พิมพ์หน้านี้ - 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: norita_boyV2 ที่ 03-12-2014 22:48:24

หัวข้อ: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 03-12-2014 22:48:24
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [03-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 03-12-2014 22:49:38
45 วัน พนัน(ไม่)รัก


“เป็นไรของมึงว่ะไอ้ตี๊ฟ ทำหน้ายังกะคนอกหัก”เสียงหนึ่งทักทายผมขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครเพื่อนในกลุ่มของผมเอง เจ้าของเสียงมาพร้อมกับเพื่อนๆ อีกหลายคน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนตัวนี้ตั้งแต่บ่ายแล้ว จนตอนนี้ตกเย็นเพื่อนๆ เลิกเรียนกันมาแล้ว อย่าเพิ่งแปลกใจไปครับว่าทำไม เพื่อนๆ เพิ่งเลิกเรียน แต่ผมนั่งมาตั้งนาน ไม่ใช่ว่าผมเรียนคนละสาขา คนละคณะกับเจ้าพวกนี้นะครับ ความจริงก็เรียนเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ผมไม่มีอารมณ์จะเรียนเลยไม่เข้าเรียน

ผมไม่ซีเรียสอะไรเรื่องเรียนเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ก็อยู่ปี 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของชีวิตมหาวิทยาลัยแล้ว จากเกรดที่มีอยู่และมันสมองของผม แม้จะไม่ได้ฉลาดขั้นอัจฉริยะ แต่ก็คงจบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้อยู่แล้ว และวันนี้ก็อย่างที่เพื่อนผมมันว่ามานั่นแหละครับ ผมอกหัก มันจะเรียกแบบนั้นอาจจะดูดีเกินไป ต้องบอกว่าถูกทิ้งเสียมากกว่า วันนี้เพราะเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ผมเลยพาลไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนหนังสือ ทั้งที่รู้ว่าควรแยกเรื่องรักกับเรื่องเรียนให้ออก แต่ผมก็ทำไม่ได้  แต่ผมเองก็จะเป็นแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ไม่ใช่ว่าเพิ่งเคยถูกทิ้งเมื่อไหร่กัน นี่มันครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ ช่วงเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย ผมเปลี่ยนแฟนมาแล้วตั้งกี่คนก็จำไม่ได้

เมื่อก่อนผมอาจจะไม่ค่อยได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่า เมื่อไหร่เราจะเจอตัวจริงเสียที ลองผิดลองถูกจนไม่รู้จะยังไงแล้ว หรือเนื้อคู่ผมจะยังไม่เกิด แต่แบบนั้นคงไม่ดีแน่ เพราะตอนนี้ผมก็ยี่สิบกว่าแล้ว ถ้าเกิดเนื้อคู่ยังไม่เกิดก็ต้องอายุห่างจากผมตั้งยี่สิบกว่าปี ไม่เอาๆ ผมไม่อยากโดนข้อหาพรากผู้เยาว์

“ผัวทิ้งอีกละสิมึง”หนึ่งในเพื่อนของผมทักขึ้นมาอีก พวกเพื่อนๆ รู้กันหมดแล้วแหละครับเพราะผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ว่าผมมีรสนิยมเช่นไร แต่ไอ้การมาบอกว่าผมถูกผัวทิ้งนี่ผมก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่นะ อีกอย่างที่ผมเครียดๆ อยู่เนี่ยก็ไม่ใช่เพราะถูกทิ้ง แต่มันเหมือนกำลังท้อมากกว่า ว่าจะมีวันที่ผมจะรักใครสักคนจริงๆ ไหม แล้วคนนั้นก็รักผมจริงๆ

“ช่างกูเหอะน่า ว่าแต่วันนี้ไปหาเบียร์สด ฉลองความโสดกันดีกว่า”ผมกลับมาทำตัวร่าเริงปกติ เพราะไม่ชอบเครียดนาน แม้ในใจอาจจะยังไม่สู้ดี แต่ขอเก็บไว้คนเดียวจะดีกว่า ไม่อยากให้เพื่อนๆ มาเป็นทุกข์ด้วย คิดเผื่อไว้แบบนี้แต่จริงๆ พวกเพื่อนๆ มันจะคิดห่วงผมบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ทุกทีแหละมึง ถูกทิ้งทีไรก็มีแต่จะเมาๆ ไม่คิดจะหาทางออกอื่นบ้างหรือไงหะ”หนึ่งในกลุ่มเพื่อนบอกอย่างหวังดี หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ

“แต่กูว่าทางออกนี้แหละดีที่สุดแล้ว ไอ้ตี๊ฟถูกทิ้ง ไอ้ตี๊ฟอยากเมา ไอ้ตี๊ฟก็ต้องเลี้ยง ส่วนพวกเราก็เมาฟรีไงว่ะ”นั่นแหละครับเพื่อนผม ทำเป็นพูดดีไป แต่สุดท้ายก็มามุกตลกบริโภค อีกตามเคย แต่ผมก็ไม่ถือสาหรอก เพราะปกติพวกผมก็ผลัดกันจ่ายอยู่แล้ว วันนี้ผมเลี้ยงวันต่อๆ ไปก็เป็นคิวคนอื่นๆ เวลาใครมีตังค์ก็ค่อยเลี้ยงคืน หรือช่วงไหนไม่ค่อยมีตังค์กันก็แชร์กัน สรุปว่าเมาได้ตลอดครับงานนี้

“พวกมึงก็จำแต่ตอนกูโดนทิ้งนะ เวลากูเป็นฝ่ายทิ้งคนอื่นนี่ไม่ได้คิดจะจำกันเลย”ผมอดที่จะแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ เพราะพวกนี้พูดยังกะผมเป็นฝ่ายถูกทิ้งตลอดทั้งที่จริงตามสถิติแล้ว ตอนนี้อัตราระหว่างการเป็นฝ่ายทิ้งกับฝ่ายถูกทิ้งของผมก็ยังเป็น 1:1

“จะอะไรก็ช่างเหอะ กูว่าเรารีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเจอกันที่ลานเบียร์ดีกว่า”หลังจากพูดคุยตกลงเสร็จก็เป็นอันว่าต่างคนต่างแยกย้าย ผมเองก็กลับไปอาบน้ำแต่งตัว อย่างน้อยๆ แม้จะไม่มีแฟนแต่ผมก็ยังมีเพื่อนแหละน่า อีกอย่างพวกเพื่อนๆ ผมก็ต่างยังโสดกันเสียส่วนมาก เพราะอะไรเพื่อนๆ ผมถึงไม่มีแฟนกันนะเหรอครับ ก็เพราะนิสัยขี้เหล้าเมายาของพวกมันนี่แหละ อีกอย่างแต่ละคนก็ซกมกกันเหลือเกิน แม้บางคนหน้าตาจะจัดว่าดูดีไปจนหล่อขั้นเทพ แต่ความซกมกทำให้ความหล่อเหล่านั้นแทบไม่เหลืออยู่เลย ก็เลยกลายเป็นหนุ่มโสดกันตามระเบียบ

พอถึงเวลานัดผมก็ไปที่ลานเบียร์ตามตกลงกันไว้ แต่พอไปถึงพวกเพื่อนๆ ผมดันไปถึงกันเกือบหมดแล้ว นี่ขนาดผมมาช้าแค่ห้านาที ช่างพากันตรงต่อเวลาดีแท้ กับเรื่องแบบนี้ ทีนัดเรื่องอื่นนี่ตามแล้วตามอีกยังไม่มีใครจะยอมปลีกตัวสละเวลามาตามนัด แต่พอนัดมาเมาฟรีนี่ มาก่อนเจ้าภาพอีก

“เอ้า...ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ...หมดแก้ว”ดูท่าพวกนี้จะนำผมไปหลายช่วงตัวแล้ว เหมือนว่า เบียร์สดหมดไปหลายทาวเวอร์แล้วเสียด้วย แบบนี้ผมคงต้องเร่งสปีดตามพวกมันให้ทันเสียแล้ว

หลังจากออกสตาร์ทช้าไปนิด แต่พอเครื่องเริ่มร้อน ผมก็จี้ตามพวกเพื่อนๆ มาติดๆ บรรยากาศการร่ำแอลกอฮอล์คลอเสียงเพลงเบาๆ ดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน ผมลืมเรื่องว่าวุ่นใจเกี่ยวกับความรักไปเสียสนิท เพราะฤทธิ์ของเบียร์โดยแท้

“เดี๋ยวๆ ...เดี๋ยวก่อน นี่ไอ้หน้าหล่อของกลุ่มเรามันหายหัวไปไหนว่ะ”อยู่ๆ ก็มีคนถามถึงไอ้หน้าหล่อประจำแกงค์ของเรา ซึ่งก็คือเพื่อนอีกคนในกลุ่มนั้นเอง มันชื่อไอ้เชษฐ์ เป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังทำตัวให้สาวกรี๊ดได้ วันนี้ก็คงจะไปกับสาวๆ อีกตามเคยเลยไม่ได้มารวมตัวกับเพื่อน

“คนมันมีแฟนมันก็ต้องไปกับแฟนมันจะมาสนใจเพื่อนทำไมกันละ”ผมตอบออกไปอย่างเหน็บแนมเล็กน้อย ความจริงผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่หรอกว่ามันจะมาหรือไม่มา เพราะตัวผมเองช่วงไหนมีแฟนก็ไม่สนใจเพื่อนเหมือนกัน เลยเข้าใจไอ้เชษฐ์มันเหมือนกัน แต่อยู่กับคนเมาโสดๆ แบบนี้เราต้องกัดคนมีแฟนเสียหน่อย

“ใครๆ ใครถามหากู”ยังไม่ทันจะได้นินทา เจ้าตัวที่ถูกกล่าวถึงก็โผล่มา ตอนหลังเลิกเรียนไอ้เชษฐ์ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม แต่คงมีเพื่อนคนอื่นชวนมาอีกทีนั่นแหละ แต่นี่ก็คงไปกับสาวมาก่อนแล้วค่อยแวะมาหาเพื่อน

“มึงนี่มันตายยากจริงๆ นะเนี่ย พูดถึงก็มาเลย เอ้าฉลองกันหน่อย”เพื่อนๆ ต่างช่วยกันรินเบียร์ส่งให้ผู้มาใหม่ จนไอ้เชษฐ์แทบตั้งตัวไม่ทัน ตอนนี้คนอื่นๆ เริ่มมึนๆ ตึงๆกันแล้วแหละครับผมว่า เพราะแต่ละคนก็เสียงอ้อแอ้เหลือเกินแล้ว

“อย่าเพิ่งๆ กูขอถามก่อนว่านี่พวกมึงฉลองอะไรกันอีก”อ้าวนี่มันมานี่มันยังไม่รู้หรือไงว่าเค้ามาฉลองความโสดให้ผม

“อ้าวก็มาฉลองที่ไอ้ตี๊ฟมันโดนผัวทิ้งนะสิ”ไม่ได้คิดว่ากูจะอายเลยนะนั่น เล่นตะโกนซะได้ยินกันทั้งลานเบียร์เลยมั้ง

“มึงไม่เอาไมโครโฟนมาประกาศให้เค้าได้ยินชัดๆ เลยละไอ้การ์ด...พูดเบาๆ ก็ได้ถึงกูจะเมาแต่กูก็อายนะมึง”ผมตบกระโหลกเพื่อนตัวดีที่มาประจานผมกลางลานเบียร์แบบนี้ มันเอามือคลำหัวเหมือนเจ็บเสียเต็มประดา

“เกย์ก็อย่างนี้แหละ รักง่ายหน่ายเร็ว คบกันเล่นๆ ไปวันๆ”อ้าวไอ้นี่วอนซะแล้ว มาทีหลังแล้วยังจะมาปากเสียอีก ถ้าเป็นปกติผมอาจจะไม่ถือสามันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้อารมณ์คนเมาอะไรนิดหน่อยมันก็มีเดือดได้นะ

“เกย์แล้วมันทำไม มึงมีปัญหาหรือไงไอ้เชษฐ์ หรืออยากมีเรื่องกับกู”พอมึนๆ ก็เริ่มอยากจะท้าตีท้าต่อยเลยครับผม ทั้งที่ถ้าสู้กันจริงๆ ผมคงสู้ไอ้เชษฐ์มันไม่ได้หรอก ปกติไอ้เชษฐ์มันก็พูดประชดประชันผมบ่อยๆ อยู่แล้วแหละครับ แต่จะเป็นแนวแซวเล่นๆ ขำๆ มากกว่าแต่วันนี้ผมว่ามันเล่นไม่ถูกกาลเทศะเท่าไหร่

“กูไม่ได้อยากมีเรื่องกับมึง แต่กูเห็นมึงเป็นเพื่อนเลยเตือนด้วยความหวังดี อยากให้มึงกลับตัวกลับใจ เกิดเป็นผู้ชายมันก็ต้องคู่กับผู้หญิง กูก็ไม่ได้รังเกียจเกย์หรอกนะ แต่เพราะเห็นมึงเป็นเพื่อนเลยอยากให้เลิกเป็น”คำก็เป็นเพื่อนสองคำก็ไม่ได้รังเกียจ แต่อยากให้ผมเลิกเป็นเกย์ เรื่องแบบนี้มันเลิกเป็นได้ด้วยงั้นสิ แล้วจากคำพูดผมว่าไอ้นี่ต้องไม่ชอบเกย์แน่ๆ เลย

“ชีวิตของกูมึงไม่ต้องมาเสือก”ตอนนี้ผมชักฉุนๆ ไอ้เชษฐ์ขึ้นมาเสียแล้ว เพื่อนๆ ก็คงเริ่มสังเกตเห็นว่าผมกับไอ้เชษฐ์ชักจะไปกันใหญ่แล้ว หลายคนพยายามปรามๆ ผมไม่ให้ต่อปากต่อคำแต่มันไม่ทันแล้ว

“แบบนี้แหละคนมันมักมาก คบคนนั้นทีคนนี้ทีไม่เลือกมันก็ต้องเลิกกันแบบนี้แหละ”อ้าวไอ้นี่สงสัยวันนี้ต้องเคลียร์กันยาว

“มึงอย่าได้ไปเผลอใจหลงรักเกย์เข้าแล้วกัน”ด้วยความหมั่นไส้ ปากผมเลยโพล่งออกไป

“กูไม่มีทางไปหลงรักผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด ยังไงกูก็ยังพิศวาสผู้หญิง และกูก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว”ไอ้เชษฐ์ตอบกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้

“งั้นกูขอสาปแช่งให้มึงไปหลงรักเกย์ แล้วให้เกย์คนนั้นหักอกมึง เอาแบบเจ็บเจียนตายเลย”เมื่อนึกอะไรไม่ออกผมก็ได้แต่เถียงข้างๆ คูๆ ออกไปเพราะจริงๆ ผมก็คิดว่าไอ้เชษฐ์มันคงไม่ไปหลงรักผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว แต่ด้วยความหมั่นไส้เลยอดไม่ไหว

“ไม่มีทางหรอกที่กูจะไปหลงรักเกย์ มีแต่เกย์แหละจะมาแอบรักกู มึงเองก็เถอะระวังจะเผลอใจมาชอบกูเข้าละ แล้วจะเจ็บเสียเองเพราะกูคงไม่มีวันลดตัวไปมีชีวิตแบบมึงแน่ๆ”ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้หลงตัวเอง ไอ้ทุเรศ ผมไม่รู้จะด่ามันว่าอะไรดี นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเพื่อนผมลุกไปต่อยมันแล้ว

“กูไม่มีวันไปชอบคนอย่างมึงหรอก ไอ้หลงตัวเอง....”และสารพัดคำที่ผมพอจะนึกออกเพื่อต่อปากต่อคำกับไอ้เชษฐ์ ทางฝั่งไอ้เชษฐ์เองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน สงครามน้ำลายย่อมๆ ของผมสองคนทำให้เพื่อนๆ ต้องรีบห้ามทับ

“กูไม่มีทางชอบคนอย่างมึงเด็ดขาด”

“กูเองก็ไม่มีวันจะไปชอบเกย์แน่นอน”

“หยุดดดดดดดด!!!!”เสียงเพื่อนๆ ประสานกันเพื่อให้ผมกับไอ้เชษฐ์เลิกเถียงกันเสียที

“พวกมึงจะทะเลาะกันให้มันได้พระแสง ของ้าวอะไรขึ้นมาห๊า”ไอ้การ์ดถามขึ้นอย่างรำคาญ ซึ่งเพื่อนคนอื่นๆ เองก็ไม่ได้ต่างกัน

“ก็มันหาว่ากูจะไปชอบมัน/มันหาว่าคนอย่างกูจะไปชอบเกย์”ผมกับไอ้เชษฐ์ประสานเสียงกันตอบ

“พวกมึงบ้ากันหรือเปล่าเนี่ย วันนี้มาสนุกสนานนะจะทะเลาะกันทำไม เดี๋ยวปั๊ดกูจับคู่พวกมึงส่งเข้าหอเลยนิ”
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [03-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 03-12-2014 22:54:11
ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคร๊าบบบ

ก็เป็นเรื่องราวของหนุ่มๆ นักศึกษา ที่เป็นกลุ่มเพื่อนสนิทกัน

จากชื่อเรื่องก็น่าจะพอเดาได้ว่า จะมีการพนันขันต่อเกิดขึ้น

แต่จะเกิดขึ้นจากอะไร ยังไง ต้องตามอ่านกันดู

ฝากติชมด้วยนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [03-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 03-12-2014 22:59:51
มาแปะไว้ เดี๋ยวมาอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [03-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-12-2014 23:05:34
 :กอด1: ตามมาอ่านเรึ่องใหม่ค่ะ

อยากรู้ว่าใครจะตกหลุมใครก่อน

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [03-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 04-12-2014 05:41:41
 o13 น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [03-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 04-12-2014 20:02:36
“มึงจะบ้าเหรอไอ้การ์ด”ทั้งผมและไอ้เชษฐ์แทบจะประสานเสียงกันหลังจากไอ้การ์ดเพื่อนตัวดีพูดจบ

“แต่กูว่าก็ดีเหมือนกันนะ ทะเลาะกันดีนัก จับแมร่งอยู่ด้วยกันซะเลย”เสียงสมทบตามมาอีกหนึ่งเสียง

“งั้นกูว่าเรามาเล่นเกมกันดีกว่า”ไอ้การ์ดพูดพร้อมกับหันมาจ้องผมกับไอ้เชษฐ์สลับไปมา อย่างใช้ความคิด เพื่อนคนอื่นๆ ต่างเงียบรอฟังว่าไอ้การ์ดจะมีเกมอะไรให้เล่น แต่ผมเห็นสายตามันแล้ว ผมว่าความซวยกำลังจะมาเยือนผมนะเนี่ย

“ไอ้เชษฐ์ตอนนี้มึงกับแฟนพักอยู่ด้วยกันหรือเปล่าว่ะ”หลังจากมองผมสองคนอยู่นาน ไอ้การ์ดก็เริ่มคำถาม

“เปล่า กูพักคนละที่กับเค้า ถามทำไมว่ะ”ไอ้เชษฐ์ตอบอย่างกังวลว่าจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ที่ถามแบบนี้

“งั้นก็ดี...ส่วนมึงไอ้ตี๊ฟ ผัวเพิ่งทิ้งมาต้องอยู่คนเดียวแน่นอนอยู่แล้ว”ผมได้แต่พยักหน้าตอบ ในใจก็ลุ้นเหมือนกันว่าไอ้การ์ดจะเล่นอะไรแผลงๆ หรือเปล่า

“พนันกันไหมว่ามึงสองคนจะไม่มีวันรักกัน”ไอ้การ์ดพูดยิ้มๆ ผมกับไอ้เชษฐ์หันมองหน้ากัน ก่อนจะทำท่าขนลูกพร้อมๆ กัน ถึงไอ้เชษฐ์จะหล่อ ดูดี แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกว่าจะชอบหรือสนใจมันเลยสักนิด เพราะรู้จักกันมาในฐานะเพื่อนตลอด ใครจะไปพิศวาสมันลง

“กูไม่มีวันรักมันอยู่แล้ว”รู้สึกวันนี้ผมจะพูดพร้อมไอ้เชษฐ์บ่อยเหลือเกิน

“งั้นเรามาพิสูจน์กัน”ไอ้การ์ดพูดเสียงเย็น อย่างเด็ดขาด เพื่อนคนอื่นๆ ต่างพากันสงสัยว่าจะพิสูจน์ยังไง รวมทั้งผมเองด้วยแหละก็อยากรู้ว่าจะพิสูจน์ยังไง แต่ไม่ว่ายังไงผมก็มั่นใจว่าไม่มีทางจะไปตกหลุมรักไอ้เชษฐ์อย่างแน่นอน

“พิสูจน์ยังไงว่ามาเลย”ไอ้เชษฐ์บอกอย่างมาดมั่น มันเองก็คงคิดว่าไม่มีทางจะมาชอบผมเช่นเดียวกัน

“พวกมึงต้องรับปากว่าจะทำตามเงื่อนไขของกูก่อน”นั่นไง มันต้องมีอะไรแน่ๆ ถึงต้องให้ยอมรับก่อนแบบนี้

“ก็บอกมาก่อนสิว่าเงื่อนไขอะไรของมึง”ผมไม่ยอมตกหลุมพรางเป็นตัวตลกให้พวกมันเล่นกันง่ายๆ หรอก

“แค่นี้ก็ไม่กล้าหรือไง ไม่แน่จริงนี่หว่า หรือมึงกลัวจะไปหลงรักไอ้เชษฐ์มันเข้า...หือไอ้ตี๊ฟ”เล่นกันแบบนี้เลยใช่ไหม บีบบังคับกันเหลือเกิน

“กูยอมรับเงื่อนไขทุกอย่าง”อ้าวไอ้เชษฐ์มึงจะไม่อยากรู้ก่อนเหรอว่าเค้าจะให้มึงทำอะไร เกิดเค้าให้ไปตายนี่มึงจะไปเลยใช่ไหม ไอ้บื้อเอ้ย

“ว่าไงไอ้ตี๊ฟ มึงจะเอาไง หรือแค่นี้ก็ไม่กล้า มึงนี่นาใจปลาซิวจริงๆ”กดดันกันเข้าไปนะพวกมึง ดูสนุกกันเหลือเกิน

“เออ เอาไงก็ว่ามา”ด้วยความไม่อยากให้เพื่อนดูถูกว่าไม่กล้าพอทำให้ผมตอบรับอย่างเสียไม่ได้

“ข้อแรกพวกมึงสองคนต้องนอนห้องเดียวกันให้พวกกูเห็นเพื่อยืนยันว่าพวกมึงจะไม่หวั่นไหวเผลอใจให้กัน”โถ่อีแค่ให้นอนห้องเดียวกันให้ดูแค่นี้ไม่เห็นจะยากอะไรเลย

“ถ้าทำแบบนี้แล้วกูจะได้อะไร”จะให้ผมทำแบบนี้ฟรีๆ ไม่มีทางเสียหรอก

“พวกมึงสองคนอยากได้อะไรหรืออยากให้พวกกูทำอะไรให้ กูยินดีทุกอย่างถ้าทำตามเงื่อนไขแล้วพวกมึงไม่รักกัน”ไอ้การ์ดบอกอย่างอารมณ์ดี คอยดูเถอะมึงกูจะให้มึงเลี้ยงเบียร์กูตลอดชีวิต

“แค่นอนห้องเดียวกันคืนเดียวไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”ไอ้เชษฐ์เองก็คงกำลังคิดเหมือนผม จากตอนแรกที่เถียงกันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแต่ตอนนี้เราคงต้องปรองดองกันเพื่อหลอกบริโภคไอ้การ์ดให้ได้

“ใครบอกมึงเหรอไอ้เชษฐ์ว่าแค่คืนเดียว”ไอ้การ์ดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“หมายความว่าไง”นี่มันจะเล่นอะไรอีก

“กูจะให้พวกมึงย้ายมาอยู่ด้วยกันเป็นเวลา 45 วัน”

“ห๊า”เสียงอุทานจากทั้งสองคนที่จะต้องเป็นหมากในเกม

“ไม่มีทาง”ผมรีบปฏิเสธ

“กูก็ไม่เอา”ไอ้เชษฐ็ปฏิเสธเสียงแข็งเช่นเดียวกัน ก็ใครจะไปบ้าจี้กับพวกมัน เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้

“งั้นก็แสดงว่าพวกมึงสองคนยอมรับแล้วว่ากลัวจะหวั่นไหวเผลอในไปกับอีกคน”แล้วมันหมายความว่างั้นที่ไหนกันเล่า

“ถ้าเรื่องแค่นี้พวกมึงยังทำไม่ได้ แล้วเรียนจบไปมึงจะไปทำอะไรกิน”แหมทำยังกะรับน้องเลยนะมึง ถึงจบไปกูจะทำอะไรไม่เป็นก็ไม่กลัวเพราะ กูจะไปขายมรดกพ่อกับแม่กิน

“งั้นกูตกลง”เฮ้ยไอ้เชษฐ์นี่มันจะบ้าไปกับพวกนี้ด้วยหรือไง แล้วแบบนี้ความกดดันก็จะตกมาที่ผมคนเดียวสิแบบนี้ เมื่อมองหาทางหนีไม่เจอผมก็ต้องทนรับสถานการณ์บ้าๆ บอๆ นี่ต่อไป

“งั้นข้อตกลงที่สอง พวกมึงต้องไปเรียนพร้อมกัน”ก็โอเคคงไม่อยากเท่าไหร่มั้ง คิดเสียว่าไหนๆ ก็ไหนๆทำตัวเหมือนตอนเรียนปีหนึ่งที่ต้องมีรูมเมท แล้วก็ไปเรียนด้วยกัน อะไรแบบนั้น เอาว่ะก็แค่ต้องนอนร่วมห้องกับเพื่อนอีกคน แล้วก็ต้องไปเรียนหร้อมกัน ผมจะได้ไม่ต้องขับรถเองเพราะผมจะอาศัยเกาะรถไอ้เชษฐ์มันไปเรียน ถ้าคิดให้มันเป็นเรื่องสนุก ผมก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว เอาว่ะลองเล่นเกมกับพวกมันดูหน่อย

“ข้อที่สาม”เมื่อเห็นพวกผมไม่โต้แย้งในข้อสองก็เริ่มเพิ่มมาอีกข้อ นี่ทำไมมันจะต้องให้ทำอะไรมากมายด้วย แค่อยู่ห้องร่วมกัน 45 วันนี่มันก็เกินพอแล้วนะรู้สึกถูกริดรอนความเป็นส่วนตัวสุดๆ

“พวกมึงสองคนต้องไปดูหนังสองต่อสองบ้าง ไปกินข้าว ไปเดินเที่ยวด้วยกันบ้าง”มันชักจะมากไปหรือเปล่าเนี่ย

“ทำไมต้องทำตัวเหมือนเป็นแฟนกันด้วย”ไอ้เชษฐ์เริ่มชักจะทนฟังไม่ไหวแล้วมั้งนั่น แต่ผมก็อยากจะถามเหมือนกันแหละว่าทำไมต้องให้ทำขนาดนั้น

“ก็ลองให้พวกมึงมาทำตัวเป็นแฟนกันจริงๆ ไง ทีนี้ค่อยมาดูว่ามึงจะตกหลุมรักกันและกันหรือเปล่า เป็นอันตกลงตามนี้นะ”และนั่นมันก็คือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ชีวิตผมต้องเปลี่ยนไป


“โอ๊ย...ใครมันโทรมาแต่เช้าว่ะเนี่ย”ผมบ่นพึมพำก่อนจะควานหาโทรศัพท์ เมื่อคืนดื่มไปพอสมควร ตอนนี้เลยเหมือนยังแฮงค์ๆ อยู่เลย ผมเหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียง อ้าวนี่มันเที่ยงแล้วนี่หว่า ไม่เช้าแล้ว แต่วันหยุดแบบนี้จะรีบตื่นไปไหน ธุระอะไรผมก็ไม่มี ผมหยิบเจ้าโทรศัพท์ที่แผดเสียงอย่างไม่ยอมหยุดมาดู ชื่อที่ขึ้นอยู่ทำให้ผมรู้สึกใจไม่ค่อยดี ไอ้การ์ดนั่นเองที่เป็นคนโทรเข้ามา แม้เมื่อคืนผมจะเมาอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ยังจำได้ว่ารับปากจะเล่นเกมที่มันตั้งขึ้นมา

ผมกดปิดเสียงให้โทรศัพท์เงียบเสียง ก่อนจะนอนต่อ แต่เหมือนว่าผมจะคิดผิด เพราะพอเสียงโทรศัพท์เงียบเสียบทุบประตูห้องผมก็ดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมเสียงตะโกนของคนที่โทรเข้ามาหาผม

“ไอ้ตี๊ฟ...กูรู้นะว่ามึงตื่นแล้วเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย”มันจะอะไรของมันกันนักหนาเนี่ย ผมพยายามเอาหมอนปิดหู แต่ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว ลากสังขารที่ดูเหมือนจะทรุดโทรมของผมออกไปเปิดประตู

“มีอะไรของมึง”ผมถามออกไปอย่างฉุนๆ ที่ถูกรบกวนการนอน ผมยังนอนไม่ครบสิบชั่วโมงเลย ปกติวันหยุดแบบนี้ผมต้องนอนให้ครบสิบชั่วโมงชดเชยจากวันอื่นๆ ที่นอนไม่ค่อยพอ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ไอ้การ์ดคนเดียวที่อยู่หน้าห้องผม เพราะยังมีเพื่อนๆ อีกสี่ห้าคน

“กูจะนอน”ผมหันหลังกลับเดินเข้าห้องหลังจากเปิดประตูให้เพื่อนๆ เรียบร้อย

“ลืมอะไรไปหรือเปล่าไอ้ตี๊ฟ”น้ำเสียงเย็นยะเยือกของการ์ดดังขึ้นเบื้องหลังผม ผมไม่ได้ลืมหรอกครับว่าวันนี้ข้อตกลงจากเกมบ้าๆ ของไอ้การ์ดกำลังจะเริ่มขึ้น แต่ขอทำเนียนจำไม่ได้หน่อยแล้วกัน

ผมไม่ได้ตอบอะไรหรือพูดกับเพื่อนๆ อีก แต่แกล้งทำเป็นง่วงเสียเต็มประดาทั้งที่ตอนนี้ตื่นเต็มตาแล้วเพราะไอ้เรื่องที่พวกมันกำลังจะทำนี่แหละ โดยไม่มีการขออนุญาตใดๆ พวกมันก็เก็บข้าวของผมเพื่อเตรียมจะขนย้าย ใช่แล้ววันนี้พวกเพื่อนๆ จะย้ายข้าวของผมไปไว้ห้องไอ้เชษฐ์ เพื่อจะได้เริ่มเกมของไอ้การ์ดโดยเร็วที่สุด

“สิบนาทีนะไอ้ตี๊ฟ”ไอ้การ์ดเดินเข้ามาปลุกผมที่แกล้งหลับอยู่ ตอนนี้พวกมันเก็บข้าวของผมจนเกลี้ยงหมดแล้ว แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่ด้วยไม่อยากจะเสียหน้าที่ไปรับปากพวกมันไว้ ผมเลยต้องเลยตามเลยอย่างที่เป็น

“สิบนาทีอะไรว่ะ”ผมถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ อยู่ๆ มาบอกสิบนาทีใครมันจะไปเข้าใจ

“กูให้เวลามึงอาบน้ำแต่งตัวสิบนาที ถ้าไม่ทันก็ไปทั้งอย่างนี้ เร็วเข้า พวกกูยังมีอีกหลายอย่างต้องทำ”มีอีกหลายอย่างต้องทำก็ไปทำเหอะ ไม่ต้องมายุ่งกะกู ได้แต่บ่นในใจ แต่ก็ต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะผมรู้ว่าพวกนี้มันเอาจริง ผมเคยอ้อยอิ่งไม่ยอมอาบน้ำอาบท่า ยังเคยเจอมันลากออกจากห้องทั้งที่ใส่แค่ บอกเซอร์ตัวเดียวมาแล้ว คิดแล้วยังแค้นไม่หาย อย่าให้ถึงทีของผมบ้างแล้วกัน

“อ้าวมานี่ทำไมว่ะ”ผมเกิดความสงสัยเมื่อมาถึงที่หมายของการขนย้ายข้าวของ เพราะตอนแรกตกลงกันว่าจะให้ผมย้ายไปอยู่ห้องไอ้เชษฐ์นี่นา แต่นี่มันใช่ห้องไอ้เชษฐ์ที่ไหนกัน หรือว่าพวกมันเปลี่ยนใจให้ผมไม่ต้องอยู่กับไอ้เชษฐ์แล้ว ไชโย!!! ผมตะโกนก้องในใจ แต่ก็แค่เพียงเสี้ยววินาทีเพราะ ผมเห็นไอ้เชษฐ์เดินมาโน่นแล้ว

“ห้องไอ้เชษฐ์มันคับแคบเกินไป พวกกูเลยเลือกที่นี่ให้เป็นรังรักของพวกมึงแทน”ไอ้การ์ดตอบอย่างอารมณ์ดี สนุกจริงๆ นะมึง สักวันผมต้องเอาคืนไอ้การ์ดให้ได้คอยดู

“กูไม่มีทางรักกับไอ้ขี้เก๊กนี่อย่างแน่นอน”ผมสวนกลับไปอย่างไม่ค่อยจะสบอารฒณ์

“ยังกะกูจะรักมึงงั้นแหละ”ไอ้เชษฐ์ที่เพิ่งเดินเข้ามาสบทบทันได้ยินที่ผมพูดก็ตอกกลับผมมาเหมือนกัน

“หยุด อย่าเพิ่งมาแสดงความรักกันตอนนี้”นี่เค้าเรียกแสดงความรักกันเหรอ เพื่อนๆ ผมนี่สงสัยต้องเอาไปหัดภาษาไทยใหม่เสียแล้ว

“รีบจัดข้าวของให้เรียบร้อยจะได้เริ่มภารกิจกันเสียที”สิ้นคำไอ้การ์ด เจ้าของความคิดเกมบ้าๆ นี่ ทุกคนก็ขนย้ายข้าวของผมเข้าภายในที่พักแห่งใหม่ คอนโดที่เกือบจะหรู แถมไม่ได้อยู่ในเมือง ดูๆ แล้วสภาพก็โอเคในระดับนึง แต่ก็ดูดีกว่าหอเดิมผมแหละน่า คิดในแง่ดีเข้าไว้ ภายในห้องประกอบด้วย สองห้องนอน หา!!!  สองห้องนอน ใช่แล้วสองห้องนอน นับว่าไอ้การ์ดมันยังปราณีพวกผมอยู่บ้าง แต่รู้สึกว่าจะเป็นความต้องการของไอ้เชษฐ์มันแหละครับ จริงๆ ผมก็ต้องการเหมือนกันนะ คือไอ้เชษฐ์มันขอไว้เนื่องจากเผื่อแฟนมันมาค้างด้วยจะได้ไม่มีปัญหา ก็โอเค แบบนี้ก็แค่เหมือนมีเพื่อนพักอยู่ด้วยธรรมดา ไม่มีปัญหา

“เรียบร้อย พวกกูกลับก่อนนะ อย่าเพิ่งรีบรักกันตั้งแต่วันนี้ละ เพราะเกมนะเริ่มพรุ่งนี้”หลังจากพากันจัดข้าวของเสร็จพวกเพื่อนๆ ก็พากันแยกย้าย ว่าแต่เมื่อกี๊ว่าไงนะ เกมเริ่มพรุ่งนี้ หมายความว่าไงทำไมไม่เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันนี้ละ

“ก็ไหนว่าเริ่มนับวันนี้เป็นวันที่หนึ่งไม่ใช่เหรอ”ผมทักท้วงไอ้การ์ดออกไป

“วันนี้ไม่นับเพราะกว่าจะจัดการอะไรลงตัวมันก็ปาไปกี่โมงกี่ยามแล้วแหกตาดูมั่งสิไอ้ตี๊ฟ ถือว่าวันนี้กูแถมให้พวกมึงแล้วกัน”กูไม่อยากได้ของแถม อยากจะต่อรองขอลดต่างหาก โธ่เอ๊ย



แวะมาต่อครับ

ยังไงก็ฝากติดตามด้วย จะพยายามมาอัพทุกวันเลย

 o13 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [04-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 04-12-2014 20:32:13
น่าสนุกๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [04-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-12-2014 15:41:20
“กูจะออกไปหาอะไรกินนะ”น้ำเสียงพูดลอยๆ จากอีกคนที่ต้องมาอยู่ร่วมชายคากับผมพูดขึ้น

“จะไปไหนก็ไปเซ๋ จะมาบอกกูทำไม”ด้วยความหงุดหงิดผมเลยตอบออกไปพาลๆ นิดหน่อย

“อ้าวไอ้เชี่ยกูพูดด้วยดีๆ แล้วมาตอบกวนตรีนแบบนี้เดี๋ยวก็สวยหรอก”ไอ้เชษฐ์หันมาจ้องผมอย่างเอาเรื่อง ผมเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน นี่พวกผมกำลังทำอะไรกันอยู่นะ ทั้งที่จริงๆ เราก็เป็นเพื่อนกัน แต่ทำไมตอนนี้เหมือนจะต้องมาตั้งป้อมทะเลาะกันท่าเดียว

“โอเค กูว่าเรามาตกลงกันดีๆ นะ เพราะกูคิดว่าพวกเพื่อนคงไม่ยอมให้เราแยกออกไปอยู่ลำพังแน่ๆ”ผมคิดว่าถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันจนครบ 45 วันก็ควรจะสามมัคคีกันไว้ดีกว่า ถ้าเราสองคนต่างฝ่ายต่างคิดว่าไม่มีทางจะรักกันยังไงเสียก็ไม่เห็นมีอะไรจะต้องกลัวเลย

“แล้วมึงจะเอาไงว่ามา”ไอ้นี่พอกูจะพูดดีๆ ด้วยยังจะมาทำเสียงแข็งอีก ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย หล่อตายแหละมึง

“พวกมันตั้งกฎให้เราเดินตาม เราก็ต้องทำจริงไหม งั้นเราก็ต้องตั้งกฎของเราเพื่อเอาคืนพวกมันบ้าง”ใช่แล้ว ใครจะไปยอมเดินตามเกมพวกมันอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้เชษฐ์เริ่มมีท่าทีเห็นด้วยกับความคิดผม

“ข้อแรก เราสองคนจะไม่มีทางรักกันเด็ดขาด”เมื่อพวกมันอยากลองดูว่าพวกผมจะรักกันไหม ผมก็ต้องทำตรงข้ามกับที่พวกมันต้องการซึ่งจริงๆ มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากเพราะผมก็ไม่เคยคิดกับไอ้เชษฐ์เกินเพื่อนอยู่แล้ว ส่วนตัวมันก็บอกชัดเจนขนาดนั้นว่าไม่ชอบเกย์อยู่แล้ว

“ถึงไม่ตั้งกฎเรื่องนี้มันก็แน่นอนอยู่แล้ว หรือมึงกลัวว่าจะรักกู”เห็นไหมละครับแบบนี้จะรักกันลงไปได้ยังไง ไอ้หลงตัวเอง  แต่ผมต้องใจเย็นไว้ อย่าไปสนใจปากเสียๆ ของมัน

“กูรู้แล้วเพราะกูก็ไม่ได้พิศวาสมึงนักหรอก แค่จะตั้งไว้ย้ำเตือนว่าภารกิจนี้เรามีจุดประสงค์ที่ต่างจากพวกไอ้การ์ด แค่นั้นแหละ”ถ้าผมจะมัวต่อปากต่อคำกับมัน ใน 45 วันนี้ผมคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่ๆ

“เออๆ แล้วมีกฎอะไรอีก”ไม่ต้องมาเร่งเพราะจริงๆ ผมก็ยังนึกไม่ออก

“มึงกับกูจะไม่มัวมาทะเลาะกันเอง โอเคไหม”เห็นไอ้เชษฐ์มันนิ่งคิดไปพักนึง

“แต่กูไม่ชอบเกย์”ไอ้เชี่ยเอ๊ย แล้วเป็นเกย์นี่มันผิดตรงไหน

“เออ งั้นเป็นอันว่าข้อนี้ตกไป มึงอยากจะทะเลาะอะไรกับกูก็จัดมาเดี๋ยวกูสนองเอง”ผมชักจะหมดความอดทนกับไอ้ขี้เก๊กนี่แล้วนะ ทั้งที่พยายามว่าจะพูดดีๆ ด้วยแล้ว

“มึงกับกูไม่ต้องมาตั้งกฎห่าเหวอะไรหรอก เอาแค่ช่วยกันคิดวิธีแก้เผ็ดพวกไอ้การ์ดให้ได้ก็พอ”ข้อเสนอนี้ของไอ้เชษฐ์น่าสนใจไม่น้อย ว่าแต่ พวกนั้นจะมีเรื่องอะไรให้เอาคืนได้บ้างไหมนา


“แต่ตอนนี้กูหิวแล้วไปหาไรกินกันดีกว่า แล้วค่อยๆ คิดไปว่าเราจะเอาคืนพวกมันยังไงดี”พูดจาแบบนี้เริ่มน่าคบขึ้นมาหน่อยนะไอ้เชษฐ์

“กูว่าอย่างพวกนี้ต้องหาคนมาหักอกมันดูบ้าง จะได้รู้สึก”ผมเริ่มออกความเห็น ตอนนี้ผมและไอ้เชษฐ์อยู่ที่ร้านอาหารตามสั่งร้านนึงใกล้ๆ กับคอนโดที่พวกเราอยู่นี่แหละครับ

“ก็ดีนะเผื่อมันจะสำนึกเสียบ้างว่าไม่ควรเอาเรื่องความรู้สึกคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้”ไอ้เชษฐ์พูดแปลกๆ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่ามันหมายความว่ายังไง

“เออ ว่าแต่แล้วนี่แฟนมึงเค้าว่าไงบ้าง ที่มึงต้องย้ายมาอยู่กับกูแบบนี้”ที่ถามเพราะแฟนของไอ้เชษฐ์เองก็รู้ว่าผมเป็นเกย์ ไม่รู้ว่าเธอจะคิดยังไงบ้างที่แฟนตัวเองต้องมาอยู่ร่วมกับเกย์แบบนี้ อีกอย่างแม้ว่าทั้งผมกับไอ้เชษฐ์จะบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีทางคิดอะไรเกินเลย แต่คนอื่นๆ จะคิดแบบนี้หรือเปล่าผมก็ไม่รู้

“เค้ายังไม่รู้ พอดีแหม๋วกลับบ้านที่ต่างจังหวัดนะ”อ้าวเวรแล้วไหมล่ะ ไม่ใช่ว่าพอคุณเธอรู้เรื่องจะมาอาละวาดแหกอกผมหรอกนะ

“แล้วไมมึงไม่บอกไป”ผมพูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากเตี้ยวตุ้ยๆ อย่างไม่สนใจว่าใครจะมองว่ามุมมาม

“มันเรื่องของกู ไม่ต้องส.ใส่เกือก”ไอ้เชี่ยด่ากูอีก นี่กูถามดีๆ นะ

“ว่าแต่มึงเหอะ คิดยังไงถึงเป็นเกย์”ดูแมร่งจะสนใจกะความเป็นเกย์เหลือเกินนะ ตกลงไอ้นี่มีความหลังอะไรกับเกย์นักหนา

“ไม่ได้คิด แต่กูนะ born to be โว้ย”ผมตอบออกไปอย่างภาคภูมิใจ ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่เป็นแบบนี้ เราเป็นแบบนี้เราก็ต้องมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจหรือฝืนความรู้สึกตัวเอง ไอ้เชษฐ์เบ้ปากเหยียดๆ ผมเล็กน้อย ผมเลยแยกเขี้ยวใส่มันนิดนึง

“กูถามจริงๆ นะมึงเป็นอะไรทำไมถึงรังเกียจเกย์ ใครไปทำความเดือดร้อนอะไรให้มึงกูถามหน่อย อย่างมึงด่ากูวันก่อน ว่ากูมั่วกูไม่เลือก กูขอเถียงขาดใจเลย เพราะคนอย่างกูถึงจะหน้าตาดีแต่ก็เลือกนะโว๊ย อย่างน้อยก็มีมึงคนนึงละที่กูจะไม่เลือก จำใส่กะโหลกไว้เลย”ผมเอานิ้วจิ้มที่หน้าผากไอ้เชษฐ์ก่อนจะผลักมันออกไปเบาๆ

“เรื่องกูจะชอบไม่ชอบเกย์กูไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกมึง”เออ กูจะได้จำไว้



พอทานข้าวเสร็จเรียบร้อยเราทั้งสองก็กลับมายังคอนโด จากการตกลงกัน ผมเลือกห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวส่วนไอ้เชษฐ์เลือกอีกห้องที่ต้องใช้ห้องน้ำด้านนอก นับว่ามันยังเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้างที่ยกห้องนี้ให้ผม เมื่อไม่มีอะไรทำผมเลยกะว่าจะอาบน้ำนอนเพราะนี่วันนี้ผมยังนอนไม่เต็มที่เลย ส่วนไอ้เชษฐ์มันอยากจะทำอะไรก็ปล่อยไปตามสบายเถอะ

“นี่ไอ้ตี๊ฟ...ตกดึกอย่าลุกขึ้นมาปล้ำกูล่ะ”ไอ้เชษฐ์พูดกลั้วหัวเราะในตอนที่ผมกำลังจะปิดประตู ผมเลยชูนิ้วกลางให้เสียเลย

“กูไม่หน้ามืดตามัวขนาดนั้นหรอก อีกอย่างตัวยังกะควายอย่างมึงกูจะไปมีแรงปล้ำมึงไหม ไอ้เชี่ย”มันอดไม่ได้จริงๆ ครับทั้งที่คิดว่าจะไม่ต่อปากต่อคำกับมัน ทั้งที่ท่อง นะโม สามจบแล้ว(มันเกี่ยวไรด้วยกับนะโมสามจบ)

“แสดงว่าถ้ามึงมีแรงมากพอก็จะมาปล้ำกูงั้นสิ”มันทำท่ายียวนกวนประสาทผม

“คิดได้นะมึง”ผมได้แต่ส่ายหัวให้มันก่อนจะปิดประตูเข้าห้องนอน อย่างเหนื่อยหน่าย นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันนะ


หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก [04-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-12-2014 15:42:26
วันที่ 1

วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนตั้งแต่หัวค่ำเลยสดชื่นเป็นพิเศษ วันอาทิตย์แบบนี้ ไปหาหนังดูดีกว่า เดี๋ยวโทรชวนเพื่อนๆ ไปดูหนัง ช่วงนี้ยิ่งมีหนังใหม่ๆ น่าดูเยอะๆ อยู่ ผมจัดการอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย ก็กดโทรศัพท์หาเพื่อนๆ แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์ผมเลย พวกนี้สงสัยเมื่อวานไปเมาที่ไหนกันอีกหรือเปล่า หรือว่ายังไม่ตื่นกันอีก ผมกดโทรออกอีกครั้งต่อสายไอ้การ์ดคนที่ผมคิดไว้เป็นตัวเลือกสุดท้าย

“ไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยดิ”ผมกรอกเสียงออกไปอย่างอารมณ์ดี

“เคาะห้องนอนไอ้เชษฐ์ดีกว่าไหมเพื่อน วันนี้เกมของเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้วนะ”น้ำเสียงไอ้การ์ด หลอนเข้ามาในโสตประสาทของผม ตกลงนี่ผมต้องทนไอ้เกมบ้าๆ นี่จริงๆ หรือนี่ วันนี้เริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ ไม่เป็นไรๆ คิดเสียว่ายังไงซะตอนนี้มันก็จะลดระยะเวลาไปได้อีกหนึ่งวันแล้ว วันที่ผมใกล้จะได้เป็นอิสระกำลังจะใกล้เข้ามา ไอ้การ์ดวางสายไปโดยไม่สนใจผมแม้แต่น้อย ไอ้เพื่อนเลว

ผมออกจากห้องนอนมาเห็นภายนอกเงียบเชียบ สงสัยไอ้เชษฐ์จะยังไม่ตื่น ผมไม่ได้สนใจว่ามันจะยังนอนอยู่หรือยังไง เมื่อไม่มีคนดูหนังเป็นเพื่อน ผมไปดูคนเดียวก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยกะอีแค่การไปดูหนังคนเดียว คิดได้ดังนั้นผมก็ออกจากห้องบึ่งตรงไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ใครๆ เค้าว่ากัน ผมกะว่าจะหาอะไรทานก่อน แล้วค่อยไปดูหนังเพราะไม่ได้รีบร้อนอะไร วันนี้มีเวลาทั้งวัน

“นี่...มาทำไรของมึงว่ะ”หลังจากผมเลือกซื้ออาหารเสร็จเรียบร้อย และถือมานั่งที่โต๊ะในศุนย์อาหาร ก็มีคนมาทักทายผมด้วยน้ำเสียงสุดจะกวนประสาท ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือใคร อะไรโลกมันจะกลมได้ขนาดนี้ ห้างในกรุงเทพฯมีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมไอ้เชษฐ์มันต้องมาห้างนี้ด้วย ตอนนี้ผมยังไม่อยากเจอหน้ามันเท่าไหร่ เพราะคิดว่าอีกเดี๋ยวคงต้องได้เจอกันจนเอียนกันไปข้างแน่ๆ

“แล้วมันธุระกงการอะไรที่กูต้องรายงานมึงด้วยหรือไงว่ากูจะมาทำอะไร”ผมตอบไปอย่างไม่สนใจ ผมวางของที่ซื้อมาก่อนจะขยับเก้าอี้นั่ง

“อ้าวแล้วมึงมานั่งกะกูทำไมเนี่ย ที่มีตั้งเยอะตั้งแยะ”เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งลงโต๊ะเดียวกับผม เลยเกิดอาการสงสัยนิดหน่อยครับ

“ก็กูอยากนั่งตรงนี้ มีปัญหาอะไรไหม มึงมีสิทธิ์นั่งคนเดียวหรือไง”ไอ้นี่มันจะเกิดมาเพื่อกวนประสาทผมหรือไงกัน แบบนี้กว่าเราจะอยู่กันครบ 45 วันตามเกมที่ไอ้การ์ดมันวางไว้ ผมกับไอ้เชษฐ์จะไม่ฆ่ากันตายก่อนหรือไงเนี่ย แต่ด้วยความที่คนเริ่มมองผมกับไอ่เชษฐ์เถียงกัน ผมเลยไม่อยากจะต่อปากต่อคำ มันอยากนั่งก็ปล่อยมันนั่งไป

“แฟนมึงยังไม่กลับมาอีกเหรอ”เมื่อนั่งด้วยกันแล้วจะไม่พูดคุยกันบ้างมันก็จะแปลกๆ ผมเลยต้องเปิดประเด็นคุยเสียหน่อย

“กลับมาพรุ่งนี้เช้ามั้ง...พอดีเห็นว่ามีเรียนบ่าย”ไอ้เชษฐ์ตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ ผมละไม่ชอบไอ้บรรยากาศแบบนี้เลย แต่ถ้าจะให้เถียงกันอีกก็ไม่เอาเพราะคนเยอะ อายเค้า สุดท้ายเลยต้องต่างฝ่ายต่างนั่งกินเงียบๆ

“มึงว่า...”อยู่ๆ เราก็พูดขึ้นพร้อมกัน หลังจากที่เงียบกันอยู่พักใหญ่

“กูพูดก่อนแล้วกัน”โดยไม่มีความเกรงใจไอ้เชษฐ์ก็โพล่งออกมา ผมเห็นมีแต่คนเค้าจะบอกว่าให้อีกฝ่ายพูดก่อน แต่ไอ้นี่ดันมาบอกว่าขอพูดก่อน ผมก็ไม่ได้ขัดมันหรอกครับ ปล่อยมันไป

“มึงว่าเราสองคนบ้าหรือเปล่าว่ะ ที่มาเล่นเกมของไอ้การ์ดมันเนี่ย”โหนี่มันพูดในสิ่งที่ผมกำลังจะพูดเลยนะเนี่ย

“กูกำลังจะคุยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย กูว่าเราโคตะระบ้าเลย มึงนั่นแหละดันรับปากพวกมันก่อน”ได้ทีผมก็โทษมันก่อนเลยครับ เพราะมันนั่นแหละดันรับปากพวกเพื่อนๆ ก่อน พวกเพื่อนเลยมากดดันผมต่อ

“อ้าวแล้วทำไมมึงไม่ปฏิเสธเล่า”อ้าวถ้าผมปฏิเสธก็ต้องโดนหาว่าไม่แน่จริงสิ ใครจะไปยอมแพ้กันละ

“เออๆ ช่างมันเหอะ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็คงต้องเลยตามเลย กูว่าเรามาคิดกันดีกว่าว่าพอครบ 45 วันเราจะขออะไรจากไอ้การ์ดดี”ใช่แล้วเราจะมัวมาเครียดทำไม สู้ตั้งตารอผลตอบแทนที่จะได้รับดีกว่า

“กูกลัวมึงมาตกหลุมรักกูแล้วจะแพ้พนันไอ้การ์ดมันก่อนนะสิ”ไอ้นี่พอพูดดีๆด้วยหน่อยก็เอาอีกแล้ว

“ข้อตกลงมันคือมึงกับกูต้องรักกันไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแอบรัก ซึ่งยังไงเสียกูก็ไม่รักมึงแน่ๆ จำใส่กะโหลกไว้ด้วย ไม่ต้องมาพูดแบบนี้อีก เข้าใจ๋”ดูไอ้เชษฐ์นี่หลงตัวเองจริงๆ เลย ผมเห็นมันพูดว่าผมจะไปหลงรักมันหลายทีแล้วนะ

“กูถามจริงๆ นะ เวลามึงอยู่ใกล้ๆ หนุ่มหล่ออย่างกูนี่มีหวั่นไหวบ้างไหมว่ะ”ตกลงว่าอยากจะเช็คเรตติ้งตัวเองว่างั้นเถอะ แม้ไอ้เชษฐ์จะมีแฟนคลับมากมาย และมันก็จัดว่าหน้าตาหล่อเหลาเอาการ แต่ผมก็คงชอบมันไม่ลงหรอก คนเรามันรู้จักเห็นไส้เห็นพุง รู้เช่นเห็นชาติกันมาแล้ว จะให้มานึกพิศวาสคงจะยาก

“กูเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถึงกูจะน่ารัก กูก็เลือก อย่างมึงไม่มีทางทำให้กูหวั่นไหวได้หรอก”ผมตอบออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจ

“จริงเหรอตี๊ฟ”ไอ้เชษฐ์ชะโงกหน้าเข้ามาหาผม พร้อมกับจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่เหมือนจะยั่วยวน จนผมต้องหลบสายตา เพราะดันรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมาจ้องหน้ากันแบบนี้

“มึงเขินกูเหรอ”อะไรนะ ไม่มีทางทำไมผมจะต้องเขินมันด้วย

“จะบ้าเหรอ ทำไมกูต้องเขินมึงด้วย แค่กูไม่ชอบที่มึงมาจ้องกูแบบนี้ ขนลุกว่ะ มันแหยงๆ ยังไงไม่รู้”ผมรีบปฏิเสธ แม้ในใจจะรู้สึกเขินจริงๆ ก็เถอะ ก็ใครมันจะไม่เขินละเล่นมาจ้องกันซึ่งๆ หน้าไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนั้น แม้จะไม่ได้คิดอะไรกับมันก็เถอะ แต่เล่นมาจ้องกันแบบเมื่อกี้

“เอา ไม่เขินก็ไม่เขิน แล้วนี่มึงจะไปไหนต่อ”เหมือนไอ้เชษฐ์เองก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก

“กูจะดูหนัง งั้นเราก็แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน”ผมบอกจุดประสงค์พร้อมกับขับไล่อีกคน แม้จะอยากมีเพื่อนดูหนัง แต่ถ้าต้องดูกับไอ้เชษฐ์ ขอดูคนเดียวดีกว่า

“เฮ้ยกูดูด้วย แต่มึงเลี้ยงกูหน่อยนะ พอดีช่วงนี้กูกรอบ ไว้พอมีตังค์เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงคืนนะ กูอยากดูเรื่องนั้นอ่ะ”แล้วมันก็บอกชื่อเรื่องมาเสร็จสรรพ ดันเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจว่าจะดูเสียด้วยสิ

“ไม่มีตังค์มึงก็ไม่ต้องดู กลับไปนอนอยู่ห้องเลยไป”จะว่าผมใจไม้ไส้ระกำก็เถอะ แต่หมั่นไส้มันนี่นา ชอบขัดชอบเถียงผม แต่ยังมีหน้ามาขอให้เลี้ยงหนังอีก

“อะไรแค่นี้ให้เพื่อนให้ฝูงก็ไม่ได้ ทีกับผู้ชายอะนะ”มันพูดเป็นนัยๆ เหมือนจะว่าผมเลี้ยงผู้ชายละสิ ผมเคยทำแบบนั้นที่ไหนกันเล่า

“ทำไมจะว่าอะไรกู”ผมหันไปพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจนัก

“ใช่สิก็กูมันหล่อเกินไปนิ”โห...ไม่ได้อายเลยใช่ไหมที่พูดนะ เมื่อเล็งเห็นแล้วว่ายังไงเสียวันนี้ไอ้เชษฐ์ก็จะให้ผมเลี้ยงหนังให้ได้ ผมเลยต้องจำใจซื้อตั๋วเผื่อมัน แต่วันหลังมันต้องเลี้ยงผมคืน


หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 1 [06-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-12-2014 15:48:03
ว่าจะมาอัพตั้งแต่เมื่อวานแต่พอดี ไปธุระมาแล้วลืม

วันนี้เลยเพิ่งมาอัพต่อคร๊าบบบบ

ยังไงอ่านแล้วฝากติชมได้เลยนะครับ

และก็ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามอ่านด้วยครับ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 1 [06-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Viewonohm ที่ 06-12-2014 16:56:16
อ่านไม่กี่ตอนก็ติดซะแล้ววว   o13

ขอฝากนิดนึงนะคะ  คำว่ส "มรึง  กรู"  เราแนะนำให้พิมพ์ "มึง กู" เลยดีกว่าค่ะ  อ่านง่ายดี   สุดท้ายแล้วแต่ความถนัดของนักเขียนนะคะ   :call:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 1 [06-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 06-12-2014 16:56:45
รอภารกิจ :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 1 [06-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-12-2014 20:03:28
ชอบๆๆๆๆ
รอลุ้นเกมจร้า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 1 [06-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 07-12-2014 21:40:12
วันที่ 2

“ไอ้ตี๊ฟมึงจะไปพร้อมกูไหมเนี่ย...เร็วๆ หน่อย”เสียงตะโกนอยู่หน้าห้องผมเป็นรอบที่สามแล้ว วันนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ตกลงกันว่าจะไปเรียนพร้อมกัน ตามข้อตกลงที่เคยให้ไว้กับไอ้การ์ด แต่นี่ผมไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์มันจะรีบอะไรนักหนา ถึงต้องไปแต่เช้าขนาดนี้

“เสร็จแล้วเนี่ย”ผมออกจากห้องทั้งที่หัวก็ยังไม่แห้งเลย วันหลังผมไม่ไปพร้อมมันอีกแล้ว รถผมก็มี ไปเองดีกว่าตั้งเยอะ แม้ตอนแรกจะคิดว่าประหยัดค่าน้ำมัน แต่ตอนนี้ไม่สนแล้ว พอผมออกจากห้อง ไอ้เชษฐ์ก็ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงรีบเดินยังกะจะไปตามควายที่ไหน ผมเกือบจะขึ้นรถไม่ทันมันเสียด้วยซ้ำ

“มึงจะบ้าหรือไง กูเกือบตกรถนะเมื่อกี้”ผมร้องโวยวายเพราะผมเพิ่งจะก้าวเข้ามานั่งในรถ ยังไม่ทันปิดประตูเสียด้วยซ้ำ แมร่งเล่นออกตัวอย่างแรงเลย จนผมหัวคะมำ

“อยากชักช้าเองทำไม อย่าบ่นหน่อยเลยหัดทำตัวไม่เรื่องมากบ้างได้ไหม”ใครกันแน่ที่เรื่องมาก ไอ้บ้าเอ้ย

เราทั้งสองมาถึงมหาวิทยาลัยแต่เช้าพอควร แต่ก็ยังมีคนที่มาเช้ากว่าเราอีก ปกติผมไม่เคยมาเช้าแบบนี้หรอกครับ ส่วนมากจะมาแบบเฉียดฉิว จะทันแหล่ไม่ทันแหล่

“เค้ามุงดูอะไรกันว่ะ”ผมชี้ไปที่บอร์ดที่ปกติจะใช้ติดประกาศต่างๆ ของคณะผม ส่วนมากถ้ามีคนมามุงแบบนี้น่าจะมีคะแนนสักวิชาประกาศผลแน่ๆ แต่ช่วงนี้ไม่ได้มีสอบอะไรนี่นา แล้วจะมีคะแนนอะไรมาติดหรือว่าจะมีเรื่องอะไรแจ้งหว่า แต่เรื่องอะไรที่ทำให้คนสนใจได้ขนาดนี้

“อยากรู้มึงก็ไปดูเอาดิ หนองน้ำมันไม่เคยเดินมาหาควายนะโว๊ย”หนองน้ำไม่เคยเดินมาหาควาย หมายความว่ายังไงเนี่ย ปกติควายมันก็ต้องเดินลงหนองน้ำเองอยู่แล้วนี่นา หรือว่า...

“มึงว่ากูเป็นควายเหรอ ไอ้ทุเรศ”หนอยตกลงว่าเปรียบบอร์ดเป็นหนองน้ำแล้วว่าผมเป็นควาย ไอ้นี่มันจะกัดผมตลอดเลยหรือไงเนี่ย กะว่าจะตบกะโหลกมันสั่งสอนเสียหน่อยแต่แมร่งเดินลิ่วๆ ไปที่บอร์ดแล้ว ผมเลยได้แต่เดินตามไป

พอผมกับไอ้เชษฐ์ไปถึงคนที่มุงดูอยู่ก็แหวกทางให้อย่างกับว่าผมสองคนเป็นบุคคลสำคัญงั้นแหละ แต่พอเห็นว่าที่บอร์ดคืออะไรผมก็แทบอยากจะหักคอไอ้การ์ด เรื่องนี้มันจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากไอ้การ์ด

“คู่รักคู่ใหม่ สองหนุ่มสุดฮอตประจำคณะ”ไอ้เชษฐ์อ่านข้อความที่ติดบนบอร์ด ด้านล่างของข้อความมันคือรูปของผู้ชายสองคน แม้จะมีที่คาดปิดตาไว้ แต่ไอ้รูปพวกนี้ผมจำได้ดีว่ามันคือผมและไอ้เชษฐ์ เพราะมันคือรูปตอนผมไปกินข้าว ตอนอยู่ที่ห้าง ตอนเดินเข้าโรงหนัง นี่พวกเพื่อนๆ ผมมันเล่นกันถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

พวกมันสะกดรอยตามกันเลยหรือ ใต้รูปภาพแต่ละรูปมีคำอธิบาย เสียจนเลยเถิดถึงไหนต่อไหน แม้ใบหน้าจะไม่ชัดเจน แต่ดูแล้วถ้าใครเดาไม่ออกก็โง่เต็มที ดูจากูปร่าง สไตล์การแต่งตัว แค่นี้คนที่เรียนคณะเดียวกันมาจนนี่ปีสี่แล้วมันก็ต้องรู้ว่าไอ้คนในรูปมันคือใคร

ผมกับไอ้เชษฐ์หันมองหน้ากัน ได้ยินเสียงซุบซิบจากคนที่มุงอยู่รอบๆ

“ชั้นว่าแล้วมิน่าแฟนตี๊ฟถึงบอกเลิก ที่แท้เพราะตี๊ฟนอกใจมาคบกับเชษฐ์นี่เอง”หนึ่งเสียงจากหญิงสาวนิรนาม

“แต่เชษฐ์เค้ามีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่นี่นา หรือเชษฐ์จะเป็นไบ คบพร้อมกันสองคน”ตกลงว่าคนพวกนี้ไม่รู้หรือไงว่าสองคนที่พวกเค้ากำลังพูดถึงมันได้ยินเต็มสองรูหูแล้ว

“ไอ้การ์ด...มึงตาย”ผมคำรามรอดไรฟันก่อนจะเดินออกจากบอร์ดแห่งนั้นพร้อมกับไอ้เชษฐ์ หลายคนมองตามเราสองคนอย่างแปลกใจระคนสงสัย และคาดว่าไม่นาน ข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษฐ์จะแพร่สะพัดอย่างแน่นอน


“มึงเล่นแรงไปนะไอ้การ์ด”ทันทีที่เจอตัวผมก็ตวาดเพื่อนตัวดีดังลั่น จนเพื่อนคนอื่นๆ ตกใจ

“อะไรของมึงหือไอ้ตี๊ฟ”เจ้าตัวก่อเรื่องยังลอยหน้าลอยตาตอบอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกโมโหจริงๆ ผมคิดว่ามันล้ำเส้นมากเกินไป ใช่อยู่ที่ผมยอมเล่นเกมบ้าๆ นี่ แต่มันก็ควรจะเป็นเรื่องที่อยู่เฉพาะกลุ่มของพวกเราไม่ใช่เอาไปป่าวประกาศให้เค้ารู้กันทั่วแบบนี้

“มึงไม่ต้องมาทำไขสือ มึงเอารูปพวกกูไปขึ้นบอร์ดแบบนี้มันเกินไปนะโว๊ย”ผมยังคงโวยวายด้วยเสียงอันดัง

“มึงพูดเรื่องอะไรของมึงว่ะไอ้ตี๊ฟ”นี่มันยังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกงั้นเหรอ

“ก็ไอ้บอร์ดหน้าคณะนั่นไง มึงอย่าบอกว่าไม่รู้เรื่องนะ เพราะคงไม่มีใครทำแน่ๆ นอกจากพวกมึง”ผมชี้กราดพวกเพื่อนๆ ทุกคนเพราะคิดว่าทุกคนต้องรู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้แน่นอน

“บอร์ดอะไรของมึง กูไม่รู้เรื่องด้วย ก่อนมึงจะมาด่ากูปาวๆ เนี่ยช่วยหาหลักฐานมายืนยันด้วย”ตกลงว่ายังไงก็จะไม่ยอมรับใช่ไหม

“ทำมึงก็บอกว่าทำสิว่ะ ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ แต่ทำแบบนี้มันเรียกว่าอะไรมึงรู้ไหม แบบนี้เค้าเรียกหน้าตัว...”ผมยังไม่ทันได้พูดไอ้เชษฐ์ก็ห้ามผมไว้ก่อน

“ใจเย็นๆ น่าตี๊ฟค่อยๆพูดกันดีกว่า”แล้วนี่มันไม่ได้เดือดร้อนอะไรบ้างเลยหรือไงกัน ตัวมันเองก็กำลังจะเป็นขี้ปากชาวบ้านเหมือนๆ กับผมนี่แหละ ทั้งที่จริงมันเองน่าจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่าผมเสียอีกเพราะตัวมันเองไม่ชอบเกย์และคงไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นเกย์ด้วย แต่นี่มันกลับบอกให้ผมใจเย็นๆ งั้นเหรอ

“ครั้งนี้มึงทำเกินไป”ผมยังหันกลับไปคาดโทษกับไอ้การ์ด แต่ไอ้เชษฐ์ลากผมออกมาจากตรงนั้น

“มึงจะโมโหอะไรนักหนาเนี่ย เพื่อนมันก็แค่คงแค่แซวเล่นขำๆ มึงจะซีเรียสไปทำไม ทีตอนตกลงเล่นเกมมึงยังยอมเล่นเลย”ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่ทำไมดูไอ้เชษฐ์มันไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลย

“ก็เรื่องนี้มันควรเป็นเรื่องเฉพาะในกลุ่มเรา ทำไมต้องมาให้คนอื่นรับรู้ด้วยล่ะ มึงเองก็เหอะไหนบอกว่าเกลียดเกย์ แล้วไม่กลัวคนอื่นมองว่าเป็นเกย์หรือไง”ผมบอกออกไปอย่างฉุนๆ จริงๆผมก็ไม่ควรโมโหมากมายหรอก แต่เพราะอะไรไม่รู้ผมถึงได้รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

“กูแคร์เพื่อนมากกว่าคนอื่นว่ะ คนอื่นมันจะคิดยังไงก็ช่างมัน แค่เพื่อนเราเข้าใจก็พอแล้ว ถ้ากูแคร์คนอื่น กูไม่กล้าตกลงเล่นเกมบ้าๆ นี่หรอก แต่ที่กูยอมเล่นเพราะกูจะพิสูจน์ให้เพื่อนเราเห็นแค่นั้น”ผมไม่ค่อยจะเข้าใจที่มันพูดเท่าไหร่หรอกครับ แต่คิดว่าไอ้เชษฐ์ยังมีมุมที่ผมไม่รู้จักอยู่อีกมุมนึงนะเนี่ย ปกติผมจะคิดว่ามันไม่ค่อยใส่ใจคนอื่น ด้วยบุคลิกที่เหมือนจะหยิ่งๆ ของมันบางทีเลยอาจดูเหมือนเห็นแก่ตัว ผมเพิ่งจะเห็นว่ามันแคร์เพื่อนก็วันนี้แหละ หรือมันจะพูดไปอย่างนั้นให้ดูดีผมก็ไม่รู้หรอกครับ

“กูขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”ไอ้การ์ดเดินตามมาขอคุยกับผม ไอ้เชษฐ์แยกตัวออกไปปล่อยผมไว้สองคนกับไอ้การ์ด

“ถ้ากูจะบอกว่ากูไม่ได้เป็นคนทำมึงจะเชื่อกูไหม”ผมรู้จักและสนิทกับไอ้การ์ดมานานกว่าใครเพื่อน และก็พอรู้ว่ามันไม่ใช่คนที่ชอบโกหก แต่ครั้งนี้ผมชักไม่มั่นใจเท่าไหร่

“แต่เพื่อความสบายใจของมึงกูก็ขอโทษแล้วกัน”เล่นพูดมาซะผมรู้สึกผิดเลย ผมรู้ว่าแม้บางทีมันจะชอบแกล้งคนนั้นคนนี้แต่ความจริงไอ้การ์ดเป็นคนที่แคร์เพื่อนมากๆ คนนึงเลยทีเดียว

“ถ้ามึงบอกไม่ได้ทำ ก็ไม่ได้ทำ กูเองก็ขอโทษด้วยแล้วกันที่ว่ามึงแรงไป”เพื่อนกันก็ต้องให้อภัยกันใช่ไหม แม้ผมจะยังไม่ค่อยเชื่อว่าไอ้การ์ดไม่ได้เป็นคนทำ แต่ผมก็ยังไม่อยากถึงขนาดว่าจะตัดเพื่อนตัดฝุง อย่างน้อยๆ ที่ผมโวยวายไปวันนี้พวกเพื่อนๆ ก็จะได้รู้ว่าเล่นอะไรก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง เรื่องวันนี้อาจจะไม่ใช่ไอ้การ์ดทำแต่มันก็ต้องเป็นเพื่อนในกลุ่มสักคนนี่แหละที่เป็นคนทำ พอตกลงกันได้ ผมกับไอ้การ์ดก็กลับเข้าไปสมทบกับเพื่อนๆ



แวะมาต่อคร๊าบบบบ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคร๊าบบบ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 2 [07-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 08-12-2014 11:49:26
วันที่ 3

วันนี้ก็เป็นวันที่ 3 แล้วกับเกมบ้าๆ ของพวกผม เป็นไปตามคาดที่คนในมหาวิทยาลัยเริ่มซุบซิบเรื่องของผมกับไอ้เชษฐ์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ตอนแรกก็อยู่แค่ในคณะของผม แต่ตอนนี้มันเริ่มลุกลามออกไปนอกคณะเรียบร้อยแล้ว

“ฝากถือด้วย”ไอ้เชษฐ์โยนหนังสือให้ผมถือ ทั้งที่ผมเองหอบหิ้วของผมเองก็แทบจะทับตัวเองอยู่แล้ว แค่ผมอาศัยรถไปเรียนแค่นี้ทำยังกะผมเป็นทาส งั้นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่ไปกับมันแล้ว

“ถือเองไม่เป็นหรือไง”ผมบ่นตามหลังมันที่เดินไปไม่รอผม

“เอ้าแล้วหยุดทำไมเนี่ย”ผมที่เดินตามหลังมาชนเข้ากับไอ้เชษฐ์จนเกือบทำของหล่น ไอ้นี่ก็จะหยุดก็หยุด แถมมาขวางทางกันอีก

“แหม๋ว”พอผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นแฟนสาวของไอ้เชษฐ์ยืนจ้องมองพวกเราสองคนอยู่แววตาของเธอเหมือนจะเย้ยหยันยังไงบอกไม่ถูก นี่อย่าบอกนะว่าไอ้เชษฐ์มันยังไม่ได้บอกกับแฟนว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่

“ที่คนเค้าลือกันมันคือความจริงใช่ไหม”นี่แหม๋วคงไม่ได้เข้าใจเหมือนกับที่คนอื่นๆ เข้าใจนะว่าผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแฟนกันไปแล้ว

“ใช่ไหมเชษฐ์”เอาเข้าไป งานนี้ตัวใครตัวมันนะไอ้เชษฐ์ คนมีพันธะอย่างมึงมันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ยังไงก็จัดการกันเอาเอง เคลียร์กันเอง

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะแหม๋ว คือเรื่องมันยาว”แล้วนี่ทำไมผมต้องมายืนฟังเค้างอนง้อกันด้วยเนี่ย แต่ผมจะไปทางไหนดีละถ้าจะเดินขึ้นคอนโด ก็ต้องผ่านแหม๋วไป แต่ดูเหมือนเธอจะยืนคุมเชิงไม่ให้ผมผ่านไปนะเนี่ย

“พอเถอะแหม๋วไม่อยากฟัง เอาเป็นว่าเราจบกันแค่นี้นะ”อ้าวงานเข้าแล้วไหมล่ะไอ้เชษฐ์ พูดจบแหม๋วก็วิ่งสะบัดตูดไปเลย ส่วนไอ้เชษฐ์ก็ยืนเป็นตออยู่ได้ แทนที่จะวิ่งตามไปง้อเค้าหน่อย

“แล้วไม่ง้อเค้าเหรอ ยืนบื๊ออะไรอยู่”ผมถามด้วยความสงสัย

“คุยกันตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องหรอก ไว้ค่อยไปคุยวันหลังดีกว่า”แทนที่จะรีบเคลียร์จะได้เข้าใจกัน แต่นี่ดันจะไว้ค่อยเคลียร์วันหลังมันคิดอะไรของมันเนี่ย

“โอเคตามสบาย มันเรื่องของมึงไม่ใช่เรื่องของกู”ผมเดินผ่านไอ้เชษฐ์เพื่อขึ้นห้อง รู้สึกสมน้ำหน้ามันนิดๆ แหะๆ แอบเลวครับ ก็ผมมันคนไม่มีแฟนนี่นาก็ต้องอิจฉาคนมีแฟนนิดนึง

วันนี้ระหว่างกลับเราแวะทานข้าวกันมาเรียบร้อยแล้ว พอถึงห้องผมเลยกะว่าจะอ่านหนังสือหน่อย ไม่ได้ขยันหรอกครับ แต่พอดีได้การ์ตูนเรื่องโปรดมาใหม่ เล่มล่าสุดเพิ่งออก หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยก็จัดที่ทางสำหรับพักผ่อนเรียบร้อย ขนมพร้อมหนังสือการ์ตูนพร้อม

“กูจะออกไปข้างนอกเอาอะไรไหม”เสียงไอ้เชษฐ์ตะโกนผ่านประตูมา สงสัยจะออกไปง้อแฟนแหง๋  ๆทำเป็นฟอร์มที่แท้ก็กลัวเค้าทิ้งเหมือนกันละว้า

“ไม่เอาอ่ะ ตามสบาย”ผมตอบปฏิเสธก่อนจะสนใจกับการ์ตูนเล่มโปรดต่อ ผ่านไปยังไม่ถึงชั่วโมงการ์ตูนผมก็หมดลง นี่ผมอ่านเร็วไปหรือมันสั้นไปกันแน่ ผมพยายามพลิกหนังสือดูกลับไปกลับมา ยังอ่านไม่จุใจเลยทำไมมันจบเร็วแบบนี้ กว่าเล่มใหม่จะออกก็อีกตั้งนาน เมื่อไม่มีอะไรทำเลยกะว่าเดี๋ยวหาอะไรนมดื่มสักแก้วแล้วจะนอน

“เฮ้ย...ทำอะไรเนี่ย”พอเปิดประตูออกมาตอนแรกก็ตกใจที่เห็นเหมือนเงาอะไรตะคุ่มๆ ตรงแถวๆ โซฟาหน้าทีวี แต่เมื่อดูดีๆ จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ไอ้เชษฐ์ พอเปิดไฟ ก็เห็นไอ้เชษฐ์ที่นั่งกับพื้น มือถือกระป๋องเบียร์

“สักหน่อยไหม”มันยื่นกระป๋องเบียร์ให้ผม ด้วยความเกรงใจผมเลยหยิบมาอย่างไม่ลังเล

“อะไรนี่แค่โดนบอกเลิกถึงกับต้องมานั่งดื่มย้อมใจเลยเหรอว่ะ”ผมแซวออกไป ด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้ว่านี่มันไปง้อแหม๋วมาหรือยัง

“ไม่ต้องมาแขวะกูเลย แค่อยากดื่มแค่นั้นแหละ”ทำเป็นปากแข็งอีกนะมึง

“ไปง้อแหม๋วมาแล้วเหรอ”ผมยกเบียร์ดื่มจนหมดก่อนจะถามออกไป และถือวิสาสะนั่งลงจะหยิบกระป๋องต่อไปอย่างไม่เกรงใจ เรื่องแบบนี้ถึงมันไม่ชวนผมก็หน้าด้านดื่มต่อครับ

“ยัง”อ้าวแล้วมาดื่มทำอะไรของมันละเนี่ย ไอ้ผมก็นึกว่าไปง้อแล้วเค้าไม่ดีด้วยถึงมาทำเศร้าอยู่แบบนี้ แต่นี่ยังไม่ได้ตามไปง้อเลย แต่มาทำยังกะคนอกหักเสียแล้ว

“ตกลงมึงรักแหม๋วป่ะว่ะเนี่ย”ผมยังคงยกเบียร์ดื่มอย่างไม่เกรงใจเหมือนเดิม ที่ผมถามออกไปแบบนั้นเพราะผมดูไอ้เชษฐ์มันเหมือนไม่ค่อยจะกระตือรือร้นในการจะไปง้อแฟนเอาเสียเลย จริงอยู่ที่มันดูเหมือนหงอยๆ แต่จริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงรีบตามไปง้อแฟนแล้ว แต่ไอ้นี่ดูมันสิครับ

“ไม่รู้สิ”ผมหันไปมองมันอย่างไม่เข้าใจ ในคำพูด มันหมายความว่ายังไงกัน มันพูดเหมือนไม่แน่ใจว่าตกลงมันรักเค้าหรือไม่ได้รักเค้าอย่างนั้นแหละ

“พูดเหมือนมึงไม่ได้จริงจังกับเค้า”น่าแปลกที่วันนี้ไอ้เชษฐ์ไม่ได้ต่อปากต่อคำกับผมมากนัก ปกติต้องสวนกลับผมมาแรงๆ แล้ว แต่นี่ทั้งๆ ที่ผมซักไซ้มันแบบนี้ แต่มันก็ยังตอบผมดีๆ อยู่ได้ น่าแปลกจริงๆ

“แล้วมึงรู้ไหมว่าความรักจริงๆ มันเป็นยังไง”สงสัยวันนี้ไอ้เชษฐ์จะเมาเสียแล้ว เพราะดูพูดจาแปลกกว่าทุกวันจริงๆ

“ไม่รู้หรอก...แต่กูกำลังหาอยู่”ใช่แล้วละ ผมเองก็กำลังรอคอยความรักจากใครสักคน ที่จะมาเป็นคนสุดท้าย และเดินเคียงข้างผมตลอดไป ผมไม่รู้ว่าผมจะเจอไหม แต่ผมก็ยังคงหวังว่าสักวันจะเจอใครคนนั้น

“แล้วเมื่อไหร่จะเจอว่ะ”ตอนแรกคุยเรื่องมันกับแหม๋วอยู่ดีๆ แล้วทำไมกลายมาเป็นเรื่องผมได้ละเนี่ย

“กูจะรู้ไหม...มึงนี่วันนี้ดูแปลกๆ นะ เมาแล้วเหรอว่ะ”แม้ผมจะคิดว่าการดื่มเข้าไปแค่นี้ มันคงไม่เมาแต่จากคำพูดแล้วทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้เชษฐ์อาจจะเกิดอาการคออ่อนกะทันหัน

“ถ้ากูเมา...คงปล้ำมึงไปแล้วแหละแต่นี่ยังไม่ปล้ำมึง แสดงว่ากูยังไม่เมา”ตอนนี้เชื่อแล้วครับว่าไม่เมาเพราะกลับมาพูดจากวนประสาทผมอีกแล้ว

“ขำตายละ”ผมตอบออกไปอย่างไม่ได้ถือสาอะไรมากนัก เพราะรู้ว่ามันพูดเล่น อีกอย่างวันนี้ขอสงบศึกชั่วคราว เดี๋ยวจะอดดื่มเบียร์ต่อ เพราะงั้นวันนี้จะไม่พยายามทะเลาะกับไอ้เชษฐ์

“ก็ไม่ได้พูดให้ขำ แค่จะเตือนสติมึงว่า ไม่ต้องมาอ่อยกู เพราะยังไงกูก็ไม่หน้ามืดตามัวคิดอะไรกับมึงแน่ๆ”แล้วกูไปอ่อยมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้หลงตัวเอง

“ไอ้เชี่ย  กูไม่ลดตัวไปเกลือกกลั้วกับมึงหรอก กูไปนอนดีกว่า เชิญมึงตามสบายแล้วกัน”ด้วยความหมั่นไส้ ผมเลยละทิ้งเบียร์ของโปรด ไว้ผมไปหาดื่มเองก็ได้หรอก ไม่อยากอยู่เถียงกับไอ้เชษฐ์มัน

“เขินกูอีกแล้วเหรอ”มันช่างคิดได้ นะเนี่ย ผมหันกลับไปชูนิ้วกลางให้มันก่อนจะปิดประตูเข้าห้อง


หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 3 [08-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-12-2014 20:14:58
เอ๋..........แบบนี้เชดตกหลุมรักก่อนป่ะเนี่ย
ลุ้นๆๆๆๆๆๆมาเยอะๆๆๆๆน่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 3 [08-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 08-12-2014 23:13:59
ไม่น่ารอดนะเชษฐนะ อยู่ด้วยกันก็รักกันไปเองแหล่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 3 [08-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-12-2014 23:29:41
นี่เป็นแผนของเชษฐ์ ที่ร่วมมือกับการ์ดป่าวเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 3 [08-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-12-2014 12:00:46
วันที่ 4

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ...ระหว่างเรากับไอ้เชษฐ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คนเค้าลือกันหรอก”ผมสรุปเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ผมต้องมาพักอยู่ร่วมกับไอ้เชษฐ์ให้แหม๋วฟัง วันนี้ไอ้เชษฐ์มันบังคับผมมาเป็นคนยืนยันกับแหม๋ว ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเกิดจากการนึกสนุกของไอ้การ์ดและผองเพื่อนของผมเท่านั้น มันไม่ใช่ว่าผมกับไอ้เชษฐ์จะพิศวาสกันแม้แต่นิดเดียว

“จริงเหรอ”ดูแหม๋วยังมีความคลางแคลงใจอยู่พอสมควร เหมือนกำลังคิดว่าผมแต่งเรื่องโกหกเธออยู่ ไอ้เชษฐ์นี่ก็ไม่ช่วยกูพูดเลย นี่มันแฟนมึงนะไม่ใช่ธุระกงการอะไรของกูเลย แค่ยอมมาพูดนี่ก็ถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว แล้วดูมันสิแทนที่จะช่วยกันพูดให้แหม๋วเข้าใจดันไม่ช่วยกันเลย

“ก็อย่างที่ตี๊ฟมันพูดนั่นแหละแหม๋ว”แล้วคุณชายท่านก็เปิดปากพูดเสียที แหมทีอยู่กับเพื่อนนี่กัดกูจัง แต่พออยู่ต่อหน้าสาวนี่ทำเป็นขรึมนะ

“แล้วเชษฐ์จะมาขอคืนดีกับเราใช่ไหม”แหม๋วพูดพร้อมกับจ้องหน้ามองไอ้เชษฐ์อย่างตัดสินใจ ส่วนไอ้เชษฐ์ก็พยักหน้าตอบรับอย่างขรึมๆ เหมือนเดิมนี่มันจะเก๊กไปไหนของมันฟระ

“ถ้าเคลียร์กันเข้าใจแล้วงั้นเราขอตัวก่อนนะ”เมื่อเห็นว่าผมน่าจะหมดหน้าที่แล้ว ก็ไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกินของเค้าหรอกนะครับ ขอจรลีก่อนจะดีกว่า

“เดี๋ยวก่อน”เสียงแหม๋วดังขึ้นเรียกให้ผมหยุดการก้าวเดินอย่างไม่เข้าใจว่าจะอะไรกับผมอีก

“ว่ายังไง”ผมหันกลับมาถามว่าจะเอาอะไรจากกูอีกเนี่ย กูจะไปแล้วเคลียร์ๆ กันเองบ้างก็ได้

“ตี๊ฟไม่ได้คิดอะไรกับเชษฐ์แน่นะ”อ้าวผมก็ว่าผมบอกไปชัดแล้วนะ

“แหม๋ว...เรากับไอ้เชษฐ์เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นแหละ แล้วก็เป็นมาตั้งนานแล้วแหม๋วก็รู้นี่นา แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันก็แค่เกมที่เพื่อนๆ นึกสนุกคิดขึ้นมาแค่นั้นเอง  ไม่มีอะไรจริงๆ”เอาว่ะจะได้จบๆ ไปเสียทียังข้องใจอะไรอีกก็ถามมา

“งั้นยกเลิกเกมนี้ได้ไหมล่ะ”ว่าแล้วไหมล่ะ เอาไงดีละทีนี้ ไอ้ผมนะไม่เป็นไรหรอก แต่ไอ้การ์ดจะว่าไงละทีนี้แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาก็ในเมื่อหมากในเกมอีกคนอย่างไอ้เชษฐ์ไม่สะดวก สงสัยคงต้องจบเกมนี้เสียแล้วมั้ง ผมมองดูว่าไอ้เชษฐ์มันจะว่ายังไง เพราะผมไม่มีปัญหาอยู่แล้วจะเลิกก็เลิก

“แหม๋วไม่เชื่อใจเราเหรอ”ไอ้เชษฐ์หันไปถามด้วยน้ำเสียงผิดหวังหน่อยๆ

“เชษฐ์คงเลิกเล่นเกมนี้ไม่ได้หรอก เพราะตกลงกับเพื่อนไปแล้ว คนเราในเมื่อรับปากจะทำลงไปแล้วมันก็ต้องทำตามที่พูด ไม่ใช่มากลับกลอกไม่ทำตามที่พูด”โอ้โหอะไรจะขนาดนั้น นี่มันก็แค่เรื่องเล่นๆ สนุกๆของเพื่อนๆ คงไม่มีใครเค้าจริงจังหรือว่าอะไรหรอก ถ้าจะยกเลิกไป ไม่ต้องซีเรียสขนาดนี้ก็ได้มั้งไอ้เชษฐ์เอ้ย แฟนจะขอเลิกอยู่รอมร่อยังมาห่วงศักดิ์ศรีอีก

“ถ้าแหม๋วให้เชษฐ์เลือกระหว่างไอ้เกมบ้าๆ นี่กับแหม๋ว เชษฐ์จะเลือกอะไร”เอาแล้วไหมละ ผมได้แต่มองดูทั้งสองอย่างเงียบๆ ตอนนี้แทบจะกลั้นหายใจแล้วจะขยับตัวก็ไม่ได้ เพราะบรรยากาศชวนอึดอัดเป็นที่สุด จริงๆเรื่องของทั้งคู่ไม่ควรมีบุคคลที่สามอย่างผมมารับรู้ด้วยเลย จะตกลงอะไรกันยังไงก็ทำไปเถอะ จะดึงตูเข้ามาร่วมรับฟังทำไมเนี่ย

“ถ้าเราไม่เลือกล่ะ”ไอ้เชษฐ์ตอบกลับไปอย่างราบเรียบ แหม๋วจ้องหน้าไอ้เชษฐ์พร้อมยิ้มอย่างขื่นๆ

“คนเราคบกันมันก็ต้องไว้เนื้อเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าเรื่องนี้ทำให้แหม๋วไม่มั่นใจในตัวเรา ก็แล้วแต่แหม๋วจะตัดสินใจแล้วกัน”ทำไมดูไอ้นี่ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าแหม๋วจะรู้สึกยังไง ดูแบบมาง้อเค้าเพราะเป็นหน้าที่ แต่ถ้าเค้าจะไม่ยอมดีด้วยก็ไม่ได้คิดจะแคร์เท่าไหร่เลย ดูเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด ชักจะอยากให้แหม๋วเลิกกับมันจริงๆ แล้วสิ หมั่นไส้เหลือเกิน เอาแต่เก๊กอยู่ได้

“งั้นก็เชิญ เชษฐ์เล่นไอ้เกมบ้าๆ นี่ต่อไปแล้วกัน เราจะคอยดูว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง”ว่าแล้วแหม๋วก็เดินจากไปเลย ไอ้เชษฐ์ก็มองตามอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก แต่ไอ้ผมนี่สิ งงเต็กไปเลย ตกลงมันอะไรกันเนี่ย สองคนนี้มันรักกันภาษาอะไรฟระ ไม่เห็นจะอยากปรับความเข้าใจกันสักเท่าไหร่เลย หรือต่างคนต่างมีฟอร์มมันเลยเป็นอย่างที่เห็นแบบนี้

“มึงโอเคไหมว่ะ กูว่าเราเลิกเล่นเกมนี้แล้วมึงลองง้อเค้าดูอีกทีน่าจะดีขึ้นนะ”ถามออกไปด้วยความห่วงใยเพื่อน แม้วันๆจะเอาแต่เถียงกันตลอดแต่ยังไงก็เพื่อนกัน มันก็ต้องห่วงกันบ้างแหละครับ

“ช่างเค้าเถอะ ถ้าเรื่องแค่นี้เค้ายังไม่ไว้ใจกู แล้วถ้ามีเรื่องอื่นๆ อีกละ คบกันไปก็จะมีแต่ปัญหา เลิกไปก็ดีเหมือนกัน หล่อๆ อย่างกูหาแฟนไม่ยากอยู่แล้ว”แหมไม่ได้เศร้าเลยใช่ไหมที่โดนบอกเลิกแบบนี้ ไอ้พ่อคนหล่อเลือกได้

“หล่อตายละมึง”อดที่จะแขวะมันไม่ได้

“หล่อไม่หล่อเดี๋ยวก็รู้ ระวังจะหลงในความหล่อกูแล้วกัน เพราะเรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน”เพราะนี่ยังอยู่ในมหาวิทยาลัย แล้วอีกอย่างตอนนี้เริ่มมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เราสองคนแล้ว ทำใหผมไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับมันเท่าใดนัก เลยเดินหนีมันกะจะไปหาพวกเพื่อนๆ

“แล้วมาเดินตามกูทำไมเนี่ย”เมื่อเห็นว่าอีกคนเดินตามผมมาด้วยยังเคืองๆ แกมหมั่นไส้มันเมื่อครู่ที่มาหาว่าผมจะไปหลงมัน ผมเลยถามออกไปอย่างพาลๆ

“เดินตามที่ไหนกัน ก็มึงจะไปหาพวกไอ้การ์ดไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้การ์ดนี่มันก็เพื่อนกูเหมือนกันมึงลืมไปแล้วหรือไง กูจะไปหาเพื่อนบ้างนี่จะไม่ได้เชียวรึไง”มาตอบผมกลับมาอย่างยียวนกวนประสาท อยากจะว่ามันคืนใจจะขาดแต่ตรงที่เรายืนตอนนี้คนเยอะเหลือเกิน แล้วอีกอย่างเหมือนหูผมจะได้ยินเสียงแว่วๆ จากกลุ่มผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นคำพูดที่กำลังซุบซิบเรื่องของผมกับไอ้เชษฐ์อยู่

“นี่ๆ เธอเห็นสองคนนั้นไหม เค้าลือกันว่าตอนนี้เชษฐ์เลิกกับแฟนหันมาคบตี๊ฟอย่างเปิดเผยแล้วนะ”นี่ทำไมคนอื่นตีความเข้าใจเรื่องราวผิดเพี้ยนไปได้ขนาดนี้ ผมรีบเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

“เซ็งโว๊ย”เมื่อมาถึงกลุ่มเพื่อนๆ ผมก็ตะโกนอย่างเบื่อๆ เพราะตลอดทางการเดินมาหาเพื่อนๆ ผมรู้สึกว่ามีแต่สายตาจับจ้องมาที่ผมกับไอ้เชษฐ์แถมด้วยการหันไปซุบซิบพูดคุยกัน โดยไม่ต้องเดาผมว่าตอนนี้คนทั้งมหาวิทยาลัยคงเข้าใจว่าผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแฟนกันไปแล้ว

“มึงจะเซ็งทำไมไอ้ตี๊ฟ ตอนนี้คู่แข่งมึงก็ไม่มีแล้ว มึงกับไอ้เชษฐ์ก็รีบๆ รักกันเรื่องราวจะได้ แฮปปี้เอนดิ้ง ไง”ไอ้การ์ดต้นคิดของเรื่องพูดก่อนจะหัวเราะร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆ อย่างสนุกสนาน แสดงว่านี่พวกเพื่อนๆ ก็คงรู้แล้วว่าไอ้เชษฐ์เลิกกับแหม๋ว จริงๆข่าวนี้คงแพร่ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่คงยังไม่มีใครรู้ว่าไอ้เชษฐ์เหมือนจะได้พยายามไปง้อแล้ว และโดนปฏิเสธมาแล้ว

“กูไม่ได้ความจำเสื่อมนะไอ้การ์ด จะได้ลืมว่ากูพนันไว้ยังไง กูบอกว่ากูกับไอ้เชษฐ์จะไม่มีทางรักกันเด็ดขาด”ผมบอกออกไปอย่างหนักแน่น

“เหรอ........”เพื่อนๆ ประสานกันลากเสียงยานคางอย่างล้อเลียน

“กูก็นึกว่ามึงพนันไว้ว่าต้องรักกันให้ได้ภายใน 45 วันเสียอีกนะเนี่ย ใช่ไหมไอ้เชษฐ์”ไอ้การ์ดยังคงพูดอย่างสนุกปากพร้อมทั้งหันไปหาไอ้เชษฐ์ที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่นั่นแหละ


แวะมาต่อคร๊าบบบ

ขอบคุณทุกคนเหมือนเดิมที่ติดตามอ่านน้า

 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 4 [09-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-12-2014 13:13:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 4 [09-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-12-2014 19:58:55
พนันครั้งเชษฐ์มีนอกรอบป่ะเนี่ย
ลุ้นๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 4 [09-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-12-2014 22:01:58
ตามมาอ่านค่ะ   เรึ่มเข้มข้นแล้วสิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 4 [09-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: real port ที่ 09-12-2014 22:59:49
เป็นกำลังใจครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 4 [09-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 09-12-2014 23:15:01
รู้สึกว่าเชษฐ์มีเล่ห์นัย ยังไงก็ไม่รู้สิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก วันที่ 4 [09-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 10-12-2014 09:05:37
วันที่ 5

“กลับห้องไปอย่าลืมอ่านหนังสือล่ะ...ไม่ใช่มัวแต่จู๋จี๋กัน พรุ่งนี้มีสอบนะมึง”ดูปากมันเถอะครับ รู้หรอกนะว่าหวังดี แต่พูดให้มันดีหน่อยได้ไหมไอ้เชี่ยการ์ด พรุ่งนี้ผมกับเพื่อนๆ มีสอบเก็บคะแนน วิชานึงครับ เป็นวิชาที่ผมไม่ค่อยจะได้เรียนสักเท่าไหร่เลย สงสัยวันนี้ต้องเหนื่อยหน่อยแล้วผม

“ดูมึงนี่มั่นใจเหลือเกินนะว่ากูกับไอ้เชษฐ์จะชอบกันขึ้นมาจริงๆ อะไรทำให้มึงมั่นใจขนาดนั้นว่ะ การ์ด”เพราะยังต้องรอกลับพร้อมไอ้เชษฐ์ซึ่งยังไม่ออกมา ผมเลยต้องหันกลับมาคุยกับไอ้การ์ดต่อ

“อ้าวว่าไง”เมื่อเห็นว่าไอ้การ์ดไม่ตอบเอาแต่ยิ้มผมเลยต้องถามย้ำอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี

“จะกลับไหม”สั้นและห้วน จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากไอ้เชษฐ์นั่นเอง ตกลงนี่ผมเป็นคนรอมันหรือมันรอผมกันแน่ น้ำเสียงยังกะว่าผมปล่อยให้มันรองั้นแหละ

“ก็ไปสิ”หันไปตอบก่อนจะเดินนำไปที่รถ เหมือนกับว่ารถผมเอง หลายวันมาแล้วนะเนี่ยที่รถผมไม่ได้ใช้เลย เพราะมารถไอ้เชษฐ์ตลอดเลย

“อ่านหนังสือบ้างรึยังละมึง”หลังจากนั่งรถออกมาได้สักพักไอ้เชษฐ์ก็เอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่รู้ว่ามันห่วงผมหรือตั้งใจจะกัดผมอีกกันแน่

“มือชั้นนี้ไม่อ่านก็ทำได้อยู่แล้ว”ทำเป็นปากดีครับ ที่จริงนี่แทบยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย นี่ยังหวั่นๆ อยู่เลยว่าพรุ่งนี้จะรอดหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผมอ่านคืนนี้ก็น่าจะพอทำได้ ผมขอแค่ผ่านก็พอไม่ได้หวังจะได้คะแนนเยอะแยะอะไร

“เห็นอย่างนี้ทุกทีสิมึง...ไม่คิดอยากจะได้คะแนนดีๆ กับเค้าบ้างหรือไง”น้ำเสียงเหมือนจะเป็นห่วงแต่ก็ยังแฝงไปด้วยการประชดประชัน เพราะไอ้เชษฐ์มันตั้งใจเรียนกว่าผมเยอะ แม้จะไม่ใช่เด็กเรียนหรือเป็นหนอนหนังสือ แต่มันก็ไม่ค่อยขาดเรียนเหมือนผม เวลาสอบทีไรคะแนนมันเลยออกมาดีกว่าผมตลอด เพราะงั้นเรื่องนี้ผมไม่ควรจะเถียงมันเลย ก็ผมไม่มีอะไรจะสู้มันได้นี่นา แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสหรอก คนเรามันไม่ได้วัดกันที่คะแนนสอบหรือเกรดตอนที่เรียนหรอก (คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ)

“เรื่องนี้กูยกให้มึงแล้วกัน...กูยอมแพ้”ตอบออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก เพราะคิดว่าผมคงไม่ถึงกับขนาดจะสอบไม่ผ่านคราวนี้หรอก อย่างมากก็อาจจะแค่เฉียดๆ

“กูช่วยติวให้เอาไหม”

“อะไรนะ”ผมหันไปมองหน้าไอ้เชษฐ์อย่างแปลกใจ ไม่ได้คิดว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากของมัน ปกติพวกผมมีแต่เรียนกันตามอัตภาพ เพราะไม่ได้มีใครเก่งถึงขนาดจะติวให้เพื่อนในกลุ่มได้ ถ้าเกิดมีใครอยากจะติวก็ต้องไปติวกับพวกเด็กเรียน

“กูช่วยติวให้ไหม”ไอ้เชษฐ์พูดช้าๆ ชัดๆ ย้ำให้ผมฟังอีกครั้ง

“นี่กูหูฝาดไปหรือเปล่า”แม้จะเริ่มรู้สึกดีๆ ว่าไอ้เชษฐ์นี่ก็เป็นเพื่อนที่ดีคนนึงนะเนี่ย รู้จักเป็นห่วงเป็นใยเพื่อน แต่ด้วยยังต้องยั้งฟอร์มผมเลยพูดกับมันออกไปอย่างนั้น

“อยู่ด้วยกันมันก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไม่ใช่หรือ”นี่ผมต้องมองมันใหม่หรือเปล่าเนี่ย วันนี้ไอ้เชษฐ์มาในเวอร์ชั่นใหม่ เป็นเพื่อนที่แสนดีงั้นเหรอ

“วันนี้มึงทานอะไรไปบ้างว่ะเชษฐ์”ผมหันไปถามไอ้เชษฐ์ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่จริงจัง จนไอ้เชษฐ์ต้องละสายตาจากถนนหันมามองผมแวบนึง

“ถามทำไม”แทนที่มันจะตอบผมแต่กลับมาตั้งคำถามเอากับผมอีกที

“ตอบมาเหอะน่า”ในเมื่อผมถามก่อนก็ต้องได้คำตอบก่อน

“ตอนเช้าก็ทานโจ๊กพร้อมมึงไง ตอนเที่ยงก็ทานที่แคนทีน มีผัดเห็ดน้ำมันหอยกับกระเพราะกรอบไข่เยี่ยวม้า มึงก็เห็นนี่นาถามทำไมอีก”ไอ้เชษฐ์ทำท่านึกพร้อมกับตอบกลับมา พร้อมความสงสัยที่มีอยู่ว่าผมถามมันทำไม

“นั่นสินะ มึงก็ไม่ได้ไปกินอะไรแปลกๆ มานี่นา แล้วทำไม....”ผมเว้นระยะหยุดพูด ก่อนจะมองหน้ามันอีกครั้ง ไอ้เชษฐ์ยังคงไม่เข้าใจว่าผมจะพูดอะไรกันแน่

“แล้วมึงไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มากี่วันแล้ว”ผมแกล้งถามอย่างเป็นการเป็นงานอีกครั้ง

“ก็สองสามวันมั้งใครจะไปนั่งจำว่ะ ตกลงว่านี่มึงจะทำวิจัยสุขภาพกูหรือไง”เหมือนไอ้เชษฐ์จะเริ่มหงุดหงิดหน่อยๆ ที่ผมไม่ยอมบอกเสียทีว่าผมกำลังถามมันเพื่ออะไร

“นั่นไงกูว่าแล้ว ตอนแรกนึกว่าเป็นเพราะมึงกินอะไรผิดสำแดงเข้าไป แต่กูว่าต้องเป็นเพราะร่างกายมึงขาดแอลกฮอล์มานานเกินไปแล้วต่างหาก”ผมดีดนิ้วหลังจากวิเคราะห์จากคำพูดของไอ้เชษฐ์เรียบร้อย

“แล้วกูขาดแอลกอฮอล์นี่มันเป็นอะไร พูดเองเข้าใจเองคนเดียว อะไรของมึงไอ้ตี๊ฟ ช่วยกรุณาอธิบายให้กูเข้าใจด้วยได้ไหม”เป็นจังหวะที่รดถึงที่หมายพอดี ไอ้เชษฐ์เลยหันมาจ้องหน้าผม ผมจ้องมองตอบก่อนจะพูดออกไป

“ก็พอมึงขาดแอลกอฮอล์ มึงก็เลยเพี้ยนมาพูดดีกับกูแบบนี้ไง สงสัยว่ามึงต้องรีบหาแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดแล้วละ”ผมพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหัวเราะหน่อยๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถ

“ตี๊ฟ”เสียงไอ้เชษฐ์ตะโกนเรียกผมดังพอควรจนผมต้องหันกลับไปมองทั้งที่กำลังจะเดินขึ้นห้องพักแล้ว ผมหยุดเดินก่อนจะยักไหล่เพื่อเป็นการถามว่ามีอะไรอีก

“มึงหาว่าการที่กูพูดดีๆ กับมึงเพราะกูเพี้ยนงั้นเหรอ”เอ้านึกว่าเรื่องอะไร

“อืม”ผมตอบพร้อมกับมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจว่ามันจะถามทำไมอีก

“งั้นเหรอ”ไอ้เชษฐ์พูดพร้อมกับยิ้มเหยียดๆ ให้ผม ตกลงมันมาอารมณ์ไหนของมันฟระเนี่ย แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมว่ามันเพี้ยนได้ไง แล้วมันก็เดินมานำผมไปลิ่วๆ เลย ผมละงงกับมันจริงๆ ว่าตกลงมันเป็นอะไรแปลกจริงๆ



ผมกลับมาบนห้องอาบน้ำเตรียมตัววเพื่ออจะาอ่านหนังสือ พอเสร็จเรียบร้อยกะว่าจะออกไปหาอะไรกินก่อน แต่พอออกมาทีแรกว่าจะชวนไอ้เชษฐ์ไปกินด้วยเพราะมันก็ยังไม่ได้ทานมื้อเย็น แต่ดันไม่เจอแม้แต่วิญญาณของไอ้เชษฐ์ สงสัยจะออกไปหาอะไรกิน แมร่งไม่ชวนกันเลย ช่างมันในเมื่อมันไม่อยู่ผมก็ออกไปหาอะไรทานคนเดียวก็ได้ ผมออกไปหาอะไรแถวใกล้ๆ คอนโดทานพอเสร็จกลับมาไอ้เชษฐ์ก็ยังไม่เห็นเข้ามาเลย

ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะต้องรีบจัดแจงขนบรรดาหนังสือ และชีทเอกสารต่างๆ ออกมาดูเพื่อเตรียมอ่านในคืนนี้ ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มหน่อยๆ ผมมีเวลาอีก ห้าถึงหกชั่วโมงในการอ่าน เพราะกะว่าจะนอนสักตีหนึ่งตีสอง แต่พอยกบรรดาหนังสือออกมาแล้วทำไมมันเยอะอย่างนี้ แบบนี้ถ้าอ่านหมดนี่คงอ่านไม่ทันแน่ๆ จริงๆมันก็ไม่ต้องอ่านหมดนี่หรอก เพราะครั้งนี้มันแค่สอบเก็บคะแนน คงมีสอบแค่บางส่วน แต่ไอ้คนไม่ค่อยเข้าเรียนอย่างผม เลยไม่รู้ว่าต้องอ่านส่วนไหนบ้าง

“การ์ดพรุ่งนี้สอบนี่ต้องดูอันไหนไปบ้างว่ะ”ผมโทรหาไอ้การ์ดเพื่อสอบถามว่าผมควรจะเลือกอ่านตรงจุดไหนบ้าง

“ถามไอ้เชษฐ์สิ แค่นี้นะกูกำลังยุ่ง”แล้วมันก็วางสายไปเลย ผมโทรกลับไปอีกมันก็ไม่รับโทรศัพท์ผม มันคงคิดว่าไอ้เชษฐ์อยู่ห้องละสิ แต่นี่ไอ้คนที่ไอ้การ์ดคิดว่าจะเป็นที่พึ่งให้ผมไม่รู้หายหัวไปไหน ผมหยิบโทรศัพท์กดหาเบอร์ไอ้เชษฐ์ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่โทรหามันดีกว่า ยังไงอีกไม่นานมันก็คงกลับมาแหละน่า ผมเลิกสนใจกับหนังสือ หันมาเปิดทีวีดูเพราะอ่านไปผมก็คงอ่านไม่ทัน ช่างมันเลยแล้วกันกะว่าถ้าไอ้เชษฐ์กลับมาค่อยถามมันอีกทีว่าควรจะอ่านตรงไหน ผมน่าจะพออ่านได้บางจุดและคงพอทำคะแนนให้ผ่านการสอบครั้งนี้ได้

ผมเพลินกับการดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยเหลือบดูเวลาอีกที อ้าวสามทุ่มซะแล้ว ผมตัดสินใจว่าจะโทรหาไอ้เชษฐ์เพราะอาจจะรอไม่ไหวแล้วถ้ารอต่อไป

“มึงอยู่ไหนเนี่ย”จะโทรไปขอความช่วยเหลือแต่แทนที่ผมจะพูดดีๆ ดันพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาทมันเสียนี่

“หน้าห้อง”หน้าห้อง หน้าห้องไหนแล้วมันทำอะไรของมันอยู่หน้าห้อง

“หน้าห้องไหนของมึง”ผมถามออกไปอย่างสงสัยพร้อมกับเดินออกไปดูตรงทางเข้าห้องพักของเราสองคน

“เพิ่งกลับมาถึง กำลังเปิดประตูเนี่ย”แล้วประตูก็เปิดออก ซึ่งทำให้ผมแปลกใจพอสมควรเพราะผมดันเป็นคนจมูกไวเหลือเกินกับกลิ่นแอลกอฮอล์

“ไอ้เชษฐ์...มึงดื่มเบียร์มาเหรอ”กลิ่นที่ผมคุ้นเคยและจำได้ดี เพราะผมก็ดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว แต่นี่ไอ้เชษฐ์มันจะบ้าหรือไงกัน พรุ่งนี้จะสอบยังดันไปดื่มเบียร์มาอีก

“กูจะได้ไม่เพี้ยนอย่างที่มึงว่าไง”บ้ามันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่มันเป็นอะไรของมันหรือเพราะถูกแฟนทิ้งเลยเสียสติไปแล้ว

“มึงจะบ้าเหรอไอ้เชษฐ์ พรุ่งนี้มีสอบแล้วไปดื่มมาทำไม ประสาทหรือเปล่าเนี่ยมึง”ผมอดจะตำหนิมันไม่ได้ แม้พวกเราทั้งกลุ่มจะค่อนข้างดื่มกันบ่อย แต่เวลาจะสอบหรือมีงานที่ต้องรับผิดชอบพวกผมก็ไม่ดื่มกันหรอกนะ แต่นี่ไอ้เชษฐ์มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา

“แค่เบียร์สองกระป๋องเองไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วมึงโทรหากูทำไม”คำตอบของมันทำให้ผมคลายกังวลลงได้บ้าง แต่ใจจริงก็ยังอดจะตำหนิมันไม่ได้ แม้จะดื่มเพียงเล็กน้อยแต่มันก็ไมควรเพราะพรุ่งนี้มีสอบ

“ถึงจะดื่มนิดหน่อยก็เหอะ มึงก็น่าจะรู้ว่าพรุ่งนี้สอบก็ไม่ควรดื่ม ตกลงนี่มึงเป็นอะไรมากเปล่าเนี่ย”อดที่จะห่วงมันไม่ได้เหมือนกันนะเนี่ย อย่างน้อยๆเราก็เป็นเพื่อนที่คบกันมานาน นี่ไม่รู้ว่ามันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า

“เป็นห่วงกูหรือไง”น้ำเสียงเหมือนจะตัดพ้อราวกับว่ามันคิดว่าจะไม่มีใครสนใจมันเลยอย่างนั้นแหละ

“ก็เราเพื่อนกันนี่นา”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ให้ฟังดูเป็นมิตรมากที่สุด แต่ไอ้เชษฐ์กลับมีรอยยิ้มหยันอยู่ในที

“กูก็แค่หาแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดกันเพี้ยนแค่นั้นแหละ ตกลงว่ามึงโทรหากูมีอะไร”แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจมันนักแต่มันก็คงไม่บอกอะไรผมมากไปกว่านี้ และมันคงเอาตัวรอดในการสอบพรุ่งนี้ได้อยู่แล้ว อีกอย่างเบียร์แค่สองกระป๋องคงไม่ถึงกับมันไปสอบไม่ได้หรอก แต่ผมว่าเบียร์สองกระป๋องนี้ทำมันเพี้ยนกว่าเดิมเสียอีก

“ว่าจะถามว่าพอรู้ไหมว่าพรุ่งนี้สอบตรงไหนบ้าง”ผมรีบตอบเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ผมควรจะห่วงตัวเองมากกว่าเสียแล้วเพราะเหลือเวลาน้อยเต็มทีที่จะอ่านทำความเข้าใจ ก็แทนที่จะอ่านตั้งแต่หลายวันก่อนดันมาอ่านเอาคืนก่อนสอบแบบนี้มันก็กระชั้นชิดแบบนี้แหละ

“ก็ตอนแรกกูบอกจะติวให้ทำมาเป็นวางฟอร์ม”ไอ้เชษฐ์หันมาแซวผมอย่างไม่ได้จริงจังนัก

“ก็ใครจะไปรู้ว่าเนื้อหาทั้งหมดมันเยอะขนาดนี้”ผมชี้ไปที่กองหนังสือที่ผมค้นออกมากองกะจะนอนหนุนให้มันซึมเข้าไปในหัวจะได้ไม่ต้องอ่าน

“เอาอ่านนี่แล้วกัน”ไอ้เชษฐ์ไปค้นกระดาษมาให้ผม สามแผ่นคงเป็นที่มันสรุปไว้แล้วนั่นเอง

“พรุ่งนี้ข้อสอบมี 3 ข้อ เป็นแบบอัตนัยเขียนบรรยาย อันนี้กูสรุปอันที่น่าจะออกสอบมาแล้ว มึงก็ดูตามนี้พยายามจำ key word ของแต่ละหัวข้อให้ดี ที่เหลือแล้วค่อยไปต่อยอดเอาเอง”แล้วมันก็อธิบายอะไรให้ผมฟังอีกนิดหน่อยก่อนจะให้ผมทำความเข้าใจเอง ไม่ยักรู้มาก่อนว่าไอ้เชษฐ์เตรียมตัวกับการสอบย่อยแบบนี้ดีขนาดนี้

ผ่านไปสามชั่วโมง ตอนนี้เที่ยงคืนพอดีผมก็ทำความเข้าใจกับกระดาษสามแผ่นแล้วก็ดูตัวอย่างโจทย์จากในหนังสือจนเข้าใจถ่องแท้ ถ้าข้อสอบออกมาอย่างที่ไอ้เชษฐ์เก็งมายังไงเสียผมก็ผ่านอยู่แล้ว

“ไปกินโจ๊กที่ตลาดโต้รุ่งกันไหม”หลังจากจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือเป็นเวลาพอสมควรทำให้ผมสูญเสียพลังงานไปมาก ตอนนี้เลยเริ่มหิวอีกแล้ว กะว่าจะทานมื้อดึกก่อนแล้วค่อยนอน

“ไปสิ”ไอ้เชษฐ์ที่ยังไม่ได้นอนทั้งที่คงอ่านทบทวนทำความเข้าใจเสร็จไปเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง มันตอบรับการชวนของผมอย่างง่ายๆ

เวลาไม่กี่นาทีเราทั้งสองก็ถึงตลาดโต้รุ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก ผู้คนค่อนข้างบางตาแต่ก็ยังมีอยู่ประปราย

“เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง เป็นการขอบคุณที่มึงช่วยให้กูไม่ต้องถ่างตาอ่านสะเปะสะป่ะ”ผมเอ่ยอย่างจริงใจ รู้สึกขอบใจมันจริงๆ นะเนี่ย

“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะกูไม่ได้เอากระเป๋าตังค์มา”ไอ้เชษฐ์พูดพร้อมกับหัวเราะ แหมเตรียมพร้อมดีจริงๆเลยนะมึง รอเพียงไม่นานโจ๊กที่สั่งก็มาตั้งตรงหน้าส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเราสองคน

“เออกูถามหน่อยดิ”หลังจากทานกันเงียบๆ อยู่พักนึงไอ้เชษฐ์ก็ทำลายความเงียบขึ้นมา

“ว่า”ผมตอบกลับสั้นๆ พร้อมกับตักโจ๊กเป่าเข้าปากต่อ

“ตอนนี้มึงไม่เล็งใครไว้เลยเหรอ ปกติเห็นไม่เคยขาดแฟนนาน แต่นี่มึงก็โดนทิ้งมาจะครบอาทิตย์แล้วนิ”แหมเหมือนหลอกด่าผมเลยนะเนี่ย ว่าเป็นคนขาดผู้ชายไม่ได้ยังไงยังงั้นแหละ

“ก็กูต้องมาติดอยู่กับมึงแล้วก็เกมของไอ้การ์ดแบบนี้ กูจะไปมองใครได้ หรือใครเค้าจะมาสนใจกูเพราะตอนนี้ใครๆเค้าคิดว่ากูกับมึงเป็นแฟนกันทั้งนั้น”ก่อนถามนี่มันน่าจะลองคิดเองดุบ้างนะเพราะตัวมันเองยังเพิ่งจะถูกบอกเลิกเลยจากการที่ต้องมาติดอยู่กับผมด้วยเกมนี้

“งั้นถ้ามึงอยากได้แฟนก็คงต้องรอให้กูเมาแล้วปล้ำมึงแล้วละ”ว่าแล้วว่าต้องกลับมาหาเรื่องกวนประสาทผมอีกแน่ๆ

“อย่างมึงสงสัยต้องทั้งดื่มทั้งอาบถึงจะเมา แต่ไม่เป็นไรเพราะกูไม่ได้อยากให้มึงมาปล้ำกู”สงสัยความเพี้ยนของไอ้เชษฐ์คงจะเริ่มหายไปกลับเข้ามาสู่โหมดต่อปากต่อคำกับผมอีกแล้ว

“มึงไม่อยากให้กูปล้ำเพราะมึงจะสมยอมกูใช่ไหมล่ะ”ดูปากมันเถอะครับ

“มึงจะให้กูจ่ายตังค์ให้หรืออยากล้างจานเป็นค่าโจ๊กถ้วยนี้”ต่อปากต่อคำกันอีกพอหอมปากหอมคอ ให้มันเหมือนเดิมหน่อยก่อนจะกลับไปนอนเตรียมตัวตื่นไปสอบในพรุ่งนี้เช้า






แวะมาต่อคร๊าบบบ

หลายๆ คนเริ่มได้กลิ่นแหม่งๆ จากนายเชษฐ์แล้วสินะ 555

กะต้องรอดูว่ามันคืออะไร

สุขสันต์วันหยุดคร๊าบบบ

ไปเที่ยวไหนกันหรือเปล่าวันนี้

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 5 [10-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 10-12-2014 09:37:11
รู้สุกเหมือนกับว่าการ์ดจะรู้อะไรๆเดี่ยวเพึ่อนสองคนนี้ดีนะ  คนนอกอาจจะเห็นได้ชัดกว่าคนในนะบางที
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 5 [10-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-12-2014 12:30:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 5 [10-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: eveniing ที่ 10-12-2014 12:36:27
รักกันเถอะ  :z1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 5 [10-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 10-12-2014 13:12:37
ดูทรงแล้ว เกรงว่าจะได้กันเร็วๆ นี้ ไม่ต้องรอถึง 45 วันหรอก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 5 [10-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 10-12-2014 14:18:33
เชตเริ่มแปลกๆนะ คริคริ :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 5 [10-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 10-12-2014 14:59:34
ปากก็บอกไม่ชอบเค้า แต่การกระทำแปลกๆนะเชษฐ์นะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 5 [10-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-12-2014 20:46:59
เชดมีใจให้ก่อนแน่ๆๆๆ
ลุ้นๆๆๆๆๆ
ไม่ไปไหน รออ่านจร้า อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 5 [10-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 11-12-2014 11:52:37
วันที่ 6



“มึงทำได้ไหมว่ะตี๊ฟ”ไอ้การ์ดเอ่ยถามผมเสียงอ่อยๆ หลังจากสอบเสร็จ วันนี้พวกเรามีแค่สอบในตอนเช้า ส่วนช่วงบ่ายไม่มีเรียนต่อ เพราะวิชาที่เรียนตอนบ่ายอาจารย์ มอบหมายงานให้ทำแล้วไม่จำเป็นต้องเข้าเรียน ฟังจากน้ำเสียงของเพื่อนผมแล้วนี่ สงสัยจะทำข้อสอบไม่ได้ ส่วนผมงานนี้ต้องขอบคุณไอ้เชษฐ์มันเสียหน่อยเพราะข้อสอบออกตรงกับที่มันให้ผมอ่านเลย เพราะงั้นสำหรับผมคงไม่มีปัญหาอะไรกับการสอบครั้งนี้

“ก็น่าจะพอผ่าน”ไม่อยากจะบอกว่าทำได้หมดเพราะเดี๋ยวจะเป็นการตอกย้ำเพื่อนที่ทำไม่ได้

“แต่กูไม่มั่นใจเลยว่ะ”ไอ้การ์ดบอกอย่างเซ็งๆ อะไรกันปกติมันก็ทำได้ทุกทีนี่นา แล้วทำไมคราวนี้มากังวลอะไรนักหนา

“ไม่เป็นไรงั้นเย็นนี้เดี๋ยวกูเลี้ยงเบียร์ปลอบใจเอาไหม”จริงๆ ก็อยากดื่มเองนั่นแหละครับเพราะวันนี้วันศุกร์พรุ่งนี้ก็วันหยุด มันต้องไปสังสรรค์กันหน่อย อีกอย่างที่ผมจะเลี้ยงเพราะจะได้ถือเป็นการขอบคุณไอ้เชษฐ์มันด้วย แต่ที่ต้องเอาไอ้การ์ดมาอ้างแบบนี้ก่อนเพราะเดี๋ยวพวกมันจะแซวผมอีก พวกนี้ยิ่งไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่

“เหล้ามันไม่ใช่ทางออกนะมึง”เอ้าทำมาเป็นพูดจามีหลักการ

“เหล้าที่ไหนกูจะเลี้ยงเบียร์”ผมยังคงพูด้วยความอารมณ์ดี หวังให้ไอ้การ์ดรู้สึกดีขึ้น

“เหมือนกันนั่นแหละ...เหล้ามันไม่ใช่คำตอบหรือทางออกของปัญหานะมึง”วันนี้มาแปลกแหะเพื่อนผม หรือมันจะซีเรียสจริงๆว่ะเนี่ย ปกติมันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นี่นามีแต่พอชวนก็ระริกระรี้รีบอยากจะไปยิ่งของฟรีแบบนี้ด้วยแล้ว

“เหล้ามันไม่ใช่คำตอบก็จริง...แต่มันช่วยให้ลืมคำถามนะมึง ตกลงจะไปไหม กูเลี้ยงไม่อั้นดื่มได้เท่าไหร่ดื่มไป”กะว่าจะเลิกสนใจมันแล้วครับ อยากเล่นตัวนักผมไปชวนคนอื่นก็ได้หรอก ไม่ง้อมันแล้ว (ไม่ได้นึกห่วงเลยว่าเพื่อนจะเครียดจริงๆ)

“คำไหนคำนั้นนะมึง กูตกลงเจอกันเย็นนี้ ไปแล้วไม่อยากอยู่เป็นก้างพวกมึง”ว่าแล้วเชียวว่าคนอย่างไอ้การ์ดมีหรือจะปฏิเสธ ว่าแต่ที่บอกว่าไม่อยากอยู่เป็นก้างนี่หมายความว่ายังไงกัน

“ทำข้อสอบได้ไหม”เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังผม อย่างนี้นี่เองที่ไอ้การ์ดว่าไม่อยากอยู่เป็นก้าง ผมหันมามองไอ้เชษฐ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“ก็พอทำได้”ผมตอบออกไปอย่างถ่อมตัว เพราะเดี๋ยวเกิดมีตรงไหนทำพลาดไปจะได้ไม่อายไอ้เชษฐ์มัน แต่ผมว่าผมก็มั่นใจนะกับการสอบเก็บคะแนนคราวนี้

“ได้คนติวดีอย่างกูก็งี้แหละ”ถ้าเป็นครั้งก่อนๆ ผมอาจจะหาเรื่องเถียงมัน แต่คราวนี้ไม่ดีกว่าเพราะว่าคราวนี้ผมเห็นว่าไอ้เชษฐ์มันดีกับผมอยู่เหมือนกัน

“ขอบใจนะ”ผมบอกพร้อมยิ้มให้มัน ไอ้เชษฐ์ดูจะแปลกใจไม่น้อย

“เมื่อวานมึงว่ากูเพี้ยน...แต่วันนี้สงสัยมึงจะเพี้ยนซะเอง ปกติไม่มีทางที่คนอย่างตี๊ฟจะมาพูดขอบอกขอบใจแบบนี้ ไหนตัวร้อนมีไข้หรือเปล่า”ไอ้เชษฐ์ทำเป็นมาเอามือแตะหน้าผากผม แหมกูแกล้งแย่เมื่อวาน วันนี้เอามุขเดิมกูมาเล่นเลยนะ

“กูไม่ได้เพี้ยนหรอก ก็มึงช่วยติวให้จริงๆ กูก็ต้องขอบใจจริงไหม”ผมกล่าวพร้อมกับปัดมือของไอ้เชษฐ์ออก

“เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นอย่างอื่นได้ไหม”แหมไม่ได้แตกต่างกันเลยเพื่อนๆ แต่ละคน นี่ก็คงจะหาเรื่องดื่มฟรีอีกละสิ แต่อันนี้กระผมจัดไว้แล้ว

“ก็เดี๋ยวกูเลี้ยงเบียร์...นี่ก็นัดกับไอ้การ์ดไว้แล้ว มันคงชวนคนอื่นๆ ไปด้วยแหละ”ผมชี้แจงไปตามที่ได้คุยกับไอ้การ์ดไปแล้ว แต่ดูไอ้เชษฐ์จะไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไหร่ ตกลงมันอยากได้อย่างอื่นจากผมหรือไง อย่ามาเรียกร้องอะไรมากนะ อันนี้แค่สอบเก็บคะแนนไม่ใช่สอบใหญ่เสียหน่อย ผมเลี้ยงเบียร์นี่ก็ถือว่าดีมากแล้วนะ

“เบียร์อีกแล้วเหรอ...เป็นอย่างอื่นได้ไหม”เรื่องมากจังนะมึง จะมาเอาอะไรจากกู เมื่อคืนกูก็เลี้ยงโจ๊กไปแล้วนะ ตังค์มึงก็มีอยากได้อะไรก็หาเองแล้วกัน

“จะไปก็ไป...ไม่ไปก็แล้วแต่ อย่างอื่นกูไม่มีให้หรอก”แหมเห็นผมพูดดีด้วยหน่อยชักจะเอาใหญ่นะ

“ไปก็ไป...เอะว่าแต่นั่นแน่เลี้ยงเบียร์นี่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงหรือเปล่า”ไอ้เชษฐ์ทำหน้าทะเล้น ผมนึกถึงคำพูดที่มันบอกว่าถ้ามันเมาแล้วจะปล้ำผมทันที สงสัยมันจะแซวผมเรื่องนี้แน่ๆ

“กูไม่ได้จะมอมให้มึงเมาแล้วปล้ำกูแล้วกันน่า”ผมดักทางมันอย่างรู้ทัน

“กูยังไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย...อย่างนี้เค้าเรียกร้อนตัวนะเนี่ย”เอาเข้าไป แค่ไอ้การ์ดผมก็เกินจะทนแล้วนะ นี่ไอ้เชษฐ์ตกลงมันมีจุดประสงค์เดียวกับผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย ก็ไหนเราทั้งสองต่างยืนยันว่าจะไม่รักกัน แล้วมันจะมาแซวผมแบบนี้หาพระแสงอะไร

“กลับเหอะ อย่ามามัวพูดจาบ้าๆ บอๆ แบบนี้อยู่เลย เดี๋ยวต้องรีบกลับไปนอนตุนไว้เผื่อคืนนี้”ผมรีบตัดบทไม่อยากต่อปากต่อคำกับไอ้เชษฐ์อีก

“ทำเป็นตัดบทหนี นี่อย่าบอกนะว่ามึงเขินกูอีกแล้ว”ดูมันเถอะครับ พอผมทำเป็นไม่สนใจก็หาว่าผมเขินมันอีก เอาเข้าไป ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาส่วนตัวคนพูดเองก็เดินผิวปากตามมาอย่างอารมณ์ดี




“เอ้าเฮ้ยพวกเรา...คู่หวานคู่ใหม่มาแล้ว”ทันทีที่ผมและไอ้เชษฐ์ก้าวเข้าร้าน เสียงไอ้การ์ดก็นำตามด้วยเพื่อนๆ คนอื่นช่วยกันโห่ ต้อนรับพวกผมสองคน ถึงจะหน้าหนาอยู่บ้าง แต่สายตาคนอื่นๆในร้านที่มองมาก็เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ

“ไม่คิดว่าพวกกูจะอายคนอื่นเค้าบ้างเลยใช่ไหม”ผมนั่งลงที่โต๊ะก่อนจะหันไปปรามพวกมันให้หยุดเห่าได้แล้ว เด็กเสริฟสาวสวย เอาแก้วมาเพิ่มให้ผมกับไอ้เชษฐ์พร้อมกับรินเบียร์ส่งให้

“รักกันนานๆ นะคะ ดูพี่สองคนเหมาะกันดี”คำพูดของสาวเสิร์ฟเล่นเอาผมแทบสำลักเบียร์ เพราะไอ้พวกเพื่อนๆ ตัวดีโดยแท้ ตอนนี้สงสัยคนทั้งร้านคงเข้าใจแบบนี้ไปแล้ว และยังไม่ทันที่ผมจะได้แก้ต่างให้ตัวเอง สาวสวยคนที่รินเบียร์ให้ผมก็เพียงยิ้มให้แล้วเดินจากไป ซุบซิบกับเพื่อนๆ เด็กเสิร์ฟคนอื่นๆ

“เอ้า...เพื่อนเรารักกันมันต้องฉลอง”ไอ้การ์ดนำทีมอีกแล้วครับท่าน ชูแก้วชนคนอื่นๆ แถมยังมาบอกว่าฉลองที่เพื่อนรักกัน คงไม่ได้หมายถึงใครอื่นแต่มันคือผมกับไอ้เชษฐ์นั่นเอง ไอ้เชษฐ์นี่ก็แทนที่จะช่วยกันขัดพวกนี้บ้างแต่ไม่เลย

“ผิดงานแล้วพวกมึง”ผมเอาแก้วกระแทกเข้ากลางวงก่อนจะยกดื่มหมดแก้ว แล้วชูให้คนอื่นๆ ยกตาม ไม่ใช่ชนแล้วแช่แก้วไว้แบบนี้

“แหมไม่ผิดงานหรอกไอ้ตี๊ฟ เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกมึงก็คงร่วมหอลงโรงกันแล้ว”แล้วพวกเพื่อนๆ ก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนานอีกตามเคย สนุกกันจริงๆ กับเรื่องนี้ อยากให้พวกมันมาลองเล่นเกมนี้ดูบ้างจังว่ามันจะสนุกกันไหม แต่เมื่อเห็นว่าหนึ่งเสียงของผมคงจะทัดทานอะไรพวกมันทั้งกลุ่มไม่ได้ ผมเลยเลิกสนใจ หันมาดื่มต่อดีกว่า วันนี้คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นคืนวันศุกร์ เลยดูคึกคักเป็นพิเศษ ร้านที่ผมและเพื่อนๆมานั่งวันนี้เป็นร้านออกแนวเพื่อชีวิตหน่อยๆ ตามประสาพวกเพื่อนๆ มันชอบนั่นแหละ ส่วนผมแม้จะไม่ชอบแนวนี้เท่าไหร่ แต่ก็มากับเพื่อนๆ ได้อยู่ไม่มีปัญหาอะไร

“เฮ้ยๆ วันนี้ดื่มหนักทั้งไอ้เชษฐ์ทั้งไอ้ตี๊ฟเลยวุ้ย”ไอ้การ์ดเรียกให้คนอื่นๆ หันมาสนใจผมกับไอ้เชษฐ์อีกแล้ว มันแปลกตรงไหนเนี่ย ทุกทีผมก็ดื่มของผมแบบนี้อยู่แล้ว

“กูว่าวันนี้ไม่ใครก็ใครต้องเข้านอนห้องผิดแน่ๆ เลยว่ะ”แน่นอนว่ามันต้องตามมาด้วยเสียงหัวเราะเป่าปากวี๊ดวิ๊วอีกตามเคย

“ไม่ใช่กูแน่ๆ”ผมปฏิเสธอย่างทันควัน แต่ไอ้เชษฐ์ทำเพียงยิ้มตอบเพื่อนๆ เฉยๆ เมาแล้วหรือไงว่ะเนี่ยไอ้นี่ แต่วันนี้ผมไม่กลัวเรื่องเมาแล้วขับเพราะผมกับไอ้เชษฐ์ เตรียมตัวมาพร้อมเมาโดยการมาแทกซี่

“อย่าเพิ่งมั่นใจไปนะไอ้ตี๊ฟ”ไอ้การ์ดชะโงกหน้ามาพูดกับผมอย่างโงนเงน สงสัยจะเริ่มมึนแล้วละมั้งนั่น พวกเราดื่มกันจนเกือบร้านปิดก็มึนๆ ตึงๆ กันทุกคน เลยได้ฤกษ์ยามงามดีแยกย้ายกันกลับ

“ปาย...เถิดท้าง...คู่...ปายสู่...ปราตู สา...หวัน...”เสียงอ้อแอ้ ของเพื่อนๆ ส่งเสียงยานคางพร้อมกับโบกไม้โบกมือ ส่งผมกับไอ้เชษฐ์ขึ้นแทกซี่กลับ

“มันจะไหวกันหรือเปล่าว่ะนั่น”ผมหันมาพูดกับอีกคนแต่ดูท่าทางแล้ว...

“อ้าวตกลงมึงเองใช่ไหมที่จะไม่ไหวเนี่ย”ผมสะกิดไอ้เชษฐ์ที่ดูเหมือนจะหลับแหล่มิหลับแหล่

“ทำไม...เสียดายหรือไง”ไอ้เชษฐ์ปรือตาขึ้นมาพูดกับผม ว่าแต่เสียดายเรื่องอะไรกันละเนี่ย ผมทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามให้มันเห็นว่าผมไม่เข้าใจที่มันพูด

“ก็เสียดายที่กูจะไม่มีแรงปล้ำมึงไง”เมาจะตายอยู่แล้วยังจะมาปากดีอีก ผมเลยถีบมันเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้

“อย่าเพิ่งหลับแล้วกัน กูไม่มีแรงแบกมึงหรอกนะ”แต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้วเพราะไอ้เชษฐ์ชิงหลับตาไปแล้ว ไม่เป็นไรไว้ถึงคอนโดค่อยปลุกมันอีกที




“ไอ้เชี่ยเชษฐ์ตื่นๆๆ”สรุปว่าผมคิดผิดที่ปล่อยให้มันหลับเพราะกว่าจะปลุกมันได้นี่แทบจะหลับไปกับมัน เพราะผมเองก็ใช่ว่าสติจะยังดี เท่าไหร่ เมาเหมือนกันนั่นแหละ

“เดินดีๆ สิว่ะ”คนเมาอย่างผมต้องมาพยุงคนเมากว่า อย่างตอนนี้มันเลยดูทุกลักทุกเลไม่น้อย กว่าจะประคองกันถึงห้องได้นี่แทบกระอักอ๊วกเลยทีเดียว ผมต้องลากไอ้เชษฐ์มาส่งจนถึงห้องนอนมัน แต่พอจะทิ้งมันลงที่เตียงนอน มันดันไม่ยอมปล่อยมือที่คล้องคอผมไว้ ด้วยความที่เมาเหมือนกันทำให้ผมล้มตามมันลงไปนอนที่เตียงด้วย








มาต่อคร๊าบบบ

ให้ได้ลุ้นกะเชษฐ์และตี๊ฟ o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 6 [11-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 11-12-2014 13:13:12
คืนนี้หรือเปล่า?  :hao6:  รอคอยอย่างคาดหวัง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 6 [11-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 11-12-2014 13:56:33
อุ้ยๆ รอตอนต่อไปไม่ไหวแระ  :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 6 [11-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: eveniing ที่ 11-12-2014 14:42:36
เอาอีกๆ  :z1:  :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 6 [11-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 11-12-2014 17:17:25
ไม่ต้องเลย มาทำให้อยากแล้วก็จากไป  :ling2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 6 [11-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-12-2014 19:05:51
อ่านทันแล้ว
 แลและจะตามลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 6 [11-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-12-2014 21:21:24
คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น  :ling1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 6 [11-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-12-2014 02:01:45
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 6 [11-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 12-12-2014 07:27:46
วันที่  7


ทำไมรู้สึกปวดหัวแบบนี้นะ นี่เมื่อคืนผมคงดื่มหนักมากไปอีกแล้วใช่ไหม ว่าแต่เมื่อคืนนี้ผมไปดื่มกับเพื่อนๆ แล้วก็ลากไอ้เชษฐ์กลับมาที่ห้อง

“เฮ้ย”ผมหลุดอุทานออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ผมน่าจะอยู่ที่ไหน สมองน้อยๆ ของผมเริ่มทบทวนถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าผมเป็นมายังไงหลังจากลากไอ้เชษฐ์มาถึงห้องนอนได้



“ไอ้เชษฐ์ปล่อยกู”ผมพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากการกอดของไอ้เชษฐ์ไอ้นี่เมาแล้วนึกว่าผมเป็นหมอนข้างหรือเปล่า แต่เหมือนคำพูดของผมจะไม่ได้กระทบโสตประสาทของมันหรืออย่างไร เพราะเหมือนมันจะยิ่งกอดผมแน่นเข้าไปอีกจนผมอึดอัด ลมหายใจอุ่นๆ ที่กระทบต้นคอผม ทำเอารู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก กลิ่นแอลกอฮอล์ถูกส่งผ่านมายังจมูกผม

ด้วยความที่ผมชอบกลิ่นนี้เป็นชีวิตจิตใจ ผมคิดว่าคนที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ มันเซ็กซี่ดี แถมช่วยกระตุ้นอารมณ์บางอย่างอีกด้วย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไอ้คนที่กอดผมอยู่คือเพื่อน และมันก็กำลังเมา ทำให้ผมต้องนิ่งไว้ดีกว่า เพราะถ้ายิ่งดิ้นแล้วไอ้เชษฐ์ยังกอดผมอยู่แบบนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเต็มที่แบบนี้ อะไรมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้

เมื่อคิดว่าการดิ้นรนคงไม่สามารถหลุดรอดจากอ้อมกอดของอีกคน เพราะคงเมาจนไม่ได้สติแล้ว ผมเลยคิดว่าผมเองก็เมามากควรจะสงบจิตสงบใจ นอนมันตรงนี้แหละ คิดได้ดังนั้นก็ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง จากความรู้สึกอึดอัดในตอนแรก แต่ก่อนที่ผมจะหลับกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ของผมเพราะตอนนี้ ในตอนที่สติสตังผมกลับมาแล้ว มันทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนกับสภาพที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ แน่นอนผมยังอยู่ในอ้อมกอดของไอ้เชษฐ์ ซึ่งยังหลับอยู่ แต่บางอย่างของมันได้ตื่นตามธรรมชาติในตอนเช้าเหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป และผมก็สัมผัสได้เสียด้วย

“โอ๊ย”ไม่ใช่เสียงใครหรอกครับ ก็ไอ้คนที่มันกอดผมไว้นั่นแหละ ที่ตอนนี้ตกเตียงไปแล้ว ถึงจะเป็นฝีมือผมแต่ความจริงก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะครับ ตอนแรกกะว่าจะผลักมันออกเฉยๆ แต่คงแรงไปนิดไอ้เชษฐ์เลยกลิ้งลงไปกองกับพื้นเรียบร้อย

“อะไรของมึงเนี่ย”ไอ้เชษฐ์เงยหน้าขึ้นมามองผมที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สมน้ำหน้า อยากมากอดผมไว้ทำไมล่ะ เลยไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องเลย

“นี่โกรธที่กูไม่ปล้ำมึงรึไง”พอลืมตาขึ้นมาได้นี่ก็เอาอีกแล้ว ผมกำลังจะอ้าปากเถียงแต่ไอ้เชษฐ์ลุกขึ้นมา เอานิ้วจิ้มที่ปากผมไว้เหมือนยังไม่ให้พูด

“อุตส่าห์เข้ามาอ่อยกูถึงนี่ แต่เสียใจด้วยนะ พอดีเมื่อคืนกูเมาจนไม่มีแรงปล้ำมึง แต่เช้าๆ แบบนี้หรือกูจะเมาดิบปล้ำมึงดีล่ะไอ้ตี๊ฟ”คำพูดพร้อมสายตาหื่นๆ ที่ผมไม่คิดว่าจะมาจากไอ้เชษฐ์ส่งมาหาผม มันทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว

“กูไม่ได้อยากมานอนห้องมึงนักหรอกนะ ถ้าไม่ใช่ว่ามึงกะ...”ผมหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะผลักให้ไอ้เชษฐ์ถอยห่างออกไป

“กูทำไม พูดต่อสิ”ไอ้เชษฐ์ขยับเข้ามาใกล้ๆผมอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าตายียวนใส่ผม น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

“ไม่ทำไมหรอก ก็แค่มึงเมามากกูเลยลากมา แล้วกูเองก็กลับห้องไม่ไหวก็แค่นั้น”ผมไม่อยากจะพูดว่าเพราะมันกอดผมไว้เลยกลับห้องไม่ได้ เพราะเหมือนมันเองก็คงไม่รู้สึกตัวหรอกมั้ง เดี๋ยวมันจะเอามาแซวหาว่าผมอ่อยมันอีก

“แค่นั้นเหรอ”ไอ้เชษฐ์อมยิ้มแปลกๆ เหมือนไม่เชื่อที่ผมพูด

“เออ...กูกลับห้องก่อนแล้วกัน”

“เดี๋ยวก่อน”ในจังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้น ไอ้เชษฐ์ก็เรียกผมไว้ มันเลยทำให้ผมเสียจังหวะล้มลงบนพื้น และตามสัญชาตญาตเมื่อจะล้มผมก็ต้องไขว่าคว้าหาที่ยึดเหนี่ยว มือผมเลยดึงไอ้เชษฐ์ล้มตามลงมาด้วย

เลยกลายเป็นว่าไอ้เชษฐ์นอนทับอยู่บนตัวผม หน้าเราห่างกันแค่ไม่กี่เซน ปลายจมูกแทบจะชนกันอยู่แล้ว จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน สายตาของเราทั้งสองประสานกันนิ่ง ผมรู้สึกว่าแววตาที่มองมายังผมมันแปลกไป แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แม้จะแค่เสี้ยวนาที แต่เหมือนเวลามันหยุดไปนาน

“ลุกสักทีสิ กูหนัก”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมขยับเสียที เลยต้องเรียกสติให้มันหน่อย ความจริงก็เรียกสติผมเองด้วยนั่นแหละ เพราะเหมือนจะแปลกๆไปเหมือนกัน ไอ้เชษฐ์ลุกขึ้นอย่างเก้ๆ กังๆ เหมือนจะทำตัวไม่ถูก อะไรของมันทำยังกะเขินผมงั้นแหละ สงสัยมันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

“ไปละ”ผมขยับตัวลุกก่อนจะเดินไปเปิดประตู

“ตี๊ฟ”เสียงเรียกทำให้ผมต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง

“อะไรอีก”เริ่มจะเซ็งๆกับมันแล้วครับจะอะไรกันหนักหนา จะกลับห้องไปอาบน้ำแล้วมีอะไรก็ว่ามา

ไอ้เชษฐ์ยิ้มอย่างกวนๆ ก่อนจะพูดออกมา

“คราวหน้ากูจะไม่เมาจนหมดเรี่ยวหมดแรง แต่จะเหลือไว้ปล้ำมึงแล้วกัน”

“ไอ้....”ผมนึกไม่ออกว่าจะเรียกมันว่าอะไรดี ก็ทั้งที่จุดประสงค์ของเราทั้งสองคือการทำให้เพื่อนๆเห็นว่าเราจะไม่หวั่นไหวไปกับอีกฝ่ายเด็ดขาด แต่ดูมันทำเข้าสิ ผมเลยปิดปรูตะใส่มันเสียเลย




“ตี๊ฟไปหาอะไรกินไหม”หลังจากผมกลับเข้าห้องตัวเองและอาบน้ำอะไรเสร็จสักพักใหญ่ๆ ไอ้เชษฐ์ก็มาเคาะห้องเรียกผม แต่เวลาแฮงค์ๆ แบบนี้ผมไม่ค่อยอยากทานอะไรเพราะเดี๋ยวมันจะกลับออกมาทางเดิม

“ไม่หิว เชิญมึงตามสบายเลย”ผมตอบปฏิเสธก่อนจะล้มตัวลงนอน วันหยุดแบบนี้ต้องรีบนอนไว้เยอะๆ ไว้ตอนเย็นๆ ค่อยกินเยอะๆเอาแล้วกันตอนนี้ขอนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า

“ตี๊ฟไปเดินห้างกันไหม”หลังจากผ่านไปอีกสักพัก ผมก็ถูกปลุกด้วยเสียงตะโกนของไอ้เชษฐ์อีกครั้ง แต่คำตอบของผมก็ยังเหมือนเดิม

“ไม่ไป ขี้เกียจ กูจะนอน”ผมตอบออกไปเสียงงัวเงียพร้อมกับยกหมอนขึ้นปิดหู

“ไปดูหนังไหม”เสียงเริ่มแว่วๆมาอีก

“ไม่”

“ไปหาพวกไอ้การ์ดไหม”

“ไม่”

“ไปร้องคาราโอเกะไหม”

“ไม่”

“ไปกินเบียร์กันไหม”

“อะไรของมึงเนี่ยไอ้เชษฐ์ กูบอกว่าจะนอน”ในที่สุดผมก็หมดความอดทนต้องลุกมาเปิดประตูเผชิญหน้ากับไอ้คนกวนประสาทนี่

“ก็กูไม่มีอะไรทำ นอนก็นอนไม่หลับ มึงมาทำอะไรเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”จะมาไม้ไหนของมันอีกละเนี่ย

“อยากทำอะไรก็ทำไปคนเดียวเซ่ มายุ่งกะกูทำไมกูจะนอน ช่วยตัวเองเป็นไหม...โตจนป่านนี้แล้ว”ผมบ่นอย่างหัวเสียที่โดนขัดจังหวะการนอน ว่าแต่ทำไมไอ้นี่ยังมายิ้มอยู่อีกทั้งที่ผมกำลังจะด่ามันอยู่นะเนี่ย

“ช่วยตัวเองนะกูทำเป็นมานานแล้ว...แต่ตอนนี้อยากให้คนอื่นช่วยมากกว่า”ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าคำพูดของผมมันคิดสองแง่สองง่ามได้ด้วย แต่คิดได้มันก็ช้าไปแล้ว เพราะไอ้เชษฐ์มาทำหน้าตากวนประสาทผมอยู่นี่แล้ว จากตอนแรกที่คิดว่าจะไปเป็นเพื่อนมันทำอะไรสักอย่างที่มันเอ่ยชวนมา แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว

“กูจะนอน”ผมปิดประตูใส่หน้ามันอีกครั้ง

“อ้าวมาช่วยกูก่อนสิ กูเบื่อช่วยตัวเองแล้ว ตอนนี้แฟนกูก็ไม่มี”เสียงจากประตูอีกฝั่งยังคงส่งเสียงล้อเลียนผมอยู่

“จะไปไหนก็ไปกูจะนอน ถ้าไม่เลิกแหกปากอีก กูจะออกไปฆ่ามึงหมกโถส้วม”ตะโกนกลับไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ไอ้เชษฐ์เองก็คงรู้ว่าผมพูดไปงั้น แต่ผมจะไม่สนใจเสียงมันอีกต่อไป ผมหยิบเอาทิชชู่ยัดเข้าที่หูทั้งสองข้างก่อนจะหลับตาลงพักผ่อนอีกครั้ง




เสียใจด้วยที่กับคนที่ลุ้นกัน 555

ยังไม่สำเร็จเน้อ

ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านเช่นเคยนะคร๊าบบบบ o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 7 [12-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 12-12-2014 10:45:47
ลุ้นทุกวัน ว่าจะได้กันเมื่อไหร่ :mew2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 7 [12-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-12-2014 12:12:54
คงไม่ใช่ว่า ได้กันวันที่ 45 หรอกนะ  :really2:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 7 [12-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 12-12-2014 12:41:37
แค่นี้ก็ฟินแระ เริ่มมีพัฒนาการ คริคริ :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 7 [12-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-12-2014 14:37:27
เชษกอดติ๊ฟแน่นไปป่าว 555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 7 [12-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 13-12-2014 07:50:29
วันที่ 8

“นี่อ่ะนะที่ดั้นด้นพากูมา”ผมหันไปแขวะอีกคนที่ขับรถมาถึงที่แห่งหนึ่ง หลังจากที่เมื่อวานไอ้เชษฐ์ไม่ประสบความสำเร็จในการชวนผมออกจากห้องได้ วันนี้มันเลยลากผมออกมาแต่เช้า ด้วยความรำคาญ ผมเลยบอกว่าอยากจะไปไหนก็ไป และผมก็หลับตลอดการเดินทาง ตอนแรกคิดว่ามันคงจะไปดูหนังหรือหาอะไรกิน แต่พอผมตื่นขึ้นมา ซึ่งไอ้นี่ก็ไม่ยอมปลุกกันเลย ปล่อยผมหลับอยู่ได้ตั้งนาน แถมนี่คงถึงที่หมายได้พักใหญ่แล้ว ผมมองไปรอบๆ แสงแดดยามที่เริ่มสายเริ่มทำหน้าที่ให้แถวนี้ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ลมทะเลพัดมาเป็นระยะ ใช่แล้วครับตอนนี้ผมกับไอ้เชษฐ์อยู่ที่ชายหาดบางแสน

“ก็มึงบอกเองว่าไปไหนก็ได้”ไอ้เชษฐ์บอกผมก่อนจะเดินนำหน้ามุ่งตรงไปยังชายหาด

“แล้วทำไมไม่ชวนพวกไอ้การ์ดมาด้วย หลายๆ คนจะได้สนุก”ผมเดินตามไอ้เชษฐ์ไปนั่งที่ริมชายหาด นึกถึงเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่น่าจะมาเที่ยวแบบนี้ด้วยกันบ้าง เพราะปกติมีแต่พากันไปดื่ม นานๆ มาพักผ่อนแบบนี้บ้างก็น่าจะดี แต่ผมว่าถ้ามากันครบก็คงไม่พ้นหาเรื่องดื่มกันอยู่ดีนั่นแหละ

“พวกมันไม่มาหรอก”ไอ้เชษฐ์ตอบกลับมาพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้เปล ที่วางอยู่บริเวณชายหาด พนักงานที่เป็นเจ้าของเก้าอี้รีบทำหน้าที่มาตอนรับพวกผม และเสนอรายการอาหารให้พวกผมสั่ง

“เอากุ้งเผา หมึกย่าง หมึกนึ่งมะนาว แล้วก็ข้าวผัดทะเลจานกลางครับ”ไอ้เชษฐ์สั่งโดยไม่ได้ปรึกษาผมเลย แต่จริงๆ ที่มันสั่งไปผมก็โอเคนะเพราะผมชอบทานหมึก ซึ่งเพื่อนๆทุกคนก็รู้ดี รวมถึงไอ้เชษฐ์ด้วย นี่มันคงสั่งเผื่อผมแล้วนั่นแหละ ที่สั่งมาก็แค่ทานเล่นกันแหละครับ มาทะเลทั้งทีก็ต้องทานอาหารทะเลบ้าง

“เอาอะไรเพิ่มอีกไหม เดี๋ยววันนี้กูเลี้ยงเอง”วันนี้มาแปลกแหะ ไปรวยมาจากไหนของมัน ผมมองมันอย่างไม่ค่อยจะเชื่อหูตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าเพราะไม่รู้จะสั่งอะไรดี อีกอย่างก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ด้วย

“ก็เลี้ยงที่มึงมาเป็นเพื่อนกูนี่ไง อีกอย่างวันก่อนมึงยังเลี้ยงข้าว เลี้ยงเบียร์กูเลย ครั้งนี้ก็ถือว่ากูเลี้ยงคืนแล้วกัน”ทั้งที่ผมไม่ได้ถามอะไรเสียหน่อย ตอบมาเสียยืดยาวเลย อยากจะเลี้ยงก็เลี้ยงไปสิ ของฟรีผมก็ชอบเหมือนกัน

“รับเครื่องดื่มอะไรดีค่ะ”พนักงาน ส่งเสียงขึ้นเตือนเป็นสัญญาณว่าอยากจะรีบรับออเดอร์ แล้วรีบไปจัดการมาให้พวกผม

“เบียร์ครับ”ไอ้เชษฐ์สั่งโดยไม่ได้ถามความเห็นของผมอีกแล้ว

“เฮ้ย ไหวเหรอ มึงต้องขับรถกลับนะ”ผมทักท้วงเพราะว่าเราสองคนยังต้องขับรถกลับเข้ากรุงเทพฯ อีก

“ไหวๆ ไม่ดื่มมากหรอกไม่ต้องกลัวว่ากูจะ...”ไอ้เชษฐ์หยุดพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะหันไปบอกพนักงานว่าให้เอาเบียร์มาเหมือนเดิม

“ไม่ต้องกลัวว่าอะไร”หลังจากพนักงานออกไปแล้วผมก็เอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจว่ามันบอกว่าไม่ต้องกลัวอะไร หรือมันจะหมายถึงว่าไม่ต้องกลัวว่ามันจะขับรถกลับไม่ไหว แล้วนี่ถามไปแล้วยังจะมาคิดเองอีกทำไมละผม

“ก็ไม่ต้องกลัวว่ากูจะขับรถกลับไม่ไหวไง...หรือมึงคิดว่ากูหมายถึงเรื่องอะไร”ไอ้เชษฐ์มองผมอย่างเจ้าเล่ห์นี่มันคงจะแซวอะไรผมอีกแน่ๆ

“ไม่มีอะไร...ถ้ามึงหมายถึงแค่นั้นก็แค่นั้น”ผมรีบตัดบทก่อนที่อะไรมันจะวนมาให้ไอ้เชษฐ์แซวผมอีก พักนี้เหมือนผมจะเถียงหรือหาอะไรมาต่อปากต่อคำกับมันไม่ค่อยได้เท่าไหร่

“นั่นแน่หรือมึงกำลังคิดว่าจะให้กูเมาแล้วปล้ำมึง แล้วกลัวกูจะเมาจนปล้ำมึงไม่ไหวอีก”นั่นไงล่ะ ว่าแล้วเชียว ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ในคำพูดของมัน หันสายตามองออกไปในทะเล  เลยเห็นเค้าเล่น banana boat กัน ผมก็ชอบเล่นเหมือนกัน แต่เสื้อผ้าก็ไม่มีมาเปลี่ยน แถมถ้าจะเล่นมันต้องมีเพื่อนเล่น 4-5 คน แต่นี่มากันแค่สองคนจะเล่นยังไงล่ะ ผมเลยกดโทรศัพท์หาไอ้การ์ดกะจะให้พวกมันตามมาสบทบ เพราะนี่มันเพิ่งแค่จะสายๆ ถ้าพวกมันตามมาก็ยังทัน

“พวกมึงนี่ทำเหมือนไป ฮันนีมูนเลยเนอะ”แทนที่มันจะสนใจที่ผมชวนให้มันตามมาด้วย หลายๆ คนจะได้สนุก แต่มันดันเอาแต่แซวกวนประสาทผม

“ตกลงจะมาไหม”ผมถามย้ำอย่างจริงจังอีกครั้ง

“ไม่ไปหรอก ปล่อยให้คู่ข้าวใหม่ปลามันอย่างพวกมึงสวีทกันสองคนดีกว่า ไม่อยากไปเป็น ก้างพวกมึง”หัวโจกอย่างไอ้การ์ดไม่มาก็ไม่ต้องตามคนอื่นหรอกครับ ไม่มีใครมาแน่ๆ เพราะคงจะมาแนวเดียวกับที่ไอ้การ์ดพูดนี่แหละ

“เล่นน้ำกันไหม”ไอ้เชษฐ์หันมาชวนผม แต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพราะ ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แต่จริงๆ ก็อยากเล่นน้ำเหมือนกันนะ ได้แต่มองคนอื่นเล่นน้ำแบบนี้น่าอิจฉาชะมัดเลย แม้น้ำที่นี่จะไม่ใสสะอาดเท่าไหร่ แต่ก็พอเล่นได้อยู่ คนอื่นเค้าก็เล่นกันเยอะแยะไป

“อย่าดื่มเยอะนักละ”ผมปรามไอ้เชษฐ์ที่ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม ตอนนี้อาหารพร้อมเครื่องดื่มมาตั้งที่โต๊ะให้เราเรียบร้อยแล้ว ก็ทานไปดื่มไป ไอ้ผมนะไม่เท่าไหร่แต่ไอ้คนที่จะขับรถพาผมกลับนี่สิ

“ยังกลัวกูไม่มีแรงปล้ำมึงอยู่เหรอ”มันยังตอบกลับผมมาอย่างกวนๆ

“ไม่ตลกนะ..อันนี้ซีเรียส”เรื่องเมาแล้วขับผมว่ามันเป็นเรื่องที่เราควรตระหนักเอาไว้ เพราะพวกผมดื่มกันบ่อย แม้จะยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุอะไร แต่จากที่เคยเห็นมา ผมเลยต้องคอยเตือนเพื่อนๆ เสมอว่าเวลาจะดื่มก็อย่าขับ

“ครับคุณชาย ยังไงผมก็จะพาคุณชายกลับอย่างปลอดภัยแน่นอนคร้าบ”ไอ้เชษฐ์ยังพูดทีเล่นทีจริงอยู่เหมือนเดิม

“รอแป๊บนะเดี๋ยวกูมา”ไอ้เชษฐ์บอกผมก่อนจะเดินจากไป ผมก็มองตามว่ามันจะไปไหน ไอ้เชษฐ์เดินกลับไปที่รถ ก่อนจะกลับมาพร้อมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นอย่างละ สองตัว

“กูเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วล่ะ เล่นน้ำกันนะ”อ้าวแล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก

เราทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเก็บพวกของมีค่าไปไว้ในรถ จากนั้นก็มุ่งลงน้ำทะเลทันที ไม่ได้เล่นน้ำแบบนี้มานานแล้ว ผมว่ายเล่นอย่างสนุกสนาน แต่ไอ้เชษฐ์ทำไมอยู่แค่ตรงใกล้ๆ ฝั่งหว่า

“ทำไมเล่นอยู่แค่ตรงนี้”ผมกลับเข้ามาถามไอ้เชษฐ์ มันยิ้มอย่างอายๆ ก่อนจะบอกผม

“มึงอย่าขำนะถ้ากูจะบอกว่ากูว่ายน้ำไม่เป็น”แค่นั้นแหละครับ ผมก็หลุดขำออกมาเลย ก็มันเป็นคนชวนมาทะเล และมันก็เป็นคนชวนผม เล่นน้ำ แต่นี่มันดันว่ายน้ำไม่เป็น

“มันตลกมากหรือไงกะแค่ว่ายน้ำไม่เป็นเนี่ย”มันถามผมอย่างเคืองๆ ผมได้แต่พยายามกลั้นหัวเราะ ผมก็ไม่ได้ขำที่มันว่ายน้ำไม่เป็นหรอกแต่ขำที่มันชวนมายังกะมันอยากเล่นน้ำเต็มที่ แต่ดันว่ายน้ำไม่เป็นนี่แหละ

“มึงสอนกูว่ายน้ำหน่อยได้ไหม”ไอ้เชษฐ์พูดกับผมอย่างอายๆ ดูทำท่าทางเข้า น่าเอ็นดูเชียว ทุกทีทุกเรื่องเห็นปากเก่งแต่ทีแบบนี้ดันมาซะเชื่องเชียว ผมทำท่าคิดนิดนึง ก่อนจะตอบรับคำขอของมัน

“เอ้าตามมานี่สิ”ผมเดินไปตรงที่น้ำมันลึกหน่อย แต่ไม่ถึงกับท่วมหัว ยังยืนพ้นน้ำได้ แค่นี้คงไม่จมน้ำหรอก

“สอนตรงนี้ไม่ได้เหรอ”อะไรของมันโตจนป่านนี้ ว่ายน้ำก็ไม่เป็น แถมยังมาทำกล้าๆกลัวๆ แบบนี้อีก

“จะมาไม่มา”ผมทำเสียงดุพร้อมกับยืนให้มันเห็นว่าน้ำตรงที่ผมยืนมันไม่ได้ลึกมาก ขนาดผมตัวเตี้ยกว่ามันยังยืนพ้นน้ำเลย ไอ้เชษฐ์เดินตามผมมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก

“ว่ายน้ำมันไม่ยากหรอก ก็แค่ทำตัวเบาๆให้ลอยน้ำได้แค่นั้นเอง”ผมบอกพร้อมกับสาธิต ความจริงคือผมไม่รู้จะสอนมันยังไง ไอ้ผมก็ว่ายเป็นมาตั้งแต่เด็กถูกจับไปเรียนว่ายน้ำมาแต่เล็กแต่น้อย เลยเห็นเป็นเรื่องง่ายๆ แต่จะมาสอนคนอื่นก็ไม่รู้จะสอนมันยังไงเหมือนกัน

“พูดเหมือนมันง่ายมากเลยนะ”ไอ้เชษฐ์เริ่มบ่นเมื่อเห็นว่าผมไม่น่าจะถ่ายถอดวิชาการว่ายน้ำให้มันได้ ผมเลยต้องรื้อฟื้นถึงครั้งที่ผมเคยถูกสอน

ผมให้ไอ้เชษฐ์ใช้ผมเป็นที่เกาะแล้วให้มันฝึกลอยตัว จนมันเริ่มทำได้ ก็เปลี่ยนให้มันลองว่ายในระยะสั้น โดยการที่ผมทำเป็นตัวอย่าง เหมือนมันก็เรียนรู้ได้เร็ว จนผมนึกว่าตกลงมันว่ายไม่เป็นจริงๆ หรือเปล่า

“อะไรของมึงเนี่ย ทำไมต้องพุ่งมากอดกูไว้แบบนี้”ผมพยามผลักไอ้เชษฐ์ออก ผมให้มันลองว่ายเข้าหาผมในระยะใกล้ๆ แต่มันเล่นพุ่งเข้ามาแล้วเกาะผมไว้เสียแน่น

“ก็กูกลัวจมน้ำนี่นา”มันบอกผมยิ้มๆ จะกลัวจมอะไรน้ำไม่ได้ลึกขนาดนั้นเสียหน่อย ผมเลยถีบเข้าให้ ไอ้เชษฐ์ที่ไม่ได้ตั้งตัวเลยล้มลงไปในน้ำ ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาเพราะสำลักน้ำ ผมหัวเราะมันอย่างสะใจ

