนละที

“พวกนายทำไม ถึงได้ดูโทรมกันขนาดนี้นะ คนป่วยนะฉันนะ!! โดยเฉพาะนายคาซึยะ ทำไมถึผอมลงขนาดนี้"

จินชูแขนเล็กๆของคาซึยะขึ้น ตั้งแต่จินอาการทรุด แทบจะนับมื้อที่เค้ากินข้าวได้ ทำไม จะไม่ผอมลงหล่ะ


“จิน นายเจ็บอะไรอีกรึเปล่า ถ้าเจ็บก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะ” จุนโนะพูดออกมาอย่างเป็นห่วง

“พวกนายนี่ บ้ากันจัง ตอนนี้ ฉันไม่เจ็บ ก็อยากให้ฉันเจ็บเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างงั้น เพียงแต่เรากลัวว่านายจะเจ็บ “ ทัตซึยะรีบบอกออกมา

“จินนาย อาการดีขึ้นแล้วใช่มั้ย !!!!” คาซึยะ รีบตรงเข้าจับแขนทั้งสองข้างของจินไว้

จินเอามือลุบหัวคาซึยะ

 “อืมน่าจะใช่ โชคน่าจะเข้าข้างฉันบ้างแล้วหล่ะ ยาตัวใหม่ถูกกะบฉันดี”

ทุกคนยิ้มออกมาจริองๆหลังจากที่ไม่ได้ยิ้มมาร่วมอาทิตย์

“สุดยอดเลย งั้นนายก็รีบพักเถอะ เป็นไปได้ว่านายจะได้ออกจากโรงพยาบาลแน่ๆ”

 ถึงจะเป็นความหวังที่ลิบหลี่เต็มทนแต่ยุอิจิก็อดหวังไม่ได้

จินยิ้มอย่างสดใส

“ไม่ต้องรอขนาดนั้น ออกไปได้เลย วันนี้ ฉันออกจากโรงพยาบาลได้เลย!!”


เป็นคำขอร้องของจินกับคุณหมอ จากอาการที่ไม่ได้ทรุดลง แต่ก็ไม่ถึงกับดีขึ้นมากซะทีเดียว

 จินพยายามประคับประคองร่างกายจน สามารถที่จะแข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ก็แค่การออกจากโรง

พยาบาลเพียงเวลา 1 วันเท่านั้น ทุกคนยังคงแปลกใจ แต่ท่าทางที่จินบรรจงแต่งชุดธรรมดาที่ไม่ได้ใส่มานานมากๆ

ก็ทำให้ลืมเหตุผลอะไรออกไป จินแข็งแรงจากที่ผ่านมาขนาดนี้น่าจะเป็นสัญญาณอันดีนะ ทุกคนเชื่ออย่างงั้น

“พวกนายอยากทำอะไรกันน่ะ วันนี้” ระหว่างที่เดินออกมารอรถเมล์จินก็ถามขึ้นมา ทุกคนอึกอักไปตามๆกัน ยังดีใจระคน

แปลกใจ ไม่ได้กับอาการที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นปกติของจิน

“วันนี้ เป็นวันของนาย นายอยากทำอะไรก็บอกมาดีกว่านะ “


จุนโนะเป็นคนตอบออกมาแทนทุกๆคน ที่ต่างก็เห็นด้วยพยักหน้าหงึกหงัก

“หือ !!! พูดอย่างงี้เดี๋ยวก็หนาวหรอก" จินเริ่มมีแววยียวนอีก ไม่ได้ฟังจินพูดแบบนี้มานานแล้ว

”อ้าว!! พูดงี้ก็กลัวเดะ” ยูอิจิเอง เริ่มสนุกตอกกลับบ้าง

คาซึยะยิ้มออกมา โดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกหม่นหมองเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง

“แล้วตกลง จะทำอะไรกันหล่ะเนี้ย!!” ทัตซึยะงงๆ เอามือเกาหัว

“ก็ทำเรื่องที่อยากทำนะสิ……..” จินยิ้มเจ้าเล่ห์พูดออกมา

“หือ!!” ทุกคนงงไม่ต่างกัน

“ในชีวิตนึงก็มีเรื่องที่อยากทำอื้อเลย จะให้ทำหมดก็ยากเหมือนกันนะ มีทั้งเรื่องที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ
จนมันก็ผ่านมาแล้ว เรื่องที่อยากทำในอนาคตก็มี ไม่รู้จะเลือกเรื่องไหนเลยเหมือนกัน”

จินเดินไปพูดไปเหมือนบ่นๆ ท่าทางทุกคนก็คิดว่า เจ้านี่คงเพ้อไปแล้ว มีแค่คาซึยะเท่านั้น ที่ฟังอย่างตั้งใจ

 แล้วคาซึยะพูดออกมา

“งั้นก็ทำเถอะ ทุกอย่างเลยที่นายอยากทำ ทำใน1 วันนี้หล่ะ”

chapter 21 end
to be con.................
 

 :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: mumumama ที่ 22-04-2007 22:17:58
 :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:
พูดไม่ออกแล้ว ฮื่อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 23-04-2007 19:50:14
 :monkeycry4:  :monkeycry4:  :monkeycry4:
ความสุขเป็นเหมือนภาพลวงตา ไม่เคยอยู่กับใครนาน เมื่อได้ลิ้มรส …..พอหลงใหล…….ก็จะกระพือปีกหนีไป 
ได้ใจมากประโยคนี้  :monkeysad2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: idiotbox ที่ 25-04-2007 01:55:36
....กลัวจะเป็นครั้งสุดท้ายอ่ะ  :dont2:  :dont2:

*แย่ยังไงก็"สู้ๆ"นะคับ... เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้เสมอ อิอิ    :yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 25-04-2007 13:47:13
chapter22

“จะเอาจริงๆอ่ะเหรอ!!” ยูอิจิทำหน้าเครียดๆ

 “เออ ก็จริงเดะ ไหนว่าจะลองทำด้วยกันไง” จินหันมาตบหัวยูอิจิไป1ที

“แต่ที่ยูอิจิว่าก็จริงนะ ถ้าเราทำไม่ได้มีหวังจ่ายกันอานเลย”

จุนโนะเองก็หน้าเแหยๆ จินทำหน้าคิดหนักขึ้นมาเอามือล้วงกระเป๋าตัวเอง

 “พวกนายมีกันเท่าไหร่อ่ะ”

“ฉัน 3500” ยูอิจิ บ่นอุบอิบ “4000เยน” จุนโนะพูดผลางชูนิ้ว

“5000เยน” ทัตซึยะแง้มกระเป๋าดู จินส่ายหัวไปมา “ยากจนทั้งนั้นเลย

 “ คาซึยะหันมาถามจินบ้าง “แล้วนายหล่ะ มีเท่าไหร่”

จินยิ้มแหยๆ “1000เยน” “โธ่เอ้ย!!” ทุกคนแทบจะยันจินพร้อมๆกัน

“ช่างเถอะน่า ถ้าไม่มีตังค์ฉันจัดการเอง” คาซึยะะพูดออกมาแบบรำคาญ

“เอ ลืมไปเลยว่าเรามีคุณชายมาด้วย นายคงพกบัตรทองมาด้วยหล่ะสิ”

จินยิ้มเอามือวางที่ไหล่คาซึยะ คาซึยะทำหน้ากวนๆก่อนพูดออกมา

“มะเหงกสิ!! ไม่ได้เอามา… แค่ถ้าไม่มีตังค์จ่ายก็ให้ล้างจานเอาก็แค่นั้น"

แล้วทุกคนก็ทำหน้าเหว๋อ ก่อนเดินเข้าร้านตามๆกันไป เรื่องแรกที่อยากทำของจินก็คือการกิน จินอยากจะกินให้เยอะ

ให้จุกตายกันไปข้างนึง แต่จะกินได้ขนาดนั้นก็ต้องมาร้านที่จัดท้ากินจุ น่าจะเหมาะที่สุด

ทุกคนก็จำใจร่วมชะตากรรมไปด้วย แต่จะกินจนชนะ มันจะเป็นไปได้แค่ไหนกัน เพราะถ้ากินไม่ตรงตามที่กำหนด

ก็จะต้องจ่ายค่าอาหารส่วนที่กินกันไปทั้งหมด แล้วก็แน่นอน ไม่มีใครมีเงินมาพอขนาดนั้น

ผลปรากฏออกมาว่า ทุกคนทำได้ แต่แทบจะออกมาอ้วกกันหน้าร้านเลย

“โอ้ย!! อยากจะอ้วก กินเข้าไปได้ไงเนี้ย!!” ยูอิจิทำท่าจะอ้วกจริงๆ

 “เฮ้ยอย่าได้มั้ย ขืนนายอ้วก ฉันได้อ้วกตามจริงๆแน่” จุนโนะดึงคอให้ยูอิจิ หยุดทำท่าโก่งคอสักที