“แกล้งกูเหรอ”ไอ้เชษฐ์หันมาหาผมเสียงแข็งพร้อมกับจะกระโจนเข้าใส่ผม ผมเลย ว่ายน้ำหนีมัน โดยที่ไม่รู้ตัว ไอ้เชษฐ์ตามผมออกมาถึงตรงที่น้ำมันลึก ยืนไม่ถึงพื้น

“เชษฐ์...มึงว่ายน้ำเป็นแล้ว”ผมตะโกนบอกให้มันรู้ตัว แต่เหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งรู้ตัวว่าออกมาลึกเกินไป แถมดันจมน้ำลงไปอีกต่างหาก

“ช่วยด้วย”ไอ้เชษฐ์ผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนคนจะจมน้ำ  โชคดีที่มันไม่ได้ออกมาลึกมาก ผมเลยอ้อมไปด้านหลังลากมันไปถึงตรงที่สามารถยืนพ้นน้ำได้ แต่ไอ้เชษฐ์ยังทำตะเกียกตะกายเหมือนจะจมน้ำอยู่อีก แถมหันมากอดผมไว้เสียแน่น นี่ถ้าอยู่ในน้ำลึกจริงๆ คงได้จมหายไปทั้งคู่แน่

“แหกตาดูหน่อย”ผมเข็กกะโหลกมันให้ได้สติ

“อ้าว...ตรงนี้ไม่ลึกแล้วเหรอ”

“เออ...แล้วก็ปล่อยกูเสียที คนมองใหญ่แล้ว”ตอนนี้สายตาหลายคู่กำลังจ้องมองมาที่เราสองคน เพราะไอ้เชษฐ์ยังเกาะผมอยู่ภาพมันเลยดู ส่ออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“แหะๆ”ไอ้เชษฐ์ปล่อยผมก่อนจะยิ้มแห้งๆ กลับมา เราสองคนคงเล่นน้ำและสอนกันจนลืมเวลาเพราะนี่ดูตะวันก็บ่ายคล้อยมากแล้ว อีกอย่างตอนนี้เหมือนฝนจะตกเสียด้วย

“กลับเถอะเดี๋ยวฝนจะตกก่อน”ผมบอกกับไอ้เชษฐ์พร้อมกับเดินขึ้นฝั่ง แต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว เพราะฝนที่ดูเหมือนเพิ่งจะตั้งเค้าดันตกลงมาอย่างรวดเร็ว แบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัวกันเลย คนที่เล่นน้ำกันอยู่รีบขึ้นฝั่งเพราะคลื่นเริ่มแรงขึ้น

“รอด้วยสิ”ไอ้เชษฐ์วิ่งตามมาคว้าข้อมือผมให้หยุดรอมัน

“ก็เร็วๆ สิ ฝนตกแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี”แม้เราจะเปียกกันอยู่แล้วจากการเล่นน้ำแต่การตากฝนซ้ำเข้าไปอีก มันก็ไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่นักหรอกนะครับ

“แค่นี้เองกูไม่เป็นไรหรอก กูออกจะแข็งแรงจะตายไม่ป่วยง่ายๆ หรอก”เราสองคนยังเดินตากฝนคุยกันต่อไป

“อย่างว่าแหละเค้าบอกว่าคนบ้ามักจะไม่ป่วย”ผมตอบกลับไปอย่างติดตลก

“นี่มึงหาว่ากูบ้าเหรอ”ดูไอ้เชษฐ์เองก็ไม่ได้ถือสาคำพูดผม เท่าใดนัก



“กูอาบก่อนแล้วกันนะ”ผมบอกไอ้เชษฐ์เมื่อมาถึงห้องอาบน้ำที่ตอนนี้คนใช้บริการค่อนข้างเยอะและก็เหลือว่างอยู่แค่ห้องเดียว

“อาบพร้อมกันก็ได้จะได้รีบกลับ เดี๋ยวจะถึงดึก”ที่พูดมานี่มันคิดหรือเปล่า มันลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าผมเป็นเกย์ เห็นตอนนั้นทำรังเกียจรังงอนเกย์นักหนา

“ไม่เอาแค่ล้างตัวแป๊บเดียวไม่ได้จะอาบพิถีพิถัน ไม่กี่นาทีหรอกนะ อาบทีละคนก็ได้”ผมรีบผลักไอ้เชษฐ์ออกจากห้องอาบน้ำแคบๆ ที่มันเบียดเข้ามา

“ไม่เห็นเป็นไรเลย อาบด้วยกันแหละเร็วดี ผู้ชายเหมือนกันไม่เป็นไรหรอกน่า”

“ผู้ชายไม่เหมือนกัน”ผมย้ำเตือนให้มันรู้ว่า ผมกับมันไม่เหมือนกัน ถึงผมจะเห็นมันเป็นเพื่อนและคงไม่คิดอะไรเกินเลยกับมัน แต่ผมก็คงไม่ควรจะอาบน้ำด้วยกันในห้องแคบๆแบบนี้

“ไม่เป็นไรกูไม่ถือ”แต่ดูไอ้นี่จะยังดื้อดึง นี่มันจะอะไรนักหนาของมันนะ

“แต่กูถือ”ผมรีบผลักมันออกก่อนจะปิดประตูห้องน้ำ และรีบชำระร่างกาย





สวัสดีเช้าวันเสาร์คร๊าบบบ

แวะมาส่งเชษฐ์กะตี๊ฟเช่นเคย o13 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 8 [13-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-12-2014 09:18:35
เชษนายหื่นไปนะ 555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 8 [13-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 13-12-2014 10:20:29
เชษฐ์มีแผนชัวร์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 8 [13-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 13-12-2014 10:44:00
เชษ์ชอบติ๊กชัวร์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 8 [13-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-12-2014 10:56:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 8 [13-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 13-12-2014 21:22:35
เชษ แอ้บวางแผนรึปะ?  :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 8 [13-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-12-2014 22:41:32
อิเชษฐ์แลดูมีเลศนัยนะเธอ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 8 [13-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-12-2014 22:44:28
เชษฏ์เดินหน้าแล้วนะเนี่ย  :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 8 [13-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 15-12-2014 07:29:28
วันที่  9

“ตี๊ฟ...ตื่นหรือยังสายแล้วนะ”เสียงของใครบางคนแว่วๆ พร้อมกับเสียงเคาะประตู ผมพยายามลืมตาที่ปิดอยู่ รู้สึกเปลือกตามันหนักเหลือเกิน เหมือนเรี่ยวแรงแทบจะไม่มี แม้แต่เสียงจะตอบกลับไปยังไม่มี นี่คงถึงเวลาไปเรียนแล้วกระมั้ง ไอ้เชษฐ์น่าจะแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ผมยังขยับลุกจากเตียงไม่ได้เลย เมื่อวานหลังจากที่กลับมาจากบางแสน ผมก็อาบน้ำอีกรอบ แล้วก็เข้านอนเลย ผมเองเริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าน่าจะเป็นไข้ แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดลุกไม่ขึ้นแบบนี้

ผมพยายามพาร่างอันไร้เรี่ยวแรงตะเกียกตะกายไปเปิดประตูบอกไอ้เชษฐ์ที่ยังทุบประตูเหมือนจะพังเข้ามาเสียให้ได้ กว่าผมจะถึงประตูนี่ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ แถมประตูเหมือนจะต้านแรงไอ้เชษฐ์ไว้ไม่อยู่แล้ว ถ้าผมช้าอีกนิดประตูคงพังพอดี

“เฮ้ย...เป็นอะไร”ร่างผมทรุดแทบจะกองลงกับพื้นหลังจากเปิดประตูได้ ไอ้เชษฐ์รีบเค้ามาช้อนร่างผมกลับไปที่เตียง

“ไหวไหม”คนที่อุ้มผมมาที่เตียงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใย ผมทำได้เพียงส่ายหน้าเล็กน้อย ไอ้นี่ก็น่าจะรู้เห็นอยู่ว่าผมเป็นหนักขนาดนี้ยังจะมาถามอีก ผมพยายามตั้งสติเพื่อประคองร่างตัวเอง เพราะเมื่อกี้เพิ่งตื่นเลยเหมือนยังเบลอๆ แต่พอตั้งสติดีๆ หน่อยผมก็ยังพอขยับตัวได้อยู่

“มึงไปซื้อยามาให้กูที”ผมบอกอีกคนด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“ไปหาหมอดีกว่าไหม เป็นหนักขนาดนี้”ไอ้เชษฐ์ทำท่าจะมาอุ้มผมอีกครั้ง นี่กะจะพาผมไปหาหมอทั้งชุดนี้เลยหรือไง นี่มันชุดนอนนะ  ผมบ่ายเบี่ยงว่าขอเปลี่ยนชุดก่อน

“ออกไปเซ่”ผมไล่ไอ้เชษฐ์ที่เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วแต่ยังมายืนจ้องผม ว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไม่เปลี่ยน

“กูเปลี่ยนให้ดีกว่าจะได้เร็ว”ไวเท่าคำพูด เสื้อท่อนบนผมถูกถอดออกอย่างรวดเร็วก่อนจะสวมตัวใหม่เข้ามาให้แทน แต่ท่อนล่างผมไหวตัวทัน  เลยดึงกางเกงมาบอกจะเปลี่ยนเอง

“หันไปสิว่ะ”ขนาดบอกจะเปลี่ยนเองไอ้นี่ยังมามองอยู่ได้ ไอ้ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ จะให้มาแก้ผ้าต่อหน้ามันได้ไง ก็อย่างที่บอกว่าผมกับมันผู้ชายไม่เหมือนกัน ผมเปลี่ยนกางเกงด้วยความทุลักทุเล เพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกมีอาการเวียนหัวหน่อยๆ ด้วย

“จริงๆ แค่มึงไปซื้อยามาให้กูก็ได้ไม่ต้องไปหาหมอ”ผมเริ่มบ่นระหว่างทางที่จะไปหาหมอเพราะ มันรู้สึกเพลียๆ ไม่อยากออกมาข้างนอก

“ทำไมไม่อยากไปหาหมอหือ...หรือเป็นโรคกลัวหมอ”น้ำเสียงเหมือนจะล้อเลียนหน่อยๆ ตอบกลับผมมา  ผมเบ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ ไอ้ผมนะไม่ได้กลัวหมอหรอก แต่ผมรู้แล้วต่างหากว่าหมอจะจัดยาอะไรให้ผมบ้าง

“ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบ ยาแก้เจ็บคอ ยาละลายเสมหะ”ผมพูดออกไปลอยๆ จนไอ้เชษฐ์หันมามองว่าผมพูดอะไร ตอนนี้ผมรู้สึกอาการตัวเองไม่ค่อยหนักเท่าตอนตื่นนอนเท่าไหร่ คงเพราะตอนตื่นร่างกายยังเพลียอยู่เลยมีอาการแบบนั้น

“ที่นี่แล้วกัน”ไอ้เชษฐ์เลี้ยวรถเข้าคลินิกแห่งหนี่ง เพราะเห็นว่าใกล้ดี และก็เปิดทำการแล้ว ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก็อยู่อีกไกลพอควร

เหมือนผมจะเป็นคนไข้รายแรกของที่นี่ในเช้าวันนี้ คุณหมอสอบถามอาการก่อนจะวินิจฉัยว่าผมเป็นอะไร ผมต้องฉีดยาหนึ่งเข็มซึ่งผมเป็นคนร้องขอเองเพราะจะได้หายเร็วๆ

“ตกลงหมอเค้าบอกว่าเป็นไร”ไอ้เชษฐ์ถามขณะพาผมไปรับยากับทางพยาบาลผู้ช่วย ผมยังไม่ได้ทันตอบไอ้เชษฐ์เพราะต้องฟังคำสั่งการทานยาจากพี่พยาบาลก่อน

“อันนี้ยาลดไข้ ทุก 4-6 ชั่วโมง ยาแก้อักเสบครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหาร 3 เวลานะคะ ยาละลายเสมหะก็เหมือนกัน ส่วนยาอมแก้เจ็บคอ อมให้ละลายช้าๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง งดน้ำเย็นแล้วก็จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ นะคะ”คุณพี่พยาบาลบอกรายละเอียดก่อนจะให้ผมรับยาและจ่ายเงิน

“ทำไมรายการยาเหมือนที่มึงบอกเลย ตกลงมึงเป็นหวัดเป็นไข้บ่อยจนจำรายการยาได้แล้วเหรอ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามอย่างสงสัยระหว่างทางกลับ

“กูเป็นทอนซิลอักเสบ”ผมตอบออกไปถึงโรคที่คุณหมอวินิจฉัยมา

“เป็นบ่อยเหรอ”ตกลงมันเห็นไหมเนี่ยว่าผมป่วยอยู่ ยังจะมาซักไซ้กันอีก

“มันเป็นโรคที่ไม่หายขาดนะ เวลาอากาศเปลี่ยนหรือโดนฝนก็มีโอกาสเป็นได้ตลอด”ผมกล่าวออกไป ถึงโรคที่ผมเป็นบ่อยๆ โรคนี้เป็นมานานตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนเด็กๆ จะอาการหนักหน่อยเพราะจะเวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยตลอด ทานอะไรเข้าไปจะออกมาหมดเลย แม้กระทั่งน้ำเปล่า จำได้ว่าเคยมีครั้งนึงผมได้แต่นอนทั้งวันเลย เพราะกินอะไรก็ไม่ได้ ไม่มีเรี่ยวแรงแถมเพลียกับการอาเจียนอีก ดีที่พอโตมาอาการจะไม่ค่อยรุ่นแรงมาก และส่วนใหญ่ผมก็จะเริ่มรู้สึกตัวเองก่อนว่าจะเป็น ก็จะหาซื้อยามาทานกันไว้ก่อน เมื่อวานนี้ผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนกันแหละว่า จะเจ็บคอ แต่ด้วยความเพลียมากเลยไม่ได้แวะซื้อยา คิดว่านอนพักอาจจะดีขึ้น

“นี่แสดงว่าเพราะโดนฝนเมื่อวานใช่ไหม”ผมพยักหน้าตอบ เพราะคงไม่ใช่เหตุผลอื่น แต่ที่จริงคงเพราะช่วงนี้ผมพักผ่อนน้อยด้วย อีกอย่างเมื่อวานก็เล่นน้ำทะเลตอนแดดร้อนๆอีก คงจะหลายๆ อย่างรวมกันนั่นแหละมั้งครับ ไม่อยากจะคิดมากคิดไปก็ปวดหัว

“บอบบางจังนะ ดูอย่างกูนี่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่ายๆ หรอก”ไอ้เชษฐ์พูดขำๆ พร้อมทำท่ายกแขนเบ่งกล้ามให้ผมดู ถ้าเป็นปกติผมคงนึกหมั่นไส้มันแต่นี่ผมกลับมองว่ามันกำลังห่วงผมอยู่หรือเปล่า คำพูดไม่ได้ชวนทะเลาะเหมือนทุกวัน พักนี้ผมว่าไอ้เชษฐ์เริ่มแปลกๆ ไปเหมือนกัน

“ก็อย่างที่เค้าว่าแหละ คนบ้ามักจะไม่ป่วย”ผมพูดลอยๆ ก่อนจะหลับตาเพื่อพักสายตาเพราะเหมือนจะรู้สึกเพลียหน่อยๆ



“ตี๊ฟ ๆ”ผมลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เพราะรู้สึกมึนๆ หัว ผมมองหาต้นเสียงที่เรียกผมก็เจอหน้าของไอ้เชษฐ์ที่จ้องมองผมอยู่ ผมมองไปรอบๆ นี่มันห้องนอนผมนี่นา แล้วผมกลับมาอยู่นี่ได้ไง ผมจำได้ว่าไปหาหมอกับไอ้เชษฐ์แล้วตอนกลับผมหลับตาพักสายตา อย่าบอกนะว่าผมหลับไป

“กูมาอยู่นี่ได้ไง”เสียงที่ออกจากปากผมมันฟังดูแหบแห้งเหลือเกิน แถมตอนนี้รู้สึกเจ็บคออยู่มากเลยทีเดียว

“พอดีเห็นว่ามึงหลับเลยไม่อยากปลุก กะว่าจะปลุกทีเดียวตอนจะให้กินโจ๊กนี่แหละ”คำตอบที่ไม่ค่อยจะตรงคำถามออกมาพร้อมกับถ้วยโจ๊กยื่นมาให้ผมดู

“แล้วตกลงว่ากูหลับแล้วหายตัวขึ้นมานอนที่เตียงนี่เองได้เหรอ”ถึงจะเจ็บคอแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแขวะมันครับ

“กูอุ้มขึ้นมาเองแหละ มานี่ทานนี่ก่อนจะได้ทานยาแล้วค่อยนอนพักต่อ”หา ตกลงว่ามันอุ้มผมขึ้นมานี่นะ แล้วทำไมไม่ปลุกกันเล่าจะอุ้มขึ้นมาทำไม ผมมองไอ้เชษฐ์ด้วยความสงสัยกับคำถามที่ผุดขึ้นในหัว แต่ไอ้เชษฐ์กลับทำไม่สนใจ ขยับนั่งลงที่เตียงตรงข้างผมนอน โดยในมือยังคงถือถ้วยโจ๊กอยู่

“กูกินเองได้”เมื่อเห็นว่ามันทำเหมือนผมช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย ผมจึงต้องแย้งเพราะไม่ได้เป็นหนักถึงขนาดต้องให้ใครมาป้อนข้าวป้อนน้ำขนาดนี้

“เฉยๆ เหอะน่า”ไอ้เชษฐ์ยกถ้วยหลบไม่ให้ผมแย่งมาได้ ก่อนจะใช้ช้อนตักมาจ่อที่ปากผม ด้วยความหมั่นไส้และคิดว่าผมทานเองได้ ผมเลยไม่ยอมอ้าปาก

“ไม่สบายแล้วยังจะเล่นตัวอีก...หรือว่าอยากให้ป้อนด้วยปาก”ไม่พูดเปล่าไอ้เชษฐ์ตักโจ๊กเข้าปากตัวเองก่อนจะก้มหน้ามาหาผม

“จะบ้าเหรอ”ผมรีบผลักตัวไอ้เชษฐ์ออก ตกใจหมดเลยนึกว่ามันจะทำจริงๆ เสียอีก ดีที่แค่ล้อผมเล่น แต่ทำเอาใจหายใจคว่ำหมดเลย ใจผมเต้นแทบไม่เป็นจังหว่ะ เพราะอะไรกันนะทำไมถึงได้ใจเต้นแบบนี้ แถมยังรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้

“เอ้า...ว่าง่ายๆ จะได้หายเร็วๆ”ไอ้เชษฐ์ป้อนโจ๊กด้วยช้อนเข้ามาในปากผมคำแล้วคำเล่า บอกตรงๆ ว่าแต่ละคำมันช่างกลืนลงไปอย่างยากลำบาก เพราะคอที่มันมีอาการอักเสบอยู่นั่นแหละครับ

“มันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามเมื่อเห็นการกลืนของผมอย่างพะอืดพะอม

“ซื้อมาจากไหนเนี่ย...ไม่อร่อยเลย”จริงๆ รสชาติมันก็ใช้ได้อยู่หรอกครับ แต่เพราะเจ็บคอผมเลยกลืนลำบากอย่างที่เห็น ส่วนมันจะซื้อมาที่ไหนก็ไม่ได้อยากรู้จริงๆจังๆหรอกแค่จะหาเรื่องว่ามันหน่อยแค่นั้นแหละ

“นี่ฝีมือกูไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ”ไอ้เชษฐ์พูดพร้อมกับเปลี่ยนจากตักป้อนผมเป็นตักใส่ปากตัวเอง

“ทำอะไรนะเดี๋ยวก็ติดไข้ติดหวัดจากกูหรอก”ผมรีบทักเพราะมันใช้ช้อนที่ป้อนผม ซึ่งอาจจะมีเชื้อไข้หวัดอะไรติดอยู่ตักใส่ปากตัวเองแบบนั้น

“ไม่เป็นไรหรอก กูไม่ถือ”แต่เจ้าตัวกลับตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ ว่าแต่เมื่อกี๊มันว่าอะไรนะ

“เดี๋ยวนะเมื่อกี๊เรื่องโจ๊กมึงว่าซื้อมาจากไหนนะ”

“กูทำเองแหละ แต่รสชาติไม่ถูกปากมึงเหรอ เพราะกูก็ว่ามันก็พอใช้ได้อยู่นะ”ไอ้เชษฐ์ทำเองงั้นเหรอ มันทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอ ว่าแต่ทำไมมันต้องมาทำดีกับผมขนาดนี้กันละ

ผมไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะการพูดสำหรับผมตอนนี้มันลำบากอยู่ไม่น้อย ไอ้เชษฐ์จัดการบังคับผมทานโจ๊กฝีมือมันจนหมด จากนั้นก็จัดแจงยาให้ผมจนเรียบร้อย

“อ่อนแอแบบนี้ คงต้องรีบหาคนดูแลแล้วมั้ง”หลังจากจัดยาให้ผมทานไอ้เชษฐ์ก็พูดขึ้น

“กูไม่ได้อ่อนแอขนาดต้องให้ใครมาดูแลทุกฝีก้าวหรอก...แล้วนี่ไม่ไปเรียนเหรอ”จากตอนแรกที่มันพาผมไปหาหมอไอ้เชษฐ์ใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อยแต่ตอนนี้เปลี่ยนใส่ชุดลำลองเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่นี่ก็เพิ่งจะสายๆ เองถ้าจะไปเรียนก็ยังทัน

“ไม่ไปแล้ว...วันนี้ขี้เกียจเรียน”แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ความจริงผมว่ามันคงเป็นห่วงผมละมั้ง จะว่าไปมันก็เป็นเพื่อนที่ดีนะเนี่ย

“เชษฐ์”ผมเอ่ยเสียงแผ่วเรียกไอ้เชษฐ์ที่กำลังจะเดินออกนอกห้องไป คนถูกเรียกหันกลับมามองผมพร้อมกับรอฟังว่าผมจะพูดอะไร

“ขอบใจนะ”ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้มันอย่างจริงใจ ซึ่งผมก็ได้รับรอยยิ้มนั้นกลับมาเช่นกัน แถมด้วยสายตาที่เหมือนจะแฝงด้วยความนัยบางอย่าง แต่ผมไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์มันจะสื่ออะไรมาถึงผม











“กูจะอาบน้ำแล้วมึงมาห้ามกูทำไม”ตอนนี้ผมเริ่มมีแรงต่อล้อต่อเถียงกับไอ้เชษฐ์แล้ว เพราะนอนมาทั้งวันจนนี่ 4 โมงเย็นแล้ว ด้วยความที่ไม่ได้อาบน้ำมาทั้งวันมันเลยรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อยากจะอาบน้ำให้สดชื่นหน่อย แล้วอีกอย่างพวกไอ้การ์ดก็กำลังจะมาเยี่ยมผมด้วย ไอ้ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ มาได้กลิ่นตุๆ จากตัวผมสักเท่าไหร่หรอกนะ

“ก็มึงไม่สบายอยู่ ไปอาบน้ำเดี๋ยวก็ได้เป็นหนักกว่าเดิมอีกหรอก กูว่าเช็ดตัวเฉยๆก็พอมั้ง รอนี่แหละเดี๋ยวกูไปเอาน้ำมาให้”ไอ้เชษฐ์ชี้นิ้วสั่งให้ผมนอนลงเหมือนเดิมก่อนจะเดินออกไป ผมไม่ได้ดึงดันจะเถียงต่อเพราะเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของมัน แค่เช็ดตัวก็คงพอช่วยได้อยู่มั้ง

ไม่นานนักไอ้เชษฐ์ก็กลับเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์เช็ดตัว

“ทำอะไร”ผมถามอย่างสงสัยเมื่อไอ้เชษฐ์เริ่มเช็ดแขนให้ผม

“ก็เช็ดตัวให้มึงไง”มือยังคงทำต่อไปโดยไม่ได้หันมามองหน้าคู่สนทนาอย่างผม

“กูทำเองได้”ผมพยายามขืนตัว เพราะรู้สึกแปลกๆ ที่จะให้คนอื่นมาเช็ดตัวให้แบบนี้

“ไม่ต้องกลัว...กูไม่ปล้ำมึงตอนนี้หรอกน่า”แล้วผมไปพูดตั้งกะเมื่อไหร่ว่ากลัวมันปล้ำ

“กูไม่ได้กลัวมึงปล้ำ...แต่กู...”ผมอ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดยังไง จะเอาตรงๆ บอกมันว่าอายก็แปลกๆ อีกนั่นแหละ

“อะไร กลัวอะไรหรือกลัวกูไม่ปล้ำ”ไอ้นี่รู้สึกว่าช่วงนี้พูดจาแนวนี้บ่อยนะ ถ้าไม่ติดว่ามันบอกเองว่าไม่ชอบเกย์ แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันรู้เช่นเห็นชาติกันมานาน ถ้าไม่ใช่แบบนั้นผมคงคิดว่ามันต้องคิดอะไรกับผมเกินเลยแน่ๆ

“กู...อายว่ะ เดี๋ยวขอเช็ดเองดีกว่า”ผมบอกออกไปเสียงอ่อยๆ ตามความจริง ก็เกิดมาไม่เคยให้คนคื่นมาเช็ดตัวให้แบบนี้ เวลาไม่สบายไม่พี่ชายก็แม่ผมที่เป็นคนเช็ดตัวให้ แต่ให้มาอยู่ในสถาณการณ์แบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ดูมันจะล่อแหลมอยู่ไม่น้อย อีกอย่างถึงเราสองคนจะเป็นเพื่อนกันยังไง ผมก็ไม่กล้ารับปากสักเท่าไหร่ว่าตัวผมเองนี่แหละ จะไม่หวั่นไหวไปกับไอ้เชษฐ์นี่

“ไม่ต้องอายหรอก...กูไม่ล้วงลึกไปเช็ดมึงทุกซอกมุมหรอกน่า”คำพูดมันนะพูดอย่างนั้นแต่มือนี่ตอนนี้ปลดกระดุมชุดนอนผมแล้ว จนผมต้องขยับตัวถอยหนี

“กูเช็ดเองดีกว่านะเชษฐ์ มึงออกไปก่อนเหอะ”ผมพยายามแย่งผ้ามาจากไอ้เชษฐ์แต่เหมือนจะไม่เป็นผล

“ผิวมึงนี่เนียนสวยดีนะ”เมื่อเห็นว่าแรงคนป่วยอย่างผมคงสู้ไอ้เชษฐ์ไม่ได้ผมเลยต้องปล่อยให้มันเชษฐ์ไป ส่วนผมก็ต้องพยายามทำตัวหน้าด้านให้มันมองไป แต่คงไม่เป็นไรมากเพราะมันก็เช็ดแค่หน้าตา คอ ไล่ลงมาตามเนื้อตัวแค่นั้นไม่ได้ลงไปต่ำมากกว่านั้น เพราะถ้าลงไปมากกว่านั้นผมเองก็คงไม่ยอมเหมือนกัน

“เสร็จหรือยัง”ผมเร่งเพราะรู้สึกปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูกที่มีคนมาถูกเนื้อต้องตัวแบบนี้

“ไม่ให้เช็ดข้างล่างให้จริงๆ เหรอ”ไอ้เชษฐ์ยังถามผมด้วยท่าทางกวนประสาท ผมจึงต้องไล่มันออกจากห้องก่อนจะจัดแจงตัวเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ก่อนจะออกมานั่งรอเพื่อนๆ ด้านนอก ไม่นานนักพวกเพื่อนตัวดีทั้งหลายของผมก็แห่กันมาเยี่ยม แต่ไม่รู้จะมาให้กำลังใจให้หายเร็วขึ้นหรือจะมาให้ผมปวดหัวมากกว่าเดิม

“ได้พยาบาลดีแบบนี้คงไม่น่าห่วงแล้วมั้ง”คนที่หนึ่งมาแล้วครับ

“พยาบาลกันอย่างเดียวนะ อย่ามัวแต่จู๋จี๋กัน ไว้ให้หายดีก่อนค่อยจู๋จี๋กัน”คนที่สองก็ตามมา

“หรือว่านี่วันก่อนไปบางแสน หักโหมกันเกินไปจนมึงป่วยแบบนี้ว่ะไอ้ตี๊ฟ”แต่ละคนครับ เพื่อนผม

“ไอ้เชษฐ์มึงก็อย่าใช้งานมันหนักนักล่ะ”สนุกกันใหญ่ ตกลงพวกมันพูดยังกะว่าผมกับไอ้เชษฐ์นี่เป็นแฟนกันแล้วจริงๆ งั้นแหละ พวกมันคิดว่าการพนันครั้งนี้ผมจะแพ้อย่างแน่นอนหรือไงกัน ไม่มีทางซะหรอก




แวะมาต่อให้คร๊าบบ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านเช่นเคย o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 9 [15-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-12-2014 08:52:14
รอแค่ติ๊ฟหวั่นไหวซินะ
เพราะเชษฐคงไหวมานานแระ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 9 [15-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 15-12-2014 09:51:09
ยังไงเชษฐ์ยังไง ถ้าไม่มีใจคงไม่ทำใ้ห้ขนาดนี้ แล้วตี๊ฟเองก็เริ่มจะหวั่นไหว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 9 [15-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 15-12-2014 10:57:07
ชอบใจประโยคนี้ค่ะ ผ
อ้างถึง
มกับมันผู้ชายไม่เหมือนกัน

เราว่าท่าทางการ์ดจะรู้ว่าเพึ่อนรักเพึ่อนเสียแล้วถึงได้จัดการจนเป็นแบบนี้

ขอบคุณมากค่ะ อัพได้สม่ำเสมอตลอด  :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 9 [15-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 15-12-2014 14:50:12
ยังคิดอยู่ว่า เชษไปแอบวางแผนกะเพื่อนหรือเปล่า
เชษน่ารักกกกกกกกกกกกกก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 9 [15-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-12-2014 15:41:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 9 [15-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-12-2014 21:46:28
เชษฐ์น่ารัก ห่วงใย ดูแลด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 9 [15-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 15-12-2014 22:29:06
เชษฐ์อาจจะชอบมานานแล้วก็เป็นไปได้
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 9 [15-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 16-12-2014 07:53:26
วันที่ 10


“กูไปเรียนก่อนนะ อย่าลืมกินยาละ วันนี้มีเรียนถึงแค่ 10 โมงเดี๋ยวกูรีบกลับ”ไอ้เชษฐ์เข้ามาสั่งเสียผมตั้งแต่เช้า จริงๆ วันนี้ผมก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังขี้เกียจอยู่เลยขอขาดเรียนอีกสักวันแล้วกัน

“ไปไหนก็ไปเหอะกูไม่ได้เป็นไรมากแล้ว”ผมบอกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจมันนัก แต่ในใจก็นึกขอบคุณมันนะที่ดูแลผมอย่างดี ดีมากเลยละ ในฐานะแค่เพื่อนคนนึง หลายวันที่ได้มาใช้ชีวิตอยู่กับมันมานี่มันทำให้ผมมองไอ้เชษฐ์เปลี่ยนไปเยอะ ได้เห็นมันในอีกหลายๆ มุมที่คิดว่ามันไม่น่าจะเป็น

หลังจากไอ้เชษฐ์ออกไปได้สักพัก ผมก็ล้างหน้าล้างตา ลุกออกจากห้องนอนเสียหน่อย นอนมาเยอะแล้วยืดเส้นยืดสายหน่อยดีกว่า พลันได้ยินเสียงออดดังอยู่หน้าห้อง ใครหว่ามาแต่เช้า หรือไอ้เชษฐ์ลืมอะไรไว้ แต่ถ้าไอ้เชษฐ์ทำไมไม่เปิดเข้ามาละ คีย์การ์ดมันก็มี แล้วถ้าไม่ใช่เชษฐ์ ใครมันจะมาหาผม พวกเพื่อนๆ ก็ไม่น่าจะใช่ แล้วนี่ผมจะมัวคิดทำไมก็เปิดดูก็สิ้นเรื่อง

“มาบ”บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมทำเอาผมแปลกใจมากเลยทีเดียว เค้าไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ เค้าคือคนที่ทำให้ผมต้องไปดื่มเบียร์กับเพื่อนๆ และต้องมาเล่นเกมที่ไอ้การ์ดตั้งขึ้นมา ใช่แล้วละครับเค้าคือคนที่บอกเลิกผมไปเมื่อหลายวันก่อน

“มีธุระอะไรหรือเปล่า”ผมยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่เค้าจะมาเจอผมเลย เพราะเค้าเป็นคนบอกเลิกผมเอง ถ้าถามว่าผมรู้สึกยังไงที่โดนบอกเลิก ผมก็เคยบอกไปแล้วว่ามันชินเสียแล้ว ส่วนเรื่องการมาเจอกันอีกแบบนี้ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกครับ แต่แค่แปลกใจว่าเค้าเป็นคนอยากจะตัดขาดจากผม แล้วเค้าไม่น่าจะเป็นคนมาหาผมแบบนี้

“ได้ข่าวว่าไม่สบาย เลยแวะมาเยี่ยม แล้วนี่เป็นไงบ้าง”เค้าพูดจาถามไถ่เหมือนกับว่าเราสองคนยังดีต่อกันอยู่ มันก็ใช่ที่เราไม่ได้โกรธเกลียดกัน แต่มันก็แปลกๆ ที่จะมาห่วงใยกันเหมือนเดิม เหมือนว่าระหว่างเรามันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปอย่างนี้

“ก็ดีขึ้นเยอะแล้วแหละ”ผมตอบอย่างเสียไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าตัวผมเองรู้สึกยังไงที่ได้เจอกับเค้าอีกแบบนี้

“แล้วจะให้ยืนคุยตรงนี้เหรอ”เมื่อผมทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ไม่ได้เรื่อง เลยโดนแขกผู้มาเยือนเตือนสติครับ

“เอ่อ...โทษที เข้ามาข้างในก่อนก็ได้”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้แค่มาทักทายแล้วจะกลับ ผมก็เลยต้องต้อนรับขับสู้แหละครับ อย่างน้อยระหว่างผมกับเค้าก็เคยมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันมา

“แล้วนี่รู้ได้ไงว่าเราไม่สบาย”ผมวางแก้วน้ำที่หามาให้ผู้มาเยือน ลงตรงหน้าเค้าก่อนจะนั่งลงที่โซฟาข้างๆ นั้น

“ก็พอดีเมื่อวานไปหาตี๊ฟที่คณะแล้ว เค้าบอกว่าไม่สบาย กะว่าจะมาเยี่ยมตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ ไม่รู้ว่าตี๊ฟย้ายห้อง กว่าจะสืบมาได้ว่าอยู่ที่นี่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะ”ชายหนุ่มตรงหน้าผมพูดทีเล่นทีจริง  เค้ายิ้มให้ผมอย่างจริงใจ รอยยิ้มที่ผมเคยเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว แต่ตอนนี้คนๆนี้ไม่ได้เป็นของผมแล้ว จะว่าไปเค้าก็ไม่ได้บอกผมว่าทำไมถึงอยากจะเลิกกับผม และผมเองก็ไม่ได้ถามเพราะผมคิดว่าในเมื่อเค้าอยากจะเลิกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมก็ต้องยอมรับอยู่แล้วเลยไม่ได้ซักไซ้เค้า

“พอดีย้ายมาอยู่กับเพื่อนนะ”ผมบอกออกไปตามความจริง แต่ไม่ได้ทั้งหมดว่าที่ต้องมาอยู่กับเพื่อนนี่เป็นการพนันกันอยู่

“คนที่เป็นที่ซุบซิบคู่กับตี๊ฟ ไปจนทั่วมหาวิทยาลัยนั่นใช่ไหม”นั่นสินะ ผมก็ลืมไปเลยว่าเรื่องผมกับไอ้เชษฐ์มันเป็นที่กล่าวขานกันไปแล้ว มาบเองก็คงได้ยินข่าวลือเรื่องผมกับไอ้เชษฐ์มาอย่างผิดๆ นั่นด้วย

“คนเค้าก็พูดไปทั่วแหละ เรากับไอ้เชษฐ์ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว ไม่มีอะไรหรอก”ผมกล่าวปฏิเสธอย่างรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมผมต้องมาอธิบายให้เค้าฟังด้วย

“ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย”อะไรผมนี่อ่ะนะหน้าแดง หมายความว่าไง

“สงสัยจะยังไม่หายไข้นะ”ผมรีบเอามือจับหน้าตัวเองดูก็รู้สึก อุ่นๆ อยู่เหมือนกัน เป็นอันว่าหน้าผมคงแดงจริงๆ แต่ตามอาการที่ไม่สบาย ไม่ได้เกิดอาการเขิน อย่างที่มาบกำลังเข้าใจแน่ๆ ว่าแต่มาบบอกแล้วเหรอว่าเค้าคิดว่าผมเขิน ยังไม่ได้บอกนี่นา แต่ก็นั่นแหละไอ้สายตานั่นบ่งบอกว่าเค้ากำลังแซวผมอยู่

“อืม...จริงๆ ด้วยตัวยังรุมๆ อยู่เลย”มาบเอื้อมือมาสัมผัสที่หน้าผากผม ก่อนจะลูบไล้มาที่แก้ม สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของผม

“ตี๊ฟ...กู...”เสียงหนึ่งตะโกนเรียกผม พร้อมกับประตูห้องที่เปิดออก เสียงตะโกนหยุดชะงักไม่พูดต่อ พร้อมกับสายตาของผมกับมาบที่หันไปมองประตูที่เปิดเข้ามา สายตาผมก็เห็นไอ้เชษฐ์ ที่ถือถุงอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นโจ๊ก ไอ้เชษฐ์จ้องมองมาที่ผมกับมาบ ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าใดนัก ผมไม่รู้หรอกว่ามันไม่พอใจอะไร แต่เห็นมันจ้องนานผิดสังเกตจะพูดอะไรก็ไม่พูด ผมเลยค่อยๆ จับมือของมาบที่วางอยู่บนหน้าออก ก่อนจะเอ่ยถามไอ้เชษฐ์

“ทำไมย้อนกลับมาอีก...ไม่ไปเรียนเหรอ”มันเพิ่งจะออกไปไม่กี่นาที แต่ย้อนกลับมาอีก ทั้งที่ควรจะไปเรียนได้แล้ว

“กูไม่น่าย้อนกลับมาใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์ตอบกลับผมมาด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ อะไรของมันเนี่ย

“กูถามดีๆ”ผมถามย้ำเพราะเห็นว่ามีเรียนแค่แป๊บเดียวแล้วนี่มันก็ออกไปแล้วจะเกิดเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนหรือไงกัน

“พอดีอาจารย์เค้ายกเลิกไม่สอน ไอ้การ์ดเพิ่งโทรมาบอก กูเลยแวะซื้อโจ๊กมาให้มึง แต่มึงคงไม่อยากทานแล้วมั้ง”อะไรของมันอีกละเนี่ย ทำไมมันทำเหมือนจะเขม่นๆ มาบแบบนี้

“เดี๋ยววันนี้เรากลับก่อนแล้วกัน ตี๊ฟจะได้พักผ่อน”มาบลุกขึ้นก่อนจะบอกลาผม เหมือนมาบมีอะไรจะพูดกับผม แต่ก็ไม่ยอมพูด ก็แล้วแต่เค้าละกันถ้าอยากพูดจริงเค้าคงพูดออกมาแล้ว

“ก็รู้ว่าคนเค้าป่วยยังจะมารบกวนอีก”ไอ้เชษฐ์พูดขึ้นลอยๆ แต่จงใจให้ผมกับมาบไอ้ยิน ผมได้แต่มองไอ้เชษฐ์อย่างตำหนิด้วยสายตา ก่อนจะหันมายิ้มแห้งๆให้กับมาบ ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ได้ถือสาในคำพูดของไอ้เชษฐ์

“ยังไงก็หายเร็วๆ นะ ไว้เจอกัน”มาบบอกก่อนจะขอตัวกลับไป

“เจ็บแล้วไม่รู้จักจำใช่ไหม”หลังจากที่มาบกลับออกไป ไอ้เชษฐ์ก็พูดขึ้นมาลอยๆ อีกแล้ว แต่ครั้งนี้ผมคิดว่ามันคงจะคุยกับผมนั่นแหละ

“อะไร”แม้พอจะเข้าใจในความหมาย แต่ความจริงถามว่าผมเสียใจไหม เจ็บไหม ตอนที่โดนบอกเลิก ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

“ก็ไอ้มาบตาพุดนั่นไง ทั้งที่มันเป็นคนทิ้งมึง แต่มึงก็ยังยอมพูดดีกับมันอยู่อีก หรือยังรออยากให้มันมาง้อขอคืนดี”ผมพอจะเข้าใจเจตนาของไอ้เชษฐ์แล้วละครับ ถ้าให้คิดในทางที่ดีก็คือว่ามันกลัวว่ามาบจะมาทำให้ผมเจ็บช้ำน้ำใจอีก มันในฐานะเพื่อนผมเลยมีอาการเขม่นมาบอย่างที่เห็น

“เค้าชื่อมาบเฉยๆ ไม่ใช่มาบตาพุดอะไรของมึงสักหน่อย”ผมย้อนมันอย่างอารมณ์ดี นี่ถ้าผมกับมันไม่ได้อยู่ในฐานะเพื่อนผมคงเข้าใจว่ามันกำลังหึงผมอยู่นะเนี่ย หรือผมอยากให้มันหึงจริงๆ กันนะ เฮ้ยไม่ใช่ล่ะ ผมจะไปอยากให้มันหึงผมทำไมกัน

“เหมือนกันละน่า ก็กูอยากเรียกมาบตาพุด ใครจะทำไม ว่าแต่มึงนั่นแหละ คงอยากกลับไปคืนดีกับมันจนเนื้อเต้นสิท่า”แล้วทำไมมันต้องมาพูดประชดประชันผมแบบนี้ด้วย

“แล้วมึงทำไมต้องมาขึ้นเสียงใส่กูด้วย”เมื่อเห็นว่ามันทำตัวไม่ค่อยจะมีเหตุผลสักเท่าไหร่ผมเลยต้องเสียงแข็งใส่มันบ้าง

“ก็กูไม่อยากให้มึงกลับไปหลงคารมคนที่เคยทิ้งมึงไป”ไอ้เชษฐ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหม่นๆ นี่มันห่วงผมขนาดนั้นเลยเหรอ

“แล้วใครบอกมึงว่ากูกับมาบจะกลับไปคบกัน”ผมพยายามจะอธิบายให้มันเข้าใจ เพราะอะไรไม่รู้แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเข้าใจผิดไป

“มึงไม่ได้จะกลับไปคบกับไอ้มาบตาพุดนั่นจริงๆนะ”ไอ้เชษฐ์ยิ้มกว้างจนผมแปลกใจว่าทำไมมันปรับอารมณ์เร็วจังเมื่อสักครู่ยังดูหงุดหงิดอยู่เลย แต่ทีนี้ดูร่าเริงเกินไปไหม

“ก็เค้าไม่ได้มาขอคืนดีกับกู แล้วจะให้กลับไปคบกันได้ไง”ใช่แล้วละครับมาบไม่ได้มาขอคืนดีกับผม แล้วผมจะไปคืนดีด้วยได้ไง

“แล้วถ้ามันมาขอให้มึงกลับไปคบกันเหมือนเดิมล่ะ”เอาอีกแล้ว รู้สึกไอ้เชษฐ์นี่ปรับโหมดเร็วเหลือเกินคราวนี้มาเหมือนจะซีเรียสเลย

“ไม่รู้สิ”นั่นสินะ ถ้าเกิดเค้ามาขอให้เรื่องระหว่างผมกับเค้าเป็นเหมือนเดิม ผมจะตอบว่ายังไง






แวะมาต่อคร๊าบบบ

วันนี้มีอีกหนึ่งตัวละครเพิ่มเข้ามา  o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 10 [16-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 16-12-2014 08:35:01
อ๊ะ ตัวเร่งปฏิกิริยามาแล้ง(หรือเปล่า?) :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 10 [16-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 16-12-2014 12:49:53
เชษฐ์หึงล่ะเซ่  (แฟนเก่าชื่อมาบ ชื่อตลกแท้555)
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 10 [16-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 16-12-2014 17:02:24
อย่าใจอ่อนนะต้ิฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 10 [16-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-12-2014 17:37:28
เริ่มจะสงสารเชษฐ์แล้วนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 10 [16-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 16-12-2014 19:03:35
ออกอาการมากเชษ แต้บไม่อยู่ละสิ ครึครึ :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 10 [16-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-12-2014 19:29:04
สั้นจุง

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 10 [16-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-12-2014 20:31:56

มีมาบตาพุดมาเนี่ยทำให้ เชดแสดงอาการได้ด้วย หึง อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 10 [16-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 17-12-2014 07:35:10
วันที่ 11


“จำตอนที่เราสองคนจะตกลงเป็นแฟนกันได้ไหม”นั่นคือคำถามแรกที่ คนรักเก่าของผมถาม

วันนี้ผมกลับมาเรียนตามปกติแล้ว แต่ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวัน แล้วมาบก็เข้ามาหาผม และบอกว่ามีเรื่องจะขอคุยด้วย ซึ่งผมก็ยอมปลีกตัวออกมากับเค้าแต่โดยดี แม้จะได้รับการคัดค้าน ทัดทานจากบรรดาเพื่อนๆ โดยเฉพาะไอ้เชษฐ์ กับไอ้การ์ด แต่ผมว่ามันไม่ได้มีอะไรจำเป็นที่ต้องเลี่ยงไม่มาคุยกับมาบ แต่พวกเพื่อนๆ ผมก็บอกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องคุยกันอีกนี่นาในเมื่อจบกันไปแล้ว  ไอ้ผมมันเชื่อความคิดตัวเองมากกว่าก็เลยออกมากับมาบ                 

“จำได้สิ”ผมนึกย้อนไปเมื่อครั้งแรกเริ่มที่เราต่างมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน

“ตี๊ฟบอกว่า...ถ้าวันนึงเราสองคน คนใดคนนึงเกิดไปเจอคนใหม่และต้องการจะจากไป อีกคนจะไม่เหนี่ยวรั้งหรือทำตัวงี่เง่าหาเรื่องอีกคนให้ลำบากใจ”มันก็ใช่เพราะผมคิดว่าคนเราไม่ว่าจะรักกันมากมายขนาดไหน แต่วันนึงมันต้องหมดรักเข้าสักวัน หรือเกิดไปพบคนใหม่ที่ใช่กว่า ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะคบกันต่อไปเพื่ออะไร อาจจะเพราะที่ผมคิดแบบนี้ ผมเลยคบกับใครไม่ยืด การที่ถ้ามีใครมาบอกเลิกผม ผมก็จะไม่เหนี่ยวรั้งเค้าไว้เลย มันเลยกลายเป็นว่าคนอื่นก็มองว่าผมเองก็หมดรักเค้าแล้วเหมือนกัน ซึ่งมันก็มีส่วนจริงอยู่ด้วย ก็ตรงที่ว่าผมไม่เจอคนที่ผมรักจนคิดว่าอยากจะร่วมชีวิตด้วย และไม่รู้ว่าผมจะได้เจอหรือเปล่า

“ตอนนี้เราก็ทำแบบนั้นอยู่นี่ไง”ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าเค้ามาคุยเรื่องนี้กับผม ทำไม ในเมื่อเค้าเป็นคนขอเลิกกับผมและผมก็ทำตามข้อตกลงนั่นให้เค้าแล้ว เค้าจะยังติดใจอะไรอยู่อีก

“เรายังไม่ได้บอกเลยว่าต้องการแบบนี้”ผมเริ่มงงกับคำพูดของมาบ ว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

“หมายความว่าไง”มาบทำเพียงยิ้มบางๆ ให้ผม แต่ไม่ยอมพูดตอบในสิ่งที่ผมถาม เค้าเหม่อมองออกไปบนท้องฟ้าก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม รอคำอธิบายจากเค้า เพราะตอนนี้ผมไม่เข้าใจเลยว่ามาบเรียกผมมาคุยเรื่องอะไรกันแน่

“ถ้าตี๊ฟเป็นฝ่ายบอกเลิกเรา เราขอสารภาพเลยว่าเราคงทำอย่างที่เคยตกลงกันไว้ไม่ได้หรอก เราจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ตี๊ฟกลับมาเหมือนเดิม”ก็ในเมื่อตอนนี้เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ จะมาพูดแบบนี้ทำไมอีกล่ะ

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกันยังไงตรงไหนเหรอมาบ เรายังไม่ค่อยเข้าใจว่ามาบต้องการจะบอกอะไรเรา”ยิ่งฟังเค้าพูดผมก็ยิ่งงงเข้าไปอีก

“ตี๊ฟรู้ไหมว่าทำไมเราขอเลิกกับตี๊ฟ”
 
“ไม่รู้หรอก”เค้าลืมไปหรือเปล่าว่าเค้าเองไม่ได้บอกผมถึงเหตุผลที่จะเลิกคบกัน แล้วผมจะไปรู้เองได้ยังไงกัน

“แล้วอยากรู้ไหม”

“ไม่รู้สิ”ถ้าอยากจะเล่าก็เล่ามาเถอะหรือถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก

“งั้นเราขอเหตุผลของตี๊ฟหน่อยว่าทำไมวันที่เราบอกเลิกตี๊ฟ ตี๊ฟถึงไม่ถามเราเลยสักคำว่าเพราะอะไร”ทำไมเค้าพูดเหมือนผมเป็นคนที่ผิดอย่างนั้นแหละ ทั้งที่เค้าเป็นฝ่ายขอจากไปไม่ใช่เหรอ

“ก็ถ้ามาบอยากจะบอก คงบอกไปแล้วเราเองก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของมาบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือเรารู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายมันจะเป็นยังไงแค่นั้นก็พอแล้ว”ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าไม่ว่าจะยังไงก็ต้องถูกทิ้ง จะไปอยากรู้เหตุผลทำไมว่าเค้าทิ้งเราเพราะอะไร เพราะมีคนใหม่ เพราะเราไม่ดีพอ รู้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรขึ้นมากันล่ะ

“ตี๊ฟฟังเรานะ...ที่เราบอกเลิกตี๊ฟ เพราะเราอยากรู้ว่าตี๊ฟจะคิดเหมือนอย่างที่เราคิดหรือเปล่า ที่จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เราทั้งสองคบกันต่อไปได้”อะไรนะนี่คือเหตุผลที่เค้าบอกเลิกผมงั้นเหรอ

“เพราะเรื่องแค่นี้มาบถึงกับเอามาเล่นกับความรู้สึกเราเลยงั้นเหรอ”ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจนัก แม้ว่าในความเป็นจริงผมก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากมายกับการที่โดนบอกเลิก แต่การที่เค้าคิดจะเอาความรู้สึกของผมมาทดลองทำอะไรแบบนี้เพียงเพราะต้องการหาคำตอบนี้เท่านั้นหรือ

“มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้นะตี๊ฟ”น้ำเสียงเค้าเองก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจพอๆ กับผม ออกจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

“ตี๊ฟไม่รู้หรอกว่าเราเสียใจกับเรื่องครั้งนี้ขนาดไหน เราแค่อยากจะลองใจตี๊ฟดู ขอแค่ตี๊ฟพูดอะไรสักคำเราก็จะบอกความจริงว่าเราแค่ล้อเล่น แต่นี่เปล่าเลย ตี๊ฟไม่คิดจะยิ้อเราไว้แม้แต่นิดเดียว ตี๊ฟยังไปสนุกสนานกับเพื่อนๆ เหมือนเดิม แต่เรา...เราตั้งตารอว่าจะมีสักวันไหมที่ตี๊ฟจะนึกถึงเราบ้าง ได้แต่หวังลมๆ แล้งๆ ว่าตี๊ฟอาจจะคิดหรือมาพูดอะไรในเชิงว่าเราไม่ควรเลิกกันบ้าง และเราก็ต้องรอเก้อ ต้องมาคิดดูใหม่ว่าหรือตี๊ฟไม่ได้รักเราเลย จนเราลองไปหาตี๊ฟอีกครั้งเมื่อวาน ซึ่งตี๊ฟเองก็ไม่ได้ยินดี ยินร้ายอะไรเลยที่เจอเรา เราต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มทั้งที่ในใจมันรู้สึกเสียใจจนเกินจะบรรยาย แถมซ้ำยังต้องไปรับรู้ว่าตี๊ฟมีคนอื่นแล้ว”ตกลงว่านี่ผมผิดหรือไงกัน ที่เรื่องราวมันเป็นอยู่แบบนี้

“เรากับไอ้เชษฐ์เป็นแค่เพื่อนกัน”ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้อ่อนลง เพราะผมยังไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้ผมเป็นคนผิด เรื่องนี้ผมไม่ได้เป็นคนเริ่ม

“เราก็อยากจะคิดอย่างนั้นนะ ถ้าไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี่ ทั้งรูปที่ติดอยู่บนบอร์ดนั่น ไหนจะที่ตี๊ฟกับไอ้นั่นไปไหนมาไหนกัน อย่างสนิทสนม แถมอยู่คอนโดด้วยกันอีก”เอาเข้าไป ตกลงว่าที่เรียกผมมาวันนี้ก็เพื่อจะมาชวนผมทะเลาะว่างั้น

“มันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นเรื่องที่...”จะให้ผมบอกยังไงล่ะว่ามันเป็นเกมของผมกับเพื่อนๆ

“สรุปว่ามันคือเรื่องจริงอย่างที่คนอื่นเค้าลือกันใช่ไหม”นี่ขนาดว่ามาบเองน่าจะรู้จักผมดีพอ ยังคิดว่าเกมบ้าๆ ที่ไอ้การ์ดสร้างขึ้นมาคือเรื่องจริง แล้วแบบนี้คนอื่นๆ ทั่วมหาวิทยาลัย ไม่คิดไปถึงไหนแล้วเหรอ

“มาบ...เราสองคนเลิกกันแค่ 10 วัน จะให้เราไปมีคนอื่นได้เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”ตอนนี้ผมกำลังสับสนว่าตกลงตอนนี้เรื่องระหว่างผมกับมาบมันจะเป็นยังไงต่อ

“ถ้างั้นเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้ไหม”น้ำเสียงที่อ่อนลง ฟังดูอบอุ่นเหมือนคนที่ผมเคยคุ้นเคย เค้าเอื้อมมือมาจับที่มือผม สายตาจับจ้องมาที่ผมอย่างเว้าวอน และแฝงความนัย










“มาแล้วเหรอมึง ตีหน้าเศร้ามาเชียว ไอ้มลพิษนั่นทำอะไรมึง บอกกูมาเดี๋ยวกูจัดการให้”ไอ้การ์ดทักทายกวนๆ ตามประสา ในตอนที่ผมเดินกลับเข้ากลุ่มหลังจากคุยกับมาบจบลง สายตาผมมองไปยังอีกคนที่นิ่งเงียบ ไอ้เชษฐ์ซึ่งมองผมอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้พูดอะไรหรือทักทายผมเหมือนคนอื่นๆ

“อะไรของมึงว่ะการ์ด ไอ้มลพิษคืออะไรว่ะ”เสียงจากเพื่อนในกลุ่มคนนึงถามขึ้น ผมก็สงสัยเหมือนกันแหละว่าทำไมเรียกมาบว่าไอ้มลพิษ ไอ้การ์ดคงไม่ได้หมายถึงคนอื่นแน่ๆ เพราะทุกคนก็รู้ว่าผมไปคุยกับมาบมา

“อ้าว ไอ้คนที่เรียกเพื่อนเราไปคุยเมื่อกี้ชื่ออะไร”ไอ้การ์ดเก๊กเสียงหล่อพร้อมกับผายมือมาทางผม ว่าคนที่ผมไปคุยด้วยก็คือมาบนั่นเอง

“อ๋อไอ้มาบตาพุด”ตอนนี้เพื่อนผมทุกคนพร้อมใจกันเรียกชื่อมาบอย่างนี้ไปแล้วครับ

“ใช่แล้ว มันคือไอ้มาบตาพุด ซึ่งทุกคนก็รู้ดีว่า มาบตาพุดเป็นแหล่งที่มีมลพิษสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเรา”ไอ้การ์ดพูดจาอย่างมีหลักการ แต่ที่พูดมาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตัวมันเองก็แค่ฟังคนอื่นเค้ามาว่า มาบตาพุดที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรม นั้นมีมลพิษค่อนข้างเยอะ แต่ความจริงมันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าเราก็ไม่รู้เพราะ ไม่ใช่คนแถวนั้นและก็ไม่เคยติดตามข่าวคราวเรื่องนี้เท่าไหร่ อีกอย่างมาบเค้าก็ไม่ได้ชื่อมาบตาพุด พวกนี้ก็เอามาเรียกเสียสนุกปาก

“สรุปพวกเราก็จะเปลี่ยนชื่อให้มันใหม่จากไอ้มาบตาพุดเป็นไอ้มลพิษแทน”แล้วมติเห็นชอบก็เป็นเอกฉันท์ ตามความเห็นของไอ้การ์ด

“บ่ายนี้กูไม่เรียนนะ...ไม่มีอารมณ์ ขอกลับก่อนแล้วกัน”ผมพูดแทรกขึ้นบอกกับเพื่อนๆ เพราะวันนี้รู้สึกอยากคิดทบทวนอะไรหน่อย เข้าเรียนไปก็คงไม่ได้อะไร อีกอย่างวิชาที่จะเรียนช่วงบ่ายนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรมา ส่วนใหญ่ก็ต้องอ่านเองอยู่แล้ว

“อีกแล้วเหรอมึง”ไอ้การ์ดหันมาส่ายหัวอย่างปลงๆ กับผม

“งั้นกูกลับด้วย”ไอ้เชษฐ์ที่นั่งเงียบอยู่นาน พูดขึ้นพร้อมกับหันมองผม

“เคลียร์กันดีๆ ล่ะ”ไอ้การ์ดตะโกนไล่หลังผมกับไอ้เชษฐ์ที่เดินออกจากกลุ่มเพื่อนๆ มา แล้วมันจะให้ผมสองคนเคลียร์อะไรกันเล่า ไม่ได้มีอะไรต้องเคลียร์กันนี่นา

“ไปคุยอะไรกันตั้งนาน”ไอ้เชษฐ์เอ่ยทำลายความเงียบในขณะที่เราสองคนกลับคอนโด

“เค้าขอกูคืนดี”ผมตอบออกไปตามตรง

“แล้วมึงตอบไปว่าไง”ไอ้เชษฐ์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง




แวะมาต่อคร๊าบบบ

ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านเช่นเคยนะคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 17-12-2014 08:42:45
ยอมตกลงหรือเปล่าาาาาา  มาบตาพุดทำไมบอกเลิกด้วยเรื่องแค่นี้ สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-12-2014 11:56:14
ตอบตกลงไปเลย ซะใจเชษ 5555555

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-12-2014 12:54:33
มาบเอ้ยมาบ มาลองใจอะไรด้วยวิธีนี้
ถ้าติ๊ฟทบทวนแล้วตอบตกลง
เชษฐ์เราไม่แย่เหรอ
คงรอมานานแล้ว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 17-12-2014 15:28:18
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 17-12-2014 16:09:52
คบกะเชษฐ์เลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 17-12-2014 19:47:21
อะไรยังไง ค้างนะคะ มากถึงมากที่สวดดด :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-12-2014 20:21:58
โอ๊ยยยย บอกเลิกซะสมจริงแถมหายไปเป็นอาทิตย์ นายมลพิษนี่คือการทำให้ติ๊ฟรู้ตัวนะว่าขาดเธอไปก็ไม่เป็นไร แล้วจะคบต่อทำไมล่ะติ๊ฟฟฟ  ทำตัวเองแท้ ๆ เลย สมน้ำหน้าทีได้มั้ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 17-12-2014 21:46:12
ลองใจไม่เข้าเรื่อง
สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-12-2014 21:55:08
ตี๊ฟจะตอบอะไรไป ทบทวนดีๆๆๆน่ะ เชษฐ์รออยู่น่ะ
มลพิษอัตรายต่อสุขภาพสั่งเก็บด่วน การ์ดจัดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-12-2014 22:30:55
โห    บอกเลิกด้วยเหตุผลที่น่าเงิบมาก  ลองใจเหรอ? แล้วช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมากับการเสียความรู้สึกดีๆนี่มันเอาคึนไม่ได้นะ จากนี้ไปใครมันจะวางใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าไอ้คุณแฟนจะไม่มาลองใจอีก   เอาง่ายๆนะมาบตาพุตเอ๊ย คนที่เขารักกันจริงๆเขาไม่ทำกันหรอกแบบนี้ โดยเฉพาะคู่ที่เขามีข้อตกลงกันแบบนี้   EQ ต่ำไปนิดหรือเปล่า? เหมือนเด็กเล่นพ่อแม่ลูกกันเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 17-12-2014 22:54:18
ยังไม่เชียร์เชษฐ์ 100% ยังไงก็ไม่รู้อ่ะ
ยังไม่มีโมเม้นท์พีค
(คนแต่งตบ เพิ่งผ่านไป 10 วัน หล่อนจะเอาพีคอะไร 55555555)

ติดตามค่าาา ชอบ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 18-12-2014 10:15:08
เชษฐ์ นายน่่ะจะำอะไรก็ให้ชัดเจนไปเลยยย ระวังอิมาบจะคาบกลับไปแดก กรีดดดคือทำไมรู้สึกวาจามาบดูตอแหล เรื่องจริงมั้ยไม่รู้ แอนตี้ไปละ 555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 18-12-2014 12:22:28
เดินหน้าอย่างเดียวจ้าติ้ฟ :katai4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 18-12-2014 21:22:21
วันที่ 12


“ตกลงว่ามึงตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเอายังไง”ไอ้เชษฐ์ถามผมเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ตั้งแต่เมื่อวานที่ผมบอกกับมันไปว่า มาบมาขอกลับไปคบกับผมเหมือนเดิม แต่ผมยังไม่ได้ตอบปฏิเสธหรือตอบตกลง คือผมบอกกับมาบว่า ขอเวลาผมทบทวนดูอีกหน่อย ว่าผมจะตัดสินใจอย่างไรในเรื่องนี้ แต่ไอ้คุณเพื่อนของผมนี่สิ ทำไมมันจะอยากรู้การตัดสินใจผมนักหนา

“ขอเวลากูคิดอีกหน่อยว่ะ”ผมตอบอย่างเสียไม่ได้ สายตาก็มองหาเพื่อนคนอื่นๆ เพราะตั้งแต่มาถึงมหาวิทยาลัย ก็ยังไม่เจอพวกไอ้การ์ดเลย หรือวันนี้ผมกับไอ้เชษฐ์จะมาเช้ากันเกินไป

“เมื่อคืนมึงยังคิดไม่พออีกเหรอว่ะ เห็นเมื่อวานมึงก็บอกจะคิดทบทวน วันนี้ก็ยังจะทบทวนอยู่อีก ถ้ามึงจนปัญญาจนถึงขนาดตัดสินใจไม่ได้แบบนี้ ให้กูช่วยคิดให้เอาไหม”เอาอีกแล้ว เมื่อวานไอ้เชษฐ์ก็บอกผมไปแล้วละครับว่าให้ปฏิเสธมาบไป เพราะในเมื่อเหมือนเลิกกันไปแล้วจะ กลับไปคบกันอีกทำไม

“แล้วมึงทำไมเร่งให้กูตัดสินใจนักว่ะ”ผมถามอย่างไม่เข้าใจว่า มันจะอะไรกับผมนักหนา

“มึงจะว่ากูยุ่งไม่เข้าเรื่องใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะตัดพ้ออยู่ในที แล้วผมไปว่ามันแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“กูไม่ได้หมายความแบบนั้น”ไอ้นี่ก็เข้าใจยากเหมือนกันนะเนี่ย

“ใช่สิกูมันก็แค่เพื่อน...จะไปเหมือนคนเคยเป็นแฟนได้ยังไง”เอาเข้าไป ตกลงมันเป็นอะไรของมันเนี่ย แต่ผมก็ไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้เลย ผมว่ามันว่าผมต่อปากต่อคำเหมือนเดิมยังจะดีกว่า มาพูดจากับผมด้วยน้ำเสียงอย่างที่เป็นตอนนี้

“อ้าวๆๆ ว่าไงพวกมึง มาจู๋จี๋อะไรกันแต่เช้า”ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อไอ้การ์ดก็โผล่เข้ามา

“มึงเอาตาไหนดูว่าพวกกูจู๋จี๋กันอยู่”ผมหันไปว่าไอ้การ์ดอย่างเคืองๆ ไม่ใช่ว่าจะโกรธอะไรไอ้การ์ดหรอกนะครับ แต่หมั่นไส้ไอ้เชษฐ์มากกว่า ทำเหมือนมีอะไรบางอย่าง แต่ไม่ยอมพูด มันทำเหมือนผมทำอะไรผิดสักอย่างงั้นแหละ แต่ไม่ยอมพูดออกมา

“แหมกูก็เอาตาสองข้างกูนี่แหละดู ว่าแต่กูบอกให้พวกมึงสองคนไปเคลียร์กันตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่หวานชื่นกันอีก”ไอ้การ์ดพูดอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ได้ใส่ใจว่า สีหน้าของผมกับไอ้เชษฐ์ไม่ได้รู้สึกดีกับคำพูดมันเท่าใดนัก ไอ้ผมนะไม่เท่าไหร่หรอกที่ ปั้นหน้าดูขรึมๆ นี่เพราะปั้นหน้าแข่งไอ้เชษฐ์มันนั่นแหละ แมร่งเก๊กเหลือเกิน

“มึงจะให้เคลียร์อะไรของมึง บ้าป่ะเนี่ย”ผมตอบไอ้การ์ดไปก่อนจะหยิบปาท่องโก๋ที่ไอ้การ์ดติดมาด้วยเข้าปากอย่างถือวิสาสะ

“อ้าว กูก็ว่าอุตส่าห์จะรออุ้มหลาน”เล่นกับมันสิครับ ว่าไปนั่น แต่ช่วงนี้ผมเริ่มชินชากับคำพูดพวกนี้แล้วละครับ จะพูดอะไรกันก็พูดไปเหอะ ตามสบาย

“เดี๋ยวมึงก็ได้อุ้มเองแหละ”ไอ้เชษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน จนผมกับไอ้การ์ดต้องหันไปมอง ไอ้การ์ดเองก็คงไม่ค่อยเข้าใจที่ไอ้เชษฐ์พูดสักเท่าไหร่ เพราะฟังจากน้ำเสียงแล้วมันไม่ใช่การแซวเล่น แต่มันคืออาการที่แสดงออกว่าไม่พอใจนั่นเอง

“ตกลงพวกมึงจั๊ด จ๊า ดา ดั๊ด กันแล้วเหรอ”ไอ้การ์ดหันมาถามผม พร้อมทำหน้าล้อเลียนอย่างกวน บาทา ผมเลยตบกะโหลกเข้าให้

“กูไปทำแบบนั้นเมื่อไหร่กันล่ะ”เมื่อรู้ว่าไอ้การ์ดหมายความถึงอะไร ผมเลยต้องรีบปฏิเสธ

“อ้าว มึงกับไอ้เชษฐ์ยังไม่ได้ จั๊ด จ๊า ดา ดั๊ด กันแล้วกูจะได้อุ้มหลานได้ไงว่ะ”เมื่อเห็นว่าไอ้เชษฐ์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะเล่นกับมันเท่าใดนัก ไอ้การ์ดเลยหันกลับมากระซิบกระซาบกับผมแทน แต่ก็ดังพอที่ไอ้เชษฐ์จะได้ยิน แต่ไอ้เรื่องลูกเรื่องหลานนี่ไอ้การ์ดมันก็ยังจะกล้าเล่นเนอะ ทั้งที่ผมกับไอ้เชษฐ์ก็ผู้ชายแล้วมันจะไปมีลูกกันได้ยังไง ถึงผมกับไอ้เชษฐ์จะมีอะไรกันก็เหอะ มีอะไรกันงั้นเหรอ ถ้าผมกับไอ้เชษฐ์มีอะไรกัน เฮ้ยแล้วทำไมผมต้องคิดตามขนาดนี้ด้วย

“มึงอาจจะได้อุ้มหลาน แต่หลานมึงคงพิการว่ะการ์ด เพราะไอ้ตี๊ฟมันชอบอยู่กับมลพิษ”ไอ้เชษฐ์พูดเน้นเสียงคำว่ามลพิษ พร้อมกับจ้องมองมาที่ผม ไอ้การ์ดก็มองหน้าผมกับไอ้เชษฐ์กลับไปกลับมาอย่างงงๆ

“หมายความว่าไงว่ะไอ้เชษฐ์”ไอ้การ์ดที่ยังไม่รู้ว่า มาบมาขอให้ผมกลับไปคบกันเหมือนเดิม ถามอย่างไม่เข้าใจ ทั้งที่มันเองนั่นแหละเป็นคนไปตั้งชื่อมาบว่ามลพิษ

“แล้วมึงว่ามีมลพิษที่ไหนบ้างล่ะที่ไอ้ตี๊ฟมันอยากจะวิ่งเข้าหา”ไอ้เชษฐ์ยังคงจ้องมองหน้าผมอยู่เหมือนเดิม ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าทำไมกะอีกแค่แฟนเก่าผมมาขอคืนดี ไอ้เชษฐ์มันต้องทำเหมือนไม่พอใจขนาดนี้

“นี่อย่าบอกนะไอ้ตี๊ฟว่ามึงจะกลับไปคบกับไอ้มลพิษนั่น”ไอ้นี่เข้าใจอะไรง่ายเหลือเกิน ทั้งที่ไอ้เชษฐ์พูดจาชวนไม่รู้เรื่องขนาดนั้นแต่ไอ้การ์ดยังตีออกว่าสื่อความหมายอะไร

“กูก็กำลังคิดทบทวนอยู่”ผมตอบออกไปตามตรง เพราะผมเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะยังไงดี เพราะถ้าผมกลับไปคบกับมาบ ข้อดีก็คือผมจะมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ หรือมีคนที่ให้เราแลกเปลี่ยนความห่วงใย ในฐานะแฟน แต่ข้อเสียที่สุดแสนจะเป็นเรื่องใหญ่ก็คือ เวลาของการอยู่กับเพื่อนๆ ของผมจะหายไป เพราะตอนที่ผมเคยคบกับมาบ มาบก็ไม่ได้เข้ามาสนิทกับเพื่อนๆ ผม มันเลยเป็นการยากที่มาบจะเข้ามาในกลุ่มเพื่อนๆ ผมได้ พูดง่ายๆ ก็คือเพื่อนๆ ผมก็ไม่ได้มีใครชอบมาบนั่นแหละครับ ด้วยเหตุใดผมก็ไม่ทราบ ความจริงก็ทุกคนที่ผมเคยคบเลยก็ว่าได้

ไม่มีใครที่เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ ผมได้เลย แต่เพื่อนทุกคนก็ไม่ได้มาห้ามว่าไม่ให้ผมคบ แต่แค่ไม่ต้องพาไปเจอพวกมันแค่นั้นแหละ เพราะเพื่อนๆ ผมมันกลุ่มหนุ่มโสดกันทั้งนั้น เลยไม่ค่อยชอบให้ใครพาแฟนไปรวมกับกลุ่มเพื่อนๆ นี่คือความคิดของผมนะครับ แต่ผมว่าที่ไม่ควรพาแฟนไปรวมกับกลุ่มเพื่อน คงเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนจะกล้าไปรวมกับกลุ่มผู้ชายอย่างพวกผมต่างหาก แต่ในกรณีของผม แฟนผมไม่ได้เป็นผู้หญิง เพราะงั้นแฟนผมน่าจะเข้ากันได้กับเพื่อนผมมากที่สุดแล้ว แต่มันกลับกลายเป็นว่า เวลาใครก็ตามในกลุ่มมีแฟน แฟนคนที่จะถูกเพื่อนๆ ไม่ค่อยชอบขี้หน้ามากที่สุดก็คือแฟนผมนี่แหละครับ

“ไม่ได้นะโว้ย”ไอ้การ์ด เปลี่ยนท่าทีหลังจากได้รับคำตอบจากผมว่ากำลังคิดทบทวนเรื่องที่จะกลับไปคบกับมาบ

“ทำไมว่ะ”ปกติเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครห้ามผมเรื่องการคบกับใครนี่นา เพราะว่าพวกเราต่างก็เคารพในการตัดสินใจของเพื่อนอยู่แล้ว

“ก็...ก็...เอ่อ”ไอ้การ์ดเหมือนคิดเหตุผลไม่ออก ก็แน่ละมันจะมีเหตุผลอะไรมาห้ามผมกัน ถ้าผมจะกลับไปคบกับมาบ แล้วตกลงผมจะเอายังไงดีนะ

“ยังไงมึงก็กลับไปคบกับไอ้มลพิษนั่นไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้มึงกำลังอยู่ในช่วงพนันเกมกับกูอยู่”ไอ้การ์ดพูดขึ้นมาอีกพร้อมกับมองหน้าไอ้เชษฐ์อย่างมีลับลมคมใน พวกนี้มันต้องมีอะไรปิดบังผมอยู่แน่ๆ ว่าแต่แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวกันยังไงหว่า

“กูกับไอ้เชษฐ์กำลังพนันกับมึงอยู่ แล้วมันยังไงเหรอ”

“อ้าวก็การมีแฟนมันจะทำให้เกิดเป็นตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ เข้ามาเกี่ยวข้องในการพนันครั้งนี้ อาจทำให้เกิดความผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนจากการที่กูคำนวณเอาไว้ เพราะงั้นมึงจึงไม่ควรมีแฟนจนกว่าเกมนี้จะสิ้นสุดลง”ไม่เห็นจะเข้าใจที่มันพูดเลย ไอ้นี่สงสัยจะเพี้ยนไปแล้วครับเพื่อนผม

“ทีตอนแรกไอ้เชษฐ์มันก็มีแฟน มึงไม่เห็นเอามาคิดเลย”ผมเริ่มจะหาเรื่องแย้งเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ไอ้การ์ดพูดมามันจะขัดๆ อยู่

“อ้าวก็ตอนนี้เห็นไหมล่ะ ไอ้เชษฐ์มันยังอุตส่าห์เลิกกะแฟน เพื่อทุ่มสุดตัวในการเล่นเกมครั้งนี้เลย มึงดูมันไว้เป็นตัวอย่างเลย”ไอ้การ์ดพูดอย่างฟังไม่ค่อยจะขึ้นสักเท่าไหร่ต่อไป

“ไอ้เชษฐ์มันโดนเค้าทิ้งต่างหากล่ะ เกี่ยวกันที่ไหน”ยิ่งพูดไอ้การ์ดจะยิ่งพาผมออกทะเลไปเรื่อยแล้วละมั้งครับเนี่ย

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงมึงก็ห้ามกลับไปคบกับไอ้มลพิษนั่นอีกเด็ดขาด”น้ำเสียงที่ดูจะจริงจังของไอ้การ์ดอดที่จะทำให้ผมแปลกใจไม่ได้ ว่าเพราะเหตุผลอะไรกันแน่ที่มันไม่อยากให้ผมคืนดีกับมาบ

“แล้วพวกมึงจะอะไรกับกูนักหนา...กูว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่กูสามารถตัดสินใจเองได้นะ”ผมบอกอย่างไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นักหรอกครับ แต่ก็ยังแฝงด้วยความคลางแคลงว่าทั้งไอ้เชษฐ์ ทั้งไอ้การ์ดจะอะไรกันขนาดนี้กับเรื่องของผมกับมาบ

“คงอยากวิ่งเข้าหามลพิษจนตัวสั่น”หลังจากปล่อยให้ผมพูดกันอยู่สองคนกับไอ้การ์ดเสียเยอะ ไอ้เชษฐ์ก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม ไม่รู้มันจะประชดอะไรผมนัก

“วันนี้มึงเป็นอะไรเหรอเชษฐ์ มีอะไรมึงพูดมาตรงๆ ดีกว่า”ผมไม่ชอบเลยเวลามีคนมาพูดเหมือนเราทำอะไรสักอย่างผิด แต่ไม่พูดออกมาตรงๆ ทำเป็นมาว่าประชดประชันเราจะให้เรารู้เอง แบบนี้มันน่าหงุดหงิดชะมัดเลยสิ

“มึงอยากรู้เหรอว่ากูเป็นอะไร”แววตามุ่งมั่นกับท่าทีจริงจังนั้นทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ แถมไอ้เชษฐ์ก็พูดเสียดัง แล้วยังมานั่งจ้องผมแบบนี้อีก ทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหว่ะเลย ไอ้นี่เล่นอะไรของมันนี่เพราะผมตกใจในเสียงมันหรือเปล่าเลยใจเต้นไม่เป็นจังหว่ะแบบนี้

“มีอะไรก็ว่ามาเลย”ผมจ้องมองไอ้เชษฐ์คืนก่อนจะบอกออกไป

“กู...”





“ตี๊ฟ”คำพูดของไอ้เชษฐ์ถูกขัดจังหว่ะด้วยเสียงของอีกคนที่เรียกชื่อผม สายตาของทั้งผมไอ้เชษฐ์และไอ้การ์ดต่างหันไปตามเสียงนั้น

“สมชื่อมลพิษจริงๆ มาทีเสียบรรยากาศหมด”ไอ้การ์ดบ่นเบาๆ ซึ่งมาบเองก็คงไม่ได้ยินหรอก

“มาบมีอะไรเหรอ”เมื่อคิดว่าเค้าคงไม่ได้มีธุระกับไอ้เชษฐ์หรือไอ้การ์ดเป็นแน่ ผมเลยต้องสอบถามไปว่าเค้ามีเรื่องอะไรถึงมานี่ได้

“เรามาฟังคำตอบจากตี๊ฟเรื่องที่คุยกันเมื่อวาน”



หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 18-12-2014 21:23:24
วันที่ 13

“เรามาฟังคำตอบจากตี๊ฟเรื่องที่คุยกันเมื่อวาน”แววตาเว้าวอนจากเจ้าของคำพูดส่งผ่านมายังผม แต่ผมกลับรู้สึกเฉยๆ ที่ได้รับ ตกลงนี่ผมยังรู้สึกกับเค้าเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า เวลาแค่ไม่กี่วันที่เราห่างกัน มันทำให้ผมเปลี่ยนไปได้หรือ

สายตาสามคู่จากไอ้เชษฐ์ ไอ้การ์ด และมาบ ต่างจ้องมองมาที่ผม เหมือนทุกคนกำลังรอว่าผมจะตัดสินใจยังไง ทำไมเรื่องนี้ถึงได้ดูสำคัญนักนะ ถ้าผมตอบตกลงกลับไปคบกับมาบ คนที่จะสมหวังมีอยู่ 1 คน คือมาบ แต่คนที่คงไม่สบอารมณ์ตอนนี้อย่างน้อยๆ มี 2 คือไอ้เชษฐ์และไอ้การ์ด ซึ่งยังต้องพ่วงกลุ่มเพื่อนๆ ผมเข้าไปอีก แต่ในทางกลับกันถ้าผมปฏิเสธ คนที่จะผิดหวังในเรื่องนี้ก็มีแค่มาบเพียงคนเดียว ดูจากอัตราส่วนแล้วถ้าให้เลือก ผมก็ต้องเลือกที่จะปฏิเสธ แต่ว่าเรื่องแบบนี้คงเอาอัตราส่วนนี้มาใช้ไม่ได้หรอก มันต้องขึ้นอยู่กับว่าเราจะแคร์ความรู้สึกใครมากกว่ากัน

สายตาจากทั้งสามคนยังไม่ละจากผม ผมมองตอบทีละคน ที่มาบยังคงมีแววตาเว้าวอนรอคอยให้ผมกลับไปเหมือนเดิม ผมมองเคลื่อนผ่านมาที่ไอ้การ์ด ไอ้นี่สีหน้าแววตาชัดเจน แม้ไม่พูดออกมาผมก็พอได้ยินออกมาเป็นคำพูด

“ถ้ามึงเลือกไอ้มลพิษนี่ ไม่ได้ตายดีแน่”นี่คือสิ่งที่ผมอ่านได้จากสายตาไอ้การ์ด ผมรู้สึกว่ามันกำลังพูดอย่างนั้นจริงๆ นะแต่มันคงไม่ถึงกับฆ่าแกงผมจริงๆ หรอกมั้ง

ส่วนไอ้เชษฐ์ มันมีแววตาที่ดูขัดแย้งกันอยู่ในที มันเหมือนกับมีความผิดหวัง และรอคอยความหวังอยู่ในที

“ใจมึงไม่มีใครบังคับได้หรอก”มันบอกผมออกมาเบาๆ

“มาบคือเราว่า”ผมหันมาบอกกับมาบอย่างเป็นจริงเป็นจัง ผมว่าผมตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ดีที่สุดแล้ว ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด เตรียมจะพูดออกไป ส่วนทั้งสามคนก็ลุ้นผมยังกะผมจะประกาศล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 งั้นแหละ

“ตอนนี้เราสองคนก็ถอยห่างกันออกมาแล้ว....เพราะงั้นเราสองคนก็น่าจะลองเว้นระยะห่างระหว่างเราไว้แบบนี้สักพักดีกว่าไหม ให้แต่ละคนได้ใช้เวลาทบทวนดูว่าแท้จริงเราจะยังอยากเหมือนเดิมอีกไหม ลองเปิดโอกาสตัวเองดูอีกที แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ต่างฝ่ายต่างหาคนใหม่นะ วันนึงเราอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้ ซึ่งมันคือเรื่องในอนาคต แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้บอกตรงๆ ว่าเราอยากอยู่กับเพื่อนๆ มากกว่า เรากับมาบก็ยังเจอกันได้ โทรหา พูดคุย หรือไปเที่ยวไปไหนมาไหนกันได้เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าตอนนี้เราขอลดความสัมพันธ์ให้มาบเป็นเพื่อนเราคนนึงแล้วกันนะ”ผมว่านี่น่าจะเป็นการรักษาน้ำใจทั้งสองฝ่ายได้ดีที่สุดแล้ว ผมไม่ได้กลับไปคบกับมาบตามความต้องการของเพื่อนๆ แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธมาบจนไม่เหลือเยื่อใย วันข้างหน้ามันจะเป็นไงผมเองก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมขออยู่แบบนี้ไปก่อนดีกว่า

“ตี๊ฟพูดเหมือนกำลังมองคนอื่นเผื่อไว้เลยนะ”น้ำเสียงบ่งบอกได้ชัดเจนว่าผิดหวัง และเหมือนจะประชดผมนิดๆ ออกมาจากปากของมาบ

“ตอนนี้เราไม่ได้มีใครหรอก เราก็อยู่แต่กับเพื่อนๆ”ผมพยายามอธิบายให้มาบเข้าใจ ว่าที่ผมไม่ยอมกลับไปคบเค้าไม่ใช่ว่าผมมีใครใหม่ในใจแล้ว ตามที่เค้าเข้าใจ มาบเองหันไปมองเพื่อนๆ ที่ผมพูดถึงซึ่งตอนนี้ก็มีแค่ไอ้การ์ดกับไอ้เชษฐ์ แล้วมาบก็หัวเราะขื่นๆ ในลำคอ

“ไม่เป็นไร ก็ถือซะว่าให้เราเริ่มจีบตี๊ฟใหม่ แค่นั้นเอง มารอดูแล้วกันว่าเราจะจีบตี๊ฟติดก่อนคนอื่นแถวนี้หรือเปล่า”มาบพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป


นั่นคือเรื่องจากเมื่อวานที่ยังวนเวียนให้ผมขบคิดมาจนถึงวันนี้ ว่าที่มาบพูดนี่หมายถึงมีใครอื่นจะมาจีบผมอีกงั้นเหรอ เรื่องนี้เรื่องเดียวยังรบกวนความคิดผมไม่พอนะครับ เพราะมีอีกหนึ่งเรื่องใหญ่ที่ทำเอาผมจะประสาทแดรกอยู่แล้ว จะเรื่องอะไรละครับถ้าไม่ใช่

“กูไม่เข้าใจมึงจริงๆ ว่ะไอ้ตี๊ฟ ว่าทำไมไม่ปฏิเสธไอ้มลพิษนั่นไปให้เด็ดขาด”วันนี้ทั้งวันพวกเพื่อนๆ พูดประโยคนี้กันคนละร้อยรอบได้แล้วมั้งครับ โดยเฉพาะไอ้การ์ด ไอ้นี่บทจะเกรียนก็ไม่ฟังอะไรเลย

“กูว่าจริงๆ ไอ้มลพิษนั่นไม่ได้แค่ลองใจมึงหรอก แต่มันต้องแอบไปมีคนอื่น ก็เลยมาบอกเลิกมึง ทีนี้พอมันไปคบคนอื่นแล้วโดนเค้าสลัดทิ้ง เลยคิดจะกลับมาหาของตายอย่างมึง”แล้วคนอย่างผมนี่มันเป็นของตายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“เค้าจะโดนสลัดทิ้งได้เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”ผมตอบกลับไปเพราะคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จริงหรอกมั้ง แม้ผมเองจะไม่ได้ตามติดมาบตลอด 24 ชั่วโมง สมัยที่คบกัน แต่ผมก็ว่าเค้าเป็นแฟนที่ดีคนนึงเหมือนกันนะ ตอนนี้พวกเพื่อนๆ ผมคงมีอคติกันอยู่เลยมองมาบในมุมที่ไม่ดีเพียงฝ่ายเดียว

“ไม่รู้แหละ บางทีตอนมึงไม่อยู่มันอาจจะไปลั้ลลากับคนอื่นลับหลังมึงก็ได้ ใครจะรู้”นี่แหละครับที่ผมว่าไอ้การ์ดมันออกอาการเกรียนกำเริบ เพราะมันไม่ลองเอาเหตุผลคิดดีๆ เลย

“เอาเหอะน่า ยังไงตอนนี้กูก็ไม่ได้กลับไปเป็นแฟนกับเค้า สมใจพวกมึงแล้วนิ ยังจะอะไรกับกูอีก”ผมตัดบทเพราะพูดเรื่องนี้ไปก็ไม่จบหรอก มีแต่จะพาลเป็นเรื่องราวใหญ่โตเข้าไปอีก

“ก็ยังดีที่มึงอุตส่าห์ครองตัวเป็นโสดไว้เหมือนเดิม ไม่งั้นคนแถวนี้คงเหงาแย่”ไอ้การ์ดพูดอะไรมีลับลมคมในอีกแล้ว

“ใครจะเหงาว่ะ”ผมหันไปถามอย่างสงสัย

“อ้าวก็พวกกูไง เพื่อนๆ มึงนี่แหละ ถ้ามึงไปกับไอ้มลพิษนั่น พวกกูก็คงไม่ค่อยได้เจอมึงสิ”อ๋อนึกว่าจะมีความนัยอะไรแฝง เพราะมันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของมาบที่บอกว่าจะมีคนจีบผมแข่งกับเค้า

“เหรอ...”ผมลากเสียงยาวล้อเลียน เพราะไอ้การ์ดทำหน้าตาบ๊องแบ๊วใส่ผมเหลือเกิน

“เออมึงได้ยินที่มาบเค้าพูดเมื่อวานไหมว่ะ ที่บอกว่าให้รอดูว่าใครจะจีบกูติดก่อน ที่เค้าพูดเป็นนัยๆ นั่นมึงว่าใครว่ะ มีใครจะมาสนใจกูด้วยเหรอช่วงนี้”ผมพยายามคิดว่าช่วงนี้มีใครมาทำทีสนใจในตัวผมบ้างหรือเปล่า แต่เท่าที่นึกออกมันก็ไม่มีเพราะช่วงนี้ใครๆ ก็คิดว่าผมเป็นแฟนกับไอ้เชษฐ์หมดแล้วมั้ง ใครมันจะกล้าเข้ามาหาผมอีกล่ะ อนาคตผมก็โดนตัดไปเพราะพวกเพื่อนๆ ตัวดีนี่แหละ

“นี่มึงไม่รู้เหรอ”ไอ้การ์ดพูดเหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยที่ผมไม่รู้ ยังกะตัวมันเองจะรู้งั้นแหละ แหมมาว่าเหมือนผมผิดที่ไม่รู้ ตัวเองรู้หรือเปล่าเหอะ

“ยังกะมึงรู้”

“รู้สิ”ผมหันกลับไปมองหน้าไอ้การ์ดอย่างสงสัย ไม่ค่อยจะเชื่อที่มันพูดสักเท่าไหร่ แต่มันพยักหน้าแถมยืนยันว่ามันรู้จริงๆ

“ใครล่ะบอกมาดิ”อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้การ์ดมันคิดว่าใครคือคนที่มาบอ้างถึง จะดูซิว่าผมควรรับไว้พิจารณาหรือเปล่า ไม่ได้หลงตัวเองนะครับแค่จะได้ตั้งมือรับทัน ไม่ใช่มาแบบไม่ให้ตั้งเนื้อตั้งตัว เดี๋ยวจะรับไม่ไหว

“อยากรู้เหรอ”ไอ้การ์ดทำท่าครุ่นคิด เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะบอกผมดีไหม แต่ผมว่ามันคงไม่รู้มากกว่าแต่มาทำเป็นฟอร์มหลอกผมไปงั้น

“ถ้ารู้ก็บอกมา”

“เย็นนี้เลี้ยงเบียร์กูซิ มึงจะได้รู้รายละเอียดหมดเลย”ว่าแล้วเชียว ที่แท้จะหลอกแดรกเบียร์นี่เอง ยิ่งวันนี้วันศุกร์ด้วยแล้ว ทำเป็นมาฟอร์มนะไอ้การ์ด ตลกบริโภคชัด

“ฝันไปเถอะ”เรื่องอะไรผมจะยอมเลี้ยงมัน ในเมื่อผมคิดว่ามันคงไม่รู้หรอก เกิดผมเลี้ยงมันไปแล้วผมไม่ได้อะไรจากมันเลยผมก็ขาดทุนสิ ถึงผมจะอยากดื่มเบียร์เหมือนกัน  แต่วันนี้วันศุกร์ยังไงเสียก็แชร์กันไปเมาอยู่แล้ว เรื่องไรผมต้องจ่ายคนเดียว

“มึงไม่อยากรู้เหรอ”เมื่อเห็นว่าผมไม่เล่นด้วยก็มาตามงอนง้อ นี่ยิ่งชัดเจนว่ามันต้องมาหลอกแดรกฟรีจริงๆ

“กูรู้จริงๆนะ”ไม่เลิกครับ แม้ผมจะปฏิเสธอย่างไร

“เชษฐ์เมื่อวานก่อนที่มาบจะมา มึงมีอะไรจะบอกกูนะ”เพื่อเป็นการตัดรำคาญไอ้การ์ดผมเลยต้องหาคู่สนทนาใหม่ พอดีกับที่นึกขึ้นได้ว่าไอ้เชษฐ์เหมือนมีอะไรจะบอกผมนี่นา แต่วันนี้ดูมันเงียบผิดปกตินะ ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ เอาแต่เก๊กอยู่นั้นแหละ แล้วก็แอบมองผมบ่อยๆ ด้วย มันต้องมีอะไรกับผมสักอย่างแน่ๆ เลย

“มึงยังอยากรู้อยู่เหรอ”อ้าวไอ้นี่มาแนวประชดประชันอีกแล้ว ทำเป็นน้อยใจเหมือนเด็กๆ ไปได้ ผมไม่ได้ลืมเรื่องของมันนะแต่เพิ่งนึกขึ้นได้

“อยากรู้มากๆ เลยเนี่ยพร้อมจะฟังแล้วด้วย พูดมาเถอะ”ผมแกล้งพูดเหมือนสนใจเรื่องที่มันจะพูดเสียเต็มประดา พูดดีๆ กับมันหน่อยครับ เพราะผมกำลังคิดว่ามันคงต้องไม่พอใจอะไรผมบางอย่างแน่ๆ

“เลี้ยงเบียร์กูซิเดี๋ยวพูดให้ฟัง”ไอ้เชษฐ์พูดยิ้มๆ พร้อมกับหันมามองผมแปลกๆ ไอ้พวกตลกบริโภคมันไม่ได้มีคนเดียวในโลกครับ

“งั้นกูจ่ายส่วนของมึงสองคนด้วยก็ได้ แต่คนอื่น หารนะโว้ย”ด้วยความอยากจะรู้ว่าไอ้การ์ดมันรู้จริงๆ หรือเปล่า และก็ไอ้เชษฐ์อีกคนว่ามีปัญหาอะไรกับผมอยู่หรือเปล่า


“บอกได้หรือยังไอ้การ์ดว่าที่มาบพูดหมายถึงใคร”ทันทีที่ถึงร้านเบียร์สด ร้านประจำ ผมก็ต้องถามไถ่เสียก่อน เพราะถ้าปล่อยให้มันดื่มแล้วค่อยถามอาจจะไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเสียเปล่าๆ

“ขอแก้วนี้ก่อนนะ”ไอ้การ์ดทำลีลา ยกเบียร์ขึ้นดื่มโดยไม่ได้สนใจว่าผมกำลังรอฟังอยู่แม้แต่น้อย

“กูไม่อยากรู้ล่ะ มึงจ่ายส่วนของมึงเองแล้วกันนะ”แหมเล่นตัวจริงๆ เดี๋ยวปัดไม่เลี้ยงเลยนิ อันนี้ไม่ได้ขู่มันนะครับ เอาจริง แบบชักทำตัวน่าหมั่นไส้มากไปแล้ว ทำมาเป็นตลกบริโภคแล้วยังกวนประสาทอีก

“แหมๆ เพื่อนตี๊ฟก็ใจเย็นๆ หน่อย เพื่อนกำลังจะบอกอยู่นี่ไง”ทำมาเป็นพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน นะกลัวต้องจ่ายตังค์เองละสิท่า

“ไม่อยากรู้แล้ว”ผมทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่ม

“ไม่อยากรู้กูก็จะบอก เดี๋ยวกูอดกินฟรี”ว่าแล้วเชียวไอ้นี่นิ เอาเถอะจะบอกก็บอกมา

“ตกลงว่าคือใคร”ผมถามย้ำอีกครั้งพร้อมส่งสายตาคาดคั้นให้มันรู้ว่า ถ้ายังไม่บอกอีก ก็ไม่ต้องบอก แล้ววันนี้ก็จ่ายเองด้วย ผมไม่จ่ายให้แล้ว

“หันซ้ายซิ”อะไรของมันอีก ผมหันมองไปตามที่ไอ้การ์ดบอก แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าให้ผมหันมองทางซ้ายทำไม

“แล้วไงต่อ”ผมหันกลับมาถามอีกครั้งเมื่อไอ้การ์ดไม่อธิบายหรือพูดอะไรต่อ ส่วนไอ้การ์ดก็อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ทำเป็นลับลมคมในเหลือเกิน ตกลงว่าวันนี้มันอยากจะจ่ายตังค์เองจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย

“ไอ้ตี๊ฟ มึงนี่มันซื่อหรือบื้อกันแน่ว่ะ มึงลองมองซ้ายมืออีกทีนะ แล้วบอกกูซิว่ามึงเห็นอะไร”ไอ้การ์ดส่ายหน้าอย่างระอาเหมือนผมไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ผมหันมองตามที่ไอ้การ์ดบอกอีกครั้ง

“ไอ้เชษฐ์”ผมหันกลับมาบอกกับไอ้การ์ดก็ผมจะเห็นอะไรได้นอกจากไอ้เชษฐ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ สมองน้อยๆ ผมเริ่มประมวลผล ก่อนระบบความคิดผมจะตอบกลับมาว่าผมโดนไอ้การ์ดหลอกกินฟรีอีกแล้ว

“ไม่ต้องมามั่วเลยไอ้การ์ด สรุปคือมึงไม่รู้ใช่ไหมเนี่ย”ผมนี่โง่หรือเซ่อกันแน่ที่ยอมให้ไอ้การ์ดหลอกเอาได้ ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าไอ้การ์ดจะไปรู้เรื่องที่มาบพูดได้ยังไง ยิ่งไอ้การ์ดมาบอกว่าคนที่จะจีบผมอีกคนคือไอ้เชษฐ์นี่ยิ่งแล้วใหญ่ ก็มันพนันเรื่องผมกับไอ้เชษฐ์ อยู่แล้ว พูดแบบนี้ก็เหมือนสนันสนุนทฤษฎีของมันเองนั่นแหละ

“มึงอะแหละไม่รู้อะไรเลย ไอ้เชษฐ์นี่แหละคู่แข่งตัวฉกาจ ที่จะสามารถต่อกรกับไอ้มลพิษนั่น”ว่าแล้วปะไร ทำเนียนจริงๆ แค่ยุแยงส่งเสริม แซวให้ผมกับไอ้เชษฐ์รักกันอยู่ทุกวัน มันยังไม่พอ ต้องโยงเอามาบมาเป็นตัวกระตุ้นอีกคน ไอ้นี่มันช่างคิดอะไรได้น่าตบกะโหลกจริงๆ

“เลิกพล่าม...แล้วดื่มเบียร์ดีกว่า เอาเป็นว่าวันนี้กูเสียค่าโง่เลี้ยงเบียร์มึงแล้วกัน”ผมเลิกสนใจที่จะคุยเรื่องนี้กับไอ้การ์ดต่อเพราะมันไม่มีประเด็นอะไรแล้ว เพราะถ้าจะพูดเข้าทำนองว่าผมกับไอ้เชษฐ์จะรักกันแบบนี้ ไม่ต้องรอมาบมาเปิดประเด็นหรอก ไอ้การ์ดเองพล่ามมันทุกวันอยู่แล้ว

“อ้าวไอ้นี่กูพูดความจริงก็ไม่เชื่อกูอีก ถามไอ้เชษฐ์ดูก็ได้ว่ามันจะจีบมึงแข่งกับไอ้มลพิษนั่นหรือเปล่า”ไอ้การ์ดยังคงไม่เลิกครับ แถมคราวนี้ลากไอ้เชษฐ์มามีส่วนร่วมด้วย ผมหันมองไอ้เชษฐ์ ที่โดนไอ้การ์ดลากเข้ามาเอี่ยวในบทสนทนาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ไอ้เชษฐ์เองกลับทำเพียงยักไหล่อย่างไม่ได้ใส่ใจ ประมาณไม่รู้ไม่ชี้ในสิ่งที่ไอ้การ์ดพูดมา แทนที่จะช่วยกันปฏิเสธแต่มันกลับทำเป็นไม่ใส่ใจเสียนี่ ตกลงว่าการพนันครั้งนี้ไอ้เชษฐ์มันอยู่ข้างไหนกันแน่ ก็ไหนว่าผมกับมันอยู่ข้างเดียวกัน และเราจะช่วยกันแสดงให้เห็นว่าทฤษฎีของไอ้การ์ดนั้นผิด แต่นี่ดูไอ้เชษฐ์ไม่ได้ช่วยกันทำมาหากินเลย

“ว่าไงละมึงทำไมไม่พูดอะไรบ้าง หรือตกลงมึงจะจีบกูจริงๆ หรือไง”ผมถามไอ้เชษฐ์ออกไปอย่างนึกสนุกกะจะแกล้งแซวมันเสียหน่อย เห็นเงียบๆ

“งั้นมั้ง”คำตอบไอ้เชษฐ์ทำเอาผมเกือบสำลักเบียร์ ผมหันมองหน้าไอ้เชษฐ์ว่ามันพูดจริงหรือพูดเล่น แต่พอเห็นพวกไอ้การ์ดโห่แซว ผมก็เลยคิดว่ามันคงตอบรับมุขของไอ้การ์ดไปอย่างนั้นเอง เพราะไอ้เชษฐ์เองก็ยิ้มแปลกๆ ด้วย สงสัยจะรวมหัวกันอำผมแน่ๆ แต่อำแบบนี้เล่นเอาใจหายใจคว่ำเหมือนกันนะ เพราะถ้าเกิดมันพูดจริงขึ้นมาจะเป็นยังไงกันนะ ไม่อยากจะคิดเลย

“มึงพูดเล่นใช่ไหมไอ้เชษฐ์”เพื่อไม่ให้คาใจผมเลยต้องถามย้ำกับไอ้เชษฐ์อีกครั้งว่าตกลงที่มันพูดมานั้น พูดเล่นขำๆ หรือหมายความอย่างอื่นกันแน่

“แล้วมึงว่าคนอย่างกูจะชอบมึงได้ไหมละ”ไอ้เชษฐ์หันกลับมาตอบผมพร้อมจ้องมองผมด้วยสายตาที่แปลกออกไป แถมที่แปลกไปกว่านั้น ผมดันใจสั่นเสียด้วยนี่สิ

“มึงเมาป่ะเนี่ย”เป็นผมเองที่ต้องหลบสายตาของไอ้เชษฐ์ เพราะมันรู้สึกอึดอัดยังไงบอกไม่ถูกที่ต้องมาจ้องตากันแบบนี้ แถมไอ้พวกเพื่อนๆ ก็ดันเงียบตั้งใจฟังผมกับไอ้เชษฐ์คุยกันอีก มันจะช่วยกันบิ๊วอะไรขนาดนั้น

“อยากให้กูเมาไหมล่ะ”น้ำเสียงที่ฟังดูเจ้าแล่ห์ของไอ้เชษฐ์ที่พูดประโยคนี้มันทำให้ผม นึกถึงครั้งก่อนที่มันพูดเรื่องถ้ามันเมาแล้วจะปล้ำผมขึ้นมาซะงั้น

“ไอ้บ้า”ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาแบบเหมือนจะไม่รู้ตัว ทั้งที่มันไม่ได้พูดออกมาว่าหมายความเช่นไร แต่ผมรู้ว่ามันต้องการจะสื่อแบบนั้นแน่ๆ ผมว่าไอ้เชษฐ์เองก็แปลกๆไปนะเนี่ย หรือว่าผมเองก็แปลกไปด้วยกันแน่ ไอ้เชษฐ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่อมยิ้มเหมือนจะกวนประสาทผม

“ไอ้ตี๊ฟแล้วมึงไม่อยากรู้เหรอว่าวันก่อนไอ้เชษฐ์มันจะบอกอะไรมึง”เมื่อเห็นว่าทั้งผมและไอ้เชษฐ์เงียบกันทั้งคู่ไอ้การ์ดเลยเป็นฝ่ายที่ทำลายความเงียบของโต๊ะพวกผม เพราะบรรดาเพื่อนคนอื่นๆ ก็พร้อมใจกันเงียบเหลือเกิน

“เบียร์กูก็เลี้ยงแล้ว ก็น่าจะคิดได้นะ ว่าสมควรจะบอกกูเองหรือต้องให้กูถามอีก”ด้วยยังรู้สึกเขินๆ ยังไงบอกไม่ถูกผมเลยพูดเหมือนไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไหร่ แล้วนี่ตกลงผมเขินใครหรือเขินอะไรอยู่กันละนี่

“มันเป็นเรื่องที่กูต้องพูดกับมึงแค่ลำพัง ไว้ตอนกลับกูค่อยบอกได้ไหม”แล้วเสียงโห่แซวชอบอกชอบใจจากเพื่อนๆ ก็ดังสนั่นหวั่นไหวอีกรอบ


“ให้ถึงบ้านละพวกมึง เจอกันวันจันทร์”ผมบอกลาพวกเพื่อนๆ ที่สภาพเมายังกะตัวอะไร ก่อนจะแยกย้ายกลับ วันนี้ผมไม่ค่อยเมามากเท่าไหร่ แค่ตึงๆ หน่อยๆ เพราะโดนพวกไอ้การ์ดแซวผมกับไอ้เชษฐ์มากไปหน่อยเลยไม่ค่อยได้ดื่มมากเพราะต้องต่อปากต่อคำกับพวกมัน ที่ยกมาเป็นทีมมีการพลัดเปลี่ยนกันแซวผม พวกมันมีหลายคนเลยมีช่วงพักยกยกแก้วดื่มได้ แต่ผมตัวคนเดียวต้องลับฝีปาก ต่อสุ้พวกมันอยู่เพียงลำพังเลยไม่ค่อยมีเวลาได้ดื่มเท่าพวกมัน

“ตี๊ฟ กูเดินไม่ไหวว่ะ ช่วยประคองหน่อยดิว่ะ”อ้าวไอ้นี่ตอนออกมาจากร้านก็ยังดีๆ อยู่พอถึงคอนโดดันเพิ่งจะมาเมาหรือไงกันละเนี่ย ก็อยากจะปฏิเสธที่จะช่วยเหลือมันหรอกนะ แต่ตอนนี้ผมเองก็เริ่มง่วงแล้วรีบๆ พากันให้ถึงห้องเร็วๆ น่าจะดีกว่า ผมจึงช่วยประคองไอ้เชษฐ์เพื่อจะกลับห้อง แต่มันก็ทำตัวยังกะไม่มีเรี่ยวมีแรงเหลือเกินเพราะเล่นให้ผมลากมันจนถึงห้องเลย มือก็เกาะผมยังกะตุ๊กแก

“เรื่องที่กูจะพูดกับมึง....”ไอ้เชษฐ์ที่ยืนพิงผนังห้องรอผมเปิดประตูพูดขึ้นมา แต่ตอนนี้ผมไม่อยากฟังแล้วละครับ เพราะง่วงแล้วไว้วันหลังค่อยคุยกันน่าจะดีกว่า

“ไว้วันหลังนะ ตอนนี้กูง่วงแล้ว”ผมพูดพร้อมกับประคองมันผ่านประตูเข้าห้อง พามันส่งให้ถึงห้องนอน

“กูเมา”หลังจากที่ผมประคองมันมาจนถึงห้องนอน มันก็เหมือนจะยืนเองได้อยู่นี่นา แต่ไอ้ที่ว่ามันเมานี่ผมรู้แล้วแหละ แล้วมันจะบอกผมอีกทำไมของมันละ

“เมาก็นอนไปสิ”ผมบอกพร้อมกับจะหันหลังกลับเพื่อออกไปเข้าห้องนอนตัวเอง แต่ผมกลับถูกแรงผลักอย่างแรงจนเซไปหลังชิดผนังห้อง ผมไม่ทันได้พูดอะไรเพราะกำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้เชษฐ์เข้ามายืนตรงหน้าผมวางมือสองข้างที่ผนังกั้นตัวผมไว้

“มึงไม่เข้าใจจริงๆเหรอว่ากูหมายความว่าไง”สีหน้าและแววตาที่ไอ้เชษฐ์มองผมทำไมมันดูเหมือนจะหื่นๆ แบบนี้กันละ แต่ไอ้การกระทำนี้เล่นเอาผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันที

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 11 [17-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 18-12-2014 21:24:59
วันนี้คนแต่งอารมณ์ดี ลงให้ 2 ตอนละกันนะคร๊าบบบบบ

 o13 o13

วันนี้มาช้า พอดีเพิ่งไปดู Hobbit มา  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 18-12-2014 21:43:11
ปล้ำเลยยยยยยยย #ผิด
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 18-12-2014 22:01:19
ติ๊ฟอย่ามึน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 18-12-2014 22:02:29
เมื่อไหร่จะลงเอยกัน
รักกันสักทีเซ่ :angry2:
555แพ้พนันกันพอดี
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-12-2014 22:19:54
สงสัยเหมือนกันนะเรึ่องมาบว่าอาจจะมีลับลมคมใน อาจจะมีแฟนหลบไว้หรือเปล่าหรือว่าจีบๆอยู่แต่ยังไม่ติด อะไรเทือกนี้

คิดว่าพวกเพึ่อนๆก็น่าจะทราบอะไรอยู่ถึงได้ไม่ชอบขนาดนี้
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-12-2014 22:26:33
ค้างอ่ะ
เชษฐ์เคยบอกแล้วว่าถ้าเมาจะปล้า
และวันนี้เชษฐ์ก็บอกแล้วว่าเมา
ซึ่งก็คือจะปล้ำแล้วนั่นเอง
คนอ่านหื่นตามเชษฐ์ซะงั้น
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-12-2014 22:31:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 18-12-2014 23:19:50
ยังไงต่อเนี่ย :mew2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 19-12-2014 01:47:47
ค้างงงงอย่างแรงงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 19-12-2014 03:52:38
หราาาาา?  คนอ่านรมณ์เสียค้างค่ะคนแต่ง  o13(โป้งแระ) จอ อู บอ จูบ ใช่ม้ายยย กรี้ดดดด!!!!!
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 19-12-2014 09:05:49
o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 19-12-2014 09:15:26
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
อะไรคะะะะะะะะะะ บอกสิๆ
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 12-13 [18-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 19-12-2014 10:14:51
วันที่ 14

“มาล้อเล่นอะไรของมึงอีกเนี่ย”แม้ในใจจะสั่นไม่เป็นจังหว่ะ แต่ผมก็ต้องพูดให้เป็นปกติออกไปเหมือนทุกครั้ง ถึงจะรู้สึกว่าครั้งนี้มันแปลกออกไปก็เถอะ ไอ้เชษฐ์ไม่ได้ตอบผมแต่ยังคงจ้องมองหน้าผม พร้อมกับมือที่มาเกลี่ยใบหน้าผมก่อนจะค่อยๆ ลากลงมาตามคอของผม

“เมาแล้วก็ไปนอน อย่ามัวมาล้อกันเล่นแบบนี้”ผมจับมือที่วนอยู่บนใบหน้าให้หยุดเพราะรู้สึกกลัว กลัวความรู้สึกแปลกๆ ของตัวผมเอง ผมคิดว่าผมต้องหยุดก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไป ผมไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์มันจะทำตามที่เคยพูดจริงๆ หรือว่าแกล้งอะไรผมอยู่กันแน่

“ถ้ากูจะบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นแต่เอาจริงมึงจะว่ายังไง”กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ลอยมาเตะจมูกผม เพราะตอนนี้ใบหน้าเราสองคนอยู่แทบจะชิดกัน ลมหายใจของไอ้เชษฐ์ก็พ่นออกมาหาผม แล้วไอ้คนอย่างผมดันหลงใหลกับกลิ่นนี้เสียด้วย ทำไมคืนนี้ผมมองว่าไอ้เชษฐ์มันดูเซกส์ซี่กว่าทุกวันกันนะ อย่าบอกนะว่าผมกำลังจะหวั่นไหวไปกับมัน

“กูก็คงไม่ยอมให้มึงทำแบบนั้นหรอก”ผมพยายามรวบรวมสติพูดออกไป เพราะเริ่มกลัวใจตัวเองขึ้นทุกที ทั้งอาการเมา ทั้งการขาดคนรักมาสักระยะอย่างที่ผมเป็นมันทำให้ผมกลัวว่า ทั้งผมและไอ้เชษฐ์อาจจะเผลอไผลทำอะไรที่เกินเลยกันไป

“นั่นสินะ”ไอ้เชษฐ์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะถอยห่างออกจากผม

“ไปนอนเถอะ”น้ำเสียงที่เปล่งออกมา ยากที่จะจับอารมณ์ได้ว่าคนพูดรู้สึกเช่นไร ไอ้เชษฐ์หันหลังให้ผม ส่วนผมเองก็เดินกลับออกจากห้องของไอ้เชษฐ์อย่างงงๆ




เช้านี้ผมตื่นค่อนข้างเช้าทั้งที่เมื่อคืนก็ดื่มไปหนักพอควร แต่เรื่องเมื่อคืนที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวของผมทำให้นอนไม่ค่อยหลับ ผมคิดแล้วคิดอีกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน จนตอนนี้ผมแทบจะจำได้ทุกรายละเอียด แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตกลงไอ้เชษฐ์มันกำลังเล่นอะไรกับผมกันอยู่ ก่อนที่เราจะมาอยู่ร่วมคอนโดกันเหมือนตอนนี้ มันประกาศชัดเจนว่า ไม่ชอบการที่ผมเป็นเกย์ ยืนยันหนักแน่นว่าชายต้องคู่กับหญิง แต่พอมาอยู่ร่วมกันได้แค่สิบกว่าวันนี้

มันเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรผม แต่เรื่องอาจเพราะเราเป็นเพื่อนกัน มันเลยพยายามมองข้ามในจุดนี้ไปบ้าง แต่ที่ผมสงสัยก็คือคำพูดของไอ้การ์ด จากตอนแรกที่ไม่ได้สนใจอะไรมากกับการที่ไอ้การ์ดบอกว่าคนที่จะจีบผมแข่งกับมาบคือไอ้เชษฐ์ แต่จากเหตุการณ์เมื่อคืน มันทำให้ผมเริ่มชักไม่แน่ใจ

ซึ่งถ้าเรื่องนี้เป็นจริง ไอ้เชษฐ์จะทำแบบนั้นด้วยเหตุผลอะไร หรือจะเป็นผลพวงมาจากที่เราเถียงกันในตอนแรกก่อนจะมาพนันเกมของไอ้การ์ด ที่ผมเคยว่าขอให้มันไปหลงรักเกย์ แล้วโดนเกย์หักอก ส่วนมันก็ว่าไม่มีทาง กลัวแต่ผมเองนั่นแหละที่จะไปหลงรักมัน หรือว่าตอนนี้มันกำลังจะทดสอบทฤษฎีนั้นของมันอยู่ หรือมันมีเกมพนันซ้อนกับไอ้การ์ดขึ้นมาอีก ว่าจะทำให้ผมรักมันได้ไหม พวกนี้ยิ่งชอบเล่นอะไรบ้าๆ บอๆ กันอยู่

นั่นคือสิ่งที่ผมยังคิดไม่ตก และกำลังกังวลว่าจะหาวิธีรับมือยังไง อีกเรื่องที่ผมกำลังเป็นกังวลอย่างยิ่งก็คือการที่เมื่อคืนทำไมผมดันรู้สึกว่าไอ้เชษฐ์มันเซกส์ซี่น่าหลงใหลนี่สิ ผมไปมีความรู้สึกแบบนั้นได้ยังไงกัน แม้ผมจะชอบกลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจแบบนั้น แต่ผมก็ไม่เคยสักครั้งที่จะรู้สึกแบบนี้กับเพื่อนนี่สิ

“โอ๊ย ไม่ๆๆๆๆ”ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบางอย่างที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของผม

“เอ้า”ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เย็นจัดสัมผัสกับแก้มของผม ไอ้เชษฐ์นั่นเองที่เอาเบียร์กระป๋องมาชนแก้มผม นี่มันตื่นตั้งแต่ตอนไหนกัน แล้วนี่จะมาดื่มอะไรแต่เช้าแบบนี้กัน

“อะไรของมึง”แม้จะเหมือนไม่อยากที่จะดื่มแต่ผมก็รับมาอย่างเสียไม่ได้ พร้อมมองหน้าไอ้เชษฐ์อย่างไม่เข้าใจ ผมขยับถอยห่างออกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไอ้เชษฐ์จะนั่งลงข้างๆ ซึ่งไอ้คนที่นั่งลงข้างผมก็กระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ตอนนี้ผมเริ่มระแวงมากขึ้นเพราะไมรู้ว่าตอนนี้ไอ้เชษฐ์มีแผนการอะไรคิดจะแกล้งผมอยู่หรือเปล่า

“ซะหน่อยน่าจะได้ดีขึ้น เห็นเค้าว่างั้นนะ”ไอ้เชษฐ์ยกเบียร์ในมือขึ้นดื่ม พร้อมกับหยิบรีโมทกดเปลี่ยนช่องทีวี มีเบียร์ไหลย้อยบริเวณริมฝีปากของไอ้เชษฐ์ไหล เลื่อนไปที่คาง เหมือนเจ้าตัวมันจะไม่ได้ใส่ใจ เพียงเอามือป้ายเช็ดลวกๆ ว่าแต่ทำไมผมต้องมาสังเกตมันทุกอิริยาบถขนาดนี้ ผมรีบยกเบียร์ขึ้นดื่มอย่างรวดเร็วเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง

“ทำไมตื่นแต่เช้าจังว่ะ”ผมพยายามหาเรื่องคุย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบๆ ซึ่งมันทำให้บรรยากาศแปลกๆ อยู่ไม่น้อย

“เหมือนมึงนั่นแหละ”ไอ้เชษฐ์ตอบโดยไม่ได้หันมามองผม สายตามันยังจดจ้องอยู่บนจอทีวี มือก็ยังยกเบียร์ดื่มเป็นระยะ มันบอกว่าเหมือนผมหมายความว่ายังไงกัน

“อ้าวงงอีก ก็มีเรื่องต้องคิดเลยนอนไม่ค่อยหลับ มึงก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ”ยิ่งฟังไอ้เชษฐ์พูดผมยิ่งจะงงเข้าไปใหญ่ แล้วมันรู้ได้ไงว่าผมเองก็มีเรื่องที่กำลังคิดอยู่ นี่มันอ่านความคิดผมออกหรือไงกัน

“แล้วมึงมีเรื่องอะไรต้องคิดเหรอ”แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ผมก็พยายามจะไม่ใส่ใจมากนัก ผมถามออกไปอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบที่จริงจังสักเท่าไหร่

“เรื่องเมื่อคืน”ไอ้คำตอบนั้นทำให้ผมเกือบจะสำลักเบียร์ ก็ผมเองยังคิดเรื่องนี้วนเวียนอยู่ในหัว เพิ่งจะลืมๆ ไปได้ชั่วครู่ไอ้นี่ดันมาสะกิดให้นึกถึงอีกแล้ว

“กูว่าเมื่อคืนกูคงยังเมาไม่พอว่ะ นี่ก็กะว่าจะดื่มให้เมานะเนี่ย”คำพูดเป็นนัยๆ พร้อมสายตาที่หันมามองผม ทำให้ผมต้องถอยห่างออกจากไอ้เชษฐ์อีกโดยอัตโนมัติ

“ทำยังกะกลัวกูงั้นแหละ”ไอ้เชษฐ์ทำเหมือนขำในท่าทีของผม ตอนนี้ผมกำลังไม่เข้าใจว่าไอ้เชษฐ์มันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

“กูไปกลัวมึงที่ไหนกันเล่า”

“ไม่กลัวจริงๆ เหรอ”ไอ้เชษฐ์ถามกลับผมมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ พร้อมกับโน้มตัวเข้ามาหาผม ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนผมต้องผลักมันออก นี่มันจะเล่นอะไรของมันกันแน่นะ มันกำลังต้องการเอาชนะผม แกล้งผมเล่นโดยไม่ได้คิดอะไร หรือมันคิดอะไรอยู่กันแน่ จริงๆ ใช่ว่าผมจะดูไม่ออกเสียทีเดียวว่าไอ้การกระทำของมันนี่ต้องการจะสื่ออะไร เพียงแต่ว่าผมดูยังไงมันก็ไม่ใช่การกระทำที่จริงจังอะไร ผมเลยสงสัยว่ามันกำลังจะทำไปเพื่ออะไรมากกว่า

“กูถามจริงๆนะ”ไอ้เชษฐ์ที่โดนผมพลักออกไป หันมาตั้งคำถามพร้อมจ้องหน้าผมอย่างมุ่งมั่น

“อะไรของมึงอีก”

“มึงมีสักแวบที่รู้สึกหวั่นไหวไปกับกูบ้างไหม”นี่ตกลงว่ามันจะมาไม้ไหนของมันกันแน่ อยู่ดีๆ ทำไมมาถามผมแบบนี้ ถึงผมจะตอบมันไปตามจริงหรือไม่ นั้นมันไม่สำคัญหรอกครับ แต่สิ่งที่ผมต้องตอบกับตัวเองนี่สิ ถ้าผมจะบอกว่าไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวสักนิดมันก็ไม่ใช่ แต่จะให้ผมคิดเกินเลยกับเพื่อนมันก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ

“ทำไมต้องมาถามกูแบบนี้ด้วย”แทนที่ผมจะตอบคำถาม แต่ผมกลับเป็นฝ่ายที่ตั้งคำถามกลับไปมากกว่า

“ถ้ากูจะบอกว่ากูกำลังจะจีบมึง มึงจะว่ายังไง”คำพูดที่ดูจริงจังหนักแน่น ของไอ้เชษฐ์สร้างความรู้สึกที่หลากหลายกับผมมากทีเดียว ทั้งแปลกใจ ไม่เข้าใจ แววตาที่ดูมุ่งมั่นนั่นช่างยากที่จะเข้าใจเหลือเกินว่านี่มันคือความจริงหรือกำลังแกล้งอำกันเล่น แต่มันก็ทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหว่ะ นี่มันกำลังบอกว่ามันชอบผมงั้นเหรอ

“กูก็คงไม่เชื่อมึงหรอก”เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว ผมว่าสิ่งที่มันพูดดูไม่น่าจะเป็นจริงไปได้

“ทำไมล่ะ”

“ลืมไปแล้วเหรอว่าเรามาอยู่ด้วยกันที่นี่ได้ยังไง”ใช่แล้ว ผมกับมันมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเพราะเราทั้งสองต่างยืนยันว่าจะไม่มีทางชอบกันเด็ดขาด แล้วตัวมันเองที่ประกาศปาวๆ ว่าจะไม่มีทางเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายด้วยกัน แล้วนี่ระยะเวลาแค่เพียงสิบกว่าวัน จะทำให้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปได้รวดเร็วขนาดนั้นเชียวหรือ

“แล้วทำยังไงมึงถึงจะเชื่อว่ากูพูดจริงๆ”ตกลงนี่มันจะยังแกล้งผมไม่เลิกหรือยังไงกันนะ

“มึงกล้าจูบกูหรือเปล่าล่ะ”ด้วยความที่ผมเองก็อยากจะให้เรื่องนี้กระจ่างเสียที ยังไงซะมันก็คงไม่กล้าจูบผมอยู่แล้วในเมื่อสิ่งที่มันกำลังพูดไม่ใช่ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ดูอย่างที่มันว่าถ้าเมาจะปล้ำผม แต่มันก็แค่เพียงพูดเล่นไปอย่างนั้นไม่ได้ลุกขึ้นมาทำจริงๆ เลยสักครั้ง

ผมเองก็ไม่อยากให้มันมาพูดอะไรทำนองนี้กับผมมากนักหรอก เพราะก็อย่างที่มันถามนั่นแหละว่าผมมีอาการแอบหวั่นไหวไปกับมันบ้างหรือเปล่า แน่นอนว่ามันก็ต้องมีบ้าง ก็ผมเองก็ไม่มีใคร อีกอย่างผมเองก็เป็นเกย์ แต่ไอ้เชษฐ์มันไม่ใช่ และผมเองก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ควร เพราะงั้นเพื่อจะได้ไม่มีเรื่องยุ่งยากในภายหลัง และการพนันกับไอ้การ์ดยังดำเนินไปโดยที่ผมจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ ผมเองก็ต้องรีบหยุดการกระทำที่มันจะเกินเลยกันไป แม้แค่ในคำพูดก็เถอะ การที่ผมท้าไอ้เชษฐ์ออกไปแบบนี้ น่าเป็นการยุติที่ดีอีกทางนึง นั่นคือในความคิดของผม แต่

“แค่นั้นเองเหรอ”



แวะมาต่อคร๊าบบบ

นี่คนแต่งไม่ได้แกล้งทุกคนน้า

แค่หยอดไว้เหมือนจะมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไรสักที 555

แต่มันต้องมีสักตอนแหละน่าเนอะ  o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 19-12-2014 10:28:08
จูบเลยเชษฐ์ เอาให้ถุงเท้าหลุดออกจากเท้าเองไปเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 19-12-2014 10:30:23
มี 45 วัน นี่ผ่านมาจะ 1 ใน 3 แล้ว
เชษฐ์ยังทำคะแนนไม่ถึงไหนเลย
 :serius2:
เชียร์อยู่นะ สู้ๆ
ขอให้ตอนหน้าได้จูบกัน ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-12-2014 11:08:08
เชษฐ์เอ๊ยยย :ruready
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 19-12-2014 11:23:46
เชษฐ์สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-12-2014 12:14:20
เชษฐ์ไม่กล้าบุ่มบ่าม
คงกลัวเสียเพื่อนด้วยแหล่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-12-2014 13:43:13
เชษฐ์จัดให้ตี๊ฟเค้าซักหน่อยสิ  :hao3: :hao7:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-12-2014 17:38:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-12-2014 19:53:52
ใช่ มันต้องมีอะไรกันสัดตอนแระ ลุ้นจนคางยานแล้วน่ะ อิอิ ดีใจจัวที่เชษฐ์ไม่บุ๋มบ่าม อนากให้แสดงออกว่ารักจริงหวังฟัน ไม่ใช่ คริๆๆๆ หวังแต่ง
รอฉากเด็ด หื่นจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 19-12-2014 20:13:38
จัดให้ตี้พซักหน่อยสิเชต ครึครึ :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-12-2014 21:56:14
ค้างงงงงงง  :ling1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 19-12-2014 22:30:30
ตลอดอ่ะ มาทำให้อยากแล้วก็จากไป :ling3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 14 [19-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 20-12-2014 08:09:17
วันที่ 15

“แค่นั้นเองเหรอ”ไอเชษฐ์พูดยิ้มๆ อย่างมีเลศนัยก่อนจะขยับเข้ามาหาผม แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมต้องตกตะลึง ดวงตาผมเบิกกว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงลิ้นอุ่นๆ ของไอ้เชษฐ์ที่ชอนไช เข้ามาสัมผัสกับลิ้นของผม มันเป็นสัมผัสที่ยากจะบอกว่ารู้สึกยังไง แต่ผมดันเผลอแลกลิ้นกับมันไปเสียแล้ว

“ยะ...หยุดเถอะ”ผมบอกเสียงหอบเมื่อรู้สึกได้ว่ามือของอีกฝ่ายสอดเข้ามาใต้เสื้อผ้าที่ผมสวมใส่ ผมพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายที่เหมือนจะไม่เหลือแล้ว ผลักคนตรงหน้าออก เราสองคนต่างจ้องหน้ากันนิ่ง หัวใจผมเต้นจนแทบจะระเบิดออกมา ทั้งตกใจ แปลกใจ และไม่คาดคิดกับสิ่งที่เพิ่งประสบมา

“ถ้ากูจะปล้ำมึงจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ แต่กูไม่ชอบบังคับใคร”พอพูดจบไอ้เชษฐ์ก็ลุกเดินเข้าห้องนอน ปล่อยให้ผมเอ๋ออยู่คนเดียวว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่


“ตี๊ฟ...ตี๊ฟ”หนึ่งเสียงเรียกผมให้หลุดจากห้วงความคิดที่ยังวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ผมเฝ้าคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดไม่ตกว่ามันยังไงกันแน่ วันนี้ผมออกมาหาอะไรทานกับมาบ แต่ดูเหมือนผมจะทำตัวเสียมารยาทอยู่ไม่น้อยเพราะไม่ค่อยสนใจมาบเท่าไหร่เลย

“มาบว่าไงนะ”ผมถามย้ำอีกครั้งเพราะความจริงแล้วไม่ได้ฟังที่มาบพูดเลยแม้แต่น้อย

“เราถามว่าจะสั่งอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า ไม่เห็นตี๊ฟสั่งอะไรเลย ปล่อยให้เราสั่งอยู่คนเดียว”ผมยิ้มแห้งๆ ให้กับมาบก่อนจะบอกว่าผมทานได้ทั้งนั้นสั่งอะไรก็สั่งมาเถอะ

“วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า เหมือนจะใจลอยๆ กำลังคิดจะกลับมาคบกับเราอยู่ใช่ไหมล่ะ”ผมไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับในคำพูดนั้น ผมเพียงยิ้มจางๆให้เค้าเหมือนเดิม ทำไมนะทั้งที่มาบเองก็ดีกับผมเสมอมา แต่ตลอดเวลาที่ผมเคยคบกัน ผมกลับยังรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไปอยู่ดี

“เอะ นั่นมันพังไปแล้วไม่ใช่เหรอ”ผมชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือของมาบ ซึ่งผมจำได้ว่าสายมันขาดไปแล้ว และก็ไม่เคยเห็นเค้าใส่อีกเลยนี่นา แล้วนี่ทำไมเอากลับมาใช้ได้อีก หรือว่าไปซื้อมาใหม่แต่เป็นแบบเดิม

“เราเอาไปเปลี่ยนสายมาใหม่นะ ตี๊ฟอุตส่าห์ซื้อให้เป็นของขวัญทั้งที เราก็อยากให้มันกลับมาติดตัวเราเหมือนเดิม”นาฬิกาเรือนนี้ผมเป็นคนซื้อให้เค้าเอง ในตอนวันเกิดเค้าเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และก็ผมเองนั่นแหละที่เป็นคนทำพังเพราะความซุ่มซ่าม แต่ตอนนั้นมาบก็บอกจะเก็บไว้ ไม่นึกว่าจะเอาไปซ่อมกลับมาใช้อีกแบบนี้

“จริงๆ ไปซื้อใหม่น่าจะดีกว่า”ผมบอกออกไปตามที่คิด เพราะปกติผมไม่ค่อยจะอยากเอาอะไรไปซ่อมกลับมาใช้ใหม่ ถ้าเสียก็ทิ้งไม่ก็ถ้าอะไรที่สำคัญหน่อยก็เก็บไว้ แต่อย่างว่าคนเรามันมีเหตุผลไม่เหมือนกันมั้ง เหตุผลของผมก็แค่จะมามัวเสียเวลาซ่อมทำไม ซื้อใหม่ง่ายกว่าเยอะ อาจจะเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดี แต่มันก็เป็นสิทธิ์ที่ผมจะคิดอย่างนั้นได้นี่นา

“บางอย่างของเก่ามันก็ดีกว่านะ อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้เราได้มีความหวัง”มาบบอกผมยิ้มๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาแตะที่หลังมือผม แต่ผมกลับชักมือกลับโดยอัตโนมัติ จนมาบหน้าเสียเล็กน้อย ก็ตอนนี้เราเป็นแค่เพื่อนกันจะให้มาจับไม้จับมือกันมันก็จะรู้สึกแปลกๆ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ความหวังอะไรเหรอ”ผมแกล้งชวนคุยต่อโดยไม่ได้ใส่ใจกับอาการผิดหวังของมาบ

“ก็อย่างนาฬิกามันพังไปยังซ่อมให้มันดีเหมือนเดิมได้ ก็แค่หวังว่าเรื่องของเราเองจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ในสักวัน เหมือนนาฬิกานี่ไง”

“มันอาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้”ไม่ใช่ผมนะครับที่ตอบออกไปแบบนั้น แต่เป็นอีกคนที่เข้ามาพูดแทรกขัดคอมาบ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ไอ้เชษฐ์นั่นเอง ซึ่งไม่รู้ว่ามาอยู่นี่ได้ไง ผมไม่ได้บอกมันว่าผมออกมากับมาบ และไม่ได้บอกว่าจะไปไหน พูดง่ายๆ คือผมพยายามหลบหน้ามันออกมาจากห้องนั่นแหละครับ เพราะผมยังรู้สึกเข้าหน้ามันไม่ติดกับเรื่องเมื่อวาน ที่ผมกับมันจูบกันไปแล้ว

“หมายความว่ายังไง”มาบหันไปถามผู้ซึ่งมาใหม่ ด้วยน้ำเสียงไม่สู้อยากจะต้อนรับสักเท่าไหร่ แต่เหมือนไอ้เชษฐ์จะไม่ได้ใส่ใจเพราะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ ผมโดยไม่มีการขออนุญาตแต่อย่างใด ผมหันมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ แต่ไอ้เชษฐ์กลับยักคิ้วให้ผมอย่างไม่คิดจะเกรงใจอะไรเลย

“ความรู้สึกคนเรากับสิ่งของจะเอาไปเปรียบกันมันไม่ได้หรอก แต่ก็อย่างว่าคนมันไม่รู้จักคิดอะไรให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจทำอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้คงไม่ทันจะคิดหรอกมั้ง”เหมือนจะพูดลอยๆ ไม่ได้ชี้ชัดว่าหมายถึงใคร แต่สายตาไอ้เชษฐ์ก็จ้องหน้ามาบอย่างท้าทาย ถ้าปล่อยสถานการณ์ไว้แบบนี้คงไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะดูฝ่ายมาบเองก็ตั้งท่าว่าจะไม่ยอมไอ้เชษฐ์ง่ายๆ เหมือนกัน

“บางคนก็เหมือนกันแหละว้า ไม่มีใครเชิญไม่มีใครชวน แต่ก็ยัง...”มาบแกล้งพูดกระทบไอ้เชษฐ์โดยไม่พูดให้จบประโยค แต่กลับหยุดพูดและมองไอ้เชษฐ์ด้วยสายตาที่หยามเหยียด ดูแล้วสองคนนี้คงจะตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างถาวรเสียแล้ว

“มึงไปไงมาไงเนี่ย”ก่อนที่สองคนนี้จะลุกขึ้นมาตีกัน ผมเลยต้องเป็นฝ่ายเบรกบทสนทนาโดยการพูดคุยกับใครสักคนก่อนน่าจะดีกว่า ผมเลือกที่จะคุยกับฝ่ายไอ้เชษฐ์เพราะดูแล้วน่าจะเป็นพวกชวนทะเลาะมากกว่ามาบ ผมจึงควรที่จะดึงมันออกจากการปะทะคารมนี่โดยเร็ว

“ก็ว่าจะมาหาอะไรกิน แล้วบังเอิญมาเจอ และก็คิดว่ามึงจะไม่ใจดำกับกูจนจะไม่ยอมให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยหรอกนะ เพราะไม่งั้นเราอาจจะต้องสานต่อเรื่องที่ค้างกันไว้อีกยาว”ไอ้เชษฐ์มองผมด้วยสายตาที่แฝงความนัย และผมเองก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่มันคือเรื่องระหว่างผมกับมันเมื่อวานนั่นเอง ภาพที่ไอ้เชษฐ์จูบผมเริ่มชัดเจนขึ้นในหัวผมอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ภาพแต่ความรู้สึกสัมผัสที่ได้รับมันก็ชัดเจนเสียจน ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนบนใบหน้าตอนนี้

“ก็ทานด้วยกันนี่แหละ สั่งอาหารตั้งเยอะแยะ ทานหลายๆ คนจะได้ยิ่งอร่อย”ปากพูดไปแบบนั้นแต่ในใจกลับคิดในสิ่งที่ตรงกันข้าม เพราะผมว่าการทานอาหารมื้อนี้คงพะอืดพะอมดีพิลึก ทั้งไอ้เชษฐ์ที่ผมยังรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่าระหว่างผมกับมันจะเป็นไงต่อไป ส่วนมาบเองก็เหมือนกัน

“งั้นก็แสดงว่าแถวนี้ไม่มีคนเสียมารยาทเป็นแขกไม่ได้รับเชิญแล้วสินะ”ดูเหมือนไอ้เชษฐ์จะยังไม่ยอมหยุดพูดจากกระทบกับมาบเหมือนเดิม เพราะตอนนี้ทั้งสองก็ยังจ้องหน้ากันและกัน อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“บางคนมันก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าเชิญไปตามมารยาท”ฝ่ายมาบเองก็ไม่ได้น้อยหน้าฝ่ายไอ้เชษฐ์เลย ผมเองก็ได้แต่ดูสถานการณ์ต่อไป เพราะไม่รู้จะสงบศึกการปะทะว่าจาของทั้งคู่ยังไงดี

“ทานข้าวกันดีกว่า นะ”นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยสงบปากสงบคำของสองคนนี้ได้บ้าง เพราะถ้ามีอะไรให้เคี้ยวให้กินแล้วคงไม่ง้างปากพ่นคำพูดใส่กันก็เป็นได้

“ก็ดีเหมือนกันเราก็หิวแล้ว ตี๊ฟลองทานนี่ ของที่นี่เค้าทำอร่อยมากเลยนะ”มาบหันมาพูดกับผมน้ำเสียงคนละอย่างที่ต่อปากต่อคำกับไอ้เชษฐ์โดยสิ้นเชิง พร้อมกับเอื้อมมือมาตักอาหารวางใส่จานให้ผม

“ตักเองเป็นไม่ใช่เหรอ”คนที่นั่งข้างๆ ผมดึงจานข้าวผมกลับไม่ให้มาบวางอาหารที่ตักลงที่จานของผม ผมหันมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ มันจะอะไรของมันนักหนา ถ้าจะบอกว่ามันชอบผมอย่างที่ปากมันว่าก็ใช่อยู่ที่มันจะคิดเป็นคู่แข่งกับมาบ แต่แทนที่มันจะทำอะไรให้ผมประทับใจ อย่างเหมือนผมเห็นเวลาในหนังในละครที่เวลาต้องแย่งกันจีบใครสักคนในสถานการณ์ที่ร้านอาหารแบบนี้ ถ้ามีคนนึงตักกับข้าวให้แบบนี้ อีกคนก็ต้องตักอย่างอื่นให้บ้างไม่ใช่เหรอ แต่ไอ้นี่ดันมาว่าผมอีกหาว่าผมตักทานเองไม่เป็น

“จะเอาไงว่ามาเลยดีกว่า”มาบเริ่มพูดเสียงดังจนคนในร้านบางคนหันมามอง ผมได้แต่ผงกหัวขอโทษและบอกว่าไม่มีอะไร

“ก็ไม่เอายังไง ก็แค่ต่างคนต่างทานข้าวแค่นั้นเอง แต่ถ้าใครไม่พอใจจะนั่งทานต่อก็เชิญ”ไอ้เชษฐ์ชี้มือไปที่ประตูทางออก ไอ้นี่ก็กวนตรีนต่อเนื่องเหลือเกิน พูดยังกะตัวเองเป็นเจ้าของโต๊ะ มีการบอกถ้าไม่พอใจให้ออกไปอีกต่างหาก ลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองมาทีหลัง แต่ไปๆมาๆนี่ผมว่าดูสองคนนี้ต่อปากต่อคำกันก็สนุกดีนะ

“ทานกันดีกว่านะ อย่ามามัวทะเลาะกันเลย ไม่งั้นเดี๋ยวเราจะเป็นคนที่กลับก่อนเอง แล้วถ้าอยากจะเคลียร์อะไรกันต่อก็ตามสบาย”ผมหันไปพูดกับมาบแต่ก็ไม่ลืมที่จะชายตามองคนที่นั่งข้างๆให้รู้ด้วยว่า สิ่งที่พูดนี่ให้มันรับรู้ด้วยอีกคน แล้วบรรยากาศการทานอาหารก็ดำเนินไปอย่างทุกลักทุเล

“ก็ตักทานเองเป็นนี่นา”ไอ้เชษฐ์ยังมิวายหันมาว่าผม จนผมชักนึกเคืองๆมันแล้วนะเนี่ย





“เดี๋ยวเราว่าไว้วันหลังค่อยนัดกันอีกทีดีกว่านะตี๊ฟ เพราะวันนี้คงไม่มีความเป็นส่วนตัวแล้ว”จากที่ตอนแรกวางโปรแกรมกับผมไว้แล้ว แต่เมื่อมาบเห็นว่าไอ้เชษฐ์ตามติดเราทั้งสองทุกฝีก้าว เลยเป็นฝ่ายที่ขอแยกตัวกลับไปก่อน

“ทำไมออกมาไม่บอกกันบ้าง”พอมาบออกไปปุ๊บไอ้เชษฐ์ก็ถามผมเสียงเข้มทันที แสดงถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วทำไมกูต้องรายงานมึงด้วย”ผมพยายามตอบเลี่ยงๆ โดยไม่มองหน้ามัน เพราะยิ่งผมเห็นหน้ามันไอ้ภาพเมื่อวานยิ่งตามรบกวนผมอย่างไม่หยุดหย่อน แล้วที่น่ารำคาญใจเป็นที่สุดก็คือ ภาพนั้นทำให้ผมคิดถึงเหตุการณ์ที่จะต่อจากนั้น และผมต้องพยายามข่มใจไม่ให้คิดถึงเรื่องนั้นนี่สิ

“ก็มึงเป็นแฟนกู”คำพูดของไอ้เชษฐ์ทำให้ผมต้องหันมองหน้ามัน แต่ไอ้คนพูดก็ยิ้มยียวนอย่างไม่อายปากในสิ่งที่พูดเลย

“กูไปเป็นแฟนกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่”นี่มันกำลังจะเล่นอะไรกับผมอยู่นะ

“ก็ตั้งแต่วันที่เราสองคนย้ายไปอยู่ด้วยกันไง ใครๆเค้าก็รู้ทั้งนั้น”แหมไอ้ใครๆ ก็รู้นี่เพราะความเข้าใจผิดหรอก แต่ความจริงมันเป็นแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ

“แล้วมันเรื่องจริงที่ไหนกัน มึงกับกูก็รู้นิว่าที่เราต้องอยู่คอนโดด้วยกัน มันเพราะเกมของไอ้การ์ด ส่วนไอ้เรื่องที่คนอื่นว่าเราเป็นเฟนกัน มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด”ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าไม่กล้าสบตามันเลยนะ ดูแววตามันจะมองผมทะลุปรุโปร่งจนผมไม่กล้าที่จะไปสบสายตานั้นของมัน

“เราก็รีบมาทำให้ไอ้เรื่องเข้าใจผิดนั่นให้เป็นเรื่องจริงสักทีสิ”




อย่างน้อยๆ ก็ได้จูบแล้วเนอะ

ค่อยเป็นค่อยไป 555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 20-12-2014 08:19:11
รวบหัวรวบหางเลยเชษฐ์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 20-12-2014 08:31:28
รุกเลยๆ รู้สึกแปลกๆกับความสัมพันธ์ระหว่างติ๊ฟกับมาบนะ  อ่านแล้วเหมือนกับว่าติ๊ฟเองตอนที่คบกันก็ไม่ได้รักมาบจนสุดใจ  ร้องไห้เสียใจได้สัก 7 วันไหมนะตอนที่เลิกกัน

รอขั้นต่อไป ได้จูบแล้ว   ประกาศอ้างเป็นแฟนแล้ว  Next step!
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 20-12-2014 09:12:10
มาบนิ ไม่ไหวๆ จะกลับมาทำไมค่ะ หืม?  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-12-2014 09:23:18
เอาแล่วๆ ศึกชิงนายได้เกิดขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-12-2014 09:51:31
กรี๊ดดดดดดดดดด เขาจูบกันแล้ว คิกๆๆๆ
ค่อยเป็นค่อยไปจร้า แต่ไวไวน่ะ อิอิ
เชษฐรุกเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: pratoo101 ที่ 20-12-2014 10:19:09
 :angry2: :angry2: เอามาอีกตอนเด่วเน้
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 20-12-2014 11:30:48
คนเขียนมาต่อไว  ไม่ต้องค้างนาน ให้อภัย  อิอิ

เชษฐ์ชัดเจนแล้วสินะ...
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-12-2014 12:02:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-12-2014 12:10:54
แหมมมมมมมมมมม ขี้หวงบรรลัยนะคะพี่เชษฐ์
กลัวมาบมางาบก็บอกไปเลยจิ :-[
รอตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 20-12-2014 13:54:52
แกก็ทำให้ติ๊ฟหลงรักแกสิเชษฐ์
ทำตัวให้มันดีๆ อย่าเล่นให้มันมากนัก ใครมันจะเชื่อแกยะ :angry2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 15 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 20-12-2014 21:10:33
วันที่ 16

“เป็นไรของมึงว่ะไอ้ตี๊ฟ”ไอ้การ์ดถามเหมือนจะห่วงใยผม วันนี้พวกเรารวมตัวกันที่บ้านของไอ้การ์ดเพราะแม่ของไอ้การ์ดไม่อยากให้ลูกชายผู้แสนดีอย่างไอ้การ์ดออกไปเมานอกบ้านเลยอนุญาตให้จัดปาร์ตี้ที่บ้านได้

“ก็ไม่ได้เป็นไร”ผมตอบเรียบๆ

“ทะเลาะกันเหรอว่ะ”ไอ้การ์ดยังคงถามต่อพร้อมกับหันไปมองอีกคน ที่กำลังจ้องมองผมอยู่

“เปล๊า”ผมตอบเสียงสูงเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้มีเรื่องทะเลาะอะไรกับไอ้เชษฐ์

“แล้วทำไมมึงสองตัวถึงไม่คุยกัน เอาแต่จ้องกันไปจ้องกันมาอยู่ได้ แล้วอีกอย่างมึงไม่ต้องมาเกาะติดกูแจขนาดนี้ก็ได้ กูรำคาญ”ไอ้การ์ดทำท่าสะบัดให้ผมไปไกลๆ มันเพราะวันนี้ผมยึดไอ้การ์ดเป็นที่พึ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับไอ้เชษฐ์เพียงลำพังมากนัก ที่ผมต้องทำแบบนี้ก็เพราะคำพูดเมื่อวานของไอ้เชษฐ์นั่นแหละ ตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวว่าผมจะเผลอใจหวั่นไหวไปกับไอ้คำพูดทีเล่นทีจริงของไอ้เชษฐ์มันนั่นแหละ

“นี่มึงรังเกียจเพื่อนที่แสนดีอย่างกูเหรอ”ผมแกล้งพูดเสียงงอนๆ

“เออ”แต่ไอ้การ์ดตอบกลับมาชัดถ้อยชัดคำแบบไม่รักษาน้ำใจผมเลย ไอ้เพื่อนบ้านี่ แต่ก็ช่างมันเถอะครับเพราะผมรู้ว่ามันก็พูดเล่นๆ ไปอย่างนั้นเอง

“กูถามจริงๆ เหอะทำไมมึงไม่ยอมๆ ไอ้เชษฐ์มันไปสักที เกมนี้จะได้จบๆไป”เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมปล่อยมันไปไหนไกล มันก็หันมาตั้งคำถามที่ผมต้องตอบมันไปกี่รอบแล้วไม่รู้

“มึงลืมไปแล้วเหรอว่าก่อนที่กูจะต้องมาอยู่ร่วมกับมันเนี่ย มันบอกว่าเกลียดคนที่เป็นแบบกูแค่ไหน”คำที่ไอ้เชษฐ์มันว่าผมในวันที่เกมนี้จะเริ่มขึ้นมา มันก็ยังคงชัดเจนอยู่ให้สมองของผมเสมอ

“แต่ตอนนี้พอมันมาอยู่กับมึง มันก็เปลี่ยนไปแล้วไง มึงเองก็รีบๆ คว้ามันไว้เหอะ ดีๆ อย่างไอ้เชษฐ์ไม่ได้หาง่ายๆนะมึง”โหพูดยังกะผมไม่ได้รู้จักไอ้เชษฐ์งั้นแหละ คำพูดนี้เก็บไว้หลอกคนอื่นเหอะ

“เลิกพูดเรื่องนี้เหอะ กูเบื่อที่จะต้องมาฟังคำหว่านล้อมของมึงเต็มทีแล้ว พูดกรอกหูกูอยู่ได้ทุกวัน”

แม้ไอ้การ์ดจะพยายามปลีกตัวออกจากผมเพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ผมต้องอยู่กับไอ้เชษฐ์ แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยไอ้การ์ดไปง่ายๆ ทว่าไอ้การ์ดก็งัดเอาไม้ตายออกมาจนได้ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ

“เอามันไปไกลๆ กูซิ กูไม่ชอบ”ลูกหมาสองตัวครับที่ไอ้การ์ดมันเลี้ยงไว้ มันเป็นสัตว์ที่มีความน่ารักมาก สำหรับไอ้การ์ดและใครอีกหลายคน แต่สำหรับผม ผมไม่ชอบเอาเสียเลย ไม่ชอบมากๆ จนแทบจะขยะแขยงเลยก็ว่าได้

“อะไรของมึงมันออกจะน่ารัก ทำมาเป็นรังเกียจมัน”ไอ้การ์ดอุ้มสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ห่างผมออกไป ผมได้แต่มองตามไปเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ไอ้ตัวมีขนนั่น

“ไอ้การ์ดมึงทำอะไรนะ”ผมตะโกนถามเมื่อเห็นไอ้การ์ดเทเบียร์ให้สุนัขสองตัวนั้น เหมือนกับว่าเจ้าสองตัวนั้นก็จะไม่ต่างจากเจ้าของเลยเพราะมันแลบลิ้นเลียแผลบๆ เอาแอลกอฮอล์เข้าไปอย่างเหมือนจะเอร็ดอร่อย นี่เพือนผมมันฝึกหมาให้กินเบียร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ช่างทำไปได้จริงๆ

“อะนี่...กุ้ง”ไอ้เชษฐ์เดินมาหาผมพร้อมกับส่งจานที่มีกุ้งเผา ที่เพื่อนๆ ช่วยกันทำมาให้ผม ผมเพียงชายตามอง แล้วก็พยักหน้าแต่ไม่ได้รับมาหรือตอบอะไรออกไป

“ต้องให้แกะให้ด้วยไหม”น้ำเสียงเหมือนจะประชดนิดๆ ทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าคนพูด แต่ไอ้คนพูดก็ยักไหล่อย่างไม่ได้ใส่ใจในความรู้สึกผมเลย

“หรือจะต้องให้ป้อนด้วย”เมื่อเห็นผมไม่พูดก็เริ่มกวนประสาทผมมากขึ้นครับ

“กูทำเองได้”ผมกระแทกเสียงตอบ พร้อมกับหยิบจานมาจากมือของไอ้เชษฐ์ หงุดหงิดโว๊ย รู้สึกตอนนี้ผมเหมือนโดนทุกคนกำลังปั่นหัวอยู่ยังไงไม่รู้ ไอ้เชษฐ์ก็ยังนั่งมองผมอย่างอารมณ์ดีต่อไป

“อย่าดื่มมากนักล่ะ”เมื่อเห็นไอ้เชษฐ์ยกดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ผมเลยต้องปรามเสียหน่อย

“ทำไม...ห่วงสุขภาพกูหรือไง”ไอ้เชษฐ์หันมามองผมพร้อมกับยิ้มดีใจ แหมช่างคิดไปได้นะ ดื่มกันมาหนักขนาดนี้แล้วคงห่วงกันไม่ทันแล้วล่ะ

“เปล่า”ผมแกล้งพูดยิ้มๆ พร้อมกับส่งสายตาเชิญชวน แฝงความนัยบางอย่าง

“งั้นก็กลัวกูจะไม่มีแรงจับมึงกด”นั่นไงไอ้นี่ต้องวนมาเรื่องนี้จนได้

“ไม่ใช่”ผมยังแกล้งตีสีหน้าอารมณ์ดี พูดกับมันต่อ

“แล้วมันอะไรล่ะจ๊ะ”แหมเห็นเล่นด้วยหน่อยเดียวเอาใหญ่เลยนะมึง มีจ๊งมีจ๊ะ แถมยังมาเชยคางผมอีก ผมปัดมือของไอ้เชษฐ์ออกเบาๆ ก่อนจะตอบอย่างหน้าซื่อๆ

“ก็ไม่อะไรหรอก แค่กลัวมันเปลือง”ผมพูดก่อนจะหัวเราะใส่หน้ามัน

“โหไรว่ะ ไอ้เรากะนึกว่าจะอยากมามีซัมธิงรองด้วยกันแล้วเสียอีก”ไอ้เชษฐ์พูดอย่างอารมณ์ดี

“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”ตอนนี้เพื่อนๆ เหมือนจะร่วมมือร่วมใจกันเหลือเกิน คือพยายามอยู่ห่างจากพวกผมสองคนเต็มที่ พวกนี้นี่ช่างทำอะไรไม่แนบเนียนเอาเสียเลย ถ้าจะปล่อยให้ผมอยู่กับไอ้เชษฐ์สองคนอยู่กันลำพังก็น่าจะทำอะไรให้ดูเนียนๆ กว่านี้หน่อย แต่ก็อย่างว่าแหละครับ พวกมันก็ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้วนิที่จะให้ผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแฟนกัน แต่คิดเหรอว่ามันจะง่ายอย่างที่พวกมันคิด

“ถามไรหน่อยดิ”มาน้ำเสียงแปลกๆ อีกแล้ว จะมาถามอะไรผมอีกละทีนี้ ช่วงนี้ต้องเตรียมตัวตั้งรับให้มั่นครับเพราะไม่รู้ทั้งไอ้เชษฐ์และเพื่อนคนอื่นๆ จะมาไม้ไหนกับผมบ้าง

“ว่ามาดิ”เมื่อตั้งท่าพร้อม เตรียมใจพร้อมรับทุกคำถามผมก็เปิดโอกาสให้ไอ้เชษฐ์ได้ถาม นี่ผมกำลังซีเรียสอยู่คนเดียวหรือเปล่าเนี่ย

“คนที่เคยเป็นแฟนมึงเค้าทำไงว่ะ มึงถึงยอมเป็นแฟนกับเค้า”ช่างเป็นคำถามที่เหนือความคาดหมายมากๆ ทีเดียวนะเนี่ย แล้วนี่ไอ้เชษฐ์มันจะอยากรู้ไปทำไม

“ไม่ได้มาอย่างมึงก็แล้วกัน”นี่ผมยอมรับแล้วใช่ไหมว่าไอ้เชษฐ์มันกำลังจะจีบผมจริงๆ

“ก็แล้วเค้าทำไงบ้างละว่ะ เผื่อกูจะได้เอามาใช้บ้าง”แบบนี้ก็มีนะเนี่ย ถ้ามันจะมาจีบผมจริงๆ แล้วมันควรแล้วเหรอที่มาถามผมแบบนี้ ดูมันทำสิครับ

“แล้วจะอยากทำเหมือนคนอื่นทำไมเล่า มึงเคยจีบคนอื่นยังไง มึงก็ใช้ตามแบบที่มึงเคยทำนั่นแหละ”ผมส่ายหน้าอย่างระอาในคำพูดของมันครับ มีใครจะทำแบบนี้อย่างมันบ้างไหมเนี่ย

“กูก็เคยแต่ใช้หน้าตาอันหล่อเหลาเท่านี้ก็ไม่ต้องใช้วิธีอะไรอย่างอื่นแล้ว”ทั้งหน้าทั้งเสียงเก๊กมาเต็มที่เลยครับ ไม่มีความรู้สึกจะกระดากอายแม้แต่น้อย

“ไอ้คนหลงตัวเอง”และแน่นอนคำพูดของผมไม่ได้ไปสะทกสะท้านผิวหน้าอันบอบบางของมันแม้แต่น้อย

“เออว่าแต่...แล้วเวลามึงไปจีบผู้ชายนี่มึงทำไงบ้างว่ะ”เอากับมันสิครับ แต่ละคำถาม

“หน้าตาอย่างกูไม่ต้องไปจีบใครหรอกเพราะมีคนมาให้เลือกเยอะแยะอยู่แล้ว”เพิ่งจะว่าไอ้เชษฐ์ไปว่าหลงตัวเอง แต่ผมเองก็ไม่ได้ต่างจากมันเลย แต่ผมก็พูดความจริงนะ เพราะคนที่ผมเคยคบก็มีแต่เข้ามาจีบผมก่อนทั้งนั้น ถ้าผมชอบผมก็ตอบตกลง ถ้าไม่ก็ปฏิเสธไปแค่นั้นเอง

“มึงไม่ลองไปจีบใครดูบ้างล่ะ จะได้รู้ว่าฝีมือการจีบของมึงดีแค่ไหน”นั่นสินะ ผมน่าจะลองดูบ้างนะเนี่ยจะได้ดูว่าผมจีบคนอื่นเป็นบ้างหรือเปล่า

“ไว้กูจะไปลองดูนะ รอเจอคนถูกใจก่อนแล้วกัน”ผมตอบไปอย่างไม่ได้จริงจังนัก อีกอย่างตอนนี้ก็เริ่มมึนๆ ตึงๆ พอควรแล้วคิดว่าคงดื่มได้อีกแค่สักพัก

“จีบกูดูไหมล่ะ กูยินดีเป็นหนูทดลอง”ไอ้เชษฐ์ลอยหน้าลอยตาพูดอย่างยียวน แถมแววตานั่นอีก

“เมาแล้วเพ้อเลยนะ”ผมผลักไอ้เชษฐ์ที่ขยับเข้ามาใกล้ๆ ผมให้ถอยออกห่างหน่อยเพราะตอนนี้ แทบจะต้องนั่งตักกันอยู่แล้ว

“ยังไม่เมาซะหน่อย วันนี้กูไม่ค่อยได้ดื่มมึงก็เห็น”เออแหะวันนี้ดูมันไม่ค่อยดื่ม ตั้งแต่ที่ผมบอกมันว่ากลัวเปลือง อย่าบอกนะว่ามันคิดจะไม่ดื่มเพราะคำพูดของผมจริงๆ

“กลัวเปลืองเหรอ”ผมหันไปถามอย่างกวนๆ มันหน่อย

“เปล่าหรอก แค่เบื่อเบียร์แล้ว อยากกินมึงมากกว่า”



ลงให้อีกตอนคร๊าบบบ

พอดีพรุ่งนี้มีธุระกลัวไม่ได้ลง  o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 20-12-2014 21:19:44
เจอหมัดฮุกเลยติ๊ฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 20-12-2014 21:25:06
กินเลย กินเลย เราเชียร์~ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-12-2014 22:28:47
อยากกิน....... ก็กินเลยสิคะพี่!!! :katai3:
นี่ตั้งกล้องรอนานละนะะะะะะะ :hao7:
หยอดเยอะๆค่ะ หยอดเข้าไปๆ
รอตอนต่อไปปปปปปปปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-12-2014 23:32:39
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 21-12-2014 00:12:04
อร้ายยยยยยย ตอนหน้าครือสิ่งเดียวพี่หั้นต้องการ(กาม)  กร้ากกกกกกกกกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2014 02:14:22
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 21-12-2014 03:19:29
เค้าเกาะข้างเตียงรอทุกวันเลย เชษฏ์จัดการสักทีสิ  :katai4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2014 04:14:21
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 21-12-2014 05:29:23
กินเลยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-12-2014 08:44:39
อร๊ายยยยยยยยยยยยย
อ้ายประโยคทิ้งท้ายเนี่ย ฟินน่ะเออ
เมื่อไรๆๆๆๆ พรุ่งนี้ไม่มาด้วย
หงอยเย้ยยย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 21-12-2014 23:21:36
อยากรู้ความในใจของเชษฐ์จังเลย
พอมีมาบมาเกี่ยวนี่รุกหนักเรื่อยๆนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 16 [20-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 22-12-2014 13:37:49
วันที่ 17

“ขอเวลาส่วนตัวกันสองคนบ้างได้ไหม”น้ำเสียงขุ่นๆ ของแขกผู้มาเยือนผมพูดพร้อมกับชำเลืองมองไอ้เชษฐ์ที่วนเวียนอยู่ไม่ห่างจากผมและแขกของผม ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน มาบนั่นเองที่วันนี้เหมือนจะเตรียมตัวมาต่อกรกับไอ้เชษฐ์แล้ว เลยมาหาผมถึงคอนโด โดยที่ไม่ได้ชวนผมออกไปไหน ส่วนไอ้เชษฐ์เองก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมได้อยู่กับมาบสองต่อสองเลย

ตั้งแต่เมื่อวานกับคำพูดของไอ้เชษฐ์ที่ไม่รู้พูดเล่นหรือพูดจริง แต่มันก็ทำให้ผมใจเต้นแทบไม่เป็นจังหว่ะทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้ๆ กัน วันนี้ถือว่าโชคดีที่มาบแวะมาเพราะผมจะได้ไม่ต้องอยู่กันลำพังกับไอ้เชษฐ์อย่างอึดอัดเท่าใดนัก

“ปกติเจ้าของห้องมีสิทธิ์ที่จะอยู่ตรงไหนก็ได้ใช่ไหมตี๊ฟ”ไอ้เชษฐ์หันมาพูดกับผม แต่ไอ้คำที่มันพูดนั้นจงใจให้กระทบกับมาบเต็มๆ ผมได้แต่มองมันด้วยสายตาติงมันหน่อยๆ เพราะมันกำลังทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่เริ่มจะไร้มารยาทแล้วละครับในตอนนี้

“กูขอคุยอะไรกับมาบสักครู่ได้ไหม”เพราะรู้สึกว่ามาบน่าจะมีเรื่องอยากจะคุยกับผมเป็นการส่วนตัวจริงๆ ผมเลยต้องพูดออกไปตรงๆให้ไอ้เชษฐ์เปิดโอกาสให้มาบ ตามที่ต้องการบ้าง

“ก็คุยไปสิ คิดเสียว่ากูเป็นหัวหลักหัวตอก็ได้”ดูท่าไอ้เชษฐ์จะไม่ยอมปล่อยให้ผมกับมาบคุยกันตามลำพังง่ายๆ เป็นแน่

“คุยในห้องตี๊ฟไหม”มาบพูดออกมานิ่งๆ แต่เล่นเอาทั้งผมทั้งไอ้เชษฐ์หันไปมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียวกัน ความจริงผมก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากมายหรอกครับ เพราะถึงแม้จะต้องเข้าไปคุยกันในห้องนอน แต่มันก็คงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น อีกอย่างผมกับมาบก็ใช่ว่าจะไม่เคยอยู่กันลำพังในที่ลับตาที่ไหนกันเล่า แม้ในใจจะคิดแบบนั้น แต่ก็แอบค้านในความรู้สึกนิดๆ ว่าไม่ควรเพราะตอนนี้ผมกับมาบอยู่ในฐานะที่ไม่ใช่อย่างแต่ก่อนอีกแล้ว

“ไม่ได้นะ”ไอ้เชษฐ์รีบพูดขัดเสียงแข็ง แต่ไอ้คำพูดกับการกระทำของมันนี้ทำให้ผมรู้สึกหมั่นไส้ อยากจะลองกวนประสาทมันดูหน่อยสิว่ามันจะว่ายังไงถ้า...