“น่าสงสารเจ้าของร้านเหมือนกันนะ ตั้ง 5 คนกินไปขนาดนั้น จะขาดทุนมั้ยเนี้ย”

 พูดๆไปก็เอามือปิดปากไป



จินท่าทางจะสบายสุดๆดูไม่เหมือนคนป่วยเลยสามารถกินได้เยอะขนาดนั้น คาซึยะเดินหน้าซีดๆตามทุกคนมา

 จินหันไปถาม

 “นายไมไม่พูดอะไรเลยอ่ะ “

คาซึยะเอามือโบกๆ “อย่าให้พูดเลย มานจะออก อุ๊บ” แล้วคาซึยะก็เป็นรายแรกที่อ้วกออกมา

จินตกใจรีบลูบหลังให้ คนอื่นๆ เบือนหน้าไปตามๆกัน

 “ไอ้บ้าจิน นี่เรื่องที่แกอยากทำทรมานน้อยกว่านี้ ไม่มีไงวะ” ยูอิจิ รีบด่าออกมา มองสภาพคาซึยะแล้วอนาถ

“อ้าว !!! แต่ก็อร่อยดีไม่ใช่ไง นานแล้วนะไม่ได้กินข้าวด้วยกัน”

“แบบนี้ ไม่อร่อยหรอกนะ!!!!” คาซึยะที่หน้าซีดแต่ท่าทางดีขึ้นหน่อย เอามือเช็ดปากไปมา ท่าทางฉุนๆ

“แต่ก็ดีนะ ได้เห็นคาซึยะอ้วกด้วย นานๆทีจะเสียฟอร์มกะเค้า”ทัตซึยะพูดออกมา

“เออใช่” จุนโนะเห็นด้วย แล้วทุกคนก็หัวเราะกันใหญ่ คาซึยะรีบโวยวายห้ามทุกคนหัวเราะเหมือนเด็กๆ



“แล้วเรื่องต่อไปหล่ะ อยากทำอะไร” ทัตซึยะถามขึ้นมา เมื่อทุกคนได้พักให้หายจากอาการกระฃอักกระอ่วน คาซึยะ

 กำลังล้างปากที่ก๊อกน้ำสาธารณะ ก็สนใจฟัง จินเอียงคอไปมา ท่าทางอายๆนิดหน่อยก่อนกระอ้อมกระแอ้มตอบออกมา

“อยากบอกรัก……..” “หู้!!!……….” ทุกคนส่งเสียงโห่ออกมาพร้อมๆกัน

“ร้อยวันพันปี แกเคยไปเหล่หญิงที่ไหนฟ่ะ คงไม่ใช่ในกลุ่มพวกเรานะ”

ยูอิจิ พูดเสียงแหวออกมา คาซึยะเองก็ท่าทางสนไม่น้อย ผู้หญิงที่จินชอบเป็นแบบไหนกันนะ

“บ้าสิ พวกนายอ่ะ ฉันรักอยู่แล้ว แต่ว่า ไม่อยากบอกหรอกเดี๋ยวจะเหลิง” จินตะโกนใส่แบบกวนๆ

“อ้าว แล้วใครคือผู้โชคร้าย เอ้ยโชคดีที่นายอยากบอกรักอ่ะ” จุนโนะถามออกมา จินยิ้มๆ

 “อืมมันก็ตั้งแต่ตอนปี2ม.ต้นแล้วนะ ตั้ง4ปีแล้ว ไม่รู้ว่าเค้าจะยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า”



“หา !! อย่าบอกนะว่า ยายคนนั้น ..ที่ชื่อซากุระ ไรนั้นน่ะ” ยูอิจิ ท้าวเอวทำท่าไม่อยากจะเชื่อ

“เออ คนนั้นแหละ นายก็จำได้ใช่ป่าว”

“นายชอบคนๆนึงนานขนาดนั้นเลยเหรอจิน” คาซึยะหน้าตาตื่นเต้น จินยิ้มอายๆ

“มันก็ไม่เชิงงั้นหรอกตอนนั้นก็ชอบขนาดอยากบอกรักเลยหล่ะ แต่ตอนนี้ก็ไม่ถึงขนาดนั้นแล้ว แค่นึกถึงก็รู้สึกดีเท่านั้น”

“แล้วเค้าจะยังอยู่นี่ …..รู้ถึงที่อยู่เลยเหรอ” ทัตซึยะถามงงๆ

 “โอ้ย เจ้านี่โรคจิตจะตายแอบคตามไปจนถึงบ้านมาแล้ว” ยูอิจิแฉ

“โห้ย!!” ทุกคนที่เหลือร้องพร้อมกัน

จินหัวเราะเขินๆ

“นอกจากนี้ยังรูอีกนะว่า ชอบผูกโบกลายสก๊อต ชอบสวมชุดสีขาว ชอบเลี้ยงหมาพันธ์โกลเด้น แล้วก็ชอบดอกเดซี่มากกว่า
ซากุระด้วย “

“ใครจะเหมือนนายชอบซากุระ” จุนโนะแซว จินเอามือชกเบาๆไปที คาซึยะยิ้มแล้วพยักหน้า

“สุดยอดเลย ทุ่มเทขนาดนี้เสียดายนะที่ไม่ได้บอกรักไป”

“ก็เพราะตอนนั้น ฉันทำผลาดเอง ทั้งๆที่มีโอกาสแล้วแท้ๆ” จินสีหน้าเศร้าลงนิดๆ ยูอิจิ ทำหน้านึกขึ้นได้

“ตอนนั้นใช่ป่าวที่ เราไปงานวัฒนธรรมรร.สตรีที่ซากุระอยู่ แล้วนาย เดินผ่านอาคารนั้น ซากุระก็โปรยกลีบดอกเดซี่เล่น
แล้วร่วงใส่นายด้วยน่ะ”

“แล้วทำไมเหรอ?” คาซึยะท่าทางอยากรู้มากจนรีบถามออกมา ที่เหลือก็ตั้งใจฟัง

“ก็ตอนนั้น ฉันอายแล้วก็เขินมากๆ เผลอพูดออกไปว่า เล่นอะไรกันยายบ้านะสิ เรื่องก็เลยจบทั้งๆที่ยังไม่ทันเริ่ม”

“ว้า!! “ ทุกคนพูดออกมา แบบเสียดาย คาซึยะได้แต่จ้องจินแล้วก็อมยิ้ม เจ้านี่เวลามีความรักก็น่ารักเหมือนกันนะ “งั้นเรา
ก็ไปบอกเธอตอนนี้ก็ได้นี่นา” คาซึยะเสนอออกมา

สาวน้อยผมยาวจนถึงกลางหลังรวบผมด้วยโบลายสกอตเช่นเดิม ไม่ต่างจาก4 ปี เวลายิ้มจะมีลักยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

 ผู้ชาย5 คนยืนดูตาหยาดเยิ้มบนสะพานที่เธอจะเดินผ่านเป็นประจำ

เพราะเป็นทางกลับบ้านวันนี้โชคดีเหลือเกินที่เธอก็ต้องผ่านด้วยในวันนี้


“จินนายนี่สุดยอดเลย “ จุนโนะพึมพัม “ใช่สุดยอดจริงๆ”ทัตซึยะเห็นด้วย “หวังดอกฟ้าเลยนะเนี้ย”

คาซึยะพูดออกมา จินหันมามองตาเขียว “ พูดงี้ฉันก็เป็นหมางั้นเหรอ”

“เฮ้ย !! อย่ามัวแต่เคลิ้มมากันแล้ว เตรียมตัวนะ” ยูอิจิเห็นสาวน้อยเดินคุยกับเพื่อนจนจะถึงสะพานนี้แล้ว

ทุกคนทำท่าเป็นอันเข้าใจ พอซากุระเดินผ่านสะพานมา ฝนกลีบดอกเดซี่ก็โปรยปรายลงมาจากข้างบนซากุระตาโตด้วย
ความแปลกใจ กับความสวยงามของมัน

“ใครเล่นอะไรเนี้ย” เพื่อนคนนึงในกลุ่มอุทานออกมา “แต่ว่าสวยดีนะ” เพื่อนอีกคนท่าทางชอบ ยื่นมือออกมาสัมผัส
กลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่นมา ซากุระเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นจินยิ้มอยู่ข้างบน คนอื่นๆช่วยกันโปรยดอกไม้ลงมา

จินเอามือป้องปากพูดเบาๆว่า

 “ผมรักคุณ” ซากุระ ไม่ได้ยิน แล้วก็มองปากที่ขยับไปมาไม่ถนัดนัก

“เธอรู้จักเหรอ ซากุระ” เพื่อนในกลุ่มถาม ซากุระส่ายหัวไปมา “แต่ฉันว่าพวกเค้าดูน่ารักดีนะ”