“ไปสิ”ผมหันไปพูดกับมาบ แต่หางตาก็แอบชำเลืองดูไอ้เชษฐ์ที่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด นี่ตกลงไอ้เชษฐ์นี่มันคิดกับผมเกินเพื่อน จริงๆ อย่างนั้นหรือ

“มึงจะบ้าเหรอตี๊ฟ จะไปคุยกันในห้องสองต่อสองได้ยังไงกัน”ไอ้เชษฐ์ฉุดข้อมือผมที่กำลังจะเดินนำหน้า มาบเข้าห้องนอน แต่ผมเพียงแกะมือนั้นออก ก่อนจะพยักหน้าให้มาบเดินตามผมมา เสียงทุบประตูพร้อมเสียงตะโกนดังขึ้นทันที ที่ผมปิดประตูห้อง

“มึงคิดว่ากูจะทำอะไรกัน ก็แค่จะคุยกัน อย่ามาทำเอะอะอะไรแบบนี้ได้ไหม”ผมเปิดประตูห้องนอนออกมาอีกครั้งเพื่อบอกไอ้คนที่กำลังทุบประตูอยู่ให้เลิกทำอะไรงี่เง่าเสียที

“คุยกันข้างนอกนี่ได้ไหมล่ะ เดี๋ยวกูเข้าห้องนอนกูเองก็ได้”ไอ้เชษฐ์พูดเสียงอ่อนลง แต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธกับข้อเสนอของไอ้เชษฐ์ เพราะชักนึกสนุกอยากดูว่าไอ้เชษฐ์มันจะเป็นยังไงถ้าผมไม่ทำตามที่มันขอ แม้ผมจะไม่คิดว่าสิ่งที่มันกำลังทำอยู่เป็นเรื่องจริงที่มันบอกว่าชอบผม แต่ผมก็อยากจะดูว่ามันจะเล่นบทนี้ยังไงต่อไปอีก

“เรามาขอคำตอบ”ทันทีที่ผมปิดประตูพร้อมกับหันหน้าเผชิญกับคนในห้อง ผมก็ถูกผลักเบาๆ ให้ถอยร่นจนชิดผนังห้องข้าประตู โดยที่คนผลักเดินตามเข้ามาประชิดตัวผมก่อนจะกระซิบข้างๆ หู

“เราว่า...”ในขณะที่ผมกำลังพยายามขยับตัวออกห่างมาบ แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งพยายามโน้มตัวเข้ามาหาผม อีกทั้งยังใช้จังหว่ะที่ผมเอ่ยปากจะพูด ประกบริมฝีปากของเค้าลงมาที่ปากผม ด้วยอารามตกใจทำให้ผมเผลอให้ลิ้นของมาบเข้ามายอกเย้ากับลิ้นผมเสียอย่างนั้น การถูกจู่โจมอย่างกะทันหันทำให้ผมตั้งตัวไม่ทัน เผลอปล่อยตัวไปกับสัมผัสของอีกฝ่ายโดยไม่ได้ต่อต้าน แต่เมื่อสัมผัสได้ว่ามือของอีกฝ่ายเริ่มไม่อยู่สุข มือของมาสอดเข้ามาภายใต้เสื้อของผมและวนเวียนอยู่บริเวณยอดอก ก่อนจะลากต่ำลงเรื่อยๆ

“หยุดเถอะ”ผมบอกเสียงเหนื่อยหอบทันที่ทีริมฝีปากของผมเป็นอิสระ พยายามรวบรวมสติ ไม่ให้คล้อยตามไปกับมาบ และเหมือนมาบเองก็จะรู้ว่าผมไม่ต้องการให้อะไรมันเลยเถิดมากกว่านี้ เค้าขยับถอยห่างจากผมด้วยทีท่าไม่สู้จะสบอารมณ์เท่าใดนัก

“เพราะมันใช่ไหม”มาบพูดพร้อมกับจ้องหน้าผม ซึ่งผมเข้าใจดีว่ามาบคงจะหมายถึงไอ้เชษฐ์ และแม้ผมอยากจะปฏิเสธแต่มันคงจะไม่เป็นผลเพราะมาบคงคิดแบบนั้นไปแล้ว และทางเดียวที่ผมคิดว่ามาบจะเชื่อว่าผมกับไอ้เชษฐ์ไม่ได้เป็นอะไรกันก็คือการที่ผมต้องกลับไปคบกับเค้า

“เพราะตอนนี้เราสองคนไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วต่างหาก”ผมบอกเสียงราบเรียบ เพราะตัวผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้ความรู้สึกที่ผมมีต่อมาบมันเป็นยังไงกันแน่ แค่เพื่อน คนรู้จัก หรือยังรู้สึกดีๆ กับเค้าอยู่ ไม่ต่างอะไรกับไอ้คนที่อยู่นอกห้องตอนนี้ ไอ้เชษฐ์ ผมกำลังสับสนว่าผมจะคงสถานะความเป็นเพื่อนกับมันไว้ได้ตลอดไหม

แน่นอนคนเราอยู่ด้วยกันทุกวัน แล้วยิ่งการกระทำของไอ้เชษฐ์ตอนนี้ ถ้าผมจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็จะเป็นการหลอกตัวเองเกินไป แต่ที่ผมพยายามอยู่ตอนนี้คือพยายามจะไม่คิดแบบนั้นกับไอ้เชษฐ์ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ถ้าเกิดผมเผลอใจไปกับไอ้เชษฐ์ แล้วมันมาบอกว่าแค่ล้อผมเล่น วันนั้นผมจะเป็นยังไง หรือแม้แต่ที่มันทำมาจากใจจริง แต่ถ้ามีวันที่ต้องจบความสัมพันแบบนั้น ความเป็นเพื่อนของเรามันจะยังคงอยู่หรือเปล่า ผมไม่อยากเสียจุดนั้นไป

“แล้วเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เลยเหรอ”น้ำเสียงตัดพ้อของมาบสะกิดให้ผมหยุดความคิดที่มีแต่เรื่องของอีกคนที่อยู่นอกห้องไม่ใช่คนที่อยู่ต่อหน้าผมตอนนี้ ถ้าลองคิดดูดีๆ เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกับผมมากมายเลย แล้วถ้าผมจะกลับไปคบกับเค้าเหมือนเดิมล่ะ

“ถ้าตกลงเรายอมกลับไปเป็นแฟนกับมาบอีก แต่ขอเริ่มความสัมพันธ์แค่แบบเริ่มต้นจะได้ไหม”ความสัมพันธ์แบบเริ่มต้นของผมในที่นี้ก็คือ ผมยังไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ทางกายที่เกินเลยแบบถึงไหนต่อไหนกับเค้ามากนัก เพราะผมยังรู้สึกไม่แน่ใจในตัวเองอยู่นั่นเอง

“ทุกอย่างมันย่อมมีจุดเริ่มต้น และการเปลี่ยนแปลง ทำไมเรื่องแค่นี้เราจะไม่ยอม”เค้ายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับยกมือของผมขึ้นไปประทับจูบเบาๆ

“ตกลงว่าเราสองคนกลับมาเป็นแฟนกันแล้วนะ”มาบดึงผมเข้าไปกอดพร้อมกับกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูผมก่อนจะบรรจงจูบลงที่ลำคอของผม นี่ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกหรือผิดกันนะ ผมรู้สึกผิดกับมาบอยู่ไม่น้อย เพราะบอกตรงๆ ว่าการที่กลับไปเป็นแฟนกับมาของผมครั้งนี้ มันคือการใช้มาบเป็นกำบังให้ผมจากไอ้เชษฐ์นั่นเอง

หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้วผมกับมาบก็ออกจากห้องมา ซึ่งไอ้เชษฐ์ก็ยังไม่ได้หายไปไหน มันมองผมด้วยสายตาเหมือนจะผิดหวัง หน่อยๆ ผมไม่คิดว่ามันจะได้ยินเรื่องที่ผมคุยกับมาบ แต่คาดว่ามันคงแสดงอาการไม่พอใจไปอย่างนั้นเอง

“ไว้เดี๋ยวเราโทรหานะ”มาบที่จะขอตัวกลับหันมาบอกกับผม ผมพยักหน้ารับรู้พร้อมกับเดินออกไปส่งมาบกลับ

“มึงจะยั่วกูไปถึงไหน”ไอ้เชษฐ์เข้ามาเผชิญหน้าผมทันที หลังจากส่งมาบกลับไปแล้ว ผมรู้สึกว่ากำลังจะต้องเล่นหนังม้วนเดิมหรือเปล่ากับการที่หลังต้องชนฝาผนังห้อง และมีอีกคนที่มายืนขวางหน้าโดยที่พร้อมจะกรโจนเข้าใส่ผมได้ตลอดเวลา เพียงแต่เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มาบมาแบบอ่อนโยน แต่ไอ้เชษฐ์ตอนนี้ มาแบบไม่ได้อ่อนโยนอะไรเลยออกจะดูหยาบๆเสียด้วยซ้ำ

“กูไปยั่วอะไรมึง”ผมพยายามทำใจดีสู้เสือตรงหน้า แม้ในใจจะเต้นไม่เป็นจังหว่ะแต่เราต้องไม่แสดงออกให้คนตรงหน้าเห็นว่าข้างในเราเริ่มสั่นแล้ว

“ไหนว่าจะแค่ไปคุยกัน แล้วนี่มันรอยอะไรกัน”พอสิ้นคำพูดไอ้เชษฐ์ก็กัดเบาๆ ลงตรงจุดที่ผมคิดว่ามาบน่าจะจูบบริเวณลำคอของผม ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆพยายามผลักไอ้เชษฐ์ออกเพราะรู้สึกตอนนี้มันเริ่มจะล้ำเส้นที่ผมพยายามขีดไว้ มากเกินไปแล้ว

“มันทำตรงไหนกูจะซ้ำรอย ลบมันออกให้หมด”นิ้วเรียวของไอ้เชษฐ์ไล้กรีดไปบนริมฝีปากผม ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาหาผม

“กูตกลงกลับไปคบกับมาบแล้ว”ก่อนที่มันจะจูบผม ผมก็ชิงพูดให้มันรับรู้ก่อน และเหมือนจะได้ผลไอ้เชษฐ์ชะงักไปนิดนึง

“งันเหรอ”ไอ้เชษฐ์ลดมือที่กำลังจะล้วงเข้าไปในเสื้อผม ก่อนจะค่อยๆ ถอยห่างออก แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อมันกระโจนเข้ามาผมอีกครั้ง รสจูบที่หนักหน่วง ร้อนแรง ที่ทำเอาผมแทบละลายถาโถมเข้าหาผมแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ตกลงนี่ไอ้เชษฐ์มันอารมณ์ไหนกันแน่ ผมชักจะตามมันไม่ทันเสียแล้ว ทั้งที่เมื่อครู่เหมือนจะไม่อะไรกับผมแล้ว แต่กลับมาทำแบบนี้กับผมอีก

“ตอนนี้กูไม่ใช่คนโสดอีกต่อไป แล้วนะ เพราะกูมีแฟนแล้ว”แม้ริมฝีปากของไอ้เชษฐ์จะถอนออกไปแล้ว แต่มันยังคงจ้องหน้าผมอยู่ไม่ห่าง และมันก็เหมือนจะคิดตามสิ่งที่ผมพูดอยู่ ผมหวังว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ แม้ว่าความเป็นจริงมันก็ล้ำเส้นมาเกินไปแล้ว เพราะเพื่อนกันคงไม่มีใครมาจูบกันอย่างที่มันทำกับผมเมื่อสักครู่

“งั้นมึงกับกูก็มาเป็นชู้กัน”



จากที่อ่านมาหลายตอน

คนอ่านอาจจะกำลังคิดว่า อย่าไปคาดหวังอะไรกับประโยคสุดท้ายของตอนมากนัก

555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-12-2014 13:54:41
 :katai4:  มารยาทจะแย่มากไหมเนี่ยถ้าหากว่าจะบอกว่าค้างทั้งที่คนเขียนเพิ่งจะโพสต์ตอนใหม่เมื่อกี้นี้เอง

หวังว่าเชษฏ์จะจริงจังกับติ๊ฟ ไม่ใช่อค่จีบเพึ่อชนะเกมส์

มาบเองก้ไม่ได้ทำให้คนอ่านมั่นใจเลยว่าไม่มีนอกไม่มีในอะไร

กลัวแทนดิ๊ฟเท่านั้นว่าจะเสียใจแต่ถ้าทุกอย่างโอเคก็เชียร์นะ ตอนนี้เชียร์ดิ๊ฟ-เชษฏ์ไปก่อน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 22-12-2014 15:36:34
เอาเลยเชษฐ์เชียร์เต็มที่เอาจริงนะไม่ใช่แค่ต้องการเอาชนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-12-2014 16:01:23
เชษฐ์จัดไป!!! บอกตรงรำคาญตี๊ฟโฮกก~  :serius2: :angry2: :seng2ped:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 22-12-2014 16:02:03
เพราะเพื่อนเล่นกันจนเกินไปทำให้ตี๊ฟไม่แน่นอนในความรักของเชษฐ์ ถ้ามาจีบแบบธรรมดาคงไม่มีปัญหา

แต่ตี๊ฟก็ไม่ควรดึงมาบเข้ามาเกี่ยวข้องถ้าไม่ชอบหรือไม่แน่ใจตัวเอง เรื่องคงยุ่งๆต่อไปนะ รอติดตามคร้า

แต่คนเขียนอย่าทำให้ค้างบ่อยนะคะ 555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 22-12-2014 16:52:25
กินเลยเชษฐ์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-12-2014 17:25:20
เฮ้อออออ หน่วงๆกับรักสามเศร้า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-12-2014 17:49:56
บร๊ะ

 :pig4: :heaven :pig4: :heaven
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: auntreory ที่ 22-12-2014 18:18:51
ห๊ะ งงกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-12-2014 18:53:12
กรี๊ดดดดดดดดดด
จัดไปเลยพี่!! รักแท้ยังแพ้ใกล้ชิด
นี่ยังไม่เข้าใกล้รักเลย
เพราะงั้น รุกเข้าไปๆๆๆๆ :fire:
รอตอนต่อไปเน้อออออ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: mcooky ที่ 22-12-2014 21:55:34
ประโยคเด็ดประจำวันนน :hao6: :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 23-12-2014 00:29:20
อร้ายยยยย!!!!! อร้าาาาาาา!!!!!!!!!!!!! ขอโทษที่ต้องส่งเสียงดังรบกวนบรรยากศภายในเล้านะเคอะ :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 23-12-2014 03:13:14
 :ling1: :ling1: อ๊ายยยยย ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarch krub ที่ 23-12-2014 09:17:39
เียร์เชษหนึ่งเสียงครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 17 [22-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 23-12-2014 16:47:01
วันที่ 18

“ไว้ตอนเย็นเรามารับนะ”ผมเพียงพยักหน้าให้คนพูดก่อนจะก้าวออกจากรถ วันนี้ผมไม่ได้มากับไอ้เชษฐ์เหมือนทุกวัน เพราะมาบอาสามารับส่งผมแทน เพราะตอนนี้ผมกับมาบกำลังจะกลับมาคบกันอีก

สายตาของหลายคนที่มองผมดูจะแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมผมถึงมากับมาบได้ และหลายคนที่เหมือนจะจับกลุ่มซุบซิบเรื่องของผม ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเรื่องของผมมันมีอะไรน่าสนใจนักหนา แม้ผมจะไม่ได้สนใจว่าใครจะว่ายังไง แต่เสียงที่คนอื่นพูดถึงก็ยังดังพอจะให้ผมได้ยิน ไม่รู้คนพูดตั้งใจให้ผมรับรู้หรือไม่คิดว่าผมจะได้ยินกันแน่

“นั่นไงว่าแล้ว ว่ายังไงตี๊ฟก็ต้องกลับไปคืนดีกับแฟนเก่า”หนึ่งเสียงที่แว่วมากระทบโสตประสาทของผม

“ไม่แน่หรอกตี๊ฟอาจจะกำลังแกล้งประชดเชษฐ์เพราะกำลังงอนอยู่ก็ได้”คนเรานี่ก็ช่างคิดช่างจินตนาการเหลือเกินนะครับ

“หรือว่าตี๊ฟจะคบเผื่อเลือกไว้ทั้งสองคน”ผมว่า ผมควรจะไปอธิบายให้คนพวกนี้เข้าใจเสียเลยดีไหมจะได้ไม่ต้องมานั่งเดากันแบบนี้ แถมไม่ได้คิดว่าผมจะได้ยินในสิ่งที่พวกเค้าพูดหรือไงกันนะ ผมพยายามรีบเดินออกจากบริเวณนั้น มุ่งตรงไปยังที่ประจำของกลุ่มเพื่อนๆ พอใกล้ถึงก็เห็นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว สายตาของเพื่อนๆ มองมาที่ผมอย่างเหมือนกำลังต่อว่า นี่แสดงว่าไอ้เชษฐ์คงรายงานเพื่อนๆ ไปหมดแล้ว แต่หวังว่ามันคงไม่ได้ไปพูดกับเพื่อนๆ เหมือนที่พูดกับผมหรอกนะ ที่บอกจะมาเป็นชู้กับผมอะไรนั่น

ผมเปลี่ยนใจหยุดเดินและจะหันหลังกลับ เพราะขี้เกียจฟังเพื่อนๆ บ่นเรื่องที่ผมตัดสินใจกลับไปคบกับมาบอีก แม้ผมจะเป็นคนที่จะไม่ยอมทำตามความเห็นคนอื่นก็เหอะ ซึ่งแน่นอนพวกเพื่อนต้องไม่เห็นด้วยกับผมที่กลับไปคบมาบ และอีกอย่างตัวคนเดียวอย่างผม จะเอาอะไรไปเถียงสู้พวกมันทั้งฝูงกันเล่า

“มานี่เลยไอ้ตี๊ฟ”และผมก็หนีไม่ทันเพราะถูกเพื่อนๆ ลากเข้าไปนั่งที่ประจำเป็นที่เรียบร้อย ซ้ายมือคือไอ้เชษฐ์ ขวามือคือไอ้การ์ด ไอ้เชษฐ์ยังมองผมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาเหมือนเดิม ส่วนไอ้การ์ดนี่ มองผมด้วยสายตาที่ตำหนิเต็มที่

“มึงคิดยังไงถึงกลับไปคบกับไอ้มลพิษนั่น”พร้อมด้วยสายตาอีกหลายคู่ต่างก็จดจ้องรอคำตอบของผม ตอนนี้ผมเหมือนผู้ต้องหาที่กำลังรอคำพิพากษายังไงยังงั้น นี่พวกเพื่อนๆ ผมมันจะอะไรกับผมนักหนา การที่ผมจะคบใครหรือจะชอบใครทำไมพวกมันต้องมาวุ่นวายกันขนาดนี้ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะอะไรกับผมนี่นา แต่นี่ตั้งแต่มีเกมบ้าๆ ของไอ้การ์ดขึ้นมาดูพวกมันจะจำกัดการตัดสินใจของผมเหลือเกิน เหมือนทุกคนต่างพยายามอย่างที่สุดที่จะให้ผมกับไอ้เชษฐ์ลงเอยกัน

“พวกมึงไม่คิดว่ากำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกูมากไปเหรอ”ผมย้อนกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจหน่อยๆ หลายคนดูหน้าเสียไปเหมือนกัน แต่ตัวการของเรื่องอย่างไอ้การ์ดมีรึจะสำนึกง่ายๆ

“ก็ไม่ได้อยากก้าวก่ายชีวิตมึงนักหรอก แต่ก็แค่อยากให้มึงได้เจอคนดีๆ คนที่จริงใจกับมึง คนที่เป็นตัวจริงของมึงเสียที”ไปได้เรื่อยๆ แหละครับสำหรับไอ้การ์ด ตอนนี้มันตีสีหน้าจริงจังเสียเหลือเกิน ผมก็รู้ว่าพวกเพื่อนก็คงหวังดีกับผมจริงๆ แต่นี่พวกมันกำลังคิดว่า

“คนดีๆ ที่ว่าคือไอ้เชษฐ์งั้นสิ”ผมหันมองเจ้าของชื่อพร้อมกับพูด ผมไม่เข้าใจทำไมพวกมันถึงกำลังคิดว่าไอ้เชษฐ์จะมาเป็นตัวจริงของผมกันนะ ทั้งที่ไอ้เชษฐ์เองก็แค่ตกกระไดพลอยโจนเล่นเกมบ้าๆ นี่กับผมเท่านั้น

“มึงก็รู้นิ แล้วยังจะเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วกับมลพิษ อันเป็นอันตรายต่อชีวิตนั้นอยู่อีก”เอาเข้าไปครับ พวกนี้พูดอะไรไม่ค่อยจะเป็นจริงเป็นจังสักเท่าไหร่เลย ทำเป็นพูดทีเล่นทีจริงอยู่แบบนี้ จนบางครั้งผมก็สงสัยว่าตกลงพวกนี้มันแค่กำลังอยากปั่นหัวผมเล่นเพียงเพราะความสนุกเท่านั้นเหรือเปล่า หรือว่าพวกมันยังมีความหวังดีกับผมอยู่กันแน่

“อย่ามาไร้สาระน่า เลิกเล่นได้แล้ว กูไม่ใช่เด็กๆ แล้วตัดสินใจอะไรเอง คิดอะไรเองได้แล้วน่า”ผมพยายามจะตัดบทไม่พูดเรื่องนี้ต่อ เพราะคิดว่าขืนพูดต่อไปก็มีแต่จะยุ่งยากเปล่าๆ สู้เลิกพูดถึงมันน่าจะดีกว่า

“มึงเห็นว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระงั้นเหรอ”ไอ้เชษฐ์หันมาสบตาผม ซึ่งเราก็นั่งติดกันอยู่แล้ว ทำให้มันยิ่งใกล้เข้าไปอีกเมื่อต้องหันมาเผชิญหน้ากัน ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของไอ้เชษฐ์ที่อยู่ข้างๆ

ผมพยักหน้าตอบรับอย่างทำเป็นไม่ใส่ใจเท่าใดนัก แต่ในใจจริงๆ กลับรู้สึกแปลกๆ อยู่ไม่น้อยเพราะแม้ปากผมจะบอกว่าเรื่องนี้มันคือเรื่องไร้สาระ แต่ในใจผมคงรู้ดีว่าเรื่องนี้ ตอนนี้มันกำลังจะเป็นเรื้องสำคัญมากสำหรับผมไปเสียแล้ว

“งั้นไหนๆ มึงก็กลับไปมีแฟนแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้กูฉลองการมีคู่ให้มึงแล้วกัน กูเลี้ยงเอง”ไอ้เชษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ เหมือนจะมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง

“เย็นนี้มาบจะมารับกู”ผมตอบไปตามความจริงว่าคงไปกับเพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะวันนี้นัดกับมาบไว้แล้ว หลายคนส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ ที่ตอนนี้จะกลับไปทำตัวเหมือนกับว่าให้ความสำคัญกับแฟนมากกว่าเพื่อน

“อย่างว่าแหละคนเรา พอเวลาโดนมันทิ้งก็มาหาเพื่อน แต่ไม่รู้จักเข็ดจักจำ ยังกลับไปหามันอีก”ไอ้การ์ดพูดลอยๆ ประชดประชันผม ผมก็ไม่อยากจะเถียงกับมันหรอกครับ แม้ว่าในใจจะค้านอยู่ว่า มาบเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งผมหรอก เค้าเพียงลองใจผมเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะอธิบายกับไอ้การ์ดตอนนี้ก็มีแต่จะต่อความยาวสาวความยืดเปล่าๆ

“ไว้วันหลังแล้วกัน เพราะวันนี้กูนัดเค้าไว้แล้ว”ผมพยายามพูดอย่างรักษาน้ำใจเพื่อนๆ ที่ต้องปฏิเสธการชวนไปร่ำแอลกอฮอล์ของพวกมัน

“ถ้าไอ้มลพิษมันคิดจะเป็นแฟนมึงจริงๆ มันก็ต้องทำตัวเข้ากับพวกกูให้ได้สิ เอางี้ วันนี้พวกกูจะยอมเสียสละไปกับมึงด้วย มึงนัดกับมันไปไหน พวกกูไปด้วย จะได้ทำความคุ้นเคยกันมากขึ้น”ไอ้เชษฐ์พูดออกมาอย่างอยากที่จะเอาชนะ  ตามด้วยแรงเชียร์สมทบจากเพื่อนๆ จนผมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ปฏิเสธไม่ได้ เลยต้องจำใจตอบตกลง ได้แต่หวังว่ามาบเองคงจะเข้าใจผมที่ต้องพ่วงพวกนี้ติดไปด้วย หลังจากตกลงกันได้ก็เตรียมตัวไปเรียน แล้วค่อยมาตามนัดกันอีกทีตอนเย็น

“ถึงมึงกับมันจะเป็นแฟน แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน คอยดูแล้วกันว่ากูจะเป็นชู้กับมึงให้แนบชิดกว่าคนเป็นแฟนเสียอีก”ไอ้เชษฐ์แอบมากระซิบข้างหูผมก่อนที่จะเดินตามเพื่อนเข้าเรียน ผมได้แต่อึ้งๆ เพราะตั้งตัวไม่ทัน แถมมันยังมาพูดเรื่องนี้อีก ไม่รู้มันจะมาไม้ไหนกับผมกันแน่

เวลาวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การเรียนจบลงโดยที่ผมไม่ได้รับอะไรเข้าสมองเลย เพราะไม่ได้ตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่  ในหัวมันมีเรื่องต้องให้คิดสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งเรื่องของมาบ เรื่องของไอ้เชษฐ์ ทั้งที่มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับผม แต่ดูครั้งนี้มันช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน

“ตี๊ฟพวกกูตกลงกันใหม่แล้วว่ะว่าไม่ไปกับมึงดีกว่า วันนี้ปล่อยมึงไปกับไอ้มลพิษนั่นสักวันแล้วกัน แต่แค่ไปกินข้าวกันเฉยๆ แล้วรีบกลับด้วยล่ะ”คำสั่งเสียจากไอ้การ์ด โดยมีไอ้เชษฐ์และเพือนๆ คอยกำชับผมด้วยสายตาอีกที ตกลงนี่พวกมันจะเอายังไงกับผมกันแน่ ชักจะเริ่มมึนๆ กับพวกนี้เข้าไปทุกทีแล้วนะเนี่ย

“เออ ตกลงไม่ไปแล้วก็ตามใจพวกมึง แล้วนี่จะไปไหนกันหรือเปล่า”อดไม่ได้ที่จะถามออกไป เพราะพวกนี้คงไม่ทำตัวดี แยกย้ายกันกลับไปอ่านหนังสือหรอกครับ

“อยากรู้ก็เปลี่ยนใจมากับกูสิ”ไอ้เชษฐ์พูดแทรกขึ้น แถมพูดเหมือนว่าให้ผมเปลี่ยนใจไปกับมันสองคนไม่ใช่ไปกันทั้งกลุ่ม เลยโดนพวกปากไม่อยู่สุขของเพื่อนๆ คนอื่นแซวผมอีกยกใหญ่ ผมเลยต้องรีบปลีกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนๆ



“รอนานไหม”มาบมาตามเวลานัดก่อนเวลาเล็กน้อย ซึ่งผมก็ไม่ต้องคอยนานนัก ผมส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะก้าวขึ้นรถไปนั่งข้างคนขับ รถวิ่งไปยังจุดหมายที่เราสองคนตกลงกันไว้ ก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ มันเป็นร้านอาหารที่ผมกับเค้าเคยมากันเมื่อครั้งที่ตกลงเป็นแฟนกัน ในครั้งแรก เหมือนกับมาบอยากจะสร้างความประทับใจให้ผม โดยการใช้ร้านนี้รำลึกความหลังละมั้ง

“เหมือนได้กลับไปย้อนวันเวลาเก่าๆ เลยเนอะ”มาบเอื้อมมือมาจับมือผมพร้อมกับส่งสายตาให้อย่างมีความหมาย แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไรกับการกระทำของเค้าเลย นี่แสดงว่าตอนนี้ผมไม่ได้คิดอะไรกับเค้าแล้วหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้ผมก็ต้องกำลังทำผิดต่อมาบอยู่ ที่จะใช้มาบเป็นตัวกันให้ผมกับไอ้เชษฐ์ ผมเพียงยิ้มบางๆ ให้มาบเท่านั้น บรรยากาศอาหารมื้อเย็นของผมผ่านไปอย่างหวานหยด ถ้าคนอื่นมอง แต่สำหรับผมกลับทำให้มันผ่านไปเหมือนเป็นแค่หน้าที่

“เดี๋ยวเราขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ”หลังจากทานอาหารเสร็จ และตกลงกันว่าจะกลับเลย ตอนแรกมาบจะชวนผมไปดูหนังต่อ แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากไปเลยเลี่ยงๆ บอกมาบไปว่าวันนี้รู้สึกเหนื่อยๆ ที่เรียนมาทั้งวัน ผมเลือกที่จะนั่งรอมาบที่โต๊ะปล่อยให้เค้าไปห้องน้ำเพียงคนเดียว

หลังจากที่มาบขอตัวไปเข้าห้องน้ำยังไม่ถึงนาทีเสียด้วยซ้ำ โทรศัพท์ผมก็มีสายโทรเข้ามา เป็นเบอร์ของไอ้การ์ดที่โทรเข้ามาหาผม นี่สงสัยจะพากันไปดื่มที่ไหนแน่ๆ

“ว่าไง”ผมกดรับอย่างคุ้นเคย

“ยังไม่กลับอีกเหรอ”เสียงที่ตอบกลับผมมาไม่ใช่ไอ้การ์ดเจ้าของเบอร์ แต่เป็นคนที่ผมต้องเห็นหน้าอยู่ทุกวัน ไอ้เชษฐ์ทำไมเอาโทรศัพท์ไอ้การ์ดโทรมา แถมน้ำเสียงนี่เหมือนจะประชดผมด้วยนะนั่น อีกอย่างดูๆ แล้วคงเริ่มมึนๆ แล้วด้วย แสดงว่าต้องพากันไปดื่มอยู่แน่ๆ เลยพวกนี้นิ กะอยู่แล้วเชียว

“กำลังจะกลับแล้ว แล้วมึงก็อย่าดื่มมากล่ะเดี๋ยวขับรถกลับไม่ไหว”ผมเตือนสติมันเพราะคิดว่ามันคงยังไม่ได้เอารถไปเก็บแต่ต้องขับรถไปเองอย่างแน่นอน

“ถ้าเป็นห่วงกูก็มาดูแลหน่อยสิ”แนะมีงี้ด้วยครับ ดูพูดเข้า ทำยังกะจีบกันอยู่งั้นแหละ แต่เอะจะว่าไปไอ้เชษฐ์มันก็บอกว่ามันกำลังจีบผมอยู่นี่นา

“ไม่ล่ะ เกรงใจมาบถ้าจะต้องแวะพากูไปดูพวกมึงแดรกเหล้า”ผมบอกปฏิเสธ

“กูไปรับมึงก็ได้ ไม่ต้องให้ไอ้มลพิษนั่นมันลำบากหรอก แล้วนี่มันอยู่ข้างๆ หรือเปล่า ถ้ามันฟังอยู่ก็บอกมันด้วยว่าชู้รักมึงโทรมา”ไอ้นี่ยังจะมากวนประสาทกันอีก มาชู้รงชู้รักอะไรกันเล่า

“ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ กูจะกลับแล้ว”ผมตัดบทเพราะรู้สึกยิ่งคุยไปก็จะไร้สาระไปเรื่อย

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งวาง”ไอ้เชษฐ์รีบพูดเสียงรัวกลัวผมจะวางสายไปก่อน

“มีไร”ผมส่งเสียงให้รู้ว่าผมยังไม่ได้วางสาย

“คิดถึงนะ”ผมนิ่งไปสองวิกับคำพูดของมัน โดยที่คนพูดชิงวางสายไปแล้ว แล้วทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนจะดีใจที่ได้ยินคำนี้กันนะ ทั้งที่ผมกับไอ้เชษฐ์ก็เจอกันทุกวันอยู่แล้ว ไอ้บ้านี่ก็จะมาคิดถึงอะไรกัน ผมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดเรื่องไอ้เชษฐ์ออกไป ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู นี่มาบก็ไปนานแล้วเป็นอะไรหรือเปล่านะ ทำไมไปนานจัง ผมตัดสินใจเดินจะไปตาม

ผมเดินตามทางเดินที่จะไปห้องน้ำ ร้านนี้จัดร้านเป็นลักษณะแบบซุ้ม ส่วนห้องน้ำก็จะอยู่ด้านหลังลึกเข้าไป พอผมเดินใกล้จะถึงห้องน้ำผมก็ได้ยินเสียงที่จำได้ว่าน่าจะเป็นมาบนั่นเอง เหมือนเค้าน่าจะกำลังคุยกับเพื่อนของเค้าอยู่ คงบังเอิญเจอกัน ว่าแต่ร้านนี้ก็ใช่ว่าจะกว้างจนมองไม่เห็นกัน ทำไมถึงไม่ทักทายกันตรงที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องน้ำนะ ผมยังไม่ได้เดินเข้าไปในห้องน้ำเพราะเริ่มรู้สึกว่าบทสนทนาของมาบกับเพื่อนมันเป็นบทสนทนาที่กล่าวถึงบุคคลที่ 3 ซึ่งคนที่เป็นหัวข้อสนทนานั่นน่าคือผมเอง

คงไม่เป็นการเสียมารยาทถ้าผมจะฟังคนอื่นพูดเรื่องของผมเอง

“ก็อย่างที่บอกว่าฝีมืออย่างกูมีรึจะพลาด”เสียงมาบพูดอย่างภาคภูมิใจ แต่ผมที่เป็นผู้มารับรู้กลับรู้สึกตรงกันข้าม

“ตกลงว่าที่มึงกลับไปคืนดีกับตี๊ฟนี่ ก็แค่จะพิสูจน์ให้เพื่อนเห็นว่ามึงสามารถแย่งตี๊ฟ มาจากคนอื่นได้ทุกเมื่อใช่ไหม กูก็งงว่าทำไมมึงถึงมาควงกับตี๊ฟอีก ทั้งที่มึงบอกเองว่าเบื่อเค้าแล้ว แถมเลิกกันไปเรียบร้อย แถมมึงเองก็ไม่เคยรีเทิร์นกับใครเลย”เรื่องราวที่ทั้งสองกำลังพูดมันทำให้ผมไม่สามารถแสดงตัวได้ว่าบุคคลที่พวกเค้ากำลังพูดถึงได้ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

“เออว่าแต่ ตี๊ฟเองโดนมึงบอกเลิกไปแล้ว ทำไมเค้ายังกล้ากลับมาคบมึงอีกว่ะ”อีกคนถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นเต็มที่

“คนอย่างตี๊ฟนะง่ายจะตายไป ถ้ามึงสนใจไว้รอสักอีกอาทิตย์นะ กูเบื่อแล้วกูจะยกให้ รับรองมึงไม่ผิดหวังกับลีลาตี๊ฟแน่”ผมไม่คิดจะฟังบทสนทนานั่นต่ออีก ผมเดินออกจากจุดนั้นโดยไม่ได้หันหลังไปมองอีก

“กูยังชอบผู้หญิงอยู่ว่ะ”คำพูดของเพื่อนมาบพร้อมกับเสียงหัวเราะของทั้งสองคนที่เห็นผมเป็นเหมือนตัวตลกยังคงแว่วมากระทบโสตประสาทของผม ผมไม่รู้ว่าจะรู้สึกอะไรดีกับสิ่งที่ผมได้ยินมา มาบบอกกับผมว่าเค้าแค่บอกเลิกผมเพื่อลองใจ และต้องการอยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ผมได้ยินมันหมายความว่ายังไงกันเล่า ตลอดเวลาที่ผมเคยคบกับเค้า ต่อหน้าผมเค้าทำเป็นดีทุกอย่าง แต่ลับหลังผมเล่า เค้าเอาผมไปพูดยังไงบ้าง

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ที่ผมเพิ่งจะรับสายไปไม่นาน ชื่อไอ้การ์ดโชว์ที่หน้าจอโทรศัพท์ ไม่นานนัก็มีคนรับสาย ซึ่งก็เป็นไปตามที่ผมคิด ไม่ใช่เจ้าของเบอร์ที่รับ แต่เป็นคนที่ใช้เบอร์นี้โทรมาหาผมต่างหาก ผมกรอกเสียงไปตามสาย

“มารับหน่อยสิ”



ในที่สุด มาบกะเผยธาตุแท้

หุหุ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 23-12-2014 17:10:42
สมละติ๊ฟแกโง่เอง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarch krub ที่ 23-12-2014 17:29:34
โดนไอมลพิษเล่นแล้วไหมหล่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 23-12-2014 17:33:38
มาบ!!!  :z6: ต้องบอกว่าเลวนะคะ ชิ  :angry2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: venuz ที่ 23-12-2014 18:16:25
จะบอกว่าติ๊ฟโง่ก็ไม่ใช่ คนมันเคยรักกันมาก่อน ถ่านไฟเก่ายังร้อน พัดหน่อยก็ลุกแล้ว มาโดนหักหลังแบบนี้อีก อาการคงแย่
แต่เชษฐ์นี่ดูไม่ชัดเจน ชอบติ๊ฟจริงดิ? ดูการ์ดเชียร์จัง
ก็หวังว่าจะชอบติ๊ฟจริงๆ ไม่ใช่ไปพนันเล่นอะไรกันอีกนอกรอบนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 23-12-2014 18:17:19
เป็นไงเพื่อนๆห้ามแล้วก็ไม่ยอมฟังทีนี้ได้เห็นธาตุแท้ของไอ้มลพิษจังๆเข้าไปถึงกับไปไม่เป็นเลยละสิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 23-12-2014 18:25:16
เป็นเราจะไม่เชื่อใจใครเลย อยู่คนเดียวดีกว่ามั้ยเนี่ยเจอแต่คนแบบนี้ :ling3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-12-2014 18:35:24
สงสารตี๊ฟจัง
ไม่รักไม่ว่า
แต่มายกให้คนอื่น
มันมากไปนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 23-12-2014 18:41:16
เชื่อฟังการ์ดก็หมดเรื่องแล้ว :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-12-2014 18:44:32
เราก็ว่าแล้วว่าถ้าเพื่อนพร้อมใจกันไม่เห็นด้วยขนาดนั้นมันต้องมีอะไร
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 23-12-2014 20:12:43
ตบมันนนนนนน อิมาบมลพิษ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-12-2014 20:39:16
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
มลพิษเลวสมชื่อ ดีใจที่ติ๊ฟรู้ไว เชษฐ์มารับไวไวเลย ลุ้นต่อจร้า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 23-12-2014 21:49:18
กำลังสนุกเลยค่ะ

มาต่ออีกเร็วๆนะ

ชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 23-12-2014 23:32:17
อย่าลืมจัดการมลพิษด้วยนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-12-2014 00:39:36
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 24-12-2014 03:27:04
ขอโทษนะคะ ขอขัดนิดนึงคนเขียนมีความจำเป็นอะไรคะ ถึงได้พิมพ์ มึงเป็นมรึง และกูเป็นกรู เราอ่านถึงหน้าแรกตอนที่5 ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอ่ะ เห็นมีคนอ่านคอมเม้นท์เรื่องนี้ด้วย ซึ่งเราก็คิดว่าอาจจะสต๊อกไว้รึเปล่าเลยเอามาลงทั้งๆอย่างงั้น ก็เลยเปิดมาตอนล่าสุด เห็นละแบบ ทนไม่ไหวอ่ะค่ะ ก็รู้อยู่นี่ว่าที่นี่เน้นเรื่องการเขียนหรือพิมพ์ให้มันถูกต้อง อาจจะมีวิบัติบ้างเพื่ออรรถรสในการอ่าน แต่นี่แบบ 18 ตอนเข้าไปแล้ว คืออะไรอ่ะคะ ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ มึงก็มึงสิ  กูก็กูไปเลย

กรุณาเก็บไว้คิดและพิจรณาด้วยเถิดดดดค่ะ นิยายท่าทางจะสนุกแต่ไอ้การที่พิมพ์มาแบบนี้ทำให้ไม่อยากอ่านเลยค่ะ

ป.ล.เตือนด้วยความหวังดีจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 24-12-2014 04:08:01
ว่าแล้วอิมาบตาพุด  ตบเข่าฉาด :z6:

คิดอยู่แล้วว่ามันต้องมีอะไร   เราว่าการ์ดกับเพึ่อนคงรู้ด้วยแหละว่าอิมาบมันเลว สงสัยว่าคงเคยได้ยินอะไรมาก่อนแน่ๆ เพึ่อนเล่า

หรือคุยโวให้กันฟังมันไม่เก็บไว้ขึ้นหิ้งหรอก มันก็คุยต่อๆกันไป จริงไม่จริงก็ไม่รู้ ที่เหลึอก็ลึอกันไป  ส่วนกลุ่มการ์ดนี่เหมือนเพึ่อน

แท้ไม่ใช่เพึ่อนเที่ยวที่พยายามรักษาน้ำใจเพึ่อนอย่างที่สุด

ตอนนี้ก้อยุ่ที่เชษฏ์แล้วว่าจะรักษาแผลใจให้ติ๊ฟได้หรือเปล่า เจอมาขนาดนี้ ไม่เจ็บก็คงเข็ดหลาบไปอีกนาน   

น่าจะจัดการอิมาบให้มันหายซ่า เสียหน้าไปจนตาย  :angry2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 24-12-2014 06:35:12
วันที่ 19

“จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมกูถึงให้มารับ”ผมหันไปถามสารถี ที่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องให้มันมารับผมด้วย จริงๆ ผมนั่งแทกซี่ไปเองหรือจะกลับห้องไปก่อนก็ได้ แต่นี่ผมกลับโทรไปให้มันมารับ แถมไอ้คนมารับนี่ก็ไม่เห็นพูดเห็นจาอะไรเท่าไหร่เลย เอาแต่อมยิ้มอยู่ได้ เหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูดมันจะอะไรของมันละนั่น

ขนาดว่าผมยอมเอ่ยปากพูดขนาดนั้นแต่ไอ้คนที่ขับรถพาผมมาจนจะถึงที่หมายก็ยังไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มๆ เหมือนเดิม ตกลงว่านี่มันเมาแล้วเพี้ยนหรือเปล่าละเนี่ย แต่อย่าว่าแต่มันเลยครับ เพราะผมเองก็คงเพี้ยนพอกันแหละที่อยู่ๆ ก็ให้มันมารับแบบนี้ ผมเองกำลังงงๆ กับตัวเองอยู่ว่าตอนนี้ผมอยู่ในอารมณ์ไหนกันนะ ผมเพิ่งได้ยินมาบพูดถึงผมในอีกแง่มุมที่ผมไม่เคยได้ยิน แล้วถ้าถามว่าผมโกรธเค้าไหม

ก็ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย ผมก็คงจะเป็นคนที่ดีเกินไปแล้ว แต่จะให้ถึงขั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มันก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ  แต่มันกำลังจะวนกลับไปสู่จุดเดิม ในวันที่ผมถูกมาบเค้าบอกเลิกผม วันที่ทำให้ผมต้องมาเล่นเกมบ้าๆ ของไอ้การ์ด เกมที่ทำให้ผมต้องมาติดอยู่กับไอ้เชษฐ์ ผู้ที่ตอนแรกทำท่าแขยงผมนักหนา แต่ตอนนี้กลับมาเปลี่ยนท่าทีกับผม แต่จุดที่จะเป็นประเด็นให้ผมคิดทบทวนอีกครั้งก็คือ นี่ผมจะไม่มีวันเจอะเจอคนที่มาเป็นตัวจริงให้ผมเลยงั้นหรือ

เรื่องที่มาบพูดกับเพื่อนเค้า ที่ว่าผมง่าย ถ้าลองคิดดูดีๆ ผมก็ง่ายเองนั่นแหละ ด้วยความที่พอมีคนเข้ามาดีด้วย ผมก็ดีตอบ และลองผิดลองถูกไปเรื่อย แต่มันเหมือนไม่เคยถูกเสียที มีแต่ผิดเสียแทบทุกครั้งไป หรือผมควรจะเลิกคิดเลิกหวังได้แล้วว่าชีวิตอย่างผมจะมีคู่ชีวิต อย่างคนปกติเขา

“ไม่ลงเหรอ”เสียงของไอ้เชษฐ์สะกิดให้ผมเลิกคิดฟุ้งซ่าน ผมมองไปรอบๆ คือลานจอดรถของลานเบียร์ที่พวกผมมาประจำนั่นเอง ผมรีบลงจากรถก่อนจะให้ไอ้เชษฐ์นำทางไปหาเพื่อนๆ

ทุกคนไม่มีใครถามผมว่าทำไมถึงมาสบทบกับพวกมันได้ มีเพียงแค่เสียงแซวเล็กน้อยถึงปานกลางระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์ ตามมาตรฐานปากของพวกมันนั่นเอง อีกอย่างตอนนี้แต่ละคนนั้นทิ้งห่างผมซึ่งมาทีหลังไปหลายช่วงแก้วแล้วละครับ ผมรีบสลัดเรื่องต่างๆ ที่วนเวียนให้ต้องขบคิดออกไป ก่อนจะสนใจเพียงแค่แอลกอฮอล์ที่อยู่ตรงหน้า

เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่กระเสเลือดในปริมาณที่พอสมควร มันก็ทำให้ผมเลิกสนใจอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นสายโทรเข้าจากมาบ ที่มาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ หรือจะเป็นเสียงพูดจากภาษาต่างดาวของพวกเพื่อนๆผม แต่สิ่งหนึ่งที่ยังดึงดูดสายตาผมกลับเป็นไอ้เชษฐ์ที่วันนี้ดูไม่ค่อยดื่ม ซึ่งมันเลยทำให้ผมพาลนึกไปถึงคำพูดเมื่อวันก่อนของมัน ที่บอกว่าเบื่อเบียร์แล้วอยากกินผม คำพูดนั้นมันดันมาวนเวียนอยู่ในหัวผมนี่สิ แถมทำไมวันนี้ไอ้ท่าทางเก๊กๆ ของไอ้เชษฐ์ที่ทำเป็นประจำ และผมเคยหมั่นไส้ แต่วันนี้ผมเกิดอาการสมองตั้งโปรแกรมผิดหรืออย่างไรถึงได้มองว่ามันดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

นี่ผมคิดมากจนเพี้ยนหรือดื่มมากไปแล้วทำให้สมองเบลอกันแน่ แล้วยิ่งรอยยิ้มที่มันมีให้ผมเวลาที่บังเอิญสบตานั่นอีก ให้ตายสิ นี่ผมเป็นอะไรไป ผมกำลังคิดว่าวันนี้ไอ้เชษฐ์มันเซ็กซี่อย่างนั้นหรือ แก้วเบียร์แก้วแล้วแก้วเล่าถูกส่งผ่านลำคอของผมลงไป เพื่อหวังจะดับไอ้ความรู้สึกบ้าๆ ที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมา แต่มันเหมือนยิ่งไปเร่งให้บางอย่างปะทุขึ้นมาเสียนี่สิ

เวลาเลยผ่านจนเพื่อนๆ แต่ละคนเริ่มจะเกินลิมิตกันแล้ว เลยคิดว่าน่าจะสมควรแก่เวลาที่จะต้องแยกย้ายกันได้แล้ว แต่ละคนก็ประคับประคองร่างอันเมามายไปตามวิถีทางของแต่ละคน ผมที่รู้สึกว่าไม่น่าจะเมามากเพราะมาทีหลังคนอื่น แค่ตึงๆ นิดหน่อยเท่านั้นเอง ส่วนไอ้เชษฐ์ก็อย่างที่บอกว่าวันนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่นั่นแหละครับ

“เดี๋ยวกูเข้าห้องน้ำก่อนนะ”ผมหันไปบอก เพราะถ้าให้กลับเลยผมคงต้องฉี่ราดในรถไอ้เชษฐ์เป็นแน่

“งั้นกูไปเป็นเพื่อน”ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพราะผมไม่ใช่เด็กๆ หรือหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาที่จะไปเข้าห้องเองไม่เป็นอีกอย่างผมรู้สึกว่าต้องห่างๆ ไอ้เชษฐ์ไว้สักนิดก็ยังดี เพราะสมองผมยิ่งยังรันโปรแกรมไม่ปกติอยู่ด้วย ขอล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยมาเผชิญหน้ามันน่าจะดีกว่า  ดีที่ไอ้เชษฐ์เองก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรผมนักซึ่งก็เป็นการดีแล้ว ผมรีบทำธุระโดยเร็วก่อนจะกลับมาที่รถ

“ขอบใจที่มานะ”อยู่ๆ ไอ้เชษฐ์ก็พูดขึ้น ซึ่งหมายถึงอะไรก็ไม่รู้ผมได้แต่หันไปมองหน้ามันอย่างงงๆ แต่เจ้าตัวที่พูดเพียงหันมามองผมแวบเดียวก่อนจะทอดสายตาไปตามถนนเหมือนเดิม

“แค่มาดื่มเบียร์นี่นะ ก็มาด้วยกันออกจะบ่อย ทำไมต้องขอบคุณด้วย”ผมเอ่ยถามกลับอย่างไม่เข้าใจ และพยายามจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองให้มากนักว่าเพราะตอนนี้ไอ้เชษฐ์มันชอบผมอยู่เลยพูดมาแบบนี้

“มันไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาหรอก เพราะครั้งนี้มันแสดงว่ามึงคิดถึงชู้อย่างกู จนยอมทิ้งแฟนมาไง”ไอ้มุกนี้มันยังจะเล่นอีกนะครับ กับการที่ผมคิดจะเอามาบมาเป็นคนกันไอ้เชษฐ์ให้เว้นระยะห่าง คงใช้ไม่ได้แล้วละมั้ง แต่ผมคงไม่ต้องรีบบอกมันหรอกว่าตอนนี้ ผมไม่คิดจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับมาบอีกแล้ว

“กูไปเป็นชู้กับมึงเมื่อไหร่กัน”ผมต้องพูดปฏิเสธโดยเร็วเพราะในใจผม มันชักจะเริ่มหวั่นไหวไปเสียแล้ว ผมพยายามจะไม่ต่อปากต่อคำกับไอ้เชษฐ์หรือพูดอะไรด้วยมากนัก เพราะกลัวจะมีอะไรเกินเลยไป ผมไม่ได้กลัวว่ามันจะมาทำอะไรเกินเลยหรอกนะครับ แต่ผมกำลังกลัวตัวเองนี่แหละ เพราะตอนนี้ไอ้โปรแกรมสมองผม มันดันสั่งการให้ผมเกิดอารมณ์ขึ้นมานี่สิ มันคงเป็นเพราะว่าผมเองก็ไม่ได้มีอะไรกับใครมาสักระยะแล้ว แถมยังดื่มเบียร์เข้าไปเป็นตัวกระตุ้นอีกนี่สิ

ผมรีบเดินลงจากรถทันที ที่ถึงคอนโดแต่เพราะฤทธิ์เบียร์ที่รับมามันทำให้ผมเดินไม่ค่อยตรงสักเท่าไหร่

“ไหวหรือเปล่า”ไอ้เชษฐ์รีบตามลงมาประคองผม

“ห้าเมตร ขอร้อง ถอยออกไปอย่างน้อยห้าเมตร”ผมพยายามผลักไอ้เชษฐ์ออกไป เพราะถ้ามันเข้าใกล้ผมไปมากกว่านี้ มันคงจะไม่ดีเสียแล้ว เพราะตอนนี้ผมไม่สามารถข่มอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นมาให้สงบลงได้เลย ผมรีบพยายามพาตัวเองให้ถึงห้องโดยเร็วที่สุด

ไอ้เชษฐ์ดูจะงงกับผมอยู่พอสมควรว่านี่ผมเป็นอะไรกัน แน่ แต่ช่างมันเถอะเพราะคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาอธิบายอะไรในตอนนี้

“เฮ้ย แล้วมึงตามกูเข้ามาทำไมเนี่ย”ผมต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่าไอ้เชษฐ์ตามผมเข้าในห้องนอนด้วย เพราะนึกว่ามันจะแยกไปห้องมัน ไม่ใช่ตามผมมาแบบนี้ ผมพยายามจะดันให้มันออกจากห้องไป แต่เหมือนจะกลายเป็นว่า มันดันผมเข้าห้องนอนเสียมากกว่า

“บอกแล้วไง ว่ากูจะเป็นชู้กับมึง ให้มึงลืมแฟนไปเลยไง”ลมหายใจอุ่นๆ ของคนที่เข้ามาประชิดผมอย่างไม่ให้ตั้งตัว พ่นออกมาห่างจากผมไม่ถึงนิ้วเสียแล้วตอนนี้ ผมต้องขยับตัวถอยห่างออกเล็กน้อยเพราะกลัวว่าไอ้เชษฐ์จะสัมผัสได้ว่าผมมีบางอย่างที่เกิดปฏิริยาอยู่ด้านล่าง

มือของไอ้เชษฐ์สัมผัสไล้ไปตามใบหน้าและไรผม ก่อนที่วงแขนนั้นจะกอดกระชับผมเข้าหา แล้วประกบริมฝีปากร้อน ลงมาที่ริมฝีปากผม มันยิ่งเร่งให้ความพยายามของผมเริ่มจะขาดลงทุกที ที่จะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น

“มึงอยากจะทำแบบนี้กับกูจริงๆ เหรอ”มันอาจจะเหมือนกับอีกหลายครั้งที่ผมเคยผ่านมา นั่นคือเวลาที่ผมถูกทำให้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ผมเองก็จะต้องหาที่ยึดเหนี่ยวว่าผมยังมีค่ากับใครสักคน แม้จะเพียงเวลาสั้นๆ ก็ตาม ขอแค่ให้ผมได้รู้สึกว่าตัวเองยังมีค่าก็พอ

“แค่มึงไม่ปฏิเสธ ก็จะรู้เอง”คำพูดที่แฝงความนัย จบลง แต่สัมผัสระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์กำลังจะเริ่มขึ้น ผมก็แค่อยากรู้สึกว่าตัวเองยังมีค่ากับใครอยู่บ้าง เท่านั้นเอง และคงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ทำให้ผมลืมคิดถึงผลที่จะตามมา

กว่าจะรู้ตัวอีกทีเสื้อผ้าของผมก็เริ่มถูกถอดออกอย่างช้าๆ กระดุมเสื้อที่ผมใส่ถูกปลดออกที่ละเม็ดพร้อมกับริมฝีปากของอีกคนที่บรรจงจูบลงมา ไล่จากริมฝีปากของผม เรื่อยลงไปที่ปลายคางและลำคอ เริ่มจากสัมผัสที่อ่อนโยน แล้วริมฝีปากนั้นก็วนขึ้นมาบดเบียนกับริมฝีปากของผมอีกครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นดุดันแลละเร่าร้อน จนผมต้องเผยอริมฝีปากรับ กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ที่ผมชอบยังเจือจางอยู่ในรสจูบนั้น มันยิ่งช่วยกระตุ้นความต้องการของผมมากขึ้นไปอีก ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของเราทั้งคู่

สายตาที่ไอ้เชษฐ์มองมาที่ผมเหมือนกับกำลังจะกลืนกินผมเข้าไปทั้งตัวมันให้ผมต้องหลบสายตานั้น เพราะมันรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย แม้ผมจะผ่านเรื่องแบบนี้มาพอสมควรแล้ว แต่ดูเหมือนครั้งนี้มันจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่และตื่นเต้นกับผมอยู่ไม่น้อย ที่คนตรงหน้าผมคือเพื่อนในกลุ่มของผมเอง

ผมได้ยินเสียงเข็มขัดของผมถูกแกะออกพร้อมกับเสียงของมันที่ถูกูดออกขว้างไปที่ไหนสักแห่งในห้องนอนของผม ก่อนจะตามมาด้วยเสียงซิบกางเกงที่ค่อย ดังเป็นจังหว่ะช้าๆ เมื่อถูกเลื่อนลงเรื่อยๆ ผมเม้มกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายตอนนี้ไม่มีอะไรปกปิดแล้ว ริมฝีปากร้อนของไอ้เชษฐ์สัมผัสลงบริเวณท้องน้อยของผม ก่อนจะลากต่ำเรื่อยลงไปจนถึงส่วนล่างของผมที่ตึงเขม็งอยู่ในตอนนี้ แต่มันก็ไม่ยอมสัมผัสเหมือนจงใจจะแกล้งให้ผมต้องบิดตัวเกร็งเพราะความต้องการที่ทวีเพิ่มขึ้น

แล้วไอ้เชษฐ์ก็ทำให้ผมต้องแปลกใจเมื่อมันครอบปากลงที่แก่นกายกลางลำตัวของผม ตลอดเวลามันไม่เคยมีทีท่าว่าจะพิศวาสเพศเดียวกันอย่างผม แล้วทำไมมันถึงยอมทำแบบนี้ให้ผมกัน แต่ความสงสัยนั้นมันก็แค่แวบเข้ามาในสมองผมเพราะมันไม่ได้เป็นจุดสำคัญสำหรับผมในตอนนี้เท่าไหร่ เพราะริมฝีปากนั้นกำลังสร้างความเสียวซ่านให้ผมจนต้องเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้เผลอส่งเสียงร้องออกมา สองขาผมคู้ขึ้นหนีบศีรษะของไอ้เชษฐ์ มันยังสร้างความแปลกใจให้ผมยิ่งขึ้นไปอีกว่าทำไมมันถึงได้ดูชำนาญเกินไปหรือเปล่า

อารมณ์ผมต้องหยุดชะงักเมื่ออยู่ๆ ไอ้เชษฐ์หยุดกะทันหัน แต่ผมยังไม่ทันได้ทักถ้วง เพราะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังรุกล้ำเข้ามาในตัวผม ริมฝีปากผมถูกประกบอีกครั้ง พร้อมกับที่เบื้องล่างกำลังถูกรุกรานด้วยนิ้วของไอ้เชษฐ์เป็นการเบิกทาง

“อา...เบาๆสิ”ผมโน้มตัวเข้ากอดคนเบื้องหน้าไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว เพราะรู้สึกยังไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่กำลังจะเข้ามาภายในตัวผม ไอ้เชษฐ์ค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ เพื่อให้ผมคุ้นเคย ก่อนจะเริ่มขยับเป็นจังหว่ะเมื่อผมเริ่มคุ้นเคย

“มองกูสิ ตี๊ฟ กูจะทำให้มึงไม่หันไปมองคนอื่นอีก”ผมหันมองหน้าคนพูดที่ตอนนี้มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาทั่วทั้งใบหน้า และลำตัวที่กำลังขยับเข้าออกในตัวผม ผมไม่ได้มีคำพูดใดโต้ตอบกับไอ้เชษฐ์ มีเพียงร่างกายที่ตอบสนองทุกอิริยาบถที่เชษฐ์มันส่งมา เร่าร้อนและเนิ่นนาน ก่อนไอ้เชษฐ์จะโหมกระหน่ำเข้าหาผม แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ฉีดเข้ามาในตัวผมพร้อมกับน้ำที่ออกจากตัวผมเองออกมาเลอะบริเวณหน้าท้อง


ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ อาการปวดหัวหน่อยๆ ช่วยระลึกให้ผมจำได้ว่าเมื่อคืน ผมดื่มหนักเกินไปอีกแล้ว ผมค่อยๆพยายามรันโปรแกรมสมองตัวเอง เพื่อทบทวนว่าสิ่งที่ผมเพิ่งจะจำได้เมื่อสักครู่มันเป็นแค่ความฝันใช่ไหม ที่ผมกับไอ้เชษฐ์ดันมีอะไรกันไปแล้ว ผมค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ว่าผมถูกมือของใครบางคนกอดกระชับเอาไว้ สายตาผมค่อยๆ หันไปมองเจ้าของมือ และสิ่งที่ผมเห็นก็ช่วยยืนยันว่าผมไม่ได้ฝันไป แต่มันคือความจริงต่างหาก

“เราเป็นชู้กันจริงๆ แล้วใช่ไหม”เสียงจากเจ้าของมือทักผมขึ้นพร้อมกับขยับมาประทับจูบลงที่หน้าผากผม นี่ผมกับมันจะเป็นยังไงต่อไปนะ

“กลับห้องไปได้แล้ว”ผมผลักคนตรงหน้าออก แต่เหมือนจะสู้แรงมันไม่ได้เพราะมันแทบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย มีแต่ผมที่โดนกอดกระชับเข้าไปอีก

“อย่ามาทำเป็นผลักไสไล่ส่งกันหน่อยเลย ทีเมื่อคืนก็ยินยอมพร้อมใจให้กูเต็มที่นี่นา”ดูปากมันเถอะครับมันน่าถีบให้ตกเตียงเสียจริงๆ

“ก็เป็นแค่ชู้ไม่ใช่เหรอ เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน ตอนนี้หมดประโยชน์แล้ว จะไปไหนก็ไป”ผมต้องแกล้งทำเป็นไม่สบอารมณ์ทั้งที่จริงนั้นเพราะกลัวจะห้ามใจไม่ได้แล้วซ้ำรอยเดิมเหมือนเมื่อคืนอีกนี่สิ ยิ่งตอนนี้สภาพเราสองคนก็ยังไม่ได้สวมใส่อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนี่สิ

“งั้นเช้านี้ขอเป็นชู้อีกสักสองสามรอบได้ไหม”
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 18 [23-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 24-12-2014 06:43:28
วันที่ 19 ก็เรียบร้อยแล้ว 555

แล้วที่เหลืออีกตั้ง 20 กว่าวันสงสัยคนเขียนจะตัดจบ (ไม่ใช่ละ) 555

ส่วนเรื่อง ที่พิมพ์ กู มึง เป็น กรู มรึง แก้แล้วนะครับ

ขอโทษที จริงๆ ว่าจะแก้ตั้งแต่มีคนทักทีแรกแล้ว แต่ยอมรับตรงๆ เลยว่าลืมครับ o22 o22

คือเรื่องนี้แต่งไว้นานแล้ว ก่อนเอามาลงก็มีปรับนิดหน่อย แต่ไม่ได้แก้ 2 คำนี้

ส่วนที่พิมพ์แบบนี้เพราะตอนที่คนเขียนเริ่มเขียนเรื่องแรกๆ เรื่องอื่นนะไม่ใช่เรื่องนี้

แล้วเวปแรกที่ไปลงซึ่งนานมากแล้ว มันกรองคำ แบบไม่ให้ใช้คำว่า กู กับ มึง เลยเลี่ยงพิมพ์ผิดแทน

และติดการพิมพ์แบบนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครับ จริงๆ ทุกวันนี้เวลาพิมพ์ก็ยังติด 555  :z3:

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกคำติชมนะครับ

อะไรที่ถ้าติมาแล้ว คนเขียนยังนิ่ง ก็สะกิดซ้ำได้ไม่ว่ากันครับ ยินดีๆ o13 o13

ปล.แก้ให้ทุกตอนแล้วด้วยนะครับ :katai4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-12-2014 08:27:08
เป็นชู้ในนามกันซะแล้ว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 24-12-2014 08:41:21
อยากลองอ่านพาร์ทเชษฐ์ดูอ่ะว่าจริงๆแล้วเค้ารู้สึกยังไง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-12-2014 09:21:34
รออ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 24-12-2014 09:59:15
เมื่อไหร่ตี๊ฟจะเข้าใจ เชษฐ์ :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 24-12-2014 10:03:33
ติ๊บไม่รู้ตัวสินะว่าเชษฐ์แอบรักอยู่
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 24-12-2014 10:03:46
เจออีมาบตอนที่แล้วเข้าไปทำให้เกิดอาการคิดพารานอยด์ หวังว่าการ์ดแอนด์คอมปานีคงจะไม่ได้มีส่วนในการท้าเพึ่อนๆอิมาบให้ไปท้าอิมาบมาง้อติ๊ฟนะ

เป็นชู้กันแล้ว  เอ๊ะ ไม่มีแฟนแล้วก็เป็นว่าที่กิ๊กใหม่ได้สินะ สรุปเป็นชู้กันได้หลายยกแล้วป๊ะ?  :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 24-12-2014 10:40:10
คนเขียนน่ารักมากเลยที่แก้ให้อ่านแล้วรู้สึกติดขัดนิดหน่อยแต่หลังๆเริ่มชิน อิอิ

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 24-12-2014 10:43:16
เสร็จกันละ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 24-12-2014 10:47:17
มาแล้วๆๆ

ตอนใหม่ๆๆ

สนุกมากค่ะ

จะรอตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-12-2014 13:32:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarch krub ที่ 24-12-2014 14:13:59
เรียบร้อยโรงเรียนเชษฐ์หล่ะ5555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-12-2014 20:04:59
555555555
ดีใจอ่ะ ในที่สุดติ๊ปก็โดนเชษฐ์กินทั้งตัว
จะมีต่อตั้ง 3 ยก รอส่อง อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 24-12-2014 20:05:20
อุ๊ยยยยยยย
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงงงงงงงงงง :hao7:
ยินดีกับพี่ช.ด้วยนะคะ โฮะๆๆๆๆ :laugh:
เหลือแค่ทำให้มั่นใจว่ารักกันจริงเนอะๆ
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 19 [24-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 25-12-2014 07:56:12
วันที่ 20

“ว่าไงล่ะมึงไอ้ตี๊ฟ ได้ข่าวว่าตัดขาดกับไอ้มลพิษเป็นการถาวรแล้วใช่ไหม”ทันทีที่เจอหน้า ไอ้การ์ดก็รีบถามไถ่ทันที ผมหันมองคนที่เดินเคียงข้างมาพร้อมผม ซึ่งยืนยิ้มระรื่นอยู่นั่นแหละ ถ้าไม่ใช่ไอ้คนข้างๆ ผมนี่เป็นคนป่าวประกาศ เพื่อนๆ ก็น่าจะยังไม่รู้ว่าผมไม่คิดจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับมาบอีก

“ข่าวเร็วเนอะ”ผมพูดพร้อมปรายตามองคนข้างๆ ที่เหมือนจะทำไม่รู้ไม่ชี้ ดูแล้วมันน่าหมั่นไส้จริงๆเลย ความจริงที่ไอ้เชษฐ์มันรู้ว่าผมกับมาบตัดขาดกันแล้วก็เพราะเมื่อวานนั่นแหละครับ






“เชษฐ์มึงกลับไปห้องมึงได้แล้ว”ผมเอ่ยปากไล่อีกคนเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ หลังจากที่ผมดันเผลอตัวไปมีอะไรกับมันอีกสามรอบ และตอนนี้มันน่าจะสมควรแก่เวลาของไอ้เชษฐ์แล้วที่จะต้องกลับไปห้องตัวเอง แต่ดูเจ้าตัวมันจะไม่คิดเช่นนั้นเลย

“เราย้ายมานอนห้องเดียวกันเลยไม่ได้เหรอ”คำพูดพร้อมสายตาแฝงความนัยส่งมาถึงผม นี่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเลยว่านี่มันคือคนๆ เดียวกับที่แสดงท่าทีรังเกียจเกย์นักหนา เมื่อครั้งแรกเริ่มก่อนที่เราจะก้าวเข้าสู่เกมพนันครั้งนี้หรือเปล่า เพราะทำไมมันดูการแสดงอาการต่างกันลิบลับขนาดนี้ จากตอนแรก ที่ไอ้เชษฐ์แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเกย์และไม่มีทางจะมาพิศวาสผม แล้วเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมานี่มันหมายความว่ายังไงกัน แต่ความสงสัยของผมยังคงไม่มีคำตอบ และความคิดของผมก็ถูกขัดจังหว่ะ ด้วยเสียงกดกริ่งหน้าห้อง ใครกันนะที่มาแต่เช้าขนาดนี้

“ไม่ต้องสนใจไอ้พวกไม่รู้จักเวล่ำเวลานั่นหรอก เรามาสนใจเรื่องของเราต่อดีกว่า”เจ้าของคำพูดสอดมือเข้ามารั้งเอวผมไว้ ไม่ยอมให้ผมลุกจากเตียง ผมได้แต่พยายามขืนตัวออก เพราะคิดว่าอาจจะมีใครมีธุระสำคัญมาหาก็ได้ และอีกอย่างก็อยากสลัดไอ้คนข้างๆนี่ให้ออกไปจากห้องด้วย ผมรีบหาเสื้อคลุมมาสวมทับร่างกายที่เปลือยเปล่า ก่อนจะเดินออกจากห้องนอน โดยที่ไอ้เชษฐ์เองก็เดินตามออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใส่อะไร

“ไอ้บ้า มึงจะมาเดินเป็นชีเปลือยอยู่ได้ยังไง ทำไมไม่หาอะไรใส่ เดี๋ยวคนที่มาเค้าก็ตกอกตกใจหมดหรอก”ผมรีบบอกไอ้คนหน้าด้าน ที่ไม่รู้จักอายเสียบ้างเลย แม้เมื่อคืนผมจะรู้จักทุกซอกมุมของมันแล้ว แต่พอมาเจอแบบนี้ก็เล่นเอาทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ

“ก็กำลังจะไปหาอะไรใส่นี่ไง”มันยังพูดเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรก่อนจะเข้าห้องตัวเองไป ผมเป็นฝ่ายที่เดินไปเปิดประตูดูว่าใครเป็นคนที่มาแต่เช้าขนาดนี้

แล้วพอผมเปิดประตูออก คนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็มองผม ด้วยสายตาแปลกๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าจนผมต้องกระชับเสื้อคลุมให้ดูมิดชิดยิ่งขึ้น จริงๆ ผมยังไม่อยากจะต้อนรับไอ้แขกที่ไม่ได้รับเชิญนี่เท่าไหร่หรอกนะครับ เพราะไม่ใช่ใครที่ไหน มาบ นั่นเอง คำพูดของเค้ายังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลย

“ใครมาเหรอที่รัก”เสียงไอ้เชษฐ์ดังขึ้นด้านหลัง และไม่นานนักผมก็สัมผัสได้ว่ามีคนโอบผมจากด้านหลัง มาบมองการกระทำของไอ้เชษฐ์อย่างอึ้งๆ

“นี่มันหมายความว่ายังไงกันตี๊ฟ”น้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์ของมาบ พูดขึ้นอย่างดังจนเกือบจะเป็นเสียงตะคอกผม

“มีตาก็ดูเอาเองสิว่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะอย่ามารบกวนเวลาความสุขของคนอื่นเค้าแบบนี้”แม้จะรู้สึกขัดๆ ในคำพูดที่ไอ้เชษฐ์มันพูดออกมาแต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าจำเป็นต้องไปขัดในสิ่งที่มันพูดเพราะนี่อาจจะช่วยให้ผมกับมาบตัดขาดกันได้ง่ายขึ้น มาบมองมาที่ผมอย่างค้นหาในคำตอบ แต่จริงๆ เค้าคงไม่ต้องค้นหาอีกแล้ว เพราะสภาพที่เห็นผมกับไอ้เชษฐ์ขนาดนี้เป็นใครก็คงจะพอมองออกว่า มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์

“ไหนว่าเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอตี๊ฟ แล้วตี๊ฟทำไมถึงมาทำกับเราแบบนี้”ผมเหรอที่ทำกับเค้า ผมว่าแค่นี้มันอาจจะน้อยไปเสียด้วยซ้ำถ้าผมลองหาความจริงว่าเค้าหลอกอะไรผมไว้บ้าง

“เรื่องของเราคงไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้วล่ะ จากนี้ไปก็ต่างคนต่างไปตามทางของใครของมันน่าจะดีกว่านะ”แม้จะอยากพูดอะไรให้เค้าได้รู้ว่าทำไมผมถึงไม่คิดจะกลับไปคบกับเค้าอีก แต่ผมว่าคงไม่จำเป็นที่ผมต้องอธิบายเหตุผลอะไรหรอก

“นี่ตี๊ฟกำลังล้อเราเล่นใช่ไหม”เหมือนเค้าจะยังพยายาม พูดให้ผมเห็นใจ แต่ผมกลับมองว่ามันคือการเสแสร้ง ผมได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธในสิ่งที่เค้าเอ่ยถามออกมา

“นี่ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไงกัน ก็ตี๊ฟบอกอยู่ว่าไม่มีทางจะไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว แล้วนี่ยังจะมาเสนอหน้าอยู่ทำไมอีก”ไอ้เชษฐ์ที่ยังกอดกระชับผมอยู่ พูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ส่งผ่านไปยังมาบ

“แล้วตี๊ฟจะได้รู้ว่าคิดผิดที่ทำกับเราแบบนี้”มาบพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังกลับไปอย่างคนที่กำลังโมโหอย่างรุนแรง

“ปล่อยได้แล้ว”ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของอีกคน  ไม่รู้ผมจะโล่งใจหรือทุกใจหนักกว่าเดิมดีที่ จะตัดมาบออกไปจากชีวิตได้ เพราะเหมือนมีอีกคนที่กำลังจะเกาะติดผมอีกคน ซึ่งผมเองยังไม่รู้เลยว่าตกลง ผมกับมันนี่มันเกินเลยกันมาได้ยังไงนะ

“ตอนนี้เราก็ไม่ต้องเป็นชู้กันแล้วใช่ไหม”แทนที่มันจะปล่อยผมตามที่ผมพยายามดิ้นรน แต่มันกลับอุ้มผมเข้าห้องนอนมันเฉยเลย

“มึงทำอะไรเนี่ย”ผมเริ่มโวยวายเมื่อถูกวางลงที่เตียงนอนในห้องของไอ้เชษฐ์โดยที่ตัวมันเองกำลังคร่อมมาบนตัวผม

“ก็มึงบอกให้กูกลับห้อง กูก็กลับห้องตัวเองแล้วนี่ไง อีกอย่างคราวนี้กูกับมึงไม่ต้องเป็นชู้แต่มาเป็นที่รักกันดีกว่า”ตกลงว่าผมคิดถูกแล้วเหรอที่ใช้มันเป็นตัวช่วยในการตัดมาบออกจากชีวิตผม

“กูไปเป็นชู้กับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่กันหือ”ผมพยายามจะผลักไอ้เชษฐ์ออกจากตัวแต่เหมือนเรี่ยวแรงผมไม่ค่อยจะมี เพราะพอริมฝีปากของอีกฝ่ายประทับลงที่ซอกคอ ผมก็แทบจะระทวยอยู่แล้ว

“เป็นชู้กันตอนไหนมันไม่สำคัญแล้วแหละ เพราะตอนนี้เราเป็นที่รักของกันและกันแล้ว”เอาเข้าไปนี่ตกลงว่าไอ้นี่มันคิดกับผมแบบนี้จริงๆ เหรอ แล้วนี่ผมแค่มีอะไรกับมันเพราะผมอยากรู้สึกว่าตัวเองยังมีค่ากับใครสักคนอยู่ หรือผมคิดอะไรเกินเลยกับมันไปแล้วนะ ถึงผมจะยังไม่แน่ใจแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันคงมาไกลกว่าที่ผมจะคิดเอาไว้แล้วละ




“อ้าวแบบนี้เกมระหว่างกูกับพวกมึงก็จบแล้วสิ”ไอ้การ์ดทำท่าทางเหมือนตื่นเต้นเสียเต็มประดา แต่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ เหมือนจะแซวๆ ผมเสียมากกว่า

“กูคงต้องยอมแพ้มึงแต่โดยดีว่ะ”ส่วนไอ้เชษฐ์ก็แลดูรับมุก กันเป็นอย่างดีเลยนะ

“กูอดสงสัยไม่ได้นะเนี่ย ว่าตอนแรกมึงเองก็ปฏิเสธเสียงแข็งเลยไม่ใช่เหรอว่ะไอ้เชษฐ์ว่ามึงเองจะเป็นฝ่ายชนะเกมนี้ แต่ไหงทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะว่ะ”ไอ้การ์ดเอ่ยถามเหมือนไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าใดนัก แถมเหมือนไม่ได้สนใจถามผมบ้างเลยเหรอว่า ผมยังไม่ได้ยอมแพ้ในเกมนี้เสียหน่อย

“คนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้ มึงก็น่าจะรู้”ไอ้เชษฐ์หันไปหัวเราะกับเพื่อนๆ อย่างอารมณ์ดี มีเพียงผมที่ไม่สู้จะสนุกกับบทสนทนาระหว่างเพื่อนๆ ตอนนี้เท่าไหร่

“แล้วกูจะเอาอะไรจากพวกมึงดีน้า ที่กูเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้”ไอ้การ์ดพูดลอยๆ กับไอ้เชษฐ์แต่สายตาหันมามองผม อย่างเย้ยๆ หน่อยๆ

“กูบอกมึงเหรอว่ากูเป็นฝ่ายแพ้ใจเกมนี้ มันยังไม่ครบ 45 วันไม่ใช่เหรอ และกูก็ยังยืนยันว่ากูต้องเป็นฝ่ายชนะเกมนี้แน่นอน”ผมเอ่ยสวนขึ้นบ้างหลังจากที่ปล่อยให้พวกมันคิดเองเออเองกันอยู่สักพัก ผมจำได้ว่าข้อตกลงของเกมนี้คือ ถ้าผมกับไอ้เชษฐ์รักกัน ไอ้การ์ดจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนี่นา เพราะถึงผมจะมีอะไรเกินเลยกับไอ้เชษฐ์ไปบ้างแล้วหรืออาจจะมากแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราสองคนรักกันนี่นา อีกอย่างเรื่องที่ผมกับไอ้เชษฐ์มีอะไรกัน พวกเพื่อนๆ ก็ยังไม่รู้ ไอ้เชษฐ์เองอาจจะทำไปเพราะกำลังนึกสนุกอะไรอยู่ ส่วนผมก็อย่างที่บอกว่าผมแค่อยากรู้สึกว่าตัวเองยังมีค่ากับใครอยู่บ้าง แล้วทำไมคนๆ นั้นต้องเป็นไอ้เชษฐ์ ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

“ทำไมที่รักพูดแบบนี้ล่ะ ยอมแพ้ไอ้การ์ดมันไปเหอะ เรื่องแบบนี้แม้จะเสียฟอร์มแต่มันก็คุ้มนะ ที่เราสองคนจะได้รักกันอย่างเปิดเผย ไม้ต้องปกปิดเพื่อนๆ หรอก”ดูมันเถอะครับ ใครใช้ให้มาพูดเป็นนัยๆ แบบนี้ต่อหน้าเพื่อนๆ กัน แล้วยิ่งไอ้การ์ดก็เซ้นต์ดีเหลือเกิน

“นั่นแน่ อย่าบอกนะว่าพวกมึง จั๊ด จ๊า ด๊า ด๊า กันไปเรียบร้อยแล้วหือ ไอ้ตี๊ฟ ยอมรับมาเสียดีๆ อย่ามาทำเขินอาย เพื่อนกันทั้งนั้น”มันน่าเอามาพูดไหมล่ะเรื่องแบบนี้ ผมไม่รู้จะโกรธหรืออายกับคำพูดของเพื่อนๆ พวกนี้ดี ทั้งสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา แถมยังแหกปากตะโกนโหวกเหวกโวยวายเสียคนอื่นเค้าไม่ต้องแอบฟังก็รู้เรื่องหมดแล้วมั้งนั่นนะ

“พอได้แล้ว...ก็กูบอกแล้วไงว่ากูจะไม่มีทางแพ้ในเกมนี้เด็ดขาด”พูดจบผมก็ตีสีหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจพวกเพื่อนๆ ทั้งที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็มันเขินนี่หว่าเล่นเอาเรื่องผมมาพูดกันแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกมันพูดมันเริ่มมีเค้าความจริงขึ้นมานี่สิ อย่างเรื่องบนเตียงของผมกับไอ้เชษฐ์ ถ้าเมื่อก่อนผมก็จะไม่ถือสาเพราะมันไม่มีทางจะเป็นไปได้ แต่มาตอนนี้พอมีใครพูดขึ้นมา ภาพความเป็นจริงที่ผมเพิ่งผ่านเรื่องนั้นกับไอ้เชษฐ์มาก็ผุดขึ้นมาในหัวผม ให้เห็นภาพชัดเจนเสียเหลือเกิน

“จะไปไหนเหรอ”ไอ้เชษฐ์วิ่งตามผมที่กำลังเดินออกจากกลุ่มเพื่อนๆ เพราะไม่อยากอยู่ฟังคำพูดจาช่วยเร่งปฏิกิริยา ระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์ให้รีบทำการหลวมรวมกันสักที

“ไปห้องน้ำ”ผมตอบอย่างขอไปทีและก้าวเดินต่อโดยไม่รอไอ้เชษฐ์เพราะยิ่งมันตามผม พวกเพื่อนๆ ก็จะยิ่งมีคำพูดมาแซวผมยิ่งขึ้นไปอีก

“นี่ที่ห้องยังไม่พออีกเหรอตี๊ฟ ถึงต้องมาชวนกูเข้าห้องน้ำอีกเนี่ย”ไอ้คนที่เดินตามผมมาพูดพร้อมยิ้มแป้น ไม่ได้รู้สึกกระดากปากในคำพูดของตัวเองสักนิด ผมหันมองหน้ามันอย่างเคืองๆ ก่อนจะรีบเดินตรงไปยังห้องน้ำ

“ประโยคไหนที่กูชวนมึงมาด้วยหือ”ผมไม่เห็นว่าคำพูดของผมจะหมายความอย่างนั้นสักนิดเดียว ในสมองผมยังไม่ได้คิดถึงเรื่องแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว แต่ไอ้คนที่เดินตามผมมานี่ช่างเข้าใจคิดเหลือเกิน

“ก็นึกว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ”พอมันพูดจบก็เป็นจังหว่ะที่มันดันผมเข้าให้ห้องน้ำพอดี ดีนะที่ผมไม่ได้จะเข้ามาทำธุระหนักเบาในห้องน้ำจริงๆ เพราะถ้าผมจะต้องเข้าห้องน้ำจริงๆ แล้วมีคนเบียดเข้ามาในที่แคบๆ นี่ด้วย ผมแทบไม่อยากจะคิดว่าผมคงปลดทุกข์ไม่ได้แน่ๆ

“มึงจะเข้ามาทำไมออกไป”ผมรีบดันให้ไอ้เชษฐ์ออกจากห้องแคบๆ นี่และพยายามจะเปิดประตู แต่ดูจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่

“กูรู้น่าว่ามึงไม่ได้จะมาใช้ห้องน้ำจริงๆ ตอนนี้ถึงมึงไม่อยากเปลี่ยนบรรยากกาศ แต่กูอยากลองแบบนี้ดูบ้าง”



แวะมาส่งตอนใหม่ อิอิ

Merry X'Mas ทุกคนด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 25-12-2014 08:07:57
Merry Christmas  ค่ะ     เชษฏ์นี่รุกไม่ยั้งเลยนะ ใช่ว่าคนอ่านจะบ่น

ยังไงก็ขอมห้ขบแบบหวานๆนะ อย่าทำร้ายจิตใจตนอ่านเล๊ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-12-2014 08:51:06
Merry X'Mas คนแต่งเหมือนกันค่าาาาาา :L2:
พี่เชษฐ์นี่พอได้ละก็เอาใหญ่เลยนะ
ถนอมพี่ติ๊ฟหน่อยยยย
แล้วเอาเค้าทุกวันเนี่ย บอกว่ารักให้ชื่นใจหน่อยสิ!!! :m16:
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 25-12-2014 09:08:37
เชษฐ์สุดยอดมาก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-12-2014 09:31:59
เชษฐ์นายหื่นไปนะ
ถนอมๆตี๊ฟบ้าง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-12-2014 10:46:00
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 25-12-2014 10:47:47
ตี๊ฟยังดูลังเลยังไงเชษฐ์รักตี๊ฟจริงต้องพยายามหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-12-2014 12:10:52
เชษฐ์ขี้หื่นอ่ะ~  :pighaun: ไม่ยอมบอกรัก งี้ตี๊ฟก็ไม่เชื่อสักทีดิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 25-12-2014 16:14:13
หื่นมากเชษฐ์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-12-2014 19:46:43
โอ๊ยยยยยยยยย สุดยอดดดดดดด
เชรษฐ์หื่นมากกกกกก ชอบ อิอิ
เดี่ยวกลายร่างเป็นจิ้งจกเกาะของประตูก่อน
แบบว่าสงสัยในตัวมาบ จะมาซุ้มทำร้ายปะเนี่ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 26-12-2014 00:47:48
มักมากในกามนะน้องหนูเชษ เหมือนคนอ่านเบย ครึครึ :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-12-2014 03:58:43
แล้วตอนแรกบอกเกลียดเกย์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 26-12-2014 06:24:50
 :hao6: :hao6: :hao6: จัดเรยๆๆๆ ตอนหน้าต้องหวานน้ำตาลขึ้นจอแง่มๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 20 [25-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 26-12-2014 07:57:20
วันที่ 21

“กูว่าเราย้ายมานอนห้องเดียวกันดีกว่านะตี๊ฟนะ เราจะได้มีอะไรหนุกๆ ทำกัน เมื่อวานกูอุตส่าห์ปล่อยมึงออกจากห้องน้ำ เพราะมึงบอกว่าให้กลับมาทำที่ห้องแทน แต่มึงก็เบี้ยวกูนะ ถือว่าตอนนี้มึงติดกูอยู่นะ”รู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตผมจะไม่ค่อยอยู่รอดปลอดภัยสักเท่าไหร่เสียแล้วเพราะไอ้เชษฐ์นี่ พอผมปล่อยตัวไปกับมันในครั้งแรก มันก็จะวนเวียนชวนแต่ผมทำแบบนั้นอีกอยู่นั้นแหละ

“มึงลืมไปหรือเปล่าว่าเรามาอยู่ด้วยกันแบบนี้เพราะอะไร”ผมใช้มือยันไอ้เชษฐ์ไว้เป็นการปรามเล็กน้อยไม่ให้เข้ามาประชิดตัวผมมากนัก เพราะมันเล่นเตรียมตัวพร้อมจู่โจมผมแทบจะทุกฝีก้าว

“กูมันความจำสั้น จำไม่ค่อยได้หรอก มึงช่วยทบทวนให้กูฟังหน่อยสิ เอาแบบเป็นทางการในห้องกูก็ได้ หรือจะในห้องมึงดี เอะหรือจะในห้องน้ำก็ได้ เมื่อวานยังไม่ได้ลองเลย”แบบนี้เค้าเรียกหื่นหรือเปล่าครับ หื่นแบบไม่รู้เวล่ำเวลา หื่นไม่ดูกาลเทศะเลย

“กูง่วง จะอาบน้ำนอนแล้ว ไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับมึงหรอกนะ จะทำอะไรก็ทำไป”ผมลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่เดินเข้าห้อง เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำนอน และเพื่อจะปลีกตัวจากไอ้เชษฐ์ด้วยเพราะรู้สึกยังไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่กับการที่ไปมีอะไรเกินเลยกับเพื่อนตัวเองแบบนี้ ผมยังคงคิดไม่ตกว่าผมจะทำยังไงกับความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษฐ์ต่อไปดี

“ตี๊ฟเปิดประตูหน่อย”หลังจากที่ผมเข้าห้องมาได้สักพัก ยังไม่ทันจะได้เข้าห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ เสียงของไอ้คนที่อยู่ด้านนอกก็มาเคาะประตูห้องผมซะดังลั่น ทำเสียงเสียเหมือนกับว่ากำลังตื่นตกใจเป็นอย่างมาก

“มีอะไร”ผมเปิดประตูห้องออกมามองหน้าไอ้คนที่ทุบประตูห้องผม ก็พบกับรอยยิ้มของไอ้เชษฐ์แต่มันดูช่างเป็นรอยยิ้มที่ออกจะเจ้าเล่ห์ไปหน่อยมั้ง

“กูว่าจะอาบน้ำแต่ ห้องน้ำข้างนอกนี่น้ำมันไม่ไหล ห้อง น้ำในห้องมึงน้ำไหลเปล่า”ผมขมวดคิ้วอย่างระมัดระวังเพราะตอนนี้ต้องระแวดระวังไว้ให้มาก ไม่รู้ว่าไอ้คนตรงหน้านี่จะเอาไม้ไหนมาใช้กับผมบ้าง

“เดี๋ยวดูก่อนนะ”ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าน้ำในห้องน้ำห้องผมมันไหลหรือเปล่า เลยต้องเดินกลับเข้าห้องไปยังส่วนที่เป็นห้องน้ำ และลองเปิดน้ำดูก็ปรากฏว่าน้ำมันก็ยังไหลปกตินี่นา แล้วน้ำในห้องน้ำอีกห้องที่ไอ้เชษฐ์พูดถึงมันจะไม่ไหลได้ยังไงกันในเมื่อมันก็คือท่อประปาที่ต่อมาจากที่เดียวกัน

“ห้องมึงน้ำไหล พอดีเลยงั้นกูมาอาบน้ำห้องมึงนะ”ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร ไอ้เชษฐ์ก็พูดเองเออเองเสร็จสรรพ

“เดี๋ยวก่อน”ผมรีบทักท้วงเพราะชักเริ่มคิดว่ามันน่าจะมีอะไรผิดปกติเสียแล้ว ไอ้ตัวดีไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่หันหน้ามามองผมแบบประมาณว่า มีปัญหาอะไรอีก

“ไหนพากูไปดูซิว่าห้องน้ำอีกห้องน้ำไม่ไหลจริงหรือเปล่า”เรื่องอะไรผมจะยอมตกหลุมพรางมันง่ายๆ ละครับ ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้เชษฐ์มันคิดยังไง แล้วถ้าถามว่าผมเองคิดเหมือนที่มันคิดหรือเปล่า ผมก็ตอบเลยว่าเรื่องความสัมพันธ์ทางกาย ผมเองก็มีความต้องการเหมือนกันแต่ทว่า เราจะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นเพียงเพราะเพื่อบำบัดความใคร่ของกันและกันเท่านั้นหรือ มันควรจะเป็นอย่างนั้นไปโดยไม่ต้องคิดอะไร หรือว่าเราควรจะพยายามหยุดเรื่องนี้เสียดีกว่า ตอนนี้ผมไม่ได้คิดแค่ว่าเรื่องนี้มันคือเกมที่ผมพนันกับเพื่อน แต่ตอนนี้มันคือเดิมพันที่ผมจะต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาในวันข้างหน้า

“นี่ไงดูดิ ไม่มีน้ำสักหยด”ไอ้เชษฐ็เปิดน้ำโชว์ให้ผมดูว่าน้ำในห้องที่มันใช้ประจำ ไม่มี น้ำเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากว่า ทั้งๆที่ห้องผมซึ่งต่อท่อประปามาจากที่เดียวกัน น้ำไหลแต่ห้องนี้น้ำดันไม่ไหล หรือว่าห้องนี้เกิดท่อตัน หรือไอ้เชษฐ์จงใจทำอะไรสักอย่างให้มันไม่ไหล หรือว่าผมเองที่คิดมากเกินไป

“ตกลงกูอาบน้ำห้องมึงได้ยัง”คนถามยิ้มจนเห็นฟันแทบจะครบ 32 ซี่ ผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะใจดำขนาดทนเห็นเพื่อน ทำตัวซกมก ไม่ได้อาบน้ำอาบท่า แม้จะยังคลางแคลงใจแต่ก็ต้องยอมทำตามคำขอของไอ้ตัวดีจนได้

“มึงอาบก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูอาบทีหลังก็ได้”ผมเอ่ยปากบอกเมื่อเห็นว่าอีกคนเตรียมตัวมาพร้อมเหลือเกินกับชุดผ้าขนหนูผืนเดียวพันกายในชุดพร้อมสละผ้าเต็มที่ ส่วนผมยังไม่ได้เตรียมพร้อมจะอาบขนาดนั้นเลยต้องให้อีกคนอาบก่อนเลยแล้วกัน

“อาบพร้อมกันก็ได้เดี๋ยวกูถูหลังให้”นั่นไงล่ะ ผมว่าไอ้นี่มันต้องวางแผนมาแล้วแน่ๆ ผมว่ามันต้องทำอะไรสักอย่างให้น้ำในห้องนั้นไม่ไหลแน่ๆ แต่ในเมื่อผมยังไม่มีหลักฐานก็คงจะต้องปล่อยเลยตามเลย แต่แค่ปล่อยให้มันมาอาบน้ำนะ ไม่ใช่ว่าปล่อยเลยถึงขั้นต้องเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน มันก็ไม่ใช่ที่สักเท่าไหร่

“อย่ามาลุกเล่นหน่อยเลย จะอาบก็รีบไปอาบแล้วก็กลับห้องไปเลย”ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจกับท่าทีของไอ้เชษฐ์ที่พูดไปแล้วก็จะปลดผ้าขนหนูไป เหมือนกำลังจะยั่วผมยังไงยังงั้น ไอ้นี่นิแถมดูเหมือนว่ามันจะทำได้ผลเสียด้วยซิ เพราะผมดันเกิดมีความรู้สึกหวิวๆ ไปกับการกระทำของมันเสียแล้ว แต่ผมจะไม่ยอมให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลเด็ดขาด ผมต้องพยายามข่มอารมณ์ไว้ภายใน เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลังกับการกระทำของเราทั้งคู่ในวันนี้ แม้ว่าความจริง มันก็คงสายไปแล้วล่ะ เพราะความสัมพันธ์ที่มันเกินเลยไปแล้วของเราสองคน จะแกล้งทำเป็นลืมว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นก็คงจะไม่ได้

“กูถามจริงๆนะ”ไอ้เชษฐ์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อะไรของมึงอีก”ผมได้แต่หันหน้าหลบสายตาของอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าจะแสดงอาการอะไรที่เกินเลยออกไป

“มึงไม่รู้สึกเหมือนที่กูรู้สึกบ้างเลยเหรอ”แม้จะพอเดาได้ว่าคำถามนี้มันหมายความว่าอย่างไร แต่ผมก็แกล้งตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าไอ้เชษฐ์กำลังหมายถึงอะไร

“กูจะรู้ไหมเนี่ยว่าตอนนี้มึงรู้สึกอะไรอยู่”ผมทำเหมือนกำลังรำคาญกับการอ้อยอิ่งไม่ยอมไปอาบน้ำให้เสร็จเสียที่ของอีกฝ่าย แต่พ่อตัวดีกลับเหมือนไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของผม มันยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับเดินเข้ามาหาผม ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และมาหยุดยืนที่ตรงหน้าผม ใบหน้านั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะมีเสียงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูผม

“กูกำลังต้องการมึง”พร้อมกับรสจูบที่เร่าร้อน ที่ผมพยายามจะต่อต้าน แต่เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ ผมรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังร่วงลงพื้น ใช่แล้วมันไม่ใช่สิ่งอื่นใดมันคือผ้าพันกายไอ้เชษฐ์นั่นเอง แสดงว่าตอนนี้มันก็ต้องอยู่ในสภาพที่...

“มึงไปอาบน้ำเถอะ”ผมผลักให้มันถอยห่างออกจากตัวผมโดยที่ผมยังต้องคอยเบือนหน้าหนีจากมัน เพราะรู้ว่าตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่หมิ่นเหม่เหลือเกิน

“มึงไม่เชื่อเหรอว่าตอนนี้กูกำลังต้องการมึง”มือของผมถูกไอ้เชษฐ์เกาะกุมไว้ก่อนที่มันจะลากมือของผมผ่านแผงอกของมันต่ำลงเรื่อยๆ ผ่านหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อแน่นเปรี๊ยะ ต่ำลงเรื่อยๆ ก่อนจะพามือของผมไปเกาะกุมบางอย่างไว้ บางอย่างที่กำลังตื่นตัว และร้อนรุ่มเหมือนกำลังเตรียมพร้อมจะแผดเผาทุกสิ่ง

“อย่าทำแบบนี้”ผมพยายามเบือนหน้าหนีและพยายามปฏิเสธสิ่งที่ไอ้เชษฐ์กำลังหยิบยื่นมาให้ แม้ในใจจะต้องการแต่ความรู้สึกอีกด้านก็บอกให้ผมปฏิเสธ

“มองหน้ากูซิตี๊ฟ มองหน้ากู แล้วบอกกูว่ามึงไม่ต้องการกู”ใบหน้าของผมค่อยๆ หันช้าๆให้มาสบตากับไอ้เชษฐ์แต่ไม่ใช่เพราะผมหันเอง แต่เพราะสองมือของคนตรงหน้านี่ต่างหากที่ประคองใบหน้าผมให้หันเข้าหาตัวเค้า

“พูดซิ ว่ามึงไม่ต้องการกู”แววตาที่จ้องมองมาแสดงออกชัดเจนว่ากำลังต้องการในตัวผมมากเพียงใด แถมมือผมก็ยังเกาะกุมส่วนเบื้องล่างของคนเบื้องหน้าไว้อยู่ แล้วแบบนี้ผมจะพูดออกไปได้อย่างไรกัน ก็มันเล่นต้อนผมเสียทุกทางขนาดนี้

ริมฝีปากได้รูปนั้นค่อยๆ บดขยี้ลงมาที่ริมฝีปากของผม เร่าร้อน รุนแรง แต่มันก็แฝงไว้ด้วยรสที่สร้างความต้องการเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงตอนนี้เหมือนผมจะหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้อีกว่าจะหาข้อโต้แย้งใดมาขัดขวางตัวเองอีกต่อไป

ผมไม่รู้ว่าผมและไอ้เชษฐ์เข้ามาในห้องน้ำได้อย่างไร แต่เมื่อรู้ตัวอีกที ผมก็ถูกดันให้ชิดกับผนังของห้องน้ำเสียแล้ว เสื้อผ้าของผมค่อยๆ ถูกถอดออกทีละชิ้น จนหมด ส่วนของไอ้ตัวดีนั่นไม่ต้องพูดถึงก็มันแกล้งทำหลุดไปแล้วตั้งแต่ตอนจงใจจะยั่วผมนั่นแหละ ไหล่ผมถูกกดให้ต่ำลงเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับต่ำกว่าเอวของคู่กรณีเล็กน้อย ไม่ต้องบอกต่อผมเองก็เป็นงานอยู่ว่าจะต้องทำ  อะไรต่อไป  สิ่งที่เจ้าตัวลากมือผมไปจับในครั้งแรก ถูกผมค่อยๆ บรรจงเล็มเลียก่อนจะกลืนกินมันเข้าไปทีละนิดจนสุด

“อ๊า...”หนึ่งเสียงครางออกมาด้วยเสียงกระเซ่า สองมือของเค้าเกาะกุมที่ศีรษะผมไว้เหมือนจะคอยบังคับจังหว่ะให้เป็นไปตามที่เจ้าตัวต้องการ จนผ่านไปสักระยะร่างผมถูกฉุดขึ้นไปประกบปากจูบอีกครั้ง ก่อนผมจะถูกจับพลิกตัวหันเข้าหาผนังห้องน้ำ

“พร้อมนะ”เสียงกระซิบถามแตกพร่า แล้วจะให้ผมตอบว่าอย่างไรเล่า จะให้ตอบว่าไม่พร้อมแล้วหยุกตอนนี้หรือ ผมก็ทำแค่เพียงพยักหน้ารับน้อยๆ ทั้งๆที่เกมในวันนี้ อีกฝ่ายยังไม่ได้กระทำการใดให้ผมเลยนอกจากรสจูบอันเร่าร้อน

“เบาๆ ก่อน”ผมได้แต่เอามือดันไปด้านหลังให้อีกฝ่ายชะลอสักหน่อย เมื่อรับรู้ได้ว่ากำลังมีสิ่งอื่นเข้ามาในร่างกายของผม

“เห็นไหม ถ้าทำบ่อยๆ มันก็คงจะชินกว่านี้”ผมต้องหันหน้ากลับไปตีแขนคนพูดเบาๆ ที่ทำมาเป็นพูดเล่นแบบนี้ในเวลาอย่างนี้อีก เราสองคนส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ ปนกับเสียงหอบ ก่อนที่สองกายของเราจะประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไอ้เชษฐ์ขยับกายเป็นจังหว่ะสอดประสานเข้ามาในตัวผม เร่าร้อน เนิ่นนานกว่าที่เกมของเราสองคนจะสิ้นสุดลง




“ไม่อาบน้ำเหรอ”เสียงคนที่โอบกอดผมไว้ในอ้อมอกเอ่ยถาม ผมที่ยังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดนั้น ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าผมทำมันลงไปอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ทำไมผมปล่อยให้อารมณ์มันพาไปอีกแล้วเนี่ย

“อาบไม่ไหว”ผมตอบโดยยังอยู่ในท่าเดิม เพราะตอนนี้เรี่ยวแรงแทบจะหายไปหมดเสียแล้ว เพราะกว่าที่ไอ้คนที่กอดผมอยู่จะสงบลงได้ ก็เล่นเอาผมมีสภาพอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้แหละครับ

“งั้นเดี๋ยวอาบให้”พูดจบร่างผมก็ถูกอุ้มลงอ่างอาบน้ำในแทบจะทันที เล่นเอาผมตั้งตัวเกือบไม่ทัน

“นี่..เชษฐ์”ผมเรียกชื่อคนที่กำลังถูหลังให้ผมเบาๆ แต่มันก็ทำให้เจ้าของชื่อหยุดการกระทำและรอฟังว่าผมจะพูดอะไรต่อ

“ว่าไงเหรอ”สองมือโอบเอวผมมาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงกระซิบที่ข้างหู

“ถ้าตอนแรกที่มึงให้กูบอกว่ากูไม่ต้องการมึง แล้วมึงจะหยุด มึงจะทำงั้นจริงหรือเปล่า”ไม่รู้อะไรทำให้ผมถามอะไรแบบนั้นออกไป ทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นและเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ผมยังจะถามอีกทำไมผมเองยังรู้เลย แต่ไอ้ผมมันก็แค่สงสัย ว่าที่มันให้ผมสบตามองหน้ามันแล้วพูดออกไปว่าผมไม่ต้องการมัน แล้วมันจะหยุด ผมก็แค่อยากรู้ว่าถ้าผมพูดจริงๆ แล้วมันจะหยุดจริงๆไหมแค่นั้นแหละ

“ไม่หยุดหรอก”อ้าวไอ้นี่ไม่รักษาคำพูดนี่หว่า

“แล้วมึงจะทำยังไงในเมื่อกูปฏิเสธ”ผมยังถามต่ออย่างนึกสนุก

“กูก็จะปล้ำมึง ไม่เห็นยากเลย”น้ำเสียงระรื่นลอยหน้าลอยตาตอบเหลือเกิน

“เชี่ย หัดเป็นคนรักษาคำพูดหน่อยก็ดีนะ”ผมตอบกลับในเชิงตำหนิหน่อยๆ

“แหมก็กูรู้ว่ายังไงมึงเองก็ต้องการกูเหมือนกันแหละน่า ไม่งั้นเราสองคนจะมาถูหลังให้กันอยู่แบบนี้เหรอ”นั่นสินะ แล้วผมจะมาถามมันเรื่องนี้ทำไมกัน

“แล้วตกลงมึงคิดยังไงกับกู”แต่ผมว่าคำถามนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากจะรู้คำตอบมากที่สุด


แวะมาต่อครับ

นับวันเชษฐ์ยิ่งแสดงความหื่นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ  o13 o13

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 26-12-2014 09:04:28
หื่นสุดยอด ลางแพ้ทางมาเห็นๆ ไม่ได้บ่นนะ  :hao6: หนับหนุนเต็มที่

กลัวอย่างเดียวว่าความหึ่นจะคงอยู่ถึงแค่ 45 วันเท่านั้น บอกแล้วว่ากำลังพารานอยด์แบบสุดๆ แล้วติ๊ฟจะไม่รู้สึกถึงความไม่แน่นอนนี้

บ้างเชียวหรือ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 26-12-2014 09:07:38
นับวันยิ่งเจ้าเล่ห์และขี้หื่นมากเลยนะเชษฐ์เนี่ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 26-12-2014 09:10:46
ไม่รู้สิชักไม่ชอบเชษฐ์ละ คือแสดงออกมากจริง แต่ไม่ชัดเจนว่าคิดยังไงกันแน่ นอกจากต้องการเอาเค้า ยิ่งอ่านยิ่งสงสารติ๊ฟ เชษฐ์เหมือนไม่สนใจความรู้สึกติ๊ฟเลย ดีระที่ติ๊ฟถามคำถามก่ินจบตอนนั่น รอคำตอบเชษฐ์เลย ถ้าทำปากแข็ง ไม่บอกชอบบอกรักบอกตามความรู้สึกจริงๆ ละก็...... :z6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-12-2014 09:28:24
เชษฐ์ทั้งหื่น ทั้งเจ้าเล่ห์
แถมหน้าด้านอีกต่างหาก 555
มาลุ้นดีกว่าว่าถ้าเชษฐ์ตอบอะไรไป
ตี๊ฟจะเชื่อหรือตะระแวงหนักขึ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 26-12-2014 09:32:54
คนเขียนตัดให้ค้างงงงอีกแล้วววววว 555 :ling1: :ling1: :ling1:

เชษฐ์อย่าเอาแต่หื่นนะต้องแสดงความรักโดยการกระทำและคำพูดด้วยเดี๋ยวตี๊ฟไม่แน่ใจนะสงสารตี๊ฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 26-12-2014 10:08:25
 :hao6: :hao7: :hao6: ถ้าจะหื่นขนาดนี้~ ขอตายแปบ  :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-12-2014 10:17:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 26-12-2014 10:42:08
ทำตัวให้น่าระแวงเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-12-2014 10:52:56
สงสารติ๊ฟ เพราะดูๆ แล้วเชษฐ์มันไม่ชัดเจน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 26-12-2014 15:38:44
น่ารักอ่า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-12-2014 20:27:45
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย :a5:
ค้างที่คำถามไคล์แมกซ์เลยยยยยยยยยยยยยยยย :z3:
ตอบดีๆนะพี่เชษฐ์ ตอบไม่ดีมีเฮแน่!! :m16:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarch krub ที่ 26-12-2014 20:43:30
ทั้งหมดคือแผนรวมหัวรวบหางของเชษสินะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 26-12-2014 21:13:54
ตอนนี้เชดได้ใจอ่ะ
หื่นปนน่ารักเจ้าเล่ห์ ชอบๆๆๆอิอิ
รอฟังคำตอบ ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 26-12-2014 21:44:35
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: หลังจาก45วัน คงต้องไปทำรีแพร์แล้วล่ะ ตี้ฟ  :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 26-12-2014 22:13:21
สงสารติ๊ฟ เหมือนโดนหลอกฟันไงไม่รู้ เชษฐ์คือแบบท่าทีเปลี่ยนงี้เพราะติดใจเฉยๆอะ จะได้เสียใจอีกรอบรึเปล่าเนี่ยติ๊ฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-12-2014 22:41:37
เหลืออีก 20 กว่าวัน คงจะมีดราม่าครั้งใหญ่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 27-12-2014 03:16:38
อยากรู้ว่าเชษรักชอบติ๊ฟจริงๆ หรือลองของแปลกใหม่ ถ้าเดาทางง่ายๆ จบสวยนี่คือแอบชอบมานานละ
เพื่นทุกคนรู้เห็นหมดโดยเฉพาะการ์ด เลยจัดเกมให้เพื่อนใกล้ชิดกัน แต่ถ้าไม่นี่แบบ...งานนี่มอหน้ากันไม่ติดอ่ะ
เพราะเชษถ้าชอบมานานน่าจะเข้าหาเร็วกว่านี้ ลุ้นๆ ว่าจะเป็นอย่างไหน แต่เชื่อแน่ว่ามาม่าข้างหน้ายังมี
รออ่านอยู่นะค้าาา  :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-12-2014 09:51:04
มานั่งรอแล้วน่ะเออ แบบว่าว่าง อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 28-12-2014 17:32:04
วันที่ 22

“แล้วตกลงมึงคิดยังไงกับกู”แต่ผมว่าคำถามนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากจะรู้คำตอบมากที่สุด

“แล้วมึงล่ะคิดยังไงกับกู”แทนที่คนถูกถามจะตอบ แต่กลับมาย้อนผมเสียอย่างงั้น แค่มันตอบออกมาให้ผมรู้นี่มันยากมากนักหรือไง ทำไมจะต้องมาโยกโย้ ย้อนผมแบบนี้

แต่ถ้าลองคิดในอีกแง่ กับคำถามที่มันย้อนกลับมาถามผม ผมเองก็ยังตอบไม่ได้เต็มปากเหมือนกันนั่นแหละว่า ผมเองคิดกับมันยังไง ผมยังคิดกับมันแค่เพื่อนเหมือนเดิม หรือว่าความรู้สึกผมมันได้เปลี่ยนไปแล้วกันแน่

“งั้นก็ช่างมันเหอะ”ในเมื่อผมเองก็ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้เหมือนกัน แล้วตัวมันเองก็อาจจะกำลังอยู่ในอาการที่สับสนอยู่เหมือนกัน เพราะเรื่องราวระหว่างเรามันเกิดขึ้นเร็วเกินไปอย่างที่ไม่ควรจะเป็น





“หน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นอะไรว่ะไอ้ตี๊ฟ”เสียงของไอ้การ์ดทำให้ความคิดผมสะดุด กับเรื่องราวที่ผมคิดว่าจะไม่ใส่ใจแล้วแต่มันกลับยังมามีอิทธิพลต่อความคิดของผมเหลือเกิน ผมยังคิดไม่ตกว่าผมเองคิดยังไงกับไอ้เชษฐ์อยู่ในตอนนี้ และก็ยังอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับผม

“เปล่า ไม่มีไร”ผมตอบเพื่อนออกไปผ่านๆ อย่างขอไปที แต่มีหรือเพื่อนตัวดีอย่างไอ้การ์ดจะยอมรับคำตอบเพียงแค่นั้นของผม

“ไม่ดีๆ ปกปิดเพื่อนแบบนี้ ไม่ดีเลย มีอะไรหนักอกหนักใจปรึกษาพี่การ์ดได้ทุกเรื่องเลยครับน้อง”ไอ้การ์ดทำท่าคุยโว เหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญรับปรึกษาปัญหาทุกเรื่องอย่างนั้นแหละ

“ทุกเรื่องจริงนะ”ผมปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มเมื่อคิดเรื่องจะกวนประสาทมันได้

“แน่นอนอยู่แล้ว”ตอบรับอย่างมั่นอกมั่นใจเลยครับ

“กูก็แค่กำลังคิดไม่ตกว่าจริงๆ แล้วมึงเป็นเกย์เหมือนกูหรือเปล่า ถึงไม่เห็นมึงจีบหญิงอย่างคนอื่นเค้าบ้าง”ผมพูดพร้อมกลั้นหัวเราะที่เห็นไอ้การ์ดตั้งใจฟังคำถามของผม แต่มันฟังผมจบ มันก็เตรียมจะฟาดฝ่ามือใส่กระหม่อมบางๆ ของผม

“ไอ้เชี่ย อย่างกูเป็นเกย์คงเสียสถาบันเกย์หมด ที่กูยังไม่ยอมมีแฟนเพราะมันยังไม่ถึงเวลาต่างหาก”

“เวลาอะไรว่ะ”ผมถามอย่างสงสัยว่าการที่มันจะเริ่มคบใครสักคนนี่มันต้องรอเวลาด้วยเหรอ มันต้องรอฤกษ์งามยามดีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอนี่ ผมหันไปรอฟังคำตอบจากไอ้การ์ดด้วยความสงสัยใคร่รู้เต็มที่

“ก็เวลาที่คนทั้งประเทศจะได้รับรู้ว่าไอ้การ์ดคนนี้แหละ คือแฟนตัวจริงของ อั้ม พัชราภา”สิ้นเสียงมันผมแทบอยากจะถีบให้มันกระเด็นตกคลองข้างถนนเสียจริง ไอ้เราก็อุตส่าห์นึกว่าจะมีอะไรเป็นการเป็นงาน ที่ไหนได้มาเล่นมุกฮากริบเสียได้

“เลิกพูดจาไร้สาระ แล้วไปหาไรกินดีกว่าว่ะ”ผมเดินเข้าไปตบไหล่ ไอ้คนฝันกลางวันเบาๆ ให้มันตื่นเสียที กับไอ้ความฝันบ้าๆ ของมัน ไม่รู้มันจะคลั่งไคล้อะไรเค้านักหนา ก็รู้หรอกว่ามันชอบอั้ม แต่มุกนี้ผมเห็นมันเล่นหลายทีแล้วนี่สิ

“นี่มึงไม่เชื่อกูเหรอ คอยดูวันที่กูเปิดตัวแฟนแล้วกัน มึงจะต้องเซอร์ไพรส์”ยังไม่เลิกครับ แต่มันก็เดินกอดคอผม ตรงไปยังโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยแต่โดยดี

“จะไปไหนกัน”เสียงเรียกจากเบื้องหลัง ของผมกับไอ้การ์ดทำให้เราทั้งคู่ต้องหันกลับไปมอง ไอ้เชษฐ์นั่นเองที่ยืนทำหน้าบูดยังกะอะไรอยู่ด้านหลังผมกับไอ้เชษฐ์

“ไปหาอะไรแดรก ไปด้วยกันไหมมึง”ไอ้การ์ดยักไหล่ตอบพร้อมกับเอ่ยชวนอย่างกวนๆ ตามสไตล์

“กูขอคุยกับไอ้ตี๊ฟก่อนได้ไหม”น้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่บอกผมกับไอ้การ์ด ที่หันมองหน้ากันอย่างงงๆ ว่ามันเป็นอะไรของมัน

“กูเหรอ”ผมเอามือชี้ที่ตัวเองก่อนจะหันมองไอ้การ์ดเป็นเชิงถาม อย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ

“อ้าวกะนั่นแฟนมึง มันก็ต้องคุยกับมึงสิ คงไม่ใช่กูอยู่แล้ว”ผมกำลังจะเอ่ยปากเถียงว่าผมยังไม่ได้เป็นแฟนกับใครทั้งนั้นในตอนนี้ แต่ไอ้การ์ดก็รีบขัดผมเสียก่อน

“ไปๆ จะไปคุยไปเคลียร์หรืออะไรกันก็ไป เดี๋ยวกูล่วงหน้าไปก่อน รีบตามมาแล้วกัน”โดยไม่รอความเห็นจากผมมันก็ปรี่ล่วงหน้าไปลิบๆ

“มีไร”เมื่ออีกฝ่ายที่รั้งผมไว้ไม่ยอมพูดยอมจาว่ามีอะไร ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายเปิดประเด็นก่อน เพราะอยากจะรีบๆ คุย รีบๆ ตามไปสมทบกับไอ้การ์ดจะดีกว่าการที่ต้องอยู่กันเพียงลำพัง แค่ที่ห้องก็ชักจะตัวติดกันเกินไปอยู่แล้ว อยู่ที่มหา’ลัยคงไม่ต้องมาตามติดกันแจมากก็ได้หรอกมั้ง

“ตะกี้ทำอะไรกัน”น้ำเสียงยังคงแสดงถึงความไม่พอใจอยู่เหมือนเดิม จนผมชักจะฉุนๆ ที่อยู่ดีๆ มาอารมณ์ไม่ดีใส่ผมแบบนี้

“ทำอะไร”ผมถามคืนอย่างยอกย้อน แต่ไม่ได้ตั้งใจจะกวนนะครับ แค่ไม่รู้จริงๆ ว่าตกลงมันถามผมเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันแน่

“ก็...ทำไมต้องไปกอดคอกับไอ้การ์ดแบบนั้นด้วย”อะไรนะ อย่าบอกนะว่าที่มันมีอาการไม่พอใจนี่คือ ไม่พอใจที่เห็นผมกอดคอกับไอ้การ์ดอย่างนั้นหรือ

“แล้วยังไง”ผมยังคงไม่เข้าใจว่า ไอ้การกระทำของผมกับไอ้การ์ดมันทำให้ไอ้เชษฐ์เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาได้ยังไงกัน ก็ปกติผมก็เฮฮากอดคออะไรแบบนี้กับเพื่อนๆ ทุกคนอยู่แล้ว

“ทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีกได้ไหม ไม่ใช่แค่ไอ้การ์ดคนเดียวนะ คนอื่นๆ ด้วย”ไอ้คนหน้าบึ้งทำท่าเคร่งขรึมออกคำสั่ง ที่คนรับฟังอย่างผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเพราะอะไรที่มาสั่งห้ามผมกอดคอกับเพื่อนกับฝูง

“เหตุผล กูขอเหตุผลหน่อยว่าทำไมกูถึงไม่ควรทำแบบนั้น”ไหนลองบอกมาหน่อยเหอะว่ามันเพราะอะไรกันที่ผมต้องทำตามคำสั่งของไอ้คนตรงหน้านี่

“กูหึง”

“อะไรนะ”ผมต้องรีบย้อนถามเพื่อความแน่ใจว่า ผมหูไม่ได้ฝาด มันบอกว่ามันหึง อาการนี้มันต้องใช้กับคนรักกัน คนที่เป็นแฟนกันไม่ใช่หรือ แล้วเราสองคนเล่าอยู่ในฐานะนั้นเสียที่ไหน ผมยังไม่รู้ว่าผมเองรักมันไหม แล้วก็ไม่รู้ว่ามันเองล่ะ รักผมหรือเปล่า แล้วแบบนี้จะมาหึงหวงด้วยเหตุผลใด

“กูหึงที่เห็นมึงให้ความสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวกับคนอื่น”ไอ้เชษฐ์ย้ำให้ผมฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนทำให้ผมรู้สึกเขินๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หรือนี่จะเป็นการบอกทางอ้อมว่ามันกำลังคิดกับผมยังไงงั้นเหรอ

“มึงจะมาหึงกูทำไม เราไม่ได้...เป็นอะไรกันสักหน่อย”ผมโต้แย้งออกไป แต่หลบตาไม่กล้าที่จะสบตากับมันเวลาที่พูดออกไป

“แล้วไอ้เหตุการณ์ที่ห้องนั่น คนไม่ได้เป็นอะไรกัน เค้าทำกันแบบนั้นงั้นสิ”เสียงอีกฝ่ายถามผมอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก

“มันเกี่ยวกันที่ไหนเล่า”ผมพยายามที่จะนึกหาเรื่องเฉไฉ เพราะไม่ค่อยอยากจะคุยถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ก็มาสมองตื๊อนึกไม่ออกว่าจะ เบี่ยงประเด็นได้ยังไง

“ไม่รู้ล่ะ แต่กูอยากให้มึงรักษาระยะห่าง แล้วก็ระวังเนื้อระวังตัวกว่านี้หน่อย ได้ไหมล่ะ”แม้คำพูดอาจจะเหมือนการขอร้องแต่น้ำเสียงที่ออกมามันคือการบังคับต่างหาก ประมาณว่ายังไงผมก็ต้องทำตาม

“กับเพื่อนเนี่ยนะ กูก็เป็นแบบนี้ มาตั้งนานแล้ว แล้วทุกคนก็เพื่อนกันทั้งนั้นทำไมกูจะต้องไปทำเหมือนพวกมันเป็นคนอื่นด้วยล่ะ”สมมติถ้าเกิดว่า มันหึงผมจริงๆ แต่มันก็ไม่ควรมาหึงแม้กระทั่งกับเพื่อนแบบนี้ เพราะผมเองก็หยอกล้อเล่นหัวกับเพื่อนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว คนเราสนิทกัน บริสุทธิ์ใจต่อกัน จะต้องมาคิดเล็กคิดน้อยอย่างนั้นไปทำไมกัน

“ถือว่าทำเพื่อกูได้ไหมล่ะ”โห แล้วมันสำคัญกับผมถึงขนาดผมต้องยอมทำแบบนั้นให้มันด้วยเหรอ

“กับเพื่อนของกู ทุกคนใช่ไหม”ผมแสร้งตีหน้ายิ้มเหมือนจะยอมทำตามคำร้องขอ เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีน้ำเสียงที่อ่อนลง

“ใช่”ไอ้เชษฐ์ยิ้มตอบอย่างคิดว่าตัวเองกำลังจะได้ในสิ่งที่หวัง แต่มันกำลังคิดผิดเสียแล้ว

“งั้นก็รวมมึงด้วยสิใช่ไหม ต่อไปนี้มึงกับกูก็ไม่ต้องมาถูกเนื้อต้องตัวกัน ห้ามจับมือ ห้ามกอดคอ ห้ามจะ...”ผมหยุดก่อนที่จะหลุดคำว่าจูบออกไป เพราะดันคิดไปไกลถึงเรื่องที่ว่าเราเคยถึงไหนกันมาบ้างแล้ว ทั้งที่แค่ตั้งใจจะประชดมันเล่นๆ นิดหน่อยเท่านั้น

“มึงไม่เข้าใจหรือไง ว่ากูไม่ให้มึงทำอย่างนั้นกับคนอื่น แต่ให้มาทำกับกูคนเดียว นี่มึงโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ว่ะตี๊ฟ”อ้าวไอ้นี่มาว่ากูโง่ หลอกด่ากันนี่หว่า ผมไม่ได้โง่หรอก แล้วก็ไม่ได้แกล้งโง่ แต่ยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำตามที่มันพูดต่างหาก

“เป็นอันว่ากูจะไม่ทำตามที่มึงบอก เพราะกูคิดว่ามึงกำลังงี่เง่าไม่มีเหตุผล”ผมหันไปบอกอย่างจริงจังเพราะว่าตอนนี้เหมือนมันกำลังจะล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว สำหรับผมเพื่อนสำคัญกว่าอยู่แล้ว และตอนนี้ผมกับมันก็ไม่ใช่แฟนกัน แต่ถึงแม้ว่าผมกับมันเป็นแฟนกันซึ่งผมก็คิดว่าคงยังไม่น่าเป็นไปได้ มันก็ไม่ควรมาบอกให้ผมทำแบบนี้

“ทำไมกูจะไม่มีเหตุผลล่ะ เหตุผลก็เพราะว่ากู...”น้ำเสียงมันฟังดูหม่นๆลง แต่ผมไม่อยากมาทะเลาะกับมันเพราะเรื่องนี้หรอกนะครับ ผมกับมันยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน ถ้าเกิดทะเลาะกันแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง

“เราจะไม่พูดเรื่องนี้อีก กูจะไปหาไอ้การ์ดแล้ว มึงจะไปไหม ถ้าไปก็ตามมา”ผมตัดบทก่อนจะเดินนำโดยไม่สนใจไอ้เชษฐ์ว่าจะพูดอะไรอีก แม้ผมจะพอรู้ว่าทำไมมันถึงมาพูดเรื่องนี้กับผม เพียงแค่ผมเองยังไม่มั่นใจอะไรเลยสักอย่างเท่านั้นเอง ไม่มั่นใจตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวของไอ้เชษฐ์ด้วย





“เอ้าเร็วๆๆ กูรอพวกมึงนี่ จนพยาธิในท้องกูเป็นลมไปแล้ว กว่าจะเสด็จกันมานะ ปรับความเข้าใจกันไม่ได้สักทีหรือไง แล้วไอ้เชษฐ์เป็นไรนักหนาว่ะ ทำหน้าเซ็งโลกเชียว”ไอ้การ์ดร่ายยาวตามประสาคนพูดไปเรื่อยของมันแหละครับ ผมเลือกนั่งลงฝั่งเดียวกับไอ้การ์ด ปล่อยให้ไอ้เชษฐ์นั่งฝั่งตรงข้ามเพียงคนเดียว

“แล้วทำไมมึงไม่ไปนั่งฝั่งนั้นนะไอ้ตี๊ฟ”และทันทีที่ผมนั่งลงข้างไอ้การ์ด มันก็ทำท่าจะผลักไสไล่ส่งผมเลย ไอ้นี่นิไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ใช่ผู้ชนะในเกมที่มันตั้งขึ้นขนาดนั้นก็ได้ นี่อะไรๆ ก็จะให้ผมกับไอ้เชษฐ์ลงเอยกันให้ได้หรือยังไง แค่นั่งฝั่งเดียวกันมันไม่ได้ช่วยให้คนสองคนรักกันขึ้นมาได้หรอกนะ

“นั่งฝั่งไหนมันก็เหมือนกันแหละน่า รีบๆ สั่งไรมากินสักทีไหนว่าหิวนักหนา”ด้วยความหมั่นไส้เลยแอบกัดมันหน่อยครับ

“อ๋อ กูรู้แล้วมึงอยากนั่งตรงข้ามกันจะได้มองหน้ากันถนัดๆ ใช่ไหมล่ะ ไช่ไหมว่ะเชษฐ์”มันยังไม่เลิกครับ แถมหาแนวร่วมโดยทึกทักเอากับไอ้เชษฐ์ แต่ดูเหมือนว่าไอ้เชษฐ์จะไม่รับมุกเท่าไหร่เพราะยังนั่งหน้านิ่งจ้องผมอยู่เหมือนเดิม เห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้อีกแล้ว นี่มันจะอะไรกันขนาดนั้นเลยหรือ

“เลิกพล่ามสักทีเอานี่เมนู จะสั่งอะไรก็สั่ง”ผมหยิบเมนูวางลงตรงหน้าของไอ้การ์ด ก่อนจะเหลือบมองไอ้เชษฐ์นิดหน่อย แล้วความคิดบางอย่างในสมองน้อยๆ ของผมก็เกิดขึ้น ผมค่อยขยับเข้าใกล้ไอ้การ์ด เพื่อจะดูเมนู ผมขยับเข้าไปชิดพร้อมกับก้มหน้าดูใกล้ๆกับไอ้การ์ด จนตอนนี้ตัวเราติดกัน หน้าเกือบจะชนกันอยู่แล้ว

“มึงจะมาเบียดกูทำไมเนี่ยไอ้ตี๊ฟ”ไอ้การ์ดเริ่มบ่น แต่ผมก็ยังไม่ถอยออก แต่เหล่มองปฏิกิริยาของไอ้เชษฐ์เป็นระยะ แล้วผมก็เกือบหลุดขำเพราะ มันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ ส่วนผมกลับรู้สึกสนุกที่ได้เห็นมันเป็นแบบนี้

“นี่ๆ กูว่าไอ้นี่น่าจะอร่อย”ผมแกล้งขยับเข้าไปชิดไอ้การ์ดอีกพร้อมกับชี้ที่เมนูให้มือโดนมือไอ้การ์ด

“ไหนว่าจะให้กูสั่งก่อน มึงจะอะไรของมึงเนี่ยตี๊ฟ หรือจะเอาไปสั่งก่อนเอ้า เอาไปเลย”ผู้ร่วมภาระกิจของผมเริ่มไม่ให้ความร่วมมือ ในขณะที่ผู้รับชม ยังคงมองผมด้วยสายตาคาดโทษต่อไป แต่มีหรือผมจะกลัว

“ไม่ๆ มึงสั่งก่อนเลย”เมื่อเล่นบทแนบชิดกันดูเมนูต่อไม่ได้ ผมเลยเปลี่ยนแผนเล่นบท ยื้อแย่งแทน ราวกับคนกำลังมีความเกรงใจให้อีกฝ่าย หลายคนที่มองเห็นอาจจะดูเป็นการหยอกล้อที่น่ารักระหว่างเพื่อน แต่ผู้แสดงจำเป็นร่วมกับผมอย่างไอ้การ์ด คงกำลังคิดว่าผมกวนตรีนมันแน่นอน ส่วนไอ้ผุ้ชมที่นั่งตรงหน้าผม คงกำลังเก็บข้อมูลเพื่อคิดบัญชีผมแน่ๆ ที่แกล้งทำแบบนี้ให้มันดู แต่อย่าได้คิดว่าผมจะยอมให้มันคิดบัญชีได้ง่ายๆ

“ให้ไว กูขอเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน”แล้วผู้ช่วยของผมก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ชิ่งไม่เล่นกับผมต่อเสียอย่างนั้น พอไอ้การ์ดไปห้องน้ำก็เหลือแค่ผมกับผู้ชมตรงหน้าอีกหนึ่งคนเท่านั้น

“มึงยั่วกูใช่ไหม”ท่านผู้ชมกิติมศักดิ์ของผมเอ่ยน้ำด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เหมือนจะให้ผมเกรงกลัวที่ผมบังอาจกระทำการให้มันเริ่มชักจะโมโห

“เปล๊า”ผมขึ้นเสียงสูงและทำเป็นไม่ใส่ใจ

“กูจะลงบัญชีไว้ และจะเอาคืนมึงแน่ เย็นนี้ระวังตัวให้ดีแล้วกัน”ไอ้เชษฐ์กล่าวทิ้งท้ายอย่างเป็นปริศนา





หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 21 [26-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 28-12-2014 17:32:51
วันที่ 23


“ตี๊ฟ เปิดประตูหน่อย”เสียงสำภะเวสี ร้องโอดโอยอยู่หน้าห้องผม เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่มันบอกจะกลับมาเอาคืนผม แต่ผมไหวตัวทันและไม่เปิดโอกาสให้มันได้ทำอย่างที่มันคิดไว้ ผมรู้ว่าการเอาคืนของมันจะมาในรูปแบบไหน ผมเลยคลุกอยู่แต่ในห้องนอน ไม่ย่างกรายออกไปให้เป็นโอกาสของไอ้เชษฐ์เลย

“กูอ่านหนังสืออยู่ อย่ามากวน”ตอบออกไปเหมือนผมขยันเสียเหลือเกิน แต่ผมก็อ่านหนังสือจริงๆ นะ เพียงแต่มันไม่ใช่หนังสือเรียน หากแต่คือหนังสือการ์ตูนนั่นเอง

“กูอ่านด้วยได้ไหม ห้องกูไฟดับ เปิดประตูหน่อย”เอะ จำได้ว่าไม่กี่วันก่อนนี่ห้องมันน้ำไม่ไหล แล้ววันนี้บอกไฟดับอีก นี่มันชักยัง ยังไง เสียแล้วมั้ง

“ไฟดับก็ไม่ต้องอ่าน”ผมตะโกนตอบออกไปอย่างไม่สนใจ เพราะไม่คิดว่าไอ้เชษฐ์จะต้องการอ่านหนังสือจริงๆ อย่างที่อ้าง แต่ผมว่ามันกำลังวางแผนอะไรอยู่แน่ๆ และเป้าหมายของแผนการนี้ มันต้องมีผมเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน

“จะออกมาดีๆ หรือจะให้กูพังประตูเข้าไป”อ้าวไอ้นี่ เริ่มชักจะพาลแล้วครับ น้ำเสียงเริ่มจะขุ่นๆ ขึ้นมาหน่อยๆ คงเริ่มจะเบื่อที่ต้องมา ทำตัวเหมือนจะไร้สาระนี่เสียละมั้ง ผมเงียบไม่ได้โต้ตอบใดๆ อีก ด้วยหวังว่าไอ้คนที่อยู่อีกฝั่งของประตูจะรามือไป พร้อมกับแนบหูกับประตู เพื่อฟังเสียงว่าภายนอกนั่นกำลังจะถอยห่างออกไป หรือกำลังทำอะไรอยู่ เพราะตอนนี้มันดูเงียบๆ ลงไปหน่อย

เสียงที่ผมได้ยินคือเหมือน เสียงเดินห่างออกไป พร้อมกับแว่วๆ เหมือนเสียงกดกริ่งที่หน้าประตู มีใครมางั้นเหรอ เมื่อรู้ว่ามีอีกคนที่มาหาทำให้ผมคิดจะออกจากห้อง แม้จะไม่รู้ว่าใครมา แต่ใครที่กล้ามาเอาป่านนี้ คงจะเป็นคนรู้จักมักคุ้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ผมค่อยๆ เปิดประตูออก ก่อนจะก้าวเท้า มุ่งตรงไปดูหน้าตาแขกผู้มาเยือนในยามวิกาลแบบนี้ สายตาผมก็ได้พบกับชายหนุ่มสองคน คนแรกคือเพื่อนร่วมห้องของผม ไอ้เชษฐ์ที่หน้าตาบ่งบอกว่าตอนนี้อารมณ์กำลังบูดเต็มที่ ส่วนอีกคนที่กำลังประสานสายตากับผมอยู่ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่ผมรู้จักดี แต่ก็สร้างความประหลาดใจให้ผมอย่างมากว่า เค้าหาผมเจอได้ยังไง เพราะเค้าไม่น่าจะรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ อีกอย่าง เค้ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอถึงได้มาหาผมถึงที่นี่

“ไง ที่รัก ย้ายมาอยู่นี่ก็ไม่บอกไม่กล่าวกันเลยนะ”ผู้มาใหม่ หันมาพูดกับผม อย่างคุ้นเคย แต่ผมล่ะหมั่นไส้ไอ้ท่าทางนั่นเหลือเกิน ผมเหลือบมองไอ้เชษฐ์แวบนึง ซึ่งก็เห็นว่ามันมีแววตาที่กำลังสงสัยใคร่รู้ว่าผู้ชายคนที่เพิ่งมานี่คือใครกัน

“คุยกันในห้องดีกว่า”ผมเอ่ยปากบอกออกไป พร้อมกับส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเดินตามผม

“เดี๋ยว”เสียงของไอ้เชษฐ์ทำให้ ผมและอีกคนหยุดเดินโดยอัตโนมัติ พร้อมกับหันไปมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียวกัน ผมยักไหล่เป็นเชิงถามว่า มีอะไร แต่จริงๆ ผมก็พอรู้หรอกว่าไอ้เชษฐ์คงกำลังอยากจะถามว่าไอ้คนที่มาหาผมนี่คือใคร

“จะไม่บอกหน่อยเหรอว่านี่ใคร”น้ำเสียงเหมือนตัดพ้อ หน่อยๆ เอ่ยออกมาพร้อมกับสายตาที่แฝงไปด้วยความหมายส่งผ่านมาให้ผม

“นั่นสิที่รัก ไม่เห็นแนะนำให้รู้จักเลยว่า หมอนี่ใคร”ไอ้ผู้มาใหม่นี่ก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย ว่าตอนนี้บรรยากาศมันเริ่มจะแปลกๆ ขึ้นทุกที แต่จะว่าไปก็น่าจะพอรู้แหละแต่กำลังจงใจแกล้งตีหน้าซื่อไปอย่างนั้นเอง ตามนิสัย

“เพื่อนร่วมห้องนะ”ผมหันไปตอบผู้มาใหม่อย่างขอไปที เพราะไม่คิดว่ามีความจำเป็นจะต้องแนะนำสองคนนี้ให้รู้จักกัน

“แค่เพื่อนร่วมห้องงั้นเหรอ”ไอ้เชษฐ์พึมพำแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ผมได้ยิน

“มีไรไว้ค่อยคุยกันนะ”ผมหันไปบอกไอ้เชษฐ์ก่อนจะลากไอ้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้าห้อง ทิ้งความสงสัย คาใจของไอ้เชษฐ์ไว้เช่นเดิม อยากจะรู้เหมือนกัน ว่ามันจะคิดยังไงกับการที่ผมไม่ยอมบอกว่าผู้ชายคนที่มาหาผมนี่คือใคร



“คิดถึงจังเลย”ทันทีที่ประตูห้องนอนผมปิดลง แขกของผมก็เข้ามาสวมกอดผมเหมือนรักกันปานจะกลืน จนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ แม้มันจะคือความจริงว่าเรามีความรักให้แก่กัน แต่มันไม่ต้องมาโอเวอร์ขนาดนี้ก็ได้

“เลิกเล่นได้แล้ว มานี่มีอะไร”ผมผลักอีกคนให้ถอยห่างออก พร้อมกับถามไถ่ว่าอีกฝ่ายมีธุระอะไรกับผมอย่างนั้นหรือ

“นั่นแฟนใหม่มึงเหรอว่ะ”คำถามลอยๆ อย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ พร้อมกับการเดินสำรวจห้องนอนของผม

“ก็บอกแล้วว่าเพื่อนร่วมห้อง”ผมตอบออกไป พร้อมกับคิดตามในคำตอบของตัวเอง ว่าระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์ยังเป็นแค่เพียงเพื่อนร่วมห้องกันเท่านั้นจริงๆ หรือ

“สเป็กมึงนี่ยังไม่พัฒนาเหมือนเดิมนะ”

“ตกลงว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรสำคัญใช่ไหม”ผมไม่คิดจะต่อปากต่อคำให้อีกฝ่ายได้ซักเรื่องส่วนตัวของผม แม้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องรายงานให้เค้าฟัง

“มารยาทก็ยังไม่พัฒนาเหมือนเดิม คุยกับผู้ใหญ่ก็ไม่มีสัมมาคาราวะ”

“มึงแก่กว่ากูแค่สองปีเอง เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหนกัน”ผมตอบกลับอย่างไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก

“แต่กูก็เป็นพี่มึง มึงเป็นน้องก็ต้องให้ความเคารพพี่สิว่ะ”ใช่แล้วล่ะครับ ไอ้คนที่มาพูดจากวนประสาทผมนี่ก็คือพี่ชายของผมเอง

“เออๆ แล้วตกลงว่าที่มานี่มึงมีอะไรครับคุณพี่ชาย”ผมแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม แต่มันจะออกแนวประชดประชันเสียมากกว่า

“กูว่าแฟนมึงต้องกำลังเข้าใจว่ากูเป็นอดีตกิ๊ก มึงอยู่แน่ๆ เลยว่ะ”ดูมันครับพี่ผม แทนที่น้องถามเรื่องนึงมันจะตอบหน่อยก็ไม่ได้ ดันแถไปเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่พี่ชายผมคนนี้มันชอบนักแหละครับ กับการไปอำคนอื่น ว่าเป็นแฟนผม ทั้งๆที่หน้าตาเราก็คล้ายกันอยู่บ้าง แต่คนอื่นก็ยังดันเชื่อเสียได้ว่าเราเป็นแฟนกัน คนส่วนใหญ่ หรือเพื่อนๆ ผมจะคิดว่าผมเป็นลูกคนเดียวไม่คิดว่ามีพี่ เลยพากันเข้าใจผิดกันบ่อยๆ

“คนนี้กูสแกนแล้ว ไม่ผ่านว่ะตี๊ฟ กูว่าหมอนี่น่าจะดีเกินไปสำหรับมึง”ดูมันเถอะครับ นี่ขนาดผมบอกไปแล้วว่าไอ้เชษฐ์กับผมเป็นแค่เพื่อนกันนะครับ

“ทะเลาะกับพ่อมาอีกแล้วเหรอ”ผมว่าถ้ามาหาผมแบบนี้ไม่ค่อยมีอะไรหรอกครับ น่าจะเป็นเรื่องนี้อยู่แล้ว และก็จะมาหาผมเป็นแนวร่วมในการหาข้ออ้างให้ตัวเอง ว่าตัวมันไม่ได้ผิด แต่พ่อต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด นิสัยไม่ดีเลยพี่ใครก็ไม่รู้

“เพราะมึงแหละไม่ค่อยกลับบ้านเค้าเลยไม่มีคนจะบ่น เลยมาลงที่กูหมด เซ็งเจริงๆ”ว่าแล้วเชียว แต่ปกติ ที่บ้านผมค่อนข้างจะตามใจในการใช้ชีวิตนะครับ นอกเสียจากกฎ บางข้อเท่านั้นที่เค้าจะไม่ชอบและไม่อยากให้ทำ แต่ไอ้ไม่กี่ข้อที่เค้าไม่ชอบนั่น ผมกับพี่ดันชอบทำเสียด้วยสิ

“มันไม่เกี่ยวกับกูหรอกนะต๊าฟ มันเพราะตัวมึงต่างหาก เรียนก็จบมาตั้งนานแล้ว งานการก็ไม่ยอมทำเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ แล้วจะไม่ให้พ่อเค้าบ่นได้ยังไงกัน”ไม่ต้องบอกผมยังรู้เลยว่าพ่อจะบ่นมันเรื่องอะไร

“นี่มึงน้องกู หรือพ่อกูอีกคนว่ะเนี่ย ไม่ต้องมาตอกย้ำกูเลย ก็ตอนนี้กูยังไม่พร้อมจะทำงานนี่หว่า ทีมึงเองยังไม่เห็นต้องทำงานเลย”อ้าวก็ช่างคิดได้ ก็ผมนะมันยังเรียนอยู่ แต่มันนะจบแล้วนะ

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะพร้อมสักที”ไม่อยากจะบอกไม่อยากจะว่ามันหรอกนะครับ เพราะขนาดพ่อแม่บอกมันยังไม่สำนึก แล้วประสาอะไรกับน้องอย่างผม

“กูว่าจะมาถามมึงนี่แหละว่ากูควรจะเริ่มกลับตัว ลดเรื่องเที่ยวหันไปทำงานทำการเสียที”มาถามผมเนี่ยนะ

“พรุ่งนี้ก็ไปเริ่มงานที่บริษัทกับพ่อเลยสิ”เมื่อเห็นว่าพี่ชายกำลังจะคิดได้ผมต้องรีบส่งเสริมครับก่อนที่มันจะเปลี่ยนใจ

“ก็ว่าจะพยายามให้เป็นอย่างนั้นนะ จริงๆ วันนี้กูค่อนข้างมีปากเสียงกับพ่อแรงเหมือนกันนะ ก็เรื่องเดิมๆ อย่างที่มึงเองก็รู้นั่นแหละ”พี่ชายผมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะกระแอมเบาๆ แล้วก็ทำท่าจะเลียนเสียงของพ่อพวกเรา

“มีลูกอยู่สองคน คนนึงมันก็เอาแต่เที่ยวเล่นเจ้าชู้ไปทั่ว เรียนจบแล้วก็ไม่รู้จักทำงานทำการ”ก่อนจะหยุดเว้นวรรคให้ผมพูดต่อ

“อีกคนก็ดันเป็นกงเป็นเกย์ไปอีก”พอพูดจบก็หันหน้าหัวเราะอย่างขื่นๆด้วยกันทั้งคู่ แม้เราสองคนจะรู้ว่ายังไงพ่อแม่ก็รักเราอยู่แล้ว แต่พวกท่านก็คงเหนื่อยใจไม่น้อยที่ผมกับพี่ ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรให้พวกท่านภูมิใจสักเท่าไหร่

“กูก็จะเลิกทำตัวเสเพลแล้ว ว่าแต่เมื่อไหร่มึงจะเลิกเป็นเกย์สักทีล่ะ”ไอ้ต๊าฟ หันมาพูดติดตลกกับผม

“เออใช่ๆ ตกลงไอ้หนุ่มนั่นแฟนมึงหรือเปล่า”นั่นไงล่ะ สุดท้ายก็ต้องวกมาเรื่องของผมจนได้สิน่า

“ตอนเปิดประตูให้กูเข้ามานะ จ้องกูยังกะจะกินเลือดกินเนื้อ แถมพอกูเรียกมึงว่าที่รัก กูนึกว่าจะกระโจนมาต่อยกูซะอีก”อันนี้ก็จะเวอร์ไปไหมครับพี่ชาย  อย่างไอ้เชษฐ์มันก็เก๊กๆ ไปอย่างนั้นเองแหละนะผมว่า คงไม่ทำตัวบ้าบอคอแตกอะไรแบบนั้น แต่เอะมันก็ไม่แน่เหมือนกันนะ เพราะขนาดกับไอ้การ์ดมันยังมางี่เง่ากับผมเลย

“ยังไงก็รีบๆ เคลียร์กันให้เข้าใจล่ะ”ดูพี่ชายผมไม่ได้จะสนใจให้ผมได้อธิบายอะไรเลยนะครับว่าตกลง ผมกับไอ้เชษฐ์นี่ยังไงกันแน่ พี่ท่านเล่นพูดเองเออเอง เข้าใจเองเสียหมดทุกอย่างเลย

“กูว่าถ้ามึงคบใครเป็นเรื่องเป็นราว จริงๆ จังๆ ไม่ใช่เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นแบบนี้ พ่อคงไม่บ่นอะไรมึงมากแล้วล่ะ จริงๆ เค้าก็แค่อยากเห็นมึงมีคนมาดูแลแค่นั้นแหละ”ดูพี่ผมพูดเถอะ มันพูดเหมือนผมเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องมีคนมาคอยดูแล

“เออตกลงว่ามึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่ที่นี่”อดที่จะสงสัยไม่ได้ เพราะต๊าฟเองก็ไม่ได้โทรมาถามผมก่อนนี่นา ว่าผมอยู่ที่ไหนยังไง

“ก็ฝาละมีเก่ามึงไง พอดีกูไปเจอมันที่ผับ ตอนแรกกะว่าจะเข็กกะโหลกซะหน่อย เห็นนัวเนียอยู่กับใครไม่รู้ นึกว่ามันนอกใจมึง แต่ที่ไหนได้ พูดจาซะน่าสงสารเชียว บอกว่ามึงหักอกมันมาคบกับไอ้หน้าหล่อ กิ๊กใหม่มึงข้างนอกไง”ที่แท้ก็รู้มาจากมาบนี่เอง

“แต่กูว่ามึงเลิกกับไอ้มาบอะไรนั่นไปก็ดีนะ กูว่าแมร่งเสแสร้งยังไงไม่รู้ว่ะ”ไอ้พี่ชายของผมยังคงพูดไปเรื่อย แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องของมาบอีกแล้วล่ะครับ

“ส่วนไอ้หน้าหล่อนี่ ชื่ออะไรนะ”สงสัยจะเข้าสู่คอร์สสอนน้องแล้วครับ พี่ชายผม

“ไอ้เชษฐ์”ผมตอบออกไปรอฟังว่าไอ้พี่ต๊าฟของผมจะว่ายังไงต่อ

“ไอ้เชษฐ์งั้นเหรอ ไอ้นี่ดูท่าน่าจะขี้หึงไม่ใช่เล่นนะเนี่ย เค้าว่าคนที่ขี้หึงมากๆ ก็เพราะว่ารักมาก แต่บางทีก็หึงงี่เง่าจนมากไปก็ไม่ไหวนะ ยังไงก็ดูดีๆ หน่อยแล้วกัน ถือว่าไอ้เชษฐ์นี่กูรับไว้พิจารณาในตำแหน่งว่าที่น้องเขย แต่จะผ่านการพิจารณาหรือเปล่าก็ต้องดูต่อไป”ไปโน่นเลยนะพี่ผม

“มึงรับเค้าไปพิจารณานี่เจ้าตัวเค้า ยื่นใบสมัครแล้วเหรอ”ผมส่ายหัวอย่างระอา กับคำพูดของพี่ชายผม

“แล้วนี่มึงจะค้างนี่หรือจะกลับบ้านล่ะวันนี้”ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะถ้าปล่อยให้พี่ผมจ้อต่อมีหวัง ไม่จบแน่ๆ

ค้างนี่ดีกว่า ขี้เกียจกลับไปฟังพ่อบ่นอีก ขอทำใจอีกนิด ก่อนจะกลับไปทำตัวเป็นลูกที่ดี”เป็นอันว่าคืนนี้ผมคงไม่ได้นอนอย่างเป็นสุข เพราะอีกเดี๋ยวมันต้องวกมาเรื่องของผมอีกจนได้แหละน่า


“นี่ๆ ตี๊ฟ มึงอย่าเพิ่งบอกไอ้หน้าหล่อนั่นล่ะว่ากูเป็นพี่มึง”ตาผมจะปิดอยู่แล้วมันก็ยังจะมาชวนผมคุยอีกครับ แล้วตูจะได้นอนไหมล่ะเนี่ย

“ทำไม”ถามออกไปอย่างงัวเงียครับเพราะง่วงเต็มทน

“เดี๋ยวกูจะเล่นบทกิ๊กเก่ามึงหน่อย อยากรู้ว่าไอ้ว่าที่น้องเขยมันจะขี้หึงขนาดไหน”แล้วก็ตามด้วยเสียงพูดเพ้อเจ้อของพี่ชายผมต่อไป
แต่ผมก็ได้ยินเพียงแว่วๆ ก่อนจะหลับไป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 28-12-2014 17:34:23
เมื่อวานไม่ได้ลง วันนี้ลงให้สองตอนนะครับ

ใกล้ปีใหม่แล้ว ใครเดินทางไปเที่ยวไหนขอให้สนุกๆ ทุกคนนะครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 28-12-2014 17:58:11
จะผ่านด่านพี่ชายไหมเนี่ย
ขี้หึงแต่ยังไม่ขอเป็นแฟนทางการ


HNY ล่วงหน้า & เที่ยวให้สนุกเช่นกันค่ะคุณคนแต่ง  :mc4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 28-12-2014 18:43:48
5555555555
งานนี้เชดจะขี้หึงขนาดไหนล่ะเนี่ย
พี่ชายมาได้จังหวะมากกก อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 28-12-2014 20:19:14
งานนี้ตายๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 28-12-2014 21:27:08
คาดว่าคืนนี้เชษฐ์คงจะนอนไม่หลับคิดว่าตี๊ฟพากิ๊กมานอน  สมควรแล้วไม่บอกรักตี๊ฟสักที  แต่ดันจะไปหึงเค้าออกหน้าออกตา  เป็นอะไรกับค๊าววววว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 28-12-2014 21:40:24
เชษฐ์เอ้ยอกแตกแน่
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-12-2014 22:02:32
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 28-12-2014 23:50:43
เชษฏ์นั่งเฝ้าหน้าห้องแน่เลย   ท่าทางจะรักแล้วมั๊งเนี่ย

Happy New Year 2015 ให้คนเขียนด้วยค่ะ เมื่อวานก็มองหาอยู่ มาวันนี้ได้สองตอนเลย จุใจดี
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 29-12-2014 00:10:20
ระเบิดลงแน่เลย  :a5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-12-2014 01:09:28
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 29-12-2014 01:31:20
ขอบคุณคร้าบ พี่ต้าฟน่าจะมีงาน(เข้า) ในอนาคตอันไกล้แน่ๆ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarch krub ที่ 29-12-2014 09:35:31
งานนี้มีเฮแน่ๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 29-12-2014 14:54:55
อิพี่ต๊าฟเนี่ยว้อนท์ตรีนเจงๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 29-12-2014 15:32:50
มาแล้วๆ ฉนวนที่จะทำให้เชษสารภาพความในใจ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-12-2014 16:18:21
เชษฐ์จะนอนหลับมั้ยล่ะนั่น
ไม่หึงจนอกแทบแตก
ก็คงคิดจะถอยห่าง
หรือเปล่าหว่า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 29-12-2014 16:30:14
วันที่ 24

วันนี้ผมต้องโดดเรียนเพราะไอ้พี่ชายตัวดี ที่ลากผมมานั่งดื่มตั้งแต่หัววันกันเลยทีเดียว เมื่อเช้าตื่นมาไอ้ต๊าฟกะว่าจะแหย่ไอ้เชษฐ์เล่น แต่ปรากฏว่าเป้าหมาย หายไปอย่างไร้ร่องรอย สงสัยออกไปเรียนตั้งแต่เช้าแล้ว ทำให้พี่ชายผมหัวเสีย ที่ไม่ได้ทำอย่างตั้งใจไว้ เลยกะว่าจะอยู่กับผมอีกวัน ทั้งที่ตอนแรกบอกว่าวันนี้จะกลับไปขอโทษพ่อ ที่ไปทะเลาะกับท่าน แล้วจะกลับไปตั้งใจทำงานทำการ แต่ก็ยังมีการผัดผ่อน ขอเลื่อนออกไปอีกแล้ว

ไม่รู้ว่าพี่ผมมันจะหันไปทำตัวเป็นผู้เป็นคนได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้สิครับ

“มึงทำให้กูเสียการเรียนนะเนี่ย”ผมเอ่ยปากพูดเหน็บพี่ชายก่อนจะยกแก้วเบียร์เย็นเฉียบขึ้นจิบ อย่างสบายอารมณ์เพราะวันนี้ได้ดื่มฟรี หุหุ

“พูดเหมือนมึงตั้งใจเรียนเหลือเกินนะไอ้ตี๊ฟ”ไม่ได้นั่งดื่มแบบนั้นกันนานแล้วแหละครับ นานๆทีโดดเรียนมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ

“บอกพ่อกับแม่ด้วยแล้วกัน ว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะเข้าไปค้างที่บ้านหน่อย ไม่ได้ไปมานานแล้วเหมือนกัน แต่ต้องบอกไว้ด้วยนะว่าห้ามบ่น ถ้าบ่นไม่ไปจริงๆ ด้วย”ผมนี่ก็ทำตัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะครับเนี่ย บ้านก็ใช่จะอยู่ต่างจังหวัดหรืออะไร แต่ไม่ค่อยเข้าบ้าน แย่จริงๆ

“จะพาว่าที่ลูกเขยไปไหว้พ่อไหว้แม่เหรอ”ยังไม่ยอมเลิกครับไอ้พี่ชายผมนี่

“แป๊บนะ...เพื่อนกูโทรมา”ผมหยิบโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์ของไอ้การ์ด ขึ้นมาจะรับ แต่โดนไอ้พี่ชายตัวดี แย่งเอาไปก่อน จะกดปิดเสียงแล้วหันมาจ้องหน้าผม ส่วนผมเองก็กำลังงงๆ ว่าไอ้พี่ตัวดีมันจะเล่นอะไรอีก

“เดี๋ยวมึงค่อยโทรกลับ แต่มึงต้องมาตกลงกับกูก่อน”เอาครับ จะทำอะไรทำไป วันนี้ตามใจเค้าหน่อยสักวัน อุตส่าห์เป็นเจ้ามือเลี้ยงผมแล้วนิ ผมพยักหน้าให้เห็นว่าผมจะยอมทำตัวเป็นน้องที่ดีให้หนึ่งวัน

“ไอ้การ์ดอะไรนี่ ก็เป็นเพื่อนไอ้ว่าที่น้องเขยด้วยใช่ไหม”ตกลงก็ยังไม่พ้นวกมาเรื่องนี้อีกจนได้สิน่า สรุปมันจะหาทางแกล้งไอ้เชษฐ์ให้ได้เลยใช่ไหม แล้วนี่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วเหรอกับการที่ ใครๆ ก็บอกว่าผมกับไอ้เชษฐ์เป็นอะไรที่เกินเพื่อนกันแล้ว ผมเองลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้ผมยังอยู่ในเกม ที่เพื่อนๆ ตั้งขึ้น ผมว่าพักนี้ผมเริ่มจะแยกไม่ออกแล้วนะเนี่ยว่าความรู้สึกจริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นของผมมันเป็นไปในทางเดียวกันหรือว่ามันกำลังสวนทางกันแน่

“กูบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าไอ้เชษฐ์กับกูเป็นอะไรแบบนั้นกัน”ขอขัดเรื่องนี้หน่อยแล้วกันครับ เพราะพูดไปพูดมานี่เหมือนผมกำลังยอมรับว่าผมกับไอ้เชษฐ์นี่เป็นแฟนกันยังไงยังงั้น ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่

“เรื่องนั้นช่างเหอะ สรุปว่าไอ้การ์ดนี่ก็เพื่อนในกลุ่มเดียวกันใช่ไหม”ไม่ได้สนใจฟังที่น้องพูดบ้างเลยพี่ผม ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับอีกตามเคย ว่าแต่แล้วนี่ไม่ใช่ว่าจะลากไอ้การ์ดมาใส่ในแผนการของพี่ผมอีกนะ

“งั้นถ้าเพื่อนถามว่าอยู่ไหน อยู่กับใครมึงต้องบอกให้เหมือนเป็นปริศนา ให้พวกเพื่อน สงสัยทำเหมือนมีพิรุธหน่อยๆ แต่ถ้าพวกเพื่อนจะตามมาก็ให้มาเลย”ตกลงว่ามันจะเอายังไงแน่ ให้ทำเป็นปริศนา แต่ถ้าจะมาก็ให้มาเลย แล้วที่ให้ผมทำตามที่มันบอกนี่ผมจะทำได้ไหม แต่ผมก็ไม่มีเวลาคิดนานเพราะไอ้เจ้าพี่ชายตัวดีของผม กดเบอร์โทรหาไอ้การ์ดทันที ก่อนจะส่งมาให้ผม

“ว่าไงไอ้การ์ด”ผมต้องรีบปรับเสียงให้เป็นปกติ และรีบตั้งสติ เตรียมเล่นตามบทที่คุณต๊าฟท่านวางไว้ แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็อย่างที่บอกว่าวันนี้ยกให้เค้าวันนึงครับ

“ไม่ว่าไง แค่อยากรู้ว่าทำไมมึงไม่มาเรียน”พูดมาแค่นี้ผมก็เริ่มจะเดาเหตุการณ์ต่อได้แล้วล่ะครับ ผมคิดว่าไอ้เชษฐ์น่าจะเล่าเรื่องที่เห็นคนมาหาผมให้พวกไอ้การ์ดฟังแล้ว เพราะปกติ พวกเพื่อนๆ จะรู้อยู่แล้วว่าผมไม่ค่อยเข้าเรียน ขึ้นอยู่กับอารมณ์ซึ่งแปรปรวนเสียเหลือเกิน

“ปกติกูก็ไม่ค่อยเข้าเรียนอยู่แล้วนิ ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงใยผิดปกติหน่อยเลย”พูดๆไปนี่ไม่รู้จะทำให้เพื่อนเข้าใจอย่างที่ไอ้พี่ชายผมอยากให้เข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้

“กูก็แค่ถามว่ามึงไปทำอะไรกับใครที่ไหน ถึงต้องขาดเรียนแบบนี้ เพื่อนอยากรู้บ้างไม่ได้รึไง”ชัดเจนครับ พวกเพื่อนๆ กำลังอยากรู้ว่าไอ้ปีศาจที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่คือใคร

“พอดีวันนี้กูมีธุระนิดหน่อยนะ มีอะไรหรือเปล่า”ตอนนี้คุณต๊าฟท่านกำลังตั้งใจฟังบทสนทนาของผมกับเพื่อนพร้อมกับวิเคราะห์ประมวลผลอยู่ว่า เป็นไปตามที่ต้องการหรือเปล่า และเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าใดนัก เพราะอยู่ๆ ก็พูดขึ้น

“คุยกับใครเหรอที่รัก”เอาอีกแล้วครับ แกล้งพูดให้ไอ้พวกเพื่อนๆ ที่ความสงสัยใคร่รู้กำลังจะเกินลิมิตได้ยิน พร้อมกับทำปากขมุบขมิบให้ผมรับมุข

“คุยกับเพื่อนครับ”ผมตอบไปอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่พี่ชายตัวดี ส่วนเจ้าตัวนะเหรอ ยิ้มร่าชอบอกชอบใจใหญ่แล้ว

“แป๊บนึงนะการ์ด”ผมทำตามสเต็ปที่คุณพี่ชายวางไว้ก่อนจะหันมาเริ่มสนทนากันตามสคริป โดยให้ผู้ฟังจากปลายสายอย่างไอ้การ์ดได้ยินด้วย

“เพื่อนจริงหรือเปล่า หรือที่รักแอบไปมีกิ๊กที่ไหน”เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอคุณพี่

“เพื่อนจริงๆ ครับ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวผมให้เพื่อนมายืนยันก็ได้”แกล้งทำเสียงเหมือนกำลังงอนง้อกันเต็มที่ รู้สึกกระดากปากเล็กน้อยถึงปานกลาง แม้จะเคยเล่นแบบนี้กับไอ้พี่ชายตัวดีมาบ่อยแล้วก็เหอะ แล้วเราสองพี่น้องก็เล่นบทพ่อแง่แม่งอนอีกเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ

“ฮัลโหลการ์ด คือ...มึงว่าง...”ผมกลับมาคุยกับไอ้การ์ดด้วยการทำน้ำเสียงเศร้าๆ หน่อยๆ และโดยที่ยังไม่ต้องพูดให้จบ เพราะไอ้การ์ดต้องได้ยินบทสนทนาอยู่แล้ว

“มึงอยู่ไหน”ตกลงว่าเพื่อนผมมันหลอกง่ายหรือพี่ผมมันเจ้าเล่ห์กันแน่ครับเนี่ย ผมทำเป็นเหมือนไม่ค่อยอยากจะบอกสถานที่ให้ไอ้การ์ดไปแต่ก็บอกไปจนได้ ไอ้คนวางแผนนี่ยิ้มร่าด้วยความรู้สึกสนุกเต็มที่ แต่ผมนี่ไม่รู้จะสนุกดีไหมเนี่ย

“ยี่สิบนาทีเจอกัน”ไอ้การ์ดพูดก่อนจะวางสายไป ทั้งผมและไอ้พี่ชายต่างพากันมั่นใจว่า ต้องไม่ใช่แค่ไอ้การ์ดคนเดียวหรอกที่จะมาพบพวกผม เพราะน่าจะมีใครอีกคนที่ต้องติดสอยห้อยตามมาด้วย ผมชักเริ่มรู้สึกจะสนุกขึ้นมาหน่อยๆ เพราะมันเหมือนเป็นการที่จะได้เอาคืนไอ้การ์ดด้วยที่ทำให้ผมต้องมาเล่นเกมบ้าๆ ของมันตั้งแต่แรก เพราะงั้นวันนี้ผมกับพี่ก็ขอเล่นเกมกับมันหน่อยแล้วกัน

“ย้ายมานั่งฝั่งนี้สิว่ะไอ้ตี๊ฟ”คำสั่งออกมาอีกแล้วครับ แม้จะอยากขัดมันบ้างแต่คงไม่ใช่วันนี้แล้วกัน วันนี้มันวันของเค้า ปล่อยให้วันนึง ท่องไว้ครับท่องไว้ว่ายกให้วันนึง

“เออแบบนี้แหละจะได้เนียนๆ หน่อย จำไว้ว่าตอนนี้เราสองคนไม่ใช่พี่น้อง แต่เราสองคนกิ๊กกันอยู่นะจ๊ะ ที่รัก”อยากจะแหวะจริงเชียว นี่ถ้าไม่ใช่พี่น้องกันนี่คงมีใครสักคนตกเก้าอี้ไปแล้วแน่ๆ จากนั้นเราสองคนก็บรีฟ สคริปคร่าวๆ ของการแสดงวันนี้ไว้รอเพื่อนๆ ผม

ไม่นานเกินรอครับ ไอ้การ์ดมาก่อนเวลาเสียอีก อะไรจะรวดเร็วปานนั้น และก็เป็นไปตามคาดที่ไอ้เชษฐ์ก็มากับไอ้การ์ดด้วย สายตาของไอ้เชษฐ์จับจ้องมองผมกับคุณพี่ต๊าฟ อย่างไม่ยอมละสายตา พร้อมกับจ้องหน้าผมประสานสายตา แสดงถึงอาการไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

“เอ้าเชิญนั่งเลยครับน้องๆ สั่งอะไรเพิ่มได้นะ”คุณพี่ปีศาจผมกำลังจะเริ่มปฏิบัติการณ์แล้วครับ ผมถูกสะกิดให้หันหน้าไปมองเจ้าพี่ตัวดี เพื่อสบตาและยิ้มให้กันและกัน อย่างหวานซึ้ง จะรอดไหมเนี่ย ผมว่าไม่ผมก็ไอ้เจ้าพี่ตัวดีนี่แหละต้องมีใครสักคนหลุดอ๊วกก่อนแน่ๆ

“เอ้าตี๊ฟจะไม่แนะนำให้พี่รู้จักเพื่อนๆ หน่อยเหรอ”เล่นเองชงเองทุกอย่างเลยครับพี่ผม

“นี่ไอ้การ์ด ที่โทรมาเมื่อตะกี้ แล้วนี่ก็ไอ้เชษฐ์”ผมแนะนำเหมือนจำใจอย่างเสียไม่ได้ ตามสคริปที่ได้วางกันไว้แล้ว

“ส่วนนี่ก็...”ผมหันมองหน้าคุณพี่ชายและลืมไปว่าเราไม่ได้เตี๊ยมชื่อปลอมไว้ เพราะถ้าบอกว่าชื่อต๊าฟ นี่มันจะพ้องกับชื่อผมมากเกินไป อาจเป็นจุดบอดให้สองคนนี้จับได้ว่า แท้จริงแล้วไอ้ปีศาจนี่คือพี่ชายผมเอง

“พี่จ๋ายครับ”ผู้แก้สถานการณ์ก็คือผู้สร้างสถานการณ์นั่นเองครับ “จ๋าย” ชื่อหรืออะไรว่ะเนี่ย คิดได้ไง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องการ์ด โทษทีที่ต้องให้ลำบากมาแบบนี้ หวังว่าคงเข้าใจความรู้สึกพี่นะ”ไม่มีปดปิดไม่มีอ้อมค้อมแม้แต่น้อยเลยนะเนี่ยพี่ตู ไอ้การ์ดมีอาการงงๆ เล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างเสียไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”น้ำเสียงติดจะกระแทกอย่างประชดประชันเล็กน้อย ตกลงนี่ไอ้เชษฐ์มันใส่ไฟอะไรพวกผมให้ไอ้การ์ดฟังมาบ้างก็ไม่รู้