อีกคนเสนอ ซากุระ ไม่พูดอะไร แค่ยิ้มๆ แล้วเก็บดอกเดซี่กำไว้ในมือก่อนเดินจากไป

“โอ้ย!! โรแมนติคจนอยากอ้วกอีกรอบแล้ว” ยูอิจิ ทำท่าล้อเลียนคาซึยะ ที่อมยิ้มกับเหตุการณ์เมื่อครู่

 จินเองก็หัวเราะออกมา เมื่อคาซึยะทำหน้าหงิกแล้วเตะเท้าในอากาศจนเกือบจะยันยูอิจิได้สำเร็จ

“ต่อไปๆ “ จุนโนะท่าทางสนุกกับเรื่องที่ทำขึ้นมาแล้ว รีบเรียกร้องให้จินหาเรื่องต่อไปที่อยากทำ

 จินเอามือจับคางไปมา “หลังจากเรื่องหวานๆต่อไปก็ต้องบู้เล็กน้อยหล่ะ”

เสียงหมาเห่าดังสนั่น แต่ละตัวแทบจะฉีกเนื้อคนกินได้ก็ไม่ปาน เห็นเขี้ยวขาวๆแล้วเสียวไส้จริงๆ

“ทำไมเนี้ย ทำไม ฉันจะต้องเป็นคนมาล่อหมาด้วยวะ เสร็จกันรึยัง!!” ยูอิจิตะโกนแข่งกับเสียงหมา

ตอนนี้ยืนตัวเกร็งเป็นตัวล่อสุนัขพันธ์ดุทั้งหลายเหล่ มีก็แค่รั้วเหล็กสนิมผุๆกั้นอยู่เสียวเหลือเกินว่ารั้วเกิดพัง

คนที่ตายนะเป็นเค้าแน่ๆ

“บ่นอยู่ได้ คนที่มาเก็บก็เสียวเหมือนกันนะ” ทัตซึยะทำท่ากลัวๆว่าเจ้าหมาพวกนั้นจะไม่สนใจยูอิจิแล้วหันกลับเข้ามาทาง

นี้มากกว่า ซึ่งมีแค่รั้วไม้เตี้ยที่พวกมันจะข้ามมาได้สบายๆ จินเอามือจุ๊ๆ

 “อย่าตะโกนเดะ เดี๋ยวมันหันมา” จุนโนะรีบๆเก็บลูกเบสบอลใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว

 อาทิตย์หน้าต้องมีสอบวัดระดับ ถ้าต้องมาตายในกรงหมา

ที่ตั้งใจเรียนมาก็เสียเปล่านะสิ ยิ่งคิดยิ่งเพิ่มสปีดในการเก็บเป็นเท่าตัว



แล้วก็ทำการเก็บลูกเบสบอลจนเสร็จ จิน จุนโนะ ทัตซึยะ และคัตซึยะ ปีนรั้วทางด้านหลังออกมาอย่างปลอดภัย

ยูอิจิรีบวิ่งอ้าวออกจากจุดนั้น ทุกคนหอบแฮ่กๆ

“นี่นาย จะเอาลูกเบสบอลตั้งเยอะแยะนี่ไปไหนกันอ่ะ” คาซึยะถามแบบหอบๆ เพราะวิ่งมาเหมือนกัน

”เออ บ้าป่าวแกอ่ะ อยู่ๆดีๆก็อยากเข้าไปเก็บลูกบอลในดงหมาดุ ตั้งกะเกิดมา ยังไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปเก็บเลย เห็นก็มี
แต่นายนะแหละ”

“ก็เพราะงี้ไง ลูกบอลถึงได้มีเยอะขนาดเนี้ย อืม ฉันนะอยากจะปีนเข้ามาเก็บทุกครั้งที่เราเล่นกันแล้วมันมาหล่นในดง
หมาดุนั้นน่ะ” จินหยิบลูกบอลขึ้นมาดูแล้วก็พูดไป

“อ้าวแล้วไมไม่มาเก็บหล่ะ” จุนโนะ ถามขึ้นมาบ้าง

“ก็ตอนนั้น ถ้าจะมาเก็บก็คงมีฉันคนเดียวนะสิ ไม่มีพวกนาย งั้นฉันก็เละคนเดียวสิ”

“อ้าว!!” ทุกคนร้องออกมาแทบพร้อมกัน

แล้วจินก็ช่วยกันรวบรวมลูกบอลเอาไว้ให้กับกลุ่มเด็กๆประถมที่มักจะเล่นเบสบอลด้วยกันเสมอ

ถึงคราวนี้จะเสี่ยงโดนหมาฟัด แต่ก็เป็นการทำความดีอย่างนึงเหมือนกันนะ

ต่อจากนั้น ทั้งหมดก็ไปทำเรื่องที่ปกติ ไม่มีวันทำแน่ๆต่อไปอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น วิ่งขึ้นบันไดเลื่อนที่เป็นบันได

สำหรับลง ทำท่าหกสูงกลางถนน ถอดกางเกงตัวนอกออกเหลือแต่บอกเซอร์ เพื่อล้อเลียนพวกยากูซ่า แม้แต่วิ่งหลับตา

ข้ามถนนกัน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่จิน อยากทำและทุกคนก็ทำด้วยกัน

เป็นเรื่องที่เหมือนกับว่า ทุกคนจะมีชีวิตเหลืออีกแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น

ทุกคนนอนแผ่หลาที่ ชายหาดของรร

. “อยากทำอะไรอีก หื้อ!! วันนี้ใช้ชีวิตสุดยอดเลย “

คาซึยะ ที่นอนกลิ้งไปมา ตอนนี้เหนื่อย แต่ความตื่นเต้นและสนุกก็ไม่จางหายไปเลย


“อยากแอบไปว่ายน้ำที่สระของรร.หน่ะ” ทุกคนผุดลุก “เฮ้ย!! นี่ไมใช่หน้าร้อนนะ หนาวตายชักดิ"

ยูอิจิโวยก่อนคนแรก “ก็ดีนะ ไม่เคยแอบเข้ามาใช้สระตอนกลางคืนสักกะทีอ่ะ” ทัตซึยะ ชักสนุกไปใหญ่แล้ว

 “ถ้าโดนจับได้ ถูกทำทัณฑ์บนแน่ๆ “ จุนโนะหน้าแหยๆ

 “เอาน่าวันนี้ก็ทำอะไรหลุดโลกมาทั้งวัน แล้วอีกสักเรื่องจะเป็นไรไปเล่า” คาซึยะ เอามือตบไหล่จุนโนะให้กำลังใจ

“แล้ว มีไรอีกป่ะ ที่อยากทำอีกน่ะ” ยูอิจิ ถามอีกครั้ง ลมพัดเส้นผมจินกระจาย รอยยิ้มจางๆที่ใบหน้า

”ก็เยอะ นะ แต่ทำตอนนี้ไม่ได้หรอก อยากไปเที่ยวรอบโลก อยากมีแฟนสวยๆ อยากขับเฟอร์ราลี่ ………..”

“เอ่อ ไม่เกินไปหน่อยไง แต่ละอย่างอ่ะหึ” จุนโนะแซวเล่น “ก็บอกแล้วไง ว่าทำไม่ได้ตอนนี้ “จินหัวเราะออกมานิดๆ

 คาซึยะได้ยินอย่างงั้นก็ลืมความสนุกเมื่อครู่ไป กลับสู่ความเป้นจริง จินที่ไปเที่ยวเล่นกับพวกเค้ามาทั้งวันคนนี้

 ไม่น่านะ ไม่น่าจะตายได้ง่ายๆหรอก ยังดูแข็งแรงกว่าที่คิดไว้ซะอีก

“แต่ที่อยากทำมากที่สุดก็มีอยู่อย่างนึง คิดว่า คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆเลย” จู่จินก็พูดขึ้นมา ทุกคนตั้งใจฟัง

“อยากจะฉลองวันเกิด อายุ 19 พร้อมๆกับทุกคนน่ะ” รอยยิ้มของทุกคนชะงักไปตามๆกัน

 ต่างมองหน้ากันไปมาเหมือนพูดไม่ออก

“พูดอะไรอย่างงั้น นายยังอยุ่อีกนานน่า!!” ทัตซึยะพูดออกมา พยายามรักษาน่ฃ้ำเสียงให้สดใส จินยิ้มๆ

“ทำไมฉันจะไม่รู้ตัวเองหล่ะ คนเราก่อนจะตายจะเหมือนมีพลังชีวิตสุดท้ายอีกครั้ง

ฉันก็คิดว่านี่ละมั้งพลังชีวิตครั้งสุดท้ายของฉัน”

“จิน!!” ทุกคนร้องออกมาเสียงหลง

ท่าทางสนุกสนาทั้งวันที่ผ่านมา จะถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง จินยิ้มกลบเกลื่อน