“แล้วนี่น้องเชษฐ์ใช่ไหม เมื่อวานเจอกันแล้วแต่ยังไม่ทันได้ทักทายเลย ไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”เชิญตามสะดวกเลยนะครับคุณพี่ชาย จะทำอะไรจะเล่นอะไรก็เอาเลย ดูไอ้เชษฐ์เองจะไม่ได้รู้สึกว่าจะอยากทำความรู้จักกับไอ้ต๊าฟสักเท่าใดนัก

“เช่นกันครับ”ไอ้เชษฐ์ตอบกลับพร้อมทั้งจ้องหน้าหาเรื่องเต็มที่ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องการหาเรื่องผมหรือหาเรื่องพี่ชายผมกันแน่

“พี่จ๋ายกับไอ้ตี๊ฟนี่เป็นอะไรกันเหรอครับ”คำถามของไอ้การ์ดเล่นเอาผมที่กำลังจิบเบียร์แทบสำลัก ไม่ใช่เพราะที่มันถามว่าผมเป็นอะไรกับไอ้คนข้างๆนี่ หากแต่ผมเกือบหลุดขำชื่อที่พี่ผมมันคิดขึ้นมานี่สิ ว่าแต่ไอ้การ์ดเองก็ถามแบบตรงไปตรงมาเกินไปไหมเนี่ย

“เราสองคนเป็นอะไรกันเหรอตี๊ฟ”ไอ้คุณพี่ชายหันหน้ามาถามผม พร้อมแสดงให้เห็นว่ามีความนัยแฝงอยู่

“กูกับพี่เค้าก็...เป็นพี่เป็นน้องกันนี่แหละ”ผมแกล้งทำเป็นพูดเหมือนเขินๆ อย่างอายๆ ตลกตัวเองเหมือนกันนะเนี่ยที่ต้องมาเล่นอะไรแบบนี้  แต่อย่างน้อยๆ ผมก็ไม่ได้โกหกแล้วกัน เพราะผมก็เป็นน้องไอ้คนข้างๆนี่จริง

“พี่น้องท้องเดียวกัน หรือพี่น้องท้องชนกันละ”ไอ้การ์ดย้อนถามผมด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ เล็กน้อย ตกลงนี่ผมกำลังทำให้พวกมันมองผมในแง่ลบอยู่หรือเปล่าเนี่ยที่ทำแบบนี้

“ดูท่าน่าจะอย่างหลังเสียมากกว่า”ไอ้เชษฐ์พูดพร้อมจ้องมองมาที่ผม ส่วนผมนั้นรู้สึกเหมือนกำลังโดนตอกหน้ายังไงไม่รู้ แต่ไอ้คุณพี่ชายผมนี่ยังคุมสติอยู่ สงสัยกำลังคิดจะแก้เกมอยู่แน่ๆ

“จะอย่างไหน ก็แล้วแต่จะคิดแล้วกัน”พี่ชายผมพูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก

“เป็นพี่เป็นน้องที่ดูสนิท สนมกันมากๆ เลยนะครับ”ไอ้การ์ดปรับมาพูดให้ดูไม่เสียมารยาทมากนัก แต่ยังไม่ทันที่ผมหรือต๊าฟจะได้ตอบ ไอ้เชษฐ์ก็พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน

“นั่นสิ รู้จักกันมานานแล้วเหรอถึงได้สนิทสนมกันขนาดนี้”ไอ้เชษฐ์พูดได้แบบว่ากวนโอ๊ยสุดๆ เลยครับ คือทำเป็นพูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้ตั้งใจถามและไม่ได้ต้องการคำตอบ แ ต่พูดออกแนวประชดเสียมากกว่า

“ก็นานแล้วนะ ใช่ไหมตี๊ฟ”ผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบไป เพราะเริ่มไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่แล้ว มันดูน่าอึดอัด ติดๆ ขัดๆ ยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน

“แต่ตี๊ฟไม่ยักกะเคยแนะนำให้พวกผมรู้จักเลยถ้ารู้จักกันมานานแล้ว เพราะพวกผมก็เป็นเพื่อนตี๊ฟมานานแล้วเหมือนกัน”ไอ้การ์ดยังคงถามเหมือนกำลังจะจับผิด แต่มันคงกำลังคิดว่าผมกำลังหันไปคบกับใครก็ไม่รู้ แต่ผมดันเอามาหลอกพวกมันว่ารู้จักมักคุ้นกันมาตั้งนานแล้ว นี่เหมือนทั้งสองคนจะไม่ค่อยเชื่อว่าผมกับไอ้อีกคนที่นั่งข้างๆผมนี่รู้จักกันมานานแล้ว

“นั่นสิ ไอ้ที่ว่ารู้จักกันนานแล้วนี่มันนานแค่ไหนล่ะครับ”ไอ้เชษฐ์เป็นฝ่ายช่วยผสมโรงอีกแรง แถมด้วยการจ้องหน้าคุณพี่ชายผมอย่างท้าทาย ไอ้เชษฐ์เอ๋ย ถามมาได้ว่ารู้จักกันมานานแค่ไหน ก็นานเท่ากับอายุกูหรืออายุมึงนั่นแหละ เพราะต๊าฟก็ต้องรู้จักตี๊ฟมาตั้งแต่ตี๊ฟเกิดนั่นแล

“ก็คิดว่าน่าจะนานกว่าน้องสองคน พอสมควรอยู่นะ ใช่ไหมตี๊ฟ”ผมชักจะเบื่อๆ ไอ้ละครฉากนี้ของพี่ผมแล้วสิครับ

“อืม”ผมตอบรับเพียงสั้นๆ

“ขอตัวไปห้องน้ำแป๊บนะ”ผมลุกขึ้น หวังจะออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้านี่สักครู่ ปล่อยให้พี่ชายตัวดีเล่นต่อไปเถอะ เดี๋ยวผมค่อยกลับมาดูผลงาน แต่ทั้งสามคนกลับหันมาจ้องผมเป็นตาเดียวกันหมดเลย

“กูไปด้วยกำลังอยากเข้าห้องน้ำพอดี”ผมหันไปตามเสียง ซึ่งก็คือไอ้เชษฐ์นั่นเอง ก่อนจะหันมองหน้าพี่ชายตัวดีพร้อมส่งกระแสจิตให้มันรั้งไอ้เชษฐ์ไว้หน่อย เพราะผมอยากปลีกตัวไปลำพังคนเดียว

“รีบไปรีบกลับมานะ ที่รัก”แทนที่จะช่วยอะไรผมหน่อยที่จะได้ไม่ต้องอยู่เพียงลำพังกับไอ้เชษฐ์ แต่นี่ท่านคุณพี่ชายยังแถม เชื้อไฟนิดๆ มาให้ผมอีกต่างหาก

“ไปได้ยัง”เสียงเร่งเร้าจากไอ้คนที่จะไปห้องน้ำพร้อมผม ดังขึ้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 22-23 [28-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 29-12-2014 16:31:24
วันที่ 24 (ต่อ)

ผมเดินนำหน้าโดยไม่ได้สนใจอีกคนที่ตามมาแต่อย่างใด มุ่งตรงไปยังห้องน้ำซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง  แม้จะรู้สึกเสียวสันหลังอยู่เล็กน้อย ที่เหมือนมีคนกำลังปองร้ายอยู่เบื้องหลัง แต่ผมก็ต้องทำใจดีสู้เสือ โดยการแสดงออกมาว่าตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกกลัวไอ้คนข้างหลังผมเลย ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่ได้กลัวอยู่แล้วนี่นา แค่รู้สึกแปลกๆ เท่านั้นเอง ที่มันมาทำตัวเหมือนไม่ค่อยพอใจผมแบบนี้ แปลกยังไงนะเหรอครับ ก็แทนที่ผมจะโกรธกับท่าทีนั้น แต่ผมกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก นี่มันหมายความว่าไงกันแน่ ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้ หรือเพราะผมกำลังสะใจที่ได้แกล้งไอ้เชษฐ์

“เฮ้ย”ผมหลุดอุทานออกมาอย่างตกใจ ก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน ไอ้เราก็กำลังคิดอะไรเพลินๆ เดินจนถึงหน้าประตูห้องน้ำอยู่แล้ว แต่ดันโดนผลักให้พุ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะถูกปิดอย่างแรง จากไอ้คนที่ตามผมมา ผมหันมองรอบห้องน้ำชาย ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ไม่มีใครอยู่เลย โชคดีที่ไม่ต้องโดนใครด่า เพราะมาทำอะไรไร้มารยาท แต่ตอนนี้ผมกลัวโชคร้ายมากกว่าเพราะดูจากอารมณ์แล้วนี่ ไม่แน่ผมอาจจะโดนฆ่าหมกส้วม หรือไม่ก็ฆ่าหั่นศพยัดชักโครกเสียหรือเปล่าเนี่ย

“ปิดเบาๆ ไม่เป็นหรือไง”ผมหันไปตะคอกใส่อย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ความจริงคือตอนนี้ต้องพยายามทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน เพราะดูแล้วเหมือนไอ้เชษฐ์จะกำลังโกรธอยู่จริงๆ เสียแล้ว

“ทำอะไรนะ”คำพูดผมหลุดออกมาพร้อมกับขาที่ต้องถอยหลังเข้าห้องน้ำห้องหนึ่ง เพราะโดนไอ้เชษฐ์ผลักเข้าหน้าอกเสียเต็มแรง ดีที่ผมยังประคองตัวไว้ได้ ไม่งั้นมีหวังได้ล้มหัวฟาดอะไรสักอย่างไปแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มจะรู้สึกโมโหไอ้เชษฐ์ขึ้นมาหน่อยๆ เสียแล้ว ก็เล่นไม่พูดไม่จา แถมทำให้ผมเกือบล้มหัวร้างข้างแตกอีกต่างหาก นี่มันอะไรของมันนักหนา

“กูต่างหากที่ต้องถามว่ามึงกำลังทำอะไรอยู่”รอยยิ้มเหยียดๆ จากปากผู้พูดที่เข้ามายืนอยู่ภายในห้องแคบๆ กับผมเป็นที่เรียบร้อย คางผมถูกจับให้เชิดขึ้นเพื่อให้สบตากับอีกฝ่าย แต่ผมสะบัดหน้าขัดขืน เพราะตอนนี้เริ่มจะไม่อยากอยู่ในสภาพแบบที่เป็นตอนนี้สักเท่าไหร่

“ตอบมาสิตี๊ฟ ว่ามึงกำลังทำอะไรอยู่ ยั่วกู แกล้งกู ปั่นหัวกูเล่น หรือที่มึงทำมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกูเลย”ประโยคสุดท้ายดูน้ำเสียงของคนพูดจะอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาฉายแววหม่นหมองลงเล็กน้อย

“กู...ไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมมึงถึงคิดว่ากูกำลังต้องทำอะไรอยู่ล่ะ”ผมพยายามถอยห่างออกจากไอ้เชษฐ์เล็กน้อย โดยที่พูดออกไปไม่เต็มเสียงเท่าใดนัก เพราะผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าการกระทำในวันนี้มันไม่เกี่ยวกับไอ้เชษฐ์ ก็ไอ้พี่ชายตัวดีของผม ตั้งใจจะแกล้งไอ้เชษฐ์มันจริงๆ นี่นา ตอนแรกนึกว่าไอ้เชษฐ์จะมาในโหมด โมโหโกรธามากมาย แต่เอาเข้าจริง ทำไมกลับมาทำหงอยๆ อะไรแบบนี้ละนี่ แล้วไอ้ผมทำไมต้องรู้สึกสงสารมันด้วยก็ไม่รู้

“กูก็แค่ไม่เคยรู้ว่าก่อน ว่ามึงรู้จักกับพี่จ๋ายอะไรนั่น แล้วรู้จักมักคุ้นกันขนาดไหน เค้าเป็นใคร เคยคบกับมึงตอนไหน ความสัมพันธ์ระหว่างมึงกับเค้าถึงขั้นไหนกันแล้ว กูเคยคิดว่ารู้เรื่องมึงดีทุกอย่างแล้ว แต่วันนี้กูเพิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่”ผมงงๆ กับคำพูดของไอ้เชษฐ์เล็กน้อย เพราะมันคิดว่ามันรู้จักผมดีพอขนาดรู้ทุกเรื่องเลยหรืออย่างไร

“มึงกับกูไม่ได้อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง มันยังมีอีกหลายเรื่องที่มึงไม่รู้เกี่ยวกับกู และกูก็ไม่รู้เกี่ยวกับมึง ซึ่งมันก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่เราจะต้องรู้เรื่องของกันและกันไปเสียทุกเรื่อง เพราะเราไม่ใช่...”ผมหยุดคำพูดเอาไว้แค่นั้นก่อนจะหลบสายตาต่ำลง ใช่แล้วเพราะผมกับมันไม่ใช่แฟนหรือคนรักกัน ที่จะได้ต้องรับรู้เรื่องราวของกันและกันไปเสียทุกเรื่อง ตัวผมเองพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับไอ้เชษฐ์มันเลย นั่นเพราะผมคิดเสมอว่ามันคือเพื่อน และเพื่อนก็ไม่จำเป็นต้องไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอะไรกันมากมาย ตัวมันเองก็เช่นเดียวกันเพราะขนาดพี่ชายผมเองมันยังไม่รู้จัก แล้วประสาอะไรกับเรื่องอื่น

“แต่กูอยากรู้ทุกเรื่องของมึง”นิ้วเรียวลูบไล้ที่ปลายผมก่อนจะสัมผัสที่ใบหน้าอย่างอ่อนโยน สายตาที่เหมือนแฝงไปด้วยความนัย ส่งผ่านมาที่ผม

“เพราะอะไรมึงถึงได้อยากรู้ล่ะ”หัวใจผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหว่ะ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้อง ตื่นเต้นได้ขนาดนี้ ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบ ไอ้เชษฐ์ไม่ได้ตอบในสิ่งที่ผมถาม แต่เริ่มเคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาผมช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ บรรจงประกบริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากของผม แปลกที่ผมไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด สัมผัสที่นุ่นนวล ทำให้ผมเผลอให้ลิ้นของอีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาพัวกันกับลิ้นของผม ผมรู้สึกเรี่ยวแรงมันหายไปหมด เข่าอ่อนจนต้องหาที่ยึดเหนี่ยวโดยการโอบกอดอีกฝ่ายไว้ ทั้งที่นี่ไม่ใช่จูบแรกของผมสักหน่อย แต่ทำไมผมทำเหมือนคนไม่เคยโดนจูบไปได้เนี่ย

“นี่แหละ...คำตอบ”หลังจากไอ้เชษฐ์ถอนริมฝีปากออก ก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบากระซิบที่ข้างๆ หูผม ซึ่งผมก็ได้แต่งงกับคำพูดนั้นว่าหมายความเช่นไร ผมกำลังจะเอ่ยปากถาม แต่คงไม่มีโอกาสได้รับคำตอบเร็วๆ นี้เพราะ


“ที่รัก เป็นไรหรือเปล่าทำไมเข้าห้องน้ำนานจัง แล้วทำไมต้องล็อคประตูข้างนอกนี่ด้วย เป็นไรไหม ตอบด้วย”ไม่รู้ว่าพี่ผมนี่เป็นตัวช่วยหรือตัวขัดขวางกันแน่นะครับเนี่ย ดันมาตอนผมกำลังจะถามคำถามที่สงสัยอยู่เนี่ย

“ไม่มีอะไรครับ...จะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”ผมตะโกนบอกออกไป ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้ดูเป็นปกติ แล้วเอื้อมมือจะเปิดประตูห้องน้ำ เพราะคนที่อยู่ติดประตูไม่มีทีท่าว่าจะยอมเปิดให้ และตอนนี้ก็ยังมาจับมือผมไว้ไม่ให้เปิดประตูเสียอีก

“เร็วๆ นะที่รัก”เสียงเจ้าพี่ชายตัวดีเร่งเร้ามาอีกรอบ

“ครับๆ”ผมตะโกนตอบออกไปอีกครั้ง

“ถ้าไม่ออกก็ถอยไป กูจะไปแล้ว”ผมหันมาสนทนากับคนตรงหน้าอีกครั้ง

“บอกกูก่อนสิ ว่าตกลงมึงกับพี่จ๋ายเป็นอะไรกัน”สีหน้าแววตาที่เว้าวอน บ่งบอกว่านี่เป็นการขอร้องให้ผมตอบไม่ใช่บังคับจะเอาคำตอบแต่อย่างใด ผมนิ่งมองหน้ามันพักนึง เพื่อคิดทบทวนว่าผมควรจะบอกไอ้เชษฐ์ออกไปเช่นไร

“กูบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า เป็นพี่น้องกัน”ใช่แล้วผมจะต้องคิดอะไรทำไม เพราะไอ้พี่ต๊าฟมันก็พูดตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นพี่น้องกับผม แต่แค่ออกในทำนองที่ดูคลุมเครือเท่านั้นเอง

“แค่พี่น้องเฉยๆ แน่นะ”ดูสีหน้าคนถามแล้วคงต้องอยากได้คำตอบที่จริงจัง และหนักแน่นจากผมเสียเหลือเกิน

“อืม...ทีนี้กูไปได้ยัง”คนตรงหน้าผมยิ้มกว้างก่อนจะเปิดประตูให้ผม

“ทำอะไรอยู่นานจังเลย”ไอ้พี่ชายตัวดี รีบเดินเข้ามาหาผมทันทีที่ ออกจากห้องน้ำ ก่อนจะปรายตามองคนที่เดินตามผมออกมา ผมส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยหน่าย ขี้เกียจจะเล่นละครบทนี้กับคุณพี่ต๊าฟต่อแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินอย่างเงียบๆ กลับไปที่โต๊ะ

แต่พอกลับมานั่งที่โต๊ะรอบนี้ ทำไมดูเหมือนทุกคนเป็นใบ้กันไปหมดหรือไง ถึงได้เอาแต่นั่งเงียบ ดูๆ แล้วต่างคนเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ในโลกส่วนตัวของแต่ละคน ผมกำลังคิดจะทำลายบรรยากาศเงียบๆ นี่  แต่ก็นึกหาเรื่องจะมาคุยไม่ได้อยู่ดี เกิดอาการสมองตื้อๆ ขึ้นมาเสียได้

“เออ พอดีพี่นึกขึ้นได้ว่ามีธุระ เดี๋ยวคงต้องขอตัวก่อนนะ”ผมหันขวับมองหน้าพี่ชายทันที ว่ามันจะมามุกไหนอีกเนี่ย อยู่ๆ ปุบปับก็จะไป

“ไว้ยังไงเจอกันใหม่นะ”แล้วกะลุกไปเลยครับพี่ชายผม ตกลงนี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ละเนี่ย ทีเมื่อสักครู่ยังไปตามผมที่ห้องน้ำ ก็ยังเล่นตามบทเดิมอยู่เลยนี่นา

“เดี๋ยวกูมานะ”ผมบอกเพื่อนทั้งสองก่อนจะลุกเดินตามพี่ชายเพื่อจะถามไถ่ว่ามันเป็นอะไรของมันอีก

“อารมณ์ไหนของมึงอีกเนี่ยไอ้ต๊าฟ”ผมเดินตามจนทันก่อนที่คุณพี่ชายจะออกจากร้านไป

“ก็แค่เบื่อแล้ว ไปหาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่า เพราะกูประมวลผลแล้วว่าคนนี้กูให้ผ่าน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับมึงแล้วว่าจะยังไงต่อ ว่าแต่เมื่อกี๊ในห้องน้ำนี่เป็นไงบ้างว่ะ”ผมมองคนพูดตาเขียวที่มาทำท่าล้อเลียนผม แล้วไอ้พี่ชายผมมันไปตัดสินอะไรไอ้เชษฐ์จากตรงไหนละเนี่ย หรือมันแค่เบื่อขี้เกียจเล่นแล้ว เพราะปกติพี่ผมมันก็หลักลอย เป็นปกติอยู่แล้ว อดทนทำอะไรได้ไม่นานหรอก

“เอ้าจะไปไหนก็ไปแล้วกัน เดี๋ยววันหยุดค่อยเจอกันที่บ้าน บอกพ่อกับแม่ไว้ด้วย”ผมรีบตัดบทเพราะถ้ายิ่งพูดก็จะยิ่งเข้าตัว

“ที่จริงกูแค่คิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของมึง กูไม่ควรจะวุ่นวายแค่นั้นแหละ ไปแล้ว”แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ผมก็ต้องเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม แต่ไม่ทันที่ผมจะเดินถึงโต๊ะ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชายผมนั่นเอง ผมกดรับอย่างงๆ

“กูไม่ได้ลืมนะว่าจะเลี้ยง แต่ยังไงวันนี้มึงออกไปก่อน แล้ววันที่กลับบ้านค่อยมาเอาตังค์ที่กูนะ”ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรสายก็ตัดไป กะไว้แล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝง ที่แท้ไอ้พี่บ้านี่ก็จะให้ผมเป็นคนจ่ายตังค์ทั้งที่บอกว่าจะเลี้ยงผมแท้ๆ ความซวยบังเกิดตลอดเลย เพราะมีพี่ชายแบบนี้แหละ

“จะกลับรึยัง”พอผมมาถึงที่โต๊ะไอ้การ์ดก็ถามขึ้น แถมตอนนี้ที่นั่งถูกสับเปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อย เพราะไอ้การ์ดกับไอ้เชษฐ์นั่งกันคนละฝั่ง ทำให้ผมต้องเลือกว่าจะนั่งฝั่งไหนดี ผมเลือกที่จะนั่งลงฝั่งเดียวกับผู้ที่เอ่ยถามผม

“รีบเหรอ ถ้ารีบพวกมึงกลับก่อนก็ได้นะ ขอกูนั่งต่ออีกสักพัก”ผมตอบผ่านๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะเราก็ต่างคนต่างมาอยู่แล้ว ไม่ได้มาด้วยกันเสียหน่อย

“ไม่ได้รีบ แต่เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็เลยนึกว่าจะกลับเลย”ไม่มีอะไรแล้วงั้นเหรอ มันหมายความว่าตอนแรกนี่มันมีอะไรหรือไงกัน

“ไหนๆ วันนี้ก็คงไม่กลับเข้าไปเรียนแล้วก็อยู่นี่เลยแล้วกัน”ไอ้เชษฐ์พูดออกมาอย่างราบเรียบ ยากจะเดาว่าตกลงตอนนี้มันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็เป็นอันว่าเราทั้งสามนั่งดื่มเบียร์กันต่อไป โดยที่มีเสียงของไอ้การ์ดพูดนู่นนี่อยู่ตลอด แต่ไอ้เชษฐ์นั้นเอาแต่ดื่มกับเงียบ และมองผมแทบจะไม่วางตา

“พวกมึงเห็นว่าไงว่ะ”หลังจากที่ไม่ได้ตั้งใจฟังไอ้การ์ดพล่ามเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ต้องหันมองมันเพราะเหมือนมันกำลังรอคำตอบบางอย่าง แต่ไอ้ผมดันไม่ได้ฟังเลยไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี

“ก็ดีนะ พวกเราก็ไม่ค่อยได้นัดสังสรรค์กันเป็นส่วนตัวแบบนั้นนานแล้ว”ผมกำลังพยายามวิเคราะห์ว่าตกลงไอ้การ์ดกับไอ้เชษฐ์มันคุยเรื่องอะไรกันแน่ ทั้งที่ตอนแรกแน่ใจว่าไอ้เชษฐ์เองก็ไม่น่าจะตั้งใจฟังไอ้การ์ดแต่ตอนนี้รู้แล้วว่าผมคงคิดผิด

“เป็นอันว่าตกลงนะว่า เสาร์-อาทิตย์นี้ ตั้งแคมป์ที่สนามบ้านกู เดี๋ยวกูจะนัดพวกที่เหลือเอง”อะไรนะ นี่ตกลงจะชวนกันปาร์ตี้อีกแล้วใช่ไหม แต่เดี๋ยวก่อน เสาร์-อาทิตย์นี้งั้นเหรอ ผมบอกไอ้พี่ต๊าฟ ว่าจะกลับบ้านนี่หว่า

“กูขอผ่านนะ พอดีว่าจะเข้าบ้านว่ะ”แม้จะเสียดายนิดหน่อยที่จะไม่ได้สังสรรค์กับเพื่อนๆ แต่ผมก็ต้องปฏิเสธเพราะทำตัวเป็นลูกที่ไม่ดีมานานพอแล้ว ต้องกลับไปไหว้พ่อ ไหว้แม่บ้าง เพราะนี่ขนาดบ้านก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไรเลย แต่ไม่ค่อยเข้าบ้าน

“โห ไรว่ะ แบบนี้ก็ไม่ครบทีมสิ”ไอ้การ์ดบ่นอย่าง เสียดายหน่อยๆ ไม่ต้องทำเหมือนขาดกูแล้วพวกมึงจะเมาไม่ได้แบบนั้นหรอกน่า เว่อร์ไปๆ

“งั้นพวกเราก็เปลี่ยนโปรแกรมไปบ้านไอ้ตี๊ฟแทนก็ได้นี่นา”อยู่ๆ ไอ้คนที่วันนี้พูดน้อย ก็แสดงความเห็นออกมา แต่ว่าจะไปบ้านผมนี่อ่ะนะ จะดีไหมเนี่ย ไอ้ผมยิ่งบ้านช่องไม่ค่อยกลับแล้วนี่จะพาเพื่อนกลับไปปาร์ตี้อีก

“เออว่ะ พวกเราก็ยังไม่เคยไปบ้านไอ้ตี๊ฟกันเลยนี่หว่า”ไอ้การ์ดเองก็เหมือนจะเห็นดีเห็นงาม ด้วยเหมือนกันอีกต่างหาก แล้วผมละเอาไงดี แม้ว่าจะไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะให้เพื่อนไปบ้าน แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่ามันต้อง มีเรื่องวุ่นวายแน่ๆ

“ว่าไงละมึง”ไอ้เชษฐ์หันมารอคำตอบจากผม มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้งผมอย่าเพิ่งกังวลไปจะดีกว่า ก็แค่เพื่อนไปบ้านแค่นี้เอง

“ไปก็ไปสิ แต่สงบเสงี่ยมกันบ้างนะ เดี๋ยวพ่อแม่กูตกใจหมด ที่มีเพื่อนนิสัยอย่างพวกมึง”แอบแขวะไอ้การ์ดมันเล็กน้อยครับ ก็เป็นอันตกลงครับว่าผมยอมให้พวกเพื่อนๆ ไปจัดงานสังสรรค์กันได้ที่บ้านผม พวกเรานั่งดื่มกันอีกสักพัก ก่อนจะแยกกันกลับ ไอ้การ์ดเอารถของไอ้เชษฐ์กลับไป ส่วนไอ้เชษฐ์จะมาเป็นสารถีให้ผม บอกไว้ก่อนว่านี่ไม่ใช่ความคิดผมนะครับ แต่เป็นความคิดของไอ้การ์ด ตลอดทางการกลับห้องผมกับไอ้เชษฐ์ไม่ได้พูดคุยกัน ผมมองทอดสายตาออกไปอย่างใช้ความคิดทำให้ ไอ้เชษฐ์เองไม่กล้าที่จะชวนคุย จนกลับถึงห้อง

“ขอคุยด้วยหน่อยสิ”ไอ้เชษฐ์ก็เปิดประเด็นขึ้น แต่วันนี้ผมเหนื่อยๆ เล็กน้อยเพราะดื่มมาตั้งแต่เช้านี่เวลาก็ล่วงเลยมาจนเย็นแล้ว

“ไว้คุยพรุ่งนี้ได้ไหม วันนี้กูง่วง ว่าจะนอนเลย”ผมบอกออกไปตามความรู้สึกจริงๆ ก่อนจะหันหลังให้กับไอ้เชษฐ์ เพื่อจะเปิดประตูเข้าห้องนอน แต่แล้วผมก็สัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่สวมกอดผมมาจากด้านหลัง

“สัญญากับกูสิว่าพรุ่งนี้มึงจะคุยกับกูดีๆ” ผมตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรแต่ทำไมไอ้เชษฐ์ทำเหมือนกับว่ากลัวผมจะไม่ยอมคุยกับมันอย่างนั้นแหละ ผมค่อยๆ แกะมือที่กอดผมไว้ออก ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้า

“กูสัญญา ทีนี้กูไปนอนได้ยัง”ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องและล้มตัวลงนอน คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ผมหลับลงไปอย่างง่ายดาย







มาส่งตอนใหม่คร๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-12-2014 18:30:49
โดนแกล้งไปนิดหน่อย หงอยเลยเชด อิอิ
รอพรุ่งนี้ด้วย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-12-2014 19:32:45
โอ๋ๆ อย่าเศร้าไปเลยเชษฐ์
ไปบ้านตี๊ฟคราวนี้คงกระจ่างขึ้น
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarch krub ที่ 29-12-2014 22:06:10
มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่นะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 29-12-2014 22:32:48
ชักเกรงๆกับปฏิกริยาของเพึ่อนในกลุ่มแล้วสิ  มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่านะ?
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 30-12-2014 00:19:42
โถ โถ เชษน้อยผู้น่ารัก  :-[  ว่าแต่พี่ต้าฟเนี่ยครือเพื่อนสะใภ้ในอนาคตรึเปล่านะ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-12-2014 00:24:08
รักเค้าก็บอกเค้าไปซี่~~  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 30-12-2014 00:32:00
เชษฐ์ก็ยังไม่บอกรักตี๊ฟอีก  คลุมเคลืออยู่ด้ายยยยย :ling2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-12-2014 05:37:58
เชษฐจะอกหักก็เพราะปากหนักนี่ละค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-12-2014 06:20:36
คราวนี้คุยกันให้เคลียร์เถอะนะ :mew2:
จะได้สวีทกันซะทีเนาะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 24 [29-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 30-12-2014 08:24:32
วันที่ 25

“ตกลงมีอะไรจะคุยกับกูเหรอ”วันนี้ทั้งวันผมไม่เห็นไอ้เชษฐ์มันจะมีเรื่องอะไรที่ พิเศษที่จะมาคุยกับผม เห็นเมื่อวานบอกว่าให้ผมสัญญา งั้นงี้ แต่นี่จนเย็นแล้ว จนกลับมาถึงห้อง จนผมทนเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามเสียเอง

“อยากรู้เหรอ”คนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ อย่างมีความนัยแอบแฝง จนผมชักไม่อยากรู้เสียแล้วว่ามีอะไร เพราะทีท่าของไอ้เชษฐ์มันค่อนข้างจะต่างจากเมื่อวานเหลือเกิน เมื่อวานมันดูจะเหมือน หงอยๆ หรือซึมๆ ไปเล็กน้อยตอนที่มันบอกว่าจะขอคุยกับผม แต่วันนี้ดูมันระริกระรี้เกินไปหน่อย

“ก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากมายหรอก ก็แค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไป”ผมต้องตอบอย่างยั้งฟอร์มไว้บ้างจะให้บอกตรงๆ ว่าจริงๆ ก็อยากรู้มันก็จะดูว่าให้ความสนใจกับมันมากไป เดี๋ยวมันจะดูไม่งาม (เกี่ยวไรกันเนี่ย)

“ไม่มีอะไรหรอกกูก็แค่ อยากหาเรื่องอยู่กับมึงนานๆ แค่นั้นแหละ”ไอ้เชษฐ์พูดยิ้มๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ไอ้ผมฟังแล้วมันกลับมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก บอกตรงๆ ว่าผมเองก็ไม่ได้โง่ ไม่ได้บื๊อ ขนาดว่าไม่รู้หรอกนะครับว่าไอ้ที่มันทำอยู่ตอนนี้ มันเหมือนกำลังจีบผมอยู่(มันเองก็บอกมาแล้วนี่นาว่าจะจีบผม) แต่ที่ผมยังคงสงวนท่าที ทำเหมือนไม่รู้ก็เพราะว่า ผมยังไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าที่จริง มันกำลังทำแบบนี้เพราะนึกสนุกอะไรขึ้นมา หรือที่มันทำออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ผมยังไม่มีอะไรที่สามารถจะยืนยันได้เลย รวมไปถึงความรู้สึกของผมเองด้วยว่าตัวผมเองเนี่ยรู้สึกกับไอ้เชษฐ์มันเช่นไร

“พูดบ้าอะไรของมึง”ผมพูดเสียงดุหน่อยๆ เพื่อกลบเกลื่อนว่า ผมกำลังเขินกับคำพูดแค่นี้ของมัน

“จริงๆ ก็ไม่ได้อยากคุยเฉยๆ หรอกนะ แต่อยากทำอย่างอื่นด้วย”คราวนี้สายตาหื่นๆ ถูกส่งตรงมาที่ผม จนผมต้องขยับถอยห่างออกจากคู่สนทนา หน้าหื่น ที่ตอนนี้เหมือนเตรียมพร้อมจะตะครุบเหยื่อแล้ว

“ไอ้ทะลึ่ง”ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เพราะดันคิดเลยไปไกลแล้ว นี่ตกลงไม่รู้ผมหรือมันกันแน่นะครับที่ทะลึ่งกว่ากัน

“ไม่ทะลึ่งสักหน่อย เค้าเรียกสัญชาตญาณที่ทุกคนพึงควรจะมี มึงเองก็ยังคิดเหมือนที่กูคิดเลยไม่ใช่เหรอ”คนพูดก้าวตามผมที่เริ่มถอยห่าง ชักรู้สึกว่าตอนนี้ผมเริ่มจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว

“แล้วทำไมมึงต้องมาเดินต้อนให้กูชิดผนังแบบนี้ด้วย”ตอนนี้กลายเป็นว่าผมถอยหลังจนชิดกำแพงแล้ว ส่วนอีกคนก็มายืนประจันหน้าผมอยู่ห่างแค่คืบเท่านั้น

ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามที่ผมเพิ่งเอ่ยออกไป มีเพียงริมฝีปากร้อนที่มาสัมผัสกับริมฝีปากของผม ผมตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ต่อต้านกับการกระทำของอีกฝ่าย เพราะผมดันเผลอจูบตอบอย่างลืมตัว

“นี่สำหรับที่มึงยั่วกูเรื่องไอ้การ์ด”ไอ้เชษฐ์ถอนริมฝีปากออก แต่ไม่ได้ขยับถอยห่าง ยังคงประกบตัวผมอยู่ ก่อนจะโน้มหน้ามาหาผมอีกครั้ง แล้วเริ่มไซร้ไปตามซอกคอ แล้วกัดเบาๆ ลงที่ต้นคอของผม

“อันนี้เป็นดอกเบี้ย เรื่องพี่จ๋าย”ไอ้เชษฐ์เปลี่ยนมามองหน้าผม แต่ผมไม่ได้ว่าอะไรมันออกไป เพราะตอนนี้กำลังประคองสติตัวเองไม่ให้ เผลอไผลไปกับไอ้เชษฐ์มากกว่านี้ เมื่อไม่เห็นผมพูดอะไรต่อ ไอ้เชษฐ์ก็ดูผิดหวังนิดหน่อย

“ไม่ถามเหรอว่าทำไมกูมีแค่ดอกเบี้ยในเรื่องพี่จ๋าย ไม่อยากรู้เหรอว่ากูจะคิดต้นกับมึงยังไง”ใบหน้าของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง พร้อมกับตั้งคำถาม ลมหายใจอุ่นๆ ของเราทั้งคู่พ่นรดกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมพยายามคิดจะถอยห่างออก แต่มันก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น ก็ตอนนี้ผมหลังชนฝาแล้วนิ จะให้ถอยไปไหนได้อีก ไอ้ครั้นจะผลักไสไอ้คนตรงหน้า ก็เกรงว่าแรงผมจะสู้ไม่ไหว เพราะตอนนี้เรี่ยวแรงมันเหมือนเหือดหาย แค่จะประคองสติไม่ให้เผลอไผลไปนี่ก็จะแย่อยู่แล้ว ผมไม่อยากถลำไปมากกว่านี้อีกแล้ว ถ้าทุกอย่างมันยังคงเป็นแค่เกม ผมกับไอ้เชษฐ์ก็ไม่ควรทำอะไรให้เกินเลยเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมาอีก ตอนนี้ แค่จูบมันยังพอทำใจให้ยอมรับได้ว่าไม่มีอะไร แต่ถ้ามากกว่านี้ มันคงไม่ดีแน่

“ไม่อยากรู้ และกูก็คงไม่มีทั้งต้นทั้งดอกให้มึงอีกแล้ว”ผมพยายามทำเสียงให้นิ่งที่สุดเพราะคำพูดที่ผมบอกไป มันเหมือนกำลังย้อนกลับมาทิ่มแทงใจผมเอง ใช่แล้วผมคงไม่อาจปฏิเสธได้หรอกว่าผมเริ่มมีความรู้สึกดีๆ กับไอ้เชษฐ์มากกว่าเดิม แต่มันก็แค่เพียงเล็กน้อย ถ้าผมจบมันเสียตอนนี้ ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากมายในวันข้างหน้า หากผมดันเผลอใจไปมากกว่านี้

“มึงต้องให้กูทำยังไงเหรอตี๊ฟ”น้ำเสียงที่อ่อนโยนและแฝงไว้ด้วยความหม่นหมอง ตอบกลับมายังผมคนพูดเหมือนกำลังเหนื่อยใจเต็มทีกับคู่สนทนาอย่างผม อย่าว่าแต่ไอ้เชษฐ์เลยที่เหนื่อยใจ ไอ้ผมเองก็เริ่มจะเหนื่อยกับเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน ผมว่าระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์มันมีเรื่องราวที่เข้ามาเปลี่ยนความสัมพันธ์อย่างเพื่อนให้เป็นอะไรที่คลุมเครือ และมันก็จะดูกระทันหันเกินไป ที่อยู่ๆ เราสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกันยังไม่ถึงเดือน แต่ดันเกิดความสัมพันธ์ทางกายกันขึ้น ทั้งที่ตอนแรกเราต่างตั้งแง่ให้กันและกัน

“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย เราก็แค่ต่างคนต่างเป็นเหมือนเดิม”ผมพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ผมเองกำลังสับสนพอควร ว่าผมจะเอายังไงต่อไปดี

“เหมือนเดิมของมึง กับเหมือนเดิมของกูมันอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้นี่นา”สองแขนของคนพูดสอดโอบรัดกอดผมกระชับเข้าหา แม้จะรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกกับสัมผัสที่ได้รับ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดของไอ้เชษฐ์เท่าไหร่ มันหมายความว่ายังไงกันกับไอ้ที่ว่าเหมือนเดิมของเราจะไม่เหมือนกัน คำว่าเหมือนเดิมของผมก็คือเราก็ต่างกลับไปคงความรู้สึกระหว่างเพื่อนเหมือนเดิมที่เคยรู้สึกมา

“ถ้ากูจะบอกว่า...”ยังไม่ทันที่ไอ้เชษฐ์จะพูดจบประโยคเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เราสองคนสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเสียงมันค่อนข้างดังพอควร ซึ่งไม่ใช่ของผม แต่เป็นของไอ้เชษฐ์ มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเหมือนไม่อยากจะรับ ผมไม่ได้มองหน้าจอว่าใครโทรมา แต่ก็บอกออกไปว่าให้มันรับโทรศัพท์ก่อน

ไอ้เชษฐ์กดรับอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก ส่วนผมไม่ได้อยากเป็นคนเสียมารยาทฟังมันคุยโทรศัพท์หรอกนะครับ แต่ไอ้คนที่กำลังจะคุยโทรศัพท์มันไม่ยอมปล่อยให้ผมออกจากการติดเป็นเฟอร์นิเจอร์ฝาผนังนี่สิ

“แหม๋ว มีอะไรหรือเปล่า”ชื่อคู่สนทนาในโทรศัพท์เรียกความสนใจผมได้ค่อนข้างมากทีเดียว แม้จะไม่อยากฟังเรื่องที่ไอ้เชษฐ์กำลังจะคุย แต่ยังไงเสีย ผมก็ได้ยินอยู่ดี ชื่อของแหม๋ว ที่ผมเกือบลืมไปแล้ว ว่าผมเองเหมือนเป็นต้นเหตุให้แหม๋วกับไอ้เชษฐ์ เลิกกัน ผมไม่แน่ใจว่าเค้ายังติดต่อกันอยู่อีกหรือเปล่า แต่จะว่าไปผมกับไอ้เชษฐ์ก็อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ผมก็ไม่เคยได้ยินว่ามันยังติดต่อกับแหม๋วอยู่ แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอกครับ เพราะตอนนี้วันนี้เค้ากำลังคุยกันอยู่ แล้วเค้าทั้งคู่ที่เคยคบหากันมา คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกแม้มันจะบอกว่ามันกำลังจีบผมอยู่ก็เหอะ เพราะอาจจะแค่พูดไปเล่นๆ อย่างนั้นเอง  และ ตอนนี้แหม๋วอาจจะหายโกรธไอ้เชษฐ์แล้ว ซึ่งอาจจะกลับมาคืนดีกันอีก สมองผมคิดไปไกล จนเหมือนจะไม่รับรู้บทสนทนาที่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

“ตอนนี้เลยหรอ...ได้ๆ แหม๋วใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวเราไป”ผมได้ยินประโยคสุดท้ายที่ไอ้เชษฐ์พูดก่อนจะวางสายพอดิบพอดี เราสองคนจ้องมองหน้ากันและกัน เหมือนต่างฝ่ายต่างกำลังมองให้ลึกลงไปภายในใจของอีกฝ่าย ผมเองกำลังคิดว่าเวลาของเกมระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์อาจจะสิ้นสุดเร็วขึ้นก็เป็นได้ เพราะถ้าเกิดไอ้เชษฐ์ยอมทำตามที่แหม๋วของร้องในตอนแรกที่ให้เลือกระหว่าเกมนี้ กับตัวแหม๋ว ในตอนนั้นมันอาจจะมีทิฐิ อยู่แต่ตอนนี้ทั้งสองอาจจะอยากปรับความเข้าใจกันแล้วก็ได้

“คือแหม๋ว...เค้า...เอ่อ”ไอ้เชษฐ์กลายเป็นคนติดอ่าง แต่ผมรู้ว่ามันกำลังทำใจลำบากที่จะบอกกับผมว่าต้องออกไปหาแหม๋ว ทั้งที่จริงผมก็ได้ยินอยู่แล้วจากที่มันคุยโทรศัพท์ไม่เห็นจำเป็นที่มันจะต้องมาอ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้ อีกอย่างมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลำบากใจเลยแม้แต่น้อย เพราะผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรมันอยู่แล้ว

“จะไปก็รีบไปสิ เดี๋ยวเค้ารอนาน”ผมบอกออกไปเสียงราบเรียบ ไม่แสดงอาการหรืออารมณ์ใดๆ

“งั้นกูไปนะ แต่บอกไว้ก่อนว่า ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดแน่ๆ ไว้กลับมาเราคุยกันต่อนะ เมื่อกี้ยังคุยกันไม่จบเลย”สำหรับมันอาจจะยังไม่จบ แต่ผมว่าผมจบแล้วนะ ผมจะพยายามไม่คิดอะไรมากมายอีกแล้ว ก็แค่ทำใจยอมรับความจริงว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกัน ผมมองหลังไอ้เชษฐ์ที่หายไปพร้อมกับประตูที่ปิดลง จะว่าไปเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นี่นา เป็นมาตั้งแต่รู้จักกัน จนถึงตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นไปมากกว่านั้น เพียงแค่มีอะไรที่ผิดพลาดไปบ้างเท่านั้นเอง จากนี้ไปผมหวังว่ามันจะกลับไปเป็นในแบบที่มันควรจะเป็นเสียที

แม้จะพยายามคิดเช่นนั้น แต่ผมกลับทรุดลงนั่งกับพื้นตรงที่เดิม ยังไม่ได้ขยับไปไหน ทำไมผมเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมานะ เหมือนถูกทิ้งยังไงไม่รู้ ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยสิ ให้ตายเถอะ คงเพราะผมเป็นคนขี้เหงาเกินไปหรือเปล่า คงต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ การที่ผมต้องมีเพื่อนเป็นโขยงเหมือนทุกวันนี้ก็เพื่อชดเชยส่วนนี้แหละครับ ผมไม่ชอบการต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ผมเลยกลายเป็นเหมือนคนติดเพื่อน และการที่เมื่อก่อนผมเปลี่ยนแฟนบ่อย ก็อาจมาจากเหตุนี้ด้วยเช่นกันแหละมั้ง การที่พอเลิกกับใครสักคน เราต้องหาคนใหม่มาทดแทน มันก็เพื่อให้เติมเต็มอะไรที่หายไปนั่นเอง

แต่พอเลิกกับมาบ ผมก็มีไอ้เชษฐ์ที่เหมือนมาเติมเต็มในส่วนนั้น แม้จะไม่ใช่ในฐานะแฟน แต่การที่มีคนอยู่ด้วยมีคนไปไหนมาไหนด้วยทุกวันแทบจะ 24 ชั่วโมง มันก็ช่วยให้คนอารมณ์เหงาๆ อย่างผมไม่หว้าเหว่ได้ดีทีเดียว แล้วถ้าเกมระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์จบลง ผมจะเป็นยังไงต่อไปกันนะ ต้องกลับไปสู่วัฏจักรเดิมหรือเปล่า กับการมีแฟน คนแล้วคนเล่า แต่ไม่มีใครที่จะมาเคียงข้างตลอดไป

และนี่เองแหละครับที่ทำให้ผมกลายเป็นคนขี้เหงา การที่ผมมีความชอบในเพศเดียวกันมันทำให้ผมคิดเสมอว่า ตัวเองไม่มีคู่แท้ ทำให้มันก่อเกิดเป็นความเหงาเรื้อรังสำหรับผม แต่การจะกลับไปสู่วัฏจักรเดิม ผมก็เหนื่อยเต็มทีแล้ว หรือผมจะย้ายกลับไปอยู่บ้าน ไม่ต้องออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้ อีกไม่นานเรียนจบยังไงก็ต้องทำงานกับที่บ้าน ย้ายกลับไปอยู่บ้านอยู่ดี อย่างน้อยที่บ้านผมก็ยังมี พ่อแม่ แล้วก็คุณพี่ชาย พอทำงานแล้วผมอาจจะไม่มีเวลาเหงาเลยก็เป็นได้ เพราะเห็นพอทำงานทีตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตเหมือนกัน หากผมเอาแต่ทำงานมันก็น่าจะช่วยให้ลืมๆ ปมในใจกับการที่จะไม่มีคู่ของผมไปได้บ้างแหละน่า แม้คนส่วนใหญ่ ใครๆ เค้าก็มีคู่กันทั้งนั้น แต่ก็ยังมีคนที่ไม่มีคู่อยู่บ้างแหละน่า แล้วมันจะแปลกอะไรที่ผมจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

“เฮ้อ...”ผมถอนหายใจกับตัวเองอย่างปลงๆ

คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำๆ ให้ตัวเอง นี่ผมมานั่งทำอะไรกันนะ ตกลงว่าชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้เจอคู่แท้จริงๆ เสียละมั้ง แล้วผมหวังอะไรอยู่เหรอ หวังว่าจะเจอใครคนนั้น หรือหวังว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนใกล้ตัวผมเอง

แวะมาอัพต่อ

ส่งท้ายปี

อาจจะมาอัพอีกทีหลังปีใหม่เลยนะครับ

ขอตัวไปเที่ยวก่อน อิอิ

Happy New Year 2015  o13 o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 30-12-2014 08:42:17
มาแบบชนวนชวนเข้าใจผิดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เลย

รักจะบริโภคข้างหลังก็ต้องเลิกลาชะนีให้เด็ดขาดนะเชษฏ์

Happy New Year ด้วยค่ะ   เที่ยวให้สนุกนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 30-12-2014 08:47:19
เห้อเชษฐร์เคลียร์ตัวเองซะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-12-2014 09:12:03
Happy new Year 2015
ตอนนี้หน่วงอีกตามเคย :hao4:
สงสารทั้งคู่ล่ะ
แหม๋วมีเรื่องไรล่ะเนี่ย
รอตอนต่อไปน้าา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-12-2014 09:20:16
ตี๊ฟอยู่คนเดียวไปเถอะ คิดได้แค่นี้จริงดิ เปิดจายยหน๊อยย~~  :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 30-12-2014 09:59:18
แฟนเก่าเชษฐ์โทรมาทำไม
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 30-12-2014 10:28:04
เหมือนเชษฐ์กำลังจะบอกรักตี๊ฟเลยแต่โทรศัพย์แฟนเก่ามาก่อน อดเลย

Happy New Year 2015  นะคะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarch krub ที่ 30-12-2014 10:30:29
สุขสันต์วันปีใหม่ครับ หน่วงๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 30-12-2014 11:49:53
ติ๊ฟนี่ขี้เหงาสุดๆไปเลยนะทั้งๆที่เหมือนเป็นพวกไม่ค่อยแคร์อะไร
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-12-2014 13:55:58
อย่าอย่ากังวลอะไรเลยตี๊ฟ
ลองปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyarin ที่ 30-12-2014 16:59:35
ชะนี ฉับๆๆ  :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 30-12-2014 17:11:05
ขอบคุณครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ
HAPPY NEW YEAR :mc4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-12-2014 18:25:16
หน่วงจริง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 31-12-2014 11:17:34
มีตัวกระตุ้นมาเพิ่มแล้ว
ติ๊ฟรู้ใจไวไว รอฉากหวานๆๆๆอิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-01-2015 01:52:01
เหลลืออีกตั้ง 45 วัน คนอ่านอาจจะได้กินมาม่ายาว  :katai5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-01-2015 06:17:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 04-01-2015 23:07:30
วันที่ 26/1

วันนี้แล้วสินะที่ผมจะกลับไปค้างที่บ้านพร้อมกับเพื่อนๆ ผมไม่ได้เอาอะไรติดตัวเลยเพราะ ข้าวของทุกอย่างที่บ้านผมก็มีอยู่แล้ว ผมว่าจะไปรอเพื่อนๆ ที่บ้าน เพราะอธิบายบอกทางกับไอ้การ์ดไปแล้ว น่าจะไปกันถูก ผมมองรอบๆ ห้องอย่างเหงาๆ คนที่อยู่ร่วมคอนโดกับผมไม่ได้กลับมาห้องตั้งแต่เมื่อวาน และวันนี้ทั้งวันก็ไม่ได้โผล่หน้าไปเรียนแต่อย่างใด ผมได้ยินไอ้การ์ดบอกว่า เห็นว่าไอ้เชษฐ์ติดธุรุะสำคัญเลยไม่มาเรียน ผมรู้สึกน้อยใจอยู่พอสมควร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมผมไปรู้สึกเช่นนั้น แต่ผมแค่คิดว่าทำไมมันไม่โทรบอกผมบ้าง ในฐานะคนที่อยู่ร่วมห้องกัน

แล้วก็เห็นว่าไอ้เชษฐ์จะตามไปบ้านผมช้าหน่อย ผมพยายามสะบัดหัวไม่คิดถึงเรื่องของไอ้เชษฐ์อีก ผมออกจากห้องเพื่อเดินทางกลับบ้าน วันนี้เป็นวันศุกร์รถค่อนข้างติดอยู่พอสมควรในช่วงเย็นๆ แบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร การติดอยู่บนท้องถนนก็เป็นการดีที่เราจะได้อยู่กับตัวเองใช้เวลาคิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง แต่ไปๆ มาๆ ยิ่งคิดผมยิ่งจะไปกันใหญ่เลยพยายามไม่คิดอะไรแล้วดีกว่า

“ไงถึงไหนแล้ว”ผมกดรับโทรศัพท์พร้อมกับจัดแจงอุปกรณ์เสริมสำหรับการคุยโทรศัพท์ในระหว่างขับรถ

“กำลังจะออกตัว กว่าจะรวมตัวกันได้ไอ้พวกนี้ก็ชักช้ากันเหลือเกิน แถมไม่รู้ว่าจะขนอะไรไปกันนักหนา ทำยังกะจะไปอยู่บ้านมึงเป็นเดือน”ไอ้การ์ดบ่นไปตามประสา ผมก็ไม่รู้ว่าเพื่อนคนอื่นๆ ขนอะไรไปกันบ้าง แต่ฟังแล้วคงจะมากเกินไปสำหรับการค้างคืน 2 คืนที่บ้านผม

“แล้วตกลงนี่โทรมาบ่นให้กูฟังเฉยๆใช่ไหม”ผมวกกลับเข้าประเด็นใหม่ว่าตกลงไอ้การ์ดโทรมามีเรื่องอะไรอื่นอีกหรือเปล่า

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่จะถามว่ารถติดไหม กูกลัวรถติดแล้วจะถึงดึก เกรงใจที่บ้านมึงว่ะ”ผมยกแขนมองดูนาฬิกา นี่มันเพิ่งจะ 6 โมงเย็น บ้านผมก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไรมากมาย มันจะกังวลขนาดนั้นเลยเหรอ รถก็ใช่ว่าจะติดจนไม่ขยับเสียเมื่อไหร่

“ไม่ถึงดึกหรอกมั้งรถก็ติดพอประมาณแหละ อีกอย่างมึงไม่ต้องเกรงใจใครหรอก เพราะพ่อกับแม่กูคงไม่มาตั้งหน้าตั้งตารอรับเสด็จพวกมึงหรอก”ผมพูดออกไปอย่างอารมณ์ดี ได้คุยกับไอ้การ์ดแบบนี้ทำให้ผมค่อยไม่คิดอะไรไร้สาระเท่าไหร่

“แล้ว...ไอ้เชษฐ์มันมาพร้อมมึงด้วยหรือเปล่า”อ้าวก็มันเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่เหรอว่าไอ้เชษฐ์จะตามไปทีหลังแล้วจะมาถามหาไอ้เชษฐ์กับผมอีกทำไมกัน

“ยังไม่เห็นหน้ามันโผล่มาเลย มันคงไม่ไปแล้วมั้ง”ผมตอบออกไป พร้อมกับอารมณ์ที่ผิดหวังหน่อยๆ ก็เพราะไอ้คนต้นคิดที่จะให้เพื่อนๆไปบ้านผม ดันจะเป็นคนสุดท้ายที่จะตามไปหรืออาจจะไม่ไปเลยก็ได้ แต่ช่างเหอะ ยังไงผมก็ต้องกลับไปหาพ่อแม่บ้างอยู่แล้ว อีกอย่างเพื่อนคนอื่นๆ ก็ไปกันหมด ขาดไปสักคนจะเป็นไรไป

ผมคุยกับไอ้การ์ดอีกเล็กน้อย ก่อนจะขับรถต่อ ซึ่งเพียงไม่นานผมก็ถึงที่หมาย ซึ่งพอเดินเข้าบ้านก็เจอพี่ชายที่แสนดีมารอต้อนรับ ไม่รู้คิดจะทำตัวดีหรือเตรียมแผนอะไรไว้อีก

“อ้าวมาคนเดียวเหรอ”ไอ้ต๊าฟมีอาการขัดใจที่เห็นผมมาแค่คนเดียว แสดงว่ามันต้องมีแผนอะไรไว้กลั่นแกล้งผมกับเพื่อนอีกเป็นแน่

“เดี๋ยวก็ตามมา พ่อกับแม่ล่ะ”ผมตอบคำถามอย่างไม่ใส่ใจนักพร้อมกับถามหาบุพการี

“แล้วน้องเขยล่ะ ไม่ได้มาพร้อมกันเหรอ”แทนที่มันจะตอบคำถามผม แต่ดันมาพูดจากวนประสาทผมอีก

“หมายถึงใคร”ผมตีหน้าซื่อไม่เข้าใจความหมายของไอ้คุณพี่ชายหวังว่ามันจะเลิกพูดจาไร้สาระสักที

“ทะเลาะกันเหรอ หรือมึงงอนอะไรอยู่” ดูมันเถอะครับพี่ชายผม ผมเลยไม่สนใจเลิกสนทนาเดินเข้าบ้าน ซึ่งคุณพี่ชายเมื่อเห็นผมเดินหนีก็เดินตามมาติดๆ

“พ่อหวัดดีครับ”ผมยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อที่นั่งดูข่าวอยู่ พ่อยกมือรับไหว้ผมอย่างเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนัก พ่อผมก็งี้แหละครับ ฟอร์มเยอะ ที่จริงดีใจนะนั่นที่ผมกลับมาบ้าน แต่ต้องเก๊กขรึมไว้ก่อน

“นึกว่าลืมทางกลับบ้านไปแล้วเสียอีก”พ่อพูดประชดๆ ผมโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม ผมหันมองพี่ชายตัวดี พร้อมกับบุ้ยใบ้ถามว่าอารมณ์ของพ่อผมอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ตอนนี้ ก็ได้รับภาษาใบ้กลับมาว่า นี่ก็มุกเดิมของพ่อนั่นแหละ กำลังแกล้งงอนผมที่ไม่ค่อยกลับบ้าน

“จริงๆ ก็ลืมแล้วแหละพ่อ แล้วนี่ที่มาถูกก็พอดีดูที่อยู่ในบัตรประชาชนนี่แหละ แล้วก็ให้แทกซี่ขับนำมาให้ ตอนมาก็พยายามจำทางให้ได้อยู่เหมือนกัน เพราะกลัวจะหาทางกลับไปคอนโดไม่ถูก”ผมแกล้งพูดเล่นกับพ่อเมื่อคิดว่าท่านไม่ได้โกรธผมอยู่

“จำไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับ อยู่มันเสียที่นี่แหละ”นั่นแน่พ่อผมมีแบบนี้ด้วย

“แต่ที่นี่มันไกลมหา’ลัยนะพ่อ มาอยู่นี่ผมก็ได้ไปเรียนสายทุกวันนะสิ”ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ พ่อก่อนจะตอบด้วยท่าทาอ้อนๆ ทำตาบ๊องแบ๊วให้ดูน่าสงสาร

“ก็หัดตื่นให้มันเช้าๆ ก็ไม่สายแล้ว ไปๆ ไปไหนก็ไปพ่อจะดูข่าวไม่ต้องมากวนไปหาแม่ในครัวนู่น กำลังบ่นอยู่ว่าไม่พากันมาสักที นี่เข้าครัวรอตั้งแต่บ่ายแล้ว เออไหนว่าเพื่อนจะมาด้วยหลายคนแล้วทำไมมาคนเดียวล่ะ หรือเค้าเลิกคบไปหมดแล้ว”อ้าวพ่อนี่อยู่ดีๆก็มากัดลูกทำไมเนี่ย ต่อปากต่อคำกับพ่อเล็กน้อยก็ถูกไล่อีกเป็นรอบที่สองให้ผมไปหาแม่ในครัว คือต้องทักทายให้ครบทุกคนในบ้านก่อนครับเหมือนเป็นทำเนียมไปแล้ว สงสัยถ้าบ้านผมมีหลายคน กว่าจะได้ทำอย่างอื่นคงจะเหนื่อยก่อน

“สวัสดีครับคุณนาย ทำอะไรเอ่ย”ผมส่งเสียงพร้อมกับเดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ที่ยืนหั่นผักอยู่

“มาไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ตกใจหมดเลยเจ้าลูกคนนี้นิ”แม่ผมเบี่ยงตัวมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ยังกะผมเป็นเด็กๆ งั้นแหละ

“โหคุณนายทำอะไรเยอะแยะขนาดนี้ ผมไม่ได้พาเพื่อนมาทั้งมหา’ลัยนะ”แกล้งแซวเสียหน่อยครับทั้งที่ จริงๆ แล้วก็ทำพอเหมาะกับที่ผมบอกไว้นั่นแหละว่ามีเพื่อนมากันกี่คน

“แหมเพื่อนๆ ลูกมาทั้งที เหลือดีกว่าขาด เดี๋ยวทำไว้ไม่พอกันกิน เดี๋ยวหาว่าบ้านเราต้อนรับไม่ดี ขายขี้หน้าหมด ว่าแต่นี่มากันหมดรึยัง”คุณนายผม สอดส่องมองหา แต่ไร้เงาใครก็เพราะยังไม่มีใครมา

“อยู่ที่ห้องรับแขกกันเหรอ หรือเอาข้าวของเก็บอยู่ ไม่มาเรียกแม่ไปทักทายเพื่อนๆ ก่อนล่ะ”ดูคุณนายท่านจะตื่นเต้นเหลือเกินนะครับกับการมาของเพื่อนๆ ผม สงสัยจะเป็นคนแก่ขี้เหงาเสียละมั้งนี่บุพการีผม ก็ทั้งผมทั้งพี่ ไม่ค่อยมีใครกลับบ้านกลับช่อง ปล่อยสองตายายอยู่บ้านกันลำพังประจำ ต่อไปนี้คงต้องพูดกับพี่ชายตัวดีให้ปรับปรุงตัวใหม่แล้ว (ส่วนผมก็ทำตัวเหมือนเดิม ฮา)

“ไม่มีใครมาแล้วแหละแม่”ผมแกล้งตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จอำคนแก่ครับ คุณนายผมสีหน้าตื่นตกใจเป็นที่สุด จะบาปไหมเนี่ยผมหลอกคนแก่

“ทำไมละลูก เค้าเกรงใจหรือว่าไม่มีใครคบลูกแม่เป็นเพื่อนแล้ว หรืออะไร”อ้าวๆ ไปใหญ่เลยครับคุณนาย

“ผมล้อเล่น พวกเพื่อนๆ กำลังตามมาอีกไม่นานน่าจะถึงแล้วแหละ”ผมพูดพร้อมยิ้มกว้างแต่ถูกคุณนายหยิกเข้าให้ โทษฐานอำคนแก่

“หลอกแม่ได้ ตกใจหมด นึกว่าที่เข้าครัว...”

“ตั้งแต่บ่ายแล้วอาหารจะเป็นหมันหมด”ผมแทรกพูดต่อให้คุณนายท่านชอบเข้าครัวทำอาหารนะครับ แต่ไม่ค่อยมีใครมาชิมฝีมือแกเท่าไหร่ ไม่ใช่ไม่อร่อยนะครับ แต่ว่าก็ท่านอยู่กันสองคน เลยไม่ค่อยได้ทำให้คนอื่นทาน พอผมบอกว่าเพื่อนจะมาเลยเป็นแบบที่เห็นนี่แหละครับ

“อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้นครับคุณนาย ไม่เห็นต้องมาตั้งหน้าตั้งตาทำให้พวกทะโมนเพื่อนผมขนาดนั้นก็ได้”ผมพูดไปพร้อมกับหยิบอะไรชิมไปเรื่อย เพราะเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน

“ไม่ให้ตื่นเต้นได้ไง ก็ลูกเข...”คุณนายหยุดพูดจนเป็นที่ผิดสังเกตุ ผมว่าผมได้ยินแว่วๆ ว่าคุณนายจะพูดอะไรเกี่ยวกับผมนะ แต่เหมือนเผลอหลุดปากมากกว่า

“ว่าไงนะครับคุณนาย”ผมหันมองพร้อมด้วยสายตาจับผิดเต็มที่ อยากจะคิดว่าหูฝาดแต่ผมว่ากลิ่นมันเริ่มแปลกๆ ตั้งแต่ไอ้พี่ชายแล้วแหละ มันต้องใส่ไฟอะไรผมไว้แน่ๆ

“ไม่มีอะไรนิ ก็ลูกมาบ้านทั้งทีก็ตื่นเต้นเป็นธรรมด๊า ธรรมดา”ยิ่งพูดยิ่งมีพิรุธเลยนะคุณนายผมเนี่ย

“คุณนาย...โกหกไม่ดีนะ”จี้จุดเลยครับเพราะแม่ผมไม่ชอบคนโกหก แล้วจะมาโกหกเองไม่มีเสียหรอก

“อะๆ บอกก็บอก ไม่ได้จะโกหกอะไรเสียหน่อย แค่พูดไม่หมดแค่นั้นเอง”เหมือนจะบอกแต่ยังชักแม่น้ำทั้ง 5 ครับ

“ครับ”ผมรับคำสั้นๆ แต่จ้องหน้าตาแป๋วรอฟัง


“ก็ลูกเขยจะมาบ้านทั้งที แม่ก็ต้องต้อนรับขับสู้ให้ดีเป็นพิเศษหน่อย”คำพูดของแม่ผมเล่นเอาของที่ผมกำลังเคี้ยวแทบพุ่ง นี่คุณนายท่านไปเอาข้อมูลอะไรแบบนี้มาจากไหน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 04-01-2015 23:08:07
วันที่ 26/2

“ใครบอกแบบนั้นละแม่ ผมบอกแล้วนิว่ามีแต่เพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันนั่นแหละที่จะมาค้างด้วย มีใครอะไรแบบนั้นที่ไหนกัน”ผมรีบแก้ตัวพัลวัน หน้าตาไอ้พี่ชายตัวดี ลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไอ้ต๊าฟ นะไอ้ต๊าฟ

“ไม่ต้องเขิน ไม่ต้องเขิน แม่รู้เรื่องหมดแล้ว ที่จริงต๊าฟก็บอกแม่แล้วว่าให้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไว้เพราะกลัวตี๊ฟจะเขิน แต่มาดันเผลอหลุดปากแบบนี้ ก็ไม่เป็นไรเนอะ บอกพ่อลูกเขยทำตัวตามสบายนะ ไม่ต้องเกรง เห็นว่าต๊าฟ สแกนมาแล้วคนนี้พี่เค้าไฟเขียว แม่เชื่อสายตาพี่เรานะ แม่ให้ผ่านอีกหนึ่ง ที่เหลือก็แค่พ่อเราแหละ”ผมละอยากจะเดินออกไปบีบคอไอ้พี่ชายตัวดีให้แดดิ้นมันเสียเดี๋ยวนี้เลย ดูมันทำสิ เอาพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดแบบนี้อีก

“อ่ะๆ นั่นเสียงรถมากันแล้วมั้ง ไปๆ เราไปรับเพื่อนดีกว่า แม่จะได้ออกไปดูหน้าว่าที่ลูกเข...เอ๊ย ดูหน้าค่าตาเพื่อนๆ ลูกไง”พอเห็นผมมองตาขวางๆ เลยเปลี่ยนหน้าเลยนะคุณนาย ผมต้องเดินออกมารอรับเพื่อนๆ อย่างเสียไม่ได้

ไอ้การ์ดเดินนำทีมพร้อมข้าวของที่ดูเหมือนจะไปออกค่ายที่ไหน ผมได้แต่มองพร้อมส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายกับพวกมัน ทำยังกะบ้านผมอยู่ในป่าในเขา ไม่มีของกินของใช้ นี่มันประชดอะไรผมกันหรือเปล่า พอมาถึงก็ยืนหน้ากระดานกันเลยทีเดียว ไอ้การ์ดเป็นหัวหน้าทีม พร้อมลูกทีมอีก 4 ชีวิต ฝั่งผมก็ยืนต้อนรับครบทีมเช่นกัน

“การ์ดครับ เบิ้มครับ หมอกครับ วุธครับ ขวดครับ”ซ้อมกันมาเลยใช่ไหมเนี่ยเพื่อนตู

“สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับพี่ต๊าฟ”ประสานเสียงทักทายอย่างพร้อมเพรียงนี่พ่อแม่ผมจะหาว่าผมมีเพื่อนเป็นคนบ้าหรือเปล่าเนี่ย เอ๊ะ ว่าแต่เมื่อกี๊พวกนี้เรียกไอ้พี่ต๊าฟว่าไงนะ พวกมันรู้จักชื่อไอ้ต๊าฟได้ยังไง โดยเฉพาะไอ้การ์ดที่วันก่อนเจอผมกับไอ้ต๊าฟ ตอนนั้นพี่ผมมันแนะนำว่าชื่อจ๋ายนี่นา อีกอย่างดูไม่การ์ดไม่แปลกใจเลยที่เห็นไอ้ต๊าฟ ที่นี่ทั้งที่วันนี้เราเล่นบทให้เข้าใจว่าเป็นคนรักกันนี่นา ไม่ได้บอกว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆเสียหน่อย ผมมองไปยังพี่ชายตัวดีที่ทำลอยหน้าลอยตา อย่างไม่รู้เรื่อง ก่อนจะมองไปที่หัวหน้าทีมลูกเสือชาวบ้าน แต่ไอ้การ์ดเพียงยักคิ้วอย่างกวนๆ ประมาณว่ามันกำลังถือไพ่เหนือกว่าผมอยู่ ชัดเจนครับ ไอ้พี่ตัวดีกับหัวหน้าทีมลูกเสือชาวบ้านนี่เตี๊ยมกันมาแล้วแน่นอน ว่าแต่มันไปรู้จักมักคุ้นกันตั้งกะเมื่อไหร่

“ตามสบายๆ น่ารักกันจริงเชียวลูกๆ เนี่ย ว่าแต่คนไหนละต๊าฟ หือ”คุณนายผมเอาแล้วครับเริ่มสะกิดไอ้พี่ชายตัวแสบแล้ว

“อ่ะแฮ่ม น้อยๆหน่อยนะคุณ อย่าออกนอกหน้ามาก”ฝ่ายคุณพ่อเริ่มปราม นี่แสดงว่าไอ้ต๊าฟ กระจายข่าวทั่วทั้งบ้านไปแล้วว่าวันนี้ผมจะพาว่าที่ลูกเขยของบ้านมาแนะนำ อยากจะบ้าตาย แต่ทำได้แค่มองไอ้คุณพี่ชายด้วยสายตาอาฆาตแค้น ฝากไว้ก่อนเถอะ ทีใครทีมันแล้วกัน

“พ่อว่าพากันเอาของไปเก็บกันก่อนดีไหม เดี๋ยวจะได้มาเตรียมจัดโต๊ะจัดอะไรที่สวน เพราะเห็นว่าจะปาร์ตี้กันนิ ไปตี๊ฟพาเพื่อนไปดูที่หลับที่นอน แม่เค้าจัดเพิ่มไว้ให้สองห้อง รวมห้องเราด้วยก็ เป็นสาม น่าจะพออยู่กันได้นะ”พ่อผมเก๊กมาดขรึมพร้อมกับออกคำสั่งผม แต่มีขยับแว่นเหลือบมองเพื่อนๆ ผมอย่างพิจารณา นี่อย่าบอกนะว่านี่ก็มองหาลูกเขยอีกคน ตูจะบ้าตาย

“พวกเราอยู่ยังไงก็ได้ครับจริงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้”ไอ้การ์ดออกปากนอบน้อม แหมๆ ทำเป็นพูดดีไปนะใจจริงแอบยิ้มสิที่ไม่ต้องนอนสนามหน้าบ้าน เพราะตอนแรกผมบอกขี้เกียจจัดห้องให้ เลยบอกพวกมันว่าเอาเต้นท์มากางนอนที่สนามกันเองแล้วกัน

“เดี๋ยวขอตัวเอาของไปเก็บก่อนนะคร๊าบบ”ทั้งหมดประสานเสียงอีกรอบ

“อ้าวตกลงคนไหนละ แม่ยังไม่รู้เลย”น่านคุณนายผมคราวนี้ขวางทั้ง 5 หนุ่มไว้เลยครับ ท่าจะสงสัยจัด ไม่มีสงวนท่าทีเลยนะคุณนาย แล้วไอ้ที่คุณนายหานะมันมีที่ไหน แล้วเจ้าคนที่ไอ้ต๊าฟหมายถึงป่านนี้เค้าคงกลับไปคืนดีกับแฟนแล้วมั้ง

“คุณแม่มีอะไรเหรอครับ”ไอ้การ์ดเอ่ยถามอย่างสุภาพ

“ไม่มีอะไรไปพวกเรารีบเอาของไปเก็บเหอะ หิวแล้ว”ผมรีบตัดบทก่อนที่จะไปกันใหญ่

“คนไหนจะมาเป็นลูกเขยแม่”

“แม่/คุณ”เสียงผมและพ่อหลุดออกมาแทบจะพร้อมกัน ส่วนเพื่อนๆ ผมหันมองแม่ผมเป็นตาเดียวกัน มีเพียงไอ้พี่ชายตัวดีเท่านั้นแหละที่ยิ้มชอบอกชอบใจ

“ก็แม่แค่อยากรู้นี่นา”คุณนายผมยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน

“ลูกเขยคุณแม่ยังไม่มาครับ พอดีเค้าติดธุระแต่อีกเดี๋ยวคงตามมา”เอาแล้วไหมล่ะพวกเพื่อนผมยิ่ง สนุกกับเรื่องของผมกับไอ้เชษฐ์อยู่แล้ว มาเจอแม่ผม ออกนอกหน้าเสียขนาดนี้ มีหวังผมซวยแน่ๆ

“มันจะมาอยู่เหรอ”ผมพูดลอยๆ กับพวกเพื่อนๆ แต่คุณนายผมนี่หูผึ่งสงสัยกำลังวิเคราะห์น้ำเสียงผมเป็นแน่แท้

“ไม่ตรงต่อเวลา ไม่รู้จักกาละเทศะ”เสียงพ่อผมดังเรียบๆ และขยับแว่นก่อนจะสนใจข่าวในทีวีต่อไป เอาน่าอย่างน้อยฟังแล้วพ่อนี่แหละที่พอจะเป็นกำบังให้ผมได้บ้างในตอนนี้ ขอบคุณครับพ่อ

“คุณจะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูก นี่เราไม่ได้นัดกันเป็นทางการอะไรขนาดนั้น อีกอย่างเพื่อนๆ ก็บอกแล้วว่าเค้าติดธุระอยู่ คุณนี่ยังไงกัน”ผมได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะรีบลากพวกเพื่อนๆเอาของไปเก็บ

“ห้องละ 2 คน พวกมึงตกลงกันเองใครจะนอนกับใคร ส่วนมึงก็นอนห้องกูแล้วกันไอ้การ์ด”ผมจัดแจงให้เพื่อนทั้ง 5 เลือกที่หลับที่นอน ยกเว้นไอ้การ์ดที่แยกมาไว้ห้องผมจะได้ไม่ต้องไปเบียดอะไรกันมาก รู้หรอกว่าพวกมันต้องพยายามให้ห้องผมเหลือที่ไว้

“แต่กูไม่อยากนอนกับมึงนี่หว่า”ว่าแล้วต้องมามุกนี้

“งั้นก็เปลี่ยนตัว จะได้ไม่ต้องเบียดกัน ใครจะไปนอนห้องกู ถ้าไม่มีใครก็ขนของขึ้นรถกลับบ้านได้เลย”มันต้องเจอไม้นี้ครับพวกนี้ถึงจะอยู่

“เรื่องมากจริง โอเคๆ กูนอนห้องมึงก็ได้”ไอ้การ์ดยอมจำนนแต่โดยดี ว่าง่ายๆ แบบนี้แหละดีแล้ว พอวางข้าวของเสร็จก็พากันลงมาช่วยกันจัดสถานที่ ทยอยยกอาหารเครื่องดื่มออกมาเตรียมพร้อมที่สนาม คาดว่าคืนนี้เพื่อนๆ ผมคงหมดสภาพแน่ๆ เพราะคุณนายผมจัดเครื่องดื่มไว้ซะเหมือนจะเตรียมอาบงั้นแหละ นี่จะเอามาทำไมเยอะแยะขนาดนี้

“นี่คุณแม่เตรียมไว้ให้พวกผมเลยเหรอครับ”ไอ้การ์ดที่ดูจะคุยถูกคอกับแม่ผมเสียเหลือเกินเอ่ยถามขึ้น

“ก็เห็นว่าลูกๆ ชอบดื่มเบียร์ แม่ก็เลยเตรียมไว้ให้ คนอื่นอาจจะมองว่าไม่อยากให้ลูกเต้าดื่มของมึนเมาอะไรเพราะมันไม่เหมาะไม่ควร แต่แม่ว่าเรื่องแบบนี้มันห้ามกันยาก สู้ทำใจยอมรับให้ลูกๆ หลานๆดื่ม แต่ให้รู้จักดูแลตัวเองดีกว่า คือให้ดื่มกันที่บ้านแบบนี้ เมาแล้วก็อย่าไปอาละวาด ก่อเรื่องก่อราวกับใครที่ไหน ไม่ไหวก็นอน ไม่ต้องไปขับรถขับราให้เป็นอุบัติเหตุ”คุณนายผมดูภูมิใจเหลือเกินนะที่เห็นลูกๆ ดื่มแอลกอฮอล์เนี่ย

“คุณแม่นี่นอกจากจะยังสาวยังสวยแล้วยังใจดีอีกนะครับเนี่ย”มึงพลาดแล้วไอ้การ์ด ไปชมอย่างนั้นคุณนายได้ตัวลอยกันพอดียิ่งบ้ายออยู่ด้วย งานนี้ก็รับผิดชอบทั้งอาหารเครื่องนี่ให้หมดแล้วกันนะไอ้การ์ด

“ไม่เท่าไหร่หรอก แม่นะแก่แล้ว ว่าแต่นี่เมื่อไหร่พ่อลูกเขยจะมาสักทีน้า อยากเห็นหน้าว่าสเปคลูกชายแม่นี่ไม่ทิ้งแถวหรือเปล่า”เอาเข้าไปครับงานนี้

“คงเชื้อไม่ทิ้งแถวหรอกครับ คุณแม่ยังเลือกคุณพ่อที่หล่อเหลา สมาร์ทขนาดนี้ ลูกชายคุณแม่ก็ต้องตาถึงเหมือนกันแหละครับ”ไอ้นี่ก็เป็นกับเค้าไปใหญ่เลยนะมึง ไอ้เพื่อนทรยศ แล้วดูคุณนายผมสิ หัวเราะชอบใจใหญ่เลยนะ

“ตี๊ฟ”ผมหันไปตามเสียง ก็พบแสงสว่างในถ้ำอันมืดมิด คุณพ่อนั่นเอง ดีนะที่ยังมีหนึ่งคนที่ไม่มองผมเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ในบททสนทนาของแต่ละคน

“ว่าไงครับพ่อ”ผมรีบเดินไปหาอย่างต้องการที่ยึดหนี่ยวเพราะกำลังจะโดนรุมสกรำทางคำพูดจนจะไม่เหลือชิ้นดีแล้ว

“ไม่โทรเช็คหน่อยเหรอว่าเค้าถึงไหนแล้วเนี่ย จะให้รอ หรือจะให้เราทานกันก่อนเลย”ผมเริ่มชักไม่มั่นใจในตัวพ่อแล้วสิว่าจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้ผมได้ แต่หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ

“พ่อหมายถึงใครครับ”ขอร้องละครับพ่ออย่าเป็นไปกับเค้าอีกคนเลย แค่นี้ผมก็จะบ้าอยู่แล้ว

“อ้าวก็แฟนเรานั่นแหละ มัวไปเถลไถลที่ไหนหรือเปล่า จะมาหรือไม่มาก็เอาชัดๆไปเลย”เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่ผมอย่างจัง พ่อครับเอามีดมาแทงผมเลยดีกว่า อุตส่าห์คิดว่าพ่อจะไม่เป็นไปกับเค้า ทำไม ทำไมทุกคนถึงทำเหมือนอยากจะให้ผมลงเอยกับไอ้เชษฐ์นักหนา ทั้งที่เจ้าตัวเค้าอยากให้เป็นแบบนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้

“คุณพ่อกับคุณแม่นี่ หัวสมัยใหม่ดีนะครับ ที่ยอมรับเรื่องความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายได้แบบนี้”คู่นี้ยังไม่จบอีกครับ ไอ้การ์ดกับคุณนายผม นี่จะยกยอปอปั้นกันไปถึงไหน

“ก็แค่รักในสิ่งที่ลูกๆเป็น แค่นี้พ่อกับแม่ก็มีความสุขแล้ว ลูกทำอะไรแล้วมีความสุข แม่กับพ่อก็มีความสุขด้วยอยู่แล้ว อีกอย่างก็ไม่ต้องกลัวไม่มีหลานเพราะยังมีเจ้าต๊าฟอยู่อีกทั้งคน แม้ตอนนี้จะยังไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย แต่อีกไม่นานคงมีหลานให้แม่อุ้มแล้วแหละ”แน่ใจเหรอคุณนาย เจ้าชู้อย่างไอ้ต๊าฟนี่คงจะลงเอยกับใครง่ายๆ หรอกนะกว่าจะได้อุ้มหลานคงอีกนานนะครับคุณนาย

“แล้วถ้าเกิดผมไปชอบผู้ชายเข้าละครับแม่”เสียงพี่ชายตัวดีกระเซ้าคุณนายทำเอาทุกคนเฮ เพราะรู้ว่าไอ้พี่ชายตัวดีก็อำเล่นๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 04-01-2015 23:08:44
วันที่ 26/3

“ไม่เห็นจะยาก พ่อกับแม่ก็แค่ปั๊มน้องออกมาให้พวกแกอีกสักคนแค่นั้นเอง”คุณนายผมพูดอย่างสบายอารมณ์ แถมเรียกเสียงเฮได้ดังกว่าพี่ชายผมอีก

“อายุปูนนี้แล้วยังจะอุ้มท้องไหวเหรอคุณนาย”ผมอดไม่ได้ต้องขอแซวเสียหน่อย คุณนายหันขวับมาแทบจะทันทีก่อนจะยิ้มอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะพูดเสียงนิ่มๆ

“ไม่เห็นจะยากถ้าอุ้มท้องไม่ไหว ก็ให้พ่อเค้าไปหาอีหนูเอ๊าะๆ สักคน ปล่อยน้ำเชื้อที่น่าจะยังใช้ได้อยู่เข้าไป แค่นี้ก็มี เบบี้มาอยู่ในบ้านเราแล้ว”ทุกคนปรบมือชอบใจกับคำพูดคุณนายผมกันใหญ่ โดยเฉพาะคุณพ่อนั่นเอง

“นี่คุณพูดจริงหรือเปล่า”คราวนี้เป็นตาพ่อบ้างที่แกล้งแหย่

“จริงสิ แต่ต้องรอให้ต๊าฟหันไปชอบผู้ชายก่อนนะ ซึ่งไม่น่าจะมีวันนั้นหรอกมั้ง โฮะๆๆ”พูดจบก็หัวเราะชอบใจตัวเองใหญ่ก็แหง๋ละ พี่ผมจะไปชอบผู้ชายที่ไหนกันเล่า

“ต๊าฟ พ่อขออะไรอย่างสิ”พ่อผมเรียกพี่ชายเสียงเครียด

“อะไรครับ”ไอ้ต๊าฟถามกลับอย่างงงๆ

“เป็นเกย์ให้พ่อหน่อยเหอะ”สิ้นคำพูดพ่อที่ทุกคนต่างใจจดจ่อรอฟัง ต่างก็หลุดขำออกมากันหมดเพราะไม่นึกว่าพ่อจะเล่นมุกนี้

“เพื่อพ่อผมจะพยายามดูนะครับ”เป็นอันว่าสนุกสนานกันเหลือเกินครับ ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาอีกครั้ง ไอ้เชษฐ์คงไม่มาแล้วมั้งเนี่ย ช่างเหอะ อย่าไปใส่ใจเลย นี่ขนาดเจ้าตัวไม่มาผมยังต้องรับฟังบทสนทนาขนาดนี้ ถ้าเกิดเจ้าตัวมานี่คงจะยิ่งกว่า พ่อกับแม่ผมก็เหลือเกิน ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตา โดยเฉพาะคุณนายที่ออกอาการปลื้มเกินหน้าเกินตาชาวบ้านไปนิด

“นี่เมื่อไหร่พ่อลูกเขยจะมาสักทีละลูกๆ เดี๋ยวให้รอนานๆ เกิดคุณแม่ไม่ปลื้มขึ้นมาแล้วจะเสียใจนะ”แล้วสายตาทุกคู่ก็เพ่งมาที่ผมเป็นจุดเดียว แม้ไม่มีใครพูดอะไร แต่ทุกคนรวมทั้งผมก็เข้าใจด้วยกระแสจิตว่า ผมต้องเป็นคนโทรตามไอ้เชษฐ์ ทำไมจะต้องไปเซ้าซี้มันด้วยเล่า ถ้ามันมาไม่ได้ก็ปล่อยมันไปเหอะ ผมทำท่าจะเดินห่างออกมาก่อนแล้วค่อยทำทีเป็นโทรศัพท์ แต่ไม่ทันได้ขยับโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมหยิบขึ้นมามองหน้าจอ ชื่อคนที่ผมกำลังโดนบังคับทางสายตาและกระแสจิตให้โทรหา กำลังเป็นฝ่ายโทรเข้ามาหาผมเสียเอง ทุกคนต่างเงียบและรอฟังผมคุยจนผมชักจะเกร็งๆเสียแล้ว

“ว่าไง...อ๋อ เลี้ยวซ้ายเลย แล้วก็บ้านหลังสุดท้าย ซ้ายมือนั่นแหละขับเข้ามาเลย”ผมบอกทางให้กับปลายสาย ไม่นานนักรถไอ้เชษฐ์ก็วิ่งมาถึงหน้าบ้านผม

“มาแล้วใช่ไหม นี่คุณๆ เราสองคนต้องทำเป็นไม่รู้นะว่าเค้าคือว่าที่ลูกเขย โอเคนะคุณอย่าเผลอแสดงอาการออกนอกหน้าล่ะ เก็บอาการหน่อยนะ”คุณนายผมทำเป็นบอกคุณพ่อ แต่ผมว่าคุณนายน่าจะบอกตัวเองดีกว่านะ ผมโดนทั้งผลักทั้งไส ให้เดินไปรับไอ้เชษฐ์

“มากันครบแล้วเหรอ”คนเพิ่งมาใหม่เอ่ยถามผม แต่ผมเพียงพยักหน้าไม่ได้ตอบและไม่ได้หันไปมอง

“เป็นไร”อีกฝ่ายถามขึ้นเมื่อเห็นผมไม่ตอบ

“ไม่ได้เป็นไร จริงๆ ถ้ามึงไม่สะดวกมาก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ”มันอดที่จะพูดไม่ได้ครับ ไม่รู้ทำไมแต่พอเห็นแล้วผมรู้สึกน้อยใจนิดๆ ที่มันไม่คิดจะโทรบอกอะไรผมเลย ว่าจะมาตอนไหนอะไรยังไง ที่ไม่กลับห้องอีก

“โกรธที่กูมาช้าเหรอ”คนเดินตามหลังพูดน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ผมไม่ได้พูดต่อแต่รีบเดินให้ถึงบริเวณที่เราจัดโต๊ะไว้โดยเร็ว

“เชษฐ์ครับ สวัสดีครับคุณพ่อ”ไอ้เชษฐ์ยกมือไหว้พ่อผมก่อนเป็นคนแรก พ่อผมเพียงรับไหว้ผ่านๆ หันมองหน้าไอ้เชษฐ์แวบนึงก่อนจะเฉไฉมองไปทางอื่น แล้วก็พูดขึ้นมาลอยๆ

“มาช้าไปนะ”เล่นเอาบรรยากาศตึงเครียดไปเล็กน้อยครับงานนี้ หึๆ สมน้ำหน้า สะใจครับสะใจ อย่างน้อยพ่อก็ยังอยู่ข้างผม

“ไม่ช้าไปหรอกจ๊ะพ่อลูกเข...ย..ลูกเชษฐ์”คุณนายผมเอาแล้วไง ดีที่สายตาพิฆาตผมส่งไปทันพอดีนะเนี่ยไม่งั้นไอ้ที่เรียกพ่อลูกเขยนี่คงออกมาเต็มปาดเต็มคำแน่นอน

“สวัสดีครับคุณแม่”ไอ้เชษฐ์ยกมือไว้อีกหนึ่งคน

“ไหว้พระเถอะลูก มาๆ จะได้ทานอาหารกัน”แม่ผมไม่ได้สนใจใครอีกรีบจัดแจงทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ได้สังเกตเลยว่าไอ้พ่อลูกเขยนะชะงักไปแล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะไอ้เชษฐ์เพิ่งเห็นไอ้ต๊าฟ นั่นเอง จากอาการแล้วแสดงว่าไอ้เชษฐ์ยังไม่รู้ว่าไอ้ต๊าฟคือพี่ชายผม

“นั่นไอ้พี่ต๊าฟพี่ชายกู”ขี้เกียจที่จะต้องอธิบายผมเลยรีบบอกแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะมีอะไรอย่างอื่นเกิดขึ้น

“หวัดดีครับพี่ต๊าฟ”ไอ้เชษฐ์เน้นเสียงตรงชื่ออย่างจงใจ ก็ดันไปหลอกเค้าไว้นี่เนอะพี่ผม อันนี้ผมไม่เกี่ยวนะฝีมือไอ้ต๊าฟคนเดียวล้วนๆ

“หวัดดีไอ้น้อง”ไอ้ต๊าฟทักอย่างกวนๆ ตามสไตล์

“เราคงต้องมีอะไรคุยกันอีกเรื่องแล้วมั้ง...ที่รัก”ไอ้เชษฐ์หันกลับมากระซิบข้างหูผมพร้อมกับล้อเลียนคำพูดที่ไอ้ต๊าฟเคยใช้

“มันก็คงจะมีอีกหลายเรื่องเลยแหละถ้าเราจะคุยกัน”ผมพูดประชดนิดๆ ให้มันสำนึกว่าผมเองก็เคืองมันอยู่เหมือนกันนะที่มันทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ไม่บอกกล่าวอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานที่มันออกไป ผมไม่ได้สำคัญตัวขนาดว่าต้องให้มันรายงานทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยๆ น่าจะบอกกันหน่อยว่าจะไม่กลับห้อง หรือจะตามมาที่บ้านนี้ตอนไหน ไหนมันบอกว่ากำลังจีบผมอยู่แล้วคนจีบกันเค้าทำแบบนี้เหรอ

“ลูกเชษฐ์ ตี๊ฟมาเร็วทานข้าวกันก่อน มาชิมฝีมือคุณแม่รับรองต้องติดใจ”ทั้งผมและไอ้เชษฐ์ต้องเดินตามเสียงเรียกและนั่งลงที่เก้าอี้สองตัวติดกัน ที่คนอื่นคงจะจงใจให้เรานั่งติดกันแน่นอน

“เอ้านี่ทานเยอะๆ นะ”คุณนายผมไม่ค่อยจะออกนอกหน้าเลยครับ ตักกับข้าวให้ไอ้เชษฐ์จนจะล้นจานอยู่แล้ว แถมพอไอ้เชษฐ์จะตักเข้าปากก็ทำท่าลุ้นเสียเหลือเกิน

“รสชาดเป็นไงบ้าง แม่อุตส่าห์ทำสุดฝีมือเลยนะเนี่ย”แม่ผมจ้องเสียจนไอ้เชษฐ์เกร็งแทบจะไม่กล้ากลืนแล้วละมั้งนั่น

“อร่อยมากๆ เลยครับ นี่คุณแม่ทำเองหมดเลยเหรอครับ”ไอ้นี่ก็ปากหวานไปเถอะเดี๋ยวจะรู้สึก

“งั้นเดี๋ยวแม่ตักให้อีกนะ”ไอ้เชษฐ์ทำท่าจะปฏิเสธแต่ไม่ทันแล้วแหละ เพราะคุณนายเติมให้ทั้งข้าวทั้งกับจนจะล้นจานอีกแล้ว

“ฝีมือคุณแม่อร่อยแบบนี้ สงสัยผมคงต้องขอมาฝากท้องบ่อยๆ แล้วมั้งครับ”แหมรู้หรอกว่าสองจานนะมึงทานหมด แต่อย่าคิดว่ายอไปแล้วคุณนายท่านจะปราณี งานนี้มีท้องแตกกันไปข้างแน่ๆ

“ถ้าชอบอาหารฝีมือแม่ก็รีบๆ มาเป็นลูกเข...”

“ฮึ่ม แฮ่ม”เสียงพ่อกระแอมปรามๆ คุณนายเข้าแล้วละครับ ดูๆไปแล้วก็ตลกดีนะครับ ผมว่าผมอย่าไปใส่ใจอะไรเสียดีกว่าปล่อยให้เค้าว่ากันต่อไปเถอะ

“คุณแม่ว่าไงนะครับ”ไอ้เชษฐ์เองก็คงจะงงๆ และได้ยินไม่ถนัดแถมไม่ค่อยจะเข้าใจเสียละมั้งนี่

“แม่จะบอกว่าถ้าลูกเชษฐ์ชอบฝีมือแม่ก็มาสมัครเป็นลูกชายแม่อีกคนก็ได้ แม่ยินดีต้อนรับเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว”โต้งๆ ขนาดนี้เลยเหรอคุณนาย ไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์มันจะตีความไปยังไง แต่ดูมันไม่ได้คิดอะไรหรือว่ามันไม่ได้คิดอะไร และมันคงไม่ได้คิดอยากจะมาเป็นลูกเขยบ้านนี้หรอกมั้ง แล้วผมละ อยากให้มันมาเป็นแบบนั้นหรือเปล่า

“คุณแม่ครับ พอลูกเชษฐ์มานี่ ลูกการ์ดก็ตกกระป๋องเลยนะครับ”ไอ้การ์ดแกล้งแซว

“พอดีตอนนี้โค้วต้าลูกรักแม่หมดพอดี ถ้าลูกการ์ดสนใจจะสมัครคงต้องรอให้คุณพ่อเค้ามีอีหนูก่อนแล้วกันเนอะ แม่จะให้ต๊าฟมันพิจารณาลูกการ์ดเป็นคนแรก”ผมเกือบจะหลุดขำสำลักข้าวเสียแล้ว ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่คิดไปคิดมาผมก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าคุณนายแกหมายถึงอะไร ก็ถ้าไอ้ต๊าฟเป็นเกย์พ่อก็จะได้มีอีหนู แล้วคนที่แม่จะจับให้คู่ไอ้ต๊าฟก็คือไอ้การ์ด แค่คิดก็สยองแล้ว

“ผมงงครับคุณแม่”ไอ้การ์ดทำท่าไม่ค่อยเข้าใจพร้อมกับครุ่นคิด อีกคนที่เหมือนจะคิดออกแล้วก็คือไอ้ต๊าฟนั่นเอง

“งั้นนี่เลยลูกการ์ดทานปลานะจะได้ฉลาด เอาไปเยอะๆ เลย แล้วค่อยๆ คิดว่าคุณแม่หมายความว่าไง”ไอ้การ์ดรับปลาเต็มจานไปอย่างงงๆ ก่อนจะตักคำแล้วคำเล่าเข้าปาก ไม่นานนักไอ้การ์ดก็มองหน้าไอ้ต๊าฟทำท่าขนลุก

“คุณแม่ครับ ผมถอนตัว”คนอื่นๆที่น่าจะเข้าใจกันหมดแล้วพากันหัวเราะครืน ยกเว้นไอ้เชษฐ์คนเดียวที่ไม่เข้าใจเลยเอาแต่ทำหน้างงๆ

“เห็นไหมทานปลาแล้วฉลาด เอานี่เอาไปอีก”แล้วไอ้การ์ดก็ต้องรับปลาไปอีก พร้อมกับยังมองหน้าไอ้ต๊าฟอย่างแขยง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 25 [30-12-2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 04-01-2015 23:10:23
วันที่ 26/4

“นี่การ์ด ไม่ต้องขนาดนั้นเพราะพี่ก็คงไม่เปิดรับสมัครอยู่แล้ว ไม่ต้องถอนตัวให้มันยุ่งยากหรอก”คนอื่นๆ พากันขำๆ กับท่าทีของไอ้การ์ด

“เค้าคุยเรื่องอะไรกันเหรอ”ไอ้เชษฐ์คงทนไม่ไหวเลยต้องมากระซิบถามผม

“อยากมาช้าเองก็ไม่ต้องรู้หรอก”ผมบอกอย่างนึกหมั่นไส้ สงสัยมัวแต่กลับไปง้องอนคืนดีกับแหม๋วมาแน่ๆเลย ว่าแต่แล้วผมจะไปมีสิทธิ์ว่าอะไรมัน

“คบกันมานานหรือยัง”อยู่ๆ พ่อที่เงียบอยู่ตั้งนานก็หันมาพูดขึ้นพร้อมจ้องมองผมกับไอ้เชษฐ์ เห็นเงียบๆ นี่ออกมาแต่ละคำแทบกระอักเลยนะครับคุณพ่อ นี่จะไม่อ้อมค้อมหน่อยเหรอครับ อีกอย่างคำว่าคบกันนี่ ผมกับไอ้เชษฐ์เคยทำแบบนั้นที่ไหนกันเล่า

“คุณพ่อหมายความว่ายังไงเหรอครับ”ไอ้เชษฐ์ดูเหมือนจะไม่เข้าใจที่พ่อผมพูดแต่ก็ดีแล้วเพราะนี่ผมก็รู้ว่าน่าอายเหลือเกินแล้วที่ครอบครัวผมเหมือนพยายามยัดเยียดผมให้ไอ้เชษฐ์ยังไงไม่รู้ แถมไม่รู้ว่าเจ้าตัวเค้าต้องการหรือเปล่า ที่สำคัญถามผมสักคำไหมที่ทำๆ พูดๆกันอยู่เนี่ย

“รู้จักกันมานานหรือยัง”

“พ่อ...”ผมลากเสียงเรียกเพราะคิดว่าชักจะไปกันใหญ่แล้ว ไอ้เชษฐ์เองก็ดูไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าพอผมกำลังพูดอะไร

“ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนปีแรก นี่ก็ 3-4 ปีแล้วละครับ”นี่ตกลงพ่อผมจะเก็บข้อมูลไปทำวิจัยหรือไงกันนะ

“3-4 ปีแล้ว แต่ไม่ยักกะเคยเห็นตี๊ฟพามาที่บ้านเลยนี่ ว่าไงตี๊ฟ”อ้าวแล้วไหง๋มาลงที่ผมเล่าอยากซักอะไรก็ซักไปสิ ผมจะไม่คิดคัดค้านในใจอีกแล้ว ตามสบายเลย

“แล้วทำไมต้องพามาด้วยละพ่อ”ผมพยายามเลี่ยงที่จะตอบ ตอนนี้ผมว่าไอ้เชษฐ์เริ่มเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้วเพราะเห็นมันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“ก็...”

“คุณนี่ชวนคุยอยู่นั่นแหละ ปล่อยให้ลูกๆ เค้าทานฝีมือชั้นให้หนำใจก่อนได้ไหม มาๆ สามสี่จานนั่นส่งมาเดี๋ยวแม่เติมให้”ก็มิวายขายฝีมืออีกแล้วครับคุณนายผม แต่ผมว่าตอนนี้ดูทุกคนคงเริ่มหนังท้องตึงจนจะระเบิดอยู่แล้วมั้งนั่น มองแล้วน่าจะต้องอดทนทานอีกคนละหนึ่งจานก็น่าจะหมดแล้วหวังว่าอย่ามีใครชมรสชาดอาหารอีกนะไม่งั้นมีทำต่อแน่ๆ

“อืมแสดงว่าเอร็ดอร่อยกันแน่ๆ เลยทานจนจะเกลี้ยงแล้ว คุณแม่ว่า คุณแม่ไปทำอะไรมาเพิ่มอีกดี”อ้าวคุณนายยังไม่มีใครชมนะอย่าเพิ่งรีบไปทำเซ่เดี๋ยวก็ได้สำรอกกันพอดีหรอก

“ผมว่าขอเป็นกับแกล้มเล็กน้อยดีกว่านะแม่”ไอ้ต๊าฟเริ่มพูดเข้าหูก็ครั้งนี้แหละครับ

“งั้นเดี๋ยวรอไม่นานคุณแม่จะกลับออกมาพร้อมกับแกล้มรสเลิศนะ แต่ก่อนไปต้องชนแก้วกันหน่อย เอ้า เชียร์ส ไม่หมดแก้วห้ามวางนะ”คนอื่นๆนะ แก้วเบียร์แต่คุณนายแก ดื่มไวน์กันสองคนกับสามีครับ

“คุณแม่น่ารักดีนะ”ตอนนี้จานข้าวเริ่มถูกทยอยจัดเก็บหลงเหลือเพียงแต่แก้วประจำกายของแต่ละคนกับจานกับแกล้มที่ทยอยมาแบบไม่ขาดสาย

“ทำไมอยากมาเป็นลูกชายแม่กูอีกคนหรือไง”อดที่จะประชดไม่ได้ครับ ก็คุณนายผมนี่สิ คำก็ลูกเชษฐ์ สองคำก็ลูกเชษฐ์ จะอะไรขนาดนั้น

“ไม่ได้อยากเป็นลูกชาย อยากเป็นลูกเขยต่างหาก”ไอ้นี่ก็พูดมาได้ แม้จะไม่ดังมากแต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าคนอื่นได้ยินบ้างหรือเปล่า

“บ้า”ผมตอบกลับไปอย่างเหวี่ยงๆ ตอนนี้ทุกคนเริ่มคุยกันออกรสออกชาดมากขึ้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นเอง แถมด้วยเสียงแหกปากร้องคาราโอเกะของแต่ละคนอีก ไม่ได้กลัวว่าบ้านข้างๆ เค้าจะรำคาญกันเลย

“ดูท่ากูจะได้ back up ดีแล้วละมั้ง เพราะแม่ยายก็เปิดไฟเขียวให้กูเต็มที่แล้วนิ เราเปิดตัวไปเลยดีไหมเนี่ย”ไอ้เชษฐ์ขยับมากระซิบที่ข้างหูผม จะได้ไม่ต้องตะโกนแข่งกับเสียงร้องอันโหยหวนของบรรดาเพื่อนๆ คนอื่นๆ

“ใครบอกมึงกัน ด่านสำคัญมันอยู่ที่กูต่างหาก”ผมตอบแบบไม่ใส่ใจพร้อมกับทำท่าจะลุกหนี

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะใจอ่อน”คนพูดดึงแขนผมไว้ไม่ให้หนีไปได้ แม้ผมจะได้ยินมันพูดแบบนี้ และผมก็รู้สึกดี แต่ว่าเรื่องแหม๋วละ จากที่ผมเคยเจอมาอย่างมาบเอง ต่อหน้าผมเค้าก็ดีกับผมทุกอย่าง แต่พอหลับหลัง มันทำให้ผมต้องคิดให้นานๆ ว่าไอ้เชษฐ์จะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า หรือผมจะคงความสัมพันธ์กับมันไว้แค่เพื่อนอย่างเดิม

“อาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้ กูบอกมึงแล้วนิว่าอยากให้เราเป็นเหมือนเดิม”ผมหยุดพูดแค่นั้นเพราะคุณนายผมเรียกเราทั้งสองผ่านไมโครโฟน เสียดังเลย เราทั้งสองเลยต้องลุกไปสบทบกับคนอื่นๆ

“เดี๋ยวคุณแม่กับคุณพ่อจะขอตัวไปนอนก่อนแล้ว ส่วนหนุ่มๆ ก็สนุกสนานกันต่อได้ มีเพียงข้อแม้เดียวว่า ถ้าเครื่องดื่มไม่หมด ปาร์ตี้ห้ามเลิก ถ้าพรุ่งนี้เช้าคุณแม่ตื่นมาพบว่ามีของเหลือ คุณแม่จะวีนให้บ้านแตกเลย”ว่าแล้วไหมละคุณนายผม พวกเพื่อนๆ ผมมองหน้ากันอย่างปลาบปลื้ม เอาเถอะตูจะคอยดู ว่าพวกเมิงจะดื่มหมดไหม

“พวกผมจะรับผิดชอบไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียวเลยครับ”ไอ้การ์ดเสนอตัวเป็นหน่วยกล้าตายแล้วครับงานนี้

“ได้ยินแบบนี้คุณแม่ก็ดีใจแล้ว อีกอย่างอันนี้ขอส่วนตัวกับลูกเชษฐ์นิดนึงแล้วกัน คนอื่นๆ ก็รับฟังไว้ก็ได้คุณแม่ไม่ว่าอะไร”จะอะไรอีกละครับคุณนายผม ไอ้เชษฐ์หันมามองผมพร้อมอมยิ้มก่อนจะส่งยิ้มหวานให้คุณนายผม

“เมื่อไหร่ลูกเชษฐ์จะยกขันหมากมาขอลูกชายแม่ละหือ”เหมือนผมถูกสาปกลายเป็นหินในเสี้ยววินาที คุณนายครับเล่นกันแบบนี้เลยเหรอ กะจะมัดมือชกเลยใช่ไหมครับ

“ขอให้เรียนจบก่อนได้ไหมครับ พอจบแล้วอาจจะขอหมั้นไว้ก่อน พอทำงานทำการมั่นคงแล้วค่อยจัดการให้เป็นเรื่องเป็นราว”ไอ้นี่ก็รับมุกดีเหลือเกิน แต่งานนี้เสียงเฮดังลั่นจากทุกคนเลยครับ ไอ้ผมละอยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ เลย

“จะยกลูกให้คนอื่นนี่ถามลูกมันดูหรือยังละ ว่ามันยินยอมพร้อมใจหรือเปล่า”สวรรค์ทรงโปรด ใช่แล้วครับคุณพ่อ ผมรักพ่ออีกแล้วว

“คุณไม่ต้องมาขัดชั้น ไปนอนได้แล้ว ลูกๆ ดื่มต่อให้สนุกนะจ๊ะ ส่วนลูกเชษฐ์ก็รีบๆ ยกขันหมากมานะ คุณแม่ไปแล้ว”แล้วคุณนายก็ลากสามีเข้าบ้านไปอย่างทุลักทุเล

“มีความสุขจังเลย”ผมหันควับมองมือที่มาโอบไหล่ผมไว้ก่อนจะหันมองหน้าเจ้าของมือ และพยายามขยับถอยห่างออก แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะมือนั้นเลื่อนต่ำลงมาเป็นโอบเอวผมไว้ไม่ให้ขยับถอยห่างออกได้

“นี่คู่นั้นนะอย่าหวานให้มันมากนัก หมั่นไส้โว๊ย”เสียงไอ้ต๊าฟ หันมาว่าผมกับไอ้เชษฐ์พร้อมด้วยเสียงโห่จากเพื่อนๆ

“กูไปนอนแล้วนะ พวกมึงรับผิดชอบกันให้หมดแล้วกัน ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน”ผมพูดพร้อมส่งสายตาขวางๆ ให้ทุกคน แถมขู่พวกมันหน่อยๆ ว่าต้องดื่มให้หมดแต่จริงๆ มันก็เหลือไม่มากล้วแหละ ยังไงก็คงหมดอยู่ดี

“เดี๋ยวสิรอกันก่อน”ไอ้เชษฐ์ดึงผมไว้อีกแล้ว

“กูง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”ผมหันไปบอกไอ้เชษฐ์ซึ่งทำหน้างงๆ ว่าทำไมต้องตื่นแต่เช้า

“เออใช่พี่ว่าเรารีบจัดการให้หมดดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ากันอีก”ไอ้พี่ต๊าฟที่ได้ยินผมพูดก็คงระลึกขึ้นได้เช่นกัน ว่าพรุ่งนี้มีเรื่องให้พวกเราต้องรับมือกันอีก

“ทำไมพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”ทั้งไอ้เชษฐ์ไอ้การ์ดและที่เหลือต่างถามเป็นเสียงเดียวกัน

“พรุ่งนี้ก็รู้เองแหละ”ผมตอบทิ้งเป็นปริศนาให้พวกมันสงสัยเล่นๆ แม้พวกมันจะยังไม่รู้เหตุผลแต่ภายในพริบตาก็พากันจัดการเบียร์จนเกลี้ยง อะไรจะเชื่อคนง่ายปานนั้นเพื่อนๆ ผม แล้วทุกคนก็พากันจรลีจะไปนอนโดยที่ไม่ต้องจัดการเคลียร์ข้าวของที่กองอยู่ เพราะไอ้ต๊าฟบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยมาจัดการก็ได้ ให้รีบไปนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลุกไม่ไหว เพราะนี่ก็ปาเข้าไปจะตีสามอยู่แล้ว

“ตี๊ฟรอก่อน กูไปเอาของที่รถก่อน”นี่ผมก็เกือบลืมไปแล้วนะว่าไอ้เชษฐ์มันยังไม่ได้เอาสัมภาระ ไปเก็บ แล้วผมก็ยังไม่ได้จัดว่าให้มันนอนห้องไหนด้วยนี่หว่า

“ต๊าฟ มึงเอาไอ้นี่ไปนอนห้องมึงด้วยแล้วกัน ห้องอื่นนอนกันห้องละสองคนหมดแล้ว”สมองผมสั่งการอย่างรวดเร็ว

“มึงตามพี่กูไปแล้วกัน”ผมหันหลังเดินเข้าบ้านทันที

“ได้ไง แล้วใครนอนห้องมึง”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามเสียงเข้ม อย่าบอกนะว่ามันจะมาทำเป็นหึงผมเหมือนตอนที่ผมกอดคอกับไอ้การ์ดอีก

“กูคือผู้เคราะห์ร้าย”ไอ้การ์ดตอบเสียงเนือยๆ

“ไม่ได้โว๊ย”ไอ้เชษฐ์ทำท่าจะไม่ยอม ผมเองก็กำลังจะเถียงว่าไม่ต้องมาเรื่องมาก เพราะไอ้การ์ดก็เอาของไปเก็บห้องผมเรียบร้อยแล้ว

“ไอ้ตี๊ฟไม่ต้องพูด ตอนนี้ดึกแล้วเพื่อความรวดเร็วกูจัดให้นะ มึงมานอนห้องกู จะได้ไม่มีข้อกังขาอีก ส่วนเชษฐ์ การ์ดนอนห้องมึงโอเคไหม ใครมีปัญหาอีกรึเปล่า”ไอ้เชษฐ์ยังทำท่าจะไม่พอใจอยู่เหมือนเดิม แต่คงไม่กล้าเถียงไอ้ต๊าฟละมั้งเป็นอันตกลงตามนั้นครับ

“กูขอแปรงฟันก่อนนะ”ผมบอกไอ้ต๊าฟเมื่อมาถึงห้องนอนมัน แต่ไอ้ต๊าฟโบกมือให้ตามสบายประมาณว่ามันไม่คิดจะแปรง ผมจะทำอะไรก็ทำไปเลย ส่วนมันจะนอน ผมจึงเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อที่จะได้นอนหลับอย่างสบาย ไม่นานผมก็เสร็จภารกิจออกมาจากห้องน้ำ เห็นไอ้ต๊าฟคลุมโปงไปเรียบร้อย กะว่าจะถามหานาฬิกาปลุกสักหน่อย

ผมสอดส่ายสายตาหาเองเลยแล้วกัน พอเจอแล้วผมก็ต้องสายหน้าอย่างปลงๆ นี่ตีสามกว่าแล้ว ผมหมุนนาฬิกาปลุกที่เวลา 5.45 น.ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกฝั่งของเตียงและดึงผ้าห่มจากไอ้ต๊าฟมาครึ่งนึง

“อะไรของมึงไอ้ต๊าฟ”พอผมหลับตาหลงไอ้พี่ชายตัวดี ดันหันมาดึงผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดซะงั้น ละเมอหรือเปล่าเนี่ย

“พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่เหรอ รีบนอนเหอะ”เสียงที่มากระซิบข้างหูผมทำให้ผมรู้ว่างานนี้ผมโดนจัดฉากอีกแล้วใช่ไหม



หายไปหลายวัน เลยมาต่อให้ยาวหน่อยเนอะ

ไปเที่ยวปีใหม่กันมาเป็นไงกันบ้างน้อ o13 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-01-2015 23:35:41
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: vivisama ที่ 04-01-2015 23:42:11
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ พ่อตาแม่ยายและพี่ชายเข้าข้างลูกเขยเต็มทีเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 04-01-2015 23:44:49
มาแล้วๆ มาอย่างยาวสะใจ

บ้านติ๊ฟนี่อบอุ่นมากๆ ชอบพ่อกับแม่ แถมแม่ยังพยายามส่งเสริมการ์ดกับพี่ชายอีก ปลื้มมากค่ะ

เปิดตัวไปเลยก็ดีนะ เสียแต่ที่เชษฏ์ยังไม่เคลียร์เรื่องแฟนเก่ากับความรู้สึกที่มีให้กับติ๊ฟเท่านั้นเอง

สวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะ  ไม่ได้ไปไหนเพราะว่าป่วยแต่ตามอ่านนิยายเล้าเป็ดก็ช่วยได้เยอะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-01-2015 23:53:15
ยาวสะใจจจจจจ o13
บ้านนี้อวยลูกเขยสุดชีวิตอะ :hao7:
รีบอธิบายเรื่องชะนีซะนะคะะะะ
เดี๋ยวงอนยิ่งกว่านี้แล้วจะง้อยาก
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 05-01-2015 00:18:53
นี่จะจับคู่ต๊าฟการ์ดจริงๆป่ะเนี่ย  :laugh5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 05-01-2015 00:39:05
อามาลงแบบสะใจกันไปเลย  ชอบคุณแม่ของตี๊ฟน่ารัก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: eveniing ที่ 05-01-2015 00:46:03
 :impress2:  :hao5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-01-2015 21:20:10
แม่ยายนี่ต้อนรับขับสู่ลูกเขยดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-01-2015 21:41:09
มาแล้วหรอ กรี๊ดดดดดด
ครอบครัวนี้น่ารักสุดๆๆๆเปิดทางด้วย อิอิ
พรุ่งนี้เช้าจะมีอะไร รอๆๆๆๆ
ชอบจังพี่ชายกอดน้องชาย ดูอบอุ่นดีจัง
สวัสดีปีใหม่จร้า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 05-01-2015 22:10:20
คุนน้องติ๊ฟโดนลุมละ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 05-01-2015 22:35:41
วันที่ 27/1

“กุ๊กกู๊ กุ๊กกู๊ๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงอะไรว่ะ ผมตั้งคำถามขึ้นทันที ทั้งที่ตายังไม่ได้ลืม สมองผมเริ่มประมวลผลอย่างยากลำบาก อาการปวดศีรษะอยู่พอควรทำให้ผมคิดช้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด ผมเริ่มจำได้ลางๆ ว่ากลับมาบ้าน แล้วก็มีการดื่มนิดหน่อย แล้วก็นอน งั้นนี่ก็ต้องเป็น

“เฮ้ย”ผมลืมตาขึ้นและเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ปรากฏว่าขยับตัวไม่ขึ้นเพราะเอวผม หรือจะว่าทั้งตัวถูกรั้งไว้ก็ได้ สองมือของใครบางคนโอบเอวผมไว้ แถมมีสองขาที่เกี่ยวผมไว้อีก ผมนึกได้ทันทีว่าไอ้เสียงประหลาดๆ นั่นมันคือเสียงนาฬิกาปลุกของไอ้ต๊าฟ ซึ่งน่าจะไปเปลี่ยนตัวกับไอ้คนที่นอนกอดผมไว้นี่ ตอนที่ผมล้างหน้าแปรงฟันก่อนนอน ยังดีที่แค่มานอนด้วยกันเฉยๆ เพราะถ้ามันคิดจะมาทำอะไรอย่างอื่นด้วยผมคงไม่ยอม

มัวคิดไปก็เท่านั้น ตอนนี้ผมต้องรีบลุก เพราะถ้าจำไม่ผิดผมตั้งปลุกไว้ที่ ตี 5.45 แสดงว่าเหลืออีกแค่ 15 นาทีก่อนที่คุณนายผมจะมาไล่ปลุกทุกคน อย่าเพิ่งถามนะครับว่าคุณนายผมทำแบบนั้นทำไม ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหลุดจากการเกาะกุมของไอ้เชษฐ์แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แถมไอ้นาฬิกาปลุกบ้านั่นก็ยังดังต่อไป แล้วไอ้คนที่นอนกอดผมนี่มันไม่รู้สึกตัวบ้างหรือไงนะ

“จะรีบลุกไปไหน”คงเพราะการดิ้นของผมทำให้ไอ้เชษฐ์เริ่มรู้สึกตัว แต่กลับยิ่งกอดผมแน่นกว่าเดิม

“กูจะไปล้างหน้าแปรงฟัน มึงเองก็ลุกได้แล้ว เร็ว”อีกฝ่ายไม่ตอบแต่กลับยิ่งดึงผมเข้าหาอ้อมกอด อากาศภายในห้องตอนนี้เย็นจนเกือบจะเป็นหนาว เพราะเครื่องปรับอากาศที่ตั้งไว้ตั้งแต่ก่อนนอน คงลดลงเองตามปกติ ทำให้การนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มน่าทำกว่าการลุกออกจากเตียงเป็นไหนๆ

“ทำไมต้องรีบตื่นแต่เช้าขนาดนี้ มันมีอะไรเหรอ ว่าจะถามตั้งแต่ก่อนนอนแล้วเห็นพูดเหมือนเป็นเรื่องสำคัญนักหนา”แม้คนถามจะยังมองไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องรีบตื่น แต่เมื่อเห็นผมทำท่าจริงจัง ไอ้เชษฐ์ก็งัวเงียลุกนั่งสะบัดหัวเล้กน้อยและยอมปล่อยให้ผมลุกไปล้างหน้าล้างตาแต่โดยดี

“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”ผมทิ้งท้ายก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

“รอด้วยดิ”แล้วจู่ๆ อีกคนก็รีบตามเข้ามาเบียดผมในห้องน้ำ ผมใช้สายตามองอย่างไม่เข้าใจว่าจะตามผมเข้ามาทำไม

“ก็เห็นว่ารีบ เข้าพร้อมกันแบบนี้จะได้เร็วขึ้นไง”คนพูดไม่ได้สนใจสายตาขวางๆ ของผมแต่กลับหยิบแปรงสีฟันขึ้นมาเตรียมแปรงฟัน ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่ามันไปเตรียมแปรงสีฟันมาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ช่างเถอะคิดไปก็เท่านั้น เพราะคิดว่าพี่ชายตัวดีของผมคงร่วมมือกับพวกเพื่อนๆ ของผมมาแล้วแหละ

“อยากตื่นมาพร้อมกันแบบนี้ทุกวันจัง”เสียงคนที่ยืนข้างๆ ผมแปรงฟันไปพร้อมกับพูดและมองมาสบตาผมผ่านกระจกเงาที่อยู่ตรงหน้าของเราทั้งคู่ แววตาของไอ้เชษฐ์มันเหมือนแฝงไว้ด้วยเรื่องราวมากมายที่อยากจะส่งผ่านมายังผม แต่ผมคงไม่เข้าใจ หรือไม่บางทีผมอาจจะตีความผิดไปแล้วก็ได้

“เร็วเข้าเถอะ พล่ามอยู่นั่นแหละ”เมื่ออีกฝ่ายจ้องผมไม่วางตาเลยกลายเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตา และแกล้งดุอีกฝ่ายเพื่อกลบเกลื่อน เพราะผมดันรู้สึกหวั่นไหวไปกับสายตาคู่นั้นขึ้นมา

“อ้าวมึงก็ลองคิดดูสิว่าถ้าเราได้ตื่นมา ทำอะไรแบบนี้ร่วมกันทุกวัน ในแต่ละวันมันจะมีความหมายที่ไม่ใช่แค่ให้ผ่านไปวันๆ อีกต่อไป”เพราะไม่ค่อยจะเข้าใจในสิ่งที่มันพูดและขี้เกียจจะทำความเข้าใจกับคำพูดของมันทำให้ผม รีบบ้วนปาก แล้วล้างหน้าล้างตา เดินออกจากห้องน้ำ แล้วก็จัดเสื้อผ้าที่ใส่ให้เรียบร้อย

“ต๊าฟ ลูกตื่นหรือยัง”เสียงคุณนายผมมาเคาะประตูเรียก ผมหยิบนาฬิกาขึ้นดู เร็วกว่าปกตินี่นา สงสัยเพราะวันนี้คนเยอะเลยเผื่อเวลาสำหรับปลุกไว้นิดหน่อยละมั้ง

“ไอ้ต๊าฟไปนอนห้องผมครับแม่”ผมตอบกลับไปเพื่อให้คุณนายท่านทราบว่าห้องนี้ตื่นเรียบร้อยไม่ต้องมาสำแดงอิทธิฤทธิ์ในการปลุก

“ต๊าฟไปนอนห้องตี๊ฟ อ้าวแล้วทำไมตี๊ฟมานอนห้องนี้ล่ะลูก”แล้วไหมล่ะ ผมก็ลืมนึกไปเลยแล้วจะให้ตอบว่ายังไง

“อืม ช่างเหอะ ตื่นแล้วก็ดีเดี๋ยวแม่ไปปลุกคนอื่นๆ ก่อน”ยังไม่ทันที่ผมจะนึกถึงเหตุผลออก คุณนายเค้าก็ไม่ต้องการคำตอบจากผมแล้ว จะเรียกโชคดีหรือเปล่าเนี่ย

“ตกลงว่าเราต้องตื่นไปทำอะไรกันแต่เช้ากันแน่เนี่ย”ไอ้เชษฐ์เริ่มมีความสงสัยเพิ่มยิ่งขึ้น จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากปิดบัง เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องเป็นความลับ แต่อยากแกล้งให้มันรู้สึกว่าเรื่องนี้ลึกลับสักหน่อยแล้วกัน
 
ไม่นานนักผมกับไอ้เชษฐ์ก็ลงมาด้านล่าง ซึ่งพ่อผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่แล้ว แต่คนอื่นๆ ยังไม่เห็นวี่แวว สงสัยคุณนายผมคงต้องใช้ความพยายามมากหน่อยกว่าจะขุดพวกเพื่อนๆ ผมให้ออกจากเตียงนอนยามเช้าได้

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพ่อ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยทักทาย พ่อผม แต่พ่อผมก็ทำเพียงพยักหน้ารับเล็กน้อยเหมือนไม่ได้ใส่ใจนัก จนไอ้เชษฐ์เองคงรู้สึกเก้อๆ เสียละมั้ง

ผมมองดูอุปกรณ์สำหรับทุกคนที่จะใช้ในการทำกิจกรรมเช้านี้ ซึ่งวางอยู่เต็มโต๊ะ และไอ้เชษฐ์ก็คงจะรู้แล้วว่าที่คุณนายผมปลุกให้ลุกมาแต่เช้านี่ก็เพราะจะให้ทุกคนมาตักบาตรร่วมกันนั่นเอง

“เดี๋ยวผมเอาของออกไปรอหน้าบ้านนะพ่อ”ผมหันไปบอก ก่อนจะให้ไอ้เชษฐ์ช่วยกันขนทุกอย่างที่คุณนายผมจัดเตรียมไว้ออกไปเตรียมพร้อมรอ พระมาบิณฑบาต บริเวณหน้าบ้าน

“นี่คุณแม่เค้ากะจะให้เราสองคนต้องเป็นเนื้อคู่กันทุกชาติไปเลยใช่ไหม”ระหว่างที่จัดของอยู่ไอ้เชษฐ์ก็พูดบ้าบออะไรออกมาอีก ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำเลยทำเพียงส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ

“อ้าวมึงไม่เคยได้ยินเหรอ ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน เกิดชาติหน้าฉันท์ใดจะได้เจอกันอีกไง”ไปสรรหาคำพูดอะไรแบบนี้มาจากไหนกันนะไอ้บ้านี่

“แม่กูเค้าไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก เพราะปกติถ้ากูกลับบ้านเค้าก็จะปลุกมาตักบาตรทุกเช้าอยู่แล้ว เค้าเห็นว่ากูไม่ค่อยได้ทำบุญเท่าไหร่ พอกลับบ้านเลยให้ลุกมาตักบาตรกับเค้าทุกวัน ส่วนนี่ที่พวกมึงมาแม่เค้าก็รู้อยู่แล้วว่าคนบาป อย่างพวกมึงมันไม่ค่อยได้ทำบุญกันหรอก เลยต้องลากมาตักบาตรด้วยกันนี่แหละ ไม่ได้กะจะให้เกิดมาพบกันทุกชาติไปอะไรอย่างที่มึงว่า”ผมอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจเจตนาแม่ผมเสียใหม่

“ว่าแต่ตักบาตรเสร็จแล้วกลับไปนอนต่อได้หรือเปล่า”พอเห็นผมพูดเสียยาวเลยหาวแล้วมาถามเรื่องกลับไปนอนเฉยเลย ไอ้นี่นิ

“ยังไม่ได้”คิดเหรอครับว่าคุณนายผมจะแค่ปลุกมาตักบาตรเฉยๆ

“อ้าวยังต้องทำอะไรต่ออีก หรือต้องไปถวายสังฆทาน ที่วัดต่ออีก”ไอ้นี่ก็เว่อร์ไปไหม

“เอ้าเร็วลูกๆ ตามคุณแม่มา”ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบคำถามไอ้เชษฐ์คุณนายผมก็ตามตัวทุกคนให้ออกมาได้จนครบ แต่ดูสภาพแล้วเหมือนซากศพเดินได้เสียมากกว่า เพราะแต่ละคนเหมือนไม่ได้เอาร่างกายมา แต่ส่งวิญญาน มาแทน ขนาดไอ้ต๊าฟเองที่น่าจะชินแล้วกับเรื่องนี้ ยังดูไม่สดชื่นเท่าไหร่ แต่ไอ้คนที่ออกมาพร้อมผม พอเห็นพ่อกับแม่ผมออกมาก็รีบทำหน้าตาสดชื่นทันทีเชียวทั้งที่เมื่อกี้ยังหาว หวอดๆ อยู่เลย แหลได้อีกนะมึง

“กว่าคุณแม่จะปลุกทุกคนมาได้ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว มาๆ ลูกเชษฐ์มายืนใกล้ๆ คุณแม่นี่ ตี๊ฟด้วยลูก ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันเกิดชาติหน้าจะได้เป็นคู่ผัวตัวเมียกันอีก”คุณนายครับผมเพิ่งจะอธิบายไอ้เชษฐ์ไปหยกๆ ว่าคุณนายไม่ได้มีเจตนานี้เลยที่ปลุกมาตักบาตรวันนี้ แต่นี่คุณนายทำเอาหน้าผมแหลกละเอียดไปแล้วนะครับ ส่วนไอ้บ้าเชษฐ์นี่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะมึง

“เห็นไหมบอกแล้วก็ไม่เชื่อ”มันยังมีหน้ามากระซิบผมอีกนะครับ ไม่ได้อายพระอายเจ้าที่กำลังจะมาถึงเลย แต่ไอ้ครั้นผมจะแสดงอาการไม่พอใจอะไรมากก็ไม่ได้เพราะต้องสำรวมหน่อย เราใช้เวลาไม่นานก็ปฏิบัติภารกิจที่คุณนายผมมอบหมายให้ได้สำเร็จ

“เสร็จแล้วพวกเราขอกลับไปนอนต่อนะคร๊าบบ”เหล่าวิญญานทั้งห้า ที่โดนกระชากวิญญานมารีบยกมือไหว้ลาพ่อกับแม่ผม เพราะคิดว่าจะสามารถกลับขึ้นไปนอนได้อีกหลังจากตักบาตรเสร็จ

“ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”คุณนายผมพูดเสียงดุจนเพื่อนๆ ผมต้องหันไปมองเป็นตาเดียวกัน

“ภารกิจยังไม่เสร็จสมบูรณ์นะเหล่าทหารทั้งหลาย”ไอ้ต๊าฟ เอื้อมมือไปตบไหล่พวกเพื่อนๆ ผมเบาเป็นการปลอบใจว่าให้อดทนอีกนิด

“รอคุณแม่ที่โต๊ะอาหารนะจ๊ะ”พวกเพื่อนๆ ผมคงจะเข็ดกับการมาบ้านผมไปอีกพักใหญ่แน่ๆ งานนี้ เพราะพวกมันคงไม่ได้คิดว่าจะต้องมาแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าทำอะไรแบบนี้

โจ๊กใส่ใข่พร้อมเสิร์ฟสำหรับทุกคนถูกวางเรียงรายบนโต๊ะอาหาร ซึ่งทุกคนจะต้องรับผิดชอบให้หมดชามของใครของมันก่อนจะสามารถแยกย้ายกลับไปนอนต่อได้ ใช่แล้วละครับ คุณนายผมเค้าเป็นห่วงสุขภาพว่าถ้าหากนอนยาวไป กว่าจะตื่นก็คงเกือบเที่ยงหรืออาจะเลยเที่ยงเสียด้วยซ้ำในบางที จะทำให้เราพลาดมื้อเช้าไป เพราะฉะนั้นคุณนายก็จะบังคับให้ทานก่อนแล้วค่อยกลับไปนอนต่อ แต่ไอ้การให้คนที่ยังไม่ค่อยจะสร่างดีเท่าไหร่มากล้ำกลืนฝืนทนกินนี่มันก็เป็นการยากลำบากอยู่เหมือนกันนะครับ

“ใครทานไม่หมดคุณแม่ไม่ปล่อยกลับไปนอนแน่ๆ”คำพูดที่พูดทีเล่นทีจริงแต่ เชื่อได้เลยว่าคุณนายท่านทำตามคำพูดแน่นอน ทำให้ทุกคนต้องเริ่มลงมือรับผิดชอบในส่วนของแต่ละคน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 26 [04-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 05-01-2015 22:37:01
วันที่ 27/2

ไอ้ต๊าฟคือคนแรกที่ผ่านภารกิจนี้ไปได้อย่างสบายๆ ตามมาด้วยพ่อผมครับ ส่วนผมเองก็ทานเรื่อยๆ ครับเพราะไม่ได้รีบไปนอนขนาดนั้น แต่พวกเพื่อนๆ ผมนี่สิยิ่งรีบแต่ก็เหมือนยิ่งทำให้ช้าเข้าไปใหญ่ แต่ก็พอเข้าใจพวกมันอยู่หรอก เพราะปกติไม่ค่อยทานข้าวเช้ากัน เลยทำให้ไม่ค่อยชินกับการที่ต้องมาทานอะไรแต่เช้าขนาดนี้

ทว่าในที่สุดทุกคนก็สามารถพิชิตโจ๊กส่วนตัวได้สำเร็จ งานนี้คุณนายผมยิ้มแก้มแทบปริ เพราะคิดว่าฝีมือคุณนายท่านสุดยอดจนทุกคนทานเรียบ แม้ความจริงมันจะอร่อยแต่ที่ทุกคนจัดการจนเรียบนี่เพราะไม่มั่นใจว่าถ้าเกิดทานไม่หมดคุณนายจะอิทธิฤทธิ์อะไรต่างหากเสียละมั้ง

“ขอตัวไปนอนก่อนนะคร๊าบ”พวกเพื่อนๆ ผมบอกพร้อมกับประคองวิญญานเพื่อจะกลับไปเข้าร่าง

“เจอกันมื้อเที่ยงนะลูกๆ”คุณนายผมยังมิวายส่งสัญญานเตือนว่าถ้าเที่ยงยังไม่ลงมากันอีกละก็คงจะเจอปลุกเหมือนตอนเช้านี่แหละ แม่ผมก็ชอบเป็นแบบนี้แหละครับ จะนอนจะขี้เกียจยังไงไม่ว่าแต่ต้องทานอาหารให้ครบ 3 มื้อเป็นอย่างต่ำ ที่แม่ผมดูวุ่นวายกับเรื่องนี้มากเพราะเมื่อก่อนแม่ไม่ค่อยสนใจแล้วไอ้ลูกอย่างผมนี่แหละที่ปล่อยปะละเลยตัวเองจนเคยกลายเป็นโรคกระเพาะขั้นรุนแรงมาแล้ว จากนั้นมาแม่ผมก็เลยหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ

“เดี๋ยวกูกับการ์ดจะไปนอนห้องกูนะ มึงกับน้องเขยก็ย้ายกลับไปห้องมึงได้เลย”ไอ้ต๊าฟหันมาบอกก่อนจะเดินไปโดยไม่รอฟังคำคัดค้านใดๆ จากผมเลยแม้แต่น้อย ไอ้ผมก็ทำได้เพียงมองตามหลังไปต๊าฟ ตาปริบๆ ก่อนจะหันมองหน้าไอ้เชษฐ์ที่อมยิ้มมองผมอย่างกวนประสาท

“คุณนายคร๊าบ มื้อเที่ยงนี้จะทำอะไรให้ทานครับ”แทนที่ผมจะเอาอย่างคนอื่นๆ คือกลับขึ้นไปนอน ผมว่าผมอยู่ชวยแม่จัดเตรียมอะไรดีกว่า เพราะนานๆ จะกลับบ้านที ขอใช้เวลากับครอบครัวหน่อยแล้วกัน อันนี้คือข้ออ้างเท่านั้นแหละครับ เพราะความจริงคือหมั่นไส้พวกจอมวางแผนทั้งหลายที่ดูจะทั้งผลักทั้งดัน ผมกับไอ้เชษฐ์เข้าหากันเหลือเกิน

“แม่ว่าจะทำขนมจีนน้ำยานะ พากันไปพักผ่อนก่อนไปเดี๋ยวคุณแม่เตรียมรอไว้ให้”คุณนายผมตอบโดยไม่ได้หันมามองผม ส่วนผมก็เหล่มองอีกคนที่ยังไม่ขึ้นไปนอน ทำเหมือนรอผมอยู่ แม้จะยังง่วงอยู่ แต่ผมก็จะต้องทำตัวต่อต้านพวกนี้เสียบ้าง

“ไม่ค่อยง่วงแล้วอ่ะแม่ เดี๋ยวอยู่เป็นลูกมือแม่ดีกว่า”ผมหันมาสนใจพูดคุยกับแม่ต่อ แต่สายตาก็ยังหันไปมองไอ้เชษฐ์แวบนึง ซึ่งมันเองก็เหมือนจะรู้ว่าทำไมผมทำแบบนี้ ตอนแรกดูท่าจะไม่พอใจ แต่แล้วก็ปรับเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ จนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่ามันจะมาไม้ไหนของมันอีก

“งั้นผมขอช่วยคุณแม่อีกแรงแล้วกันนะครับ”อ้าวไอ้นี่ ไม่ง่วงหรือไงถึงมาอาสาทำแบบนี้ ผมหันไปมองอย่างหมั่นไส้กับท่าทางเหมือนจะประจบประแจงแม่ผม

“ไม่ต้องทั้งสองคนนั่นแหละ ไปๆ กลับไปพักผ่อนกันก่อน เพิ่งได้นอนกันคนละไม่กี่ชั่วโมงเอง เรื่องอาหารการกินเดี๋ยวแม่จัดการเอง ไปๆ ตี๊ฟพาลูกเชษฐ์ขึ้นไปนอนก่อน”ผมกำลังจะอ้าปากคัดค้าน แต่เหมือนคุณนายจะไม่ยอมให้ผมได้เอ่ยปาก เพราะเล่นมัดมือชกผมทุกทาง ผมเลยหมดหนทาง ต้องยอมแต่โดยดี

“ไม่นอนจริงๆ เหรอ”พอขึ้นมาบนห้องนอน ผมต้องทำเป็นไม่ง่วงทั้งที่จริงแล้วตอนนี้ก็เริ่มง่วงๆ นิดหน่อยแล้วเหมือนกัน แต่พอเห็นไอ้คนที่จะต้องนอนร่วมเตียงด้วยแล้ว ชักรู้สึกไม่อยากนอนขึ้นมา ตะหงิดๆ เพราะเกรงจะไม่ได้หลับอย่างสบาย ผมหันไปมองไอ้เชษฐ์พร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นรื้อหาของบางอย่าง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะหาอะไรจริงๆ หรอกครับ

“ไม่ง่วงเลยเหรอ”เหมือนคนถามจะยังไม่เชื่อว่าผมจะไม่ง่วง จนผมต้องหันกลับไปมองหน้าอีกครั้งพร้อมสั่นศีรษะให้เห็นว่าไม่ง่วงเลยสักนิด ก่อนจะหันหน้ากลับเพื่อหาว เบาๆ ไม่ให้ไอ้เชษฐ์เห็น ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตารื้อของต่อไป อย่างไร้จุดหมาย

“หาอะไรเหรอ”ผมแทบสะดุ้งเพราะคนพูดเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมมาถามซะข้างหูผมเลย ไอ้ผมที่ไม่ได้ตั้งหลักเลยตกใจ จนใจเต้นโครมคราม เพราะนอกจากจะมาถามเหมือนกระซิบข้างหูแล้วยังมาประกบด้านหลังผมเสียชิดเลย

“ไม่มีอะไร มึงไปนอนเหอะ”ผมขยับตัว เพื่อให้อีกคนรู้สึกว่าตอนนี้มันประชิดตัวผมมากไปแล้ว แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึก แถมยังเบียดผมเข้ามามากกว่าเดิมอีก

“เดี๋ยวกูช่วยมึงหาดีกว่า ตกลงหาอะไรล่ะ”กรรมของเวร จริงๆ ดันไมได้คิดไว้ด้วยสิว่าหาอะไร แล้วผมจะตอบมันว่าไรดีละเนี่ย แถมดูท่าไล่ไปนอนก็ไม่ยอมไปอีก ถ้าจะบอกความจริงไปว่าไม่ได้หาอะไรก็เสียหน้าแย่ สายตาผมเริ่มมองของที่อยู่ตรงหน้าที่ผมรื้ออยู่ว่าพอจะมีอะไรแก้ขัดได้บ้างหรือเปล่า แต่ดูเหมือน

“อ๋อ นี่ไงเจอแล้ว”ผมหยิบสิ่งหนึ่งติดมือขึ้นมา โชว์ให้ไอ้เชษฐ์ดู ซึ่งเหมือนไอ้เชษฐ์จะงงๆ กับผมเหมือนกันว่าทำไมต้องตั้งหน้าตั้งตาหาขนาดนี้ด้วย เจ้าของสิ่งนี้มีความสัมคัญกับผมขนาดนั้นเลยเหรอ อันนี้ผมคิดเอาเองจากสายตาของมันนะครับว่ามันน่าจะกำลังคิดแบบนี้อยู่แน่ๆ

“สมุดเฟรนส์ชิพเนี่ยนะ หาทำไมเหรอ”นั่นสินะ ผมจะหามาทำไมล่ะ ไอ้นี่ก็ช่างสงสัยเสียจริงแค่กูตอบได้ว่ารื้อหาอะไรนี่ก็ดีถมไปแล้วนะ ยังจะต้องมาอธิบายอีกเหรอว่าหาทำไม

“ก็...”ผมนึกไม่ออกจริงๆ ครับว่าจะหาทำไม เลยเลือกที่จะไม่ตอบ ไม่พูดต่อเอาเสียดื้อๆ

“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ขอดูหน่อยได้ไหม”เป็นงั้นไป แต่ก็ดีให้มันเข้าใจว่าผมไม่อยากบอกก็ยังดีกว่าให้ผมต้องมานั่งนึกหาเหตุผลเอง

“ไม่นอนแล้วเหรอ”ผมหันไปถามอย่างสงสัยเพราะคิดว่าไอ้เชษฐ์เองก็น่าจะง่วงอยู่พอสมควร แต่มันก็ไม่ได้ตอบคำถามของผมและก็ไม่ได้รอคำขออนุญาตจากผมที่จะให้ดู สมุดเฟรนส์ชิพนั่นหรือเปล่าเพราะมันหยิบแล้วก็เดินถือไปนั่งลงที่เตียงแล้วเอนหลังพิงหัวเตียงไว้

“เพื่อนมึงเยอะดีนิ”คนพูดเปิดดูอะไรไปเรื่อย พร้อมกับหยุดอ่านบ้างเป็นบางหน้า ผมเริ่มรู้สึกว่าผมนอนเสียจะดีกว่าไหม ทำไมผมต้องมาทนง่วงในห้องนอนของตัวเองแบบนี้ด้วย ปล่อยให้ไอ้เชษฐ์มันสนใจดูต่อไปแล้วกัน ผมเองไม่ได้อยากดูเท่าไหร่เพราะดูมาเป็นสิบๆ รอบแล้ว เพื่อนหลายคนก็ยังได้ติดต่อกันอยู่แม้จะแยกย้ายกันเรียนคนละที่ไปแล้ว ผมล้มตัวลงนอนที่เตียงฝั่งที่ยังว่างอยู่

“มันคือใคร”คำถามที่ออกมาจากปากคนที่อยู่ไม่ห่างจากผมทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้เชษฐ์กำลังหมายถึงใคร หมายถึงอะไร แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปไกล คนที่ตั้งคำถามก็ยื่นสิ่งที่เจ้าตัวเปิดดูอยู่ส่งมาให้ผม ซึ่งผมเองก็รับมาอย่างเสียไม่ได้ ผมมองดูหน้าที่ไอ้เชษฐ์เปิดไว้ มันเป็นหน้าหนึ่งที่มีคนเขียนลงในเฟรนส์ชิพให้ผม แต่คนเขียนไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นเพื่อนสักเท่าใด เพราะว่า “มัน” ที่ผมได้ยินไอ้เชษฐ์ถามถึง คือ “มันส์” ใครคนนึงที่ผมแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

“จะอยากรู้ไปทำไม”ผมเก็บเฟรนส์ชิพนั้นเอื้อมไปวางไว้ข้างเตียง และไม่คิดว่าผมจำเป็นจะต้องเล่าเรื่องของมันส์ให้กับไอ้เชษฐ์ฟัง และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวไอ้เชษฐ์เองจะอยากรู้ไปทำไม

“ก็เห็นเขียนไว้ในนั้นยังกับรักกันปานจะกลืนแล้วตอนนี้ไปไหนเสียล่ะ”น้ำเสียงเหยียดๆ นั้นเล่นเอาผมเกือบจะฉุนขาด แต่พยายามข่มใจไว้ไม่อยากจะมาทะเลาะกับไอ้เชษฐ์ที่บ้านของตัวเอง เดี๋ยวจะโดนพ่อแม่ว่าไม่รู้จักโตมาทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ อีก

“แล้วไง ทีเรื่องมึงกับแหม๋วกูยังไม่ได้อยากจะรู้เลย มึงจะมาอยากรู้เรื่องกูทำไม”ผมพูดเรียบๆ พยายามไม่ใส่อารมณ์ไปกับคำพูดนั้น แต่ไอ้เชษฐ์เองก็น่าจะคิดบ้างว่าตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยพอใจอยู่เหมือนกัน

“โอเคถ้ามึงอยากรู้เรื่องแหม๋วกูก็จะเล่าให้ฟัง”ใคร ไหนประโยคไหนที่บอกว่าผมอยากรู้เรื่องของมันกับแหม๋วกัน

“กูไม่ได้อยากรู้”ผมปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะผมไม่ได้อยากจะรู้จริงๆ ไม่ว่ามันจะไปทำอะไรกับใคร ที่ไหนมา มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม

“แต่กูอยากเล่า”อ้าวไอ้นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงกันบอกไม่ได้อยากจะรู้ ไม่อยากจะฟัง ยังจะมายัดเยียดให้กันอีก

“จริงๆ แล้วกูกับแหม๋ว...”