 “เอาน่าๆ จริงๆ หมอเคยบอกว่าฉันจะตายมาตั้งแต่9ขวบแล้ว นี่ฉันได้กำไร ขนาดไหน เกินมาตั้งเกือบ10 ปีแนะ และที่คุ้มที่สุดที่ได้รุ้จักกับพวกนายนะ”

ทุกคนพูดไม่ออก จินลุกขึ้นปัดทรายที่เสื้อผ้า

 “นี่ๆ รีบๆไปเตรียมกางเกงว่ายน้ำกันดีกว่า คืนนี้เรามีนัดกันนะ”

ทุกคนฝืนยิ้มออกมา แล้วลุกตามกัน ไป คาซึยะ เองก็เหมือนกัน ไม่เข้าใจเลยว่าจะผ่านพ้น

 ช่วงเวลาและความทรมานตอนนี้ไปยังไงดี



ตกดึก ทุกคนโยนกระเป๋าข้ามรั้วของสระเข้ามาแล้วก็ปีนเข้ามาเหมือนเด็กๆที่ซุกซน

 ก่อนจะถอดเสื้อออกกันอย่างร่าเริง เสียงน้ำกระเซ็นเพราะแรงกระโดด

“ถ้าปกติ ทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ” จินหัวเราะ ออกมา แล้วก็สำลักน้ำ คาซึยะ และคนอื่นๆ ตกใจกันยกใหญ่ จินหันมา มอง

“บ้าน่า ฉันไม่เป็นอะไนหรอกนะ จริงๆ ตอนนี้แข็งแรงดี ไม่ได้หลอกด้วย” ทุกคนพยักหน้า ความสนุกเหมือนลดลงครึ่งนึง

จินรู้สึกได้ เลยคว้าสิ่งที่เตรียมมาด้วยจัดการทุกคน ปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่ แรงดันเล่นเอาคนโดนเจ็บได้เหมือนกัน

“เฮ้ย!!ไปเอามาจากไหนวะเนี้ย” ยูอิจิ จับแขนที่โดนฉีด แล้วถูไปมา “ขี้โกงชมัดเลยจินอ่ะ “ ทัตซึยะตัดพ้อ แล้วทุกคนก็

กลับมาเล่นน้ำสนุกกันตามปกติ แสงไฟฉายสาดเข้ามา

“นี่ พวกเธอเป็นใครกันน่ะ ใครอนุญาตเหอะ!!” ครูเวรออกมาตรวจเจอเข้าจนได้ ทุกคนรีบกระโดดขึ้นจากสระ

 วิ่งแบกของ ตกหล่นบ้างเหมือนเด็กๆ เมื่อหนีจนหลบพ้นแล้วทุกคนก็หัวเราะกันสนุก

คาซึยะหันไปมองหน้าจินที่จมูกแดงเพราะสำลักน้ำ และอากาศที่หนาว จินยิ้มอย่างเป็นสุข

หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วทุกคนลากจินไปที่หาดข้างๆโบสถ์

“อะไรกันเนี้ย ต้องรีบกลับโรงพยาบาลแล้วนะ” จินบ่น

“ตอนนี้รถเมล์หมดแล้ว ต้องรอพรุ่งนี้แล้วหล่ะ” จุนโนะพูดออกมา ยูอิจิมองดูนาฬิกาแล้วเริ่มต้นนับ

“5-4-3-2-1”

สิ้นเสียงไฟประดับต้นไม้ก็สว่างขึ้นสวยงามมากๆจินร้องออกมาด้วยความปนฃระหลาดใจ

 “ ว้าว!!”

แล้วเสียงเพลงสุขสันต์วันเกิดก็ดังขึ้น คาซึยะประคองเค้กวันเกิดที่มีเทียน 19ดอกปักเรียงราย

“เที่ยงคืนแล้ว สุขสันต์วันเกิดนะจิน” คาซึยะพูดออกมา จินหน้างงๆ “แต่ว่า นี่ไม่ใช่วันเกิดฉัน?”


“เอาเถอะ เป่าสิ แล้วอย่าลืมอธิฐานด้วยนะ” ทัตซึยะรีบสั่ง จิน ยิ้มออกมา แล้วก็ทำตามโดยดี ยูอิจิมองนาฬิกาอีกครั้ง

“ เที่ยงคืน 10นาที ถึงวันเกิดฉันแล้วเพื่อนๆ” จินหน้าเหรอ แต่ทุกคนก็พูดว่า “สุขสันต์วันเกิดยูอิจิ!!”

 แล้วเทียนก็ถูกจุดอีกครั้ง ยูอิจิทำการเป่า คนต่อไปก็คือ จุนโนะ ทัตซึยะ และก็คาซึยะ

จินมองการกระทำนี้ก็ หัวเราะออกมา หัวเราะออกมา ทั้งที่น้ำตาเริ่มคลอๆ คาซึยะอธิฐานแล้วเป่า

 จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองจินแล้วพูดออกมา

“สิ่งที่นายอยากทำเราก็ทำกับนาย นี่เป็นสิ่งที่เราอยากทำ ก็คือ ฉลองวันเกิด อายุ 19 พร้อมๆกับนายไงหล่ะ”

จินผงกหัว แล้วพูดออกมาเบาๆ

” ขอบคุณนะ ขอบคุณมากๆ”

ทุกคนเอาพลุออกมาจุดแล้ววิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ตกลงกันว่าพอรุ่งเช้าจะไปส่งจินที่โรงพยาบาล ทุกคนได้มีเวลาอยู่ด้วย

กันทั้งคืน จนกระทั้ง รอชมแสงแรกของรุ่งเช้าพร้อมๆกัน นี่ก็เป็นสิ่งนึงที่ไม่เคยได้ทำด้วยกันเลย

 แต่จะได้ทำในวันนี้ วันที่จะติดอยู่ในความทรงจำของทุกคนไปโดยตลอด

ทุกคนนอนซบกันอยู่ที่ริมหาด แสงแรกแยงตา จุนโนะตื่นคนแรกเขย่าตัวยูอิจิ จนตื่น ยูอิจิเอามือผลักหัวทัตซึยะ

 แล้วคาซึยะก็พลอยตื่นไปด้วย จินยังหลับคอพับที่ไหล่ของคาซึยะ คาซึยะเอามือแตะเบาๆ จินไม่ไหวติง คนื่นลุกขึ้นชม

ความงามของรุ่งเช้าพลางบิดขี้เกียจกันไปมา แต่เมื่อหันมาทุกคนก็ถึงกับหยุดชะงัก

คาซึยะ น้ำตาเอ่อ ร่างจิน ไม่ขยับไม่ไหวติง…..ทั้งที่หน้าเหมือนกับหลับอยู่เท่านั้น…………

chapter 22 end
to be con.............
 
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 25-04-2007 14:00:30
chapter23 

เสียงฝีเท้าที่วิ่งอยู่เหมือนสะเทือนเข้าไปในใจที่เจ็บปวด ร่างของจินถูกยกขึ้นรถเข็น หน้ากากออกซิเจนถูกสวมทับไว้

คาซึยะ วิ่งเกาะมาได้จนถึงหน้าประตูห้องฉุกเฉินเท่านั้น

ทุกคนหน้าตาตื่น และชอคไปตามๆกัน ใครจะไปคาดคิด ทั้งๆที่อาการเหมือนปกติแบบนั้น แค่ชั่วข้ามคืนก็กลายเป็น

โคม่า แบบที่ไม่น่าเชื่อ ทุกคนรู้สึกเหมือนทำผิดอย่างร้ายแรงที่ไม่ได้ดูแลจินอย่างดี

ทั้งๆที่รู้ว่าจินไม่ได้ปกติขนาดที่จะไปทำอะไรแบบนั้นได้ก็ยังลาก จินไปทำทุกอย่างอยู่นั้นหล่ะ

คาซึยะหลับตาปี๋ภาพใบหน้าจินทุกฉากฉายซ้ำไปมา แม้แต่เสียงที่ได้ยินก็มีแต่เสียงของจิน รู้สึกเครียดหนัก

จนปวดท้องขึ้นมากระทันหัน และรู้สึกว่า ตัวเองจะทนไม่ได้อีกแล้ว ร่างผอมบางก็ล้มลง

 เสียงเพื่อนๆยังดังก้อง นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน ก่อนจะหมดสติ

ปีกขาวสะอาดกางออกอย่างสวยงาม คาซึยะลืมตาเบิกโพลง ขนนกปลิวว่อนไปมา คาซึยะสัมผัสมันเพียงเบาๆ อบอุ่นและ

อ่อนนุ่ม พยายามมองดูปีกนั้นให้ชัดๆ เจ้าของปีกยืนหันหลัง อยู่

 “นายเป็นใคร…….” คาซึยะ ถามออกไป ร่างนั้น ค่อยๆหันหน้ามา

“จิน!!”

แล้วคาซึยะก็ลุกพรวดขึ้นมา จุนโนะที่ยืนอยู่ถึงกับสะดุ้งไปด้วย “ที่นี่ที่ไหน!!”

“โรงพยาบาลไง” “ฉันหลับไปนาน แค่ไหน “ “ประมาณวันนึง” “แล้วจินหล่ะ…..” จุนโนะ หลบสายตาทันที

 “แล้วจินหล่ะ!!! “

“ตอนนี้ อาการไม่ดี อยุ่ที่ห้องICU”

คาซึยะพุ่งลงจากเตียง วิ่งเท้าเปล่า ตรงไปยังห้องICU จุนโนะเองก็จับตัวไว้ไม่ทัน วิ่งตามไป ยูอิจิกับทัตซึยะ


 ยืนหน้าเครียดอยู่ หน้าห้อง

คาซึยะเอาหน้าเข้าชิดกระจกที่กั้นไว้ เห็นร่างจินไม่ได้สติ นอนอยู่ภายใต้เครื่องช่วยหายใจและสายระโยงระยางนับสิบ


หมอเดินออกมาหน้าตาไม่ค่อยดีนัก ทุกคนหันไปหาพร้อมกัน คล้ายๆจะถามไถ่ หมอส่ายหัวไปมา ก่อนเดินจากไป

คาซึยะ ไม่เชื่อ ไม่จริง ต้องไม่ใช่วันนี้ และไม่ใช่ตอนนี้

“ไม่จริง!!” เสียงคาซึยะกรีดร้อง จุนโนะ คว้า ตัวคาซึยะเอาไว้กอดไว้แน่น ยูอิจิกับทัตซึยะร้องไห้ออกมาปนกับเสียงเครื่อง

ช่วยหายใจและสัญญาณการเต้นหัวใจที่แผ่วเบา


ซึบาสะเงยหน้าดูมอนิเตอร์ที่กำลังมีงานแถลงข่าวเกี่ยวกับยอดขายที่พุ่งทะลุหลักล้าน ในระยะเวลาไม่เกินอาทิตย์ เนื้อหา

ของข่าวเป็นการตอบรับกระแสที่ต่างถามหาตัวศิลปิน จนไม่สามารถปกปิดกันอีกต่อไปเพราะพลังของกระแสชลนั้นเอง

จึงมีการเปิดเผยรูปถ่ายของศิลปินเท่านั้น คนนับหมื่นมุงดูกันจนซึบาสะต้องเพ่งมอง เพราะอยู่ไกลมาก

 “นี่มัน เจ้าพวกนั้นนี่นา………….”

ภายในห้องแถลงข่าว มาโกโตะรับหน้าที่ในการประกาศ ในฐานะเป็นหนึ่งในโคโปรดิวเซอร์ของงาน

ที่เพิ่งเข้ามาช่วยในระยะหลังนี้เอง

“ตอนนี้ เหตุผลที่พวกเค้าไม่สามารถมาปรากฏตัวได้เพราะ หนึ่งในสมาชิกกำลังป่วยหนัก และในความที่เป็นเพื่อนกันนั้น
การจะออกมาสู่สาธารณะชน มาประกาศการเดบิว ทั้งๆที่เพื่อนไม่สบาย ผมคิดว่า คงไม่มีใครทนทำได้ ดังนั้น เราจึงสามารถทำการเปิดเผยได้แค่ชื่อ และรุปของพวกเค้า เท่านั้น ขอให้แฟนๆและสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเข้าใจเหตุผลในจุดนี้ด้วย และขอให้ทุกคนช่วยภาวนา ให้สมาชิกในวงนั้น หายโดยเร็วด้วยนะครับ ขอบคุณครับ”

คนทั่วทั้งประเทศได้ฟังการแถลงข่าวนี้แล้ว กระแสรุนแรงมากๆ ทุกคลื่นวิทยุต่างพูดถึงเรื่องนี้ แม้ว่า จะไม่มีการเปิดเผย

ว่า คนที่ป่วยเป็นใครในกลุ่ม แต่ทุกคนต่างส่งข้อความ และ กำลังใจมาให้อย่างเต็มที่ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันจริงๆ แต่บทเพลงก็


ทำให้ทุกคนยอมรับและรู้วสึกเหมือนกับว่าเค้าเป็นเพื่อนจริงๆ

เสียงวิทยุดังเข้ามาในห้องICU เป็นแฟนเพลงคนนึงที่โทรเข้ามาในรายการ

“สวัสดีคะ ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงของ WITH NO NAME ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของความเป็นเพื่อนเลยคะ อยากจะบอก
ว่า อยากเจอพวกคุณมากๆเลย อยากที่จะเห็นพวกคุณเต้นด้วยกัน จากที่ทราบมาว่า สมาชิกคนนึงกำลังป่วยอยู่ ขอให้หายเร็วๆนะคะ เชื่อว่า อานุภาพของความเป็นเพื่อนของพวกคุณจะต้องช่วยให้เค้าหายได้แน่ๆคะ แล้วอยากจะบอกว่า พวกคุณถ่ายทอดความรักของความเป็นเพื่อนได้ยิ่งใหญ่และอบอุ่นมากๆคะ ขอบคุณคะ”

ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งนี้รึเปล่า จู่ๆ มือของจินก็กระตุก คาซึยะที่ยื่นร้องไห้อยู่ถึงกับตะโกนเสียงดัง “คุณหมอ จินรู้สึกตัวแล้ว !!!”

คาซึยะขอบตาแดงก่ำและบอบช้ำคนอื่นๆก็ไม่ต่างกัน ต่างยืนล้อมเตียงของจินไว้ จิน ไม่สามารถที่จะลุกได้อีกแล้ว ได้แต่

ยิ้มจางๆ หายใจระรวย แต่เค้าก็ยังปกติ มีสติครบถ้วน

“พวกนายร้องไห้กันทำไม ฉันยังไม่ตายสักหน่อย”

“ก็อย่า ทำเป็นเหมือนตายแบบนี้อีกสิ!!!” ยูอิจิ พูดออกมาน้ำเสียงสั่น

จินหัวเราะในลำค

 “ ใครจะอยากทำ นายนี่บ้าจริงๆเลย รู้สึกหิวจัง”

“หิว เหรอ อยากกินอะไรหล่ะ หื้อ!!!” คาซึยะที่อยู่ใกล้ที่สุด รีบถาม

“อยากกิน ข้าวไข่ทอด ฝีมือนาย แล้วก็แอปเปิ้ลด้วย” จินยิ้ม

“โธ่เอ้ย……” คาซึยะร้องออกมา

“จินอดทนอีกนิดเถอะ นายต้องผ่านช่วงนี้ไปได้นะ” ทัตซึยะร้องออกมา

จินยิ้มแล้วชูสองนิ้วออกมา “สู้อยู่แล้ว……” แต่สภาพที่อ่อนแรงขนาดนี้ จุนโนะ ถึงกับเดิน ไปอีกทางแล้วเบือนหน้าหนี

“ฉันสู้มาตลอดอยู่แล้ว พวกนายก็อย่าลืมสู้ด้วยนะ ยูอิจิ จุนโนะ ทัตซึยะนายต้องทำความฝันของพวกนายให้เป็นจริงนะ สู้ๆ”

คาซึยะน้ำตาคลอแล้วก็หยดลงที่แขนจิน จินหันมามอง

“นายก็เหมือนกันนะ คาซึยะ สู้นะ…”

คาซึยะ หน้าเบ้ ส่ายหัวไปมา

 “ไม่….ไม่สู้แล้ว เกินพอแล้ว ….ฉันทนไม่ได้ถ้านายมาตายไป ให้ฉันตายไปกับนายด้วยได้มั้ย”

ทุกคนหันควับมาที่คาซึยะพร้อมกัน จินยังยิ้มอ่อนโยน เอามือลูบแก้มที่เปื้อนน้ำตาเบาๆ

“ไม่ได้ นายจะตายไม่ได้นะ เรื่องที่ฉันอยากทำน่ะ วันๆเดียวทำได้ไม่หมดนายก็รู้ ฉันอยากจะมีครอบครัว มีลูกชาย อยากทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง อยากแก่ไปพร้อมๆกับพวกนาย แต่ฉันทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น นายก็จะตายไม่ได้ ฉันเคยผายปอดช่วยนาย ครั้งนึงจำได้มั้ย ตอนนั้นฉันแบ่งชีวิตให้นายไปแล้ว เพราะฉนั้น นาย ต้องใช้ชีวิตส่วนของฉันให้คุ้มค่านะ “

คาซึยะไม่ตอบแต่ซบหน้าลงที่ไหล่ของจินแล้วร้องไห้

“อืมอีกอย่าง ถ้าฉันจะขอพวกนายเป็นครั้งสุดท้าย พวกนายจะทำให้ฉันได้ไหม”


เสียงโทรศัพท์มาโกโตะดังขึ้น ปลายสายเป็นจุนโนะ มาโกโตะรีบรับสาย

“ได้ดูแถลงข่าวรึยัง ตอนนี้จินเป็นไงบ้าง”