“กูจะนอนแล้ว”ผมตัดบทก่อนจะนอนหันหลังให้ไอ้เชษฐ์ แต่ผมว่าผมคงนอนไม่หลับแล้วแหละ เพราะหลายเรื่องที่ตอนนี้กำลังเข้ามารบกวนจิตใจของผม ผมยอมรับแต่โดยดีว่ารู้สึกน้อยใจไอ้เชษฐ์ที่วันก่อนมันรับโทรศัพท์แหม๋วแล้วหายไปเลย แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมารบกวนจิตใจผมได้ขนาดนี้ และตอนนี้มันมีเรื่องของอีกคนนึงที่ผมเคยปิดเรื่องราวของคนๆ นี้ลงไปแล้ว ตัดออกจากความทรงจำของผมไปนานแล้วด้วย

“ขอโทษนะ”เสียงเบาๆ ของคนที่อยู่ด้านหลัง แว่วมากระทบโสตประสาทของผม ผมไม่เข้าใจว่ามันจะมาขอโทษผมทำไมกัน แต่ผมไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะสมองผมกำลังคิดย้อนไปถึงเรื่องราวในหลายปีก่อน เรื่องราวระหว่างผมกับ มันส์ ผมไม่ได้ติดต่อกับเค้ามาหลายปี ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง แต่มันก็เป็นแค่อดีตเท่านั้น

แต่อดีตที่ดีๆ บางทีได้คิดถึงบ้างมันก็รู้สึกอิ่มเอมเหมือนกันนะครับ ในขณะที่ผมกำลังหวนคิดถึงอดีตผมก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่าง

“ขอกอดได้ไหม”เสียงกระซิบแผ่วเบาอยู่เบื้องหลังผมซึ่งมาพร้อมกับอ้อมกอดกระชับที่แน่นขึ้นเรื่อยๆ








“ไม่ใช่ตอนนี้”ผมบอกออกไปด้วยน้ำเสียงตำหนิ หน่อย ๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง คนที่กอดผมอยู่ตอนนี้กำลังเกิดความต้องการขึ้นมา เพราะส่วนแก่นกายกำลังเริ่มขยายตัวและมันก็มาสัมผัสเข้ากับหลังผมพอดี เมื่อผมเองก็ผู้ชายเหมือนกันกับคนที่กอดผมอยู่ตอนนี้ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร แต่ตอนนี้ผมเองง่วงและอยากพักผ่อนมากกว่า ผมจึงขยับตัวดิ้นเล็กน้อยเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมกอดนั้น

“อย่าดิ้นสิ”ผมไม่สามารถดิ้นหลุดได้เมื่ออีกฝ่ายกอดผมไว้แน่นพร้อมกับออกคำสั่งเสียงดุ

“ปล่อยเหอะกูจะนอน”ผมบอกออกไปอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย แม้จะสำนึกได้ดีว่าแรงผมสู้อีกคนไม่ได้ก็เหอะ แต่ก็ยังอยากที่จะต่อรอง

“อยู่นิ่งๆ กูขอแค่กอดเฉยๆ”อีกฝ่ายบอกผมพร้อมกับกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม อย่างกับกำลังข่มอารมณ์เอาไว้ ไอ้เชษฐ์กอดผมแน่นเสียจนผมเริ่มรู้สึกเจ็บแต่ก็ไม่ได้ห้ามมันอีกแต่อย่างใด เป็นเวลาพักใหญ่กว่าที่ผมจะรู้สึกว่าอารมณ์ของคนที่กอดผมไว้เริ่มสงบลง อ้อมกอดเริ่มคลายคล้องกายผมไว้เพียงหลวมๆ ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า สัมผัสไอ้อุ่นๆ จากลมหายใจของอีกคนที่พ่นส่งมาที่ลำคอผมอย่างสม่ำเสมอ ไม่นาน ผมก็หลับลงไปอย่างรู้สึกอบอุ่นภายในอ้อมกอดนั้น
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 05-01-2015 22:42:40
วันที่ 27 นี่จะยาวนิดนึง

ตอนแรกกะว่าจะลงรวดเดียว แต่เปลี่ยนใจ แบ่งลงดีกว่า 555

ถ้าพรุ่งนี้ตื่นเช้าจะลงเพิ่มให้อีกแต่เช้าแล้วกันนะครับ

ยังไงที่ตัดลงก็ไม่ได้ตัดให้ค้างน้า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 05-01-2015 23:00:55
ใครๆก็ต้องมีอดีตทั้งนั้น :hao4:
หวังว่าอดีตของติ๊ฟจะไม่กลับมานะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 05-01-2015 23:27:35
กำลังจะหวานเลยคนเก่าชวนไปกินมาม่าซะงั้น ตี๊ฟไม่น่าให้เชษฐ์ดูเฟรนชิฟเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-01-2015 23:31:28
555555 โดนพี่ต๊าฟเล่นแล้วไง. ติ๊ฟ

สงสัยพอคงมีอีหนูได้แล้วละ. พี่ต๊าฟคงได้นอนกับการ์ดมั้งเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 06-01-2015 02:00:57
งุงิ งุงิ ครอบครัวหรรษามากๆ 5555 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-01-2015 02:14:06
รำคาญตี๊ฟ. :serius2: :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-01-2015 02:15:55
แบ่งเป็นคู่เลย สงสัยคุณพ่อจะได้สมหวังแลัวมั๊ง ต๊าฟ-การ์ด

เข้าใจอารมณ์คนหวงนะแต่เรึ่องของอดีตถ้าไม่เคลียร์กันให้เรียบร้อยก็ยากที่จะพากันข้ามด่านนี่ไปกันได้

ครอบครัวก็อวยกันปานนี้แล้วที่เหลือก็ใจของสองคนแหละนะ

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-01-2015 08:05:02
วันที่ 27/3



“ไอ้ตี๊ฟโว๊ย...ตื่นหรือยัง ตื่นๆๆๆๆ ตื่นได้แล้ว”เสียงทุบประตูและเสียงโหวกเหวกโวยวายของพี่ชายตัวดี ทำให้ผมค่อยๆ พยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เสียงแดดที่เจิดจ้าเต็มที่บ่งบอกว่านี่เป็นเวลาน่าจะเข้าสู่ช่วงบ่ายนิดๆ แล้ว และเมื่อผมพลิกตัวสายตาผมก็ไปประสานกับอีกคนที่เหมือนจะจ้องมองผมอยู่นานแล้ว

“เดี๋ยวกูลงไปไอ้ต๊าฟ”ผมตะโกนบอกไปโดยที่สายตายังคงประสานอยู่กับคนที่นอนเคียงข้าง ริมฝีปากนั้นขยับยกขึ้นเล็กน้อย กลายเป็นรอยยิ้มอย่างจริงใจให้กับผม ก่อนจะค่อยๆ ขยับริมฝีปากเข้ามาประกบปากกับผม ผมไม่ได้ขัดขืนเมื่อถุกรุกรานด้วยลิ้นของอีกฝ่าย ให้เข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของผมเนิ่นนานจนผมแทบจะขาดอากาศหายใจ

เสียงหอบเล็กๆ จากผมหลังจากที่อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออก ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก จนต้องหลบสายตาคมของอีกฝ่าย

“ตื่นนานแล้วเหรอ”ผมกลั้นใจพูดออกไปเพื่อทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดที่เป็นอยู่ แต่ไอ้เชษฐ์เพียงพยักหน้ารับและหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของผม

“แล้วทำไมไม่ปลุกเล่า”ผมทำโวยวายกลบเกลื่อนพร้อมกับรีบลุกขึ้นนั่งเตรียมตัวไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาอีกรอบ

“ก็แค่อยากมองดูเวลามึงหลับ ดูมึงตอนหลับนิ่งๆ มันน่ารักดี”คนพูดยิ้มจนเห็นฟันครบ 32 ซี่ แถมเอามือมาบีบจมูกผมอีก

“เลิกพูดไร้สาระแล้วปล่อยกูสักที จะรีบไปอาบน้ำ หิวแล้ว”ผมผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วพอเพราะข้อมือผมยังถูกคว้าไว้ได้

“ถ้ารีบมาก เราก็มาอาบพร้อมกันเลยดีไหม”ดูไอ้นี่จะวกไปวนมา กับการพยายามแบบนี้เหลือเกิน

“ฝันไปเหอะ”ผมรวบรวมกำลังทั้งหมดสะบัดมือให้พ้นจากการเกาะกุม แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เล่นเอาใจหายใจคว่ำเหมือนกันเพราะไอ้เชษฐ์เองก็พยายามจะตามผมเข้ามาให้ได้ แต่เมื่อผมปิดประตูเรียบร้อยแค่นี้มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกมาแต่งตัวให้อีกฝ่ายเข้าไปอาบน้ำบ้าง แต่กว่าไอ้เชษฐ์จะยอมเข้าไปอาบก็เอ้อระเหย บ่ายเบี่ยงอยู่นั่นแหละ ไม่รู้มันจะอะไรนักหนา

“กูลงไปรอข้างล่างนะ”ทันทีที่ไอ้เชษฐ์อาบน้ำเสร็จออกจากห้องน้ำก็เป็นจังหว่ะเดียวกับที่ผมแต่งตัวเสร็จ ที่จริงผมเองก็ตั้งใจรีบแต่งตัวกะว่าจะให้เสร็จก่อนไอ้เชษฐ์ออกมาเสียด้วยซ้ำ แต่มันดันอาบน้ำเร็วเสียเหลือเกิน

“รอกันก่อนสิ”ไวเท่าคำพูดไอ้เชษฐ์รีบมาคว้าข้อมือผมไว้ ไม่ให้ออกจากห้อง มันจะมายื้อผมไว้ทำไมกันเนี่ย ก็แค่ผมลงไปก่อน พอมันแต่งตัวเสร็จก็ตามลงไป แค่นี้ จะมาวุ่นวายอะไรอีก ผิวหนังหมาดๆ ที่ยังเช็ดไม่แห้งสนิทดี แนบชิดเข้ามาที่ผม หยดน้ำจากปลายผมหยดลงบนบริเวณแขนผม

“รีบไปแต่งตัวเร็วเข้าเถอะ”ผมต้องรีบเบี่ยงตัวหลบไม่อยากจะสบสายตากับอีกฝ่าย ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังเป็นอะไรกันแน่ ผมกำลังกลัว กลัวที่ยอมรับว่าผมอาจจะกำลังเผลอใจกับผู้ชายตรงหน้าผม แม้ผมจะเคยคบกับใครมาหลายคน แต่มันก็เป็นไปด้วยความพยายามที่จะรัก ที่จะอยากมีใครสักคน ร่วมทางเดินนี้ไปกับผม แต่วันนี้ตอนนี้ ทั้งที่ผมควรจะรีบเปิดใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะมันคือสิ่งที่ผมตามหามาตลอดมิใช่หรือ ทว่าสิ่งที่ผมกลัวมันกลับกลายเป็นความกลัวที่จะผิดหวัง กลัวว่าสิ่งที่ไอ้เชษฐ์กำลังแสดงออกมาตอนนี้ มันจะเป็นแค่ภาพลวงตา กลัวว่ามันจะเป็นแค่เกมที่ไอ้เชษฐ์สร้างขึ้นมา หรือแม้ว่ามันจะคือความจริง ผมก็ยังกลัวว่ามันจะยาวนานสักแค่ไหน มันอาจจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว มันทำให้ผมเองไม่อยากจะถลำตัวไปมากกว่านี้

“ทำไมมึงต้องพยายามขัดขืนกูอยู่ตลอดเวลาด้วย...หือ”ใบหน้าผมหันตามมือของอีกฝ่ายที่เชยคางผมให้หันหน้าเข้าหา แววตาที่มองผมเหมือนกำลังค้นคว้าหาบางอย่าง ผมเองก็เหมือนกัน ผมกำลังค้นหาถึงคำตอบของการกระทำของไอ้เชษฐ์ว่าแท้ที่จริงมันคิดกับผมยังไงกันแน่

แต่แล้วผมก็ต้องแพ้กับสายตาของคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าริมฝีปากผมถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากของอีกฝ่ายได้ยังไง แต่กว่าจะรู้สึกตัวผมก็จูบตอบไปเสียแล้ว ผมรู้สึกเหมือนร่างกายมันเบาโหวงไปหมด เรี่ยวแรงแทบจะเหือดหาย นี่ผมเป็นอะไรกันแน่ กับแค่ถูกจูบแค่นี้ผมเป็นได้ขนาดนี้เลยหรือ

“รีบไปแต่งตัวเหอะ”หลังจากรวบรวมสติได้ผมก็รีบผละออกจากไอ้เชษฐ์แทบจะทันที พอบอกออกไปแบบนั้นก็ไม่คิดจะรอฟังปฏิกิริยาจากมันอีกแล้วละครับ สองเท้าก้าวอย่างไม่ค่อยมั่นคงออกจากห้องเพื่อไปสมทบกับคนอื่นๆ

“กว่าจะลงมาได้นะมึง มัวแต่จู๋จี๋กันอยู่ละสิ”เสียงทักทายจากเพื่อนๆ ของผมดังขึ้นเมื่อผมก้าวเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร ตอนนี้ทุกคนพร้อมที่โต๊ะกันหมดแล้ว เพราะไอ้เชษฐ์คนเดียวเลยที่ทำให้ผมกลายเป็นคนที่มาช้าที่สุดแบบนี้

“มีไรกินบ้างครับแม่”ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกาจากพวกเพื่อนๆ แต่เดินเลยไปอ้อนคุณนายของผม

“ลูกเชษฐ์ละลูก”รอยยิ้มที่ผมบรรจงยิ้มจนแทบปริถึงแก้ม หุบลงแทบจะทันทีเพราะคุณนายผมดันไม่สนใจผม แต่ถามถึงคนอื่นนี่สิ

“เดี๋ยวก็ลงมาครับคุณนาย ลูกเชษฐ์ของคุณนายกำลังแต่ตัวอยู่ เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ”ผมตอบอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะหันไปสนใจขนมจีนน้ำยาที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ไม่นานนักไอ้เชษฐ์ก็ตามลงมาสมทบ คุณนายผมดูจะเอาอกเอาใจกันเป็นพิเศษเสียจนน่าหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าผมลืมตัวหรืออะไรกันแน่ แต่ทุกครั้งที่พอรู้สึกตัวว่าตัวเองจ้องมองไอ้เชษฐ์อยู่ ก็ต้องเจอสายตาที่มองตอบมาเสมอ

หลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ซึ่งพวกเพื่อนๆ กับพี่ชายตัวดีของผมก็ไม่พ้นล้อมวงร่ำแอลกอฮอล์อีกแล้ว เสียงกีตาร์ที่ดูจะสู้เสียงคนเมาไม่ได้ ดังมาเป็นระลอกจากสนามหน้าบ้านของผม ผมละกลัวคนข้างบ้านเค้าจะปาขวดมากลางวงจริงๆ เลย

“ไปไหนอ่ะแม่”ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นคุณนายทำเหมือนเตรียมตัวจะออกนอกบ้าน ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่ริมระเบียงไม่ได้ออกไปร่วมวงกับเพื่อนๆ เพราะยังไม่อยากจะดื่มสักเท่าไหร่ ปล่อยให้ไอ้ต๊าฟ ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับเพื่อนๆ ผมแทนไปพลางๆ

“ว่าจะออกไปซื้อของมาเพิ่มหน่อย เย็นนี้จะทำหมูกะทะ”คุณนายผมบอกอย่างอารมณ์ดี เพราะการได้ทำอะไรให้คนอื่นทานนี่เป็นความสุขอย่างมากเลยสำหรับคุณนายผม

“เดี๋ยวพวกผมออกไปซื้อให้ไหมครับ คุณแม่จดรายการมาก็ได้ ให้ผมกับตี๊ฟไปซื้อดีกว่าคุณแม่จะได้จัดเตรียมข้าวของรอที่บ้าน”ผมหันไปมองแทบจะทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน นี่แม่ผมมีลูกเพิ่มมาอีกคนแล้วใช่ไหม

“ลูกเชษฐ์ว่างั้นเหรอจ๊ะ ถ้าลูกเชษฐ์ว่างั้นคุณแม่ก็ไม่ขัดข้องแล้วกัน”เอากันเข้าไปครับงานนี้ ไอ้ผมไม่ได้เสนอตัวว่าจะไป แต่อีแบบนี้คงหาทางเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ เพราะมองหาตัวช่วยก็คงไม่มีใครให้ช่วย พวกที่เหลือก็เริ่มตึงๆ กันหมดแล้วมั้งนะ แล้วนี่หมูกะทะของคุณนายผมจะเป็นหมันหรือเปล่านะ ถ้าพวกเพื่อนๆ ผมเมากันเสียก่อน แต่ช่างเหอะเดี๋ยวก็รู้เองว่าผลจะออกมาเป็นไง

คุณนายจดรายการให้ผมกับไอ้เชษฐ์ พร้อมก่อนจะสั่งนู่นนี่อีกสารพัดวิธีการเลือกซื้อของสด ผมละอยากจะให้คุณนายแกไปช่วยกันซื้อกับไอ้เชษฐ์สองคนจริงๆ เชียว เข้ากันดีนัก ปล่อยผมเตรียมของอยู่ที่บ้านนี่ก็ได้ แต่ก็นั่นแหละครับ แม้ผมจะเสนอตัวเช่นนั้น มันก็ไม่เป็นผลอยู่ดี ในเมื่อคุณนายผมออกตัวชัดเจนเหลือเกินว่าจะผลักไสผมให้ตกลงปลงใจกับไอ้เชษฐ์เสียให้ได้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์มันจะต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า

“ยิ้มไรของมึงนักหนา”ผมชักจะหมั่นไส้ไอ้นี่เข้าไปทุกทีเสียแล้วครับ เพราะนี่ตั้งแต่ออกจากบ้านมามันก็เอาแต่มองผมแล้วก็ยิ้มอยู่ได้ จะพูดอะไรก็ไม่พูด จนผมทนไม่ไหวต้องถามมันออกมานี่แหละครับ แต่แทนที่มันจะตอบนะครับ มันก็ไม่ตอบ ตอนนี้รถเรากำลังติดไฟแดงอยู่ ไอ้เชษฐ์มันก็หันหน้ามาหาผม พร้อมกับกระดิกนิ้ว เหมือนเรียกให้ผมเอียงหูเข้าไปใกล้ๆ ทำเป็นจะกระซิบไอ้ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะมาอยากกระซิบทำไมในเมื่อเราก็อยู่กันแค่สองคนในรถคันนี้ มันจะกลัวใครได้ยินหรือไง ทว่าไอ้ผมก็บ้าจี้ โน้มหน้าเอียงหูเข้าไปฟังมันนี่สิ แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่า

“ไอ้บ้า”มันไม่ได้กระซิบกระซาบอะไรผมเลย แต่มันหลอกให้ผมเอาแก้มไปให้มันหอมเสียฟอดใหญ่ เล่นเอาผมเกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะก่อนจะตั้งสติเตรียมฟาดมันด้วยฝ่ามือสักครั้ง แต่มันก็ทำมือห้ามผมให้ดูว่ามันขับรถอยู่ เดี๋ยวจะเกิดอันตราย หนอยฝากไว้ก่อนเหอะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-01-2015 08:05:46
วันที่ 27/4
“เหมือนคู่รักมาซื้อของเข้าบ้านเลยเนอะ”หลังจากที่ซื้อข้าวของตามรายการที่คุณนายผมให้มาจนเกือบครบแล้ว ไอ้เชษฐ์ผู้ซึ่งพูดมากเสียจนเป็นพิเศษก็ยังไม่หยุดพูดอีกครับ ตั้งแต่มาถึง ทั้งแสดงให้ผมเห็นว่ามันมีความสามารถในการเลือกซื้อ พวกอาหารสดได้อย่างมีหลักการ แถมด้วยคำพูดหยิกแกมหยอกผมมาเป็นระยะๆ จนตอนนี้ผมอยากจะปล่อยมันไว้นี่แล้วหนีกลับก่อนเสียจริงๆ

“วันนี้มึงแลดูพูดมากไปหรือเปล่า”ผมพูดโดยไม่ได้หันไปมองคู่ สนทนา เพราะสายตากำลังสนใจอยู่กับข้าวของที่กำลังจะซื้อ เลยไม่ได้หันมองอีกคนที่เข็นรถตามหลังผมอยู่ จะว่าไอ้เชษฐ์มันเมาเลยพูดมากก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมันแทบยังไม่ได้ดื่มเสียด้วยซ้ำ

“ไม่ชอบให้พูดมากเหรอ ชอบแบบเงียบๆ เดินตามอย่างเดียวอะไรแบบนั้นหรือเปล่า”น้ำเสียงค่อนข้างจะยียวนกวนประสาท ดังตามหลังผมมาติดๆ อีกเหมือนเดิม

“รีบหาของให้ครบเถอะ ออกมานานแล้วเดี๋ยวแม่กูรอแย่”ผมต้องรีบตัดบท เพราะถ้าขืนต่อความยาวสาวความยืดมีหวัง ไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ พยายามคิดว่าปล่อยให้มันพูดพล่ามของมันไปเหอะ อดทนทำเป็นหูทวนลมไปก็น่าจะโอเคแล้ว ปล่อยให้มันพูดเฉยๆ ยังไงก็คงจะดีกว่าต้องมาเถียงกัน

“นี่ตี๊ฟ...”น้ำเสียงเรียกที่เปลี่ยนไปทำให้ผมต้องหยุดเพื่อหันกลับไปมอง ไอ้เชษฐ์ เพราะน้ำเสียงที่มันเรียกผมครั้งนี้มันดูจริงจัง เหมือนมีอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้เอ่ยถามแต่ทำเพียงเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่ามันมีอะไรหรือเปล่า

“ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันมากี่วันแล้ว มึงจำได้ไหม”คำถามของไอ้เชษฐ์ทำผมแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็นั่นสินะตอนนี้ผมกับมันอยู่กันมากี่วันแล้วล่ะ น่าจะประมาณเกือบเดือนได้แล้ว จะว่าไปเดือนนึงมันก็ไม่นาน แต่ความรู้สึกผมเหมือนอยู่กับไอ้เชษฐ์มาพักใหญ่แล้วเหมือนกัน ว่าแต่มันถามผมแบบนี้เพื่ออะไร หรือว่ามันอยากจะยกเลิกเกมนี้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้น...แค่คิดทำไมใจผมมันเหมือนจะห่อเหี่ยวแบบนี้

“เกือบเดือนแล้วมั้ง”ผมตอบออกไปเสียงเบาพร้อมกับหันกลับไม่อยากสบตากับอีกฝ่าย

“มึงนี่ไม่ได้ใส่ใจเลยหรือไงหือ ทำไมตอบเหมือนจำไม่ได้แบบนั้นเล่า กูจะบอกให้ว่าวันนี้วันที่ 27 แล้วสำหรับเกมของไอ้การ์ดที่มีเราสองคนเป็นผู้เล่น”แล้วมันจะมาว่าผมไม่ใส่ใจทำไมกัน ก็ผมจะมามัวนั่งนับวันที่แน่นอนให้มันได้อะไรขึ้นมากันเล่า หรือว่ามัน นับวันรอที่จะเป็นอิสระจากผมแล้ว งั้นเหรอ

“แล้วไง”ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องมาชวนผมคุยเรื่องนี้ที่ห้างแบบนี้ด้วย ถ้าอยากจะพูดคุยก็คุยที่บ้านก็ได้ ไม่ก็ตอนกลับไปคอนโด ยังไงเสียผมกับมันก็ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน นอกเสียจากว่ามันอยากจะยกเลิกเกมนี้แล้วเท่านั้นเอง

“ก็ไม่แล้วไง แค่อยากจะรู้ว่ามึงคิดจะยอมแพ้ไอ้การ์ดมันหรือยัง”คนพูดเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก เพราะแรกเริ่มผมเล่นเกมนี้เพราะเหมือนสถานการณ์พาไป และผมก็มั่นใจว่าผมจะไม่เพลี่ยงพล้ำในเกมนี้ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่ได้ รู้สึกว่าอยากจะมีชัยชนะในเกมนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะอยากยอมแพ้ มันเหมือนกับว่าไม่ว่าผลจะออกมายังไงผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกไปในทางใด

“มึงอยากเลิกเล่นเกมนี้แล้วใช่ไหม”ผมถามออกไปทั้งที่กำลังรู้สึกกลัวในคำตอบ แม้การกระทำของมันจะบ่งบอกว่าไม่ได้รังเกียจที่จะอยู่กับผม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เบื่อผมนี่นา แล้วผมล่ะ ยังอยากเล่นเกมนี้ต่อหรือเปล่า ยังอยากจะอยู่กับมันไปแบบนี้หรืออยากกลับมามีชีวิตส่วนตัวเหมือนเดิม
“ทำไมมึงถึงคิดว่ากูอยากจะเลิกเล่นเกมนี้ล่ะ”คนถามขมวดคิ้วเข้าหากัน อย่างอารมณ์ไม่ค่อยจะพอใจนัก

“แล้วทำไมแทนที่มึงจะตอบกู แต่ถึงมาตั้งคำถามกูละ”ผมตอบกลับไปอย่างไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามของมันเช่นกัน ก็มันเองยังไม่ยอมตอบให้ตรงคำถามแล้วทำไมผมต้องตอบมันด้วยล่ะ

“งั้นก็...ช่างเหอะ รีบซื้อของกันดีกว่า”อ้าวบทจะนึกอยากตัดบทก็ตัดเอาทื่อๆ แบบนี้เลยหรือไงเนี่ย  โอเค ในเมื่อไม่อยากจะคุยเรื่องนี้ต่อผมก็จะไม่คุย เราสองคนเดินหาของตามรายการที่คุณนายผมจดมาให้อย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไรอีก การมาซื้อของแบบนี้ค่อนข้างจะช้านิดหน่อย เพราะเราทั้งคู่ไม่ใช่คนที่มาซื้ออะไรแบบนี้บ่อยๆ และไม่คุ้นกับสถานที่ทำให้กว่าจะหาของได้แต่ละอย่างก็เสียเวลาอยู่นานพอดู แถมวันนี้เป็นวันหยุด คนก็เลยเยอะเป็นพิเศษ มันยิ่งเพิ่มความล่าช้าเข้าไปอีก

แต่มันก็ไม่เกินความพยายาม เมื่อซื้อของตามรายการครบ ผมก็เริ่มหาของที่ผมเองต้องการบ้าง เพราะคำนวณดูแล้วตังค์ที่คุณนายผมให้มามันต้องเหลือแน่ๆ ผมต้องบริหารเงินให้เป็นจะให้เหลือไม่ได้ อะไรที่พอจะเนียนซื้อเป็นของส่วนตัวได้เราก็ต้องรีบคว้าไว้ ตอนนี้ไอ้เชษฐ์เหมือนจะเงียบๆ ลงไป จากที่ตอนแรกออกแนวพูดมากเหลือเกิน

เหมือนไอ้เชษฐ์กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมก็คงไม่อาจรู้ได้ว่ามันกำลังคิดเรื่องอะไร และแม้จะอยากรู้ แต่ผมก็คงไม่ถามมันหรอกครับ เราสองคนต่างเงียบและเดินไปหยุดรอคิวสำหรับชำระเงิน แต่ดูคงจะต้องรออีกพักใหญ่ทีเดียว เนื่องจากคนเยอะเป็นพิเศษนั่นเอง

“เราจะกลับกันตอนไหนเหรอ”ไอ้เชษฐ์หันมาถามผมขณะที่กำลังรอจ่ายตังค์

“หมายถึง”ผมไม่มั่นใจในคำถามว่ามันหมายความว่ากลับจากซื้อของนี่หรือ กลับจากไหนกันแน่ เลยต้องถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

“หมายถึงกลับไปคอนโด วันไหน พรุ่งนี้หรืออะไรยังไง”อีกฝ่ายตอบพร้อมกับยืนหันมองรอบๆ ตัวซึ่งไม่รู้มันจะมองหาอะไรของมันเหมือนกัน

“ถ้ามึงอยากกลับก็กลับไปก่อนก็ได้ ตอนมาเราก็ต่างคนต่างมาอยู่แล้วนิ”ผมอดที่จะพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันนิดหน่อย เพราะคิดว่ามันคงจะเบื่อกับการมาเที่ยวบ้านผมแล้ว

“คำพูดไหนที่มันทำให้มึงคิดว่ากูอยากกลับก่อน”ทำไมวันนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ดูจะพูดอะไรก็ต้องขัดกันไปเสียหมดนะ มันเหมือนพร้อมจะทะเลาะกันได้ตลอดเวลา ผมว่าถ้ายิ่งคุยกันสงสัยจะยิ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดปฏิกิริยาเสียเหลือเกิน เพราะงั้นนี่ทางที่ดีควรจะอยู่กันเงียบๆ น่าจะดีกว่า

“กูคงกลับเย็นๆ วันพรุ่งนี้แหละ”ผมพยายามจะทำใจเย็นๆ คุยกับมัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงรู้สึกขวางหูขวางตามันก็ไม่รู้ มันเหมือนไม่ว่ามันจะพูดอะไรก็ขัดหูผมไปหมด

“แสดงว่าพรุ่งนี้เช้าเราก็ต้องตื่นมาทำบุญตักบาตรด้วยกันอีกใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์ถามกลับมายิ้มๆ ผมว่าไอ้เชษฐ์เองวันนี้ก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหมือนกันนะ อยู่ๆ จะพูดดีๆ ก็พูดแต่บทจะไม่พอใจก็เป็นขึ้นมาเฉยๆ ตกลงผมสองคนเป็นอะไรกันเนี่ย

“ถ้ายังอยู่มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วแหละ”มีหรือคุณนายผมจะปล่อยให้หลุดรอดไปได้ ยังไงเสียก็ต้องลากทุกคนมาทำบุญอยู่แล้ว

“แบบนี้เราได้ทำบุญร่วมกันตั้ง 2 วันติด เราจะได้เป็นเนื้อคู่กันไปอีก 2 ชาติเลยหรือเปล่า”วกมาเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ถ้าเกิดผมลองที่จะเสี่ยงดูกับไอ้เชษฐ์นี่จริงๆ สักครั้งจะเป็นไงนะ แต่ก็นั่นแหละตัวผมเองยังไม่มั่นใจเลยเสียด้วยซ้ำว่าคิดกับมันยังไง

“เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”ผมถามกลับอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก เพราะเข้าใจว่าไอ้เชษฐ์เองก็พูดเล่นไปอย่างนั้น ไอ้เรื่องชาติหน้าภพหน้า มันไม่มีใครตอบได้หรอกว่ามันจะมีจริงหรือเปล่า สู้อยู่กับปัจจุบันอย่างตอนนี้น่าจะดีกว่า นั่นสินะ อยู่กับปัจจุบันงั้นเหรอ
ถ้าคิดจะอยู่กับปัจจุบัน ผมก็ไม่เห็นต้องกังวลไปเลยว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไง มันจะดีหรือร้าย จะทุกข์หรือสุข มันก็ยังเป็นสิ่งที่มาไม่ถึง ถ้าสิ่งที่เราทำตอนนี้เรามีความสุขเราก็น่าจะรีบคว้าเอาไว้ ผมควรจะคิดแบบนี้ดีกว่าไหม

“เชื่อสิ มันก็เหมือนกับเรื่องของพรหมลิขิตนั้นแหละ ทุกอย่างมันได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ว่าใครเกิดมาคู่ใคร และจะได้คู่กันต่อไปอีกในภพชาติถัดไปหรือเปล่า”โหนี่มันคิดไปไกลขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วคนอย่างไอ้เชษฐ์เชื่อเรื่องภพชาติอะไรพวกนี้ด้วย จริงๆ ตัวผมเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อเลยหรอกนะครับแต่ มันยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เลยไม่อยากจะคิดอะไรไปไกลขนาดนั้น เอาแค่ชาตินี้ให้รอดก่อนเหอะ

“มึงไม่เชื่อเหรอ”เมื่อเห็นผมทำเหมือนไม่เห็นด้วยกับคำพูดของมัน เลยต้องมาตั้งคำถามเอากับผมอีก

“กูไม่คิดว่าเค้าจะสร้างคนเพศเดียวกันมาคู่กันไง”ใช่แล้วละ ผมไม่คิดว่ามันจะมีคู่แท้ให้กับผู้ชายที่จะรักผู้ชายด้วยกัน

“ทำไมมันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ล่ะ”ไอ้นี่ก็จะมาจริงจังอะไรนักหนา ก็แค่แลกเปลี่ยนทัศนคติกันดู แค่ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดมัน ไม่จำเป็นจะต้องมาซีเรียสอะไรมากมาย ก็เหมือนกับคนนึงชอบสีขาวแต่อีกคนชอบสีดำ จะบังคับให้เค้าชอบเหมือนกันมันก็เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกัน ความเชื่อของคนมันไม่เหมือนกัน การจะเปลี่ยนแปลงความเชื่อมันต้องมีอะไรมาพิสูจน์ให้เห็นโอนเอียงว่าควรจะเชื่อในแบบที่เราไม่เคยเชื่อหรือเปล่า

“ไปๆ จ่ายตังค์แล้วรีบกลับเหอะ จะพูดอะไรต่อค่อยไปว่ากันที่บ้าน”ผมรีบบอกเพราะถึงคิวเราจ่ายตังค์แล้ว ป่านนี้คุณนายผมคงรอแย่แล้วมั้งเนี่ย ไม่นานนักข้าวของทุกอย่างก็อยู่ในถุงเรียบร้อย ผมกับไอ้เชษฐ์ช่วยกันจัดใส่รถเข็น เพื่อจะนำไปยังลานจอดรถ

“ตี๊ฟ...ใช่ตี๊ฟหรือเปล่า”ขณะที่ผมกำลังจะก้าวเดินตามหลังไอ้เชษฐ์ที่ออกเดินนำหน้าไปแล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกผมจากด้านหลัง ผมต้องหันกลับไปมอง ก็เค้าเรียกผมนี่นา ไอ้เชษฐ์เองก็หันกลับมาอย่างอัตโนมัติเช่นกัน ผมมองหาต้นเสียงว่ามาจากใคร เพราะไม่ค่อยแน่ใจในเสียงเรียกสักเท่าไหร่ เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าคนที่น่าจะเรียกผม คือชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มแบบไทยๆ สีผิวออกไม่ขาวแต่ก็ไม่ได้คล้ำ ผมไม่รู้จะอธิบายสีผิวของเค้าเช่นไร ผมมองหน้าเค้าที่กำลังโบกมือและเดินมาหาผมอย่างคุ้นเคย แต่ผมกลับยังนึกไม่ออกว่าเค้าคือใครกัน มันคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออกเสียทีเดียว

“สบายดีไหม”เค้าเอ่ยถามผมพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตรอย่างไม่มีปิดบัง ใช่แล้วผมจำรอยยิ้มนี้ได้ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีหน้าตาเค้าอาจจะเปลี่ยนไปดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่รอยยิ้มของเค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“มันส์”ผมหลุดชื่อเค้าออกมาแผ่วเบา แต่ก็คงดังพอที่จะทำให้เจ้าของชื่อและคนที่อยู่ด้านหลังผมได้ยิน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-01-2015 08:06:34

วันที่ 27/5

“ไม่ได้เจอกันเสียนานสบายดีนะ”เค้ายังคงย้ำประโยคเดิมเมื่อเห็นผมยังไม่ตอบ ผมมัวแต่งงๆ อยู่ว่ามาเจอกับเค้าได้ยังไง ก็ในเมื่อ หลายปีก่อน ตั้งแต่ผมเรียนจบมัธยม และเค้าต้องย้ายตามครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศเป็นการถาวร แล้วทำไมวันนี้เค้าถึงมาโผล่ที่นี่ได้

“สบายดี มันส์ล่ะ”ผมถามกลับตามมารยาท บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าผมรู้สึกยังไงที่ได้เจอกับเค้าอีกครั้ง ผมกับเค้าเคยคบกันเมื่อสมัยที่เราเรียนมัธยม และก็จบกันด้วยดี คือยังมีความรู้สึกๆ ดีๆให้แก่กัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ณ ตอนนี้มันจะยังเหมือนเดิม

“ก็ดี...แล้วนี่ตี๊ฟมากับใครเหรอ”ชายหนุ่มพูดพร้อมพยักเพยิดไปมองคนที่ตอนแรกยืนอยู่ด้านหลังผม แต่ตอนนี้เปลี่ยนมายืนเคียงข้างผมแล้ว พร้อมถือวิสาสะจับมือผมไว้เฉยเลย แต่ผมไม่ได้ว่าอะไรยอมให้ไอ้เชษฐ์ทำตามที่มันอยากจะทำไปเถอะครับ

“แฟนเราเอง”ผมพูดออกไปอย่างแนบเนียนเหมือนเป็นความจริง แม้มันจะไม่ใช่ก็เหอะ แต่กิริยาอาการที่ไอ้เชษฐ์แสดงออกตอนนี้ก็ทำให้น่าเชื่อถือได้อยู่บ้างแหละน่า มันส์ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมาเมื่อได้ยินผมพูดเช่นนั้น แต่มือที่จับมือผมไว้กลับมีการกระตุกเล็กน้อย คนที่ถูกผมกล่าวอ้างว่าเป็นแฟนด้วย คงกำลังไม่เข้าใจอยู่กระมั้งว่าทำไมผมจึงพูดออกไปเช่นนั้น แต่ผมก็มีเหตุผลของผมที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น

“อ๋อ...งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมมันส์ แล้วนี่...”เค้าเว้นวรรคไว้แค่นั้นเพื่อให้เจ้าตัวเอ่ยแนะนำตัวเอง

“เชษฐ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”ไอ้นี่ก็ตอบได้เสียงแข็งเหลือเกิน น้ำเสียงไม่ได้ไปกับคำพูดเลย บอกว่ายินดีที่ได้รู้จัก แต่น้ำเสียงนี่เหมือนไม่อยากจะรู้จักมากกว่ามั้งนะ ผมเห็นมันส์แอบอมยิ้มกับท่าทีของไอ้เชษฐ์อยู่เหมือนกัน เค้ายังไม่เปลี่ยนเลย ยังคงมองทุกอย่างเป็นเรื่องดีๆ หมด แม้กระทั่งตอนนี้แม้เค้าจะรู้ว่าไอ้เชษฐ์เองน่าจะกำลังไม่ถูกชะตากับเค้า แต่เค้ากลับไม่ได้มีทีท่าถือสาอะไรเลย

“แล้วนี่มาซื้ออะไรกันเยอะแยะเลย”เค้าเป็นฝ่ายเปิดคำถามอีกครั้งโดยที่ไม่ยอมให้ผมได้ถามในสิ่งที่สงสัยเลย ซึ่งเค้าเองก็น่าจะพอรู้ในสิ่งที่ผมสงสัย ว่าทำไมเค้ามาอยู่ที่นี่หลายปีที่ผ่านมาเราไม่ได้ติดต่อกันเลย ผมเลยไม่รู้ว่าตกลงเค้ายังอยู่ต่างประเทศหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะยังเป็นเช่นนั้นเพราะครอบครัวเค้าไม่คิดจะกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วนี่นา

“มีปาร์ตี้นิดหน่อยนะ เพื่อนๆมาค้างที่บ้าน คุณนายเค้าเลยอาการเก่ากำเริบ”ผมไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพราะมันส์เองก็เคยไปบ้านผมเมื่อสมัยที่เราเรียนมัธยม และก็พอจะรู้ว่าแม่ผมเป็นคนชอบทำอาหารขนาดไหน คิดว่าเค้าจะยังจำได้นะว่าเวลาไปบ้านผมแล้วจะเจออิทธิฤทธิ์อะไรจากคุณนายผมบ้าง

“ขอไปแจมด้วยได้ไหมเนี่ย”ไม่รู้ว่าเค้าพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ก็ทำเอาผมแปลกใจไม่น้อย ผมหันมองหน้าคนที่ยืนข้างอย่างสังเกตอาการ แต่ตอนนี้ไอ้เชษฐ์กลับดูนิ่งอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา

“ว่างป่ะล่ะ ถ้าว่างก็ไปได้ ไอ้การ์ดก็มาด้วย”ผมกล่าวถึงอีกคนที่มันส์เองก็รู้จัก เพราะว่าไอ้การ์ดกับผมและมันส์เรียนมัธยมมาด้วยกัน แต่ตอนมัธยมผมกับมันส์ก็ค่อนข้างจะใช้เวลาส่วนตัวด้วยกันจนแทบจะไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนๆ สักเท่าไหร่ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าไอ้การ์ดเองที่รู้จักผมมาตั้งแต่มัธยม แต่ดันไม่เคยมาบ้านผมเลย เพราะมีแค่มันส์ที่ผมพามาบ้านบ่อยๆ แค่นั้น และผมก็มาสนิทกับไอ้การ์ดจริงๆ จังๆ ก็ตอนมาเรียนมหาวิทยาลัยนี่แหละครับ เพราะจบมาจากที่เดียวกันแถมเรียนห้องเดียวกันมาด้วย

“อ้าวไอ้การ์ดก็อยู่ด้วยเหรอ งั้นไปๆ ไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามาตั้งนานแล้ว งั้นเดี๋ยวเราตามไปแล้วกันนะ”แล้วมันส์ก็แยกตัวออกไปปล่อยให้ผมงงๆ ว่าตกลงเค้าไปมายังไง ยังไม่ทันได้ถามไถ่รายละเอียดเลย แต่ถ้าเค้าจะตามไปบ้านผมจริงๆ เดี๋ยวคงได้คุยกันมากกว่านี้

“ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง”พอมาถึงรถและนั่งประจำตำแหน่งไอ้เชษฐ์ก็เอ่ยถามขึ้นมาอีก แม้จะพอรู้ว่ามันต้องหมายถึงเรื่องที่ผมบอกกับมันส์ว่าไอ้เชษฐ์เป็นแฟนผม แต่ผมขอตีหน้าซื่อไม่รู้ว่ามันกำลังถามถึงเรื่องอะไร

“ที่บอกว่าเราสองคนเป็นแฟนกันนะ”เมื่อเห็นผมทำเป็นไม่เข้าใจ อีกฝ่ายก็ย้ำถามอีกครั้งพร้อมกับจ้องมองมาที่ผม อย่างรอคอยในคำตอบ ทั้งที่มันก็น่าจะรู้ว่าที่ผมพูดมันไม่ได้เป็นความจริง แต่เพราะเหตุผลอะไร ผมว่าคงไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายให้มันเข้าใจนี่นา

“ก็หมายความอย่างที่พูด”ผมลอยหน้าลอยตาตอบ แต่ไอ้เชษฐ์ที่ขับรถอยู่ดันเบรคกะทันหัน เล่นเอาหัวคะมำกันเลยทีเดียว ดีที่ไม่ได้แรงมากไม่งั้นมีหวังได้เจ็บตัวกันบ้าง

“พูดจริงเหรอ”ไอ้เชษฐ์หันมาถามผมอย่างตื่นเต้น มันจะตื่นเต้นไปทำไมหรือมันไม่รู้จริงๆ ว่าที่ผมพูดไปนั้น

“จริงที่ไหนกันเล่า ขับรถดีๆหน่อย”ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากให้มันหันไปมองถนนดีๆ ส่วนผมก็ต้องกลับมาคิดถึงเรื่องของมันส์ต่อผมหวนคิดถึงเรื่องวันเก่าๆ อย่างเสียไม่ได้ ผมบอกไม่ได้เหมือนกันว่าที่ได้มาเจอกับ มันส์ ในวันนี้ผมเองรู้สึกเช่นไร แน่นอนสิ่งแรกเลย มันคือความแปลกใจ ที่คนๆนึงซึ่งเราคิดว่าจากเราไปครึ่งค่อนโลก จะโคจรกลับมาเจอกับเราอีกแบบนี้ แม้แทบจะลืมเลือนกันไปแล้ว แต่พอได้เจอหน้า มันก็เหมือนกับว่าความทรงจำเก่าๆ ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้อยากกลับไปเขี่ยถ่านไฟเก่าหรือไง แล้วไปบอกเค้าแบบนั้นทำไมกัน”ผมหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมยักไหล่ อย่างไม่ถือสาในคำพูด เพราะสิ่งที่ไอ้เชษฐ์พูดมาถ้าจะถือเอาเป็นอารมณ์ไปมันก็เท่านั้น

“แล้วคิดว่าเค้าเชื่อคำพูดของกูไหมล่ะ”ผมตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี ต่างกับไอ้เชษฐ์ที่ดูเคร่งขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดูช่วงนี้มันอารมณ์แปรปรวนเหลือเกินนะเนี่ย จะซีเรียสอะไรของมันนักหนา

“มึงกำลังปั่นหัวกูอยู่หรือเปล่า”ไอ้เชษฐ์พูดโดยที่สายตายังพุ่งตรงไปกับถนนที่เป็นเส้นทางกลับบ้านอยู่ ตกลงว่านี่มันคิดจะจีบผมจริงๆ จังๆ หรือเปล่านะ แต่ไอ้การกระทำของมัน ตอนนี้ก็ทำให้ผมคิดเช่นนั้นได้ ทว่าระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมายังไม่ถึงเดือนดีนัก มันจะมาคิดอะไรกับผมแบบนั้นได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ ทั้งที่ในตอนแรกมันแสดงท่าทีรังเกียจเกย์อย่างผมชัดเจนเสียเหลือเกิน อยู่ๆ จะมากลับลำกลับคำพูดเอาง่ายๆ แบบนี้มันเชื่อถือได้ขนาดไหนกัน

“มึงทำเหมือนมึงหึงกูงั้นแหละ”ผมว่ามาถึงตอนนี้คงไม่ต้องอ้อมค้อมกันแล้วละครับ จะมามัวคิดเอาเองรู้สึกเองคงไม่ดีเท่าไหร่ สงสัยอะไรก็ถามกันไปตรงๆ น่าจะดีกว่าเพราะความจริงผมกับไอ้เชษฐ์ก็เกินเลยกันไปไกลแล้ว มันจะเป็นยังไงต่อไปผมก็ชักอยากจะให้มันชัดเจนเสียที ว่าเกมนี้สมควรที่ผมจะยังเดินหมากต่อไป หรือถอยกลับแล้วล้มเลิกไอ้เกมพนันในครั้งนี้

“แล้วถ้ากูบอกว่าใช่ มึงจะว่าไง”ผมมองหน้าคนพูดที่ยังคงหันหน้าด้านข้างให้ผม เพราะสายตาต้องจับจ้องไปบนถนน

“กูขอให้มึงตอบแบบไม่ต้อง-ถ้า-ได้ไหม”ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องพูดเหมือนกับเป็นการสมมติ ในเมื่อผมถามมัน มันจะยังไงก็ตอบมาตรงๆ แค่นั้นมันยากตรงไหน

“เออกูหึงมึงกับไอ้มันส์อะไรนั่น พอใจยัง”คำตอบมันแม้จะไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่แต่น้ำ เสียงที่ออกมาเหมือนจะเริ่มไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก แถมตอนนี้รถที่เรานั่งอยู่ก็เล่นไปเทียบจอดที่ข้างถนนอย่างนิ่งสนิท ตอนนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ถึงปากซอยเข้าบ้านผมแล้ว อีกไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงบ้าน แต่ไอ้เชษฐ์มันจะจอดรถทำไมกัน

“จอดทำไม”ผมถามทันทีพร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“เราต้องคุยกันก่อน”สีหน้าแววตาที่จริงจังนั้นทำเอาผมชักหวั่นๆ แต่คิดว่ามันคงไม่บ้าลุกขึ้นมาทำอะไรผมตรงนี้นะ

“คุยที่บ้านก็ได้ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”ผมไม่ค่อยจะชอบบรรยากาศอย่างในตอนนี้สักเท่าไหร่เลยต้อง เริ่มเสนอทางเลือกใหม่ให้อีกฝ่าย เพราะสถานการณ์ตอนนี้ดูผมเป็นรองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ขอแค่ไม่กี่นาที ให้มึงฟังกู”สองมือที่เอื้อมมาบีบไหล่ผมไว้ เหมือนกลัวผมจะหนีไปไหนงั้นแหละ ยังกะผมจะบ้าเดินกลับบ้านหรือไง แม้บ้านผมจะอีกไม่ไกลแต่ไอ้เชษฐ์ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดที่ว่าผมต้องวิ่งหนีลงจากรถ แล้วเดินเข้าบ้านเสียเมื่อไหร่

“เอ้าจะว่าไงก็ว่ามาป่านนี้แม่กูรอแย่แล้ว”ผมพยายามทำใจเย็น เอาว่ะมันมีอะไรจะพูดจะบอกจะเคลียร์อะไรก็ว่ามาเหอะ

“กูหึงมึงไม่อยากให้มึงไปทำตัวสนิทสนม หรือใกล้ชิดกับคนอื่น กูอยากให้มึงทำแบบนั้นกับกูแค่คนเดียว กูขอให้มึงอย่าไปทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นได้ไหม”แล้วมันมีสิทธ์อะไรที่จะมาให้ผมทำแบบนั้น เมื่อครั้งไอ้การ์ดก็ทีนึงแล้วนะ ที่มันพูดจาทำนองนี้

“มึงชอบกูหรือไง”เหตุผลที่มันจะมาหึงหรือหวงผม มันก็มีอยู่แค่เท่านั้นแหละครับ และผมก็อยากจะรู้ว่ามันคิดกับผมแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า แม้สัมพันธ์ทางกายเราจะเลยไปไกล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมาจากความรักหรือชอบ เพราะมันอาจจะมาจากความใคร่เพียงอย่างเดียวก็เป็นได้

“คิดว่างั้น”อีกฝ่ายตอบพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ผม แต่ผมผลักให้ถอยออกห่าง

“งั้นกูคงทำตามที่มึงขอไม่ได้เพราะมึงเองก็แค่คิดว่าน่าจะชอบกู ตัวมึงเองยังไม่มั่นใจเลยว่ารู้สึกยังไงกับกู แล้วเราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน มึงจะมาจำกัดสิทธิในการสนิทสนมของกูกับใครๆ ไม่ได้หรอก”ผมจ้องมองดวงตาคู่ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ในเมื่อมันเองก็ไม่ได้มั่นใจว่ามันคิดกับผมยังไง แล้วผมเองจะมั่นใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้ยังไงกัน

“โอเค กูไม่ได้แค่คิดว่ากูน่าจะชอบมึง แต่กูชอบมึงจริงๆ”แม้ผมจะรู้สึกดีที่ได้ยินเช่นนั้นอยู่บ้าง แต่ผมจะรู้ได้ยังไงว่ามันคือความจริง

“กูก็ยังทำตามที่มึงขอไม่ได้อยู่ดี เพราะนี่เป็นแค่ความรู้สึกของมึงฝ่ายเดียว”ไอ้เชษฐ์มีทีท่าแปลกใจอยู่พอสมควรที่ได้ยินผมพูดเช่นนั้น

“มึงจะบอกว่ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกูงั้นเหรอ”น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [05-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-01-2015 08:10:51
ของวันที่ 27 ยังไม่หมดเน้อ

ตอนนี้เชษฐ์เริ่มชัดเจนมากแล้ว

แต่มันก็ยังมีหลายๆ ปมที่ยังไม่เคลียร์

ส่วนมันส์จะเข้ามามีความสำคัญยังไง ต้องรอกันหน่อยเนอะ  o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 06-01-2015 08:25:20
วันที่ 27 นี่ยาวแบบสะใจเลย

ถ้าหากว่าเชษฏ์หลอกตี๊ฟเพิ่อเอาชนะเฉยๆนะขอให้ตี๊ฟ-ต๊าฟกระทึบให้คางเหลืองทีเถอะ

แล้วมันส์โผล่ขึ้นมาตี๊ฟเองก้ยังไม่ยอมรับว่าชอบเชษฏ์ ไม่ใช่กลับไปคบกับมันส์นะ โผพลิกทีเดียว

ป.ล  ตี๊ฟท่าจะชอบคบคนชื่อ ม.ม้า  มาบ แล้งก็ มันส์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 06-01-2015 10:27:58
เชษฐ์สู้ๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-01-2015 12:46:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 06-01-2015 15:37:04
หวาย ไม่ได้เข้ามาพักเดียว อัพใหม่หลายตอนเลย
สู้ๆนะเชษฐ์ เราว่าจริงๆแล้วตี๊ฟก็ชอบเชษฐ์บ้างแหละไม่งั้นจะหวั่นไหวทำไมล่ะ
แต่เหมือนตี๊ฟจะยังไม่มั่นใจในตัวเชษฐ์พออะ คงกลัวเจ็บซ้ำ หรือถูกหลอก
ว่าแต่แนวคิดของคุณแม่ที่บอกว่าถึงง่วงยังไงก็ต้องกินข้าวเช้าแล้วค่อยไปนอนต่อนี่ผิดอย่างแรงอะ
ถ้ากินอาหารแล้วนอนเลยจะทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนได้นะ
ทรมานพอกับโรคกระเพาะเลยแถมไม่หายขาดด้วยจ้าขุ่นแม่ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-01-2015 17:25:15
เอาแล้วไงงงงงงงงงงงงง
ผ่านมา 27 ตอน ใจจะตรงกันไหมมมม
แล้วมีถ่านไฟเก่ากลับมาอีกกกก :katai1:
รอตอนต่อไป๊
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 06-01-2015 17:36:59
ชักหมั่นไส้ ตี้ฟ นิดๆแระนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-01-2015 17:54:02
จริงๆก็แอบมีใจให้เชษฐ์ใ่ช่ม้า แต่แค่ยังไม่มั่นใจ
ไม่เป็นไรนะจ๊ะหนูติ๊ฟค่อยๆเปิดใจไป
ถ่านไฟเก่าอย่างมันส์ไม่ต่องคิดจะรีเทิร์นนะคะ
ถ้ายังกรุ่นๆอยากมีลมพัดให้ไฟติดแม่จะสาดน้ำเอาให้จุดไม่ติดอีกเลย
มาทางไหนกลับทางนั้นค่ะ
ว่าแต่พี่ต๊าฟเราชายแท้ใช่ไหม ทำไมฉันจิ้นต๊าฟการ์ด
มีอะไรเกิดขึ้นในห้องนอนหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 06-01-2015 18:55:02
โอ๊ย ขัดใจๆๆๆ มาถึงขั้นนี้แล้วยังปากแข็งทั้งคู่ ยิ่งเชษฐยิ่งชัดเจนในการกระทำแต่คำพูดนี้ไม่ค่อยจะตรงกับใจเอาซะเล๊ยยยย  อย่างงี๊ตี๊ฟคงไม่ค่อยอยากจะเชื่ออ่ะดิ่ :ling2: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-01-2015 19:37:14
โอ้ยยย อ่านจุใจ สะใจมาก
ขอบคุณสำหรับสองตอนแบบยาวๆ

บางทีตี๊ฟก็กลัวจนเกินไป
แต่ก็เข้าใจแหล่ะ ที่ผ่านมาตี๊ฟคบเพราะอยากมี
แต่กับเชษฐ์คืออีกความรู้สึก ซึ่งมันมีอะไรหลายอย่าง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-01-2015 19:57:40
จุใจมากๆๆๆๆ รอตอน 27 ต่อน่ะ
เชษฐ์ชัดเจนขึ้นแล้ว แต่เอาแบบให้ชะวร์เลยน่ะ ลุ้นๆๆๆ
ติ๊ฟด้วยน่ะ  มัมส์จะมาทไรอ่ะ รอๆๆๆๆลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 07-01-2015 21:22:23
วันที่ 27/6

“มึงจะบอกว่ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกูงั้นเหรอ”น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

“คำไหนที่กูหมายความว่าแบบนั้น”คราวนี้สีหน้าที่ดูสลดลงไปเมื่อครู่ของไอ้เชษฐ์ แปรเปลี่ยนเป็นเหมือนคนที่กำลังยินดีอย่างที่สุด

“แสดงว่ามึงเองก็ชอบกูเหมือนกัน”ทีนี้สีหน้า แววตา และน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูจะเป็นการหยอกเย้ากับผม พร้อมด้วยการที่จะดึงผมเข้าไปกอดกระชับ แต่ผมยังคงขืนตัวเอาไว้

“กูก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้อีกนั่นแหละ”คราวนี้ไอ้เชษฐ์ชะงักไปพร้อมด้วยสีหน้าแววตาที่ไม่เข้าใจ ว่าตกลงผมจะเอายังไงแน่ อันนู้นก็ไม่ใช่อันนี้ก็ไม่ใช่

“มึงจะเอายังไงก็ว่ามาก่อนที่กูจะหมดความอดทน ปล้ำมึงในรถนี่ ข้างถนนตรงนี้”บอกแล้วว่าช่วงนี้ดูไอ้เชษฐ์อารมณ์ไม่ค่อยจะคงเส้นคงวา เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวอารมณ์ขุ่น ไม่ก็เหมือนจะโมโห แข็งกระด้าง พอสักพักมาเหมือนจะอ่อนโยน

“กูรู้ว่าความรู้สึกดีๆ ที่คนสองคนจะมีให้กัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา เพราะงั้นกูเข้าใจว่าการที่เราสองคนจะเกิดความรู้สึกดีๆ ให้กันและกันได้ แม้เราจะอยู่ด้วยกันมาแค่เดือนเดียว แถมยังไม่เต็มเดือนเสียด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละยังมีคนอีกมากมายที่มีความรักให้แก่กัน ตั้งแต่แรกพบ แต่ระหว่างเราสองคนในความเป็นจริงตอนนี้มึงรู้สึกกับกูยังไงนั้น ตัวมึงเองน่าจะรู้ดีที่สุด แต่สำหรับตัวกูเอง”ผมหยุดพูดพร้อมกับหันหลบสายตาของอีกฝ่ายเสมองตรงไปด้านหน้า อย่างใช้ความคิดในการทบทวนหลายๆ อย่าง ไอ้เชษฐ์เองก็ยังเงียบรอฟังว่าผมจะพูดยังไงต่อ

“กูไม่รู้ว่าความรู้สึกที่กูมีให้มึงมันจะเป็นแค่ความอ่อนไหวไปกับอารมณ์ชัววูบหรือเปล่า”ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้สึกอะไรกับมันเลย แต่ความรู้สึกที่ผมมีมันจะมั่นคงขนาดไหนกันล่ะ

“กูไม่เข้าใจ”มือของเจ้าของเสียงเอือมมาเชยคางผมพร้อมกับบังคับให้ใบหน้าหันกลับไปเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

“ทุกครั้งที่กูมีใคร หรือคบกับใครกูก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเค้าทุกคน แต่มันก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่เกิดจากความเหงา ความที่ต้องการใครสักคน แต่เมื่อถึงวันนึงกูก็จะรู้ว่า มันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอด และเค้าเองก็ไม่ได้อยากอยู่กับกูไปจนชั่วชีวิตเช่นเดียวกัน”ดูผมจะสร้างกำแพงขึ้นมากั้นมากมาย ทั้งด้านความหนักแน่นของไอ้เชษฐ์เองที่ผมไม่มั่นใจในตัวมัน และตัวผมเองก็ไม่มั่นใจความความรู้สึกของผมเช่นกันว่ามันจะยืนยาวขนาดไหน ที่ผมต้องคิดอะไรมากมายขนาดนี้ เพราะผมไม่อยากจะเสี่ยงกับเรื่องนี้อีกเป็นร้อยๆ ครั้ง ขอแค่ไม่กี่ครั้งก็พอ ถ้าครั้งนี้ผมจะพลาด ผมก็ขอไตร่ตรองให้ดีที่สุดก่อนแล้วกัน

“แม้กูจะบอกว่าเรื่องของเวลามันจะไม่สำคัญ แต่ความรู้สึกของเราที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่ประมาณเดือนเดียวนี้ กูก็ไม่รู้สิว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป”ใช่แล้วมาถึงตอนนี้ ผมคงต้องเข้าใจในความรู้สึกตัวเองเสียก่อนว่าผมมั่นใจว่าจะเลือกคนๆ นี้แน่แล้วหรือ แล้วค่อยไปคิดต่อว่าเค้าจะเลือกผมหรือไม่

“อีกไม่นานมึงจะได้รู้”สิ้นคำพูดริมฝีปากผมก็ถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากของอีกฝ่าย ไม่นานลิ้นของเราสองคนก็พันผัวหยอกเย้าซึ่งกันและกัน มันวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก เนิ่นนานจนแทบจะขาดอากาศหายใจ และเมื่อดื่มด่ำรสจูบหอมหวานที่ต่างมีให้กันจนเป็นที่พอใจ เราสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก รถที่วิ่งตรงไปยังบ้านผมเงียบสนิทไม่มีเสียงคำพูดใดๆ ออกจากปากผมหรือไอ้เชษฐ์อีก

“กว่าจะกลับกันมาได้นะพวกมึง...มัวแต่สวีทกันอยู่รึไง”พอเข้าบ้านปุ๊บ เสียงทักทายจากบรรดาเพื่อนๆ ก็มาในทันทีเลยครับ ก็ตามประสาเหมือนเดิมไม่มีทักทายดีๆ หรอกครับจะมีแต่กวนประสาทเท่านั้นแหละ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ รีบเดินตรงหาคุณนายผมดีกว่า คุณนายผมบ่นเล็กน้อยที่ช้า ผมกับไอ้เชษฐ์เลยโดนทำโทษด้วยการต้องยอมเป็นลูกมือให้คุณนายโขกสับ

ซึ่งการช่วยคุณนายผมเตรียมหมูกะทะสำหรับทุกๆ คนในวันนี้เป็นไปด้วยความทุลักทุเล เพราะผมเองเป็นลูกมือที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่ ส่วนไอ้เชษฐ์เองแม้จะดูคล่องแคล่วกว่าผม แต่รวมๆ แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เท่าไหร่เลย สรุปแล้วดูผมกับไอ้เชษฐ์จะเป็นตัวถ่วงเวลาเสียมากกว่า แต่ก็ยังดีกว่าไอ้พวกเพื่อนๆ ผมที่รอรับประทานอย่างเดียวละว้า

“เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวเรียกเพื่อนๆ มายกออกไปข้างนอกนะ คุณแม่ขอเข้าห้องน้ำหน่อย”คุณนายบอกก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมมองเนื้อที่หมักเสร็จเรียบร้อย เหมือนจะเลี้ยงคนสักหมู่บ้านนึงได้เลยนะเนี่ย ผักที่ยังกะขนมาทั้งสวน ไหนจะพวกอาหารทะเลแและอื่นๆ อีกล่ะ จะกินกันหมดไหมเนี่ย ชักหวั่นๆ แล้วสิ เพราะไอ้พวกเพื่อนๆ ข้างนอกนั่นก็ปริมาณแอลกอฮอล์ได้ที่หมดแล้วไม่รู้จะทานได้สักแค่ไหน

ผมจัดเตรียมถ้วยจาน ช้อน ตะเกียบที่ทุกคนต้องใช้เป็นอาวุธประจำกายในการทานหมูกะทะ และเพิ่มอีกหนึ่งชุดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจจะมีอีกคนที่มาร่วมปาร์ตี้ในคืนนี้ แต่นี่ก็เย็นแล้วยังไม่เห็นเค้ามาเลย หรือเปลี่ยนใจจะไม่มาแล้วก็ไม่รู้ เบอร์โทรผมก็ไม่ได้ขอเค้าไว้อีกด้วย แต่เค้ารับปากว่าจะมาก็น่าจะมา

“มึงบอกว่าเวลาแค่เดือนเดียวมันคงไม่มากพอที่เราสองคนจะรู้สึกดีๆ ต่อกันใช่ไหม”อยู่ๆ ไอ้เชษฐ์ก็ถามขึ้นมา ผมหันมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ เพราะผมว่าผมก็ตอบข้อสงสัยของมันไปหมดแล้วนี่นา

“แล้วมึงว่าเวลาแค่เดือนเดียวนี่สามารถยืนยันได้แล้วเหรอว่ามึงชอบกูจริงๆ”ผมย้อนถามอย่างให้มันไต่ตรองอีกครั้ง เพราะเวลาเพียงไม่นาน มันอาจจะแค่รู้สึกว่าชอบ แต่จะชอบไปนานแค่ไหน แล้วมันรู้ตัวเองหรือยังว่าชอบอะไรในตัวผม ชอบแค่เพียงสัมพันธ์ทางกายหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นวันนึงมันก็ต้องหมดความสนใจซึ่งกันและกันไปในสักวัน

“แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่ากูไม่ได้เพิ่งชอบมึงเมื่อตอนที่เรามาอยู่ด้วยกัน...มึงลองคิดดูสิว่าถึงวันนี้เราก็รู้จักกันมาจะ 4 ปีแล้ว”คิ้วผมขมวดเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ แน่นอนว่าผมงงกับคำพูดของมัน เพราะมันพูดเหมือนกับว่ามันชอบผมมานานแล้วอย่างนั้นหรือ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราสองคนอยู่ในฐานะเพื่อน แล้วมันก็ไม่ได้แสดงอาการว่าชอบพอในตัวผมเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างทั้งผมและมันก็ต่างมีแฟนอยู่ตลอด ซึ่งดูผมจะเปลี่ยนแฟนบ่อยกว่ามันมาก เพราะไอ้เชษฐ์เองก็คบกับแหม๋วมาตั้งแต่ตอนเรียน ปี 2 จนมาเลิกกันเอาตอนที่ต้องเล่นเกมบ้าๆ ร่วมกับผมนี่แหละ

แล้วมันจะพูดให้ผมคิดในทำนองนี้เพื่ออะไรกัน เพราะก่อนที่เราสองคนจะเล่นเกมนี้มันยังแสดงออกชัดเจนอยู่เลยว่าไม่ชอบเกย์ แต่ถามว่า ตอนนี้ที่มันบอกผมว่ามันชอบผม ผมเชื่อหรือเปล่า ผมเชื่อนะว่าตอนนี้มันชอบผม แต่ผมคิดว่ามันแค่นึกอยากจะลองอะไรใหม่ เหมือนได้ลิ้มลองในอะไรที่ไม่เคยมาก่อน และเหมือนมันเองกำลังต้องการเอาชนะผม โดยการที่จะทำให้ผม “รัก” คนอย่างมันนั่นเอง และผมไม่รู้ว่าถ้าวันนึงผมเกิดรักมันขึ้นมาจริงๆ ตอนนั้นมันจะทำยังไงกับผม

“มึงกำลังจะหมายความว่า...”

“อ้าวอยู่นี่เอง”เสียงหนึ่งดังแทรกผมขึ้นมาก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อ ผมและไอ้เชษฐ์หันไปตามเสียง ก็เห็นชายหนุ่มคนที่ผมเจอเมื่อบ่ายนั่นเอง ผมยิ้มให้เป็นการทักทาย ส่วนเค้าเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน

“นี่มาขัดจังหว่ะอะไรหรือเปล่า”มันส์พูดพร้อมกับมองหน้าผมและไอ้เชษฐ์สลับกันไปมา แน่ละที่มันส์จะสงสัยแบบนั้นเพราะไอ้เชษฐ์สีหน้าบอกอาการเสียเหลือเกินนิว่าไม่พอใจการมาของมันส์อย่างเห็นได้ชัด และก่อนที่ไอ้เชษฐ์จะพูดอะไรที่เป็นการเสียมารยาทออกไป ผมต้องเป็นฝ่ายที่พูดก่อนเสียแล้วล่ะ

“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่มาถึงนานยัง ไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลย”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียก่อน แม้ว่าความจริงมันส์เองจะมาขัดจังหว่ะการสนทนาของผมกับไอ้เชษฐ์จริงๆ แต่เค้าคงไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดอะไรแบบนั้นหรอกน่า

“มาได้สักพักแล้วล่ะ สงสัยตี๊ฟคงยุ่งๆ อยู่ในนี้มั้งเลยไม่ได้ยินเสียงรถ ว่าแต่มีอะไรให้ช่วยไหม”มันส์ถามไถ่อย่างเป็นกันเอง แต่ไอ้คนข้างๆผมนี่ดูไม่ค่อยจะอยากเป็นกันเองกับมันส์สักเท่าไหร่ละมั้ง แล้วยิ่งไอ้เชษฐ์เพิ่งจะบอกว่าหึงผมกับมันส์ แบบนี้สองคนนี้จะญาติดีกันได้ไหมเนี่ย มันส์นะไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่ไอ้เชษฐ์นี่แหละ แต่ก็ช่างเหอะถ้าไอ้เชษฐ์ทำตัวงี่เง่ามากๆ ผมก็จะไม่สนใจมันเท่านั้นแหละ

“เสร็จหมดแล้วแหละเหลือแค่ยกออกไปประเคนให้พวกข้างนอกนั่นเท่านั้นแหละ”ผมพูดติดตลก พร้อมกับเริ่มหยิบข้าวของที่เตรียมไว้เพื่อทยอยขนออกไปที่สนามหน้าบ้าน สบทบกับเพื่อนคนอื่นๆ โดยมีไอ้เชษฐ์กับมันส์ ช่วยยกตามออกมาติดๆ

“เออตี๊ฟไม่ได้บอกไอ้การ์ดเหรอว่าเราจะมา”พอเดินออกมาได้สักพักมันส์ก็เอ่ยถาม เหมือนเป็นการบอกเล่าเสียมากกว่าเพราะคงไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรจริงจังจากผม ส่วนไอ้เชษฐ์ตอนนี้ดูเงียบขรึมไปอย่างเห็นได้ชัด

“อ๋อพอดีกลับมาก็มาเป็นลูกมือคุณนายเค้า เลยยังไม่ได้คุยอะไรกันนะ นี่ยังไม่ได้บอกคุณนายเค้าเหมือนกันเลยว่ามันส์มา”ผมบอกออกไปในขณะที่เดินตรงไปยังกลุ่มเพื่อน นี่ไม่รู้ว่าไอ้การ์ด หรือไอ้ต๊าฟ ซึ่งรู้จักกับมันส์จะแนะนำให้คนอื่นๆ รู้จักไปหรือยังก็ไม่รู้

“แล้วนี่คุณแม่ไปไหนซะล่ะ”บทสนทนาของผมกับมันส์ตอนนี้เหมือนกับว่ากำลังถูกจับจ้องโดยใครบางคน แต่ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าคือไอ้เชษฐ์นั่นเองที่จับตาทุกอริยาบทของผมกับมันส์ในตอนนี้ แต่ผมก็พยายามพูดคุยให้เป็นปกติแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์กำลังไม่พอใจผมอยู่ ที่พูดคุยกับมันส์อย่างคุ้นเคยแบบนี้ ส่วนมันส์เองก็น่าจะรู้เหมือนที่ผมสังเกตได้นั่นแหละ เพราะไอ้เชษฐ์ก็ใช่ว่าจะเก็บอาการเสียเมื่อไหร่ ดังนั้นเรื่องที่ผมกับมันส์คุยกันในตอนนี้จึงมีแค่เรื่องถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แต่เหมือนมันจะเป็นมันส์ถาม ผมตอบเสียมากกว่า เพราะเค้าไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ถาม

“อ้าวไอ้ตี๊ฟกิ๊กเก่ามานี่ กิ๊กใหม่ตกกระป๋องเลยรึไง”เสียงไอ้พี่ชายตัวดีของผม เริ่มจะออกโรงช่วยไอ้เชษฐ์แล้วรึไงกันนะ ผมหันไปมองไอ้ต๊าฟ อย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ส่วนมันส์เองก็เพียงยักคิ้วแล้วยิ้มอย่างกวนๆ ตอบไอ้ต๊าฟไปเท่านั้นเอง ความจริงมันส์กับไอ้ต๊าฟเมื่อก่อนก็สนิทกันมากเหมือนกัน ด้วยความที่เมื่อก่อน มันส์มาบ้านผมบ่อยนั่นเอง

“ไอ้มันส์...นี่กะจะมาเขี่ยถ่านไฟเก่ารึเปล่ามึง”ไอ้การ์ดส่งเสียงมาอีกคนครับ ตามด้วยเสียงเป่าปากโห่ร้องของเพื่อนๆ คนอื่นๆ ตกลงว่าพวกนี้มันเป็นลูกล่อลูกรับให้ไอ้การ์ดได้ทุกเรื่องเลยรึไงนะ

“อ้าวๆ หนุ่มๆ มีอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างในบ้าน”เสียงคุณนายผมส่งเสียงมาก่อนตัวเสียอีกครับ

“สวัสดีครับคุณแม่”มันส์ยกมือไหวพร้อมกับกล่าวทักทายคุณนายผม ที่หน้าเหวอแบบตั้งตัวไม่ทัน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 07-01-2015 21:23:15
วันที่ 27/7

“สวัสดีครับคุณแม่”มันส์ยกมือไหวพร้อมกับกล่าวทักทายคุณนายผม ที่หน้าเหวอแบบตั้งตัวไม่ทัน

“อ้าวมันส์เหรอนี่ลูก...เป็นไงมายังไง ไม่ได้เจอเสียนานเลย”คุณนายผมรู้สึกจะตั้งตัวได้ไวเหมือนกันนะเนี่ย แม่ผมกล่าวทักทายมันส์อย่างเป็นกันเองอีกคนเพราะค่อนข้างจะรู้จักมักคุ้นกันมานาน ถึงแม้แม่ผมจะรู้ว่าผมกับมันส์จะเลิกรากันไปนานแล้ว แต่ก็เป็นการจากกันด้วยดี ที่ยังหลงเหลือความรู้สึกที่ดีต่อกัน

“ไม่เจอกันนานแต่คุณแม่ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”คำพูดจากมันเรียกเสียงหัวเราะจากคุณนายผมได้พอควร เพราะคุณนายผมก็บ้ายอเสียเหลือเกิน

“แหมยังปากหวานเหมือนเดิมนะเนี่ย ว่าแต่คงไม่ได้กลับมาทวงตำแหน่งลูกเขยของแม่อีกคนใช่ไหม เพราะตอนนี้...”แหมคุณนายผม ออกตัวแทนไอ้เชษฐ์เสียแรงเลยนะเนี่ย เพราะเล่นพูดกันท่ามันส์ไว้เสียขนาดนี้ แถมบุ้ยใบ้ไปทางไอ้เชษฐ์เสียเต็มที่ขนาดนี้ มันส์ก็คงเข้าใจได้ไม่อยาก แถมด้วยคำพูดที่ผมโกหกมันส์ออกไปว่าผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแฟนกันคงจะยิ่งช่วยทำให้มันส์เข้าใจแบบนั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นความต้องการของผมอยู่เหมือนกันที่อยากให้เป็นเช่นนั้น

“แหมคุณแม่ก็...ตอนนี้ผมกับตี๊ฟก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นแหละครับ ตี๊ฟเค้ามีคนคอยดูแลเอาใจใส่แล้วแบบนี้ผมก็ยินดีด้วยแหละครับ”นั่นสินะ ระหว่างผมกับเค้า จากวันที่เราตกลงกันมาจนถึงวันนี้ และมันคงจะตลอดไป ยังไงเสียเราก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเพื่อน

“แล้วตกลงจะย้ายกลับมาอยู่ไทยแล้วเหรอลูก”โหคุณนายผมช่างถามได้ตรงใจผมดีจัง กำลังอยากจะรู้อยู่เหมือนกันว่าตกลงเค้าไปยังไงมายังไงกันแน่ ถึงได้โผล่มาเจอกับผมในวันนี้

“เปล่าหรอกครับ ก็อย่างที่รู้ว่ายังไงเสียครอบครัวผมก็คงอยู่ที่อังกฤษเป็นการถาวร พอดีว่าที่มานี่เพราะพี่มุกเค้าอยากมาเที่ยวทะเลที่ไทยนะครับ ผมเลยได้ติดสอยห้อยตามมาด้วย แต่ไม่ค่อยอยากไปเที่ยวกับเค้าเท่าไหร่ พวกพี่มุกไปเที่ยวเกาะล้านกันมั้งครับ แต่ผมอยากอยู่กรุงเทพฯ มากกว่า กะว่าจะแวะมาเยี่ยมคุณแม่อยู่เหมือนกัน โชคดีที่เจอตี๊ฟก่อนเลยได้มาวันนี้แหละครับ”มันส์อธิบายแต่แอบแฝงไปด้วยน้ำเสียงหม่นๆ เล็กน้อยเมื่อเค้าต้องพูดถึงเรื่องอันเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของเค้าตัดสินใจย้ายไปอยู่อังกฤษ และไม่คิดจะหวนกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอนอีก

“แล้วได้กลับมาเที่ยวบ่อยหมละหือ”คุณนายผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนเป็นการปลอบประโลมไปในตัว ผมสังเกตเห็นแววตาเศร้าๆ ของเค้าเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีเหมือนเดิม

“ก็แค่ปีละครั้งแค่นั้นแหละครับ หรือบางปีก็ไม่ได้มาเลย มาทีไรก็กระชั้นชิดเวลาจำกัดอีกต่างหากเลยไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยียนกันเลย ไงผมก็ต้องกราบขอโทษคุณแม่ด้วยนะครับ”ดูๆ ไปแล้วก็น่าสงสารเค้าเหมือนกันนะเนี่ย ที่คงอยากใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้

“ไม่เป็นไรๆ ยังไงวันนี้ก็มาแล้วแบบนี้ต้องฉลองกันหน่อย”ว่าแล้วคุณนายผมก็เดินสายพูดคุยกับบรรดาเพื่อนๆ ผมที่เริ่มอ้อแอ้กันแล้ว แต่พวกนี้ยังสามารถยัดของกินเข้าไปในกระเพาะได้อีกครับ เพราะพวกนี้มันกระเพาะ 4 ส่วน (เรียกง่ายๆก็กระเพาะควายนั่นเอง ฮ่าๆ) แค่เห็นพวกนี้กินกันเหมือนเอร็ดอร่อยคุณนายผมก็ดีใจแล้วละครับ

“ไอ้มันส์มึงมานี่เลย อย่าไปเกาะแกะไอ้ตี๊ฟมันมาก เจ้าของเค้าหวง”ไอ้การ์ดมาลากตัวมันส์ที่ทำท่าว่ากำลังจะเอ่ยปากคุยกับผม แต่มันส์ก็กยอมไปกับไอ้การ์ดแต่โดยดี และดูมันส์เองจะเข้ากับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้เร็วเหมือนกัน จากตอนแรกที่เพื่อนๆ คนอื่นๆ ดูจะคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ของผมกับมันส์ เพราะพวกนี้ก็ชัดเจนกันอยู่แล้วว่าเชียร์ไอ้เชษฐ์

“อยากพูดอะไรบ้างไหม”คนที่เอาแต่เงียบมาพักใหญ่ ขยับมานั่งใกล้ผม เอ่ยถามขึ้น จริงๆ ไอ้เชษฐ์เองก็คงมีหลายคำถามเกี่ยวกับผมและมันส์ แต่มันเลือกที่จะไม่ถามออกมาเหมือนกำลังรอให้ผมเป็นคนเล่าให้ฟังเอง แต่เมื่อผมไม่เล่าอะไรไอ้เชษฐ์เลยต้องมามุกนี้ละมั้ง

“อยากรู้อะไรบ้างละ”ผมตอบกลับออกไปโดยไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา แต่ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม ปล่อยให้น้ำสีอำพันนั้นเคลื่อนผ่านลำคออย่างช้าๆ เพื่อรับรสชาติที่คุ้นเคย

“แค่สองเรื่อง”คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องหันไปมอง อย่างสงสัย ไอ้เชษฐ์อยากรู้อยู่สองเรื่องงั้นเหรอ แล้วมันเรื่องอะไรบ้างละ คราวนี้กลับกลายเป็นผมเองที่เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าตัวไอ้เชษฐ์นั้นมันต้องการรู้เรื่องอะไรบ้าง

“ว่ามา”ผมหันจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างอยากรู้อยากเห็น จริงๆ ผมน่าจะแกล้งทำเป็นไม่ค่อยอยากรู้แต่สงสัยคงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้ผมลืมไปดันแสดงออกซะเต็มที่เลยว่าอยากรู้เอามากๆ

“ช่วยยืนยันกับกูหน่อยว่ามึงกับเค้าตอนนี้เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น และจะไม่มีทางกลับไปคบกันในฐานะอื่นอีกใช่ไหม”คนพูดขยับเข้ามาชิดผมอีกพร้อมกับหันหน้ามาจ้องผม หน้าเราอยู่ใกล้กันแทบจะชิดอยู่แล้ว ลมหายใจอุ่นๆของเราทั้งคู่เหมือนจะกำลังแลกเปลี่ยนกันอยู่ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะสังเกตดูเราสองคนอยู่หรือเปล่า แต่ผมเองก็ต้องระวังไว้ก่อนเลยค่อยๆ ขยับถอยห่างออกเล็กน้อย พร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกทาง

“กูกับมันส์...ยังไงก็เป็นได้แค่เพื่อนกันอยู่แล้ว”แม้จะพูดออกไปไม่เต็มเสียงนัก แต่ยังไงความจริงผมกับมันส์ก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนที่เคยได้อยู่แล้วเรื่องนี้ผมกับมันส์รู้ดี อีกอย่างความรู้สึกของผมเองก็ไม่ได้คิดกับมันส์แบบนั้นอีกแล้ว ส่วนมันส์เองผมคงจะตอบแทนเค้าไม่ได้ว่าเค้ารู้สึกเช่นไร

“หมายความว่ายังไง”แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยอีกเช่นเคยที่ถูกส่งผ่านมายังผม นี่ผมควรจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้เชษฐ์รับรู้ดีหรือเปล่า แต่ว่า...มันก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องบอกละเอียดขนาดนั้นนี่นา

“เอาเป็นว่ากูยืนยันว่ากูกับมันส์เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น โอเคไหม แล้วอีกเรื่องที่สงสัยคือไรว่ามา”ผมแสร้งทำเป็นเฉไฉก่อนที่ความสงสัยของไอ้เชษฐ์จะทวีคูณขึ้นไปอีก และแน่นอนแม้ไอ้เชษฐ์จะยังคงคลางแคลงสงสัยแต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

“ทำไมมึงต้องบอกกับมันส์ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน”ไอ้เชษฐ์ถอนหายใจยาวๆ อย่างเหนื่อยใจก่อนจะถามผมออกมาอีกหนึ่งข้อสงสัย และกับข้อนี้ถ้าต้องหาเหตุผลว่าทำไมผมถึงบอกกับมันส์ไปแบบนั้นมันก็จะวกกลับไปเหมือนกันกับเรื่องที่พูดเมื่อสักครู่อีกนั่นแหละน้า เฮ้อ หรือผมต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้เชษฐ์ฟังจริงๆงั้นเหรอ

“ก็เพื่อที่จะยืนยันกับเค้าไงว่ากูกับเค้าจะไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเพื่อนเท่านั้น”ผมหันไปยิ้มให้อีกคนเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดแต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังคงมีความเคลือบแคงสงสัยอยู่เช่นเดิม

“กูไม่เข้าใจ”ตอนนี้รู้สึกเหมือนคนอื่นๆ จะเริ่มมองมาที่เราสองคนกันแล้ว คงเพราะทำตัวเหมือนอยู่กันสองคนมากไปหน่อยเสียแล้ว และมีหนึ่งคนที่ตอนนี้เดินเข้ามาหาผมกับไอ้เชษฐ์ ทำให้บทสนทนาระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์หยุดลงอย่างเสียไม่ได้

“ขอยืมตัวตี๊ฟสักครู่ได้ไหม”มันส์ตรงเข้ามาบอกกับไอ้เชษฐ์พร้อมด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร แต่ไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์นี่จะอยากเป็นมิตรบ้างหรือเปล่า

“ได้สิ แต่แค่แป๊บเดียวนะ”อ้าวนี่มึงมาเป็นเจ้าของกูตั้งแต่เมื่อไหร่กันไอ้เชษฐ์ ถึงมึงจะไม่อยากให้กูคุยกับมันส์ก็ใช่ว่ากูจะทำตามเสียเมื่อไหร่ ชิชะๆ แล้วไอ้เชษฐ์ก็กเดินเลี่ยงออกไปหากลุ่มเพื่อนๆ เพราะไอ้เชษฐ์เองก็คงพอจะรู้ว่ามันส์คงอยากจะคุยกับผมตามลำพังมากกว่า

“คบกันมานานหรือยัง”พอคล้อยหลังไอ้เชษฐ์มันส์ก็เริ่มเปิดประเด็น ซึ่งก็เป็นเรื่องผมอีกแล้ว ทั้งที่ผมเองก็อยากถามเค้าหลายเรื่องเหมือนกันว่าเค้าไปยังไงมายังไงกันแน่

“ก็รู้จักกันตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยนี่แหละ ประมาณ สามปี กว่าๆ จะสี่ปีแล้ว”ผมตอบเลี่ยงๆ แค่ให้รู้ว่ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะถ้าจะให้ตอบว่าคบกันในฐานะอื่นที่ไม่ใช่แค่เพื่อน ผมกับไอ้เชษฐ์มันเหมือนจะยังไม่ใช่อย่างนั้นเลยนี่นา

“ดูท่าเค้าจะขี้หึงมากนะ”มันส์พูดยิ้มๆ ก่อนจะยกแก้วเบียร์มาชนแก้วผมเป็นสัญญาณให้ดื่มหมดแก้ว

“คงงั้นมั้ง”ผมตอบพร้อมกับหยิบเบียร์รินลงแก้วของเราทั้งคู่

“พูดเหมือนยังไม่ค่อยมั่นใจกับความรักครั้งนี้”เค้ายังคงมองผมทะลุปรุโปร่งเหมือนเดิม นี่ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้หรือเปล่าว่าผมโกหกเรื่องที่ผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแฟนกัน แต่ดูๆแล้วเค้าคงไม่คิดว่าผมโกหกหรอก เพราะคนรอบข้างพากันช่วยยืนยันเสียขนาดนี้ แม้จะไม่ใช่เรื่องจริง ใครๆก็คงไม่สงสัยอยู่แล้ว

“คนเราเมื่อเวลาเปลี่ยนไปอะไรๆ มันก็อาจเปลี่ยนตาม ยิ่งความรู้สึกของคนวันนี้รัก พรุ่งนี้อาจจะเบื่อก็ได้”ผมตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ เพราะขนาดความรู้สึกของผมที่เคยมีต่อมันส์ แม้ตอนนี้ผมจะไม่ได้เกลียดเค้า แต่มันก็ไม่ได้เหมือนเมื่อครั้งที่เรายังรักกันอีกแล้ว

“ก็จริง...แต่เราดูจากแววตาที่ตี๊ฟกับเค้ามองกันและกันแล้ว เราว่านี่อาจจะเป็นรักครั้งสุดท้ายของทั้งตี๊ฟและเค้าก็ได้นะ”แม้จะคิดว่าที่มันส์พูดออกมานั้น ก็แค่พูดไปตามมารยาทที่ควรพูด แต่ผมเองกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยินเช่นนั้น

“แล้วมันส์ละ...ถามแต่เรื่องเราเล่าเรื่องมันส์บ้างสิ”พอผมถามออกไปดูเหมือนแววตาของเค้าจะดูหม่นลงเล็กน้อย แต่แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนจะปรับให้ดูเป็นปกติ

“ยังจำเรื่องนั้นได้ไหม”แทนที่เค้าจะตอบคำถามผมแต่เค้ากลับเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ การตั้งคำถามของเค้าแม้จะไม่ชี้ชัดว่าเค้าหมายความถึงเรื่องอะไรแต่ผมเองก็พอจะเดาออก ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าเข้าใจและยังคงไม่ลืมเรื่องที่เค้าเอ่ยออกมา

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 07-01-2015 21:24:00
วันที่ 27/8

“พ่อ...พ่อมาที่นี่ได้ยังไง”เรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน เริ่มฉายชัดขึ้นในมโนภาพของผม เย็นวันนึงผู้เป็นพ่อของมันส์มาหาผมที่บ้าน หลังจากที่ท่านรับรู้ว่าผมกับมันส์คบกันในฐานะอะไร แน่นอนที่ท่านมาหาผม คงไม่ได้มาด้วยความปลื้มปิติ แม้ทุกคำพูดที่ท่านพูดกับผม ไม่ได้ท่าทอหรือมีคำหยาบ แต่ทุกคำพูดที่เอ่ยกับผม มันบาดลึกลงไปทุกอณูขุมขน ความรักที่ใครๆ ต่างก็บอกว่ามันคือสิ่งที่สวยงาม แต่ความรักระหว่างผมกับมันส์ในตอนนั้น มันได้ทำร้ายใครหลายคน

สิ่งที่ผมรับรู้จากพ่อของมันส์ทำให้ผมต้องคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม่ของมันส์ช็อคหลังจากที่รับรู้เรื่องนี้ ตอนนี้อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนคุณพ่อของมันส์เองก็เครียดจนความดันขึ้น ส่วนนึงที่ครอบครัวของมันยอมรับในเรื่องนี้ไม่ได้คงเพราะ เค้าเองปิดบังทางบ้านมาตลอด แต่สำหรับครอบครัวผม ผมได้เปิดใจคุย และทำความเข้าใจกับที่บ้านมาทีละเล็กละน้อย ไม่ได้มาแบบตูมเดียวเช่นนี้ เพราะแรกๆ ครอบครับของผมเองก็ทำใจไม่ค่อยได้เช่นกัน

“กลับไปคุยกันที่บ้าน”มันส์ที่เพิ่งจะตามมาถึงถูกคุณพ่อลากแขนเพื่อจะพาขึ้นรถกลับบ้าน ผมเองได้แต่ยืนนิ่งคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปยังไง

“ไม่ ผมไม่กลับ พ่อมาพูดอะไรกับตี๊ฟ เราสองคนรักกันทำไมพ่อต้องมาขัดขวางพวกเราด้วย”คำพูดที่พ่อของเค้าพูดกับผมยังคงก้องอยู่ในหัว มันส์มีพี่สาวแค่คนเดียว นั่นก็หมายความว่าเค้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของบ้าน และที่บ้านเค้าก็ยังอยากให้ลูกชายได้สืบทองดวงศ์ตระกูล

“พ่อไม่อยากให้ลูกชายคนเดียวของพ่อต้องกลายมาเป็นพวกวิปริตผิดเพศ เพราะฉะนั้นกลับบ้าน”พ่อของเค้าบอกกับผมว่า มันส์เองไปพูดกับท่านว่ามันส์ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่ชอบผม คือถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมันส์ก็ไม่สนใจ พ่อเค้าก็เลยมาขอร้องว่าถ้าผมกับมันส์ยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้มันส์ก็จะกลับไปเป็นคนปกติธรรดา ขอให้ผมเห็นแก่ผู้ใหญ่บ้าง เพราะความสัมพันธ์ของเราสองคนมันทำร้ายครอบครัวเค้าจนจะไม่เป็นครอบครัวอยู่แล้ว

“มันส์กลับบ้านไปกับคุณพ่อเถอะ”ผมบอกออกไปก่อนจะเดินเข้าบ้าน แม้เสียงตะโกนไล่หลังของมันส์ที่ยังคงดังตามมาแต่ผมก็ไม่คิดจะหันกลับไปมอง ถ้าความรักมันต้องทำให้ใครอีกหลายคนเจ็บ ผมว่าผมกับเค้าสองคนควรจะยอมเสียสละเจ็บปวดเพียงสองคนไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้เราสองคนยังเด็กนัก ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่านี่มันคือความรักที่แท้จริงหรือเป็นแค่ความหลงใหล อยากรู้อยากลอง

หลังจากวันนั้นมันส์ก็ไม่ได้ไปเรียนอีกเลย ประมาณหนึ่งอาทิตย์จากวันนั้น ข่าวลือเรื่องที่ครอบครัวของมันส์จะย้ายไปอยู่เมืองนอกก็แพร่ไปทั่วโรงเรียน ทั้งที่เรียนอีกแค่ไม่กี่เดือนมันส์ก็จะจบมัธยมแล้ว แต่ครอบครับของเค้าก็เลือกที่จะไม่รอให้มันส์เรียนจบ พวกเค้าจัดการเรื่องราวทุกอย่าง อย่างรวดเร็ว

จนถึงวันที่ครอบครัวของมันส์จะออกเดินทาง มีเพื่อนหลายคนที่จะไปส่งเค้าที่สนามบิน แต่ผมเลือกที่จะไม่ไป เพราะน่าจะเป็นการดีกว่า ที่ผมจะไม่ไปเสนอหน้าให้ครอบครัวเค้าต้องเจ็บปวดอีก แต่ถามว่าผมเจ็บไหมที่ตัดสินใจทำแบบนี้ ผมก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก็เจ็บปวดไม่แพ้ใคร แต่ผมเองก็เป็นแค่คนอื่น ยังไงเสียคนในครอบครัวของเค้าก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว

“ตี๊ฟ”ผมหันไปตามเสียงเรียก และเมื่อเห็นหน้าคนที่เรียกผมก็ต้องตกใจ นี่เค้ามาทำอะไรที่นี่ เครื่องใกล้จะออกแล้วไม่ใช่หรือ

“มันส์มาทำไม เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”ผมบอกออกไปอย่างเป็นห่วง แล้วนี่พ่อแม่เค้ารู้หรือเปล่าว่าเค้ามานี่ เกิดพ่อแม่เค้ารู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก

“ไม่คิดจะไปส่งกันเลยใช่ไหม”น้ำเสียงที่ตัดพ้อส่งผ่านมาถึงผม พร้อมกับอ้อมกอดของเค้าที่ดึงผมกระชับแน่นเข้าหา ผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นตรงไหล่ที่หน้าของเค้าวางอยู่ ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก เพราะไม่รู้จะพูดยังไง และผมเองก็ไม่มีน้ำตาออกมาแม้สักหยด แม้จะเสียใจที่เรื่องราวกลายมาเป็นแบบนี้ แต่มันกลับร้องไม่ออก สงสัยแบบนี้ละมั้งที่เค้าเรียกว่าน้ำตาตกใน

“ตี๊ฟ...บอกเราสิ บอกหน่อยว่าให้เราอยู่ไม่ให้เราไป แค่ตี๊ฟพูดมาคำเดียวเราพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ต่อ”ให้เค้าอยู่ต่องั้นเหรอ ถ้าถามผมให้ตอบแบบเห็นแก่ตัวแน่นอนผมต้องอยากให้เค้าอยู่ต่ออยู่แล้ว แต่มันถูกต้องแล้วหรือ

“มันส์...ถ้าการที่เราสองคนจะคบกันมันทำให้คนอื่นอีกหลายคนต้องเจ็บปวด มันส์คิดว่าเรายังจะควรดันทุรังคบกันต่อไปอีกเหรอ”ผมค่อยๆ ดันตัวเค้าออกเพื่อมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเค้า ผิดกับผมที่ไม่มีแม้น้ำตาสักหยด

“แต่เราสองคนรักกันจริงๆ นี่นา”น้ำเสียงคนพูดงอแงเหมือนเด็กโดนขัดใจ ใช่แล้ว ตอนนี้เราสองคนยังเด็กนัก ชีวิตยังต้องเจอะต้องเจอคนอีกมากมาย เราสองคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกันก็ได้

“วันนี้รัก แล้วพรุ่งนี้ยังจะรักหรือเปล่า จะรักอีกนานแค่ไหน รักกันตลอดไปหรือเปล่า คิดดูดีๆ นะมันส์ เราสองคนเพิ่งจะอายุแค่นี้ ชีวิตยังอีกยาวไกล ต้องพบเจออะไรอีกตั้งมากมาย วันนึงเราอาจจะมองเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องตลกก็ได้ แต่ตอนนี้เราสองคนควรทำตามในสิ่งที่มันน่าจะถูกต้องสำหรับใครหลายๆ คนน่าจะดีกว่า ความรักมันไม่จำเป็นจะต้องได้ครอบครองเสมอไปหรอกนะ”บอกตรงๆ ว่าแม้จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ผมเองก็ไม่ได้ดีพอจะทำแบบนั้นได้หรอกนะครับ

“มันต้องจบแบบนี้จริงๆ เหรอ”แววตาที่ปวดร้าวของเค้า มันเหมือนส่งผ่านมายังผม ผมเองก็รู้สึกปวดร้าวไม่ได้ต่างจากเค้าแม้แต่น้อย

“เอางี้ไหม...ถ้าวันนึงที่มันส์สามารถทำให้พ่อของมันส์ยอมรับในเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนได้ และเราสองคนต่างยังไม่มีใคร แล้วเราจะกลับมารักกันมันก็ยังไม่สายไปใช่ไหม”แม้ผมจะไม่มั่นใจอะไรในอนาคต ไม่รู้ว่าจะมีวันที่พ่อของมันส์จะยอมรับได้ หรือเมื่อวันเวลาผ่านไปเราสองคนจะยังรักกันอยู่หรือเปล่า แต่ว่านี่คงเป็นคำพูดที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว

“สัญญานะ”เค้านิ่งไปสักครู่ก่อนจะตอบออกมา

“สัญญาสิ”ผมตอบออกไปแบบนั้น แต่ผมคิดว่าคงจะเป็นเรื่องที่ยากมากกับการที่พ่อของมันส์จะเปลี่ยนใจ เพราะแค่ท่านรู้เรื่องท่านยังลงทุนถึงขนาดย้ายบ้านหนีไปไกลคนละซีกโลกแบบนี้ ผมเองมั่นใจว่าท่านคงไม่มีวันให้ผมกับลูกชายท่านได้กลับไปมีความสัมพันธ์กันแบบเดิมอีกแล้ว

“ตี๊ฟรอเรานะ เราจะไม่มีใคร”ทันทีที่เค้าพูดออกมา นิ้วผมก็สัมผัสที่ริมฝีปากนั้น เป็นการบอกให้เค้าอย่าเพิ่งพูดแบบนี้เลย

“อย่าเพิ่งปิดโอกาสตัวเองเลย เราต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ วันนี้เราอาจเป็นคนที่ใช่สำหรับมันส์หรือมันส์เป็นคนที่ใช่สำหรับเรา แต่วันนึงเราต่างคนอาจจะเจอคนที่ใช่กว่าก็เป็นได้ จริงไหม”ที่พูดไปแบบนั้นเพราะผมไม่อยากให้เค้าปิดกั้นตัวเอง เพราะถ้าเค้าจะมารอผมอย่างเดียวชีวิตเค้าอาจจะไม่มีวันสมหวังก็เป็นได้ และส่วนนึงผมเองจะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้เพราะผมค่อนข้างจะมั่นใจแล้วว่าเรื่องราวระหว่างเราสองคน มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

“งั้นก็ได้แต่หวังว่าจะมีวันที่เราสองคนได้กลับมารักกันอีกนะ”มันส์พยายามตั้งสติให้ดี ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ผมเหลือบมองตามเช่นกัน เค้าเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงก่อนเครื่องจะออก แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเดินทางจากนี่ไปถึงสนามบินได้

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ขอให้ทุกอย่างมันอยู่ภายในใจของเราสองคนก็พอแล้ว”เราทั้งสองมองหน้ากันและกันอีกครั้งเหมือนต้องการจดจำในทุกรายละเอียดของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด ก่อนที่มันส์จะหันหลังให้ผมเพื่อเดินจากไป นี่มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ผมมองตามแผ่นหลังของเค้าที่ห่างออกไปเรื่อยๆ

“ตี๊ฟ”แล้วจู่ๆ เค้าก็หันกลับมาเรียกชื่อผม ซึ่งผมก็ได้แต่มองเค้าอย่างงงๆ

“มันส์รักตี๊ฟนะ”เค้าตะโกนกลับมาที่ผม ที่จริงแม้เค้าไม่บอกผมก็รับรู้ได้แต่พอได้ยินแบบนี้มันก็รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“อืม”ผมเพียงรับคำสั้นๆ และพยักหน้าตอบว่าผมเข้าใจในสิ่งที่เค้าพูด เค้าจ้องมองผมอีกสักพักเหมือนกำลังรอฟังอะไรจากผม แต่เมื่อผมไม่พูดอะไรตอบออกไปอีก เค้าจึงหันกลับและเดินห่างผมออกไปเรื่อยๆ จนลับตา

“ตี๊ฟก็รักมันส์เหมือนกันนะ”เสียงที่ออกจากปากผมช่างแผ่วเบา จนเหมือนพึมพำกับตัวเอง แต่ถึงผมจะพูดเสียงดังแค่ไหน มันก็ไม่คงทำให้เค้าได้ยินหรอกก็ในเมื่อตอนนี้เค้าไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ผมค่อยๆ ทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง

จากวันนั้นผมและเค้าก็เหมือนตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง ผมไม่เคยได้ข่าวคราวของเค้าอีกเลย จากวันเป็นเดือน จากเดือนกลายเป็นปี แล้วเรื่องราวของผมกับเค้าก็กลายเป็นแค่เพียงวันวานที่ยังอยู่ในความทรงจำเท่านั้น





“เราคงทวงสัญญานั่นไม่ได้แล้วใช่ไหม”คำพูดของมันส์ปลุกผมจากห้วงอดีต ใช่สินะที่ผมเคยบอกกับเค้าว่าวันนึงถ้าพ่อเค้ายอมรับเรื่องนี้ได้และเราสองคนยังไม่มีใคร ผมกับเค้าจะกลับไปคบกันเหมือนเดิม และนี่คือเหตุผลที่ผมต้องบอกกับเค้าว่าไอ้เชษฐ์คือแฟนของผม เพราะผมมั่นใจเหลือเกินว่าพ่อเค้าคงยังไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาด ถึงแม้ผมจะไม่มั่นใจว่ามันส์เองจะยังคิดยังไงกับผม แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อน เผื่อว่าเค้ายังรอคอยผมอยู่ ผมก็อยากจะปลดปล่อยเค้าให้พ้นจากข้อผูกมันนี้เสียเถิด เพราะผมคงไม่มีค่าพอที่จะให้เค้ามารอคอยอีกแล้ว ตัวผมไม่ได้มั่นคงรอคอยเพื่อจะกลับไปเริ่มต้นกับเค้า แต่ผมทำตัวลองผิดลองถูกกับใครมาเท่าไหร่กันแล้ว

“คุณพ่อมันส์คงไม่ยอมให้มีวันนั้นหรอกมั้ง”ผมแกล้งพูดกระเซ้าออกไปอย่างยิ้มแย้ม ซึ่งเค้าเองก็ยิ้มกลับให้ผมเช่นกัน

“นั่นสินะ”แค่นี้ผมก็เดาได้แล้วว่าพ่อของเค้ายังไม่เปลี่ยนความคิดเดิมแม้แต่น้อย

“แล้วนี่คุณพ่อท่านรู้หรือเปล่าว่ามาที่นี่ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีกหรอก”ผมอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ หากผมจะเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวเค้ามีปัญหาอีก

“ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่อย่าให้พ่อเค้ารู้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะปิดอยู่หรือเปล่านะ เพราะนี่เราก็ไม่ยอมกลับตามกำหนดเดิมแล้วด้วย”อย่าบอกนะว่าเค้าแอบหนีที่บ้านมาหาผม ไหนเค้าบอกว่ามาเที่ยวเมืองไทยกับพี่สาวไม่ใช่เหรอ

“หมายความว่าไง”ผมเป็นคนเก็บความสงสัยไว้ได้ไม่นานหรอกครับ

“ก็จริงๆ เราต้องบินกลับพร้อมพี่มุกตั้งแต่เย็นวันนี้แล้วแหละ แต่เราเลือกที่จะมาหาตี๊ฟก่อน เลยจองตั๋วกลับพรุ่งนี้เช้าแทน”นี่ผมจะเป็นต้นเหตุสร้างปัญหาให้เค้าแล้วจริงๆ ใช่ไหมนี่ ว่าแต่เค้าต้องกลับพรุ่งนี้เช้าเลยหรือนี่ น่าใจหายเหมือนกันนะเนี่ยเพิ่งได้เจอกันแต่อีกเดี๋ยวก็ต้องจากกันอีกแล้ว

“แล้วยังจะมีหน้ามาพูดเรื่องสัญญงสัญญาอีกนะ”ผมพยายามพูดแซวให้เค้ารู้สึกดีขึ้นเพราะเห็นได้ชัดว่าเค้าเองก็กังวลอยู่ไม่น้อย กับการที่เค้าแอบมาพบผมในวันนี้

“ถึงแม้พ่อเราจะยอมรับได้ว่าเราชอบตี๊ฟแต่ติ๊ฟเองก็คงกลับมาคบกับเราไม่ได้อีกแล้วนิ”ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมพลาดแล้วที่วกกลับมาพูดเรื่องนี้อีก ก็ผมปิดทางเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้วนี่นา ด้วยการไปบอกเค้าว่าไอ้เชษฐ์คือแฟนผม

“มันส์...”ผมไม่รู้จะขอโทษเค้ายังไงดี เพราะตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าเค้ายังคงทำตามสัญญาครั้งนั้นอยู่หรือเปล่าเนี่ย

“ไม่เป็นไรหรอก...เราโอเค แม้เราจะเคยเป็นคนที่ใช่สำหรับตี๊ฟ แต่ตอนนี้ตี๊ฟก็เจอคนที่ใช่กว่าแล้ว เราควรจะยินดีด้วยไม่ใช่เหรอ ความรักมันไม่จำเป็นที่จะต้องได้ครอบครองเสมอไปนี่นา”คำพูดของเค้าทำเอาผมจุกแทบพูดไม่ออก ถ้าเค้ายังคงรักผมอยู่จริงๆ ผมคงเป็นคนที่แย่มากๆ เพราะในขณะที่เค้ายังมั่นคงและให้ความสำคัญกับเรื่องราวของเราในอดีตขนาดนั้นแต่ผมกลับแกล้งทำเป็นลืมเลือนมาตลอด และเหมือนจะลืมไปจริงๆ เสียแล้ว

“พรุ่งนี้เครื่องออกกี่โมงเหรอ”ผมพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากรู้สึกผิดมากไปกว่านี้ จะว่าผมเห็นแก่ตัวผมก็ยอม แต่ผมก็คงทำอะไรเพื่อเค้าไปไม่ได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“แปดโมงเช้า...ไปส่งเราด้วยนะ”เค้าหันมายิ้มให้ผม มันเป็นรอยยิ้มที่พยายามฝืนๆ ยังไงบอกไม่ถูกผมยิ่งมั่นใจว่าเค้าคงจะยังจมอยู่กับความเจ็บปวดแต่ถ้าตอนนี้เค้าคิดว่าผมกับไอ้เชษฐ์รักกันอยู่จริงๆ ผมก็หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยปลดปล่อยเค้าให้หลุดพ้นจากการเฝ้ารอจะกลับมาคบกับผมเสียที

“ได้สิ”ผมตอบรับเพียงสั้นๆ เป็นการยืนยันว่าพรุ่งนี้จะไปส่งเค้าที่สนามบินแน่นอน แล้วเราทั้งสองก็ต่างคนต่างเงียบกันไปพักใหญ่ ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับการคิดทบทวนเรื่องราว สำหรับผมนั้นตัดสินใจได้แล้วว่ายังไงเสียผมกับเค้าก็คงไม่มีทางจะเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว และได้แต่หวังว่าเค้าจะคิดเหมือนผม และขอให้เค้าได้เจอใครสักคนที่พร้อมจะเคียงข้างเค้าในเร็ววันนี้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมใช้แวลาแทบจะทั้งหมดอยู่กับมันส์เสียส่วนใหญ่จน เค้าขอตัวกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม แม้ผมจะบอกเค้าว่าค้างที่บ้านผมก็ได้เพราะเค้าก็ดื่มไปพอสมควร ไม่อยากให้ขับรถสักเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมยืนยันจะกลับโรงแรมให้ได้

“ขอเรากอดตี๊ฟหน่อยได้ไหม”พอผมเดินออกมาส่งมันส์ที่หน้าบ้านเค้าก็เอ่ยปากขึ้น ผมไม่ได้ตอบเค้าแต่เดินเข้าไปหา และสวมกอดเข้าที่ตัวของเค้า ถ้านี่มันจะพอเป็นสิ่งที่ผมทำให้เค้าได้และมันก็ไม่ได้มากเกินไป ทำไมผมจะให้เค้าไม่ได้ ไม่มีคำพูดใดๆ ของเราทั้งสองคนอีก มีเพียงสัมผัสจากอ้อมกอดที่กระชับแน่นนั้น ก่อนจะค่อยๆ คลายออกแล้วเค้าก็ลับตาผมไปในที่สุด

“ไม่ตามกันไปส่งถึงโรงแรมเลยล่ะ”น้ำเสียงประชดประชันของใครคนนึงที่วันนี้ผมไม่ได้สนใจเค้าเลยดังขึ้นทันทีที่มันส์ลับตาไป ผมไม่รู้ว่าไอ้เชษฐ์ตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คิดว่ามันคงจะเห็นแล้วแหละว่าผมกอดกับมันส์เมื่อสักครู่
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 07-01-2015 21:25:08
วันที่ 27/9

“เมาแล้วก็ไปนอนเถอะ”ผมหันมาบอกกับไอ้เชษฐ์อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ผมพอจะรู้ว่ามันไม่ค่อยจะพอใจผมอยู่ แต่จะให้ผมทำยังไงได้ละยังไงเสียตัวผมเองก็ยังอยู่กับมันอยู่แล้ว แต่ที่วันนี้ผมต้องให้ความสำคัญกับมันส์เป็นพิเศษ เพราะผมไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก

“ไหนว่าเป็นได้แค่เพื่อนกันแล้วทำไมต้องกอดกันกลมขนาดนั้นด้วย”น้ำเสียงคนพูดไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนในตอนแรก แต่กลับอ่อนลงและแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเสียมากกว่า ตกลงนี่มันกำลังจะงอนที่ผมไม่สนใจมันในวันนี้หรือเปล่าเนี่ย

“ไปนอนกันดีกว่าป่ะ ง่วงแล้ว”ผมยิ้มให้ไอ้เชษฐ์พร้อมกับจับข้อมือของมันให้เดินตามผม วันนี้เรื่องของมันส์ทำให้ผมได้คิดทบทวนถึงเรื่องราวระหว่างผมเองกับไอ้เชษฐ์ แม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่มั่นใจทั้งในตัวของผมเอง แต่อย่างน้อยๆ ณ วันนี้ผมก็ไม่ได้รังเกียจไอ้เชษฐ์ อยู่กับมันแล้วผมก็รู้สึกดี เพราะฉะนั้นผมว่าผมมีความสุขกับวันนี้ที่เป็นอยู่น่าจะดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าวันดีๆ สำหรับผมมันจะมีอีกนานแค่ไหนกัน ถ้าวันข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นผมจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง และแน่นอนว่าผมต้องเผื่อใจไว้ด้วยว่าความเจ็บช้ำมันพร้อมจะเข้ามาหาเราได้เสมอ วันนี้สุข พรุ่งนี้เราอาจจะเศร้า แต่วันมะรืนเราต้องพร้อมที่จะเดินต่อ

“พรุ่งนี้มึงต้องไปส่งเค้าด้วยเหรอ”คำถามของไอ้เชษฐ์นี่แสดงว่ามันคงตามผมกับมันส์ออกมาติดๆ เลยทีเดียวนะเนี่ย ถึงเหมือนจะรู้ทุกเรื่องที่ผมคุยกับมันส์ไปเสียหมด

“ก็เค้าจะกลับกูก็ต้องไปส่ง หรือจะให้กูรั้งเค้าไว้ล่ะ”ผมหันกลับไปตอบกวนๆ อย่างอารมณ์ดี แต่ดูท่าอีกฝ่ายไม่ค่อยจะสนุกกับผมสักเท่าไหร่ เพราะดูหน้าตาไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย ไอ้เชษฐ์เดินตามผมกลับเข้าบ้านอย่างเงียบๆ พวกเพื่อนๆ ผมยังคงเฮฮากันเหมือนเดิม ไม่รู้พวกมันจำได้หรือเปล่าว่าตอนเช้าพวกมันต้องตื่นมาตักบาตรกันอีก เพราะคุณนายผมคงไม่ปลุกแค่วันเดียวอยู่แล้ว ผมไม่คิดจะกลับไปร่วมวงกับพวกมันต่อ เพราะอยากจะนอนพักมากกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า และยังต้องไปส่งมันส์ที่สนามบินอีก

“ไม่อาบน้ำเหรอ”ไอ้เชษฐ์ยังคงนิ่งเงียบตั้งแต่ตามผมมาจากหน้าบ้านจนมาถึงห้องนอน จนผมอาบน้ำเสร็จ มันก็ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอน มองผมอยู่บนเตียง ผมรู้สึกได้ว่ามันมองผมอยู่ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำมา เช็ดตัวทาครีม ใส่ชุดนอน ผมก็รอดูว่ามันจะพูดอะไรหรือมีปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ถามไม่พูดหรือไม่ทำอะไรเลย นี่ถ้ามันหลับไปแล้วผมก็จะไม่สงสัยอะไรหรอกครับแต่นี่ยังมองผมตาแป๋วอยู่เลย

“ไปอาบน้ำไป...เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”ผมว่าผมพอจะเดาออกแล้วว่ามันกำลังรอให้ผมเป็นฝ่ายพูดเองอยู่แน่ๆ ซึ่งผมก็ไม่ชอบไอ้อาการเอาแต่เงียบของมันสักเท่าไหร่ เลยคิดว่าเล่าให้มันฟังเสียจะได้จบๆ ไป

“ทุกเรื่อง...ที่กูอยากรู้”มันต้องขนาดนั้นเลยหรือไงเนี่ย แต่ผมก็พยักหน้าตอบส่งๆ ไป พร้อมกับที่ไอ้เชษฐ์ยอมไปอาบน้ำแต่โดยดีพอไอ้เชษฐ์หายเข้าห้องน้ำไป ผมก็นอนลงบนเตียงข้างนึงทันที รู้สึกหนังตามันหนักๆ แล้วสิ ผมจะทันได้เล่าอะไรให้ไอ้เชษฐ์ฟังหรือเปล่าเนี่ย หรือจะหลับก่อนมันออกมาจากห้องน้ำละเนี่ย ผมพยายามจะถ่างตาไว้ แต่เหมือนจะไม่เป็นผล ในที่สุดผมก็เผลอหลับไปจนได้




“ฮือ...”ผมงัวเงียเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่าง อาการของคนที่มึนๆ แถมสลึมสลือจากการถูกปลุกทำให้สมองผมเบลอๆ งงๆ เรียบเรียงไม่ถูกว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนและกำลังเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่ผมรู้สึกเหมือนจะฝันแต่ทำไมมันเหมือนจริงเหลือเกิน หรือผมจะโดนผีอำ ผมค่อยๆ พยายามจะลืมตาขึ้นเมื่อแน่ใจว่าเหมือนผมกำลังโดนกัดเข้าที่คอ นี่ผมโดนแวมไพร์อำหรือเปล่า สมองอันน้อยนิดของผม เริ่มประมวลผลอย่างช้า แต่ไม่นานนักผมก็ได้รับคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้น

“ไหนว่าจะเล่าให้ฟังทุกอย่างไง”เสียงไอ้คนที่ผมคิดว่าเป็นแวมไพร์กระซิบที่ข้างหูผม พร้อมกับขบติ่งหูผมเบาๆ ตาผมค่อยๆ ลืมขึ้นภายในห้องมืดมิด มีเพียงแสงจากจันทร์ภายนอกหน้าต่าง ที่ส่องเล็ดลอดผ้าม่านมาเล็กน้อย มีกลิ่นสบู่จางๆ ลอยมากระทบจมูกผม ผมพยายามปรับสายตาให้เข้ากับความมืดก่อนจะค่อยๆ หันหน้ามองคนที่เบียดอยู่ข้างๆ

“โทษที พอดีเพลียๆ เลยเผลอหลับไปก่อน”ผมตอบออกไปตามตรงแม้จะไม่ค่อยพอใจที่มันมาปลุกผมแบบนี้ นี่ถ้าผมไม่ได้เป็นคนบอกเองว่าจะเล่าอะไรให้มันฟังนะ ผมคงได้ถีบมันตกเตียงไปแล้วแน่ๆ

“ไว้เล่าพรุ่งนี้ได้ไหม”ผมเริ่มต่อรองเมื่อเริ่มรู้สึกว่าขี้เกียจจะเล่าแล้ว

“ได้สิ”เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ผมแปลกใจ อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น แต่เอะทำไมเหมือนน้ำเสียงมันฟังดูแปร่งๆ หว่า

“งั้นราตรีสวัสดิ์นะ”แต่ผมก็ตัดความสงสัยนั้นออกไป เพราะอยากจะนอนมากกว่าอยากที่จะรู้ว่าคำพูดนั้นมีอะไรแอบแฝง

“ยังนอนไม่ได้”ผมไม่ต้องถามต่อถึงคำพูดนั้นว่าหมายความว่ายังไง เมื่อคนที่พูดพลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับผมไว้ ริมฝีปากของอีกฝ่ายประกบลงมาที่ริมฝีปากผมอย่างหื่นกระหาย ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรซึ่งไม่รู้เพราะผมเหนื่อยที่จะขัดขืน หรือไม่มีเรี่ยวแรงจะขัดขืน หรือเป็นเพราะผมเองลึกๆ แล้วก็ต้องการแบบนี้อยู่แล้วก็ไม่รู้

ลิ้นของไอ้เชษฐ์เข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของผมอย่างคุ้นเคย สองมือซุกซนของมันสอดเข้ามาภายใต้ชุดนอนของผมอย่างง่ายดาย และผมเองก็ไม่ได้ต่อต้านการกระทำนั้นเลย ความง่วงที่มีอยู่ในตอนแรกเริ่มจะเลือนหายไป เพียงไม่นานเสื้อผ้าของเราทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่กับตัวอีกต่อไป ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ อีกระหว่างเราสองคน แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกของเราทั้งคู่ แต่ทำไมผมกลับรู้สึก สั่นๆ ยังไงบอกไม่ถูก มันเหมือนกับว่าผมมีความต้องการที่จะครอบครอง เป็นเจ้าของร่างกายที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผมอยู่ตอนนี้

ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เหมือนทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น เค้ากำลังต้องการให้ผมประทับใจอย่างเป็นที่สุดและเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วย เค้ากำลังจะทำให้ผมเสพติดรสรักที่เค้ามอบให้ นี่ผมกำลังถลำลึกลงไปอีกขั้นแล้วใช่ไหม




“มึงยังรักเค้าอยู่หรือเปล่า”คำถามแรกที่ออกจากปากของไอ้เชษฐ์หลังจากที่ผมเล่าเรื่องระหว่างผมกับมันส์ให้ไอ้เชษฐ์ได้รับรู้ ทั้งที่เราเพิ่งผ่านการเผาผลาญพลังงานด้วยกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย และผมเองอยากที่จะหลับพักผ่อน แต่มันก็ยังตื้อให้ผมเล่าให้ฟังจนได้

“มึงฟังที่กูเล่าบ้างหรือเปล่าถึงได้ถามแบบนี้อีก”ก็ผมเองบอกไปหมดแล้วว่าตอนนี้ผมก็คิดกับมันส์แค่เพื่อนที่ดีคนนึงเท่านั้น มันยังจะมาอะไรกับผมอีกเล่า ไอ้นี่นิ แฟนผมรึก็เปล่า

“ก็แค่อยากให้ช่วยยืนยันอีกที ไม่ได้หรือไง”เสียงคนพูดเหมือนจะงอนๆ พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับดึงตัวผมเข้าหาตัวเจ้าของวงแขนแข็งแรงนั้น ผมไม่ได้ยืนยันอะไรออกไปอีกเพราะคิดว่าผมอธิบายทุกอย่างชัดเจนแล้ว ผมเลยเลือกที่จะเงียบ เพื่อเป็นเตือนสติอีกฝ่ายด้วยว่าผมง่วงแล้ว เลิกพูดเสียที แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเมื่ออีกฝ่ายยังคงมีเรื่องสงสัยไม่จบสิ้น

“ถ้าพ่อของมันส์ไม่ขัดขวางมึงคิดว่าตอนนี้มึงกับเค้าจะยังคบกันอยู่ไหม”ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่จะไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว แล้วจะยังมาถามอีกทำไมกันนะ

“ไม่รู้สิ...กูก็ยังมองไม่เห็นเหตุผลอื่นที่จะทำให้กูกับเค้าต้องเลิกกันนี่นา คงน่าจะยังรักกันหวานชื่นก็ได้มั้ง”แม้จะรู้ว่าน้ำเสียงของผมเองเหมือนจะประชดหน่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธว่าอยากประชดไอ้เชษฐ์จริงๆ ก็แหมเรื่องราวที่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจะมาสมมติอะไรอีก แล้วอีกอย่างเรื่องนี้ทั้งผมและมันส์ก็คงลืมไม่ลงแม้จะพยายามลืมเลือนมันไป

“แต่กูว่ามีนะเหตุผลที่มึงกับมันส์ต้องเลิกกันนะ”น้ำเสียงระรื่นของอีกฝ่ายทำให้ผมนึกรู้ว่ามันต้องเล่นมุกแป้กอะไรแน่นอน ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่านี่มันไม่ง่วงบ้างรึไงนะ เพราะผมนี่ตาจะปิดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ไหนจะมึนๆ เกือบจะเมาจนสร่างไปเรียบร้อย แล้วยังจะเหนื่อยๆ เพลียๆ แถมยังดันมีอะไรกันไปอีกแล้วด้วย ตัวมันไม่เพลียบ้างรึไงนะ

“เอ้าว่าไป”ผมพูดออกไปอย่างทำเป็นไม่ค่อยจะสนใจนัก จนอีกฝ่ายเริ่มมีเสียงฮึดฮัดเล็กน้อย แหมทำยังกะเด็กๆ นะไอ้นี่

“ที่กูว่ามึงกับมันส์ต้องเลิกกัน...เพราะวันนึงมึงต้องมาเจอกูนี่ไง”เออเนอะช่างคิดได้ นี่ผมไม่เจอไอ้เชษฐ์ผมก็เลิกกับมันส์อยู่แล้วนิ ไม่ได้เห็นเกี่ยวอะไรกับไอ้เชษฐ์เลยสักนิดเดียว

“มึงคงไม่สำคัญขนาดนั้นมั้ง”เมื่อเห็นว่ายิ่งคุยกันก็มีแต่เรื่องไม่ได้สำคัญอะไร ผมเลยพยายามจะข่มตาหลับลง ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ต้องพยายามอะไรเลยเพราะตาผมมันจะปิดอยู่แล้ว ง่วงเต็มทนถ้าไอ้คนที่กอดผมอยู่ไม่ชวนคุยป่านนี้ผมก็คงหลับไปแล้ว

“ทำเป็นพูดดีไป...ที่จริงมึงกำลังตกหลุมรักกูเข้าให้แล้วใช่ไหมล่ะ”แม้จะอยากเถียงมันใจแทบขาด แต่คิดว่าถ้ามัวแต่จะเถียงกันอยู่ก็คงไม้ได้หลับได้นอนเป็นแน่แท้ เพราะงั้นผมควรสงบปากสงบคำ ไม่ก็แกล้งหลับไปเลยดีกว่าเพราะถึงจะแค่แกล้งหลับ แต่อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ผมก็คงหลับแล้วแหละ

“กูนี่นะเหรอจะ ตกหลุมรักมึง”ผมพึมพำอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะง่วงเต็มที เปลือกตาผมหนักอึ้ง ประสาทรับรู้กำลังจะปิดลง เพื่อร่างกายจะได้เข้าสู่กระบวนการพักผ่อนอย่างแท้จริง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรานั้นผมสัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่สัมผัสหน้าผากผมอย่างแผ่วเบา พร้อมเสียงกระซิบที่แว่วกระทบโสตประสาท

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ...ที่รักของผม”
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 [06-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 07-01-2015 21:27:28
ครบแล้วสำหรับวันที่ 27

ตอนแรกกะจะทยอยลง แต่ลงให้หมดเลยแล้วกัน หุหุ

นี่ก็ใกล้จะ 2 ใน 3 ของเกมแล้วขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดเน้อ  o13 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-01-2015 21:45:27
เป็นวันที่ยาวจุใจมากๆค่ะ

เรึ่องมันส์นี่ท่าทางจะไม่มีอนาคตเลยนะ ต่อให้กลับไปคบกันอีกเพราะว่ามันส์ไม่ได้มีความกล้าที่จะเผชิญหน้าเพื่อความรัก กะปิดที่บ้านไว้ก่อน ถึงจะเจอรักใหม่ก็ไม่มีทางปลูกรักใหม่ได้หรอกถ้าหากว่าไม่ยึดจุดยินไว้

ยังเชียร์เชษฏ์อยู่นะ แต่บอกตรงๆว่าเข้าใจความรู้สึกของติ๊ฟที่ยังรีรออยู่

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 07-01-2015 21:55:18
เชษฐ์ต้องทำให้ติ๊บมั่นใจ ทลายกำแพงของติ๊บให้ได้
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-01-2015 22:16:04
เฮ้อออออออ ดีใจที่ไม่มีถ่านมาคุแถวนี้ :เฮ้อ:
ติ๊ฟเป็นคนคิดมากไปนะ
ปล่อยวางแล้วมีความสุขวันนี้ ดีกว่าอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนะ
รอตอนต่อไปจ้ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 07-01-2015 22:40:33
เริ่มหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-01-2015 22:54:47
กั๊กความรู้สึกทั้งคู่อ่าา~  :katai1: ขัดใจจุง

ส่วนมันส์ไปดีน้า บาย~~  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 08-01-2015 01:13:52
ความรัก หนอ ความรัก  :hao5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-01-2015 09:19:48
ส่งค้อนปอนด์ร้อยอันไปช่วยเชษฐ์ทำลายกำแพงของติ๊ฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 08-01-2015 12:07:55
ตบเชษฐ์ ปากแข็งบอกรักก็แบบเลือนลางใครจะไปรู้ :really2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-01-2015 12:22:03
แน่ๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-01-2015 13:19:36
ถ้าที่บ้านเชษฐ์ไม่โอเคตี๊ฟก็จะปล่อยไปง่ายๆอีกใช่ไหมคะ.. :ling2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 27 เต็มวัน [07-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 08-01-2015 18:22:10
วันที่ 28


“ขับให้มันเร็วหน่อยได้ไหม เดี๋ยวก็ไปไม่ทันกันพอดีหรอก”ผมหันไปเร่งสารถี ส่วนตัวที่อาสามาเป็นเพื่อนผมแต่ทำหน้าเหมือนโดนบังคับมายังไงยังงั้น แม้ว่าตอนนี้จะยังพอมีเวลาเหลือที่ยังไงเสียผมก็คงไปทันตอนมันส์ขึ้นเครื่อง แต่อาการอ้อยอิ่งของไอ้เชษฐ์ที่ทำเหมือนกับอยากให้ผมไปไม่ทันแบบนี้ มันทำให้ผมเริ่มชักจะหงุดหงิดเสียแล้ว

ทั้งที่ผมว่าผมก็คุยกับมันรู้เรื่อง หมดแล้วนะ ตั้งแต่เมื่อคืน อีกอย่างเราสองคนก็ยังอยู่ในสถานะเพื่อนกันไม่ใช่หรือ แม้ความสัมพันธ์ทางกายมันอาจจะเกินเลยไปมากแล้วก็ตาม แถมไอ้คำพูดที่แปลกๆ ของไอ้เชษฐ์ตอนผมจะหลับเมื่อคืนอีก แต่ทั้งหมดนี้มันก็ไม่เพียงพอที่ไอ้เชษฐ์จะห้ามไม่ให้ผมไปส่งมันส์นี่นา

“นี่ถ้าซื้อตั๋วบินไปด้วยกันได้ มึงคงไปแล้วมั้งเนี่ย”อ้าวไอ้นี่อารมณ์ไหนของมันอีกละ จะมาประชดประชันอะไรกันอีก อาสามาเองนะโว๊ยกูไม่ได้ขอให้มาด้วย ไม่อยากไปใครกันไปบังคับมึงเล่า

“พูดดีๆ เป็นไหม ถ้าไม่เป็นก็จอด แล้วจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวกูไปของกูเอง”ชักมีน้ำโหแล้วครับงานนี้ มันจะอะไรกันนักหนาเชียว แต่เอะนี่ผมทำยังกะผมงอนมันอยู่หรือเปล่าหว่า

“ล้อเล่นหน่อยเดี๋ยวเอง ทำเป็นงอนไปได้ ยังไงกูก็พาไปทันอยู่แล้วแหละน่า”น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้ผมเองก็ไม่ได้ติดใจจะต่อล้อต่อเถียงอีก เลยเลือกที่จะเงียบแทน วันนี้หลังจากไปส่งมันส์ที่สนามบินแล้ว ผมกับไอ้เชษฐ์ก็คงกลับคอนโดเลย ไม่ได้ย้อนกลับไปที่บ้านอีก เพราะนี่ก็วันอาทิตย์แล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปเรียน ส่วนไอ้พวกเพื่อนๆ ของผมก็ปล่อยไว้ที่บ้านจะกลับหอกลับห้องกันตอนไหนอะไรยังไงก็แล้วแต่พวกมันละกัน ตอนมาก็ไม่ได้มาพร้อมกันอยู่แล้วนี่นา แต่ผมต้องมารถไอ้เชษฐ์ และรถผมก็ฝากไอ้การ์ดเป็นคนเอาไปให้ที่คอนโดอีกที

ไม่นานนักเราทั้งสองก็มาถึงสนามบิน และก็ยังไม่มีใครเปิดปากพูดคุยอะไรกัน ผมเองก็กำลังคิดว่าผมควรจะพูดอะไรกับมันส์ดี แม้จะมีเรื่องมากมายที่อยากคุยกับเค้า แต่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้ว่าคำที่ควรพูดแค่เวลาไม่กี่นาทีต่อจากนี้ สิ่งที่ผมควรพูดที่สุดนั้น จะเป็นคำพูดใด และเรื่องไหน

“ตี๊ฟ...”เสียงคนที่มากับผมเรียกให้ผมชะงักหยุดเดินและหันไปมองหน้าเจ้าของเสียง พร้อมด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังรออยู่ว่าที่เรียกผมเนี่ยจะพูดอะไรหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายกลับจ้องหน้าผม เหมือนกำลังจะอ้อนวอนขออะไรบางอย่างจากผม แต่เหมือนยังไม่กล้าจะพูดออกมา

“มีอะไรหรือเปล่า”เมื่อไอ้เชษฐ์เองไม่ยอมพูดอะไรเสียที ผมเลยต้องเป็นฝ่ายที่ต้องช่วยกระตุ้นให้มันรู้ตัวว่าที่มันเรียกผมเนี่ย มันควรจะมีเหตุผลอะไรบ้างนะไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ อยากเรียกชื่อผมก็เรียก แต่หลังจากผมทวงถามออกไปไอ้เชษฐ์ก็ยังไม่มีคำพูดใดๆ ส่งกลับคืนมาให้ผมเหมือนเดิม มันเพียงจ้องมองผมอยู่เหมือนเดิม จนผมต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงย้ำอีกครั้ง ว่าตกลงมันมีอะไรหรือเปล่า

“เปล่า...ไม่...ไม่มีอะไร”อ้าว ไม่มีไรแล้วจะเรียกทำไมเนี่ยผมส่ายหัวก่อนจะก้าวเดินต่อ โดยไม่ได้คิดจะซักไซร้มันต่อ

“เดี๋ยวก่อน...ตี๊ฟ”ผมหันขวับทันที เพราะเพียงแค่ผมก้าวได้สองก้าวมันกะเรียกผมอีกแล้ว คราวนี้ถ้ามันยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีกคงโดนผมกระโดดถีบขาคู่เข้าที่หน้าอกมันแน่ คนยิ่งรีบๆ อยู่มันจะอะไรก็ว่ามาสักอย่างเหอะ คราวนี้สายตาที่ผมมองมันเนี่ยผมเตรียมหาเรื่องอย่างชัดเจนเลยครับ ไม่มีคำถามจากปากผมมีแต่อากัปกิริยาเท่านั้นที่แสดงออกให้มันรีบๆ พูดออกมาก่อนที่ผมจะหมดความอดทน

“ขออะไรอย่างได้ไหม”คิ้วของผมขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยว่าไอ้เชษฐ์จะมาขออะไรจากผมในตอนนี้ ท่าทีของมันไม่ได้แสดงออกว่ากำลังขอร้องสักเท่าไหร่ แต่มันเหมือนกำลังจะบอกผมว่าสิ่งทีมันจะขอต่อจากนี้ มันคือคำสั่ง เพราะอะไรถึงทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

“ขออะไรล่ะ”แม้จะไม่ยินดีที่จะทำตามแน่นอนหากว่าสิ่งที่มันขอนั้นงี่เง่าหรือไร้สาระ แต่ตามสัญชาตญาณคนเราก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดา ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะร้องขอแกมบังคับนั้นมันเกี่ยวข้องกับตัวเราอย่างไร

“รับปากก่อนสิว่าจะทำตามที่กูขอ”นั่นไงล่ะ นี่มันคำขอร้องที่ไหนกันล่ะ มันคำสั่งที่กำลังจะบังคับให้ผมทำตามละไม่ว่า แบบนี้ใครจะไปยอมกันเล่า งานนี้ไม่มีทางที่ผมจะยอมเด็ดขาด เรื่องอะไรทำไมจะต้องมาบังคับกันด้วย

“ถ้าไม่บอกก่อน กูก็จะไม่แม้แต่อยากรู้ว่ามึงจะขออะไร เพราะคำตอบของกูก็คือ /ไม่/ แน่นอนอยู่แล้ว เพราะงั้นถ้าอยากให้พิจารณาก็จงบอกมาเสียดีๆ ว่าเรื่องอะไร”ผมว่าตอนนี้ผมน่าจะเป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่านะ เพราะงั้นผมไม่ต้องกลัวเสียเปรียบใดๆ ทั้งสิ้น

“ไม่ต้องร่ำลากันแบบถึงเนื้อถึงตัวได้ไหม”คำร้องขอของไอ้เชษฐ์ทำเอาผมมีหลากหลายความรู้สึก ทั้งไม่ค่อยจะเข้าใจมัน ตลก แปลกใจ แต่ก็รู้สึกดีๆ ไปพร้อมๆ กัน ผมหันไปอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะมองหน้าไอ้เชษฐ์โดยพยายามหุบยิ้มเพื่อไม่ให้หลุดขำมัน ก็จะไม่ให้ผมขำได้ไง ผู้ชายนิสัยอย่างมันแค่มาพัวพันกับผมจนถึงขนาดนี้ก็น่าแปลกพอแล้วแถมยังมาทำเหมือนหึงหวงผมอยู่นี่อีก นี่มันกลัวผมจะทำอะไรกับมันส์งั้นเหรอ ทั้งที่ผมก็ยืนยันแล้วว่าผมกับมันส์เป็นแค่เพียงเพื่อนกันเท่านั้นในตอนนี้ อีกอย่างถึงแม้ว่าเกิดในตอนนี้ผมกับมันส์ยังเป็นคนที่มีความรู้สึกพิเศษให้แก่กันอยู่ผมก็คงไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้ออยู่แล้ว

“อย่างเช่นอะไรบ้าง ที่ว่าเป็นการถึงเนื้อถึงตัว”ผมถามกลับอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่เมื่อไม่กี่นาทีผมกำลังจะโมโหไอ้เชษฐ์อยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกตลกไอ้เชษฐ์จนไม่รู้จะเอาอะไรไปโมโหมันแล้วล่ะมั้ง

“จับมือ”

“แค่จับมือร่ำลา ใครเค้าก็ทำกันได้หรอก เรื่องปกติมึงจะให้กูเป็นคนไม่ปกติหรือไง”ผมรีบสวนทันควันเมื่อรายละเอียดในคำร้องขอแรกของไอ้เชษฐ์ออกมา ก็จะไม่ให้ผมปฏิเสธได้ยังไง แม้ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องจับมือถือแขนอะไรกันกับมันส์แต่เรื่องจับมือไม่จับมือนี่ก็ไม่ควร มาเป็นส่วนบังคับผม

“งั้นห้ามกอดกัน”

“เวลามึงไปส่งใครที่สนิท หรือรู้จักมักคุ้นกันดีการกอดร่ำลามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไรตรงไหน นี่นา ออกจะดูเป็นการร่ำลาที่อบอุ่นดีออก”ผมยังคงมีเหตุผลของผมเองมาคัดค้านในคำร้องขอของไอ้เชษฐ์ ตอนนี้มันเหมือนกับว่าไอ้เชษฐ์เองก็อยากเอาชนะและผมเองก็เช่นกัน แม้จะเป็นนิสัยที่ออกจะดูเด็กๆ ไปหน่อยที่จะอยากเอาชนะกันแบบนี้ แต่ผมว่ามันก็สนุกดีนะ แต่ไม่รู้ไอ้เชษฐ์มันจะรู้สึกสนุกกับผมหรือเปล่านี่สิ เพราะหน้าตามันเริ่มจะบอกบุญไม่รับขึ้นทุกทีแล้ว

“เฮ้อ...หวังว่าคงไม่ถึงขั้นจูบร่ำลากันหรอกนะ”เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับคำพูดต่อมาของไอ้เชษฐ์มันเหมือนเป็นสัญญาณให้รู้ว่าการแข่งขันครั้งนี้ ไอ้เชษฐ์ยอมยกธงแต่ยัง ร้องขออีกนิด ซึ่งความจริงผมก็คงไม่ไปจูบกับใครในที่สาธารณะแบบนี้หรอก แต่ว่า

“มันก็ไม่แน่”ผมยังคงเล่นต่อ ยั่วอารมณ์ไอ้เชษฐ์มันเล่นๆ อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมีความอดทนได้ขนาดไหนกันเชียว จะว่าไปมันคงคิดผิดถ้ามันจะมาชอบคนอย่างผม เพราะเหมือนผมจะปฏิบัติต่อมันแตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ผมเคยคบด้วย เมื่อก่อนเวลาคบกับใครผมจะไม่ค่อยให้ใครมาคอยเอาใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กับไอ้เชษฐ์ยิ่งถ้ามันยอมอ่อนข้อให้ผม กลับยิ่งทำให้ผมนึกสนุก

“ระวังกูจะปรอทแตกก็แล้วกัน”นั่นไง สีหน้าแววตาเอาเรื่องมาเชียวไอ้เชษฐ์เองก็ไม่ได้มีความอดทนเท่าไหร่นักหรอกน่า แต่จะว่าไปผมไม่เคยเห็นเวลาไอ้เชษฐ์มันเอาใจใครเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา นอกจากแหม๋วแล้วผมก็ไม่เคยเห็นมันคบใครอื่นอีก แต่กับแหม๋วผมก็ไม่เคยเห็นว่าเวลาเค้าอยู่ด้วยกันสองคนใครจะเป็นฝ่ายเอาใจใคร อีกอย่างเค้าไปจีบกันตอนไหนผมก็ไม่รู้ ปกติไอ้เชษฐ์มันก็เฮฮากับเพื่อนในกลุ่มไม่ได้สนใจหาแฟนอะไร แม้ว่าตัวมันเองจะมีสาวๆ กรี๊ดอยู่พอสมควร แต่อยู่มาวันนึง น่าจะเป็นช่วงที่ผมห่างกับกลุ่มเพื่อนๆ เพราะเป็นช่วงที่ผมคบใครสักคน แล้วพอผมเลิกกับแฟนกลับมา ก็เห็นว่าไอ้เชษฐ์เองคบกับแหม๋วแล้ว ผมเลยไม่รู้ว่าเค้าไปรู้จักกันตอนไหนจีบกันยังไง แต่ผมเองตอนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย แต่ถ้าถามถึงเหตุผลที่เค้าเลิกกันนี่มันเพราะเกมที่ผมกำลังเล่นอยู่นี่แหละ เต็มๆ เลย

เราสองคนเลิกต่อปากต่อคำกัน เพราะตอนนี้คนภายในสนามบินก็ค่อนข้างหนาตาพอควรจะมามัวเถียงกันให้คนอื่นฟังก็ใช่เรื่อง ผมมองหาบุคคลที่จะต้องขึ้นเครื่องในอีกไม่กี่นาที ซึ่งไม่นานนักผมก็หาเจอได้ไม่อยาก ความสูงที่ค่อนข้างโดดเด่นทำให้ผมมองเห็นเค้าตั้งแต่อยู่ไกลๆ และดูเหมือนเค้าเองก็คงเห็นผมแล้ว ผมเดินตรงไปยังจุดที่เค้ายืนรออยู่ ส่วนพนักงานขับรถของผมก็เดินตามมาอย่างกระชั้นชิด

“นึกว่าจะไม่มาส่งกันซะแล้ว”มันส์พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม ก่อนจะหันไปพยักหน้าทักทายคนขับรถของผม ผมลอบมองไอ้เชษฐ์เล็กน้อย ก็ดีที่มันไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาว่าไม่พอใจ ผมเองก็ยิ้มตอบมันส์อย่างเป็นมิตร

“รับปากแล้วว่าจะมาก็ต้องมาสิ”ผมตอบกลับก่อนจะจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะนึกไม่ออกจริงๆ ว่าการมาส่งแบบนี้ควรจะพูดอะไรดี ผมไม่ค่อยชอบการร่ำลาเท่าไหร่นักหรอกนะครับ ยิ่งใจสถานการณ์แบบนี้ กับการที่จะต้องจากกันน่าจะนานมากทีเดียว กว่าจะได้พบกันอีก แม้วันนี้ผมให้เค้าได้แค่คำว่าเพื่อน แต่กับการที่เพื่อนคนนึงต้องจากเราไปอยู่ไกลแสนไกลและไม่รู้อีกนานแค่ไหนจะได้พบกันอีก มันก็เศร้าเหมือนกันนะครับ และแน่นอนว่าถึงการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันมันจะล้ำหน้าไปมาก แต่เชื่อเถอะว่าระหว่างผมกับมันส์หลังจากวันนี้ไป เราทั้งสองคนอาจจะกลายเป็นแค่คนไม่มีตัวตนในโลกของอีกฝ่ายก็เป็นได้

“ไม่รู้จะพูดอะไรใช่ไหม”เหมือนเค้าเองจะเดาออกว่าผมรู้สึกยังไง ผมเองก็ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“งั้นก็แค่บอกให้เราเดินทางโดยสวัสดิภาพปลอดภัยก็พอแล้ว...”เค้ายังคงพูดอย่างยิ้มแย้มแต่ผมกลับมองว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูจะซ่อนความปวดร้าวไว้ภายใน

“โอเค ขอให้มันส์เดินทางโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัย ว่างๆ ก็แวะกลับมาเยี่ยมกันบ้างหรือไม่ถ้าเราว่างๆ จะไปเที่ยวแล้วมันส์ต้องเป็นไกด์ให้เราด้วยนะ”แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันอาจจะเป็นไปได้ยากที่เค้าจะกลับมาเยี่ยมเยียนหรือผมไปเที่ยวหาเค้า แต่บางทีเราก็ต้องพูดในสิ่งที่มันฟังดูดี ถึงมันอาจจะไม่มีวันเป็นจริงก็ตามที มันส์เองก็ตอบรับในคำพูดของผมเหมือนกัน เค้ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าถ้าหากผมไปเค้าจะพาทัวร์เต็มที่

“ดูแลตี๊ฟดีๆนะครับ ถ้าดูแลไม่ดีผมกลับมาแย่งน้า”เค้าหันไปพูดกับไอ้เชฐ์อย่างทีเล่นทีจริง ซึ่งไอ้เชษฐ์ก็ตอบกลับอย่างมาดมั่นเหลือเกินว่าคงไม่มีวันนั้นแน่นอน นี่ผมกับไอ้เชษฐ์เป็นอะไรกันขนาดนั้นแล้วหรือเนี่ย ตอนนี้เรากำลังเล่นละครหลอกมันส์อยู่ไม่ใช่เหรอ และก็ถึงเวลาที่เค้าประกาศเรียกให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ผมหันมองหน้าไอ้เชษฐ์เลยเพราะว่ามันจงใจขับรถพาผมมาช้าทำให้นี่ผมมาเกือบจะไม่ทันมันส์ขึ้นเครื่องเสียด้วยซ้ำนะเนี่ย ได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยค แต่ก็ยังดีกว่ามาไม่ทันแล้วกัน

“เราต้องไปแล้วนะ”โดยที่ผมไม่ทันจะได้ตั้งตัว สิ้นคำพูดมันส์ก็เข้ามาสวมกอดผม แต่ผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพื่อนกันกอดร่ำลา อย่างที่ผมบอกกับไอ้เชษฐ์ไปนั่นแหละว่ามันเป็นเรื่องธรรดา ผมสวมกอดตอบมันส์แต่โดยดี

“สักวันเราคงเป็นเพื่อนกันได้”คำพูดที่กระซิบข้างหูผมทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย ที่เค้าพูดแบบนี้มันก็หมายความว่าเค้ายังคิดกับผม เหมือนเดิม นี่ถ้าพ่อของมันส์ไม่ขัดขวางเรื่องระหว่างผมกับเค้า ป่านนี้ผมกับเค้าจะยังรักกันอยู่หรือเปล่า ตัวมันส์เองได้ให้คำตอบนี้แก่ผมแล้วว่าเค้ายังมั่นคงเสมอมา แต่ผมนี่สิ

“ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วนิ”ผมตอบกลับไปอย่างเพื่อนคนนึงที่ผมมีให้เค้าได้ในวันนี้ มันส์ค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกจากผม สองมือของเค้าเลื่อนมากุมมือผมไว้ สายตายังคงจ้องมองมาที่ผม

“ถึงตี๊ฟจะเป็นเพื่อนเราแต่ตอนนี้เรายังเป็นเพื่อนกับตี๊ฟไม่ได้หรอก...เราไปนะ”เค้าปล่อยมือจากผมและหันหลังเดินจากไป ผมรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ทำได้เพียงโบกมือลาและยิ้มจางๆ ให้เค้าเท่านั้น และท้ายที่สุดผมก็คงต้องจดจำแผ่นหลังที่ห่างจากผมออกไปเรื่อยๆ

“โอเคไหม”อีกคนที่หลังเหลืออยู่ เดินมายืนเคียงข้างและกุมมือผมไว้ ผมมองไปที่มือเราสองคนที่ประสานอยู่ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปประสานกับสายตาของไอ้เชษฐ์ที่มองผมอยู่แล้ว ผมพยักหน้าให้มันเป็นเชิงบอกว่าผมไม่เป็นไร แม้จะรู้สึกจุกอยู่ที่หน้าอกเล็กน้อยก็ตามที

พอหลังจากส่งมันส์เสร็จผมกับไอ้เชษฐ์ก็ตรงดิ่งกลับคอนโดเลย แม้ไอ้เชษฐ์จะชวนแวะเที่ยวห้างก่อน แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยมีกะจิตกะใจอยากจะเที่ยวสักเท่าไหร่ อยากพักผ่อนเสียมากกว่า ระหว่างทางกลับไอ้เชษฐ์ก็บ่นยังกะหมีกินผึ้งตลอดทางเลย ในเรื่องที่ผมกอดกับมันส์นั่นแหละครับ แต่ผมรู้สึกเหมือนมันแกล้งบ่นไปอย่างนั้นเองนะครับ เพราะผมว่าที่จริงไอ้เชษฐ์ก็คงพอจะเข้าใจว่าระหว่างผมกับมันส์ไม่มีอะไรต่อกันอีกแล้ว

“ขอบใจนะ”พอถึงคอนโดไอ้เชษฐ์ก็หันมาพูดกับผม ผมก็ได้แต่มองหน้ามันงงๆ ว่ามาขอบใจอะไรผม

“งงอีก...ก็ขอบใจที่มึงแค่จับมือกับกอดส่งเค้าเฉยๆ ไม่ได้จูบร่ำลากันไง”คนพูดแสดงอาการหยอกเย้าอย่างเห็นได้ชัด เหมือนแกล้งพูดยั่วผมงั้นแหละ

“แล้วกูจะไปจูบกับเค้าทำไมเล่ามึงนี่ก็นะ”

แวะมาต่ออีกนิดคร๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-01-2015 19:09:21
 :z13:

สงสารมันส์จัง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-01-2015 19:40:47
เริ่มรู้สึกว่าติ๊ฟจะยอมรับเปิด พร้อมที่จะสัมผัส ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลุ้นต่อจร้าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-01-2015 19:51:58
ไปหาเอาข้างหน้าน่ะมันส์ อย่าแวะมาแถวนี้อีกน่ะ อิอิ
เริ่มมีไอรักละมุนๆๆแล้วอ่ะ ชอบๆๆๆๆ
ลุ้นต่อๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-01-2015 19:57:38
พี่เชษฐ์สู้ๆ อธิบายกับติ๊ฟให้เคลียร์ซะทีเถ้อออออ :katai1:
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 08-01-2015 20:44:57
ตี๊ฟเปิดใจได้แล้วมั้ง  :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 08-01-2015 20:55:50
สงสารใครดีนิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 08-01-2015 23:19:48
ว่าแล้วมันส์เอ๋ย  ถึงจะยังรักตี๊ฟอยู่แต่ถ้าตัวเองไม่เคลียร์ทางบ้านยังไงมันก็ไปไม่รอด

ตี๊ฟเปิดใจมั่งแล้วนิดหนึ่งนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-01-2015 10:06:43
วันที่ 29/1

วันนี้เป็นวันที่ผมต้องกลับมาเรียนตามปกติแล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับผมมันเหมือนเป็นสุดสัปดาห์ที่ยาวนานเหลือเกิน ระยะเวลาเพียงแค่สองวันแต่มีเรื่องราวหลายอย่างเหลือเกินที่เกิดขึ้นแบบไม่ให้ผมได้ทันตั้งตัว ซึ่งมันส่งผลมาถึงวันนี้ที่ผมไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะเรียนสักเท่าไหร่ แต่เพื่อนๆ ตัวดีของผมดูพวกมันก็สนุกสนานเหมือนเดิม ซึ่งการเรียนตลอดทั้งวันก็ดำเนินไปอย่างมหาโหด เพราะวันนี้เป็นแรกของสัปดาห์ หลายๆ เรื่องที่ต้องเริ่มต้นใหม่และอีกหลายๆ เรื่องที่คงค้างมาจากสัปดาห์ที่แล้ว แต่สำหรับผมมันก็เหมือนไม่มีอะไรสักเท่าไหร่เพราะยังเหมือนไม่พร้อมจะเรียนเลยทำตัวไร้วิญญาณอยู่ในห้องเรียนจนเลิกเรียน

“ไมดูเนือยๆ ว่ะ เมื่อคืนหนักเหรอว่ะ”ไอ้การ์ดเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนกับผม ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว พวกเราก็รวมกลุ่มกันตรงที่ประจำเป็นปกติ แต่ไอ้น้ำเสียงที่ไอ้การ์ดมันพูดกับผมนี่ทำไมมันแปร่งๆ หว่า คือมันไม่เหมือนถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยจริงจัง แต่มันเหมือนล้อเลียนอะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก

“ไม่มีไรหรอก แค่ยังปรับอารมณ์ไม่ค่อยได้ แบบยังขี้เกียจอยู่”ผมตอบผ่านๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะพยายามจะไม่ต่อปากต่อคำกับไอ้การ์ดสักเท่าไหร่

“เหรอ...กูก็นึกว่าเมื่อคืนจู๋จี๋กันจนดึกเสียอีก วันนี้เลยดูเพลียๆ เป็นพิเศษ”ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมาทำนองนี้ และปกติผมก็คงจะแก้ตัวแก้ต่างให้ตัวเองอย่างใส่อารมณ์กับไอ้การ์ดไปแล้ว แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่มีความรู้สึกว่าจะอยากแก้ตัวอะไรอีกแล้ว คงเพราะผมเริ่มจะชินกับคำพูดพวกนี้เสียแล้ว แม้ในใจผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ทว่าในความเป็นจริง ผมก็เป็นอย่างที่ไอ้การ์ดมันพูดจริงๆ ถึงวันนี้ผมแทบจะไม่ขัดขืนการมีเซ็กส์กับไอ้เชษฐ์อีกแล้ว

“เฮ้ยมึงไม่สบายป่ะว่ะ ทุกทีนี่ต้องโวยวายแทบจะฆ่ากูไปแล้วนะ แต่นี่คุณเพื่อนตี๊ฟกลับสงบปากสงบคำยังกะยอมรับว่าสิ่งที่กูพูดมันคือความจริงงั้นแหละ หือ ว่าไงๆ”ผมเลือกที่จะเงียบแทนการตอบไอ้การ์ดออกไป เพราะการเงียบมันก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ แล้วแต่ใครจะอยากเชื่อในแบบไหน

“เย็นแล้วจะกลับกันเลยหรือเปล่า”ผมเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ เพราะไม่กล้าที่จะยอมรับในความจริงว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์มันไปไกลเกินกว่าที่พวกเพื่อนๆ คิดแล้ว และแน่นอนว่าจะให้ผมปฏิเสธออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำผมก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะมันจะกลายเป็นคำโกหกของผมนั่นเอง

“ก็รอที่รักมึงก่อนไง แหมๆ ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องนะไอ้ตี๊ฟ”เหมือนการพยายามจะเฉไฉไปเรื่องอื่นของผมจะไม่เป็นผล แล้วนี่ผมต้องนั่งรอไอ้เชษฐ์ให้พวกเพื่อนๆ มานั่งจับผิดผมอย่างนี้หรือ

“งั้นกูไปห้องน้ำก่อนแล้วกันเดี๋ยวมา”ผมยังคงทำเหมือนไม่ใส่ใจในคำพูดของเพื่อนๆ พร้อมกับพยายามหาทางเลี่ยงเนื่องจากหากอยู่ต่อไป ก็มีแต่จะโดนต้อนให้จนมุม ซึ่งผมเองก็กำลังสับสนกับตัวเองเหมือนกันว่าตกลงทำไมผมถึงเกิดความรู้สึกอย่างที่เพื่อนๆ พยายามยุแยงให้เกิดกับไอ้เชษฐ์

“ตี๊ฟ”ก่อนที่ผมจะได้ออกก้าวเดินหนึ่งเสียงก็เรียกผมเอาไว้ก่อน ทำให้ผมต้องหันกลับไปยังเสียงนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน อีกหนึ่งคนในบทสนทนาของเพื่อนๆ นั่นเอง ผมเพียงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรกับผมหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปตรงๆ

“จะไปไหน”น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะแข็งๆ หน่อยๆ ทำเอาผมแปลกใจไม่น้อยว่าอยู่ดีๆ ไอ้เชษฐ์มันทำไมมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เพราะมันเหมือนอาการของคนที่ไม่พอใจอะไรสักอย่างอยู่ นี่ผมไปทำอะไรให้มันไม่พอใจหรือเปล่านะ เอะว่าแต่ทำไมผมต้องใส่ใจด้วยเล่า ถ้ามันจะอยากไม่พอใจก็ปล่อยมันไปเถอะ แต่ไม่สิคนเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันบ้าง ไม่ๆๆ ช่างมันเหอะไว้ค่อยไปคุยกันที่คอนโดก็ได้มั้ง

“ไปห้องน้ำ ทำไม”ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ เล็กน้อยเพราะรู้สึกไม่พอใจมันเหมือนกันที่มาเสียงแข็งใส่ผม

“ไปเป็นเพื่อนไหม”คำพูดต่อมาของมันก็สร้างความแปลกใจให้ผมอีกเมื่อน้ำเสียงของคนพูดได้เปลี่ยนไป เหมือนจะเป็นอาการที่สำนึกผิดอยู่กลายๆ หรือว่าที่มันเรียกผมในตอนแรกมันคิดว่าผมจะไปไหน หรือไปทำอย่างอื่นอย่างนั้นหรือไงกันนะ

“ไม่ต้องหรอก กูไม่ใช่เด็กๆ นะจะได้ต้องให้ไปเป็นเพื่อน”ผมปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหน่าย    เพราะถ้าไปด้วยกันไอ้พวกเพื่อนๆ ก็พร้อมจะเป่าปากแซวได้ตลอดเวลาแบบนี้ มีหรืองานนี้จะพลาด เสียงแซวดังซะยังกะเหมือนจะจัดงานอะไรสักอย่าง ทำให้ผมต้องรีบเดินออกจากกลุ่มโดยไว


บรรยากาศยามเย็นตอนนี้แม้จะไม่ได้เย็นอะไรมาก แต่มันก็เงียบอยู่พอสมควร เพราะคนส่วนใหญ่ทยอยกลับบ้านกันแล้ว ห้องน้ำจึงดูวังเวงชอบกล แม้ผมจะไม่ใช่คนกลัวผี แต่บรรยากาศมันก็ให้เหลือเกิน นี่มันไม่มีใครจะมาเข้าห้องน้ำบ้างหรือไงนะ ผมชักลังเลว่าจะเข้าดีหรือไม่ดี จากที่ตอนแรกกะว่าจะหาทางแยกตัวจากเพื่อนๆ เฉยๆ แต่ตอนนี้ผมเหมือนจะปวดฉี่จริงๆ เสียแล้ว อั้นไว้ก็คงไม่ไหว กะเลยตัดสินใจไม่อั้นไว้น่าจะดีกว่า ระหว่างที่ผมยืนอยู่ที่โถฉี่ก็รู้ได้ว่ามีคนเดินเข้ามาและยืนถัดจากผม ไปสองสามโถ แต่ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่พอผมเสร็จธุระ และกำลังจะตรงไปยังอ่างล้างมือ ก็ทำให้ผมเห็นบุคคลที่อยู่ในห้องน้ำตอนนี้กับผม

“จะไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ”บุคคลที่หันหน้าขึ้นมาประสานกับผมเอ่ยถามทั้งๆ ที่ตัวเค้าเอง ยังไม่เสร็จธุระเสียด้วยซ้ำ

“สบายดีเหรอ”ผมเดินเลยผ่านพร้อมกับถามออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะหยุดตรงกระจก เปิดน้ำเพื่อล้างมือ ทำไมการได้เจอกันแบบนี้ถึงทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ กันนะ มันเป็นความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนความไม่เป็นมิตรในตัวเค้ามันแผ่ออกมาให้ผมสัมผัสได้อย่างไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

“ทำไมเย็นชาแบบนี้ละที่รัก”เจ้าของเสียงเข้ามากระชากผมจากด้านหลังให้หันหน้าประจันกับเค้า ดีที่ผมไม่เสียหลักล้มหัวฟาดพื้นไปเสียก่อนนะเนี่ย

“เราไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นกันแล้วไม่ใช่เหรอมาบ”ผมบอกออกไปเสียงราบเรียบ แบบพยายามตั้งสติไว้ให้มั่นแม้ในใจจะหวั่นๆ เหมือนกันเพราะไม่รู้ว่ามาบเองจะมาไม้ไหนกับผมกันแน่ แม้จะไม่มั่นใจนัก แต่ผมก็ไม่คิดว่าผมจะบังเอิญขนาดต้องมาเจอกับเค้าที่นี่

“มีผัวใหม่แล้วทำเป็นลืมผัวเก่าเหรอที่รัก”น้ำเสียงที่ออกจะเหยียดๆ นั้นเล่นเอาผมเหมือนจะเลือดขึ้นหน้าทีเดียว แม้ผมจะไม่ใช่คนดีขาวสะอาดอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดจากแบบนี้กับผม แล้วยิ่งเป็นคนที่ครั้งนึงผมเคยมีความรู้สึกดีๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้ผมอยากจะถามตัวเองเหลือเกินว่า เคยคบหากับไอ้ผู้ชายคนนี้ไปได้ยังไง แต่ก็ช่างเถอะเค้าก็ไม่ได้บังคับให้ผมไปเป็นแฟนเค้าเสียหน่อยนี่นา ผมจะพยายามนึกถึงเรื่องดีๆ ที่เคยมีด้วยกันมาแล้วกัน พอคิดแบบนี้ตัวผมเองก็จะได้ไม่รู้สึกโกรธเคืองอะไรในตัวมาบ คิดเสียว่าวันนี้ก็ได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าแล้วกัน

“ถ้าไม่มีอะไรเราขอตัวนะ”ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบออก เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำให้มากความ หากผมต่อความยาวสาวความยืดก็คงจะยิ่งไปกันใหญ่ ต่อไปคงแทบมองหน้ากันไม่ติด แม้ว่าตอนนี้มันก็เกือบจะเป็นแบนั้นอยู่แล้วก็เถอะ แต่อย่างน้อยๆ ผมกับเค้าก็เคยคบกันก็ไม่อยากที่จะต้องมาบาดหมางใจอะไรกันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก

“จะรีบไปไหนละที่รัก”แรงกระชากที่มาพร้อมกับคำพูดนั้นทำให้ผมเสียการทรงตัวไปพอควร และผมเองก็ไม่ได้ตั้งตัวว่าจะมีใครมากระชากแขนแบบนี้ทำให้ผมถูกผลักเข้าหาผนังห้องอย่างจัง และถูกตามประกบด้วยร่างของมาบ ผมยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกหวั่นๆ เสียแล้ว นึกภาวนาให้มีใครสักคนเข้ามาใช้ห้องน้ำตอนนี้จริงๆ เผื่อผมจะได้หลุดไปจากสถานการณ์บ้าๆ นี่ไปให้พ้นๆ เพราะไม่รู้มาบจะมาไม้ไหนอะไรยังไงกับผมอีก

“ปล่อยเถอะมาบ”ผมยังคงทำใจเย็น เพราะคิดว่าถ้าแสดงปฏิกิริยาต่อต้านมากไป มันอาจจะยิ่งเลยเถิดและผมเองก็สู้แรงไอ้คนตรงหน้านี่ไม่ได้อยู่แล้ว

“ที่รักลืมคืนวันที่เราเคยมีด้วยกันแล้วเหรอ”แม้จะเป็นประโยคที่อาจจะฟังดูดีแต่สีหน้า แววตาและน้ำเสียงของคนพูดที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ มันไม่ได้แสดงออกถึงการที่อยากจะระลึกถึงช่วงวันเวลาที่ดีที่เคยมีร่วมกันแม้แต่น้อย มันเหมือนเป็นคำพูดประชดประชัน ที่เต็มไปด้วยการอยากจะทำลายผมเสียมากกว่า ถึงตอนนี้ผมว่าผมเริ่มรู้เจตนาของมาบแล้ว

“อดีตมันก็คืออดีตนะ เราควรจะอยู่กับปัจจุบันไม่ดีกว่าเหรอ ในเมื่อตอนนี้เราทั้งสองต่างคนก็ต่างมีทางเดินเป็นของตัวเองแล้ว จะมารื้อฟื้นอะไรอีกละ”ผมพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกหวาดกลัวบุคคลตรงหน้านี้ไว้ ยอมรับว่าผมมีความรู้สึกกลัวเค้าขึ้นมาเสียแล้ว

“ก็เข้าใจว่าระหว่างเรามันเป็นอดีต...แต่ตอนนี้เรามีคนอื่นอีกที่อยากลองเริ่มต้นกับตี๊ฟดู”คำพูดที่ดูแปลกไปพร้อมกับเสียงประตูเปิดออก แว๊บแรกผมรู้สึกดีใจแต่เมื่อหันไปมอง และเห็นว่าผู้มาใหม่นั้นเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกับมาบเป็นอย่างดี อาการดีใจของผมเลยลดลงเหลือศูนย์เหมือนเช่นเคย

“เข้ามาสิไอ้เกียรติ นี่ไงคนที่มึงบอกอยากจะลิ้มลองสักครั้ง”คำพูดต่อมาของมาบเล่นเอาผมต้องหันควับมองหน้าเค้า สลับไปมากับชายหนุ่มอีกคนที่เข้ามา ดูเค้าเป็นคนไม่น่าจะร้ายกาจเท่าไรนัก แต่นั่นมันแค่ลักษณะภายนอก เพราะอีกไม่กี่อึดใจต่อมาผมก็ได้รู้ว่าแท้จริงเค้าเป็นเช่นไร

“แคว๊ก!!!” เสียงเสื้อเชิ๊ตสีขาวของผมถูกกระชากโดยชายหนุ่มที่ผมไม่คิดว่าจะเป็นคนร้ายกาจในตอนแรก แต่ตอนนี้ผมว่ามันเหมือนพวกโรคจิตเสียมากกว่า

“ไอ้เชี่ย พวกมึงจะทำไรกู”ผมตะโกนแหกปาก พร้อมกับพยายามดิ้นสุดแรงเกิด ถีบได้เป็นถีบซึ่งก็ได้ผลเพราะไอ้เกียรติไม่ได้ระวังตัวเลยโดนเท้าผมเข้าไปเสียเต็มท้อง คงจุกไม่น้อย

“ฤทธิ์เยอะนักนะมึง...ชอบซาดิสม์ก็ไม่บอกกูจะได้จัดให้ แบบนี้สิเข้าทางกูเลย”สิ้นคำพูดฝ่ามือของไอ้เกียรตินั้นก็ประทับลงมาบนใบหน้าผมแบบไม่มีการออมแรง ผมรู้สึกว่าหน้าชาไปทั่วพร้อมกับรสชาดของน้ำสีแดงที่ผมต้องบ้วนทิ้ง ตอนนี้ผมเล็งเห็นแล้วว่าไม่น่าจะสู้แรงสองคนนี้ได้ แต่จะพูดดีๆ มันสองคนกะคงไม่ฟัง แล้วเพื่อนๆ ผมมันไม่คิดว่าจะมีใครมาตามผมบ้างหรือไง นะ นี่ผมก็หายมานานพอควรแล้วเหมือนกัน จะมีใครสักคนนึกห่วงผมบ้างไหมนิ

“เต็มที่เลยไอ้เกียรติ แล้วมึงจะติดใจจนลืมตี๊ฟไม่ลง จริงไหมจ๊ะ”คำพูดที่ดูจะเหยียดหยามนั้นออกมาจากปากของคนที่ผมเคยมีความรู้สึกดีๆให้ นี่หรือคือคนที่ผมเคยคบด้วย แท้ที่จริงเค้าเป็นคนแบบนี้เองหรอกหรือ นิ้วเรียวของเค้ากรีดกรายไปตามริมฝีปากผมที่มีสีแดงจากเลือดไหลออกมาจากการถูกฝ่ามือเมื่อสักครู่

“มาบทำไมมึงเพิ่งจะพามาให้กูเชยชมว่ะ ขาวๆ แบบนี้มันน่ากลืนกินไปให้หมดทั้งตัวจริงๆ เลยว่ะ”คำพูดและท่าทีที่แสดงออกมาทำให้ผมรู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก นี่ผมต้องโดนได้โรคจิตนี่ย่ำยีจริงๆ หรือนี่
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 28 [08-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-01-2015 10:09:56
วันที่ 29/2


“คงไม่ว่านะถ้ากูจะขอดูลีลามึงหน่อย”ตอนนี้มือผมถูกพันธนาการด้วยเศษเสื้อเชิ๊ตของผมเองที่ถูกฉีกจนไม่เหลือชิ้นดี ผมเหลือบมองมาบด้วยสายตาที่ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก นี่เค้าคิดจะทำแบบนี้กับผมจริงๆ หรือ เพื่ออะไรกันละ เค้าจะทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ส่วนไอ้เกียรตินี่ผมว่ามันก็โรคจิตดีๆ นี่เอง

“อื๊อ...”ผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบเมื่อริมฝีปากของไอ้เกียรติประกบลงมาที่ริมฝีปากผม มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยาย ทั้งขยะแขยง ทั้งสมเพช แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนได้มากนักเมื่อมือก็ถูกมัดด้วยเสื้อของผมเอง ส่วนสองขาผมก็กำลังจะถูกมัดด้วยเน็กไทด์ ด้วยน้ำมือของคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นแฟนผม

“เลือดของคนน่ารักนี่มันช่างหอมหวานเสียจริงๆ” ไอ้นี่มันต้องเข้าขั้นบ้าไปแล้วแน่ๆ และพอได้จังหว่ะที่มันถอนริมฝีปากออกจากผม หลังจากที่พยายามสอดลิ้นเข้ามาในปากผม แต่ไม่เป็นผล และตอนนี้ผมทำในสิ่งที่ผมพอจะทำได้ นั่นคือถุยน้ำลายใส่หน้ามัน แม้จะเป็นสิ่งที่อาจจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรมากนัก แต่มันก็เพิ่มความสะใจให้ผมได้ไม่น้อย

“โฮะๆๆ ชอบแบบนี้ก็ไม่บอกจะได้จัดให้”พอสิ้นคำพูดลิ้นสากๆ ของไอ้เกียรติก็เริ่มลากไปกับลำตัวผมก่อนจะมาวนเวียนที่บริเวณยอดอก ซึ่งมันอาจจะคิดว่าจะกระตุ้นอารมณ์ผมหรืออย่างไรไม่รู้ แต่มันได้สร้างความรู้สึกขยะแขยงให้ผมอีกเป็นทวีคูณ

“ไอ้โรคจิตเอ้ย”ผมสบถออกมาอย่างเสียไม่ได้ และก็ได้ผลซึ่งไม่รู้ว่าผลดีหรือผลร้ายต่อผมกันแน่ เมื่อสายตาของไอ้เกียรติที่ดูจะโรคจิตอยู่แล้ว มันกลายเป็นเหมือนพวกที่กู่ไม่กลับแล้วเข้าไปอีก

“มึงว่าใครไอ้โรคจิต”สองมือของไอ้เกียรติบีบกรามผมแน่นด้วยความโมโหนี่ผมคงไปกระตุ้นถูกต่อมมันเข้าให้แล้ว ตกลงว่าไอ้นี่มันโรคจิตขนานแท้เลยหรือไงว่ะเนี่ย แล้วมันยังอยู่ในสังคมปกตินี่ได้ยังไงกันนะ

“มึงว่ากูโรคจิตเหรอ”ฝ่ามือที่ฟาดลงบนหน้าผมจนหันกลับไปมาแทบไม่ทัน นั้นมันแทบจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ผมเลย เพราะตอนนี้หน้าผมมันแทบจะชาไปทั่วทั้งใบหน้าแล้ว นี่ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กันนะถึงต้องมาเจอไอ้พวกเดนนรกนี่

“เฮ้ยใจเย็นๆ เพื่อน เดี๋ยวก็ช้ำก่อนได้ลิ้มลองกันพอดี”ผมช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำพูดด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเต็มที่ ผมไม่คิดเลยว่ามาบจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้

“ขอถามสักคำถามได้ไหมมาบ”ผมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะปากผมก็บอบช้ำไปพอควร แถมมีเลือดซิบๆ อีกต่างหาก

“ได้สิจ๊ะที่รัก จะถามอะไรว่ามาเลย”ดูเค้าจะมีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำเหลือเกิน ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ผมกำลังอยากถามเค้าว่า เค้าทำแบบนี้ทำไมกัน ผมเคยทำอะไรให้เค้างั้นหรือ แรกเริ่มทีเดียวเค้าบอกเลิกผม แล้วก็มาอ้างว่าแค่คิดจะลองใจผม แต่สิ่งที่ผมได้ยินเค้าพูดกับเพื่อนในเรื่องที่กล่าวถึงผม มันไม่ใช่สิ่งที่คนที่กำลังคบกันจะพูดถึงอีกฝ่ายเช่นนั้น และผมเองก็มีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอที่จะเลือกไม่สานสัมพันธ์กับเค้าต่อไป ถ้าเหตุผลเพียงแค่นี้มันทำให้เค้าต้องทำถึงเพียงนี้ ก็แสดงว่าผมเองนี่ช่างโง่เขลาหลวมตัวเคยคบกับเค้ามา

“ว่าไงละที่รัก”เมื่อผมไม่ได้ถามออกไปอย่างที่พูดออกไป เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งที่สองคนนี้กำลังจะทำเสียมากกว่าทำให้ เค้าต้องถามผมกลับมาอีกรอบ

“ทำแบบนี้ทำไม”ผมถามออกไปอย่างราบเรียบ จริงๆ ก็ไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรมากนักหรอกครับ แต่แค่ต้องการยื้อเวลาไว้โดยที่ยังหวังว่าจะมีใครมาตามผมบ้าง

“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอที่รัก”น้ำเสียงที่เล่นทีจริงที่ไม่ได้ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เค้าทำต่อผมเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เหมือนว่าความหวังว่าจะมีใครมาช่วยผมได้ทันมันลดน้อยลงไปอีก เพราะถ้าเค้ายังมีอะไรมาตอบในเรื่องที่ผมถามมากกว่านี้มันอาจจะยืดเวลาออกไปได้บ้าง แต่นี่เปล่าเลย

“จะให้กูได้ลิ้มลองหรือยังว่ะไอ้มาบ นี่กูแทบอยากจะขย้ำเหยื่อของกูให้แหลกคามือแล้วเนี่ย”น้ำเสียงหื่นกระหาย เหมือนกับพวกวิตถารในหนังโรคจิตไม่มีผิดเพี้ยนเล่นเอาผมแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอดจะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องที่จะเกิดต่อไปนับจากนี้ นี่คงเป็นเรื่องที่อัปยศที่สุดในชีวิตผมที่ได้ประสพพบเจอมา

เข็มขัดผมค่อยๆ ถูกบรรจงแกะอย่างใจเย็น แม้จะไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนได้เลย พลันสายตาผมก็เห็นบางอย่างที่ไม่คาดคิดว่าสองคนนี้มันจะทำ ผมแทบอยากจะกรีดร้องออกมาเมื่อน้ำตาเทียนที่ร้อนแสนร้อน หยดลงบนผิวหนังของผม ไอ้พวกโรคจิตนี่มันเห็นผมเป็นอะไรกันเนี่ย

“ช่วยด้วย!!!!”ผมตะโกนออกแทบจะสุดเสียง นี่ทำไมผมโง่อยู่ตั้งนาน ปากก็ไม่ได้โดนมันปิดเสียหน่อย แล้วทำไมผมไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือกันเล่า แต่ทว่าไอ้สองตัวนี่กลับหัวเราะเยาะในสิ่งที่ผมทำ นั่นเพราะห้องน้ำจุดนี้ค่อนข้างอยู่ในที่ลับตาไม่ค่อยมีใครมาใช้และนี่ยิ่งเป็นช่วงเย็นไม่ค่อยมีคนอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้วด้วย

“ร้องได้ร้องไปเลย เพราะคงไม่มีใครหน้าไหนตามมาช่วยได้หรอกมั้ง ฮ่าๆ”สองเสียงจากสองคนที่กำลังช่วยกันถอดกางเกงผมออกหัวเราะอย่างมีความสุข ซึ่งแตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ผมเริ่มมองไม่เห็นทางรอดเสียแล้ว

“โอ๊ย”ผมร้องออกมาด้วยอาการเจ็บปวดพร้อมกับสะดุ้งแทบสุดตัว เมื่อรับรู้ได้ว่ายอดอกสีชมพูของผม โดนกัดเข้าอย่างแรง สมองผมเริ่มเบลอ พร้อมกับรู้สึกน้ำตามาคลอที่เบ้าตาเรียบร้อยแล้ว แต่ผมพยายามจะสกัดกั้นไว้ แม้ผมจะไม่มีทางสู้แต่ผมจะไม่แสดงออกให้สองตัวนี้มันเห็นเด็ดขาด ว่าผมอ่อนแอ

ผมไม่เข้าใจว่าการที่มันสองคนทำแบบนี้ มันไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาบ้างเลยเหรอ มันคิดว่าพอเมื่อทำกับผมไปแล้วอย่างที่มันคิดจะทำ พอสำเร็จเรื่องมันก็จะจบลงอย่างนั้นหรือ มันไม่คิดบ้างหรือไงว่าผมจะเอาเรื่องพวกมันหรือเปล่า หรือพวกมันไม่คิดว่าจะปล่อยให้ผมได้มีโอกาสรอดไป เอาผิดพวกมันได้ แต่ถ้าแบบนั้นมันก็จะเกินไปที่ มันจะทำร้ายผมถึงขั้นกับเสียชีวิต พวกมันคงไม่ทำขนาดนั้นหรอกมั้ง ตอนนี้ผมเริ่มปลอบใจตัวเอง เพราะเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสองคนนี้จะบ้าได้ขนาดไหนกันแน่

“ไม่ดิ้นแล้วเหรอหือ”เมื่อเห็นผมไม่ได้แสดงอาการขัดขืนทำให้ไอ้เกียรติหันมาเริ่มสนใจอาการนิ่งของผมเล็กน้อย พร้อมกับปลายนิ้วที่ วนไล้ไปบนใบหน้าของผม

“ว่าไงละหือ”เมื่อผมไม่ตอบทำให้อีกฝ่ายต้องถามย้ำอีกครั้ง แต่ผมเลือกที่จะนิ่งเฉย และดูเหมือนการกระทำเช่นนี้ของผมจะไปกระตุ้นต่อมอะไรของไอ้เกียรติเข้าให้อีกแล้ว เพราะมันหยุดการพยายามถอดกางเกงผม แล้วหยิบเทียน มาวางบนตัวผมอีกครั้ง พร้อมกับค่อยๆ ให้น้ำตาเทียนหยดลงบนผิวหนังของผม ซึ่งแม้จะเจ็บปวดแสบปวดร้อนแต่ผมก็ยังพยายามทำเป็นนิ่ง  ไม่แสดงอาการออกมา

“ไม่มีความรู้สึกหรือไง...ตายด้านแล้วเหรอจ๊ะที่รัก”มาบขยับมาพูดกระซิบข้างหูผม ด้วยน้ำเสียงที่ยังเย็นยะเยือกเหมือนเดิม

“ต่อเลยไอ้เกียรติอยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างตี๊ฟ จะสวยงามขนาดไหนในเวลาที่กำลังมีเซกส์โดยเฉพาะการมีเซกส์ที่แตกต่างกับมึง”แม้จะพยายามไม่รับรู้แต่บทสนทนาทุกอย่างมันก็เข้ามาในโสตประสาทของผมทั้งหมด เซกส์ที่แตกต่างงั้นเหรอ มันก็คือการที่ผมต้องโดนไอ้โรคจิตสองคนร่วมมือกันสร้างตราบาปในชีวิตให้แก่ผมนั่นเอง

จากการกระทำแล้วไอ้เกียรตินี่คงไม่ใช่จะเพิ่งเคยทำร้ายใครแบบนี้เป็นครั้งแรกแน่นอน แต่ก็น่าแปลกที่มันยังอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ หรือว่าคนที่เคยโดนมันทำร้ายไม่มีใครคิดจะเอาเรื่องเอาราวกับมันเลยหรืออย่างไร แล้วผมละ หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ถ้าผมไม่โดนฆาตกรรมหมกส้วมเสียก่อน เหมือนในหนังพวกแนวๆ พวกนี้ หากพวกมันยังปล่อยให้ผมมีชีวิตรอดต่อไป ผมจะทำยังไงกับชีวิตของผมหลังจากนั้น ผมจะไปแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับพวกมันไหม ถ้าเรื่องถึงตำรวจก็เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตแน่นอน ซึ่งทางเลือกนี้ถ้าพ่อแม่ผมรู้ แน่นอนมันต้องเป็นทางเลือกนี้อยู่แล้ว

เมื่อก่อนกฎหมายที่คุ้มครองผู้ที่ถูกข่มขืนหรือทำร้ายร่างกายอาจจะเห็นชัดแค่ในส่วนของผู้หญิง แต่ทุกวันนี้ผู้ชายที่โดนข่มขืนก็สามารถที่จะได้รับความคุ้มครองในตรงนี้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าผมไม่เลือกทางนี้ละ ผมจะเลือกที่จะเงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไหม แล้วทั้งสองคนนี้มันจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดกับใคร ยังไงบ้างละ

คิดๆ ไปมันก็รู้สึกจุกที่อกขึ้นมาเฉยๆ ตอนนี้ผมคิดถึง พ่อ แม่ พี่ชายผม หากพวกเค้ารับรู้ว่าผมต้องพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนอย่างไรเสียเรื่องนี้มันคงลบไปจากใจผมได้ไม่ง่ายแน่ๆ แล้วพวกเค้าจะเป็นทุกข์ร่วมไปกับผมมากขนาดไหนกัน แค่คิดก็เหมือนน้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้มันจะไหลออกมาเสียให้ได้

“ร้องเลย ไม่ต้องกลั้นไว้ รู้ไหมว่าหยดน้ำตามันสวยงามแค่ไหน มันช่างเป็นสิ่งที่สวยงามเหลือเกินมันเหมือนกับแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด ความเจ็บปวดมันเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้แก่กูเหลือเกิน มึงเห็นไหมไอ้มาบ”น้ำเสียงไอ้โรคจิตนี้พร่ำพูดพร้อมกับใช้ลิ้นสัมผัสกับน้ำตาผมที่เริ่มไหลออกมาอย่างสุดกลั้น

เสียงหัวเราะน้อยๆ ของมาบ เปล่งออกมาเบาๆ เหมือนเป็นการสมน้ำหน้าผม ตอนนี้ในใจผมเริ่มคิดถึงอีกคน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้เชษฐ์ อยู่ๆ ผมก็นึกถึงมันขึ้นมาก่อนมานี่มันเป็นคนอาสาจะมาเป็นเพื่อนผม นี่ถ้าผมปล่อยให้มันมาเป็นเพื่อนสถานการณ์ในตอนนี้อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กำลังจะเป็นก็เป็นได้

“ตี๊ฟ ๆ...อยู่ในนั้นหรือเปล่า”หนึ่งเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูด้านทางเข้ามาในห้องน้ำ ทำให้ทั้งไอ้เกียรติ มาบ และผมมีความรู้สึกและแสดงอาการไปกันคนละแบบ



และแล้วมาบก็กลับมาอีกครั้ง เหอๆ

ของวันที่ 29 แบ่งลง สองช่วงวันนี้และครึ่งหลังลงพรุ่งนี้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 09-01-2015 10:54:55
 โอ่ยยย~ จะช่วยทันไหมนิ.. :katai1: :katai1:

ไอ้โรคจิตตตตตตต!!!  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 09-01-2015 12:00:07
พระเอกมาแล้วโว๊ยยยยยย :m31:
ไอ้พวกชั่วๆหลบไป!!!!!! :z6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-01-2015 12:47:33
มาให้ทันนะเชษฏ์ ซัดพวกมันให้คางเหลืองไปหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลเลยเชษฏ์ เรียกการ์ดกับเพื่อนๆมาให้หมดเลย แบบนี้ต้องรุมสกรัมด้วยกำปั้นกับตีน