จุนโนะตอบกลับด้วยเสียงเครือๆ มาโกโตะใจหาย ความคิดแล่นไปถึงไหนต่อไหน

“พวกผม ตัดสินใจ จะเปิดตัวแล้ว….แต่ว่า แค่ครั้งนี้ ครั้งเดียว เท่านั้นนะครับ …….แล้วก็เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ด้วย”


ข่าวการเปิดตัวถูกแจ้งออกไปเพียงชั่วข้ามคืน บริษัททุ่มทุนซื้อช่วงเวลาที่ดีที่สุดเป็นรายการพิเศษเฉพาะกิจเลยทีเดียว

แฟนเพลงที่รู้ข่าว ต่างมารอถึงหน้าสถานีที่อัด มากจนแทบไม่น่าเชื่อ

ภายในห้องคนไข้หนัก เป็นครั้งแรกที่มีการนำทีวีเข้ามา นางพยาบาลที่ใจดีเลื่อนเข้า ที่หันมายิ้มเศร้าๆให้จิน

ก่อนเอ่ยถาม

 “ตรงนี้ ดีรึยังจ๊ะ อาคานิชิคุง”

“ดีแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ”



คาซึยะ จุนโนะ ยูอิจิ ทัตซึยะ ทุกคนมีใบหน้าที่เศร้า ไม่ต่างกัน บรรยากาศภายในรถตู้ไม่จรรโลงใจนัก

มาโกโตะจ้องมองดูน้องชายและเพื่อนๆก็ถอนหายใจ

คาซึยะไม่เคยคิดที่จะทิ้งจิน เพื่อมาเปิดตัวบ้าบออะไรนี่เลย แต่ว่า ก็เพราะจินนั้นแหละเค้าถึงมา



“ตอนนี้ เพลงของพวกเรา กำลังเป็นสิ่งที่ช่วยให้กำลังใจใครได้หลายต่อหลายคน หลายๆคนสัมผัสถึงมันได้ ถ้าฉันมีโอกาส
ก็อยากจะได้ร้องให้พวกเค้าฟังอีกสักครั้ง แต่ฉัน คงทำไม่ได้ ถ้าจะขอร้องให้พวกนายช่วยทำให้ฉันทีจะได้มั้ย”

คาซึยะนึกถึงคำพูดจินก็รู้สึกขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ขึ้นมาอีก

“สู้ๆนะ ไปให้กำลังใจกับทุกคนแทนฉันที แล้วฉันจะรอดูพวกนายที่ทีวีนะ”

จินชูนิ้วสองนิ้วเหมือนเคย ถึงยังงี้แล้ว จินก็ไม่ยอมที่จะเป็นผู้รับตามเคย จริงๆทุกคนต้องการส่งกำลังใจให้เค้า แต่เค้า

กลับต้องการส่งกำลังใจกลับให้ทุกคนคืน จินไม่ว่าจะยังไง ก็เป็นผู้ให้เสมอ …………

รถจอดแล้ว คาซึยะหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมไว้ ก่อนก้าวลงจากรถ ไป แสงแฟลชแวบวาบ จนแทบลืมตาไม่ขึ้น เสียงคน

กรีดร้อง จนอื้ออึง นี่คือเวที่ที่ใหญ่ที่สุด ที่เพลงของพวกเค้าจะมีโอกาส ช่วยเหลือใครบางคน

ให้ความสุขกับใครบางคน สมกับความฝันของใครบางคน………

ในห้องอัด ไม่มีคนดู นี่เป็นรายการถ่ายทอดเท่านั้น

มอนิเตอร์หน้าตึกห้องอัดก็จะทำการถ่ายทอดให้คนที่มาเฝ้ารอดูอยู่ภายนอก



แสงไฟสาดส่อง เสียงเจ้าหน้าที่เตรียมนับสแตนบาย คาซึยะหายใจเข้าลึกๆ มองตรงไปยังเลนส์ของกล้อง

 “จินนาย ดูเราอยู่นะ อย่าเพิ่งไปไหนนะ รอเรากลับไปก่อนนะ โคคิคุ้มครองจินและพวกเราด้วย”


เสียงดนตรีดังขึ้น คาซึยะยิ้มออกมาไม่ใช่ยิ้มที่เสแสร้ง แต่เป็นยิ้มที่ออกมาจากใจจริงๆ ยิ้ม เพื่อให้จินดู

ยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคน……..

“ ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าจะดูสดใสขนาดนี้น่ะ “พยาบาลใจดีกล่าวกับจิน ในขณะที่กำลังแพร่ภาพ

“ครับ….พลังของเจ้าพวกนี้ ไม่ธรรมดาเลย ถึงได้ยื้อชีวิตผมได้นานขนาดนี้”



การแสดงที่ยอดเยี่ยมผ่านไป จนมาถึงเพลงสุดท้าย ซึ่งเป็นเพลงช้าของพวกเค้า คาซึยะ กำไมค์เอาไว้

“ก่อนที่จะฟังเพลงสุดท้าย ผมขอพูดอะไรสักอย่างนะครับ”


เจ้าหน้าที่มองหน้ากันงงๆ ไม่มีในคิว แต่ผู้กำกับเวทีก็ยกมือให้ถ่ายต่อไป เพราะว่าเป็นรายการสด


“เพลงนี้ เป็นเพลงที่ตอนแรกตั้งใจแต่งให้กับสมาชิกคนที่เสียชีวิตไปแล้วคนนึง ตอนนั้นเราเชื่อว่าเป็นการสูญเสียที่ใหญ่
มากๆ และคิดว่านั้นน่าจะเป็นครังสุดท้าย แต่ดูเหมือนว่า โชคไม่เข้าข้างเราซะเลย เรากำลังจะสัมผัสการสูญเสียอีกครั้ง แต่ว่า ไม่เป็นไรครับ ตลอดเวลาที่เค้ามีชีวิต ผมเชื่อว่า เค้าทำความดีมาอย่างเต็มที่แล้ว ใช้ชีวิตได้เข้มแข็ง และมีคุณค่าที่สุดแล้ว ถ้าเค้าต้องจากเราไปจริงๆ เค้าต้องได้ขึ้นสวรรค์ แน่นอน ผมอยากให้เค้าสบายใจได้เลยนะครับ ว่าผมจะตาม
เค้าไปแน่ๆ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ ยังอีกนาน เพราะผมต้องใช้ชีวิตส่วนที่เหลือ แทนเค้าให้หมดซะก่อน แล้วผมจะตามเค้าไปแน่ๆครับ เท่านี้ละครับ ฟังเพลงต่อไปเลยดีกว่า”

จุนโนะ ทัตซึยะ ยูอิจิ หันมามองคาซึยะ ที่มีเหงื่อและน้ำตาไหลปนกันจนแยกไม่ออก แล้วทั้งหมดก็ร้องเพลงด้วยกันอีก

ครั้ง ดนตรีที่แทรกซึมเข้าสู่จิตใจทุกๆคน

จินค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เหมือนกับว่าจะหลับไป รอยยิ้มยังไม่จางจากใบหน้า แต่ภายในห้องคนไข้ในวันนั้น นอกจากเสียง

เพลงนั้นแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีกเลย แม้แต่เสียงลมหายใจของ จิน…………………………
 

 
:เศร้า2:จบแล้วน๊า :เศร้า2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-04-2007 14:20:09
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาก็ไหลมาเอง  :เศร้า2:

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: taebin7 ที่ 25-04-2007 14:37:02
(http://img.icez.net/i/2e/1024roomy731.jpg)


เคยเป็น หนึ่งคนที่ไม่แคร์อะไรเท่าไร
 ใครคนไหนเข้ามาก้อไม่คิดมีใจ
 ยังไม่เคยคิดผูกผัน  จนมาเจอะเธอ
 ตั้งแต่เราเข้ามากันใกล้
หมดใจฉันทั้งใจ ก้อไม่เหมือนเมื่อวาน
 มีแต่เธอคนเดียว
 แต่ความสุขเราไม่ยืนไม่ยาว เท่าไร
 คนบนฟ้าคงไม่เป็นใจ
  ให้มาเจอและให้ต้องลา นี่มันคงเป็นคำสาปฟ้าใช่มั้ย
 เจอคนที่ดี เมื่อไร ต้องเอา เอาไปจากฉัน
ให้เวลาไม่นานเท่าไร
 ที่ได้รักแค่สายลมผ่าน  แต่ที่แสนนาน
คือความช้ำที่ไม่อาจจะลืม
 มันคงจะดีถ้าหากเราไม่เคยพบเจอ
 ต่างไม่รู้ว่าใคร ไม่มีฉันและเธอ
คงไม่เจอเรื่องปวดใจ แต่คนบนฟ้า
ก็มาทำให้เจ็บหัวใจ
 จะให้รักทั้งที กลับต้องมีเสียใจ
ทำไมชั่งทำกัน
ให้ความสุขเราไม่ยืนไม่ยาว เท่าไร
 คนบนนั้นคงไม่เป็นใจ  
ให้มาเจอและให้ต้องลา
นี่มันคงเป็นคำสาปฟ้าใช่มั้ย  เจอคนที่ดี
เมื่อไร ต้องเอา เอาไปจากฉัน
ให้เวลาไม่นานเท่าไร ที่ได้รักแค่สายลมผ่าน
แต่ที่แสนนาน
 คือความช้ำที่ไม่อาจจะลืม


จบแล้วน๊า ขอบคุณมากนะงับสำหรับคอมเม้น ที่เข้ามาแบ่งปันความสนุก+เศร้าจากฟิคเรื่องนี้ คนแต่งเก่งมากๆเลย นะ เรียกน้ำตาได้ตลอดเลยอ่ะ "อยากเจอเพื่อนแบบนี้จังเลย ทุกวันนี้เจอแต่พวกเห็นแก่ตัว  เซ็งจิต อย่างแรง  :เฮ้อ: นึกถึงแล้วของมันจะขึ้นซะงั้นอ่ะ  :laugh3: " ไปแล้วนะงับ ไบ๋บาย :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-04-2007 14:54:46
ขอบคุณคนแต่งและคนโพสนะ  :yeb:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 25-04-2007 16:42:54
ขอบคุนสำหรับเรื่องที่ดีเรื่องนี้นะครับบบ

มีความสุขมากที่ได้อ่าน  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: idiotbox ที่ 25-04-2007 18:32:54
อะไร๊~!!!! จบแล้วเร้อออ
เศร้าตรึงใจจริงๆ เรื่องนี้ ขอบคุณคนแต่งกับคนโพสต์หลาย!!!!!  :5555:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 25-04-2007 18:55:40
สุดยอดเลย เป็นเรื่องที่เศร้ามาก ๆ ตั้งแต่ตอนโคคิตายไป ไม่มีตอนไหนเลยที่อ่านแล้วน้ำตาจะไม่ซึม
ตอนจบอุตส่าห์ลุ้นปาฎิหารย์ แต่ก็  :monkeycry4:
ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์  :impress3:
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ  :myeye:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: mumumama ที่ 25-04-2007 20:08:14
 :เศร้า1: :เศร้า1: :monkeycry2: :monkeycry2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 09-07-2007 19:35:22
ในที่สุดก็กลั้นใจและทำใจอ่านเรื่องนี้จนจบ
 o7

ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี
แต่มันเขียนได้กินอารมณ์ดีเหลือเกิน
 :o7:

น้ำตาไหลแล้วไหลอีกจนแทบเหือดแห้งกว่าจะอ่านจนจบได้
 :sad4: :sad4: :sad4:

ขอบคุณคนเขียนและคนโพสมากครับที่ทำให้ได้อ่านเรื่องดีๆเรื่องนี้

หวังว่าจะได้อ่านผลงานดีๆของคนเขียนอีกนะครับ
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: TaroT ที่ 24-03-2008 00:48:56
 :m15: :m15: ขอบคุณคนแต่ง+คนโพสนะครับ ที่นำเรื่องนี้มาลงให้อ่าน
แต่งได้ดีมาก+เศร้าชะมัด มันทำให้รู้สึกถึงความรักและมิตรภาพของคำว่าเพื่อน
ชอบมากครับ จะบอกว่าผมอ่านนิยายในเล้ามาก็หลายเรื่อง ร้องไห้เสียใจไปกับตัว
ละครที่ปรากฎในเรื่องในๆก็เยอะ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในเล้าครับ สาบานเลย....
ที่ทำให้ผมอินและร้องไห้ตาบวมปูดได้ขนาดนี้...  คุณคนแต่งเก่งมากครับ... o13

เฮ้อออออเรื่องมานเศร้า.............. :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 24-03-2008 23:57:03
สุดยอดเลยค่ะ  อ่านไปน้ำตาไหลไป

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: unshown ที่ 28-09-2008 03:43:14
เข้ามาใส่เครดิตคนแต่งให้ค่ะ


เรื่องนี้คนแต่งชื่อ subara nana
เป็น fan fiction จากค่าย Johnny's Jr. ของญี่ปุ่น


เรื่องนี้แต่งไว้นานมากแล้ว ปัจจุบันหาอ่านแทบไม่ได้
เป็นของหายากและมีคุณค่าสำหรับสาวก Jr. ทุกคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 28-09-2008 13:19:40

อ่านกี่ครั้งก็ร้องไห้

ชอบมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่สุดเลย


พี่เปิ้ลแต่งดีสุดยอด ...
^^


ที่จริงเหลือบทส่งท้ายอีกหน่อยนึงอ่ะ
เอามาลงได้มั๊ยคะ?
~



หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: speedboy ที่ 28-09-2008 17:26:44
ผมเพิ่งอ่านจบ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 28-09-2008 18:10:04
 :m15: :m15: :m15:
 :sad2: :sad2: :sad2:
 o7 o7 o7
 :o12: :o12: :o12:

เรื่องนี้สุดยอด
เศร้าโคตรๆ
อยากมีเพื่อนแบบจิน
เหมือนกับเป็นยาคอยรักษาบาดแผลในจิตใจ
แต่พอหมดภาระหน้าที่ ก็ตายจาก
โฮฮฮฮฮฮฮ :m15: เศร้าเกินไป
ฮือออออออ
แต่ก็สวยงามในมิตรภาพของคำว่าเพื่อนๆมากๆค่ะ
ประทับใจสุดๆ

ขอบคุณมากๆที่มาลงนะคะ :oni1:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: LiliLiN ที่ 06-10-2008 13:41:58
 :m15: :m15: :m15: :m15:

ตอนแรกไม่คิดว่าจะอ่านแล้ว เพราะไม่ชอบพวกฟิคเท่าไหร่

แต่พออ่านแล้วหยุดไม่ได้ ผลคือน้ำตาทะลักทลายท่วมจอ  :o12: :o12: :o12:

แต่งได้ดีมากเลยค่ะ เราไม่เศร้าตอนที่โคคิตาย แต่น้ำตาไหลตอนจินนี่แหละ โอ้ หยุดไม่ได้แล้ว

ขอบคุุณคนโพสที่เอามาให้อ่านค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: peach ที่ 11-11-2008 21:18:20
เรื่องนี้อ่านกี่ครั้งๆ ก้อร้อง   :m15:
เศร้าได้ใจ

ยังคิดถึงฟิคพี่เปิ้ลเสมอออ

เมื่อวานเพ่งเอาแวร์มาอ่านอีกรอบ

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 09-12-2008 17:32:31


หวัดดีขอรับ มาอ่านบอร์ดนี้ได้เดือนหนึ่ง แล้ว และมาสมัครใช้เมื่อวาน วันนี้เลยได้โอกาส แล้วมาใช้วันนี้วันแรกขอรับ วันนี้เลยได้โอกาส 
อยากบอกว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่อ่านใน บอร์ดนี้ อ่านแล้วน้ำตาไหลด้วยขอรับ ชอบมากเลยขอรับ ขอบคุณมากขอรับที่ให้อ่าน


ชอบคำพูดมากเลย ขอรับ


วันนี้เลยได้โอกาส
คนที่สายตาแบบนั้น ไม่มีทางจะปกติ เข้าใจดี….. เคยเห็นมา….. เคยเจอมาก่อน….. เคยเป็นเอง….. แต่ไม่รู้จะทำยังไง แก้ไขไม่ได้


ในชีวิตของคนคนนึง ยากที่สุดก็คือหาคนที่จะร้องไห้ด้วยได้


คนเราสามารถจะพูดได้ทุกวัน เวลาที่ตื่นเช้าขึ้นมาว่า วันนี้เป็นวันแรกของชีวิตที่เหลืออยู่ แต่จะพูดไม่ได้ถ้าวันนี้เป็นวันตายของตัวเอง วันนี้พี่จะตาย…

“อืม ดี ฉันก็รู้สึกดี แต่ว่าความสุขมันเป็นสิ่งที่เปราะบางมากนะ พ่อเคยบอกฉันว่าความสุขมักจะอยู่กับเราแป๊บเดียว ไม่ทันรู้สึกตัวมันก็จะหายไป แต่ความเจ็บปวดความทุกข์จะอยู่กับเรานาน เป็นสิ่งที่แข็งแรงแล้วก็อยู่ได้นานกว่ามาก ขณะที่มีความสุขก็ยังหวนคิดถึงความทุกข์ขึ้นมาได้เลย”


ถ้าใครในกลุ่มมีความทุกข์ก็ให้ระบายออกมา ความไม่สบายใจจะเบาลง เพราะมันแบ่งออกเป้น 6 ส่วนนะ น