ไอ้มาบกับเพื่อนต้องเคยทำมาแล้วและต้องมีโจทก์เยอะแน่ๆ ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ให้หมดอนาคตถ้าหากว่าพวกมันยังไม่สำนึก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 09-01-2015 13:58:04
อ้ากกกกค้างงงเชษฐ์หรือการ์ดเนี่ยมาเคาะเรียก
พังเข้าไปเลยจร้าเดี๋ยวตี๊ฟเสร็จมันซะก่อน :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 09-01-2015 14:56:05
ไอ่มาบนี่มันเลวจิงๆ จัดหนักๆไปเลยเชษ  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-01-2015 15:15:37
ทำไมมาบเลวอย่างนี้ล่ะเห็นตี๊ฟเคยยอมใช่มั้ย
สงสัยว่าตอนแรกทำไมมาบถึงบอกเลิกกันล่ะ
ทำไมไม่ทำโรคจิตตอนที่ยังคบเป็นแฟนกัน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-01-2015 16:38:06
กระทืบแม่งเลย เอาให้หยอดน้ำข้าวต้มสักเดือน :angry2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 09-01-2015 17:13:12
กระทืบเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-01-2015 20:07:47
เชรษฐ์เหยียบมาบให้จมตีนไปเลย
ค้างอย่างแรง ทำกันได้ มาลงเตอะ
ลุ้นต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-01-2015 20:21:20
ตอนที่ 29/3

มาบมีอาการตระหนกอยู่พอสมควร ส่วนไอ้เกียรตินั้นเพียงแค่ชะงักไปเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับผมเสียงคนที่เรียกมันเหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืด และไวเท่าความคิด

“ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยย”ผมตะโกนสุดแรงเกิดและเสียงผมก็ได้ทันเล็ดลอดออกไปก่อนที่ไอ้โรคจิตจะเอาผ้ามายัดปากผม ตอนนี้ผมทำได้เพียงแค่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ

“เฮ้ยมึงเป็นอะไรหรือเปล่าว่ะไอ้ตี๊ฟ”ผมอยากตะโกนกลับออกไปบอกเหลือเกินแต่ตอนนี้ผมตอบไม่ได้แล้ว เสียงของคนที่จะเป็นแสงสว่างให้แก่ผมนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือไอ้การ์ดนั่นเอง แม้ในใจผมอาจมีความหวังเล็กๆ ว่าไอ้เชษฐ์ควรเป็นคนมาช่วยผม แต่ตอนนี้มันคงไม่สำคัญเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ได้แล้วละสำหรับผมในตอนนี้

“ไอ้มาบมึง ไปจัดการสิ ฟังแล้วมันน่าจะมาแค่คนเดียว แค่นี้มึงจัดการได้นะ”เสียงไอ้โรคจิตสั่งอย่างใจเย็น ส่วนไอ้การ์ดที่อยู่ด้านนอกก็ยังตะโกนเข้ามาอย่างรอคอยคำตอบจากผม แต่มันจะมัวรีรออะไรกันเล่า จะทำอะไรก็ทำสักอย่างเหอะ ก่อนที่พวกนี้มันจะยัดผมลงชักโครก

“ไม่เป็นไรแน่เหรอว่ะมึง”มาบดูเหมือนจะมีอาการตื่นตระหนกอยู่ในทีแสดงว่านี่คงเป็นการกระทำครั้งแรกอย่างแน่นอนแต่ส่วนไอ้เกียรตินี่น่าจะเป็นมืออาชีพเลยก็ว่าได้เพราะดูมันนิ่งเหลือเกิน

“เฮ้ยไอ้ตี๊ฟถ้ามึงไม่ตอบกูพังประตู้เข้าไปแล้วนะโว้ย”ผมกำลังรอให้มันทำเช่นนั้นอยู่ ว่าแต่ไอ้การ์ดหนึ่ง ต่อไอ้สองคนข้างในนี่ ไอ้การ์ดมันจะสู้ไหวหรือเปล่าเนี่ย เพราะดูไอ้โรคจิตนี่มันกำลังมั่นใจเหลือเกินว่าไอ้การ์ดจะไม่มาเป็นตัวขัดขวางภารกิจของมันแม้แต่น้อย แล้วถ้าเกิดไอ้การ์ดมันเสียท่าพลาดพลั้งขึ้นมา มันไม่ต้องมาเป็นแขกกิติตมศักดิ์ชมการแสดงของนักแสดงจำเป็นอย่างผมหรอกหรือนี่

เสียงเหมือนอะไรบางอย่างกระแทกประตูดังขึ้น สงสัยไอ้การ์ดคกำลังจะพังประตูเข้ามาอย่างแน่นอน แค่นี้ผมก็รู้สึกอุ่นใจแล้วว่าผมอาจจะไม่ต้องโดนไอ้พวกโรคจิตนี่ทำอะไรก็เป็นได้ สายตาผมจดจ้องมองไปทางประตูอย่างมีความหวัง ถึงแม้ว่าไอ้การ์ดอาจจะมาคนเดียว แต่ผมก็ยังอุ่นใจได้อยู่เพราะเพื่อนผมคนนี้เรื่องท้าตีท้าต่อย ไม่ได้เป็นรองใครนัก

“เฮ้ยไอ้มาบท่าทางหง๋อๆ แบบนั้นมึงจะสู้มันได้หรือเปล่า...เอ้านี่เครื่องทุ่นแรง”ไอ้เกียรติพูดพร้อมกับยื่นท่อเหล็กขนาดพอเหมาะท่อนนึงให้กับมาบ ผมมองตามพร้อมใจหายวาบ อยากจะตะโกนบอกไอ้การ์ดเหลือเกินว่าให้ระวังตัว เพราะถ้าเปิดประตูเข้ามาแล้วโดนท่อนนี้ฟาดเข้าไปคงไม่ดีแน่ๆ

และก็ไม่ต้องรอให้ผมได้ตั้งสตินานเสียงชนประตูดังสนั่นพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก โชคดีประตูมันเป็นแบบที่เปิดเข้ามาด้านใน ทำให้คนด้านนอกมีโอกาสตั้งตัวในขณะที่คนด้านในต้องถอยตั้งหลัก ตอนนี้ไอ้เกียรติมันลากผมยืนชิดผนังพร้อมกับมองคนที่เพิ่งเข้ามาด้วยสายตาที่ราบเรียบ มาบดูจะประม่าอยู่คาดว่าคงไม่ถนัดเรื่องชกต่อยเท่าไหร่

ส่วนไอ้การ์ดหันมาสบตาผมด้วยอาการค่อนข้างตกใจประหลาดใจ ว่าทำไมผมมีสภาพเช่นนี้ ตอนนี้เหมือนทุกอย่างหยุดหมุนไปชั่วขณะ ทุกคนต่างนิ่ง แต่นิ่งด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป

“พวกมึงทำอะไรเพื่อนกู”เสียงตะโกนของไอ้การ์ดดังจนน่าตกใจ ไอ้การ์ดหันไปมองมาบที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะประเคนหมัดเข้าใส่ เพียงแค่หมัดเดียว มาบก็ลงไปนอนแน่นิ่ง นี่เพื่อนผมมันแรงเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าเป็นมาบเองที่ใจเสาะ เพราะท่อนเหล็กที่ไอ้เกียรติส่งให้มาบ ไม่ได้ช่วยอะไรมาบเลย

“อย่าเข้ามานะมึง ถ้ามึงเข้ามากูแทงไอ้นี่ไส้แตกแน่”เสียงที่ยังคงราบเรียบของไอ้เกียรติ พูดพร้อมกับจิ้มอะไรแหลมๆ บางอย่างมาที่เอวผม ซึ่งผมไม่ทันสังเกตว่ามันเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้อยากจะตะโกนบอกไอ้การ์ดเหลือเกินว่าให้มันเข้ามาเลย เพราะเห็นฝีมือที่ไอ้การ์ดต่อยมาบแบบหมัดเดียวจอดแล้ว คิดว่าไอ้โรคจิตเสียงเรียบนี่ก็ไม่น่าจะ สู้ได้หรอกน่า แต่ตอนนี้ปากผมมันมีผ้ายัดปากอยู่นี่แหละ

“ไอ้เชี่ย...เพื่อนกูไปทำอะไรให้มึง ถึงได้ทำกับมันแบบนี้”ไอ้การ์ดหันมาพูดกับไอ้เกียรติด้วยน้ำเสียง เหยียดๆ ปนสมเพชอยู่ไม่น้อย นี่มันคิดบ้างไหมว่าการพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นอาจจะไปกระตุ้น ไอ้โรคจิตที่จับผมอยู่ตอนนี้เกิดทำอะไรแผลงๆ เพิ่มขึ้นมาอีก แต่ตอนนี้ผมมีอีกอย่างที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น เพราะเหมือนมาบที่โดนไอ้การ์ดต่อยหมัดเดียวจอดไปเมื่อสักครู่ กำลังค่อยลุกขึ้นอย่างเงียบๆ โดยที่เหมือนไอ้การ์ดเองก็ไม่ได้รู้ตัว ส่วนผมที่มองเห็นแต่พูดบอกมันไม่ได้ ผมพยายามจะตะโกนแต่สียงมันก็ไม่ได้มีโอกาสออกจากลำคอเลยแม้แต่น้อย

ผมพยายามจ้องมองที่ไอ้การ์ดโดยหวังว่ามันจะเห็นสัญญาณที่ผมพยายามบอก แต่...แต่...มันช้าไปแล้ว ท่อนเหล็กในมือของมาบ ค่อยๆ ฟาดลงมาอย่างช้าๆ ในความรู้สึกผมมันเหมือนสโลว์ให้ดูอย่างช้าๆ

“เพล้ง!!!”เสียงดังเหมือนกับมีคนทำเอฟเฟกต์ในหนังไม่มีผิดเพี้ยน ผมจ้องมองท่อนเหล็กที่ร่วงลงพื้น สลับกับไอ้การ์ด มองเลยไปที่มาบ ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน

มันทั้งตกใจ ดีใจ และอีกหลายอย่าง ตอนนี้ท่อนเหล็กอยู่บนพื้นเพราะหลุดจากมือมาบไป แต่ไอ้การ์ดก็ยังคงอยู่ดีไม่ได้โดนท่อนเหล็กนั้นฟาดอย่างที่ผมกลัวในตอนแรก เพราะมีอีกคนที่เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ผู้มาใหม่เหมือนกำลังมองดูสถานการณ์ทั้งหมดพร้อมทั้งทำการประเมินว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมองมาที่ผม สายตาเค้ามีแววปวดร้าวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ต่างจากตอนที่ไอ้การ์ดเข้ามาเห็นสภาพผมแม้แต่น้อย แต่อันนี้ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมว่ามันมีแววแห่งความห่วงหาอาทรณ์มากกว่า

“เชษฐ์”ผมนึกชื่อเค้าในใจเพราะพูดออกไปไม่ได้ อยากจะยิ้มยินดีที่เห็นเค้าอยู่ตรงนี้ แต่ผมทำอะไรไม่ได้สักอย่าง จะมีก็แค่เพียงสายตาที่ส่งหาเค้าว่าแค่นี้ที่เห็นเค้ามาผมก็รู้สึกปลอดภัยแล้ว ไม่รู้อะไรทำให้ผมมั่นใจได้ขนาดนั้น ทั้งที่ตัวผมเองตอนนี้ ยังมีไอ้โรคจิตคนนึงเอามีดจี้ไว้อยู่ แววตาของไอ้เชษฐ์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้น จนน่ากลัว พร้อมกับจ้องมองมาที่ไอ้เกียรติ

“ถ้าพวกมึงอยากให้มันไส้แตกก็เข้ามาเลย”ไอ้โรคจิตเริ่มขู่เมื่อเห็นว่าไม่มีทางสู้ แต่มันก็ยังเป็นต่อตรงที่มีผมเป็นตัวประกัน แถมมีอาวุธติดมือด้วย ในขณะที่ไอ้เชษฐ์กับไอ้การ์ดมีแค่มือเปล่า

“อ่ะๆ แน่ใจเหรอ”ไอ้โรคจิตขู่อีกครั้งเมื่อเห็นไอ้การ์ดก้มลงจะหยิบท่อนเหล็กข้างๆ ตัวมาบ

“กว่าจะเข้ามาถึงแน่ใจเหรอว่า มีดเล่มนี้จะไม่แทงทะลุ เข้าไปในเนื้อนุ่มๆ นี่แล้ว”ไม่พูดเปล่าแต่มันเอามีด กรีดเบาๆ ไล่ตามแขนผมเป็นการแสดงให้เห็นอีกด้วย แม้มันไม่ได้ทำจริง แต่ผมก็รู้มันคงไม่ได้แค่ขู่เล่นๆ เพราะจากการที่มันทำกับผมก่อนหน้านี้ที่เอาเทียนมาหยดนั่นอีกละ แม้ในใจจะนึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ก็อยากให้ไอ้เชษฐ์กับไอ้การ์ดบุกเข้ามาเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะผมไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว ผมจะยอมเจ็บสักแผล รักษาไม่นานก็น่าจะหายแหละ

“งั้นมึงก็ปล่อยแฟนกูมา แล้วพวกกูจะไม่ทำอะไรมึง ไม่เอาเรื่องมึง”แฟนงั้นเหรอ...ไอ้บ้าพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำเลย แถมในเวลาแบบนี้ด้วย แมนเหลือเกิน ว่าแต่ถ้าไอ้โรคจิตนี่ปล่อยผมไปจริงๆ ผมจะไม่เอาเรื่องมันอย่างที่ไอ้เชษฐ์มันพูดหรือเปล่าน้า

“มึงก็วางเหล็กนั่นลงเซ่...วางลงแล้วก็โยนมานี่”ตอนนี้ผมว่าไอ้เกียรติมันเริ่มสั่นแล้ว คงเพราะเริ่มคิดได้ว่ายังไงเสียถ้ามันทำร้ายผม มันก็คงไม่รอดไปจากตรงนี้แน่ๆ แล้วละมั้ง

ไอ้การ์ดโยนท่อนเหล็กทิ้งตามคำสั่งของไอ้เกียรติ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเหมือนกำลังดูทีท่าของอีกฝ่ายอยู่ ผมเองก็โดนไอ้เกียรติให้เดินตามติดไปด้วย ตอนนี้เหมือนกำลังเดินเปลี่ยนฝั่งกัน คือให้ไอ้เชษฐ์กับไอ้การ์ดวนเข้ามาด้านใน ส่วนไอ้เกียรติลากผมไปทางประตู ผมเริ่มคิดอะไรบางอย่าง ผมว่าผมไม่น่าจะปล่อยให้มันหลุดออกไปง่ายๆ แบบนี้ เพราะถ้าปล่อยมันไปเฉยๆ มันอาจกลับมาทำร้ายผมอีกก็เป็นได้ คงต้องสั่งสอนให้มันรู้สำนึกเสียบ้าง เพราะตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าคงไม่โดนทำอะไรที่มากไปกว่านี้แล้ว และผมเองก็คงไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรกับมัน เนื่องจากไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็ต้องมั่นใจว่ามันจะไม่กลับมาวุ่นวายกับผมอีก

คิดได้ดังนั้น ผมก็เริ่มยื้อไม่เดินตามไอ้โรคจิตนี่ ได้ผลมันหยุดแล้วจ้องหน้าผมพร้อมกับยกมีดขึ้นมาโชว์ให้ผมเห็นเพื่อเป็นการย้ำเตือนผมว่า อันตรายสามารถเกิดกับผมได้อยู่ตลอดเวลาเหมือนเดิม แต่ผมไม่สนแล้ว ผมพยายามรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ สะบัดแขนให้หลุดจากการลากพร้อมกับถีบเข้าที่ลำตัวของไอ้เกียรติสุดแรง ได้ผลผมกับไอ้เกียรติล้มแยกกันออกคนละทาง และผมหวังว่าไอ้สองคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่จะจับไอ้เกียรติไว้ได้ทันนะ

“กูว่าจะปล่อยดีๆ แล้วนะ แต่มึงวอนหาเรื่องเอง”น้ำเสียงแสดงถึงอารมณ์โกรธของคนที่โดนผมถีบเมื่อสักครู่ เปล่งออกมาแทบจะสุดเสียงทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นก็คือไอ้เกียรติง้างมีดในมือ เตรียมปักลงมาที่ผม ด้วยสัญชาตญาณทำให้ผมหลับตาปี๋รอรับความเจ็บปวดที่จะเกิด...แต่ว่าเอะ ทำไมมันนานขนาดนี้ทั้งๆ ที่ระยะของมีดกับตัวผมมันไม่ได้ห่างกันมากมายนี่นา หรือว่าการโดนมีดแทงมันไม่มีความเจ็บปวดหรืออย่างไร

เพื่อให้หายสงสัยทำให้ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ค่อยๆ มองไปยังทางที่ไอ้เกียรติมันอยู่ และภาพตรงหน้าผมค่อยๆ ชัดขึ้นๆ มีดที่ไอ้เกียรติถืออยู่ตอนนี้วางอยู่กับพื้น พร้อมกับมีหนึ่งคนที่ยืนกั้นระหว่างผมกับไอ้เกียรติไว้

“กูจะปล่อยมึงกับไอ้คนที่นอนแอ้งแม้งอยู่นั่นไป...และจะไม่เอาเรื่องเอาราวให้ถึงตำรวจ แต่มึงต้องไม่มายุ่งกับพวกกูอีก เพราะถ้ามึงมาทำอะไรตี๊ฟอีก มึงไม่ได้ตายดีแน่”ไอ้เชษฐ์พูดอย่างใจเย็น และผมเองก็คิดตามแม้จะโกรธ โมโห และรังเกียจไอ้โรคจิตนี่กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อผมก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ผมเองก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน จะว่าผมดีเกินไปก็ยอม ก็ไม่อยากให้ยุ่งยากไปกว่านี้ อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกอุ่นใจกับคำพูดของไอ้เชษฐ์ที่คาดว่ามันคงปกป้องผมได้

“มึงจะปล่อยมันไปง่ายๆ แบบนี้ได้ไงว่ะไอ้เชษฐ์ ดูที่มันทำกับไอ้ตี๊ฟดิ”ไอ้การ์ดแย้งขึ้นอย่างไม่ค่อยจะพอใจกับสิ่งที่ไอ้เชษฐ์พูดเมื่อสักครู่

“กู กูสัญญาว่าจะไม่กลับมาตอแยอะไรอีก ปล่อยกูไปเถอะนะ”ไอ้เกียรติเมื่อเห็นว่าไม่มีทางสู้ ก็ได้แต่ตะกุกตะกักพยายามเอาตัวรอด สงสัยคงกลัวโดนไอ้การ์ดกับไอ้เชษฐ์รุม เพราะตอนนี้มาบก็ยังไม่ได้สติ ส่วนตัวเองก็ไม่มีอุปกรณ์ทุ่นแรงอะไรอีกแล้ว แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรมันมากนัก แต่จะบอกว่าไม่เลยก็คงไม่ใช่ ความจริงคือผมรู้สึกสงสารมันมากกว่า เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นคนมีปัญหาทางจิตหรือไม่ก็มีปมด้อยอะไรอยู่ในใจแน่นอน

“งั้นกูก็จะปล่อยมึงไป...แต่ก่อนไป ขอนิดนึงแล้วกัน”ผมงงๆ กับคำพูดของไอ้เชษฐ์ แต่เพียงไม่นานผมก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง เมื่อไอ้เชษฐ์กระหน่ำทั้งหมัดทั้งเท้า ประเคนเข้าที่ไอ้เกียรติอย่างไม่ยั้ง ก็ไหนว่าจะไม่เอาเรื่องเอาราวอะไรไม่ใช่เหรอ

“เชษฐ์....พอ...พอเถอะ”ผมพยายามลุกเพื่อยื้อให้มันหยุดเพราะกลัวไอ้เกียรติมันจะตายเสียก่อน แล้วไอ้เชษฐ์จะลำบากกับข้อหาฆ่าคนตาย

“มึงไม่ต้องมาห้ามกู ดูสิ่งที่มันทำกับมึงซิ กูอยากจะฆ่ามันให้ตายลงเสียตรงนี้”ผมอ่อนแรงเกินกว่าจะห้ามไอ้เชษฐ์ได้ แต่ก็ยังดีที่ได้ไอ้การ์ดอีกคนมาช่วยห้ามทัพ ทั้งที่ตอนแรกไอ้เชษฐ์เหมือนจะนิ่งๆ แล้วไอ้การ์ดเป็นคนจะโมโหมากกว่าแต่ ตอนนี้กลับสลับกันอย่างสิ้นเชิง

“กูไม่เป็นอะไรแล้ว นี่ไง มึงดูดิกูไม่เป็นไรแล้วจริงๆ...พอเถอะ”ผมพยายามแข็งใจให้ไอ้เชษฐ์เห็นว่าไม่เป็นไรจริงๆ แม้ถ้าตามความเป็นจริงผมก็ทั้งเจ็บที่โดนไอ้เกียรติตบ หรือปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนังตอนนี้เหมือนมันจะพุพองไปหลายจุดที่โดนน้ำตาเทียน

“นี่เหรอที่มึงว่าไม่เป็นไร...ถ้ากูมาห้องน้ำเป็นเพื่อนมึงตั้งแต่แรก...”
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-01-2015 20:22:00
วันที่ 29/4
“เชษฐ์...”ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างร้อนใจเมื่อเหลือบไปเห็นสีเสื้อนักศึกษาสีขาวของไอ้เชษฐ์ เริ่มมีเลือดแดงฉานมาแทนที่ เพราะมันไม่ใช่เลือดจากการกระหน่ำซัดไอ้เกียรติเมื่อสักครู่ สายตาผมหันมองหามีดของไอ้เกียรติที่หล่นห่างออกไป และมันก็ยิ่งชัดขึ้นเมื่อมีดนั้นมีคราบเลือดติดอยู่ และเสื้อของไอ้เชษฐ์เองก็มีรอยขาดเป็นทางเช่นเดียวกัน

“มึงเป็นยังไงบ้าง”ผมรีบถลาไปหาไอ้เชษฐ์ในแทบจะทันที เพราะตัวมันเองก็เหมือนจะทรุดลงเพราะไม่สามารถที่จะยืนได้แล้ว



“นี่มึงโดนแทงเหรอว่ะไอ้เชษฐ์”เสียงไอ้การ์ดเองก็ตกใจไปไม่แพ้กับผม แล้วนี่ไอ้การ์ดมันไม่เห็นตอนที่ไอ้เชษฐ์โดนแทงหรืออย่างไร แต่ส่วนผมตอนที่ไอ้เกียรติมันเงื้อมีดจะเอาผมเป็นเป้าผมก็หลับตาปี๋ไปเลย พอลืมตามาอีกที ใช่แล้ว นี่ไอ้เชษฐ์มันรับมีดแทนผมใช่ไหม

“มึงอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะเชษฐ์”น้ำตาผมเอ่อขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ พร้อมกับพยุงตัวอีกคนไว้

“กูไม่เป็นไรหรอกน่า...แค่นี้ไกลหัวใจ แล้วก็ไม่ได้โดนแทงอะไรหรอก แค่โดนเฉี่ยวไปเท่านั้นแหละน่า”คนที่มาช่วยแต่ตอนนี้เหมือนจะเจ็บกว่าแถมยังทำปากเก่งอีก จากตอนแรกที่ผมว่าจะไม่โกรธอะไรไอ้เกียรติเท่าไหร่ ตอนนี้ผมเองอยากจะไปกระทืบไอ้เกียรติซ้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด เกิดไอ้เชษฐ์เป็นอะไรมากขึ้นมา มันก็เป็นเพราะผมแท้ๆ เลย

“กูว่าเรารีบไปโรงพยาบาลดีกว่าว่ะ เห็นสภาพมึงสองคนแล้วกูจะลมจับว่ะ”ไอ้การ์ดช่วยเรียกสติผมกับไอ้เชษฐ์ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี

“มึงไปเอารถมารับทีสิว่ะไอ้การ์ด”ผมพูดขึ้นเพราะจากสภาพแล้ว ตอนนี้คนที่สภาพพอจะดูดีที่สุดก็คงไม่พ้นไอ้การ์ดนี่อหละ พร้อมทั้งกำชับไอ้การ์ดว่าไม่ต้องยกขโยงกัน มาทั้งหมดหรอก เดี๋ยวจะดูเป็นเรื่องใหญ่ (ทั้งที่ตอนนี้ก็เหมือนจะเรื่องใหญ่ไปแล้ว) ก่อนไปไอ้การ์ดก็ถอดเสื้อนักศึกษาของมันมาให้ผมใส่ เพราะของผมเองมันไม่เหลือสภาพให้ใส่ได้อีกแล้ว ส่วนตัวมันเองก็ยังเหลือเสื้อกล้ามที่ใส่ซ้อนมาอีกที และก็เอาผ้าเช็ดหน้าของมันที่ผมเพิ่งรู้ว่าคนอย่างมันพกผ้าเช็ดหน้ากับเค้าด้วยส่งให้ไอ้เชษฐ์กดแผลห้ามเลือดไว้ หลังจากตกลงกันได้ไอ้การ์ดก็รีบไปทันที ส่วนผมกับไอ้กับไอ้เชษฐ์ก็พยายามที่จะออกมารอไอ้การ์ดที่หน้าห้องน้ำ ด้วยความทุลักทุเล คือเหมือนไม่มีใครจะเป็นที่พึงของใครได้แล้วละตอนนี้ น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกห่วงตัวเองว่าจะมีรอยแผลเป็นหรืออะไรที่มันรุนแรง เพราะประเมินดูแล้วของผมมันเป็นแค่แผลไม่ได้รุนแรง เพียงแค่มีหลายจุดเท่านั้นเอง แต่ผมกลับห่วงอีกคนมากกว่า เพราะแม้บาดแผลของเค้ามีเพียงจุดเดียว แต่สำหรับผมผมว่ามันรุนแรงกว่าผมมากนัก

“ไหวหรือเปล่า”น้ำเสียงอีกฝ่ายพูดกับผม คงเพราะเห็นน้ำตาที่มันเอ่อขึ้นมาในดวงตาของผมนั่นเอง แทนที่มันจะห่วงตัวมันเองซึ่งอาการน่าจะแย่กว่าผมอีก

“กูขอโทษ...”ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ และบอกมันออกไป เพราะมันต้องมาเจ็บตัวเพราะผมแท้ๆ เลย ไอ้เชษฐ์ยิ้มให้กับผมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

“กูต่างหากที่ต้องขอโทษมึง...ถ้ากูมาห้องน้ำเป็นเพื่อนมึงตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”ทั้งผมและไอ้เชษฐ์ต่างฝ่ายต่างจะโทษตัวเองแบบนี้ ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้คงเป็นบทเรียนให้ผมมากเหลือเกินว่า บางทีเราอาจจะประเมินใครบางคนได้แตกต่างจากความเป็นจริงที่เค้าเป็นเหลือเกิน อย่างมาบ ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าเค้าไม่ได้คิดจริงใจอะไรกับผมแต่ก็ไม่คิดว่าเค้าจะคิดมาทำร้ายผมได้ขนาดนี้

หรืออย่างไอ้เชษฐ์เองที่ดูมันจะเป็นห่วงเป็นใยผมได้ขนาดนี้ หรืออย่างตัวผมเองก็เช่นเดียวกันที่ผมก็เป็นห่วงไอ้เชษฐ์มากเช่นเดียวกัน นี่ถ้าไอ้เชษฐ์เป็นอะไรมากผมเองคงรู้สึกผิดไปตลอดอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ผมก็ว่าไอ้เชษฐ์เองก็เจ็บมากเหมือนกันแหละ แม้ตัวมันเองจะพยายามทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร แต่ความจริงแผลที่มันโดนมีดของไอ้เกียรติมันก็ไม่ได้เล็กเลย

ไม่นานนักไอ้การ์ดก็มารับเราสองคนเพื่อไปโรงพยาบาล แต่พอออกมาได้สักระยะ ไอ้เชษฐ์กลับบอกให้ไปคลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งมันบอกว่าน่าจะดีกว่าการไปโรงพยาบาล เพราะถ้าไปโรงพยาบาลจากสภาพที่เราเป็นกันอยู่ตอนนี้เรื่องมันคงไม่ได้แค่ทำการรักษาแน่ๆ แต่หมอเค้าคงอยากจะรู้ว่าเราไปเจอเหตุการณ์อะไรมาอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่าพวกผมก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันบานปลายสักเท่าไหร่

แต่ในใจลึกๆ สำหรับผมนั้นยังไงก็ได้อยู่แล้ว เพียงแค่ขอให้เราทั้งสองปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว ตัวผมคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก แต่ไอ้เชษฐ์ผมไม่รู้ว่าแผลมันนั้นรุนแรงขนาดไหน ซึ่งถ้าเอาตามจริงผมอยากให้มันได้รับการรักษาที่ดีที่สุด

“มึงรู้จักหมอประจำคลินิคนี้เหรอว่ะ ทำไมต้องเจาะจงมาที่นี่ด้วย”ไอ้การ์ดเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อถึงที่หมาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะมาสงสัยอะไรเอาตอนนี้ เอาไว้ให้ทำแผลอะไรเสร็จก่อนแล้วค่อยสงสัยจะได้ไหมเนี่ย

“น้ากูเองแหละ”คำตอบของไอ้เชษฐ์ทำเอาผมและไอ้การ์ดหันควับมองหน้ามันเกือบจะพร้อมกัน แปลกใจนะก็แปลกใจอยู่ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมฉุกคิดได้ก็คือ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวหรือญาติของไอ้เชษฐ์ แม้แต่นิดเดียว

“โหแล้วแบบนี้น้ามึงจะยิ่งไม่ซักไซ้ไล่เรียงเลยเหรอว่ะ”ไอ้การ์ดเริ่มเป็นกังวล เพราะถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมา มันไม่ได้เริ่มจากการที่พวกผมเป็นคนก่อ แต่ผลที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ก็คงจะสร้างความสงสัยให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ได้ไม่น้อยทีเดียว ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดมันคือความปลอดภัยของคนตรงหน้าผมมากกว่าที่จะมัวมากังวลเรื่องอื่นๆ อีก

“ค่อยคิดทีหลังนะไอ้การ์ดตอนนี้กูว่าเข้าไปทำแผลให้เรียบร้อยก่อนดีไหม”ผมเป็นฝ่ายรีบกระตุ้นให้ไอ้การ์ดช่วยประคองไอ้เชษฐ์ลงจากรถและเข้าไปยังคลินิก พอเปิดประตูเข้าไปคนภายในคลินิกต่างพากันมองมายังพวกผมเป็นตาเดียวกันหมดเลย ดีที่คนไข้มาใช้บริการที่นี่ไม่มากนัก ไม่งั้นคงได้ตกอกตกใจกันเป็นแถว เพราะแต่ละคนมีคราบเลือดกันถ้วนหน้า คุณพยาบาลมองมาที่พวกผมด้วยอาการตกใจเป็นพิเศษ ซึ่งผมคาดว่าเค้าคงจะรู้จักไอ้เชษฐ์อย่างแน่นอน

“น้องเชษฐ์...ไปทำอะไรมาคะเนี่ย”พี่พยาบาลพุ่งตรงมาที่พวกเราสามคนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงสูงปรี๊ด ผมว่าตอนนี้คนที่อยู่ในคลินิกน่าจะตกใจเสียงพี่เค้าเสียมากกว่า และยังไม่ทันที่พวกผมจะตอบคำถามของพี่เค้า พี่เค้าก็จัดแจงต่อทันทีโดยไม่ได้รอฟังคำตอบของพวกผมแม้แต่น้อย

พี่พยาบาลให้พวกผมพยุงไอ้เชษฐ์เข้าไปยังห้องอีกห้องนึงที่มีเตียงนอนคนไข้พร้อมกับให้พวกผมเอาไอ้เชษฐ์นอนลงบนเตียงส่วนพี่เค้าก็...จะเรียกว่าบ่นก็ได้นะครับเพราะพี่เค้าไม่ได้หยุดพูดเลย แต่ผมจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง

“แล้วนี่น้องอีกสองคนมีใครเป็นไรอีกไหม”พี่พยาบาลหันมาถามผมสองคนหลังจากดูแผลไอ้เชษฐ์เสร็จและวิเคราะห์เรียบร้อยว่าแผลไม่ได้ลึกมาก แต่ก็คงต้องเย็บเพราะจริงๆ มันก็เหมือนจะลึกแต่ก็ไม่ลึก ยังไงผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

“คนนี้ครับมีแผลพุพอง”ไอ้การ์ด ดันผมให้เปิดเสื้อให้พี่พยาบาลดู พี่เค้ามองผมสลับกับไอ้เชษฐ์พร้อมทำหน้าสงสัย

“พากันไปทำอะไรมากันแน่เนี่ยหือ ตอนแรกนึกว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทแต่ทะเลาะกันอีท่าไหนทำไมมีแบบนี้ด้วย”พี่เค้าพูดพร้อมกับสำรวจดูแผลผมที่เริ่มพอง

“น้าชาละครับพี่มาศ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามพี่พยาบาลทำให้พวกผมได้รู้ว่าพี่เค้าชื่อพี่มาศ...และอีกคนที่มันถามถึงก็คงเป็นคุณหมอเจ้าของคลินิกนี้ที่เป็นน้ามันนั่นเอง

“จริงๆ ก็น่าจะมาถึงแล้วนะ เดี๋ยวพี่โทรตามอีกทีดีกว่า ...ว่าแต่คุณหมอเห็นสภาพนี้คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”พี่มาศออกอาการหวั่นๆ ไม่มั่นใจว่าน้าของไอ้เชษฐ์จะรู้สึกยังไงกับสภาพของหลานชายและเพื่อนๆ ที่เป็นอยู่ตอนนี้

“อ้าวคุณมาศมีเคสด่วนเหรอทำไมมาอยู่ในนี้”ยังไม่ทันที่พี่มาศจะออกไปโทรหาคุณน้าหมอ เพราะผมคิดว่าเจ้าตัวมายืนอยู่หน้าห้องที่พวกผมอยู่ตอนนี้แล้วแหละ ผมกับไอ้การ์ดยกมือขึ้นไหว้โดยอัตโนมัติ คุณน้าหมอรับไหว้ก่อนจะมองพวกผมทีละคนและไปหยุดอยู่ที่ไอ้เชษฐ์

“คุณมาศเตรียมอุปกรณ์ให้ผมด้วย”น้าหมอบอกพี่มาศพร้อมรายละเอียดว่าต้องใช้อะไรบ้าง พวกผมสามคนได้แต่เงียบไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทำไมพวกผมเหมือนเด็กทำความผิดแล้วโดนผู้ใหญ่จับได้หว่า ทั้งที่จริงๆ พวกผมก็ไม่ใช่คนผิดกันนี่นา แต่ช่างเหอะเพราะตอนนี้ยังไงๆ เสียผมก็คลายกังวลแล้วว่าไอ้เชษฐ์เองปลอดภัยไอ้ผมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

“เดี๋ยวทำแผลอะไรเรียบร้อยแล้ว น้าหวังว่าจะได้คำอธิบายเรื่องนี้จากทุกคนนะ”คุณน้าหมอพูดกับไอ้เชษฐ์ก่อนจะหันมาหาผมกับไอ้การ์ดเป็นเชิงบอกว่า พวกผมอีกสองคนก็ต้องอธิบายด้วยเช่นกัน จากนั้นพี่มาศก็กันผมกับไอ้การ์ดออกมาทำแผลต่างหาก ส่วนไอ้เชษฐ์ก็มีน้าหมอเป็นคนเย็บแผลพร้อมกับมีพี่อีกคนที่น่าจะเป็นพยาบาลหรือผู้ช่วยอะไรผมก็ไม่ทราบได้

“ดูสิเนี่ยไปตีรันฟันแทงกะใครมาถึงได้เล่นพิเรนท์อะไรขนาดนี้ แบบนี้ผิวสวยๆ ก็อาจเป็นแผลเป็นได้นะเนี่ย น่าเสียดายออก ดู๊ดูผิวสวยกว่าพี่อีกน่าเสียดายออก” พี่มาศพูดไปเช็ดผิวผมที่ตอนนี้มันเริ่มมีจุดที่พองเป็นใสๆ ขึ้นมาจากการที่โดนน้ำตาเทียน

“ผม...”

“ไม่ต้องเล่าก็ได้เดี๋ยวพี่จะกลายเป็นคนละลาบละล้วง คุณหมอเค้าจะว่าพี่อีก นี่ยิ่งเป็นเพื่อนน้องเชษฐ์ยิ่งไม่ควรๆ”ผมได้แต่อ้าปากค้าง ดูๆไปพี่แกออกแนว ฮาๆ นะเนี่ยก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“ว่าแต่ไปมีเรื่องกะใครมาคะน้อง”อ้าวตกลงคุณพี่จะเอาไงแน่เนี่ย เหอๆ จะให้เล่าหรือไม่ให้เล่าหว่า

“แฟนเก่ามันนะพี่”ไอ้การ์ดสวนขึ้นมาจนพี่มาศต้องหันไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับสายตาแฝงด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด

“ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เค้ารุนแรงกันขนาดนี้แล้วเหรอ เป็นพี่คงไม่กล้ามาลงไม้ลงมือกับผู้ชายแบบนี้”พอถึงตรงนี้ทำเอาผมสะอึกไปเลยทีเดียว ใช่แล้วถ้าพวกเราต้องเล่ารายละเอียดให้ทั้งน้าหมอและพี่มาศฟัง เค้าจะสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษฐ์ไหมนะ แต่ถ้าบอกแค่ว่าเป็นเพื่อนกันก็คงไม่มีใครสงสัยหรอกมั้ง

“แล้วใครว่าแฟนเก่ามันผู้หญิงละพี่”นั่นปะไรไอ้นี่ก็ปากไวจริงๆ พี่มาศก็มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยแหละครับเป็นใครก็คงแปลกใจกันทั้งนั้นแหละ ถึงแม้ผมจะไม่ได้อยากปิดบังว่าผมมีรสนิยมทางเพศยังไง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าเกิดเรื่องรสนิยมทางเพศของผมมันกลายมาเป็นประเด็นหลักของเหตุการณ์ครั้งนี้ แล้วต้องลงลึกรายละเอียดไปอีก ถึงความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษฐ์ละ ยิ่งเมื่อเค้ารู้ว่าผมเป็นเกย์ แล้วยังอยู่คอนโดเดียวกับไอ้เชษฐ์ ผลมันจะออกมายังไงละทีนี้

“อ้าวแฟนน้อง...เอ่อลืมเลยชื่อไรกันละเนี่ยยังไม่รู้จักชื่อเลย พี่ชื่อพี่มาศนะ”ชื่อพี่ไม่บอกผมก็รู้แล้วละครับแต่พวกผมก็เสียมารยาทไม่ได้แนะนำตัวอยู่ตั้งนาน

“ตี๊ฟครับ/การ์ดครับ”ผมกับไอ้การ์ดตอบออกไปตามลำดับ

“อ๋อ...”เสียงร้องอ๋อของพี่มาศทำเอาผมอดที่จะแปลกใจไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากจะเสียมารยาทถามสักเท่าไหร่ว่าพี่เค้าร้องอ๋อทำไมกัน

“ทำไมเหรอครับ”ไม่ใช่เสียงผมหรอกครับ แต่ไอ้เพื่อนผู้ไม่มีมารยาทของผมเอง ไอ้การ์ดนี่มันช่างไม่รู้จักเก็บความสงสัยไว้ในใจบ้างเลย

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-01-2015 20:22:41
วันที่ 29/5
“ไม่มีอะไรหรอกก็เคยได้ยินน้องเชษฐ์พูดถึงเพื่อนๆบ้างเท่านั้นแหละ...โอเครทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องส่วนตัวพี่ไม่ถามต่อดีกว่าเนอะ รอนี่ก่อนแล้วกันพี่ไปดูน้องเชษฐ์ก่อนว่าเสร็จรึยัง”

ผมกับไอ้การ์ดพยักหน้าตอบรับคำพูดของพี่มาศ แต่พอพี่มาศลับตาไปผมก็ใส่ไอ้การ์ดทันทีทั้งเรื่องที่มันเปิดเผยผิดที่ผิดเวลาดันบอกเค้าว่าผมเป็นเกย์โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลยแม้แต่น้อย รวมไปถึงความไม่รู้จักกาลเทศะของมันที่ต่อมอยากรู้ไม่สามารถควบคุมได้นั่นอีก พร้อมกับอบรมมันไปอีกชุดใหญ่ว่าถ้าน้าหมอของไอ้เชษฐ์มาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ให้มันสงบปากสงบคำไว้เป็นดีที่สุด

“มึงจะกลัวอะไรว่ะตี๊ฟ...กลัวเค้าไม่ยอมรับมึงเป็นหลานสะไภ้ หรือไง”แต่ดูแล้วสิ่งที่ผมพูดไปชุดใหญ่มันไม่ได้ซึมซับเข้าในสมองอันน้อยๆ ของมันหรืออย่างไรกันเนี่ย นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าเค้าจะยอมรับอะไรผมหรือเปล่า แต่มันเพราะไม่รู้ว่าเค้าจะมีความรู้สึกยังไงต่างหากถ้ารู้ว่าหลานชายของเค้า ตอนนี้ดันมาเคยฟีทเจอริ่งกับผมไปแล้ว แม้จะไม่ได้ตกลงปลงใจเป็นแฟนอะไรกันก็ตามทีเหอะ

“กู...”

“อ้าวเป็นไงบ้างแล้วหนุ่มๆ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายอะไรต่อเพราะบทสนทนาของเราสองคนถูกขัดขึ้นโดยน้าหมอของไอ้เชษฐ์นั่นเอง พวกเราทั้งคู่เลยจำเป็นต้องหยุดบทสนทนาอย่างเสียไม่ได้ พร้อมกับบอกสภาพอาการของพวกเราซึ่งไม่ได้เป็นอะไรมากออกไป ไอ้การ์ดเองมีเพียงแค่รอยถลอกเล็กน้อย ส่วนผมเองก็อย่างที่บอกมีเพียงแผลฟกช้ำ แล้วก็ไอ้ที่โดนน้ำตาเทียนอีกไม่มาก สำหรับผมแล้วเทียบกับที่ไอ้เชษฐ์โดน ของผมมันน้อยนิดจริงๆ

“น้าฟังรายละเอียดจากเจ้าเชษฐ์มันแล้ว น้าว่าพากันไปแจ้งความไว้น่าจะดีกว่านะ”

“แต่ว่า...”ผมแทบจะสวนขึ้นในทันทีเพราะไม่อยากให้เรื่องมันไปกันใหญ่

“แต่ไม่ทันแล้วละเพราะตอนนี้พี่ชายเราเค้ารอที่โรงพักแล้ว”พี่ชายงั้นเหรอ แล้วน้าหมอเค้าหันมาพูดกับผมก็หมายความว่า พี่ชายผม ไอ้ต๊าฟ รอที่โรงพัก คือ อะไรยังไง

“เดี๋ยวเราการ์ดใช่ไหมน่าจะยังขับรถไหวยังไงพากันไปโรงพักเองได้เนอะ เพราะคนไข้น้าเยอะจริงๆ วันนี้ปลีกตัวไปด้วยไม่ได้ อีกอย่างทุกคนก็ปลอดภัยกันหมดแล้ว ยังไงน้าขอตัวนะ”พูดจบคุณน้าหมอก็ไปโดยไม่รอฟังอะไรจากพวกผมอีก น้าหมอไม่รอให้ผมถามเลยว่าตกลงหลานคุณน้าบอกคุณน้าไปว่าผมเป็นอะไรกับหลานคุณน้าละครับ แล้วพี่ชายผมมาได้ยังไง แบบนี้พ่อแม่ผม รู้เรื่องหรือยัง

ผมแทบไม่รอคำอธิบายใดๆ จากไอ้เชษฐ์เลยครับเพราะมือผมมันไวเท่าความคิด กดโทรหาพี่ชายผมทันที แต่พอมันรับโทรศัพท์คำตอบที่ผมได้รับกลับมันมันคือ

“มึงรีบมาที่โรงพักด่วนเลย”

“มึงจะบอกอะไรให้กูได้เตรียมใจก่อนบ้างไหม”ผมหันไปถามไอ้เชษฐ์อย่างเคืองๆ เล็กน้อย แม้จะเป็นห่วงมันเรื่องแผล แต่ดูๆ แล้วตอนนี้มันน่าจะปลอดภัยไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ตอนนี้ผมห่วงตัวเองมากกว่า ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ผมรู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่ ไม่อยากให้พวกท่านต้องมาเป็นกังวลหรือทุกข์ใจกับเรื่องของผมอีก

“คุยกันบนรถดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา”

นั่นคือสิ่งที่ผมได้จากไอ้เชษฐ์ก่อนขึ้นรถไปโรงพัก ตอนนี้คงปฏิเสธการไปโรงพักไม่ได้อีกแล้วและดูเรื่องมันจะบานปลายเสียแล้วแต่ก็ดีเหมือนกันว่าผมไม่ต้องมาระแวงว่าสองคนนั้นมันจะหวนกลับมาทำร้ายพวกผมอีกหรือเปล่า

บทสนทนาระหว่างทางทำให้ผมทราบว่าไอ้เชษฐ์เพียงแค่ให้พี่ชายผมรับทราบแต่ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่ผม และตอนนี้ทางตำรวจรวบตัวทั้งมาบและไอ้เกียรติไว้ที่โรงพักเรียบร้อยแล้ว

“แล้วมึงบอกน้าหมอรึเปล่าว่ะว่าพวกมึงสองคนเป็นอะไรกัน”คำถามที่แทรกขึ้นมาของไอ้การ์ดทำให้ผมแทบอยากจะถีบมันตกรถเสียให้ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนขับมันคงได้ไปนั่งกลิ้งบนถนนเล่นแล้ว

“ตี๊ฟ...มึงจะโกรธไหมถ้ากูจะบอกว่า...กูบอกน้ากูว่าเราเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน”งั้นก็หมายความว่ามันเล่าเรื่องให้น้ามันฟังโดยที่ผมเป็นเพื่อนคนนึงของมันเท่านั้น

“แล้วทำไมกูต้องไปโกรธมึงด้วยเล่า”ใช่แล้ว...ทำไมผมต้องโกรธมันด้วยไม่มีเหตุผลอะไรสักนิดที่มันจะไปบอกน้ามันว่าผมกับมันเป็นแค่เพื่อนกัน แล้วไอ้ความรู้สึกจุกที่หน้าอกของผมตอนนี้มันคืออะไรกัน ผมแสร้งมองข้างถนนทำเหมือนสนใจบรรยากาศรอบข้าง ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนไอ้เชษฐ์และไอ้การ์ดก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำให้บรรยากาศเงียบไปในทันที เราจบบทสนทนากันแบบนั้นจนกระทั่งถึงที่หมาย

“ไอ้ตี๊ฟ”ทันทีที่เจอหน้าผู้เป็นพี่ชายผมก็ตะโกนมายังกะโกรธแค้นมาแต่ชาติปางไหน พร้อมกับเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหา จนผมนึกว่ามันจะมาต่อยผมเสียอีก แต่สิ่งที่มันทำกลับสร้างความประหลาดใจให้ผมเป็นอย่างยิ่งเพราะมันโผเข้ามากอดผมไว้เสียแน่น แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

“มึงไม่เป็นไรนะ”น้ำเสียงที่ถามผมออกมาอ่อนโยนจนผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าพี่ชายกะโหลกกะลาของผมมันจะห่วงใยผมได้มากขนาดนี้ แต่เจอแบบนี้ผมก็ปลื้มไม่น้อยเลยนะ ที่ได้รู้ว่ามันเองก็รักผมไม่ได้ต่างจากที่ผมรักมันเลย ก็เรามีกันสองคนพี่น้องนี่นาเนอะ แม้ส่วนใหญ่จะเอาแต่ทะเลาะกันบ้าง ทำเหมือนไม่รักกันบ้าง แต่แบบนี้แหละดีแล้ว

“เป็นสิ”ผมตอบเสียงอู้อี้ทั้งที่ยังกอดกับไอ้ต๊าฟอยู่

“มึงเป็นไร ไหนเจ็บตรงไหน”ท่าทีลุกลี้ลุกลนของมันช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน พี่ชายผมก็ทำตัวน่ารัก ห่วงน้องเป็นกะเค้านะเนี่ย

“เมื่อกี้กูหายใจไม่ออกมึงกอดแน่นเกิน”ผมพูดยิ้มๆ อย่างกลั้นหัวเราะ

“ไอ้เชี่ย...กูอุตส่าห์เป็นห่วง”มันว่าผมพร้อมกับเอามือมาเขย่าหัวผม ดูเหมือนเราสองคนพี่น้องจะลืมไปว่านี่อยู่โรงพักและมีคนอื่นอีกมากมายที่อยู่ด้วย กว่าจะรู้ตัวก็เล่นเอาเขินไปทั้งพี่ทั้งน้องละครับงานนี้ มารักกันปานจะกลืนที่โรงพักเนี่ย

สรุปว่าพวกผมก็ชี้ตัวทั้งสองคนให้ตำรวจพร้อมให้ปากคำ แจ้งความเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างก็พากันกลับโดยให้ไอ้การ์ดขับรถกลับบ้านไปเลยแล้วผมกับไอ้เชษฐ์ก็ให้ไอ้ต๊าฟมาส่ง  ส่วนไอ้สองตัวที่ทำร้ายผมก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการต่อไปแล้วกันครับ

“กูไม่บอกพ่อกับแม่หรอกน่าเพราะมึงก็ไม่เป็นไรมากแล้ว...แต่ต้องดูแลตัวเองดีๆ ละ ถ้าคนที่มันดูแลเราไม่ได้ หรือดูแลได้ไม่ดีก็เลิกๆ กับมันไปก็ได้นะ หาใหม่ที่ดีๆกว่านี้ดีกว่า”ก่อนกลับยังมิวายแกล้งเหน็บไอ้คนข้างๆ ผมนี่อีก

“กูล้อเล่น ไม่ต้องเตรียมจ้องจะกินเลือดกินเนื้อกูมากก็ได้ เดี๋ยวกูยุให้น้องกูเลิกจริงๆ เลยนิ”ไอ้ต๊าฟพูดติดตลกอย่างอารมณ์ดี

“กูยังไม่ได้คบกันแล้วจะเลิกกันได้ไงเมิงนิ”ผมรีบสวนทันควัน

“เหรอ....กูกลับแระรักษาตัวกันดีๆ ละ อย่าหักโหม รอให้หายดีกันทั้งคุ่ก่อนแล้วกันนะ”นั่นแหละครับแล้วมันก็ปัดตูดไปเลย ทำไมพี่ผมคนที่โรงพักกับคนที่มาส่งมันช่างแตกต่างกันเสียจริงเนี่ย

“มึงงอนกูเหรอ”ทันทีที่ผมพยุงไอ้เชษฐ์มาถึงเตียงนอน มันก็เอ่ยปากถามขึ้นพร้อมกับดึงให้ผมนั่งลงข้างๆ มันที่เตียง


“กูจะไปงอนอะไรมึง กูมีแต่จะต้องขอบคุณมึงเสียอีกที่เข้าไปช่วยกูไว้ได้ทัน”ผมพยายามขยับตัวออกห่างเล็กน้อย ตอนนี้ถึงแม้ผมจะอยากเชื่อว่าจริงๆแล้วมันรักผมอย่างแท้จริงก็ตามที แม้การกระทำที่มันแสดงออกวันนี้ที่ดูมันเจ็บแค้นแทนผมเสียมากมาย แต่ผมกลับยังรู้สึกคัดค้านในการเปิดใจยอมรับว่าผมรักมันอยู่ดี

แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้กำแพงที่ผมได้เคยสร้างไว้ มันเริ่มกร่อนลงเสียแล้ว ผมยอมรับว่ารู้สึกดีที่เหมือนมันจะเป็นห่วงเป็นใยผม ถ้าลองมองดูดีๆ ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกัน มันก็ดีกับผมมาตลอด มันไม่ได้ทำเหมือนกับที่ตั้งแง่กับผมอย่างในตอนแรก หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ผมจะลองเปิดใจคบกับใครอีกสักครั้ง เพราะที่แล้วมา หลายๆ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ผมยังยอมเปิดใจมามากมาย แล้วทำไมกับไอ้เชษฐ์ผมถึงจะไม่ลองเปิดใจบ้างละ

ผมพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง และคำตอบมันก็ไม่ได้หายาก เพราะสิ่งที่ผมคิดได้คือไอ้เชษฐ์มันเป็นเพื่อนผม หากเราคบกับเพื่อนวันใดที่ต้องจบกันไป (ซึ่งผมก็จบไปแล้วกับทุกคนที่เคยคบกัน) แต่กรณีนี้ผมจะทำอย่างไรหากตัดสินใจคบแล้วไปไม่รอดต้องเลิกกัน ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ใช่เพื่อนเราก็ไม่ต้องเจอกันอีก ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ แต่พอเป็นเพื่อนกันการตัดสินใจคบกันก็เหมือนต้องยอมเสียเพื่อนคนนั้นไปตลอดกาล เพราะหากเลิกกันไปมันต้องมีสักฝ่ายที่ไม่สามารถเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายได้ ดูง่ายๆ อย่างกรณีผมกับมันส์ แต่ระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์ผมอาจจะกลับไปอยู่ในฐานะเดียวกับมันส์ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้

“เราย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันได้ไหม”คำพูดของไอ้เชษฐ์แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ฟังดูหนักแน่นจริงจัง มือมันกุมมือผมไว้พร้อมส่งสายตาอย่างมีความหมายมาหาผม เชษฐ์ขยับเข้ามาใกล้ผม ใบหน้าเราแทบจะชิดกัน สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

ผมโน้มหน้าเข้าหาและประกบปากเข้ากับริมฝีปากของไอ้เชษฐ์ แต่เป็นเพียงแค่จูบที่อ่อนโยนไม่ได้เร่าร้อนรุนแรง ทว่าคนถูกจูบกลับมีอาการประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“กูจะย้ายมาอยู่กับมึงจนกว่าแผลมึงจะหาย โอเคไหม”ผมตัดสินใจแล้วว่าจะลองเริ่มต้นกับไอ้เชษฐ์ดูสักครั้ง อย่างน้อยก็เริ่มจากการเปิดใจยอมรับมันโดยไม่ให้มีกำแพงใดๆ มาขวางอีกต่อไป

“พูดซะกูไม่อยากหายเลย”รอยยิ้มกว้างของอีกฝ่ายส่งมาให้ผมเห็นอย่างเปิดเผย พร้อมกับเจ้าของรอยยิ้มที่ทำยังกับว่าจะเขมือบผมเข้าไปงั้นแหละ จนผมต้องใช้แรงผลักต้านไว้เล็กน้อย

“แต่เราจะไม่มีอะไรกันจนกว่าแผลมึงจะหายดี”คำพูดของผมทำเอาอีกคนหุบยิ้มในแทบจะทันที อะไรมันจะแสดงออกว่าหื่นได้ขนาดนั้น ที่ผมต้องทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้มันมีกิจกรรมอะไรที่มากจนเกินไปและอาจมีผลกับแผลมันที่เป็นอยู่ก็ได้

“มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย”ดูเหมือนไอ้เชษฐ์จะยังไม่ลดความพยายามในการต่อรอง

“หรือเราจะแยกกันนอนคนละห้องเหมือนเดิม”พอพูดยังไม่ทันจบดีนักนิ้วเรียวของอีกฝ่ายก็แตะที่ริมฝีปากผมเป็นการบอกว่าไม่ต้องพูดต่อแล้ว เหมือนกับว่าเจ้าตัวจะยอมรับในข้อตกลงที่ผมตั้งขึ้น

เราคุยกันเรื่องนี้อีกเล็กน้อยก่อนจะพากันไปอาบน้ำอย่างทุกลักทุเลเพราะต้องระวังไม่ให้แผลของไอ้เชษฐ์โดนน้ำ จนสุดท้ายกลายเป็นว่าพากันเช็ดตัวเสียมากกว่า ซึ่งไอ้เชษฐ์ก็รักษาคำพูดได้ดีที่มันไม่ได้ทำให้การเช็ดตัวเลยเถิดไปไกล

“เจ็บไหม”ไอ้เชษฐ์ถามผมถึงรอยแผลพุพองที่เกิดจากน้ำตาเทียน

“ไม่หรอก...แผลมึงน่าจะเจ็บกว่ากูหลายเท่า”ผมตอบออกไปพร้อมกับล้มตัวลงนอน โดยที่อีกฝ่ายก็แนบกายลงนอนข้างๆ ผมเช่นเดียวกัน ไม่นานนักผมก็หลับลงภายใต้อ้อมแขนนั้น

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-01-2015 20:23:43
ตอนแรกว่าจะลงพรุ่งนี้

แต่พอดีครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ ลงให้หมดเลยแล้วกันเนอะ

นี่ก็จะผ่าน 2 ใน 3 ส่วนของเรื่องแล้ว สรุปคู่นี้รักกันยัง 5555

 o13 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 09-01-2015 21:15:12
อยากรู้อ่ะว่าจริงๆแล้วเชษฐ์อ่ะคิดยังไงเพราะเหมือนมันคลุมเคลือไม่ชัดเจนในความคิดนะเราว่า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-01-2015 21:49:08
ต้องรักกันมากกว่าเดิมสิคะ  เพราะว่าเพิ่งผ่านอะไรมาด้วยกัน

ดีแล้วที่ไปแจ้งความนะคะ แจ้งเป็นพยายามฆ่าได้เลยนะเนี่ย  คนเลวๆแบบนั้นต้องเอาให้เข็ดหลาบ ไม่งั้นก็ไปทำกับคนอิ่นต่อ

คิดว่าเชษฏ์น่าจะได้เกริ่นๆกับที่บ้านไว้มั่งหรือเปล่าเอ่ย?

พี่มาศ - ม.ม้าอีกแล้วนะคะ มาบ, มันส์, มาศ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 09-01-2015 21:52:31
ตกลงเชษฐ์รักติ๊ฟป่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 09-01-2015 22:13:59
ดีแล้วๆ แจ้งความไว้เลยค่ะ
เผื่อมันแค้นยกพวกมารุม
เปิดใจให้เชษฐ์หน่อยนะติ๊ฟ หวังว่านี่คงไม่ใช่เกมส์
บอกตามตรง เราก็แอบระแวงเหมือนติ๊ฟอะ :katai1:
รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-01-2015 22:29:55
สะใจจมตีนเชรษฐ์ไปเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ
ติ๊ฟเริ่มเปิดใจแล้วน่ะเออ เชรษฐ์ล่ะทางบ้านยังไงๆๆ
รักกันแล้วซิ หรือเปล่า งงเย้ย ฮ่าๆๆๆๆ
ลุ้นต่อๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Zarch krub ที่ 09-01-2015 23:07:50
มีหลายคำถามที่เชษยังไม่เคลียร์นะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 10-01-2015 11:12:11
ทำกับคนที่เรารักขนาดนี้ไม่กระทืบให้ตายก็บุญแล้วได้พวกโรคจิตรกโลก :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-01-2015 11:36:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 29 ทั้งหมด [09-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 10-01-2015 13:21:21
วันที่ 30

ผมรู้สึกได้ถึงอาการปวดบริเวณหน้าและปาก รู้สึกด้วยว่าตอนนี้หน้าผมอาจจะบวมอยู่หน่อยๆ ก็เป็นได้ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ อย่างยากลำบาก ใช่แล้วตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันปวดระบมไปหมด นี่คงเป็นผลมาจากเมื่อวานที่โดนพวกนั้นทำร้ายมาอย่างแน่นอน แบบนี้นี่เองที่เค้าว่าตอนแรกมันจะไม่เจ็บพอวันต่อมามันจะเจ็บหรือปวดสุดๆ

แล้วแบบนี้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมละมันจะปวดแผลหรือเปล่า ผมค่อยๆ หันหน้ามองอีกคนซึ่งยังคงหลับอยู่ ผมค่อยๆลุกจากเตียงอย่างค่อนข้างจะติดขัดเล็กน้อย

“จะรีบลุกไปไหน...อย่าบอกนะว่าคิดจะไปเรียน”น้ำเสียงของอีกคนที่ยังไม่ลืมตาตื่นเสียด้วยซ้ำ

“ไม่ไปหรอก”สภาพอย่างที่เป็นอยู่ใครจะอยากไปเรียนกันเล่า ขนาดสภาพปกติผมเองก็ไม่ค่อยจะตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่อยู่แล้ว อีกอย่างขืนไปเรียนในสารรูปแบบนี้มีหวังได้ฮือฮากันทั้งมหาวิทยาลัยเป็นแน่แท้

“จะไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาหน่อยนะ มึงเองก็เหมือนกันลุกได้แล้ว จะได้ล้างหน้าล้างตา กินข้าว กินยา แล้วก็ล้างแผลด้วย”พอนึกขึ้นได้ผมก็ต้องปลุกอีกคนให้ลุกตามด้วยเพราะจำได้ว่า น้าหมอของไอ้เชษฐ์ เสนอทางเลือกให้หากว่าขี้เกียจไปล้างแผล ก็ให้ทำเอง เพราะน้าหมอบอกว่าไอ้เชษฐ์เองก็อยู่กับน้าหมอมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเรื่องแค่นี้ ต้องทำเองได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ก็สอนให้เพื่อนอย่างผมทำให้แล้วกัน

เพื่อน ใช่สินะตอนนี้ผมก็ยังเป็นได้แค่ฐานะเพื่อน สำหรับมุมมองของคนภายนอก คนที่มองว่าผมไม่ใช่เพื่อนกับไอ้เชษฐ์ก็คงมีแต่ที่บ้านผมกับพวกเพื่อนๆ เท่านั้นแหละ

“มึงจะเป็นคนทำความสะอาดแผลให้กูใช่ไหม”เจ้าของเสียงพูดยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกแต่อย่างใด ทำเพียงขยับตัวพร้อมกับพูดทั้งที่ตาปิดลงอีก เห็นแล้วก็ไม่รู้จะหมั่นไส้หรือสงสารดี แต่เอาเถอะยกให้มันสักพักก็มันอุตส่าห์ไปช่วยผมไว้นี่นาเนอะ

“งั้นเดี๋ยวกูล้างหน้าล้างตาแล้วจะออกไปซื้อโจ๊กแล้วกัน มึงก็ลุกมาจัดการตัวเองให้เรียบร้อยรอเลย”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบดีไอ้เชษฐ์ก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนเป็นผลทำให้

“โอ๊ย”ใช่แล้วครับสงสัยว่ามันลืมว่าตัวเองมีแผลอยู่ นี่เล่นลุกยังกะตัวเองไม่ได้เป็นอะไร ขนาดของผมแผลเล็กน้อย แผลฟกช้ำยังปวดระบมอยู่อย่างที่ผมเป็นแล้วของมันจะไม่ปวดยิ่งกว่าผมเหรอ

“ระวังหน่อยสิ มึงนิทำยังกะเด็กๆไปได้”ผมตรงเข้าไปหาอีกคนเพื่อสำรวจดูว่ามันทำให้แผลเปิดมากขึ้นหรือเปล่า แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้มีอะไรมาก ผ้าที่ปิดแผลก็ดูแห้งดีไม่ได้มีเลือดที่ออกมาใหม่

“ก็กลัวมึงจะทิ้งกูไปนี่นา”คำพูดของมันทำให้ผมต้องหันมองหน้าไอ้คนพูด กลัวถูกทิ้ง ทิ้งไปไหน ทิ้งไปซื้อโจ๊กที่ผมพูดเมื่อสักครู่เนี่ยนะ

“อีกทีนะ กูจะไปซื้อโจ๊กแล้วที่มึงบอกว่ากูจะทิ้งนี่หมายถึง...”ผมทำหน้าเซ็งโลกใส่มัน จริงๆ ก็เซ็งมันนั่นแหละครับ ทำยังกะลูกไม่อยากให้พ่อแม่ไปทำงาน (ที่รู้เพราะเด็กๆ เคยเป็นครับอ้อนแม่ไม่อยากให้แม่ไปทำงาน อิอิ)

“ไม่เห็นต้องไปซื้อก็ได้ ของในครัวเราก็มีไงเดี๋ยวกูทำเองก็ได้ไม่ยากหรอก”นั่นปะไร แล้วใครจะยอมให้มันทำกันละตัวเองก็ยังถือว่าป่วยอยู่จะมาทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงกัน ผมส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธที่จะให้มันได้ทำตามที่พูด แต่ได้เจ้าของความคิดเหมือนไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่ผมพยายามจะบอกสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมดันเข้ามาอยู่ในวงแขนของมันได้ยังไงกันละเนี่ย วงแขนที่ล้อมผมไว้อย่างหลวมๆ พร้อมกับคางของเจ้าของวงแขนที่มาวางอยู่ตรงไหล่ผม แถมด้วยการพ่นลมหายใจเล่นรดต้นคอผม ถ้าเป็นตอนปกติที่มันไม่ได้เจ็บอยู่แบบนี้ ผมคงถีบมันตกเตียงไปแล้ว แต่นี่เห็นแก่ที่มันยังเจ็บอยู่หรอกนะ

“ถ้าไม่ให้ทำเองงั้นเราออกไปซื้อโจ๊กด้วยกันก็ได้”อันนี้พอจะน่ายอมรับได้อยู่บ้าง เพราะแม้จะไม่อยากให้มันทำอะไร แต่ผมก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นง่อยที่ออกไปไหนไม่ได้ แค่ออกไปซื้อโจ๊ดด้วยกันคงไม่เป็นไรมากหรอกมั้ง

แต่ตอนนี้ถ้าผมไม่รีบหาทางออกจากอ้อมแขนไอ้เชษฐ์ ผมว่าผมคงได้กลายเป็นโจ๊กให้มันแทนอาหารเช้าแน่ๆ แล้ว ไม่ใช่ว่ามันพยายามทำอะไรมากมายหรอกนะครับ แต่ผมกลัวผมห้ามใจตัวเองไม่ได้เสียมากกว่า ก็ดูมันมาคลอเคลียผมยังกะลูกแมวแบบนี้ จริงๆ มันก็คงหวังผลแหละครับ แต่จากที่เมื่อคืนผมเป็นคนสั่งห้ามว่าเราจะไม่มีอะไรกันจนกว่าแผลมันจะหาย ซึ่งถ้ามันเกิดผิดข้อตกลงผมก็จะไม่นอนห้องเดียวกับมัน แต่ผมว่ามันคงกะจะมาเหนือผมโดยการแกล้งทำให้ผมเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวเอง

“กูไปเข้าห้องน้ำที่ห้องนอนกูนะ”ผมรีบชิ่งออกก่อนที่มันจะเลยเถิดกันไปใหญ่ ซึ่งไอ้ตัวบนเตียงนั่นก็กระฟัดกระเฟียดเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ยังไงผมก็หลุดมาได้แหละน่า

เป็นอันว่าเราทั้งสองต้องไปซื้อโจ๊กกันด้วยสภาพที่แม่ค้าเห็นแล้วคงนึกว่าไอ้สองตัวนี่มันเพิ่งต่อยกันมาแน่ๆ เพราะคนนึงก็ทั้งรอยฟกช้ำ ส่วนอีกคนก็สะบักสะบอมไม่แพ้กัน แต่ช่างเหอะเพราะเดี๋ยวเจ๊แม่ค้าขายโจ๊กแกก็คงลืม แต่ถ้าแกเป็นคนลืมยากผมก็จะไม่ซื้อโจ๊กร้านแกอีกจนกว่าแกจะลืมโน่นแหละ

พอจัดการกับโจ๊กเรียบร้อยก็เข้าสู่กระบวนการเตรียมทำความสะอาดแผลให้ไอ้เชษฐ์มันซึ่งก่อนทำผมก็ต้องเข้าคอร์สเรียนวิธีการปฏิบัติก่อนซึ่งผู้สอนก็ไอ้เชษฐ์เองนั้นแหละ ทั้งที่จริงๆ คล่องขนาดมันทำเองเสียก็สิ้นเรื่อง แต่นี่ก็คะยั้นคะยอผมที่ยังทำเก้ๆ กังๆ อยู่ให้เป็นคนทำให้อยู่นั่นแหละ

“โอ๊ย!!!”

“เจ็บเหรอ”ผมรีบถามอย่างทันควันหลังจากที่เปิดผ้าที่ปิดแผลของไอ้เชษฐ์ออกเพราะว่าจะทำความสะอาดแผล แต่เจ้าตัวกลับร้องยังกะจะโดนเชือดทั้งที่ผมก็ว่าผมไม่ได้ทำอะไรรุนแรงนี่นา

“เจ็บตรงนี้”คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมกับเอามือผมไปจับที่หน้าอกข้างซ้ายมัน นี่จะมาไม้ไหนอีกละ

“สำออย”ผมว่ามันไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาสนใจกับแผลเหมือนเดิม

“ก็หัวใจกูมันเต้นแรงเกินไปมันก็เจ็บดิ มึงดูดิมันเต้นแรงจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว มันจะเก็บไว้กับตัวไม่อยู่นะเนี่ย ไม่รู้จะมีใครเก็บไว้ให้หรือเปล่า”แม้จะฟังดูเสี่ยวไม่ใช่น้อย แต่ผมก็อดที่จะแอบยิ้มกับคำพูดนั้นไม่ได้ ไอ้บ้าเอ้ย อย่ามาทำเป็นพูดเล่นแถวนี้นะ เกิดผมเอาจริงขึ้นมาละก็....

“เฉยๆ ได้ไหม”ก่อนที่จะได้ทันทำอะไรต่อ ไอ้นี่ก็ดูจะวุ่นวายมือไม้ไม่อยู่สุขเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่านี่กว่าจะครบกำหนดไปตัดไหมเย็บ ผมต้องสู้รบปรบมือกับไอ้เชษฐ์ในระหว่างที่ทำความสะอาดแผลให้มันเนี่ยเหนื่อยขนาดไหน เหนื่อยที่ไม่ใช่เปลืองแรงนะครับ แต่เหนื่อยใจกับมันมากกว่า

“มึงว่ามันจะเป็นแผลเป็นไหมว่ะ”ทั้งที่เมื่อสักครู่ผมบอกให้มันอยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้มันก็เหมือนจะอยากมาแย่งผมทำความสะอาดแผลเสียแล้ว จริงๆที่ผมทำมันก็เป็นคนสอนซึ่งดูมันก็คล่องกว่าผมตั้งเยอะ แต่มันไม่ยอมทำเอง

“ถ้าเป็นแผลเป็นแล้วมึงจะกลัวอะไร ยังไงมันก็อยู่ใต้เสื้อผ้าอยู่แล้วหรือมึงจะไปเปิดโชว์ใคร”แผลเป็นตรงที่แบบนี้ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย เพราะมันไม่ได้เป็นจุดเด่นที่จะเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าคงไม่มีใครเห็นถ้าไม่ถอดเสื้อ

“ไม่เอาไปโชว์ใครหรอกเพราะนี่ถ้ามันจะเป็นแผลเป็นจริงๆ ก็จะเป็นแผลเป็นสำหรับมึงคนเดียว”ผมไม่รู้มันจะหมายความว่ายังไงแต่ผมฟังแล้วมันเหมือนตอกย้ำว่าแผลนี่ต้นเหตุมันมาจากผมเสียมากกว่านะเนี่ย

“กูว่ามึงทำเองเลยดีไหม จะได้เสร็จเร็วๆ”เมื่อได้รับการรบกวนหนักเข้าผมเลยกะจะพาลไม่ทำต่อให้เสร็จเอาเสียดื้อๆ

“ได้กูทำเองก็ได้”แม้คำพูดจะออกมาแบบนั้น แต่น้ำเสียงที่ผมจับใจความได้คาดว่ามันคงไม่ชอบมาพากลสักเท่าไหร่หรอก ฟังแล้วมันแปร่งๆ อยู่เพราะตอนแรกที่มันสอนผม แล้วผมบอกว่าให้มันทำเองน่าจะง่ายกว่าแต่มันก็จะให้ผมทำให้ได้

“แต่ถ้ากูทำเองมึงต้องมีข้อแลกเปลี่ยนให้กู ตกลงไหม”ว่าแล้วไหมละ

“งั้นกูทำให้ก็ได้”ผมแทบไม่ต้องคิดเลยครับ ไม่ต้องรอฟังข้อตกลงของมันหรอกเพราะคาดการณ์จากสีหน้าและแววตาแล้ว ข้อแลกเปลี่ยนน่าจะมีอยู่แค่เรื่องเดียว ซึ่งผมก็คงเดาไม่ผิดหรอกน่า

“ไม่สนใจอยากรู้ข้อเสนอก่อนเหรอ”รู้สึกไอ้เชษฐ์จะยังไม่ละความพยายาม แต่ผมไม่หลงกลมันง่ายๆ หรอกน่า

“อยู่เฉยๆ ไปเลยเดี๋ยวก็เรียบร้อยแล้วเนี่ย...เออน้าหมอนัดไปตัดไหมวันไหนนะ”ผมก็จำไม่ค่อยได้เพราะน้าหมอของไอ้เชษฐ์ก็ไม่ได้แจ้งอะไรให้ผมทราบ น้าหมอเค้าก็บอกแค่หลานชายเค้าเท่านั้นเอง

“ก็น่าจะประมาณอีกสิบวันอยากไปวันไหนก็ไปได้หมดแระ หรือไม่เดี๋ยวน้าชาก็โทรมาตามเองแหละ”เออเนอะมีน้าเป็นหมอก็ดีแบบนี้นี่เองไม่ต้องกังวลเรื่องวันที่หมอนัด เพราะจริงๆ หมอคงมาดูให้ได้ถึงบ้านอยู่แล้ว

“เออนี่มึงบอกว่าเราจะไม่มีอะไรกันจนกว่าแผลกูจะหายใช่ไหม”น่านๆ ไอ้นี่การตัดไหมก็ไม่ได้หมายความว่าแผลหายดีหายสนิทแล้วนะเฟ้ย

“ใช่...ทำไม”ผมต้องตอบแบบไว้เชิงนิดนึงต้องรอฟังก่อนว่ามันจะเอาไม้ไหนมาเล่นอีก

“ก็มึงว่าเราจะนอนห้องเดียวกันถ้าเราไม่มีอะไรกันในระหว่างที่แผลกูยังไม่หาย...งั้นถ้ากูไม่นอนห้องเดียวกับมึงก็...”น้ำเสียง มือไม้กริยาอาการมาหมด จัดเต็มครับ ไม่มีสงวนท่าทีแม้แต่น้อย

“ยังไงเราก็ยังอยู่ในคอนโดเดียวกัน”แม้จะเป็นการแถแต่ผมก็จะเอาสีข้างเข้าสู้เต็มที่ ดูสิมันจะแก้เกมนี้กับผมได้ยังไง

“โหไรอ่ะ...มึงนิไม่เห็นใจกันบ้างเลย จริงๆมึงต้องให้รางวัลกูบ้างนะ”ดูๆ ครับตอนนี้ทำแกล้งงอนยังกะสาวน้อยวัยแรกแย้ม เอากับมันสิครับ ผมไม่ตอบโต้แบบตีเนียนนิ่งน่าจะดีที่สุด ปล่อยให้มันบ้าไปคนเดียวเหอะ

“หอมแก้มกูหน่อย นะ นะๆๆ”อ้าวมีงี้ด้วย ไม่พูดเปล่านะครับมีการทำแก้มป่องยื่นหน้ามาให้ผมด้วย ไอ้ผมก็ด้วยอารมณ์เขินๆ นิดหน่อยบวกกับไม่รู้จะทำไงอีกนิดๆ เลยหอมแก้มมันไปอย่างเสียไม่ได้ แต่ไอ้เจ้าของแก้มนี่สิยิ้มจนแทบปากจะฉีกถึงหู แหมทำยังกะตัวเองน่าหอมนักงั้นแหละ

“แบบนี้กูคงจะยกขันหมากไปขอมึงได้ไม่ยากแล้วใช่ไหม แถมพ่อตาแม่ยายก็ออกจะไฟเขียว”ไอ้เชษฐ์พูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปทำแบบเดียวกับที่ผมเพิ่งทำเมื่อสักครู่เพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่งกัน แต่สำหรับผมกลับมีสิ่งหนี่งผุดขึ้นมาให้หัว เมื่อกี้ไอ้เชษฐ์พูดถึงพ่อแม่ผม

ใช่แล้ว พ่อ แม่ มันละไม่เห็นมันจะพูดถึงบ้าง ผมรู้สึกว่าจะได้ยินจากน้าหมอของมันว่ามันอยู่กับน้าหมอมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วแบบนี้พ่อแม่ของมันไปอยู่ไหนกันละ ผมก็ยังไม่รู้เรื่องครอบครัวของมันอยู่ดี นี่ถ้ามันไม่โดนมีดแบบนี้ผมจะได้รู้หรือเปล่าว่ามันมีน้าเป็นหมอ หรือที่จริงแล้วมันไม่ต้องการให้ผมรับรู้เรื่องราวชีวิตทางฝั่งครอบครับของมันเลย

“นี่เชษฐ์มึงอยู่กับน้าชามาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ”ผมตัดสินใจถามออกไป ซึ่งคนถูกถามก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากไปกว่านั้น

“ก็ช่าย...ประมาณนั้นแหละมั้ง อืมวันนี้ไหนๆ เราก็ว่างแล้วเอา DVD มาดูกันดีกว่า”แล้วก็เหมือนมันพยายามจะเปลี่ยนเรื่องไปเป็นอย่างอื่นเสียอย่างนั้น แต่ผมก็คงไม่เซ้าซี้ถามต่อหรอกครับ ในเมื่อเหมือนเจ้าตัวเค้าไม่อยากพูด ไม่อยากให้เรารับรู้ เราก็ไม่ควรที่จะไปละลาบละล้วงอีก

จริงๆแล้วผมไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวมันเลยนะเนี่ย เมื่อก่อนเป็นเพื่อนกันก็เจอกันรู้จักกันแค่เป็นเพื่อนไม่ได้รู้จักทางครอบครัวว่าเป็นยังไง ตอนนี้ผมยอมรับว่าก็มีความอยากรู้บ้างว่าครอบครัวมันเป็นยังไง และเค้าจะมีความเห็นอย่างไรกับการที่ลูกชายเค้ามามีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าไอ้เชษฐ์มันไม่อยากให้ผมรู้ ก็เป็นไปได้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้ต้องการที่จะคบกับผมแบบยืนยาว



สุขสันต์วันเด็กกันทุกคนนะครับ

แม้น่าจะเลยวัยกันแล้ว หุหุ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-01-2015 16:45:06
ปากบอกชอบแต่ก็ไม่ชัดเจนนะเชษฐ์นะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-01-2015 18:00:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 10-01-2015 18:51:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-01-2015 19:06:57
เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆๆๆ แต่เกิดต่อมอยากรู้ครอบครัวเชรษฐ์อย่างแรง ลุ้นต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 10-01-2015 19:31:13
เชษฐ์เน่าได้อีก..... :o10:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 10-01-2015 20:23:19
เชษฐ์เลี่ยงอีกแล้ว :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-01-2015 20:39:47
อ้าว เมียคิดมากละนะพี่เชษฐ์
มีอะไร พูดให้เคลียร์เลยนะ :เฮ้อ:
เหลืออีก 15 วันเองน้าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 10-01-2015 21:05:29
ตีฟคิดแค่ปัจจุบันพอนะคะขุ่นลูก.เครนะ. :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 10-01-2015 21:14:02
ตี้ฟเริ่มใจอ่อนแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 30 [10-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 11-01-2015 09:51:46
วันที่  31

ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่กำลังเอ่อล้นในดวงตาของผม แล้วมันก็ค่อยๆ ไหลรินออกมา ผมไม่ได้พยายามจะสกัดกั้นมันไว้แม้แต่น้อย ทำเพียงปล่อยให้มันไหลออกมาอย่างอิสระ ไม่มีอาการสะอื้น ไม่มีเสียงประกอบ มีเพียงหยดน้ำใสๆ เท่านั้นที่ออกมาจากตา

“เฮ้ย....มึงเป็นไรตี๊ฟ ร้องไห้ทำไม”คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมหันมาถามผมด้วยท่าทีตกใจเป็นอย่างมาก สองมือของเค้าปาดเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของผม

“กูไม่เป็นไร”ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเห็นเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แต่ดูอีกฝ่ายยังมีสีหน้ากังวลอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อาจเพราะเค้าไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้ก็เป็นได้ วันนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ก็ยังไม่ได้ไปเรียนอีกเช่นเคย ซึ่งอาจจะลากยาวทั้งสัปดาห์นี้ก็เป็นไปได้ ซึ่งก็โชคดีที่การเรียนของพวกผมไม่ค่อยมีการเช็คชื่อที่เคร่งครัดเท่าใดนัก เพราะถือว่าเราต้องมีความรับผิดชอบในตัวเอง ถ้าจะไม่เข้าเรียนก็ต้องขวนขวายหรือตามคนที่เข้าเรียนให้ทัน

เมื่อไม่ได้ไปเรียนก็ไม่มีอะไรทำ นอกจากทำการรื้อกรุบรรดา VCD DVD ต่างๆ ออกมานั่งดู และตอนนี้ผมกับไอ้เชษฐ์ก็กำลังดูหนังอยู่เรื่องนึง หนังเรื่องนี้ผมเคยดูมาแล้วหลายรอบ เพราะแผ่นที่เปิดอยู่ก็เป็นแผ่นของผมเอง หนังไม่ได้ซึ้งจนน้ำตาท่วมอย่างที่ผมกำลังเป็นหรอก เพราะจริงๆ หนังเรื่องนี้เมื่อดูจบมันจะให้ความรู้สึก หนักๆ อึ้งๆ จุก เหมือนมันตื้ออยู่ข้างในไปหมด แต่รอบนี้ที่ผมมีอาการอย่างที่เป็นอาจเป็นเพราะว่า การดูในครั้งนี้มันมากระตุ้นความรู้สึกบางอย่างของผมนั่นเอง

หนังที่เราสองคนกำลังดูอยู่ตอนนี้คือเรื่อง “My Own Private Idaho” นำแสดงโดย River Phoenix และ Keanu Reeves เรื่องราวความสัมพันธ์ของชายหนุ่มสองคน ที่มาจากพื้นฐานทางครอบครัวที่ต่างกัน และต่างคนต่างมีสิ่งที่ขาด และเมื่อต้องมาเดินทางไปด้วยกันฝ่ายหนึ่งคิดว่าอีกฝ่ายคือส่วนที่เติมเต็ม แต่อีกฝ่ายคิดเช่นไรนั่นมันยากที่จะคาดเดา

“อินกับหนังขนาดนั้นเลยเหรอ”ไอ้เชษฐ์พูดยิ้มๆ อย่างล้อเลียนผม แต่ผมก็ไม่ได้อะไรกับมันหรอกครับ คงเพราะปกติเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ก็มีแต่พากันไปดูหนังผีบ้าง สยองขวัญบ้างไม่ก็พวกหนังแอ๊คชั่นหนังตลกใครที่ไม่เคยเห็นผมดูหนังแนวนี้ก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา

“ก็แค่ดูแล้วกลับมานึกย้อนถึงตัวกูเองแค่นั้นแหละ ว่าคนเรามันก็ต้องพบเจอกับความผิดหวังกันทุกคน กูเองก็เคยพบเจอกับความผิดหวังมาเยอะและก็คิดว่ายังจะต้องเจอกับความผิดหวังอะไรอีกมาก”ผมพูดเสียงราบเรียบ แต่จะค่อนไปในทางหม่นๆ เสียมากกว่า เพราะรู้สึกเริ่มไม่มั่นใจในอะไรอีกหลายอย่าง การคาดหวังในใครสักคน เราก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับกับความผิดหวังอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ผมได้ตัดสินใจที่จะเสี่ยงอีกสักครั้งก็แล้วกัน แม้จะไม่มั่นใจเลยก็ตาม

“ชีวิตคนเรามันก็ไม่ได้พบเจอแต่ความผิดหวังไปเสียหมด นี่นา อย่าคิดมากเลย อันนี้ก็แค่หนัง”มันก็จริงว่านี่เป็นแค่ภาพยนตร์เพียงเรื่องนึงเท่านั้น แต่ชีวิตจริงบางทีมันอาจจะยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้ใครมันจะไปรู้

“การที่เราคาดหวังให้คนอื่นเป็นอย่างที่เราหวัง หรือการที่คนอื่นคาดหวังจะให้เราเป็น มันย่อมมีโอกาสที่จะผิดหวังกันได้ในทุกฝ่ายแหละ เพราะเราเป็นอย่างที่คนอื่นเค้าหวังไม่ได้ทั้งหมด และคนอื่นเค้าก็คงเป็นอย่างใจเราต้องการทั้งหมดไม่ได้อยู่ดี”ใช่แล้วตอนนี้ผมกำลังคาดหวังกับไอเชษฐ์เข้าให้เสียแล้ว และผมก็รู้ว่าหวังไว้สูงทีเดียว แล้วแบบนี้ผมจะเป็นเหมือนที่เคยมีคนเค้าพูดกันหรือเปล่านะ ยิ่งเราหวังไว้มาก เกิดไม่เป็นแบบที่เราคาดหวังเราก็จะยิ่งเจ็บหนัก

“อินมากนะเนี่ยเรา”เสียงไอ้เชษฐ์ยังคงพูดเหมือนเป็นการที่ไม่ได้จริงจังมากนัก แน่นอนมันคงไม่รู้ว่าในตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่ และผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าตัวมันคิดยังไงเช่นกัน วันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน ติดกับเกมส์ที่บรรดาเพื่อนๆ สร้างขึ้นมา แล้ววันข้างหน้ามันจะเป็นยังไงต่อไป เมื่อครบ 45 วัน ตามที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก มันจะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าเกิดว่าเราเล่นเกมส์นี้ไม่ครบกำหนดล่ะ

“เชษฐ์...”ผมหันหน้าเข้าหาอีกคน พร้อมเรียกชื่อของคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง และเป็นการให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้กำลังจะพูดเรื่องที่มันดูจริงจังหน่อย

“ท่าทางเครียดชียว...มีอะไรหรือเปล่า”ไอ้เชษฐ์ขยับเข้ามาใกล้ผม พร้อมกับมือที่ไล้ไปตามใบหน้าของผม

“ตอนนี้เรายังอยู่ในเกมส์ใช่หรือเปล่า”อีกฝ่ายมีอาการชะงักไปเล็กน้อยในสิ่งที่ได้ยินจากผม แม้ว่าเกมส์ที่เราเล่นมันยังเดินมาไม่ถึงครึ่งทางเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิดว่าผมตัดสินใจ เล่นเกมส์นี้ลงไปได้ยังไงกัน แต่มันก็เลยเถิดมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับได้แล้วละตอนนี้ มีแต่จะทำยังไงต่อจากนี้ไปมากกว่า

“ถ้านับวันนี้ก็ วันที่ 31 แล้ว ทำไมเหรอ...”ไอ้เชษฐ์เชิงตอบและตั้งคำถามกลับมาที่ผมว่าผมต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

“จำได้ใช่ไหมว่าข้อตกลงของเกมส์นี้ มันคืออะไร”ที่ผมต้องถามแบบนี้ เพราะตอนนี้เหมือนทั้งผมและไอ้เชษฐ์จะทำตัวสวนทางกับสิ่งที่ตั้งปณิธานไว้ในตอนแรก เราเคยคุยเรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว ซึ่งไอ้เชษฐ์กลับให้เหตุผลว่าความรู้สึกคนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้ และเคยบอกว่าเราสองคนควรยอมแพ้ในเกมส์นี้

“แล้วตอนนี้มึงต้องการให้มันเป็นยังไง”ตอนนี้เหมือนต่างฝ่ายต่างตั้งคำถามเข้าหากันยังไงไม่รู้เนอะ

“มันไม่ใช่กูแค่คนเดียว...ตอนนี้เราทั้งสองคงต้องมาทบทวนกันแล้วว่า เรายังจะเล่นเกมส์นี้ต่อไป หรือจะล้มเลิก”ใช่แล้วสำหรับผม ผมว่าตอนนี้ผมอยากจะจบเกมส์นี้เสียแล้ว

“งั้นเราก็ต้องเปิดใจคุยกันแล้วละตี๊ฟว่าตอนนี้เรารู้สึกต่อกันเช่นไร”เหมือนไอ้เชษฐ์จะอ่านใจผมออกหรือไงไม่รู้ เพราะมันเสนอในสิ่งที่ผมกำลังคิดเลย

“แล้วมึงรู้สึกยังไงกับกู”แม้ว่าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ้าง แต่มันก็ยังอยากได้ยินจากปากของไอ้เชษฐ์อยู่ดี เพื่อความมั่นใจและเป็นการตัดสินใจ สำหรับเกมส์นี้ว่าผมจะยุติมันแล้ว...แต่การจบเกมส์นี้ผมจะเป็นฝ่ายแพ้พนันไอ้การ์ดหรือเปล่า เท่านั้นเอง

“จริงๆ กูยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องบอกต้องอธิบายกับมึง แต่ไม่ว่ายังไงให้มึงจำไว้เลยว่า...”ไอ้เชษฐ์ค้างคำพูดไว้แค่นั้น แต่สองมือของไอ้เชษฐ์ยื่นมาประคองหน้าผมพร้อมกับใบหน้าของมันที่ใกล้เข้ามาหาผม ริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ หนักหน่วงขึ้น ผมปล่อยให้อีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นผมอย่างไม่ได้ขัดขืน เนิ่นนานเสียจนจะขาดใจให้ได้

“กูรักมึง”สายตาของเจ้าของคำพูดนั้นเพ่งมองมาที่ผม มันเป็นสายตาที่แน่วแน่ และไม่มีแววของการเสแสร้งแกล้งทำ สายตาที่ดูจริงใจนั่นเล่นเอาผมต้องหลบตาต่ำลงเพราะมันเหมือนเจ้าของสายตาจะแอบแฝงความหื่นกระหายที่อยากจะกลืนกินผมลงไปเสียให้ได้

“งั้นเหรอ”ผมหลุดปากออกเพียงเบาๆ เหมือนไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำตอบที่ได้ยิน แต่ความจริงแล้ว ในใจผมตอนนี้มันลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก แม้นี่จะเป็นเพียงคำโกหกหลอกลวง ผมก็ยินดีจะเชื่อ อย่างน้อยมันก็ยังให้ผมได้มีความสุขกับความรู้สึกนี้ได้ไปอีกหน่อยแหละน่า

“อะไรอ่ะ...ทำยังกะไม่ใยดีในความรู้สึกที่กูมีให้เลย”ไอ้เชษฐ์มีอาการเหมือนจะโกรธอยู่เล็กน้อยที่เห็นผมทำเหมือนไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่มันเพิ่งบอก

“อ้าวแล้วจะให้กูทำยังไง”ไอ้นี่ก็นะ...ไม่เข้าใจเลยหรือไงว่าคนมันเขิน จะให้ดีใจกระโดดโลดเต้นให้ดูเลยไหมว่าดีใจเสียเต็มประตา

“กูรักมึง แล้วมึงรักกูไหมอ่ะ”นั่นสินะผมรักมันไหม หรือว่าแค่หวั่นไหวไปเท่านั้น หรือแค่ชอบยังไม่ได้รัก ความรักมันคืออะไร แต่ถ้าถามความรู้สึกที่ผมมีต่อมันตอนนี้ ผมก็อธิบายออกมาได้ไม่หมดหรอก ว่าแต่ความรู้สึกที่ผมมีให้มันคือความรักหรือเปล่า

“กูรู้แค่ว่า เราควรจะจบเกมส์ที่เรากำลังพนันกับไอ้การ์ดนี่เสียที”ผมหันหน้าสบตากับไอ้เชษฐ์อีกครั้ง ด้วยสายตาที่แน่วแน่ แต่อีกฝ่ายกลับดูไม่ค่อยจะยินดีในสิ่งที่ผมพูดเลย แต่กลับมีสีหน้าไม่พอใจอยู่เสียด้วยซ้ำ

“ทำไม”สั้นๆ และห้วนๆ อย่างพร้อมจะเอาเรื่องผมเต็มที่กับคำที่หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย

“กูคิดว่ากูแพ้เกมส์นี้แล้ว...มันก็ควรจะจบเกมส์เสียทีถูกไหม”ผมกลั้นใจพูดออกไป หวังว่ามันคงเข้าใจในสิ่งที่ผมบอกนะ

“อะไรนะ...มึงหมายความว่าไง”จากหน้าเป็นตูดเมื่อสักครู่คราวนี้หน้าเหมือนจะเป็นจานไปเลยนะเนี่ย ไอ้นี่มันอารมณ์แปรปรวนจริงๆ นะผมว่า

“ก็หมายความว่าเลิกเกมส์นี้ได้แล้ว เพราะเราแพ้ไอ้การ์ดมันแล้ว”ใช่แล้วก็ในเมื่อไอ้เชษฐ์มันบอกว่ารักผม และผมเองก็คิดว่าผมคงตกหลุมรักมันเข้าให้เสียแล้ว ผมหวังว่าครั้งนี้จะเป็นรักครั้งสุดท้ายของผมนะ ไม่อยากจะผิดหวังอีกแล้ว แม้จะยืนยันไม่ได้ 100% ว่าผมจะไม่ผิดหวังอีก แต่ผมก็ขออยู่กับความหวังนี้อีกแล้วกัน

“มึงพูดให้มันชัดๆ กว่านี้หน่อยสิ”อ้าวนี่ผมยังพูดไม่ชัดตรงไหนอีกเหรอ ผมว่าผมก็พูดอธิบายทุกอย่างแล้วนะ แต่ทำไมไอ้นี่มันยิ้มแบบนี้กันนะ

“ก็บอกไปแล้วไงว่าเราแพ้ไอ้การ์ดมันแล้ว มึงก็จำได้ไม่ใช่เหรอว่าเราพนันกับมันว่ายังไง”ผมยังคงอธิบายในสิ่งที่คิดว่าไอ้เชษฐ์น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี

“มันไม่ใช่แบบนั้น...ก็ทีกูยังบอกมึงเลย แล้วทำไมมึงไม่บอกกูบ้างล่ะ”ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันต้องการอะไรจากผม แต่ตอนนี้ผมอยากให้ตัวเองมั่นใจกว่านี้ก่อนค่อยบอกมันน่าจะดีกว่า เอาแบบที่ผมมั่นใจเต็ม 100 ว่าผมรักมันเมื่อไหร่ผมจะบอกให้มันฟังแน่นอน

“ก็บอกไปแล้วไง หมายความอย่างที่กูพูดนั่นแหละ กูว่าตอนนี้เรามาเตรียมรับมือกับไอ้การ์ดดีกว่าว่ามันจะขออะไรเป็นรางวัลกับการที่มันชนะพนันครั้งนี้”ผมพยายามบ่ายเบี่ยง แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเกิดอาการประท้วงผมเล็กๆ เข้าให้แล้ว เพราะมันทำเหมือนไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูด ไม่มองผม

“ทำเป็นเด็กๆ ไปได้ โกรธเหรอ”ผมขยับเข้าไปหาอีกฝ่ายที่พยายามถอยออกห่างผม พร้อมกับเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่ายไว้ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้หันมามองผม

“ไม่ได้โกรธ...แค่งอน”แนะ มีแบบนี้ด้วยผมแทบจะหลุดขำกับอาการของมันนะเนี่ย

“งั้นไม่ง้อนะ”ปากก็พูดไปแต่ไอ้ที่ผมทำอยู่เนี่ย คือการง้อมันชัดๆ เลยนะนั่น

“ถ้าไม่ง้อ...หายเองก็ได้”อ้าวมันงอนแล้วหายง่ายขนาดนั้นเลย ไอ้นี่ก็แปลกเหลือเกิน

“ดีมาก”และยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบดีนัก ตัวผมก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของไอ้เชษฐ์เสียแล้ว สายตากรุ้มกริ่มที่มันมองผม ทำให้อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ เลยเอานิ้วสะกิดแผลมันเบา

“โอ๊ย...แกล้งกันเหรอ”แทนที่มันจะปล่อยผมแต่ผมกลับถูกกอดแน่นขึ้น เราสองคนเงียบกันไปสักพักผมกำลังคิดทบทวนอีกนิดหน่อยกับสิ่งที่ผมตัดสินใจลงไป แม้ว่าเกมส์นี้ผมจะแพ้ แต่ไม่ได้เสียใจเลยสักนิด และแม้ว่าเกมส์จะยุติลงผมก็จะยังอยู่ที่นี่กับไอ้เชษฐ์เหมือนเดิม

“ถึงเกมส์จบแต่เราก็ยังจะอยู่ด้วยกันต่อไปใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมา ผมเพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ

“กูมีความสุขจังเลย”ตอนนี้แก้มผมเป็นเป้าหมายให้ไอ้เชษฐ์จนผมรู้สึกว่าแก้มผมเริ่มจะช้ำเสียแล้ว

“แบบนี้คงต้องขอบคุณไอ้การ์ดที่ช่วยคิดแผนนี้นะเนี่ย”

“แผนเหรอ”ผมสะดุดกับคำพูดของไอ้เชษฐ์เล็กน้อย กับคำว่า “แผน”

“ก็เกมส์นี้ไง กูหมายความว่าต้องขอบคุณไอ้การ์ดที่คิดไอ้เกมส์ที่เรากำลังเล่นอยู่นี่ขึ้นมา”อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอะไรที่เป็นพิรุธใดๆ ออกมาว่ามีลับลมคมใน หรือว่าผมคิดมากไปเอง

“นี่ตี๊ฟ...กูมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้บอกมึง”น้ำเสียงแผ่วเบาแต่ก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนแสดงให้เห็นว่ามันยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ยังไม่พร้อมจะเล่าให้ผมฟัง และเรื่องครอบครัวของมันเป็นเรื่องแรกที่ผุดเข้ามาในสมองของผม

“ถ้ามันเยอะมากจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก็เอาไว้ก่อนก็ได้นะ”ผมเปิดโอกาสให้มันคิดทบทวนก่อน และเป็นการรอให้มันพร้อมที่จะเล่าให้ผมฟังเองดีกว่าการจะมาซักไซ้ แต่ผมก็หวังว่าครอบครัวของไอ้เชษฐ์คงไม่ทำให้ความรักของผมจบลงเหมือนคราวผมกับมันส์นะ



เปิดใจกันแล้ว

แต่ แต่ แต่ มันยังดูมีลับลมคมในอ่ะเนอะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 11-01-2015 09:57:31
จิ้มก่อนเน้อ.เย้เย้. :o8:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-01-2015 18:42:10
นั่นซิ หรือเชษฐ์กลัวติ๊ฟจะรับไม่ได้
กับปมปัญหาในครอบครัวของตน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 11-01-2015 20:45:28
ทำไมมันยังลึกลับซับซ้อนอยู่น่อออออ :hao4:
รอตอนต่อไปน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 11-01-2015 21:14:38
บอกรักแล้วยังมีอะไรใต้พรมอีกเล่า? :serius2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 11-01-2015 21:22:13
เปิดใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: auntreory ที่ 11-01-2015 21:23:26
อีก 14 วัน อมความลับ ไว้วันที่ 45 ก็จบเรื่องพอดี หรือยังไง ดูแล้วกเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดยากน่ะ จากที่ผ่านอะไรมา การแก้ปัญหาควรแก้ให้จบในครั้งเดียวหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-01-2015 23:14:26
กำลังมีความสุขอยู่เลย แต่ ประโยคสุดท้ายที่เชรษฐ์พูดมา มันทำให้ค้างงงงงงง จะมีเรื่องอะไรวิ่งเข้ามาไหมเนี่ย ลุ้นต่อๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 12-01-2015 01:27:10
จะมาแนวมีคู่หมั้นแล้วแต่ไม่ได้รักรึเปล่านะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 31 [11-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 12-01-2015 06:55:48
วันที่ 32

“อะไรนะ พวกมึงยอมแพ้กูแล้ว...มันหมายความว่ายังไง ยังไง”ไอ้การ์ดพูดด้วยอารมณ์ยียวนกวนประสาทสุดชีวิต นี่ขนาดว่าผมเตรียมใจมาแล้วว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ยังอดที่จะเคืองๆ ไอ้เพื่อนตัวดีนี่ไม่ได้

“ก็หมายความอย่างที่กูบอกไป กูแพ้แล้ว”ผมย้ำออกไปอย่างเสียไม่ได้ ตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดของผมกับไอ้เชษฐ์โดยที่ตามเพื่อนๆ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เริ่มการเล่นเกมส์นี้ของพวกผม หรือตามที่ไอ้การ์ดมันบอกว่าสักขีพยานผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั่นแหละครับ

“เอะใครกันน้า...ที่เมื่อเดือนที่แล้วยังเถียงกันคอเป็นเอ็นว่าไม่มีทางอย่างนั้น ไม่มีทางอย่างนี้”เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนๆ สนุกสนานกันใหญ่ รวมถึงไอ้คนข้างๆ ผมที่ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลย

“หยุด พอเลยมึง...ตกลงมึงชนะมึงมีสิทธิ์ที่จะขออะไรจากพวกกูได้ทั้งนั้น จะเอาไรว่ามา”หวังว่ามันจะขออะไรที่สมเหตุสมผลไม่เวอร์จนเกินไปนะ แต่ถึงไงผมก็คงต้องยอมรับก็เราเป็นฝ่ายแพ้นี่นา อีกอย่างงานนี้ผมก็ไม่ได้แพ้คนเดียว ยังมีผู้ร่วมชะตากรรมอีก 1 คน ที่ยังคงหน้าระรื่นอยู่ข้างๆ ผม

“งั้นกูขอเป็นรายคนดีกว่า พวกมึงแพ้กันสองคนกูก็ต้องขอได้สองอย่างจริงไหม เริ่มจากใครก่อนดี”อ้าวทำไมมันกลายมาเป็นแบบนี้ละเนี่ย สรุปว่าไอ้การ์ดมันจะต้องการอะไรจากพวกผมกันละเนี่ย


แล้วสิ่งที่ผมได้ยินจากไอ้การ์ดและเพื่อนๆ ทุกคนทำเอาผมมึนงงไปพอสมควร เพราะสิ่งที่มันต้องการจากไอ้เชษฐ์คือการเลี้ยงเบียร์ฟรี 5 ทริป เอาง่ายๆ คือจัดให้พวกมันคนละครั้ง เพราะทั้งทีมมีกันอยู่ 5 คน ตอนแรกผมจะแอบเคืองเล็กน้อยที่พวกมันเอาไอ้เกมบ้าๆ นี่มาเล่นกับความรู้สึกผมเพียงเพราะไอ้เรื่องเหล้าเรื่องเบียร์แบบนี้ แต่สิ่งที่ไอ้การ์ดมันพูดต่อก็ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่

“ส่วนมึงนะตี๊ฟ เราสองคนก็รู้จักกันมานาน กูไม่อยากให้มึงคิดว่ากูเอาเกมบ้าๆ นี่มาเล่นตลกอะไรกับความรู้สึกของเพื่อน กูรู้ว่าตอนนี้มึงอาจจะกำลังคิดแบบนั้นอยู่ แต่ให้มึงรู้ไว้ว่ากูเป็นเพื่อนมึง และหวังดีกับมึงเสมอมา และจะเป็นเพื่อนที่ดีกับมึงตลอดไป ทุกอย่างที่กูทำลงไปอาจจะดู บ้าๆ บอๆ แต่มันก็เป็นในแบบของกู และก็มีแต่ความหวังดีเท่าที่เพื่อนอย่างกูจะมีให้มึงได้”ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาไอ้การ์ดเองเพิ่งจะเคยพูดอะไรแบบนี้กับผมนะเนี่ย จริงๆ ผมก็รู้ว่ามันเป็นเพื่อนที่ดี แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่ามันแค่ห่ามๆ กวนๆ ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกเพื่อนมากมาย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีใจนะที่มีมันเป็นเพื่อน

“ซึ้งว่ะ...มึงพูดแบบนี้ก็เป็นด้วย ขอกอดที”ผมแกล้งพูดกระเซ้าเพราะรู้ว่าไอ้การ์ดเองก็เขิน พร้อมกับเดินเข้าไปกอดมันจริงๆ จนไอ้คนขี้หึงข้างๆ ผมต้องดึงตัวผมให้ถอยออก

“กูแค่ขอให้มึงรักไอ้เชษฐ์มันตลอดไปไม่เปลี่ยนใจไปชอบใครอีกแล้วนะ”คำขอของไอ้การ์ดทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน สิ่งที่มันต้องการจากผมมีเพียงแค่นี้เองเหรอ แค่ขอให้ผมรักไอ้ผู้ชายที่ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่ารักมันอยู่แล้วตลอดไปอย่างนั้นหรือ ซึ่งผมก็หวังอยากให้มันเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมมันไม่ขอให้ไอ้เชษฐ์รักผมตลอดไปบ้าง อยากจะถามมันเหลือเกิน

“เท่านี้ใช่ไหม”ผมถามกลับออกไปสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ สถานการณ์ตอนนี้มันก็แปลกๆ อยู่นะ ที่ต้องมาประกาศให้เพื่อนๆ ทุกคนได้รับรู้ว่าผมกับไอ้เชษฐ์ตกลงปลงใจกันแล้ว ส่วนนึงก็อายอยู่นะที่ตอนแรกเริ่มเดิมที มันไม่ควรจะมาลงเอยแบบนี้ แต่กลับมาเป็นแบบนี้เสียได้

“ทำได้ใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์เป็นฝ่ายถามผมถึงการปฏิบัติตามคำขอของไอ้การ์ด ผมเบ้ปากให้มันอย่างหมั่นไส้  ก็จะไม่ให้หมั่นไส้ได้ยังไงกันทีผมต้องรักมันไปตลอด แต่มันไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน อีกไม่กี่วันอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”ผมบอกออกไปอย่างกวนๆ

“ได้ไงกัน รักแล้วรักเลยนะ ห้ามเปลี่ยนใจด้วย”ไอ้นี่ก็ไม่ได้อายเพื่อนๆ เลย เดี๋ยวก็ได้เก็บไปล้อกันพอดี

“พอเลยๆ ทั้งสองคน เห็นแล้วหมั่นไส้ พวกกูไปดีกว่า ขนาดอยู่กันตั้งหลายคนพวกมึงยังไม่เห็นหัว นี่ถ้าอยู่กันสองคน คงเสร็จไปแล้ว”คำพูดแซวอย่างไม่ได้คิดอะไรของไอ้การ์ดทำเอาพวกเพื่อนๆ เฮตามอย่างสนุกสนาน

“แล้วไม่เห็นมึงขอให้มันรักกูตลอดไปบ้างล่ะ”ผมถามในสิ่งที่ยังสงสัยออกไป พร้อมกับส่งสายตาหมั่นไส้ให้อีกคนที่อยู่ข้างๆ ผม

“ก็กูประเมินแล้วว่ามึงน่าจะเป็นคนที่เปลี่ยนใจง่ายกว่าไอ้เชษฐ์มันเยอะเลยไงเล่า”ฟังคำตอบมันแล้วแทบอยากจะตบกะโหลกมันสักที มันเอาอะไรมาวัดกันว่าผมเป็นคนเปลี่ยนใจง่าย จริงๆ ผมเป็นคนจริงจังนะ ไม่ทิ้งใครก่อนถ้าไม่เหลืออดจริงๆ อิอิ แต่ดูไอ้เชษฐ์จะชอบอกชอบใจกับคำพูดของไอ้การ์ดเหลือเกิน

“มั่นใจได้ยังไงว่าไอ้นี่มันจะไม่เปลี่ยนใจจากกู”คำถามของผมทำเอาคนที่ถูกอ้างถึงในบทสนทนา เอื้อมมือมากุมมือผมไว้ แม้มันไม่ได้พูดอะไรแต่ผมกลับรู้สึกได้ว่ามันกำลังยืนยันกับผม ว่าจากนี้ไปจะเป็นเช่นไร นี่ผมกำลังคาดหวังมากไปหรือเปล่านะ ผมหวังอยากให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ของผมมันเป็นครั้งสุดท้าย

“ดูจากสถิติการมีแฟนของมึงสองคนตั้งแต่รู้จักมันมาก็พอจะรู้แล้วแหละ ว่าใครเป็นยังไง ไอ้คุณชายตี๊ฟ”แม้จะอยากจะเถียงออกไปว่าผมไม่ใช่คนเปลี่ยนใจอะไรง่ายขนาดนั้น แต่นี่คุณเพื่อนเล่นยกหลักฐานมาดักคอชัดเจนขนาดนี้ผมก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้วละ มันก็จริงอย่างที่ไอ้การ์ดมันว่า ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย จนตอนนี้ก็ใกล้จบเต็มที ผมเองมีแฟนมาแล้วหลายคนเหมือนกัน ในขณะที่ไอ้เชษฐ์เองตั้งแต่ผมรู้จักกับมันมา มันก็เคยคบกับแหม๋ว แค่คนเดียวเท่านั้นเอง

ผมหันหน้าสบตากับไอ้เชษฐ์ อยากรู้เหมือนกันว่ามันมีความคิดยังไงกับการที่ก่อนจะมาเหมือนจะคบกันกับมันตอนนี้ ผมคบกับใครอื่นมาแล้วหลายคน แต่มันก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมา ซึ่งความจริงมันก็รู้จักผมอยู่แล้วนี่นาเนอะ ความจริงก็คงอย่างที่ไอ้เชษฐ์มันเคยบอกผมว่าระหว่างผมกับมันคงยังมีอะไรที่ต้องคุยกันอีกเยอะ

“งั้นสรุปว่ากูก็ไม่ต้องให้อะไรมึงเลยใช่ไหมการ์ด”ผมต้องถือว่านี่เป็นผลดีกับผมหรือเปล่านะ ที่คุณเพื่อนๆ ที่แสนดี ดันร้องขอให้สิ่งที่ผมไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติมอีกเลย หุหุ

“อย่าดีใจไป อย่าลืมสิว่าที่รักมึงยังต้องเลี้ยงพวกกูอีก มึงจะไม่ช่วยเหลือที่รักมึงบ้างเลยเหรอ”แหมมาพูดที่รักอะไรกัน พวกนี้นิได้ทีนี่เอาใหญ่เลย แต่ผมก็ลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้

พวกเราคุยกันอย่างสนุกสนาน นี่ละมั้งผลดีของการได้เพื่อนเป็นแฟน คือไม่ต้องให้แฟนมาเสียเวลาปรับเข้ากับเพื่อนเรา เอะแล้วตกลงผมเป็นแฟนกับไอ้เชษฐ์แล้วงั้นเหรอ

พวกเพื่อนอยู่กับพวกผมอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันกลับ แต่ละคนก็บอกให้พวกผมหายเร็วๆ จะได้ไปเลี้ยงเบียร์พวกมันสักที ตกลงพวกมันหวังดีจริงๆ หรือหวังแดรกฟรีกันแน่นะเนี่ย

“อย่ามัวแต่จู๋จี๋กันละ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวๆ”ไม่วายก่อนกลับยังมีการมาแซวอีกครับ สภาพที่พวกมันเห็นผมกับไอ้เชษฐ์เป็นอยู่ขนาดนี้ ยังคิดว่าผมสองคนจะทำอะไรกันอีกเหรอ แต่จะว่าไปไอ้ผมนะไม่เท่าไหร่ แต่อีกคนนี่ชักไม่แน่ใจเหมือนกันแล้วสิ




“เพื่อนๆ ก็กลับไปหมดแล้ว ทีนี้เราทำอะไรดี”ตัวของคนพูดเริ่มเบียดผมเข้ามาเรื่อยๆ จนผมต้องถอยห่างออกจนติดขอบโซฟาแล้ว ทั้งที่เราสองคนเองก็เคยถึงไหนต่อไหนกันมาแล้ว แต่ทำไมตัวผมเองกลับยังเกร็งๆ อยู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะเขินมันเนี่ยสิ ทั้งๆ ที่ผมควรจะเลยจุดนี้มาแล้วนะ

“อืม...”ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยอะไรออกมา ปากผมก็ถูกประกบด้วยปากของอีกคน รสจูบที่ผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เมื่อเห็นผมไม่ได้ขัดขืนอะไร อีกฝ่ายก็เหมือนได้ใจดันลิ้นเข้ามาให้ปากผม ตามมาด้วยมือที่ไม่อยู่สุข เริ่มสอดเข้าใต้เสื้อ และสัมผัสบริเวณท้องผมไล่ขึ้นไปยังบริเวณหน้าอก

“พ...พอ ก่อน”ผมพยายามหักห้ามอีกฝ่าย และใจตัวเองด้วย ไม่อยากให้มันเลยเถิดไปมากกกว่านี้ เพราะสภาพร่างกายเราทั้งคู่มันยังต้องการพักฟื้นอีกพอสมควร อยากให้หายดีกันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที

“โทษที กูห้ามใจไม่ค่อยได้ว่ะ อยู่ใกล้มึงทีไรใจกูก็พาลแต่จะคิดเรื่องนี้ทุกที”ไอ้หื่นเอ้ย...ผมแอบด่ามันในใจ อะไรในสมองจะคิดแต่เรื่องนี้ท่าเดียวเลยหรือไงเนี่ย

“คิดเรื่องอื่นบ้างก็ได้ ไม่ใช่จ้องแต่เรื่องอย่างว่า”ผมว่าล้อๆ พร้อมผลักอีกคนให้ถอยห่างออก พร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง

“ก็มึงอยากน่ากินทำไมเล่า ดูสิ ตรงนี้ก็น่ากิน ตรงนี้ก็ด้วย ตรงนี้อีก ตรงนี้ ตรงนี้ อยากจะกินมึงไปทั้งตัวเลย ฮ่าๆๆ” ไอ้เชษฐ์พูดพร้อมกับชี้ตามส่วนต่างๆ บนตัวผม ทำยังกะผมเป็นของกินจริงๆ ไปได้ นี่ตูก็คนนะเฟ้ย

“ถามไรหน่อยสิ”อยู่ๆ ผมก็นึกถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวผมเองขึ้นมาอีก ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก ก็เรื่องที่ผมเคยมีแฟนมาแล้วนับไม่ถ้วนนี่แหละ เอาเท่าที่ตั้งแต่รู้จักกับไอ้เชษฐ์ก็เท่าไหร่แล้ว ไหนจะก่อนหน้ารู้จักกันอีกล่ะ

“ว่ามาเลยคร๊าบบบ...ที่รัก”ดูเอาเถอะครับ น่าหมั่นไส้เสียจริงๆ แต่จะว่าไปไอ้เชษฐ์มันก็ดูน่ารักดีนะเนี่ย มันก็ดีกับผมหมดทุกอย่าง ผมเสียอีกที่ไม่ค่อยจะทำอะไรให้มันเลย

“มึงรู้สึกยังไงบ้าง ที่กูเคยคบกับใครๆ มาแล้วตั้งหลายคน”ผมถามออกไปอย่างตื่นเต้น แม้จะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่พอสมควรว่า มันคงไม่ใส่ใจอะไรเพราะมันก็เรื่องราวในอดีตทั้งนั้น ตัวมันเองก็รู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้วใช่ว่าผมจะปิดบังเสียเมื่อไหร่ อีกอย่างผมก็กลับไปแก้ไขไม่ได้

“เอาจริงๆ เลยใช่ไหม”ผมพยักหน้าให้กับคำถามนั้น ส่วนเจ้าของคำถามก็มีทีท่าเคร่งขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไอ้เชษฐ์นิ่งไปพักนึงเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง ผมก็ได้แต่ลุ้นในใจ ที่ผมต้องถามคำถามนี้เพราะผมจำได้เมื่อตอนเริ่มแรกก่อนที่จะเกิดเกมระหว่างผมสองคนกับไอ้การ์ดขึ้น ไอ้เชษฐ์มันเคยว่าผมในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“กูว่าจะไปตามเก็บทุกคนที่เคยเป็นแฟนมึง”คำตอบของมันเล่นเอาผมเหวอไปเลยทีเดียว ก่อนคนพูดจะหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจที่เหมือนจะอำผมได้ ผมเลยค้อนควับเข้าให้ พร้อมกับตีหน้าบึ้งใส่

“เว้นมันส์ไว้คนนึงได้ไหม”ผมแกล้งแหย่ ซึ่งเหมือนจะได้ผล เพราะคนฟังออกอาการ ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แหม๋จะอะไรนักหนาเชียว

“ไม่เอาๆ เลิกเล่นแล้ว”แล้วคนที่เริ่มอำก่อนก็เป็นฝ่ายเปลี่ยนประเด็นเสียเอง

“เอาจริงๆ กูก็ไม่คิดอะไรหรอก มันเป็นเรื่องของอดีต ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก กูก็แค่เสียดายนิดหน่อยที่เราน่าจะเป็นแฟนกันเร็วกว่านี้แค่นั้นเอง”แฟนงั้นเหรอ ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม

“เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”ผมถามออกไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ในคำพูดของอีกฝ่ายทำเอาอีกฝ่ายทำตาโต เหมือนกำลังโมโหผม

“จริงๆ ก็ไม่ใช่แฟนแล้วม้าง...คนที่มีอะไรกันแล้ว เค้าเรียกว่าอะไรน้า คนนึงเป็นสามี อีกคนก็เป็นภรรยา ถูกไหม”น่านไงล่ะวนมาแนวนี้อีกจนได้ แถมไอ้นี่พอพูดเรื่องนี้ก็โถมเข้ามาทั้งตัวเชียว มือไม้จัดเต็มมาเลยนะ ว่าแต่นี่ผมเป็นผู้ชายแต่ต้องอยู่ในฐานะภรรยาเหรอเนี่ย

“ขอแค่คำว่าแฟนได้ไหม ภรรยาสำหรับกูมันจั๊กกะเดียมว่ะ”ผมทำท่าขนลุก กับคำนั้น ทำเอาอีกคนหัวเราะชอบใจใหญ่

“ทำไม เราเป็นของกันและกันแล้วมันก็ต้องเรียกแบบนั้นสิ...มามะเมียจ๋ามาให้ผัวจูบหน่อย ฮ่าๆๆ”



สวัสดีวันจันทร์นะครับ

วันทำงานวันแรกของสัปดาห์สำหรับหลายๆ คน :katai5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 12-01-2015 07:21:39
อิพี่เชษฐ์หื่นนนนนนนนนนนน
เอะอะจับ เอะอะตอด :hao7:
รักันนานๆ มีไรก็รีบเคลียร์กันนะ
รอตอนต่อไปปปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 12-01-2015 07:24:31
เชษฏ์เนี่ยทีเล่นทีจริงตลอดเลย  เราอยากมโนนะว่าการ์ดมันรู้มานานแล้วว่าเชษฏ์แอบชอบตี๊ฟก็เลยวางแผนเกมส์นี้ขึ้น ตอนนี้เหลือครอบครัวเชษฏ์แหละ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-01-2015 08:23:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 12-01-2015 08:54:17
๓๒ ยอมรับว่ารักกันแล้ว แล้ว ๔๕ ละจะเป็นยังไง  :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 12-01-2015 09:02:28
เชษฐ์จัดเต็มเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 12-01-2015 09:02:50
ตี๊ฟเบิกเนตรแล้วค่ะ.ปรบมือรัวๆๆ. :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 12-01-2015 12:42:13
 :hao6: เป็นแผนเชษฐ์มาโดยตลอดแน่เลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-01-2015 12:42:49
เริ่ดค่าา
เคลียร์เรื่องครอบครัวด้วยนะเชษฐ์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 12-01-2015 13:13:59
จะดราม่าครอบครัวเชษฐ์ไหมนี่
เพราะดูแล้วเรื่องส่วนตัวและเรื่อง
ครอบครัวไม่ชัดเจนเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 12-01-2015 15:25:57
เกรงว่าความจริงที่เชษฐ์ปิดบังแล้วตี๊ฟจะรับไม่ได้ งานนี้ได้กินมาม่าชัวร์

เก๊าว่าแลเวเกมส์นี้มีอะไรแปลกๆ :ling2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 12-01-2015 16:33:37
เชษฐ์นี่ หื่นจริงๆ นิดๆหน่อยๆก็เอา :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 12-01-2015 16:34:21
จิงๆแล้วเชษชอบตี้ฟอยู่ก่อนหน้าแล้ว เลยวางแผนกับการ์ดใช่มะ
เป็นกันแล้วววววว (จะดีใจไปทำไมมันข้ามขั้นมาตั้งนานและ) :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-01-2015 19:19:04
เฮ้ออออ. กว่าจะตกลงกันได้. ลุ้นแทบแย่. แต่ก็ต้องปรับหากันอีกเยอะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-01-2015 20:12:29
ว้ายๆๆๆ เขาเป็นแฟนกันแล้ว :-[
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-01-2015 20:45:28
เนียนอ่ะเชรษฐ์หื่น ฮ่าตลอด ช่วงนี้ดูหวานๆๆฮ่าๆๆๆน่ารักจังเลย รอลุ้นๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 12-01-2015 23:30:47
รักกันแล้ว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 32 [12-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 13-01-2015 06:48:28

วันที่ 33

“อืม....”ผมงัวเงียลืมตาตื่น พร้อมกับหรี่ตาเพื่อปรับให้ชินกับแสงที่สองผ่านเข้ามา สัมผัสได้ว่าผมนอนอยู่ในอ้อมกอดของใครอีกคน พลันสมองผมก็คิดไปถึงว่าถ้าผมต้องมีชีวิตแบบนี้ตลอดไป ผมจะเป็นยังไงนะ กับการที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนไปเรื่อยๆ แม้แน่นอนว่าการแต่งงานคงไม่ได้เกิดขึ้นกับผมเป็นแน่ แต่การใช้ชีวิตร่วมกับอีกคนที่นอนกอดผมอยู่ ผมจะมีวันเบื่อเค้าไหม จะมีวันไหนที่ไม่ต้องการเค้าหรือเปล่า

“ตื่นเช้าจังเลย นอนต่ออีกหน่อยเหอะ”อีกคนกระซิบข้างหูเมื่อผมขยับเหมือนจะลุกออกจากเตียง ไอ้ที่มันบอกว่าเช้านะมันไม่เช้าแล้ว ตอนนี้เกือบจะเก้าโมงอยู่แล้ว

“เค้าเรียกสายแล้ว...ตื่นเหอะ จะได้อาบน้ำอาบท่า ทานข้าวทานยาทำแผลด้วย”ผมบอกพร้อมกับหันหน้าเข้าหาอีกคน ซึ่งมันทำให้หน้าเราชิดกัน จนจมูกชนกัน ไอ้เชษฐ์ใช้จมูกของมันเขี่ยที่จมูกของผมแถมด้วยการจ้องมองเข้ามาในตาผม และผมก็สัมผัสถึงบางอย่างได้

“ไม่ใช่ตอนนี้”ผมบอกเสียงเข้มเพราะรู้แล้วว่าบางอย่างของไอ้เชษฐ์กำลังตึงเขม็งอยู่บริเวณกลางลำตัว

“ช่วยกูหน่อยไม่ได้เหรอ”สายตาเว้าวอนพร้อมกับการเลื่อนริมฝีปากมาชบติ่งหูผมเบาๆ ต่อด้วยการไซร้มาตามซอกคอของผม

แย่ละสิ ทั้งที่ผมพยายามข่มใจไว้แต่ดูอีกฝ่ายไม่ได้ให้ความร่วมมือกันเลย ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ มีหวังแทนที่แผลมันจะได้หายเร็วๆ อาจจะทำให้แผลมันปริขึ้นมาอีกก้ได้ ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร ริมฝีปากผมก็โดนประกบปิดอีกแล้ว ผมพยายามขืนตัวไว้และไม่ให้อีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามาในปาก แต่เหมือนเจ้าตัวมันจะไม่ยอม เพราะมือของไอ้คนขี้หื่นนี่เริ่มไม่อยู่สุก

และแล้วผมก็ต้องตาโตเมื่อมือของผมถูกดึงเข้าไปสัมผัสกับส่วนแก่นกลางของมัน ความร้อนที่แผ่มายังมือของผมทำเอาใบหนน้าผมเองก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หรือผมจะใจร้ายกับมันเกินไปในเรื่องนี้ ผมค่อยๆ เปิดปากให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้สอดลิ้นเข้ามา จูบอันเร่าร้อนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนต่างฝ่ายต่างมีความต้องการอย่างไม่สิ้นสุด

ผมค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ อย่างอ้อยอิ่ง มองสายตาเว้าวอนของอีกฝ่าย ที่เหมือนจะเป็นการขอร้องกึ่งบังคับผมอยู่ในที ผมเลยตัดสินใจเลื่อนตัวต่ำลง เรื่อยๆ จนถึงเป้าหมาย ก่อนจะค่อยๆ ครอบปากลงไปกับส่วนแก่นกายกลางลำตัวของอีกฝ่ายที่ตึงเขม็ง

“อ๊า...”เสียงครางเบาๆ ของอีกฝ่ายดังขึ้นทำให้ผมรีบเร่งจังหว่ะขึ้นไปอีก หากแต่ว่า

“พ...พอก่อน”ไอ้เชษฐ์ส่งเสียงทักท้วงผมซึ่งผมก็พอจะเข้าใจว่ามันต้องการอะไร ซึ่งผมไม่ต้องการอย่างนั้น ผมกลับเร่งจังหว่ะขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของอีกฝ่าย และคงเป็นเพราะไอ้เชษฐ์เองก็อัดอั้นมาหลายวันแล้ว เพียงไม่นานนัก ผมก็สัมผัสถึงน้ำอุ่นๆ ที่พุ่งเข้ามาในลอคอผมอย่างมากมาย

“เคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย ไปอาบน้ำก่อนนะ”ผมรีบลุกออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว เพราะตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าแค่จะช่วยมันปลดปล่อยเฉยๆ ไม่ได้จะให้เลยเถิดมากกว่านั้น

“เฮ้ย...ไหง๋งี้ล่ะ รอก่อนสิ”ไอ้เชษฐ์ทำท่าจะวิ่งตามผมมาแต่ผมไวกว่ารีบปิดประตูใส่มันก่อนจะรีบเข้าห้องตัวเองล็อคประตู
“เปิดเลยนะตี๊ฟ แบบนี้แกล้งกันชัดๆ เลย”แกล้งตรงไหนว่ะ นี่ผมก็อุตส่าห์ใจดีโอนอ่อนให้แล้วนะ จากที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

“อย่างฟุ้งซ่านไปอาบน้ำได้แล้วไป จะได้กินข้าวกินยา”แม้ว่าความจริงผมเองก็มีความต้องการแต่ ผมเองคงจะอดทนได้มากกว่ามันอยู่ เลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่ แต่ไม่รู้จะผลัดมันได้อีกสักกี่วัน เพราะเล่นรุกหนักเหลือเกิน

“ฝากไว้ก่อนแล้วกัน อย่าให้เผลอนะ”อะไรมันจะหื่นได้ขนาดนั้นเชียว แต่จริงๆ ตอนนี้สภาพร่างกายของเราสองคนก็ถือว่าดีขึ้นเยอะมากแล้วแหละ โดยเฉพาะผมเพราะไม่ได้เป็นหนักมาก ที่ยังห่วงอยู่ก็แค่แผลไอ้เชษฐ์เท่านั้นแหละ




หลังจากทำธุระส่วนตัวของแต่ละคนเสร็จเรียบร้อย ไอ้เชษฐ์ก็เกิดการประท้วงผมเล็กน้อยด้วยการไม่ยอมทานข้าว โดยให้เหตุผลว่าผมแกล้งมันซะอย่างงั้น แต่มีหรือคนอย่างผมจะสนใจ ฮ่าๆ ไม่กินก็อย่ากิน  จริงๆ ก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียวที่ว่าผมไม่สนใจ หากแต่ว่าผมคาดว่าไอ้เชษฐ์คงไม่ได้จะประท้วงอะไรจริงจัง กะลังคิดว่ามันคงรอให้ผมง้อมันเท่านั้นเอง

“กินข้าว...เร็วจะได้กินยา”ผมหันไปเรียกอีกคนเสียงเข้มในขณะที่มันทำเป็นไม่สนใจผม ทำเป็นจดจ่อกับรายการทีวี เหมือนมีอะไรน่าสนเสียเต็มประดา

“จะกินไม่กิน”ผมย้ำอีกรอบโดยแกล้งทำเสียงดุหน่อยๆ

“ง้อหน่อยดิ...กูงอนอยู่นะเนี่ย”เล่นกับมันสิครับ เอาเข้าไปบทจะปัญญาอ่อนก็จัดมาเสียเต็มเลย

“คุณเชษฐ์ครับคุณกรุณาลองทบทวนอะไรใหม่อีกรอบหน่อยดีไหมครับ...เราตกลงกันว่าถ้านอนห้องเดียวกันเราจะไม่มีอะไรกันถูกต้องไหมครับ แล้วคุณจะมางอนผมเรื่องอะไรไม่ทราบครับ”ผมพูดพร้อมกับตักข้าวใส่จานเตรียมจะทานเพราะตอนนี้เริ่มจะหิวแล้ว

“ก็...ก็มันไม่ใช่แบบนั้น มึงไม่เห็นใจกูเลยอะ”ไม่เห็นตรงไหนฟร่ะ ผมว่าผมก็โอนอ่อนให้มันเยอะแล้วนะเนี่ย

“ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี่กูยังไม่ได้เห็นใจมึงเลยใช่ไหม”ผมย้อนถามอย่างชักจะเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว คนอะไรมันจะหื่นได้ขนาดนี้ ถ้าปกติผมก็จะไม่ว่าอะไรมันหรอก แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็นๆ ว่าแผลมันยังไม่หายดี แค่อดใจรอแค่นี้ทำเป็นกระฟัดกระเฟียด

“ก็มึงช่วยกูแล้วแต่กูยังไม่ได้ช่วยมึงเลย กูไม่อยากเอาเปรียบนี่นา”เหตุผลข้างๆ คูๆ มาแล้วครับ แบบนี้เค้าแถจนสีข้างถลอกแล้วละม้าง

“กูบอกหรือยังว่าอยากให้ช่วย”ตอนนี้ไอ้คนที่ตอนแรกอยู่หน้าทีวี มานั่งลงตรงข้ามผมตรงที่กินข้าวเป็นที่เรียบร้อย เป็นอันว่าการประท้วงจะไม่กินข้าวของมันใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว

“ยังไงเสียเราก็ทำผิดข้อตกลงกันแล้ว กูว่าเรามายกเลิกข้อตกลงนี้ดีกว่านะตี๊ฟนะ เพราะที่มึงทำเมื่อเช้ามันยิ่งทำให้กูคลั่งมากกว่าเดิมอีกนะตอนนี้”เป็นงั้นไป ตกลงผมผิดเหรอนี่ คิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่จะมาเป็นแฟนกับไอ้คนหื่นเกินพิกัดแบบนี้

“หยุดแล้วก็กินข้าว...อิ่มแล้วไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที”ผมพยายามตัดบทพร้อมกับพูดคล้ายๆ ให้ความหวังไว้กับอีกฝ่าย จนคนฟังยิ้มแก้มปริ แต่มันจะรู้ไหมว่าต่อให้คุยอีกกี่รอบ ผมก็ยังจะพยายามผิดจากข้อตกลงเดิมให้น้อยที่สุด แม้เมื่อเช้าผมเองจะเขวไปกับมันเล็กน้อย ซึ่งผมคงต้องใจแข็งกับมันให้มากกว่านี้เสียแล้ว

“เห็นหน้ามึงแล้วไม่อยากทานข้าวเลยว่ะ”อ้าวยังไม่จบอีก...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะมามุกอยากกินผมอีกแน่นอนไม่ต้องคาดเดาแม้แต้น้อย ผมเบ้ปากอย่างรู้ทัน

“อยากกินกูแทนหรือไง”ผมรีบดักคอ เล่นเอาไอ้เชษฐ์หัวเราะชอบใจใหญ่ พร้อมกับเอื้อมมือมาบีบจมูกผมอย่างถือวิสาสะ

“ชอบจังเลยคนรู้ใจเนี่ย”หลังจากจมูกก็กลายมาเป็นแก้มสองข้างของผมที่ไอ้เชษฐ์กำลังรุกรานอยู่

“เล่นอะไรเนี่ย พอๆ กินข้าวได้แล้ว”ผมต้องปัดมือไอ้เชษฐ์ออกจากแก้มอย่างพัลวัน เพราะถ้าปล่อยไว้แก้มผมคงช้ำแน่ๆเชียว แล้วเราสองคนก็ต่างทานต่างเงียบกันไปอยู่พักนึง แต่ไอ้เชษฐ์ก็เอาแต่จ้องผม มือมันก็ตักข้าวเข้าปากแต่สายตามันจ้องผมทุกอิริยาบถ แม้ผมไม่ได้หันมองมันตรงๆ แต่ก็พอรู้สึกได้ จนเริ่มชักรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว

“มองไรนักหนาเนี่ย”คนถูกถามยิ้มกว้างอย่างน่ามหมั่นไส้เป็นที่สุด แต่แทนที่มันจะตอบในสิ่งที่ผมถาม ไอ้คนตรงหน้านี่กลับโน้มหน้าเข้ามาหาผมแล้วก็ประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากผม เล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว เขินนะเว้ย

“มึงน่ารักอ่ะ”แทบอยากจะมุดพื้นลงไปตรงนี้เสียให้ได้ หน้าผมตอนนี้คงแดงไปหมดแล้ว ไม่รู้ทำไมผมยังเขินมันได้อีกขนาดนี้

สรุปว่าอาหารมื้อนี้ก็ผ่านไปได้อย่างทุกลักทุเลเพราะการก่อกวนของไอ้หื่นนี่คนเดียวเชียว พอทานข้าวเสร็จกว่าจะยอมกินยาทำแผลอะไรอีกเล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่ดูแล้วแผลไอ้เชษฐ์ดูเกือบจะหายดีแล้วนะเนี่ย เพิ่งรู้ว่าเวลาเย็บแผลไว้แบบนี้มันก็หายเร็วเหมือนกัน

“เสร็จแล้ว ทีนี้เราก็มาคุยเรื่องข้อตกลงของเราต่อได้แล้ว”สายตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายส่งผ่านมาถึงผมอย่างมีเลศนัย แต่มันหารู้ไม่ว่าผมจะไม่ตกลงอะไรกับมันใหม่หรอก

“สรุปว่าข้อตกลงเราจะยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ตามนั้นโอเค จบแล้ว”คำพูดผมเล่นเอาไอ้เชษฐ์อ้าปากค้างกันเลยทีเดียว คงไม่คิดว่าผมจะหลอกมันทานข้าวเฉยๆ ละมั้ง เพราะปกติผมก็ค่อนข้างยอมมันตลอดในเรื่องนี้ รวมทั้งเมื่อเช้านี้อีกที่ผมเผลอตัวไปกับมัน แต่ตอนนี้ผมคงต้องจริงจังเสียแล้ว แค่ไม่กี่วันเองน่าคงไม่ว่ากันเนอะ

“มึงจะทำแบบนี้กะกูไม่ได้นะ คนเรารักกันชอบกันแล้วอยู่ด้วยกันขนาดนี้แต่มีอะไรกันไม่ได้ ใครมันจะไปทนได้กันเล่า”ผมนี่แหละคิดว่าน่าจะทนได้ ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับเอามืออุดหูไม่ยอมรับฟังคำพร่ำพรรณนาของไอ้เชษฐ์ หวังว่ามันจะหมดแรงบ่นโดยเร็วนะ ฮ่ะฮ่ะฮ่า


ของวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษเนอะ

ส่วนดราม่าจะมีไหม ยังไงต้องรอดูนะครับ

หรือพาร์ทของเชษฐ์จะมีไหม อะไรยังไง หุหุ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 13-01-2015 07:04:39
อัพแต่เช้า เลยได้อ่านแต่เช้า โว้วววเย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 13-01-2015 07:35:47
เชษฐ์หื่นขึ้นตา ร้าวรานสินะ~. :hao5: :katai2-1: :hao5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-01-2015 07:36:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-01-2015 08:10:03
เปลี่ยนชื่อเป็นหื่นศักดฺ์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 13-01-2015 09:03:29
อยากอ่านพาร์ทความจริงในใจของเชษฐ์อ่ะ

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 13-01-2015 09:40:53
เชษฐ์หื่นจัด
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 13-01-2015 16:04:22
พี่เชษฐ์แกก็ยังหื่นต่อไป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 13-01-2015 17:43:47
รอติดตามความหื่นต่อไป :katai5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-01-2015 18:14:09
สมหวังสักทีเนอะเชษฐ์
อยากรู้ว่าหลงรักตี๊ฟตั้งแต่เมื่อไรนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 13-01-2015 19:04:42
โอ๊ยเชษฐ์ แม่นางทั้งห้าไปก่อนเถอะนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 13-01-2015 19:06:08
ดราม่านี่อาจจะเป็นเรื่องที่บ้านเชษฐ์รึเปล่าน้อออออ :hao4:
เพราะเรื่องนี้ช่างลึกลับเหลือเกินนนนน
รอตอนต่อไปน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 13-01-2015 20:48:31
เชรษฐ์หื่นตลอดเวลา ฮ่าๆๆๆๆ เล่นทำให้ติ๊ฟอายเป็นว่าเล่นเลย คิกๆๆๆ
ไม่อยากกินม่าม่ามันอืดท้อง
ชอบขนมหวานสดชื่น อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-01-2015 22:13:57
เหมือนเรื่องส่วนตัวของเชษฐ์จะยังไม่เคลียร์ซักเรื่อง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 33 [13-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 14-01-2015 06:35:43
วันที่ 34

“อืม...ดูๆ แล้วแผลมันแห้งก็สามารถตัดไหมเย็บได้แล้วแหละ ว่าแต่ทำไมเราอยากตัดนักล่ะไอ้ตัวดี”น้าหมอของไอ้เชษฐ์บอกพร้อมกับตรวจเช็คแผลของไอ้เชษฐ์ จริงๆ วันนี้น้าชาหรือน้าหมอไม่ได้นัดหรือเรียกไอ้เชษฐ์มาตรวจหรอกนะครับ และพ่อตัวดีนี่ก็ไม่ได้เป็นห่วงสุขภาพตัวเองหรอกครับ เพียงแต่ว่าเจ้าตัวเค้าหาข้ออ้างมาพบน้าหมอ เพื่อที่อาจจะมีโอกาสได้ตัดไหมเย็บเร็วขึ้น

“ก็อย่างที่น้าชาเห็นไงว่ามันหายแล้ว ผมก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ”ปากมันบอกว่าไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่สายตาที่หันมามองผม มันช่างน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน “ไอ้หื่น” ผมส่งสายตาว่ามัน แต่ไม่รู้เจ้าตัวมันจะสะทกสะท้านหรือเปล่า

“โอเค...ถ้างั้นเดี๋ยวน้าให้คุณมาศมาทำต่อแล้วกันนะ น้าขอไปดูคนไข้รายอื่นก่อน”ผมยกมือไหว้น้าหมอ ก่อนที่น้าหมอจะยิ้มให้แล้วเดินออกไป

“ว่าไง หนุ่มๆ” ยังไม่ทันที่น้าหมอจะออกไปถึง 5 นาทีคุณพี่มาศก็เข้ามา ดูๆแล้วพี่มาศนี่อารมณ์ดีตลอดเวลาเหลือเกิน ปกติผมเจอแต่พยาบาลส่วนใหญ่ที่ดุๆ หน่อย น้อยคนที่จะอารมณ์ดีเหมือนพี่มาศ หรือเพราะส่วนนึงอาจจะมาจากที่ว่าไอ้เชษฐ์เป็นหลานของหัวหน้าพี่เค้าด้วย และดูพี่มาศกับไอ้เชษฐ์ก็น่าจะสนิทกันพอควร แสดงว่าไอ้เชษฐ์ก็ต้องมาที่นี่บ่อยนั่นเอง

ว่าไปแล้วการที่ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้เชษฐ์มันเลยก็ดีเหมือนกันนะ มันเหมือนให้ผมได้ค่อยรับรู้ในแต่ละส่วนการใช้ชีวิตของมันไปทีละน้อย เรียนรู้ไปเรื่อยๆ มันดูท้าทายอย่างมากเลยทีเดียว เหมือนผมได้ใช้ชีวิตให้ได้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา

ผมนั่งมองพี่มาศตัดไหมเย็บให้ไอ้เชษฐ์พร้อมกับการพูดคุยที่ดูสนิทสนมของทั้งสองคน ผมทำเพียงยิ้มแล้วก็คิดอะไรไปเรื่อยๆ จนได้สะดุดหูกับคำพูดของพี่มาศ

“บอกเรื่องระหว่างพวกน้องสองคนให้คุณหมอเค้ารู้หรือยังละเนี่ย”หูผมผึ่งแทบจะทันทีเมื่อพอจะเดาออกว่าเรื่องที่พี่มาศกำลังถามไอ้เชษฐ์มันคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์นั่นเอง

ไอ้เชษฐ์หันมาสบตาผม แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ว่าตอนนี้มันคิดยังไงอยู่ คำตอบที่พี่มาศถามมาผมรู้อยู่แล้วแหละว่าไอ้เชษฐ์ยังไม่ได้บอกน้าหมอ แล้วนี่ไอ้เชษฐ์มันคิดจะบอกกับน้าหมอตอนไหนกัน พอนึกถึงตรงนี้บอกตามตรงว่ามันอดไม่ได้ที่จะทำให้ผมนึกถึงตอนที่พ่อของมันส์ทราบว่าผมกับมันส์คบกัน

ถ้าน้าหมอของไอ้เชษฐ์ทราบว่าผมกับหลานชายเค้าเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน เค้าจะรู้สึกยังไง ไหนจะพ่อแม่มันอีก แม้มันจะยังไม่เคยพูดถึงพ่อแม่ แต่แน่นอนว่าไอ้เชษฐ์คงไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ ถ้าความรักที่ผมกำลังตัดสินใจจะทุ่มเทลงไปครั้งนี้จะต้องปิดฉากลงเหมือนอย่างครั้งในอดีต ไม่ๆ ผมจะยังไม่คิดถึงในสิ่งที่มันยังมาไม่ถึง

ว่าแต่พี่มาศรู้เรื่องระหว่างผมกับไอ้เชษฐ์ได้ยังไงกัน แม้ผมจะอยากรู้แต่ก็คงไม่ถามมันตอนนี้หรอกครับเพราะคงจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ยังไงเสียผมก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอยู่แล้วนี่นา

“จริงๆ พี่ว่าน้องเชษฐ์รีบบอกคุณหมอเค้าไปจะดีกว่านะ พี่ว่ามันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา คุณหมอก็รักน้องเชษฐ์เหมือนลูกแท้ๆ อยู่แล้ว ยังไงเสียน้องเชษฐ์รักใครเค้าก็ต้องรักด้วยอยู่แล้ว อีกอย่างน้องตี๊ฟก็ออกจะน่ารัก แต่ถ้าขืนเชษฐ์ยังปล่อยให้มันคาราคาซังอยู่แบบนี้มันก็เหมือนไม่ให้เกียรติน้องตี๊ฟเค้าด้วยนะ”ไปไกลเลยนะครับเนี่ยคุณพี่มาศ

“ผมไม่ได้...”ผมกำลังจะปฏิเสธออกไปว่าผมไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น แต่พี่มาศกลับส่ายหน้าห้ามไม่ให้ผมได้มีโอกาสโต้แย้ง ส่วนไอ้เชษฐ์ยังคงนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด และพอเห็นมันเหมือนจะคิดหนักขนาดนี้ รวมไปถึงคำพูดของพี่มาศ มันเลยทำให้ผมต้องเตรียมใจเผื่อไว้บ้างแล้ว เพราะถ้าน้าหมอเค้าจะเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย ทั้งสองคนนี้คงไม่ต้องกังวลกันขนาดนี้

แต่ที่ต้องกังวลกันขนาดนี้ ถ้าให้เดาไอ้เชษฐ์คงจะเอาเรื่องนี้มาปรึกษากับพี่มาศแล้ว และคงพอจะเห็นคำตอบของน้าหมออยู่ลางๆ ว่าอาจจะไม่เห็นด้วยที่จะให้หลานชายมามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายด้วยกันอย่างผม

“ผมตัดสินใจแล้วครับพี่มาศ ว่าจะบอกน้าชา ตอนวันเกิดผมแล้วกัน”วันเกิดงั้นเหรอ แล้ววันเกิดไอ้เชษฐ์มันเมื่อไหร่กันละ ผมกับมันก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่ทำไมผมไม่เห็นจะรู้วันเกิดมันเลย ไม่เคยเห็นมันฉลองวันเกิดเลย หรือเพราะผมไม่ค่อยได้สนใจมันเท่าไหร่กันนะ แต่จะว่าไปเพื่อนๆ คนอื่นผมก็แทบจะจำวันเกิดใครไม่ได้เลยนี่นา ส่วนวันเกิดผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าจริงๆ เพื่อนๆ หรือแม้แต่ไอ้เชษฐ์เองจำได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่เวลาจะถึงวันเกิดผมทีไร ผมก็ป่าวประกาศก่อนล่วงหน้าเป็นอาทิตย์อยู่แล้ว เพื่อที่จะได้ฉลองหรือให้คนที่จำวันเกิดเราไม่ได้ให้รู้ตัว เอาจริงๆ ผมมันก็แค่กลัวว่าจะไม่มีใครจำวันเกิดตัวเองได้นั่นแหละครับ

แต่ตั้งแต่รู้จักกับไอ้เชษฐ์มา วันเกิดผมทุกปีก็มีมันทุกครั้งนี่นา เพราะมันก็อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับผมอยู่แล้ว ว่าแต่จริงๆ แล้วมันจะใส่ใจจำวันเกิดผมหรือเปล่าน้า แต่วันเกิดผมเอาไว้ก่อนแล้วกันเพราะอีกตั้งเดือนสองเดือนโน่น ตอนนี้ผมสนใจวันเกิดไอ้เชษฐ์มากกว่าว่ามันเมื่อไหร่ แล้วยิ่งการที่มันบอกว่าจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันให้น้าหมอรับรู้ในวันเกิดของมันด้วยนี่ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก

ถ้าวันเกิดมันเร็วๆ นี้ก็จะได้ไม่ต้องรอนานว่าความสัมพันธ์ของเราในสายตาของน้าหมอจะเป็นยังไงต่อไป แต่ถ้าวันเกิดของไอ้เชษฐ์มันอีกนานล่ะ โอ๊ย เครียด นี่ผมกำลังรู้สึกเหมือนจะต้องขึ้นลานประหารยังไงยังงั้นเลยนะเนี่ย

“วันเกิดน้องเชษฐ์ ก็มะรืนนี้แล้วสินะ ก็ดี จะได้บังคับคุณหมอกลายๆ ว่าขอเป็นของขวัญวันเกิดไปเลย”พี่มาศพูดอย่างผ่อนคลายขึ้น แต่ไอ้ผมนี่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ กันเลยทีเดียว มันกะทันหันไปไหมเนี่ย สำหรับวันมะรืน ไหนจะเรื่องที่เชษฐ์มันต้องบอกกับน้าหมอ แล้วไหนจะวันเกิดมันที่ผมควรจะต้องมีอะไรเป็นของขวัญให้มันบ้าง แล้วกระชั้นชิดขนาดนี้ ผมจะทำไงเนี่ย



ระหว่างการเดินทางกลับคอนโด ผมแทบจะไม่พูดอะไรเลย มันเหมือนมีหลายคำถามที่ผมอยากจะรู้ อยากจะถามแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงเลือกที่จะเก็บไว้กับตัว และอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะอยากอธิบายอะไรให้ผมเข้าใจ

“จอดรถทำไม”และแล้วก็เป็นผมเองที่เก็บไม่ไหว วันนี้ผมเป็นคนขับรถเพราะไม่อยากให้เชษฐ์มันขับ ผมเลือกที่จะจอดรถข้างถนน ทั้งที่จริง อีกนิดเดียวก็จะถึงคอนโดของเราสองคนแล้ว

“กูมีเรื่องอยากจะถาม”ผมหยั่งเชิงว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาเช่นไร

“ก็อย่างที่เคยบอกว่ากูยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้บอกมึง แล้วมันหลายเรื่องจนกูไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่อยากให้รู้ว่าทุกเรื่องกูไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรมึงเลย สงสัยกูคงต้องเล่าให้มึงฟังวันละเรื่องไปเรื่อยๆแล้วมั้งแบบนี้”เหมือนไอ้เชษฐ์กำลังพยายามพูดให้ดูผ่อนคลาย แต่มันไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่

“งั้นเหรอ...”อย่าว่าแต่เชษฐ์มันไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนหรอกนะครับ แต่ผมเองก็ถ้าให้ถามมันก็ไม่รู้จะถามอะไรก่อนเหมือนกัน เราทั้งสองนิ่งเงียบไปพักนึงก่อนคนที่นั่งข้างๆ ผมจะถอนหายใจยาวๆ และเริ่มพูดขึ้น

“คือกูก็ไม่รู้หรอกนะว่าน้ากูจะคิดเห็นยังไง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราสองคน ซึ่งจริงๆ กูคิดเรื่องนี้มานานพอควรแล้วแหละ ถ้าเป็นไปได้กูก็อยากให้น้ากูเป็นแบบครอบครัวมึง แต่ก็อีกนั่นแหละไม่รู้ว่าน้าชาแกจะว่ายังไง กูลองปรึกษากับพี่มาศ พี่เค้าก็พูดอย่างที่มึงได้ยินนั่นแหละ”แล้วทำไมมันไม่คิดจะเล่าให้ผมฟังบ้างหรือไง จะเก็บให้อึดอัดอยู่คนเดียวไปทำไม

“มึงบอกคิดมานานแล้วทั้งที่เราเหมือนเพิ่งจะคบกันเนี่ยนะ”นั่นเป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตของผมที่ตั้งคำถามให้ไอ้เชษฐ์มัน ทั้งๆที่จริงๆ ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังเท่าไหร่ แต่มันก็อดที่จะสะดุดไม่ได้หรอกนะครับ

“เรื่องนั้นไว้ก่อนแล้วกัน...จริงๆกูว่าจะคุยเรื่องน้าชากับมึงตั้งแต่ตอนไปบ้านมึงครั้งนั้นแล้วแหละ แต่พอกูได้ฟังเรื่องของมึงกับมันส์ กูเลยคิดว่ากูไม่บอกมึงจะดีกว่า เพราะกูกลัว”น้ำเสียงของไอ้เชษฐ์ฟังดูหม่นลงจนผมใจคอไม่ดีเท่าไหร่

“กลัวอะไร”ผมถามออกไปทั้งๆ ที่บอกตามตรงว่าที่มันยกเรื่องมันส์ขึ้นมาผมเองก็กลัวเช่นเดียวกัน สำหรับผมกลัวว่าผลมันจะออกมาแบบเดียวกับตอนคบกับมันส์ แต่สำหรับไอ้เชษฐ์มันจะคิดเหมือนผมหรือเปล่า

“กูกลัวมึงจะเลือกทำตามความเห็นของผู้ใหญ่เหมือนครั้งนั้น กลัวมึงจะไม่ยอมฝ่าฟันไปพร้อมกับกู ถ้าเกิดมีอุปสรรคขึ้นมา”ได้ยินแค่นี้ผมก็มั่นใจได้แล้วว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของผม คงเป็นสิ่งที่ถูกต้องนะ แม้ในใจจะยังหวั่นๆ ก็ตามที

“มันจะไม่มีวันเป็นแบบเดิมที่กูเคยเจอมาหรอก”ผมหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายทั้งที่ผมเองก็ยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่แต่ก็จะพยายามให้ถึงที่สุด

“ขอบคุณนะ”มือเรียวของอีกฝ่ายเอื้อมมาสัมผัสที่ใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน

“ขอถามอีกอย่างได้ไหม”ไอ้เชษฐ์เพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ

“พ่อกับแม่มึงอยู่ไหน”จะว่าผมละลาบละล้วงก็เถอะ แต่ถ้าไม่ถามมันก็คาใจ คือถ้ามันจะเปิดใจเรื่องนี้มันก็ควรให้ทุกคนในครอบครัวมันทราบไปทั้งหมดไปเลยจะดีกว่า

“พ่อกับแม่กูแยกทางกันตั้งแต่กูยังเด็กแล้วล่ะ กูเลยอยู่กับน้าชามาตลอด แต่ตอนนี้พ่อกูก็เสียไปแล้ว แม่ก็ย้ายไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่แต่งงานใหม่ นานแล้วล่ะ”ผมจุกขึ้นมาทันที อยากจะตบปากตัวเองเหลือเกิน เพราะฟังแล้วมันเป็นสิ่งที่ผมไม่น่าถามออกไปเลยแม้แต่น้อย

“กูขอโทษ”ผมรู้สึกผิดจริงๆ ถ้ารู้ว่าความจริงเป็นแบบนี้ผมก็คงไม่ถามมันหรอก สู้รอให้มันพร้อมแล้วเล่าให้ผมฟังเองน่าจะดีกว่า

“ไม่เป็นไรหรอก...กูชินแล้วละเรื่องนี้นะ แต่ถ้าอยากขอโทษจริงๆ เดี๋ยวกลับไปห้องกูจะทำโทษมึง เตรียมตัวไว้เลยฮ่าๆๆๆ”นั่นไงล่ะ สุดท้ายมันก็วกเข้ามาเรื่องนี้อีกจนได้ ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะออกรถเดินทางต่อ



สรุปด่านต่อไปของคู่นี้ก็แค่คุณน้าเนอะ

กะต้องมาดูกันว่าคุณน้าของเชษฐ์จะว่ายังไง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 14-01-2015 06:59:21
คุณน้าขาาาาาาาาาาาาาาาาา
ได้โปรดเข้าใจ และให้เราสองคนได้รักกันด้วยนะคะะ :sad4:
หยั่งกะพาลูกเค้าหนีแล้วพ่อจับได้
รอตอนต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 14-01-2015 07:05:56
น้าชาใจดีๆ ผ่านแน่ๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-01-2015 07:59:54
เราว่าคุณน้าไม่น่าที่จะไม่รู้หรอกค่ะว่าคู่นี้เป็นอะไรกัน แต่รับได้หรือรับไม่ได้นี้ก้น่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 14-01-2015 08:05:43
คุณน้าชาคงไม่เป็นไรแต่ถ้ามีความลับอื่นอีกตายแน่เชษฐ์คนหื่นเอ๊ย :z1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-01-2015 08:07:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 14-01-2015 08:27:40
ขุ่นน้าคะ~ อนุญาติเต๊อะ.อย่ามีปัญหาเล้ยยย

 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-01-2015 13:59:59
คราวนี้ตี๊ฟต้องสู้นะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 14-01-2015 17:47:52
เชษฐ์เคยหยุดหื่นบ้างไหมเนี่ย
หวังว่าน้าชาจะให้ผ่านนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 14-01-2015 18:14:19
ไปตัดไหมเนี่ย เพราะมีแผนใช่ไหมเชษ :laugh:
สู้ๆนะ น้าชาน่าจะเข้าใจแหละ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-01-2015 20:36:35
ด้วยอาชีพน้าเชรษฐ์เป็นหมอ น่าจะเข้าใจอะไรได้ง่าย ได้เห็นกลุ่มเพื่อนหมอที่มีคู่แบบนี้เนอะ ลุ้นอ่ะๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 34 [14-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 15-01-2015 06:52:44

วันที่ 35

ผมค่อยๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ เพราะรู้สึกว่าร่างกายมันอ่อนล้าเหลือเกิน สมองน้อยๆ ของผมเริ่มประมวลผลว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง หน้าผมเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมแทบจะหลับตาลงอย่างเดิม ถ้าไม่มีเสียงเอ่ยทักขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอครับที่รัก”เจ้าของคำพูดดึงผมกระชับเข้าสู่อ้อมแขน ใช่แล้วละครับ หลังจากที่กลับมาจากตัดไหมเย็บเมื่อวาน ผมก็ไม่มีอะไรจะปฏิเสธไอ้คนที่อยู่ข้างๆ นี่ได้ ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าคงจะไม่อะไรมากมาย แต่เล่นเอาผมหมดเรี่ยวหมดแรงไม่ได้นอนทั้งคืนกันเลยทีเดียว ไม่รู้มันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน กว่าผมจะได้นอนก็จะเช้าอยู่แล้ว

“ยังไม่ตื่น”ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้งพร้อมกับกระชับผ้าห่มคลุมกาย เมื่อรู้สึกได้ว่าผมไม่ได้สวมอะไรไว้เลย ทั้งที่จริงๆ มันมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องทำ ก็ปรากฏว่าไม่ได้อะไรเลยนอกจากเรื่องบนเตียง แต่ที่ผมยอมเพราะผมเองก็ไม่มั่นใจว่าหลังจากวันพรุ่งนี้ ระหว่างเราสองคนมมันจะเป็นยังไงนั่นเอง น้าหมอของไอ้เชษฐ์จะยังให้เราสองคนอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมหรือเปล่า

“ตื่นเถอะ...กูหิวแล้ว”ปากบอกว่าหิวแต่ไอ้มือปลาหมึกเนี่ยมันกำลังแกล้งผมอยู่แน่ๆ เลย

“หิวก็ไปหาไรกินเซ่ คนจะนอน เพลียจะตายอยู่แล้ว”ผมพยายามขยับตัวออกห่างแต่เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายดูจะรู้ทันและแรงผมก็สู้มันไม่ได้อยู่แล้ว

“ก็นี่ไงที่กูอยากกิน”นิ้วของคนพูดจิ้มๆ มาที่ตัวผมก่อนจะตามมาด้วยริมฝีปาก พรมจูบไปแทบจะทั่วตัวผม และมาจบที่ริมฝีปาก

“อืม...ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”ผมงัวเงียถามออกไปหลังจากที่ริมฝีปากเราผละออกจากกัน

“ไม่เหนื่อยเลยสักนิด อีกสิบรอบก็ยังไหว”เชิญไหวไปคนเดียวเหอะ ผมได้แต่เบ้ปากให้คนพูดอย่างเหนื่อยหน่าย

“แต่กูเหนื่อย เพลีย ง่วง จะนอน โอเคไหม”แล้วผมก็ดึงผ้าห่มคลุมโปงพร้อมกับหันหลังให้อีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี แต่เหมือนมันจะยังไม่ละความพยายามเพราะตอนนี้ไอ้หื่นมันมุดเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่มกับผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“อะไรกันแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว...นี่สงสัยกูต้องหาคนช่วยมึงแบ่งเบาภาระซะละมั้ง หาใครมาเป็นกิ๊กดีน้า”น้ำเสียงล้อๆ พร้อมกับสายตายียวนที่ส่งให้ผมใต้ผ้าห่มนั้นผมก็พอรู้หรอกว่ามันแค่พูดเล่น

“ตามสบาย อยากมีใครอีกสักกี่คนก็แล้วแต่เลย”ผมแกล้งพูดอย่างไม่ใยดี จนอีกฝ่ายต้องเอามือมาปิดปากผม

“ไม่หึงหน่อยเหรอ...หึงหน่อยนะ”แล้วแทนที่จะได้นอนพักผ่อนสุดท้ายก็มามัวเล่นกันอยู่แบบนี้ ผมเลยตัดสินใจพลิกตัวกลับพร้อมกับโอบกอดอีกฝ่ายไว้แน่น ซึ่งดูเหมือนไอ้เชษฐ์จะตกใจแกมแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่

“อยู่นิ่งๆ หลับตาลง กูจะนอน ถ้าไม่นิ่ง หลังจากวันนี้เราจะกลับไปแยกห้องกันนอนเหมือนเดิม”คนฟังทำตาโต ก็แน่สิเพราะไอ้ที่กอดกันอยู่ตอนนี้ผมกะจะแกล้งมันนั่นแหละ เอาให้มันคลั่งไปเลยดูสิว่ามันจะยอมทนตามคำพูดของผมหรือเปล่า

“แกล้งกันนี่นา...งั้นกูขอลุกไปทำกับข้าวรอมึงตื่นซะยังจะดีกว่าถ้าให้นอนอยู่ในสภาพแบบนี้ กูก็ทำตามที่มึงขอไม่ได้อยู่ดี”ว่าแล้วไหมล่ะ

“งั้นก็ลุกไปได้แล้ว”ผมทำเป็นไล่อีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ แล้วผมก็ต้องรีบเอาผ้าห่มคลุมปิดทั้งหน้าอีกรอบเพราะไอ้เชษฐ์ เล่นลุกขึ้นทั้งๆ ที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว

“ทำยังกะไม่เคยเห็นนะ”น้ำเสียงหัวเราะเบาๆ นั้นอดที่จะทำให้ผมหมั่นไส้ไม่ได้แต่ผมก็พยายามไม่สนใจ พยายามข่มตาหลับลงให้ได้ เพราะรู้สึกอยากจะพักผ่อนเสียเหลือเกินในตอนนี้ เพียงไม่นานผมก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีก




ไม่รู้ผมหลับไปนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ที่ผมเริ่มรู้สึกตัวเพราะว่าผมเหมือนลอยตัวอยู่ยังไงไม่รู้ ผมค่อยๆ ลืมตาและพยายามปรับสภาพสายตาให้ชินกับแสง แล้วก็ต้องแปลกใจที่เหมือนผมกำลังลอยตัวอยู่

“ทำอะไรเนี่ย”ผมร้องออกมาแทบจะเป็นเสียงตะโกน พร้อมทั้งดิ้นให้หลุด เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าของผมถูกไอ้เชษฐ์อุ้มช้อนตัวแล้วกำลังพาเดินไปไหนไม่รู้ คำพูดผมเหมือนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสนใจแม้แต่น้อย เพราะยังคงอุ้มผมเดินต่อไปและทำเพียงหันมาหัวเราะผมเบาๆ เท่านั้นเอง

“ปล่อยกูลงได้แล้ว”ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วว่ามันอุ้มผมมาห้องน้ำนั่นเอง จะให้ผมอาบน้ำก็ปลุกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย

“กูพยายามปลุกมึงแล้วนะแต่มึงไม่ยอมตื่นเสียที กูกลัวว่าถ้าปล่อยไว้กูคงได้ลักหลับมึงแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะเอาโยนลงอ่างน้ำเนี่ยแหละน่าจะตื่น แต่ไม่นึกว่าแค่อุ้มขึ้นมาก็จะตื่นแล้ว”ผมแทบจะอ้าปากค้างกับคำพูดของมันแต่ละคำ เพราะปกติผมไม่ใช่คนนอนขี้เซาขนาดว่าจะปลุกยากเย็น แล้วยังจะไอ้ที่มันจะเอาผมมาโยนลงอ่างบ้างล่ะ ลักหลับผมบ้างล่ะ อะไรของมันเนี่ย ผมอยู่กับโรคจิตที่ไหนป่ะเนี่ย

“ปล่อยๆ เดี๋ยวกูอาบน้ำเองก็ได้ ออกไป”ผมผลักให้ไอ้เชษฐ์ออกนอกห้องน้ำ แม้จะดูแล้วว่ามันอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย แต่จากที่มันพูดเรื่องลักหลับเมื่อสักครู่ ผมก็ไม่อยากจะไว้ใจให้มันมายืนดูผมเปลือยอยู่แบบนี้หรอกนะครับ

“เร็วๆ นะถ้าไม่อยากให้กูช่วยอาบ”ผมปิดประตูแทบจะทันทีที่ไอ้เชษฐ์ถอยออกไปพ้นประตู เพราะยิ่งปล่อยไว้นานมันจะพาลไม่ได้อาบกันพอดี ทว่าพอไอ้เชษฐ์ออกไปแล้วผมหันมองกระจก ผมก็แทบอยากจะบีบคอมันเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่มันทำอะไรของมัน ผมเปิดประตูออก และก็ต้องตกใจเพราะอีกคนยังยืนอยู่หน้าห้องน้ำ

“นี่อะไร”ผมชี้ร่องรอยตามตัวให้อีกฝ่ายดู

“ก็รอยจากการที่กูปลุกมึงไง”คำตอบของไอ้เชษฐ์ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย มันปลุกผมด้วยวิธีไหนของมันกัน

“ทำเป็นงงไปได้ ก็กูเรียกมึงก็ไม่ตื่น เขย่ามึงก็ไม่ตื่น กูก็เลยไล่จูบมึงไปทุกูขุมขนดูนะสิว่าจะตื่นไหม แต่ก็ยังไม่ตื่....”ไม่ต้องรอให้มันพูดจบผมก็ปิดประตูทันที เพราะแค่คิดภาพตามที่มันพูดผมก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวแล้ว

ผมใช้เวลาชำระล้างร่างกายเพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย พอออกจากห้องน้ำก็มีคนบริการอย่างดีเยี่ยม ทั้งเช็ดตัวเช็ดผม ทาครีมบำรุงผิวให้ แถมจัดแจงเสื้อผ้าไว้ให้อีกต่างหาก รวมถึงบนโต๊ะอาหารที่เหมือนจะตั้งไว้ให้ผมแล้วเช่นกันอะไรจะบริการดีเยี่ยมขนาดนั้น

“นี่แล้วพรุ่งนี้จะไปหาน้าชาตอนไหนเหรอ”พรุ่งนี้แล้วสิที่จะเป็นวันเกิดของไอ้เชษฐ์และแน่นอน ตามที่มันคุยกับพี่มาศวันก่อนว่าวันเกิดมันจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันให้น้าชาได้รับรู้ พอพูดเรื่องนี้ผมสังเกตได้ว่าไอ้เชษฐ์เองก็ชะงักไปเหมือนกัน คาดว่ามันเองก็คงกัลวลในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ไปด้วยกันไหม”ผมวางช้อนแทบจะทันทีที่มันพูดจบแทนที่มันจะตอบคำถามผม แต่มันดันมาถามผมกลับแบบนี้ ซึ่งถ้า เอาตรงๆ ก็คือผมไม่กล้าไปสู้หน้าน้าชาเค้าหรอกครับ ด้วยหลายๆ อย่างที่ลองทบทวนแล้ว มันไม่เหมาะที่จะไปสักเท่าไหร่ และประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับผมก็คงไม่พ้นเรื่องที่มันเคยเกิดกับผมมาแล้ว แม้ผมจะบอกกับไอ้เชษฐ์ไปแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะฝ่าฟันไปพร้อมกับมันนั้น ผมไม่มั่นใจเอาเสียเลย ว่าถ้าเกิดน้าช้าเค้าไม่ยอมรับในเรื่องนี้ และมาพูดกับผมอย่างที่พ่อของมันส์ เคยทำ ผมจะยังฝืนต่อไปได้หรือเปล่า

“ไม่ดีกว่า....เรื่องนี้กูว่ามึงคุยเฉพาะในครอบครัว จะดีกว่ากูคนนอกมันดูจะไม่เหมาะ”ผมตอบปฏิเสธออกไปอย่างที่รู้สึก ก็ได้แต่หวังว่าเรื่องนี้มันจะผ่านไปได้ด้วยดี ผมไม่ได้หวังให้น้าชา เค้ายอมรับได้ขนาดที่บ้านผม แต่ก็หวังว่าน้าชาคงไม่ต่อต้านขนาดพ่อของมันส์ ขอแค่น้าชายอมเปิดใจ และค่อยๆ ให้โอกาสพวกเรา แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว

“ตอนนี้ไม่ใช่คนในครอบครัว อีกหน่อยก็ใช่แล้ว”แหมพูดไปยังกะต่อไปจะแต่งงานกันเป็นครอบครัวงั้นแหละ พูดมาได้ แถมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก ยังมาทำเป็นปากดี ถ้าเกิดน้าชาไม่ยอมรับเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วจะรู้สึก....ซึ่งคงไม่ใช่ไอ้เชษฐ์คนเดียวที่จะรู้สึก แต่ผมเองก็คงเช่นเดียวกัน

“พูดเล่นอยู่นั่นแหละ”ผมแกล้งทำน้ำเสียงดุเล็กน้อย ว่าให้มันดูจริงจังหน่อย ยิ่งเรื่องนี้ผมว่าในแต่ละครอบครัวก็คงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะซีเรียสอยู่พอสมควร กับการที่จะมีคนในครอบครัว มีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน แม้ทุกวันนี้สังคมจะเปิดกว้างกับเรื่องนี้มากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยแต่ไม่อยากให้เกิดกับคนในครอบครัวตัวเอง บางทีแค่ความรักที่คนสองคนมีให้กัน มันก็ยังไม่พอหรอกสำหรับในโลกของความเป็นจริง ว่าแต่นี่ผมคิดมากไปหรือเปล่าหว่า ทั้งที่ว่าจะไม่คิดมากแล้วนะเนี่ย

“กลัวหรือเปล่า”อีกฝ่ายเอื้อมมือมากุมมือผมไว้พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ผมไม่ได้ตอบออกไปเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายหมดความเชื่อมั่นในตัวผมก็ในเมื่อคำตอบของผมก็คือแน่นอนว่าผมกลัว แล้วคาดว่าไอ้เชษฐ์ก็คงมีความกังวลว่าผมอาจจะเลือกทำอย่างเมื่อครั้งที่ผมเคยเลือกสมัยคบกับมันส์อยู่แล้ว

“จริงๆ กูน่าจะตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับน้าชาไปตั้งนานแล้วเนอะ จะได้ไม่ต้องมากังวลอะไรอยู่แบบนี้”ยิ่งไอ้เชษฐ์พูดมันยิ่งเหมือนจะตอกย้ำว่าเรื่องนี้มันคงไม่ใช่อะไรที่จะง่ายๆ หรือเป็นไปตามที่พวกผมต้องการสักเท่าไหร่

“เอาน่า...มันอาจจะดีกว่าที่เราคิดไว้ก็ได้นี่นา”ผมพยายามพูดปลอบใจทั้งตัวเอง และก็ไอ้เชษฐ์ด้วย

เหลืออีก 10 วัน

แหละ 10 วันจากนี้คือส่วนที่คนแต่งรื้อหลายรอบมาก  :z3:

คือแต่งไว้แล้วมาอ่านอีกทีก็ไม่ค่อยชอบเป็นอยู่หลายรอบมาก

และที่เลือกมาก็ไม่ใช่ว่าจะดีที่สุดน้า  :katai1: ออกตัวไว้ก่อนเลย

มันอาจจะขัดๆ ไปบ้างนะคร๊าบบบบ ยังไงกะรออ่านแล้วกันเนอะ o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-01-2015 07:08:09
อีก 10 วันนนนนน
อวยพรให้ทั้งคู่โชคดีนะคะ
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 15-01-2015 07:37:01
ตี๊ฟควรจะชินได้แล้วนะเพราะเชษฐ์มันหื่น :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-01-2015 07:42:13
เพี้ยง!!!  :call: :call: :call: สมหวัง.โสมหวางงงงงง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 15-01-2015 08:58:20
 :call: :call: :call:

สาธุ ขอให้โอเค ไฟเขียวเปิดโล่ง อย่าได้มีอุปสรรคใดๆมาขัดขวาง ขอให้รักกันจริงจัง เต็มใจ ขอแฮ็ปปี้ เอ็นดิ้ง อย่าจบเศร้า อย่าจบหน่วง อย่าจบปวดตับ

เชียร์เสียยิ่งกว่าเป็นเชษฏ์เสียอีก ขอนะคนเขียน อย่าฉลองต้นปีด้วยความโศกเลย  (ดราม่าเพราะว่าคำลงท้ายของคนเขียนแหละ) :a5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2015 12:14:11
เอาใจช่วยทั้งคู่  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-01-2015 14:19:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 15-01-2015 17:31:50
รู้สึกได้ถึงกลิ่นมาม่าที่โชยมาาาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-01-2015 19:59:04
เชรษฐ์น่ารักอ่ดูแลติ๊ฟอย่างดี ไวอ่ะ เหลืออีก 10 วัน น้าชาจะว่ายังไงเนี่ย ลุ้นต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 35 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 15-01-2015 21:17:27


วันที่ 36  Chet’s Part

“กูจะพาไปแนะนำให้มึงรู้จักกับเพื่อนซี้จากโรงเรียนเก่ากู”ไอ้การ์ดเพื่อนใหม่ของผมพล่ามไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมเริ่มชีวิตมหาวิทยาลัยมาได้สักอาทิตย์กว่าๆ แล้วครับ ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ หลายๆ คนแต่ที่สนิทที่สุดก็คงเป็นไอ้การ์ดนี้แหละครับ ไปสนิทกับมันได้ยังไงนะเหรอครับ ก็เพราะว่าผมชอบตรงที่มันขี้โม้ดีนี่แหละครับ

และตอนนี้มันกำลังจะพาผมไปรู้จักกับเพื่อนสนิทมันอีกคนนึง ที่มันว่าเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม ซึ่งเพื่อนมันคนนี้ถูกรุ่นพี่บังคับให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ครับ คือช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงกิจกรรมรับน้องอยู่ครับ แต่เนื่องจากมีกระแสด้านลบของการรับน้องออกมาเยอะในช่วงหลังๆ ทำให้มหาวิทยาลัยที่พวกผมเรียนมีกฎให้รับน้องกันแบบสร้างสรรค์ ก็กีฬาเชื่อมความสัมพันธ์นั่นแหละครับ

“ไอ้ตี๊ฟโว๊ยยยย”ไอ้การ์ดส่งเสียงเรียกไปยังกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ที่ซ้อมกันอยู่ ซึ่งทั้งกลุ่มก็หันพรืบกันมาจ้องผมกับมันอย่างอัตโนมัติ นี่มันคิดหรือเปล่าที่ตะโกนเรียกแบบนี้ เค้าอยู่กันเป็นกลุ่มทั้งรุ่นพี่ด้วยดันเรียกชื่อเพื่อนตัวเองคนเดียว ผมละอายแทบจะอยากมุดดินเสียตรงนี้ ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งรู้จักมันไม่นานผมตบกะโหลกมันไปแล้วครับ

“ไปแดรกเบียร์กันมึง”เจ้าของประโยคนี่คงจะเป็นเพื่อนของไอ้การ์ดครับ เพราะเป็นคนเดียวที่วิ่งมาทักทายไอ้การ์ด ว่าแต่นี่มันคำทักทายเหรอครับนั่น เจอหน้าปุ๊บ ชวนแดรกเบียร์เนี่ยนะ แถมดูหน้าตาไม่ได้เข้ากับสิ่งที่พูดเลย

คือจะว่ายังไงดีล่ะ เพื่อนไอ้การ์ดคนนี้ดูหน้าออกแนวคุณหนูหน่อยๆ ถ้าให้ประเมินจากหน้าตานี่ผมคิดว่าต้องเป็นคนเรียบร้อย เด็กเรียน ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ไม่พูดคำหยาบ แต่ไอ้ประโยคแรกที่ผมได้ยินนี่มันช่างขัดกับหน้าตาเค้าจริงๆ แถมสองคนคุยกันเหมือนลืมผมไปแล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“เออ ลืมแนะนำว่ะ ตี๊ฟนี่ไอ้เชษฐ์ เพื่อนใหม่กู แล้วเชษฐ์นี่ก็ไอ้ตี๊ฟเพื่อนเก่ากู”เออเนอะมันก็เข้าใจแนะนำนะ เพื่อนเก่ากับเพื่อนใหม่ สรุปก็คงเป็นเพื่อนกันแหละเนอะ ผมพยักหน้าเป็นเชิงทักทายเพื่อนใหม่ของผม แต่เป็นเพื่อนเก่าของไอ้การ์ด

“เชษฐ์.....ทำไมมึงพลาด”ตี๊ฟเดินเข้ามาพูดพร้อมเอื้อมมือตบไหล่ผม ไอ้ผมก็งงสิครับ พลาดอะไรยังไง แล้วนี่สนิทกันแล้วเหรอ เพิ่งเจอกันไม่ถึง 5 นาที สรรพนามมันควรจะเป็นเราๆ นายๆ ก่อนมั้ย ไว้สนิทกว่านี้ค่อยกูๆ มึงๆ แต่นี่อัธยาศัยดีไปนะคุณเพื่อนใหม่

“เรา...เอ่อ พลาดอะไรเหรอ”ผมถามออกไปตรงๆ เพราะไม่เข้าใจในคำถามของไอ้เพื่อนใหม่นี่จริงๆ

“ยี้...เราเรอวอะไรขนลุก”น่านไอ้เพื่อนใหม่ดูจะมีปัญหากับสรรพนามที่ผมใช้เสียแล้ว แถมทำท่าเข้า สั่นยังกะฉี่ไม่สุดเลยนะนั่น

“ฟังนะ I Say กู You Say มึง พร้อมนะ”จากที่ตอนแรกแค่ตบไหล่ข้างเดียว ตอนนี้จับไหล่ผมสองข้าง จ้องตาด้วยอีกต่างหากครับ คนอะไรจะให้ความสนิทสนมเป็นกันเองกับคนเพิ่งรู้จักได้ขนาดนี้เนี่ย

“กู”เพื่อนใหม่ผมพูดพร้อมเอามือกลับไปชี้ที่ตัวเอง ก่อนจะสลับมาชี้ที่ผม

“มะ...มึง”ผมพูดออกไปอย่างตะกุกตะกัก ยังงงๆ เพราะยังงงกับเพื่อนใหม่คนนี้อยุ่ไม่น้อย

“กู”

“มึง”

“กู”

“มึง”

“เห็นไหมก็พูดได้แค่เนี้ยะ”ดูไอ้เพื่อนใหม่ของผมจะภูมิใจเหลือเกินกับการบังคับให้ผมพูดคำหยาบนี้ได้ จริงๆ ไอ้ผมก็ไม่ใช่คนสุภาพอะไรหรอกนะครับ เพื่อนสนิทๆ ผมก็กูมึงเหมือนกันแหละ แต่อันนี้คือเพิ่งรู้จักกันไง จะแอดวานซ์ปานว่าสนิทกันแล้วมันก็แปลกๆ อยู่

“แล้วสรุปเรา เอ่อ กูพลาดอะไรเหรอ”ผมยังไม่วายย้อนกลับไปถามในสิ่งที่คาใจ เพราะพอไอ้เพื่อนใหม่ให้ผมพูดกูมึงได้สมใจ ก็หันไปคุยกับเพื่อนเก่าอย่างไอ้การ์ดเฉยเลย ไม่ได้อธิบายในสิ่งที่ผมสงสัยแม้แต่น้อย

“ก็มันว่ามึงโง่ ที่พลาดมาเป็นเพื่อนกับคนที่หล่อ เท่ห์ นิสัยดี เฟอร์เฟ็กต์ที่สุดอย่างกูไงว่ะไอ้เชษฐ์ ทีนี้มึงก็จะไม่มีทางได้เกิด เจิดจรัสในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพราะโดนรัศมีกูกลบเสียมิดไงเล่า ใช่ไหมเพื่อนตี๊ฟ”น่านแหละครับที่ผมบอกว่าไอ้การ์ดมันขี้โม้ แต่ที่มันโม้มาเนี่ย ผมว่าผมไม่พลาดนะดูๆ ไป ผมอาจจะไปกลบมันก็ได้ ใครจะรู้ ฮ่าๆๆ ขอหลงตัวเองนิดนึงครับ แบบว่าติดมาจากไอ้การ์ดนี่แหละ

“ไอ้เชี่ย มันใช่ที่ไหนเล่า”ดูๆ สองคนนี้คงสนิทกันพอควร เพราะตอนนี้ไอ้การ์ดโดนตบกะโหลกหัวแทบทิ่มไปแล้วครับ

“ไอ้เชษฐ์มันพลาดตรงมาได้เพื่อน เชี่ย เลว ถ่อย สถุน จัญไร ไม่มีอะไรดีอย่างมึงมากกว่า” เอ่อได้ข่าวคุณมึงเป็นเพื่อนมันมาก่อนกูนะไอ้คุณเพื่อนใหม่

“กูว่าไปแดรกเบียร์เหอะ อย่ามามัวอวดอ้างสรรพคุณกันอยู่เลย เสียเวลาว่ะ”ตอนนี้ผมแทบจะไม่มีโอกาสได้เปิดปากพูดอะไรเลยครับ สองเพื่อนซี้เค้าต่อปากต่อคำรับส่งกันได้ลงตัว จนผมต้องยอมจำนนเป็นผู้ฟังที่ดี แถมไอ้ไปแดรกเบียร์ของพวกมันนี่ ไม่ได้ถามความเห็นผมสักคำ ว่าผมอยากไปด้วยหรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละครับ


“เอ้าชนนนนน”อันนี้เสียงผมเองครับ ได้มีโอกาสออกเสียงบ้างแล้ว หลังจากเป็นผู้ฟังอยู่เสียนาน  ตอนนี้ผมเริ่มตึงๆ หน่อยๆ เพราะดื่มไปเยอะพอสมควรเหมือนกัน แต่ดูเหมือนสองซี้เค้าจะยังได้อีกยาว ไม่รู้ไปฝึกปรือวิทยายุทธกันมาจากไหนคอแข็งกันเหลือเกิน ไอ้ผมว่าตัวเองก็ดื่มเก่งนะ แต่มาเจอสองคนนี้ ผมคงต้องยกธงขาว

“เชษฐ์...กูมีเรื่องสำคัญจะบอก”อยู่ๆ ไอ้เพื่อนใหม่ที่นั่งตรงข้ามกับผมก็ลุกขึ้นโน้มหน้าเข้ามาจ้องผม แถมสองมือของมันยังมาจับให้ผมมองสบตากับมันอีก พอเห็นใกล้ๆ แบบนี้ไอ้นี่ก็น่ารักดีนะครับ เดี๋ยวๆ นี่ผมชมผู้ชายด้วยกันว่าน่ารักงั้นเหรอ บ้าไปแล้ว ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือผมเมา ใช่แน่ๆ ผมต้องเมาแน่ๆ

“กูเป็นเกย์”ปากค้าง ตาถลน นั่นคือสภาพสีหน้าของผมแน่ๆ ครับ อะไรนะไอ้เพื่อนใหม่ผมเป็นเกย์ อะไร ผมงง อึ้ง คือหมายความว่ายังไง

“อะไร...ไม่เคยมีเพื่อนเป็นเกย์หรือไง”เพื่อนใหม่ผมยังถามต่อ คงเพราะยังเห็นอาการตกใจของผมอยู่ ก็จะว่ายังไงดีล่ะ ด้วยการมีชิวิตผ่านมา 18 ปีบนโลกใบนี้ของผม ตามที่ผมเข้าใจ เกย์นี่คือ กะเทย ตุ๊ด อะไรประมาณนั้นหรือเปล่า แต่นี่ไอ้เพื่อนใหม่ของผมดูไม่เหมือนในสิ่งที่ผมเข้าใจแม้แต่น้อย หรือมันล้อผมเล่น โอ๊ยผมงง

“ม่ะ ม่ะ ไม่เคย” ผมตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก

“งั้นก็ถือว่ากูเป็นเพื่อนเกย์คนแรกของมึงแล้วกัน ไม่ต้องตกใจไป เดี๋ยวก็ชิน”คือผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเพศที่ 3 หรอกนะครับ แต่ผมกำลังงงว่าแล้วนี่มันจะมาประกาศรสนิยมทางเพศให้ผมฟังทำไม แล้วไอ้การ์ดดูจะไม่ได้มีอาการตกอกตกใจอะไรเลย แต่ไอ้การ์ดที่รู้จักกับไอ้เพื่อนใหม่นี่มานานก็คงรับรู้อยู่แล้ว แพราะขนาดผมที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ยังได้รับเกียรติขนาดนี้

“ไม่ต้องสั่นขนาดนั้นไอ้เชษฐ์ ตี๊ฟมันไม่เอามึงทำผัวหรอก มันแยกแยะได้ เพื่อนก็คือเพื่อน ผัวมันก็มีแล้วด้วย”ไอ้การ์ดหันมาตบไหล่ผมเหมือนเป็นการปลอบใจ แต่คือกูจะบอกว่า กูไม่ได้กลัวได้เป็นผัวเกย์ แต่กูกำลังงงกับการเป็นคนเปิดเผยกันเกินไปของพวกเมริงงงงง คนนึงก็ขี้โม้เกินพิกัด อีกคนก็สาธารณะเกินจะบรรยาย

“ผัวเผออะไรของมึงไอ้เชี่ยการ์ดกูมีที่ไหนเล่า”นั่นครับไอ้การ์ดโดนอีกหนึ่งป๊าบเข้าให้

“นี่อย่าบอกนะว่ามึงถูกผัวทิ้งอีกแล้ว”

แล้วทั้งสองคนก็เปิดฉากปะทะคารมกันต่อ โดยที่ผมได้แต่เป็นผู้ฟังที่ดีอีกเช่นเดิม นั่นแหละครับจุดเริ่มต้นของการได้รู้จักเพื่อนใหม่ของผม เพื่อนใหม่ที่อัธยาศัยดีมาก แทบจะมากเกินไป แถมเป็นคนที่มักจะทำอะไรขัดกับหน้าตาตัวเองอย่างมาก เพื่อนใหม่ที่ทำให้ผมยิ้มทุกครั้งที่ได้เจอ เพื่อนใหม่ที่กลายเป็นเป้าสายตาของผมนับตั้งแต่วันนั้น เพื่อนใหม่ที่ไม่รู้ว่ากลายมาเป็นคนที่ขโมยหัวใจผมไปตั้งแต่ตอนไหน รู้แค่ว่าอยากเจอ อยากเห็นอาการบ้าๆ บอๆ ของเค้า




“ยิ้มอะไรคนเดียวไอ้เสือ”เสียงของคุณน้าสุดที่รักของผมปลุกให้ผมตื่นจากความคิดในอดีตของผม อดีตที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมได้รู้จักคนที่ผมรักที่สุดตอนนี้ ไม่รู้ตอนนี้จะทำอะไรอยู่ จะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่า

“น้าชาครับผมขออะไรสักอย่างเป็นของขวัญวันเกิดได้ไหมครับ”ในที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าที่จะบอกบางอย่างกับน้าชา คนที่แทบจะเรียกว่าเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ของผมเลยก็ว่าได้ พ่อกับแม่ผมแยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก และน้าชาก็เป็นคนเลี้ยงดูผมมา

แม้ผมจะไม่ได้อยู่กับพ่อและแม่แต่น้าชาก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขาดแต่อย่างใด และผมก็เป็นเด็กดีของน้าชามาโดยตลอด แม้จะมีเกเรไปบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้น้าชาหนักใจมากนัก

“ปีนี้มาแปลกวุ้ย ปกติเห็นมีแต่บอกไม่อยากได้ของขวัญ แล้วปีนี้เกิดผีเข้าอะไรมาละไอ้เสือของน้า”นั่นแหละครับจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเกิดนี่เท่าไหร่หรอกครับ มันก็แค่วันๆนึงแค่นั้น แต่ทุกๆ ปีน้าชาก็จะบังคับผมมาทานข้าวด้วยแบบนี้ตลอด โดยแกให้เหตุผลว่า อย่างน้อยเราจะได้ยังดูเป็นครอบครัว ซึ่งทุกปีแกก็จะถามตลอดว่าอยากได้อะไร หรือพอทานข้าวเสร็จแล้วไม่ไปฉลองต่อกับเพื่อนเหรอ แต่ผมก็ปฏิเสธทุกครั้ง ว่าไม่อยากได้อะไร ไม่อยากไปไหน แถมอีกอย่างเพื่อนๆ ก็ไม่ค่อยมีใครรู้วันเกิดผมสักเท่าไหร่ด้วย

“น้าชาสัญญากับผมก่อนได้ไหมว่าจะให้ในสิ่งที่ผมขอ”บอกตามตรงว่าผมไม่มั่นใจในผลที่ตามมาว่าน้าชาจะรู้สึกยังไงหลังจากรับรู้ในสิ่งที่ผมจะขอ

“ดูซีเรียสนะเนี่ย เอ้าน้าสัญญาว่าไอ้เสือของน้าอยากได้อะไร น้าจะหาให้ ว่าแต่คงไม่ขอยานอวกาศ หรือขอไปเที่ยวดาวอังคารนะ แบบนั้นคงให้ไม่ได้”น้าชายังคงขำๆ กับสิ่งที่ผมจะขอ แต่ไม่รู้ว่าพอผมบอกจริงๆ แกจะยังขำอยุ่ไหม

“ผมขอมีแฟนครับ”

“อะไรนะ ฮ่าๆๆๆๆ”น้าผมขำเสียยังกับว่าผมได้เล่นมุกที่ขำที่สุดในโลกอย่างนั้นแหละครับ

“เดี๋ยวๆ เชษฐ์ก็เป็นแฟนกับแหม๋วอยู่ ไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆๆ”น้าชายังคงขำไม่หยุด

“ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกความจริงน้าชา คือผมกับแหม๋วแค่แกล้งเป็นแฟนกันหลอกๆ ครับ”ใช่แล้วครับ ผมกับแหม๋วไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่เคยเป็นแฟนกัน จริงๆ เราก็เป็นเพื่อนกันนั่นแหละครับ ผมกับแหม๋วบังเอิญได้รู้จักกันเพราะแหม๋วเป็นน้องสาวของพี่มาศ พยาบาลประจำคลินิกของน้าชา แล้วยิ่งเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะคนละคณะก็เถอะ เลยยิ่งทำให้สนิทกันได้ไม่ยาก และสุดท้ายก็กลายเป็นว่าแหม๋วกลายมาเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้ผมไปโดยปริยาย

“แล้วทำไมต้องแกล้งเป็นแฟนกัน”คราวนี้น้าชาเปลี่ยนจากขำ กลายมาเป็นเคร่งขรีมอย่างรวดเร็วเลยครับ แกคงตกใจไม่น้อยที่ผมมีเรื่องปิดบังแก เพราะจริงๆ แล้วแม้น้าชาจะไม่ได้เข็มงวดอะไรกับผม แต่ลึกๆ ผมรู้ว่าตัวแกเองกลัวจะเลี้ยงผมออกมาได้ไม่ดี และแกจะบอกผมเสมอว่ามีอะไรให้บอกแก อย่าโกหก ซึ่งปกติ ผมก็แทบไม่เคยโกหกหรือปกปิดอะไรแกเลย ยกเว้นเรื่องเกี่ยวกับตี๊ฟเรื่องเดียวที่ผมไม่กล้าบอกแก

“เรื่องนั้นไว้ผมค่อยอธิบายทีหลังนะครับ ว่าแต่น้าชาจะยอมให้ผมมีแฟนได้ใช่ไหมครับ”ก่อนที่ผมจะบอกความจริง ผมขอหาอะไรที่เป็นหลักประกันช่วยยืนยันว่าน้าชาจะไม่ขัดขวางเรื่องระหว่างผมกับตี๊ฟไว้หน่อยก็ดี แม้จะดูเป็นการมัดมือชกก็เถอะ

“ถึงแม้น้าจะเอ็นดูแหม๋ว อยากได้มาเป็นหลานสะใภ้ เพราะคิดว่าเราสองคนรักกันจริงๆ แต่ถ้าเชษฐ์มีคนอื่นที่รักใคร่ชอบพอกันอยู่แล้ว น้าจะไปขัดทำไมล่ะ มีแฟน มีความรักมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร อีกอย่างเรียนก็ใกล้จบแล้วนี่เนอะ ว่าแต่ใครกันล่ะว่าที่หลานสะใภ้เนี่ย น้าเคยเจอไหม”ผมเริ่มมีกำลังใจมาหน่อยกับสิ่งที่น้าชาพูด หวังว่าน้าชาจะรักษาคำพูดนะครับ

“แล้วถ้าแฟนผมเป็นผู้ชาย น้าชาจะว่ายังไงครับ”ผมเอ่ยถามพร้อมสายตาที่แน่วแน่ แสดงให้น้าชาเห็นว่าผมจริงจังกับรักครั้งนี้ของผมขนาดไหน

“กลับไปคุยกันที่บ้าน”




----------------------------------------------------------------------------------
แวะมาลงให้ก่อนเพราะจะไปเที่ยวกาญจนบุรี คงไม่ได้ลงสัก 2 วัน

ถ้ากลับเร็ว เย็นวันอาทิตย์จะมาต่อให้นะครับ แต่ถ้าเลทก็เจอกันอีกทีเช้าวันจันทร์เลย ไม่ก็เย็น

เอาแน่เอานอนได้ไหมเนี่ย 555

อย่างที่บอกว่า 10 วันสุดท้าย นี่แก้แล้วแก้อีก จริงๆ คิดว่าน่าจะให้เล่าเรื่องผ่านตี๊ฟเหมือนเดิม แล้วจะแทรกพาร์ทของแชทเป็นตอนพิเศษไป

แต่แก้ไปแก้มา แล้วไม่ค่อยชอบ มันเลยจะออกมาเป็นพาร์ทของเชษฐ์จะย้อนเล่าเรื่องซะส่วนใหญ่ เนื้อเรื่องในแต่ละวันอาจจะเดินไปไม่มาก

แต่จะค่อยๆ คลายปมแต่ละเรื่อง ว่าทำไมเรื่องราวแต่ละอย่างเป็นมายังไง อาจจะไม่สมเหตุสมผลบ้างอ่ะเนอะ  :z3:

ก็จะใช้พาร์ทเชษฐ์เล่าเรื่องประมาณ 5-6 ตอน ซึ่งเรื่องอาจจะยังไม่เดินไปมาก เพราะจะย้อนเล่าเสียส่วนใหญ่

มีให้ดูว่าเป็นปัจจุบันช่วงท้ายๆ เพื่อให้วันมันเดิน ที่ทำแบบนี้เพราะคนแต่งขี้เกียจครับยอมรับเลย 555

จริงๆ ก็อยากทำเป็นพาร์ทแยกสองคน แต่ละวัน ซึ่งก็อย่างที่บอกทำแล้ว ไม่โอเคเท่าไหร่ เลยเอาแบบนี้ละกันเนอะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-01-2015 21:35:02
วุ้ย!!! เชษฐ์เค้าเกิดเป็นรักแรกพบกับตี๊ฟแต่แรกนินา. :mew3: น้าชาอย่าห้ามน้าา~  :call: :call:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-01-2015 21:43:06
พี่เชษฐ์ พยายามเข้าาาาาา
ขอให้คุณน้าเข้าใจด้วยเถอะนะ :hao5:
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-01-2015 22:04:33
มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ทั้งเรื่องแหม๋วและเรื่องรักตี๊ฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 15-01-2015 22:09:40
เริ่มคิดหนัก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 15-01-2015 22:29:48
พี่เชษฐ์ร้ายมาก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 15-01-2015 22:30:10
ชักหยองๆน้าชาแล้วสิ  เคร่งขรึมในบัดดล

เชษฏ์   แกล้งเป็นแฟนกับแหม๋ว นี่แสดงว่าแอบรักติ๊ฟมาสินะ ได้อ่านผ่านมุมมองของเชษฏ์ก็กระข่างขึ้นมาหลายๆจุดทีเดียว

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 15-01-2015 23:35:06
ยังไงก็ยังสงสัยว่าจะแกล้งเป็นแฟนกับแหม๋วทำไม???
ทำให้ติ๊ฟหึงเหรอ ถ้าติ๊ฟมันจะหึงมันก็หึงนานแล้วไม่ปล่อยให้แกคบหลอกกันมาเป็นปีๆหรอก
แล้วเห็นตอนแรกๆมีฉากแหม๋ววีน แหม๋วเข้าใจผิดว่าเชษฐ์เปลี่ยนไปชอบติ๊ฟนั่นก็ละครเหรอเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 16-01-2015 00:28:10
ลุ้นๆๆๆๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 16-01-2015 02:04:03
อะไรยังไง ขุ่นน้าาาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-01-2015 08:03:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-01-2015 08:06:17
กรี๊ดลุ้นนน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 16-01-2015 11:59:04
อย่างนี้ค่อยมีลุ้นกันหน่อยนึกว่ามีแต่ตี๊ฟที่คิดไปเองว่า
ชอบเชษฐ์อยู่ฝ่ายเดียว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 16-01-2015 17:33:17
อย่างที่คิดไว้เลยว่าแล้วเชษฐ์มีอะไรแปลกๆ และอยู่ดีๆก็มาชอบตี๊ฟ แต่นึกไม่ถึงว่าแหม๋วจะแกล้งเป็นแฟน ร้ายมากเชษฐ์ แล้วน่าจะเกี่ยวกับแผน งานนี้ตี๊ฟรู้ตายแน่งานยากกว่าน้าชารู้ว่ามีผู้ชายเป็นแฟนอีก :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-01-2015 19:22:07
น้าชา ม่าม่าไม่เอาน่ะ
แม๋ว แค่ร่วมมือกับเชรษฐ์ดีจัง อิอิ
แต่คนแต่งหายไปเที่ยว รอต่อไป คิกๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-01-2015 19:30:48
มาให้กำลังใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-01-2015 21:45:56
รักแรกพบสินะ
น้าชาอนุญาตเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 18-01-2015 10:18:21
ตามมาจากกระทู้แนะนำนิยาย พล็อตเรื่องสนุกกีครับ ตอนนี้มาร่วมลุ้นให้น้าชาไม่ชงมาม่าครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 36 [15-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 19-01-2015 07:01:33
วันที่ 37 Chet’s Part

“คนอื่นไปไหนหมดเนี่ย ไมมานอนอยู่คนเดียว”ผมเอ่ยทักทายคนที่เป็นเป้าสายตาของผม ใช่แล้วละครับยิ่งนับวันผมยิ่งชอบจับตามองมันไปเสียทุกอิริยาบถ บางครั้งถึงขั้นแอบตามมันเสียด้วยซ้ำ แต่ไอ้การแอบตามมันนี่บางทีก็เจ็บจี๊ดๆ เหมือนกัน เพราะดันไปเจอมันสวีทหวานกับคนอื่นนี่สิ

แต่ก็ต้องทำใจแหละครับ ไอ้เรามันแค่เพื่อน หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าแล้วผมไม่อยากพัฒนาความสัมพันธ์กับไอ้นี่ไปมากกว่าเพื่อนเหรอ ก็บอกเลยครับว่าผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าผมรู้สึกกับมันยังไงกันแน่ ผมว่าผมก็ยังชอบผู้หญิงอยู่ ผมเองไม่ได้เป็นเกย์ เหมือนที่มันเป็น ผมชอบมองมัน จริงๆ ก็ไม่อยากให้มันไปวุ่นวายกับคนอื่น ซึ่งก็อีกนั่นแหละผมมีสิทธิ์หรือก็เปล่าที่จะไปห้ามไม่ให้มันยุ่งกับคนอื่น

และยิ่งเราสนิทกันมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกลัว ทั้งกลัวความรู้สึกตัวเอง กลัวว่าถ้าวันนึงผมคิดเกินเลยกับมันเกินเพื่อนจริงๆ หรือถ้ามันรู้ว่าผมแอบคิดอะไรกับมัน  แล้วมันจะยังเป็นเพื่อนกับผมอยู่ไหม มันจะทำตัวเหินห่างกับผมไหม และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือผมกลัวการที่จะถูกมันปฏิเสธ คงทรมานน่าดู อีกอย่างไอ้การ์ดเคยบอกว่าตี๊ฟมันไม่มองเพื่อนด้วยกันหรอก เพื่อนก็คือเพื่อนมันไม่เคยคิดกับเพื่อนเป็นอย่างอื่น

หรือว่ามันคงดีอยู่แล้วที่เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้

“เค้าก็ไปเรียนเซ่ ถามมาได้ ตารางเรียนมึงก็เหมือนพวกมัน รู้ทั้งรู้ยังจะมาถาม ปัญญาอ่อนป่ะว่ะ”ที่เห็นเหวี่ยงๆ แบบนี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับไอ้ตี๊ฟของผมเพิ่งเลิกกับแฟนมา แล้วมันก็จะไม่ยอมเรียนแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่มีปัญหาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เนี่ย แต่ดูๆ ไปผมก็ไม่เห็นมันจริงจังหรือจริงใจกับใครสักคนเลยนะ คบใครก็แป๊ปๆ เดี๋ยวเลิกๆ

“อ้าวไอ้นี่กูถามดีๆ จะมาเหวี่ยงกูทำไม ผัวทิ้งอีกละสิเนี่ย”แม้ในใจอยากจะพูดดีๆ กับมันนะครับ แต่ด้วยความเคยชิน และไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นผิดสังเกต แม้ตอนนี้ผมจะอยู่กับมันสองคนก็เหอะ แต่เพื่อความเนียนผมต้องสวมบทบาทเพื่อนเชี่ยๆ ตามคอนเซปต่อไป

“เชี่ยเชษฐ์ กูบอกแล้วว่าไม่ชอบให้พูดว่ากูมีผัว ถึงกูจะคบกับผู้ชายด้วยกัน แต่กูก็ไม่ใช่ผู้หญิงป่ะว่ะ ไอ้คำว่าผัวเมียนี่มันน่าจะใช้กับผู้หญิงผู้ชายไหมว่ะ”นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ผมชอบแกล้งมันครับ เพราะเวลาใครเรียกแฟนมันว่าผัวมันจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แรกๆ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจสถานะระหว่าง ผู้ชายสองคนที่คบกันเองหรอกนะครับ แต่ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งมาก และจากการอภิปรายของเพื่อนๆ ผม ยังไงคำนิยามของไอ้ตี๊ฟก็อยู่ในสถานะเมีย ส่วนแฟนมันก็ต้องเป็นผัวไปตามระเบียบอยู่ดี ฮ่าๆๆๆ

“แหม๋ๆ มึงทำยังกะตัวเองจะไปเป็นผัวใครได้ อย่างมึงก็ทำได้แค่มีผัวเท่านั้นแหละตี๊ฟ”แกล้งมันอีกหน่อยครับสนุกดี

“หยุด พอเลย ถ้ายังไม่เลิกพูดเดี๋ยวกูจับทำผัวซะหรอกไอ้เชี่ยนี่”โหกะลังรอเลยเมียจ๋า ฮ่าๆๆๆ เห็นมันพูดมาแบบนี้ แต่จริงๆ มันไม่ทำหรอกครับ อย่างที่บอก ไอ้ตี๊ฟของผมเนี่ยมันชัดเจนว่าจะไม่เอาเพื่อนทำผัว

“ลองดูป่ะล่ะ เผื่อมึงจะติดใจกูจนลืมผัวคนก่อนๆ ของมึง”ผมแอบทำสายตาเจ้าชู้ใส่มัน ลองหยอดดูบ้างครับ เผื่อมันจะหวั่นไหวกับผมบ้าง ฮ่าๆๆ

“แหวะ...ขนลุกว่ะเชี่ยเชษฐ์” นั่นแหละครับคำตอบ ชัดเจนเสียยิ่งกว่าชัด แล้วแบบนี้จะให้ผมกล้าจีบมันไหมล่ะ แค่คิดก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแล้วละครับ ใครจะว่าป๊อดก็ยอมรับครับงานนี้ ผมป๊อดเกินกว่าจะยอมเสี่ยงที่จะไม่ได้เห็นมันเป็นเป้าสายตาของผมอีกต่อไป

“อย่ามาเว่อร์ ยังกะกูจะไปเอามึงทำเมียจริงๆ งั้นแหละ หล่อๆ อย่างกูสาวๆ ยังตรึมโว้ย”สาวก็ตรึมจริงๆ นั่นแหละครับ แต่ตอนนี้ใจผมดันไม่ได้ชอบสาวคนไหนเลยนี่สิ ดันมาสนใจไอ้เพื่อนตี๊ฟนี่เสียได้

“จร้าพ่อเทพบุตร พ่อแรร์ไอเท็ม พ่อลิมิเต็ดอิดิชั่น ไปหาเบียร์แดรกกันดีกว่า”ห๊ะไหงมันมาลงที่เรื่องดื่มได้ละเนี่ย

“มึงช่วยบอกกูหน่อยว่านี่กี่โมงกี่ยาม”ผมยื่นนาฬิกาให้ไอ้ตี๊ฟดู เผื่อมันจะสำเนียกได้บ้างว่าเวลาแบบนี้ ชาวบ้านเค้าตั้งใจเรียนอยู่ แล้วตัวมันดันมาชวนนักศึกษาผู้ตั้งใจเรียนอย่างผม ไปหาดื่มเบียร์ในเพลานี้เนี่ยมันใช่ที่ไหม

“บ่ายสอง แล้วไง ตามร้านขายของชำร้านโชว์ห่วย ไม่มีใครไปตรวจหรอก ไม่ใช่เซเว่น ไม่ใช่ห้าง ที่บ่ายสองถึงห้าโมงเย็นจะงดจำหน่ายแอลกอฮอล์”เอิ่ม คือผมไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ เอาจริงๆ ผมไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีกำหนดเวลาขายแอลกฮอล์แบบนี้ ก็พอคุ้นๆ เคยเห็นเค้าติดป้ายในเซเว่นอยู่หรอกนะครับว่ามีช่วงห้ามขาย แต่ไม่เคยสนใจ

“กูหมายถึง ใครเค้าบ้าแดรกเบียร์ตอนบ่ายสองหรอกไอ้เชี่ย”ผมตะโกนใส่หน้ามันเผื่อจะสำนึกขึ้นมาได้บ้างว่ามันใช่เวล่ำเวลาไหมที่จะไปแดรกเบียร์ตอนนี้

“กูนี่ไงที่แดรกได้ทุกที่ทุกเวลา ยิ่งกว่าเซเว่นอีกนะมึง”ดูมันเถอะครับ อยากรู้จริงๆ ถ้าพ่อแม่มันรู้ว่าทำตัวแบบนี้ เค้าจะคิดยังไง ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ ให้มันครับ

“กูเลี้ยงไปไหม ให้เวลาคิด 5 วินาที”

“มึงนี่น้า”จริงๆ ก็อยากห้ามมันนะครับ แต่คิดว่ามันคงไม่ฟัง

“เหลือ 2 วิ”

“เออๆ ไปก็ไป”ผมไม่ได้เห็นแก่กินนะครับ แค่เป็นห่วงมันเท่านั้นเอง

เป็นอันว่าไอ้ตี๊ฟของผมยกเบียร์มา  1 ลังโดยมีผมเป็นคนแบก เพราะไม่ได้ออกตังค์ และมาจบที่ห้องของไอ้ตี๊ฟนี่แหละครับ 2 คนกับ 1 ลังก็ถือว่าไม่มากไม่น้อย

“แด่สามีคนที่ 20 ของนายตี๊ฟ”ผมแกล้งแซวมันนิดหน่อย แม้จะพอรู้ว่าไอ้ตี๊ฟของผมนี่คงยังไม่ผ่านมือชายมามากขนาดนั้น แต่จริงๆ ก็อยากรู้เหมือนกันนะว่ามันมีแฟนมากี่คนแล้วกันแน่ และวันนี้โอกาสก็เหมาะที่สุดเพราะ ไม่มีเพื่อนคนอื่นๆ มาเป็นก้าง ผมจะได้หลอกถามมันอย่างเนียนๆ แถมไม่มีใครมาสงสัยผมด้วยว่าจะอยากรู้เรื่องของมันไปทำไม

“เว่อร์ไป เว่อร์ไป กูไม่ได้มั่วขนาดนั้น”ผมได้แต่ยิ้มสมเพชให้กับตัวเองในใจ การแอบมองใคร แอบชอบใครนี่มันก็มีทั้งความสุขและความทุกข์มาในเวลาเดียวกันเลยเนอะ นี่ผมคงชอบไอ้ตี๊ฟเข้าให้แล้วจริงๆ

“เออกูสงสัยมานานแล้ว สเป็คมึงนี่ชอบคนแบบไหนว่ะ เห็นแต่ละคนที่มึงเคยคบ แมร่งเชี่ยๆ ท้างงงน้านนนน”อันนี้ผมไม่ได้ใส่ร้ายนะครับ เพราะถ้ามีใครดีจริง คงคบกันยืด แต่นี่ดูจากสถิติแล้วก็นะ

“มึงก็ว่าไป มึงไม่เห็นเหรอทุกคนที่กูคบ ต้องหล่อ ใส ไร้ที่ติ ที่สำคัญถ้ามีแฟนอยู่แล้วยิ่งเร้าใจนะมึง”นั่นแหละครับ ดีไหมละครับแฟนมันแต่ละคน คือผมก็ไม่รู้ว่าจริงๆ ตี๊ฟมันชอบคนมีแฟนอยู่แล้วจริงๆ หรือว่าไอ้พวกที่มีแฟนอยู่แล้วนั่นมาหลอกมันกันแน่ แต่ดูจากแฟนมันที่ผ่านมาก็มีหลายคนเหมือนกันที่มันต้องเลิกไปเพราะอยู่ๆ แฟนตัวจริงเค้าโผล่มา แถมที่ว่าโผล่มานี่คือผู้หญิงทั้งนั้นนะครับ

“ตกลงมึงชอบคนเลว หรือมึงเลวซะเองเนี่ย ไมชอบไปเป็นชู้นักว่ะ”ผมแทบอยากจะตบปากตัวเองเมื่อเห็นแววตาเศร้าๆ ของอีกคน จริงอยู่ว่าปกติเราแซวกันแรงๆ บางทีก็ดูแบบไม่รักษาน้ำใจกัน แต่ทุกครั้งไอ้ตี๊ฟไม่เคยเป็นแบบนี้ ปกติมันต้องตีหน้ามึนไม่แคร์ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ผมเพิ่งเคยเห็น

“กูก็แค่อยากมีใครสักคนที่รักกูจริงๆ”




ผมยังจำน้ำเสียงเศร้าๆ นั้นได้ดี แม้จะผ่านมานานแล้วก็ตาม และวันนั้นเองที่ผมแน่ใจว่า ผมอาจจะมีความรู้สึกที่มากกว่าคำว่าชอบให้กับไอ้ตี๊ฟเสียแล้ว ผมค่อยๆ สะบัดภาพอดีตออกจากหัวไป พร้อมกับหันมาสนใจข้อความในมือถือของผม

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

ผมรู้ว่ามันคงรอผมทั้งคืน ทั้งที่ผมบอกว่าจะกลับไปฉลองวันเกิดกับมัน ทั้งที่ยืนยันว่าแม้ผลจะออกมายังไงจากการที่ผมบอกเรื่องระหว่างเราให้น้าชาฟัง เราจะยังฝ่าฟันไปด้วยกัน แต่ผมกลับปล่อยให้มันเป็นกังวลรอทั้งคืน

“น้าชาว่าไงบ้าง”

ผมจ้องข้อความสุดท้ายที่ตี๊ฟส่งมาให้ผม ประโยคสั้นๆ แต่มันดังก้องวนเวียนอยู่ในหัวของผมซ้ำไปซ้ำมา คำถามที่ตี๊ฟเองก็คงอยากรู้คำตอบเป็นอย่างมาก

“เอาเป็นว่าถ้าจะไม่ให้น้าขัดขวาง น้าก็คงต้องขอบางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นการพิสูจน์”

และนั่นคือคำตอบจากน้าของผม หลังจากที่ผมพยายามอธิบายให้แกเข้าใจว่าผมกับตี๊ฟรักกันจริงๆ จากตอนแรกที่แกยืนยันไม่ยอมท่าเดียว แกว่าพวกผมยังเด็ก อาจจะเผลอไผลไปบ้าง อนาคตยังอีกยาวไกล แกอยากให้เรายุติความสัมพันธ์เสียตั้งแต่ตอนนี้ แถมนี่ก็ไม่ให้ผมกลับคอนโด ให้ผมมาอยู่บ้าน แต่ผมก็ยืนกรานที่จะคบกับตี๊ฟต่อไป พร้อมกับเอาคำพูดที่แกสัญญาไว้มากดดัน ผลเลยออกมาแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก

ผมเริ่มพิมพ์ข้อความตอบกลับให้ตี๊ฟเพื่อที่มันจะได้ไม่กังวลมากจนเกินไป

“ขอเวลากูหน่อย แต่อยากให้มึงรู้ไว้ว่ากูจะทำให้ผลมันออกมาดีที่สุด กูรักมึงนะ”




อย่างที่บอกไว้เนอะว่าเรื่องจะย้อนเล่าเสียมากกว่า

เนื้อเรื่องอาจจะเดินหน้านิดหน่อย เพื่อให้วันมันเดิน

ก็ต้องรอดูอีกว่าน้าชาขออะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนในการให้ทั้ง 2 คบกันต่อ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 37 [19-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 19-01-2015 07:50:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 37 [19-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-01-2015 08:24:37
หน่วงๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 37 [19-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-01-2015 21:32:45
น้าชา อย่าใจร้ายน่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 37 [19-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-01-2015 23:51:03
"ก็แค่คนสองคนรักกัน".ทำไมต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากด้วยล่ะคะน้าชา.#ไม่ปลื้มน้าชา(ชั่วคราว)ค่ะ แหะๆ.สู้นะเชษฐ์. :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 37 [19-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 20-01-2015 00:34:59
รู้สึกค้างคาจังแฮะ :a5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 37 [19-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 20-01-2015 00:36:08
อยากรู้ข้อแลกเปลี่ยนของน้า ตอนแรกนึกว่าน้าจะปล่อยให้คบกันเสียอีก :hao5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 37 [19-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 20-01-2015 07:15:04
วันที่ 38 Chet’s Part

“มันต้องทำขนาดนี้เลยเหรอแหม๋ว”ผมเอ่ยถามที่ปรึกษาหัวใจของผมที่วันนี้ ทั้งบังคับผมให้เข้าร้านทำผม ตัดใหม่ให้ดูดี โกนหนวดให้เกลี้ยงเกลา ปรับเปลี่ยนการแต่งตัวให้มีสไตล์ แถมนี่ยังต้องมาเข้าคอร์สหน้าใสอะไรนี่อีก

“แหม๋ๆ ก็เธอบอกเองนี่ยะว่าตี๊ฟเค้าชอบแบบหล่อใส ไร้ที่ติ ซึ่งประเมินแล้วไอ้คำว่าหล่อนี่พอผ่าน แต่ใสนี่ติดลบ ส่วนไร้ที่ตินี่คือไอ้ที่ที่จะไม่ติคงไม่มีแล้วมั้ง มันก็ต้องขนาดนี้แหละ”

ผมได้แต่ทนๆ ทำไปตามวิธีของคุณเพื่อนตัวดี นอกจากกลุ่มเพื่อนๆ ในคณะอย่างไอ้ตี๊ฟ ไอ้การ์ดพร้อมทีมงาน ผมก็มีแหม๋วนี่แหละครับที่เป็นเพื่อนสนิทอีกคน แต่พวกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ไม่รู้จักแหม๋วกันหรอกครับ เพราะอยู่กันคนละคณะ แต่ที่ผมกับแหม๋วสนิทกันก็เพราะแหม๋วเป็นน้องสาวของพี่มาศ พยาบาลที่คลินิกของน้าผม

เรารู้จักกันที่คลินิกของน้าชา และแหม๋วก็เป็นคนแรกที่ผมเล่าเรื่องความรู้สึกที่ผมมีต่อตี๊ฟให้ฟัง ก็มันอึดอัดที่ต้องเก็บไว้คนเดียว เลยต้องระบายออกให้มีคนช่วยอึดอัดบ้าง แล้วจากที่แหม๋วรู้ ก็ลามไปถึงพี่มาศ สองศรีพี่น้องนี่เลยกลายเป็นที่ปรึกษาปัญหาความรักของผมไปโดยปริยาย ดูๆ ไปก็คล้ายพี่อ้อยพี่ฉอดพิกล

พอฟังผมเพ้อนานๆ เข้า สองพี่น้องก็เริ่มทนไม่ไหว เริ่มปฏิบัติการพยายามให้ตี๊ฟหันมามองผมบ้าง ซึ่งปฏิบัติการแรกก็อย่างที่บอกนี่แหละครับ จับผมแปลงโฉมให้เป็นหนุ่มโสดในฝันของตี๊ฟนั่นเอง แต่ผลนะเหรอครับ

“ช่วงนี้ดูดีขึ้นติดหญิงอ่ะดิมึง”

“สาวคนไหนเป็นผู้โชคดีว่ะไอ้หน้าหล่อ”

“พามาเปิดตัวกะเพื่อนบ้างดิมึง อย่าปล่อยให้พวกผัวไอ้ตี๊ฟมันแย่งซีนอยู่ฝ่ายเดียว”

นั่นแหละครับผลตอบรับ พวกไอ้การ์ดและทีมงานสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวผม แม้พวกมันจะเข้าใจผิดเรื่องเป้าหมายของผมไปหน่อย แต่อย่างน้อยพวกมันก็ยังสังเกตเห็น แต่ไอ้ตัวเป้าหมายของผมนี่สิ

“จะเก๊กไปไหนเนี่ย หล่อตายละมึง”นั่นแหละครับ นอกจากมันจะไม่สนใจผมแล้ว ยังดูจะเพิ่มความหมั่นไส้เข้ามาอีกด้วย

“มันไม่เวิร์คว่ะแหม๋ว”สุดท้ายผมก็ต้องกลับมาพร่ำเพ้อให้คุณเพื่อนตัวดีฟังอีกตามเคย

“หรือเชษฐ์จะไปศัลยกรรมเพิ่มดี ฉีดฟิลเลอร์ ร้อยไหม ไรเงี๊ยะ เผื่อจะหล่อเตะตาตี๊ฟบ้าง”นี่ไม่รู้ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่มาให้แหม๋วเป็นที่ปรึกษา ดูแต่ละความคิดแล้วไม่น่าจะไปรอดสักเท่าไหร่

“จะว่าไปเชษฐ์เองก็ออกจะหล่อ ไมไม่ลองจีบตี๊ฟไปตรงๆเลยล่ะ”ข้อเสนอแนะเธอมีมาเรื่อยๆ แหละครับเพื่อนคนนี้

“ก็ดูปฏิกิริยาแล้วคิดว่าจะจีบติดไหมล่ะ อีกอย่างเราก็ยังไม่อยากเสียเพื่อน”ผมตอบออกไปตามจริง เพราะถึงผมเป็นได้แค่เพื่อนอย่างน้อยๆ ก็ยังได้พบเจอ ได้อยู่ด้วยกัน แต่เกิดไปจีบจริงๆ สุดท้ายจีบไม่ติด อาจแถมด้วยเข้าหน้าไม่ติดอีกต่างหากนี่สิ

“จีบผู้ชายไม่เป็นก็บอกมาเหอะ”โหจี้จุดเลยนะคุณเพื่อน

“อันนี้ก็ต้องยอมรับ”ก็ผมเองเคยชอบผู้ชายมาก่อนที่ไหนกันเล่า ครั้นจะไปศึกษาจากเกย์ก็คงไม่ใช่เรื่อง แล้วพอมีคนมาให้คำปรึกษาอย่างแหม๋วนี่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายสักเท่าไหร่ด้วยนี่สิ

“หรือว่าเชษฐ์จะลองมีแฟนหลอกๆ ดู”นั่นประไรละแต่ละความคิดของเจ้าหล่อน ดีๆ ทั้งนั้น

“แล้วใครที่ไหนจะยอมมาเล่นเป็นแฟนหลอกๆ แบบนั้น”ถึงจะไม่ได้เห็นด้วยกับความเห็นนี้เท่าไหร่แต่ก็นับว่าน่าสนใจเลยทีเดียว

“ชั้นนี่ไงย่ะ”

“ไม่เอาอ่ะ”ผมต้องรีบปฏิเสธข้อเสนอ เพราะแค่คิดก็ขนลุกแล้ว มันจั๊กจี้ยังไงบอกไม่ถูก แม้ว่าแหม๋วจะสวยก็เถอะนะแต่ด้วยความที่เราเป็นเพื่อน สนิทกันให้มาแกล้งเป็นแฟนกันมันคงแปลกๆ

“ลองดูก็ไม่เสียหายนะย่ะ ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นเพื่อนกันซะหน่อย อีกอย่างจะได้รู้กันไปเลยว่าจริงๆ ตี๊ฟชอบคนมีเจ้าของจริงๆ หรือเปล่า”

แล้วเรื่องราวแห่งความวุ่นวายก็ได้ตามมาอีกหนึ่งเรื่อง เมื่อผมกับแหม๋วถูกจับตามองจากคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก คู่ของเรากลับกลายเป็นคู่รักที่น่าสนใจไปซะงั้น แต่หนึ่งคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจใยดีอะไรกับสิ่งที่ผมพยายามทำ ก็คือเป้าหมายของผมเองนั่นแหละครับ

แกล้งเล่นเป็นแฟนกับแหม๋วอยู่พักนึงเลยกะว่าจะเลิก แต่ดันมีคนมารู้ความลับของผมเพิ่มอีกจนได้ ในระหว่างที่ผมกับแหม๋วกำลังพูดคุยตกลงว่าจะเลิกเล่นละครเรื่องแฟนปลอมๆ นี่

“ขอขยายความหน่อยสิเพื่อนเชษฐ์”ทั้งผมและแหม๋วต่างตกใจที่อยู่ๆ ไอ้การ์ดดันโผล่มาจากไหนไม่รู้ แต่ดูแล้วคงได้ยินเรื่องที่ผมกับแหม๋วคุยกันจนหมดแล้วมั้งนั่น สุดท้ายไอ้การ์ดก็คาดคั้นให้ผมต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง

“มึงชอบไอ้ตี๊ฟ โอ้ววว พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ตบหน้ากูทีว่านี่กูฝันไป”

“เพี๊ยะ”ไม่ใช่ฝีมือผมครับ แต่เป็นฝ่ามือของแหม๋วที่ฟาดลงบนหน้าไอ้การ์ดเป็นการยืนยันว่ามันไม่ได้ฝันไป สิ่งที่มันรับรู้คือเรื่องจริงยิ่งกว่านิยายของผมเอง

“มือหนักเหมือนกันนะเนี่ยเรา”ไอ้การ์ดต้องลูบแก้มตัวเองเลยทีเดียวแถมเหมือนจะเป็นร้อยฝ่ามือแดงๆ เข้าให้แล้วด้วย แหม๋วนี่ก็นะ มือหนักมือเร็วเหลือเกิน ดีนะที่ผมเป็นแค่แฟนหลอกๆ มือหนักแบบนี้ใครได้เป็นแฟนคงต้องคิดหนักเลยนะนั่น

“กูว่าในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว มึงกับแหม๋วก็เล่นเป็นแฟนกันต่อไปเหอะ กูมีแผนเด็ดๆ งานนี้เดี๋ยวป๋าช่วยดันเองไอ้น้อง”แล้วมันก็หัวเราะอย่างน่าสยดสยอง นี่มันกรรมหรือเวรอะไรของผมเนี่ย จากแอบชอบผู้ชายด้วยกัน มามีที่ปรึกษาไม่ได้ความ ตามมาด้วยป๋าดันขี้โม้โรคจิตนี่อีก

นั่นแหละครับจุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นๆ ที่ทำให้ผมต้องมานั่งคิดไม่ตกอยู่ตอนนี้

“ชั้นก็พอเข้าใจน้าชานะ แกเลี้ยงเชษฐ์มาเหมือนลูก แกก็คงอยากเห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝา แต่งงานมีครอบครัว แกยอมถอยให้ขนาดนี้ก็แสดงว่าแกต้องรักเชษฐ์มากๆ เลยแหละ”ถึงผมจะเห็นแหม๋วเป็นที่ปรึกษาที่ไม่ได้ความแต่สุดท้าย ก็ไม่พ้นเธออยู่ดีแหละครับ ที่ผมมาหาเป็นคนแรก

“แต่ที่น้าชาขอ มันก็ไม่ได้ทำง่ายๆ เลยนะแหม๋ว”ผมเริ่มโอดครวญกับสิ่งที่กำลังจะเป็นอุปสรรคให้กับความรักของผม

“อย่ามาเยอะ ฝั่งน้าชานะเรียกไฟเหลืองมาเต็มสูบพร้อมจะไฟเขียวแล้ว ที่น่าหนักใจคือฝั่งหวานใจของเชษฐ์มากกว่า คิดว่างานนี้ไม่ใช่งานง่ายนะ ที่จะให้ตี๊ฟร่วมมือด้วย เกิดตี๊ฟไฟแดงมาละก้อ หึหึ”นั่นสินะ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ตี๊ฟเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี่

อย่างที่ผมเคยบอกเค้าว่ามันมีอีกหลายเรื่องเหลือเกินที่ผมยังไม่บอกเค้า จริงๆ ผมก็กะว่าจะค่อยๆ เล่าไปทีละเรื่องในช่วงที่เราเข้าใจกันดี แต่ตอนนี้ถ้าผมต้องเล่าทั้งหมดทีเดียว เค้าจะยังรับฟังผมจนจบหรือเปล่าก็ไม่รู้

“แหม๋วว่าเราควรทำไงดี”

“ไม่รู้ย่ะ คิดเองบ้างสิ เรื่องตัวเองแท้ๆ”อ้าวแม่ที่ปรึกษานี่จะมาทิ้งกันกลางคันแบบนี้ได้ไงกันเล่า

“ไหนๆ ก็ช่วยมาขนาดนี้แล้ว ก็ช่วยๆให้ถึงตอนจบเลยดิ นะนะนะ”จริงๆ ผมควรจะเข้มแข็งและทำได้ดีกว่านี้ แต่พอคิดว่าเกิดผมทำพลาดขึ้นมา แล้วผมกับตี๊ฟจะไม่ได้คบกันต่อ แค่นั้นผมก็สมองตื้อคิดอะไรไม่ออกแล้วละครับ

“งั้นไว้ไปปรีกษาแฟนชั้นกัน”ช่างเป็นคำแนะนำที่ชวนปวดหัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีกครับ เพราะอะไรนะเหรอครับ ก็ไอ้แฟนของแหม๋วนี่แหละครับ

“ปรึกษาไอ้การ์ดอ่ะนะ”





 o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 20-01-2015 08:54:45
การ์ดเสียแก้มเลยได้แหม๋วมาควงเชียวนะ~ เคลมเร็วกว่าเชษฐ์อี๊กกกกก. :hao5: พิจารณาตัวเองด่วนๆค่ะเชษฐ์.คึคึ. :impress2:

อุปสรรคครั้งนี้ต้องพิสูจน์ใจตี๊ฟสินะ!
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 20-01-2015 09:09:00
พ่อสื่อกะแม่สื่อได้กันเองก่อนซะอีก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-01-2015 09:40:55
โอ้ยอยากรู้ เชษฐ์รีบๆเล่าใ้ห้ตี๊ฟฟังเลยนะ
ยิ้มตรงที่การ์ดกับแหม๋วเป็นแฟนกัน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-01-2015 09:52:25
แหม่ะ!! การ์ดโดนแหม่วตบทีเดียว ได้เป็นแฟนกันเลยนะ 555555

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 20-01-2015 10:36:12
โห่ว นึกว่าการ์ดจะได้กับพี่ต๊าฟฟฟ(ให้บ้านตี๊ฟเหลือผู้ขายบ้างเหอะ55)
แหม๋วกับการ์ดจอมวางแผนพอกัน จีบตี๊ฟธรรมดาก่ะได๊
ว่าแล้วการ์ดจะต้องมีแผนเพราะเชษฐ์เรื่อง 45 วัน

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-01-2015 20:34:43
โดนตบทีเดียวไอเดียบังเกิด เจ็บเลยการ์ด อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 20-01-2015 21:15:17
คุณน้าขอให้เปิดเผยความจริงเหรออออออ
รอตอนต่อไปปปปปป
ปล. การ์ดมีคนคบกะเค้าด้วย  :a5: แถมเป็นแหม๋วอีก!!!  o22
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 20-01-2015 21:43:01
งืมมม มันเป็นจังซี่ นี่เอง ว่าแล้วเชียว สู้ต่อไปนะเชษ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-01-2015 23:12:25
อ้าว ทำไมเนื้อคู่พี่ต๊าฟถึงไปคบกับแหม๋ว
การ์ดนี่เป็นอีกคนหนึ่งที่น่าโดนกดมากเลยอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 38 [20-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 21-01-2015 07:18:54
วันที่ 39 Chet’s Part

“แผนกูนี่แหละเด็ดสุดแล้ว”เจ้าของแผนการสุดเพี้ยนเริ่มเล่ารายละเอียดในการจับคู่ผมกับไอ้ตี๊ฟ

ตอนนี้เพื่อนๆ ทุกคนรู้เรื่องความรู้สึกผมที่มีต่อไอ้ตี๊ฟกันหมดแล้ว รวมถึงเรื่องแฟนตัวปลอมของผมอย่างแหม๋วอีกด้วย แต่ตอนนี้เหมือนแหม๋วจะได้มีแฟนตัวจริงเข้าแล้วละมั้ง เพราะตั้งแต่ไอ้การ์ดรู้ว่าผมกับแหม๋วเป็นแฟนกันหลอกๆ มันก็เริ่มขายขนมจีบให้แหม๋วทันที

แผนของไอ้การ์ดก็ไม่มีอะไรมากครับ มันมีบทละครที่ผมต้องแสดงเปิดเรื่องด้วยการ เป็นโฮโมโฟเบีย ขั้นแอดวานซ์ เกลียดเกย์เข้าไส้ พยายามสะกิดต่อม ไอ้ตี๊ฟให้ได้มากที่สุด จากนั้นท่านผู้กำกับอย่างไอ้การ์ดจะคุมเรื่องให้เป็นไปในแนวทางของละครเรื่องนี้

จากนั้นก็จะเป็นคิวของแหม๋วที่ต้องออกมาในบทแฟนเก่า แสนงี่เง่าของผม แล้วจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของผมเองแล้วว่าจะพิชิตใจไอ้ตี๊ฟให้ได้ภายใน 45 วันนั้นไหม

แต่พอเอาเข้าจริงๆ จากที่แผนนี้ถูกคิดค้นขึ้นตอนผมเรียนปี 2 แต่กว่าที่แผนนี้จะได้ใช้จริงๆ ก็ล่วงเลยมาจนผมเรียนปี 4 แถมเทอมสุดท้ายแล้วด้วยนี่สิ

“มึงจะป๊อดไปไหนว่ะไอ้เชษฐ์ นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แหล้ว ที่ไอ้ตี๊ฟมันเลิกกับแฟน”คำพูดเดิมๆ ที่ผมได้ยินแทบจะทุกครั้งที่ตี๊ฟเลิกกับแฟน เพราะไอ้การ์ดและบรรดาเพื่อนๆ รวมทั้งแหม๋วด้วย ต่างก็พร้อมจะช่วยให้แผนจับคู่ผมกับไอ้ตี๊ฟเป็นจริง สักที แต่ทุกครั้งผมก็ไม่กล้าสักที จริงๆ จะว่าไม่กล้าก็ไม่เชิงเสียทีเดียว แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ไอ้การ์ดเสนอมาเนี่ยมันก็เหมือนการหลอกไอ้ตี๊ฟอยู่ในที และผมกลัวว่าถ้าเกิดยอมทำตามแผนของไอ้การ์ดไป แล้วเกิดวันนึงตี๊ฟจับได้ขึ้นมา ผลมันจะเป็นยังไง

“นั่นดิเชษฐ์ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วก็ได้นะ แอบชอบมาได้ตั้งหลายปี ลองเสี่ยงดูบ้างจะเป็นไรไป”แหม๋วก็สนับสนุนเรื่องนี้ด้วยอีกคน

“มึงก็เห็นแฟนไอ้ตี๊ฟมันแต่ละคน เข้ามานี่แค่อยากฟันมันทั้งนั้นแหละ ส่วนไอ้เพื่อนเราก็นะใครมาเล่นด้วยแมร่งก็เล่นกะเค้าหมด กูเป็นเพื่อนกะมันมานานก็อยากให้มาเจอคนดีๆ เหมือนกัน และมึงเองก็ชอบมันมาตั้งนาน จะรีรออะไรอีกว่ะ”ไอ้การ์ดเริ่มบ่นครับ

“กูกลัวเสียเพื่อนว่ะ”นั่นคือข้ออ้างสุดคลาสสิคของผมครับ มาทุกครั้งทุกรอบที่โดนเพื่อนยุให้เล่นเกมนี้

“ไอ้ป๊อดดดดด”ประสานเสียงกันทุกคนเลยครับคราวนี้ แถมพร้อมใจกันส่ายหน้าอย่างระอา

“ให้เวลามึงคิดถึงเย็นนี้ ถ้าตอนไปแดรกเบียร์ฉลองที่ตี๊ฟมันเลิกกับไอ้มาบตาพุดแล้วมึงไม่เริ่มการแสดง กูนี่แหละจะบอกไอ้ตี๊ฟเองว่ามึงแอบชอบมัน เลือกเอานะไอ้หน้าหล่อ หึหึ”และนั่นก็ทำให้ผมต้องเริ่มเล่นไปตามแผนของไอ้การ์ดอย่างเสียไม่ได้ และดูเหมือนว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี จนถึงตอนนี้


“แล้วมึงเสือกบอกน้าชาเรื่องเกมไปทำไมว่ะไอ้เชษฐ์”ไอ้การ์ดตบกะโหลกผม พร้อมแสดงสีหน้าว่าผมโง่เสียเต็มประดา

“มึงอย่ามาเนียนเลย เป็นคนเริ่มคิดเกมนี้ แล้วดันไม่คิดตอนจบไว้ให้กู แล้วจะให้กูทำไง”

“แหม๋ๆ ทีบทจะฟิทเจอริ่งกันกูไม่เห็นต้องตามไปกำกับ ทีมีปัญหาดันจะมาโยนให้กูนะ”

ตอนนี้ผมและเพื่อนๆ มารวมตัวกันเพื่อจะช่วยผมแก้ไขปัญหาระหว่างผมกับไอ้ตี๊ฟสุดที่รักของผม จริงๆ พวกมันก็ไม่อยากมาหรอกครับ บอกว่าเรื่องของผมให้แก้เอาเอง แต่จะทำไงได้ในเมื่อเพราะพวกมันนี่แหละที่ช่วยกันยุยงส่งเสริมเกมนี้ให้ผมเล่น

หลายๆ คนอาจจะคิดว่าแล้วเกมนี้มันจะไปอยากอะไร ก็แค่ออกไปสารภาพกับตี๊ฟ ซึ่งตอนนี้ตี๊ฟก็ยอมรับรักผมแล้ว ถ้าผลออกมาดีคือตี๊ฟอาจจะไม่โกรธอะไรเลย หรืออาจจะมีงอนเล็กน้อย แต่ถ้าแย่หน่อยก็อาจจะโกรธ หรือถ้าให้แย่มากๆ ก็ทั้งโกรธเกลียด ที่เอาเกมบ้าๆ นี่มาล้อเล่นกับความรู้สึกของมัน ซึ่งทั้งหมดนี่มันอาจจะยังฟังดูแย่ไม่พอ เมื่อผมไปสารภาพกับน้าชาว่าผมรักผู้ชายด้วยกันแถมด้วยเล่าเรื่องเกมนี่ไปด้วย

ผลนะเหรอครับก็อย่างที่บอกตอนแรกน้าชาไม่ยอมรับเรื่องระหว่างผมกับตี๊ฟ แต่สุดท้ายน้าสุดที่รักของผมก็ยอม แต่จะให้ยอมธรรมดาเฉยๆ แบบง่ายๆ มันคงจะไม่มีอะไรให้น่าจดจำน้าผมเลยจัดเกมให้ผมเล่นต่อซะงั้น

“กูขอสรุปอีกหน่อยแล้วกัน ตอนนี้ถ้าตามเกมเดิมวันนี้เป็นวันที่ 39 ของเกม เหลือเวลาอีก 6 วันก็ครบ 45 ตามที่ตกลงตอนแรก”ไอ้การ์ดจดลงในกระดาษที่อยู่กลางโต๊ะประชุมของพวกเรา

“และสิ่งที่น้าชาได้กำหนดให้เป็นกฎใหม่ของเกมมีอะไรบ้างนะขออีกที”ใช่แล้วครับ น้าผมให้ผมเล่นเกมต่อ แต่ข้อตกลงในเกมเปลี่ยนไป จากตอนแรกที่ไอ้การ์ดเคยตั้งกฎคือผมกับตี๊ฟต้องรักกันภายใน 45 วัน ซึ่งมันเหมือนการให้ตี๊ฟยอมเปิดใจให้ผมมากกว่า แต่สำหรับของน้าชาคือต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าถ้าจะเล่นเกมต่อและบวกวันเพิ่มโดยนับจากเดิมไปจนครบ 100 วันผมกับตี๊ฟยังจะรักกันอยู่ไหม

“ต้องสารภาพเรื่องทั้งหมดให้ตี๊ฟฟัง”

“ต้องให้ตี๊ฟยอมเล่นเกมต่อตามกฎของน้าชา”

“ไอ้เชษฐ์ต้องกลับไปอยู่บ้านกับน้าชา ตี๊ฟต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่”

“ห้ามมีเซ็กซ์กันจนกว่าจะจบเกมรวมถึงห้ามไปมีกับคนอื่นด้วย”

“พอครบ 100 วันต้องยังรักกันเหมือนเดิม”

นั่นแหละครับที่มันยาก ผมไม่รู้ว่าพอสารภาพแล้วตี๊ฟมันจะว่ายังไง แถมจากนั้นมันจะยอมเล่นเกมต่อไหม และที่อยากที่สุดสำหรับผมเองก็ไอ้กฎข้อห้ามมีอะไรกันนี่แหละครับ แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ช่วยกันเสนอแนวทาง และออกตัวว่าพร้อมจะช่วยให้เกมนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น เพราะจริงๆ ทุกคนก็เตรียมพร้อมให้มันลงเอยด้วยดีอยู่แล้ว

“ไม่ยากเท่าไหร่ จริงไหมไอ้หน้าหล่อ”ไอ้การ์ดยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ผม

“เหรออออ”ผมลากเสียงยาวให้รู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเลยสักนี๊ดดดด

“เดี๋ยวๆ สรุปว่าเชษฐ์กับตี๊ฟ จั๊ดดาจั๊ดกันแล้วเหรอ ทำไมน้าชาต้องห้ามด้วย”แหม๋วหันมาถามอย่างสงสัย

“ที่รักจ๊ะ ถึงมันสองคนไม่ได้พูดออกมา แต่ร่องรอยหลักฐานบนตัวไอ้ตี๊ฟ มันสังเกตได้ง๊ายง่ายเลยจ๊ะ”ไอ้การ์ดพูดยังกะไปอยู่ใต้เตียงผมงั้นแหละ แต่ก็จริงของมันแหละครับ ผมไม่เคยเอาเรื่องบนเตียงระหว่างผมกับตี๊ฟมาเล่าให้พวกมันฟัง แต่พวกมันที่จ้องจับสังเกตอยู่แล้ว มีหรือจะหลุดรอดจากสายตาของพวกมันไปได้

“ว่าแต่ได้กันตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ว่ะ”

“ฮิ้ววววววว”น่านแหละครับ ขนาดไม่เล่าพวกมันยังแซวขนาดนี้ นี่ถ้าเล่าตี๊ฟคงเอาผมตายแน่ๆ

“เออว่าแต่เรื่องสารภาพกับไอ้ตี๊ฟนี่ มึงจะเอาไงว่ะ จะลุยเดี่ยวๆก่อน หรือจะบุกไปรับโทษพร้อมกันดี”เอาจริงๆ ผมก็กลัวนะครับ เพราะไม่คิดว่าตี๊ฟจะดีจนแบบว่า ไม่ถือโทษโกรธอะไรที่พวกผมสุมหัวกันวางแผนเล่นกับความรู้สึกของมันแบบนี้

แม้ว่าผมจะรู้ว่าผลมันอาจจะไม่ได้สวยหรู แต่ในเมื่อลงสนามมาขนาดนี้ ก็คงต้องลุยต่อ ไม่ว่าตี๊ฟจะโกรธผมขนาดไหน ผมก็คงต้องพยายามทำให้มันหายโกรธให้ได้ หรือว่าสุดท้ายน้าชาจะยังไม่ยอมรับในรักครั้งนี้ของผม ยังไงผมก็ต้องพิสูจน์ ว่ามันไม่ใช่ความหลงผิดชั่วครู่ชั่วยาม

“กูขอลุยเดี่ยวก่อนแล้วกัน



ไหงคนเชียร์พี่ต๊าฟกะการ์ดเยอะจัง 555

กฎใหม่ของน้าชาก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่เนอะ

แต่ถามว่าคนแต่งจะเขียนทีละวันจนครบร้อยไหม

ตอบเลยว่า ไม่ 555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 21-01-2015 07:29:07
เราก็เชียร์ตาฟ-การ์ดนะ

100 วัน? ย้ายกลับไปอยู่บ้าน? ได้เลยใช้หอการ์ดไปเลย หอเพื่อนมีกี่หอใช้ให้หมด รวมหัวกันดีนัก  :hao6:

เกิดตี๊ฟเลิกคบทั้งกลุ่มทำไงดี?
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-01-2015 07:33:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 21-01-2015 09:36:29
บอกได้คำเดียวว่า   "เละ"  เชษฐ์เอ๋ย แต่พอการ์ดพูดว่าที่วางแผนเพราะเห็นแฟนตี๊ฟแต่ละคนหวังแต่จะฟันเลยอยากให้เพื่อนได้คนดีๆ เลยน่าให้อภัยหน่อย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 21-01-2015 09:53:57
นี่คือเบื้องหลังทั้งหมด
จะโดนตี๊ฟฆาตกรรมหมู่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 21-01-2015 10:12:59
กฎ 100 วันของน้าชาเวิร์คนะ
ความจริงคือเราก็อยากให้เรื่องต่อไปเรื่อยๆ
เขียนไปจนถึง 100 วันเลยได้มั้ยคะ
ไม่ต้องเล่าทุกวันก็ได้ อาจมีข้ามๆ ไปบ้าง
แค่ให้รู้ว่าเรื่องเดินไปยังไงและจบยังไง
 :sad4: :sad4:
แต่ตอนนี้ขอลุ้นให้เชษฐ์รอดจากมือติ๊ฟก่อนละกันเนอะ


 :call:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 21-01-2015 11:13:32
น้าชาแอบแรงนะเนี่ยยย
พี่เชษฐ์สู้ๆ ภาวนาให้ติ๊ฟไม่โกรธนะ
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: canister ที่ 21-01-2015 13:10:59
เชษฐ์สู้ๆนะะะะ

 :hao5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-01-2015 14:46:00
ดูจากการมองโลกที่ผ่านมาของตี๊ฟ
ตี๊ฟน่าจะเข้าใจ และคงจะไม่ลังเลอีก
ที่จะเปิดใจให้กับเชษฐ์แบบเต็มร้อย

ส่วนน้าชาเอง ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ใจดีเลยแหล่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 21-01-2015 15:01:31
จะได้รัก หรือได้เลือดตามลุ้นกันต่อไป :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 39 [21-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 22-01-2015 07:13:05
วันที่ 40 Chet’s Part

“เสียดายที่ไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันเนอะอุส่าเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้”เสียงของไอ้ตี๊ฟเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบ แม้จะเตรียมตัวมาแล้ว แต่มันก็ยากมากๆ สำหรับผมที่ต้องบอกความจริงทั้งหมดกับมัน

“นั่นสิ”ผมยังคงก้มหน้ามองพื้นเพื่อรวบรวมความกล้า

“ดูท่าแล้ว คำตอบจากน้าชาคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ใช่ไหม”จริงๆ ตี๊ฟเองมันก็คงกังวลไปไม่น้อยกว่าผม เพราะผมเล่นไม่มาเจอมันหลายวัน แถมไปเรียนผมก็ไม่ได้ไปเลย แต่สิ่งที่มันกำลังกังวลกับสิ่งที่ผมกังวัลอาจจะต่างกันออกไป ใช่สินะทำไมผมลืมไปได้ว่ามันเองก็ต้องแบกรับความกดดันไว้เหมือนกัน

“มานี่สิ”ผมเรียกให้มันมานั่งข้างๆผม พร้อมกับสวมกอดมันไว้แน่น

“เรายังคบกันต่อได้ใช่ไหม”เสียงมันสั่นๆ นี่ผมทำอะไรลงไป ผมมัวแต่กังวลในมุมของผม มัวแต่คิดถึงวิธีการอะไรบ้าๆ บอๆ พวกนั้นก่อน แทนที่จะคิดถึงคนในอ้อมกอดนี่เป็นคนแรก คนที่คงรอให้ผมมาฉลองวันเกิดด้วยกัน ตามที่เคยบอกไว้ คนที่ว่าจะมาร่วมฝ่าฟันอุปสรรคไม่ว่าน้าผมจะว่ายังไง คนที่คงจะคิดอะไรไปไกลมากแล้วตอนนี้

“มึงรักกูไหม”ผมจูบเบาๆ ที่หน้าผากของมันพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ก็เคยบอกแล้วไง”มันก้มหน้ามุดลงกับแผงอกของผม จะทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกแย่

“อยากให้ช่วยยืนยัน”

“ก็รักไง”

“เอาดีๆ ดิ”นี่ขนาดจะมาสารภาพผิดนะครับ แต่ก็อยากมั่นใจนี่นาว่ามันเองก็รักผมจริงๆ

“เออกูรักมึง พอใจยัง”มันเงยหน้าแดงๆ ของมันขึ้นมาพร้อมค้อนให้ผมหนึ่งที

“เชษฐ์ก็รักตี๊ฟนะ”แม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่เรียกชื่อแทนสรรพนามอย่างที่เคย แต่ผมอยากให้มันดูพิเศษกว่าทุกครั้ง

“มาแปลกนะเนี่ย สรุปน้าชาว่าไงบ้าง”ไอ้ตี๊ฟถอยห่างออกจากผม และตอนนี้เรากำลังนั่งเผชิญหน้ากันอยู่

“น้าชาให้เราคบกันต่อ”ผมว่าไอ้สารภาพเรื่องเกมว่าเป็นแผนของพวกเพื่อนๆ กับผมนี่ควรยกไปไว้หลังสุด จากที่ตอนแรกกะว่าจะให้เป็นเรื่องแรก

“อ้าวแล้วที่มึงปล่อยให้กูคิดมากอยู่คนเดียวตั้งหลายวันนี่ คืออะไร ไอ้กูก็นึกว่าน้ามึงสั่งห้ามเจอกันแล้วซะอีก”

“เราคบกันต่อได้แต่มีข้อแม้”

“ข้อแม้อะไรบ้างว่ามา”

ผมเล่าให้ตี๊ฟฟังในกฎใหม่ของน้าชา ทั้งเรื่องที่เราต้องเล่นเกมไปจนครบ 100 วัน ให้เราต่างกลับไปอยู่บ้านใครบ้านมัน และเรื่องที่เราจะไม่มีอะไรกันจนจบเกม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอกคือเรื่องเกมที่เล่นมันเป็นแผนของผมและเพื่อนๆ

“ก็โอเค นึกว่ามันจะยุ่งยากกว่านี้อีก”ตี๊ฟดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิมมาก

“อ้าวแล้วไม่ทักท้วงเรื่องที่เราจะไม่มีอะไรกันหน่อยเหรอ”แกล้งยั่วมันหน่อยครับ จริงๆ ผมว่าไม่ใช่แค่ผมเองหรอกที่หื่น ตี๊ฟเองมันก็หื่นพอๆ กับผมแหละไม่งั้นจะเข้ากันได้ดีขนาดนั้นเหรอเวลาอยู่บนเตียง เพียงแต่มันยังฟอร์มแค่นั้นแหละ

“กูว่ามีข้อนี้ก็ดี จะได้รู้กันไปเลยว่าเรารักกันจริงๆ หรือเราแค่ต้องการเซ็กซ์จากอีกคนแค่นั้น”โหจี้ใจดำสุดๆ เลยครับ แต่มันก็พูดได้คล้ายๆ กับที่น้าชาบอกผม แกว่าถ้ารักกันจริงมันต้องทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้แสดงว่าเราไม่ได้รักกันจริงๆ ว่าแล้วข้อนี้ก็ง่ายขึ้นหน่อยตรงที่เราต้องแยกกันอยู่นี่แหละครับ เพราะถ้าอยู่ด้วยกัน ผมทำไม่ได้แน่ๆ

“สรุปว่าเราจะร่วมมือกันพิสูจน์ให้น้าชาเห็นว่าเราสองคนรักกันจริงๆ ใช่ไหม”ผมถามย้ำเพื่อที่จะได้เป็นหลักประกันว่าถ้าหาก ผมสารภาพความจริงต่อจากนี้ มันจะยังร่วมเล่นเกมนี้ต่อ

“กะบอกแล้วว่าโอเค แต่เรื่องย้ายของกลับไปอยู่บ้านคงอีกหลายวันนะ อาจจะกลับไปอยู่บ้านก่อนแล้วค่อยมาเอาของ คงไม่ถือว่าผิดกฎของน้ามึงนะ”

“สัญญาสิว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นเราจะยังรักกันเหมือนเดิม”

“กลัวอะไรเนี่ย กลัวกูยอมแพ้เหรอ”

“สัญญาสิ”

“เชษฐ์มึงคิดว่ากูเป็นคนยังไง กูเคยบอกแล้วไงก่อนที่มึงจะไปคุยกับน้าชา ไม่ว่าผลจะออกมายังไง กูพร้อมจะอยู่ข้างมึง อย่ามาเซ้าซี้เหมือนไม่มั่นใจในตัวกูแบบนี้”ผมรู้ครับว่ามันพร้อมจะเดินไปพร้อมผม แต่ผมก็ยังกลัวว่าถ้ามันรู้ความจริงเรื่องที่ผมกับเพื่อนๆ หลอกมัน มันจะยังตอบแบบนี้อีกไหม

“ถ้ากูเคยโกหก หรือหลอกอะไรมึง มึงจะโกรธกูไหม”ผมตัดสินใจถามออกไปในที่สุด ตี๊ฟมีสีหน้าแปลกใจอยู่ไม่น้อย

“คนเรารักกันจริงๆ มันก็ไม่ควรโกหกกันหรอกนะ แต่ถ้าถามว่ากูจะโกรธไหม มันก็ตอบยาก ขึ้นอยู่กับเรื่องว่ะ ว่าสิ่งที่มึงโกหกกูมันร้ายแรงแค่ไหน แล้วตกลงมีเรื่องไร”ฟังๆ แล้วผมก็หวั่นๆ เหมือนกันนะครับแต่ดูตี๊ฟมัน ไม่ได้ซีเรียสมาก สำหรับในมุมผมคิดว่าถ้าเกิดเป็นมันมาหลอกให้ผมเล่นเกมแบบนี้ แล้วสุดท้ายผมรักมัน ในเมื่อผมรักมันแล้วผมคงไม่โกรธมัน แต่อาจขอรางวัลปลอบใจ ทบต้นทบดอกนิดหน่อย หึหึ

“สัญญาได้ไหมว่ามึงต้องตัดสินด้วยเหตุผล กูจะไม่ห้ามว่าไม่ให้มึงโกรธ แต่ให้มึงตั้งสติดีๆ ค่อยๆ คิด และอยากให้มึงจำไว้ว่ากูรักมึง รักมึงจริงๆ นะ”

“ทำไมดูซีเรียสจัง”

“สัญญาได้ไหม”

“ได้สัญญาว่าจะใช้เหตุผล แต่กูโกรธมึงได้ใช่ไหม”

“อืม”

“สรุปว่าเรื่องอะไรว่ามา”ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กที่ทำความผิด แล้วต้องมาสารภาพกับผู้ใหญ่และรอรับโทษ หวังว่าโทษของผมจะไม่หนักจนเกินไปนะครับ

“เรื่องเกมพนัน 45 วันตอนแรก เป็นแผนของกูกับพวกไอ้การ์ด”

“ยังไงนะ”ตี๊ฟดูเหวอๆ แบบยังไม่ค่อยเข้าใจ

“คือมันไม่ใช่เกมที่ไอ้การ์ดคิดขึ้นได้ตอนที่ดื่มเบียร์ แต่มันถูกวางแผนไว้ก่อนอยู่แล้ว”ผมสูดหายใจลึกๆ พร้อมดูปฏิกิริยาของอีกคนว่าเป็นยังไง แต่ตอนนี้มันนิ่ง นิ่งจนน่าตกใจ จากตอนแรกผมคิดว่ามันอาจจะโวยวาย ถ้ามันโกรธ หรือจะตีต่อยอะไรผม นี่คือในแบบเลวร้ายนะครับ แต่ที่เห็นคือผมเดาไม่ถูกเลยว่ามันกำลังคิดยังไงกับเรื่องนี้

“พวกมึงรวมหัวกันหลอกกู”ใจผมกระตุกวูบ เพราะน้ำเสียงเศร้าๆ ที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดและน้ำตาของมันที่หยดลงพื้น

“กูทำไปเพราะกูรักมึงนะ”ผมรีบสวมกอดและเช็ดน้ำตาจากดวงตาคู่สวยนั้น

“อย่ามาแตะตัวกู”ร่างผมถูกผลักออกอย่างแรงจนเซ

“มึงจะโกรธกูก็ได้ แต่อยากให้มึงลองคิดดูว่ากูทำไปเพราะอะไร” ผมเอื้อมมือไปจับมือของมันเพื่อหวังให้มันได้รับรู้ถึงสิ่งที่ผมรู้สึกให้ส่งผ่านไปถึงมันด้วย

“ความจริงบางอย่าง มันก็ทำให้คิดได้ว่าความจริงอื่นๆ มันเป็นแค่คำโกหกนะว่าไหม”ตี๊ฟแกะมือผมออก พร้อมกับหันหลังเดินตรงไปที่ประตู

“เรายังรักกันอยู่ไหม”ผมสวมกอดมันจากข้างหลัง

“พอเถอะ กูจะกลับบ้าน”

ต้องให้เวลาตี๊ฟเค้านิดนึงเนอะ  o13  :z6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-01-2015 07:42:52
โถ เชษฏ์ ติ๊ฟโกรธแล้ว ไปลากการ์ดมาช่วยง้อเร็ว การ์ดเป็นตัวต้นคิดนะ

ท่าอีก 60 วัน เชษฏ์ตามง้อเมียอย่างเดียวแล้วสิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: auntreory ที่ 22-01-2015 08:00:54
จะมีเพิ่มเป็น 1000 วันไหมเนี้ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-01-2015 08:32:59
จ๊ะ............ o22
รอตอนต่อไปเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-01-2015 09:55:15
อันนี้ติ๊ฟโกรธจริงๆ หรือว่าแกล้งพวกเชษฐ์กะเพื่อนๆกลับอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 22-01-2015 10:43:07
ขอตัวช่วยด่วนเลยคร้าาาาา
การ์ดกะแหม่ววาร์ปมาด่วนเลย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-01-2015 11:37:13
ตี๊ฟฟฟฟฟ รอฟังเหตุผลของเชษฐ์ก่อน
วางแผนตั้งแต่ปี 2 แต่มาทำตามแผนตอนปี 4
เห็นใจกับคนแอบรักเพื่อนอย่างเชษฐ์บ้างนะตี๊ฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 22-01-2015 12:01:27
คงต้องง้อยาวอ่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Running girl~ ที่ 22-01-2015 12:58:48
รักกันเลยๆๆๆ 55555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-01-2015 14:04:37
โอ๋ๆคะตี๊ฟ ไม่งอนๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-01-2015 16:29:31
ตี๊ฟ~ สติค่ะลูกสติ! ฟังเหตุผลให้จบก่อนนน.คิดเองเออเองมันก็ไปกันใหญ่สิคะ. :katai1: :serius2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-01-2015 19:00:21
โดนโกรธซะแล้ว
ช่วงนี้ติ๊ฟก็แกล้งเชรษฐ์ได้นาะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-01-2015 19:34:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 22-01-2015 19:47:55
ติ๊ฟอย่าโกดนาน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 22-01-2015 22:05:25
ติ๊ฟอาจจะแกล้งเสียใจ ส่วนในใจนี่คงคิดว่า "ถึงทีกูล่ะมึง หึหึหึหึ"
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 23-01-2015 01:27:36
อย่าเสียใจนานนะตี้ฟ ถ้ารักเค้าก็เอาคืนแหม่งให้หนักต้อนเข้าสู่อนาจักร เกลียมัว ให้ได้ 55555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 23-01-2015 01:41:51
ความรักที่เริ่มต้นด้วยการโกหก ถึงรักยังไงก็ต้องโกรธบ้างแหละ
เชษฐ์ก็ต้องไถ่โทษด้วยการง้อมากๆ สู้เขาๆ
จะได้กลับมาสวี่วี๊วีกันเหมือนเดิม :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 40 [22-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 23-01-2015 07:02:54
วันที่ 41 Chet’s Part

“พวกเราทำเกินไปเหรอว่ะ”ไอ้การ์ดเป็นคนทำลายความเงียบ วันนี้ตี๊ฟไม่มาเรียน และไม่ยอมรับโทรศัพท์จากใครเลย เมื่อวานผมพยายามโทรหามันจนสายแทบไหม้ แม้จะรู้ว่ามันคงโกรธ แต่ไม่คิดว่ามันจะโกรธมากขนาดนี้ ทั้งที่ผมก็ย้ำแล้วว่าผมทำไปเพราะรักมัน แต่ประโยคที่มันตอบกลับผมมานี่สิ

“ความจริงบางอย่าง มันก็ทำให้คิดได้ว่าความจริงอื่นๆ มันเป็นแค่คำโกหกนะว่าไหม”

ประโยคนี้วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา แสดงว่ามันคงคิดไปแล้วว่าในเมื่อเรื่องเกมผมหลอกมัน แล้วคำพูดอื่นๆ ของผมมันคงไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป ผมได้แต่ถอนหายใจ และเอามือยีหัวตัวเองระบายความเครียด

“ใครจะไปคิดว่ามันจะโกรธมากว่ะ ปกติมันดูเป็นคนสบายๆ ไม่คิดมาก”ใช่แล้วครับเพื่อนๆ ทุกคนคิดแบบนี้ คิดว่าตี๊ฟไม่น่าจะโกรธอะไรมากเพราะด้วยนิสัยเป็นคนสบายๆ อย่างมากก็อาจจะมีโวยวายโมโหบ้าง แต่ทุกคนคิดผิด อย่างที่เห็นจากการที่ไม่ยอมติดต่อใครเลยแบบนี้ แสดงว่าคงโกรธมากเลยทีเดียว

“นี่แหละที่กูบอกว่ากลัวเสียเพื่อน”ผมบ่นออกไปเบาๆ

“หยุดเลย ไอ้หน้าหล่อ อย่ามาทำเหมือนท้อตอนนี้ รู้ว่ามันโกรธ ก็ง้อสิว่ะ จะมาหมดอะไรตายอยากแบบนี้ได้ไง”

“ง้อยังไงล่ะ แค่หน้ากูก็ไม่รู้มันจะอยากเห็นหรือเปล่า”

“นั่นมันเป็นปัญหาของมึงแล้วละเชษฐ์จากนี้ไป พวกูจะขอเป็นห่วงอยู่ห่างๆ นะ”อ้าวไหงมาทิ้งกันแบบนี้ล่ะว่ะเพื่อนผม

“กูไปหามันที่บ้านดีไหมว่ะ”ผมหันไปถามเพื่อนๆ อย่างขอความเห็น จริงๆ ผมก็คิดมาทั้งคืนแล้วแหละว่าจะไป แต่ก็ยังกลัวๆ เพราะไม่รู้พ่อแม่มันจะว่ายังไง ไม่รู้ตี๊ฟมันบอกพ่อแม่มันไปรึยัง แม้ครั้งก่อนที่ไปบ้านมัน ผมจะได้รับการตอบรับที่ดี ทว่าตอนนี้มันจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม ถ้าพ่อแม่มันรู้ว่าผมทำให้ลูกเค้าเสียใจ เค้าจะยังยินดีตอนรับผมอยู่รึเปล่า

ผมพยายามทั้งโทร ทั้งส่งข้อความหาตี๊ฟหลายรอบแต่ก็ดูไม่เป็นผลสักอย่าง ผมได้แต่ภาวนาว่าให้มันลองคิดอย่างมีเหตุมีผล แต่ก็อีกนั่นแหละครับ เหตุผลของคนเรามันไม่เหมือนกัน เหตุผลของคนนึงอาจจะเป็นแค่ข้ออ้างของอีกคนก็เป็นได้ อย่างตอนนี้ผมคิดว่าทุกอย่างที่ผมทำ มีเหตุผลนั่นคือผมรักมัน แต่มันอาจจะคิดว่าผมทำไปเพราะสนุก หรืออยากแกล้งมันก็เป็นได้ และไม่รู้ว่ามันคิดว่าคำบอกรักของผมนั้นเป็นคำหลอกลวงไปด้วยหรือเปล่า

“กูว่าอย่าพึ่งจะดีกว่าว่ะ กูว่าให้เวลามันอีกนิด”

“เฮ้อออออออออ”แล้วทุกคนก็ถอนหายใจแข่งกันครับ ก็เป็นอันว่าแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน หลังจากประชุมเสร็จ ทุกคนลงความเห็นตามไอ้การ์ดว่ายังไงเสียตี๊ฟมันต้องมาเรียน เพราะจากประวัติที่ผ่านมาเวลาตี๊ฟมีปัญหากับแฟนคนไหน ตี๊ฟจะไม่มาเรียนบ้าง แต่ก็แค่วันสองวัน แต่คราวนี้ผมดันไม่ใช่แค่แฟนนี่สิ มันเพื่อนๆ ทุกคนเลยมีรวมหัวกันทำเรื่องในครั้งนี้


“ว่าไงไอ้เสือยังไม่นอนอีก”ผมเงยหน้าขึ้นมองน้าชายของผมที่เพิ่งเข้าบ้านมา น้าชากลับบ้านเวลาประมาณนี้แทบทุกวันครับ 4 ทุ่มกว่าๆ ปกติเวลาแกเลิกงานที่โรงพยาบาลก็ไปคลินิกต่อ ผมเคยถามแกว่าเหนื่อยไหมที่ทำงานหนักขนาดนี้ แต่แกตอบว่าได้ทำในสิ่งที่รัก มันไม่เหนื่อยหรอก นั่นสินะผมเองก็ควรเอาอย่างแก ต่อให้การง้อตี๊ฟจะยากแค่ไหน แต่การง้อคนที่เรารักมันต้องสู้ไม่ถอย

“ยังไม่ง่วงเลยครับ”

“ไม่ง่วงหรือคิดถึงใครอยู่ น้าเข้ามาเห็นจ้องแต่โทรศัพท์อยู่นั่นแหละ คิดถึงก็โทรหาสิ ในกฎน้าไม่ได้ห้ามคุยโทรศัพท์นะ”ผมยังไม่ได้เล่าให้น้าชาฟังครับ ว่าตี๊ฟโกรธผม

“เค้าไม่รับนี่สิครับ”

“ทะเลาะกันเหรอ”น้าชาถามอย่างคาดเดา แต่เดาแม๊นแม่น ผมทำได้เพียงพยักหน้าตอบ

“แฟนกันมันก็แบบนี้แหละ ทะเลาะกันบ้าง งอนง้อกันบ้าง มันจะได้เป็นสีสัน และอีกอย่างจะได้รู้ว่ารักกันจริงๆ หรือเปล่า”

“น้าชาเคยโกหกแฟนไหมครับ”น้าชาอายุเพิ่ง 30 ต้นๆ นะครับพอดีแกห่างจากแม่ผมหลายปี และแกก็ยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีแพลนจะแต่งในอีก 2 ปีข้างหน้า แฟนแกก็เป็นหมอที่โรงพยาบาลเดียวกันนั่นแหละครับ ผมเคยเจอบ้างแต่ไม่บ่อย เพราะเวลาว่างของคุณหมอไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่

“ก็มีบ้างนะ”

“แล้วน้าเอ๋โกรธไหมครับ”แฟนน้าชาชื่อเอ๋ครับ และจากที่ผมเคยเจอน้าเอ๋ก็เป็นคนเฮฮา สบายๆ

“ส่วนใหญ่ไม่โกรธนะ มีแต่งอน เพราะน้ามีแต่โกหกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเค้าไม่ชอบให้น้าดื่มน้ำอัดลมเพราะไม่ดีต่อสุขภาพ แต่น้าก็แอบดื่ม พอเค้าจับได้ก็งอน ง้อดีๆ หน่อยก็หาย”แหม๋ถ้าเรื่องแบบนี้มันก็ไม่อยากสิครับคุณน้า แต่ไอ้ที่ผมโดนโกรธนี่ มันเรื่องเอาความรู้สึกเค้ามาเล่นเลยนะครับนั่น

“แต่ของผมมันดูเป็นเรื่องใหญ่นี่ครับ”

“แสดงว่าเค้าโกรธเรื่องที่วางแผนเกมหลอกเค้าใช่ไหม”แหม๋แม่นขนาดนี้น้าชาไปใบ้หวยดีไหมครับ คนเล่นหวยคงชอบ

“น้าจะบอกอะไรให้นะ ถ้าตี๊ฟเค้าชอบหลานน้าจริงๆ เค้าพร้อมจะยกโทษให้แหละ”คำพูดของน้าชาทำให้ผมมีความหวังเพิ่มขึ้นอีกเป็นกองครับ

“แต่ถ้าเค้าไม่ได้ชอบ ก็เกมโอเวอร์ เตรียมหาสาวดามใจได้เลย”ขอถอนคำพูดทันไหมครับ จากตอนแรกคิดว่าน้าจะให้กำลังใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะซ้ำเติมเสียมากกว่า

“ไม่เอาอ่ะ ผมจะเอาคนนี้”ผมตอบออกไปแบบเด็กๆ น้าชาได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆใส่ผม

“งั้นก็รู้ไว้ด้วยว่า คนที่เค้าโกรธ เค้างอนนะ เค้ารอคนไปง้อ ไปขอโทษเสมอแหละ แม้ปากจะบอกว่าไม่ต้องมายุ่ง ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากคุย แต่จริงๆ เค้ารอให้ไปง้ออยู่นั่นแหละ”จริงป่ะเนี่ย หรือผมจะบุกไปบ้านตี๊ฟตอนนี้เลยดีไหมเนี่ย

“ไม่ต้องยิ้มขนาดนั้น เพราะทั้งนี้และทั้งนั้น เค้าต้องมีใจให้เรา เพราะถ้าไม่ก็เกมโอเว่อร์ อย่างที่บอกนะไอ้เสือ”น้าชาบอกทิ้งท้ายก่อนจะเดินขึ้นห้องไป

ผมตัดสินใจกดเบอร์เดิมอีกครั้ง แม้วันนี้ผมจะกดมาเป็นร้อยรอบ และทุกครั้งผมก็ได้ฟังแค่เสียงรอสายจนมันจบไป ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้ ผมไม่ได้วางสายเหมือนครั้งก่อนๆ

“กูไม่รู้นะว่ามึงจะกดฟังไหม แต่กูก็อยากให้มึงได้ยินเสียงกูบ้าง เผื่อมึงจะยังคิดถึงกูเหมือนที่กูคิดถึงมึง”ผมเว้นวรรคนิดนึงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะ รู้สึกเหมือนตี๊ฟมันยืนฟังผมอยู่ตรงหน้านี่จริงๆ

“เราสัญญากันแล้วไงว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะฝ่าฟันไปด้วยกัน เรารักกันไม่ใช่เหรอ กูยอมรับว่ากูผิดที่เอาความรู้สึกมึงมาทำแบบนี้ กูขอโทษ แม้คำขอโทษอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้งมันจะลบล้างความผิดครั้งนี้ไม่ได้ก็ตามที แต่อยากให้รู้ไว้ว่ากูรักมึงจริงๆ รักมานานแล้วด้วยไม่ได้เพิ่งมารักตอนเราร่วมเล่นเกมนี้ ถ้าอยากรู้ว่ากูรักมึงตั้งแต่ตอนไหน มึงต้องมาฟังกูพูดต่อหน้ามึงนะ กูยังรอที่จะเดินไปพร้อมมึงเสมอนะ ถ้ามึงยังให้โอกาสนั้นกับกูอยู่”

ผมกดวางสายไป ด้วยความหวัง หวังว่าอย่างน้อยๆ พรุ่งนี้ตี๊ฟมันจะไปเรียน และเราจะได้เจอหน้ากัน ได้พูดคุย หรือปรับความเข้าใจกันบ้าง


 เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปฟังความข้างตี๊ฟกันว่า

โกรธจริง โกรธหลอก โกรธมาก โกรธน้อย  o13

 :bye2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 23-01-2015 07:24:44
ก็รอฟังข้างติ๊ฟเหมือนกัน
อย่าโกรธนานนะจ๊ะ รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 23-01-2015 08:11:55
งอลได้ แต่อย่าให้นานมากนะจ๊ะหนูตี๊ฟ ^^
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 23-01-2015 08:21:33
ตี๊ฟหายโกรธเชษฐ์เร็วๆน้า~ กอดเชษฐ์
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-01-2015 09:22:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-01-2015 10:16:28
เป็นกำลังใจให้เชษฐ์ง้อตี๊ฟสำเร็จ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 23-01-2015 12:05:51
เอาใจช่วยให้ดีกันเร็วๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 23-01-2015 12:37:58
ติ๊ปอย่างอนนาน เดี๋ยวเชษฐ์ใจเสีย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 23-01-2015 14:01:52
หายโกรธเชษฐ์เถอะนะตี๊ฟ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 24-01-2015 05:29:21
สู้ๆนะ :D
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-01-2015 07:42:46
เชรษฐ์พูดดีอ่ะ
แต่รอติ๊ฟดีกว่าว่าโกรธหรือแกล้งแล้วตอนนี้อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 24-01-2015 21:09:49
มารอค่ะ อยากรู้ว่าติ๊ฟจะใจแข็งอีกนานมั้ย อ่านมุมเชษฐ์แล้วดีใจแทนติ๊ฟนะที่มีคนแอบชอบและจริงจังได้นานขนาดนี้
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 41 [23-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 25-01-2015 19:04:16
วันที่ 42 Theif’s Part

ผมกลับมาอยู่บ้านได้สองสามวันแล้ว และพี่ชายผมก็ไปขนของออกมาจากที่นั่นแล้วด้วย ที่ที่ทุกคนรวมหัวกันหลอกผม ผมไม่รู้ว่าผมโกรธที่พวกมันรวมหัวกันหลอกผม หรือโกรธที่มันเอาความรู้สึกของผมไปเล่น แม้ว่าตอนเริ่มเล่นเกมผมจะรู้อยู่แล้วว่าเกมนี้มันก็คือการเล่นกับความรู้สึกนั่นแหละ แต่ใครจะไปคิดว่าความจริง ผมเป็นคนเดียวที่ถูกล้อเล่นกับความรู้สึกนี้

ส่วนอีกคนนะเหรอ แม้มันจะบอกว่ามันรักผมแต่ก็อย่างที่ผมบอกมันไป เพราะความจริงที่มันได้บอกให้ผมรับรู้ ผมเลยไม่แน่ใจว่าคำพูดอื่นๆ ของมันจะมีความจริงอยู่สักแค่ไหนกันเชียว จะว่าโกรธผมก็โกรธนะ แต่หลักๆ คือเสียความรู้สึกมากกว่า

เพื่อนทุกคนที่เราสนิท เราให้ความจริงใจ แต่ทุกคนกลับเอาเราไปโยนลงเกม เหมือนเห็นเราเป็นตัวตลก ที่ทุกๆ คนรอหัวเราะเยาะ ผมไม่รู้ว่าพวกมันทำแบบนี้กันทำไม สองสามวันที่ผ่านมาผมได้คิดหลายๆ อย่าง

ไอ้การ์ดเคยบอกผมว่าอะไรก็ตามที่มันทำไป เพราะหวังดีกับผม ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมารู้ความจริง บางทีความหวังดีแบบนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้องการมันหรือเปล่า

อย่างไอ้เชษฐ์เองที่บอกว่าทำไปเพราะรักผม ซึ่งผมก็ไม่รู้จะเชื่อในคำว่ารักของมันได้แค่ไหน และนี่อาจจะเป็นเหตุผลจริงๆ ที่ผมโกรธ ที่โกรธเพราะผมกลัว กลัวว่าสุดท้ายมันจะจบเหมือนทุกครั้งที่ผมเคยเป็น กลัวความจริงที่ว่าไอ้เชษฐ์ไม่ได้รักผม

“กูไม่รู้นะว่ามึงจะกดฟังไหม แต่กูก็อยากให้มึงได้ยินเสียงกูบ้าง เผื่อมึงจะยังคิดถึงกูเหมือนที่กูคิดถึงมึง”
 
“เราสัญญากันแล้วไงว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะฝ่าฟันไปด้วยกัน เรารักกันไม่ใช่เหรอ กูยอมรับว่ากูผิดที่เอาความรู้สึกมึงมาทำแบบนี้ กูขอโทษ แม้คำขอโทษอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้งมันจะลบล้างความผิดครั้งนี้ไม่ได้ก็ตามที แต่อยากให้รู้ไว้ว่ากูรักมึงจริงๆ รักมานานแล้วด้วยไม่ได้เพิ่งมารักตอนเราร่วมเล่นเกมนี้ ถ้าอยากรู้ว่ากูรักมึงตั้งแต่ตอนไหน มึงต้องมาฟังกูพูดต่อหน้ามึงนะ กูยังรอที่จะเดินไปพร้อมมึงเสมอนะ ถ้ามึงยังให้โอกาสนั้นกับกูอยู่”


ผมกดฟังข้อความนี้รอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน จริงๆ ผมว่าถ้าผมไม่ได้เผลอใจรักไอ้เชษฐ์มัน ผมอาจจะไม่โกรธพวกมันเลย ที่ร่วมมือกันทำแบบนี้กับผม แต่เพราะผมดันเผลอรักไอ้เชษฐ์เข้าไปแล้วนี่สิ มันเลยกลายเป็นว่าผมกังวลไปเสียหมด เพราะมันไม่ใช่แค่คนที่ผ่านเข้ามาแล้วจะผ่านไปเหมือนคนอื่นๆ

ผมยอมรับว่าคาดหวังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ไว้มาก อาจจะไม่ได้ต้องการให้มันสวยหรู ดีเลิศ แต่ผมแค่อยากมีใครสักคนที่รักผมจริงๆ พร้อมจะเดินไปกับผม และทั้งที่ผมคิดแล้วว่าไอ้เชษฐ์อาจจะเป็นคนๆ นั้น แต่พอมาเจอเรื่องนี้มันทำให้ผมไม่แน่ใจ คำว่ารักของมันที่พูดออกมาง่ายๆ แล้วถ้ามันบอกว่ามันรักผมก่อนจะเล่นเกมนี้ ทำไมมันไม่เข้าหาผมในแบบทั่วๆ ไปของคนที่ชอบพอกัน ทำไมต้องมาในรูปแบบนี้ มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าพวกมันแค่อยากเล่นสนุกกับความรู้สึกผม

“สรุปมีเรื่องอะไรกันบอกกูได้ยัง”พี่ชายตัวดีของผมที่ไม่รู้มาตั้งแต่ตอนไหน ซึ่งมันถามผมตั้งแต่ผมใช้ให้ไปขนของแล้วละครับ แต่ผมบอกว่ายังไม่พร้อมจะเล่าให้ฟัง

“มึงเคยโกหกสาวๆ ที่มึงคบด้วยไหม”จริงๆ อยากถามว่าโกหกแฟนนะครับ แต่ไอ้พี่ชายผมดันไม่คบใครเป็นตัวเป็นตนสักที มีแต่คบเล่นๆ ไปเรื่อยๆ

“อย่างกูเนี่ยต้องถามว่าเคยไม่โกหกใครมากกว่ามั้ง ฮ่าๆ”นั่นสินะอย่างไอ้ต๊าฟเนี่ย มันก็กะล่อนไปทั่วอยู่แล้ว คงเอามันเป็นตัววัดอะไรไม่ได้

“แล้วมึงไม่คิดจะจริงจังกับใครบ้างเหรอ”

“ยังไม่เจอคนที่ใช่ว่ะ”ตอบได้คาสโนว่ามากๆ เลยครับพี่ชายผม

“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครคือคนที่ใช่”

“อืม....ก็คงคนที่เราคิดว่าอยากอยู่กับเค้าไปนานๆ ไม่คิดอยากมีใครอีกมั้ง”งั้นเหรอ แล้วสำหรับผม ไอ้เชษฐ์คือคนที่ใช่หรือยัง ผมจำครั้งที่เจอมันส์เมื่อไม่นานนี้ได้ มันส์บอกกับผมว่าผมเจอคนที่ใช่กว่าเค้าแล้ว แล้วแบบนี้ถ้าวันนึงผมยังจะมีโอกาสเจอคนที่ใช่กว่าไอ้เชษฐ์อีกไหม ถ้าให้ลองคิดว่าผมอยากเจอใครใหม่มาแทนที่ไอ้เชษฐ์ไหม ผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

“แล้วถ้ามึงเจอคนที่ใช่ มึงจะมีเรื่องที่โกหกหรือหลอกอะไรเค้าอยู่ไหม”

“ก็คงมีแหละมั้ง”ถ้าเป็นคนที่คิดว่าใช่สำหรับเราแล้วมันยังจะต้องมีอะไรที่ต้องโกหกกันอีกเหรอครับ คนเราถ้าจริงใจต่อกันมันก็ควรให้ความจริงต่อกันในทุกเรื่องไม่ใช่เหรอครับ ผมคงแสดงออกถึงความไม่เข้าใจทางสีหน้ามากเกินไป ไอ้ต๊าฟเลยต้องอธิบายต่อ

“คือบางทีมันก็มีบางเรื่องที่อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ซึ่งถ้าโกหกแล้วอีกฝ่ายสบายใจ มันก็ต้องมีบ้างแหละ แต่ความจริงถ้าไม่โกหกเลยมันก็ดี แต่ที่มึงถามนี่คือกูไง กูคิดว่ากูไม่ใช่คนดีขนาดนั้น เข้าใจไหมไอ้น้อง”ก็จริงของมันแหละครับ คนอย่างมันก็คงประมาณนี้ แล้วคนอย่างผมละ ผมก็ใช่ว่าจะไม่เคยโกหกใคร

“แล้วมึงไม่คิดว่าถ้าวันนึงเค้าจับโกหกได้ ความจริงที่มึงเคยพูดมันจะถูกมองเป็นคำโกหกไปหมดเหรอ”

“สรุปว่าน้องเขยมันโกหกอะไรมึง เล่ามาเลยอย่ามาอ้อมค้อม”อ้าวไหงมันถึงรู้ได้ละเนี่ย

“ไม่มีอะไรหรอก”ผมเลือกที่จะปฏิเสธแทนการเล่าความจริง

“นั่นไงมึงเห็นไหม คนเรามันก็ต้องมีโอกาสโกหกกันทั้งนั้นแหละ อย่างตอนนี้เองมึงก็กำลังโกหกกูอยู่ ว่าไม่มีอะไร ทั้งที่มันก็ต้องมีอะไรอยู่แล้ว”สะอึกสิครับผม คำพูดไอ้ต๊าฟเหมือนลากผมไปตบกลางสี่แยกกันเลยทีเดียว

“มันก็ไม่ใช่แบบนั้น”

“ตี๊ฟถึงกูจะไม่ใช่พี่ดีนักอ่ะนะ แต่กูก็ยังอยากเห็นน้องอย่างมึงมีความสุข ถ้าเค้ารักมึงจริงๆ และมึงก็รักเค้าจริงๆ มึงก็ควรให้อภัย ให้โอกาสในการแก้ตัวแก่เค้า กูไม่ได้บอกว่าการโกหกหรือไม่พูดความจริงต่อกันมันดี แค่จะบอกว่าถ้ามึงไม่ชอบอะไรตรงไหน หรืออะไรที่เค้าทำแล้วมึงไม่ชอบก็บอกเค้าว่าอย่าทำอีก หรืออะไรที่เค้าไม่ชอบมึงก็ต้องไม่ทำ คนเราคบกันมันก็ต้องค่อยๆ ปรับเข้าหากัน มันไม่มีใครที่พร้อมมาเลยในทุกอย่างที่เราอยากให้เป็นหรอกนะ”เป็นครั้งแรกที่เห็นไอ้พี่ชายคนนี้พูดอย่างมีหลักการณ์ แต่คำพูดของมันก็ทำให้ผมได้คิดอะไรหลายๆ อย่างจริงๆ

“ตี๊ดตี๊ ดิ๊ด ติด ดิ ตี๊ด”เสียงมือถือผมดังพร้อมกับโชว์ชื่อของอีกคนที่เหมือนอยู่ในบทสนทนาระหว่างผมกับพี่ชาย

“รับสิว่ะ”เมื่อเห็นผมไม่กดรับสักทีไอ้คุณพี่ชายเลยต้องออกคำสั่ง

“ยังไม่พร้อมว่ะ”ผมตอบออกไปตามตรง แต่ทว่าไอ้คุณพี่ชายผมแย่งโทรศัพท์ไปจากมือผมพร้อมกดรับอย่างรวดเร็ว


“หยุด หยุดก่อน นี่กูไม่ใช่ไอ้ตี๊ฟ”ผมพยายามแย่งโทรศัพท์คืนจากไอ้พี่ชายตัวดี แต่ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย

“มึงทำเรื่องอะไรให้น้องกูคิดมาก”ต๊าฟยังคงคุยกับคนในสายต่อไป ส่วนผมก็ยังยื้อแย้งกับมันอย่างไม่ลดล่ะ

“ตี๊ฟถ้ามึงจะให้กูวางมึงต้องเล่าให้กูฟัง”ไอ้คุณพี่ชายหันมาต่อรองกับผม ซึ่งผมรีบประมวลผลด้วยความรวดเร็วแล้วคิดว่าเล่าเองจะดีกว่าเพราะยังไงมันคงไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้ผมง่ายๆ

ผมเล่าเรื่องเกมที่เพื่อนๆ ผมร่วมกันสร้างขึ้นมา ว่าผมเข้าไปเล่นเกมนี้ได้ยังไง และทำไมผมถึงโกรธพวกมัน และยังรวมไปถึงเรื่องที่น้าชา ขอให้เล่นเกมต่อจนครบ 100 วันเพื่อจะได้เปิดทางให้ผมคบกับไอ้เชษฐ์ต่อไป

“ฮ่าๆๆๆๆ กูขอขำก่อนนะ พวกมึงปัญญาอ่อนมากเลยว่ะ”น่านหัวเราะเข้าไปครับ แต่จะว่าไปเกมนี้มันก็ปัญญาอ่อนจริงๆ นั่นแหละครับคนดีๆ ทั่วไปใครเค้าจะทำกัน แต่สำหรับผมที่ยอมเล่นตอนแรกเพราะศักดิ์ศรีไม่อยากให้เพื่อนดูถูกว่าไม่กล้า แต่สุดท้ายก็นะ ศักดิ์ศรีอะไรคงไม่เหลือแล้ว

“ไม่ต้องเลย แบบนี้แหละกูถึงไม่อยากเล่า”ผมว่าอย่างเคืองๆ

“เออๆ ไม่ล้อก็ได้ แล้วนี่มึงโกรธที่เค้าหลอกมึงเล่นเกมว่างั้น”ผมพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ก็อย่างที่บอก ไอ้โกรธมันก็โกรธอยู่หรอกแต่มันเสียความรู้สึก และกลัวมากกว่า กลัวว่าผมจะถูกหลอกให้รักแล้วสุดท้ายผมเองที่ต้องเสียใจ

“ถึงกูจะมองว่ามันเป็นเกมปัญญาอ่อน แต่กูว่าถ้าเค้าไม่รักมึงจริง เค้าไม่ลงทุนเล่นขนาดนี้หรอกนะตี๊ฟ ลองคิดดูดีๆ เพราะแน่นอนว่ามันเสี่ยงมากที่จะเสียเพื่อน หากมึงไม่เล่นด้วย จบไม่สวย เข้าหน้ากันไม่ติดเป็นเพื่อนกันต่อไม่ได้ หรือถ้ามึงเล่นด้วย ซึ่งมึงก็เล่น จริงไหม”

“เออ”พอผมไม่ตอบมีการมาคาดคั้นทางสายตาให้ยอมรับอีกนะครับพี่ชายผม

“พอมึงเล่นด้วยก็เสี่ยงที่จะโดนมึงโกรธ ที่คิดว่าเค้ามาหลอก ก็ลองคิดดูว่าเค้ามีเหตุผลอะไรที่จะมาเสี่ยงเล่นเกมปัญญาอ่อนนี้ทำไมทั้งที่ผลอาจจะออกมาไม่ดีสักทาง”งั้นเหรอ

“เหตุผลเดียวที่เค้ากล้าเสี่ยงเพราะเค้ารักมึงไงล่ะ”


กลับมาต่อกันที่ฝั่งตี๊ฟคร๊าบบบ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 25-01-2015 19:21:28
ถูกต้องที่สุดฮับพี่ต้าฟ เลิฟๆ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-01-2015 19:22:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-01-2015 19:43:53
ต๊าฟดูน่าเชื่อถือขึ้นอ่ะ. :laugh:
หายเคืองเชษฐ์เร็วๆเต๊อะ.เดี๋ยวหมดกำลังใจกันซะก่อน. :กอด1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-01-2015 20:36:28
พี่ต๊าฟ อย่างเท่ห์อ่ะ ตอนนี้พี่ต๊าฟแจ้งเกิดอีกแล้ว อิอิ
ติ๊ฟว่าไง ลุ้นอยู่น่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-01-2015 20:46:45
พี่ชาย มีสาระกับเค้าซะที!!!!  o22
คิดดีๆนะติ๊ฟ :กอด1:
รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 25-01-2015 20:57:39
พี่ต๊าฟแมนสุดๆอ่ะตอนนี้
แถมยังเป็นพี่ชายที่น่าเคารพ
เพราะให้คำปรึกษากับน้องได้
555รู้สึกมีสาระ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 25-01-2015 22:11:16
ดีกันเถอะน้าตี๊ฟน้า เลิกโกรธเชษฐ์ได้แล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 25-01-2015 22:17:52
จะคืนดีวันที่ 25 พอดีมั้ย หรือคนเขียนจะทำให้เชษฐ์เป็นอะไรไปซะก่อน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-01-2015 19:30:43
โหหหห ปัดฝุนละอองออกจากใจตี๊ฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-01-2015 00:27:09
รออยู่..อ่านรวดเดียว เหอะๆๆ ตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 27-01-2015 06:20:08
พี่สตาฟ ทำดีมากกก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 42 [25-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 27-01-2015 06:48:29
วันที่ 43 Theif’s Part

หลังจากได้ทบทวนอะไรหลายๆ อย่างวันนี้ทำให้ผมตัดสินใจมาเรียน และมาเผชิญหน้ากับทุกคน แม้ผมคิดว่าจะยกโทษให้ทุกคน แต่ก็คงต้องคิดบัญชีเรียงตัวกับพวกมันซะหน่อย

หลายๆ คนอาจคิดว่าทำไมผมจะยกโทษให้พวกมันง่ายๆ ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมกับพวกมันคบกันมานาน และก็คิดว่าพวกมันจริงใจกับผมมากพอ ที่จะไม่ได้ทำลงไปเพราะนึกสนุกเฉยๆ ซึ่งมันอาจจะมีความสนุกสนานปนอยู่ในนั้น แต่คงมีความหวังดีอยู่บ้าง ก็ได้แต่คิดแบบนั้นอ่ะนะ

“พวกกูไม่มีคำแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น”ไอ้การ์ดเป็นคนเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกในตอนที่ผมเดินมาถึงโต๊ะหินอ่อนตัวประจำที่กลุ่มเรามักมารวมตัวกันในตอนเช้าแบบนี้ แต่ตอนนี้อีกคนที่ผมไม่ได้เจอมาหลายวัน ยังไม่มา

“พวกมึงเลวมากที่เอาความรู้สึกกูมาเล่นแบบนี้”ผมแกล้งทำเสียงเครียดเพราะนึกอยากแกล้งพวกมันบ้าง ให้รู้ซะบ้างว่าอย่ามาเล่นแบบนี้อีก

“กูขอโทษมึงจริงๆว่ะตี๊ฟ กูทำไปเพราะหวังดีจริงๆ นะโว๊ย จะให้พวกกูทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ”โอ้โหได้ผลเกินคาดตอนนี้พวกเพื่อนๆ หน้าซีดกันเป็นแถวเลย ที่เห็นผมอยู่ในโหมดซีเรียสอย่างตอนนี้

“หวังดีงั้นเหรอ แล้วพวกมึงถามกูสักคำไหมว่าอยากได้ความหวังดีนี้หรือเปล่า”หน้าเจื่อนกันเป็นแถบเลยครับ

“มึงอย่าโกรธพวกมันเลย ถ้าโกรธก็โกรธกูคนเดียวเถอะ กูเป็นคนต้นคิดเองแหละ อีกอย่างจริงๆ ไอ้เชษฐ์เองมันก็ไม่อยากทำแบบนี้นะ เรื่องทั้งหมดมันเพราะกูเองแหละ ถ้าจะมีใครผิดในเรื่องนี้ก็กูนี่แหละ”โหตั้งแต่คบกันมาเพิ่งเคยเห็นไอ้การ์ดจ๋อยขนาดนี้ ผมล้วงหยิบมือถือในกระเป๋าพร้อมกับยกขึ้นถ่ายหน้าจ๋อยๆ ของมันไว้ สร้างความประหลาดใจให้เพื่อนๆ ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมยังทำหน้านิ่งๆ พร้อมกับหันหลังให้พวกมันกะว่าจะแกล้งเดินหนีอีกนิดนึง ถ้าพวกมันตามมาขอโทษก็จะเลิกแกล้งแล้ว แต่พอหันหลังจากที่ตั้งใจจะอมยิ้มก็ต้องหุบทันที

“แหม๋ว”หญิงสาวที่ผมไม่คิดว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากันที่นี่ จริงๆ ผมแทบจะลืมเธอไปแล้ว และเกือบจะลืมไปแล้วว่าเธอเคยเป็นแฟนกับไอ้เชษฐ์

“ขอคุยด้วยหน่อยสิ”เธอยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แม้จะงงๆ กับปฏิกิริยาของแหม๋ว แต่จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันของเรามันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ แหม๋วรู้ว่าผมกับเชษฐ์เล่นเกม แต่แหม๋วไม่รู้ว่าพวกนี้มันหลอกผม หรือตอนนี้แหม๋วคิดจะกลับมาคบไอ้เชษฐ์งั้นเหรอ

“มีอะไรหรือเปล่า”จากที่เมื่อกี้สนุกกกับการแกล้งพวกไอ้การ์ด แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าผมเองเสียแล้วมั้งที่หน้าซีด หน้าเจื่อน ผมกำลังกลัว กลัวว่าแหม๋วจะมาทวงไอ้เชษฐ์คืน

“เราจะมาขอโทษตี๊ฟ”

“ห่ะ”งงสิครับอยู่ๆ จะมาขอโทษอะไรผม

“เราเป็นส่วนหนึ่งของแผน”

“อะไรนะ”สมองน้อยๆ ของผมเริ่มประมวลผล ส่วนหนึ่งของแผน ส่วนหนึ่งของแผน ส่วนหนึ่งของแผน หมายความว่ายังไงกัน ผมค่อยๆ หันกลับไปมองพวกเพื่อนตัวดีที่อยู่หลังผม ทุกคนได้แต่พยักหน้ารับ

“เรากับเชษฐ์เป็นแค่เพื่อนกันตั้งแต่ต้น เราแค่แกล้งเป็นแฟนกันเฉยๆ”เดี๋ยวนะ แกล้งเป็นแฟนกันเฉยๆ แต่เท่าที่ผมจำได้แหม๋วกับเชษฐ์เป็นแฟนกันมาตั้งแต่เรียนปี 2 แล้วนี่ก็ปี 4 แล้ว มีเหตุผลอะไรที่ต้องลงทุนทำขนาดนี้

“อย่าโกรธเชษฐ์เลยนะ รายนั้นนะเค้ารักจริงหวังแต่ง ส่วนคนนี้แม้จะเจ้าวางแผนไปหน่อย แต่ก็ทำไปเพราะหวังดีนั่นแหละ อย่าโกรธแฟนเราเลย”แฟน เหรอ แหม๋วเดินไปคล้องแขนไอ้การ์ดแล้วบอกว่าแฟน นี่มันอะไรกัน สรุปพวกนี้มันขบวนการต้มตุ๋นแล้วมั้งเนี่ย

แค่บอกว่าแหม๋วเป็นแฟนหลอกๆ ของไอ้เชษฐ์นี่ผมก็เซอร์ไพรส์มากแล้วนะ แต่บอกว่าแหม๋วเป็นแฟนไอ้การ์ดเนี่ย เค้าเอาเวลาไปคบกันตอนไหน ใครก็ได้ตบหน้าผมทีว่านี่ผมฝันไป

“เฮ้อ โล่งอกสักที ต่อไปนี้ชั้นจะได้มีแฟนอย่างเปิดเผยสักที”แหม๋วทำเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ผมนี่สิ เซอร์ไพรส์มาก ตั้งตัวไม่ทัน

“มีอะไรที่กูยังไม่รู้อีกไหม”ผมนั่งลงกุมขมับที่โต๊ะหินอ่อน

“พวกกูรักมึง และพวกกูขอโทษ ยกโทษให้พวกกูได้ไหมว่ะเพื่อน”ซ้อมกันนานไหมเนี่ยกว่าจะพูดพร้อมเพรียงกันได้ขนาดนี้

“ตอบกูหน่อยว่าทำแบบนี้ทำไม”ผมถามพร้อมกับมองหน้าพวกมันทีละคน

“ก็อยากเห็นมึงมีผัว...โอ๊ย เจ็บนะที่รัก”เสียงไอ้การ์ดขาดไปเพราะโดนแหม๋วที่อยู่ข้างๆ หยิกเข้าให้

“คืองี้นะตี๊ฟ พวกกูทุกคนเนี่ยเห็นมึงคบใครแต่ละคน มันไม่ได้จริงใจกับมึงเลย แล้วพอพวกกูรู้ว่ามีคนดีๆ อย่างไอ้เชษฐ์ที่แอบชอบมึง”

“ไอ้เชษฐ์แอบชอบกู”เซอร์ไพรส์อีกหนึ่งเรื่องครับวันนี้ อันที่จริงจากข้อความเสียงของไอ้เชษฐ์มันก็บอกเป็นนัยๆว่าชอบผมมาก่อนที่จะเริ่มเกมครั้งนี้ ว่าแต่แล้วพวกนี้รู้เรื่องได้ยังไง

“เออนั่นแหละ พวกกูเลยช่วยกันให้มึงได้สมหวังเพราะเชษฐ์มันรักมึงจริงๆ”

“แล้วทำไมไม่มาบอกกูตรงๆ หรือเข้ามาจีบกูแบบปกติ”ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีแหละครับว่าถ้าไอ้เชษฐ์มันชอบผมจริงๆ ทำไมไม่มาจีบผมตรงๆ

“เพราะมึงไม่เคยมองกูในฐานะที่มากกว่าเพื่อนไง”เสียงอีกคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่โดยที่เพื่อนๆ หลีกทางให้มายืนตรงหน้าผม

“และกูกลัวจะเสียมึงไป ไม่กล้าจีบ ไม่กล้าบอกรัก อย่างน้อยยังมีมึงอยู่ข้างๆ ในฐานะเพื่อนกูก็ยังพอมีความสุขอยู่บ้าง”

“งั้นถ้ากูอยากกลับไปเป็นเพื่อนกับมึง มึงก็ยินดีใช่ไหม”ผมลองเชิงถามออกไป อยากรู้ว่าตอนนี้มันจะยังอยากคบผมต่อในฐานะอะไร

“ไม่”

“ทำไม”

“กูอยากได้เมียไม่ได้อยากได้เพื่อน”

“ไอ้เชี่ย”ผมตะโกนใส่หน้ามัน ไม่ได้คิดว่ากูจะอายเลยใช่ไหมนั่นดูพูดเข้า จากตอนแรกกะจะมายกโทษให้พวกมัน ตอนนี้ชักอยากจะเปลี่ยนใจแล้วครับ เพราะไอ้บรรดาเพื่อนๆ คนอื่นก็เป่าปากวี๊ดวิ้วกันออกนอกหน้าเหลือเกิน

“เอ้าๆ ถ้าจะเขินขนาดนี้ เดี๋ยวพวกกูปล่อยให้เคลียร์กันลำพังก็ได้ แต่มึงบอกมาก่อนว่ายกโทษให้พวกกูแล้วไอ้ตี๊ฟ”ไอ้การ์ดหัวหน้าทีมต้มตุ๋นเข้ามาแย่งซีน ไอ้คนที่ทำให้ผมเขิน

“เออ กูยกโทษ แต่ยังไม่หายโกรธ เดี๋ยวกูจะคิดบัญชีเรียงตัวเลยพวกมึง”ผมชี้คาดโทษพวกมันทุกคนไว้

“กลัวจังเลย กลัวจังเลย พวกเรารีบไปเหอะให้ผัวเมียเค้าจะปรับความเข้าใจกัน”

“ฮิ้ววววว”ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึง อย่าให้ถึงทีกูบ้างแล้วกัน


“ยกโทษให้พวกมันแล้ว ก็แสดงว่ายกโทษให้กูด้วยใช่ไหม”ยกโทษให้ดีไหมเนี่ยก็ดูหน้ามันสิครับ ยิ้มระรื่นขนาดนี้ มันสำนึกจริงๆ หรือเปล่าว่าตัวเองทำผิดเนี่ย

“ไม่ต้องมาจับมือเลย กฎของน้าชาจำไม่ได้เหรอว่าเราจะไม่มีอะไรกันจนกว่าจะจบเกม”นั่นแหละครับคำตอบของผม ซึ่งไอ้เชษฐ์ก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว

“น้ากูไม่ได้ห้ามจับมือนะ หอมแก้มก็ไม่ได้ห้าม จูบก็ไม่ได้ห้าม สักหน่อยไหม ไม่ได้เจอกันหลายวันคิดถึง”ไม่พูดเปล่าครับโน้มหน้าเข้ามาผม จนผมต้องรีบผลักออก ก็นี่มันที่ไหนกันเล่า จะมาทำรุ่มร่ามอะไรแถวนี้

“พอเลยๆ กูยังไม่หายโกรธนะ”ผมว่าอย่างเคืองๆ

“ไม่เป็นไร กูยินดีง้อมึงไปตลอดชีวิตเลย”ชักจะสงสัยจริงๆ แล้วว่ามันสลดสักนิดไหม มันลืมไปหรือเปล่าว่าผมโกรธมันอยู่จริงๆ ดูทำหน้าเข้า เจ้าเล่ห์ได้อีก

“อ่ะของขวัญวันเกิดย้อนหลัง แล้วเจอกันที่คลาสนะ”ผมยื่นของที่เตรียมมาให้มันก่อนจะรีบวิ่งขึ้นตึกเรียน


ดีกันแล้วใช่ไหมนิ  :hao7:

ช่วงนี้อาจจะยุ่งๆ หน่อย จะพยายามมาต่อบ่อยๆ

แต่อาจจะไม่ได้มาทุกวันเหมือนแต่ก่อนนะคร๊าบบบบ o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 27-01-2015 07:10:28
ตลกการ์ดอะ อย่างแมน :laugh:
รอตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-01-2015 08:03:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 27-01-2015 08:17:04
ดีจางงงงงง~ เขาดีกันแล้ววว  :z2:  :z2:
ถึงตี๊ฟจะยังกั๊กๆก็เหอะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-01-2015 09:41:45
ทีนี้ก็รอดูว่าตี๊ฟจะปลื้มสักแค่ไหน
ถ้ารู้ว่าเชษฐแ์อบรักตัวเองมานานแค่ไหน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-01-2015 17:56:04
ฮิ้ววววววววววววว เขาดีกันแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 27-01-2015 18:19:06
เค้าดีกันแล้วน้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 27-01-2015 21:22:16
มันคืออะไร ของขวัญนั้น ^^
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-01-2015 21:39:30
หายโกรธแล้วอะดิ อิอิ ดีกันๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-01-2015 23:49:10
อะไรคือของขวัญ ของขวัญคืออะไร
อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 28-01-2015 00:32:45
ดีกันแล้ว เย้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-01-2015 01:23:57
555ตี๊ฟนี่หายโกรธไว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 28-01-2015 10:59:03
น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 28-01-2015 20:49:32
จะมายังน่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-01-2015 00:03:57
อีกสองวันจะครบ 45 วันแรก จะมีอะไรมั้ยเหนอ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 43 [27-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 29-01-2015 20:43:18
วันที่ 44 Theif’s Part

“คนอื่นๆ ไปไหนหมด”ผมออกจากห้องช้ากว่าคนอื่น เพราะวันนี้โดนตามงานที่ยังไม่ได้ส่ง แต่พอออกมาจากที่ตอนแรก เพื่อนๆ นัดว่าจะไปหาอะไรกินกัน ปรากฏว่าตอนนี้เหลือแค่ไอ้เชษฐ์นั่งยิ้มอยู่คนเดียวเนี่ย

“นั่งก่อนๆ”มันทำเป็นตบตรงที่ว่างข้างๆ มันแต่ผมเลือกที่จะนั่งลงอีกฝั่งตรงข้ามของมัน

“ไรอ่ะ อุส่าอยากนั่งชิดแบบแนบเนื้อ”ดูทำเข้าครับไม่ได้อายเลยมั้งนั่น

“เยอะ”

“เอ้าก็คนเป็นแฟนกัน เมื่อวานก็หนีกลับก่อน ยังไม่ได้ขอบคุณเรื่องนี่เลย”ไอ้เชษฐ์ชูนิ้วให้ผมเห็นสิ่งที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดมัน ก็ไม่รู้จะให้อะไรครับ เพราะมันกะทันหันตอนเพิ่งรู้ว่ามันเกิดวันไหน ตอนไปเดินเลือกของก็ไม่ถูกใจสักที จนไปเจอร้านแหวนเงินที่เค้าสลักชื่อให้ด้วย เลยซื้อมา 2 วง วงนึงสลักว่า Thief คือชื่อผม ก็ให้เป็นของขวัญมันไป ส่วนอีกวงที่ผมเก็บไว้สลักว่า Chet

“ชอบหรือเปล่า”

“ชอบสิ ไม่คิดว่าคนอย่างมึงจะมีมุมแอบโรแมนติกแบบนี้ด้วย”แหม๋ๆ ไม่ต้องมายอมากก แค่นี้ผมก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกแล้วครับ ถึงจะอยู่กับมันมาพักนึงแล้ว แต่พอมาตกลงว่าเป็นแฟนกันจริงๆ มันก็แปลกๆ เหมือนกันนะครับ ยิ่งมาเจอเพื่อนๆ มหาประลัยของผมที่ชอบแซวนั่นยิ่งไปกันใหญ่ เออว่าแต่แล้วมันไปไหนกันหมด

“คนอื่นอ่ะ”ผมถามย้ำเป็นรอบที่สอง

“แยกย้ายสลายตัว เค้าปล่อยให้เราได้อยู่กันสองต่อสองไง”นั่นไง เรื่องวางแผนนี่ถนัดกันนักแหละครับ ผมชักจะต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นให้มากๆ แล้วละครับ หลังจากที่รู้ว่าพวกมันเคยร่วมกันวางแผนต่างๆ ในชีวิตผมมามากมายหลายปี มันไม่ใช่แค่เกมบ้าๆ 45 วันนั่นนะครับ ผมไปเค้นคอให้สารภาพมาแล้ว พวกมันยังมีวีรกรรมที่พยายามทำให้ผมเลิกกับแฟนคนก่อนๆ อีกเพียบ จนตอนนี้ผมรู้สึกระแวงไอ้พวกนี้ไปเลย ว่าวันดีคืนดีจะจัดเซอร์ไพรส์อะไรให้ผมอีก

“ไหนว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน”แม้จะพอรู้ว่าพวกมันจงใจ แต่ถามไปงั้นแหละครับ และดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจจะตอบผมสักเท่าไหร่

“ที่รักอยากกินไรครับ วันนี้ป๋าเลี้ยงเอง ฉลองที่เราเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ”ดูเอาเถอะครับผมถามถึงเพื่อนๆ แต่สิ่งที่มันตอบผมกลับมา แต่จะว่าไปไอ้เชษฐ์ก็มีอีกมุมที่ผมไม่เคยมองเห็นเหมือนกันนะครับ

ยอมรับว่ามันก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของผมรองจากไอ้การ์ดนั่นแหละ เมื่อก่อนเวลาผมมีปัญหา มันมักจะเข้ามาคุยกับผมเป็นคนแรกๆ เสมอ แม้จะมาแบบปากเสียก็เถอะ แต่เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยมองมันมากกว่าเพื่อนหรอกนะครับ เพราะก็เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นแฟนแหม๋ว พูดเรื่องนี้ยังอยากจะด่ามันอยู่นะครับ คิดได้ยังไงว่าต้องมีแฟนหลอกกๆ ให้ผมสนใจ มันว่าผมเคยบอกมันว่าผมชอบคนมีเจ้าของ

จากสถิติการมีแฟนของผมมันก็มีบ้างแหละครับที่ดันไปเจอกับคนมีเจ้าของ แต่มีมาแบบผมไม่ทันได้รู้ตัว คือตอนมาจะคบเราก็บอกโสด แต่ไปๆ มาๆ ดันมีแฟนโผล่มา แถมมาเล่นงานผมซะเหวอไปเลย ไอ้ผมถ้าเจอแบบนั้นก็ถอยแหละครับ ไม่นิยมแย่งของใคร

“ขอเป็นเบียร์เย็นๆ ได้ป่ะ”ผมแกล้งแหย่ครับ เพราะวันนี้ให้ดื่มจริงๆ คงไม่ไหว ต่างคนต่างเอารถมา แถมตอนนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว บ้านเราก็อยู่กันคนละทางอีก

“ไม่ดีๆ อันนั้นไว้รอพวกไอ้การ์ดเลี้ยง มันติดมึงอยู่จำได้ไหม วันนี้พี่ขอเลี้ยงอย่างอื่นนะน้อง”เอาเข้าไปตกลงวันนี้มันจะเป็นอะไรกันแน่ ทั้งที่รัก ทั้งป๋า ทั้งพี่ทั้งน้อง

“งั้นผัดไทยร้านแถวหน้ามหาลัยแล้วกัน”ผมตอบก่อนจะลุกเดินนำอีกคนที่วิ่งมากอดคอผม

“เดินไม่รอเลยนะ”

“เกาะแกะว่ะ ปล่อยดิ เดินยาก”ผมพยายามปัดมือปลาหมึกนั่นออกจากไหล รู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่

“ขอเกาะหน่อยเหอะ กูคิดถึง เดี๋ยวนี้เราไม่ได้นอนกอดกันแล้วขอแค่นี้ก็ยังดี”แต่พอฟังประโยคนี้ผมก็ต้องอมยิ้มหน่อยๆ พร้อมกับปล่อยให้มันเกาะแกะต่อไป


“นี่ถามหน่อย ระหว่างเบียร์กับกูถ้าต้องเลือก มึงจะเลือกอะไร”อยู่ๆ ระหว่างที่เรานั่งโซ้ยผัดไทยกันอยู่ไอ้เชษฐ์ก็ถามขึ้น

“ไม่น่าต้องถาม”ผมตอบออกไปอย่างกวนๆ

“เลือกกูใช่ไหมล่ะ”อีกฝ่ายก็ตอบอย่างกวนๆ ไม่แพ้กัน

“เลือกเบียร์แบบไม่ต้องคิด”ผมสวนทันควัน

“ไรว้า ไหนบอกมาสิ ว่าเบียร์มีดีกว่ากูตรงไหน”ผมขำกับท่าทางของคนตรงหน้า ก็จะไม่ให้ขำยังไงครับ มันทำยังกับว่าหึงที่ผมชอบเบียร์มากกว่ามันงั้นแหละ คิดไปได้เอาตัวเองไปเปรียบกับเครื่องดื่ม

“เบียร์พร้อมอยู่กับกูทุกเวลา” - - “กูก็พร้อมอยู่กับมึงทุกเวลา”

“เบียร์ไม่กวนตรีน” - -  “กูก็ทำได้”

“เบียร์ไม่เคยขัดใจกู” - -  “ต่อไปกูจะไม่ขัดใจมึง”

“เบียร์ช่วยให้สบายใจเวลาเครียดๆ” - - “กูทำได้ดีกว่าอีก”

“เบียร์อร่อย” - - “กูอร่อยกว่าเป็นล้านเท่า”

“เห็นไหม กูมีดีกว่าเบียร์ตั้งเยอะ”หลังจากถกเถียงสรรพคุณกันไอ้เชษฐ์ก็ทำท่าภูมิอกภูมิใจเหลือเกิน ที่ประเมินแล้วว่าสรรพคุณตัวเองมีดีให้ผมเลือกมากกว่าเบียร์

“เบียร์ไม่หื่น” ผมยื่นหน้าเข้าไปบอกมันใกล้ๆ ว่ามันยังมีข้อด้อยกว่าเบียร์ พร้อมกับยิ้มเยาะมันอย่างผู้มีชัย

“แต่เบียร์จะทำให้มึงหื่น และมาขอความช่วยเหลือจากกู”

“แค่กๆ”ผมสำลักแทบถอยหน้าออกจากมันไม่ทัน ไอ้บ้าเอ้ยพูดออกมาได้

“แค่นี้ทำเขิน มึงก็หื่นไม่แพ้กูหรอกตี๊ฟ”แล้วผมก็โดนยิ้มเยาะเย้ยตอกกลับจนได้ แต่คิดเหรอว่ายกนี้ผมจะยอมแพ้ หึหึ

“กูจะคอยดูว่าปากดีแบบนี้จะทนได้สักกี่น้ำกว่าจะจบเกม”มันคงยังไม่ลืมว่าการพิสูจน์ให้น้ามันยอมรับความสัมพันธ์ของเรามันต้องไม่มีอะไรกับผมไปจนกว่าจะจบเกม ส่วนตัว ผมว่าผมทำได้สบายๆ ไม่มีปัญหาครับ แต่จากที่เคยอยู่กับไอ้หื่นนี่มา ท่าจะหนักเอาการ

“อย่าลืมสิว่ากูชอบมึงมาตั้งนาน ระยะเวลาแค่นี้ จิ๊บๆ”พูดถึงตรงนี้ก็ชักอยากรู้เหมือนกันว่ามันชอบผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้เพื่อนปากเสีย ที่ต่อปากต่อคำกันมาหลายปี ดันมีความรู้สึกกับผมแบบนี้มาตั้งนาน ก็ถือว่ามันเก็บอาการได้ดีมากทีเดียว

“มึงชอบกูตั้งแต่ตอนไหนว่ะ”

“อยากรู้เหรอ”ผมพยักหน้าตอบ แต่มันทำเป็นครุ่นคิด เหมือนพยายามนึก แต่ท่านึกมันน่าหมั่นไส้มากครับ ทำเป็นเอียงอายแบบไม่เหมาะสมกับหน้าตาสักนิด

“ตอนที่มึงบอกว่าอยากมีใครสักคนที่รักมึงจริงๆ ไง”จากทีท่าน่าหมั่นไส้เมื่อกี้ ตอนนี้กลายเป็นแววตาจริงจังจนผมอดจะใจเต้นไม่ได้ พร้อมกับมือของมันที่เอื้อมมากุมมือผมไว้ สัมผัสแผ่วเบา แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

“และกูก็อยากจะเป็นคนๆ นั้น”

นี่สินะคนที่ผมรอมานาน ใครสักคนที่จะมาเดินเคียงข้างผม หวังว่าไอ้เชษฐ์จะเป็นคนที่ผมเฝ้าตามหาจริงๆ จากนี้ไปไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไร มีปัญหาอะไร ผมจะฝ่าฟันไปพร้อมกับมัน ต่อให้วันข้างหน้าอาจมีอะไรที่ทำให้ผมเสียใจ ผมก็ไม่เสียดายอีกแล้ว ที่จะลองเสี่ยงไปกับมัน เพราะผมว่าผมคงรักไปหมดทั้งใจแล้วตอนนี้

“ขอบคุณนะ...ที่รักกัน”

จริงๆ ตอนแรกกะว่าวางเรื่องไว้ที่ 45 วันหลักๆ มีตอนพิเศษนิดหน่อย

กะคงจบ เรื่องมันก็เลยมาแบบไม่มีไรหวือหวาเท่าไหร่แล้วเนอะ

แต่กะว่าจะแก้ เพิ่มเข้าไปอีกหน่อย แต่ไม่รับปากว่าจะไปถึงวันที่เท่าไหร่

คนแต่งขี้เกียจเมื่อไหร่ก็จะตัดวันสุดท้ายมาลงทันที่ 555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 44 [28-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 29-01-2015 21:18:22
ในที่สุดก็รู้ซะทีเนาะตี๊ฟ
มาฝ่าฟันด่านน้าชาไปด้วยกัน!!!!
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 44 [28-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-01-2015 21:40:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 44 [28-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 29-01-2015 22:28:06
น่ารักมากติ๊ป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 44 [28-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 29-01-2015 23:25:49
อร๊ายยยย ~  :impress2: หวานกันจุงเบย
เชษฐ์น่ารักอ่ะ หึงเบียร์ก็ได้คนเรา  :hao3:
ดีกันงี้ตลอดไปน้าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 44 [28-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 30-01-2015 00:00:09
อ่านจนจบ อยากจะถามตัวเอง ว่าเราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง เป็นอะไรที่น่ารักดีอะ ไม่หวือหวา แต่น่ารัก ชอบเชษ คึคึ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 44 [28-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 30-01-2015 02:35:59
“เบียร์พร้อมอยู่กับกูทุกเวลา” - - “กูก็พร้อมอยู่กับมึงทุกเวลา”

“เบียร์ไม่กวนตรีน” - -  “กูก็ทำได้”

"เบียร์ไม่เคยขัดใจกู” - -  “ต่อไปกูจะไม่ขัดใจมึง”

“เบียร์ช่วยให้สบายใจเวลาเครียดๆ” - - “กูทำได้ดีกว่าอีก”

“เบียร์อร่อย” - - “กูอร่อยกว่าเป็นล้านเท่า”

ชอบตอนเนี้ย เชษฐ์สุดยอด จอมเน่า จอมหื่น จอมแถ น่ารัก  จำตอนแรกโคตรจะไม่ชอบเชษฐ์เลยปากแข็งชอบว่าตี๊ฟ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 44 [28-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 31-01-2015 08:58:09
แหวนคู่ด้วยอ่ะ น่ารักๆๆๆ
เชรษฐ์หื่นตลอดกาล
ขอหวานๆๆๆเยอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 44 [28-01-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 01-02-2015 10:04:24
วันที่ 45 Theif’s Part

“เอ้าหมดแก้วนะทุกคนหมดแก้ว”เสียงพ่อยอดชายนายการ์ด ที่แม้วันนี้จะมีแฟนมาคุม แต่ก็ไม่ได้สงบเสงี่ยมเจียมตัวสักเท่าไหร่ ตอนนี้ไอ้การ์ดกับแหม๋วก็เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการแล้วแหละครับ พร้อมกับสร้างความพิศวงงงงวยให้แก่บรรดา ชาวซุบซิบในมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนก็ยังคิดว่า แหม๋วเคยเป็นแฟนกับไอ้เชษฐ์ แถมเชษฐ์ดันมาคบกับผม ส่วนแหม๋วดันมาเป็นแฟนกับเพื่อนของผมและไอ้เชษฐ์ด้วย คนนอกที่ไม่รู้เรื่องคงสับสนกับพวกเราไม่น้อยเลยทีเดียว

“เบาๆ ก็ได้ จะรีบไปไหน ได้ข่าวว่าวันนี้ต้องเป็นคนจ่ายไม่ใช่เหรอ”แหม๋วเอ่ยปากปราม เพราะคงเริ่มรับพฤติกรรมของแฟนตัวเองไม่ไหวแล้ว

“แหม๋เพื่อนได้กันทั้งที มันก็ต้องฉลองเต็มที่ แค่นี้สบายมาก เอ้าแก้วนี้แด่ไอ้เชษฐ์และตี๊ฟ ทุกคนยก”ขนาดแฟนปรามมันก็ยังไม่ฟังครับ งานนี้ไม่ใครก็ใครต้องเป็นศพให้แทกซี่ลากไปส่งบ้านชัวร์ๆ ครับ

“เออไอ้เชษฐ์กูว่านะ เรื่องที่น้ามึงออกกฎไม่ให้มีอะไรกันนั่น มึงแอบทำก็ได้นี่หว่า น้ามึงคงไม่ตามติดชีวิตมึง 24 ชั่วโมงหรอกจริงไหม”แล้วพอเริ่มเมา ความคิดไอ้การ์ดก็มักแล่นเสมอครับ แล้ววันนี้ประเด็นมันก็มาเลี้ยงขอโทษผมอยู่แล้ว มันเลยมีแต่เรื่องของผมกับไอ้เชษฐ์เป็นหัวข้อสนทนา ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้ก็ยังไม่จบ

“ไม่ล่ะ แฟนกูไม่ชอบคนโกหก ต่อจากนี้กูจะไม่โกหกใครอีก”น่านๆ ไอ้นี่ก็ไปเปิดช่องให้พวกมันหาเรื่องแซวอีก มึงไม่อายแต่กูอายนะ รู้ไว้บ้างก็ดี

“ฮิ้ววววววว”

“เอ้าพูดอะไรบ้างสิไอ้ตี๊ฟ ตั้งแต่ได้ผัวดีนี่สงบปากสงบคำไปเยอะเลยนะมึง”ก็จะให้พูดอะไรล่ะครับ พูดอะไรไปก็เข้าตัวหมด สู้อยู่นิ่งๆ ยังจะดีกว่าอีก

“ดูๆ มีใส่แหวนค่งแหวนคู่กันด้วย พวกมึงดู”

“ฮิ้วววววว”เห็นไหมครับบอกแล้วว่ายังไงผมก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ขนาดไม่ตอบโต้ยังขนาดนี้ ถ้าลองต่อปากต่อคำกับมันจะขนาดไหน

“เดี๋ยวๆ กูยังสงสัยอยู่เรื่องนึง ที่พวกมึงยังไม่บอกกูเลย”ผมยังคาใจอีกหนึ่งเรื่องหลังจากที่พวกมันสารภาพเรื่องแผนการต่างๆ ให้ฟัง

“ว่าไปได้น้อง พี่ยินดีตอบทุกคำถาม”ดูท่ายิ่งเมาจะยิ่งเรื้อนขึ้นเรื่อยๆ นะเพื่อนผม

“จำรูปติดบอร์ดที่คณะเราตอนช่วงเล่นเกมแรกๆ ได้ไหม รูปกูกับไอ้เชษฐ์อ่ะ”ใช่ครับเพราะตอนนั้นผมปักใจว่าไอ้การ์ดทำ แต่มันก็ปฏิเสธ


“สรุปใครเป็นคนทำ”

“เก๊าเอง”ผมหันไปมองหญิงสาวหนึ่งเดียวที่มาในวันนี้ที่ทำเสียงแบ๊วพร้อมยิ้มเก้อๆ จริงๆ ผมปักใจเชื่อมาตลอดว่าไอ้การ์ดเป็นคนทำ แม้จะมาได้ยินแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะคิดไม่ถึงว่าแหม๋วจะเป็นคนทำ แต่พอรู้ว่าแหม๋วกับไอ้การ์ดเป็นแฟนกัน มันก็คงไม่แปลกแล้วละครับ

“เอาจริงๆ นะ จากนี้ไม่ต้องพากันวางแผนอะไรอีกแล้วนะ ตอนนี้บอกตรงๆ ว่าเริ่มกลัวพวกมึงทุกคนแล้ว”ผมหันไปบอกกับเพื่อนๆ ทุกคน

“มีอีกเรื่องนะ ตี๊ฟจำวันที่เชษฐ์รับโทรศัพท์เราแล้วออกมาหา ก่อนวันที่พากันไปบ้านตี๊ฟได้ป่ะ”ผมพยักหน้าตอบแหม๋วพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอบอก

“วันนั้นพวกนี้วางแผน กะดูอาการตี๊ฟว่าจะหึงเชษฐ์บ้างหรือเปล่า เลยให้เราโทรไปให้เชษฐ์ออกมา แล้วกะให้เชษฐ์ไปนอนที่บ้านน้าชา”ผมส่งสายตาพิฆาตให้เพื่อนๆ ทุกคน เพราะดูๆ แล้วพวกมันเหมือนร่วมกันวางพล๊อตมาให้ผมเดินตามเกมเสียจริงๆ ชีวิตผมนี่ถูกลิขิตโดยการ์ดและชาวคณะจริงๆ พวกมันช่างน่ากลัว

“แล้วทำไมแหม๋วตกหลุมพรางไอ้การ์ดมันได้ สวยๆ อย่างแหม๋วน่าจะหาได้ดีกว่านี้นะ”ผมถามติดตลก เพราะอยากจะแซวไอ้การ์ดเล่นๆ แต่จริงๆ ก็อยากรู้แหละครับว่าแหม๋วชอบอะไรในตัวไอ้การ์ด

“เงียบไปเลยไอ้ตี๊ฟ คนที่ดีพร้อมอย่างกูเนี่ย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะมีสาวสวยมาเดินเคียงข้าง”ยังไม่ทันที่แหม๋วจะได้เอ่ยปาก แต่มันก็รีบแก้ตัวให้ตัวเองทันทีเลยครับ

“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราไปหลวมตัวชอบพ่อคนขี้โม้ จอมวางแผนนี่ตอนไหน”แหม๋วตอบยิ้มๆ อย่างไม่ได้จริงจังนัก

แล้วบรรยากาศในโต๊ะของพวกเราก็ครึ้นเครงกันไป แม้วันนี้พวกผมจะมีไอ้การ์ดเป็นเจ้าภาพจ่ายตังค์ให้ แต่ผมก็ไม่ได้ดื่มอะไรมากมาย เพราะอยากคุยกับเพื่อนๆ อย่างมีสติมากกว่า ส่วนไอ้เชษฐ์จากที่สังเกตมันก็ไม่ได้ดื่มหนักสักเท่าไหร่ ดูๆ ไปไอ้คนจ่ายตังค์นั่นแหละที่ดื่มหนักกว่าใครเพื่อน สงสัยยังไงก็ต้องเป็นคนจ่ายตังค์เลยกะเอาให้คุ้ม ก็ดื่มกันจนเวลาล่วงเลย สมควรแก่เวลาที่จะต้องแยกย้าย ต่างก็เรียกแทกซี่กลับทางใครทางมัน

“ยังไม่อยากกลับเลยเนอะ”เสียงอีกคนที่นั่งข้างๆ ผมเอ่ยขึ้น ตอนนี้ผมกับไอ้เชษฐ์นั่งอยู่ริมฟุตบาท หน้าลานเบียร์นี่แหละครับ คนอื่นๆ กลับกันหมดแล้ว ลานเบียร์ก็กำลังปิด บนถนนรถก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ยังมีแต่แทกซี่ที่ยังวิ่งให้เห็นประปราย

“แต่มันก็ดึกแล้วกูว่าเราเรียกแทกซี่เลยดีกว่าไหม”ก็พอรู้แหละครับว่าตอนนี้เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนเลย เพราะตอนนี้ต่างคนก็ต่างต้องกลับไปอยู่บ้าน ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนตอนเริ่มเล่นเกม แต่วันนี้มันก็ดึกมากแล้ว กว่าจะกลับถึงบ้านกันอีก

“อยากอยู่แบบนี้อีกสักพักได้ไหม”ไอ้เชษฐ์บอกพร้อมกับโน้มหัวผมให้พิงกับไหล่ของมัน

“นึกว่าจะอยากนั่งแบบนี้ถึงเช้าเสียอีก”ผมแกล้งแซว กับท่าทีอ้อนๆ ของอีกฝ่าย ที่เหมือนจะอยากอยู่กับผมเสียเหลือเกิน

“อย่ามาท้านะ”น่านดูพูดเข้า จะมานั่งทำอะไรตรงนี้ถึงเช้ากันละ อีกอย่างเดี๋ยวน้าชาก็ได้คิดกันพอดีว่าเราสองคนไปแอบทำอะไรกันหรือเปล่า

คุยกันไปกันมาจากที่ตอนแรกไอ้เชษฐ์จะนั่งแทกซี่ไปส่งผมก่อน แล้วค่อยวนกลับมาบ้านมัน แต่ผมว่ามันจะยุ่งยากเกินไป แยกกันกลับก็ได้ เพราะจริงๆ บ้านไอ้เชษฐ์ก็ใกล้กว่าผมด้วย แถมยังอยู่กันคนละทาง สุดท้ายพอตกลงกันไม่ได้สักที ไอ้พี่ชายตัวดีผมก็โทรมาถามว่าจะกลับหรือยัง คุณนายแม่เป็นห่วงและกำชับ มันไว้ว่าถ้าผมกลับดึก ให้พี่ชายโทรตาม พอกลับไปอยู่บ้านก็แบบนี้แหละครับ ที่บ้านก็จะห่วงเป็นพิเศษกว่าเดิม พอไอ้พี่ชายผมโทรมาแบบนี้ เลยได้ไอเดียใหม่ให้มันมารับเสียเลย แล้วก็ไปส่งไอ้เชษฐ์ก่อน แล้วผมกับไอ้ต๊าฟ ค่อยกลับบ้าน

“น่าจะย้ำพี่ต๊าฟไปหน่อยว่าให้มาช้าๆ เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกหน่อย”ไอ้นี่ก็เก็บทุกเม็ดจริงๆ ครับ

“นี่จำได้หรือเปล่า ว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ ของการที่เราเล่นเกมกัน”ผมถามอย่างไม่ได้ใส่ใจนักเพราะรู้อยู่แล้วว่า วันนี้เป็นวันที่ 45 แล้วตั้งแต่เราเล่นเกมนี้มา เกมที่ตอนแรกทุกๆ คนร่วมมือกัน วางแผนให้เชษฐ์มันพิชิตใจผม ซึ่งมันสำเร็จไปก่อนครบกำหนดเสียด้วย

“กูไม่สนใจแล้วแหละ เพราะต่อให้อีกเป็นพันเป็นหมื่นวัน หรือจะตลอดไป กูก็จะถือว่าเราต้องรักกันไปตลอดอยู่แล้ว”แฟนใครว่ะเนียเน่าได้อีก

“เมาแล้วเพ้อเหมือนกันนะเราเนี่ย”ผมแซวออกไปอย่างขำๆ แม้จะแอบยิ้มแต่ก็ไม่อยากให้เชษฐ์มันเห็น เดี๋ยวจะเหลิงใหญ่ แต่จริงๆ ก็เขินมันนั่นแหละครับ

“เพ้อแล้วรักป่ะล่ะ”แนะมียักคิ้วด้วยวุ้ย

“ไม่รักจะมานั่งด้วยแบบนี้เหรอ”ผมตอบออกไปพร้อมทำหน้ากวนๆ ใส่อีกคน

“ชักอยากจะแหกกฎของน้าชาขึ้นมาบ้างแล้วสิ”คำพูดพร้อมสายตาของอีกคนทำให้ผมเข้าใจได้เลยว่ามันหมายถึงอะไร นี่ยังไม่ได้ครึ่งนึงของ 100 วันเลยนะนิ จะรอดไหมน้อ ไอ้หื่นของผม

“อย่ารุ่มร่ามมาก อายคนอื่นเค้า”แม้ตอนนี้จะไม่ค่อยมีคนอยู่แถวๆ นี้แล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ทันทีที่ไอ้เชษฐ์เอื้อมมือมาโอบไหล่ผมไว้ แล้วพยามยื่นหน้าเค้ามาใกล้ๆ จนจมูกเราจะชนกันอยู่แล้ว

“ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”เสียงกระซิบใกล้ๆ ของไอ้เชษฐ์ที่ ใกล้จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ นั้น หน้าเราสองคนอยู่ห่างกันแทบจะไม่ถึงเซนต์แล้วมั้งตอนนี้ จมูกผมถูกจมูกของอีกฝ่าย สะกิดไปมา สายตาที่ไอ้เชษฐ์จ้องมาที่ตาผมมีแววหยอกเหย้าอยู่ในที แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความหื่นนิดๆ อีกด้วย


“อ้าวๆ จะสวีทอะไรกันนักหนา มาขึ้นรถกันได้แล้ว กลับบ้านๆ ง่วงจะแย่แล้วเนี่ย”เสียงที่เรียกสติทั้งผมและไอ้เชษฐ์ก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ พี่ชายตัวดีของผมนั่นแหละครับ มาถึงแล้วแทนที่จะเรียกดีๆ



ครบ 45 วันแล้ว
 
เดี๋ยวแถมวันที่ 46 แล้วจะไม่ลงแบบรายวันต่อเนื่องแล้วเนอะ o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-02-2015 11:20:36
พี่ต๊าฟฟฟฟ!  :ling1: ขัดเวลาสวีทของน้องได้ไง.แนะนำเลยค่ะหาคนมากดพี่ต๊าฟ. :hao3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-02-2015 11:43:49
พี่ต๊าฟฟฟฟฟฟ มาทำไม เดี่ยวจับเอาไปเลี้ยงที่บ้านซะเลย อิอิ เชียร์เชรษฐ์แหกกฎ ฮ่าๆๆๆๆๆ อย่ารายปีน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 01-02-2015 12:16:39
พี่ต๊าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
มาขัดจังหวะแบบนี้มีเคืองนะ!!!
จะทนได้ถึง 100 วันไหมน้อออออ
รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-02-2015 12:22:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-02-2015 13:19:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 01-02-2015 13:35:11
หาคู่ให่พี่ต๊าฟด้วยนะ  การ์ดไปแล้วอ๊ะ

ดีใจที่คู้นี้ลงเอยกันเขียร์มาตั้งนาน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-02-2015 15:31:39
หวีดหวานกันจังเลยนะ

ลงเรื่องแบบไม่ระบุวันก็ได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 01-02-2015 16:32:18
เซงอิตาพี่ต๊าฟตอนจบ เชษฐกล่าว :ling2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 01-02-2015 16:41:41
ฮากันทั้งแก็งค์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-02-2015 00:42:47
แล้วยังงี้พี่ต๊าฟจะมีคู่มั้ยอ่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 03-02-2015 00:34:31
เก๊าเกิ๊ลลลล 55555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 45 [01-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 05-02-2015 21:52:24
วันที่ 46

“จำที่นี่ได้เปล่า”อยู่ๆ ไอ้เชษฐ์ก็ถามขึ้น ตอนนี้เราอยู่กันที่ศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง วันนี้ผมกับไอ้เชษฐ์นัดกันออกมาดูหนัง หรือเอาตามที่ไอ้คุณแฟนผมพูดก็ มาออกเดทนั่นแหละครับ ทั้งที่เมื่อคืนก็กลับดึก แต่วันนี้ก็ยังโทรปลุกผมแต่เช้า มันบอกว่าอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ก็ตามใจมันหน่อยแหละครับ

“จำได้เรื่องอะไร”ผมถามออกไปด้วยความสงสัย ว่าที่ศูนย์อาหารมันมีอะไรพิเศษเหรอ เพราะผมก็มาที่นี่บ่อยอยู่พอสมควร เวลามาดูหนัง ถ้าจะหาอะไรทานก่อนก็มักจะเป็นตรงศูนย์อาหารนี้ทุกที

“มึงนี่มันต่อมโรแมนติกไม่คงที่จริงๆ ทีตอนซื้อแหวนมาให้กูก็นึกว่าจะมีแฟนโรแมนติกกับเค้าบ้าง แต่ที่ไหนได้ อย่างมึงนี่คงต้องกระตุ้นอีกเยอะ”ไอ้เชษฐ์บ่นๆ แต่ก็ดูไม่ได้จริงจังนัก เพราะดูออกจะขำๆ กับอาการงงๆ ของผมเสียด้วยซ้ำ ว่าแต่ไอ้ความโรแมนติกกับศูนย์อาหารในห้างนี่มันเกี่ยวข้องกันตรงไหน

“ศูนย์อาหารนี่มันโรแมนติกตรงไหนว่ะ”ไวเท่าความคิดครับเมื่ออีกฝ่ายไม่อธิบายอะไร

“นี่มึงจำเดทแรกของเราไม่ได้เหรอ”

“เราเคยเดทกันด้วยเหรอ”ผมถามออกไปแบบนั้นแต่ตอนนี้สมองเริ่มจะประมวลผล ว่าผมเคยมาที่นี่กับมันตอนไหนบ้าง ที่พอจะเรียกได้ว่าเดท ซึ่งถ้าให้เดาก็คงเป็นตอนเริ่มเกม 45 วันช่วงแรกๆ ที่บังเอิญมาเจอกันตรงนี้ แล้วเชษฐ์มันก็ให้ผมเลี้ยงหนังมันด้วย ว่าแต่นั่นนับเป็นเดทด้วยเหรอ ไอ้นี่ก็ขี้ตู่เกิ๊น

“มันอาจจะเป็นสถานที่ธรรมดานะ แต่ทุกที่ที่กูเคยไปกับมึง 2 คน ทั้งครั้งแรกที่เรามานั่งกินข้าวที่นี่ ที่เราดูหนังกัน 2 คน หรือจะตอนที่เราไปบางแสนกัน พอมีมึงเข้ามา มันก็เป็นที่พิเศษสำหรับกูหมดแหละ เพราะมันจะมีความทรงจำที่มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้”โหมาทำซึ้งมองตาอะไรตรงนี้ละไอ้บ้าเชษฐ์ คนก็เยอะแยะ

“พอแล้ว กูเขิน”ผมรีบบอกอีกคนที่เอาแต่มองผมแล้วยิ้มจนแก้มจะปริอยู่แล้ว

“มึงรู้ไหมว่าแค่มาที่นี่ก็ทำให้กูมีความสุขแล้ว เพราะมันทำให้กูนึกถึงตอนที่เคยมากับมึงไง”นั่นยังไม่จบครับ ไอ้นี่นิก็บอกว่าเขินยังจะมาพูดอีก ว่าแต่ไอ้ผมนี่ยิ่งนับวันยิ่งจะเขินง่ายเกินไปแล้วนะ

“เออแล้วไอ้วันที่มึงว่าเป็นเดทแรกนั่น มึงบังเอิญมาเจอกูหรือมึงตั้งใจตามกูมา”จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรนะครับแต่แค่หลังจากที่โดนจัดฉากเยอะๆ เลยสงสัยว่าแทบทุกเรื่อง ทั้งไอ้เชษฐ์และเพื่อนวางแผนกันมารึเปล่า

“ไอ้การ์ดโทรบอกกูว่ามึงจะออกมาดูหนัง กูเลยเสี่ยงตามมาที่นี่ และบังเอิญหามึงเจอไง”ดูยิ้มภูมิใจในคำตอบของตัวเองเหลือเกินครับ สรุปก็กึ่งๆ วางแผนกึ่งๆ บังเอิญสินะ ผมว่ามันต้องยังมีอีกหลายเรื่องแหละที่พวกนี้พากันจัดฉากให้ผม เพราะดูมันทยอยออกมาเรื่อยๆ เสียเหลือเกิน

“จากนี้ไปไม่ต้องวางแผนอะไรอีกแล้วนะกูหลอน”ผมบอกออกไปขำๆ เพราะไม่อยากจะเจอเซอร์ไพรส์อะไรอีก เดี๋ยวจะหัวใจวายเอา

“โอเคคร๊าบบบ คุณแฟน”

“นี่มึง กูถามไรอีกอย่างดิ”ผมเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้จริงจังนัก แต่ก็เรียกความสนใจจากไอ้เชษฐ์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ว่ามาเลยครับคุณแฟน”ไอ้คำว่าคุณแฟนนี่มันชักจะมาบ่อยไปแล้วนะ

“ถ้าเกิดวันนึงกูงี่เง่า ปัญญาอ่อน หรือไม่ค่อยใส่ใจมึง หรือไม่เป็นอย่างที่มึงหวัง มึงจะเบื่อกูไหม”ที่ต้องถามมันแบบนี้เพราะผมก็รู้ตัวดีแหละครับว่าบางที มุมมองคนเรามันไม่เหมือนกัน อย่างบางทีสิ่งที่ผมทำลงไป ตัวผมเองอาจจะมองว่ามันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ธรรมดา แต่กลัวว่าถ้ามันมองว่างี่เง่าอะไรแบบนี้ ก็เป็นไปได้ หรือบางอย่างที่ผมอาจจะมองข้ามไป จนมันเองกลับมองว่าผมไม่ใส่ใจมันก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกันใครจะรู้

“ถามทำไมอ่ะ”

“ก็ไม่อยากให้มึงเบื่อกูไง ถ้าอะไรที่มึงไม่ชอบก็บอกกูด้วย กูจะได้ไม่ทำ”ผมบอกออกไปตามตรง เพราะคิดว่าถ้าเราอยากจะให้ความสัมพันธ์มันยั่งยืน ก็ไม่ควรปล่อยให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้มันกลายเป็นปัญหาในวันข้างหน้า เพราะเรื่องบางอย่างที่ตอนคบกันใหม่ๆ มันอาจจะยอมให้ผมได้ ทั้งที่มันอาจจะฝืนยอม แต่มันจะกลายเป็นว่าไอ้ผมจะไม่รู้และเหมือนบังคับให้มันยอมรับในสิ่งที่มันไม่ชอบ นานวันไป อาจจะกลายเป็นสิ่งที่สะสมไว้รอวันระเบิดความไม่พอใจออกมาได้

“กูไม่เบื่อมึงหรอก แต่ไม่ใช่ว่า เพราะมึงไม่มีข้อเสียนะ แต่มันเพราะว่ากูรักมึง กูก็ต้องรักทั้งในสิ่งที่ดีและไม่ดีของมึงด้วย”โหอะไรมันจะเน่าได้ขนาดนี้ แต่ไอ้คำน้ำเน่านี่ก็ทำผมแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เหมือนกันนะ


“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ อะไรที่มันแย่ก็บอกกูแก้บ้างก็ได้ กูรู้ว่ากูมีนิสัยแย่ๆ เยอะ”ผมเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ไอ้เชษฐ์อย่างจริงใจ

“ถ้ารู้ว่าเวลาเป็นแฟนกันจะน่ารักขนาดนี้ กูจีบมึงตั้งนานแล้ว”ชักจะเลี่ยนกันไปใหญ่แล้วมั้งเนี่ย พอๆ เลิกคุยเรื่องนี้กับมันดีกว่า

“ป่ะๆ รีบกินรีบไปดูหนังดีกว่า”ผมรีบตัดบท






ตอนนี้เราเข้าโรงหนังกันมาแล้ว และหนังก็กำลังดำเนินไป แต่ผมกลับเริ่มไม่มีสมาธิในการดูเอาเสียเลย มันก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่ามีมือของไอ้คนข้างๆ มากุมมือผมไว้ ซึ่งไอ้ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าจะรู้สึกตื่นเต้นทำไมกะแค่โดนจับมือ เพราะถ้าเอาจริงๆ ผมกับไอ้เชษฐ์มันก็เลยจุดนี้ไปไกลแล้วเหมือนกัน ผมเหลือบมองเจ้าของมือ แม้จะมืดแต่ก็พอจะมองเห็นว่ามันอมยิ้มเล็กน้อย แต่สายตายังจับจ้องที่จอภาพยนตร์ ทำให้ผมต้องหันไปตั้งสมาธิในการดูหนังต่อ

“สนุกดีเนอะ”ไอ้เชษฐ์พูดขึ้นเมื่อเราสองคนเดินออกจากโรงหนังมา ผมหันมองหน้ามัน ที่เห็นมันยิ้มแปลกๆ อยู่แล้ว แม้มันจะไม่พูดออกมา แต่ผมเดาว่ามันต้องกำลังอยากจะล้อผมอยู่แน่ๆ กับการที่ผมดันไม่ค่อยชินกับการโดนมันจับมือตลอดการดูหนังทั้งเรื่อง ผมไม่ได้ตอบอะไรมันแต่แค่ส่งสายตาเคืองๆ ให้เท่านั้นเอง ก็มันรู้สึกแปลกๆ นี่หว่า อยู่ดีๆ จะมาทำตัวเหมือนเพิ่งจีบกัน มาออกเดทอะไรแบบนี้ มันรู้สึกจั๊กจี้บอกอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่ชอบเหรอ”อีกฝ่ายถามย้ำเมื่อเห็นผมไม่ตอบ

“งั้นมั้ง”ผมตอบออกไปอย่างเสียไม่ได้

“ไมอ่ะ กูว่าหนังก็สนุกดีนิ ปกติมึงก็ชอบหนังแนวนี้นิ”ก็ใครว่าหมายถึงหนังกันเล่า

“กูหมายถึงไม่ชอบเดท”คำตอบของผมทำเอาไอ้เชษฐ์ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนที่มันจะเข้าใจอะไรผิดมากไปกว่านี้ ผมเลยต้องรีบชิงพูดต่อ

“คือกูว่าเราก็เป็นแฟนกันแล้วไง จะมามัวเดทกันอีกทำไม กูแค่รู้สึกว่าไอ้อะไรแบบนี้มันเหมือนคนเพิ่งจะเริ่มจีบกันอะไรแบบนั้นอ่ะ แต่เรามันเลยจุดนั้นมาแล้วป่ะว่ะ”แต่ดูคำอธิบายของผมจะไม่ค่อยโดนใจของไอ้เชษฐ์มันหรือเปล่าทำไมสีหน้ามันยังดูแปลกๆ

“กูก็แค่อยากใช้เวลาส่วนตัวกับมึงบ้าง”กะแล้วผมบอกตรงไหนไหมว่าไม่อยากใช้เวลาด้วยกัน ดูทำหน้าจ๋อยเข้า

“คือกูจะว่ายังไงล่ะ แบบคือไม่ต้องมาทำเหมือนจีบกันอ่ะ มึงเข้าใจไหม คือเราก็นัดเจอกันนี่แหละ แต่เจอกันธรรมดาๆ ไม่ต้องมาแบบสูตรสำเร็จการออกเดทกินข้าวดูหนังอะไรแบบนี้อ่ะ”คือผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงอ่ะนะครับ

“คือมึงไม่อยากมากินข้าวดูหนังกับกูงั้นเหรอ”อ้าวไอ้นี่ ไปใหญ่อีก

“กูไม่ได้หมายความแบบนั้น คือ...ยังไงว่ะ...เออ ช่างเหอะ”จนปัญญาจะอธิบายครับ เพราะผมก็ไม่รู้จะบอกมันว่ายังไงดี นี่จะทะเลาะกันไหมนิ

“ฮ่าๆ ไม่ต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้น กูเข้าใจที่มึงพูดแหละ กูแค่ล้อเล่น”สรุปเอายังไงแน่นิครับไอ้คุณแฟน

“อะไรของมึงว่ะเนี่ย กูตามไม่ทัน”อดที่จะบ่นมันไม่ได้

“เวลาแกล้งมึงมันสนุกดีนี่หว่า”ตกลงคือแค่อยากแกล้งผมเนี่ยนะ แทบอยากจะเควี้ยงค้อนใส่มันเลยครับ

“จำไว้เลยนะ”ผมคาดโทษมันไว้ แค่ต้องระวังการกลั่นแกล้งจากพวกเพื่อนตัวดีก็ยากจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะยังต้องมาระวังไอ้คุณแฟนนี่อีก

“โอ๋ๆ มาๆ ไม่แกล้งแล้ว เออๆ น้าชาฝากมาถามด้วยว่าวันไหน มึงจะไปทานข้าวที่บ้าน”โหไอ้ประโยคสุดท้ายนี่ เล่นเอาผมชะงักไปเหมือนกัน คือแม้จะรู้ว่าน้าชาก็ไม่ได้กีดกันอะไรเรามากมาย แต่ไอ้ผมก็ยังเกร็งๆ อยู่ยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกันนะ



แหะๆ หายไปหลายวันเลย

แวะมาส่งให้อีก 1 วันครับ o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-02-2015 22:11:09
 :-[ :-[  เราก็เขินเหมือนกันตี๊ฟ.มวบๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 05-02-2015 22:19:37
น้าชาเปิดโอกาสให้ละ โชคดีนะติ๊ฟฟฟฟฟฟ
รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-02-2015 23:38:27
ตี๊ฟเอ๊ย   ที่เชษฏ์มันทำนั่นไม่ใช่จีบนะแต่เป็นแบบที่คนเป็นแฟนเขาทำกันเวลาอยู่ด้วยกันเฉยๆ
บ่นมากนักเดี๋ยวเชษฏ์มันก็ชวนไปจ้ำจี้เสียหรอก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-02-2015 00:20:25
จะเจอน้าชาแล้วเหรอออออ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-02-2015 04:08:52
รอฉากเจอน้าชา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-02-2015 09:33:56
เชษฐ์จะแกล้งให้ตี๊ฟเขินไปถึงไหน
แต่ก็เข้าใจเชษฐ์นะ คงมีความสุขน่าดู
ที่เรื่องแค่ในฝัน แต่วันนี้มันเป็นจริงขึ้นมา
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-02-2015 10:45:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 06-02-2015 11:42:16
รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-02-2015 20:56:45
จะได้ไปพบน้าชาแล้ว น้าชาจะแกล้งติ๊ฟหรือเปล่มเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 12-02-2015 22:32:01
 :z13:คอยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Brow_Ney ที่ 14-02-2015 14:38:21
อ่านตั้งแต่แรกลุ้นว่าจะเป็นไง สุดท้ายก็ลงเอยรักกันด้วยดี
ติดที่น้าชาอย่างเดียว คงไม่น่ามีปัญหานะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันที่ 46 [05-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 14-02-2015 23:10:57

วันวาเลนไทน์

เชษฐ์-ตี๊ฟ


“เล่นแบบนี้ไม่แรงไปเหรอว่ะ”ผมถามออกไปเสียงเครียด เมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้การ์ดเสนอมา เกี่ยวกับการวางแผนให้ไอ้ตี๊ฟเลิกกับแฟน แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผม ไอ้การ์ดและชาวคณะร่วมมือกันสร้างความร้าวฉานให้กับคู่รักของไอ้ตี๊ฟ แต่นี่มันวันวาเลนไทน์ ผมเลยว่ามันออกจะใจร้ายกับตี๊ฟมันไปหน่อย ที่จะให้มาเลิกกับแฟนในวันวาเลนไทน์แบบนี้

“แรงตรงไหน มึงไม่เห็นเหรอ คราวก่อนที่มีผู้หญิงมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนของคนที่มันคบ ตี๊ฟมันก็เลิกแบบชิลๆ ไม่เห็นมันจะเฮิร์ทอะไรเลย”โหไอ้การ์ด ใครบอกมึงกันล่ะว่ามันไม่เฮิร์ท ไอ้ตี๊ฟจริงๆ มันเป็นคนอ่อนไหวครับ ผมสังเกตมานานแล้ว เวลามันเลิกกับแฟนทีไรมันก็เฮิร์ททุกครั้งนะครับ แต่มันมักจะพยายามไม่แสดงออกมาให้คนอื่นๆ เห็นสักเท่าไหร่

และตอนนี้สิ่งที่ไอ้การ์ดพยายามจะทำก็คือ ช่วยให้ผมหมดคู่แข่งหัวใจ โดยการหาคนมาสวมรอยเป็นแฟนสาวของไอ้ปืน ไอ้ปืนคือใครนะเหรอครับ ปืนก็เป็นคนที่ตี๊ฟมันคบด้วยตอนนี้ และจากที่ท่านหัวหน้าทีมจอมวางแผนอย่างไอ้การ์ดไปสืบมา ไอ้ปืนถือว่ายังไม่ผ่านมาตรฐานที่จะคบกับตี๊ฟต่อได้ ก็ไม่รู้มันมีมาตรฐานจริงๆ หรือลำเอียงกันแน่ แต่นั่นแหละครับจุดนั้นผมไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าที่มันพยายามทำคือช่วยเปิดทางให้ผม ที่ป๊อด ไม่กล้าจีบตี๊ฟมันสักที

แผนการเริ่มขึ้นเมื่อไอ้การ์ดดันปิ๊งไอเดียจากแฟนไอ้ตี๊ฟคนก่อนหน้านี้ ที่เลิกกับไอ้ตี๊ฟเพราะมีหญิงสาวอีกคนโผล่มาแหกอกไอ้ตี๊ฟถึงคณะกันเลยทีเดียว ไอ้การ์ดเลยจะหาคนมาแหกอกตี๊ฟอีกรอบ โดยจัดฉากให้มันเหมือนจริงมากที่สุด และด้วยความร่วมมือจากแหม๋ว ทั้งสองสามารถหาหญิงสาวผู้โชคดีได้แล้ว ก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ เพื่อนสมัยมัธยมของแหม๋ว ที่บังเอิ๊ญ บังเอิญ ที่เค้าดันเคยรู้จักกับไอ้ปืน แถมยังมีรูปคู่ที่จริงๆ ก็คงจะถ่ายเล่นๆ แนวเพื่อนๆ กันแหละครับ แต่ทั้งแหม๋วและการ์ด สามารถครับ สามารถที่จะเอามาบิ๊ว และบอกบทให้หญิงสาวผู้โชคดี เพื่อไปแสดงต่อหน้าตี๊ฟไอ้อย่างแนบเนียน

“นี่ใกล้เวลาตี๊ฟจะมาแล้ว เดี๋ยวเรากับบิวจะไปหาที่หลบสแตนด์บายรอนะ”แหม๋วบอกกับพวกผมก่อนจะลากเพื่อนหลบฉากออกไป

“ไม่ต้องซีเรียสน่า มันเลิกกับแฟน แต่ก็มีแผนสำรองแล้วนี่นา”ไอ้การ์ดเอื้อมมือมาตบไหล่ผม เมื่อเห็นผมมีทีท่าว่ายังไม่ค่อยเห็นด้วยกับแผนการของมันสักเท่าไหร่

“กูไม่อยากเห็นมันเศร้าว่ะ”ผมบอกออกไปตามตรง คนอื่นๆ อาจจะไม่ได้สังเกต แต่ผมที่สังเกตมันตลอดเวลาที่ตี๊ฟมันต้องเลิกกับใครก็ตาม แม้มันจะไปสนุกกับพวกผม แม้มันจะทำเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ทุกครั้งผมจะสังเกตเห็นแววตาเศร้าๆ ของมันเสมอ แม้หน้าตามันจะแกล้งยิ้มแย้มขนาดไหน แต่แววตามันไม่ได้แสดงออกมาว่ายิ้มแย้มเลย

“มันมาโน่นแล้ว อย่ามีพิรุธนะมึง”ไอ้การ์ดย้ำผมให้ปรับเข้าโหมดปกติเมื่อเห็นว่าไอ้ตี๊ฟกำลังเดินตรงมาที่พวกเรา

“ไงละมึง เวลามีแฟนนี่หายหัวตลอดเลยนะ เพื่อนฝูงนี่ยังจำได้หรือเปล่า”เป็นผมเองที่เปิดปากทักทายตามสไตล์ที่ช่างขัดกับความรู้สึกจริงๆ ในใจของผมเหลือเกิน แต่มันก็ไม่ได้อยากหรอกนะครับ เพราะผมสลับโหมดจนเป็นอัตโนมัติไปแล้ว เวลาอยู่ต่อหน้ากับตอนตี๊ฟมันไม่อยู่นี่ เหมือนสมองผมจะสั่งการให้แสดงออกได้แตกต่างกันได้โดยอัตโนมัติแล้ว

“แหม๋ทำยังกะตัวมึงไม่มีแฟนงั้นแหละเชี่ยเชษฐ์ กูก็เห็นมึงหายหัวไปกะแฟนบ่อยๆ เหมือนกันแหละ”นั่นแฟนกูที่ไหนเล่า

“กูก็ยังมีเวลาให้เพื่อนๆ มากกว่ามึงแล้วกันน่า”

สิ้นเสียงผมแค่ไม่นานสายตาผมก็เริ่มเห็นนักแสดงที่ไอ้การ์ดเป็นผู้กำกับ กำลังเดินตรงมาที่พวกผม นี่ละครกำลังจะเริ่มอีกแล้วใช่ไหมนี่ย จริงๆ ก็สงสารตี๊ฟมันเหมือนกันนะครับ เอาจริงๆ ที่มันเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ นี่ส่วนหนึ่งก็พวกผมนี่แหละ ที่เป็นคนจัดฉากให้มันต้องเลิกกับแฟน แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่โดนพวกผมจัดฉาก แต่นับๆ ดูก็ไม่น้อยทีเดียว

“ตี๊ฟใช่ไหม”หญิงสาวมาสะกิดคนที่กำลังต่อปากต่อคำกับผม โดยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ว่าตัวเองต้องอยู่ในบทละครของไอ้การ์ดอีกแล้ว ไอ้ตี๊ฟหันไปมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ

“เรารู้จักกันเหรอ”เมื่อวิเคราะห์แล้วว่าไม่น่าใช่คนรู้จัก ไอ้ตี๊ฟก็ทักทายด้วยคำถามกลับไป พร้อมกับหันมองพวกผมทุกๆ คน เป็นการช่วยยืนยันว่าพวกผมรู้จักผู้หญิงที่เพิ่งมาทักมันหรือเปล่า

“เราไม่เคยเจอกันมาก่อนหรอก แต่พอดีมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย”ผมเริ่มงงๆ หน่อยๆ ว่าบิวได้บทจากไอ้การ์ดมาว่ายังไง เพราะตอนแรกเข้าใจว่าจะให้บิวมาวีนไอ้ตี๊ฟเสียอีก แต่นี่ดูมาแบบเบาๆ หรือว่าจะค่อยๆ เทิร์นโปรความแรงขึ้นเรื่อยๆ ยังไงก็หวังว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรงกันหรอกนะ สายตาผมหันไปคาดโทษไอ้การ์ดแทบจะทันที แต่มันก็ทำเพียงว่าให้ผมดูไปก่อน

“มีไรว่ามาดิ”ไอ้นี่ก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย ดูตี๊ฟมันยังมีทีท่าสบายๆ

“ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหม”นี่ยังอยู่ในบทหรือเปล่าเนี่ย ดูๆ แล้วเหมือนบิวจะเล่นนอกบทยังไงไม่รู้ หรือไอ้การ์ดไปตกลงกันตอนไหนอีก

“ไปดิ”ไอ้ตี๊ฟเดินนำบิวออกไปที่โต๊ะอีกตัวซึ่งห่างจากพวกผมไปพอสมควร แม้จะยังมองเห็น แต่คาดว่าไม่น่าจะได้ยินบทสนทนาเป็นแน่แท้



“ในบทไม่ใช่แบบนี้นิมึง ยังไงว่ะเนี่ย”ทันทีที่ทั้งสองออกห่างรัศมีการได้ยิน ผมก็ยิงคำถามใส่ไอ้การ์ดทันที

“กูก็ไม่รู้ แต่คิดว่าบิวคงไม่ทำแผนเราเสียหรอกน่า ใจเย็นๆ รอดูสถานการณ์ก่อน”ใจเย็นยังไงไหว จริงๆ ตอนนี้ผมชักเริ่มหวั่นๆ ว่าไอ้พวกนี้จะมีแผนซ้อนแผนอะไรอีก อยู่กับพวกนี้นานๆ ชักระแวงครับ เพราะพวกมันชอบขู่ผม ว่าจะไปบอกไอ้ตี๊ฟเรื่องความรู้สึกของผม แต่ไอ้ผมยังไม่พร้อมนี่สิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมกลัวอะไร แต่ลึกๆ ก็กลัวว่ามันจะไม่ชอบผมนั่นแหละครับ ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็ชัดอยู่แล้ว แต่ถามว่ายังมีหวังไหม คนเรามันก็ต้องอยู่ได้ด้วยความหวัง แม้มันจะน้อยนิดก็ตามที

“เดี๋ยวกูโทรถามแหม๋ว”ไอ้การ์ดหยิบมือถือเพื่อต่อสายถึงอีกหนึ่งจอมวางแผน โดยมีผมที่ลุ้นทั้งสองด้าน สายตาก็จ้องมองไอ้ตี๊ฟกับบิว แต่หูก็ฟังบทสนทนาของไอ้การ์ดกับแหม๋ว และจากที่ฟังๆ ดู เหมือนกับว่าแหม๋วจะไปเปลี่ยนบทให้กับบิว เพราะบิวเล่นบทวีนไม่ค่อยขึ้นสักเท่าไหร่จากการซักซ้อม เลยกลายเป็นว่า บิวจะมาพูดกับตี๊ฟตรงๆ และขอให้ตี๊ฟเลิกยุ่งกะไอ้ปืนนั่น

“สรุปนั่นเมียหลวงคนไหนของผัวมึงอีกล่ะไอ้ตี๊ฟ”เสียงไอ้การ์ดดังขึ้นทันทีที่ไอ้ตี๊ฟเดินกลับเข้ามาในกลุ่ม ซึ่งตอนนี้บิวได้ปลีกตัวออกไปแล้วเช่นกัน และผมเองรู้สึกอยากตบกะโหลกไอ้การ์ดเหลือเกิน คือก็ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าไอ้ตี๊ฟมันโดนอะไรมา ยังจะไปจี้ใจมันอีก
“เค้าจะเมียใครตอนนี้ไม่สำคัญหรอก เอาเป็นว่ากูโสดฉลองวาเลนไทน์แล้วกัน ใครจะไปแดกเบียร์กับกูก็เคลียร์คิวด้วยนะเย็นนี้ เจอกันร้านประจำ”แม้มันจะพูดเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ถ้าสังเกตสักนิดจะรู้ว่าในแววตาคู่นั้นกำลังซ่อนความเสียใจอยู่

“มึงโอเคป่ะว่ะ”ผมรีบเดินตามไอ้ตี๊ฟที่เดินออกจากกลุ่มเพื่อน พร้อมกับเอ่ยถาม

“กูโอเค เรื่องเดิมๆ กูชินแล้วแหละ”นั่นไงล่ะ ไอ้น้ำเสียงเศร้าๆ นี่ของมัน ผมไม่ชอบเลยจริงๆ

“เอาน่า ไม่มีแฟนก็ยังมีเพื่อน ฉลองวาเลนไทน์กับเพื่อนบ้างก็จะเป็นไรไป”ผมตบไหล่ไอ้ตี๊ฟเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ



“สรุปพวกมึงนี่มันร้ายกว่าที่กูคิดไว้เยอะเลยนะเนี่ย”ทันทีที่ผมเล่าจบ สุดที่รักของผมก็มีอาการงอนเล็กๆ ขึ้นมาทันทีครับ วันนี้เราสองคนออกมาทานข้าวด้วยกัน ฉลองวาเลนไทน์แรกของการเป็นคบกันระหว่างเราสองคน แล้วพอคุยกันไปกันมา ไอ้ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าเคยได้รับความร่วมมือจากไอ้การ์ดในการสร้างความทรงจำที่ไม่ค่อยดีในวาเลนไทน์ให้ตี๊ฟมันไว้เหมือนกัน

“เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ดูนี่ดีกว่า”ผมค่อยๆ หยิบของที่ซ่อนไว้ออกมายื่นให้

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”

“อ้าวไหนตกลงกันแล้วว่าจะไม่ให้ของขวัญกันไง”ตี๊ฟเริ่มทักท้วงเพราะตอนแรก เราสองคนตกลงกันว่าไม่ต้องซื้อของขวัญให้อีกฝ่าน เพราะมันก็แค่วันธรรมดาวันนึง แค่ออกมาเจอกันทานข้าวด้วยกันก็พอ แต่ไอ้ผมก็อดไม่ได้หรอก เป็นวาเลนไทน์แรกของเราทั้งทีก็อยากจะมีอะไรพิเศษบ้าง

“กูโกหก อย่าโกรธนะ”ผมยิ้มกว้าง แม้จะรู้ว่าตี๊ฟไม่ชอบให้โกหก แต่เรื่องนี้ผมมั่นใจว่ามันคงไม่โกรธผมหรอก

“ไม่โกรธหรอกเพราะกูก็โกหกมึงเหมือนกัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”พอพูดจบผมก็ได้รับกล่องของขวัญกลับมาเช่นเดียวกัน เราต่างหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน แล้วต่างฝ่ายก็ต่างแกะของขวัญ ผมให้นาฬิกาข้อมือเพราะมันเป็นอีกอย่างที่ตี๊ฟชอบสะสม ส่วนผมได้กระเป๋าตังค์เพราะคุณแฟนบอกว่าของเก่าผมมันเน่าเกินจะรับไหวแล้ว แต่ไม่ว่ามันจะให้อะไรผม ผมก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ

“ขอบคุณนะ”ผมบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของตี๊ฟ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 14-02-2015 23:15:54


มันส์

“แน่ใจนะว่าจะกลับมาทัน”เสียงพี่สาวผมเอ่ยอย่างเป็นห่วง เมื่อได้รับรู้ในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ

“ทันดิพี่ กว่าพ่อจะกลับมาผมก็ถึงแล้วแหละ”แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่ากลับมาทัน แต่ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ก็คงแล้วแต่ดวงแล้วกันละ กับการเดินทางไปกลับของผมที่น่าจะมากกว่า 24 ชั่วโมงเพียงเพื่อมีเวลาไม่กี่ชั่วโมงจะทำในสิ่งที่ใจผมเรียกร้อง

“คิดดีแล้วเหรอ”ผู้เป็นพี่สาวถามย้ำอีกครั้ง ด้วยความที่เป็นห่วง เพราะถ้าเกิดผมพลาดขึ้นมามันคงไม่ดีแน่ๆ

“ไม่เห็นต้องคิดเลยพี่ วันวาเลนไทน์ไม่ต้องคิดแล้ว อยากทำก็ทำเลย”ผมบอกออกไปขำๆ เพื่อให้ผู้เป็นพี่สาวผ่อนคลายลงบ้าง



บทสนทนานั้นยังวนเวียนในหัวผมเช่นเดียวกับที่ผมยังคงใช้นิ้วหมุนวนไปกับแก้ว ที่มีน้ำสีอำพันนั้นอยู่อย่างไม่ได้คิดว่าจะหยุด ตอนนี้กำลังนึกขำกับตัวเอง ที่พยายามข้ามน้ำข้ามทะเลมาขนาดนี้ แต่สุดท้ายผมกลับมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียว ใช่แล้วครับทั้งที่ผมคิดว่าจะมาเจอตี๊ฟ

คือก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปสร้างความร้าวฉานอะไรให้เค้ากับแฟนเค้าหรอกนะครับ จริงๆ เค้ามีความสุขผมก็ยินดีด้วย แต่แค่คนมันคิดถึง แค่อยากมาเห็นหน้า แค่อยากคุยด้วยกับคนที่เราเคยมีความทรงจำดีๆ ด้วย แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ควรมาเจอเค้าก็เถอะ เพราะเค้าก็มีคนที่เคียงข้างอยู่แล้ว

และสุดท้ายทั้งที่ลงทุนนั่งเครื่องกลับมาถึงไทย แต่ผมก็แค่ได้แอบมองดูเค้าห่างๆ และเป็นเวลาแค่ไม่นาน ไม่กล้าเข้าไปทักเค้าเสียด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ผมกลัวว่าจะทำให้เค้าลำบากใจ หรือว่าผมเองต่างหากที่ทำใจไม่ได้เมื่อเห็นเค้าอยู่กับอีกคน แต่ก็นั่นแหละครับ ระหว่างผมกับเค้ามันก็แค่อดีต อดีตที่มันไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว อีกอย่างการมาครั้งนี้ของผมมันอาจจะช่วยให้ผมตัดใจได้สักที

เพราะผมเองก็ยังไม่มีความกล้าพอที่จะขัดใจครอบครัวของผมได้อยู่ดี ผมค่อยๆ ยกแก้วในมือขึ้นดื่ม ก่อนจะหยิบของบางอย่างในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วภาพในอดีตก็ค่อยๆ ฉายชัดขึ้นมา

“อ่ะให้”ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง เมื่อเห็นพวงกุญแจรูปหัวใจเล็กๆ ส่งมาให้ผม ซึ่งผมเองก็แทบจะชะงักไปเหมือนกันเพราะคนที่ส่งของให้ผมดันคือคนที่ผมเริ่มมีความรู้สึกๆ แปลกๆ กับเค้าเข้าให้แล้ว ซึ่งมันจะไม่แปลกเลยถ้าเพื่อนคนนี้คือผู้หญิง แต่เค้าดันเป็นผู้ชายนี่สิ

“หะ...ห่ะ...ให้ทำไม”ผมถามออกไปเสียงตะกุกตะกัก

“Happy Valentine ไง”คนพูดยิ้มกว้าง ให้ผม แต่ผมก็ยังเก้ๆ กังๆ รับของมา อย่างงงๆ เพราะไม่ค่อยเข้าใจที่เค้ากำลังทำ คือวันนี้ผมก็เห็นเค้าเดินให้ช็อคโกแลต แปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ อยู่หรอกนะครับ แต่ทำไมกับผม มันถึงเป็นพวกกุญแจนี่ละ

“ขอบใจนะ”ผมตอบโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย เพราะกำลังทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ที่ดันรู้สึกแปลกๆ เวลาอยู่กับเพื่อนคนนี้ ผมค่อยๆ หยิบช็อคโกแลต ที่ก็ตั้งใจซื้อมาให้เค้าแหละครับ แต่ไม่กล้าให้ จนตอนนี้คิดว่ามันคงไม่แปลกที่ผมจะให้เค้าเป็นการแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ผมได้มา

“ชอบเราเหรอ”คำถามของคนตรงหน้าเล่นเอาผมแทบจะกลายเป็นหินเลยก็ว่าได้

“ตี๊ฟว่าอะไรนะ”ผมถามซ้ำเพื่อจะได้แน่ใจว่า ผมไม่ได้หูแว่วหรือฟังผิดไปในสิ่งที่เค้าถามผม

“เราถามว่ามันส์ชอบเราเหรอ”แต่ดูคนถามจะไม่ได้รู้สึกอะไรในสิ่งที่ถามออกมาเลย ผมได้แต่อึ้งๆ ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน

“ไม่ตอบแสดงว่าชอบเราจริงๆ”พอผมไม่ตอบ คำพูดของอีกฝ่ายกลับยิ่งทำให้ผมต้องตกใจขึ้นไปอีก

“เรา คือ เราไม่แน่ใจ”ผมบอกออกไปตามตรง เพราะตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงผมรู้สึกยังไงกับเพื่อนคนนี้กันแน่

“งั้นมาเป็นแฟนกันไหม”

“ห่ะ”ยิ่งคุยกันผมยิ่งงงหนักเข้าไปอีก

“ก็ถ้าชอบเรา ก็มาเป็นแฟนกันเถอะ ขี้เกียจรอให้จีบ เสียเวลา คบเลยดีกว่า”เดี๋ยวๆ นี่ตกลงมีใครเล่นตลกอะไรหรือเปล่าเนี่ย

“ฮ่าๆ เราอำเล่น พอดีไอ้การ์ดมันมาบอกว่ามันส์ชอบเรา ก็เลยแค่มาอำเล่นๆ นะ”และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้พัฒนาความสัมพันธ์กับตี๊ฟ

ซึ่งมันก็คงเหลือแค่ความทรงจำเพราะมันจบไปแล้ว ผมไม่โทษพ่อที่กีดกันผม ไม่โทษที่เค้ามีคนใหม่ไปแล้ว แต่คงเป็นผมเองที่ปล่อยให้เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้

“นั่งด้วยคนนะครับ”ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่นั่งลงที่ข้างๆ ผม

“ตามสบายครับ”ผมตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม เพราะที่ผมนั่งอยู่ก็เป็นเค้าท์เตอร์บาร์ ไม่ใช่โต๊ะส่วนตัวอะไร แต่ผมก็ไม่ได้อยากทำความรู้จักกับใครใหม่เท่าไหร่ เพราะผมคงอยู่ที่ไทยนี่เป็นคืนสุดท้าย จากพรุ่งนี้ไปผมอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วก็ได้

“พี่มาคนเดียวเหรอครับ”แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้สนใจว่าผมมีปฏิกิริยาเช่นไร

“ครับ”ผมก็ยังทำเพียงแค่ตอบสั้นๆ เหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทมากนัก ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง

“มาคนเดียวในวันวาเลนไทน์ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ใช่ไหมครับ”อ้าวไอ้นี่ ตกลงจะอยากมีเรื่องกับผมหรือยังไงเนี่ย ผมหันมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ จริงๆ เค้าก็ไม่ได้ดูเด็กกว่าผมเท่าไหร่ น่าจะรุ่นๆ เดียวกันเสียด้วยซ้ำ แต่ดูตัวเล็กกว่าผมแค่นั้นเอง

“อกหักเหรอพี่”นี่ผมไปสนิทกับคนข้างๆ นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมมัน มาพูดจาสนิทสนมกับผมได้ขนาดนี้

“สักหน่อยไหม เดี๋ยวเลี้ยง”ผมขยับแก้วให้อีกฝ่ายดู เมื่อเห็นว่าไอ้คนเฟรนลี่นี่ยังไม่มีเครื่องดื่ม
“อกหักจริงๆ ด้วย”อ้าวไอ้นี่ชักจะกวนบาทาเกินไปแล้ว และเจ้าตัวก็คงเห็นสีหน้าผมแล้วว่าเริ่มไม่สนุกกับสิ่งที่เค้ากำลังพูด

“ใจเย็นดิพี่ ล้อเล่นนิดเดียวเอง ทำหน้ายักษ์ไปได้”

“ชื่อไร”ผมถามออกไปสั้นๆ ห้วนๆ ในเมื่อคิดว่าคงไม่ได้นั่งคนเดียวสงบๆ ก็ถามชื่อเสียงเรียงนามกันหน่อยตามมารยาทครับ

“จะจีบผมเหรอ”เอากับมันสิครับ นี่หรือเปล่าที่เค้าบอกเล่นกับหมา หมาเลียปาก ผมได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มและเลิกสนใจไอ้คนข้างๆ นี่อีก เพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีจุดประสงค์อะไรที่เข้ามาคุยกับผม หรือเพราะเห็นว่าคนในร้านส่วนใหญ่มาเป็นคู่ ไม่ก็มาเป็นกลุ่ม แต่ผมดันมาคนเดียว และคาดว่าไอ้คนข้างๆ ผมนี่ก็น่าจะมาคนเดียวเหมือนกันนั่นแหละ

“ไม่เล่นแล้วๆ ผมชื่อห้วยพี่”ห้วย คนอะไรชื่อห้วย ผมหันมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย ประมาณว่ามึงอำกูป่ะเนี่ย

“แล้วพี่ล่ะ ชื่อไร”

“มันส์”

“ห่ะ อะไรนะพี่”ไอ้ผมก็ว่าแต่ชื่อคนข้างๆ นี่แปลก แต่จริงๆ ชื่อผมเองก็เคยมีคนบอกว่าแปลกเหมือนกันนี่นา

“ชื่อมันส์ไง”ผมย้ำอีกที

“มันเทศ มันแกว มันสัมปะหลังงี้เหรอพี่”น่านดูๆ ทีชื่อไอ้นี่ผมยังไม่ต่อให้เป็นห้วยหนองคลองบึงเลย แต่ดันมาให้ผมเป็นสารพัดมันไปซะได้

“แล้วนี่วันวาเลนไทน์ ไม่ไปสวีทกับแฟนเหรอ”ผมเป็นฝ่ายเริ่มถามอีกฝ่ายบ้าง จริงๆ การมีคนคุยด้วยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนี่เนอะ พรุ่งนี้ผมก็ไปจากนี่แล้ว ไม่เห็นต้องแคร์อะไรอีก ไอ้นายห้วยหนองคลองบึงนี่ ก็คงได้เจอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว

“เหมือนพี่แหละ”เดี๋ยวๆ ตกลงหมอนี่มันอายุเท่าไหร่ มาเรียกผมพี่ๆ อยู่เนี่ย

“อายุเท่าไหร่นิ มาเรียกๆ พี่ๆ ไม่ใช่แก่กว่านะ”ผมเอ่ยถามออกไปตามที่สงสัย เพราะคนเดี๋ยวนี้บางทีดูๆ ไปบอกอายุยากเหมือนกัน

“น้อยกว่าพี่แล้วกันน่า ไม่ต้องอยากรู้หรอก”แหม๋ทีเรื่องตัวเองมีบอกไม่ต้องอยากรู้ ทีเรื่องกูนี่ถามเอาๆ เลยนะไอ้น้อง

“แล้วตกลงนี่อกหัก โดนทิ้ง ไม่มีใครคบเหรอ ถึงมาคนเดียวเนี่ย”ผมเปลี่ยนท่าทีคุยกับอีกคนด้วยอาการสบายๆ ก็แปลกใจเหมือนกันที่พอเริ่มคุยผมกลับรู้สึกจะถูกชะตากับหมอนี่ขึ้นมาหน่อยๆ

“ก็แค่เพิ่งรู้ว่าโดนหลอกนะพี่ เลยเซ็งๆ นิดหน่อย จริงๆ ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์นึงแล้วแหละ จริงๆ ปีก่อนผมกับเค้าเคยมาฉลองวาเลนไทน์ด้วยกันที่นี่ แล้วเค้านั่งตรงที่พี่นั่งนี่แหละ”ผมฟังด้วยความไม่เข้าใจว่าในเมื่อโดนหลอกมา แล้วยังจะอยากมาในที่ที่เคยมากับคนที่ทำเราเสียใจอีกทำไม

“ไปตระเวนเที่ยวกันไหม เอาแบบเช้าไม่กลัวกันเลย”ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอ่ยออกไปแบบนั้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายก็จะสนใจในสิ่งที่ผมเสนออยู่ไม่น้อย

“ผมไม่เที่ยวกับคนแปลกหน้านะ”แหม๋ ช่างกล้าพูดแล้วไอ้ที่มานั่งดื่มกับพี่นี่คืออะไรครับน้อง

“งั้นมาเป็นแฟนกันคืนนึง”ผมพูดออกไปขำๆ แต่ดูอีกคนจะเห็นดีเห็นงามด้วยเสียอย่างนั้น

แล้วเราทั้งคู่ก็ตระเวนทั้งดื่มทั้งกิน เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ พอแอลกฮอล์ในร่างกายเริ่มมีมากขึ้น มันยิ่งเหมือนทำให้เราสองคนสนิทกันมากขึ้น พูดคุยกันออกรสออกชาดกันยิ่งขึ้น ยังกับว่าสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน เราต่างคนต่างสนุกสนานกับการเที่ยวกรุงเทพในยามราตรี

“พี่ๆ ตื่นได้แล้ว”ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงเขย่า สายตาค่อยๆ มองไปรอบๆ ทำให้รู้ว่าผมถึงสนามบินแล้ว หลังจากที่ผมและอีกคนท่องราตรีกันยันเช้า ตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่ผมต้องกลับไปสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

“ต้องไปแล้ว ไว้มาเป็นแฟนกันใหม่นะ”ผมบอกลาอีกฝ่ายพร้อมพูดติดตลก ในสิ่งที่เราสองคนเล่นกันเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่าย อย่างน้อยๆ การมาไทยครั้งนี้ของผมก็ไม่ได้สูญเปล่าเพราะก็ได้เพื่อนใหม่มาคนนึง เราแลกอีเมลกันก่อนจะจากเพราะคงเป็นทางเดียวที่จะติดต่อกันง่ายที่สุดแล้ว

“นี่จะเป็นวาเลนไทน์ที่ผมจะไม่ลืมเลย”ผมยิ้มให้เจ้าของคำพูดนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินห่างออกมา



Happy Valentine's Day ทุกคนนะคร๊าบบบบ

เกือบมาไม่ทัน 555

แอบมีเรื่องมันส์มานิดนึง

อาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรกันมากเนอะ

แต่แวะมาลงเดี๋ยวจะลืมกันเสียก่อน o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 14-02-2015 23:24:50
รู้สึกไม่ดีนิดนะกับเชษฏ์-การ์ดที่วางแผนให้ตี๊ฟเลิกกับแฟน
คือปืนอาจจะเป็นคนดีก็ได้
ยอมให้เพื่อนเสียใจ?

มันส์ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองนิดหนึ่ง ก็ยังดี

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 14-02-2015 23:34:06
การ์ดนิช่างวางแผนเสียจริง.แต่ละอย่าง.แสบสันต์ทั้งนั้น. :hao3: หึหึ.
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Brow_Ney ที่ 15-02-2015 00:04:31
การ์ดนี่จอมวางแผนตัวพ่อเลยนะ
มันส์จะได้สานต่อกับห้วยรึป่าว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 15-02-2015 00:45:24
เปิดเรื่องใหม่เลย เชียร์ อิอิ  :z2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 15-02-2015 02:27:48
แผนการ์ดนายมันช่างโหดร้ายจริง ๆ แต่โอเค เข้าใจ คนไม่ดีก็ไม่อยากให้คบ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 15-02-2015 06:51:20
โถ่วมันส์ T^T
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-02-2015 07:17:06
ดีใจกับมันส์มีห้วยมาดูแลใจ
แบบว่าจอมวางแผนเนี่ย น่าจับมาตีทั้งคู่เลย แต่ต้องขอบคุณที่ทำให้เชร์ษฐได้เข้าฝกล้ติ๊ฟ
เมื่อไรเชรษฐหื่นๆๆๆบทนี้จะมาน่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-02-2015 11:00:04
แอบสงสารมันส์ ขอให้ได้เจอคนดีๆที่ครอบครัวยอมรับเร็วๆนะ
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-02-2015 15:34:15
โหหห เพื่อนของตี๊ฟกับเชษฐ์ช่างน่ากลัว
โดยเฉพาะคู่รักแอบคบอย่างการ์ดกับแหม๋ว

สงสารมันส์อยู่นะ ใจจริงอยากให้มันส์เจอรักกับสาว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 16-02-2015 03:43:35
สงสารมันส์อะ..

การ์ดนี่เล่นแรงนะ เป็นเราเราคงโกรธอะ55
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันวาเลนไทน์ [14-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 22-02-2015 20:02:01
วันค้างคืน

“คือทำไมต้องมาติวที่บ้านมึงด้วยว่ะ”ผมเริ่มอิดออดเมื่อมาถึงบ้านของไอ้เชษฐ์ คือจริงๆ ผมเองบ่ายเบี่ยงการที่จะมาบ้านมันหลายวันแล้วแหละครับ จริงๆ ก็พอเข้าใจว่าเชษฐ์เองอยากให้ผมมาเจอกับน้าชา และแม้ผมจะรู้ว่าจริงๆ น้าชาก็คงไม่ได้จะมากีดกันอะไรเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษฐ์อีกหรอกครับ สิ่งที่น้าชาทำมันก็เหมือนเปิดโอกาสให้เราเต็มที่แล้วต่างหาก แต่กลับเป็นผมเองที่เกิดอาการเกร็ง ประหม่าเอาเสียดื้อๆ

คือจะว่ายังไงดีล่ะครับ มันแบบเราก็ไม่ค่อยรู้จักวิธีการเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ อีกอย่างผมเองก็เคยเจอน้าช้าแทบจะนับครั้งได้ แถมตอนที่เคยเจอ น้าชาก็ยังเข้าใจว่าผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแค่เพื่อนกัน จะให้มาเจออีกผมเลยยังไม่รู้จะวางตัวยังไง เพราะผมไม่รู้ว่าพอมาเจอเป็นทางการแบบนี้ เกิดน้าชาไม่ชอบผมขึ้นมา จะเป็นยังไง

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ ว่ามึงพยายามเลี่ยงไม่มาบ้านกู”ไอ้เชษฐ์กึ่งดึงกึ่งลากผมเข้าบ้าน พร้อมจ้องผมเพื่อจะจับผิด

“รู้แล้วยังจะรีบพามาทำไมเล่า”ผมยังมิวายบ่น แม้จะเข้ามานั่งบนโซฟาบ้านมันเรียบร้อยแล้ว

“จะกลัวไรว่ะ น้ากูออกจะใจดี”เดี๋ยวๆ โซฟาก็ออกจะกว้าง ไอ้นี่จะมานั่งเบียดกันทำไม ผมเหล่มองด้วยหางตาหวังให้เจ้าตัวมันรู้สึกว่านั่งเบียดเกินไปแล้ว เบียดขนาดนี้ เข้าสิงมาเลยจะดีกว่าไหม

“อะไรนังแนบชิดแค่นี้ทำเป็นมองตาขวาง ทีตอนอยู่คอนโดด้วยกัน ชิดกว่านี้ก็เคยมาแล้วนะจ๊ะที่รัก”นั่นไง จากที่ตอนแรกตัวชิดเฉยๆ ตอนนี้หน้าแทบจะชนกันอยู่แล้วครับ

“หยุดเลย”ผมรีบปัดมือของไอ้เชษฐ์ที่กำลังจะเชยคางผมออก เผลอเป็นไม่ได้เลย แล้วนี่บ้านมันนะเนี่ย แถมห้องรับแขกอีกต่างหาก เกิดน้าชาโผล่มาเห็น แกจะมองผมเป็นคนยังไงกันละ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่ค่อยอยากมาบ้านมันครับ กลัวมันรุ่มร่ามแล้วน้าชาเค้าจะมองไม่ดีนี่แหละ

“กลัวน้าชามาเห็นรึไง”คือดูๆ ไปมันก็รู้หมดนี่ว่าผมคิดอะไร รู้สึกยังไง แต่ทำไมมันยังทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ผมอยากให้ทำทั้งนั้นเลย สรุปนี่มันแกล้งผมใช่ไหมเนี่ย

“อือ...อืม”และไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว ริมฝีบากนั่นก็ประกบเข้ามาที่ปากผมอย่างรวดเร็ว และผมก็เกลียดตัวเองทุกครั้งเลย เพราะไม่เคยต่อต้านไอ้คนตรงหน้านี่ได้สักครั้ง เลยเหมือนยิ่งทำให้ไอ้คนหื่นนี่ยิ่งได้ใจเข้าไปอีก

“กว่าน้าชาจะกลับมาอีกเป็นชั่วโมงแหละ ขอชื่นใจหน่อยเหอะ ขนาดแค่จูบยังหาโอกาสยากเลย กูแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วมึงรู้ไหม”ผมพยายามขืนตัวออก แม้ในใจเองก็โหยหาสัมผันจากไอ้เชษฐ์อยู่เหมือนกัน แต่ดูสถานที่แล้วมันไม่น่าจะเหมาะสักเท่าไหร่

“ไหนว่าเราจะทำอาหารรอน้าชาไง”ผมเริ่มเปลี่ยนประเด็นเมื่อจำได้ว่า ไอ้คนตรงหน้านี่บอกจะแสดงฝีมือทำอาหาร อย่างง่ายๆ รอคุณน้าสุดที่รักกลับมาทาน ซึ่งจากที่ผมเองเคยทานโจ๊กฝีมือมันมา ก็น่าจะพอทานได้ แต่อย่างอื่นนี่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะกินได้หรือเปล่า

“โอเค งั้นเข้าครัวกันดีกว่า”ผมลุกตามอีกคนโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ซึ่งก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี ว่าคนอย่างไอ้เชษฐ์นี่เหรอจะทำอาหาร ดูมันไม่เข้ากับบุคคลิคเลยสักนิด แต่พอถึงห้องครัวก็ดูมันคล่องแคล่วเหลือเกิน ไอ้เชษฐ์ลงมือเตรียมทำทั้งไก่ทอด ไข่เจียว และแกงจืด ซึ่งจริงๆ มันจะทำมากกว่านี้ แต่ผมมองว่าทานกันแค่ 3 คนนี้ แค่นี้มันก็เกินพอแล้วแหละครับ จะกินอะไรเยอะแยะกับมื้อเย็น

“ไม่ยักรู้ว่ามึงทำอาหารคล่องขนาดนี้”ผมพูดขึ้นขณะที่เป็นลูกมือให้อีกคน สำหรับผมเองก็เคยช่วยแม่ทำอาหารอยู่บ้าง แต่จะให้ทำเองเลย ก็คิดว่าซื้อกินน่าจะปลอดภัยกับชีวิตมากกว่า

“ก็อยู่กับน้าชาสองคน ตั้งแต่เด็ก ก็ช่วยๆ กันทำ จริงๆ เด็กๆ กูมีพี่เลี้ยงด้วยแหละเพราะตอนกูไม่ยอมย้ายไปอยู่กับแม่ที่เมืองนอก การมาอยู่กับน้าชาที่ก็ไม่เคยมีลูก มันเลยลำบากเหมือนกัน แม่กูเลยจ้างพี่เลี้ยงไว้ให้ กูก็เลยได้เรียนรู้จากพี่เลี้ยงแหละ จนขึ้น ม.ปลาย น้าชาก็ให้กูรับผิดชอบเอง”จะว่าไปนอกจากน้าชาแล้วไอ้เชษฐ์เองก็ยังมีคุณแม่อีกคนนี่นา แล้วนี่มันบอกเรื่องระหว่างเราให้แม่มันฟังหรือยัง

พอมันพูดถึงแม่ ผมเองกลับรู้สึกหนักใจเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้ว่าคุณแม่ของไอ้เชษฐ์จะคิดยังไงกับความสัมพันธ์ระหว่าง ผมกับลูกชายเค้า ขนาดน้าชา ยังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา แล้วนี่คนเป็นแม่ละ ท่านจะคิดยังไงกันนะ ผมว่าคงหวังให้พ่อแม่ทุกคนมาเข้าใจลูกอย่างพ่อแม่ผมไม่ได้

“ตี๊ฟ คิดอะไรอยู่”เมื่อเห็นผมนิ่งไปทำให้อีกฝ่ายถามอย่างสงสัย

“เปล่าหรอก...แค่คิดว่าน่ากินดี”

“กับข้าว หรือกู”แหม๋ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยครับ ดูสายตากับคำพูดนี่ แทบไม่ได้หมายถึงกับข้าวเลย  ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ พร้อมยิ้มอย่างขำๆ ก็จะไม่ให้ขำได้ยังไง ดูมันทำหน้าเข้า ยังกะจะยั่วผมงั้นแหละ แต่ผมว่ามันตลกเสียมากกว่า

“แล้วนี่น้าชาจะมาตอนไหนเหรอ”ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอาหารก็ใกล้เสร็จเต็มที

“เดี๋ยวกูโทรถามก่อน...อ้าวนี่ไงน้าชาโทรมาพอดีเลย”

ผมยืนคิดอะไรพลางๆ ระหว่างที่รอไอ้เชษฐ์ รับโทรศัพท์ ผมกำลังคิดว่าจะควรถามถึงแม่ของไอ้เชษฐ์ไหม หรือว่าผมควรรอให้มันเป็นคนเอ่ยถึงเอง ยิ่งนานวัน ผมยิ่งรู้ว่าไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของไอ้เชษฐ์เลย

“คุยกับน้ากูหน่อย”ผมแทบสะดุ้งที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ แต่ไอ้เชษฐ์ดันยื่นโทรศัพท์มาให้ ผมได้แต่ทำหน้างงๆ แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงพยักหน้าให้ผมรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ”ผมกรอกเสียงลงไปในสายอย่างสุภาพ

“ตี๊ฟ น้าต้องขอโทษที พอดีคงกลับไปทานข้าวด้วยไม่ทัน น่าเสียดายที่อุตส่ามาทั้งทีเนอะ แต่น้ามีเคสด่วนเข้ามาจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังผมมารบกวนใหม่ก็ได้ครับ”ผมไม่รู้จะโล่งใจหรือจะกังวลต่อดี ใจนึงก็เหมือนจะโล่งเพราะยังไม่ค่อยพร้อมจะเจอน้าชาสักเท่าไหร่ แต่อีกใจก็กังวลว่าน่าจะได้เจอให้จบๆ จะได้ไม่ต้องกังวลต่อ

“ถ้าติวหนังสือกันดึก ก็ค้างเสียที่บ้านก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องขับรถดึกๆ มันอันตรายๆ”ฟังๆ ดูแล้วมันเหมือนผมเองที่กังวลเกินไปหรือเปล่า น้าชาก็ออกจะดูสบายๆ ยิ่งสิ่งที่คุณน้าเพิ่งพูดนี่ คุณน้าลืมไปหรือเปล่าว่าตั้งกฎอะไรให้ผมกับไอ้เชษฐ์ไว้ หรือว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งบททดสอบ

“ป่ะ กินข้าวกันดีกว่า”หลังจากผมวางสายจากน้าชา พ่อตัวดีก็จัดแจงอาหารทุกอย่างมาจัดวางเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ แวบนึงผมอดคิดไม่ได้ว่า ตกลงน้าชากับไอ้เชษฐ์วางแผนกันมาเพื่อให้ผมต้องกินข้าวกับไอ้คนตรงหน้านี่สองต่อสอง แล้วยังอาจจะต้องค้างที่นี่อีกด้วยหรือเปล่า คือหลังจากที่รับรู้หลายๆ เหตุการณ์มันทำให้ผมเริ่มระแวงไปเสียหมด

“เฮ้ยยยย”เราสองคนอุทานแทบจะพร้อมกัน เพราะอยู่ดีๆ ไฟก็ดับเฉยเลย

“เดี๋ยวกูไปหยิบไฟฉาย มึงอยู่กับที่ก่อนนะ”

“ไม่ต้องๆ มือถือก็มีไฟฉาย”ผมรีบบอกก่อนที่ไอ้เชษฐ์จะเดินออกไปพร้อมกับเปิดไฟฉายจากมือถือ และหลังจากดูบ้านข้างเคียงแล้วว่าไฟน่าจะดับทั้งซอย ไอ้เชษฐ์ก็ไปขนเทียนมาจุดเสียทั่วห้อง

“เยอะไปป่ะเนี่ย”เมื่ออีกฝ่ายเล่นจุดโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำให้ผมต้องห้าม กลัวว่าจากที่ไฟดับ จะกลายเป็นไฟไหม้ไปเสียก่อน แล้วเราสองคนก็ต้องนั่งทานข้าวใต้แสงเทียนอย่างเสียไม่ได้

“ดีจังที่ไฟดับ”

“ดีตรงไหน”คือจากที่เห็นนี่ผมว่ามันไม่ได้มีความรู้สึกว่ามันดีตรงไหนเลยนะครับ ที่ไฟดับ

“ก็ดีที่เราได้กินข้าวใต้แสงเทียนนี่ไง ออกจะโรแมนติก”นั่นไงมาอะไรเลี่ยนๆ อีกแล้วสิเนี่ย

“แล้วที่บอกจะติวหนังสือให้กูนี่จะได้ติวไหม”จุดประสงค์แรกของการที่ผมมาบ้านมันวันนี้คือ ไอ้เชษฐ์บอกว่าจะติวให้ผมก่อนสอบ เพราะวิชานี้ผมทำคะแนะในช่วงกลางภาคได้ไม่ค่อยดี แล้วก็เป็นการให้ผมมาเจอน้าชาด้วย แต่จริงๆ ก็พอรู้แหละครับว่าเรื่องติวนั่นนะข้ออ้างแค่อยากจะให้ผมมาบ้านแค่นั้นแหละ

“เราก็จุดเทียนติวที่ห้องนอนกูก็ได้ไง ไม่เห็นจะยาก”คงจะได้ติวหนังสือหรอกมั้ง ดูจากสายตาคนพูดแล้วเนี่ย แล้วเราก็ลงมือทำล้ายล้างกับข้าวบนโต๊ะจนเกลี้ยง ฝีมือการทำกับข้าวของไอ้เชษฐ์ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว หลังจากทานเสร็จ ช่วยกันเก็บจาน เก็บเทียนที่เยอะเกินไป และผมคิดว่าในเมื่อหนังสือก็คงไม่ได้ติว และจริงๆ เรื่องติวก็แค่ข้ออ้างตั้งแต่แรกแล้ว เลยคิดว่าจะกลับบ้านน่าจะดีกว่า

“ค้างนี่แหละ น้ากูไม่ว่าหรอก กูไม่ทำผิดกฎหรอกน่า”ผมยังคงมองด้วยสายตาไม่ค่อยวางใจนัก แม้ตั้งใจจะปฏิเสธแต่สุดท้ายผมก็แพ้ให้กับสายตาอ้อนๆ นั้นจนได้

และจนแล้วจนรอดไฟก็ยังดับอยู่เหมือนเดิม แถมดูเหมือนว่าข้างนอกฝนก็เริ่มเทลงมาอย่างหนักเสียแล้ว นั่นยิ่งเป็นข้ออ้างจากอีกคนว่าผมต้องค้างที่นี่ ในที่สุดผมก็ต้องมานอนอยู่ที่เตียงของอีกคนจนได้ ก็แปลกๆ ดีเหมือนกัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาบ้านไอ้เชษฐ์ ครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องนอน ครั้งแรกที่ได้มานอนเตียงนี้ ครั้งแรกที่ต้องยืมเสื้อผ้าของมันใส่ เพราะไม่ได้เตรียมชุดเผื่อว่าจะค้าง

“หลับยัง”อีกคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและล้มตัวนอนข้างๆ ผมเอ่ยถามขึ้น

“หลับแล้ว”ผมแกล้งตอบพร้อมหันหน้ามองอีกคนที่ตะแคงมองผมอยู่ก่อนแล้ว หน้าของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนริมฝีปากผมสัมผัสกับรสจูบ ที่เร่าร้อน เนิ่นนาน

“ด...ดะ...เดี๋ยว”ผมรีบใช้มือผลักไอ้เชษฐ์ออกเบาๆ ในจังหว่ะที่มันถอนริมฝีปากออก ซึ่งมันดูไม่ค่อยจะเข้าใจท่าทีของผมสักเท่าไหร่

“เรายังอยู่ในกฎของน้าชาไม่ใช่เหรอ”ผมรีบเตือนความจำของอีกฝ่าย

“มึงว่าที่น้ากูบอกให้มึงค้างที่นี่มันหมายความว่ายังไงเหรอ”ผมไม่รู้หรอกนะว่าน้าชาพูดกับไอ้เชษฐ์ว่ายังไง แต่ผมคิดว่าน้าชาก็คงพูดธรรมดาว่าให้ผมค้างที่นี่ได้ถ้ามันดึกมาก แกคงไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น

“แต่ในเมื่อเราสองคนยอมรับในกฎนั้นมาแล้วก็ควรทำให้มันถูกต้องไม่ใช่เหรอ”ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะครับว่าผมเองก็ต้องการมันเหมือนกัน แต่ถ้าเราทำแบบนั้นแล้วผมว่าผมอาจจะรู้สึกผิดกับการที่เป็นคนไม่รักษาคำพูด เพราะผมเองก็ยังไม่ชอบคนโกหก แล้วจะมากลายเป็นคนที่เหมือนจะโกหกเสียเองมันก็คงไม่ดีแน่ๆ

“งั้นก็...นอนเหอะ”สัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากของผม ก่อนที่อ้อมกอดนั่นจะกระชับผมเข้าหา

“อยากให้ครบ 100 วันเร็วๆ จังเนอะ”



แวะมาทักทายคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-02-2015 20:12:33
ลืมคุณแม่ไปจริงๆแหละ
น้าชา 100 วัน
ด่านคุณแม่ 1000 วัน? แซวเล่นน้า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-02-2015 20:13:38
กรี๊ดดดดดดด คิดถึงจังงงงงง หายไปนานนน
นั่นสิ เรายังไม่ค่อยรู้เรื่องบ้านเชษฐ์เลยนะ
แล้วแม่จะเป็นคนยังไงล่ะน้อออออ
รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 22-02-2015 20:17:50
เชษฐ์ดูเป็นคนดีขึ้นมาเลยอ่ะ.จุ๊บ!  :-[
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2015 22:17:28
ง่าาาาาา.  อดทนไว้   :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 22-02-2015 22:28:15
สู้สู้เชษฐ์ รักติ๊ปต้องอดทน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 23-02-2015 12:07:05
น้าชาเปิดโอกาสให้(น่าจะบังเอิญ)แถมบรรยากาศก็มาเป็นใจอีก ไฟดับพร้อมกับมีฝนตก
โอ๊ย.... เชษฐ์เอ๋ย นะโมอดทน พุทโธอดทนนะครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-02-2015 16:02:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-02-2015 18:51:41
เชษฐ์น่ารัก ไม่ทู้ซี้หื่น
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 23-02-2015 18:52:40
หายไปหลายวันเพิ่งจะแวะมาอ่าน  ตอนนี้บรรยากาศมันเป็นใจถ้าไม่ติด 100 วันนี่เชษฐ์คงจัดตี๊ฟแล้วมั้ง 555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-02-2015 21:00:10
ทนหน่อยค่ะเชษฐ์
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 23-02-2015 22:00:55
พอครบ 100 วันแล้วโดยจัดหนักแน่  :laugh:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-03-2015 12:44:34
ฮ่าๆๆๆๆๆ เชษฐเหี่ยวแน่ อิอิ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-03-2015 19:34:45
คิดถึงเรื่องนี้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-04-2015 10:56:16
ยังไม่มาต่ออีกเหรอคะ รออยู่นะ สู้สู้
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-04-2015 13:26:33
คิดถึงเชษฐ์กับตี๊ฟแล้วค่ะ มาต่อไวๆ น้าาคะ ^^
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-05-2015 00:39:26
วันนี้





“เดี๋ยวนี้ไม่ตื่นเต้นแล้วเหรอ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามผมเมื่อเห็นท่าทางสบายๆ ของผม ทั้งที่หลายครั้งก่อนที่ต้องมาทานข้าวกับน้าชา ผมมักจะอิดออดและมีอาการเกร็งๆ ทำตัวไม่ค่อยถูก แต่หลังจากที่ผมได้เจอกับน้าชาบ่อยๆ อาจจะด้วยความคุ้นเคยกันมากขึ้น ทำให้ผมก็เริ่มรู้สึกว่าน้าชาก็เหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงแหละ ที่แกก็เป็นห่วงทั้งไอ้เชษฐ์และผมด้วย

“ตื่นเต้นไร ใคร ไหนใครเคยตื่นเต้นที่ไหน”ผมลอยหน้าลอยตาตอบ กะกวนคนที่ถามด้วยแหละครับ

“เอาจริงๆ ตอนแรกน้าก็เกร็งๆ นะ แบบนึกว่าจะมีสาวน้อยมาเป็นหลานสะไภ้ แต่กลายเป็นว่ามีหนุ่มน้อยมาเป็นหลานสะไภ้ซะงั้น”เอ่อคุณน้าครับ ผมไปเป็นสะไภ้คุณน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แค่ที่บ้านผมพากันเรียกไอ้เชษฐ์ว่าลูกเขย ผมก็รับมือแทบไม่ไหวแล้ว นี่น้าชายังจะมาให้ผมใช้คำว่าสะไภ้อีกเหรอครับ โถ ชีวิตน้อยๆ ของตี๊ฟ

“พูดแบบนี้ผมขอลาออกจากตำแหน่งทันไหมเนี่ย”ผมแกล้งแหย่ทั้งคุณน้าคุณหลานแหละครับ หมั่นไส้ เพราะไปๆ มาๆ ผมว่าไอ้นิสัยต่างๆ ของไอ้เชษฐ์นี่มันถอดแบบมาจากน้าชาทั้งนั้นเลยนะเนี่ย

“ไม่ได้กูไม่อนุมัติ”แหม รีบตอบเลยนะไอ้คุณแฟน รู้หรอกน่าว่ารักจริงหวังแต่ง

“เออๆ น้าว่าจะถามหลายทีแล้ว คือ เราสองคนเป็นแฟนกันทำไมไม่คุยกันให้มันดูมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกว่านี้หน่อย นี่อะไร แฟนกันยังมามึงๆ กูๆ กันยังกะเพื่อนเหมือนเดิม”

“ก็มันชินแล้วมั้งครับ”ผมตอบออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไร

“เดี๋ยวๆ ก่อนจะมาเรื่องสรรพนามของผมสองคน ไอ้มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งนี่ ไปเอามาจากไหนครับคุณน้า”พ่อหลานชาย ย้อนถามคุณน้าพร้อมกับทำหน้าล้อเลียน ก่อนจะหัวเราะลั่น

“อ้าว ดูหน้าซะก่อน วันก่อนยังมีคนไข้ทักว่าเป็นนักเรียนแพทย์อยู่แลย”โหคุณน้าครับได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะครับ จะว่าไปจริงๆ น้าชาแกก็ยังไม่ได้แก่จริงๆ นั่นแหละครับ แต่อาจเพราะแกต้องดูแลไอ้เชษฐ์มาตั้งแต่เด็กด้วย เลยกลายเป็นแกต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุมาแต่ไหนแต่ไรละมั้ง

“น้าใครเนี่ย หลงตัวเองจริงๆ”ก็น้ามึงนั่นแหละไอ้คุณแฟน

“ถามจริงๆ นะ ทั้งสองคนเลย”น้าชาถามนิ่งๆ พร้อมกับมองหน้าเราสองคนสลับกัน ซึ่งทั้งผมและไอ้เชษฐ์ก็รอฟังว่าแกจะถามอะไร เพราะดูจะออกแนวจริงจังกว่าปกติ

“ถ้าเกิดวันนึงต้องเลิกเป็นแฟนกัน จะยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ไหม”

“ไม่ได้”เป็นเสียงไอ้เชษฐ์ที่ตอบแทบจะทันที พร้อมกับหันมาสบตาผม แต่ผมยังไม่ทันได้คิดเลยว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมจะเป็นยังไงจะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม แล้วถ้าเราต้องเลิกกันจริงๆ มันจะมาจากสาเหตุอะไร แต่คำตอบของไอ้เชษฐ์ก็ทำเอาผมแปลกใจเหมือนกัน ที่มันตอบได้เลยแบบนี้คือหมายความว่าถ้ามันเลิกกับผมมันจะไม่ยอมเป็นเพื่อนกับผมอีกงั้นเหรอ

“ตี๊ฟล่ะว่าไง”เมื่อเห็นผมไม่ตอบ น้าชาจึงถามย้ำผมอีกครั้ง

“ก็ถ้าวันนึงมันมีเหตุให้เราไม่สามารถคบกันต่อไปได้ ในเมื่อสถานะมันต้องเปลี่ยนไป ซึ่งแต่ก่อนเราก็เป็นเพื่อนกัน สำหรับผมก็คงยังเป็นเพื่อนกันได้แหละครับ”ผมตอบออกไปตามที่คิด เพราะอย่างผมกับมันส์ ที่เคยคบกัน แต่ ณ วันนี้ ผมก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกับเค้าได้

“เราละไอ้เสือ เหตุผลที่ว่าไม่ได้คืออะไร”หลังจากฟังคำตอบผมเสร็จ น้าชาก็หันไปถามพ่อหลานชายต่อ

“ก็ผมไม่มีวันจะเลิกกับตี๊ฟไง เพราะงั้นยังไงก็เป็นเพื่อนไม่ได้”เอ้าไอ้นี่ มันเข้าใจคำถามไหม ก็สมมติไง ถ้าเกิดมันเป็นแบบนั้นอ่ะ อนาคตใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น อีกอย่างก็ใช่ว่าเราจะเลิกกันจริงๆ ซะหน่อย

“มึงเข้าใจคำถามป่ะเนี่ย”

“เข้าใจ แต่กูมั่นใจไงว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นกูก็จะไม่เลิกกับมึงไง อีกอย่างถ้าเรามีวันนี้ไปด้วยกันตลอด วันหน้ายังไงเราก็ต้องยังมีกันต่อไปอยู่แล้ว”สมองน้อยๆ ของผมเริ่มคิดตามสิ่งที่ไอ้เชษฐ์พูด

“กูต้องซิ้งไหมเนี่ย”ผมพูดยิ้มๆ พร้อมกับเอาไหล่กระทบคนข้างๆ ออกไปเบาๆ

“ควรจะนะ”แล้วดูคำตอบมันเถอะครับ น้าชาก็เอาแต่ยิ้มขำ พร้อมส่ายหน้าให้เราสองคน จริงๆ แกกะคงเอือมพวกผมสองคนไม่มากก็น้อยแล้วแหละเนี่ย จากนั้นเราก็ทานอาหารกันไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเคล้าไปตลอดมื้ออาหาร

“ขอตัวไปห้องน้ำแปปนึงนะ”ไอ้เชษฐ์บอกกับน้าชาและผมก่อนจะลุกออกไป

“น้าชาครับ ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”ผมตัดสินใจเอ่ยปาก ในเรื่องที่ผมยังคงสงสัย ในเรื่องที่ผมรอให้ไอ้เชษฐ์มันบอก แต่มันก็ไม่บอกผมสักที น้าชาดูแปลกใจนิดหน่อย คงเพราะคิดว่าทำไมผมเลือกที่จะถามแกในตอนที่ไอ้เชษฐ์ไม่อยู่ แต่แกก็ตอบรับในคำขอของผม

“คือเรื่องของคุณแม่เชษฐ์นะครับ คุณแม่รู้เรื่องที่เชษฐ์คบกับผมแล้วหรือยังครับ”นั่นแหละครับมันเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้ผมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“อ้าว น้านึกว่าเชษฐ์คุยเรื่องนี้กับตี๊ฟไปแล้วเสียอีก เพราะเห็นเคยคุยกับน้าเรื่องนี้ไปแล้ว เชษฐ์ยังบอกเลยว่าจะคุยกับตี๊ฟ”แล้วทำไมไอ้คุณแฟนมันไม่มาเล่าให้ผมฟัง หรือว่ามีปัญหาอะไร งั้นเหรอ

“แล้วตกลงคุณแม่ทราบแล้วใช่ไหมครับ”ผมถามย้ำอีกที เพราะเหมือนน้าชาเองก็ดูมีทีท่ากังวลอยู่เหมือนกันที่ผมถามเรื่องนี้

“ตี๊ฟรอไอ้เสือมันมาเล่าเองดีกว่าเนอะ เพราะมันขอน้าไว้ว่าขอเป็นคนเล่าเอง จริงๆ น้าจะคุยเรื่องนี้กับตี๊ฟตั้งแต่เรานัดทานข้าวกันครั้งแรกแล้วแหละ แต่ขานั้นเค้าไม่ยอม บอกจะไปคุยกันเอง น้าก็นึกว่าเคลียร์แล้วเสียอีก”แสดงว่าคงจะมีอะไรบางอย่างจริงๆ สินะ หวังว่ามันจะไม่ได้ร้ายแรงอะไรก็แล้วกันเนอะ

“ป่ะ เสร็จแล้ว”ไอ้เชษฐ์กลับมาที่โต๊ะพร้อมกับชวนกลับ

“ไปกันก่อนเลยเดี๋ยวค่าอาหารน้าเคลียร์เอง กลับบ้านกันดีๆ ล่ะ”น้าชาบอกพร้อมกับส่งสายตามาทางผม เหมือนใบ้เป็นนัยๆ ว่าให้ผมถามไอ้เชษฐ์ได้เลย

หลังจากทานข้าวน้าชาจะต้องกลับไปขึ้นเวรต่อที่โรงพยาบาล ส่วนไอ้เชษฐ์จะเป็นพลขับไปส่งผมที่บ้าน เพราะมันเป็นคนไปรับผมมา และตอนนี้ผมกำลังคิดว่าจะถามมันตอนไหนดี ถามเลยตอนนี้ ถามระหว่างที่มันไปส่งผมที่บ้าน หรือไว้ถามวันหลัง

“โอ๊ย”ไม่ใช่เสียงผมครับ แต่เป็นอีกคนที่กำลังจะเปิดประตูเข้ามาในร้าน แล้วดันเป็นจังหว่ะที่ผมดึงประตูพอดี ผลก็คือเค้าล้มลงมาตรงหน้าผมพอดีเลย คือคาดว่าเค้าคงจะไม่ทันได้ระวังและทิ้งน้ำหนักจะดันประตูพอดีเลยเสียหลัก

“เป็นอะไรมากไหมครับ”ผมเอ่ยถามพร้อมเอื้อมมือจะฉุดให้อีกคนลุก แต่เค้ากลับเอาแต่จ้องหน้าผม จ้องแบบเหมือนกำลังพิจารณาอะไรสักอย่าง จนผมต้องถามย้ำอีกรอบ เค้าถึงลุกขึ้น

“ไม่เป็นไรใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์เข้ามาแทรกระหว่างผมกับอีกคน พร้อมกับเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง

“มะ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ แค่เสียหลักเฉยๆ”ดูแล้วเค้าก็คงไม่ได้เป็นไรจริงๆ นั่นแหละ แต่ทำไมเค้าต้องจ้องผมขนาดนี้ หรือเค้ารู้จักผมงั้นเหรอ แต่ผมว่าผมไม่รู้จักเค้านะ

“โทษทีนะครับ พอดีมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ได้ดูว่ามีคนจะเปิดเข้ามา”คือจริงๆ กระจกมันก็ใสพอที่จะมองเห็นนะครับ อยากจะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ระวังเอง แต่ผมก็ไม่ได้มองจริงๆ นั่นแหละ ยังไงผมก็คงมีส่วนผิด เลยชิงขอโทษก่อน

“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องขอโทษพี่เหมือนกันเพราะผมก็ไม่ทันได้มอง”

“ไอ้ห้วย มีอะไรหรือเปล่า”มีแขกในร้านเดินออกมาหาคนที่ล้มเมื่อสักครู่ ซึ่งน่าจะชื่อห้วย ตามที่เพื่อนเค้าเรียกแหละครับ

“ไม่มีไรแค่เสียหลักล้ม เดี๋ยวตามเข้าไป”นายน้องห้วยหันไปบอกกับเพื่อน

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ”เป็นไอ้เชฐ์ที่ตัดบท พร้อมกับจับมือผมเดินออกมา

“มึงว่าน้องเค้ามองกูแปลกๆ ไหมว่ะ”ผมเอ่ยถามไอ้เชษฐ์ทันทีที่ออกมาจากร้าน

“มึงเคยไปแย่งผัวน้องเค้ามารึเปล่า”อ้าวไอ้นี่ดูพูดเข้า แล้วอีกอย่าง น้องเค้าก็ผู้ชายไหม จะไปมีผัวที่ไหนเล่า แต่ไม่อยากจะเถียงประเด็นนี้ครับเพราะเดี๋ยวมันจะย้อนมาว่าผมเองก็เป็นผู้ชายแต่ก็มีผัว ซึ่งก็คือมันนั่นแหละครับ

“แต่กูว่าน้องเค้าอาจจะปิ๊งกูก็ได้นะ”

“พอๆ เลิกเพ้อ แฟนมึงอยู่นี่ทั้งคน มึงอย่าแม้แต่จะคิดมองคนอื่น หรืออย่าได้คิดว่ากูจะยอมให้คนอื่นมองมึง”จร้าคุณแฟน ว่าแต่ผมเลยยังไม่ได้ถามเรื่องคุณแม่ของไอ้เชษฐ์เลยสิเนี่ย เอาไว้ค่อยถามอีกทีแล้วกันเนอะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันค้างคืน [21-02-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-05-2015 00:43:12
หายไปนานเลย

ต้องขอโทษก่อนเลย :ling2:

แบบว่าทั้งติดงานทั้งคอมเครื่องเก่ามีปัญหา

เลยหายไปเสียนาน หวังว่ายังมีคนอ่านกันอยู่เน้อ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Nano PL ที่ 06-05-2015 01:55:24
รอนะ รอ ^^
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-05-2015 02:04:07
ห้วยมาไงอะ เขาคือใครหว่า
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: patchamai28 ที่ 06-05-2015 06:10:34
หายไปนานมากก รออ่านเหมือนเดิมจ้า :mew3:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-05-2015 06:32:57
'ห้วย' ..คือใครกันหนอ?? คงไม่ได้ปิ๊งตี๊ฟจริงๆ ใช่ม้ายยย~ :impress:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-05-2015 06:52:29
ไอ้เราก็นึกว่าจะแฮปปี้ละ
ยังมีคุณแม่เชษฐ์กับน้องห้วยเข้ามาอีกสินะ
ดีใจที่กลับมาต่อค่ะ
รอตอนต่อไปเนาะะะะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 06-05-2015 08:09:16
เดี๋ยวๆ ทุกคนจำ ห้วยไม่ได้

555

อีน้องตัวประกอบที่โผล่มากับมันส์ไงคร๊าบบบบบ

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 06-05-2015 08:55:08
ก้างเริ่มเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-05-2015 10:08:51
มีเรื่องอะไรไม่เข้าใจระหว่างแม่เชษฐแน่เลย

แต้ว่าห้วยนี่คือมองหน้าตี๊ฟขนาดนั้น
เคยเห็นรูปจากมันส์มาหรือยังไง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันนี้ [06-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-05-2015 20:53:06
วันสอบเสร็จ

วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายแล้วครับ และนี่ผมก็เพิ่งออกจากห้องสอบ วิชาสุดท้ายของผม รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก อย่างที่เคยบอกว่าแม้ผมจะไม่ได้เก่งขนาดจะได้เกียรตินิยม แต่ผมก็น่าจะจบตามหลักสูตรพอดีนี่แหละครับ หลังจากเคร่งเครียดกันมาหลายวันก็กะว่าจะไปฉลองกันให้สุดเหวี่ยงไปเลยครับ ก็นัดกับพวกไอ้การ์ดไว้นี่แหละครับ

“เป็นไงทำได้ไหม”คนที่ผมนั่งรอเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เดินมานั่งข้างๆ ผม พร้อมกับที่บรรดาไอ้การ์ดและเพื่อนๆ ที่ตามกันมาอย่างพร้อมเพรียง

“มึงจะไปถามมันทำไม ออกก่อนใครขนาดนี้ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ใช่ล่ะ”ไอ้การ์ดชิงตอบโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้อ้าปากเลยครับ แต่ก็จริง ของมันแหละครับ วิชานี้ผมทำได้ และค่อนข้างมั่นใจทีเดียว

“แล้วมึงทำไม่ได้หรือไงไอ้การ์ด ถึงมาแขวะสุดที่รักกูเนี่ย”โอ้ยไอ้นี่ก็ไม่ต้องย้ำมากก็ได้ ชาวบ้านเค้ารู้กันทั้งมหาวิทยาลัยแล้วว่าเราเป็นแฟนกัน ไม่ต้องมาพูดบ่อยๆ ครับคุณแฟน กูไม่ชิน

“แตะไม่ได้เลยนะ สุดที่รักมึงเนี่ย หมั่นไส้โว้ยยย”ไอ้การ์ดตะโกนพร้อมกับชูสองแขนเป็นระบายความหมั่นไส้ แต่คนอื่นๆ ได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ กับพฤติกรรมของไอ้การ์ด

“พอๆ สอบเสร็จแล้ว ตกลงเย็นนี้ว่าไงคร๊าบทุกๆ คน เจอกันที่เดิมนะ ใครไม่ไปเลิกคบ”ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่บทสนทนามันจะวนอยู่ที่ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษซ์

“จัดไปสิครับเพื่อนตี๊ฟ ถ้าคืนนี้ไม่เมาเหมือนหมาก็อย่ามาเรียกกูว่าการ์ด”เดี๋ยวๆ ครับ นั่นมันน่าภูมิใจตรงไหนกันครับไอ้เมาเหมือนหมาเนี่ย 

พวกเรานัดแนะเรื่องเวลากันอีกเล็กน้อยก็แยกย้ายกันกลับ ก็ค่อยไปเจอกันอีกทีช่วงค่ำๆ จะว่าไปก็ใจหายเหมือนกันนะครับ อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เจอกันแทบจะทุกวัน แต่จากนี้ไปหลังจากเรียนจบ แต่ละคนก็ต้องแยกย้ายกันไป เพื่อนๆ หลายๆ คนก็ได้งานเรียบร้อย เตรียมตัวไปทำงานกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนผมด้วยความที่เกรดอาจจะไม่ได้สวยหรู เลยกะว่าคงทำงานก่อน สักปีสองปี แล้วค่อยเรียนต่ออีกที แหละครับ ไม่ได้รีบร้อนอะไร ส่วนงานก็คงเข้าไปช่วยงานที่บ้านนั่นแหละครับ ส่วนไอ้คุณแฟนผมเนี่ยคุณชายท่านวางแผนเรียนต่อไว้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วละครับ

“ตี๊ฟ”อยู่ๆ พ่อพนักงานคนขับรถกิตติมศักดิ์ของผมก็ลงจากรถตามมาเรียกผมที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน

“หืม...ว่าไง”ผมหันไปตอบด้วยความสงสัยหน่อยๆ เพราะฟังน้ำเสียงที่เรียกชื่อผม ดูจะมีความกังวลอยู่ในน้ำเสียงนั้น

“น้าชาเล่าให้ฟังว่ามึงถามถึงเรื่องแม่กูเหรอ”เอาแล้วไง นี่โกรธผมหรือเปล่าว่ะเนี่ย จริงๆ จากวันที่ผมเคยถามน้าชาไป ก็กะว่าจะมาถามไอ้เชษฐ์มันอยู่เหมือนกันแหละครับ แต่จากที่น้าชาบอกว่าเชษฐ์มันก็ตั้งใจจะบอกผมอยู่แล้ว ผมเลยรอให้มันเล่าเอง ไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้อีก

“อืม...มึงไม่ชอบหรือเปล่าที่กูไปถามเรื่องนี้กับน้าชา ถ้าไม่ชอบกูก็ขอโทษแล้วกันนะ”คือไม่รู้มันจะเคืองอะไรหรือเปล่าแต่ผมก็ชิงขอโทษไว้ก่อนแล้วกันครับ ถือว่าขอโทษก่อนได้เปรียบ

“ไม่ต้องขอโทษหรอก กูต่างหากที่น่าจะเป็นคนต้องขอโทษ ที่ไม่ได้เล่าให้มึงฟังตั้งแต่แรก”พอได้ยินไอ้เชษฐ์พูดแบบนี้ผมก็แอบหวั่นๆ เหมือนกันนะครับ คือจากตอนแรกก็คิดแหละครับว่าคุณแม่ของไอ้เชษฐ์อาจจะคล้ายๆ กรณีเหมือนน้าชาในตอนแรก ที่จะไม่ยอมให้ผมกับไอ้เชษฐ์คบกันต่อ แต่พอเห็นไอ้เชษฐ์เว้นระยะในการคุยเรื่องนี้กับผมมานานเลยคิดว่า มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หรือไม่ก็มีการปรับความเข้าใจกันไปแล้ว แต่พอดูทีท่าของมันวันนี้ ทำให้ผมหวั่นๆ ใจว่าจริงๆ แล้วอาจจะมีปัญหาใหญ่ก็ได้ แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรที่ผมต้องกลัวอีกแล้วละครับ ผมมีเวลาเตรียมใจกับเรื่องนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรผมก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน

“แล้วตอนนี้พร้อมเล่าแล้วเหรอ”ผมพยายามปรับเสียงให้ดูสบายๆ เพราะไม่อยากกดดันทั้งตัวผมเอง และก็ไอ้เชษฐ์ด้วย

“เข้าไปนั่งคุยในบ้านแล้วกัน”ไอ้เชษฐ์บอกก่อนจะเปิดประตูเดินนำผมเข้าบ้าน ว่าแต่นี่บ้านใครกันแน่ ทำไมมันทำตัวยังกะเจ้าของบ้านเนี่ย

“ว่ามากูพร้อมฟังแล้ว”ผมนั่งจ้องอีกฝ่ายที่ยังเหมือนอ้ำอึ้งไม่ยอมเล่าเสียที

“คือตอนแรก ที่แม่กูรู้เรื่องที่เราสองคนคบกัน แม่กูเค้าก็ไม่ยอมรับ และว่าจะมารับกูไปอยู่ด้วยตั้งแต่ตอนที่รู้เลย”สรุปนี่ผมโดนแม่สามีไม่ปลื้มตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันเลยเหรอนี่ โถชีวิตไอ้ตี๊ฟ ว่าแต่นี่มันใช่เวลาที่ผมต้องมาไร้สาระไหมเนี่ย

“แต่น้าชาขอไว้ว่า ไหนๆ กูก็จะเรียนจบแล้ว ก็ให้เรียนให้จบก่อน เป็นการถ่วงเวลาในการตกลงกับแม่ว่ากูจะไม่ไปอยู่เมืองนอก”มาถึงตรงนี้ ผมชักเริ่มเครียดจริงๆ แล้วสิครับ เพราะถ้าให้ผมเดา ผมขอเดาว่าที่มันไม่ยอมเล่าให้ผมฟังเพราะคิดว่าจะกล่อมคุณแม่ให้ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน แล้วค่อยมาบอกผมหลังจากที่คุณแม่ยอมเข้าใจแล้วแต่ที่เห็นวันนี้กับท่าทางของไอ้เชษฐ์ผมแทบจะมั่นใจได้เลย ว่ามันตกลงกับคุณแม่ไม่ได้

“สรุปว่ามึงต้องย้ายไปเมืองนอกเหรอ”ผมเอ่ยถามออกไปเสียงแผ่ว

“มันก็ไม่เชิงหรอก”

“แล้วมันยังไง แล้วทำไมมึงเพิ่งจะมาบอกกูตอนนี้”ผมเผลอขึ้นเสียงเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกน้อยใจ กังวล เสียใจ มันตีกันปนเปไปหมด ผมพยายามคิดมาตลอดว่าคงไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ใหญ่โต และทั้งที่เราเคยตกลงกันว่าไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ก็จะฝ่าฝันไปด้วยกัน แต่นี่มันไม่แม้แต่จะเล่าให้ผมฟัง จนนี่มันอาจจะมาถึงทางตันแล้วถึงมาเล่าให้ผมฟัง

“มึงฟังกูให้จบก่อนได้ไหม”ผมพยายามสูดลมหายใจเข้า เพื่อพยายามปรับอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนจะนั่งเงียบๆ รอฟัง

“ตอนแรกแม่กูก็ไม่ยอมท่าเดียว จะให้กูไปอยู่กับเค้าเพราะต้องการให้เราสองคนเลิกกัน แต่น้าชาก็ช่วยพูด และน้าชาก็เอาเรื่องกฎ 100 วันที่น้าชาตั้งให้เรา เล่าให้แม่กูฟัง ว่าน้าชาจะทำการพิสูจน์ ว่าเราจริงใจต่อกันจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ แม่กูก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี จนน้าชาต้องมีข้อเสนอใหม่ให้กับแม่กู”ไอ้เชษฐ์หยุดเว้นวรรค มองหน้าผมเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูดต่อ

“มึงจำที่กูบอกหลังจากเรียนจบนี่จะเรียนต่อเลยได้ใช่ไหม”ขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย ผมได้แต่พยักหน้าให้มัน เพราะจำได้อยู่แล้วเรื่องที่ไอ้เชษฐ์มันจะเรียนต่อ

“น้าชายื่นข้อเสนอให้แม่กู ว่าจะให้กูไปเรียนต่อที่เมืองนอกกับแม่กู แล้วถ้าเรียนจบทั้งกูและมึงยังไม่เปลี่ยนใจไปมีคนอื่น แม่กูจะยอมให้เราสองคนคบกันได้”พอฟังจบผมไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี จะดีใจ เสียใจ บอกไม่ถูกจริงๆ ครับ มันงงๆ เบลอๆ เพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อดี ผมจะทนห่างกับมันได้เป็นปีๆ ไหม หรือผมจะตามมันไปเรียนต่อ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะผมไม่ได้วางแผนเรื่องนี้ไว้เลย

“แล้วมึงต้องไปเมื่อไหร่”ผมถามออกไปเสียงเรียบ

“เร็วที่สุดภายในเดือนสองเดือนนี้แหละ กูขอโทษที่ไม่ได้บอกมึงแต่เนิ่นๆ กูยอมรับเลยว่ากังกูกังวล ยิ่งเรื่องของกูมันมาซ้ำรอยในสิ่งที่มึงเคยเจอมา มันยิ่งทำให้กูกังวล กูกลัวมึงจะทำกับกูเหมือนที่มึงเคยทำกับมันส์ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น กูก็คงทนไม่ได้ แต่ถ้าจะให้กูขัดคำสั่งแม่ ตัดแม่ตัดลูกกันกูก็คงทำไม่ได้เช่นกัน เพราะเค้าก็เป็นผู้ให้กำเนิดกู”พอได้ยินมันพูดแบบนี้และท่าทีเศร้าๆ ของมันแล้วจากตอนแรกที่อยากจะโกรธมัน ที่เพิ่งมาเล่าให้ผมฟัง ก็กลายเป็นว่าไม่กล้าโกรธมันเลยครับ

“แล้วถ้ากูจะตามไปเรียนต่อกับมึงด้วยล่ะ”ผมลองถามเผื่อไว้เพราะถ้าผมบอกกับที่บ้านว่าอยากเรียนต่อ พ่อกับแม่ผมก็คงไม่ได้ติดปัญหาอะไร แต่อาจจะต้องคุยกันยาว ถ้าต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ

“คงจะไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในข้อตกลง ว่าห้ามมึงไปเรียนต่อที่เดียวกับกู”โหดเหมือนกันนะเนี่ยครับคุณแม่ แต่คุณแม่คอยดูเถอะว่าผมนี่แหละจะพิสูจน์ให้ดูว่าเราสองคนจริงจังกันแค่ไหน

“อืม โอเค โอเค”ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องเลิกกันถูกไหม”ผมพูดติดตลก

“มึงจะรอกูใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์เอื้อมมือมากุมมือผม พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ๆ มองตาผมเพื่อขำคำยืนยัน

“ขอมีกิ๊กได้ป่ะ”ผมแกล้งพูดแหย่ เพราะไม่อยากให้มันเครียดมากเกินไป เอาจริงๆ ผมก็ใจเสียไปเหมือนกันแหละครับย แต่อย่างที่บอกว่าผมเตรียมใจมาพักใหญ่แล้ว ต่อให้มาถึงขั้นว่าคุณแม่จะยืนยันให้เราสองคนเลิกกันผมก็พร้อมรับมือ เพราะงั้นตอนนี้ผมอยากทำให้คนตรงหน้าสบายใจขึ้นมากกว่า อีกอย่างตัวไอ้เชษฐ์เองก็คงเครียดกับเรื่องนี้มาพอสมควรแล้วแหละครับ

“ไม่ได้ ห้ามมีเด็ดขาด”ดูทำท่าขึงขังเข้า แค่พูดเล่นนะเนี่ย แฟนน่ารักขนาดนี้ใครจะไปอยากมีคนอื่นกันละครับ กว่าจะได้มาเจอคนที่จริงใจกับเราขนาดนี้ เจอแล้วใครจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้กันเล่า

ไอ้เชษฐ์ค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาหาผม ก่อนจะประทับจูบที่อ่อนโยนนั้นมาที่ริมฝีปากของผม เราต่างส่งผ่านความรู้สึกมากมายให้แก่กันและกัน เราอาจจะมีเวลาเหลือที่จะใช้ด้วยกันอีกไม่มากในตอนนี้ แต่เพื่อการยอมรับจากผู้ใหญ่ในทุกๆ ฝ่าย เราก็ต้องยอมแลกกับการแยกจากเพียงชั่วคราว เพื่อการจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป



“มาช้ากันนะครับผัวเมียคู่นี้”ทันทีที่ผมกับไอ้เชษฐ์ถึงโต๊ะที่บรรดาไอ้การ์ดและชาวคณะมาถึงก่อนแล้ว เสียงทักทายของจ่าฝูงอย่างไอ้การ์ดก็ส่งเสียงมาทันทีครับ

“หวัดดีแหม๋ว สอบเป็นไงบ้าง”ผมหันไปทักทายหญิงสาวหนึ่งเดียวในโต๊ะแทนที่จะสนใจไอ้การ์ด เพราะไม่ได้เจอกับแหม๋วมาพักนึงแล้วเหมือนกัน  แหม๋วเรียนคนละคณะกับพวกผม พอช่วงสอบก็ต่างคนต่างอ่านหนังสือ เลยไม่ค่อยเห็นแหม๋วมาหาไอ้การ์ดที่คณะเลย

“ก็ดีนะ ตี๊ฟล่ะ ทำได้ไหม”เราก็ทักทายพูดคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนจะโดนคนอื่นๆ แย่งพูดเพราะไอ้การ์ดและชาวคณะมาก่อนผมกับไอ้เชษฐ์พอสมควร มันเลยล่วงหน้าเมากันไปก่อนแล้ว ทีนี้ก็สนุกสนานกันเต็มที่ละครับ ก็ดื่มกันไปตะโกนคุยกันไป ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องตะโกนเพราะลานเบียร์เสียงเพลงเค้าก็ไม่ได้ดังขนาดว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่อย่างว่าแหละครับพอเมาก็เริ่มเสียงดัง กัน แถมวันนี้อาจจะเป็นวันส่งท้ายที่จะได้มาดื่มกันพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้

เพราะจากนี้ไปก็อย่างที่บอกแหละครับ แต่ละคนก็ต้องแยกย้ายกันไป บางคนเรียนต่อ บางคนทำงาน และที่ทำงานของแต่ละคนก็อยู่กันคนละที่ กว่าจะได้รวมตัวกันอีกทีคงลำบากน่าดู

“กูมีเรื่องจะบอก”ไอ้เชษฐ์ยืนขึ้นจนทุกคนต้องหยุดพูด ไอ้นี่ก็ดูจะเป็นทางการไปนะ แต่เพื่อนทุกคนก็รอตั้งใจรอฟังกันยังกับรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญงั้นแหละ

“กูจะไปเรียนต่อเมืองนอก”พอไอ้เชษฐ์พูดจบ ทุกคนก็มีอาการแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนแรกทุกคนก็เข้าใจว่าไอ้เชษฐ์จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไทยนี่แหละครับ

“มึงไปด้วยป่ะว่ะตี๊ฟ”ไอ้การ์ดเป็นคนแรกที่หันมาถามผม และคนอื่นๆ ก็จ้องมาที่ผมเพื่อรอคำตอบ แต่ผมเพียงส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธว่าไม่ได้ไปก่อนจะกระดกแก้วเบียร์

“แล้วนี่ไปเมื่อไหร่ว่ะมึง”อยู่ๆ บรรยากาศก็เงียบผิดกับตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด

“ก็คงรอเรื่องอนุมัติจบอะไรเรียบร้อยเตรียมเอกสารเสร็จก็คงไปเลยมั้ง น่าจะเร็วๆ นี้แหละว่ะ”และก็อีกเช่นเคยที่พอไอ้เชษฐ์พูดจบทุกคนก็หันมามองหน้าผมแทบจะพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว นี่พวกมันเป็นอะไรกันนักกันหนา จากที่ตอนแรกผมจะไม่รู้สึกอะไรแล้วนะ แต่ตอนนี้พอโดนพวกมันบิ๊วมากๆ ผมชักจะเริ่มไม่โอเคขึ้นมาบ้างแล้วสิ

“ก็ถือว่าวันนี้เป็นการฉลองเลี้ยงส่งไอ้เชษฐ์ไปในตัวด้วยไง เพราะตอนจะไปพวกมึงอาจจะไม่ว่างมาฉลองด้วยกันแล้วก็ได้”ผมเอ่ยขึ้นยิ้มๆ พร้อมกับชูแก้วเป็นสัญญาณให้พวกมันทุกคนยกแก้วขึ้นมาชน

แล้วบทสนทนาก็กลายมาเป็นเรื่องที่ไอ้เชษฐ์จะไปเรียนต่อทันที จนในที่สุดไอ้เชษฐ์ก็ต้องเล่าให้เพื่อนๆ ทุกคนฟังว่าทำไมต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอก

“ไปห้องน้ำก่อนนะ”ผมลุกออกจากโต๊ะเพราะยิ่งฟังเรื่องราว ทำไมมันยิ่งทำให้ผมเศร้าเนี่ย ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเข้มแข็ง เพราะมันก็แค่การแยกกันชั่วคราว ผมรีบเดินให้เร็วที่สุดเพราะเหมือนน้ำตามันคลอขึ้นมาเสียแล้ว

ผมรีบปาดน้ำตาและล้างหน้าล้างตาทันทีที่ถึงห้องน้ำ ผมยืนมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ พร้อมกับบอกตัวเองในใจ ว่าผมต้องผ่านการทดสอบนี้ไปให้ได้ ระยะเวลาแค่ ไม่เกิน 2-3 ปีที่เชษฐ์มันไปเรียน มันไม่นานหรอกน่า ผมพยายามบอกกับตัวเอง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันสอบเสร็จ [09-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 09-05-2015 20:55:08
แวะมาต่ออีกนิดครับ

ขอบคุณที่ยังมีคนตามอ่านกันอยู่

 o13
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันสอบเสร็จ [09-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-05-2015 21:53:18
 :katai1: :katai1: :katai1:  โหห. กฎร้อยวันเสร็จมาเรืีองเรียนต่ออีก. เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันสอบเสร็จ [09-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 09-05-2015 22:17:27
รักแท้ย่อมมีอุปสรรคเสมอนะคะตี๊ฟ สู้ๆ กันหน่อยน้าทั้งสองคนเลย ทำให้ผู้ใหญ่รู้กันไปเลยค่ะว่าเรารักกันจริงๆ และมันจะเป็นรักที่มั่นคงมากๆ ด้วย :กอด1: เป็นกำลังใจให้นะค้าา~
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันสอบเสร็จ [09-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 09-05-2015 22:34:16
แบบนี้เลย?
จริงๆก็ไม่ต่างจากเลิกกันนั่นแหละ
ห่างกายห่างใจถึงมีสไกป์หรือเฟซไทม์ถ้าใจไม่มั่นพอก็ไม่รอดกันหรอก
กลัวใจทั้งสองฝ่าย
แถมเชษฏ์ก็เหมือนกับไม่ได้อะไรมากกับการจากติ๊ฟไป
2 ปีนะไม่ใช่ 2 เดือน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันสอบเสร็จ [09-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-05-2015 08:55:47
ต้องอยู่ห่างกันซะแล้ว
อะไรเนี่ย สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันสอบเสร็จ [09-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-05-2015 12:24:50
อะไรอ่าาาาา เหมือนพึ่งจะรักกันได้ไม่นาน ก็ต้องห่างกันซะแล้ว
ขอให้ทั้งคู่เข้มแข็ง รอตอนต่อนไปนะคะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันสอบเสร็จ [09-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-05-2015 21:31:58
ต้องห่างกันอีกแล้วเหรอ
สงสารทั้งคู่จังเลยนะ

ว่าแต่เชษฐ์น่าจะบอกตี๊ฟ
ก่อนจะขึ้นเครื่องสัก 1 วันเนอะ  :m16:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันสอบเสร็จ [09-05-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 07-08-2015 20:51:32
วันจาก
“ไม่ลืมอะไรแน่นะ”ผมเอ่ยถามอีกฝ่าย ในขณะที่คนตรงหน้ากำลังรูดซิปปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

“ลืมหัวใจ”อีกฝ่ายพูดพร้อมกับส่งยิ้มกวนๆ มาที่ผม

ใช่แล้วครับ เวลาที่ผมจะได้เจอกับไอ้เชษฐ์ตอนนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว พรุ่งนี้ไอ้เชษฐ์ก็ต้องเดินทางเพื่อไปเรียนต่อตามข้อตกลงของคุณแม่มันแล้วครับ และวันนี้ผมก็มาค้างกับมันเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ไปส่งมันแต่เช้าครับ แม้จะใจหาย แต่ผมก็ต้องยอมรับแหละครับ  ในเมื่อเป็นข้อตกลงที่จะพิสูจน์ให้กับคุณแม่ของไอ้เชษฐ์ได้เห็นว่าเราสองคนจริงใจต่อกันจริงๆ

“ยังจะมาพูดเล่นอีก บอกให้เก็บของเตรียมไว้ตั้งหลายวันแล้วก็ไม่ทำ”ผมบ่นนิดหน่อยเพราะจริงๆ มันก็รู้กำหนดการมาตั้งนานแล้วแหละครับ แต่ไม่ยอมเตรียมตัวสักที

“ก็เสร็จแล้วนี่ไง”อีกฝ่ายเอ่ยเสียงแผ่วพร้อมกับเดินมาประกบด้านหลังของผม และสวมกอดไว้อย่างหลวมๆ ก่อนจะเกยคางไว้ที่ไหลของผม

“เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ จะได้รีบนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”ผมบอกอีกฝ่ายพร้อมกับพยายามแกะมืออีกของอีกฝ่ายออก แต่ไอ้เชษฐ์กลับยิ่งกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม

“เชษฐ์รักตี๊ฟนะครับ”ไอ้เชษฐ์กระซิบที่ข้างหูผม ก่อนจะขบเบาๆ ที่ติ่งหูของผม จนผมต้องเอียงคอหลบเพราะกลัวว่ามันจะเลยเถิดไปไกล

“อืม”ผมตอบรับเพียงสั้นๆ

“รักมากด้วย”มันย้ำอีกรอบเมื่อเห็นผมไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น

“รู้แล้ว”

“รักที่สุดในโลกเลย”พอไม่ได้ยินคำตอบรับที่พอใจจากผมพ่อตัวดีก็ยังคงพูดต่อครับ เหมือนบังคับผมกลายๆ ให้บอกรักมันกลับด้วย แต่ผมอยากแกล้งมันหน่อย คือผมก็ไม่ค่อยได้บอกรักมันบ่อยหรอกครับ คือผมรู้สึกว่าบางทีเรารักกันมันก็ไม่ต้องพูดบ่อยๆ ก็ได้นี่นา

“ไปอาบน้ำได้แล้ว”พอผมพูดออกไป แทนที่ไอเชษฐ์จะละความพยายามมันกลับจับผมให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวมัน

“ตี๊ฟรักเชษฐ์ไหม”นั่นไงล่ะครับ เล่นมาจ้องกันขนาดนี้ ไอ้ผมก็ยิ่งแพ้สายตาคู่นี้เสียด้วย

“อืม”

“อืมอะไรอ่ะ ทีกูยังบอกรักมึงเลย มึงก็บอกรักกูมั่งสิ นี่เราจะต้องอยู่ห่างกันอีกเป็นปีๆ เลยนะ ขอแค่บอกรักแค่นี้ไม่ได้เหรอ”เอาแล้วไงมามุกนี้อีกแล้ว จริงๆ ถ้านี่มันเป็นครั้งแรกที่มันพูดผมก็จะรู้สึกผิดหรอกนะครับ แต่นี่มันเล่นกดดันผมด้วยประโยคนี้มาจะเดือนกว่าอยู่แล้ว ผมเลยชักจะหมั่นไส้มันเข้าไปทุกทีแล้วล่ะครับ

“อย่ามาเยอะ ไปอาบน้ำได้แล้ว”ผมเอาหน้าผากตัวเองเคาะกับหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดนั้น

“บอกรักก่อน รักเปล่า บอกมา”แต่ก็นั่นแหละครับ ผมโดนไอ้เชษฐ์คว้ามือไว้ไม่ยอมปล่อย

“รักสิคร๊าบบบบ ตี๊ฟรักเชษฐ์ที่สุดในโลกเลย พอใจยัง”ผมหันกลับไปตอบพร้อมกับประกบริมฝีปากเข้าหาปากของอีกคนเพื่อเป็นการยืนยัน ซึ่งไอ้เชษฐ์เองก็จูบตอบผมอย่างไม่ยอมแพ้ ผมสัมผัสได้ถึงความปรารถนาของอีกฝ่าย เพราะจริงๆ ตั้งแต่เราสองคนรับคำทำตามข้อตกลงของน้าชา เราสองคนก็ไม่เคยมีอะไรกันอีกเลย มากสุดก็แค่จูบนี่แหละครับ

“อือ...เชษฐ์...ยะ อย่า”ผมพยายามเอ่ยเสียงห้ามเมื่อมือของไอ้เชษฐ์ ดึงเสื้อของผมขึ้น พร้อมกับมือที่สอดเข้ามาที่หน้าอกของผม

“น้าชาอนุญาตแล้ว”อีกฝ่ายบอกผมเสียงกระเซ่า

“ต้องรีบนอนไม่ใช่เหรอ”แม้จะยอมรับว่าผมเองก็ต้องการมันเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกว่าพรุ่งนี้มันยังต้องเดินทางอีกไกล ก็อยากให้มันพักผ่อนแหละครับ

“มึงก็รีบๆ ยอมกูสิจะได้รีบทำรีบเสร็จรีบนอน”น่านแหละครับ ผมคงจะไปห้ามอะไรมันไม่ได้อีกแล้ว ถือว่าเป็นของขวัญให้มันก่อนจะต้องอยู่ไกลกันอีกตั้งเป็นปีๆ

















“เชษฐ์ ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดี” ผมตบเบาๆ ที่แก้มของคนที่ยังนอนหลับตานิ่ง

“มึงอาบก่อนเลย”อาบก่อนอะไรละ นี่ผมอาบเสร็จ จนแต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ

“ลุกเดี๋ยวนี้ เร็ว เดี๋ยวน้าชาก็มาตามแล้ว”ผมพยายามดึงอีกฝ่ายให้ลุกจากเตียงอย่างทุลักทุเล เหลือบมองนาฬิกาน่าจะเหลือเวลาอีกนิดหน่อย  จากที่นัดกับน้าชาเอาไว้

ในที่สุดพ่อตัวดีก็ยอมลุกไปอาบน้ำแต่งตัว แต่ยังทำหน้าตางัวเงีย เดินมาทรุดลงที่ข้างๆ ผม ก่อนจะเอนหัวมาพิงที่ไหล่ของผม

“มึงจะไม่ทิ้งกูใช่ไหม”เสียงไอ้เชษฐ์พูดขึ้นโดยที่ไม่ได้มองมาที่ผม มีเพียงแขนกว้างนั้นที่โอบเอวผมกระชับเข้าหาอีกฝ่าย

“ทำไมถามแบบนี้ ไม่เชื่อใจกันเหรอหือ”ผมพูดพร้อมกับหันหน้าไปดมที่หัวของอีกฝ่าย

“ก็กูกลัวนิ”วันนี้มาแปลกแฮะ ทุกทีมันไม่ค่อยให้ผมเห็นมุมแบบนี้เท่าไหร่ จนตอนแรกเป็นผมเสียเองที่คิดว่ามันไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอที่เราต้องห่างกันแบบนี้ ส่วนผมนะเหรอครับ ผมก็ทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้วละครับ เพราะคิดว่าถ้าเราผ่านบททดสอบนี้ไปได้ มันน่าจะทำให้เรายิ่งรักกันมากขึ้น

“ไม่ทิ้งไปไหนหรอก แต่ขอมีกิ๊กได้ไหม”พอผมพูดจบไอ้เชษฐ์ดีดตัวออกแทบจะทันทีเลยครับ มันจับไหล่ผมให้หันหน้าเข้าหามันจนจะแทบกระชากผมอยู่แล้ว

“ลองมีดูสิ กูไม่ปล่อยไว้แน่”ดูทำหน้าเข้า ขนาดแค่พูดเล่น ยังจะมาซีเรียสอะไรขนาดนี้ ผมยิ้มขำให้กับท่าทีของอีกฝ่าย

“ขำไรเล่า มึงต้องสัญญานะว่าจะรอกู จะไม่วอกแวก หวั่นไหวไปกับใครทั้งนั้น”

“สัญญาสิ ตอนนี้หัวใจกูไม่มีเหลือให้ใครเข้ามาอีกแล้ว ว่าแต่มึงเหอะ ไม่ใช่พอไปเจอสังคมใหม่ๆ แล้วจะลืมกูนะ”แกล้งแซวมันกลับหน่อยครับ

“ไม่มีทางอยู่ แล้ว”แล้วริมฝีปากของไอ้เชษฐ์ก็ประกบมาที่ปากของผม รสจูบที่คงอีกนานกว่าผมจะได้สัมผัสอีกครั้ง

“อือ....”

“พร้อมกันรึยังหนุ่มๆ” เสียงน้าชามาเรียกที่หน้าประตู ทำให้เราสองคนต้องผละออกจากกันพร้อมกับขานรับน้าชา นี่จะถึงเวลาที่เราต้องจากกันจริงๆ แล้วใช่ไหม เนี่ย เราสองคนช่วยกันยกกระเป๋าออกจากห้องไปสมทบกับน้าชา

ระหว่างทางจากบ้านไปถึงสนามบิน เราสองคนแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลย อยู่ๆ แวปนึงผมก็นึกถึงอีกคนขึ้นมา เพราะเหตุการณ์มันคล้ายๆ กับเมื่อครั้งผมกับมันส์ เพียงแต่ครั้งนี้ต่างออกไป ครั้งก่อนผมจากโดยที่ไม่ต้องรออะไรอีก แต่ครั้งนี้ ผมมีความหวัง หวังที่อีกคนจะกลับมาหาผม และเราจะได้เดินไปพร้อมๆ กันอย่างถูกต้อง และไม่ได้สร้างความลำบากใจให้กับใคร

“ไปเช็คอินได้แล้วไอ้เสือ ถึงแล้วก็โทรมาบอกด้วย”น้าชาตบบ่าไอ้เชษฐ์เป็นการบอกลา แต่พ่อตัวดีของผมสวมกอดคุณน้า เล่นเอาน้าชาตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว ผมแอบเห็นน้าชาน้ำตารื้นเหมือนกันนะครับ คงเพราะแกก็เลี้ยงไอ้เชษฐ์มาเหมือนลูกคนนึง แกก็คงใจหายเป็นธรรมดาที่ต้องส่งมันไปอยู่ไกลกันขนาดนี้

“ถึงแล้วกูโทรหานะ”พอผละจากน้าชาไอ้เชษฐ์ก็หันมาสวมกอดผม

“อือ”ผมตอบเพียงสั้นๆ เพราะถ้าพูดอะไรมากไปกว่านี้น้ำตาผมอาจจะไหลออกมาก็ได้ ทั้งทิ่คิดว่าทำใจได้แล้ว ทั้งที่คิดว่าจะไม่ร้อง แต่พอถึงเวลานี้จริงๆ ทำไมเหมือนน้ำตามันจะไหลออกมาเอง ผมพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา

“ไปนะ”นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่แผ่นหลังนั้นจะค่อยๆ ห่างจากผมไปเรื่อยๆ และผมก็รู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ไหลออกมาอาบทั้งสองแก้ม
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 07-08-2015 20:58:59
ดองไว้นาน จริงๆ มันก็เหมือนจบไปแล้วอ่ะเนอะ

แต่มาต่อให้มันจบแบบสมบูรณ์อีกนิดละกัน

ไม่รู้ลืมกันไปหมดรึยัง
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-08-2015 22:09:31
หายไปนานมาก
แต่ดีใจนะคะที่มาต่อ
อ่านตอนนี้แล้วหน่วงๆ
จิตใจห่อเหี่ยว
แอบกลัวความสัมพันธ์จะเปลี่ยน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 07-08-2015 22:22:58
มารอบทสรุปค่ะ   หรือว่าจะมีมาม่าอีก?
ขอบคุณที่กลับมาอัพต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 08-08-2015 12:52:53
นานมากกกกเลยค่ะมาต่อนะคะอย่าหายเลย :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 08-08-2015 13:08:21
เชษฐ์กับตี๊ฟเชื่อใจกันไว้นะค้าา~ :monkeysad: รอตอนหน้าจ้าา ^^
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-10-2015 15:19:16
คิดถึงเรื่องนี้แหล่ะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-12-2015 19:48:38
โอม

จงมา

จงมา

จงมา

55555
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-03-2016 13:45:19
ไม่มาต่อแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันจาก [0ุ7-08-2015]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 14-05-2016 06:09:16

“ตี๊ฟ เย็นนี้ไปเลี้ยงลูกค้ากับกูด้วยนะ”เสียงพี่ชาย หรือจะเรียกว่าหัวหน้าด้วยก็ได้ครับ แต่ก็นั่นแหละครับไอ้นี่เวลาอยู่ที่ทำงานแทนที่จะวางตัวให้ดูเหมือนเป็นเจ้านายกับลูกน้องหน่อยก็ไม่ได้

ใช่แล้วครับตอนนี้ไอ้ต๊าฟพี่ชายผมเข้ามาบริหารงานแทนคุณพ่อของพวกผมแล้ว แต่ก็เพิ่งมาเริ่มได้ไม่ถึงปีหรอกนะครับ พ่อก็คุมมันมาเกือบ 2 ปี เหมือนกันกว่าจะปล่อยได้ เพราะเจ้าตัวก็ยังติดเที่ยวตามประสานั่นแหละครับ แต่ตอนนี้พี่ชายผมก็ถือว่าเป็นว่าที่นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงไปแล้วแหละครับ

“ไม่ไปได้ไหม”ผมเอ่ยปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง เพราะการเลี้ยงลูกค้าแทบทุกครั้ง ก็มีแต่แอลกอฮอล์กับสาวๆ ที่มันไม่ได้จรรโลงใจผมเอาเสียเลย ตรงกันข้ามกับคุณพี่ชาย ที่แลจะชอบเป็นพิเศษ นี่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะลงหลักปักฐานมีแฟนจริงๆ จังๆ สักที

“เป็นไรอีกละ ทะเลาะกับสามีอีกแล้วเหรอ”ดูปากมันเถอะครับ ไม่ได้คิดว่าน้องนุ่งจะอายพนักงานคนอื่นๆ เลยใช่ไหมนั่น แต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้ทะเลาะกับใครหรอกนะครับ เพราะไม่ได้คุยกันมาจะ 3 วันแล้ว นี่ก็ 3 ปีกว่าแล้วที่ไอ้เชษฐ์ไปเรียนต่อ ซึ่งปกติ ก็จะคุยกันแทบทุกวัน แม้เวลาเราจะต่างกันขนาดไหน เราก็ตกลงกันว่าจะพยายามหาเวลาที่เหมาะคุยกันเสมอ ยกเว้นว่าถ้าอีกฝ่ายมีธุระจำเป็นก็จะมีการบอกไว้ล่วงหน้า  แต่ครั้งนี้มันเล่นหายไปเฉยๆ ไม่บอกไม่กล่าว

“ไม่ได้เป็นไร ไม่ได้ทะเลาะกับใครด้วย แค่เหนื่อยๆ อยากกลับไปกินข้าวกับคุณนายที่บ้าน”ผมตอบเลี่ยงๆ

“อย่ามาเฉไฉ ยังไงเย็นนี้มึงต้องไปกับกู”วันนี้มาแปลกเว้ยพี่ผม ทุกทีถ้าปฏิเสธจริงๆ จังๆ ก็ไม่เห็นมันจะตื้ออะไรผมนี่นา

 แล้วสุดท้ายผมก็โดนหว่านล้อม จนต้องจำใจไปกับมันในที่สุดแหละครับ หลังจากเลิกงานก็ต้องออกมาเผชิญกับการจราจรที่แสนจะคับคั่งในเมืองกรุง แถมในเย็นวันศุกร์แบบนี้ ไม่อยากจะพูดเลยครับ ผมปิดเปลือกตาลง พร้อมกับบอกไอ้พี่ต๊าฟว่าถึงที่หมายแล้วค่อยปลุกแล้วกัน




“ถึงแล้วครับคุณชาย ตื่นได้แล้ว”ผมงัวเงียขึ้นตามเสียงเรียก พยายามปรับสายตา เราถึงที่หมายแล้ว เป็นร้านหรูแห่งหนึ่ง นี่ก็คงจองห้องวีไอพีไว้อีกตามเคยสินะ แม้จะไม่ได้มาบ่อย แต่บรรยากาศก็ยังเหมือนเดิมสินะ ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลงรถเดินตามไอ้พี่ชายไป

“ทำตัวให้มันสดชืนหน่อยดิว่ะ”ไอ้ต๊าฟหยุดเดินพร้อมหันมาบอกผม เมื่อมาถึงหน้าห้องวีไอพีห้องนึง ก่อนมันจะหันไปบอกน้องพนักงานที่นำทางเราว่าว่าให้กลับไปได้เลย มีอะไรจะเรียกทีหลัง รู้สึกว่าลูกค้าของพวกผมจะมากันก่อนแล้วแหละครับ

“มึงก็นำเข้าไปดิ”ผมบอกไอ้พี่ชายตัวดี แต่มันกลับเปิดประตูพร้อมกับดันผมเข้าไปก่อน


“เซอร์ไพร์สสสส”

ผมชะงักกับเสียงที่มาตะโกนใส่หน้า จนแทบจะถอยออกจากห้อง กำลังคิดว่าผมมาผิดห้องรึเปล่า แต่ไอ้พี่ชายผมก็ดันหลังให้ผมเข้าไปในห้อง ผมค่อยๆ มองบุคคลที่อยู่กันในห้อง

“นี่มาทำอะไรกัน”ผมเอ่ยถามอย่างงงๆ เพราะจากตอนแรกพี่ชายผมบอกว่าจะมาเลี้ยงลูกค้า แต่ในห้องนี่มัน แหม๋ว ไอ้การ์ดและชาวคณะนี่นา ผมมองหน้าทุกคนพร้อมกับหันมามองพี่ชายตัวเอง

“เซอร์ไพร์สไง สุขสันต์วันเกิดนะตี๊ฟ”แหม๋วเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น

วันเกิดงั้นเหรอ สมองน้อยๆ ของผมค่อยๆ ประมวลผลช้าๆ วันนี้วันที่เท่าไหร่ อ๋อใช่แล้ว วันนี้วันเกิดผมสินะ อย่าเพิ่งแปลกใจไปนะครับว่าทำไมผมเหมือนจะจำวันเกิดตัวเองไม่ได้ เพราะตั้งแต่อีกคนจากไป ผมก็ไม่ค่อยจะสนใจวันไหนๆ อีกเลย ไม่อยากจะใส่ใจมากเพราะมันจจะยิ่งทำให้ผมเหมือนนับวันรออีกฝ่ายนี่สิครับ

แต่จริงๆ  ทุกๆ ปีไอ้เชษฐ์ก็จะโทรมาอวยพรวันเกิดผมเสมอ แต่วันนี้มันหายไปไหน ผมพยายามติดต่อมันหลายรอบ แต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย

“มาๆ ไม่ได้เจอกันครบทีมแบบนี้นานแล้ว วันนี้ต้องจัดหนักจัดเต็มเพราะเรามีเจ้าภาพแล้ว”ไอ้การ์ดเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ ตอนนี้เหมือนอาหารและเครื่องดื่มจะถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว

“ใครเจ้าภาพ ใครจ่าย พวกมึงจัดพวกมึงก็จ่ายกันนเองนะเว้ย กูไม่เกี่ยว”ผมพยายามทำเสียงร่าเริง แม้จริงๆ จะดีใจที่ได้เจอเพื่อนๆ แต่ยิ่งเจอพวกมัน ก็ยิ่งทำให้ผมยิ่งคิดถึงอีกคน เพราะเมื่อก่อนเราอยู่กันครบทีมแบบนี้ตลอด

“กูเนี่ยแหละจ่าย”ไอ้ต๊าฟ เป็นคนแทรกเข้ามาก่อนที่ทุกคนจะแย่งกันพูด แย่งกันดื่ม บรรยากาศเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด ขาดเสียแต่อีกคนที่ไม่ได้มานั่งจ้องหน้าผม ผมเผลออมยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงอีกคน นี่มันจะคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงมันบ้างไหมนะ นี่ก็ 3 ปีแล้วที่เราต้องห่างกัน 3 ปีที่ผมยังรู้สึกกับเค้าเหมือนเดิม และถ้าไม่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป ผมก็คิดว่าอีกคนก็ยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิม

“โอเคได้เวลาเป่าเค้กกันแล้ว”หลังจากที่ดื่มกันไปพักใหญ่ ไอ้การ์ดก็ลุกขึ้นพูดจนคนอื่นๆ ต้องเงียบ ว่าแต่ถ้าจะเซอร์ไพรส์จริงๆ มันต้องไม่บอกให้ผมรู้ไหมว่าจะเอาเค้กมาให้เป่า นี่อะไรเล่นบอกกันโต้งๆ แบบนี้ เค้าเรียกเซอร์ไพรส์ตรงไหนเนี่ย

“ไหนละเค้ก นี่ตื่นเต้นมากแล้วนะเนี่ยจะได้เป่าเค้ก”ผมแกล้งทำท่าตื่นเต้นเสียเต็มประดา

“ปิดไฟรอเลยเดี๋ยวกูตามเด็กในร้านยกเค้กมาให้ แล้วไอ้การ์ดก็หายออกไปพักนึงก่อนจะกลับเข้ามาย้ำให้ปิดไฟอีกครั้งเพราะตอนมันออกไปไม่มีใครยอมปิดไฟตามที่มันบอก

เสียงเพลง Happy Birthday ดังขึ้นเป็นจังหว่ะโดยเหล่าเพื่อนของผม ก่อนที่ประตูห้องจะค่อยๆ เปิดออก เค้กวันเกิดของผมค่อยๆ ผ่านประตูเข้ามา

แม้ภายในห้องจะมืดจากการปิดไฟ แต่แสงเทียนก็ทำให้ผมมองเห็นคนที่ถือเค้กเข้ามา  แล้วภาพตรงหน้าผมก็ค่อยๆ พร่ามัวลง ยิ่งเค้กที่ถูกถือด้วยชายหนุ่มคนนึงนั้นใกล้เข้ามาเท่าไหร่ ภาพกลับยิ่งมัวขึ้น เพราะน้ำตาผมที่มันไหลมาบดบัง

“อธิฐานสิ”เสียงของคนที่ถือเค้กเข้ามาบอกกับผม ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตา ซ้ายทีขวาที ผู้ชายคนตรงหน้าผมยิ้มให้ผมจนตาหยี ผู้ชายที่ทำให้ผมกังวลว่าหายไปไหนตั้ง 2-3 วัน ผู้ชายที่ผมไม่ได้เจอมากว่า 3 ปี 3 ปีที่ได้ยินแต่เสียง หรือเห็นหน้าผ่านแอพพลิเคชั่นออนไลน์ต่างๆ 3 ปีที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัส มือผมเอื้อมไปจับใบหน้าที่ผมคิดถึงนั่น เพื่อให้แน่ใจว่านี่ผมไม่ได้ฝันไป เค้ากลับมาแล้ว กลับมาแล้วจริงๆ

“เป่าเทียนสิครับ”อีกฝ่ายเอียงคอบอกผมอีกครั้ง

“ฟู่”ภายในห้องมือลงอีกครั้งเมื่อผมดับเทียนเหล่านั้น

“สุขสันต์วันเกิดนะครับที่รัก”ผมหยิบเค้กส่งต่อให้ใครสักคนถือ โดยไม่ได้มอง ก่อนจะสวมกอดเข้ากับไอ้เชษฐ์ ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจแล้วว่าใครอยู่ในห้องนี้บ้าง ก็คนมันคิดถึง คิดถึงจริงๆ

“ร้องไห้ทำไม เดี๋ยวไม่น่ารักนะ”อีกฝ่ายกอดตอบพร้อมกับลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังของผม

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”ผมเอ่ยถามทั้งที่ยังสะอื้นอยู่

“ถึงเมื่อวาน แต่พอดีอยากพาแม่ทำธุระให้เสร็จก่อน จะได้มีเวลามาหาได้เต็มที่”ไอ้เชษฐ์บอกก่อนจะค่อยๆ ดันตัวผมออกมามองหน้า ว่าแต่คุณแม่ของมันมาด้วย นี่ผมจะได้เจอกับคุณแม่มันจริงๆ แล้วใช่ไหม แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวท่านแล้วละครับ จากที่เมื่อก่อน ผมกังวลเรื่องนี้มาก แต่หลังๆมาเวลาผม skype หาไอ้เชษฐ์ก็มีโอกาสได้คุยกับท่านหลายครั้ง และเหมือนท่านก็จะไฟเขียวให้เราสองคนแล้วเสียด้วยละครับ

“คราวหลังอย่าหายไปแบบนี้อีกนะ”ผมซุกหน้าเข้ากับแผงอกของอีกฝ่าย แล้วไฟในห้องก็สว่างขึ้นพร้อมกับเสียงโห่แซวของเพื่อนๆ ผม

“ถ้ามึงสองคนจะกอดกันขนาดนี้กูเป็นบาทหลวงทำพิธีมงคลสมรสให้พวกมึงเลยเอาไหม”เสียงไอ้การ์ดประชดประชัน เรียกเสียงแซวจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

จากที่ผมเป็นพระเอกของงาน ตอนนี้คุณชายของผมกลายเป็นพระเอกไปแล้วครับเพราะ เพื่อนๆ ก็ไม่มีใครได้เจอมันเลยตั้งแต่ที่ไปเรียนต่อ จากบทสนทนาต่างๆ ทำให้รู้ว่าทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าไอ้เชษฐ์กลับมา ส่วนผมโดนหลอกว่ามันยังทำเรื่องจบไม่เรียบร้อย ทั้งที่จริงๆ มันจบแล้วครับ แต่ปิดผมไว้เพื่อมาเซอร์ไพร์ส ในวันนี้

เราสนุกสนานกันอีกพักใหญ่ ก่อนที่ไอ้เชษฐ์จะดึงผมออกมา และขอพาผมกลับก่อน ให้คนอื่นๆ สนุกกันต่อ มันพาผมมาที่บ้านของน้าชา แต่ดูเหมือนน้าชาน่าจะไม่อยู่บ้าน แล้วนี่คุณแม่ของเชษฐ์ล่ะ

“แม่กูพักที่โรงแรม”เหมือนจะอ่านความคิดผมออกมันรีบบอกออกมาก่อนที่ผมจะถาม

“มานี่มา”ไอ้เชษฐ์กวักมือเรียกให้ผมนั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอื้อมแขนมาโอบผมไว้

“คืนนี้จะนอนกอดให้หายคิดถึงเลย”จมูกคมสันนั้นฝังลงที่แก้มของผม ก่อนจะลากลงมาที่ซอกคอ

“แค่นอนกอดเฉยๆ เหรอ”ผมแกล้งยั่วอีกฝ่าย

“ปากดีแบบนี้ เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อยนะครับที่รัก”พอสิ้นคำพูดเราทั้งสองก็หัวเราะกันออกมายกใหญ่ แม้จะมีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในความสัมพันธ์ของเรา และเวลาเป็นปีที่ไม่ได้เจอ แต่วันนี้ทุกอย่างคงเดินทางมาถึงจุดที่เราเฝ้ารอแล้ว  นี่สินะเค้าถึงบอกว่าบางอย่างมันก็คุ้มค่าที่จะรอ และจากนี้ไปผมคงไม่ต้องรออีกแล้ว
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก......... [14-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 14-05-2016 06:14:22
ไม่รู้ยังมีใครอ่านอยู่ไหม 555

หายไปนานจนคนอื่นคงลืมหมดแล้ว

แต่ก็อยากลงต่ออ่ะเนอะ

 :katai5:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก......... [14-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2016 06:37:33
อร๊ายยย. กลับมาแล้วววว. มาพร้อมความสุข อิอิ. ใกล้จบแล้วไหมอะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก......... [14-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 14-05-2016 11:10:31
รอๆๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก......... [14-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-05-2016 11:29:28
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก......... [14-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-05-2016 20:12:52
ดีใจที่มาลงเรื่องต่อนะคะ

ดีใจที่ทั้งคู่จะได้รักกันอยู่ด้วยกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก......... [14-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 18-05-2016 22:47:00
วันแห่งความสุข
Chet’s Part
ผมจ้องมองคนที่นอนข้างๆ ซึ่งยังคงหลับตาพริ้ม พร้อมหายใจด้วยจังหวะสม่ำเสมอ คนที่ผมไม่ได้มองใกล้แบบนี้มากว่า 3 ปี ซึ่งระยะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า เราสองคนรักกันจริงๆ เรายังรักกันอยู่แม้จะถูกแยกห่างกันเป็นเวลานาน ช่วงแรกๆ ผมยอมรับเลยว่ามันมันหน่วง มันอธิบายไม่ถูก แม้เวลาคุยกับเค้าผ่านโปรแกรมออนไลน์ต่างๆ ผมจะทำเหมือนร่าเริง แต่พอหลังจากปิดหน้าจอลง ผมเองก็แอบน้ำตาไหลไปหลายรอบเหมือนกัน

ส่วนตัวตี๊ฟเองก็น่าจะไม่ต่างกัน แม้เค้าจะเป็นคนเก็บอาการเก่ง แต่มีหรือคนอย่างผมที่เฝ้ามองเค้ามานานจะจับสังเกตุไม่ได้ แต่เราสองคนก็ผ่านเวลาที่ยากลำบากนั้นมาจนได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าผมยิ้มอยู่นานแค่ไหนแล้ว มันมีความสุข สุขจนแทบจะล้น จากนี้ไปเราได้กลับมาอยู่ใกล้ๆ กันแล้ว ไม่ช้าเราจะได้ย้ายออกมาใช้ชีวิต ร่วมกัน 2 คนแล้ว

“ตื่นแล้วเหรอ”ผมเอื้อมมือไปลูบเบาๆ ที่ท้ายทอยของคนที่ งัวเงียพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสง

“อื้อ”เจ้าตัวครางในลำคอพร้อมกับบิดตัวไปมา เหมือนลูกแมวตัวน้อย นี่แฟนใครกัน จะทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว ถ้าวันนี้ไม่มีเรื่องที่จะต้องไปจัดการอีกหลายอย่าง ผมคงจับกดลูกแมวน้อยนี่อีกรอบเป็นแน่แท้ ขนาดว่าเมื่อคืน จัดการไปหลายรอบแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกยังไม่อิ่มเลย กับการไม่เจอกันนานขนาดนั้น ผมคงต้องชดเชยอีกเยอะเลยทีเดียว

“ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน จะได้ไปไหว้พ่อกับแม่ด้วย”ผมรีบดันให้เค้าลุก เพราะนี่ก็เวลากระชั้นชิดขึ้นมาทุกที เดี๋ยวจะไม่ทันเวลากับสิ่งที่ผมได้เตรียมไว้  แม้จะมีท่าทีอิดออดเล็กน้อย แต่เค้าก็ยอมเข้าห้องน้ำไปแต่โดยดี

“ครับแม่”ผมกดรับสายกรอกเสียงลงไปพร้อมกับ ยกข้อมือดูนาฬิกาอีกครั้ง ว่าผมจะไปทันเวลาที่ได้นัดไว้ เพราะคาดว่าคุณแม่ผมน่าจะโทรมาย้ำเรื่องนัดหมายของเราในวันนี้ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดไปจากที่ผมคาดเดา คุณแม่ของผมโทรมาเช็คจริงๆ ว่าผมกับตี๊ฟพร้อมรึยัง

“ตี๊ฟกำลังอาบน้ำครับแม่ ส่วนผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว นี่ตื่นเต้นไปรึเปล่านิ แค่จะได้เจอลูกสะใภ้แค่นี้ ต้องโทรมาย้ำขนาดนี้เลย”ผมแอบแซวแม่ไปนิดหน่อยครับ เพราะดูจะตื่นเต้นเหลือเกิน ทั้งที่ตอนแรกที่รู้เรื่องผมกับตี๊ฟนี่ แทบจะขัดขวางเราทุกทาง แต่พอได้คุยออนไลน์ด้วยกันหน่อย กลายเป็นปลื้มลูกสะใภ้ไปเสียได้รับ แม่ผม

“คุยกับใครอ่ะ”ทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำและเห็นผมเพิ่งกดวางสาย คุณแฟนก็ถามเสียงดุมาเชียวครับ แหมๆ จะรีบหึงไปไหนครับคุณแฟน

“คุยกับแม่คร๊าบบบ ที่รัก”ผมแกล้งลากเสียงยาว พร้อมเดินเข้าไปจะช่วยอีกคนเช็ดผม เพื่อเป็นการเร่งเวลา

“จริงๆ น่าจะไปเจอแม่เชษฐ์ก่อน ค่อยไปส่งที่บ้านก็ได้นะ อยากไปไหว้คุณแม่เหมือนกัน ยังไม่ได้เจอกันจริงๆ สักที”เค้าบ่นๆ ไปพร้อมกับการแต่งตัว เหมือนไม่ได้จริงจังอะไรมาก

“เดี๋ยวพาไปเจอน่า แม่ยังอยู่ไทยอีกหลายวัน”ไม่ต้องกังวลไปที่รักยังไงวันนี้ก็ได้เจอแน่ๆ หึหึ ผมแอบกระยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้วางแผนอะไรแบบนี้ นึกถึงเมื่อก่อนที่ผมกับพวกไอ้การ์ดวางแผนต่างๆ ป่วนชีวิตของตี๊ฟ จนผมได้มาเป็นแฟนกับเค้า แต่วันนี้ก็จะมีอีกหนึ่งแผนการที่จะเซอร์ไพร์สเค้าครับ นี่ขนาดเพิ่งเจอกันมา 2 วัน เมื่อวานก็จัดเซอร์ไพร์สวันเกิด วันนี้ก็มีอีกหนึ่งเซอร์ไพร์ส คาดว่าจัดไปเป็นคอมโบ้เซทเลยแล้วกันครับ

หลังจากแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยผมก็เป็นสารถี ขับรถมุ่งตรงสู่บ้านของเค้าแหละครับ  ยิ่งระยะทางใกล้เขามาเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ตื่นเต้นกับสิ่งที่เตรียมไว้เซอร์ไพร์สเค้า หวังว่าเค้าจะชอบ เพราะผมอุตส่าห์เตรียมการมาอย่างดี ผมยอมลงทุนกลับมาแล้วไม่บอกเค้าเพื่อจัดเตรียมทุกอย่าง ผมสูดหายใจเข้าลึกสุดเท่าที่จะลึกได้อีกครั้ง เมื่อเลี้ยวรถเข้าซอยบ้านของตี๊ฟ

“เป็นอะไรเนี่ย ดูลุกลี้ลุกลนแปลก”เค้าคงจับอาการผมออก ผมก็ได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อนไปแหละครับ

“ทำไมวันนี้รถหลายคันจัง ที่บ้านมีแขกรึไงเนี่ย”เจ้าตัวคงเพิ่งจะสังเกตเห็นความผิดปกติที่ทางเข้าบ้านของตัว เค้าพึมพำก่อนจะหันมาถามความเห็นจากผม  แต่ผมก็ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อะไรเท่านั้น

“นี่รถน้าชาไม่ใช่เหรอ น้าชามาทำไรอ่ะ”เค้าหันมารอคำตอบจากผมอีกครั้ง เมื่อเห็นรถที่เค้าคุ้นเคย จอดอยู่หน้าบ้าน และไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ เค้าก็มีอีกคำถามครับ

“แล้วนี่ก็รถไอ้การ์ดป่ะ วางแผนเล่นอะไรกันอีกรึเปล่านิ”เหมือนตอนนี้เจ้าตัวเริ่มจะระแวงแล้วละครับ แต่ผมก็ยังไม่ตอบอะไรทำแค่เพียงยิ้มๆ อย่างมีเลศนัย ให้เค้าสงสัยเล่นครับ

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข [18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 18-05-2016 22:49:05
Thief’s Part
ผมกำลังงงกับรถยนต์หลายคันที่จอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งดูเหมือนคนที่พาผมมาส่งบ้านนี่จะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า มีหลายๆ คนอยู่ในบ้านผม นี่พากันวางแผนอะไรอีกหรือเปล่า เมื่อวานก็วันเกิดผมทีนึงแล้ว มาวันนี้จะมีอะไรอีก แต่ในเมื่อเชษฐ์ก็ไม่บอกอะไร ผมเลยเลือกที่จะเดินเข้าบ้านแทน

“มาทำอะไรกันเนี่ย”ผมถามออกไปอย่างแปลกใจเพราะเมื่อผ่านรั้วบ้านเข้ามา ผมก็พบกับแหม๋ว ไอ้การ์ดและชาวคณะ ที่อยู่กันอย่างพร้อมเพรียง

“อ้าวมาแล้วเหรอ ตี๊ฟไปเปลี่ยนชุดก่อน เร็วๆ เดี๋ยวไม่ทัน”เป็นแหม๋วที่เดินเข้ามาหาผม พร้อมกับจับข้อมือผมลากให้เดินตามโดยที่ไม่ยอมให้ผมได้ตั้งตัว

“เดี๋ยวๆ แหม๋ว นี่มันอะไรกัน แล้วทุกคนมาทำอะไรกัน”ผมเริ่มจะงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนที่กำลังทำเหมือนไม่ได้มีอะไร แต่ผมรู้สึกว่ามันต้องมีอะไร แล้วนี่พ่อแม่พี่ชายผมไปไหนกันหมด ไม่เห็นมีใครเลย น้าชาอีก จากที่เห็นรถน้าชาอยู่หน้าบ้าน แต่ที่ผ่านตรงสนามหน้าบ้านมา ก็มีแค่เพื่อนๆ ผม

“เลี้ยงตอนรับเชษฐ์ไง รีบไปเปลี่ยนชุดเหอะน่า เดี๋ยวไม่ทัน”

“ไม่ทัน? ไม่ทันอะไรเหรอแหม๋ว”ผมยังคงไม่หายสงสัย เพราะจะเลี้ยงต้อนรับเชษฐ์มันก็น่าจะรวมๆ กับวันเกิดผมไปเมื่อคืนแล้วนี่นา

“อยากรู้ก็รีบไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยเร็วเข้า”แล้วผมก็โดนแหม๋วลาก ขึ้นห้องนอนของผมเอง ก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีน้ำตาลส่งมาให้ผม ซึ่งผมก็รับและเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนอย่างงงๆ

“พร้อมไหม”แหม๋วถามแทบจะทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมได้แต่พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ตอนนี้กะว่าเล่นไปตามเกมละกัน ใช่ว่าผมจะไม่เคยอยู่ในเกมของพวกนี้เสียเมื่อไหร่ อยากรู้เหมือนกัน ว่าวันนี้พวกเพื่อนๆ จอมวางแผนกับคุณชายของผมจะจัดอะไรมาให้ผมอีก

แล้วพอผมลงมาถึงชั้นล่างผมก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเชษฐ์ที่ตอนนี้แต่งตัวด้วยชุดเหมือนกับผมเปี๊ยบ มายืนรอผมอยู่แล้ว

“ป่ะ ทุกคนรออยู่”

ผมต้องชะงักอีกรอบเพราะตอนนี้ห้องรับแขกบ้านผมดูแปลกตาไป ทั้งที่ผมเดินขึ้นไปเมื่อสักครู่ยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่เห็นตอนนี้ พ่อกับแม่ผม นั่งอยู่ที่โซฟา ถัดจากพ่อกับแม่ผม  ก็เป็นแม่ของเชษฐ์ แล้วก็น้าชา ผมยกมือไหว้ทุกคน ก่อนจะหันมองหน้าคนที่จูงมือผม

ผมจ้องเค้านิ่งก่อนภาพเค้าจะพร่ามัวเพราะน้ำในตาของผมมันไหลออกมา นี่ถ้าผมไม่เข้าใจผิด ไอ้สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้านี่มันคงจะเป็น

“แต่งงานกันนะ”

น้ำตาผมยิ่งไหลมากเข้าไปอีกเมื่อได้ยินประโยคนี้ ผมไม่คิดมาก่อนว่าคนตรงหน้าผมนี้จะพูดประโยคนี้กับผม เพราะตั้งแต่ผมรู้ว่าผมไม่ได้ชอบเพศตรงข้าม ผมก็ไม่เคยคิดเรื่องการแต่งงานอีกเลย ความรักครั้งนี้ของผม ผมก็หวังแค่ว่าจะได้อยู่กับเค้าไปตลอด แค่นั้น ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น

“เอ้าตกลงสักทีสิไอ้ตี๊ฟ เดี๋ยวก็ไม่ทันฤกษ์พอดี”เสียงไอ้การ์ดดังขึ้นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในห้องได้เป็นอย่างดี

“แต่งสิ แต่งอยู่แล้ว”ผมปาดน้ำตาก่อนจะโผเข้ากอดอีกคน

พิธีการเริ่มดำเนินไปอย่างเรียบง่าย นี่เป็นอีกวันที่ผมจะไม่มีวันลืม แม้มันไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนงานแต่งของใครๆ หลายๆ คู่ แม้จะไม่ได้เป็นไปตามประเพณีนิยม แม้ไม่สามารถทำให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ แต่เท่านี้มันก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว แค่ทุกคนที่ผมรัก ทุกคนที่ผมเคารพ มาร่วมเป็นสักขีพยาน แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว

ผมกับเชษฐ์แลกแหวนกัน แหวนที่จริงๆ เราทั้งคู่ก็ใส่กันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แหวนคู่ที่เชษฐ์ซื้อให้เราสองคนใส่

“แม่ขออวยพรให้ลูกทั้งสอง ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป แล้วกันนะ จากนี้ไปตี๊ฟก็เป็นลูกของแม่อีกคนนึง ถ้าเจ้าเชษฐ์ทำอะไรนอกลู่นอกทางก็จัดการได้เต็มที่เลยนะ”จริงๆ แค่ผมได้รับการยอมรับจากคุณแม่ของเชษฐ์ผมก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งมาได้ยินคำพูดนี้ในตอนนี้ มันเหมือนเกินคาดในสิ่งที่เคยหวังเสียอีกครับ

“ส่วนพ่อกับแม่ก็คงไม่พูดอะไรมากเนอะ จากนี้ไปเราสองคนก็เป็นเหมือนคนๆ เดียวกันแล้ว อะไรที่มันหนักนิดเบาหน่อย ก็ประคองกันไป ชีวิตคู่บางทีมันก็มีกระทบกระทั่งกันบ้างก็อภัยกันไปนะ”ผมก้มกราบพ่อกับแม่ก่อนจะเงยหน้าขี้นมายิ้มให้ท่านทั้งสอง ผมว่าผมเห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของท่านทั้งสองคนนะ

แล้วพิธีการที่เรียบง่ายของเราก็จบลง คนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานของผมกับเชษฐ์ในวันนี้ก็มีครอบครัวผม ครอบครัวเชษฐ์ แล้วก็กลุ่มเพื่อนสนิทของเรา แค่นั้น แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ

“ชอบรึเปล่า”เจ้าบ่าวของผมเอ่ยถามหลังจากพิธีการเสร็จเรียบร้อย

“ชอบสิ ชอบมากด้วย ขอบคุณนะ”ผมตอบออกไปตามตรง

“ขอโทษที่ไม่ได้จัดงานใหญ่โตเหมือนใครเค้า”

“ขอโทษทำไม แค่นี้ก็ดีมากแล้ว แค่นี้ก็ไม่รู้จะรักยังไงแล้ว”พูดเองก็เขินเองครับผม แต่คนฟังนี่สงสัยจะชอบใจใหญ่เพราะเล่นยิ้มจนแก้มปริไปหมดแล้ว

“ชักอยากจะเข้าหอตอนนี้เลยได้ไหม”นั่นไง ความหื่นนี่ไม่เคยมีเปลี่ยนเลยครับแฟนผม

“พวกมึงอย่าเพิ่งจู๋จี๋กันมากได้ไหม คืนนี้ค่อยสวีทกัน ตอนนี้มาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ก่อน”เสียงไอ้การ์ดขัดจังหวะ เรียกให้เราไปสมทบกับทุกๆ คน

ผมเดินจับมืออีกคน เคียงข้างกันไป นับจากนี้ไป เราจะเดินเคียงข้างกันไปตลอด นี่จะเป็นรักครั้งสุดท้ายของผมจริงๆ และนี่จะเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญในชีวิตของผม ชีวิตของผู้ชายคนนึงที่ไม่เคยวาดฝันถึงวันแต่งงานมาก่อน แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว ผมบีบมืออีกฝ่ายแน่น จนเค้าต้องหันมามองผม

“ตี๊ฟรักเชษฐ์นะครับ”ผมบอกออกไปอีกครั้ง

“ขอบคุณที่รักกันนะ เชษฐ์ก็รักตี๊ฟเช่นกันครับ”



END
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข [18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 18-05-2016 22:54:11
จบแล้วคร๊าบบบ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะครับ

ขอบคุณจริงๆ ที่หายไปนานก็ยังไม่ลืมกัน

ตอนจบอาจจะดูขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง  :katai1:

ไม่รับปาก ว่าจะมีตอนพิเศษอะไร มาเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า

เพราะมีความขี้เกียจอยู่สูงมาก 555

แต่ถ้าเกิดวันดีคืนนี้ครึ้มอกครึ้มใจก็ไม่แน่

จริงๆ ก็มีเริ่มแต่งเรื่องใหม่ไปแล้วบ้าง ยังไงถ้ามาลงก็ฝากติดตามกันหน่อยนะครับ

(แต่ไม่รู้จะมาลงเมื่อไหร่ อยากสต๊อกให้ได้เยอะๆ ก่อน)

 :bye2: :bye2: :bye2:

หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข [18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-05-2016 23:40:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข [18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 19-05-2016 00:30:27
จบซะแล้วแบบมีความสุขดีสุดๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข [18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-05-2016 08:51:54
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข [18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-05-2016 14:02:22
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 03-06-2016 21:03:06
แวะมาฝาก เรื่องใหม่คร๊าบบบ

ผิดที่ใคร [Right or Wrong]

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54094.0

ยังไงลองไปติ ชม ได้นะครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 24-06-2016 21:41:08
เพิ่งเข้ามาอ่าน คือเพิ่งเห็นเรื่องนี้ เห็นชื่อเรื่องน่าสนใจมาก เลยลองเข้ามาอ่านครับ
อ่านแล้วติดเลย อ่านรวดเดียวเลยครับ 555+

สนุกมากๆ ผมซึ้งมากๆ ตอนที่เซอไพรส์วันเกิด เข้าใจอารมณ์คนที่ไม่เจอกันตั้งหลายปี
ดีใจที่ทั้งคู่อดทนรอกันและกัน :)


ขอบคุณคนแต่งนะครับ สำหรับนิยายสนุกๆ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 23-08-2016 17:31:39
แฮปปี้เอนดิ้งอะไรเบอร์นั้น

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-09-2016 11:11:31
น่ารักมากเลยยยย

เซอร์ไพรส์ซ้อนกันอะไรขนาดนั้น น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 11-09-2017 13:54:11
Norita_Boy
norita_boyV2

ฝากนิยายด้วยนะครับ

เรื่องที่จบแล้ว

เรื่องที่ 1 : 45 วันพนัน(ไม่)รัก

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44636.0
เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่คิดเกมพนันให้เพื่อนที่เหมือนจะไม่ชอบเกย์
ให้มาอยู่ร่วมห้องกับเพื่อนที่เป็นเกย์ กติกาคือถ้าภายใน 45 วันถ้าทั้งคู่ตกหลุมรักกันก็จะแพ้
แต่ถ้าไม่รักกัน เพื่อนๆ ก็จะเป็นฝ่ายชนะ แนวสบายๆ

เรื่องที่ 2 : ระหว่างเราคือ...???

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44196.0
เรื่องราวความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนผัวพันกันจนยากที่จะแก้ไข สุดท้ายมันก็พันกัน
จนกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ อีกคนชัดเจนในความรู้สึกแต่ก็โอนอ่อน
ผ่อนตามอีกคนที่ไม่ชัดเจน จนดึงคนอื่นเข้ามาในวังวน ทุกคนตัดสินใจทำ
และมองแค่ในมุมของตัวเองจนเหมือนต่างคนต่างเห็นแก่ตัว
ค่อนข้างจะดราม่า หน่วงๆ พอสมควรกับเรื่องราว 1 หญิง 2 ชาย

เรื่องที่ 3 : (ไม่)รักได้ไง

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44195.0
เพื่อนสนิทในอดีตที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน ได้บังเอิญกลับมาเจอกันอีกครั้ง
ความรู้สึกที่ไม่เคยบอกกับอีกฝ่าย ได้เข้ามาเติมเต็มชีวิต และต้องพยายามพิชิตใจ
ของอีกคน เป็นแนวสบายๆ ที่ให้เห็นความต่างจาก เรื่อง ระหว่างเราคือ...???
และมีตัวละครจากอีกเรื่องโผล่ มาด้วยนิดหน่อย เพื่อให้เห็น
ข้อผิดพลาดในการตัดสินใจของตัวเอง

เรื่องที่ 4 : เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44051.0
เรื่องราวของคู่รักที่มีบางอย่างไม่เข้าใจกัน เป็นเรื่องสั้นๆ เนื้อหาไม่มากนัก
เรื่องราวเล่าความสัมพันธ์ในอดีตสลับกับเหตุการณ์ 1 วันในปัจจุบันที่ทั้งคู่
ต้องเผชิญ

เรื่องที่ 5 : ผิดที่ใคร? Right or Wrong

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54094.0
จุดเริ่มต้นจาก Sex Friends ที่ทั้งคู่ต่างเห็นตรงกันว่าจะไม่ผูกมัด และจะหยุด
หากอีกฝ่ายคิดที่จะมีความสัมพันธ์ที่จริงจัง หรือมีใครคิดเกินเลย
และด้วยความที่คนนึงชัดเจนว่าจะใช้ชีวิตในแบบ ช-ช แต่อีกคนยังมี
ความฝันที่จะแต่งงานมีลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ช่วงแรกๆ จะยัง
สบายๆ ช่วงหลังๆ ค่อนข้างอึดอัด อึมครึมจนเกือบจบ

เรื่องที่ 6 : คำตอบที่ว่างเปล่า

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54742.0
เรื่องราวของชายหนุ่มที่รู้สึกว่าตัวเองขาดความรักจากครอบครัว
ครอบครัวที่ดูเหมือนจะเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่แล้วคืนนึงที่โดนทำร้าย
จนหมดสติไป เค้ากลับตื่นขึ้นมาในอดีต ที่ย้อนไปกว่า 100 ปี บางอย่างที่
พาเค้าไป กำลังต้องการบางอย่างจากเค้า เรื่องราวจะไม่ได้ดำเนิน
ในพาร์ทอดีตทั้งหมด มีเรื่องราวของการทำบาป กรรม ผูกเข้ากับเนื้อเรื่อง
เล็กน้อย


เรื่องที่ 7 : High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60703.0
เรื่องราวของชายหนุ่มวัยเบญจเพศที่ยังไม่เคยมีแฟน และยังเวอร์จิ้น
ชีวิตต้องเดินตามกรอบของครอบครัวที่ตีไว้มาตลอด เลยลองย้ายออกมาเช่าบ้าน
อยู่คนเดียวเป็นเวลา 1 ปี เพื่อใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากเป็น แต่ก็ต้องปวดหัว
เมื่อต้องมาเจอกับเพื่อนบ้านเป็นเด็ก ม.ปลาย ที่สุดแสนจะกวนประสาท



เรื่องที่กำลังออนแอร์


เรื่องที่ 1 : Grain Brothers พี่น้องข้าว

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60918.0
เรื่องราวของสองพี่น้องคนละสายเลือดแต่เติบโตมาพร้อมกับ แต่แล้ว
วันนึงทั้งคู่ก็ต้องสูญเสียครอบครัวไป จนต่างคนต่างเหลือตัวคนเดียว
รวมทั้ง จุดหมายในชีวิตที่ต่างกันทำให้ทั้งคู่ต่างใช้ชีวิตกันคนละทิศละทาง
โดยมีข้อตกลงที่จะมาเจอกันปีละ 1 ครั้งในช่วงเวลาที่สูญเสียครอบครัว
เพื่อเป็นการรำลึกถึง และเพื่อใช้เวลาร่วมกัน

เรื่องที่ 2 : Drunk in Love

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63814.0
เรื่องราวของคนสองคนที่รู้จักกันเพราะความบังเอิญ และค่อยๆ เรียนรู้กันผ่านแอลกอฮอล์




ฝากลองติดตามกันด้วยนะครับ
 o13
[/b]
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 18-09-2017 15:16:13
ชื่อ ติ๊ฟ คือ Thief เหรอ ... ทำไมตั้งชื่อว่า "โจร"
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-09-2017 22:39:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 19-09-2017 23:10:41
 :hao7: :hao7: :hao7: หนุกดีครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 21-09-2017 10:59:07
หนุกจัง หยุดไม่ได้ ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 29-09-2017 09:37:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 27-10-2017 12:49:35
ชอบ เป็นความรักที่ยั่งยืนสุดๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคนเขียน
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 28-10-2017 06:56:40
อ่านรวดเดียวจบเลย ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 18-12-2020 22:03:14
ตี๊ฟ น่ารักมากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 23-01-2022 22:55:20
เรื่องนี้ แรกๆ ก็ลำไยนายเอก คิดนู่นนี่เยอะจัง ดูไม่มั่นใจในความสัมพันธ์

แต่พอมารู้ปม ก็สงสาร ต้องเลิกกับแฟนหลายครั้งหลายครา เพื่อนๆก็แอบเล่นแรงไปนะเป็นเราคงโกรธหนักมาก

ตอนท้ายๆคือซึ้งนะ มันทัชใจมาก เชษฐ์คือพระเอกที่น่ารักจริงๆ

 :กอด1:  :L2:
หัวข้อ: Re: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
เริ่มหัวข้อโดย: Guardian ที่ 21-09-2022 15:05:09
ชอบมากครับ