ความสุขเป็นเหมือนภาพลวงตา ไม่เคยอยู่กับใครนาน เมื่อได้ลิ้มรส …..พอหลงใหล…….ก็จะกระพือปีกหนีไป เค้าไม่น่ามัว


ขอบมากขอรับ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 14-12-2008 11:11:10





หวัดดีขอรับ ##WITH NO NAME## (หวัดดีนี้นิยายเรื่องแรกที่อ่านในบอร์ดนี้ ) หวัดดี TAEBIN7 เมื่อวานมี่ดาวตกด้วย ได้ดูดไม่ขอรับ เห็นไปสามดวง ชะมด(ยานพาหนะคู่ใจ)เห็มไปสองดวง หอข้างๆคงจะเห็นกันเยอะเหมือนกันมีเสียงดังเป็นระยะเลยทีเดียว อากาศเย็นด้วย ยังช่วงนี้ดูแลสุขภาพด้วยนะขอรับ คุณTAEBIN7 และเพื่อนชาวเป็ดทุกคนด้วย

คิดถึงนะ เป็นห่วงด้วย

จิน ซาคุยะ และเพื่อนร่วมวง ยังจะจำไม่ลืมราวของนิยายเรื่องนี้นะ

ขอบคุณที่ได้อ่านเรื่องนี้ขอรับ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: chiaki ที่ 14-12-2008 13:59:53
น้ำตาไหลพรากๆ  :sad4:
ขอบคุณ คุณคนแต่งที่แต่งเรื่องราวดีๆ อย่างนี้ค่ะ
สื่อความรูู้สึก ความผูกพันระหว่างเพื่อนได้ดีมากๆ  :L2:
แล้วก็ขอบคุณ คุณคนโพสต์ที่นำเรื่องราวมาแบ่งปันค่ะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 26-12-2008 14:34:32


ชะมด :  Merry Chirsmas!!~\(≧▽≦)/~  คุณ TAEBIN7 , WITH NO NAME .จิน ซาะคุยะ

kakoku_kin: ((((●ω●)))  merry Chirsmas((( ●ω● ))) คุณ TAEBIN7, WITH NO NAME,จิน ซาคุยะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: i-tatae ที่ 27-12-2008 13:10:36
 :L2: :L2:

สุดยอดมากเลยยยย
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: cascada ที่ 29-12-2008 00:51:26
ได้ใจไปเลยครับ อ่านแล้วเศร้ามากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 01-01-2009 18:33:25
ชะมด: ~\(≧▽≦)/~ สุขสันต์ปีใหม่ขอรับ คร้าบ  คุณ TAEBIN7 , WITH NO NAME .จิน ซาะคุยะ

kakoku_kin:((( ●ω● )))สุขสันต์ปีใหม่ขอรับ  คุณ TAEBIN7 , WITH NO NAME .จิน ซาะคุยะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 24-01-2009 22:35:36
kakoku_kin: คิดถึงนะ เป็นห่วงด้วย
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 25-01-2009 02:27:22
新正如意 新年发财 คุณ TAEBIN7
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 15-02-2009 00:55:00
สุขสันต์วันแห่งความรักขอรับ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 20-02-2009 01:52:20

วันนี้ก็มาราตรีสวัสดิ์คิดถึงขอรับคิดถึง :L1:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: everytime ที่ 09-03-2009 16:31:08
 :o12: เศร้ามากกกกกกก


   จบแล้ววววววววว :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 10-03-2009 15:09:24
ทำให้อยากมีชีวิตอยู่อีกวันก็ยังดีเนอะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: koihime ที่ 15-03-2009 18:37:44
คนแต่งใจร้าย... :monkeysad:

แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ และ น้ำตา.....

หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: noonid19 ที่ 27-03-2009 22:28:46
เพิ่งได้เข้ามาอ่านครั้งแรกและอ่านจนจบ

พอถึงตอนจบเนี่ย ร้องไห้จนตาบวมไปหมดแล้ว

ตอนแรก กะว่า คงไม่สามารถเม้นท์ได้

เพราะไม่รู้ว่า จะหาคำชมที่ไหนมาเขียนได้อ่ะ

เพราะในใจมันคิดแต่คำว่า เขียนได้ดีเหลือเิกิน

ไม่มีคำบรรยายความรู้สึกของเราจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณมากๆๆๆๆๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: meadthat ที่ 31-03-2009 23:57:57
 :sad4: อ่านไปร้องไห้ไปเลยอะครับ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 13-04-2009 20:15:55
สุขสันต์ปีใหม่ไทยนะขอรับ

คิดถึงนะ เป็นห่วงด้วย

 :3123:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-05-2009 23:21:12
ขอบคุณมากน๊า...ที่ได้นำเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกัน  :pig4:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: kakoku_kin ที่ 26-12-2009 02:04:02
Merry Christmas

คิดถึงนะ เป็นห่วงด้วย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: bienoi69 ที่ 01-01-2010 04:09:55
[size=20
pt]thanks lot

i hope to see u again in new story
[/size][/size]
[/b]
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: GAYLOVELOVE ที่ 13-04-2010 14:12:04
ขอบคุณค่ะ
ที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่าน 
:pig4:
เนื้อเรื่องซึ้งจริงๆค่ะ
มิตรภาพระหว่างเพื่อน
 :3123:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: tombaza ที่ 15-04-2010 00:04:59
พึ่งมาอ่านเรื่องนี้ !
ปกติไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องแนวเศร้า
แต่พอได้อ่านเรื่องนี้กลับติดมากชอบมากๆ
รู้ซึ้งถึงมิตรภาพของเพื่อนและคุณค่าของชีวิต

จะติดตามผลงานต่อไปน่ะจ๊ะ !
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Mi-o ที่ 17-05-2010 21:26:16
With No Name!!!

เราตามหาเรื่องนี้มานาน 

ขอบคุณนะคะ ที่เอามาลงที่นี่ ไม่คิดว่าตามหามาจะมาเจอที่นี่

พี่ Subara nana เป็นคนเขียนฟิคในดวงใจเลย
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 26-09-2010 22:14:20
ขอบคุนมากๆเลย ที่เอามาโพสไว้ให้ได้อ่านน

เรื่องนี้เศร้ามากอ่ะ

แต่เพราะเป็นเรื่องของเพื่อน อ่านแล้วรู้สึกดีที่สุด

รู้สึกชีวิตนี้มีค่าขึ้นเยอะ แฮ่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: pidoma ที่ 27-09-2010 18:32:47
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 29-09-2010 15:04:19
อ่านไปร้องไห้ตลอดเวลาที่เรื่องเริ่มเศร้าเลย
ได้แนวคิดในการดำรงชีวิตอยู่อย่างมากมายจริงๆ
อ่านแล้วอยากจะมีเพื่อนดีๆแบบนั้นบ้างจังเลยนะ
ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีเพื่อนแท้แบบนั้นกับเขาบ้างไหม
เพราะโชคดีไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน 55

ขอบคุณที่เอานิยายดีๆมาให้อ่านค่ะ  :L2:
เ้ป็นเรื่องที่ดีนะ..
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: RealReal ที่ 01-10-2010 14:37:25
 :sad4:  จะเศร้าไปหนายยยยยย (ดีที่เป็นหวัด สูดน้ำมูกแบบเนียน ๆ กร๊ากกกกกกกกกก)

อารมณ์ของเรื่องดีมากอะ ถึงจะมีสะกดผิดนิดหน่อย แต่ชอบมากคับพี่น้องงงงงงง
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 06-10-2010 11:14:45
สนุกและเศร้า
สุดยอด
ชอบมาก
และ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 06-05-2011 13:57:59
นิยายเรื่องนี้ทำให้เราร้องไห้จนตาปูดเลย ปวดตาไปหมด อดหลับอดนอนเพื่ออ่านให้จบ แต่เศร้าไปหน่อยนะ :sad11:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-08-2012 20:37:27
ได้มาอ่านเรื่องนี้อีกครั้งก็คิดถึง 6 คนนี้
เห้อออออออออ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: rakna ที่ 28-08-2012 10:42:44
อย่างเศร้าเลยน้ำตาไหลพรากๆ เศร้าจับใจดีแท้

ปล. ชอบ คัต-ตุน น่ารัก
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: dekthuem ที่ 29-08-2012 12:51:53
จบงี้เลยหรอ????
น่าเสียดายจัง ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนี้ด้วยน่ะคับผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นหนื่งในไม่กี่เรื่องที่ประทับใจของผมน่ะคับ^^
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 31-08-2012 22:01:22
เศร้าเกินไปแล้วนะ  :m15:
กินมาม่าจนอืดไปแล้วเนี่ย :sad4:
แต่งดีนะคะ
ขอบคุนมากจ้า o1
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 01-09-2012 18:08:24
 :m15: :sad11:
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 29-03-2015 23:48:13
น้ำตาท่วมอะ
หัวข้อ: Re: ##WITH NO NAME##
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 22:15:46
 :mew1: